📜
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
ขุทฺทกนิกาเย
อุทาน-อฏฺกถา
คนฺถารมฺภกถา
มหาการุณิกํ ¶ ¶ ¶ นาถํ, เยฺยสาครปารคุํ;
วนฺเท นิปุณคมฺภีร-วิจิตฺรนยเทสนํ.
วิชฺชาจรณสมฺปนฺนา, เยน นียนฺติ โลกโต;
วนฺเท ตมุตฺตมํ ธมฺมํ, สมฺมาสมฺพุทฺธปูชิตํ.
สีลาทิคุณสมฺปนฺโน, ิโต มคฺคผเลสุ โย;
วนฺเท อริยสงฺฆํ ตํ, ปฺุกฺเขตฺตํ อนุตฺตรํ.
วนฺทนาชนิตํ ปฺุํ, อิติ ยํ รตนตฺตเย;
หตนฺตราโย สพฺพตฺถ, หุตฺวาหํ ตสฺส เตชสา.
เตน ¶ เตน นิทาเนน, เทสิตานิ หิเตสินา;
ยานิ สุทฺธาปทาเนน, อุทานานิ มเหสินา.
ตานิ สพฺพานิ เอกชฺฌํ, อาโรเปนฺเตหิ สงฺคหํ;
อุทานํ นาม สงฺคีตํ, ธมฺมสงฺคาหเกหิ ยํ.
ชินสฺส ธมฺมสํเวค-ปาโมชฺชปริทีปนํ;
โสมนสฺสสมุฏฺาน-คาถาหิ ปฏิมณฺฑิตํ.
ตสฺส คมฺภีราเณหิ, โอคาเหตพฺพภาวโต;
กิฺจาปิ ทุกฺกรา กาตุํ, อตฺถสํวณฺณนา มยา.
สหสํวณฺณนํ ¶ ¶ ยสฺมา, ธรเต สตฺถุสาสนํ;
ปุพฺพาจริยสีหานํ, ติฏฺเตว วินิจฺฉโย.
ตสฺมา ตํ อวลมฺพิตฺวา, โอคาเหตฺวาน ปฺจปิ;
นิกาเย อุปนิสฺสาย, โปราณฏฺกถานยํ.
สุวิสุทฺธํ อสํกิณฺณํ, นิปุณตฺถวินิจฺฉยํ;
มหาวิหารวาสีนํ, สมยํ อวิโลมยํ.
ปุนปฺปุนาคตํ อตฺถํ, วชฺชยิตฺวาน สาธุกํ;
ยถาพลํ กริสฺสามิ, อุทานสฺสตฺถวณฺณนํ.
อิติ อากงฺขมานสฺส, สทฺธมฺมสฺส จิรฏฺิตึ;
วิภชนฺตสฺส ตสฺสตฺถํ, สาธุ คณฺหนฺตุ สาธโวติ.
ตตฺถ อุทานนฺติ เกนฏฺเน อุทานํ? อุทานนฏฺเน. กิมิทํ อุทานํ นาม? ปีติเวคสมุฏฺาปิโต อุทาหาโร. ยถา หิ ยํ เตลาทิ มินิตพฺพวตฺถุ มานํ คเหตุํ น สกฺโกติ, วิสฺสนฺทิตฺวา คจฺฉติ, ตํ ‘‘อวเสโก’’ติ วุจฺจติ. ยฺจ ชลํ ตฬากํ คเหตุํ น สกฺโกติ, อชฺโฌตฺถริตฺวา ¶ คจฺฉติ, ตํ ‘‘โอโฆ’’ติ วุจฺจติ. เอวเมว ยํ ปีติเวคสมุฏฺาปิตํ วิตกฺกวิปฺผารํ อนฺโตหทยํ สนฺธาเรตุํ น สกฺโกติ, โส อธิโก หุตฺวา อนฺโต อสณฺหิตฺวา พหิ วจีทฺวาเรน นิกฺขนฺโต ปฏิคฺคาหกนิรเปกฺโข อุทาหารวิเสโส ‘‘อุทาน’’นฺติ วุจฺจติ. ธมฺมสํเวควเสนปิ อยมากาโร ลพฺภเตว.
ตยิทํ กตฺถจิ คาถาพนฺธวเสน กตฺถจิ วากฺยวเสน ปวตฺตํ. ยํ ปน อฏฺกถาสุ ‘‘โสมนสฺสาณมยิกคาถาปฏิสํยุตฺตา’’ติ อุทานลกฺขณํ วุตฺตํ, ตํ เยภุยฺยวเสน วุตฺตํ. เยภุยฺเยน หิ อุทานํ คาถาพนฺธวเสน ภาสิตํ ปีติโสมนสฺสสมุฏฺาปิตฺจ. อิตรมฺปิ ปน ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, ตทายตนํ, ยตฺถ เนว ปถวี น อาโป’’ติอาทีสุ (อุทา. ๗๑) ‘‘สุขกามานิ ภูตานิ, โย ทณฺเฑน วิหึสตี’’ติ (ธ. ป. ๑๓๑), ‘‘สเจ ภายถ ทุกฺขสฺส, สเจ โว ทุกฺขมปฺปิย’’นฺติ เอวมาทีสุ (อุทา. ๔๔; เนตฺติ. ๙๑) จ ลพฺภติ.
เอวํ ตยิทํ สพฺพฺุพุทฺธภาสิตํ, ปจฺเจกพุทฺธภาสิตํ, สาวกภาสิตนฺติ ติวิธํ โหติ. ตตฺถ ปจฺเจกพุทฺธภาสิตํ – ‘‘สพฺเพสุ ¶ ภูเตสุ นิธาย ทณฺฑํ, อวิเหยํ ¶ อฺตรมฺปิ เตส’’นฺติอาทินา (สุ. นิ. ๓๕; จูฬนิ. ขคฺควิสาณสุตฺตนิทฺเทส ๑๒๑) ขคฺควิสาณสุตฺเต อาคตเมว. สาวกภาสิตานิปิ –
‘‘สพฺโพ ราโค ปหีโน เม, สพฺโพ โทโส สมูหโต;
สพฺโพ เม วิหโต โมโห, สีติภูโตสฺมิ นิพฺพุโต’’ติ. (เถรคา. ๗๙) –
อาทินา เถรคาถาสุ –
‘‘กาเยน สํวุตา อาสึ, วาจาย อุท เจตสา;
สมูลํ ตณฺหมพฺพุยฺห, สีติภูตาสฺมิ นิพฺพุตา’’ติ. (เถรีคา. ๑๕) –
อาทินา เถรีคาถาสุ จ อาคตานิ. ตานิ ปน เตสํ เถรานํ เถรีนฺจ น เกวลํ อุทานานิ เอว, อถ โข สีหนาทาปิ โหนฺติ. สกฺกาทีหิ เทเวหิ ภาสิตานิ ‘‘อโห ทานํ ปรมทานํ, กสฺสเป สุปฺปติฏฺิต’’นฺติอาทีนิ (อุทา. ๒๗), อารามทณฺฑพฺราหฺมณาทีหิ มนุสฺเสหิ จ ภาสิตานิ ‘‘นโม ตสฺส ภควโต’’ติอาทีนิ (อ. นิ. ๒.๓๘) ติสฺโส สงฺคีติโย อารูฬฺหานิ อุทานานิ สนฺติ เอว, น ตานิ อิธ อธิปฺเปตานิ. ยานิ ปน สมฺมาสมฺพุทฺเธน สามํ ¶ อาหจฺจ ภาสิตานิ ชินวจนภูตานิ, ยานิ สนฺธาย ภควตา ปริยตฺติธมฺมํ นวธา วิภชิตฺวา อุทฺทิสนฺเตน อุทานนฺติ วุตฺตานิ, ตาเนว ธมฺมสงฺคาหเกหิ ‘‘อุทาน’’นฺติ สงฺคีตนฺติ ตเทเวตฺถ สํวณฺเณตพฺพภาเวน คหิตํ.
ยา ปน ‘‘อเนกชาติสํสาร’’นฺติอาทิคาถาย ทีปิตา ภควตา โพธิมูเล อุทานวเสน ปวตฺติตา อเนกสตสหสฺสานํ สมฺมาสมฺพุทฺธานํ อวิชหิตอุทานคาถา จ, เอตา อปรภาเค ปน ธมฺมภณฺฑาคาริกสฺส ภควตา เทสิตตฺตา ธมฺมสงฺคาหเกหิ อุทานปาฬิยํ สงฺคหํ อนาโรเปตฺวา ธมฺมปเท สงฺคีตา. ยฺจ ‘‘อฺาสิ วต, โภ โกณฺฑฺโ, อฺาสิ วต, โภ โกณฺฑฺโ’’ติ (มหาว. ๑๗; สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑; ปฏิ. ม. ๒.๓๐) อุทานวจนํ ทสสหสฺสิโลกธาตุยา เทวมนุสฺสานํ ปเวทนสมตฺถนิคฺโฆสวิปฺผารํ ภควตา ภาสิตํ, ตทปิ ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสุตฺตนฺตเทสนาปริโยสาเน อตฺตนา ¶ อธิคตธมฺเมกเทสสฺส ยถาเทสิตสฺส อริยมคฺคสฺส ¶ สาวเกสุ สพฺพปมํ เถเรน อธิคตตฺตา อตฺตโน ปริสฺสมสฺส สผลภาวปจฺจเวกฺขณเหตุกํ ปมโพธิยํ สพฺเพสํ เอว ภิกฺขูนํ สมฺมาปฏิปตฺติปจฺจเวกฺขณเหตุกํ ‘‘อาราธยึสุ วต มํ ภิกฺขู เอกํ สมย’’นฺติอาทิวจนํ (ม. นิ. ๑.๒๒๕) วิย ปีติโสมนสฺสชนิตํ อุทาหารมตฺตํ, ‘‘ยทา หเว ปาตุภวนฺติ ธมฺมา’’ติอาทิวจนํ (มหาว. ๑-๓; อุทา. ๑-๓) วิย ปวตฺติยา นิวตฺติยา วา น ปกาสนนฺติ, น ธมฺมสงฺคาหเกหิ อุทานปาฬิยํ สงฺคีตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
ตํ ปเนตํ อุทานํ วินยปิฏกํ, สุตฺตนฺตปิฏกํ, อภิธมฺมปิฏกนฺติ ตีสุ ปิฏเกสุ สุตฺตนฺตปิฏกปริยาปนฺนํ, ทีฆนิกาโย, มชฺฌิมนิกาโย, สํยุตฺตนิกาโย, องฺคุตฺตรนิกาโย, ขุทฺทกนิกาโยติ ปฺจสุ นิกาเยสุ ขุทฺทกนิกายปริยาปนฺนํ, สุตฺตํ, เคยฺยํ, เวยฺยากรณํ, คาถา, อุทานํ, อิติวุตฺตกํ, ชาตกํ, อพฺภุตธมฺมํ, เวทลฺลนฺติ นวสุ สาสนงฺเคสุ อุทานสงฺคหํ.
‘‘ทฺวาสีติ พุทฺธโต คณฺหึ, ทฺเว สหสฺสานิ ภิกฺขุโต;
จตุราสีติ สหสฺสานิ, เย เม ธมฺมา ปวตฺติโน’’ติ. (เถรคา. ๑๐๒๗) –
เอวํ ธมฺมภณฺฑาคาริเกน ปฏิฺาเตสุ จตุราสีติยา ธมฺมกฺขนฺธสหสฺเสสุ กติปยธมฺมกฺขนฺธสงฺคหํ. โพธิวคฺโค, มุจลินฺทวคฺโค, นนฺทวคฺโค, เมฆิยวคฺโค, โสณวคฺโค, ชจฺจนฺธวคฺโค, จูฬวคฺโค, ปาฏลิคามิยวคฺโคติ วคฺคโต อฏฺวคฺคํ; สุตฺตโต อสีติสุตฺตสงฺคหํ, คาถาโต ปฺจนวุติอุทานคาถาสงฺคหํ. ภาณวารโต อฑฺฒูนนวมตฺตา ภาณวารา. อนุสนฺธิโต โพธิสุตฺเต ¶ ปุจฺฉานุสนฺธิวเสน เอกานุสนฺธิ, สุปฺปวาสาสุตฺเต ปุจฺฉานุสนฺธิยถานุสนฺธิวเสน ทฺเว อนุสนฺธี, เสเสสุ ยถานุสนฺธิวเสน เอเกโกว อนุสนฺธิ, อชฺฌาสยานุสนฺธิ ปเนตฺถ นตฺถิ. เอวํ สพฺพถาปิ เอกาสีติอนุสนฺธิสงฺคหํ. ปทโต สตาธิกานิ เอกวีส ปทสหสฺสานิ, คาถาปาทโต เตวีสติ จตุสฺสตาธิกานิ อฏฺ สหสฺสานิ ¶ , อกฺขรโต สตฺตสหสฺสาธิกานิ สฏฺิ สหสฺสานิ ตีณิ จ สตานิ ทฺวาสีติ จ อกฺขรานิ. เตเนตํ วุจฺจติ –
‘‘อสีติ เอว สุตฺตนฺตา, วคฺคา อฏฺ สมาสโต;
คาถา จ ปฺจนวุติ, อุทานสฺส ปกาสิตา.
‘‘อฑฺฒูนนวมตฺตา ¶ จ, ภาณวารา ปมาณโต;
เอกาธิกา ตถาสีติ, อุทานสฺสานุสนฺธิโย.
‘‘เอกวีสสหสฺสานิ, สตฺเจว วิจกฺขโณ;
ปทาเนตานุทานสฺส, คณิตานิ วินิทฺทิเส’’.
คาถาปาทโต ปน –
‘‘อฏฺสหสฺสมตฺตานิ, จตฺตาเรว สตานิ จ;
ปาทาเนตานุทานสฺส, เตวีสติ จ นิทฺทิเส.
‘‘อกฺขรานํ สหสฺสานิ, สฏฺิ สตฺต สตานิ จ;
ตีณิ ทฺวาสีติ จ ตถา, อุทานสฺส ปเวทิตา’’ติ.
ตสฺส อฏฺสุ วคฺเคสุ โพธิวคฺโค อาทิ, สุตฺเตสุ ปมํ โพธิสุตฺตํ, ตสฺสาปิ เอวํ เม สุตนฺติอาทิกํ อายสฺมตา อานนฺเทน ปมมหาสงฺคีติกาเล วุตฺตนิทานมาทิ. สา ปนายํ ปมมหาสงฺคีติ วินยปิฏเก (จูฬว. ๔๓๗) ตนฺติมารูฬฺหา เอว. โย ปเนตฺถ นิทานโกสลฺลตฺถํ วตฺตพฺโพ กถามคฺโค โสปิ สุมงฺคลวิลาสินิยํ ทีฆนิกายฏฺกถายํ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.นิทานกถา) วุตฺโต เอวาติ ตตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ.
๑. โพธิวคฺโค
๑. ปมโพธิสุตฺตวณฺณนา
๑. ยํ ¶ ¶ ¶ ปเนตฺถ ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติอาทิกํ นิทานํ, ตตฺถ เอวนฺติ นิปาตปทํ. เมติอาทีนิ นามปทานิ. อุรุเวลายํ วิหรตีติ เอตฺถ วีติ อุปสคฺคปทํ, หรตีติ อาขฺยาตปทนฺติ อิมินาว นเยน สพฺพตฺถ ปทวิภาโค เวทิตพฺโพ.
อตฺถโต ปน เอวํสทฺโท ตาว อุปมูปเทสสมฺปหํสนครหณวจนสมฺปฏิคฺคหาการ- นิทสฺสนาวธารณปุจฺฉาอิทมตฺถปริมาณาทิ อเนกตฺถปฺปเภโท. ตถา เหส ‘‘เอวํ ชาเตน มจฺเจน, กตฺตพฺพํ กุสลํ พหุ’’นฺติ เอวมาทีสุ (ธ. ป. ๕๓) อุปมายํ อาคโต. ‘‘เอวํ เต อภิกฺกมิตพฺพํ, เอวํ เต ปฏิกฺกมิตพฺพ’’นฺติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๑๒๒) อุปเทเส. ‘‘เอวเมตํ ภควา, เอวเมตํ สุคตา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๓.๖๖) สมฺปหํสเน. ‘‘เอวเมวํ ปนายํ วสลี ยสฺมึ วา ตสฺมึ วา ตสฺส มุณฺฑกสฺส สมณกสฺส วณฺณํ ภาสตี’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๑๘๗) ครหเณ. ‘‘เอวํ, ภนฺเตติ โข เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุ’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๓; ม. นิ. ๑.๑) วจนสมฺปฏิคฺคเห. ‘‘เอวํ พฺยา โข อหํ, ภนฺเต, ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๙๘) อากาเร. ‘‘เอหิ ตฺวํ, มาณวก, เยน สมโณ อานนฺโท เตนุปสงฺกม, อุปสงฺกมิตฺวา มม วจเนน สมณํ อานนฺทํ อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉ ‘สุโภ มาณโว โตเทยฺยปุตฺโต ภวนฺตํ อานนฺทํ อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉตี’ติ, เอวฺจ วเทหิ ‘สาธุ กิร ภวํ อานนฺโท เยน สุภสฺส มาณวสฺส โตเทยฺยปุตฺตสฺส นิเวสนํ, เตนุปสงฺกมตุ อนุกมฺปํ ¶ อุปาทายา’ติ’’อาทีสุ (ที. นิ. ๑.๔๔๕) นิทสฺสเน. ‘‘‘ตํ กึ มฺถ, กาลามา, อิเม ธมฺมา กุสลา วา อกุสลา วา’ติ? ‘อกุสลา, ภนฺเต’. ‘สาวชฺชา วา อนวชฺชา วา’ติ? ‘สาวชฺชา, ภนฺเต’. ‘วิฺูครหิตา วา วิฺุปฺปสตฺถา วา’ติ? ‘วิฺูครหิตา, ภนฺเต’. ‘สมตฺตา สมาทินฺนา อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนฺติ, โน’วา? ‘กถํ โว เอตฺถ โหตี’ติ? ‘สมตฺตา, ภนฺเต, สมาทินฺนา อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนฺติ, เอวํ โน เอตฺถ โหตีติ’’’อาทีสุ ¶ (อ. นิ. ๓.๖๖) อวธารเณ. ‘‘เอวเมเต สุนฺหาตา สุวิลิตฺตา กปฺปิตเกสมสฺสู อามุตฺตมาลาภรณา’’ติอาทีสุ ¶ (ที. นิ. ๑.๒๘๖) ปุจฺฉายํ. ‘‘เอวํคตานิ ปุถุสิปฺปายตนานิ (ที. นิ. ๑.๑๘๒), เอวํวิโธ เอวมากาโร’’ติอาทีสุ อิทํสทฺทสฺส อตฺเถ. คตสทฺโท หิ ปการปริยาโย, ตถา วิธาการสทฺทา. ตถา หิ วิธยุตฺตคตสทฺเท โลกิยา ปการตฺเถ วทนฺติ. ‘‘เอวํ ลหุปริวตฺตํ เอวมายุปริยนฺโต’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๑.๔๘) ปริมาเณ.
นนุ จ ‘‘เอวํ วิตกฺกิตํ โน ตุมฺเหหิ, เอวมายุปริยนฺโต’’ติ เจตฺถ เอวํสทฺเทน ปุจฺฉนาการปริมาณาการานํ วุตฺตตฺตา อาการตฺโถ เอว เอวํสทฺโทติ. น, วิเสสสพฺภาวโต. อาการมตฺตวาจโก เหตฺถ เอวํสทฺโท อาการตฺโถติ อธิปฺเปโต. ‘‘เอวํ พฺยา โข’’ติอาทีสุ ปน อาการวิเสสวจโน. อาการวิเสสวาจิโน เจเต เอวํสทฺทา ปุจฺฉนาการปริมาณาการานํ วาจกตฺตา. เอวฺจ กตฺวา ‘‘เอวํ ชาเตน มจฺเจนา’’ติอาทีนิ อุปมานอุทาหรณานิ ยุชฺชนฺติ. ตตฺถ หิ –
‘‘ยถาปิ ปุปฺผราสิมฺหา, กยิรา มาลาคุเณ พหู;
เอวํ ชาเตน มจฺเจน, กตฺตพฺพํ กุสลํ พหุ’’นฺติ. –
เอตฺถ ปุปฺผราสิฏฺานียโต มนุสฺสุปฺปตฺติ สปฺปุริสูปนิสฺสยสทฺธมฺมสฺสวนโยนิโสมนสิการโภคสมฺปตฺติอาทิโต ¶ ทานาทิปฺุกิริยาเหตุสมุทายโต โสภาสุคนฺธตาทิคุณวิเสสโยคโต มาลาคุณสทิสิโย พหุกา ปฺุกิริยา มริตพฺพสภาวตาย มจฺเจน กตฺตพฺพาติ อเภทตาย ปุปฺผราสิ มาลาคุณา จ อุปมา, เตสํ อุปมานากาโร ยถาสทฺเทน อนิยมโต วุตฺโต. ปุน เอวํสทฺเทน นิยมนวเสน วุตฺโต. โส ปน อุปมากาโร นิยมิยมาโน อตฺถโต อุปมา เอว โหตีติ วุตฺตํ ‘‘อุปมายํ อาคโต’’ติ.
ตถา ‘‘เอวํ อิมินา อากาเรน อภิกฺกมิตพฺพ’’นฺติอาทินา อุปทิสิยมานาย สมณสารุปฺปาย อากปฺปสมฺปตฺติยา โย ตตฺถ อุปเทสากาโร, โส อตฺถโต อุปเทโสเยวาติ วุตฺตํ – ‘‘เอวํ เต อภิกฺกมิตพฺพํ, เอวํ เต ปฏิกฺกมิตพฺพนฺติอาทีสุ อุปเทเส’’ติ.
‘‘เอวเมตํ ภควา, เอวเมตํ สุคตา’’ติ เอตฺถ ภควตา ยถาวุตฺตมตฺถํ อวิปรีตโต ชานนฺเตหิ กตํ ยํ ตตฺถ วิชฺชมานคุณานํ ปกาเรหิ ¶ หํสนํ อุทคฺคตากรณํ สมฺปหํสนํ, โส ตตฺถ ปหํสนากาโรติ วุตฺตนเยน โยเชตพฺพํ.
‘‘เอวเมวํ ¶ ปนาย’’นฺติ เอตฺถ ครหณากาโรติ วุตฺตนเยน โยเชตพฺพํ. โส จ ครหณากาโร ‘‘วสลี’’ติอาทิขุํสนสทฺทสนฺนิธานโต อิธ เอวํสทฺเทน ปกาสิโตติ วิฺายติ. ยถา เจตฺถ, เอวํ อุปมาการาทโยปิ อุปมาทิวเสน วุตฺตานํ ปุปฺผราสิอาทิสทฺทานํ สนฺนิธานโต วุตฺตาติ เวทิตพฺพํ.
‘‘เอวํ โน’’ติ เอตฺถาปิ เตสํ ยถาวุตฺตธมฺมานํ อหิตทุกฺขาวหภาเวน สนฺนิฏฺานชนนตฺถํ อนุมติคฺคหณวเสน ‘‘โน วา กถํ โว เอตฺถ โหตี’’ติ ปุจฺฉาย กตาย ‘‘เอวํ โน เอตฺถ โหตี’’ติ วุตฺตตฺตา ตทาการสนฺนิฏฺานํ เอวํสทฺเทน อาวิกตํ. โส ปน เตสํ ธมฺมานํ อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนากาโร นิยมิยมาโน อวธารณตฺโถ โหตีติ วุตฺตํ – ‘‘เอวํ โน เอตฺถ โหตีติอาทีสุ อวธารเณ’’ติ.
‘‘เอวฺจ วเทหี’’ติ ยถาหํ วทามิ เอวํ สมณํ อานนฺทํ วเทหีติ วทนากาโร อิทานิ วตฺตพฺโพ เอวํสทฺเทน นิทสฺสียตีติ ‘‘นิทสฺสนตฺโถ’’ติ วุตฺตํ.
เอวมาการวิเสสวาจีนมฺปิ เอเตสํ เอวํสทฺทานํ ¶ อุปมาทิวิเสสตฺถวุตฺติตาย อุปมาทิอตฺถตา วุตฺตา. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ ปน ธมฺมสฺส สาธุกํ สวนมนสิกาเร นิโยชิเตหิ ภิกฺขูหิ ตตฺถ ปติฏฺิตภาวสฺส ปฏิชานนวเสน วุตฺตตฺตา ตตฺถ เอวํสทฺโท วจนสมฺปฏิคฺคหตฺโถ. เตน เอวํ, ภนฺเตติ สาธุ, ภนฺเต, สุฏฺุ, ภนฺเตติ วุตฺตํ โหติ. สฺวายมิธ อาการนิทสฺสนาวธารเณสุ ทฏฺพฺโพ.
ตตฺถ อาการตฺเถน เอวํสทฺเทน เอตมตฺถํ ทีเปติ – นานานยนิปุณมเนกชฺฌาสยสมุฏฺานํ อตฺถพฺยฺชนสมฺปนฺนํ วิวิธปาฏิหาริยํ ธมฺมตฺถเทสนาปฏิเวธคมฺภีรํ สพฺพสตฺตานํ สกสกภาสานุรูปโต โสตปถมาคจฺฉนฺตํ ตสฺส ภควโต วจนํ สพฺพปฺปกาเรน โก สมตฺโถ วิฺาตุํ, สพฺพถาเมน ปน โสตุกามตํ ชเนตฺวาปิ เอวํ เม สุตํ, มยาปิ เอเกนากาเรน สุตนฺติ.
เอตฺถ ¶ จ เอกตฺตนานตฺตอพฺยาปารเอวํธมฺมตาสงฺขาตา นนฺทิยาวตฺตติปุกฺขลสีหวิกฺกีฬิตทิสาโลจนองฺกุสสงฺขาตา จ อสฺสาทาทิวิสยาทิเภเทน นานาวิธา นยา นานานยา. นยา วา ปาฬิคติโย, ตา จ ปฺตฺติอนุปฺตฺตาทิวเสน สํกิเลสภาคิยาทิโลกิยาทิตทุภยโวมิสฺสกาทิวเสน กุสลาทิวเสน ขนฺธาทิวเสน, สงฺคหาทิวเสน, สมยวิมุตฺตาทิวเสน, ปนาทิวเสน ¶ , กุสลมูลาทิวเสน, ติกปฏฺานาทิวเสน จ นานปฺปการาติ นานานยา, เตหิ นิปุณํ สณฺหํ สุขุมนฺติ นานานยนิปุณํ.
อาสโยว อชฺฌาสโย, โส จ สสฺสตาทิเภเทน อปฺปรชกฺขตาทิเภเทน จ อเนกวิโธ. อตฺตชฺฌาสยาทิโก เอว วา อเนโก อชฺฌาสโย อเนกชฺฌาสโย. โส สมุฏฺานํ อุปฺปตฺติเหตุ เอตสฺสาติ อเนกชฺฌาสยสมุฏฺานํ.
สีลาทิอตฺถสมฺปตฺติยา ตพฺพิภาวนพฺยฺชนสมฺปตฺติยา สงฺกาสนปกาสนวิวรณวิภชนอุตฺตานีกรณปฺตฺติวเสน ฉหิ อตฺถปเทหิ อกฺขรปทพฺยฺชนาการนิรุตฺตินิทฺเทสวเสน ฉหิ พฺยฺชนปเทหิ จ สมนฺนาคตตฺตา อตฺถพฺยฺชนสมฺปนฺนํ.
อิทฺธิอาเทสนานุสาสนีเภเทน เตสุ จ เอเกกสฺส วิสยาทิเภเทน ¶ วิวิธํ พหุวิธํ วา ปาฏิหาริยํ เอตสฺสาติ วิวิธปาฏิหาริยํ. ตตฺถ ปฏิปกฺขหรณโต ราคาทิกิเลสาปนยนโต ปาฏิหาริยนฺติ อตฺเถ สติ ภควโต น ปฏิปกฺขา ราคาทโย สนฺติ เย หริตพฺพา, ปุถุชฺชนานมฺปิ วิคตูปกฺกิเลเส อฏฺคุณสมนฺนาคเต จิตฺเต หตปฏิปกฺเข อิทฺธิวิธํ ปวตฺตติ, ตสฺมา ตตฺถ ปวตฺตโวหาเรน จ น สกฺกา อิธ ปาฏิหาริยนฺติ วตฺตุํ. สเจ ปน มหาการุณิกสฺส ภควโต เวเนยฺยคตา จ กิเลสา ปฏิปกฺขา, เตสํ หรณโต ปาฏิหาริยนฺติ วุตฺตํ, เอวํ สติ ยุตฺตเมตํ. อถ วา ภควโต เจว สาสนสฺส จ ปฏิปกฺขา ติตฺถิยา, เตสํ หรณโต ปาฏิหาริยํ. เต หิ ทิฏฺิหรณวเสน ทิฏฺิปฺปกาสเน อสมตฺถภาเวน จ อิทฺธิอาเทสนานุสาสนีหิ หริตา อปนีตา โหนฺติ. ปฏีติ วา อยํ สทฺโท ปจฺฉาติ เอตสฺส อตฺถํ โพเธติ ‘‘ตสฺมึ ปฏิปวิฏฺมฺหิ, อฺโ อาคฺฉิ พฺราหฺมโณ’’ติอาทีสุ (จูฬนิ. ปารายนวคฺค, วตฺถุคาถา ๔) วิย. ตสฺมา สมาหิเต ¶ จิตฺเต วิคตูปกฺกิเลเส กตกิจฺเจน ปจฺฉา หริตพฺพํ ปวตฺเตตพฺพนฺติ ปฏิหาริยํ. อตฺตโน วา อุปกฺกิเลเสสุ จตุตฺถชฺฌานมคฺเคหิ หริเตสุ ปจฺฉา หรณํ ปฏิหาริยํ. อิทฺธิอาเทสนานุสาสนิโย วิคตูปกฺกิเลเสน กตกิจฺเจน สตฺตหิตตฺถํ ปุน ปวตฺเตตพฺพา, หริเตสุ จ อตฺตโน อุปกฺกิเลเสสุ ปรสตฺตานํ อุปกฺกิเลสหรณานิ โหนฺตีติ ปฏิหาริยานิ ภวนฺติ. ปฏิหาริยเมว ปาฏิหาริยํ, ปฏิหาริเย วา อิทฺธิอาเทสนานุสาสนีสมุทาเย ภวํ เอเกกํ ปาฏิหาริยนฺติ วุจฺจติ. ปฏิหาริยํ วา จตุตฺถชฺฌานํ มคฺโค จ ปฏิปกฺขหรณโต. ตตฺถ ชาตํ นิมิตฺตภูตโต ตโต วา อาคตนฺติ ปาฏิหาริยนฺติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
ยสฺมา ¶ ปน ตนฺติอตฺถเทสนา ตพฺโพหาราภิสมยสงฺขาตา เหตุเหตุผลตทุภยปฺตฺติปฏิเวธสงฺขาตา วา ธมฺมตฺถเทสนาปฏิเวธา คมฺภีรา, สสาทีหิ วิย มหาสมุทฺโท อนุปจิตกุสลสมฺภาเรหิ อลพฺภเนยฺยปฺปติฏฺา ทุปฺปริโยคาหา จ, ตสฺมา เตหิ จตูหิ คมฺภีรภาเวหิ ยุตฺตนฺติ ภควโต วจนํ ธมฺมตฺถเทสนาปฏิเวธคมฺภีรํ.
เอโก เอว ภควโต ธมฺมเทสนาโฆโส, เอกสฺมึ ขเณ ปวตฺตมาโน นานาภาสานํ สตฺตานํ อตฺตโน อตฺตโน ภาสาวเสน ¶ อปุพฺพํ อจริมํ คหณูปโค โหติ. อจินฺเตยฺโย หิ พุทฺธานํ พุทฺธานุภาโวติ สพฺพสตฺตานํ สกสกภาสานุรูปโต โสตปถํ อาคจฺฉตีติ เวทิตพฺพํ.
นิทสฺสนตฺเถน ‘‘นาหํ สยมฺภู, น มยา อิทํ สจฺฉิกต’’นฺติ อตฺตานํ ปริโมเจนฺโต ‘‘เอวํ เม สุตํ, มยาปิ เอวํ สุต’’นฺติ อิทานิ วตฺตพฺพํ สกลํ สุตฺตํ นิทสฺเสติ.
อวธารณตฺเถน ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ พหุสฺสุตานํ ยทิทํ อานนฺโท, คติมนฺตานํ, สติมนฺตานํ, ธิติมนฺตานํ, อุปฏฺากานํ ยทิทํ อานนฺโท’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๑๙-๒๒๓) เอวํ ภควตา, ‘‘อายสฺมา อานนฺโท อตฺถกุสโล, ธมฺมกุสโล, พฺยฺชนกุสโล, นิรุตฺติกุสโล, ปุพฺพาปรกุสโล’’ติ (อ. นิ. ๕.๑๖๙) เอวํ ธมฺมเสนาปตินา จ ปสตฺถภาวานุรูปํ อตฺตโน ธารณพลํ ทสฺเสนฺโต สตฺตานํ ¶ โสตุกามตํ ชเนติ. ‘‘เอวํ เม สุตํ, ตฺจ โข อตฺถโต วา พฺยฺชนโต วา อนูนมนธิกํ, เอวเมว น อฺถา ทฏฺพฺพ’’นฺติ. อฺถาติ ภควโต สมฺมุขา สุตาการโต อฺถา น ปน ภควตา เทสิตาการโต. อจินฺเตยฺยานุภาวา หิ ภควโต เทสนา, สา เนว สพฺพากาเรน สกฺกา วิฺาตุนฺติ วุตฺโตวายมตฺโถ. สุตาการาวิรุชฺฌนเมว หิ ธารณพลํ.
เมสทฺโท ตีสุ อตฺเถสุ ทิสฺสติ. ตถา หิสฺส ‘‘คาถาภิคีตํ เม อโภชเนยฺย’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๑๙๔; สุ. นิ. ๘๑) มยาติ อตฺโถ. ‘‘สาธุ เม, ภนฺเต, ภควา สํขิตฺเตน ธมฺมํ เทเสตู’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๔.๘๘; ๕.๓๘๒; อ. นิ. ๔.๒๕๗) มยฺหนฺติ อตฺโถ. ‘‘ธมฺมทายาทา เม, ภิกฺขเว, ภวถา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๙) มมาติ อตฺโถ. อิธ ปน ‘‘มยา สุตํ, มม สุต’’นฺติ จ อตฺถทฺวเย ยุชฺชติ.
เอตฺถ จ โย ปโร น โหติ, โส อตฺตาติ เอวํ วตฺตพฺเพ นิยกชฺฌตฺตสงฺขาเต สสนฺตาเน วตฺตนโต ติวิโธปิ เมสทฺโท กิฺจาปิ เอกสฺมึเยว อตฺเถ ทิสฺสติ, กรณสมฺปทานาทิวิเสสสงฺขาโต ¶ ปน วิฺายเตวายํ อตฺถเภโทติ ‘‘เม-สทฺโท ตีสุ อตฺเถสุ ทิสฺสตี’’ติ วุตฺโตติ ทฏฺพฺพํ.
สุตนฺติ อยํ สุตสทฺโท สอุปสคฺโค อนุปสคฺโค จ คมนวิสฺสุตกิลินฺนูปจิตานุโยคโสตวิฺเยฺย โสตทฺวารานุสาร ¶ วิฺาตาทิอเนกตฺถปฺปเภโท. กิฺจาปิ หิ อุปสคฺโค กิริยํ วิเสเสติ, โชตกภาวโต ปน สติปิ ตสฺมึ สุตสทฺโท เอว ตํ ตมตฺถํ วทตีติ อนุปสคฺคสฺส สุตสทฺทสฺส อตฺถุทฺธาเร สอุปสคฺคสฺส คหณํ น วิรุชฺฌติ.
ตตฺถ ‘‘เสนาย ปสุโต’’ติอาทีสุ คจฺฉนฺโตติ อตฺโถ. ‘‘สุตธมฺมสฺส ปสฺสโต’’ติอาทีสุ (อุทา. ๑๑) วิสฺสุตธมฺมสฺสาติ อตฺโถ. ‘‘อวสฺสุตา อวสฺสุตสฺสา’’ติอาทีสุ (ปาจิ. ๖๕๗) กิเลเสน กิลินฺนา กิลินฺนสฺสาติ อตฺโถ. ‘‘ตุมฺเหหิ ปฺุํ ปสุตํ อนปฺปก’’นฺติอาทีสุ (ขุ. ปา. ๗.๑๒) อุปจิตนฺติ อตฺโถ. ‘‘เย ฌานปฺปสุตา ธีรา’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๑๘๑) ฌานานุยุตฺตาติ อตฺโถ. ‘‘ทิฏฺํ สุตํ มุต’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๔๑) โสตวิฺเยฺยนฺติ อตฺโถ. ‘‘สุตธโร สุตสนฺนิจโย’’ติอาทีสุ ¶ (ม. นิ. ๑.๓๓๙) โสตทฺวารานุสารวิฺาตธโรติ อตฺโถ. อิธ ปนสฺส ‘‘โสตทฺวารานุสาเรน อุปธาริต’’นฺติ วา ‘‘อุปธารณ’’นฺติ วา อตฺโถ. เม-สทฺทสฺส หิ มยาติ อตฺเถ สติ ‘‘เอวํ มยา สุตํ โสตทฺวารานุสาเรน อุปธาริต’’นฺติ ยุชฺชติ. มมาติ อตฺเถ สติ ‘‘เอวํ มม สุตํ โสตทฺวารานุสาเรน อุปธารณ’’นฺติ ยุชฺชติ.
เอวเมเตสุ ตีสุ ปเทสุ ยสฺมา สุตสทฺทสนฺนิธาเน ปยุตฺเตน เอวํสทฺเทน สวนกิริยาโชตเกน ภวิตพฺพํ, ตสฺมา เอวนฺติ โสตวิฺาณสมฺปฏิจฺฉนาทิโสตทฺวาริกวิฺาณานนฺตรํ อุปฺปนฺนมโนทฺวาริกวิฺาณกิจฺจนิทสฺสนํ. เมติ วุตฺตวิฺาณสมงฺคีปุคฺคลนิทสฺสนํ. สพฺพานิ หิ วากฺยานิ เอวการตฺถสหิตานิเยว อวธารณผลตฺตา เตสํ. สุตนฺติ อสฺสวนภาวปฺปฏิกฺเขปโต อนูนานธิกาวิปรีตคฺคหณนิทสฺสนํ. ยถา หิ สุตํ สุตเมวาติ วตฺตพฺพตํ อรหติ ตถา ตํ สมฺมา สุตํ อนูนคฺคหณํ อนธิกคฺคหณํ อวิปรีตคฺคหณฺจ โหตีติ. อถ วา สทฺทนฺตรตฺถาโปหนวเสน สทฺโท อตฺถํ วทตีติ เอตสฺมึ ปกฺเข ยสฺมา สุตนฺติ ¶ เอตสฺส อสุตํ น โหตีติ อยมตฺโถ วุตฺโต, ตสฺมา สุตนฺติ อสฺสวนภาวปฺปฏิกฺเขปโต อนูนานธิกาวิปรีตคฺคหณนิทสฺสนํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – เอวํ เม สุตํ, น มยา อิทํ ทิฏฺํ, น สยมฺภูาเณน สจฺฉิกตํ, น อฺถา วา อุปลทฺธํ. อปิ จ สุตํว, ตฺจ โข สมฺมเทวาติ. อวธารณตฺเถ วา เอวํสทฺเท อยมตฺถโยชนา, ตทเปกฺขสฺส สุตสทฺทสฺส นิยมตฺโถ สมฺภวตีติ ¶ ตทเปกฺขสฺส สุตสทฺทสฺส อสฺสวนภาวปฺปฏิกฺเขโป อนูนานธิกาวิปรีตคฺคหณนิทสฺสนตา จ เวทิตพฺพา. อิติ สวนเหตุสวนวิเสสวเสนปิ สุตสทฺทสฺส อตฺถโยชนา กตาติ ทฏฺพฺพํ.
ตถา เอวนฺติ ตสฺสา โสตทฺวารานุสาเรน ปวตฺตาย วิฺาณวีถิยา นานตฺถพฺยฺชนคฺคหณโต นานปฺปกาเรน อารมฺมเณ ปวตฺติภาวปฺปกาสนํ อาการตฺโถ เอวํสทฺโทติ กริตฺวา. เมติ อตฺตปฺปกาสนํ. สุตนฺติ ธมฺมปฺปกาสนํ ยถาวุตฺตาย วิฺาณวีถิยา ปริยตฺติธมฺมารมฺมณตฺตา. อยฺเหตฺถ สงฺเขโป – นานปฺปกาเรน อารมฺมเณ ปวตฺตาย วิฺาณวีถิยา กรณภูตาย มยา น อฺํ กตํ, อิทํ ปน กตํ, อยํ ธมฺโม สุโตติ.
ตถา ¶ เอวนฺติ นิทสฺสิตพฺพปฺปกาสนํ นิทสฺสนตฺโถ เอวํสทฺโทติ กตฺวา นิทสฺเสตพฺพสฺส นิทฺทิสิตพฺพภาวโต. ตสฺมา เอวํสทฺเทน สกลมฺปิ สุตฺตํ ปจฺจามฏฺนฺติ เวทิตพฺพํ. เมติ ปุคฺคลปฺปกาสนํ. สุตนฺติ ปุคฺคลกิจฺจปฺปกาสนํ. สุตสทฺเทน หิ ลพฺภมานา สวนกิริยา สวนวิฺาณปฺปพนฺธปฺปฏิพทฺธา, ตตฺถ จ ปุคฺคลโวหาโร, น จ ปุคฺคลโวหารรหิเต ธมฺมปฺปพนฺเธ สวนกิริยา ลพฺภติ. ตสฺสายํ สงฺเขปตฺโถ – ยํ สุตฺตํ นิทฺทิสิสฺสามิ, ตํ มยา เอวํ สุตนฺติ.
ตถา เอวนฺติ ยสฺส จิตฺตสนฺตานสฺส นานารมฺมณปฺปวตฺติยา นานตฺถพฺยฺชนคฺคหณํ โหติ, ตสฺส นานาการนิทฺเทโส อาการตฺโถ เอว เอวํสทฺโทติ กตฺวา. เอวนฺติ หิ อยมาการปฺตฺติ ธมฺมานํ ตํ ตํ ปวตฺติอาการํ อุปาทาย ปฺเปตพฺพสภาวตฺตา. เมติ กตฺตุนิทฺเทโส. สุตนฺติ วิสยนิทฺเทโส, โสตพฺโพ หิ ธมฺโม สวนกิริยากตฺตุปุคฺคลสฺส ¶ สวนกิริยาวเสน ปวตฺติฏฺานํ โหติ. เอตฺตาวตา นานปฺปกาเรน ปวตฺเตน จิตฺตสนฺตาเนน ตํสมงฺคิโน กตฺตุ วิสเย คหณสนฺนิฏฺานํ ทสฺสิตํ โหติ.
อถ วา เอวนฺติ ปุคฺคลกิจฺจนิทฺเทโส, สุตานฺหิ ธมฺมานํ คหิตาการสฺส นิทสฺสนสฺส อวธารณสฺส วา ปกาสนสภาเวน เอวํสทฺเทน ตทาการาทิธารณสฺส ปุคฺคลโวหารุปาทานธมฺมพฺยาปารภาวโต ปุคฺคลกิจฺจํนาม นิทฺทิฏฺํ โหตีติ. สุตนฺติ วิฺาณกิจฺจนิทฺเทโส, ปุคฺคลวาทิโนปิ หิ สวนกิริยา วิฺาณนิรเปกฺขา น โหตีติ. เมติ อุภยกิจฺจยุตฺตปุคฺคลนิทฺเทโส. เมติ หิ สทฺทปฺปวตฺติ เอกนฺเตเนว สตฺตวิเสสวิสยา วิฺาณกิจฺจฺจ ตตฺเถว สโมทหิตพฺพนฺติ. อยํ ปเนตฺถ สงฺเขโป – มยา สวนกิจฺจวิฺาณสมงฺคินา ปุคฺคเลน วิฺาณวเสน ลทฺธสวนกิจฺจโวหาเรน สุตนฺติ.
ตถา ¶ เอวนฺติ จ เมติ จ สจฺจิกฏฺปรมตฺถวเสน อวิชฺชมานปฺตฺติ. สพฺพสฺส หิ สทฺทาธิคมนียสฺส อตฺถสฺส ปฺตฺติมุเขเนว ปฏิปชฺชิตพฺพตฺตา สพฺพปฺตฺตีนฺจ วิชฺชมานาทีสุ ฉสุ ปฺตฺตีสุ อวโรโธ, ตสฺมา โย มายามรีจิอาทโย วิย อภูตตฺโถ อนุสฺสวาทีหิ คเหตพฺโพ วิย อนุตฺตมตฺโถปิ ¶ น โหติ. โส รูปสทฺทาทิโก รุปฺปนานุภวนาทิโก จ ปรมตฺถสภาโว สจฺจิกฏฺปรมตฺถวเสน วิชฺชติ. โย ปน เอวนฺติ จ เมติ จ วุจฺจมาโน อาการตฺโถ, โส อปรมตฺถสภาโว สจฺจิกฏฺปรมตฺถวเสน อนุปลพฺภมาโน อวิชฺชมานปฺตฺติ นาม. ตสฺมา กิฺเหตฺถ ตํ ปรมตฺถโต อตฺถิ, ยํ เอวนฺติ วา เมติ วา นิทฺเทสํ ลเภถ? สุตนฺติ วิชฺชมานปฺตฺติ, ยฺหิ ตํ เอตฺถ โสเตน อุปลทฺธํ, ตํ ปรมตฺถโต วิชฺชมานนฺติ.
ตถา เอวนฺติ โสตปถมาคเต ธมฺเม อุปาทาย เตสํ อุปธาริตาการาทีนํ ปจฺจามสนวเสน. เมติ สสนฺตติปริยาปนฺเน ขนฺเธ ¶ กรณาทิวิเสสวิสิฏฺเ อุปาทาย วตฺตพฺพโต อุปาทาปฺตฺติ. สุตนฺติ ทิฏฺาทีนิ อุปนิธาย วตฺตพฺพโต อุปนิธาปฺตฺติ. ทิฏฺาทิสภาวรหิเต สทฺทายตเน ปวตฺตมาโนปิ สุตโวหาโร ทุติยํ ตติยนฺติอาทิโก วิย ปมาทีนิ, ทิฏฺมุตวิฺาเต อเปกฺขิตฺวา สุตนฺติ วิฺเยฺยตฺตา ทิฏฺาทีนิ อุปนิธาย วตฺตพฺโพ โหติ. อสุตํ น โหตีติ หิ สุตนฺติ ปกาสิโตยมตฺโถติ.
เอตฺถ จ เอวนฺติวจเนน อสมฺโมหํ ทีเปติ. ปฏิวิทฺธา หิ อตฺตนา สุตสฺส ปการวิเสสา เอวนฺติ อิธ อายสฺมตา อานนฺเทน ปจฺจามฏฺา, เตนสฺส อสมฺโมโห ทีปิโต โหติ. น หิ สมฺมูฬฺโห นานปฺปการปฏิเวธสมตฺโถ โหติ, ปจฺจยาการวเสน นานปฺปการา ทุปฺปฏิวิทฺธา จ สุตฺตนฺตาติ ทีปิตนฺติ. สุตนฺติวจเนน สุตสฺส อสมฺโมสํ ทีเปติ, สุตาการสฺส ยาถาวโต ทสฺสิยมานตฺตา. ยสฺส หิ สุตํ สมฺมุฏฺํ โหติ, น โส กาลนฺตเร มยา สุตนฺติ ปฏิชานาติ. อิจฺจสฺส อสมฺโมเหน ปฺาสิทฺธิ, สมฺโมหาภาเวน ปฺาย เอว วา สวนกาลสมฺภูตาย ตทุตฺตริกาลปฺาสิทฺธิ, ตถา อสมฺโมเสน สติสิทฺธิ. ตตฺถ ปฺาปุพฺพงฺคมาย สติยา พฺยฺชนาวธารณสมตฺถตา. พฺยฺชนานฺหิ ปฏิวิชฺฌิตพฺโพ อากาโร นาติคมฺภีโร, ยถาสุตํ ธารณเมว ตตฺถ กรณียนฺติ สติยา พฺยาปาโร อธิโก, ปฺา ตตฺถ คุณีภูตา โหติ ปฺาย ปุพฺพงฺคมาติ กตฺวา. สติปุพฺพงฺคมาย ปฺาย อตฺถปฺปฏิเวธสมตฺถตา. อตฺถสฺส หิ ปฏิวิชฺฌิตพฺโพ อากาโร คมฺภีโรติ ปฺาย พฺยาปาโร อธิโก, สติ ตตฺถ คุณีภูตาเยวาติ สติยา ปุพฺพงฺคมายาติ ¶ กตฺวา. ตทุภยสมตฺถตาโยเคน อตฺถพฺยฺชนสมฺปนฺนสฺส ธมฺมโกสสฺส อนุปาลนสมตฺถตาย ธมฺมภณฺฑาคาริกตฺตสิทฺธิ.
อปโร ¶ นโย – เอวนฺติวจเนน โยนิโสมนสิการํ ทีเปติ, เตน จ วุจฺจมานานํ อาการนิทสฺสนาวธารณตฺถานํ อุปริ วกฺขมานานํ นานปฺปการปฺปฏิเวธโชตกานํ อวิปรีตสิทฺธิ ธมฺมวิสยตฺตา. น หิ อโยนิโส มนสิกโรโต ¶ นานปฺปการปฺปฏิเวโธ สมฺภวติ. สุตนฺติวจเนน อวิกฺเขปํ ทีเปติ, ‘‘ปมโพธิสุตฺตํ กตฺถ ภาสิต’’นฺติอาทิปุจฺฉาวเสน ปกรณปตฺตสฺส วกฺขมานสฺส สุตฺตสฺส สวนํ สมาธานมนฺตเรน น สมฺภวติ วิกฺขิตฺตจิตฺตสฺส สวนาภาวโต. ตถา หิ วิกฺขิตฺตจิตฺโต ปุคฺคโล สพฺพสมฺปตฺติยา วุจฺจมาโนปิ ‘‘น มยา สุตํ, ปุน ภณถา’’ติ ภณติ. โยนิโสมนสิกาเรน เจตฺถ อตฺตสมฺมาปณิธึ ปุพฺเพ จ กตปฺุตํ สาเธติ สมฺมา อปฺปณิหิตตฺตสฺส ปุพฺเพ อกตปฺุสฺส วา ตทภาวโต. อวิกฺเขเปน สทฺธมฺมสฺสวนํ สปฺปุริสูปนิสฺสยฺจ สาเธติ อสฺสุตวโต สปฺปุริสูปนิสฺสยวิรหิตสฺส จ ตทภาวโต. น หิ วิกฺขิตฺโต โสตุํ สกฺโกติ, น จ สปฺปุริเส อนุปนิสฺสยมานสฺส สวนํ อตฺถีติ.
อปโร นโย – ‘‘ยสฺส จิตฺตสนฺตานสฺส นานปฺปการปฺปวตฺติยา นานตฺถพฺยฺชนคฺคหณํ โหติ, ตสฺส นานาการนิทฺเทโส’’ติ วุตฺตํ. ยสฺมา จ โส ภควโต วจนสฺส อตฺถพฺยฺชนปฺปเภทปริจฺเฉทวเสน สกลสาสนสมฺปตฺติโอคาหเนน นิรวเสสํ ปรหิตปาริปูรีกรณภูโต เอวํ ภทฺทโก อากาโร น สมฺมา อปฺปณิหิตตฺตสฺส ปุพฺเพ อกตปฺุสฺส วา โหติ. ตสฺมา เอวนฺติ อิมินา ภทฺทเกน อากาเรน ปจฺฉิมจกฺกทฺวยสมฺปตฺติมตฺตโน ทีเปติ, สุตนฺติ สวนโยเคน ปุริมจกฺกทฺวยสมฺปตฺตึ. น หิ อปฺปติรูเป เทเส วสโต สปฺปุริสูปนิสฺสยวิรหิตสฺส จ สวนํ อตฺถิ. อิจฺจสฺส ปจฺฉิมจกฺกทฺวยสิทฺธิยา อาสยสุทฺธิ สิทฺธา โหติ. สมฺมา ปณิหิตจิตฺโต ปุพฺเพ จ กตปฺุโ วิสุทฺธาสโย โหติ ตทสุทฺธิเหตูนํ กิเลสานํ ทูรีภาวโต. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘สมฺมา ปณิหิตํ จิตฺตํ, เสยฺยโส นํ ตโต กเร’’ติ (ธ. ป. ๔๓) ‘‘กตปฺุโสิ ตฺวํ, อานนฺท, ปธานมนุยฺุช, ขิปฺปํ โหหิสิ อนาสโว’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๐๗) จ. ปุริมจกฺกทฺวยสิทฺธิยา ¶ ปโยคสุทฺธิ. ปติรูปเทสวาเสน หิ สปฺปุริสูปนิสฺสเยน จ สาธูนํ ทิฏฺานุคติอาปชฺชเนน ¶ ปริสุทฺธปฺปโยโค โหติ. ตาย จ อาสยสุทฺธิยา อธิคมพฺยตฺติสิทฺธิ, ปุพฺเพเยว ตณฺหาทิฏฺิสํกิเลสานํ วิโสธิตตฺตา ปโยคสุทฺธิยา อาคมพฺยตฺติสิทฺธิ. สุปริสุทฺธกายวจีปโยโค หิ วิปฺปฏิสาราภาวโต อวิกฺขิตฺตจิตฺโต ปริยตฺติยํ วิสารโท โหติ. อิติ ปโยคาสยสุทฺธสฺส อาคมาธิคมสมฺปนฺนสฺส วจนํ อรุณุคฺคมนํ วิย สูริยสฺส อุทยโต โยนิโสมนสิกาโร วิย จ กุสลกมฺมสฺส อรหติ ภควโต วจนสฺส ปุพฺพงฺคมํ ภวิตุนฺติ าเน นิทานํ เปนฺโต เอวํ เม สุตนฺติอาทิมาห.
อปโร ¶ นโย – เอวนฺติ อิมินา ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว นานปฺปการปฺปฏิเวธทีปเกน วจเนน อตฺตโน อตฺถปฏิภานปฏิสมฺภิทาสมฺปตฺติสพฺภาวํ ทีเปติ. สุตนฺติ อิมินา เอวํสทฺทสนฺนิธานโต วกฺขมานาเปกฺขาย วา โสตพฺพเภทปฺปฏิเวธทีปเกน ธมฺมนิรุตฺติปฏิสมฺภิทาสมฺปตฺติสพฺภาวํ ทีเปติ. เอวนฺติ จ อิทํ วุตฺตนเยเนว โยนิโสมนสิการทีปกวจนํ ภาสมาโน ‘‘เอเต ธมฺมา มยา มนสานุเปกฺขิตา ทิฏฺิยา สุปฺปฏิวิทฺธา’’ติ ทีเปติ. ปริยตฺติธมฺโม หิ ‘‘อิธ สีลํ กถิตํ, อิธ สมาธิ, อิธ ปฺา, เอตฺตกา เอตฺถ อนุสนฺธิโย’’ติอาทินา นเยน มนสา อนุเปกฺขิโต อนุสฺสวาการปริวิตกฺกสหิตาย ธมฺมนิชฺฌานกฺขนฺติภูตาย าตปริฺาสงฺขาตาย วา ทิฏฺิยา ตตฺถ ตตฺถ วุตฺตรูปารูปธมฺเม ‘‘อิติ รูปํ, เอตฺตกํ รูป’’นฺติอาทินา นเยน สุฏฺุ ววตฺถเปตฺวา ปฏิวิทฺโธ อตฺตโน จ ปเรสฺจ หิตสุขาวโห โหตีติ. สุตนฺติ อิทํ สวนโยคทีปกวจนํ ภาสมาโน ‘‘พหู มยา ธมฺมา สุตา ธาตา วจสา ปริจิตา’’ติ ทีเปติ. โสตาวธานปฺปฏิพทฺธา หิ ปริยตฺติธมฺมสฺส สวนธารณปริจยา. ตทุภเยนปิ ธมฺมสฺส สฺวากฺขาตภาเวน, อตฺถพฺยฺชนปาริปูรึ ทีเปนฺโต สวเน อาทรํ ชเนติ. อตฺถพฺยฺชนปริปุณฺณฺหิ ธมฺมํ อาทเรน อสฺสุณนฺโต มหตา หิตา ปริพาหิโร โหตีติ อาทรํ ชเนตฺวา สกฺกจฺจํ ธมฺโม โสตพฺโพ.
‘‘เอวํ ¶ เม สุต’’นฺติ อิมินา ปน สกเลน วจเนน อายสฺมา อานนฺโท ตถาคตปฺปเวทิตํ ธมฺมํ อตฺตโน อทหนฺโต อสปฺปุริสภูมึ อติกฺกมติ, สาวกตฺตํ ปฏิชานนฺโต สปฺปุริสภูมึ โอกฺกมติ. ตถา อสทฺธมฺมา จิตฺตํ ¶ วุฏฺาเปติ, สทฺธมฺเม จิตฺตํ ปติฏฺาเปติ. ‘‘เกวลํ สุตเมเวตํ มยา, ตสฺเสว ปน ภควโต วจน’’นฺติ ทีเปนฺโต อตฺตานํ ปริโมเจติ, สตฺถารํ อปทิสติ, ชินวจนํ อปฺเปติ, ธมฺมเนตฺตึ ปติฏฺาเปติ.
อปิจ ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติ อตฺตนา อุปฺปาทิตภาวํ อปฺปฏิชานนฺโต ปุริมสฺสวนํ วิวรนฺโต ‘‘สมฺมุขา ปฏิคฺคหิตมิทํ มยา ตสฺส ภควโต จตุเวสารชฺชวิสารทสฺส ทสพลธรสฺส อาสภฏฺานฏฺายิโน สีหนาทนาทิโน สพฺพสตฺตุตฺตมสฺส ธมฺมิสฺสรสฺส ธมฺมราชสฺส ธมฺมาธิปติโน ธมฺมทีปสฺส ธมฺมสรณสฺส สทฺธมฺมวรจกฺกวตฺติโน สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส, น เอตฺถ อตฺเถ วา ธมฺเม วา ปเท วา พฺยฺชเน วา กงฺขา วา วิมติ วา กตฺตพฺพา’’ติ สพฺพเทวมนุสฺสานํ อิมสฺมึ ธมฺเม อสฺสทฺธิยํ วินาเสติ, สทฺธาสมฺปทํ อุปฺปาเทติ. เตเนตํ วุจฺจติ –
‘‘วินาสยติ อสฺสทฺธํ, สทฺธํ วฑฺเฒติ สาสเน;
เอวํ เม สุตมิจฺเจวํ, วทํ โคตมสาวโก’’ติ.
เอกนฺติ ¶ คณนปริจฺเฉทนิทฺเทโส. อยฺหิ เอกสทฺโท อฺเสฏฺาสหายสงฺขฺยาทีสุ ทิสฺสติ. ตถา หิ อยํ ‘‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จ, อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺนฺติ อิตฺเถเก อภิวทนฺตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๒๗; อุทา. ๕๕) อฺเ ทิสฺสติ. ‘‘เจตโส เอโกทิภาว’’นฺติอาทีสุ (ปารา. ๑๑; ที. นิ. ๑.๒๒๘) เสฏฺเ. ‘‘เอโก วูปกฏฺโ’’ติอาทีสุ (จูฬว. ๔๔๕; ที. นิ. ๑.๔๐๕) อสหาเย. ‘‘เอโกว โข, ภิกฺขเว, ขโณ จ สมโย จ พฺรหฺมจริยวาสายา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๘.๒๙) สงฺขฺยายํ, อิธาปิ สงฺขฺยายเมว ทฏฺพฺโพ. เตน วุตฺตํ – ‘‘เอกนฺติ คณนปริจฺเฉทนิทฺเทโส’’ติ.
สมยนฺติ ปริจฺฉินฺนนิทฺเทโส. เอกํ สมยนฺติ อนิยมิตปริทีปนํ. ตตฺถ สมยสทฺโท –
‘‘สมวาเย ¶ ขเณ กาเล, สมูเห เหตุทิฏฺิสุ;
ปฏิลาเภ ปหาเน จ, ปฏิเวเธ จ ทิสฺสติ’’.
ตถา หิสฺส ‘‘อปฺเปว นาม สฺเวปิ อุปสงฺกเมยฺยาม กาลฺจ สมยฺจ อุปาทายา’’ติ เอวมาทีสุ (ที. นิ. ๑.๔๔๗) สมวาโย อตฺโถ, ยุตฺตกาลฺจ ปจฺจยสามคฺคิฺจ ลภิตฺวาติ หิ อธิปฺปาโย, ตสฺมา ปจฺจยสมวาโยติ เวทิตพฺโพ ¶ . ‘‘เอโกว โข, ภิกฺขเว, ขโณ จ สมโย จ พฺรหฺมจริยวาสายา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๘.๒๙) ขโณ, โอกาโสติ อตฺโถ. ตถาคตุปฺปาทาทิโก หิ มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส โอกาโส ตปฺปจฺจยปฺปฏิลาภเหตุตฺตา, ขโณ เอว จ สมโย, โย ขโณติ จ สมโยติ จ วุจฺจติ, โส เอโก เยวาติ หิ อตฺโถ. ‘‘อุณฺหสมโย ปริฬาหสมโย’’ติอาทีสุ (ปาจิ. ๓๕๘) กาโล. ‘‘มหาสมโย ปวนสฺมิ’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๓๓๒) สมูโห. มหาสมโยติ หิ ภิกฺขูนํ เทวตานฺจ มหาสนฺนิปาโตติ อตฺโถ. ‘‘สมโยปิ โข เต, ภทฺทาลิ, อปฺปฏิวิทฺโธ อโหสิ, ภควา โข สาวตฺถิยํ วิหรติ, ภควาปิ มํ ชานิสฺสติ ‘ภทฺทาลิ นาม ภิกฺขุ สตฺถุสาสเน สิกฺขาย น ปริปูรการี’ติ, อยมฺปิ โข เต, ภทฺทาลิ, สมโย อปฺปฏิวิทฺโธ อโหสี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๑๓๕) เหตุ. สิกฺขาปทสฺส การณฺหิ อิธ สมโยติ อธิปฺเปตํ. ‘‘เตน โข ปน สมเยน อุคฺคาหมาโน ปริพฺพาชโก สมณมุณฺฑิกาปุตฺโต สมยปฺปวาทเก ตินฺทุกาจีเร เอกสาลเก มลฺลิกาย อาราเม ปฏิวสตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๒๖๐) ทิฏฺิ. ตตฺถ หิ นิสินฺนา ติตฺถิยา อตฺตโน อตฺตโน ทิฏฺิสงฺขาตํ สมยํ ปวทนฺตีติ โส ปริพฺพาชการาโม ‘‘สมยปฺปวาทโก’’ติ วุจฺจติ.
‘‘ทิฏฺเ ¶ ธมฺเม จ โย อตฺโถ, โย จตฺโถ สมฺปรายิโก;
อตฺถาภิสมยา ธีโร, ปณฺฑิโตติ ปวุจฺจตี’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๑๒๙) –
อาทีสุ ปฏิลาโภ. อตฺถาภิสมยาติ หิ อตฺถสฺส อธิคมาติ อตฺโถ. ‘‘สมฺมา มานาภิสมยา อนฺตมกาสิ ทุกฺขสฺสา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๘) ปหานํ. อธิกรณํ สมยํ วูปสมนํ อปคโมติ อภิสมโย ปหานํ. ‘‘ทุกฺขสฺส ปีฬนฏฺโ สงฺขตฏฺโ สนฺตาปฏฺโ วิปริณามฏฺโ อภิสมยฏฺโ’’ติอาทีสุ (ปฏิ. ม. ๒.๘) ปฏิเวโธ ¶ . ปฏิเวโธติ หิ อภิสเมตพฺพโต อภิสมโย, อภิสมโยว อตฺโถ อภิสมยฏฺโติ ปีฬนาทีนิ อภิสเมตพฺพภาเวน เอกีภาวํ อุปเนตฺวา วุตฺตานิ, อภิสมยสฺส วา ปฏิเวธสฺส วิสยภูโต อตฺโถ อภิสมยฏฺโติ ตาเนว ตถา เอกนฺเตน วุตฺตานิ. ตตฺถ ปีฬนํ ทุกฺขสจฺจสฺส ตํสมงฺคิโน หึสนํ อวิปฺผาริกตากรณํ. สนฺตาโป ทุกฺขทุกฺขตาทิวเสน สนฺตปฺปนํ ปริทหนํ.
เอตฺถ ¶ จ สหการีการณสนฺนิชฺฌํ สเมติ สมเวตีติ สมวาโย สมโย. สเมติ สมาคจฺฉติ เอตฺถ มคฺคพฺรหฺมจริยํ ตทาธารปุคฺคเลหีติ ขโณ สมโย. สเมติ เอตฺถ เอเตน วา สํคจฺฉติ สตฺโต สภาวธมฺโม วา อุปฺปาทาทีหิ สหชาตาทีหิ วาติ กาโล สมโย. ธมฺมปฺปวตฺติมตฺตตาย อตฺถโต อภูโตปิ หิ กาโล ธมฺมปฺปวตฺติยา อธิกรณํ กรณํ วิย จ กปฺปนามตฺตสิทฺเธนานุรูเปน โวหรียตีติ. สมํ, สห วา อวยวานํ อยนํ ปวตฺติ อวฏฺานนฺติ สมูโห สมโย ยถา สมุทาโยติ. อวยวสหาวฏฺานเมว หิ สมูโห. อวเสสปจฺจยานํ สมาคเม สติ เอติ ผลเมตสฺมา อุปฺปชฺชติ ปวตฺตตีติ สมโย เหตุ ยถา สมุทโยติ. สเมติ สํโยชนภาวโต สมฺพนฺโธ เอติ อตฺตโน วิสเย ปวตฺตติ, ทฬฺหคฺคหณภาวโต วา สํยุตฺตา อยนฺติ ปวตฺตนฺติ สตฺตา ยถาภินิเวสํ เอเตนาติ สมโย ทิฏฺิ. ทิฏฺิสํโยชเนน หิ สตฺตา อติวิย พชฺฌนฺตีติ. สมิติ สงฺคติ สโมธานนฺติ สมโย ปฏิลาโภ. สมยนํ อุปสมยนํ อปคโมติ สมโย ปหานํ. สมุจฺเฉทปฺปหานภาวโต ปน อธิโก สมโยติ อภิสมโย ยถา อภิธมฺโมติ. อภิมุขํ าเณน สมฺมา เอตพฺโพ อภิสเมตพฺโพติ อภิสมโย, ธมฺมานํ อวิปรีตสภาโว. อภิมุขภาเวน สมฺมา เอติ คจฺฉติ พุชฺฌตีติ อภิสมโย, ธมฺมานํ ยถาภูตสภาวาวโพโธ. เอวํ ตสฺมึ ตสฺมึ อตฺเถ สมยสทฺทสฺส ปวตฺติ เวทิตพฺพา.
สมยสทฺทสฺส อตฺถุทฺธาเร อภิสมยสทฺทสฺส คหเณ การณํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. อิธ ¶ ปนสฺส กาโล อตฺโถ สมวายาทีนํ อสมฺภวโต. เทสเทสกปริสา วิย หิ เทสนาย นิทานภาเว ¶ กาโล เอว อิจฺฉิตพฺโพติ. ยสฺมา ปเนตฺถ สมโยติ กาโล อธิปฺเปโต, ตสฺมา สํวจฺฉรอุตุมาสทฺธมาสรตฺติทิวสปุพฺพณฺหมชฺฌนฺหิกสายนฺหปมยาม- มชฺฌิมยามปจฺฉิมยามมุหุตฺตาทีสุ กาลเภทภูเตสุ สมเยสุ เอกํ สมยนฺติ ทีเปติ.
กสฺมา ปเนตฺถ อนิยมิตวเสเนว กาโล นิทฺทิฏฺโ, น อุตุสํวจฺฉราทิวเสน นิยเมตฺวา นิทฺทิฏฺโติ เจ? กิฺจาปิ เอเตสุ สํวจฺฉราทีสุ สมเยสุ ยํ ยํ สุตฺตํ ยสฺมึ ยสฺมึ สํวจฺฉเร อุตุมฺหิ ¶ มาเส ปกฺเข รตฺติภาเค ทิวสภาเค วา วุตฺตํ, สพฺพมฺปิ ตํ เถรสฺส สุวิทิตํ สุววตฺถาปิตํ ปฺาย. ยสฺมา ปน ‘‘เอวํ เม สุตํ อสุกสํวจฺฉเร อสุกอุตุมฺหิ อสุกมาเส อสุกปกฺเข อสุกรตฺติภาเค อสุกทิวสภาเค วา’’ติ เอวํ วุตฺเต น สกฺกา สุเขน ธาเรตุํ วา อุทฺทิสิตุํ วา อุทฺทิสาเปตุํ วา, พหุ จ วตฺตพฺพํ โหติ, ตสฺมา เอเกเนว ปเทน ตมตฺถํ สโมธาเนตฺวา ‘‘เอกํ สมย’’นฺติ อาห.
เย วา อิเม คพฺโภกฺกนฺติสมโย ชาติสมโย สํเวคสมโย อภินิกฺขมนสมโย ทุกฺกรการิกสมโย มารวิชยสมโย อภิสมฺโพธิสมโย ทิฏฺธมฺมสุขวิหารสมโย เทสนาสมโย ปรินิพฺพานสมโยติ เอวมาทโย ภควโต เทวมนุสฺเสสุ อติวิย ปกาสา อเนกกาลปฺปเภทา เอว สมยา, เตสุ สมเยสุ เทสนาสมยสงฺขาตํ เอกํ สมยนฺติ ทีเปติ. โย วายํ าณกรุณากิจฺจสมเยสุ กรุณากิจฺจสมโย, อตฺตหิตปรหิตปฺปฏิปตฺติสมเยสุ ปรหิตปฺปฏิปตฺติสมโย, สนฺนิปติตานํ กรณียทฺวยสมเยสุ ธมฺมกถาสมโย, เทสนาปฏิปตฺติสมเยสุ เทสนาสมโย, เตสุ สมเยสุ อฺตรสมยํ สนฺธาย ‘‘เอกํ สมย’’นฺติ อาห.
กสฺมา ปเนตฺถ ยถา อภิธมฺเม ‘‘ยสฺมึ สมเย กามาวจรํ กุสลํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ โหตี’’ติ (ธ. ส. ๑) จ อิโต อฺเสุ สุตฺตปเทสุ ‘‘ยสฺมึ สมเย, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหี’’ติ ¶ (อ. นิ. ๔.๒๐๐) จ ภุมฺมวจเนน นิทฺเทโส กโต, วินเย จ ‘‘เตน สมเยน พุทฺโธ ภควา’’ติ (ปารา. ๑) กรณวจเนน นิทฺเทโส กโต, ตถา อกตฺวา ‘‘เอกํ สมย’’นฺติ อจฺจนฺตสํโยคตฺเถ อุปโยควจเนน นิทฺเทโส กโตติ? ตตฺถ ตถา, อิธ จ อฺถา อตฺถสมฺภวโต. ตตฺถ หิ อภิธมฺเม อิโต อฺเสุ จ สุตฺตนฺเตสุ อาธารวิสยสงฺขาโต อธิกรณตฺโถ กิริยาย กิริยนฺตรลกฺขณสงฺขาโต ภาเวนภาวลกฺขณตฺโถ จ สมฺภวตีติ. อธิกรณฺหิ กาลตฺโถ สมูหตฺโถ จ สมโย ตตฺถ วุตฺตานํ ผสฺสาทิธมฺมานํ, ตถา กาโล สภาวธมฺมปฺปวตฺติมตฺตตาย ปรมตฺถโต อวิชฺชมาโนปิ อาธารภาเวน ปฺาโต ตงฺขณปฺปวตฺตานํ ตโต ¶ ปุพฺเพ ปรโต จ อภาวโต ยถา ‘‘ปุพฺพณฺเห ¶ ชาโต สายนฺเห ชาโต’’ติอาทีสุ. สมูโหติปิ อวยววินิมุตฺโต ปรมตฺถโต อวิชฺชมาโนปิ กปฺปนามตฺตสิทฺเธน รูเปน อวยวานํ อาธารภาเวน ปฺาปียติ, ยถา ‘‘รุกฺเข สาขา, ยโว ยวราสิมฺหิ สมุฏฺิโต’’ติอาทีสุ. ยสฺมึ กาเล ธมฺมปฺุเช จ กามาวจรํ กุสลํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ โหติ, ตสฺมึเยว กาเล ธมฺมปฺุเช จ ผสฺสาทโยปิ โหนฺตีติ อยฺหิ ตตฺถ อตฺโถ. ตถา ขณสมวายเหตุสงฺขาตสฺส สมยสฺส ภาเวน ตตฺถ วุตฺตานํ ผสฺสาทิธมฺมานํ ภาโว ลกฺขียติ. ยถา หิ ‘‘คาวีสุ ทุยฺหมานาสุ คโต, ทุทฺธาสุ อาคโต’’ติ เอตฺถ คาวีนํ โทหนกิริยาย คมนกิริยา ลกฺขียติ, เอวํ อิธาปิ ยสฺมึ สมเยติ วุตฺเต จ ปทตฺถสฺส สตฺตาวิรหาภาวโต สตีติ อยมตฺโถ วิฺายมาโน เอว โหตีติ สมยสฺส สตฺตากิริยาย จิตฺตสฺส อุปฺปาทกิริยา ผสฺสาทีนํ ภวนกิริยา จ ลกฺขียติ. ตถา ยสฺมึ สมเย ยสฺมึ นวเม ขเณ ยสฺมึ โยนิโสมนสิการาทิเหตุมฺหิ ปจฺจยสมวาเย วา สติ กามาวจรํ กุสลํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ โหติ, ตสฺมึ สมเย ขเณ เหตุมฺหิ ปจฺจยสมวาเย จ ผสฺสาทโยปิ โหนฺตีติ. ตสฺมา ตทตฺถโชตนตฺถํ ภุมฺมวจเนน นิทฺเทโส กโต.
วินเย จ ‘‘อนฺเนน วสติ, อชฺเฌเนน วสตี’’ติอาทีสุ ¶ วิย เหตุอตฺโถ, ‘‘ผรสุนา ฉินฺทติ, กุทาเลน ขณตี’’ติอาทีสุ วิย กรณตฺโถ จ สมฺภวติ. โย หิ สิกฺขาปทปฺตฺติสมโย ธมฺมเสนาปติอาทีหิปิ ทุพฺพิฺเยฺโย, เตน สมเยน กรณภูเตน เหตุภูเตน จ วีติกฺกมํ สุตฺวา ภิกฺขุสงฺฆํ สนฺนิปาตาเปตฺวา โอติณฺณวตฺถุกํ ปุคฺคลํ ปฏิปุจฺฉิตฺวา วิครหิตฺวา จ ตํ ตํ วตฺถุํ โอติณฺณสมยสงฺขาตํ กาลํ อนติกฺกมิตฺวา สิกฺขาปทานิ ปฺาเปนฺโต ตติยปาราชิกาทีนํ วิย สิกฺขาปทปฺตฺติยา เหตุํ อเปกฺขมาโน ตตฺถ ตตฺถ วิหาสิ, ตสฺมา ตทตฺถโชตนตฺถํ วินเย กรณวจเนน นิทฺเทโส กโต.
อิธ ปน อฺสฺมิฺจ เอวํชาติเก อจฺจนฺตสํโยคตฺโถ สมฺภวติ. ยสฺมิฺหิ สมเย สห สมุฏฺานเหตุนา อิทํ อุทานํ อุปฺปนฺนํ, อจฺจนฺตเมว ตํ สมยํ อริยวิหารปุพฺพงฺคมาย ธมฺมปจฺจเวกฺขณาย ภควา วิหาสิ, ตสฺมา ‘‘มาสํ ¶ อชฺเฌตี’’ติอาทีสุ วิย อุปโยคตฺถโชตนตฺถํ อิธ อุปโยควจเนน นิทฺเทโส กโต. เตเนตํ วุจฺจติ –
‘‘ตํ ตํ อตฺถมเปกฺขิตฺวา, ภุมฺเมน กรเณน จ;
อฺตฺร สมโย วุตฺโต, อุปโยเคน โส อิธา’’ติ.
โปราณา ปน วณฺณยนฺติ – ‘‘ยสฺมึ สมเย’’ติ วา ‘‘เตน สมเยนา’’ติ วา ‘‘เอกํ สมย’’นฺติ ¶ วา อภิลาปมตฺตเภโท เอส นิทฺเทโส, สพฺพตฺถ ภุมฺมเมว อตฺโถติ. ตสฺมา ‘‘เอกํ สมย’’นฺติ วุตฺเตปิ เอกสฺมึ สมเยติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
ภควาติ ครุ. ครฺุหิ โลเก ‘‘ภควา’’ติ วทนฺติ. อยฺจ สพฺพคุณวิสิฏฺตาย สพฺพสตฺตานํ ครุ, ตสฺมา ภควาติ เวทิตพฺโพ. โปราเณหิปิ วุตฺตํ –
‘‘ภควาติ ¶ วจนํ เสฏฺํ, ภควาติ วจนมุตฺตมํ;
ครุ คารวยุตฺโต โส, ภควา เตน วุจฺจตี’’ติ.
ตตฺถ เสฏฺวาจกวจนํ เสฏฺนฺติ วุตฺตํ เสฏฺคุณสหจรณโต. อถ วา วุจฺจตีติ วจนํ, อตฺโถ. ภควาติ วจนํ เสฏฺนฺติ ภควาติ อิมินา วจเนน วจนีโย โย อตฺโถ, โส เสฏฺโติ อตฺโถ. ภควาติ วจนมุตฺตมนฺติ เอตฺถาปิ วุตฺตนเยเนว อตฺโถ เวทิตพฺโพ. คารวยุตฺโตติ ครุภาวยุตฺโต ครุคุณโยคโต วิเสสครุกรณารหตาย วา คารวยุตฺโต. เอวํ คุณวิสิฏฺสตฺตุตฺตมครุคารวาธิวจนํ ภควาติ อิทํ วจนนฺติ เวทิตพฺพํ. อปิจ –
‘‘ภคี ภชี ภาคี วิภตฺตวา อิติ,
อกาสิ ภคฺคนฺติ ครูติ ภาคฺยวา;
พหูหิ าเยหิ สุภาวิตตฺตโน,
ภวนฺตโค โส ภควาติ วุจฺจตี’’ติ. –
นิทฺเทเส (มหานิ. ๘๔) อาคตนเยน –
‘‘ภาคฺยวา ภคฺควา ยุตฺโต, ภเคหิ จ วิภตฺตวา;
ภตฺตวา วนฺตคมโน, ภเวสุ ภควา ตโต’’ติ. –
อิมาย ¶ คาถาย จ วเสน ภควาติ ปทสฺส อตฺโถ เวทิตพฺโพ. โส ปนายํ อตฺโถ สพฺพากาเรน วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๑๔๒) วุตฺโต, ตสฺมา ตตฺถ วุตฺตนเยเนว วิวริตพฺโพ.
อปิจ ภาเค วนิ, ภเค วา วมีติ ภควา. ตถาคโต หิ ทานสีลาทิปารมิธมฺเม ฌานวิโมกฺขาทิอุตฺตริมนุสฺสธมฺเม วนิ ภชิ เสวิ พหุลมกาสิ, ตสฺมา ภควา. อถ วา เตเยว ¶ ‘‘เวเนยฺยสตฺตสนฺตาเนสุ กถํ นุ โข อุปฺปชฺเชยฺยุ’’นฺติ วนิ อภิปตฺถยีติ ภควา. อถ วา ภคสงฺขาตํ อิสฺสริยํ ยสฺจ วมิ อุคฺคิริ เขฬปิณฺฑํ วิย อนเปกฺโข ฉฑฺฑยีติ ภควา. ตถา หิ ตถาคโต หตฺถคตํ จกฺกวตฺติสิรึ เทวโลกาธิปจฺจสทิสํ จาตุทฺทีปิสฺสริยํ, จกฺกวตฺติสมฺปตฺติสนฺนิสฺสยฺจ สตฺตรตนสมุชฺชลํ ยสํ ติณายปิ อมฺมาโน นิรเปกฺโข ปหาย อภินิกฺขมิตฺวา สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธ, ตสฺมา อิเม สิริอาทิเก ภเค วมีติ ภควา. อถ วา ภานิ นาม นกฺขตฺตานิ, เตหิ สมํ ¶ คจฺฉนฺติ ปวตฺตนฺตีติ ภคา. สิเนรุยุคนฺธรอุตฺตรกุรุหิมวนฺตาทิภาชนโลกวิเสสสนฺนิสฺสยโสภา กปฺปฏฺิติภาวโต, เตปิ ภเค วมิ, ตนฺนิวาสิสตฺตาวาสสมติกฺกมนโต ตปฺปฏิพทฺธฉนฺทราคปฺปหาเนน ปชหีติ. เอวมฺปิ ภเค วมีติ ภควาติ เอวมาทินา นเยน ภควาติ ปทสฺส อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
เอตฺตาวตา เจตฺถ เอวํ เม สุตนฺติ วจเนน ยถาสุตํ ธมฺมํ สวนวเสน ภาสนฺโต ภควโต ธมฺมสรีรํ ปจฺจกฺขํ กโรติ, เตน ‘‘นยิทํ อติกฺกนฺตสตฺถุกํ ปาวจนํ, อยํ โว สตฺถา’’ติ สตฺถุ อทสฺสเนน อุกฺกณฺิตํ ชนํ สมสฺสาเสติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา ‘‘โย โข, อานนฺท, มยา ธมฺโม จ วินโย จ เทสิโต ปฺตฺโต, โส โว มมจฺจเยน สตฺถา’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๑๖; มิ. ป. ๔.๑.๑). เอกํ สมยํ ภควาติ วจเนน ตสฺมึ สมเย ภควโต อวิชฺชมานภาวํ ทสฺเสนฺโต รูปกายปรินิพฺพานํ สาเธติ, เตน ‘‘เอวํวิธสฺส นาม ธมฺมสฺส เทเสตา ทสพลธโร วชิรสงฺฆาตสมานกาโย โสปิ ภควา ปรินิพฺพุโต, เกนฺเน ชีวิเต อาสา ชเนตพฺพา’’ติ ชีวิตมทมตฺตํ ชนํ สํเวเชติ, สทฺธมฺเม จสฺส อุสฺสาหํ ชเนติ.
เอวนฺติ ¶ จ ภณนฺโต เทสนาสมฺปตฺตึ นิทฺทิสติ, วกฺขมานสฺส สกลสุตฺตสฺส เอวนฺติ นิทสฺสนโต. เม สุตนฺติ สาวกสมฺปตฺตึ สวนสมฺปตฺติฺจ นิทฺทิสติ, ปฏิสมฺภิทาปตฺเตน ปฺจสุ าเนสุ ภควตา เอตทคฺเค ปิเตน ธมฺมภณฺฑาคาริเกน สุตภาวทีปนโต ‘‘ตฺจ โข มยาว สุตํ, น อนุสฺสุติกํ, น ปรมฺปราภต’’นฺติ อิมสฺส จตฺถสฺส ทีปนโต. เอกํ สมยนฺติ กาลสมฺปตฺตึ นิทฺทิสติ ภควโต อุรุเวลายํ วิหรณสมยภาเวน พุทฺธุปฺปาทปฺปฏิมณฺฑิตภาวทีปนโต. พุทฺธุปฺปาทปรมา หิ กาลสมฺปทา. ภควาติ เทสกสมฺปตฺตึ นิทฺทิสติ คุณวิสิฏฺสตฺตุตฺตมครุภาวทีปนโต.
อุรุเวลายนฺติ ¶ มหาเวลายํ, มหนฺเต วาลุการาสิมฺหีติ อตฺโถ. อถ วา อุรูติ วาลุกา วุจฺจติ, เวลาติ มริยาทา. เวลาติกฺกมนเหตุ อาภตา อุรุ อุรุเวลาติ เอวมฺเปตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
อตีเต ¶ กิร อนุปฺปนฺเน พุทฺเธ ทสสหสฺสตาปสา ตสฺมึ ปเทเส วิหรนฺตา ‘‘กายกมฺมวจีกมฺมานิ ปเรสมฺปิ ปากฏานิ โหนฺติ, มโนกมฺมํ ปน อปากฏํ. ตสฺมา โย มิจฺฉาวิตกฺกํ วิตกฺเกติ, โส อตฺตนาว อตฺตานํ โจเทตฺวา ปตฺตปุเฏน วาลุกํ อาหริตฺวา อิมสฺมึ าเน อากิรตุ, อิทมสฺส ทณฺฑกมฺม’’นฺติ กติกวตฺตํ กตฺวา ตโต ปฏฺาย โย ตาทิสํ วิตกฺกํ วิตกฺเกติ, โส ตตฺถ ปตฺตปุเฏน วาลุกํ อาหริตฺวา อากิรติ. เอวํ ตตฺถ อนุกฺกเมน มหาวาลุการาสิ ชาโต, ตโต นํ ปจฺฉิมา ชนตา ปริกฺขิปิตฺวา เจติยฏฺานมกาสิ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘อุรุเวลายนฺติ มหาเวลายํ, มหนฺเต วาลุการาสิมฺหีติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ’’ติ.
วิหรตีติ อวิเสเสน อิริยาปถทิพฺพพฺรหฺมอริยวิหาเรสุ อฺตรวิหารสมงฺคิตาปริทีปนํ. อิธ ปน านนิสชฺชาคมนสยนปฺปเภเทสุ อิริยาปเถสุ อาสนสงฺขาตอิริยาปถสมาโยคปริทีปนํ อริยวิหารสมงฺคิตาปริทีปนฺจาติ เวทิตพฺพํ. ตตฺถ ยสฺมา เอกํ อิริยาปถพาธนํ อฺเน อิริยาปเถน วิจฺฉินฺทิตฺวา อปริปตนฺตํ อตฺตภาวํ หรติ ปวตฺเตติ, ตสฺมา วิหรตีติ ปทสฺส อิริยาปถวิหารวเสเนตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ยสฺมา ปน ภควา ทิพฺพวิหาราทีหิ สตฺตานํ วิวิธํ หิตํ หรติ อุปหรติ อุปเนติ อุปฺปาเทติ, ตสฺมา เตสมฺปิ วเสน วิวิธํ หรตีติ เอวมตฺโถ เวทิตพฺโพ.
นชฺชาติ ¶ นทติ สนฺทตีติ นที, ตสฺสา นชฺชา, นทิยา นินฺนคายาติ อตฺโถ. เนรฺชรายาติ เนลํ ชลมสฺสาติ ‘‘เนลฺชลายา’’ติ วตฺตพฺเพ ลการสฺส รการํ กตฺวา ‘‘เนรฺชรายา’’ติ วุตฺตํ, กทฺทมเสวาลปณกาทิโทสรหิตสลิลายาติ อตฺโถ. เกจิ ‘‘นีลชลายาติ ¶ วตฺตพฺเพ เนรฺชรายาติ วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ. นามเมว วา เอตํ เอติสฺสา นทิยาติ เวทิตพฺพํ. ตสฺสา นทิยา ตีเร ยตฺถ ภควา วิหาสิ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘โพธิรุกฺขมูเล’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ ‘‘โพธิ วุจฺจติ จตูสุ มคฺเคสุ าณ’’นฺติ เอตฺถ (จูฬนิ. ขคฺควิสาณสุตฺตนิทฺเทส ๑๒๑) มคฺคาณํ โพธีติ วุตฺตํ. ‘‘ปปฺโปติ โพธึ วรภูริเมธโส’’ติ เอตฺถ (ที. นิ. ๓.๒๑๗) สพฺพฺุตฺาณํ. ตทุภยมฺปิ โพธึ ภควา เอตฺถ ปตฺโตติ รุกฺโขปิ โพธิรุกฺโขตฺเวว นามํ ลภิ. อถ วา สตฺต โพชฺฌงฺเค พุชฺฌีติ ภควา โพธิ, เตน พุชฺฌนฺเตน สนฺนิสฺสิตตฺตา โส รุกฺโขปิ โพธิรุกฺโขติ นามํ ลภิ, ตสฺส โพธิรุกฺขสฺส. มูเลติ สมีเป. อยฺหิ มูลสทฺโท ‘‘มูลานิ อุทฺธเรยฺย อนฺตมโส อุสีรนาฬมตฺตานิปี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๑๙๕) มูลมูเล ทิสฺสติ. ‘‘โลโภ อกุสลมูล’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๓๐๕) อสาธารณเหตุมฺหิ. ‘‘ยาวตา มชฺฌนฺหิเก กาเล ฉายา ผรติ, นิวาเต ปณฺณานิ ¶ ปตนฺติ, เอตฺตาวตา รุกฺขมูล’’นฺติอาทีสุ สมีเป. อิธาปิ สมีเป อธิปฺเปโต, ตสฺมา โพธิรุกฺขสฺส มูเล สมีเปติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
ปมาภิสมฺพุทฺโธติ ปมํ อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา, สพฺพปมํเยวาติ อตฺโถ. เอตฺตาวตา ธมฺมภณฺฑาคาริเกน อุทานเทสนาย นิทานํ เปนฺเตน กาลเทสเทสกาปเทสา สห วิเสเสน ปกาสิตา โหนฺติ.
เอตฺถาห ‘‘กสฺมา ธมฺมวินยสงฺคเห กยิรมาเน นิทานวจนํ วุตฺตํ, นนุ ภควตา ภาสิตวจนสฺเสว สงฺคโห กาตพฺโพ’’ติ? วุจฺจเต – เทสนาย จิรฏฺิติอสมฺโมสสทฺเธยฺยภาวสมฺปาทนตฺถํ. กาลเทสเทสกวตฺถุอาทีหิ อุปนิพนฺธิตฺวา ปิตา หิ เทสนา จิรฏฺิติกา โหติ อสมฺโมสา สทฺเธยฺยา จ เทสกาลกตฺตุเหตุนิมิตฺเตหิ อุปนิพทฺโธ วิย โวหารวินิจฺฉโย. เตเนว จ อายสฺมตา มหากสฺสเปน ‘‘ปมํ, อาวุโส อานนฺท, อุทานํ กตฺถ ภาสิต’’นฺติอาทินา เทสาทีสุ ปุจฺฉาย กตาย ¶ วิสฺสชฺชนํ กโรนฺเตน ธมฺมภณฺฑาคาริเกน ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติอาทินา อุทานสฺส นิทานํ ภาสิตนฺติ.
อปิจ สตฺถุ สมฺปตฺติปกาสนตฺถํ นิทานวจนํ. ตถาคตสฺส หิ ภควโต ปุพฺพรจนานุมานาคมตกฺกาภาวโต ¶ สมฺพุทฺธตฺตสิทฺธิ. น หิ สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปุพฺพรจนาทีหิ อตฺโถ อตฺถิ สพฺพตฺถ อปฺปฏิหตาณจารตาย เอกปฺปมาณตฺตา เยฺยธมฺเมสุ. ตถา อาจริยมุฏฺิธมฺมมจฺฉริยสาสนสาวกานุราคาภาวโต ขีณาสวตฺตสิทฺธิ. น หิ สพฺพโส ปริกฺขีณาสวสฺส กตฺถจิปิ อาจริยมุฏฺิอาทีนํ สมฺภโวติ สุวิสุทฺธสฺส ปรานุคฺคหปฺปวตฺติ. อิติ เทสกโทสภูตานํ ทิฏฺิสีลสมฺปตฺติทูสกานํ อจฺจนฺตํ อวิชฺชาตณฺหานํ อภาวสํสูจเกหิ าณสมฺปทาปหานสมฺปทาภิพฺยฺชเกหิ จ สมฺพุทฺธวิสุทฺธภาเวหิ ปุริมเวสารชฺชทฺวยสิทฺธิ, ตโต จ อนฺตรายิกนิยฺยานิกธมฺเมสุ สมฺโมหาภาวสิทฺธิโต ปจฺฉิมเวสารชฺชทฺวยสิทฺธีติ ภควโต จตุเวสารชฺชสมนฺนาคโม อตฺตหิตปรหิตปฺปฏิปตฺติ จ นิทานวจเนน ปกาสิตา โหนฺติ, ตตฺถ ตตฺถ สมฺปตฺตปริสาย อชฺฌาสยานุรูปํ านุปฺปตฺติกปฺปฏิภาเนน ธมฺมเทสนาทีปนโต. อิธ ปน วิมุตฺติสุขปฺปฏิสํเวทนปฏิจฺจสมุปฺปาทมนสิการปกาสเนนาติ โยเชตพฺพํ. เตน วุตฺตํ – ‘‘สตฺถุ สมฺปตฺติปกาสนตฺถํ นิทานวจน’’นฺติ.
ตถา สาสนสมฺปตฺติปกาสนตฺถํ นิทานวจนํ. าณกรุณาปริคฺคหิตสพฺพกิริยสฺส หิ ภควโต นตฺถิ นิรตฺถกา ปฏิปตฺติ อตฺตหิตา วา. ตสฺมา ปเรสํเยว อตฺถาย ปวตฺตสพฺพกิริยสฺส ¶ สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สกลมฺปิ กายวจีมโนกมฺมํ ยถาปวตฺตํ วุจฺจมานํ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺเถหิ ยถารหํ สตฺตานํ อนุสาสนฏฺเน สาสนํ, น กพฺพรจนา. ตยิทํ สตฺถุ จริตํ กาลเทสเทสกปริสาปเทสาทีหิ สทฺธึ ตตฺถ ตตฺถ นิทานวจเนน ยถารหํ ปกาสียติ, อิธ ปน อภิสมฺโพธิวิมุตฺติสุขปฺปฏิสํเวทนปฏิจฺจสมุปฺปาทมนสิกาเรนาติ โยเชตพฺพํ. เตน วุตฺตํ – ‘‘สาสนสมฺปตฺติปกาสนตฺถํ นิทานวจน’’นฺติ.
อปิจ สตฺถุโน ปมาณภาวปฺปกาสเนน สาสนสฺส ปมาณภาวทสฺสนตฺถํ นิทานวจนํ. สา จสฺส ปมาณภาวทสฺสนตา ¶ เหฏฺา วุตฺตนยานุสาเรน เวทิตพฺพา. ภควาติ หิ อิมินา ตถาคตสฺส ราคโทสโมหาทิสพฺพกิเลสมลทุจฺจริตาทิโทสปฺปหานทีปเนน ¶ , สพฺพสตฺตุตฺตมภาวทีปเนน จ อนฺสาธารณาณกรุณาทิคุณวิเสสโยคปริทีปเนน, อยมตฺโถ สพฺพถา ปกาสิโต โหตีติ อิทเมตฺถ นิทานวจนปฺปโยชนสฺส มุขมตฺตทสฺสนํ.
ตํ ปเนตํ ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติ อารภิตฺวา ยาว ‘‘อิมํ อุทานํ อุทาเนสี’’ติ ปทํ, ตาว อิมสฺส อุทานสฺส นิทานนฺติ เวทิตพฺพํ. ตถา หิ ตํ ยถา ปฏิปนฺโน ภควา อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ, อาทิโต ปฏฺาย ตสฺส กายิกเจตสิกปฺปฏิปตฺติยา ปกาสนตฺถํ สงฺคีติกาเรหิ สงฺคีติกาเล ภาสิตวจนํ.
นนุ จ ‘‘อิมสฺมึ สติ อิทํ โหตี’’ติอาทิ ภควโต เอว วจนํ ภวิตุํ อรหติ, น หิ สตฺถารํ มฺุจิตฺวา อฺโ ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ เทเสตุํ สมตฺโถ โหตีติ? สจฺจเมตํ, ยถา ปน ภควา โพธิรุกฺขมูเล ธมฺมสภาวปจฺจเวกฺขณวเสน ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ มนสากาสิ, ตเถว นํ โพธเนยฺยพนฺธวานํ โพธนตฺถํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทสีหนาทสุตฺตาทีสุ เทสิตสฺส จ วจนานํ เทสิตาการสฺส อนุกรณวเสน ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺส มนสิการํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา ภควตา ภาสิตสฺส อิมสฺส อุทานสฺส ธมฺมสงฺคาหกา มหาเถรา นิทานํ สงฺคายึสูติ ยถาวุตฺตวจนํ สงฺคีติการานเมว วจนนฺติ นิฏฺเมตฺถ คนฺตพฺพํ. อิโต ปเรสุปิ สุตฺตนฺเตสุ เอเสว นโย.
เอตฺถ จ อตฺตชฺฌาสโย ปรชฺฌาสโย ปุจฺฉาวสิโก อฏฺุปฺปตฺติโกติ จตฺตาโร สุตฺตนิกฺเขปา เวทิตพฺพา. ยถา หิ อเนกสตอเนกสหสฺสเภทานิปิ สุตฺตานิ สํกิเลสภาคิยาทิปฏฺานนเยน โสฬสวิธตํ นาติวตฺตนฺติ, เอวํ ตานิ สพฺพานิปิ อตฺตชฺฌาสยาทิสุตฺตนิกฺเขปวเสน จตุพฺพิธภาวํ นาติวตฺตนฺติ. กามฺเจตฺถ อตฺตชฺฌาสยสฺส อฏฺุปฺปตฺติยา จ ปรชฺฌาสยปุจฺฉาวสิเกหิ สทฺธึ สํสคฺคเภโท สมฺภวติ อชฺฌาสยานุสนฺธิปุจฺฉานุสนฺธิสมฺภวโต, อตฺตชฺฌาสยอฏฺุปฺปตฺตีนํ อฺมฺํ ¶ สํสคฺโค นตฺถีติ นิรวเสโส ปฏฺานนโย น ¶ สมฺภวติ. ตทนฺโตคธตฺตา วา สมฺภวนฺตานํ เสสนิกฺเขปานํ มูลนิกฺเขปวเสน จตฺตาโร สุตฺตนิกฺเขปาติ วุตฺตํ.
ตตฺรายํ ¶ วจนตฺโถ – นิกฺขิปนํ นิกฺเขโป, สุตฺตสฺส นิกฺเขโป สุตฺตนิกฺเขโป, สุตฺตเทสนาติ อตฺโถ. นิกฺขิปียตีติ วา นิกฺเขโป, สุตฺตํ เอว นิกฺเขโป สุตฺตนิกฺเขโป. อตฺตโน อชฺฌาสโย อตฺตชฺฌาสโย, โส อสฺส อตฺถิ การณภูโตติ อตฺตชฺฌาสโย, อตฺตโน อชฺฌาสโย เอตสฺสาติ วา อตฺตชฺฌาสโย. ปรชฺฌาสเยปิ เอเสว นโย. ปุจฺฉาย วโส ปุจฺฉาวโส, โส เอตสฺส อตฺถีติ ปุจฺฉาวสิโก. สุตฺตเทสนาย วตฺถุภูตสฺส อตฺถสฺส อุปฺปตฺติ อตฺถุปฺปตฺติ, อตฺถุปฺปตฺติ เอว อฏฺุปฺปตฺติ, สา เอตสฺส อตฺถีติ อฏฺุปฺปตฺติโก. อถ วา นิกฺขิปียติ สุตฺตํ เอเตนาติ นิกฺเขโป, อตฺตชฺฌาสยาทิ เอว. เอตสฺมึ ปน อตฺถวิกปฺเป อตฺตโน อชฺฌาสโย อตฺตชฺฌาสโย. ปเรสํ อชฺฌาสโย ปรชฺฌาสโย. ปุจฺฉียตีติ ปุจฺฉา, ปุจฺฉิตพฺโพ อตฺโถ. ปุจฺฉนวเสน ปวตฺตํ ธมฺมปฺปฏิคฺคาหกานํ วจนํ ปุจฺฉาวสํ, ตเทว นิกฺเขปสทฺทาเปกฺขาย ปุจฺฉาวสิโกติ ปุลฺลิงฺควเสน วุตฺตํ. ตถา อตฺถุปฺปตฺติเยว อฏฺุปฺปตฺติโกติ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
เอตฺถ จ ปเรสํ อินฺทฺริยปริปากาทิการณนิรเปกฺขตฺตา อตฺตชฺฌาสยสฺส วิสุํ สุตฺตนิกฺเขปภาโว ยุตฺโต เกวลํ อตฺตโน อชฺฌาสเยเนว ธมฺมตนฺติปนตฺถํ ปวตฺติตเทสนตฺตา, ปรชฺฌาสยปุจฺฉาวสิกานํ ปน ปเรสํ อชฺฌาสยปุจฺฉานํ เทสนาปวตฺติเหตุภูตานํ อุปฺปตฺติยํ ปวตฺติตานํ กถมฏฺุปฺปตฺติยา อนวโรโธ, ปุจฺฉาวสิกอฏฺุปฺปตฺติปุพฺพกานํ วา ปรชฺฌาสยานุโรเธน ปวตฺติตานํ กถํ ปรชฺฌาสเย อนวโรโธติ? น โจเทตพฺพเมตํ. ปเรสฺหิ อภินีหารปริปุจฺฉาทิวินิจฺฉยาทิวินิมุตฺตสฺเสว สุตฺตนฺตเทสนาการณุปฺปาทสฺส อฏฺุปฺปตฺติภาเวน คหิตตฺตา ปรชฺฌาสยปุจฺฉาวสิกานํ วิสุํ คหณํ. ตถา หิ พฺรหฺมชาลธมฺมทายาทสุตฺตาทีนํ วณฺณาวณฺณอามิสุปฺปาทาทิเทสนานิมิตฺตํ อฏฺุปฺปตฺติ วุจฺจติ, ปเรสํ ปุจฺฉาย วินา อชฺฌาสยเมว นิมิตฺตํ กตฺวา เทสิโต ปรชฺฌาสโย, ปุจฺฉาวเสน เทสิโต ปุจฺฉาวสิโกติ ¶ ปากโฏยมตฺโถติ.
ตตฺถ ปมาทีนิ ตีณิ โพธิสุตฺตานิ มุจลินฺทสุตฺตํ, อายุสงฺขาโรสฺสชฺชนสุตฺตํ, ปจฺจเวกฺขณสุตฺตํ, ปปฺจสฺาสุตฺตนฺติ อิเมสํ อุทานานํ อตฺตชฺฌาสโย นิกฺเขโป. หุหุงฺกสุตฺตํ, พฺราหฺมณชาติกสุตฺตํ, พาหิยสุตฺตนฺติ อิเมสํ อุทานานํ ปุจฺฉาวสิโก นิกฺเขโป. ราชสุตฺตํ, สกฺการสุตฺตํ, อุจฺฉาทนสุตฺตํ, ปิณฺฑปาติกสุตฺตํ, สิปฺปสุตฺตํ, โคปาลสุตฺตํ, สุนฺทริกสุตฺตํ ¶ , มาตุสุตฺตํ, สงฺฆเภทกสุตฺตํ, อุทปานสุตฺตํ, ตถาคตุปฺปาทสุตฺตํ, โมเนยฺยสุตฺตํ, ปาฏลิคามิยสุตฺตํ, ทฺเวปิ ¶ ทพฺพสุตฺตานีติ เอเตสํ อุทานานํ อฏฺุปฺปตฺติโก นิกฺเขโป. ปาลิเลยฺยสุตฺตํ, ปิยสุตฺตํ, นาคสมาลสุตฺตํ, วิสาขาสุตฺตฺจาติ อิเมสํ อุทานานํ อตฺตชฺฌาสโย ปรชฺฌาสโย จ นิกฺเขโป. เสสานํ เอกปฺาสาย สุตฺตานํ ปรชฺฌาสโย นิกฺเขโป. เอวเมเตสํ อุทานานํ อตฺตชฺฌาสยาทิวเสน นิกฺเขปวิเสโส เวทิตพฺโพ.
เอตฺถ จ ยานิ อุทานานิ ภควตา ภิกฺขูนํ สมฺมุขา ภาสิตานิ, ตานิ เตหิ ยถาภาสิตสุตฺตานิ วจสา ปริจิตานิ มนสานุเปกฺขิตานิ ธมฺมภณฺฑาคาริกสฺส กถิตานิ. ยานิ ปน ภควตา ภิกฺขูนํ อสมฺมุขา ภาสิตานิ, ตานิปิ อปรภาเค ภควตา ธมฺมภณฺฑาคาริกสฺส ปุน ภาสิตานิ. เอวํ สพฺพานิปิ ตานิ อายสฺมา อานนฺโท เอกชฺฌํ กตฺวา ธาเรนฺโต ภิกฺขูนฺจ วาเจนฺโต อปรภาเค ปมมหาสงฺคีติกาเล อุทานนฺตฺเวว สงฺคหํ อาโรเปสีติ เวทิตพฺพํ.
เตน โข ปน สมเยนาติอาทีสุ เตน สมเยนาติ จ ภุมฺมตฺเถ กรณวจนํ, โข ปนาติ นิปาโต, ตสฺมึ สมเยติ อตฺโถ. กสฺมึ ปน สมเย? ยํ สมยํ ภควา อุรุเวลายํ วิหรติ นชฺชา เนรฺชราย ตีเร โพธิรุกฺขมูเล ปมาภิสมฺพุทฺโธ. ตสฺมึ สมเย. สตฺตาหนฺติ สตฺต อหานิ สตฺตาหํ, อจฺจนฺตสํโยคตฺเถ เอตํ อุปโยควจนํ. ยสฺมา ภควา ตํ สตฺตาหํ นิรนฺตรตาย อจฺจนฺตเมว ผลสมาปตฺติสุเขน วิหาสิ, ตสฺมา สตฺตาหนฺติ อจฺจนฺตสํโยควเสน อุปโยควจนํ วุตฺตํ. เอกปลฺลงฺเกนาติ วิสาขาปุณฺณมาย อนตฺถงฺคเตเยว สูริเย อปราชิตปลฺลงฺกวเร วชิราสเน นิสินฺนกาลโต ปฏฺาย สกิมฺปิ อนุฏฺหิตฺวา ยถาอาภุชิเตน เอเกเนว ปลฺลงฺเกน ¶ .
วิมุตฺติสุขปฏิสํเวทีติ วิมุตฺติสุขํ ผลสมาปตฺติสุขํ ปฏิสํเวทิยมาโน นิสินฺโน โหตีติ อตฺโถ. ตตฺถ วิมุตฺตีติ ตทงฺควิมุตฺติ, วิกฺขมฺภนวิมุตฺติ, สมุจฺเฉทวิมุตฺติ, ปฏิปฺปสฺสทฺธิวิมุตฺติ, นิสฺสรณวิมุตฺตีติ ปฺจ วิมุตฺติโย. ตาสุ ยํ เทยฺยธมฺมปริจฺจาคาทีหิ เตหิ เตหิ คุณงฺเคหิ นามรูปปริจฺเฉทาทีหิ วิปสฺสนงฺเคหิ จ ยาว ตสฺส ตสฺส องฺคสฺส อปริหานิวเสน ปวตฺติ, ตาว ตํตํปฏิปกฺขโต วิมุจฺจนโต วิมุจฺจนํ ปหานํ. เสยฺยถิทํ ¶ ? ทาเนน มจฺฉริยโลภาทิโต, สีเลน ปาณาติปาตาทิโต, นามรูปววตฺถาเนน สกฺกายทิฏฺิโต, ปจฺจยปริคฺคเหน อเหตุวิสมเหตุทิฏฺีหิ, ตสฺเสว อปรภาเคน กงฺขาวิตรเณน กถํกถีภาวโต, กลาปสมฺมสเนน ‘‘อหํ มมา’’ติ คาหโต, มคฺคามคฺคววตฺถาเนน อมคฺเค มคฺคสฺาย, อุทยทสฺสเนน อุจฺเฉททิฏฺิยา, วยทสฺสเนน สสฺสตทิฏฺิยา, ภยทสฺสเนน สภเย อภยสฺาย, อาทีนวทสฺสเนน ¶ อสฺสาทสฺาย, นิพฺพิทานุปสฺสเนน อภิรติสฺาย, มุจฺจิตุกมฺยตาาเณน อมุจฺจิตุกมฺยตาย, อุเปกฺขาาเณน อนุเปกฺขาย, อนุโลเมน ธมฺมฏฺิติยํ นิพฺพาเน จ ปฏิโลมภาวโต, โคตฺรภุนา สงฺขารนิมิตฺตภาวโต วิมุจฺจนํ, อยํ ตทงฺควิมุตฺติ นาม. ยํ ปน อุปจารปฺปนาเภเทน สมาธินา ยาวสฺส อปริหานิวเสน ปวตฺติ, ตาว กามจฺฉนฺทาทีนํ นีวรณานฺเจว, วิตกฺกาทีนฺจ ปจฺจนีกธมฺมานํ, อนุปฺปตฺติสฺิตํ วิมุจฺจนํ, อยํ วิกฺขมฺภนวิมุตฺติ นาม. ยํ จตุนฺนํ อริยมคฺคานํ ภาวิตตฺตา ตํตํมคฺควโต อริยสฺส สนฺตาเน ยถารหํ ‘‘ทิฏฺิคตานํ ปหานายา’’ติอาทินา (ธ. ส. ๒๗๗; วิภ. ๖๒๘) นเยน วุตฺตสฺส สมุทยปกฺขิยสฺส กิเลสคณสฺส ปุน อจฺจนฺตํ อปฺปวตฺติภาเวน สมุจฺเฉทปฺปหานวเสน วิมุจฺจนํ, อยํ สมุจฺเฉทวิมุตฺติ นาม. ยํ ปน ผลกฺขเณ ปฏิปฺปสฺสทฺธตฺตํ กิเลสานํ, อยํ ปฏิปฺปสฺสทฺธิวิมุตฺติ นาม. สพฺพสงฺขตนิสฺสฏตฺตา ¶ ปน สพฺพสงฺขารวิมุตฺตํ นิพฺพานํ, อยํ นิสฺสรณวิมุตฺติ นาม. อิธ ปน ภควโต นิพฺพานารมฺมณา ผลวิมุตฺติ อธิปฺเปตา. เตน วุตฺตํ – ‘‘วิมุตฺติสุขปฏิสํเวทีติ วิมุตฺติสุขํ ผลสมาปตฺติสุขํ ปฏิสํเวทิยมาโน นิสินฺโน โหตีติ อตฺโถ’’ติ.
วิมุตฺตีติ จ อุปกฺกิเลเสหิ ปฏิปฺปสฺสทฺธิวเสน จิตฺตสฺส วิมุตฺตภาโว, จิตฺตเมว วา ตถา วิมุตฺตํ เวทิตพฺพํ, ตาย วิมุตฺติยา ชาตํ สมฺปยุตฺตํ วา สุขํ วิมุตฺติสุขํ. ‘‘ยายํ, ภนฺเต, อุเปกฺขา สนฺเต สุเข วุตฺตา ภควตา’’ติ (ม. นิ. ๒.๘๘) วจนโต อุเปกฺขาปิ เจตฺถ สุขมิจฺเจว เวทิตพฺพา. ตถา จ วุตฺตํ สมฺโมหวิโนทนิยํ ‘‘อุเปกฺขา ปน สนฺตตฺตา, สุขมิจฺเจว ภาสิตา’’ติ (วิภ. อฏฺ. ๒๓๒). ภควา หิ จตุตฺถชฺฌานิกํ อรหตฺตสมาปตฺตึ สมาปชฺชติ, น อิตรํ. อถ วา ‘‘เตสํ วูปสโม สุโข’’ติอาทีสุ ยถา สงฺขารทุกฺขูปสโม สุโขติ วุจฺจติ, เอวํ สกลกิเลสทุกฺขูปสมภาวโต อคฺคผเล ลพฺภมานา ปฏิปฺปสฺสทฺธิวิมุตฺติ เอว อิธ สุขนฺติ เวทิตพฺพา. ตยิทํ วิมุตฺติสุขํ มคฺควีถิยํ ¶ กาลนฺตเรติ ผลจิตฺตสฺส ปวตฺติวิภาเคน ทุวิธํ โหติ. เอเกกสฺส หิ อริยมคฺคสฺส อนนฺตรา ตสฺส ตสฺเสว วิปากภูตานิ นิพฺพานารมฺมณานิ ตีณิ ทฺเว วา ผลจิตฺตานิ อุปฺปชฺชนฺติ อนนฺตรวิปากตฺตา โลกุตฺตรกุสลานํ. ยสฺมิฺหิ ชวนวาเร อริยมคฺโค อุปฺปชฺชติ, ตตฺถ ยทา ทฺเว อนุโลมานิ, ตทา ตติยํ โคตฺรภุ, จตุตฺถํ มคฺคจิตฺตํ, ตโต ปรํ ตีณิ ผลจิตฺตานิ โหนฺติ. ยทา ปน ตีณิ อนุโลมานิ, ตทา จตุตฺถํ โคตฺรภุ, ปฺจมํ มคฺคจิตฺตํ, ตโต ปรํ ทฺเว ผลจิตฺตานิ โหนฺติ. เอวํ จตุตฺถํ ปฺจมํ อปฺปนาวเสน ปวตฺตติ, น ตโต ปรํ ภวงฺคสฺส อาสนฺนตฺตา. เกจิ ปน ‘‘ฉฏฺมฺปิ จิตฺตํ อปฺเปตี’’ติ วทนฺติ, ตํ อฏฺกถาสุ (วิสุทฺธิ. ๒.๘๑๑) ปฏิกฺขิตฺตํ. เอวํ มคฺควีถิยํ ผลํ เวทิตพฺพํ. กาลนฺตเร ผลํ ¶ ปน ผลสมาปตฺติวเสน ปวตฺตํ, นิโรธา วุฏฺหนฺตสฺส ¶ อุปฺปชฺชมานฺจ เอเตเนว สงฺคหิตํ. สา ปนายํ ผลสมาปตฺติ อตฺถโต โลกุตฺตรกุสลานํ วิปากภูตา นิพฺพานารมฺมณา อปฺปนาติ ทฏฺพฺพา.
เก ตํ สมาปชฺชนฺติ, เก น สมาปชฺชนฺตีติ? สพฺเพปิ ปุถุชฺชนา น สมาปชฺชนฺติ อนธิคตตฺตา. ตถา เหฏฺิมา อริยา อุปริมํ, อุปริมาปิ อริยา เหฏฺิมํ น สมาปชฺชนฺติเยว ปุคฺคลนฺตรภาวูปคมเนน ปฏิปฺปสฺสทฺธภาวโต. อตฺตโน เอว ผลํ เต เต อริยา สมาปชฺชนฺติ. เกจิ ปน ‘‘โสตาปนฺนสกทาคามิโน ผลสมาปตฺตึ น สมาปชฺชนฺติ, อุปริมา ทฺเวเยว สมาปชฺชนฺติ สมาธิสฺมึ ปริปูรการิภาวโต’’ติ วทนฺติ. ตํ อการณํ ปุถุชฺชนสฺสาปิ อตฺตนา ปฏิลทฺธโลกิยสมาธิสมาปชฺชนโต. กึ วา เอตฺถ การณจินฺตาย? วุตฺตฺเหตํ ปฏิสมฺภิทายํ ‘‘กตมา ทส สงฺขารุเปกฺขา วิปสฺสนาวเสน อุปฺปชฺชนฺติ (ปฏิ. ม. ๑.๕๗), กตเม ทส โคตฺรภุธมฺมา วิปสฺสนาวเสน อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๖๐) อิเมสํ ปฺหานํ วิสฺสชฺชเน โสตาปตฺติผลสมาปตฺตตฺถาย สกทาคามิผลสมาปตฺตตฺถายาติ เตสมฺปิ อริยานํ ผลสมาปตฺติสมาปชฺชนํ วุตฺตํ. ตสฺมา สพฺเพปิ อริยา ยถาสกํ ผลํ สมาปชฺชนฺตีติ นิฏฺเมตฺถ คนฺตพฺพํ.
กสฺมา ปน เต สมาปชฺชนฺตีติ? ทิฏฺธมฺมสุขวิหารตฺถํ. ยถา หิ ราชาโน รชฺชสุขํ, เทวตา ทิพฺพสุขํ อนุภวนฺติ, เอวํ อริยา ‘‘โลกุตฺตรสุขํ ¶ อนุภวิสฺสามา’’ติ อทฺธานปริจฺเฉทํ กตฺวา อิจฺฉิตกฺขเณ ผลสมาปตฺตึ สมาปชฺชนฺติ.
กถฺจสฺสา สมาปชฺชนํ, กถํ านํ, กถํ วุฏฺานนฺติ? ทฺวีหิ ตาว อากาเรหิ อสฺสา สมาปชฺชนํ โหติ นิพฺพานโต อฺสฺส อารมฺมณสฺส อมนสิการา, นิพฺพานสฺส จ มนสิการา. ยถาห –
‘‘ทฺเว โข, อาวุโส, ปจฺจยา อนิมิตฺตาย เจโตวิมุตฺติยา สมาปตฺติยา, สพฺพนิมิตฺตานฺจ อมนสิกาโร, อนิมิตฺตาย ¶ จ ธาตุยา มนสิกาโร’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๕๘).
อยํ ปเนตฺถ สมาปชฺชนกฺกโม – ผลสมาปตฺติตฺถิเกน อริยสาวเกน รโหคเตน ปฏิสลฺลีเนน อุทยพฺพยาทิวเสน สงฺขารา วิปสฺสิตพฺพา. ตสฺเสวํ ปวตฺตานุปุพฺพวิปสฺสนสฺเสว สงฺขารารมฺมณโคตฺรภุาณานนฺตรํ ¶ ผลสมาปตฺติวเสน นิโรเธ จิตฺตมปฺเปติ, ผลสมาปตฺตินินฺนภาเวน จ เสกฺขสฺสาปิ ผลเมว อุปฺปชฺชติ, น มคฺโค. เย ปน วทนฺติ ‘‘โสตาปนฺโน อตฺตโน ผลสมาปตฺตึ สมาปชฺชิสฺสามีติ วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา สกทาคามี โหติ, สกทาคามี จ อนาคามี’’ติ. เต วตฺตพฺพา – เอวํ สนฺเต อนาคามี อรหา ภวิสฺสติ, อรหา จ ปจฺเจกพุทฺโธ, ปจฺเจกพุทฺโธ จ สมฺพุทฺโธติ อาปชฺเชยฺย, ตสฺมา ยถาภินิเวสํ ยถาชฺฌาสยํ วิปสฺสนา อตฺถํ สาเธตีติ เสกฺขสฺสาปิ ผลเมว อุปฺปชฺชติ, น มคฺโค. ผลมฺปิ ตสฺส สเจ อเนน ปมชฺฌานิโก มคฺโค อธิคโต, ปมชฺฌานิกเมว อุปฺปชฺชติ. สเจ ทุติยาทีสุ อฺตรชฺฌานิโก, ทุติยาทีสุ อฺตรชฺฌานิกเมวาติ.
กสฺมา ปเนตฺถ โคตฺรภุาณํ มคฺคาณปุเรจาริกํ วิย นิพฺพานารมฺมณํ น โหตีติ? ผลาณานํ อนิยฺยานิกภาวโต. อริยมคฺคธมฺมาเยว หิ นิยฺยานิกา. วุตฺตฺเหตํ ‘‘กตเม ธมฺมา นิยฺยานิกา? จตฺตาโร อริยมคฺคา อปริยาปนฺนา’’ติ (ธ. ส. ๑๒๙๕). ตสฺมา เอกนฺเตเนว นิยฺยานิกภาวสฺส อุภโต วุฏฺานภาเวน ปวตฺตมานสฺส อนนฺตรปจฺจยภูเตน าเณน นิมิตฺตโต วุฏฺิเตเนว ภวิตพฺพนฺติ ตสฺส นิพฺพานารมฺมณตา ยุตฺตา, น ปน อริยมคฺคสฺส ¶ ภาวิตตฺตา ตสฺส วิปากภาเวน ปวตฺตมานานํ กิเลสานํ อสมุจฺฉินฺทนโต อนิยฺยานิกตฺตา อวุฏฺานสภาวานํ ผลาณานํ ปุเรจาริกาณสฺส กทาจิปิ นิพฺพานารมฺมณตา อุภยตฺถ อนุโลมาณานํ อตุลฺยาการโต. อริยมคฺควีถิยฺหิ อนุโลมาณานิ อนิพฺพิทฺธปุพฺพานํ ถูลถูลานํ โลภกฺขนฺธาทีนํ สาติสยํ ปทาลเนน โลกิยาเณน อุกฺกํสปารมิปฺปตฺตานิ มคฺคาณานุกูลานิ อุปฺปชฺชนฺติ, ผลสมาปตฺติวีถิยํ ปน ¶ ตานิ ตานิ เตน เตน มคฺเคน เตสํ เตสํ กิเลสานํ สมุจฺฉินฺนตฺตา ตตฺถ นิรุสฺสุกฺกานิ เกวลํ อริยานํ ผลสมาปตฺติสุขสมงฺคิภาวสฺส ปริกมฺมมตฺตานิ หุตฺวา อุปฺปชฺชนฺตีติ น เตสํ กุโตจิ วุฏฺานสมฺภโว, ยโต เตสํ ปริโยสาเน าณํ สงฺขารนิมิตฺตํ วุฏฺานโต นิพฺพานารมฺมณํ สิยา. เอวฺจ กตฺวา เสกฺขสฺส อตฺตโน ผลสมาปตฺติวฬฺชนตฺถาย อุทยพฺพยาทิวเสน สงฺขาเร สมฺมสนฺตสฺส วิปสฺสนาาณานุปุพฺพาย ผลเมว อุปฺปชฺชติ, น มคฺโคติ อยฺจ อตฺโถ สมตฺถิโต โหติ. เอวํ ตาว ผลสมาปตฺติยา สมาปชฺชนํ เวทิตพฺพํ.
‘‘ตโย โข, อาวุโส, ปจฺจยา อนิมิตฺตาย เจโตวิมุตฺติยา ิติยา, สพฺพนิมิตฺตานํ อมนสิกาโร, อนิมิตฺตาย จ ธาตุยา มนสิกาโร, ปุพฺเพ จ อภิสงฺขาโร’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๕๘) –
วจนโต ¶ ปนสฺสา ตีหากาเรหิ านํ โหติ. ตตฺถ ปุพฺเพ จ อภิสงฺขาโรติ สมาปตฺติโต ปุพฺเพ กาลปริจฺเฉโท. ‘‘อสุกสฺมึ นาม กาเล วุฏฺหิสฺสามี’’ติ ปริจฺฉินฺนตฺตา หิสฺสา ยาว โส กาโล นาคจฺฉติ, ตาว วุฏฺานํ น โหติ.
‘‘ทฺเว โข, อาวุโส, ปจฺจยา อนิมิตฺตาย เจโตวิมุตฺติยา วุฏฺานสฺส, สพฺพนิมิตฺตานฺจ มนสิกาโร, อนิมิตฺตาย จ ธาตุยา อมนสิกาโร’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๕๘) –
วจนโต ปนสฺสา ทฺวีหากาเรหิ วุฏฺานํ โหติ. ตตฺถ สพฺพนิมิตฺตานนฺติ รูปนิมิตฺตเวทนาสฺาสงฺขารวิฺาณนิมิตฺตานํ. กามฺจ น สพฺพาเนเวตานิ เอกโต มนสิ กโรติ, สพฺพสงฺคาหิกวเสน ปเนวํ วุตฺตํ. ตสฺมา ยํ ภวงฺคสฺส อารมฺมณํ, ตสฺส มนสิกรเณน ผลสมาปตฺติโต ¶ วุฏฺานํ โหตีติ เอวํ อสฺสา วุฏฺานํ เวทิตพฺพํ. ตยิทํ เอวมิธ สมาปชฺชนวุฏฺานํ อรหตฺตผลภูตํ –
‘‘ปฏิปฺปสฺสทฺธทรถํ, อมตารมฺมณํ สุภํ;
วนฺตโลกามิสํ สนฺตํ, สามฺผลมุตฺตมํ’’.
อิติ วุตฺตํ สาตาติสาตํ วิมุตฺติสุขํ ปฏิสํเวเทสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘วิมุตฺติสุขปฏิสํเวทีติ วิมุตฺติสุขํ ผลสมาปตฺติสุขํ ปฏิสํเวทิยมาโน นิสินฺโน โหตีติ อตฺโถ’’ติ.
อถาติ อธิการตฺเถ นิปาโต. โขติ ปทปูรเณ. เตสุ อธิการตฺเถน ¶ อถาติ อิมินา วิมุตฺติสุขปฏิสํเวทนโต อฺํ อธิการํ ทสฺเสติ. โก ปเนโสติ? ปฏิจฺจสมุปฺปาทมนสิกาโร. อถาติ วา ปจฺฉาติ เอตสฺมึ อตฺเถ นิปาโต, เตน ‘‘ตสฺส สตฺตาหสฺส อจฺจเยนา’’ติ วกฺขมานเมว อตฺถํ โชเตติ. ตสฺส สตฺตาหสฺสาติ ปลฺลงฺกสตฺตาหสฺส. อจฺจเยนาติ อปคเมน. ตมฺหา สมาธิมฺหาติ อรหตฺตผลสมาธิโต. อิธ ปน ตฺวา ปฏิปาฏิยา สตฺต สตฺตาหานิ ทสฺเสตพฺพานีติ เกจิ ตานิ วิตฺถารยึสุ. มยํ ปน ตานิ ขนฺธกปาเน อิมิสฺสา อุทานปาฬิยา อวิโรธทสฺสนมุเขน ปรโต วณฺณยิสฺสาม. รตฺติยาติ อวยวสมฺพนฺเธ สามิวจนํ. ปมนฺติ อจฺจนฺตสํโยคตฺเถ อุปโยควจนํ. ภควา หิ ตสฺสา รตฺติยา สกลมฺปิ ปมํ ยามํ เตเนว มนสิกาเรน ยุตฺโต อโหสีติ.
ปฏิจฺจสมุปฺปาทนฺติ ¶ ปจฺจยธมฺมํ. อวิชฺชาทโย หิ ปจฺจยธมฺมา ปฏิจฺจสมุปฺปาโท. กถมิทํ ชานิตพฺพนฺติ เจ? ภควโต วจเนน. ภควตา หิ ‘‘ตสฺมาติหานนฺท, เอเสว เหตุ, เอตํ นิทานํ, เอส สมุทโย, เอส ปจฺจโย ชรามรณสฺส, ยทิทํ ชาติ…เป… สงฺขารานํ, ยทิทํ อวิชฺชา’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๐๕ อาทโย) เอวํ อวิชฺชาทโย เหตูติ วุตฺตา. ยถา ทฺวาทส ปจฺจยา ทฺวาทส ปฏิจฺจสมุปฺปาทาติ.
ตตฺรายํ วจนตฺโถ – อฺมฺํ ปฏิจฺจ ปฏิมุขํ กตฺวา การณสมวายํ อปฺปฏิกฺขิปิตฺวา สหิเต อุปฺปาเทตีติ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท. อถ วา ปฏิจฺจ ปจฺเจตพฺพํ ปจฺจยารหตํ ปจฺจยํ ปฏิคนฺตฺวา น วินา เตน สมฺพนฺธสฺส อุปฺปาโท ปฏิจฺจสมุปฺปาโท ¶ . ปฏิจฺจสมุปฺปาโทติ เจตฺถ สมุปฺปาทปทฏฺานวจนวิฺเยฺโย ผลสฺส อุปฺปาทนสมตฺถตายุตฺโต เหตุ, น ปฏิจฺจสมุปฺปตฺติมตฺตํ เวทิตพฺพํ. อถ วา ปจฺเจตุํ อรหนฺติ นํ ปณฺฑิตาติ ปฏิจฺโจ, สมฺมา สยเมว วา อุปฺปาเทตีติ สมุปฺปาโท, ปฏิจฺโจ จ โส สมุปฺปาโท จาติ ปฏิจฺจสมุปฺปาโทติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
อนุโลมนฺติ ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา’’ติอาทินา นเยน วุตฺโต อวิชฺชาทิโก ปจฺจยากาโร อตฺตนา กตฺตพฺพกิจฺจกรณโต อนุโลโมติ ¶ วุจฺจติ. อถ วา อาทิโต ปฏฺาย อนฺตํ ปาเปตฺวา วุตฺตตฺตา ปวตฺติยา วา อนุโลมโต อนุโลโม, ตํ อนุโลมํ. สาธุกํ มนสากาสีติ สกฺกจฺจํ มนสิ อกาสิ. โย โย ปจฺจยธมฺโม ยสฺส ยสฺส ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺมสฺส ยถา ยถา เหตุปจฺจยาทินา ปจฺจยภาเวน ปจฺจโย โหติ, ตํ สพฺพํ อวิปรีตํ อปริหาเปตฺวา อนวเสสโต ปจฺจเวกฺขณวเสน จิตฺเต อกาสีติ อตฺโถ. ยถา ปน ภควา ปฏิจฺจสมุปฺปาทานุโลมํ มนสากาสิ, ตํ สงฺเขเปน ตาว ทสฺเสตุํ ‘‘อิติ อิมสฺมึ สติ อิทํ โหติ, อิมสฺสุปฺปาทา อิทํ อุปฺปชฺชตี’’ติ วุตฺตํ.
ตตฺถ อิตีติ เอวํ, อเนน ปกาเรนาติ อตฺโถ. อิมสฺมึ สติ อิทํ โหตีติ อิมสฺมึ อวิชฺชาทิเก ปจฺจเย สติ อิทํ สงฺขาราทิกํ ผลํ โหติ. อิมสฺสุปฺปาทา อิทํ อุปฺปชฺชตีติ อิมสฺส อวิชฺชาทิกสฺส ปจฺจยสฺส อุปฺปาทา อิทํ สงฺขาราทิกํ ผลํ อุปฺปชฺชตีติ อตฺโถ. อิมสฺมึ อสติ อิทํ น โหติ, อิมสฺส นิโรธา อิทํ นิรุชฺฌตีติ อวิชฺชาทีนํ อภาเว สงฺขาราทีนํ อภาวสฺส อวิชฺชาทีนํ นิโรเธ สงฺขาราทีนํ นิโรธสฺส จ ทุติยตติยสุตฺตวจเนน เอตสฺมึ ปจฺจยลกฺขเณ นิยโม ทสฺสิโต โหติ – อิมสฺมึ สติ เอว, นาสติ. อิมสฺสุปฺปาทา เอว, นานุปฺปาทา. อนิโรธา เอว, น นิโรธาติ. เตเนตํ ลกฺขณํ อนฺโตคธนิยมํ อิธ ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺส ¶ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. นิโรโธติ จ อวิชฺชาทีนํ วิราคาธิคเมน อายตึ อนุปฺปาโท อปฺปวตฺติ. ตถา หิ วุตฺตํ – ‘‘อวิชฺชาย ตฺเวว อเสสวิราคนิโรธา สงฺขารนิโรโธ’’ติอาทิ. นิโรธนิโรธี จ อุปฺปาทนิโรธีภาเวน วุตฺโต ‘‘อิมสฺส นิโรธา อิทํ นิรุชฺฌตี’’ติ.
เตเนตํ ¶ ทสฺเสติ – อนิโรโธ อุปฺปาโท นาม, โส เจตฺถ อตฺถิภาโวติปิ วุจฺจตีติ. ‘‘อิมสฺมึ สติ อิทํ โหตี’’ติ อิทเมว หิ ลกฺขณํ ปริยายนฺตเรน ‘‘อิมสฺส อุปฺปาทา อิทํ อุปฺปชฺชตี’’ติ วทนฺเตน ปเรน ปุริมํ วิเสสิตํ โหติ. ตสฺมา น ธรมานตํเยว สนฺธาย ‘‘อิมสฺมึ สตี’’ติ วุตฺตํ, อถ โข มคฺเคน อนิรุทฺธภาวฺจาติ วิฺายติ. ยสฺมา จ ‘‘อิมสฺมึ อสติ อิทํ น โหติ, อิมสฺส นิโรธา อิทํ นิรุชฺฌตี’’ติ ¶ ทฺวิธาปิ อุทฺทิฏฺสฺส ลกฺขณสฺส นิทฺเทสํ วทนฺเตน ‘‘อวิชฺชาย ตฺเวว อเสสวิราคนิโรธา สงฺขารนิโรโธ’’ติอาทินา นิโรโธ เอว วุตฺโต, ตสฺมา นตฺถิภาโวปิ นิโรโธ เอวาติ นตฺถิภาววิรุทฺโธ อตฺถิภาโว อนิโรโธติ ทสฺสิตํ โหติ. เตน อนิโรธสงฺขาเตน อตฺถิภาเวน อุปฺปาทํ วิเสเสติ. ตโต น อิธ อตฺถิภาวมตฺตํ อุปฺปาโทติ อตฺโถ อธิปฺเปโต, อถ โข อนิโรธสงฺขาโต อตฺถิภาโว จาติ อยมตฺโถ วิภาวิโตติ. เอวเมตํ ลกฺขณทฺวยวจนํ อฺมฺวิเสสนวิเสสิตพฺพภาเวน สาตฺถกนฺติ เวทิตพฺพํ.
โก ปนายํ อนิโรโธ นาม, โย ‘‘อตฺถิภาโว, อุปฺปาโท’’ติ จ วุจฺจตีติ? อปฺปหีนภาโว จ, อนิพฺพตฺติตผลารหตาปหาเนหิ ผลานุปฺปาทนารหตา จ. เย หิ ปหาตพฺพา อกุสลา ธมฺมา, เตสํ อริยมคฺเคน อสมุคฺฆาฏิตภาโว จ. เย ปน น ปหาตพฺพา กุสลาพฺยากตา ธมฺมา, ยานิ เตสุ สํโยชนานิ อขีณาสวานํ เตสํ อปริกฺขีณตา จ. อสมุคฺฆาฏิตานุสยตาย หิ สสํโยชนา ขนฺธปฺปวตฺติ ปฏิจฺจสมุปฺปาโท. ตถา จ วุตฺตํ –
‘‘ยาย จ, ภิกฺขเว, อวิชฺชาย นิวุตสฺส พาลสฺส ยาย จ ตณฺหาย สมฺปยุตฺตสฺส อยํ กาโย สมุทาคโต, สา เจว อวิชฺชา พาลสฺส อปฺปหีนา, สา จ ตณฺหา อปริกฺขีณา. ตํ กิสฺส เหตุ? น, ภิกฺขเว, พาโล อจริ พฺรหฺมจริยํ สมฺมา ทุกฺขกฺขยาย, ตสฺมา พาโล กายสฺส เภทา กายูปโค โหติ, โส กายูปโค สมาโน น ปริมุจฺจติ ชาติยา ชรามรเณนา’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๒.๑๙).
ขีณสํโยชนานํ ¶ ¶ ปน อวิชฺชาย อภาวโต สงฺขารานํ, ตณฺหุปาทานานํ อภาวโต อุปาทานภวานํ อสมฺภโวติ วฏฺฏสฺส อุปจฺเฉโท ปฺายิสฺสตีติ. เตเนวาห –
‘‘ฉนฺนํ ตฺเวว, ผคฺคุณ, ผสฺสายตนานํ อเสสวิราคนิโรธา ผสฺสนิโรโธ, ผสฺสนิโรธา เวทนานิโรโธ’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๒.๑๒).
น หิ อคฺคมคฺคาธิคมโต อุทฺธํ ยาว ปรินิพฺพานา สฬายตนาทีนํ อปฺปวตฺติ. อถ โข นตฺถิตา นิโรธสทฺทวจนียตา ขีณสํโยชนตาติ นิโรโธ วุตฺโต. อปิจ จิรกตมฺปิ กมฺมํ อนิพฺพตฺติตผลตาย อปฺปหีนาหารตาย จ ผลารหํ สนฺตํ เอว นาม โหติ, น นิพฺพตฺติตผลํ ¶ , นาปิ ปหีนาหารนฺติ. ผลุปฺปตฺติปจฺจยานํ อวิชฺชาสงฺขาราทีนํ วุตฺตนเยเนว ผลารหภาโว อนิโรโธติ เวทิตพฺโพ. เอวํ อนิรุทฺธภาเวเนว หิ เยน วินา ผลํ น สมฺภวติ, ตํ การณํ อตีตนฺติปิ อิมสฺมึ สตีติ อิมินา วจเนน วุตฺตํ. ตโตเยว จ อวุสิตพฺรหฺมจริยสฺส อปฺปวตฺติธมฺมตํ อนาปนฺโน ปจฺจยุปฺปาโท กาลเภทํ อนามสิตฺวา อนิวตฺตนาย เอว อิมสฺส อุปฺปาทาติ วุตฺโต. อถ วา อวเสสปจฺจยสมวาเย อวิชฺชมานสฺสปิ วิชฺชมานสฺส วิย ปเคว วิชฺชมานสฺส ยา ผลุปฺปตฺติอภิมุขตา, สา อิมสฺส อุปฺปาทาติ วุตฺตา. ตถา หิ ตโต ผลํ อุปฺปชฺชตีติ ตทวตฺถํ การณํ ผลสฺส อุปฺปาทนภาเวน อุฏฺิตํ อุปฺปติตํ นาม โหติ, น วิชฺชมานมฺปิ อตทวตฺถนฺติ ตทวตฺถตา อุปฺปาโทติ เวทิตพฺโพ.
ตตฺถ สตีติ อิมินา วิชฺชมานตามตฺเตน ปจฺจยภาวํ วทนฺโต อพฺยาปารตํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺส ทสฺเสติ. อุปฺปาทาติ อุปฺปตฺติธมฺมตํ อสพฺพกาลภาวิตํ ผลุปฺปตฺติอภิมุขตฺจ ทีเปนฺโต อนิจฺจตํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺส ทสฺเสติ. ‘‘สติ, นาสติ, อุปฺปาทา, น นิโรธา’’ติ ปน เหตุอตฺเถหิ ภุมฺมนิสฺสกฺกวจเนหิ สมตฺถิตํ นิทานสมุทยชาติปภวภาวํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺส ทสฺเสติ. เหตุอตฺถตา เจตฺถ ภุมฺมวจเน ยสฺส ภาเว ตทวินาภาวิผลสฺส ภาโว ลกฺขียติ, ตตฺถ ปวตฺติยา เวทิตพฺพา ยถา ‘‘อธนานํ ธเน อนนุปฺปทียมาเน ทาลิทฺทิยํ เวปุลฺลํ อคมาสี’’ติ (ที. นิ. ๓.๙๑) จ ‘‘นิปฺผนฺเนสุ สสฺเสสุ สุภิกฺขํ ชายตี’’ติ จ. นิสฺสกฺกวจนสฺสาปิ เหตุอตฺถตา ผลสฺส ปภเว ปกติยฺจ ปวตฺติโต ยถา ‘‘กลลา โหติ ¶ อพฺพุทํ, อพฺพุทา ชายตี เปสี’’ติ (สํ. นิ. ๑.๒๓๕) จ ‘‘หิมวตา คงฺคา ปภวนฺติ, สิงฺคโต สโร ชายตี’’ติ จ. อวิชฺชาทิภาเว จ ตทวินาภาเวน สงฺขาราทิภาโว ลกฺขียติ, อวิชฺชาทีหิ จ สงฺขาราทโย ปภวนฺติ ปกริยนฺติ ¶ จาติ เต เตสํ ปภโว ปกติ จ, ตสฺมา ตทตฺถทีปนตฺถํ ‘‘อิมสฺมึ สติ อิมสฺส อุปฺปาทา’’ติ เหตุอตฺเถ ภุมฺมนิสฺสกฺกนิทฺเทสา กตาติ.
ยสฺมา ¶ เจตฺถ ‘‘อิมสฺมึ สติ อิทํ โหติ, อิมสฺสุปฺปาทา อิทํ อุปฺปชฺชตี’’ติ สงฺเขเปน อุทฺทิฏฺสฺส ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺส ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา’’ติอาทิโก นิทฺเทโส, ตสฺมา ยถาวุตฺโต อตฺถิภาโว อุปฺปาโท จ เตสํ เตสํ ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺมานํ ปจฺจยภาโวติ วิฺายติ. น หิ อนิรุทฺธตาสงฺขาตํ อตฺถิภาวํ อุปฺปาทฺจ อนิวตฺตสภาวตาสงฺขาตํ อุทยาวตฺถตาสงฺขาตํ วา ‘‘สติ เอว, นาสติ, อุปฺปาทา เอว, น นิโรธา’’ติ อนฺโตคธนิยเมหิ วจเนหิ อภิหิตํ มฺุจิตฺวา อฺโ ปจฺจยภาโว นาม อตฺถิ, ตสฺมา ยถาวุตฺโต อตฺถิภาโว อุปฺปาโท จ ปจฺจยภาโวติ เวทิตพฺพํ. เยปิ ปฏฺาเน อาคตา เหตุอาทโย จตุวีสติ ปจฺจยา, เตปิ เอตสฺเสว ปจฺจยภาวสฺส วิเสสาติ เวทิตพฺพา. อิติ ยถา วิตฺถาเรน อนุโลมํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ มนสิ อกาสิ, ตํ ทสฺเสตุํ, ‘‘ยทิทํ อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
ตตฺถ ยทิทนฺติ นิปาโต, ตสฺส โย อยนฺติ อตฺโถ. อวิชฺชาปจฺจยาติอาทีสุ อวินฺทิยํ กายทุจฺจริตาทึ วินฺทตีติ อวิชฺชา, วินฺทิยํ กายสุจริตาทึ น วินฺทตีติ อวิชฺชา, ธมฺมานํ อวิปรีตสภาวํ อวิทิตํ กโรตีติ อวิชฺชา, อนฺตวิรหิเต สํสาเร ภวาทีสุ สตฺเต ชวาเปตีติ อวิชฺชา, อวิชฺชมาเนสุ ชวติ วิชฺชมาเนสุ น ชวตีติ อวิชฺชา, วิชฺชาย ปฏิปกฺขาติ อวิชฺชา, สา ‘‘ทุกฺเข อฺาณ’’นฺติอาทินา จตุพฺพิธา เวทิตพฺพา. ปฏิจฺจ น วินา ผลํ เอติ อุปฺปชฺชติ เจว ปวตฺตติ จาติ ปจฺจโย, อุปการกตฺโถ วา ปจฺจโย. อวิชฺชา จ สา ปจฺจโย จาติ อวิชฺชาปจฺจโย, ตสฺมา อวิชฺชาปจฺจยา. สงฺขโรนฺตีติ สงฺขารา, โลกิยกุสลากุสลเจตนา, สา ปฺุาปฺุาเนฺชาภิสงฺขารวเสน ติวิธา เวทิตพฺพา. วิชานาตีติ วิฺาณํ, ตํ โลกิยวิปากวิฺาณวเสน ทฺวตฺตึสวิธํ. นมตีติ นามํ, เวทนาทิกฺขนฺธตฺตยํ. รุปฺปตีติ รูปํ, ภูตรูปํ จกฺขาทิอุปาทารูปฺจ. อายตติ อายตฺจ ¶ สํสารทุกฺขํ นยตีติ อายตนํ ¶ . ผุสตีติ ผสฺโส. เวทยตีติ เวทนา. อิทมฺปิ ทฺวยํ ทฺวารวเสน ฉพฺพิธํ, วิปากวเสน คหเณ ฉตฺตึสวิธํ. ปริตสฺสตีติ ตณฺหา, สา กามตณฺหาทิวเสน สงฺเขปโต ติวิธา, วิตฺถารโต อฏฺุตฺตรสตวิธา จ. อุปาทียตีติ อุปาทานํ, ตํ กามุปาทานาทิวเสน จตุพฺพิธํ. ภวติ ภาวยติ จาติ ภโว, โส กมฺมูปปตฺติเภทโต ทุวิโธ. ชนนํ ชาติ. ชีรณํ ชรา. มรนฺติ เตนาติ มรณํ. โสจนํ โสโก. ปริเทวนํ ปริเทโว. ทุกฺขยตีติ ทุกฺขํ, อุปฺปาทฏฺิติวเสน ทฺเวธา ขณตีติ ทุกฺขํ. ทุมนสฺส ภาโว โทมนสฺสํ. ภุโส อายาโส อุปายาโส ¶ . สมฺภวนฺตีติ นิพฺพตฺตนฺติ. น เกวลฺจ โสกาทีหิเยว, อถ โข สพฺพปเทหิ ‘‘สมฺภวนฺตี’’ติ ปทสฺส โยชนา กาตพฺพา. เอวฺหิ ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา สมฺภวนฺตี’’ติ ปจฺจยปจฺจยุปฺปนฺนววตฺถานํ ทสฺสิตํ โหติ. เอส นโย สพฺพตฺถ.
ตตฺถ อฺาณลกฺขณา อวิชฺชา, สมฺโมหนรสา, ฉาทนปจฺจุปฏฺานา, อาสวปทฏฺานา. อภิสงฺขรณลกฺขณา สงฺขารา, อายูหนรสา, สํวิทหนปจฺจุปฏฺานา, อวิชฺชาปทฏฺานา. วิชานนลกฺขณํ วิฺาณํ, ปุพฺพงฺคมรสํ, ปฏิสนฺธิปจฺจุปฏฺานํ, สงฺขารปทฏฺานํ, วตฺถารมฺมณปทฏฺานํ วา. นมนลกฺขณํ นามํ, สมฺปโยครสํ, อวินิพฺโภคปจฺจุปฏฺานํ, วิฺาณปทฏฺานํ. รุปฺปนลกฺขณํ รูปํ, วิกิรณรสํ, อปฺปเหยฺยภาวปจฺจุปฏฺานํ, วิฺาณปทฏฺานํ. อายตนลกฺขณํ สฬายตนํ, ทสฺสนาทิรสํ, วตฺถุทฺวารภาวปจฺจุปฏฺานํ, นามรูปปทฏฺานํ. ผุสนลกฺขโณ ผสฺโส, สงฺฆฏฺฏนรโส, สงฺคติปจฺจุปฏฺาโน, สฬายตนปทฏฺาโน. อนุภวนลกฺขณา ¶ เวทนา, วิสยรสสมฺโภครสา, สุขทุกฺขปจฺจุปฏฺานา, ผสฺสปทฏฺานา. เหตุภาวลกฺขณา ตณฺหา, อภินนฺทนรสา, อติตฺติภาวปจฺจุปฏฺานา, เวทนาปทฏฺานา. คหณลกฺขณํ อุปาทานํ, อมฺุจนรสํ, ตณฺหาทฬฺหตฺตทิฏฺิปจฺจุปฏฺานํ, ตณฺหาปทฏฺานํ. กมฺมกมฺมผลลกฺขโณ ภโว, ภวนภาวนรโส, กุสลากุสลาพฺยากตปจฺจุปฏฺาโน, อุปาทานปทฏฺาโน. ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปมาภินิพฺพตฺติลกฺขณา ชาติ, นิยฺยาตนรสา, อตีตภวโต อิธุปฺปนฺนปจฺจุปฏฺานา, ทุกฺขวิจิตฺตตาปจฺจุปฏฺานา วา. ขนฺธปริปากลกฺขณา ชรา, มรณูปนยนรสา, โยพฺพนวินาสปจฺจุปฏฺานา. จุติลกฺขณํ มรณํ ¶ , วิสํโยครสํ, คติวิปฺปวาสปจฺจุปฏฺานํ. อนฺโตนิชฺฌานลกฺขโณ โสโก, เจตโส นิชฺฌานรโส, อนุโสจนปจฺจุปฏฺาโน. ลาลปฺปนลกฺขโณ ปริเทโว, คุณโทสปริกิตฺตนรโส, สมฺภมปจฺจุปฏฺาโน. กายปีฬนลกฺขณํ ทุกฺขํ, ทุปฺปฺานํ โทมนสฺสกรณรสํ, กายิกาพาธปจฺจุปฏฺานํ. จิตฺตปีฬนลกฺขณํ โทมนสฺสํ, มโนวิฆาตนรสํ, มานสพฺยาธิปจฺจุปฏฺานํ. จิตฺตปริทหนลกฺขโณ อุปายาโส, นิตฺถุนนรโส, วิสาทปจฺจุปฏฺาโน. เอวเมเต อวิชฺชาทโย ลกฺขณาทิโตปิ เวทิตพฺพาติ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน สพฺพาการสมฺปนฺนํ วินิจฺฉยํ อิจฺฉนฺเตน สมฺโมหวิโนทนิยา (วิภ. อฏฺ. ๒๒๕) วิภงฺคฏฺกถาย คเหตพฺโพ.
เอวนฺติ นิทฺทิฏฺสฺส นิทสฺสนํ, เตน อวิชฺชาทีเหว การเณหิ, น อิสฺสรนิมฺมานาทีหีติ ทสฺเสติ. เอตสฺสาติ ยถาวุตฺตสฺส. เกวลสฺสาติ อสมฺมิสฺสสฺส สกลสฺส วา. ทุกฺขกฺขนฺธสฺสาติ ¶ ทุกฺขสมูหสฺส, น สตฺตสฺส, นาปิ ชีวสฺส, นาปิ สุภสุขาทีนํ. สมุทโย โหตีติ นิพฺพตฺติ สมฺภวติ.
เอตมตฺถํ ¶ วิทิตฺวาติ ยฺวายํ อวิชฺชาทิวเสน สงฺขาราทิกสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุทโย โหตีติ วุตฺโต, สพฺพากาเรน เอตมตฺถํ วิทิตฺวา. ตายํ เวลายนฺติ ตายํ ตสฺส อตฺถสฺส วิทิตเวลายํ. อิมํ อุทานํ อุทาเนสีติ อิมํ ตสฺมึ อตฺเถ วิทิเต เหตุโน จ เหตุสมุปฺปนฺนธมฺมสฺส จ ปชานนาย อานุภาวทีปกํ ‘‘ยทา หเว ปาตุภวนฺตี’’ติอาทิกํ โสมนสฺสสมฺปยุตฺตาณสมุฏฺานํ อุทานํ อุทาเนสิ, อตฺตมนวาจํ นิจฺฉาเรสีติ วุตฺตํ โหติ.
ตสฺสตฺโถ – ยทาติ ยสฺมึ กาเล. หเวติ พฺยตฺตนฺติ อิมสฺมึ อตฺเถ นิปาโต. เกจิ ปน ‘‘หเวติ อาหเว ยุทฺเธ’’ติ อตฺถํ วทนฺติ, ‘‘โยเธถ มารํ ปฺาวุเธนา’’ติ (ธ. ป. ๔๐) วจนโต กิเลสมาเรน ยุชฺฌนสมเยติ เตสํ อธิปฺปาโย. ปาตุภวนฺตีติ อุปฺปชฺชนฺติ. ธมฺมาติ อนุโลมปจฺจยาการปฏิเวธสาธกา โพธิปกฺขิยธมฺมา. อถ วา ปาตุภวนฺตีติ ปกาเสนฺติ, อภิสมยวเสน พฺยตฺตา ปากฏา โหนฺติ. ธมฺมาติ จตุอริยสจฺจธมฺมา, อาตาโป วุจฺจติ กิเลสสนฺตาปนฏฺเน วีริยํ. อาตาปิโนติ สมฺมปฺปธานวีริยวโต. ฌายโตติ อารมฺมณูปนิชฺฌาเนน ¶ ลกฺขณูปนิชฺฌาเนน ฌายนฺตสฺส. พฺราหฺมณสฺสาติ พาหิตปาปสฺส ขีณาสวสฺส. อถสฺส กงฺขา วปยนฺติ สพฺพาติ อถสฺส เอวํ ปาตุภูตธมฺมสฺส ยา เอตา ‘‘โก นุ โข, ภนฺเต, ผุสตีติ. โน กลฺโล ปฺโหติ ภควา อโวจา’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๒.๑๒) นเยน, ‘‘กตมํ นุ โข, ภนฺเต, ชรามรณํ, กสฺส จ ปนิทํ ชรามรณนฺติ. โน กลฺโล ปฺโหติ ภควา อโวจา’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๒.๓๕) นเยน ปจฺจยากาเร กงฺขา วุตฺตา, ยา จ ปจฺจยาการสฺเสว อปฺปฏิวิทฺธตฺตา ‘‘อโหสึ นุ โข อหํ อตีตมทฺธาน’’นฺติอาทินา (ม. นิ. ๑.๑๘; สํ. นิ. ๒.๒๐) โสฬส กงฺขา อาคตา. ตา สพฺพา วปยนฺติ อปคจฺฉนฺติ นิรุชฺฌนฺติ. กสฺมา? ยโต ปชานาติ สเหตุธมฺมํ, ยสฺมา อวิชฺชาทิเกน เหตุนา สเหตุกํ อิมํ สงฺขาราทิกํ เกวลํ ทุกฺขกฺขนฺธธมฺมํ ปชานาติ อฺาสิ ปฏิวิชฺฌีติ.
กทา ปนสฺส โพธิปกฺขิยธมฺมา จตุสจฺจธมฺมา วา ปาตุภวนฺติ อุปฺปชฺชนฺติ ปกาเสนฺติ วา? วิปสฺสนามคฺคาเณสุ ¶ . ตตฺถ วิปสฺสนาาณสมฺปยุตฺตา สติอาทโย วิปสฺสนาาณฺจ ยถารหํ อตฺตโน วิสเยสุ ตทงฺคปฺปหานวเสน สุภสฺาทิเก ปชหนฺตา กายานุปสฺสนาทิวเสน วิสุํ วิสุํ อุปฺปชฺชนฺติ, มคฺคกฺขเณ ปน เต นิพฺพานมาลมฺพิตฺวา สมุจฺเฉทวเสน ปฏิปกฺเข ปชหนฺตา ¶ จตูสุปิ อริยสจฺเจสุ อสมฺโมหปฺปฏิเวธสาธนวเสน สกิเทว อุปฺปชฺชนฺติ. เอวํ ตาเวตฺถ โพธิปกฺขิยธมฺมานํ อุปฺปชฺชนฏฺเน ปาตุภาโว เวทิตพฺโพ.
อริยสจฺจธมฺมานํ ปน โลกิยานํ วิปสฺสนากฺขเณ วิปสฺสนาย อารมฺมณกรณวเสน, โลกุตฺตรานํ ตทธิมุตฺตตาวเสน, มคฺคกฺขเณ นิโรธสจฺจสฺส อารมฺมณาภิสมยวเสน, สพฺเพสมฺปิ กิจฺจาภิสมยวเสน ปากฏภาวโต ปกาสนฏฺเน ปาตุภาโว เวทิตพฺโพ.
อิติ ภควา สติปิ สพฺพากาเรน สพฺพธมฺมานํ อตฺตโน าณสฺส ปากฏภาเว ปฏิจฺจสมุปฺปาทมุเขน วิปสฺสนาภินิเวสสฺส กตตฺตา นิปุณคมฺภีรสุทุทฺทสตาย ปจฺจยาการสฺส ตํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา อุปฺปนฺนพลวโสมนสฺโส ปฏิปกฺขสมุจฺเฉทวิภาวเนน สทฺธึ อตฺตโน ตทภิสมยานุภาวทีปกเมเวตฺถ อุทานํ อุทาเนสีติ.
อยมฺปิ ¶ อุทาโน วุตฺโต ภควตา อิติ เม สุตนฺติ อยํ ปาฬิ เกสุจิเยว โปตฺถเกสุ ทิสฺสติ. ตตฺถ อยมฺปีติ ปิสทฺโท ‘‘อิทมฺปิ พุทฺเธ รตนํ ปณีตํ, อยมฺปิ ปาราชิโก โหตี’’ติอาทีสุ วิย สมฺปิณฺฑนตฺโถ, เตน อุปริมํ สมฺปิณฺเฑติ. วุตฺโตติ อยํ วุตฺตสทฺโท เกโสหารณวปฺปนวาปสมีกรณชีวิตวุตฺติปมุตฺตภาวปาวจนภาเวน ปวตฺตน อชฺเฌนกถนาทีสุ ทิสฺสติ. ตถา เหส ‘‘กาปฏิโก มาณโว ทหโร วุตฺตสิโร’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๔๒๖) เกโสหารเณ อาคโต.
‘‘คาโว ตสฺส ปชายนฺติ, เขตฺเต วุตฺตํ วิรูหติ;
วุตฺตานํ ผลมสฺนาติ, โย มิตฺตานํ น ทุพฺภตี’’ติ. –
อาทีสุ ¶ (ชา. ๒.๒๒.๑๙) วปฺปเน. ‘‘โน จ โข ปฏิวุตฺต’’นฺติอาทีสุ (ปารา. ๒๘๙) อฏฺทณฺฑกาทีหิ วาปสมีกรเณ. ‘‘ปนฺนโลโม ปรทตฺตวุตฺโต มิคภูเตน เจตสา วิหรามี’’ติอาทีสุ (จูฬว. ๓๓๒) ชีวิตวุตฺติยํ. ‘‘ปณฺฑุปลาโส พนฺธนา ปวุตฺโต อภพฺโพ หริตตฺตายา’’ติอาทีสุ (ปารา. ๙๒) พนฺธนโต ปมุตฺตภาเว. ‘‘คีตํ วุตฺตํ สมีหิต’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๘๕) ปาวจนภาเวน ปวตฺติเต. ‘‘วุตฺโต ปารายโณ’’ติอาทีสุ อชฺเฌเน. ‘‘วุตฺตํ โข ปเนตํ ภควตา ‘ธมฺมทายาทา เม, ภิกฺขเว, ภวถ, มา อามิสทายาทา’’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๐) กถเน. อิธาปิ กถเน เอว ทฏฺพฺโพ, เตน อยมฺปิ อุทาโน ภาสิโตติ อตฺโถ. อิตีติ เอวํ. เม สุตนฺติ ปททฺวยสฺส อตฺโถ นิทานวณฺณนายํ ¶ สพฺพาการโต วุตฺโตเยว. ปุพฺเพ ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติ นิทานวเสน วุตฺโตเยว หิ อตฺโถ อิธ นิคมนวเสน ‘‘อิติ เม สุต’’นฺติ ปุน วุตฺโต. วุตฺตสฺเสว หิ อตฺถสฺส ปุน วจนํ นิคมนนฺติ. อิติสทฺทสฺส อตฺถุทฺธาโร เอวํ-สทฺเทน สมานตฺถตาย ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติ เอตฺถ วิย, อตฺถโยชนา จ อิติวุตฺตกวณฺณนาย อมฺเหหิ ปกาสิตาเยวาติ ตตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพติ.
ปรมตฺถทีปนิยา ขุทฺทกนิกายฏฺกถาย
อุทานสํวณฺณนาปมโพธิสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. ทุติยโพธิสุตฺตวณฺณนา
๒. ทุติเย ¶ ปฏิโลมนฺติ ‘‘อวิชฺชานิโรธา สงฺขารนิโรโธ’’ติอาทินา นเยน วุตฺโต อวิชฺชาทิโกเยว ปจฺจยากาโร อนุปฺปาทนิโรเธน นิรุชฺฌมาโน อตฺตโน กตฺตพฺพกิจฺจสฺส อกรณโต ปฏิโลโมติ วุจฺจติ. ปวตฺติยา วา วิโลมนโต ปฏิโลโม, อนฺตโต ¶ ปน มชฺฌโต วา ปฏฺาย อาทึ ปาเปตฺวา อวุตฺตตฺตา อิโต อฺเนตฺเถเนตฺถ ปฏิโลมตา น ยุชฺชติ. ปฏิโลมนฺติ จ ‘‘วิสมํ จนฺทสูริยา ปริวตฺตนฺตี’’ติอาทีสุ วิย ภาวนปุํสกนิทฺเทโส. อิมสฺมึ อสติ อิทํ น โหตีติ อิมสฺมึ อวิชฺชาทิเก ปจฺจเย อสติ มคฺเคน ปหีเน อิทํ สงฺขาราทิกํ ผลํ น โหติ นปฺปวตฺตติ. อิมสฺส นิโรธา อิทํ นิรุชฺฌตีติ อิมสฺส อวิชฺชาทิกสฺส ปจฺจยสฺส นิโรธา มคฺเคน อนุปฺปตฺติธมฺมตํ อาปาทิตตฺตา อิทํ สงฺขาราทิกํ ผลํ นิรุชฺฌติ, นปฺปวตฺตตีติ อตฺโถ. อิธาปิ ยถา ‘‘อิมสฺมึ สติ อิทํ โหติ, อิมสฺสุปฺปาทา อิทํ อุปฺปชฺชตี’’ติ เอตฺถ ‘‘อิมสฺมึ สติเยว, นาสติ, อิมสฺส อุปฺปาทา เอว, น นิโรธา’’ติ อนฺโตคธนิยมตา ทสฺสิตา. เอวํ อิมสฺมึ อสติเยว, น สติ, อิมสฺส นิโรธา เอว, น อุปฺปาทาติ อนฺโตคธนิยมตาลกฺขณา ทสฺสิตาติ เวทิตพฺพํ. เสสเมตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ ปมโพธิสุตฺตวณฺณนาย วุตฺตนยานุสาเรน เวทิตพฺพํ.
เอวํ ยถา ภควา ปฏิโลมปฏิจฺจสมุปฺปาทํ มนสิ อกาสิ, ตํ สงฺเขเปน ทสฺเสตฺวา อิทานิ วิตฺถาเรน ทสฺเสตุํ ‘‘อวิชฺชานิโรธา สงฺขารนิโรโธ’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อวิชฺชานิโรธาติ อริยมคฺเคน อวิชฺชาย อนวเสสนิโรธา, อนุสยปฺปหานวเสน อคฺคมคฺเคน อวิชฺชาย ¶ อจฺจนฺตสมุคฺฆาฏโตติ อตฺโถ. ยทิปิ เหฏฺิมมคฺเคหิ ปหียมานา อวิชฺชา อจฺจนฺตสมุคฺฆาฏวเสเนว ปหียติ, ตถาปิ น อนวเสสโต ปหียติ. อปายคามินิยา หิ อวิชฺชา ปมมคฺเคน ปหียติ. ตถา สกิเทว อิมสฺมึ โลเก สพฺพตฺถ จ อนริยภูมิยํ อุปปตฺติปจฺจยภูตา อวิชฺชา ยถากฺกมํ ทุติยตติยมคฺเคหิ ปหียติ, น อิตราติ. อรหตฺตมคฺเคเนว หิ สา อนวเสสํ ปหียตีติ. สงฺขารนิโรโธติ สงฺขารานํ อนุปฺปาทนิโรโธ โหติ. เอวํ นิรุทฺธานํ ปน สงฺขารานํ นิโรธา วิฺาณํ, วิฺาณาทีนฺจ นิโรธา นามรูปาทีนิ นิรุทฺธานิ เอว โหนฺตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘สงฺขารนิโรธา วิฺาณนิโรโธ’’ติอาทึ วตฺวา ‘‘เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส นิโรโธ โหตี’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตนยเมว.
อปิเจตฺถ ¶ กิฺจาปิ ‘‘อวิชฺชานิโรธา สงฺขารนิโรโธ, สงฺขารนิโรธา วิฺาณนิโรโธ’’ติ ¶ เอตฺตาวตาปิ สกลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส อนวเสสโต นิโรโธ วุตฺโต โหติ, ตถาปิ ยถา อนุโลเม ยสฺส ยสฺส ปจฺจยธมฺมสฺส อตฺถิตาย โย โย ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺโม น นิรุชฺฌติ ปวตฺตติ เอวาติ อิมสฺส อตฺถสฺส ทสฺสนตฺถํ ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา…เป… สมุทโย โหตี’’ติ วุตฺตํ. เอวํ ตปฺปฏิปกฺขโต ตสฺส ตสฺส ปจฺจยธมฺมสฺส อภาเว โส โส ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺโม นิรุชฺฌติ นปฺปวตฺตตีติ ทสฺสนตฺถํ อิธ ‘‘อวิชฺชานิโรธา สงฺขารนิโรโธ, สงฺขารนิโรธา วิฺาณนิโรโธ…เป… ทุกฺขกฺขนฺธสฺส นิโรโธ โหตี’’ติ วุตฺตํ, น ปน อนุโลเม วิย กาลตฺตยปริยาปนฺนสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส นิโรธทสฺสนตฺถํ. อนาคตสฺเสว หิ อริยมคฺคภาวนาย อสติ อุปฺปชฺชนารหสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส อริยมคฺคภาวนาย นิโรโธ อิจฺฉิโตติ อยมฺปิ วิเสโส เวทิตพฺโพ.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ ยฺวายํ ‘‘อวิชฺชานิโรธาทิวเสน สงฺขาราทิกสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส นิโรโธ โหตี’’ติ วุตฺโต, สพฺพากาเรน เอตมตฺถํ วิทิตฺวา. อิมํ อุทานํ อุทาเนสีติ อิมสฺมึ อตฺเถ วิทิเต ‘‘อวิชฺชานิโรธา สงฺขารนิโรโธ’’ติ เอวํ ปกาสิตสฺส อวิชฺชาทีนํ ปจฺจยานํ ขยสฺส อวโพธานุภาวทีปกํ อุทานํ อุทาเนสีติ อตฺโถ.
ตตฺรายํ สงฺเขปตฺโถ – ยสฺมา อวิชฺชาทีนํ ปจฺจยานํ อนุปฺปาทนิโรธสงฺขาตํ ขยํ อเวทิ อฺาสิ ปฏิวิชฺฌิ, ตสฺมา เอตสฺส วุตฺตนเยน อาตาปิโน ฌายโต พฺราหฺมณสฺส วุตฺตปฺปการา โพธิปกฺขิยธมฺมา จตุสจฺจธมฺมา วา ปาตุภวนฺติ อุปฺปชฺชนฺติ ปกาเสนฺติ วา. อถ ยา ปจฺจยนิโรธสฺส ¶ สมฺมา อวิทิตตฺตา อุปฺปชฺเชยฺยุํ ปุพฺเพ วุตฺตปฺปเภทา กงฺขา, ตา สพฺพาปิ วปยนฺติ นิรุชฺฌนฺตีติ. เสสํ เหฏฺา วุตฺตนยเมว.
ทุติยโพธิสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ตติยโพธิสุตฺตวณฺณนา
๓. ตติเย ¶ อนุโลมปฏิโลมนฺติ อนุโลมฺจ ปฏิโลมฺจ, ยถาวุตฺตอนุโลมวเสน เจว ปฏิโลมวเสน จาติ อตฺโถ. นนุ จ ปุพฺเพปิ ¶ อนุโลมวเสน ปฏิโลมวเสน จ ปฏิจฺจสมุปฺปาเท มนสิการปฺปวตฺติ สุตฺตทฺวเย วุตฺตา, อิธ กสฺมา ปุนปิ ตทุภยวเสน มนสิการปฺปวตฺติ วุจฺจตีติ? ตทุภยวเสน ตติยวารํ ตตฺถ มนสิการสฺส ปวตฺติตตฺตา. กถํ ปน ตทุภยวเสน มนสิกาโร ปวตฺติโต? น หิ สกฺกา อปุพฺพํ อจริมํ อนุโลมปฏิโลมํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺส มนสิการํ ปวตฺเตตุนฺติ? น โข ปเนตํ เอวํ ทฏฺพฺพํ ‘‘ตทุภยํ เอกชฺฌํ มนสากาสี’’ติ, อถ โข วาเรน. ภควา หิ ปมํ อนุโลมวเสน ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ มนสิ กริตฺวา ตทนุรูปํ ปมํ อุทานํ อุทาเนสิ. ทุติยมฺปิ ปฏิโลมวเสน ตํ มนสิ กริตฺวา ตทนุรูปเมว อุทานํ อุทาเนสิ. ตติยวาเร ปน กาเลน อนุโลมํ กาเลน ปฏิโลมํ มนสิกรณวเสน อนุโลมปฏิโลมํ มนสิ อกาสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อนุโลมปฏิโลมนฺติ อนุโลมฺจ ปฏิโลมฺจ, ยถาวุตฺตอนุโลมวเสน เจว ปฏิโลมวเสน จา’’ติ. อิมินา มนสิการสฺส ปคุณพลวภาโว จ วสีภาโว จ ปกาสิโต โหติ. เอตฺถ จ ‘‘อนุโลมํ มนสิ กริสฺสามิ, ปฏิโลมํ มนสิ กริสฺสามิ, อนุโลมปฏิโลมํ มนสิ กริสฺสามี’’ติ เอวํ ปวตฺตานํ ปุพฺพาโภคานํ วเสน เนสํ วิภาโค เวทิตพฺโพ.
ตตฺถ อวิชฺชาย ตฺเววาติ อวิชฺชาย ตุ เอว. อเสสวิราคนิโรธาติ วิราคสงฺขาเตน มคฺเคน อเสสนิโรธา, อคฺคมคฺเคน อนวเสสอนุปฺปาทปฺปหานาติ อตฺโถ. สงฺขารนิโรโธติ สพฺเพสํ สงฺขารานํ อนวเสสํ อนุปฺปาทนิโรโธ. เหฏฺิเมน หิ มคฺคตฺตเยน เกจิ สงฺขารา นิรุชฺฌนฺติ, เกจิ น นิรุชฺฌนฺติ อวิชฺชาย สาวเสสนิโรธา. อคฺคมคฺเคน ปนสฺสา อนวเสสนิโรธา น เกจิ สงฺขารา น นิรุชฺฌนฺตีติ.
เอตมตฺถํ ¶ วิทิตฺวาติ ยฺวายํ อวิชฺชาทิวเสน สงฺขาราทิกสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุทโย นิโรโธ จ อวิชฺชาทีนํ สมุทยา นิโรธา จ โหตีติ วุตฺโต, สพฺพากาเรน เอตมตฺถํ วิทิตฺวา. อิมํ อุทานํ อุทาเนสีติ อิทํ เยน มคฺเคน โย ¶ ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุทยนิโรธสงฺขาโต อตฺโถ กิจฺจวเสน อารมฺมณกิริยาย จ วิทิโต, ตสฺส อริยมคฺคสฺส อานุภาวทีปกํ วุตฺตปฺปการํ อุทานํ อุทาเนสีติ อตฺโถ.
ตตฺรายํ สงฺเขปตฺโถ – ยทา หเว ปาตุภวนฺติ ธมฺมา อาตาปิโน ฌายโต พฺราหฺมณสฺส, ตทา โส พฺราหฺมโณ เตหิ อุปฺปนฺเนหิ โพธิปกฺขิยธมฺเมหิ ยสฺส วา อริยมคฺคสฺส จตุสจฺจธมฺมา ปาตุภูตา ¶ , เตน อริยมคฺเคน วิธูปยํ ติฏฺติ มารเสนํ, ‘‘กามา เต ปมา เสนา’’ติอาทินา (สุ. นิ. ๔๓๘; มหานิ. ๒๘; จูฬนิ. นนฺทมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๔๗) นเยน วุตฺตปฺปการํ มารเสนํ วิธูปยนฺโต วิธเมนฺโต วิทฺธํเสนฺโต ติฏฺติ. กถํ? สูริโยว โอภาสยมนฺตลิกฺขํ, ยถา สูริโย อพฺภุคฺคโต อตฺตโน ปภาย อนฺตลิกฺขํ โอภาเสนฺโตว อนฺธการํ วิธเมนฺโต ติฏฺติ, เอวํ โสปิ ขีณาสวพฺราหฺมโณ เตหิ ธมฺเมหิ เตน วา อริยมคฺเคน สจฺจานิ ปฏิวิชฺฌนฺโตว มารเสนํ วิธูปยนฺโต ติฏฺตีติ.
เอวํ ภควตา ปมํ ปจฺจยาการปชานนสฺส, ทุติยํ ปจฺจยกฺขยาธิคมสฺส, ตติยํ อริยมคฺคสฺส อานุภาวปฺปกาสนานิ อิมานิ ตีณิ อุทานานิ ตีสุ ยาเมสุ ภาสิตานิ. กตราย รตฺติยา? อภิสมฺโพธิโต สตฺตมาย รตฺติยา. ภควา หิ วิสาขปุณฺณมาย รตฺติยา ปมยาเม ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสริตฺวา มชฺฌิมยาเม ทิพฺพจกฺขุํ วิโสเธตฺวา ปจฺฉิมยาเม ปฏิจฺจสมุปฺปาเท าณํ โอตาเรตฺวา นานานเยหิ เตภูมกสงฺขาเร สมฺมสิตฺวา ‘‘อิทานิ อรุโณ อุคฺคมิสฺสตี’’ติ สมฺมาสมฺโพธึ ปาปุณิ, สพฺพฺุตปฺปตฺติสมนนฺตรเมว จ อรุโณ อุคฺคจฺฉีติ. ตโต เตเนว ปลฺลงฺเกน โพธิรุกฺขมูเล สตฺตาหํ วีตินาเมนฺโต สมฺปตฺตาย ปาฏิปทรตฺติยา ตีสุ ยาเมสุ วุตฺตนเยน ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ มนสิ กริตฺวา ยถากฺกมํ อิมานิ อุทานานิ อุทาเนสิ.
ขนฺธเก ปน ตีสุปิ วาเรสุ ‘‘ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ อนุโลมปฏิโลมํ มนสากาสี’’ติ (มหาว. ๑) อาคตตฺตา ขนฺธกฏฺกถายํ ‘‘ตีสุปิ ยาเมสุ เอวํ มนสิ กตฺวา ปมํ อุทานํ ปจฺจยาการปจฺจเวกฺขณวเสน, ทุติยํ นิพฺพานปจฺจเวกฺขณวเสน, ตติยํ มคฺคปจฺจเวกฺขณวเสนาติ เอวํ อิมานิ ภควา อุทานานิ อุทาเนสี’’ติ วุตฺตํ, ตมฺปิ น วิรุชฺฌติ. ภควา ¶ หิ เปตฺวา รตนฆรสตฺตาหํ เสเสสุ ฉสุ สตฺตาเหสุ อนฺตรนฺตรา ธมฺมํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ¶ เยภุยฺเยน วิมุตฺติสุขปฏิสํเวที วิหาสิ, รตนฆรสตฺตาเห ปน อภิธมฺมปริจยวเสเนว วิหาสีติ.
ตติยโพธิสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. หุํหุงฺกสุตฺตวณฺณนา
๔. จตุตฺเถ ¶ อชปาลนิคฺโรเธติ ตสฺส กิร ฉายายํ อชปาลา คนฺตฺวา นิสีทนฺติ, เตนสฺส ‘‘อชปาลนิคฺโรโธ’’ตฺเวว นามํ อุทปาทิ. เกจิ ปน ‘‘ยสฺมา ตตฺถ เวเท สชฺฌายิตุํ อสมตฺถา มหลฺลกพฺราหฺมณา ปาการปริกฺเขปยุตฺตานิ นิเวสนานิ กตฺวา สพฺเพ วสึสุ, ตสฺมา อชปาลนิคฺโรโธติ นามํ ชาต’’นฺติ วทนฺติ. ตตฺรายํ วจนตฺโถ – น ชปนฺตีติ อชปา, มนฺตานํ อนชฺฌายกาติ อตฺโถ, อชปา ลนฺติ อาทิยนฺติ นิวาสํ เอตฺถาติ อชปาโลติ. ยสฺมา วา มชฺฌนฺหิเก สมเย อนฺโต ปวิฏฺเ อเช อตฺตโน ฉายาย ปาเลติ รกฺขติ, ตสฺมา ‘อชปาโล’ติสฺส นามํ รูฬฺหนฺติ อปเร. สพฺพถาปิ นามเมตํ ตสฺส รุกฺขสฺส, ตสฺส สมีเป. สมีปตฺเถ หิ เอตํ ภุมฺมํ ‘‘อชปาลนิคฺโรเธ’’ติ.
วิมุตฺติสุขปฏิสํเวทีติ ตตฺรปิ ธมฺมํ วิจินนฺโต วิมุตฺติสุขฺจ ปฏิสํเวเทนฺโต นิสีทิ. โพธิรุกฺขโต ปุรตฺถิมทิสาภาเค เอส รุกฺโข โหติ. สตฺตาหนฺติ จ อิทํ น ปลฺลงฺกสตฺตาหโต อนนฺตรสตฺตาหํ. ภควา หิ ปลฺลงฺกสตฺตาหโต อปรานิปิ ตีณิ สตฺตาหานิ โพธิสมีเปเยว วีตินาเมสิ.
ตตฺรายํ อนุปุพฺพิกถา – ภควติ กิร สมฺมาสมฺโพธึ ปตฺวา สตฺตาหํ เอกปลฺลงฺเกน นิสินฺเน ‘‘น ภควา วุฏฺาติ, กินฺนุ โข อฺเปิ ¶ พุทฺธตฺตกรา ธมฺมา อตฺถี’’ติ เอกจฺจานํ เทวตานํ กงฺขา อุทปาทิ. อถ ภควา อฏฺเม ทิวเส สมาปตฺติโต วุฏฺาย เทวตานํ กงฺขํ ตฺวา กงฺขาวิธมนตฺถํ อากาเส อุปฺปติตฺวา ยมกปาฏิหาริยํ ทสฺเสตฺวา ตาสํ กงฺขํ วิธเมตฺวา ปลฺลงฺกโต อีสกํ ปาจีนนิสฺสิเต อุตฺตรทิสาภาเค ตฺวา จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ กปฺปสตสหสฺสฺจ อุปจิตานํ ปารมีนํ พลาธิคมฏฺานํ ปลฺลงฺกํ โพธิรุกฺขฺจ อนิมิเสหิ จกฺขูหิ โอโลกยมาโน สตฺตาหํ วีตินาเมสิ, ตํ านํ อนิมิสเจติยํ นาม ชาตํ. อถ ปลฺลงฺกสฺส ¶ จ ิตฏฺานสฺส จ อนฺตรา ปุรตฺถิมโต จ ปจฺฉิมโต จ อายเต รตนจงฺกเม จงฺกมนฺโต สตฺตาหํ วีตินาเมสิ, ตํ รตนจงฺกมเจติยํ นาม ชาตํ. ตโต ปจฺฉิมทิสาภาเค เทวตา รตนฆรํ มาปยึสุ ¶ , ตตฺถ ปลฺลงฺเกน นิสีทิตฺวา อภิธมฺมปิฏกํ วิเสสโต อนนฺตนยํ สมนฺตปฏฺานํ วิจินนฺโต สตฺตาหํ วีตินาเมสิ, ตํ านํ รตนฆรเจติยํ นาม ชาตํ. เอวํ โพธิสมีเปเยว จตฺตาริ สตฺตาหานิ วีตินาเมตฺวา ปฺจเม สตฺตาเห โพธิรุกฺขโต อชปาลนิคฺโรธํ อุปสงฺกมิตฺวา ตสฺส มูเล ปลฺลงฺเกน นิสีทิ.
ตมฺหา สมาธิมฺหา วุฏฺาสีติ ตโต ผลสมาปตฺติสมาธิโต ยถากาลปริจฺเฉทํ วุฏฺหิ, วุฏฺหิตฺวา จ ปน ตตฺถ เอวํ นิสินฺเน ภควติ เอโก พฺราหฺมโณ ตํ คนฺตฺวา ปฺหํ ปุจฺฉิ. เตน วุตฺตํ ‘‘อถ โข อฺตโร’’ติอาทิ. ตตฺถ อฺตโรติ นามโคตฺตวเสน อนภิฺาโต อปากโฏ เอโก. หุํหุงฺกชาติโกติ โส กิร ทิฏฺมงฺคลิโก มานถทฺโธ มานวเสน โกธวเสน จ สพฺพํ อโวกฺขชาติกํ ปสฺสิตฺวา ชิคุจฺฉนฺโต ‘‘หุํหุ’’นฺติ กโรนฺโต วิจรติ, ตสฺมา ‘‘หุํหุงฺกชาติโก’’ติ วุจฺจติ, ‘‘หุหุกฺกชาติโก’’ติปิ ปาโ. พฺราหฺมโณติ ชาติยา พฺราหฺมโณ.
เยน ภควาติ ยสฺสํ ทิสายํ ภควา นิสินฺโน. ภุมฺมตฺเถ หิ เอตํ กรณวจนํ ¶ . เยน วา ทิสาภาเคน ภควา อุปสงฺกมิตพฺโพ, เตน ทิสาภาเคน อุปสงฺกมิ. อถ วา เยนาติ เหตุอตฺเถ กรณวจนํ, เยน การเณน ภควา เทวมนุสฺเสหิ อุปสงฺกมิตพฺโพ, เตน การเณน อุปสงฺกมีติ อตฺโถ. เกน จ การเณน ภควา อุปสงฺกมิตพฺโพ? นานปฺปการโรคทุกฺขาภิปีฬิตตฺตา อาตุรกาเยหิ มหาชเนหิ มหานุภาโว ภิสกฺโก วิย โรคติกิจฺฉนตฺถํ, นานาวิธกิเลสพฺยาธิปีฬิตตฺตา อาตุรจิตฺเตหิ เทวมนุสฺเสหิ กิเลสพฺยาธิติกิจฺฉนตฺถํ ธมฺมสฺสวนปฺหปุจฺฉนาทิการเณหิ ภควา อุปสงฺกมิตพฺโพ. เตน อยมฺปิ พฺราหฺมโณ อตฺตโน กงฺขํ ฉินฺทิตุกาโม อุปสงฺกมิ.
อุปสงฺกมิตฺวาติ อุปสงฺกมนปริโยสานทีปนํ. อถ วา ยํ านํ อุปสงฺกมิ, ตโตปิ ภควโต สมีปภูตํ อาสนฺนตรํ านํ อุปคนฺตฺวาติ อตฺโถ. สมฺโมทีติ สมํ สมฺมา วา โมทิ, ภควา จาเนน, โสปิ ภควตา ‘‘กจฺจิ โภโต ขมนียํ กจฺจิ ยาปนีย’’นฺติอาทินา ปฏิสนฺถารกรณวเสน สมปฺปวตฺตโมโท อโหสิ. สมฺโมทนียนฺติ สมฺโมทนารหํ สมฺโมทชนนโยคฺคํ. กถนฺติ กถาสลฺลาปํ. สารณียนฺติ สริตพฺพยุตฺตํ ¶ สาธุชเนหิ ปวตฺเตตพฺพํ, กาลนฺตเร วา จินฺเตตพฺพํ. วีติสาเรตฺวาติ นิฏฺาเปตฺวา. เอกมนฺตนฺติ ภาวนปุํสกนิทฺเทโส. เอกสฺมึ ¶ าเน, อติสมฺมุขาทิเก ฉ นิสชฺชโทเส วชฺเชตฺวา เอกสฺมึ ปเทเสติ อตฺโถ. เอตทโวจาติ เอตํ อิทานิ วตฺตพฺพํ ‘‘กิตฺตาวตา นุ โข’’ติอาทิวจนํ อโวจ.
ตตฺถ กิตฺตาวตาติ กิตฺตเกน ปมาเณน. นูติ สํสยตฺเถ นิปาโต. โขติ ปทปูรเณ. โภติ พฺราหฺมณานํ ชาติสมุทาคตํ อาลปนํ. ตถา หิ วุตฺตํ – ‘‘โภวาทิ นาม โส โหติ, สเจ โหติ สกิฺจโน’’ติ (ม. นิ. ๒.๔๕๗; ธ. ป. ๓๙๖). โคตมาติ ภควนฺตํ โคตฺเตน อาลปติ. กถํ ปนายํ พฺราหฺมโณ สมฺปติสมาคโต ภควโต โคตฺตํ ¶ ชานาตีติ? นายํ สมฺปติสมาคโต, ฉพฺพสฺสานิ ปธานกรณกาเล อุปฏฺหนฺเตหิ ปฺจวคฺคิเยหิ สทฺธึ จรมาโนปิ, อปรภาเค ตํ วตํ ฉฑฺเฑตฺวา อุรุเวลายํ เสนนิคเม เอโก อทุติโย หุตฺวา ปิณฺฑาย จรมาโนปิ เตน พฺราหฺมเณน ทิฏฺปุพฺโพ เจว สลฺลปิตปุพฺโพ จ. เตน โส ปุพฺเพ ปฺจวคฺคิเยหิ คยฺหมานํ ภควโต โคตฺตํ อนุสฺสรนฺโต, ‘‘โภ โคตมา’’ติ ภควนฺตํ โคตฺเตน อาลปติ. ยโต ปฏฺาย วา ภควา มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมนฺโต อโนมนทีตีเร ปพฺพชิโต, ตโต ปภุติ ‘‘สมโณ โคตโม’’ติ จนฺโท วิย สูริโย วิย จ ปากโฏ ปฺาโต, น ตสฺส โคตฺตชานเน การณํ คเวสิตพฺพํ.
พฺราหฺมณกรณาติ พฺราหฺมณํ กโรนฺตีติ พฺราหฺมณกรณา, พฺราหฺมณภาวกราติ อตฺโถ. เอตฺถ จ กิตฺตาวตาติ เอเตน เยหิ ธมฺเมหิ พฺราหฺมโณ โหติ, เตสํ ธมฺมานํ ปริมาณํ ปุจฺฉติ. กตเม จ ปนาติ อิมินา เตสํ สรูปํ ปุจฺฉติ.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ เตน ปุฏฺสฺส ปฺหสฺส สิขาปตฺตํ อตฺถํ วิทิตฺวา ตายํ เวลายํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ, น ปน ตสฺส พฺราหฺมณสฺส ธมฺมํ เทเสสิ. กสฺมา? ธมฺมเทสนาย อภาชนภาวโต. ตถา หิ ตสฺส พฺราหฺมณสฺส อิมํ คาถํ สุตฺวา น สจฺจาภิสมโย อโหสิ. ยถา จ อิมสฺส, เอวํ อุปกสฺส อาชีวกสฺส พุทฺธคุณปฺปกาสนํ. ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนโต หิ ¶ ปุพฺพภาเค ภควตา ภาสิตํ ปเรสํ สุณนฺตานมฺปิ ตปุสฺสภลฺลิกานํ สรณทานํ วิย วาสนาภาคิยเมว ชาตํ, น เสกฺขภาคิยํ, น นิพฺเพธภาคิยํ. เอสา หิ ธมฺมตาติ.
