📜

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส

ขุทฺทกนิกาเย

อิติวุตฺตก-อฏฺกถา

คนฺถารมฺภกถา

มหาการุณิกํ นาถํ, เยฺยสาครปารคุํ;

วนฺเท นิปุณคมฺภีร-วิจิตฺรนยเทสนํ.

วิชฺชาจรณสมฺปนฺนา, เยน นิยฺยนฺติ โลกโต;

วนฺเท ตมุตฺตมํ ธมฺมํ, สมฺมาสมฺพุทฺธปูชิตํ.

สีลาทิคุณสมฺปนฺโน, ิโต มคฺคผเลสุ โย;

วนฺเท อริยสงฺฆํ ตํ, ปุฺกฺเขตฺตํ อนุตฺตรํ.

วนฺทนาชนิตํ ปุฺํ, อิติ ยํ รตนตฺตเย;

หตนฺตราโย สพฺพตฺถ, หุตฺวาหํ ตสฺส เตชสา.

เอกกาทิปฺปเภเทน, เทสิตานิ มเหสินา;

โลภาทีนํ ปหานานิ, ทีปนานิ วิเสสโต.

สุตฺตานิ เอกโต กตฺวา, อิติวุตฺตปทกฺขรํ;

ธมฺมสงฺคาหกา เถรา, สงฺคายึสุ มเหสโย.

อิติวุตฺตกมิจฺเจว, นาเมน วสิโน ปุเร;

ยํ ขุทฺทกนิกายสฺมึ, คมฺภีรตฺถปทกฺกมํ.

ตสฺส คมฺภีราเณหิ, โอคาเหตพฺพภาวโต;

กิฺจาปิ ทุกฺกรา กาตุํ, อตฺถสํวณฺณนา มยา.

สหสํวณฺณนํ ยสฺมา, ธรเต สตฺถุ สาสนํ;

ปุพฺพาจริยสีหานํ, ติฏฺเตว วินิจฺฉโย.

ตสฺมา ตํ อวลมฺพิตฺวา, โอคาเหตฺวาน ปฺจปิ;

นิกาเย อุปนิสฺสาย, โปราณฏฺกถานยํ.

นิสฺสิตํ วาจนามคฺคํ, สุวิสุทฺธํ อนากุลํ;

มหาวิหารวาสีนํ, นิปุณตฺถวินิจฺฉยํ.

ปุนปฺปุนาคตํ อตฺถํ, วชฺชยิตฺวาน สาธุกํ;

ยถาพลํ กริสฺสามิ, อิติวุตฺตกวณฺณนํ.

อิติ อากงฺขมานสฺส, สทฺธมฺมสฺส จิรฏฺิตึ;

วิภชนฺตสฺส ตสฺสตฺถํ, นิสามยถ สาธโวติ.

ตตฺถ อิติวุตฺตกํ นาม เอกกนิปาโต, ทุกนิปาโต, ติกนิปาโต, จตุกฺกนิปาโตติ จตุนิปาตสงฺคหํ. ตมฺปิ วินยปิฏกํ, สุตฺตนฺตปิฏกํ, อภิธมฺมปิฏกนฺติ ตีสุ ปิฏเกสุ สุตฺตนฺตปิฏกปริยาปนฺนํ; ทีฆนิกาโย มชฺฌิมนิกาโย, สํยุตฺตนิกาโย, องฺคุตฺตรนิกาโย, ขุทฺทกนิกาโยติ ปฺจสุ นิกาเยสุ ขุทฺทกนิกายปริยาปนฺนํ; สุตฺตํ, เคยฺยํ, เวยฺยากรณํ, คาถา, อุทานํ, อิติวุตฺตกํ, ชาตกํ, อพฺภุตธมฺมํ, เวทลฺลนฺติ นวสุ สาสนงฺเคสุ อิติวุตฺตกงฺคภูตํ.

‘‘ทฺวาสีติ พุทฺธโต คณฺหึ, ทฺเวสหสฺสานิ ภิกฺขุโต;

จตุราสีติ สหสฺสานิ, เย เม ธมฺมา ปวตฺติโน’’ติ. (เถรคา. ๑๐๒๗) –

เอวํ ธมฺมภณฺฑาคาริเกน ปฏิฺาเตสุ จตุราสีติยา ธมฺมกฺขนฺธสหสฺเสสุ กติปยธมฺมกฺขนฺธสงฺคหํ. สุตฺตโต เอกกนิปาเต ตาว สตฺตวีสติ สุตฺตานิ, ทุกนิปาเต ทฺวาวีสติ, ติกนิปาเต ปฺาส, จตุกฺกนิปาเต เตรสาติ ทฺวาทสาธิกสุตฺตสตสงฺคหํ. ตสฺส นิปาเตสุ เอกกนิปาโต อาทิ, วคฺเคสุ ปาฏิโภควคฺโค, สุตฺเตสุ โลภสุตฺตํ. ตสฺสาปิ ‘‘วุตฺตฺเหตํ ภควตา’’ติอาทิกํ อายสฺมตา อานนฺเทน ปมมหาสงฺคีติกาเล วุตฺตํ นิทานมาทิ. สา ปนายํ ปมมหาสงฺคีติ วินยปิฏเก ตนฺติมารุฬฺหา เอว. โย ปเนตฺถ นิทานโกสลฺลตฺถํ วตฺตพฺโพ กถามคฺโค, โสปิ สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกาย-อฏฺกถาย วิตฺถารโต วุตฺโตเยวาติ ตตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ.

นิทานวณฺณนา

ยํ ปเนตํ วุตฺตฺเหตํ ภควตาติอาทิกํ นิทานํ. เอกธมฺมํ, ภิกฺขเว, ปชหถาติอาทิกํ สุตฺตํ. ตตฺถ วุตฺตํ ภควตาติอาทีนิ นามปทานิ. อิตีติ นิปาตปทํ. ปชหถาติ เอตฺถ ป-อิติ อุปสคฺคปทํ, ชหถา-ติ อาขฺยาตปทํ. อิมินา นเยน สพฺพตฺถ ปทวิภาโค เวทิตพฺโพ.

อตฺถโต ปน วุตฺตสทฺโท ตาว สอุปสคฺโค อนุปสคฺโค จ วปเน วาปสมกรเณ เกโสหารเณ ชีวิตวุตฺติยํ ปวุตฺตภาเว ปาวจนภาเวน ปวตฺติเต อชฺเฌสเน กถเนติ เอวมาทีสุ ทิสฺสติ. ตถา เหส –

‘‘คาโว ตสฺส ปชายนฺติ, เขตฺเต วุตฺตํ วิรูหติ;

วุตฺตานํ ผลมสฺนาติ, โย มิตฺตานํ น ทุพฺภตี’’ติ. –

อาทีสุ (ชา. ๒.๒๒.๑๙) วปเน อาคโต. ‘‘โน จ โข ปฏิวุตฺต’’นฺติอาทีสุ (ปารา. ๒๘๙) อฏฺทนฺตกาทีหิ วาปสมกรเณ. ‘‘กาปฏิโก มาณโว ทหโร วุตฺตสิโร’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๔๒๖) เกโสหารเณ. ‘‘ปนฺนโลโม ปรทตฺตวุตฺโต มิคภูเตน เจตสา วิหรตี’’ติอาทีสุ (จูฬว. ๓๓๒) ชีวิตวุตฺติยํ. ‘‘เสยฺยถาปิ นาม ปณฺฑุปลาโส พนฺธนา ปวุตฺโต อภพฺโพ หริตตฺถายา’’ติอาทีสุ (ปารา. ๙๒; ปาจิ. ๖๖๖; มหาว. ๑๒๙) พนฺธนโต ปวุตฺตภาเว. ‘‘เยสมิทํ เอตรหิ, พฺราหฺมณา, โปราณํ มนฺตปทํ คีตํ ปวุตฺตํ สมิหิต’’นฺติอาทีสุ ปาวจนภาเวน ปวตฺติเต. โลเก ปน – ‘‘วุตฺโต คโณ วุตฺโต ปารายโน’’ติอาทีสุ อชฺเฌเน. ‘‘วุตฺตํ โข ปเนตํ ภควตา ธมฺมทายาทา เม, ภิกฺขเว, ภวถ, มา อามิสทายาทา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๐) กถเน. อิธาปิ กถเน ทฏฺพฺโพ. ตสฺมา วุตฺตํ กถิตํ ภาสิตนฺติ อตฺโถ.

ทุติโย ปน วุตฺตสทฺโท วจเน จิณฺณภาเว จ เวทิตพฺโพ. หิ-อิติ ชาตุ วิพฺยตฺตนฺติ เอตสฺมึ อตฺเถ นิปาโต. โส อิทานิ วุจฺจมานสุตฺตสฺส ภควโต วิพฺยตฺตํ ภาสิตภาวํ โชเตติ. วาจกสทฺทสนฺนิธาเน หิ ปยุตฺตา นิปาตา. เตหิ วตฺตพฺพมตฺถํ โชเตนฺติ. เอตนฺติ อยํ เอตสทฺโท –

‘‘โย จ พุทฺธฺจ ธมฺมฺจ, สงฺฆฺจ สรณํ คโต;

จตฺตาริ อริยสจฺจานิ, สมฺมปฺปฺาย ปสฺสติ.

‘‘ทุกฺขํ ทุกฺขสมุปฺปาทํ, ทุกฺขสฺส จ อติกฺกมํ;

อริยฺจฏฺงฺคิกํ มคฺคํ, ทุกฺขูปสมคามินํ.

‘‘เอตํ โข สรณํ เขมํ, เอตํ สรณมุตฺตมํ;

เอตํ สรณมาคมฺม, สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจตี’’ติ. (ธ. ป. ๑๙๐-๑๙๒) –

อาทีสุ ยถาวุตฺเต อาสนฺนปจฺจกฺเข อาคโต. ‘‘อปฺปมตฺตกํ โข ปเนตํ, ภิกฺขเว, โอรมตฺตกํ สีลมตฺตกํ, เยน ปุถุชฺชโน ตถาคตสฺส วณฺณํ วทมาโน วเทยฺยา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๗) ปน วกฺขมาเน อาสนฺนปจฺจกฺเข. อิธาปิ วกฺขมาเนเยว ทฏฺพฺโพ. สงฺคายนวเสน วกฺขมานฺหิ สุตฺตํ ธมฺมภณฺฑาคาริเกน พุทฺธิยํ เปตฺวา ตทา ‘‘เอต’’นฺติ วุตฺตํ.

ภควตาติ เอตฺถ ภควาติ ครุวจนํ. ครุํ หิ โลเก ภควาติ วทนฺติ. ตถาคโต จ สพฺพคุณวิสิฏฺตาย สตฺตานํ ครุ, ตสฺมา ภควาติ เวทิตพฺโพ. โปราเณหิปิ วุตฺตํ –

‘‘ภควาติ วจนํ เสฏฺํ, ภควาติ วจนมุตฺตมํ;

ครุ คารวยุตฺโต โส, ภควา เตน วุจฺจตี’’ติ.

เสฏฺวาจกฺหิ วจนํ เสฏฺคุณสหจรณโต เสฏฺนฺติ วุตฺตํ. อถ วา วุจฺจตีติ วจนํ, อตฺโถ. ตสฺมา ภควาติ วจนํ เสฏฺนฺติ ภควาติ อิมินา วจเนน วจนีโย โย อตฺโถ, โส เสฏฺโติ อตฺโถ. ภควาติ วจนมุตฺตมนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. คารวยุตฺโตติ ครุภาวยุตฺโต ครุคุณโยคโต, ครุกรณํ วา สาติสยํ อรหตีติ คารวยุตฺโต, คารวารโหติ อตฺโถ. เอวํ คุณวิสิฏฺสตฺตุตฺตมครุคารวาธิวจนเมตํ ยทิทํ ภควาติ. อปิจ –

‘‘ภคี ภชี ภาคี วิภตฺตวา อิติ,

อกาสิ ภคฺคนฺติ ครูติ ภาคฺยวา;

พหูหิ าเยหิ สุภาวิตตฺตโน,

ภวนฺตโค โส ภควาติ วุจฺจตี’’ติ. –

นิทฺเทเส อาคตนเยน –

‘‘ภาคฺยวา ภคฺควา ยุตฺโต, ภเคหิ จ วิภตฺตวา;

ภตฺตวา วนฺตคมโน, ภเวสุ ภควา ตโต’’ติ.

อิมิสฺสา คาถาย จ วเสน ภควาติ ปทสฺส อตฺโถ วตฺตพฺโพ. โส ปนายํ อตฺโถ สพฺพากาเรน วิสุทฺธิมคฺเค พุทฺธานุสฺสตินิทฺเทเส วุตฺโตติ. ตตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ.

อปโร นโย – ภาควาติ ภควา, ภตวาติ ภควา, ภาเค วนีติ ภควา, ภเค วนีติ ภควา, ภตฺตวาติ ภควา, ภเค วมีติ ภควา, ภาเค วมีติ ภควา.

‘‘ภาควา ภตวา ภาเค, ภเค จ วนิ ภตฺตวา;

ภเค วมิ ตถา ภาเค, วมีติ ภควา ชิโน’’.

ตตฺถ กถํ ภาควาติ ภควา? เย เต สีลาทโย ธมฺมกฺขนฺธา คุณโกฏฺาสา, เต อนฺสาธารณา นิรติสยา ตถาคตสฺส อตฺถิ อุปลพฺภนฺติ. ตถา หิสฺส สีลํ, สมาธิ, ปฺา, วิมุตฺติ, วิมุตฺติาณทสฺสนํ, หิรี, โอตฺตปฺปํ, สทฺธา, วีริยํ, สติ, สมฺปชฺํ, สีลวิสุทฺธิ, จิตฺตวิสุทฺธิ, ทิฏฺิวิสุทฺธิ, สมโถ, วิปสฺสนา, ตีณิ กุสลมูลานิ, ตีณิ สุจริตานิ, ตโย สมฺมาวิตกฺกา, ติสฺโส อนวชฺชสฺา, ติสฺโส ธาตุโย, จตฺตาโร สติปฏฺานา, จตฺตาโร สมฺมปฺปธานา, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา, จตฺตาโร อริยมคฺคา, จตฺตาริ อริยผลานิ, จตสฺโส ปฏิสมฺภิทา, จตุโยนิปริจฺเฉทกาณานิ, จตฺตาโร อริยวํสา, จตฺตาริ เวสารชฺชาณานิ, ปฺจ ปธานิยงฺคานิ, ปฺจงฺคิโก สมฺมาสมาธิ, ปฺจาณิโก สมฺมาสมาธิ, ปฺจินฺทฺริยานิ, ปฺจ พลานิ, ปฺจ นิสฺสารณียา ธาตุโย, ปฺจ วิมุตฺตายตนาณานิ, ปฺจ วิมุตฺติปริปาจนียา สฺา, ฉ อนุสฺสติฏฺานานิ, ฉ คารวา, ฉ นิสฺสารณียา ธาตุโย, ฉ สตตวิหารา, ฉ อนุตฺตริยานิ, ฉ นิพฺเพธภาคิยา สฺา, ฉ อภิฺา, ฉ อสาธารณาณานิ, สตฺต อปริหานิยา ธมฺมา, สตฺต อริยธนานิ, สตฺต โพชฺฌงฺคา, สตฺต สปฺปุริสธมฺมา, สตฺต นิชฺชรวตฺถูนิ, สตฺต สฺา, สตฺต ทกฺขิเณยฺยปุคฺคลเทสนา, สตฺต ขีณาสวพลเทสนา, อฏฺ ปฺาปฏิลาภเหตุเทสนา, อฏฺสมฺมตฺตานิ, อฏฺ โลกธมฺมาติกฺกโม, อฏฺ อารมฺภวตฺถูนิ, อฏฺ อกฺขณเทสนา, อฏฺ มหาปุริสวิตกฺกา, อฏฺ อภิภายตนเทสนา, อฏฺ วิโมกฺขา, นว โยนิโสมนสิการมูลกา ธมฺมา, นว ปาริสุทฺธิปธานิยงฺคานิ, นว สตฺตาวาสเทสนา, นว อาฆาตปฺปฏิวินยา, นว สฺา, นว นานตฺตา, นว อนุปุพฺพวิหารา, ทส นาถกรณา ธมฺมา, ทส กสิณายตนานิ, ทส กุสลกมฺมปถา, ทส สมฺมตฺตานิ, ทส อริยวาสา, ทส อเสกฺขา ธมฺมา, ทส ตถาคตพลานิ, เอกาทส เมตฺตานิสํสา, ทฺวาทส ธมฺมจกฺกาการา, เตรส ธุตคุณา, จุทฺทส พุทฺธาณานิ, ปฺจทส วิมุตฺติปริปาจนียา ธมฺมา, โสฬสวิธา อานาปานสฺสติ, โสฬส อปรนฺตปนียา ธมฺมา, อฏฺารส พุทฺธธมฺมา, เอกูนวีสติ ปจฺจเวกฺขณาณานิ, จตุจตฺตาลีส าณวตฺถูนิ, ปฺาส อุทยพฺพยาณานิ, ปโรปณฺณาส กุสลธมฺมา, สตฺตสตฺตติ าณวตฺถูนิ, จตุวีสติโกฏิสตสหสฺสสมาปตฺติสฺจาริมหาวชิราณํ, อนนฺตนยสมนฺตปฏฺานปวิจยปจฺจเวกฺขณเทสนาาณานิ, ตถา อนนฺตาสุ โลกธาตูสุ อนนฺตานํ สตฺตานํ อาสยาทิวิภาวนาณานิ จาติ, เอวมาทโย อนนฺตา อปริมาณเภทา อนฺสาธารณา นิรติสยา คุณภาคา คุณโกฏฺาสา วิชฺชนฺติ อุปลพฺภนฺติ. ตสฺมา ยถาวุตฺตวิภาคา คุณภาคา อสฺส อตฺถีติ ภาควาติ วตฺตพฺเพ. อาการสฺส รสฺสตฺตํ กตฺวา ‘‘ภควา’’ติ วุตฺโต. เอวํ ตาว ภาควาติ ภควา.

‘‘ยสฺมา สีลาทโย สพฺเพ, คุณภาคา อเสสโต;

วิชฺชนฺติ สุคเต ตสฺมา, ภควาติ ปวุจฺจติ’’.

กถํ ภตวาติ ภควา? เย เต สพฺพโลกหิตาย อุสฺสุกฺกมาปนฺเนหิ มนุสฺสตฺตาทิเก อฏฺ ธมฺเม สโมธาเนตฺวา สมฺมาสมฺโพธิยา กตมหาภินีหาเรหิ มหาโพธิสตฺเตหิ ปริปูเรตพฺพา ทานปารมี, สีลเนกฺขมฺมปฺาวีริยขนฺติสจฺจอธิฏฺานเมตฺตาอุเปกฺขาปารมีติ ทส ปารมิโย, ทส อุปปารมิโย, ทส ปรมตฺถปารมิโยติ สมตึส ปารมิโย, ทานาทีนิ จตฺตาริ สงฺคหวตฺถูนิ, จตฺตาริ อธิฏฺานานิ, อตฺตปริจฺจาโค, นยนธนรชฺชปุตฺตทารปริจฺจาโคติ ปฺจ มหาปริจฺจาคา, ปุพฺพโยโค, ปุพฺพจริยา, ธมฺมกฺขานํ, โลกตฺถจริยา, าตตฺถจริยา, พุทฺธตฺถจริยาติ เอวมาทโย สงฺเขปโต วา ปุฺสมฺภาราณสมฺภารา พุทฺธกรธมฺมา, เต มหาภินีหารโต ปฏฺาย กปฺปานํ สตสหสฺสาธิกานิ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ ยถา หานภาคิยา, สํกิเลสภาคิยา, ิติภาคิยา, วา น โหนฺติ; อถ โข อุตฺตรุตฺตริ วิเสสภาคิยาว โหนฺติ; เอวํ สกฺกจฺจํ นิรนฺตรํ อนวเสสโต ภตา สมฺภตา อสฺส อตฺถีติ ภตวาติ ภควา; นิรุตฺตินเยน ตการสฺส คการํ กตฺวา. อถ วา ภตวาติ เตเยว ยถาวุตฺเต พุทฺธกรธมฺเม วุตฺตนเยน ภริ สมฺภริ ปริปูเรสีติ อตฺโถ. เอวมฺปิ ภตวาติ ภควา.