ตตฺถ โย พฺราหฺมโณติ โย พาหิตปาปธมฺมตาย พฺราหฺมโณ, น ทิฏฺมงฺคลิกตาย หุํหุงฺการกสาวาทิปาปธมฺมยุตฺโต หุตฺวา เกวลํ ชาติมตฺตเกน พฺรหฺมฺํ ปฏิชานาติ. โส พฺราหฺมโณ พาหิตปาปธมฺมตฺตา หุํหุงฺการปฺปหาเนน นิหุํหุงฺโก, ราคาทิกสาวาภาเวน นิกฺกสาโว, ภาวนานุโยคยุตฺตจิตฺตตาย ¶ ยตตฺโต, สีลสํยเมน วา สํยตจิตฺตตาย ยตตฺโต, จตุมคฺคาณสงฺขาเตหิ ¶ เวเทหิ อนฺตํ สงฺขารปริโยสานํ นิพฺพานํ, เวทานํ วา อนฺตํ คตตฺตา เวทนฺตคู. มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส วุสิตตฺตา วุสิตพฺรหฺมจริโย, ธมฺเมน โส พฺรหฺมวาทํ วเทยฺย ‘‘พฺราหฺมโณ อห’’นฺติ เอตํ วาทํ ธมฺเมน าเยน วเทยฺย. ยสฺส สกลโลกสนฺนิวาเสปิ กุหิฺจิ เอการมฺมเณปิ ราคุสฺสโท, โทสุสฺสโท, โมหุสฺสโท, มานุสฺสโท, ทิฏฺุสฺสโทติ อิเม อุสฺสทา นตฺถิ, อนวเสสํ ปหีนาติ อตฺโถ.
จตุตฺถสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. พฺราหฺมณสุตฺตวณฺณนา
๕. ปฺจเม สาวตฺถิยนฺติ เอวํนามเก นคเร. ตฺหิ สวตฺถสฺส นาม อิสิโน นิวาสฏฺาเน มาปิตตฺตา สาวตฺถีติ วุจฺจติ, ยถา กากนฺที, มากนฺทีติ. เอวํ ตาว อกฺขรจินฺตกา. อฏฺกถาจริยา ปน ภณนฺติ – ยํกิฺจิ มนุสฺสานํ อุปโภคปริโภคํ สพฺพเมตฺถ อตฺถีติ สาวตฺถิ. สตฺถสมาโยเค จ กิเมตฺถ ภณฺฑมตฺถีติ ปุจฺฉิเต สพฺพมตฺถีติปิ วจนํ อุปาทาย สาวตฺถีติ.
‘‘สพฺพทา สพฺพูปกรณํ, สาวตฺถิยํ สโมหิตํ;
ตสฺมา สพฺพมุปาทาย, สาวตฺถีติ ปวุจฺจตี’’ติ. (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๔);
ตสฺสํ ¶ สาวตฺถิยํ, สมีปตฺเถ เจตํ ภุมฺมวจนํ. เชตวเนติ อตฺตโน ปจฺจตฺถิเก ชินาตีติ เชโต, รฺา วา ปจฺจตฺถิกชเน ชิเต ชาโตติ เชโต, มงฺคลกมฺยตาย วา ตสฺส เอวํ นามเมว กตนฺติ เชโต. วนยตีติ ¶ วนํ, อตฺตโน สมฺปตฺติยา สตฺตานํ อตฺตนิ ภตฺตึ กโรติ อุปฺปาเทตีติ อตฺโถ. วนุเก อิติ วา วนํ, นานาวิธกุสุมคนฺธสมฺโมทมตฺตโกกิลาทิวิหงฺควิรุตาลาเปหิ มนฺทมารุตจลิตรุกฺขสาขาปลฺลวหตฺเถหิ จ ‘‘เอถ มํ ปริภฺุชถา’’ติ ปาณิโน ยาจติ วิยาติ อตฺโถ. เชตสฺส วนํ เชตวนํ. ตฺหิ เชเตน กุมาเรน โรปิตํ สํวทฺธิตํ ปริปาลิตํ. โสว ตสฺส สามี อโหสิ, ตสฺมา เชตวนนฺติ วุจฺจติ, ตสฺมึ เชตวเน.
อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมติ มาตาปิตูหิ คหิตนามวเสน สุทตฺโต นาม โส มหาเสฏฺิ, สพฺพกามสมิทฺธิตาย ¶ ปน วิคตมลมจฺเฉรตาย กรุณาทิคุณสมงฺคิตาย จ นิจฺจกาลํ อนาถานํ ปิณฺฑํ เทติ, ตสฺมา อนาถปิณฺฑิโกติ วุจฺจติ. อารมนฺติ เอตฺถ ปาณิโน วิเสเสน ปพฺพชิตาติ อาราโม, ปุปฺผผลาทิโสภาย นาติทูรนาจฺจาสนฺนตาทิปฺจวิธเสนาสนงฺคสมฺปตฺติยา จ ตโต ตโต อาคมฺม รมนฺติ อภิรมนฺติ อนุกฺกณฺิตา หุตฺวา วสนฺตีติ อตฺโถ. วุตฺตปฺปการาย วา สมฺปตฺติยา ตตฺถ ตตฺถ คเตปิ อตฺตโน อพฺภนฺตรํเยว อาเนตฺวา รเมตีติ อาราโม. โส หิ อนาถปิณฺฑิเกน คหปตินา เชตสฺส ราชกุมารสฺส หตฺถโต อฏฺารสหิ หิรฺโกฏีหิ โกฏิสนฺถาเรน กิณิตฺวา อฏฺารสหิ หิรฺโกฏีหิ เสนาสนานิ การาเปตฺวา อฏฺารสหิ หิรฺโกฏีหิ วิหารมหํ นิฏฺาเปตฺวา เอวํ จตุปฺาสหิรฺโกฏิปริจฺจาเคน พุทฺธปฺปมุขสฺส สงฺฆสฺส นิยฺยาติโต, ตสฺมา ‘‘อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราโม’’ติ วุจฺจติ. ตสฺมึ อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม.
เอตฺถ จ ‘‘เชตวเน’’ติ วจนํ ปุริมสามิปริกิตฺตนํ, ‘‘อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม’’ติ ปจฺฉิมสามิปริกิตฺตนํ. อุภยมฺปิ ทฺวินฺนํ ปริจฺจาควิเสสปริทีปเนน ปฺุกามานํ ¶ อายตึ ทิฏฺานุคติอาปชฺชนตฺถํ. ตตฺถ หิ ทฺวารโกฏฺกปาสาทกรณวเสน ภูมิวิกฺกยลทฺธา อฏฺารส หิรฺโกฏิโย อเนกโกฏิอคฺฆนกา รุกฺขา จ เชตสฺส ปริจฺจาโค, จตุปฺาส โกฏิโย ¶ อนาถปิณฺฑิกสฺส. อิติ เตสํ ปริจฺจาคปริกิตฺตเนน ‘‘เอวํ ปฺุกามา ปฺุานิ กโรนฺตี’’ติ ทสฺเสนฺโต ธมฺมภณฺฑาคาริโก อฺเปิ ปฺุกาเม เตสํ ทิฏฺานุคติอาปชฺชเน นิโยเชตีติ.
ตตฺถ สิยา – ยทิ ตาว ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ, ‘‘เชตวเน’’ติ น วตฺตพฺพํ. อถ เชตวเน วิหรติ, ‘‘สาวตฺถิย’’นฺติ น วตฺตพฺพํ. น หิ สกฺกา อุภยตฺถ เอกํ สมยํ วิหริตุนฺติ. น โข ปเนตํ เอวํ ทฏฺพฺพํ, นนุ อโวจุมฺหา ‘‘สมีปตฺเถ เอตํ ภุมฺมวจน’’นฺติ. ตสฺมา ยทิทํ สาวตฺถิยา สมีเป เชตวนํ, ตตฺถ วิหรนฺโต ‘‘สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน’’ติ วุตฺโต. โคจรคามนิทสฺสนตฺถํ หิสฺส สาวตฺถิวจนํ, ปพฺพชิตานุรูปนิวาสฏฺานทสฺสนตฺถํ เสสวจนนฺติ.
อายสฺมา จ สาริปุตฺโตติอาทีสุ อายสฺมาติ ปิยวจนํ. จสทฺโท สมุจฺจยตฺโถ. รูปสาริยา นาม พฺราหฺมณิยา ปุตฺโตติ สาริปุตฺโต. มหาโมคฺคลฺลาโนติ ปูชาวจนํ. คุณวิเสเสหิ มหนฺโต โมคฺคลฺลาโนติ หิ มหาโมคฺคลฺลาโน. เรวโตติ ขทิรวนิกเรวโต, น กงฺขาเรวโต. เอกสฺมิฺหิ ทิวเส ภควา รตฺตสาณิปริกฺขิตฺโต วิย สุวณฺณยูโป, ปวาฬธชปริวาริโต วิย สุวณฺณปพฺพโต, นวุติหํสสหสฺสปริวาริโต วิย ธตรฏฺโ หํสราชา, สตฺตรตนสมุชฺชลาย จตุรงฺคินิยา ¶ เสนาย ปริวาริโต วิย จกฺกวตฺติ ราชา, มหาภิกฺขุสงฺฆปริวุโต คคนมชฺเฌ จนฺทํ อุฏฺาเปนฺโต วิย จตุนฺนํ ปริสานํ มชฺเฌ ธมฺมํ เทเสนฺโต นิสินฺโน โหติ. ตสฺมึ สมเย อิเม อคฺคสาวกา มหาสาวกา จ ภควโต ปาเท วนฺทนตฺถาย อุปสงฺกมึสุ.
ภิกฺขู อามนฺเตสีติ อตฺตานํ ปริวาเรตฺวา นิสินฺนภิกฺขู เต อาคจฺฉนฺเต ทสฺเสตฺวา อภาสิ. ภควา หิ เต อายสฺมนฺเต สีลสมาธิปฺาทิคุณสมฺปนฺเน ปรเมน อุปสเมน สมนฺนาคเต ปรมาย อากปฺปสมฺปตฺติยา ยุตฺเต อุปสงฺกมนฺเต ปสฺสิตฺวา ปสนฺนมานโส เตสํ คุณวิเสสปริกิตฺตนตฺถํ ภิกฺขู อามนฺเตสิ ¶ ‘‘เอเต, ภิกฺขเว, พฺราหฺมณา อาคจฺฉนฺติ, เอเต, ภิกฺขเว, พฺราหฺมณา อาคจฺฉนฺตี’’ติ. ปสาทวเสน เอตํ อาเมฑิตํ, ปสํสาวเสนาติปิ วตฺตุํ ยุตฺตํ. เอวํ วุตฺเตติ เอวํ ภควตา เต ¶ อายสฺมนฺเต ‘‘พฺราหฺมณา’’ติ วุตฺเต. อฺตโรติ นามโคตฺเตน อปากโฏ, ตสฺสํ ปริสายํ นิสินฺโน เอโก ภิกฺขุ. พฺราหฺมณชาติโกติ พฺราหฺมณกุเล ชาโต. โส หิ อุฬารโภคา พฺราหฺมณมหาสาลกุลา ปพฺพชิโต. ตสฺส กิร เอวํ อโหสิ ‘‘อิเม โลกิยา อุภโตสุชาติยา พฺราหฺมณสิกฺขานิปฺผตฺติยา จ พฺราหฺมโณ โหติ, น อฺถาติ วทนฺติ, ภควา จ เอเต อายสฺมนฺเต พฺราหฺมณาติ วทติ, หนฺทาหํ ภควนฺตํ พฺราหฺมณลกฺขณํ ปุจฺเฉยฺย’’นฺติ เอตทตฺถเมว หิ ภควา ตทา เต เถเร ‘‘พฺราหฺมณา’’ติ อภาสิ. พฺรหฺมํ อณตีติ พฺราหฺมโณติ หิ ชาติพฺราหฺมณานํ นิพฺพจนํ. อริยา ปน พาหิตปาปตาย พฺราหฺมณา. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘พาหิตปาโปติ พฺราหฺมโณ, สมจริยา สมโณติ วุจฺจตี’’ติ (ธ. ป. ๓๘๘). วกฺขติ จ ‘‘พาหิตฺวา ปาปเก ธมฺเม’’ติ.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ พฺราหฺมณสทฺทสฺส ปรมตฺถโต สิขาปตฺตมตฺถํ ชานิตฺวา. อิมํ อุทานนฺติ อิมํ ปรมตฺถพฺราหฺมณภาวทีปกํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ พาหิตฺวาติ พหิ กตฺวา, อตฺตโน สนฺตานโต นีหริตฺวา สมุจฺเฉทปฺปหานวเสน ปชหิตฺวาติ อตฺโถ. ปาปเก ธมฺเมติ ลามเก ธมฺเม, ทุจฺจริตวเสน ติวิธทุจฺจริตธมฺเม, จิตฺตุปฺปาทวเสน ทฺวาทสากุสลจิตฺตุปฺปาเท, กมฺมปถวเสน ทสากุสลกมฺมปเถ, ปวตฺติเภทวเสน อเนกเภทภินฺเน สพฺเพปิ อกุสลธมฺเมติ อตฺโถ. เย จรนฺติ สทา สตาติ เย สติเวปุลฺลปฺปตฺตตาย สพฺพกาลํ รูปาทีสุ ฉสุปิ อารมฺมเณสุ สตตวิหารวเสน สตา สติมนฺโต หุตฺวา จตูหิ อิริยาปเถหิ จรนฺติ. สติคฺคหเณเนว เจตฺถ สมฺปชฺมฺปิ คหิตนฺติ เวทิตพฺพํ. ขีณสํโยชนาติ จตูหิปิ อริยมคฺเคหิ ทสวิธสฺส สํโยชนสฺส สมุจฺฉินฺนตฺตา ปริกฺขีณสํโยชนา. พุทฺธาติ จตุสจฺจสมฺโพเธน พุทฺธา. เต จ ปน สาวกพุทฺธา, ปจฺเจกพุทฺธา ¶ , สมฺมาสมฺพุทฺธาติ ติวิธา, เตสุ อิธ สาวกพุทฺธา อธิปฺเปตา. เต ¶ เว โลกสฺมิ พฺราหฺมณาติ เต เสฏฺตฺเถน พฺราหฺมณสงฺขาเต ธมฺเม อริยาย ชาติยา ชาตา, พฺราหฺมณภูตสฺส วา ภควโต โอรสปุตฺตาติ อิมสฺมึ สตฺตโลเก ปรมตฺถโต พฺราหฺมณา นาม, น ชาติโคตฺตมตฺเตหิ, น ชฏาธารณาทิมตฺเตน วาติ อตฺโถ. เอวํ อิเมสุ ทฺวีสุ สุตฺเตสุ พฺราหฺมณกรา ¶ ธมฺมา อรหตฺตํ ปาเปตฺวา กถิตา, นานชฺฌาสยตาย ปน สตฺตานํ เทสนาวิลาเสน อภิลาปนานตฺเตน เทสนานานตฺตํ เวทิตพฺพํ.
ปฺจมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. มหากสฺสปสุตฺตวณฺณนา
๖. ฉฏฺเ ราชคเหติ เอวํนามเก นคเร. ตฺหิ มหามนฺธาตุมหาโควินฺทาทีหิ ปริคฺคหิตตฺตา ‘‘ราชคห’’นฺติ วุจฺจติ. ‘‘ทุรภิภวนียตฺตา ปฏิราชูนํ คหภูตนฺติ ราชคห’’นฺติอาทินา อฺเเนตฺถ ปกาเรน วณฺณยนฺติ. กินฺเตหิ? นามเมตํ ตสฺส นครสฺส. ตํ ปเนตํ พุทฺธกาเล จกฺกวตฺติกาเล จ นครํ โหติ, เสสกาเล สฺุํ ยกฺขปริคฺคหิตํ เตสํ วสนฏฺานํ หุตฺวา ติฏฺติ. เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเปติ เวฬุวนนฺติ ตสฺส วิหารสฺส นามํ. ตํ กิร อฏฺารสหตฺถุพฺเพเธน ปากาเรน ปริกฺขิตฺตํ พุทฺธสฺส ภควโต วสนานุจฺฉวิกาย มหติยา คนฺธกุฏิยา อฺเหิ จ ปาสาทกุฏิเลณมณฺฑปจงฺกมทฺวารโกฏฺกาทีหิ ปฏิมณฺฑิตํ พหิ เวฬูหิ ปริกฺขิตฺตํ อโหสิ นีโลภาสํ มโนรมํ, เตน ‘‘เวฬุวน’’นฺติ ¶ วุจฺจติ. กลนฺทกานฺเจตฺถ นิวาปํ อทํสุ, ตสฺมา ‘‘กลนฺทกนิวาโป’’ติ วุจฺจติ. ปุพฺเพ กิร อฺตโร ราชา ตํ อุยฺยานํ กีฬนตฺถํ ปวิฏฺโ สุรามทมตฺโต ทิวาเสยฺยํ อุปคโต สุปิ, ปริชโนปิสฺส ‘‘สุตฺโต ราชา’’ติ ปุปฺผผลาทีหิ ปโลภิยมาโน อิโต จิโต จ ปกฺกามิ. อถ สุราคนฺเธน อฺตรสฺมา รุกฺขสุสิรา กณฺหสปฺโป นิกฺขมิตฺวา รฺโ อภิมุโข อาคจฺฉติ. ตํ ทิสฺวา รุกฺขเทวตา ‘‘รฺโ ชีวิตํ ทสฺสามี’’ติ กลนฺทกเวเสน คนฺตฺวา กณฺณมูเล สทฺทมกาสิ. ราชา ปฏิพุชฺฌิ, กณฺหสปฺโป นิวตฺโต. โส ตํ ทิสฺวา ‘‘อิมาย กาฬกาย มม ชีวิตํ ทินฺน’’นฺติ กาฬกานํ นิวาปํ ตตฺถ ปฏฺเปสิ, อภยโฆสฺจ โฆสาเปสิ. ตสฺมา ตโต ปฏฺาย ตํ ‘‘กลนฺทกนิวาป’’นฺติ สงฺขํ คตํ. กลนฺทกาติ หิ กาฬกานํ นามํ, ตสฺมึ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเป.
มหากสฺสโปติ ¶ มหนฺเตหิ สีลกฺขนฺธาทีหิ สมนฺนาคตตฺตา มหนฺโต กสฺสโปติ มหากสฺสโป, อปิจ กุมารกสฺสปตฺเถรํ อุปาทาย อยํ มหาเถโร ¶ ‘‘มหากสฺสโป’’ติ วุจฺจติ. ปิปฺปลิคุหายนฺติ ตสฺสา กิร คุหาย ทฺวารสมีเป เอโก ปิปฺปลิรุกฺโข อโหสิ, เตน สา ‘‘ปิปฺปลิคุหา’’ติ ปฺายิตฺถ. ตสฺสํ ปิปฺปลิคุหายํ. อาพาธิโกติ อาพาโธ อสฺส อตฺถีติ อาพาธิโก, พฺยาธิโกติ อตฺโถ. ทุกฺขิโตติ กายสนฺนิสฺสิตํ ทุกฺขํ สฺชาตํ อสฺสาติ ทุกฺขิโต, ทุกฺขปฺปตฺโตติ อตฺโถ. พาฬฺหคิลาโนติ อธิมตฺตเคลฺโ, ตํ ปน เคลฺํ สโต สมฺปชาโน หุตฺวา อธิวาเสสิ. อถสฺส ภควา ตํ ปวตฺตึ ตฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา โพชฺฌงฺคปริตฺตํ อภาสิ, เตเนว เถรสฺส โส อาพาโธ วูปสมิ. วุตฺตฺเหตํ โพชฺฌงฺคสํยุตฺเต –
‘‘เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา มหากสฺสโป ปิปฺปลิคุหายํ วิหรติ อาพาธิโก ทุกฺขิโต พาฬฺหคิลาโน. อถ โข ภควา สายนฺหสมยํ ปฏิสลฺลานา วุฏฺิโต เยนายสฺมา มหากสฺสโป เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ. นิสชฺช โข ภควา…เป… เอตทโวจ – ‘กจฺจิ เต, กสฺสป, ขมนียํ, กจฺจิ ยาปนียํ, กจฺจิ ทุกฺขา เวทนา ¶ ปฏิกฺกมนฺติ, โน อภิกฺกมนฺติ, ปฏิกฺกโมสานํ ปฺายติ โน อภิกฺกโม’ติ? ‘น เม, ภนฺเต, ขมนียํ, น ยาปนียํ, พาฬฺหา เม ภนฺเต, ทุกฺขา เวทนา อภิกฺกมนฺติ โน ปฏิกฺกมนฺติ, อภิกฺกโมสานํ ปฺายติ โน ปฏิกฺกโม’ติ.
‘‘‘สตฺติเม, กสฺสป, โพชฺฌงฺคา มยา สมฺมทกฺขาตา ภาวิตา พหุลีกตา อภิฺาย สมฺโพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตนฺติ. กตเม สตฺต? สติสมฺโพชฺฌงฺโค โข, กสฺสป, มยา สมฺมทกฺขาโต ภาวิโต พหุลีกโต อภิฺาย สมฺโพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตติ…เป… อุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺโค โข, กสฺสป, มยา สมฺมทกฺขาโต ภาวิโต พหุลีกโต อภิฺาย สมฺโพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตติ. อิเม โข, กสฺสป, สตฺต โพชฺฌงฺคา มยา สมฺมทกฺขาตา ภาวิตา พหูลีกตา อภิฺาย สมฺโพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตนฺตี’ติ. ‘ตคฺฆ ภควา โพชฺฌงฺคา, ตคฺฆ, สุคต, โพชฺฌงฺคา’’’ติ.
‘‘อิทมโวจ ภควา. อตฺตมโน อายสฺมา มหากสฺสโป ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทิ. วุฏฺหิ จายสฺมา มหากสฺสโป ตมฺหา ¶ อาพาธา, ตถา ปหีโน จายสฺมโต มหากสฺสปสฺส โส อาพาโธ อโหสี’’ติ.
เตน ¶ วุตฺตํ – ‘‘อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป อปเรน สมเยน ตมฺหา อาพาธา วุฏฺาสี’’ติ.
เอตทโหสีติ ปุพฺเพ เคลฺทิวเสสุ สทฺธิวิหาริเกหิ อุปนีตํ ปิณฺฑปาตํ ปริภฺุชิตฺวา วิหาเร เอว อโหสิ. อถสฺส ตมฺหา อาพาธา วุฏฺิตสฺส เอตํ ‘‘ยํนูนาหํ ราชคหํ ปิณฺฑาย ปวิเสยฺย’’นฺติ ปริวิตกฺโก อโหสิ. ปฺจมตฺตานิ เทวตาสตานีติ สกฺกสฺส เทวรฺโ ปริจาริกา ปฺจสตา กกุฏปาทินิโย อจฺฉราโย. อุสฺสุกฺกํ อาปนฺนานิ โหนฺตีติ เถรสฺส ปิณฺฑปาตํ ทสฺสามาติ ปฺจปิณฺฑปาตสตานิ สชฺเชตฺวา สุวณฺณภาชเนหิ อาทาย อนฺตรามคฺเค ตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิมํ ปิณฺฑปาตํ คณฺหถ, สงฺคหํ โน กโรถา’’ติ วทมานา ปิณฺฑปาตทาเน ยุตฺตปฺปยุตฺตานิ โหนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อายสฺมโต มหากสฺสปสฺส ปิณฺฑปาตปฺปฏิลาภายา’’ติ.
สกฺโก กิร เทวราชา เถรสฺส จิตฺตปฺปวตฺตึ ตฺวา ตา อจฺฉราโย อุยฺโยเชสิ ‘‘คจฺฉถ ตุมฺเห อยฺยสฺส มหากสฺสปตฺเถรสฺส ปิณฺฑปาตํ ทตฺวา อตฺตโน ปติฏฺํ กโรถา’’ติ. เอวํ หิสฺส อโหสิ ‘‘อิมาสุ สพฺพาสุ คตาสุ กทาจิ เอกิสฺสาปิ หตฺถโต ปิณฺฑปาตํ เถโร ปฏิคฺคณฺเหยฺย, ตํ ตสฺสา ภวิสฺสติ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’’ติ. ปฏิกฺขิปิ เถโร, ‘‘ภนฺเต ¶ , มยฺหํ ปิณฺฑปาตํ คณฺหถ, มยฺหํ ปิณฺฑปาตํ คณฺหถา’’ติ วทนฺติโย ‘‘คจฺฉถ ตุมฺเห กตปฺุา มหาโภคา, อหํ ทุคฺคตานํ สงฺคหํ กริสฺสามี’’ติ วตฺวา, ‘‘ภนฺเต, มา โน นาเสถ, สงฺคหํ โน กโรถา’’ติ วทนฺติโย ปุนปิ ปฏิกฺขิปิตฺวา ปุนปิ อปคนฺตุํ อนิจฺฉมานา ยาจนฺติโย ‘‘น อตฺตโน ปมาณํ ชานาถ, อปคจฺฉถา’’ติ วตฺวา อจฺฉรํ ปหริ. ตา เถรสฺส อจฺฉราสทฺทํ สุตฺวา สนฺตชฺชิตา าตุํ อสกฺโกนฺติโย ปลายิตฺวา เทวโลกเมว คตา. เตน วุตฺตํ – ‘‘ปฺจมตฺตานิ เทวตาสตานิ ปฏิกฺขิปิตฺวา’’ติ.
ปุพฺพณฺหสมยนฺติ ¶ ปุพฺพณฺเห เอกํ สมยํ, เอกสฺมึ กาเล. นิวาเสตฺวาติ วิหารนิวาสนปริวตฺตนวเสน นิวาสนํ ทฬฺหํ นิวาเสตฺวา. ปตฺตจีวรมาทายาติ จีวรํ ปารุปิตฺวา ปตฺตํ หตฺเถน คเหตฺวา. ปิณฺฑาย ปาวิสีติ ปิณฺฑปาตตฺถาย ปาวิสิ. ทลิทฺทวิสิขาติ ทุคฺคตมนุสฺสานํ วสโนกาโส. กปณวิสิขาติ โภคปาริชฺุปฺปตฺติยา ทีนมนุสฺสานํ วาโส. เปสการวิสิขาติ ตนฺตวายวาโส. อทฺทสา โข ภควาติ กถํ อทฺทส? ‘‘อาพาธา วุฏฺิโต มม ปุตฺโต กสฺสโป กินฺนุ โข กโรตี’’ติ อาวชฺเชนฺโต เวฬุวเน นิสินฺโน เอว ภควา ทิพฺพจกฺขุนา อทฺทส.
เอตมตฺถํ ¶ วิทิตฺวาติ ยายํ อายสฺมโต มหากสฺสปสฺส ปฺจหิ อจฺฉราสเตหิ อุปนีตํ อเนกสูปํ อเนกพฺยฺชนํ ทิพฺพปิณฺฑปาตํ ปฏิกฺขิปิตฺวา กปณชนานุคฺคหปฺปฏิปตฺติ วุตฺตา, เอตมตฺถํ ชานิตฺวา. อิมํ อุทานนฺติ อิมํ ปรมปฺปิจฺฉตาทสฺสนมุเขน ขีณาสวสฺส ตาทีภาวานุภาวทีปกํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ อนฺโปสินฺติ อฺํ โปเสตีติ อฺโปสี, น อฺโปสี อนฺโปสี, อตฺตนา โปเสตพฺพสฺส อฺสฺส อภาเวน อทุติโย, เอกโกติ อตฺโถ. เตน เถรสฺส สุภรตํ ทสฺเสติ. เถโร หิ กายปริหาริเกน จีวเรน กุจฺฉิปริหาริเกน จ ปิณฺฑปาเตน อตฺตานเมว โปเสนฺโต ปรมปฺปิจฺโฉ หุตฺวา วิหรติ, อฺํ าติมิตฺตาทีสุ กฺจิ น โปเสติ กตฺถจิ อลคฺคภาวโต. อถ วา อฺเน อฺตเรน โปเสตพฺพตาย อภาวโต อนฺโปสี. โย หิ เอกสฺมึเยว ปจฺจยทายเก ปฏิพทฺธจตุปจฺจโย โส อนฺโปสี นาม น โหติ เอกายตฺตวุตฺติโต ¶ . เถโร ปน ‘‘ยถาปิ ภมโร ปุปฺผ’’นฺติ (ธ. ป. ๔๙) คาถาย วุตฺตนเยน ชงฺฆาพลํ นิสฺสาย ปิณฺฑาย จรนฺโต กุเลสุ นิจฺจนโว หุตฺวา มิสฺสกภตฺเตน ยาเปติ. ตถา หิ นํ ภควา จนฺทูปมปฺปฏิปทาย โถเมสิ. อฺาตนฺติ อภิฺาตํ, ยถาภุจฺจคุเณหิ ปตฺถฏยสํ, เตเนว วา อนฺโปสิภาเวน อปฺปิจฺฉตาสนฺตุฏฺิตาหิ าตํ. อถ วา อฺาตนฺติ สพฺพโส ปหีนตณฺหตาย ลาภสกฺการสิโลกนิกามนเหตุ อตฺตานํ ชานาปนวเสน น าตํ. อวีตตณฺโห ¶ หิ ปาปิจฺโฉ กุหกตาย สมฺภาวนาธิปฺปาเยน อตฺตานํ ชานาเปติ. ทนฺตนฺติ ฉฬงฺคุเปกฺขาวเสน อินฺทฺริเยสุ อุตฺตมทมเนน ทนฺตํ. สาเร ปติฏฺิตนฺติ วิมุตฺติสาเร อวฏฺิตํ, อเสกฺขสีลกฺขนฺธาทิเก วา สีลาทิสาเร ปติฏฺิตํ. ขีณาสวํ วนฺตโทสนฺติ กามาสวาทีนํ จตุนฺนํ อาสวานํ อนวเสสํ ปหีนตฺตา ขีณาสวํ. ตโต เอว ราคาทิโทสานํ สพฺพโส วนฺตตฺตา วนฺตโทสํ. ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณนฺติ ตํ ยถาวุตฺตคุณํ ปรมตฺถพฺราหฺมณํ อหํ พฺราหฺมณนฺติ วทามีติ. อิธาปิ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว เทสนานานตฺตํ เวทิตพฺพํ.
ฉฏฺสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. อชกลาปกสุตฺตวณฺณนา
๗. สตฺตเม ปาวายนฺติ เอวํนามเก มลฺลราชูนํ นคเร. อชกลาปเก เจติเยติ อชกลาปเกน ¶ นาม ยกฺเขน ปริคฺคหิตตฺตา ‘‘อชกลาปก’’นฺติ ลทฺธนาเม มนุสฺสานํ จิตฺตีกตฏฺาเน ¶ . โส กิร ยกฺโข อเช กลาเป กตฺวา พนฺธเนน อชโกฏฺาเสน สทฺธึ พลึ ปฏิจฺฉติ, น อฺถา, ตสฺมา ‘‘อชกลาปโก’’ติ ปฺายิตฺถ. เกจิ ปนาหุ – อชเก วิย สตฺเต ลาเปตีติ อชกลาปโกติ. ตสฺส กิร สตฺตา พลึ อุปเนตฺวา ยทา อชสทฺทํ กตฺวา พลึ อุปหรนฺติ, ตทา โส ตุสฺสติ, ตสฺมา ‘‘อชกลาปโก’’ติ วุจฺจตีติ. โส ปน ยกฺโข อานุภาวสมฺปนฺโน กกฺขโฬ ผรุโส ตตฺถ จ สนฺนิหิโต, ตสฺมา ตํ านํ มนุสฺสา จิตฺตึ กโรนฺติ, กาเลน กาลํ พลึ อุปหรนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อชกลาปเก เจติเย’’ติ. อชกลาปกสฺส ยกฺขสฺส ภวเนติ ตสฺส ยกฺขสฺส วิมาเน.
ตทา กิร สตฺถา ตํ ยกฺขํ ทเมตุกาโม สายนฺหสมเย เอโก อทุติโย ปตฺตจีวรํ อาทาย อชกลาปกสฺส ยกฺขสฺส ภวนทฺวารํ คนฺตฺวา ตสฺส โทวาริกํ ภวนปวิสนตฺถาย ยาจิ. โส ‘‘กกฺขโฬ, ภนฺเต, อชกลาปโก ยกฺโข, สมโณติ วา พฺราหฺมโณติ วา คารวํ น กโรติ, ตสฺมา ตุมฺเห เอว ชานาถ, มยฺหํ ปน ตสฺส อนาโรจนํ น ยุตฺต’’นฺติ ตาวเทว ยกฺขสมาคมํ คตสฺส อชกลาปกสฺส สนฺติกํ ¶ วาตเวเคน อคมาสิ. สตฺถา อนฺโตภวนํ ปวิสิตฺวา อชกลาปกสฺส นิสีทนมณฺฑเป ปฺตฺตาสเน นิสีทิ. ยกฺขสฺส โอโรธา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺํสุ. สตฺถา ตาสํ กาลยุตฺตํ ธมฺมึ กถํ กเถสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ปาวายํ วิหรติ อชกลาปเก เจติเย อชกลาปกสฺส ยกฺขสฺส ภวเน’’ติ.
ตสฺมึ สมเย สาตาคิรเหมวตา อชกลาปกสฺส ภวนมตฺถเกน ยกฺขสมาคมํ คจฺฉนฺตา อตฺตโน คมเน อสมฺปชฺชมาเน ‘‘กึ นุ โข การณ’’นฺติ อาวชฺเชนฺตา สตฺถารํ อชกลาปกสฺส ภวเน นิสินฺนํ ทิสฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ‘‘มยํ, ภนฺเต, ยกฺขสมาคมํ คมิสฺสามา’’ติ อาปุจฺฉิตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา คตา ยกฺขสนฺนิปาเต อชกลาปกํ ทิสฺวา ตุฏฺึ ปเวทยึสุ ‘‘ลาภา เต, อาวุโส, อชกลาปก, ยสฺส เต ภวเน สเทวเก โลเก อคฺคปุคฺคโล ภควา นิสินฺโน, อุปสงฺกมิตฺวา ¶ ภควนฺตํ ปยิรุปาสสฺสุ, ธมฺมฺจ สุณาหี’’ติ. โส เตสํ กถํ สุตฺวา ‘‘อิเม ตสฺส มุณฺฑกสฺส สมณกสฺส มม ภวเน นิสินฺนภาวํ กเถนฺตี’’ติ โกธาภิภูโต หุตฺวา ‘‘อชฺช มยฺหํ เตน สมเณน สทฺธึ สงฺคาโม ภวิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา ยกฺขสนฺนิปาตโต อุฏฺหิตฺวา ทกฺขิณํ ปาทํ อุกฺขิปิตฺวา สฏฺิโยชนมตฺตํ ปพฺพตกูฏํ อกฺกมิ, ตํ ภิชฺชิตฺวา ทฺวิธา อโหสิ. เสสํ เอตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ อาฬวกสุตฺตวณฺณนายํ (สํ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๒๔๖) อาคตนเยเนว เวทิตพฺพํ.
อชกลาปกสฺส ¶ สมาคโม หิ อาฬวกสมาคมสทิโสว เปตฺวา ปฺหกรณํ วิสฺสชฺชนํ ภวนโต ติกฺขตฺตุํ นิกฺขมนํ ปเวสนฺจ. อชกลาปโก หิ อาคจฺฉนฺโตเยว ‘‘เอเตหิเยว ตํ สมณํ ปลาเปสฺสามี’’ติ วาตมณฺฑลาทิเก นววสฺเส สมุฏฺาเปตฺวา เตหิ ภควโต จลนมตฺตมฺปิ กาตุํ อสกฺโกนฺโต นานาวิธปฺปหรณหตฺเถ อติวิย ภยานกรูเป ภูตคเณ นิมฺมินิตฺวา เตหิ สทฺธึ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา อนฺตนฺเตเนว จรนฺโต สพฺพรตฺตึ นานปฺปการํ วิปฺปการํ กตฺวาปิ ภควโต กิฺจิ เกสคฺคมตฺตมฺปิ นิสินฺนฏฺานโต จลนํ กาตุํ นาสกฺขิ. เกวลํ ปน ‘‘อยํ สมโณ มํ อนาปุจฺฉา มยฺหํ ภวนํ ปวิสิตฺวา นิสีทตี’’ติ โกธวเสน ปชฺชลิ. อถสฺส ภควา จิตฺตปฺปวตฺตึ ตฺวา ‘‘เสยฺยถาปิ นาม จณฺฑสฺส กุกฺกุรสฺส นาสาย ปิตฺตํ ภินฺเทยฺย, เอวํ โส ภิยฺโยโสมตฺตาย ¶ จณฺฑตโร อสฺส, เอวเมวายํ ยกฺโข มยิ อิธ นิสินฺเน จิตฺตํ ปทูเสติ, ยํนูนาหํ พหิ นิกฺขเมยฺย’’นฺติ สยเมว ภวนโต นิกฺขมิตฺวา อพฺโภกาเส นิสีทิ. เตน ¶ วุตฺตํ – ‘‘เตน โข ปน สมเยน ภควา รตฺตนฺธการติมิสายํ อพฺโภกาเส นิสินฺโน โหตี’’ติ.
ตตฺถ รตฺตนฺธการติมิสายนฺติ รตฺติยํ อนฺธกรณตมสิ, จกฺขุวิฺาณุปฺปตฺติวิรหิเต พหลนฺธกาเรติ อตฺโถ. จตุรงฺคสมนฺนาคโต กิร ตทา อนฺธกาโร ปวตฺตีติ. เทโวติ เมโฆ เอกเมกํ ผุสิตกํ อุทกพินฺทุํ ปาเตติ. อถ ยกฺโข ‘‘อิมินา สทฺเทน ตาเสตฺวา อิมํ สมณํ ปลาเปสฺสามี’’ติ ภควโต สมีปํ คนฺตฺวา ‘‘อกฺกุโล’’ติอาทินา ตํ ภึสนํ อกาสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘อถ โข อชกลาปโก’’ติอาทิ. ตตฺถ ภยนฺติ จิตฺตุตฺราสํ, ฉมฺภิตตฺตนฺติ อูรุตฺถมฺภกสรีรสฺส ฉมฺภิตภาวํ. โลมหํสนฺติ โลมานํ ปหฏฺภาวํ, ตีหิปิ ปเทหิ ภยุปฺปตฺติเมว ทสฺเสติ. อุปสงฺกมีติ กสฺมา ปนายํ เอวมธิปฺปาโย อุปสงฺกมิ, นนุ ปุพฺเพ อตฺตนา กาตพฺพํ วิปฺปการํ อกาสีติ? สจฺจมกาสิ, ตํ ปเนส ‘‘อนฺโตภวเน เขมฏฺาเน ถิรภูมิยํ ิตสฺส น กิฺจิ กาตุํ อสกฺขิ, อิทานิ พหิ ิตํ เอวํ ภึสาเปตฺวา ปลาเปตุํ สกฺกา’’ติ มฺมาโน อุปสงฺกมิ. อยฺหิ ยกฺโข อตฺตโน ภวนํ ‘‘ถิรภูมี’’ติ มฺติ, ‘‘ตตฺถ ิตตฺตา อยํ สมโณ น ภายตี’’ติ จ.
ติกฺขตฺตุํ ‘‘อกฺกุโล ปกฺกุโล’’ติ อกฺกุลปกฺกุลิกํ อกาสีติ ตโย วาเร ‘‘อกฺกุโล ปกฺกุโล’’ติ ภึสาเปตุกามตาย เอวรูปํ สทฺทํ อกาสิ. อนุกรณสทฺโท หิ อยํ. ตทา หิ โส ยกฺโข สิเนรุํ อุกฺขิปนฺโต วิย มหาปถวึ ปริวตฺเตนฺโต วิย จ มหตา อุสฺสาเหน อสนิสตสทฺทสงฺฆาฏํ วิย เอกสฺมึ าเน ปฺุชีกตํ หุตฺวา วินิจฺฉรนฺตํ ทิสาคชานํ หตฺถิคชฺชิตํ, เกสรสีหานํ สีหนินฺนาทํ ¶ , ยกฺขานํ หึการสทฺทํ, ภูตานํ อฏฺฏหาสํ, อสุรานํ อปฺโผฏนโฆสํ ¶ , อินฺทสฺส เทวรฺโ วชิรนิคฺฆาตนิคฺโฆสํ, อตฺตโน คมฺภีรตาย วิปฺผาริกตาย ภยานกตาย จ อวเสสสทฺทํ อวหสนฺตมิว อภิภวนฺตมิว จ กปฺปวุฏฺานมหาวาตมณฺฑลิกาย วินิคฺโฆสํ ปุถุชฺชนานํ หทยํ ผาเลนฺตํ วิย มหนฺตํ ปฏิภยนิคฺโฆสํ อพฺยตฺตกฺขรํ ติกฺขตฺตุํ อตฺตโน ยกฺขคชฺชิตํ คชฺชิ ¶ ‘‘เอเตน อิมํ สมณํ ภึสาเปตฺวา ปลาเปสฺสามี’’ติ. ยํ ยํ นิจฺฉรติ, เตน เตน ปพฺพตา ปปฏิกํ มฺุจึสุ, วนปฺปติเชฏฺเก อุปาทาย สพฺเพสุ รุกฺขลตาคุมฺเพสุ ปตฺตผลปุปฺผานิ สีทยึสุ, ติโยชนสหสฺสวิตฺถโตปิ หิมวนฺตปพฺพตราชา สงฺกมฺปิ สมฺปกมฺปิ สมฺปเวธิ, ภุมฺมเทวตา อาทึ กตฺวา เยภุยฺเยน เทวตานมฺปิ อหุเทว ภยํ ฉมฺภิตตฺตํ โลมหํโส, ปเคว มนุสฺสานํ. อฺเสฺจ อปททฺวิปทจตุปฺปทานํ มหาปถวิยา อุนฺทฺริยนกาโล วิย มหตี วิภึสนกา อโหสิ, สกลสฺมึ ชมฺพุทีปตเล มหนฺตํ โกลาหลํ อุทปาทิ. ภควา ปน ตํ สทฺทํ ‘‘กิมี’’ติ อมฺมาโน นิจฺจโล นิสีทิ, ‘‘มา กสฺสจิ อิมินา อนฺตราโย โหตู’’ติ อธิฏฺาสิ.
ยสฺมา ปน โส สทฺโท ‘‘อกฺกุล ปกฺกุล’’ อิติ อิมินา อากาเรน สตฺตานํ โสตปถํ อคมาสิ, ตสฺมา ตสฺส อนุกรณวเสน ‘‘อกฺกุโล ปกฺกุโล’’ติ, ยกฺขสฺส จ ตสฺสํ นิคฺโฆสนิจฺฉารณายํ อกฺกุลปกฺกุลกรณํ อตฺถีติ กตฺวา ‘‘อกฺกุลปกฺกุลิกํ อกาสี’’ติ สงฺคหํ อาโรปยึสุ. เกจิ ปน ‘‘อากุลพฺยากุล อิติ ปททฺวยสฺส ปริยายาภิธานวเสน อกฺกุโล พกฺกุโลติ อยํ สทฺโท วุตฺโต’’ติ วทนฺติ ยถา ‘‘เอกํ เอกก’’นฺติ. ยสฺมา เอกวารํ ชาโต ปมุปฺปตฺติวเสเนว นิพฺพตฺตตฺตา อากุโลติ อาทิอตฺโถ อากาโร, ตสฺส จ ¶ กการาคมํ กตฺวา รสฺสตฺตํ กตนฺติ. ทฺเว วาเร ปน ชาโต พกฺกุโล, กุลสทฺโท เจตฺถ ชาติปริยาโย โกลํโกโลติอาทีสุ วิย. วุตฺตอธิปฺปายานุวิธายี จ สทฺทปฺปโยโคติ ปเมน ปเทน ชลาพุชสีหพฺยคฺฆาทโย, ทุติเยน อณฺฑชอาสีวิสกณฺหสปฺปาทโย วุจฺจนฺติ, ตสฺมา สีหาทิโก วิย อาสีวิสาทิโก วิย จ ‘‘อหํ เต ชีวิตหารโก’’ติ อิมํ อตฺถํ ยกฺโข ปททฺวเยน ทสฺเสตีติ อฺเ. อปเร ปน ‘‘อกฺขุโล ภกฺขุโล’’ติ ปาฬึ วตฺวา ‘‘อกฺเขตุํ เขเปตุํ วินาเสตุํ อุลติ ปวตฺเตตีติ อกฺขุโล, ภกฺขิตุํ ขาทิตุํ อุลตีติ ภกฺขุโล. โก ปเนโส? ยกฺขรกฺขสปิสาจสีหพฺยคฺฆาทีสุ อฺตโร โย โกจิ มนุสฺสานํ อนตฺถาวโห’’ติ ตสฺส อตฺถํ วทนฺติ. อิธาปิ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว อธิปฺปายโยชนา เวทิตพฺพา.
เอโส ¶ เต, สมณ, ปิสาโจติ ‘‘อมฺโภ, สมณ, ตว ปิสิตาสโน ปิสาโจ อุปฏฺิโต’’ติ มหนฺตํ เภรวรูปํ อภินิมฺมินิตฺวา ภควโต ปุรโต ตฺวา อตฺตานํ สนฺธาย ยกฺโข วทติ.
เอตมตฺถํ ¶ วิทิตฺวาติ เอตํ เตน ยกฺเขน กายวาจาหิ ปวตฺติยมานํ วิปฺปการํ. เตน จ อตฺตโน อนภิภวนียสฺส เหตุภูตํ โลกธมฺเมสุ นิรุปกฺกิเลสตํ สพฺพาการโต วิทิตฺวา. ตายํ เวลายนฺติ ตสฺสํ วิปฺปการกรณเวลายํ. อิมํ อุทานนฺติ ตํ วิปฺปการํ อคเณตฺวา อสฺส อคณนเหตุภูตํ ธมฺมานุภาวทีปกํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ ยทา สเกสุ ธมฺเมสูติ ยสฺมึ กาเล สกอตฺตภาวสงฺขาเตสุ ปฺจสุ อุปาทานกฺขนฺธธมฺเมสุ. ปารคูติ ปริฺาภิสมยปาริปูริวเสน ปารงฺคโต, ตโตเยว เตสํ เหตุภูเต สมุทเย, ตทปฺปวตฺติลกฺขเณ นิโรเธ, นิโรธคามินิยา ปฏิปทาย จ ปหานสจฺฉิกิริยาภาวนาภิสมยปาริปูริวเสน ปารคโต. โหติ พฺราหฺมโณติ เอวํ สพฺพโส พาหิตปาปตฺตา พฺราหฺมโณ นาม โหติ, สพฺพโส สกอตฺตภาวาวโพธเนปิ จตุสจฺจาภิสมโย ¶ โหติ. วุตฺตฺเจตํ – ‘‘อิมสฺมึเยว พฺยามมตฺเต กเฬวเร สสฺิมฺหิ สมนเก โลกฺจ โลกสมุทยฺจ ปฺเปมี’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๑.๑๐๗; อ. นิ. ๔.๔๕). อถ วา สเกสุ ธมฺเมสูติ อตฺตโน ธมฺเมสุ, อตฺตโน ธมฺมา นาม อตฺถกามสฺส ปุคฺคลสฺส สีลาทิธมฺมา. สีลสมาธิปฺาวิมุตฺติอาทโย หิ โวทานธมฺมา เอกนฺตหิตสุขสมฺปาทเนน ปุริสสฺส อตฺตโน ธมฺมา นาม, น อนตฺถาวหา สํกิเลสธมฺมา วิย อสกธมฺมา. ปารคูติ เตสํ สีลาทีนํ ปาริปูริยา ปารํ ปริยนฺตํ คโต.
ตตฺถ สีลํ ตาว โลกิยโลกุตฺตรวเสน ทุวิธํ. เตสุ โลกิยํ ปุพฺพภาคสีลํ. ตํ สงฺเขปโต ปาติโมกฺขสํวราทิวเสน จตุพฺพิธํ, วิตฺถารโต ปน อเนกปฺปเภทํ. โลกุตฺตรํ มคฺคผลวเสน ทุวิธํ, อตฺถโต สมฺมาวาจาสมฺมากมฺมนฺตสมฺมาอาชีวา. ยถา จ สีลํ, ตถา สมาธิปฺา จ โลกิยโลกุตฺตรวเสน ทุวิธา. ตตฺถ โลกิยสมาธิ สห อุปจาเรน อฏฺ สมาปตฺติโย, โลกุตฺตรสมาธิ มคฺคปริยาปนฺโน ¶ . ปฺาปิ โลกิยา สุตมยา, จินฺตามยา, ภาวนามยา จ สาสวา, โลกุตฺตรา ปน มคฺคสมฺปยุตฺตา ผลสมฺปยุตฺตา จ. วิมุตฺติ นาม ผลวิมุตฺติ นิพฺพานฺจ, ตสฺมา สา โลกุตฺตราว. วิมุตฺติาณทสฺสนํ โลกิยเมว, ตํ เอกูนวีสติวิธํ ปจฺจเวกฺขณาณภาวโต. เอวํ เอเตสํ สีลาทิธมฺมานํ อตฺตโน สนฺตาเน อรหตฺตผลาธิคเมน อนวเสสโต นิพฺพตฺตปาริปูริยา ปารํ ปริยนฺตํ คโตติ สเกสุ ธมฺเมสุ ปารคู.
อถ วา โสตาปตฺติผลาธิคเมน สีลสฺมึ ปารคู. โส หิ ‘‘สีเลสุ ปริปูรการี’’ติ วุตฺโต, โสตาปนฺนคฺคหเณเนว เจตฺถ สกทาคามีปิ คหิโต โหติ. อนาคามิผลาธิคเมน สมาธิสฺมึ ¶ ปารคู. โส หิ ‘‘สมาธิสฺมึ ปริปูรการี’’ติ วุตฺโต. อรหตฺตผลาธิคเมน อิตเรสุ ตีสุ ปารคู. อรหา หิ ปฺาเวปุลฺลปฺปตฺติยา อคฺคภูตาย อกุปฺปาย เจโตวิมุตฺติยา อธิคตตฺตา ปจฺจเวกฺขณาณสฺส จ ปริโยสานคมนโต ปฺาวิมุตฺติวิมุตฺติาณทสฺสเนสุ ปารคู นาม โหติ. เอวํ สพฺพถาปิ จตูสุ อริยสจฺเจสุ จตุมคฺควเสน ปริฺาทิโสฬสวิธาย ¶ กิจฺจนิปฺผตฺติยา ยถาวุตฺเตสุ ตสฺมึ ตสฺมึ กาเล สเกสุ ธมฺเมสุ ปารคโต.
โหติ พฺราหฺมโณติ ตทา โส พาหิตปาปธมฺมตาย ปรมตฺถพฺราหฺมโณ โหติ. อถ เอตํ ปิสาจฺจ, ปกฺกุลฺจาติวตฺตตีติ ตโต ยถาวุตฺตปารคมนโต อถ ปจฺฉา, อชกลาปก, เอตํ ตยา ทสฺสิตํ ปิสิตาสนตฺถมาคตํ ปิสาจํ ภยชนนตฺถํ สมุฏฺาปิตํ อกฺกุลปกฺกุลิกฺจ อติวตฺตติ, อติกฺกมติ, อภิภวติ, ตํ น ภายตีติ อตฺโถ.
อยมฺปิ คาถา อรหตฺตเมว อุลฺลปิตฺวา กถิตา. อถ อชกลาปโก อตฺตนา กเตน ตถารูเปนปิ ปฏิภยรูเปน วิภึสเนน อกมฺปนียสฺส ภควโต ตํ ตาทิภาวํ ทิสฺวา ‘‘อโห อจฺฉริยมนุสฺโสวตาย’’นฺติ ปสนฺนมานโส โปถุชฺชนิกาย สทฺธาย อตฺตนิ นิวิฏฺภาวํ วิภาเวนฺโต สตฺถุ สมฺมุขา อุปาสกตฺตํ ปเวเทสิ.
สตฺตมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. สงฺคามชิสุตฺตวณฺณนา
๘. อฏฺเม ¶ สงฺคามชีติ เอวํนาโม. อยฺหิ อายสฺมา สาวตฺถิยํ อฺตรสฺส มหาวิภวสฺส เสฏฺิโน ปุตฺโต, วยปฺปตฺตกาเล มาตาปิตูหิ ปติรูเปน ทาเรน นิโยเชตฺวา สาปเตยฺยํ นิยฺยาเตตฺวา ฆรพนฺธเนน พทฺโธ โหติ. โส เอกทิวสํ สาวตฺถิวาสิโน อุปาสเก ปุพฺพณฺหสมยํ ทานํ ทตฺวา สีลํ สมาทิยิตฺวา สายนฺหสมเย สุทฺธวตฺเถ สุทฺธุตฺตราสงฺเค คนฺธมาลาทิหตฺเถ ธมฺมสฺสวนตฺถํ เชตวนาภิมุเข คจฺฉนฺเต ทิสฺวา ‘‘กตฺถ ตุมฺเห คจฺฉถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ธมฺมสฺสวนตฺถํ เชตวเน สตฺถุ สนฺติก’’นฺติ วุตฺเต ‘‘เตน หิ อหมฺปิ คมิสฺสามี’’ติ เตหิ สทฺธึ เชตวนํ อคมาสิ. เตน จ สมเยน ภควา ¶ กฺจนคุหายํ สีหนาทํ นทนฺโต เกสรสีโห วิย สทฺธมฺมมณฺฑเป ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสีทิตฺวา จตุปริสมชฺเฌ ธมฺมํ เทเสติ.
อถ ¶ โข เต อุปาสกา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ, สงฺคามชิปิ กุลปุตฺโต ตสฺสา ปริสาย ปริยนฺเต ธมฺมํ สุณนฺโต นิสีทิ. ภควา อนุปุพฺพิกถํ กเถตฺวา จตฺตาริ สจฺจานิ ปกาเสสิ, สจฺจปริโยสาเน อเนเกสํ ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. สงฺคามชิปิ กุลปุตฺโต โสตาปตฺติผลํ ปตฺวา ปริสาย วุฏฺิตาย ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิ ‘‘ปพฺพาเชถ มํ ภควา’’ติ. ‘‘อนฺุาโตสิ ปน ตฺวํ มาตาปิตูหิ ปพฺพชฺชายา’’ติ? ‘‘นาหํ, ภนฺเต, อนฺุาโต’’ติ. ‘‘น โข, สงฺคามชิ, ตถาคตา มาตาปิตูหิ อนนฺุาตํ ปุตฺตํ ปพฺพาเชนฺตี’’ติ. ‘‘โสหํ, ภนฺเต, ตถา กริสฺสามิ, ยถา มํ มาตาปิตโร ปพฺพชิตุํ อนุชานนฺตี’’ติ. โส ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา มาตาปิตโร อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘อมฺมตาตา, อนุชานาถ มํ ปพฺพชิตุ’’นฺติ อาห. ตโต ปรํ รฏฺปาลสุตฺเต (ม. นิ. ๒.๒๙๓ อาทโย) อาคตนเยน เวทิตพฺพํ.
อถ โส ‘‘ปพฺพชิตฺวา อตฺตานํ ทสฺเสสฺสามี’’ติ ปฏิฺํ ทตฺวา อนฺุาโต มาตาปิตูหิ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิ. อลตฺถ โข จ ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ อุปสมฺปทฺจ, อจิรูปสมฺปนฺโน จ ปน โส อุปริมคฺคตฺถาย ฆเฏนฺโต วายมนฺโต อฺตรสฺมึ อรฺาวาเส วสฺสํ วสิตฺวา ฉฬภิฺโ หุตฺวา วุตฺถวสฺโส ภควนฺตํ ทสฺสนาย มาตาปิตูนฺจ ¶ ปฏิสฺสวโมจนตฺถํ สาวตฺถึ อคมาสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา สงฺคามชิ สาวตฺถึ อนุปฺปตฺโต โหตี’’ติ.
โส หายสฺมา ธุรคาเม ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต เชตวนํ ปวิสิตฺวา ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธึ กตปฏิสนฺถาโร อฺํ พฺยากริตฺวา ปุน ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา นิกฺขมิตฺวา อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล ทิวาวิหารํ นิสีทิ. อถสฺส มาตาปิตโร าติมิตฺตา จสฺส อาคมนํ สุตฺวา, ‘‘สงฺคามชิ, กิร อิธาคโต’’ติ หฏฺตุฏฺา ตุริตตุริตา วิหารํ คนฺตฺวา ปริเยสนฺตา นํ ตตฺถ นิสินฺนํ ทิสฺวา อุปสงฺกมิตฺวา ¶ ปฏิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘มา อปุตฺตกํ สาปเตยฺยํ ราชาโน หเรยฺยุํ, อปฺปิยา ทายาทา วา คณฺเหยฺยุํ, นาลํ ปพฺพชฺชาย, เอหิ, ตาต, วิพฺภมา’’ติ ยาจึสุ. ตํ สุตฺวา เถโร ‘‘อิเม มยฺหํ กาเมหิ อนตฺถิกภาวํ น ชานนฺติ, คูถธารี วิย คูถปิณฺเฑ กาเมสุเยว อลฺลียนํ อิจฺฉนฺติ, นยิเม สกฺกา ธมฺมกถาย สฺาเปตุ’’นฺติ อสฺสุณนฺโต วิย นิสีทิ. เต นานปฺปการํ ยาจิตฺวา อตฺตโน วจนํ อคฺคณฺหนฺตํ ทิสฺวา ฆรํ ปวิสิตฺวา ปุตฺเตน สทฺธึ ตสฺส ภริยํ สปริวารํ อุยฺโยเชสุํ ‘‘มยํ นานปฺปการํ ตํ ยาจนฺตาปิ ตสฺส มนํ อลภิตฺวา อาคตา, คจฺฉ ตฺวํ, ภทฺเท, ตว ภตฺตารํ ปุตฺตสนฺทสฺสเนน ยาจิตฺวา สฺาเปหี’’ติ. ตาย กิร อาปนฺนสตฺตาย ¶ อยมายสฺมา ปพฺพชิโต. สา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ทารกมาทาย มหตา ปริวาเรน เชตวนํ อคมาสิ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘อสฺโสสิ โข อายสฺมโต สงฺคามชิสฺสา’’ติอาทิ.
ตตฺถ ปุราณทุติยิกาติ ปุพฺเพ คิหิกาเล ปาทปริจรณวเสน ทุติยิกา, ภริยาติ อตฺโถ. อยฺโยติ ‘‘อยฺยปุตฺโต’’ติ วตฺตพฺเพ ปพฺพชิตานํ อนุจฺฉวิกโวหาเรน วทติ. กิราติ อนุสฺสวนตฺเถ นิปาโต, ตสฺส อนุปฺปตฺโต กิราติ สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ. ขุทฺทปุตฺตฺหิ สมณ, โปส มนฺติ อาปนฺนสตฺตเมว มํ ฉฑฺเฑตฺวา ปพฺพชิโต, สาหํ เอตรหิ ขุทฺทปุตฺตา, ตาทิสํ มํ ฉฑฺเฑตฺวาว ตว สมณธมฺมกรณํ อยุตฺตํ, ตสฺมา, สมณ, ปุตฺตทุติยํ มํ ฆาสจฺฉาทนาทีหิ ภรสฺสูติ. อายสฺมา ปน, สงฺคามชิ, อินฺทฺริยานิ อุกฺขิปิตฺวา ตํ เนว โอโลเกติ, นาปิ อาลปติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘เอวํ วุตฺเต อายสฺมา สงฺคามชิ ตุณฺหี อโหสี’’ติ.
สา ¶ ติกฺขตฺตุํ ตเถว วตฺวา ตุณฺหีภูตเมว ตํ ทิสฺวา ‘‘ปุริสา นาม ภริยาสุ นิรเปกฺขาปิ ปุตฺเตสุ สาเปกฺขา โหนฺติ, ปุตฺตสิเนโห ปิตุ อฏฺิมิฺชํ อาหจฺจ ติฏฺติ, ตสฺมา ปุตฺตเปเมนาปิ มยฺหํ วเส วตฺเตยฺยา’’ติ มฺมานา ปุตฺตํ ¶ เถรสฺส องฺเก นิกฺขิปิตฺวา เอกมนฺตํ อปกฺกมฺม ‘‘เอโส เต, สมณ, ปุตฺโต, โปส น’’นฺติ วตฺวา โถกํ อคมาสิ. สา กิร สมณเตเชนสฺส สมฺมุเข าตุํ นาสกฺขิ. เถโร ทารกมฺปิ เนว โอโลเกติ นาปิ อาลปติ. อถ สา อิตฺถี อวิทูเร ตฺวา มุขํ ปริวตฺเตตฺวา โอโลเกนฺตี เถรสฺส อาการํ ตฺวา ปฏินิวตฺติตฺวา ‘‘ปุตฺเตนปิ อยํ สมโณ อนตฺถิโก’’ติ ทารกํ คเหตฺวา ปกฺกามิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข อายสฺมโต สงฺคามชิสฺส ปุราณทุติยิกา’’ติอาทิ.
ตตฺถ ปุตฺเตนปีติ อยํ สมโณ อตฺตโน โอรสปุตฺเตนปิ อนตฺถิโก, ปเคว อฺเหีติ อธิปฺปาโย. ทิพฺเพนาติ เอตฺถ ทิพฺพสทิสตฺตา ทิพฺพํ. เทวตานฺหิ สุจริตกมฺมนิพฺพตฺตํ ปิตฺตเสมฺหรุหิราทีหิ อปลิพุทฺธํ ทูเรปิ อารมฺมณสมฺปฏิจฺฉนสมตฺถํ ทิพฺพํ ปสาทจกฺขุ โหติ. อิทมฺปิ จตุตฺถชฺฌานสมาธินิพฺพตฺตํ อภิฺาจกฺขุํ ตาทิสนฺติ ทิพฺพํ วิยาติ ทิพฺพํ, ทิพฺพวิหารสนฺนิสฺสเยน ลทฺธตฺตา วา ทิพฺพํ, มหาชุติกตฺตา มหาคติกตฺตา วา ทิพฺพํ, เตน ทิพฺเพน. วิสุทฺเธนาติ นีวรณาทิสํกิเลสวิคเมน สุปริสุทฺเธน. อติกฺกนฺตมานุสเกนาติ มนุสฺสานํ วิสยาตีเตน. อิมํ เอวรูปํ วิปฺปการนฺติ อิมํ เอวํ วิปฺปการํ ยถาวุตฺตํ ปพฺพชิเตสุ อสารุปฺปํ องฺเก ปุตฺตฏฺปนสงฺขาตํ วิรูปกิริยํ.
เอตมตฺถนฺติ ¶ เอตํ อายสฺมโต สงฺคามชิสฺส ปุตฺตทาราทีสุ สพฺพตฺถ นิรเปกฺขภาวสงฺขาตํ อตฺถํ สพฺพาการโต วิทิตฺวา. อิมํ อุทานนฺติ อิมํ ตสฺส อิฏฺานิฏฺาทีสุ ตาทิภาวทีปกํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ อายนฺตินฺติ อาคจฺฉนฺตึ, ปุราณทุติยิกนฺติ อธิปฺปาโย. นาภินนฺทตีติ ทฏฺุํ มํ อาคตาติ น นนฺทติ น ตุสฺสติ. ปกฺกมนฺตินฺติ สา อยํ มยา อสมฺโมทิตาว คจฺฉตีติ คจฺฉนฺตึ. น โสจตีติ น จิตฺตสนฺตาปมาปชฺชติ. เยน ปน การเณน เถโร เอวํ นาภินนฺทติ น โสจติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘สงฺคา สงฺคามชึ มุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. ตตฺถ สงฺคาติ ราคสงฺโค โทสโมหมานทิฏฺิสงฺโคติ ปฺจวิธาปิ สงฺคา สมุจฺเฉทปฺปฏิปสฺสทฺธิวิมุตฺตีหิ ¶ วิมุตฺตํ สงฺคามชึ ภิกฺขุํ. ตมหํ ¶ พฺรูมิ พฺราหฺมณนฺติ ตํ ตาทิภาวปฺปตฺตํ ขีณาสวํ อหํ สพฺพโส พาหิตปาปตฺตา พฺราหฺมณนฺติ วทามีติ.
อฏฺมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. ชฏิลสุตฺตวณฺณนา
๙. นวเม คยายนฺติ เอตฺถ คยาติ คาโมปิ ติตฺถมฺปิ วุจฺจติ. คยาคามสฺส หิ อวิทูเร วิหรนฺโต ภควา ‘‘คยายํ วิหรตี’’ติ วุจฺจติ, ตถา คยาติตฺถสฺส. คยาติตฺถนฺติ หิ คยาคามสฺส อวิทูเร เอกา โปกฺขรณี อตฺถิ นทีปิ, ตทุภยํ ‘‘ปาปปวาหนติตฺถ’’นฺติ โลกิยมหาชโน สมุทาจรติ. คยาสีเสติ คชสีสสทิสสิขโร ตตฺถ เอโก ปพฺพโต คยาสีสนามโก, ยตฺถ หตฺถิกุมฺภสทิโส ปิฏฺิปาสาโณ ภิกฺขุสหสฺสสฺส โอกาโส ปโหติ, ตตฺร ภควา วิหรติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘คยายํ วิหรติ คยาสีเส’’ติ.
ชฏิลาติ ตาปสา. เต หิ ชฏาธาริตาย อิธ ‘‘ชฏิลา’’ติ วุตฺตา. อนฺตรฏฺเก หิมปาตสมเยติ เหมนฺตสฺส อุตุโน อพฺภนฺตรภูเต มาฆมาสสฺส อวสาเน จตฺตาโร ผคฺคุณมาสสฺส อาทิมฺหิ จตฺตาโรติ อฏฺทิวสปริมาเณ หิมสฺส ปตนกาเล. คยายํ อุมฺมุชฺชนฺตีติ เกจิ ตสฺมึ ติตฺถสมฺมเต อุทเก ปมํ นิมุคฺคสกลสรีรา ตโต อุมฺมุชฺชนฺติ วุฏฺหนฺติ อุปฺปิลวนฺติ. นิมุชฺชนฺตีติ ¶ สสีสํ อุทเก โอสีทนฺติ. อุมฺมุชฺชนิมุชฺชมฺปิ กโรนฺตีติ ปุนปฺปุนํ อุมฺมุชฺชนนิมุชฺชนานิปิ กโรนฺติ.
ตตฺถ หิ เกจิ ‘‘เอกุมฺมุชฺชเนเนว ปาปสุทฺธิ โหตี’’ติ เอวํทิฏฺิกา, เต อุมฺมุชฺชนเมว กตฺวา คจฺฉนฺติ. อุมฺมุชฺชนํ ปน นิมุชฺชนมนฺตเรน นตฺถีติ อวินาภาวโต นิมุชฺชนมฺปิ เต กโรนฺติเยว. เยปิ ‘‘เอกนิมุชฺชเนเนว ปาปสุทฺธิ โหตี’’ติ เอวํทิฏฺิกา, เตปิ เอกวารเมว นิมุชฺชิตฺวา วุตฺตนเยน อวินาภาวโต อุมฺมุชฺชนมฺปิ กตฺวา ปกฺกมนฺติ. เย ปน ‘‘ตสฺมึ ติตฺเถ นิมุชฺชเนเนว ปาปสุทฺธิ โหตี’’ติ ¶ เอวํทิฏฺิกา, เต ตตฺถ นิมุชฺชิตฺวา อสฺสาเส สนฺนิรุมฺภิตฺวา มรุปฺปปาตปติตา วิย ตตฺเถว ชีวิตกฺขยํ ปาปุณนฺติ ¶ . อปเร ‘‘ปุนปฺปุนํ อุมฺมุชฺชนนิมุชฺชนานิ กตฺวา นฺหาเต ปาปสุทฺธิ โหตี’’ติ เอวํทิฏฺิกา, เต กาเลน กาลํ อุมฺมุชฺชนนิมุชฺชนานิ กโรนฺติ. เต สพฺเพปิ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘อุมฺมุชฺชนฺติปิ นิมุชฺชนฺติปิ อุมฺมุชฺชนิมุชฺชมฺปิ กโรนฺตี’’ติ. เอตฺถ จ กิฺจาปิ นิมุชฺชนปุพฺพกํ อุมฺมุชฺชนํ, นิมุชฺชนเมว ปน กโรนฺตา กติปยา, อุมฺมุชฺชนํ ตทุภยฺจ กโรนฺตา พหูติ เตสํ เยภุยฺยภาวทสฺสนตฺถํ อุมฺมุชฺชนํ ปมํ วุตฺตํ. ตถา สมฺพหุลา ชฏิลาติ ชฏิลานํ เยภุยฺยตาย วุตฺตํ, มุณฺฑสิขณฺฑิโนปิ จ พฺราหฺมณา อุทกสุทฺธิกา ตสฺมึ กาเล ตตฺถ ตถา กโรนฺติ.
โอสิฺจนฺตีติ เกจิ คยาย อุทกํ หตฺเถน คเหตฺวา อตฺตโน สีเส จ สรีเร จ โอสิฺจนฺติ, อปเร ฆเฏหิ อุทกํ คเหตฺวา ตีเร ตฺวา ตถา กโรนฺติ. อคฺคึ ชุหนฺตีติ เกจิ คยาตีเร เวทึ สชฺเชตฺวา ธูมทพฺภิปูชาทิเก อุปกรเณ อุปเนตฺวา อคฺคิหุตํ ชุหนฺติ อคฺคิหุตํ ปริจรนฺติ. อิมินา สุทฺธีติ อิมินา คยายํ อุมฺมุชฺชนาทินา อคฺคิปริจรเณน จ ปาปมลโต สุทฺธิ ปาปปวาหนา สํสารสุทฺธิ เอว วา โหตีติ เอวํทิฏฺิกา หุตฺวาติ อตฺโถ.
อุมฺมุชฺชนาทิ เจตฺถ นิทสฺสนมตฺตํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เตสุ หิ เกจิ อุทกวาสํ วสนฺติ, เกจิ อุทกสฺสฺชลึ เทนฺติ, เกจิ ตสฺมึ อุทเก ตฺวา จนฺทิมสูริเย อนุปริวตฺตนฺติ, เกจิ อเนกสหสฺสวารํ สาวิตฺติอาทิเก ชปนฺติ, เกจิ ‘‘อินฺท อาคจฺฉา’’ติอาทินา วิชฺชาชปํ อวฺหายนฺติ, เกจิ มหตุปฏฺานํ กโรนฺติ, เอวฺจ กโรนฺตา เกจิ โอตรนฺติ, เกจิ อุตฺตรนฺติ เกจิ อุตฺตริตฺวา สุทฺธิกอาจมนํ กโรนฺติ, เกจิ อนฺโตอุทเก ิตา ตนฺตี วาเทนฺติ, วีณํ วาเทนฺตีติ เอวมาทิกา นานปฺปการกิริยา ¶ ทสฺเสนฺติ. ยสฺมา วา เต เอวรูปา วิการกิริยา กโรนฺตาปิ ตสฺมึ อุทเก นิมุชฺชนอุมฺมุชฺชนปุพฺพกเมว กโรนฺติ, ตสฺมา ตํ สพฺพํ นิมุชฺชนุมฺมุชฺชนนฺโตคธเมว กตฺวา ‘‘อุมฺมุชฺชนฺตี’’ติปิอาทิ วุตฺตํ. เอวํ ตตฺถ อากุลพฺยากุเล วตฺตมาเน ¶ อุปริปพฺพเต ิโต ภควา เตสํ ตํ โกลาหลํ สุตฺวา ‘‘กินฺนุ โข เอต’’นฺติ โอโลเกนฺโต ตํ กิริยวิการํ อทฺทส, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘อทฺทสา โข ภควา…เป… อิมินา สุทฺธี’’ติ, ตํ วุตฺตตฺถเมว.
เอตมตฺถํ ¶ วิทิตฺวาติ เอตํ อตฺถํ อุทโกโรหนาทิอสุทฺธิมคฺเค เตสํ สุทฺธิมคฺคปรามสนํ สจฺจาทิเก จ สุทฺธิมคฺเค อตฺตโน อวิปรีตาวโพธํ สพฺพาการโต วิทิตฺวา. อิมํ อุทานนฺติ อิมํ อุทกสุทฺธิยา อสุทฺธิมคฺคภาวทีปกํ สจฺจาทิธมฺมานฺจ ยาถาวโต สุทฺธิมคฺคภาวทีปกํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ น อุทเกน สุจี โหตีติ เอตฺถ อุทเกนาติ อุทกุมฺมุชฺชนาทินา. อุทกุมฺมุชฺชนาทิ หิ อิธ อุตฺตรปทโลเปน ‘‘อุทก’’นฺติ วุตฺตํ ยถา รูปภโว รูปนฺติ. อถ วา อุทเกนาติ อุมฺมุชฺชนาทิกิริยาย สาธนภูเตน อุทเกน สุจิ สตฺตสฺส สุทฺธิ นาม น โหติ, นตฺถีติ อตฺโถ. อถ วา สุจีติ เตน ยถาวุตฺเตน อุทเกน สุจิ ปาปมลโต สุทฺโธ นาม สตฺโต น โหติ. กสฺมา? พหฺเวตฺถ นฺหายตี ชโน. ยทิ หิ อุทโกโรหนาทินา ยถาวุตฺเตน ปาปสุทฺธิ นาม สิยา, พหุ เอตฺถ อุทเก ชโน นฺหายติ, มาตุฆาตาทิปาปกมฺมการี อฺโ จ โคมหึสาทิโก อนฺตมโส มจฺฉกจฺฉเป อุปาทาย, ตสฺส สพฺพสฺสาปิ ปาปสุทฺธิ สิยา, น ปเนวํ โหติ. กสฺมา? นฺหานสฺส ปาปเหตูนํ อปฺปฏิปกฺขภาวโต. ยฺหิ ยํ วินาเสติ, โส ตสฺส ปฏิปกฺโข ยถา อาโลโก อนฺธการสฺส, วิชฺชา จ อวิชฺชาย, น เอวํ นฺหานํ ปาปสฺส. ตสฺมา นิฏฺเมตฺถ คนฺตพฺพํ ‘‘น อุทเกน สุจิ โหตี’’ติ.
เยน ปน สุจิ โหติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยมฺหิ สจฺจฺจา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ยมฺหีติ ยสฺมึ ปุคฺคเล ¶ . สจฺจนฺติ วจีสจฺจฺเจว วิรติสจฺจฺจ. อถ วา สจฺจนฺติ าณสจฺจฺเจว ปรมตฺถสจฺจฺจ. ธมฺโมติ อริยมคฺคธมฺโม, ผลธมฺโม จ, โส สพฺโพปิ ยสฺมึ ปุคฺคเล อุปลพฺภติ, โส สุจี โส จ พฺราหฺมโณติ โส อริยปุคฺคโล วิเสสโต ขีณาสโว อจฺจนฺตสุทฺธิยา สุจิ จ พฺราหฺมโณ จาติ. กสฺมา ปเนตฺถ สจฺจํ ธมฺมโต วิสุํ กตฺวา คหิตํ? สจฺจสฺส พหูปการตฺตา. ตถา หิ ‘‘สจฺจํ เว อมตา วาจา (สุ. นิ. ๔๕๕), สจฺจํ หเว สาทุตรํ รสานํ (สํ. นิ. ๑.๒๔๖; สุ. นิ. ๑๘๔), สจฺเจ อตฺเถ จ ธมฺเม จ, อาหุ สนฺโต ปติฏฺิตา (สุ. นิ. ๔๕๕), สจฺเจ ิตา สมณพฺราหฺมณา จา’’ติอาทินา (ชา. ๒.๒๑.๔๓๓) อเนเกสุ สุตฺตปเทสุ สจฺจคุณา ปกาสิตา. สจฺจวิปริยสฺส ¶ จ ‘‘เอกํ ธมฺมํ อตีตสฺส, มุสาวาทิสฺส ชนฺตุโน (ธ. ป. ๑๗๖), อภูตวาที นิรยํ อุเปตี’’ติ (ธ. ป. ๓๐๖) จ อาทินา ปกาสิตาติ.
นวมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. พาหิยสุตฺตวณฺณนา
๑๐. ทสเม ¶ พาหิโยติ ตสฺส นามํ. ทารุจีริโยติ ทารุมยจีโร. สุปฺปารเกติ เอวํนามเก ปฏฺฏเน วสติ. โก ปนายํ พาหิโย, กถฺจ ทารุจีริโย อโหสิ, กถํ สุปฺปารเก ปฏฺฏเน ปฏิวสตีติ?
ตตฺรายํ อนุปุพฺพีกถา – อิโต กิร กปฺปสตสหสฺสมตฺถเก ปทุมุตฺตรสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล เอโก กุลปุตฺโต หํสวตีนคเร ทสพลสฺส ธมฺมเทสนํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ ขิปฺปาภิฺานํ เอตทคฺเค เปนฺตํ ทิสฺวา ‘‘มหา วตายํ ¶ ภิกฺขุ, โย สตฺถารา เอวํ เอตทคฺเค ปียติ, อโห วตาหมฺปิ อนาคเต เอวรูปสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สาสเน ปพฺพชิตฺวา สตฺถารา เอทิเส าเน เอตทคฺเค เปตพฺโพ ภเวยฺยํ ยถายํ ภิกฺขู’’ติ ตํ านนฺตรํ ปตฺเถตฺวา ตทนุรูปํ อธิการกมฺมํ กตฺวา ยาวชีวํ ปฺุํ กตฺวา สคฺคปรายโณ หุตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต กสฺสปทสพลสฺส สาสเน ปพฺพชิตฺวา ปริปุณฺณสีโล สมณธมฺมํ กโรนฺโตว ชีวิตกฺขยํ ปตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺติ. โส เอกํ พุทฺธนฺตรํ เทวโลเก วสิตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท พาหิยรฏฺเ กุลเคเห ปฏิสนฺธึ คณฺหิ, ตํ พาหิยรฏฺเ ชาตตฺตา พาหิโยติ สฺชานึสุ. โส วยปฺปตฺโต ฆราวาสํ วสนฺโต วณิชฺชตฺถาย พหูนํ ภณฺฑานํ นาวํ ปูเรตฺวา สมุทฺทํ ปวิสิตฺวา อปราปรํ สฺจรนฺโต สตฺต วาเร สทฺธึเยว ปริสาย อตฺตโน นครํ อุปคฺฉิ.
อฏฺเม วาเร ปน ‘‘สุวณฺณภูมึ คมิสฺสามี’’ติ อาโรปิตภณฺโฑ นาวํ อภิรุหิ. นาวา มหาสมุทฺทํ อชฺโฌคาเหตฺวา อิจฺฉิตเทสํ อปตฺวาว สมุทฺทมชฺเฌ วิปนฺนา. มหาชโน มจฺฉกจฺฉปภกฺโข อโหสิ. พาหิโย ปน เอกํ นาวาผลกํ คเหตฺวา ตรนฺโต อูมิเวเคน มนฺทมนฺทํ ขิปมาโน ภสฺสิตฺวา สมุทฺเท ปติตตฺตา ชาตรูเปเนว สมุทฺทตีเร นิปนฺโน. ปริสฺสมํ วิโนเทตฺวา อสฺสาสมตฺตํ ลภิตฺวา อุฏฺาย ลชฺชาย คุมฺพนฺตรํ ปวิสิตฺวา อจฺฉาทนํ อฺํ กิฺจิ ¶ อปสฺสนฺโต อกฺกนาฬานิ ฉินฺทิตฺวา วาเกหิ ปลิเวเตฺวา ¶ นิวาสนปาวุรณานิ กตฺวา อจฺฉาเทสิ. เกจิ ปน ‘‘ทารุผลกานิ วิชฺฌิตฺวา วาเกน อาวุณิตฺวา นิวาสนปาวุรณํ กตฺวา อจฺฉาเทสี’’ติ วทนฺติ. เอวํ ¶ สพฺพถาปิ ทารุมยจีรธาริตาย ‘‘ทารุจีริโย’’ติ ปุริมโวหาเรน ‘‘พาหิโย’’ติ จ ปฺายิตฺถ.
ตํ เอกํ กปาลํ คเหตฺวา วุตฺตนิยาเมน สุปฺปารกปฏฺฏเน ปิณฺฑาย จรนฺตํ ทิสฺวา มนุสฺสา จินฺเตสุํ ‘‘สเจ โลเก อรหนฺโต นาม โหนฺติ, เอวํวิเธหิ ภวิตพฺพํ, กินฺนุ โข อยํ อยฺโย วตฺถํ ทิยฺยมานํ คณฺเหยฺย, อุทาหุ อปฺปิจฺฉตาย น คณฺเหยฺยา’’ติ วีมํสนฺตา นานาทิสาหิ วตฺถานิ อุปเนสุํ. โส จินฺเตสิ – ‘‘สจาหํ อิมินา นิยาเมน นาคมิสฺสํ, นยิเม เอวํ มยิ ปสีเทยฺยุํ, ยํนูนาหํ อิมานิ ปฏิกฺขิปิตฺวา อิมินาว นีหาเรน วิหเรยฺยํ, เอวํ เม ลาภสกฺกาโร อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ. โส เอวํ จินฺเตตฺวา โกหฺเ ตฺวา วตฺถานิ น ปฏิคฺคณฺหิ. มนุสฺสา ‘‘อโห อปฺปิจฺโฉ วตายํ อยฺโย’’ติ ภิยฺโยโสมตฺตาย ปสนฺนมานสา มหนฺตํ สกฺการสมฺมานํ กรึสุ.
โสปิ ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา อวิทูรฏฺาเน เอกํ เทวายตนํ อคมาสิ. มหาชโน เตน สทฺธึ เอว คนฺตฺวา ตํ เทวายตนํ ปฏิชคฺคิตฺวา อทาสิ. โส ‘‘อิเม มยฺหํ จีรธารณมตฺเต ปสีทิตฺวา เอวํวิธํ สกฺการสมฺมานํ กโรนฺติ, เอเตสํ มยา อุกฺกฏฺวุตฺตินา ภวิตุํ วฏฺฏตี’’ติ สลฺลหุกปริกฺขาโร อปฺปิจฺโฉว หุตฺวา วิหาสิ. ‘‘อรหา’’ติ ปน เตหิ สมฺภาวียมาโน ‘‘อรหา’’ติ อตฺตานํ อมฺิ, อุปรูปริ จสฺส สกฺการครุกาโร อภิวฑฺฒิ, ลาภี จ อโหสิ อุฬารานํ ปจฺจยานํ. เตน วุตฺตํ – ‘‘เตน โข ปน สมเยน พาหิโย ทารุจีริโย สุปฺปารเก ปฏิวสติ สมุทฺทตีเร สกฺกโต ครุกโต’’ติอาทิ.
ตตฺถ สกฺกโตติ สกฺกจฺจํ อาทเรน อุปฏฺานวเสน สกฺกโต. ครุกโตติ คุณวิเสเสน ยุตฺโตติ อธิปฺปาเยน ปาสาณจฺฉตฺตํ วิย ครุกรณวเสน ครุกโต. มานิโตติ มนสา สมฺภาวนวเสน มานิโต. ปูชิโตติ ปุปฺผคนฺธาทีหิ ปูชาวเสน ปูชิโต. อปจิโตติ อภิปฺปสนฺนจิตฺเตหิ มคฺคทานอาสนาภิหรณาทิวเสน อปจิโต. ลาภี จีวร…เป… ปริกฺขารานนฺติ ปณีตปณีตานํ อุปรูปริ ¶ อุปนียมานานํ จีวราทีนํ จตุนฺนํ ปจฺจยานํ ลภนวเสน ลาภี.
อปโร ¶ นโย – สกฺกโตติ สกฺการปฺปตฺโต. ครุกโตติ ครุการปฺปตฺโต. มานิโตติ พหุมานิโต ¶ มนสา ปิยายิโต จ. ปูชิโตติ จตุปจฺจยาภิปูชาย ปูชิโต. อปจิโตติ อปจายนปฺปตฺโต. ยสฺส หิ จตฺตาโร ปจฺจเย สกฺกตฺวา สุอภิสงฺขเต ปณีตปณีเต เทนฺติ, โส สกฺกโต. ยสฺมึ ครุภาวํ ปจฺจุปฏฺเปตฺวา เทนฺติ, โส ครุกโต. ยํ มนสา ปิยายนฺติ พหุมฺนฺติ จ, โส มานิโต. ยสฺส สพฺพมฺเปตํ ปูชนวเสน กโรนฺติ, โส ปูชิโต. ยสฺส อภิวาทนปจฺจุฏฺานฺชลิกมฺมาทิวเสน ปรมนิปจฺจการํ กโรนฺติ, โส อปจิโต. พาหิยสฺส ปน เต สพฺพเมตํ อกํสุ. เตน วุตฺตํ – ‘‘พาหิโย ทารุจีริโย สุปฺปารเก ปฏิวสติ สกฺกโต’’ติอาทิ. เอตฺถ จ จีวรํ โส อคฺคณฺหนฺโตปิ ‘‘เอหิ, ภนฺเต, อิมํ วตฺถํ ปฏิคฺคณฺหาหี’’ติ อุปนามนวเสน จีวรสฺสาปิ ‘‘ลาภี’’ตฺเวว วุตฺโต.
รโหคตสฺสาติ รหสิ คตสฺส. ปฏิสลฺลีนสฺสาติ เอกีภูตสฺส พหูหิ มนุสฺเสหิ ‘‘อรหา’’ติ วุจฺจมานสฺส ตสฺส อิทานิ วุจฺจมานากาเรน เจตโส ปริวิตกฺโก อุทปาทิ จิตฺตสฺส มิจฺฉาสงฺกปฺโป อุปฺปชฺชิ. กถํ? เย โข เกจิ โลเก อรหนฺโต วา อรหตฺตมคฺคํ วา สมาปนฺนา, อหํ เตสํ อฺตโรติ. ตสฺสตฺโถ – เย อิมสฺมึ สตฺตโลเก กิเลสารีนํ หตตฺตา ปูชาสกฺการาทีนฺจ อรหภาเวน อรหนฺโต, เย กิเลสารีนํ หนเนน อรหตฺตมคฺคํ สมาปนฺนา, เตสุ อหํ เอโกติ.
ปุราณสาโลหิตาติ ปุริมสฺมึ ภเวสาโลหิตา พนฺธุสทิสา เอกโต กตสมณธมฺมา เทวตา. เกจิ ปน ‘‘ปุราณสาโลหิตาติ ปุราณกาเล ภวนฺตเร สาโลหิตา มาตุภูตา เอกา เทวตา’’ติ วทนฺติ, ตํ อฏฺกถายํ ปฏิกฺขิปิตฺวา ปุริโมเยวตฺโถ คหิโต.
ปุพฺเพ กิร กสฺสปทสพลสฺส สาสเน โอสกฺกมาเน สามเณราทีนํ วิปฺปการํ ทิสฺวา สตฺต ภิกฺขู สํเวคปฺปตฺตา ‘‘ยาว สาสนํ น อนฺตรธายติ, ตาว อตฺตโน ปติฏฺํ กริสฺสามา’’ติ สุวณฺณเจติยํ วนฺทิตฺวา อรฺํ ปวิฏฺา เอกํ ปพฺพตํ ทิสฺวา ‘‘ชีวิเต สาลยา นิวตฺตนฺตุ, นิราลยา อิมํ ปพฺพตํ ¶ อภิรุหนฺตู’’ติ วตฺวา นิสฺเสณึ พนฺธิตฺวา สพฺเพ ตํ ปพฺพตํ อภิรุยฺห นิสฺเสณึ ปาเตตฺวา สมณธมฺมํ ¶ กรึสุ. เตสุ สงฺฆตฺเถโร เอกรตฺตาติกฺกเมเนว อรหตฺตํ ปาปุณิ. โส อุตฺตรกุรุโต ปิณฺฑปาตํ อาเนตฺวา เต ภิกฺขู, ‘‘อาวุโส, อิโต ปิณฺฑปาตํ ปริภฺุชถา’’ติ อาห. เต ‘‘ตุมฺเห, ภนฺเต, อตฺตโน อานุภาเวน เอวํ อกตฺถ, มยมฺปิ สเจ ตุมฺเห วิย วิเสสํ นิพฺพตฺเตสฺสาม, สยเมว อาหริตฺวา ภฺุชิสฺสามา’’ติ ภฺุชิตุํ น อิจฺฉึสุ. ตโต ทุติยทิวเส ทุติยตฺเถโร อนาคามิผลํ ปาปุณิ, โสปิ ตเถว ปิณฺฑปาตํ อาทาย ตตฺถ คนฺตฺวา อิตเร นิมนฺเตสิ, เตปิ ตเถว ปฏิกฺขิปึสุ. เตสุ อรหตฺตปฺปตฺโต ¶ ปรินิพฺพายิ, อนาคามี สุทฺธาวาสภูมิยํ นิพฺพตฺติ. อิตเร ปน ปฺจ ชนา ฆเฏนฺตา วายมนฺตาปิ วิเสสํ นิพฺพตฺเตตุํ นาสกฺขึสุ. เต อสกฺโกนฺตา ตตฺเถว ปริสุสฺสิตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺตา. เอกํ พุทฺธนฺตรํ เทเวสุเยว สํสริตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท เทวโลกโต จวิตฺวา ตตฺถ ตตฺถ กุลฆเร นิพฺพตฺตึสุ. เตสุ หิ เอโก ปกฺกุสาติ ราชา อโหสิ, เอโก กุมารกสฺสโป, เอโก ทพฺโพ มลฺลปุตฺโต, เอโก สภิโย ปริพฺพาชโก, เอโก พาหิโย ทารุจีริโย. ตตฺถ โย โส อนาคามี พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺโต, ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ ‘‘ปุราณสาโลหิตา เทวตา’’ติ. เทวปุตฺโตปิ หิ เทวธีตา วิย เทโว เอว เทวตาติ กตฺวา เทวตาติ วุจฺจติ ‘‘อถ โข อฺตรา เทวตา’’ติอาทีสุ วิย. อิธ ปน พฺรหฺมา เทวตาติ อธิปฺเปโต.
ตสฺส หิ พฺรหฺมุโน ตตฺถ นิพฺพตฺตสมนนฺตรเมว อตฺตโน พฺรหฺมสมฺปตฺตึ โอโลเกตฺวา อาคตฏฺานํ อาวชฺเชนฺตสฺส สตฺตนฺนํ ชนานํ ปพฺพตํ อารุยฺห สมณธมฺมกรณํ, ตตฺเถกสฺส ปรินิพฺพุตภาโว, อนาคามิผลํ ปตฺวา อตฺตโน จ เอตฺถ นิพฺพตฺตภาโว อุปฏฺาสิ. โส ‘‘กตฺถ นุ โข อิตเร ปฺจ ชนา’’ติ อาวชฺเชนฺโต กามาวจรเทวโลเก เตสํ นิพฺพตฺตภาวํ ตฺวา อปรภาเค กาลานุกาลํ ‘‘กินฺนุ โข กโรนฺตี’’ติ เตสํ ปวตฺตึ โอโลเกติเยว. อิมสฺมึ ปน กาเล ‘‘กหํ นุ โข’’ติ อาวชฺเชนฺโต พาหิยํ สุปฺปารกปฏฺฏนํ อุปนิสฺสาย ทารุจีรธารึ โกหฺเน ชีวิกํ กปฺเปนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ มยา สทฺธึ ปุพฺเพ นิสฺเสณึ พนฺธิตฺวา ปพฺพตํ อภิรุหิตฺวา สมณธมฺมํ กโรนฺโต อติสลฺเลขวุตฺติยา ชีวิเต อนเปกฺโข ¶ อรหตาปิ อาภตํ ¶ ปิณฺฑปาตํ อปริภฺุชิตฺวา อิทานิ สมฺภาวนาธิปฺปาโย อนรหาว อรหตฺตํ ปฏิชานิตฺวา วิจรติ ลาภสกฺการสิโลกํ นิกามยมาโน, ทสพลสฺส จ นิพฺพตฺตภาวํ น ชานาติ, หนฺท นํ สํเวเชตฺวา พุทฺธุปฺปาทํ ชานาเปสฺสามี’’ติ ตาวเทว พฺรหฺมโลกโต โอตริตฺวา รตฺติภาเค สุปฺปารกปฏฺฏเน ทารุจีริยสฺส สมฺมุเข ปาตุรโหสิ. พาหิโย อตฺตโน วสนฏฺาเน อุฬารํ โอภาสํ ทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข เอต’’นฺติ พหิ นิกฺขมิตฺวา โอโลเกนฺโต อากาเส ิตํ มหาพฺรหฺมานํ ทิสฺวา อฺชลึ ปคฺคยฺห ‘‘เก ตุมฺเห’’ติ ปุจฺฉิ. อถสฺส โส พฺรหฺมา ‘‘อหํ เต โปราณกสหาโย ตทา อนาคามิผลํ ปตฺวา พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺโต, ตฺวํ ปน กิฺจิ วิเสสํ นิพฺพตฺเตตุํ อสกฺโกนฺโต ตทา ปุถุชฺชนกาลกิริยํ กตฺวา สํสรนฺโต อิทานิ ติตฺถิยเวสธารี อนรหาว สมาโน ‘อรหา อห’นฺติ อิมํ ลทฺธึ คเหตฺวา วิจรสีติ ตฺวา อาคโต, เนว โข ตฺวํ, พาหิย, อรหา, ปฏินิสฺสชฺเชตํ ปาปกํ ทิฏฺิคตํ, มา เต อโหสิ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขาย, สมฺมาสมฺพุทฺโธ โลเก อุปฺปนฺโน. โส หิ ภควา อรหา, คจฺฉ นํ ปยิรุปาสสฺสู’’ติ ¶ อาห. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข พาหิยสฺส ทารุจีริยสฺส ปุราณสาโลหิตา เทวตา’’ติอาทิ.
ตตฺถ อนุกมฺปิกาติ อนุคฺคหสีลา กรุณาธิกา. อตฺถกามาติ หิตกามา เมตฺตาธิกา. ปุริมปเทน เจตฺถ พาหิยสฺส ทุกฺขาปนยนกามตํ ตสฺสา เทวตาย ทสฺเสติ, ปจฺฉิเมน หิตูปสํหารํ. เจตสาติ อตฺตโน จิตฺเตน, เจโตสีเสน เจตฺถ เจโตปริยาณํ คหิตนฺติ เวทิตพฺพํ. เจโตปริวิตกฺกนฺติ ตสฺส จิตฺตปฺปวตฺตึ. อฺายาติ ชานิตฺวา. เตนุปสงฺกมีติ เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส สมิฺชิตํ วา พาหํ ปสาเรยฺย, ปสาริตํ วา พาหํ สมิฺเชยฺย, เอวเมว พฺรหฺมโลเก อนฺตรหิโต พาหิยสฺส ปุรโต ปาตุภวนวเสน อุปสงฺกมิ. เอตทโวจาติ ‘‘เย โข เกจิ โลเก อรหนฺโต วา’’ติอาทิปวตฺตมิจฺฉาปริวิตกฺกํ พาหิยํ สโหฒํ โจรํ คณฺหนฺโต วิย ‘‘เนว โข ตฺวํ, พาหิย, อรหา’’ติอาทิกํ เอตํ ¶ อิทานิ วุจฺจมานวจนํ พฺรหฺมา อโวจ. เนว โข ตฺวํ, พาหิย, อรหาติ เอเตน ตทา พาหิยสฺส อเสกฺขภาวํ ปฏิกฺขิปติ, นาปิ อรหตฺตมคฺคํ วา สมาปนฺโนติ เอเตน ¶ เสกฺขภาวํ, อุภเยนปิสฺส อนริยภาวเมว ทีเปติ. สาปิ เต ปฏิปทา นตฺถิ, ยาย ตฺวํ อรหา วา อสฺส อรหตฺตมคฺคํ วา สมาปนฺโนติ อิมินา ปนสฺส กลฺยาณปุถุชฺชนภาวมฺปิ ปฏิกฺขิปติ. ตตฺถ ปฏิปทาติ สีลวิสุทฺธิอาทโย ฉ วิสุทฺธิโย. ปฏิปชฺชติ เอตาย อริยมคฺเคติ ปฏิปทา. อสฺสาติ ภเวยฺยาสิ.
อยฺจสฺส อรหตฺตาธิมาโน กึ นิสฺสาย อุปฺปนฺโนติ? ‘‘อปฺปิจฺฉตาย สนฺตุฏฺิตาย สลฺเลขตาย ทีฆรตฺตํ กตาธิการตฺตา ตทงฺคปฺปหานวเสน กิเลสานํ วิหตตฺตา อรหตฺตาธิมาโน อุปฺปนฺโน’’ติ เกจิ วทนฺติ. อปเร ปนาหุ ‘‘พาหิโย ปมาทิฌานจตุกฺกลาภี, ตสฺมาสฺส วิกฺขมฺภนปฺปหาเนน กิเลสานํ อสมุทาจารโต อรหตฺตาธิมาโน อุปฺปชฺชตี’’ติ. ตทุภยมฺปิ เตสํ มติมตฺตเมว ‘‘สมฺภาวนาธิปฺปาโย ลาภสกฺการสิโลกํ นิกามยมาโน’’ติ จ อฏฺกถายํ อาคตตฺตา. ตสฺมา วุตฺตนเยเนเวตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
อถ พาหิโย อากาเส ตฺวา กเถนฺตํ มหาพฺรหฺมานํ โอโลเกตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อโห ภาริยํ วต กมฺมํ, ยมหํ อรหาติ จินฺเตสึ, อยฺจ ‘อรหตฺตคามินี ปฏิปทาปิ เต นตฺถี’ติ วทติ, อตฺถิ นุ โข โลเก โกจิ อรหา’’ติ? อถ นํ ปุจฺฉิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ เก จรหิ เทวเต โลเก อรหนฺโต วา อรหตฺตมคฺคํ วา สมาปนฺนา’’ติ.
ตตฺถ ¶ อถาติ ปุจฺฉารมฺเภ นิปาโต. เก จรหีติ เก เอตรหิ. โลเกติ ¶ โอกาสโลเก. อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย – ภาชนโลกภูเต สกลสฺมึ ชมฺพุทีปตเล กสฺมึ าเน อรหนฺโต วา อรหตฺตมคฺคํ วา สมาปนฺนา เอตรหิ วิหรนฺติ, ยตฺถ มยํ เต อุปสงฺกมิตฺวา เตสํ โอวาเท ตฺวา วฏฺฏทุกฺขโต มุจฺจิสฺสามาติ. อุตฺตเรสูติ สุปฺปารกปฏฺฏนโต ปุพฺพุตฺตรทิสาภาคํ สนฺธาย วุตฺตํ.
อรหนฺติ อารกตฺตา อรหํ. อารกา หิ โส สพฺพกิเลเสหิ สุวิทูรวิทูเร ิโต มคฺเคน สวาสนานํ กิเลสานํ วิทฺธํสิตตฺตา. อรีนํ วา หตตฺตา อรหํ. ภควตา หิ กิเลสารโย อนวเสสโต อริยมคฺเคน หตา สมุจฺฉินฺนาติ. อรานํ วา หตตฺตา อรหํ. ยฺจ อวิชฺชาภวตณฺหามยนาภิ ¶ ปฺุาทิอภิสงฺขารารํ ชรามรณเนมิ อาสวสมุทยมเยน อกฺเขน วิชฺฌิตฺวา ติภวรเถ สมาโยชิตํ อนาทิกาลปฺปวตฺตํ สํสารจกฺกํ. ตสฺสาเนน โพธิมณฺเฑ วีริยปาเทหิ สีลปถวิยํ ปติฏฺาย สทฺธาหตฺเถน กมฺมกฺขยกราณผรสุํ คเหตฺวา สพฺเพปิ อรา หตา วิหตา วิทฺธํสิตาติ. อรหตีติ วา อรหํ. ภควา หิ สเทวเก โลเก อคฺคทกฺขิเณยฺยตฺตา อุฬาเร จีวราทิปจฺจเย ปูชาวิเสสฺจ อรหติ. รหาภาวโต วา อรหํ. ตถาคโต หิ สพฺพโส สมุจฺฉินฺนราคาทิกิเลสตฺตา ปาปกิเลสสฺสาปิ อสมฺภวโต ปาปกรเณ รหาภาวโตปิ อรหนฺติ วุจฺจติ.
สมฺมา สามฺจ สพฺพธมฺมานํ พุทฺธตฺตา สมฺมาสมฺพุทฺโธ. ภควา หิ อภิฺเยฺเย ธมฺเม อภิฺเยฺยโต, ปริฺเยฺเย ธมฺเม ปริฺเยฺยโต, ปหาตพฺเพ ธมฺเม ปหาตพฺพโต, สจฺฉิกาตพฺเพ ธมฺเม สจฺฉิกาตพฺพโต, ภาเวตพฺเพ ธมฺเม ภาเวตพฺพโต อภิสมฺพุชฺฌิ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘อภิฺเยฺยํ อภิฺาตํ, ภาเวตพฺพฺจ ภาวิตํ;
ปหาตพฺพํ ปหีนํ เม, ตสฺมา พุทฺโธสฺมิ พฺราหฺมณา’’ติ. (สุ. นิ. ๕๖๓; ม. นิ. ๒.๓๙๙; วิสุทฺธิ. ๑.๑๓๑);
อปิจ ¶ กุสเล ธมฺเม อนวชฺชสุขวิปากโต, อกุสเล ธมฺเม สาวชฺชทุกฺขวิปากโตติอาทินา สพฺพตฺติกทุกาทิวเสน อยมตฺโถ เนตพฺโพ. อิติ อวิปรีตํ สยมฺภุาเณน สพฺพาการโต สพฺพธมฺมานํ อภิสมฺพุทฺธตฺตา สมฺมาสมฺพุทฺโธติ อยเมตฺถ สงฺเขโป. วิตฺถาโร ปน วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๑๒๙-๑๓๑) อาคตนเยเนว เวทิตพฺโพ. อรหตฺตายาติ อคฺคผลปฺปฏิลาภาย. ธมฺมํ เทเสตีติ อาทิกลฺยาณาทิคุณวิเสสยุตฺตํ สีลาทิปฏิปทาธมฺมํ สมถวิปสฺสนาธมฺมเมว วา เวเนยฺยชฺฌาสยานุรูปํ อุปทิสติ กเถติ.
สํเวชิโตติ ¶ ‘‘ธิรตฺถุ วต, โภ, ปุถุชฺชนภาวสฺส, เยนาหํ อนรหาว สมาโน อรหาติ อมฺึ, สมฺมาสมฺพุทฺธฺจ โลเก อุปฺปชฺชิตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺตํ น ชานึ, ทุชฺชานํ โข ปนิทํ ชีวิตํ, ทุชฺชานํ มรณ’’นฺติ สํเวคมาปาทิโต, เทวตาวจเนน ยถาวุตฺเตนากาเรน สํวิคฺคมานโสติ อตฺโถ. ตาวเทวาติ ตสฺมึเยว ขเณ. สุปฺปารกา ปกฺกามีติ พุทฺโธติ นามมปิ สวเนน อุปฺปนฺนาย พุทฺธารมฺมณาย ปีติยา สํเวเคน ¶ จ โจทิยมานหทโย สุปฺปารกปฏฺฏนโต สาวตฺถึ อุทฺทิสฺส ปกฺกนฺโต. สพฺพตฺถ เอกรตฺติปริวาเสนาติ สพฺพสฺมึ มคฺเค เอกรตฺติวาเสเนว อคมาสิ. สุปฺปารกปฏฺฏนโต หิ สาวตฺถิ วีสโยชนสเต โหติ, ตฺจายํ เอตฺตกํ อทฺธานํ เอกรตฺติวาเสน อคมาสิ. ยทา สุปฺปารกโต นิกฺขนฺโต, ตทเหว สาวตฺถึ สมฺปตฺโตติ.
กถํ ปนายํ เอวํ อคมาสีติ? เทวตานุภาเวน, ‘‘พุทฺธานุภาเวนา’’ติปิ วทนฺติ. ‘‘สพฺพตฺถ เอกรตฺติปริวาเสนา’’ติ ปน วุตฺตตฺตา มคฺคสฺส จ วีสโยชนสติกตฺตา อนฺตรามคฺเค คามนิคมราชธานีสุ ยตฺถ ยตฺถ รตฺติยํ วสติ, ตตฺถ ตตฺถ ทุติยํ อรุณํ อนุฏฺาเปตฺวา สพฺพตฺถ เอกรตฺติวาเสเนว สาวตฺถึ อุปสงฺกมีติ อยมตฺโถ ทีปิโต โหตีติ. นยิทํ เอวํ ทฏฺพฺพํ. สพฺพสฺมึ วีสโยชนสติเก มคฺเค เอกรตฺติวาเสนาติ อิมสฺส อตฺถสฺส อธิปฺเปตตฺตา. เอกรตฺติมตฺตํ โส สกลสฺมึ ตสฺมึ มคฺเค ¶ วสิตฺวา ปจฺฉิมทิวเส ปุพฺพณฺหสมเย สาวตฺถึ อนุปฺปตฺโตติ.
ภควาปิ พาหิยสฺส อาคมนํ ตฺวา ‘‘น ตาวสฺส อินฺทฺริยานิ ปริปากํ คตานิ, ขณนฺตเร ปน ปริปากํ คมิสฺสนฺตี’’ติ ตสฺส อินฺทฺริยานํ ปริปากํ อาคมยมาโน มหาภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ตสฺมึ ขเณ สาวตฺถึ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. โส จ เชตวนํ ปวิสิตฺวา ภุตฺตปาตราเส กายาลสิยวิโมจนตฺถํ อพฺโภกาเส จงฺกมนฺเต สมฺพหุเล ภิกฺขู ปสฺสิตฺวา ‘‘กหํ นุ โข เอตรหิ ภควา’’ติ ปุจฺฉิ. ภิกฺขู ‘‘ภควา สาวตฺถึ ปิณฺฑาย ปวิฏฺโ’’ติ วตฺวา ปุจฺฉึสุ ‘‘ตฺวํ ปน กุโต อาคโต’’ติ? ‘‘สุปฺปารกปฏฺฏนโต อาคโตมฺหี’’ติ. ‘‘ทูรโต อาคโตสิ, นิสีท, ตาว ปาเท โธวิตฺวา มกฺเขตฺวา โถกํ วิสฺสมาหิ, อาคตกาเล สตฺถารํ ทกฺขสี’’ติ. ‘‘อหํ, ภนฺเต, อตฺตโน ชีวิตนฺตรายํ น ชานามิ, เอกรตฺเตเนวมฺหิ กตฺถจิปิ จิรํ อฏฺตฺวา อนิสีทิตฺวา วีสโยชนสติกํ มคฺคํ อาคโต, สตฺถารํ ปสฺสิตฺวาว วิสฺสมิสฺสามี’’ติ วตฺวา ตรมานรูโป สาวตฺถึ ปวิสิตฺวา อโนปมาย พุทฺธสิริยา วิโรจมานํ ภควนฺตํ ปสฺสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา ภิกฺขู อพฺโภกาเส จงฺกมนฺติ. อถ โข พาหิโย ทารุจีริโย เยน เต ภิกฺขู เตนุปสงฺกมี’’ติอาทิ.
ตตฺถ ¶ กหนฺติ กตฺถ. นูติ สํสเย, โขติ ปทปูรเณ, กสฺมึ นุ โข ปเทเสติ อตฺโถ. ทสฺสนกามมฺหาติ ทฏฺุกามา อมฺห. มยฺหิ ตํ ภควนฺตํ ¶ อนฺโธ วิย จกฺขุํ, พธิโร วิย โสตํ, มูโค วิย กลฺยาณวากฺกรณํ, หตฺถปาทวิกโล วิย หตฺถปาเท, ทลิทฺโท วิย ธนสมฺปทํ, กนฺตารทฺธานปฺปฏิปนฺโน วิย เขมนฺตภูมึ, โรคาภิภูโต วิย อาโรคฺยํ, มหาสมุทฺเท ภินฺนนาโว วิย มหากุลฺลํ ปสฺสิตุํ ¶ อุปสงฺกมิตฺุจ อิจฺฉามาติ ทสฺเสติ. ตรมานรูโปติ ตรมานากาโร.
ปาสาทิกนฺติ พาตฺตึสมหาปุริสลกฺขณอสีติอนุพฺยฺชนพฺยามปฺปภาเกตุมาลาลงฺกตาย สมนฺตปาสาทิกาย อตฺตโน สรีรโสภาสมฺปตฺติยา รูปกายทสฺสนพฺยาวฏสฺส ชนสฺส สพฺพภาคโต ปสาทาวหํ. ปสาทนียนฺติ ทสพลจตุเวสารชฺชฉอสาธารณาณอฏฺารสาเวณิก- พุทฺธธมฺมปฺปภุติอปริมาณคุณคณสมนฺนาคตาย ธมฺมกายสมฺปตฺติยา สริกฺขกชนสฺส ปสาทนียํ ปสีทิตพฺพยุตฺตํ ปสาทารหํ วา. สนฺตินฺทฺริยนฺติ จกฺขาทิปฺจินฺทฺริยโลลภาวาปคมเนน วูปสนฺตปฺจินฺทฺริยํ. สนฺตมานสนฺติ ฉฏฺสฺส มนินฺทฺริยสฺส นิพฺพิเสวนภาวูปคมเนน วูปสนฺตมานสํ. อุตฺตมทมถสมถมนุปฺปตฺตนฺติ โลกุตฺตรปฺาวิมุตฺติเจโตวิมุตฺติสงฺขาตํ อุตฺตมํ ทมถํ สมถฺจ อนุปฺปตฺวา อธิคนฺตฺวา ิตํ. ทนฺตนฺติ สุปริสุทฺธกายสมาจารตาย เจว หตฺถปาทกุกฺกุจฺจาภาวโต ทวาทิอภาวโต จ กาเยน ทนฺตํ. คุตฺตนฺติ สุปริสุทฺธวจีสมาจารตาย เจว นิรตฺถกวาจาภาวโต ทวาทิอภาวโต จ วาจาย คุตฺตํ. ยตินฺทฺริยนฺติ สุปริสุทฺธมโนสมาจารตาย อริยิทฺธิโยเคน อพฺยาวฏอปฺปฏิสงฺขานุเปกฺขาภาวโต จ มนินฺทฺริยวเสน ยตินฺทฺริยํ. นาคนฺติ ฉนฺทาทิวเสน อคมนโต, ปหีนานํ ราคาทิกิเลสานํ ปุนานาคมนโต, กสฺสจิปิ อาคุสฺส สพฺพถาปิ อกรณโต, ปุนพฺภวสฺส จ อคมนโตติ อิเมหิ การเณหิ นาคํ. เอตฺถ จ ปาสาทิกนฺติ อิมินา รูปกาเยน ภควโต ปมาณภูตตํ ¶ ทีเปติ, ปสาทนียนฺติ อิมินา ธมฺมกาเยน, สนฺตินฺทฺริยนฺติอาทินา เสเสหิ ปมาณภูตตํ ทีเปติ. เตน จตุปฺปมาณิเก โลกสนฺนิวาเส อนวเสสโต สตฺตานํ ภควโต ปมาณภาโว ปกาสิโตติ เวทิตพฺโพ.
เอวํภูตฺจ ภควนฺตํ อนฺตรวีถิยํ คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘จิรสฺสํ วต เม สมฺมาสมฺพุทฺโธ ทิฏฺโ’’ติ หฏฺตุฏฺโ ปฺจวณฺณาย ปีติยา นิรนฺตรํ ผุฏสรีโร ¶ ปีติวิปฺผาริตวิวฏนิจฺจลโลจโน ทิฏฺฏฺานโต ปฏฺาย โอณตสรีโร ภควโต สรีรปฺปภาเวมชฺฌํ อชฺโฌคาเหตฺวา ตตฺถ นิมุชฺชนฺโต ภควโต สมีปํ อุปสงฺกมิตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา ภควโต ปาเท สมฺพาหนฺโต ปริจุมฺพนฺโต ‘‘เทเสตุ เม, ภนฺเต, ภควา ธมฺม’’นฺติ อาห. เตน วุตฺตํ – ‘‘ภควโต ปาเท ¶ สิรสา นิปติตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘เทเสตุ เม, ภนฺเต, ภควา ธมฺมํ, เทเสตุ สุคโต ธมฺมํ, ยํ มมสฺส ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’’’ติ.
ตตฺถ สุคโตติ โสภนคมนตฺตา, สุนฺทรํ านํ คตตฺตา, สมฺมา คตตฺตา, สมฺมา คทตฺตา สุคโต. คมนมฺปิ หิ คตนฺติ วุจฺจติ, ตฺจ ภควโต โสภนํ ปริสุทฺธํ อนวชฺชํ. กึ ปน ตนฺติ? อริยมคฺโค. เตน เหส คมเนน เขมํ ทิสํ อสชฺชมาโน คโต, อฺเปิ คเมตีติ โสภนคมนตฺตา สุคโต. สุนฺทรฺเจส านํ อมตํ นิพฺพานํ คโตติ สุนฺทรํ านํ คตตฺตา สุคโต. สมฺมา จ คตตฺตา สุคโต เตน เตน มคฺเคน ปหีเน กิเลเส ปุน อปจฺจาคมนโต. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘โสตาปตฺติมคฺเคน เย กิเลสา ปหีนา, เต กิเลเส น ปุเนติ น ปจฺเจติ น ปจฺจาคจฺฉตีติ สุคโต. สกทาคามิ…เป… อรหตฺตมคฺเคน…เป… น ปจฺจาคจฺฉตีติ สุคโต’’ติ (จูฬนิ. เมตฺตคูมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๒๗).
อถ วา สมฺมา คตตฺตาติ ตีสุปิ อวตฺถาสุ สมฺมาปฏิปตฺติยา คตตฺตา, สุปฺปฏิปนฺนตฺตาติ อตฺโถ. ทีปงฺกรปาทมูลโต หิ ปฏฺาย ยาว มหาโพธิมณฺฑา ¶ ตาว สมตึสปารมิปูริตาย สมฺมาปฏิปตฺติยา าตตฺถจริยาย โลกตฺถจริยาย พุทฺธตฺถจริยาย โกฏึ ปาปุณิตฺวา สพฺพโลกสฺส หิตสุขเมว ปริพฺรูหนฺโต สสฺสตํ อุจฺเฉทํ กามสุขํ อตฺตกิลมถนฺติ อิเม อนฺเต อนุปคจฺฉนฺติยา อนุตฺตราย โพชฺฌงฺคภาวนาสงฺขาตาย มชฺฌิมาย ปฏิปทาย อริยสจฺเจสุ ตโต ปรํ สมธิคตธมฺมาธิปเตยฺโย สพฺพสตฺเตสุ อวิสยาย สมฺมาปฏิปตฺติยา จ คโต ปฏิปนฺโนติ เอวมฺปิ สมฺมา คตตฺตา สุคโต. สมฺมา เจส คทติ ยุตฺตฏฺาเน ยุตฺตเมว วาจํ ภาสตีติ สุคโต. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘กาลวาที ¶ , ภูตวาที, อตฺถวาที, ธมฺมวาที, วินยวาที, นิธานวตึ วาจํ ภาสิตา กาเลน สาปเทสํ ปริยนฺตวตึ อตฺถสํหิต’’นฺติ (ที. นิ. ๑.๙; ม. นิ. ๓.๑๔).
อปรมฺปิ วุตฺตํ –
‘‘ยา ¶ สา วาจา อภูตา อตจฺฉา อนตฺถสํหิตา, ยา จ ปเรสํ อปฺปิยา อมนาปา, น ตํ ตถาคโต วาจํ ภาสตี’’ติอาทิ (ม. นิ. ๒.๘๖).
เอวํ สมฺมา คทตฺตาปิ สุคโต.
ยํ มมสฺส ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายาติ ยํ ธมฺมสฺส อุปทิสนํ จิรกาลํ มม ฌานวิโมกฺขาทิหิตาย ตทธิคนฺตพฺพสุขาย จ สิยา. อกาโล โข ตาว พาหิยาติ ตว ธมฺมเทสนาย น ตาว กาโลติ อตฺโถ. กึ ปน ภควโต สตฺตหิตปฏิปตฺติยา อกาโลปิ นาม อตฺถิ, ยโต ภควา กาลวาทีติ? วุจฺจเต – กาโลติ เจตฺถ เวเนยฺยานํ อินฺทฺริยปริปากกาโล อธิปฺเปโต. ยสฺมา ปน ตทา พาหิยสฺส อตฺตโน อินฺทฺริยานํ ปริปกฺกาปริปกฺกภาโว ทุพฺพิฺเยฺโย, ตสฺมา ภควา ตํ อวตฺวา อตฺตโน อนฺตรวีถิยํ ิตภาวมสฺส การณํ อปทิสนฺโต อาห ‘‘อนฺตรฆรํ ปวิฏฺมฺหา’’ติ. ทุชฺชานนฺติ ทุพฺพิฺเยฺยํ. ชีวิตนฺตรายานนฺติ ชีวิตสฺส อนฺตรายกรธมฺมานํ วตฺตนํ อวตฺตนํ วาติ วตฺตุกาโม สมฺภมวเสน ‘‘ชีวิตนฺตรายาน’’นฺติ อาห. ตถา หิ อเนกปจฺจยปฺปฏิพทฺธวุตฺติชีวิตํ อเนกรูปา จ ตทนฺตรายา. วุตฺตฺหิ –
‘‘อชฺเชว กิจฺจมาตปฺปํ, โก ชฺา มรณํ สุเว;
น หิ โน สงฺครํ เตน, มหาเสเนน มจฺจุนา’’ติ. (ม. นิ. ๓.๒๗๒; เนตฺติ. ๑๐๓);
กสฺมา ¶ ปนายํ ชีวิตนฺตรายเมว ตาว ปุรกฺขโรติ? ‘‘นิมิตฺตฺุตาย อทิฏฺโกสลฺเลน วา’’ติ เกจิ. อปเร ‘‘เทวตาย สนฺติเก ชีวิตนฺตรายสฺส สุตตฺตา’’ติ วทนฺติ. อนฺติมภวิกตฺตา ปน อุปนิสฺสยสมฺปตฺติยา โจทิยมาโน เอวมาห. น หิ เตสํ อปฺปตฺตอรหตฺตานํ ชีวิตกฺขโย โหติ. กึ ปน การณา ภควา ตสฺส ธมฺมํ เทเสตุกาโมว ทฺวิกฺขตฺตุํ ปฏิกฺขิปิ? เอวํ กิรสฺส อโหสิ ‘‘อิมสฺส มํ ทิฏฺกาลโต ปฏฺาย ¶ สกลสรีรํ ปีติยา นิรนฺตรํ ผุฏํ, อติพลวา ปีติเวโค, ธมฺมํ สุตฺวาปิ น ตาว สกฺขิสฺสติ ปฏิวิชฺฌิตุํ. ยาว ปน มชฺฌตฺตุเปกฺขา สณฺาติ, ตาว ติฏฺตุ, วีสโยชนสตํ มคฺคํ อาคตตฺตา ทรโถปิสฺส กาเย พลวา, โสปิ ตาว ปฏิปฺปสฺสมฺภตู’’ติ. ตสฺมา ทฺวิกฺขตฺตุํ ปฏิกฺขิปิ. เกจิ ปน ‘‘ธมฺมสฺสวเน อาทรชนนตฺถํ ภควา เอวมกาสี’’ติ วทนฺติ. ตติยวารํ ยาจิโต ปน มชฺฌตฺตุเปกฺขํ ทรถปฺปฏิปสฺสทฺธึ ปจฺจุปฏฺิตฺจสฺส ชีวิตนฺตรายํ ทิสฺวา ¶ ‘‘อิทานิ ธมฺมเทสนาย กาโล’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘ตสฺมา ติหา’’ติอาทินา ธมฺมเทสนํ อารภิ.
ตตฺถ ตสฺมาติ ยสฺมา ตฺวํ อุสฺสุกฺกชาโต หุตฺวา อติวิย มํ ยาจสิ, ยสฺมา วา ชีวิตนฺตรายานํ ทุชฺชานตํ วทสิ, อินฺทฺริยานิ จ เต ปริปากํ คตานิ, ตสฺมา. ติหาติ นิปาตมตฺตํ. เตติ ตยา เอวนฺติ อิทานิ วตฺตพฺพาการํ วทติ.
สิกฺขิตพฺพนฺติ อธิสีลสิกฺขาทีนํ ติสฺสนฺนมฺปิ สิกฺขานํ วเสน สิกฺขนํ กาตพฺพํ. ยถา ปน สิกฺขิตพฺพํ, ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ทิฏฺเ ทิฏฺมตฺตํ ภวิสฺสตี’’ติอาทิมาห.
ตตฺถ ทิฏฺเ ทิฏฺมตฺตนฺติ รูปายตเน จกฺขุวิฺาเณน ทิฏฺมตฺตํ. ยถา หิ จกฺขุวิฺาณํ รูเป รูปมตฺตเมว ปสฺสติ, น อนิจฺจาทิสภาวํ, เอวเมว เสสํ. จกฺขุทฺวาริกวิฺาเณน หิ เม ทิฏฺมตฺตเมว ภวิสฺสตีติ สิกฺขิตพฺพนฺติ อตฺโถ. อถ วา ทิฏฺเ ทิฏฺํ นาม ¶ จกฺขุวิฺาเณน รูปวิชานนนฺติ อตฺโถ. มตฺตนฺติ ปมาณํ. ทิฏฺา มตฺตา เอตสฺสาติ ทิฏฺมตฺตํ, จกฺขุวิฺาณมตฺตเมว จิตฺตํ ภวิสฺสตีติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา อาปาถคเต รูเป จกฺขุวิฺาณํ น รชฺชติ, น ทุสฺสติ, น มุยฺหติ, เอวํ ราคาทิวิรเหน จกฺขุวิฺาณมตฺตเมว เม ชวนํ ภวิสฺสติ, จกฺขุวิฺาณปฺปมาเณเนว ชวนํ เปสฺสามีติ.
อถ วา ทิฏฺํ นาม จกฺขุวิฺาเณน ทิฏฺํ รูปํ, ทิฏฺมตฺตํ นาม ตตฺเถว อุปฺปนฺนํ สมฺปฏิจฺฉนสนฺตีรณโวฏฺพฺพนสงฺขาตํ จิตฺตตฺตยํ. ยถา ตํ น รชฺชติ, น ทุสฺสติ, น มุยฺหติ, เอวํ อาปาถคเต รูเป เตเนว สมฺปฏิจฺฉนาทิปฺปมาเณน ชวนํ อุปฺปาเทสฺสามิ, นาหํ ตํ ปมาณํ อติกฺกมิตฺวา รชฺชนาทิวเสน อุปฺปชฺชิตุํ ทสฺสามีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เอเสว นโย สุตมุเต ¶ . มุตนฺติ ตทารมฺมณวิฺาเณหิ สทฺธึ คนฺธรสโผฏฺพฺพายตนํ เวทิตพฺพํ. วิฺาเต วิฺาตมตฺตนฺติ เอตฺถ ปน วิฺาตํ นาม มโนทฺวาราวชฺชเนน วิฺาตารมฺมณํ. ตสฺมึ วิฺาเต วิฺาตมตฺตนฺติ อาวชฺชนปฺปมาณํ. ยถา อาวชฺชนํ น รชฺชติ, น ทุสฺสติ, น มุยฺหติ, เอวํ รชฺชนาทิวเสน จ อุปฺปชฺชิตุํ อทตฺวา อาวชฺชนปฺปมาเณเนว จิตฺตํ เปสฺสามีติ อยเมตฺถ อตฺโถ. เอวฺหิ เต, พาหิย, สิกฺขิตพฺพนฺติ เอวํ อิมาย ปฏิปทาย ตยา, พาหิย, ติสฺสนฺนํ สิกฺขานํ อนุวตฺตนวเสน สิกฺขิตพฺพํ.
อิติ ภควา พาหิยสฺส สํขิตฺตรุจิตาย ฉหิ วิฺาณกาเยหิ สทฺธึ ฉฬารมฺมณเภทภินฺนํ ¶ วิปสฺสนาย วิสยํ ทิฏฺาทีหิ จตูหิ โกฏฺาเสหิ วิภชิตฺวา ตตฺถสฺส าตตีรณปริฺํ ทสฺเสติ. กถํ? เอตฺถ หิ รูปายตนํ ปสฺสิตพฺพฏฺเน ทิฏฺํ นาม, จกฺขุวิฺาณํ ปน สทฺธึ ตํทฺวาริกวิฺาเณหิ ทสฺสนฏฺเน, ตทุภยมฺปิ ยถาปจฺจยํ ปวตฺตมานํ ธมฺมมตฺตเมว, น เอตฺถ โกจิ กตฺตา วา กาเรตา วา, ยโต ตํ หุตฺวา อภาวฏฺเน อนิจฺจํ, อุทยพฺพยปฺปฏิปีฬนฏฺเน ทุกฺขํ, อวสวตฺตนฏฺเน ¶ อนตฺตาติ กุโต ตตฺถ ปณฺฑิตสฺส รชฺชนาทีนํ โอกาโสติ? อยเมตฺถ อธิปฺปาโย สุตาทีสุปิ.
อิทานิ าตตีรณปริฺาสุ ปติฏฺิตสฺส อุปริ สห มคฺคผเลน ปหานปริฺํ ทสฺเสตุํ, ‘‘ยโต โข เต, พาหิยา’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ ยโตติ ยทา, ยสฺมา วา. เตติ ตว. ตโตติ ตทา, ตสฺมา วา. เตนาติ เตน ทิฏฺาทินา, ทิฏฺาทิปฏิพทฺเธน ราคาทินา วา. อิทํ วุตฺตํ โหติ – พาหิย, ตว ยสฺมึ กาเล เยน วา การเณน ทิฏฺาทีสุ มยา วุตฺตวิธึ ปฏิปชฺชนฺตสฺส อวิปรีตสภาวาวโพเธน ทิฏฺาทิมตฺตํ ภวิสฺสติ, ตสฺมึ กาเล เตน วา การเณน ทิฏฺาทิปฏิพทฺเธน ราคาทินา สห น ภวิสฺสสิ, รตฺโต วา ทุฏฺโ วา มูฬฺโห วา น ภวิสฺสสิ, ปหีนราคาทิกตฺตา เตน วา ทิฏฺาทินา สห ปฏิพทฺโธ น ภวิสฺสสีติ. ตโต ตฺวํ, พาหิย, น ตตฺถาติ ยทา ยสฺมา วา ตฺวํ เตน ราเคน วา รตฺโต โทเสน วา ทุฏฺโ โมเหน วา มูฬฺโห น ภวิสฺสสิ, ตทา ตสฺมา วา ตฺวํ ตตฺถ ทิฏฺาทิเก น ภวิสฺสสิ, ตสฺมึ ทิฏฺเ วา สุตมุตวิฺาเต วา ‘‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’’ติ ตณฺหามานทิฏฺีหิ อลฺลีโน ปติฏฺิโต น ภวิสฺสสิ. เอตฺตาวตา ปหานปริฺํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา ขีณาสวภูมิ ทสฺสิตา.
ตโต ¶ ตฺวํ, พาหิย, เนวิธ น หุรํ น อุภยมนฺตเรนาติ ยทา ตฺวํ, พาหิย, เตน ราคาทินา ตตฺถ ทิฏฺาทีสุ ปฏิพทฺโธ น ภวิสฺสสิ, ตทา ตฺวํ เนว อิธโลเก น ปรโลเก น อุภยตฺถาปิ. เอเสวนฺโต ทุกฺขสฺสาติ กิเลสทุกฺขสฺส จ วฏฺฏทุกฺขสฺส จ อยเมว หิ อนฺโต อยํ ปริวฏุมภาโวติ อยเมว หิ เอตฺถ อตฺโถ. เย ปน ‘‘อุภยมนฺตเรนา’’ติ ปทํ คเหตฺวา อนฺตราภวํ นาม อิจฺฉนฺติ, เตสํ ตํ มิจฺฉา. อนฺตราภวสฺส หิ ภาโว อภิธมฺเม ปฏิกฺขิตฺโตเยว. อนฺตเรนาติ วจนํ ปน วิกปฺปนฺตรทีปนํ, ตสฺมา อยเมตฺถ อตฺโถ – ‘‘เนว อิธ น หุรํ, อปโร วิกปฺโป น อุภย’’นฺติ.
อถ วา อนฺตเรนาติ วจนํ ปน วิกปฺปนฺตราภาวทีปนํ. ตสฺสตฺโถ – ‘‘เนว อิธ น หุรํ, อุภยมนฺตเร ปน น ¶ อฺฏฺานํ อตฺถี’’ติ. เยปิ จ ‘‘อนฺตราปรินิพฺพายี สมฺภเวสี’’ติ ¶ จ อิเมสํ สุตฺตปทานํ อตฺถํ อโยนิโส คเหตฺวา ‘‘อตฺถิเยว อนฺตราภโว’’ติ วทนฺติ, เตปิ ยสฺมา อวิหาทีสุ ตตฺถ ตตฺถ อายุเวมชฺฌํ อนติกฺกมิตฺวา อนฺตรา อคฺคมคฺคาธิคเมน อนวเสสกิเลสปรินิพฺพาเนน ปรินิพฺพายตีติ อนฺตราปรินิพฺพายี, น อนฺตราภวภูโตติ ปุริมสฺส สุตฺตปทสฺส อตฺโถ. ปจฺฉิมสฺส จ เย ภูตา เอว, น ภวิสฺสนฺติ, เต ขีณาสวา ปุริมปเท ภูตาติ วุตฺตา. ตพฺพิรุทฺธตาย สมฺภวเมสนฺตีติ สมฺภเวสิโน, อปฺปหีนภวสํโยชนตฺตา เสขา ปุถุชฺชนา จ. จตูสุ วา โยนีสุ อณฺฑชชลาพุชสตฺตา ยาว อณฺฑโกสํ วตฺถิโกสฺจ น ภินฺทนฺติ, ตาว สมฺภเวสี นาม, อณฺฑโกสโต วตฺถิโกสโต จ พหิ นิกฺขนฺตา ภูตา นาม. สํเสทชา โอปปาติกา จ ปมจิตฺตกฺขเณ สมฺภเวสี นาม, ทุติยจิตฺตกฺขณโต ปฏฺาย ภูตา นาม. เยน วา อิริยาปเถน ชายนฺติ, ยาว ตโต อฺํ น ปาปุณนฺติ, ตาว สมฺภเวสิโน, ตโต ปรํ ภูตาติ อตฺโถ. ตสฺมา นตฺถีติ ปฏิกฺขิปิตพฺพา. สติ หิ อุชุเก ปาฬิอนุคเต อตฺเถ กึ อนิทฺธาริตสามตฺถิเยน อนฺตราภเวน ปริกปฺปิเตน ปโยชนนฺติ.
เย ปน ‘‘สนฺตานวเสน ปวตฺตมานานํ ธมฺมานํ อวิจฺเฉเทน เทสนฺตเรสุ ปาตุภาโว ทิฏฺโ, ยถา ตํ วีหิอาทิอวิฺาณกสนฺตาเน, เอวํ สวิฺาณกสนฺตาเนปิ อวิจฺเฉเทน เทสนฺตเรสุ ปาตุภาเวน ภวิตพฺพํ. อยฺจ นโย สติ อนฺตราภเว ยุชฺชติ, น อฺถา’’ติ ยุตฺตึ วทนฺติ. เตน หิ อิทฺธิมโต เจโตวสิปฺปตฺตสฺส จิตฺตานุคติกํ กายํ ¶ อธิฏฺหนฺตสฺส ขเณน พฺรหฺมโลกโต อิธูปสงฺกมเน อิโต วา พฺรหฺมโลกคมเน ยุตฺติ วตฺตพฺพา. ยทิ สพฺพตฺเถว อวิจฺฉินฺนเทเส ธมฺมานํ ปวตฺติ อิจฺฉิตา, ยทิปิ สิยา อิทฺธิมนฺตานํ อิทฺธิวิสโย อจินฺเตยฺโยติ. ตํ อิธาปิ สมานํ ‘‘กมฺมวิปาโก ¶ อจินฺเตยฺโย’’ติ วจนโต. ตสฺมา ตํ เตสํ มติมตฺตเมว. อจินฺเตยฺยสภาวา หิ สภาวธมฺมา, เต กตฺถจิ ปจฺจยวเสน วิจฺฉินฺนเทเส ปาตุภวนฺติ, กตฺถจิ อวิจฺฉินฺนเทเส. ตถา หิ มุขโฆสาทีหิ ปจฺจเยหิ อฺสฺมึ เทเส อาทาสปพฺพตปฺปเทสาทิเก ปฏิพิมฺพปฏิโฆสาทิกํ ปจฺจยุปฺปนฺนํ นิพฺพตฺตมานํ ทิสฺสติ, ตสฺมา น สพฺพํ สพฺพตฺถ อุปเนตพฺพนฺติ อยเมตฺถ สงฺเขโป. วิตฺถาโร ปน ปฏิพิมฺพสฺส อุทาหรณภาวสาธนาทิโก อนฺตราภวกถาวิจาโร กถาวตฺถุปกรณสฺส (กถา. ๕๐๕; กถา. อฏฺ. ๕๐๕) ฏีกายํ คเหตพฺโพ.
อปเร ปน ‘‘อิธาติ กามภโว, หุรนฺติ อรูปภโว, อุภยมนฺตเรนาติ รูปภโว วุตฺโต’’ติ. อฺเ ‘‘อิธาติ อชฺฌตฺติกายตนานิ, หุรนฺติ พาหิรายตนานิ, อุภยมนฺตเรนาติ จิตฺตเจตสิกา’’ติ. ‘‘อิธาติ วา ปจฺจยธมฺมา, หุรนฺติ ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺมา, อุภยมนฺตเรนาติ ปณฺณตฺติธมฺมา ¶ วุตฺตา’’ติ วทนฺติ. ตํ สพฺพํ อฏฺกถาสุ นตฺถิ. เอวํ ตาว ‘‘ทิฏฺเ ทิฏฺมตฺตํ ภวิสฺสตี’’ติอาทินา ทิฏฺาทิวเสน จตุธา เตภูมกธมฺมา สงฺคเหตพฺพา. ตตฺถ สุภสุขนิจฺจอตฺตคฺคาหปริวชฺชนมุเขน อสุภทุกฺขานิจฺจานตฺตานุปสฺสนา ทสฺสิตาติ เหฏฺิมาหิ วิสุทฺธีหิ สทฺธึ สงฺเขเปเนว วิปสฺสนา กถิตา. ‘‘ตโต ตฺวํ, พาหิย, น เตนา’’ติ อิมินา ราคาทีนํ สมุจฺเฉทสฺส อธิปฺเปตตฺตา มคฺโค. ‘‘ตโต ตฺวํ, พาหิย, น ตตฺถา’’ติ อิมินา ผลํ. ‘‘เนวิธา’’ติอาทินา อนุปาทิเสสา ปรินิพฺพานธาตุ กถิตาติ ทฏฺพฺพํ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข พาหิยสฺส…เป… อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุจฺจี’’ติ.
อิมาย สํขิตฺตปทาย เทสนาย ตาวเทวาติ ตสฺมึเยว ขเณ, น กาลนฺตเร. อนุปาทายาติ อคฺคเหตฺวา. อาสเวหีติ อาภวคฺคํ อาโคตฺรภุํ สวนโต ปวตฺตนโต จิรปาริวาสิยฏฺเน มทิราทิอาสวสทิสตาย จ ‘‘อาสวา’’ติ ¶ ลทฺธนาเมหิ กามราคาทีหิ. วิมุจฺจีติ สมุจฺเฉทวิมุตฺติยา ปฏิปฺปสฺสทฺธิวิมุตฺติยา จ วิมุจฺจิ นิสฺสชฺชิ. โส หิ สตฺถุ ธมฺมํ สุณนฺโต เอว สีลานิ โสเธตฺวา ยถาลทฺธํ จิตฺตสมาธึ นิสฺสาย วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา ขิปฺปาภิฺตาย ตาวเทว สพฺพาสเว เขเปตฺวา ¶ สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. โส สํสารโสตํ ฉินฺทิตฺวา กตวฏฺฏปริยนฺโต อนฺติมเทหธโร หุตฺวา เอกูนวีสติยา ปจฺจเวกฺขณาสุ ปวตฺตาสุ ธมฺมตาย โจทิยมาโน ภควนฺตํ ปพฺพชฺชํ ยาจิ. ‘‘ปริปุณฺณํ เต ปตฺตจีวร’’นฺติ ปุฏฺโ ‘‘น ปริปุณฺณ’’นฺติ อาห. อถ นํ สตฺถา ‘‘เตน หิ ปตฺตจีวรํ ปริเยสา’’ติ วตฺวา ปกฺกามิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข ภควา…เป… ปกฺกามี’’ติ.
โส กิร กสฺสปทสพลสฺส สาสเน วีสวสฺสสหสฺสานิ สมณธมฺมํ กโรนฺโต ‘‘ภิกฺขุนา นาม อตฺตนา ปจฺจเย ลภิตฺวา ยถาทานํ กโรนฺเตน อตฺตนาว ปริภฺุชิตุํ วฏฺฏตี’’ติ เอกสฺส ภิกฺขุสฺสปิ ปตฺเตน วา จีวเรน วา สงฺคหํ นากาสิ, เตนสฺส เอหิภิกฺขุอุปสมฺปทาย อุปนิสฺสโย นาโหสิ. เกจิ ปนาหุ – ‘‘โส กิร พุทฺธสฺุเ โลเก โจโร หุตฺวา ธนุกลาปํ สนฺนยฺหิตฺวา อรฺเ โจริกํ กโรนฺโต เอกํ ปจฺเจกพุทฺธํ ทิสฺวา ปตฺตจีวรโลเภน ตํ อุสุนา วิชฺฌิตฺวา ปตฺตจีวรํ คณฺหิ, เตนสฺส อิทฺธิมยปตฺตจีวรํ น อุปฺปชฺชิสฺสตีติ, สตฺถา ตํ ตฺวา เอหิภิกฺขุภาเวน ปพฺพชฺชํ น อทาสี’’ติ. ตมฺปิ ปตฺตจีวรปริเยสนํ จรมานํ เอกา เธนุ เวเคน อาปตนฺตี ปหริตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปสิ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อถ โข อจิรปกฺกนฺตสฺส ภควโต พาหิยํ ทารุจีริยํ คาวี ตรุณวจฺฉา อธิปติตฺวา ชีวิตา โวโรเปสี’’ติ.
ตตฺถ ¶ อจิรปกฺกนฺตสฺสาติ น จิรํ ปกฺกนฺตสฺส ภควโต. คาวี ตรุณวจฺฉาติ เอกา ยกฺขินี ตรุณวจฺฉเธนุรูปา. อธิปติตฺวาติ อภิภวิตฺวา มทฺทิตฺวา. ชีวิตา โวโรเปสีติ ปุริมสฺมึ อตฺตภาเว ลทฺธาฆาตตาย ทิฏฺมตฺเตเนว ¶ เวริจิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา สิงฺเคน ปหริตฺวา ชีวิตา โวโรเปสิ.
สตฺถา ปิณฺฑาย จริตฺวา กตภตฺตกิจฺโจ สมฺพหุเลหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ นครโต นิกฺขมนฺโต พาหิยสฺส สรีรํ สงฺการฏฺาเน ปติตํ ทิสฺวา ภิกฺขู อาณาเปสิ – ‘‘ภิกฺขเว, เอกสฺมึ ฆรทฺวาเร ตฺวา มฺจกํ อาหราเปตฺวา อิทํ สรีรํ นครโต นีหริตฺวา ฌาเปตฺวา ถูปํ กโรถา’’ติ, ภิกฺขู ตถา อกํสุ. กตฺวา จ ปน วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา อตฺตนา กตกิจฺจํ อาโรเจตฺวา ตสฺส อภิสมฺปรายํ ปุจฺฉึสุ. อถ เนสํ ภควา ตสฺส ปรินิพฺพุตภาวํ อาจิกฺขิ. ภิกฺขู ‘‘ตุมฺเห, ภนฺเต, ‘พาหิโย ทารุจีริโย อรหตฺตํ ปตฺโต’ติ วทถ, กทา โส อรหตฺตํ ปตฺโต’’ติ ¶ ปุจฺฉึสุ. ‘‘มม ธมฺมํ สุตกาเล’’ติ จ วุตฺเต ‘‘กทา ปนสฺส ตุมฺเหหิ ธมฺโม กถิโต’’ติ? ‘‘ปิณฺฑาย จรนฺเตน อชฺเชว อนฺตรวีถิยํ ตฺวา’’ติ. ‘‘อปฺปมตฺตโก โส, ภนฺเต, ตุมฺเหหิ อนฺตรวีถิยํ ตฺวา กถิตธมฺโม, กถํ โส ตาวตเกน วิเสสํ นิพฺพตฺเตสี’’ติ? ‘‘กึ, ภิกฺขเว, มม ธมฺมํ ‘อปฺปํ วา พหุํ วา’ติ ปมิณถ, อเนกานิ คาถาสหสฺสานิปิ อนตฺถสํหิตานิ น เสยฺโย, อตฺถนิสฺสิตํ ปน เอกมฺปิ คาถาปทํ เสยฺโย’’ติ ทสฺเสนฺโต –
‘‘สหสฺสมปิ เจ คาถา, อนตฺถปทสฺหิตา;
เอกํ คาถาปทํ เสยฺโย, ยํ สุตฺวา อุปสมฺมตี’’ติ. (ธ. ป. ๑๐๑) –
ธมฺมปเท อิมํ คาถํ วตฺวา ‘‘น เกวลํ โส ปรินิพฺพานมตฺเตน, อถ โข มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ ขิปฺปาภิฺานํ อคฺคภาเวนปิ ปูชารโห’’ติ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ ขิปฺปาภิฺานํ, ยทิทํ พาหิโย ทารุจีริโย’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๑๖) ตํ อายสฺมนฺตํ เอตทคฺเค เปสิ. ตํ ¶ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘อถ โข ภควา สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา…เป… ปรินิพฺพุโต, ภิกฺขเว, พาหิโย ทารุจีริโย’’ติ.
ตตฺถ ปจฺฉาภตฺตนฺติ ภตฺตกิจฺจโต ปจฺฉา. ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโตติ ปิณฺฑปาตปริเยสนโต ปฏินิวตฺโต. ปททฺวเยนาปิ กตภตฺตกิจฺโจติ วุตฺตํ โหติ. นีหริตฺวาติ นครโต พหิ เนตฺวา. ฌาเปถาติ ทหถ. ถูปฺจสฺส กโรถาติ อสฺส พาหิยสฺส สรีรธาตุโย คเหตฺวา เจติยฺจ กโรถ ¶ . ตตฺถ การณมาห – ‘‘สพฺรหฺมจารี โว, ภิกฺขเว, กาลกโต’’ติ. ตสฺสตฺโถ – ยํ ตุมฺเห เสฏฺฏฺเน พฺรหฺมํ อธิสีลาทิปฏิปตฺติธมฺมํ สนฺทิฏฺํ จรถ, ตํ โส ตุมฺเหหิ สมานํ พฺรหฺมํ อจรีติ สพฺรหฺมจารี มรณกาลสฺส ปตฺติยาว กาลกโต, ตสฺมา ตํ มฺจเกน นีหริตฺวา ฌาเปถ, ถูปฺจสฺส กโรถาติ.
ตสฺส กา คตีติ ปฺจสุ คตีสุ ตสฺส กตมา คติ อุปปตฺติ ภวภูตา, คตีติ นิปฺผตฺติ, อริโย ปุถุชฺชโน วาติ กา นิฏฺาติ อตฺโถ. อภิสมฺปราโยติ เปจฺจ ภวุปฺปตฺติ ภวนิโรโธ วา. กิฺจาปิ ตสฺส ถูปกรณาณตฺติยาว ปรินิพฺพุตภาโว อตฺถโต ปกาสิโต โหติ, เย ปน ภิกฺขู ตตฺตเกน น ชานึสุ, เต ‘‘ตสฺส กา คตี’’ติ ¶ ปุจฺฉึสุ. ปากฏตรํ วา การาเปตุกามา ตถา ภควนฺตํ ปุจฺฉึสุ.
ปณฺฑิโตติ อคฺคมคฺคปฺาย อธิคตตฺตา ปณฺเฑน อิโต คโต ปวตฺโตติ ปณฺฑิโต. ปจฺจปาทีติ ปฏิปชฺชิ. ธมฺมสฺสาติ โลกุตฺตรธมฺมสฺส. อนุธมฺมนฺติ สีลวิสุทฺธิอาทิปฏิปทาธมฺมํ. อถ วา ธมฺมสฺสาติ นิพฺพานธมฺมสฺส. อนุธมฺมนฺติ อริยมคฺคผลธมฺมํ. น จ มํ ธมฺมาธิกรณนฺติ ธมฺมเทสนาเหตุ น จ มํ วิเหเสสิ ยถานุสิฏฺํ ปฏิปนฺนตฺตา. โย หิ สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา กมฺมฏฺานํ วา คเหตฺวา ยถานุสิฏฺํ น ปฏิปชฺชติ, โส สตฺถารํ วิเหเสติ นาม. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘วิหึสสฺี ปคุณํ น ภาสึ, ธมฺมํ ปณีตํ มนุเชสุ พฺรหฺเม’’ติ (มหาว. ๙; ม. นิ. ๑.๒๘๓; ๒.๓๓๙). อถ วา น จ มํ ธมฺมาธิกรณนฺติ น จ อิมํ ธมฺมาธิกรณํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – วฏฺฏทุกฺขโต นิยฺยานเหตุภูตํ อิมํ มม สาสนธมฺมํ สุปฺปฏิปนฺนตฺตา น วิเหเสติ. ทุปฺปฏิปนฺโน หิ สาสนํ ภินฺทนฺโต สตฺถุ ¶ ธมฺมสรีเร ปหารํ เทติ นาม. อยํ ปน สมฺมาปฏิปตฺตึ มตฺถกํ ปาเปตฺวา อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ปรินิพฺพุโต, ภิกฺขเว, พาหิโย ทารุจีริโย’’ติ.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ เถรสฺส พาหิยสฺส อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพุตภาวํ, ตถา ปรินิพฺพุตานฺจ ขีณาสวานํ คติยา ปจุรชเนหิ ทุพฺพิฺเยฺยภาวํ สพฺพาการโต วิทิตฺวา. อิมํ อุทานนฺติ อิมํ อปฺปติฏฺิตปรินิพฺพานานุภาวทีปกํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ ยตฺถาติ ยสฺมึ นิพฺพาเน อาโป จ น คาธติ, ปถวี จ เตโช จ วาโย จ น คาธติ, น ปติฏฺาติ. กสฺมา? นิพฺพานสฺส อสงฺขตสภาวตฺตา. น หิ ตตฺถ สงฺขตธมฺมานํ เลโสปิ ¶ สมฺภวติ. สุกฺกาติ สุกฺกวณฺณตาย สุกฺกาติ ลทฺธนามา คหนกฺขตฺตตารกา. น โชตนฺตีติ น ภาสนฺติ. อาทิจฺโจ นปฺปกาสตีติ ตีสุ ทีเปสุ เอกสฺมึ ขเณ อาโลกผรณสมตฺโถ อาทิจฺโจปิ อาภาวเสน น ทิพฺพติ. น ตตฺถ จนฺทิมา ภาตีติ สติปิ ภาสุรภาเว กนฺตสีตลกิรโณ จนฺโทปิ ตสฺมึ นิพฺพาเน อภาวโต เอว อตฺตโน ชุณฺหาวิภาสเนน น วิโรจติ. ยทิ ตตฺถ จนฺทิมสูริยาทโย นตฺถิ, โลกนฺตโร วิย นิจฺจนฺธการเมว ¶ ตํ ภเวยฺยาติ อาสงฺกํ สนฺธายาห ‘‘ตโม ตตฺถ น วิชฺชตี’’ติ. สติ หิ รูปาภาเว ตโม นาม น สิยา.
ยทา จ อตฺตนา เวทิ, มุนิ โมเนน พฺราหฺมโณติ จตุสจฺจมุนนโต โมนนฺติ ลทฺธนาเมน มคฺคาเณน กายโมเนยฺยาทีหิ จ สมนฺนาคตตฺตา ‘‘มุนี’’ติ ลทฺธนาโม อริยสาวกพฺราหฺมโณ เตเนว โมนสงฺขาเตน ปฏิเวธาเณน ยทา ยสฺมึ กาเล อคฺคมคฺคกฺขเณ อตฺตนา สยเมว อนุสฺสวาทิเก ปหาย อตฺตปจฺจกฺขํ กตฺวา นิพฺพานํ เวทิ ปฏิวิชฺฌิ. ‘‘อเวที’’ติปิ ปาโ, อฺาสีติ อตฺโถ. อถ รูปา อรูปา จ, สุขทุกฺขา ปมุจฺจตีติ อถาติ ตสฺส นิพฺพานสฺส ชานนโต ปจฺฉา. รูปาติ รูปธมฺมา, เตน ปฺจโวการภโว เอกโวการภโว จ คหิโต โหติ. อรูปาติ อรูปธมฺมา, เตน รูเปนามิสฺสีกโต ¶ อรูปภโว คหิโต โหติ. โส ‘‘จตุโวการภโว’’ติปิ วุจฺจติ. สุขทุกฺขาติ สพฺพตฺถ อุปฺปชฺชนกสุขทุกฺขโตปิ วฏฺฏโต. อถ วา รูปาติ รูปโลกปฏิสนฺธิโต. อรูปาติ อรูปโลกปฏิสนฺธิโต. สุขทุกฺขาติ กามาวจรปฏิสนฺธิโต. กามภโว หิ พฺยามิสฺสสุขทุกฺโข. เอวเมตสฺมา สกลโตปิ วฏฺฏโต อจฺจนฺตเมว มุจฺจตีติ คาถาทฺวเยนปิ ภควา ‘‘มยฺหํ ปุตฺตสฺส พาหิยสฺส เอวรูปา นิพฺพานคตี’’ติ ทสฺเสติ.
ทสมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิฏฺิตา จ โพธิวคฺควณฺณนา.
๒. มุจลินฺทวคฺโค
๑. มุจลินฺทสุตฺตวณฺณนา
๑๑. มุจลินฺทวคฺคสฺส ¶ ¶ ¶ ปเม มุจลินฺทมูเลติ เอตฺถ มุจลินฺโท วุจฺจติ นีปรุกฺโข. โส ‘‘นิจุโล’’ติปิ วุจฺจติ, ตสฺส สมีเป. เกจิ ปน ‘‘มุจโลติ ตสฺส รุกฺขสฺส นามํ, ตํ วนเชฏฺกตาย ปน มุจลินฺโทติ วุตฺต’’นฺติ วทนฺติ. มหา อกาลเมโฆติ อสมฺปตฺเต วสฺสกาเล อุปฺปนฺนมหาเมโฆ. โส หิ คิมฺหานํ ปจฺฉิเม มาเส สกลจกฺกวาฬคพฺภํ ปูเรนฺโต อุทปาทิ. สตฺตาหวทฺทลิกาติ ตสฺมึ อุปฺปนฺเน สตฺตาหํ อวิจฺฉินฺนวุฏฺิกา อโหสิ. สีตวาตทุทฺทินีติ สา จ สตฺตาหวทฺทลิกา อุทกผุสิตสมฺมิสฺเสน สีตวาเตน สมนฺตโต ปริพฺภมนฺเตน ทุสิตทิวสตฺตา ทุทฺทินี นาม อโหสิ. มุจลินฺโท นาม นาคราชาติ ตสฺเสว มุจลินฺทรุกฺขสฺส สมีเป โปกฺขรณิยา เหฏฺา นาคภวนํ อตฺถิ, ตตฺถ นิพฺพตฺโต มหานุภาโว นาคราชา. สกภวนาติ อตฺตโน นาคภวนโต. สตฺตกฺขตฺตุํ โภเคหิ ปริกฺขิปิตฺวาติ สตฺตวาเร อตฺตโน สรีรโภเคหิ ภควโต กายํ ปริวาเรตฺวา. อุปริมุทฺธนิ มหนฺตํ ผณํ วิหจฺจาติ ภควโต มุทฺธปฺปเทสสฺส อุปริ อตฺตโน มหนฺตํ ผณํ ปสาเรตฺวา. ‘‘ผณํ กริตฺวา’’ติปิ ปาโ, โส เอวตฺโถ.
ตสฺส กิร นาคราชสฺส เอตทโหสิ ‘‘ภควา จ มยฺหํ ภวนสมีเป รุกฺขมูเล นิสินฺโน, อยฺจ สตฺตาหวทฺทลิกา วตฺตติ, วาสาคารมสฺส ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส สตฺตรตนมยํ ปาสาทํ นิมฺมินิตุํ สกฺโกนฺโตปิ ‘‘เอวํ กเต กายสาโร คหิโต น ภวิสฺสติ, ทสพลสฺส กายเวยฺยาวจฺจํ กริสฺสามี’’ติ มหนฺตํ อตฺตภาวํ กตฺวา ¶ สตฺถารํ สตฺตกฺขตฺตุํ โภเคหิ ปริกฺขิปิตฺวา อุปริ ผณํ กตฺวา ธาเรสิ. ‘‘ปริกฺเขปพฺภนฺตรํ โลหปาสาเท ภณฺฑาคารคพฺภปฺปมาณํ อโหสี’’ติ ขนฺธกฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๕) วุตฺตํ. มชฺฌิมฏฺกถายํ ปน ‘‘เหฏฺาโลหปาสาทปฺปมาณ’’นฺติ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๒๘๔). ‘‘อิจฺฉิติจฺฉิเตน อิริยาปเถน สตฺถา วิหริสฺสตี’’ติ กิร นาคราชสฺส อชฺฌาสโย. ภควา ปน ยถานิสินฺโนว สตฺตาหํ วีตินาเมสิ. ตฺจ านํ สุปิหิตวาตปานํ สุผุสิตอคฺคฬทฺวารํ กูฏาคารํ วิย อโหสิ. มา ¶ ภควนฺตํ สีตนฺติอาทิ ตสฺส ตถา กริตฺวา านการณปริทีปนํ. โส หิ ¶ ‘‘มา ภควนฺตํ สีตํ พาธยิตฺถ, มา อุณฺหํ, มา ฑํสาทิสมฺผสฺโส พาธยิตฺถา’’ติ ตถา กริตฺวา อฏฺาสิ.
ตตฺถ กิฺจาปิ สตฺตาหวทฺทลิกาย อุณฺหเมว นตฺถิ, สเจ ปน อนฺตรนฺตรา เมโฆ วิคจฺเฉยฺย, อุณฺหํ ภเวยฺย, ตมฺปิ มา พาธยิตฺถาติ เอวํ ตสฺส จินฺเตตุํ ยุตฺตํ. เกจิ ปเนตฺถ วทนฺติ ‘‘อุณฺหคฺคหณํ โภคปริกฺเขปสฺส วิปุลภาวกรเณ การณกิตฺตนํ. ขุทฺทเก หิ ตสฺมึ ภควนฺตํ นาคสฺส สรีรสมฺภูตา อุสฺมา พาเธยฺย, วิปุลภาวกรเณน ปน ตาทิสํ ‘มา อุณฺหํ พาธยิตฺถา’ติ ตถา กริตฺวา อฏฺาสี’’ติ.
วิทฺธนฺติ อุพฺพิทฺธํ, เมฆวิคเมน ทูรีภูตนฺติ อตฺโถ. วิคตวลาหกนฺติ อปคตเมฆํ. เทวนฺติ อากาสํ. วิทิตฺวาติ ‘‘อิทานิ วิคตวลาหโก อากาโส, นตฺถิ ภควโต สีตาทิอุปทฺทโว’’ติ ตฺวา. วินิเวเตฺวาติ อปเนตฺวา. สกวณฺณนฺติ อตฺตโน นาครูปํ. ปฏิสํหริตฺวาติ อนฺตรธาเปตฺวา. มาณวกวณฺณนฺติ กุมารกรูปํ.
เอตมตฺถนฺติ วิเวกสุขปฺปฏิสํเวทิโน ยตฺถ กตฺถจิ สุขเมว โหตีติ เอตมตฺถํ สพฺพากาเรน ชานิตฺวา. อิมํ อุทานนฺติ อิมํ วิเวกสุขานุภาวทีปกํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ สุโข วิเวโกติ นิพฺพานสงฺขาโต อุปธิวิเวโก สุโข. ตุฏฺสฺสาติ จตุมคฺคาณสนฺโตเสน ตุฏฺสฺส. สุตธมฺมสฺสาติ ปกาสิตธมฺมสฺส วิสฺสุตธมฺมสฺส. ปสฺสโตติ ตํ วิเวกํ, ยํ วา กิฺจิ ปสฺสิตพฺพํ นาม, ตํ สพฺพํ ¶ อตฺตโน วีริยพลาธิคเตน าณจกฺขุนา ปสฺสนฺตสฺส. อพฺยาปชฺชนฺติ อกุปฺปนภาโว, เอเตน เมตฺตาปุพฺพภาโค ทสฺสิโต. ปาณภูเตสุ สํยโมติ สตฺเตสุ จ สํยโม อวิหึสนภาโว สุโขติ อตฺโถ. เอเตน กรุณาปุพฺพภาโค ทสฺสิโต.
สุขา วิราคตา โลเกติ วิคตราคตาปิ โลเก สุขา. กีทิสี? กามานํ สมติกฺกโมติ, ยา กามานํ สมติกฺกโมติ วุจฺจติ, สา วิคตราคตาปิ สุขาติ อตฺโถ, เอเตน อนาคามิมคฺโค กถิโต. อสฺมิมานสฺส โย วินโยติ อิมินา ปน อรหตฺตํ กถิตํ. อรหตฺตฺหิ อสฺมิมานสฺส ปฏิปฺปสฺสทฺธิวินโยติ วุจฺจติ, อิโต ปรฺจ สุขํ นาม นตฺถิ, เตนาห ‘‘เอตํ เว ปรมํ สุข’’นฺติ. เอวํ อรหตฺเตน เทสนาย กูฏํ คณฺหีติ.
ปมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. ราชสุตฺตวณฺณนา
๑๒. ทุติเย ¶ ¶ สมฺพหุลานนฺติ วินยปริยาเยน ตโย ชนา ‘‘สมฺพหุลา’’ติ วุจฺจนฺติ, ตโต ปรํ สงฺโฆ. สุตฺตนฺตปริยาเยน ปน ตโย ตโย เอว, ตโต อุทฺธํ สมฺพหุลา. ตสฺมา อิธาปิ สุตฺตนฺตปริยาเยน สมฺพหุลาติ เวทิตพฺพา. อุปฏฺานสาลายนฺติ ธมฺมสภามณฺฑเป. สา หิ ธมฺมํ เทเสตุํ อาคตสฺส ตถาคตสฺส ภิกฺขูนํ อุปฏฺานกรณฏฺานนฺติ ‘‘อุปฏฺานสาลา’’ติ วุจฺจติ. อถ วา ยตฺถ ภิกฺขู วินยํ วินิจฺฉินนฺติ, ธมฺมํ กเถนฺติ, สากจฺฉํ สมาปชฺชนฺติ, สนฺนิปตนวเสน ปกติยา อุปติฏฺนฺติ, สา สาลาปิ มณฺฑโปปิ ‘‘อุปฏฺานสาลา’’ตฺเวว วุจฺจติ. ตตฺถาปิ หิ พุทฺธาสนํ นิจฺจํ ปฺตฺตเมว โหติ. อิทฺหิ พุทฺธานํ ธรมานกาเล ¶ ภิกฺขูนํ จาริตฺตํ. สนฺนิสินฺนานนฺติ นิสชฺชนวเสน สงฺคมฺม นิสินฺนานํ. สนฺนิปติตานนฺติ ตโต ตโต อาคนฺตฺวา สนฺนิปตนวเสน สนฺนิปติตานํ. อถ วา พุทฺธาสนํ ปุรโต กตฺวา สตฺถุ สมฺมุเข วิย อาทรุปฺปตฺติยา สกฺกจฺจํ นิสีทนวเสน สนฺนิสินฺนานํ, สมานชฺฌาสยตฺตา อฺมฺสฺมึ อชฺฌาสเยน สุฏฺุ สมฺมา จ นิปตนวเสน สนฺนิปติตานํ. อยนฺติ อิทานิ วุจฺจมานํ นิทฺทิสติ. อนฺตรากถาติ กมฺมฏฺานมนสิการอุทฺเทสปริปุจฺฉาทีนํ อนฺตรา อฺา เอกา กถา, อถ วา มชฺฌนฺหิเก ลทฺธสฺส สุคโตวาทสฺส, สายํ ลภิตพฺพสฺส ธมฺมสฺสวนสฺส จ อนฺตรา ปวตฺตตฺตา อนฺตรากถา, สมณสมาจารสฺเสว วา อนฺตรา ปวตฺตา อฺา เอกา กถาติ อนฺตรากถา. อุทปาทีติ อุปฺปนฺนา.
อิเมสํ ทฺวินฺนํ ราชูนนฺติ นิทฺธารเณ สามิวจนํ. มหทฺธนตโร วาติอาทีสุ ปถวิยํ นิขณิตฺวา ปิตํ สตฺตรตนนิจยสงฺขาตํ มหนฺตํ ธนํ เอตสฺสาติ มหทฺธโน, ทฺวีสุ อยํ อติสเยน มหทฺธโนติ มหทฺธนตโร. วาสทฺโท วิกปฺปตฺโถ. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย. อยํ ปน วิเสโส – นิจฺจปริพฺพยวเสน มหนฺโต โภโค เอตสฺสาติ มหาโภโค. เทวสิกํ ปวิสนอายภูโต มหนฺโต โกโส เอตสฺสาติ มหาโกโส. อปเร ปน ‘‘เทวสิกํ ปวิสนอายภูตํ มณิสารเผคฺคุคุมฺพาทิเภทภินฺนํ ปริคฺคหวตฺถุ ธนํ, ตเทว สารคพฺภาทีสุ นิหิตํ โกโส’’ติ วทนฺติ. วชิโร, มหานีโล, อินฺทนีโล, มรกโต, เวฬุริโย, ปทุมราโค, ผุสฺสราโค, กกฺเกตโน, ปุลาโก, วิมโล, โลหิตงฺโก ¶ , ผลิโก, ปวาโฬ, โชติรโส, โคมุตฺตโก, โคเมทโก, โสคนฺธิโก, มุตฺตา, สงฺโข, อฺชนมูโล, ราชปฏฺโฏ, อมตํสโก, ปิยโก, พฺราหฺมณี จาติ จตุพฺพีสติ มณิ นาม. สตฺต ¶ โลหานิ กหาปโณ จ สาโร นาม. สยนจฺฉาทนปาวุรณคชทนฺตสิลาทีนิ เผคฺคุ นาม. จนฺทนาครุกุงฺกุมตครกปฺปูราทิ คุมฺพา นาม. ตตฺถ ปุริเมน อาทิสทฺเทน สาลิวีหิอาทิมุคฺคมาสาทิปุพฺพณฺณาปรณฺณเภทํ ธฺวิกตึ อาทึ ¶ กตฺวา ยํ สตฺตานํ อุปโภคปริโภคภูตํ วตฺถุ, ตํ สพฺพํ สงฺคยฺหติ. มหนฺตํ วิชิตํ รฏฺํ เอตสฺสาติ มหาวิชิโต. มหนฺโต หตฺถิอสฺสาทิวาหโน เอตสฺสาติ มหาวาหโน. มหนฺตํ เสนาพลฺเจว ถามพลฺจ เอตสฺสาติ มหพฺพโล. อิจฺฉิตนิพฺพตฺติสงฺขาตา ปฺุกมฺมนิปฺผนฺนา มหตี อิทฺธิ เอตสฺสาติ มหิทฺธิโก. เตชสงฺขาโต อุสฺสาหมนฺตปภุสตฺติสงฺขาโต วา มหนฺโต อานุภาโว เอตสฺสาติ มหานุภาโว.
เอตฺถ จ ปเมน อายสมฺปทา, ทุติเยน วิตฺตูปกรณสมฺปทา, ตติเยน วิภวสมฺปทา, จตุตฺเถน ชนปทสมฺปทา, ปฺจเมน ยานสมฺปทา, ฉฏฺเน ปริวารสมฺปทาย สทฺธึ อตฺตสมฺปทา, สตฺตเมน ปฺุกมฺมสมฺปทา, อฏฺเมน ปภาวสมฺปทา เตสํ ราชูนํ ปกาสิตา โหติ. เตน ยา สา สามิสมฺปตฺติ, อมจฺจสมฺปตฺติ, เสนาสมฺปตฺติ, รฏฺสมฺปตฺติ, วิภวสมฺปตฺติ, มิตฺตสมฺปตฺติ, ทุคฺคสมฺปตฺตีติ สตฺต ปกติสมฺปทา ราชูนํ อิจฺฉิตพฺพา. ตา สพฺพา ยถารหํ ปริทีปิตาติ เวทิตพฺพา.
ทานาทีหิ จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ ปริสํ รฺเชตีติ ราชา. มคธานํ อิสฺสโรติ มาคโธ. มหติยา เสนาย สมนฺนาคตตฺตา เสนิยโคตฺตตฺตา วา เสนิโย. พิมฺพิ วุจฺจติ สุวณฺณํ, ตสฺมา สารพิมฺพิวณฺณตาย พิมฺพิสาโร. เกจิ ปน ‘‘นามเมเวตํ ตสฺส รฺโ’’ติ วทนฺติ. ปจฺจามิตฺตํ ปรเสนํ ชินาตีติ ปเสนทิ. โกสลรฏฺสฺส อธิปตีติ โกสโล. อยฺจรหีติ เอตฺถ จรหีติ นิปาตมตฺตํ. วิปฺปกตาติ อปริโยสิตา. อยํ เตสํ ภิกฺขูนํ อนฺตรากถา อนิฏฺิตาติ ¶ อตฺโถ.
สายนฺหสมยนฺติ สายนฺเห เอกํ สมยํ. ปฏิสลฺลานา วุฏฺิโตติ ตโต ตโต รูปาทิอารมฺมณโต จิตฺตสฺส ปฏิสํหรณโต ปฏิสลฺลานสงฺขาตาย ¶ ผลสมาปตฺติโต ยถากาลปริจฺเฉทํ วุฏฺิโต. ภควา หิ ปุพฺพณฺหสมยํ ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต สาวตฺถึ ปวิสิตฺวา ภิกฺขูนํ สุลภปิณฺฑปาตํ กตฺวา กตภตฺตกิจฺโจ ภิกฺขูหิ สทฺธึ สาวตฺถิโต นิกฺขมิตฺวา วิหารํ ปวิสิตฺวา คนฺธกุฏิปฺปมุเข ตฺวา วตฺตํ ทสฺเสตฺวา ิตานํ ภิกฺขูนํ ยถาสมุฏฺิตํ สุคโตวาทํ ทตฺวา เตสุ อรฺรุกฺขมูลาทิทิวาฏฺานํ อุทฺทิสฺส คเตสุ คนฺธกุฏึ ปวิสิตฺวา ผลสมาปตฺติสุเขน ทิวสภาคํ วีตินาเมตฺวา ยถากาลปริจฺเฉเท สมาปตฺติโต วุฏฺาย, ‘‘มยฺหํ อุปคมนํ อาคมยมานา จตสฺโส ปริสา สกลวิหารํ ปริปูเรนฺติโย นิสินฺนา, อิทานิ เม ธมฺมเทสนตฺถํ ธมฺมสภามณฺฑลํ อุปคนฺตุํ กาโล’’ติ อาสนโต วุฏฺาย, เกสรสีโห วิย กฺจนคุหาย สุรภิคนฺธกุฏิโต นิกฺขมิตฺวา ยูถํ อุปสงฺกมนฺโต มตฺตวรวารโณ วิย อกายจาปลฺเลน ¶ จารุวิกฺกนฺตคมโน อสีติอนุพฺยฺชนปฺปฏิมณฺฑิตพาตฺตึสมหาปุริสลกฺขณสมุชฺชลาย พฺยามปฺปภาย ปริกฺเขปวิลาสสมฺปนฺนาย ปภสฺสรเกตุมาลาลงฺกตาย นีลปีตโลหิโตทาตมฺชิฏฺปภสฺสรานํ วเสน ฉพฺพณฺณพุทฺธรํสิโย วิสฺสชฺเชนฺติยา อจินฺเตยฺยานุภาวาย อนุปมาย พุทฺธลีลาย สมนฺนาคตาย รูปกายสมฺปตฺติยา สกลวิหารํ เอกาโลกํ กุรุมาโน อุปฏฺานสาลํ อุปสงฺกมิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข ภควา…เป… เตนุปสงฺกมี’’ติ.
เอวํ อุปสงฺกมิตฺวา วตฺตํ ทสฺเสตฺวา นิสินฺเน เต ภิกฺขู ตุณฺหีภูเต ทิสฺวา ‘‘มยิ อกเถนฺเต อิเม ภิกฺขู พุทฺธคารเวน กปฺปมฺปิ น กเถสฺสนฺตี’’ติ กถาสมุฏฺาปนตฺถํ ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว’’ติอาทิมาห. ตตฺถ กาย นุตฺถาติ กตมาย นุ ภวถ. ‘‘กาย โนตฺถา’’ติปิ ปาฬิ, โส เอวตฺโถ, ‘‘กาย นฺเวตฺถา’’ติปิ ปนฺติ, ตสฺส กตมาย นุ เอตฺถาติ อตฺโถ. ตตฺรายํ สงฺเขปตฺโถ – ภิกฺขเว, กตมาย ¶ นาม กถาย อิธ สนฺนิสินฺนา ภวถ, กตมา จ ตุมฺหากํ กถา มมาคมนปจฺจยา อนิฏฺิตา, ตํ นิฏฺาเปสฺสามีติ เอวํ สพฺพฺุปวารณาย ปวาเรสิ.
น ขฺเวตนฺติ น โข เอตํ, อยเมว วา ปาโ. ‘‘น โขต’’นฺติปิ ปนฺติ, น โข เอตํ อิจฺเจว ปทวิภาโค. กุลปุตฺตานนฺติ ชาติอาจารกุลปุตฺตานํ. สทฺธาติ สทฺธาย, กมฺมผลสทฺธาย รตนตฺตยสทฺธาย จ. อคารสฺมาติ ฆรโต, คหฏฺภาวาติ อตฺโถ. อนคาริยนฺติ ปพฺพชฺชํ. ปพฺพชิตานนฺติ อุปคตานํ ¶ . ยนฺติ กิริยาปรามสนํ. ตตฺถายํ ปทโยชนา – ‘‘ภิกฺขเว, ตุมฺเห เนว ราชาภินีตา น โจราภินีตา น อิณฏฺฏา น ชีวิตปกตา ปพฺพชิตา, อถ โข สทฺธาย อคารโต นิกฺขมิตฺวา มม สาสเน ปพฺพชิตา, ตุมฺเห เอตรหิ เอวรูปึ ราชปฺปฏิสํยุตฺตํ ติรจฺฉานกถํ กเถยฺยาถ, ยํ เอวรูปาย กถาย กถนํ, เอตํ ตุมฺหากํ น โข ปติรูปํ น ยุตฺตเมวา’’ติ.
เอวํ สนฺนิปติตานํ ปพฺพชิตานํ อปฺปติรูปํ ปฏิกฺขิปิตฺวา อิทานิ เนสํ ปติรูปํ ปฏิปตฺตึ อนุชานนฺโต ‘‘สนฺนิปติตานํ โว, ภิกฺขเว, ทฺวยํ กรณียํ ธมฺมี วา กถา อริโย วา ตุณฺหีภาโว’’ติ อาห. ตตฺถ โวติ ตุมฺหากํ. กรณียนฺติ หิ ปทํ อเปกฺขิตฺวา กตฺตริ สามิวจนเมตํ, ตสฺมา ตุมฺเหหีติ อตฺโถ. ทฺวยํ กรณียนฺติ ทฺเว กาตพฺพา. ธมฺมี กถาติ จตุสจฺจธมฺมโต อนเปตา กถา, ปวตฺตินิวตฺติปริทีปินี ธมฺมเทสนาติ อตฺโถ. ทสกถาวตฺถุสงฺขาตาปิ หิ ธมฺมกถา ตเทกเทสา เอวาติ. อริโยติ เอกนฺตหิตาวหตฺตา อริโย, วิสุทฺโธ อุตฺตโมติ วา อริโย. ตุณฺหีภาโวติ สมถวิปสฺสนาภาวนาภูตํ อกถนํ. เกจิ ปน ‘‘วจีสงฺขารปฏิปกฺขภาวโต ทุติยชฺฌานํ อริโย ตุณฺหีภาโว’’ติ วทนฺติ. อปเร ‘‘จตุตฺถชฺฌานํ ¶ อริโย ตุณฺหีภาโว’’ติ ¶ วทนฺติ. อยํ ปเนตฺถ อตฺโถ – ‘‘ภิกฺขเว, จิตฺตวิเวกสฺส ปริพฺรูหนตฺถํ วิเวกฏฺกายา สฺุาคาเร วิหรนฺตา สเจ กทาจิ สนฺนิปตถ, เอวํ สนฺนิปติเตหิ ตุมฺเหหิ ‘อสฺสุตํ สาเวติ สุตํ วา ปริโยทเปตี’ติ วุตฺตนเยน อฺมฺสฺสูปการาย ขนฺธาทีนํ อนิจฺจตาทิปฏิสํยุตฺตา ธมฺมกถา วา ปวตฺเตตพฺพา, อฺมฺํ อพฺยาพาธนตฺถํ ฌานสมาปตฺติยา วา วิหริตพฺพ’’นฺติ.
ตตฺถ ปุริเมน กรณียวจเนน อโนติณฺณานํ สาสเน โอตรณูปายํ ทสฺเสติ, ปจฺฉิเมน โอติณฺณานํ สํสารโต นิสฺสรณูปายํ. ปุริเมน วา อาคมเวยฺยตฺติเย นิโยเชติ, ปจฺฉิเมน อธิคมเวยฺยตฺติเย. อถ วา ปุริเมน สมฺมาทิฏฺิยา ปมํ อุปฺปตฺติเหตุํ ทีเปติ, ทุติเยน ทุติยํ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘ทฺเวเม, ภิกฺขเว, เหตู ทฺเว ปจฺจยา สมฺมาทิฏฺิยา อุปฺปาทาย ปรโต จ โฆโส, ปจฺจตฺตฺจ โยนิโส มนสิกาโร’’ติ (อ. นิ. ๒.๑๒๗).
ปุริเมน ¶ วา โลกิยสมฺมาทิฏฺิยา มูลการณํ วิภาเวติ, ปจฺฉิเมน โลกุตฺตรสมฺมาทิฏฺิยา มูลการณนฺติ เอวมาทินา เอตฺถ โยชนา เวทิตพฺพา.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เตหิ ภิกฺขูหิ กิตฺติตกามสมฺปตฺติโต ฌานาทิสมฺปตฺติ สนฺตตรา เจว ปณีตตรา จาติ เอตมตฺถํ สพฺพาการโต วิทิตฺวา. อิมํ อุทานนฺติ อิมํ อริยวิหารสุขานุภาวทีปกํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ ยฺจ กามสุขํ โลเกติ โลกสทฺโท ‘‘ขนฺธโลโก อายตนโลโก ธาตุโลโก’’ติอาทีสุ (มหานิ. ๓, ๗; จูฬนิ. อชิตมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๒) สงฺขาเรสุ อาคโต.
‘‘ยาวตา จนฺทิมสูริยา ปริหรนฺติ,
ทิสา ภนฺติ วิโรจนา;
ตาว สหสฺสธา โลโก,
เอตฺถ เต วตฺตตี วโส’’ติ. –
อาทีสุ (ม. นิ. ๑.๕๐๓) โอกาเส อาคโต. ‘‘อทฺทสา โข ภควา พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกนฺโต’’ติอาทีสุ ¶ (มหาว. ๙; ม. นิ. ๑.๒๘๓) สตฺเตสุ. อิธ ปน ¶ สตฺตโลเก โอกาสโลเก จ เวทิตพฺโพ. ตสฺมา อวีจิโต ปฏฺาย อุปริ พฺรหฺมโลกโต เหฏฺา เอตสฺมึ โลเก ยํ วตฺถุกาเม ปฏิจฺจ กิเลสกามวเสน อุปฺปชฺชนโต กามสหคตํ สุขํ. ยฺจิทํ ทิวิยํ สุขนฺติ ยฺจ อิทํ ทิวิ ภวํ ทิพฺพวิหารวเสน จ ลทฺธพฺพํ พฺรหฺมานํ มนุสฺสานฺจ รูปสมาปตฺติสุขํ. ตณฺหกฺขยสุขสฺสาติ ยํ อาคมฺม ตณฺหา ขียติ, ตํ นิพฺพานํ อารมฺมณํ กตฺวา ตณฺหาย จ ปฏิปสฺสมฺภนวเสน ปวตฺตผลสมาปตฺติสุขํ ตณฺหกฺขยสุขํ นาม, ตสฺส ตณฺหกฺขยสุขสฺส. เอเตติ ลิงฺควิปลฺลาเสน นิทฺเทโส, เอตานิ สุขานีติ อตฺโถ. เกจิ อุภยมฺปิ สุขสามฺเน คเหตฺวา ‘‘เอต’’นฺติ ปนฺติ, เตสํ ‘‘กลํ นาคฺฆตี’’ติ ปาเน ภวิตพฺพํ.
โสฬสินฺติ โสฬสนฺนํ ปูรณึ. อยฺเหตฺถ สงฺเขปตฺโถ – จกฺกวตฺติสุขํ อาทึ กตฺวา สพฺพสฺมึ มนุสฺสโลเก มนุสฺสสุขํ, นาคสุปณฺณาทิโลเก นาคาทีหิ อนุภวิตพฺพํ สุขํ, จาตุมหาราชิกาทิเทวโลเก ฉพฺพิธํ กามสุขนฺติ ยํ เอกาทสวิเธ กามโลเก อุปฺปชฺชนฺตํ กามสุขํ, ยฺจ อิทํ รูปารูปเทเวสุ ทิพฺพวิหารภูเตสุ รูปารูปชฺฌาเนสุ จ อุปฺปนฺนตฺตา ‘‘ทิวิย’’นฺติ ¶ ลทฺธนามํ โลกิยชฺฌานสุขํ, สกลมฺปิ ตทุภยํ ตณฺหกฺขยสุขสงฺขาตํ ผลสมาปตฺติสุขํ โสฬส ภาเค กตฺวา ตโต เอกภาคํ โสฬสภาคคุเณ ลทฺธํ เอกภาคสงฺขาตํ กลํ น อคฺฆตีติ.
อยฺจ อตฺถวณฺณนา ผลสมาปตฺติสามฺเน วุตฺตา. ปาฬิยํ อวิเสเสน ตณฺหกฺขยสฺส อาคตตฺตา ปมผลสมาปตฺติสุขสฺสาปิ กลํ โลกิยํ น อคฺฆติ เอว. ตถา หิ วุตฺตํ –
‘‘ปถพฺยา เอกรชฺเชน, สคฺคสฺส คมเนน วา;
สพฺพโลกาธิปจฺเจน, โสตาปตฺติผลํ วร’’นฺติ. (ธ. ป. ๑๗๘);
โสตาปตฺติสํยุตฺเตปิ วุตฺตํ –
‘‘กิฺจาปิ, ภิกฺขเว, ราชา จกฺกวตฺตี จตุนฺนํ ทีปานํ อิสฺสริยาธิปจฺจํ รชฺชํ กาเรตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชติ เทวานํ ตาวตึสานํ สหพฺยตํ, โส ตตฺถ นนฺทเน วเน อจฺฉราสงฺฆปริวุโต ทิพฺเพหิ จ ปฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิโต สมงฺคีภูโต ปริจาเรติ, โส จตูหิ ธมฺเมหิ อสมนฺนาคโต. อถ โข โส อปริมุตฺโตว ¶ นิรยา, อปริมุตฺโต ¶ ติรจฺฉานโยนิยา, อปริมุตฺโต เปตฺติวิสยา, อปริมุตฺโต อปายทุคฺคติวินิปาตา. กิฺจาปิ, ภิกฺขเว, อริยสาวโก ปิณฺฑิยาโลเปน ยาเปติ, นนฺตกานิ จ ธาเรติ, โส จตูหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต, อถ โข โส ปริมุตฺโต นิรยา, ปริมุตฺโต ติรจฺฉานโยนิยา, ปริมุตฺโต เปตฺติวิสยา, ปริมุตฺโต อปายทุคฺคติวินิปาตา.
‘‘กตเมหิ จตูหิ? อิธ, ภิกฺขเว, อริยสาวโก พุทฺเธ อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต โหติ ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ…เป... พุทฺโธ ภควา’ติ. ธมฺเม อเวจฺจปฺปสาเทน…เป… วิฺูหี’ติ. สงฺเฆ อเวจฺจปฺปสาเทน…เป… ปฺุกฺเขตฺตํ โลกสฺสา’ติ. อริยกนฺเตหิ สีเลหิ สมนฺนาคโต โหติ อขณฺเฑหิ…เป… สมาธิสํวตฺตนิเกหิ. อิเมหิ จตูหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต โหติ. โย จ, ภิกฺขเว, จตุนฺนํ ทีปานํ ปฏิลาโภ, โย จตุนฺนํ ¶ ธมฺมานํ ปฏิลาโภ, จตุนฺนํ ทีปานํ ปฏิลาโภ จตุนฺนํ ธมฺมานํ ปฏิลาภสฺส กลํ นาคฺฆติ โสฬสิ’’นฺติ (สํ. นิ. ๕.๙๙๗).
เอวํ ภควา สพฺพตฺถ โลกิยสุขํ สอุตฺตรํ สาติสยํ, โลกุตฺตรสุขเมว อนุตฺตรนฺติ อติสยนฺติ ภาเชสีติ.
ทุติยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ทณฺฑสุตฺตวณฺณนา
๑๓. ตติเย กุมารกาติ ทารกา. อนฺตรา จ สาวตฺถึ อนฺตรา จ เชตวนนฺติ อนฺตราสทฺโท ‘‘ตทนฺตรํ โก ชาเนยฺย, อฺตฺร ตถาคตา’’ติ (อ. นิ. ๖.๔๔; ๑๐.๗๕), ‘‘ชนา สงฺคมฺม มนฺเตนฺติ, มฺจ ตฺวฺจ กิมนฺตร’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๒๒๘) การเณ อาคโต. ‘‘อทฺทสา มํ, ภนฺเต, อฺตรา อิตฺถี วิชฺชนฺตริกาย ภาชนํ โธวนฺตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๑๔๙) ขเณ. ‘‘ยสฺสนฺตรโต น สนฺติ โกปา’’ติอาทีสุ (อุทา. ๒๐) จิตฺเต. ‘‘อนฺตรา โวสานมาปาที’’ติอาทีสุ ¶ เวมชฺเฌ. ‘‘อปิจายํ, ภิกฺขเว, ตโปทา ทฺวินฺนํ มหานิรยานํ อนฺตริกาย อาคจฺฉตี’’ติอาทีสุ (ปารา. ๒๓๑) วิวเร ¶ . สฺวายมิธาปิ วิวเร เวทิตพฺโพ. ตสฺมา สาวตฺถิยา จ เชตวนสฺส จ วิวเรติ, เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อนฺตราสทฺทโยคโต เจตฺถ อุปโยควจนํ ‘‘อนฺตรา จ สาวตฺถึ อนฺตรา จ เชตวน’’นฺติ. อีทิเสสุ าเนสุ อกฺขรจินฺตกา ‘‘อนฺตรา คามฺจ นทิฺจ คจฺฉตี’’ติ เอกเมว อนฺตราสทฺทํ ปยุชฺชนฺติ, โส ทุติยปเทนปิ โยเชตพฺโพ โหติ. อิธ ปน โยเชตฺวา วุตฺโต.
อหึ ทณฺเฑน หนนฺตีติ พิลโต นิกฺขมิตฺวา โคจราย คจฺฉนฺตํ กณฺหสปฺปํ ฉาตชฺฌตฺตํ อนุพนฺธิตฺวา ยฏฺีหิ โปเถนฺติ. เตน จ สมเยน ภควา สาวตฺถึ ปิณฺฑาย คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค เต ทารเก อหึ ทณฺเฑน หนนฺเต ทิสฺวา ‘‘กสฺมา กุมารกา อิมํ อหึ ทณฺเฑน หนถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ฑํสนภเยน, ภนฺเต’’ติ จ วุตฺเต ‘‘อิเม อตฺตโน สุขํ กริสฺสามาติ อิมํ ปหรนฺตา นิพฺพตฺตฏฺาเน ทุกฺขํ อนุภวิสฺสนฺติ, อโห อวิชฺชาย นิกติโกสลฺล’’นฺติ ธมฺมสํเวคํ อุปฺปาเทสิ. เตเนว จ ธมฺมสํเวเคน อุทานํ อุทาเนสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘อถ โข ภควา’’ติอาทิ.
ตตฺถ ¶ เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ ‘‘อิเม ทารกา อตฺตสุขาย ปรทุกฺขํ กโรนฺตา สยํ ปรตฺถ สุขํ น ลภิสฺสนฺตี’’ติ เอตมตฺถํ ชานิตฺวาติ เอวเมเก วณฺเณนฺติ. อฺเสํ ทุปฺปฏิปนฺนานํ สุขปริเยสนํ อายตึ ทุกฺขาย สํวตฺตติ, สุปฺปฏิปนฺนานํ เอกนฺเตน สุขาย สํวตฺตติ. ตสฺมา ‘‘ปรวิเหสาวินิมุตฺตา อจฺจนฺตเมว สุขภาคิโน วต มยฺหํ โอวาทปฺปฏิกรา’’ติ โสมนสฺสวเสเนเวตมฺปิ สตฺถา อุทานํ อุทาเนสีติ วทนฺติ. อปเร ปน ภณนฺติ ‘‘เอวํ เตหิ กุมารเกหิ ปวตฺติตํ ปรวิเหนํ สพฺพากาเรน อาทีนวโต วิทิตฺวา ปรวิเหสาย ¶ ปรานุกมฺปาย จ ยถากฺกมํ อาทีนวานิสํสวิภาวนํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสี’’ติ.
ตตฺถ สุขกามานีติ เอกนฺเตเนว อตฺตโน สุขสฺส อิจฺฉนโต สุขานุคิทฺธานิ. ภูตานีติ ปาณิโน. โย ทณฺเฑน วิหึสตีติ เอตฺถ ทณฺเฑนาติ เทสนามตฺตํ, ทณฺเฑน วา เลฑฺฑุสตฺถปาณิปฺปหาราทีหิ วาติ อตฺโถ. อถ วา ทณฺเฑนาติ ทณฺฑเนน. อิทํ วุตฺตํ โหติ – โย สุขกามานิ สพฺพภูตานิ ชาติอาทินา ฆฏฺฏนวเสน วจีทณฺเฑน วา ปาณิมุคฺครสตฺถาทีหิ โปถนตาฬนจฺเฉทนาทิวเสน สรีรทณฺเฑน วา สตํ วา สหสฺสํ วา าปนวเสน ธนทณฺเฑน วาติ อิเมสุ ทณฺเฑสุ เยน เกนจิ ทณฺเฑน วิหึสติ วิเหเติ ทุกฺขํ ปาเปติ, อตฺตโน สุขเมสาโน, เปจฺจ โส น ลภเต สุขนฺติ โส ปุคฺคโล อตฺตโน สุขํ เอสนฺโต คเวสนฺโต ปตฺเถนฺโต ¶ เปจฺจ ปรโลเก มนุสฺสสุขํ ทิพฺพสุขํ นิพฺพานสุขนฺติ ติวิธมฺปิ สุขํ น ลภติ, อฺทตฺถุ เตน ทณฺเฑน ทุกฺขเมว ลภตีติ อตฺโถ.
เปจฺจ โส ลภเต สุขนฺติ โย ขนฺติเมตฺตานุทฺทยสมฺปนฺโน ‘‘ยถาหํ สุขกาโม ทุกฺขปฺปฏิกูโล, เอวํ สพฺเพปี’’ติ จินฺเตตฺวา สมฺปตฺตวิรติอาทีสุ ิโต วุตฺตนเยน เกนจิ ทณฺเฑน สพฺพานิปิ ภูตานิ น หึสติ น พาธติ, โส ปุคฺคโล ปรโลเก มนุสฺสภูโต มนุสฺสสุขํ, เทวภูโต ทิพฺพสุขํ, อุภยํ อติกฺกมนฺโต นิพฺพานสุขํ ลภตีติ. เอตฺถ จ ตาทิสสฺส ปุคฺคลสฺส อวสฺสํภาวิตาย ตํ สุขํ ปจฺจุปฺปนฺนํ วิย โหตีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘ลภเต’’ติ วุตฺตํ. ปุริมคาถายปิ เอเสว นโย.
ตติยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. สกฺการสุตฺตวณฺณนา
๑๔. จตุตฺเถ ¶ ¶ เตน โข ปน สมเยน ภควา สกฺกโต โหตีติ กปฺปานํ สตสหสฺสาธิเกสุ จตูสุ อสงฺขฺเยยฺเยสุ ปริปูริตสฺส ปฺุสมฺภารวิเสสสฺส ผลภูเตน ‘‘อิโต ปรํ มยฺหํ โอกาโส นตฺถี’’ติ อุสฺสหชาเตน วิย อุปรูปริ วฑฺฒมาเนน สกฺการาทินา ภควา สกฺกโต โหติ. สพฺพทิสาสุ หิ ยมกมหาเมโฆ วุฏฺหิตฺวา มโหฆํ วิย สพฺพปารมิโย ‘‘เอกสฺมึ อตฺตภาเว วิปากํ ทสฺสามา’’ติ สมฺปิณฺฑิตา วิย ภควโต ลาภสกฺการมโหฆํ นิพฺพตฺตยึสุ. ตโต อนฺนปานวตฺถยานมาลาคนฺธวิเลปนาทิหตฺถา ขตฺติยพฺราหฺมณาทโย อาคนฺตฺวา ‘‘กหํ พุทฺโธ, กหํ ภควา, กหํ เทวเทโว, กหํ นราสโภ, กหํ ปุริสสีโห’’ติ ภควนฺตํ ปริเยสนฺติ. สกฏสเตหิ ปจฺจเย อาหริตฺวา โอกาสํ อลภมานา สมนฺตา คาวุตปฺปมาเณปิ สกฏธุเรน สกฏธุรํ อาหจฺจ ติฏฺนฺติ เจว อนุพนฺธนฺติ จ อนฺธกวินฺทพฺราหฺมณาทโย วิย. สพฺพํ ตํ ขนฺธเก (มหาว. ๒๘๒) เตสุ เตสุ จ สุตฺเตสุ อาคตนเยน เวทิตพฺพํ. ยถา จ ภควโต, เอวํ ภิกฺขุสงฺฆสฺสาติ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘ยาวตา โข, จุนฺท, เอตรหิ สงฺฆา วา คณา วา โลเก อุปฺปนฺนา, นาหํ, จุนฺท, อฺํ ¶ เอกสงฺฆมฺปิ สมนุปสฺสามิ เอวํ ลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺตํ, ยถริวายํ, จุนฺท, ภิกฺขุสงฺโฆ’’ติ (ที. นิ. ๓.๑๗๖).
สฺวายํ ภควโต จ ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ อุปฺปนฺโน ลาภสกฺกาโร เอกโต หุตฺวา ทฺวินฺนํ มหานทีนํ อุทโกโฆ วิย อปฺปเมยฺโย อโหสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘เตน โข ปน สมเยน ภควา สกฺกโต โหติ…เป… ปริกฺขารานํ, ภิกฺขุสงฺโฆปิ สกฺกโต…เป… ปริกฺขาราน’’นฺติ.
ติตฺถิยา ปน ปุพฺเพ อกตปฺุตาย จ ทุปฺปฏิปนฺนตาย จ อสกฺกตา อครุกตา, พุทฺธุปฺปาเทน ปน วิเสสโต วิปนฺนโสภา สูริยุคฺคมเน ขชฺโชปนกา วิย นิปฺปภา ¶ นิตฺเตชา หตลาภสกฺการา อเหสุํ. เต ตาทิสํ ภควโต สงฺฆสฺส จ ลาภสกฺการํ อสหมานา อิสฺสาปกตา ‘‘เอวํ อิเม ผรุสาหิ วาจาหิ ฆฏฺเฏตฺวาว ปลาเปสฺสามา’’ติ อุสูยา วิสุคฺคารํ อุคฺคิรนฺตา ตตฺถ ตตฺถ ภิกฺขู อกฺโกสนฺตา ปริภาสนฺตา วิจรึสุ ¶ . เตน วุตฺตํ – ‘‘อฺติตฺถิยา ปน ปริพฺพาชกา อสกฺกตา โหนฺติ…เป… ปริกฺขารานํ. อถ โข เต อฺติตฺถิยา ปริพฺพาชกา ภควโต สกฺการํ อสหมานา ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ คาเม จ อรฺเ จ ภิกฺขู ทิสฺวา อสพฺภาหิ ผรุสาหิ วาจาหิ อกฺโกสนฺติ ปริภาสนฺติ โรเสนฺติ วิเหเสนฺตี’’ติ.
ตตฺถ อสพฺภาหีติ อสภาโยคฺคาหิ สภายํ สาธุชนสมูเห วตฺตุํ อยุตฺตาหิ, ทุฏฺุลฺลาหีติ อตฺโถ. ผรุสาหีติ กกฺขฬาหิ มมฺมจฺเฉทิกาหิ. อกฺโกสนฺตีติ ชาติอาทีหิ อกฺโกสวตฺถูหิ ขุํเสนฺติ. ปริภาสนฺตีติ ภณฺฑนวเสน ภยํ อุปฺปาเทนฺตา ตชฺเชนฺติ. โรเสนฺตีติ ยถา ปรสฺส โรโส โหติ, เอวํ อนุทฺธํสนวเสน โรสํ อุปฺปาเทนฺติ. วิเหเสนฺตีติ วิเหเนฺติ, วิวิเธหิ อากาเรหิ อผาสุํ กโรนฺติ.
กถํ ปเนเต สมนฺตปาสาทิเก ภควติ ภิกฺขุสงฺเฆ จ อกฺโกสาทีนิ ปวตฺเตสุนฺติ? ภควโต อุปฺปาทโต ปหีนลาภสกฺการตาย อุปหตจิตฺตา ปถวึ ขณิตฺวา ปกฺขลนฺตา วิย อวเณ เวฬุริยมณิมฺหิ วณํ อุปฺปาเทนฺตา วิย จ สุนฺทริกํ นาม ปริพฺพาชิกํ สฺาเปตฺวา ตาย สตฺถุ ภิกฺขูนฺจ อวณฺณํ วุฏฺาเปตฺวา อกฺโกสาทีนิ ปวตฺเตสุํ. ตํ ปเนตํ สุนฺทรีวตฺถุ ปรโต สุนฺทรีสุตฺเต (อุทา. ๓๘) ปาฬิยํเยว อาคมิสฺสติ, ตสฺมา ยเมตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ ตตฺเถว วณฺณยิสฺสาม.
ภิกฺขู ¶ ภควโต สนฺติกํ อุปสงฺกมิตฺวา ตํ ปวตฺติมาโรเจสุํ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข สมฺพหุลา ภิกฺขู เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ…เป… วิเหเสนฺตี’’ติ. ตํ วุตฺตตฺถเมว.
เอตมตฺถํ ¶ วิทิตฺวาติ เอตํ อิสฺสาปกตานํ ติตฺถิยานํ วิปฺปฏิปตฺตึ สพฺพาการโต วิทิตฺวา. อิมํ อุทานนฺติ อิมํ เตหิ กเต วิปฺปกาเร ปสนฺนจิตฺเตหิ จ ปเรหิ กเต อุปกาเร ตาทิภาวานุภาวทีปกํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ คาเม อรฺเ สุขทุกฺขผุฏฺโติ คาเม วา อรฺเ วา ยตฺถ กตฺถจิ สุเขน ทุกฺเขน จ ผุฏฺโ สุขทุกฺขานิ อนุภวนฺโต, เตสํ วา ปจฺจเยหิ สมงฺคีภูโต. เนวตฺตโต โน ปรโต ทเหถาติ ‘‘อหํ สุขิโต ¶ , อหํ ทุกฺขิโต, มม สุขํ, มม ทุกฺขํ, ปเรนิทํ มยฺหํ สุขทุกฺขํ อุปฺปาทิต’’นฺติ จ เนว อตฺตโต น ปรโต ตํ สุขทุกฺขํ เปถ. กสฺมา? น เหตฺถ ขนฺธปฺจเก อหนฺติ วา มมนฺติ วา ปโรติ วา ปรสฺสาติ วา ปสฺสิตพฺพยุตฺตกํ กิฺจิ อตฺถิ, เกวลํ สงฺขารา เอว ปน ยถาปจฺจยํ อุปฺปชฺชิตฺวา ขเณ ขเณ ภิชฺชนฺตีติ. สุขทุกฺขคฺคหณฺเจตฺถ เทสนาสีสํ, สพฺพสฺสาปิ โลกธมฺมสฺส วเสน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อิติ ภควา ‘‘นาหํ กฺวจนิ, กสฺสจิ กิฺจนตสฺมึ, น จ มม กฺวจนิ, กตฺถจิ กิฺจนตตฺถี’’ติ จตุโกฏิกํ สฺุตํ วิภาเวสิ.
อิทานิ ตสฺส อตฺตโต ปรโต จ อทหนสฺส การณํ ทสฺเสติ ‘‘ผุสนฺติ ผสฺสา อุปธึ ปฏิจฺจา’’ติ. เอเต สุขเวทนียา ทุกฺขเวทนียา จ ผสฺสา นาม ขนฺธปฺจกสงฺขาตํ อุปธึ ปฏิจฺจ ตสฺมึ สติ ยถาสกํ วิสยํ ผุสนฺติ, ตตฺถ ปวตฺตนฺติเยว. อทุกฺขมสุขา หิ เวทนา สนฺตสภาวตาย สุเข เอว สงฺคหํ คจฺฉตีติ ทุวิธสมฺผสฺสวเสเนวายํ อตฺถวณฺณนา กตา.
ยถา ปน เต ผสฺสา น ผุสนฺติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘นิรุปธึ เกน ผุเสยฺยุํ ผสฺสา’’ติ วุตฺตํ. สพฺพโส หิ ขนฺธูปธิยา อสติ เกน การเณน เต ผสฺสา ผุเสยฺยุํ, น ตํ การณํ อตฺถิ. ยทิ หิ ตุมฺเห อกฺโกสาทิวเสน อุปฺปชฺชนสุขทุกฺขํ น อิจฺฉถ, สพฺพโส นิรุปธิภาเวเยว ¶ โยคํ กเรยฺยาถาติ อนุปาทิเสสนิพฺพานธาตุยา คาถํ นิฏฺเปสิ. เอวํ อิมินา อุทาเนน วฏฺฏวิวฏฺฏํ กถิตํ.
จตุตฺถสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. อุปาสกสุตฺตวณฺณนา
๑๕. ปฺจเม ¶ อิจฺฉานงฺคลโกติ อิจฺฉานงฺคลนามโก โกสเลสุ เอโก พฺราหฺมณคาโม, ตํนิวาสิตาย ตตฺถ วา ชาโต ภโวติ วา อิจฺฉานงฺคลโก. อุปาสโกติ ตีหิ สรณคมเนหิ ภควโต สนฺติเก อุปาสกภาวสฺส ปเวทิตตฺตา อุปาสโก ปฺจสิกฺขาปทิโก พุทฺธมามโก, ธมฺมมามโก, สงฺฆมามโก. เกนจิเทว กรณีเยนาติ อุทฺธารโสธาปนาทินา ¶ เกนจิเทว กตฺตพฺเพน. ตีเรตฺวาติ นิฏฺาเปตฺวา. อยํ กิร อุปาสโก ปุพฺเพ อภิณฺหํ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปยิรุปาสติ, โส กติปยํ กาลํ พหุกรณียตาย สตฺถุ ทสฺสนํ นาภิสมฺโภสิ. เตนาห ภควา – ‘‘จิรสฺสํ โข ตฺวํ, อุปาสก, อิมํ ปริยายมกาสิ, ยทิทํ อิธาคมนายา’’ติ.
ตตฺถ จิรสฺสนฺติ จิเรน. ปริยายนฺติ วารํ. ยทิทนฺติ นิปาโต, โย อยนฺติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อิธ มม สนฺติเก อาคมนาย โย อยํ อชฺช กโต วาโร, ตํ อิมํ จิเรน ปปฺจํ กตฺวา อกาสีติ. จิรปฏิกาหนฺติ จิรปฏิโก อหํ, จิรกาลโต ปฏฺาย อหํ อุปสงฺกมิตุกาโมติ สมฺพนฺโธ. เกหิจิ เกหิจีติ เอกจฺเจหิ เอกจฺเจหิ. อถ วา เกหิจิ เกหิจีติ เยหิ วา เตหิ วา. ตตฺถ คารวํ ทสฺเสติ. สตฺถริ อภิปฺปสนฺนสฺส หิ สตฺถุทสฺสนธมฺมสฺสวเนสุ วิย น อฺตฺถ อาทโร โหติ. กิจฺจกรณีเยหีติ ¶ เอตฺถ อวสฺสํ กาตพฺพํ กิจฺจํ, อิตรํ กรณียํ. ปมํ วา กาตพฺพํ กิจฺจํ, ปจฺฉา กาตพฺพํ กรณียํ. ขุทฺทกํ วา กิจฺจํ, มหนฺตํ กรณียํ. พฺยาวโฏติ อุสฺสุกฺโก. เอวาหนฺติ เอวํ อิมินา ปกาเรน อหํ นาสกฺขึ อุปสงฺกมิตุํ, น อคารวาทินาติ อธิปฺปาโย.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ ทุลฺลเภ พุทฺธุปฺปาเท มนุสฺสตฺตลาเภ จ สตฺตานํ สกิฺจนภาเวน กิจฺจปสุตตาย กุสลนฺตราโย โหติ, น อกิฺจนสฺสาติ เอตมตฺถํ สพฺพาการโต วิทิตฺวา. อิมํ อุทานนฺติ ตทตฺถปริทีปนเมว อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ สุขํ วต ตสฺส น โหติ กิฺจีติ ยสฺส ปุคฺคลสฺส กิฺจิ รูปาทีสุ เอกวตฺถุมฺปิ ‘‘มเมต’’นฺติ ตณฺหาย ปริคฺคหิตภาเวน น โหติ นตฺถิ น วิชฺชติ, สุขํ วต ตสฺส ปุคฺคลสฺส, อโห สุขเมวาติ อตฺโถ. ‘‘น โหสี’’ติปิ ปาโ, ตสฺส อตีตกาลวเสน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. เกจิ ปน น โหติ กิฺจีติ ปทสฺส ‘‘ราคาทิกิฺจนํ ยสฺส น โหตี’’ติ อตฺถํ วณฺเณนฺติ, ตํ น สุนฺทรํ ปริคฺคหธมฺมวเสน เทสนาย อาคตตฺตา. ราคาทิกิฺจนนฺติ ปริคฺคเหตพฺพสฺสาปิ สงฺคเห สติ ยุตฺตเมว วุตฺตํ สิยา อถ วา ยสฺส ปุคฺคลสฺส ¶ กิฺจิ อปฺปมฺปิ กิฺจนํ ปลิโพธชาตํ ราคาทิกิฺจนาภาวโต เอว น โหติ, ตํ ตสฺส อกิฺจนตฺตํ สุขสฺส ปจฺจยภาวโต ¶ สุขํ วตํ, อโห สุขนฺติ อตฺโถ. กสฺส ปน น โหติ กิฺจนนฺติ เจ, อาห ‘‘สงฺขาตธมฺมสฺส พหุสฺสุตสฺสา’’ติ. โย จตูหิปิ มคฺคสงฺขาหิ โสฬสกิจฺจนิปฺผตฺติยา สงฺขาตธมฺโม กตกิจฺโจ, ตโต เอว ปฏิเวธพาหุสจฺเจน พหุสฺสุโต, ตสฺส.
อิติ ภควา อกิฺจนภาเว อานิสํสํ ทสฺเสตฺวา สกิฺจนภาเว อาทีนวํ ทสฺเสตุํ ‘‘สกิฺจนํ ปสฺสา’’ติอาทิมาห. ตสฺสตฺโถ – ราคาทิกิฺจนานํ อามิสกิฺจนานฺจ อตฺถิตาย สกิฺจนํ, สกิฺจนตฺตา เอว อลทฺธานฺจ ลทฺธานฺจ กามานํ ปริเยสนารกฺขณเหตุ กิจฺจกรณียวเสน ‘‘อหํ มมา’’ติ คหณวเสน จ วิหฺมานํ วิฆาตํ อาปชฺชมานํ ปสฺสาติ ธมฺมสํเวคปฺปตฺโต สตฺถา อตฺตโน ¶ จิตฺตํ วทติ. ชโน ชนสฺมึ ปฏิพนฺธรูโปติ สยํ อฺโ ชโน สมาโน อฺสฺมึ ชเน ‘‘อหํ อิมสฺส, มม อย’’นฺติ ตณฺหาวเสน ปฏิพนฺธสภาโว หุตฺวา วิหฺติ วิฆาตํ อาปชฺชติ. ‘‘ปฏิพทฺธจิตฺโต’’ติปิ ปาโ. อยฺจ อตฺโถ –
‘‘ปุตฺตา มตฺถิ ธนมฺมตฺถิ, อิติ พาโล วิหฺติ;
อตฺตา หิ อตฺตโน นตฺถิ, กุโต ปุตฺตา กุโต ธน’’นฺติ. (ธ. ป. ๖๒) –
อาทีหิ สุตฺตปเทหิ ทีเปตพฺโพติ.
ปฺจมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. คพฺภินีสุตฺตวณฺณนา
๑๖. ฉฏฺเ อฺตรสฺส ปริพฺพาชกสฺสาติ เอกสฺส กุฏุมฺพิกสฺส ปริพฺพาชกสฺส. ทหราติ ตรุณี. มาณวิกาติ พฺราหฺมณธีตาย โวหาโร. ปชาปตีติ ภริยา. คพฺภินีติ อาปนฺนสตฺตา. อุปวิชฺาติ อชฺช สุเวติ ปจฺจุปฏฺิตวิชายนกาลา โหตีติ สมฺพนฺโธ. โส กิร พฺราหฺมณชาติโก สภริโย วาทปตฺถสฺสเม ิโต, เตน นํ สปชาปติกํ ปริพฺพาชกโวหาเรน ¶ สมุทาจรนฺติ. ภริยา ปนสฺส พฺราหฺมณชาติกตฺตา พฺราหฺมณาติ อาลปติ. เตลนฺติ ติลเตลํ. เตลสีเสน เจตฺถ ยํ ยํ วิชาตาย ปสวทุกฺขปฺปฏิการตฺถํ อิจฺฉิตพฺพํ, ตํ สพฺพํ สปฺปิโลณาทึ อาหราติ อาณาเปติ. ยํ เม วิชาตาย ภวิสฺสตีติ ¶ ยํ เตลาทิ มยฺหํ วิชาตาย พหินิกฺขนฺตคพฺภาย อุปการาย ภวิสฺสติ. ‘‘ปริพฺพาชิกายา’’ติปิ ปาโ. กุโตติ กสฺมา านา, ยโต าติกุลา วา มิตฺตกุลา วา เตลาทึ อาหเรยฺยํ, ตํ านํ เม นตฺถีติ อธิปฺปาโย. เตลํ ¶ อาหรามีติ วตฺตมานสมีปตาย วตฺตมานํ กตฺวา วุตฺตํ, เตลํ อาหริสฺสามีติ อตฺโถ. สมณสฺส วา พฺราหฺมณสฺส วา สปฺปิสฺส วา เตลสฺส วาติ จ สมุจฺจยตฺโถ วา-สทฺโท ‘‘อคฺคิโต วา อุทกโต วา มิถุเภทา วา’’ติอาทีสุ (มหาว. ๒๘๖; ที. นิ. ๒.๑๕๒; อุทา. ๗๖) วิย. สปฺปิสฺส วา เตลสฺส วาติ ปจฺจตฺเต สามิวจนํ, สปฺปิ จ เตลฺจ ยาวทตฺถํ ปาตุํ ปิวิตุํ ทียตีติ อตฺโถ. อปเร ปน ‘‘สปฺปิสฺส วา เตลสฺส วาติ อวยวสมฺพนฺเธ สามิวจนํ. สปฺปิเตลสมุทายสฺส หิ อวยโว อิธ ยาวทตฺถสทฺเทน วุจฺจตี’’ติ วทนฺติ. โน นีหริตุนฺติ ภาชเนน วา หตฺเถน วา พหิ เนตุํ โน ทียติ, อุจฺฉทฺทิตฺวานาติ วมิตฺวา, ยํนูน ทเทยฺยนฺติ สมฺพนฺโธ. เอวํ กิรสฺส อโหสิ ‘‘อหํ รฺโ โกฏฺาคารํ คนฺตฺวา เตลํ กณฺมตฺตํ ปิวิตฺวา ตาวเทว ฆรํ อาคนฺตฺวา เอกสฺมึ ภาชเน ยถาปีตํ วมิตฺวา อุทฺธนํ อาโรเปตฺวา ปจิสฺสามิ, ยํ ปิตฺตเสมฺหาทิมิสฺสิตํ, ตํ อคฺคินา ฌายิสฺสติ, เตลํ ปน คเหตฺวา อิมิสฺสา ปริพฺพาชิกาย กมฺเม อุปเนสฺสามี’’ติ.
อุทฺธํ กาตุนฺติ วมนวเสน อุทฺธํ นีหริตุํ. น ปน อโธติ วิริฺจนวเสน เหฏฺา นีหริตุํ น ปน สกฺโกติ. โส หิ ‘‘อธิกํ ปีตํ สยเมว มุขโต นิคฺคมิสฺสตี’’ติ ปิวิตฺวา อาสยสฺส อริตฺตตาย อนิคฺคเต วมนวิเรจนโยคํ อชานนฺโต อลภนฺโต วา เกวลํ ทุกฺขาหิ เวทนาหิ ผุฏฺโ อาวฏฺฏติ จ ปริวฏฺฏติ จ. ทุกฺขาหีติ ทุกฺขมาหิ. ติพฺพาหีติ พหลาหิ ติขิณาหิ วา. ขราหีติ กกฺขฬาหิ. กฏุกาหีติ อติวิย อนิฏฺภาเวน ทารุณาหิ. อาวฏฺฏตีติ เอกสฺมึเยว าเน อนิปชฺชิตฺวา อตฺตโน สรีรํ อิโต จิโต อากฑฺฒนฺโต อาวฏฺฏติ. ปริวฏฺฏตีติ เอกสฺมึ ปเทเส นิปนฺโนปิ องฺคปจฺจงฺคานิ ปริโต ขิปนฺโต วฏฺฏติ, อภิมุขํ วา วฏฺฏนฺโต อาวฏฺฏติ, สมนฺตโต วฏฺฏนฺโต ปริวฏฺฏติ.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ ‘‘สกิฺจนสฺส อปฺปฏิสงฺขาปริโภคเหตุกา อยํ ทุกฺขุปฺปตฺติ, อกิฺจนสฺส ¶ ปน สพฺพโส อยํ นตฺถี’’ติ เอตมตฺถํ สพฺพาการโต ชานิตฺวา ตทตฺถปฺปกาสนํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ ¶ ¶ สุขิโน วตาติ สุขิโน วต สปฺปุริสา. เก ปน เตติ? เย อกิฺจนา, เย ราคาทิกิฺจนสฺส ปริคฺคหกิฺจนสฺส จ อภาเวน อกิฺจนา, เกสํ ปนิทํ กิฺจนํ นตฺถีติ อาห – ‘‘เวทคุโน หิ ชนา อกิฺจนา’’ติ, เย อริยมคฺคาณสงฺขาตํ เวทํ คตา อธิคตา, เตน วา เวเทน นิพฺพานํ คตาติ เวทคุโน, เต อริยชนา ขีณาสวปุคฺคลา อนวเสสราคาทิกิฺจนานํ อคฺคมคฺเคน สมุจฺฉินฺนตฺตา อกิฺจนา นาม. อสติ หิ ราคาทิกิฺจเน กุโต ปริคฺคหกิฺจนสฺส สมฺภโว. เอวํ คาถาย ปุริมภาเคน อรหนฺเต ปสํสิตฺวา อปรภาเคน อนฺธปุถุชฺชเน ครหนฺโต ‘‘สกิฺจนํ ปสฺสา’’ติอาทิมาห. ตํ ปุริมสุตฺเต วุตฺตตฺถเมว. เอวํ อิมายปิ คาถาย วฏฺฏวิวฏฺฏํ กถิตํ.
ฉฏฺสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. เอกปุตฺตกสุตฺตวณฺณนา
๑๗. สตฺตเม เอกปุตฺตโกติ เอโก ปุตฺโต, โส จ อนุกมฺปิตพฺพฏฺเน เอกปุตฺตโก, ปิยายิตพฺพฏฺเน ปิโย, มนสฺส วฑฺฒนฏฺเน มนาโป. สรีรโสภาสมฺปตฺติยา วา ทสฺสนียฏฺเน ปิโย, สีลาจารสมฺปตฺติยา กลฺยาณธมฺมตาย มนาโป. กเลติ สตฺเต เขเปตีติ กาโล, มรณํ. ตํ กโต ปตฺโตติ กาลงฺกโต, กาเลน วา มจฺจุนา กโต นฏฺโ อทสฺสนํ คโตติ กาลงฺกโต, มโตติ อตฺโถ.
สมฺพหุลา อุปาสกาติ สาวตฺถิวาสิโน พหู อุปาสกา มตปุตฺตอุปาสกสฺส สหโสกีภาเวน ยาว อาฬาหนา ปจฺฉโต คนฺตฺวา มตสรีรสฺส กตฺตพฺพํ กาเรตฺวา ปฏินิวตฺตา ยถานิวตฺถาว อุทกํ โอตริตฺวา สีสํนฺหาตา วตฺถานิ ปีเฬตฺวา อโนตาเปตฺวาว เอกํ นิวาเสตฺวา ¶ เอกํ อุตฺตราสงฺคํ กตฺวา อุปาสกํ ปุรโต กตฺวา ‘‘โสกวิโนทนํ ธมฺมํ สตฺถุ สนฺติเก โสสฺสามา’’ติ ภควนฺตํ อุปสงฺกมึสุ. เตน วุตฺตํ ‘‘อลฺลเกสา’’ติอาทิ.
ตตฺถ อลฺลวตฺถาติ อุทเกน ตินฺตวตฺถา. ทิวา ทิวสฺสาติ ทิวสสฺสปิ ทิวา, มชฺฌนฺหิเก กาเลติ อตฺโถ. ยสฺมา ชานนฺตาปิ ตถาคตา ปุจฺฉนฺติ ¶ , ชานนฺตาปิ น ปุจฺฉนฺติ. กาลํ วิทิตฺวา ปุจฺฉนฺติ, กาลํ วิทิตฺวา น ปุจฺฉนฺติ, ตสฺมา ชานนฺโตเยว ภควา กถาสมุฏฺาปนตฺถํ ปุจฺฉนฺโต ¶ ‘‘กึ นุ โข ตุมฺเห อุปาสกา’’ติอาทิมาห. ตสฺสตฺโถ – ตุมฺเห อุปาสกา อฺเสุ ทิวเสสุ มม สนฺติกํ อาคจฺฉนฺตา โอตาปิตสุทฺธวตฺถา สายนฺเห อาคจฺฉถ, อชฺช ปน อลฺลวตฺถา อลฺลเกสา ิตมชฺฌนฺหิเก กาเล อิธาคตา, ตํ กึ การณนฺติ. เตน มยนฺติ เตน ปุตฺตวิโยคชนิตจิตฺตสนฺตาเปน พลวโสกาภิภูตตาย เอวํภูตา มยํ อิธูปสงฺกมนฺตาติ.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ ปิยวตฺถุสมฺภวา โสกทุกฺขโทมนสฺสาทโย, อสติ ปิยวตฺถุสฺมึ สพฺพโส เอเต น สนฺตีติ เอตมตฺถํ สพฺพาการโต ชานิตฺวา ตทตฺถปฺปกาสนํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ ปิยรูปสฺสาทคธิตาเสติ ปิยสภาเวสุ รูปกฺขนฺธาทีสุ สุขเวทนสฺสาเทน คธิตา ปฏิพทฺธจิตฺตา. คธิตาเสติ หิ คธิตาอิจฺเจวตฺโถ. เสติ วา นิปาตมตฺตํ. ปิยรูปา นาม จกฺขาทโย ปุตฺตทาราทโย จ. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘กิฺจ โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํ จกฺขุ โลเก …เป… ธมฺมตณฺหา โลเก ปิยรูปํ สาตรูป’’นฺติ (จูฬนิ. เหมกมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๕๕).
‘‘เขตฺตํ วตฺถุํ หิรฺํ วา, ควสฺสํ ทาสโปริสํ;
ถิโย พนฺธู ปุถุ กาเม, โย นโร อนุคิชฺฌตี’’ติ จ. (สุ. นิ. ๗๗๕);
ตสฺมา เตสุ ปิยรูเปสุ อสฺสาเทน คิทฺธา มุจฺฉิตา อชฺฌาปนฺนาติ อตฺโถ. เก ปน เต ปิยรูปสฺสาทคธิตาติ เต ทสฺเสติ ‘‘เทวกายา ¶ ปุถุมนุสฺสา จา’’ติ, จาตุมหาราชิกาทโย พหุเทวสมูหา เจว ชมฺพุทีปกาทิกา พหุมนุสฺสา จ. อฆาวิโนติ กายิกเจตสิกทุกฺเขน ทุกฺขิตา. ปริชุนฺนาติ ชราโรคาทิวิปตฺติยา โยพฺพนาโรคฺยาทิสมฺปตฺติโต ปริหีนา. ยถาลาภวเสน วายมตฺโถ เทวมนุสฺเสสุ เวทิตพฺโพ. อถ วา กามฺเจกนฺตสุขสมปฺปิตานํ เทวานํ ทุกฺขชราโรคา น สมฺภวนฺติ, ตทนติวตฺตสภาวตาย ปน เตปิ ‘‘อฆาวิโน’’ติ ‘‘ปริชุนฺนา’’ติ จ วุตฺตา. เตสมฺปิ วา ปุพฺพนิมิตฺตุปฺปตฺติยา ปฏิจฺฉนฺนชราย เจตสิกโรคสฺส จ วเสน ทุกฺขาทีนํ สมฺภโว เวทิตพฺโพ. มจฺจุราชสฺส วสํ คจฺฉนฺตีติ ปิยวตฺถุวิสยาย ตณฺหาย อปฺปหีนตฺตา ปุนปฺปุนํ คพฺภูปคมนโต ¶ ธาตุตฺตยิสฺสรตาย มจฺจุราชสงฺขาตสฺส มรณสฺส วสํ หตฺถเมว คจฺฉนฺติ.
เอตฺตาวตา วฏฺฏํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ‘‘เย เว ทิวา’’ติอาทินา วิวฏฺฏํ ทสฺเสติ. ตตฺถ เย เว ทิวา จ รตฺโต จ อปฺปมตฺตาติ ‘‘ทิวสํ จงฺกเมน นิสชฺชาย อาวรณีเยหิ ธมฺเมหิ จิตฺตํ ปริโสเธตี’’ติอาทินา ¶ วุตฺตนเยน ทิวสภาเค รตฺติภาเค จ ทฬฺหํ อปฺปมตฺตา อปฺปมาทปฺปฏิปทํ ปูเรนฺติ. ชหนฺติ ปิยรูปนฺติ จตุสจฺจกมฺมฏฺานภาวนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อริยมคฺคาธิคเมน ปิยรูปํ ปิยชาติกํ จกฺขาทิปิยวตฺถุํ ตปฺปฏิพทฺธฉนฺทราคชหเนน ชหนฺติ. เต เว ขณนฺติ อฆมูลํ, มจฺจุโน อามิสํ ทุรติวตฺตนฺติ เต อริยปุคฺคลา อฆสฺส วฏฺฏทุกฺขสฺส มูลภูตํ, มจฺจุนา มรเณน อามสิตพฺพโต อามิสํ, อิโต พหิทฺธา เกหิจิปิ สมณพฺราหฺมเณหิ นิวตฺติตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย ทุรติวตฺตํ, สห อวิชฺชาย ตณฺหํ อริยมคฺคาณกุทาเลน ขณนฺติ, เลสมตฺตมฺปิ อนวเสสนฺตา อุมฺมูลยนฺตีติ. สฺวายมตฺโถ –
‘‘อปฺปมาโท ¶ อมตปทํ, ปมาโท มจฺจุโน ปทํ;
อปฺปมตฺตา น มียนฺติ, เย ปมตฺตา ยถา มตา’’ติ. (ธ. ป. ๒๑) –
อาทีหิ สุตฺตปเทหิ วิตฺถาเรตพฺโพติ.
สตฺตมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. สุปฺปวาสาสุตฺตวณฺณนา
๑๘. อฏฺเม กุณฺฑิกายนฺติ เอวํนามเก โกลิยานํ นคเร. กุณฺฑธานวเนติ ตสฺส นครสฺส อวิทูเร กุณฺฑธานสงฺขาเต วเน.
ปุพฺเพ กิร กุณฺโฑ นาม เอโก ยกฺโข ตสฺมึ วนสณฺเฑ วาสํ กปฺเปสิ, กุณฺฑธานมิสฺสเกน จ พลิกมฺเมน ตุสฺสตีติ ตสฺส ตถา ตตฺถ พลึ อุปหรนฺติ, เตเนตํ วนสณฺฑํ กุณฺฑธานวนนฺตฺเวว ปฺายิตฺถ. ตสฺส อวิทูเร เอกา คามปติกา อโหสิ, สาปิ ตสฺส ยกฺขสฺส อาณาปวตฺติฏฺาเน นิวิฏฺตฺตา เตเนว ปริปาลิตตฺตา กุณฺฑิกาติ โวหรียิตฺถ ¶ . อปรภาเค ตตฺถ โกลิยราชาโน นครํ กาเรสุํ, ตมฺปิ ปุริมโวหาเรน กุณฺฑิกาตฺเวว วุจฺจติ. ตสฺมิฺจ วนสณฺเฑ โกลิยราชาโน ภควโต ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ วสนตฺถาย วิหารํ ปติฏฺาเปสุํ, ตมฺปิ กุณฺฑธานวนนฺตฺเวว ปฺายิตฺถ. อถ ภควา ชนปทจาริกํ จรนฺโต อนุกฺกเมน ตํ วิหารํ ¶ ปตฺวา ตตฺถ วิหาสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘เอกํ สมยํ ภควา กุณฺฑิกายํ วิหรติ กุณฺฑธานวเน’’ติ.
สุปฺปวาสาติ ตสฺสา อุปาสิกาย นามํ. โกลิยธีตาติ โกลิยราชปุตฺตี. สา หิ ภควโต อคฺคุปฏฺายิกา ปณีตทายิกานํ สาวิกานํ เอตทคฺเค ปิตา โสตาปนฺนา อริยสาวิกา. ยฺหิ กิฺจิ ภควโต ยุตฺตรูปํ ขาทนียํ โภชนียํ เภสชฺชํ วา น ตตฺถ อฺาหิ สํวิธาตพฺพํ อตฺถิ, สพฺพํ ตํ สยเมว อตฺตโน ปฺาย วิจาเรตฺวา สกฺกจฺจํ สมฺปาเทตฺวา ¶ อุปเนติ. เทวสิกฺจ อฏฺสตํ สงฺฆภตฺตปาฏิปุคฺคลิกภตฺตานิ เทติ. โย โกจิ ภิกฺขุ วา ภิกฺขุนี วา ตํ กุลํ ปิณฺฑาย ปวิฏฺโ ริตฺตหตฺโถ น คจฺฉติ. เอวํ มุตฺตจาคา ปยตปาณี โวสฺสคฺครตา ยาจโยคา ทานสํวิภาครตา. อสฺสา กุจฺฉิยํ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ปจฺฉิมภวิโก สาวกโพธิสตฺโต ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. สา ตํ คพฺภํ เกนจิเทว ปาปกมฺเมน สตฺต วสฺสานิ กุจฺฉินา ปริหริ, สตฺตาหฺจ มูฬฺหคพฺภา อโหสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘สตฺต วสฺสานิ คพฺภํ ธาเรติ สตฺตาหํ มูฬฺหคพฺภา’’ติ.
ตตฺถ สตฺต วสฺสานีติ สตฺต สํวจฺฉรานิ, อจฺจนฺตสํโยเค จ อิทํ อุปโยควจนํ. คพฺภํ ธาเรตีติ คพฺภํ วหติ, คพฺภินี โหตีติ อตฺโถ. สตฺตาหํ มูฬฺหคพฺภาติ สตฺต อหานิ พฺยากุลคพฺภา. คพฺโภ หิ ปริปกฺโก สมฺปชฺชมาโน วิชายนกาเล กมฺมชวาเตหิ สฺจาเลตฺวา ปริวตฺติโต อุทฺธํปาโท อโธสิโร หุตฺวา โยนิมุขาภิมุโข โหติ, เอวํ โส กตฺถจิ อลคฺโค พหิ นิกฺขมติ. วิปชฺชมาโน ปน วิปริวตฺตนวเสน โยนิมคฺคํ ปิทหิตฺวา ติริยํ นิปชฺชติ, สยเมว วา โยนิมคฺโค ปิทหติ, โส ตตฺถ กมฺมชวาเตหิ อปราปรํ ปริวตฺตมาโน พฺยากุโล มูฬฺหคพฺโภติ วุจฺจติ. ตสฺสาปิ สตฺต ทิวเส เอวํ อโหสิ, เตน วุตฺตํ ‘‘สตฺตาหํ มูฬฺหคพฺภา’’ติ.
อยฺจ คพฺโภ สีวลิตฺเถโร. ตสฺส กถํ สตฺต วสฺสานิ คพฺภวาสทุกฺขํ, สตฺตาหํ มูฬฺหคพฺภภาวปฺปตฺติ, มาตุ จสฺสาปิ โสตาปนฺนาย อริยสาวิกาย ¶ ตถา ทุกฺขานุภวนํ ชาตนฺติ? วุจฺจเต – อตีเต กาสิกราเช พาราณสิยํ รชฺชํ กาเรนฺเต เอโก โกสลราชา มหนฺเตน พเลนาคนฺตฺวา พาราณสึ คเหตฺวา ตํ ราชานํ มาเรตฺวา ตสฺส อคฺคมเหสึ อตฺตโน อคฺคมเหสึ อกาสิ. พาราณสิรฺโ ปน ปุตฺโต ปิตุ มรณกาเล นิทฺธมนทฺวาเรน ปลายิตฺวา อตฺตโน าติมิตฺตพนฺธเว เอกชฺฌํ กตฺวา อนุกฺกเมน พลํ สํหริตฺวา พาราณสึ อาคนฺตฺวา อวิทูเร มหนฺตํ ขนฺธาวารํ พนฺธิตฺวา ตสฺส รฺโ ปณฺณํ เปเสสิ ‘‘รชฺชํ วา เทตุ, ยุทฺธํ วา’’ติ ¶ . ราชกุมารสฺส ¶ มาตา สาสนํ สุตฺวา ‘‘ยุทฺเธน กมฺมํ นตฺถิ, สพฺพทิสาสุ สฺจารํ ปจฺฉินฺทิตฺวา พาราณสินครํ ปริวาเรตุ, ตโต ทารูทกภตฺตปริกฺขเยน กิลนฺตา นคเร มนุสฺสา วินาว ยุทฺเธน ราชานํ คเหตฺวา ทสฺสนฺตี’’ติ ปณฺณํ เปเสสิ. โส มาตุ สาสนํ สุตฺวา จตฺตาริ มหาทฺวารานิ รกฺขนฺโต สตฺต วสฺสานิ นครํ อุปรุนฺธิ, นคเร มนุสฺสา จูฬทฺวาเรน นิกฺขมิตฺวา ทารูทกานิ อาหรนฺติ, สพฺพกิจฺจานิ กโรนฺติ.
อถ ราชกุมารสฺส มาตา ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา ‘‘พาโล มม ปุตฺโต อุปายํ น ชานาติ, คจฺฉถ, อสฺส จูฬทฺวารานิ ปิธาย นครํ อุปรุนฺธตูติ วเทถา’’ติ ปุตฺตสฺส คูฬฺหสาสนํ ปหิณิ. โส มาตุ สาสนํ สุตฺวา สตฺต ทิวเส ตถา อกาสิ. นาครา พหิ นิกฺขมิตุํ อลภนฺตา สตฺตเม ทิวเส ตสฺส รฺโ สีสํ คเหตฺวา กุมารสฺส อทํสุ. กุมาโร นครํ ปวิสิตฺวา รชฺชํ อคฺคเหสิ. โส ตทา สตฺต วสฺสานิ นครรุนฺธนกมฺมนิสฺสนฺเทน เอตรหิ สตฺต วสฺสานิ มาตุกุจฺฉิสงฺขาตาย โลหิตกุมฺภิยา วสิ, อวเสสโต ปน สตฺตาหํ นครูปรุนฺธเนน สตฺตาหํ มูฬฺหคพฺภภาวํ อาปชฺชิ. ชาตกฏฺกถายํ ปน ‘‘สตฺต ทิวสานิ นครํ รุนฺธิตฺวา คหิตกมฺมนิสฺสนฺเทน สตฺตวสฺสานิ โลหิตกุมฺภิยํ วสิตฺวา สตฺตาหํ มูฬฺหคพฺภภาวํ อาปชฺชี’’ติ วุตฺตํ. ยํ ปน โส ปทุมุตฺตรสมฺมาสมฺพุทฺธปาทมูเล ‘‘ลาภีนํ อคฺโค ภเวยฺย’’นฺติ มหาทานํ ทตฺวา ปตฺถนํ อกาสิ, ยฺจ วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล นาคเรหิ สทฺธึ สหสฺสคฺฆนิกํ คุฬทธึ ทตฺวา ปตฺถนํ อกาสิ, ตสฺสานุภาเวน ลาภีนํ อคฺโค ชาโต. สุปฺปวาสาปิ ‘‘นครํ รุนฺธิตฺวา คณฺห, ตาตา’’ติ เปสิตภาเวน สตฺต วสฺสานิ กุจฺฉินา คพฺภํ ปริหริตฺวา สตฺตาหํ มูฬฺหคพฺภาชาตา ¶ . เอวํ เต มาตาปุตฺตา อตฺตโน กมฺมสฺส อนุรูปํ อีทิสํ ทุกฺขํ ปฏิสํเวทึสุ.
ตีหิ ¶ วิตกฺเกหีติ รตนตฺตยคุณานุสฺสติปฏิสํยุตฺเตหิ ตีหิ สมฺมาวิตกฺเกหิ. อธิวาเสตีติ มูฬฺหคพฺภตาย อุปฺปนฺนทุกฺขํ สหติ. สา หิ ภควโต สมฺพุทฺธภาวํ, อริยสงฺฆสฺส สุปฺปฏิปตฺตึ, นิพฺพานสฺส จ ทุกฺขนิสฺสรณภาวํ อนุสฺสรนฺตี อตฺตโน อุปฺปชฺชมานทุกฺขํ อมนสิกรเณเนว อภิภวิตฺวา ขมติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ตีหิ วิตกฺเกหิ อธิวาเสตี’’ติ.
สมฺมาสมฺพุทฺโธ วตาติอาทิ เตสํ วิตกฺกานํ ปวตฺติอาการทสฺสนํ. ตสฺสตฺโถ – โย ภคฺยวนฺตตาทีหิ การเณหิ ภควา โลกนาโถ สมฺมา อวิปรีตํ สามํ สยเมว สพฺพธมฺเม อโห วต พุทฺโธ, โส ภควา เอวรูปสฺส เอตรหิ มยา อนุภวิยมานสฺส อฺสฺส จ เอวํชาติกสฺส ¶ สกลสฺส วฏฺฏทุกฺขสฺส ปหานาย อจฺจนฺตํ อนุปฺปาทนิโรธาย ธมฺมํ กเถติ, อวิปรีตธมฺมํ กเถติ. อวิปรีตธมฺมเทสนตาย หิ สตฺถุ สมฺมาสมฺโพธิสิทฺธิ. ตสฺส ยถาวุตฺตคุณสฺส ภควโต ธมฺมสฺสวนนฺเต ชาตตฺตา สีลทิฏฺิสามฺเน สํหตตฺตา จ สาวกสงฺโฆติ ลทฺธนาโม อฏฺอริยปุคฺคลสมูโห สุปฺปฏิปนฺโน วต อโห วต สมฺมา ปฏิปนฺโน, โย อริยสงฺโฆ เอวรูปสฺส อีทิสสฺส วฏฺฏทุกฺขสฺส ปหานาย อนุปฺปาทนิโรธาย อนิวตฺติปฏิปทํ ปฏิปนฺโน. สุสุขํ วต อโห วต สุฏฺุ สุขํ สพฺพสงฺขตนิสฺสฏํ นิพฺพานํ, ยสฺมึ นิพฺพาเน อีทิสํ วฏฺฏทุกฺขํ น อุปลพฺภตีติ. เอตฺถ จ ปฏิปชฺชมานาปิ ปฏิปนฺนา อิจฺเจว วุตฺตา ปฏิปตฺติยา อนิวตฺติภาวโต. อถ วา อุปฺปนฺนสทฺโท วิย ปฏิปนฺนสทฺโท วตฺตมานตฺโถปิ เวทิตพฺโพ. เตเนวาห ‘‘โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยาย ปฏิปนฺโน’’ติ.
สามิกนฺติ อตฺตโน ปตึ โกลิยราชปุตฺตํ. อามนฺเตสีติ อภาสิ. มม วจเนน ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทาหีติ มยฺหํ วจเนน จกฺกลกฺขณปฺปฏิมณฺฑิตานิ วิกสิตปทุมสสฺสิรีกานิ ภควโต จรณานิ ตว สิรสา วนฺทาหิ, อุตฺตมงฺเคน อภิวาทนํ กโรหีติ อตฺโถ. อปฺปาพาธนฺติอาทีสุ อาพาโธติ วิสภาคเวทนา วุจฺจติ, ยา เอกเทเส อุปฺปชฺชิตฺวาปิ สกลสรีรํ อยปฏฺเฏน อาพนฺธิตฺวา ¶ วิย คณฺหติ. อาตงฺโกติ กิจฺฉชีวิตกโร โรโค. อถ วา ยาเปตพฺพโรโค อาตงฺโก, อิตโร อาพาโธ. ขุทฺทโก วา โรโค อาตงฺโก, พลวา ¶ อาพาโธ. เกจิ ปน ‘‘อชฺฌตฺตสมุฏฺาโน อาพาโธ, พหิทฺธาสมุฏฺาโน อาตงฺโก’’ติ วทนฺติ. ตทุภยสฺสาปิ อภาวํ ปุจฺฉาติ วทติ. คิลานสฺเสว จ อุฏฺานํ นาม ครุกํ โหติ, กาเย พลํ น โหติ, ตสฺมา นิคฺเคลฺตาย ลหุปริวตฺติสงฺขาตํ กายสฺส ลหุฏฺานํ สรีรพลฺจ ปุจฺฉาติ วทติ. ผาสุวิหารนฺติ านนิสินฺนคมนสยนสงฺขาเตสุ จตูสุ อิริยาปเถสุ สุขวิหารฺจ ปุจฺฉาติ วทติ. อถสฺส ปุจฺฉิตพฺพาการํ ทสฺเสนฺตี ‘‘สุปฺปวาสา, ภนฺเต’’ติอาทิมาห. เอวฺจ วเทหีติ อิทานิ วตฺตพฺพาการํ นิทสฺเสติ.
ปรมนฺติ วจนสมฺปฏิจฺฉนํ. เตน สาธุ, ภทฺเท, ยถา วุตฺตํ, ตถา ปฏิปชฺชามีติ ทสฺเสติ. โกลิยปุตฺโตติ สุปฺปวาสาย สามิโก โกลิยราชปุตฺโต. สุขินี โหตูติ สเทวเก โลเก อคฺคทกฺขิเณยฺโย สตฺถา สุปฺปวาสาย เปสิตวนฺทนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตทนนฺตรํ อตฺตโน เมตฺตาวิหารสํสูจกํ พุทฺธาจิณฺณํ สุขูปสํหารํ ตสฺสา สามฺโต ปกาเสตฺวา ปุน ตสฺสา ปุตฺตสฺส จ คพฺภวิปตฺติมูลกทุกฺขุปฺปตฺติปฏิกฺเขปมุเขน สุขูปสํหารํ นิทสฺเสนฺโต ‘‘สุขินี…เป… อโรคา, อโรคํ ปุตฺตํ วิชายตู’’ติ อาห.
สห ¶ วจนาติ ภควโต วจเนน สเหว. ยสฺมึ กาเล ภควา ตถา อโวจ, ตสฺมึเยว กาเล ตมฺปิ กมฺมํ ปริกฺขยํ อคมาสิ. ตสฺส ปริกฺขีณภาวํ โอโลเกตฺวา สตฺถา ตถา อภาสิ. อปเร ปน วทนฺติ – สเจ ตถา สตฺถา นาจิกฺขิสฺสา, ตโต ปรมฺปิ กิฺจิ กาลํ ตสฺสา ตํ ทุกฺขํ อนุพนฺธิสฺสา. ยสฺมา ปน ภควตา ‘‘สุขินี อโรคา อโรคฺจ ปุตฺตํ วิชายตู’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา ตสฺส วจนสมกาลเมว โส คพฺโภ พฺยากุลภาวํ วิชหิตฺวา สุเขเนว พหิ นิกฺขมิ, เอวํ เตสํ มาตาปุตฺตานํ โสตฺถิ อโหสิ. อจินฺเตยฺโย หิ พุทฺธานํ ¶ พุทฺธานุภาโว. ยถา หิ ปฏาจาราย ปิยวิปฺปโยคสมฺภูเตน โสเกน อุมฺมาทํ ปตฺวา –
‘‘อุโภ ปุตฺตา กาลกตา, ปนฺเถ มยฺหํ ปตี มโต;
มาตา ปิตา จ ภาตา จ, เอกจิตกมฺหิ ฌายเร’’ติ. (อป. เถรี ๒.๒.๔๙๘) –
วตฺวา ¶ ชาตรูเปเนว จรนฺติยา ‘‘สตึ ปฏิลภาหิ ภคินี’’ติ ภควโต วจนสมนนฺตรเมว อุมฺมาโท วูปสมิ, ตถา สุปฺปิยาปิ อุปาสิกา อตฺตนาว อตฺตโน อูรุยํ กเตน มหาวเณน วุฏฺาตุํ อสกฺโกนฺตี สยนปิฏฺเ นิปนฺนา ‘‘อาคนฺตฺวา มํ วนฺทตู’’ติ วจนสมนนฺตรเมว วเณ ปากติเก ชาเต สยเมว คนฺตฺวา ภควนฺตํ วนฺทีติ เอวมาทีนิ วตฺถูนิ อิธ อุทาหริตพฺพานีติ.
เอวํ, ภนฺเตติ, ภนฺเต, ยถา ภควา สปุตฺตาย มาตุยา อโรคภาวํ อาสีสนฺโต อาห – ‘‘สุขินี อโรคา อโรคํ ปุตฺตํ วิชายตู’’ติ, ตํ เอวเมว. น หิ กทาจิ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ วจนสฺส อฺถาภาโวติ อธิปฺปาโย. เกจิ ปน ‘‘เอวมตฺถู’’ติ วทนฺติ, อปเร ‘‘โหตู’’ติ ปทสฺส อตฺถํ อาเนตฺวา วณฺณยนฺติ. อภินนฺทิตฺวาติ กรวีกรุตมฺชุนา พฺรหฺมสฺสเรน ภควตา วุจฺจมาเน ตสฺมึ วจเน ปีติโสมนสฺสปฏิลาภโต อภิมุขภาเวน นนฺทิตฺวา. อนุโมทิตฺวาติ ตโต ปจฺฉาปิ สมฺโมทนํ อุปฺปาเทตฺวา, จิตฺเตน วา อภินนฺทิตฺวา วาจาย อนุโมทิตฺวา, วจนสมฺปตฺติยา วา อภินนฺทิตฺวา อตฺถสมฺปตฺติยา อนุโมทิตฺวา. สกํ ฆรํ ปจฺจายาสีติ อตฺตโน ฆรํ ปฏิคจฺฉิ. เย ปน ‘‘เยน สกํ ฆร’’นฺติ ปนฺติ, เตสํ ยทิปิ ย-ต-สทฺทานํ สมฺพนฺธภาวโต ‘‘เตนา’’ติ ปทํ วุตฺตเมว โหติ, ตถาปิ ‘‘ปฏิยายิตฺวา’’ติ ปาเสโส โยเชตพฺโพ โหติ.
วิชาตนฺติ ปชาตํ, ปสุตนฺติ อตฺโถ. อจฺฉริยนฺติ อนฺธสฺส ปพฺพตาโรหนํ วิย นิจฺจํ น ¶ โหตีติ อจฺฉริยํ, อยํ ตาว สทฺทนโย. อฏฺกถาสุ ปน ‘‘อจฺฉราโยคฺคํ อจฺฉริย’’นฺติ วุตฺตํ ¶ , อจฺฉรํ ปหริตุํ ยุตฺตนฺติ อตฺโถ. วตาติ สมฺภาวเน, อโห อจฺฉริยนฺติ อตฺโถ. โภติ ธมฺมาลปนํ. อภูตปุพฺพํ ภูตนฺติ อพฺภุตํ.
ตถาคตสฺสาติ อฏฺหิ การเณหิ ภควา ตถาคโต – ตถา อาคโตติ ตถาคโต, ตถา คโตติ ตถาคโต, ตถลกฺขณํ อาคโตติ ตถาคโต, ตถธมฺเม ยาถาวโต อภิสมฺพุทฺโธติ ตถาคโต, ตถทสฺสิตาย ตถาคโต, ตถวาทิตาย ตถาคโต, ตถาการิตาย ตถาคโต, อภิภวนฏฺเน ตถาคโต.
กถํ ¶ ภควา ตถา อาคโตติ ตถาคโต? ยถา สพฺพโลกหิตาย อุสฺสุกฺกมาปนฺนา ปุริมกา สมฺมาสมฺพุทฺธา อาคตาติ. กึ วุตฺตํ โหติ? เยน อภินีหาเรน เต ภควนฺโต อาคตา, เตน อฏฺคุณสมนฺนาคเตน อยมฺปิ ภควา อาคโต. ยถา จ เต ภควนฺโต ทานปารมึ ปูเรตฺวา สีลเนกฺขมฺมปฺาวีริยขนฺติสจฺจอธิฏฺานเมตฺตาอุเปกฺขาปารมีติ อิมา ทส ปารมิโย, ทส อุปปารมิโย, ทส ปรมตฺถปารมิโยติ สมตึส ปารมิโย ปูเรตฺวา ปฺจ มหาปริจฺจาเค ปริจฺจชิตฺวา ปุพฺพโยคปุพฺพจริยธมฺมกฺขานาตตฺถจริยาทโย ปูเรตฺวา พุทฺธิจริยาย โกฏึ ปตฺวา อาคตา, ตถา อยมฺปิ ภควา อาคโต. ยถา จ เต ภควนฺโต จตฺตาโร สติปฏฺาเน…เป… อริยํ อฏฺงฺคิกํ มคฺคํ ภาเวตฺวา พฺรูเหตฺวา อาคตา, ตถา อยมฺปิ ภควา อาคโต. เอวํ ตถา อาคโตติ ตถาคโต.
กถํ ตถา คโตติ ตถาคโต? ยถา สมฺปติชาตา เต ภควนฺโต สเมหิ ปาเทหิ ปถวิยํ ปติฏฺาย อุตฺตราภิมุขา สตฺตปทวีติหาเรน คตา, เสตจฺฉตฺเต ธาริยมาเน สพฺพาว ทิสา อนุวิโลเกสุํ, อาสภิฺจ ¶ วาจํ ภาสึสุ โลเก อตฺตโน เชฏฺเสฏฺภาวํ ปกาเสนฺตา, ตฺจ เนสํ คมนํ ตถํ อโหสิ อวิตถํ อเนเกสํ วิเสสาธิคมานํ ปุพฺพนิมิตฺตภาเวน, ตถา อยมฺปิ ภควา คโต, ตฺจสฺส คมนํ กถํ อโหสิ อวิตถํ เตสฺเว วิเสสาธิคมานํ ปุพฺพนิมิตฺตภาเวน. เอวํ ตถา คโตติ ตถาคโต.
ยถา วา เต ภควนฺโต เนกฺขมฺเมน กามจฺฉนฺทํ ปหาย คตา, อพฺยาปาเทน พฺยาปาทํ, อาโลกสฺาย ถินมิทฺธํ, อวิกฺเขเปน อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ, ธมฺมววตฺถาเนน วิจิกิจฺฉํ ปหาย คตา, าเณน อวิชฺชํ ปทาเลตฺวา, ปาโมชฺเชน อรตึ วิโนเทตฺวา, อฏฺสมาปตฺตีหิ อฏฺารสหิ มหาวิปสฺสนาหิ ¶ จตูหิ จ อริยมคฺเคหิ ตํ ตํ ปฏิปกฺขํ ปหาย คตา, เอวํ อยมฺปิ ภควา คโต. เอวมฺปิ ตถา คโตติ ตถาคโต.
กถํ ตถลกฺขณํ อาคโตติ ตถาคโต? ปถวีธาตุยา กกฺขฬลกฺขณํ, อาโปธาตุยา ปคฺฆรณลกฺขณํ, เตโชธาตุยา อุณฺหตฺตลกฺขณํ, วาโยธาตุยา วิตฺถมฺภนลกฺขณํ, อากาสธาตุยา อสมฺผุฏฺลกฺขณํ, รูปสฺส รุปฺปนลกฺขณํ, เวทนาย เวทยิตลกฺขณํ, สฺาย สฺชานนลกฺขณํ, สงฺขารานํ อภิสงฺขรณลกฺขณํ, วิฺาณสฺส วิชานนลกฺขณนฺติ ¶ เอวํ ปฺจนฺนํ ขนฺธานํ, ทฺวาทสนฺนํ อายตนานํ, อฏฺารสนฺนํ ธาตูนํ, พาวีสติยา อินฺทฺริยานํ, จตุนฺนํ สจฺจานํ, ทฺวาทสปทิกสฺส ปจฺจยาการสฺส, จตุนฺนํ สติปฏฺานานํ, จตุนฺนํ สมฺมปฺปธานานํ, จตุนฺนํ อิทฺธิปาทานํ, ปฺจนฺนํ อินฺทฺริยานํ, ปฺจนฺนํ พลานํ, สตฺตนฺนํ โพชฺฌงฺคานํ, อริยสฺส อฏฺงฺคิกสฺส มคฺคสฺส, สตฺตนฺนํ วิสุทฺธีนํ, อมโตคธสฺส นิพฺพานสฺสาติ เอวํ ตสฺส ตสฺส ธมฺมสฺส ยํ สภาวสรสลกฺขณํ, ตํ ตถํ อวิตถํ อนฺถํ ลกฺขณํ าณคติยา อาคโต อวิรชฺฌิตฺวา ปตฺโต อธิคโตติ ตถาคโต. เอวํ ตถลกฺขณํ อาคโตติ ตถาคโต.
กถํ ตถธมฺเม ยาถาวโต อภิสมฺพุทฺโธติ ตถาคโต? ตถธมฺมา นาม จตฺตาริ อริยสจฺจานิ. ยถาห ¶ – ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, ตถานิ อวิตถานิ อนฺถานิ. กตมานิ จตฺตาริ? อิทํ ทุกฺขนฺติ, ภิกฺขเว, ตถเมตํ อวิตถเมตํ อนฺถเมต’’นฺติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๙๐) วิตฺถาโร. ตานิ จ ภควา อภิสมฺพุทฺโธ, ตสฺมา ตถานํ อภิสมฺพุทฺธตฺตา ตถาคโต.
อปิจ ชรามรณสฺส ชาติปจฺจยสมฺภูตสมุทาคตฏฺโ ตโถ อวิตโถ อนฺโถ…เป… สงฺขารานํ อวิชฺชาปจฺจยสมฺภูตสมุทาคตฏฺโ ตโถ อวิตโถ อนฺโถ, ตถา อวิชฺชาย สงฺขารานํ ปจฺจยฏฺโ…เป... ชาติยา ชรามรณสฺส ปจฺจยฏฺโ ตโถ อวิตโถ อนฺโถ, ตํ สพฺพํ ภควา อภิสมฺพุทฺโธ, ตสฺมาปิ ตถานํ อภิสมฺพุทฺธตฺตา ตถาคโต. อภิสมฺพุทฺธตฺโถ หิ เอตฺถ คตสทฺโทติ. เอวํ ตถธมฺเม ยาถาวโต อภิสมฺพุทฺโธติ ตถาคโต.
กถํ ตถทสฺสิตาย ตถาคโต? ยํ สเทวเก…เป… สเทวมนุสฺสาย ปชาย อปริมาณาสุ โลกธาตูสุ อปริมาณานํ สตฺตานํ จกฺขุทฺวาเร อาปาถมาคจฺฉนฺตํ รูปารมฺมณํ นาม อตฺถิ, ตํ ภควา สพฺพาการโต ชานาติ ปสฺสติ. เอวํ ชานตา ปสฺสตา จ เตน ตํ อิฏฺานิฏฺาทิวเสน วา ทิฏฺสุตมุตวิฺาเตสุ ลพฺภมานกปทวเสน วา ‘‘กตมํ ตํ รูปํ รูปายตนํ ¶ , ยํ รูปํ จตุนฺนํ มหาภูตานํ อุปาทาย วณฺณนิภา สนิทสฺสนํ สปฺปฏิฆํ นีลํ ปีตก’’นฺติอาทินา (ธ. ส. ๖๑๖) นเยน อเนเกหิ นาเมหิ เตรสหิ วาเรหิ ทฺวิปฺาสาย นเยหิ วิภชฺชมานํ ตถเมว โหติ, วิตถํ นตฺถิ. เอส นโย โสตทฺวาราทีสุ อาปาถมาคจฺฉนฺเตสุ สทฺทาทีสุ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –
‘‘ยํ ¶ , ภิกฺขเว, สเทวกสฺส โลกสฺส…เป… สเทวมนุสฺสาย ทิฏฺํ สุตํ มุตํ วิฺาตํ ปตฺตํ ปริเยสิตํ อนุวิจริตํ มนสา, ตมหํ ชานามิ, ตมหํ อพฺภฺาสึ, ตํ ตถาคตสฺส วิทิตํ, ตํ ตถาคโต น อุปฏฺาสี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๔).
เอวํ ตถทสฺสิตาย ตถาคโต ¶ . ตตฺถ ตถทสฺสีอตฺเถ ตถาคโตติ ปทสมฺภโว เวทิตพฺโพ.
กถํ ตถวาทิตาย ตถาคโต? ยํ รตฺตึ ภควา อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธ, ยฺจ รตฺตึ อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายิ, เอตฺถนฺตเร ปฺจจตฺตาลีสวสฺสปริมาณกาลํ ยํ ภควตา ภาสิตํ ลปิตํ สุตฺตเคยฺยาทิ, สพฺพํ ตํ ปริสุทฺธํ ปริปุณฺณํ ราคมทาทินิมฺมถนํ เอกสทิสํ ตถํ อวิตถํ. เตนาห –
‘‘ยฺจ, จุนฺท, รตฺตึ ตถาคโต อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุชฺฌติ, ยฺจ รตฺตึ อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายติ, ยํ เอตสฺมึ อนฺตเร ภาสติ ลปติ นิทฺทิสติ, สพฺพํ ตํ ตเถว โหติ, โน อฺถา, ตสฺมา ‘ตถาคโต’ติ วุจฺจตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๑๘๘).
คทอตฺโถ เอตฺถ คตสทฺโท. เอวํ ตถวาทิตาย ตถาคโต.
อปิจ อาคทนํ อาคโท, วจนนฺติ อตฺโถ. ตโถ อวิตโถ อวิปรีโต อาคโท อสฺสาติ ทการสฺส ตการํ กตฺวา ตถาคโตติ เอวเมตฺถ ปทสิทฺธิ เวทิตพฺพา.
กถํ ตถาการิตาย ตถาคโต? ภควโต หิ วาจาย กาโย อนุโลเมติ, กายสฺสปิ วาจา, ตสฺมา ยถาวาที ตถาการี, ยถาการี ตถาวาที จ โหติ. เอวํภูตสฺส จสฺส ยถาวาจา, กาโยปิ ตถา คโต ปวตฺโตติ อตฺโถ. ยถา จ กาโย, วาจาปิ ตถา คตา ปวตฺตาติ ตถาคโต. เตนาห –
‘‘ยถาวาที ¶ , ภิกฺขเว, ตถาคโต ตถาการี, ยถาการี ตถาวาที. อิติ ยถาวาที ตถาการี, ยถาการี ตถาวาที. ตสฺมา ‘ตถาคโต’ติ วุจฺจตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๓).
เอวํ ¶ ตถาการิตาย ตถาคโต.
กถํ อภิภวนฏฺเน ตถาคโต? ยสฺมา อุปริ ภวคฺคํ เหฏฺา อวีจึ ปริยนฺตํ กริตฺวา ติริยํ อปริมาณาสุ โลกธาตูสุ สพฺพสตฺเต อภิภวติ สีเลนปิ สมาธินาปิ ปฺายปิ วิมุตฺติยาปิ วิมุตฺติาณทสฺสเนนปิ ¶ , น ตสฺส ตุลา วา ปมาณํ วา อตฺถิ, อถ โข อตุโล อปฺปเมยฺโย อนุตฺตโร เทวเทโว สกฺกานํ อติสกฺโก, พฺรหฺมานํ อติพฺรหฺมา สพฺพสตฺตุตฺตโม, ตสฺมา ตถาคโต. เตนาห –
‘‘สเทวเก, ภิกฺขเว, โลเก…เป… สเทวมนุสฺสาย ตถาคโต อภิภู อนภิภูโต อฺทตฺถุทโส วสวตฺติ, ตสฺมา ‘ตถาคโต’ติ วุจฺจตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๓).
ตตฺรายํ ปทสิทฺธิ – อคโท วิย อคโท, เทสนาวิลาโส เจว ปฺุุสฺสโย จ. เตน โส มหานุภาโว ภิสกฺโก วิย ทิพฺพาคเทน สปฺเป สพฺพปรปฺปวาทิโน สเทวกฺจ โลกํ อภิภวติ. อิติ สพฺพโลกาภิภวเน ตโถ อวิตโถ อวิปรีโต ยถาวุตฺโตว อคโท เอตสฺสาติ ทการสฺส ตการํ กตฺวา ตถาคโตติ เวทิตพฺโพ. เอวํ อภิภวนฏฺเน ตถาคโต.
อปิจ ตถาย คโตติ ตถาคโต, ตถํ คโตติ ตถาคโต. ตตฺถ สกลโลกํ ตีรณปริฺาย ตถาย คโต อวคโตติ ตถาคโต. โลกสมุทยํ ปหานปริฺาย ตถาย คโต อตีโตติ ตถาคโต. โลกนิโรธํ สจฺฉิกิริยาย ตถาย คโต อธิคโตติ ตถาคโต. โลกนิโรธคามินึ ปฏิปทํ ตถํ คโต ปฏิปนฺโนติ ตถาคโต. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –
‘‘โลโก, ภิกฺขเว, ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺโธ, โลกสฺมา ตถาคโต วิสํยุตฺโต. โลกสมุทโย, ภิกฺขเว, ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺโธ, โลกสมุทโย ตถาคตสฺส ปหีโน, โลกนิโรโธ, ภิกฺขเว, ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺโธ, โลกนิโรโธ ตถาคตสฺส สจฺฉิกโต. โลกนิโรธคามินี ปฏิปทา ¶ , ภิกฺขเว, ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺธา ¶ , โลกนิโรธคามินี ปฏิปทา ตถาคตสฺส ภาวิตา. ยํ, ภิกฺขเว ¶ , สเทวกสฺส โลกสฺส…เป… สพฺพํ ตํ ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺธํ. ตสฺมา ‘ตถาคโต’ติ วุจฺจตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๓).
อปเรหิปิ อฏฺหิ การเณหิ ภควา ตถาคโต – ตถาย อาคโตติ ตถาคโต, ตถาย คโตติ ตถาคโต, ตถานิ อาคโตติ ตถาคโต, ตถา คโตติ ตถาคโต, ตถาวิโธติ ตถาคโต, ตถา ปวตฺติโตติ ตถาคโต, ตเถหิ อคโตติ ตถาคโต, ตถา คตภาเวน ตถาคโต.
กถํ ตถาย อาคโตติ ตถาคโต? ยา สา ภควตา สุเมธภูเตน ทีปงฺกรทสพลสฺส ปาทมูเล –
‘‘มนุสฺสตฺตํ ลิงฺคสมฺปตฺติ, เหตุ สตฺถารทสฺสนํ,
ปพฺพชฺชา คุณสมฺปตฺติ, อธิกาโร จ ฉนฺทตา;
อฏฺธมฺมสโมธานา, อภินีหาโร สมิชฺฌตี’’ติ. (พุ. วํ. ๒.๕๙) –
เอวํ วุตฺตํ อฏฺงฺคสมนฺนาคตํ อภินีหารํ สมฺปาเทนฺเตน ‘‘อหํ สเทวกํ โลกํ ติณฺโณ ตาเรสฺสามิ, มุตฺโต โมเจสฺสามิ, ทนฺโต ทเมสฺสามิ, สนฺโต สเมสฺสามิ, อสฺสตฺโถ อสฺสาเสสฺสามิ, ปรินิพฺพุโต ปรินิพฺพาเปสฺสามิ, พุทฺโธ โพเธสฺสามี’’ติ มหาปฏิฺา ปวตฺติตา. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘กึ เม เอเกน ติณฺเณน, ปุริเสน ถามทสฺสินา;
สพฺพฺุตํ ปาปุณิตฺวา, สนฺตาเรสฺสํ สเทวกํ.
‘‘อิมินา เม อธิกาเรน, กเตน ปุริสุตฺตเม;
สพฺพฺุตํ ปาปุณิตฺวา, ตาเรมิ ชนตํ พหุํ.
‘‘สํสารโสตํ ฉินฺทิตฺวา, วิทฺธํเสตฺวา ตโย ภเว;
ธมฺมนาวํ สมารุยฺห, สนฺตาเรสฺสํ สเทวกํ.
‘‘กึ เม อฺาตเวเสน, ธมฺมํ สจฺฉิกเตนิธ;
สพฺพฺุตํ ปาปุณิตฺวา, พุทฺโธ เหสฺสํ สเทวเก’’ติ. (พุ. วํ. ๒.๕๕-๕๘);
ตํ ¶ ปเนตํ มหาปฏิฺํ สกลสฺสาปิ พุทฺธกรธมฺมสมุทายสฺส ปวิจย ปจฺจเวกฺขณสมาทานานํ การณภูตํ ¶ อวิสํวาเทตฺวา โลกนายโก ยสฺมา มหากปฺปานํ สตสหสฺสาธิกานิ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ สกฺกจฺจํ ¶ นิรนฺตรํ นิรวเสสโต ทานปารมิอาทโย สมตึสปารมิโย ปูเรตฺวา, องฺคปริจฺจาคาทโย ปฺจ มหาปริจฺจาเค ปริจฺจชิตฺวา, สจฺจาธิฏฺานาทีนิ จตฺตาริ อธิฏฺานานิ ปริพฺรูเหตฺวา, ปฺุาณสมฺภาเร สมฺภริตฺวา, ปุพฺพโยคปุพฺพจริยธมฺมกฺขานาตตฺถจริยาทโย อุกฺกํสาเปตฺวา, พุทฺธิจริยํ ปรมโกฏึ ปาเปตฺวา, อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุชฺฌิ, ตสฺมา ตสฺเสว สา มหาปฏิฺา ตถา อวิตถา อนฺถา, น ตสฺส วาลคฺคมตฺตมฺปิ วิตถํ อตฺถิ. ตถา หิ ทีปงฺกรทสพโล โกณฺฑฺโ มงฺคโล…เป… กสฺสโป ภควาติ อิเม จตุวีสติ สมฺมาสมฺพุทฺธา ปฏิปาฏิยา อุปฺปนฺนา ‘‘พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากรึสุ. เอวํ จตุวีสติยา พุทฺธานํ สนฺติเก ลทฺธพฺยากรโณ เย เต กตาภินีหาเรหิ โพธิสตฺเตหิ ลทฺธพฺพา อานิสํสา, เต ลภิตฺวาว อาคโตติ ตาย ยถาวุตฺตาย มหาปฏิฺาย ตถาย อภิสมฺพุทฺธภาวํ อาคโต อธิคโตติ ตถาคโต. เอวํ ตถาย อาคโตติ ตถาคโต.
กถํ ตถาย คโตติ ตถาคโต? ยาย มหากรุณาย โลกนาโถ มหาทุกฺขสมฺพาธปฺปฏิปนฺนํ สตฺตนิกายํ ทิสฺวา ‘‘ตสฺส นตฺถฺโ โกจิ ปฏิสฺสรณํ, อหเมว นมิโต สํสารทุกฺขโต มุตฺโต โมเจสฺสามี’’ติ สมุสฺสาหิตมานโส มหาภินีหารมกาสิ. กตฺวา จ ยถาปณิธานํ สกลโลกหิตสมฺปาทนาย อุสฺสุกฺกมาปนฺโน อตฺตโน กายชีวิตนิรเปกฺโข ปเรสํ โสตปถาคมนมตฺเตนปิ จิตฺตุตฺราสสมุปฺปาทิกา อติทุกฺกรา ทุกฺกรจริยา สมาจรนฺโต ยถา มหาโพธิยา ปฏิปตฺติ หานภาคิยา สํกิเลสภาคิยา ิติภาคิยา วา น โหติ, อถ โข อุตฺตรุตฺตริ วิเสสภาคิยาว โหติ, ตถา ปฏิปชฺชมาโน อนุปุพฺเพน นิรวเสเส โพธิสมฺภาเร สมฺปาเทตฺวา อภิสมฺโพธึ ปาปุณิ. ตโต ปรฺจ ตาเยว มหากรุณาย สฺโจทิตมานโส ปวิเวกรตึ ปรมฺจ สนฺตํ วิโมกฺขสุขํ ปหาย พาลชนพหุเล โลเก เตหิ สมุปฺปาทิตํ สมฺมานาวมานวิปฺปการํ อคเณตฺวา วิเนยฺยชนสฺส วินยเนน นิรวเสสํ พุทฺธกิจฺจํ ¶ นิฏฺเปสิ. ตตฺถ โย ภควโต สตฺเตสุ มหากรุณาย สโมกฺกมนากาโร, โส ปรโต อาวิภวิสฺสติ. ยถา จ พุทฺธภูตสฺส ¶ โลกนาถสฺส สตฺเตสุ มหากรุณา, เอวํ โพธิสตฺตภูตสฺสปิ มหาภินีหารกาลาทีสูติ สพฺพตฺถ สพฺพทา จ เอกสทิสตาย ตถา อวิตถา อนฺถา, ตสฺมา ตีสุปิ อวตฺถาสุ สพฺพสตฺเตสุ สมานรสาย ตถาย มหากรุณาย สกลโลกหิตาย คโต ปฏิปนฺโนติ ตถาคโต. เอวํ ตถาย คโตติ ตถาคโต.
กถํ ตถานิ อาคโตติ ตถาคโต? ตถานิ นาม จตฺตาริ อริยมคฺคาณานิ. ตานิ หิ ¶ อิทํ ทุกฺขํ, อยํ ทุกฺขสมุทโย, อยํ ทุกฺขนิโรโธ, อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทาติ เอวํ สพฺพเยฺยธมฺมสงฺคาหกานํ ปวตฺตินิวตฺติตทุภยเหตุภูตานํ จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ ทุกฺขสฺส ปีฬนฏฺโ สงฺขตฏฺโ สนฺตาปฏฺโ วิปริณามฏฺโ, สมุทยสฺส อายูหนฏฺโ นิทานฏฺโ สํโยคฏฺโ ปลิโพธฏฺโ, นิโรธสฺส นิสฺสรณฏฺโ วิเวกฏฺโ อสงฺขตฏฺโ อมตฏฺโ, มคฺคสฺส นิยฺยานฏฺโ เหตฺวฏฺโ ทสฺสนฏฺโ อาธิปเตยฺยฏฺโติอาทีนํ ตพฺพิภาคานฺจ ยถาภูตสภาวาวโพธวิพนฺธกสฺส สํกิเลสปกฺขสฺส สมุจฺฉินฺทเนน ปฏิลทฺธาย ตตฺถ อสมฺโมหาภิสมยสงฺขาตาย อวิปรีตาการปฺปวตฺติยา ธมฺมานํ สภาวสรสลกฺขณสฺส อวิสํวาทนโต ตถานิ อวิตถานิ อนฺถานิ, ตานิ ภควา อนฺเนยฺโย สยเมว อาคโต อธิคโต, ตสฺมา ตถานิ อาคโตติ ตถาคโต.
ยถา จ มคฺคาณานิ, เอวํ ภควโต ตีสุ กาเลสุ อปฺปฏิหตาณานิ จตุปฏิสมฺภิทาาณานิ จตุเวสารชฺชาณานิ ปฺจคติปริจฺเฉทาณานิ ฉอสาธารณาณานิ สตฺตโพชฺฌงฺควิภาวนาณานิ อฏฺมคฺคงฺควิภาวนาณานิ นวานุปุพฺพวิหารสมาปตฺติาณานิ ทสพลาณานิ จ ตถภาเว เวทิตพฺพานิ.
ตตฺรายํ วิภาวนา – ยฺหิ กิฺจิ อปริมาณาสุ โลกธาตูสุ อปริมาณานํ สตฺตานํ หีนาทิเภทภินฺนาสุ อตีตาสุ ขนฺธายตนธาตูสุ สภาวกิจฺจาทิ ¶ อวตฺถาวิเสสาทิ ขนฺธปฺปฏิพทฺธนามโคตฺตาทิ จ ชานิตพฺพํ. อนินฺทฺริยพทฺเธสุ จ อติสุขุมติโรหิตวิทูรเทเสสุปิ รูปธมฺเมสุ โย ตํตํปจฺจยวิเสเสหิ สทฺธึ ปจฺจยุปฺปนฺนานํ วณฺณสณฺานคนฺธรสผสฺสาทิวิเสโส, ตตฺถ สพฺพตฺเถว หตฺถตเล ปิตอามลเก วิย ¶ ปจฺจกฺขโต อปฺปฏิหตํ ภควโต าณํ ปวตฺตติ, ตถา อนาคตาสุ ปจฺจุปฺปนฺนาสุ จาติ อิมานิ ตีสุ กาเลสุ อปฺปฏิหตาณานิ นาม. ยถาห –
‘‘อตีตํเส พุทฺธสฺส ภควโต อปฺปฏิหตํ าณํ, อนาคตํเส พุทฺธสฺส ภควโต อปฺปฏิหตํ าณํ, ปจฺจุปฺปนฺนํเส พุทฺธสฺส ภควโต อปฺปฏิหตํ าณ’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๓.๕).
ตานิ ปเนตานิ ตตฺถ ตตฺถ ธมฺมานํ สภาวสรสลกฺขณสฺส อวิสํวาทนโต ตถานิ อวิตถานิ อนฺถานิ, ตานิ ภควา สยมฺภูาเณน อธิคฺฉีติ. เอวมฺปิ ตถานิ อาคโตติ ตถาคโต.
ตถา ¶ อตฺถปฺปฏิสมฺภิทา ธมฺมปฺปฏิสมฺภิทา นิรุตฺติปฺปฏิสมฺภิทา ปฏิภานปฺปฏิสมฺภิทาติ จตสฺโส ปฏิสมฺภิทา. ตตฺถ อตฺถปฺปเภทสฺส สลฺลกฺขณวิภาวนววตฺถานกรณสมตฺถํ อตฺถปฺปเภทคตํ าณํ อตฺถปฺปฏิสมฺภิทา. ธมฺมปฺปเภทสฺส สลฺลกฺขณวิภาวนววตฺถานกรณสมตฺถํ ธมฺมปฺปเภทคตํ าณํ ธมฺมปฺปฏิสมฺภิทา. นิรุตฺติปฺปเภทสฺส สลฺลกฺขณวิภาวนววตฺถานกรณสมตฺถํ นิรุตฺตาภิลาเป ปเภทคตํ าณํ นิรุตฺติปฺปฏิสมฺภิทา. ปฏิภานปฺปเภทสฺส สลฺลกฺขณวิภาวนววตฺถานกรณสมตฺถํ ปฏิภานปฺปเภทคตํ าณํ ปฏิภานปฺปฏิสมฺภิทา. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘อตฺเถ าณํ อตฺถปฺปฏิสมฺภิทา, ธมฺเม าณํ ธมฺมปฺปฏิสมฺภิทา, ตตฺร ธมฺมนิรุตฺตาภิลาเป าณํ นิรุตฺติปฺปฏิสมฺภิทา, าเณสุ าณํ ปฏิภานปฺปฏิสมฺภิทา’’ติ (วิภ. ๗๑๘-๗๒๑).
เอตฺถ จ เหตุอนุสาเรน อรณียโต อธิคนฺตพฺพโต จ สงฺเขปโต เหตุผลํ อตฺโถ นาม. ปเภทโต ปน ยํ กิฺจิ ปจฺจยุปฺปนฺนํ, นิพฺพานํ ¶ , ภาสิตตฺโถ, วิปาโก, กิริยาติ อิเม ปฺจ ธมฺมา อตฺโถ. ตํ อตฺถํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส ตสฺมึ อตฺเถ ปเภทคตํ าณํ อตฺถปฺปฏิสมฺภิทา. ธมฺโมติ สงฺเขปโต ปจฺจโย. โส หิ ยสฺมา ตํ ตํ อตฺถํ วิทหติ ปวตฺเตติ เจว ปาเปติ จ, ตสฺมา ธมฺโมติ วุจฺจติ, ปเภทโต ปน โย โกจิ ผลนิพฺพตฺตนโก เหตุ อริยมคฺโค ภาสิตํ กุสลํ อกุสลนฺติ อิเม ปฺจ ธมฺมา ธมฺโม, ตํ ธมฺมํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส ตสฺมึ ธมฺเม ปเภทคตํ าณํ ธมฺมปฺปฏิสมฺภิทา. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘ทุกฺเข ¶ าณํ อตฺถปฺปฏิสมฺภิทา, ทุกฺขสมุทเย าณํ ธมฺมปฺปฏิสมฺภิทา, ทุกฺขนิโรเธ าณํ อตฺถปฺปฏิสมฺภิทา, ทุกฺขนิโรธคามินิยา ปฏิปทาย าณํ ธมฺมปฺปฏิสมฺภิทา’’ติ (วิภ. ๗๑๙).
อถ วา เหตุมฺหิ าณํ ธมฺมปฺปฏิสมฺภิทา, เหตุผเล าณํ อตฺถปฺปฏิสมฺภิทา. เย ธมฺมา ชาตา ภูตา สฺชาตา นิพฺพตฺตา อภินิพฺพตฺตา ปาตุภูตา, อิเมสุ ธมฺเมสุ าณํ อตฺถปฺปฏิสมฺภิทา. ยมฺหา ธมฺมา เต ธมฺมา ชาตา ภูตา สฺชาตา นิพฺพตฺตา อภินิพฺพตฺตา ปาตุภูตา, เตสุ ธมฺเมสุ าณํ ธมฺมปฺปฏิสมฺภิทา. ชรามรเณ าณํ อตฺถปฺปฏิสมฺภิทา, ชรามรณสมุทเย าณํ ธมฺมปฺปฏิสมฺภิทา. ชรามรณนิโรเธ าณํ อตฺถปฺปฏิสมฺภิทา, ชรามรณนิโรธคามินิยา ปฏิปทาย าณํ ธมฺมปฺปฏิสมฺภิทา. ชาติยา, ภเว, อุปาทาเน, ตณฺหาย, เวทนาย, ผสฺเส, สฬายตเน, นามรูเป, วิฺาเณ, สงฺขาเรสุ าณํ อตฺถปฺปฏิสมฺภิทา, สงฺขารสมุทเย ¶ าณํ ธมฺมปฺปฏิสมฺภิทา. สงฺขารนิโรเธ าณํ อตฺถปฺปฏิสมฺภิทา, สงฺขารนิโรธคามินิยา ปฏิปทาย าณํ ธมฺมปฺปฏิสมฺภิทา.
‘‘อิธ ภิกฺขุ ธมฺมํ ชานาติ สุตฺตํ เคยฺยํ…เป… เวทลฺลํ, อยํ วุจฺจติ ธมฺมปฺปฏิสมฺภิทา. โส ตสฺส ตสฺเสว ภาสิตสฺส อตฺถํ ชานาติ ‘อยํ อิมสฺส ภาสิตสฺส อตฺโถ, อยํ อิมสฺส ¶ ภาสิตสฺส อตฺโถ’ติ, อยํ วุจฺจติ อตฺถปฺปฏิสมฺภิทา.
‘‘กตเม ธมฺมา กุสลา? ยสฺมึ สมเย กามาวจรํ กุสลํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ โหติ โสมนสฺสสหคตํ าณสมฺปยุตฺตํ รูปารมฺมณํ วา…เป… ธมฺมารมฺมณํ วา ยํ ยํ วา ปนารพฺภ, ตสฺมึ สมเย ผสฺโส โหติ…เป… อวิกฺเขโป โหติ…เป… อิเม ธมฺมา กุสลา. อิเมสุ ธมฺเมสุ าณํ ธมฺมปฺปฏิสมฺภิทา, เตสํ วิปาเก าณํ อตฺถปฺปฏิสมฺภิทา’’ติอาทิ (วิภ. ๗๒๔-๗๒๕) วิตฺถาโร.
ยา ปเนตสฺมึ อตฺเถ จ ธมฺเม จ สภาวนิรุตฺติ อพฺยภิจารโวหาโร อภิลาโป, ตสฺมึ สภาวนิรุตฺตาภิลาเป มาคธิกาย สพฺพสตฺตานํ มูลภาสาย ‘‘อยํ สภาวนิรุตฺติ, อยํ อสภาวนิรุตฺตี’’ติ ปเภทคตํ าณํ นิรุตฺติปฺปฏิสมฺภิทา. ยถาวุตฺเตสุ เตสุ าเณสุ โคจรกิจฺจโต วิตฺถารโต ปวตฺตํ สพฺพมฺปิ ตํ าณํ อารมฺมณํ กตฺวา ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส ตสฺมึ าเณ ปเภทคตํ าณํ ปฏิภานปฺปฏิสมฺภิทา. อิติ อิมานิ จตฺตาริ ¶ ปฏิสมฺภิทาาณานิ สยเมว ภควตา อธิคตานิ อตฺถธมฺมาทิเก ตสฺมึ ตสฺมึ อตฺตโน วิสเย อวิสํวาทนวเสน อวิปรีตาการปฺปวตฺติยา ตถานิ อวิตถานิ อนฺถานิ. เอวมฺปิ ภควา ตถานิ อาคโตติ ตถาคโต.
ตถา ยํกิฺจิ เยฺยํ นาม, สพฺพํ ตํ ภควตา สพฺพากาเรน าตํ ทิฏฺํ อธิคตํ อภิสมฺพุทฺธํ. ตถา หิสฺส อภิฺเยฺยา ธมฺมา อภิฺเยฺยโต พุทฺธา, ปริฺเยฺยา ธมฺมา ปริฺเยฺยโต, ปหาตพฺพา ธมฺมา ปหาตพฺพโต, สจฺฉิกาตพฺพา ธมฺมา สจฺฉิกาตพฺพโต, ภาเวตพฺพา ธมฺมา ภาเวตพฺพโต, ยโต นํ โกจิ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา เทโว วา มาโร วา พฺรหฺมา วา ‘‘อิเม นาม เต ธมฺมา อนภิสมฺพุทฺธา’’ติ สห ธมฺเมน อนุยฺุชิตุํ สมตฺโถ นตฺถิ.
ยํกิฺจิ ปหาตพฺพํ นาม, สพฺพํ ตํ ภควโต อนวเสสโต โพธิมูเลเยว ปหีนํ อนุปฺปตฺติธมฺมํ ¶ , น ตสฺส ปหานาย อุตฺตริ กรณียํ อตฺถิ. ตถา หิสฺส โลภโทสโมหวิปรีตมนสิการอหิริกาโนตฺตปฺปถินมิทฺธโกธูปนาห- มกฺขปลาสอิสฺสามจฺฉริยมายาสาเยฺยถมฺภสารมฺภมานาติมานมทปฺปมาทติวิธา- กุสลมูลทุจฺจริตวิสมวิปรีตสฺา- ¶ มลวิตกฺกปปฺจเอสนาตณฺหาจตุพฺพิธวิปริเยสอาสวคนฺถ- โอฆโยคาคติตณฺหุปาทานปฺจาภินนฺทนนีวรณเจโตขิลเจตโสวินิพนฺธ- ฉวิวาทมูลสตฺตานุสยอฏฺมิจฺฉตฺตนวอาฆาตวตฺถุตณฺหา- มูลกทสอกุสลกมฺมปถเอกวีสติ อเนสนทฺวาสฏฺิทิฏฺิคตอฏฺสตตณฺหาวิจริตาทิปฺปเภทํ ทิยฑฺฒกิเลสสหสฺสํ สห วาสนาย ปหีนํ สมุจฺฉินฺนํ สมูหตํ, ยโต นํ โกจิ สมโณ วา…เป… พฺรหฺมา วา ‘‘อิเม นาม เต กิเลสา อปฺปหีนา’’ติ สห ธมฺเมน อนุยฺุชิตุํ สมตฺโถ นตฺถิ.
เย จิเม ภควตา กมฺมวิปากกิเลสูปวาทอาณาวีติกฺกมปฺปเภทา อนฺตรายิกา วุตฺตา, อลเมว เต ปฏิเสวโต เอกนฺเตน อนฺตรายาย. ยโต นํ โกจิ สมโณ วา…เป… พฺรหฺมา วา ‘‘นาลํ เต ปฏิเสวโต อนฺตรายายา’’ติ สห ธมฺเมน อนุยฺุชิตุํ สมตฺโถ นตฺถิ.
โย จ ภควตา นิรวเสสวฏฺฏทุกฺขนิสฺสรณาย สีลสมาธิปฺาย สงฺคโห สตฺตโกฏฺาสิโก สตฺตตึสปฺปเภโท อริยมคฺคปุพฺพงฺคโม อนุตฺตโร ¶ นิยฺยานิโก ธมฺโม เทสิโต, โส เอกนฺเตเนว นิยฺยาติ, ปฏิปนฺนสฺส วฏฺฏทุกฺขโต โมกฺขาย โหติ, ยโต นํ โกจิ สมโณ วา…เป… พฺรหฺมา วา ‘‘นิยฺยานิโก ธมฺโมติ ตยา เทสิโต น นิยฺยาตี’’ติ สห ธมฺเมน อนุยฺุชิตุํ สมตฺโถ นตฺถีติ. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส เต ปฏิชานโต อิเม ธมฺมา อนภิสมฺพุทฺธา’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๕๐) วิตฺถาโร. เอวเมตานิ อตฺตโน าณปฺปหานเทสนาวิเสสานํ อวิตถภาวาวโพธนโต ¶ อวิปรีตาการปฺปวตฺติตานิ ภควโต จตุเวสารชฺชาณานิ ตถานิ อวิตถานิ อนฺถานิ. เอวมฺปิ ภควา ตถานิ อาคโตติ ตถาคโต.
ตถา นิรยคติ, ติรจฺฉานคติ, เปตคติ, มนุสฺสคติ, เทวคตีติ ปฺจ คติโย, ตาสุ สฺชีวาทโย อฏฺ มหานิรยา, กุกฺกุฬาทโย โสฬส อุสฺสทนิรยา, โลกนฺตริกนิรโยติ สพฺเพปิเม เอกนฺตทุกฺขตาย นิรสฺสาทฏฺเน นิรยา, ยถากมฺมุนา คนฺตพฺพโต คติ จาติ นิรยคติ, ติพฺพนฺธการสีตนรกาปิ เอเตสฺเวว อนฺโตคธา. กิมิกีฏสรีสปปกฺขิโสณสิงฺคาลาทโย ติริยํ อฺฉิตภาเวน ติรจฺฉานา, เต เอว คตีติ ติรจฺฉานคติ. ขุปฺปิปาสิตตฺตา ปรทตฺตูปชีวินิชฺฌามตณฺหิกาทโย ทุกฺขพหุลตาย ปากฏสุขโต ¶ อิตา วิคตาติ เปตา, เต เอว คตีติ เปตคติ, กาลกฺจิกาทิอสุราปิ เอเตสฺเววนฺโตคธา. ปริตฺตทีปวาสีหิ สทฺธึ ชมฺพุทีปาทิจตุมหาทีปวาสิโน มนโส อุสฺสนฺนตาย มนุสฺสา, เต เอว คตีติ มนุสฺสคติ. จาตุมหาราชิกโต ปฏฺาย ยาว เนวสฺานาสฺายตนูปคาติ อิเม ฉพฺพีสติ เทวนิกายา ทิพฺพนฺติ อตฺตโน อิทฺธานุภาเวน กีฬนฺติ โชตนฺติ จาติ เทวา, เต เอว คตีติ เทวคติ.
ตา ปเนตา คติโย ยสฺมา ตํตํกมฺมนิพฺพตฺโต อุปปตฺติภววิเสโส, ตสฺมา อตฺถโต วิปากกฺขนฺธา กฏตฺตา จ รูปํ. ตตฺถ ‘‘อยํ นาม คติ อิมินา นาม กมฺมุนา ชายติ, ตสฺส จ กมฺมสฺส ปจฺจยวิเสเสหิ เอวํ วิภาคภินฺนตฺตา วิสุํ เอเต สตฺตนิกายา เอวํ วิภาคภินฺนา’’ติ ยถาสกํ เหตุผลวิภาคปริจฺฉินฺทนวเสน านโส เหตุโส ภควโต าณํ ปวตฺตติ. เตนาห ภควา –
‘‘ปฺจ ¶ โข อิมา, สาริปุตฺต, คติโย. กตมา ปฺจ? นิรโย, ติรจฺฉานโยนิ, เปตฺติวิสโย, มนุสฺสา, เทวา. นิรยฺจาหํ, สาริปุตฺต, ปชานามิ นิรยคามิฺจ มคฺคํ นิรยคามินิฺจ ปฏิปทํ, ยถา ปฏิปนฺโน จ กายสฺส เภทา ¶ ปรมฺมรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติ, ตฺจ ปชานามี’’ติอาทิ (ม. นิ. ๑.๑๕๓).
ตานิ ปเนตานิ ภควโต าณานิ ตสฺมึ ตสฺมึ วิสเย อวิปรีตาการปฺปวตฺติยา อวิสํวาทนโต ตถานิ อวิตถานิ อนฺถานิ. เอวมฺปิ ภควา ตถานิ อาคโตติ ตถาคโต.
ตถา ยํ สตฺตานํ สทฺธาทิโยควิกลาวิกลภาวาวโพธเนน อปฺปรชกฺขมหารชกฺขตาทิวิเสสวิภาวนํ ปฺาสาย อากาเรหิ ปวตฺตํ ภควโต อินฺทฺริยปโรปริยตฺตาณํ. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘สทฺโธ ปุคฺคโล อปฺปรชกฺโข, อสฺสทฺโธ ปุคฺคโล มหารชกฺโข’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๑) วิตฺถาโร.
ยฺจ ‘‘อยํ ปุคฺคโล อปฺปรชกฺโข, อยํ สสฺสตทิฏฺิโก, อยํ อุจฺเฉททิฏฺิโก, อยํ อนุโลมิกายํ ขนฺติยํ ิโต, อยํ ยถาภูตาเณ ิโต, อยํ กามาสโย, น เนกฺขมฺมาทิอาสโย, อยํ เนกฺขมฺมาสโย, น กามาทิอาสโย’’ติอาทินา ‘‘อิมสฺส กามราโค อติวิย ¶ ถามคโต, น ปฏิฆาทิโก, อิมสฺส ปฏิโฆ อติวิย ถามคโต, น กามราคาทิโก’’ติอาทินา ‘‘อิมสฺส ปฺุาภิสงฺขาโร อธิโก, น อปฺุาภิสงฺขาโร น อาเนฺชาภิสงฺขาโร, อิมสฺส อปฺุาภิสงฺขาโร อธิโก, น ปฺุาภิสงฺขาโร น อาเนฺชาภิสงฺขาโร, อิมสฺส อาเนฺชาภิสงฺขาโร อธิโก, น ปฺุาภิสงฺขาโร น อปฺุาภิสงฺขาโร. อิมสฺส กายสุจริตํ อธิกํ, อิมสฺส วจีสุจริตํ, อิมสฺส มโนสุจริตํ, อยํ หีนาธิมุตฺติโก, อยํ ปณีตาธิมุตฺติโก, อยํ กมฺมาวรเณน สมนฺนาคโต, อยํ กิเลสาวรเณน สมนฺนาคโต, อยํ วิปากาวรเณน สมนฺนาคโต, อยํ น กมฺมาวรเณน สมนฺนาคโต, น กิเลสาวรเณน สมนฺนาคโต, น วิปากาวรเณน สมนฺนาคโต’’ติอาทินา จ สตฺตานํ อาสยาทีนํ ยถาภูตํ วิภาวนาการปฺปวตฺตํ ภควโต อาสยานุสยาณํ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –
‘‘อิธ ¶ ตถาคโต สตฺตานํ อาสยํ ชานาติ, อนุสยํ ชานาติ, จริตํ ชานาติ, อธิมุตฺตึ ชานาติ, ภพฺพาภพฺเพ สตฺเต ชานาตี’’ติอาทิ (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๓).
ยฺจ อุปริมเหฏฺิมปุริมปจฺฉิมกาเยหิ ทกฺขิณวามอกฺขิกณฺณโสตนาสิกโสตอํสกูฏหตฺถปาเทหิ องฺคุลิองฺคุลนฺตเรหิ โลมกูเปหิ จ อคฺคิกฺขนฺธูทกธาราปวตฺตนํ อนฺสาธารณํ วิวิธวิกุพฺพนิทฺธินิมฺมาปนกํ ¶ ภควโต ยมกปาฏิหาริยาณํ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –
‘‘อิธ ตถาคโต ยมกปาฏิหาริยํ กโรติ อสาธารณํ สาวเกหิ, อุปริมกายโต อคฺคิกฺขนฺโธ ปวตฺตติ, เหฏฺิมกายโต อุทกธารา ปวตฺตติ. เหฏฺิมกายโต อคฺคิกฺขนฺโธ ปวตฺตติ, อุปริมกายโต อุทกธารา ปวตฺตตี’’ติอาทิ (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๖).
ยฺจ ราคาทีหิ ชาติอาทีหิ จ อเนเกหิ ทุกฺขธมฺเมหิ อุปทฺทุตํ สตฺตนิกายํ ตโต นีหริตุกามตาวเสน นานานเยหิ ปวตฺตสฺส ภควโต มหากรุโณกฺกมนสฺส ปจฺจยภูตํ มหากรุณาสมาปตฺติาณํ. ยถาห (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๗-๑๑๘) –
‘‘กตมํ ตถาคตสฺส มหากรุณาสมาปตฺติยา าณํ? พหุเกหิ อากาเรหิ ปสฺสนฺตานํ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ สตฺเตสุ มหากรุณา โอกฺกมติ, อาทิตฺโต โลกสนฺนิวาโสติ ปสฺสนฺตานํ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ สตฺเตสุ มหากรุณา โอกฺกมติ. อุยฺยุตฺโต, ปยาโต, กุมฺมคฺคปฺปฏิปนฺโน, อุปนียติ โลโก อทฺธุโว, อตาโณ โลโก อนภิสฺสโร ¶ , อสฺสโก โลโก, สพฺพํ ปหาย คมนียํ, อูโน โลโก อติตฺโต ตณฺหาทาโสติ ปสฺสนฺตานํ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ สตฺเตสุ มหากรุณา โอกฺกมติ.
‘‘อตายโน โลกสนฺนิวาโส, อเลโณ, อสรโณ, อสรณีภูโต. อุทฺธโต โลโก อวูปสนฺโต, สสลฺโล โลกสนฺนิวาโส วิทฺโธ ปุถุสลฺเลหิ, อวิชฺชนฺธการาวรโณ ¶ กิเลสปฺชรปกฺขิตฺโต, อวิชฺชาคโต โลกสนฺนิวาโส อณฺฑภูโต ปริโยนทฺโธ ตนฺตากุลกชาโต กุลคุณฺฑิกชาโต มฺุชปพฺพชภูโต อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ สํสารํ นาติวตฺตติ, อวิชฺชาวิสโทสสํลิตฺโต, กิเลสกลลีภูโต, ราคโทสโมหชฏาชฏิโต.
‘‘ตณฺหาสงฺฆาฏปฏิมุกฺโก, ตณฺหาชาเลน โอตฺถโฏ, ตณฺหาโสเตน วุยฺหติ, ตณฺหาสฺโชเนน สํยุตฺโต, ตณฺหานุสเยน ¶ อนุสโฏ, ตณฺหาสนฺตาเปน สนฺตปฺปติ, ตณฺหาปริฬาเหน ปริฑยฺหติ.
‘‘ทิฏฺิสงฺฆาฏปฏิมุกฺโก, ทิฏฺิชาเลน โอตฺถโฏ, ทิฏฺิโสเตน วุยฺหติ, ทิฏฺิสฺโชเนน สํยุตฺโต, ทิฏฺานุสเยน อนุสโฏ, ทิฏฺิสนฺตาเปน สนฺตปฺปติ, ทิฏฺิปริฬาเหน ปริฑยฺหติ.
‘‘ชาติยา อนุคโต, ชราย อนุสโฏ, พฺยาธินา อภิภูโต, มรเณน อพฺภาหโต, ทุกฺเข ปติฏฺิโต.
‘‘ตณฺหาย อุฑฺฑิโต, ชราปาการปริกฺขิตฺโต, มจฺจุปาเสน ปริกฺขิตฺโต, มหาพนฺธนพทฺโธ, ราคพนฺธเนน โทสโมหมานทิฏฺิกิเลสทุจฺจริตพนฺธเนน พทฺโธ, มหาสมฺพาธปฺปฏิปนฺโน, มหาปลิโพเธน ปลิพุทฺโธ, มหาปปาเต ปติโต, มหากนฺตารปฺปฏิปนฺโน, มหาสํสารปฺปฏิปนฺโน, มหาวิทุคฺเค สมฺปริวตฺตติ, มหาปลิเป ปลิปนฺโน.
‘‘อพฺภาหโต โลกสนฺนิวาโส, อาทิตฺโต โลกสนฺนิวาโส ราคคฺคินา โทสคฺคินา โมหคฺคินา ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุกฺเขหิ โทมนสฺเสหิ อุปายาเสหิ, อุนฺนีตโก โลกสนฺนิวาโส หฺติ นิจฺจมตาโณ ปตฺตทณฺโฑ ตกฺกโร, วชฺชพนฺธนพทฺโธ ¶ อาฆาตนปจฺจุปฏฺิโต, อนาโถ โลกสนฺนิวาโส ปรมการฺุปฺปตฺโต, ทุกฺขาภิตุนฺโน จิรรตฺตํ ปีฬิโต, คธิโต นิจฺจํ ปิปาสิโต.
‘‘อนฺโธ ¶ อจกฺขุโก, หตเนตฺโต อปริณายโก, วิปถปกฺขนฺโท อฺชสาปรทฺโธ, มโหฆปกฺขนฺโท.
‘‘ทฺวีหิ ทิฏฺิคเตหิ ปริยุฏฺิโต, ตีหิ ทุจฺจริเตหิ วิปฺปฏิปนฺโน, จตูหิ โยเคหิ โยชิโต, จตูหิ คนฺเถหิ คนฺถิโต, จตูหิ อุปาทาเนหิ อุปาทิยติ, ปฺจคติสมารุฬฺโห, ปฺจหิ กามคุเณหิ รชฺชติ, ปฺจหิ นีวรเณหิ โอตฺถโฏ, ฉหิ ¶ วิวาทมูเลหิ วิวทติ, ฉหิ ตณฺหากาเยหิ รชฺชติ, ฉหิ ทิฏฺิคเตหิ ปริยุฏฺิโต, สตฺตหิ อนุสเยหิ อนุสโฏ, สตฺตหิ สฺโชเนหิ สํยุตฺโต, สตฺตหิ มาเนหิ อุนฺนโต, อฏฺหิ โลกธมฺเมหิ สมฺปริวตฺตติ, อฏฺหิ มิจฺฉตฺเตหิ นิยฺยาโต, อฏฺหิ ปุริสโทเสหิ ทุสฺสติ, นวหิ อาฆาตวตฺถูหิ อาฆาติโต, นววิธมาเนหิ อุนฺนโต, นวหิ ตณฺหามูลเกหิ ธมฺเมหิ รชฺชติ, ทสหิ กิเลสวตฺถูหิ กิลิสฺสติ, ทสหิ อาฆาตวตฺถูหิ อาฆาติโต, ทสหิ อกุสลกมฺมปเถหิ สมนฺนาคโต, ทสหิ สํโยชเนหิ สํยุตฺโต, ทสหิ มิจฺฉตฺเตหิ นิยฺยาโต, ทสวตฺถุกาย มิจฺฉาทิฏฺิยา สมนฺนาคโต, ทสวตฺถุกาย อนฺตคฺคาหิกาย ทิฏฺิยา สมนฺนาคโต, อฏฺสตตณฺหาปปฺเจหิ ปปฺจิโต, ทฺวาสฏฺิยา ทิฏฺิคเตหิ ปริยุฏฺิโต, โลกสนฺนิวาโสติ ปสฺสนฺตานํ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ สตฺเตสุ มหากรุณา โอกฺกมติ.
‘‘อหฺจมฺหิ ติณฺโณ, โลโก จ อติณฺโณ. อหฺจมฺหิ มุตฺโต, โลโก จ อมุตฺโต. อหฺจมฺหิ ทนฺโต, โลโก จ อทนฺโต. อหฺจมฺหิ สนฺโต, โลโก จ อสนฺโต. อหฺจมฺหิ อสฺสตฺโถ, โลโก จ อนสฺสตฺโถ. อหฺจมฺหิ ปรินิพฺพุโต, โลโก จ อปรินิพฺพุโต. ปโหมิ ขฺวาหํ ติณฺโณ ตาเรตุํ, มุตฺโต โมเจตุํ, ทนฺโต ทเมตุํ, สนฺโต สเมตุํ, อสฺสตฺโถ อสฺสาเสตุํ, ปรินิพฺพุโต ปรินิพฺพาเปตุนฺติ ปสฺสนฺตานํ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ สตฺเตสุ มหากรุณา โอกฺกมตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๗-๑๑๘).
เอวํ ¶ เอกูนนวุติยา อากาเรหิ วิภชนํ กตํ.
ยํ ปน ยาวตา ธมฺมธาตุยา ยตฺตกํ าตพฺพํ สงฺขตาสงฺขตาทิกสฺส สพฺพสฺส ปโรปเทสนิรเปกฺขํ ¶ สพฺพากาเรน ปฏิวิชฺฌนสมตฺถํ อากงฺขมตฺตปฺปฏิพทฺธวุตฺติอนฺสาธารณํ ภควโต าณํ สพฺพถา อนวเสสสงฺขตาสงฺขตสมฺมุติสจฺจาวโพธโต สพฺพฺุตฺาณํ ตตฺถาวรณาภาวโต นิสฺสงฺคปฺปวตฺติมุปาทาย อนาวรณาณนฺติ วุจฺจติ. เอกเมว หิ ตํ าณํ วิสยปฺปวตฺติมุเขน อฺเหิ อสาธารณภาวทสฺสนตฺถํ ¶ ทุวิเธน อุทฺทิฏฺํ. อฺถา สพฺพฺุตานาวรณาณานํ สาธารณตา สพฺพวิสยตา อาปชฺเชยฺยุํ, น จ ตํ ยุตฺตํ กิฺจาปิ อิมาย ยุตฺติยา. อยฺเหตฺถ ปาฬิ –
‘‘สพฺพํ สงฺขตมสงฺขตํ อนวเสสํ ชานาตีติ สพฺพฺุตฺาณํ, ตตฺถ อาวรณํ นตฺถีติ อนาวรณาณํ. อตีตํ สพฺพํ ชานาตีติ สพฺพฺุตฺาณํ, ตตฺถ อาวรณํ นตฺถีติ อนาวรณาณํ. อนาคตํ สพฺพํ ชานาตีติ สพฺพฺุตฺาณํ, ตตฺถ อาวรณํ นตฺถีติ อนาวรณาณํ. ปจฺจุปฺปนฺนํ สพฺพํ ชานาตีติ สพฺพฺุตฺาณํ, ตตฺถ อาวรณํ นตฺถีติ อนาวรณาณ’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๙-๑๒๐) วิตฺถาโร.
เอวเมตานิ ภควโต ฉอสาธารณาณานิ อวิปรีตาการปฺปวตฺติยา ยถาสกวิสยสฺส อวิสํวาทนโต ตถานิ อวิตถานิ อนฺถานิ. เอวมฺปิ ภควา ตถานิ อาคโตติ ตถาคโต.
ตถา –
‘‘สตฺติเม, ภิกฺขเว, โพชฺฌงฺคา – สติสมฺโพชฺฌงฺโค, ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺโค, วีริยสมฺโพชฺฌงฺโค, ปีติสมฺโพชฺฌงฺโค, ปสฺสทฺธิสมฺโพชฺฌงฺโค, สมาธิสมฺโพชฺฌงฺโค, อุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺโค’’ติ (ปฏิ. ม. ๒.๑๗; สํ. นิ. ๕.๑๘๕) เอวํ สรูปโต, ‘‘ยายํ โลกุตฺตรมคฺคกฺขเณ อุปฺปชฺชมานา ลีนุทฺธจฺจปติฏฺานายูหนกามสุขลฺลิกตฺตกิลมถานุโยคอุจฺเฉทสสฺสตาภินิเวสาทีนํ อเนเกสํ อุปทฺทวานํ ปฏิปกฺขภูตา สติอาทิเภทา ธมฺมสามคฺคี, ยาย อริยสาวโก พุชฺฌติ กิเลสนิทฺทาย อุฏฺหติ, จตฺตาริ วา อริยสจฺจานิ ปฏิวิชฺฌติ, นิพฺพานเมว วา สจฺฉิกโรตีติ, สา ธมฺมสามคฺคี โพธีติ วุจฺจติ. ตสฺสา ‘โพธิยา องฺคาติ โพชฺฌงฺคา, อริยสาวโก วา ยถาวุตฺตาย ธมฺมสามคฺคิยา พุชฺฌตีติ ¶ กตฺวา โพธีติ วุจฺจติ, ตสฺส โพธิสฺส องฺคาติปิ โพชฺฌงฺคา’’ติ เอวํ สามฺลกฺขณโต. ‘‘อุปฏฺานลกฺขโณ สติสมฺโพชฺฌงฺโค, ปวิจยลกฺขโณ ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺโค, ปคฺคหลกฺขโณ วีริยสมฺโพชฺฌงฺโค, ผรณลกฺขโณ ปีติสมฺโพชฺฌงฺโค, อุปสมลกฺขโณ ¶ ปสฺสทฺธิสมฺโพชฺฌงฺโค, อวิกฺเขปลกฺขโณ สมาธิสมฺโพชฺฌงฺโค, ปฏิสงฺขานลกฺขโณ อุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺโค’’ติ เอวํ วิเสสลกฺขณโต.
‘‘ตตฺถ กตโม สติสมฺโพชฺฌงฺโค? อิธ, ภิกฺขุ ¶ , สติมา โหติ ปรเมน สติเนปกฺเกน สมนฺนาคโต, จิรกตมฺปิ จิรภาสิตมฺปิ สริตา โหติ อนุสฺสริตา’’ติอาทินา (วิภ. ๔๖๗) สตฺตนฺนํ โพชฺฌงฺคานํ อฺมฺโปการวเสน เอกกฺขเณ ปวตฺติทสฺสนโต, ‘‘ตตฺถ กตโม สติสมฺโพชฺฌงฺโค? อตฺถิ อชฺฌตฺตํ, ภิกฺขเว, ธมฺเมสุ สติ, อตฺถิ พหิทฺธา ธมฺเมสุ สตี’’ติอาทินา เตสํ วิสยวิภาเคน ปวตฺติทสฺสนโต. ‘‘ตตฺถ กตโม สติสมฺโพชฺฌงฺโค? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สติสมฺโพชฺฌงฺคํ ภาเวติ วิเวกนิสฺสิตํ วิราคนิสฺสิตํ นิโรธนิสฺสิตํ โวสฺสคฺคปริณามิ’’นฺติอาทินา (วิภ. ๔๗๑) ภาวนาวิธิทสฺสนโต. ‘‘ตตฺถ กตเม สตฺต โพชฺฌงฺคา? อิธ ภิกฺขุ ยสฺมึ สมเย โลกุตฺตรํ ฌานํ ภาเวติ…เป… ตสฺมึ สมเย สตฺต โพชฺฌงฺคา โหนฺติ สติสมฺโพชฺฌงฺโค…เป… อุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺโค. ตตฺถ กตโม สติสมฺโพชฺฌงฺโค? ยา สติ…เป… อนุสฺสตี’’ติอาทินา (วิภ. ๔๗๘-๔๗๙) ฉนฺนวุติยา นยสหสฺสวิภาเคหีติ เอวํ นานาการโต ปวตฺตานิ ภควโต สมฺโพชฺฌงฺควิภาวนาณานิ ตสฺส ตสฺส อตฺถสฺส อวิสํวาทนโต ตถานิ อวิตถานิ อนฺถานิ. เอวมฺปิ ภควา ตถานิ อาคโตติ ตถาคโต.
ตถา –
‘‘ตตฺถ กตมํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา อริยสจฺจํ? อยเมว อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค. เสยฺยถิทํ, สมฺมาทิฏฺิ…เป… สมฺมาสมาธี’’ติ (วิภ. ๒๐๕) เอวํ สรูปโต. สพฺพกิเลเสหิ อารกตฺตา อริยภาวกรตฺตา อริยผลปฺปฏิลาภกรตฺตา จ อริโย, อฏฺวิธตฺตา นิพฺพานาธิคมาย เอกนฺตการณตฺตา จ อฏฺงฺคิโก. กิเลเส มาเรนฺโต คจฺฉติ, นิพฺพานตฺถิเกหิ มคฺคียติ, สยํ วา นิพฺพานํ มคฺคตีติ มคฺโคติ เอวํ สามฺลกฺขณโต. ‘‘สมฺมา ทสฺสนลกฺขณา สมฺมาทิฏฺิ, สมฺมา อภินิโรปนลกฺขโณ สมฺมาสงฺกปฺโป, สมฺมา ปริคฺคหณลกฺขณา สมฺมาวาจา, สมฺมา สมุฏฺานลกฺขโณ ¶ สมฺมากมฺมนฺโต, สมฺมา โวทานลกฺขโณ สมฺมาอาชีโว, สมฺมา ปคฺคหลกฺขโณ สมฺมาวายาโม, สมฺมา อุปฏฺานลกฺขณา สมฺมาสติ, สมฺมา อวิกฺเขปลกฺขโณ สมฺมาสมาธี’’ติ เอวํ วิเสสลกฺขณโต ¶ . สมฺมาทิฏฺิ อฺเหิปิ อตฺตโน ปจฺจนีกกิเลเสหิ สทฺธึ มิจฺฉาทิฏฺึ ปชหติ, นิพฺพานํ อารมฺมณํ กโรติ, ตปฺปฏิจฺฉาทกโมหวิธมเนน อสมฺโมหโต สมฺปยุตฺตธมฺเม จ ปสฺสติ. ตถา สมฺมาสงฺกปฺปาทโยปิ มิจฺฉาสงฺกปฺปาทีนิ ¶ ปชหนฺติ, นิพฺพานฺจ อารมฺมณํ กโรนฺติ, สหชาตธมฺมานํ สมฺมาอภินิโรปนปริคฺคหณสมุฏฺานโวทานปคฺคหอุปฏฺานสมาทหนานิ จ กโรนฺตีติ เอวํ กิจฺจวิภาคโต. สมฺมาทิฏฺิ ปุพฺพภาเค นานกฺขณา วิสุํ วิสุํ ทุกฺขาทิอารมฺมณา หุตฺวา มคฺคกาเล เอกกฺขณา นิพฺพานเมว อารมฺมณํ กตฺวา กิจฺจโต ‘‘ทุกฺเข าณ’’นฺติอาทีนิ จตฺตาริ นามานิ ลภติ, สมฺมาสงฺกปฺปาทโยปิ ปุพฺพภาเค นานกฺขณา นานารมฺมณา มคฺคกาเล เอกกฺขณา เอการมฺมณา.
เตสุ สมฺมาสงฺกปฺโป กิจฺจโต เนกฺขมฺมสงฺกปฺโปติอาทีนิ ตีณิ นามานิ ลภติ, สมฺมาวาจาทโย ตโย ปุพฺพภาเค มุสาวาทาเวรมณีติอาทิวิภาคา วิรติโยปิ เจตนาโยปิ หุตฺวา มคฺคกฺขเณ วิรติโยว, สมฺมาวายามสติโย กิจฺจโต สมฺมปฺปธานสติปฏฺานวเสน จตฺตาริ นามานิ ลภนฺติ. สมฺมาสมาธิ ปน มคฺคกฺขเณปิ ปมชฺฌานาทิวเสน นานา เอวาติ เอวํ ปุพฺพภาคปรภาเคสุ ปวตฺติวิภาคโต, ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สมฺมาทิฏฺึ ภาเวติ วิเวกนิสฺสิต’’นฺติอาทินา (วิภ. ๔๘๙) ภาวนาวิธิโต, ‘‘ตตฺถ กตโม อฏฺงฺคิโก มคฺโค? อิธ, ภิกฺขุ, ยสฺมึ สมเย โลกุตฺตรํ ฌานํ ภาเวติ…เป… ทุกฺขาปฏิปทํ ทนฺธาภิฺํ, ตสฺมึ สมเย อฏฺงฺคิโก มคฺโค โหติ สมฺมาทิฏฺิ สมฺมาสงฺกปฺโป’’ติอาทินา (วิภ. ๔๙๙) จตุราสีติยา นยสหสฺสวิภาเคหีติ เอวํ อเนกาการโต ปวตฺตานิ ภควโต อริยมคฺควิภาวนาณานิ อตฺถสฺส อวิสํวาทนโต สพฺพานิปิ ตถานิ อวิตถานิ อนฺถานิ. เอวมฺปิ ภควา ตถานิ อาคโตติ ตถาคโต.
ตถา ปมชฺฌานสมาปตฺติ ยา จ นิโรธสมาปตฺตีติ เอตาสุ อนุปฏิปาฏิยา วิหริตพฺพฏฺเน สมาปชฺชิตพฺพฏฺเน จ อนุปุพฺพวิหารสมาปตฺตีสุ สมฺปาทนปจฺจเวกฺขณาทิวเสน ยถารหํ สมฺปโยควเสน จ ปวตฺตานิ ภควโต าณานิ ตทตฺถสิทฺธิยา ตถานิ อวิตถานิ อนฺถานิ ¶ . ตถา ¶ ‘‘อิทํ อิมสฺส านํ, อิทํ อฏฺาน’’นฺติ อวิปรีตํ ตสฺส ตสฺส ผลสฺส การณาการณชานนํ, เตสํ เตสํ สตฺตานํ อตีตาทิเภทภินฺนสฺส กมฺมสมาทานสฺส อนวเสสโต ยถาภูตํ วิปากนฺตรชานนํ, อายูหนกฺขเณเยว ตสฺส ตสฺส สตฺตสฺส ‘‘อยํ นิรยคามินี ปฏิปทา…เป… อยํ นิพฺพานคามินี ปฏิปทา’’ติ ยาถาวโต สาสวานาสวกมฺมวิภาคชานนํ, ๐.ขนฺธายตนาทีนํ อุปาทินฺนานุปาทินฺนาทิอเนกสภาวํ นานาสภาวฺจ ตสฺส โลกสฺส ‘‘อิมาย นาม ธาตุยา อุสฺสนฺนตฺตา อิมสฺมึ ธมฺมปฺปพนฺเธ อยํ วิเสโส ชายตี’’ติอาทินา นเยน ยถาภูตํ ธาตุนานตฺตชานนํ, อนวเสสโต สตฺตานํ หีนาทิอชฺฌาสยาธิมุตฺติชานนํ, สทฺธาทิอินฺทฺริยานํ ติกฺขมุทุตาชานนํ, สํกิเลสาทีหิ สทฺธึ ฌานวิโมกฺขาทิวิเสสชานนํ ¶ , สตฺตานํ อปริมาณาสุ ชาตีสุ ตปฺปฏิพนฺเธน สทฺธึ อนวเสสโต ปุพฺเพนิวุตฺถกฺขนฺธสนฺตติชานนํ, หีนาทิวิภาเคหิ สทฺธึ จุติปฏิสนฺธิชานนํ, ‘‘อิทํ ทุกฺข’’นฺติอาทินา เหฏฺา วุตฺตนเยเนว จตุสจฺจชานนนฺติ อิมานิ ภควโต ทสพลาณานิ อวิรชฺฌิตฺวา ยถาสกํ วิสยาวคาหนโต ยถาธิปฺเปตตฺถสาธนโต จ ยถาภูตวุตฺติยา ตถานิ อวิตถานิ อนฺถานิ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘อิธ ตถาคโต านฺจ านโต อฏฺานฺจ อฏฺานโต ยถาภูตํ ปชานาตี’’ติอาทิ (วิภ. ๘๐๙; อ. นิ. ๑๐.๒๑).
เอวมฺปิ ภควา ตถานิ อาคโตติ ตถาคโต.
ยถา เจเตสํ าณานํ วเสน, เอวํ ยถาวุตฺตานํ สติปฏฺานสมฺมปฺปธานวิภาวนาณาทีนํ อนนฺตาปริเมยฺยเภทานํ อนฺสาธารณานํ ปฺาวิเสสานํ วเสน ภควา ตถานิ าณานิ อาคโต อธิคโตติ ตถาคโต. เอวมฺปิ ตถานิ อาคโตติ ตถาคโต.
กถํ ตถา คโตติ ตถาคโต? ยา สา ภควโต อภิชาติ อภิสมฺโพธิ ธมฺมวินยปฺาปนา อนุปาทิเสสนิพฺพานธาตุ, สา ตถา. กึ วุตฺตํ โหติ? ยทตฺถํ โลกนาเถน อภิสมฺโพธิ ปตฺถิตา ปวตฺติตา จ, ตทตฺถสฺส เอกนฺตสิทฺธิยา อวิสํวาทนโต อวิปรีตตฺถวุตฺติยา ตถา อวิตถา อนฺถา. ตถา หิ อยํ ภควา โพธิสตฺตภูโต สมตึสปารมิปริปูรณาทิกํ ¶ วุตฺตปฺปเภทํ สพฺพํ พุทฺธตฺตเหตุํ สมฺปาเทตฺวา ¶ ตุสิตปุเร ิโตว พุทฺธโกลาหลํ สุตฺวา ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตาหิ เอกโต สนฺนิปติตาหิ อุปสงฺกมิตฺวา –
‘‘กาโล เทว มหาวีร, อุปฺปชฺช มาตุกุจฺฉิยํ;
สเทวกํ ตารยนฺโต, พุชฺฌสฺสุ อมตํ ปท’’นฺติ. (พุ. วํ. ๑.๖๗) –
อายาจิโต อุปฺปนฺนปุพฺพนิมิตฺโต ปฺจ มหาวิโลกนานิ วิโลเกตฺวา ‘‘อิทานาหํ มนุสฺสโยนิยํ อุปฺปชฺชิตฺวา อภิสมฺพุชฺฌิสฺสามี’’ติ อาสาฬฺหิปุณฺณมาย สกฺยราชกุเล มหามายาย เทวิยา กุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา ทส มาเส เทวมนุสฺเสหิ มหตา ปริหาเรน ปริหริยมาโน วิสาขปุณฺณมาย ปจฺจูสสมเย อภิชาตึ ปาปุณิ.
อภิชาติกฺขเณ ¶ ปนสฺส ปฏิสนฺธิคฺคหณกฺขเณ วิย ทฺวตฺตึสปุพฺพนิมิตฺตานิ ปาตุรเหสุํ. อยฺหิ ทสสหสฺสี โลกธาตุ กมฺปิ สงฺกมฺปิ สมฺปกมฺปิ สมฺปเวธิ, ทสสุ จกฺกวาฬสหสฺเสสุ อปฺปมาโณ โอภาโส ผริ, ตสฺส ตํ สิรึ ทฏฺุกามา วิย ชจฺจนฺธา จกฺขูนิ ปฏิลภึสุ, พธิรา สทฺทํ สุณึสุ. มูคา สมาลปึสุ, ขุชฺชา อุชุคตฺตา อเหสุํ, ปงฺคุลา ปทสา คมนํ ปฏิลภึสุ, พนฺธนคตา สพฺพสตฺตา อนฺทุพนฺธนาทีหิ มุจฺจึสุ, สพฺพนิรเยสุ อคฺคิ นิพฺพายิ, เปตฺติวิสเย ขุปฺปิปาสา วูปสมิ, ติรจฺฉานานํ ภยํ นาโหสิ, สพฺพสตฺตานํ โรโค วูปสมิ, สพฺพสตฺตา ปิยํวทา อเหสุํ, มธุเรนากาเรน อสฺสา หสึสุ, วารณา คชฺชึสุ, สพฺพตูริยานิ สกํ สกํ นินฺนาทํ มฺุจึสุ, อฆฏฺฏิตานิ เอว มนุสฺสานํ หตฺถูปคาทีนิ อาภรณานิ มธุเรนากาเรน รวึสุ, สพฺพทิสา วิปฺปสนฺนา อเหสุํ, สตฺตานํ สุขํ อุปฺปาทยมาโน มุทุสีตลวาโต วายิ, อกาลเมโฆ วสฺสิ, ปถวิโตปิ อุทกํ อุพฺภิชฺชิตฺวา วิสฺสนฺทิ, ปกฺขิโน อากาสคมนํ วิชหึสุ, นทิโย อสนฺทมานา อฏฺํสุ, มหาสมุทฺเท มธุรํ อุทกํ อโหสิ, อุปกฺกิเลสวิมุตฺเต สูริเย ทิสฺสมาเน เอว อากาสคตา สพฺพา โชติโย ชลึสุ ¶ , เปตฺวา อรูปาวจเร เทเว อวเสสา สพฺเพ เทวา สพฺเพปิ เนรยิกา ทิสฺสมานรูปา อเหสุํ, ตรุกุฏฺฏกวาฏเสลาทโย อนาวรณภูตา อเหสุํ, สตฺตานํ จุตูปปาตา นาเหสุํ, สพฺพํ อนิฏฺคนฺธํ อภิภวิตฺวา ทิพฺพคนฺโธ วายิ, สพฺเพ ผลูปคา รุกฺขา ผลธรา สมฺปชฺชึสุ, มหาสมุทฺโท ¶ สพฺพตฺถกเมว ปฺจวณฺเณหิ ปทุเมหิ สฺฉนฺนตโล อโหสิ, ถลชชลชาทีนิ สพฺพปุปฺผานิ ปุปฺผึสุ, รุกฺขานํ ขนฺเธสุ ขนฺธปทุมานิ, สาขาสุ สาขปทุมานิ, ลตาสุ ลตาปทุมานิ ปุปฺผึสุ, มหีตเล สิลาตลานิ ภินฺทิตฺวา อุปรูปริ สตฺต สตฺต หุตฺวา ทณฺฑปทุมานิ นาม นิกฺขมึสุ, อากาเส โอลมฺพกปทุมานิ นิพฺพตฺตึสุ, สมนฺตโต ปุปฺผวสฺสํ วสฺสิ, อากาเส ทิพฺพตูริยานิ วชฺชึสุ, สกลทสสหสฺสี โลกธาตุ วฏฺเฏตฺวา วิสฺสฏฺมาลาคุฬํ วิย อุปฺปีเฬตฺวา พทฺธมาลากลาโป วิย อลงฺกตปฺปฏิยตฺตํ มาลาสนํ วิย จ เอกมาลามาลินี วิปฺผุรนฺตวาฬพีชนี ปุปฺผธูปคนฺธปริวาสิตา ปรมโสภคฺคปฺปตฺตา อโหสิ, ตานิ จ ปุพฺพนิมิตฺตานิ อุปริ อธิคตานํ อเนเกสํ วิเสสาธิคมานํ นิมิตฺตภูตานิ เอว อเหสุํ. เอวํ อเนกจฺฉริยปาตุภาวปฺปฏิมณฺฑิตา จายํ อภิชาติ ยทตฺถํ อเนน อภิสมฺโพธิ ปตฺถิตา, ตสฺสา อภิสมฺโพธิยา เอกนฺตสิทฺธิยา ตถาว อโหสิ อวิตถา อนฺถา.
ตถา เย พุทฺธเวเนยฺยา โพธเนยฺยพนฺธวา, เต สพฺเพปิ อนวเสสโต สยเมว ภควตา วินีตา. เย จ สาวกเวเนยฺยา ธมฺมเวเนยฺยา จ, เตปิ สาวกาทีหิ วินีตา วินยํ คจฺฉนฺติ คมิสฺสนฺติ จาติ ยทตฺถํ ภควตา อภิสมฺโพธิ อภิปตฺถิตา, ตทตฺถสฺส เอกนฺตสิทฺธิยา อภิสมฺโพธิ ตถา อวิตถา อนฺถา.
อปิจ ¶ ยสฺส ยสฺส เยฺยธมฺมสฺส โย โย สภาโว พุชฺฌิตพฺโพ, โส โส หตฺถตเล ปิตอามลกํ วิย อาวชฺชนมตฺตปฺปฏิพทฺเธน อตฺตโน าเณน อวิปรีตํ อนวเสสโต ภควตา อภิสมฺพุทฺโธติ เอวมฺปิ อภิสมฺโพธิ ตถา อวิตถา อนฺถา.
ตถา เตสํ เตสํ ธมฺมานํ ตถา ตถา เทเสตพฺพปฺปการํ เตสํ เตสฺจ สตฺตานํ อาสยานุสยจริตาธิมุตฺตึ สมฺมเทว โอโลเกตฺวา ¶ ธมฺมตํ อวิชหนฺเตเนว ปฺตฺตินยโวหารมคฺคํ อนติธาวนฺเตเนว จ ธมฺมตํ วิภาวนฺเตน ยถาปราธํ ยถาชฺฌาสยํ ยถาธมฺมฺจ อนุสาสนฺเตน ภควตา เวเนยฺยา วินีตา อริยภูมึ สมฺปาปิตาติ ธมฺมวินยปฺาปนาปิสฺส ตทตฺถสิทฺธิยา ยถาภูตวุตฺติยา จ ตถา อวิตถา อนฺถา.
ตถา ¶ ยา สา ภควตา อนุปฺปตฺตา ปถวิยาทิผสฺสเวทนาทิรูปารูปสภาววินิมุตฺตา ลุชฺชนภาวาภาวโต โลกสภาวาตีตา ตมสา วิสํสฏฺตฺตา เกนจิ อโนภาสนียา โลกสภาวาภาวโต เอว คติอาทิภาวรหิตา อปฺปติฏฺา อนารมฺมณา อมตมหานิพฺพานธาตุ ขนฺธสงฺขาตานํ อุปาทีนํ เลสมตฺตสฺสปิ อภาวโต อนุปาทิเสสาติ วุจฺจติ, ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –
‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, ตทายตนํ, ยตฺถ เนว ปถวี น อาโป น เตโช น วาโย น อากาสานฺจายตนํ น วิฺาณฺจายตนํ น อากิฺจฺายตนํ น เนวสฺานาสฺายตนํ นายํ โลโก น ปโร โลโก น จ อุโภ จนฺทิมสูริยา, ตตฺราปาหํ, ภิกฺขเว, เนว อาคตึ วทามิ น คตึ น ิตึ น จุตึ น อุปปตฺตึ, อปฺปติฏฺํ อปฺปวตฺตํ อนารมฺมณเมเวตํ, เอเสวนฺโต ทุกฺขสฺสา’’ติ (อุทา. ๗๑).
สา สพฺเพสมฺปิ อุปาทานกฺขนฺธานํ อตฺถงฺคโม, สพฺพสงฺขารานํ สมโถ, สพฺพูปธีนํ ปฏินิสฺสคฺโค, สพฺพทุกฺขานํ วูปสโม, สพฺพาลยานํ สมุคฺฆาโต, สพฺพวฏฺฏานํ อุปจฺเฉโท, อจฺจนฺตสนฺติลกฺขโณติ ยถาวุตฺตสภาวสฺส กทาจิปิ อวิสํวาทนโต ตถา อวิตถา อนฺถา. เอวเมตา อภิชาติอาทิกา ตถา คโต อุปคโต อธิคโต ปฏิปนฺโน ปตฺโตติ ตถาคโต. เอวํ ภควา ตถา คโตติ ตถาคโต.
กถํ ตถาวิโธติ ตถาคโต? ยถาวิธา ปุริมกา สมฺมาสมฺพุทฺธา, อยมฺปิ ภควา ตถาวิโธ. กึ วุตฺตํ โหติ? ยถาวิธา เต ภควนฺโต มคฺคสีเลน ผลสีเลน สพฺเพนปิ โลกิยโลกุตฺตรสีเลน, มคฺคสมาธินา ผลสมาธินา ¶ สพฺเพนปิ โลกิยโลกุตฺตรสมาธินา, มคฺคปฺาย ¶ ผลปฺาย สพฺพายปิ โลกิยโลกุตฺตรปฺาย, เทวสิกํ วลฺชิตพฺเพหิ จตุวีสติโกฏิสตสหสฺสสมาปตฺติวิหาเรหิ, ตทงฺควิมุตฺติยา, วิกฺขมฺภนวิมุตฺติยา, สมุจฺเฉทวิมุตฺติยา, ปฏิปฺปสฺสทฺธิวิมุตฺติยา, นิสฺสรณวิมุตฺติยาติ สงฺเขปโต. วิตฺถารโต ปน อนนฺตาปริมาณเภเทหิ อจินฺเตยฺยานุภาเวหิ สกลสพฺพฺุคุเณหิ, อยมฺปิ ¶ อมฺหากํ ภควา ตถาวิโธ. สพฺเพสฺหิ สมฺมาสมฺพุทฺธานํ อายุเวมตฺตํ, สรีรปฺปมาณเวมตฺตํ, กุลเวมตฺตํ, ทุกฺกรจริยาเวมตฺตํ, รสฺมิเวมตฺตนฺติ, อิเมหิ ปฺจหิ เวมตฺเตหิ สิยา เวมตฺตํ, น ปน สีลวิสุทฺธิยาทีสุ วิสุทฺธีสุ สมถวิปสฺสนาปฏิปตฺติยํ อตฺตนา ปฏิลทฺธคุเณสุ จ กิฺจิ นานากรณํ อตฺถิ. อถ โข มชฺเฌ ภินฺนสุวณฺณํ วิย อฺมฺํ นิพฺพิเสสา เต พุทฺธา ภควนฺโต. ตสฺมา ยถาวิธา ปุริมกา สมฺมาสมฺพุทฺธา, อยมฺปิ ภควา ตถาวิโธ. เอวํ ตถาวิโธติ ตถาคโต. วิธตฺโถ เจตฺถ คตสทฺโท, ตถา หิ โลกิยา วิธยุตฺตคตสทฺเท ปการตฺเถ วทนฺติ.
กถํ ตถา ปวตฺติโตติ ตถาคโต? อนฺสาธารเณน อิทฺธานุภาเวน สมนฺนาคตตฺตา อตฺถปฺปฏิสมฺภิทาทีนํ อุกฺกํสปารมิปฺปตฺติยา อนาวรณาณปฺปฏิลาเภน จ ภควโต กายปฺปวตฺติยาทีนํ กตฺถจิ ปฏิฆาตาภาวโต ยถา รุจิ ตถา คตํ คติ คมนํ กายวจีจิตฺตปฺปวตฺติ เอตสฺสาติ ตถาคโต. เอวํ ตถา ปวตฺติโตติ ตถาคโต.
กถํ ตเถหิ อคโตติ ตถาคโต? โพธิสมฺภารสมฺภรเณ ตปฺปฏิปกฺขปฺปวตฺติสงฺขาตํ นตฺถิ เอตสฺส คตนฺติ อคโต. โส ปนสฺส อคตภาโว มจฺเฉรทานปารมิอาทีสุ อวิปรีตํ อาทีนวานิสํสปจฺจเวกฺขณาทินยปฺปวตฺเตหิ าเณหีติ ตเถหิ าเณหิ อคโตติ ตถาคโต.
อถ วา กิเลสาภิสงฺขารปฺปวตฺติสงฺขาตํ ขนฺธปฺปวตฺติสงฺขาตเมว วา ปฺจสุปิ คตีสุ คตํ คมนํ เอตสฺส นตฺถีติ อคโต. สอุปาทิเสสอนุปาทิเสสนิพฺพานปฺปตฺติยา สฺวายมสฺส อคตภาโว ตเถหิ อริยมคฺคาเณหีติ เอวมฺปิ ภควา ตเถหิ อคโตติ ตถาคโต.
กถํ ¶ ตถา คตภาเวน ตถาคโต? ตถา คตภาเวนาติ จ ตถาคตสฺส สพฺภาเวน อตฺถิตายาติ อตฺโถ. โก ปเนส ตถาคโต, ยสฺส อตฺถิตาย ภควา ตถาคโตติ วุจฺจตีติ? สทฺธมฺโม. สทฺธมฺโม หิ อริยมคฺโค ตาว ยถา ยุคนทฺธสมถวิปสฺสนาพเลน อนวเสสโต กิเลสปกฺขํ สมูหนนฺเตน สมุจฺเฉทปฺปหานวเสน คนฺตพฺพํ ¶ , ตถา คโต. ผลธมฺโม ยถา อตฺตโน มคฺคานุรูปํ ปฏิปฺปสฺสทฺธิปหานวเสน คนฺตพฺพํ, ตถา คโต ปวตฺโต. นิพฺพานธมฺโม ปน ยถา คโต ¶ ปฺาย ปฏิวิทฺโธ สกลวฏฺฏทุกฺขวูปสมาย สมฺปชฺชติ, พุทฺธาทีหิ ตถา คโต สจฺฉิกโตติ ตถาคโต. ปริยตฺติธมฺโมปิ ยถา ปุริมพุทฺเธหิ สุตฺตเคยฺยาทิวเสน ปวตฺติอาทิปฺปกาสนวเสน จ เวเนยฺยานํ อาสยาทิอนุรูปํ ปวตฺติโต, อมฺหากมฺปิ ภควตา ตถา คโต คทิโต ปวตฺติโตติ วา ตถาคโต. ยถา ภควตา เทสิโต, ตถา ภควโต สาวเกหิ คโต อวคโตติ ตถาคโต. เอวํ สพฺโพปิ สทฺธมฺโม ตถาคโต. เตนาห สกฺโก เทวานมินฺโท – ‘‘ตถาคตํ เทวมนุสฺสปูชิตํ, ธมฺมํ นมสฺสาม สุวตฺถิ โหตู’’ติ (ขุ. ปา. ๖.๑๗; สุ. นิ. ๒๔๐). สฺวาสฺส อตฺถีติ ภควา ตถาคโต.
ยถา จ ธมฺโม, เอวํ อริยสงฺโฆปิ ยถา อตฺตหิตาย ปรหิตาย จ ปฏิปนฺเนหิ สุวิสุทฺธํ ปุพฺพภาคสมถวิปสฺสนาปฏิปทํ ปุรกฺขตฺวา เตน เตน มคฺเคน คนฺตพฺพํ, ตํ ตํ ตถา คโตติ ตถาคโต. ยถา วา ภควตา สจฺจปฏิจฺจสมุปฺปาทาทโย เทสิตา, ตถาว พุทฺธตฺตา ตถา คทนโต จ ตถาคโต. เตนาห สกฺโก เทวราชา – ‘‘ตถาคตํ เทวมนุสฺสปูชิตํ, สงฺฆํ นมสฺสาม สุวตฺถิ โหตู’’ติ. สฺวาสฺส สาวกภูโต อตฺถีติ ภควา ตถาคโต. เอวํ ตถาคตภาเวน ตถาคโตติ.
อิทมฺปิ จ ตถาคตสฺส ตถาคตภาวทีปเน มุขมตฺตกเมว, สพฺพากาเรน ปน ตถาคโตว ตถาคตสฺส ¶ ตถาคตภาวํ วณฺเณยฺย. อิทฺหิ ตถาคตปทํ มหตฺถํ มหาคติกํ มหาวิสยํ, ตสฺส อปฺปมาทปทสฺส วิย เตปิฏกมฺปิ พุทฺธวจนํ ยุตฺติโต อตฺถภาเวน อาหรนฺโต ‘‘อติตฺเถน ธมฺมกถิโก ปกฺขนฺโท’’ติ น วตฺตพฺโพติ.
ตตฺเถตํ วุจฺจติ –
‘‘ยเถว โลเก ปุริมา มเหสิโน,
สพฺพฺุภาวํ มุนโย อิธาคตา;
ตถา อยํ สกฺยมุนีปิ อาคโต,
ตถาคโต วุจฺจติ เตน จกฺขุมา.
‘‘ปหาย ¶ กามาทิมเล อเสสโต,
สมาธิาเณหิ ยถา คตา ชินา;
ปุราตนา ¶ สกฺยมุนี ชุตินฺธโร,
ตถา คโต เตน ตถาคโต มโต.
‘‘ตถฺจ ธาตายตนาทิลกฺขณํ,
สภาวสามฺวิภาคเภทโต;
สยมฺภุาเณน ชิโนยมาคโต,
ตถาคโต วุจฺจติ สกฺยปุงฺคโว.
‘‘ตถานิ สจฺจานิ สมนฺตจกฺขุนา,
ตถา อิทปฺปจฺจยตา จ สพฺพโส;
อนฺเนยฺยา นยโต วิภาวิตา,
ตถา คโต เตน ชิโน ตถาคโต.
‘‘อเนกเภทาสุปิ โลกธาตุสุ,
ชินสฺส รูปายตนาทิโคจเร;
วิจิตฺตเภเท ตถเมว ทสฺสนํ,
ตถาคโต เตน สมนฺตโลจโน.
‘‘ยโต ¶ จ ธมฺมํ ตถเมว ภาสติ,
กโรติ วาจาย นุรูปมตฺตโน;
คุเณหิ โลกํ อภิภุยฺยิรียติ,
ตถาคโต เตนปิ โลกนายโก.
‘‘ตถา ปริฺาย ตถาย สพฺพโส,
อเวทิ โลกํ ปภวํ อติกฺกมิ;
คโต จ ปจฺจกฺขกิริยาย นิพฺพุตึ,
อรียมคฺคฺจ คโต ตถาคโต.
‘‘ตถา ปฏิฺาย ตถาย สพฺพโส,
หิตาย โลกสฺส ยโตยมาคโต;
ตถาย ¶ นาโถ กรุณาย สพฺพทา,
คโต จ เตนาปิ ชิโน ตถาคโต.
‘‘ตถานิ ¶ าณานิ ยโตยมาคโต,
ยถาสภาวํ วิสยาวโพธโต;
ตถาภิชาติปฺปภุตี ตถาคโต,
ตทตฺถสมฺปาทนโต ตถาคโต.
‘‘ยถาวิธา เต ปุริมา มเหสิโน,
ตถาวิโธยมฺปิ ตถา ยถารุจิ;
ปวตฺตวาจา ตนุจิตฺตภาวโต,
ตถาคโต วุจฺจติ อคฺคปุคฺคโล.
‘‘สมฺโพธิสมฺภารวิปกฺขโต ปุเร,
คตํ น สํสารคตมฺปิ ตสฺส วา;
น จตฺถิ นาถสฺส ภวนฺตทสฺสิโน,
ตเถหิ ตสฺมา อคโต ตถาคโต.
‘‘ตถาคโต ธมฺมวโร มเหสินา,
ยถา ปหาตพฺพมลํ ปหียติ;
ตถาคโต อริยคโณปิ สตฺถุโน,
ตถาคโต เตน สมงฺคิภาวโต’’ติ.
มหิทฺธิกตาติ ¶ ปรเมน จิตฺตวสีภาเวน จ อิทฺธิวิธโยเคน ธมฺมานุภาวฺถตฺตนิปฺผาทนสมตฺถตาสงฺขาตาย มหติยา อิทฺธิยา สมนฺนาคโม มหิทฺธิกตา. จิรกาลสมฺภูเตน สุวิทูรปฺปฏิปกฺเขน อิจฺฉิตตฺถนิปฺผตฺติเหตุภูเตน มหาชุติเกน ปฺุเตเชน สมนฺนาคโม มหานุภาวตา. ยตฺราติ อจฺฉริยปสํสาโกตุหลหาสปสาทิโก ปจฺจตฺตตฺเถ นิปาโต. เตน ยุตฺตตฺตา วิชายิสฺสตีติ อนาคตกาลวจนํ, อตฺโถ ปน อตีตกาโลเยว. อยฺเหตฺถ อตฺโถ – ยา หิ นาม อยํ สุปฺปวาสา ตถา ทุกฺขนิมุคฺคา กิจฺฉาปนฺนา ภควโต วจนสมกาลเมว สุขินี อโรคา อโรคํ ปุตฺตํ วิชายีติ. อตฺตมโนติ สกมโน, ภควติ ปสาเทน กิเลสรหิตจิตฺโตติ ¶ อตฺโถ. กิเลสปริยุฏฺิตฺหิ จิตฺตํ วเส อวตฺตนโต อตฺตมโนติ น สกฺกา วตฺตุนฺติ. อตฺตมโนติ วา ปีติโสมนสฺเสหิ คหิตมโน. ปมุทิโตติ ปาโมชฺเชน ¶ ยุตฺโต. ปีติโสมนสฺสชาโตติ ชาตพลวปีติโสมนสฺโส. อถาติ ปจฺฉา, ตโต กติปาหสฺส อจฺจเยน. สตฺตภตฺตานีติ สตฺตสุ ทิวเสสุ ทาตพฺพภตฺตานิ. สฺวาตนายาติ สฺวาตนปฺุตฺถํ, ยํ สฺเว พุทฺธปฺปมุขสฺส สงฺฆสฺส ทานวเสน ปยิรุปาสนวเสน จ ภวิสฺสติ ปฺุํ ตทตฺถํ.
อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ มหาโมคฺคลฺลานํ อามนฺเตสีติ กสฺมา อามนฺเตสิ? สุปฺปวาสาย สามิกสฺส ปสาทรกฺขณตฺถํ. สุปฺปวาสา ปน อจลปฺปสาทาว, อุปาสกสฺส ปน ปสาทรกฺขณํ มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรสฺส ภาโร. เตนาห ‘‘ตุยฺเหโส อุปฏฺาโก’’ติ. ตตฺถ ตุยฺเหโสติ ตุยฺหํ เอโส. ติณฺณํ ธมฺมานํ ปาฏิโภโคติ มม โภคาทีนํ ติณฺณํ ธมฺมานํ อหานิยา อวินาสาย อยฺโย มหาโมคฺคลฺลาโน ยทิ ปาฏิโภโค ยทิ ปติภู, อิโต สตฺต ทิวเส อติกฺกมิตฺวา มม สกฺกา ทานํ ทาตุนฺติ ยทิ อยฺเยน าตนฺติ ทีเปติ. เถโรปิ ตสฺส เตสุ ทิวเสสุ โภคานํ ชีวิตสฺส จ อนุปทฺทวํ ปสฺสิตฺวา อาห – ‘‘ทฺวินฺนํ โข เนสํ, อาวุโส, ธมฺมานํ ปาฏิโภโค โภคานฺจ ชีวิตสฺส จา’’ติ. สทฺธา ปนสฺส จิตฺตปฺปฏิพทฺธาติ ตสฺเสว ภารํ กโรนฺโต ‘‘สทฺธาย ปน ตฺวฺเว ปาฏิโภโค’’ติ อาห. อปิ จ โส อุปาสโก ทิฏฺสจฺโจ, ตสฺส สทฺธาย อฺถาภาโว นตฺถีติ ตถา วุตฺตํ. เตเนว จ การเณน ภควตา ‘‘ปจฺฉาปิ ตฺวํ กริสฺสสีติ สฺาเปหี’’ติ วุตฺตํ. อุปาสโกปิ ¶ สตฺถริ เถเร จ คารเวน สุพฺพจตาย ตสฺสา จ ปฺุเน วฑฺฒึ อิจฺฉนฺโต ‘‘กโรตุ สุปฺปวาสา โกลิยธีตา สตฺต ภตฺตานิ, ปจฺฉาหํ กริสฺสามี’’ติ อนุชานิ.
ตฺจ ทารกนฺติ วิชาตทิวสโต ปฏฺาย เอกาทสมํ ทิวสํ อติกฺกมิตฺวา ตโต ปรํ สตฺตาหํ พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ โภเชตฺวา สตฺตเม ทิวเส ตํ สตฺตวสฺสิกํ ทารกํ ภควนฺตํ ภิกฺขุสงฺฆฺจ วนฺทาเปสิ. สตฺต เม วสฺสานีติ สตฺต เม สํวจฺฉรานิ, อจฺจนฺตสํโยควเสน เจตํ อุปโยควจนํ. โลหิตกุมฺภิยํ วุตฺถานีติ มาตุกุจฺฉิยํ อตฺตโน คพฺภวาสทุกฺขํ สนฺธาย วทติ. อฺานิปิ เอวรูปานิ สตฺต ปุตฺตานีติ ‘‘อฺเปิ เอวรูเป สตฺต ปุตฺเต’’ติ วตฺตพฺเพ ลิงฺควิปลฺลาสวเสน วุตฺตํ ‘‘เอวรูปานี’’ติ. เอวํ สตฺต วสฺสานิ คพฺภธารณวเสน สตฺตาหํ มูฬฺหคพฺภตาย จ มหนฺตํ ทุกฺขํ ¶ ปาเปตฺวา อุปฺปชฺชนกปุตฺเตติ อตฺโถ. เอเตน มาตุคามานํ ปุตฺตโลลตาย ปุตฺตลาเภน ติตฺติ นตฺถีติ ทสฺเสติ.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ สตฺตทิวสาธิกานิ สตฺต สํวจฺฉรานิ คพฺภธารณาทิวเสน ปวตฺตํ ¶ มหนฺตํ ทุกฺขํ เอกปเท วิสริตฺวา ปุตฺตโลลตาวเสน ตาย วุตฺตมตฺถํ วิทิตฺวา. อิมํ อุทานนฺติ อิมํ จิตฺตสุขปฺปมตฺโต วิย ปมตฺตปุคฺคเล อิฏฺากาเรน วฺเจตฺวา ตณฺหาสิเนหสฺส มหานตฺถกรภาวทีปกํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ อสาตนฺติ อมธุรํ อสุนฺทรํ อนิฏฺํ. สาตรูเปนาติ อิฏฺสภาเวน. ปิยรูเปนาติ ปิยายิตพฺพภาเวน. สุขสฺส รูเปนาติ สุขสภาเวน. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยสฺมา อสาตํ อปฺปิยํ ทุกฺขเมว สมานํ สกลมฺปิ วฏฺฏคตํ สงฺขารชาตํ อปฺปหีนวิปลฺลาสตฺตา อโยนิโสมนสิกาเรน อิฏฺํ วิย ปิยํ วิย สุขํ วิย จ หุตฺวา อุปฏฺหมานํ สติวิปฺปวาเสน ปมตฺตปุคฺคลํ อติวตฺตติ อภิภวติ อชฺโฌตฺถรติ, ตสฺมา อิมมฺปิ สุปฺปวาสํ ปุนปิ สตฺตกฺขตฺตุํ เอวรูปํ อสาตํ อปฺปิยํ ทุกฺขํ สาตาทิปติรูปเกน ทุกฺเขน ปุตฺตสงฺขาตเปมวตฺถุสุเขน อชฺโฌตฺถรตีติ.
อฏฺมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. วิสาขาสุตฺตวณฺณนา
๑๙. นวเม ¶ ปุพฺพาราเมติ สาวตฺถิยา ปาจีนทิสาภาเค อนุราธปุรสฺส อุตฺตมเทวีวิหารสทิเส าเน การิเต อาราเม. มิคารมาตุปาสาเทติ มิคารมาตุยา ปาสาเท.
ตตฺรายํ อนุปุพฺพิกถา – อตีเต สตสหสฺสกปฺปมตฺถเก ปทุมุตฺตรทสพลํ เอกา อุปาสิกา อฺตรํ อุปาสิกํ อตฺตโน อคฺคุปฏฺายิกฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา ภควนฺตํ นิมนฺเตตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสตสหสฺสสฺส ทานํ ทตฺวา ภควโต นิปจฺจการํ กตฺวา ‘‘อนาคเต ตุมฺหาทิสสฺส ¶ พุทฺธสฺส อคฺคุปฏฺายิกา ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ อกาสิ. สา กปฺปสตสหสฺสํ เทเวสุ จ มนุสฺเสสุ จ สํสริตฺวา อมฺหากํ ภควโต กาเล ภทฺทิยนคเร เมณฺฑกเสฏฺิปุตฺตสฺส ธนฺชยเสฏฺิโน เคเห สุมนเทวิยา กุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. ชาตกาเล จสฺสา วิสาขาติ นามํ อกํสุ. สา ยทา ภควา ภทฺทิยนครํ อคมาสิ, ตทา ปฺจหิ ทาริกาสเตหิ สทฺธึ ภควโต ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา ปมทสฺสเนเนว โสตาปนฺนา อโหสิ.
อปรภาเค สาวตฺถิยํ มิคารเสฏฺิปุตฺตสฺส ปุณฺณวฑฺฒนกุมารสฺส เคหํ คตา, ตตฺถ นํ สสุโร มิคารเสฏฺิ ¶ อุปการวเสน มาตุฏฺาเน เปสิ. ตสฺมา มิคารมาตาติ วุจฺจติ. สา อตฺตโน มหลฺลตาปสาธนํ วิสฺสชฺเชตฺวา นวโกฏีหิ ภควโต ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ วสนตฺถาย กรีสมตฺเต ภูมิภาเค อุปริภูมิยํ ปฺจคพฺภสตานิ เหฏฺาภูมิยํ ปฺจคพฺภสตานีติ คพฺภสหสฺเสหิ ปฏิมณฺฑิตํ ปาสาทํ กาเรสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘มิคารมาตุปาสาเท’’ติ.
โกจิเทว อตฺโถติ กิฺจิเทว ปโยชนํ. รฺเติ ราชินิ. ปฏิพทฺโธติ อายตฺโต. วิสาขาย าติกุลโต มณิมุตฺตาทิรจิตํ ตาทิสํ ภณฺฑชาตํ ตสฺสา ปณฺณาการตฺถาย เปสิตํ, ตํ ¶ นครทฺวารปฺปตฺตํ สุงฺกิกา ตตฺถ สุงฺกํ คณฺหนฺตา ตทนุรูปํ อคฺคเหตฺวา อติเรกํ คณฺหึสุ. ตํ สุตฺวา วิสาขา รฺโ ตมตฺถํ นิเวเทตุกามา ปติรูปปริวาเรน ราชนิเวสนํ อคมาสิ, ตสฺมึ ขเณ ราชา มลฺลิกาย เทวิยา สทฺธึ อนฺเตปุรํ คโต โหติ. วิสาขา โอกาสํ อลภมานา ‘‘อิทานิ ลภิสฺสามิ, อิทานิ ลภิสฺสามี’’ติ โภชนเวลํ อติกฺกมิตฺวา ฉินฺนภตฺตา หุตฺวา ปกฺกามิ. เอวํ ทฺวีหตีหํ คนฺตฺวาปิ โอกาสํ น ลภิเยว. อิติ ราชา อนิเวทิโตปิ ตสฺส อตฺถวินิจฺฉยสฺส โอกาสากรเณน ‘‘ยถาธิปฺปายํ น ตีเรตี’’ติ วุตฺโต. ตตฺถ ยถาธิปฺปายนฺติ อธิปฺปายานุรูปํ. น ตีเรตีติ น นิฏฺาเปติ. มหาอุปาสิกาย หิ ราชายตฺตสุงฺกเมว รฺโ ทตฺวา อิตรํ วิสฺสชฺชาเปตุํ อธิปฺปาโย, โส รฺา น ทิฏฺตฺตา เอว น ตีริโต. หนฺทาติ โวสฺสคฺคตฺเถ นิปาโต. ทิวา ทิวสฺสาติ ทิวสสฺส ทิวา, มชฺฌนฺหิเก กาเลติ อตฺโถ. เกนจิเทว กรณีเยน ทฺวีหตีหํ ราชนิเวสนทฺวารํ คจฺฉนฺตี ตสฺส อตฺถสฺส อนิฏฺิตตฺตา นิรตฺถกเมว อุปสงฺกมึ ¶ , ภควติ อุปสงฺกมนเมว ปน ทสฺสนานุตฺตริยาทิปฺปฏิลาภการณตฺตา สาตฺถกนฺติ เอวาหํ, ภนฺเต, อิมาย เวลาย อิธาคตาติ อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺตี มหาอุปาสิกา ‘‘อิธ เม, ภนฺเต’’ติอาทิมาห.
เอตมตฺถนฺติ เอตํ ปรายตฺตตาย อธิปฺปายาสมิชฺฌนสงฺขาตํ อตฺถํ วิทิตฺวา. อิมํ อุทานนฺติ อิมํ ปราธีนาปราธีนวุตฺตีสุ อาทีนวานิสํสปริทีปกํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ สพฺพํ ปรวสํ ทุกฺขนฺติ ยํ กิฺจิ อตฺถชาตํ ปโยชนํ ปรวสํ ปรายตฺตํ อตฺตโน อิจฺฉาย นิปฺผาเทตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย ทุกฺขํ ทุกฺขาวหํ โหตีติ อตฺโถ. สพฺพํ อิสฺสริยํ สุขนฺติ ทุวิธํ อิสฺสริยํ โลกิยํ โลกุตฺตรฺจ. ตตฺถ โลกิยํ ราชิสฺสริยาทิ เจว โลกิยชฺฌานาภิฺานิพฺพตฺตํ จิตฺติสฺสริยฺจ, โลกุตฺตรํ มคฺคผลาธิคมนิมิตฺตํ นิโรธิสฺสริยํ. เตสุ ยํ จกฺกวตฺติภาวปริโยสานํ มนุสฺเสสุ อิสฺสริยํ, ยฺจ สกฺกาทีนํ ตสฺมึ ตสฺมึ เทวนิกาเย อาธิปจฺจภูตํ อิสฺสริยํ, ตทุภยํ ยทิปิ กมฺมานุภาเวน ยถิจฺฉิตนิปฺผตฺติยา สุขนิมิตฺตตาย ¶ สุขํ, วิปริณามทุกฺขตาย ปน สพฺพถา ทุกฺขเมว. ตถา อนิจฺจนฺติกตาย ¶ โลกิยชฺฌานนิพฺพตฺตํ จิตฺติสฺสริยํ, นิโรธิสฺสริยเมว ปน โลกธมฺเมหิ อกมฺปนียโต อนิวตฺติสภาวตฺตา จ เอกนฺตสุขํ นาม. ยํ ปเนตฺถ สพฺพตฺเถว อปราธีนตาย ลภติ จิตฺตสุขํ, ตํ สนฺธาย สตฺถา ‘‘สพฺพํ อิสฺสริยํ สุข’’นฺติ อาห.
สาธารเณ วิหฺนฺตีติ อิทํ ‘‘สพฺพํ ปรวสํ ทุกฺข’’นฺติ อิมสฺส ปทสฺส อตฺถวิวรณํ. อยฺเหตฺถ อตฺโถ – สาธารเณ ปโยชเน สาเธตพฺเพ สติ ตสฺส ปราธีนตาย ยถาธิปฺปายํ อนิปฺผาทนโต อิเม สตฺตา วิหฺนฺติ วิฆาตํ อาปชฺชนฺติ กิลมนฺติ. กสฺมา? โยคา หิ ทุรติกฺกมาติ ยสฺมา กามโยคภวโยคทิฏฺิโยคอวิชฺชาโยคา อนาทิกาลภาวิตา อนุปจิตกุสลสมฺภาเรหิ ปชหิตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย ทุรติกฺกมา. เอเตสุ ทิฏฺิโยโค ปมมคฺเคน อติกฺกมิตพฺโพ, กามโยโค ตติยมคฺเคน. อิตเร อคฺคมคฺเคน. อิติ อริยมคฺคานํ ทุรธิคมนียตฺตา อิเม โยคา ทุรติกฺกมา. ตสฺมา กามโยคาทิวเสน อิจฺฉิตาลาภเหตุ สตฺตา วิหฺนฺติ, อสาธารเณ ปน จิตฺติสฺสริเย ¶ นิโรธิสฺสริเย จ สติ น กทาจิปิ วิฆาตสฺส สมฺภโวติ อธิปฺปาโย.
อถ วา สพฺพํ ปรวสนฺติ ยํ อตฺตโน อฺปฺปฏิพทฺธวุตฺติสงฺขาตํ, ตํ สพฺพํ อนิจฺจสภาวตาย ทุกฺขํ. ‘‘ยทนิจฺจํ ตํ ทุกฺข’’นฺติ หิ วุตฺตํ. สพฺพํ อิสฺสริยนฺติ ยํ สพฺพสงฺขตนิสฺสฏํ อิสฺสริยฏฺานตาย อิสฺสริยนฺติ ลทฺธนามํ นิพฺพานํ, ตํ อุปาทิเสสาทิวิภาคํ สพฺพํ สุขํ. ‘‘นิพฺพานํ ปรมํ สุข’’นฺติ (ธ. ป. ๒๐๓-๒๐๔) หิ วุตฺตํ. สาธารเณติ เอวํ ทุกฺขสุเข ววตฺถิเต อิเม สตฺตา พหุสาธารเณ ทุกฺขการเณ นิมุคฺคา หุตฺวา วิหฺนฺติ. กสฺมา? โยคา หิ ทุรติกฺกมาติ ยสฺมา เต สพฺพตฺถ นิมุชฺชนสฺส เหตุภูตา กามโยคาทโย ทุรติกฺกมา, ตสฺมา ตฺวมฺปิ วิสาเข ปรายตฺตมตฺถํ ปตฺเถตฺวา อลภมานา วิหฺสีติ อธิปฺปาโย.
นวมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. ภทฺทิยสุตฺตวณฺณนา
๒๐. ทสเม ¶ ¶ อนุปิยายนฺติ เอวํ นามเก นคเร. อมฺพวเนติ ตสฺส นครสฺส อวิทูเร มลฺลราชูนํ เอกํ อมฺพวนํ อโหสิ, ตตฺถ มลฺลราชูหิ ภควโต วิหาโร การิโต, โส ‘‘อมฺพวน’’นฺตฺเวว วุจฺจติ. อนุปิยํ โคจรคามํ กตฺวา ตตฺถ ภควา วิหรติ, เตน วุตฺตํ ‘‘อนุปิยายํ วิหรติ อมฺพวเน’’ติ. ภทฺทิโยติ ตสฺส เถรสฺส นามํ. กาฬีโคธาย ปุตฺโตติ กาฬีโคธา นาม สากิยานี สกฺยราชเทวี อริยสาวิกา อาคตผลา วิฺาตสาสนา, ตสฺสา อยํ ปุตฺโต. ตสฺส ปพฺพชฺชาวิธิ ขนฺธเก (จูฬว. ๓๓๐-๓๓๑) อาคโตว. โส ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา น จิรสฺเสว ฉฬภิฺโ อโหสิ, เตรสปิ ธุตงฺคานิ สมาทาย วตฺตติ. ภควตา จ ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ อุจฺจกุลิกานํ, ยทิทํ ภทฺทิโย กาฬีโคธาย ปุตฺโต’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๙๓) อุจฺจกุลิกภาเว เอตทคฺเค ปิโต อสีติยา สาวกานํ อพฺภนฺตโร.
สฺุาคารคโตติ ‘‘เปตฺวา คามฺจ คามูปจารฺจ อวเสสํ อรฺ’’นฺติ วุตฺตํ อรฺํ รุกฺขมูลฺจ เปตฺวา อฺํ ปพฺพตกนฺทราทิ ปพฺพชิตสารุปฺปํ นิวาสฏฺานํ ¶ ชนสมฺพาธาภาวโต อิธ สฺุาคารนฺติ อธิปฺเปตํ. อถ วา ฌานกณฺฏกานํ สทฺทานํ อภาวโต วิวิตฺตํ ยํ กิฺจิ อคารมฺปิ สฺุาคารนฺติ เวทิตพฺพํ. ตํ สฺุาคารํ อุปคโต. อภิกฺขณนฺติ พหุลํ. อุทานํ อุทาเนสีติ โส หิ อายสฺมา อรฺเ ทิวาวิหารํ อุปคโตปิ รตฺติวาสูปคโตปิ เยภุยฺเยน ผลสมาปตฺติสุเขน นิโรธสุเขน จ วีตินาเมติ, ตสฺมา ตํ สุขํ สนฺธาย ปุพฺเพ อตฺตนา อนุภูตํ สภยํ สปริฬาหํ รชฺชสุขํ ชิคุจฺฉิตฺวา ‘‘อโห สุขํ อโห สุข’’นฺติ โสมนสฺสสหิตํ าณสมุฏฺานํ ปีติสมุฏฺานํ สมุคฺคิรติ.
สุตฺวาน เนสํ เอตทโหสีติ เนสํ สมฺพหุลานํ ภิกฺขูนํ ตสฺส อายสฺมโต ‘‘อโห สุขํ, อโห สุข’’นฺติ อุทาเนนฺตสฺส อุทานํ สุตฺวา ‘‘นิสฺสํสยํ เอส อนภิรโต พฺรหฺมจริยํ จรตี’’ติ เอวํ ปริวิตกฺกิตํ อโหสิ. เต ภิกฺขู ปุถุชฺชนา ตสฺส อายสฺมโต วิเวกสุขํ สนฺธาย อุทานํ อชานนฺตา ¶ เอวํ อมฺึสุ, เตน วุตฺตํ ‘‘นิสฺสํสย’’นฺติอาทิ. ตตฺถ นิสฺสํสยนฺติ อสนฺเทเหน เอกนฺเตนาติ อตฺโถ. ‘‘ยํ โส ปุพฺเพ อคาริยภูโต สมาโน’’ติ ปาฬึ วตฺวา ‘‘อนุภวี’’ติ วจนเสเสน เกจิ อตฺถํ วณฺเณนฺติ, อปเร ‘‘ยํ สา’’ติ ปนฺติ, ‘‘ยํส ปุพฺเพ อคาริยภูตสฺสา’’ติ ปน ปาฬิ. ตตฺถ ยํสาติ ยํ อสฺส, สนฺธิวเสน หิ อการสการโลโป ‘‘เอวํส เต (ม. นิ. ๑.๒๓; อ. นิ. ๖.๕๘), ปุปฺผํสา อุปฺปชฺชี’’ติอาทีสุ ¶ (ปารา. ๓๖) วิย. ตสฺสตฺโถ – อสฺส อายสฺมโต ภทฺทิยสฺส ปพฺพชิตโต ปุพฺเพ อคาริยภูตสฺส คหฏฺสฺส สโต ยํ รชฺชสุขํ อนุภูตํ. สา ตมนุสฺสรมาโนติ โส ตํ สุขํ เอตรหิ อุกฺกณฺนวเสน อนุสฺสรนฺโต.
เต ภิกฺขู ภควนฺตํ เอตทโวจุนฺติ เต สมฺพหุลา ภิกฺขู อุลฺลปนสภาวสณฺิตา ตสฺส อนุคฺคหณาธิปฺปาเยน ภควนฺตํ เอตทโวจุํ, น อุชฺฌานวเสน. อฺตรนฺติ นามโคตฺเตน อปากฏํ เอกํ ภิกฺขุํ. อามนฺเตสีติ อาณาเปสิ เต ภิกฺขู สฺาเปตุกาโม. เอวนฺติ วจนสมฺปฏิคฺคเห, สาธูติ อตฺโถ. ปุน เอวนฺติ ปฏิฺาย. อภิกฺขณํ ‘‘อโห สุขํ, อโห สุข’’นฺติ อิมํ อุทานํ อุทาเนสีติ ยถา เต ภิกฺขู วทนฺติ, ตํ เอวํ ตเถวาติ อตฺตโน อุทานํ ปฏิชานาติ. กึ ปน ตฺวํ ภทฺทิยาติ กสฺมา ภควา ปุจฺฉติ, กึ ตสฺส จิตฺตํ น ชานาตีติ ¶ ? โน น ชานาติ, เตเนว ปน ตมตฺถํ วทาเปตฺวา เต ภิกฺขู สฺาเปตุํ ปุจฺฉติ. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘ชานนฺตาปิ ตถาคตา ปุจฺฉนฺติ, ชานนฺตาปิ น ปุจฺฉนฺตี’’ติอาทิ. อตฺถวสนฺติ การณํ.
อนฺเตปุเรติ อิตฺถาคารสฺส สฺจรณฏฺานภูเต ราชเคหสฺส อพฺภนฺตเร, ยตฺถ ราชา นฺหานโภชนสยนาทึ กปฺเปติ. รกฺขา สุสํวิหิตาติ อารกฺขาทิกตปุริเสหิ คุตฺติ สุฏฺุ สมนฺตโต วิหิตา. พหิปิ อนฺเตปุเรติ อฑฺฑกรณฏฺานาทิเก อนฺเตปุรโต พหิภูเต ราชเคเห. เอวํ รกฺขิโต โคปิโต สนฺโตติ เอวํ ราชเคหราชธานิรชฺชเทเสสุ อนฺโต จ พหิ จ อเนเกสุ าเนสุ อเนกสเตหิ สุสํวิหิตรกฺขาวรณคุตฺติยา มเมว นิพฺภยตฺถํ ผาสุวิหารตฺถํ รกฺขิโต โคปิโต สมาโน. ภีโตติอาทีนิ ปทานิ อฺมฺเววจนานิ. อถ ¶ วา ภีโตติ ปรราชูหิ ภายมาโน. อุพฺพิคฺโคติ สกรชฺเชปิ ปกติโต อุปฺปชฺชนกภยุพฺเพเคน อุพฺพิคฺโค จลิโต. อุสฺสงฺกีติ ‘‘รฺา นาม สพฺพกาลํ อวิสฺสตฺเถน ภวิตพฺพ’’นฺติ วจเนน สพฺพตฺถ อวิสฺสาสวเสน เตสํ เตสํ กิจฺจกรณียานํ ปจฺจยปริสงฺกาย จ อุทฺธมุขํ สงฺกมาโน. อุตฺราสีติ ‘‘สนฺติกาวจเรหิปิ อชานนฺตสฺเสว เม กทาจิ อนตฺโถ ภเวยฺยา’’ติ อุปฺปนฺเนน สรีรกมฺปํ อุปฺปาทนสมตฺเถน ตาเสน อุตฺราสี. ‘‘อุตฺรสฺโต’’ติปิ ปนฺติ. วิหาสินฺติ เอวํภูโต หุตฺวา วิหรึ.
เอตรหีติ อิทานิ ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย. เอโกติ อสหาโย, เตน วูปกฏฺกายตํ ทสฺเสติ. อภีโตติอาทีนํ ปทานํ วุตฺตวิปริยาเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ภยาทินิมิตฺตสฺส ปริคฺคหสฺส ตํ นิมิตฺตสฺส จ กิเลสสฺส อภาเวเนวสฺส อภีตาทิตาติ. เอเตน จิตฺตวิเวกํ ทสฺเสติ ¶ . อปฺโปสฺสุกฺโกติ สรีรคุตฺติยํ นิรุสฺสุกฺโก. ปนฺนโลโมติ โลมหํสุปฺปาทกสฺส ฉมฺภิตตฺตสฺส อภาเวน อนุคฺคตโลโม. ปททฺวเยนปิ เสริวิหารํ ทสฺเสติ. ปรทตฺตวุตฺโตติ ปเรหิ ทินฺเนน จีวราทินา วตฺตมาโน, เอเตน สพฺพโส สงฺคาภาวทีปนมุเขน อนวเสสภยเหตุวิรหํ ทสฺเสติ. มิคภูเตน เจตสาติ วิสฺสตฺถวิหาริตาย มิคสฺส วิย ชาเตน จิตฺเตน. มิโค หิ อมนุสฺสปเถ อรฺเ วสมาโน ¶ วิสฺสตฺโถ ติฏฺติ, นิสีทติ, นิปชฺชติ, เยนกามฺจ ปกฺกมติ อปฺปฏิหตจาโร, เอวํ อหมฺปิ วิหรามีติ ทสฺเสติ. วุตฺตฺเหตํ ปจฺเจกพุทฺเธน –
‘‘มิโค อรฺมฺหิ ยถา อพทฺโธ,
เยนิจฺฉกํ คจฺฉติ โคจราย;
วิฺู นโร เสริตํ เปกฺขมาโน,
เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ. (สุ. นิ. ๓๙; อป. เถร ๑.๑.๙๕);
อิมํ โข อหํ, ภนฺเต, อตฺถวสนฺติ, ภนฺเต, ภควา ยทิทํ มม เอตรหิ ปรมํ วิเวกสุขํ ผลสมาปตฺติสุขํ, อิทเมว การณํ สมฺปสฺสมาโน ‘‘อโห สุขํ, อโห สุข’’นฺติ อุทานํ อุทาเนสินฺติ.
เอตมตฺถนฺติ เอตํ ภทฺทิยตฺเถรสฺส ¶ ปุถุชฺชนวิสยาตีตํ วิเวกสุขสงฺขาตมตฺถํ สพฺพาการโต วิทิตฺวา. อิมํ อุทานนฺติ อิทํ สเหตุกภยโสกวิคมานุภาวทีปกํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ ยสฺสนฺตรโต น สนฺติ โกปาติ ยสฺส อริยปุคฺคลสฺส อนฺตรโต อพฺภนฺตเร อตฺตโน จิตฺเต จิตฺตกาลุสฺสิยกรณโต จิตฺตปฺปโกปา ราคาทโย อาฆาตวตฺถุอาทิการณเภทโต อเนกเภทา โทสโกปา เอว โกปา น สนฺติ มคฺเคน ปหีนตฺตา น วิชฺชนฺติ. อยฺหิ อนฺตรสทฺโท กิฺจาปิ ‘‘มฺจ ตฺวฺจ กิมนฺตร’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๒๒๘) การเณ ทิสฺสติ, ‘‘อนฺตรฏฺเก หิมปาตสมเย’’ติอาทีสุ (มหาว. ๓๔๖) เวมชฺเฌ, ‘‘อนฺตรา จ เชตวนํ อนฺตรา จ สาวตฺถิ’’นฺติอาทีสุ (อุทา. ๑๓, ๔๔) วิวเร, ‘‘ภยมนฺตรโต ชาต’’นฺติอาทีสุ (อิติวุ. ๘๘; มหานิ. ๕) จิตฺเต, อิธาปิ จิตฺเต เอว ทฏฺพฺโพ. เตน วุตฺตํ ‘‘อนฺตรโต อตฺตโน จิตฺเต’’ติ.
อิติภวาภวตฺจ วีติวตฺโตติ ยสฺมา ภโวติ สมฺปตฺติ, อภโวติ วิปตฺติ. ตถา ภโวติ ¶ วุทฺธิ, อภโวติ หานิ. ภโวติ วา สสฺสตํ, อภโวติ อุจฺเฉโท. ภโวติ วา ปฺุํ, อภโวติ ปาปํ. ภโวติ วา สุคติ, อภโวติ ทุคฺคติ. ภโวติ วา ขุทฺทโก, อภโวติ มหนฺโต. ตสฺมา ยา สา สมฺปตฺติวิปตฺติวุฑฺฒิหานิสสฺสตุจฺเฉทปฺุปาปสุคติทุคฺคติ- ขุทฺทกมหนฺตอุปปตฺติภวานํ วเสน อิติ อเนกปฺปการา ภวาภวตา วุจฺจติ. จตูหิปิ ¶ อริยมคฺเคหิ ยถาสมฺภวํ เตน เตน นเยน ตํ อิติภวาภวตฺจ วีติวตฺโต อติกฺกนฺโต โหติ. อตฺถวเสน วิภตฺติ วิปริณาเมตพฺพา. ตํ วิคตภยนฺติ ตํ เอวรูปํ ยถาวุตฺตคุณสมนฺนาคตํ ขีณาสวํ จิตฺตโกปาภาวโต อิติภวาภวสมติกฺกมโต จ ภยเหตุวิคเมน วิคตภยํ, วิเวกสุเขน อคฺคผลสุเขน จ สุขึ, วิคตภยตฺตา เอว อโสกํ. เทวา นานุภวนฺติ ทสฺสนายาติ อธิคตมคฺเค เปตฺวา สพฺเพปิ อุปปตฺติเทวา วายมนฺตาปิ จิตฺตจารทสฺสนวเสน ทสฺสนาย ทฏฺุํ นานุภวนฺติ น อภิสมฺภุณนฺติ น สกฺโกนฺติ, ปเคว มนุสฺสา. เสกฺขาปิ หิ ปุถุชฺชนา วิย อรหโต จิตฺตปฺปวตฺตึ น ชานนฺติ.
ทสมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิฏฺิตา จ มุจลินฺทวคฺควณฺณนา.
๓. นนฺทวคฺโค
๑. กมฺมวิปากชสุตฺตวณฺณนา
๒๑. นนฺทวคฺคสฺส ¶ ¶ ¶ ปเม อฺตโร ภิกฺขูติ นามโคตฺเตน อปากโฏ เอโก ขีณาสวภิกฺขุ. โส กิร ราชคหวาสี กุลปุตฺโต โมคฺคลฺลานตฺเถเรน สํเวชิโต สํสารโทสํ ทิสฺวา สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา สีลานิ โสเธตฺวา จตุสจฺจกมฺมฏฺานํ คเหตฺวา น จิรสฺเสว วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. ตสฺส อปรภาเค ขโร อาพาโธ อุปฺปชฺชิ, โส ปจฺจเวกฺขณาย อธิวาเสนฺโต วิหรติ. ขีณาสวานฺหิ เจตสิกทุกฺขํ นาม นตฺถิ, กายิกทุกฺขํ ปน โหติเยว. โส เอกทิวสํ ภควโต ธมฺมํ เทเสนฺตสฺส นาติทูเร าเน ทุกฺขํ อธิวาเสนฺโต ปลฺลงฺเกน นิสีทิ. เตน วุตฺตํ ‘‘ภควโต อวิทูเร นิสินฺโน โหตี’’ติอาทิ.
ตตฺถ ปลฺลงฺกนฺติ สมนฺตโต อูรุพทฺธาสนํ. อาภุชิตฺวาติ พนฺธิตฺวา. อุชุํ กายํ ปณิธายาติ อุปริมํ สรีรํ อุชุกํ เปตฺวา อฏฺารส ปิฏฺิกณฺฏเก โกฏิยา โกฏึ ปฏิปาเทตฺวา. เอวฺหิ นิสินฺนสฺส จมฺมมํสนฺหารูนิ น นมนฺติ, ตสฺมา โส ตถา นิสินฺโน โหติ. ปุราณกมฺมวิปากชนฺติ ปุพฺเพ กตสฺส กมฺมสฺส วิปากภาเวน ชาตํ, ปุราณกมฺมวิปาเก วา สุขทุกฺขปฺปกาเร วิปากวฏฺฏสมุทาเย ตเทกเทสภาเวน ชาตํ. กึ ตํ? ทุกฺขํ. ปุราณกมฺมวิปากชนฺติ จ อิมินา ตสฺส อาพาธสฺส กมฺมสมุฏฺานตํ ทสฺเสนฺโต โอปกฺกมิกอุตุวิปริณามชาทิภาวํ ปฏิกฺขิปติ. ทุกฺขนฺติ ปจุรชเนหิ ขมิตุํ อสกฺกุเณยฺยํ. ติพฺพนฺติ ¶ ติขิณํ, อภิภวิตฺวา ปวตฺติยา พหลํ วา. ขรนฺติ กกฺขฬํ. กฏุกนฺติ อสาตํ. อธิวาเสนฺโตติ อุปริ วาเสนฺโต สหนฺโต ขมนฺโต.
สโต สมฺปชาโนติ เวทนาปริคฺคาหกานํ สติสมฺปชฺานํ วเสน สติมา สมฺปชานนฺโต จ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘อยํ เวทนา นาม หุตฺวา อภาวฏฺเน อนิจฺจา, อนิฏฺารมฺมณาทิปจฺจเย ปฏิจฺจ อุปฺปนฺนตฺตา ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนา, อุปฺปชฺชิตฺวา เอกนฺเตน ภิชฺชนสภาวตฺตา ขยธมฺมา วยธมฺมา วิราคธมฺมา นิโรธธมฺมา’’ติ เวทนาย อนิจฺจตาสลฺลกฺขณวเสน สโตการิตาย ¶ สโต ¶ , อวิปรีตสภาวปฏิวิชฺฌนวเสน สมฺปชาโน จ หุตฺวา. อถ วา สติเวปุลฺลปตฺติยา สพฺพตฺเถว กายเวทนาจิตฺตธมฺเมสุ สุฏฺุ อุปฏฺิตสติตาย สโต, ตถา ปฺาเวปุลฺลปฺปตฺติยา ปริคฺคหิตสงฺขารตาย สมฺปชาโน. อวิหฺมาโนติ ‘‘อสฺสุตวา, ภิกฺขเว, ปุถุชฺชโน อฺตรฺตเรน ทุกฺขธมฺเมน ผุฏฺโ สมาโน โสจติ กิลมติ ปริเทวติ อุรตฺตาฬึ กนฺทติ สมฺโมหํ อาปชฺชตี’’ติ วุตฺตนเยน อนฺธปุถุชฺชโน วิย น วิหฺมาโน มคฺเคเนว สมุคฺฆาติตตฺตา เจโตทุกฺขํ อนุปฺปาเทนฺโต เกวลํ กมฺมวิปากชํ สรีรทุกฺขํ อธิวาเสนฺโต สมาปตฺตึ สมาปนฺโน วิย นิสินฺโน โหติ. อทฺทสาติ ตํ อายสฺมนฺตํ อธิวาสนขนฺติยา ตถา นิสินฺนํ อทฺทกฺขิ.