‘‘ยสฺมา สมฺโพธิยา สพฺเพ, ทานปารมิอาทิเก;

สมฺภาเร ภตวา นาโถ, ตสฺมาปิ ภควา มโต’’.

กถํ ภาเค วนีติ ภควา? เย เต จตุวีสติโกฏิสตสหสฺสสงฺขา เทวสิกํ วฬฺชนกสมาปตฺติภาคา, เต อนวเสสโต โลกหิตตฺถํ อตฺตโน ทิฏฺธมฺมสุขวิหารตฺถฺจ นิจฺจกปฺปํ วนิ ภชิ เสวิ พหุลมกาสีติ ภาเค วนีติ ภควา. อถ วา อภิฺเยฺเยสุ ธมฺเมสุ กุสลาทีสุ ขนฺธาทีสุ จ เย เต ปริฺเยฺยาทิวเสน สงฺเขปโต วา จตุพฺพิธา อภิสมยภาคา, วิตฺถารโต ปน ‘‘จกฺขุ ปริฺเยฺยํ …เป… ชรามรณํ ปริฺเยฺย’’นฺติอาทินา (ปฏิ. ม. ๑.๒๑) อเนเก ปริฺเยฺยภาคา, ‘‘จกฺขุสฺส สมุทโย ปหาตพฺโพ…เป… ชรามรณสฺส สมุทโย ปหาตพฺโพ’’ติอาทินา ปหาตพฺพภาคา, ‘‘จกฺขุสฺส นิโรโธ สจฺฉิกาตพฺโพ…เป… ชรามรณสฺส นิโรโธ สจฺฉิกาตพฺโพ’’ติอาทินา สจฺฉิกาตพฺพภาคา, ‘‘จกฺขุนิโรธคามินีปฏิปทา ภาเวตพฺพา…เป… จตฺตาโร สติปฏฺานา ภาเวตพฺพา’’ติอาทินา จ อเนกเภทา ภาเวตพฺพภาคา จ ธมฺมา, เต สพฺเพ วนิ ภชิ ยถารหํ โคจรภาวนาเสวนานํ วเสน เสวิ. เอวมฺปิ ภาเค วนีติ ภควา. อถ วา เย อิเม สีลาทโย ธมฺมกฺขนฺธา สาวเกหิ สาธารณา คุณโกฏฺาสา คุณภาคา, กินฺติ นุ โข เต เวเนยฺยสนฺตาเนสุ ปติฏฺเปยฺยนฺติ มหากรุณาย วนิ อภิปตฺถยิ. สา จสฺส อภิปตฺถนา ยถาธิปฺเปตผลาวหา อโหสิ. เอวมฺปิ ภาเค วนีติ ภควา.

‘‘ยสฺมา เยฺยสมาปตฺติ-คุณภาเค ตถาคโต;

ภชิ ปตฺถยิ สตฺตานํ, หิตาย ภควา ตโต’’.

กถํ ภเค วนีติ ภควา? สมาสโต ตาว กตปุฺเหิ ปโยคสมฺปนฺเนหิ ยถาวิภวํ ภชียนฺตีติ ภคา, โลกิยโลกุตฺตรา สมฺปตฺติโย. ตตฺถ โลกิเย ตาว ตถาคโต สมฺโพธิโต ปุพฺเพ โพธิสตฺตภูโต ปรมุกฺกํสคเต วนิ ภชิ เสวิ, ยตฺถ ปติฏฺาย นิรวเสสโต พุทฺธกรธมฺเม สมนฺนาเนนฺโต พุทฺธธมฺเม ปริปาเจสิ. พุทฺธภูโต ปน เต นิรวชฺชสุขูปสํหิเต อนฺสาธารเณ โลกุตฺตเรปิ วนิ ภชิ เสวิ. วิตฺถารโต ปน ปเทสรชฺชอิสฺสริยจกฺกวตฺติสมฺปตฺติเทวรชฺชสมฺปตฺติอาทิวเสน ฌานวิโมกฺขสมาธิสมาปตฺติาณทสฺสนมคฺคภาวนาผล- สจฺฉิกิริยาทิอุตฺตริมนุสฺสธมฺมวเสน จ อเนกวิหิเต อนฺสาธารเณ ภเค วนิ ภชิ เสวิ. เอวํ ภเค วนีติ ภควา.

‘‘ยา ตา สมฺปตฺติโย โลเก, ยา จ โลกุตฺตรา ปุถู;

สพฺพา ตา ภชิ สมฺพุทฺโธ, ตสฺมาปิ ภควา มโต’’.

กถํ ภตฺตวาติ ภควา? ภตฺตา ทฬฺหภตฺติกา อสฺส พหู อตฺถีติ ภควา. ตถาคโต หิ มหากรุณาสพฺพฺุตฺาณาทิอปริมิตนิรุปมปฺปภาวคุณวิเสสสมงฺคิภาวโต สพฺพสตฺตุตฺตโม, สพฺพานตฺถปริหารปุพฺพงฺคมาย นิรวเสสหิตสุขวิธานตปฺปราย นิรติสยาย ปโยคสมฺปตฺติยา สเทวมนุสฺสาย ปชาย อจฺจนฺตูปการิตาย ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณอสีติอนุพฺยฺชนพฺยามปฺปภาทิ- อนฺสาธารณคุณวิเสสปฏิมณฺฑิตรูปกายตาย, ยถาภุจฺจคุณาธิคเตน ‘‘อิติปิ โส ภควา’’ติอาทินยปฺปวตฺเตน โลกตฺตยพฺยาปินา สุวิปุเลน สุวิสุทฺเธน จ ถุติโฆเสน สมนฺนาคตตฺตา อุกฺกํสปารมิปฺปตฺตาสุ อปฺปิจฺฉตาสนฺตุฏฺิตาทีสุ สุปฺปติฏฺิตภาวโต ทสพลจตุเวสารชฺชาทินิรติสยคุณวิเสสสมงฺคิภาวโต จ รูปปฺปมาโณ รูปปฺปสนฺโน, โฆสปฺปมาโณ โฆสปฺปสนฺโน, ลูขปฺปมาโณ ลูขปฺปสนฺโน, ธมฺมปฺปมาโณ ธมฺมปฺปสนฺโนติ เอวํ จตุปฺปมาณิเก โลกสนฺนิวาเส สพฺพถาปิ ปสาทาวหภาเวน สมนฺตปาสาทิกตฺตา อปริมาณานํ สตฺตานํ สเทวมนุสฺสานํ อาทรพหุมานคารวายตนตาย ปรมเปมสมฺภตฺติฏฺานํ. เย จ ตสฺส โอวาเท ปติฏฺิตา อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคตา โหนฺติ, เกนจิ อสํหาริยา เตสํ สมฺภตฺติ สมเณน วา พฺราหฺมเณน วา เทเวน วา มาเรน วา พฺรหฺมุนา วา. ตถา หิ เต อตฺตโน ชีวิตปริจฺจาเคปิ ตตฺถ ปสาทํ น ปริจฺจชนฺติ, ตสฺส วา อาณํ ทฬฺหภตฺติภาวโต. เตเนวาห –

‘‘โย เว กตฺู กตเวทิ ธีโร;

กลฺยาณมิตฺโต ทฬฺหภตฺติ จ โหตี’’ติ. (ชา. ๒.๑๗.๗๘);

‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, มหาสมุทฺโท ิตธมฺโม เวลํ นาติวตฺตติ; เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ยํ มยา สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ, ตํ มม สาวกา ชีวิตเหตุปิ นาติกฺกมนฺตี’’ติ (อ. นิ. ๘.๒๐; อุทา. ๔๕; จูฬว. ๓๘๕) จ.

เอวํ ภตฺตวาติ ภควา นิรุตฺตินเยน เอกสฺส ตการสฺส โลปํ กตฺวา อิตรสฺส คการํ กตฺวา.

‘‘คุณาติสยยุตฺตสฺส, ยสฺมา โลกหิเตสิโน;

สมฺภตฺตา พหโว สตฺถุ, ภควา เตน วุจฺจตี’’ติ.

กถํ ภเค วมีติ ภควา? ยสฺมา ตถาคโต โพธิสตฺตภูโตปิ ปุริมาสุ ชาตีสุ ปารมิโย ปูเรนฺโต ภคสงฺขาตํ สิรึ อิสฺสริยํ ยสฺจ วมิ อุคฺคิริ เขฬปิณฺฑํ วิย อนเปกฺโข ฉฑฺฑยิ. ตถา หิสฺส โสมนสฺสกุมารกาเล, หตฺถิปาลกุมารกาเล, อโยฆรปณฺฑิตกาเล, มูคปกฺขปณฺฑิตกาเล, จูฬสุตโสมกาเลติ เอวมาทีสุ เนกฺขมฺมปารมิปูรณวเสน เทวรชฺชสทิสาย รชฺชสิริยา ปริจฺจตฺตตฺตภาวานํ ปริมาณํ นตฺถิ. จริมตฺตภาเวปิ หตฺถคตํ จกฺกวตฺติสิรึ เทวโลกาธิปจฺจสทิสํ จตุทฺทีปิสฺสริยํ จกฺกวตฺติสมฺปตฺติสนฺนิสฺสยํ สตฺตรตนสมุชฺชลํ ยสฺจ ติณายปิ อมฺมาโน นิรเปกฺโข ปหาย อภินิกฺขมิตฺวา สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธ. ตสฺมา อิเม สิริอาทิเก ภเค วมีติ ภควา. อถ วา ภานิ นาม นกฺขตฺตานิ, เตหิ สมํ คจฺฉนฺติ ปวตฺตนฺตีติ ภคา, สิเนรุยุคนฺธรอุตฺตรกุรุหิมวนฺตาทิภาชนโลกวิเสสสนฺนิสฺสยา โสภา กปฺปฏฺิติยภาวโต. เตปิ ภควา วมิ ตํนิวาสิสตฺตาวาสสมติกฺกมนโตตปฺปฏิพทฺธฉนฺทราคปฺปหาเนน ปชหีติ. เอวมฺปิ ภเค วมีติ ภควา.

‘‘จกฺกวตฺติสิรึ ยสฺมา, ยสํ อิสฺสริยํ สุขํ;

ปหาสิ โลกจิตฺตฺจ, สุคโต ภควา ตโต’’.

กถํ ภาเค วมีติ ภควา? ภาคา นาม โกฏฺาสา. เต ขนฺธายตนธาตาทิวเสน, ตตฺถาปิ รูปเวทนาทิวเสน, อตีตาทิวเสน จ อเนกวิธา. เต จ ภควา สพฺพํ ปปฺจํ, สพฺพํ โยคํ, สพฺพํ คนฺถํ, สพฺพํ สํโยชนํ, สมุจฺฉินฺทิตฺวา อมตธาตุํ สมธิคจฺฉนฺโต วมิ อุคฺคิริ อนเปกฺโข ฉฑฺฑยิ, น ปจฺจาคมิ. ตถา เหส สพฺพตฺถกเมว ปถวึ, อาปํ, เตชํ, วายํ, จกฺขุํ, โสตํ, ฆานํ, ชีวฺหํ, กายํ, มนํ, รูเป, สทฺเท, คนฺเธ, รเส, โผฏฺพฺเพ, ธมฺเม, จกฺขุวิฺาณํ…เป… มโนวิฺาณํ, จกฺขุสมฺผสฺสํ …เป… มโนสมฺผสฺสํ, จกฺขุสมฺผสฺสชํ เวทนํ…เป… มโนสมฺผสฺสชํ เวทนํ, จกฺขุสมฺผสฺสชํ สฺํ…เป… มโนสมฺผสฺสชํ สฺํ; จกฺขุสมฺผสฺสชํ เจตนํ…เป… มโนสมฺผสฺสชํ เจตนํ; รูปตณฺหํ …เป… ธมฺมตณฺหํ; รูปวิตกฺกํ…เป… ธมฺมวิตกฺกํ; รูปวิจารํ…เป… ธมฺมวิจารนฺติอาทินา อนุปทธมฺมวิภาควเสนปิ สพฺเพว ธมฺมโกฏฺาเส อนวเสสโต วมิ อุคฺคิริ อนเปกฺขปริจฺจาเคน ฉฑฺฑยิ. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘ยํ ตํ, อานนฺท, จตฺตํ วนฺตํ มุตฺตํ ปหีนํ ปฏินิสฺสฏฺํ, ตํ ตถาคโต ปุน ปจฺจาคมิสฺสตีติ เนตํ านํ วิชฺชตี’’ติ. (ที. นิ. ๒.๑๘๓) –

เอวมฺปิ ภาเค วมีติ ภควา. อถ วา ภาเค วมีติ สพฺเพปิ กุสลากุสเล สาวชฺชานวชฺเช หีนปฺปณีเต กณฺหสุกฺกสปฺปฏิภาเค ธมฺเม อริยมคฺคาณมุเขน วมิ อุคฺคิริ อนเปกฺโข ปริจฺจชิ ปชหิ, ปเรสฺจ ตถตฺตาย ธมฺมํ เทเสสิ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –

‘‘ธมฺมาปิ โว, ภิกฺขเว, ปหาตพฺพา ปเคว อธมฺมา, กุลฺลูปมํ, โว ภิกฺขเว, ธมฺมํ เทเสสฺสามิ, นิตฺถรณตฺถาย โน คหณตฺถายา’’ติอาทิ. (ม. นิ. ๑.๒๔๐) –

เอวมฺปิ ภาเค วมีติ ภควา.

‘‘ขนฺธายตนธาตาทิ-ธมฺมเภทา มเหสินา;

กณฺหสุกฺกา ยโต วนฺตา, ตโตปิ ภควา มโต’’.

เตน วุตฺตํ –

‘‘ภาควา ภตวา ภาเค, ภเค จ วนิ ภตฺตวา;

ภเค วมิ ตถา ภาเค, วมีติ ภควา ชิโน’’ติ.

เตน ภควตา. อรหตาติ กิเลเสหิ อารกตฺตา, อนวเสสานํ วา กิเลสารีนํ หตตฺตา, สํสารจกฺกสฺส วา อรานํ หตตฺตา, ปจฺจยาทีนํ อรหตฺตา, ปาปกรเณ รหาภาวาติ อิเมหิ การเณหิ อรหตา. อยเมตฺถ สงฺเขโป. วิตฺถาโร ปน วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺตนเยน เวทิตพฺโพ.

เอตฺถ ภควตาติ อิมินาสฺส ภาคฺยวนฺตตาทีปเนน กปฺปานํ อเนเกสุ อสงฺขฺเยยฺเยสุ อุปจิตปุฺสมฺภารภาวโต สตปุฺลกฺขณธรสฺส ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณอสีติอนุพฺยฺชน- พฺยามปฺปภาเกตุมาลาทิปฏิมณฺฑิตา อนฺสาธารณา รูปกายสมฺปตฺติทีปิตา โหติ. อรหตาติ อิมินาสฺส อนวเสสกิเลสปฺปหานทีปเนน อาสวกฺขยปทฏฺานสพฺพฺุตฺาณาธิคมปริทีปนโต ทสพลจตุเวสารชฺชฉอสาธารณาณอฏฺารสาเวณิกพุทฺธธมฺมาทิ- อจินฺเตยฺยาปริเมยฺยธมฺมกายสมฺปตฺติ ทีปิตา โหติ. ตทุภเยนปิ โลกิยสริกฺขกานํ พหุมตภาโว, คหฏฺปพฺพชิเตหิ อภิคมนียตา, ตถา อภิคตานฺจ เตสํ กายิกเจตสิกทุกฺขาปนยเน ปฏิพลภาโว, อามิสทานธมฺมทาเนหิ อุปการิตา, โลกิยโลกุตฺตเรหิ คุเณหิ สํโยชนสมตฺถตา จ ปกาสิตา โหติ.

ตถา ภควตาติ อิมินา จรณธมฺเมสุ มุทฺธภูตทิพฺพวิหาราทิวิหารวิเสสสมาโยคปริทีปเนน จรณสมฺปทา ทีปิตา โหติ. อรหตาติ อิมินา สพฺพวิชฺชาสุ สิขาปฺปตฺตอาสวกฺขยาณาธิคมปริทีปเนน วิชฺชาสมฺปทา ทีปิตา โหติ. ปุริเมน วา อนฺตรายิกนิยฺยานิกธมฺมานํ อวิปรีตวิภตฺตภาวทีปเนน ปจฺฉิมเวสารชฺชทฺวยสมาโยโค, ปจฺฉิเมน สวาสนนิรวเสสกิเลสปฺปหานทีปเนน ปุริมเวสารชฺชทฺวยสมาโยโค วิภาวิโต โหติ.

ตถา ปุริเมน ตถาคตสฺส ปฏิฺาสจฺจวจีสจฺจาณสจฺจปริทีปเนน, กามคุณโลกิยาธิปจฺจยสลาภสกฺการาทิปริจฺจาคปริทีปเนน, อนวเสสกิเลสาภิสงฺขารปริจฺจาคปริทีปเนน, จ สจฺจาธิฏฺานจาคาธิฏฺานปาริปูริ ปกาสิตา โหติ; ทุติเยน สพฺพสงฺขารูปสมสมธิคมปริทีปเนน, สมฺมาสมฺโพธิปริทีปเนน จ, อุปสมาธิฏฺานปฺาธิฏฺานปาริปูริ ปกาสิตา โหติ. ตถา หิ ภควโต โพธิสตฺตภูตสฺส โลกุตฺตรคุเณ กตาภินีหารสฺส มหากรุณาโยเคน ยถาปฏิฺํ สพฺพปารมิตานุฏฺาเนน สจฺจาธิฏฺานํ, ปารมิตาปฏิปกฺขปริจฺจาเคน จาคาธิฏฺานํ, ปารมิตาคุเณหิ จิตฺตวูปสเมน อุปสมาธิฏฺานํ, ปารมิตาหิ เอว ปรหิตูปายโกสลฺลโต ปฺาธิฏฺานํ ปาริปูริคตํ.

ตถา ‘ยาจกชนํ อวิสํวาเทตฺวา ทสฺสามี’ติ ปฏิชานเนน ปฏิฺํ อวิสํวาเทตฺวา ทาเนน จ สจฺจาธิฏฺานํ, เทยฺยปริจฺจาคโต จาคาธิฏฺานํ, เทยฺยปฏิคฺคาหกทานเทยฺยปริกฺขเยสุ โลภโทสโมหภยวูปสเมน อุปสมาธิฏฺานํ, ยถารหํ ยถากาลํ ยถาวิธิ จ ทาเนน ปฺุตฺตรตาย จ ปฺาธิฏฺานํ ปาริปูริคตํ. อิมินา นเยน เสสปารมีสุปิ จตุราธิฏฺานปาริปูริ เวทิตพฺพา. สพฺพา หิ ปารมิโย สจฺจปฺปภาวิตา จาคาภิพฺยฺชิตา อุปสมานุพฺรูหิตา ปฺาปริสุทฺธาติ เอวํ จตุราธิฏฺานสมุทาคตสฺส ตถาคตสฺส สจฺจาธิฏฺานํ สจฺจาธิฏฺานสมุทาคเมน สีลวิสุทฺธิ, จาคาธิฏฺานสมุทาคเมน อาชีววิสุทฺธิ, อุปสมาธิฏฺานสมุทาคเมน จิตฺตวิสุทฺธิ, ปฺาธิฏฺานสมุทาคเมน ทิฏฺิวิสุทฺธิ. ตถา สจฺจาธิฏฺานสมุทาคเมนสฺส สํวาเสน สีลํ เวทิตพฺพํ, จาคาธิฏฺานสมุทาคเมน สํโวหาเรน โสเจยฺยํ เวทิตพฺพํ, อุปสมาธิฏฺานสมุทาคเมน อาปทาสุ ถาโม เวทิตพฺโพ, ปฺาธิฏฺานสมุทาคเมน สากจฺฉาย ปฺา เวทิตพฺพา.

ตถา สจฺจาธิฏฺานสมุทาคเมน อทุฏฺโ อธิวาเสติ, จาคาธิฏฺานสมุทาคเมน อลุทฺโธ ปฏิเสวติ, อุปสมาธิฏฺานสมุทาคเมน อภีโต ปริวชฺเชติ, ปฺาธิฏฺานสมุทาคเมน อมูฬฺโห วิโนเทติ. ตถา สจฺจาธิฏฺานสมุทาคเมน จสฺส เนกฺขมฺมสุขปฺปตฺติ, จาคาธิฏฺานสมุทาคเมน ปวิเวกสุขปฺปตฺติ, อุปสมาธิฏฺานสมุทาคเมน อุปสมสุขปฺปตฺติ, ปฺาธิฏฺานสมุทาคเมน สมฺโพธิสุขปฺปตฺติ ทีปิตา โหติ. สจฺจาธิฏฺานสมุทาคเมน วา วิเวกชปีติสุขปฺปตฺติ, จาคาธิฏฺานสมุทาคเมน สมาธิชปีติสุขปฺปตฺติ, อุปสมาธิฏฺานสมุทาคเมน อปีติชกายสุขปฺปตฺติ, ปฺาธิฏฺานสมุทาคเมน สติปาริสุทฺธิชอุเปกฺขาสุขปฺปตฺติ. ตถา สจฺจาธิฏฺานสมุทาคเมน ปริวารสมฺปตฺติลกฺขณปจฺจยสุขสมาโยโค ปริทีปิโต โหติ อวิสํวาทนโต, จาคาธิฏฺานสมุทาคเมน สนฺตุฏฺิลกฺขณสภาวสุขสมาโยโค อโลภภาวโต, อุปสมาธิฏฺานสมุทาคเมน กตปุฺตาลกฺขณเหตุสุขสมาโยโค กิเลเสหิ อนภิภูตภาวโต, ปฺาธิฏฺานสมุทาคเมน วิมุตฺติสมฺปตฺติลกฺขณทุกฺขูปสมสุขสมาโยโค ปริทีปิโต โหติ, าณสมฺปตฺติยา นิพฺพานาธิคมนโต.

ตถา สจฺจาธิฏฺานสมุทาคเมน อริยสฺส สีลกฺขนฺธสฺส อนุโพธปฺปฏิเวธสิทฺธิ, จาคาธิฏฺานสมุทาคเมน อริยสฺส สมาธิกฺขนฺธสฺส, ปฺาธิฏฺานสมุทาคเมน อริยสฺส ปฺากฺขนฺธสฺส, อุปสมาธิฏฺานสมุทาคเมน อริยสฺส วิมุตฺติกฺขนฺธสฺส อนุโพธปฺปฏิเวธสิทฺธิ ทีปิตา โหติ. สจฺจาธิฏฺานปริปูรเณน จ ตปสิทฺธิ, จาคาธิฏฺานปริปูรเณน สพฺพนิสฺสคฺคสิทฺธิ, อุปสมาธิฏฺานปริปูรเณน อินฺทฺริยสํวรสิทฺธิ, ปฺาธิฏฺานปริปูรเณน พุทฺธิสิทฺธิ, เตน จ นิพฺพานสิทฺธิ. ตถา สจฺจาธิฏฺานปริปูรเณน จตุอริยสจฺจาภิสมยปฺปฏิลาโภ, จาคาธิฏฺานปริปูรเณน จตุอริยวํสปฺปฏิลาโภ, ๐.อุปสมาธิฏฺานปริปูรเณน จตุอริยวิหารปฺปฏิลาโภ, ปฺาธิฏฺานปริปูรเณน จตุอริยโวหารปฺปฏิลาโภ ทีปิโต โหติ.

อปโร นโย – ภควตาติ เอเตน สตฺตานํ โลกิยโลกุตฺตรสมฺปตฺติอภิกงฺขาทีปเนน ตถาคตสฺส มหากรุณา ปกาสิตา โหติ. อรหตาติ เอเตน ปหานสมฺปตฺติทีปเนน ปหานปฺา ปกาสิตา โหติ. ตตฺถ ปฺายสฺส ธมฺมรชฺชปตฺติ, กรุณาย ธมฺมสํวิภาโค; ปฺาย สํสารทุกฺขนิพฺพิทา, กรุณาย สํสารทุกฺขสหนํ; ปฺาย ปรทุกฺขปริชานนํ, กรุณาย ปรทุกฺขปฺปฏิการารมฺโภ. ปฺาย ปรินิพฺพานาภิมุขภาโว, กรุณาย ตทธิคโม; ปฺาย สยํ ตรณํ, กรุณาย ปเรสํ ตารณํ; ปฺาย พุทฺธภาวสิทฺธิ, กรุณาย พุทฺธกิจฺจสิทฺธิ. กรุณาย วา โพธิสตฺตภูมิยํ สํสาราภิมุขภาโว, ปฺาย ตตฺถ อนภิรติ. ตถา กรุณาย ปเรสํ อวิหึสนํ, ปฺาย สยํ ปเรหิ อภายนํ; กรุณาย ปรํ รกฺขนฺโต อตฺตานํ รกฺขติ, ปฺาย อตฺตานํ รกฺขนฺโต ปรํ รกฺขติ. ตถา กรุณาย อปรนฺตโป, ปฺาย อนตฺตนฺตโป. เตน อตฺตหิตาย ปฏิปนฺนาทีสุ จตุตฺถปุคฺคลภาโว สิทฺโธ โหติ.

ตถา กรุณาย โลกนาถตา, ปฺาย อตฺตนาถตา; กรุณาย จสฺส นินฺนตาภาโว, ปฺาย อุนฺนตาภาโว. ตถา กรุณาย สพฺพสตฺเตสุ ชนิตานุคฺคโห, ปฺานุคตตฺตา น จ น สพฺพตฺถ วิรตฺตจิตฺโต; ปฺาย สพฺพธมฺเมสุ วิรตฺตจิตฺโต, กรุณานุคตตฺตา น จ น สพฺพสตฺตานุคฺคหาย ปวตฺโต. ยถา หิ กรุณา ตถาคตสฺส สิเนหโสกวิรหิตา, เอวํ ปฺา อหํการมมํการวินิมุตฺตาติ อฺมฺํ วิโสธิตา ปรมวิสุทฺธาติ ทฏฺพฺพา. ตตฺถ ปฺาเขตฺตํ พลานิ, กรุณาเขตฺตํ เวสารชฺชานิ. เตสุ พลสมาโยเคน ปเรหิ น อภิภุยฺยติ, เวสารชฺชสมาโยเคน ปเร อภิภวติ. พเลหิ สตฺถุสมฺปทาสิทฺธิ, เวสารชฺเชหิ สาสนสมฺปทาสิทฺธิ. ตถา พเลหิ พุทฺธรตนสิทฺธิ, เวสารชฺเชหิ ธมฺมรตนสิทฺธีติ อยเมตฺถ ‘‘ภควตา อรหตา’’ติ ปททฺวยสฺส อตฺถโยชนาย มุขมตฺตทสฺสนํ.

กสฺมา ปเนตฺถ ‘‘วุตฺตฺเหตํ ภควตา’’ติ วตฺวา ปุน ‘‘วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ? อนุสฺสวปฏิกฺเขเปน นิยมทสฺสนตฺถํ. ยถา หิ เกนจิ ปรโต สุตฺวา วุตฺตํ ยทิปิ จ ชานนฺเตน วุตฺตํ, น เตเนว วุตฺตํ ปเรนปิ วุตฺตตฺตา. น จ ตํ เตน วุตฺตเมว, อปิจ โข สุตมฺปิ, น เอวมิธ. ภควตา หิ ปรโต อสุตฺวา สยมฺภุาเณน อตฺตนา อธิคตเมว วุตฺตนฺติ อิมสฺส วิเสสสฺส ทสฺสนตฺถํ ทฺวิกฺขตฺตุํ ‘‘วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘วุตฺตฺเหตํ ภควตา’’ ตฺจ โข ภควตาว วุตฺตํ, น อฺเน, วุตฺตเมว จ, น สุตนฺติ. อธิกวจนฺหิ อฺมตฺถํ โพเธตีติ น ปุนรุตฺติโทโส. เอส นโย อิโต ปเรสุปิ.

ตถา ปุพฺพรจนาภาวทสฺสนตฺถํ ทฺวิกฺขตฺตุํ ‘‘วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. ภควา หิ สมฺมาสมฺพุทฺธตาย านุปฺปตฺติกปฺปฏิภาเนน สมฺปตฺตปริสาย อชฺฌาสยานุรูปํ ธมฺมํ เทเสติ, น ตสฺส การณา ทานาทีนํ วิย ปุพฺพรจนากิจฺจํ อตฺถิ. เตเนตํ ทสฺเสติ – ‘‘วุตฺตฺเหตํ ภควตา, ตฺจ โข น ปุพฺพรจนาวเสน ตกฺกปริยาหตํ วีมํสานุจริตํ, อปิจ โข เวเนยฺยชฺฌาสยานุรูปํ านโส วุตฺตเมวา’’ติ.

อปฺปฏิวตฺติยวจนภาวทสฺสนตฺถํ วา ทฺวิกฺขตฺตุํ ‘‘วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. ยฺหิ ภควตา วุตฺตํ, วุตฺตเมว ตํ, น เกนจิ ปฏิกฺขิปิตุํ สกฺกา อกฺขรสมฺปตฺติยา อตฺถสมฺปตฺติยา จ. วุตฺตํ เหตํ –

‘‘เอตํ ภควตา พาราณสิยํ อิสิปตเน มิคทาเย อนุตฺตรํ ธมฺมจกฺกํ ปวตฺติตํ อปฺปฏิวตฺติยํ เกนจิ สมเณน วา พฺราหฺมเณน วา’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑; มหาว. ๑๗).

อปรมฺปิ วุตฺตํ –

‘‘อิธ, ภิกฺขเว, อาคจฺเฉยฺย สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา ‘น ยิทํ ทุกฺขํ อริยสจฺจํ, ยํ สมเณน โคตเมน ปฺตฺตํ, อหมิทํ ทุกฺขํ อริยสจฺจํ เปตฺวา อฺํ ทุกฺขํ อริยสจฺจํ ปฺาเปสฺสามี’ติ, เนตํ านํ วิชฺชตี’’ติอาทิ. –

ตสฺมา อปฺปฏิวตฺติยวจนภาวทสฺสนตฺถมฺปิ ทฺวิกฺขตฺตุํ ‘‘วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ.

อถ วา โสตูนํ อตฺถนิปฺผาทกภาวทสฺสนตฺถํ ทฺวิกฺขตฺตุํ ‘‘วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. ยฺหิ ปเรสํ อาสยาทึ อชานนฺเตน อสพฺพฺุนา อเทเส อกาเล วา วุตฺตํ, ตํ สจฺจมฺปิ สมานํ โสตูนํ อตฺถนิปฺผาทเน อสมตฺถตาย อวุตฺตํ นาม สิยา, ปเคว อสจฺจํ. ภควตา ปน สมฺมาสมฺพุทฺธภาวโต สมฺมเทว ปเรสํ อาสยาทึ เทสกาลํ อตฺถสิทฺธิฺจ ชานนฺเตน วุตฺตํ เอกนฺเตน โสตูนํ ยถาธิปฺเปตตฺถนิปฺผาทนโต วุตฺตเมว, นตฺถิ ตสฺส อวุตฺตตาปริยาโย. ตสฺมา โสตูนํ อตฺถนิปฺผาทกภาวทสฺสนตฺถมฺปิ ทฺวิกฺขตฺตุํ ‘‘วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. อปิจ ยถา น ตํ สุตํ นาม, ยํ น วิฺาตตฺถํ ยฺจ น ตถตฺตาย ปฏิปนฺนํ, เอวํ น ตํ วุตฺตํ นาม, ยํ น สมฺมา ปฏิคฺคหิตํ. ภควโต ปน วจนํ จตสฺโสปิ ปริสา สมฺมเทว ปฏิคฺคเหตฺวา ตถตฺตาย ปฏิปชฺชนฺติ. ตสฺมา สมฺมเทว ปฏิคฺคหิตภาวทสฺสนตฺถมฺปิ ทฺวิกฺขตฺตุํ ‘‘วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ.

อถ วา อริเยหิ อวิรุทฺธวจนภาวทสฺสนตฺถํ ทฺวิกฺขตฺตุํ ‘‘วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. ยถา หิ ภควา กุสลากุสลสาวชฺชานวชฺชเภเท ธมฺเม ปวตฺตินิวตฺติโย สมฺมุติปรมตฺเถ จ อวิสํวาเทนฺโต วทติ, เอวํ ธมฺมเสนาปติปฺปภุตโย อริยาปิ ภควติ ธรมาเน ปรินิพฺพุเต จ ตสฺเสว เทสนํ อนุคนฺตฺวา วทนฺติ, น ตตฺถ นานาวาทตา. ตสฺมา วุตฺตมรหตา ตโต ปรภาเค อรหตา อริยสงฺเฆนาปีติ เอวํ อริเยหิ อวิรุทฺธวจนภาวทสฺสนตฺถมฺปิ เอวํ วุตฺตํ.

อถ วา ปุริเมหิ สมฺมาสมฺพุทฺเธหิ วุตฺตนยภาวทสฺสนตฺถํ ทฺวิกฺขตฺตุํ ‘‘วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. สติปิ หิ ชาติโคตฺตายุปฺปมาณาทิวิเสเส ทสพลาทิคุเณหิ วิย ธมฺมเทสนาย พุทฺธานํ วิเสโส นตฺถิ, อฺมฺํ อตฺตนา จ เต ปุพฺเพนาปรํ อวิรุทฺธเมว วทนฺติ. ตสฺมา วุตฺตฺเหตํ ยถา พุทฺเธหิ อตฺตนา จ ปุพฺเพ, อิทานิปิ อมฺหากํ ภควตา ตเถว วุตฺตํ อรหตาติ เอวํ ปุริมพุทฺเธหิ อตฺตนา จ สุตฺตนฺตเรสุ วุตฺตนยภาวทสฺสนตฺถมฺปิ ทฺวิกฺขตฺตุํ ‘‘วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. เตน พุทฺธานํ เทสนาย สพฺพตฺถ อวิโรโธ ทีปิโต โหติ.

อถ วา ‘‘วุตฺต’’นฺติ ยเทตํ ทุติยํ ปทํ, ตํ อรหนฺตวุตฺตภาววจนํ ทฏฺพฺพํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – วุตฺตฺเหตํ ภควตา อรหตาปิ วุตฺตํ – ‘‘เอกธมฺมํ, ภิกฺขเว’’ติอาทิกํ อิทานิ วุจฺจมานํ วจนนฺติ. อถ วา ‘‘วุตฺต’’นฺติ ยเทตํ ทุติยํ ปทํ, ตํ น วจนตฺถํ, อถ โข วปนตฺถํ ทฏฺพฺพํ. เตเนตํ ทสฺเสติ – ‘‘วุตฺตฺเหตํ ภควตา, ตฺจ โข น วุตฺตมตฺตํ, น กถิตมตฺตํ; อถ โข เวเนยฺยานํ กุสลมูลํ วปิต’’นฺติ อตฺโถ. อถ วา ยเทตํ วุตฺตนฺติ ทุติยํ ปทํ, ตํ วตฺตนตฺถํ. อยํ หิสฺส อตฺโถ – วุตฺตฺเหตํ ภควตา อรหตา, ตฺจ โข น วุตฺตมตฺตํ, อปิจ ตทตฺถชาตํ วุตฺตํ จริตนฺติ. เตน ‘‘ยถา วาที ภควา ตถา การี’’ติ ทสฺเสติ. อถ วา วุตฺตํ ภควตา, วุตฺตวจนํ อรหตา วตฺตุํ ยุตฺเตนาติ อตฺโถ.

อถ วา ‘‘วุตฺต’’นฺติ สงฺเขปกถาอุทฺทิสนํ สนฺธายาห, ปุน ‘‘วุตฺต’’นฺติ วิตฺถารกถานิทสฺสนํ. ภควา หิ สงฺเขปโต วิตฺถารโต จ ธมฺมํ เทเสติ. อถ วา ภควโต ทุรุตฺตวจนาภาวทสฺสนตฺถํ ‘‘วุตฺตฺเหตํ ภควตา’’ติ วตฺวา ปุน ‘‘วุตฺต’’นฺติ วุตฺตํ. สพฺพทา าณานุคตวจีกมฺมตาย หิ ภควโต สวาสนปหีนสพฺพโทสสฺส อกฺขลิตพฺยปฺปถสฺส กทาจิปิ ทุรุตฺตํ นาม นตฺถิ. ยถา เกจิ โลเก สติสมฺโมเสน วา ทวา วา รวา วา กิฺจิ วตฺวา อถ ปฏิลทฺธสฺา ปุพฺเพ วุตฺตํ อวุตฺตํ วา กโรนฺติ ปฏิสงฺขโรนฺติ วา, น เอวํ ภควา. ภควา ปน นิจฺจกาลํ สมาหิโต. อสมฺโมสธมฺโม อสมฺโมหธมฺโม จ สพฺพฺุตฺาณสมุปพฺยูฬฺหาย ปฏิภานปฏิสมฺภิทาย อุปนีตมตฺถํ อปริมิตกาลํ สมฺภตปุฺสมฺภารสมุทาคเตหิ อนฺสาธารเณหิ วิสทวิสุทฺเธหิ กรณวิเสเสหิ โสตายตนรสายนภูตํ สุณนฺตานํ อมตวสฺสํ วสฺสนฺโต วิย โสตพฺพสารํ สวนานุตฺตริยํ จตุสจฺจํ ปกาเสนฺโต กรวีกรุตมฺชุนา สเรน สภาวนิรุตฺติยา เวเนยฺยชฺฌาสยานุรูปํ วจนํ วทติ, นตฺถิ ตตฺถ วาลคฺคมตฺตมฺปิ อวกฺขลิตํ, กุโต ปน ทุรุตฺตาวกาโส. ตสฺมา ‘‘ยํ ภควตา วุตฺตํ, ตํ วุตฺตเมว, น อวุตฺตํ ทุรุตฺตํ วา กทาจิ โหตี’’ติ ทสฺสนตฺถํ – ‘‘วุตฺตฺเหตํ ภควตา’’ติ วตฺวา ปุน – ‘‘วุตฺตมรหตา’’ติ วุตฺตนฺติ น เอตฺถ ปุนรุตฺติโทโสติ. เอวเมตฺถ ปุนรุตฺตสทฺทสฺส สาตฺถกตา เวทิตพฺพา.

อิติ เม สุตนฺติ เอตฺถ อิตีติ อยํ อิติสทฺโท เหตุปริสมาปนาทิปทตฺถวิปริยายปการนิทสฺสนาวธารณาทิอเนกตฺถปฺปเภโท. ตถา เหส – ‘‘รุปฺปตีติ โข, ภิกฺขเว, ตสฺมา รูปนฺติ วุจฺจตี’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๓.๗๙) เหตุอตฺเถ ทิสฺสติ. ‘‘ตสฺมาติห เม, ภิกฺขเว, ธมฺมทายาทา ภวถ, มา อามิสทายาทา. อตฺถิ เม ตุมฺเหสุ อนุกมฺปา – กินฺติ เม สาวกา ธมฺมทายาทา ภเวยฺยุํ, โน อามิสทายาทา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๐) ปริสมาปเน. ‘‘อิติ วา อิติ เอวรูปา วิสูกทสฺสนา ปฏิวิรโต’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๑๐) อาทิอตฺเถ. ‘‘มาคณฺฑิโยติ วา ตสฺส พฺราหฺมณสฺส สงฺขา สมฺา ปฺตฺติ โวหาโร นามํ นามกมฺมํ นามเธยฺยํ นิรุตฺติ พฺยฺชนํ อภิลาโป’’ติอาทีสุ (มหานิ. ๗๕) ปทตฺถวิปริยาเย. ‘‘อิติ โข, ภิกฺขเว, สปฺปฏิภโย พาโล, อปฺปฏิภโย ปณฺฑิโต; สอุปทฺทโว พาโล, อนุปทฺทโว ปณฺฑิโต; สอุปสคฺโค พาโล, อนุปสคฺโค ปณฺฑิโต’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๓.๑) ปกาเร. ‘‘สพฺพมตฺถีติ โข, กจฺจาน, อยเมโก อนฺโต, สพฺพํ นตฺถีติ โข, กจฺจาน, อยํ ทุติโย อนฺโต’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๒.๑๕) นิทสฺสเน. ‘‘อตฺถิ อิทปฺปจฺจยา ชรามรณนฺติ อิติ ปุฏฺเน สตา, อานนฺท, อตฺถีติสฺส วจนียํ. กึปจฺจยา ชรามรณนฺติ อิติ เจ วเทยฺย, ชาติปจฺจยา ชรามรณนฺติ อิจฺจสฺส วจนีย’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๙๖) อวธารเณ, สนฺนิฏฺาเนติ อตฺโถ. สฺวายมิธ ปการนิทสฺสนาวธารเณสุ ทฏฺพฺโพ.