เอตมตฺถนฺติ เอตํ ตาทิสสฺสปิ โรคสฺส เวชฺชาทีหิ ติกิจฺฉนตฺถํ อนุสฺสุกฺกาปชฺชนการณํ ขีณาสวานํ โลกธมฺเมหิ อนุปเลปิตสงฺขาตํ อตฺถํ สพฺพาการโต วิทิตฺวา. อิมํ อุทานนฺติ อิมํ สงฺขตธมฺมานํ เยหิ เกหิจิ ทุกฺขธมฺเมหิ อวิฆาตปตฺติวิภาวนํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ สพฺพกมฺมชหสฺสาติ ปหีนสพฺพกมฺมสฺส. อคฺคมคฺคสฺส หิ อุปฺปนฺนกาลโต ปฏฺาย อรหโต สพฺพานิ กุสลากุสลกมฺมานิ ปหีนานิ นาม โหนฺติ ปฏิสนฺธึ ทาตุํ อสมตฺถภาวโต, ยโต อริยมคฺคาณํ กมฺมกฺขยกรนฺติ วุจฺจติ. ภิกฺขุโนติ ภินฺนกิเลสตาย ภิกฺขุโน. ธุนมานสฺส ปุเร กตํ รชนฺติ อรหตฺตปฺปตฺติโต ปุพฺเพ กตํ ราครชาทิมิสฺสตาย รชนฺติ ลทฺธนามํ ทุกฺขเวทนียํ กมฺมํ วิปากปฏิสํเวทเนน ตํ ¶ ธุนนฺตสฺส วิทฺธํเสนฺตสฺส, อรหตฺตปฺปตฺติยา ปรโต ปน สาวชฺชกิริยาย สมฺภโวเยว นตฺถิ, อนวชฺชกิริยา จ ภวมูลสฺส สมุจฺฉินฺนตฺตา สมุจฺฉินฺนมูลตาย ปุปฺผํ วิย ผลทานสมตฺถตาย อภาวโต กิริยมตฺตาว โหติ.
อมมสฺสาติ รูปาทีสุ กตฺถจิ มมนฺติ คหณาภาวโต อมมสฺส มมงฺการรหิตสฺส. ยสฺส หิ มมงฺกาโร อตฺถิ, โส อตฺตสิเนเหน เวชฺชาทีหิ สรีรํ ปฏิชคฺคาเปติ. อรหา ปน อมโม, ตสฺมา โส สรีรชคฺคเนปิ อุทาสีนธาตุโกว. ิตสฺสาติ จตุพฺพิธมฺปิ โอฆํ ตริตฺวา นิพฺพานถเล ิตสฺส, ปฏิสนฺธิคฺคหณวเสน วา สนฺธาวนสฺส อภาเวน ิตสฺส ¶ . เสกฺขปุถุชฺชนา หิ กิเลสาภิสงฺขารานํ อปฺปหีนตฺตา จุติปฏิสนฺธิวเสน สํสาเร ธาวนฺติ นาม, อรหา ปน ตทภาวโต ิโตติ วุจฺจติ. อถ วา ทสวิเธ ขีณาสวสงฺขาเต อริยธมฺเม ิตสฺส. ตาทิโนติ ‘‘ปฏิกูเล อปฺปฏิกูลสฺี วิหรตี’’ติอาทินา (ปฏิ. ม. ๓.๑๗) นเยน ¶ วุตฺตาย ปฺจวิธาย อริยิทฺธิยา อฏฺหิ โลกธมฺเมหิ อกมฺปนิยาย ฉฬงฺคุเปกฺขาย จ สมนฺนาคเตน อิฏฺาทีสุ เอกสทิสตาสงฺขาเตน ตาทีภาเวน ตาทิโน. อตฺโถ นตฺถิ ชนํ ลเปตเวติ ‘‘มม เภสชฺชาทีนิ กโรถา’’ติ ชนํ ลปิตุํ กเถตุํ ปโยชนํ นตฺถิ สรีเร นิรเปกฺขภาวโต. ปณฺฑุปลาโส วิย หิ พนฺธนา ปวุตฺโต สยเมวายํ กาโย ภิชฺชิตฺวา ปตตูติ ขีณาสวานํ อชฺฌาสโย. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘นาภิกงฺขามิ มรณํ, นาภิกงฺขามิ ชีวิตํ;
กาลฺจ ปฏิกงฺขามิ, นิพฺพิสํ ภตโก ยถา’’ติ. (เถรคา. ๖๐๖);
อถ วา ยํกิฺจิ นิมิตฺตํ ทสฺเสตฺวา ‘‘กึ อยฺยสฺส อิจฺฉิตพฺพ’’นฺติ ชนํ ลเปตเว ปจฺจเยหิ นิมนฺตนวเสน ลปาเปตุํ ขีณาสวสฺส อตฺโถ นตฺถิ ตาทิสสฺส มิจฺฉาชีวสฺส มคฺเคเนว สมุคฺฆาติตตฺตาติ อตฺโถ. อิติ ภควา ‘‘กิสฺสายํ เถโร อตฺตโน โรคํ เวชฺเชหิ อติกิจฺฉาเปตฺวา ภควโต อวิทูเร นิสีทตี’’ติ จินฺเตนฺตานํ ตสฺส อติกิจฺฉาปเน การณํ ปกาเสสิ.
ปมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. นนฺทสุตฺตวณฺณนา
๒๒. ทุติเย ¶ นนฺโทติ ตสฺส นามํ. โส หิ จกฺกวตฺติลกฺขณูเปตตฺตา มาตาปิตโร สปริชนํ สกลฺจ าติปริวฏฺฏํ นนฺทยนฺโต ชาโตติ ‘‘นนฺโท’’ติ นามํ ลภิ. ภควโต ภาตาติ ภควโต เอกปิตุปุตฺตตาย ภาตา. น หิ ภควโต สโหทรา อุปฺปชฺชนฺติ, เตน วุตฺตํ ‘‘มาตุจฺฉาปุตฺโต’’ติ, จูฬมาตุปุตฺโตติ อตฺโถ. มหาปชาปติโคตมิยา หิ โส ปุตฺโต. อนภิรโตติ น อภิรโต. พฺรหฺมจริยนฺติ ¶ พฺรหฺมํ เสฏฺํ อุตฺตมํ จริยํ เอกาสนํ เอกเสยฺยํ เมถุนวิรตึ. สนฺธาเรตุนฺติ ปมจิตฺตโต ยาวจริมกจิตฺตํ สมฺมา ปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ ธาเรตุํ ปวตฺเตตุํ. ทุติเยน เจตฺถ พฺรหฺมจริยปเทน มคฺคพฺรหฺมจริยสฺสาปิ สงฺคโห เวทิตพฺโพ. สิกฺขํ ปจฺจกฺขายาติ อุปสมฺปทกาเล ภิกฺขุภาเวน สทฺธึ สมาทินฺนํ นิพฺพตฺเตตพฺพภาเวน อนุฏฺิตํ ติวิธมฺปิ สิกฺขํ ปฏิกฺขิปิตฺวา, วิสฺสชฺเชตฺวาติ อตฺโถ. หีนายาติ คิหิภาวาย. อาวตฺติสฺสามีติ นิวตฺติสฺสามิ.
กสฺมา ¶ ปนายํ เอวมาโรเจสีติ? เอตฺถายํ อนุปุพฺพิกถา – ภควา ปวตฺตวรธมฺมจกฺโก ราชคหํ คนฺตฺวา เวฬุวเน วิหรนฺโต ‘‘ปุตฺตํ เม อาเนตฺวา ทสฺเสถา’’ติ สุทฺโธทนมหาราเชน เปสิเตสุ สหสฺสสหสฺสปริวาเรสุ ทสสุ ทูเตสุ สห ปริวาเรน อรหตฺตํ ปตฺเตสุ สพฺพปจฺฉา คนฺตฺวา อรหตฺตปฺปตฺเตน กาฬุทายิตฺเถเรน คมนกาลํ ตฺวา มคฺควณฺณนํ วณฺเณตฺวา ชาติภูมิคมนาย ยาจิโต วีสติสหสฺสขีณาสวปริวุตฺโต กปิลวตฺถุนครํ คนฺตฺวา าติสมาคเม โปกฺขรวสฺสํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา เวสฺสนฺตรชาตกํ (ชา. ๒.๒๒.๑๖๕๕ อาทโย) กเถตฺวา ปุนทิวเส ปิณฺฑาย ปวิฏฺโ ‘‘อุตฺติฏฺเ นปฺปมชฺเชยฺยา’’ติ (ธ. ป. ๑๖๘) คาถาย ปิตรํ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาเปตฺวา นิเวสนํ คนฺตฺวา ‘‘ธมฺมฺจเร’’ติ (ธ. ป. ๑๖๙) คาถาย มหาปชาปตึ โสตาปตฺติผเล, ราชานํ สกทาคามิผเล ปติฏฺาเปสิ.
ภตฺตกิจฺจาวสาเน ¶ ปน ราหุลมาตุคุณกถํ นิสฺสาย จนฺทกินฺนรีชาตกํ (ชา. ๑.๑๔.๑๘ อาทโย) กเถตฺวา ตติยทิวเส นนฺทกุมารสฺส อภิเสกเคหปฺปเวสนวิวาหมงฺคเลสุ วตฺตมาเนสุ ปิณฺฑาย ปวิสิตฺวา นนฺทกุมารสฺส หตฺเถ ปตฺตํ ทตฺวา มงฺคลํ วตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกมนฺโต กุมารสฺส หตฺถโต ปตฺตํ น คณฺหิ. โสปิ ตถาคเต คารเวน ‘‘ปตฺตํ เต, ภนฺเต, คณฺหถา’’ติ วตฺตุํ นาสกฺขิ. เอวํ ปน จินฺเตสิ, ‘‘โสปานสีเส ปตฺตํ คณฺหิสฺสตี’’ติ, สตฺถา ตสฺมึ าเน น คณฺหิ. อิตโร ‘‘โสปานมูเล คณฺหิสฺสตี’’ติ จินฺเตสิ, สตฺถา ตตฺถปิ น คณฺหิ. อิตโร ‘‘ราชงฺคเณ คณฺหิสฺสตี’’ติ จินฺเตสิ, สตฺถา ตตฺถปิ น คณฺหิ. กุมาโร นิวตฺติตุกาโม อนิจฺฉาย คจฺฉนฺโต คารเวน ‘‘ปตฺตํ คณฺหถา’’ติ วตฺตุํ น สกฺโกติ, ‘‘อิธ คณฺหิสฺสติ, เอตฺถ คณฺหิสฺสตี’’ติ จินฺเตนฺโต คจฺฉติ.
ตสฺมึ ¶ ขเณ ชนปทกลฺยาณิยา อาจิกฺขึสุ, ‘‘อยฺเย ภควา, นนฺทราชานํ คเหตฺวา คจฺฉติ, ตุมฺเหหิ วินา กริสฺสตี’’ติ. สา อุทกพินฺทูหิ ปคฺฆรนฺเตหิ อฑฺฒุลฺลิขิเตหิ เกเสหิ เวเคน ปาสาทํ อารุยฺห สีหปฺชรทฺวาเร ตฺวา ‘‘ตุวฏํ โข, อยฺยปุตฺต, อาคจฺเฉยฺยาสี’’ติ อาห. ตํ ตสฺสา วจนํ ตสฺส หทเย ติริยํ ปติตฺวา วิย ิตํ. สตฺถาปิสฺส หตฺถโต ปตฺตํ อคฺคเหตฺวาว ตํ วิหารํ เนตฺวา ‘‘ปพฺพชิสฺสสิ นนฺทา’’ติ อาห. โส พุทฺธคารเวน ‘‘น ปพฺพชิสฺสามี’’ติ อวตฺวา, ‘‘อาม, ปพฺพชิสฺสามี’’ติ อาห. สตฺถา เตน หิ นนฺทํ ปพฺพาเชถาติ กปิลวตฺถุปุรํ คนฺตฺวา ตติยทิวเส ตํ ปพฺพาเชสิ. สตฺตเม ทิวเส มาตรา อลงฺกริตฺวา เปสิตํ ‘‘ทายชฺชํ เม, สมณ, เทหี’’ติ วตฺวา อตฺตนา สทฺธึ อารามาคตํ ราหุลกุมารํ ปพฺพาเชสิ. ปุเนกทิวสํ มหาธมฺมปาลชาตกํ (ชา. ๑.๑๐.๙๒ อาทโย) กเถตฺวา ราชานํ อนาคามิผเล ปติฏฺาเปสิ.
อิติ ¶ ภควา มหาปชาปตึ โสตาปตฺติผเล, ปิตรํ ตีสุ ผเลสุ ปติฏฺาเปตฺวา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ปุนเทว ราชคหํ คนฺตฺวา ตโต อนาถปิณฺฑิเกน สาวตฺถึ อาคมนตฺถาย คหิตปฏิฺโ นิฏฺิเต เชตวนมหาวิหาเร ตตฺถ คนฺตฺวา วาสํ กปฺเปสิ. เอวํ สตฺถริ เชตวเน วิหรนฺเต อายสฺมา นนฺโท อตฺตโน ¶ อนิจฺฉาย ปพฺพชิโต กาเมสุ อนาทีนวทสฺสาวี ชนปทกลฺยาณิยา วุตฺตวจนมนุสฺสรนฺโต อุกฺกณฺิโต หุตฺวา ภิกฺขูนํ อตฺตโน อนภิรตึ อาโรเจสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา นนฺโท…เป… หีนายาวตฺติสฺสามี’’ติ.
กสฺมา ปน นํ ภควา เอวํ ปพฺพาเชสีติ? ‘‘ปุเรตรเมว อาทีนวํ ทสฺเสตฺวา กาเมหิ นํ วิเวเจตุํ น สกฺกา, ปพฺพาเชตฺวา ปน อุปาเยน ตโต วิเวเจตฺวา อุปริวิเสสํ นิพฺพตฺเตสฺสามี’’ติ เวเนยฺยทมนกุสโล สตฺถา เอวํ นํ ปมํ ปพฺพาเชสิ.
สากิยานีติ สกฺยราชธีตา. ชนปทกลฺยาณีติ ชนปทมฺหิ กลฺยาณี รูเปน อุตฺตมา ฉสรีรโทสรหิตา, ปฺจกลฺยาณสมนฺนาคตา. สา หิ ยสฺมา นาติทีฆา นาติรสฺสา นาติกิสา นาติถูลา นาติกาฬิกา นจฺโจทาตา อติกฺกนฺตา มานุสกวณฺณํ อปฺปตฺตา ทิพฺพวณฺณํ, ตสฺมา ฉสรีรโทสรหิตา. ฉวิกลฺยาณํ มํสกลฺยาณํ นขกลฺยาณํ อฏฺิกลฺยาณํ วยกลฺยาณนฺติ อิเมหิ ปฺจหิ กลฺยาเณหิ สมนฺนาคตา.
ตตฺถ ¶ อตฺตโน สรีโรภาเสน ทสทฺวาทสหตฺเถ าเน อาโลกํ กโรติ, ปิยงฺคุสมา วา สุวณฺณสมา วา โหติ, อยมสฺสา ฉวิกลฺยาณตา. จตฺตาโร ปนสฺสา หตฺถปาทา มุขปริโยสานฺจ ลาขารสปริกมฺมกตํ วิย รตฺตปวาฬรตฺตกมฺพเลน สทิสํ โหติ, อยมสฺสา มํสกลฺยาณตา. วีสติ นขปตฺตานิ มํสโต อมุตฺตฏฺาเน ลาขารสปริกิตานิ วิย มุตฺตฏฺาเน ขีรธาราสทิสานิ โหนฺติ, อยมสฺสา นขกลฺยาณตา. ทฺวตฺตึสทนฺตา สุผุสิตา ปริสุทฺธปวาฬปนฺติสทิสา วชิรปนฺตี วิย ขายนฺติ, อยมสฺสา อฏฺิกลฺยาณตา. วีสติวสฺสสติกาปิ สมานา โสฬสวสฺสุทฺเทสิกา วิย โหติ นิปฺปลิตา, อยมสฺสา วยกลฺยาณตา. สุนฺทรี จ โหติ เอวรูปคุณสมนฺนาคตา, เตน วุตฺตํ ‘‘ชนปทกลฺยาณี’’ติ.
ฆรา นิกฺขมนฺตสฺสาติ อนาทเร สามิวจนํ, ฆรโต นิกฺขมโตติ อตฺโถ. ‘‘ฆรา นิกฺขมนฺต’’นฺติปิ ปนฺติ. อุปฑฺฒุลฺลิขิเตหิ ¶ เกเสหีติ อิตฺถมฺภูตลกฺขเณ กรณวจนํ, วิปฺปกตุลฺลิขิเตหิ เกเสหิ อุปลกฺขิตาติ อตฺโถ. ‘‘อฑฺฒุลฺลิขิเตหี’’ติปิ ปนฺติ. อุลฺลิขนนฺติ ¶ จ ผณกาทีหิ เกสสณฺาปนํ, ‘‘อฑฺฒการวิธาน’’นฺติปิ วทนฺติ. อปโลเกตฺวาติ สิเนหรสวิปฺผารสํสูจเกน อฑฺฒกฺขินา อาพนฺธนฺตี วิย โอโลเกตฺวา. มํ, ภนฺเตติ ปุพฺเพปิ ‘‘ม’’นฺติ วตฺวา อุกฺกณฺากุลจิตฺตตาย ปุน ‘‘มํ เอตทโวจา’’ติ อาห. ตุวฏนฺติ สีฆํ. ตมนุสฺสรมาโนติ ตํ ตสฺสา วจนํ, ตํ วา ตสฺสา อาการสหิตํ วจนํ อนุสฺสรนฺโต.
ภควา ตสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘อุปาเยนสฺส ราคํ วูปสเมสฺสามี’’ติ อิทฺธิพเลน นํ ตาวตึสภวนํ เนนฺโต อนฺตรามคฺเค เอกสฺมึ ฌามเขตฺเต ฌามขาณุมตฺถเก นิสินฺนํ ฉินฺนกณฺณนาสานงฺคุฏฺํ เอกํ ปลุฏฺมกฺกฏึ ทสฺเสตฺวา ตาวตึสภวนํ เนสิ. ปาฬิยํ ปน เอกกฺขเณเนว สตฺถารา ตาวตึสภวนํ คตํ วิย วุตฺตํ, ตํ คมนํ อวตฺวา ตาวตึสภวนํ สนฺธาย วุตฺตํ. คจฺฉนฺโตเยว หิ ภควา อายสฺมโต นนฺทสฺส อนฺตรามคฺเค ตํ ปลุฏฺมกฺกฏึ ทสฺเสติ. ยทิ เอวํ กถํ สมิฺชนาทินิทสฺสนํ? ตํ อนฺตรธานนิทสฺสนนฺติ คเหตพฺพํ. เอวํ สตฺถา ตํ ตาวตึสภวนํ เนตฺวา สกฺกสฺส เทวรฺโ อุปฏฺานํ อาคตานิ กกุฏปาทานิ ปฺจ อจฺฉราสตานิ อตฺตานํ วนฺทิตฺวา ิตานิ ¶ ทสฺเสตฺวา ชนปทกลฺยาณิยา ตาสํ ปฺจนฺนํ อจฺฉราสตานํ รูปสมฺปตฺตึ ปฏิจฺจ วิเสสํ ปุจฺฉิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ นนฺทํ พาหายํ คเหตฺวา…เป… กกุฏปาทานี’’ติ.
ตตฺถ พาหายํ คเหตฺวาติ พาหุมฺหิ คเหตฺวา วิย. ภควา หิ ตทา ตาทิสํ อิทฺธาภิสงฺขารํ อภิสงฺขาเรสิ, ยถา อายสฺมา นนฺโท ภุเช คเหตฺวา ภควตา นียมาโน วิย อโหสิ. ตตฺถ จ ภควตา สเจ ตสฺส อายสฺมโต ตาวตึสเทวโลกสฺส ทสฺสนํ ปเวสนเมว วา อิจฺฉิตํ สิยา, ยถานิสินฺนสฺเสว ตสฺส ตํ เทวโลกํ ทสฺเสยฺย โลกวิวรณิทฺธิกาเล ¶ วิย, ตเมว วา อิทฺธิยา ตตฺถ เปเสยฺย. ยสฺมา ปนสฺส ทิพฺพตฺตภาวโต มนุสฺสตฺตภาวสฺส โย นิหีนชิคุจฺฉนียภาโว, ตสฺส สุขคฺคหณตฺถํ อนฺตรามคฺเค ตํ มกฺกฏึ ทสฺเสตุกาโม, เทวโลกสิริวิภวสมฺปตฺติโย จ โอคาเหตฺวา ทสฺเสตุกาโม อโหสิ, ตสฺมา ตํ คเหตฺวา ตตฺถ เนสิ. เอวฺหิสฺส ตทตฺถํ พฺรหฺมจริยวาเส วิเสสโต อภิรติ ภวิสฺสตีติ.
กกุฏปาทานีติ รตฺตวณฺณตาย ปาราวตสทิสปาทานิ. ตา กิร สพฺพาปิ กสฺสปสฺส ภควโต สาวกานํ ปาทมกฺขนเตลทาเนน ตาทิสา สุกุมารปาทา อเหสุํ. ปสฺสสิ โนติ ปสฺสสิ นุ. อภิรูปตราติ วิสิฏฺรูปตรา. ทสฺสนียตราติ ทิวสมฺปิ ปสฺสนฺตานํ อติตฺติกรณฏฺเน ปสฺสิตพฺพตรา. ปาสาทิกตราติ สพฺพาวยวโสภาย สมนฺตโต ปสาทาวหตรา.
กสฺมา ¶ ปน ภควา อวสฺสุตจิตฺตํ อายสฺมนฺตํ นนฺทํ อจฺฉราโย โอโลกาเปสิ? สุเขเนวสฺส กิเลเส นีหริตุํ. ยถา หิ กุสโล เวชฺโช อุสฺสนฺนโทสํ ปุคฺคลํ ติกิจฺฉนฺโต สิเนหปานาทินา ปมํ โทเส อุกฺกิเลเทตฺวา ปจฺฉา วมนวิเรจเนหิ สมฺมเทว นีหราเปติ, เอวํ วิเนยฺยทมนกุสโล ภควา อุสฺสนฺนราคํ อายสฺมนฺตํ นนฺทํ เทวจฺฉราโย ทสฺเสตฺวา อุกฺกิเลเทสิ อริยมคฺคเภสชฺเชน อนวเสสโต นีหริตุกาโมติ เวทิตพฺพํ.
ปลุฏฺมกฺกฏีติ ฌามงฺคปจฺจงฺคมกฺกฏี. เอวเมว โขติ ยถา สา, ภนฺเต, ตุมฺเหหิ มยฺหํ ทสฺสิตา ฉินฺนกณฺณนาสา ปลุฏฺมกฺกฏี ชนปทกลฺยาณึ อุปาทาย ¶ , เอวเมว ชนปทกลฺยาณี อิมานิ ปฺจ อจฺฉราสตานิ อุปาทายาติ อตฺโถ. ปฺจนฺนํ อจฺฉราสตานนฺติ อุปโยเค สามิวจนํ, ปฺจ อจฺฉราสตานีติ อตฺโถ. อวยวสมฺพนฺเธ วา เอตํ สามิวจนํ, เตน ปฺจนฺนํ อจฺฉราสตานํ รูปสมฺปตฺตึ อุปนิธายาติ อธิปฺปาโย. อุปนิธายาติ จ สมีเป เปตฺวา, อุปาทายาติ อตฺโถ. สงฺขฺยนฺติ อิตฺถีติ คณนํ. กลภาคนฺติ กลายปิ ภาคํ, เอกํ โสฬสโกฏฺาเส กตฺวา ตโต เอกโกฏฺาสํ คเหตฺวา โสฬสธา คณิเต ตตฺถ โย เอเกโก โกฏฺาโส, โส กลภาโคติ ¶ อธิปฺเปโต, ตมฺปิ กลภาคํ น อุเปตีติ วทติ. อุปนิธินฺติ ‘‘อิมาย อยํ สทิสี’’ติ อุปมาภาเวน คเหตฺวา สมีเป ปนมฺปิ.
ยตฺถายํ อนภิรโต, ตํ พฺรหฺมจริยํ ปุพฺเพ วุตฺตํ ปากฏฺจาติ ตํ อนามสิตฺวา ตตฺถ อภิรติยํ อาทรชนนตฺถํ อภิรม, นนฺท, อภิรม, นนฺทา’’ติ อาเมฑิตวเสน วุตฺตํ. อหํ เต ปาฏิโภโคติ กสฺมา ภควา ตสฺส พฺรหฺมจริยวาสํ อิจฺฉนฺโต อพฺรหฺมจริยวาสสฺส ปาฏิโภคํ อุปคฺฉิ? ยตฺถสฺส อารมฺมเณ ราโค ทฬฺหํ นิปติ, ตํ อาคนฺตุการมฺมเณ สงฺกาเมตฺวา สุเขน สกฺกา ชหาเปตุนฺติ ปาฏิโภคํ อุปคฺฉิ. อนุปุพฺพิกถายํ สคฺคกถา อิมสฺส อตฺถสฺส นิทสฺสนํ.
อสฺโสสุนฺติ กถมสฺโสสุํ? ภควา หิ ตทา อายสฺมนฺเต นนฺเท วตฺตํ ทสฺเสตฺวา อตฺตโน ทิวาฏฺานํ คเต อุปฏฺานํ อาคตานํ ภิกฺขูนํ ตํ ปวตฺตึ กเถตฺวา ยถา นาม กุสโล ปุริโส อนิกฺขนฺตํ อาณึ อฺาย อาณิยา นีหริตฺวา ปุน ตํ หตฺถาทีหิ สฺจาเลตฺวา อปเนติ, เอวเมว อาจิณฺณวิสเย ตสฺส ราคํ อาคนฺตุกวิสเยน นีหริตฺวา ปุน ตทปิ พฺรหฺมจริยมคฺคเหตุํ กตฺวา อปเนตุกาโม ‘‘เอถ ตุมฺเห, ภิกฺขเว, นนฺทํ ภิกฺขุํ ภตกวาเทน จ อุปกฺกิตกวาเทน จ สมุทาจรถา’’ติ อาณาเปสิ, เอวํ ภิกฺขู อสฺโสสุํ. เกจิ ปน ‘‘ภควา ตถารูปํ อิทฺธาภิสงฺขารํ อภิสงฺขาเรสิ, ยถา เต ภิกฺขู ตมตฺถํ ชานึสู’’ติ วทนฺติ.
ภตกวาเทนาติ ¶ ภตโกติ วาเทน. โย หิ ภติยา กมฺมํ กโรติ, โส ภตโกติ วุจฺจติ, อยมฺปิ อายสฺมา อจฺฉราสมฺโภคนิมิตฺตํ พฺรหฺมจริยํ จรนฺโต ภตโก วิย โหตีติ วุตฺตํ ‘‘ภตกวาเทนา’’ติ ¶ . อุปกฺกิตกวาเทนาติ โย กหาปณาทีหิ กิฺจิ กิณาติ, โส อุปกฺกิตโกติ วุจฺจติ, อยมฺปิ อายสฺมา อจฺฉรานํ เหตุ อตฺตโน พฺรหฺมจริยํ กิณาติ, ตสฺมา ‘‘อุปกฺกิตโก’’ติ เอวํ วจเนน. อถ วา ภควโต อาณาย อจฺฉราสมฺโภคสงฺขาตาย ภติยา พฺรหฺมจริยวาสสงฺขาตํ ชีวิตํ ปวตฺเตนฺโต ตาย ภติยา ยาปเน ภควตา ภริยมาโน วิย โหตีติ ‘‘ภตโก’’ติ วุตฺโต, ตถา ¶ อจฺฉราสมฺโภคสงฺขาตํ วิกฺกยํ อาทาตพฺพํ กตฺวา ภควโต อาณตฺติยํ ติฏฺนฺโต เตน วิกฺกเยน ภควตา อุปกฺกิโต วิย โหตีติ วุตฺตํ ‘‘อุปกฺกิตโก’’ติ.
อฏฺฏียมาโนติ ปีฬิยมาโน ทุกฺขาปิยมาโน. หรายมาโนติ ลชฺชมาโน. ชิคุจฺฉมาโนติ ปาฏิกุลฺยโต ทหนฺโต. เอโกติ อสหาโย. วูปกฏฺโติ วตฺถุกาเมหิ กิเลสกาเมหิ จ กาเยน เจว จิตฺเตน จ วูปกฏฺโ. อปฺปมตฺโตติ กมฺมฏฺาเน สตึ อวิชหนฺโต. อาตาปีติ กายิกเจตสิกวีริยาตาเปน อาตาปวา, อาตาเปติ กิเลเสติ อาตาโป, วีริยํ. ปหิตตฺโตติ กาเย จ ชีวิเต จ อนเปกฺขตาย เปสิตตฺโต วิสฺสฏฺอตฺตภาโว, นิพฺพาเน วา เปสิตจิตฺโต. น จิรสฺเสวาติ กมฺมฏฺานารมฺภโต น จิเรเนว. ยสฺสตฺถายาติ ยสฺส อตฺถาย. กุลปุตฺตาติ ทุวิธา กุลปุตฺตา ชาติกุลปุตฺตา จ อาจารกุลปุตฺตา จ, อยํ ปน อุภยถาปิ กุลปุตฺโต. สมฺมเทวาติ เหตุนา จ การเณน จ. อคารสฺมาติ ฆรโต. อนคาริยนฺติ ปพฺพชฺชํ. กสิวณิชฺชาทิกมฺมฺหิ อคารสฺส หิตนฺติ อคาริยํ นาม, ตํ เอตฺถ นตฺถีติ ปพฺพชฺชา อนคาริยาติ วุจฺจติ. ปพฺพชนฺตีติ อุปคจฺฉนฺติ. ตทนุตฺตรนฺติ ตํ อนุตฺตรํ. พฺรหฺมจริยปริโยสานนฺติ มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส ปริโยสานภูตํ อรหตฺตผลํ. ตสฺส หิ อตฺถาย กุลปุตฺตา อิธ ปพฺพชนฺติ. ทิฏฺเว ธมฺเมติ ตสฺมึเยว อตฺตภาเว. สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวาติ อตฺตนาเยว ปฺาย ปจฺจกฺขํ กตฺวา, อปรปฺปจฺจเยน ตฺวาติ อตฺโถ. อุปสมฺปชฺช วิหาสีติ ปาปุณิตฺวา สมฺปาเทตฺวา วา วิหาสิ. เอวํ วิหรนฺโตว ขีณา ชาติ…เป… อพฺภฺาสีติ. อิมินา อสฺส ปจฺจเวกฺขณภูมิ ทสฺสิตา.
ตตฺถ ¶ ขีณา ชาตีติ น ตาวสฺส อตีตา ชาติ ขีณา ปุพฺเพว ขีณตฺตา, น อนาคตา อนาคตตฺตา เอว, น ปจฺจุปฺปนฺนา วิชฺชมานตฺตา. มคฺคสฺส ปน อภาวิตตฺตา ยา เอกจตุปฺจโวการภเวสุ เอกจตุปฺจกฺขนฺธปฺปเภทา ¶ ชาติ อุปฺปชฺเชยฺย, สา มคฺคสฺส ภาวิตตฺตา อนุปฺปาทธมฺมตํ อาปชฺชเนน ขีณา. ตํ โส มคฺคภาวนาย ปหีนกิเลเส ปจฺจเวกฺขิตฺวา ¶ กิเลสาภาเวน วิชฺชมานมฺปิ กมฺมํ อายตึ อปฺปฏิสนฺธิกํ โหตีติ ชานเนน อพฺภฺาสิ. วุสิตนฺติ วุตฺถํ ปริวุตฺถํ กตํ จริตํ, นิฏฺาปิตนฺติ อตฺโถ. พฺรหฺมจริยนฺติ มคฺคพฺรหฺมจริยํ. ปุถุชฺชนกลฺยาณเกน หิ สทฺธึ สตฺต เสกฺขา พฺรหฺมจริยวาสํ วสนฺติ นาม, ขีณาสโว วุตฺถวาโส, ตสฺมา โส อตฺตโน พฺรหฺมจริยวาสํ ปจฺจเวกฺขนฺโต ‘‘วุสิตํ พฺรหฺมจริย’’นฺติ อพฺภฺาสิ. กตํ กรณียนฺติ จตูสุ สจฺเจสุ จตูหิ มคฺเคหิ ปริฺาปหานสจฺฉิกิริยาภาวนาวเสน โสฬสวิธมฺปิ กิจฺจํ นิฏฺาปิตํ. ปุถุชฺชนกลฺยาณกาทโย หิ ตํ กิจฺจํ กโรนฺติ นาม, ขีณาสโว กตกรณีโย, ตสฺมา โส อตฺตโน กรณียํ ปจฺจเวกฺขนฺโต ‘‘กตํ กรณีย’’นฺติ อพฺภฺาสิ. นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ ‘‘อิทานิ ปุน อิตฺถภาวาย เอวํ โสฬสกิจฺจภาวาย กิเลสกฺขยาย วา มคฺคภาวนาย กิจฺจํ เม นตฺถี’’ติ อพฺภฺาสิ. นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ วา ‘‘อิตฺถภาวโต อิมสฺมา เอวํปการา วตฺตมานกฺขนฺธสนฺตานา อปรํ ขนฺธสนฺตานํ มยฺหํ นตฺถิ, อิเม ปน ปฺจกฺขนฺธา ปริฺาตา ติฏฺนฺติ ฉินฺนมูลกา วิย รุกฺขา, เต จริมกจิตฺตนิโรเธน อนุปาทาโน วิย ชาตเวโท นิพฺพายิสฺสนฺติ, อปณฺณตฺติกภาวํ คมิสฺสนฺตี’’ติ อพฺภฺาสิ. อฺตโรติ เอโก. อรหตนฺติ ภควโต สาวกานํ อรหนฺตานํ อพฺภนฺตโร เอโก มหาสาวโก อโหสีติ อตฺโถ.
อฺตรา เทวตาติ อธิคตมคฺคา เอกา พฺรหฺมเทวตา. สา หิ สยํ อเสกฺขตฺตา อเสกฺขวิสยํ อพฺภฺาสิ. เสกฺขา หิ ตํ ตํ เสกฺขวิสยํ, ปุถุชฺชนา จ อตฺตโน ปุถุชฺชนวิสยเมว ชานนฺติ. อภิกฺกนฺตาย รตฺติยาติ ปริกฺขีณาย รตฺติยา, มชฺฌิมยาเมติ อตฺโถ. อภิกฺกนฺตวณฺณาติ อติอุตฺตมวณฺณา. เกวลกปฺปนฺติ อนวเสเสน สมนฺตโต. โอภาเสตฺวาติ อตฺตโน ปภาย จนฺโท วิย สูริโย วิย จ เชตวนํ เอโกภาสํ กตฺวา. เตนุปสงฺกมีติ อายสฺมโต นนฺทสฺส ¶ อรหตฺตปฺปตฺตึ วิทิตฺวา ปีติโสมนสฺสชาตา ¶ ‘‘ตํ ภควโต ปฏิเวเทสฺสามี’’ติ อุปสงฺกมิ.
อาสวานํ ขยาติ เอตฺถ อาสวนฺตีติ อาสวา, จกฺขุทฺวาราทีหิ ปวตฺตนฺตีติ อตฺโถ. อถ วา อาโคตฺรภุํ อาภวคฺคํ วา สวนฺตีติ อาสวา, เอเต ธมฺเม เอตฺจ โอกาสํ อนฺโต กริตฺวา ปวตฺตนฺตีติ อตฺโถ. จิรปาริวาสิยฏฺเน มทิราทิอาสวา วิยาติ อาสวา. ‘‘ปุริมา, ภิกฺขเว, โกฏิ น ปฺายติ อวิชฺชายา’’ติอาทิวจเนหิ (อ. นิ. ๑๐.๖๑) เนสํ จิรปาริวาสิยตา เวทิตพฺพา. อถ วา อายตํ สํสารทุกฺขํ สวนฺติ ปสวนฺตีติปิ, อาสวา. ปุริโม เจตฺถ อตฺโถ กิเลเสสุ ยุชฺชติ, ปจฺฉิโม กมฺเมปิ. น เกวลฺจ กมฺมกิเลสา เอว อาสวา, อถ โข นานปฺปการา อุปทฺทวาปิ. ตถา หิ ‘‘นาหํ, จุนฺท ¶ , ทิฏฺธมฺมิกานํเยว อาสวานํ สํวราย ธมฺมํ เทเสมี’’ติ เอตฺถ (ที. นิ. ๓.๑๘๒) วิวาทมูลภูตา กิเลสา อาสวาติ อาคตา.
‘‘เยน เทวูปปตฺยสฺส, คนฺธพฺโพ วา วิหงฺคโม;
ยกฺขตฺตํ เยน คจฺเฉยฺย, มนุสฺสตฺตฺจ อพฺพเช;
เต มยฺหํ อาสวา ขีณา, วิทฺธสฺตา วินลีกตา’’ติ. (อ. นิ. ๔.๓๖) –
เอตฺถ เตภูมิกํ กมฺมํ อวเสสา จ อกุสลา ธมฺมา อาสวาติ อาคตา. ‘‘ทิฏฺธมฺมิกานํ อาสวานํ สํวราย, สมฺปรายิกานํ อาสวานํ ปฏิฆาตายา’’ติ (ปารา. ๓๙) ปรูปฆาตวิปฺปฏิสารวธพนฺธาทโย เจว อปายทุกฺขภูตา จ นานปฺปการา อุปทฺทวา.
เต ปเนเต อาสวา วินเย – ‘‘ทิฏฺธมฺมิกานํ อาสวานํ สํวราย สมฺปรายิกานํ อาสวานํ ปฏิฆาตายา’’ติ (ปารา. ๓๙) ทฺวิธา อาคตา. สฬายตเน ‘‘ตโยเม, อาวุโส, อาสวา – กามาสโว, ภวาสโว, อวิชฺชาสโว’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๐๕) ติธา อาคตา, ตถา อฺเสุ จ สุตฺตนฺเตสุ. อภิธมฺเม เตเยว ทิฏฺาสเวน สทฺธึ จตุธา อาคตา. นิพฺเพธิกปริยาเย ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อาสวา นิรยคามินิยา’’ติอาทินา (อ. นิ. ๖.๖๓) ปฺจธา ¶ อาคตา. ฉกฺกนิปาเต ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อาสวา สํวราย ปหาตพฺพา’’ติอาทินา (อ. นิ. ๖.๕๘) นเยน ¶ ฉธา อาคตา. สพฺพาสวปริยาเย (ม. นิ. ๑.๒๒) เตเยว ทสฺสนปหาตพฺเพหิ สทฺธึ สตฺตธา อาคตา. อิธ ปน อภิธมฺมนเยน จตฺตาโร อาสวา เวทิตพฺพา.
ขยาติ เอตฺถ ปน ‘‘โย อาสวานํ ขโย เภโท ปริเภโท’’ติอาทีสุ อาสวานํ สรสเภโท อาสวกฺขโยติ วุตฺโต. ‘‘ชานโต อหํ, ภิกฺขเว, ปสฺสโต อาสวานํ ขยํ วทามี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑๕) อาสวานํ อายตึ อนุปฺปาโท อาสวกฺขโยติ วุตฺโต.
‘‘เสกฺขสฺส สิกฺขมานสฺส, อุชุมคฺคานุสาริโน;
ขยสฺมึ ปมํ าณํ, ตโต อฺา อนนฺตรา’’ติ. (อิติวุ. ๖๒) –
อาทีสุ ¶ มคฺโค อาสวกฺขโยติ วุตฺโต. ‘‘อาสวานํ ขยา สมโณ โหตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๔๓๘) ผลํ.
‘‘ปรวชฺชานุปสฺสิสฺส, นิจฺจํ อุชฺฌานสฺิโน;
อาสวา ตสฺส วฑฺฒนฺติ, อารา โส อาสวกฺขยา’’ติ. –
อาทีสุ (ธ. ป. ๒๕๓) นิพฺพานํ. อิธ ปน อาสวานํ อจฺจนฺตขโย อนุปฺปาโท วา มคฺโค วา ‘‘อาสวานํ ขโย’’ติ วุตฺโต.
อนาสวนฺติ ปฏิปสฺสทฺธิวเสน สพฺพโส ปหีนาสวํ. เจโตวิมุตฺตินฺติ อรหตฺตผลสมาธึ. ปฺาวิมุตฺตินฺติ อรหตฺตผลปฺํ. อุภยวจนํ มคฺเค วิย ผเลปิ สมถวิปสฺสนานํ ยุคนนฺธภาวทสฺสนตฺถํ. าณนฺติ สพฺพฺุตฺาณํ. เทวตาย วจนสมนนฺตรเมว ‘‘กถํ นุ โข’’ติ อาวชฺเชนฺตสฺส ภควโต าณํ อุปฺปชฺชิ ‘‘นนฺเทน อรหตฺตํ สจฺฉิกต’’นฺติ. โส หิ อายสฺมา สหายภิกฺขูหิ ตถา อุปฺปณฺฑิยมาโน ‘‘ภาริยํ วต มยา กตํ, โยหํ เอวํ สฺวากฺขาเต ธมฺมวินเย ปพฺพชิตฺวา อจฺฉรานํ ปฏิลาภาย สตฺถารํ ปาฏิโภคํ อกาสิ’’นฺติ อุปฺปนฺนสํเวโค หิโรตฺตปฺปํ ปจฺจุปฏฺเปตฺวา ฆเฏนฺโต วายมนฺโต อรหตฺตํ ปตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘ยํนูนาหํ ภควนฺตํ เอตสฺมา ปฏิสฺสวา โมเจยฺย’’นฺติ. โส ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา อตฺตโน อธิปฺปายํ สตฺถุ อาโรเจสิ. เตน ¶ วุตฺตํ – ‘‘อถ โข อายสฺมา นนฺโท…เป… เอตสฺมา ปฏิสฺสวา’’ติ. ตตฺถ ปฏิสฺสวาติ ปาฏิโภคปฺปฏิสฺสวา, ‘‘อจฺฉรานํ ปฏิลาภาย อหํ ปฏิภูโต’’ติ ปฏิฺาย.
อถสฺส ¶ ภควา ‘‘ยสฺมา ตยา อฺา อาราธิตาติ าตเมตํ มยา, เทวตาปิ เม อาโรเจสิ, ตสฺมา นาหํ ปฏิสฺสวา อิทานิ โมเจตพฺโพ อรหตฺตปฺปตฺติยาว โมจิตตฺตา’’ติ อาห. เตน วุตฺตํ ‘‘ยเทว โข เต นนฺทา’’ติอาทิ. ตตฺถ ยเทวาติ ยทา เอว. เตติ ตว. มุตฺโตติ ปมุตฺโต. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยสฺมึเยว กาเล อาสเวหิ ตว จิตฺตํ วิมุตฺตํ, อถ อนนฺตรเมวาหํ ตโต ปาฏิโภคโต มุตฺโตติ.
โสปิ อายสฺมา วิปสฺสนากาเลเยว ‘‘ยเทวาหํ อินฺทฺริยาสํวรํ นิสฺสาย อิมํ วิปฺปการํ ปตฺโต, ตเมว สุฏฺุ นิคฺคเหสฺสามี’’ติ อุสฺสาหชาโต พลวหิโรตฺตปฺโป ตตฺถ จ กตาธิการตฺตา อินฺทฺริยสํวเร อุกฺกฏฺปฏิปทมฺปิ อคมาสิ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘สเจ ¶ , ภิกฺขเว, นนฺทสฺส ปุรตฺถิมา ทิสา อาโลเกตพฺพา โหติ, สพฺพํ เจตโส สมนฺนาหริตฺวา นนฺโท ปุรตฺถิมํ ทิสํ อาโลเกติ ‘เอวํ เม ปุรตฺถิมํ ทิสํ อาโลกยโต น อภิชฺฌาโทมนสฺสา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อนฺวาสฺสเวยฺยุ’นฺติ, อิติห ตตฺถ สมฺปชาโน โหติ.
‘‘สเจ, ภิกฺขเว, นนฺทสฺส ปจฺฉิมา…เป… อุตฺตรา… ทกฺขิณา… อุทฺธํ… อโธ… อนุทิสา อาโลเกตพฺพา โหติ, สพฺพํ เจตโส สมนฺนาหริตฺวา นนฺโท อนุทิสํ อาโลเกติ ‘เอวํ เม…เป… สมฺปชาโน โหตี’’’ติ (อ. นิ. ๘.๙).
เตเนว ตํ อายสฺมนฺตํ สตฺถา ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารานํ ยทิทํ นนฺโท’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๓๐) เอตทคฺเค เปสิ.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ อายสฺมโต นนฺทสฺส สพฺพาสเว เขเปตฺวา สุขาทีสุ ตาทิภาวปฺปตฺติสงฺขาตํ อตฺถํ สพฺพาการโต วิทิตฺวา. อิมํ อุทานนฺติ ตทตฺถวิภาวนํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ ยสฺส นิตฺติณฺโณ ปงฺโกติ เยน อริยปุคฺคเลน อริยมคฺคเสตุนา สพฺโพ ทิฏฺิปงฺโก สํสารปงฺโก เอว วา นิพฺพานปารคมเนน ติณฺโณ. มทฺทิโต กามกณฺฑโกติ เยน สตฺตานํ วิชฺฌนโต. ‘‘กามกณฺฑโก’’ติ ¶ ลทฺธนาโม สพฺโพ กิเลสกาโม สพฺโพ กามวิสูโก อคฺคาณทณฺเฑน มทฺทิโต ภคฺโค อนวเสสโต มถิโต. โมหกฺขยํ อนุปฺปตฺโตติ เอวํภูโต จ ทุกฺขาทิวิสยสฺส สพฺพสฺส สมฺโมหสฺส ¶ เขปเนน โมหกฺขยํ ปตฺโต, อรหตฺตผลํ นิพฺพานฺจ อนุปฺปตฺโต. สุขทุกฺเขสุ น เวธตี ส ภิกฺขูติ โส ภินฺนกิเลโส ภิกฺขุ อิฏฺารมฺมณสมาโยคโต อุปฺปนฺเนสุ สุเขสุ อนิฏฺารมฺมณสมาโยคโต อุปฺปนฺเนสุ ทุกฺเขสุ จ น เวธติ น กมฺปติ, ตํ นิมิตฺตํ จิตฺตวิการํ นาปชฺชติ. ‘‘สุขทุกฺเขสู’’ติ จ เทสนามตฺตํ, สพฺเพสุปิ โลกธมฺเมสุ น เวธตีติ เวทิตพฺพํ.
ทุติยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ยโสชสุตฺตวณฺณนา
๒๓. ตติเย ¶ ยโสชปฺปมุขานีติ เอตฺถ ยโสโชติ ตสฺส เถรสฺส นามํ, ตํ ปุพฺพงฺคมํ กตฺวา ปพฺพชิตตฺตา วิจรณโต จ ตานิ ปฺจ ภิกฺขุสตานิ ‘‘ยโสชปฺปมุขานี’’ติ วุตฺตานิ.
เตสํ อยํ ปุพฺพโยโค – อตีเต กิร กสฺสปทสพลสฺส สาสเน อฺตโร ภิกฺขุ อารฺโก อรฺเ ปิฏฺิปาสาเณ กตปณฺณกุฏิยํ วิหรติ. ตสฺมิฺจ สมเย ปฺจสตา โจรา คามฆาตกาทีนิ กตฺวา โจริกาย ชีวนฺตา โจรกมฺมํ กตฺวา ชนปทมนุสฺเสหิ อนุพทฺธา ปลายมานา อรฺํ ปวิสิตฺวา ตตฺถ กิฺจิ คหณํ วา ปฏิสรณํ วา อปสฺสนฺตา อวิทูเร ตํ ภิกฺขุํ ปาสาเณ นิสินฺนํ ทิสฺวา วนฺทิตฺวา ตํ ปวตฺตึ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘อมฺหากํ, ภนฺเต, ปฏิสรณํ โหถา’’ติ ยาจึสุ. เถโร ‘‘ตุมฺหากํ สีลสทิสํ ปฏิสรณํ นตฺถิ, สพฺเพ ปฺจ สีลานิ สมาทิยถา’’ติ อาห. เต ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา สีลานิ สมาทิยึสุ. เถโร ‘‘ตุมฺเห อิทานิ สีเลสุ ปติฏฺิตา, อตฺตโน ชีวิตํ วินาสยนฺเตสุปิ มา มนํ ปโทสยิตฺถา’’ติ กกจูปมวิธึ (ม. นิ. ๑.๒๒๒ อาทโย) อาจิกฺขิ. เต ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉึสุ. อถ เต ชานปทา ตํ สมฺปตฺตา อิโต จิโต จ คเวสนฺตา เต โจเร ทิสฺวา สพฺเพว ชีวิตา โวโรเปสุํ. เต ¶ เตสุ มโนปโทสมตฺตมฺปิ อกตฺวา อกฺขณฺฑสีลา กาลํ กตฺวา กามาวจรเทเวสุ นิพฺพตฺตึสุ. เตสุ ¶ เชฏฺโจโร เชฏฺเทวปุตฺโต อโหสิ, อิตเร ตสฺเสว ปริวารา.
เต อปราปรํ สํสรนฺตา เอกํ พุทฺธนฺตรํ เทวโลเก เขเปตฺวา อมฺหากํ ภควโต กาเล เทวโลกโต จวิตฺวา เชฏฺเทวปุตฺโต สาวตฺถินครทฺวาเร เกวฏฺฏคาเม ปฺจสตกุลคามเชฏฺกสฺส เกวฏฺฏสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, ยโสโชติสฺส นามํ อกํสุ. อิตเรปิ อวเสสเกวฏฺฏานํ ปุตฺตา หุตฺวา นิพฺพตฺตึสุ. เต ปุพฺพสนฺนิวาเสน สพฺเพปิ สหายกา หุตฺวา สหปํสุกีฬิตํ กีฬนฺตา อนุปุพฺเพน วยปฺปตฺตา อเหสุํ, ยโสโช เตสํ อคฺโค อโหสิ. เต สพฺเพว เอกโต หุตฺวา ชาลานิ คเหตฺวา นทิตฬากาทีสุ มจฺเฉ พนฺธนฺตา วิจรนฺติ.
อเถกทิวสํ อจิรวติยา นทิยา ชาเล ขิตฺเต สุวณฺณวณฺโณ มจฺโฉ อนฺโตชาเล ปาวิสิ. ตํ ทิสฺวา สพฺเพปิ เกวฏฺฏา ‘‘อมฺหากํ ปุตฺตา มจฺเฉ พนฺธนฺตา สุวณฺณวณฺณํ มจฺฉํ พนฺธึสู’’ติ หฏฺตุฏฺา อเหสุํ. อถ เต ปฺจสตาปิ สหายกา มจฺฉํ นาวาย ปกฺขิปิตฺวา นาวํ อุกฺขิปิตฺวา รฺโ ทสฺเสสุํ. ราชา ตํ ทิสฺวา ‘‘ภควา เอตสฺส สุวณฺณวณฺณการณํ ชานิสฺสตี’’ติ มจฺฉํ คาหาเปตฺวา ภควโต ทสฺเสสิ. สตฺถา ‘‘อยํ กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สาสเน ¶ โอสกฺกมาเน ปพฺพชิตฺวา มิจฺฉา ปฏิปชฺชนฺโต สาสนํ โอสกฺกาเปตฺวา นิรเย นิพฺพตฺโต เอกํ พุทฺธนฺตรํ นิรเย ปจฺจิตฺวา ตโต จุโต อจิรวติยํ มจฺโฉ หุตฺวา นิพฺพตฺโต’’ติ วตฺวา ตสฺส มาตุภคินีนฺจ นิรเย นิพฺพตฺตภาวํ, ตสฺส ภาติกตฺเถรสฺส ปรินิพฺพุตภาวฺจ เตเนว กถาเปตฺวา อิมิสฺสา อฏฺุปฺปตฺติยา กปิลสุตฺตํ เทเสสิ.
สตฺถุ เทสนํ สุตฺวา เต ปฺจสตา เกวฏฺฏปุตฺตา สํเวคชาตา หุตฺวา ภควโต สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา, อุปสมฺปนฺนา หุตฺวา วิเวกวาสํ วสนฺตา ภควนฺตํ ทสฺสนาย อาคมํสุ. เตน วุตฺตํ – ‘‘เตน โข ปน สมเยน ยโสชปฺปมุขานิ ปฺจมตฺตานิ ภิกฺขุสตานี’’ติอาทิ.
ตตฺถ เตธาติ เต อิธ. เนวาสิเกหีติ นิพทฺธวาสํ วสมาเนหิ. ปฏิสมฺโมทมานาติ เนวาสิกภิกฺขูหิ ‘‘กจฺจาวุโส, ขมนีย’’นฺติอาทินา ปฏิสนฺถารวเสน สมฺโมทนาย กตาย ‘‘อามาวุโส, ขมนีย’’นฺติอาทินา ¶ , ปุน สมฺโมทมานา เตหิ สทฺธึ สมปฺปวตฺตโมทา. เสนาสนานิ ปฺาปยมานาติ อาจริยุปชฺฌายานํ ¶ อตฺตโน จ ปาปุณกานิ เสนาสนานิ ปุจฺฉิตฺวา เตหิ เนวาสิเกหิ เตสํ ‘‘อิทํ ตุมฺหากํ อาจริยานํ, อิทํ ตุมฺหากํ อุปชฺฌายานํ, อิทํ ตุมฺหากํ ปาปุณาตี’’ติ เสนาสนานิ สํวิธาเปตฺวา อตฺตนา จ ตตฺถ คนฺตฺวา, ทฺวารกวาฏานิ วิวริตฺวา, มฺจปีกฏสารกาทีนิ นีหริตฺวา ปปฺโผเฏตฺวา ยถาานํ ปนาทิวเสน ปฺาเปนฺตา จ.
ปตฺตจีวรานิ ปฏิสามยมานาติ, ‘‘ภนฺเต, อิมํ เม ปตฺตํ เปถ, อิทํ จีวรํ, อิทํ ถาลกํ, อิทํ อุทกตุมฺพํ, อิทํ เม กตฺตรยฏฺิ’’นฺติ เอวํ สมณปริกฺขารํ สํโคปยมานา. อุจฺจาสทฺทา มหาสทฺทาติ อุทฺธํ คตฏฺเน อุจฺโจ สทฺโท เยสนฺเต อุจฺจาสทฺทา อการสฺส อาการํ กตฺวา. สมนฺตโต ปตฺถฏฏฺเน มหนฺโต สทฺโท เยสนฺเต มหาสทฺทา. เกวฏฺฏา มฺเ มจฺฉวิโลเปติ เกวฏฺฏา วิย มจฺฉวิลุมฺปเน. ยถา นาม เกวฏฺฏา อุทเก วฏฺฏนโต มจฺฉคฺคหณตฺถํ ปวตฺตนโต ‘‘เกวฏฺฏา’’ติ ลทฺธนามา มจฺฉพนฺธา มจฺฉคฺคหณตฺถํ ชเล ชาลํ ปกฺขิปิตฺวา ‘‘ปวิฏฺโ น ปวิฏฺโ, คหิโต น คหิโต’’ติอาทินา อุจฺจาสทฺทมหาสทฺทา โหนฺติ. ยถา จ เต มจฺฉปจฺฉิอาทีนิ ปิตฏฺาเน มหาชเน คนฺตฺวา ‘‘มยฺหํ เอกํ มจฺฉํ เทถ, มยฺหํ เอกํ มจฺฉผาลํ เทถ, อมุกสฺส ทินฺโน มหนฺโต, มยฺหํ ขุทฺทโก’’ติอาทีนิ วตฺวา วิลุมฺปมาเน เตสํ ปฏิเสธนาทิวเสน อุจฺจาสทฺทมหาสทฺทา จ โหนฺติ, เอวเมเต ภิกฺขูติ ทสฺเสติ. เตเตติ เต เอเต. กึนูติ กิสฺส นุ, กิมตฺถํ นูติ อตฺโถ. เตเมติ เต อิเม. ปณาเมมีติ นีหรามิ. โวติ ตุมฺเห. น โว มม สนฺติเก วตฺถพฺพนฺติ ตุมฺเหหิ มยฺหํ สนฺติเก น วสิตพฺพํ. เย ตุมฺเห มาทิสสฺส พุทฺธสฺส วสนฏฺานํ ¶ อาคนฺตฺวา เอวํ มหาสทฺทํ กโรถ, อตฺตโน ธมฺมตาย วสนฺตา กึ นาม สารุปฺปํ กริสฺสถ, ตุมฺหาทิสานํ มม สนฺติเก วสนกิจฺจํ นตฺถีติ ทีเปติ. เอวํ ปณามิเตสุ จ ภควตา เตสุ เอกภิกฺขุปิ ‘‘ภควา ตุมฺเห มหาสทฺทมตฺตเกน ¶ อมฺเห ปณาเมถา’’ติ วา อฺํ วา กิฺจิ ปฏิวจนํ อวตฺวา พุทฺธคารเวน สพฺเพ ภควโต วจนํ สมฺปฏิจฺฉนฺตา ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ วตฺวา นิกฺขมึสุ. เอวํ ปน เตสํ อโหสิ ‘‘มยํ สตฺถารํ ปสฺสิสฺสาม, ธมฺมํ โสสฺสาม, สตฺถุ สนฺติเก วสิสฺสามาติ อาคตา, เอวรูปสฺส ปน ครุโน ¶ สตฺถุ สนฺติกํ อาคนฺตฺวา มหาสทฺทํ กริมฺหา, อมฺหากเมว โทโสยํ, ปณามิตมฺหา ตโต, น ลทฺธํ สตฺถุ สนฺติเก วตฺถุํ, สมนฺตปาสาทิกํ สุวณฺณวณฺณํ สรีรํ โอโลเกตุํ, มธุรสฺสเรน เทสิตํ ธมฺมํ โสตุ’’นฺติ. เต พลวโทมนสฺสชาตา หุตฺวา ปกฺกมึสุ.
สํสาเมตฺวาติ สุคุตฺตํ กตฺวา. วชฺชีติ เอวํนามโก ชนปโท, วชฺชี นาม ชานปทิโน ราชกุมารา, เตสํ นิวาโส เอโกปิ ชนปโท รุฬฺหีวเสน ‘‘วชฺชี’’ตฺเวว วุจฺจติ. เตน วุตฺตํ ‘‘วชฺชีสู’’ติ. วคฺคุมุทาติ เอวํนาม โลกสฺส ปฺุสมฺมตา เอกา นที. ‘‘วคฺคมุทา’’ติปิ ปาโ. อตฺถกาเมนาติ กิฺจิ ปโยชนํ อนเปกฺขิตฺวา อตฺถเมว อิจฺฉนฺเตน. หิเตสินาติ อตฺถํ อิจฺฉนฺเตน, ‘‘กินฺติ เม สาวกา วฏฺฏทุกฺขา ปริมุจฺเจยฺยุ’’นฺติ ตสฺส อตฺถสงฺขาตสฺส อตฺถสฺส วา เหตุภูตสฺส หิตสฺส เอสนสีเลน. ตโต เอว อตฺตโน สรีรเขทํ อคเณตฺวา ทูเรปิ เวเนยฺยสนฺติกํ คนฺตฺวา อนุกมฺปนโต อนุกมฺปเกน. ตเมว อนุกมฺปํ อุปาทาย มยํ ปณามิตา, น อตฺตโน เวยฺยาวจฺจาทิปจฺจาสีสาย. ยสฺมา ธมฺมครุโน พุทฺธา ภควนฺโต สมฺมาปฏิปตฺติยาว ปูเชตพฺพา, เย อุจฺจาสทฺทกรณมตฺเตปิ ปณาเมนฺติ, ตสฺมา หนฺท มยํ, อาวุโส, ตถา วิหารํ กปฺเปม สพฺพตฺถ สติสมฺปชฺโยเคน อปณฺณกปฺปฏิปทํ ปูเรนฺตา ยถาคหิตกมฺมฏฺานํ มตฺถกํ ปาเปนฺตา จตุอิริยาปถวิหารํ กปฺเปม วิหราม. ยถา โน วิหรตนฺติ ยถา อมฺเหสุ วิหรนฺเตสุ, ภควา อตฺตมโน อสฺส, สมฺมาปฏิปตฺติยา ปูชาย อาราธิโต ภเวยฺยาติ อตฺโถ.
เตเนวนฺตรวสฺเสนาติ ตสฺมึเยว อนฺตรวสฺเส มหาปวารณํ ¶ อนติกฺกมิตฺวาว. สพฺเพว ติสฺโส วิชฺชา สจฺฉากํสูติ สพฺเพเยว เต ปฺจสตา ภิกฺขู ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณํ ทิพฺพจกฺขุาณํ อาสวกฺขยาณนฺติ อิมา ติสฺโส ปุพฺเพนิวุตฺถกฺขนฺธปฺปฏิจฺฉาทกโมหกฺขนฺธาทีนํ วินิวิชฺฌนฏฺเน วิชฺชา อตฺตปจฺจกฺขา อกํสุ. โลกิยาภิฺาสุ อิมาเยว ทฺเว อภิฺา อาสวกฺขยาณสฺส พหูปการา, น ตถา ทิพฺพโสตเจโตปริยอิทฺธิวิธาณานีติ ทสฺสนตฺถํ วิชฺชตฺตยเมเวตฺถ เตสํ ภิกฺขูนํ อธิคมทสฺสนวเสน อุทฺธฏํ. ตถา หิ เวรฺชสุตฺเต (อ. นิ. ๘.๑๑) ภควา เวรฺชพฺราหฺมณสฺส อตฺตโน อธิคมํ ทสฺเสนฺโต วิชฺชตฺตยเมว เทเสสิ, น ทิพฺพโสตาณาทีนํ ¶ อภาวโต. เอวํ เตสมฺปิ ภิกฺขูนํ วิชฺชมานานิปิ ทิพฺพโสตาณาทีนิ ¶ น อุทฺธฏานิ. ฉฬภิฺา หิ เต ภิกฺขู. เอวฺจ กตฺวา ‘‘วคฺคุมุทาย นทิยา ตีเร อนฺตรหิตา มหาวเน กูฏาคารสาลายํ ภควโต สมฺมุเข ปาตุรเหสุ’’นฺติ เตสํ ภิกฺขูนํ อิทฺธิวฬฺชนํ วกฺขติ.
ยถาภิรนฺตนฺติ ยถาภิรตึ ยถาชฺฌาสยํ. พุทฺธานฺหิ เอกสฺมึ าเน วสนฺตานํ ฉายูทกวิปตฺตึ วา อผาสุกเสนาสนํ วา มนุสฺสานํ อสฺสทฺธาทิภาวํ วา อาคมฺม อนภิรติ นาม นตฺถิ, เตสํ สมฺปตฺติยา ‘‘ผาสุํ วิหรามา’’ติ จิรวิหาโรปิ นตฺถิ. ยตฺถ ปน ภควติ วิหรนฺเต มนุสฺสา สรเณสุ วา ปติฏฺหนฺติ, สีลานิ วา สมาทิยนฺติ ปพฺพชนฺติ, โสตาปตฺติมคฺคาทีนิ วา ปาปุณนฺติ, สตฺถา ตาสุ สมฺปตฺตีสุ เตสํ ปติฏฺาปนตฺถํ วสติ, ตทภาเว ปกฺกมติ. ตทา หิ สาวตฺถิยํ กตฺตพฺพพุทฺธกิจฺจํ นาโหสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข ภควา สาวตฺถิยํ ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวา เยน เวสาลี เตน จาริกํ ปกฺกามี’’ติ.
จาริกํ จรมาโนติ อทฺธานคมนํ คจฺฉนฺโต. จาริกา จ นาเมสา ภควโต ทุวิธา ตุริตจาริกา อตุริตจาริกาติ. ตตฺถ ทูเรปิ โพธเนยฺยปุคฺคลํ ทิสฺวา ตสฺส โพธนตฺถํ สหสา คมนํ ตุริตจาริกา นาม, สา มหากสฺสปปจฺจุคฺคมนาทีสุ ทฏฺพฺพา. ยา ปน คามนิคมราชธานีปฏิปาฏิยา เทวสิกํ โยชนทฺธโยชนวเสน ปิณฺฑปาตจริยาทีหิ โลกํ อนุคฺคณฺหนฺโต คจฺฉติ, อยํ อตุริตจาริกา นาม, อยเมว อิธาธิปฺเปตา. ตทวสรีติ เตน อวสริ, ตํ วา อวสริ, ตตฺถ อวสริ ¶ , ปาวิสีติ อตฺโถ.
ตตฺราติ ตสฺสํ. สุทนฺติ นิปาตมตฺตํ. เวสาลิยนฺติ ติกฺขตฺตุํ วิสาลีภูตตฺตา ‘‘เวสาลี’’ติ ลทฺธนาเม ลิจฺฉวิราชูนํ นคเร. มหาวเนติ มหาวนํ นาม สยํชาตํ อโรปิมํ สปริจฺเฉทํ มหนฺตํ วนํ. กปิลวตฺถุสามนฺตา ปน มหาวนํ หิมวนฺเตน สห เอกาพทฺธํ อปริจฺเฉทํ หุตฺวา มหาสมุทฺทํ อาหจฺจ ิตํ. อิทํ ตาทิสํ น โหติ, สปริจฺเฉทํ มหนฺตํ วนนฺติ มหาวนํ. กูฏาคารสาลายนฺติ ตสฺมึ มหาวเน ภควนฺตํ อุทฺทิสฺส กเต อาราเม กูฏาคารํ อนฺโต กตฺวา หํสวฏฺฏกจฺฉนฺเนน กตา สพฺพาการสมฺปนฺนา พุทฺธสฺส ภควโต คนฺธกุฏิ กูฏาคารสาลา นาม ¶ , ตสฺสํ กูฏาคารสาลายํ. วคฺคุมุทาตีริยานนฺติ วคฺคุมุทาตีรวาสีนํ. เจตสา เจโต ปริจฺจ มนสิ กริตฺวาติ อตฺตโน จิตฺเตน เตสํ จิตฺตํ ปริจฺฉิชฺช มนสิ กริตฺวา, เจโตปริยาเณน วา สพฺพฺุตฺาเณน วา เตหิ อธิคตวิเสสํ ชานิตฺวาติ อตฺโถ.
อาโลกชาตา ¶ วิยาติ สฺชาตาโลกา วิย. อิตรํ ตสฺเสว เววจนํ, จนฺทสหสฺสสูริยสหสฺเสหิ โอภาสิตา วิยาติ อตฺโถ. ยสฺมา เต ยโสชปฺปมุขา ปฺจสตา ภิกฺขู สพฺพโส อวิชฺชนฺธการวิธมเนน อาโลกภูตา โอภาสภูตา หุตฺวา วิหรนฺติ, ตสฺมา ภควา เตหิ ิตทิสาย ‘‘อาโลกชาตา วิย เม, อานนฺท, เอสา ทิสา’’ติอาทินา วณฺณภณนาปเทเสน เต ภิกฺขู ปสํสติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ยสฺสํ ทิสายํ วคฺคุมุทาตีริยา ภิกฺขู วิหรนฺตี’’ติ. อปฺปฏิกูลาติ น ปฏิกูลา, มนาปา มโนหราติ อตฺโถ. ยสฺมิฺหิ ปเทเส สีลาทิคุณสมฺปนฺนา มเหสิโน วิหรนฺติ, ตํ กิฺจาปิ อุกฺกูลวิกูลวิสมทุคฺคาการํ, อถ โข มนฺุํ รมณียเมว. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘คาเม วา ยทิ วารฺเ, นินฺเน วา ยทิ วา ถเล;
ยตฺถ อรหนฺโต วิหรนฺติ, ตํ ภูมิรามเณยฺยก’’นฺติ. (ธ. ป. ๙๘);
ปหิเณยฺยาสีติ ¶ เปเสยฺยาสิ. สตฺถา อายสฺมนฺตานํ ทสฺสนกาโมติ เตสํ ภิกฺขูนํ สนฺติเก ปเหณาการทสฺสนํ. อิติ ภควา ยทตฺถํ เต ภิกฺขู ปณาเมสิ, ตมตฺถํ มตฺถกปฺปตฺตํ ทิสฺวา อารทฺธจิตฺโต เตสํ ทสฺสนกามตํ เถรสฺส อาโรเจสิ. เอวํ กิรสฺส อโหสิ ‘‘อหํ อิเม อุจฺจาสทฺทมหาสทฺทกรเณ ปณาเมสฺสามิ, อถ เต ภทฺโร อสฺสาชานีโย วิย กสาภิฆาเตน, เตน โจทิตา สํเวคปฺปตฺตา มมาราธนตฺถํ อรฺํ ปวิสิตฺวา ฆเฏนฺตา วายมนฺตา ขิปฺปเมว อรหตฺตํ สจฺฉิกริสฺสนฺตี’’ติ. อิทานิ เต อคฺคผลปฺปตฺเต ทิสฺวา ตาย อรหตฺตปฺปตฺติยา อาราธิตจิตฺโต เตสํ ทสฺสนกาโม หุตฺวา เอวํ ธมฺมภณฺฑาคาริกํ อาณาเปสิ.
โส ภิกฺขูติ อานนฺทตฺเถเรน ตถา อาณตฺโต ฉฬภิฺโ เอโก ภิกฺขุ. ปมุเขติ สมฺมุเข. อาเนฺชสมาธินาติ จตุตฺถชฺฌานปาทเกน อคฺคผลสมาธินา, ‘‘อรูปชฺฌานปาทเกนา’’ติปิ วทนฺติ. ‘‘อาเนฺเชน สมาธินา’’ติปิ ¶ ปาโ. กสฺมา ปน ภควา เตสํ ภิกฺขูนํ อาคมนํ ชานนฺโต ปฏิสนฺถารํ อกตฺวา สมาปตฺตึเยว สมาปชฺชิ? เตสํ อตฺตนา สมาปนฺนสมาปตฺตึ ชานิตฺวา สมาปชฺชนตฺถํ, เตสํ ปุพฺเพ ปณามิตานํ อิทานิ อตฺตนา สมานสมฺโภคทสฺสนตฺถํ, อานุภาวทีปนตฺถํ, วินา วจีเภเทน อฺพฺยากรณทีปนตฺถฺจ. อปเร ปนาหุ ‘‘ปุพฺเพ ปณามิตานํ อิทานิ อตฺตโน สนฺติกํ อาคตานํ อนุตฺตรสุขุปฺปาทเนน อนฺสาธารณปฏิสนฺถารกรณตฺถ’’นฺติ. เตปิ อายสฺมนฺโต ภควโต อชฺฌาสยํ ตฺวา ตํเยว สมาปตฺตึ สมาปชฺชึสุ. เตน วุตฺตํ – ‘‘กตเมน นุ โข ภควา วิหาเรน เอตรหิ วิหรตี’’ติอาทิ.
เอตฺถ ¶ จ รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานํ โกสชฺชาทีนํ ปาริปนฺติกธมฺมานํ สุวิทูรภาวโต อิทฺธิยา มูลภูเตหิ อโนณมนาทีหิ โสฬสหิ โวทานธมฺเมหิ สมนฺนาคมนโต อาเนฺชปฺปตฺตํ สยํ อนิฺชนฏฺเน อาเนฺชนฺติ วุจฺจติ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘อโนณตํ ¶ จิตฺตํ โกสชฺเช น อิฺชตีติ อาเนฺชํ. อนุณฺณตํ จิตฺตํ อุทฺธจฺเจ น อิฺชตีติ อาเนฺชํ. อนภิรตํ จิตฺตํ ราเค น อิฺชตีติ อาเนฺชํ. อนปนตํ จิตฺตํ พฺยาปาเท น อิฺชตีติ อาเนฺชํ. อนิสฺสิตํ จิตฺตํ ทิฏฺิยา น อิฺชตีติ อาเนฺชํ. อปฺปฏิพทฺธํ จิตฺตํ ฉนฺทราเค น อิฺชตีติ อาเนฺชํ. วิปฺปมุตฺตํ จิตฺตํ กามราเค น อิฺชตีติ อาเนฺชํ. วิสํยุตฺตํ จิตฺตํ กิเลเส น อิฺชตีติ อาเนฺชํ. วิมริยาทิกตํ จิตฺตํ กิเลสมริยาทาย น อิฺชตีติ อาเนฺชํ. เอกตฺตคตํ จิตฺตํ นานตฺตกิเลเส น อิฺชตีติ อาเนฺชํ. สทฺธาย ปริคฺคหิตํ จิตฺตํ อสฺสทฺธิเย น อิฺชตีติ อาเนฺชํ. วีริเยน ปริคฺคหิตํ จิตฺตํ โกสชฺเช น อิฺชตีติ อาเนฺชํ. สติยา ปริคฺคหิตํ จิตฺตํ ปมาเท น อิฺชตีติ อาเนฺชํ. สมาธินา ปริคฺคหิตํ จิตฺตํ อุทฺธจฺเจ น อิฺชตีติ อาเนฺชํ. ปฺาย ปริคฺคหิตํ จิตฺตํ อวิชฺชาย น อิฺชตีติ อาเนฺชํ. โอภาสคตํ จิตฺตํ อวิชฺชนฺธกาเร น อิฺชตีติ อาเนฺช’’นฺติ.
รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานเมว จ รูปวิราคภาวนาวเสน ปวตฺติตํ, อารมฺมณวิภาเคน จตุพฺพิธํ อรูปาวจรชฺฌานนฺติ เอเตสํ ปฺจนฺนํ ฌานานํ อาเนฺชโวหาโร. เตสํ ยํ กิฺจิ ปาทกํ กตฺวา สมาปนฺนา อรหตฺตผลสมาปตฺติ อาเนฺชสมาธีติ โปราณา.
อภิกฺกนฺตายาติ ¶ อตีตาย. นิกฺขนฺเตติ นิคฺคเต, อปคเตติ อตฺโถ. ตุณฺหี อโหสีติ ภควา อริเยน ตุณฺหีภาเวน ตุณฺหี อโหสิ. อุทฺธสฺเต อรุเณติ อุคฺคเต อรุเณ, อรุโณ นาม ปุรตฺถิมทิสาย สูริโยทยโต ปุเรตรเมว อุฏฺิโตภาโส. นนฺทิมุขิยาติ รตฺติยา อรุณสฺส อุคฺคตตฺตา เอว อรุณปฺปภาย สูริยาโลกูปชีวิโน สตฺเต นนฺทาปนมุขิยา วิย ¶ รตฺติยา ชาตาย, วิภายมานายาติ อตฺโถ.
ตมฺหา สมาธิมฺหา วุฏฺหิตฺวาติ ยถาปริจฺเฉทํ ตโต อาเนฺชสมาธิโต อรหตฺตผลสมาปตฺติโต อุฏฺาย. สเจ โข ตฺวํ, อานนฺท, ชาเนยฺยาสีติ ภควา ‘‘อิเม จ ภิกฺขู เอตฺตกํ กาลํ อิมินา นาม สมาปตฺติสุเขน วีตินาเมนฺตี’’ติ, อานนฺท, ยทิ ตฺวํ ชาเนยฺยาสิ. เอตฺตกมฺปิ เต นปฺปฏิภาเสยฺยาติ โลกิยปฏิสมฺโมทนํ สนฺธาย ยทิทํ เต ‘‘อภิกฺกนฺตา, ภนฺเต, รตฺตี’’ติอาทินา ¶ ติกฺขตฺตุํ ปฏิภานํ อุปฏฺิตํ, ตยิทํ เอตฺตกมฺปิ เต น อุปฏฺเหยฺย. ยสฺมา จ โข ตฺวํ, อานนฺท, เสกฺโข อเสกฺขํ สมาปตฺติวิหารํ น ชานาสิ, ตสฺมา มํ อิเมสํ ภิกฺขูนํ โลกิยปฏิสมฺโมทนํ กาเรตุํ อุสฺสุกฺกํ อาปชฺชิ. อหํ ปน อิเมหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ โลกุตฺตรปฏิสมฺโมทเนเนว ติยามรตฺตึ วีตินาเมสินฺติ ทสฺเสนฺโต ภควา อาห – ‘‘อหฺจ, อานนฺท, อิมานิ จ ปฺจ ภิกฺขุสตานิ สพฺเพว อาเนฺชสมาธินา นิสีทิมฺหา’’ติ.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ เตสํ ภิกฺขูนํ อตฺตนา สมํ อาเนฺชสมาธิสมาปชฺชนสมตฺถตาสงฺขาตํ วสีภาวตฺถํ สพฺพาการโต วิทิตฺวา. อิมํ อุทานนฺติ อิมํ เตสํ ภิกฺขูนํ อนวเสสราคาทิปฺปหานสํสิทฺธิตาทิสภาวทีปนํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ ยสฺส ชิโต กามกณฺฑโกติ กุสลปกฺขวิชฺฌนฏฺเน กณฺฑกภูโต กิเลสกาโม เยน อริยปุคฺคเลน อนวเสสํ ชิโต ปหีโน, เอเตนสฺส อนุนยาภาวํ ทสฺเสติ. ‘‘คามกณฺฏโก’’ติปิ ปาโ. ตสฺสตฺโถ – คาเม กณฺฏโก กณฺฏกฏฺานิโย สกโล วตฺถุกาโม ยสฺส ชิโตติ. ชโย จสฺส ตปฺปฏิพทฺธฉนฺทราคปฺปหาเนเนว เวทิตพฺโพ, เตน เตสํ อนาคามิมคฺโค วุตฺโต โหติ ¶ . อกฺโกโส จ ชิโตติ สมฺพนฺโธ. วโธ จ พนฺธนฺจาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. เตสุ อกฺโกสชเยน วจีทุจฺจริตาภาโว, อิตเรน กายทุจฺจริตาภาโว ทสฺสิโต. เตน ตํนิมิตฺตกสฺส พฺยาปาทสฺส อนวเสสปฺปหาเนน ตติยมคฺโค วุตฺโต โหติ. อถ วา อกฺโกสาทิชยวจเนน ตติยมคฺโค วุตฺโต โหติ, อกฺโกสาทีนํ อจฺจนฺตขมนํ ตตฺถ ปกาสิตํ โหติ, อุภยถาปิ เนสํ วิโรธาภาวํ ทสฺเสติ. ปพฺพโต ¶ วิย โส ิโต อเนโชติ เอชา วุจฺจติ จลนกิเลสปริปนฺโถ, เอชาเหตูนํ อวเสสกิเลสานํ อภาเวน อเนโช, อเนชตฺตาเยว สพฺพกิเลเสหิ ปรวาทวาเตหิ จ อกมฺปนียตฺตา ิโต เอกคฺฆนปพฺพตสทิโส. สุขทุกฺเขสุ น เวธติ ส ภิกฺขูติ โส ภินฺนกิเลโส ภิกฺขุ สุขทุกฺขนิมิตฺตํ น กมฺปตีติ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อิติ ภควา เตสํ ปฺจสตานํ ภิกฺขูนํ อรหตฺตาธิคเมน ตาทิภาวปฺปตฺตึ เอกชฺฌํ กตฺวา เอกปุคฺคลาธิฏฺานํ อุทานํ อุทาเนสีติ.
ตติยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. สาริปุตฺตสุตฺตวณฺณนา
๒๔. จตุตฺเถ ¶ ปริมุขํ สตึ อุปฏฺเปตฺวาติ อารมฺมณาภิมุขํ สตึ ปยิตฺวา มุขสมีเป กตฺวา. ตถา หิ วิภงฺเค วุตฺตํ –
‘‘อยํ สติ อุปฏฺิตา โหติ สุปฏฺิตา นาสิกคฺเค วา มุขนิมิตฺเต วา, เตน วุจฺจติ ปริมุขํ สตึ อุปฏฺเปตฺวา’’ติ (วิภ. ๕๓๗).
อถ วา ‘‘ปรีติ ปริคฺคหฏฺโ, มุขนฺติ นิยฺยานฏฺโ, สตีติ อุปฏฺานฏฺโ, เตน วุจฺจติ ‘ปริมุขํ สติ’’’นฺติ. เอวํ ปฏิสมฺภิทายํ (ปฏิ. ม. ๑.๑๖๔) วุตฺตนเยนเปตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ตตฺรายํ สงฺเขปตฺโถ – ปริคฺคหิตนิยฺยานสตึ กตฺวาติ. นิยฺยานนฺติ จ สติยา โอคาหิตพฺพํ อารมฺมณํ ทฏฺพฺพํ. เอตฺถ จ ปุริโม ปจฺฉิโม จ อตฺโถ สพฺพสงฺคาหกวเสน, อิตโร สมาปตฺติยา ปุพฺพภาคสมนฺนาหารวเสน ทฏฺพฺโพ. สตีติ วา สติสีเสน ฌานํ วุตฺตํ ¶ ‘‘เย กายคตาสตึ ปริภฺุชนฺตี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๑.๖๐๐) วิย. กตมํ ปน ตํ ฌานนฺติ? รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานํ ปาทกํ กตฺวา สมาปนฺนํ อรหตฺตผลชฺฌานํ. กถํ ปเนตํ ชานิตพฺพนฺติ? อาเนฺชสมาธิโยเคน เถรสฺส สวิเสสํ นิจฺจลภาวํ เกนจิ อกมฺปนียตฺจ ¶ ปพฺพโตปมาย ปกาเสนฺโต ภควา อิมํ อุทานํ อภาสีติ คาถาย เอว อยมตฺโถ วิฺายติ. น จายํ นิสชฺชา เถรสฺส สจฺจปฺปฏิเวธาย, อถ โข ทิฏฺธมฺมสุขวิหาราย. ปุพฺเพเยว หิ สูกรขตเลเณ (ม. นิ. ๒.๒๐๑) อตฺตโน ภาคิเนยฺยสฺส ทีฆนขปริพฺพาชกสฺส ภควติ ธมฺมํ เทเสนฺเต อยํ มหาเถโร สจฺจปฺปฏิเวธกิจฺจํ มตฺถกํ ปาเปสีติ.
เอตมตฺถนฺติ เอตํ เถรสฺส อาเนฺชสมาธิโยเคน ตาทิภาวปฺปตฺติยา จ เกนจิ อกมฺปนียตาสงฺขาตํ อตฺถํ สพฺพาการโต วิทิตฺวา ตทตฺถวิภาวนํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ ยถาปิ ปพฺพโต เสโลติ ยถา สิลามโย เอกคฺฆนสิลาปพฺพโต, น ปํสุปพฺพโต น มิสฺสกปพฺพโตติ อตฺโถ. อจโล สุปฺปติฏฺิโตติ สุปฺปติฏฺิตมูโล ปกติวาเตหิ อจโล อกมฺปนีโย โหติ. เอวํ โมหกฺขยา ภิกฺขุ, ปพฺพโตว น เวธตีติ โมหสฺส อนวเสสปฺปหานา โมหมูลกตฺตา จ สพฺพากุสลานํ ปหีนสพฺพากุสโล ภิกฺขุ, ยถา โส ปพฺพโต ปกติวาเตหิ, เอวํ โลกธมฺเมหิ น เวธติ น กมฺปติ. โมหกฺขโยติ วา ยสฺมา นิพฺพานํ อรหตฺตฺจ วุจฺจติ, ตสฺมา โมหกฺขยสฺส เหตุ นิพฺพานสฺส อรหตฺตสฺส วา อธิคตตฺตา จตูสุ อริยสจฺเจสุ ¶ สุปฺปติฏฺิโต อสมาปนฺนกาเลปิ ยถาวุตฺตปพฺพโต วิย น เกนจิ เวธติ, ปเคว สมาปนฺนกาเลติ อธิปฺปาโย.
จตุตฺถสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. มหาโมคฺคลฺลานสุตฺตวณฺณนา
๒๕. ปฺจเม กายคตาย สติยาติ กายานุปสฺสนาวเสน กาเย คตาย กายารมฺมณาย สติยา, อิตฺถมฺภูตลกฺขเณ อิทํ กรณวจนํ ¶ . อชฺฌตฺตนฺติ อิธ อชฺฌตฺตํ นาม นิยกชฺฌตฺตํ, ตสฺมา อตฺตนิ อตฺตสนฺตาเนติ อตฺโถ. อถ วา ยสฺมา กมฺมฏฺานภูโต เกสาทิโก ทฺวตฺตึสโกฏฺาสสมุทาโย อิธ กาโยติ อธิปฺเปโต, ตสฺมา อชฺฌตฺตนฺติ ปทสฺส โคจรชฺฌตฺตนฺติ ¶ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. สูปฏฺิตายาติ นิยกชฺฌตฺตภูเต โคจรชฺฌตฺตภูเต วา กาเย สุฏฺุ อุปฏฺิตาย. กา ปนายํ สติ, ยา ‘‘อชฺฌตฺตํ สูปฏฺิตา’’ติ วุตฺตา? ยฺวายํ ภควตา ‘‘อตฺถิ อิมสฺมึ กาเย เกสา โลมา’’ติอาทินา (ที. นิ. ๒.๓๗๗; ม. นิ. ๑.๑๑๐; ขุ. ปา. ๓.ทฺวตฺตึสาการ) อชฺฌตฺตเกสาทิโก ทฺวตฺตึสากาโร กาโย วุตฺโต, ตตฺถ ยา ปฏิกูลมนสิการํ ปวตฺเตนฺตสฺส อุปจารปฺปนาวเสน กาเย อุปฏฺิตา สติ, สา ‘‘กายคตา สตี’’ติ วุจฺจติ. ยถา จายํ, เอวํ อานาปานจตุอิริยาปถสติสมฺปชฺานํ วเสน อุทฺธุมาตกวินีลกาทิวเสน จ มนสิการํ ปวตฺเตนฺตสฺส ยถารหํ อุปจารปฺปนาวเสน กาเย อุปฏฺิตา สติ ‘‘กายคตา สตี’’ติ วุจฺจติ. อิธ ปน อชฺฌตฺตํ กายคตา สติ ปถวีอาทิกา จตสฺโส ธาตุโย สสมฺภารสงฺเขปาทีสุ จตูสุ เยน เกนจิ เอเกนากาเรน ววตฺถเปตฺวา เตสํ อนิจฺจาทิลกฺขณสลฺลกฺขณวเสน อุปฏฺิตา วิปสฺสนาสมฺปยุตฺตา สติ ‘‘กายคตา สตี’’ติ อธิปฺเปตา. เถโร ปน ตถา วิปสฺสิตฺวา อตฺตโน ผลสมาปตฺติเมว สมาปชฺชิตฺวา นิสีทิ. อิธาปิ คาถาย เอวํ อิมสฺส อตฺถสฺส วิฺาตพฺพตา ‘‘น จายํ นิสชฺชา’’ติอาทินา วุตฺตนยานุสาเรน โยเชตพฺพา.
เอตมตฺถนฺติ เอตํ เถรสฺส จตุธาตุววตฺถานมุเขน กายานุปสฺสนาสติปฏฺาเนน วิปสฺสนํ โอคาเหตฺวา ผลสมาปตฺติสมาปชฺชนสงฺขาตํ อตฺถํ วิทิตฺวา. อิมํ อุทานนฺติ อิมํ สติปฏฺานภาวนาย นิพฺพานาธิคมทีปกํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ ¶ สติ กายคตา อุปฏฺิตาติ ปุพฺเพ วุตฺตลกฺขณา สติ สทฺธาปุพฺพงฺคมานํ สมาธิวีริยปฺานํ ยถาสกํ กิจฺจนิปฺผาทเนน สหายภาวํ อาปนฺนตฺตา ปหีนปฺปฏิปกฺขา ตโต เอว ติกฺขวิสทภูตา จ ยถาวุตฺตกายสํวรณวเสน เอกตฺถสโมสรณวเสน จ อวิปรีตสภาวํ สลฺลกฺเขนฺตี อุปคนฺตฺวา ิตา โหติ, เอเตน กายสงฺขาตานํ จตุนฺนํ ธาตูนํ ตนฺนิสฺสิตานฺจ อุปาทารูปานํ สลฺลกฺขณวเสน, ปจฺจเย ววตฺถเปตฺวา ตโต ปรํ เตสํ อนิจฺจาทิลกฺขณสลฺลกฺขณวเสน ¶ จ ปวตฺตํ าณปรมฺปราคตํ ¶ สตึ ทสฺเสติ, สติสีเสน วา ตํสมฺปยุตฺตํ ปริฺาตฺตยปริยาปนฺนาณปรมฺปรเมว ทสฺเสติ. ฉสุ ผสฺสายตเนสุ สํวุโตติ ยถาวุตฺตาย กาเย อุปฏฺิตาย สติยา สมนฺนาคโต จกฺขาทีสุ ผสฺสสฺส การณภูเตสุ ฉสุ ทฺวาเรสุ กายานุปสฺสนาย อภาวิตาย อุปฺปชฺชนารหานํ อภิชฺฌาทีนํ ตสฺสา ภาวิตตฺตา าณปฺปวตฺตึ ปฏิเวเธนฺโต เต ปิทหนฺโต ‘‘ตตฺถ สํวุโต’’ติ วุจฺจติ, เอเตน าณสํวรํ ทสฺเสติ.
สตตํ ภิกฺขุ สมาหิโตติ โส ภิกฺขุ เอวํ อุปฏฺิตสฺสติ สพฺพตฺถ จ สํวุโต ปุถุตฺตารมฺมเณ จิตฺตํ อวิสฺสชฺเชตฺวา อนิจฺจาทิวเสน สมฺมสนฺโต วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา าเณ ติกฺเข สูเร วหนฺเต วิปสฺสนาสมาธินา ตาว สตตํ นิรนฺตรํ สมาหิโต อนุโลมาณานนฺตรํ โคตฺรภุาโณทยโต ปฏฺาย. ชฺา นิพฺพานมตฺตโนติ อฺเสํ ปุถุชฺชนานํ สุปินนฺเตปิ อโคจรภาวโต, อริยานํ ปน ตสฺส ตสฺเสว อาเวณิกตฺตา อตฺตสทิสตฺตา จ ‘‘อตฺตา’’ติ ลทฺธโวหารสฺส มคฺคผลาณสฺส สาติสยวิสยภาวโต เอกนฺตสุขาวหํ นิพฺพานํ อสงฺขตธาตุ ‘‘อตฺตโน’’ติ วุตฺตํ, ตํ นิพฺพานํ ชฺา ชาเนยฺย, มคฺคผลาเณหิ ปฏิวิชฺเฌยฺย, สจฺฉิกเรยฺยาติ อตฺโถ. เอเตน อริยานํ นิพฺพาเน อธิมุตฺตตํ ทสฺเสติ. อริยา หิ อธิจิตฺตปฺปวตฺติกาเลปิ เอกนฺเตเนว นิพฺพาเน นินฺนโปณปพฺภารภาเวน วิหรนฺติ. เอตฺถ จ ยสฺส สติ กายคตา อุปฏฺิตา, โส ภิกฺขุ ฉสุ ผสฺสายตเนสุ สํวุโต, ตโต เอว สตตํ สมาหิโต อตฺตปจฺจกฺขกรเณน นิพฺพานํ อตฺตโน ชาเนยฺยาติ เอวํ คาถาปทานํ สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ. เอวํ กายานุปสฺสนาสติปฏฺานมุเขน ยาว อรหตฺตา เอกสฺส ภิกฺขุโน นิยฺยานมคฺคํ ทสฺเสติ ธมฺมราชา.
อปโร นโย – สติ กายคตา อุปฏฺิตาติ เอเตน กายานุปสฺสนาสติปฏฺานํ ทสฺเสติ. ฉสุ ผสฺสายตเนสุ สํวุโตติ ผสฺโส อายตนํ การณํ เอเตสนฺติ ผสฺสายตนานิ, เตสุ ผสฺสายตเนสุ. ผสฺสเหตุเกสุ ผสฺสปจฺจยา นิพฺพตฺเตสุ ¶ ฉสุ จกฺขุสมฺผสฺสชาทิเวทยิเตสุ ตณฺหาทีนํ อปฺปวตฺติยา สํวุโต, เอเตน เวทนานุปสฺสนาสติปฏฺานํ ¶ ทสฺเสติ. สตตํ ภิกฺขุ สมาหิโตติ สตตํ นิจฺจกาลํ นิรนฺตรํ วิกฺเขปาภาวโต สมาหิโต ภิกฺขุ. โส จายํ อวิกฺเขโป ¶ สพฺพโส สติปฏฺานภาวนาย มตฺถกปฺปตฺตาย โหติ. สมฺมสนฺโต หิ อตีตาทิเภทภินฺเนสุ ปฺจุปาทานกฺขนฺเธสุ อนวเสสโตว ปริคฺคเหตฺวา สมฺมสตีติ. เอเตน เสสสติปฏฺาเน ทสฺเสติ. ชฺา นิพฺพานมตฺตโนติ เอวํ จตุสติปฏฺานภาวนํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา ิโต ภินฺนกิเลโส ภิกฺขุ อตฺตโน กิเลสนิพฺพานํ ปจฺจเวกฺขณาเณน สยเมว ชาเนยฺยาติ อตฺโถ.
อถ วา สติ กายคตา อุปฏฺิตาติ อตฺตโน ปเรสฺจ กายสฺส ยถาสภาวปริฺาทีปเนน เถรสฺส สติเวปุลฺลปฺปตฺติ ทีปิตา. ฉสุ ผสฺสายตเนสุ สํวุโตติ จกฺขาทีสุ ฉสุ ทฺวาเรสุ อจฺจนฺตสํวรทีปเนน สตตวิหาริวเสน เถรสฺส สมฺปชฺปฺปกาสินี ปฺาเวปุลฺลปฺปตฺติ ทีปิตา. สตตํ ภิกฺขุ สมาหิโตติ สมาปตฺติพหุลตาทสฺสเนน นวานุปุพฺพวิหารสมาปตฺติโย ทสฺสิตา. เอวํภูโต ปน ภิกฺขุ ชฺา นิพฺพานมตฺตโนติ กตกิจฺจตฺตา อุตฺตริ กรณียาภาวโต เกวลํ อตฺตโน อนุปาทิเสสนิพฺพานเมว ชาเนยฺย จินฺเตยฺย, อฺมฺปิ ตสฺส จินฺเตตพฺพํ นตฺถีติ อธิปฺปาโย.
ปฺจมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. ปิลินฺทวจฺฉสุตฺตวณฺณนา
๒๖. ฉฏฺเ ปิลินฺทวจฺโฉติ ปิลินฺทาติสฺส นามํ, วจฺโฉติ โคตฺตวเสน เถรํ สฺชานนฺติ. วสลวาเทน สมุทาจรตีติ ‘‘เอหิ, วสล, อเปหิ, วสลา’’ติอาทินา ภิกฺขู วสลวาเทน โวหรติ อาลปติ. สมฺพหุลา ภิกฺขูติ พหู ภิกฺขู. เต เถรํ ตถา สมุทาจรนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อรหาว สมาโน อปฺปหีนวาสนตฺตา ¶ เอวํ ภณตี’’ติ อชานนฺตา ‘‘โทสนฺตโร มฺเ อยํ เถโร เอวํ สมุทาจรตี’’ติ จินฺเตตฺวา อุลฺลปนาธิปฺปายา ตํ ตโต วุฏฺาเปตุํ ภควโต อาโรเจสุํ. เตน ¶ วุตฺตํ – ‘‘อายสฺมา, ภนฺเต, ปิลินฺทวจฺโฉ ภิกฺขู วสลวาเทน สมุทาจรตี’’ติ. เกจิ ปนาหุ – ‘‘อิมํ เถรํ ภิกฺขู ‘อรหา’ติ สฺชานนฺติ, อยฺจ ภิกฺขู ผรุสวจเนน เอวํ สมุทาจรติ, ‘อภูโต เอว นุ โข อิมสฺมึ อุตฺตริมนุสฺสธมฺโม’ติ วาสนาวเสน ตสฺส ตถา สมุทาจารํ อชานนฺตา อริยภาวฺจสฺส อสทฺทหนฺตา อุชฺฌานสฺิโน ภควโต ตมตฺถํ อาโรเจสุ’’นฺติ. ภควา เถรสฺส โทสนฺตราภาวํ ปกาเสตุกาโม เอเกน ภิกฺขุนา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา สมฺมุขา ตสฺส ‘‘ปุพฺพาจิณฺณวเสนายํ ตถา สมุทาจรติ, น ผรุสวจนาธิปฺปาโย’’ติ ¶ อาห. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข ภควา อฺตรํ ภิกฺขุํ อามนฺเตสี’’ติอาทิ.
ตตฺถ ปุพฺเพนิวาสํ มนสิ กริตฺวาติ สตฺถา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, วจฺฉ, ภิกฺขู วสลวาเทน สมุทาจรสี’’ติ เถรํ ปุจฺฉิตฺวา เตน ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘อยํ วจฺโฉ กิเลสวาสนาย วสลวาทํ น ปริจฺจชติ, กึ นุ โข อตีเตสุปิ อตฺตภาเวสุ พฺราหฺมณชาติโก อโหสี’’ติ อาวชฺเชนฺโต ปุพฺเพนิวาสาเณน สพฺพฺุตฺาเณน วา ตสฺส ปุพฺเพนิวาสํ อตีตาสุ ชาตีสุ นิวุตฺถกฺขนฺธสนฺตานํ มนสิ กริตฺวา หตฺถตเล ปิตํ อามลกํ วิย ปจฺจกฺขกรณวเสน อตฺตโน มนสิ กตฺวา. ภิกฺขู อามนฺเตสีติ เต ภิกฺขู สฺาเปตุํ อาลปิ, อภาสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘มา โข ตุมฺเห, ภิกฺขเว’’ติอาทิ.
ตตฺถ มาติ ปฏิเสเธ นิปาโต, ตสฺส ‘‘อุชฺฌายิตฺถา’’ติ อิมินา สมฺพนฺโธ. มา อุชฺฌายิตฺถาติ มา เหฏฺา กตฺวา จินฺตยิตฺถ, โอโลกยิตฺถาติ อตฺโถ. วจฺฉสฺส ภิกฺขุโนติ จ อุชฺฌายนสฺส อุสูยนตฺถตฺตา สมฺปทานวจนํ. อิทานิสฺส อนุชฺฌายิตพฺเพ การณํ ทสฺเสนฺโต ‘‘น, ภิกฺขเว, วจฺโฉ โทสนฺตโร ภิกฺขู วสลวาเทน สมุทาจรตี’’ติ อาห. ตสฺสตฺโถ – ภิกฺขเว, อยํ วจฺโฉ โทสนฺตโร โทสจิตฺโต โทเสน พฺยาปาเทน ทูสิตจิตฺโต หุตฺวา ภิกฺขู วสลวาเทน น สมุทาจรติ ¶ , มคฺเคเนว จสฺส พฺยาปาโท สมุคฺฆาติโต. เอวํ อโทสนฺตรตฺเตปิ ตสฺส ตถา สมุทาจารสฺส ปุริมชาติสิทฺธํ การณํ ทสฺเสนฺโต ‘‘วจฺฉสฺส, ภิกฺขเว’’ติอาทิมาห.
ตตฺถ อพฺโพกิณฺณานีติ ขตฺติยาทิชาติอนฺตเรหิ อโวมิสฺสานิ อนนฺตริตานิ. ปฺจ ชาติสตานิ พฺราหฺมณกุเล ปจฺจาชาตานีติ สพฺพานิ ตานิ วจฺฉสฺส ปฺจ ชาติสตานิ ปฏิปาฏิยา พฺราหฺมณกุเล เอว ชาตานิ, อเหสุนฺติ ¶ อตฺโถ. โส ตสฺส วสลวาโท ทีฆรตฺตํ สมุทาจิณฺโณติ โย เอตรหิ ขีณาสเวนปิ สตา ปวตฺติยติ, โส ตสฺส วจฺฉสฺส ภิกฺขุโน วสลวาโท ทีฆรตฺตํ อิโต ชาติโต ปฏฺาย อุทฺธํ อาโรหนวเสน ปฺจชาติสตมตฺตํ กาลํ พฺราหฺมณชาติกตฺตา สมุทาจิณฺโณ สมุทาจริโต อโหสิ. พฺราหฺมณา หิ ชาติสิทฺเธน มาเนน ถทฺธา อฺํ วสลวาเทน สมุทาจรนฺติ. ‘‘อชฺฌาจิณฺโณ’’ติปิ ปนฺติ, โส เอว อตฺโถ. เตนาติ เตน ทีฆรตฺตํ ตถา สมุทาจิณฺณภาเวน, เอเตนสฺส ตถา สมุทาจารสฺส การณํ วาสนาติ ทสฺเสติ. กา ปนายํ วาสนา นาม? ยํ กิเลสรหิตสฺสาปิ สนฺตาเน อปฺปหีนกิเลสานํ สมาจารสทิสสมาจารเหตุภูตํ, อนาทิกาลภาวิเตหิ กิเลเสหิ อาหิตํ สามตฺถิยมตฺตํ, ตถารูปา อธิมุตฺตีติ วทนฺติ. ตํ ปเนตํ อภินีหารสมฺปตฺติยา เยฺยาวรณปฺปหานวเสน ยตฺถ กิเลสา ¶ ปหีนา, ตตฺถ ภควโต สนฺตาเน นตฺถิ. ยตฺถ ปน ตถา กิเลสา น ปหีนา, ตตฺถ สาวกานํ ปจฺเจกพุทฺธานฺจ สนฺตาเน อตฺถิ, ตโต ตถาคโตว อนาวรณาณทสฺสโน.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ อายสฺมโต ปิลินฺทวจฺฉสฺส สติปิ วสลสมุทาจาเร โทสนฺตราภาวสงฺขาตํ อตฺถํ วิทิตฺวา. อิมํ อุทานนฺติ ตสฺส อคฺคผลาธิคมวิภาวนํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ ยมฺหิ น มายา วสติ น มาโนติ ยสฺมึ อริยปุคฺคเล สนฺตโทสปฺปฏิจฺฉาทนลกฺขณา มายา, ‘‘เสยฺโยหมสฺมี’’ติอาทินา สมฺปคฺคหวเสน ปวตฺโต อุณฺณติลกฺขโณ มาโน จ น วสติ, มคฺเคน สมุคฺฆาติตตฺตา น ¶ ปวตฺตติ น อุปฺปชฺชติ. โย วีตโลโภ อมโม นิราโสติ โย จ ราคาทิปริยายวเสน ปวตฺตสฺส อารมฺมณคฺคหณลกฺขณสฺส โลภสฺส สพฺพถา วิคตตฺตา วีตโลโภ, ตโต เอว รูปาทีสุ กตฺถจิ มมายนาภาวโต อมโม อปริคฺคโห, อนาคตานมฺปิ ภวาทีนํ อนาสีสนโต นิราโส. ปนุณฺณโกโธติ กุชฺฌนลกฺขณสฺส โกธสฺส อนาคามิมคฺเคน สพฺพโส ปหีนตฺตา ปนุณฺณโกโธ สมุจฺฉินฺนาฆาโต. อภินิพฺพุตตฺโตติ โย เอวํ มายามานโลภโกธานํ สมุคฺฆาเตน ตเทกฏฺตาย สพฺพสฺส สํกิเลสปกฺขสฺส สุปฺปหีนตฺตา สพฺพโส กิเลสปรินิพฺพาเนน อภินิพฺพุตจิตฺโต สีติภูโต. โส พฺราหฺมโณ ¶ โส สมโณ ส ภิกฺขูติ โส เอวรูโป ขีณาสโว สพฺพโส พาหิตปาปตฺตา พฺราหฺมโณ, โส เอว สมิตปาปตฺตา สมจริยาย จ สมโณ, โส เอว จ สพฺพโส ภินฺนกิเลสตฺตา ภิกฺขุ นาม. เอวํภูโต จ, ภิกฺขเว, วจฺโฉ โส กถํ โทสนฺตโร กิฺจิ กายกมฺมาทึ ปวตฺเตยฺย, เกวลํ ปน วาสนาย อปฺปหีนตฺตา วสลวาเทน สมุทาจรตีติ.
ฉฏฺสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. สกฺกุทานสุตฺตวณฺณนา
๒๗. สตฺตเม สตฺตาหํ เอกปลฺลงฺเกน นิสินฺโน โหติ อฺตรํ สมาธึ สมาปชฺชิตฺวาติ เอตฺถ เกจิ ตาว อาหุ ‘‘อรหตฺตผลสมาธิ อิธ ‘อฺตโร สมาธี’ติ อธิปฺเปโต’’ติ. ตฺหิ โส อายสฺมา ¶ พหุลํ สมาปชฺชติ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารตฺถํ, ปโหติ จ สตฺตาหมฺปิ ผลสมาปตฺติยา วีตินาเมตุํ. ตถา หิ ภควตา –
‘‘อหํ, ภิกฺขเว, ยาวเท อากงฺขามิ วิวิจฺเจว กาเมหิ, วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ…เป… วิหรามิ. กสฺสโปปิ, ภิกฺขเว, ยาวเท อากงฺขติ วิวิจฺเจว กาเมหิ…เป… วิหรตี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๕๒) –
อาทินา นวานุปุพฺพวิหารฉฬภิฺาทิเภเท ¶ อุตฺตริมนุสฺสธมฺเม อตฺตนา สมสมฏฺาเน ปิโต, น เจตฺถ ‘‘ยทิ เอวํ เถโร ยมกปาฏิหาริยมฺปิ กเรยฺยา’’ติ วตฺตพฺพํ สาวกสาธารณานํเยว ฌานาทีนํ อธิปฺเปตตฺตาติ.
โปราณา ปนาหุ – อฺตรํ สมาธึ สมาปชฺชิตฺวาติ นิโรธสมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา. กถํ ปน นิโรธสมาปตฺติ สมาธีติ วุตฺตา? สมาธานฏฺเน. โก ปนายํ สมาธานฏฺโ? สมฺมเทว อาธาตพฺพตา. ยา หิ เอสา ปจฺจนีกธมฺเมหิ อกมฺปนียา พลปฺปตฺติยา สมถพลํ วิปสฺสนาพลนฺติ อิเมหิ ทฺวีหิ พเลหิ, อนิจฺจทุกฺขานตฺตนิพฺพิทาวิราคนิโรธปฏินิสฺสคฺควิวฏฺฏานุปสฺสนา จตฺตาริ มคฺคาณานิ จตฺตาริ จ ผลาณานีติ อิเมสํ ¶ โสฬสนฺนํ าณานํ วเสน โสฬสหิ าณจริยาหิ, ปมชฺฌานสมาธิอาทโย อฏฺ สมาธี เอกชฺฌํ กตฺวา คหิโต เตสํ อุปจารสมาธิ จาติ อิเมสํ นวนฺนํ สมาธีนํ วเสน นวหิ สมาธิจริยาหิ กายสงฺขาโร วจีสงฺขาโร จิตฺตสงฺขาโรติ อิเมสํ ติณฺณํ สงฺขารานํ ตตฺถ ตตฺถ ปฏิปฺปสฺสทฺธิยา ตถา วิหริตุกาเมน ยถาวุตฺเตสุ าเนสุ วสีภาวปฺปตฺเตน อรหตา อนาคามินา วา ยถาธิปฺเปตํ กาลํ จิตฺตเจตสิกสนฺตานสฺส สมฺมเทว อปฺปวตฺติ อาธาตพฺพา, ตสฺสา ตถา สมาธาตพฺพตา อิธ สมาธานฏฺโ, เตนายํ วิหาโร สมาธีติ วุตฺโต, น อวิกฺเขปฏฺเน. เอเตนสฺส สมาปตฺติอตฺโถปิ วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ. อิมฺหิ นิโรธสมาปตฺตึ สนฺธาย ปฏิสมฺภิทามคฺเค –
‘‘กถํ ทฺวีหิ พเลหิ สมนฺนาคตตฺตา ติณฺณํ สงฺขารานํ ปฏิปฺปสฺสทฺธิยา โสฬสหิ าณจริยาหิ นวหิ สมาธิจริยาหิ วสีภาวตาย สฺานิโรธสมาปตฺติยา าณ’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๑.๘๓) –
ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ทฺวีหิ พเลหี’’ติ ทฺเว พลานิ สมถพลํ วิปสฺสนาพลนฺติ วิตฺถาโร. สายํ นิโรธสมาปตฺติกถา วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๒.๘๖๗ อาทโย) สํวณฺณิตาว. กสฺมา ปนายํ เถโร ¶ ผลสมาปตฺตึ อสมาปชฺชิตฺวา นิโรธํ สมาปชฺชิ? สตฺเตสุ อนุกมฺปาย. อยฺหิ มหาเถโร สพฺพาปิ สมาปตฺติโย วฬฺเชติ, สตฺตานุคฺคเหน ปน ¶ เยภุยฺเยน นิโรธํ สมาปชฺชติ. ตฺหิ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺิตสฺส กโต อปฺปโกปิ สกฺกาโร วิเสสโต มหปฺผโล มหานิสํโส โหตีติ.
วุฏฺาสีติ อรหตฺตผลจิตฺตุปฺปตฺติยา วุฏฺาสิ. นิโรธํ สมาปนฺโน หิ อรหา เจ อรหตฺตผลสฺส, อนาคามี เจ อนาคามิผลสฺส อุปฺปาเทน วุฏฺิโต นาม โหติ.
เตน โข ปน สมเยน สกฺโก เทวานมินฺโท อายสฺมโต มหากสฺสปสฺส ปิณฺฑปาตํ ทาตุกาโม โหตีติ กถํ ตสฺส ทาตุกามตา ชาตา? ยานิ ‘‘ตานิ ปฺจมตฺตานิ เทวตาสตานี’’ติ วุตฺตานิ, ตา สกฺกสฺส เทวรฺโ ปริจาริกา กกุฏปาทินิโย ปุพฺเพ ‘‘อยฺโย มหากสฺสโป ราชคหํ ปิณฺฑาย ปวิสติ, คจฺฉถ เถรสฺส ทานํ เทถา’’ติ สกฺเกน เปสิตา อุปคนฺตฺวา ทิพฺพาหารํ ทาตุกามา ิตา เถเรน ¶ ปฏิกฺขิตฺตา เทวโลกเมว คตา. อิทานิ ปุริมปฺปฏิกฺเขปํ จินฺเตตฺวา ‘‘กทาจิ คณฺเหยฺยา’’ติ สมาปตฺติโต วุฏฺิตสฺส เถรสฺส ทานํ ทาตุกามา สกฺกสฺส อนาโรเจตฺวา สยเมว อาคนฺตฺวา ทิพฺพโภชนานิ อุปเนนฺติโย ปุริมนเยเนว เถเรน ปฏิกฺขิตฺตา เทวโลกํ คนฺตฺวา สกฺเกน ‘‘กหํ คตตฺถา’’ติ ปุฏฺา ตมตฺถํ อาโรเจตฺวา ‘‘ทินฺโน โว เถรสฺส ปิณฺฑปาโต’’ติ สกฺเกน วุตฺเต ‘‘คณฺหิตุํ น อิจฺฉตี’’ติ. ‘‘กึ กเถสี’’ติ? ‘‘‘ทุคฺคตานํ สงฺคหํ กริสฺสามี’ติ อาห, เทวา’’ติ. ‘‘ตุมฺเห เกนากาเรน คตา’’ติ? ‘‘อิมินาว, เทวา’’ติ. สกฺโก ‘‘ตุมฺหาทิสิโย เถรสฺส ปิณฺฑปาตํ กึ ทสฺสนฺตี’’ติ? สยํ ทาตุกาโม, ชราชิณฺโณ ขณฺฑทนฺโต ปลิตเกโส โอภคฺคสรีโร มหลฺลโก ตนฺตวาโย หุตฺวา, สุชมฺปิ อสุรธีตรํ ตถารูปิเมว มหลฺลิกํ กตฺวา, เอกํ เปสการวีถึ มาเปตฺวา ตนฺตํ ปสาเรนฺโต อจฺฉิ, สุชา ตสรํ ปูเรติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘เตน โข ปน สมเยน สกฺโก เทวานมินฺโท…เป… ตสรํ ปูเรตี’’ติ.
ตตฺถ ตนฺตํ วินาตีติ ปสาริตตนฺตํ วินนฺโต วิย โหติ. ตสรํ ปูเรตีติ ตสรวฏฺฏึ วฑฺเฒนฺตี วิย. เยน สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส นิเวสนํ เตนุปสงฺกมีติ เถโร นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ‘‘ทุคฺคตชนสงฺคหํ กริสฺสามี’’ติ นคราภิมุโข คจฺฉนฺโต ¶ พหินคเร สกฺเกน มาปิตํ เปสการวีถึ ปฏิปชฺชิตฺวา โอโลเกนฺโต อทฺทส โอลุคฺควิลุคฺคชิณฺณสาลํ ตตฺถ จ เต ชายมฺปติเก ยถาวุตฺตรูเป ตนฺตวายกมฺมํ กโรนฺเต ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อิเม มหลฺลกกาเลปิ กมฺมํ กโรนฺติ. อิมสฺมึ นคเร อิเมหิ ทุคฺคตตรา นตฺถิ มฺเ. อิเมหิ ทินฺนํ สากมตฺตมฺปิ ¶ คเหตฺวา อิเมสํ สงฺคหํ กริสฺสามี’’ติ. โส เตสํ เคหาภิมุโข อคมาสิ. สกฺโก ตํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา สุชํ อาห – ‘‘ภทฺเท, มยฺหํ อยฺโย อิโต อาคจฺฉติ, ตํ ตฺวํ อปสฺสนฺตี วิย ตุณฺหี หุตฺวา นิสีท. ขเณเนว วฺเจตฺวา ปิณฺฑปาตํ ทสฺสามา’’ติ เถโร คนฺตฺวา เคหทฺวาเร อฏฺาสิ. เตปิ อปสฺสนฺตา วิย อตฺตโน กมฺมเมว กโรนฺตา โถกํ อาคมยึสุ. อถ สกฺโก ‘‘เคหทฺวาเร ิโต เอโก เถโร วิย ขายติ, อุปธาเรหิ ตาวา’’ติ อาห. ‘‘ตุมฺเห คนฺตฺวา อุปธาเรถ, สามี’’ติ. โส เคหา นิกฺขมิตฺวา เถรํ ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา อุโภหิ หตฺเถหิ ชณฺณุกานิ โอลุมฺพิตฺวา นิตฺถุนนฺโต อุฏฺาย ‘‘กตรตฺเถโร นุ โข อยฺโย’’ติ โถกํ โอสกฺกิตฺวา ‘‘อกฺขีนิ ¶ เม ธูมายนฺตี’’ติ วตฺวา นลาเฏ หตฺถํ เปตฺวา อุทฺธํ อุลฺโลเกตฺวา ‘‘อโห ทุกฺขํ อยฺโย โน มหากสฺสปตฺเถโรว จิรสฺสํ เม กุฏิทฺวารํ อาคโต. อตฺถิ นุ โข กิฺจิ เคเห’’ติ อาห. สุชา โถกํ อากุลา วิย หุตฺวา ‘‘อตฺถิ, สามี’’ติ ปฏิวจนํ อทาสิ. สกฺโก, ‘‘ภนฺเต, ลูขํ วา ปณีตํ วาติ อจินฺเตตฺวา สงฺคหํ โน กโรถา’’ติ ปตฺตํ คณฺหิ. เถโร ปตฺตํ เทนฺโต ‘‘อิเมสํ เอว ทุคฺคตานํ ชราชิณฺณานํ มยา สงฺคโห กาตพฺโพ’’ติ จินฺเตสิ. โส อนฺโต ปวิสิตฺวา ฆฏิโอทนํ นาม ฆฏิโต อุทฺธริตฺวา, ปตฺตํ ปูเรตฺวา, เถรสฺส หตฺเถ เปสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อทฺทสา โข สกฺโก เทวานมินฺโท…เป… อทาสี’’ติ.
ตตฺถ ฆฏิยาติ ภตฺตฆฏิโต. ‘‘ฆฏิโอทน’’นฺติปิ ปาโ, ตสฺส ฆฏิโอทนํ นาม เทวานํ โกจิ อาหารวิเสโสติ อตฺถํ วทนฺติ. อุทฺธริตฺวาติ กุโตจิ ภาชนโต อุทฺธริตฺวา. อเนกสูโป ¶ โส เอว อาหาโร ปตฺเต ปกฺขิปิตฺวา เถรสฺส หตฺเถ ปนกาเล กปณานํ อุปกปฺปนกลูขาหาโร วิย ปฺายิตฺถ, หตฺเถ ปิตมตฺเต ปน อตฺตโน ทิพฺพสภาเวเนว อฏฺาสิ. อเนกสูโปติ มุคฺคมาสาทิสูเปหิ เจว ขชฺชวิกตีหิ จ อเนกวิธสูโป. อเนกพฺยฺชโนติ นานาวิธอุตฺตริภงฺโค. อเนกรสพฺยฺชโนติ อเนเกหิ สูเปหิ เจว พฺยฺชเนหิ จ มธุราทิมูลรสานฺเจว สมฺภินฺนรสานฺจ อภิพฺยฺชโก, นานคฺครสสูปพฺยฺชโนติ อตฺโถ.
โส กิร ปิณฺฑปาโต เถรสฺส หตฺเถ ปิตกาเล ราชคหนครํ อตฺตโน ทิพฺพคนฺเธน อชฺโฌตฺถริ, ตโต เถโร จินฺเตสิ – ‘‘อยํ ปุริโส อปฺเปสกฺโข, ปิณฺฑปาโต อติวิย ปณีโต สกฺกสฺส โภชนสทิโส. โก นุ โข เอโส’’ติ? อถ นํ ‘‘สกฺโก’’ติ ตฺวา อาห – ‘‘ภาริยํ เต, โกสิย, กมฺมํ กตํ ทุคฺคตานํ สมฺปตฺตึ วิลุมฺปนฺเตน, อชฺช มยฺหํ ทานํ ทตฺวา โกจิเทว ทุคฺคโต เสนาปติฏฺานํ วา เสฏฺิฏฺานํ วา ลเภยฺยา’’ติ. ‘‘โก มยา ทุคฺคตตโร อตฺถิ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘กถํ ตฺวํ ทุคฺคโต เทวรชฺชสิรึ อนุภวนฺโต’’ติ? ‘‘ภนฺเต, เอวํ นาเมตํ, มยา ¶ ปน อนุปฺปนฺเน พุทฺเธ กลฺยาณกมฺมํ กตํ, พุทฺธุปฺปาเท ปน วตฺตมาเน ปฺุกมฺมํ กตฺวา จูฬรถเทวปุตฺโต มหารถเทวปุตฺโต อเนกวณฺณเทวปุตฺโตติ อิเม ตโย เทวปุตฺตา ¶ มมาสนฺนฏฺาเน นิพฺพตฺตา มหาเตชวนฺตตรา. อหํ เตสุ เทวปุตฺเตสุ ‘นกฺขตฺตํ กีฬิสฺสามา’ติ ปริจาริกาโย คเหตฺวา อนฺตรวีถึ โอติณฺเณสุ ปลายิตฺวา เคหํ ปวิสามิ. เตสฺหิ สรีรโต เตโช มม สรีรํ โอตฺถรติ, มม สรีรโต เตโช เตสํ สรีรํ น โอตฺถรติ. โก มยา ทุคฺคตตโร, ภนฺเต’’ติ? ‘‘เอวํ สนฺเตปิ อิโต ปฏฺาย มยฺหํ ¶ มา เอวํ วฺเจตฺวา ทานมทาสี’’ติ. ‘‘วฺเจตฺวา ตุมฺหากํ ทาเน ทินฺเน มยฺหํ กุสลํ อตฺถิ นตฺถี’’ติ? ‘‘อตฺถิ, อาวุโส’’ติ. ‘‘เอวํ สนฺเต กุสลกรณํ นาม มยฺหํ ภาโร, ภนฺเต’’ติ วตฺวา เถรํ วนฺทิตฺวา สุชํ อาทาย เถรํ ปทกฺขิณํ กตฺวา, เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ‘‘อโห ทานํ ปรมทานํ, กสฺสเป สุปฺปติฏฺิต’’นฺติ ติกฺขตฺตุํ อุทานํ อุทาเนสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘อถ โข อายสฺมโต มหากสฺสปสฺส เอตทโหสี’’ติอาทิ.
ตตฺถ โกสิยาติ สกฺกํ เทวานมินฺทํ โคตฺเตน อาลปติ. ปฺุเน อตฺโถติ ปฺุเน ปโยชนํ. อตฺถีติ วจนเสโส. เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวาติ ปถวิโต เวหาสํ อภิอุคฺคนฺตฺวา. อากาเส อนฺตลิกฺเขติ อากาสเมว ปริยายสทฺเทน อนฺตลิกฺเขติ วทนฺติ. อถ วา อนฺตลิกฺขสงฺขาเต อากาเส น กสิณุคฺฆาฏิมาทิอากาเสติ วิเสเสนฺโต วทติ. อโห ทานนฺติ เอตฺถ อโหติ อจฺฉริยตฺเถ นิปาโต. สกฺโก หิ เทวานมินฺโท, ‘‘ยสฺมา นิโรธา วุฏฺิตสฺส อยฺยสฺส มหากสฺสปตฺเถรสฺส สกฺกจฺจํ สหตฺเถน จิตฺตีกตฺวา อนปวิทฺธํ กาเลน ปเรสํ อนุปหจฺจ, สมฺมาทิฏฺึ ปุรกฺขตฺวา อิทมีทิสํ มยา ทิพฺพโภชนทานํ ทินฺนํ, ตสฺมา เขตฺตสมฺปตฺติ เทยฺยธมฺมสมฺปตฺติ จิตฺตสมฺปตฺตีติ, ติวิธายปิ สมฺปตฺติยา สมนฺนาคตตฺตา สพฺพงฺคสมฺปนฺนํ วต มยา ทานํ ปวตฺติต’’นฺติ อจฺฉริยพฺภุตจิตฺตชาโต ตทา อตฺตโน หทยพฺภนฺตรคตํ ปีติโสมนสฺสํ สมุคฺคิรนฺโต ‘‘อโห ทาน’’นฺติ วตฺวา ตสฺส ทานสฺส วุตฺตนเยน อุตฺตมทานภาวํ เขตฺตงฺคตภาวฺจ ปกาเสนฺโต ‘‘ปรมทานํ กสฺสเป สุปฺปติฏฺิต’’นฺติ อุทานํ อุทาเนสิ.
เอวํ ปน สกฺกสฺส อุทาเนนฺตสฺส ภควา วิหาเร ิโตเยว ทิพฺพโสเตน สทฺทํ สุตฺวา ‘‘ปสฺสถ, ภิกฺขเว, สกฺกํ เทวานมินฺทํ อุทานํ อุทาเนตฺวา อากาเสน คจฺฉนฺต’’นฺติ ภิกฺขูนํ วตฺวา เตหิ ‘‘กึ ปน, ภนฺเต, เตน กต’’นฺติ ปุฏฺโ ‘‘มม ปุตฺตสฺส กสฺสปสฺส วฺเจตฺวา ทานํ อทาสิ, เตน จ อตฺตมโน อุทาเนสี’’ติ อาห. เตน วุตฺตํ ‘‘อสฺโสสิ โข ภควา ทิพฺพาย โสตธาตุยา’’ติอาทิ.
ตตฺถ ¶ ¶ ¶ ทิพฺพาย โสตธาตุยาติ ทิพฺพสทิสตฺตา ทิพฺพา. เทวตานฺหิ สุจริตกมฺมนิพฺพตฺตา ปิตฺตเสมฺหรุหิราทีหิ อปลิพุทฺธา อุปกฺกิเลสวินิมุตฺตตาย ทูเรปิ อารมฺมณํ คเหตุํ สมตฺถา ทิพฺพปสาทโสตธาตุ โหติ. อยฺจาปิ ภควโต วีริยภาวนาพลนิพฺพตฺตา าณมยา โสตธาตุ ตาทิสา เอวาติ ทิพฺพสทิสตฺตา ทิพฺพา. อปิ จ ทิพฺพวิหารวเสน ปฏิลทฺธตฺตา อตฺตนา จ ทิพฺพวิหารสนฺนิสฺสิตตฺตาปิ ทิพฺพา. สวนฏฺเน จ สภาวธารณฏฺเน จ โสตธาตุ, โสตธาตุยาปิ กิจฺจกรเณน โสตธาตุ วิยาติ โสตธาตุ, ตาย ทิพฺพาย โสตธาตุยา. วิสุทฺธายาติ ปริสุทฺธาย นิรุปกฺกิเลสาย. อติกฺกนฺตมานุสิกายาติ มนุสฺสูปจารํ อติกฺกมิตฺวา สทฺทสฺสวเนน มานุสิกมํสโสตธาตุํ อติกฺกมิตฺวา ิตาย.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ ‘‘สมฺมาปฏิปตฺติยา คุณวิเสเส ปติฏฺิตํ ปุริสาติสยํ เทวาปิ มนุสฺสาปิ อาทรชาตา อติวิย ปิหยนฺตี’’ติ อิมมตฺถํ วิทิตฺวา ตทตฺถทีปนํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺร ปิณฺฑปาติกงฺคสงฺขาตํ ธุตงฺคํ สมาทาย ตสฺส ปริปูรเณน ปิณฺฑปาติกสฺส. นนุ จายํ คาถา อายสฺมนฺตํ มหากสฺสปํ นิมิตฺตํ กตฺวา ภาสิตา, เถโร จ สพฺเพสํ ธุตวาทานํ อคฺโค เตรสธุตงฺคธโร, โส กสฺมา เอเกเนว ธุตงฺเคน กิตฺติโตติ? อฏฺุปฺปตฺติวเสนายํ นิทฺเทโส. อถ วา เทสนามตฺตเมตํ, อิมินา เทสนาสีเสน สพฺเพปิสฺส ธุตงฺคา วุตฺตาติ เวทิตพฺพา. อถ วา ‘‘ยถาปิ ภมโร ปุปฺผ’’นฺติ (ธ. ป. ๔๙) คาถาย วุตฺตนเยน ปรมปฺปิจฺฉตาย กุลานุทฺทยตาย จสฺส สพฺพํ ปิณฺฑปาติกวตฺตํ อกฺขณฺเฑตฺวา ตตฺถ สาติสยํ ปฏิปตฺติยา ปกาสนตฺถํ ‘‘ปิณฺฑปาติกสฺสา’’ติ วุตฺตํ. ปิณฺฑปาติกสฺสาติ จ ปิหยนฺตีติ ปทํ อเปกฺขิตฺวา สมฺปทานวจนํ, ตํ อุปโยคตฺเถ ทฏฺพฺพํ. อตฺตภรสฺสาติ ‘‘อปฺปานิ จ ตานิ สุลภานิ อนวชฺชานี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๗; อิติวุ. ๑๐๑) เอวํ วุตฺเตหิ อปฺปานวชฺชสุลภรูเปหิ จตูหิ ปจฺจเยหิ อตฺตานเมว ¶ ภรนฺตสฺส. อนฺโปสิโนติ อามิสสงฺคณฺหเนน อฺเ สิสฺสาทิเก โปเสตุํ อนุสฺสุกฺกตาย อนฺโปสิโน. ปททฺวเยนสฺส กายปริหาริเกน จีวเรน กุจฺฉิปริหาริเกน ปิณฺฑปาเตน วิจรณโต สลฺลหุกวุตฺติตํ สุภรตํ ปรมฺจ สนฺตุฏฺึ ¶ ทสฺเสติ. อถ วา อตฺตภรสฺสาติ เอกวจนิจฺฉาย อตฺตภาวสงฺขาตํ เอกํเยว อิมํ อตฺตานํ ภรติ, น อิโต ปรํ อฺนฺติ อตฺตภโร, ตโต เอว อตฺตนา อฺสฺส โปเสตพฺพสฺส อภาวโต อนฺโปสี, ตสฺส อตฺตภรสฺส อนฺโปสิโน. ปททฺวเยนปิ ขีณาสวภาเวน อายตึ อนาทานตํ ทสฺเสติ.
เทวา ¶ ปิหยนฺติ…เป… สตีมโตติ ตํ อคฺคผลาธิคเมน สพฺพกิเลสทรถปริฬาหานํ วูปสเมน ปฏิปฺปสฺสทฺธิยา อุปสนฺตํ, สติเวปุลฺลปฺปตฺติยา นิจฺจกาลํ สโตการิตาย สติมนฺตํ, ตโต เอว อิฏฺานิฏฺาทีสุ ตาทิลกฺขณปฺปตฺตํ ขีณาสวํ สกฺกาทโย เทวา ปิหยนฺติ ปตฺเถนฺติ, ตสฺส สีลาทิคุณวิเสเสสุ พหุมานํ อุปฺปาเทนฺตา อาทรํ ชเนนฺติ, ปเคว มนุสฺสาติ.
สตฺตมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. ปิณฺฑปาติกสุตฺตวณฺณนา
๒๘. อฏฺเม ปจฺฉาภตฺตนฺติ เอกาสนิกขลุปจฺฉาภตฺติกานํ ปาโตว ภุตฺตานํ อนฺโตมชฺฌนฺหิโกปิ ปจฺฉาภตฺตเมว, อิธ ปน ปกติภตฺตสฺเสว ปจฺฉโต ปจฺฉาภตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺตานนฺติ ปิณฺฑปาตโต ปฏิกฺกนฺตานํ, ปิณฺฑปาตํ ปริเยสิตฺวา ภตฺตกิจฺจสฺส นิฏฺาปนวเสน ตโต นิวตฺตานํ. กเรริมณฺฑลมาเฬติ เอตฺถ กเรรีติ วรุณรุกฺขสฺส นามํ. โส กิร คนฺธกุฏิยา มณฺฑปสฺส สาลาย จ อนฺตเร โหติ, เตน คนฺธกุฏีปิ ¶ ‘‘กเรริกุฏิกา’’ติ วุจฺจติ, มณฺฑโปปิ สาลาปิ ‘‘กเรริมณฺฑลมาโฬ’’ติ. ตสฺมา กเรริรุกฺขสฺส อวิทูเร กเต นิสีทนสาลสงฺขาเต มณฺฑลมาเฬ. ติณปณฺณจฺฉทนํ อโนวสฺสกํ ‘‘มณฺฑลมาโฬ’’ติ วทนฺติ, อติมุตฺตกาทิลตามณฺฑโป ‘‘มณฺฑลมาโฬ’’ติ อปเร.
กาเลน กาลนฺติ กาเล กาเล อนฺตรนฺตรา, ตสฺมึ ตสฺมึ สมเยติ อตฺโถ. มนาปิเกติ มนวฑฺฒเก, ปิยรูเป อิฏฺเติ อตฺโถ. อิฏฺานิฏฺภาโว จ ปุคฺคลวเสน จ ทฺวารวเสน จ คเหตพฺโพ. เอกจฺจสฺส หิ อิฏฺาภิมโต เอกจฺจสฺส อนิฏฺโ โหติ, เอกจฺจสฺส อนิฏฺาภิมโต เอกจฺจสฺส อิฏฺโ ¶ . ตถา เอกสฺส ทฺวารสฺส อิฏฺโ อฺสฺส อนิฏฺโ. วิปากวเสน ปเนตฺถ วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ. กุสลวิปาโก หิ เอกนฺเตน อิฏฺโ, อกุสลวิปาโก อนิฏฺโ เอวาติ. จกฺขุนา รูเป ปสฺสิตุนฺติ คามํ ปิณฺฑาย ปวิฏฺโ อุปาสเกหิ เคหํ ปเวเสตฺวา ปูชาสกฺการกรณตฺถํ อุปนีเตสุ อาสนวิตานาทีสุ นานาวิราคสมุชฺชลวณฺณสงฺขาเต รชนีเย อฺเ จ สวิฺาณกรูเป จกฺขุทฺวาริกวิฺาเณหิ ปสฺสิตุํ. สทฺเทติ ตเถว อิสฺสรชนานํ เคหํ ปวิฏฺโ เตสํ ปยุตฺเต คีตวาทิตสทฺเท โสตุํ. คนฺเธติ ตถา เตหิ ปูชาสกฺการวเสน อุปนีเต ปุปฺผธูมาทิคนฺเธ ฆายิตุํ. รเสติ เตหิ ทินฺนาหารปริโภเค นานคฺครเส สายิตุํ. โผฏฺพฺเพติ มหคฺฆปจฺจตฺถรเณสุ ¶ อาสเนสุ นิสินฺนกาเล สุขสมฺผสฺเส โผฏฺพฺเพ ผุสิตุํ. เอวฺจ ปฺจทฺวาริกอิฏฺารมฺมณปฺปฏิลาภํ กิตฺเตตฺวา อิทานิ มโนทฺวาริกอิฏฺารมฺมณปฺปฏิลาภํ ทสฺเสตุํ ‘‘สกฺกโต’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตํ เหฏฺา วุตฺตตฺถเมว.
กึ ปน อปิณฺฑปาติกานํ อยํ นโย น ลพฺภตีติ? ลพฺภติ. เตสมฺปิ หิ นิมนฺตนสลากภตฺตาทิอตฺถํ คามํ คตกาเล อุฬารวิภวา อุปาสกา ตถา สกฺการสมฺมานํ กโรนฺติเยว, ตํ ปน อนิยตํ. ปิณฺฑปาติกานํ ปน ตทา นิจฺจเมว ตตฺถ ปูชาสกฺการํ กริยมานํ ทิสฺวา, สกฺการครุตาย อนิสฺสรณมคฺเค ตฺวา, อโยนิโสมนสิการวเสน เต ภิกฺขู เอวมาหํสุ. เตเนวาห – ‘‘หนฺทาวุโส, มยมฺปิ ปิณฺฑปาติกา โหมา’’ติอาทิ.
ตตฺถ หนฺทาติ โวสฺสคฺคตฺเถ นิปาโต. ลจฺฉามาติ ลภิสฺสาม. เตนุปสงฺกมีติ ตตฺถ สุรภิคนฺธกุฏิยํ นิสินฺโน เตสํ ตํ กถาสลฺลาปํ สุตฺวา ¶ ‘‘อิเม ภิกฺขู มาทิสสฺส นาม พุทฺธสฺส สาสเน ปพฺพชิตฺวา มยา สทฺธึ เอกวิหาเร วสนฺตาปิ เอวํ อโยนิโสมนสิการวเสน กถํ ปวตฺเตนฺติ, สลฺเลเข น วตฺตนฺติ, หนฺท เต ตโต นิวาเรตฺวา สลฺเลขวิหาเร นิโยเชสฺสามี’’ติ มณฺฑลมาฬํ อุปสงฺกมิ. เสสํ เหฏฺา วุตฺตนยเมว.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ ‘‘อปฺปิจฺฉตาสนฺตุฏฺิตาสลฺเลขานํ วเสน กิเลเส ธุนิตุํ ตณฺหํ วิโสเสตุํ ปฏิปนฺโนติ ปิณฺฑปาติกสฺส สโต เทวา ปิหยนฺติ, ตสฺส ปฏิปตฺติยา อาทรชาตา ปิยายนฺติ, น อิโต อฺถา’’ติ อิมมตฺถํ วิทิตฺวา ตทตฺถทีปนํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ ¶ โน เจ สทฺทสิโลกนิสฺสิโตติ ‘‘อโห อยฺโย อปฺปิจฺโฉ สนฺตุฏฺโ ปรมสลฺเลขวุตฺตี’’ติอาทินา ปเรหิ กิตฺติตพฺพสทฺทสงฺขาตํ สิโลกํ. ตณฺหาย นิสฺสิโต น โหติ เจติ อตฺโถ. สทฺโท วา สมฺมุขา วณฺณภณนถุติโฆโส, สิโลโก ปรมฺมุขภูตา ปสํสา ปตฺถฏยสตา วา. เสสํ อนนฺตรสุตฺเต วุตฺตนยเมว.
อฏฺมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. สิปฺปสุตฺตวณฺณนา
๒๙. นวเม ¶ โก นุ โข, อาวุโส, สิปฺปํ ชานาตีติ, อาวุโส, อมฺเหสุ อิธ สนฺนิปติเตสุ โก นุ ชีวิตนิมิตฺตํ สิกฺขิตพฺพฏฺเน ‘‘สิปฺป’’นฺติ ลทฺธนามํ ยํกิฺจิ อาชีวํ วิชานาติ? โก กึ สิปฺปํ สิกฺขีติ โก ทีฆรตฺตํ สิปฺปาจริยกุลํ ปยิรุปาสิตฺวา อาคมโต ปโยคโต จ หตฺถิสิปฺปาทีสุ กึ สิปฺปํ สิกฺขิ? กตรํ สิปฺปํ สิปฺปานํ อคฺคนฺติ สพฺพสิปฺปานํ อคารยฺหตาย มหปฺผลตาย อกิจฺฉสิทฺธิยา จ กตรํ สิปฺปํ อคฺคํ อุตฺตมํ? ยํ นิสฺสาย สุเขน สกฺกา ชีวิตุนฺติ อธิปฺปาโย. ตตฺเถกจฺเจติ เตสุ ภิกฺขูสุ เอกจฺเจ ภิกฺขู. เย หตฺถาจริยกุลา ปพฺพชิตา เต. เอวมาหํสูติ เต เอวํ ภณึสุ. อิโต ปรมฺปิ ‘‘เอกจฺเจ’’ติ วุตฺตฏฺาเน เอเสว นโย. หตฺถิสิปฺปนฺติ ¶ ยํ หตฺถีนํ ปริคฺคณฺหนทมนสารณโรคติกิจฺฉาทิเภทํ กตฺตพฺพํ, ตํ อุทฺทิสฺส ปวตฺตํ สพฺพมฺปิ สิปฺปํ อิธ ‘‘หตฺถิสิปฺป’’นฺติ อธิปฺเปตํ. อสฺสสิปฺปนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. รถสิปฺปํ ปน รถโยคฺคานํ ทมนสารณาทิวิธานวเสน เจว รถสฺส กรณวเสน จ เวทิตพฺพํ. ธนุสิปฺปนฺติ อิสฺสาสสิปฺปํ, โย ธนุพฺเพโธติ วุจฺจติ. ถรุสิปฺปนฺติ เสสอาวุธสิปฺปํ. มุทฺทาสิปฺปนฺติ หตฺถมุทฺทาย คณนสิปฺปํ. คณนสิปฺปนฺติ อจฺฉิทฺทกคณนสิปฺปํ. สงฺขานสิปฺปนฺติ สงฺกลนปฏุปฺปาทนาทิวเสน ปิณฺฑคณนสิปฺปํ. ตํ ยสฺส ปคุณํ โหติ, โส รุกฺขมฺปิ ทิสฺวา ‘‘เอตฺตกานิ เอตฺถ ปณฺณานี’’ติ คณิตุํ ชานาติ. เลขาสิปฺปนฺติ นานากาเรหิ อกฺขรลิขนสิปฺปํ, ลิปิาณํ วา. กาเวยฺยสิปฺปนฺติ อตฺตโน จินฺตาวเสน วา ปรโต ปฏิลทฺธสุตวเสน วา, ‘‘อิมสฺส อยมตฺโถ, เอวํ นํ โยเชสฺสามี’’ติ เอวํ อตฺถวเสน วา, กิฺจิเทว กพฺพํ ทิสฺวา, ‘‘ตปฺปฏิภาคํ กพฺพํ กริสฺสามี’’ติ ¶ านุปฺปตฺติกปฏิภานวเสน วา จินฺตากวิอาทีนํ จตุนฺนํ กวีนํ กพฺพกรณสิปฺปํ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –
‘‘จตฺตาโรเม, ภิกฺขเว, กวี – จินฺตากวิ, สุตกวิ, อตฺถกวิ, ปฏิภานกวี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๓๑).
โลกายตสิปฺปนฺติ ‘‘กาโก เสโต อฏฺีนํ เสตตฺตา, พลากา รตฺตา โลหิตสฺส รตฺตตฺตา’’ติ เอวมาทินยปฺปวตฺตํ ปรโลกนิพฺพานานํ ปฏิเสธกํ วิตณฺฑสตฺถสิปฺปํ. ขตฺตวิชฺชาสิปฺปนฺติ อพฺเภยฺยมาสุรกฺขาทินีติสตฺถสิปฺปํ. อิมานิ กิร ทฺวาทส มหาสิปฺปานิ นาม. เตเนวาห ตตฺถ ตตฺถ ‘‘สิปฺปานํ อคฺค’’นฺติ.
เอตมตฺถํ ¶ วิทิตฺวาติ เอตํ สพฺพสิปฺปายตนานํ ชีวิกตฺถตาย วฏฺฏทุกฺขโต อนิสฺสรณภาวํ ¶ , สีลาทีนํเยว ปน สุปริสุทฺธานํ นิสฺสรณภาวํ, ตํ สมงฺคิโนเยว จ ภิกฺขุภาวํ สพฺพาการโต วิทิตฺวา ตทตฺถวิภาวนํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ อสิปฺปชีวีติ จตุนฺนํ ตณฺหุปฺปาทานํ สมุจฺเฉทวิกฺขมฺภเนน ปจฺจยาสาย วิโสสิตตฺตา ยํกิฺจิ สิปฺปํ อุปนิสฺสาย ชีวิกํ น กปฺเปตีติ อสิปฺปชีวี, เอเตน อาชีวปาริสุทฺธิสีลํ ทสฺเสติ. ลหูติ อปฺปกิจฺจตาย สลฺลหุกวุตฺติตาย จ ลหุ อพหุลสมฺภาโร, เอเตน จตุปจฺจยสนฺโตสสิทฺธํ สุภรตํ ทสฺเสติ. อตฺถกาโมติ สเทวกสฺส โลกสฺส อตฺถเมว กาเมตีติ อตฺถกาโม, เอเตน สตฺตานํ อนตฺถปริวชฺชนสฺส ปกาสิตตฺตา ปาติโมกฺขสํวรสีลํ ทสฺเสติ ปาณาติปาตาทิอนตฺถวิรมณปริทีปนโต. ยตินฺทฺริโยติ จกฺขาทีนํ ฉนฺนํ อินฺทฺริยานํ อภิชฺฌาทฺยปฺปวตฺติโต สํยเมน ยตินฺทฺริโย, เอเตน อินฺทฺริยสํวรสีลํ วุตฺตํ. สพฺพธิ วิปฺปมุตฺโตติ เอวํ สุปริสุทฺธสีโล จตุปจฺจยสนฺโตเส อวฏฺิโต สปฺปจฺจยํ นามรูปํ ปริคฺคเหตฺวา อนิจฺจาทิวเสน สงฺขาเร สมฺมสนฺโต วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา ตโต ปรํ ปฏิปาฏิยา ปวตฺติเตหิ จตูหิ อริยมคฺเคหิ สํโยชนานํ ปหีนตฺตา สพฺพธิ สพฺพตฺถ ภวาทีสุ วิปฺปมุตฺโต.
อโนกสารี ¶ อมโม นิราโสติ ตถา สพฺพธิ วิปฺปมุตฺตตฺตา เอว โอกสงฺขาเตสุ ฉสุปิ อายตเนสุ ตณฺหาภิสรณสฺส อภาเวน อโนกสารี, รูปาทีสุ กตฺถจิ มมงฺการาภาวโต อมโม, สพฺเพน สพฺพํ อนาสีสนโต นิราโส. หิตฺวา มานํ เอกจโร ส ภิกฺขูติ เอวํภูโต จ โส อรหตฺตมคฺคปฺปตฺติสมกาลเมว อนวเสสํ มานํ หิตฺวา ปชหิตฺวา อิเม ภิกฺขู วิย คณสงฺคณิกํ อกตฺวา ปวิเวกกามตาย ตณฺหาสหายวิรเหน จ สพฺพิริยาปเถสุ เอกจโร, โส สพฺพโส ภินฺนกิเลสตฺตา ปรมตฺถโต ภิกฺขุ นาม. เอตฺถ จ ‘‘อสิปฺปชีวี’’ติอาทินา โลกิยคุณา กถิตา, ‘‘สพฺพธิ วิปฺปมุตฺโต’’ติอาทินา โลกุตฺตรคุณา กถิตา. ตตฺถ อสิปฺปชีวีติอาทิ ‘‘วิภเว ิตสฺเสว อยํ ธมฺโม, น สิปฺปํ นิสฺสาย มิจฺฉาชีเวน ชีวิกํ กปฺเปนฺตสฺส, ตสฺมา สิปฺเปสุ สารคฺคหณํ วิสฺสชฺเชตฺวา อธิสีลาทีสุเยว ตุมฺเหหิ สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ ทสฺเสติ.
นวมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. โลกสุตฺตวณฺณนา
๓๐. ทสเม ¶ ¶ พุทฺธจกฺขุนาติ เอตฺถ อาสยานุสยาณํ อินฺทฺริยปโรปริยตฺตาณฺจ พุทฺธจกฺขุ นาม. ยถาห –
‘‘อทฺทสา โข ภควา พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกนฺโต สตฺเต อปฺปรชกฺเข มหารชกฺเข ติกฺขินฺทฺริเย มุทินฺทฺริเย’’ติอาทิ (ม. นิ. ๑.๒๘๓; ๒.๓๓๙).
โลกนฺติ ตโย โลกา – โอกาสโลโก, สงฺขารโลโก, สตฺตโลโกติ. ตตฺถ –
‘‘ยาวตา จนฺทิมสูริยา ปริหรนฺติ,
ทิสา ภนฺติ วิโรจนา;
ตาว สหสฺสธา โลโก,
เอตฺถ เต วตฺตตี วโส’’ติ. –
อาทีสุ (ม. นิ. ๑.๕๐๓) โอกาสโลโก. ‘‘เอโก โลโก – สพฺเพ สตฺตา อาหารฏฺิติกา, ทฺเว โลกา – นามฺจ รูปฺจ, ตโย โลกา – ติสฺโส เวทนา ¶ , จตฺตาโร โลกา – จตฺตาโร อาหารา, ปฺจ โลกา – ปฺจุปาทานกฺขนฺธา, ฉ โลกา – ฉ อชฺฌตฺติกานิ อายตนานิ, สตฺต โลกา – สตฺต วิฺาณฏฺิติโย, อฏฺ โลกา – อฏฺ โลกธมฺมา, นว โลกา – นว สตฺตาวาสา, ทส โลกา – ทสายตนานิ, ทฺวาทส โลกา – ทฺวาทสายตนานิ, อฏฺารส โลกา – อฏฺารส ธาตุโย’’ติอาทีสุ (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๒) สงฺขารโลโก. ‘‘สสฺสโต โลโก, อสสฺสโต โลโก’’ติอาทีสุ สตฺตโลโก วุตฺโต. อิธาปิ สตฺตโลโก เวทิตพฺโพ.
ตตฺถ โลกียติ วิจิตฺตาการโต ทิสฺสตีติ จกฺกวาฬสงฺขาโต โลโก โอกาสโลโก, สงฺขาโร ลุชฺชติ ปลุชฺชตีติ โลโก, โลกียติ เอตฺถ ปฺุปาปํ ตพฺพิปาโก จาติ สตฺตโลโก. เตสุ ภควา มหากรุณาย อนุกมฺปมาโน สํสารทุกฺขโต โมเจตุกาโม สตฺตโลกํ โอโลเกสิ. กตมสฺส ปน สตฺตาหสฺส อจฺจเยน โอโลเกสิ? ปมสฺส สตฺตาหสฺส. ภควา หิ ปลฺลงฺกสตฺตาหสฺส ปริโยสาเน ปจฺฉิมยามาวสาเน ‘‘ยทา หเว ปาตุภวนฺติ ธมฺมา…เป… สูริโยว โอภาสยมนฺตลิกฺข’’นฺติ (อุทา. ๑-๓; กถา. ๓๒๑; มหาว. ๑-๓) อิมํ อริยมคฺคานุภาวทีปกํ ¶ อุทานํ อุทาเนตฺวา, ‘‘อหํ ตาว เอวํ สุทุตฺตรํ สํสารมโหฆํ อิมาย ธมฺมนาวาย สมุตฺตริตฺวา นิพฺพานปาเร ิโต, หนฺท ทานิ โลกมฺปิ ตาเรสฺสามิ, กีทิโส นุ โข โลโก’’ติ โลกํ โวโลเกสิ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘อถ โข ภควา ¶ ตสฺส สตฺตาหสฺส อจฺจเยน ตมฺหา สมาธิมฺหา วุฏฺหิตฺวา พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกสี’’ติ.
ตตฺถ โวโลเกสีติ วิวิเธหิ อากาเรหิ ปสฺสิ, หตฺถตเล ปิตอามลกํ วิย อตฺตโน าเณน ปจฺจกฺขํ อกาสิ. อเนเกหิ สนฺตาเปหีติอาทิ โวโลกิตาการทสฺสนํ. อเนเกหิ สนฺตาเปหีติ อเนเกหิ ทุกฺเขหิ. ทุกฺขฺหิ สนฺตาปนปีฬนฏฺเน สนฺตาโปติ วุจฺจติ. ยถาห – ‘‘ทุกฺขสฺส ปีฬนฏฺโ สงฺขตฏฺโ สนฺตาปฏฺโ วิปริณามฏฺโ’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๑๗). ตฺจ ทุกฺขทุกฺขาทิวเสน เจว ชาติอาทิวเสน จ อเนกปฺปการํ. เตน วุตฺตํ ‘‘อเนเกหิ สนฺตาเปหี’’ติ. อเนเกหิ ทุกฺเขหิ สนฺตปฺปมาเน ปีฬิยมาเน พาธิยมาเน. ปริฬาเหหีติ ปริทาเหหิ. ปริฑยฺหมาเนติ อินฺธนํ วิย อคฺคินา สมนฺตโต ฑยฺหมาเน. ราคเชหีติ ราคสมฺภูเตหิ ¶ . เอส นโย เสเสสุปิ. ราคาทโย หิ ยสฺมึ สนฺตาเน อุปฺปชฺชนฺติ, ตํ นิทฺทหนฺตา วิย วิพาเธนฺติ, เตน วุตฺตํ – ‘‘ตโยเม, ภิกฺขเว, อคฺคี – ราคคฺคิ, โทสคฺคิ, โมหคฺคี’’ติ (อิติวุ. ๙๓). ยโต เต จิตฺตํ กายฺจ กิเลเสนฺตีติ กิเลสาติ วุจฺจนฺติ. เอตฺถ จ ปริฑยฺหมาเนติ เอเตน ภควา ราคาทิกิเลสานํ ปวตฺติทุกฺขตํ, เตน จ สตฺตานํ อภิภูตตํ ทสฺเสติ. สนฺตปฺปมาเนติ อิมินา ปน เตสํ กาลนฺตรทุกฺขตํ, เตน นิรนฺตโรปทฺทวตฺจ ทสฺเสติ.
ภควา หิ โพธิรุกฺขมูเล อปราชิตปลฺลงฺเก นิสินฺโน ปมยาเม ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสริตฺวา มชฺฌิมยาเม ทิพฺพจกฺขุํ วิโสเธตฺวา ปจฺฉิมยาเม ปฏิจฺจสมุปฺปาเท าณํ โอตาเรตฺวา กิเลสมูลกํ วฏฺฏทุกฺขํ อภิฺาย สงฺขาเร ปริคฺคเหตฺวา สมฺมสนฺโต อนุกฺกเมน วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อริยมคฺคาธิคเมน สยํ วิคตวิทฺธสฺตกิเลโส อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา ปจฺจเวกฺขณานนฺตรํ อนวเสสานํ กิเลสานํ ปหีนตฺตา อตฺตโน วฏฺฏทุกฺขสฺส ปริกฺขีณภาวทีปกํ สพฺพพุทฺธานํ อวิชหิตํ ‘‘อเนกชาติสํสาร’’นฺติ (ธ. ป. ๑๕๓) อุทานํ อุทาเนตฺวา เตเนว ปลฺลงฺเกน สตฺตาหํ วิมุตฺติสุขปฏิสํเวที นิสินฺโน สตฺตมาย รตฺติยา ตีสุ ยาเมสุ วุตฺตนเยน ตีณิ อุทานานิ อุทาเนตฺวา ตติยอุทานานนฺตรํ พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกนฺโต ‘‘สกลมิทํ สตฺตานํ วฏฺฏทุกฺขํ กิเลสมูลกํ, กิเลสา นาเมเต ปวตฺติทุกฺขา อายติมฺปิ ทุกฺขเหตุภูตา, เตหิ ¶ อิเม สตฺตา สนฺตปฺปนฺติ ปริฑยฺหนฺติ จา’’ติ ปสฺสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘อทฺทสา โข ภควา…เป… โมหเชหิปี’’ติ.
เอตมตฺถํ ¶ วิทิตฺวาติ เอตํ โลกสฺส ยถาวุตฺตสนฺตาปปริฬาเหหิ อภิภุยฺยมานตํ สพฺพาการโต วิทิตฺวา. อิมํ อุทานนฺติ อิมํ สพฺพสนฺตาปปริฬาหโต ปรินิพฺพานวิภาวนํ มหาอุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ อยํ โลโก สนฺตาปชาโตติ อยํ สพฺโพปิ โลโก ชราโรคมรเณหิ เจว นานาวิธพฺยสเนหิ จ กิเลสปริยุฏฺาเนหิ จ ชาตสนฺตาโป, อุปฺปนฺนกายิกเจตสิกทุกฺขาภิภโวติ อตฺโถ. ผสฺสปเรโตติ ตโต เอว อเนเกหิ ทุกฺขสมฺผสฺเสหิ ปริหโต อุปทฺทุโต. อถ วา ผสฺสปเรโตติ สุขาทิสงฺขาตานํ ติสฺสนฺนํ ทุกฺขตานํ ปจฺจยภูเตหิ ฉหิ ผสฺเสหิ อภิภูโต, ตโต ตโต ทฺวารโต ตสฺมึ ¶ ตสฺมึ อารมฺมเณ ปวตฺติวเสน อุปสฺสฏฺโ. โรคํ วทติ อตฺตโตติ ผสฺสปจฺจยา อุปฺปชฺชมานํ เวทนาสงฺขาตํ โรคํ ทุกฺขํ, ขนฺธปฺจกเมว วา ยถาภูตํ อชานนฺโต ‘‘อห’’นฺติ สฺาย ทิฏฺิคาหวเสน ‘‘อหํ สุขิโต ทุกฺขิโต’’ติ อตฺตโต วทติ. ‘‘อตฺตโน’’ติปิ ปนฺติ. ตสฺสตฺโถ – ยฺวายํ โลโก เกนจิ ทุกฺขธมฺเมน ผุฏฺโ อภาวิตตฺตตาย อธิวาเสตุํ อสกฺโกนฺโต ‘‘อโห ทุกฺขํ, อีทิสํ ทุกฺขํ มยฺหํ อตฺตโนปิ มา โหตู’’ติอาทินา วิปฺปลปนฺโต เกวลํ อตฺตโน โรคํ วทติ, ตสฺส ปน ปหานาย น ปฏิปชฺชตีติ อธิปฺปาโย. อถ วา ตํ ยถาวุตฺตํ ทุกฺขํ ยถาภูตํ อชานนฺโต ตณฺหาคาหวเสน ‘‘มม’’นฺติ สฺาย อตฺตโต วทติ, ‘‘มม อิท’’นฺติ วาจํ นิจฺฉาเรติ.
เยน เยน หิ มฺตีติ เอวมิมํ โรคภูตํ ขนฺธปฺจกํ อตฺตโต อตฺตโน วา วทนฺโต โลโก เยน เยน รูปเวทนาทินา การณภูเตน, เยน วา สสฺสตาทินา ปกาเรน ทิฏฺิมานตณฺหามฺนาหิ มฺติ. ตโต ตํ โหติ อฺถาติ ¶ ตโต อตฺตนา ปริกปฺปิตาการโต ตํ มฺนาย วตฺถุภูตํ ขนฺธปฺจกํ อฺถา อนตฺตานตฺตนิยเมว โหติ. วเส วตฺเตตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย อหงฺการมมงฺการตฺตํ น นิปฺผาเทตีติ อตฺโถ. อถ วา ตโตติ ตสฺมา มฺนามตฺตภาวโต ตํ ขนฺธปฺจกํ นิจฺจาทิวเสน มฺิตํ อฺถา อนิจฺจาทิสภาวเมว โหติ. น หิ มฺนา ภาวฺถตฺตํ วา ลกฺขณฺถตฺตํ วา กาตุํ สกฺโกติ.
อฺถาภาวี ภวสตฺโตติ อสมฺภเว วฑฺฒิยํ หิตสุเข สตฺโต ลคฺโค สตฺตโลโก มฺนาย ยถารุจิ จินฺติยมาโนปิ วิปรีตปฺปฏิปตฺติยา ตโต อฺถาภาวี อหิตทุกฺขภาวี วิฆาตํเยว ปาปุณาติ. ภวเมวาภินนฺทตีติ เอวํ สนฺเตปิ ตํ มฺนาปริกปฺปิตํ อวิชฺชมานํ ภวํ วฑฺฒึ อภินนฺทติ เอว อภิกงฺขติ เอว. อถ วา อฺถาภาวีติ ‘‘นิจฺโจ เม อตฺตา’’ติอาทินา มฺนาย ปริกปฺปิตาการโต สยํ อฺถาภาวี สมาโน อนิจฺโจ อธุโวติ ¶ อตฺโถ. ภวสตฺโตติ กามาทิภเวสุ ภวตณฺหาย สตฺโต ลคฺโค คธิโต. ภวเมวาภินนฺทตีติ อนิจฺจาทิสภาวํ ภวเมว นิจฺจาทิวเสน ปรามสิตฺวา, ตตฺถ วา อธิมุตฺติสฺํ ตณฺหาทิฏฺาภินนฺทนาหิ อภินนฺทติ, น ตตฺถ นิพฺพินฺทติ ¶ . ยทภินนฺทติ ตํ ภยนฺติ ยํ วฑฺฒิสงฺขาตํ ภวํ กามาทิภวํ วา อภินนฺทติ, ตํ อนิจฺจาทิวิปริณามสภาวตฺตา อเนกพฺยสนานุพนฺธตฺตา จ ภวเหตุภาวโต อติวิย ภยานกฏฺเน ภยํ. ยสฺส ภายตีติ ยโต ชรามรณาทิโต ภายติ, ตํ ชรามรณาทิ ทุกฺขาธิฏฺานภาวโต ทุกฺขทุกฺขภาวโต จ ทุกฺขํ. อถ วา ยสฺส ภายตีติ ภวาภินนฺทเนน ยสฺส วิภวสฺส ภายติ ¶ , โส อุจฺเฉทสงฺขาโต วิภโว, ตโต ภายนฺจ ทุกฺขวตฺถุภาวโต ชาติอาทิทุกฺขสฺส อนติวตฺตนโต จ ทุกฺขํ ทุกฺขสภาวเมวาติ อตฺโถ. อถ วา ยสฺส ภายติ ตํ ทุกฺขนฺติ ยสฺส อนิจฺจาทิกสฺส ภายติ ตํ นิสฺสรณํ อชานนฺโต, ตํ ภยํ ตสฺส ทุกฺขํ โหติ, ทุกฺขํ อาวหตีติ อตฺโถ.
เอตฺตเกน วฏฺฏํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ วิวฏฺฏํ ทสฺเสตุํ, ‘‘ภววิปฺปหานาย โข ปนิทํ พฺรหฺมจริยํ วุสฺสตี’’ติ อาห. ตตฺถ ภววิปฺปหานายาติ กามาทิภวสฺส ปชหนตฺถาย. โขติ อวธารเณ, ปนาติ ปทปูรเณ นิปาโต. อิทนฺติ อาสนฺนปจฺจกฺขวจนํ. พฺรหฺมจริยนฺติ มคฺคพฺรหฺมจริยํ. วุสฺสตีติ ปูเรสฺสติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – เอกนฺเตเนว กามาทิภวสฺส สมุทยปฺปหาเนน อนวเสสปชหนตฺถาย อิทํ มยา สตสหสฺสกปฺปาธิกานิ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ อติทุกฺกรานิ อาจริตฺวา ปารมิโย ปูเรตฺวา โพธิมณฺเฑ ติณฺณํ มารานํ มตฺถกํ มทฺทิตฺวา อธิคตํ สีลาทิกฺขนฺธตฺตยสงฺคหํ อฏฺงฺคิกมคฺคพฺรหฺมจริยํ จริยติ ภาวิยตีติ.
เอวํ อริยมคฺคสฺส เอกํเสเนว นิยฺยานิกภาวํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อฺมคฺคสฺส ตทภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เย หิ เกจี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ เยติ อนิยมนิทฺเทโส. หีติ นิปาตมตฺตํ. เกจีติ เอกจฺเจ. ปททฺวเยนาปิ ตถาวาทิโน ทิฏฺิคติเก อนิยมโต ปริยาทิยติ. สมณาติ ปพฺพชฺชูปคมนมตฺเตน สมณา, น สมิตปาปา. พฺราหฺมณาติ ชาติมตฺเตน พฺราหฺมณา, น พาหิตปาปา. วาสทฺโท วิกปฺปตฺโถ. ภเวน ภวสฺส วิปฺปโมกฺขมาหํสูติ เอกจฺเจ กามภเวน รูปภเวน วา สพฺพภวโต วิมุตฺตึ สํสารสุทฺธึ กถยึสุ.
เก ปเนวํ วทนฺตีติ? ทิฏฺธมฺมนิพฺพานวาทิโน เตสุ หิ เกจิ ‘‘อุฬาเรหิ ปฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิโต อตฺตา ทิฏฺเว ธมฺเม ปรมํ นิพฺพุตึ ปตฺโต ¶ โหตี’’ติ วทนฺติ. เกจิ ‘‘รูปาวจรชฺฌาเนสุ ปมชฺฌานสมงฺคี…เป… เกจิ ‘‘ทุติยตติยจตุตฺถชฺฌานสมงฺคี อตฺตา ทิฏฺเว ธมฺเม ปรมํ นิพฺพุตึ ปตฺโต โหตี’’ติ วทนฺติ. ยถาห –
‘‘อิธ ¶ , ภิกฺขเว, เอกจฺโจ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา เอวํวาที โหติ เอวํทิฏฺิ ‘ยโต โข โภ อยํ อตฺตา ปฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิโต’’’ติ ¶ (ที. นิ. ๑.๙๔) วิตฺถาโร.
เต ปน ยสฺมา ยาวทตฺถํ ปีตตฺตา สุหิตาย ชลูกาย วิย รุหิรปิปาสา กามาทิสุเขหิ สมปฺปิตสฺส ตสฺส อตฺตโน กาเมสนาทโย น ภวิสฺสนฺติ, ตทภาเว จ ภวสฺส อภาโวเยว, ยสฺมึ ยสฺมิฺจ ภเว ิตสฺส อยํ นโย ลพฺภติ, เตน เตน ภเวน สพฺพภวโต วิมุตฺติ โหตีติ วทนฺติ, ตสฺมา ‘‘ภเวน ภวสฺส วิปฺปโมกฺขมาหํสู’’ติ วุตฺตา. เยสฺจ ‘‘เอตฺตกํ นาม กาลํ สํสริตฺวา พาลา จ ปณฺฑิตา จ ปริโยสานภเว ตฺวา สํสารโต วิมุจฺจนฺตี’’ติ ลทฺธิ, เตปิ ภเวน ภวสฺส วิปฺปโมกฺขํ วทนฺติ นาม. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘จุลฺลาสีติ มหากปฺปิโน สตสหสฺสานิ ยานิ พาเล จ ปณฺฑิเต จ สนฺธาวิตฺวา สํสริตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสนฺตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๖๘).
อถ วา ภเวนาติ ภวทิฏฺิยา. ภวติ สสฺสตํ ติฏฺตีติ ปวตฺตนโต สสฺสตทิฏฺิ ภวทิฏฺีติ วุจฺจติ, ภวทิฏฺิ เอเวตฺถ อุตฺตรปทโลเปน ภวตณฺหาติอาทีสุ วิย ภโวติ วุตฺโต. ภวทิฏฺิวเสน จ เอกจฺเจ ภววิเสสํเยว กิเลสานํ วูปสนฺตวุตฺติยา อายุโน จ ทีฆาวาสตาย นิจฺจาทิสภาวํ ภววิโมกฺขํ มฺนฺติ, เสยฺยถาปิ พโก พฺรหฺมา ‘‘อิทํ นิจฺจํ, อิทํ ธุวํ, อิทํ สสฺสตํ, อิทํ อวิปริณามธมฺม’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๕๐๑) อโวจ. เตสเมวํ วิปรีตคาหีนํ อนิสฺสรเณ นิสฺสรณทิฏฺีนํ กุโต ภววิโมกฺโข. เตนาห ภควา – ‘‘สพฺเพ เต ‘อวิปฺปมุตฺตา ภวสฺมา’ติ วทามี’’ติ.
วิภเวนาติ อุจฺเฉเทน. ภวสฺส นิสฺสรณมาหํสูติ สพฺพภวโต นิคฺคมนํ นิกฺขนฺตึ สํสารสุทฺธึ วทึสุ. เต หิ ‘‘ภเวน ภวสฺส วิปฺปโมกฺโข’’ติ วทนฺตานํ วาทํ อนนุชานนฺตา ภวูปจฺเฉเทน นิสฺสรณํ ปฏิชานึสุ. วิภเวนาติ วา อุจฺเฉททิฏฺิยา. วิภวติ วินสฺสติ อุจฺฉิชฺชติ อตฺตา จ โลโก ¶ จาติ ปวตฺตนโต อุจฺเฉททิฏฺิ วุตฺตนเยน ‘‘วิภโว’’ติ ¶ วุจฺจติ. อุจฺเฉททิฏฺิวเสน หิ สตฺตา อธิมุจฺจิตฺวา ตตฺถ ตตฺถ อุปฺปนฺนา อุจฺฉิชฺชนฺติ, สา เอว สํสารสุทฺธีติ อุจฺเฉทวาทิโน. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘ยโต โข โภ อยํ อตฺตา รูปี จาตุมหาภูติโก…เป… เนวสฺานาสฺายตนํ ¶ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, เอตฺตาวตา โข โภ อยํ อตฺตา สมฺมา สมุจฺฉินฺโน โหตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๘๕).
ตถา –
‘‘นตฺถิ, มหาราช, ทินฺนํ, นตฺถิ ยิฏฺํ นตฺถิ หุตํ…เป… พาเล จ ปณฺฑิเต จ กายสฺส เภทา อุจฺฉิชฺชนฺติ วินสฺสนฺติ น โหนฺติ ปรํ มรณา’’ติ จ (ที. นิ. ๑.๑๗๑).
เตสมฺปิ เอวํ วิปรีตคาหีนํ กุโต ภวนิสฺสรณํ. เตนาห ภควา – ‘‘สพฺเพ เต ‘อนิสฺสฏา ภวสฺมา’ติ วทามี’’ติ. น หิ อริยมคฺคภาวนาย อนวเสสกิเลสํ อสมุคฺฆาเตตฺวา กทาจิปิ ภวโต นิสฺสรณวิมุตฺติ สมฺภวติ. ตถา หิ เตสํ สมณพฺราหฺมณานํ ยถาภูตาวโพธาภาวโต ‘‘อตฺถิ นตฺถี’’ติ อนฺตทฺวยนิปติตานํ ตณฺหาทิฏฺิวเสน สมฺปริตสิตวิปฺผนฺทิตมตฺตํ, ยโต เต ทิฏฺิคติกา ปวตฺติเหตูสุปิ สมฺมูฬฺหา สกฺกายภูมิยํ สุนิขาเต วิปรีตทสฺสนถมฺเภ ตณฺหาพนฺธเนน พทฺธา คทฺทูลพนฺธนา วิย สา น วิชหนฺติ พนฺธนฏฺานํ, กุโต เนสํ วิโมกฺโข?
เย ปน จตุสจฺจวิภาวเนน ปวตฺติอาทีสุ อสมฺโมหโต ตํ อนฺตทฺวยํ อนุปคมฺม มชฺฌิมํ ปฏิปทํ สมารุฬฺหา, เตสํเยว ภววิปฺปโมกฺโข นิสฺสรณฺจาติ ทสฺเสนฺโต สตฺถา ‘‘อุปธึ หี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อุปธินฺติ ขนฺธาทิอุปธึ. หีติ นิปาตมตฺตํ. ปฏิจฺจาติ นิสฺสาย, ปจฺจยํ กตฺวา. ทุกฺขนฺติ ชาติอาทิ ทุกฺขํ. กึ วุตฺตํ โหติ? ยตฺถิเม ทิฏฺิคติกา วิโมกฺขสฺิโน, ตตฺถ ขนฺธกิเลสาภิสงฺขารูปธโย อธิคตา, กุโต ตตฺถ ทุกฺขนิสฺสรณํ? ยตฺร หิ กิเลสา, ตตฺราภิสงฺขารสมฺภวโต ภวปพนฺธสฺส อวิจฺเฉโทเยวาติ วฏฺฏทุกฺขสฺส อนิวตฺติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อุปธิฺหิ ปฏิจฺจ ทุกฺขมิทํ สมฺโภตี’’ติ.
อิทานิ ¶ ยํ ปรมตฺถโต ทุกฺขสฺส นิสฺสรณํ, ตํ ทสฺเสตุํ, ‘‘สพฺพุปาทานกฺขยา นตฺถิ ทุกฺขสฺส สมฺภโว’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ สพฺพุปาทานกฺขยาติ กามุปาทานํ ทิฏฺุปาทานํ สีลพฺพตุปาทานํ อตฺตวาทุปาทานนฺติ สพฺเพสํ อิเมสํ จตุนฺนมฺปิ อุปาทานานํ อริยมคฺคาธิคเมน ¶ อนวเสสปฺปหานโต. ตตฺถ ทิฏฺุปาทานํ สีลพฺพตุปาทานํ อตฺตวาทุปาทานนฺติ อิมานิ ตีณิ อุปาทานานิ โสตาปตฺติมคฺเคน ขียนฺติ, อนุปฺปตฺติธมฺมตํ อาปชฺชนฺติ. กามุปาทานํ อปายคมนียํ ¶ ปเมน, กามราคภูตํ พหลํ ทุติเยน, สุขุมํ ตติเยน, รูปราคารูปราคปฺปหานํ จตุตฺเถนาติ จตูหิปิ มคฺเคหิ ขียติ, อนุปฺปตฺติธมฺมตํ อาปชฺชตีติ เวทิตพฺพํ. นตฺถิ ทุกฺขสฺส สมฺภโวติ เอวํ สพฺพโส อุปาทานกฺขยา ตเทกฏฺตาย สพฺพสฺสปิ กิเลสคณสฺส อนุปฺปาทนโต อปฺปมตฺตกสฺสปิ วฏฺฏทุกฺขสฺส สมฺภโว ปาตุภาโว นตฺถิ.
เอวํ ภควา เหตุนา สทฺธึ ปวตฺตึ นิวตฺติฺจ ทสฺเสตฺวา ‘‘อิมํ นยํ อชานนฺโต อยํ สตฺตโลโก วฏฺฏโตปิ สีสํ น อุกฺขิปตี’’ติ ทสฺเสนฺโต ‘‘โลกมิมํ ปสฺสา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ โลกมิมํ ปสฺสาติ อตฺตโน พุทฺธจกฺขุนา ปจฺจกฺขโต วิสยภาวสฺส อุปคตตฺตา ‘‘โลกมิมํ ปสฺสา’’ติ ภควาทสฺสนกิริยาย นิโยเชนฺโต อตฺตานเมวาลปติ. ปุถูติ พหู, วิสุํ วิสุํ วา. อวิชฺชาย ปเรตาติ ‘‘ทุกฺเข อฺาณ’’นฺติอาทินา (ธ. ส. ๑๑๐๖; วิภ. ๒๒๖) นเยน วุตฺตาย จตุสจฺจปฏิจฺฉาทิกาย อวิชฺชาย อภิภูตา. ภูตาติ กมฺมกิเลเสหิ ชาตา นิพฺพตฺตา. ภูตรตาติ ภูเตสุ มาตาปิตุปุตฺตทาราทิสฺาย อฺสตฺเตสุ ตณฺหาย รตา, ภูเต วา ขนฺธปฺจเก อนิจฺจาสุภทุกฺขานตฺตสภาเว ตํสภาวานวโพธโต อิตฺถิปุริสาทิปริกปฺปวเสน นิจฺจาทิวเสน อตฺตตฺตนิยคาหวเสน จ อภิรตา. ภวา อปริมุตฺตาติ ยถาวุตฺเตน ตณฺหาทิฏฺิคาเหน ภวโต สํสารโต น ปริมุตฺตา.
เอตฺถ จ ‘‘โลกมิม’’นฺติ ปมํ ตาว สกลมฺปิ สตฺตนิกายํ สามฺโต เอกตฺตํ อุปเนนฺโต เอกวจเนน อโนธิโส คหณํ ทีเปตฺวา ‘‘สฺวายํ โลโก ภวโยนิคติิติสตฺตาวาสาทิวเสน เจว ตตฺถาปิ ตํตํสตฺตนิกายาทิวเสน จ อเนกเภทภินฺโน ปจฺเจกํ มยา โวโลกิโต’’ติ อตฺตโน พุทฺธจกฺขุาณานุภาวํ ปกาเสนฺโต สตฺถา ปุน วจนเภทํ กตฺวา พหุวจเนน โอธิโส คหณํ ทีเปติ ‘‘ปุถู ¶ อวิชฺชาย ปเรตา ภูตา’’ติอาทินา. เอวฺจ กตฺวา ‘‘โลกมิม’’นฺติ อุปโยควจนํ กตฺวา ‘‘อวิชฺชาย ปเรตา’’ติอาทินา ปจฺจตฺตพหุวจนนิทฺเทโสปิ ¶ อวิรุทฺโธ โหติ ภินฺนวากฺยตฺตา. เกจิ ปน เอกวากฺยตาธิปฺปาเยน ‘‘อวิชฺชาย ปเรตํ ภูตํ ภูตรตํ ภวา อปริมุตฺต’’นฺติ ปนฺติ, วิภตฺติเภทวเสเนว ปน ปุราณปาโ.
อิทานิ เยน อุปาเยน ภววิปฺปโมกฺโข โหติ, ตํ สพฺพํ ติตฺถิยานํ อวิสยภูตํ พุทฺธโคจรํ วิปสฺสนาวีถึ ทสฺเสนฺโต ‘‘เย หิ เกจี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ เย หิ เกจิ ภวาติ กามภวาทิ สฺีภวาทิ เอกโวการภวาทิวิภาเคน นานาเภทภินฺนา สาตวนฺโต วา อสาตวนฺโต วา ทีฆายุกา วา อิตฺตรกฺขณา วา เย หิ เกจิ ภวา. สพฺพธีติ อุทฺธํ อโธ ติริยนฺติ อาทิวิภาเคน สพฺพตฺถ. สพฺพตฺถตายาติ สคฺคาปายมนุสฺสาทิวิภาเคน. สพฺเพ เตติอาทีสุ ¶ สพฺเพปิ เต ภวา รูปเวทนาทิธมฺมา หุตฺวา อภาวฏฺเน อนิจฺจา, อุทยพฺพยปฏิปีฬิตตฺตา ทุกฺขา, ชราย มรเณน จาติ ทฺวิธา วิปริณาเมตพฺพตาย วิปริณามธมฺมา. อิติสทฺโท อาทิอตฺโถ ปการตฺโถ วา, เตน อนตฺตลกฺขณมฺปิ สงฺคเหตฺวา อวสวตฺตนฏฺเน อนตฺตา, วิปริณามธมฺมตาย วา อวสวตฺตนฏฺเน อนตฺตาติ วุตฺตา.
เอวํ ลกฺขณตฺตยปฏิวิชฺฌนากาเรน เอตํ ภวสงฺขาตํ ขนฺธปฺจกํ ยถาภูตํ อวิปรีตํ สมฺมปฺปฺาย สมฺมา าเยน วิปสฺสนาสหิตาย มคฺคปฺาย ปสฺสโต ปริฺาภิสมยาทิวเสน ปฏิวิชฺฌโต ‘‘ภโว นิจฺโจ’’ติ อาทินยปฺปวตฺตา ภเวสุ ตณฺหา ปหียติ, อคฺคมคฺคปฺปตฺติสมกาลเมว อนวเสสํ นิรุชฺฌติ, อุจฺเฉททิฏฺิยา สพฺพโส ปหีนตฺตา วิภวํ วิจฺเฉทํ นาภินนฺทติ น ปตฺเถติ. เอวํภูตสฺส ตสฺส ยา กามตณฺหาทิวเสน อฏฺสตเภทา อวตฺถาทิวิภาเคน อนนฺตเภทา จ, ตาสํ สพฺพโส สพฺพปฺปกาเรน ตณฺหานํ ขยา ปหานา, ตเทกฏฺตาย สพฺพสฺสปิ สํกิเลสปกฺขสฺส ¶ อเสสํ นิสฺเสสํ วิราเคน อริยมคฺเคน โย อนุปฺปาทนิโรโธ, ตํ นิพฺพานนฺติ.
เอวํ ตณฺหาย ปหานมุเขน สอุปาทิเสสนิพฺพานํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อนุปาทิเสสนิพฺพานํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตสฺส นิพฺพุตสฺสา’’ติอาทิมาห. ตสฺสตฺโถ ¶ – โย โส สพฺพโส ตณฺหานํ ขยา กิเลสปรินิพฺพาเนน นิพฺพุโต วุตฺตนเยน ภินฺนกิเลโส ขีณาสวภิกฺขุ, ตสฺส นิพฺพุตสฺส ภิกฺขุโน อนุปาทา อุปาทานาภาวโต กิเลสาภิสงฺขารมารานํ วา อคฺคหณโต ปุนพฺภโว น โหติ, อายตึ ปฏิสนฺธิวเสน อุปปตฺติภโว นตฺถิ. เอวํภูเตน จ เตน อภิภูโต มาโร, อริยมคฺคกฺขเณ กิเลสมาโร อภิสงฺขารมาโร เทวปุตฺตมาโร จ จริมกจิตฺตกฺขเณ ขนฺธมาโร มจฺจุมาโร จาติ ปฺจวิโธ มาโร อภิภูโต ปราชิโต, ปุน สีสํ อุกฺขิปิตุํ อปฺปทาเนน นิพฺพิเสวโน กโต, ยโต เตน วิชิโต สงฺคาโม มาเรหิ ตตฺถ ตตฺถ ปวตฺติโต. เอวํ วิชิตสงฺคาโม ปน อิฏฺาทีสุ สพฺเพสุ วิการาภาเวน ตาทิลกฺขณปฺปตฺติยา ตาที อรหา สพฺพภวานิ ยถาวุตฺตเภเท สพฺเพปิ ภเว อุปจฺจคา สมติกฺกนฺโต, น ยตฺถ กตฺถจิ สงฺขํ อุเปติ, อฺทตฺถุ อนุปาทาโน วิย ชาตเวโท ปรินิพฺพานโต อุทฺธํ อปฺตฺติโกว โหตีติ. อิติ ภควา อิมํ มหาอุทานํ อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา กูฏํ คเหตฺวา นิฏฺเปสิ.
ทสมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิฏฺิตา จ นนฺทวคฺควณฺณนา.
๔. เมฆิยวคฺโค
๑. เมฆิยสุตฺตวณฺณนา
๓๑. เมฆิยวคฺคสฺส ¶ ¶ ¶ ปเม จาลิกายนฺติ เอวํ นามเก นคเร. ตสฺส กิร นครสฺส ทฺวารฏฺานํ มฺุจิตฺวา สมนฺตโต จลปงฺกํ โหติ, ตํ จลปงฺกํ นิสฺสาย ิตตฺตา โอโลเกนฺตานํ จลมานํ วิย อุปฏฺาติ, ตสฺมา ‘‘จาลิกา’’ติ วุจฺจติ. จาลิเก ปพฺพเตติ ตสฺส นครสฺส อวิทูเร เอโก ปพฺพโต, โสปิ สพฺพเสตตฺตา กาลปกฺขอุโปสเถ โอโลเกนฺตานํ จลมาโน วิย อุปฏฺาติ, ตสฺมา ‘‘จาลิกปพฺพโต’’ติ สงฺขํ คโต. ตตฺถ ภควโต มหนฺตํ วิหารํ การยึสุ, ภควา ตทา ตํ นครํ โคจรคามํ กตฺวา ตสฺมึ จาลิกปพฺพตมหาวิหาเร วิหรติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘จาลิกายํ วิหรติ จาลิเก ปพฺพเต’’ติ. เมฆิโยติ ตสฺส เถรสฺส นามํ. อุปฏฺาโก โหตีติ ปริจารโก โหติ. ภควโต หิ ปมโพธิยํ อุปฏฺากา อนิพทฺธา อเหสุํ, เอกทา นาคสมาโล, เอกทา นาคิโต, เอกทา อุปวาโน, เอกทา สุนกฺขตฺโต, ตทาปิ เมฆิยตฺเถโรว อุปฏฺาโก. เตนาห – ‘‘เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา เมฆิโย ภควโต อุปฏฺาโก โหตี’’ติ.
ชนฺตุคามนฺติ เอวํ นามกํ ตสฺเสว วิหารสฺส อปรํ โคจรคามํ. ‘‘ชตฺตุคาม’’นฺติปิ ปาโ. กิมิกาฬายาติ กาฬกิมีนํ พหุลตาย ‘‘กิมิกาฬา’’ติ ลทฺธนามาย นทิยา. ชงฺฆวิหารนฺติ จิรนิสชฺชาย ชงฺฆาสุ อุปฺปนฺนกิลมถวิโนทนตฺถํ วิจรณํ. ปาสาทิกนฺติ อวิรฬรุกฺขตาย สินิทฺธปตฺตตาย จ ปสฺสนฺตานํ ปสาทมาวหตีติ ปาสาทิกํ. สนฺทจฺฉายตาย ¶ มนฺุภูมิภาคตาย จ มนฺุํ. อนฺโต ปวิฏฺานํ ปีติโสมนสฺสชนนฏฺเน จิตฺตํ รเมตีติ รมณียํ. อลนฺติ ปริยตฺตํ, ยุตฺตนฺติปิ อตฺโถ. ปธานตฺถิกสฺสาติ โยเคน ภาวนาย อตฺถิกสฺส. ปธานายาติ สมณธมฺมกรณาย. อาคจฺเฉยฺยาหนฺติ อาคจฺเฉยฺยํ อหํ. เถเรน กิร ปุพฺเพ ตํ านํ อนุปฏิปาฏิยา ปฺจ ชาติสตานิ รฺา เอว สตา อนุภูตํ อุยฺยานํ อโหสิ, เตนสฺส ทิฏฺมตฺเตเยว ตตฺถ วิหริตุํ จิตฺตํ นมิ. อาคเมหิ ตาวาติ ¶ สตฺถา เถรสฺส วจนํ สุตฺวา อุปธาเรนฺโต ‘‘น ตาวสฺส าณํ ปริปากํ คต’’นฺติ ตฺวา ปฏิกฺขิปนฺโต เอวมาห ¶ . เอกกมฺหิ ตาวาติ อิทํ ปนสฺส ‘‘เอวมยํ คนฺตฺวาปิ กมฺเม อนิปฺผชฺชมาเน นิราสงฺโก หุตฺวา เปมวเสน ปุน อาคจฺฉิสฺสตี’’ติ จิตฺตมทฺทวชนนตฺถํ อาห. ยาว อฺโปิ โกจิ ภิกฺขุ อาคจฺฉตีติ อฺโ โกจิ ภิกฺขุ มม สนฺติกํ ยาว อาคจฺฉติ, ตาว อาคเมหีติ อตฺโถ. ‘‘โกจิ ภิกฺขุ ทิสฺสตี’’ติปิ ปาโ. ‘‘อาคจฺฉตู’’ติปิ ปนฺติ, ตถา ‘‘ทิสฺสตู’’ติ.
นตฺถิ กิฺจิ อุตฺตริ กรณียนฺติ จตูสุ สจฺเจสุ จตูหิ มคฺเคหิ ปริฺาทีนํ โสฬสนฺนํ กิจฺจานํ กตตฺตา, อภิสมฺโพธิยา วา อธิคตตฺตา ตโต อฺํ อุตฺตริ กรณียํ นาม นตฺถิ. นตฺถิ กตสฺส วา ปติจโยติ กตสฺส วา ปุน ปติจโยปิ นตฺถิ. น หิ ภาวิตมคฺโค ปุน ภาวียติ, ปหีนกิเลสานํ วา ปุน ปหาเนน กิจฺจํ อตฺถิ. อตฺถิ กตสฺส ปติจโยติ มยฺหํ สนฺตาเน นิปฺผาทิตสฺส สีลาทิธมฺมสฺส อริยมคฺคสฺส อนธิคตตฺตา ตทตฺถํ ปุน วฑฺฒนสงฺขาโต ปติจโย อตฺถิ, อิจฺฉิตพฺโพติ อตฺโถ. ปธานนฺติ โข เมฆิย วทมานํ กินฺติ วเทยฺยามาติ ‘‘สมณธมฺมํ กโรมี’’ติ ตํ วทมานํ มยํ อฺํ กึ นาม วเทยฺยาม?
ทิวาวิหารํ ¶ นิสีทีติ ทิวาวิหารตฺถาย นิสีทิ. นิสินฺโน จ ยสฺมึ มงฺคลสิลาปฏฺเฏ ปุพฺเพ อนุปฏิปาฏิยา ปฺจ ชาติสตานิ ราชา หุตฺวา อุยฺยานกีฬํ กีฬนฺโต วิวิธนาฏกปริวาโร นิสินฺนปุพฺโพ, ตสฺมึเยว าเน นิสีทิ. อถสฺส นิสินฺนกาลโต ปฏฺาย สมณภาโว วิคโต วิย อโหสิ, ราชเวสํ คเหตฺวา นาฏกปริวารปริวุโต เสตจฺฉตฺตสฺส เหฏฺา มหารเห ปลฺลงฺเก นิสินฺโน วิย ชาโต. อถสฺส ตํ สมฺปตฺตึ อสฺสาทยโต กามวิตกฺโก อุทปาทิ. โส ตสฺมึเยว ขเณ สโหฑฺฒํ คหิเต ทฺเว โจเร อาเนตฺวา ปุรโต ปิเต วิย อทฺทส. เตสุ เอกสฺส วธํ อาณาปนวเสน พฺยาปาทวิตกฺโก อุปฺปชฺชิ, เอกสฺส พนฺธนํ อาณาปนวเสน วิหึสาวิตกฺโก, เอวํ โส ลตาชาเลน รุกฺโข วิย มธุมกฺขิกาหิ มธุฆาตโก วิย จ อกุสลวิตกฺเกหิ ปริกฺขิตฺโต สมฺปริกิณฺโณ อโหสิ. ตํ สนฺธาย ‘‘อถ โข อายสฺมโต เมฆิยสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
อจฺฉริยํ ¶ วต โภติ ครหณจฺฉริยํ นาม กิเรตํ ยถา อายสฺมา อานนฺโท ภควโต วลิยคตฺตํ ทิสฺวา อโวจ ‘‘อจฺฉริยํ, ภนฺเต, อพฺภุตํ, ภนฺเต’’ติ (สํ. นิ. ๕.๕๑๑). อปเร ปน ‘‘ตสฺมึ สมเย ปุปฺผผลปลฺลวาทีสุ โลภวเสน กามวิตกฺโก, ขรสฺสรานํ ปกฺขิอาทีนํ สทฺทสฺสวเนน พฺยาปาทวิตกฺโก, เลฑฺฑุอาทีหิ เตสํ ปฏิพาหนาธิปฺปาเยน วิหึสาวิตกฺโก, ‘อิเธวาหํ วเสยฺย’นฺติ ตตฺถ สาเปกฺขตาวเสน กามวิตกฺโก, วนจรเก ตตฺถ ตตฺถ ¶ ทิสฺวา เตสุ จิตฺตทุพฺภเนน พฺยาปาทวิตกฺโก, เตสํ วิเหนาธิปฺปาเยน วิหึสาวิตกฺโก ตสฺส อุปฺปชฺชี’’ติปิ วทนฺติ. ยถา วา ตถา วา ตสฺส มิจฺฉาวิตกฺกุปฺปตฺติเยว อจฺฉริยการณํ. อนฺวาสตฺตาติ อนุลคฺคา โวกิณฺณา. อตฺตนิ ครุมฺหิ จ เอกตฺเตปิ พหุวจนํ ทิสฺสติ. ‘‘อนุสนฺโต’’ติปิ ปาโ.
เยน ภควา เตนุปสงฺกมีติ เอวํ มิจฺฉาวิตกฺเกหิ สมฺปริกิณฺโณ กมฺมฏฺานสปฺปายํ กาตุํ อสกฺโกนฺโต ‘‘อิทํ วต ทิสฺวา ทีฆทสฺสี ภควา ปฏิเสเธสี’’ติ สลฺลกฺเขตฺวา ‘‘อิมํ การณํ ทสพลสฺส อาโรเจสฺสามี’’ติ นิสินฺนาสนโต ¶ วุฏฺาย เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ. อุปสงฺกมิตฺวา จ ‘‘อิธ มยฺหํ, ภนฺเต’’ติอาทินา อตฺตโน ปวตฺตึ อาโรเจสิ.
ตตฺถ เยภุยฺเยนาติ พหุลํ อภิกฺขณํ. ปาปกาติ ลามกา. อกุสลาติ อโกสลฺลสมฺภูตา. ทุคฺคติสมฺปาปนฏฺเน วา ปาปกา, กุสลปฏิปกฺขตาย อกุสลา. วิตกฺเกติ อูหติ อารมฺมณํ จิตฺตํ อภินิโรเปตีติ วิตกฺโก, กามสหคโต วิตกฺโก กามวิตกฺโก, กิเลสกามสมฺปยุตฺโต วตฺถุกามารมฺมโณ วิตกฺโกติ อตฺโถ. พฺยาปาทสหคโต วิตกฺโก พฺยาปาทวิตกฺโก. วิหึสาสหคโต วิตกฺโก วิหึสาวิตกฺโก. เตสุ กามานํ อภินนฺทนวเสน ปวตฺโต เนกฺขมฺมปฏิปกฺโข กามวิตกฺโก, ‘‘อิเม สตฺตา หฺนฺตุ วา วินสฺสนฺตุ วา มา วา อเหสุ’’นฺติ สตฺเตสุ สมฺปทุสฺสนวเสน ปวตฺโต เมตฺตาปฏิปกฺโข พฺยาปาทวิตกฺโก, ปาณิเลฑฺฑุทณฺฑาทีหิ สตฺตานํ วิเหเตุกามตาวเสน ปวตฺโต กรุณาปฏิปกฺโข วิหึสาวิตกฺโก.
กสฺมา ปนสฺส ภควา ตตฺถ คมนํ อนุชานิ? ‘‘อนนฺุาโตปิ จายํ มํ โอหาย คจฺฉิสฺสเตว, ‘ปริจารกามตาย มฺเ ภควา คนฺตุํ น เทตี’ติ ¶ จสฺส สิยา อฺถตฺตํ. ตทสฺส ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺเตยฺยา’’ติ อนุชานิ.
เอวํ ตสฺมึ อตฺตโน ปวตฺตึ อาโรเจตฺวา นิสินฺเน อถสฺส ภควา สปฺปายํ ธมฺมํ เทเสนฺโต ‘‘อปริปกฺกาย, เมฆิย, เจโตวิมุตฺติยา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อปริปกฺกายาติ ปริปากํ อปฺปตฺตาย. เจโตวิมุตฺติยาติ กิเลเสหิ เจตโส วิมุตฺติยา. ปุพฺพภาเค หิ ตทงฺควเสน เจว วิกฺขมฺภนวเสน จ กิเลเสหิ เจตโส วิมุตฺติ โหติ, อปรภาเค สมุจฺเฉทวเสน เจว ปฏิปสฺสทฺธิวเสน จ. สายํ วิมุตฺติ เหฏฺา วิตฺถารโต กถิตาว, ตสฺมา ตตฺถ วุตฺตนเยน เวทิตพฺพา. ตตฺถ วิมุตฺติปริปาจนีเยหิ ธมฺเมหิ อาสเย ปริปาจิเต ปโพธิเต วิปสฺสนาย มคฺคคพฺภํ ¶ คณฺหนฺติยา ปริปากํ คจฺฉนฺติยา เจโตวิมุตฺติ ปริปกฺกา นาม โหติ, ตทภาเว อปริปกฺกา.
กตเม ปน วิมุตฺติปริปาจนียา ธมฺมา? สทฺธินฺทฺริยาทีนํ วิสุทฺธิกรณวเสน ปนฺนรส ธมฺมา เวทิตพฺพา. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘อสฺสทฺเธ ปุคฺคเล ปริวชฺชยโต, สทฺเธ ปุคฺคเล เสวโต ภชโต ปยิรุปาสโต, ปสาทนีเย สุตฺตนฺเต ปจฺจเวกฺขโต ¶ – อิเมหิ ตีหากาเรหิ สทฺธินฺทฺริยํ วิสุชฺฌติ.
‘‘กุสีเต ปุคฺคเล ปริวชฺชยโต, อารทฺธวีริเย ปุคฺคเล เสวโต ภชโต ปยิรุปาสโต, สมฺมปฺปธาเน ปจฺจเวกฺขโต – อิเมหิ ตีหากาเรหิ วีริยินฺทฺริยํ วิสุชฺฌติ.
‘‘มุฏฺสฺสตี ปุคฺคเล ปริวชฺชยโต, อุปฏฺิตสฺสตี ปุคฺคเล เสวโต ภชโต ปยิรุปาสโต, สติปฏฺาเน ปจฺจเวกฺขโต – อิเมหิ ตีหากาเรหิ สตินฺทฺริยํ วิสุชฺฌติ.
‘‘อสมาหิเต ปุคฺคเล ปริวชฺชยโต, สมาหิเต ปุคฺคเล เสวโต ภชโต ปยิรุปาสโต, ฌานวิโมกฺเข ปจฺจเวกฺขโต – อิเมหิ ตีหากาเรหิ สมาธินฺทฺริยํ วิสุชฺฌติ.
‘‘ทุปฺปฺเ ปุคฺคเล ปริวชฺชยโต, ปฺวนฺเต ปุคฺคเล เสวโต ภชโต ปยิรุปาสโต, คมฺภีราณจริยํ ปจฺจเวกฺขโต – อิเมหิ ตีหากาเรหิ ปฺินฺทฺริยํ วิสุชฺฌติ.
‘‘อิติ ¶ อิเม ปฺจ ปุคฺคเล ปริวชฺชยโต, ปฺจ ปุคฺคเล เสวโต ภชโต ปยิรุปาสโต, ปฺจ สุตฺตนฺเต ปจฺจเวกฺขโต – อิเมหิ ปนฺนรสหิ อากาเรหิ, อิมานิ ปฺจินฺทฺริยานิ วิสุชฺฌนฺตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๑๘๕).
อปเรปิ ปนฺนรส ธมฺมา วิมุตฺติปริปาจนียา – สทฺธาปฺจมานิ อินฺทฺริยานิ, อนิจฺจสฺา ทุกฺขสฺา อนตฺตสฺา ปหานสฺา วิราคสฺาติ อิมา ปฺจ นิพฺเพธภาคิยา ¶ สฺา, กลฺยาณมิตฺตตา สีลสํวโร อภิสลฺเลขตา วีริยารมฺโภ นิพฺเพธิกปฺาติ. เตสุ วิเนยฺยทมนกุสโล สตฺถา วิเนยฺยสฺส เมฆิยตฺเถรสฺส อชฺฌาสยวเสน อิธ กลฺยาณมิตฺตตาทโย วิมุตฺติปริปาจนีเย ธมฺเม ทสฺเสนฺโต ‘‘ปฺจ ธมฺมา ปริปากาย สํวตฺตนฺตี’’ติ วตฺวา เต วิตฺถาเรนฺโต ‘‘อิธ, เมฆิย, ภิกฺขุ กลฺยาณมิตฺโต โหตี’’ติอาทิมาห.
ตตฺถ กลฺยาณมิตฺโตติ กลฺยาโณ ภทฺโท สุนฺทโร มิตฺโต เอตสฺสาติ กลฺยาณมิตฺโต. ยสฺส สีลาทิคุณสมฺปนฺโน ‘‘อฆสฺส ฆาตา, หิตสฺส วิธาตา’’ติ เอวํ สพฺพากาเรน อุปกาโร มิตฺโต โหติ, โส ปุคฺคโล กลฺยาณมิตฺโตว. ยถาวุตฺเตหิ กลฺยาณปุคฺคเลเหว สพฺพิริยาปเถสุ สห อยติ ปวตฺตติ, น วินา เตหีติ กลฺยาณสหาโย.กลฺยาณปุคฺคเลสุ เอว จิตฺเตน ¶ เจว กาเยน จ นินฺนโปณปพฺภารภาเวน ปวตฺตตีติ กลฺยาณสมฺปวงฺโก. ปทตฺตเยน กลฺยาณมิตฺตสํสคฺเค อาทรํ อุปฺปาเทติ.
ตตฺริทํ กลฺยาณมิตฺตลกฺขณํ – อิธ กลฺยาณมิตฺโต สทฺธาสมฺปนฺโน โหติ สีลสมฺปนฺโน สุตสมฺปนฺโน จาคสมฺปนฺโน วีริยสมฺปนฺโน สติสมฺปนฺโน สมาธิสมฺปนฺโน ปฺาสมฺปนฺโน. ตตฺถ สทฺธาสมฺปตฺติยา สทฺทหติ ตถาคตสฺส โพธึ กมฺมผลฺจ, เตน สมฺมาสมฺโพธิเหตุภูตํ สตฺเตสุ หิเตสิตํ น ปริจฺจชติ. สีลสมฺปตฺติยา สพฺรหฺมจารีนํ ปิโย โหติ มนาโป ครุ ภาวนีโย โจทโก ปาปครหี วตฺตา วจนกฺขโม, สุตสมฺปตฺติยา สจฺจปฏิจฺจสมุปฺปาทาทิปฏิสํยุตฺตานํ คมฺภีรานํ กถานํ กตฺตา โหติ, จาคสมฺปตฺติยา อปฺปิจฺโฉ โหติ สนฺตุฏฺโ ปวิวิตฺโต อสํสฏฺโ, วีริยสมฺปตฺติยา อารทฺธวีริโย โหติ สตฺตานํ หิตปฺปฏิปตฺติยา, สติสมฺปตฺติยา อุปฏฺิตสฺสติ โหติ, สมาธิสมฺปตฺติยา อวิกฺขิตฺโต ¶ โหติ สมาหิตจิตฺโต, ปฺาสมฺปตฺติยา อวิปรีตํ ชานาติ. โส สติยา กุสลานํ ธมฺมานํ คติโย สมนฺเวสมาโน ปฺาย สตฺตานํ หิตาหิตํ ยถาภูตํ ชานิตฺวา, สมาธินา ตตฺถ เอกคฺคจิตฺโต หุตฺวา, วีริเยน สตฺเต อหิตา นิเสเธตฺวา หิเต นิโยเชติ. เตนาห –
‘‘ปิโย ครุ ภาวนีโย, วตฺตา จ วจนกฺขโม;
คมฺภีรฺจ กถํ กตฺตา, โน จฏฺาเน นิโยชเย’’ติ. (อ. นิ. ๗.๓๗);
อยํ ปโม ธมฺโม ปริปากาย สํวตฺตตีติ, อยํ กลฺยาณมิตฺตตาสงฺขาโต พฺรหฺมจริยวาสสฺส อาทิภาวโต, สพฺเพสฺจ กุสลานํ ธมฺมานํ พหุการตาย ปธานภาวโต จ อิเมสุ ปฺจสุ ธมฺเมสุ อาทิโต วุตฺตตฺตา ปโม อนวชฺชธมฺโม อวิสุทฺธานํ สทฺธาทีนํ วิสุทฺธิกรณวเสน ¶ เจโตวิมุตฺติยา ปริปากาย สํวตฺตติ. เอตฺถ จ กลฺยาณมิตฺตสฺส พหุการตา ปธานตา จ ‘‘อุปฑฺฒมิทํ, ภนฺเต, พฺรหฺมจริยสฺส ยทิทํ กลฺยาณมิตฺตตา’’ติ วทนฺตํ ธมฺมภณฺฑาคาริกํ, ‘‘มา เหวํ, อานนฺทา’’ติ ทฺวิกฺขตฺตุํ ปฏิเสเธตฺวา, ‘‘สกลเมว หิทํ, อานนฺท, พฺรหฺมจริยํ, ยทิทํ กลฺยาณมิตฺตตา กลฺยาณสหายตา’’ติอาทิสุตฺตปเทหิ (สํ. นิ. ๑.๑๒๙; ๕.๒) เวทิตพฺพา.
ปุน จปรนฺติ ปุน จ อปรํ ธมฺมชาตํ. สีลวาติ ¶ เอตฺถ เกนฏฺเน สีลํ? สีลนฏฺเน สีลํ. กิมิทํ สีลนํ นาม? สมาธานํ, กายกมฺมาทีนํ สุสีลฺยวเสน อวิปฺปกิณฺณตาติ อตฺโถ. อถ วา อุปธารณํ, ฌานาทิกุสลานํ ธมฺมานํ ปติฏฺานวเสน อาธารภาโวติ อตฺโถ. ตสฺมา สีเลติ สีลตีติ วา สีลํ. อยํ ตาว สทฺทลกฺขณนเยน สีลตฺโถ. อปเร ปน ‘‘สิรฏฺโ สีตลฏฺโ สีลฏฺโ สํวรฏฺโ’’ติ นิรุตฺตินเยน อตฺถํ วณฺเณนฺติ. ตยิทํ ปาริปูริโต อติสยโต วา สีลํ อสฺส อตฺถีติ สีลวา, สีลสมฺปนฺโนติ อตฺโถ.
ยถา จ สีลวา โหติ สีลสมฺปนฺโน, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ปาติโมกฺขนฺติ สิกฺขาปทสีลํ. ตฺหิ โย นํ ปาติ รกฺขติ, ตํ โมกฺเขติ โมเจติ อาปายิกาทีหิ ทุกฺเขหีติ ปาติโมกฺขํ. สํวรณํ สํวโร, กายวาจาหิ อวีติกฺกโม. ปาติโมกฺขเมว ¶ สํวโร ปาติโมกฺขสํวโร, เตน สํวุโต ปิหิตกายวาโจติ ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต, อิทมสฺส ตสฺมึ สีเล ปติฏฺิตภาวปริทีปนํ. วิหรตีติ ตทนุรูปวิหารสมงฺคิภาวปริทีปนํ. อาจารโคจรสมฺปนฺโนติ เหฏฺา ปาติโมกฺขสํวรสฺส, อุปริ วิเสสานํ โยคสฺส จ อุปการกธมฺมปริทีปนํ. อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสาวีติ ปาติโมกฺขสีลโต อจวนธมฺมตาปริทีปนํ. สมาทายาติ สิกฺขาปทานํ อนวเสสโต อาทานปริทีปนํ. สิกฺขตีติ สิกฺขาย สมงฺคิภาวปริทีปนํ. สิกฺขาปเทสูติ สิกฺขิตพฺพธมฺมปริทีปนํ.
อปโร นโย – กิเลสานํ พลวภาวโต, ปาปกิริยาย สุกรภาวโต, ปฺุกิริยาย จ ทุกฺกรภาวโต พหุกฺขตฺตุํ อปาเยสุ ปตนสีโลติ ปาตี, ปุถุชฺชโน. อนิจฺจตาย วา ภวาทีสุ กมฺมเวคกฺขิตฺโต ฆฏียนฺตํ วิย อนวฏฺาเนน ปริพฺภมนโต คมนสีโลติ ปาตี, มรณวเสน วา ตมฺหิ ตมฺหิ สตฺตนิกาเย อตฺตภาวสฺส ปตนสีโลติ วา ปาตี, สตฺตสนฺตาโน จิตฺตเมว วา. ตํ ปาตินํ สํสารทุกฺขโต โมกฺเขตีติ ปาติโมกฺขํ. จิตฺตสฺส ¶ หิ วิโมกฺเขน สตฺโต ‘‘วิมุตฺโต’’ติ วุจฺจติ. วุตฺตฺหิ ‘‘จิตฺตโวทานา สตฺตา วิสุชฺฌนฺตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๑๐๐), ‘‘อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุตฺต’’นฺติ (มหาว. ๒๘) จ.
อถ ¶ วา อวิชฺชาทิเหตุนา สํสาเร ปตติ คจฺฉติ ปวตฺตตีติ ปาติ, ‘‘อวิชฺชานีวรณานํ สตฺตานํ ตณฺหาสํโยชนานํ สนฺธาวตํ สํสรต’’นฺติ (สํ. นิ. ๒.๑๒๔) หิ วุตฺตํ. ตสฺส ปาติโน สตฺตสฺส ตณฺหาทิสํกิเลสตฺตยโต โมกฺโข เอเตนาติ ปาติโมกฺโข, ‘‘กณฺเกาโล’’ติอาทีนํ วิย สมาสสิทฺธิ เวทิตพฺพา.
อถ วา ปาเตติ วินิปาเตติ ทุกฺเขหีติ ปาติ, จิตฺตํ. วุตฺตฺหิ ‘‘จิตฺเตน นิยฺยตี โลโก, จิตฺเตน ปริกสฺสตี’’ติ (สํ. นิ. ๑.๖๒). ตสฺส ปาติโน โมกฺโข เอเตนาติ ปาติโมกฺโข. ปตติ วา เอเตน อปายทุกฺเข สํสารทุกฺเข จาติ ปาติ, ตณฺหาทิสํกิเลสา. วุตฺตฺหิ – ‘‘ตณฺหา ชเนติ ปุริสํ (สํ. นิ. ๑.๕๕-๕๗), ตณฺหาทุติโย ปุริโส’’ติ (อิติวุ. ๑๕, ๑๐๕) จาทิ. ตโต ปาติโต โมกฺโขติ ปาติโมกฺโข.
อถ ¶ วา ปตติ เอตฺถาติ ปาติ, ฉ อชฺฌตฺติกพาหิรานิ อายตนานิ. วุตฺตฺหิ – ‘‘ฉสุ โลโก สมุปฺปนฺโน, ฉสุ กุพฺพติ สนฺถว’’นฺติ (สุ. นิ. ๑๗๑). ตโต ฉ อชฺฌตฺติกพาหิรายตนสงฺขาตปาติโต โมกฺโขติ ปาติโมกฺโข. อถ วา ปาโต วินิปาโต อสฺส อตฺถีติ ปาตี, สํสาโร. ตโต โมกฺโขติ ปาติโมกฺโข.
อถ วา สพฺพโลกาธิปติภาวโต ธมฺมิสฺสโร ภควา ปตีติ วุจฺจติ, มุจฺจติ เอเตนาติ โมกฺโข. ปติโน โมกฺโข เตน ปฺตฺตตฺตาติ ปติโมกฺโข, ปติโมกฺโข เอว ปาติโมกฺโข. สพฺพคุณานํ วา ตมฺมูลภาวโต อุตฺตมฏฺเน ปติ จ, โส ยถาวุตฺตฏฺเน โมกฺโข จาติ ปติโมกฺโข, ปติโมกฺโข เอว ปาติโมกฺโข. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘ปาติโมกฺขนฺติอาทิเมตํ มุขเมต’’นฺติ วิตฺถาโร.
อถ วา ปอิติ ปกาเร, อตีติ อจฺจนฺตตฺเถ นิปาโต, ตสฺมา ปกาเรหิ อจฺจนฺตํ โมกฺเขตีติ ปาติโมกฺขํ. อิทฺหิ สีลํ สยํ ตทงฺควเสน, สมาธิสหิตํ ปฺาสหิตฺจ วิกฺขมฺภนวเสน สมุจฺเฉทวเสน จ อจฺจนฺตํ โมกฺเขติ โมเจตีติ ปาติโมกฺขํ. ปติ โมกฺโขติ วา ปติโมกฺโข, ตมฺหา ตมฺหา วีติกฺกมโทสโต ปจฺเจกํ โมกฺโขติ อตฺโถ. ปติโมกฺโข ¶ เอว ปาติโมกฺโข. โมกฺโขติ วา นิพฺพานํ, ตสฺส โมกฺขสฺส ปฏิพิมฺพภูโตติ ปติโมกฺโข. สีลสํวโร หิ สูริยสฺส อรุณุคฺคมนํ วิย นิพฺพานสฺส อุทยภูโต ตปฺปฏิภาโค จ ยถารหํ สํกิเลสนิพฺพาปนโต. ปติโมกฺโข เอว ปาติโมกฺโข. ปติวตฺตติ โมกฺเขติ ¶ ทุกฺขนฺติ วา ปติโมกฺขํ, ปติโมกฺขเมว ปาติโมกฺขนฺติ เอวํ ตาเวตฺถ ปาติโมกฺขสทฺทสฺส อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
สํวรติ ปิทหติ เอเตนาติ สํวโร, ปาติโมกฺขเมว สํวโร ปาติโมกฺขสํวโร. อตฺถโต ปน ตโต ตโต วีติกฺกมิตพฺพโต วิรติโย เจตนา จ. เตน ปาติโมกฺขสํวเรน อุเปโต สมนฺนาคโต ปาติโมกฺขสํวรสํวุโตติ วุตฺโต. วุตฺตฺเหตํ วิภงฺเค –
‘‘อิมินา ¶ ปาติโมกฺขสํวเรน อุเปโต โหติ สมุเปโต อุปาคโต สมุปาคโต อุปปนฺโน สมุปปนฺโน สมนฺนาคโต, เตน วุจฺจติ ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต’’ติ (วิภ. ๕๑๑).
วิหรตีติ อิริยาปถวิหาเรน วิหรติ อิรียติ วตฺตติ.
อาจารโคจรสมฺปนฺโนติ เวฬุทานาทิมิจฺฉาชีวสฺส กายปาคพฺภิยาทีนฺจ อกรเณน สพฺพโส อนาจารํ วชฺเชตฺวา ‘‘กายิโก อวีติกฺกโม วาจสิโก อวีติกฺกโม กายิกวาจสิโก อวีติกฺกโม’’ติ เอวํ วุตฺตภิกฺขุสารุปฺปอาจารสมฺปตฺติยา, เวสิยาทิอโคจรํ วชฺเชตฺวา ปิณฺฑปาตาทิอตฺถํ อุปสงฺกมิตุํ ยุตฺตฏฺานสงฺขาเตน โคจเรน จ สมฺปนฺนตฺตา อาจารโคจรสมฺปนฺโน.
อปิจ โย ภิกฺขุ สตฺถริ สคารโว สปฺปติสฺโส สพฺรหฺมจารีสุ สคารโว สปฺปติสฺโส หิโรตฺตปฺปสมฺปนฺโน สุนิวตฺโถ สุปารุโต ปาสาทิเกน อภิกฺกนฺเตน ปฏิกฺกนฺเตน อาโลกิเตน วิโลกิเตน สมิฺชิเตน ปสาริเตน อิริยาปถสมฺปนฺโน อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร โภชเน มตฺตฺู ชาคริยมนุยุตฺโต สติสมฺปชฺเน สมนฺนาคโต อปฺปิจฺโฉ สนฺตุฏฺโ ปวิวิตฺโต อสํสฏฺโ อาภิสมาจาริเกสุ สกฺกจฺจการี ครุจิตฺตีการพหุโล วิหรติ, อยํ วุจฺจติ อาจารสมฺปนฺโน.
โคจโร ปน อุปนิสฺสยโคจโร อารกฺขโคจโร อุปนิพนฺธโคจโรติ ติวิโธ. ตตฺถ โย ทสกถาวตฺถุคุณสมนฺนาคโต วุตฺตลกฺขโณ กลฺยาณมิตฺโต, ยํ นิสฺสาย อสุตํ สุณาติ, สุตํ ปริโยทาเปติ, กงฺขํ วิตรติ, ทิฏฺึ อุชุํ กโรติ, จิตฺตํ ปสาเทติ, ยฺจ อนุสิกฺขนฺโต สทฺธาย วฑฺฒติ ¶ , สีเลน, สุเตน, จาเคน, ปฺาย วฑฺฒติ, อยํ วุจฺจติ อุปนิสฺสยโคจโร.
โย ¶ ภิกฺขุ อนฺตรฆรํ ปวิฏฺโ วีถึ ปฏิปนฺโน โอกฺขิตฺตจกฺขุ ยุคมตฺตทสฺสาวี จกฺขุนฺทฺริยสํวุโตว คจฺฉติ, น หตฺถึ โอโลเกนฺโต, น อสฺสํ, น รถํ, น ปตฺตึ, น อิตฺถึ, น ปุริสํ โอโลเกนฺโต, น อุทฺธํ โอโลเกนฺโต, น อโธ โอโลเกนฺโต, น ทิสาวิทิสํ เปกฺขมาโน คจฺฉติ, อยํ อารกฺขโคจโร.
อุปนิพนฺธโคจโร ¶ ปน จตฺตาโร สติปฏฺานา, ยตฺถ ภิกฺขุ อตฺตโน จิตฺตํ อุปนิพนฺธติ, วุตฺตฺเหตํ ภควตา –
‘‘โก จ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน โคจโร สโก เปตฺติโก วิสโย, ยทิทํ จตฺตาโร สติปฏฺานา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๓๗๒).
ตตฺถ อุปนิสฺสยโคจรสฺส ปุพฺเพ วุตฺตตฺตา อิตเรสํ วเสเนตฺถ โคจโร เวทิตพฺโพ. อิติ ยถาวุตฺตาย อาจารสมฺปตฺติยา, อิมาย จ โคจรสมฺปตฺติยา สมนฺนาคตตฺตา อาจารโคจรสมฺปนฺโน.
อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสาวีติ อปฺปมตฺตกตฺตา อณุปฺปมาเณสุ อสฺสติยา อสฺจิจฺจ อาปนฺนเสขิยอกุสลจิตฺตุปฺปาทาทิเภเทสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสนสีโล. โย หิ ภิกฺขุ ปรมาณุมตฺตํ วชฺชํ อฏฺสฏฺิโยชนปมาณาธิกโยชนสตสหสฺสุพฺเพธสิเนรุปพฺพตราชสทิสํ กตฺวา ปสฺสติ, โยปิ สพฺพลหุกํ ทุพฺภาสิตมตฺตํ ปาราชิกสทิสํ กตฺวา ปสฺสติ, อยมฺปิ อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสาวี นาม. สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสูติ ยํกิฺจิ สิกฺขาปเทสุ สิกฺขิตพฺพํ, ตํ สพฺเพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพํ อนวเสสํ สมฺมา อาทิยิตฺวา สิกฺขติ, ปวตฺตติ ปริปูเรตีติ อตฺโถ.
อภิสลฺเลขิกาติ อติวิย กิเลสานํ สลฺเลขนี, เตสํ ตนุภาวาย ปหานาย ยุตฺตรูปา. เจโตวิวรณสปฺปายาติ เจตโส ปฏิจฺฉาทกานํ นีวรณานํ ทูรีภาวกรเณน เจโตวิวรณสงฺขาตานํ สมถวิปสฺสนานํ สปฺปายา, สมถวิปสฺสนาจิตฺตสฺเสว วา วิวรณาย ปากฏีกรณาย วา สปฺปายา อุปการิกาติ เจโตวิวรณสปฺปายา.
อิทานิ ¶ เยน นิพฺพิทาทิอาวหเนน อยํ กถา อภิสลฺเลขิกา เจโตวิวรณสปฺปายา จ นาม โหติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘เอกนฺตนิพฺพิทายา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ เอกนฺตนิพฺพิทายาติ เอกํเสเนว วฏฺฏทุกฺขโต นิพฺพินฺทนตฺถาย. วิราคาย นิโรธายาติ ตสฺเสว วิรชฺชนตฺถาย จ นิรุชฺฌนตฺถาย ¶ จ. อุปสมายาติ สพฺพกิเลสูปสมาย. อภิฺายาติ สพฺพสฺสาปิ อภิฺเยฺยสฺส อภิชานนาย. สมฺโพธายาติ จตุมคฺคสมฺโพธาย. นิพฺพานายาติ อนุปาทิเสสนิพฺพานาย. เอเตสุ หิ อาทิโต ตีหิ ปเทหิ วิปสฺสนา วุตฺตา, ทฺวีหิ มคฺโค, ทฺวีหิ นิพฺพานํ วุตฺตํ. สมถวิปสฺสนา อาทึ ¶ กตฺวา นิพฺพานปริโยสาโน อยํ สพฺโพ อุตฺตริมนุสฺสธมฺโม ทสกถาวตฺถุลาภิโน สิชฺฌตีติ ทสฺเสติ.
อิทานิ ตํ กถํ วิภชิตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘อปฺปิจฺฉกถา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อปฺปิจฺโฉติ น อิจฺโฉ, ตสฺส กถา อปฺปิจฺฉกถา, อปฺปิจฺฉภาวปฺปฏิสํยุตฺตา กถา วา อปฺปิจฺฉกถา. เอตฺถ จ อตฺริจฺโฉ ปาปิจฺโฉ มหิจฺโฉ อปฺปิจฺโฉติ อิจฺฉาวเสน จตฺตาโร ปุคฺคลา. เตสุ อตฺตนา ยถาลทฺเธน ลาเภน อติตฺโต อุปรูปริ ลาภํ อิจฺฉนฺโต อตฺริจฺโฉ นาม. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –
‘‘จตุพฺภิ อฏฺชฺฌคมา, อฏฺภิ จาปิ โสฬส;
โสฬสภิ จ ทฺวตฺตึส, อตฺริจฺฉํ จกฺกมาสโท;
อิจฺฉาหตสฺส โปสสฺส, จกฺกํ ภมติ มตฺถเก’’ติ. (ชา. ๑.๕.๑๐๓);
‘‘อตฺริจฺฉา อติโลเภน, อติโลภมเทน จา’’ติ จ. (ชา. ๑.๒.๑๖๘);
ลาภสกฺการสิโลกนิกามยตาย อสนฺตคุณสมฺภาวนาธิปฺปาโย ปาปิจฺโฉ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –
‘‘ตตฺถ กตมา กุหนา? ลาภสกฺการสิโลกสนฺนิสฺสิตสฺส ปาปิจฺฉสฺส อิจฺฉาปกตสฺส ปจฺจยปฺปฏิเสวนสงฺขาเตน วา สามนฺตชปฺปิเตน วา อิริยาปถสฺส วา อปนา’’ติอาทิ (วิภ. ๘๖๑).
สนฺตคุณสมฺภาวนาธิปฺปาโย ¶ ปฏิคฺคหเณ อมตฺตฺู มหิจฺโฉ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –
‘‘อิเธกจฺโจ สทฺโธ สมาโน ‘สทฺโธติ มํ ชโน ชานาตู’ติ อิจฺฉติ, สีลวา สมาโน ‘สีลวาติ มํ ชโน ชานาตู’ติ อิจฺฉตี’’ติอาทิ (วิภ. ๘๕๑).
ทุตฺตปฺปิยตาย หิสฺส วิชาตมาตาปิ จิตฺตํ คเหตุํ น สกฺโกติ. เตเนตํ วุจฺจติ –
‘‘อคฺคิกฺขนฺโธ ¶ สมุทฺโท จ, มหิจฺโฉ จาปิ ปุคฺคโล;
สกเฏหิ ปจฺจเย เทนฺตุ, ตโยเปเต อตปฺปิยา’’ติ.
เอเต ¶ ปน อตฺริจฺฉตาทโย โทเส อารกา ปริวชฺเชตฺวา สนฺตคุณนิคูหนาธิปฺปาโย ปฏิคฺคหเณ จ มตฺตฺู อปฺปิจฺโฉ. โส อตฺตนิ วิชฺชมานมฺปิ คุณํ ปฏิจฺฉาเทตุกามตาย สทฺโธ สมาโน ‘‘สทฺโธติ มํ ชโน ชานาตู’’ติ น อิจฺฉติ, สีลวา, พหุสฺสุโต, ปวิวิตฺโต, อารทฺธวีริโย, อุปฏฺิตสฺสติ, สมาหิโต, ปฺวา สมาโน ‘‘ปฺวาติ มํ ชโน ชานาตู’’ติ น อิจฺฉติ.
สฺวายํ ปจฺจยปฺปิจฺโฉ ธุตงฺคปฺปิจฺโฉ ปริยตฺติอปฺปิจฺโฉ อธิคมปฺปิจฺโฉติ จตุพฺพิโธ. ตตฺถ จตูสุ ปจฺจเยสุ อปฺปิจฺโฉ ปจฺจยทายกํ เทยฺยธมฺมํ อตฺตโน ถามฺจ โอโลเกตฺวา สเจปิ หิ เทยฺยธมฺโม พหุ โหติ, ทายโก อปฺปํ ทาตุกาโม, ทายกสฺส วเสน อปฺปเมว คณฺหาติ. เทยฺยธมฺโม เจ อปฺโป, ทายโก พหุํ ทาตุกาโม, เทยฺยธมฺมสฺส วเสน อปฺปเมว คณฺหาติ. เทยฺยธมฺโมปิ เจ พหุ, ทายโกปิ พหุํ ทาตุกาโม, อตฺตโน ถามํ ตฺวา ปมาณยุตฺตเมว คณฺหาติ. เอวรูโป หิ ภิกฺขุ อนุปฺปนฺนํ ลาภํ อุปฺปาเทติ, อุปฺปนฺนํ ลาภํ ถาวรํ กโรติ, ทายกานํ จิตฺตํ อาราเธติ. ธุตงฺคสมาทานสฺส ปน อตฺตนิ อตฺถิภาวํ น ชานาเปตุกาโม ธุตงฺคปฺปิจฺโฉ. โย อตฺตโน พหุสฺสุตภาวํ ชานาเปตุํ น อิจฺฉติ, อยํ ปริยตฺติอปฺปิจฺโฉ. โย ปน โสตาปนฺนาทีสุ อฺตโร หุตฺวา สพฺรหฺมจารีนมฺปิ อตฺตโน โสตาปนฺนาทิภาวํ ชานาเปตุํ น อิจฺฉติ, อยํ อธิคมปฺปิจฺโฉ. เอวเมเตสํ อปฺปิจฺฉานํ ยา อปฺปิจฺฉตา, ตสฺสา สทฺธึ สนฺทสฺสนาทิวิธินา อเนกาการโวการอานิสํสวิภาวนวเสน, ตปฺปฏิปกฺขสฺส อตฺริจฺฉาทิเภทสฺส อิจฺฉาจารสฺส อาทีนววิภาวนวเสน จ ปวตฺตา กถา อปฺปิจฺฉกถา.
สนฺตุฏฺิกถาติ ¶ เอตฺถ สนฺตุฏฺีติ สเกน อตฺตนา ลทฺเธน ตุฏฺิ สนฺตุฏฺิ. อถ วา วิสมํ ปจฺจยิจฺฉํ ปหาย สมํ ตุฏฺิ, สนฺตุฏฺิ. สนฺเตน วา วิชฺชมาเนน ตุฏฺิ สนฺตุฏฺิ. วุตฺตฺเจตํ –
‘‘อตีตํ นานุโสจนฺโต, นปฺปชปฺปมนาคตํ;
ปจฺจุปฺปนฺเนน ยาเปนฺโต, สนฺตุฏฺโติ ปวุจฺจตี’’ติ.
สมฺมา วา าเยน ภควตา อนฺุาตวิธินา ปจฺจเยหิ ตุฏฺิ สนฺตุฏฺิ. อตฺถโต อิตรีตรปจฺจยสนฺโตโส ¶ , โส ทฺวาทสวิโธ โหติ. กถํ ¶ ? จีวเร ยถาลาภสนฺโตโส, ยถาพลสนฺโตโส, ยถาสารุปฺปสนฺโตโสติ ติวิโธ, เอวํ ปิณฺฑปาตาทีสุ.
ตตฺรายํ ปเภทวณฺณนา – อิธ ภิกฺขุ จีวรํ ลภติ สุนฺทรํ วา อสุนฺทรํ วา, โส เตเนว ยาเปติ, อฺํ น ปตฺเถติ, ลภนฺโตปิ น คณฺหาติ, อยมสฺส จีวเร ยถาลาภสนฺโตโส. อถ ปน ปกติทุพฺพโล วา โหติ อาพาธชราภิภูโต วา, ครุํ จีวรํ ปารุปนฺโต กิลมติ, โส สภาเคน ภิกฺขุนา สทฺธึ ตํ ปริวตฺเตตฺวา ลหุเกน ยาเปนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส จีวเร ยถาพลสนฺโตโส. อปโร ปฏฺฏจีวราทีนํ อฺตรํ มหคฺฆจีวรํ ลภิตฺวา ‘‘อิทํ เถรานํ จิรปพฺพชิตานํ, อิทํ พหุสฺสุตานํ อนุรูปํ, อิทํ คิลานานํ ทุพฺพลานํ, อิทํ อปฺปลาภีนํ วา โหตู’’ติ เตสํ ทตฺวา อตฺตนา สงฺการกูฏาทิโต นนฺตกานิ อุจฺจินิตฺวา สงฺฆาฏึ กตฺวา เตสํ วา ปุราณจีวรานิ คเหตฺวา ธาเรนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส จีวเร ยถาสารุปฺปสนฺโตโส.
อิธ ปน ภิกฺขุ ปิณฺฑปาตํ ลภติ ลูขํ วา ปณีตํ วา, โส เตเนว ยาเปติ, อฺํ น ปตฺเถติ, ลภนฺโตปิ น คณฺหาติ, อยมสฺส ปิณฺฑปาเต ยถาลาภสนฺโตโส. อถ ปน อาพาธิโก โหติ, ลูขํ ปกติวิรุทฺธํ วา พฺยาธิวิรุทฺธํ วา ปิณฺฑปาตํ ภฺุชิตฺวา คาฬฺหํ โรคาตงฺกํ ปาปุณาติ, โส สภาคสฺส ภิกฺขุโน ทตฺวา ตสฺส หตฺถโต สปฺปายโภชนํ ภฺุชิตฺวา สมณธมฺมํ กโรนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส ปิณฺฑปาเต ยถาพลสนฺโตโส ¶ . อปโร ภิกฺขุ ปณีตํ ปิณฺฑปาตํ ลภติ, โส ‘‘อยํ ปิณฺฑปาโต จิรปพฺพชิตาทีนํ อนุรูโป’’ติ จีวรํ วิย เตสํ ทตฺวา, เตสํ วา สนฺตกํ คเหตฺวา, อตฺตนา ปิณฺฑาย จริตฺวา, มิสฺสกาหารํ วา ปริภฺุชนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ. อยมสฺส ปิณฺฑปาเต ยถาสารุปฺปสนฺโตโส.
อิธ ปน ภิกฺขุโน เสนาสนํ ปาปุณาติ มนาปํ วา อมนาปํ วา อนฺตมโส ติณกุฏิกาปิ ติณสนฺถารกมฺปิ, โส เตเนว สนฺตุสฺสติ, ปุน อฺํ สุนฺทรตรํ วา ปาปุณาติ, ตํ น คณฺหาติ, อยมสฺส เสนาสเน ยถาลาภสนฺโตโส. อถ ปน อาพาธิโก โหติ ทุพฺพโล วา, โส พฺยาธิวิรุทฺธํ วา ปกติวิรุทฺธํ วา เสนาสนํ ลภติ, ยตฺถสฺส วสโต อผาสุ โหติ, โส ตํ สภาคสฺส ภิกฺขุโน ทตฺวา ตสฺส สนฺตเก สปฺปายเสนาสเน วสิตฺวา สมณธมฺมํ กโรนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส ¶ เสนาสเน ยถาพลสนฺโตโส. อปโร สุนฺทรํ เสนาสนํ ปตฺตมฺปิ น สมฺปฏิจฺฉติ ‘‘ปณีตเสนาสนํ ปมาทฏฺาน’’นฺติ, มหาปฺุตาย วา เลณมณฺฑปกูฏาคาราทีนิ ปณีตเสนาสนานิ ลภติ, โส ตานิ จีวราทีนิ วิย จิรปพฺพชิตาทีนํ ¶ ทตฺวา ยตฺถ กตฺถจิ วสนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส เสนาสเน ยถาสารุปฺปสนฺโตโส.
อิธ ปน ภิกฺขุ เภสชฺชํ ลภติ ลูขํ วา ปณีตํ วา, โส เตเนว ตุสฺสติ, อฺํ น ปตฺเถติ, ลภนฺโตปิ น คณฺหาติ, อยมสฺส คิลานปจฺจเย ยถาลาภสนฺโตโส. อถ ปน เตเลน อตฺถิโก ผาณิตํ ลภติ, โส ตํ สภาคสฺส ภิกฺขุโน ทตฺวา, ตสฺส หตฺถโต เตลํ คเหตฺวา, เภสชฺชํ กตฺวา สมณธมฺมํ กโรนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส คิลานปจฺจเย ยถาพลสนฺโตโส. อปโร มหาปฺุโ พหุํ เตลมธุผาณิตาทิปณีตเภสชฺชํ ลภติ, โส ตํ จีวราทีนิ วิย จิรปพฺพชิตาทีนํ ทตฺวา เตสํ อาภเตน เยน เกนจิ เภสชฺชํ กโรนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ. โย ปน เอกสฺมึ ภาชเน มุตฺตหรีตกํ, เอกสฺมึ จตุมธุรํ เปตฺวา ‘‘คณฺหถ, ภนฺเต, ยทิจฺฉสี’’ติ วุจฺจมาโน สจสฺส เตสุ อฺตเรนปิ โรโค วูปสมฺมติ ¶ , ‘‘มุตฺตหรีตกํ นาม พุทฺธาทีหิ วณฺณิตํ, ปูติมุตฺตเภสชฺชํ นิสฺสาย ปพฺพชฺชา, ตตฺถ เต ยาวชีวํ อุสฺสาโห กรณีโย’’ติ (มหาว. ๑๒๘) วจนมนุสฺสรนฺโต จตุมธุรํ ปฏิกฺขิปิตฺวา มุตฺตหรีตเกน เภสชฺชํ กโรนฺโต ปรมสนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส คิลานปจฺจเย ยถาสารุปฺปสนฺโตโส.
โส เอวํปเภโท สพฺโพปิ สนฺโตโส สนฺตุฏฺีติ ปวุจฺจติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อตฺถโต อิตรีตรปจฺจยสนฺโตโส’’ติ. อิตรีตรสนฺตุฏฺิยา สทฺธึ สนฺทสฺสนาทิวิธินา อานิสํสวิภาวนวเสน, ตปฺปฏิปกฺขสฺส อตฺริจฺฉตาทิเภทสฺส อิจฺฉาปกตตฺตสฺส อาทีนววิภาวนวเสน จ ปวตฺตา กถา สนฺตุฏฺิกถา. อิโต ปราสุปิ กถาสุ เอเสว นโย, วิเสสมตฺตเมว วกฺขาม.
ปวิเวกกถาติ เอตฺถ กายวิเวโก จิตฺตวิเวโก อุปธิวิเวโกติ ตโย วิเวกา. เตสุ เอโก คจฺฉติ, เอโก ติฏฺติ, เอโก นิสีทติ, เอโก เสยฺยํ กปฺเปติ, เอโก คามํ ปิณฺฑาย ปวิสติ, เอโก ¶ ปฏิกฺกมติ, เอโก อภิกฺกมติ, เอโก จงฺกมํ อธิฏฺาติ, เอโก จรติ, เอโก วิหรตีติ เอวํ สพฺพิริยาปเถสุ สพฺพกิจฺเจสุ คณสงฺคณิกํ ปหาย วิวิตฺตวาโส กายวิเวโก นาม. อฏฺ สมาปตฺติโย ปน จิตฺตวิเวโก นาม. นิพฺพานํ อุปธิวิเวโก นาม. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘กายวิเวโก จ วิเวกฏฺกายานํ เนกฺขมฺมาภิรตานํ, จิตฺตวิเวโก จ ปริสุทฺธจิตฺตานํ ปรมโวทานปฺปตฺตานํ, อุปธิวิเวโก จ นิรุปธีนํ ปุคฺคลานํ วิสงฺขารคตาน’’นฺติ (มหานิ. ๕๗).
วิเวโกเยว ¶ ปวิเวโก, ปวิเวกปฺปฏิสํยุตฺตา กถา ปวิเวกกถา.
อสํสคฺคกถาติ เอตฺถ สวนสํสคฺโค ทสฺสนสํสคฺโค สมุลฺลปนสํสคฺโค สมฺโภคสํสคฺโค กายสํสคฺโคติ ปฺจ สํสคฺคา. เตสุ อิเธกจฺโจ ภิกฺขุ สุณาติ ‘‘อสุกสฺมึ คาเม วา นิคเม วา อิตฺถี อภิรูปา ทสฺสนียา ปาสาทิกา ปรมาย วณฺณโปกฺขรตาย สมนฺนาคตา’’ติ, โส ตํ สุตฺวา ¶ สํสีทติ วิสีทติ, น สกฺโกติ พฺรหฺมจริยํ สนฺธาเรตุํ, สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตติ, เอวํ วิสภาคารมฺมณสวเนน อุปฺปนฺนกิเลสสนฺถโว สวนสํสคฺโค นาม. น เหว โข ภิกฺขุ สุณาติ, อปิจ โข สามํ ปสฺสติ อิตฺถึ อภิรูปํ ทสฺสนียํ ปาสาทิกํ ปรมาย วณฺณโปกฺขรตาย สมนฺนาคตํ, โส ตํ ทิสฺวา สํสีทติ วิสีทติ, น สกฺโกติ พฺรหฺมจริยํ สนฺธาเรตุํ, สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตติ, เอวํ วิสภาคารมฺมณทสฺสเนน อุปฺปนฺนกิเลสสนฺถโว ทสฺสนสํสคฺโค นาม. ทิสฺวา ปน อฺมฺํ อาลาปสลฺลาปวเสน อุปฺปนฺโน กิเลสสนฺถโว สมุลฺลปนสํสคฺโค นาม. สหชคฺฆนาทีนิปิ เอเตเนว สงฺคณฺหาติ. อตฺตโน ปน สนฺตกํ ยํกิฺจิ มาตุคามสฺส ทตฺวา วา อทตฺวา วา เตน ทินฺนสฺส วนภงฺคิยาทิโน ปริโภควเสน อุปฺปนฺนกิเลสสนฺถโว สมฺโภคสํสคฺโค นาม. มาตุคามสฺส หตฺถคฺคาหาทิวเสน อุปฺปนฺนกิเลสสนฺถโว กายสํสคฺโค นาม. โยปิ เจส –
‘‘คิหีหิ สํสฏฺโ วิหรติ อนนุโลมิเกน สํสคฺเคน สหโสกี สหนนฺที สุขิเตสุ สุขิโต, ทุกฺขิเตสุ ทุกฺขิโต ¶ , อุปฺปนฺเนสุ กิจฺจกรณีเยสุ อตฺตนา อุยฺโยคํ อาปชฺชตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๓; มหานิ. ๑๖๔) –
เอวํ วุตฺโต อนนุโลมิโก คิหิสํสคฺโค, โย จ สพฺรหฺมจารีหิปิ กิเลสุปฺปตฺติเหตุภูโต สํสคฺโค, ตํ สพฺพํ ปหาย ยฺวายํ สํสาเร ถิรตรํ สํเวคํ, สงฺขาเรสุ ติพฺพํ ภยสฺํ, สรีเร ปฏิกูลสฺํ, สพฺพากุสเลสุ ชิคุจฺฉาปุพฺพงฺคมํ หิโรตฺตปฺปํ, สพฺพกิริยาสุ สติสมฺปชฺนฺติ สพฺพํ ปจฺจุปฏฺเปตฺวา กมลทเล ชลพินฺทุ วิย สพฺพตฺถ อลคฺคภาโว, อยํ สพฺพสํสคฺคปฺปฏิปกฺขตาย อสํสคฺโค. ตปฺปฏิสํยุตฺตา กถา อสํสคฺคกถา.
วีริยารมฺภกถาติ เอตฺถ วีรสฺส ภาโว, กมฺมนฺติ วา วีริยํ, วิธินา อีรยิตพฺพํ ปวตฺเตตพฺพนฺติ วา วีริยํ, วีริยฺจ ตํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย กุสลานํ ธมฺมานํ ¶ อุปสมฺปทาย อารมฺภนํ วีริยารมฺโภ. สฺวายํ กายิโก เจตสิโก จาติ ทุวิโธ, อารมฺภธาตุ, นิกฺกมธาตุ, ปรกฺกมธาตุ จาติ ติวิโธ; สมฺมปฺปธานวเสน จตุพฺพิโธ. โส สพฺโพปิ โย ภิกฺขุ ¶ คมเน อุปฺปนฺนํ กิเลสํ านํ ปาปุณิตุํ น เทติ; าเน อุปฺปนฺนํ นิสชฺชํ, นิสชฺชาย อุปฺปนฺนํ สยนํ ปาปุณิตุํ น เทติ, ตตฺถ ตตฺเถว อชปเทน ทณฺเฑน กณฺหสปฺปํ อุปฺปีเฬตฺวา คณฺหนฺโต วิย, ติขิเณน อสินา อมิตฺตํ คีวาย ปหรนฺโต วิย จ สีสํ อุกฺขิปิตุํ อทตฺวา วีริยพเลน นิคฺคณฺหาติ, ตสฺเสวํ อารทฺธวีริยสฺส วเสน เวทิตพฺโพ. ตปฺปฏิสํยุตฺตา กถา วีริยารมฺภกถา.
สีลกถาทีสุ ทุวิธํ สีลํ โลกิยํ โลกุตฺตรฺจ. ตตฺถ โลกิยํ ปาติโมกฺขสํวราทิ จตุปาริสุทฺธิสีลํ, โลกุตฺตรํ มคฺคสีลํ ผลสีลฺจ. ตถา วิปสฺสนาย ปาทกภูตา สห อุปจาเรน อฏฺ สมาปตฺติโย โลกิโย สมาธิ, มคฺคสมฺปยุตฺโต ปเนตฺถ โลกุตฺตโร สมาธิ นาม. ตถา ปฺาปิ โลกิยา สุตมยา จินฺตามยา ฌานสมฺปยุตฺตา วิปสฺสนาาณฺจ. วิเสสโต ปเนตฺถ วิปสฺสนาปฺา คเหตพฺพา, โลกุตฺตรา มคฺคปฺา ผลปฺา จ. วิมุตฺตีปิ อริยผลวิมุตฺติ นิพฺพานฺจ. อปเร ปน ตทงฺควิกฺขมฺภนสมุจฺเฉทวิมุตฺตีนมฺปิ วเสเนตฺถ อตฺถํ วณฺเณนฺติ. วิมุตฺติาณทสฺสนมฺปิ เอกูนวีสติวิธํ ปจฺจเวกฺขณาณํ. อิติ อิเมสํ สีลาทีนํ ¶ สทฺธึ สนฺทสฺสนาทิวิธินา อเนกาการโวการอานิสํสวิภาวนวเสน เจว ตปฺปฏิปกฺขานํ ทุสฺสีลฺยาทีนํ อาทีนววิภาวนวเสน จ ปวตฺตา กถา, ตปฺปฏิสํยุตฺตา กถา วา สีลาทิกถา นาม.
เอตฺถ จ ‘‘อตฺตนา จ อปฺปิจฺโฉ โหติ, อปฺปิจฺฉกถฺจ ปเรสํ กตฺตา’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๕๒; อ. นิ. ๑๐.๗๐) ‘‘สนฺตุฏฺโ โหติ อิตรีตเรน จีวเรน, อิตรีตรจีวรสนฺตุฏฺิยา จ วณฺณวาที’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๔๔; จูฬนิ. ขคฺควิสาณสุตฺตนิทฺเทส ๑๒๘) จ อาทิวจนโต สยฺจ อปฺปิจฺฉตาทิคุณสมนฺนาคเตน ปเรสมฺปิ ตทตฺถาย หิตชฺฌาสเยน ปวตฺเตตพฺพา ตถารูปี กถา, ยา อิธ อภิสลฺเลขิกาทิภาเวน วิเสเสตฺวา วุตฺตา อปฺปิจฺฉกถาทีติ เวทิตพฺพา. การกสฺเสว หิ กถา วิเสสโต อธิปฺเปตตฺถสาธินี. ตถา หิ วกฺขติ ‘‘กลฺยาณมิตฺตสฺเสตํ, เมฆิย, ภิกฺขุโน ปาฏิกงฺขํ…เป. ¶ … อกสิรลาภี’’ติ.
เอวรูปายาติ อีทิสาย, ยถาวุตฺตาย. นิกามลาภีติ ยถิจฺฉิตลาภี ยถารุจิลาภี, สพฺพกาลํ อิมา กถา โสตุํ วิจาเรตฺุจ ยถาสุขํ ลภนฺโต. อกิจฺฉลาภีติ นิทฺทุกฺขลาภี. อกสิรลาภีติ วิปุลลาภี.
อารทฺธวีริโยติ ปคฺคหิตวีริโย. อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานายาติ อโกสลฺลสมฺภูตฏฺเน อกุสลานํ ¶ ปาปธมฺมานํ ปชหนตฺถาย. กุสลานํ ธมฺมานนฺติ กุจฺฉิตานํ สลนาทิอตฺเถน อนวชฺชฏฺเน จ กุสลานํ สหวิปสฺสนานํ มคฺคผลธมฺมานํ. อุปสมฺปทายาติ สมฺปาทนาย, อตฺตโน สนฺตาเน อุปฺปาทนาย. ถามวาติ อุสฺโสฬฺหิสงฺขาเตน วีริยถาเมน สมนฺนาคโต. ทฬฺหปรกฺกโมติ ถิรปรกฺกโม อสิถิลวีริโย. อนิกฺขิตฺตธุโรติ อโนโรหิตธุโร อโนสกฺกิตวีริโย.
ปฺวาติ วิปสฺสนาปฺาย ปฺวา. อุทยตฺถคามินิยาติ ปฺจนฺนํ ขนฺธานํ อุทยฺจ วยฺจ ปฏิวิชฺฌนฺติยา. อริยายาติ วิกฺขมฺภนวเสน กิเลเสหิ อารกา ทูเร ิตาย นิทฺโทสาย. นิพฺเพธิกายาติ นิพฺเพธภาคิยาย. สมฺมา ทุกฺขกฺขยคามินิยาติ วฏฺฏทุกฺขสฺส เขปนโต ‘‘ทุกฺขกฺขโย’’ติ ลทฺธนามํ อริยมคฺคํ สมฺมา เหตุนา าเยน คจฺฉนฺติยา.
อิเมสุ จ ปน ปฺจสุ ธมฺเมสุ สีลํ วีริยํ ปฺา จ โยคิโน อชฺฌตฺติกํ องฺคํ, อิตรทฺวยํ พาหิรํ องฺคํ. ตถาปิ กลฺยาณมิตฺตสนฺนิสฺสเยเนว เสสํ ¶ จตุพฺพิธํ อิชฺฌติ, กลฺยาณมิตฺตสฺเสเวตฺถ พหูปการตํ ทสฺเสนฺโต สตฺถา ‘‘กลฺยาณมิตฺตสฺเสตํ, เมฆิย, ภิกฺขุโน ปาฏิกงฺข’’นฺติอาทินา เทสนํ วฑฺเฒติ. ตตฺถ ปาฏิกงฺขนฺติ เอกํเสน อิจฺฉิตพฺพํ, อวสฺสํภาวีติ อตฺโถ. ยนฺติ กิริยาปรามสนํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘สีลวา ภวิสฺสตี’’ติ เอตฺถ ยเทตํ กลฺยาณมิตฺตสฺส ภิกฺขุโน สีลวนฺตตาย ภวนํ สีลสมฺปนฺนตฺตํ, ตสฺส ภิกฺขุโน สีลสมฺปนฺนตฺตา เอตํ ตสฺส ปาฏิกงฺขํ, อวสฺสํภาวี เอกํเสเนว ตสฺส ตตฺถ นิโยชนโตติ อธิปฺปาโย. ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหริสฺสตีติอาทีสุปิ เอเสว นโย.
เอวํ ¶ ภควา สเทวเก โลเก อุตฺตมกลฺยาณมิตฺตสงฺขาตสฺส อตฺตโน วจนํ อนาทิยิตฺวา ตํ วนสณฺฑํ ปวิสิตฺวา ตาทิสํ วิปฺปการํ ปตฺตสฺส อายสฺมโต เมฆิยสฺส กลฺยาณมิตฺตตาทินา สกลํ สาสนสมฺปตฺตึ ทสฺเสตฺวา, อิทานิสฺส ตตฺถ อาทรชาตสฺส ปุพฺเพ เยหิ กามวิตกฺกาทีหิ อุปทฺทุตตฺตา กมฺมฏฺานํ น สมฺปชฺชิ, ตสฺส เตสํ อุชุวิปจฺจนีกภูตตฺตา จ ภาวนานยํ ปกาเสตฺวา, ตโต ปรํ อรหตฺตสฺส กมฺมฏฺานํ อาจิกฺขนฺโต, ‘‘เตน จ ปน, เมฆิย, ภิกฺขุนา อิเมสุ ปฺจสุ ธมฺเมสุ ปติฏฺาย จตฺตาโร ธมฺมา อุตฺตริ ภาเวตพฺพา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ เตนาติ เอวํ กลฺยาณมิตฺตสนฺนิสฺสเยน ยถาวุตฺตสีลาทิคุณสมนฺนาคเตน. เตเนวาห ‘‘อิเมสุ ปฺจสุ ธมฺเมสุ ปติฏฺายา’’ติ. อุตฺตรีติ อารทฺธตรุณวิปสฺสนสฺส ราคาทิปริสฺสยา เจ อุปฺปชฺเชยฺยุํ, เตสํ วิโสธนตฺถํ ตโต อุทฺธํ จตฺตาโร ธมฺมา ภาเวตพฺพา อุปฺปาเทตพฺพา วฑฺเฒตพฺพา จ.
อสุภาติ ¶ เอกาทสสุ อสุภกมฺมฏฺาเนสุ ยถารหํ ยตฺถ กตฺถจิ อสุภภาวนา. ราคสฺส ปหานายาติ กามราคสฺส ปชหนตฺถาย. อยมตฺโถ สาลิลายโกปมาย วิภาเวตพฺโพ – เอโก หิ ปุริโส อสิตํ คเหตฺวา โกฏิโต ปฏฺาย สาลิเขตฺเต สาลิโย ลายติ, อถสฺส วตึ ภินฺทิตฺวา คาโว ปวิสึสุ. โส อสิตํ เปตฺวา, ยฏฺึ อาทาย, เตเนว มคฺเคน คาโว นีหริตฺวา, วตึ ปากติกํ กตฺวา, ปุน อสิตํ คเหตฺวา สาลิโย ลายิ. ตตฺถ สาลิเขตฺตํ วิย พุทฺธสาสนํ ทฏฺพฺพํ, สาลิลายโก วิย โยคาวจโร, อสิตํ วิย ปฺา, ลายนกาโล วิย วิปสฺสนาย กมฺมกรณกาโล, ยฏฺิ วิย อสุภกมฺมฏฺานํ, วติ วิย สํวโร ¶ , วตึ ภินฺทิตฺวา คาวีนํ ปวิสนํ วิย สหสา อปฺปฏิสงฺขาย ปมาทํ อาคมฺม ราคสฺส อุปฺปชฺชนํ, อสิตํ เปตฺวา, ยฏฺึ อาทาย, ปวิฏฺมคฺเคเนว คาโว นีหริตฺวา, วตึ ปฏิปากติกํ กตฺวา, ปุน ิตฏฺานโต ปฏฺาย สาลิลายนํ วิย อสุภกมฺมฏฺาเนน ราคํ วิกฺขมฺเภตฺวา, ปุน วิปสฺสนาย กมฺมกรณกาโลติ อิทเมตฺถ อุปมาสํสนฺทนํ. เอวํภูตํ ภาวนาวิธึ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อสุภา ภาเวตพฺพา ราคสฺส ปหานายา’’ติ.
เมตฺตาติ ¶ เมตฺตากมฺมฏฺานํ. พฺยาปาทสฺส ปหานายาติ วุตฺตนเยเนว อุปฺปนฺนโกปสฺส ปชหนตฺถาย. อานาปานสฺสตีติ โสฬสวตฺถุกา อานาปานสฺสติ. วิตกฺกุปจฺเฉทายาติ วุตฺตนเยเนว อุปฺปนฺนานํ วิตกฺกานํ อุปจฺเฉทนตฺถาย. อสฺมิมานสมุคฺฆาตายาติ อสฺมีติ อุปฺปชฺชนกสฺส นววิธสฺส มานสฺส สมุจฺเฉทนตฺถาย. อนิจฺจสฺิโนติ หุตฺวา อภาวโต อุทยพฺพยวนฺตโต ปภงฺคุโต ตาวกาลิกโต นิจฺจปฺปฏิปกฺขโต จ ‘‘สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา’’ติ (ธ. ป. ๒๗๗; จูฬนิ. เหมกมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๕๖) ปวตฺตอนิจฺจานุปสฺสนาวเสน อนิจฺจสฺิโน. อนตฺตสฺา สณฺาตีติ อสารกโต อวสวตฺตนโต ปรโต ริตฺตโต ตุจฺฉโต สฺุโต จ ‘‘สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา’’ติ (ธ. ป. ๒๗๙; จูฬนิ. เหมกมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๕๖) เอวํ ปวตฺตา อนตฺตานุปสฺสนาสงฺขาตา อนตฺตสฺา จิตฺเต สณฺหติ, อติทฬฺหํ ปติฏฺาติ. อนิจฺจลกฺขเณ หิ ทิฏฺเ อนตฺตลกฺขณํ ทิฏฺเมว โหติ. ตีสุ หิ ลกฺขเณสุ เอกสฺมึ ทิฏฺเ อิตรทฺวยํ ทิฏฺเมว โหติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อนิจฺจสฺิโน หิ, เมฆิย, อนตฺตสฺา สณฺาตี’’ติ. อนตฺตลกฺขเณ ทิฏฺเ อสฺมีติ อุปฺปชฺชนกมาโน สุปฺปชโหว โหตีติ อาห – ‘‘อนตฺตสฺี อสฺมิมานสมุคฺฆาตํ ปาปุณาตี’’ติ ทิฏฺเว ธมฺเม นิพฺพานนฺติ ทิฏฺเเยว ธมฺเม อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว อปจฺจยปรินิพฺพานํ ปาปุณาติ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถารโต ปน อสุภาทิภาวนานโย วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๑๐๒) วุตฺตนเยน คเหตพฺโพ.
เอตมตฺถํ ¶ วิทิตฺวาติ เอตํ อายสฺมโต เมฆิยสฺส มิจฺฉาวิตกฺกโจเรหิ กุสลภณฺฑุปจฺเฉทสงฺขาตํ อตฺถํ ชานิตฺวา. อิมํ อุทานนฺติ อิมํ กามวิตกฺกาทีนํ อวิโนทเน วิโนทเน จ อาทีนวานิสํสทีปกํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ ¶ ขุทฺทาติ หีนา ลามกา. วิตกฺกาติ กามวิตกฺกาทโย ตโย ปาปวิตกฺกา. เต หิ สพฺพวิตกฺเกหิ ปติกิฏฺตาย อิธ ขุทฺทาติ วุตฺตา ‘‘น จ ขุทฺทมาจเร’’ติอาทีสุ (ขุ. ปา. ๙.๓; สุ. นิ. ๑๔๕) วิย. สุขุมาติ าติวิตกฺกาทโย อธิปฺเปตา. าติวิตกฺโก ชนปทวิตกฺโก อมราวิตกฺโก ปรานุทฺทยตาย ปฏิสํยุตฺโต วิตกฺโก ลาภสกฺการสิโลกปฏิสํยุตฺโต วิตกฺโก อนวฺตฺติปฏิสํยุตฺโต วิตกฺโกติ เอเต หิ วิตกฺกา กามวิตกฺกาทโย วิย ¶ ทารุณา น โหนฺตีติ อโนฬาริกสภาวตาย สุขุมาติ วุตฺตา. อนุคตาติ จิตฺเตน อนุวตฺติตา. วิตกฺเก หิ อุปฺปชฺชมาเน จิตฺตํ ตทนุคตเมว โหติ ตสฺส อารมฺมณาภินิโรปนโต. ‘‘อนุคฺคตา’’ติปิ ปาฬิ, อนุอุฏฺิตาติ อตฺโถ. มนโส อุปฺปิลาวาติ เจตโส อุปฺปิลาวิตตฺตกรา.
เอเต อวิทฺวา มนโส วิตกฺเกติ เอเต กามวิตกฺกาทิเก มโนวิตกฺเก อสฺสาทาทีนวนิสฺสรณโต าตตีรณปหานปริฺาหิ ยถาภูตํ อชานนฺโต. หุรา หุรํ ธาวติ ภนฺตจิตฺโตติ อปฺปหีนมิจฺฉาวิตกฺกตฺตา อนวฏฺิตจิตฺโต ‘‘กทาจิ รูเป, กทาจิ สทฺเท’’ติอาทินา ตสฺมึ ตสฺมึ อารมฺมเณ อสฺสาทาทิวเสน อปราปรํ ธาวติ ปริพฺภมติ. อถ วา หุรา หุรํ ธาวติ ภนฺตจิตฺโตติ อปริฺาตวิตกฺกตฺตา ตนฺนิมิตฺตานํ อวิชฺชาตณฺหานํ วเสน ปริพฺภมนมานโส อิธโลกโต ปรโลกํ อาทานนิกฺเขเปหิ อปราปรํ ธาวติ สํสรตีติ อตฺโถ.
เอเต จ วิทฺวา มนโส วิตกฺเกติ เอเต ยถาวุตฺตปฺปเภเท กามวิตกฺกาทิเก มโนวิตกฺเก อสฺสาทาทิโต ยถาภูตํ ชานนฺโต. อาตาปิโยติ วีริยวา. สํวรตีติ ปิทหติ. สติมาติ สติสมฺปนฺโน. อนุคฺคเตติ ทุลฺลภวเสน อนุปฺปนฺเน. อิทํ วุตฺตํ โหติ – เอเต วุตฺตปฺปกาเร กามวิตกฺกาทิเก มโนวิตกฺเก จิตฺตสฺส อุปฺปิลาวิตเหตุตาย มนโส อุปฺปิลาเว วิทฺวา วิปสฺสนาปฺาสหิตาย มคฺคปฺาย สมฺมเทว ชานนฺโต, ตสฺส สหายภูตานํ สมฺมาวายามสตีนํ อตฺถิตาย อาตาปิโย สติมา เต อริยมคฺคภาวนาย อายตึ อุปฺปตฺติรเห อนุคฺคเต อนุปฺปนฺเน เอว มคฺคกฺขเณ สํวรติ, าณสํวรวเสน ปิทหติ, อาคมนปถํ ¶ ปจฺฉินฺทติ, เอวํภูโต จ จตุสจฺจปฺปโพเธน พุทฺโธ อริยสาวโก อรหตฺตาธิคเมน ¶ อเสสํ, อนวเสสํ ¶ เอเต กามวิตกฺกาทิเก ปชหาสิ สมุจฺฉินฺทีติ. เอตฺถาปิ ‘‘อนุคเต’’ติปิ ปนฺติ. ตสฺสตฺโถ เหฏฺา วุตฺโตเยว.
ปมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. อุทฺธตสุตฺตวณฺณนา
๓๒. ทุติเย กุสินารายนฺติ กุสินารายํ นาม มลฺลราชูนํ นคเร. อุปวตฺตเน มลฺลานํ สาลวเนติ ยถา หิ อนุราธปุรสฺส ถูปาราโม, เอวํ กุสินาราย อุยฺยานํ ทกฺขิณปจฺฉิมทิสาย โหติ. ยถา ถูปารามโต ทกฺขิณทฺวาเรน นครปวิสนมคฺโค ปาจีนมุโข คนฺตฺวา อุตฺตเรน นิวตฺตติ, เอวํ อุยฺยานโต สาลปนฺติ ปาจีนมุขา คนฺตฺวา อุตฺตเรน นิวตฺตา, ตสฺมา ‘‘อุปวตฺตน’’นฺติ วุจฺจติ. ตสฺมึ อุปวตฺตเน มลฺลราชูนํ สาลวเน. อรฺกุฏิกายนฺติ สาลปนฺติยา อวิทูเร รุกฺขคจฺฉสฺฉนฺนฏฺาเน กตา กุฏิกา, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อรฺกุฏิกายํ วิหรตี’’ติ. เต ปน ภิกฺขู ปฏิสงฺขานวิรหิตา โอสฺสฏฺวีริยา ปมตฺตวิหาริโน, เตน วุตฺตํ ‘‘อุทฺธตา’’ติอาทิ.
ตตฺถ อุทฺธจฺจพหุลตฺตา อวูปสนฺตจิตฺตตาย อุทฺธตา. ตุจฺฉภาเวน มาโน นโฬ วิยาติ นโฬ, มานสงฺขาโต อุคฺคโต นโฬ เอเตสนฺติ อุนฺนฬา, อุคฺคตตุจฺฉมานาติ อตฺโถ. ปตฺตจีวรมณฺฑนาทิจาปลฺเลน สมนฺนาคตตฺตา พหุกตาย วา จปลา. ผรุสวาจตาย มุเขน ขราติ มุขรา. ติรจฺฉานกถาพหุลตาย วิกิณฺณา พฺยากุลา วาจา เอเตสนฺติ วิกิณฺณวาจา. มุฏฺา นฏฺา สติ เอเตสนฺติ มุฏฺสฺสติโน, สติวิรหิตา ปมาทวิหาริโนติ อตฺโถ. สพฺเพน สพฺพํ สมฺปชฺาภาวโต อสมฺปชานา. คทฺทูหนมตฺตมฺปิ ¶ กาลํ จิตฺตสมาธานสฺส อภาวโต น สมาหิตาติ อสมาหิตา. โลลสภาวตฺตา ภนฺตมิคสปฺปฏิภาคตาย วิพฺภนฺตจิตฺตา. มนจฺฉฏฺานํ อินฺทฺริยานํ อสํวรณโต อสฺตินฺทฺริยตาย ปากตินฺทฺริยา.
เอตมตฺถํ ¶ วิทิตฺวาติ เอตํ เตสํ ภิกฺขูนํ อุทฺธจฺจาทิวเสน ปมาทวิหารํ ชานิตฺวา. อิมํ อุทานนฺติ อิมํ ปมาทวิหาเร อปฺปมาทวิหาเร จ ยถากฺกมํ อาทีนวานิสํสวิภาวนํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ ¶ อรกฺขิเตนาติ สติอารกฺขาภาเวน อคุตฺเตน. กาเยนาติ ฉวิฺาณกาเยน จกฺขุวิฺาเณน หิ รูปํ ทิสฺวา ตตฺถ นิมิตฺตานุพฺยฺชนคฺคหณวเสน อภิชฺฌาทิปวตฺติโต วิฺาณทฺวารสฺส สติยา อรกฺขิตภาวโต. โสตวิฺาณาทีสุปิ เอเสว นโย. เอวํ ฉวิฺาณกายสฺส อรกฺขิตภาวํ สนฺธายาห ‘‘อรกฺขิเตน กาเยนา’’ติ. เกจิ ปน ‘‘กาเยนา’’ติ อตฺถํ วทนฺติ, เตสมฺปิ วุตฺตนเยเนว อตฺถโยชนาย สติ ยุชฺเชยฺย. อปเร ปน ‘‘อรกฺขิเตน จิตฺเตนา’’ติ ปนฺติ, เตสมฺปิ วุตฺตนโย เอว อตฺโถ. มิจฺฉาทิฏฺิหเตนาติ สสฺสตาทิมิจฺฉาภินิเวสทูสิเตน. ถินมิทฺธาภิภูเตนาติ จิตฺตสฺส อกลฺยตาลกฺขเณน ถิเนน กายสฺส อกลฺยตาลกฺขเณน มิทฺเธน จ อชฺโฌตฺถเฏน, เตน กาเยน จิตฺเตนาติ วา สมฺพนฺโธ. วสํ มารสฺส คจฺฉตีติ กิเลสมาราทิกสฺส สพฺพสฺสปิ มารสฺส วสํ ยถากามกรณียตํ อุปคจฺฉติ, เตสํ วิสยํ นาติกฺกมตีติ อตฺโถ.
อิมาย หิ คาถาย ภควา เย สติอารกฺขาภาเวน สพฺพโส อรกฺขิตจิตฺตา, โยนิโสมนสิการสฺส เหตุภูตาย ปฺาย อภาวโต อโยนิโส อุมฺมุชฺชเนน นิจฺจนฺติอาทินา วิปริเยสคาหิโน, ตโต เอว กุสลกิริยาย วีริยารมฺภาภาวโต โกสชฺชาภิภูตา สํสารวฏฺฏโต สีสํ น อุกฺขิปิสฺสนฺตีติ เตสํ ภิกฺขูนํ ปมาทวิหารครหามุเขน วฏฺฏํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ วิวฏฺฏํ ทสฺเสตุํ, ‘‘ตสฺมา รกฺขิตจิตฺตสฺสา’’ติ ทุติยคาถมาห.
ตตฺถ ตสฺมา รกฺขิตจิตฺตสฺสาติ ยสฺมา อรกฺขิตจิตฺโต มารสฺส ยถากามกรณีโย หุตฺวา สํสาเรเยว โหติ, ตสฺมา สติสํวเรน มนจฺฉฏฺานํ อินฺทฺริยานํ รกฺขเณน ปิทหเนน รกฺขิตจิตฺโต อสฺส. จิตฺเต หิ รกฺขิเต จกฺขาทิอินฺทฺริยานิ ¶ รกฺขิตาเนว โหนฺตีติ. สมฺมาสงฺกปฺปโคจโรติ ยสฺมา มิจฺฉาสงฺกปฺปโคจโร ตถา ตถา อโยนิโส วิตกฺเกตฺวา นานาวิธานิ มิจฺฉาทสฺสนานิ คณฺหนฺโต มิจฺฉาทิฏฺิหเตน จิตฺเตน ¶ มารสฺส ยถากามกรณีโย โหติ, ตสฺมา โยนิโสมนสิกาเรน กมฺมํ กโรนฺโต เนกฺขมฺมสงฺกปฺปาทิสมฺมาสงฺกปฺปโคจโร อสฺส, ฌานาทิสมฺปยุตฺตํ สมฺมาสงฺกปฺปเมว อตฺตโน จิตฺตสฺส ปวตฺติฏฺานํ กเรยฺย. สมฺมาทิฏฺิปุเรกฺขาโรติ สมฺมาสงฺกปฺปโคจรตาย วิธูตมิจฺฉาทสฺสโน ปุเรตรํเยว กมฺมสฺสกตาลกฺขณํ, ตโต ยถาภูตาณลกฺขณฺจ สมฺมาทิฏฺึ ปุรโต กตฺวา ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว สีลสมาธีสุ ยุตฺโต ปยุตฺโต วิปสฺสนํ อารภิตฺวา สงฺขาเร สมฺมสนฺโต ตฺวาน อุทยพฺพยํ ปฺจสุ อุปาทานกฺขนฺเธสุ สมปฺาสาย อากาเรหิ อุปฺปาทนิโรธํ ววตฺถเปตฺวา อุทยพฺพยาณมธิคนฺตฺวา ตโต ปรํ ภงฺคานุปสฺสนาทิวเสน วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อนุกฺกเมน อริยมคฺคํ คณฺหนฺโต อคฺคมคฺเคน, ถินมิทฺธาภิภู ภิกฺขุ สพฺพา ทุคฺคติโย ชเหติ, เอวํ โส เหฏฺิมมคฺควชฺฌานํ กิเลสานํ ปมเมว ¶ ปหีนตฺตา ทิฏฺิวิปฺปยุตฺตโลภสหคตจิตฺตุปฺปาเทสุ อุปฺปชฺชนกถินมิทฺธานํ อธิคเตน อรหตฺตมคฺเคน สมุจฺฉินฺทนโต ตเทกฏฺานํ มานาทีนมฺปิ ปหีนตฺตา สพฺพโส ภินฺนกิเลโส ขีณาสโว ภิกฺขุ ติวิธทุกฺขตาโยเคน ทุคฺคติสงฺขาตา สพฺพาปิ คติโย อุจฺฉินฺนภวมูลตฺตา ชเห, ปชเหยฺย. ตาสํ ปรภาเค นิพฺพาเน ปติฏฺเยฺยาติ อตฺโถ.
ทุติยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. โคปาลกสุตฺตวณฺณนา
๓๓. ตติเย โกสเลสูติ โกสลา นาม ชานปทิโน ราชกุมารา, เตสํ นิวาโส เอโกปิ ชนปโท ‘‘โกสลา’’ตฺเวว วุจฺจติ, เตสุ โกสเลสุ ชนปเท. จาริกํ จรตีติ อตุริตจาริกาวเสน ¶ ชนปทจาริกํ จรติ. มหตาติ คุณมหตฺเตนปิ มหตา, อปริจฺฉินฺนสงฺขฺยตฺตา สงฺขฺยามหตฺเตนปิ มหตา. ภิกฺขุสงฺเฆนาติ ทิฏฺิสีลสามฺสํหเตน สมณคเณน. สทฺธินฺติ เอกโต. มคฺคา โอกฺกมฺมาติ มคฺคโต อปกฺกมิตฺวา. อฺตรํ รุกฺขมูลนฺติ ฆนปตฺตสาขาวิฏปสมฺปนฺนสฺส สนฺทจฺฉายสฺส มหโต รุกฺขสฺส สมีปสงฺขาตํ มูลํ.
อฺตโร โคปาลโกติ เอโก โคคณรกฺขโก, นาเมน ปน นนฺโท นาม. โส กิร อฑฺโฒ มหทฺธโน มหาโภโค, ยถา เกณิโย ¶ ชฏิโล ปพฺพชฺชาวเสน, เอวํ อนาถปิณฺฑิกสฺส โคยูถํ รกฺขนฺโต โคปาลกตฺเตน ราชปีฬํ อปหรนฺโต อตฺตโน กุฏุมฺพํ รกฺขติ. โส กาเลน กาลํ ปฺจ โครเส คเหตฺวา, มหาเสฏฺิสฺส สนฺติกํ อาคนฺตฺวา นิยฺยาเตตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา, สตฺถารํ ปสฺสติ, ธมฺมํ สุณาติ, อตฺตโน วสนฏฺานํ อาคมนตฺถาย สตฺถารํ ยาจติ. สตฺถา ตสฺเสว าณปริปากํ อาคมยมาโน อคนฺตฺวา, อปรภาเค มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน ปริวุโต ชนปทจาริกํ จรนฺโต, ‘‘อิทานิสฺส าณํ ปริปกฺก’’นฺติ ตฺวา ตสฺส วสนฏฺานสฺส อวิทูเร มคฺคา โอกฺกมฺม อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล นิสีทิ ตสฺส อาคมนํ อาคมยมาโน. นนฺโทปิ โข ‘‘สตฺถา กิร ชนปทจาริกํ จรนฺโต อิโต อาคจฺฉตี’’ติ สุตฺวา, หฏฺตุฏฺโ เวเคน คนฺตฺวา, สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา กตปฏิสนฺถาโร เอกมนฺตํ นิสีทิ, อถสฺส ภควา ธมฺมํ เทเสสิ. โส โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิตฺวา ภควนฺตํ นิมนฺเตตฺวา สตฺตาหํ ปายาสทานมทาสิ, สตฺตเม ¶ ทิวเส ภควา อนุโมทนํ กตฺวา ปกฺกามิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข ตํ โคปาลกํ ภควา ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสสิ…เป… อุฏฺายาสนา ปกฺกามี’’ติ.
ตตฺถ ¶ สนฺทสฺเสสีติ ‘‘อิเม ธมฺมา กุสลา, อิเม ธมฺมา อกุสลา’’ติอาทินา กุสลาทิธมฺเม กมฺมวิปาเก อิธโลกปรโลเก ปจฺจกฺขโต ทสฺเสนฺโต อนุปุพฺพิกถาวสาเน จตฺตาริ อริยสจฺจานิ สมฺมา ทสฺเสสิ. สมาทเปสีติ ‘‘สจฺจาธิคมาย อิเม นาม ธมฺมา อตฺตนิ อุปฺปาเทตพฺพา’’ติ สีลาทิธมฺเม สมฺมา คณฺหาเปตฺวา เตสุ ตํ ปติฏฺเปสิ. สมุตฺเตเชสีติ เต ธมฺมา สมาทินฺนา อนุกฺกเมน ภาวิยมานา นิพฺเพธภาคิยา หุตฺวา ติกฺขวิสทา ยถา ขิปฺปํ อริยมคฺคํ อาวหนฺติ, ตถา สมฺมา อุตฺเตเชสิ สมฺมเทว เตเชสิ. สมฺปหํเสสีติ ภาวนาย ปุพฺเพนาปรํ วิเสสภาวทสฺสเนน จิตฺตสฺส ปโมทาปนวเสน สุฏฺุ ปหํเสสิ. อปิเจตฺถ สาวชฺชานวชฺชธมฺเมสุ ทุกฺขาทีสุ จ สมฺโมหวิโนทเนน สนฺทสฺสนํ, สมฺมาปฏิปตฺติยํ ปมาทาปโนทเนน สมาทปนํ, จิตฺตสฺสาลสิยาปตฺติวิโนทเนน สมุตฺเตชนํ, สมฺมาปฏิปตฺติสิทฺธิยา สมฺปหํสนํ เวทิตพฺพํ. เอวํ โส ภควโต สามุกฺกํสิกาย ธมฺมเทสนาย โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. อธิวาเสสีติ ¶ เตน ทิฏฺสจฺเจน ‘‘อธิวาเสตุ เม, ภนฺเต ภควา’’ติอาทินา นิมนฺติโต กายงฺควาจงฺคํ อโจเปนฺโต จิตฺเตเนว อธิวาเสสิ สาทิยิ. เตเนวาห ‘‘ตุณฺหีภาเวนา’’ติ.
อปฺโปทกปายาสนฺติ นิรุทกปายาสํ. ปฏิยาทาเปตฺวาติ สมฺปาเทตฺวา สชฺเชตฺวา. นวฺจ สปฺปินฺติ นวนีตํ คเหตฺวา ตาวเทว วิลีนํ มณฺฑสปฺปิฺจ ปฏิยาทาเปตฺวา. สหตฺถาติ อาทรชาโต สหตฺเถเนว ปริวิสนฺโต. สนฺตปฺเปสีติ ปฏิยตฺตํ โภชนํ โภเชสิ. สมฺปวาเรสีติ ‘‘อลํ อล’’นฺติ วาจาย ปฏิกฺขิปาเปสิ. ภุตฺตาวินฺติ กตภตฺตกิจฺจํ. โอนีตปตฺตปาณินฺติ ปตฺตโต อปนีตปาณึ, ‘‘โธตปตฺตปาณิ’’นฺติปิ ปาโ, โธตปตฺตหตฺถนฺติ อตฺโถ. นีจนฺติ อนุจฺจํ อาสนํ คเหตฺวา อาสเนเยว นิสีทนํ อริยเทสวาสีนํ จาริตฺตํ, โส ปน สตฺถุ สนฺติเก อุปจารวเสน ปฺตฺตสฺส ทารุผลกาสนสฺส สมีเป นิสีทิ. ธมฺมิยา กถายาติอาทิ สตฺตเม ทิวเส กตํ อนุโมทนํ สนฺธาย วุตฺตํ ¶ . โส กิร สตฺตาหํ ภควนฺตํ ภิกฺขุสงฺฆฺจ ตตฺถ วสาเปตฺวา มหาทานํ ปวตฺเตสิ. สตฺตเม ปน ทิวเส อปฺโปทกปายาสทานํ อทาสิ. สตฺถา ตสฺส ตสฺมึ อตฺตภาเว อุปริมคฺคตฺถาย าณปริปากาภาวโต อนุโมทนเมว กตฺวา ปกฺกามิ.
สีมนฺตริกายาติ สีมนฺตเร, ตสฺส คามสฺส อนฺตรํ. คามวาสิโน กิร เอกํ ตฬากํ นิสฺสาย เตน สทฺธึ กลหํ อกํสุ. โส เต อภิภวิตฺวา ตํ ตฬากํ คณฺหิ. เตน พทฺธาฆาโต ¶ เอโก ปุริโส ตํ สตฺถุ ปตฺตํ คเหตฺวา ทูรํ อนุคนฺตฺวา ‘‘นิวตฺตาหิ อุปาสกา’’ติ วุตฺเต ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ อฺชลึ กตฺวา ยาว ทสฺสนูปจารสมติกฺกมา ทสนขสโมธานสมุชฺชลํ อฺชลึ สิรสิ ปคฺคยฺห ปฏินิวตฺติตฺวา ทฺวินฺนํ คามานํ อนฺตเร อรฺปฺปเทเส เอกกํ คจฺฉนฺตํ สเรน วิชฺฌิตฺวา มาเรสิ. เตน วุตฺตํ อจิรปกฺกนฺตสฺส…เป… โวโรเปสี’’ติ. เกนจิเทว กรณีเยน โอหียิตฺวา ปจฺฉา คจฺฉนฺตา ภิกฺขู ตํ ตถา มตํ ทิสฺวา ภควโต ตมตฺถํ อาโรเจสุํ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อถ โข สมฺพหุลา ภิกฺขู’’ติอาทิ.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ ยสฺมา ทิฏฺิสมฺปนฺนํ อริยสาวกํ นนฺทํ มาเรนฺเตน ปุริเสน อานนฺตริยกมฺมํ พหุลํ อปฺุํ ปสุตํ, ตสฺมา ยํ โจเรหิ จ เวรีหิ จ กตฺตพฺพํ, ตโตปิ โฆรตรํ อิเมสํ สตฺตานํ มิจฺฉาปณิหิตํ จิตฺตํ กโรตีติ อิมมตฺถํ ชานิตฺวา ตทตฺถทีปนํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ ¶ ทิโส ทิสนฺติ ทูสโก ทูสนียํ โจโร โจรํ, ทิสฺวาติ วจนเสโส. ยํ ตํ กยิราติ ยํ ตสฺส อนยพฺยสนํ กเรยฺย, ทุติยปเทปิ เอเสว นโย. อิทํ วุตฺตํ โหติ – เอโก เอกสฺส มิตฺตทุพฺภี โจโร ปุตฺตทารเขตฺตวตฺถุโคมหึสาทีสุ อปรชฺฌนฺโต ยสฺส อปรชฺฌติ, ตมฺปิ ตเถว อตฺตนิ อปรชฺฌนฺตํ โจรํ ทิสฺวา, เวรี วา ปน เกนจิเทว การเณน พทฺธเวรํ เวรึ ทิสฺวา อตฺตโน กกฺขฬตาย ทารุณตาย ยํ ตสฺส อนยพฺยสนํ กเรยฺย, ปุตฺตทารํ วา ปีเฬยฺย, เขตฺตาทีนิ วา นาเสยฺย, ชีวิตา วา โวโรเปยฺย ¶ , ทสสุ อกุสลกมฺมปเถสุ มิจฺฉาปิตตฺตา มิจฺฉาปณิหิตํ จิตฺตํ ปาปิโย นํ ตโต กเร, นํ ปุริสํ ปาปตรํ ตโต กเรยฺย. วุตฺตปฺปกาโร หิ ทิโส วา เวรี วา ทิสสฺส วา เวริโน วา อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว ทุกฺขํ วา อุปฺปาเทยฺย, ชีวิตกฺขยํ วา กเรยฺย. อิทํ ปน อกุสลกมฺมปเถสุ มิจฺฉาปิตํ จิตฺตํ ทิฏฺเว ธมฺเม อนยพฺยสนํ ปาเปติ, อตฺตภาวสตสหสฺเสสุปิ จตูสุ อปาเยสุ ขิปิตฺวา สีสมสฺส อุกฺขิปิตุํ น เทตีติ.
ตติยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. ยกฺขปหารสุตฺตวณฺณนา
๓๔. จตุตฺเถ ¶ กโปตกนฺทรายนฺติ เอวํนามเก วิหาเร. ตสฺมึ กิร ปพฺพตกนฺทเร ปุพฺเพ พหู กโปตา วสึสุ, เตน สา ปพฺพตกนฺทรา ‘‘กโปตกนฺทรา’’ติ วุจฺจติ. อปรภาเค ตตฺถ กตวิหาโรปิ ‘‘กโปตกนฺทรา’’ตฺเวว ปฺายิตฺถ. เตน วุตฺตํ – ‘‘กโปตกนฺทรายนฺติ เอวํนามเก วิหาเร’’ติ. ชุณฺหาย รตฺติยาติ สุกฺกปกฺขรตฺติยํ. นโวโรปิเตหิ เกเสหีติ อจิรโอหาริเตหิ เกเสหิ, อิตฺถมฺภูตลกฺขเณ เจตํ กรณวจนํ. อพฺโภกาเสติ ยตฺถ อุปริจฺฉทนํ ปริกฺเขโป วา นตฺถิ, ตาทิเส อากาสงฺคเณ.
ตตฺถ อายสฺมา สาริปุตฺโต สุวณฺณวณฺโณ, อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน นีลุปฺปลวณฺโณ. อุโภปิ ปน เต มหาเถรา อุทิจฺจพฺราหฺมณชจฺจา กปฺปานํ สตสหสฺสาธิกํ เอกํ อสงฺขฺเยยฺยํ อภินีหารสมฺปนฺนา ฉฬภิฺาปฏิสมฺภิทาปฺปตฺตา มหาขีณาสวา สมาปตฺติลาภิโน สตฺตสฏฺิยา ¶ สาวกปารมิาณานํ มตฺถกปฺปตฺตา เอตํ กโปตกนฺทรวิหารํ อุปโสภยนฺตา เอกํ กนกคุหํ ปวิฏฺา ทฺเว สีหา วิย, เอกํ วิชมฺภนภูมึ โอติณฺณา ทฺเว พฺยคฺฆา วิย, เอกํ สุปุปฺผิตสาลวนํ ปวิฏฺา ทฺเว ฉทฺทนฺตนาคราชาโน วิย, เอกํ สิมฺพลิวนํ ปวิฏฺา ทฺเว สุปณฺณราชาโน วิย, เอกํ นรวาหนยานํ อภิรุฬฺหา ทฺเว เวสฺสวณา วิย, เอกํ ปณฺฑุกมฺพลสิลาสนํ อภินิสินฺนา ทฺเว สกฺกา ¶ วิย, เอกวิมานพฺภนฺตรคตา ทฺเว มหาพฺรหฺมาโน วิย, เอกสฺมึ คคนฏฺาเน ิตานิ ทฺเว จนฺทมณฺฑลานิ วิย, ทฺเว สูริยมณฺฑลานิ วิย จ วิโรจึสุ. เตสุ อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ตุณฺหี นิสีทิ, อายสฺมา ปน สาริปุตฺโต สมาปชฺชิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อฺตรํ สมาธึ สมาปชฺชิตฺวา’’ติ.
ตตฺถ อฺตรํ สมาธินฺติ อุเปกฺขาพฺรหฺมวิหารสมาปตฺตึ. เกจิ ‘‘สฺาเวทยิตนิโรธสมาปตฺติ’’นฺติ วทนฺติ, อปเร ปนาหุ ‘‘อารุปฺปปาทกํ ผลสมาปตฺติ’’นฺติ. อิมา เอว หิ ติสฺโส กายรกฺขณสมตฺถา สมาปตฺติโย. ตตฺถ นิโรธสมาปตฺติยา สมาธิปริยายสมฺภโว เหฏฺา วุตฺโตว, ปจฺฉิมํเยว ปน อาจริยา วณฺเณนฺติ. อุตฺตราย ทิสาย ทกฺขิณํ ทิสํ คจฺฉนฺตีติ อุตฺตราย ทิสาย ยกฺขสมาคมํ คนฺตฺวา อตฺตโน ภวนํ คนฺตุํ ทกฺขิณํ ทิสํ คจฺฉนฺติ. ปฏิภาติ มนฺติ อุปฏฺาติ มม. มนฺติ หิ ปฏิสทฺทโยเคน สามิอตฺเถ อุปโยควจนํ, อิมสฺส สีเส ปหารํ ทาตุํ จิตฺตํ เม อุปฺปชฺชตีติ อตฺโถ. โส กิร ปุริมชาติยํ เถเร พทฺธาฆาโต, เตนสฺส เถรํ ทิสฺวา ปทุฏฺจิตฺตสฺส เอวํ อโหสิ. อิตโร ปน สปฺปฺชาติโก, ตสฺมา ตํ ปฏิเสเธนฺโต ¶ ‘‘อลํ สมฺมา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ มา อาสาเทสีติ มา ฆฏฺเฏสิ, มา ปหารํ เทหีติ วุตฺตํ โหติ. อุฬาโรติ อุฬาเรหิ อุตฺตเมหิ สีลาทิคุเณหิ สมนฺนาคโต.
อนาทิยิตฺวาติ อาทรํ อกตฺวา, ตสฺส วจนํ อคฺคเหตฺวา. ยสฺมา ปน ตสฺส วจนํ อคฺคณฺหนฺโต ตํ อนาทิยนฺโต นาม โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ – ‘‘ตํ ยกฺขํ อนาทิยิตฺวา’’ติ. สีเส ปหารํ อทาสีติ สพฺพถาเมน อุสฺสาหํ ชเนตฺวา อากาเส ิโตว สีเส ขฏกํ อทาสิ, มุทฺธนิ มุฏฺิฆาตํ อกาสีติ อตฺโถ. ตาว มหาติ ถามมหตฺเตน ตตฺตกํ มหนฺโต ปหาโร อโหสิ. เตน ปหาเรนาติ เตน ปหาเรน กรณภูเตน. สตฺตรตนนฺติ ปมาณมชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส รตเนน สตฺตรตนํ. นาคนฺติ หตฺถินาคํ. โอสาเทยฺยาติ ปถวิยํ ¶ โอสีทาเปยฺย นิมุชฺชาเปยฺย. ‘‘โอสาเรยฺยา’’ติปิ ¶ ปาโ, จุณฺณวิจุณฺณํ กเรยฺยาติ อตฺโถ. อฑฺฒฏฺมรตนนฺติ อฑฺเฒน อฏฺนฺนํ ปูรณานิ อฑฺฒฏฺมานิ, อฑฺฒฏฺมานิ รตนานิ ปมาณํ เอตสฺสาติ อฑฺฒฏฺมรตโน, ตํ อฑฺฒฏฺมรตนํ. มหนฺตํ ปพฺพตกูฏนฺติ เกลาสกูฏปฺปมาณํ วิปุลํ คิริกูฏํ. ปทาเลยฺยาติ สกลิกากาเรน ภินฺเทยฺย. อปิ โอสาเทยฺย, อปิ ปทาเลยฺยาติ สมฺพนฺโธ.
ตาวเทว จสฺส สรีเร มหาปริฬาโห อุปฺปชฺชิ, โส เวทนาตุโร อากาเส าตุํ อสกฺโกนฺโต ภูมิยํ ปติ, ตงฺขณฺเว อฏฺสฏฺิสหสฺสาธิกโยชนสตสหสฺสุพฺเพธํ สิเนรุมฺปิ ปพฺพตราชานํ สนฺธาเรนฺตี จตุนหุตาธิกทฺวิโยชนสตสหสฺสพหลา มหาปถวี ตํ ปาปสตฺตํ ธาเรตุํ อสกฺโกนฺตี วิย วิวรมทาสิ. อวีจิโต ชาลา อุฏฺหิตฺวา กนฺทนฺตํเยว ตํ คณฺหึสุ, โส กนฺทนฺโต วิปฺปลปนฺโต ปติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ จ ปน โส ยกฺโข ‘ฑยฺหามิ ฑยฺหามี’ติ วตฺวา ตตฺเถว มหานิรยํ อปตาสีติ. ตตฺถ อปตาสีติ อปติ.
กึ ปน โส ยกฺขตฺตภาเวเนว นิรยํ อุปคจฺฉีติ? น อุปคจฺฉิ, ยฺเหตฺถ ทิฏฺธมฺมเวทนียํ ปาปกมฺมํ อโหสิ, ตสฺส พเลน ยกฺขตฺตภาเว มหนฺตํ ทุกฺขํ อนุภวิ. ยํ ปน อุปปชฺชเวทนียํ อานนฺตริยกมฺมํ, เตน จุติอนนฺตรํ นิรเย อุปฺปชฺชีติ. เถรสฺส ปน สมาปตฺติพเลน อุปตฺถมฺภิตสรีรสฺส น โกจิ วิกาโร อโหสิ. สมาปตฺติโต อวุฏฺิตกาเล หิ ตํ ยกฺโข ปหริ, ตถา ปหรนฺตํ ทิพฺพจกฺขุนา ทิสฺวา อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ธมฺมเสนาปตึ อุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมนสมกาลเมว จ ธมฺมเสนาปติ สมาปตฺติโต อุฏฺาสิ. อถ นํ มหาโมคฺคลฺลาโน สรีรวุตฺตึ ปุจฺฉิ, โสปิสฺส พฺยากาสิ, เตน วุตฺตํ – ‘‘อทฺทสา โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน…เป… อปิ จ เม สีสํ โถกํ ทุกฺข’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ โถกํ ทุกฺขนฺติ โถกํ อปฺปมตฺตกํ มธุรกชาตํ วิย เม สีสํ ทุกฺขิตํ, ทุกฺขปฺปตฺตนฺติ ¶ อตฺโถ. ทุกฺขาธิฏฺานฺหิ สีสํ ทุกฺขนฺติ วุตฺตํ. ‘‘สีเส โถกํ ทุกฺข’’นฺติปิ ปาโ. กถํ ปน สมาปตฺติพเลน สรีเร อุปตฺถมฺภิเต เถรสฺส สีเส โถกมฺปิ ทุกฺขํ อโหสีติ? อจิเรเนว วุฏฺิตตฺตา. อนฺโตสมาปตฺติยํ ¶ อปฺายมานทุกฺขฺหิ กายนิสฺสิตตฺตา นิทฺทํ อุปคตสฺส มกสาทิชนิตํ วิย ปฏิพุทฺธสฺส โถกํ ปฺายิตฺถ.
‘‘มหาพเลน ยกฺเขน ตถา สพฺพุสฺสาเหน ปหเฏ สรีเรปิ วิกาโร นาม นตฺถี’’ติ อจฺฉริยพฺภุตจิตฺตชาเตน อายสฺมตา มหาโมคฺคลฺลาเนน ‘‘อจฺฉริยํ, อาวุโส สาริปุตฺตา’’ติอาทินา ธมฺมเสนาปติโน มหานุภาวตาย วิภาวิตาย โสปิสฺส ‘อจฺฉริยํ, อาวุโส โมคฺคลฺลานา’’ติอาทินา อิทฺธานุภาวมหนฺตตาปกาสนาปเทเสน อตฺตโน อิสฺสามจฺฉริยาหงฺการาทิมลานํ สุปฺปหีนตํ ทีเปติ. ปํสุปิสาจกมฺปิ น ปสฺสามาติ สงฺการกูฏาทีสุ วิจรณกขุทฺทกเปตมฺปิ น ปสฺสาม. อิติ อธิคมปฺปิจฺฉานํ อคฺคภูโต มหาเถโร ตสฺมึ กาเล อนาวชฺชเนน เตสํ อทสฺสนํ สนฺธาย วทติ. เตเนวาห ‘‘เอตรหี’’ติ.
ภควา ปน เวฬุวเน ิโต อุภินฺนํ อคฺคสาวกานํ อิมํ กถาสลฺลาปํ ทิพฺพโสเตน อสฺโสสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อสฺโสสิ โข ภควา’’ติอาทิ, ตํ วุตฺตตฺถเมว.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส สมาปตฺติพลูปคตํ อิทฺธานุภาวมหนฺตตํ วิทิตฺวา. อิมํ อุทานนฺติ ตสฺเสว ตาทิภาวปฺปตฺติทีปกํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ ยสฺส เสลูปมํ จิตฺตํ, ิตํ นานุปกมฺปตีติ ยสฺส ขีณาสวสฺส จิตฺตํ เอกคฺฆนสิลามยปพฺพตูปมํ สพฺเพสํ อิฺชนานํ อภาวโต วสีภาวปฺปตฺติยาว ิตํ สพฺเพหิปิ โลกธมฺเมหิ นานุปกมฺปติ น ปเวธติ. อิทานิสฺส อกมฺปนาการํ สทฺธึ การเณน ทสฺเสตุํ ‘‘วิรตฺต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ วิรตฺตํ รชนีเยสูติ วิราคสงฺขาเตน อริยมคฺเคน รชนีเยสุ ราคุปฺปตฺติเหตุภูเตสุ สพฺเพสุ เตภูมกธมฺเมสุ วิรตฺตํ, ตตฺถ สพฺพโส สมุจฺฉินฺนราคนฺติ อตฺโถ. โกปเนยฺเยติ ปฏิฆฏฺานีเย สพฺพสฺมิมฺปิ อาฆาตวตฺถุสฺมึ น กุปฺปติ น ทุสฺสติ น วิการํ อาปชฺชติ. ยสฺเสวํ ภาวิตํ จิตฺตนฺติ ยสฺส ยถาวุตฺตสฺส อริยปุคฺคลสฺส ¶ จิตฺตํ เอวํ วุตฺตนเยน ตาทิภาวาวหนภาเวน ภาวิตํ. กุโต ตํ ทุกฺขเมสฺสตีติ ตํ อุตฺตมปุคฺคลํ กุโต สตฺตโต สงฺขารโต วา ทุกฺขํ อุปคมิสฺสติ, น ตาทิสสฺส ทุกฺขํ อตฺถีติ อตฺโถ.
จตุตฺถสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. นาคสุตฺตวณฺณนา
๓๕. ปฺจเม ¶ ¶ โกสมฺพิยนฺติ กุสุมฺเพน นาม อิสินา วสิตฏฺาเน มาปิตตฺตา ‘‘โกสมฺพี’’ติ เอวํลทฺธนามเก นคเร. โฆสิตาราเมติ โฆสิตเสฏฺินา การิเต อาราเม. ภควา อากิณฺโณ วิหรตีติ ภควา สมฺพาธปฺปตฺโต วิหรติ. กึ ปน ภควโต สมฺพาโธ อตฺถิ, สํสคฺโค วาติ? นตฺถิ. น หิ โกจิ ภควนฺตํ อนิจฺฉาย อุปสงฺกมิตุํ สกฺโกติ. ทุราสทา หิ พุทฺธา ภควนฺโต สพฺพตฺถ จ อนุปลิตฺตตฺตา. หิเตสิตาย ปน สตฺเตสุ อนุกมฺปํ อุปาทาย ‘‘มุตฺโต โมเจสฺสามี’’ติ ปฏิฺานุรูปํ จตุโรฆนิตฺถรณตฺถํ อฏฺนฺนํ ปริสานํ อตฺตโน สนฺติกํ กาเลน กาลํ อุปสงฺกมนํ อธิวาเสติ, สยฺจ มหากรุณาสมุสฺสาหิโต กาลฺู หุตฺวา ตตฺถ อุปสงฺกมติ, อิทํ สพฺพพุทฺธานํ อาจิณฺณํ, อยมิธ อากิณฺณวิหาโรติ อธิปฺเปโต.
อิธ ปน โกสมฺพิกานํ ภิกฺขูนํ กลหชาตานํ สตฺถา ทีฆีติสฺส โกสลรฺโ วตฺถุํ อาหริตฺวา, ‘‘น หิ เวเรน เวรานิ, สมฺมนฺตีธ กุทาจน’’นฺติอาทินา (ธ. ป. ๕; ม. นิ. ๓.๒๓๗; มหาว. ๔๖๔) โอวาทํ อทาสิ, ตํ ทิวสํ เตสํ กลหํ กโรนฺตานํเยว รตฺติ วิภาตา. ทุติยทิวเสปิ ภควา ตเมว วตฺถุํ กเถสิ, ตํ ทิวสมฺปิ เตสํ กลหํ กโรนฺตานํเยว รตฺติ วิภาตา. ตติยทิวเสปิ ภควา ตเมว วตฺถุํ กเถสิ, อถฺตโร ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอวมาห – ‘‘อปฺโปสฺสุกฺโก, ภนฺเต ภควา, ทิฏฺธมฺมสุขวิหารมนุยุตฺโต วิหรตุ, มยเมเตน ภณฺฑเนน กลเหน วิคฺคเหน วิวาเทน ¶ ปฺายิสฺสามา’’ติ. สตฺถา ‘‘ปริยาทินฺนจิตฺตา โข อิเม โมฆปุริสา น ทานิเม สกฺกา สฺาเปตุํ, นตฺถิ เจตฺถ สฺาเปตพฺพา, ยํนูนาหํ เอกจาริกวาสํ วเสยฺยํ, เอวํ อิเม ภิกฺขู กลหโต โอรมิสฺสนฺตี’’ติ จินฺเตสิ. เอวํ เตหิ กลหการเกหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ เอกวิหาเร วาสํ วิเนตพฺพาภาวโต อุปาสกาทีหิ อุปสงฺกมนฺจ อากิณฺณวิหารํ กตฺวา วุตฺตํ – ‘‘เตน โข ปน สมเยน ภควา อากิณฺโณ วิหรตี’’ติอาทิ.
ตตฺถ ทุกฺขนฺติ น สุขํ, อนาราธิตจิตฺตตาย น อิฏฺนฺติ อตฺโถ. เตเนวาห ‘‘น ผาสุ วิหรามี’’ติ. วูปกฏฺโติ ปวิเวกฏฺโ ทูรีภูโต. ตถา จินฺเตตฺวาว ภควา ปาโตว สรีรปฺปฏิชคฺคนํ กตฺวา โกสมฺพิยํ ปิณฺฑาย ¶ จริตฺวา กฺจิ อนามนฺเตตฺวา เอโก อทุติโย คนฺตฺวา โกสลรฏฺเ ปาลิเลยฺยเก วนสณฺเฑ ภทฺทสาลมูเล วิหาสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ…เป… ภทฺทสาลมูเล’’ติ. ตตฺถ สามนฺติ สยํ. สํสาเมตฺวาติ ปฏิสาเมตฺวา. ปตฺตจีวรมาทายาติ ¶ เอตฺถาปิ สามนฺติ ปทํ อาเนตฺวา โยเชตพฺพํ. อุปฏฺาเกติ โกสมฺพินครวาสิโน โฆสิตเสฏฺิอาทิเก อุปฏฺาเก, วิหาเร จ อคฺคุปฏฺากํ อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อนามนฺเตตฺวา.
เอวํ คเต สตฺถริ ปฺจสตา ภิกฺขู อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อาหํสุ – ‘‘อาวุโส อานนฺท, สตฺถา เอกโกว คโต, มยํ อนุพนฺธิสฺสามา’’ติ. ‘‘อาวุโส, ยทา ภควา สามํ เสนาสนํ สํสาเมตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย อนามนฺเตตฺวา อุปฏฺาเก จ อนปโลเกตฺวา ภิกฺขุสงฺฆํ อทุติโย คจฺฉติ, ตทา เอกจารํ จริตุํ ภควโต อชฺฌาสโย, สาวเกน นาม สตฺถุ อชฺฌาสยานุรูปํ ปฏิปชฺชิตพฺพํ, ตสฺมา น อิเมสุ ทิวเสสุ ภควา อนุคนฺตพฺโพ’’ติ นิวาเรสิ, สยมฺปิ นานุคจฺฉิ.
อนุปุพฺเพนาติ อนุกฺกเมน, คามนิคมปฏิปาฏิยา จาริกํ จรมาโน ‘‘เอกจารวาสํ ตาว วสมานํ ภิกฺขุํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ พาลกโลณการคามํ คนฺตฺวา ตตฺถ ภคุตฺเถรสฺส สกลํ ปจฺฉาภตฺตฺเจว ติยามฺจ รตฺตึ เอกจารวาเส อานิสํสํ กเถตฺวา ปุนทิวเส เตน ปจฺฉาสมเณน ปิณฺฑาย จริตฺวา ตํ ตตฺเถว นิวตฺเตตฺวา ‘‘สมคฺควาสํ วสมาเน ตโย กุลปุตฺเต ปสฺสิสฺสามี’’ติ ¶ ปาจีนวํสมิคทายํ คนฺตฺวา เตสมฺปิ สกลรตฺตึ สมคฺควาเส อานิสํสํ กเถตฺวา เตปิ ตตฺเถว นิวตฺเตตฺวา เอกโกว ปาลิเลยฺยคามํ สมฺปตฺโต. ปาลิเลยฺยคามวาสิโน ปจฺจุคฺคนฺตฺวา ภควโต ทานํ ทตฺวา ปาลิเลยฺยคามสฺส อวิทูเร รกฺขิตวนสณฺโฑ นาม อตฺถิ, ตตฺถ ภควโต ปณฺณสาลํ กตฺวา ‘‘เอตฺถ ภควา วสตู’’ติ ยาจิตฺวา วาสยึสุ. ภทฺทสาโลติ ปน ตตฺเถโก มนาโป ภทฺทโก สาลรุกฺโข, ภควา ตํ คามํ อุปนิสฺสาย วนสณฺเฑ ปณฺณสาลสมีเป ตสฺมึ รุกฺขมูเล วิหาสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ปาลิเลยฺยเก วิหรติ รกฺขิตวนสณฺเฑ ภทฺทสาลมูเล’’ติ.
หตฺถินาโคติ มหาหตฺถี ยูถปติ. หตฺถิกลเภหีติ หตฺถิโปตเกหิ. หตฺถิจฺฉาเปหีติ ขีรูปเคหิ ทหรหตฺถิโปตเกหิ, เย ‘‘ภิงฺกา’’ติปิ ¶ วุจฺจนฺติ. ฉินฺนคฺคานีติ ปุรโต ปุรโต คจฺฉนฺเตหิ เตหิ หตฺถิอาทีหิ ฉินฺนคฺคานิ ขาทิตาวเสสานิ ขาณุสทิสานิ ขาทติ. โอภคฺโคภคฺคนฺติ เตน หตฺถินาเคน อุจฺจฏฺานโต ภฺชิตฺวา ภฺชิตฺวา ปาติตํ. อสฺส สาขาภงฺคนฺติ เอตสฺส สนฺตกํ สาขาภงฺคํ เต ขาทนฺติ. อาวิลานีติ เตหิ ปมตรํ โอตริตฺวา ปิวนฺเตหิ อาลุฬิตตฺตา อาวิลานิ กทฺทมมิสฺสานิ ปานียานิ ปิวติ. โอคาหาติ ติตฺถโต. ‘‘โอคาห’’นฺติปิ ปาฬิ. อสฺสาติ หตฺถินาคสฺส. อุปนิฆํสนฺติโยติ ฆฏฺเฏนฺติโย, อุปนิฆํสิยมาโนปิ ¶ อตฺตโน อุฬารภาเวน น กุชฺฌติ, เตน ตา ตํ ฆํสนฺติเยว. ยูถาติ หตฺถิฆฏา.
เยน ภควา เตนุปสงฺกมีติ โส กิร หตฺถินาโค ยูถวาเส อุกฺกณฺิโต ตํ วนสณฺฑํ ปวิฏฺโ ตตฺถ ภควนฺตํ ทิสฺวา ฆฏสหสฺเสน นิพฺพาปิตสนฺตาโป วิย นิพฺพุโต หุตฺวา ปสนฺนจิตฺโต ภควโต สนฺติเก อฏฺาสิ, ตโต ปฏฺาย วตฺตสีเส ตฺวา ภทฺทสาลสฺส ปณฺณสาลาย จ สมนฺตโต อปฺปหริตกํ กตฺวา สาขาภงฺเคหิ สมฺมชฺชติ, ภควโต มุขโธวนํ เทติ, นฺหาโนทกํ อาหรติ, ทนฺตกฏฺํ เทติ, อรฺโต มธุรานิ ผลานิ อาหริตฺวา สตฺถุ อุปเนติ, สตฺถา ตานิ ปริภฺุชติ ¶ . เตน วุตฺตํ – ‘‘ตตฺร สุทํ โส หตฺถินาโค ยสฺมึ ปเทเส ภควา วิหรติ, ตํ ปเทสํ อปฺปหริตฺจ กโรติ, โสณฺฑาย ภควโต ปานียํ ปริโภชนียํ อุปฏฺาเปตี’’ติ. โสณฺฑาย ทารูนิ อาหริตฺวา อฺมฺํ ฆํสิตฺวา อคฺคึ อุฏฺาเปตฺวา ทารูนิ ชาลาเปตฺวา ตตฺถ ปาสาณขณฺฑานิ ตาเปตฺวา ตานิ ทณฺฑเกหิ ปวฏฺเฏตฺวา โสณฺฑิยํ ขิปิตฺวา อุทกสฺส ตตฺตภาวํ ตฺวา ภควโต สนฺติกํ อุปคนฺตฺวา ติฏฺติ, ภควา ‘‘หตฺถินาโค มม นฺหานํ อิจฺฉตี’’ติ ตตฺถ คนฺตฺวา นฺหานกิจฺจํ กโรติ, ปานีเยปิ เอเสว นโย. ตสฺมึ ปน สีตเล สฺชาเต อุปสงฺกมติ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘โสณฺฑาย ภควโต ปานียํ ปริโภชนียํ อุปฏฺาเปตี’’ติ.
อถ โข ภควโต รโหคตสฺสาติอาทิ อุภินฺนํ มหานาคานํ วิเวกสุขปจฺจเวกฺขณทสฺสนํ, ตํ วุตฺตตฺถเมว. อตฺตโน จ ปวิเวกํ วิทิตฺวาติ เกหิจิ อนากิณฺณภาวลทฺธํ กายวิเวกํ ชานิตฺวา, อิตเร ปน วิเวกา ภควโต สพฺพกาลํ วิชฺชนฺติเยว.
อิมํ ¶ อุทานนฺติ อิมํ อตฺตโน หตฺถินาคสฺส จ ปวิเวกาภิรติยา สมานชฺฌาสยภาวทีปนํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถายํ สงฺเขปตฺโถ – เอตํ อีสาทนฺตสฺส รถอีสาสทิสทนฺตสฺส หตฺถินาคสฺส จิตฺตํ นาเคน พุทฺธนาคสฺส จิตฺเตน สเมติ สํสนฺทติ. กถํ สเมติ เจ? ยเทโก รมตี วเน ยสฺมา พุทฺธนาโค ‘‘อหํ โข ปุพฺเพ อากิณฺโณ วิหาสิ’’นฺติ ปุริมํ อากิณฺณวิหารํ ชิคุจฺฉิตฺวา วิเวกํ อุปพฺรูหยมาโน อิทานิ ยถา เอโก อทุติโย วเน อรฺเ รมติ อภิรมติ, เอวํ อยมฺปิ หตฺถินาโค ปุพฺเพ อตฺตโน หตฺถิอาทีหิ อากิณฺณวิหารํ ชิคุจฺฉิตฺวา วิเวกํ อุปพฺรูหยมาโน อิทานิ ¶ เอโก อสหาโย วเน อรฺเ รมติ อภิรมติ. ตสฺมาสฺส จิตฺตํ นาเคน สเมติ ตสฺส จิตฺเตน สเมตีติ กตฺวา เอกีภาวรติยา เอกสทิสํ โหตีติ อตฺโถ.
ปฺจมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. ปิณฺโฑลสุตฺตวณฺณนา
๓๖. ฉฏฺเ ¶ ปิณฺโฑลภารทฺวาโชติ ปิณฺฑํ อุลมาโน ปริเยสมาโน ปพฺพชิโตติ ปิณฺโฑโล. โส กิร ปริชิณฺณโภโค พฺราหฺมโณ หุตฺวา มหนฺตํ ภิกฺขุสงฺฆสฺส ลาภสกฺการํ ทิสฺวา ปิณฺฑตฺถาย นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิโต. โส มหนฺตํ กปลฺลํ ‘‘ปตฺต’’นฺติ คเหตฺวา จรติ, กปลฺลปูรํ ยาคุํ ปิวติ, ภตฺตํ ภฺุชติ, ปูวขชฺชกฺจ ขาทติ. อถสฺส มหคฺฆสภาวํ สตฺถุ อาโรเจสุํ. สตฺถา ตสฺส ปตฺตตฺถวิกํ นานุชานิ, เหฏฺามฺเจ ปตฺตํ นิกฺกุชฺชิตฺวา เปติ, โส เปนฺโตปิ ฆํเสนฺโตว ปณาเมตฺวา เปติ, คณฺหนฺโตปิ ฆํเสนฺโตว อากฑฺฒิตฺวา คณฺหาติ. ตํ คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺเต กาเล ฆํสเนน ปริกฺขีณํ, นาฬิโกทนมตฺตสฺเสว คณฺหนกํ ชาตํ. ตโต สตฺถุ อาโรเจสุํ, อถสฺส สตฺถา ปตฺตตฺถวิกํ อนุชานิ. เถโร อปเรน สมเยน อินฺทฺริยภาวนํ ภาเวนฺโต อคฺคผเล อรหตฺเต ปติฏฺาสิ. อิติ โส ปุพฺเพ สวิเสสํ ปิณฺฑตฺถาย อุลตีติ ปิณฺโฑโล, โคตฺเตน ปน ภารทฺวาโชติ อุภยํ เอกโต กตฺวา ‘‘ปิณฺโฑลภารทฺวาโช’’ติ วุจฺจติ.
อารฺโกติ ¶ คามนฺตเสนาสนปฏิกฺขิปเนน อรฺเ นิวาโส อสฺสาติ อารฺโก, อารฺกธุตงฺคํ สมาทาย วตฺตนฺตสฺเสตํ นามํ. ตถา ภิกฺขาสงฺขาตานํ อามิสปิณฺฑานํ ปาโต ปิณฺฑปาโต, ปเรหิ ทินฺนานํ ปิณฺฑานํ ปตฺเต นิปตนนฺติ อตฺโถ. ปิณฺฑปาตํ อฺุฉติ ตํ ตํ กุลํ อุปสงฺกมนฺโต คเวสตีติ ปิณฺฑปาติโก, ปิณฺฑาย วา ปติตุํ จริตุํ วตเมตสฺสาติ ปิณฺฑปาตี, ปิณฺฑปาตีเยว ปิณฺฑปาติโก. สงฺการกูฏาทีสุ ปํสูนํ อุปริ ิตตฺตา อพฺภุคฺคตฏฺเน ปํสุกูลํ วิยาติ ปํสุกูลํ, ปํสุ วิย วา กุจฺฉิตภาวํ อุลติ คจฺฉตีติ ปํสุกูลํ, ปํสุกูลสฺส ธารณํ ปํสุกูลํ, ตํ สีลํ เอตสฺสาติ ปํสุกูลิโก. สงฺฆาฏิอุตฺตราสงฺคอนฺตรวาสกสงฺขาตานิ ตีณิ จีวรานิ ติจีวรํ, ติจีวรสฺส ธารณํ ติจีวรํ, ตํ สีลํ เอตสฺสาติ เตจีวริโก. อปฺปิจฺโฉติอาทีนํ ปทานํ อตฺโถ เหฏฺา วุตฺโตเยว.
ธุตวาโทติ ¶ ¶ ธุโต วุจฺจติ ธุตกิเลโส ปุคฺคโล, กิเลสธุนนกธมฺโม วา. ตตฺถ อตฺถิ ธุโต, น ธุตวาโท, อตฺถิ น ธุโต, ธุตวาโท, อตฺถิ เนว ธุโต, น ธุตวาโท, อตฺถิ ธุโต เจว, ธุตวาโท จาติ อิทํ จตุกฺกํ เวทิตพฺพํ. เตสุ โย สยํ ธุตธมฺเม สมาทาย วตฺตติ, น ปรํ ตทตฺถาย สมาทเปติ, อยํ ปโม. โย ปน สยํ น ธุตธมฺเม สมาทาย วตฺตติ, ปรํ สมาทเปติ, อยํ ทุติโย. โย อุภยรหิโต, อยํ ตติโย. โย ปน อุภยสมฺปนฺโน, อยํ จตุตฺโถ. เอวรูโป จ อายสฺมา ปิณฺโฑลภารทฺวาโชติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ธุตวาโท’’ติ. เอกเทสสรูเปกเสสวเสน หิ อยํ นิทฺเทโส ยถา ตํ ‘‘นามรูป’’นฺติ.
อธิจิตฺตมนุยุตฺโตติ เอตฺถ อฏฺสมาปตฺติสมฺปโยคโต อรหตฺตผลสมาปตฺติสมฺปโยคโต วา จิตฺตสฺส อธิจิตฺตภาโว เวทิตพฺโพ, อิธ ปน ‘‘อรหตฺตผลจิตฺต’’นฺติ วทนฺติ. ตํตํสมาปตฺตีสุ สมาธิ เอว อธิจิตฺตํ, อิธ ปน อรหตฺตผลสมาธิ เวทิตพฺโพ. เกจิ ปน ‘‘อธิจิตฺตมนุยุตฺเตน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา กาเลน กาลํ ตีณิ นิมิตฺตานิ มนสิ กาตพฺพานีติ เอตสฺมึ อธิจิตฺตสุตฺเต (อ. นิ. ๓.๑๐๓) วิย สมถวิปสฺสนาจิตฺตํ อธิจิตฺตนฺติ อิธาธิปฺเปต’’นฺติ วทนฺติ, ตํ น สุนฺทรํ. ปุริโมเยวตฺโถ คเหตพฺโพ.
เอตมตฺถํ ¶ วิทิตฺวาติ เอตํ อายสฺมโต ปิณฺโฑลภารทฺวาชสฺส อธิฏฺานปริกฺขารสมฺปทาสมฺปนฺนํ อธิจิตฺตานุโยคสงฺขาตํ อตฺถํ สพฺพาการโต วิทิตฺวา. เอวํ ‘‘อธิจิตฺตานุโยโค มม สาสนานุฏฺาน’’นฺติ ทีเปนฺโต อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ อนูปวาโทติ วาจาย กสฺสจิปิ อนุปวทนํ. อนูปฆาโตติ กาเยน กสฺสจิ อุปฆาตากรณํ. ปาติโมกฺเขติ เอตฺถ ปาติโมกฺขปทสฺส อตฺโถ เหฏฺา นานปฺปกาเรหิ วุตฺโต, ตสฺมึ ปาติโมกฺเข. สตฺตนฺนํ อาปตฺติกฺขนฺธานํ อวีติกฺกมลกฺขโณ สํวโร. มตฺตฺุตาติ ¶ ปฏิคฺคหณปริโภควเสน ปมาณฺุตา. ปนฺตฺจ สยนาสนนฺติ วิวิตฺตํ สงฺฆฏฺฏนวิรหิตํ เสนาสนํ. อธิจิตฺเต จ อาโยโคติ อฏฺนฺนํ สมาปตฺตีนํ อธิคมาย ภาวนานุโยโค.
อปโร นโย – อนูปวาโทติ กสฺสจิปิ อุปรุชฺฌนวจนสฺส อวทนํ. เตน สพฺพมฺปิ วาจสิกํ สีลํ สงฺคณฺหาติ. อนูปฆาโตติ กาเยน กสฺสจิ อุปฆาตสฺส ปรวิเหนสฺส อกรณํ. เตน สพฺพมฺปิ กายิกํ สีลํ สงฺคณฺหาติ. ยาทิสํ ปนิทํ อุภยํ พุทฺธานํ สาสนนฺโตคธํ โหติ, ตํ ทสฺเสตุํ – ‘‘ปาติโมกฺเข จ สํวโร’’ติ วุตฺตํ. จสทฺโท นิปาตมตฺตํ. ปาติโมกฺเข จ สํวโรติ ปาติโมกฺขสํวรภูโต อนูปวาโท อนูปฆาโต จาติ อตฺโถ.
อถ ¶ วา ปาติโมกฺเขติ อธิกรเณ ภุมฺมํ. ปาติโมกฺเข นิสฺสยภูเต สํวโร. โก ปน โสติ? อนูปวาโท อนูปฆาโต. อุปสมฺปทเวลายฺหิ อวิเสเสน ปาติโมกฺขสีลํ สมาทินฺนํ นาม โหติ, ตสฺมึ ปาติโมกฺเข ิตสฺส ตโต ปรํ อุปวาทูปฆาตานํ อกรณวเสน สํวโร, โส อนูปวาโท อนูปฆาโต จาติ วุตฺโต.
อถ วา ปาติโมกฺเขติ นิปฺผาเทตพฺเพ ภุมฺมํ ยถา ‘‘เจตโส อวูปสโม อโยนิโสมนสิการปทฏฺาน’’นฺติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒). เตน ปาติโมกฺเขน สาเธตพฺโพ อนูปวาโท อนูปฆาโต, ปาติโมกฺขสํวรสงฺคหิโต อนูปวาโท อนูปฆาโตอิจฺเจว อตฺโถ. สํวโรติ อิมินา ปน สติสํวโร ¶ , าณสํวโร, ขนฺติสํวโร, วีริยสํวโรติ อิเมสํ จตุนฺนํ สํวรานํ คหณํ, ปาติโมกฺขสาธนํ อิทํ สํวรจตุกฺกํ.
มตฺตฺุตา จ ภตฺตสฺมินฺติ ปริเยสนปฏิคฺคหณปริโภควิสฺสชฺชนานํ วเสน โภชเน ปมาณฺุตา. ปนฺตฺจ สยนาสนนฺติ ภาวนานุกูลํ อรฺรุกฺขมูลาทิวิวิตฺตเสนาสนํ. อธิจิตฺเต จ อาโยโคติ สพฺพจิตฺตานํ อธิกตฺตา อุตฺตมตฺตา อธิจิตฺตสงฺขาเต อรหตฺตผลจิตฺเต สาเธตพฺเพ ตสฺส นิปฺผาทนตฺถํ สมถวิปสฺสนาภาวนาวเสน อาโยโค. เอตํ พุทฺธาน สาสนนฺติ เอตํ ปรสฺส อนูปวทนํ, อนูปฆาตนํ, ปาติโมกฺขสํวโร ¶ , ปริเยสนปฏิคฺคหณาทีสุ มตฺตฺุตา, วิวิตฺตวาโส, ยถาวุตฺตอธิจิตฺตานุโยโค จ พุทฺธานํ สาสนํ โอวาโท อนุสิฏฺีติ อตฺโถ. เอวํ อิมาย คาถาย ติสฺโส สิกฺขา กถิตาติ เวทิตพฺพา.
ฉฏฺสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. สาริปุตฺตสุตฺตวณฺณนา
๓๗. สตฺตเม อปุพฺพํ นตฺถิ. คาถาย อธิเจตโสติ อธิจิตฺตวโต, สพฺพจิตฺตานํ อธิเกน อรหตฺตผลจิตฺเตน สมนฺนาคตสฺสาติ อตฺโถ. อปฺปมชฺชโตติ น ปมชฺชโต, อปฺปมาเทน อนวชฺชธมฺเมสุ สาตจฺจกิริยาย สมนฺนาคตสฺสาติ วุตฺตํ โหติ. มุนิโนติ ‘‘โย มุนาติ อุโภ โลเก, มุนิ เตน ปวุจฺจตี’’ติ (ธ. ป. ๒๖๙; จูฬนิ. เมตฺตคูมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๒๑) เอวํ อุภยโลกมุนเนน โมนํ วุจฺจติ าณํ, เตน อรหตฺตผลาณสงฺขาเตน าเณน สมนฺนาคตตฺตา ¶ วา ขีณาสโว มุนิ นาม, ตสฺส มุนิโน. โมนปเถสุ สิกฺขโตติ อรหตฺตาณสงฺขาตสฺส โมนสฺส ปเถสุ สตฺตตึสโพธิปกฺขิยธมฺเมสุ ตีสุ วา สิกฺขาสุ สิกฺขโต. อิทฺจ ปุพฺพภาคปฺปฏิปทํ คเหตฺวา วุตฺตํ. ปรินิฏฺิตสิกฺโข หิ อรหา, ตสฺมา เอวํ สิกฺขโต, อิมาย สิกฺขาย มุนิภาวํ ปตฺตสฺส มุนิโนติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ยสฺมา จ เอตเทว, ตสฺมา เหฏฺิมมคฺคผลจิตฺตานํ วเสน อธิเจตโส, จตุสจฺจสมฺโพธปฏิปตฺติยํ อปฺปมาทวเสน อปฺปมชฺชโต, มคฺคาณสมนฺนาคเมน มุนิโนติ เอวเมเตสํ ติณฺณํ ปทานํ อตฺโถ ยุชฺชติเยว. อถ วา ‘‘อปฺปมชฺชโต สิกฺขโต’’ติ ¶ ปทานํ เหตุอตฺถตา ทฏฺพฺพา อปฺปมชฺชนเหตุ สิกฺขนเหตุ จ อธิเจตโสติ.
โสกา น ภวนฺติ ตาทิโนติ ตาทิสสฺส ขีณาสวมุนิโน อพฺภนฺตเร อิฏฺวิโยคาทิวตฺถุกา โสกา จิตฺตสนฺตาปา น โหนฺติ. อถ วา ตาทิโนติ ตาทิลกฺขณสมนฺนาคตสฺส เอวรูปสฺส มุนิโน โสกา น ภวนฺตีติ ¶ อยเมตฺถ อตฺโถ. อุปสนฺตสฺสาติ ราคาทีนํ อจฺจนฺตูปสเมน อุปสนฺตสฺส. สทา สตีมโตติ สติเวปุลฺลปฺปตฺติยา นิจฺจกาลํ สติยา อวิรหิตสฺส.
เอตฺถ จ ‘‘อธิเจตโส’’ติ อิมินา อธิจิตฺตสิกฺขา, ‘‘อปฺปมชฺชโต’’ติ เอเตน อธิสีลสิกฺขา, ‘‘มุนิโน โมนปเถสุ สิกฺขโต’’ติ เอเตหิ อธิปฺาสิกฺขา. ‘‘มุนิโน’’ติ วา เอเตน อธิปฺาสิกฺขา, ‘‘โมนปเถสุ สิกฺขโต’’ติ เอเตน ตาสํ โลกุตฺตรสิกฺขานํ ปุพฺพภาคปฏิปทา, ‘‘โสกา น ภวนฺตี’’ติอาทีหิ สิกฺขาปาริปูริยา อานิสํโส ปกาสิโตติ เวทิตพฺพํ. เสสํ วุตฺตนยเมว.
สตฺตมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. สุนฺทรีสุตฺตวณฺณนา
๓๘. อฏฺเม สกฺกโตติอาทีนํ ปทานํ อตฺโถ เหฏฺา วณฺณิโตเยว. อสหมานาติ น สหมานา, อุสูยนฺตาติ อตฺโถ. ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ สกฺการํ อสหมานาติ สมฺพนฺโธ.
สุนฺทรีติ ¶ ตสฺสา นามํ. สา กิร ตสฺมึ กาเล สพฺพปริพฺพาชิกาสุ อภิรูปา ทสฺสนียา ปาสาทิกา ปรมาย วณฺณโปกฺขรตาย สมนฺนาคตา, เตเนว สา ‘‘สุนฺทรี’’ติ ปฺายิตฺถ. สา จ อนตีตโยพฺพนา อสํยตสมาจาราว โหติ, ตสฺมา เต สุนฺทรึ ปริพฺพาชิกํ ปาปกมฺเม อุยฺโยเชสุํ. เต หิ อฺติตฺถิยา พุทฺธุปฺปาทโต ปฏฺาย สยํ หตลาภสกฺการา เหฏฺา อกฺโกสสุตฺตวณฺณนายํ อาคตนเยน ภควโต ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ อุฬารํ อปริมิตํ ลาภสกฺการํ ปวตฺตมานํ ทิสฺวา อิสฺสาปกตา เอกโต หุตฺวา สมฺมนฺตยึสุ – มยํ สมณสฺส โคตมสฺส อุปฺปนฺนกาลโต ปฏฺาย นฏฺา หตลาภสกฺการา, น โน โกจิ ¶ อตฺถิภาวมฺปิ ชานาติ, กึ นิสฺสาย นุ โข โลโก สมเณ โคตเม อภิปฺปสนฺโน อุฬารํ สกฺการสมฺมานํ อุปเนตีติ? ตตฺเถโก อาห – ‘‘อุจฺจากุลปฺปสุโต อสมฺภินฺนาย มหาสมฺมตปฺปเวณิยา ชาโต’’ติ, อปโร ‘‘อภิชาติยํ ตสฺส อเนกานิ ¶ อจฺฉริยานิ ปาตุภูตานี’’ติ, อฺโ ‘‘กาลเทวิลํ วนฺทาเปตุํ อุปนีตสฺส ปาทา ปริวตฺติตฺวา ตสฺส ชฏาสุ ปติฏฺิตา’’ติ, อปโร ‘‘วปฺปมงฺคลกาเล ชมฺพุจฺฉายาย สยาปิตสฺส วีติกฺกนฺเตปิ มชฺฌนฺหิเก ชมฺพุจฺฉายา อปริวตฺติตฺวา ิตา’’ติ, อฺโ ‘‘อภิรูโป ทสฺสนีโย ปาสาทิโก รูปสมฺปตฺติยา’’ติ, อปโร ‘‘ชิณฺณาตุรมตปพฺพชิตสงฺขาตนิมิตฺเต ทิสฺวา สํเวคชาโต อาคามินํ จกฺกวตฺติรชฺชํ ปหาย ปพฺพชิโต’’ติ. เอวํ อปริมาณกาเล สมฺภตํ อนฺสาธารณํ ภควโต ปฺุาณสมฺภารํ อุกฺกํสปารมิปฺปตฺตํ นิรุปมํ สลฺเลขปฺปฏิปทํ อนุตฺตรฺจ าณปหานสมฺปทาทิพุทฺธานุภาวํ อชานนฺตา อตฺตนา ยถาทิฏฺํ ยถาสุตํ ธรมานํ ตํ ตํ ภควโต พหุมานการณํ กิตฺเตตฺวา อพหุมานการณํ ปริเยสิตฺวา อปสฺสนฺตา ‘‘เกน นุ โข การเณน มยํ สมณสฺส โคตมสฺส อยสํ อุปฺปาเทตฺวา ลาภสกฺการํ นาเสยฺยามา’’ติ. เตสุ เอโก ติขิณมนฺตี เอวมาห – ‘‘อมฺโภ อิมสฺมึ สตฺตโลเก มาตุคามสุเข อสตฺตสตฺตา นาม นตฺถิ, อยฺจ สมโณ โคตโม อภิรูโป เทวสโม ตรุโณ, อตฺตโน สมรูปํ มาตุคามํ ลภิตฺวา สชฺเชยฺย. อถาปิ น สชฺเชยฺย, ชนสฺส ปน สงฺกิโย ภเวยฺย, หนฺท มยํ สุนฺทรึ ปริพฺพาชิกํ ตถา อุยฺโยเชม, ยถา สมณสฺส โคตมสฺส อยโส ปถวิยํ ปตฺถเรยฺยา’’ติ.
ตํ สุตฺวา อิตเร ‘‘อิทํ สุฏฺุ ตยา จินฺติตํ, เอวฺหิ กเต สมโณ โคตโม อยสเกน อุปทฺทุโต สีสํ อุกฺขิปิตุํ อสกฺโกนฺโต เยน วา เตน วา ปลายิสฺสตี’’ติ สพฺเพว เอกชฺฌาสยา หุตฺวา ตถา อุยฺโยเชตุํ สุนฺทริยา สนฺติกํ อคมํสุ. สา เต ทิสฺวา ‘‘กึ ตุมฺเห เอกโต อาคตตฺถา’’ติ อาห. ติตฺถิยา อนาลปนฺตา อารามปริยนฺเต ปฏิจฺฉนฺเน าเน นิสีทึสุ. สา ตตฺถ คนฺตฺวา ปุนปฺปุนํ อาลปนฺตี ปฏิวจนํ อลภิตฺวา กึ ตุมฺหากํ อปรชฺฌํ? กสฺมา เม ปฏิวจนํ น เทถาติ? ตถา หิ ปน ตฺวํ อมฺเห ¶ วิเหิยมาเน อชฺฌุเปกฺขสีติ ¶ . โก ¶ ตุมฺเห วิเหเตีติ? ‘‘กึ ปน ตฺวํ น ปสฺสสิ, สมณํ โคตมํ อมฺเห วิเหเตฺวา หตลาภสกฺกาเร กตฺวา วิจรนฺต’’นฺติ วตฺวา ‘‘ตตฺถ มยา กึ กาตพฺพ’’นฺติ วุตฺเต ‘‘เตน หิ ตฺวํ อภิกฺขณํ เชตวนสมีปํ คนฺตฺวา มหาชนสฺส เอวฺเจวฺจ วเทยฺยาสี’’ติ อาหํสุ. สาปิ ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อฺติตฺถิยา ปริพฺพาชกา ภควโต สกฺการํ อสหมานา’’ติอาทิ.
ตตฺถ อุสฺสหสีติ สกฺโกสิ. อตฺถนฺติ หิตํ กิจฺจํ วา. กฺยาหนฺติ กึ อหํ. ยสฺมา เต ติตฺถิยา ตสฺสา อฺาตกาปิ สมานา ปพฺพชฺชสมฺพนฺธมตฺเตน สงฺคณฺหิตุํ าตกา วิย หุตฺวา ‘‘อุสฺสหสิ ตฺวํ ภคินิ าตีนํ อตฺถํ กาตุ’’นฺติ อาหํสุ. ตสฺมา สาปิ มิคํ วลฺลิ วิย ปาเท ลคฺคา ชีวิตมฺปิ เม ปริจฺจตฺตํ าตีนํ อตฺถายาติ อาห.
เตน หีติ ‘‘ยสฺมา ตฺวํ ‘ชีวิตมฺปิ เม ตุมฺหากํ อตฺถาย ปริจฺจตฺต’นฺติ วทสิ, ตฺวฺจ ปมวเย ิตา อภิรูปา โสภคฺคปฺปตฺตา จ, ตสฺมา ยถา ตํ นิสฺสาย สมณสฺส โคตมสฺส อยโส อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตถา กเรยฺยาสี’’ติ วตฺวา ‘‘อภิกฺขณํ เชตวนํ คจฺฉาหี’’ติ อุยฺโยเชสุํ. สาปิ โข พาลา กกจทนฺตปนฺติยา ปุปฺผาวลิกีฬํ กีฬิตุกามา วิย, ปภินฺนมทํ จณฺฑหตฺถึ โสณฺฑาย ปรามสนฺตี วิย, นลาเฏน มจฺจุํ คณฺหนฺตี วิย ติตฺถิยานํ วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา มาลาคนฺธวิเลปนตมฺพูลมุขวาสาทีนิ คเหตฺวา มหาชนสฺส สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา นครํ ปวิสนกาเล เชตวนาภิมุขี คจฺฉนฺตี ‘‘กหํ คจฺฉสี’’ติ จ ปุฏฺา ‘‘สมณสฺส โคตมสฺส สนฺติกํ, อหฺหิ เตน สทฺธึ เอกคนฺธกุฏิยํ วสามี’’ติ วตฺวา อฺตรสฺมึ ติตฺถิยาราเม วสิตฺวา ปาโตว เชตวนมคฺคํ โอตริตฺวา นคราภิมุขี อาคจฺฉนฺตี ¶ ‘‘กึ สุนฺทริ กหํ คตาสี’’ติ จ ปุฏฺา ‘‘สมเณน โคตเมน สทฺธึ เอกคนฺธกุฏิยํ วสิตฺวา ตํ กิเลสรติยา รมาเปตฺวา อาคตามฺหี’’ติ วทติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘เอวํ อยฺยาติ โข สุนฺทรี ปริพฺพาชิกา เตสํ อฺติตฺถิยานํ ปริพฺพาชกานํ ปฏิสฺสุตฺวา อภิกฺขณํ เชตวนํ อคมาสี’’ติ.
ติตฺถิยา กติปาหสฺส อจฺจเยน ธุตฺตานํ กหาปเณ ทตฺวา ‘‘คจฺฉถ, สุนฺทรึ มาเรตฺวา สมณสฺส โคตมสฺส คนฺธกุฏิยา อวิทูเร มาลากจวรนฺตเร นิกฺขิปิตฺวา เอถา’’ติ วทึสุ. เต ตถา อกํสุ. ตโต ติตฺถิยา ‘‘สุนฺทรึ น ปสฺสามา’’ติ โกลาหลํ กตฺวา รฺโ อาโรเจตฺวา ¶ ‘‘กตฺถ ปน ตุมฺเห ปริสงฺกถา’’ติ รฺา วุตฺตา อิเมสุ ทิวเสสุ เชตวเน วสติ, ตตฺถสฺสา ปวตฺตึ น ชานามาติ. ‘‘เตน หิ คจฺฉถ, นํ ตตฺถ วิจินถา’’ติ รฺา อนฺุาตา อตฺตโน อุปฏฺาเก คเหตฺวา เชตวนํ คนฺตฺวา วิจินนฺตา วิย หุตฺวา มาลากจวรํ พฺยูหิตฺวา ตสฺสา ¶ สรีรํ มฺจกํ อาโรเปตฺวา นครํ ปเวเสตฺวา ‘‘สมณสฺส โคตมสฺส สาวกา ‘สตฺถุนา กตํ ปาปกมฺมํ ปฏิจฺฉาเทสฺสามา’ติ สุนฺทรึ มาเรตฺวา มาลากจวรนฺตเร นิกฺขิปึสู’’ติ รฺโ อาโรเจสุํ. ราชาปิ อนุปปริกฺขิตฺวา ‘‘เตน หิ คจฺฉถ, นครํ อาหิณฺฑถา’’ติ อาห. เต นครวีถีสุ ‘‘ปสฺสถ สมณานํ สกฺยปุตฺติยานํ กมฺม’’นฺติอาทีนิ วทนฺตา วิจริตฺวา ปุน รฺโ นิเวสนทฺวารํ อคมํสุ. ราชา สุนฺทริยา สรีรํ อามกสุสาเน อฏฺฏกํ อาโรเปตฺวา รกฺขาเปสิ. สาวตฺถิวาสิโน เปตฺวา อริยสาวเก เยภุยฺเยน ‘‘ปสฺสถ สมณานํ สกฺยปุตฺติยานํ กมฺม’’นฺติอาทีนิ วตฺวา อนฺโตนคเร พหินคเร จ ภิกฺขู อกฺโกสนฺตา วิจรึสุ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ยทา เต อฺึสุ ติตฺถิยา ปริพฺพาชกา ‘โวทิฏฺา โข สุนฺทรี’’’ติอาทิ.
ตตฺถ อฺึสูติ ชานึสุ. โวทิฏฺาติ พฺยปทิฏฺา, เชตวนํ อาคจฺฉนฺตี จ คจฺฉนฺตี จ วิเสสโต ทิฏฺา, พหุลํ ทิฏฺาติ อตฺโถ. ปริขากูเปติ ทีฆิกาวาเฏ ¶ . ยา สา, มหาราช, สุนฺทรีติ, มหาราช, ยา สา อิมสฺมึ นคเร รูปสุนฺทรตาย ‘‘สุนฺทรี’’ติ ปากฏา อภิฺาตา ปริพฺพาชิกา. สา โน น ทิสฺสตีติ สา อมฺหากํ จกฺขุ วิย ชีวิตํ วิย จ ปิยายิตพฺพา, อิทานิ น ทิสฺสติ. ยถานิกฺขิตฺตนฺติ ปุริเส อาณาเปตฺวา มาลากจวรนฺตเร อตฺตนา ยถาปิตํ. ‘‘ยถานิขาต’’นฺติปิ ปาโ, ปถวิยํ นิขาตปฺปการนฺติ อตฺโถ.
รถิยาย รถิยนฺติ วีถิโต วีถึ. วีถีติ หิ วินิวิชฺฌนกรจฺฉา. สิงฺฆาฏกนฺติ ติโกณรจฺฉา. อลชฺชิโนติ น ลชฺชิโน, ปาปชิคุจฺฉาวิรหิตาติ อตฺโถ. ทุสฺสีลาติ นิสฺสีลา. ปาปธมฺมาติ ลามกสภาวา นิหีนาจารา. มุสาวาทิโนติ ทุสฺสีลา สมานา ‘‘สีลวนฺโต มย’’นฺติ อลิกวาทิตาย มุสาวาทิโน. อพฺรหฺมจาริโนติ ‘‘เมถุนปฺปฏิเสวิตาย อเสฏฺจาริโน อิเม หิ นามา’’ติ หีเฬนฺตา วทนฺติ. ธมฺมจาริโนติ กุสลธมฺมจาริโน. สมจาริโนติ กายกมฺมาทิสมจาริโน. กลฺยาณธมฺมาติ ¶ สุนฺทรสภาวา, ปฏิชานิสฺสนฺติ นามาติ สมฺพนฺโธ. นามสทฺทโยเคน หิ เอตฺถ ปฏิชานิสฺสนฺตีติ อนาคตกาลวจนํ. สามฺนฺติ สมณภาโว สมิตปาปตา. พฺรหฺมฺนฺติ เสฏฺภาโว พาหิตปาปตา. กุโตติ เกน การเณน. อปคตาติ อเปตา ปริภฏฺา. ปุริสกิจฺจนฺติ เมถุนปฺปฏิเสวนํ สนฺธาย วทนฺติ.
อถ ภิกฺขู ตํ ปวตฺตึ ภควโต อาโรเจสุํ. สตฺถา ‘‘เตน หิ, ภิกฺขเว, ตุมฺเหปิ เต มนุสฺเส อิมาย คาถาย ปฏิโจเทถา’’ติ วตฺวา ‘‘อภูตวาที’’ติ คาถมาห. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘อถ โข สมฺพหุลา…เป… นิหีนกมฺมา มนุชา ปรตฺถา’’ติ. ตตฺถ เนโส, ภิกฺขเว, สทฺโท จิรํ ¶ ภวิสฺสตีติ อิทํ สตฺถา ตสฺส อยสสฺส นิปฺผตฺตึ สพฺพฺุตฺาเณน ชานิตฺวา ภิกฺขู สมสฺสาเสนฺโต อาห.
คาถายํ อภูตวาทีติ ปรสฺส โทสํ อทิสฺวาว มุสาวาทํ กตฺวา อภูเตน อตจฺเฉน ปรํ อพฺภาจิกฺขนฺโต. โย วาปิ กตฺวาติ โย วา ปน ปาปกมฺมํ กตฺวา ‘‘นาหํ เอตํ กโรมี’’ติ อาห. เปจฺจ สมา ภวนฺตีติ เต อุโภปิ ชนา อิโต ปรโลกํ คนฺตฺวา ¶ นิรยูปคมเนน คติยา สมา ภวนฺติ. คติเยว หิ เนสํ ปริจฺฉินฺนา, อายู ปน อปริจฺฉินฺนา. พหุกฺหิ ปาปํ กตฺวา จิรํ นิรเย ปจฺจติ, ปริตฺตกํ กตฺวา อปฺปมตฺตกเมว กาลํ ปจฺจติ. ยสฺมา ปน เนสํ อุภินฺนมฺปิ ลามกเมว กมฺมํ, เตน วุตฺตํ – นิหีนกมฺมา มนุชา ปรตฺถาติ. ‘‘ปรตฺถา’’ติ อิมสฺส ปน ปทสฺส ปุรโต ‘‘เปจฺจา’’ติปเทน สมฺพนฺโธ, เปจฺจ ปรตฺถ อิโต คนฺตฺวา เต นิหีนกมฺมา ปรโลเก สมา ภวนฺตีติ อตฺโถ.
ปริยาปุณิตฺวาติ อุคฺคเหตฺวา. อการกาติ อปราธสฺส น การกา. นยิเมหิ กตนฺติ เอวํ กิร เนสมโหสิ – อิเมหิ สมเณหิ สกฺยปุตฺติเยหิ อทฺธา ตํ ปาปกมฺมํ น กตํ, ยํ อฺติตฺถิยา อุคฺโฆสิตฺวา สกลนครํ อาหิณฺฑึสุ, ยสฺมา อิเม อมฺเหสุ เอวํ อสพฺภาหิ ผรุสาหิ วาจาหิ อพฺภาจิกฺขนฺเตสุปิ น กิฺจิ วิการํ ทสฺเสนฺติ, ขนฺติโสรจฺจฺจ น วิชหนฺติ, เกวลํ ปน ‘‘อภูตวาที นิรยํ อุเปตี’’ติ ธมฺมํเยว วทนฺตา สปนฺติเยว, อิเม สมณา สกฺยปุตฺติยา อมฺเห อนุปธาเรตฺวา อพฺภาจิกฺขนฺเต สปนฺติ, สปถํ กโรนฺตา วิย วทนฺติ ¶ . อถ วา ‘‘โย วาปิ กตฺวา ‘น กโรมิ’ จาหา’’ติ วทนฺตา สปนฺติ, อตฺตโน อการกภาวํ โพเธตุํ อมฺหากํ สปถํ กโรนฺติ อิเมติ อตฺโถ.
เตสฺหิ มนุสฺสานํ ภควตา ภาสิตคาถาย สวนสมนนฺตรเมว พุทฺธานุภาเวน สารชฺชํ โอกฺกมิ, สํเวโค อุปฺปชฺชิ ‘‘นยิทํ อมฺเหหิ ปจฺจกฺขโต ทิฏฺํ, สุตํ นาม ตถาปิ โหติ, อฺถาปิ โหติ, เอเต จ อฺติตฺถิยา อิเมสํ อนตฺถกามา อหิตกามา, ตสฺมา เต สทฺธาย นยิทํ อมฺเหหิ วตฺตพฺพํ, ทุชฺชานา หิ สมณา’’ติ. เต ตโต ปฏฺาย ตโต โอรมึสุ.
ราชาปิ เยหิ สุนฺทรี มาริตา, เตสํ ชานนตฺถํ ปุริเส อาณาเปสิ. อถ เต ธุตฺตา เตหิ กหาปเณหิ สุรํ ปิวนฺตา อฺมฺํ กลหํ กรึสุ. เตสุ หิ เอโก เอกํ อาห – ‘‘ตฺวํ สุนฺทรึ เอกปฺปหาเรน มาเรตฺวา มาลากจวรนฺตเร ขิปิตฺวา ตโต ลทฺธกหาปเณหิ สุรํ ปิวสิ, โหตุ โหตู’’ติ. ราชปุริสา ตํ สุตฺวา เต ธุตฺเต คเหตฺวา รฺโ ทสฺเสสุํ. ราชา ¶ ‘‘ตุมฺเหหิ สา ¶ มาริตา’’ติ เต ธุตฺเต ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, เทวา’’ติ. ‘‘เกหิ มาราปิตา’’ติ? ‘‘อฺติตฺถิเยหิ, เทวา’’ติ. ราชา ติตฺถิเย ปกฺโกสาเปตฺวา ตมตฺถํ ปฏิชานาเปตฺวา, ‘‘อยํ สุนฺทรี ตสฺส สมณสฺส โคตมสฺส อวณฺณํ อาโรเปตุกาเมหิ อมฺเหหิ มาราปิตา, เนว โคตมสฺส, น โคตมสาวกานํ โทโส อตฺถิ, อมฺหากเมว โทโสติ เอวํ วทนฺตา นครํ อาหิณฺฑถา’’ติ อาณาเปสิ. เต ตถา อกํสุ. มหาชโน สมฺมเทว สทฺทหิ. ติตฺถิยานํ ธิกฺการํ อกาสิ, ติตฺถิยา มนุสฺสวธทณฺฑํ ปาปุณึสุ. ตโต ปฏฺาย พุทฺธสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ ภิยฺโยโสมตฺตาย สกฺการสมฺมาโน มหา อโหสิ. ภิกฺขู อจฺฉริยพฺภุตจิตฺตชาตา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา อตฺตมนา ปฏิเวเทสุํ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข สมฺพหุลา ภิกฺขู…เป… อนฺตรหิโต โส, ภนฺเต, สทฺโท’’ติ.
กสฺมา ปน ภควา ‘‘ติตฺถิยานํ อิทํ กมฺม’’นฺติ ภิกฺขูนํ นาโรเจสิ? อริยานํ ตาว อาโรจเนน ปโยชนํ นตฺถิ, ปุถุชฺชเนสุ ปน ‘‘เย น สทฺทเหยฺยุํ, เตสํ ตํ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺเตยฺยา’’ติ นาโรเจสิ. อปิเจตํ พุทฺธานํ อนาจิณฺณํ, ยํ อนาคตสฺส อีทิสสฺส วตฺถุสฺส อาจิกฺขนํ. ปรานุทฺเทสิกเมว หิ ภควา สํกิเลสปกฺขํ วิภาเวติ ¶ , กมฺมฺจ กโตกาสํ น สกฺกา นิวตฺเตตุนฺติ อพฺภกฺขานํ ตนฺนิมิตฺตฺจ ภควา อชฺฌุเปกฺขนฺโต นิสีทิ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘น อนฺตลิกฺเข น สมุทฺทมชฺเฌ,
น ปพฺพตานํ วิวรํ ปวิสฺส;
น วิชฺชตี โส ชคติปฺปเทโส,
ยตฺถฏฺิโต มุจฺเจยฺย ปาปกมฺมา’’ติ. (ธ. ป. ๑๒๗; มิ. ป. ๔.๒.๔);
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ มมฺมจฺเฉทนวเสนาปิ พาลชเนหิ ปวตฺติตํ ทุรุตฺตวจนํ ขนฺติพลสมนฺนาคตสฺส ธีรสฺส ทุตฺติติกฺขา นาม นตฺถีติ อิมมตฺถํ สพฺพาการโต วิทิตฺวา. อิมํ อุทานนฺติ อิมํ อธิวาสนขนฺติพลวิภาวนํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ ตุทนฺติ วาจาย ชนา อสฺตา, สเรหิ สงฺคามคตํว ¶ กฺุชรนฺติ กายิกสํวราทีสุ กสฺสจิปิ สํวรสฺส อภาเวน อสํยตา อวินีตา พาลชนา สเรหิ สายเกหิ สงฺคามคตํ ยุทฺธคตํ กฺุชรํว หตฺถินาคํ ปฏิโยธา วิย วาจาสตฺตีหิ ตุทนฺติ วิชฺฌนฺติ, อยํ เตสํ สภาโว ¶ . สุตฺวาน วากฺยํ ผรุสํ อุทีริตํ, อธิวาสเย ภิกฺขุ อทุฏฺจิตฺโตติ ตํ ปน เตหิ พาลชเนหิ อุทีริตํ ภาสิตํ มมฺมฆฏฺฏนวเสน ปวตฺติตํ ผรุสํ วากฺยํ วจนํ อภูตํ ภูตโต นิพฺเพเนฺโต มม กกจูปมโอวาทํ (ม. นิ. ๑.๒๒๒ อาทโย) อนุสฺสรนฺโต อีสกมฺปิ อทุฏฺจิตฺโต หุตฺวา ‘‘สํสารสภาโว เอโส’’ติ สํสาเร ภยํ อิกฺขณสีโล ภิกฺขุ อธิวาสเย, อธิวาสนขนฺติยํ ตฺวา ขเมยฺยาติ อตฺโถ.
เอตฺถาห – กึ ปน ตํ กมฺมํ, ยํ อปริมาณกาลํ สกฺกจฺจํ อุปจิตวิปุลปฺุสมฺภาโร สตฺถา เอวํ ทารุณํ อภูตพฺภกฺขานํ ปาปุณีติ? วุจฺจเต – อยํ โส ภควา โพธิสตฺตภูโต อตีตชาติยํ มุนาฬิ นาม ธุตฺโต หุตฺวา ปาปชนเสวี อโยนิโสมนสิการพหุโล วิจรติ. โส เอกทิวสํ สุรภึ นาม ปจฺเจกสมฺพุทฺธํ นครํ ปิณฺฑาย ปวิสิตุํ จีวรํ ปารุปนฺตํ ปสฺสิ. ตสฺมิฺจ สมเย อฺตรา อิตฺถี ตสฺส อวิทูเรน คจฺฉติ. ธุตฺโต ‘‘อพฺรหฺมจารี อยํ สมโณ’’ติ อพฺภาจิกฺขิ. โส เตน กมฺเมน พหูนิ วสฺสสตสหสฺสานิ นิรเย ปจฺจิตฺวา ตสฺเสว กมฺมสฺส วิปากาวเสเสน อิทานิ พุทฺโธ หุตฺวาปิ สุนฺทริยา การณา อภูตพฺภกฺขานํ ¶ ปาปุณิ. ยถา เจตํ, เอวํ จิฺจมาณวิกาทีนํ วิการกิตฺถีนํ ภควโต อพฺภกฺขานาทีนิ ทุกฺขานิ ปตฺตานิ, สพฺพานิ ปุพฺเพ กตสฺส กมฺมสฺส วิปากาวเสสานิ, ยานิ ‘‘กมฺมปิโลติกานี’’ติ วุจฺจนฺติ. วุตฺตฺเหตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๓๙.๖๔-๙๖) –
‘‘อโนตตฺตสราสนฺเน, รมณีเย สิลาตเล;
นานารตนปชฺโชเต, นานาคนฺธวนนฺตเร.
‘‘มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน, ปเรโต โลกนายโก;
อาสีโน พฺยากรี ตตฺถ, ปุพฺพกมฺมานิ อตฺตโน.
‘‘สุณาถ ภิกฺขโว มยฺหํ, ยํ กมฺมํ ปกตํ มยา;
ปิโลติกสฺส กมฺมสฺส, พุทฺธตฺเตปิ วิปจฺจติ.
‘‘มุนาฬิ ¶ นามหํ ธุตฺโต, ปุพฺเพ อฺาสุ ชาติสุ;
ปจฺเจกพุทฺธํ สุรภึ, อพฺภาจิกฺขึ อทูสกํ.
‘‘เตน ¶ กมฺมวิปาเกน, นิรเย สํสรึ จิรํ;
พหู วสฺสสหสฺสานิ, ทุกฺขํ เวเทมิ เวทนํ.
‘‘เตน กมฺมาวเสเสน, อิธ ปจฺฉิมเก ภเว;
อพฺภกฺขานํ มยา ลทฺธํ, สุนฺทริกาย การณา.
‘‘สพฺพาภิภุสฺส พุทฺธสฺส, นนฺโท นามาสิ สาวโก;
ตํ อพฺภกฺขาย นิรเย, จิรํ สํสริตํ มยา.
‘‘ทส วสฺสสหสฺสานิ, นิรเย สํสรึ จิรํ;
มนุสฺสภาวํ ลทฺธาหํ, อพฺภกฺขานํ พหุํ ลภึ.
‘‘เตน กมฺมาวเสเสน, จิฺจมาณวิกา มมํ;
อพฺภาจิกฺขิ อภูเตน, ชนกายสฺส อคฺคโต.
‘‘พฺราหฺมโณ สุตวา อาสึ, อหํ สกฺกตปูชิโต;
มหาวเน ปฺจสเต, มนฺเต วาเจมิ มาณเว.
‘‘ตตฺถาคโต ¶ อิสี ภีโม, ปฺจาภิฺโ มหิทฺธิโก;
ตฺจาหํ อาคตํ ทิสฺวา, อพฺภาจิกฺขึ อทูสกํ.
‘‘ตโตหํ อวจํ สิสฺเส, กามโภคี อยํ อิสิ;
มยฺหมฺปิ ภาสมานสฺส, อนุโมทึสุ มาณวา.
‘‘ตโต มาณวกา สพฺเพ, ภิกฺขมานํ กุเล กุเล;
มหาชนสฺส อาหํสุ, กามโภคี อยํ อิสิ.
‘‘เตน กมฺมวิปาเกน, ปฺจ ภิกฺขุสตา อิเม;
อพฺภกฺขานํ ลภุํ สพฺเพ, สุนฺทริกาย การณา.
‘‘เวมาตุภาติกํ ปุพฺเพ, ธนเหตุ หนึ อหํ;
ปกฺขิปึคิริทุคฺคสฺมึ, สิลาย จ อปึสยึ.
‘‘เตน ¶ กมฺมวิปาเกน, เทวทตฺโต สิลํ ขิปิ;
องฺคุฏฺํ ปึสยี ปาเท, มม ปาสาณสกฺขรา.
‘‘ปุเรหํ ทารโก หุตฺวา, กีฬมาโน มหาปเถ;
ปจฺเจกพุทฺธํ ทิสฺวาน, มคฺเค สกลิกํ ขิปึ.
‘‘เตน ¶ กมฺมวิปาเกน, อิธ ปจฺฉิมเก ภเว;
วธตฺถํ มํ เทวทตฺโต, อภิมาเร ปโยชยิ.
‘‘หตฺถาโรโห ปุเร อาสึ, ปจฺเจกมุนิมุตฺตมํ;
ปิณฺฑาย วิจรนฺตํ ตํ, อาสาเทสึ คเชนหํ.
‘‘เตน กมฺมวิปาเกน, ภนฺโต นาฬาคิรี คโช;
คิริพฺพเช ปุรวเร, ทารุโณ สมุปาคมิ.
‘‘ราชาหํ ปตฺถิโว อาสึ, สตฺติยา ปุริเส หนึ;
เตน กมฺมวิปาเกน, นิรเย ปจฺจิสํ ภุสํ.
‘‘กมฺมุโน ตสฺส เสเสน, โสทานิ สกลํ มม;
ปาเท ฉวึ ปกปฺเปสิ, น หิ กมฺมํ วินสฺสติ.
‘‘อหํ ¶ เกวฏฺฏคามสฺมึ, อหุํ เกวฏฺฏทารโก;
มจฺฉเก ฆาติเต ทิสฺวา, ชนยึ โสมนสฺสกํ.
‘‘เตน กมฺมวิปาเกน, สีสทุกฺขํ อหู มม;
สกฺกา จ สพฺเพ หฺึสุ, ยทา หนิ วิฏฏูโภ.
‘‘ผุสฺสสฺสาหํ ปาวจเน, สาวเก ปริภาสยึ;
ยวํ ขาทถ ภฺุชถ, มา จ ภฺุชถ สาลโย.
‘‘เตน ¶ กมฺมวิปาเกน, เตมาสํ ขาทิตํ ยวํ;
นิมนฺติโต พฺราหฺมเณน, เวรฺชายํ วสึ ตทา.
‘‘นิพฺพุทฺเธ วตฺตมานมฺหิ, มลฺลปุตฺตํ นิเหยึ;
เตน กมฺมวิปาเกน, ปิฏฺิทุกฺขํ อหู มม.
‘‘ติกิจฺฉโก อหํ อาสึ, เสฏฺิปุตฺตํ วิเรจยึ;
เตน กมฺมวิปาเกน, โหติ ปกฺขนฺทิกา มม.
‘‘อวจาหํ โชติปาโล, กสฺสปํ สุคตํ ตทา;
กุโต นุ โพธิ มุณฺฑสฺส, โพธิ ปรมทุลฺลภา.
‘‘เตน กมฺมวิปาเกน, อจรึ ทุกฺกรํ พหุํ;
ฉพฺพสฺสานุรุเวลายํ, ตโต โพธึ อปาปุณึ.
‘‘นาหํ ¶ เอเตน มคฺเคน, ปาปุณึ โพธิมุตฺตมํ;
กุมฺมคฺเคน คเวสิสฺสํ, ปุพฺพกมฺเมน วาริโต.
‘‘ปฺุปาปปริกฺขีโณ, สพฺพสนฺตาปวชฺชิโต;
อโสโก อนุปายาโส, นิพฺพายิสฺสมนาสโว.
‘‘เอวํ ชิโน วิยากาสิ, ภิกฺขุสงฺฆสฺส อคฺคโต;
สพฺพาภิฺาพลปฺปตฺโต, อโนตตฺตมหาสเร’’ติ. (อป. เถร ๑.๓๙.๖๔-๙๖);
อฏฺมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. อุปเสนสุตฺตวณฺณนา
๓๙. นวเม ¶ ¶ อุปเสนสฺสาติ เอตฺถ อุปเสโนติ ตสฺส เถรสฺส นามํ, วงฺคนฺตพฺราหฺมณสฺส ปน ปุตฺตตฺตา ‘‘วงฺคนฺตปุตฺโต’’ติ จ นํ โวหรนฺติ.
อยฺหิ เถโร อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส กนิฏฺภาตา, สาสเน ปพฺพชิตฺวา อปฺตฺเต สิกฺขาปเท อุปสมฺปทาย ทฺวิวสฺโส อุปชฺฌาโย หุตฺวา เอกํ ภิกฺขุํ อุปสมฺปาเทตฺวา เตน สทฺธึ ภควโต อุปฏฺานํ คโต, ตสฺส ภิกฺขุโน ภควตา ตสฺส สทฺธิวิหาริกภาวํ ปุจฺฉิตฺวา ขนฺธเก อาคตนเยน ‘‘อติลหุํ โข ตฺวํ, โมฆปุริส, อาวตฺโต พาหุลฺลาย, ยทิทํ คณพนฺธิย’’นฺติ (มหาว. ๗๕) วิครหิโต ปโตทาภิตุนฺโน วิย อาชานีโย สํวิคฺคมานโส ‘‘ยทิปาหํ อิทานิ ปริสํ นิสฺสาย ภควตา วิครหิโต, ปริสํเยว ปน นิสฺสาย ปาสํสิโย ภเวยฺย’’นฺติ อุสฺสาหชาโต สพฺเพ ธุตธมฺเม สมาทาย วตฺตมาโน วิปสฺสนํ อารภิตฺวา น จิรสฺเสว ฉฬภิฺโ ปฏิสมฺภิทาปฺปตฺโต มหาขีณาสโว หุตฺวา อตฺตโน นิสฺสิตเก ธุตงฺคธเร เอว กตฺวา เตหิ สทฺธึ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา สนฺถตสิกฺขาปเท (ปารา. ๕๖๕ อาทโย) อาคตนเยน ‘‘ปาสาทิกา โข ตฺยายํ, อุปเสน, ปริสา’’ติ ปริสวเสน ภควโต สนฺติกา ลทฺธปสํโส ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ สมนฺตปาสาทิกานํ ยทิทํ อุปเสโน ¶ วงฺคนฺตปุตฺโต’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๑๓) เอตทคฺเค ปิโต อสีติยา มหาสาวเกสุ อพฺภนฺตโร.
โส เอกทิวสํ ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฺปฏิกฺกนฺโต อนฺเตวาสิเกสุ อตฺตโน อตฺตโน ทิวาฏฺานํ คเตสุ อุทกกุมฺภโต อุทกํ คเหตฺวา ปาเท ปกฺขาเลตฺวา คตฺตานิ สีตึ กตฺวา จมฺมกฺขณฺฑํ อตฺถริตฺวา ทิวาฏฺาเน ทิวาวิหารํ นิสินฺโน อตฺตโน คุเณ อาวชฺเชสิ. ตสฺส เต อเนกสตา อเนกสหสฺสา โปงฺขานุโปงฺขํ อุปฏฺหึสุ. โส ‘‘มยฺหํ ตาว สาวกสฺส สโต อิเม เอวรูปา คุณา, กีทิสา นุ โข มยฺหํ สตฺถุ คุณา’’ติ ภควโต คุณาภิมุขํ มนสิการํ เปเสสิ. เต ตสฺส าณพลานุรูปํ อเนกโกฏิสหสฺสา อุปฏฺหึสุ. โส ‘‘เอวํสีโล เม สตฺถา เอวํธมฺโม เอวํปฺโ เอวํวิมุตฺตี’’ติอาทินา จ ‘‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติอาทินา จ อาวิภาวานุรูปํ สตฺถุ คุเณ อนุสฺสริตฺวา ¶ , ตโต ‘‘สฺวากฺขาโต’’ติอาทินา ธมฺมสฺส, ‘‘สุปฺปฏิปนฺโน’’ติอาทินา อริยสงฺฆสฺส จ คุเณ อนุสฺสริ. เอวํ มหาเถโร อเนกาการโวการํ รตนตฺตยคุเณสุ อาวิภูเตสุ อตฺตมโน ปมุทิโต อุฬารปีติโสมนสฺสํ ¶ ปฏิสํเวเทนฺโต นิสีทิ. ตมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘อายสฺมโต อุปเสนสฺส วงฺคนฺตปุตฺตสฺส รโหคตสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
ตตฺถ รโหคตสฺสาติ รหสิ คตสฺส. ปฏิสลฺลีนสฺสาติ เอกีภูตสฺส. เอวํ เจตโส ปริวิตกฺโก อุทปาทีติ เอวํ อิทานิ วุจฺจมานากาโร จิตฺตสฺส วิตกฺโก อุปฺปชฺชิ. ลาภา วต เมติ เย อิเม มนุสฺสตฺตพุทฺธุปฺปาทสทฺธาสมธิคมาทโย, อโห วต เม เอเต ลาภา. สุลทฺธํ วต เมติ ยฺจิทํ มยา ภควโต สาสเน ปพฺพชฺชูปสมฺปทารตนตฺตยปยิรุปาสนาทิ ปฏิลทฺธํ, ตํ เม อโห วต สุฏฺุ ลทฺธํ. ตตฺถ การณมาห ‘‘สตฺถา จ เม’’ติอาทินา.
ตตฺถ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺเถหิ ยถารหํ สตฺเต อนุสาสตีติ สตฺถา. ภาคฺยวนฺตตาทีหิ การเณหิ ภควา. อารกตฺตา กิเลเสหิ, กิเลสารีนํ หตตฺตา, สํสารจกฺกสฺส วา อรานํ หตตฺตา, ปจฺจยาทีนํ อรหตฺตา, ปาปกรเณ รหาภาวา อรหํ ¶ . สมฺมา สามฺจ สพฺพธมฺมานํ พุทฺธตฺตา สมฺมาสมฺพุทฺโธติ อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๑๒๓ อาทโย) พุทฺธานุสฺสตินิทฺเทสโต คเหตพฺโพ.
สฺวากฺขาเตติ สุฏฺุ อกฺขาเต, เอกนฺตนิยฺยานิกํ กตฺวา ภาสิเต. ธมฺมวินเยติ ปาวจเน. ตฺหิ ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชมานานํ สํสารทุกฺขปาตโต ธารเณน, ราคาทิกิเลเส วินยเนน จ ธมฺมวินโยติ วุจฺจติ. สพฺรหฺมจาริโนติ เสฏฺฏฺเน พฺรหฺมสงฺขาตํ ภควโต สาสนํ อริยมคฺคํ สห จรนฺติ ปฏิปชฺชนฺตีติ สพฺรหฺมจาริโน. สีลวนฺโตติ มคฺคผลสีลวเสน สีลวนฺโต. กลฺยาณธมฺมาติ สมาธิปฺาวิมุตฺติวิมุตฺติาณทสฺสนาทโย กลฺยาณา สุนฺทรา ธมฺมา เอเตสํ อตฺถีติ กลฺยาณธมฺมา. เอเตน สงฺฆสฺส สุปฺปฏิปตฺตึ ทสฺเสติ. สีเลสุ จมฺหิ ปริปูรการีติ ‘‘อหมฺปิ ปพฺพชิตฺวา น ติรจฺฉานกถากถิโก กายทฬฺหิพหุโล หุตฺวา วิหาสึ, อถ โข ปาติโมกฺขสํวราทึ จตุพฺพิธมฺปิ สีลํ อขณฺฑํ อฉิทฺทํ อสพลํ อกมฺมาสํ ¶ ภุชิสฺสํ วิฺุปฺปสตฺถํ อปรามฏฺํ กตฺวา ปริปูเรนฺโต อริยมคฺคํเยว ปาเปสิ’’นฺติ วทติ. เอเตน เหฏฺิมผลทฺวยสมฺปตฺติมตฺตโน ทีเปติ. โสตาปนฺนสกทาคามิโน หิ สีเลสุ ปริปูรการิโน. สุสมาหิโต จมฺหิ เอกคฺคจิตฺโตติ อุปจารปฺปนาเภเทน สมาธินา สพฺพถาปิ สมาหิโต จ อมฺหิ อวิกฺขิตฺตจิตฺโต. อิมินา สมาธิสฺมึ ปริปูรการิตาวจเนน ตติยผลสมฺปตฺติมตฺตโน ทีเปติ. อนาคามิโน หิ สมาธิสฺมึ ปริปูรการิโน. อรหา จมฺหิ ขีณาสโวติ กามาสวาทีนํ สพฺพโส ขีณตฺตา ขีณาสโว, ตโต เอว ปริกฺขีณภวสํโยชโน สเทวเก โลเก อคฺคทกฺขิเณยฺยตาย อรหา จมฺหิ. เอเตน อตฺตโน กตกรณียตํ ทสฺเสติ. มหิทฺธิโก ¶ จมฺหิ มหานุภาโวติ อธิฏฺานวิกุพฺพนาทิอิทฺธีสุ มหตา วสีภาเวน สมนฺนาคตตฺตา มหิทฺธิโก อุฬารสฺส ปฺุานุภาวสฺส ¶ คุณานุภาวสฺส จ สมฺปตฺติยา มหานุภาโว จ อสฺมิ. เอเตน โลกิยาภิฺานวานุปุพฺพวิหารสมาปตฺติโยคมตฺตโน ทีเปติ. อภิฺาสุ วสีภาเวน หิ อริยา ยถิจฺฉิตนิปฺผาทเนน มหิทฺธิกา, ปุพฺพูปนิสฺสยสมฺปตฺติยา นานาวิหารสมาปตฺตีหิ จ วิโสธิตสนฺตานตฺตา มหานุภาวา จ โหนฺตีติ.
ภทฺทกํ เม ชีวิตนฺติ เอวํวิธสีลาทิคุณสมนฺนาคตสฺส เม ยาวายํ กาโย ธรติ, ตาว สตฺตานํ หิตสุขเมว วฑฺฒติ, ปฺุกฺเขตฺตภาวโต ชีวิตมฺปิ เม ภทฺทกํ สุนฺทรํ. ภทฺทกํ มรณนฺติ สเจ ปนิทํ ขนฺธปฺจกํ อชฺช วา อิมสฺมึเยว วา ขเณ อนุปาทาโน วิย ชาตเวโท นิพฺพายติ, ตํ อปฺปฏิสนฺธิกํ ปรินิพฺพานสงฺขาตํ มรณมฺปิ เม ภทฺทกนฺติ อุภยตฺถ ตาทิภาวํ ทีเปติ. เอวํ มหาเถโร อปฺปหีนโสมนสฺสุปฺปิลาวิตวาสนุสฺสนฺนตฺตา อุฬารโสมนสฺสิโต ธมฺมพหุมาเนน ธมฺมปีติปฏิสํเวทเนน ปริวิตกฺเกสิ.
ตํ สตฺถา คนฺธกุฏิยํ นิสินฺโนว สพฺพฺุตฺาเณน ชานิตฺวา ชีวิเต มรเณ จ ตสฺส ตาทิภาววิภาวนํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข ภควา…เป… อุทาเนสี’’ติ.
ตตฺถ ยํ ชีวิตํ น ตปตีติ ยํ ขีณาสวปุคฺคลํ ชีวิตํ อายตึ ขนฺธปฺปวตฺติยา สพฺเพน สพฺพํ อภาวโต น ตปติ น พาธติ, วตฺตมานเมว วา ¶ ชีวิตํ สพฺพโส สงฺขตธมฺมตฺตา สติปฺาเวปุลฺลปฺปตฺติยา สพฺพตฺถ สติสมฺปชฺสมาโยคโต น พาธติ. โย หิ อนฺธปุถุชฺชโน ปาปชนเสวี อโยนิโสมนสิการพหุโล อกตกุสโล อกตปฺุโ, โส ‘‘อกตํ วต เม กลฺยาณ’’นฺติอาทินา วิปฺปฏิสาเรน ตปตีติ ตสฺส ชีวิตํ ตํ ตปติ นาม. อิตเร ปน อกตปาปา กตปฺุา กลฺยาณปุถุชฺชเนน สทฺธึ สตฺต เสขา ตปนียธมฺมปริวชฺชเนน อตปนียธมฺมสมนฺนาคเมน จ ปจฺฉานุตาเปน น ตปนฺตีติ น เตสํ ชีวิตํ ตปติ. ขีณาสเว ปน วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ ปวตฺติทุกฺขวเสน อตฺถวณฺณนา กตา.
มรณนฺเต น โสจตีติ มรณสงฺขาเต อนฺเต ปริโยสาเน, มรณสมีเป วา น โสจติ อนาคามิมคฺเคเนว โสกสฺส สมุคฺฆาติตตฺตา. ส เว ทิฏฺปโท ธีโร, โสกมชฺเฌ น โสจตีติ โส อนภิชฺฌาทีนํ ¶ จตุนฺนํ ธมฺมปทานํ นิพฺพานสฺเสว วา ทิฏฺตฺตา ทิฏฺปโท, ธิติสมฺปนฺนตฺตา ธีโร ¶ ขีณาสโว โสจนธมฺมตฺตา ‘‘โสกา’’ติ ลทฺธนามานํ อวีตราคานํ สตฺตานํ, โสกเหตูนํ วา โลกธมฺมานํ มชฺเฌ ตฺวาปิ น โสจติ.
อิทานิสฺส สพฺพโส โสกเหตูนํ อภาวํ ทีเปตุํ ‘‘อุจฺฉินฺนภวตณฺหสฺสา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ยสฺส อคฺคมคฺเคน สพฺพโส อุจฺฉินฺนา ภวตณฺหา, โส อุจฺฉินฺนภวตณฺโห. ตสฺส อวเสสกิเลสานํ อนวเสสวูปสเมน สนฺตจิตฺตสฺส ขีณาสวภิกฺขุโน. วิกฺขีโณ ชาติสํสาโรติ ชาติอาทิโก –
‘‘ขนฺธานฺจ ปฏิปาฏิ, ธาตุอายตนาน จ;
อพฺโพจฺฉินฺนํ วตฺตมานา, ‘สํสาโร’ติ ปวุจฺจตี’’ติ. –
วุตฺตลกฺขโณ สํสาโร วิเสสโต ขีโณ. ตสฺมา นตฺถิ ตสฺส ปุนพฺภโวติ ยสฺมา ตสฺส เอวรูปสฺส อริยปุคฺคลสฺส อายตึ ปุนพฺภโว นตฺถิ, ตสฺมา ตสฺส ชาติสํสาโร ขีโณ. กสฺมา ปนสฺส ปุนพฺภโว นตฺถิ? ยสฺมา อุจฺฉินฺนภวตณฺโห สนฺตจิตฺโต จ โหติ, ตสฺมาติ อาวตฺเตตฺวา วตฺตพฺพํ. อถ วา วิกฺขีโณ ชาติสํสาโร, ตโต เอว นตฺถิ ตสฺส ปุนพฺภโวติ อตฺโถ โยเชตพฺโพ.
นวมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. สาริปุตฺตอุปสมสุตฺตวณฺณนา
๔๐. ทสเม ¶ อตฺตโน อุปสมนฺติ สาวกปารมีมตฺถกปฺปตฺติยา เหตุภูตํ อคฺคมคฺเคน อตฺตโน อนวเสสกิเลสวูปสมํ.
อายสฺมา หิ สาริปุตฺโต อนุปสนฺตกิเลสานํ สตฺตานํ ราคาทิกิเลสชนิตสนฺตาปทรถปริฬาหทุกฺขฺเจว กิเลสาภิสงฺขารนิมิตฺตํ ชาติชราพฺยาธิมรณโสกปริเทวาทิทุกฺขฺจ ปจฺจกฺขโต ทิสฺวา ¶ อตีตานาคเตปิ เนสํ วฏฺฏมูลกทุกฺขํ ปริตุเลตฺวา กรุณายมาโน อตฺตนาปิ ปุถุชฺชนกาเล อนุภูตํ กิเลสนิมิตฺตํ วา อนปฺปกํ ทุกฺขํ อนุสฺสริตฺวา ‘‘อีทิสสฺส ¶ นาม มหาทุกฺขสฺส เหตุภูตา กิเลสา อิทานิ เม สุปฺปหีนา’’ติ อตฺตโน กิเลสวูปสมํ อภิณฺหํ ปจฺจเวกฺขติ. ปจฺจเวกฺขนฺโต จ ‘‘อิเม เอตฺตกา กิเลสา โสตาปตฺติมคฺเคน อุปสมิตา, เอตฺตกา สกทาคามิมคฺเคน, เอตฺตกา อนาคามิมคฺเคน, เอตฺตกา อรหตฺตมคฺเคน อุปสมิตา’’ติ ตํตํมคฺคาเณหิ โอธิโส กิเลสานํ อุปสมิตภาวํ ปจฺจเวกฺขติ, เตน วุตฺตํ – ‘‘อตฺตโน อุปสมํ ปจฺจเวกฺขมาโน’’ติ.
อปเร ‘‘เถโร อรหตฺตผลสมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา ตํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ‘อิมสฺส วตายํ สนฺตปณีตภาโว อจฺจนฺตสนฺตาย อสงฺขตาย ธาตุยา อารมฺมณโต, สยฺจ สมฺมเทว กิเลสวูปสมโต’ติ เอวํ อภิณฺหํ อุปสมํ ปจฺจเวกฺขตี’’ติ วทนฺติ. อฺเ ปน ‘‘อนวเสสกิเลสานํ อุปสมปริโยสาเน ชาตํ อคฺคผลเมเวตฺถ อุปสโม นาม, ตํ ปจฺจเวกฺขมาโน นิสินฺโน’’ติ.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ ยทิทํ อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส มหาปฺตาทิเหตุภูตํ สาวเกสุ อนฺสาธารณํ กิเลสปฺปหานํ อคฺคผลํ วา อุปสมปริยาเยน วุตฺตํ, ตสฺส ปจฺจเวกฺขณสงฺขาตํ อตฺถํ สพฺพาการโต วิทิตฺวา ตทนุภาวทีปกํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ อุปสนฺตสนฺตจิตฺตสฺสาติ อุปสนฺตเมว หุตฺวา สนฺตํ จิตฺตํ เอตสฺสาติ อุปสนฺตสนฺตจิตฺโต. สมาปตฺติยา วิกฺขมฺภเนน หิ อุปสนฺตกิเลสตฺตา อุปสนฺตจิตฺตํ น สพฺพถา ‘‘อุปสนฺตสนฺต’’นฺติ วุจฺจติ ตสฺส อุปสมสฺส อนจฺจนฺติกภาวโต, น ตถา อคฺคมคฺเคน. เตน ปน อจฺจนฺตเมว กิเลสานํ สมุจฺฉินฺนตฺตา อรหโต จิตฺตํ ปุน กิเลสานํ อนุปสเมตพฺพตาย สมถวิปสฺสนาเหฏฺิมมคฺเคหิ อุปสนฺตกิเลสํ หุตฺวา อจฺจนฺตสนฺตภาวโตว ¶ ‘‘อุปสนฺตสนฺต’’นฺติ วุจฺจติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อุปสนฺตเมว หุตฺวา สนฺตํ จิตฺตํ เอตสฺสาติ อุปสนฺตสนฺตจิตฺโต’’ติ. อุปสนฺตนฺติ วา อุปสโม วุจฺจติ, ตสฺมา ‘‘อุปสนฺตสนฺตจิตฺตสฺสา’’ติ อจฺจนฺตูปสเมน สนฺตจิตฺตสฺสาติ อตฺโถ.
อถ วา สติปิ สพฺเพสํ ขีณาสวานํ อนวเสสกิเลสวูปสเม สาวกปารมีาณสฺส ปน มตฺถกปฺปตฺติเหตุภูโต สาวเกสุ อนฺสาธารโณ สวิเสโส ธมฺมเสนาปติโน ¶ กิเลสวูปสโมติ ทสฺเสตุํ สตฺถา อุปสนฺตสทฺเทน วิเสเสตฺวา อาห ‘‘อุปสนฺตสนฺตจิตฺตสฺสา’’ติ.