ตตฺถ ปการตฺเถน อิติสทฺเทน เอตมตฺถํ ทีเปติ – นานานยนิปุณมเนกชฺฌาสยสมุฏฺานํ อตฺถพฺยฺชนสมฺปนฺนํ วิวิธปาฏิหาริยํ ธมฺมตฺถเทสนาปฏิเวธคมฺภีรํ สพฺพสตฺตานํ สกสกภาสานุรูปโต โสตปถมาคจฺฉนฺตํ ตสฺส ภควโต วจนํ สพฺพปฺปกาเรน โก สมตฺโถ วิฺาตุํ, สพฺพถาเมน ปน โสตุกามตํ ชเนตฺวาปิ อิติ เม สุตํ, มยาปิ เอเกน ปกาเรน สุตนฺติ.

เอตฺถ จ เอกตฺตนานตฺตอพฺยาปารเอวํธมฺมตาสงฺขาตา นนฺทิยาวตฺตติปุกฺขลสีหวิกฺกีฬิตทิสาโลจนองฺกุสสงฺขาตา จ วิสยาทิเภเทน นานาวิธา นยา นานานยา. นยา วา ปาฬิคติโย, ตา จ ปฺตฺติอนุปฺตฺติอาทิวเสน สํกิเลสภาคิยาทิโลกิยาทิตทุภยโวมิสฺสตาทิวเสน, กุสลาทิวเสน, ขนฺธาทิวเสน, สงฺคหาทิวเสน, สมยวิมุตฺตาทิวเสน, ปนาทิวเสน, กุสลมูลาทิวเสน, ติกปฏฺานาทิวเสน จ นานปฺปการาติ นานานยา. เตหิ นิปุณํ สณฺหํ สุขุมนฺติ นานานยนิปุณํ.

อาสโยว อชฺฌาสโย, โส จ สสฺสตาทิเภเทน อปฺปรชกฺขตาทิเภเทน จ อเนกวิโธ. อตฺตชฺฌาสยาทิโก เอว วา อเนโก อชฺฌาสโย อเนกชฺฌาสโย. โส สมุฏฺานํ อุปฺปตฺติเหตุ เอตสฺสาติ อเนกชฺฌาสยสมุฏฺานํ.

กุสลาทิอตฺถสมฺปตฺติยา ตพฺพิภาวนพฺยฺชนสมฺปตฺติยา สงฺกาสนปกาสนวิวรณวิภชนอุตฺตานีกรณปฺตฺติวเสน ฉหิ อตฺถปเทหิ อกฺขรปทพฺยฺชนาการนิรุตฺตินิทฺเทสวเสน ฉหิ พฺยฺชนปเทหิ จ สมนฺนาคตตฺตา อตฺถพฺยฺชนสมฺปนฺนํ.

อิทฺธิอาเทสนานุสาสนีเภเทน เตสุ จ เอเกกสฺส วิสยาทิเภเทน วิวิธํ พหุวิธํ วา ปาฏิหาริยํ เอตสฺสาติ วิวิธปาฏิหาริยํ. ตตฺถ ปฏิปกฺขหรณโต ราคาทิกิเลสาปนยนโต ปฏิหาริยนฺติ อตฺเถ สติ ภควโต ปฏิปกฺขา ราคาทโย น สนฺติ เย หริตพฺพา, ปุถุชฺชนานมฺปิ วิคตูปกฺกิเลเส อฏฺคุณสมนฺนาคเต จิตฺเต หตปฏิปกฺเข อิทฺธิวิธํ ปวตฺตติ. ตสฺมา ตตฺถ ปวตฺตโวหาเรน จ น สกฺกา อิธ ปาฏิหาริยนฺติ วตฺตุํ. ยสฺมา ปน มหาการุณิกสฺส ภควโต เวเนยฺยคตา จ กิเลสา ปฏิปกฺขา, ตสฺมา เตสํ หรณโต ปาฏิหาริยํ. อถ วา ภควโต สาสนสฺส จ ปฏิปกฺขา ติตฺถิยา, เตสํ หรณโต ปาฏิหาริยํ. เต หิ ทิฏฺิหรณวเสน ทิฏฺิปฺปกาสเน อสมตฺถภาเวน จ อิทฺธิอาเทสนานุสาสนีหิ หริตา อปนีตา โหนฺติ. ปฏีติ วา ปจฺฉาติ อตฺโถ. ตสฺมา สมาหิเต จิตฺเต วิคตูปกฺกิเลเส กตกิจฺเจน ปจฺฉา หริตพฺพํ ปวตฺเตตพฺพนฺติ ปฏิหาริยํ. อตฺตโน วา อุปกฺกิเลเสสุ จตุตฺถชฺฌานมคฺเคหิ หริเตสุ ปจฺฉา หรณํ ปฏิหาริยํ. อิทฺธิอาเทสนานุสาสนิโย จ วิคตูปกฺกิเลเสน กตกิจฺเจน สตฺตหิตตฺถํ ปุน ปวตฺเตตพฺพา, หริเตสุ จ อตฺตโน อุปกฺกิเลเสสุ ปรสนฺตาเน อุปกฺกิเลสหรณานิ โหนฺตีติ ปฏิหาริยานิ ภวนฺติ. ปฏิหาริยเมว ปาฏิหาริยํ, ปฏิหาริเย วา อิทฺธิอาเทสนานุสาสนิสมุทาเย ภวํ เอเกกํ ปาฏิหาริยนฺติ วุจฺจติ. ปฏิหาริยํ วา จตุตฺถชฺฌานํ มคฺโค จ ปฏิปกฺขหรณโต, ตตฺถ ชาตํ, ตสฺมึ วา นิมิตฺตภูเต, ตโต วา อาคตนฺติ ปาฏิหาริยํ.

ยสฺมา ปน ตนฺติอตฺถเทสนาตพฺโพหาราภิสมยสงฺขาตา เหตุเหตุผลตทุภยปฺตฺติปฏิเวธสงฺขาตา วา ธมฺมตฺถเทสนาปฏิเวธา คมฺภีรา, อนุปจิตสมฺภาเรหิ สสาทีหิ วิย มหาสมุทฺโท ทุกฺโขคาฬฺหา อลพฺภเนยฺยปฺปติฏฺา จ. ตสฺมา เตหิ จตูหิ คมฺภีรภาเวหิ ยุตฺตนฺติ ธมฺมตฺถเทสนาปฏิเวธคมฺภีรํ.

เอโก เอว ภควโต ธมฺมเทสนาโฆโส เอกสฺมึ ขเณ ปวตฺตมาโน นานาภาสานํ สตฺตานํ อตฺตโน อตฺตโน ภาสาวเสน อปุพฺพํ อจริมํ คหณูปโค หุตฺวา อตฺถาธิคมาย โหติ. อจินฺเตยฺโย หิ พุทฺธานํ พุทฺธานุภาโวติ สพฺพสตฺตานํ สกสกภาสานุรูปโต โสตปถมาคจฺฉตีติ เวทิตพฺพํ.

นิทสฺสนตฺเถน – ‘‘นาหํ สยมฺภู, น มยา อิทํ สจฺฉิกต’’นฺติ อตฺตานํ ปริโมเจนฺโต – ‘‘อิติ เม สุตํ, มยาปิ เอวํ สุต’’นฺติ อิทานิ วตฺตพฺพํ สกลํ สุตฺตํ นิทสฺเสติ.

อวธารณตฺเถน – ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ พหุสฺสุตานํ ยทิทํ อานนฺโท, คติมนฺตานํ, สติมนฺตานํ, ธิติมนฺตานํ, อุปฏฺากานํ ยทิทํ อานนฺโท’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๑๙-๒๒๓) เอวํ ภควตา, ‘‘อายสฺมา อานนฺโท อตฺถกุสโล ธมฺมกุสโล พฺยฺชนกุสโล นิรุตฺติกุสโล ปุพฺพาปรกุสโล’’ติ (อ. นิ. ๕.๑๖๙) เอวํ ธมฺมเสนาปตินา จ ปสตฺถภาวานุรูปํ อตฺตโน ธารณพลํ ทสฺเสนฺโต สตฺตานํ โสตุกมฺยตํ ชเนติ – ‘‘อิติ เม สุตํ, ตฺจ โข อตฺถโต วา พฺยฺชนโต วา อนูนมนธิกํ, เอวเมว, น อฺถา, ทฏฺพฺพ’’นฺติ. อฺถาติ ภควโต สมฺมุขา สุตาการโต อฺถา, น ปน ภควตา เทสิตาการโต. อจินฺเตยฺยานุภาวา หิ ภควโต เทสนา, สา น สพฺพากาเรน สกฺกา วิฺาตุนฺติ วุตฺโตวายมตฺโถ. สุตาการาวิรุชฺฌนเมว หิ ธารณพลํ. น เหตฺถ อตฺถนฺตรตาปริหาโร ทฺวินฺนมฺปิ อตฺถานํ เอกวิสยตฺตา. อิตรถา หิ เถโร ภควโต เทสนาย สพฺพถา ปฏิคฺคหเณ สมตฺโถ อสมตฺโถติ วา อาปชฺเชยฺยาติ.

เม-สทฺโท ตีสุ อตฺเถสุ ทิสฺสติ. ตถา หิสฺส – ‘‘คาถาภิคีตํ เม อโภชเนยฺย’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๑๙๔; สุ. นิ. ๘๑) มยาติ อตฺโถ. ‘‘สาธุ เม, ภนฺเต, ภควา สํขิตฺเตน ธมฺมํ เทเสตู’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๔.๘๘; ๕.๓๘๑; อ. นิ. ๔.๒๕๗) มยฺหนฺติ อตฺโถ. ‘‘ธมฺมทายาทา เม, ภิกฺขเว, ภวถา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๙) มมาติ อตฺโถ. อิธ ปน ‘‘มยา สุต’’นฺติ จ ‘‘มม สุต’’นฺติ จ อตฺถทฺวเย ยุชฺชติ.

เอตฺถ จ โย ปโร น โหติ, โส อตฺตาติ เอวํ วตฺตพฺเพ นิยกชฺฌตฺตสงฺขาเต สกสนฺตาเน วตฺตนโต ติวิโธปิ เม-สทฺโท ยทิปิ เอกสฺมึเยว อตฺเถ ทิสฺสติ, กรณสมฺปทานาทิวิเสสสงฺขาโต ปนสฺส วิชฺชเตวายํ อตฺถเภโทติ อาห – ‘‘เม-สทฺโท ตีสุ อตฺเถสุ ทิสฺสตี’’ติ.

สุตนฺติ อยํ สุต-สทฺโท สอุปสคฺโค อนุปสคฺโค จ คมนวิสฺสุตกิลินฺนูปจิตานุโยคโสตวิฺเยฺยโสตทฺวารานุสารวิฺาตาทิอเนกตฺถปฺปเภโท. กิฺจาปิ หิ กิริยาวิเสสโก อุปสคฺโค, โชตกภาวโต ปน สติปิ ตสฺมึ สุต-สทฺโท เอว ตํ ตํ อตฺถํ วทตีติ อนุปสคฺคสฺส สุตสทฺทสฺส อตฺถุทฺธาเร สอุปสคฺโคปิ อุทาหรียติ.

ตตฺถ ‘‘เสนาย ปสุโต’’ติอาทีสุ คจฺฉนฺโตติ อตฺโถ. ‘‘สุตธมฺมสฺส ปสฺสโต’’ติอาทีสุ (อุทา. ๑๑) วิสฺสุตธมฺมสฺสาติ อตฺโถ. ‘‘อวสฺสุตา อวสฺสุตสฺสา’’ติอาทีสุ (ปาจิ. ๖๕๗) กิลินฺนา กิลินฺนสฺสาติ อตฺโถ. ‘‘ตุมฺเหหิ ปุฺํ ปสุตํ อนปฺปก’’นฺติอาทีสุ (ขุ. ปา. ๗.๑๒) อุปจิตนฺติ อตฺโถ. ‘‘เย ฌานปฺปสุตา ธีรา’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๑๘๑) ฌานานุยุตฺตาติ อตฺโถ. ‘‘ทิฏฺํ สุตํ มุต’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๔๑) โสตวิฺเยฺยนฺติ อตฺโถ. ‘‘สุตธโร สุตสนฺนิจโย’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๓๙) โสตทฺวารานุสารวิฺาตธโรติ อตฺโถ. อิธ ปนสฺส ‘‘โสตทฺวารานุสาเรน อุปธาริต’’นฺติ วา ‘‘อุปธารณ’’นฺติ วา อตฺโถ. เม-สทฺทสฺส หิ มยาติ อตฺเถ สติ ‘‘อิติ เม สุตํ, มยา โสตทฺวารานุสาเรน อุปธาริต’’นฺติ อตฺโถ. มมาติ อตฺเถ สติ ‘‘อิติ มม สุตํ โสตทฺวารานุสาเรน อุปธารณ’’นฺติ อตฺโถ.

เอวเมเตสุ ตีสุ ปเทสุ ยสฺมา สุตสทฺทสนฺนิธาเน ปยุตฺเตน อิติสทฺเทน สวนกิริยาโชตเกน ภวิตพฺพํ. ตสฺมา อิตีติ โสตวิฺาณาทิวิฺาณกิจฺจนิทสฺสนํ. เมติ วุตฺตวิฺาณสมงฺคิปุคฺคลนิทสฺสนํ. สพฺพานิปิ วากฺยานิ เอวการตฺถสหิตานิเยว อวธารณผลตฺตา. เตน สุตนฺติ อสฺสวนภาวปฺปฏิกฺเขปโต อนูนาวิปรีตคฺคหณนิทสฺสนํ. ยถา หิ สุตํ สุตเมวาติ วตฺตพฺพตํ อรหติ, ตํ สมฺมา สุตํ อนูนคฺคหณํ อวิปรีตคฺคหณฺจ โหตีติ. อถ วา สทฺทนฺตรตฺถาโปหนวเสน สทฺโท อตฺถํ วทตีติ, ยสฺมา สุตนฺติ เอตสฺส อสุตํ น โหตีติ อยมตฺโถ, ตสฺมา สุตนฺติ อสฺสวนภาวปฺปฏิกฺเขปโต อนูนาวิปรีตคฺคหณนิทสฺสนํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อิติ เม สุตํ, น ทิฏฺํ, น สยมฺภุาเณน สจฺฉิกตํ, น อฺถา วา อุปลทฺธํ, อปิจ สุตํว, ตฺจ โข สมฺมเทวาติ. อวธารณตฺเถ วา อิติสทฺเท อยมตฺถโยชนาติ ตทเปกฺขสฺส สุต-สทฺทสฺส นิยมตฺโถ สมฺภวตีติ อสฺสวนภาวปฺปฏิกฺเขโป, อนูนาวิปรีตคฺคหณนิทสฺสนตา จ เวทิตพฺพา. เอวํ สวนเหตุสวนวิเสสวเสน ปทตฺตยสฺส อตฺถโยชนา กตาติ ทฏฺพฺพํ.

ตถา อิตีติ โสตทฺวารานุสาเรน ปวตฺตาย วิฺาณวีถิยา นานตฺถพฺยฺชนคฺคหณโต นานปฺปกาเรน อารมฺมเณ ปวตฺติภาวปฺปกาสนํ อาการตฺโถ อิติสทฺโทติ กตฺวา. เมติ อตฺตปฺปกาสนํ. สุตนฺติ ธมฺมปฺปกาสนํ ยถาวุตฺตาย วิฺาณวีถิยา ปริยตฺติธมฺมารมฺมณตฺตา. อยฺเหตฺถ สงฺเขโป – นานปฺปกาเรน อารมฺมเณ ปวตฺตาย วิฺาณวีถิยา การณภูตาย มยา น อฺํ กตํ, อิทํ ปน กตํ, อยํ ธมฺโม สุโตติ.

ตถา อิตีติ นิทสฺสิตพฺพปฺปกาสนํ นิทสฺสนตฺโถ อิติ-สทฺโทติ กตฺวา นิทสฺเสตพฺพสฺส นิทสฺสิตพฺพตฺตาภาวาภาวโต. ตสฺมา อิติสทฺเทน สกลมฺปิ สุตํ ปจฺจามฏฺนฺติ เวทิตพฺพํ. เมติ ปุคฺคลปฺปกาสนํ. สุตนฺติ ปุคฺคลกิจฺจปฺปกาสนํ. สุต-สทฺเทน หิ ลพฺภมานา สวนกิริยา สวนวิฺาณปฺปพนฺธปฺปฏิพทฺธา, ตตฺถ จ ปุคฺคลโวหาโร. น หิ ปุคฺคลโวหารรหิเต ธมฺมปฺปพนฺเธ สวนกิริยา ลพฺภติ. ตสฺสายํ สงฺเขปตฺโถ – ยํ สุตฺตํ นิทฺทิสิสฺสามิ, ตํ มยา อิติ สุตนฺติ.

ตถา อิตีติ ยสฺส จิตฺตสนฺตานสฺส นานารมฺมณปฺปวตฺติยา นานตฺถพฺยฺชนคฺคหณํ โหติ, ตสฺส นานาการนิทฺเทโส อาการตฺโถ อิติสทฺโทติ กตฺวา. อิตีติ หิ อยํ อาการปฺตฺติ ธมฺมานํ ตํ ตํ ปวตฺติอาการํ อุปาทาย ปฺาเปตพฺพสภาวตฺตา. เมติ กตฺตุนิทฺเทโส. สุตนฺติ วิสยนิทฺเทโส. โสตพฺโพ หิ ธมฺโม สวนกิริยากตฺตุปุคฺคลสฺส สวนกิริยาวเสน ปวตฺติฏฺานํ โหติ. เอตฺตาวตา นานปฺปการปฺปวตฺเตน จิตฺตสนฺตาเนน ตํสมงฺคิโน กตฺตุ วิสเย คหณสนฺนิฏฺานํ ทสฺสิตํ โหติ.

อถ วา อิตีติ ปุคฺคลกิจฺจนิทฺเทโส. สุตานฺหิ ธมฺมานํ คหิตาการสฺส นิทสฺสนสฺส อวธารณสฺส วา ปกาสนภาเวน อิติสทฺเทน ตทาการาทิธารณสฺส ปุคฺคลโวหารูปาทานธมฺมพฺยาปารภาวโต ปุคฺคลกิจฺจํ นาม นิทฺทิฏฺํ โหตีติ. สุตนฺติ วิฺาณกิจฺจนิทฺเทโส. ปุคฺคลวาทิโนปิ หิ สวนกิริยา วิฺาณนิรเปกฺขา น โหตีติ. เมติ อุภยกิจฺจยุตฺตปุคฺคลนิทฺเทโส. เมติ หิ สทฺทปฺปวตฺติ เอกนฺเตเนว สตฺตวิเสสวิสยา, วิฺาณกิจฺจฺจ ตตฺเถว สโมทหิตพฺพนฺติ. อยํ ปเนตฺถ สงฺเขโป – มยา สวนกิจฺจวิฺาณสมงฺคินา ปุคฺคเลน วิฺาณวเสน ลทฺธสฺสวนกิจฺจโวหาเรน สุตนฺติ.