ตตฺรายมตฺโถ – ภุสํ ทฬฺหํ วา สนฺตํ อุปสนฺตํ, เตน อุปสนฺเตน อุปสนฺตเมว หุตฺวา สนฺตํ อุปสนฺตสนฺตํ ¶ , ตาทิสํ จิตฺตํ เอตสฺสาติ สพฺพํ ปุริมสทิสเมว. ตถา เหส ภควตา – ‘‘สาริปุตฺโต, ภิกฺขเว, มหาปฺโ ปุถุปฺโ หาสปฺโ ชวนปฺโ ติกฺขปฺโ นิพฺเพธิกปฺโ’’ติอาทินา (ม. นิ. ๓.๙๓) อเนกปริยาเยน วณฺณิโต โถมิโต. เนตฺติจฺฉินฺนสฺสาติ เนตฺติ วุจฺจติ ภวตณฺหา สํสารสฺส นยนโต, สา เนตฺติ ฉินฺนา เอตสฺสาติ เนตฺติจฺฉินฺโน. ตสฺส เนตฺติจฺฉินฺนสฺส, ปหีนตณฺหสฺสาติ อตฺโถ. มุตฺโต โส มารพนฺธนาติ โส เอวํวิโธ ปริกฺขีณภวสํโยชโน สพฺพสฺมา มารพนฺธนโต มุตฺโต, น ตสฺส มารพนฺธนโมจนาย กรณียํ อตฺถิ, ตสฺมา ธมฺมเสนาปติ อตฺตโน อุปสมํ ปจฺจเวกฺขตีติ. เสสํ วุตฺตนยเมว.
ทสมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิฏฺิตา จ เมฆิยวคฺควณฺณนา.
๕. โสณวคฺโค
๑. ปิยตรสุตฺตวณฺณนา
๔๑. มหาวคฺคสฺส ¶ ¶ ¶ ปเม มลฺลิกาย เทวิยา สทฺธินฺติ มลฺลิกาย นาม อตฺตโน มเหสิยา สห. อุปริปาสาทวรคโตติ ปาสาทวรสฺส อุปริ คโต. โกจฺโ อตฺตนา ปิยตโรติ โกจิ อฺโ อตฺตนา ปิยายิตพฺพตโร. อตฺถิ นุ โข เตติ ‘‘กึ เต อตฺถี’’ติ เทวึ ปุจฺฉติ.
กสฺมา ปุจฺฉติ? อยฺหิ สาวตฺถิยํ ทุคฺคตมาลาการสฺส ธีตา. เอกทิวสํ อาปณโต ปูวํ คเหตฺวา มาลารามํ คนฺตฺวา ‘‘ขาทิสฺสามี’’ติ คจฺฉนฺตี ปฏิปเถ ภิกฺขุสงฺฆปริวุตํ ภควนฺตํ ภิกฺขาจารํ ปวิสนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺตา ตํ ภควโต อทาสิ. สตฺถา ตถารูเป าเน นิสีทนาการํ ทสฺเสสิ. อานนฺทตฺเถโร จีวรํ ปฺาเปตฺวา อทาสิ. ภควา ตตฺถ นิสีทิตฺวา ตํ ปูวํ ปริภฺุชิตฺวา มุขํ วิกฺขาเลตฺวา สิตํ ปาตฺวากาสิ. เถโร ‘‘โก อิมิสฺสา, ภนฺเต, ทานสฺส วิปาโก ภวิสฺสตี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อชฺเชสา, อานนฺท, ตถาคตสฺส ปมํ โภชนํ อทาสิ, อชฺเชว โกสลรฺโ อคฺคมเหสี ภวิสฺสติ ปิยา มนาปา’’ติ. ตํ ทิวสเมว จ ราชา กาสิคาเม ภาคิเนยฺเยน สทฺธึ ยุชฺฌิตฺวา ปราชิโต ปลายิตฺวา อาคโต นครํ ปวิสนฺโต ‘‘พลกายสฺส อาคมนํ อาคเมสฺสามี’’ติ ตํ มาลารามํ ปาวิสิ. สา ราชานํ อาคตํ ปสฺสิตฺวา ตสฺส วตฺตมกาสิ. ราชา ตสฺสา วตฺเต ปสีทิตฺวา ปิตรํ ปกฺโกสาเปตฺวา มหนฺตํ อิสฺสริยํ ทตฺวา ¶ ตํ อนฺเตปุรํ ปฏิหราเปตฺวา อคฺคมเหสิฏฺาเน เปสิ. อเถกทิวสํ ราชา จินฺเตสิ – ‘‘มยา อิมิสฺสา มหนฺตํ อิสฺสริยํ ทินฺนํ, ยํนูนาหํ อิมํ ปุจฺเฉยฺยํ ‘โก เต ปิโย’ติ? สา ‘ตฺวํ เม, มหาราช, ปิโย’ติ วตฺวา, ปุน มํ ปุจฺฉิสฺสติ, อถสฺสาหํ ‘มยฺหมฺปิ ตฺวํเยว ปิยา’ติ วกฺขามี’’ติ. อิติ โส อฺมฺํ วิสฺสาสชนนตฺถํ สมฺโมทนียํ กโรนฺโต ปุจฺฉิ.
เทวี ปน ปณฺฑิตา พุทฺธุปฏฺายิกา สงฺฆุปฏฺายิกา ‘‘นายํ ปฺโห รฺโ มุขํ อุลฺโลเกตฺวา ¶ กเถตพฺโพ’’ติ จินฺเตตฺวา ยถาภูตเมว วทนฺตี ‘‘นตฺถิ โข เม, มหาราช, โกจฺโ อตฺตนา ปิยตโร’’ติ ¶ อาห. วตฺวาปิ อตฺตนา พฺยากตมตฺถํ อุปาเยน รฺโ ปจฺจกฺขํ กาตุกามา ‘‘ตุยฺหํ ปน, มหาราช, อตฺถฺโ โกจิ อตฺตนา ปิยตโร’’ติ ตเถว ราชานํ ปุจฺฉิ ยถา รฺา สยํ ปุฏฺา. ราชาปิ ตาย สรสลกฺขเณน กถิตตฺตา นิวตฺติตุํ อสกฺโกนฺโต สยมฺปิ สรสลกฺขเณเนว กเถนฺโต ตเถว พฺยากาสิ ยถา เทวิยา พฺยากตํ.
พฺยากริตฺวา จ มนฺทธาตุกตาย เอวํ จินฺเตสิ – ‘‘อหํ ราชา ปถวิสฺสโร มหนฺตํ ปถวิมณฺฑลํ อภิวิชิย อชฺฌาวสามิ, มยฺหํ ตาว ยุตฺตํ ‘อตฺตนา ปิยตรํ อฺํ น ปสฺสามี’ติ, อยํ ปน วสลี หีนชจฺจา สมานา มยา อุจฺเจ าเน ปิตา สามิภูตํ มํ น ตถา ปิยายติ, ‘อตฺตาว ปิยตโร’ติ มม สมฺมุขา วทติ, ยาว กกฺขฬา วตาย’’นฺติ อนตฺตมโน หุตฺวา ‘‘นนุ เต ตีณิ รตนานิ ปิยตรานี’’ติ โจเทสิ. เทวี ‘รตนตฺตยํปาหํ เทว อตฺตโน สคฺคสุขํ โมกฺขสุขฺจ ปตฺถยนฺตี สมฺปิยายามิ, ตสฺมา อตฺตาว เม ปิยตโร’’ติ อาห. สพฺโพ จายํ โลโก อตฺตทตฺถเมว ปรํ ปิยายติ, ปุตฺตํ ปตฺเถนฺโตปิ ‘‘อยํ มํ ชิณฺณกาเล โปเสสฺสตี’’ติ ปตฺเถติ, ธีตรํ ‘‘มม กุลํ วฑฺฒิสฺสตี’’ติ, ภริยํ ‘‘มยฺหํ ปาเท ปริจริสฺสตี’’ติ, อฺเปิ าติมิตฺตพนฺธเว ตํตํกิจฺจวเสน, อิติ อตฺตทตฺถเมว ¶ สมฺปสฺสนฺโต โลโก ปรํ ปิยายตีติ. อยฺหิ เทวิยา อธิปฺปาโย.
อถ ราชา จินฺเตสิ – ‘‘อยํ มลฺลิกา กุสลา ปณฺฑิตา นิปุณา ‘อตฺตาว เม ปิยตโร’ติ วทติ, มยฺหมฺปิ อตฺตาว ปิยตโร หุตฺวา อุปฏฺาติ, หนฺทาหํ อิมมตฺถํ สตฺถุ อาโรเจสฺสามิ, ยถา จ เม สตฺถา พฺยากริสฺสติ, ตถา นํ ธาเรสฺสามี’’ติ. เอวํ ปน จินฺเตตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ อุปสงฺกมิตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข ราชา ปเสนทิ โกสโล…เป… ปิยตโร’’ติ.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ ‘‘โลเก สพฺพสตฺตานํ อตฺตาว อตฺตโน ปิยตโร’’ติ รฺา วุตฺตมตฺถํ สพฺพโส ชานิตฺวา ตทตฺถปริทีปนํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ สพฺพา ทิสา อนุปริคมฺม เจตสาติ สพฺพา อนวเสสา ทสปิ ทิสา ปริเยสนวเสน จิตฺเตน อนุคนฺตฺวา. เนวชฺฌคา ปิยตรมตฺตนา กฺวจีติ อตฺตนา อติสเยน ปิยํ อฺํ โกจิ ปุริโส สพฺพุสฺสาเหน ปริเยสนฺโต ¶ กฺวจิ กตฺถจิ สพฺพทิสาสุ เนว อธิคจฺเฉยฺย น ปสฺเสยฺย. เอวํ ปิโย ปุถุ อตฺตา ปเรสนฺติ เอวํ กสฺสจิ อตฺตนา ปิยตรสฺส อนุปลพฺภนวเสน ¶ ปุถุ วิสุํ วิสุํ เตสํ เตสํ สตฺตานํ อตฺตาว ปิโย. ตสฺมา น หึเส ปรมตฺตกาโมติ ยสฺมา เอวํ สพฺโพปิ สตฺโต อตฺตานํ ปิยายติ อตฺตโน สุขกาโม ทุกฺขปฺปฏิกูโล, ตสฺมา อตฺตกาโม อตฺตโน หิตสุขํ อิจฺฉนฺโต ปรํ สตฺตํ อนฺตมโส กุนฺถกิปิลฺลิกํ อุปาทาย น หึเส น หเนยฺย น ปาณิเลฑฺฑุทณฺฑาทีหิปิ วิเหเยฺย. ปรสฺส หิ อตฺตนา กเต ทุกฺเข ตํ ตโต สงฺกมนฺตํ วิย กาลนฺตเร อตฺตนิ สนฺทิสฺสติ. อยฺหิ กมฺมานํ ธมฺมตาติ.
ปมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. อปฺปายุกสุตฺตวณฺณนา
๔๒. ทุติเย ¶ อจฺฉริยํ, ภนฺเตติ อิทมฺปิ เมฆิยสุตฺเต วิย ครหณจฺฉริยวเสน เวทิตพฺพํ. ยาว อปฺปายุกาติ ยตฺตกํ ปริตฺตายุกา, อติอิตฺตรชีวิตาติ อตฺโถ. สตฺตาหชาเตติ สตฺตาเหน ชาโต สตฺตาหชาโต. ตสฺมึ สตฺตาหชาเต, ชาตสฺส สตฺตเม อหนีติ อตฺโถ. ตุสิตํ กายํ อุปปชฺชีติ ตุสิตํ เทวนิกายํ ปฏิสนฺธิคฺคหณวเสน อุปปชฺชิ.
เอกทิวสํ กิร เถโร ปจฺฉาภตฺตํ ทิวาฏฺาเน นิสินฺโน ลกฺขณานุพฺยฺชนปฺปฏิมณฺฑิตํ โสภคฺคปฺปตฺตํ ทสฺสนานุตฺตริยภูตํ ภควโต รูปกายสิรึ มนสิ กริตฺวา, ‘‘อโห พุทฺธานํ รูปกายสมฺปตฺติ ทสฺสนียา สมนฺตปาสาทิกา มโนหรา’’ติ อุฬารํ ปีติโสมนสฺสํ ปฏิสํเวเทนฺโต เอวํ จินฺเตสิ – ‘‘วิชาตมาตุยา นาม วิรูโปปิ ปุตฺโต สุรูโป วิย มนาโป โหติ, สเจ ปน พุทฺธานํ มาตา มหามายา เทวี ธเรยฺย, กีทิสํ นุ โข ตสฺสา ภควโต รูปทสฺสเน ปีติโสมนสฺสํ อุปฺปชฺเชยฺย, มหาชานิ โข มยฺหํ มหามาตุ เทวิยา, ยา สตฺตาหชาเต ภควติ กาลกตา’’ติ. เอวํ ปน จินฺเตตฺวา ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา อตฺตโน ปริวิตกฺกิตํ อาโรเจนฺโต ตสฺสา กาลกิริยํ ครหนฺโต ‘‘อจฺฉริยํ, ภนฺเต’’ติอาทิมาห.
เกจิ ¶ ปนาหุ – ‘‘มหาปชาปติ โคตมี ภควนฺตํ มหตา อายาเสน ปพฺพชฺชํ ยาจิตฺวาปิ ปฏิกฺขิตฺตา, มยา ปน อุปาเยน ยาจิโต ภควา อฏฺครุธมฺมปฺปฏิคฺคหณวเสน ตสฺสา ปพฺพชฺชํ อุปสมฺปทฺจ อนุชานิ, สา เต ธมฺเม ปฏิคฺคเหตฺวา ลทฺธปพฺพชฺชูปสมฺปทา ภควโต ทุติยํ ปริสํ อุปฺปาเทตฺวา จตุตฺถาย ปริสาย ปจฺจโย อโหสิ. สเจ ปน ภควโต ชเนตฺติ ¶ มหามายา เทวี ธเรยฺย, เอวเมตา จุโภปิ ขตฺติยภคินิโย เอกโต หุตฺวา อิมํ สาสนํ โสเภยฺยุํ, ภควา จ มาตริ พหุมาเนน มาตุคามสฺส สาสเน ปพฺพชฺชํ อุปสมฺปทฺจ สุเขเนว อนุชาเนยฺย, อปฺปายุกตาย ปนสฺสา กสิเรน นิปฺผนฺนมิทนฺติ อิมินา อธิปฺปาเยน เถโร ภควโต สนฺติเก ‘อจฺฉริยํ, ภนฺเต’ติอาทิมาหา’’ติ. ตํ อการณํ. ภควา หิ มาตุยา วา อฺสฺส วา มาตุคามสฺส อตฺตโน สาสเน ¶ ปพฺพชฺชํ อนุชานนฺโต ครุกํเยว กตฺวา อนุชานาติ, น ลหุกํ จิรฏฺิติกามตายาติ.
อปเร ปนาหุ – ‘‘ทสพลจตุเวสารชฺชาทิเก อนฺสาธารเณ อนนฺตาปริมาเณ พุทฺธคุเณ เถโร มนสิ กริตฺวา ยา เอวํ มหานุภาวํ นาม โลเก อคฺคปุคฺคลํ สตฺถารํ กุจฺฉินา ทส มาเส ปริหริ, สา พุทฺธมาตา กสฺสจิ ปริจาริกา ภวิสฺสตีติ อยุตฺตมิทํ. กสฺมา? สตฺถุ คุณานุจฺฉวิกเมเวตํ, ยทิทํ สตฺตาหชาเต ภควติ ชเนตฺติ กาลํ กโรติ, กาลกตา จ ตุสิเตสุ อุปฺปชฺชตีติ อจฺฉริยพฺภุตจิตฺตชาโต หุตฺวา ตํ อตฺตโน วิตกฺกุปฺปาทนํ ภควโต อาโรเจนฺโต ‘อจฺฉริยํ, ภนฺเต’ติอาทิวจนํ อโวจา’’ติ.
สตฺถา ปน ยสฺมา สตฺตาหชาเตสุ โพธิสตฺเตสุ โพธิสตฺตมาตุ กาลกิริยา ธมฺมตา สิทฺธา, ตสฺมา ตํ ธมฺมตํ ปริทีเปนฺโต ‘‘เอวเมตํ, อานนฺทา’’ติอาทิมาห. สา ปนายํ ธมฺมตา ยสฺมา ยถา สพฺเพ โพธิสตฺตา ปารมิโย ปูเรตฺวา ตุสิตปุเร นิพฺพตฺติตฺวา ตตฺถ ยาวตายุกํ ตฺวา อายุปริโยสาเน ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตาหิ สนฺนิปติตฺวา อภิสมฺโพธึ ปตฺตุํ มนุสฺสโลเก ปฏิสนฺธิคฺคหณาย อชฺเฌสิตา กาลทีปเทสกุลานิ วิย ชเนตฺติยา อายุปริมาณมฺปิ โอโลเกตฺวา ปฏิสนฺธึ คณฺหนฺติ, อยมฺปิ ภควา โพธิสตฺตภูโต ตเถว ตุสิตปุเร ิโต ปฺจ มหาวิโลกนานิ วิโลเกนฺโต สตฺตทิวสาธิกทสมาสปริมาณํ ¶ มาตุยา อายุปริมาณํ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ‘‘อยํ มม ปฏิสนฺธิคฺคหณสฺส กาโล, อิทานิ อุปฺปชฺชิตุํ วฏฺฏตี’’ติ ตฺวาว ปฏิสนฺธึ อคฺคเหสิ, ตสฺมา สพฺพโพธิสตฺตานํ อาจิณฺณสมาจิณฺณวเสเนว เวทิตพฺพํ. เตนาห ภควา – ‘‘อปฺปายุกา หิ, อานนฺท, โพธิสตฺตมาตโร โหนฺตี’’ติอาทิ.
ตตฺถ กาลํ กโรนฺตีติ ยถาวุตฺตอายุปริกฺขเยเนว กาลํ กโรนฺติ, น วิชาตปจฺจยา. จริมตฺตภาเวหิ โพธิสตฺเตหิ วสิตฏฺานํ เจติยฆรสทิสํ โหติ, น อฺเสํ ปริโภคารหํ, น จ สกฺกา โพธิสตฺตมาตรํ อปเนตฺวา อฺํ อคฺคมเหสิฏฺาเน เปตุนฺติ ตตฺตกํ เอว โพธิสตฺตมาตุ อายุปฺปมาณํ โหติ, ตสฺมา ตทา กาลํ กโรนฺติ. อิมเมว หิ อตฺถํ สนฺธาย มหาโพธิสตฺตา ปฺจมํ มหาวิโลกนํ กโรนฺติ.
กตรสฺมึ ¶ ปน วเย กาลํ ¶ กโรนฺตีติ? มชฺฌิมวเย. ปมวยสฺมิฺหิ สตฺตานํ อตฺตภาเว ฉนฺทราโค พลวา โหติ, เตน ตทา สฺชาตคพฺภา อิตฺถิโย เยภุยฺเยน คพฺภํ อนุรกฺขิตุํ น สกฺโกนฺติ. คณฺเหยฺยุํ เจ, คพฺโภ พหฺวาพาโธ โหติ. มชฺฌิมวยสฺส ปน ทฺเว โกฏฺาเส อติกฺกมิตฺวา ตติยโกฏฺาเส วตฺถุ วิสทํ โหติ, วิสเท วตฺถุมฺหิ นิพฺพตฺตทารกา อโรคา โหนฺติ, ตสฺมา โพธิสตฺตมาตโร ปมวเย สมฺปตฺตึ อนุภวิตฺวา มชฺฌิมวยสฺส ตติยโกฏฺาเส วิชายิตฺวา กาลํ กโรนฺตีติ.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ โพธิสตฺตมาตุ อฺเสฺจ สพฺพสตฺตานํ อตฺตภาเว อายุสฺส มรณปริโยสานตํ วิทิตฺวา ตทตฺถวิภาวนมุเขน อนวชฺชปฺปฏิปตฺติยํ อุสฺสาหทีปกํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ เย เกจีติ อนิยมนิทฺเทโส. ภูตาติ นิพฺพตฺตา. ภวิสฺสนฺตีติ อนาคเต นิพฺพตฺติสฺสนฺติ. วาสทฺโท วิกปฺปตฺโถ, อปิสทฺโท สมฺปิณฺฑนตฺโถ. เตน นิพฺพตฺตมาเนปิ สงฺคณฺหาติ. เอตฺตาวตา อตีตาทิวเสน ติยทฺธปริยาปนฺเน สตฺเต อนวเสสโต ปริยาทิยติ. อปิจ คพฺภเสยฺยกสตฺตา คพฺภโต นิกฺขนฺตกาลโต ปฏฺาย ภูตา นาม, ตโต ปุพฺเพ ภวิสฺสนฺติ นาม. สํเสทชูปปาติกา ปฏิสนฺธิจิตฺตโต ปรโต ภูตา ¶ นาม, ตโต ปุพฺเพ อุปฺปชฺชิตพฺพภววเสน ภวิสฺสนฺติ นาม. สพฺเพปิ วา ปจฺจุปฺปนฺนภววเสน ภูตา นาม, อายตึ ปุนพฺภววเสน ภวิสฺสนฺติ นาม. ขีณาสวา ภูตา นาม. เต หิ ภูตา เอว, น ปุน ภวิสฺสนฺตีติ, ตทฺเ ภวิสฺสนฺติ นาม.
สพฺเพ คมิสฺสนฺติ ปหาย เทหนฺติ สพฺเพ ยถาวุตฺตเภทา สพฺพภวโยนิคติวิฺาณฏฺิติสตฺตาวาสาทิวเสน อเนกเภทภินฺนา สตฺตา เทหํ อตฺตโน สรีรํ ปหาย นิกฺขิปิตฺวา ปรโลกํ คมิสฺสนฺติ, อเสกฺขา ปน นิพฺพานํ. เอตฺถ โกจิ อจวนธมฺโม นาม นตฺถีติ ทสฺเสติ. ตํ สพฺพชานึ กุสโล วิทิตฺวาติ ตเทตํ สพฺพสฺส สตฺตสฺส ชานึ หานึ มรณํ, สพฺพสฺส วา สตฺตสฺส ชานึ วินาสํ ปภงฺคุตํ กุสโล ปณฺฑิตชาติโก มรณานุสฺสติวเสน อนิจฺจตามนสิการวเสน วา ชานิตฺวา. อาตาปิโย พฺรหฺมจริยํ จเรยฺยาติ วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต อาตาปิยสงฺขาเตน ¶ วีริเยน สมนฺนาคตตฺตา อาตาปิโย จตุพฺพิธสมฺมปฺปธานวเสน อารทฺธวีริโย อนวเสสมรณสมติกฺกมนูปายํ มคฺคพฺรหฺมจริยํ จเรยฺย, ปฏิปชฺเชยฺยาติ อตฺโถ.
ทุติยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. สุปฺปพุทฺธกุฏฺิสุตฺตวณฺณนา
๔๓. ตติเย ¶ ราชคเห สุปฺปพุทฺโธ นาม กุฏฺี อโหสีติ สุปฺปพุทฺธนามโก เอโก ปุริโส ราชคเห อโหสิ. โส จ กุฏฺี กุฏฺโรเคน พาฬฺหวิทูสิตคตฺโต. มนุสฺสทลิทฺโทติ ยตฺตกา ราชคเห มนุสฺสา เตสุ สพฺพทุคฺคโต. โส หิ สงฺการกูฏวติอาทีสุ มนุสฺเสหิ ฉฑฺฑิตปิโลติกขณฺฑานิ สิพฺพิตฺวา ปริทหติ, กปาลํ คเหตฺวา ฆรา ฆรํ คนฺตฺวา ลทฺธอาจามอุจฺฉิฏฺภตฺตานิ นิสฺสาย ชีวติ, ตมฺปิ ปุพฺเพ กตกมฺมปจฺจยา น ยาวทตฺถํ ลภติ. เตน วุตฺตํ ‘‘มนุสฺสทลิทฺโท’’ติ. มนุสฺสกปโณติ มนุสฺเสสุ ปรมกปณตํ ปตฺโต. มนุสฺสวราโกติ มนุสฺสานํ หีฬิตปริภูตตาย อติวิย ทีโน. มหติยา ปริสายาติ มหติยา ภิกฺขุปริสาย เจว อุปาสกปริสาย จ.
เอกทิวสํ ¶ กิร ภควา มหาภิกฺขุสงฺฆปริวาโร ราชคหํ ปิณฺฑาย ปวิสิตฺวา ภิกฺขูนํ สุลภปิณฺฑปาตํ กตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฺปฏิกฺกนฺโต กติปยภิกฺขุปริวาโร นิกฺขนฺโต เยหิ ทานํ ทินฺนํ, เตสํ อุปาสกานํ อวเสสภิกฺขูนฺจ อาคมนํ อาคมยมาโน อนฺโตนคเรเยว อฺตรสฺมึ รมณีเย ปเทเส อฏฺาสิ. ตาวเทว ภิกฺขู ตโต ตโต อาคนฺตฺวา ภควนฺตํ ปริวาเรสุํ, อุปาสกาปิ ‘‘อนุโมทนํ สุตฺวา วนฺทิตฺวา นิวตฺติสฺสามา’’ติ ภควนฺตํ อุปสงฺกมึสุ, มหาสนฺนิปาโต อโหสิ. ภควา นิสีทนาการํ ทสฺเสสิ. ตาวเทว พุทฺธารหํ อาสนํ ปฺาเปสุํ. อถ ภควา อสีติอนุพฺยฺชนปฺปฏิมณฺฑิเตหิ ¶ ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขเณหิ วิโรจมานาย พฺยามปฺปภาปริกฺเขปสมุชฺชลาย นีลปีตโลหิโตทาตมฺเชฏฺปภสฺสรานํ วเสน ฉพฺพณฺณพุทฺธรํสิโย วิสฺสชฺเชนฺติยา อนุปมาย รูปกายสิริยา สกลเมว ตํ ปเทสํ โอภาเสนฺโต ตาราคณปริวุโต วิย ปุณฺณจนฺโท ภิกฺขุคณปริวุโต ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสีทิตฺวา มโนสิลาตเล เกสรสีโห วิย สีหนาทํ นทนฺโต กรวีกรุตมฺชุนา พฺรหฺมสฺสเรน ธมฺมํ เทเสติ.
ภิกฺขูปิ โข อปฺปิจฺฉา สนฺตุฏฺา ปวิวิตฺตา อสํสฏฺา อารทฺธวีริยา ปหิตตฺตา โจทกา ปาปครหิโน วตฺตาโร วจนกฺขมา สีลสมฺปนฺนา สมาธิสมฺปนฺนา ปฺาสมฺปนฺนา วิมุตฺติสมฺปนฺนา วิมุตฺติาณทสฺสนสมฺปนฺนา เมฆวณฺณํ ปํสุกูลจีวรํ ปารุปิตฺวา สุวมฺมิตา วิย คนฺธหตฺถิโน ภควนฺตํ ปริวาเรตฺวา โอหิตโสตา ธมฺมํ สุณนฺติ. อุปาสกาปิ สุทฺธวตฺถนิวตฺถา สุทฺธุตฺตราสงฺคา ปุพฺพณฺหสมยํ มหาทานานิ ปวตฺเตตฺวา คนฺธมาลาทีหิ ภควนฺตํ ปูเชตฺวา วนฺทิตฺวา ภิกฺขุสงฺฆสฺส นิปจฺจการํ ทสฺเสตฺวา ภควนฺตํ ภิกฺขุสงฺฆฺจ ปริวาเรตฺวา สํยตหตฺถปาทา โอหิตโสตา สกฺกจฺจํ ¶ ธมฺมํ สุณนฺติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘เตน โข ปน สมเยน ภควา มหติยา ปริสาย ปริวุโต ธมฺมํ เทเสนฺโต นิสินฺโน โหตี’’ติ.
สุปฺปพุทฺโธ ปน ชิฆจฺฉาทุพฺพลฺยปเรโต ฆาสปริเยสนํ จรมาโน อนฺตรวีถึ โอติณฺโณ ทูรโตว ตํ มหาชนสนฺนิปาตํ ทิสฺวา, ‘‘กึ นุ โข อยํ มหาชนกาโย สนฺนิปติโต, อทฺธา เอตฺถ โภชนํ ทียติ มฺเ, อปฺเปว นาเมตฺถ คเตน กิฺจิ ขาทนียํ วา โภชนียํ วา ลทฺธุํ สกฺกา’’ติ สฺชาตาภิลาโส ตตฺถ คนฺตฺวา อทฺทส ภควนฺตํ ปาสาทิกํ ทสฺสนียํ ¶ ปสาทนียํ อุตฺตมทมถสมถมนุปฺปตฺตํ ทนฺตํ คุตฺตํ สนฺตินฺทฺริยํ สุสมาหิตํ ตาย ปริสาย ปริวุตํ ธมฺมํ เทเสนฺตํ, ทิสฺวาน ปุริมชาติสมฺภตาย ปริปกฺกาย อุปนิสฺสยสมฺปตฺติยา โจทิยมาโน ‘‘ยํนูนาหมฺปิ ธมฺมํ สุเณยฺย’’นฺติ ปริสปริยนฺเต นิสีทิ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘อทฺทสา โข สุปฺปพุทฺโธ กุฏฺี…เป… ตตฺเถว เอกมนฺตํ นิสีทิ ¶ ‘อหมฺปิ ธมฺมํ โสสฺสามี’’’ติ.
สพฺพาวนฺตนฺติ สพฺพาวตึ หีนาทิสพฺพปุคฺคลวตํ, ตตฺถ กิฺจิปิ อนวเสเสตฺวาติ อตฺโถ. ‘‘สพฺพวนฺต’’นฺติปิ ปนฺติ. เจตสาติ พุทฺธจกฺขุสมฺปยุตฺตจิตฺเตน. จิตฺตสีเสน หิ าณํ นิทฺทิฏฺํ, ตสฺมา อาสยานุสยาเณน อินฺทฺริยปโรปริยตฺตาเณน จาติ อตฺโถ. เจโต ปริจฺจ มนสากาสีติ ตสฺสา ปริสาย จิตฺตํ ปจฺเจกํ ปริจฺฉินฺทิตฺวา มนสิ อกาสิ เต โวโลเกสิ. ภพฺโพ ธมฺมํ วิฺาตุนฺติ มคฺคผลธมฺมํ อธิคนฺตุํ สมตฺโถ, อุปนิสฺสยสมฺปนฺโนติ อตฺโถ. เอตทโหสีติ อยํ สุปฺปพุทฺโธ กิฺจาปิ ตครสิขิมฺหิ ปจฺเจกพุทฺเธ อปรชฺฌิตฺวา อีทิโส ชาโต, มคฺคผลูปนิสฺสโย ปนสฺส ปํสุปฏิจฺฉนฺนสุวณฺณนิกฺขํ วิย อนฺโตหทเยเยว วิชฺโชตติ, ตสฺมา สุวิฺาปิโยติ อิทํ อโหสิ. เตนาห – ‘‘อยํ โข อิธ ภพฺโพ ธมฺมํ วิฺาตุ’’นฺติ.
อนุปุพฺพึ กถนฺติ ทานานนฺตรํ สีลํ, สีลานนฺตรํ สคฺคํ, สคฺคานนฺตรํ มคฺคนฺติ เอวํ อนุปฏิปาฏิกถํ. ภควา หิ ปมํ เหตุนา สทฺธึ อสฺสาทํ ทสฺเสตฺวา ตโต สตฺเต วิเวเจตุํ นานานเยหิ อาทีนวํ ปกาเสตฺวา อาทีนวสวเนน สํวิคฺคหทยานํ เนกฺขมฺมคุณวิภาวนมุเขน จ วิวฏฺฏํ ทสฺเสติ.
ทานกถนฺติ อิทํ นาม สุขานํ นิทานํ, สมฺปตฺตีนํ มูลํ, โภคานํ ปติฏฺา, วิสมคตสฺส ตาณํ เลณํ คติ ปรายณํ, อิธโลกปรโลเกสุ ทานสทิโส อวสฺสโย ปติฏฺา อาลมฺพนํ ตาณํ เลณํ คติ ปรายณํ นตฺถิ. อิทฺหิ อวสฺสยฏฺเน รตนมยสีหาสนสทิสํ, ปติฏฺานฏฺเน มหาปถวิสทิสํ ¶ , อาลมฺพนฏฺเน อาลมฺพนรชฺชุสทิสํ, ทุกฺขนิตฺถรณฏฺเน นาวาสทิสํ, สมสฺสาสนฏฺเน สงฺคามสูโร, ภยปริตฺตาณฏฺเน สุปริขาปริกฺขิตฺตนครํ, มจฺเฉรมลาทีหิ อนุปลิตฺตฏฺเน ปทุมํ, เตสํ นิทหนฏฺเน ชาตเวโท, ทุราสทฏฺเน อาสีวิโส, อสนฺตาสฏฺเน สีโห, พลวนฺตฏฺเน ¶ หตฺถี, อภิมงฺคลสมฺมตฏฺเน เสตอุสโภ, เขมนฺตภูมิสมฺปาปนฏฺเน วลาหโก อสฺสราชา. ทานฺหิ โลเก รชฺชสิรึ เทติ, จกฺกวตฺติสมฺปตฺตึ สกฺกสมฺปตฺตึ มารสมฺปตฺตึ พฺรหฺมสมฺปตฺตึ สาวกปารมีาณํ ¶ ปจฺเจกโพธิาณํ สมฺมาสมฺโพธิาณํ เทตีติ เอวมาทิทานคุณปฺปฏิสํยุตฺตกถํ.
ยสฺมา ปน ทานํ เทนฺโต สีลํ สมาทาตุํ สกฺโกติ, ตสฺมา ทานกถานนฺตรํ สีลกถํ กเถสิ. สีลกถนฺติ สีลํ นาเมตํ สตฺตานํ อวสฺสโย ปติฏฺา อาลมฺพนํ ตาณํ เลณํ คติ ปรายณํ. อิธโลกปรโลกสมฺปตฺตีนฺหิ สีลสทิโส อวสฺสโย ปติฏฺา อาลมฺพนํ ตาณํ เลณํ คติ ปรายณํ นตฺถิ, สีลาลงฺการสทิโส อลงฺกาโร, สีลปุปฺผสทิสํ ปุปฺผํ, สีลคนฺธสทิโส คนฺโธ นตฺถิ, สีลาลงฺกาเรน หิ อลงฺกตํ สีลกุสุมปิฬนฺธิตํ สีลคนฺธานุลิตฺตํ สเทวโก โลโก โอโลเกนฺโต ติตฺตึ น คจฺฉตีติ เอวมาทีหิ สีลคุณปฺปฏิสํยุตฺตกถํ.
อิทํ ปน สีลํ นิสฺสาย อยํ สคฺโค ลพฺภตีติ ทสฺเสตุํ สีลานนฺตรํ สคฺคกถํ กเถสิ. สคฺคกถนฺติ สคฺโค นาม อิฏฺโ กนฺโต มนาโป, นิจฺจเมตฺถ กีฬา นิจฺจสมฺปตฺติโย ลพฺภนฺติ, จาตุมหาราชิกา เทวา นวุติวสฺสสตสหสฺสานิ ทิพฺพสุขํ ทิพฺพสมฺปตฺตึ ปฏิลภนฺติ, ตาวตึสา ติสฺโส วสฺสโกฏิโย สฏฺิ จ วสฺสสตสหสฺสานีติ เอวมาทิสคฺคคุณปฺปฏิสํยุตฺตกถํ. สคฺคสมฺปตฺตึ กเถนฺตานฺหิ พุทฺธานํ มุขํ นปฺปโหติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘อเนกปริยาเยน โข อหํ, ภิกฺขเว, สคฺคกถํ กเถยฺย’’นฺติอาทิ.
เอวํ เหตุนา สทฺธึ สคฺคกถาย ปโลเภตฺวา ปุน หตฺถึ อลงฺกริตฺวา ตสฺส โสณฺฑํ ฉินฺทนฺโต วิย ‘‘อยมฺปิ สคฺโค อนิจฺโจ อธุโว, น เอตฺถ ฉนฺทราโค กาตพฺโพ’’ติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘อปฺปสฺสาทา กามา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิยฺโย’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๑๗๗; ๒.๔๒) นเยน กามานํ อาทีนวํ โอการํ สํกิเลสํ กเถสิ. ตตฺถ อาทีนวนฺติ โทสํ. โอการนฺติ ลามกสภาวํ, อเสฏฺเหิ เสวิตพฺพํ เสฏฺเหิ น เสวิตพฺพํ นิหีนสภาวนฺติ อตฺโถ. สํกิเลสนฺติ เตหิ สตฺตานํ สํสาเร สํกิลิสฺสนํ. เตนาห – ‘‘กิลิสฺสนฺติ วต โภ สตฺตา’’ติ (ม. นิ. ๒.๓๕๑).
เอวํ ¶ ¶ กามาทีนเวน ตชฺเชตฺวา เนกฺขมฺเม อานิสํสํ ปกาเสสิ ปพฺพชฺชาย ฌานาทีสุ จ คุณํ ทีเปสิ วณฺเณสิ. กลฺลจิตฺตนฺติอาทีสุ กลฺลจิตฺตนฺติ กมฺมนิยจิตฺตํ, เหฏฺา ปวตฺติตเทสนาย อสฺสทฺธิยาทีนํ จิตฺตโทสานํ ¶ วิคตตฺตา อุปริเทสนาย ภาชนภาวูปคมเนน กมฺมนิยจิตฺตํ, กมฺมกฺขมจิตฺตนฺติ อตฺโถ. ทิฏฺิมานาทิสํกิเลสวิคเมน มุทุจิตฺตํ. กามจฺฉนฺทาทิวิคเมน วินีวรณจิตฺตํ. สมฺมาปฏิปตฺติยํ อุฬารปีติปาโมชฺชโยเคน อุทคฺคจิตฺตํ. ตตฺถ สทฺธาสมฺปตฺติยา ปสนฺนจิตฺตํ, ยทา ภควา อฺาสีติ สมฺพนฺโธ.
อถ วา กลฺลจิตฺตนฺติ กามจฺฉนฺทวิคเมน อโรคจิตฺตํ. มุทุจิตฺตนฺติ พฺยาปาทวิคเมน เมตฺตาวเสน อกถินจิตฺตํ. วินีวรณจิตฺตนฺติ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจวิคเมน อวิกฺขิปนโต น ปิหิตจิตฺตํ. อุทคฺคจิตฺตนฺติ ถินมิทฺธวิคเมน สมฺปคฺคหวเสน อลีนจิตฺตํ. ปสนฺนจิตฺตนฺติ วิจิกิจฺฉาวิคเมน สมฺมาปฏิปตฺติยา อธิมุตฺตจิตฺตํ.
อถาติ ปจฺฉา. สามุกฺกํสิกาติ สามํ อุกฺกํสิกา อตฺตนาว อุทฺธริตฺวา คหิตา, สยมฺภูาเณน สามํ ทิฏฺา, อฺเสํ อสาธารณาติ อตฺโถ. กา จ ปน สาติ? อริยสจฺจเทสนา. เตเนวาห – ‘‘ทุกฺขํ สมุทยํ นิโรธํ มคฺค’’นฺติ. อิทฺหิ สจฺจานํ สรูปทสฺสนํ, ตสฺมา อิมสฺมึ าเน อริยสจฺจานิ กเถตพฺพานิ, ตานิ สพฺพาการโต วิตฺถาเรน วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๒.๕๒๙) วุตฺตานีติ ตตฺถ วุตฺตนเยน เวทิตพฺพานิ.
เสยฺยถาปีติอาทินา อุปมาวเสน สุปฺปพุทฺธสฺส กิเลสปฺปหานํ อริยมคฺคุปฺปาทฺจ ทสฺเสติ. อปคตกาฬกนฺติ วิคตกาฬกํ. สมฺมเทวาติ สุฏฺุเยว. รชนนฺติ นีลปีตโลหิตมฺเชฏฺาทิรงฺคชาตํ. ปฏิคฺคณฺเหยฺยาติ คณฺเหยฺย, ปภสฺสรํ ภเวยฺย. ตสฺมึเยว อาสเนติ ตสฺสํเยว นิสชฺชายํ. เอเตนสฺส ลหุวิปสฺสนกตา ติกฺขปฺตา สุขาปฏิปทา ขิปฺปาภิฺตา จ ทสฺสิตา โหนฺติ. วิรชํ วีตมลนฺติ อปายคมนียราครชาทีนํ อภาเวน วิรชํ, อนวเสสทิฏฺิวิจิกิจฺฉามลาปคเมน วีตมลํ. ปมมคฺควชฺฌกิเลสรชาภาเวน วา วิรชํ, ปฺจวิธทุสฺสีลมลาปคเมน วีตมลํ. ธมฺมจกฺขุนฺติ โสตาปตฺติมคฺโค อธิปฺเปโต. ตสฺส อุปฺปตฺติอาการทสฺสนตฺถํ ‘‘ยํกิฺจิ สมุทยธมฺมํ, สพฺพํ ตํ นิโรธธมฺม’’นฺติ วุตฺตํ. ตฺหิ นิโรธํ อารมฺมณํ ¶ กตฺวา กิจฺจวเสน เอว สงฺขตธมฺเม ปฏิวิชฺฌนฺตํ อุปฺปชฺชติ.
ตตฺริทํ ¶ อุปมาสํสนฺทนํ – วตฺถํ วิย จิตฺตํ ทฏฺพฺพํ, วตฺถสฺส อาคนฺตุกมเลหิ กิลิฏฺภาโว วิย จิตฺตสฺส ราคาทิมเลหิ สํกิลิฏฺภาโว, โธวนผลกํ วิย อนุปุพฺพิกถา, อุทกํ ¶ วิย สทฺธา, อุทเกน เตเมตฺวา เตเมตฺวา โคมยขาเรหิ กาฬเก สมฺมทฺทิตฺวา วตฺถสฺส โธวนปฺปโยโค วิย สทฺธาสลิเลน เตเมตฺวา สติสมาธิปฺาหิ โทเส สิถิเล กตฺวา สทฺธาทิวิธินา จิตฺตสฺส โสธเน วีริยารมฺโภ, เตน ปโยเคน วตฺเถ กาฬกาปคโม วิย วีริยารมฺเภน กิเลสวิกฺขมฺภนํ, รงฺคชาตํ วิย อริยมคฺโค, เตน สุทฺธสฺส วตฺถสฺส ปภสฺสรภาโว วิย วิกฺขมฺภิตกิเลสสฺส จิตฺตสฺส มคฺเคน ปริโยทาปนนฺติ.
เอวํ ปน สุปฺปพุทฺโธ ปริสปริยนฺเต นิสินฺโน ธมฺมเทสนํ สุตฺวา โสตาปตฺติผลํ ปตฺวา อตฺตนา ปฏิลทฺธคุณํ สตฺถุ อาโรเจตุกาโม ปริสมชฺฌํ โอคาหิตุํ อวิสหนฺโต มหาชนสฺส สตฺถารํ วนฺทิตฺวา อนุคนฺตฺวา นิวตฺตกาเล ภควติ วิหารํ คเต สยมฺปิ วิหารํ อคมาสิ. ตสฺมึ ขเณ สกฺโก เทวราชา ‘‘อยํ สุปฺปพุทฺโธ กุฏฺี อตฺตนา สตฺถุ สาสเน ปฏิลทฺธคุณํ ปากฏํ กาตุกาโม’’ติ ตฺวา ‘‘วีมํสิสฺสามิ น’’นฺติ คนฺตฺวา อากาเส ิโต เอตทโวจ – ‘‘สุปฺปพุทฺธ ตฺวํ มนุสฺสทลิทฺโท มนุสฺสกปโณ มนุสฺสวราโก, อหํ เต อปริมิตํ ธนํ ทสฺสามิ, ‘พุทฺโธ น พุทฺโธ, ธมฺโม น ธมฺโม, สงฺโฆ น สงฺโฆ, อลํ เม พุทฺเธน, อลํ เม ธมฺเมน, อลํ เม สงฺเฆนา’ติ วเทหี’’ติ. อถ นํ โส อาห ‘‘โกสิ ตฺว’’นฺติ? ‘‘อหํ สกฺโก เทวราชา’’ติ. ‘‘อนฺธพาล อหิริก, ตฺวํ มยา สทฺธึ กเถตุํ น ยุตฺตรูโป, โย ตฺวํ เอวํ อวตฺตพฺพํ วเทสิ, อปิจ มํ ตฺวํ ‘ทุคฺคโต ทลิทฺโท กปโณ’ติ กสฺมา วเทสิ, นนุ อหํ โลกนาถสฺส โอรสปุตฺโต, เนวาหํ ทุคฺคโต น ทลิทฺโท น กปโณ, อถ โข สุขปฺปตฺโต ปรเมน สุเขน อปาหมสฺมิ มหทฺธโน’’ติ วตฺวา อาห –
‘‘สทฺธาธนํ ¶ สีลธนํ, หิริโอตฺตปฺปิยํ ธนํ;
สุตธนฺจ จาโค จ, ปฺา เว สตฺตมํ ธนํ.
‘‘ยสฺส เอเต ธนา อตฺถิ, อิตฺถิยา ปุริสสฺส วา;
‘อทลิทฺโท’ติ ตํ อาหุ, อโมฆํ ตสฺส ชีวิต’’นฺติ. (อ. นิ. ๗.๕) –
ตสฺสิมานิ ¶ เม สตฺต อริยธนานิ สนฺติ. เยสฺหิ อิมานิ ธนานิ สนฺติ, น ตฺเวว เต พุทฺเธหิ วา ปจฺเจกพุทฺเธหิ วา ‘ทลิทฺทา’ติ วุจฺจนฺตี’’ติ.
สกฺโก ตสฺส กถํ สุตฺวา ตํ อนฺตรามคฺเค โอหาย สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา สพฺพํ ตํ วจนํ ปฏิวจนฺจ อาโรเจสิ. อถ นํ ภควา อาห – ‘‘น โข สกฺก สกฺกา ตาทิสานํ สเตนปิ ¶ สหสฺเสนปิ สุปฺปพุทฺธํ กุฏฺึ ‘พุทฺโธ น พุทฺโธ, ธมฺโม น ธมฺโม, สงฺโฆ น สงฺโฆ’ติ กถาเปตุ’’นฺติ. สุปฺปพุทฺโธปิ โข กุฏฺี สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา สตฺถารา กตปฏิสนฺถาโร อตฺตนา ปฏิลทฺธคุณํ อาโรเจสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข สุปฺปพุทฺโธ กุฏฺี ทิฏฺธมฺโม’’ติอาทิ.
ตตฺถ ทิฏฺธมฺโมติ ทิฏฺโ อริยสจฺจธมฺโม เอเตนาติ ทิฏฺธมฺโม. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย. ตตฺถ ‘‘ทิฏฺธมฺโม’’ติ เจตฺถ สามฺวจโน ธมฺมสทฺโท. ทสฺสนํ นาม าณทสฺสนโต อฺมฺปิ อตฺถีติ ตํ นิวตฺตนตฺถํ ‘‘ปตฺตธมฺโม’’ติ วุตฺตํ. ปตฺติ จ าณสมฺปตฺติโต อฺาปิ วิชฺชตีติ ตโต วิเสสนตฺถํ ‘‘วิทิตธมฺโม’’ติ วุตฺตํ. สา ปนายํ วิทิตธมฺมตา ธมฺเมสุ เอกเทเสนาปิ โหตีติ นิปฺปเทสโต วิทิตภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปริโยคาฬฺหธมฺโม’’ติ วุตฺตํ. เตนสฺส ยถาวุตฺตํ สจฺจาภิสมฺโพธํเยว ทีเปติ. มคฺคาณฺหิ เอกาภิสมยวเสน ปริฺาทิกิจฺจํ สาเธนฺตํ นิปฺปเทเสนปิ ปริฺเยฺยธมฺมํ สมนฺตโต โอคาฬฺหํ นาม โหติ, น ตทฺาณํ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ทิฏฺโ อริยสจฺจธมฺโม เอเตนาติ ทิฏฺธมฺโม’’ติ. เตเนวาห ‘‘ติณฺณวิจิกิจฺโฉ’’ติอาทิ.
ตตฺถ ปฏิภยกนฺตารสทิสา โสฬสวตฺถุกา จ อฏฺวตฺถุกา จ ติณฺณา วิจิกิจฺฉา เอเตนาติ ติณฺณวิจิกิจฺโฉ. ตโต เอว ปวตฺติอาทีสุ ‘‘เอวํ นุ โข, น นุ โข’’ติ เอวํ ปวตฺติตา วิคตา สมุจฺฉินฺนา กถํกถา เอตสฺสาติ ¶ วิคตกถํกโถ. สารชฺชกรานํ ปาปธมฺมานํ ปหีนตฺตา ตปฺปฏิปกฺเขสุ จ สีลาทิคุเณสุ สุปฺปติฏฺิตตฺตา เวสารชฺชํ วิสารทภาวํ เวยฺยตฺติยํ ปตฺโตติ เวสารชฺชปฺปตฺโต. นาสฺส ปโร ปจฺจโย, น ปรสฺส สทฺธาย เอตฺถ วตฺตตีติ อปรปฺปจฺจโย. กตฺถาติ อาห ‘‘สตฺถุสาสเน’’ติ.
อภิกฺกนฺตนฺติอาทีสุ ¶ กิฺจาปิ อยํ อภิกฺกนฺตสทฺโท ขยสุนฺทราภิรูปพฺภนุโมทนาทีสุ อเนเกสุ อตฺเถสุ ทิสฺสติ, อิธ ปน อพฺภนุโมทเน ทฏฺพฺโพ. เตเนว โส ปสาทวเสน ปสํสาวเสน จ ทฺวิกฺขตฺตุํ วุตฺโต, สาธุ สาธุ, ภนฺเตติ วุตฺตํ โหติ. อภิกฺกนฺตนฺติ วา อติกนฺตํ อติอิฏฺํ อติมนาปํ, อติสุนฺทรนฺติ อตฺโถ. ตตฺถ เอเกน อภิกฺกนฺตสทฺเทน ภควโต เทสนํ โถเมติ, เอเกน อตฺตโน ปสาทํ.
อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย – อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต, ยทิทํ ภควโต ธมฺมเทสนา, อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต, ยทิทํ ภควโต ธมฺมเทสนํ อาคมฺม มม ปสาโทติ. ภควโต เอว วา วจนํ อภิกฺกนฺตํ โทสนาสนโต, อภิกฺกนฺตํ คุณาธิคมนโต, ตถา สทฺธาวฑฺฒนโต, ปฺาชนนโต, สาตฺถโต ¶ , สพฺยฺชนโต, อุตฺตานปทโต, คมฺภีรตฺถโต, กณฺณสุขโต, หทยงฺคมโต, อนตฺตุกฺกํสนโต, อปรวมฺภนโต, กรุณาสีตลโต, ปฺาวทาตโต, อาปาถรมณียโต, วิมทฺทกฺขมโต, สุยฺยมานสุขโต, วีมํสิยมานหิตโตติ เอวมาทินเยหิ โถเมนฺโต ปททฺวยํ อาห.
ตโต ปรมฺปิ จตูหิ อุปมาหิ เทสนํเยว โถเมติ. ตตฺถ นิกฺกุชฺชิตนฺติ อโธมุขฏฺปิตํ, เหฏฺามุขชาตํ วา. อุกฺกุชฺเชยฺยาติ อุปริ มุขํ กเรยฺย. ปฏิจฺฉนฺนนฺติ ติณปณฺณาทินา ฉาทิตํ. วิวเรยฺยาติ อุคฺฆาเฏยฺย. มูฬฺหสฺสาติ ทิสามูฬฺหสฺส. มคฺคํ อาจิกฺเขยฺยาติ หตฺเถ คเหตฺวา ‘‘เอส มคฺโค’’ติ มคฺคํ อุปทิเสยฺย. อนฺธกาเรติ จตุรงฺคสมนฺนาคเต. อยํ ตาว ปทตฺโถ.
อยํ ปน อธิปฺปายโยชนา ¶ – ยถา โกจิ นิกฺกุชฺชิตํ อุกฺกุชฺเชยฺย, เอวํ สทฺธมฺมวิมุขํ อสทฺธมฺเม ปติฏฺิตํ มํ อสทฺธมฺมา วุฏฺาเปนฺเตน, ยถา ปฏิจฺฉนฺนํ วิวเรยฺย, เอวํ กสฺสปสฺส ภควโต สาสนนฺตรธานโต ปฏฺาย มิจฺฉาทิฏฺิคหนปฏิจฺฉนฺนํ สาสนํ วิวรนฺเตน, ยถา มูฬฺหสฺส มคฺคํ อาจิกฺเขยฺย, เอวํ กุมฺมคฺคมิจฺฉามคฺคปฺปฏิปนฺนสฺส เม สคฺคโมกฺขมคฺคํ อาวิกโรนฺเตน, ยถา อนฺธกาเร เตลปชฺโชตํ ธาเรยฺย, เอวํ โมหนฺธกาเร นิมุคฺคสฺส เม พุทฺธาทิรตนรูปานิ อปสฺสโต ตปฺปฏิจฺฉาทกโมหนฺธการวิทฺธํสนเทสนาปชฺโชตธารเณน ภควตา นานานเยหิ ปกาสิตตฺตา อเนกปริยาเยน ธมฺโม ปกาสิโต.
เอวํ ¶ เทสนํ โถเมตฺวา ตาย เทสนาย รตนตฺตเย ปสนฺนจิตฺโต ปสนฺนาการํ กโรนฺโต ‘‘เอสาห’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ เอสาหนฺติ เอโส อหํ. ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉามีติ ภควา เม สรณํ ปรายณํ อฆสฺส ฆาตา, หิตสฺส วิธาตาติ อิมินา อธิปฺปาเยน ภควนฺตํ คจฺฉามิ ภชามิ, เอวํ วา ชานามิ พุชฺฌามีติ. เยสฺหิ ธาตูนํ คติอตฺโถ, พุทฺธิปิ เตสํ อตฺโถติ. ธมฺมนฺติ อธิคตมคฺเค สจฺฉิกตนิโรเธ ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชมาเน จตูสุ อปาเยสุ อปตมาเน ธาเรตีติ ธมฺโม. โส อตฺถโต อริยมคฺโค เจว นิพฺพานฺจ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, ธมฺมา สงฺขตา, อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค เตสํ อคฺคมกฺขายตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๓๔; อิติวุ. ๙๐).
‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, ธมฺมา สงฺขตา วา อสงฺขตา วา, วิราโค เตสํ อคฺคมกฺขายตี’’ติ (อิติวุ. ๙๐) จ –
น ¶ เกวลํ อริยมคฺโค ¶ เจว นิพฺพานฺจ, อปิจ โข อริยผเลหิ สทฺธึ ปริยตฺติธมฺโมปิ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘ราควิราคมเนชมโสกํ, ธมฺมมสงฺขตมปฺปฏิกูลํ;
มธุรมิมํ ปคุณํ สุวิภตฺตํ, ธมฺมมิมํ สรณตฺถมุเปหี’’ติ. (วิ. ว. ๘๘๗);
เอตฺถ หิ ราควิราคนฺติ มคฺโค วุตฺโต. อเนชมโสกนฺติ ผลํ. อสงฺขตนฺติ นิพฺพานํ. อปฺปฏิกูลํ มธุรมิมํ ปคุณํ สุวิภตฺตนฺติ ปริยตฺติธมฺโม วุตฺโตติ.
ภิกฺขุสงฺฆนฺติ ทิฏฺิสีลสามฺเน สํหตํ อฏฺอริยปุคฺคลสมูหํ. เอตฺตาวตา สุปฺปพุทฺโธ ตีณิ สรณคมนานิ ปฏิเวเทสิ. อุปาสกํ มํ ภควา ธาเรตุ อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คตนฺติ อชฺชตคฺเคติ อชฺชตํ อาทึ กตฺวา. ‘‘อชฺชทคฺเค’’ติปิ ปาโ, ตตฺถ ทกาโร ปทสนฺธิกโร, อชฺช อคฺเค อชฺช อาทึ กตฺวาติ อตฺโถ. ปาณุเปตนฺติ ปาเณหิ อุเปตํ, ยาว เม ชีวิตํ ปวตฺตติ, ตาว อุเปตํ อนฺสตฺถุกํ ตีหิ สรณคมเนหิ สรณํ คตํ รตนตฺตยสฺส อุปาสนโต อุปาสกํ กปฺปิยการกํ มํ ภควา อุปธาเรตุ ชานาตูติ อตฺโถ. อิมสฺส จ สรณคมนํ อริยมคฺคาธิคเมเนว นิปฺผนฺนํ, อชฺฌาสยํ ปน อาวิกโรนฺโต เอวมาห.
ภควโต ¶ ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวาติ ภควโต วจนํ จิตฺเตน อภินนฺทิตฺวา ตเมว อภินนฺทิตภาวํ ปกาเสนฺโต วุตฺตนเยน วาจาย อนุโมทิตฺวา. อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามีติ ตํ ภควนฺตํ ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา สตฺถุ คุณนินฺนจิตฺโต ยาว ทสฺสนวิสยสมติกฺกมา ภควนฺตํเยว เปกฺขมาโน ปฺชลิโก นมสฺสมาโน ปกฺกามิ.
ปกฺกนฺโต จ กุฏฺโรคาภิภเวน ฉินฺนหตฺถปาทงฺคุลิ อุกฺการคตฺโต สมนฺตโต วิสฺสนฺทมานาสโว กณฺฑูติปติปีฬิโต ¶ อสุจิ ทุคฺคนฺโธ เชคุจฺฉตโม ปรมการฺุตํ ปตฺโต ‘‘นายํ กาโย อิมสฺส อจฺจนฺตสนฺตสฺส ปณีตตมสฺส อริยธมฺมสฺส อาธาโร ภวิตุํ ยุตฺโต’’ติ อุปฺปนฺนาภิสนฺธินา วิย สคฺคสํวตฺตนิเยน ปฺุกมฺเมน โอกาเส กเต อปฺปายุกสํวตฺตนิเยน อุปจฺเฉทเกน ปาปกมฺเมน กตูปจิเตน โจทิยมาโน ตรุณวจฺฉาย เธนุยา อาปติตฺวา มาริโต. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข อจิรปกฺกนฺตํ สุปฺปพุทฺธํ กุฏฺึ คาวี ตรุณวจฺฉา อธิปติตฺวา ชีวิตา โวโรเปสี’’ติ.
โส ¶ กิร อตีเต เอโก เสฏฺิปุตฺโต หุตฺวา อตฺตโน สหาเยหิ ตีหิ เสฏฺิปุตฺเตหิ สทฺธึ กีฬนฺโต เอกํ นครโสภินึ คณิกํ อุยฺยานํ เนตฺวา ทิวสํ สมฺปตฺตึ อนุภวิตฺวา อตฺถงฺคเต สูริเย สหาเย เอตทโวจ – ‘‘อิมิสฺสา หตฺเถ กหาปณสหสฺสํ พหุกฺจ สุวณฺณํ มหคฺฆานิ จ ปสาธนานิ สํวิชฺชนฺติ, อิมสฺมึ วเน อฺโ โกจิ นตฺถิ, รตฺติ จ ชาตา, หนฺท อิมํ มยํ มาเรตฺวา สพฺพํ ธนํ คเหตฺวา คจฺฉามา’’ติ. เต จตฺตาโรปิ ชนา เอกชฺฌาสยา หุตฺวา ตํ มาเรตุํ อุปกฺกมึสุ. สา เตหิ มาริยมานา ‘‘อิเม นิลฺลชฺชา นิกฺกรุณา มยา สทฺธึ กิเลสสนฺถวํ กตฺวา นิรปราธํ มํ เกวลํ ธนโลเภน มาเรนฺติ, เอกวารํ ตาว มํ อิเม มาเรนฺตุ, อหํ ปน ยกฺขินี หุตฺวา อเนกวารํ อิเม มาเรตุํ สมตฺถา ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ กตฺวา กาลมกาสิ. เตสุ กิร เอโก ปกฺกุสาติ กุลปุตฺโต อโหสิ, เอโก พาหิโย ทารุจีริโย, เอโก ตมฺพทาิโก โจรฆาตโก, เอโก สุปฺปพุทฺโธ กุฏฺี, อิติ อิเมสํ จตุนฺนํ ชนานํ อเนกสเต อตฺตภาเว สา ยกฺขโยนิยํ นิพฺพตฺตา คาวี หุตฺวา ชีวิตา โวโรเปสิ. เต ตสฺส กมฺมสฺส นิสฺสนฺเทน ตตฺถ ¶ ตตฺถ อนฺตรามรณํ ปาปุณึสุ. เอวํ สุปฺปพุทฺธสฺส กุฏฺิสฺส สหสา มรณํ ชาตํ, เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข อจิรปกฺกนฺตํ…เป… โวโรเปสี’’ติ.
อถ สมฺพหุลา ภิกฺขู ตสฺส กาลกิริยํ ภควโต อาโรเจตฺวา อภิสมฺปรายํ ปุจฺฉึสุ. ภควา พฺยากาสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข สมฺพหุลา ภิกฺขู’’ติอาทิ.
ตตฺถ ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยาติ สกฺกายทิฏฺิ วิจิกิจฺฉา สีลพฺพตปรามาโสติ อิเมสํ ติณฺณํ ภวพนฺธนานํ สมุจฺเฉทวเสน ¶ ปหานา. โสตาปนฺโนติ โสตสงฺขาตํ อริยมคฺคํ อาทิโต ปนฺโน. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘โสโต โสโตติ อิทํ, อาวุโส สาริปุตฺต, วุจฺจติ. กตโม นุ โข, อาวุโส, โสโตติ? อยเมว อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๕.๑๐๐๑).
อวินิปาตธมฺโมติ วินิปตนํ วินิปาโต, นาสฺส วินิปาโต ธมฺโมติ อวินิปาตธมฺโม, จตูสุ อปาเยสุ อุปปชฺชนวเสน อปตนสภาโวติ อตฺโถ. นิยโตติ ธมฺมนิยาเมน สมฺมตฺตนิยาเมน นิยโต. สมฺโพธิปรายโณติ อุปริมคฺคตฺตยสงฺขาตา สมฺโพธิ ปรํ อยนํ อสฺส คติ ปฏิสรณํ อวสฺสํ ปตฺตพฺพนฺติ สมฺโพธิปรายโณ. เอเตน ‘‘ตสฺส กา คติ, โก อภิสมฺปราโย’’ติ ปุจฺฉาย ภทฺทิกา เอว สุปฺปพุทฺธสฺส คติ, น ปาปิกาติ อยมตฺโถ ทสฺสิโต. น ปน เตน สมฺปตฺตา คติ, ตํ ปน ปุจฺฉานุสนฺธิวเสน ปกาเสตุกาโม ธมฺมราชา เอตฺตกเมว ¶ อภาสิ. ปสฺสติ หิ ภควา ‘‘มยา เอตฺตเก กถิเต อิมิสฺสํเยว ปริสติ อนุสนฺธิกุสโล เอโก ภิกฺขุ สุปฺปพุทฺธสฺส กุฏฺิภาวทาลิทฺทิยกปณภาวานํ การณํ ปุจฺฉิสฺสติ, อถาหํ ตสฺส ตํ การณํ เตน ปุจฺฉานุสนฺธินา ปกาเสตฺวา เทสนํ นิฏฺาเปสฺสามี’’ติ. เตเนวาห – ‘‘เอวํ วุตฺเต อฺตโร ภิกฺขู’’ติอาทิ. ตตฺถ เหตูติ อสาธารณการณํ, สาธารณการณํ ปน ปจฺจโยติ, อยเมเตสํ วิเสโส. เยนาติ เยน เหตุนา เยน ปจฺจเยน จ.
ภูตปุพฺพนฺติ ชาตปุพฺพํ. อตีเต กาเล นิพฺพตฺตํ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘สุปฺปพุทฺโธ’’ติอาทิ วุตฺตํ. กทา ปน ภูตนฺติ? อตีเต กิร อนุปฺปนฺเน ตถาคเต ¶ พาราณสิยา สามนฺตา เอกสฺมึ คาเม เอกา กุลธีตา เขตฺตํ รกฺขติ. สา เอกํ ปจฺเจกพุทฺธํ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺตา ตสฺส ปฺจหิ ลาชาสเตหิ สทฺธึ เอกํ ปทุมปุปฺผํ ทตฺวา ปฺจ ปุตฺตสตานิ ปตฺเถสิ. ตสฺมึเยว ขเณ ปฺจสตา มิคลุทฺทกา ปจฺเจกพุทฺธสฺส มธุรมํสํ ทตฺวา ‘‘เอติสฺสา ปุตฺตา ภเวยฺยาม, ตุมฺเหหิ ปตฺตวิเสสํ ลเภยฺยามา’’ติ จ ปตฺถยึสุ. สา ยาวตายุกํ ตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺตา. ตโต จุตา เอกสฺมึ ชาตสฺสเร ปทุมคพฺเภ นิพฺพตฺติ. ตเมโก ตาปโส ทิสฺวา ปฏิชคฺคิ. ตสฺสา วิจรนฺติยา ปาทุทฺธาเร ปาทุทฺธาเร ¶ ภูมิโต ปทุมานิ อุฏฺหนฺติ. เอโก วนจรโก ทิสฺวา พาราณสิรฺโ อาโรเจสิ. ราชา ตํ อาเนตฺวา อคฺคมเหสึ อกาสิ. ตสฺสา กุจฺฉิยํ คพฺโภ สณฺาสิ. มหาปทุมกุมาโร ตสฺสา กุจฺฉิยํ วสิ, เสสา คพฺภมลํ นิสฺสาย นิพฺพตฺตา, เต วยปฺปตฺตา อุยฺยาเน ปทุมสเร กีฬนฺตา เอเกกสฺมึ ปทุเม นิสีทิตฺวา ปริปกฺกาณา สงฺขาเรสุ ขยวยํ ปฏฺเปตฺวา ปจฺเจกโพธึ ปาปุณึสุ. เตสํ พฺยากรณคาถา อโหสิ –
‘‘สโรรุหํ ปทุมปลาสปตฺรชํ,
สุปุปฺผิตํ ภมรคณานุกิณฺณํ;
อนิจฺจตํ ขยวยตํ วิทิตฺวา,
เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ.
เอวํ ปจฺเจกโพธึ อภิสมฺพุทฺเธสุ เตสุ ปฺจสุ ปจฺเจกพุทฺธสเตสุ อพฺภนฺตโร ตครสิขี นาม ปจฺเจกสมฺพุทฺโธ คนฺธมาทนปพฺพเต นนฺทมูลปพฺภาเร สตฺตาหํ นิโรธสมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา สตฺตาหสฺส อจฺจเยน นิโรธา วุฏฺิโต อากาเสน อาคนฺตฺวา อิสิคิลิปพฺพเต โอตริตฺวา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ราชคหํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. ตสฺมิฺจ สมเย ราชคเห เอโก เสฏฺิปุตฺโต มหตา ปริวาเรน อุยฺยานกีฬนตฺถํ นครโต นิกฺขมนฺโต ตครสิขิปจฺเจกพุทฺธํ ¶ ทิสฺวา ‘‘โก อยํ ภณฺฑุกาสาววสโน, กุฏฺี ภวิสฺสติ, ตถา หิ กุฏฺิจีวเรน สรีรํ ปารุปิตฺวา คจฺฉตี’’ติ นิฏฺุภิตฺวา อปสพฺยํ กตฺวา ปกฺกามิ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘สุปฺปพุทฺโธ กุฏฺี อิมสฺมึเยว ราชคเห…เป… ปกฺกามี’’ติ.
ตตฺถ ¶ กฺวายนฺติ โก อยํ. ขุํสนวเสน วทติ. ‘‘โกวาย’’นฺติปิ ปาฬิ. กุฏฺีติ อกุฏฺึเยว ตํ เสฏฺิ กุฏฺโรคํ อกฺโกสวตฺถุํ ปาเปนฺโต วทติ. กุฏฺิจีวเรนาติ กุฏฺีนํ จีวเรน. เยภุยฺเยน หิ กุฏฺิโน ฑํสมกสสรีสปปฏิพาหนตฺถํ โรคปฏิจฺฉาทนตฺถฺจ ¶ ยํ วา ตํ วา ปิโลติกขณฺฑํ คเหตฺวา ปารุปติ, เอวมยมฺปีติ ทสฺเสติ. ปํสุกูลจีวรธรตฺตา วา อคฺคฬานํ อเนกวณฺณภาเวน กุฏฺสรีรสทิโสติ หีเฬนฺโต ‘‘กุฏฺิจีวเรนา’’ติ อาห. นิฏฺุภิตฺวาติ เขฬํ ปาเตตฺวา. อปสพฺยโต กริตฺวาติ ปณฺฑิตา ตาทิสํ ปจฺเจกพุทฺธํ ทิสฺวา วนฺทิตฺวา ปทกฺขิณํ กโรนฺติ, อยํ ปน อวิฺุตาย ปริภเวน ตํ อปสพฺยํ กตฺวา อตฺตโน อปสพฺยํ อปทกฺขิณํ กตฺวา คโต. ‘‘อปสพฺยามโต’’ติปิ ปาโ. ตสฺส กมฺมสฺสาติ ตครสิขิมฺหิ ปจฺเจกพุทฺเธ ‘‘กฺวายํ กุฏฺี’’ติ หีเฬตฺวา นิฏฺุภนอปสพฺยกรณวเสน ปวตฺตปาปกมฺมสฺส. นิรเย ปจฺจิตฺถาติ นิรเย นิรยคฺคินา ทยฺหิตฺถ. ‘‘ปจฺจิตฺวา นิรยคฺคินา’’ติปิ ปนฺติ. ตสฺเสว กมฺมสฺส วิปากาวเสเสนาติ เยน กมฺเมน โส นิรเย ปฏิสนฺธึ คณฺหิ, น ตํ กมฺมํ มนุสฺสโลเก วิปากํ เทติ. ยา ปนสฺส นานกฺขณิกา เจตนา ตทา ปจฺเจกพุทฺเธ วิปฺปฏิปชฺชนวเสน ปวตฺตา อปราปริยเวทนียภูตา, สา อปราปริยเวทนีเยเนว ปฺุกมฺเมน มนุสฺเสสุ ติเหตุกปฏิสนฺธิยา ทินฺนาย ปวตฺติยํ กุฏฺิภาวํ ทาลิทฺทิยํ ปรมการฺุตํ อาปาเทสิ. ตํ สนฺธาย กมฺมสภาคตาวเสน ‘‘ตสฺเสว กมฺมสฺส วิปากวเสเสนา’’ติ วุตฺตํ. สทิเสปิ หิ โลเก ตพฺโพหาโร ทิฏฺโ ยถา ตํ ‘‘สา เอว ติตฺติรี, ตานิเยว โอสธานี’’ติ.
เอตฺตาวตา ‘‘โก นุ โข, ภนฺเต, เหตู’’ติ เตน ภิกฺขุนา ปุฏฺปฺหํ วิสฺสชฺเชตฺวา อิทานิ โย ‘‘ตสฺส กา คติ, โก อภิสมฺปราโย’’ติ ปุพฺเพ ภิกฺขูหิ ปุฏฺปฺโห, ตํ วิสฺสชฺเชตุํ ‘‘โส ตถาคตปฺปเวทิต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ตถาคตปฺปเวทิตนฺติ ตถาคเตน ภควตา เทสิตํ อกฺขาตํ ปกาสิตนฺติ ตถาคตปฺปเวทิตํ. อาคมฺมาติ อธิคนฺตฺวา, นิสฺสาย ตฺวา วา. ‘‘ตถาคตปฺปเวทิเต ธมฺมวินเย’’ติปิ ปาโ. สทฺธํ สมาทิยีติ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา, สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม, สุปฺปฏิปนฺโน ¶ ภควโต สาวกสงฺโฆติ รตนตฺตยสนฺนิสฺสยํ ปุพฺพภาคสทฺธฺเจว โลกุตฺตรสทฺธฺจาติ ทุวิธมฺปิ ¶ สทฺธํ สมฺมา อาทิยิ. ยถา น ปุน อาทาตพฺพา โหติ, เอวํ ยาว ภวกฺขยา คณฺหิ, อตฺตโน จิตฺตสนฺตาเน อุปฺปาเทสีติ อตฺโถ. สีลํ สมาทิยีติอาทีสุปิ เอเสว นโย. สีลนฺติ ปุพฺพภาคสีเลน สทฺธึ มคฺคสีลํ ผลสีลฺจ ¶ . สุตนฺติ ปริยตฺติพาหุสจฺจํ ปฏิเวธพาหุสจฺจฺจาติ ทุวิธมฺปิ สุตํ. ปริยตฺติธมฺมาปิ หิ เตน ธมฺมสฺสวนกาเล สจฺจปฺปฏิเวธาย สาวเกหิ ยถาลทฺธปฺปการํ สุตา ปริจิตา มนสานุเปกฺขิตา ทิฏฺิยา สุปฺปฏิวิทฺธา จาติ. จาคนฺติ ปมมคฺควชฺฌกิเลสาภิสงฺขารานํ โวสฺสคฺคสงฺขาตํ จาคํ, เยน อริยสาวกา เทยฺยธมฺเมสุ มุตฺตจาคา จ โหนฺติ ปยตปาณี โวสฺสคฺครตา. ปฺนฺติ สทฺธึ วิปสฺสนาปฺาย มคฺคปฺฺเจว ผลปฺฺจ.
กายสฺส เภทาติ อุปาทินฺนกฺขนฺธปริจฺจาคา. ปรํ มรณาติ ตทนนฺตรํ อภินิพฺพตฺตกฺขนฺธคหณา. อถ วา กายสฺส เภทาติ ชีวิตินฺทฺริยสฺส อุปจฺเฉทา. ปรํ มรณาติ จุติโต อุทฺธํ. สุคตึ สคฺคํ โลกนฺติ ปทตฺตเยนาปิ เทวโลกเมว วทติ. โส หิ สมฺปตฺตีนํ โสภนตฺตา สุนฺทรา คตีติ สุคติ, รูปาทีหิ วิเสเสหิ สุฏฺุ อคฺโคติ สคฺโค, สพฺพกาลํ สุขเมเวตฺถ โลกิยติ, ลุชฺชตีติ วา โลโกติ วุจฺจติ. อุปปนฺโนติ ปฏิสนฺธิคฺคหณวเสน อุปคโต. สหพฺยตนฺติ สหภาวํ. วจนตฺโถ ปน สห พฺยติ ปวตฺตติ, วสตีติ วา สหพฺโย, สหายี สหวายี วา. ตสฺส ภาโว สหพฺยตา. อติโรจตีติ อติกฺกมฺม อภิภวิตฺวา โรจติ วิโรจติ. วณฺเณนาติ รูปสมฺปตฺติยา. ยสสาติ ปริวาเรน. โส หิ อสุจิมกฺขิตํ ชชฺชรํ มตฺติกาภาชนํ ฉฑฺเฑตฺวา อเนกรตนวิจิตฺตํ ปภสฺสรรํสิชาลวินทฺธสุทฺธชมฺพุนทภาชนํ คณฺหนฺโต วิย วุตฺตปฺปการํ กเฬวรํ อิธ นิกฺขิปิตฺวา เอกจิตฺตกฺขเณน ยถาวุตฺตํ ทิพฺพตฺตภาวํ มหตา ปริวาเรน สทฺธึ ปฏิลภีติ.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ ปาปานํ อปริวชฺชเน อาทีนวํ, ปริวชฺชเน จ อานิสํสํ สพฺพาการโต วิทิตฺวา ตทตฺถวิภาวนํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตสฺสายํ ¶ สงฺเขปตฺโถ – ยถา จกฺขุมา ปุริโส ปรกฺกเม กายิกวีริเย วิชฺชมาเน สรีเร วหนฺเต วิสมานิ ปปาตาทิฏฺานานิ จณฺฑภาเวน วา วิสมานิ หตฺถิอสฺสอหิกุกฺกุรโครูปาทีนิ ปริวชฺชเย, เอวํ ¶ ชีวโลกสฺมึ อิมสฺมึ สตฺตโลเก ปณฺฑิโต สปฺปฺโ ปุริโส ตาย สปฺปฺตาย อตฺตโน หิตํ ชานนฺโต ปาปานิ ลามกานิ ทุจฺจริตานิ ปริวชฺเชยฺย. เอวฺหิ ยถายํ สุปฺปพุทฺโธ ตครสิขิมฺหิ ปจฺเจกพุทฺเธ ปาปํ อปริวชฺเชตฺวา มหนฺตํ อนยพฺยสนํ อาปชฺชิ, เอวํ อาปชฺเชยฺยาติ อธิปฺปาโย. ยถา วา สุปฺปพุทฺโธ กุฏฺี มม ธมฺมเทสนํ อาคมฺม อิทานิ สํเวคปฺปตฺโต ปาปานิ ปริวชฺเชนฺโต อุฬารํ วิเสสํ อธิคฺฉิ, เอวํ อฺโปิ อุฬารํ วิเสสาธิคมํ อิจฺฉนฺโต ปาปานิ ปริวชฺเชยฺยาติ อธิปฺปาโย.
ตติยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. กุมารกสุตฺตวณฺณนา
๔๔. จตุตฺเถ ¶ กุมารกาติ ตรุณปุคฺคลา. เย สุภาสิตทุพฺภาสิตสฺส อตฺถํ ชานนฺติ, เต อิธ กุมารกาติ อธิปฺเปตา. อิเม หิ สตฺตา ชาตทิวสโต ปฏฺาย ยาว ปฺจทสวสฺสกา, ตาว ‘‘กุมารกา, พาลา’’ติ จ วุจฺจนฺติ, ตโต ปรํ วีสติวสฺสานิ ‘‘ยุวาโน’’ติ. มจฺฉเก พาเธนฺตีติ มคฺคสมีเป เอกสฺมึ ตฬาเก นิทาฆกาเล อุทเก ปริกฺขีเณ นินฺนฏฺาเน ิตํ อุทกํ อุสฺสิฺจิตฺวา ขุทฺทกมจฺเฉ คณฺหนฺติ เจว หนนฺติ จ ‘‘ปจิตฺวา ขาทิสฺสามา’’ติ. เตนุปสงฺกมีติ มคฺคโต โถกํ ตฬากํ อติกฺกมิตฺวา ิโต, ตสฺมา ‘‘อุปสงฺกมี’’ติ วทติ. กสฺมา ปน อุปสงฺกมิ? เต กุมารเก อตฺตนิ วิสฺสาสํ ชเนตุํ อุปสงฺกมิ. ภายถ โวติ เอตฺถ โวติ นิปาตมตฺตํ. ทุกฺขสฺสาติ นิสฺสกฺเก สามิวจนํ, ทุกฺขสฺมาติ อตฺโถ. อปฺปิยํ โว ทุกฺขนฺติ ‘‘กึ ตุมฺหากํ สรีเร อุปฺปชฺชนกทุกฺขํ อปฺปิยํ อนิฏฺ’’นฺติ ปุจฺฉติ.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ อิเม สตฺตา ¶ อตฺตโน ทุกฺขํ อนิจฺฉนฺตา เอว หุตฺวา ทุกฺขเหตุํ ปฏิปชฺชนฺตา อตฺตโน ตํ อิจฺฉนฺตา เอว นาม โหนฺตีติ เอตมตฺถํ สพฺพาการโต วิทิตฺวา. อิมํ อุทานนฺติ อิมํ ปาปกิริยาย นิเสธนํ อาทีนววิภาวนฺจ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตสฺสตฺโถ – ยทิ ตุมฺหากํ สกลมาปายิกํ, สุคติยฺจ อปฺปายุกตามนุสฺสโทภคฺคิยาทิเภทํ ทุกฺขํ อปฺปิยํ อนิฏฺํ, ยทิ ตุมฺเห ตโต ภายถ, อาวิ วา ปเรสํ ปากฏภาววเสน อปฺปฏิจฺฉนฺนํ กตฺวา กาเยน ¶ วา วาจาย วา ปาณาติปาตาทิปฺปเภทํ ยทิ วา รโห อปากฏภาววเสน ปฏิจฺฉนฺนํ กตฺวา มโนทฺวาเร เอว อภิชฺฌาทิปฺปเภทํ อณุมตฺตมฺปิ ปาปกํ ลามกธมฺมํ มากตฺถ มา กริตฺถ, อถ ปน ตํ ปาปกมฺมํ เอตรหิ กโรถ, อายตึ วา กริสฺสถ, นิรยาทีสุ จตูสุ อปาเยสุ มนุสฺเสสุ จ ตสฺส ผลภูตํ ทุกฺขํ อิโต วา เอตฺโต วา ปลายนฺเต อมฺเห นานุพนฺธิสฺสตีติ อธิปฺปาเยน อุเปจฺจ อเปจฺจ ปลายตมฺปิ ตุมฺหากํ ตโต มุตฺติ โมกฺโข นตฺถิ. คติกาลาทิปจฺจยนฺตรสมวาเย วิปจฺจิสฺสติเยวาติ ทสฺเสติ. ‘‘ปลายเน’’ติปิ ปนฺติ, วุตฺตนเยน ยตฺถ กตฺถจิ คมเน ปกฺกมเน สตีติ อตฺโถ. อยฺจ อตฺโถ ‘‘น อนฺตลิกฺเข น สมุทฺทมชฺเฌ…เป… ปาปกมฺมา’’ติ (ธ. ป. ๑๒๗; มิ. ป. ๔.๒.๔) อิมาย คาถาย ทีเปตพฺโพ.
จตุตฺถสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. อุโปสถสุตฺตวณฺณนา
๔๕. ปฺจเม ¶ ¶ ตทหูติ ตสฺมึ อหนิ ตสฺมึ ทิวเส. อุโปสเถติ เอตฺถ อุปวสนฺติ เอตฺถาติ อุโปสโถ, อุปวสนฺตีติ สีเลน วา อนสเนน วา อุเปตา หุตฺวา วสนฺตีติ อตฺโถ. อยฺหิ อุโปสถสทฺโท ‘‘อฏฺงฺคสมนฺนาคตํ อุโปสถํ อุปวสามี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๓.๗๑; ๑๐.๔๖) สีเล อาคโต. ‘‘อุโปสโถ วา ปวารณา วา’’ติอาทีสุ (มหาว. ๑๕๕) ปาติโมกฺขุทฺเทสาทิวินยกมฺเม. ‘‘โคปาลกูโปสโถ นิคณฺูโปสโถ’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๓.๗๑) อุปวาเส. ‘‘อุโปสโถ นาม นาคราชา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๒๔๖) ปฺตฺติยํ. ‘‘อชฺชุโปสโถ ปนฺนรโส’’ติอาทีสุ (มหาว. ๑๖๘) ทิวเส. อิธาปิ ทิวเสเยว ทฏฺพฺโพ, ตสฺมา ‘‘ตทหุโปสเถ’’ติ ตสฺมึ อุโปสถทิวสภูเต อหนีติ อตฺโถ. นิสินฺโน โหตีติ มหาภิกฺขุสงฺฆปริวุโต โอวาทปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตุํ นิสินฺโน โหติ. นิสชฺช ปน ภิกฺขูนํ จิตฺตานิ โอโลเกนฺโต เอกํ ทุสฺสีลปุคฺคลํ ทิสฺวา, ‘‘สจาหํ อิมสฺมึ ปุคฺคเล อิธ นิสินฺเนเยว ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิสฺสามิ, สตฺตธาสฺส มุทฺธา ผลิสฺสตี’’ติ ตสฺมึ อนุกมฺปาย ตุณฺหีเยว อโหสิ.
เอตฺถ ¶ จ อุทฺธสฺตํ อรุณนฺติ อรุณุคฺคมนํ วตฺวาปิ ‘‘อุทฺทิสตุ, ภนฺเต ภควา, ภิกฺขูนํ ปาติโมกฺข’’นฺติ เถโร ภควนฺตํ ปาติโมกฺขุทฺเทสํ ยาจิ ตสฺมึ กาเล ‘‘น, ภิกฺขเว, อนุโปสเถ อุโปสโถ กาตพฺโพ’’ติสิกฺขาปทสฺส (มหาว. ๑๘๓) อปฺตฺตตฺตา. อปริสุทฺธา, อานนฺท, ปริสาติ ติกฺขตฺตุํ เถเรน ปาติโมกฺขุทฺเทสสฺส ยาจิตตฺตา อนุทฺเทสสฺส การณํ กเถนฺโต ‘‘อสุกปุคฺคโล อปริสุทฺโธ’’ติ อวตฺวา ‘‘อปริสุทฺธา, อานนฺท, ปริสา’’ติ อาห. กสฺมา ปน ภควา ติยามรตฺตึ ตถา วีตินาเมสิ? ตโต ปฏฺาย โอวาทปาติโมกฺขํ อนุทฺทิสิตุกาโม ตสฺส วตฺถุํ ปากฏํ กาตุํ.
อทฺทสาติ กถํ อทฺทส. อตฺตโน เจโตปริยาเณน ตสฺสํ ปริสติ ภิกฺขูนํ จิตฺตานิ ปริชานนฺโต ตสฺส โมฆปุริสสฺส ทุสฺสีลฺยจิตฺตํ ปสฺสิ. ยสฺมา ปน จิตฺเต ทิฏฺเ ตํสมงฺคีปุคฺคโล ทิฏฺโ นาม โหติ, ตสฺมา ‘‘อทฺทสา โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ตํ ปุคฺคลํ ทุสฺสีล’’นฺติอาทิ วุตฺตํ ¶ . ยเถว หิ อนาคเต สตฺตสุ ทิวเสสุ ปวตฺตมานํ ปเรสํ จิตฺตํ เจโตปริยาณลาภี ชานาติ, เอวํ อตีเตปีติ. ทุสฺสีลนฺติ นิสฺสีลํ, สีลวิรหิตนฺติ อตฺโถ. ปาปธมฺมนฺติ ทุสฺสีลตฺตา เอว หีนชฺฌาสยตาย ลามกสภาวํ. อสุจินฺติ อปริสุทฺเธหิ กายกมฺมาทีหิ สมนฺนาคตตฺตา น สุจึ. สงฺกสฺสรสมาจารนฺติ กิฺจิเทว อสารุปฺปํ ทิสฺวา ‘‘อิทํ ¶ อิมินา กตํ ภวิสฺสตี’’ติ เอวํ ปเรสํ อาสงฺกนียตาย สงฺกาย สริตพฺพสมาจารํ, อถ วา เกนจิเทว กรณีเยน มนฺตยนฺเต ภิกฺขู ทิสฺวา ‘‘กจฺจิ นุ โข อิเม มยา กตกมฺมํ ชานิตฺวา มนฺเตนฺตี’’ติ อตฺตโนเยว สงฺกาย สริตพฺพสมาจารํ.
ลชฺชิตพฺพตาย ปฏิจฺฉาเทตพฺพการณโต ปฏิจฺฉนฺนํ กมฺมนฺตํ เอตสฺสาติ ปฏิจฺฉนฺนกมฺมนฺตํ. กุจฺฉิตสมณเวสธาริตาย น สมณนฺติ อสฺสมณํ. สลากคฺคหณาทีสุ ‘‘กิตฺตกา สมณา’’ติ จ คณนาย ‘‘อหมฺปิ สมโณมฺหี’’ติ มิจฺฉาปฏิฺาย สมณปฏิฺํ. อเสฏฺจาริตาย อพฺรหฺมจารึ. อฺเ พฺรหฺมจาริโน สุนิวตฺเถ สุปารุเต สุปตฺตธเร คามนิคมาทีสุ ปิณฺฑาย จริตฺวา ชีวิกํ กปฺเปนฺเต ทิสฺวา อพฺรหฺมจารี สมาโน สยมฺปิ ตาทิเสน อากาเรน ปฏิปชฺชนฺโต อุโปสถาทีสุ สนฺทิสฺสนฺโต ‘‘อหมฺปิ ¶ พฺรหฺมจารี’’ติ ปฏิฺํ เทนฺโต วิย โหตีติ พฺรหฺมจาริปฏิฺํ. ปูตินา กมฺเมน สีลวิปตฺติยา อนฺโต อนุปวิฏฺตฺตา อนฺโตปูตึ. ฉหิ ทฺวาเรหิ ราคาทิกิเลสวสฺสเนน ตินฺตตฺตา อวสฺสุตํ. สฺชาตราคาทิกจวรตฺตา สีลวนฺเตหิ ฉฑฺเฑตพฺพตฺตา จ กสมฺพุชาตํ. มชฺเฌ ภิกฺขุสงฺฆสฺส นิสินฺนนฺติ สงฺฆปริยาปนฺโน วิย ภิกฺขุสงฺฆสฺส อนฺโต นิสินฺนํ. ทิฏฺโสีติ อยํ ปน น ปกตตฺโตติ ภควตา ทิฏฺโ อสิ. ยสฺมา จ เอวํ ทิฏฺโ, ตสฺมา นตฺถิ เต ตว ภิกฺขูหิ สทฺธึ เอกกมฺมาทิสํวาโส. ยสฺมา ปน โส สํวาโส ตว นตฺถิ, ตสฺมา อุฏฺเหิ, อาวุโสติ เอวเมตฺถ ปทโยชนา เวทิตพฺพา.
ตติยมฺปิ โข โส ปุคฺคโล ตุณฺหี อโหสีติ อเนกวารํ วตฺวาปิ เถโร ‘‘สยเมว นิพฺพินฺโน โอรมิสฺสตี’’ติ วา, ‘‘อิทานิ อิเมสํ ปฏิปตฺตึ ชานิสฺสามี’’ติ วา อธิปฺปาเยน ตุณฺหี อโหสิ. พาหายํ คเหตฺวาติ ภควตา มยา จ ยาถาวโต ทิฏฺโ, ยาวตติยํ อุฏฺเหีติ วุตฺโต น อุฏฺาติ, ‘‘อิทานิสฺส นิกฺกฑฺฒนกาโล ¶ มา สงฺฆสฺส อุโปสถนฺตราโย อโหสี’’ติ ตํ พาหายํ อคฺคเหสิ, ตถา คเหตฺวา. พหิทฺวารโกฏฺกา นิกฺขาเมตฺวาติ ทฺวารโกฏฺกสาลโต พหิ นิกฺขาเมตฺวา. พหีติ ปน นิกฺขามิตฏฺานทสฺสนํ, อถ วา พหิทฺวารโกฏฺกาติ พหิทฺวารโกฏฺกโตปิ นิกฺขาเมตฺวา, น อนฺโตทฺวารโกฏฺกโต, เอวํ อุภยถาปิ วิหารโต พหิ กตฺวาติ อตฺโถ. สูจิฆฏิกํ ทตฺวาติ อคฺคฬสูจิฺจ อุปริฆฏิกฺจ อาทหิตฺวา, สุฏฺุตรํ กวาฏํ ถเกตฺวาติ อตฺโถ. ยาว พาหาคหณาปิ นามาติ อิมินา ‘‘อปริสุทฺธา, อานนฺท, ปริสา’’ติ วจนํ สุตฺวา เอว หิ เตน ปกฺกมิตพฺพํ สิยา, เอวํ อปกฺกมิตฺวา ยาว พาหาคหณาปิ นาม โส โมฆปุริโส อาคเมสฺสตีติ อจฺฉริยมิทนฺติ ทสฺเสติ. อิทมฺปิ ครหณจฺฉริยเมวาติ เวทิตพฺพํ.
อถ ¶ ภควา จินฺเตสิ – ‘‘อิทานิ ภิกฺขุสงฺโฆ อพฺพุทชาโต, อปริสุทฺธา ปุคฺคลา อุโปสถํ อาคจฺฉนฺติ, น จ ตถาคตา อปริสุทฺธาย ปริสาย อุโปสถํ กโรนฺติ, ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสนฺติ, อนุทฺทิสนฺเต จ ภิกฺขุสงฺฆสฺส อุโปสโถ ปจฺฉิชฺชติ, ยํนูนาหํ อิโต ปฏฺาย ภิกฺขูนํเยว ปาติโมกฺขุทฺเทสํ อนุชาเนยฺย’’นฺติ. เอวํ ปน จินฺเตตฺวา ภิกฺขูนํเยว ปาติโมกฺขุทฺเทสํ อนุชานิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข ภควา…เป… ปาติโมกฺขํ อุทฺทิเสยฺยาถา’’ติ.
ตตฺถ ¶ น ทานาหนฺติ อิทานิ อหํ อุโปสถํ น กริสฺสามิ, ปาติโมกฺขํ น อุทฺทิสิสฺสามีติ ปจฺเจกํ น-กาเรน สมฺพนฺโธ. ทุวิธฺหิ ปาติโมกฺขํ อาณาปาติโมกฺขํ โอวาทปาติโมกฺขนฺติ. เตสุ ‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต’’ติอาทิกํ (มหาว. ๑๓๔) อาณาปาติโมกฺขํ, ตํ สาวกาว อุทฺทิสนฺติ, น พุทฺธา, อยํ อนฺวทฺธมาสํ อุทฺทิสิยติ. ‘‘ขนฺตี ปรมํ…เป… สพฺพปาปสฺส อกรณํ…เป… อนูปวาโท อนูปฆาโต…เป… เอตํ พุทฺธาน สาสน’’นฺติ (ที. นิ. ๒.๙๐; ธ. ป. ๑๘๓-๑๘๕) อิมา ปน ติสฺโส คาถา โอวาทปาติโมกฺขํ นาม, ตํ พุทฺธาว อุทฺทิสนฺติ, น สาวกา, ฉนฺนมฺปิ วสฺสานํ อจฺจเยน อุทฺทิสนฺติ. ทีฆายุกพุทฺธานฺหิ ธรมานกาเล อยเมว ปาติโมกฺขุทฺเทโส ¶ , อปฺปายุกพุทฺธานํ ปน ปมโพธิยํเยว. ตโต ปรํ อิตโร, ตฺจ โข ภิกฺขู เอว อุทฺทิสนฺติ, น พุทฺธา, ตสฺมา อมฺหากมฺปิ ภควา วีสติวสฺสมตฺตํ โอวาทปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตฺวา อิมํ อนฺตรายํ ทิสฺวา ตโต ปรํ น อุทฺทิสิ. อฏฺานนฺติ อการณํ. อนวกาโสติ ตสฺเสว เววจนํ. การณฺหิ ยถา ติฏฺติ เอตฺถ ผลํ ตทายตฺตวุตฺติตายาติ านนฺติ วุจฺจติ, เอวํ อนวกาโสติปิ วุจฺจตีติ. ยนฺติ กิริยาปรามสนํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตนเยน โยเชตพฺพํ.
อฏฺิเม, ภิกฺขเว, มหาสมุทฺเทติ โก อนุสนฺธิ? ยฺวายํ อปริสุทฺธาย ปริสาย ปาติโมกฺขสฺส อนุทฺเทโส วุตฺโต, โส อิมสฺมึ ธมฺมวินเย อจฺฉริโย อพฺภุโต ธมฺโมติ ตํ อปเรหิ สตฺตหิ อจฺฉริยพฺภุตธมฺเมหิ สทฺธึ วิภชิตฺวา ทสฺเสตุกาโม ปมํ ตาว เตสํ อุปมาภาเวน มหาสมุทฺเท อฏฺ อจฺฉริยพฺภุตธมฺเม ทสฺเสนฺโต สตฺถา ‘‘อฏฺิเม, ภิกฺขเว, มหาสมุทฺเท’’ติอาทิมาห.
ปกติเทวา วิย น สุรนฺติ น อิสนฺติ น วิโรจนฺตีติ อสุรา, สุรา นาม เทวา, เตสํ ปฏิปกฺขาติ วา อสุรา, เวปจิตฺติปหาราทาทโย. เตสํ ภวนํ สิเนรุสฺส เหฏฺาภาเค, เต ตตฺถ ปวิสนฺตา นิกฺขมนฺตา สิเนรุปาเท มณฺฑปาทึ นิมฺมินิตฺวา กีฬนฺตาว อภิรมนฺติ. ตตฺถ เตสํ ¶ อภิรติ อิเม คุเณ ทิสฺวาติ อาห – ‘‘เย ทิสฺวา ทิสฺวา อสุรา มหาสมุทฺเท อภิรมนฺตี’’ติ. ตตฺถ อภิรมนฺตีติ รตึ วินฺทนฺติ, อนุกฺกณฺมานา วสนฺตีติ อตฺโถ.
อนุปุพฺพนินฺโนติอาทีนิ สพฺพานิ อนุปฏิปาฏิยา นินฺนภาวสฺเสว เววจนานิ. น อายตเกเนว ปปาโตติ น ฉินฺนตโฏ มหาโสพฺโภ วิย ¶ อาทิโต เอว ปปาโต. โส หิ ตีรเทสโต ปฏฺาย เอกงฺคุลทฺวงฺคุลวิทตฺถิรตนยฏฺิอุสภอฑฺฒคาวุตคาวุตฑฺฒโยชนาทิวเสน คมฺภีโร หุตฺวา คจฺฉนฺโต คจฺฉนฺโต สิเนรุปาทมูเล จตุราสีติโยชนสหสฺสคมฺภีโร หุตฺวา ิโตติ ทสฺเสติ.
ิตธมฺโมติ ิตสภาโว อวฏฺิตสภาโว. น มเตน กุณเปน สํวสตีติ เยน เกนจิ หตฺถิอสฺสาทีนํ กเฬวเรน สทฺธึ น สํวสติ. ตีรํ วาเหตีติ ตีรํ อปเนติ. ถลํ อุสฺสาเรตีติ ¶ หตฺเถน คเหตฺวา วิย วีจิปฺปหาเรเนว ถเล ขิปติ. คงฺคา ยมุนาติ อโนตตฺตทหสฺส ทกฺขิณมุขโต นิกฺขนฺตนที ปฺจ ธารา หุตฺวา ปวตฺตฏฺาเน คงฺคาติอาทินา ปฺจธา สงฺขํ คตา.
ตตฺรายํ อิมาสํ นทีนํ อาทิโต ปฏฺาย อุปฺปตฺติกถา – อยฺหิ ชมฺพุทีโป ทสสหสฺสโยชนปริมาโณ, ตตฺถ จตุสหสฺสโยชนปฺปมาโณ ปเทโส อุทเกน อชฺโฌตฺถโฏ สมุทฺโทติ สงฺขํ คโต, ติสหสฺสโยชนปฺปมาเณ มนุสฺสา วสนฺติ, ติสหสฺสโยชนปฺปมาเณ หิมวา ปติฏฺิโต อุพฺเพเธน ปฺจโยชนสติโก จตุราสีติกูฏสหสฺสปฏิมณฺฑิโต สมนฺตโต สนฺทมานปฺจสตนทีวิจิตฺโต, ยตฺถ อายาเมน วิตฺถาเรน คมฺภีรตาย จ ปณฺณาสโยชนปฺปมาโณ ทิยฑฺฒโยชนสตปริมณฺฑโล อโนตตฺตทโห กณฺณมุณฺฑทโห รถการทโห ฉทฺทนฺตทโห กุณาลทโห มนฺทากินิทโห สีหปปาตทโหติ สตฺต มหาสรา ปติฏฺิตา.
เตสุ อโนตตฺตทโห สุทสฺสนกูฏํ จิตฺตกูฏํ กาฬกูฏํ คนฺธมาทนกูฏํ เกลาสกูฏนฺติ อิเมหิ ปฺจหิ ปพฺพตกูเฏหิ ปริกฺขิตฺโต. ตตฺถ สุทสฺสนกูฏํ โสวณฺณมยํ ติโยชนสตุพฺเพธํ อนฺโตวงฺกํ กากมุขสณฺานํ ตเมว สรํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา ิตํ, จิตฺตกูฏํ สตฺตรตนมยํ. กาฬกูฏํ อฺชนมยํ. คนฺธมาทนกูฏํ มสารคลฺลมยํ อพฺภนฺตเร มุคฺควณฺณํ; มูลคนฺโธ, สารคนฺโธ, เผคฺคุคนฺโธ, ตจคนฺโธ, ปปฏิกาคนฺโธ, ขนฺธคนฺโธ, รสคนฺโธ, ปุปฺผคนฺโธ, ผลคนฺโธ, ปตฺตคนฺโธติ อิเมหิ ทสหิ คนฺเธหิ อุสฺสนฺนํ, นานปฺปการโอสธสฺฉนฺนํ, กาฬปกฺขุโปสถทิวเส อาทิตฺตํ วิย องฺคารํ ปชฺชลนฺตํ ติฏฺติ. เกลาสกูฏํ รชตมยํ. สพฺพานิ เจตานิ สุทสฺสเนน ¶ สมานุพฺเพธสณฺานานิ ¶ ตเมว สรํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา ิตานิ. ตตฺถ เทวานุภาเวน นาคานุภาเวน จ เทโว วสฺสติ, นทิโย จ สนฺทนฺติ, ตํ สพฺพมฺปิ อุทกํ อโนตตฺตเมว ปวิสติ, จนฺทิมสูริยา ทกฺขิเณน ¶ วา อุตฺตเรน วา คจฺฉนฺตา ปพฺพตนฺตเรน ตตฺถ โอภาสํ กโรนฺติ, อุชุกํ คจฺฉนฺตา น กโรนฺติ, เตเนวสฺส ‘‘อโนตตฺต’’นฺติ สงฺขา อุทปาทิ.
ตตฺถ รตนมยมนฺุโสปานสิลาตลานิ นิมฺมจฺฉกจฺฉปานิ ผลิกสทิสานิ นิมฺมลูทกานิ ตทุปโภคสตฺตานํ กมฺมนิพฺพตฺตาเนว นหานติตฺถานิ จ โหนฺติ, ยตฺถ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธา อิทฺธิมนฺโต สาวกา อิสโย จ นหานาทีนิ กโรนฺติ, เทวยกฺขาทโย อุทกกีฬํ กีฬนฺติ.
ตสฺส จตูสุ ปสฺเสสุ สีหมุขํ, หตฺถิมุขํ, อสฺสมุขํ, อุสภมุขนฺติ จตฺตาริ อุทกนิกฺขมนมุขานิ โหนฺติ, เยหิ จตสฺโส นทิโย สนฺทนฺติ. สีหมุเขน นิกฺขนฺตนทีตีเร เกสรสีหา พหุตรา โหนฺติ, ตถา หตฺถิมุขาทีหิ หตฺถิอสฺสอุสภา. ปุรตฺถิมทิสโต นิกฺขนฺตนที อโนตตฺตํ ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา อิตรา ติสฺโส นทิโย อนุปคมฺม ปาจีนหิมวนฺเตเนว อมนุสฺสปถํ คนฺตฺวา มหาสมุทฺทํ ปวิสติ. ปจฺฉิมทิสโต อุตฺตรทิสโต จ นิกฺขนฺตนทิโยปิ ตเถว ปทกฺขิณํ กตฺวา ปจฺฉิมหิมวนฺเตเนว อุตฺตรหิมวนฺเตเนว จ อมนุสฺสปถํ คนฺตฺวา มหาสมุทฺทํ ปวิสนฺติ.
ทกฺขิณทิสโต นิกฺขนฺตนที ปน ตํ ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา ทกฺขิเณน อุชุกํ ปาสาณปิฏฺเเนว สฏฺิโยชนานิ คนฺตฺวา ปพฺพตํ ปหริตฺวา อุฏฺาย ปริกฺเขเปน ติคาวุตปฺปมาณอุทกธารา หุตฺวา อากาเสน สฏฺิโยชนานิ คนฺตฺวา ติยคฺคเฬ นาม ปาสาเณ ปติตา, ปาสาโณ อุทกธาราเวเคน ภินฺโน. ตตฺถ ปฺาสโยชนปฺปมาณา ติยคฺคฬา นาม โปกฺขรณี ชาตา, โปกฺขรณิยา กูลํ ภินฺทิตฺวา ปาสาณํ ปวิสิตฺวา สฏฺิโยชนานิ คนฺตฺวา ตโต ฆนปถวึ ภินฺทิตฺวา อุมงฺเคน สฏฺิโยชนานิ คนฺตฺวา วิฺฌํ นาม ติรจฺฉานปพฺพตํ ปหริตฺวา หตฺถตเล ปฺจงฺคุลิสทิสา ¶ ปฺจธารา หุตฺวา ปวตฺตนฺติ.
สา ติกฺขตฺตุํ อโนตตฺตํ ปทกฺขิณํ กตฺวา คตฏฺาเน ‘‘อาวฏฺฏคงฺคา’’ติ วุจฺจติ, อุชุกํ ปาสาณปิฏฺเน สฏฺิโยชนานิ คตฏฺาเน ‘‘กณฺหคงฺคา’’ติ, อากาเสน ¶ สฏฺิโยชนานิ คตฏฺาเน ‘‘อากาสคงฺคา’’ติ, ติยคฺคฬปาสาเณ ปฺาสโยชโนกาเส ิตา ‘‘ติยคฺคฬโปกฺขรณี’’ติ, กูลํ ภินฺทิตฺวา ปาสาณํ ปวิสิตฺวา สฏฺิโยชนานิ ¶ คตฏฺาเน ‘‘พหลคงฺคา’’ติ, อุมงฺเคน สฏฺิโยชนานิ คตฏฺาเน ‘‘อุมงฺคคงฺคา’’ติ วุจฺจติ, วิฺฌํ นาม ติรจฺฉานปพฺพตํ ปหริตฺวา ปฺจธารา หุตฺวา ปวตฺตฏฺาเน คงฺคา, ยมุนา, อจิรวตี, สรภู, มหีติ ปฺจธา สงฺขํ คตา. เอวเมตา ปฺจ มหานทิโย หิมวนฺตโต ปวตฺตนฺตีติ เวทิตพฺพา.
ตตฺถ นที นินฺนคาติอาทิกํ โคตฺตํ, คงฺคา ยมุนาติอาทิกํ นามํ. สวนฺติโยติ ยา กาจิ สวมานา สนฺทมานา คจฺฉนฺติโย มหานทิโย วา กุนฺนทิโย วา. อปฺเปนฺตีติ อลฺลียนฺติ โอสรนฺติ. ธาราติ วุฏฺิธารา. ปูรตฺตนฺติ ปุณฺณภาโว. มหาสมุทฺทสฺส หิ อยํ ธมฺมตา – ‘‘อิมสฺมึ กาเล เทโว มนฺโท ชาโต, ชาลกฺขิปาทีนิ อาทาย มจฺฉกจฺฉเป คณฺหิสฺสามา’’ติ วา ‘‘อิมสฺมึ กาเล อติมหนฺตี วุฏฺิ, น ลภิสฺสาม นุ โข ปิฏฺิปสารณฏฺาน’’นฺติ วา ตํ น สกฺกา วตฺตุํ. ปมกปฺปิกกาลโต ปฏฺาย หิ ยํ วสฺสิตฺวา สิเนรุเมขลํ อาหจฺจ อุทกํ ิตํ, ตํ ตโต เอกงฺคุลมตฺตมฺปิ อุทกํ เนว เหฏฺา โอตรติ, น อุทฺธํ อุตฺตรติ.
เอกรโสติ อสมฺภินฺนรโส. มุตฺตาติ ขุทฺทกมหนฺตวฏฺฏทีฆาทิเภทา อเนกวิธา มุตฺตา. มณีติ รตฺตนีลาทิเภโท อเนกวิโธ มณิ. เวฬุริโยติ วํสวณฺณสิรีสปุปฺผวณฺณาทิสณฺานโต อเนกวิโธ. สงฺโขติ ทกฺขิณาวตฺตตมฺพกุจฺฉิกธมนสงฺขาทิเภโท อเนกวิโธ. สิลาติ เสตกาฬมุคฺควณฺณาทิเภทา อเนกวิธา. ปวาฬนฺติ ขุทฺทกมหนฺตมนฺทรตฺตฆนรตฺตาทิเภทํ อเนกวิธํ. โลหิตงฺโคติ ปทุมราคาทิเภโท อเนกวิโธ มสารคลฺลนฺติ กพรมณิ. ‘‘จิตฺตผลิก’’นฺติปิ วทนฺติ.
มหตํ ¶ ภูตานนฺติ มหนฺตานํ สตฺตานํ. ติมิติมิงฺคลาทิกา ติสฺโส มจฺฉชาติโย. ติมึ คิลนสมตฺถา ติมิงฺคลา, ติมิฺจ ติมิงฺคลฺจ คิลนสมตฺถา ‘‘ติมิติมิงฺคลา’’ติ วทนฺติ. นาคาติ อูมิปิฏฺิวาสิโนปิ วิมานฏฺกนาคาปิ.
เอวเมว ¶ โขติ กิฺจาปิ สตฺถา อิมสฺมึ ธมฺมวินเย โสฬสปิ พาตฺตึสปิ ตโต ภิยฺโยปิ อจฺฉริยพฺภุตธมฺเม วิภชิตฺวา ทสฺเสตุํ สกฺโกติ, ตทา อุปมาภาเวน ปน คหิตานํ อฏฺนฺนํ อนุรูปวเสน อฏฺเว เต อุปเมตพฺพธมฺเม วิภชิตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘เอวเมว โข, ภิกฺขเว, อิมสฺมึ ธมฺมวินเย อฏฺ อจฺฉริยา อพฺภุตา ธมฺมา’’ติอาทิมาห.
ตตฺถ อนุปุพฺพสิกฺขาย ติสฺโส ภิกฺขา คหิตา, อนุปุพฺพกิริยาย เตรส ธุตงฺคธมฺมา, อนุปุพฺพปฏิปทาย ¶ สตฺต อนุปสฺสนา อฏฺารส มหาวิปสฺสนา อฏฺตึส อารมฺมณวิภตฺติโย สตฺตตึส โพธิปกฺขิยธมฺมา จ คหิตา. น อายตเกเนว อฺาปฏิเวโธติ มณฺฑูกสฺส อุปฺปติตฺวา คมนํ วิย อาทิโตว สีลปูรณาทีนิ อกตฺวา อรหตฺตปฏิเวโธ นาม นตฺถิ, ปฏิปาฏิยา ปน สีลสมาธิปฺาโย ปูเรตฺวาว อรหตฺตปฺปตฺตีติ อตฺโถ.
มม สาวกาติ โสตาปนฺนาทิเก อริยปุคฺคเล สนฺธาย วทติ. น สํวสตีติ อุโปสถกมฺมาทิวเสน สํวาสํ น กโรติ. อุกฺขิปตีติ อปเนติ. อารกาวาติ ทูเรเยว. น เตน นิพฺพานธาตุยา อูนตฺตํ วา ปูรตฺตํ วาติ อสงฺขฺเยยฺเยปิ มหากปฺเป พุทฺเธสุ อนุปฺปชฺชนฺเตสุ เอกสตฺโตปิ ปรินิพฺพาตุํ น สกฺโกติ, ตทาปิ ‘‘ตุจฺฉา นิพฺพานธาตู’’ติ น สกฺกา วตฺตุํ, พุทฺธกาเล ปน เอเกกสฺมึ สมาคเม อสงฺขฺเยยฺยาปิ สตฺตา อมตํ อาราเธนฺติ, ตทาปิ น สกฺกา วตฺตุํ ‘‘ปูรา นิพฺพานธาตู’’ติ. วิมุตฺติรโสติ กิเลเสหิ วิมุจฺจนรโส. สพฺพา หิ สาสนสฺส สมฺปตฺติ ยาวเทว อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตสฺส วิมุตฺติยา โหติ.
รตนานีติ รติชนนฏฺเน รตนานิ. สติปฏฺานาทโย หิ ภาวิยมานา ปุพฺพภาเคปิ อนปฺปกํ ปีติปาโมชฺชํ นิพฺพตฺเตนฺติ, ปเคว อปรภาเค. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘ยโต ¶ ยโต สมฺมสติ, ขนฺธานํ อุทยพฺพยํ;
ลภตี ปีติปาโมชฺชํ, อมตํ ตํ วิชานต’’นฺติ. (ธ. ป. ๓๗๔) –
โลกิยรตนนิมิตฺตํ ปน ปีติปาโมชฺชํ น ตสฺส กลภาคมฺปิ อคฺฆตีติ อยมตฺโถ เหฏฺา ทสฺสิโต เอว. อปิจ –
‘‘จิตฺตีกตํ ¶ มหคฺฆฺจ, อตุลํ ทุลฺลภทสฺสนํ;
อโนมสตฺตปริโภคํ, ‘รตน’นฺติ ปวุจฺจตี’’ติ.
ยทิ จ จิตฺตีกตาทิภาเวน รตนํ นาม โหติ, สติปฏฺานาทีนํเยว ภูตโต รตนภาโว. โพธิปกฺขิยธมฺมานฺหิ โส อานุภาโว, ยํ สาวกา สาวกปารมีาณํ, ปจฺเจกพุทฺธา ปจฺเจกโพธิาณํ, สมฺมาสมฺพุทฺธา สมฺมาสมฺโพธึ อธิคจฺฉนฺตีติ อาสนฺนการณตฺตา. ปรมฺปรการณฺหิ ทานาทิอุปนิสฺสโยติ เอวํ รติชนนฏฺเน จิตฺตีกตาทิอตฺเถน จ รตนภาโว โพธิปกฺขิยธมฺมานํ ¶ สาติสโย. เตน วุตฺตํ – ‘‘ตตฺริมานิ รตนานิ, เสยฺยถิทํ, จตฺตาโร สติปฏฺานา’’ติอาทิ.
ตตฺถ อารมฺมเณ ปกฺขนฺทิตฺวา อุปฏฺานฏฺเน ปฏฺานํ, สติเยว ปฏฺานํ สติปฏฺานํ. อารมฺมณสฺส ปน กายาทิวเสน จตุพฺพิธตฺตา วุตฺตํ ‘‘จตฺตาโร สติปฏฺานา’’ติ. ตถา หิ กายเวทนาจิตฺตธมฺเมสุ สุภสุขนิจฺจอตฺตสฺานํ ปหานโต อสุภทุกฺขานิจฺจานตฺตตาคหณโต จ เนสํ กายานุปสฺสนาทิภาโว วิภตฺโต.
สมฺมา ปทหนฺติ เอเตน, สยํ วา สมฺมา ปทหติ, ปสตฺถํ, สุนฺทรํ วา ปทหนฺติ สมฺมปฺปธานํ. ปุคฺคลสฺส วา สมฺมเทว ปธานภาวกรณโต สมฺมปฺปธานํ. วีริยสฺเสตํ อธิวจนํ. ตมฺปิ อนุปฺปนฺนุปฺปนฺนานํ อกุสลานํ อนุปฺปาทนปหานวเสน อนุปฺปนฺนุปฺปนฺนานํ กุสลานํ ธมฺมานํ อุปฺปาทนภาวนวเสน จ จตุกิจฺจํ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘จตฺตาโร สมฺมปฺปธานา’’ติ.
อิชฺฌตีติ อิทฺธิ, สมิชฺฌติ นิปฺผชฺชตีติ อตฺโถ. อิชฺฌนฺติ วา เอตาย สตฺตา อิทฺธา วุทฺธา อุกฺกํสคตา โหนฺตีติ อิทฺธิ. อิติ ปเมน อตฺเถน อิทฺธิ เอว ปาโท อิทฺธิปาโท, อิทฺธิโกฏฺาโสติ อตฺโถ ¶ . ทุติเยน อตฺเถน อิทฺธิยา ปาโท ปติฏฺา อธิคมูปาโยติ อิทฺธิปาโท. เตน หิ อุปรูปริวิเสสสงฺขาตํ อิทฺธึ ปชฺชนฺติ ปาปุณนฺติ, สฺวายํ อิทฺธิปาโท ยสฺมา ฉนฺทาทิเก จตฺตาโร อธิปติธมฺเม ธุเร เชฏฺเก กตฺวา นิพฺพตฺติยติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘จตฺตาโร อิทฺธิปาทา’’ติ.
ปฺจินฺทฺริยานีติ สทฺธาทีนิ ปฺจ อินฺทฺริยานิ. ตตฺถ อสฺสทฺธิยํ อภิภวิตฺวา อธิโมกฺขลกฺขเณ อินฺทฏฺํ กาเรตีติ สทฺธินฺทฺริยํ, โกสชฺชํ อภิภวิตฺวา ปคฺคหลกฺขเณ ¶ , ปมาทํ อภิภวิตฺวา อุปฏฺานลกฺขเณ, วิกฺเขปํ อภิภวิตฺวา อวิกฺเขปลกฺขเณ, อฺาณํ อภิภวิตฺวา ทสฺสนลกฺขเณ อินฺทฏฺํ กาเรตีติ ปฺินฺทฺริยํ.
ตานิเยว อสฺสทฺธิยาทีหิ อนภิภวนียโต อกมฺปิยฏฺเน สมฺปยุตฺตธมฺเมสุ ถิรภาเวน ‘‘พลานี’’ติ เวทิตพฺพานิ.
สตฺต โพชฺฌงฺคาติ โพธิยา, โพธิสฺส วา องฺคาติ โพชฺฌงฺคา. ยา หิ เอสา ธมฺมสามคฺคี ยาย โลกุตฺตรมคฺคกฺขเณ อุปฺปชฺชมานาย ลีนุทฺธจฺจปติฏฺานายูหนกามสุขตฺตกิลมถานุโยค- อุจฺเฉทสสฺสตาภินิเวสาทีนํ อเนเกสํ อุปทฺทวานํ ปฏิปกฺขภูตาย สติธมฺมวิจยวีริยปีติปสฺสทฺธิสมาธิอุเปกฺขาสงฺขาตาย ¶ ธมฺมสามคฺคิยา อริยสาวโก พุชฺฌติ, กิเลสนิทฺทาย วุฏฺหติ, จตฺตาริ วา อริยสจฺจานิ ปฏิวิชฺฌติ, นิพฺพานเมว วา สจฺฉิกโรตีติ ‘‘โพธี’’ติ วุจฺจติ, ตสฺสา ธมฺมสามคฺคิสงฺขาตาย โพธิยา องฺคาติปิ โพชฺฌงฺคา ฌานงฺคมคฺคงฺคาทโย วิย. โยเปส วุตฺตปฺปการาย ธมฺมสามคฺคิยา พุชฺฌตีติ กตฺวา อริยสาวโก ‘‘โพธี’’ติ วุจฺจติ, ตสฺส โพธิสฺส องฺคาติปิ โพชฺฌงฺคา เสนงฺครถงฺคาทโย วิย. เตนาหุ โปราณา – ‘‘พุชฺฌนกสฺส ปุคฺคลสฺส องฺคาติ โพชฺฌงฺคา’’ติ. ‘‘โพธิยา สํวตฺตนฺตีติ โพชฺฌงฺคา’’ติอาทินา นเยนปิ โพชฺฌงฺคานํ โพชฺฌงฺคตฺโถ เวทิตพฺโพ.
อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโคติ ตํตํมคฺควชฺฌกิเลเสหิ อารกตฺตา อริยภาวกรตฺตา อริยผลปฏิลาภกรตฺตา จ อริโย. สมฺมาทิฏฺิอาทีนิ อฏฺงฺคานิ อสฺส อตฺถิ, อฏฺ องฺคานิเยว วา อฏฺงฺคิโก. กิเลเส มาเรนฺโต คจฺฉติ, นิพฺพานตฺถิเกหิ ¶ มคฺคิยติ, สยํ วา นิพฺพานํ มคฺคตีติ มคฺโคติ. เอวเมเตสํ สติปฏฺานาทีนํ อตฺถวิภาโค เวทิตพฺโพ.
โสตาปนฺโนติ มคฺคสงฺขาตํ โสตํ อาปชฺชิตฺวา ปาปุณิตฺวา ิโต, โสตาปตฺติผลฏฺโติ อตฺโถ. โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยาย ปฏิปนฺโนติ โสตาปตฺติผลสฺส อตฺตปจฺจกฺขกรณาย ปฏิปชฺชมาโน ปมมคฺคฏฺโ, โย อฏฺมโกติปิ วุจฺจติ. สกทาคามีติ สกิเทว อิมํ โลกํ ปฏิสนฺธิคฺคหณวเสน อาคมนสีโล ทุติยผลฏฺโ. อนาคามีติ ปฏิสนฺธิคฺคหณวเสน กามโลกํ อนาคมนสีโล ตติยผลฏฺโ ¶ . โย ปน สทฺธานุสารี ธมฺมานุสารี เอกพีชีติ เอวมาทิโก อริยปุคฺคลวิภาโค, โส เอเตสํเยว ปเภโทติ. เสสํ วุตฺตนยเมว.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ อตฺตโน ธมฺมวินเย มตกุณปสทิเสน ทุสฺสีลปุคฺคเลน สทฺธึ สํวาสาภาวสงฺขาตํ อตฺถํ วิทิตฺวา. อิมํ อุทานนฺติ อิมํ อสํวาสารหสํวาสารหวิภาคการณปริทีปนํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ ฉนฺนมติวสฺสตีติ อาปตฺตึ อาปชฺชิตฺวา ปฏิจฺฉาเทนฺโต อฺํ นวํ อาปตฺตึ อาปชฺชติ, ตโต ปรํ ตโต ปรนฺติ เอวํ อาปตฺติวสฺสํ กิเลสวสฺสํ อติวิย วสฺสติ. วิวฏํ นาติวสฺสตีติ อาปตฺตึ อาปนฺโน ตํ อปฺปฏิจฺฉาเทตฺวา วิวรนฺโต สพฺรหฺมจารีนํ ปกาเสนฺโต ยถาธมฺมํ ยถาวินยํ ปฏิกโรนฺโต เทเสนฺโต วุฏฺหนฺโต อฺํ นวํ อาปตฺตึ น อาปชฺชติ, เตนสฺส วิวฏํ ปุน อาปตฺติวสฺสํ กิเลสวสฺสํ น วสฺสติ. ยสฺมา จ เอตเทวํ, ตสฺมา ฉนฺนํ ฉาทิตํ อาปตฺตึ วิวเรถ ปกาเสถ. เอวํ ตํ นาติวสฺสตีติ เอวํ สนฺเต ตํ อาปตฺติอาปชฺชนกํ อาปนฺนปุคฺคลํ ¶ อตฺตภาวํ อติวิชฺฌิตฺวา กิเลสวสฺสํ น วสฺสติ น เตเมติ. เอวํ โส กิเลเสหิ อนวสฺสุโต ปริสุทฺธสีโล สมาหิโต หุตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา สมฺมสนฺโต อนุกฺกเมน นิพฺพานํ ปาปุณาตีติ อธิปฺปาโย.
ปฺจมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. โสณสุตฺตวณฺณนา
๔๖. ฉฏฺเ ¶ อวนฺตีสูติ อวนฺติรฏฺเ. กุรรฆเรติ เอวํนามเก นคเร. ปวตฺเต ปพฺพเตติ ปวตฺตนามเก ปพฺพเต. ‘‘ปปาเต ปพฺพเต’’ติปิ ปนฺติ. โสโณ อุปาสโก กุฏิกณฺโณติ นาเมน โสโณ นาม, ตีหิ สรณคมเนหิ อุปาสกภาวปฺปฏิเวทเนน อุปาสโก, โกฏิอคฺฆนกสฺส กณฺณปิฬนฺธนสฺส ธารเณน ‘‘โกฏิกณฺโณ’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘กุฏิกณฺโณ’’ติ เอวํ อภิฺาโต, น สุขุมาลโสโณติ อธิปฺปาโย ¶ . อยฺหิ อายสฺมโต มหากจฺจายนสฺส สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา สาสเน อภิปฺปสนฺโน, สรเณสุ จ สีเลสุ จ ปติฏฺิโต ปวตฺเต ปพฺพเต ฉายูทกสมฺปนฺเน าเน วิหารํ กาเรตฺวา เถรํ ตตฺถ วสาเปตฺวา จตูหิ ปจฺจเยหิ อุปฏฺาติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อายสฺมโต มหากจฺจานสฺส อุปฏฺาโก โหตี’’ติ.
โส กาเลน กาลํ เถรสฺส อุปฏฺานํ คจฺฉติ. เถโร จสฺส ธมฺมํ เทเสติ. เตน สํเวคพหุโล ธมฺมจริยาย อุสฺสาหชาโต วิหรติ. โส เอกทา สตฺเถน สทฺธึ วาณิชฺชตฺถาย อุชฺเชนึ คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค อฏวิยํ สตฺเถ นิวิฏฺเ รตฺติยํ ชนสมฺพาธภเยน เอกมนฺตํ อปกฺกมฺม นิทฺทํ อุปคฺฉิ. สตฺโถ ปจฺจูสเวลายํ อุฏฺาย คโต, น เอโกปิ โสณํ ปโพเธสิ, สพฺเพปิ วิสริตฺวา อคมํสุ. โส ปภาตาย รตฺติยา ปพุชฺฌิตฺวา อุฏฺาย กฺจิ อปสฺสนฺโต สตฺเถเนว คตมคฺคํ คเหตฺวา สีฆํ สีฆํ คจฺฉนฺโต เอกํ วฏรุกฺขํ อุปคฺฉิ. ตตฺถ อทฺทส เอกํ มหากายํ วิรูปทสฺสนํ คจฺฉนฺตํ ปุริสํ อฏฺิโต มุตฺตานิ อตฺตโน มํสานิ สยเมว ขาทนฺตํ, ทิสฺวาน ‘‘โกสิ ตฺว’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘เปโตมฺหิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กสฺมา เอวํ กโรสี’’ติ. ‘‘อตฺตโน ปุพฺพกมฺเมนา’’ติ. ‘‘กึ ปน ตํ กมฺม’’นฺติ. ‘‘อหํ ปุพฺเพ ภารุกจฺฉนครวาสี กูฏวาณิโช หุตฺวา ปเรสํ สนฺตกํ วฺเจตฺวา ขาทึ, สมเณ จ ภิกฺขาย อุปคเต ‘ตุมฺหากํ มํสํ ¶ ขาทถา’ติ อกฺโกสึ, เตน กมฺเมน เอตรหิ อิมํ ทุกฺขํ อนุภวามี’’ติ. ตํ ¶ สุตฺวา โสโณ อติวิย สํเวคํ ปฏิลภิ.
ตโต ปรํ คจฺฉนฺโต มุขโต ปคฺฆริตกาฬโลหิเต ทฺเว เปตทารเก ปสฺสิตฺวา ตเถว ปุจฺฉิ. เตปิสฺส อตฺตโน กมฺมํ กเถสุํ. เต กิร ภารุกจฺฉนคเร ทารกกาเล คนฺธวาณิชฺชาย ชีวิกํ กปฺเปนฺตา อตฺตโน มาตริ ขีณาสเว นิมนฺเตตฺวา โภเชนฺติยา เคหํ คนฺตฺวา ‘‘อมฺหากํ สนฺตกํ กสฺมา สมณานํ เทสิ, ตยา ทินฺนํ โภชนํ ภฺุชนกสมณานํ มุขโต กาฬโลหิตํ ปคฺฆรตู’’ติ อกฺโกสึสุ. เต เตน กมฺเมน นิรเย ปจฺจิตฺวา ตสฺส วิปากาวเสเสน เปตโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา ตทา อิมํ ทุกฺขํ อนุภวนฺติ. ตมฺปิ สุตฺวา โสโณ อติวิย สํเวคชาโต อโหสิ.
โส ¶ อุชฺเชนึ คนฺตฺวา ตํ กรณียํ ตีเรตฺวา กุลฆรํ ปจฺจาคโต เถรํ อุปสงฺกมิตฺวา กตปฏิสนฺถาโร เถรสฺส ตมตฺถํ อาโรเจสิ. เถโรปิสฺส ปวตฺตินิวตฺตีสุ อาทีนวานิสํเส วิภาเวนฺโต ธมฺมํ เทเสสิ. โส เถรํ วนฺทิตฺวา เคหํ คโต สายมาสํ ภฺุชิตฺวา สยนํ อุปคโต โถกํเยว นิทฺทายิตฺวา ปพุชฺฌิตฺวา สยนตเล นิสชฺช ยถาสุตํ ธมฺมํ ปจฺจเวกฺขิตุํ อารทฺโธ. ตสฺส ตํ ธมฺมํ ปจฺจเวกฺขโต, เต จ เปตตฺตภาเว อนุสฺสรโต สํสารทุกฺขํ อติวิย ภยานกํ หุตฺวา อุปฏฺาสิ, ปพฺพชฺชาย จิตฺตํ นมิ. โส วิภาตาย รตฺติยา สรีรปฏิชคฺคนํ กตฺวา เถรํ อุปสงฺกมิตฺวา อตฺตโน อชฺฌาสยํ อาโรเจตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข โสณสฺส อุปาสกสฺส กุฏิกณฺณสฺส รโหคตสฺส…เป… ปพฺพาเชตุ มํ, ภนฺเต, อยฺโย มหากจฺจาโน’’ติ.
ตตฺถ ยถา ยถาติอาทีนํ ปทานํ อยํ สงฺเขปตฺโถ – เยน เยน อากาเรน อยฺโย มหากจฺจาโน ธมฺมํ เทเสติ อาจิกฺขติ ปฺเปติ ปฏฺเปติ วิวรติ วิภชติ อุตฺตานีกโรติ ปกาเสติ, เตน เตน เม อุปปริกฺขโต เอวํ โหติ, ยเทตํ สิกฺขตฺตยพฺรหฺมจริยํ เอกมฺปิ ทิวสํ อกฺขณฺฑํ กตฺวา จริมกจิตฺตํ ปาเปตพฺพตาย เอกนฺตปริปุณฺณํ. เอกทิวสมฺปิ กิเลสมเลน อมลินํ กตฺวา จริมกจิตฺตํ ปาเปตพฺพตาย เอกนฺตปริสุทฺธํ. สงฺขลิขิตนฺติ ลิขิตสงฺขสทิสํ โธตสงฺขสปฺปฏิภาคํ จริตพฺพํ. อิทํ น ¶ สุกรํ อคารํ อชฺฌาวสตา อคารมชฺเฌ วสนฺเตน เอกนฺต ปริปุณฺณํ…เป… จริตุํ ยํนูนาหํ เกเส เจว มสฺสูนิ จ โอหาเรตฺวา โวโรเปตฺวา กาสายรสปีตตาย กาสายานิ พฺรหฺมจริยํ จรนฺตานํ อนุจฺฉวิกานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา นิวาเสตฺวา เจว ปารุปิตฺวา จ อคารสฺมา นิกฺขมิตฺวา อนคาริยํ ปพฺพเชยฺยํ ¶ . ยสฺมา อคารสฺส หิตํ กสิวาณิชฺชาทิกมฺมํ อคาริยนฺติ วุจฺจติ, ตฺจ ปพฺพชฺชาย นตฺถิ, ตสฺมา ปพฺพชฺชา อนคาริยา นาม. ตํ อนคาริยํ ปพฺพชฺชํ ปพฺพเชยฺยํ อุปคจฺเฉยฺยํ, ปฏิปชฺเชยฺยนฺติ อตฺโถ.
เอวํ อตฺตนา รโหวิตกฺกิตํ โสโณ อุปาสโก เถรสฺส อาโรเจตฺวา ตํ ปฏิปชฺชิตุกาโม ‘‘ปพฺพาเชตุ มํ, ภนฺเต, อยฺโย มหากจฺจาโน’’ติ อาห. เถโร ปน ‘‘ตาวสฺส าณปริปากํ กถ’’นฺติ อุปธาเรตฺวา ¶ าณปริปากํ อาคมยมาโน ‘‘ทุกฺกรํ โข’’ติอาทินา ปพฺพชฺชาฉนฺทํ นิวาเรสิ.
ตตฺถ เอกภตฺตนฺติ ‘‘เอกภตฺติโก โหติ รตฺตูปรโต วิรโต วิกาลโภชนา’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๙๔; อ. นิ. ๓.๗๑) เอวํ วุตฺตํ วิกาลโภชนวิรตึ สนฺธาย วทติ. เอกเสยฺยนฺติ อทุติยเสยฺยํ. เอตฺถ จ เสยฺยาสีเสน ‘‘เอโก ติฏฺติ, เอโก คจฺฉติ, เอโก นิสีทตี’’ติอาทินา (มหานิ. ๗; ๔๙) นเยน วุตฺเตสุ จตูสุ อิริยาปเถสุ กายวิเวกํ ทีเปติ, น เอกากินา หุตฺวา สยนมตฺตํ. พฺรหฺมจริยนฺติ เมถุนวิรติพฺรหฺมจริยํ, สิกฺขตฺตยานุโยคสงฺขาตํ สาสนพฺรหฺมจริยํ วา. อิงฺฆาติ โจทนตฺเถ นิปาโต. ตตฺเถวาติ เคเหเยว. พุทฺธานํ สาสนํ อนุยฺุชาติ นิจฺจสีลอุโปสถสีลาทิเภทํ ปฺจงฺคอฏฺงฺคทสงฺคสีลํ, ตทนุรูปฺจ สมาธิปฺาภาวนํ อนุยฺุช. เอตฺหิ อุปาสเกน ปุพฺพภาเค อนุยฺุชิตพฺพํ พุทฺธสาสนํ นาม. เตนาห – ‘‘กาลยุตฺตํ เอกภตฺตํ เอกเสยฺยํ พฺรหฺมริย’’นฺติ.
ตตฺถ กาลยุตฺตนฺติ จาตุทฺทสีปฺจทสีอฏฺมีปาฏิหาริยปกฺขสงฺขาเตน กาเลน ยุตฺตํ, ยถาวุตฺตกาเล วา ตุยฺหํ อนุยฺุชนฺตสฺส ยุตฺตํ ปติรูปํ สกฺกุเณยฺยํ, น สพฺพกาลํ ปพฺพชฺชาติ อธิปฺปาโย. สพฺพเมตํ าณสฺส อปริปกฺกตฺตา ตสฺส กามานํ ¶ ทุปฺปหานตาย สมฺมาปฏิปตฺติยํ โยคฺยํ การาเปตุํ วทติ, น ปพฺพชฺชาฉนฺทํ นิวาเรตุํ. ปพฺพชฺชาภิสงฺขาโรติ ปพฺพชิตุํ อารมฺโภ อุสฺสาโห. ปฏิปสฺสมฺภีติ อินฺทฺริยานํ อปริปกฺกตฺตา, สํเวคสฺส จ นาติติกฺขภาวโต วูปสมิ. กิฺจาปิ ปฏิปสฺสมฺภิ, เถเรน วุตฺตวิธึ ปน อนุติฏฺนฺโต กาเลน กาลํ เถรํ อุปสงฺกมิตฺวา ปยิรุปาสนฺโต ธมฺมํ สุณาติ. ตสฺส วุตฺตนเยเนว ทุติยํ ปพฺพชฺชาย จิตฺตํ อุปฺปชฺชิ, เถรสฺส จ อาโรเจสิ. ทุติยมฺปิ เถโร ปฏิกฺขิปิ. ตติยวาเร ปน าณสฺส ปริปกฺกภาวํ ตฺวา ‘‘อิทานิ นํ ปพฺพาเชตุํ กาโล’’ติ เถโร ปพฺพาเชสิ, ปพฺพชิตฺจ ตํ ตีณิ สํวจฺฉรานิ อติกฺกมิตฺวา คณํ ปริเยสิตฺวา อุปสมฺปาเทสิ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘ทุติยมฺปิ โข โสโณ…เป… อุปสมฺปาเทสี’’ติ.
ตตฺถ ¶ อปฺปภิกฺขุโกติ กติปยภิกฺขุโก. ตทา กิร ภิกฺขู เยภุยฺเยน มชฺฌิมเทเส เอว วสึสุ. ตสฺมา ตตฺถ กติปยา เอว อเหสุํ ¶ , เต จ เอกสฺมึ นิคเม เอโก, เอกสฺมึ ทฺเวติ เอวํ วิสุํ วิสุํ วสึสุ. กิจฺเฉนาติ ทุกฺเขน. กสิเรนาติ อายาเสน. ตโต ตโตติ ตสฺมา ตสฺมา คามนิคมาทิโต. เถเรน หิ กติปเย ภิกฺขู อาเนตฺวา อฺเสุ อานียมาเนสุ ปุพฺเพ อานีตา เกนจิเทว กรณีเยน ปกฺกมึสุ, กิฺจิ กาลํ อาคเมตฺวา ปุน เตสุ อานียมาเนสุ อิตเร ปกฺกมึสุ. เอวํ ปุนปฺปุนํ อานยเนน สนฺนิปาโต จิเรเนว อโหสิ, เถโร จ ตทา เอกวิหารี อโหสิ. ทสวคฺคํ ภิกฺขุสงฺฆํ สนฺนิปาเตตฺวาติ ตทา ภควตา ปจฺจนฺตเทเสปิ ทสวคฺเคเนว สงฺเฆน อุปสมฺปทา อนฺุาตา. อิโตนิทานฺหิ เถเรน ยาจิโต ปฺจวคฺเคน สงฺเฆน ปจฺจนฺตเทเส อุปสมฺปทํ อนุชานิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ติณฺณํ วสฺสานํ…เป… สนฺนิปาเตตฺวา’’ติ.
วสฺสํวุฏฺสฺสาติ อุปสมฺปชฺชิตฺวา ปมวสฺสํ อุปคนฺตฺวา วุสิตวโต. อีทิโส จ อีทิโส จาติ เอวรูโป จ เอวรูโป จ, เอวรูปาย นามกายรูปกายสมฺปตฺติยา สมนฺนาคโต, เอวรูปาย ธมฺมกายสมฺปตฺติยา สมนฺนาคโตติ สุโตเยว เม โส ภควา. น โข เม โส ภควา สมฺมุขา ทิฏฺโติ เอเตน ปุถุชฺชนสทฺธาย เอวํ อายสฺมา โสโณ ภควนฺตํ ทฏฺุกาโม อโหสิ. อปรภาเค ปน สตฺถารา สทฺธึ เอกคนฺธกุฏิยํ วสิตฺวา ปจฺจูสสมยํ อชฺฌิฏฺโ โสฬส อฏฺกวคฺคิกานิ สตฺถุ ¶ สมฺมุขา อฏฺึ กตฺวา มนสิ กตฺวา สพฺพํ เจตโส สมนฺนาหริตฺวา อตฺถธมฺมปฺปฏิสํเวที หุตฺวา ภณนฺโต ธมฺมูปสฺหิตปาโมชฺชาทิมุเขน สมาหิโต สรภฺปริโยสาเน วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา สงฺขาเร สมฺมสนฺโต อนุปุพฺเพน อรหตฺตํ ปาปุณิ. เอตทตฺถเมว หิสฺส ภควตา อตฺตนา สทฺธึ เอกคนฺธกุฏิยํ วาโส อาณตฺโตติ วทนฺติ.
เกจิ ปนาหุ – ‘‘น โข เม โส ภควา สมฺมุขา ทิฏฺโ’’ติ อิทํ รูปกายทสฺสนเมว สนฺธาย วุตฺตนฺติ. อายสฺมา หิ โสโณ ปพฺพชิตฺวาว เถรสฺส สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา ฆเฏนฺโต วายมนฺโต อนุปสมฺปนฺโนว โสตาปนฺโน หุตฺวา อุปสมฺปชฺชิตฺวา ‘‘อุปาสกาปิ โสตาปนฺนา โหนฺติ, อหมฺปิ โสตาปนฺโน, กิเมตฺถ จิตฺต’’นฺติ อุปริมคฺคตฺถาย วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อนฺโตวสฺเสเยว ฉฬภิฺโ หุตฺวา วิสุทฺธิปวารณาย ปวาเรสิ ¶ . อริยสจฺจทสฺสเนน หิ ภควโต ธมฺมกาโย ทิฏฺโ นาม โหติ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘โย โข, วกฺกลิ, ธมฺมํ ปสฺสติ, โส มํ ปสฺสติ. โย มํ ปสฺสติ, โส ธมฺมํ ปสฺสตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๘๗).
ตสฺมาสฺส ¶ ธมฺมกายทสฺสนํ ปเคว สิทฺธํ, ปวาเรตฺวา ปน รูปกายํ ทฏฺุกาโม อโหสีติ.
‘‘สเจ มํ อุปชฺฌาโย อนุชานาตี’’ติปิ ปาโ. ‘‘ภนฺเต’’ติ ปน ลิขนฺติ. ตถา ‘‘สาธุ สาธุ, อาวุโส โสณ, คจฺฉ ตฺวํ, อาวุโส โสณา’’ติปิ ปาโ. ‘‘อาวุโส’’ติ ปน เกสุจิ โปตฺถเกสุ นตฺถิ. ตถา ‘‘เอวมาวุโสติ โข อายสฺมา โสโณ’’ติปิ ปาโ. อาวุโสวาโทเยว หิ อฺมฺํ ภิกฺขูนํ ภควโต ธรมานกาเล อาจิณฺโณ. ภควนฺตํ ปาสาทิกนฺติอาทีนํ ปทานํ อตฺโถ เหฏฺา วุตฺโตเยว.
กจฺจิ ภิกฺขุ ขมนียนฺติ ภิกฺขุ อิทํ ตุยฺหํ จตุจกฺกํ นวทฺวารํ สรีรยนฺตํ กจฺจิ ขมนียํ, กึ สกฺกา ขมิตุํ สหิตุํ ปริหริตุํ, กึ ทุกฺขภาโร นาภิภวติ. กจฺจิ ยาปนียนฺติ กึ ตํตํกิจฺเจสุ ยาเปตุํ คเมตุํ สกฺกา, น กฺจิ อนฺตรายนฺติ ทสฺเสติ. กจฺจิสิ อปฺปกิลมเถนาติ อนายาเสน อิมํ เอตฺตกํ อทฺธานํ กจฺจิ อาคโตสิ.
เอตทโหสีติ พุทฺธาจิณฺณํ อนุสฺสรนฺตสฺส อายสฺมโต อานนฺทสฺส ¶ เอตํ ‘‘ยสฺส โข มํ ภควา’’ติอาทินา อิทานิ วุจฺจมานํ จิตฺเต อาจิณฺณํ อโหสิ. เอกวิหาเรติ เอกคนฺธกุฏิยํ. คนฺธกุฏิ หิ อิธ วิหาโรติ อธิปฺเปตา. วตฺถุนฺติ วสิตุํ.
นิสชฺชาย วีตินาเมตฺวาติ เอตฺถ ยสฺมา ภควา อายสฺมโต โสณสฺส สมาปตฺติสมาปชฺชเน ปฏิสนฺถารํ กโรนฺโต สาวกสาธารณา สพฺพา สมาปตฺติโย อนุโลมปฏิโลมํ สมาปชฺชนฺโต พหุเทว รตฺตึ…เป… วิหารํ ปาวิสิ, ตสฺมา อายสฺมาปิ โสโณ ภควโต อธิปฺปายํ ตฺวา ตทนุรูปํ สพฺพา ตา สมาปตฺติโย สมาปชฺชนฺโต ‘‘พหุเทว รตฺตึ…เป… วิหารํ ปาวิสี’’ติ เกจิ วทนฺติ. ปวิสิตฺวา จ ภควตา ¶ อนฺุาโต จีวรํ ติโรกรณียํ กตฺวาปิ ภควโต ปาทปสฺเส นิสชฺชาย วีตินาเมสิ. อชฺเฌสีติ อาณาเปสิ. ปฏิภาตุ ตํ ภิกฺขุ ธมฺโม ภาสิตุนฺติ ภิกฺขุ ตุยฺหํ ธมฺโม ภาสิตุํ อุปฏฺาตุ าณมุเข อาคจฺฉตุ, ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ ภณาหีติ อตฺโถ.
โสฬส อฏฺกวคฺคิกานีติ อฏฺกวคฺคภูตานิ กามสุตฺตาทีนิ โสฬส สุตฺตานิ. สเรน อภณีติ สุตฺตุสฺสารณสเรน อภาสิ, สรภฺวเสน กเถสีติ อตฺโถ. สรภฺปริโยสาเนติ อุสฺสารณาวสาเน. สุคฺคหิตานีติ สมฺมา อุคฺคหิตานิ. สุมนสิกตานีติ สุฏฺุ มนสิ กตานิ. เอกจฺโจ อุคฺคหณกาเล สมฺมา อุคฺคเหตฺวาปิ ปจฺฉา สชฺฌายาทิวเสน มนสิ กรณกาเล ¶ พฺยฺชนานิ วา มิจฺฉา โรเปติ, ปทปจฺฉาภฏฺํ วา กโรติ, น เอวมยํ. อิมินา ปน สมฺมเทว ยถุคฺคหิตํ มนสิ กตานิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘สุมนสิกตานีติ สุฏฺุ มนสิ กตานี’’ติ. สูปธาริตานีติ อตฺถโตปิ สุฏฺุ อุปธาริตานิ. อตฺเถ หิ สุฏฺฏุ อุปธาริเต สกฺกา ปาฬึ สมฺมา อุสฺสาเรตุํ. กลฺยาณิยาสิ วาจาย สมนฺนาคโตติ สิถิลธนิตาทีนํ ยถาวิธานวจเนน ปริมณฺฑลปทพฺยฺชนปริปุณฺณาย โปริยา วาจาย สมนฺนาคโต อาสิ. วิสฺสฏฺายาติ วิมุตฺตาย. เอเตนสฺส วิมุตฺตวาทิตํ ¶ ทสฺเสติ. อเนลคฬายาติ เอลา วุจฺจติ โทโส, ตํ น ปคฺฆรตีติ อเนลคฬา, ตาย นิทฺโทสายาติ อตฺโถ. อถ วา อเนลคฬายาติ อเนลาย จ อคฬาย จ นิทฺโทสาย อคฬิตปทพฺยฺชนาย, อปริหีนปทพฺยฺชนายาติ อตฺโถ. ตถา หิ นํ ภควา ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ กลฺยาณวากฺกรณานํ ยทิทํ โสโณ กุฏิกณฺโณ’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๐๖) เอตทคฺเค เปสิ. อตฺถสฺส วิฺาปนิยาติ ยถาธิปฺเปตํ อตฺถํ วิฺาเปตุํ สมตฺถาย.
กติวสฺโสติ โส กิร มชฺฌิมวยสฺส ตติยโกฏฺาเส ิโต อากปฺปสมฺปนฺโน จ ปเรสํ จิรตรปพฺพชิโต วิย ขายติ. ตํ สนฺธาย ภควา ปุจฺฉตีติ เกจิ, ตํ อการณํ. เอวํ สนฺเต สมาธิสุขํ อนุภวิตุํ ยุตฺโต, เอตฺตกํ กาลํ กสฺมา ปมาทมาปนฺโนติ ปุน อนุยฺุชิตุํ สตฺถา ‘‘กติวสฺโสสี’’ติ ตํ ปุจฺฉติ. เตเนวาห – ‘‘กิสฺส ปน ตฺวํ ภิกฺขุ เอวํ จิรํ อกาสี’’ติ.
ตตฺถ ¶ กิสฺสาติ กึ การณา. เอวํ จิรํ อกาสีติ เอวํ จิรายิ, เกน การเณน เอวํ จิรกาลํ ปพฺพชฺชํ อนุปคนฺตฺวา อคารมชฺเฌ วสีติ อตฺโถ. จิรํ ทิฏฺโ เมติ จิเรน จิรกาเลน มยา ทิฏฺโ. กาเมสูติ กิเลสกาเมสุ จ วตฺถุกาเมสุ จ. อาทีนโวติ โทโส. อปิ จาติ กาเมสุ อาทีนเว เกนจิ ปกาเรน ทิฏฺเปิ น ตาวาหํ ฆราวาสโต นิกฺขมิตุํ อสกฺขึ. กสฺมา? สมฺพาโธ ฆราวาโส อุจฺจาวเจหิ กิจฺจกรณีเยหิ สมุปพฺยูฬฺโห อคาริยภาโว. เตเนวาห – ‘‘พหุกิจฺโจ พหุกรณีโย’’ติ.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ กาเมสุ ยถาภูตํ อาทีนวทสฺสิโน จิตฺตํ จิรายิตฺวาปิ น ปติฏฺาติ, อฺทตฺถุ ปทุมปลาเส อุทกพินฺทุ วิย วินิวตฺตติเยวาติ เอตมตฺถํ สพฺพาการโต วิทิตฺวา. อิมํ อุทานนฺติ ปวตฺตึ นิวตฺติฺจ สมฺมเทว ชานนฺโต ปวตฺติยํ ตนฺนิมิตฺเต จ น กทาจิปิ รมตีติ อิทมตฺถทีปกํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ ¶ ทิสฺวา อาทีนวํ โลเกติ สพฺพสฺมึ สงฺขารโลเก ‘‘อนิจฺโจ ทุกฺโข วิปริณามธมฺโม’’ติอาทินา อาทีนวํ โทสํ ปฺาย ปสฺสิตฺวา. เอเตน วิปสฺสนาวาโร กถิโต ¶ . ตฺวา ธมฺมํ นิรุปธินฺติ สพฺพูปธิปฏินิสฺสคฺคตฺตา นิรุปธึ นิพฺพานธมฺมํ ยถาภูตํ ตฺวา นิสฺสรณวิเวกาสงฺขตามตสภาวโต มคฺคาเณน ปฏิวิชฺฌิตฺวา. ‘‘ทิสฺวา ตฺวา’’ติ อิเมสํ ปทานํ ‘‘สปฺปึ ปิวิตฺวา พลํ โหติ, สีหํ ทิสฺวา ภยํ โหติ, ปฺาย ทิสฺวา อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺตี’’ติอาทีสุ (ปุ. ป. ๒๐๘; อ. นิ. ๙.๔๒-๔๓) วิย เหตุอตฺถตา ทฏฺพฺพา. อริโย น รมตี ปาเปติ กิเลเสหิ อารกตฺตา อริโย สปฺปุริโส อณุมตฺเตปิ ปาเป น รมติ. กสฺมา? ปาเป น รมตี สุจีติ สุวิสุทฺธกายสมาจาราทิตาย วิสุทฺธปุคฺคโล ราชหํโส วิย อุกฺการฏฺาเน ปาเป สํกิลิฏฺธมฺเม น รมติ นาภินนฺทติ. ‘‘ปาโป น รมตี สุจิ’’นฺติปิ ปาโ. ตสฺสตฺโถ – ปาโป ปาปปุคฺคโล สุจึ อนวชฺชํ โวทานธมฺมํ น รมติ, อฺทตฺถุ คามสูกราทโย วิย อุกฺการฏฺานํ อสุจึ สํกิเลสธมฺมํเยว รมตีติ ปฏิปกฺขโต เทสนํ ปริวตฺเตติ.
เอวํ ภควตา อุทาเน อุทานิเต อายสฺมา โสโณ อุฏฺายาสนา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา อตฺตโน อุปชฺฌายสฺส วจเนน ปจฺจนฺตเทเส ปฺจวคฺเคน ¶ อุปสมฺปทาทิปฺจวตฺถูนิ ยาจิ. ภควาปิ ตานิ อนุชานีติ ตํ สพฺพํ ขนฺธเก (มหาว. ๒๔๒ อาทโย) อาคตนเยน เวทิตพฺพํ.
ฉฏฺสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. กงฺขาเรวตสุตฺตวณฺณนา
๔๗. สตฺตเม กงฺขาเรวโตติ ตสฺส เถรสฺส นามํ. โส หิ สาสเน ปพฺพชิตฺวา ลทฺธูปสมฺปโท สีลวา กลฺยาณธมฺโม วิหรติ, ‘‘อกปฺปิยา มุคฺคา, น กปฺปนฺติ มุคฺคา ปริภฺุชิตุํ, อกปฺปิโย คุโฬ’’ติ (มหาว. ๒๗๒) จ อาทินา วินยกุกฺกุจฺจสงฺขาตกงฺขาพหุโล ปน โหติ. เตน กงฺขาเรวโตติ ปฺายิตฺถ. โส อปรภาเค สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา ฆเฏนฺโต วายมนฺโต ฉฬภิฺา สจฺฉิกตฺวา ฌานสุเขน ¶ ผลสุเขน วีตินาเมติ, เยภุยฺเยน ปน อตฺตนา อธิคตํ อริยมคฺคํ ครุํ กตฺวา ปจฺจเวกฺขติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อตฺตโน กงฺขาวิตรณวิสุทฺธึ ปจฺจเวกฺขมาโน’’ติ. มคฺคปฺา หิ ‘‘อโหสึ ¶ นุ โข อหํ อตีตมทฺธาน’’นฺติอาทินยปวตฺตาย (ม. นิ. ๑.๑๘; สํ. นิ. ๒.๒๐) โสฬสวตฺถุกาย, ‘‘พุทฺเธ กงฺขติ…เป… ปฏิจฺจสมุปฺปนฺเนสุ ธมฺเมสุ กงฺขตี’’ติ (ธ. ส. ๑๐๐๘) เอวํ วุตฺตาย อฏฺวตฺถุกาย, ปเคว อิตราสนฺติ อนวเสสโต สพฺพกงฺขานํ วิตรณโต สมติกฺกมนโต, อฺเหิ จ อตฺตนา ปหาตพฺพกิเลเสหิ อจฺจนฺตวิสุชฺฌนโต ‘‘กงฺขาวิตรณวิสุทฺธี’’ติ อิธาธิปฺเปตา. ตฺหิ อยมายสฺมา ทีฆรตฺตํ กงฺขาปกตตฺตา ‘‘อิมํ มคฺคธมฺมํ อธิคมฺม อิมา เม กงฺขา อนวเสสา ปหีนา’’ติ ครุํ กตฺวา ปจฺจเวกฺขมาโน นิสีทิ, น สปฺปจฺจยนามรูปทสฺสนํ อนิจฺจนฺติกตฺตา ตสฺส กงฺขาวิตรณสฺส.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ อริยมคฺคสฺส อนวเสสกงฺขาวิตรณสงฺขาตํ อตฺถํ วิทิตฺวา ตทตฺถทีปกํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ ยา กาจิ กงฺขา อิธ วา หุรํ วาติ อิธ อิมสฺมึ ปจฺจุปฺปนฺเน อตฺตภาเว ‘‘อหํ นุ โขสฺมิ โน นุ โขสฺมี’’ติอาทินา หุรํ วา, อตีตานาคเตสุ อตฺตภาเวสุ ‘‘อโหสึ นุ โข อหํ อตีตมทฺธาน’’นฺติอาทินา อุปฺปชฺชนกา กงฺขา. สกเวทิยา วา ปรเวทิยา วาติ ตา เอวํ วุตฺตนเยเนว ¶ สกอตฺตภาเว อารมฺมณวเสน ปฏิลภิตพฺพาย ปวตฺติยา สกเวทิยา วา ปรสฺส อตฺตภาเว ปฏิลภิตพฺพาย ‘‘พุทฺโธ นุ โข, โน นุ โข’’ติอาทินา วา ปรสฺมึ ปธาเน อุตฺตเม ปฏิลภิตพฺพาย ปวตฺติยา ปรเวทิยา วา ยา กาจิ กงฺขา วิจิกิจฺฉา. เย ฌายิโน ตา ปชหนฺติ สพฺพา, อาตาปิโน พฺรหฺมจริยํ จรนฺตาติ เย อารมฺมณูปนิชฺฌาเนน ลกฺขณูปนิชฺฌาเนน ฌายิโน วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา จตุพฺพิธสมฺมปฺปธานปาริปูริยา อาตาปิโน มคฺคพฺรหฺมจริยํ จรนฺตา อธิคจฺฉนฺตา สทฺธานุสารีอาทิปฺปเภทา ปมมคฺคฏฺา ปุคฺคลา, ตา สพฺพา กงฺขา ปชหนฺติ สมุจฺฉินฺทนฺติ มคฺคกฺขเณ. ตโต ปรํ ปน ตา ปหีนา นาม โหนฺติ, ตสฺมา อิโต อฺํ ตาสํ อจฺจนฺตปฺปหานํ นาม นตฺถีติ อธิปฺปาโย.
อิติ ¶ ภควา ฌานมุเขน อายสฺมโต กงฺขาเรวตสฺส ฌานสีเสน อริยมคฺคาธิคมํ โถเมนฺโต โถมนาวเสน อุทานํ อุทาเนสิ. เตเนว จ นํ ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ ฌายีนํ ยทิทํ กงฺขาเรวโต’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๐๔) ฌายีภาเวน เอตทคฺเค เปสีติ.
สตฺตมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. สงฺฆเภทสุตฺตวณฺณนา
๔๘. อฏฺเม ¶ อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เอตทโวจาติ อภิมาเร ปโยเชตฺวา นาฬาคิรึ วิสฺสชฺชาเปตฺวา สิลํ ปวฏฺเฏตฺวา ภควโต อนตฺถํ กาตุํ อสกฺโกนฺโต ‘‘สงฺฆํ ภินฺทิตฺวา จกฺกเภทํ กริสฺสามี’’ติ อธิปฺปาเยน เอตํ ‘‘อชฺชตคฺเค’’ติอาทิวจนํ อโวจ. อฺตฺเรว ภควตาติ วินา เอว ภควนฺตํ, สตฺถารํ อกตฺวาติ อตฺโถ. อฺตฺร ภิกฺขุสงฺฆาติ วินา เอว ภิกฺขุสงฺฆํ. อุโปสถํ กริสฺสามิ สงฺฆกมฺมานิ จาติ ภควโต โอวาทการกํ ภิกฺขุสงฺฆํ วิสุํ กตฺวา มํ อนุวตฺตนฺเตหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ อาเวณิกํ อุโปสถํ สงฺฆกมฺมานิ จ กริสฺสามีติ อตฺโถ. เทวทตฺโต สงฺฆํ ภินฺทิสฺสตีติ เภทกรานํ สพฺเพสํ เทวทตฺเตน สชฺชิตตฺตา เอกํเสเนว เทวทตฺโต อชฺช ¶ สงฺฆํ ภินฺทิสฺสติ ทฺวิธา กริสฺสติ. ‘‘อธมฺมํ ธมฺโม’’ติอาทีสุ หิ อฏฺารสสุ เภทกรวตฺถูสุ ยํกิฺจิ เอกมฺปิ วตฺถุํ ทีเปตฺวา เตน เตน การเณน ‘‘อิมํ คณฺหถ, อิมํ โรเจถา’’ติ สฺาเปตฺวา สลากํ คาเหตฺวา วิสุํ สงฺฆกมฺเม กเต สงฺโฆ ภินฺโน โหติ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘ปฺจหิ, อุปาลิ, อากาเรหิ สงฺโฆ ภิชฺชติ กมฺเมน อุทฺเทเสน โวหรนฺโต อนุสฺสาวเนน สลากคฺคาเหนา’’ติ (ปริ. ๔๕๘).
ตตฺถ กมฺเมนาติ อปโลกนกมฺมาทีสุ จตูสุ กมฺเมสุ อฺตเรน กมฺเมน. อุทฺเทเสนาติ ¶ ปฺจสุ ปาติโมกฺขุทฺเทเสสุ อฺตเรน อุทฺเทเสน. โวหรนฺโตติ ตาหิ ตาหิ อุปฺปตฺตีหิ ‘‘อธมฺมํ ธมฺโม’’ติอาทีนิ (อ. นิ. ๑๐.๓๗; จูฬว. ๓๕๒) อฏฺารสเภทกรวตฺถูนิ ทีเปนฺโต. อนุสฺสาวเนนาติ ‘‘นนุ ตุมฺเห ชานาถ มยฺหํ อุจฺจากุลา ปพฺพชิตภาวํ พหุสฺสุตภาวฺจ, มาทิโส นาม อุทฺธมฺมํ อุพฺพินยํ คาเหยฺยาติ กึ ตุมฺหากํ จิตฺตมฺปิ อุปฺปาเทตุํ ยุตฺตํ, กิมหํ อปายโต น ภายามี’’ติอาทินา นเยน กณฺณมูเล วจีเภทํ กตฺวา อนุสฺสาวเนน. สลากคฺคาเหนาติ เอวํ อนุสฺสาเวตฺวา เตสํ จิตฺตํ อุปตฺถมฺเภตฺวา อนาวตฺติธมฺเม กตฺวา ‘‘คณฺหถ อิมํ สลาก’’นฺติ สลากคฺคาเหน.
เอตฺถ จ กมฺมเมว อุทฺเทโส วา ปมาณํ, โวหารานุสฺสาวนสลากคฺคาหา ปน ปุพฺพภาคา. อฏฺารสวตฺถุทีปนวเสน หิ โวหรนฺเตน ตตฺถ รุจิชนนตฺถํ อนุสฺสาเวตฺวา สลากาย คาหิตายปิ อภินฺโนว โหติ สงฺโฆ. ยทา ปเนวํ จตฺตาโร วา อติเรกา วา สลากํ คาเหตฺวา อาเวณิกํ อุทฺเทสํ วา กมฺมํ วา กโรนฺติ, ตทา สงฺโฆ ภินฺโน นาม โหติ. เทวทตฺโต จ สพฺพํ สงฺฆเภทสฺส ปุพฺพภาคํ ¶ นิปฺผาเทตฺวา ‘‘เอกํเสเนว อชฺช อาเวณิกํ อุโปสถํ สงฺฆกมฺมฺจ กริสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘อชฺชตคฺเค’’ติอาทิวจนํ อโวจ. เตนาห – ‘‘อชฺช, ภนฺเต, เทวทตฺโต สงฺฆํ ภินฺทิสฺสตี’’ติ. ยโต อโวจุมฺหา ‘‘เภทกรานํ สพฺเพสํ เทวทตฺเตน สชฺชิตตฺตา’’ติ.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ อวีจิมหานิรยุปฺปตฺติสํวตฺตนิยํ กปฺปฏฺิยํ อเตกิจฺฉํ เทวทตฺเตน นิพฺพตฺติยมานํ สงฺฆเภทกมฺมํ สพฺพาการโต วิทิตฺวา ¶ . อิมํ อุทานนฺติ กุสลากุสเลสุ ยถากฺกมํ สปฺปุริสาสปฺปุริสสภาควิสภาคปฏิปตฺติวเสน ปน สุกุสลาติ อิทมตฺถวิภาวนํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ สุกรํ สาธุนา สาธูติ อตฺตโน ปเรสฺจ หิตํ สาเธตีติ ¶ สาธุ, สมฺมาปฏิปนฺโน. เตน สาธุนา สาริปุตฺตาทินา สาวเกน ปจฺเจกพุทฺเธน สมฺมาสมฺพุทฺเธน อฺเน วา โลกิยสาธุนา สาธุ สุนฺทรํ ภทฺทกํ อตฺตโน ปเรสฺจ หิตสุขาวหํ สุกรํ สุเขน กาตุํ สกฺกา. สาธุ ปาเปน ทุกฺกรนฺติ ตเทว ปน วุตฺตลกฺขณํ สาธุ ปาเปน เทวทตฺตาทินา ปาปปุคฺคเลน ทุกฺกรํ กาตุํ น สกฺกา, น โส ตํ กาตุํ สกฺโกตีติ อตฺโถ. ปาปํ ปาเปน สุกรนฺติ ปาปํ อสุนฺทรํ อตฺตโน ปเรสฺจ อนตฺถาวหํ ปาเปน ยถาวุตฺตปาปปุคฺคเลน สุกรํ สุเขน กาตุํ สกฺกุเณยฺย. ปาปมริเยหิ ทุกฺกรนฺติ อริเยหิ ปน พุทฺธาทีหิ ตํ ตํ ปาปํ ทุกฺกรํ ทุรภิสมฺภวํ. เสตุฆาโตเยว หิ เตสนฺติ สตฺถา ทีเปติ.
อฏฺมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. สธายมานสุตฺตวณฺณนา
๔๙. นวเม มาณวกาติ ตรุณา. ปเม โยพฺพเน ิตา พฺราหฺมณกุมารกา อิธาธิปฺเปตา.
สธายมานรูปาติ อุปฺปณฺฑนชาติกํ วจนํ สนฺธาย วุตฺตํ. อฺเสํ อุปฺปณฺเฑนฺตา สธนฺติ, ตทตฺถวจนสีลาติ อตฺโถ. ตสฺสายํ วจนตฺโถ – สธนํ สโธ, ตํ อาจิกฺขนฺตีติ สธยมานาติ วตฺตพฺเพ ทีฆํ กตฺวา ‘‘สธายมานา’’ติ วุตฺตํ. อถ วา วิเสสโต สเสเธ วิย อตฺตานํ อาวทนฺตีติ สธายมานา. เต เอวํ สภาวตาย ‘‘สธายมานรูปา’’ติ วุตฺตํ. ‘‘สทฺทายมานรูปา’’ติปิ ¶ ปาโ, อุจฺจาสทฺทมหาสทฺทํ กโรนฺตาติ อตฺโถ. ภควโต อวิทูเร อติกฺกมนฺตีติ ภควโต สวนวิสเย ตํ ตํ มุขารุฬฺหํ วทนฺตา อติยนฺติ.
เอตมตฺถํ ¶ วิทิตฺวาติ เอตํ เตสํ วาจาย อสฺตภาวํ ¶ ชานิตฺวา ตทตฺถทีปกํ ธมฺมสํเวควเสน อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ ปริมุฏฺาติ ทนฺธา มุฏฺสฺสติโน. ปณฺฑิตาภาสาติ ปณฺฑิตปติรูปกา ‘‘เก อฺเ ชานนฺติ, มยเมเวตฺถ ชานามา’’ติ ตสฺมึ ตสฺมึ อตฺเถ อตฺตานเมว ชานนฺตํ กตฺวา สมุทาจรณโต. วาจาโคจรภาณิโนติ เยสํ วาจา เอว โคจโร วิสโย, เต วาจาโคจรภาณิโน, วาจาวตฺถุมตฺตสฺเสว ภาณิโน อตฺถสฺส อปริฺาตตฺตา. อถ วา วาจาย อโคจรํ อริยานํ กถาย อวิสยํ มุสาวาทํ ภณนฺตีติ วาจาโคจรภาณิโน. อถ วา ‘‘โคจรภาณิโน’’ติ เอตฺถ อาการสฺส รสฺสภาโว กโต. วาจาโคจรา, น สติปฏฺานาทิโคจรา ภาณิโนว. กถํ ภาณิโน? ยาวิจฺฉนฺติ มุขายามํ อตฺตโน ยาว มุขายามํ ยาว มุขปฺปสารณํ อิจฺฉนฺติ, ตาว ปสาเรตฺวา ภาณิโน, ปเรสุ คารเวน, อตฺตโน อวิสยตาย จ มุขสงฺโกจํ น กโรนฺตีติ อตฺโถ. อถ วา วาจาโคจรา เอว หุตฺวา ภาณิโน, สยํ อชานิตฺวา ปรปตฺติกา เอว หุตฺวา วตฺตาโรติ อตฺโถ. ตโต เอว ยาวิจฺฉนฺติ มุขายามํ เยน วจเนน สาเวตพฺพา, ตํ อจินฺเตตฺวา ยาวเทว อตฺตโน มุขปฺปสารณมตฺตํ อิจฺฉนฺตีติ อตฺโถ. เยน นีตา น ตํ วิทูติ เยน มุฏฺสฺสจฺจาทินา นิลฺลชฺชภาวํ ปณฺฑิตมานีภาวฺจ นีตา ‘‘มยเมวํ ภณามา’’ติ, ตํ ตถา อตฺตโน ภณนฺตสฺส การณํ น วิทู, อวิทฺทสุโน อสูรา น ชานนฺตีติ อตฺโถ.
นวมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. จูฬปนฺถกสุตฺตวณฺณนา
๕๐. ทสเม จูฬปนฺถโกติ มหาปนฺถกตฺเถรสฺส กนิฏฺภาติกตฺตา ปนฺเถ ชาตตฺตา จ ทหรกาเล ลทฺธโวหาเรน อปรภาเคปิ อยมายสฺมา ‘‘จูฬปนฺถโก’’ตฺเวว ปฺายิตฺถ. คุณวิเสเสหิ ปน ฉฬภิฺโ ปภินฺนปฏิสมฺภิโท ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ ¶ ¶ มโนมยํ กายํ อภินิมฺมินนฺตานํ ยทิทํ จูฬปนฺถโก, เจโตวิวฏฺฏกุสลานํ ¶ ยทิทํ จูฬปนฺถโก’’ติ ทฺวีสุ (อ. นิ. ๑.๑๙๙) าเนสุ ภควตา เอตทคฺเค ปิโต อสีติยา มหาสาวเกสุ อพฺภนฺตโร.
โส เอกทิวสํ ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฺปฏิกฺกนฺโต อตฺตโน ทิวาฏฺาเน ทิวาวิหารํ นิสินฺโน สมาปตฺตีหิ ทิวสภาคํ วีตินาเมตฺวา สายนฺหสมยํ อุปาสเกสุ ธมฺมสฺสวนตฺถํ อนาคเตสุ เอว วิหารมชฺฌํ ปวิสิตฺวา ภควติ คนฺธกุฏิยํ นิสินฺเน ‘‘อกาโล ตาว ภควโต อุปฏฺานํ อุปสงฺกมิตุ’’นฺติ คนฺธกุฏิปมุเข เอกมนฺตํ นิสีทิ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา. เตน วุตฺตํ – ‘‘เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา จูฬปนฺถโก ภควโต อวิทูเร นิสินฺโน โหติ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อุชุํ กายํ ปณิธาย ปริมุขํ สตึ อุปฏฺเปตฺวา’’ติ. โส หิ ตทา กาลปริจฺเฉทํ กตฺวา สมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา นิสีทิ.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ อายสฺมโต จูฬปนฺถกสฺส กายจิตฺตานํ สมฺมาปณิหิตภาวสงฺขาตํ อตฺถํ ชานิตฺวา. อิมํ อุทานนฺติ อฺโปิ โย ปสฺสทฺธกาโย สพฺพิริยาปเถสุ อุปฏฺิตสฺสติ สมาหิโต, ตสฺส ภิกฺขุโน อนุปาทา ปรินิพฺพานปริโยสานสฺส วิเสสาธิคมสฺส ตตฺถ ปาตุภาววิภาวนํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ ิเตน กาเยนาติ กายทฺวาริกสฺส อสํวรสฺส ปหาเนน อกรเณน สมฺมา ปิเตน โจปนกาเยน, ตถา จกฺขาทีนํ อินฺทฺริยานํ นิพฺพิเสวนภาวกรเณน สุฏฺุ ปิเตน ปฺจทฺวาริกกาเยน, สํยตหตฺถปาทตาย หตฺถกุกฺกุจฺจาทีนํ อภาวโต อปริผนฺทเนน ิเตน กรชกาเยน จาติ สงฺเขปโต สพฺเพนปิ กาเยน นิพฺพิการตาสงฺขาเตน นิจฺจลภาเวน ิเตน. เอเตนสฺส สีลปาริสุทฺธิ ทสฺสิตา. อิตฺถมฺภูตลกฺขเณ จ อิทํ กรณวจนํ. ิเตน เจตสาติ จิตฺตสฺส ิติปริทีปเนน สมาธิสมฺปทํ ทสฺเสติ. สมาธิ หิ จิตฺตสฺส ‘ิตี’ติ วุจฺจติ. ตสฺมา สมถวเสน วิปสฺสนาวเสเนว วา เอกคฺคตาย สติ จิตฺตํ อารมฺมเณ เอโกทิภาวูปคมเนน ิตํ นาม โหติ, น อฺถา. อิทฺจ ยถาวุตฺตกายจิตฺตานํ ปนํ สมาทหนํ สพฺพสฺมึ กาเล สพฺเพสุ จ อิริยาปเถสุ อิจฺฉิตพฺพนฺติ ทสฺเสนฺโต อาห – ‘‘ติฏฺํ นิสินฺโน อุท วา สยาโน’’ติ ¶ . ตตฺถ ¶ วา-สทฺโท อนิยมตฺโถ. เตน ติฏฺนฺโต วา นิสินฺโน วา สยาโน วา ตทฺิริยาปโถ วาติ อยมตฺโถ ทีปิโต โหตีติ จงฺกมนสฺสาปิ อิธ สงฺคโห เวทิตพฺโพ.
เอตํ ¶ สตึ ภิกฺขุ อธิฏฺหาโนติ ยาย ปเคว ปริสุทฺธสมาจาโร กายจิตฺตทุฏฺุลฺลภาวูปสมเนน กายํ จิตฺตฺจ อสารทฺธํ กตฺวา ปฏิลทฺธาย อนวชฺชสุขาธิฏฺาย กายจิตฺตปสฺสทฺธิวเสน จิตฺตํ ลหุํ มุทุํ กมฺมฺฺจ กตฺวา สมฺมา เปนฺโต สมาทหนฺโต กมฺมฏฺานํ ปริพฺรูเหติ มตฺถกฺจ ปาเปติ, ตํ เอว กมฺมฏฺานานุโยคสฺส อาทิมชฺฌปริโยสาเนสุ พหูปการํ สตึ ภิกฺขุ อธิฏฺหาโน สีลวิโสธนํ อาทึ กตฺวา ยาว วิเสสาธิคมา ตตฺถ ตตฺถ อธิฏฺหนฺโตติ อตฺโถ. ลเภถ ปุพฺพาปริยํ วิเสสนฺติ โส เอวํ สติอารกฺเขน เจตสา กมฺมฏฺานํ อุปรูปริ วฑฺเฒนฺโต พฺรูเหนฺโต ผาตึ กโรนฺโต ปุพฺพาปริยํ ปุพฺพาปริยวนฺตํ ปุพฺพาปรภาเคน ปวตฺตํ อุฬารุฬารตราทิเภทวิเสสํ ลเภยฺย.
ตตฺถ ทุวิโธ ปุพฺพาปริยวิเสโส สมถวเสน วิปสฺสนาวเสน จาติ. เตสุ สมถวเสน ตาว นิมิตฺตุปฺปตฺติโต ปฏฺาย ยาว เนวสฺานาสฺายตนวสีภาโว, ตาว ปวตฺโต ภาวนาวิเสโส ปุพฺพาปริยวิเสโส. วิปสฺสนาวเสน ปน รูปมุเขน อภินิวิสนฺตสฺส รูปธมฺมปริคฺคหโต, อิตรสฺส นามธมฺมปริคฺคหโต ปฏฺาย ยาว อรหตฺตาธิคโม, ตาว ปวตฺโต ภาวนาวิเสโส ปุพฺพาปริยวิเสโส. อยเมว จ อิธาธิปฺเปโต.
ลทฺธาน ปุพฺพาปริยํ วิเสสนฺติ ปุพฺพาปริยวิเสสํ อุกฺกํสปารมิปฺปตฺตํ อรหตฺตํ ลภิตฺวา. อทสฺสนํ มจฺจุราชสฺส คจฺเฉติ ชีวิตุปจฺเฉทวเสน สพฺเพสํ สตฺตานํ อภิภวนโต มจฺจุราชสงฺขาตสฺส มรณสฺส วิสยภูตํ ภวตฺตยํ สมติกฺกนฺตตฺตา อทสฺสนํ อโคจรํ คจฺเฉยฺย. อิมสฺมึ วคฺเค ยํ อวุตฺตํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตนยเมวาติ.
ทสมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิฏฺิตา จ มหาวคฺควณฺณนา.
๖. ชจฺจนฺธวคฺโค
๑. อายุสงฺขาโรสฺสชฺชนสุตฺตวณฺณนา
๕๑. ชจฺจนฺธวคฺคสฺส ¶ ¶ ¶ ปเม เวสาลิยนฺติอาทิ เหฏฺา วุตฺตตฺถเมว. เวสาลึ ปิณฺฑาย ปาวิสีติ กทา ปาวิสิ? อุกฺกาเจลโต นิกฺขมิตฺวา เวสาลึ คตกาเล. ภควา หิ เวฬุวคามเก วสฺสํ วสิตฺวา ตโต นิกฺขมิตฺวา อนุปุพฺเพน สาวตฺถึ ปตฺวา เชตวเน วิหาสิ. ตสฺมึ กาเล ธมฺมเสนาปติ อตฺตโน อายุสงฺขารํ โอโลเกตฺวา ‘‘สตฺตาหเมว ปวตฺติสฺสตี’’ติ ตฺวา ภควนฺตํ อนุชานาเปตฺวา นาฬกคามํ คนฺตฺวา ตตฺถ มาตรํ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาเปตฺวา ปรินิพฺพายิ. สตฺถา จุนฺเทน อาภตา ตสฺส ธาตุโย คเหตฺวา ธาตุเจติยํ การาเปตฺวา มหาภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ราชคหํ อคมาสิ. ตตฺถ คตกาเล อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ปรินิพฺพายิ. ภควา ตสฺสปิ ธาตุโย คเหตฺวา เจติยํ การาเปตฺวา ราชคหโต นิกฺขมิตฺวา อนุปุพฺเพน อุกฺกาเจลํ อคมาสิ. ตตฺถ คงฺคาตีเร ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต นิสีทิตฺวา อคฺคสาวกานํ ปรินิพฺพานปฺปฏิสํยุตฺตํ ธมฺมํ เทเสตฺวา อุกฺกาเจลโต นิกฺขมิตฺวา เวสาลึ อคมาสิ. เอวํ คโต ภควา ‘‘ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เวสาลึ ปิณฺฑาย ปาวิสี’’ติ วุจฺจติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อุกฺกาเจลโต นิกฺขมิตฺวา เวสาลึ คตกาเล’’ติ.
นิสีทนนฺติ อิธ จมฺมกฺขณฺฑํ อธิปฺเปตํ. จาปาลํ เจติยนฺติ ปุพฺเพ จาปาลสฺส นาม ยกฺขสฺส วสิตฏฺานํ ‘‘จาปาลเจติย’’นฺติ ¶ ปฺายิตฺถ. ตตฺถ ภควโต กตวิหาโรปิ ตาย รุฬฺหิยา ‘‘จาปาลเจติย’’นฺติ วุจฺจติ. อุเทนํ เจติยนฺติ เอวมาทีสุปิ เอเสว นโย. สตฺตมฺพนฺติ กิกิสฺส กิร กาสิรฺโ ธีตโร สตฺต กุมาริโย สํเวคชาตา ราชเคหโต นิกฺขมิตฺวา ยตฺถ ปธานํ ปทหึสุ, ตํ านํ ‘‘สตฺตมฺพํ เจติย’’นฺติ วทนฺติ. พหุปุตฺตนฺติ พหุปาโรโห เอโก นิคฺโรธรุกฺโข, ตสฺมึ อธิวตฺถํ เทวตํ พหู มนุสฺสา ปุตฺเต ปตฺเถนฺติ, ตทุปาทาย ตํ านํ ‘‘พหุปุตฺตํ เจติย’’นฺติ ปฺายิตฺถ. สารนฺททนฺติ สารนฺททสฺส นาม ยกฺขสฺส วสิตฏฺานํ. อิติ สพฺพาเนว ตานิ พุทฺธุปฺปาทโต ปุพฺเพ เทวตาปริคฺคหิตตฺตา เจติยโวหาเรน โวหริตานิ ¶ , ภควโต วิหาเร กเตปิ จ ตเถว ปฺายนฺติ. รมณียาติ เอตฺถ เวสาลิยา ตาว ¶ ภูมิภาคสมฺปตฺติยา ปุคฺคลสมฺปตฺติยา สุลภปจฺจยตาย จ รมณียภาโว เวทิตพฺโพ. วิหารานํ ปน นครโต นาติทูรตาย นาจฺจาสนฺนตาย คมนาคมนสมฺปตฺติยา อนากิณฺณวิหารฏฺานตาย ฉายูทกสมฺปตฺติยา ปวิเวกปติรูปตาย จ รมณียตา ทฏฺพฺพา. จตฺตาโร อิทฺธิปาทาติ เอตฺถ อิทฺธิปาทปทสฺส อตฺโถ เหฏฺา วุตฺโตเยว. ภาวิตาติ วฑฺฒิตา. พหุลีกตาติ ปุนปฺปุนํ กตา. ยานีกตาติ ยุตฺตยานํ วิย กตา. วตฺถุกตาติ ปติฏฺฏฺเน วตฺถุ วิย กตา. อนุฏฺิตาติ อธิฏฺิตา. ปริจิตาติ สมนฺตโต จิตา สุวฑฺฒิตา. สุสมารทฺธาติ สุฏฺุ สมารทฺธา, อติวิย สมฺมา นิปฺผาทิตาติ.
เอวํ อนิยเมน กเถตฺวา ปุน นิยเมตฺวา ทสฺเสตุํ, ‘‘ตถาคตสฺส โข’’ติอาทิมาห. เอตฺถ จ กปฺปนฺติ อายุกปฺปํ. ติฏฺเยฺยาติ ตสฺมึ ตสฺมึ กาเล ยํ มนุสฺสานํ อายุปฺปมาณํ, ตํ ปริปุณฺณํ กตฺวา ติฏฺเยฺย ธเรยฺย. กปฺปาวเสสํ วาติ ‘‘อปฺปํ วา ภิยฺโย วา’’ติ (ที. นิ. ๒.๗; อ. นิ. ๗.๗๔) วุตฺตํ วสฺสสตโต อติเรกํ วา. มหาสีวตฺเถโร ปนาห – ‘‘พุทฺธานํ อฏฺาเน คชฺชิตํ นาม นตฺถิ. ยเถว หิ เวฬุวคามเก อุปฺปนฺนํ มารณนฺติกํ เวทนํ ทส มาเส วิกฺขมฺเภสิ, เอวํ ปุนปฺปุนํ ตํ สมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา วิกฺขมฺเภนฺโต อิมํ ภทฺทกปฺปเมว ¶ ติฏฺเยฺยา’’ติ. กสฺมา ปน น ิโตติ? อุปาทินฺนกสรีรํ นาม ขณฺฑิจฺจาทีหิ อภิภุยฺยติ, พุทฺธา จ ปน ขณฺฑิจฺจาทิภาวํ อปฺปตฺวา ปฺจเม อายุโกฏฺาเส พหุชนสฺส ปิยมนาปกาเลเยว ปรินิพฺพายนฺติ. พุทฺธานุพุทฺเธสุ อคฺคสาวกมหาสาวเกสุ ปรินิพฺพุเตสุ อปริวาเรน เอกเกเนว าตพฺพํ โหติ, ทหรสามเณรปริวาเรน วา. ตโต ‘‘อโห พุทฺธานํ ปริสา’’ติ หีเฬตพฺพตํ อาปชฺเชยฺย, ตสฺมา น ิโตติ. เอวํ วุตฺเตปิ โส ปน น รุจฺจติ, ‘‘อายุกปฺโป’’ติ อิทเมว อฏฺกถาย นิยมิตํ.
โอฬาริเก ¶ นิมิตฺเตติ ถูเล สฺุปฺปาทเน. ถูลสฺุปฺปาทนฺเหตํ, ‘‘ติฏฺตุ ภควา กปฺป’’นฺติ สกลกปฺปํ อวฏฺานยาจนาย ยทิทํ ‘‘ยสฺส กสฺสจิ, อานนฺท, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา ภาวิตา’’ติอาทินา อฺาปเทเสน อตฺตโน จตุริทฺธิปาทภาวนานุภาเวน กปฺปํ อวฏฺานสมตฺถตาวิภาวนํ. โอภาเสติ ปากฏวจเน. ปากฏฺเจตํ วจนํ ปริยายํ มฺุจิตฺวา อุชุกเมว อตฺตโน อธิปฺปายวิภาวนํ.
พหุชนหิตายาติ มหาชนสฺส หิตตฺถาย. พหุชนสุขายาติ มหาชนสฺส สุขตฺถาย. โลกานุกมฺปายาติ สตฺตโลกสฺส อนุกมฺปํ ปฏิจฺจ. กตรสฺส สตฺตโลกสฺส? โย ภควโต ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปฏิวิชฺฌติ, อมตปานํ ปิวติ, ตสฺส. ภควโต หิ ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสุตฺตเทสนาย ¶ อฺาตโกณฺฑฺปฺปมุขา อฏฺารส พฺรหฺมโกฏิโย ธมฺมํ ปฏิวิชฺฌึสุ. เอวํ ยาว สุภทฺทปริพฺพาชกวินยนา ธมฺมปฏิวิทฺธสตฺตานํ คณนา นตฺถิ, มหาสมยสุตฺตํ มงฺคลสุตฺตํ จูฬราหุโลวาทสุตฺตํ สมจิตฺตสุตฺตนฺติ อิเมสํ จตุนฺนํ สุตฺตานํ เทสนากาเล อภิสมยปฺปตฺตสตฺตานํ ปริจฺเฉโท นตฺถิ, เอตสฺส อปริมาณสฺส สตฺตโลกสฺส อนุกมฺปาย ภควโต านํ ชาตํ. เอวํ อนาคเตปิ ภวิสฺสตีติ อธิปฺปาเยน วทติ. เทวมนุสฺสานนฺติ น เกวลํ เทวมนุสฺสานํเยว, อวเสสานํ นาคสุปณฺณาทีนมฺปิ อตฺถาย หิตาย สุขาย ภควโต านํ โหติ. สเหตุกปฏิสนฺธิเก ปน มคฺคผลสจฺฉิกิริยาย ภพฺพปุคฺคเล ทสฺเสตุํ เอวํ วุตฺตํ, ตสฺมา อฺเสมฺปิ อตฺถตฺถาย หิตตฺถาย สุขตฺถาย ภควา ติฏฺตูติ อตฺโถ. ตตฺถ อตฺถายาติ อิธโลกสมฺปตฺติอตฺถาย ¶ . หิตายาติ ปรโลกสมฺปตฺติเหตุภูตหิตตฺถาย. สุขายาติ นิพฺพานธาตุสุขตฺถาย. ปุริมํ ปน หิตสุขคฺคหณํ สพฺพสาธารณวเสน เวทิตพฺพํ.