ตถา อิตีติ จ เมติ จ สจฺจิกฏฺปรมตฺถวเสน อวิชฺชมานปฺตฺติ. สพฺพสฺส หิ สทฺทาธิคมนียสฺส อตฺถสฺส ปฺตฺติมุเขเนว ปฏิปชฺชิตพฺพตฺตา สพฺพปฺตฺตีนฺจ วิชฺชมานาทีสุ ฉสฺเวว ปฺตฺตีสุ อวโรโธ, ตสฺมา โย มายามรีจิอาทโย วิย อภูตตฺโถ, อนุสฺสวาทีหิ คเหตพฺโพ วิย อนุตฺตมตฺโถ จ น โหติ. โส รูปสทฺทาทิโก รุปฺปนานุภวนาทิโก จ ปรมตฺถสภาโว สจฺจิกฏฺปรมตฺถวเสน วิชฺชติ. โย ปน อิตีติ จ เมติ จ วุจฺจมาโน อาการาทิอปรมตฺถสภาโว สจฺจิกฏฺปรมตฺถวเสน อนุปลพฺภมาโน อวิชฺชมานปฺตฺติ นาม, กิเมตฺถ ตํ ปรมตฺถโต อตฺถิ, ยํ อิตีติ วา เมติ วา นิทฺเทสํ ลเภถ. สุตนฺติ วิชฺชมานปฺตฺติ. ยฺหิ ตํ โสเตน อุปลทฺธํ, ตํ ปรมตฺถโต วิชฺชมานนฺติ.

ตถา อิตีติ โสตปถมาคเต ธมฺเม อุปาทาย เตสํ อุปธาริตาการาทีนํ ปจฺจามสนวเสน. เมติ สสนฺตติปริยาปนฺเน ขนฺเธ กรณาทิวิเสสวิสิฏฺเ อุปาทาย วตฺตพฺพโต อุปาทาปฺตฺติ. สุตนฺติ ทิฏฺาทีนิ อุปนิธาย วตฺตพฺพโต อุปนิธาปฺตฺติ. ทิฏฺาทิสภาวรหิเต สทฺทายตเน ปวตฺตมาโนปิ สุตโวหาโร ทุติยํ, ตติยนฺติ อาทิโก วิย ปมาทึ นิสฺสาย ‘‘ยํ น ทิฏฺมุตวิฺาตนิรเปกฺขํ, ตํ สุต’’นฺติ วิฺเยฺยตฺตา ทิฏฺาทีนิ อุปนิธาย วตฺตพฺโพ โหติ. อสุตํ น โหตีติ หิ สุตนฺติ ปกาสิโตยมตฺโถติ.

เอตฺถ อิตีติ วจเนน อสมฺโมหํ ทีเปติ. ปฏิวิทฺธา หิ อตฺถสฺส ปการวิเสสา อิตีติ อิธ อายสฺมตา อานนฺเทน ปจฺจามฏฺา, เตนสฺส อสมฺโมโห ทีปิโต. น หิ สมฺมูฬฺโห นานปฺปการปฺปฏิเวธสมตฺโถ โหติ, โลภปฺปหานาทิวเสน นานปฺปการา ทุปฺปฏิวิทฺธา จ สุตฺตตฺถา นิทฺทิสียนฺติ. สุตนฺติ วจเนน อสมฺโมสํ ทีเปติ สุตาการสฺส ยาถาวโต ทสฺสิยมานตฺตา ยสฺส หิ สุตํ สมฺมุฏฺํ โหติ, น โส กาลนฺตเร มยา สุตนฺติ ปฏิชานาติ. อิจฺจสฺส อสมฺโมเหน สมฺโมหาภาเวน ปฺาย เอว วา สวนกาลสมฺภูตาย ตทุตฺตริกาลปฺาสิทฺธิ, ตถา อสมฺโมเสน สติสิทฺธิ. ตตฺถ ปฺาปุพฺพงฺคมาย สติยา พฺยฺชนาวธารณสมตฺถตา. พฺยฺชนานฺหิ ปฏิวิชฺฌิตพฺโพ อากาโร นาติคมฺภีโร, ยถาสุตธารณเมว ตตฺถ กรณียนฺติ สติยา พฺยาปาโร อธิโก, ปฺา ตตฺถ คุณีภูตา โหติ ปฺาย ปุพฺพงฺคมาติ กตฺวา. สติปุพฺพงฺคมาย ปฺาย อตฺถปฺปฏิเวธสมตฺถตา. อตฺถสฺส หิ ปฏิวิชฺฌิตพฺโพ อากาโร คมฺภีโรติ ปฺาย พฺยาปาโร อธิโก, สติ ตตฺถ คุณีภูตา โหติ สติยา ปุพฺพงฺคมาติ กตฺวา. ตทุภยสมตฺถตาโยเคน อตฺถพฺยฺชนสมฺปนฺนสฺส ธมฺมโกสสฺส อนุปาลนสมตฺถตาย ธมฺมภณฺฑาคาริกตฺตสิทฺธิ.

อปโร นโย – อิตีติ วจเนน โยนิโสมนสิการํ ทีเปติ. เตน วุจฺจมานานํ อาการนิทสฺสนาวธารณตฺถานํ อุปริ วกฺขมานานํ นานปฺปการปฺปฏิเวธโชตกานํ อวิปรีตสทฺธมฺมวิสยตฺตา. น หิ อโยนิโส มนสิกโรโต นานปฺปการปฺปฏิเวโธ สมฺภวติ. สุตนฺติ วจเนน อวิกฺเขปํ ทีเปติ, นิทานปุจฺฉาวเสน ปกรณปฺปตฺตสฺส วกฺขมานสฺส สุตฺตสฺส สวนํ น สมาธานมนฺตเรน สมฺภวติ วิกฺขิตฺตจิตฺตสฺส สวนาภาวโต. ตถา หิ วิกฺขิตฺตจิตฺโต ปุคฺคโล สพฺพสมฺปตฺติยา วุจฺจมาโนปิ ‘‘น มยา สุตํ, ปุน ภณถา’’ติ วทติ. โยนิโสมนสิกาเรน เจตฺถ อตฺตสมฺมาปณิธึ ปุพฺเพกตปุฺตฺจ สาเธติ, สมฺมา อปฺปณิหิตตฺตสฺส ปุพฺเพ อกตปุฺสฺส วา ตทภาวโต. อวิกฺเขเปน สทฺธมฺมสฺสวนํ สปฺปุริสูปนิสฺสยฺจ สาเธติ, อสฺสุตวโต สปฺปุริสูปนิสฺสยรหิตสฺส จ ตทภาวโต. น หิ วิกฺขิตฺตจิตฺโต สทฺธมฺมํ โสตุํ สกฺโกติ, น จ สปฺปุริเส อนุปสฺสยมานสฺส สวนํ อตฺถิ.

อปโร นโย – ‘‘ยสฺส จิตฺตสนฺตานสฺส นานาการปฺปวตฺติยา นานตฺถพฺยฺชนคฺคหณํ โหติ, ตสฺส นานาการนิทฺเทโส’’ติ วุตฺตํ. ยสฺมา จ โส ภควโต วจนสฺส อตฺถพฺยฺชนปฺปเภทปริจฺเฉทวเสน สกลสาสนสมฺปติโอคาหเนน นิรวเสสปรหิตปาริปูริการณภูโต เอวํภทฺทโก อากาโร น สมฺมา อปฺปณิหิตตฺตโน ปุพฺเพ อกตปุฺสฺส วา โหติ, ตสฺมา อิตีติ อิมินา ภทฺทเกน อากาเรน ปจฺฉิมจกฺกทฺวยสมฺปตฺติมตฺตโน ทีเปติ, สุตนฺติ สวนโยเคน ปุริมจกฺกทฺวยสมฺปตฺตึ. น หิ อปฺปติรูเป เทเส วสโต สปฺปุริสูปนิสฺสยรหิตสฺส วา สวนํ อตฺถิ. อิจฺจสฺส ปจฺฉิมจกฺกทฺวยสิทฺธิยา อาสยสุทฺธิ สิทฺธา โหติ, สมฺมา ปณิหิตตฺโต ปุพฺเพ จ กตปุฺโ วิสุทฺธาสโย โหติ, ตทวิสุทฺธิเหตูนํ กิเลสานํ ทูรีภาวโต. ตถา หิ วุตฺตํ – ‘‘สมฺมา ปณิหิตํ จิตฺตํ, เสยฺยโส นํ ตโต กเร’’ติ (ธ. ป. ๔๓) ‘‘กตปุฺโสิ ตฺวํ, อานนฺท, ปธานมนุยุฺช, ขิปฺปํ โหหิสิ อนาสโว’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๐๗) จ. ปุริมจกฺกทฺวยสิทฺธิยา ปโยคสุทฺธิ. ปติรูปเทสวาเสน หิ สปฺปุริสูปนิสฺสเยน จ สาธูนํ ทิฏฺานุคติอาปชฺชเนนปิ วิสุทฺธปฺปโยโค โหติ. ตาย จ อาสยสุทฺธิยา อธิคมพฺยตฺติสิทฺธิ, ปุพฺเพ เอว ตณฺหาทิฏฺิสํกิเลสานํ วิโสธิตตฺตา ปโยคสุทฺธิยา อาคมพฺยตฺติสิทฺธิ. สุปริสุทฺธกายวจีปโยโค หิ วิปฺปฏิสาราภาวโต อวิกฺขิตฺตจิตฺโต ปริยตฺติยํ วิสารโท โหติ. อิติ ปโยคาสยสุทฺธสฺส อาคมาธิคมสมฺปนฺนสฺส วจนํ อรุณุคฺคมนํ วิย สูริยสฺส อุทยโต, โยนิโสมนสิกาโร วิย จ กุสลธมฺมสฺส, อรหติ ภควโต วจนสฺส ปุพฺพงฺคมํ ภวิตุนฺติ าเน นิทานํ เปนฺโต อิติ เม สุตนฺติอาทิมาห.

อปโร นโย – อิตีติ อิมินา ปุพฺเพ วุตฺตนเยน นานปฺปการปฺปฏิเวธทีปเกน อตฺตโน อตฺถปฏิภานปฏิสมฺภิทาสมฺปตฺติสพฺภาวํ ทีเปติ. สุตนฺติ อิมินา อิติสทฺทสนฺนิธานโต วกฺขมานาเปกฺขาย วา โสตพฺพเภทปฺปฏิเวธทีปเกน ธมฺมนิรุตฺติปฏิสมฺภิทาสมฺปตฺติสพฺภาวํ ทีเปติ. อิตีติ จ อิทํ วุตฺตนเยเนว โยนิโสมนสิการทีปกํ วจนํ ภาสมาโน ‘‘เอเต มยา ธมฺมา มนสานุเปกฺขิตา ทิฏฺิยา สุปฺปฏิวิทฺธา’’ติ ทีเปติ. ปริยตฺติธมฺมา หิ ‘‘อิธ สีลํ กถิตํ, อิธ สมาธิ, อิธ ปฺา, เอตฺตกา เอตฺถ อนุสนฺธิโย’’ติอาทินา นเยน มนสา อนุเปกฺขิตา อนุสฺสวาการปริวิตกฺกสหิตาย ธมฺมนิชฺฌานกฺขนฺติภูตาย าตปริฺาสงฺขาตาย วา ทิฏฺิยา ตตฺถ ตตฺถ วุตฺตรูปารูปธมฺเม ‘‘อิติ รูปํ, เอตฺตกํ รูป’’นฺติอาทินา นเยน สุฏฺุ ววตฺถเปตฺวา ปฏิวิทฺธา อตฺตโน ปเรสฺจ หิตสุขาวหา โหนฺตีติ. สุตฺตนฺติ อิทํ สวนโยคปริทีปกวจนํ ภาสมาโน ‘‘พหู มยา ธมฺมา สุตา ธาตา วจสา ปริจิตา’’ติ ทีเปติ. โสตาวธานปฺปฏิพทฺธา หิ ปริยตฺติธมฺมสฺส สวนธารณปริจยา. ตทุภเยนปิ ธมฺมสฺส สฺวากฺขาตภาเวน อตฺถพฺยฺชนปาริปูรึ ทีเปนฺโต สวเน อาทรํ ชเนติ. อตฺถพฺยฺชนปริปุณฺณฺหิ ธมฺมํ อาทเรน อสฺสุณนฺโต มหตา หิตา ปริพาหิโร โหตีติ อาทรํ ชเนตฺวา สกฺกจฺจํ ธมฺโม โสตพฺโพ.

อิติ เม สุตนฺติ อิมินา ปน สกเลน วจเนน อายสฺมา อานนฺโท ตถาคตปฺปเวทิตํ ธมฺมวินยํ อตฺตโน อทหนฺโต อสปฺปุริสภูมึ อติกฺกมติ, สาวกตฺตํ ปฏิชานนฺโต สปฺปุริสภูมึ โอกฺกมติ. ตถา อสทฺธมฺมา จิตฺตํ วุฏฺาเปติ, สทฺธมฺเม จิตฺตํ ปติฏฺาเปติ. ‘‘เกวลํ สุตเมเวตํ มยา, ตสฺเสว ปน ภควโต วจน’’นฺติ ทีเปนฺโต อตฺตานํ ปริโมเจติ, สตฺถารํ อปทิสติ, ชินวจนํ อปฺเปติ, ธมฺมเนตฺตึ ปติฏฺาเปติ.

อปิจ อิติ เม สุตนฺติ อตฺตนา อุปฺปาทิตภาวํ อปฺปฏิชานนฺโต ปุริมสฺสวนํ วิวรนฺโต สมฺมุขา ปฏิคฺคหิตมิทํ มยา ตสฺส ภควโต จตุเวสารชฺชวิสารทสฺส ทสพลธรสฺส อาสภฏฺานฏฺายิโน สีหนาทนาทิโน สพฺพสตฺตุตฺตมสฺส ธมฺมิสฺสรสฺส ธมฺมราชสฺส ธมฺมาธิปติโน ธมฺมทีปสฺส ธมฺมสรณสฺส สทฺธมฺมวรจกฺกวตฺติโน สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส. น เอตฺถ อตฺเถ วา ธมฺเม วา ปเท วา พฺยฺชเน วา กงฺขา วา วิมติ วา กาตพฺพาติ สพฺพเทวมนุสฺสานํ อิมสฺมึ ธมฺมวินเย อสฺสทฺธิยํ วินาเสติ, สทฺธาสมฺปทํ อุปฺปาเทติ. เตเนตํ วุจฺจติ –

‘‘วินาสยติ อสฺสทฺธํ, สทฺธํ วฑฺเฒติ สาสเน;

อิติ เม สุตมิจฺเจวํ, วทํ โคตมสาวโก’’ติ.

เอตฺถาห – ‘‘กสฺมา ปเนตฺถ ยถา อฺเสุ สุตฺเตสุ ‘เอวํ เม สุตํ, เอกํ สมยํ ภควา’ติอาทินา กาลเทเส อปทิสิตฺวาว นิทานํ ภาสิตํ, เอวํ น ภาสิต’’นฺติ? อปเร ตาว อาหุ – น ปน เถเรน ภาสิตตฺตา. อิทฺหิ นิทานํ น อายสฺมตา อานนฺเทน ปมํ ภาสิตํ ขุชฺชุตฺตราย ปน ภควตา อุปาสิกาสุ พหุสฺสุตภาเวน เอตทคฺเค ปิตาย เสกฺขปฺปฏิสมฺภิทาปฺปตฺตาย อริยสาวิกาย สามาวติปฺปมุขานํ ปฺจนฺนํ อิตฺถิสตานํ ปมํ ภาสิตํ.

ตตฺรายํ อนุปุพฺพีกถา – อิโต กิร กปฺปสตสหสฺสมตฺถเก ปทุมุตฺตโร นาม สมฺมาสมฺพุทฺโธ โลเก อุปฺปชฺชิตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺโก หํสวติยํ วิหรติ. อเถกทิวสํ หํสวติยํ เอกา กุลธีตา สตฺถุ ธมฺมเทสนํ โสตุํ คจฺฉนฺตีหิ อุปาสิกาหิ สทฺธึ อารามํ คตา. สตฺถารํ เอกํ อุปาสิกํ พหุสฺสุตานํ เอตทคฺเค เปนฺตํ ทิสฺวา อธิการํ กตฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถสิ. สตฺถาปิ นํ พฺยากาสิ ‘‘อนาคเต โคตมสฺส นาม สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สาวิกานํ อุปาสิกานํ พหุสฺสุตานํ อคฺคา ภวิสฺสตี’’ติ. ตสฺสา ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา ปุน มนุสฺเสสูติ เอวํ เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺติยา กปฺปสตสหสฺสํ อติกฺกนฺตํ. อถ อิมสฺมึ ภทฺทกปฺเป อมฺหากํ ภควโต กาเล สา เทวโลกโต จวิตฺวา โฆสกเสฏฺิสฺส เคเห ทาสิยา กุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ, อุตฺตราติสฺสา นามํ อกํสุ. สา ชาตกาเล ขุชฺชา อโหสีติ ขุชฺชุตฺตราตฺเวว ปฺายิตฺถ. สา อปรภาเค โฆสกเสฏฺินา รฺโ อุเตนสฺส สามาวติยา ทินฺนกาเล ตสฺสา ปริจาริกภาเวน ทินฺนา รฺโ อุเตนสฺส อนฺเตปุเร วสติ.

เตน จ สมเยน โกสมฺพิยํ โฆสกเสฏฺิกุกฺกุฏเสฏฺิปาวาริกเสฏฺิโน ภควนฺตํ อุทฺทิสฺส ตโย วิหาเร กาเรตฺวา ชนปทจาริกํ จรนฺเต ตถาคเต โกสมฺพินครํ สมฺปตฺเต พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส วิหาเร นิยฺยาเทตฺวา มหาทานานิ ปวตฺเตสุํ, มาสมตฺตํ อติกฺกมิ. อถ เนสํ เอตทโหสิ – ‘‘พุทฺธา นาม สพฺพโลกานุกมฺปกา, อฺเสมฺปิ โอกาสํ ทสฺสามา’’ติ โกสมฺพินครวาสิโนปิ ชนสฺส โอกาสํ อกํสุ. ตโต ปฏฺาย นาครา วีถิสภาเคน คณสภาเคน มหาทานํ เทนฺติ. อเถกทิวสํ สตฺถา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต มาลาการเชฏฺกสฺส เคเห นิสีทิ. ตสฺมึ ขเณ ขุชฺชุตฺตรา สามาวติยา ปุปฺผานิ คเหตุํ อฏฺ กหาปเณ อาทาย ตํ เคหํ อคมาสิ. มาลาการเชฏฺโก ตํ ทิสฺวา ‘‘อมฺม อุตฺตเร, อชฺช ตุยฺหํ ปุปฺผานิ ทาตุํ ขโณ นตฺถิ, อหํ พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริวิสามิ, ตฺวมฺปิ ปริเวสนาย สหายิกา โหหิ, เอวํ อิโต ปเรสํ เวยฺยาวจฺจกรณโต มุจฺจิสฺสสี’’ติ อาห. ตโต ขุชฺชุตฺตรา พุทฺธานํ ภตฺตคฺเค เวยฺยาวจฺจํ อกาสิ. สา สตฺถารา อุปนิสินฺนกถาวเสน กถิตํ สพฺพเมว ธมฺมํ อุคฺคณฺหิ, อนุโมทนํ ปน สุตฺวา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาสิ.

สา อฺเสุ ทิวเสสุ จตฺตาโรว กหาปเณ ทตฺวา ปุปฺผานิ คเหตฺวา คจฺฉติ, ตสฺมึ ปน ทิวเส ทิฏฺสจฺจภาเวน ปรสนฺตเก จิตฺตํ อนุปฺปาเทตฺวา อฏฺปิ กหาปเณ ทตฺวา ปจฺฉึ ปูเรตฺวา ปุปฺผานิ คเหตฺวา สามาวติยา สนฺติกํ อคมาสิ. อถ นํ สา ปุจฺฉิ ‘‘อมฺม อุตฺตเร, ตฺวํ อฺเสุ ทิวเสสุ น พหูนิ ปุปฺผานิ อาหรสิ, อชฺช ปน พหุกานิ, กึ โน ราชา อุตฺตริตรํ ปสนฺโน’’ติ? สา มุสา วตฺตุํ อภพฺพตาย อตีเต อตฺตนา กตํ อนิคูหิตฺวา สพฺพํ กเถสิ. อถ ‘‘กสฺมา อชฺช พหูนิ อาหรสี’’ติ จ วุตฺตา ‘‘อชฺชาหํ สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ธมฺมํ สุตฺวา อมตํ สจฺฉากาสึ, ตสฺมา ตุมฺเห น วฺเจมี’’ติ อาห. ตํ สุตฺวา ‘‘อเร ทุฏฺทาสิ, เอตฺตกํ กาลํ ตยา คหิเต กหาปเณ เทหี’’ติ อตชฺเชตฺวา ปุพฺพเหตุนา โจทิยมานา ‘‘อมฺม, ตยา ปีตํ อมตํ, อมฺเหปิ ปาเยหี’’ติ วตฺวา ‘‘เตน หิ มํ นฺหาเปหี’’ติ วุตฺเต โสฬสหิ คนฺโธทกฆเฏหิ นฺหาเปตฺวา ทฺเว มฏฺสาฏเก ทาเปสิ. สา เอกํ นิวาเสตฺวา เอกํ ปารุปิตฺวา อาสนํ ปฺาเปตฺวา อาสเน นิสีทิตฺวา วิจิตฺรพีชนึ อาทาย นีจาสเนสุ นิสินฺนานิ ปฺจ มาตุคามสตานิ อามนฺเตตฺวา เสขปฺปฏิสมฺภิทาสุ ตฺวา สตฺถารา เทสิตนิยาเมเนว ตาสํ ธมฺมํ เทเสสิ. เทสนาวสาเน ตา สพฺพา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสุ. ตา สพฺพาปิ ขุชฺชุตฺตรํ วนฺทิตฺวา ‘‘อมฺม, อชฺช ปฏฺาย ตฺวํ กิลิฏฺกมฺมํ มา กริ, อมฺหากํ มาตุฏฺาเน อาจริยฏฺาเน จ ปติฏฺาหี’’ติ ครุฏฺาเน ปยึสุ.

กสฺมา ปเนสา ทาสี หุตฺวา นิพฺพตฺตาติ? สา กิร กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล พาราณสิยํ เสฏฺิธีตา หุตฺวา นิพฺพตฺตา. เอกาย ขีณาสวตฺเถริยา อุปฏฺากกุลํ คตาย ‘‘เอตํ เม อยฺเย, ปสาธนเปฬิกํ เทถา’’ติ เวยฺยาวจฺจํ กาเรสิ. เถรีปิ ‘‘อเทนฺติยา มยิ อาฆาตํ อุปฺปาเทตฺวา นิรเย นิพฺพตฺติสฺสติ, เทนฺติยา ปเรสํ ทาสี หุตฺวา นิพฺพตฺติสฺสติ, นิรยสนฺตาปโต ทาสิภาโว เสยฺโย’’ติ อนุทฺทยํ ปฏิจฺจ ตสฺสา วจนํ อกาสิ. สา เตน กมฺเมน ปฺจ ชาติสตานิ ปเรสํ ทาสีเยว หุตฺวา นิพฺพตฺติ.

กสฺมา ปน ขุชฺชา อโหสิ? อนุปฺปนฺเน กิร พุทฺเธ อยํ พาราณสิรฺโ เคเห วสนฺตี เอกํ ราชกุลูปกํ ปจฺเจกพุทฺธํ โถกํ ขุชฺชธาตุกํ ทิสฺวา อตฺตนา สหวาสีนํ มาตุคามานํ ปุรโต ปริหาสํ กโรนฺตี ยถาวชฺชํ เกฬิวเสน ขุชฺชาการํ ทสฺเสสิ, ตสฺมา ขุชฺชา หุตฺวา นิพฺพตฺติ.

กึ ปน กตฺวา ปฺวนฺตี ชาตาติ? อนุปฺปนฺเน กิร พุทฺเธ อยํ พาราณสิรฺโ เคเห วสนฺตี อฏฺ ปจฺเจกพุทฺเธ ราชเคหโต อุณฺหปายาสสฺส ปูริเต ปตฺเต ปริวตฺติตฺวา ปริวตฺติตฺวา คณฺหนฺเต ทิสฺวา อตฺตโน สนฺตกานิ อฏฺ ทนฺตวลยานิ ‘‘อิธ เปตฺวา คณฺหถา’’ติ อทาสิ. เต ตถา กตฺวา โอโลเกสุํ. ‘‘ตุมฺหากฺเว ตานิ ปริจฺจตฺตานิ, คเหตฺวา คจฺฉถา’’ติ อาห. เต นนฺทมูลกปพฺภารํ อคมํสุ. อชฺชาปิ ตานิ วลยานิ อโรคาเนว. สา ตสฺส นิสฺสนฺเทน ปฺวนฺตี ชาตา.

อถ นํ สามาวติปฺปมุขานิ ปฺจ อิตฺถิสตานิ ‘‘อมฺม, ตฺวํ ทิวเส ทิวเส สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ภควตา เทสิตํ ธมฺมํ สุตฺวา อมฺหากํ เทเสหี’’ติ วทึสุ. สา ตถา กโรนฺตี อปรภาเค ติปิฏกธรา ชาตา. ตสฺมา นํ สตฺถา – ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวิกานํ พหุสฺสุตานํ อุปาสิกานํ ยทิทํ ขุชฺชุตฺตรา’’ติ เอตทคฺเค เปสิ. อิติ อุปาสิกาสุ พหุสฺสุตภาเวน สตฺถารา เอตทคฺเค ปิตา ปฏิสมฺภิทาปฺปตฺตา ขุชฺชุตฺตรา อริยสาวิกา สตฺถริ โกสมฺพิยํ วิหรนฺเต กาเลน กาลํ สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา อนฺเตปุรํ คนฺตฺวา สามาวติปฺปมุขานํ ปฺจนฺนํ อิตฺถิสตานํ อริยสาวิกานํ สตฺถารา เทสิตนิยาเมน ยถาสุตํ ธมฺมํ กเถนฺตี อตฺตานํ ปริโมเจตฺวา สตฺถุ สนฺติเก สุตภาวํ ปกาเสนฺตี ‘‘วุตฺตฺเหตํ ภควตา วุตฺตมรหตาติ เม สุต’’นฺติ นิทานํ อาโรเปสิ.

ยสฺมา ปน ตสฺมึเยว นคเร ภควโต สมฺมุขา สุตฺวา ตทเหว ตาย ตาสํ ภาสิตํ, ตสฺมา ‘‘เอกํ สมยํ ภควา โกสมฺพิยํ วิหรตี’’ติ กาลเทสํ อปทิสิตุํ ปโยชนสมฺภโวว นตฺถิ สุปากฏภาวโต. ภิกฺขุนิโย จสฺสา สนฺติเก อิมานิ สุตฺตานิ คณฺหึสุ. เอวํ ปรมฺปราย ภิกฺขูสุปิ ตาย อาโรปิตํ นิทานํ ปากฏํ อโหสิ. อถ อายสฺมา อานนฺโท ตถาคตสฺส ปรินิพฺพานโต อปรภาเค สตฺตปณฺณิคุหายํ อชาตสตฺตุนา การาปิเต สทฺธมฺมมณฺฑเป มหากสฺสปปฺปมุขสฺส วสีคณสฺส มชฺเฌ นิสีทิตฺวา ธมฺมํ สงฺคายนฺโต อิเมสํ สุตฺตานํ นิทานสฺส ทฺเวฬฺหกํ ปริหรนฺโต ตาย อาโรปิตนิยาเมเนว นิทานํ อาโรเปสีติ.

เกจิ ปเนตฺถ พหุปฺปกาเร ปปฺเจนฺติ. กึ เตหิ? อปิจ นานานเยหิ สงฺคีติการา ธมฺมวินยํ สงฺคายึสุ. อนุพุทฺธา หิ ธมฺมสงฺคาหกมหาเถรา, เต สมฺมเทว ธมฺมวินยสฺส สงฺคายนาการํ ชานนฺตา กตฺถจิ ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติอาทินา, กตฺถจิ ‘‘เตน สมเยนา’’ติอาทินา, กตฺถจิ คาถาพนฺธวเสน นิทานํ เปนฺตา, กตฺถจิ สพฺเพน สพฺพํ นิทานํ อฏฺเปนฺตา วคฺคสงฺคหาทิวเสน ธมฺมวินยํ สงฺคายึสุ. ตตฺถ อิธ วุตฺตฺเหตนฺติอาทินา นิทานํ เปตฺวา สงฺคายึสุ, กิฺจิ สุตฺตเคยฺยาทิวเสน นวงฺคมิทํ พุทฺธวจนํ. ยถา เจตํ, เอวํ สพฺเพสมฺปิ สมฺมาสมฺพุทฺธานํ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘อปฺปกฺจ เนสํ อโหสิ สุตฺตํ เคยฺย’’นฺติอาทิ. ตตฺถ อิติวุตฺตกงฺคสฺส อฺํ กิฺจิ น ปฺายติ ตพฺภาวนิมิตฺตํ เปตฺวา ‘‘วุตฺตฺเหตํ…เป… เม สุต’’นฺติ อิทํ วจนํ. เตนาหุ อฏฺกถาจริยา ‘‘วุตฺตฺเหตํ ภควตาติ อาทินยปฺปวตฺตา ทฺวาทสุตฺตรสตสุตฺตนฺตา อิติวุตฺตก’’นฺติ. ตสฺมา สตฺถุ อธิปฺปายํ ชานนฺเตหิ ธมฺมสงฺคาหเกหิ อริยสาวิกาย วา อิเมสํ สุตฺตานํ อิติวุตฺตกงฺคภาวาปนตฺถํ อิมินาว นเยน นิทานํ ปิตนฺติ เวทิตพฺพํ.

กิมตฺถํ ปน ธมฺมวินยสงฺคเห กยิรมาเน นิทานวจนํ? นนุ ภควตา ภาสิตวจนสฺเสว สงฺคโห กาตพฺโพติ? วุจฺจเต – เทสนาย ิติอสมฺโมสสทฺเธยฺยภาวสมฺปาทนตฺถํ. กาลเทสเทสกปริสาปเทเสหิ อุปนิพนฺธิตฺวา ปิตา หิ เทสนา จิรฏฺิติกา โหติ อสมฺโมสธมฺมา สทฺเธยฺยา จ เทสกาลกตฺตุเหตุนิมิตฺเตหิ อุปนิพทฺโธ วิย โวหารวินิจฺฉโย. เตเนว จ อายสฺมตา มหากสฺสเปน พฺรหฺมชาลมูลปริยายสุตฺตาทีนํ เทสาทิปุจฺฉาสุ กตาสุ ตาสํ วิสฺสชฺชนํ กโรนฺเตน ธมฺมภณฺฑาคาริเกน ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติอาทินา นิทานํ ภาสิตํ. อิธ ปน เทสกาลสฺส อคฺคหเณ การณํ วุตฺตเมว.

อปิจ สตฺถุ สมฺปตฺติปฺปกาสนตฺถํ นิทานวจนํ. ตถาคตสฺส หิ ภควโต ปุพฺพรจนานุมานาคมตกฺกาภาวโต สมฺมาสมฺพุทฺธภาวสิทฺธิ. น หิ สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปุพฺพรจนาทีหิ อตฺโถ อตฺถิ สพฺพตฺถ อปฺปฏิหตาณาจารตาย เอกปฺปมาณตฺตา จ เยฺยธมฺเมสุ. ตถา อาจริยมุฏฺิธมฺมมจฺฉริยสาสนสาวกานุราคาภาวโต ขีณาสวภาวสิทฺธิ. น หิ สพฺพโส ขีณาสวสฺส เต สมฺภวนฺตีติ สุวิสุทฺธสฺส ปรานุคฺคหปวตฺติ. เอวํ เทสกสํกิเลสภูตานํ ทิฏฺิสีลสมฺปทาทูสกานํ อวิชฺชาตณฺหานํ อจฺจนฺตาภาวสํสูจเกหิ าณสมฺปทาปหานสมฺปทาภิพฺยฺชเกหิ จ สมฺพุทฺธวิสุทฺธภาเวหิ ปุริมเวสารชฺชทฺวยสิทฺธิ, ตโต จ อนฺตรายิกนิยฺยานิกธมฺเมสุ อสมฺโมหภาวสิทฺธิโต ปจฺฉิมเวสารชฺชทฺวยสิทฺธีติ ภควโต จตุเวสารชฺชสมนฺนาคโม อตฺตหิตปรหิตปฏิปตฺติ จ นิทานวจเนน ปกาสิตา โหติ, ตตฺถ ตตฺถ สมฺปตฺตปริสาย อชฺฌาสยานุรูปํ านุปฺปตฺติกปฺปฏิภาเนน ธมฺมเทสนาทีปนโต. อิธ ปน อนวเสสโต กามโทสปฺปหานํ วิธาย เทสนาทีปนโต จาติ โยเชตพฺพํ. เตน วุตฺตํ ‘‘สตฺถุ สมฺปตฺติปฺปกาสนตฺถํ นิทานวจน’’นฺติ. เอตฺถ จ ‘‘ภควตา อรหตา’’ติ อิเมหิ ปเทหิ ยถาวุตฺตอตฺถวิภาวนตา เหฏฺา ทสฺสิตา เอว.

ตถา สาสนสมฺปตฺติปฺปกาสนตฺถํ นิทานวจนํ. าณกรุณาปริคฺคหิตสพฺพกิริยสฺส หิ ภควโต นตฺถิ นิรตฺถกา ปฏิปตฺติ อตฺตหิตา วา. ตสฺมา ปเรสํเยวตฺถาย ปวตฺตสพฺพกิริยสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สกลมฺปิ กายวจีมโนกมฺมํ ยถาปวตฺตํ วุจฺจมานํ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺเถหิ ยถารหํ สตฺตานํ อนุสาสนตฺเถน สาสนํ, น กพฺพรจนา. ตยิทํ สตฺถุ จริตํ กาลเทสเทสกปริสาปเทเสหิ ตตฺถ ตตฺถ นิทานวจเนหิ ยถารหํ ปกาสิยติ. อิธ ปน เทสกปริสาปเทเสหีติ โยเชตพฺพํ. เตน วุตฺตํ ‘‘สาสนสมฺปตฺติปฺปกาสนตฺถํ นิทานวจน’’นฺติ.

อปิจ สตฺถุโน ปมาณภาวปฺปกาสเนน สาสนสฺส ปมาณภาวทสฺสนตฺถํ นิทานวจนํ. ตฺจสฺส ปมาณภาวทสฺสนํ เหฏฺา วุตฺตนยานุสาเรน ‘‘ภควตา อรหตา’’ติ อิเมหิ ปเทหิ วิภาวิตนฺติ เวทิตพฺพํ. อิทเมตฺถ นิทานวจนปฺปโยชนสฺส มุขมตฺตนิทสฺสนนฺติ.

นิทานวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑. เอกกนิปาโต

๑. ปมวคฺโค

๑. โลภสุตฺตวณฺณนา

. อิทานิ เอกธมฺมํ, ภิกฺขเว, ปชหถาติอาทินา นเยน ภควตา นิกฺขิตฺตสฺส สุตฺตสฺส วณฺณนาย โอกาโส อนุปฺปตฺโต. สา ปเนสา อตฺถวณฺณนา ยสฺมา สุตฺตนิกฺเขปํ วิจาเรตฺวา วุจฺจมานา ปากฏา โหติ, ตสฺมา สุตฺตนิกฺเขปํ ตาว วิจาเรสฺสาม. จตฺตาโร หิ สุตฺตนิกฺเขปา – อตฺตชฺฌาสโย, ปรชฺฌาสโย, ปุจฺฉาวสิโก, อฏฺุปฺปตฺติโกติ. ยถา หิ อเนกสตอเนกสหสฺสเภทานิปิ สุตฺตนฺตานิ สํกิเลสภาคิยาทิปฏฺานนเยน โสฬสวิธตํ นาติวตฺตนฺติ, เอวํ อตฺตชฺฌาสยาทิสุตฺตนิกฺเขปวเสน จตุพฺพิธตํ นาติวตฺตนฺตีติ. ตตฺถ ยถา อตฺตชฺฌาสยสฺส อฏฺุปฺปตฺติยา จ ปรชฺฌาสยปุจฺฉาวสิเกหิ สทฺธึ สํสคฺคเภโท สมฺภวติ อตฺตชฺฌาสโย จ ปรชฺฌาสโย จ, อตฺตชฺฌาสโย จ ปุจฺฉาวสิโก จ, อฏฺุปฺปตฺติโก จ ปรชฺฌาสโย จ, อฏฺุปฺปตฺติโก จ ปุจฺฉาวสิโก จาติ อชฺฌาสยปุจฺฉานุสนฺธิสมฺภวโต; เอวํ ยทิปิ อฏฺุปฺปตฺติยา อตฺตชฺฌาสเยนปิ สํสคฺคเภโท สมฺภวติ, อตฺตชฺฌาสยาทีหิ ปน ปุรโต ิเตหิ อฏฺุปฺปตฺติยา สํสคฺโค นตฺถีติ นิรวเสโส ปฏฺานนโย น สมฺภวติ. ตทนฺโตคธตฺตา วา สมฺภวนฺตานํ เสสนิกฺเขปานํ มูลนิกฺเขปวเสน จตฺตาโร สุตฺตนิกฺเขปา วุตฺตาติ เวทิตพฺพํ.

ตตฺรายํ วจนตฺโถ – นิกฺขิปียตีติ นิกฺเขโป, สุตฺตํ เอว นิกฺเขโป สุตฺตนิกฺเขโป. อถ วา นิกฺขิปนํ นิกฺเขโป, สุตฺตสฺส นิกฺเขโป สุตฺตนิกฺเขโป, สุตฺตเทสนาติ อตฺโถ. อตฺตโน อชฺฌาสโย อตฺตชฺฌาสโย, โส อสฺส อตฺถิ การณภูโตติ อตฺตชฺฌาสโย, อตฺตโน อชฺฌาสโย เอตสฺสาติ วา อตฺตชฺฌาสโย. ปรชฺฌาสเยปิ เอเสว นโย. ปุจฺฉาย วโสติ ปุจฺฉาวโส. โส เอตสฺส อตฺถีติ ปุจฺฉาวสิโก. สุตฺตเทสนาย วตฺถุภูตสฺส อตฺถสฺส อุปฺปตฺติ อตฺถุปฺปตฺติ, อตฺถุปฺปตฺติ เอว อฏฺุปฺปตฺติ ถ-การสฺส -การํ กตฺวา, สา เอตสฺส อตฺถีติ อฏฺุปฺปตฺติโก. อถ วา นิกฺขิปียติ สุตฺตํ เอเตนาติ นิกฺเขโป, อตฺตชฺฌาสยาทิ เอว. เอตสฺมึ ปน อตฺถวิกปฺเป อตฺตโน อชฺฌาสโย อตฺตชฺฌาสโย. ปเรสํ อชฺฌาสโย ปรชฺฌาสโย. ปุจฺฉียตีติ ปุจฺฉา, ปุจฺฉิตพฺโพ อตฺโถ, ปุจฺฉาวเสน ปวตฺตํ ธมฺมปฺปฏิคฺคาหกานํ วจนํ ปุจฺฉาวสํ, ตเทว นิกฺเขปสทฺทาเปกฺขาย ปุจฺฉาวสิโกติ ปุลฺลิงฺควเสน วุตฺตํ. ตถา อฏฺุปฺปตฺติ เอว อฏฺุปฺปตฺติโกติ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.