ยถา ตํ มาเรน ปริยุฏฺิตจิตฺโตติ เอตฺถ นฺติ นิปาตมตฺตํ, ยถา มาเรน ปริยุฏฺิตจิตฺโต อชฺโฌตฺถฏจิตฺโต อฺโปิ โกจิ ปุถุชฺชโน ปฏิวิชฺฌิตุํ น สกฺกุเณยฺย, เอวเมว นาสกฺขิ ปฏิวิชฺฌิตุนฺติ อตฺโถ. มาโร หิ ยสฺส เกจิ วิปลฺลาสา อปฺปหีนา, ตสฺส จิตฺตํ ปริยุฏฺาติ. ยสฺส ปน สพฺเพน สพฺพํ ทฺวาทส วิปลฺลาสา อปฺปหีนา, ตสฺส วตฺตพฺพเมว นตฺถิ, เถรสฺส จ จตฺตาโร วิปลฺลาสา อปฺปหีนา, เตนสฺส จิตฺตํ ปริยุฏฺาสิ. โส ปน จิตฺตปริยุฏฺานํ กโรนฺโต กึ กโรตีติ? เภรวํ รูปารมฺมณํ วา ทสฺเสติ, สทฺทารมฺมณํ วา สาเวติ, ตโต สตฺตา ตํ ทิสฺวา ¶ วา สุตฺวา วา สตึ วิสฺสชฺเชตฺวา วิวฏมุขา โหนฺติ. เตสํ มุเขน หตฺถํ ปเวเสตฺวา หทยํ มทฺทติ, ตโต วิสฺิโน หุตฺวา ติฏฺนฺติ. เถรสฺส ปเนส มุเขน หตฺถํ ปเวเสตุํ กึ สกฺขิสฺสติ, เภรวารมฺมณํ ปน ทสฺเสติ. ตํ ทิสฺวา เถโร นิมิตฺโตภาสํ น ปฏิวิชฺฌิ. ชานนฺโตเยว ภควา กิมตฺถํ ยาวตติยํ อามนฺเตสิ? ปรโต ‘‘ติฏฺตุ, ภนฺเต ภควา’’ติ ยาจิเต ‘‘ตุยฺเหเวตํ ทุกฺกฏํ, ตุยฺเหเวตํ อปรทฺธ’’นฺติ โทสาโรปเนน โสกตนุกรณตฺถํ. ปสฺสติ หิ ภควา ‘‘อยํ มยิ อติวิย สินิทฺธหทโย, โส ปรโต ภูมิจาลการณฺจ อายุสงฺขาโรสฺสชฺชนฺจ สุตฺวา มม จิรฏฺานํ ยาจิสฺสติ, อถาหํ ‘กิสฺส ตฺวํ ปุเรตรํ น ยาจสี’ติ ตสฺเสว สีเส โทสํ ปาเตสฺสามิ, สตฺตา จ อตฺตโน อปราเธน น ตถา วิหฺนฺติ, เตนสฺส โสโก ตนุโก ภวิสฺสตี’’ติ.
คจฺฉ ตฺวํ, อานนฺทาติ ยสฺมา ทิวาวิหารตฺถาย อิธาคโต, ตสฺมา, อานนฺท, คจฺฉ ตฺวํ ยถารุจิตํ านํ ทิวาวิหาราย. เตเนวาห – ‘‘ยสฺส ทานิ กาลํ มฺสี’’ติ.
มาโร ¶ ปาปิมาติ เอตฺถ สตฺเต อนตฺเถ นิโยเชนฺโต มาเรตีติ มาโร. ปาปิมาติ ตสฺเสว เววจนํ. โส หิ ปาปธมฺเมน สมนฺนาคตตฺตา ‘ปาปิมา’ติ วุจฺจติ. ภาสิตา โข ปเนสาติ อยฺหิ ภควติ โพธิมณฺเฑ สตฺต สตฺตาเห อติกฺกมิตฺวา อชปาลนิคฺโรเธ ¶ วิหรนฺเต อตฺตโน ธีตาสุ อาคนฺตฺวา อิจฺฉาวิฆาตํ ปตฺวา คตาสุ อยํ ‘‘อตฺเถโส อุปาโย’’ติ จินฺเตนฺโต อาคนฺตฺวา ‘‘ภควา ยทตฺถํ ตุมฺเหหิ ปารมิโย ปูริตา, โส โว อตฺโถ อนุปฺปตฺโต, ปฏิวิทฺธํ สพฺพฺุตฺาณํ, กึ เต โลกวิจรเณนา’’ติ วตฺวา ยถา อชฺช เอวเมว ‘‘ปรินิพฺพาตุ ทานิ, ภนฺเต ภควา’’ติ ยาจิ. ภควา จสฺส ‘‘น ตาวาห’’นฺติอาทีนิ วตฺวา ปฏิกฺขิปิ. ตํ สนฺธาย อิทานิ ‘‘ภาสิตา โข ปเนสา’’ติอาทิมาห.
ตตฺถ วิยตฺตาติ อริยมคฺคาธิคมวเสน พฺยตฺตา. วินีตาติ ตเถว กิเลสวินยเนน วินีตา. วิสารทาติ สารชฺชกรานํ ทิฏฺิวิจิกิจฺฉาทีนํ ปหาเนน วิสารทภาวํ ปตฺตา. พหุสฺสุตาติ เตปิฏกวเสน พหุ สุตเมเตสนฺติ พหุสฺสุตา. ตเมว ธมฺมํ ธาเรนฺตีติ ธมฺมธรา. อถ วา พหุสฺสุตาติ ปริยตฺติพหุสฺสุตา เจว ปฏิเวธพหุสฺสุตา จ. ธมฺมธราติ ปริยตฺติธมฺมานํ เจว ปฏิเวธธมฺมานฺจ ธารณโต ธมฺมธราติ เอวมฺเปตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ ¶ . ธมฺมานุธมฺมปฺปฏิปนฺนาติ อริยธมฺมสฺส อนุธมฺมภูตํ วิปสฺสนาธมฺมํ ปฏิปนฺนา. สามีจิปฺปฏิปนฺนาติ าณทสฺสนวิสุทฺธิยา อนุจฺฉวิกํ วิสุทฺธิปรมฺปราปฏิปทํ ปฏิปนฺนา. อนุธมฺมจาริโนติ สลฺเลขิกํ ตสฺสา ปฏิปทาย อนุรูปํ อปฺปิจฺฉตาทิธมฺมํ จรณสีลา. สกํ อาจริยกนฺติ อตฺตโน อาจริยวาทํ. อาจิกฺขิสฺสนฺตีติ อาทิโต กเถสฺสนฺติ, อตฺตนา อุคฺคหิตนิยาเมน ปเร อุคฺคณฺหาเปสฺสนฺตีติ อตฺโถ. เทเสสฺสนฺตีติ วาเจสฺสนฺติ, ปาฬึ สมฺมา วาเจสฺสนฺตีติ อตฺโถ. ปฺเปสฺสนฺตีติ ปชานาเปสฺสนฺติ, ปกาเสสฺสนฺตีติ อตฺโถ. ปฏฺเปสฺสนฺตีติ ปกาเรน เปสฺสนฺติ. วิวริสฺสนฺตีติ วิวฏํ กริสฺสนฺติ. วิภชิสฺสนฺตีติ วิภตฺตํ กริสฺสนฺติ. อุตฺตานีกริสฺสนฺตีติ อนุตฺตานํ คมฺภีรํ อุตฺตานํ ปากฏํ กริสฺสนฺติ. สหธมฺเมนาติ สเหตุเกน สการเณน วจเนน. สปฺปาฏิหาริยนฺติ ยาวนิยฺยานิกํ กตฺวา. ธมฺมํ เทเสสฺสนฺตีติ นววิธโลกุตฺตรธมฺมํ ปโพเธสฺสนฺติ, ปกาเสสฺสนฺตีติ อตฺโถ.
เอตฺถ จ ‘‘ปฺเปสฺสนฺตี’’ติอาทีหิ ฉหิ ปเทหิ ฉ อตฺถปทานิ ทสฺสิตานิ, อาทิโต ปน ทฺวีหิ ปเทหิ ฉ พฺยฺชนปทานีติ. เอตฺตาวตา เตปิฏกํ พุทฺธวจนํ สํวณฺณนานเยน สงฺคเหตฺวา ทสฺสิตํ โหติ. วุตฺตฺเหตํ เนตฺติยํ ‘‘ทฺวาทสปทานิ ¶ สุตฺตํ, ตํ สพฺพํ พฺยฺชนฺจ อตฺโถ จา’’ติ (เนตฺติ. สงฺคหวาร).
พฺรหฺมจริยนฺติ ¶ สิกฺขตฺตยสงฺคหิตํ สกลํ สาสนพฺรหฺมจริยํ. อิทฺธนฺติ สมิทฺธํ ฌานุปฺปาทวเสน. ผีตนฺติ วุทฺธิปฺปตฺตํ สพฺพผาลิผุลฺลํ อภิฺาสมฺปตฺติวเสน. วิตฺถาริกนฺติ วิตฺถตํ ตสฺมึ ตสฺมึ ทิสาภาเค ปติฏฺหนวเสน. พาหุชฺนฺติ พหูหิ าตํ ปฏิวิทฺธํ พหุชนาภิสมยวเสน. ปุถุภูตนฺติ สพฺพาการวเสน ปุถุลภาวปฺปตฺตํ. กถํ? ยาว เทวมนุสฺเสหิ สุปฺปกาสิตนฺติ ยตฺตกา วิฺุชาติกา เทวา มนุสฺสา จ อตฺถิ, เตหิ สพฺเพหิ สุฏฺุ ปกาสิตนฺติ อตฺโถ.
อปฺโปสฺสุกฺโกติ นิรุสฺสุกฺโก ลีนวีริโย. ‘‘ตฺวฺหิ, ปาปิม, สตฺตสตฺตาหาติกฺกมนโต ปฏฺาย ‘ปรินิพฺพาตุ ทานิ, ภนฺเต ภควา, ปรินิพฺพาตุ สุคโต’ติ วิรวนฺโต อาหิณฺฑิตฺถ, อชฺช ทานิ ปฏฺาย วิคตุสฺสาโห โหหิ, มา มยฺหํ ปรินิพฺพานตฺถาย วายามํ กโรหี’’ติ วทติ. สโต สมฺปชาโน อายุสงฺขารํ โอสฺสชีติ สตึ สูปฏฺิตํ กตฺวา าเณน ปริจฺฉินฺทิตฺวา ¶ อายุสงฺขารํ วิสฺสชิ ปชหิ. ตตฺถ น ภควา หตฺเถน เลฑฺฑุํ วิย อายุสงฺขารํ โอสฺสชิ, เตมาสมตฺตเมว ปน สมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา ตโต ปรํ น สมาปชฺชิสฺสามีติ จิตฺตํ อุปฺปาเทสิ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘โอสฺสชี’’ติ, ‘‘โวสฺสชฺชี’’ติปิ ปาโ.
กสฺมา ปน ภควา กปฺปํ วา กปฺปาวเสสํ วา าตุํ สมตฺโถ ตตฺตกํ กาลํ อฏฺตฺวา ปรินิพฺพายิตุํ มารสฺส ยาจนาย อายุสงฺขารํ โอสฺสชิ? น ภควา มารสฺส ยาจนาย อายุสงฺขารํ โอสฺสชิ, นาปิ เถรสฺส อายาจนาย น โอสฺสชิสฺสติ, เตมาสโต ปน ปรํ พุทฺธเวเนยฺยานํ อภาวโต อายุสงฺขารํ โอสฺสชิ ¶ . านฺหิ นาม พุทฺธานํ ภควนฺตานํ ยาวเทว เวเนยฺยวินยนตฺถํ, เต อสติ วิเนยฺยชเน เกน นาม การเณน สฺสนฺติ. ยทิ จ มารสฺส ยาจนาย ปรินิพฺพาเยยฺย, ปุเรตรํเยว ปรินิพฺพาเยยฺย. โพธิมณฺเฑปิ หิ มาเรน ยาจิตํ, นิมิตฺโตภาสกรณมฺปิ เถรสฺส โสกตนุกรณตฺถนฺติ วุตฺโตวายมตฺโถ. อปิจ พุทฺธพลทีปนตฺถํ นิมิตฺโตภาสกรณํ. เอวํ มหานุภาวา พุทฺธา ภควนฺโตเยว ติฏฺนฺตาปิ อตฺตโน รุจิยาว ติฏฺนฺติ, ปรินิพฺพายนฺตาปิ อตฺตโน รุจิยาว ปรินิพฺพายนฺตีติ.
มหาภูมิจาโลติ มหนฺโต ปถวีกมฺโป. ตทา กิร ทสสหสฺสิโลกธาตุ อกมฺปิตฺถ. ภึสนโกติ ภยชนโก. เทวทุนฺทุภิโย จ ผลึสูติ เทวเภริโย นทึสุ, เทโว สุกฺขคชฺชิตํ คชฺชิ, อกาลวิชฺชุลตา นิจฺฉรึสุ, ขณิกวสฺสํ วสฺสีติ วุตฺตํ โหติ.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ สงฺขารวิสงฺขารานํ วิเสสสงฺขาตํ อตฺถํ สพฺพาการโต วิทิตฺวา. อิมํ ¶ อุทานนฺติ อนวเสสสงฺขาเร วิสฺสชฺเชตฺวา อตฺตโน วิสงฺขารคมนทีปกํ อุทานํ อุทาเนสิ. กสฺมา อุทาเนสิ? โกจิ นาม วเทยฺย ‘‘มาเรน ปจฺฉโต ปจฺฉโต อนุพนฺธิตฺวา ‘ปรินิพฺพาตุ, ภนฺเต’ติ อุปทฺทุโต ภเยน ภควา อายุสงฺขารํ โอสฺสชี’’ติ. ‘‘ตสฺโสกาโส มา โหตุ, ภีตสฺส อุทานํ นาม นตฺถี’’ติ เอตสฺส ทีปนตฺถํ ปีติเวควิสฺสฏฺํ อุทานํ อุทาเนสีติ อฏฺกถาสุ วุตฺตํ. ตโต เตมาสมตฺเตเนว จ ปน พุทฺธกิจฺจสฺส นิปฺผชฺชนโต เอวํ ทีฆรตฺตํ มยา ปริหโฏยํ ทุกฺขภาโร น จิรสฺเสว นิกฺขิปิยตีติ ปสฺสโต ปรินิพฺพานคุณปจฺจเวกฺขเณ ตสฺส อุฬารํ ¶ ปีติโสมนสฺสํ อุปฺปชฺชิ, เตน ปีติเวเคน อุทาเนสีติ ยุตฺตํ วิย. เอกนฺเตน หิ วิสงฺขารนินฺโน นิพฺพานชฺฌาสโย สตฺถา มหากรุณาย พลกฺกาเรน วิย สตฺตหิตตฺถํ โลเก สุจิรํ ิโต. ตถา หิ เทวสิกํ จตุวีสติโกฏิสตสหสฺสสงฺขา สมาปตฺติโย วฬฺเชติ, โสทานิ มหากรุณาธิการสฺส นิปฺผนฺนตฺตา นิพฺพานาภิมุโข อนปฺปกํ ปีติโสมนสฺสํ ปฏิสํเวเทสิ. เตเนว หิ ¶ ภควโต กิเลสปรินิพฺพานทิวเส วิย ขนฺธปรินิพฺพานทิวเสปิ สรีราภา วิเสสโต วิปฺปสนฺนา ปริสุทฺธา ปภสฺสรา อโหสีติ.
คาถาย โสณสิงฺคาลาทีนมฺปิ ปจฺจกฺขภาวโต ตุลิตํ ปริจฺฉินฺนนฺติ ตุลํ, กามาวจรกมฺมํ. น ตุลํ อตุลํ, ตุลํ วา สทิสมสฺส อฺํ โลกิยกมฺมํ นตฺถีติ อตุลํ, มหคฺคตกมฺมํ. กามาวจรํ รูปาวจรํ วา ตุลํ, อรูปาวจรํ อตุลํ. อปฺปวิปากํ วา ตุลํ, พหุวิปากํ อตุลํ. สมฺภวนฺติ สมฺภวสฺส เหตุภูตํ, อุปปตฺติชนกนฺติ อตฺโถ. ภวสงฺขารนฺติ ปุนพฺภวสงฺขารณกํ. อวสฺสชีติ วิสฺสชฺเชสิ. มุนีติ พุทฺธมุนิ. อชฺฌตฺตรโตติ นิยกชฺฌตฺตรโต. สมาหิโตติ อุปจารปฺปนาสมาธิวเสน สมาหิโต. อภินฺทิ กวจมิวาติ กวจํ วิย อภินฺทิ. อตฺตสมฺภวนฺติ อตฺตนิ สฺชาตํ กิเลสํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ ‘‘สวิปากฏฺเน สมฺภวํ, ภวาภวาภิสงฺขรณฏฺเน ภวสงฺขารนฺติ จ ลทฺธนามํ ตุลาตุลสงฺขาตํ โลกิยกมฺมฺจ โอสฺสชิ, สงฺคามสีเส มหาโยโธ กวจํ วิย อตฺตสมฺภวํ กิเลสฺจ อชฺฌตฺตรโต สมาหิโต หุตฺวา อภินฺที’’ติ.
อถ วา ตุลนฺติ ตุเลนฺโต ตีเรนฺโต. อตุลฺจ สมฺภวนฺติ นิพฺพานฺเจว ภวฺจ. ภวสงฺขารนฺติ ภวคามิกํ กมฺมํ. อวสฺสชิ มุนีติ ‘‘ปฺจกฺขนฺธา อนิจฺจา, ปฺจนฺนํ ขนฺธานํ นิโรโธ นิพฺพานํ นิจฺจ’’นฺติอาทินา นเยน ตุเลนฺโต พุทฺธมุนิ ภเว อาทีนวํ, นิพฺพาเน จ อานิสํสํ ทิสฺวา ตํ ขนฺธานํ มูลภูตํ ภวสงฺขารกมฺมํ ‘‘กมฺมกฺขยาย สํวตฺตตี’’ติ (ม. นิ. ๒.๘๑; อ. นิ. ๔.๒๓๓) เอวํ วุตฺเตน กมฺมกฺขยกเรน อริยมคฺเคน อวสฺสชิ ¶ . กถํ อชฺฌตฺตรโต สมาหิโต, อภินฺทิ กวจมิวตฺตสมฺภวํ. โส หิ วิปสฺสนาวเสน อชฺฌตฺตรโต, สมถวเสน สมาหิโตติ เอวํ ¶ ปุพฺพภาคโต ปฏฺาย สมถวิปสฺสนาพเลน กวจํ ¶ วิย อตฺตภาวํ ปริโยนนฺธิตฺวา ิตํ, อตฺตนิ สมฺภวตฺตา ‘‘อตฺตสมฺภว’’นฺติ ลทฺธนามํ สพฺพํ กิเลสชาลํ อภินฺทิ, กิเลสาภาเวเนว กมฺมํ อปฺปฏิสนฺธิกตฺตา อวสฺสฏฺํ นาม โหตีติ เอวํ กิเลสปฺปหาเนน กมฺมํ ปชหิ. อิติ โพธิมูเลเยว อวสฺสฏฺภวสงฺขาโร ภควา เวขมิสฺสเกน วิย ชรสกฏํ สมาปตฺติเวขมิสฺสเกน อตฺตภาวํ ยาเปนฺโตปิ ‘‘อิโต เตมาสโต อุทฺธํ สมาปตฺติเวขมสฺส น ทสฺสามี’’ติ จิตฺตุปฺปาทเนน อายุสงฺขารํ โอสฺสชีติ.
ปมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. สตฺตชฏิลสุตฺตวณฺณนา
๕๒. ทุติเย พหิทฺวารโกฏฺเกติ ปาสาททฺวารโกฏฺกสฺส พหิ, น วิหารทฺวารโกฏฺกสฺส. โส กิร ปาสาโท โลหปาสาโท วิย สมนฺตา จตุทฺวารโกฏฺกปริวุโต ปาการปริกฺขิตฺโต. เตสุ ปาจีนทฺวารโกฏฺกสฺส พหิ ปาสาทจฺฉายายํ ปาจีนโลกธาตุํ โอโลเกนฺโต ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสินฺโน โหติ. ชฏิลาติ ชฏาวนฺโต ตาปสเวสธาริโน. นิคณฺาติ เสตปฏนิคณฺรูปธาริโน. เอกสาฏกาติ เอกสาฏกนิคณฺา วิย เอกํ ปิโลติกขณฺฑํ หตฺเถ พนฺธิตฺวา เตนาปิ สรีรสฺส ปุริมภาคํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา ¶ วิจรณกา. ปรูฬฺหกจฺฉนขโลมาติ ปรูฬฺหกจฺฉโลมา ปรูฬฺหนขา ปรูฬฺหอวเสสโลมา จ, กจฺฉาทีสุ ทีฆโลมา ทีฆนขา จาติ อตฺโถ. ขาริวิวิธมาทายาติ วิวิธํ ขาราทินานปฺปการํ ปพฺพชิตปริกฺขารภณฺฑิกํ คเหตฺวา. อวิทูเร อติกฺกมนฺตีติ วิหารสฺส อวิทูรมคฺเคน นครํ ปวิสนฺติ.
ราชาหํ, ภนฺเต, ปเสนทิ โกสโลติ อหํ, ภนฺเต, ราชา ปเสนทิ โกสโล, มยฺหํ นามํ ตุมฺเห ชานาถาติ. กสฺมา ปน ราชา โลเก อคฺคปุคฺคลสฺส สนฺติเก นิสินฺโน เอวรูปานํ นคฺคนิสฺสิรีกานํ อฺชลึ ปคฺคณฺหาตีติ? สงฺคณฺหนตฺถาย. เอวฺหิสฺส อโหสิ ‘‘สจาหํ เอตฺตกมฺปิ เอเตสํ น กริสฺสามิ, มยํ ปุตฺตทารํ ปหาย เอตสฺสตฺถาย ทุพฺโภชนทุกฺขเสยฺยาทีนิ อนุโภม, อยํ อมฺหากํ นิปจฺจการมตฺตมฺปิ น กโรติ ¶ . ตสฺมิฺหิ กเต อมฺเห ‘โอจรกา’ติ ชโน อคฺคเหตฺวา ‘ปพฺพชิตา’อิจฺเจว สฺชานิสฺสติ, กึ อิมสฺส ภูตตฺถกถเนนาติ ¶ อตฺตนา ทิฏฺํ สุตํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา น กเถยฺยุํ, เอวํ กเต ปน อนิคูหิตฺวา กเถสฺสนฺตี’’ติ. อปิจ สตฺถุ อชฺฌาสยชานนตฺถมฺปิ เอวมกาสีติ. ราชา กิร ภควนฺตํ อุปสงฺกมนฺโตปิ กติปยกาลํ สมฺมาสมฺโพธึ น สทฺทหิ. เตนสฺส เอวํ อโหสิ ‘‘ยทิ ภควา สพฺพํ ชานาติ, มยา อิเมสํ นิปจฺจการํ กตฺวา ‘อิเม อรหนฺโต’ติ วุตฺเต นานุชาเนยฺย, อถ มํ อนุวตฺตนฺโต อนุชาเนยฺย, กุโต ตสฺส สพฺพฺุตา’’ติ. เอวํ โส สตฺถุ อชฺฌาสยชานนตฺถํ ตถา อกาสิ. ภควา ปน ‘‘อุชุกเมว ‘น อิเม สมณา โอจรกา’ติ วุตฺเต ยทิปิ ราชา สทฺทหติ, มหาชโน ปน ตมตฺถํ อชานนฺโต น สทฺทเหยฺย, สมโณ โคตโม ‘ราชา อตฺตโน กถํ สุณาตี’ติ ยํ กิฺจิ มุขารุฬฺหํ กเถตี’ติ วเทยฺย, ตทสฺส ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺเตยฺย, อฺโ จ คุฬฺหกมฺมํ วิวฏํ กตํ ภเวยฺย, สยเมว ราชา เตสํ โอจรกภาวํ กเถสฺสตี’’ติ ตฺวา ‘‘ทุชฺชานํ โข เอต’’นฺติอาทิมาห.
ตตฺถ กามโภคินาติ อิมินา ปน ราคาภิภวํ, อุภเยนาปิ วิกฺขิตฺตจิตฺตตํ ทสฺเสติ. ปุตฺตสมฺพาธสยนนฺติ ปุตฺเตหิ สมฺพาธสยนํ ¶ . เอตฺถ จ ปุตฺตสีเสน ทารปริคฺคหํ, ปุตฺตทาเรสุ อุปฺปิลาวิเตน เตสํ ฆราวาสาทิเหตุ โสกาภิภเวน จิตฺตสฺส สํกิลิฏฺตํ ทสฺเสติ. กาสิกจนฺทนนฺติ สณฺหจนฺทนํ, กาสิกวตฺถฺจ จนฺทนฺจาติ วา อตฺโถ. มาลาคนฺธวิเลปนนฺติ วณฺณคนฺธตฺถาย มาลา, สุคนฺธภาวตฺถาย คนฺธํ, ฉวิราคกรณตฺถาย วิเลปนํ ธาเรนฺเตน. ชาตรูปรชตนฺติ สุวณฺณฺเจว อวสิฏฺธนฺจ. สาทิยนฺเตนาติ ปฏิคฺคณฺหนฺเตน. สพฺเพนปิ กาเมสุ อภิคิทฺธภาวเมว ปกาเสติ.
สํวาเสนาติ สหวาเสน. สีลํ เวทิตพฺพนฺติ ‘‘อยํ เปสโล วา ทุสฺสีโล วา’’ติ สํวสนฺเตน เอกสฺมึ าเน สห วสนฺเตน ชานิตพฺโพ. ตฺจ โข ทีเฆน อทฺธุนา น อิตฺตรนฺติ ตฺจ สีลํ ทีเฆน กาเลน เวทิตพฺพํ, น อิตฺตเรน. กติปยทิวเส หิ สฺตากาโร สํวุตินฺทฺริยากาโร จ หุตฺวา สกฺกา ทสฺเสตุํ. มนสิ กโรตา โน อมนสิ กโรตาติ ตมฺปิ ‘‘สีลมสฺส ปริคฺคณฺหิสฺสามี’’ติ มนสิ กโรนฺเตน ¶ ปจฺจเวกฺขนฺเตน สกฺกา ชานิตุํ, น อิตเรน. ปฺวตาติ ตมฺปิ สปฺปฺเเนว ปณฺฑิเตน. พาโล หิ มนสิ กโรนฺโตปิ ชานิตุํ น สกฺโกติ. สํโวหาเรนาติ กถเนน.
‘‘โย หิ โกจิ มนุสฺเสสุ, โวหารํ อุปชีวติ;
เอวํ วาเสฏฺ ชานาหิ, วาณิโช โส น พฺราหฺมโณ’’ติ. (สุ. นิ. ๖๑๙) –
เอตฺถ ¶ หิ วาณิชฺชํ โวหาโร นาม. ‘‘จตฺตาโร อริยโวหารา’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๑๓) เอตฺถ เจตนา. ‘‘สงฺขา สมฺา ปฺตฺติ โวหาโร’’ติ (ธ. ส. ๑๓๑๓-๑๓๑๕) เอตฺถ ปฺตฺติ. ‘‘โวหารมตฺเตน โส โวหเรยฺยา’’ติ (สํ. นิ. ๑.๒๕) เอตฺถ กถา โวหาโร. อิธาปิ โส เอว อธิปฺเปโต. เอกจฺจสฺส หิ สมฺมุขากถา ปรมฺมุขากถาย น สเมติ, ปรมฺมุขากถา สมฺมุขากถาย, ตถา ปุริมกถา ปจฺฉิมกถาย, ปจฺฉิมกถา จ ปุริมกถาย. โส กเถนฺโตเยว สกฺกา ชานิตุํ ‘‘อสุจิ เอโส ปุคฺคโล’’ติ. สุจิสีลสฺส ปน ปุริมํ ¶ ปจฺฉิเมน, ปจฺฉิมฺจ ปุริเมน, สมฺมุขา กถิตฺจ ปรมฺมุขา กถิเตน, ปรมฺมุขา กถิตฺจ สมฺมุขา กถิเตน สเมติ, ตสฺมา กเถนฺเตน สกฺกา สุจิภาโว ชานิตุนฺติ ปกาเสนฺโต อาห – ‘‘สํโวหาเรน โสเจยฺยํ เวทิตพฺพ’’นฺติ.
ถาโมติ าณถาโม. ยสฺส หิ าณถาโม นตฺถิ, โส อุปฺปนฺเนสุ อุปทฺทเวสุ คเหตพฺพคหณํ กตฺตพฺพกรณํ อปสฺสนฺโต อทฺวาริกํ ฆรํ ปวิฏฺโ วิย จรติ. เตนาห – ‘‘อาปทาสุ โข, มหาราช, ถาโม เวทิตพฺโพ’’ติ. สากจฺฉายาติ สหกถาย. ทุปฺปฺสฺส หิ กถา อุทเก เคณฺฑุ วิย อุปฺลวติ, ปฺวโต กเถนฺตสฺส ปฏิภานํ อนนฺตํ โหติ. อุทกวิปฺผนฺทเนเนว หิ มจฺโฉ ขุทฺทโก มหนฺโต วาติ ปฺายติ.
อิติ ภควา รฺโ อุชุกเมว เต ‘‘อิเม นามา’’ติ อวตฺวา อรหนฺตานํ อนรหนฺตานฺจ ชานนูปายํ ปกาเสสิ. ราชา ตํ สุตฺวา ภควโต สพฺพฺุตาย เทสนาวิลาเสน จ อภิปฺปสนฺโน ‘‘อจฺฉริยํ, ภนฺเต’’ติอาทินา อตฺตโน ปสาทํ ปกาเสตฺวา อิทานิ เต ยาถาวโต ภควโต อาโรเจนฺโต ‘‘เอเต, ภนฺเต, มม ปุริสา จรา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ จราติ อปพฺพชิตา เอว ปพฺพชิตรูเปน รฏฺปิณฺฑํ ¶ ภฺุชนฺตา ปฏิจฺฉนฺนกมฺมนฺตตฺตา. โอจรกาติ เหฏฺา จรกา. จรา หิ ปพฺพตมตฺถเกน จรนฺตาปิ เหฏฺา จรกาว นิหีนกมฺมตฺตา. อถ วา โอจรกาติ จรปุริสา. โอจริตฺวาติ อวจริตฺวา วีมํสิตฺวา, ตสฺมึ ตสฺมึ เทเส ตํ ตํ ปวตฺตึ ตฺวาติ อตฺโถ. โอสาริสฺสามีติ ปฏิปชฺชิสฺสามิ, กริสฺสามีติ อตฺโถ. รโชชลฺลนฺติ รชฺจ มลฺจ. ปวาเหตฺวาติ สุฏฺุ วิกฺขาลนวเสน อปเนตฺวา. กปฺปิตเกสมสฺสูติ อลงฺการสตฺเถ วุตฺตวิธินา กปฺปเกหิ ฉินฺนเกสมสฺสู. กามคุเณหีติ กามโกฏฺาเสหิ, กามพนฺธเนหิ วา สมปฺปิตาติ สุฏฺุ อปฺปิตา อลฺลีนา. สมงฺคิภูตาติ สหภูตา ¶ . ปริจาเรสฺสนฺตีติ อินฺทฺริยานิ สมนฺตโต จาเรสฺสนฺติ กีฬาเปสฺสนฺติ วา.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ เตสํ ราชปุริสานํ อตฺตโน อุทรสฺส การณา ปพฺพชิตเวเสน โลกวฺจนสงฺขาตํ ¶ อตฺถํ วิทิตฺวา. อิมํ อุทานนฺติ อิมํ ปราธีนตาปรวฺจนตาปฏิกฺเขปวิภาวนํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ น วายเมยฺย สพฺพตฺถาติ ทูเตยฺยโอจรกกมฺมาทิเก สพฺพสฺมึ ปาปธมฺเม อิเม ราชปุริสา วิย ปพฺพชิโต น วายเมยฺย, วายามํ อุสฺสาหํ น กเรยฺย, สพฺพตฺถ ยตฺถ กตฺถจิ วายามํ อกตฺวา อปฺปมตฺตเกปิ ปฺุสฺมึเยว วายเมยฺยาติ อธิปฺปาโย. นาฺสฺส ปุริโส สิยาติ ปพฺพชิตรูเปน อฺสฺส ปุคฺคลสฺส เสวกปุริโส น สิยา. กสฺมา? เอวรูปสฺสปิ โอจรกาทิปาปกมฺมสฺส กตฺตพฺพตฺตา. นาฺํ นิสฺสาย ชีเวยฺยาติ อฺํ ปรํ อิสฺสราทึ นิสฺสาย ‘‘ตปฺปฏิพทฺธํ เม สุขทุกฺข’’นฺติ เอวํจิตฺโต หุตฺวา น ชีวิกํ ปวตฺเตยฺย, อตฺตทีโป อตฺตสรโณ อนฺสรโณ เอว ภเวยฺย. อถ วา อนตฺถาวหโต ‘‘โอจรณ’’นฺติ ลทฺธนามกตฺตา อฺํ อกุสลกมฺมํ นิสฺสาย น ชีเวยฺย. ธมฺเมน น วณึ จเรติ ธนาทิอตฺถาย ธมฺมํ น กเถยฺย. โย หิ ธนาทิเหตุ ปเรสํ ธมฺมํ เทเสติ, โส ธมฺเมน วาณิชฺชํ กโรติ นาม, เอวํ ธมฺเมน ตํ น จเรยฺย. อถ วา ธนาทีนํ อตฺถาย โกสลรฺโ ปุริโส วิย โอจรกาทิกมฺมํ กโรนฺโต ปเรหิ อนาสงฺกนียตาย ปพฺพชฺชาลิงฺคสมาทานาทีนิ อนุติฏฺนฺโต ธมฺเมน วาณิชฺชํ กโรติ นาม. โยปิ อิธ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ จรนฺโตปิ อฺตรํ เทวนิกายํ ปณิธาย พฺรหฺมจริยํ จรติ, โสปิ ¶ ธมฺเมน วาณิชฺชํ กโรติ นาม, เอวํ ธมฺเมน วาณิชฺชํ น จเร, น กเรยฺยาติ อตฺโถ.
ทุติยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ปจฺจเวกฺขณสุตฺตวณฺณนา
๕๓. ตติเย ¶ อตฺตโน อเนเก ปาปเก อกุสเล ธมฺเม ปหีเนติ โลภโทสโมหวิปรีตมนสิการอหิริกาโนตฺตปฺปโกธูปนาหมกฺขปลาสอิสฺสามจฺฉริยมายา- สาเยฺยถมฺภสารมฺภมานาติมานมทปมาทตณฺหาอวิชฺชาติวิธากุสลมูลทุจฺจริตสํกิเลสวิสม- สฺาวิตกฺกปปฺจจตุพฺพิธวิปลฺลาสอาสวโอฆโยคคนฺถาคติคมนตณฺหุปาทานปฺจวิธ- เจโตขิลปฺจเจโตวินิพนฺธนีวรณาภินนฺทนฉวิวาท- มูลตณฺหากายสตฺตานุสยอฏฺมิจฺฉตฺตนว- ตณฺหามูลกทสากุสลกมฺมปถทฺวาสฏฺิทิฏฺิคตอฏฺสตตณฺหาวิจริตาทิปฺปเภเท อตฺตโน สนฺตาเน อนาทิกาลปวตฺเต ¶ ทิยฑฺฒสหสฺสกิเลเส ตํสหคเต จาปิ อเนเก ปาปเก ลามเก อโกสลฺลสมฺภูตฏฺเน อกุสเล ธมฺเม อนวเสสํ สห วาสนาย โพธิมูเลเยว ปหีเน อริยมคฺเคน สมุจฺฉินฺเน ปจฺจเวกฺขมาโน ‘‘อยมฺปิ เม กิเลโส ปหีโน, อยมฺปิ เม กิเลโส ปหีโน’’ติ อนุปทปจฺจเวกฺขณาย ปจฺจเวกฺขมาโน ภควา นิสินฺโน โหติ.
อเนเก จ กุสเล ธมฺเมติ สีลสมาธิปฺาวิมุตฺติวิมุตฺติาณทสฺสนํ จตฺตาโร สติปฏฺานา, จตฺตาโร สมฺมปฺปธานา, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา, จตฺตาโร อริยมคฺคา, จตฺตาริ ผลานิ, จตสฺโส ปฏิสมฺภิทา, จตุโยนิปริจฺเฉทกาณํ, จตฺตาโร อริยวํสา, จตฺตาริ เวสารชฺชาณานิ, ปฺจ ปธานิยงฺคานิ, ปฺจงฺคิโก สมฺมาสมาธิ, ปฺจาณิโก สมฺมาสมาธิ, ปฺจินฺทฺริยานิ, ปฺจ พลานิ, ปฺจ นิสฺสารณียา ธาตุโย, ปฺจ วิมุตฺตายตนาณานิ, ปฺจ วิมุตฺติปริปาจนียา สฺา, ฉ อนุสฺสติฏฺานานิ, ฉ คารวา, ฉ นิสฺสารณียา ธาตุโย, ฉ สตตวิหารา, ฉ อนุตฺตริยานิ, ฉ นิพฺเพธภาคิยา ปฺา, ฉ อภิฺา, ฉ อสาธารณาณานิ, สตฺต อปริหานิยา ธมฺมา, สตฺต อริยธนานิ, สตฺต โพชฺฌงฺคา, สตฺต ¶ สปฺปุริสธมฺมา, สตฺต นิชฺชรวตฺถูนิ, สตฺต ¶ สฺา, สตฺต ทกฺขิเณยฺยปุคฺคลเทสนา, สตฺต ขีณาสวพลเทสนา, อฏฺ ปฺาปฏิลาภเหตุเทสนา, อฏฺ สมฺมตฺตานิ, อฏฺ โลกธมฺมาติกฺกมา, อฏฺ อารมฺภวตฺถูนิ, อฏฺ อกฺขณเทสนา, อฏฺ มหาปุริสวิตกฺกา, อฏฺ อภิภายตนเทสนา, อฏฺ วิโมกฺขา, นว โยนิโสมนสิการมูลกา ธมฺมา, นว ปาริสุทฺธิปธานิยงฺคานิ, นว สตฺตาวาสเทสนา, นว อาฆาตปฺปฏิวินยา, นว สฺา, นว นานตฺตานิ, นว อนุปุพฺพวิหารา, ทส นาถกรณา ธมฺมา, ทส กสิณายตนานิ, ทส กุสลกมฺมปถา, ทส สมฺมตฺตานิ, ทส อริยวาสา, ทส อเสกฺขา ธมฺมา, ทส ตถาคตพลานิ, เอกาทส เมตฺตานิสํสา, ทฺวาทส ธมฺมจกฺกาการา, เตรส ธุตงฺคคุณา, จุทฺทส พุทฺธาณานิ, ปนฺนรส วิมุตฺติปริปาจนียา ธมฺมา, โสฬสวิธา อานาปานสฺสติ, โสฬส อปรนฺตปนียา ธมฺมา, อฏฺารส มหาวิปสฺสนา, อฏฺารส พุทฺธธมฺมา, เอกูนวีสติ ปจฺจเวกฺขณาณานิ, จตุจตฺตาลีส าณวตฺถูนิ, ปฺาส อุทยพฺพยาณานิ, ปโรปฺาส กุสลา ธมฺมา, สตฺตสตฺตติ าณวตฺถูนิ, จตุวีสติโกฏิสตสหสฺสสมาปตฺติสฺจาริมหาวชิราณํ, อนนฺตนยสมนฺตปฏฺานปวิจยปจฺจเวกฺขณเทสนาาณานิ, ตถา อนนฺตาสุ โลกธาตูสุ อนนฺตานํ สตฺตานํ อาสยาทิวิภาวนาณานิ จาติ เอวมาทิเก อเนเก อตฺตโน กุสเล อนวชฺชธมฺเม อนนฺตกาลํ ปารมิปริภาวนาย มคฺคภาวนาย จ ปาริปูรึ วุทฺธึ คเต ‘‘อิเมปิ อนวชฺชธมฺมา มยิ สํวิชฺชนฺติ, อิเมปิ อนวชฺชธมฺมา มยิ สํวิชฺชนฺตี’’ติ รุจิวเสน มนสิการาภิมุเข พุทฺธคุเณ วคฺควคฺเค ปฺุชปฺุเช กตฺวา ปจฺจเวกฺขมาโน นิสินฺโน โหติ. เต จ ¶ โข สปเทสโต เอว, น นิปฺปเทสโต. สพฺเพ พุทฺธคุเณ ภควตาปิ อนุปทํ อนวเสสโต มนสิ กาตุํ น สกฺกา อนนฺตาปริเมยฺยภาวโต.
วุตฺตฺเหตํ –
‘‘พุทฺโธปิ พุทฺธสฺส ภเณยฺย วณฺณํ,
กปฺปมฺปิ เจ อฺมภาสมาโน;
ขีเยถ กปฺโป จิรทีฆมนฺตเร,
วณฺโณ น ขีเยถ ตถาคตสฺสา’’ติ.
‘‘อสงฺขฺเยยฺยานิ นามานิ, สคุเณน มเหสิโน;
คุเณน นามมุทฺเธยฺยํ, อปิ นาม สหสฺสโต’’ติ.
ตทา หิ ภควา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฺปฏิกฺกนฺโต วิหารํ ปวิสิตฺวา คนฺธกุฏิปฺปมุเข ตฺวา ภิกฺขูสุ วตฺตํ ทสฺเสตฺวา คเตสุ มหาคนฺธกุฏึ ปวิสิตฺวา ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสินฺโน อตฺตโน อตีตชาติวิสยํ าณํ เปเสสิ. อถสฺส ตานิ นิรนฺตรํ โปงฺขานุโปงฺขํ อนนฺตาปริมาณปฺปเภทา อุปฏฺหึสุ. โส ‘‘เอวํ มหนฺตสฺส นาม ทุกฺขกฺขนฺธสฺส มูลภูตา อิเม กิเลสา’’ติ กิเลสวิสยํ าณาจารํ เปเสตฺวา เต ปหานมุเขน อนุปทํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ‘‘อิเม วต กิเลสา อนวเสสโต มยฺหํ สุฏฺุ ปหีนา’’ติ ปุน เตสํ ปหานกรํ สาการํ สปริวารํ สอุทฺเทสํ อริยมคฺคํ ปจฺจเวกฺขนฺโต อนนฺตาปริมาณเภเท อตฺตโน สีลาทิอนวชฺชธมฺเม มนสากาสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘เตน โข ปน สมเยน ภควา อตฺตโน อเนเก ปาปเก อกุสเล ธมฺเม ปหีเน ปจฺจเวกฺขมาโน นิสินฺโน โหติ, อเนเก จ กุสเล ธมฺเม ภาวนาปาริปูรึ คเต’’ติ.
เอวํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา อุปฺปนฺนปีติโสมนสฺสุทฺเทสภูตํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ อหุ ปุพฺเพติ อรหตฺตมคฺคาณุปฺปตฺติโต ปุพฺเพ สพฺโพปิ จายํ ราคาทิโก กิเลสคโณ ¶ มยฺหํ สนฺตาเน อหุ อาสิ, น อิมสฺมึ กิเลสคเณ โกจิปิ กิเลโส นาโหสิ. ตทา นาหูติ ตทา ตสฺมึ กาเล อริยมคฺคกฺขเณ โส กิเลสคโณ น อหุ น อาสิ, ตตฺถ อณุมตฺโตปิ กิเลโส อคฺคมคฺคกฺขเณ อปฺปหีโน นาม นตฺถิ. ‘‘ตโต นาหู’’ติปิ ปนฺติ, ตโต อรหตฺตมคฺคกฺขณโต ปรํ นาสีติ อตฺโถ. นาหุ ปุพฺเพติ โย จายํ มม อปริมาโณ อนวชฺชธมฺโม เอตรหิ ภาวนาปาริปูรึ คโต อุปลพฺภติ, โสปิ อริยมคฺคกฺขณโต ปุพฺเพ น อหุ น อาสิ. ตทา อหูติ ยทา ปน เม อคฺคมคฺคาณํ อุปฺปนฺนํ, ตทา สพฺโพปิ เม อนวชฺชธมฺโม อาสิ. อคฺคมคฺคาธิคเมน หิ สทฺธึ สพฺเพปิ สพฺพฺุคุณา พุทฺธานํ หตฺถคตา เอว โหนฺติ.
น ¶ จาหุ น จ ภวิสฺสติ, น เจตรหิ วิชฺชตีติ โย ปน โส อนวชฺชธมฺโม อริยมคฺโค ¶ มยฺหํ โพธิมณฺเฑ อุปฺปนฺโน, เยน สพฺโพ กิเลสคโณ อนวเสสํ ปหีโน, โส ยถา มยฺหํ มคฺคกฺขณโต ปุพฺเพ น จาหุ น จ อโหสิ, เอวํ อตฺตนา ปหาตพฺพกิเลสาภาวโต เต กิเลสา วิย อยมฺปิ น จ ภวิสฺสติ อนาคเต น อุปฺปชฺชิสฺสติ, เอตรหิ ปจฺจุปฺปนฺนกาเลปิ น วิชฺชติ น อุปลพฺภติ อตฺตนา กตฺตพฺพกิจฺจาภาวโต. น หิ อริยมคฺโค อเนกวารํ ปวตฺตติ. เตเนวาห – ‘‘น ปารํ ทิคุณํ ยนฺตี’’ติ.
อิติ ภควา อริยมคฺเคน อตฺตโน สนฺตาเน อนวเสสํ ปหีเน อกุสเล ธมฺเม ภาวนาปาริปูรึ คเต อปริมาเณ อนวชฺชธมฺเม จ ปจฺจเวกฺขมาโน อตฺตุปนายิกปีติเวควิสฺสฏฺํ อุทานํ อุทาเนสิ. ปุริมาย กถาย ปุริมเวสารชฺชทฺวยเมว กถิตํ, ปจฺฉิมทฺวยํ สมฺมาสมฺโพธิยา ปกาสิตตฺตา ปกาสิตเมว โหตีติ.
ตติยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. ปมนานาติตฺถิยสุตฺตวณฺณนา
๕๔. จตุตฺเถ นานาติตฺถิยสมณพฺราหฺมณปริพฺพาชกาติ เอตฺถ ตรนฺติ เอเตน สํสาโรฆนฺติ ติตฺถํ, นิพฺพานมคฺโค. อิธ ปน วิปรีตวิปลฺลาสวเสน ทิฏฺิคติเกหิ ตถา คหิตทิฏฺิทสฺสนํ ‘‘ติตฺถ’’นฺติ อธิปฺเปตํ. ตสฺมึ สสฺสตาทินานากาเร ติตฺเถ นิยุตฺตาติ นานาติตฺถิยา, นคฺคนิคณฺาทิสมณา ¶ เจว กกลาปาทิพฺราหฺมณา จ โปกฺขรสาตาทิปริพฺพาชกา จ สมณพฺราหฺมณปริพฺพาชกา. นานาติตฺถิยา จ เต สมณพฺราหฺมณปริพฺพาชกา จาติ นานาติตฺถิยสมณพฺราหฺมณปริพฺพาชกา.
‘‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จา’’ติอาทินา ปสฺสนฺติ เอตาย, สยํ วา ปสฺสติ, ตถา ทสฺสนมตฺตเมว วาติ ทิฏฺิ, มิจฺฉาภินิเวสสฺเสตํ อธิวจนํ. สสฺสตาทิวเสน นานา อเนกวิธา ทิฏฺิโย เอเตสนฺติ นานาทิฏฺิกา. สสฺสตาทิวเสเนว ขมนํ ขนฺติ, โรจนํ รุจิ, อตฺถโต ‘‘สสฺสโต ¶ อตฺตา จ โลโก จา’’ติอาทินา (อุทา. ๕๕) ปวตฺโต จิตฺตวิปลฺลาโส สฺาวิปลฺลาโส ¶ จ. ตถา นานา ขนฺติโย เอเตสนฺติ นานาขนฺติกา, นานา รุจิโย เอเตสนฺติ นานารุจิกา. ทิฏฺิคติกา หิ ปุพฺพภาเค ตถา ตถา จิตฺตํ โรเจตฺวา ขมาเปตฺวา จ ปจฺฉา ‘‘อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺ’’นฺติ อภินิวิสนฺติ. อถ วา ‘‘อนิจฺจํ นิจฺจ’’นฺติอาทินา ตถา ตถา ทสฺสนวเสน ทิฏฺิ, ขมนวเสน ขนฺติ, รุจฺจนวเสน รุจีติ เอวํ ตีหิปิ ปเทหิ ทิฏฺิ เอว วุตฺตาติ เวทิตพฺพา. นานาทิฏฺินิสฺสยนิสฺสิตาติ สสฺสตาทิปริกปฺปวเสน นานาวิธํ ทิฏฺิยา นิสฺสยํ วตฺถุํ การณํ, ทิฏฺิสงฺขาตเมว วา นิสฺสยํ นิสฺสิตา อลฺลีนา อุปคตา, ตํ อนิสฺสชฺชิตฺวา ิตาติ อตฺโถ. ทิฏฺิโยปิ หิ ทิฏฺิคติกานํ อภินิเวสาการานํ นิสฺสยา โหนฺติ.
สนฺตีติ อตฺถิ สํวิชฺชนฺติ อุปลพฺภนฺติ. เอเกติ เอกจฺเจ. สมณพฺราหฺมณาติ ปพฺพชฺชูปคเมน สมณา, ชาติยา พฺราหฺมณา, โลเกน วา สมณาติ จ พฺราหฺมณาติ จ เอวํ คหิตา. เอวํวาทิโนติ เอวํ อิทานิ วตฺตพฺพากาเรน วทนฺตีติ เอวํวาทิโน. เอวํ อิทานิ วตฺตพฺพากาเรน ปวตฺตา ทิฏฺิ เอเตสนฺติ เอวํทิฏฺิโน. ตตฺถ ทุติเยน ทิฏฺิคติกานํ มิจฺฉาภินิเวโส ทสฺสิโต, ปเมน เตสํ ยถาภินิเวสํ ปเรสํ ตตฺถ ปติฏฺาปนวเสน โวหาโร.
สสฺสโต โลโก, อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺนฺติ เอตฺถ โลโกติ อตฺตา. โส หิ ทิฏฺิคติเกหิ โลกิยนฺติ เอตฺถ ปฺุํ ปาปํ ตพฺพิปากา, สยํ วา การกาทิภาเวน อภิยุตฺเตหิ โลกิยตีติ โลโกติ อธิปฺเปโต. สฺวายํ สสฺสโต อมโร นิจฺโจ ธุโวติ ยทิทํ อมฺหากํ ทสฺสนํ อิทเมว สจฺจํ อวิปรีตํ, อฺํ ปน อสสฺสโตติอาทิ ปเรสํ ทสฺสนํ โมฆํ มิจฺฉาติ อตฺโถ. เอเตน จตฺตาโรปิ สสฺสตวาทา ทสฺสิตา โหนฺติ. อสสฺสโตติ น สสฺสโต, อนิจฺโจ อธุโว จวนธมฺโมติ อตฺโถ. ‘‘อสสฺสโต’’ติ สสฺสตภาวปฺปฏิกฺเขเปเนว อุจฺเฉโท ทีปิโตติ สตฺตปิ อุจฺเฉทวาทา ทีปิตา โหนฺติ.
อนฺตวาติ ¶ สปริยนฺโต ปริวฏุโม ปริจฺฉินฺนปฺปมาโณ, น สพฺพคโตติ อตฺโถ. เอเตน สรีรปริมาโณ องฺคุฏฺปริมาโณ อวยวปริมาโณ ปรมาณุปริมาโณ ¶ อตฺตาติ เอวมาทิวาทา ทสฺสิตา โหนฺติ. อนนฺตวาติ อปริยนฺโต, สพฺพคโตติ อตฺโถ. เอเตน กปิลกณาทาทิวาทา ทีปิตา โหนฺติ.
ตํ ชีวํ ตํ ¶ สรีรนฺติ ยํ สรีรํ, ตเทว ชีวสงฺขาตํ วตฺถุ, ยฺจ ชีวสงฺขาตํ วตฺถุ, ตเทว สรีรนฺติ ชีวฺจ สรีรฺจ อทฺวยํ สมนุปสฺสติ. เอเตน อาชีวกานํ วิย ‘‘รูปี อตฺตา’’ติ อยํ วาโท ทสฺสิโต โหติ. อฺํ ชีวํ อฺํ สรีรนฺติ อิมินา ปน ‘‘อรูปี อตฺตา’’ติ อยํ วาโท ทสฺสิโต.
โหติ ตถาคโต ปรํ มรณาติ เอตฺถ ตถาคโตติ สตฺโต. ตฺหิ ทิฏฺิคติโก การกเวทกาทิสงฺขาตํ, นิจฺจธุวาทิสงฺขาตํ วา ตถาภาวํ คโตติ ตถาคโตติ โวหรติ, โส มรณโต อิธกายสฺส เภทโต ปรํ อุทฺธํ โหติ, อตฺถิ สํวิชฺชตีติ อตฺโถ. เอเตน สสฺสตคฺคาหมุเขน โสฬส สฺีวาทา อฏฺ อสฺีวาทา อฏฺ จ เนวสฺีนาสฺีวาทา ทสฺสิตา โหนฺติ. น โหตีติ นตฺถิ น อุปลพฺภติ. เอเตน อุจฺเฉทวาโท ทสฺสิโต. โหติ จ น จ โหตีติ อตฺถิ จ นตฺถิ จาติ. เอเตน เอกจฺจสสฺสตวาทา สตฺต สฺีวาทา จ ทสฺสิตา. เนว โหติ น น โหตีติ อิมินา ปน อมราวิกฺเขปวาโท ทสฺสิโตติ เวทิตพฺพํ.
อิเม กิร ทิฏฺิคติกา นานาเทสโต อาคนฺตฺวา สาวตฺถิยํ ปฏิวสนฺตา เอกทา สมยปฺปวาทเก สนฺนิปติตฺวา อตฺตโน อตฺตโน วาทํ ปคฺคยฺห อฺวาเท ขุํเสนฺตา วิวาทาปนฺนา อเหสุํ. เตน วุตฺตํ ‘‘เต ภณฺฑนชาตา’’ติอาทิ.
ตตฺถ ภณฺฑนํ นาม กลหสฺส ปุพฺพภาโค. ภณฺฑนชาตาติ ชาตภณฺฑนา. กลโหติ กลโห เอว, กลสฺส วา หนนโต กลโห ทฏฺพฺโพ. อฺมฺสฺส วิรุทฺธวาทํ อาปนฺนาติ วิวาทาปนฺนา. มมฺมฆฏฺฏนโต มุขเมว สตฺตีติ มุขสตฺติ, ผรุสวาจา. ผลูปจาเรน วิย หิ การณํ การณูปจาเรน ผลมฺปิ โวหริยติ ยถา ตํ ‘‘สุโข พุทฺธุปฺปาโท, ปาปกมฺมํ ปจฺจนุโภตี’’ติ จ. ตาหิ มุขสตฺตีหิ วิตุทนฺตา วิชฺฌนฺตา วิหรนฺติ. เอทิโส ธมฺโมติ ธมฺโม อวิปรีตสภาโว เอทิโส เอวรูโป, ยถา มยา วุตฺตํ ‘‘สสฺสโต โลโก’’ติ. เนทิโส ธมฺโมติ น เอทิโส ธมฺโม ¶ , ยถา ตยา วุตฺตํ ‘‘อสสฺสโต โลโก’’ติ, เอวํ เสสปเทหิปิ โยเชตพฺพํ. โส จ ติตฺถิยานํ วิวาโท สกลนคเร ปากโฏ ชาโต. อถ ภิกฺขู สาวตฺถึ ปิณฺฑาย ¶ ปวิฏฺา ตํ สุตฺวา ‘‘อตฺถิ โน อิทํ กถาปาภตํ, ยํ นูน มยํ อิมํ ปวตฺตึ ¶ ภควโต อาโรเจยฺยาม, อปฺเปว นาม ตํ นิสฺสาย สตฺถุ สณฺหสุขุมํ ธมฺมเทสนํ ลเภยฺยามา’’ติ เต ปจฺฉาภตฺตํ ธมฺมเทสนากาเล ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข สมฺพหุลา ภิกฺขู’’ติอาทิ.
ตํ สุตฺวา ภควา อฺติตฺถิยานํ ธมฺมสฺส อยถาภูตปชานนํ ปกาเสนฺโต ‘‘อฺติตฺถิยา, ภิกฺขเว’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อนฺธาติ ปฺาจกฺขุวิรเหน อนฺธา. เตนาห ‘‘อจกฺขุกา’’ติ. ปฺา หิ อิธ ‘‘จกฺขู’’ติ อธิปฺเปตา. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘อตฺถํ น ชานนฺตี’’ติอาทิ. ตตฺถ อตฺถํ น ชานนฺตีติ อิธโลกตฺถํ ปรโลกตฺถํ น ชานนฺติ, อิธโลกปรโลเกสุ วุทฺธึ อพฺภุทยํ นาวพุชฺฌนฺติ, ปรมตฺเถ ปน นิพฺพาเน กถาวกา. เย หิ นาม ปวตฺติมตฺเตปิ สมฺมูฬฺหา, เต กถํ นิวตฺตึ ชานิสฺสนฺตีติ. อนตฺถํ น ชานนฺตีติ ยทคฺเคน เต อตฺถํ น ชานนฺติ, ตทคฺเคน อนตฺถมฺปิ น ชานนฺติ. ยสฺมา ธมฺมํ น ชานนฺติ, ตสฺมา อธมฺมมฺปิ น ชานนฺติ. เต หิ วิปริเยสคฺคาหิตาย ธมฺมํ กุสลมฺปิ อกุสลํ กโรนฺติ, อธมฺมมฺปิ อกุสลํ กุสลํ กโรนฺติ. น เกวลฺจ ธมฺมาธมฺเมสุ เอว, อถ โข ตสฺส วิปาเกสุปิ สมฺมูฬฺหา. ตถา หิ เต กมฺมมฺปิ วิปากํ กตฺวา โวหรนฺติ, วิปากมฺปิ กมฺมํ กตฺวา. ตถา ธมฺมํ สภาวธมฺมมฺปิ น ชานนฺติ, อธมฺมํ อสภาวธมฺมมฺปิ น ชานนฺติ. เอวํภูตา จ สภาวธมฺมํ อสภาวธมฺมฺจ, อสภาวธมฺมํ สภาวธมฺมฺจ กตฺวา ปเวเทนฺติ.
อิติ ภควา ติตฺถิยานํ โมหทิฏฺิปฏิลาภภาเวน ปฺาจกฺขุเวกลฺลโต อนฺธภาวํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตมตฺถํ ชจฺจนฺธูปมาย ปกาเสตุํ ‘‘ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ภูตปุพฺพนฺติ ปุพฺเพ ภูตํ, อตีตกาเล นิพฺพตฺตํ. อฺตโร ราชา อโหสีติ ปุราตโน นามโคตฺเตหิ โลเก อปากโฏ เอโก ราชา อโหสิ. โส ราชา อฺตรํ ปุริสํ อามนฺเตสีติ ตสฺส กิร รฺโ โสภคฺคปฺปตฺตํ สพฺพงฺคสมฺปนฺนํ อตฺตโน โอปวยฺหํ หตฺถึ อุปฏฺานํ อาคตํ ทิสฺวา เอตทโหสิ – ‘‘ภทฺทกํ วต, โภ, หตฺถิยานํ ทสฺสนีย’’นฺติ. เตน จ สมเยน เอโก ชจฺจนฺโธ ราชงฺคเณน คจฺฉติ. ตํ ทิสฺวา ราชา ¶ จินฺเตสิ – ‘‘มหาชานิยา ¶ โข อิเม อนฺธา เย เอวรูปํ ทสฺสนียํ น ลภนฺติ ทฏฺุํ. ยํนูนาหํ อิมิสฺสา สาวตฺถิยา ยตฺตกา ชจฺจนฺธา สพฺเพ เต สนฺนิปาตาเปตฺวา เอกเทสํ เอกเทสํ หตฺเถน ผุสาเปตฺวา เตสํ วจนํ สุเณยฺย’’นฺติ. เกฬิสีโล ราชา เอเกน ปุริเสน สาวตฺถิยา สพฺเพ ชจฺจนฺเธ สนฺนิปาตาเปตฺวา ตสฺส ปุริสสฺส สฺํ อทาสิ ‘‘ยถา เอเกโก ชจฺจนฺโธ สีสาทิกํ เอเกกํเยว หตฺถิสฺส องฺคํ ผุสิตฺวา ‘หตฺถี มยา ทิฏฺโ’ติ สฺํ อุปฺปาเทสิ, ตถา กโรหี’’ติ. โส ปุริโส ตถา อกาสิ. อถ ราชา เต ชจฺจนฺเธ ¶ ปจฺเจกํ ปุจฺฉิ ‘‘กีทิโส, ภเณ, หตฺถี’’ติ. เต อตฺตนา ทิฏฺทิฏฺาวยวเมว หตฺถึ กตฺวา วทนฺตา ‘‘เอทิโส หตฺถี, เนทิโส หตฺถี’’ติ อฺมฺํ กลหํ กโรนฺตา หตฺถาทีหิ อุปกฺกมิตฺวา ราชงฺคเณ มหนฺตํ โกลาหลํ อกํสุ. ราชา สปริชโน เตสํ ตํ วิปฺปการํ ทิสฺวา ผาสุเกหิ ภิชฺชมาเนหิ หทเยน อุคฺคเตน มหาหสิตํ หสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, โส ราชา…เป… อตฺตมโน อโหสี’’ติ.
ตตฺถ อมฺโภติ อาลปนํ. ยาวตกาติ ยตฺตกา. ชจฺจนฺธาติ ชาติยา อนฺธา, ชาติโต ปฏฺาย อจกฺขุกา. เอกชฺฌนฺติ เอกโต. ภเณติ อพหุมานาลาโป. หตฺถึ ทสฺเสหีติ ยถาวุตฺตํ หตฺถึ สยาเปตฺวา ทสฺเสหิ. โส จ สุสิกฺขิตตฺตา อปริปฺผนฺทนฺโต นิปชฺชิ. ทิฏฺโ โน หตฺถีติ หตฺเถน ปรามสนํ ทสฺสนํ กตฺวา อาหํสุ. เตน ปุริเสน สีสํ ปรามสาเปตฺวา ‘‘เอทิโส หตฺถี’’ติ สฺาปิตตฺตา ตาทิสํเยว นํ หตฺถึ สฺชานนฺตา ชจฺจนฺธา ‘‘เอทิโส เทว หตฺถี เสยฺยถาปิ กุมฺโภ’’ติ วทึสุ. กุมฺโภติ จ ฆโฏติ อตฺโถ. ขีโลติ นาคทนฺตขีโล. โสณฺโฑติ หตฺโถ. นงฺคลีสาติ นงฺคลสฺส สิรสฺส อีสา. กาโยติ สรีรํ. โกฏฺโติ กุสูโล. ปาโทติ ชงฺโฆ. ถูโณติ ถมฺโภ. นงฺคุฏฺนฺติ วาฬสฺส อุริมปฺปเทโส. วาลธีติ วาลสฺส อคฺคปฺปเทโส. มุฏฺีหิ สํสุมฺภึสูติ มุฏฺิโย พนฺธิตฺวา ปหรึสุ, มุฏฺิฆาตํ อกํสุ. อตฺตมโน อโหสีติ เกฬิสีลตฺตา โส ราชา เตน ชจฺจนฺธานํ กลเหน อตฺตมโน ปหาเสน คหิตมโน อโหสิ.
เอวเมว โขติ อุปมาสํสนฺทนํ. ตสฺสตฺโถ – ภิกฺขเว, ยถา เต ชจฺจนฺธา อจกฺขุกา เอกงฺคทสฺสิโน อนวเสสโต หตฺถึ อปสฺสิตฺวา อตฺตนา ¶ ทิฏฺาวยวมตฺตํ หตฺถิสฺาย ¶ อิตเรหิ ทิฏฺํ อนนุชานนฺตา อฺมฺํ วิวาทํ อาปนฺนา กลหํ อกํสุ, เอวเมว อิเม อฺติตฺถิยา สกฺกายสฺส เอกเทสํ รูปเวทนาทึ อตฺตโน ทิฏฺิทสฺสเนน ยถาทิฏฺํ ‘‘อตฺตา’’ติ มฺมานา ตสฺส สสฺสตาทิภาวํ อาโรเปตฺวา ‘‘อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺ’’นฺติ อภินิวิสิตฺวา อฺมฺํ วิวทนฺติ, ยถาภูตํ ปน อตฺถานตฺถํ ธมฺมาธมฺมฺจ น ชานนฺติ. ตสฺมา อนฺธา อจกฺขุกา ชจฺจนฺธปฏิภาคาติ.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ ติตฺถิยานํ ธมฺมสภาวํ ยถาภูตํ อชานนฺตานํ อปสฺสนฺตานํ ชจฺจนฺธานํ วิย หตฺถิมฺหิ ยถาทสฺสนํ มิจฺฉาภินิเวสํ, ตตฺถ จ วิวาทาปตฺตึ สพฺพาการโต วิทิตฺวา ตทตฺถทีปกํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ ¶ อิเมสุ กิร สชฺชนฺติ, เอเก สมณพฺราหฺมณาติ อิเธกจฺเจ ปพฺพชฺชูปคมเนน สมณา, ชาติมตฺเตน พฺราหฺมณา ‘‘สสฺสโต โลโก’’ติอาทินยปฺปวตฺเตสุ อิเมสุ เอว อสาเรสุ ทิฏฺิคเตสุ ทิฏฺาภินนฺทนวเสน, อิเมสุ วา รูปาทีสุ อุปาทานกฺขนฺเธสุ เอวํ อนิจฺเจสุ ทุกฺเขสุ วิปริณามธมฺเมสุ ตณฺหาภินนฺทนทิฏฺาภินนฺทนานํ วเสน ‘‘เอตํ มมา’’ติอาทินา สชฺชนฺติ กิร. อโห เนสํ สมฺโมโหติ ทสฺเสติ. กิรสทฺโท เจตฺถ อรุจิสูจนตฺโถ. เตน ตตฺถ สงฺคการณาภาวเมว ทีเปติ. น เกวลํ สชฺชนฺติ เอว, อถ โข วิคฺคยฺห นํ วิวทนฺติ ‘‘น ตฺวํ อิมํ ธมฺมวินยํ อาชานาสิ, อหํ อิมํ ธมฺมวินยํ อาชานามี’’ติอาทินา วิคฺคาหิกกถานุโยควเสน วิคฺคยฺห วิวทนฺติ วิวาทํ อาปชฺชนฺติ. นนฺติ เจตฺถ นิปาตมตฺตํ. อถ วา วิคฺคยฺห นนฺติ นํ ทิฏฺินิสฺสยํ สกฺกายทิฏฺิเมว วา วิปรีตทสฺสนตฺตา สสฺสตาทิวเสน อฺมฺํ วิรุทฺธํ คเหตฺวา วิวทนฺติ วิเสสโต วทนฺติ, อตฺตโน เอว วาทํ วิสิฏฺํ อวิปรีตํ กตฺวา อภินิวิสฺส โวหรนฺติ. ยถา กึ? ชนา เอกงฺคทสฺสิโน ยเถว ชจฺจนฺธชนา หตฺถิสฺส เอเกกงฺคทสฺสิโน ‘‘ยํ ยํ อตฺตนา ผุสิตฺวา าตํ, ตํ ตเทว หตฺถี’’ติ คเหตฺวา อฺมฺํ วิคฺคยฺห วิวทึสุ, เอวํสมฺปทมิทนฺติ อตฺโถ. อิวสทฺโท เจตฺถ ลุตฺตนิทฺทิฏฺโติ เวทิตพฺโพ.
จตุตฺถสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. ทุติยนานาติตฺถิยสุตฺตวณฺณนา
๕๕. ปฺจเม ¶ ¶ สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จาติ รูปาทีสุ อฺตรํ อตฺตาติ จ โลโกติ จ คเหตฺวา ตํ สสฺสตํ นิจฺจนฺติ อฺเปิ จ ตถา คาเหนฺตา โวหรนฺติ. ยถาห –
‘‘รูปํ อตฺตา เจว โลโก จ สสฺสโต จาติ อตฺตานฺจ โลกฺจ ปฺเปนฺติ. เวทนํ… สฺํ… สงฺขาเร… วิฺาณํ อตฺตา จ โลโก จ สสฺสโต จาติ อตฺตานฺจ โลกฺจ ปฺเปนฺตี’’ติ.
อถ วา อตฺตาติ อหงฺการวตฺถุ, โลโกติ มมงฺการวตฺถุ, ยํ ‘‘อตฺตนิย’’นฺติ วุจฺจติ. อตฺตาติ วา สยํ, โลโกติ ปโร. อตฺตาติ วา ปฺจสุ อุปาทานกฺขนฺเธสุ เอโก ขนฺโธ, อิตโร โลโก ¶ . อตฺตาติ วา สวิฺาณโก ขนฺธสนฺตาโน, อวิฺาณโก โลโก. เอวํ ตํ ตํ อตฺตาติ จ โลโกติ จ ยถาทสฺสนํ ทฺวิธา คเหตฺวา ตทุภยํ ‘‘นิจฺโจ ธุโว สสฺสโต’’ติ อภินิวิสฺส โวหรนฺติ. เอเตน จตฺตาโร สสฺสตวาทา ทสฺสิตา. อสสฺสโตติ สตฺตปิ อุจฺเฉทวาทา ทสฺสิตา. สสฺสโต จ อสสฺสโต จาติ เอกจฺโจ อตฺตา จ โลโก จ สสฺสโต, เอกจฺโจ อสสฺสโตติ เอวํ สสฺสโต จ อสสฺสโต จาติ อตฺโถ. อถ วา สฺเวว อตฺตา จ โลโก จ อตฺตคติทิฏฺิกานํ วิย สสฺสโต จ อสสฺสโต จ, สิยา สสฺสโตติ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. สพฺพถาปิ อิมินา เอกจฺจสสฺสตวาโท ทสฺสิโต. เนว สสฺสโต นาสสฺสโตติ อิมินา อมราวิกฺเขปวาโท ทสฺสิโต. เต หิ สสฺสตวาเท อสสฺสตวาเท จ โทสํ ทิสฺวา ‘‘เนว สสฺสโต นาสสฺสโต อตฺตา จ โลโก จา’’ติ วิกฺเขปํ กโรนฺตา วิวทนฺติ.
สยํกโตติ อตฺตนา กโต. ยถา หิ เตสํ เตสํ สตฺตานํ อตฺตา จ อตฺตโน ธมฺมานุธมฺมํ กตฺวา สุขทุกฺขานิ ปฏิสํเวเทติ, เอวํ อตฺตาว อตฺตานํ ตสฺส จ อุปโภคภูตํ กิฺจนํ ปลิโพธสงฺขาตํ โลกฺจ กโรติ, อภินิมฺมินาตีติ อตฺตลทฺธิ วิย อยมฺปิ เตสํ ลทฺธิ. ปรํกโตติ ปเรน กโต, อตฺตโต ปเรน อิสฺสเรน วา ปุริเสน วา ปชาปตินา วา กาเลน วา ปกติยา วา อตฺตา จ โลโก จ กโต ¶ , นิมฺมิโตติ อตฺโถ. สยํกโต จ ปรํกโต จาติ ยสฺมา อตฺตานฺจ โลกฺจ นิมฺมินนฺตา อิสฺสราทโย น เกวลํ สยเมว นิมฺมินนฺติ, อถ โข เตสํ เตสํ สตฺตานํ ธมฺมาธมฺมานํ สหการีการณํ ลภิตฺวาว, ตสฺมา สยํกโต จ ปรํกโต ¶ จ อตฺตา จ โลโก จาติ เอกจฺจานํ ลทฺธิ. อสยํกาโร อปรํกาโรติ นตฺถิ เอตสฺส สยํกาโรติ อสยํกาโร, นตฺถิ เอตสฺส ปรกาโรติ อปรกาโร. อนุนาสิกาคมํ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘อปรํกาโร’’ติ. อยํ อุภยตฺถ โทสํ ทิสฺวา อุภยํ ปฏิกฺขิปติ. อถ กถํ อุปฺปนฺโนติ อาห – อธิจฺจสมุปฺปนฺโนติ ยทิจฺฉาย สมุปฺปนฺโน เกนจิ การเณน วินา อุปฺปนฺโนติ อธิจฺจสมุปฺปนฺนวาโท ทสฺสิโต. เตน จ อเหตุกวาโทปิ สงฺคหิโต โหติ.
อิทานิ เย ทิฏฺิคติกา อตฺตานํ วิย สุขทุกฺขมฺปิ ตสฺส คุณภูตํ กิฺจนภูตํ วา สสฺสตาทิวเสน อภินิวิสฺส โวหรนฺติ, เตสํ ตํ วาทํ ทสฺเสตุํ ‘‘สนฺเตเก สมณพฺราหฺมณา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตํ วุตฺตนยเมว.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตฺถ ปน อิธ ชจฺจนฺธูปมาย อนาคตตฺตา ตํ หิตฺวา เหฏฺา วุตฺตนเยเนว อตฺโถ โยเชตพฺโพ, ตถา คาถาย.
ตตฺถ ¶ อนฺตราว วิสีทนฺติ, อปตฺวาว ตโมคธนฺติ อยํ วิเสโส. ตสฺสตฺโถ – เอวํ ทิฏฺิคเตสุ ทิฏฺินิสฺสเยสุ อาสชฺชมานา ทิฏฺิคติกา กาโมฆาทีนํ จตุนฺนํ โอฆานํ, สํสารมโหฆสฺเสว วา อนฺตราว เวมชฺเฌ เอว ยํ เตสํ ปารภาเวน ปติฏฺฏฺเน วา โอคธสงฺขาตํ นิพฺพานํ ตทธิคมูปาโย วา อริยมคฺโค ตํ อปฺปตฺวาว อนธิคนฺตฺวาว วิสีทนฺติ สํสีทนฺติ. โอคาธนฺติ ปติฏฺหนฺติ เอเตน, เอตฺถ วาติ โอคาโธ, อริยมคฺโค นิพฺพานฺจ. โอคาธเมเวตฺถ รสฺสตฺตํ กตฺวา โอคธนฺติ วุตฺตํ. ตํ โอคธํ ตโมคธนฺติ ปทวิภาโค.
ปฺจมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. ตติยนานาติตฺถิยสุตฺตวณฺณนา
๕๖. ฉฏฺเ สพฺพํ เหฏฺา วุตฺตนยเมว. อิมํ อุทานนฺติ เอตฺถ ปน ทิฏฺิตณฺหามาเนสุ โทสํ ทิสฺวา เต ทูรโต วชฺเชตฺวา สงฺขาเร ยถาภูตํ ปสฺสโต จ ตตฺถ อนาทีนวทสฺสิตาย ¶ มิจฺฉาภินิวิฏฺสฺส ยถาภูตํ อปสฺสโต ¶ จ ยถากฺกมํ สํสารโต อติวตฺตนานติวตฺตนทีปกํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสีติ อตฺโถ โยเชตพฺโพ.
ตตฺถ อหงฺการปสุตายํ ปชาติ ‘‘สยํกโต อตฺตา จ โลโก จา’’ติ เอวํ วุตฺตสยํการสงฺขาตํ อหงฺการํ ตถาปวตฺตํ ทิฏฺึ ปสุตา อนุยุตฺตา อยํ ปชา มิจฺฉาภินิวิฏฺโ สตฺตกาโย. ปรํการูปสํหิตาติ ปโร อฺโ อิสฺสราทิโก สพฺพํ กโรตีติ เอวํ ปวตฺตปรํการทิฏฺิสนฺนิสฺสิตา ตาย อุปสํหิตาติ ปรํการูปสํหิตา. เอตเทเก นาพฺภฺํสูติ เอตํ ทิฏฺิทฺวยํ เอเก สมณพฺราหฺมณา ตตฺถ โทสทสฺสิโน หุตฺวา นานุชานึสุ. กถํ? สติ หิ สยํกาเร กามการโต สตฺตานํ อิฏฺเเนว ภวิตพฺพํ, น อนิฏฺเน. น หิ โกจิ อตฺตโน ทุกฺขํ อิจฺฉติ, ภวติ จ อนิฏฺํ, ตสฺมา น สยํกาโร. ปรํกาโรปิ ยทิ อิสฺสรเหตุโก, สฺวายํ อิสฺสโร อตฺตตฺถํ วา กเรยฺย ปรตฺถํ วา. ตตฺถ ยทิ อตฺตตฺถํ, อตฺตนา อกตกิจฺโจ สิยา อสิทฺธสฺส สาธนโต. อถ วา ปรตฺถํ สพฺเพสํ หิตสุขเมว นิปฺผชฺเชยฺย, น อหิตํ ทุกฺขํ นิปฺผชฺชติ, ตสฺมา อิสฺสรวเสน น ปรํกาโร สิชฺฌติ. ยทิ จ อิสฺสรสงฺขาตํ อฺนิรเปกฺขํ นิจฺจเมกการณํ ปวตฺติยา สิยา, กมฺเมน อุปฺปตฺติ น สิยา, สพฺเพเหว เอกชฺฌํ อุปฺปชฺชิตพฺพํ การณสฺส สนฺนิหิตตฺตา. อถสฺส อฺมฺปิ สหการีการณํ อิจฺฉิตํ, ตฺเว ¶ เหตุ, กึ อิสฺสเรน อปรินิฏฺิตสามตฺถิเยน ปริกปฺปิเตน. ยถา จ อิสฺสรเหตุโก ปรํกาโร น สิชฺฌติ, เอวํ ปชาปติปุริสปกติพฺรหฺมกาลาทิเหตุโตปิ น สิชฺฌเตว เตสมฺปิ อสิทฺธตฺตา วุตฺตโทสานติวตฺตนโต จ. เตน วุตฺตํ ‘‘เอตเทเก นาพฺภฺํสู’’ติ. เย ปน ยถาวุตฺเต สยํการปรํกาเร นานุชานนฺตาปิ อธิจฺจสมุปฺปนฺนํ อตฺตานฺจ โลกฺจ ปฺเปนฺติ, เตปิ น นํ สลฺลนฺติ อทฺทสุํ อธิจฺจสมุปฺปนฺนนฺติวาทิโนปิ มิจฺฉาภินิเวสํ อนติกฺกมนโต ยถาภูตํ อชานนฺตานํ ทิฏฺิคตํ ตตฺถ ตตฺถ ทุกฺขุปฺปาทนโต วิชฺฌนฏฺเน ‘‘สลฺล’’นฺติ น ปสฺสึสุ.
เอตฺจ สลฺลํ ปฏิกจฺจ ปสฺสโตติ ¶ โย ปน อารทฺธวิปสฺสโก ปฺจปิ อุปาทานกฺขนฺเธ อนิจฺจโต ทุกฺขโต อนตฺตโต สมนุปสฺสติ, โส เอตฺจ ติวิธํ วิปรีตทสฺสนํ อฺฺจ สกลํ มิจฺฉาภินิเวสํ เตสฺจ นิสฺสยภูเต ปฺจุปาทานกฺขนฺเธปิ ตุชฺชนโต ทุรุทฺธารโต จ ‘‘สลฺล’’นฺติ ปฏิกจฺจ ปุพฺเพเยว ¶ วิปสฺสนาปฺาย ปสฺสติ. เอวํ ปสฺสโต อริยมคฺคกฺขเณ เอกนฺเตเนว อหํ กโรมีติ น ตสฺส โหติ. ยถา จ อตฺตโน การกภาโว ตสฺส น อุปฏฺาติ, เอวํ ปโร กโรตีติ น ตสฺส โหติ, เกวลํ ปน อนิจฺจสงฺขาตํ ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนธมฺมมตฺตเมว โหติ. เอตฺตาวตา สมฺมาปฏิปนฺนสฺส สพฺพถาปิ ทิฏฺิมานาภาโวว ทสฺสิโต. เตน จ อรหตฺตปฺปตฺติยา สํสารสมติกฺกโม ปกาสิโต โหติ.
อิทานิ โย ทิฏฺิคเต อลฺลีโน, น โส สํสารโต สีสํ อุกฺขิปิตุํ สกฺโกติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘มานุเปตา’’ติ คาถมาห. ตตฺถ มานุเปตา อยํ ปชาติ อยํ สพฺพาปิ ทิฏฺิคติกสงฺขาตา ปชา สตฺตกาโย ‘‘มยฺหํ ทิฏฺิ สุนฺทรา, มยฺหํ อาทาโน สุนฺทโร’’ติ อตฺตโน คาหสฺส สํปคฺคหลกฺขเณน มาเนน อุเปตา สมนฺนาคตา. มานคนฺถา มานวินิพทฺธาติ ตโต เอว เตน อปราปรํ อุปฺปชฺชมาเนน ยถา ตํ ทิฏฺึ น ปฏินิสฺสชฺชติ, เอวํ อตฺตโน สนฺตานสฺส คนฺถิตตฺตา วินิพทฺธตฺตา จ มานคนฺถา มานวินิพทฺธา. ทิฏฺีสุ สารมฺภกถา, สํสารํ นาติวตฺตตีติ ‘‘อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺ’’นฺติ อตฺตุกฺกํสนปรวมฺภนวเสน อตฺตโน ทิฏฺาภินิเวเสน ปเรสํ ทิฏฺีสุ สารมฺภกถา วิโรธกถา สํสารนายิกานํ อวิชฺชาตณฺหานํ อปฺปหานโต สํสารํ นาติวตฺตติ, น อติกฺกมตีติ อตฺโถ.
ฉฏฺสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. สุภูติสุตฺตวณฺณนา
๕๗. สตฺตเม ¶ ¶ สุภูตีติ ตสฺส เถรสฺส นามํ. โส หิ อายสฺมา ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต ปาทมูเล กตาภินีหาโร กปฺปสตสหสฺสํ อุปจิตปฺุสมฺภาโร อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท อุฬารวิภเว คหปติกุเล อุปฺปนฺโน ภควโต ธมฺมเทสนํ สุตฺวา สํเวคชาโต ฆรา นิกฺขมฺม ปพฺพชิตฺวา กตาธิการตฺตา ฆเฏนฺโต วายมนฺโต น จิรสฺเสว ฉฬภิฺโ ชาโต, พฺรหฺมวิหารภาวนาย ปน อุกฺกํสปารมิปฺปตฺติยา ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ อรณวิหารีนํ ยทิทํ สุภูตี’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๐๑) อรณวิหาเร ภควตา เอตทคฺเค ปิโต. โส เอกทิวสํ สายนฺหสมยํ ทิวาฏฺานโต วิหารงฺคณํ โอติณฺโณ จตุปริสมชฺเฌ ภควนฺตํ ธมฺมํ ¶ เทเสนฺตํ ทิสฺวา ‘‘เทสนาปริโยสาเน วุฏฺหิตฺวา วนฺทิสฺสามี’’ติ กาลปริจฺเฉทํ กตฺวา ภควโต อวิทูเร อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล นิสินฺโน ผลสมาปตฺตึ สมาปชฺชิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา สุภูติ…เป… สมาปชฺชิตฺวา’’ติ.
ตตฺถ ทุติยชฺฌานโต ปฏฺาย รูปาวจรสมาธิ สพฺโพปิ อรูปาวจรสมาธิ อวิตกฺกสมาธิ เอว. อิธ ปน จตุตฺถชฺฌานปาทโก อรหตฺตผลสมาธิ ‘‘อวิตกฺกสมาธี’’ติ อธิปฺเปโต. ทุติยชฺฌานาทีหิ ปหีนา มิจฺฉาวิตกฺกา น ตาว สุปฺปหีนา อจฺจนฺตปหานาภาวโต, อริยมคฺเคน ปน ปหีนา เอว ปุน ปหานกิจฺจาภาวโต. ตสฺมา อคฺคมคฺคปริโยสานภูโต อรหตฺตผลสมาธิ สพฺเพสํ มิจฺฉาวิตกฺกานํ ปหานนฺเต อุปฺปนฺนตฺตา วิเสสโต ‘‘อวิตกฺกสมาธี’’ติ วตฺตพฺพตํ อรหติ, ปเคว จตุตฺถชฺฌานปาทโก. เตน วุตฺตํ – ‘‘อิธ ปน จตุตฺถชฺฌานปาทโก อรหตฺตผลสมาธิ ‘อวิตกฺกสมาธี’ติ อธิปฺเปโต’’ติ.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ อายสฺมโต สุภูติสฺส สพฺพมิจฺฉาวิตกฺกสพฺพสํกิเลสปหานสงฺขาตํ อตฺถํ สพฺพาการโต ชานิตฺวา ตทตฺถทีปกํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ ยสฺส วิตกฺกา วิธูปิตาติ เยน อริยปุคฺคเลน, ยสฺส วา ¶ อริยปุคฺคลสฺส กามวิตกฺกาทโย สพฺเพปิ มิจฺฉาวิตกฺกา วิธูปิตา อริยมคฺคาเณน สนฺตาปิตา สมุจฺฉินฺนา. อชฺฌตฺตํ สุวิกปฺปิตา อเสสาติ นิยกชฺฌตฺตสงฺขาเต อตฺตโน สนฺตาเน อุปฺปชฺชนารหา สุวิกปฺปิตา สุฏฺุ วิกปฺปิตา อเสสโต, กิฺจิปิ อเสเสตฺวา สุสมุจฺฉินฺนาติ อตฺโถ. ตํ สงฺคมติจฺจ อรูปสฺีติ เอตฺถ นฺติ นิปาตมตฺตํ. อถ วา เหตุอตฺโถ ตํสทฺโท. ยสฺมา อนวเสเสน มิจฺฉาวิตกฺกา สมุจฺฉินฺนา, ตสฺมา ราคสงฺคาทิกํ ปฺจวิธํ สงฺคํ, สพฺพมฺปิ วา กิเลสสงฺคํ ¶ อติจฺจ อติกฺกมิตฺวา อติกฺกมนเหตุ รูปสภาวาภาวโต รุปฺปนสงฺขาตสฺส จ วิการสฺส ตตฺถ อภาวโต นิพฺพิการเหตุภาวโต วา ‘‘อรูป’’นฺติ ลทฺธนามํ นิพฺพานํ อารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺตาหิ มคฺคผลสฺาหิ อรูปสฺี. จตุโยคาติคโตติ กามโยโค ภวโยโค ทิฏฺิโยโค อวิชฺชาโยโคติ จตฺตาโร โยเค ยถารหํ จตูหิปิ มคฺเคหิ อติกฺกมิตฺวา คโต. น ชาตุ เมตีติ มกาโร ปทสนฺธิกโร, ชาตุ เอกํเสเนว ปุนพฺภวาย น เอติ, อายตึ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติ ตสฺส นตฺถีติ อตฺโถ. ‘‘น ¶ ชาติ เมตี’’ติปิ ปนฺติ, โส เอวตฺโถ. อิติ ภควา อายสฺมโต สุภูติสฺส อรหตฺตผลสมาปตฺติวิหารํ อนุปาทิเสสนิพฺพานฺจ อารพฺภ ปีติเวควิสฺสฏฺํ อุทานํ อุทาเนสิ.
สตฺตมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. คณิกาสุตฺตวณฺณนา
๕๘. อฏฺเม ทฺเว ปูคาติ ทฺเว คณา. อฺตริสฺสา คณิกายาติ อฺตราย นครโสภินิยา. สารตฺตาติ สุฏฺุ รตฺตา. ปฏิพทฺธจิตฺตาติ กิเลสวเสน พทฺธจิตฺตา. ราชคเห กิร เอกสฺมึ ฉณทิวเส พหู ธุตฺตปุริสา คณพนฺธเนน วิจรนฺตา เอกเมกสฺส เอกเมกํ เวสึ อาเนตฺวา อุยฺยานํ ปวิสิตฺวา ฉณกีฬํ กีฬึสุ. ตโต ปรมฺปิ ทฺเว ตโย ฉณทิวเส ตํ ตํเยว เวสึ อาเนตฺวา ฉณกีฬํ กีฬึสุ. อถาปรสฺมึ ¶ ฉณทิวเส อฺเปิ ธุตฺตา ตเถว ฉณกีฬํ กีฬิตุกามา เวสิโย อาเนนฺตา ปุริมธุตฺเตหิ ปุพฺเพ อานีตํ เอกํ เวสึ อาเนนฺติ. อิตเร ตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ อมฺหากํ ปริคฺคโห’’ติ อาหํสุ. เตปิ ตเถว อาหํสุ. ‘‘เอวํ อมฺหากํ ปริคฺคโห, อมฺหากํ ปริคฺคโห’’ติ กลหํ วฑฺเฒตฺวา ปาณิปฺปหาราทีนิ อกํสุ. เตน วุตฺตํ – ‘‘เตน โข ปน สมเยน ราชคเห ทฺเว ปูคา’’ติอาทิ. ตตฺถ อุปกฺกมนฺตีติ ปหรนฺติ. มรณมฺปิ นิคจฺฉนฺตีติ พลวูปกฺกเมหิ มรณํ อุปคจฺฉนฺติ, อิตเรปิ มรณมตฺตํ มรณปฺปมาณทุกฺขํ ปาปุณนฺติ.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ กาเมสุ เคธํ วิวาทมูลํ สพฺพานตฺถมูลนฺติ สพฺพาการโต วิทิตฺวา. อิมํ อุทานนฺติ อนฺตทฺวเย จ มชฺฌิมาย ปฏิปตฺติยา อาทีนวานิสํสวิภาวนํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ ¶ ยฺจ ปตฺตนฺติ ยํ รูปาทิปฺจกามคุณชาตํ ปตฺตํ ‘‘นตฺถิ กาเมสุ โทโส’’ติ ทิฏฺึ ปุรกฺขตฺวา วา อปุรกฺขตฺวา วา เอตรหิ ลทฺธํ อนุภุยฺยมานํ. ยฺจ ปตฺตพฺพนฺติ ยฺจ กามคุณชาตเมว ‘‘ภฺุชิตพฺพา กามา, ปริภฺุชิตพฺพา กามา, อาเสวิตพฺพา กามา, ปฏิเสวิตพฺพา กามา, โย กาเม ปริภฺุชติ, โส โลกํ วฑฺเฒติ, โย โลกํ วฑฺเฒติ, โส พหุํ ปฺุํ ปสวตี’’ติ ทิฏฺึ อุปนิสฺสาย ตํ อนิสฺสชฺชิตฺวา กเตน กมฺมุนา อนาคเต ปตฺตพฺพํ อนุภวิตพฺพฺจ. อุภยเมตํ รชานุกิณฺณนฺติ เอตํ อุภยํ ¶ ปตฺตํ ปตฺตพฺพฺจ ราครชาทีหิ อนุกิณฺณํ. สมฺปตฺเต หิ วตฺถุกาเม อนุภวนฺโต ราครเชน โวกิณฺโณ โหติ, ตตฺถ ปน สํกิลิฏฺจิตฺตสฺส ผเล อายตึ อาปนฺเน โทมนสฺสุปฺปตฺติยา โทสรเชน โวกิณฺโณ โหติ, อุภยตฺถาปิ โมหรเชน โวกิณฺโณ โหติ. กสฺส ปเนตํ รชานุกิณฺณนฺติ อาห – ‘‘อาตุรสฺสานุสิกฺขโต’’ติ กามปตฺถนาวเสน กิเลสาตุรสฺส, ตสฺส จ ผเลน ทุกฺขาตุรสฺส จ อุภยตฺถาปิ ปฏิการาภิลาสาย กิเลสผเล อนุสิกฺขโต.
ตถา ยฺจ ปตฺตนฺติ ยํ อเจลกวตาทิวเสน ปตฺตํ อตฺตปริตาปนํ ¶ . ยฺจ ปตฺตพฺพนฺติ ยํ มิจฺฉาทิฏฺิกมฺมสมาทานเหตุ อปาเยสุ ปตฺตพฺพํ ผลํ. อุภยเมตํ รชานุกิณฺณนฺติ ตทุภยํ ทุกฺขรชานุกิณฺณํ. อาตุรสฺสาติ กายกิลมเถน ทุกฺขาตุรสฺส. อนุสิกฺขโตติ มิจฺฉาทิฏฺึ, ตสฺสา สมาทายเก ปุคฺคเล จ อนุสิกฺขโต.
เย จ สิกฺขาสาราติ เยหิ ยถาสมาทินฺนํ สีลพฺพตาทิสงฺขาตํ สิกฺขํ สารโต คเหตฺวา ‘‘อิมินา สํสารสุทฺธี’’ติ กถิตา. เตนาห – สีลพฺพตํ ชีวิตํ พฺรหฺมจริยํ อุปฏฺานสาราติ. ตตฺถ ยํ ‘‘น กโรมี’’ติ โอรมติ, ตํ สีลํ, วิสโภชนกิจฺฉาจรณาทิกํ วตํ, สากภกฺขตาทิชีวิกา ชีวิตํ, เมถุนวิรติ พฺรหฺมจริยํ, เอเตสํ อนุติฏฺนํ อุปฏฺานํ, ภูตปิณฺฑกปริภณฺฑาทิวเสน ขนฺธเทวสิวาทิปริจรณํ วา อุปฏฺานํ, เอวเมเตหิ ยถาวุตฺเตหิ สีลาทีหิ สํสารสุทฺธิ โหตีติ ตานิ สารโต คเหตฺวา ิตา สมณพฺราหฺมณา สิกฺขาสารา สีลพฺพตํ ชีวิตํ พฺรหฺมจริยํ ‘‘อุปฏฺานสารา’’ติ เวทิตพฺพา. อยเมโก อนฺโตติ อยํ สีลพฺพตปรามาสวเสน อตฺตกิลมถานุโยคสงฺขาโต มชฺฌิมาย ปฏิปตฺติยา อุปฺปถภูโต ลามกฏฺเน จ เอโก อนฺโต. อยํ ทุติโย อนฺโตติ อยํ กามสุขลฺลิกานุโยโค กาเมสุ ปาตพฺยตาปตฺติสงฺขาโต ทุติโย วุตฺตนเยน อนฺโต.
อิจฺเจเต อุโภ อนฺตาติ กามสุขลฺลิกานุโยโค อตฺตกิลมถานุโยโค จ อิติ เอเต อุโภ อนฺตา. เต จ โข เอตรหิ ปตฺเต, อายตึ ปตฺตพฺเพ จ กิเลสทุกฺขรชานุกิณฺเณ กามคุเณ อตฺตปริตาปเน ¶ จ อลฺลีเนหิ กิเลสทุกฺขาตุรานํ อนุสิกฺขนฺเตหิ, สยฺจ ¶ กิเลสทุกฺขาตุเรหิ ปฏิปชฺชิตพฺพตฺตา ลามกา อุปฺปถภูตา จาติ อนฺตา. กฏสิวฑฺฒนาติ อนฺธปุถุชฺชเนหิ อภิกงฺขิตพฺพฏฺเน กฏสิสงฺขาตานํ ตณฺหาอวิชฺชานํ อภิวฑฺฒนา. กฏสิโย ทิฏฺึ วฑฺเฒนฺตีติ ตา ปน ¶ กฏสิโย นานปฺปการทิฏฺึ วฑฺเฒนฺติ. วตฺถุกาเมสุ อสฺสาทานุปสฺสิโน หิ เต ปชหิตุํ อสกฺโกนฺตสฺส ตณฺหาอวิชฺชาสหการีการณํ ลภิตฺวา ‘‘นตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทินา (ธ. ส. ๑๒๒๑; วิภ. ๙๓๘) นตฺถิกทิฏฺึ อกิริยทิฏฺึ อเหตุกทิฏฺิฺจ คณฺหาเปนฺติ, อตฺตปริตาปนํ อนุยุตฺตสฺส ปน อวิชฺชาตณฺหาสหการีการณํ ลภิตฺวา ‘‘สีเลน สุทฺธิ วเตน สุทฺธี’’ติอาทินา อตฺตสุทฺธิอภิลาเสน สีลพฺพตปรามาสทิฏฺึ คณฺหาเปนฺติ. สกฺกายทิฏฺิยา ปน เตสํ ปจฺจยภาโว ปากโฏเยว. เอวํ อนฺตทฺวยูปนิสฺสเยน ตณฺหาอวิชฺชานํ ทิฏฺิวฑฺฒกตา เวทิตพฺพา. เกจิ ปน ‘‘กฏสีติ ปฺจนฺนํ ขนฺธานํ อธิวจน’’นฺติ วทนฺติ. เตสํ ยทคฺเคน ตโต อนฺตทฺวยโต สํสารสุทฺธิ น โหติ, ตทคฺเคน เต อุปาทานกฺขนฺเธ อภิวฑฺเฒตีติ อธิปฺปาโย. อปเร ปน ‘‘กฏสิวฑฺฒนา’’ติ ปทสฺส ‘‘อปราปรํ ชรามรเณหิ สิวถิกวฑฺฒนา’’ติ อตฺถํ วทนฺติ. เตหิปิ อนฺตทฺวยสฺส สํสารสุทฺธิเหตุภาวาภาโวเยว วุตฺโต, กฏสิยา ปน ทิฏฺิวฑฺฒนการณภาโว วตฺตพฺโพ.
เอเต เต อุโภ อนฺเต อนภิฺายาติ เต เอเต ยถาวุตฺเต อุโภปิ อนฺเต อชานิตฺวา ‘‘อิเม อนฺตา เต จ เอวํคหิตา เอวํอนุฏฺิตา เอวํคติกา เอวํอภิสมฺปรายา’’ติ เอวํ อชานนเหตุ อชานนการณา. ‘‘ปฺาย จสฺส ทิสฺวา อาสวา ปริกฺขีณา’’ติอาทีสุ (ปุ. ป. ๒๐๘; อ. นิ. ๙.๔๓) วิยสฺส เหตุอตฺถตา ทฏฺพฺพา. โอลียนฺติ เอเกติ เอเก กามสุขานุโยควเสน สงฺโกจํ อาปชฺชนฺติ. อติธาวนฺติ เอเกติ เอเก อตฺตกิลมถานุโยควเสน อติกฺกมนฺติ. กามสุขมนุยุตฺตา หิ วีริยสฺส อกรณโต โกสชฺชวเสน สมฺมาปฏิปตฺติโต สงฺโกจมาปนฺนตา โอลียนฺติ นาม, อตฺตปริตาปนมนุยุตฺตา ปน โกสชฺชํ ปหาย อนุปาเยน วีริยารมฺภํ กโรนฺตา สมฺมาปฏิปตฺติยา อติกฺกมนโต อติธาวนฺติ นาม, ตทุภยํ ปน ตตฺถ อาทีนวาทสฺสนโต. เตน วุตฺตํ – ‘‘อุโภ อนฺเต อนภิฺาย โอลียนฺติ เอเก อติธาวนฺติ เอเก’’ติ. ตตฺถ ตณฺหาภินนฺทนวเสน โอลียนฺติ, ทิฏฺาภินนฺทนวเสน อติธาวนฺตีติ เวทิตพฺพํ.
อถ ¶ วา สสฺสตาภินิเวสวเสน โอลียนฺติ เอเก, อุจฺเฉทาภินิเวสวเสน อติธาวนฺติ เอเก. โคสีลาทิวเสน หิ อตฺตปริตาปนมนุยุตฺตา เอกจฺเจ ‘‘อิมินาหํ สีเลน วา วเตน วา ตเปน วา พฺรหฺมจริเยน วา ¶ เทโว วา ภวิสฺสามิ เทวฺตโร วา, ตตฺถ นิจฺโจ ธุโว สสฺสโต ¶ อวิปริณามธมฺโม สสฺสติสมํ ตเถว สฺสามี’’ติ สสฺสตทสฺสนํ อภินิวิสนฺตา สํสาเร โอลียนฺติ นาม, กามสุขมนุยุตฺตา ปน เอกจฺเจ ยํกิฺจิ กตฺวา อินฺทฺริยานิ สนฺตปฺเปตุกามา โลกายติกา วิย ตทนุคุณํ อุจฺเฉททสฺสนํ อภินิวิสนฺตา อนุปาเยน วฏฺฏุปจฺเฉทสฺส ปริเยสนโต อติธาวนฺติ นาม. เอวํ สสฺสตุจฺเฉทวเสนปิ โอลียนาติธาวนานิ เวทิตพฺพานิ.
เย จ โข เต อภิฺายาติ เย จ โข ปน อริยปุคฺคลา เต ยถาวุตฺเต อุโภ อนฺเต ‘‘อิเม อนฺตา เอวํคหิตา เอวํอนุฏฺิตา เอวํคติกา เอวํอภิสมฺปรายา’’ติ อภิวิสิฏฺเน าเณน วิปสฺสนาสหิตาย มคฺคปฺาย ชานิตฺวา มชฺฌิมปฏิปทํ สมฺมาปฏิปนฺนา, ตาย สมฺมาปฏิปตฺติยา. ตตฺร จ นาเหสุนฺติ ตตฺร ตสฺมึ อนฺตทฺวเย ปติตา น อเหสุํ, ตํ อนฺตทฺวยํ ปชหึสูติ อตฺโถ. เตน จ นามฺึสูติ เตน อนฺตทฺวยปหาเนน ‘‘มม อิทํ อนฺตทฺวยปหานํ, อหํ อนฺตทฺวยํ ปหาสึ, อิมินา อนฺตทฺวยปหาเนน เสยฺโย’’ติอาทินา ตณฺหาทิฏฺิมานมฺนาวเสน น อมฺึสุ สพฺพมฺนานํ สมฺมเทว ปหีนตฺตา. เอตฺถ จ อคฺคผเล ิเต อริยปุคฺคเล สนฺธาย ‘‘ตตฺร จ นาเหสุํ, เตน จ นามฺึสู’’ติ อตีตกาลวเสน อยํ เทสนา ปวตฺตา, มคฺคกฺขเณ ปน อธิปฺเปเต วตฺตมานกาลวเสเนว วตฺตพฺพํ สิยา. วฏฺฏํ เตสํ นตฺถิ ปฺาปนายาติ เย เอวํ ปหีนสพฺพมฺนา อุตฺตมปุริสา, เตสํ อนุปาทาปรินิพฺพุตานํ กมฺมวิปากกิเลสวเสน ติวิธมฺปิ วฏฺฏํ นตฺถิ ปฺาปนาย, วตฺตมานกฺขนฺธเภทโต อุทฺธํ อนุปาทาโน วิย ชาตเวโท อปฺตฺติกภาวเมว คจฺฉตีติ อตฺโถ.
อฏฺมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. อุปาติธาวนฺติสุตฺตวณฺณนา
๕๙. นวเม ¶ ¶ รตฺตนฺธการติมิสายนฺติ รตฺติยํ อนฺธกาเร มหาติมิสายํ. รตฺตีปิ หิ อนฺธการวิรหิตา โหติ, ยา ปุณฺณมาย รตฺติ ชุณฺโหภาสิตา. อนฺธกาโรปิ ‘‘ติมิสา’’ติ น วตฺตพฺโพ โหติ อพฺภมหิกาทิอุปกฺกิเลสวิรหิเต เทเว. มหนฺธกาโร หิ ‘‘ติมิสา’’ติ วุจฺจติ. อยํ ปน อมาวสี รตฺติ เทโว จ เมฆปฏลสฺฉนฺโน. เตน วุตฺตํ – ‘‘รตฺตนฺธการติมิสายนฺติ ¶ รตฺติยา อนฺธกาเร มหาติมิสาย’’นฺติ. อพฺโภกาเสติ อปฺปฏิจฺฉนฺเน โอกาเส วิหารงฺคเณ. เตลปฺปทีเปสุ ฌายมาเนสูติ เตลปชฺโชเตสุ ชลมาเนสุ.
นนุ จ ภควโต พฺยามปฺปภา ปกติยา พฺยามมตฺตปฺปเทสํ อภิพฺยาเปตฺวา จนฺทิมสูริยาโลกํ อภิภวิตฺวา ฆนพหลํ พุทฺธาโลกํ วิสฺสชฺเชนฺตี อนฺธการํ วิธมิตฺวา ติฏฺติ, กายปฺปภาปิ นีลปีตาทิวเสน ฉพฺพณฺณฆนพุทฺธรสฺมิโย วิสฺสชฺเชตฺวา ปกติยาว สมนฺตโต อสีติหตฺถปฺปเทสํ โอภาเสนฺตี ติฏฺติ, เอวํ พุทฺธาโลเกเนว เอโกภาสภูเต ภควโต นิสินฺโนกาเส ปทีปกรเณ กิจฺจํ นตฺถีติ? สจฺจํ นตฺถิ, ตถาปิ ปฺุตฺถิกา อุปาสกา ภควโต ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ ปูชากรณตฺถํ เทวสิกํ เตลปฺปทีปํ อุปฏฺเปนฺติ. ตถา หิ วุตฺตํ – สามฺผเลปิ ‘‘เอเต มณฺฑลมาเล ทีปา ฌายนฺตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๕๙). ‘‘รตฺตนฺธการติมิสาย’’นฺติ อิทมฺปิ ตสฺสา รตฺติยา สภาวกิตฺตนตฺถํ วุตฺตํ, น ปน ภควโต นิสินฺโนกาสสฺส อนฺธการภาวโต. ปูชากรณตฺถเมว หิ ตทาปิ อุปาสเกหิ ปทีปา การิตา.
ตสฺมิฺหิ ทิวเส สาวตฺถิวาสิโน พหู อุปาสกา ปาโตว สรีรปฏิชคฺคนํ กตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา อุโปสถงฺคานิ สมาทิยิตฺวา พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิมนฺเตตฺวา นครํ ปวิสิตฺวา มหาทานานิ ปวตฺเตตฺวา ภควนฺตํ ภิกฺขุสงฺฆฺจ อนุคนฺตฺวา นิวตฺติตฺวา อตฺตโน อตฺตโน เคหานิ คนฺตฺวา สยมฺปิ ปริภฺุชิตฺวา สุทฺธวตฺถนิวตฺถา สุทฺธุตฺตราสงฺคา คนฺธมาลาทิหตฺถา วิหารํ คนฺตฺวา ภควนฺตํ ปูเชตฺวา เกจิ มโนภาวนีเย ภิกฺขู ปยิรุปาสนฺตา เกจิ โยนิโสมนสิกโรนฺตา ทิวสภาคํ วีตินาเมสุํ. เต สายนฺหสมเย ภควโต สนฺติเก ¶ ธมฺมํ สุตฺวา สตฺถริ ธมฺมสภามณฺฑปโต ปฏฺาย ¶ คนฺธกุฏิสมีเป อชฺโฌกาเส ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสินฺเน, ภิกฺขุสงฺเฆ จ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปยิรุปาสนฺเต อุโปสถวิโสธนตฺถฺเจว โยนิโสมนสิการปริพฺรูหนตฺถฺจ นครํ อคนฺตฺวา วิหาเรเยว วสิตุกามา โอหียึสุ. อถ เต ภควโต ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ ปูชากรณตฺถํ พหู เตลปฺปทีเป อาโรเปตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ อฺชลึ กตฺวา ภิกฺขูนํ ปริยนฺเต นิสินฺนา กถํ สมุฏฺาเปสุํ, ‘‘ภนฺเต, อิเม ติตฺถิยา นานาวิธานิ ทิฏฺิคตานิ อภินิวิสฺส โวหรนฺติ, ตถา โวหรนฺตา จ กทาจิ สสฺสตํ, กทาจิ อสสฺสตํ, อุจฺเฉทาทีสุ อฺตรนฺติ เอกสฺมึเยว อฏฺตฺวา นวนวานิ ทิฏฺิคตานิ ‘อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺ’นฺติ ปคฺคยฺห ติฏฺนฺติ อุมฺมตฺตกสทิสา, เตสํ ตถา อภินิวิฏฺานํ กา คติ, โก อภิสมฺปราโย’’ติ. เตน จ สมเยน พหู ปฏงฺคปาณกา ปตนฺตา ปตนฺตา เตสุ เตลปฺปทีเปสุ นิปตนฺติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา อธิปาตกา’’ติอาทิ.
ตตฺถ ¶ อธิปาตกาติ ปฏงฺคปาณกา, เย ‘‘สลภา’’ติปิ วุจฺจนฺติ. เต หิ ทีปสิขํ อธิปตนโต ‘‘อธิปาตกา’’ติ อธิปฺเปตา. อาปาตปริปาตนฺติ อาปาตํ ปริปาตํ, อาปติตฺวา อาปติตฺวา ปริปติตฺวา ปริปติตฺวา, อภิมุขปาตฺเจว ปริพฺภมิตฺวา ปาตฺจ กตฺวาติ อตฺโถ. ‘‘อาปาเถ ปริปาต’’นฺติ เกจิ ปนฺติ, อาปาเถ ปทีปสฺส อตฺตโน อาปาถคมเน สติ ปริปติตฺวา ปริปติตฺวาติ อตฺโถ. อนยนฺติ อวฑฺฒึ ทุกฺขํ. พฺยสนนฺติ วินาสํ. ปุริมปเทน หิ มรณมตฺตํ ทุกฺขํ, ปจฺฉิมปเทน มรณํ เตสํ ทีเปติ. ตตฺถ เกจิ ปาณกา สห ปตเนน มรึสุ, เกจิ มรณมตฺตํ ทุกฺขํ อาปชฺชึสุ.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ อธิปาตกปาณกานํ อตฺตหิตํ อชานนฺตานํ อตฺตุปกฺกมวเสน นิรตฺถกพฺยสนาปตฺตึ วิทิตฺวา เตสํ วิย ทิฏฺิคติกานํ ทิฏฺาภินิเวเสน อนยพฺยสนาปตฺติทีปกํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ อุปาติธาวนฺติ น สารเมนฺตีติ สีลสมาธิปฺาวิมุตฺติอาทิเภทํ ¶ สารํ น เอนฺติ, จตุสจฺจาภิสมยวเสน น อธิคจฺฉนฺติ. ตสฺมึ ปน สอุปาเย สาเร ติฏฺนฺเตเยว วิมุตฺตาภิลาสาย ตํ อุเปนฺตา วิย หุตฺวาปิ ทิฏฺิวิปลฺลาเสน อติธาวนฺติ อติกฺกมิตฺวา คจฺฉนฺติ, ปฺจุปาทานกฺขนฺเธ ‘‘นิจฺจํ ¶ สุภํ สุขํ อตฺตา’’ติ อภินิวิสิตฺวา คณฺหนฺตาติ อตฺโถ. นวํ นวํ พนฺธนํ พฺรูหยนฺตีติ ตถา คณฺหนฺตา จ ตณฺหาทิฏฺิสงฺขาตํ นวํ นวํ พนฺธนํ พฺรูหยนฺติ วฑฺฒยนฺติ. ปตนฺติ ปชฺโชตมิวาธิปาตกา, ทิฏฺเ สุเต อิติเหเก นิวิฏฺาติ เอวํ ตณฺหาทิฏฺิพนฺธเนหิ พทฺธตฺตา เอเก สมณพฺราหฺมณา ทิฏฺเ อตฺตนา จกฺขุวิฺาเณน ทิฏฺิทสฺสเนเนว วา ทิฏฺเ อนุสฺสวูปลพฺภมตฺเตเนว จ สุเต ‘‘อิติห เอกนฺตโต เอวเมต’’นฺติ นิวิฏฺา ทิฏฺาภินิเวเสน ‘‘สสฺสต’’นฺติอาทินา อภินิวิฏฺา, เอกนฺตหิตํ วา นิสฺสรณํ อชานนฺตา ราคาทีหิ เอกาทสหิ อคฺคีหิ อาทิตฺตํ ภวตฺตยสงฺขาตํ องฺคารกาสุํเยว อิเม วิย อธิปาตกา อิมํ ปชฺโชตํ ปตนฺติ, น ตโต สีสํ อุกฺขิปิตุํ สกฺโกนฺตีติ อตฺโถ.
นวมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. อุปฺปชฺชนฺติสุตฺตวณฺณนา
๖๐. ทสเม ยาวกีวนฺติ ยตฺตกํ กาลํ. ยโตติ ยทา, ยโต ปฏฺาย, ยสฺมึ กาเลติ วา ¶ อตฺโถ. เอวเมตํ, อานนฺทาติ, อานนฺท, ตถาคเต อุปฺปนฺเน ตถาคตสฺส ตถาคตสาวกานํเยว จ ลาภสกฺกาโร อภิวฑฺฒติ, ติตฺถิยา ปน นิตฺเตชา วิหตปฺปภา ปหีนลาภสกฺการา โหนฺตีติ ยํ ตยา วุตฺตํ, เอตํ เอวํ, น เอตสฺส อฺถาภาโว. จกฺกวตฺติโน หิ จกฺกรตนสฺส ปาตุภาเวน โลโก จกฺกรตนํ มฺุจิตฺวา อฺตฺถ ปูชาสกฺการสมฺมานํ น ปวตฺเตติ, จกฺกรตนเมว ปน สพฺโพ โลโก สพฺพภาเวหิ สกฺกโรติ ครุํ กโรติ มาเนติ ปูเชติ. อิติ วฏฺฏานุสาริปฺุมตฺตนิสฺสนฺทสฺสปิ ตาว มหนฺโต อานุภาโว, กิมงฺคํ ¶ ปน วิวฏฺฏานุสาริปฺุผลูปตฺถมฺภสฺส อนนฺตาปริเมยฺยคุณคณาธารสฺส พุทฺธรตนสฺส ธมฺมรตนสฺส สงฺฆรตนสฺส จาติ ทสฺเสติ.
ภควา หิ สมฺมาสมฺโพธึ ปตฺวา ปวตฺตวรธมฺมจกฺโก อนุกฺกเมน โลเก เอกสฏฺิยา อรหนฺเตสุ ชาเตสุ สฏฺิ อรหนฺเต ชนปทจาริกาย วิสฺสชฺเชตฺวา อุรุเวลํ ปตฺวา อุรุเวลกสฺสปปฺปมุเข สหสฺสชฏิเล อรหตฺเต ปติฏฺาเปตฺวา เตหิ ปริวุโต ลฏฺิวนุยฺยาเน นิสีทิตฺวา พิมฺพิสารปฺปมุขานํ องฺคมคธวาสีนํ ทฺวาทส นหุตานิ สาสเน โอตาเรตฺวา ยทา ราชคเห วิหาสิ, ตโต ปฏฺาย ภควโต ภิกฺขุสงฺฆสฺส ¶ จ ยถา ยถา อุปรูปริ อุฬารลาภสกฺกาโร อภิวฑฺฒติ, ตถา ตถา สพฺพติตฺถิยานํ ลาภสกฺกาโร ปริหายิ เอว.
อเถกทิวสํ อายสฺมา อานนฺโท ทิวาฏฺาเน นิสินฺโน ภควโต จ อริยสงฺฆสฺส จ สมฺมาปฏิปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปีติโสมนสฺสชาโต ‘‘กถํ นุ โข ติตฺถิยาน’’นฺติ เตสํ ปฏิปตฺตึ อาวชฺเชสิ. อถสฺส เนสํ สพฺพถาปิ ทุปฺปฏิปตฺติเยว อุปฏฺาสิ. โส ‘‘เอวํมหานุภาเว นาม ปฺุูปนิสฺสยสฺส ธมฺมานุธมฺมปฺปฏิปตฺติยา จ อุกฺกํสปารมิปฺปตฺเต ภควติ, อริยสงฺเฆ จ ธรนฺเต กถํ อิเม อฺติตฺถิยา เอวํ ทุปฺปฏิปนฺนา อกตปฺุา วรากา ลาภิโน สกฺกตา ภวิสฺสนฺตี’’ติ ติตฺถิยานํ ลาภสกฺการหานึ นิสฺสาย การฺุํ อุปฺปาเทตฺวา อถ อตฺตโน ปริวิตกฺกํ ‘‘ยาวกีวฺจ, ภนฺเต’’ติอาทินา ภควโต อาโรเจสิ. ภควา จ ตํ, ‘‘อานนฺท, ตยา มิจฺฉา ปริวิตกฺกิต’’นฺติ อวตฺวา สุวณฺณาลิงฺคสทิสํ คีวํ อุนฺนาเมตฺวา สุปุปฺผิตสตปตฺตสสฺสิริกํ มหามุขํ อภิปฺปสนฺนตรํ กตฺวา ‘‘เอวเมตํ, อานนฺทา’’ติ สมฺปหํสิตฺวา ‘‘ยาวกีวฺจา’’ติอาทินา ตสฺส วจนํ ปจฺจนุโมทิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข อายสฺมา อานนฺโท…เป… ภิกฺขุสงฺโฆ จา’’ติ. อถ ภควา ตสฺสํ อฏฺุปฺปตฺติยํ อตีเตปิ มยิ อนุปฺปนฺเน เอกจฺเจ นีจชนา สมฺมานํ ลภิตฺวา มม อุปฺปาทโต ปฏฺาย หตลาภสกฺการา อเหสุนฺติ พาเวรุชาตกํ (ชา. ๑.๔.๑๕๓ อาทโย) กเถสิ.
เอตมตฺถํ ¶ วิทิตฺวาติ ทิฏฺิคติกานํ ตาว สกฺการสมฺมาโน ยาว น ¶ สมฺมาสมฺพุทฺธา โลเก อุปฺปชฺชนฺติ, เตสํ ปน อุปฺปาทโต ปฏฺาย เต หตลาภสกฺการา นิปฺปภา นิตฺเตชาว โหนฺติ, ทุปฺปฏิปตฺติยา ทุกฺขโต จ น มุจฺจนฺตีติ เอตมตฺถํ สพฺพาการโต วิทิตฺวา ตทตฺถทีปนํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ โอภาสติ ตาว โส กิมีติ โส ขชฺชูปนกกิมิ ตาวเทว โอภาสติ โชตติ ทิพฺพติ. ยาว น อุนฺนมเต ปภงฺกโรติ ตีสุปิ มหาทีเปสุ เอกกฺขเณ อาโลกกรเณน ‘‘ปภงฺกโร’’ติ ลทฺธนาโม สูริโย ยาว น อุคฺคมติ น อุเทติ. อนุคฺคเต หิ สูริเย ลทฺโธกาสา ขชฺชูปนกา วิปริวตฺตมานาปิ กณฺฏกผลสทิสา ตมสิ วิชฺโชตนฺติ. ส เวโรจนมฺหิ อุคฺคเต, หตปฺปโภ โหติ น จาปิ ภาสตีติ สมนฺตโต ¶ อนฺธการํ วิธมิตฺวา กิรณสหสฺเสน วิโรจนสภาวตาย เวโรจนนามเก อาทิจฺเจ อุฏฺิเต โส ขชฺชูปนโก หตปฺปโภ นิตฺเตโช กาฬโก โหติ, รตฺตนฺธกาเร วิย น ภาสติ น ทิพฺพติ.
เอวํ โอภาสิตเมว ตกฺกิกานนฺติ ยถา เตน ขชฺชูปนเกน สูริยุคฺคมนโต ปุเรเยว โอภาสิตํ โหติ, เอวํ ตกฺเกตฺวา วิตกฺเกตฺวา ปริกปฺปนมตฺเตน ทิฏฺีนํ คหณโต ‘‘ตกฺกิกา’’ติ ลทฺธนาเมหิ ติตฺถิเยหิ โอภาสิตํ อตฺตโน สมยเตเชน ทีเปตฺวา อธิฏฺิตํ ตาว, ยาว สมฺมาสมฺพุทฺธา โลเก นุปฺปชฺชนฺติ. น ตกฺกิกา สุชฺฌนฺติ น จาปิ สาวกาติ ยทา ปน สมฺมาสมฺพุทฺธา โลเก อุปฺปชฺชนฺติ, ตทา ทิฏฺิคติกา น สุชฺฌนฺติ น โสภนฺติ, น จาปิ เตสํ สาวกา โสภนฺติ, อฺทตฺถุ วิหตโสภา รตฺติขิตฺตา วิย สรา น ปฺายนฺเตว. อถ วา ยาว สมฺมาสมฺพุทฺธา โลเก นุปฺปชฺชนฺติ, ตาวเทว ตกฺกิกานํ โอภาสิตํ อตฺตโน สมเยน โชตนํ พาลลาปนํ, น ตโต ปรํ. กสฺมา? ยสฺมา น ตกฺกิกา สุชฺฌนฺติ, น จาปิ สาวกา. เต หิ ทุรกฺขาตธมฺมวินยา สมฺมาปฏิปตฺติรหิตา น สํสารโต สุชฺฌนฺติ อนิยฺยานิกสาสนตฺตา. เตนาห ‘‘ทุทฺทิฏฺี น ทุกฺขา ปมุจฺจเร’’ติ. ตกฺกิกา หิ อยาถาวลทฺธิกตาย ¶ ทุทฺทิฏฺิโน มิจฺฉาภินิวิฏฺทิฏฺิกา วิปรีตทสฺสนา ตํ ทิฏฺึ อนิสฺสชฺชิตฺวา สํสารทุกฺขโต น กทาจิปิ มุจฺจนฺตีติ.
ทสมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิฏฺิตา จ ชจฺจนฺธวคฺควณฺณนา.
๗. จูฬวคฺโค
๑. ปมลกุณฺฑกภทฺทิยสุตฺตวณฺณนา
๖๑. จูฬวคฺคสฺส ¶ ¶ ¶ ปเม ลกุณฺฑกภทฺทิยนฺติ เอตฺถ ภทฺทิโยติ ตสฺส อายสฺมโต นามํ, กายสฺส ปน รสฺสตฺตา ‘‘ลกุณฺฑกภทฺทิโย’’ติ นํ สฺชานนฺติ. โส กิร สาวตฺถิวาสี กุลปุตฺโต มหทฺธโน มหาโภโค รูเปน อปาสาทิโก ทุพฺพณฺโณ ทุทฺทสิโก โอโกฏิมโก. โส เอกทิวสํ สตฺถริ เชตวเน วิหรนฺเต อุปาสเกหิ สทฺธึ วิหารํ คนฺตฺวา ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา ลทฺธูปสมฺปโท สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต โสตาปตฺติผลํ ปาปุณิ. ตทา เสกฺขา ภิกฺขู เยภุยฺเยน อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา อุปริมคฺคตฺถาย กมฺมฏฺานํ ยาจนฺติ, ธมฺมเทสนํ ยาจนฺติ, ปฺหํ ปุจฺฉนฺติ. โส เตสํ อธิปฺปายํ ปูเรนฺโต กมฺมฏฺานํ อาจิกฺขติ, ธมฺมํ เทเสติ, ปฺหํ วิสฺสชฺเชติ. เต ฆเฏนฺตา วายมนฺตา อปฺเปกจฺเจ สกทาคามิผลํ, อปฺเปกจฺเจ อนาคามิผลํ, อปฺเปกจฺเจ อรหตฺตํ, อปฺเปกจฺเจ ติสฺโส วิชฺชา, อปฺเปกจฺเจ ฉฬภิฺา, อปฺเปกจฺเจ จตสฺโส ปฏิสมฺภิทา อธิคจฺฉนฺติ. เต ทิสฺวา ลกุณฺฑกภทฺทิโยปิ เสโข สมาโน กาลํ ตฺวา อตฺตโน จิตฺตกลฺลตฺจ สลฺเลขฺจ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ธมฺมเสนาปตึ อุปสงฺกมิตฺวา กตปฏิสนฺถาโร สมฺโมทมาโน ธมฺมเทสนํ ยาจิ. โสปิสฺส อชฺฌาสยสฺส อนุรูปํ กถํ กเถสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา สาริปุตฺโต อายสฺมนฺตํ ลกุณฺฑกภทฺทิยํ อเนกปริยาเยน ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสตี’’ติอาทิ.
ตตฺถ ¶ อเนกปริยาเยนาติ ‘‘อิติปิ ปฺจกฺขนฺธา อนิจฺจา, อิติปิ ทุกฺขา, อิติปิ อนตฺตา’’ติ เอวํ อเนเกหิ การเณหิ. ธมฺมิยา กถายาติ ปฺจนฺนํ อุปาทานกฺขนฺธานํ อุทยพฺพยาทิปกาสนิยา ธมฺมิยา กถาย. สนฺทสฺเสตีติ ตานิเยว อนิจฺจาทิลกฺขณานิ อุทยพฺพยาทิเก จ สมฺมา ทสฺเสติ, หตฺเถน คเหตฺวา วิย ปจฺจกฺขโต ทสฺเสติ. สมาทเปตีติ ตตฺถ ¶ ลกฺขณารมฺมณิกํ วิปสฺสนํ สมฺมา อาทเปติ, ยถา วีถิปฏิปนฺนา หุตฺวา ปวตฺตติ, เอวํ คณฺหาเปติ. สมุตฺเตเชตีติ วิปสฺสนาย อารทฺธาย สงฺขารานํ อุทยพฺพยาทีสุ อุปฏฺหนฺเตสุ ยถากาลํ ¶ ปคฺคหนิคฺคหสมุเปกฺขเณหิ โพชฺฌงฺคานํ อนุปวตฺตเนน ภาวนํ มชฺฌิมํ วีถึ โอตาเรตฺวา ยถา วิปสฺสนาาณํ สูรํ ปสนฺนํ หุตฺวา วหติ, เอวํ อินฺทฺริยานํ วิสทภาวกรเณน วิปสฺสนาจิตฺตํ สมฺมา อุตฺเตเชติ, วิสทาปนวเสน โวทเปติ. สมฺปหํเสตีติ ตถา ปวตฺติยมานาย วิปสฺสนาย สมปฺปวตฺตภาวนาวเสน เจว อุปริลทฺธพฺพภาวนาพเลน จ จิตฺตํ สมฺมา ปหํเสติ, ลทฺธสฺสาทวเสน วา สุฏฺุ โตเสติ. อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุจฺจีติ ยถา ยถา ธมฺมเสนาปติ ธมฺมํ เทเสติ, ตถา ตถา ตถลกฺขณํ วิปสฺสนฺตสฺส เถรสฺส จ เทสนานุภาเวน, อตฺตโน จ อุปนิสฺสยสมฺปตฺติยา าณสฺส ปริปากํ คตตฺตา เทสนานุสาเรน าเณ อนุปวตฺตนฺเต กามาสวาทีสุ กฺจิ อาสวํ อคฺคเหตฺวา มคฺคปฏิปาฏิยาว อนวเสสโต จิตฺตํ วิมุจฺจิ, อรหตฺตผลํ สจฺฉากาสีติ อตฺโถ.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ อายสฺมโต ลกุณฺฑกภทฺทิยสฺส อฺาราธนสงฺขาตํ อตฺถํ สพฺพาการโต วิทิตฺวา ตทตฺถทีปนํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ อุทฺธนฺติ รูปธาตุยา อรูปธาตุยา จ. อโธติ กามธาตุยา. สพฺพธีติ สพฺพสฺมิมฺปิ สงฺขารคเต. วิปฺปมุตฺโตติ ปุพฺพภาเค วิกฺขมฺภนวิมุตฺติยา อปรภาเค สมุจฺเฉทปฏิปสฺสทฺธิวิมุตฺตีหิ สพฺพปฺปกาเรน วิมุตฺโต. เอตฺถ จ อุทฺธํ วิปฺปมุตฺโตติ เอเตน ปฺจุทฺธมฺภาคิยสํโยชนปหานํ ทสฺเสติ. อโธ วิปฺปมุตฺโตติ เอเตน ปฺโจรมฺภาคิยสํโยชนปหานํ. สพฺพธิ ¶ วิปฺปมุตฺโตติ เอเตน อวสิฏฺสพฺพากุสลปหานํ ทสฺเสติ. อถ วา อุทฺธนฺติ อนาคตกาลคฺคหณํ. อโธติ อตีตกาลคฺคหณํ. อุภยคฺคหเณเนว ตทุภยปฏิสํยุตฺตตฺตา ปจฺจุปฺปนฺโน อทฺธา คหิโต โหติ, ตตฺถ อนาคตกาลคฺคหเณน อนาคตกฺขนฺธายตนธาตุโย คหิตา. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย. สพฺพธีติ กามเภทาทิเก สพฺพสฺมึ ภเว. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อนาคโต อตีโต ปจฺจุปฺปนฺโนติ เอวํ ติยทฺธสงฺคหิเต สพฺพสฺมึ ภเว วิปฺปมุตฺโตติ.
อยํหมสฺมีติ ¶ อนานุปสฺสีติ โย เอวํ วิปฺปมุตฺโต, โส รูปเวทนาทีสุ ‘‘อยํ นาม ธมฺโม อหมสฺมี’’ติ ทิฏฺิมานมฺนาวเสน เอวํ นานุปสฺสติ. ตสฺส ตถา ทสฺสเน การณํ นตฺถีติ อธิปฺปาโย. อถ วา อยํหมสฺมีติ อนานุปสฺสีติ อิทํ ยถาวุตฺตาย วิมุตฺติยา อธิคมุปายทีปนํ. ติยทฺธสงฺคหิเต เตภูมเก สงฺขาเร ‘‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’’ติ ปวตฺตนสภาวาย มฺนาย อนธิฏฺานํ กตฺวา ‘‘เนตํ มม, เนโสหมสฺมิ, น เม โส อตฺตา’’ติ เอวํ อุปฺปชฺชมานา ยา ปุพฺพภาควุฏฺานคามินี วิปสฺสนา, สา วิมุตฺติยา ปทฏฺานํ. เอวํ วิมุตฺโต อุทตาริ โอฆํ, อติณฺณปุพฺพํ อปุนพฺภวายาติ เอวํ ทสหิ สํโยชเนหิ สพฺพากุสเลหิ ¶ จ สพฺพถา วิมุตฺโต อรหา อริยมคฺคาธิคมนโต ปุพฺเพ สุปินนฺเตปิ อติณฺณปุพฺพํ กาโมโฆ ภโวโฆ ทิฏฺโโฆ อวิชฺโชโฆติ อิมํ จตุพฺพิธํ โอฆํ, สํสารมโหฆเมว วา อปุนพฺภวาย อนุปาทิเสสาย นิพฺพานาย อุทตาริ อุตฺติณฺโณ, อุตฺตริตฺวา ปาเร ิโตติ อตฺโถ.
ปมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. ทุติยลกุณฺฑกภทฺทิยสุตฺตวณฺณนา
๖๒. ทุติเย ¶ เสขํ มฺมาโนติ ‘‘เสโข อย’’นฺติ มฺมาโน. ตตฺรายํ วจนตฺโถ – สิกฺขตีติ เสโข. กึ สิกฺขติ? อธิสีลํ อธิจิตฺตํ อธิปฺฺจ. อถ วา สิกฺขนํ สิกฺขา, สา เอตสฺส สีลนฺติ เสโข. โส หิ อปริโยสิตสิกฺขตฺตา ตทธิมุตฺตตฺตา จ เอกนฺเตน สิกฺขนสีโล, น ปรินิฏฺิตสิกฺโข อเสโข วิย ตตฺถ ปฏิปฺปสฺสทฺธุสฺสุกฺโก, นาปิ วิสฺสฏฺสิกฺโข ปจุรชโน วิย ตตฺถ อนธิมุตฺโต. อถ วา อริยาย ชาติยา ตีสุ สิกฺขาสุ ชาโต, ตตฺถ วา ภโวติ เสโข. ภิยฺโยโสมตฺตายาติ ปมาณโต อุตฺตริ, ปมาณํ อติกฺกมิตฺวา อธิกตรนฺติ อตฺโถ. อายสฺมา หิ ลกุณฺฑกภทฺทิโย ปมสุตฺเต วุตฺเตน วิธินา ปโมวาเทน ยถานิสินฺโนว อาสวกฺขยปฺปตฺโต. ธมฺมเสนาปติ ปน ตสฺส ตํ อรหตฺตปฺปตฺตึ อนาวชฺชเนน อชานิตฺวา ‘‘เสโขเยวา’’ติ มฺมาโน อปฺปํ ยาจิโต พหุํ ¶ ททมาโน อุฬารปุริโส วิย ภิยฺโย ภิยฺโย อเนกปริยาเยน อาสวกฺขยาย ธมฺมํ กเถติเยว. อายสฺมาปิ ลกุณฺฑกภทฺทิโย ‘‘กตกิจฺโจ ทานาหํ, กึ อิมินา โอวาเทนา’’ติ อจินฺเตตฺวา สทฺธมฺมคารเวน ปุพฺเพ วิย สกฺกจฺจํ สุณาติเยว. ตํ ทิสฺวา ภควา คนฺธกุฏิยํ นิสินฺโนเยว พุทฺธานุภาเวน ยถา ธมฺมเสนาปติ ตสฺส กิเลสกฺขยํ ชานาติ, ตถา กตฺวา อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘เตน โข ปน สมเยนา’’ติอาทิ. ตตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ อนนฺตรสุตฺเต วุตฺตเมว.
คาถายํ ปน อจฺเฉจฺฉิ วฏฺฏนฺติ อนวเสสโต กิเลสวฏฺฏํ สมุจฺฉินฺทิ, ฉินฺเน จ กิเลสวฏฺเฏ กมฺมวฏฺฏมฺปิ ฉินฺนเมว. พฺยคา นิราสนฺติ อาสา วุจฺจติ ตณฺหา, นตฺถิ เอตฺถ อาสาติ นิราสํ, นิพฺพานํ. ตํ นิราสํ วิเสเสน อคา อธิคโตติ พฺยคา, อคฺคมคฺคสฺส อธิคตตฺตา ปุน อธิคมการเณน วินา อธิคโตติ อตฺโถ. ยสฺมา ตณฺหา ทุกฺขสมุทยภูตา, ตาย ¶ ปหีนาย อปฺปหีโน นาม กิเลโส นตฺถิ, ตสฺมาสฺส ¶ ตณฺหาปหานํ สวิเสสํ กตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘วิสุกฺขา สริตา น สนฺทตี’’ติ อาห. ตสฺสตฺโถ – จตุตฺถสูริยปาตุภาเวน วิย มหานทิโย จตุตฺถมคฺคาณุปฺปาเทน อนวเสสโต วิสุกฺขา วิโสสิตา ตณฺหาสริตา นที น สนฺทติ, อิโต ปฏฺาย น ปวตฺตติ. ตณฺหา หิ ‘‘สริตา’’ติ วุจฺจติ. ยถาห – ‘‘สริตานิ สิเนหิตานิ จ, โสมนสฺสานิ ภวนฺติ ชนฺตุโน’’ติ (ธ. ป. ๓๔๑), ‘‘สริตา วิสตฺติกา’’ติ (ธ. ส. ๑๐๖๕; มหานิ. ๓) จ. ฉินฺนํ วฏฺฏํ น วตฺตตีติ เอวํ กิเลสวฏฺฏสมุจฺเฉเทน ฉินฺนํ วฏฺฏํ อนุปฺปาทธมฺมตํ อวิปากธมฺมตฺจ อาปาทเนน อุปจฺฉินฺนํ กมฺมวฏฺฏํ น วตฺตติ น ปวตฺตติ. เอเสวนฺโต ทุกฺขสฺสาติ ยเทตํ สพฺพโส กิเลสวฏฺฏาภาวโต กมฺมวฏฺฏสฺส อปฺปวตฺตนํ, โส อายตึ วิปากวฏฺฏสฺส เอกํเสเนว อนุปฺปาโท เอว สกลสฺสาปิ สํสารทุกฺขสฺส อนฺโต ปริจฺเฉโท ปริวฏุมภาโวติ.
ทุติยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ปมสตฺตสุตฺตวณฺณนา
๖๓. ตติเย กาเมสูติ วตฺถุกาเมสุ. อติเวลนฺติ เวลํ อติกฺกมิตฺวา. สตฺตาติ อโยนิโสมนสิการพหุลตาย วิชฺชมานมฺปิ อาทีนวํ ¶ อโนโลเกตฺวา อสฺสาทเมว สริตฺวา สชฺชนวเสน สตฺตา, อาสตฺตา ลคฺคาติ อตฺโถ. รตฺตาติ วตฺถํ วิย รงฺคชาเตน จิตฺตสฺส วิปริณามกรเณน ฉนฺทราเคน รตฺตา สารตฺตา. คิทฺธาติ อภิกงฺขนสภาเวน อภิชฺฌเนน คิทฺธา เคธํ อาปนฺนา. คธิตาติ ราคมุจฺฉิตา วิย ทุมฺโมจนียภาเวน ตตฺถ ปฏิพทฺธา. มุจฺฉิตาติ กิเลสวเสน ¶ วิสฺีภูตา วิย อนฺกิจฺจา มุจฺฉํ โมหํ อาปนฺนา. อชฺโฌปนฺนาติ อนฺสาธารเณ วิย กตฺวา คิลิตฺวา ปรินิฏฺเปตฺวา ิตา. สมฺมตฺตกชาตาติ กาเมสุ ปาตพฺยตํ อาปชฺชนฺตา อปฺปสุขเวทนาย สมฺมตฺตกา สุฏฺุ มตฺตกา ชาตา. ‘‘สมฺโมทกชาตา’’ติปิ ปาโ, ชาตสมฺโมทนา อุปฺปนฺนปหํสาติ อตฺโถ. สพฺเพหิปิ ปเทหิ เตสํ ตณฺหาธิปนฺนตํเยว วทติ. เอตฺถ จ ปมํ ‘‘กาเมสู’’ติ วตฺวา ปุนปิ ‘‘กาเมสู’’ติ วจนํ เตสํ สตฺตานํ ตทธิมุตฺติทีปนตฺถํ. เตน สพฺพิริยาปเถสุ กามคุณสมงฺคิโน หุตฺวา ตทา วิหรึสูติ ทสฺเสติ.
ตสฺมิฺหิ ¶ สมเย เปตฺวา อริยสาวเก สพฺเพ สาวตฺถิวาสิโน อุสฺสวํ โฆเสตฺวา ยถาวิภวํ อาปานภูมึ สชฺเชตฺวา ภฺุชนฺตา ปิวนฺตา อาวิ เจว รโห จ กาเม ปริภฺุชนฺตา อินฺทฺริยานิ ปริจาเรนฺตา กาเมสุ ปาตพฺยตํ อาปชฺชึสุ. ภิกฺขู สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จรนฺตา ตตฺถ ตตฺถ เคเห อารามุยฺยานาทีสุ จ มนุสฺเส อุสฺสวํ โฆเสตฺวา กามนินฺเน ตถา ปฏิปชฺชนฺเต ทิสฺวา ‘‘วิหารํ คนฺตฺวา สณฺหสุขุมํ ธมฺมํ ลภิสฺสามา’’ติ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข สมฺพหุลา ภิกฺขู…เป… กาเมสุ วิหรนฺตี’’ติ.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ เตสํ มนุสฺสานํ อาปานภูมิรมณีเยสุ มหาปริฬาเหสุ อเนกานตฺถานุพนฺเธสุ โฆราสยฺหกฏุกผเลสุ กาเมสุ อนาทีนวทสฺสิตํ สพฺพาการโต วิทิตฺวา กามานฺเจว กิเลสานฺจ อาทีนววิภาวนํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ กาเมสุ สตฺตาติ วตฺถุกาเมสุ กิเลสกาเมน รตฺตา มตฺตา ¶ สตฺตา วิสตฺตา ลคฺคา ลคฺคิตา สํยุตฺตา. กามสงฺคสตฺตาติ ตาเยว กามสตฺติยา วตฺถุกาเมสุ ราคสงฺเคน เจว ทิฏฺิมานโทสอวิชฺชาสงฺเคหิ จ สตฺตา อาสตฺตา. สํโยชเน วชฺชมปสฺสมานาติ กมฺมวฏฺฏํ ¶ วิปากวฏฺเฏน, ภวาทิเก วา ภวนฺตราทีหิ, สตฺเต วา ทุกฺเขหิ สํโยชนโต พนฺธนโต สํโยชนนามเก กามราคาทิกิเลสชาเต สํโยชนีเยสุ ธมฺเมสุ อสฺสาทานุปสฺสิตาย วฏฺฏทุกฺขมูลภาวาทิกํ วชฺชํ โทสํ อาทีนวํ อปสฺสนฺตา. น หิ ชาตุ สํโยชนสงฺคสตฺตา, โอฆํ ตเรยฺยุํ วิปุลํ มหนฺตนฺติ เอวํ อาทีนวทสฺสนาภาเวน สํโยชนสภาเวสุ สงฺเคสุ, สํโยชนสงฺขาเตหิ วา สงฺเคหิ เตสํ วิสเยสุ เตภูมกธมฺเมสุ สตฺตา วิปุลวิสยตาย อนาทิกาลตาย จ วิปุลํ วิตฺถิณฺณํ มหนฺตฺจ กามาทิโอฆํ, สํสาโรฆเมว วา น กทาจิ ตเรยฺยุํ, เอกํเสเนว ตสฺส โอฆสฺส ปารํ น คจฺเฉยฺยุนฺติ อตฺโถ.
ตติยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. ทุติยสตฺตสุตฺตวณฺณนา
๖๔. จตุตฺเถ อนฺธีกตาติ กามา นาม อนนฺธมฺปิ อนฺธํ กโรนฺติ.
ยถาห ¶ –
‘‘ลุทฺโธ อตฺถํ น ชานาติ, ลุทฺโธ ธมฺมํ น ปสฺสติ;
อนฺธตมํ ตทา โหติ, ยํ โลโภ สหเต นร’’นฺติ. (อิติวุ. ๘๘; มหานิ. ๕; จูฬนิ. ขคฺควิสาณสุตฺตนิทฺเทส ๑๒๘) –
ตสฺมา กาเมน อนนฺธาปิ อนฺธา กตาติ อนฺธีกตา. เสสํ อนนฺตรสุตฺเต วุตฺตนยเมว. ตตฺถ หิ มนุสฺสานํ ปวตฺติ ภิกฺขูหิ ทิสฺวา ภควโต อาโรจิตา, อิธ ภควตา สามํเยว ทิฏฺาติ อยเมว วิเสโส. สตฺถา สาวตฺถิโต นิกฺขมิตฺวา เชตวนํ คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค อจิรวติยํ นทิยํ มจฺฉพนฺเธหิ โอฑฺฑิตํ กุมินํ ปวิสิตฺวา นิกฺขนฺตุํ อสกฺโกนฺเต พหู มจฺเฉ ปสฺสิ, ตโต อปรภาเค ¶ เอกํ ขีรปกํ วจฺฉํ โครวํ กตฺวา อนุพนฺธิตฺวา ถฺปิปาสาย คีวํ ปสาเรตฺวา มาตุ อนฺตรสตฺถิยํ มุขํ อุปเนนฺตํ ปสฺสิ. อถ ภควา วิหารํ ปวิสิตฺวา ปาเท ปกฺขาเลตฺวา ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสินฺโน ปจฺฉิมํ วตฺถุทฺวยํ ปุริมสฺส อุปมานภาเวน คเหตฺวา อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ ¶ กามนฺธาติ วตฺถุกาเมสุ กิเลสกาเมน อนฺธา วิจกฺขุกา กตา. ชาลสฺฉนฺนาติ สกตฺตภาวปรตฺตภาเวสุ อชฺฌตฺติกพาหิรายตเนสุ, ตนฺนิสฺสิเตสุ จ ธมฺเมสุ อตีตาทิวเสน อเนกเภทภินฺเนสุ เหฏฺุปริยวเสน อปราปรํ อุปฺปตฺติยา อนฺโตคธานํ อนตฺถาวหโต จ ชาลภูตาย ตณฺหาย สุขุมจฺฉิทฺเทน ชาเลน ปริวุโต วิย อุทกรหโท สฺฉนฺนา ปลิคุณฺิตา อชฺโฌตฺถฏา. ตณฺหาฉทนฉาทิตาติ ตณฺหาสงฺขาเตน ฉทเนน เสวาลปณเกน วิย อุทกํ ฉาทิตา, ปฏิจฺฉนฺนา ปิหิตาติ อตฺโถ. ปททฺวเยนาปิ กามจฺฉนฺทนีวรณนิวาริตกุสลจิตฺตาจารตํ ทสฺเสติ.
ปมตฺตพนฺธุนา พทฺธาติ กิเลสมาเรน เทวปุตฺตมาเรน จ พทฺธา. ยทคฺเคน หิ กิเลสมาเรน พทฺธา, ตทคฺเคน เทวปุตฺตมาเรนปิ พทฺธา นาม โหนฺติ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘อนฺตลิกฺขจโร ปาโส, ยฺวายํ จรติ มานโส;
เตน ตํ พาธยิสฺสามิ, น เม สมณ โมกฺขสี’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๑๕๑; มหาว. ๓๓);
นมุจิ ¶ กณฺโห ปมตฺตพนฺธูติ ตีณิ มารสฺส นามานิ. เทวปุตฺตมาโรปิ หิ กิเลสมาโร วิย อนตฺเถน ปมตฺเต สตฺเต พนฺธตีติ ปมตฺตพนฺธุ. ‘‘ปมตฺตา พนฺธเน พทฺธา’’ติปิ ปนฺติ. ตตฺถ พนฺธเนติ กามคุณพนฺธเนติ อตฺโถ. พทฺธาติ นิยมิตา. ยถา กึ? มจฺฉาว กุมินามุเข ยถา นาม มจฺฉพนฺธเกน โอฑฺฑิตสฺส กุมินสฺส มุเข ปวิฏฺา มจฺฉา เตน พทฺธา หุตฺวา มรณมนฺเวนฺติ ¶ ปาปุณนฺติ, เอวเมว มาเรน โอฑฺฑิเตน กามคุณพนฺธเนน พทฺธา อิเม สตฺตา ชรามรณมนฺเวนฺติ. วจฺโฉ ขีรปโกว มาตรํ ยถา ขีรปายี ตรุณวจฺโฉ อตฺตโน มาตรํ อนฺเวติ อนุคจฺฉติ, น อฺํ เอวํ มารพนฺธนพทฺธา สตฺตา สํสาเร ปริพฺภมนฺตา มรณเมว อนฺเวนฺติ อนุคจฺฉนฺติ, น อชรํ อมรณํ นิพฺพานนฺติ อธิปฺปาโย.
จตุตฺถสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. อปรลกุณฺฑกภทฺทิยสุตฺตวณฺณนา
๖๕. ปฺจเม ¶ สมฺพหุลานํ ภิกฺขูนํ ปิฏฺิโต ปิฏฺิโตติ อายสฺมา ลกุณฺฑกภทฺทิโย เอกทิวสํ สมฺพหุเลหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ คามนฺตเรน ปิณฺฑาย จริตฺวา กตภตฺตกิจฺโจ ปตฺตํ โวทกํ กตฺวา ถวิกาย ปกฺขิปิตฺวา อํเส ลคฺเคตฺวา จีวรํ สงฺฆริตฺวา ตมฺปิ วามํเส เปตฺวา ปาสาทิเกน อภิกฺกนฺเตน ปฏิกฺกนฺเตน อาโลกิเตน วิโลกิเตน สมิฺชิเตน ปสาริเตน โอกฺขิตฺตจกฺขุ อิริยาปถสมฺปนฺโน อตฺตโน สติปฺาเวปุลฺลํ ปกาเสนฺโต วิย สติสมฺปชฺํ สูปฏฺิตํ กตฺวา สมาหิเตน จิตฺเตน ปเท ปทํ นิกฺขิปนฺโต คจฺฉติ, คจฺฉนฺโต จ ภิกฺขูนํ ปจฺฉโต ปจฺฉโต คจฺฉติ เตหิ ภิกฺขูหิ อสํมิสฺโส. กสฺมา? อสํสฏฺวิหาริตาย. อปิจ ตสฺสายสฺมโต รูปํ ปริภูตํ ปริภวฏฺานียํ ปุถุชฺชนา โอหีเฬนฺติ. เถโร ตํ ชานิตฺวา ปิฏฺิโต ปิฏฺิโต คจฺฉติ ‘‘มา อิเม มํ นิสฺสาย อปฺุํ ปสวึสู’’ติ. เอวํ เต ภิกฺขู จ เถโร จ สาวตฺถึ ปตฺวา วิหารํ ปวิสิตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมนฺติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา ลกุณฺฑกภทฺทิโย’’ติอาทิ.
ตตฺถ ทุพฺพณฺณนฺติ วิรูปํ. เตนสฺส วณฺณสมฺปตฺติยา สณฺานสมฺปตฺติยา จ อภาวํ ทสฺเสติ. ทุทฺทสิกนฺติ ¶ อปาสาทิกทสฺสนํ. เตนสฺส อนุพฺยฺชนสมฺปตฺติยา อาการสมฺปตฺติยา จ อภาวํ ทสฺเสติ. โอโกฏิมกนฺติ รสฺสํ. อิมินา อาโรหสมฺปตฺติยา อภาวํ ทสฺเสติ. เยภุยฺเยน ¶ ภิกฺขูนํ ปริภูตรูปนฺติ ปุถุชฺชนภิกฺขูหิ โอหีฬิตรูปํ. ปุถุชฺชนา เอกจฺเจ ฉพฺพคฺคิยาทโย ตสฺสายสฺมโต คุณํ อชานนฺตา หตฺถกณฺณจูฬิกาทีสุ คณฺหนฺตา ปรามสนฺตา กีฬนฺตา ปริภวนฺติ, น อริยา, กลฺยาณปุถุชฺชนา วา.
ภิกฺขู อามนฺเตสีติ กสฺมา อามนฺเตสิ? เถรสฺส คุณํ ปกาเสตุํ. เอวํ กิร ภควโต อโหสิ ‘‘อิเม ภิกฺขู มม ปุตฺตสฺส มหานุภาวตํ น ชานนฺติ, เตน ตํ ปริภวนฺติ, ตํ เนสํ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขาย ภวิสฺสติ, หนฺทาหํ อิมสฺส คุเณ ภิกฺขูนํ ปกาเสตฺวา ปริภวโต นํ โมเจสฺสามี’’ติ.
ปสฺสถ โนติ ปสฺสถ นุ. น จ สา สมาปตฺติ สุลภรูปา, ยา เตน ภิกฺขุนา อสมาปนฺนปุพฺพาติ รูปสมาปตฺติ อรูปสมาปตฺติ พฺรหฺมวิหารสมาปตฺติ นิโรธสมาปตฺติ ผลสมาปตฺตีติ เอวํ ปเภทา สาวกสาธารณา ยา กาจิ สมาปตฺติโย นาม, ตาสุ เอกาปิ สมาปตฺติ น ¶ สุลภรูปา, ทุลฺลภา, นตฺถิเยว สา เตน ลกุณฺฑกภทฺทิเยน ภิกฺขุนา อสมาปนฺนปุพฺพา. เอเตนสฺส ยํ วุตฺตํ. ‘‘มหิทฺธิโก มหานุภาโว’’ติ, ตตฺถ มหิทฺธิกตํ ปกาเสตฺวา อิทานิ มหานุภาวตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยสฺส จตฺถายา’’ติอาทิมาห. ตํ เหฏฺา วุตฺตนยเมว. เอตฺถ จ ภควา ‘‘เอโส, ภิกฺขเว, ภิกฺขู’’ติอาทินา, ‘‘ภิกฺขเว, อยํ ภิกฺขุ น โย วา โส วา ทุพฺพณฺโณ ทุทฺทสิโก โอโกฏิมโกติ ภิกฺขูนํ ปิฏฺิโต ปิฏฺิโต อาคจฺฉตีติ จ เอตฺตเกน น โอฺาตพฺโพ, อถ โข มหิทฺธิโก มหานุภาโว, ยํกิฺจิ สาวเกน ปตฺตพฺพํ, สพฺพํ ตํ เตน อนุปฺปตฺตํ, ตสฺมา ตํ ปาสาณจฺฉตฺตํ วิย ครุํ กตฺวา โอโลเกถ, ตํ โว ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย ภวิสฺสตี’’ติ ทสฺเสติ.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ อายสฺมโต ลกุณฺฑกภทฺทิยสฺส มหิทฺธิกตามหานุภาวตาทิเภทํ คุณราสึ สพฺพาการโต ชานิตฺวา ตทตฺถทีปนํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ เนลงฺโคติ เอลํ วุจฺจติ โทโส, นาสฺส เอลนฺติ เนลํ ¶ . กึ ปน ตํ? สุปริสุทฺธสีลํ. ตฺหิ นิทฺโทสฏฺเน อิธ ‘‘เนล’’นฺติ อธิปฺเปตํ. ตํ เนลํ ปธานภูตํ องฺคํ เอตสฺสาติ เนลงฺโค. โส ยํ ‘‘รโถ’’ติ วกฺขติ, เตน สมฺพนฺโธ, ตสฺมา สุปริสุทฺธสีลงฺโคติ อตฺโถ. อรหตฺตผลสีลฺหิ อิธาธิปฺเปตํ. เสโต ปจฺฉาโท เอตสฺสาติ เสตปจฺฉาโท. ปจฺฉาโทติ รถสฺส อุปริ อตฺถริตพฺพกมฺพลาทิ. โส ปน สุปริสุทฺธธวลภาเวน เสโต วา โหติ รตฺตนีลาทีสุ วา อฺตโร. อิธ ปน อรหตฺตผลวิมุตฺติยา อธิปฺเปตตฺตา สุปริสุทฺธภาวํ อุปาทาย ¶ ‘‘เสตปจฺฉาโท’’ติ วุตฺตํ ยถา อฺตฺราปิ ‘‘รโถ สีลปริกฺขาโร’’ติ. เอโก สติสงฺขาโต อโร เอตสฺสาติ เอกาโร. วตฺตตีติ ปวตฺตติ. รโถติ เถรสฺส อตฺตภาวํ สนฺธาย วทติ.
อนีฆนฺติ นิทฺทุกฺขํ, โขภวิรหิตํ ยานํ วิย กิเลสปริโขภวิรหิตนฺติ อตฺโถ. อายนฺตนฺติ สมฺพหุลานํ ภิกฺขูนํ ปิฏฺิโต ปิฏฺิโต อาคจฺฉนฺตํ. ฉินฺนโสตนฺติ ปจฺฉินฺนโสตํ. ปกติรถสฺส หิ สุขปวตฺตนตฺถํ อกฺขสีเสสุ ¶ นาภิยฺจ อุปลิตฺตานํ สปฺปิเตลาทีนํ โสโต สวนํ สนฺทนํ โหติ, เตน โส อจฺฉินฺนโสโต นาม โหติ. อยํ ปน ฉตฺตึสติยา โสตานํ อนวเสสโต ปหีนตฺตา ฉินฺนโสโต นาม โหติ, ตํ ฉินฺนโสตํ. นตฺถิ เอตสฺส พนฺธนนฺติ อพนฺธโน. รถูปตฺถรสฺส หิ อกฺเขน สทฺธึ นิจฺจลภาวกรณตฺถํ พหูนิ พนฺธนานิ โหนฺติ, เตน โส สพนฺธโน. อยํ ปน สพฺพสํโยชนพนฺธนานํ อนวเสสโต ปริกฺขีณตฺตา อพนฺธโน, ตํ อพนฺธนํ. ปสฺสาติ ภควา เถรสฺส คุเณหิ โสมนสฺสปฺปตฺโต หุตฺวา อตฺตานํ วทติ.
อิติ สตฺถา อายสฺมนฺตํ ลกุณฺฑกภทฺทิยํ อรหตฺตผลสีเสน สุจกฺกํ, อรหตฺตผลวิมุตฺติยา สุอุตฺตรจฺฉทํ, สูปฏฺิตาย สติยา สฺวารํ, กิเลสปริโขภาภาเวน ¶ อปริโขภํ, ตณฺหูปเลปาภาเวน อนุปเลปํ, สํโยชนาทีนํ อภาเวน อพนฺธนํ สุปริกฺขิตฺตํ สุยุตฺตํ อาชฺรถํ กตฺวา ทสฺเสติ.
ปฺจมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. ตณฺหาสงฺขยสุตฺตวณฺณนา
๖๖. ฉฏฺเ อฺาสิโกณฺฑฺโติ เอตฺถ โกณฺฑฺโติ ตสฺสายสฺมโต โคตฺตโต อาคตนามํ. สาวเกสุ ปน สพฺพปมํ อริยสจฺจานิ ปฏิวิชฺฌีติ ภควตา ‘‘อฺาสิ วต, โภ, โกณฺฑฺโ’’ติ (มหาว. ๑๗; สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑) วุตฺตอุทานวเสน เถโร สาสเน ‘‘อฺาสิโกณฺฑฺโ’’ตฺเวว ปฺายิตฺถ. ตณฺหาสงฺขยวิมุตฺตินฺติ ตณฺหา สงฺขียติ ปหียติ เอตฺถาติ ตณฺหาสงฺขโย, นิพฺพานํ. ตสฺมึ ตณฺหาสงฺขเย วิมุตฺติ. ตณฺหา วา สงฺขียติ ปหียติ เอเตนาติ ตณฺหาสงฺขโย, อริยมคฺโค. ตสฺส ผลภูตา, ปริโยสานภูตา วา วิมุตฺตีติ ตณฺหาสงฺขยวิมุตฺติ ¶ , นิปฺปริยาเยน อรหตฺตผลสมาปตฺติ. ตํ ปจฺจเวกฺขมาโน นิสินฺโน โหติ. อยฺหิ อายสฺมา พหุลํ ผลสมาปตฺตึ สมาปชฺชติ, ตสฺมา อิธาปิ เอวมกาสิ.
เอตมตฺถํ ¶ วิทิตฺวาติ เอตํ อฺาสิโกณฺฑฺตฺเถรสฺส อคฺคผลปจฺจเวกฺขณํ วิทิตฺวา ตทตฺถทีปนํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ ยสฺส มูลํ ฉมา นตฺถีติ ยสฺส อริยปุคฺคลสฺส อตฺตภาวรุกฺขมูลภูตา อวิชฺชา, ตสฺสาว ปติฏฺา เหตุภูตา อาสวนีวรณอโยนิโสมนสิการสงฺขาตา ฉมา ปถวี จ นตฺถิ อคฺคมคฺเคน สมุคฺฆาติตตฺตา. ปณฺณา นตฺถิ กุโต ลตาติ นตฺถิ ลตา กุโต ปณฺณาติ ปทสมฺพนฺโธ. มานาติมานาทิปเภทา สาขาปสาขาทิสงฺขาตา ลตาปิ นตฺถิ, กุโต เอว มทปฺปมาทมายาสาเยฺยาทิปณฺณานีติ อตฺโถ. อถ วา ปณฺณา นตฺถิ กุโต ลตาติ รุกฺขงฺกุรสฺส วฑฺฒมานสฺส ปมํ ปณฺณานิ นิพฺพตฺตนฺติ. ปจฺฉา สาขาปสาขาสงฺขาตา ลตาติ กตฺวา วุตฺตํ. ตตฺถ ¶ ยสฺส อริยมคฺคภาวนาย อสติ อุปฺปชฺชนารหสฺส อตฺตภาวรุกฺขสฺส อริยมคฺคสฺส ภาวิตตฺตา ยํ อวิชฺชาสงฺขาตํ มูลํ, ตสฺส ปติฏฺานภูตํ อาสวาทิ จ นตฺถิ. มูลคฺคหเณเนว เจตฺถ มูลการณตฺตา พีชฏฺานิยํ กมฺมํ ตทภาโวปิ คหิโตเยวาติ เวทิตพฺโพ. อสติ จ กมฺมพีเช ตํนิมิตฺโต วิฺาณงฺกุโร, วิฺาณงฺกุรนิมิตฺตา จ นามรูปสฬายตนปตฺตสาขาทโย น นิพฺพตฺติสฺสนฺติเยว. เตน วุตฺตํ – ‘‘ยสฺส มูลํ ฉมา นตฺถิ, ปณฺณา นตฺถิ กุโต ลตา’’ติ.
ตํ ธีรํ พนฺธนา มุตฺตนฺติ ตํ จตุพฺพิธสมฺมปฺปธานวีริยโยเคน วิชิตมารตฺตา ธีรํ, ตโต เอว สพฺพกิเลสาภิสงฺขารพนฺธนโต มุตฺตํ. โก ตํ นินฺทิตุมรหตีติ เอตฺถ นฺติ นิปาตมตฺตํ. เอวํ สพฺพกิเลสวิปฺปมุตฺตํ สีลาทิอนุตฺตรคุณสมนฺนาคตํ โก นาม วิฺุชาติโก นินฺทิตุํ ครหิตุํ อรหติ นินฺทานิมิตฺตสฺเสว อภาวโต. เทวาปิ นํ ปสํสนฺตีติ อฺทตฺถุ เทวา สกฺกาทโย คุณวิเสสวิทู, อปิสทฺเทน มนุสฺสาปิ ขตฺติยปณฺฑิตาทโย ปสํสนฺติ. กิฺจ ภิยฺโย พฺรหฺมุนาปิ ปสํสิโต มหาพฺรหฺมุนาปิ อฺเหิปิ พฺรหฺมนาคยกฺขคนฺธพฺพาทีหิปิ ปสํสิโต โถมิโตเยวาติ.
ฉฏฺสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. ปปฺจขยสุตฺตวณฺณนา
๖๗. สตฺตเม ¶ ¶ ปปฺจสฺาสงฺขาปหานนฺติ ปปฺเจนฺติ ยตฺถ สยํ อุปฺปนฺนา, ตํ สนฺตานํ วิตฺถาเรนฺติ จิรํ เปนฺตีติ ปปฺจา, กิเลสา. วิเสสโต ราคโทสโมหตณฺหาทิฏฺิมานา. ตถา หิ วุตฺตํ –
‘‘ราโค ปปฺโจ, โทโส ปปฺโจ, โมโห ปปฺโจ, ตณฺหา ปปฺโจ, ทิฏฺิ ปปฺโจ, มาโน ปปฺโจ’’ติ. –
อปิจ สํกิเลสฏฺโ ปปฺจฏฺโ, กจวรฏฺโ ปปฺจฏฺโ. ตตฺถ ราคปปฺจสฺส สุภสฺา นิมิตฺตํ, โทสปปฺจสฺส อาฆาตวตฺถุ, โมหปปฺจสฺส อาสวา, ตณฺหาปปฺจสฺส ¶ เวทนา, ทิฏฺิปปฺจสฺส สฺา, มานปปฺจสฺส วิตกฺโก นิมิตฺตํ. เตหิ ปปฺเจหิ สหคตา สฺา ปปฺจสฺา. ปปฺจสฺานํ สงฺขา ภาคา โกฏฺาสา ปปฺจสฺาสงฺขา. อตฺถโต สทฺธึ นิมิตฺเตหิ ตํตํปปฺจสฺส ปกฺขิโย กิเลสคโณ. สฺาคหณฺเจตฺถ ตสฺส เนสํ สาธารณเหตุภาเวน. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘สฺานิทานา หิ ปปฺจสงฺขา’’ติ (สุ. นิ. ๘๘๐). เตสํ ปหานํ, เตน เตน มคฺเคน ราคาทิกิเลสานํ สมุจฺเฉทนนฺติ อตฺโถ.
ตทา หิ ภควา อตีตาสุ อเนกโกฏิสตสหสฺสสงฺขาสุ อตฺตโน ชาตีสุ อนตฺถสฺส นิมิตฺตภูเต กิเลเส อิมสฺมึ จริมภเว อริยมคฺเคน โพธิมณฺเฑ สวาสเน ปหีเน ปจฺจเวกฺขิตฺวา สตฺตสนฺตานฺจ กิเลสจริตํ ราคาทิกิเลสสํกิลิฏฺํ กฺชิยปุณฺณลาพุํ วิย ตกฺกภริตจาฏึ วิย วสาปีตปิโลติกํ วิย จ ทุพฺพินิโมจิยํ ทิสฺวา ‘‘เอวํ คหนํ นามิทํ กิเลสวฏฺฏํ อนาทิกาลภาวิตํ มยฺหํ อนวเสสํ ปหีนํ, อโห สุปฺปหีน’’นฺติ อุปฺปนฺนปีติปาโมชฺโช อุทานํ อุทาเนสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข ภควา อตฺตโน ปปฺจสฺาสงฺขาปหานํ วิทิตฺวา ตายํ เวลายํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสี’’ติ.
ตตฺถ ยสฺส ปปฺจา ิติ จ นตฺถีติ ยสฺมา ภควา อตฺตานเมว ปรํ วิย กตฺวา นิทฺทิสติ ตสฺมา ยสฺส อคฺคปุคฺคลสฺส วุตฺตลกฺขณา ปปฺจา, เตหิ กตา สํสาเร ิติ จ นตฺถิ. เนตฺติยํ ปน ‘‘ิติ นาม อนุสโย’’ติ (เนตฺติ. ๒๗) วุตฺตํ. อนุสโย หิ ภวปวตฺติยา มูลนฺติ. สตฺเต สํสาเร ปปฺเจนฺตีติ ¶ ปปฺจา. ‘‘ปปฺจฏฺิตี’’ติ จ ปาโ. ตสฺสตฺโถ – ปปฺจานํ ิติ วิชฺชมานตา มคฺเคน อสมุจฺเฉโท ปปฺจฏฺิติ, ปปฺจา เอว วา อวสิฏฺกุสลากุสลวิปากานํ ¶ ปวตฺติยา เหตุภาวโต วฏฺฏสฺส ิติ ปปฺจฏฺิติ, สา ยสฺส อคฺคปุคฺคลสฺส นตฺถิ. สนฺทานํ ปลิฆฺจ วีติวตฺโตติ โย พนฺธนฏฺเน สนฺตานสทิสตฺตา ¶ ‘‘สนฺทาน’’นฺติ ลทฺธนามา ตณฺหาทิฏฺิโย, นิพฺพานนครปเวสนิเสธนโต ปลิฆสทิสตฺตา ปลิฆสงฺขาตํ อวิชฺชฺจ วีติวตฺโต สวาสนปหาเนน วิเสสโต อติกฺกนฺโต. อปเร ปน โกธํ ‘‘สนฺทาน’’นฺติ วทนฺติ, ตํ น คเหตพฺพํ. โส หิ ‘‘ปราภิสชฺชนี’’ติ วุตฺโตติ.
ตํ นิตฺตณฺหํ มุนึ จรนฺตนฺติ ตํ สพฺพถาปิ ตณฺหาภาเวน นิตฺตณฺหํ, อุภยโลกมุนนโต อตฺตหิตปรหิตมุนนโต จ มุนึ, เอกนฺเตเนว สพฺพสตฺตหิตตฺถํ จตูหิ อิริยาปเถหิ นานาสมาปตฺติจาเรหิ อนฺสาธารเณน าณจาเรน จ จรนฺตํ. นาวชานาติ สเทวโกปิ โลโกติ สพฺโพ สปฺชาติโก สตฺตโลโก สเทวโกปิ สพฺรหฺมโกปิ น กทาจิปิ อวชานาติ น ปริโภติ, อถ โข อยเมว โลเก อคฺโค เสฏฺโ อุตฺตโม ปวโรติ ครุํ กโรนฺโต สกฺกจฺจํ ปูชาสกฺการนิรโต โหตีติ.
สตฺตมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. กจฺจานสุตฺตวณฺณนา
๖๘. อฏฺเม อชฺฌตฺตนฺติ เอตฺถ อยํ อชฺฌตฺตสทฺโท ‘‘ฉ อชฺฌตฺติกานิ อายตนานี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๓๐๔) อชฺฌตฺตชฺฌตฺเต อาคโต. ‘‘อชฺฌตฺตา ธมฺมา (ธ. ส. ติกมาติกา ๒๐), อชฺฌตฺตํ วา กาเย กายานุปสฺสี’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๓๗๓-๓๗๔) นิยกชฺฌตฺเต. ‘‘สพฺพนิมิตฺตานํ อมนสิการา อชฺฌตฺตํ สฺุตํ อุปสมฺปชฺช วิหรตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๑๘๗) วิสยชฺฌตฺเต, อิสฺสริยฏฺาเนติ อตฺโถ. ผลสมาปตฺติ หิ พุทฺธานํ อิสฺสริยฏฺานํ นาม. ‘‘เตนานนฺท, ภิกฺขุนา ตสฺมึเยว ปุริมสฺมึ สมาธินิมิตฺเต อชฺฌตฺตเมว จิตฺตํ สณฺเปตพฺพ’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๑๘๘) โคจรชฺฌตฺเต. อิธาปิ โคจรชฺฌตฺเตเยว ¶ ทฏฺพฺโพ. ตสฺมา อชฺฌตฺตนฺติ โคจรชฺฌตฺตภูเต กมฺมฏฺานารมฺมเณติ วุตฺตํ โหติ. ปริมุขนฺติ ¶ อภิมุขํ. สูปฏฺิตายาติ สุฏฺุ อุปฏฺิตาย กายคตาย สติยา. สติสีเสน เจตฺถ ฌานํ วุตฺตํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ ‘‘อชฺฌตฺตํ กายานุปสฺสนาสติปฏฺานวเสน ปฏิลทฺธํ อุฬารํ ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา’’ติ.
อยฺหิ ¶ เถโร ภควติ สาวตฺถิยํ วิหรนฺเต เอกทิวสํ สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฺปฏิกฺกนฺโต วิหารํ ปวิสิตฺวา ภควโต วตฺตํ ทสฺเสตฺวา ทิวาฏฺาเน ทิวาวิหารํ นิสินฺโน นานาสมาปตฺตีหิ ทิวสภาคํ วีตินาเมตฺวา สายนฺหสมยํ วิหารมชฺฌํ โอตริตฺวา ภควติ คนฺธกุฏิยํ นิสินฺเน ‘‘อกาโล ตาว ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตุ’’นฺติ คนฺธกุฏิยา อวิทูเร, อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล กาลปริจฺเฉทํ กตฺวา ยถาวุตฺตํ สมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา นิสีทิ. สตฺถา ตํ ตถานิสินฺนํ คนฺธกุฏิยํ นิสินฺโนเยว ปสฺสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา มหากจฺจาโน…เป… สูปฏฺิตายา’’ติ.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ อายสฺมโต มหากจฺจานตฺเถรสฺส สติปฏฺานภาวนาวเสน อธิคตํ ฌานํ ปาทกํ กตฺวา สมาปชฺชนํ สพฺพาการโต วิทิตฺวา ตทตฺถทีปนํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ ยสฺส สิยา สพฺพทา สติ, สตตํ กายคตา อุปฏฺิตาติ ยสฺส อารทฺธวิปสฺสกสฺส เอกทิวสํ ฉ โกฏฺาเส กตฺวา สพฺพสฺมิมฺปิ กาเล นามรูปเภเทน ทุวิเธปิ กาเย คตา กายารมฺมณา ปฺจนฺนํ อุปาทานกฺขนฺธานํ อนิจฺจาทิสมฺมสนวเสน สตตํ นิรนฺตรํ สาตจฺจาภิโยควเสน สติ อุปฏฺิตา สิยา.
อยํ กิรายสฺมา ปมํ กายคตาสติกมฺมฏฺานวเสน ฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา ตํ ปาทกํ กตฺวา กายานุปสฺสนาสติปฏฺานมุเขน วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา อรหตฺตํ ปตฺโต. โส อปรภาเคปิ เยภุยฺเยน ตเมว ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย ตเถว จ วิปสฺสิตฺวา ผลสมาปตฺตึ สมาปชฺชติ. สฺวายํ เยน วิธินา อรหตฺตํ ปตฺโต, ตํ วิธึ ทสฺเสนฺโต สตฺถา ‘‘ยสฺส สิยา สพฺพทา สติ, สตตํ กายคตา อุปฏฺิตา’’ติ วตฺวา ตสฺสา อุปฏฺานาการํ วิภาเวตุํ ‘‘โน ¶ จสฺส โน จ เม สิยา, น ภวิสฺสติ น จ เม ภวิสฺสตี’’ติ อาห.
ตสฺสตฺโถ ¶ ทฺวิธา เวทิตพฺโพ สมฺมสนโต ปุพฺพภาควเสน สมฺมสนกาลวเสน จาติ. เตสุ ปุพฺพภาควเสน ตาว โน จสฺส โน จ เม สิยาติ อตีตกาเล มม กิเลสกมฺมํ โน จสฺส น ภเวยฺย เจ, อิมสฺมึ ปจฺจุปฺปนฺนกาเล อยํ อตฺตภาโว โน จ เม สิยา น เม อุปฺปชฺเชยฺย. ยสฺมา ปน เม อตีเต กมฺมกิเลสา อเหสุํ, ตสฺมา ตํนิมิตฺโต เอตรหิ อยํ เม อตฺตภาโว ปวตฺตติ. น ภวิสฺสติ น จ เม ภวิสฺสตีติ อิมสฺมึ อตฺตภาเว ปฏิปกฺขาธิคเมน กิเลสกมฺมํ น ภวิสฺสติ น อุปฺปชฺชิสฺสติ เม, อายตึ วิปากวฏฺฏํ น จ เม ภวิสฺสติ น เม ปวตฺติสฺสตีติ. เอวํ กาลตฺตเย กมฺมกิเลสเหตุกํ อิทํ มยฺหํ อตฺตภาวสงฺขาตํ ขนฺธปฺจกํ ¶ , น อิสฺสราทิเหตุกํ, ยถา จ มยฺหํ, เอวํ สพฺพสตฺตานนฺติ สปฺปจฺจยนามรูปทสฺสนํ ปกาสิตํ โหติ.
สมฺมสนกาลวเสน ปน โน จสฺส โน จ เม สิยาติ ยสฺมา อิทํ ขนฺธปฺจกํ หุตฺวา อภาวฏฺเน อนิจฺจํ, อภิณฺหปฏิปีฬนฏฺเน ทุกฺขํ, อวสวตฺตนฏฺเน อนตฺตา, เอวํ ยทิ อยํ อตฺตา นาม นาปิ ขนฺธปฺจกวินิมุตฺโต โกจิ โน จสฺส โน จ สิยา น ภเวยฺย, เอวํ, ภนฺเต, โน จ เม สิยา มม สนฺตกํ นาม กิฺจิ น ภเวยฺย. น ภวิสฺสตีติ อตฺตนิ อตฺตนิเย ภวิตพฺพํ ยถา จิทํ นามรูปํ เอตรหิ จ อตีเต จ อตฺตตฺตนิยํ สฺุํ, เอวํ น ภวิสฺสติ น เม ภวิสฺสติ, อนาคเตปิ ขนฺธวินิมุตฺโต อตฺตา นาม น โกจิ น เม ภวิสฺสติ น ปวตฺติสฺสติ, ตโต เอว กิฺจิ ปลิโพธฏฺานิยํ น เม ภวิสฺสติ อายติมฺปิ อตฺตนิยํ นาม น เม กิฺจิ ภวิสฺสตีติ. อิมินา ตีสุ กาเลสุ ‘‘อห’’นฺติ คเหตพฺพสฺส อภาวโต ‘‘มม’’นฺติ คเหตพฺพสฺส จ อภาวํ ทสฺเสติ. เตน จตุกฺโกฏิกา สฺุตา ปกาสิตา โหติ.
อนุปุพฺพวิหาริ ตตฺถ โสติ เอวํ ตีสุปิ กาเลสุ อตฺตตฺตนิยํ สฺุตํ ตตฺถ สงฺขารคเต อนุปสฺสนฺโต อนุกฺกเมน อุทยพฺพยาณาทิวิปสฺสนาาเณสุ อุปฺปชฺชมาเนสุ อนุปุพฺพวิปสฺสนาวิหารวเสน อนุปุพฺพวิหารี สมาโน. กาเลเนว ¶ ตเร วิสตฺติกนฺติ โส เอวํ วิปสฺสนํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา ิโต โยคาวจโร อินฺทฺริยานํ ปริปากคตกาเลน วุฏฺานคามินิยา วิปสฺสนาย มคฺเคน ฆฏิตกาเลน อริยมคฺคสฺส อุปฺปตฺติกาเลน ¶ สกลสฺส ภวตฺตยสฺส สํตนนโต วิสตฺติกาสงฺขาตํ ตณฺหํ ตเรยฺย, วิตริตฺวา ตสฺสา ปรตีเร ติฏฺเยฺยาติ อธิปฺปาโย.
อิติ ภควา อฺาปเทเสน อายสฺมโต มหากจฺจานสฺส อรหตฺตุปฺปตฺติทีปนํ อุทานํ อุทาเนสิ.
อฏฺมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. อุทปานสุตฺตวณฺณนา
๖๙. นวเม มลฺเลสูติ มลฺลา นาม ชานปทิโน ราชกุมารา, เตสํ นิวาโส เอโกปิ ชนปโท ¶ รุฬฺหีวเสน ‘‘มลฺลา’’ติ วุจฺจติ, เตสุ มลฺเลสุ, ยํ โลเก ‘‘มลฺโล’’ติ วุจฺจติ. เกจิ ปน ‘‘มาเลสู’’ติ ปนฺติ. จาริยํ จรมาโนติ อตุริตจาริกาวเสน มหามณฺฑลชนปทจาริกํ จรมาโน. มหตา ภิกฺขุสงฺเฆนาติ อปริจฺเฉทคุเณน มหนฺเตน สมณคเณน. ตทา หิ ภควโต มหาภิกฺขุปริวาโร อโหสิ. ถูณํ นาม มลฺลานํ พฺราหฺมณคาโมติ ปุรตฺถิมทกฺขิณาย ทิสาย มชฺฌิมเทสสฺส อวธิฏฺาเน มลฺลเทเส ถูณนามโก พฺราหฺมณพหุลตาย พฺราหฺมณคาโม. ตทวสรีติ ตํ อวสริ, ถูณคามมคฺคํ ปาปุณีติ อตฺโถ. อสฺโสสุนฺติ สุณึสุ, โสตทฺวารสมฺปตฺตวจนนิคฺโฆสานุสาเรน ชานึสูติ อตฺโถ. โขติ ปทปูรเณ, อวธารณตฺเถ วา นิปาโต. ตตฺถ อวธารณตฺเถน อสฺโสสุํเยว, น เตสํ สวนนฺตราโย อโหสีติ วุตฺตํ โหติ. ปทปูรเณน ปทพฺยฺชนสิลิฏฺตฺตมตฺตเมว. ถูเณยฺยกาติ ถูณคามวาสิโน. พฺราหฺมณคหปติกาติ เอตฺถ พฺรหฺมํ อณนฺตีติ พฺราหฺมณา, มนฺเต สชฺฌายนฺตีติ อตฺโถ. อิทเมว หิ ชาติพฺราหฺมณานํ นิพฺพจนํ, อริยา ¶ ปน พาหิตปาปตฺตา ‘‘พฺราหฺมณา’’ติ วุจฺจนฺติ. คหปติกาติ ขตฺติยพฺราหฺมเณ วชฺเชตฺวา เย เกจิ อคารํ อชฺฌาวสนฺตา วุจฺจนฺติ, วิเสสโต เวสฺสา. พฺราหฺมณา จ คหปติกา จ พฺราหฺมณคหปติกา.
อิทานิ ยมตฺถํ เต อสฺโสสุํ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สมิตปาปตฺตา ‘‘สมโณ’’ติ เวทิตพฺโพ. วุตฺตฺเหตํ ¶ – ‘‘สมิตาสฺส โหนฺติ ปาปกา อกุสลา ธมฺมา’’ติอาทิ (ม. นิ. ๑.๔๓๔). ภควา จ อนุตฺตเรน อริยมคฺเคน สพฺพโส สมิตปาโป. เตนสฺส ยถาภุจฺจคุณาธิคตเมตํ นามํ, ยทิทํ สมโณติ. ขลูติ อนุสฺสวตฺเถ นิปาโต. โภติ พฺราหฺมณชาติกานํ ชาติสมุทาคตํ อาลปนมตฺตํ. วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘โภวาทิ นาม โส โหติ, สเจ โหติ สกิฺจโน’’ติ (ธ. ป. ๓๙๖). โคตโมติ โคตฺตวเสน ภควโต ปริกิตฺตนํ. ตสฺมา ‘‘สมโณ ขลุ, โภ, โคตโม’’ติ สมโณ กิร, โภ, โคตมโคตฺโตติ อยเมตฺถ อตฺโถ. สกฺยปุตฺโตติ อิทํ ปน ภควโต อุจฺจากุลปริทีปนํ. สกฺยกุลา ปพฺพชิโตติ สทฺธาปพฺพชิตภาวปริทีปนํ. เกนจิ ปาริชฺุเน อนภิภูโต อปริกฺขีณํเยว ตํ กุลํ ปหาย เนกฺขมฺมาธิคมสทฺธาย ปพฺพชิโตติ วุตฺตํ โหติ. อุทปานํ ติณสฺส จ ภุสสฺส จ ยาว มุขโต ปูเรสุนฺติ ปานียกูปํ ติเณน จ ภุเสน จ มุขปฺปมาเณน วฑฺเฒสุํ, ติณาทีนิ ปกฺขิปิตฺวา กูปํ ปิทหึสูติ อตฺโถ.
ตสฺส กิร คามสฺส พหิ ภควโต อาคมนมคฺเค พฺราหฺมณานํ ปริโภคภูโต เอโก อุทปาโน อโหสิ. ตํ เปตฺวา ตตฺถ สพฺพานิ กูปตฬากาทีนิ อุทกฏฺานานิ ตทา วิสุกฺขานิ นิรุทกานิ อเหสุํ. อถ ถูเณยฺยกา รตนตฺตเย อปฺปสนฺนา มจฺเฉรปกตา ภควโต อาคมนํ ¶ สุตฺวา ‘‘สเจ สมโณ โคตโม สสาวโก อิมํ คามํ ปวิสิตฺวา ทฺวีหตีหํ วเสยฺย, สพฺพํ อิมํ ชนํ อตฺตโน วจเน เปยฺย, ตโต พฺราหฺมณธมฺโม ปติฏฺํ น ลเภยฺยา’’ติ ตตฺถ ภควโต อวาสาย ปริสกฺกนฺตา ‘‘อิมสฺมึ คาเม อฺตฺถ อุทกํ นตฺถิ, อมุํ อุทปานํ อปริโภคํ กริสฺสาม, เอวํ สมโณ โคตโม สสาวโก อิมํ คามํ น ปวิสิสฺสตี’’ติ สมฺมนฺตยิตฺวา สพฺเพ คามวาสิโน สตฺตาหสฺส ¶ อุทกํ คเหตฺวา จาฏิอาทีนิ ปูเรตฺวา อุทปานํ ติเณน จ ภุเสน จ ปิทหึสุ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อุทปานํ ติณสฺส จ ภุสสฺส จ ยาว มุขโต ปูเรสุํ, ‘มา เต มุณฺฑกา สมณกา ปานียํ อปํสู’’’ติ.
ตตฺถ มุณฺฑกา สมณกาติ มุณฺเฑ ‘‘มุณฺฑา’’ติ สมเณ ‘‘สมณา’’ติ วตฺตุํ วฏฺเฏยฺย, เต ปน ขุํสนาธิปฺปาเยน หีเฬนฺตา เอวมาหํสุ. มาติ ปฏิเสเธ, มา อปํสุ มา ปิวึสูติ อตฺโถ. มคฺคา โอกฺกมฺมาติ ¶ มคฺคโต อปสกฺกิตฺวา. เอตมฺหาติ โย อุทปาโน เตหิ ตถา กโต, ตเมว นิทฺทิสนฺโต อาห. กึ ปน ภควา เตสํ พฺราหฺมณานํ วิปฺปการํ อนาวชฺชิตฺวา เอวมาห – ‘‘เอตมฺหา อุทปานา ปานียํ อาหรา’’ติ, อุทาหุ อาวชฺชิตฺวา ชานนฺโตติ? ชานนฺโต เอว ภควา อตฺตโน พุทฺธานุภาวํ ปกาเสตฺวา เต ทเมตฺวา นิพฺพิเสวเน กาตุํ เอวมาห, น ปานียํ ปาตุกาโม. เตเนเวตฺถ มหาปรินิพฺพานสุตฺเต วิย ‘‘ปิปาสิโตสฺมี’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๙๑) น วุตฺตํ. ธมฺมภณฺฑาคาริโก ปน สตฺถุ อชฺฌาสยํ อชานนฺโต ถูเณยฺยเกหิ กตํ วิปฺปการํ อาจิกฺขนฺโต ‘‘อิทานิ โส, ภนฺเต’’ติอาทิมาห.
ตตฺถ อิทานีติ อธุนา, อมฺหากํ อาคมนเวลายเมวาติ อตฺโถ. เอโส, ภนฺเต, อุทปาโนติ ปนฺติ. เถโร ทฺวิกฺขตฺตุํ ปฏิกฺขิปิตฺวา ตติยวาเร ‘‘น โข ตถาคตา ติกฺขตฺตุํ ปจฺจนีกา กาตพฺพา, การณํ ทิฏฺํ ภวิสฺสติ ทีฆทสฺสินา’’ติ มหาราชทตฺติยํ ภควโต ปตฺตํ คเหตฺวา อุทปานํ อคมาสิ. คจฺฉนฺเต เถเร อุทปาเน อุทกํ ปริปุณฺณํ หุตฺวา อุตฺตริตฺวา สมนฺตโต สนฺทติ, สพฺพํ ติณํ ภุสฺจ อุปฺลวิตฺวา สยเมว อปคจฺฉิ. เตน จ สนฺทมาเนน สลิเลน อุปรูปริ วฑฺฒนฺเตน ตสฺมึ คาเม สพฺเพว โปกฺขรณีอาทโย ชลาสยา วิสุกฺขา ปริปูรึสุ, ตถา ปริขากุสุพฺภนินฺนาทีนิ จ. สพฺโพ คามปฺปเทโส มโหเฆน อชฺโฌตฺถโฏ มหาวสฺสกาเล วิย อโหสิ. กุมุทุปฺปลปทุมปุณฺฑรีกาทีนิ ชลชปุปฺผานิ ตตฺถ ตตฺถ อุพฺภิชฺชิตฺวา วิกสมานานิ อุทกํ สฺฉาทึสุ. สเรสุ หํสโกฺจจกฺกวากการณฺฑวพกาทยา ¶ เอ อุทกสกุณิกา วสฺสมานา ตตฺถ ตตฺถ วิจรึสุ. ถูเณยฺยกา ตํ มโหฆํ ตถา อุตฺตรนฺตํ สมนฺตโต วีจิตรงฺคสมากุลํ ปริยนฺตโต สมุฏฺหมานํ รุจิรํ เผณพุพฺพุฬกํ ทิสฺวา อจฺฉริยพฺภุตจิตฺตชาตา เอวํ สมฺมนฺเตสุํ ‘‘มยํ สมณสฺส โคตมสฺส อุทกุปจฺเฉทํ กาตุํ วายมิมฺหา, อยํ ปน ¶ มโหโฆ ตสฺส อาคมนกาลโต ปฏฺาย เอวํ อภิวฑฺฒติ, นิสฺสํสยํ โข อยํ ตสฺส อิทฺธานุภาโว. มหิทฺธิโก หิ โส มหานุภาโว. านํ โข ปเนตํ วิชฺชติ, ยถา ยํ มโหโฆ อุฏฺหิตฺวา อมฺหากํ คามมฺปิ โอตฺถเรยฺย. หนฺท มยํ สมณํ โคตมํ อุปสงฺกมิตฺวา ปยิรุปาสิตฺวา อจฺจยํ เทเสนฺตา ขมาเปยฺยามา’’ติ.
เต ¶ สพฺเพว เอกชฺฌาสยา หุตฺวา สงฺฆสงฺฆี คณีภูตา คามโต นิกฺขมิตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ. อุปสงฺกมิตฺวา อปฺเปกจฺเจ ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทึสุ, อปฺเปกจฺเจ อฺชลึ ปณาเมสุํ, อปฺเปกจฺเจ ภควตา สทฺธึ สมฺโมทึสุ, อปฺเปกจฺเจ ตุณฺหีภูตา นิสีทึสุ, อปฺเปกจฺเจ นามโคตฺตํ สาเวสุํ. เอวํ ปน กตฺวา สพฺเพว เอกมนฺตํ นิสีทิตฺวา ‘‘อิธ มยํ, โภ โคตม, โภโต เจว โคตมสฺส โคตมสาวกานฺจ อุทกปฺปฏิเสธํ การยิมฺห, อมุกสฺมึ อุทปาเน ติณฺจ ภุสฺจ ปกฺขิปิมฺห. โส ปน อุทปาโน อเจตโนปิ สมาโน สเจตโน วิย โภโต คุณํ ชานนฺโต วิย สยเมว สพฺพํ ติณํ ภุสํ อปเนตฺวา สุวิสุทฺโธ ชาโต, สพฺโพปิ เจตฺถ นินฺนปฺปเทโส มหตา อุทโกเฆน ปริปุณฺโณ รมณีโยว ชาโต, อุทกูปชีวิโน สตฺตา ปริตุฏฺา. มยํ ปน มนุสฺสาปิ สมานา โภโต คุเณ น ชานิมฺห, เย มยํ เอวํ อกริมฺห, สาธุ โน ภวํ โคตโม ตถา กโรตุ, ยถายํ มโหโฆ อิมํ คามํ น โอตฺถเรยฺย, อจฺจโย โน อจฺจคมา ยถาพาลํ, ตํ โน ภวํ โคตโม อจฺจยํ ปฏิคฺคณฺหาตุ อนุกมฺปํ อุปาทายา’’ติ อจฺจยํ เทเสสุํ. ภควาปิ ‘‘ตคฺฆ ตุมฺเห อจฺจโย อจฺจคมา ยถาพาลํ, ตํ โว มยํ ปฏิคฺคณฺหาม อายตึ สํวรายา’’ติ เตสํ อจฺจยํ ¶ ปฏิคฺคเหตฺวา ปสนฺนจิตฺตตํ ตฺวา อุตฺตริ อชฺฌาสยานุรูปํ ธมฺมํ เทเสสิ. เต ภควโต ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปสนฺนจิตฺตา สรณาทีสุ ปติฏฺิตา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกมึสุ. เตสํ ปน อาคมนโต ปุเรตรํเยว อายสฺมา อานนฺโท ตํ ปาฏิหาริยํ ทิสฺวา อจฺฉริยพฺภุตจิตฺตชาโต ปตฺเตน ปานียํ อาทาย ภควโต อุปนาเมตฺวา ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘เอวํ, ภนฺเตติ โข อายสฺมา อานนฺโท’’ติอาทิ.
ตตฺถ มุขโต โอวมิตฺวาติ สพฺพํ ตํ ติณาทึ มุเขน ฉฑฺเฑตฺวา. วิสฺสนฺทนฺโต มฺเติ ปุพฺเพ ทีฆรชฺชุเกน อุทปาเนน อุสฺสิฺจิตฺวา คเหตพฺพอุทโกโฆ ภควโต ปตฺตํ คเหตฺวา เถรสฺส คตกาเล มุเขน วิสฺสนฺทนฺโต วิย สมติตฺติโก กากเปยฺโย หุตฺวา อฏฺาสิ. อิทฺจ เถรสฺส คตกาเล อุทกปฺปวตฺตึ สนฺธาย วุตฺตํ. ตโต ปรํ ปน ปุพฺเพ วุตฺตนเยน ตสฺมึ คาเม สกลํ นินฺนฏฺานํ อุทเกน ปริปุณฺณํ อโหสีติ. อยํ ปนิทฺธิ น พุทฺธานํ อธิฏฺาเนน, นาปิ เทวานุภาเวน, อถ โข ภควโต ¶ ปฺุานุภาเวน ปริตฺตเทสนตฺถํ ราชคหโต เวสาลิคมเน วิย. เกจิ ¶ ปน ‘‘ถูเณยฺยกานํ ภควติ ปสาทชนนตฺถํ เตสํ อตฺถกามาหิ เทวตาหิ กต’’นฺติ. อปเร ‘‘อุทปานสฺส เหฏฺา วสนกนาคราชา เอวมกาสี’’ติ. สพฺพํ ตํ อการณํ, ยถา ภควโต ปฺุานุภาเวนเยว ตถา อุทกุปฺปตฺติยา ปริทีปิตตฺตา.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ อธิฏฺาเนน วินา อตฺตนา อิจฺฉิตนิปฺผตฺติสงฺขาตํ อตฺถํ สพฺพาการโต วิทิตฺวา ตทตฺถทีปนํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ กึ กยิรา อุทปาเนน, อาปา เจ สพฺพทา สิยุนฺติ ยสฺส สพฺพกาลํ สพฺพตฺถ จ อาปา เจ ยทิ สิยุํ ยทิ อุปลพฺเภยฺยุํ ยทิ อากงฺขามตฺตปฏิพทฺโธ, เตสํ ลาโภ, เตน อุทปาเนน กึ กยิรา กึ กเรยฺย, กึ ปโยชนนฺติ อตฺโถ. ตณฺหาย มูลโต เฉตฺวา, กิสฺส ปริเยสนํ จเรติ ยาย ตณฺหาย ¶ วินิพทฺธา สตฺตา อกตปฺุา หุตฺวา อิจฺฉิตาลาภทุกฺเขน วิหฺนฺติ, ตสฺสา ตณฺหาย มูลํ, มูเล วา ฉินฺทิตฺวา ิโต มาทิโส สพฺพฺุพุทฺโธ กิสฺส เกน การเณน ปานียปริเยสนํ, อฺํ วา ปจฺจยปริเยสนํ จเรยฺย. ‘‘มูลโต เฉตฺตา’’ติปิ ปนฺติ, ตณฺหาย มูลํ มูเลเยว วา เฉทโกติ อตฺโถ. อถ วา มูลโต เฉตฺตาติ มูลโต ปฏฺาย ตณฺหาย เฉทโก. อิทํ วุตฺตํ โหติ – โย โพธิยา มูลภูตมหาปณิธานโต ปฏฺาย อปริมิตํ สกลํ ปฺุสมฺภารํ อตฺตโน อจินฺเตตฺวา โลกหิตตฺถเมว ปริณามนวเสน ปริปูเรนฺโต มูลโต ปภุติ ตณฺหาย เฉตฺตา, โส ตณฺหาเหตุกสฺส อิจฺฉิตาลาภสฺส อภาวโต กิสฺส เกน การเณน อุทกปริเยสนํ จเรยฺย, อิเม ปน ถูเณยฺยกา อนฺธพาลา อิมํ การณํ อชานนฺตา เอวมกํสูติ.
นวมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. อุเตนสุตฺตวณฺณนา
๗๐. ทสเม รฺโ อุเตนสฺสาติ อุเตนสฺส นาม รฺโ, โย ‘‘วชฺชิราชา’’ติปิ วุจฺจติ. อุยฺยานคตสฺสาติ อุยฺยานกีฬนตฺถํ อุยฺยานํ คตสฺส ¶ . อนาทเร หิ อิทํ สามิวจนํ, ‘‘อนฺเตปุร’’นฺติ ปน ปทํ อเปกฺขิตฺวา สมฺพนฺเธเปตํ สามิวจนํ โหติ. กาลงฺกตานีติ อคฺคิทฑฺฒานิ หุตฺวา มตานิ โหนฺติ. สามาวตีปมุขานีติ เอตฺถ กา ปนายํ สามาวตี, กถฺจ ทฑฺฒาติ? วุจฺจเต, ภทฺทวติยํ เสฏฺิโน ธีตา โฆสกเสฏฺินา ธีตุฏฺาเน ปิตา ปฺจสตอิตฺถิปริวารา ¶ รฺโ อุเตนสฺส อคฺคมเหสี เมตฺตาวิหารพหุลา อริยสาวิกา สามาวตี นาม. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถารโต ปน อาทิโต ปฏฺาย สามาวติยา อุปฺปตฺติกถา ธมฺมปทวตฺถุมฺหิ (ธ. ป. อฏฺ. ๑.๒๐ สามาวตีวตฺถุ) วุตฺตนเยน เวทิตพฺพา. มาคณฺฑิยสฺส นาม พฺราหฺมณสฺส ธีตา อตฺตโน มาตาปิตูนํ –
‘‘ทิสฺวาน ¶ ตณฺหํ อรตึ รคฺจ,
นาโหสิ ฉนฺโท อปิ เมถุนสฺมึ;
กิเมวิทํ มุตฺตกรีสปุณฺณํ,
ปาทาปิ นํ สมฺผุสิตุํ น อิจฺเฉ’’ติ. (สุ. นิ. ๘๔๑) –
ภควตา เทสิตํ อิมํ คาถํ สุตฺวา สตฺถริ พทฺธาฆาตา มาคณฺฑิยา อปรภาเค รฺา อุเตเนน มเหสิฏฺาเน ปิตา ภควโต โกสมฺพึ อุปคตภาวํ, สามาวตีปมุขานฺจ ปฺจนฺนํ อิตฺถิสตานํ อุปาสิกาภาวํ ตฺวา ‘‘อาคโต นาม สมโณ โคตโม อิมํ นครํ, ทานิสฺส กตฺตพฺพํ ชานิสฺสามิ, อิมาปิ ตสฺส อุปฏฺายิกา, อิมาสมฺปิ สามาวตีปมุขานฺจ กตฺตพฺพํ ชานิสฺสามี’’ติ อเนกปริยาเยหิ ตถาคตสฺส ตาสฺจ อนตฺถํ กาตุํ วายมิตฺวาปิ อสกฺโกนฺตี ปุเนกทิวสํ รฺา สทฺธึ อุยฺยานกีฬํ คจฺฉนฺตี จูฬปิตุ สาสนํ ปหิณิ ‘‘สามาวติยา ปาสาทํ คนฺตฺวา ทุสฺสโกฏฺาคารเตลโกฏฺาคารานิ วิวราเปตฺวา ทุสฺสานิ เตลจาฏีสุ เตเมตฺวา ถมฺเภ เวเตฺวา ตา สพฺพา เอกโต กตฺวา ทฺวารํ ปิทหิตฺวา พหิ ยนฺตํ ทตฺวา ทณฺฑทีปิกาหิ เคเห อคฺคึ ททมาโน โอตริตฺวา คจฺฉตู’’ติ.
ตํ สุตฺวา โส ปาสาทํ อภิรุยฺห โกฏฺาคารานิ วิวริตฺวา วตฺถานิ เตลจาฏีสุ เตเมตฺวา ถมฺเภ เวเตุํ อารภิ. อถ นํ สามาวตีปมุขา อิตฺถิโย ‘‘กึ เอตํ จูฬปิตา’’ติ วทนฺติโย อุปสงฺกมึสุ. ‘‘อมฺมา, ราชา ทฬฺหิกมฺมตฺถาย อิเม ถมฺเภ เตลปิโลติกาหิ พนฺธาเปติ ¶ , ราชเคเห นาม สุยุตฺตทุยุตฺตํ ทุชฺชานํ, มา เม สนฺติเก โหถา’’ติ วตฺวา ตา อาคตา คพฺเภสุ ปเวเสตฺวา ทฺวารานิ ปิทหิตฺวา พหิ ยนฺตกํ ทตฺวา อาทิโต ปฏฺาย อคฺคึ เทนฺโต โอตริ. สามาวตี ตาสํ โอวาทํ อทาสิ, ‘‘อมฺมา, อนมตคฺเค สํสาเร วิจรนฺตีนํ เอวเมว อคฺคินา ฌามตฺตภาวานํ พุทฺธาเณนปิ ปริจฺเฉโท น สุกโร, อปฺปมตฺตา โหถา’’ติ. ตา สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา อธิคตผลาย วิฺาตสาสนาย ¶ ขุชฺชุตฺตราย อริยสาวิกาย เสกฺขปฏิสมฺภิทาปตฺตาย สตฺถารา เทสิตนิยาเมเนว ธมฺมํ เทเสนฺติยา สนฺติเก โสตาปตฺติผลสฺส อธิคตา อนฺตรนฺตรา กมฺมฏฺานมนสิกาเรน ยุตฺตปฺปยุตฺตา เคเห ฌายนฺเต เวทนาปริคฺคหกมฺมฏฺานํ มนสิ ¶ กโรนฺติโย กาจิ ทุติยผลํ, กาจิ ตติยผลํ ปาปุณิตฺวา กาลมกํสุ. อถ ภิกฺขู โกสมฺพิยํ ปิณฺฑาย จรนฺตา ตํ ปวตฺตึ ตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ภควโต อาโรเจตฺวา ตาสํ อภิสมฺปรายํ ปุจฺฉึสุ. ภควา จ ตาสํ อริยผลาธิคมํ ภิกฺขูนํ อภาสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘เตน โข ปน สมเยน รฺโ อุเตนสฺส…เป… อนิปฺผลา กาลงฺกตา’’ติ.
ตตฺถ อนิปฺผลาติ น นิปฺผลา, สมฺปตฺตสามฺผลา เอว กาลงฺกตา. ตา ปน ผลานิ ปฏิลภนฺติโย สามาวติยา –
‘‘อารมฺภถ นิกฺกมถ, ยฺุชถ พุทฺธสาสเน;
ธุนาถ มจฺจุโน เสนํ, นฬาคารํว กฺุชโร.
‘‘โย อิมสฺมึ ธมฺมวินเย, อปฺปมตฺโต วิหสฺสติ;
ปหาย ชาติสํสารํ, ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสตี’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๑๘๕; เนตฺติ. ๒๙) –
คาถาหิ โอวทิยมานา เวทนาปริคฺคหกมฺมฏฺานํ มนสิ กโรนฺติโย วิปสฺสิตฺวา ทุติยตติยผลานิ ปฏิลภึสุ. ขุชฺชุตฺตรา ปน อายุเสสสฺส อตฺถิตาย, ปุพฺเพ ตาทิสสฺส กมฺมสฺส อกตตฺตา จ ตโต ปาสาทโต พหิ อโหสิ. ‘‘ทสโยชนนฺตเร ปกฺกามี’’ติ จ วทนฺติ. อถ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ, ‘‘อาวุโส, อนนุจฺฉวิกํ วต อริยสาวิกานํ เอวรูปํ มรณ’’นฺติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ¶ , ‘‘ภิกฺขเว, ยทิปิ ตาสํ อิมสฺมึ อตฺตภาเว อยุตฺตํ, ปุพฺเพ กตกมฺมสฺส ปน ยุตฺตเมว ตาหิ ลทฺธ’’นฺติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต อฏฺ ปจฺเจกพุทฺธา รฺโ นิเวสเน นิพทฺธํ ภฺุชนฺติ. ปฺจสตา ¶ อิตฺถิโย เต อุปฏฺหนฺติ. เตสุ สตฺต ชนา หิมวนฺตํ คจฺฉนฺติ, เอโก นทีตีรสมีเป เอกสฺมึ ติณคหเน สมาปตฺติยา นิสีทติ. อเถกทิวสํ ราชา ปจฺเจกพุทฺเธสุ คเตสุ ตาหิ อิตฺถีหิ สทฺธึ อุทกกีฬํ กีฬิตุกาโม ตตฺถ คโต. ตา อิตฺถิโย ทิวสภาคํ อุทเก กีฬิตฺวา สีตปีฬิตา วิสิพฺพิตุกามา ตํ ติณคหนํ อุปริ วิสุกฺขติณสฺฉนฺนํ ‘‘ติณราสี’’ติ สฺาย ปริวาเรตฺวา อคฺคึ ทตฺวา ติเณสุ ฌายิตฺวา ปตนฺเตสุ ปจฺเจกพุทฺธํ ทิสฺวา ¶ ‘‘รฺโ ปจฺเจกพุทฺโธ ฌายติ, ตํ ราชา ตฺวา อมฺเห นาเสสฺสติ, สุทฑฺฒํ นํ กริสฺสามา’’ติ สพฺพา อิโต จิโต จ ทารุอาทีนิ อาหริตฺวา ตสฺส อุปริ ราสึ กตฺวา อาลิมฺเปตฺวา ‘‘อิทานิ ฌายิสฺสตี’’ติ ปกฺกมึสุ. ตา ปมํ อสฺเจตนิกา หุตฺวา อิทานิ กมฺมุนา พชฺฌึสุ. ปจฺเจกพุทฺธํ ปน อนฺโตสมาปตฺติยํ สเจ ทารูนํ สกฏสหสฺสมฺปิ อาหริตฺวา อาลิมฺเปนฺตา อุสุมาการมตฺตมฺปิ คาเหตุํ น สกฺโกนฺติ, ตสฺมา โส สตฺตเม ทิวเส อุฏฺาย ยถาสุขํ อคมาสิ. ตา ตสฺส กมฺมสฺส กตตฺตา พหูนิ วสฺสสหสฺสานิ พหูนิ วสฺสสตสหสฺสานิ นิรเย ปจฺจิตฺวา ตสฺเสว กมฺมสฺส วิปากาวเสเสน อตฺตภาวสเต อิมินาว นิยาเมน เคเห ฌายมาเน ฌายึสุ. อิทํ ตาสํ ปุพฺพกมฺมํ.
ยสฺมา ปน เต อิมสฺมึ อตฺตภาเว อริยผลานิ สจฺฉากํสุ, รตนตฺตยํ ปยิรุปาสึสุ, ตสฺมา ตตฺถ อนาคามินิโย สุทฺธาวาเสสุ อุปปนฺนา, อิตรา กาจิ ตาวตึเสสุ, กาจิ ยาเมสุ, กาจิ ตุสิเตสุ, กาจิ นิมฺมานรตีสุ, กาจิ ปรนิมฺมิตวสวตฺตีสุ อุปปนฺนา.
ราชาปิ โข อุเตโน ‘‘สามาวติยา เคหํ กิร ฌายตี’’ติ สุตฺวา เวเคน อาคจฺฉนฺโตปิ ตํ ปเทสํ ตาสุ ทฑฺฒาสุเยว สมฺปาปุณิ. อาคนฺตฺวา ปน เคหํ นิพฺพาเปตฺวา อุปฺปนฺนพลวโทมนสฺโส มาคณฺฑิยาย ตถา การิตภาวํ อุปาเยน ตฺวา อริยสาวิกาสุ กตาปราธกมฺมุนา โจทิยมาโน ตสฺสา ราชาณํ กาเรสิ สทฺธึ าตเกหิ. เอวํ สา สปริชนา สมิตฺตพนฺธวา อนยพฺยสนํ ปาปุณิ.
เอตมตฺถํ ¶ วิทิตฺวาติ เอตํ สามาวตีปมุขานํ ตาสํ อิตฺถีนํ อคฺคิมฺหิ อนยพฺยสนาปตฺติเหตุํ, มาคณฺฑิยาย จ ¶ สมิตฺตพนฺธวาย ราชาณาย อนยพฺยสนาปตฺตินิมิตฺตํ สพฺพาการโต วิทิตฺวา ตทตฺถทีปนํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ โมหสมฺพนฺธโน โลโก, ภพฺพรูโปว ทิสฺสตีติ โย อิธ สตฺตโลโก ภพฺพรูโปว เหตุสมฺปนฺโน วิย หุตฺวา ทิสฺสติ, โสปิ โมหสมฺพนฺธโน โมเหน ปลิคุณฺิโต อตฺตหิตาหิตํ อชานนฺโต หิเต น ปฏิปชฺชติ, อหิตํ ทุกฺขาวหํ พหฺุจ อปฺุํ อาจินาติ. ‘‘ภวรูโปว ทิสฺสตี’’ติปิ ปาโ. ตสฺสตฺโถ – อยํ โลโก โมหสมฺพนฺธโน โมเหน ปลิคุณฺิโต, ตโต เอว ภวรูโปว สสฺสตสภาโว วิยสฺส อตฺตา ทิสฺสติ, อชรามโร วิย อุปฏฺาติ, เยน ปาณาติปาตาทีนิ อกตฺตพฺพานิ กโรติ.
อุปธิพนฺธโน ¶ พาโล, ตมสา ปริวาริโต. สสฺสโตริว ขายตีติ น เกวลฺจ โมหสมฺพนฺธโน เอว, อปิจ โข อุปธิพนฺธโนปิ อยํ อนฺธพาลโลโก อวิชฺชาตมสา ปริวาริโต. อิทํ วุตฺตํ โหติ – เยน าเณน อวิปรีตํ กาเม จ ขนฺเธ จ ‘‘อนิจฺจา ทุกฺขา วิปริณามธมฺมา’’ติ ปสฺเสยฺย, ตสฺส อภาวโต ยสฺมา พาโล อนฺธปุถุชฺชโน อฺาณตมสา สมนฺตโต ปริวาริโต นิวุโต, ตสฺมา โส กามูปธิ กิเลสูปธิ ขนฺธูปธีติ อิเมสํ อุปธีนํ วเสน จ อุปธิพนฺธโน, ตโต เอว จสฺส โสปธิสฺส ปสฺสโต สสฺสโต วิย นิจฺโจ สพฺพกาลภาวี วิย ขายติ. ‘‘อสสฺสติริว ขายตี’’ติปิ ปาโ. ตสฺสตฺโถ – อตฺตา สพฺพกาลํ วิชฺชติ อุปลพฺภตีติ อฺโ อสสฺสติ อนิจฺโจติ โลกสฺส โส อุปธิ มิจฺฉาภินิเวสวเสน เอกเทโส วิย ขายติ, อุปฏฺหตีติ อตฺโถ. รกาโร หิ ปทสนฺธิกโร. ปสฺสโต นตฺถิ กิฺจนนฺติ โย ปน สงฺขาเร ปริคฺคเหตฺวา อนิจฺจาทิวเสน วิปสฺสติ, ตสฺเสว วิปสฺสนาปฺาสหิตาย มคฺคปฺาย ยถาภูตํ ปสฺสโต ชานโต ปฏิวิชฺฌโต ราคาทิกิฺจนํ ¶ นตฺถิ, เยน สํสาเร พชฺเฌยฺย. ตถา อปสฺสนฺโต เอว หิ อวิชฺชาตณฺหาทิฏฺิอาทิพนฺธเนหิ สํสาเร พทฺโธ สิยาติ อธิปฺปาโย.
ทสมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิฏฺิตา จ จูฬวคฺควณฺณนา.
๘. ปาฏลิคามิยวคฺโค
๑. ปมนิพฺพานปฏิสํยุตฺตสุตฺตวณฺณนา
๗๑. ปาฏลิคามิยวคฺคสฺส ¶ ¶ ¶ ปเม นิพฺพานปฏิสํยุตฺตายาติ อมตธาตุสนฺนิสฺสิตาย อสงฺขตธาตุยา ปเวทนวเสน ปวตฺตาย. ธมฺมิยา กถายาติ ธมฺมเทสนาย. สนฺทสฺเสตีติ สภาวสรสลกฺขณโต นิพฺพานํ ทสฺเสติ. สมาทเปตีติ ตเมว อตฺถํ เต ภิกฺขู คณฺหาเปติ. สมุตฺเตเชตีติ ตทตฺถคหเณ อุสฺสาหํ ชเนนฺโต เตเชติ โชเตติ. สมฺปหํเสตีติ นิพฺพานคุเณหิ สมฺมเทว สพฺพปฺปกาเรหิ โตเสติ.
อถ วา สนฺทสฺเสตีติ ‘‘โส สพฺพสงฺขารสมโถ สพฺพูปธิปฏินิสฺสคฺคา ตณฺหกฺขโย วิราโค นิโรโธ’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๘๑; ๒.๓๓๗; มหาว. ๘) นเยเนว สพฺพถา เตน เตน ปริยาเยน เตสํ เตสํ อชฺฌาสยานุรูปํ สมฺมา ทสฺเสติ. สมาทเปตีติ ‘‘อิมินา อริยมคฺเคน ตํ อธิคนฺตพฺพ’’นฺติ อธิคมปฏิปทาย สทฺธึ ตตฺถ ภิกฺขู นินฺนโปณปพฺภาเร กโรนฺโต สมฺมา อาทเปติ คณฺหาเปติ. สมุตฺเตเชตีติ เอตํ ทุกฺกรํ ทุรภิสมฺภวนฺติ ‘‘มา สมฺมาปฏิปตฺติยํ ปมาทํ อนฺตราโวสานํ อาปชฺชถ, อุปนิสฺสยสมฺปนฺนสฺส วีริยวโต นยิทํ ทุกฺกรํ, ตสฺมา สีลวิสุทฺธิอาทิวิสุทฺธิปฏิปทาย อุฏฺหถ ฆฏยถ วายเมยฺยาถา’’ติ นิพฺพานาธิคมาย อุสฺสาเหติ, ตตฺถ วา จิตฺตํ โวทเปติ. สมฺปหํเสตีติ ‘‘มทนิมฺมทโน ปิปาสวินโย อาลยสมุคฺฆาโต’’ติ (อ. นิ. ๔.๓๔; อิติวุ. ๙๐), ราคกฺขโย โทสกฺขโย โมหกฺขโยติ (สํ. นิ. ๔.๓๖๗; อิติวุ. ๔๔), อสงฺขตนฺติ (สํ. นิ. ๔.๓๖๗), อมตฺจ สนฺตนฺติอาทินา จ อเนกปริยาเยน (สํ. นิ. ๔.๔๐๙) นิพฺพานานิสํสปฺปกาสเนน เตสํ ภิกฺขูนํ จิตฺตํ โตเสนฺโต หาเสนฺโต สมฺปหํเสติ สมสฺสาเสติ.
เตธาติ ¶ เต อิธ. อฏฺึ กตฺวาติ ‘‘อตฺถิ กิฺจิ อยํ โน อตฺโถ อธิคนฺตพฺโพ’’ติ เอวํ สลฺลกฺเขตฺวา ตาย เทสนาย อตฺถิกา หุตฺวา. มนสิ กตฺวาติ จิตฺเต เปตฺวา อนฺวิหิตา ตํ เทสนํ อตฺตโน จิตฺตคตเมว ¶ กตฺวา. สพฺพํ เจตโส สมนฺนาหริตฺวาติ สพฺเพน การกจิตฺเตน ¶ อาทิโต ปฏฺาย ยาว ปริโยสานา เทสนํ อาวชฺเชตฺวา, ตคฺคตเมว อาโภคํ กตฺวาติ อตฺโถ. อถ วา สพฺพํ เจตโส สมนฺนาหริตฺวาติ สพฺพสฺมา จิตฺตโต เทสนํ สมฺมา อนุ อนุ อาหริตฺวา. อิทํ วุตฺตํ โหติ – เทเสนฺตสฺส เยหิ จิตฺเตหิ เทสนา กตา, สพฺพสฺมา จิตฺตโต ปวตฺตํ เทสนํ พหิ คนฺตุํ อเทนฺโต สมฺมา อวิปรีตํ อนุ อนุ อาหริตฺวา อตฺตโน จิตฺตสนฺตานํ อาหริตฺวา ยถาเทสิตเทสิตํ เทสนํ สุฏฺุ อุปธาเรตฺวา. โอหิตโสตาติ อวหิตโสตา, สุฏฺุ อุปิตโสตา. โอหิตโสตาติ วา อวิกฺขิตฺตโสตา. ตเมว อุปลพฺภมาโนปิ หิ สวเน อวิกฺเขโป สติสํวโร วิย จกฺขุนฺทฺริยาทีสุ โสตินฺทฺริเยปิ วตฺตุมรหตีติ. เอตฺถ จ ‘‘อฏฺึ กตฺวา’’ติอาทีหิ จตูหิปิ ปเทหิ เตสํ ภิกฺขูนํ ตปฺปรภาวโต สวเน อาทรทีปเนน สกฺกจฺจสวนํ ทสฺเสติ.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ เตสํ ภิกฺขูนํ ตสฺสา นิพฺพานปฏิสํยุตฺตาย ธมฺมกถาย สวเน อาทรการิตํ สพฺพาการโต วิทิตฺวา. อิมํ อุทานนฺติ อิมํ นิพฺพานสฺส ตพฺพิธุรธมฺมเทสนามุเขน ปรมตฺถโต วิชฺชมานภาววิภาวนํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ อตฺถีติ วิชฺชติ, ปรมตฺถโต อุปลพฺภตีติ อตฺโถ. ภิกฺขเวติ เตสํ ภิกฺขูนํ อาลปนํ. นนุ จ อุทานํ นาม ปีติโสมนสฺสสมุฏฺาปิโต วา ธมฺมสํเวคสมุฏฺาปิโต วา ธมฺมปฏิคฺคาหกนิรเปกฺโข อุทาหาโร, ตถา เจว เอตฺตเกสุ สุตฺเตสุ อาคตํ, อิธ กสฺมา ภควา อุทาเนนฺโต เต ภิกฺขู อามนฺเตสีติ? เตสํ ภิกฺขูนํ สฺาปนตฺถํ. นิพฺพานปฏิสํยุตฺตฺหิ ภควา เตสํ ภิกฺขูนํ ธมฺมํ เทเสตฺวา นิพฺพานคุณานุสฺสรเณน อุปฺปนฺนปีติโสมนสฺสา อุทานํ อุทาเนสิ. อิธ ¶ นิพฺพานวชฺโช สพฺโพ สภาวธมฺโม ปจฺจยายตฺตวุตฺติโกว อุปลพฺภติ, น ปจฺจยนิรเปกฺโข. อยํ ปน นิพฺพานธมฺโม กตมปจฺจเย อุปลพฺภตีติ เตสํ ภิกฺขูนํ เจโตปริวิตกฺกมฺาย เต จ สฺาเปตุกาโม ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, ตทายตน’’นฺติอาทิมาห, น เอกนฺตโตว เต ปฏิคฺคาหเก กตฺวาติ เวทิตพฺพํ. ตทายตนนฺติ ตํ การณํ. ทกาโร ปทสนฺธิกโร. นิพฺพานฺหิ ¶ มคฺคผลาณาทีนํ อารมฺมณปจฺจยภาวโต รูปาทีนิ วิย จกฺขุวิฺาณาทีนํ อารมฺมณปจฺจยภูตานีติ การณฏฺเน ‘‘อายตน’’นฺติ วุจฺจติ. เอตฺตาวตา จ ภควา เตสํ ภิกฺขูนํ อสงฺขตาย ธาตุยา ปรมตฺถโต อตฺถิภาวํ ปเวเทสิ.
ตตฺรายํ ธมฺมนฺวโย – อิธ สงฺขตธมฺมานํ วิชฺชมานตฺตา อสงฺขตายปิ ธาตุยา ภวิตพฺพํ ตปฺปฏิปกฺขตฺตา สภาวธมฺมานํ. ยถา หิ ทุกฺเข วิชฺชมาเน ตปฺปฏิปกฺขภูตํ สุขมฺปิ วิชฺชติเยว ¶ , ตถา อุณฺเห วิชฺชมาเน สีตมฺปิ วิชฺชติ, ปาปธมฺเมสุ วิชฺชมาเนสุ กลฺยาณธมฺมาปิ วิชฺชนฺติ เอว. วุตฺตฺเจตํ –
‘‘ยถาปิ ทุกฺเข วิชฺชนฺเต, สุขํ นามปิ วิชฺชติ;
เอวํ ภเว วิชฺชมาเน, วิภโวปิ อิจฺฉิตพฺพโก.
‘‘ยถาปิ อุณฺเห วิชฺชนฺเต, อปรํ วิชฺชติ สีตลํ;
เอวํ ติวิธคฺคิ วิชฺชนฺเต, นิพฺพานํ อิจฺฉิตพฺพกํ.
‘‘ยถาปิ ปาเป วิชฺชนฺเต, กลฺยาณมปิ วิชฺชติ;
เอวเมว ชาติ วิชฺชนฺเต, อชาติมปิ อิจฺฉิตพฺพก’’นฺติอาทิ. (พุ. วํ. ๒.๑๐-๑๒) –
อปิจ นิพฺพานสฺส ปรมตฺถโต อตฺถิภาววิจารณํ ปรโต อาวิภวิสฺสติ.
เอวํ ภควา อสงฺขตาย ธาตุยา ปรมตฺถโต อตฺถิภาวํ สมฺมุเขน ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตพฺพิธุรธมฺมาโปหนมุเขนสฺส สภาวํ ทสฺเสตุํ, ‘‘ยตฺถ เนว ปถวี น อาโป’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ยสฺมา นิพฺพานํ สพฺพสงฺขารวิธุรสภาวํ ยถา สงฺขตธมฺเมสุ กตฺถจิ นตฺถิ, ตถา ตตฺถปิ สพฺเพ สงฺขตธมฺมา. น หิ สงฺขตาสงฺขตธมฺมานํ สโมธานํ สมฺภวติ. ตตฺรายํ อตฺถวิภาวนา ¶ – ยตฺถ ยสฺมึ นิพฺพาเน ยสฺสํ อสงฺขตธาตุยํ เนว กกฺขฬลกฺขณา ปถวีธาตุ อตฺถิ, น ปคฺฆรณลกฺขณา อาโปธาตุ, น อุณฺหลกฺขณา เตโชธาตุ, น วิตฺถมฺภนลกฺขณา วาโยธาตุ อตฺถิ. อิติ จตุมหาภูตาภาววจเนน ยถา สพฺพสฺสปิ อุปาทารูปสฺส อภาโว วุตฺโต โหติ ตนฺนิสฺสิตตฺตา. เอวํ อนวเสสโต กามรูปภวสฺส ¶ ตตฺถ อภาโว วุตฺโต โหติ ตทายตฺตวุตฺติภาวโต. น หิ มหาภูตนิสฺสเยน วินา ปฺจโวการภโว เอกโวการภโว วา สมฺภวตีติ.
อิทานิ อรูปสภาวตฺเตปิ นิพฺพานสฺส อรูปภวปริยาปนฺนานํ ธมฺมานํ ตตฺถ อภาวํ ทสฺเสตุํ, ‘‘น อากาสานฺจายตนํ…เป… น เนวสฺานาสฺายตน’’นฺติ วุตฺตํ. ตตฺถ น อากาสานฺจายตนนฺติ สทฺธึ อารมฺมเณน กุสลวิปากกิริยเภโท ติวิโธปิ อากาสานฺจายตนจิตฺตุปฺปาโท นตฺถีติ อตฺโถ. เสเสสุปิ เอเสว นโย. ยทคฺเคน จ นิพฺพาเน กามโลกาทีนํ ¶ อภาโว โหติ, ตทคฺเคน ตตฺถ อิธโลกปรโลกานมฺปิ อภาโวติ อาห – ‘‘นายํ โลโก น ปรโลโก’’ติ. ตสฺสตฺโถ – ยฺวายํ ‘‘อิตฺถตฺตํ ทิฏฺธมฺโม อิธโลโก’’ติ จ ลทฺธโวหาโร ขนฺธาทิโลโก, โย จ ‘‘ตโต อฺถา ปโร อภิสมฺปราโย’’ติ จ ลทฺธโวหาโร ขนฺธาทิโลโก, ตทุภยมฺปิ ตตฺถ นตฺถีติ. น อุโภ จนฺทิมสูริยาติ ยสฺมา รูปคเต สติ ตโม นาม สิยา, ตมสฺส จ วิธมนตฺถํ จนฺทิมสูริเยหิ วตฺติตพฺพํ. สพฺเพน สพฺพํ ปน ยตฺถ รูปคตเมว นตฺถิ, กุโต ตตฺถ ตโม. ตมสฺส วา วิธมนา จนฺทิมสูริยา, ตสฺมา จนฺทิมา สูริโย จาติ อุโภปิ ตตฺถ นิพฺพาเน นตฺถีติ อตฺโถ. อิมินา อาโลกสภาวตํเยว นิพฺพานสฺส ทสฺเสติ.
เอตฺตาวตา จ อนภิสเมตาวีนํ ภิกฺขูนํ อนาทิมติสํสาเร สุปินนฺเตปิ อนนุภูตปุพฺพํ ปรมคมฺภีรํ อติทุทฺทสํ สณฺหสุขุมํ อตกฺกาวจรํ อจฺจนฺตสนฺตํ ปณฺฑิตเวทนียํ อติปณีตํ อมตํ นิพฺพานํ วิภาเวนฺโต ปมํ ตาว ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, ตทายตน’’นฺติ ตสฺส อตฺถิภาวา เตสํ อฺาณาทีนิ อปเนตฺวา ‘‘ยตฺถ เนว ปถวี ¶ …เป… น อุโภ จนฺทิมสูริยา’’ติ ตทฺธมฺมาโปหนมุเขน ตํ วิภาเวติ ธมฺมราชา. เตน ปถวีอาทิสพฺพสงฺขตธมฺมวิธุรสภาวา ยา อสงฺขตา ธาตุ, ตํ นิพฺพานนฺติ ทีปิตํ โหติ. เตเนวาห, ‘‘ตตฺราปาหํ, ภิกฺขเว, เนว อาคตึ วทามี’’ติ.
ตตฺถ ตตฺราติ ตสฺมึ. อปิสทฺโท สมุจฺจเย. อหํ, ภิกฺขเว, ยตฺถ สงฺขารปวตฺเต กุโตจิ กสฺสจิ อาคตึ น วทามิ ยถาปจฺจยํ ตตฺถ ธมฺมมตฺตสฺส ¶ อุปฺปชฺชนโต. เอวํ ตสฺมิมฺปิ อายตเน นิพฺพาเน กุโตจิ อาคตึ อาคมนํ เนว วทามิ อาคนฺตพฺพฏฺานตาย อภาวโต. น คตินฺติ กตฺถจิ คมนํ น วทามิ คนฺตพฺพฏฺานตาย อภาวโต. น หิ ตตฺถ สตฺตานํ เปตฺวา าเณน อารมฺมณกรณํ อาคติคติโย สมฺภวนฺติ, นาปิ ิติจุตูปปตฺติโย วทามิ. ‘‘ตทาปห’’นฺติปิ ปาฬิ. ตสฺสตฺโถ – ตมฺปิ อายตนํ คามนฺตรโต คามนฺตรํ วิย น อาคนฺตพฺพตาย น อาคติ, น คนฺตพฺพตาย น คติ, ปถวีปพฺพตาทิ วิย อปติฏฺานตาย น ิติ, อปจฺจยตฺตา วา อุปฺปาทาภาโว, ตโต อมตสภาวตฺตา จวนาภาโว, อุปฺปาทนิโรธาภาวโต เจว ตทุภยปริจฺฉินฺนาย ิติยา จ อภาวโต น ิตึ น จุตึ น อุปปตฺตึ วทามิ. เกวลํ ปน ตํ อรูปสภาวตฺตา อปจฺจยตฺตา จ น กตฺถจิ ปติฏฺิตนฺติ อปฺปติฏฺํ. ตตฺถ ปวตฺตาภาวโต ปวตฺตปฺปฏิปกฺขโต จ อปฺปวตฺตํ. อรูปสภาวตฺเตปิ เวทนาทโย วิย กสฺสจิปิ อารมฺมณสฺส อนาลมฺพนโต อุปตฺถมฺภนิรเปกฺขโต จ อนารมฺมณเมว ตํ ‘‘อายตน’’นฺติ วุตฺตํ นิพฺพานํ. อยฺจ เอวสทฺโท อปฺปติฏฺเมว อปฺปวตฺตเมวาติ ปททฺวเยนปิ โยเชตพฺโพ ¶ . เอเสวนฺโต ทุกฺขสฺสาติ ยทิทํ ‘‘อปฺปติฏฺ’’นฺติอาทีหิ วจเนหิ วณฺณิตํ โถมิตํ ยถาวุตฺตลกฺขณํ นิพฺพานํ, เอโส เอว สกลสฺส วฏฺฏทุกฺขสฺส อนฺโต ปริโยสานํ ตทธิคเม สติ สพฺพทุกฺขาภาวโต. ตสฺมา ‘‘ทุกฺขสฺส อนฺโต’’ติ อยเมว ตสฺส สภาโวติ ทสฺเสติ.
ปมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. ทุติยนิพฺพานปฏิสํยุตฺตสุตฺตวณฺณนา
๗๒. ทุติเย ¶ อิมํ อุทานนฺติ อิมํ นิพฺพานสฺส ปกติยา คมฺภีรภาวโต ทุทฺทสภาวทีปนํ อุทานํ อุทาเนสิ. ตตฺถ ทุทฺทสนฺติ สภาวคมฺภีรตฺตา อติสุขุมสณฺหสภาวตฺตา จ อนุปจิตาณสมฺภาเรหิ ปสฺสิตุํ น สกฺกาติ ทุทฺทสํ. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘ตฺหิ เต, มาคณฺฑิย, อริยํ ปฺาจกฺขุ นตฺถิ, เยน ตฺวํ อาโรคฺยํ ชาเนยฺยาสิ, นิพฺพานมฺปิ ปสฺเสยฺยาสี’’ติ (ม. นิ. ๒.๒๑๘). อปรมฺปิ วุตฺตํ – ‘‘อิทมฺปิ โข านํ ทุทฺทสํ, ยทิทํ สพฺพสงฺขารสมโถ’’ติอาทิ (มหาว. ๘; ม. นิ. ๑.๒๘๑; ๒.๓๓๗). อนตนฺติ ¶ รูปาทิอารมฺมเณสุ, กามาทีสุ จ ภเวสุ นมนโต ตนฺนินฺนภาเวน ปวตฺติโต สตฺตานฺจ ตตฺถ นมนโต ตณฺหา นตา นาม, นตฺถิ เอตฺถ นตาติ อนตํ, นิพฺพานนฺติ อตฺโถ. ‘‘อนนฺต’’นฺติปิ ปนฺติ, นิจฺจสภาวตฺตา อนฺตวิรหิตํ, อจวนธมฺมํ นิโรธํ อมตนฺติ อตฺโถ. เกจิ ปน ‘‘อนนฺต’’นฺติ ปทสฺส ‘‘อปฺปมาณ’’นฺติ อตฺถํ วทนฺติ. เอตฺถ จ ‘‘ทุทฺทส’’นฺติ อิมินา ปฺาย ทุพฺพลีกรเณหิ ราคาทิกิเลเสหิ จิรกาลภาวิตตฺตา สตฺตานํ อปจฺจยภาวนา น สุกราติ นิพฺพานสฺส กิจฺเฉน อธิคมนียตํ ทสฺเสติ. น หิ สจฺจํ สุทสฺสนนฺติ อิมินาปิ ตเมวตฺถํ ปากฏํ กโรติ. ตตฺถ สจฺจนฺติ นิพฺพานํ. ตฺหิ เกนจิ ปริยาเยน อสนฺตสภาวาภาวโต เอกนฺเตเนว สนฺตตฺตา อวิปรีตฏฺเน สจฺจํ. น หิ ตํ สุทสฺสนํ น สุเขน ปสฺสิตพฺพํ, สุจิรมฺปิ กาลํ ปฺุาณสมฺภาเร สมาเนนฺเตหิปิ กสิเรเนว สมธิคนฺตพฺพโต. ตถา หิ วุตฺตํ ภควตา – ‘‘กิจฺเฉน เม อธิคต’’นฺติ (มหาว. ๘; ม. นิ. ๑.๒๘๑; ๒.๓๓๗).
ปฏิวิทฺธา ตณฺหา ชานโต ปสฺสโต นตฺถิ กิฺจนนฺติ ตฺจ นิโรธสจฺจํ สจฺฉิกิริยาภิสมยวเสน อภิสเมนฺเตน วิสยโต กิจฺจโต จ อารมฺมณโต จ อารมฺมณปฺปฏิเวเธน อสมฺโมหปฺปฏิเวเธน จ ปฏิวิทฺธํ, ยถาปริฺาภิสมยวเสน ทุกฺขสจฺจํ, ภาวนาภิสมยวเสน ¶ มคฺคสจฺจฺจ ¶ อสมฺโมหโต ปฏิวิทฺธํ โหติ, เอวํ ปหานาภิสมยวเสน อสมฺโมหโต จ ปฏิวิทฺธา ตณฺหา โหติ. เอวฺจ จตฺตาริ สจฺจานิ ยถาภูตํ อริยมคฺคปฺาย ชานโต ปสฺสโต ภวาทีสุ นตภูตา ตณฺหา นตฺถิ, ตทภาเว สพฺพสฺสปิ กิเลสวฏฺฏสฺส อภาโว, ตโตว กมฺมวิปากวฏฺฏานํ อสมฺภโวเยวาติ เอวํ ภควา เตสํ ภิกฺขูนํ อนวเสสวฏฺฏทุกฺขวูปสมเหตุภูตํ อมตมหานิพฺพานสฺส อานุภาวํ ปกาเสสิ. เสสํ วุตฺตนยเมว.
ทุติยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ตติยนิพฺพานปฏิสํยุตฺตสุตฺตวณฺณนา
๗๓. ตติเย อถ โข ภควา เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ ตทา กิร ภควตา อเนกปริยาเยน สํสารสฺส อาทีนวํ ปกาเสตฺวา สนฺทสฺสนาทิวเสน ¶ นิพฺพานปฏิสํยุตฺตาย ธมฺมเทสนาย กตาย เตสํ ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ – ‘‘อยํ สํสาโร ภควตา อวิชฺชาทีหิ การเณหิ สเหตุโก ปกาสิโต, นิพฺพานสฺส ปน ตทุปสมสฺส น กิฺจิ การณํ วุตฺตํ, ตยิทํ อเหตุกํ, กถํ สจฺจิกฏฺปรมตฺเถน อุปลพฺภตี’’ติ. อถ ภควา เตสํ ภิกฺขูนํ เอตํ ยถาวุตฺตํ ปริวิตกฺกสงฺขาตํ อตฺถํ วิทิตฺวา. อิมํ อุทานนฺติ เตสํ ภิกฺขูนํ วิมติวิธมนตฺถฺเจว อิธ สมณพฺราหฺมณานํ ‘‘นิพฺพานํ นิพฺพานนฺติ วาจาวตฺถุมตฺตเมว, นตฺถิ หิ ปรมตฺถโต นิพฺพานํ นาม อนุปลพฺภมานสภาวตฺตา’’ติ โลกายติกาทโย วิย วิปฺปฏิปนฺนานํ พหิทฺธา จ ปุถุทิฏฺิคติกานํ มิจฺฉาวาทภฺชนตฺถฺจ อิมํ อมตมหานิพฺพานสฺส ปรมตฺถโต อตฺถิภาวทีปนํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ อชาตํ อภูตํ อกตํ อสงฺขตนฺติ สพฺพานิปิ ปทานิ ¶ อฺมฺเววจนานิ. อถ วา เวทนาทโย วิย เหตุปจฺจยสมวายสงฺขาตาย การณสามคฺคิยา น ชาตํ น นิพฺพตฺตนฺติ อชาตํ, การเณน วินา, สยเมว วา น ภูตํ น ปาตุภูตํ น อุปฺปนฺนนฺติ อภูตํ, เอวํ อชาตตฺตา อภูตตฺตา จ เยน เกนจิ การเณน น กตนฺติ อกตํ, ชาตภูตกตสภาโว จ นามรูปานํ สงฺขตธมฺมานํ โหติ, น อสงฺขตสภาวสฺส นิพฺพานสฺสาติ ทสฺสนตฺถํ อสงฺขตนฺติ วุตฺตํ. ปฏิโลมโต วา สเมจฺจ สมฺภูย ปจฺจเยหิ กตนฺติ สงฺขตํ, ตถา น สงฺขตํ สงฺขตลกฺขณรหิตนฺติ อสงฺขตนฺติ. เอวํ อเนเกหิ การเณหิ นิพฺพตฺติตภาเว ปฏิสิทฺเธ ‘‘สิยา ¶ นุ โข เอเกเนว การเณน กต’’นฺติ อาสงฺกาย ‘‘น เยน เกนจิ กต’’นฺติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘อกต’’นฺติ วุตฺตํ. เอวํ อปจฺจยมฺปิ สมานํ ‘‘สยเมว นุ โข อิทํ ภูตํ ปาตุภูต’’นฺติ อาสงฺกาย ตนฺนิวตฺตนตฺถํ ‘‘อภูต’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘อยฺเจตสฺส อสงฺขตากตาภูตภาโว สพฺเพน สพฺพํ อชาติธมฺมตฺตา’’ติ ทสฺเสตุํ ‘‘อชาต’’นฺติ วุตฺตํ. เอวเมเตสํ จตุนฺนมฺปิ ปทานํ สาตฺถกภาวํ วิทิตฺวา ‘‘ตยิทํ นิพฺพานํ อตฺถิ, ภิกฺขเว’’ติ ปรมตฺถโต นิพฺพานสฺส อตฺถิภาโว ปกาสิโตติ เวทิตพฺโพ. เอตฺถ อุทาเนนฺเตน ภควตา, ‘‘ภิกฺขเว’’ติ อาลปเน การณํ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.
อิติ สตฺถา ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อชาตํ อภูตํ อกตํ อสงฺขต’’นฺติ วตฺวา ตตฺถ เหตุํ ทสฺเสนฺโต ‘‘โน เจตํ, ภิกฺขเว’’ติอาทิมาห. ตสฺสายํ ¶ สงฺเขปตฺโถ – ภิกฺขเว, ยทิ อชาตาทิสภาวา อสงฺขตา ธาตุ น อภวิสฺส น สิยา, อิธ โลเก ชาตาทิสภาวสฺส รูปาทิกฺขนฺธปฺจกสงฺขาตสฺส สงฺขตสฺส นิสฺสรณํ อนวเสสวูปสโม น ปฺาเยยฺย น อุปลพฺเภยฺย น สมฺภเวยฺย. นิพฺพานฺหิ อารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺตมานา สมฺมาทิฏฺิอาทโย อริยมคฺคธมฺมา อนวเสสกิเลเส สมุจฺฉินฺทนฺติ. เตเนตฺถ สพฺพสฺสปิ วฏฺฏทุกฺขสฺส อปฺปวตฺติ อปคโม นิสฺสรณํ ปฺายติ.
เอวํ พฺยติเรกวเสน นิพฺพานสฺส อตฺถิภาวํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อนฺวยวเสนปิ ตํ ทสฺเสตุํ, ‘‘ยสฺมา จ โข’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตํ วุตฺตตฺถเมว. เอตฺถ ¶ จ ยสฺมา ‘‘อปจฺจยา ธมฺมา, อสงฺขตา ธมฺมา (ธ. ส. ทุกมาติกา ๗, ๘), อตฺถิ, ภิกฺขเว, ตทายตนํ, ยตฺถ เนว ปถวี (อุทา. ๗๑), อิทมฺปิ โข านํ ทุทฺทสํ, ยทิทํ สพฺพสงฺขารสมโถ สพฺพูปธิปฏินิสฺสคฺโค (มหาว. ๘; ม. นิ. ๑.๒๘๑; ๒.๓๓๗), อสงฺขตฺจ โว, ภิกฺขเว, ธมฺมํ เทเสสฺสามิ อสงฺขตคามินิฺจ ปฏิปท’’นฺติอาทีหิ (สํ. นิ. ๔.๓๖๖-๓๖๗) อเนเกหิ สุตฺตปเทหิ, ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อชาต’’นฺติ อิมินาปิ จ สุตฺเตน นิพฺพานธาตุยา ปรมตฺถโต สมฺภโว สพฺพโลกํ อนุกมฺปมาเนน สมฺมาสมฺพุทฺเธน เทสิโต, ตสฺมา ยทิปิ ตตฺถ อปจฺจกฺขการีนมฺปิ วิฺูนํ กงฺขา วา วิมติ วา นตฺถิเยว. เย ปน ปรเนยฺยพุทฺธิโน ปุคฺคลา, เตสํ วิมติวิโนทนตฺถํ อยเมตฺถ อธิปฺปายนิทฺธารณมุเขน ยุตฺติวิจารณา – ยถา ปริฺเยฺยตาย สอุตฺตรานํ กามานํ รูปาทีนฺจ ปฏิปกฺขภูตํ ตพฺพิธุรสภาวํ นิสฺสรณํ ปฺายติ, เอวํ ตํสภาวานํ สพฺเพสมฺปิ สงฺขตธมฺมานํ ปฏิปกฺขภูเตน ตพฺพิธุรสภาเวน นิสฺสรเณน ภวิตพฺพํ. ยฺเจตํ นิสฺสรณํ, สา อสงฺขตา ธาตุ. กิฺจ ภิยฺโย สงฺขตธมฺมารมฺมณํ วิปสฺสนาาณํ อปิ อนุโลมาณํ กิเลเส สมุจฺเฉทวเสน ปชหิตุํ น ¶ สกฺโกติ. ตถา สมฺมุติสจฺจารมฺมณํ ปมชฺฌานาทีสุ าณํ วิกฺขมฺภนวเสเนว กิเลเส ปชหติ, น สมุจฺเฉทวเสน. อิติ สงฺขตธมฺมารมฺมณสฺส สมฺมุติสจฺจารมฺมณสฺส จ าณสฺส กิเลสานํ สมุจฺเฉทปฺปหาเน อสมตฺถภาวโต เตสํ สมุจฺเฉทปฺปหานกรสฺส อริยมคฺคาณสฺส ตทุภยวิปรีตสภาเวน อารมฺมเณน ภวิตพฺพํ ¶ , สา อสงฺขตา ธาตุ. ตถา ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อชาตํ อภูตํ อกตํ อสงฺขต’’นฺติ อิทํ นิพฺพานปทสฺส ปรมตฺถโต อตฺถิภาวโชตกํ วจนํ อวิปรีตตฺถํ ภควตา ภาสิตตฺตา. ยฺหิ ภควตา ภาสิตํ, ตํ อวิปรีตตฺถํ ปรมตฺถํ ยถา ตํ ‘‘สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา, สพฺเพ สงฺขารา ทุกฺขา, สพฺเพ ธมฺมา ¶ อนตฺตา’’ติ (อ. นิ. ๓.๑๓๗; มหานิ. ๒๗), ตถา นิพฺพานสทฺโท กตฺถจิ วิสเย ยถาภูตปรมตฺถวิสโย อุปจารมตฺตวุตฺติสพฺภาวโต เสยฺยถาปิ สีหสทฺโท. อถ วา อตฺเถว ปรมตฺถโต อสงฺขตา ธาตุ, อิตรตพฺพิปรีตวินิมุตฺตสภาวตฺตา เสยฺยถาปิ ปถวีธาตุ เวทนาติ. เอวมาทีหิ นเยหิ ยุตฺติโตปิ อสงฺขตาย ธาตุยา ปรมตฺถโต อตฺถิภาโว เวทิตพฺโพ.
ตติยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. จตุตฺถนิพฺพานปฏิสํยุตฺตสุตฺตวณฺณนา
๗๔. จตุตฺเถ อถ โข ภควา เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ ตทา กิร ภควตา อเนกปริยาเยน สนฺทสฺสนาทิวเสน นิพฺพานปฏิสํยุตฺตาย ธมฺมเทสนาย กตาย เตสํ ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ – ‘‘อยํ ตาว ภควตา อมตมหานิพฺพานธาตุยา อเนกาการโวการํ อานิสํสํ ทสฺเสนฺเตน อนฺสาธารโณ อานุภาโว ปกาสิโต, อธิคมูปาโย ปนสฺสา น ภาสิโต, กถํ นุ โข ปฏิปชฺชนฺเตหิ อมฺเหหิ อยํ อธิคนฺตพฺพา’’ติ. อถ ภควา เตสํ ภิกฺขูนํ เอตํ ยถาวุตฺตปริวิตกฺกสงฺขาตํ อตฺถํ สพฺพาการโต วิทิตฺวา. อิมํ อุทานนฺติ ตณฺหาวเสน กตฺถจิ อนิสฺสิตสฺส ปสฺสทฺธกายจิตฺตสฺส วีถิปฏิปนฺนวิปสฺสนสฺส อริยมคฺเคน อนวเสสโต ตณฺหาปหาเนน นิพฺพานาธิคมวิภาวนํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ นิสฺสิตสฺส จลิตนฺติ รูปาทิสงฺขาเร ตณฺหาทิฏฺีหิ นิสฺสิตสฺส จลิตํ ‘‘เอตํ มม, เอโส เม อตฺตา’’ติ ตณฺหาทิฏฺิวิปฺผนฺทิตํ โหติ. อปฺปหีนตณฺหาทิฏฺิกสฺส หิ ปุคฺคลสฺส สุขาทีสุ อุปฺปนฺเนสุ ตานิ อภิภุยฺย วิหริตุํ อสกฺโกนฺตสฺส ¶ ‘‘มม เวทนา, อหํ เวทิยามี’’ติอาทินา ¶ ตณฺหาทิฏฺิคาหวเสน กุสลปฺปวตฺติโต จิตฺตสนฺตานสฺส จลนํ กมฺปนํ, อวกฺขลิตํ วา ¶ โหตีติ อตฺโถ. อนิสฺสิตสฺส จลิตํ นตฺถีติ โย ปน วิสุทฺธิปฏิปทํ ปฏิปชฺชนฺโต สมถวิปสฺสนาหิ ตณฺหาทิฏฺิโย วิกฺขมฺเภตฺวา อนิจฺจาทิวเสน สงฺขาเร สมฺมสนฺโต วิหรติ, ตสฺส ตํ อนิสฺสิตสฺส ยถาวุตฺตํ จลิตํ อวกฺขลิตํ, วิปฺผนฺทิตํ วา นตฺถิ การณสฺส สุวิกฺขมฺภิตตฺตา.
จลิเต อสตีติ ยถาวุตฺเต จลิเต อสติ ยถา ตณฺหาทิฏฺิคาหา นปฺปวตฺตนฺติ, ตถา วีถิปฏิปนฺนาย วิปสฺสนาย ตํ อุสฺสุกฺกนฺตสฺส. ปสฺสทฺธีติ วิปสฺสนาจิตฺตสหชาตานํ กายจิตฺตานํ สารมฺภกรกิเลสวูปสมินี ทุวิธาปิ ปสฺสทฺธิ โหติ. ปสฺสทฺธิยา สติ นติ น โหตีติ ปุพฺเพนาปรํ วิเสสยุตฺตาย ปสฺสทฺธิยา สติ อนวชฺชสุขาธิฏฺานํ สมาธึ วฑฺเฒตฺวา ตํ ปฺาย สมวายกรเณน สมถวิปสฺสนํ ยุคนทฺธํ โยเชตฺวา มคฺคปรมฺปราย กิเลเส เขเปนฺตสฺส กามภวาทีสุ นมนโต ‘‘นตี’’ติ ลทฺธนามา ตณฺหา อรหตฺตมคฺคกฺขเณ อนวเสสโต น โหติ, อนุปฺปตฺติธมฺมตํ อาปาทิตตฺตา น อุปฺปชฺชตีติ อตฺโถ.
นติยา อสตีติ อรหตฺตมคฺเคน ตณฺหาย สุปฺปหีนตฺตา ภวาทิอตฺถาย อาลยนิกนฺติ ปริยุฏฺาเน อสติ. อาคติคติ น โหตีติ ปฏิสนฺธิวเสน อิธ อาคติ อาคมนํ จุติวเสน คติ อิโต ปรโลกคมนํ เปจฺจภาโว น โหติ น ปวตฺตติ. อาคติคติยา อสตีติ วุตฺตนเยน อาคติยา จ คติยา จ อสติ. จุตูปปาโต น โหตีติ อปราปรํ จวนุปปชฺชนํ น โหติ น ปวตฺตติ. อสติ หิ กิเลสวฏฺเฏ กมฺมวฏฺฏํ ปจฺฉินฺนเมว, ปจฺฉินฺเน จ ตสฺมึ กุโต วิปากวฏฺฏสฺส สมฺภโว. เตนาห – ‘‘จุตูปปาเต อสติ เนวิธ น หุร’’นฺติอาทิ. ตตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา พาหิยสุตฺเต วิตฺถารโต วุตฺตเมว. ตสฺมา ตตฺถ วุตฺตนเยเนว อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
อิติ ¶ ภควา อิธาปิ เตสํ ภิกฺขูนํ อนวเสสโต วฏฺฏทุกฺขวูปสมเหตุภูตํ อมตมหานิพฺพานสฺส อานุภาวํ สมฺมาปฏิปตฺติยา ปกาเสติ.
จตุตฺถสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. จุนฺทสุตฺตวณฺณนา
๗๕. ปฺจเม ¶ ¶ มลฺเลสูติ เอวํนามเก ชนปเท. มหตา ภิกฺขุสงฺเฆนาติ คุณมหตฺตสงฺขฺยามหตฺเตหิ มหตา. โส หิ ภิกฺขุสงฺโฆ สีลาทิคุณวิเสสโยเคนปิ มหา ตตฺถ สพฺพปจฺฉิมกสฺส โสตาปนฺนภาวโต, สงฺขฺยามหตฺเตนปิ มหา อปริจฺฉินฺนคณนตฺตา. อายุสงฺขาโรสฺสชฺชนโต ปฏฺาย หิ อาคตาคตา ภิกฺขู น ปกฺกมึสุ. จุนฺทสฺสาติ เอวํนามกสฺส. กมฺมารปุตฺตสฺสาติ สุวณฺณการปุตฺตสฺส. โส กิร อฑฺโฒ มหากุฏุมฺพิโก ภควโต ปมทสฺสเนเนว โสตาปนฺโน หุตฺวา อตฺตโน อมฺพวเน สตฺถุวสนานุจฺฉวิกํ คนฺธกุฏึ, ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ รตฺติฏฺานทิวาฏฺานอุปฏฺานสาลากุฏิมณฺฑปจงฺกมนาทิเก จ สมฺปาเทตฺวา ปาการปริกฺขิตฺตํ ทฺวารโกฏฺกยุตฺตํ วิหารํ กตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส สงฺฆสฺส นิยฺยาเทสิ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘ตตฺร สุทํ ภควา ปาวายํ วิหรติ จุนฺทสฺส กมฺมารปุตฺตสฺส อมฺพวเน’’ติ.
ปฏิยาทาเปตฺวาติ สมฺปาเทตฺวา. ‘‘สูกรมทฺทวนฺติ สูกรสฺส มุทุสินิทฺธํ ปวตฺตมํส’’นฺติ มหาอฏฺกถายํ วุตฺตํ. เกจิ ปน ‘‘สูกรมทฺทวนฺติ น สูกรมํสํ, สูกเรหิ มทฺทิตวํสกฬีโร’’ติ วทนฺติ. อฺเ ‘‘สูกเรหิ มทฺทิตปฺปเทเส ชาตํ อหิฉตฺตก’’นฺติ. อปเร ปน ‘‘สูกรมทฺทวํ นาม เอกํ รสายน’’นฺติ ภณึสุ ¶ . ตฺหิ จุนฺโท กมฺมารปุตฺโต ‘‘อชฺช ภควา ปรินิพฺพายิสฺสตี’’ติ สุตฺวา ‘‘อปฺเปว นาม นํ ปริภฺุชิตฺวา จิรตรํ ติฏฺเยฺยา’’ติ สตฺถุ จิรชีวิตุกมฺยตาย อทาสีติ วทนฺติ.
เตน มํ ปริวิสาติ เตน มมํ โภเชหิ. กสฺมา ภควา เอวมาห? ปรานุทฺทยตาย. ตฺจ การณํ ปาฬิยํ วุตฺตเมว. เตน อภิหฏภิกฺขาย ปเรสํ อปริโภคารหโต จ ตถา วตฺตุํ วฏฺฏตีติ ทสฺสิตํ โหติ. ตสฺมึ กิร สูกรมทฺทเว ทฺวิสหสฺสทีปปริวาเรสุ จตูสุ มหาทีเปสุ เทวตา โอชํ ปกฺขิปึสุ. ตสฺมา ตํ อฺโ โกจิ สมฺมา ชีราเปตุํ น สกฺโกติ, ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต สตฺถา ปรูปวาทโมจนตฺถํ ‘‘นาหํ ตํ, จุนฺท, ปสฺสามี’’ติอาทินา สีหนาทํ นทิ. เย หิ ปเร อุปวเทยฺยุํ ‘‘อตฺตนา ปริภุตฺตาวเสสํ เนว ภิกฺขูนํ, น อฺเสํ มนุสฺสานํ อทาสิ, อาวาเฏ นิขณาเปตฺวา วินาเสสี’’ติ, ‘‘เตสํ วจโนกาโส มา โหตู’’ติ ปรูปวาทโมจนตฺถํ สีหนาทํ นทิ.
ตตฺถ ¶ สเทวเกติอาทีสุ สห เทเวหีติ สเทวโก, สห มาเรนาติ สมารโก, สห พฺรหฺมุนาติ สพฺรหฺมโก, สห สมณพฺราหฺมเณหีติ สสฺสมณพฺราหฺมณี, ปชาตตฺตา ปชา, สห เทวมนุสฺเสหีติ ¶ สเทวมนุสฺสา. ตสฺมึ สเทวเก โลเก…เป… สเทวมนุสฺสาย. ตตฺถ สเทวกวจเนน ปฺจกามาวจรเทวคฺคหณํ, สมารกวจเนน ฉฏฺกามาวจรเทวคฺคหณํ, สพฺรหฺมกวจเนน พฺรหฺมกายิกาทิพฺรหฺมคฺคหณํ, สสฺสมณพฺราหฺมณีวจเนน สาสนสฺส ปจฺจตฺถิกปจฺจามิตฺตสมณพฺราหฺมณคฺคหณํ สมิตปาปพาหิตปาปสมณพฺราหฺมณคฺคหณฺจ, ปชาวจเนน สตฺตโลกคฺคหณํ, สเทวมนุสฺสวจเนน สมฺมุติเทวอวเสสมนุสฺสคฺคหณํ. เอวเมตฺถ ตีหิ ปเทหิ โอกาสโลกวเสน, ทฺวีหิ ปชาวเสน สตฺตโลโก คหิโตติ เวทิตพฺโพ. อปโร ¶ นโย – สเทวกวจเนน อรูปาวจรโลโก คหิโต, สมารกวจเนน ฉกามาวจรเทวโลโก, สพฺรหฺมกวจเนน รูปี พฺรหฺมโลโก, สสฺสมณพฺราหฺมณวจเนน จตุปริสวเสน สมฺมุติเทเวหิ สห มนุสฺสโลโก, อวเสสสตฺตโลโก วา คหิโตติ เวทิตพฺโพ.
ภุตฺตาวิสฺสาติ ภุตฺตวโต. ขโรติ ผรุโส. อาพาโธติ วิสภาคโรโค. ปพาฬฺหาติ พลวติโย. มารณนฺติกาติ มรณนฺตา มรณสมีปปาปนสมตฺถา. สโต สมฺปชาโน อธิวาเสสีติ สตึ อุปฏฺิตํ กตฺวา าเณน ปริจฺฉินฺทิตฺวา อธิวาเสสิ. อวิหฺมาโนติ เวทนานุวตฺตนวเสน อสลฺลกฺขิตธมฺโม วิย อปราปรํ ปริวตฺตนํ อกโรนฺโต อปีฬิยมาโน อทุกฺขิยมาโน วิย อธิวาเสสิ. ภควโต หิ เวฬุวคามเกเยว ตา เวทนา อุปฺปนฺนา, สมาปตฺติพเลน ปน วิกฺขมฺภิตา ยาว ปรินิพฺพานทิวสา น อุปฺปชฺชึสุ ทิวเส ทิวเส สมาปตฺตีหิ ปฏิปณามนโต. ตํ ทิวสํ ปน ปรินิพฺพายิตุกาโม ‘‘โกฏิสหสฺสหตฺถีนํ พลํ ธาเรนฺตานํ วชิรสงฺฆาตสมานกายานํ อปริมิตกาลํ อุปจิตปฺุสมฺภารานมฺปิ ภเว สติ เอวรูปา เวทนา ปวตฺตนฺติ, กิมงฺคํ ปน อฺเส’’นฺติ สตฺตานํ สํเวคชนนตฺถํ สมาปตฺตึ น สมาปชฺชิ, เตน เวทนา ขรา วตฺตึสุ. อายามาติ เอหิ ยาม.
จุนฺทสฺส ภตฺตํ ภฺุชิตฺวาติอาทิกา อปรภาเค ธมฺมสงฺคาหเกหิ ปิตา คาถา. ตตฺถ ภุตฺตสฺส จ สูกรมทฺทเวนาติ ภุตฺตสฺส อุทปาทิ, น ปน ภุตฺตปจฺจยา. ยทิ หิ อภุตฺตสฺส อุปฺปชฺชิสฺสา, อติขโร อภวิสฺสา, สินิทฺธโภชนํ ¶ ปน ภุตฺตตฺตา ตนุกา เวทนา อโหสิ, เตเนว ปทสา คนฺตุํ อสกฺขิ. เอเตน ยฺวายํ ‘‘ยสฺส ตํ ปริภุตฺตํ สมฺมา ปริณามํ คจฺเฉยฺย อฺตฺร ตถาคตสฺสา’’ติ สีหนาโท นทิโต, ตสฺส สาตฺถกตา ทสฺสิตา. พุทฺธานฺหิ อฏฺาเน คชฺชิตํ นาม นตฺถิ. ยสฺมา ตํ ปริภุตฺตํ ภควโต น กิฺจิ วิการํ อุปฺปาเทสิ, กมฺเมน ปน ลทฺโธกาเสน อุปฺปาทิยมานํ วิการํ อปฺปมตฺตตาย อุปสเมนฺโต ¶ สรีเร พลํ อุปฺปาเทสิ, เยน ยถา วกฺขมานํ ติวิธํ ปโยชนํ สมฺปาเทสิ, ตสฺมา สมฺมเทว ตํ ปริณามํ คตํ, มารณนฺติกตฺตา ¶ ปน เวทนานํ อวิฺาตํ อปากฏํ อโหสีติ. วิริจฺจมาโนติ อภิณฺหํ ปวตฺตโลหิตวิเรจโนว สมาโน. อโวจาติ อตฺตนา อิจฺฉิตฏฺาเน ปรินิพฺพานตฺถาย เอวมาห.
กสฺมา ปน ภควา เอวํ โรเค อุปฺปนฺเน กุสินารํ อคมาสิ, กึ อฺตฺถ น สกฺกา ปรินิพฺพายิตุนฺติ? ปรินิพฺพายิตุํ นาม น กตฺถจิ น สกฺกา, เอวํ ปน จินฺเตสิ – มยิ กุสินารํ คเต มหาสุทสฺสนสุตฺตเทสนาย (ที. นิ. ๒.๒๔๑) อฏฺุปฺปตฺติ ภวิสฺสติ, ตาย ยา เทวโลเก อนุภวิตพฺพสทิสา สมฺปตฺติ มนุสฺสโลเก มยา อนุภูตา, ตํ ทฺวีหิ ภาณวาเรหิ ปฏิมณฺเฑตฺวา เทเสสฺสามิ, ตํ สุตฺวา พหู ชนา กุสลํ กตฺตพฺพํ มฺิสฺสนฺติ. สุภทฺโทปิ กตฺถ มํ อุปสงฺกมิตฺวา ปฺหํ ปุจฺฉิตฺวา วิสฺสชฺชนปริโยสาเน สรเณสุ ปติฏฺาย ปพฺพชิตฺวา ลทฺธูปสมฺปโท กมฺมฏฺานํ ภาเวตฺวา มยิ ธรนฺเตเยว อรหตฺตํ ปตฺวา ปจฺฉิมสาวโก นาม ภวิสฺสติ. อฺตฺถ มยิ ปรินิพฺพุเต ธาตุนิมิตฺตํ มหากลโห ภวิสฺสติ, โลหิตํ นที วิย สนฺทิสฺสติ. กุสินารายํ ปน ปรินิพฺพุเต โทณพฺราหฺมโณ ตํ วิวาทํ วูปสเมตฺวา ธาตุโย วิภชิตฺวา ทสฺสตีติ อิมานิ ตีณิ การณานิ ปสฺสนฺโต ภควา มหตา อุสฺสาเหน กุสินารํ อคมาสิ.
อิงฺฆาติ โจทนตฺเถ นิปาโต. กิลนฺโตสฺมีติ ปริสฺสนฺโต อสฺมิ. เตน ยถาวุตฺตเวทนานํ พลวภาวํ เอว ทสฺเสติ. ภควา หิ อตฺตโน อานุภาเวน ตทา ปทสา อคมาสิ, อฺเสํ ปน ยถา ปทุทฺธารมฺปิ กาตุํ น สกฺกา, ตถา เวทนา ติขิณา ขรา กฏุกา วตฺตึสุ. เตเนวาห ‘‘นิสีทิสฺสามี’’ติ.
อิทานีติ อธุนา. ลุฬิตนฺติ มทฺทิตํ วิย อากุลํ. อาวิลนฺติ อาลุลํ. อจฺโฉทกาติ ตนุปสนฺนสลิลา. สาโตทกาติ มธุรโตยา. สีโตทกาติ ¶ สีตลชลา. เสโตทกาติ นิกฺกทฺทมา ¶ . อุทกฺหิ สภาวโต เสตวณฺณํ, ภูมิวเสน กทฺทมาวิลตาย จ อฺาทิสํ โหติ, กกุธาปิ นที วิมลวาลิกา สโมกิณฺณา เสตวณฺณา สนฺทติ. เตน วุตฺตํ ‘‘เสโตทกา’’ติ. สุปติตฺถาติ สุนฺทรติตฺถา. รมณียาติ มโนหรภูมิภาคตาย รมิตพฺพา ยถาวุตฺตอุทกสมฺปตฺติยา จ มโนรมา.
กิลนฺโตสฺมิ จุนฺทก, นิปชฺชิสฺสามีติ ตถาคตสฺส หิ –
‘‘กาฬาวกฺจ ¶ คงฺเคยฺยํ, ปณฺฑรํ ตมฺพปิงฺคลํ;
คนฺธมงฺคลเหมฺจ, อุโปสถฉทฺทนฺติเม ทสา’’ติ. –
เอวํ วุตฺเตสุ ทสสุ หตฺถิกุเลสุ กาฬาวกสงฺขาตานํ ยํ ทสนฺนํ ปกติหตฺถีนํ พลํ, ตํ เอกสฺส คงฺเคยฺยสฺสาติ เอวํ ทสคุณิตาย คณนาย ปกติหตฺถีนํ โกฏิสหสฺสพลปฺปมาณํ สรีรพลํ. ตํ สพฺพมฺปิ ตสฺมึ ทิวเส ปจฺฉาภตฺตโต ปฏฺาย จงฺควาเร ปกฺขิตฺตอุทกํ วิย ปริกฺขยํ คตํ. ปาวาย ติคาวุเต กุสินารา. เอตสฺมึ อนฺตเร ปฺจวีสติยา าเนสุ นิสีทิตฺวา มหนฺตํ อุสฺสาหํ กตฺวา อาคจฺฉนฺโต สูริยตฺถงฺคมนเวลาย ภควา กุสินารํ ปาปุณีติ เอวํ ‘‘โรโค นาม สพฺพํ อาโรคฺยํ มทฺทนฺโต อาคจฺฉตี’’ติ อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺโต สเทวกสฺส โลกสฺส สํเวคกรํ วาจํ ภาสนฺโต ‘‘กิลนฺโตสฺมิ, จุนฺทก, นิปชฺชิสฺสามี’’ติ อาห.
สีหเสยฺยนฺติ เอตฺถ กามโภคีเสยฺยา เปตเสยฺยา ตถาคตเสยฺยา สีหเสยฺยาติ จตสฺโส เสยฺยา. ตตฺถ ‘‘เยภุยฺเยน, ภิกฺขเว, กามโภคี วาเมน ปสฺเสน เสยฺยํ กปฺเปนฺตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๔๖) อยํ กามโภคีเสยฺยา. ‘‘เยภุยฺเยน ¶ , ภิกฺขเว, เปตา อุตฺตานา เสนฺตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๔๖) อยํ เปตเสยฺยา. จตุตฺถชฺฌานํ ตถาคตเสยฺยา. ‘‘สีโห, ภิกฺขเว, มิคราชา ทกฺขิเณน ปสฺเสน เสยฺยํ กปฺเปตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๔๖) อยํ สีหเสยฺยา. อยฺหิ เตชุสฺสทอิริยาปถตฺตา อุตฺตมเสยฺยา นาม. เตน วุตฺตํ – ‘‘ทกฺขิเณน ปสฺเสน สีหเสยฺยํ กปฺเปสี’’ติ. ปาเท ปาทนฺติ ทกฺขิณปาเท วามปาทํ. อจฺจาธายาติ อติอาธาย, โคปฺผกํ อติกฺกมฺม เปตฺวา. โคปฺผเกน หิ โคปฺผเก, ชาณุนา ชาณุมฺหิ สงฺฆฏฺฏิยมาเน อภิณฺหํ เวทนา อุปฺปชฺชนฺติ ¶ , เสยฺยา ผาสุกา น โหติ. ยถา ปน น สงฺฆฏฺเฏติ, เอวํ อติกฺกมฺม ปิเต เวทนา นุปฺปชฺชนฺติ, เสยฺยา ผาสุกา โหติ. ตสฺมา เอวํ นิปชฺชิ.
คนฺตฺวาน พุทฺโธติ อิมา คาถา อปรภาเค ธมฺมสงฺคาหเกหิ ปิตา. ตตฺถ นทิกนฺติ นทึ. อปฺปฏิโมธ โลเกติ อปฺปฏิโม อิธ อิมสฺมึ สเทวเก โลเก. นฺหตฺวา จ ปิวิตฺวา จุทตารีติ คตฺตานํ สีติกรณวเสน นฺหตฺวา จ ปานียํ ปิวิตฺวา จ นทิโต อุตฺตริ. ตทา กิร ภควติ นฺหายนฺเต อนฺโตนทิยํ มจฺฉกจฺฉปา, อุทกํ, อุโภสุ ตีเรสุ วนสณฺโฑ, สพฺโพ จ โส ภูมิภาโคติ สพฺพํ สุวณฺณวณฺณเมว อโหสิ. ปุรกฺขโตติ คุณวิสิฏฺสตฺตุตฺตมครุภาวโต สเทวเกน โลเกน ปูชาสมฺมานวเสน ปุรกฺขโต. ภิกฺขุคณสฺส มชฺเฌติ ภิกฺขุสงฺฆสฺส มชฺเฌ. ตทา ภิกฺขู ภควโต เวทนานํ อธิมตฺตภาวํ วิทิตฺวา อาสนฺนา หุตฺวา สมนฺตโต ปริวาเรตฺวาว คจฺฉนฺติ. สตฺถาติ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺเถหิ สตฺตานํ อนุสาสนโต สตฺถา. ปวตฺตา ภควา อิธ ¶ ธมฺเมติ ภาคฺยวนฺตตาทีหิ ภควา อิธ สีลาทิสาสนธมฺเม ปวตฺตา, ธมฺเม วา จตุราสีติธมฺมกฺขนฺธสหสฺสานิ ปวตฺตา ปวตฺเตตา. อมฺพวนนฺติ ตสฺสา เอว นทิยา ตีเร อมฺพวนํ. อามนฺตยิ จุนฺทกนฺติ ตสฺมึ กิร ขเณ อายสฺมา อานนฺโท อุทกสาฏิกํ ปีเฬนฺโต โอหียิ, จุนฺทกตฺเถโร สมีเป อโหสิ. ตสฺมา ¶ ตํ ภควา อามนฺตยิ. ปมุเข นิสีทีติ วตฺตสีเสน สตฺถุ ปุรโต นิสีทิ ‘‘กึ นุ โข สตฺถา อาณาเปตี’’ติ. เอตฺตาวตา ธมฺมภณฺฑาคาริโก อนุปฺปตฺโต. เอวํ อนุปฺปตฺตํ อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามนฺเตสิ.
อุปทเหยฺยาติ อุปฺปาเทยฺย, วิปฺปฏิสารสฺส อุปฺปาทโก โกจิ ปุริโส สิยา อปิ ภเวยฺย. อลาภาติ เย อฺเสํ ทานํ ททนฺตานํ ทานานิสํสสงฺขาตา ลาภา โหนฺติ, เต อลาภา. ทุลฺลทฺธนฺติ ปฺุวิเสเสน ลทฺธมฺปิ มนุสฺสตฺตํ ทุลฺลทฺธํ. ยสฺส เตติ ยสฺส ตว. อุตฺตณฺฑุลํ วา อติกิลินฺนํ วา โก ตํ ชานาติ, กีทิสมฺปิ ปจฺฉิมํ ปิณฺฑปาตํ ภฺุชิตฺวา ตถาคโต ปรินิพฺพุโต, อทฺธา เตน ยํ วา ตํ วา ทินฺนํ ภวิสฺสตีติ. ลาภาติ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกา ทานานิสํสสงฺขาตา ลาภา. สุลทฺธนฺติ ตุยฺหํ มนุสฺสตฺตํ สุลทฺธํ. สมฺมุขาติ สมฺมุขโต, น อนุสฺสเวน น ปรมฺปรายาติ อตฺโถ. เมตนฺติ เม เอตํ มยา เอตํ. ทฺเวเมติ ทฺเว อิเม. สมสมผลาติ สพฺพากาเรน สมานผลา.
นนุ ¶ จ ยํ สุชาตาย ทินฺนํ ปิณฺฑปาตํ ภฺุชิตฺวา ตถาคโต อภิสมฺพุทฺโธ, ตํ กิเลสานํ อปฺปหีนกาเล ทานํ, อิทํ ปน จุนฺทสฺส ทานํ ขีณาสวกาเล, กสฺมา เอตานิ สมผลานีติ? ปรินิพฺพานสมตาย สมาปตฺติสมตาย อนุสฺสรณสมตาย จ. ภควา หิ สุชาตาย ทินฺนํ ปิณฺฑปาตํ ภฺุชิตฺวา สอุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพุโต, จุนฺเทน ทินฺนํ ภฺุชิตฺวา อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพุโตติ เอวํ ปรินิพฺพานสมตายปิ สมผลานิ. อภิสมฺพุชฺฌนทิวเส จ อคฺคมคฺคสฺส เหตุภูตา จตุวีสติโกฏิสตสหสฺสสงฺขา สมาปตฺติโย สมาปชฺชิ, ปรินิพฺพานทิวเสปิ สพฺพา ตา สมาปชฺชิ. เอวํ สมาปตฺติสมตายปิ สมผลานิ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –
‘‘ยสฺส เจตํ ปิณฺฑปาตํ ¶ ปริภฺุชิตฺวา อนุตฺตรํ อปฺปมาณํ เจโตสมาธึ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, อปฺปมาโณ ตสฺส ปฺุาภิสนฺโท กุสลาภิสนฺโท’’ติอาทิ. –
สุชาตา จ อปรภาเค อสฺโสสิ ‘‘น กิร สา รุกฺขเทวตา, โพธิสตฺโต กิเรส, ตํ กิร ปิณฺฑปาตํ ปริภฺุชิตฺวา อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธ, สตฺตสตฺตาหํ กิรสฺส เตน ยาปนา ¶ อโหสี’’ติ. ตสฺสา อิทํ สุตฺวา ‘‘ลาภา วต เม’’ติ อนุสฺสรนฺติยา พลวปีติโสมนสฺสํ อุทปาทิ. จุนฺทสฺสปิ อปรภาเค ‘‘อวสานปิณฺฑปาโต กิร มยา ทินฺโน, ธมฺมสีสํ กิร มยา คหิตํ, มยฺหํ กิร ปิณฺฑปาตํ ปริภฺุชิตฺวา สตฺถา อตฺตนา จิรกาลาภิปตฺถิตาย อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพุโต’’ติ สุตฺวา ‘‘ลาภา วต เม’’ติ อนุสฺสรโต พลวปีติโสมนสฺสํ อุทปาทิ. เอวํ อนุสฺสรณสมตายปิ สมผลานิ ทฺเวปิ ปิณฺฑปาตทานานีติ เวทิตพฺพานิ.
อายุสํวตฺตนิกนฺติ ทีฆายุกสํวตฺตนิกํ. อุปจิตนฺติ ปสุตํ อุปฺปาทิตํ. ยสสํวตฺตนิกนฺติ ปริวารสํวตฺตนิกํ. อาธิปเตยฺยสํวตฺตนิกนฺติ เสฏฺภาวสํวตฺตนิกํ.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ ทานสฺส มหปฺผลตฺเจว สีลาทิคุเณหิ อตฺตโน จ อนุตฺตรทกฺขิเณยฺยภาวํ อนุปาทาปรินิพฺพานฺจาติ ติวิธมฺปิ อตฺถํ สพฺพาการโต วิทิตฺวา ตทตฺถทีปนํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ ¶ ททโต ปฺุํ ปวฑฺฒตีติ ทานํ เทนฺตสฺส จิตฺตสมฺปตฺติยา จ ทกฺขิเณยฺยสมฺปตฺติยา จ ทานมยํ ปฺุํ อุปจียติ, มหปฺผลตรฺจ มหานิสํสตรฺจ โหตีติ อตฺโถ. อถ วา ททโต ปฺุํ ปวฑฺฒตีติ เทยฺยธมฺมํ ปริจฺจชนฺโต ปริจฺจาคเจตนาย พหุลีกตาย อนุกฺกเมน สพฺพตฺถ อนาปตฺติพหุโล สุวิสุทฺธสีลํ รกฺขิตฺวา สมถวิปสฺสนฺจ ภาเวตุํ สกฺโกตีติ ตสฺส ทานาทิวเสน ติวิธมฺปิ ปฺุํ อภิวฑฺฒตีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. สํยมโตติ ¶ สีลสํยเมน สํยมนฺตสฺส, สํวเร ิตสฺสาติ อตฺโถ. เวรํ น จียตีติ ปฺจวิธเวรํ น ปวฑฺฒติ, อโทสปธานตฺตา วา อธิสีลสฺส กายวาจาจิตฺเตหิ สยํมนฺโต สุวิสุทฺธสีโล ขนฺติพหุลตาย เกนจิ เวรํ น กโรติ, กุโต ตสฺส อุปจโย. ตสฺมา ตสฺส สํยมโต สํยมนฺตสฺส, สํยมเหตุ วา เวรํ น จียติ. กุสโล จ ชหาติ ปาปกนฺติ กุสโล ปน าณสมฺปนฺโน สุวิสุทฺธสีเล ปติฏฺิโต อฏฺตึสาย อารมฺมเณสุ อตฺตโน อนุรูปํ กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อุปจารปฺปนาเภทํ ฌานํ สมฺปาเทนฺโต ปาปกํ ลามกํ กามจฺฉนฺทาทิอกุสลํ วิกฺขมฺภนวเสน ชหาติ ปริจฺจชติ. โส ตเมว ฌานํ ปาทกํ กตฺวา สงฺขาเรสุ ขยวยํ ปฏฺเปตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อริยมคฺเคน อนวเสสํ ปาปกํ ลามกํ อกุสลํ สมุจฺเฉทวเสน ชหาติ. ราคโทสโมหกฺขยา ส นิพฺพุโตติ โส เอวํ ปาปกํ ปชหิตฺวา ราคาทีนํ ขยา อนวเสสกิเลสนิพฺพาเนน, ตโต ปรํ ขนฺธนิพฺพาเนน จ นิพฺพุโต ¶ โหตีติ เอวํ ภควา จุนฺทสฺส จ ทกฺขิณสมฺปตฺตึ, อตฺตโน จ ทกฺขิเณยฺยสมฺปตฺตึ นิสฺสาย ปีติเวควิสฺสฏฺํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ปฺจมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. ปาฏลิคามิยสุตฺตวณฺณนา
๗๖. ฉฏฺเ มคเธสูติ มคธรฏฺเ. มหตาติ อิธาปิ คุณมหตฺเตนปิ อปริจฺฉินฺนสงฺขฺยตฺตา คณนมหตฺเตนปิ มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน. ปาฏลิคาโมติ เอวํนามโก มคธรฏฺเ เอโก คาโม. ตสฺส กิร คามสฺส มาปนทิวเส ¶ คามคฺคหณฏฺาเน ทฺเว ตโย ปาฏลงฺกุรา ปถวิโต อุพฺภิชฺชิตฺวา ¶ นิกฺขมึสุ. เตน ตํ ‘‘ปาฏลิคาโม’’ตฺเวว โวหรึสุ. ตทวสรีติ ตํ ปาฏลิคามํ อวสริ อนุปาปุณิ. กทา ปน ภควา ปาฏลิคามํ อนุปาปุณิ? เหฏฺา วุตฺตนเยน สาวตฺถิยํ ธมฺมเสนาปติโน เจติยํ การาเปตฺวา ตโต นิกฺขมิตฺวา ราชคเห วสนฺโต ตตฺถ อายสฺมโต มหาโมคฺคลฺลานสฺส จ เจติยํ การาเปตฺวา ตโต นิกฺขมิตฺวา อมฺพลฏฺิกายํ วสิตฺวา อตุริตจาริกาวเสน ชนปทจาริกํ จรนฺโต ตตฺถ ตตฺถ เอกรตฺติวาเสน วสิตฺวา โลกํ อนุคฺคณฺหนฺโต อนุกฺกเมน ปาฏลิคามํ อนุปาปุณิ.
ปาฏลิคามิยาติ ปาฏลิคามวาสิโน อุปาสกา. เต กิร ภควโต ปมทสฺสเนน เกจิ สรเณสุ, เกจิ สีเลสุ, เกจิ สรเณสุ จ สีเลสุ จ ปติฏฺิตา. เตน วุตฺตํ ‘‘อุปาสกา’’ติ. เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสูติ ปาฏลิคาเม กิร อชาตสตฺตุโน ลิจฺฉวิราชูนฺจ มนุสฺสา กาเลน กาลํ คนฺตฺวา เคหสามิเก เคหโต นีหริตฺวา มาสมฺปิ อฑฺฒมาสมฺปิ วสนฺติ. เตน ปาฏลิคามวาสิโน มนุสฺสา นิจฺจุปทฺทุตา ‘‘เอเตสฺเจว อาคตกาเล วสนฏฺานํ ภวิสฺสตี’’ติ เอกปสฺเส อิสฺสรานํ ภณฺฑปฺปฏิสามนฏฺานํ, เอกปสฺเส วสนฏฺานํ, เอกปสฺเส อาคนฺตุกานํ อทฺธิกมนุสฺสานํ, เอกปสฺเส ทลิทฺทานํ กปณมนุสฺสานํ, เอกปสฺเส คิลานานํ วสนฏฺานํ ภวิสฺสตีติ สพฺเพสํ อฺมฺํ อฆฏฺเฏตฺวา วสนปฺปโหนกํ นครมชฺเฌ มหาสาลํ กาเรสุํ, ตสฺสา นามํ อาวสถาคารนฺติ. ตํ ทิวสฺจ นิฏฺานํ อคมาสิ. เต ตตฺถ คนฺตฺวา หตฺถกมฺมสุธากมฺมจิตฺตกมฺมาทิวเสน สุปรินิฏฺิตํ สุสชฺชิตํ เทววิมานสทิสํ ตํ ทฺวารโกฏฺกโต ปฏฺาย โอโลเกตฺวา ‘‘อิทํ อาวสถาคารํ อติวิย มโนรมํ สสฺสิริกํ, เกน นุ ¶ โข ปมํ ปริภุตฺตํ อมฺหากํ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย อสฺสา’’ติ จินฺเตสุํ, ตสฺมึเยว จ ขเณ ‘‘ภควา ตํ คามํ อนุปฺปตฺโต’’ติ อสฺโสสุํ. เตน เต อุปฺปนฺนปีติโสมนสฺสา ‘‘อมฺเหหิ ภควา คนฺตฺวาปิ ¶ อาเนตพฺโพ สิยา, โส ปน สยเมว อมฺหากํ วสนฏฺานํ สมฺปตฺโต, อชฺช มยํ ภควนฺตํ อิธ วสาเปตฺวา ปมํ ปริภฺุชาเปสฺสาม ตถา ภิกฺขุสงฺฆํ, ภิกฺขุสงฺเฆ อาคเต เตปิฏกํ พุทฺธวจนํ อาคตเมว ภวิสฺสติ, สตฺถารํ มงฺคลํ วทาเปสฺสาม, ธมฺมํ กถาเปสฺสาม. อิติ ตีหิ รตเนหิ ปริภุตฺเต ปจฺฉา อมฺหากฺจ ปเรสฺจ ปริโภโค ภวิสฺสติ, เอวํ โน ทีฆรตฺตํ ¶ หิตาย สุขาย ภวิสฺสตี’’ติ สนฺนิฏฺานํ กตฺวา เอตทตฺถเมว ภควนฺตํ อุปสงฺกมึสุ. ตสฺมา เอวมาหํสุ – ‘‘อธิวาเสตุ โน, ภนฺเต ภควา, อาวสถาคาร’’นฺติ.
เยน อาวสถาคารํ เตนุปสงฺกมึสูติ กิฺจาปิ ตํ ตํ ทิวสเมว ปรินิฏฺิตตฺตา เทววิมานํ วิย สุสชฺชิตํ สุปฏิชคฺคิตํ, พุทฺธารหํ ปน กตฺวา น ปฺตฺตํ, ‘‘พุทฺธา นาม อรฺชฺฌาสยา อรฺารามา, อนฺโตคาเม วเสยฺยุํ วา โน วา, ตสฺมา ภควโต รุจึ ชานิตฺวาว ปฺาเปสฺสามา’’ติ จินฺเตตฺวา เต ภควนฺตํ อุปสงฺกมึสุ, อิทานิ ภควโต รุจึ ชานิตฺวา ตถา ปฺาเปตุกามา เยน อาวสถาคารํ เตนุปสงฺกมึสุ. สพฺพสนฺถรึ อาวสถาคารํ สนฺถริตฺวาติ ยถา สพฺพเมว สนฺถตํ โหติ, เอวํ ตํ สนฺถริตฺวา สพฺพปมํ ตาว ‘‘โคมยํ นาม สพฺพมงฺคเลสุ วตฺตตี’’ติ สุธาปริกมฺมกตมฺปิ ภูมึ อลฺลโคมเยน โอปฺุชาเปตฺวา ปริสุกฺขภาวํ ตฺวา ยถา อกฺกนฺตฏฺาเน ปทํ น ปฺายติ, เอวํ จตุชฺชาติยคนฺเธหิ ลิมฺเปตฺวา อุปริ นานาวณฺณกฏสารเก สนฺถริตฺวา เตสํ อุปริ มหาปิฏฺิกโกชวาทึ กตฺวา หตฺถตฺถรณาทีหิ นานาวณฺเณหิ อตฺถรเณหิ สนฺถริตพฺพยุตฺตกํ สพฺโพกาสํ สนฺถราเปสุํ. เตน วุตฺตํ – ‘‘สพฺพสนฺถรึ อาวสถาคารํ สนฺถริตฺวา’’ติ.
อาสนานฺหิ มชฺฌฏฺาเน ตาว มงฺคลถมฺภํ นิสฺสาย มหารหํ พุทฺธาสนํ ปฺาเปตฺวา ตตฺถ ยํ ยํ มุทุกฺจ มโนรมฺจ ปจฺจตฺถรณํ, ตํ ตํ ปจฺจตฺถริตฺวา อุภโตโลหิตกํ มนฺุทสฺสนํ อุปธานํ ¶ อุปทหิตฺวา อุปริ สุวณฺณรชตตารกาวิจิตฺตํ วิตานํ พนฺธิตฺวา คนฺธทามปุปฺผทามาทีหิ อลงฺกริตฺวา สมนฺตา ทฺวาทสหตฺเถ าเน ปุปฺผชาลํ กาเรตฺวา ตึสหตฺถมตฺตฏฺานํ ปฏสาณิยา ปริกฺขิปาเปตฺวา ปจฺฉิมภิตฺตึ นิสฺสาย ภิกฺขุสงฺฆสฺส ปลฺลงฺกอปสฺสยมฺจปีาทีนิ ปฺาเปตฺวา อุปริ เสตปจฺจตฺถรเณหิ ปจฺจตฺถราเปตฺวา สาลาย ปาจีนปสฺสํ อตฺตโน นิสชฺชาโยคฺคํ กาเรสุํ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อาสนานิ ปฺาเปตฺวา’’ติ.
อุทกมณิกนฺติ มหากุจฺฉิกํ อุทกจาฏึ. เอวํ ภควา ภิกฺขุสงฺโฆ จ ยถารุจิยา หตฺถปาเท ¶ โธวิสฺสนฺติ, มุขํ วิกฺขาเลสฺสนฺตีติ เตสุ เตสุ าเนสุ มณิวณฺณสฺส อุทกสฺส ปูเรตฺวา วาสตฺถาย นานาปุปฺผานิ เจว อุทกวาสจุณฺณานิ จ ปกฺขิปิตฺวา กทลิปณฺเณหิ ปิทหิตฺวา ปติฏฺเปสุํ. เตน วุตฺตํ ‘‘อุทกมณิกํ ปติฏฺาเปตฺวา’’ติ.
เตลปฺปทีปํ ¶ อาโรเปตฺวาติ รชตสุวณฺณาทิมยทณฺฑทีปิกาสุ โยธกรูปวิลาสขจิตรูปกาทีนํ หตฺเถ ปิตสุวณฺณรชตาทิมยกปลฺลิกาสุ เตลปฺปทีปํ ชาลยิตฺวา. เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสูติ เอตฺถ ปน เต ปาฏลิคามิยา อุปาสกา น เกวลํ อาวสถาคารเมว, อถ โข สกลสฺมิมฺปิ คาเม วีถิโย สชฺชาเปตฺวา ธเช อุสฺสาเปตฺวา เคหทฺวาเรสุ ปุณฺณฆเฏ กทลิโย จ ปาเปตฺวา สกลคามํ ทีปมาลาหิ วิปฺปกิณฺณตารกํ วิย กตฺวา ‘‘ขีรปเก ทารเก ขีรํ ปาเยถ, ทหรกุมาเร ลหุํ ลหุํ โภเชตฺวา สยาเปถ, อุจฺจาสทฺทํ มา กริตฺถ, อชฺช เอกรตฺตึ สตฺถา อนฺโตคาเม วสิสฺสติ, พุทฺธา นาม อปฺปสทฺทกามา โหนฺตี’’ติ เภรึ จราเปตฺวา สยํ ¶ ทณฺฑทีปิกา อาทาย เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ.
อถ โข ภควา นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆน เยน อาวสถาคารํ เตนุปสงฺกมีติ ‘‘ยสฺส ทานิ, ภนฺเต, ภควา กาลํ มฺตี’’ติ เอวํ กิร เตหิ กาเล อาโรจิเต ภควา ลาขารเสน ตินฺตรตฺตโกวิฬารปุปฺผวณฺณํ รตฺตทุปฏฺฏํ กตฺตริยา ปทุมํ กนฺเตนฺโต วิย, สํวิธาย ติมณฺฑลํ ปฏิจฺฉาเทนฺโต นิวาเสตฺวา สุวณฺณปามงฺเคน ปทุมกลาปํ ปริกฺขิปนฺโต วิย, วิชฺชุลตาสสฺสิริกํ กายพนฺธนํ พนฺธิตฺวา รตฺตกมฺพเลน คชกุมฺภํ ปริโยนนฺธนฺโต วิย, รตนสตุพฺเพเธ สุวณฺณคฺฆิเก ปวาฬชาลํ ขิปมาโน วิย, มหติ สุวณฺณเจติเย รตฺตกมฺพลกฺจุกํ ปฏิมฺุจนฺโต วิย, คจฺฉนฺตํ ปุณฺณจนฺทํ รตฺตวลาหเกน ปฏิจฺฉาเทนฺโต วิย, กฺจนคิริมตฺถเก สุปกฺกลาขารสํ ปริสิฺจนฺโต วิย, จิตฺตกูฏปพฺพตมตฺถกํ วิชฺชุลตาชาเลน ปริกฺขิปนฺโต วิย, สกลจกฺกวาฬสิเนรุยุคนฺธรมหาปถวึ จาเลตฺวา คหิตนิคฺโรธปลฺลวสมานวณฺณํ สุรตฺตวรปํสุกูลํ ปารุปิตฺวา วนคหนโต นิกฺขนฺตเกสรสีโห วิย, สมนฺตโต อุทยปพฺพตกูฏโต ปุณฺณจนฺโท วิย, พาลสูริโย วิย จ อตฺตนา นิสินฺนจารุมณฺฑปโต นิกฺขมิ.
อถสฺส กายโต เมฆมุขโต วิชฺชุกลาปา วิย รสฺมิโย นิกฺขมิตฺวา สุวณฺณรสธาราปริเสกปิฺชรปตฺตปุปฺผผลสาขาวิฏเป วิย สมนฺตโต รุกฺเข กรึสุ. ตาวเทว อตฺตโน อตฺตโน ปตฺตจีวรมาทาย มหาภิกฺขุสงฺโฆ ภควนฺตํ ปริวาเรสิ. เต จ นํ ปริวาเรตฺวา ิตา ภิกฺขู ¶ เอวรูปา อเหสุํ อปฺปิจฺฉา สนฺตุฏฺา ปวิวิตฺตา อสํสฏฺา อารทฺธวีริยา วตฺตาโร วจนกฺขมา ¶ โจทกา ปาปครหิโน สีลสมฺปนฺนา สมาธิสมฺปนฺนา ปฺาสมฺปนฺนา วิมุตฺติสมฺปนฺนา วิมุตฺติาณทสฺสนสมฺปนฺนา. เตหิ ปริวุโต ภควา รตฺตกมฺพลปริกฺขิตฺโต วิย สุวณฺณกฺขนฺโธ, นกฺขตฺตปริวาริโต วิย ปุณฺณจนฺโท, รตฺตปทุมวนสณฺฑมชฺฌคตา ¶ วิย สุวณฺณนาวา, ปวาฬเวทิกปริกฺขิตฺโต วิย สุวณฺณปาสาโท วิโรจิตฺถ. มหากสฺสปปฺปมุขา ปน มหาเถรา เมฆวณฺณํ ปํสุกูลจีวรํ ปารุปิตฺวา มณิวมฺมวมฺมิตา วิย มหานาคา ปริวารยึสุ วนฺตราคา ภินฺนกิเลสา วิชฏิตชฏา ฉินฺนพนฺธนา กุเล วา คเณ วา อลคฺคา.
อิติ ภควา สยํ วีตราโค วีตราเคหิ, วีตโทโส วีตโทเสหิ, วีตโมโห วีตโมเหหิ, นิตฺตณฺโห นิตฺตณฺเหหิ, นิกฺกิเลโส นิกฺกิเลเสหิ, สยํ พุทฺโธ อนุพุทฺเธหิ ปริวาริโต ปตฺตปริวาริตํ วิย เกสรํ, เกสรปริวาริตา วิย กณฺณิกา, อฏฺนาคสหสฺสปริวาริโต วิย ฉทฺทนฺโต นาคราชา, นวุติหํสสหสฺสปริวาริโต วิย ธตรฏฺโ หํสราชา, เสนงฺคปริวาริโต วิย จกฺกวตฺติราชา, มรุคณปริวาริโต วิย สกฺโก เทวราชา, พฺรหฺมคณปริวาริโต วิย หาริตมหาพฺรหฺมา, ตาราคณปริวาริโต วิย ปุณฺณจนฺโท, อนุปเมน พุทฺธเวเสน อปริมาเณน พุทฺธวิลาเสน ปาฏลิคามินํ มคฺคํ ปฏิปชฺชิ.
อถสฺส ปุรตฺถิมกายโต สุวณฺณวณฺณา ฆนพุทฺธรสฺมิโย อุฏฺหิตฺวา อสีติหตฺถฏฺานํ อคฺคเหสุํ, ตถา ปจฺฉิมกายโต ทกฺขิณปสฺสโต วามปสฺสโต สุวณฺณวณฺณา ฆนพุทฺธรสฺมิโย อุฏฺหิตฺวา อสีติหตฺถฏฺานํ อคฺคเหสุํ, อุปริเกสนฺตโต ปฏฺาย สพฺพเกสาวฏฺเฏหิ โมรคีวราชวณฺณา อสิตา ฆนพุทฺธรสฺมิโย อุฏฺหิตฺวา คคนตเล อสีติหตฺถฏฺานํ อคฺคเหสุํ, เหฏฺาปาทตเลหิ ปวาฬวณฺณา รสฺมิโย อุฏฺหิตฺวา ฆนปถวิยํ อสีติหตฺถฏฺานํ อคฺคเหสุํ, ทนฺตโต อกฺขีนํ เสตฏฺานโต, นขานํ มํสวิมุตฺตฏฺานโต โอทาตา ฆนพุทฺธรสฺมิโย อุฏฺหิตฺวา อสีติหตฺถฏฺานํ อคฺคเหสุํ, รตฺตปีตวณฺณานํ สมฺภินฺนฏฺานโต มฺเชฏฺวณฺณา รสฺมิโย อุฏฺหิตฺวา อสีติหตฺถฏฺานํ อคฺคเหสุํ, สพฺพตฺถกเมว ปภสฺสรา รสฺมิโย อุฏฺหึสุ. เอวํ สมนฺตา อสีติหตฺถฏฺานํ ฉพฺพณฺณา พุทฺธรสฺมิโย วิชฺโชตมานา วิปฺผนฺทมานา วิธาวมานา กฺจนทณฺฑทีปิกาทีหิ ¶ นิจฺฉริตฺวา อากาสํ ปกฺขนฺทมานา มหาปทีปชาลา วิย, จาตุทฺทีปิกมหาเมฆโต นิกฺขนฺตวิชฺชุลตา ¶ วิย จ ทิโสทิสํ ปกฺขนฺทึสุ. ยาหิ สพฺเพ ทิสาภาคา สุวณฺณจมฺปกปุปฺเผหิ วิกิริยมานา วิย, สุวณฺณฆฏโต สุวณฺณรสธาราหิ อาสิฺจิยมานา วิย, ปสาริตสุวณฺณปฏปริกฺขิตฺตา วิย, เวรมฺภวาเตน สมุทฺธตกึสุกกณิการโกวิฬารปุปฺผจุณฺณสโมกิณฺณา วิย, จีนปิฏฺจุณฺณสมฺปริรฺชิตา วิย จ วิโรจึสุ.
ภควโตปิ ¶ อสีติอนุพฺยฺชนพฺยามปฺปภาปริกฺเขปสมุชฺชลํ ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณปฺปฏิมณฺฑิตํ สรีรํ อพฺภมหิกาทิอุปกฺกิเลสวิมุตฺตํ สมุชฺชลนฺตตารกาวภาสิตํ วิย, คคนตลํ วิกสิตํ วิย ปทุมวนํ, สพฺพปาลิผุลฺโล วิย โยชนสติโก ปาริจฺฉตฺตโก, ปฏิปาฏิยา ปิตานํ ทฺวตฺตึสสูริยานํ ทฺวตฺตึสจนฺทิมานํ ทฺวตฺตึสจกฺกวตฺตีนํ ทฺวตฺตึสเทวราชานํ ทฺวตฺตึสมหาพฺรหฺมานํ สิริยา สิรึ อภิภวมานํ วิย วิโรจิตฺถ, ยถา ตํ ทสหิ ปารมีหิ ทสหิ อุปปารมีหิ ทสหิ ปรมตฺถปารมีหีติ สมฺมเทว ปริปูริตาหิ สมตึสปารมิตาหิ อลงฺกตํ กปฺปสตสหสฺสาธิกานิ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ ทินฺเนน ทาเนน รกฺขิเตน สีเลน กเตน กลฺยาณกมฺเมน เอกสฺมึ อตฺตภาเว สโมสริตฺวา วิปากํ ทาตุํ โอกาสํ อลภมาเนน สมฺพาธปฺปตฺตํ วิย นิพฺพตฺติตํ นาวาสหสฺสภณฺฑํ เอกํ นาวํ อาโรปนกาโล วิย, สกฏสหสฺสภณฺฑํ เอกํ สกฏํ อาโรปนกาโล วิย, ปฺจวีสติยา คงฺคานํ สมฺภินฺนมุขทฺวาเร เอกโต ราสิภูตกาโล วิย อโหสิ.
อิมาย พุทฺธสิริยา โอภาสมานสฺสปิ ภควโต ปุรโต อเนกานิ ทณฺฑทีปิกาสหสฺสานิ อุกฺขิปึสุ. ตถา ปจฺฉโต วามปสฺเส ทกฺขิณปสฺเส ชาติกุสุมจมฺปกวนมาลิการตฺตุปฺปลนีลุปฺปลพกุลสินฺทุวาราทิปุปฺผานิ เจว นีลปีตาทิวณฺณสุคนฺธจุณฺณานิ จ จาตุทฺทีปิกมหาเมฆวิสฺสฏฺา สลิลวุฏฺิโย วิย วิปฺปกิรึสุ ¶ . ปฺจงฺคิกตูริยนิคฺโฆสา จ พุทฺธธมฺมสงฺฆคุณาสํยุตฺตา ถุติโฆสา จ สพฺพา ทิสา ปูรยมานา มุขสมฺภาสา วิย อเหสุํ. เทวสุปณฺณนาคยกฺขคนฺธพฺพมนุสฺสานํ อกฺขีนิ อมตปานํ วิย ลภึสุ. อิมสฺมึ ปน าเน ตฺวา ปทสหสฺเสหิ คมนวณฺณนํ วตฺตุํ วฏฺฏติ. ตตฺริยํ มุขมตฺตํ –
‘‘เอวํ ¶ สพฺพงฺคสมฺปนฺโน, กมฺปยนฺโต วสุนฺธรํ;
อเหยนฺโต ปาณานิ, ยาติ โลกวินายโก.
‘‘ทกฺขิณํ ปมํ ปาทํ, อุทฺธรนฺโต นราสโภ;
คจฺฉนฺโต สิริสมฺปนฺโน, โสภเต ทฺวิปทุตฺตโม.
‘‘คจฺฉโต พุทฺธเสฏฺสฺส, เหฏฺา ปาทตลํ มุทุ;
สมํ สมฺผุสเต ภูมึ, รชสานุปลิมฺปติ.
‘‘นินฺนํ ¶ านํ อุนฺนมติ, คจฺฉนฺเต โลกนายเก;
อุนฺนตฺจ สมํ โหติ, ปถวี จ อเจตนา.
‘‘ปาสาณา สกฺขรา เจว, กถลา ขาณุกณฺฏกา;
สพฺเพ มคฺคา วิวชฺชนฺติ, คจฺฉนฺเต โลกนายเก.
‘‘นาติทูเร อุทฺธรติ, นจฺจาสนฺเน จ นิกฺขิปํ;
อฆฏฺฏยนฺโต นิยฺยาติ, อุโภ ชาณู จ โคปฺผเก.
‘‘นาติสีฆํ ปกฺกมติ, สมฺปนฺนจรโณ มุนิ;
น จาปิ สณิกํ ยาติ, คจฺฉมาโน สมาหิโต.
‘‘อุทฺธํ อโธ จ ติริยํ, ทิสฺจ วิทิสํ ตถา;
น เปกฺขมาโน โส ยาติ, ยุคมตฺตํวเปกฺขติ.
‘‘นาควิกฺกนฺตจาโร โส, คมเน โสภเต ชิโน;
จารุํ คจฺฉติ โลกคฺโค, หาสยนฺโต สเทวเก.
‘‘อุสภราชาว โสภนฺโต, จารุจารีว เกสรี;
โตสยนฺโต พหู สตฺเต, คามํ เสฏฺโ อุปาคมี’’ติ. –
วณฺณกาโล ¶ นาม กิเรส. เอวํวิเธสุ กาเลสุ ภควโต สรีรวณฺเณ วา คุณวณฺเณ วา ธมฺมกถิกสฺส ถาโมเยว ปมาณํ, จุณฺณิยปเทหิ คาถาพนฺเธหิ ยตฺตกํ สกฺโกติ, ตตฺตกํ วตฺตพฺพํ. ‘‘ทุกฺกถิต’’นฺติ วา ‘‘อติตฺเถน ปกฺขนฺโท’’ติ วา น วตฺตพฺโพ. อปริมาณวณฺณา หิ พุทฺธา ภควนฺโต, เตสํ พุทฺธาปิ อนวเสสโต วณฺณํ วตฺตุํ อสมตฺถา. สกลมฺปิ หิ กปฺปํ วณฺเณนฺตา ปริโยสาเปตุํ น สกฺโกนฺติ, ปเคว อิตรา ปชาติ. อิมินา สิริวิลาเสน อลงฺกตปฺปฏิยตฺตํ ปาฏลิคามํ ปาวิสิ ¶ , ปวิสิตฺวา ภควา ปสนฺนจิตฺเตน ชเนน ปุปฺผคนฺธธูมวาสจุณฺณาทีหิ ปูชิยมาโน อาวสถาคารํ ปาวิสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข ภควา นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆน เยน อาวสถาคารํ เตนุปสงฺกมี’’ติ.
ปาเท ¶ ปกฺขาเลตฺวาติ ยทิปิ ภควโต ปาเท รโชชลฺลํ น อุปลิมฺปติ, เตสํ ปน อุปาสกานํ กุสลาภิวุทฺธึ อากงฺขนฺโต ปเรสํ ทิฏฺานุคตึ อาปชฺชนตฺถฺจ ภควา ปาเท ปกฺขาเลติ. อปิจ อุปาทินฺนกสรีรํ นาม สีตํ กาตพฺพมฺปิ โหตีติ เอตทตฺถมฺปิ ภควา นฺหานปาทโธวนาทีนิ กโรติเยว. ภควนฺตํเยว ปุรกฺขตฺวาติ ภควนฺตํ ปุรโต กตฺวา. ตตฺถ ภควา ภิกฺขูนฺเจว อุปาสกานฺจ มชฺเฌ นิสินฺโน คนฺโธทเกน นฺหาเปตฺวา ทุกูลจุมฺพฏเกน โวทกํ กตฺวา ชาติหิงฺคุลเกน มชฺชิตฺวา รตฺตกมฺพเลน ปลิเวเตฺวา ปีเ ปิตา รตฺตสุวณฺณฆนปฏิมา วิย อติวิโรจิตฺถ.
อยํ ปเนตฺถ โปราณานํ วณฺณภณนมคฺโค –
‘‘คนฺตฺวาน มณฺฑลมาฬํ, นาควิกฺกนฺตจารโณ;
โอภาสยนฺโต โลกคฺโค, นิสีทิ วรมาสเน.
‘‘ตหึ ¶ นิสินฺโน นรทมฺมสารถิ,
เทวาติเทโว สตปฺุลกฺขโณ;
พุทฺธาสเน มชฺฌคโต วิโรจติ,
สุวณฺณนิกฺขํ วิย ปณฺฑุกมฺพเล.
‘‘เนกฺขํ ชมฺโพนทสฺเสว, นิกฺขิตฺตํ ปณฺฑุกมฺพเล;
วิโรจติ วีตมโล, มณิเวโรจโน ยถา.
‘‘มหาสาโลว สมฺผุลฺโล, เมรุราชาวลงฺกโต;
สุวณฺณยูปสงฺกาโส, ปทุโม โกกนโท ยถา.
‘‘ชลนฺโต ทีปรุกฺโขว, ปพฺพตคฺเค ยถา สิขี;
เทวานํ ปาริฉตฺโตว, สพฺพผุลฺโล วิโรจตี’’ติ.
ปาฏลิคามิเย ¶ อุปาสเก อามนฺเตสีติ ยสฺมา เตสุ อุปาสเกสุ พหู ชนา สีเลสุ ปติฏฺิตา, ตสฺมา ปมํ ตาว สีลวิปตฺติยา อาทีนวํ ปกาเสตฺวา ปจฺฉา สีลสมฺปทาย อานิสํสํ ทสฺเสตุํ, ‘‘ปฺจิเม คหปตโย’’ติอาทินา ธมฺมเทสนตฺถํ อามนฺเตสิ.
ตตฺถ ¶ ทุสฺสีโลติ นิสฺสีโล. สีลวิปนฺโนติ วิปนฺนสีโล ภินฺนสํวโร. เอตฺถ จ ‘‘ทุสฺสีโล’’ติ ปเทน ปุคฺคลสฺส สีลาภาโว วุตฺโต. โส ปนสฺส สีลาภาโว ทุวิโธ อสมาทาเนน วา สมาทินฺนสฺส เภเทน วาติ. เตสุ ปุริโม น ตถา สาวชฺโช, ยถา ทุติโย สาวชฺชตโร. ยถาธิปฺเปตาทีนวนิมิตฺตํ สีลาภาวํ ปุคฺคลาธิฏฺานาย เทสนาย ทสฺเสตุํ, ‘‘สีลวิปนฺโน’’ติ วุตฺตํ. เตน ‘‘ทุสฺสีโล’’ติ ปทสฺส อตฺถํ ทสฺเสติ. ปมาทาธิกรณนฺติ ปมาทการณา. อิทฺจ สุตฺตํ คหฏฺานํ วเสน อาคตํ, ปพฺพชิตานมฺปิ ปน ลพฺภเตว. คหฏฺโ หิ เยน สิปฺปฏฺาเนน ชีวิกํ กปฺเปติ ยทิ กสิยา ยทิ วาณิชฺชาย ยทิ โครกฺเขน, ปาณาติปาตาทิวเสน ปมตฺโต ตํ ตํ ยถากาลํ สมฺปาเทตุํ น สกฺโกติ, อถสฺส กมฺมํ วินสฺสติ. มาฆาตกาเล ¶ ปน ปาณาติปาตาทีนิ กโรนฺโต ทณฺฑวเสน มหตึ โภคชานึ นิคจฺฉติ. ปพฺพชิโต ทุสฺสีโล ปมาทการณา สีลโต พุทฺธวจนโต ฌานโต สตฺตอริยธนโต จ ชานึ นิคจฺฉติ.
ปาปโก กิตฺติสทฺโทติ คหฏฺสฺส ‘‘อสุโก อมุกกุเล ชาโต ทุสฺสีโล ปาปธมฺโม ปริจฺจตฺตอิธโลกปรโลโก สลากภตฺตมตฺตมฺปิ น เทตี’’ติ ปริสมชฺเฌ ปาปโก กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉติ. ปพฺพชิตสฺส ‘‘อสุโก นาม เถโร สตฺถุ สาสเน ปพฺพชิตฺวา นาสกฺขิ สีลานิ รกฺขิตุํ, น พุทฺธวจนํ คเหตุํ, เวชฺชกมฺมาทีหิ ชีวติ, ฉหิ อคารเวหิ สมนฺนาคโต’’ติ เอวํ ปาปโก กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉติ.
อวิสารโทติ คหฏฺโ ตาว อวสฺสํ พหูนํ สนฺนิปาตฏฺาเน ‘‘โกจิ มม กมฺมํ ชานิสฺสติ, อถ มํ นินฺทิสฺสติ, ราชกุลสฺส วา ทสฺเสสฺสตี’’ติ สภโย อุปสงฺกมติ, มงฺกุภูโต ปตฺตกฺขนฺโธ อโธมุโข นิสีทติ, วิสารโท หุตฺวา กเถตุํ น สกฺโกติ. ปพฺพชิโตปิ พหุภิกฺขุสงฺเฆ สนฺนิปติเต ‘‘อวสฺสํ โกจิ มม กมฺมํ ชานิสฺสติ, อถ เม อุโปสถมฺปิ ปวารณมฺปิ เปตฺวา สามฺโต จาเวตฺวา นิกฺกฑฺฒิสฺสตี’’ติ สภโย อุปสงฺกมติ, วิสารโท หุตฺวา กเถตุํ ¶ น สกฺโกติ. เอกจฺโจ ปน ทุสฺสีโลปิ สมาโน สุสีโล วิย จรติ, โสปิ อชฺฌาสเยน มงฺกุ โหติเยว.
สมฺมูฬฺโห กาลํ กโรตีติ ทุสฺสีลสฺส หิ มรณมฺเจ นิปนฺนสฺส ทุสฺสีลกมฺมานิ สมาทาย ปวตฺติตฏฺานานิ อาปาถํ อาคจฺฉนฺติ. โส อุมฺมีเลตฺวา อิธโลกํ, นิมีเลตฺวา ปรโลกํ ปสฺสติ. ตสฺส จตฺตาโร อปายา กมฺมานุรูปํ อุปฏฺหนฺติ, สตฺติสเตน ปหริยมาโน วิย อคฺคิชาลาภิฆาเตน ¶ ฌายมาโน วิย จ โหติ. โส ‘‘วาเรถ, วาเรถา’’ติ วิรวนฺโตว มรติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘สมฺมูฬฺโห กาลํ กโรตี’’ติ.
กายสฺส ¶ เภทาติ อุปาทินฺนกฺขนฺธปริจฺจาคา. ปรํ มรณาติ ตทนนฺตรํ อภินิพฺพตฺตกฺขนฺธคฺคหณา. อถ วา กายสฺส เภทาติ ชีวิตินฺทฺริยสฺส อุปจฺเฉทา. ปรํ มรณาติ จุติโต อุทฺธํ. อปายนฺติอาทิ สพฺพํ นิรยเววจนํ. นิรโย หิ สคฺคโมกฺขเหตุภูตา ปฺุสงฺขาตา อยา อเปตตฺตา, สุขานํ วา อยสฺส, อาคมนสฺส วา อภาวา อปาโย. ทุกฺขสฺส คติ ปฏิสรณนฺติ ทุคฺคติ, โทสพหุลตาย วา ทุฏฺเน กมฺมุนา นิพฺพตฺตา คตีติ ทุคฺคติ. วิวสา นิปตนฺติ เอตฺถ ทุกฺกตการิโนติ วินิปาโต, วินสฺสนฺตา วา เอตฺถ นิปตนฺติ สมฺภิชฺชมานงฺคปจฺจงฺคาติ วินิปาโต. นตฺถิ เอตฺถ อสฺสาทสฺิโต อโยติ นิรโย.
อถ วา อปายคฺคหเณน ติรจฺฉานโยนึ ทีเปติ. ติรจฺฉานโยนิ หิ อปาโย สุคติโต อเปตตฺตา, น ทุคฺคติ มเหสกฺขานํ นาคราชาทีนํ สมฺภวโต. ทุคฺคติคฺคหเณน เปตฺติวิสยํ ทีเปติ. โส หิ อปาโย เจว ทุคฺคติ จ สุคติโต อเปตตฺตา, ทุกฺขสฺส จ คติภูตตฺตา, น ตุ วินิปาโต อสุรสทิสํ อวินิปติตตฺตา เปตมหิทฺธิกานมฺปิ วิชฺชมานตฺตา. วินิปาตคฺคหเณน อสุรกายํ ทีเปติ. โส หิ ยถาวุตฺเตนฏฺเน ‘‘อปาโย’’ เจว ‘‘ทุคฺคติ’’ จ สพฺพสมฺปตฺติสมุสฺสเยหิ วินิปติตตฺตา ‘‘วินิปาโต’’ติ จ วุจฺจติ. นิรยคฺคหเณน อวีจิอาทิกํ อเนกปฺปการํ นิรยเมว ทีเปติ. อุปปชฺชตีติ นิพฺพตฺตติ.
อานิสํสกถา วุตฺตวิปริยาเยน เวทิตพฺพา. อยํ ปน วิเสโส – สีลวาติ สมาทานวเสน สีลวา. สีลสมฺปนฺโนติ ปริสุทฺธํ ปริปุณฺณฺจ กตฺวา ¶ สีลสฺส สมาทาเนน สีลสมฺปนฺโน. โภคกฺขนฺธนฺติ โภคราสึ. สุคตึ สคฺคํ โลกนฺติ เอตฺถ สุคติคฺคหเณน มนุสฺสคติปิ สงฺคยฺหติ, สคฺคคฺคหเณน เทวคติ เอว. ตตฺถ สุนฺทรา คติ สุคติ, รูปาทีหิ วิสเยหิ สุฏฺุ อคฺโคติ สคฺโค, โส สพฺโพปิ ลุชฺชนปลุชฺชนฏฺเน โลโกติ.
ปาฏลิคามิเย ¶ อุปาสเก พหุเทว รตฺตึ ธมฺมิยา กถายาติ อฺายปิ ปาฬิมุตฺตาย ธมฺมกถาย เจว อาวสถานุโมทนกถาย จ. ตทา หิ ภควา ยสฺมา อชาตสตฺตุนา ตตฺถ ปาฏลิปุตฺตนครํ มาเปนฺเตน อฺเสุ คามนิคมชนปทราชธานีสุ เย สีลาจารสมฺปนฺนา กุฏุมฺพิกา, เต อาเนตฺวา ธนธฺฆรวตฺถุเขตฺตวตฺถาทีนิ เจว ปริหารฺจ ทาเปตฺวา นิเวสิยนฺติ. ตสฺมา ปาฏลิคามิยา อุปาสกา อานิสํสทสฺสาวิตาย วิเสสโต สีลครุกา สพฺพคุณานฺจ สีลสฺส ¶ อธิฏฺานภาวโต เตสํ ปมํ สีลานิสํเส ปกาเสตฺวา ตโต ปรํ อากาสคงฺคํ โอตาเรนฺโต วิย, ปถโวชํ อากฑฺฒนฺโต วิย, มหาชมฺพุํ มตฺถเก คเหตฺวา จาเลนฺโต วิย, โยชนิกมธุกณฺฑํ จกฺกยนฺเตน ปีเฬตฺวา มธุรสํ ปายมาโน วิย ปาฏลิคามิกานํ อุปาสกานํ หิตสุขาวหํ ปกิณฺณกกถํ กเถนฺโต ‘‘อาวาสทานํ นาเมตํ คหปตโย มหนฺตํ ปฺุํ, ตุมฺหากํ อาวาโส มยา ปริภุตฺโต, ภิกฺขุสงฺเฆน จ ปริภุตฺโต, มยา จ ภิกฺขุสงฺเฆน จ ปริภุตฺเต ปน ธมฺมรตเนนปิ ปริภุตฺโตเยว โหติ. เอวํ ตีหิ รตเนหิ ปริภุตฺเต อปริเมยฺโย จ วิปาโก, อปิจ อาวาสทานสฺมึ ทินฺเน สพฺพทานํ ทินฺนเมว โหติ, ภูมฏฺกปณฺณสาลาย วา สาขามณฺฑปสฺส วา สงฺฆํ อุทฺทิสฺส กตสฺส อานิสํโส ปริจฺฉินฺทิตุํ น สกฺกา. อาวาสทานานุภาเวน หิ ภเว นิพฺพตฺตมานสฺสปิ สมฺปีฬิตคพฺภวาโส นาม น โหติ, ทฺวาทสหตฺโถ โอวรโก วิยสฺส มาตุกุจฺฉิ อสมฺพาโธว โหตี’’ติ เอวํ นานานเยหิ วิจิตฺตํ พหุํ ธมฺมกถํ กเถตฺวา –
‘‘สีตํ อุณฺหํ ปฏิหนฺติ, ตโต วาฬมิคานิ จ;
สรีสเป จ มกเส, สิสิเร จาปิ วุฏฺิโย.
‘‘ตโต วาตาตโป โฆโร, สฺชาโต ปฏิหฺติ;
เลณตฺถฺจ สุขตฺถฺจ, ฌายิตฺุจ วิปสฺสิตุํ.
‘‘วิหารทานํ ¶ สงฺฆสฺส, อคฺคํ พุทฺเธน วณฺณิตํ;
ตสฺมา ¶ หิ ปณฺฑิโต โปโส, สมฺปสฺสํ อตฺถมตฺตโน.
‘‘วิหาเร การเย รมฺเม, วาสเยตฺถ พหุสฺสุเต;
เตสํ อนฺนฺจ ปานฺจ, วตฺถเสนาสนานิ จ.
‘‘ทเทยฺย อุชุภูเตสุ, วิปฺปสนฺเนน เจตสา;
เต ตสฺส ธมฺมํ เทเสนฺติ, สพฺพทุกฺขาปนูทนํ;
ยํ โส ธมฺมํ อิธฺาย, ปรินิพฺพาติ อนาสโว’’ติ. (จูฬว. ๒๙๕) –
เอวํ อยมฺปิ อาวาสทาเน อานิสํโสติ พหุเทว รตฺตึ อติเรกตรํ ทิยฑฺฒยามํ อาวาสทานานิสํสกถํ ¶ กเถสิ. ตตฺถ อิมา คาถา ตาว สงฺคหํ อารุฬฺหา, ปกิณฺณกธมฺมเทสนา ปน สงฺคหํ นาโรหติ. สนฺทสฺเสตฺวาติอาทีนิ วุตฺตตฺถาเนว.
อภิกฺกนฺตาติ อติกฺกนฺตา ทฺเว ยามา คตา. ยสฺส ทานิ กาลํ มฺถาติ ยสฺส คมนสฺส ตุมฺเห กาลํ มฺถ, คมนกาโล ตุมฺหากํ, คจฺฉถาติ วุตฺตํ โหติ. กสฺมา ปน ภควา เต อุยฺโยเชสีติ? อนุกมฺปาย. ติยามรตฺติฺหิ ตตฺถ นิสีทิตฺวา วีตินาเมนฺตานํ เตสํ สรีเร อาพาโธ อุปฺปชฺเชยฺยาติ, ภิกฺขุสงฺเฆปิ จ วิปฺปภาตสยนนิสชฺชาย โอกาโส ลทฺธุํ วฏฺฏติ, อิติ อุภยานุกมฺปาย อุยฺโยเชสีติ. สฺุาคารนฺติ ปาฏิเยกฺกํ สฺุาคารํ นาม ตตฺถ นตฺถิ. เตน กิร คหปตโย ตสฺเสว อาวสถาคารสฺส เอกปสฺเส ปฏสาณิยา ปริกฺขิปาเปตฺวา กปฺปิยมฺจํ ปฺาเปตฺวา ตตฺถ กปฺปิยปจฺจตฺถรณํ อตฺถริตฺวา อุปริ สุวณฺณรชตตารกาคนฺธมาลาทิปฏิมณฺฑิตํ วิตานํ พนฺธิตฺวา เตลปฺปทีปํ อาโรเปสุํ ‘‘อปฺเปว นาม สตฺถา ธมฺมาสนโต วุฏฺาย โถกํ วิสฺสมิตุกาโม อิธ นิปชฺเชยฺย, เอวํ โน อิทํ อาวสถาคารํ ภควตา จตูหิ อิริยาปเถหิ ปริภุตฺตํ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย ภวิสฺสตี’’ติ. สตฺถาปิ ตเทว สนฺธาย ตตฺถ สงฺฆาฏึ ปฺาเปตฺวา สีหเสยฺยํ กปฺเปสิ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘สฺุาคารํ ปาวิสี’’ติ. ตตฺถ ปาทโธวนฏฺานโต ปฏฺาย ยาว ธมฺมาสนา อคมาสิ, เอตฺตเก าเน คมนํ นิปฺผนฺนํ. ธมฺมาสนํ ปตฺวา ¶ โถกํ อฏฺาสิ, อิทํ ตตฺถ านํ. ภควา ทฺเว ยาเม ธมฺมาสเน นิสีทิ, เอตฺตเก าเน นิสชฺชา นิปฺผนฺนา. อุปาสเก อุยฺโยเชตฺวา ธมฺมาสนโต ¶ โอรุยฺห ยถาวุตฺเต าเน สีหเสยฺยํ กปฺเปสิ. เอวํ ตํ านํ ภควตา จตูหิ อิริยาปเถหิ ปริภุตฺตํ อโหสีติ.
สุนิธวสฺสการาติ สุนิโธ จ วสฺสกาโร จ ทฺเว พฺราหฺมณา. มคธมหามตฺตาติ มคธรฺโ มหาอมจฺจา, มคธรฏฺเ วา มหามตฺตา มหติยา อิสฺสริยมตฺตาย สมนฺนาคตาติ มหามตฺตา. ปาฏลิคาเม นครํ มาเปนฺตีติ ปาฏลิคามสงฺขาเต ภูมิปเทเส นครํ มาเปนฺติ. วชฺชีนํ ปฏิพาหายาติ ลิจฺฉวิราชูนํ อายมุขปฺปจฺฉินฺทนตฺถํ. สหสฺสสหสฺเสวาติ เอเกกวคฺควเสน สหสฺสํ สหสฺสํ หุตฺวา. วตฺถูนีติ ฆรวตฺถูนิ. จิตฺตานิ นมนฺติ นิเวสนานิ มาเปตุนฺติ รฺโ ราชมหามตฺตานฺจ นิเวสนานิ มาเปตุํ วตฺถุวิชฺชาปากานํ จิตฺตานิ นมนฺติ. เต กิร อตฺตโน สิปฺปานุภาเวน เหฏฺาปถวิยํ ตึสหตฺถมตฺเต าเน ‘‘อิธ นาคคฺคาโห, อิธ ยกฺขคฺคาโห, อิธ ภูตคฺคาโห, อิธ ปาสาโณ วา ขาณุโก วา อตฺถี’’ติ ชานนฺติ. เต ตทา สิปฺปํ ชปฺเปตฺวา เทวตาหิ สทฺธึ สมฺมนฺตยมานา วิย มาเปนฺติ.
อถ ¶ วา เนสํ สรีเร เทวตา อธิมุจฺจิตฺวา ตตฺถ ตตฺถ นิเวสนานิ มาเปตุํ จิตฺตํ นาเมนฺติ. ตา จตูสุ โกเณสุ ขาณุเก โกฏฺเฏตฺวา วตฺถุมฺหิ คหิตมตฺเต ปฏิวิคจฺฉนฺติ. สทฺธกุลานํ สทฺธา เทวตา ตถา กโรนฺติ, อสฺสทฺธกุลานํ อสฺสทฺธา เทวตา. กึการณา? สทฺธานฺหิ เอวํ โหติ ‘‘อิธ มนุสฺสา นิเวสนํ มาเปนฺตา ปมํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิสีทาเปตฺวา มงฺคลํ วทาเปสฺสนฺติ, อถ มยํ สีลวนฺตานํ ทสฺสนํ ธมฺมกถํ ปฺหวิสฺสชฺชนํ อนุโมทนํ โสตุํ ลภิสฺสาม, มนุสฺสา จ ทานํ ทตฺวา อมฺหากํ ปตฺตึ ทสฺสนฺตี’’ติ. อสฺสทฺธา เทวตาปิ ‘‘อตฺตโน อิจฺฉานุรูปํ เตสํ ปฏิปตฺตึ ปสฺสิตุํ, กถฺจ โสตุํ ลภิสฺสามา’’ติ ตถา กโรนฺติ.
ตาวตึเสหีติ ¶ ยถา หิ เอกสฺมึ กุเล เอกํ ปณฺฑิตมนุสฺสํ, เอกสฺมิฺจ วิหาเร เอกํ พหุสฺสุตํ ภิกฺขุํ อุปาทาย ‘‘อสุกกุเล มนุสฺสา ปณฺฑิตา, อสุกวิหาเร ภิกฺขู พหุสฺสุตา’’ติ สทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉติ, เอวเมว สกฺกํ เทวราชานํ, วิสฺสกมฺมฺจ เทวปุตฺตํ อุปาทาย ‘‘ตาวตึสา ปณฺฑิตา’’ติ สทฺโท อพฺภุคฺคโต. เตนาห ‘‘ตาวตึเสหี’’ติ. เสยฺยถาปีติอาทินา ¶ เทเวหิ ตาวตึเสหิ สทฺธึ มนฺเตตฺวา วิย สุนิธวสฺสการา นครํ มาเปนฺตีติ ทสฺเสติ.
ยาวตา, อานนฺท, อริยํ อายตนนฺติ ยตฺตกํ อริยมนุสฺสานํ โอสรณฏฺานํ นาม อตฺถิ. ยาวตา วณิปฺปโถติ ยตฺตกํ วาณิชานํ อาหฏภณฺฑสฺส ราสิวเสน กยวิกฺกยฏฺานํ นาม, วาณิชานํ วสนฏฺานํ วา อตฺถิ. อิทํ อคฺคนครนฺติ เตสํ อริยายตนวณิปฺปถานํ อิทํ นครํ อคฺคํ ภวิสฺสติ เชฏฺกํ ปาโมกฺขํ. ปุฏเภทนนฺติ ภณฺฑปุฏเภทนฏฺานํ, ภณฺฑภณฺฑิกานํ โมจนฏฺานนฺติ วุตฺตํ โหติ. สกลชมฺพุทีเป อลทฺธภณฺฑมฺปิ หิ อิเธว ลภิสฺสนฺติ, อฺตฺถ วิกฺกยํ อคจฺฉนฺตาปิ อิเธว วิกฺกยํ คจฺฉิสฺสนฺติ, ตสฺมา อิเธว ปุฏํ ภินฺทิสฺสนฺตีติ อตฺโถ. อายานมฺปิ หิ จตูสุ ทฺวาเรสุ จตฺตาริ, สภายํ เอกนฺติ เอวํ ทิวเส ทิวเส ปฺจสตสหสฺสานิ ตตฺถ อุฏฺหิสฺสนฺติ. ตานิ สภาวานิ อายานีติ ทสฺเสติ.
อคฺคิโต วาติอาทีสุ สมุจฺจยตฺโถ วาสทฺโท, อคฺคินา จ อุทเกน จ มิถุเภเทน จ นสฺสิสฺสตีติ อตฺโถ. ตสฺส หิ เอโก โกฏฺาโส อคฺคินา นสฺสิสฺสติ, นิพฺพาเปตุํ น สกฺขิสฺสนฺติ, เอกํ โกฏฺาสํ คงฺคา คเหตฺวา คมิสฺสติ, เอโก อิมินา อกถิตํ อมุสฺส, อมุนา อกถิตํ อิมสฺส วทนฺตานํ ปิสุณวาจานํ วเสน ภินฺนานํ มนุสฺสานํ อฺมฺเภเทน วินสฺสิสฺสติ. เอวํ วตฺวา ภควา ปจฺจูสกาเล คงฺคาตีรํ คนฺตฺวา กตมุขโธวโน ภิกฺขาจารเวลํ อาคมยมาโน นิสีทิ.
สุนิธวสฺสการาปิ ¶ ‘‘อมฺหากํ ราชา สมณสฺส โคตมสฺส อุปฏฺาโก ¶ , โส อมฺเห อุปคเต ปุจฺฉิสฺสติ ‘สตฺถา กิร ปาฏลิคามํ อคมาสิ, กึ ตสฺส สนฺติกํ อุปสงฺกมิตฺถ, น อุปสงฺกมิตฺถา’ติ. ‘อุปสงฺกมิมฺหา’ติ จ วุตฺเต ‘นิมนฺตยิตฺถ, น นิมนฺตยิตฺถา’ติ ปุจฺฉิสฺสติ. ‘น นิมนฺตยิมฺหา’ติ จ วุตฺเต อมฺหากํ โทสํ อาโรเปตฺวา นิคฺคณฺหิสฺสติ, อิทฺจาปิ มยํ อกตฏฺาเน นครํ มาเปม, สมณสฺส โข ปน โคตมสฺส คตคตฏฺาเน กาฬกณฺณิสตฺตา ปฏิกฺกมนฺติ, ตํ มยํ นครมงฺคลํ วาจาเปสฺสามา’’ติ จินฺเตตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา นิมนฺตยึสุ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข สุนิธวสฺสการา’’ติอาทิ.
ปุพฺพณฺหสมยนฺติ ¶ ปุพฺพณฺเห กาเล. นิวาเสตฺวาติ คามปเวสนนีหาเรน นิวาสนํ นิวาเสตฺวา กายพนฺธนํ พนฺธิตฺวา. ปตฺตจีวรมาทายาติ จีวรํ ปารุปิตฺวา ปตฺตํ หตฺเถน คเหตฺวา.
สีลวนฺเตตฺถาติ สีลวนฺโต เอตฺถ อตฺตโน วสนฏฺาเน. สฺเตติ กายวาจาจิตฺเตหิ สฺเต. ตาสํ ทกฺขิณมาทิเสติ สงฺฆสฺส ทินฺเน จตฺตาโร ปจฺจเย ตาสํ ฆรเทวตานํ อาทิเสยฺย ปตฺตึ ทเทยฺย. ปูชิตา ปูชยนฺตีติ ‘‘อิเม มนุสฺสา อมฺหากํ าตกาปิ น โหนฺติ, เอวมฺปิ โน ปตฺตึ เทนฺตี’’ติ อารกฺขํ สุสํวิหิตํ กโรนฺติ สุฏฺุ อารกฺขํ กโรนฺติ. มานิตา มานยนฺตีติ กาลานุกาลํ พลิกมฺมกรเณน มานิตา ‘‘เอเต มนุสฺสา อมฺหากํ าตกาปิ น โหนฺติ, ตถาปิ จตุปฺจฉมาสนฺตรํ โน พลิกมฺมํ กโรนฺตี’’ติ มาเนนฺติ อุปฺปนฺนปริสฺสยํ หรนฺติ. ตโต นนฺติ ตโต ตํ ปณฺฑิตชาติกํ ปุริสํ. โอรสนฺติ อุเร เปตฺวา วฑฺฒิตํ, ยถา มาตา โอรสํ ปุตฺตํ อนุกมฺปติ, อุปฺปนฺนปริสฺสยหรณตฺถเมวสฺส ยถา วายมติ, เอวํ อนุกมฺปนฺตีติ อตฺโถ. ภทฺรานิ ปสฺสตีติ สุนฺทรานิ ปสฺสติ.
อนุโมทิตฺวาติ เตหิ ตทา ปสุตปฺุสฺส อนุโมทนวเสน ¶ เตสํ ธมฺมกถํ กตฺวา. สุนิธวสฺสการาปิ ‘‘ยา ตตฺถ เทวตา อาสุํ, ตาสํ ทกฺขิณมาทิเส’’ติ ภควโต วจนํ สุตฺวา เทวตานํ ปตฺตึ อทํสุ. ตํ โคตมทฺวารํ นาม อโหสีติ ตสฺส นครสฺส เยน ทฺวาเรน ภควา นิกฺขมิ, ตํ โคตมทฺวารํ นาม อโหสิ. คงฺคาย ปน อุตฺตรณตฺถํ อโนติณฺณตฺตา โคตมติตฺถํ นาม นาโหสิ. ปูราติ ปุณฺณา. สมติตฺติกาติ ตฏสมํ อุทกสฺส ติตฺตา ภริตา. กากเปยฺยาติ ตีเร ิตกาเกหิ ปาตุํ สกฺกุเณยฺยอุทกา. ทฺวีหิปิ ปเทหิ อุภโตกูลสมํ ปริปุณฺณภาวเมว ทสฺเสติ. อุฬุมฺปนฺติ ปารคมนตฺถาย ทารูนิ สงฺฆาเฏตฺวา อาณิโย โกฏฺเฏตฺวา กตํ. กุลฺลนฺติ เวฬุทณฺฑาทิเก วลฺลิอาทีหิ พนฺธิตฺวา กตํ.
เอตมตฺถํ ¶ วิทิตฺวาติ เอตํ มหาชนสฺส คงฺโคทกมตฺตสฺสปิ เกวลํ ตริตุํ อสมตฺถตํ, อตฺตโน ปน ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ อติคมฺภีรวิตฺถตํ สํสารมหณฺณวํ ¶ ตริตฺวา ิตภาวฺจ สพฺพาการโต วิทิตฺวา ตทตฺถปริทีปนํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ อณฺณวนฺติ สพฺพนฺติเมน ปริจฺเฉเทน โยชนมตฺตํ คมฺภีรสฺส จ วิตฺถตสฺส จ อุทกฏฺานสฺเสตํ อธิวจนํ. สรนฺติ สริตฺวา คมนโต อิธ นที อธิปฺเปตา. อิทํ วุตฺตํ โหติ – เย คมฺภีรวิตฺถตํ สํสารณฺณวํ ตณฺหาสริตฺจ ตรนฺติ, เต อริยมคฺคสงฺขาตํ เสตุํ กตฺวาน วิสชฺช ปลฺลลานิ อนามสิตฺวาว อุทกภริตานิ นินฺนฏฺานานิ, อยํ ปน อิทํ อปฺปมตฺตกํ อุทกํ ตริตุกาโม กุลฺลฺหิ ชโน ปพนฺธติ กุลฺลํ พนฺธิตุํ อายาสํ อาปชฺชติ. ติณฺณา เมธาวิโน ชนาติ อริยมคฺคาณสงฺขาตาย เมธาย สมนฺนาคตตฺตา เมธาวิโน พุทฺธา จ พุทฺธสาวกา จ วินา เอว กุลฺเลน ติณฺณา ปรตีเร ปติฏฺิตาติ.
ฉฏฺสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. ทฺวิธาปถสุตฺตวณฺณนา
๗๗. สตฺตเม ¶ อทฺธานมคฺคปฏิปนฺโนติ อทฺธานสงฺขาตํ ทีฆมคฺคํ ปฏิปนฺโน คจฺฉนฺโต โหติ. นาคสมาเลนาติ เอวํนามเกน เถเรน. ปจฺฉาสมเณนาติ อยํ ตทา ภควโต อุปฏฺาโก อโหสิ. เตน นํ ปจฺฉาสมณํ กตฺวา มคฺคํ ปฏิปชฺชิ. ภควโต หิ ปมโพธิยํ วีสติวสฺสานิ อนิพทฺธา อุปฏฺากา อเหสุํ, ตโต ปรํ ยาว ปรินิพฺพานา ปฺจวีสติวสฺสานิ อายสฺมา อานนฺโท ฉายาว อุปฏฺาสิ. อยํ ปน อนิพทฺธุปฏฺากกาโล. เตน วุตฺตํ – ‘‘อายสฺมตา นาคสมาเลน ปจฺฉาสมเณนา’’ติ. ทฺวิธาปถนฺติ ทฺวิธาภูตํ มคฺคํ. ‘‘ทฺเวธาปถ’’นฺติปิ ปนฺติ อายสฺมา นาคสมาโล อตฺตนา ปุพฺเพ ตตฺถ กตปริจยตฺตา อุชุภาวฺจสฺส สนฺธาย วทติ ‘‘อยํ, ภนฺเต ภควา, ปนฺโถ’’ติ.
ภควา ปน ตทา ตสฺส สปริสฺสยภาวํ ตฺวา ตโต อฺํ มคฺคํ คนฺตุกาโม ‘‘อยํ, นาคสมาล, ปนฺโถ’’ติ อาห. ‘‘สปริสฺสโย’’ติ จ วุตฺเต อสทฺทหิตฺวา ‘‘ภควา น ตตฺถ ปริสฺสโย’’ติ วเทยฺย, ตทสฺส ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขายาติ ‘‘สปริสฺสโย’’ติ น กเถสิ. ติกฺขตฺตุํ ¶ ‘‘อยํ ¶ ปนฺโถ, อิมินา คจฺฉามา’’ติ วตฺวา จตุตฺถวาเร ‘‘น ภควา อิมินา มคฺเคน คนฺตุํ อิจฺฉติ, อยเมว จ อุชุมคฺโค, หนฺทาหํ ภควโต ปตฺตจีวรํ ทตฺวา อิมินา มคฺเคน คมิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา สตฺถุ ปตฺตจีวรํ ทาตุํ อสกฺโกนฺโต ภูมิยํ เปตฺวา ปจฺจุปฏฺิเตน ทุกฺขสํวตฺตนิเกน กมฺมุนา โจทิยมาโน ภควโต วจนํ อนาทิยิตฺวาว ปกฺกามิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข อายสฺมา นาคสมาโล ภควโต ปตฺตจีวรํ ตตฺเถว ฉมายํ นิกฺขิปิตฺวา ปกฺกามี’’ติ. ตตฺถ ภควโต ปตฺตจีวรนฺติ อตฺตโน หตฺถคตํ ภควโต ปตฺตจีวรํ. ตตฺเถวาติ ตสฺมึเยว มคฺเค ฉมายํ ปถวิยํ นิกฺขิปิตฺวา ปกฺกามิ. อิทํ โว ภควา ปตฺตจีวรํ, สเจ อิจฺฉถ, คณฺหถ, ยทิ อตฺตนา อิจฺฉิตมคฺคํเยว คนฺตุกามตฺถาติ อธิปฺปาโย. ภควาปิ อตฺตโน ปตฺตจีวรํ สยเมว คเหตฺวา ยถาธิปฺเปตํ มคฺคํ ปฏิปชฺชิ.
อนฺตรามคฺเค โจรา นิกฺขมิตฺวาติ ตทา กิร ปฺจสตา ปุริสา ¶ ลุทฺทา โลหิตปาณิโน ราชาปราธิโน หุตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา โจริกาย ชีวิกํ กปฺเปนฺตา ‘‘ปาริปนฺถิกภาเวน รฺโ อายปถํ ปจฺฉินฺทิสฺสามา’’ติ มคฺคสมีเป อรฺเ ติฏฺนฺติ. เต เถรํ เตน มคฺเคน คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ สมโณ อิมินา มคฺเคน อาคจฺฉติ, อวฬฺชิตพฺพํ มคฺคํ วฬฺเชติ, อมฺหากํ อตฺถิภาวํ น ชานาติ, หนฺท นํ ชานาเปสฺสามา’’ติ กุชฺฌิตฺวา คหนฏฺานโต เวเคน นิกฺขมิตฺวา สหสา เถรํ ภูมิยํ ปาเตตฺวา หตฺถปาเทหิ โกฏฺเฏตฺวา มตฺติกาปตฺตฺจสฺส ภินฺทิตฺวา จีวรํ ขณฺฑาขณฺฑิกํ ฉินฺทิตฺวา ปพฺพชิตตฺตา ‘‘ตํ น หนาม, อิโต ปฏฺาย อิมสฺส มคฺคสฺส ปริสฺสยภาวํ ชานาหี’’ติ วิสฺสชฺเชสุํ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข อายสฺมโต…เป… วิปฺผาเลสุ’’นฺติ.
ภควาปิ ‘‘อยํ เตน มคฺเคน คโต โจเรหิ พาธิโต มํ ปริเยสิตฺวา อิทาเนว อาคมิสฺสตี’’ติ ตฺวา โถกํ คนฺตฺวา มคฺคา โอกฺกมฺม อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล นิสีทิ. อายสฺมาปิ โข นาคสมาโล ปจฺจาคนฺตฺวา สตฺถารา คตมคฺคเมว คเหตฺวา คจฺฉนฺโต ตสฺมึ รุกฺขมูเล ภควนฺตํ ปสฺสิตฺวา อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา ตํ ปวตฺตึ สพฺพํ อาโรเจสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข อายสฺมา นาคสมาโล…เป… สงฺฆาฏิฺจ วิปฺผาเลสุ’’นฺติ.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ อายสฺมโต นาคสมาลสฺส อตฺตโน วจนํ อนาทิยิตฺวา อเขมนฺตมคฺคคมนํ, อตฺตโน จ เขมนฺตมคฺคคมนํ วิทิตฺวา ตทตฺถทีปนํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ ¶ สทฺธึ จรนฺติ สห จรนฺโต. เอกโต วสนฺติ อิทํ ตสฺเสว เววจนํ, สห วสนฺโตติ อตฺโถ ¶ . มิสฺโส อฺชเนน เวทคูติ เวทิตพฺพฏฺเน เวทสงฺขาเตน จตุสจฺจอริยมคฺคาเณน คตตฺตา อธิคตตฺตา, เวทสฺส วา สกลสฺส เยฺยสฺส ปารํ คตตฺตา เวทคู. อตฺตโน หิตาหิตํ น ชานาตีติ อฺโ, อวิทฺวา พาโลติ อตฺโถ. เตน อฺเน ชเนน มิสฺโส สหจรณมตฺเตน มิสฺโส. วิทฺวา ปชหาติ ปาปกนฺติ เตน เวทคูภาเวน วิทฺวา ชานนฺโต ปาปกํ อภทฺทกํ อตฺตโน ทุกฺขาวหํ ปชหาติ, ปาปกํ วา อกลฺยาณปุคฺคลํ ปชหาติ. ยถา กึ? โกฺโจ ขีรปโกว นินฺนคนฺติ ¶ ยถา โกฺจสกุโณ อุทกมิสฺสิเต ขีเร อุปนีเต วินา โตยํ ขีรมตฺตสฺเสว ปิวนโต ขีรปโก นินฺนฏฺานคมเนน นินฺนคสงฺขาตํ อุทกํ ปชหาติ วชฺเชติ, เอวํ ปณฺฑิโต กิร ทุปฺปฺปุคฺคเลหิ านนิสชฺชาทีสุ สหภูโตปิ อาจาเรน เต ปชหาติ, น กทาจิปิ สมฺมิสฺโส โหติ.
สตฺตมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. วิสาขาสุตฺตวณฺณนา
๗๘. อฏฺเม วิสาขาย มิคารมาตุยา นตฺตา กาลงฺกตา โหตีติ วิสาขาย มหาอุปาสิกาย ปุตฺตสฺส ธีตา กุมาริกา กาลงฺกตา โหติ. สา กิร วตฺตสมฺปนฺนา สาสเน อภิปฺปสนฺนา มหาอุปาสิกาย เคหํ ปวิฏฺานํ ภิกฺขูนํ ภิกฺขุนีนฺจ อตฺตนา กาตพฺพเวยฺยาวจฺจํ ปุเรภตฺตํ ปจฺฉาภตฺตฺจ อปฺปมตฺตา อกาสิ, อตฺตโน ปิตามหิยา จิตฺตานุกูลํ ปฏิปชฺชิ. เตน วิสาขา เคหโต พหิ คจฺฉนฺตี สพฺพํ ตสฺสาเยว ภารํ กตฺวา คจฺฉติ, รูเปน จ ทสฺสนียา ปาสาทิกา, อิติ สา ตสฺสา วิเสสโต ปิยา มนาปา อโหสิ. สา โรคาภิภูตา กาลมกาสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘เตน โข ปน สมเยน วิสาขาย มิคารมาตุยา นตฺตา กาลงฺกตา โหติ ปิยา มนาปา’’ติ. อถ มหาอุปาสิกา ตสฺสา มรเณน โสกํ สนฺธาเรตุํ อสกฺโกนฺตี ทุกฺขี ทุมฺมนา สรีรนิกฺเขปํ กาเรตฺวา ‘‘อปิ นาม สตฺถุ สนฺติกํ คตกาเล จิตฺตสฺสาทํ ลเภยฺย’’นฺติ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข วิสาขา มิคารมาตา’’ติอาทิ. ตตฺถ ทิวา ทิวสฺสาติ ทิวสสฺสาปิ ทิวา, มชฺฌนฺหิเก กาเลติ อตฺโถ.
ภควา ¶ วิสาขาย วฏฺฏาภิรตึ ชานนฺโต อุปาเยน โสกตนุกรณตฺถํ ‘‘อิจฺเฉยฺยาสิ ตฺวํ วิสาเข’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ยาวติกาติ ยตฺตกา. ตทา กิร สตฺต ชนโกฏิโย สาวตฺถิยํ ปฏิวสนฺติ ¶ . ตํ สนฺธาย ภควา ‘‘กีวพหุกา ปน วิสาเข สาวตฺถิยา มนุสฺสา เทวสิกํ กาลํ กโรนฺตี’’ติ ปุจฺฉิ. วิสาขา ‘‘ทสปิ, ภนฺเต’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ตีณีติ ตโย. อยเมว วา ปาโ. อวิวิตฺตาติ อสฺุา.
อถ ¶ ภควา อตฺตโน อธิปฺปายํ ปกาเสนฺโต ‘‘อปิ นุ ตฺวํ กทาจิ กรหจิ อนลฺลวตฺถา วา ภเวยฺยาสิ อนลฺลเกสา วา’’ติ อาห. นนุ เอวํ สนฺเต ตยา สพฺพกาลํ โสกาภิภูตาย มตานํ ปุตฺตาทีนํ อมงฺคลูปจารวเสน อุทโกโรหเณน อลฺลวตฺถาย อลฺลเกสาย เอว ภวิตพฺพนฺติ ทสฺเสติ. ตํ สุตฺวา อุปาสิกา สํเวคชาตา ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’ติ ปฏิกฺขิปิตฺวา ปิยวตฺถุํ วิปฺปฏิสารโต อตฺตโน จิตฺตสฺส นิวตฺตภาวํ สตฺถุ อาโรเจนฺตี ‘‘อลํ เม, ภนฺเต, ตาวพหุเกหิ ปุตฺเตหิ จ นตฺตาเรหิ จา’’ติ อาห.
อถสฺสา ภควา ‘‘ทุกฺขํ นาเมตํ ปิยวตฺถุนิมิตฺตํ, ยตฺตกานิ ปิยวตฺถูนิ, ตตฺตกานิ ทุกฺขานิ. ตสฺมา สุขกาเมน ทุกฺขปฺปฏิกูเลน สพฺพโส ปิยวตฺถุโต จิตฺตํ วิเวเจตพฺพ’’นฺติ ธมฺมํ เทเสนฺโต ‘‘เยสํ โข วิสาเข สตํ ปิยานิ, สตํ เตสํ ทุกฺขานี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สตํ ปิยานีติ สตํ ปิยายิตพฺพวตฺถูนิ. ‘‘สตํ ปิย’’นฺติปิ เกจิ ปนฺติ. เอตฺถ จ ยสฺมา เอกโต ปฏฺาย ยาว ทส, ตาว สงฺขฺยา สงฺขฺเยยฺยปฺปธานา, ตสฺมา ‘‘เยสํ ทส ปิยานิ, ทส เตสํ ทุกฺขานี’’ติอาทินา ปาฬิ อาคตา. เกจิ ปน ‘‘เยสํ ทส ปิยานํ, ทส เนสํ ทุกฺขาน’’นฺติอาทินา ปนฺติ, ตํ น สุนฺทรํ. ยสฺมา ปน วีสติโต ปฏฺาย ยาว สตํ, ตาว สงฺขฺยา สงฺขฺเยยฺยปฺปธานาว, ตสฺมา ตตฺถาปิ สงฺขฺเยยฺยปฺปธานตํเยว คเหตฺวา ‘‘เยสํ โข วิสาเข สตํ ปิยานิ, สตํ เตสํ ทุกฺขานี’’ติอาทินา ปาฬิ อาคตา. สพฺเพสมฺปิ จ ‘‘เยสํ เอกํ ปิยํ, เอกํ เตสํ ทุกฺข’’นฺติ ปาโ, น ปน ทุกฺขสฺสาติ. เอตสฺมิฺหิ ปกฺเข เอกรสา เอกชฺฌาสยา จ ภควโต เทสนา โหติ. ตสฺมา ยถาวุตฺตนยาว ปาฬิ เวทิตพฺพา.
เอตมตฺถํ ¶ วิทิตฺวา โสกปริเทวาทิกํ เจตสิกํ กายิกฺจ ทุกฺขํ ปิยวตฺถุนิมิตฺตํ ปิยวตฺถุมฺหิ สติ โหติ, อสติ น โหตีติ เอตมตฺถํ สพฺพาการโต ชานิตฺวา ตทตฺถปริทีปนํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตสฺสตฺโถ – าติโภคโรคสีลทิฏฺิพฺยสเนหิ ผุฏฺสฺส อนฺโต นิชฺฌายนฺตสฺส พาลสฺส จิตฺตสนฺตาปลกฺขณา เย เกจิ มุทุมชฺฌาทิเภเทน ยาทิสา ตาทิสา โสกา วา เตหิเยว ผุฏฺสฺส ¶ โสกุทฺเทหกสมุฏฺาปิตวจีวิปฺปลาปลกฺขณา ปริเทวิตา วา อนิฏฺโผฏฺพฺพปฏิหตกายสฺส ¶ กายปีฬนลกฺขณา ทุกฺขา วา ตถา อวุตฺตตฺถสฺส วิกปฺปนตฺเถน วาสทฺเทน คหิตา โทมนสฺสูปายาสาทโย วา นิสฺสยเภเทน จ อเนกรูปา นานาวิธา อิมสฺมึ สตฺตโลเก ทิสฺสนฺติ อุปลพฺภนฺติ, สพฺเพปิ เอเต ปิยํ ปิยชาติกํ สตฺตํ สงฺขารฺจ ปฏิจฺจ นิสฺสาย อาคมฺม ปจฺจยํ กตฺวา ปภวนฺติ นิพฺพตฺตนฺติ. ตสฺมึ ปน ยถาวุตฺเต ปิยวตฺถุมฺหิ ปิเย อสนฺเต ปิยภาวกเร ฉนฺทราเค ปหีเน น กทาจิปิ เอเต ภวนฺติ. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘ปิยโต ชายตี โสโก…เป… เปมโต ชายตี โสโก’’ติ จ อาทิ (ธ. ป. ๒๑๒-๒๑๓). ตถา ‘‘ปิยปฺปภูตา กลหา วิวาทา, ปริเทวโสกา สหมจฺฉเรหี’’ติ จ อาทิ (สุ. นิ. ๘๖๙). เอตฺถ จ ‘‘ปริเทวิตา วา ทุกฺขา วา’’ติ ลิงฺควิปลฺลาเสน วุตฺตํ, ‘‘ปริเทวิตานิ วา ทุกฺขานิ วา’’ติ วตฺตพฺเพ วิภตฺติโลโป วา กโตติ เวทิตพฺโพ.
ตสฺมา หิ เต สุขิโน วีตโสกาติ ยสฺมา ปิยปฺปภูตา โสกาทโย เยสํ นตฺถิ, ตสฺมา เต เอว สุขิโน วีตโสกา นาม. เก ปน เต? เยสํ ปิยํ นตฺถิ กุหิฺจิ โลเก เยสํ อริยานํ สพฺพโส วีตราคตฺตา กตฺถจิปิ สตฺตโลเก สงฺขารโลเก จ ปิยํ ปิยภาโว ‘‘ปุตฺโต’’ติ วา ‘‘ภาตา’’ติ วา ‘‘ภคินี’’ติ วา ‘‘ภริยา’’ติ วา ปิยํ ปิยายนํ ปิยภาโว นตฺถิ, สงฺขารโลเกปิ ‘‘เอตํ มม สนฺตกํ, อิมินาหํ อิมํ นาม สุขํ ลภามิ ลภิสฺสามี’’ติ ปิยํ ปิยายนํ ปิยภาโว นตฺถิ. ตสฺมา อโสกํ วิรชํ ปตฺถยาโน, ปิยํ น กยิราถ กุหิฺจิ โลเกติ ยสฺมา จ สุขิโน นาม วีตโสกา, วีตโสกตฺตาว กตฺถจิปิ วิสเย ปิยภาโว นตฺถิ, ตสฺมา อตฺตโน ยถาวุตฺตโสกาภาเวน จ อโสกํ อโสกภาวํ ราครชาทิวิคมเนน วิรชํ ¶ วิรชภาวํ อรหตฺตํ, โสกสฺส ราครชาทีนฺจ อภาวเหตุภาวโต วา ‘‘อโสกํ วิรช’’นฺติ ลทฺธนามํ นิพฺพานํ ปตฺถยาโน กตฺตุกมฺยตากุสลจฺฉนฺทสฺส วเสน ฉนฺทชาโต กตฺถจิ โลเก รูปาทิธมฺเม ¶ อนฺตมโส สมถวิปสฺสนาธมฺเมปิ ปิยํ ปิยภาวํ วิยายนํ น กยิราถ น อุปฺปาเทยฺย. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘ธมฺมาปิ โว, ภิกฺขเว, ปหาตพฺพา, ปเคว อธมฺมา’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๔๐).
อฏฺมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. ปมทพฺพสุตฺตวณฺณนา
๗๙. นวเม ¶ อายสฺมาติ ปิยวจนํ. ทพฺโพติ ตสฺส เถรสฺส นามํ. มลฺลปุตฺโตติ มลฺลราชสฺส ปุตฺโต. โส หิ อายสฺมา ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต ปาทมูเล กตาภินีหาโร กปฺปสตสหสฺสํ อุปจิตปฺุสฺจโย อมฺหากํ ภควโต กาเล มลฺลราชสฺส เทวิกา กุจฺฉิยํ นิพฺพตฺโต กตาธิการตฺตา ชาติยา สตฺตวสฺสิกกาเลเยว มาตาปิตโร อุปสงฺกมิตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิ. เต จ ‘‘ปพฺพชิตฺวาปิ อาจารํ ตาว สิกฺขตุ, สเจ ตํ นาภิรมิสฺสติ, อิเธว อาคมิสฺสตี’’ติ อนุชานึสุ. โส สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิ. สตฺถาปิสฺส อุปนิสฺสยสมฺปตฺตึ โอโลเกตฺวา ปพฺพชฺชํ อนุชานิ. ตสฺส ปพฺพชฺชาสมเย ทินฺนโอวาเทน ภวตฺตยํ อาทิตฺตํ วิย อุปฏฺาสิ. โส วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา ขุรคฺเคเยว อรหตฺตํ ปาปุณิ. ยํกิฺจิ สาวเกน ปตฺตพฺพํ, ‘‘ติสฺโส วิชฺชา จตสฺโส ปฏิสมฺภิทา ฉฬภิฺา นว โลกุตฺตรธมฺมา’’ติ เอวมาทิกํ สพฺพํ อธิคนฺตฺวา อสีติยา มหาสาวเกสุ อพฺภนฺตโร อโหสิ. วุตฺตฺเหตํ เตน อายสฺมตา –
‘‘มยา โข ชาติยา สตฺตวสฺเสน อรหตฺตํ สจฺฉิกตํ, ยํกิฺจิ สาวเกน ปตฺตพฺพํ, สพฺพํ ตํ อนุปฺปตฺตํ มยา’’ติอาทิ (ปารา. ๓๘๐).
เยน ภควา เตนุปสงฺกมีติ โส กิรายสฺมา เอกทิวสํ ราชคเห ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฺปฏิกฺกนฺโต ภควโต วตฺตํ ทสฺเสตฺวา ทิวาฏฺานํ คนฺตฺวา ¶ อุทกกุมฺภโต อุทกํ คเหตฺวา ปาเท ปกฺขาเลตฺวา คตฺตานิ ¶ สีตึ กตฺวา จมฺมกฺขณฺฑํ ปฺาเปตฺวา นิสินฺโน กาลปริจฺเฉทํ กตฺวา สมาปตฺตึ สมาปชฺชิ. อถายสฺมา ยถากาลปริจฺเฉทํ สมาปตฺติโต วุฏฺหิตฺวา อตฺตโน อายุสงฺขาเร โอโลเกสิ. ตสฺส เต ปริกฺขีณา กติปยมุหุตฺติกา อุปฏฺหึสุ. โส จินฺเตสิ – ‘‘น โข เมตํ ปติรูปํ, ยมหํ สตฺถุ อนาโรเจตฺวา สพฺรหฺมจารีหิ จ อวิทิโต อิธ ยถานิสินฺโนว ปรินิพฺพายิสฺสามิ. ยํนูนาหํ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ปรินิพฺพานํ อนุชานาเปตฺวา สตฺถุ วตฺตํ ทสฺเสตฺวา สาสนสฺส นิยฺยานิกภาวทสฺสนตฺถํ มยฺหํ อิทฺธานุภาวํ วิภาเวนฺโต อากาเส นิสีทิตฺวา เตโชธาตุํ สมาปชฺชิตฺวา ปรินิพฺพาเยยฺยํ. เอวํ สนฺเต เย มยิ อสฺสทฺธา อปฺปสนฺนา, เตสมฺปิ ปสาโท อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตทสฺส เตสํ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’’ติ. เอวฺจ โส อายสฺมา จินฺเตตฺวา ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา สพฺพํ ตํ ตเถว อกาสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข อายสฺมา ทพฺโพ มลฺลปุตฺโต เยน ภควา เตนุปสงฺกมี’’ติอาทิ.
ตตฺถ ¶ ปรินิพฺพานกาโล เมติ ‘‘ภควา มยฺหํ อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพานกาโล อุปฏฺิโต, ตมหํ ภควโต อาโรเจตฺวา ปรินิพฺพายิตุกาโมมฺหี’’ติ ทสฺเสติ. เกจิ ปนาหุ ‘‘น ตาว เถโร ชิณฺโณ, น จ คิลาโน, ปรินิพฺพานาย จ สตฺถารํ อาปุจฺฉติ, กึ ตตฺถ การณํ? ‘เมตฺติยภูมชกา ภิกฺขู ปุพฺเพ มํ อมูลเกน ปาราชิเกน อนุทฺธํเสสุํ, ตสฺมึ อธิกรเณ วูปสนฺเตปิ อกฺโกสนฺติเยว. เตสํ สทฺทหิตฺวา อฺเปิ ปุถุชฺชนา มยิ อคารวํ ปริภวฺจ กโรนฺติ. อิมฺจ ทุกฺขภารํ นิรตฺถกํ วหิตฺวา กึ ปโยชนํ, ตสฺมาหํ อิทาเนว ปรินิพฺพายิสฺสามี’ติ สนฺนิฏฺานํ กตฺวา สตฺถารํ อาปุจฺฉี’’ติ. ตํ อการณํ. น หิ ขีณาสวา อปริกฺขีเณ อายุสงฺขาเร ปเรสํ อุปวาทาทิภเยน ปรินิพฺพานาย เจเตนฺติ ฆฏยนฺติ วายมนฺติ, น จ ปเรสํ ¶ ปสํสาทิเหตุ จิรํ ติฏฺนฺติ, อถ โข สรเสเนว อตฺตโน อายุสงฺขารสฺส ปริกฺขยํ อาคเมนฺติ. ยถาห –
‘‘นาภิกงฺขามิ มรณํ, นาภิกงฺขามิ ชีวิตํ;
กาลฺจ ปฏิกงฺขามิ, นิพฺพิสํ ภตโก ยถา’’ติ. (เถรคา. ๑๙๖, ๖๐๖; มิ. ป. ๒.๒.๔) –
ภควาปิสฺส อายุสงฺขารํ โอโลเกตฺวา ปริกฺขีณภาวํ ตฺวา ‘‘ยสฺสทานิ ตฺวํ, ทพฺพ, กาลํ มฺสี’’ติ อาห.
เวหาสํ ¶ อพฺภุคฺคนฺตฺวาติ อากาสํ อภิอุคฺคนฺตฺวา, เวหาสํ คนฺตฺวาติ อตฺโถ. อภิสทฺทโยเคน หิ อิทํ อุปโยควจนํ, อตฺโถ ปน ภุมฺมวเสน เวทิตพฺโพ. เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา กึ อกาสีติ อาห – ‘‘อากาเส อนฺตลิกฺเข ปลฺลงฺเกน นิสีทิตฺวา’’ติอาทิ. ตตฺถ เตโชธาตุํ สมาปชฺชิตฺวาติ เตโชกสิณจตุตฺถชฺฌานสมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา. เถโร หิ ตทา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา เอกมนฺตํ ิโต ‘‘ภควา กปฺปสตสหสฺสํ ตุมฺเหหิ สทฺธึ ตตฺถ ตตฺถ วสนฺโต ปฺุานิ กโรนฺโต อิมเมวตฺถํ สนฺธาย อกาสึ, สฺวายมตฺโถ อชฺช มตฺถกํ ปตฺโต, อิทํ ปจฺฉิมทสฺสน’’นฺติ อาห. เย ตตฺถ ปุถุชฺชนภิกฺขู โสตาปนฺนสกทาคามิโน จ, เตสุ เอกจฺจานํ มหนฺตํ การฺุํ อโหสิ, เอกจฺเจ อาโรทนปฺปตฺตา อเหสุํ. อถสฺส ภควา จิตฺตาจารํ ตฺวา ‘‘เตน หิ, ทพฺพ, มยฺหํ ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ อิทฺธิปาฏิหาริยํ ทสฺเสหี’’ติ อาห. ตาวเทว สพฺโพ ภิกฺขุสงฺโฆ สนฺนิปติ. อถายสฺมา ทพฺโพ ‘‘เอโกปิ หุตฺวา พหุธา โหตี’’ติอาทินา (ปฏิ. ม. ๑.๑๐๒; ที. นิ. ๑.๔๘๔) นเยน อาคตานิ สาวกสาธารณานิ สพฺพานิ ปาฏิหาริยานิ ทสฺเสตฺวา ปุน จ ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา อากาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ¶ อากาเส ปถวึ นิมฺมินิตฺวา ตตฺถ ปลฺลงฺเกน นิสินฺโน เตโชกสิณสมาปตฺติยา ปริกมฺมํ กตฺวา สมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย สรีรํ อาวชฺชิตฺวา ปุน สมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา สรีรฌาปนเตโชธาตุํ อธิฏฺหิตฺวา ปรินิพฺพายิ. สห อธิฏฺาเนน สพฺโพ กาโย อคฺคินา อาทิตฺโต อโหสิ. ขเณเนว จ โส อคฺคิ กปฺปวุฏฺานคฺคิ วิย อณุมตฺตมฺปิ สงฺขารคตํ มสิมตฺตมฺปิ ตตฺถ กิฺจิ อนวเสเสนฺโต อธิฏฺานพเลน ฌาเปตฺวา นิพฺพายิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข อายสฺมา ทพฺโพ มลฺลปุตฺโต’’ติอาทิ. ตตฺถ วุฏฺหิตฺวา ปรินิพฺพายีติ อิทฺธิจิตฺตโต วุฏฺหิตฺวา ภวงฺคจิตฺเตน ¶ ปรินิพฺพายิ.
ฌายมานสฺสาติ ชาลิยมานสฺส. ฑยฺหมานสฺสาติ ตสฺเสว เววจนํ. อถ วา ฌายมานสฺสาติ ชาลาปวตฺติกฺขณํ สนฺธาย วุตฺตํ, ฑยฺหมานสฺสาติ วีตจฺจิตงฺคารกฺขณํ. ฉาริกาติ ภสฺมํ. มสีติ กชฺชลํ. น ปฺายิตฺถาติ น ปสฺสิตฺถ, อธิฏฺานพเลน สพฺพํ ขเณเนว อนฺตรธายิตฺถาติ อตฺโถ. กสฺมา ปน เถโร อุตฺตริมนุสฺสธมฺมํ อิทฺธิปาฏิหาริยํ ทสฺเสสิ, นนุ ภควตา อิทฺธิปาฏิหาริยกรณํ ปฏิกฺขิตฺตนฺติ ¶ ? น โจเทตพฺพเมตํ คิหีนํ สมฺมุขา ปาฏิหาริยกรณสฺส ปฏิกฺขิตฺตตฺตา. ตฺจ โข วิกุพฺพนวเสน, น ปเนวํ อธิฏฺานวเสน. อยํ ปนายสฺมา ธมฺมสามินา อาณตฺโตว ปาฏิหาริยํ ทสฺเสสิ.
เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ อายสฺมโต ทพฺพสฺส มลฺลปุตฺตสฺส อนุปาทาปรินิพฺพานํ สพฺพาการโต วิทิตฺวา ตทตฺถปริทีปนํ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตตฺถ อเภทิ กาโยติ สพฺโพ ภูตุปาทายปเภโท จตุสนฺตติรูปกาโย ภิชฺชิ, อนวเสสโต ฑยฺหิ, อนฺตรธายิ, อนุปฺปตฺติธมฺมตํ อาปชฺชิ. นิโรธิ สฺาติ รูปายตนาทิโคจรตาย รูปสฺาทิเภทา สพฺพาปิ สฺา อปฺปฏิสนฺธิเกน นิโรเธน นิรุชฺฌิ. เวทนา สีติภวึสุ สพฺพาติ วิปากเวทนา กิริยเวทนาติ สพฺพาปิ เวทนา อปฺปฏิสนฺธิกนิโรเธน นิรุทฺธตฺตา อณุมตฺตมฺปิ เวทนาทรถสฺส อภาวโต สีติภูตา อเหสุํ, กุสลากุสลเวทนา ปน อรหตฺตผลกฺขเณเยว นิโรธํ คตา. ‘‘สีติรหึสู’’ติปิ ปนฺติ, สนฺตา นิรุทฺธา อเหสุนฺติ อตฺโถ. วูปสมึสุ สงฺขาราติ วิปากกิริยปฺปเภทา สพฺเพปิ ผสฺสาทโย สงฺขารกฺขนฺธธมฺมา อปฺปฏิสนฺธิกนิโรเธเนว นิรุทฺธตฺตา วิเสเสน อุปสมึสุ. วิฺาณํ อตฺถมาคมาติ วิฺาณมฺปิ วิปากกิริยปฺปเภทํ สพฺพํ อปฺปฏิสนฺธิกนิโรเธเนว อตฺถํ วินาสํ อุปจฺเฉทํ อคมา อคจฺฉิ.
อิติ ¶ ภควา อายสฺมโต ทพฺพสฺส มลฺลปุตฺตสฺส ปฺจนฺนมฺปิ ขนฺธานํ ปุพฺเพเยว กิเลสาภิสงฺขารุปาทานสฺส อนวเสสโต นิรุทฺธตฺตา อนุปาทาโน ¶ วิย ชาตเวโท อปฺปฏิสนฺธิกนิโรเธน นิรุทฺธภาวํ นิสฺสาย ปีติเวควิสฺสฏฺํ อุทานํ อุทาเนสีติ.
นวมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. ทุติยทพฺพสุตฺตวณฺณนา
๘๐. ทสเม ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสีติ ภควา ราชคเห ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวา ชนปทจาริกํ จรนฺโต อนุกฺกเมน สาวตฺถึ ปตฺวา เชตวเน วิหรนฺโตเยว เยสํ ภิกฺขูนํ อายสฺมโต ทพฺพสฺส มลฺลปุตฺตสฺส ปรินิพฺพานํ อปจฺจกฺขํ, เตสํ ตํ ปจฺจกฺขํ กตฺวา ทสฺเสตุํ, เยปิ ¶ จ เมตฺติยภูมชเกหิ กเตน อภูเตน อพฺภาจิกฺขเณน เถเร คารวรหิตา ปุถุชฺชนา, เตสํ เถเร พหุมานุปฺปาทนตฺถฺจ อามนฺเตสิ. ตตฺถ ตตฺราติ วจนสฺาปเน นิปาตมตฺตํ. โขติ อวธารเณ. เตสุ ‘‘ตตฺรา’’ติ อิมินา ‘‘ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสี’’ติ เอเตสํ ปทานํ วุจฺจมานตํเยว โชเตติ. ‘‘โข’’ติ ปน อิมินา อามนฺเตสิเยว, นาสฺส อามนฺตเน โกจิ อนฺตราโย อโหสีติ อิมมตฺถํ ทสฺเสติ. อถ วา ตตฺราติ ตสฺมึ อาราเม. โขติ วจนาลงฺกาเร นิปาโต. อามนฺเตสีติ อภาสิ. กสฺมา ปน ภควา ภิกฺขูเยว อามนฺเตสีติ? เชฏฺตฺตา เสฏฺตฺตา อาสนฺนตฺตา สพฺพกาลํ สนฺนิหิตตฺตา ธมฺมเทสนาย วิเสสโต ภาชนภูตตฺตา จ.
ภิกฺขโวติ เตสํ อามนฺตนาการทสฺสนํ. ภทนฺเตติ อามนฺติตานํ ภิกฺขูนํ คารเวน สตฺถุ ปฏิวจนทานํ. ตตฺถ ‘‘ภิกฺขโว’’ติ วทนฺโต ภควา เต ภิกฺขู อาลปติ. ‘‘ภทนฺเต’’ติ วทนฺตา เต ปจฺจาลปนฺติ. อปิจ ‘‘ภิกฺขโว’’ติ อิมินา กรุณาวิปฺผารโสมฺมหทยนิสฺสิตปุพฺพงฺคเมน วจเนน เต ภิกฺขู กมฺมฏฺานมนสิการธมฺมปจฺจเวกฺขณาทิโต นิวตฺเตตฺวา อตฺตโน มุขาภิมุเข กโรติ. ‘‘ภทนฺเต’’ติ อิมินา สตฺถริ อาทรพหุมานคารวทีปนวจเนน เต ภิกฺขู อตฺตโน สุสฺสูสตํ โอวาทปฺปฏิคฺคหคารวภาวฺจ ปฏิเวเทนฺติ. ภควโต ปจฺจสฺโสสุนฺติ เต ภิกฺขู ภควโต วจนํ ปติอสฺโสสุํ โสตุกามตํ ชเนสุํ ¶ . เอตทโวจาติ ภควา เอตํ อิทานิ วกฺขมานํ สกลํ สุตฺตํ อภาสิ. ทพฺพสฺส, ภิกฺขเว, มลฺลปุตฺตสฺสาติอาทิ ¶ อนนฺตรสุตฺเต วุตฺตตฺถเมว. เอตมตฺถนฺติอาทีสุปิ อปุพฺพํ นตฺถิ, อนนฺตรสุตฺเต วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.
คาถาสุ ปน อโยฆนหตสฺสาติ อโย หฺติ เอเตนาติ อโยฆนํ, กมฺมารานํ อโยกูฏํ อโยมุฏฺิ จ. เตน อโยฆเนน หตสฺส ปหตสฺส. เกจิ ปน ‘‘อโยฆนหตสฺสาติ ฆนอโยปิณฺฑํ หตสฺสา’’ติ อตฺถํ วทนฺติ. เอว-สทฺโท เจตฺถ นิปาตมตฺตํ. ชลโต ชาตเวทโสติ ฌายมานสฺส อคฺคิสฺส. อนาทเร เอตํ สามิวจนํ. อนุปุพฺพูปสนฺตสฺสาติ อนุกฺกเมน อุปสนฺตสฺส วิชฺฌาตสฺส นิรุทฺธสฺส. ยถา น ายเต คตีติ ยถา ตสฺส คติ น ายติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อโยมุฏฺิกูฏาทินา มหตา อโยฆเนน หตสฺส สํหตสฺส, กํสภาชนาทิคตสฺส วา ชลมานสฺส อคฺคิสฺส, ตถา อุปฺปนฺนสฺส ¶ วา สทฺทสฺส อนุกฺกเมน อุปสนฺตสฺส สุวูปสนฺตสฺส ทสสุ ทิสาสุ น กตฺถจิ คติ ปฺายติ ปจฺจยนิโรเธน อปฺปฏิสนฺธิกนิรุทฺธตฺตา.
เอวํ สมฺมาวิมุตฺตานนฺติ เอวํ สมฺมา เหตุนา าเยน ตทงฺควิกฺขมฺภนวิมุตฺติปุพฺพงฺคเมน อริยมคฺเคน จตูหิปิ อุปาทาเนหิ อาสเวหิ จ วิมุตฺตตฺตา สมฺมา วิมุตฺตานํ, ตโต เอว กามปพนฺธสงฺขาตํ กาโมฆํ ภโวฆาทิเภทํ อวสิฏฺํ โอฆฺจ ตริตฺวา ิตตฺตา กามพนฺโธฆตารินํ สุฏฺุ ปฏิปสฺสมฺภิตสพฺพกิเลสวิปฺผนฺทิตตฺตา กิเลสาภิสงฺขารวาเตหิ จ อกมฺปนียตาย อจลํ อนุปาทิเสสนิพฺพานสงฺขาตํ สพฺพสงฺขารูปสมํ สุขํ ปตฺตานํ อธิคตานํ ขีณาสวานํ คติ เทวมนุสฺสาทิเภทาสุ คตีสุ อยํ นามาติ ปฺเปตพฺพตาย อภาวตฺตา ปฺาเปตุํ นตฺถิ น อุปลพฺภติ, ยถาวุตฺตชาตเวโท วิย อปฺตฺติกภาวเมว หิ โส คโตติ อตฺโถ.
ทสมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิฏฺิตา จ ปาฏลิคามิยวคฺควณฺณนา.
นิคมนกถา
สุวิมุตฺตภวาทาโน, เทวทานวมานิโต;
ปจฺฉินฺนตณฺหาสนฺตาโน, ปีติสํเวคทีปโน.
สทฺธมฺมทานนิรโต, อุปาทานกฺขยาวโห;
ตตฺถ ตตฺถ อุทาเน เย, อุทาเนสิ วินายโก.
เต สพฺเพ เอกโต กตฺวา, อาโรเปนฺเตหิ สงฺคหํ;
อุทานมิติ สงฺคีตํ, ธมฺมสงฺคาหเกหิ ยํ.
ตสฺส อตฺถํ ปกาเสตุํ, โปราณฏฺกถานยํ;
นิสฺสาย ยา สมารทฺธา, อตฺถสํวณฺณนา มยา.
สา ตตฺถ ปรมตฺถานํ, สุตฺตนฺเตสุ ยถารหํ;
ปกาสนา ปรมตฺถทีปนี นาม นามโต.
สมฺปตฺตา ปรินิฏฺานํ, อนากุลวินิจฺฉยา;
จตุตฺตึสปฺปมาณาย, ปาฬิยา ภาณวารโต.
อิติ ตํ สงฺขโรนฺเตน, ยํ ตํ อธิคตํ มยา;
ปฺุํ ตสฺสานุภาเวน, โลกนาถสฺส สาสนํ.
โอคาหิตฺวา วิสุทฺธาย, สีลาทิปฏิปตฺติยา;
สพฺเพปิ เทหิโน โหนฺตุ, วิมุตฺติรสภาคิโน.
จิรํ ติฏฺตุ โลกสฺมึ, สมฺมาสมฺพุทฺธสาสนํ;
ตสฺมึ สคารวา นิจฺจํ, โหนฺตุ สพฺเพปิ ปาณิโน.
สมฺมา ¶ วสฺสตุ กาเลน, เทโวปิ ชคตีปติ;
สทฺธมฺมนิรโต โลกํ, ธมฺเมเนว ปสาสตูติ.
พทรติตฺถวิหารวาสินา อาจริยธมฺมปาลตฺเถเรน
กตาอุทานสฺส อฏฺกถา สมตฺตา.