อปิจ ปเรสํ อินฺทฺริยปริปากาทิการณนิรเปกฺขตฺตา อตฺตชฺฌาสยสฺส วิสุํ สุตฺตนิกฺเขปภาโว ยุตฺโต, เกวลํ อตฺตโน อชฺฌาสเยเนว ธมฺมตนฺติปนตฺถํ ปวตฺติตเทสนตฺตา. ปรชฺฌาสยปุจฺฉาวสิกานํ ปน ปเรสํ อชฺฌาสยปุจฺฉานํ เทสนาปวตฺติเหตุภูตานํ อุปฺปตฺติยํ ปวตฺติตานํ กถํ อฏฺุปฺปตฺติยํ อนวโรโธ, ปุจฺฉาวสิกฏฺุปฺปตฺติกานํ วา ปรชฺฌาสยานุโรเธน ปวตฺติตานํ กถํ ปรชฺฌาสเย อนวโรโธติ? น โจเทตพฺพเมตํ. ปเรสฺหิ อภินีหารปริปุจฺฉาทิวินิมุตฺตสฺเสว สุตฺตเทสนาการณุปฺปาทสฺส อฏฺุปฺปตฺติภาเวน คหิตตฺตา ปรชฺฌาสยปุจฺฉาวสิกานํ วิสุํ คหณํ. ตถา หิ พฺรหฺมชาลธมฺมทายาทสุตฺตาทีนํ (ที. น. ๑.๑ อาทโย) วณฺณาวณฺณอามิสุปฺปาทาทิเทสนานิมิตฺตํ อฏฺุปฺปตฺติ วุจฺจติ. ปเรสํ ปุจฺฉํ วินา อชฺฌาสยเมว นิมิตฺตํ กตฺวา เทสิโต ปรชฺฌาสโย, ปุจฺฉาวเสน เทสิโต ปุจฺฉาวสิโกติ ปากโฏยมตฺโถติ.

ยานิ ภควา ปเรหิ อนชฺฌิฏฺโ เกวลํ อตฺตโน อชฺฌาสเยเนว กเถติ, เสยฺยถิทํ – อากงฺเขยฺยสุตฺตํ, ตุวฏฺฏกสุตฺตนฺติเอวมาทีนิ (สุ. นิ. ๙๒๑ อาทโย; ม. นิ. ๑.๖๔ อาทโย), เตสํ อตฺตชฺฌาสโย นิกฺเขโป.

ยานิ ปน ‘‘ปริปกฺกา โข ราหุลสฺส วิมุตฺติปริปาจนียา ธมฺมา, ยํนูนาหํ ราหุลํ อุตฺตรึ อาสวานํ ขเย วิเนยฺย’’นฺติ เอวํ ปเรสํ อชฺฌาสยํ ขนฺตึ อภินีหารํ พุชฺฌนภาวฺจ โอโลเกตฺวา ปรชฺฌาสยวเสน กถิตานิ, เสยฺยถิทํ – ราหุโลวาทสุตฺตํ, ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสุตฺตนฺติเอวมาทีนิ (ม. นิ. ๒.๑๐๗ อาทโย; ๓.๔๑๖ อาทโย; สํ. นิ. ๓.๕๙; มหาว. ๑๙-๒๐), เตสํ ปรชฺฌาสโย นิกฺเขโป.

ภควนฺตํ ปน อุปสงฺกมิตฺวา เทวา มนุสฺสา จตสฺโส ปริสา จตฺตาโร วณฺณา จ ตถา ตถา ปฺหํ ปุจฺฉนฺติ ‘‘โพชฺฌงฺคา โพชฺฌงฺคาติ, ภนฺเต, วุจฺจนฺติ, นีวรณา นีวรณาติ วุจฺจนฺตี’’ติอาทินา, เอวํ ปุฏฺเน ภควตา ยานิ กถิตานิ โพชฺฌงฺคสํยุตฺตาทีนิ (สํ. นิ. ๕.๑๘๖) เตสํ ปุจฺฉาวสิโก นิกฺเขโป.

ยานิ ปน ตานิ อุปฺปนฺนํ การณํ ปฏิจฺจ กถิตานิ, เสยฺยถิทํ – ธมฺมทายาทํ, ปุตฺตมํสูปมํ, ทารุกฺขนฺธูปมนฺติเอวมาทีนิ (ม. นิ. ๑.๒๙; สํ. นิ. ๒.๖๓), เตสํ อฏฺุปฺปตฺติโก นิกฺเขโป.

เอวมิเมสุ จตูสุ สุตฺตนิกฺเขเปสุ อิมสฺส สุตฺตสฺส ปรชฺฌาสโย นิกฺเขโป. ปรชฺฌาสยวเสน เหตํ นิกฺขิตฺตํ. เกสํ อชฺฌาสเยน? โลเภ อาทีนวทสฺสีนํ ปุคฺคลานํ. เกจิ ปน ‘‘อตฺตชฺฌาสโย’’ติ วทนฺติ.

ตตฺถ เอกธมฺมํ, ภิกฺขเวติอาทีสุ เอกสทฺโท อตฺเถว อฺตฺเถ ‘‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จ, อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺนฺติ อิตฺเถเก อภิวทนฺตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๒๗). อตฺถิ เสฏฺเ ‘‘เจตโส เอโกทิภาว’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๒๘; ปารา. ๑๑). อตฺถิ อสหาเย ‘‘เอโก วูปกฏฺโ’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๔๐๕). อตฺถิ สงฺขายํ ‘‘เอโกว โข, ภิกฺขเว, ขโณ จ สมโย จ พฺรหฺมจริยวาสายา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๘.๒๙). อิธาปิ สงฺขายเมว ทฏฺพฺโพ.

ธมฺม-สทฺโท ปริยตฺติสจฺจสมาธิปฺาปกติปุฺาปตฺติสุฺตาเยฺยสภาวาทีสุ ทิสฺสติ. ตถา หิสฺส ‘‘อิธ ภิกฺขุ ธมฺมํ ปริยาปุณาตี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๕.๗๓) ปริยตฺติ อตฺโถ. ‘‘ทิฏฺธมฺโม’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๙๙) สจฺจานิ. ‘‘เอวํธมฺมา เต ภควนฺโต อเหสุ’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๑๓; ๓.๑๔๒) สมาธิ. ‘‘สจฺจํ ธมฺโม ธิติ จาโค, สเว เปจฺจ น โสจตี’’ติอาทีสุ (ชา. ๑.๑.๕๗) ปฺา. ‘‘ชาติธมฺมานํ, ภิกฺขเว, สตฺตานํ เอวํ อิจฺฉา อุปฺปชฺชตี’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๓๙๘) ปกติ. ‘‘ธมฺโม หเว รกฺขติ ธมฺมจาริ’’นฺติอาทีสุ (ชา. ๑.๑๐.๑๐๒) ปุฺํ. ‘‘ติณฺณํ ธมฺมานํ อฺตเรน วเทยฺย ปาราชิเกน วา สงฺฆาทิเสเสน วา ปาจิตฺติเยน วา’’ติอาทีสุ (ปารา. ๔๔๔) อาปตฺติ. ‘‘ตสฺมึ โข ปน สมเย ธมฺมา โหนฺตี’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๑๒๑) สุฺตา. ‘‘สพฺเพ ธมฺมา สพฺพากาเรน พุทฺธสฺส ภควโต าณมุเข อาปาถํ อาคจฺฉนฺตี’’ติอาทีสุ (มหานิ. ๑๕๖; จูฬนิ. โมฆราชมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๘๕) เยฺโย. ‘‘กุสลา ธมฺมา อกุสลา ธมฺมา’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ติกมาติกา ๑) สภาโว อตฺโถ. อิธาปิ สภาโว. ตสฺมา เอกธมฺมนฺติ เอกํ สํกิเลสสภาวนฺติ อธิปฺปาโย. เอโก จ โส ธมฺโม จาติ เอกธมฺโม, ตํ เอกธมฺมํ.

ภิกฺขเวติ ภิกฺขู อาลปติ. กิมตฺถํ ปน ภควา ธมฺมํ เทเสนฺโต ภิกฺขู อาลปติ, น ธมฺมเมว เทเสตีติ? สติชนนตฺถํ. ภิกฺขู หิ อฺํ จินฺเตนฺตาปิ ธมฺมํ ปจฺจเวกฺขนฺตาปิ กมฺมฏฺานํ มนสิ กโรนฺตาปิ นิสินฺนา โหนฺติ. เต ปมํ อนาลปิตฺวา ธมฺเม เทสิยมาเน ‘‘อยํ เทสนา กึนิทานา, กึปจฺจยา’’ติ สลฺลกฺเขตุํ น สกฺโกนฺติ. อาลปิเต ปน สตึ อุปฏฺเปตฺวา สลฺลกฺเขตุํ สกฺโกนฺติ, ตสฺมา สติชนนตฺถํ ‘‘ภิกฺขเว’’ติ อาลปติ. เตน จ เตสํ ภิกฺขนสีลตาทิคุณโยคสิทฺเธน วจเนน หีนาธิกชนเสวิตํ วุตฺตึ ปกาเสนฺโต อุทฺธตทีนภาวนิคฺคหํ กโรติ. ‘‘ภิกฺขเว’’ติ อิมินา กรุณาวิปฺผารโสมฺมหทยนยนนิปาตปุพฺพงฺคเมน วจเนน เต อตฺตโน มุขาภิมุเข กโรนฺโต เตน จ กเถตุกมฺยตาทีปเกน วจเนน เนสํ โสตุกมฺยตํ ชเนติ. เตเนว จ สมฺโพธนตฺเถน สาธุกํ สวนมนสิกาเรปิ นิโยเชติ. สาธุกํ สวนมนสิการายตฺตา หิ สาสนสมฺปตฺติ.

อฺเสุปิ เทวมนุสฺเสสุ ปริสปริยาปนฺเนสุ วิชฺชมาเนสุ กสฺมา ภิกฺขู เอว อามนฺเตสีติ? เชฏฺเสฏฺาสนฺนสทาสนฺนิหิตภาวโต. สพฺพปริสสาธารณา หิ ภควโต ธมฺมเทสนา, ปริสาย จ เชฏฺา ภิกฺขู ปมุปฺปนฺนตฺตา, เสฏฺา อนคาริยภาวํ อาทึ กตฺวา สตฺถุ จริยานุวิธายกตฺตา สกลสาสนปฏิคฺคาหกตฺตา จ, อาสนฺนา ตตฺถ นิสินฺเนสุ สมีปวุตฺติยา, สทาสนฺนิหิตา สตฺถุสนฺติกาวจรตฺตา. อปิจ เต ธมฺมเทสนาย ภาชนํ ยถานุสิฏฺํ ปฏิปตฺติสพฺภาวโต, วิเสสโต จ เอกจฺเจ ภิกฺขู สนฺธาย อยํ เทสนาติ เต เอว อาลปิ.

ปชหถาติ เอตฺถ ปหานํ นาม ตทงฺคปฺปหานํ, วิกฺขมฺภนปฺปหานํ, สมุจฺเฉทปฺปหานํ, ปฏิปฺปสฺสทฺธิปฺปหานํ, นิสฺสรณปฺปหานนฺติ ปฺจวิธํ. ตตฺถ ยํ ทีปาโลเกเนว ตมสฺส ปฏิปกฺขภาวโต อโลภาทีหิ โลภาทิกสฺส, นามรูปปริจฺเฉทาทิวิปสฺสนาาเณหิ ตสฺส ตสฺส อนตฺถสฺส ปหานํ. เสยฺยถิทํ – ปริจฺจาเคน โลภาทิมลสฺส, สีเลน ปาณาติปาตาทิทุสฺสีลฺยสฺส, สทฺธาทีหิ อสฺสทฺธิยาทิกสฺส, นามรูปววตฺถาเนน สกฺกายทิฏฺิยา, ปจฺจยปริคฺคเหน อเหตุวิสมเหตุทิฏฺีนํ, ตสฺเสว อปรภาเคน กงฺขาวิตรเณน กถํกถีภาวสฺส, กลาปสมฺมสเนน ‘‘อหํ มมา’’ติ คาหสฺส, มคฺคามคฺคววตฺถาเนน อมคฺเค มคฺคสฺาย, อุทยทสฺสเนน อุจฺเฉททิฏฺิยา, วยทสฺสเนน สสฺสตทิฏฺิยา, ภยทสฺสเนน สภเยสุ อภยสฺาย, อาทีนวทสฺสเนน อสฺสาทสฺาย, นิพฺพิทานุปสฺสเนน อภิรติสฺาย, มุจฺจิตุกมฺยตาาเณน อมุจฺจิตุกมฺยตาย อุเปกฺขาาเณน อนุเปกฺขาย, อนุโลเมน ธมฺมฏฺิติยา, นิพฺพาเนน ปฏิโลมภาวสฺส, โคตฺรภุนา สงฺขารนิมิตฺตคฺคาหสฺส ปหานํ, เอตํ ตทงฺคปฺปหานํ นาม.

ยํ ปน อุปจารปฺปนาเภเทน สมาธินา ปวตฺติภาวนิวารณโต ฆฏปฺปหาเรเนว อุทกปิฏฺเ เสวาลสฺส เตสํ เตสํ นีวรณาทิธมฺมานํ ปหานํ, เอตํ วิกฺขมฺภนปฺปหานํ นาม. ยํ จตุนฺนํ อริยมคฺคานํ ภาวิตตฺตา ตํตํมคฺควโต อตฺตโน สนฺตาเน ‘‘ทิฏฺิคตานํ ปหานายา’’ติอาทินา (ธ. ส. ๒๗๗; วิภ. ๖๒๘) นเยน วุตฺตสฺส สมุทยปกฺขิยสฺส กิเลสคณสฺส อจฺจนฺตํ อปฺปวตฺติภาเวน สมุจฺฉินฺทนํ, อิทํ สมุจฺเฉทปฺปหานํ นาม. ยํ ปน ผลกฺขเณ ปฏิปฺปสฺสทฺธตฺตํ กิเลสานํ, เอตํ ปฏิปฺปสฺสทฺธิปฺปหานํ นาม. ยํ ปน สพฺพสงฺขตนิสฺสฏตฺตา ปหีนสพฺพสงฺขตํ นิพฺพานํ, เอตํ นิสฺสรณปฺปหานํ นาม. เอวํ ปฺจวิเธ ปหาเน อนาคามิกภาวกรสฺส ปหานสฺส อธิปฺเปตตฺตา อิธ สมุจฺเฉทปฺปหานนฺติ เวทิตพฺพํ. ตสฺมา ปชหถาติ ปริจฺจชถ, สมุจฺฉินฺทถาติ อตฺโถ.

อหนฺติ ภควา อตฺตานํ นิทฺทิสติ. โวติ อยํ โวสทฺโท ปจฺจตฺตอุปโยคกรณสามิวจนปทปูรณสมฺปทาเนสุ ทิสฺสติ. ตถา หิ ‘‘กจฺจิ, ปน โว อนุรุทฺธา, สมคฺคา สมฺโมทมานา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๒๖) ปจฺจตฺเต อาคโต. ‘‘คจฺฉถ, ภิกฺขเว, ปณาเมมิ โว’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๑๕๗) อุปโยเค. ‘‘น โว มม สนฺติเก วตฺถพฺพ’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๑๕๗) กรเณ. ‘‘สพฺเพสํ โว, สาริปุตฺต, สุภาสิต’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๔๕) สามิวจเน. ‘‘เย หิ โว อริยา ปริสุทฺธกายกมฺมนฺตา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๕) ปทปูรเณ. ‘‘วนปตฺถปริยายํ โว, ภิกฺขเว, เทเสสฺสามี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑๙๐) สมฺปทาเน. อิธาปิ สมฺปทาเน เอว ทฏฺพฺโพ.

ปาฏิโภโคติ ปฏิภู. โส หิ ธารณกํ ปฏิจฺจ ธนิกสฺส, ธนิกํ ปฏิจฺจ ธารณกสฺส ปฏินิธิภูโต ธนิกสนฺตกสฺส ตโต หรณาทิสงฺขาเตน ภุฺชเนน โภโคติ ปฏิโภโค, ปฏิโภโค เอว ปาฏิโภโค. อนาคามิตายาติ อนาคามิภาวตฺถาย. ปฏิสนฺธิคฺคหณวเสน หิ กามภวสฺส อนาคมนโต อนาคามี. โย ยสฺส ธมฺมสฺส อธิคเมน อนาคามีติ วุจฺจติ, สผโล โส ตติยมคฺโค อนาคามิตา นาม. อิติ ภควา เวเนยฺยทมนกุสโล เวเนยฺยชฺฌาสยานุกูลํ ตติยมคฺคาธิคมํ ลหุนา อุปาเยน เอกธมฺมปูรณตามตฺเตน ถิรํ กตฺวา ทสฺเสสิ ยถา ตํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ. ภินฺนภูมิกาปิ หิ ปฏิฆสํโยชนาทโย ตติยมคฺควชฺฌา กิเลสา กามราคปฺปหานํ นาติวตฺตนฺตีติ.

กสฺมา ปเนตฺถ ภควา อตฺตานํ ปาฏิโภคภาเว เปสิ? เตสํ ภิกฺขูนํ อนาคามิมคฺคาธิคมาย อุสฺสาหชนนตฺถํ. ปสฺสติ หิ ภควา ‘‘มยา ‘เอกธมฺมํ, ภิกฺขเว, ปชหถ, อหํ โว ปาฏิโภโค อนาคามิตายา’ติ วุตฺเต อิเม ภิกฺขู อทฺธา ตํ เอกธมฺมํ ปหาย สกฺกา ตติยภูมึ สมธิคนฺตุํ, ยโต ธมฺมสฺสามิ ปมมาห ‘อหํ ปาฏิโภโค’ติ อุสฺสาหชาตา ตทตฺถาย ปฏิปชฺชิตพฺพํ มฺิสฺสนฺตี’’ติ. ตสฺมา อุสฺสาหชนนตฺถํ อนาคามิตาย เตสํ ภิกฺขูนํ อตฺตานํ ปาฏิโภคภาเว เปสิ.

กตมํ เอกธมฺมนฺติ เอตฺถ กตมนฺติ ปุจฺฉาวจนํ. ปุจฺฉา จ นาเมสา ปฺจวิธา – อทิฏฺโชตนาปุจฺฉา, ทิฏฺสํสนฺทนาปุจฺฉา, วิมติจฺเฉทนาปุจฺฉา, อนุมติปุจฺฉา, กเถตุกมฺยตาปุจฺฉาติ. ตตฺถ ปกติยา ลกฺขณํ อฺาตํ โหติ อทิฏฺํ อตุลิตํ อตีริตํ อวิภูตํ อวิภาวิตํ, ตสฺส าณาย ทสฺสนาย ตุลนาย ตีรณาย วิภูตตฺถาย วิภาวนตฺถาย ปฺหํ ปุจฺฉติ, อยํ อทิฏฺโชตนาปุจฺฉา. ปกติยา ลกฺขณํ าตํ โหติ ทิฏฺํ ตุลิตํ ตีริตํ วิภูตํ วิภาวิตํ. โส อฺเหิ ปณฺฑิเตหิ สทฺธึ สํสนฺทนตฺถาย ปฺหํ ปุจฺฉติ, อยํ ทิฏฺสํสนฺทนาปุจฺฉา. ปกติยา สํสยปกฺขนฺโท โหติ วิมติปกฺขนฺโท ทฺเวฬฺหกชาโต – ‘‘เอวํ นุ โข, น นุ โข, กึ นุ โข, กถํ นุ โข’’ติ, โส วิมติจฺเฉทนตฺถาย ปฺหํ ปุจฺฉติ, อยํ วิมติจฺเฉทนาปุจฺฉา. ภควา หิ อนุมติคฺคหณตฺถํ ปฺหํ ปุจฺฉติ – ‘‘ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, รูปํ นิจฺจํ วา อนิจฺจํ วา’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๓.๕๙; มหาว. ๒๑), อยํ อนุมติปุจฺฉา. ภควา ภิกฺขูนํ กเถตุกมฺยตาย ปฺหํ ปุจฺฉติ – ‘‘จตฺตาโรเม, ภิกฺขเว, อาหารา ภูตานํ วา สตฺตานํ ิติยา สมฺภเวสีนํ วา อนุคฺคหาย. กตเม จตฺตาโร’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๑) อยํ กเถตุกมฺยตาปุจฺฉา.

ตตฺถ ปุริมา ติสฺโส ปุจฺฉา พุทฺธานํ นตฺถิ. กสฺมา? ตีสุ หิ อทฺธาสุ กิฺจิ สงฺขตํ อทฺธาวิมุตฺตํ วา อสงฺขตํ สมฺมาสมฺพุทฺธานํ อทิฏฺํ อตุลิตํ อตีริตํ อวิภูตํ อวิภาวิตํ นาม นตฺถิ. เตน เนสํ อทิฏฺโชตนาปุจฺฉา นตฺถิ. ยํ ปน เตหิ อตฺตโน าเณน ปฏิวิทฺธํ, ตสฺส อฺเน สมเณน วา พฺราหฺมเณน วา เทเวน วา มาเรน วา พฺรหฺมุนา วา สทฺธึ สํสนฺทนกิจฺจํ นตฺถิ, เตน เนสํ ทิฏฺสํสนฺทนาปุจฺฉาปิ นตฺถิ. ยสฺมา ปน พุทฺธา ภควนฺโต อกถํกถี ติณฺณวิจิกิจฺฉา สพฺพธมฺเมสุ วิคตสํสยา, เตน เนสํ วิมติจฺเฉทนาปุจฺฉาปิ นตฺถิ. อิตรา ปน ทฺเว ปุจฺฉา อตฺถิ, ตาสุ อยํ กเถตุกมฺยตาปุจฺฉาติ เวทิตพฺพา.

อิทานิ ตาย ปุจฺฉาย ปุฏฺมตฺถํ สรูปโต ทสฺเสนฺโต ‘‘โลภํ, ภิกฺขเว, เอกธมฺม’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ ลุพฺภนฺติ เตน, สยํ วา ลุพฺภติ, ลุพฺภนมตฺตเมว วา ตนฺติ โลโภ. สฺวายํ อารมฺมณคฺคหณลกฺขโณ มกฺกฏาเลโป วิย, อภิสงฺครโส ตตฺตกปาเล ปกฺขิตฺตมํสเปสิ วิย, อปริจฺจาคปจฺจุปฏฺาโน เตลฺชนราโค วิย, สํโยชนิเยสุ ธมฺเมสุ อสฺสาททสฺสนปทฏฺาโน, ตณฺหานทิภาเวน วฑฺฒมาโน ยตฺถ สมุปฺปนฺโน, สีฆโสตา นที วิย มหาสมุทฺทํ อปายเมว ตํ สตฺตํ คเหตฺวา คจฺฉตีติ ทฏฺพฺโพ. กิฺจาปิ อยํ โลภสทฺโท สพฺพโลภสามฺวจโน, อิธ ปน กามราควจโนติ เวทิตพฺโพ. โส หิ อนาคามิมคฺควชฺโฌ.

ปุน ภิกฺขเวติ อาลปนํ ธมฺมสฺส ปฏิคฺคาหกภาเวน อภิมุขีภูตานํ ตตฺถ อาทรชนนตฺถํ. ปชหถาติ อิมินา ปหานาภิสมโย วิหิโต, โส จ ปริฺาสจฺฉิกิริยาภาวนาภิสมเยหิ สทฺธึ เอว ปวตฺตติ, น วิสุนฺติ จตุสจฺจาธิฏฺานานิ จตฺตาริปิ สมฺมาทิฏฺิยา กิจฺจานิ วิหิตาเนว โหนฺติ. ยถา จ ‘‘โลภํ ปชหถา’’ติ วุตฺเต ปหาเนกฏฺภาวโต โทสาทีนมฺปิ ปหานํ อตฺถโต วุตฺตเมว โหติ, เอวํ สมุทยสจฺจวิสเย สมฺมาทิฏฺิกิจฺเจ ปหานาภิสมเย วุตฺเต ตสฺสา สหการีการณภูตานํ สมฺมาสงฺกปฺปาทีนํ เสสมคฺคงฺคานมฺปิ สมุทยสจฺจวิสยกิจฺจํ อตฺถโต วุตฺตเมว โหตีติ ปริปุณฺโณ อริยมคฺคพฺยาปาโร อิธ กถิโตติ ทฏฺพฺโพ. อิมินา นเยน สติปฏฺานาทีนมฺปิ โพธิปกฺขิยธมฺมานํ พฺยาปารสฺส อิธ วุตฺตภาโว ยถารหํ วิตฺถาเรตพฺโพ.

อปิเจตฺถ โลภํ ปชหถาติ เอเตน ปหานปริฺา วุตฺตา. สา จ ตีรณปริฺาธิฏฺานา, ตีรณปริฺา จ าตปริฺาธิฏฺานาติ อวินาภาเวน ติสฺโสปิ ปริฺา โพธิตา โหนฺติ. เอวเมตฺถ สห ผเลน จตุสจฺจกมฺมฏฺานํ ปริปุณฺณํ กตฺวา ปกาสิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อถ วา โลภํ ปชหถาติ สห ผเลน าณทสฺสนวิสุทฺธิ เทสิตา. สา จ ปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธิสนฺนิสฺสยา…เป… จิตฺตวิสุทฺธิสีลวิสุทฺธิสนฺนิสฺสยา จาติ นานนฺตริกภาเวน สห ผเลน สพฺพาปิ สตฺต วิสุทฺธิโย วิภาวิตาติ เวทิตพฺพํ.

เอวเมตาย วิสุทฺธิกฺกมภาวนาย ปริฺาตฺตยสมฺปาทเนน โลภํ ปชหิตุกาเมน –

‘‘อนตฺถชนโน โลโภ, โลโภ จิตฺตปฺปโกปโน;

ภยมนฺตรโต ชาตํ, ตํ ชโน นาวพุชฺฌติ.

‘‘ลุทฺโธ อตฺถํ น ชานาติ, ลุทฺโธ ธมฺมํ น ปสฺสติ;

อนฺธตมํ ตทา โหติ, ยํ โลโภ สหเต นรํ’’. (อิติวุ. ๘๘);

รตฺโต โข, อาวุโส, ราเคน อภิภูโต ปริยาทินฺนจิตฺโต ปาณมฺปิ หนติ, อทินฺนมฺปิ อาทิยติ, สนฺธิมฺปิ ฉินฺทติ, นิลฺโลปมฺปิ หรติ, เอกาคาริกมฺปิ กโรติ, ปริปนฺเถปิ ติฏฺติ, ปรทารมฺปิ คจฺฉติ, มุสาปิ ภณติ. ตทปิ เตสํ ภวตํ สมณพฺราหฺมณานํ อชานตํ อปสฺสตํ อเวทยตํ ตณฺหานุคตานํ ปริตสฺสิตํ วิปฺผนฺทิตเมว (อ. นิ. ๓.๕๔).

‘‘ตณฺหาทุติโย ปุริโส, ทีฆมทฺธาน สํสรํ;

อิตฺถภาวฺถาภาวํ, สํสารํ นาติวตฺตติ’’. (อิติวุ. ๑๕, ๑๐๕);

‘‘นตฺถิ ราคสโม อคฺคิ, นตฺถิ โทสสโม กลิ’’. (ธ. ป. ๒๐๒, ๒๕๑);

‘‘กามราเคน ฑยฺหามิ, จิตฺตํ เม ปริฑยฺหติ’’. (สํ. นิ. ๑.๒๑๒);

‘‘เย ราครตฺตานุปตนฺติ โสตํ, สยํกตํ มกฺกฏโกว ชาล’’นฺติ. (ธ. ป. ๓๔๗) จ –

เอวมาทิสุตฺตปทานุสาเรน นานานเยหิ โลภสฺส อาทีนวํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ตสฺส ปหานาย ปฏิปชฺชิตพฺพํ.

อปิจ ฉ ธมฺมา กามราคสฺส ปหานาย สํวตฺตนฺติ, อสุภนิมิตฺตสฺส อุคฺคโห, อสุภภาวนานุโยโค, อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารตา, โภชเน มตฺตฺุตา, กลฺยาณมิตฺตตา, สปฺปายกถาติ. ทสวิธฺหิ อสุภนิมิตฺตํ อุคฺคณฺหนฺตสฺสาปิ กามราโค ปหียติ, กายคตาสติภาวนาวเสน สวิฺาณเก อุทฺธุมาตกาทิวเสน อวิฺาณเก อสุเภ อสุภภาวนานุโยคมนุยุตฺตสฺสาปิ, มนจฺฉฏฺเสุ อินฺทฺริเยสุ สํวรณวเสน สติกวาเฏน ปิหิตทฺวารสฺสาปิ, จตุนฺนํ ปฺจนฺนํ วา อาโลปานํ โอกาเส สติ อุทกํ ปิวิตฺวา ยาปนสีลตาย โภชเน มตฺตฺุโนปิ. เตเนวาห –

‘‘จตฺตาโร ปฺจ อาโลเป, อภุตฺวา อุทกํ ปิเว;

อลํ ผาสุวิหาราย, ปหิตตฺตสฺส ภิกฺขุโน’’ติ. (เถรคา. ๙๘๓);

อสุภกมฺมฏฺานภาวนารเต กลฺยาณมิตฺเต เสวนฺตสฺสาปิ, านนิสชฺชาทีสุ ทสอสุภนิสฺสิตสปฺปายกถายปิ ปหียติ. เตเนวาห –

‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อสุภนิมิตฺตํ, ตตฺถ โยนิโสมนสิการพหุลีกาโร, อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา กามจฺฉนฺทสฺส อนุปฺปาทาย อุปฺปนฺนสฺส วา กามจฺฉนฺทสฺส ปหานายา’’ติ.

เอวํ ปุพฺพภาเค กามราคสงฺขาตสฺส โลภสฺส ปหานาย ปฏิปนฺโน วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา ตติยมคฺเคน ตํ อนวเสสโต สมุจฺฉินฺทติ. เตน วุตฺตํ ‘‘โลภํ, ภิกฺขเว, เอกธมฺมํ ปชหถ, อหํ โว ปาฏิโภโค อนาคามิตายา’’ติ.

เอตฺถาห ‘‘โก ปเนตฺถ โลโภ ปหียติ, กึ อตีโต, อถ อนาคโต, อุทาหุ ปจฺจุปฺปนฺโน’’ติ? กิฺเจตฺถ – น ตาว อตีโต โลโภ ปหีเยยฺย, น อนาคโต วา เตสํ อภาวโต. น หิ นิรุทฺธํ อนุปฺปนฺนํ วา อตฺถีติ วุจฺจติ, วายาโม จ อผโล อาปชฺชติ. อถ ปจฺจุปฺปนฺโน, เอวมฺปิ อผโล วายาโม ตสฺส สรสภงฺคตฺตา, สํกิลิฏฺา จ มคฺคภาวนา อาปชฺชติ, จิตฺตวิปฺปยุตฺโต วา โลโภ สิยา, น จายํ นโย อิจฺฉิโตติ. วุจฺจเต – น วุตฺตนเยน อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺโน โลโภ ปหียติ. เสยฺยถาปิ อิธ ตรุณรุกฺโข อสฺชาตผโล, ตํ ปุริโส กุาริยา มูเล ฉินฺเทยฺย, ตสฺส รุกฺขสฺส เฉเท อสติ ยานิ ผลานิ นิพฺพตฺเตยฺยุํ, ตานิ รุกฺขสฺส ฉินฺนตฺตา อชาตานิ เอว น ชาเยยฺยุํ, เอวเมว อริยมคฺคาธิคเม อสติ อุปฺปชฺชนารโห โลโภ อริยมคฺคาธิคเมน ปจฺจยฆาตสฺส กตตฺตา น อุปฺปชฺชติ. อยฺหิ อฏฺกถาสุ ‘‘ภูมิลทฺธุปฺปนฺโน’’ติ วุจฺจติ. วิปสฺสนาย หิ อารมฺมณภูตา ปฺจกฺขนฺธา ตสฺส อุปฺปชฺชนฏฺานตาย ภูมิ นาม. สา ภูมิ เตน ลทฺธาติ กตฺวา ภูมิลทฺธุปฺปนฺโน. อารมฺมณาธิคฺคหิตุปฺปนฺโน อวิกฺขมฺภิตุปฺปนฺโน อสมูหตุปฺปนฺโนติ จ อยเมว วุจฺจติ.

ตตฺถาติ ตสฺมึ สุตฺเต. เอตนฺติ เอตํ อตฺถชาตํ. อิทานิ คาถาพนฺธวเสน วุจฺจมานํ. อิติ วุจฺจตีติ เกน ปน วุจฺจติ? ภควตา ว. อฺเสุ หิ ตาทิเสสุ าเนสุ สงฺคีติกาเรหิ อุปนิพนฺธคาถา โหนฺติ, อิธ ปน ภควตา ว คาถารุจิกานํ ปุคฺคลานํ อชฺฌาสยวเสน วุตฺตเมวตฺถํ สงฺคเหตฺวา คาถา ภาสิตา.

ตตฺถ เยน โลเภน ลุทฺธาเส, สตฺตา คจฺฉนฺติ ทุคฺคตินฺติ เยน อารมฺมณคฺคหณลกฺขเณน ตโต เอว อภิสงฺครเสน โลเภน ลุทฺธา อชฺฌตฺติกพาหิเรสุ อายตเนสุ คิทฺธา คธิตา. เสติ หิ นิปาตมตฺตํ. อกฺขรจินฺตกา ปน อีทิเสสุ าเนสุ เส-การาคมํ อิจฺฉนฺติ. ตถา ลุทฺธตฺตา เอว กายสุจริตาทีสุ กิฺจิ สุจริตํ อกตฺวา กายทุจฺจริตาทีนิ จ อุปจินิตฺวา รูปาทีสุ สตฺตวิสตฺตตาย สตฺตาติ ลทฺธนามา ปาณิโน ทุกฺขสฺส นิพฺพตฺติฏฺานตาย ทุคฺคตีติ สงฺขํ คตํ นิรยํ ติรจฺฉานโยนึ เปตฺติวิสยฺจ ปฏิสนฺธิคฺคหณวเสน คจฺฉนฺติ อุปปชฺชนฺติ.

ตํ โลภํ สมฺมทฺาย, ปชหนฺติ วิปสฺสิโนติ ตํ ยถาวุตฺตํ โลภํ สภาวโต สมุทยโต อตฺถงฺคมโต อสฺสาทโต อาทีนวโต นิสฺสรณโตติ อิเมหิ อากาเรหิ สมฺมา อวิปรีตํ เหตุนา าเยน อฺาย าตตีรณปริฺาสงฺขาตาย ปฺาย ชานิตฺวา รูปาทิเก ปฺจุปาทานกฺขนฺเธ อนิจฺจาทีหิ วิวิเธหิ อากาเรหิ ปสฺสนโต วิปสฺสิโน อวสิฏฺกิเลเส วิปสฺสนาปฺาปุพฺพงฺคมาย มคฺคปฺาย สมุจฺเฉทปฺปหานวเสน ปชหนฺติ, น ปุน อตฺตโน สนฺตาเน อุปฺปชฺชิตุํ เทนฺติ. ปหาย น ปุนายนฺติ, อิมํ โลกํ กุทาจนนฺติ เอวํ สหเชกฏฺปหาเนกฏฺเหิ อวสิฏฺกิเลเสหิ สทฺธึ ตํ โลภํ อนาคามิมคฺเคน ปชหิตฺวา ปุน ปจฺฉา อิมํ กามธาตุสงฺขาตํ โลกํ ปฏิสนฺธิคฺคหณวเสน กทาจิปิ น อาคจฺฉนฺติ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ สุปฺปหีนตฺตา. อิติ ภควา อนาคามิผเลน เทสนํ นิฏฺาเปสิ.

อยมฺปิ อตฺโถติ นิทานาวสานโต ปภุติ ยาว คาถาปริโยสานา อิมินา สุตฺเตน ปกาสิโต อตฺโถ. อปิ-สทฺโท อิทานิ วกฺขมานสุตฺตตฺถสมฺปิณฺฑโน. เสสํ วุตฺตนยเมว. อิมสฺมึ สุตฺเต สมุทยสจฺจํ สรูเปเนว อาคตํ, ปหานาปเทเสน มคฺคสจฺจํ. อิตรํ สจฺจทฺวยฺจ ตทุภยเหตุตาย นิทฺธาเรตพฺพํ. คาถาย ปน ทุกฺขสมุทยมคฺคสจฺจานิ ยถารุตวเสเนว ายนฺติ, อิตรํ นิทฺธาเรตพฺพํ. เอเสว นโย อิโต ปเรสุปิ สุตฺเตสุ.

ปรมตฺถทีปนิยา ขุทฺทกนิกาย-อฏฺกถาย

อิติวุตฺตกวณฺณนาย ปมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. โทสสุตฺตวณฺณนา

. วุตฺตฺเหตํ …เป… โทสนฺติ ทุติยสุตฺตํ. ตตฺรายํ อปุพฺพปทวณฺณนา. ยถา เอตฺถ, เอวํ อิโต ปเรสุปิ สพฺพตฺถ อปุพฺพปทวณฺณนํเยว กริสฺสาม. ยสฺมา อิทํ สุตฺตํ โทสพหุลานํ ปุคฺคลานํ อชฺฌาสยํ โอโลเกตฺวา โทสวูปสมนตฺถํ เทสิตํ, ตสฺมา ‘‘โทสํ, ภิกฺขเว, เอกธมฺมํ ปชหถา’’ติ อาคตํ. ตตฺถ โทสนฺติ ‘‘อนตฺถํ เม อจรีติ อาฆาโต ชายตี’’ติอาทินา (วิภ. ๙๖๐) นเยน สุตฺเต วุตฺตานํ นวนฺนํ, ‘‘อตฺถํ เม นาจรี’’ติอาทีนฺจ ตปฺปฏิปกฺขโต สิทฺธานํ นวนฺนเมวาติ อฏฺารสนฺนํ ขาณุกณฺฏกาทินา อฏฺาเนน สทฺธึ เอกูนวีสติยา อฺตราฆาตวตฺถุสมฺภวํ อาฆาตํ. โส หิ ทุสฺสนฺติ เตน, สยํ วา ทุสฺสติ, ทุสฺสนมตฺตเมว วา ตนฺติ โทโสติ วุจฺจติ. โส จณฺฑิกฺกลกฺขโณ ปหฏาสีวิโส วิย, วิสปฺปนรโส วิสนิปาโต วิย, อตฺตโน นิสฺสยทหนรโส วา ทาวคฺคิ วิย, ทุสฺสนปจฺจุปฏฺาโน ลทฺโธกาโส วิย สปตฺโต, ยถาวุตฺตอาฆาตวตฺถุปทฏฺาโน วิสสํสฏฺปูติมุตฺตํ วิย ทฏฺพฺโพ. ปชหถาติ สมุจฺฉินฺทถ. ตตฺถ เย อิเม –

‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, อาฆาตปฏิวินยา, ยตฺถ ภิกฺขุโน อุปฺปนฺโน อาฆาโต สพฺพโส ปฏิวิเนตพฺโพ. กตเม ปฺจ? ยสฺมึ, ภิกฺขเว, ปุคฺคเล อาฆาโต ชาเยถ, เมตฺตา ตสฺมึ ปุคฺคเล ภาเวตพฺพา…เป… กรุณา…เป… อุเปกฺขา, อสติอมนสิกาโร ตสฺมึ ปุคฺคเล อาปชฺชิตพฺโพ, เอวํ ตสฺมึ ปุคฺคเล อาฆาโต ปฏิวิเนตพฺโพ. ยสฺมึ, ภิกฺขเว, ปุคฺคเล อาฆาโต ชาเยถ, กมฺมสฺสกตา ตสฺมึ ปุคฺคเล อธิฏฺาตพฺพา ‘กมฺมสฺสโก อยมายสฺมา กมฺมทายาโท…เป… ภวิสฺสตี’’ติ (อ. นิ. ๕.๑๖๑) –

เอวํ ปฺจ อาฆาตปฺปฏิวินยา วุตฺตาเยว.

‘‘ปฺจิเม, อาวุโส, อาฆาตปฏิวินยา, ยตฺถ ภิกฺขุโน อุปฺปนฺโน อาฆาโต สพฺพโส ปฏิวิเนตพฺโพ. กตเม ปฺจ? อิธาวุโส, เอกจฺโจ ปุคฺคโล อปริสุทฺธกายสมาจาโร โหติ ปริสุทฺธวจีสมาจาโร; เอวรูเปปิ, อาวุโส, ปุคฺคเล อาฆาโต ปฏิวิเนตพฺโพ’’ติ (อ. นิ. ๕.๑๖๒) –

เอวมาทินาปิ นเยน ปฺจ อาฆาตปฏิวินยา วุตฺตา, เตสุ เยน เกนจิ อาฆาตปฏิวินยวิธินา ปจฺจเวกฺขิตฺวา. อปิจ โย –

‘‘อุภโตทณฺฑเกน เจปิ, ภิกฺขเว, กกเจน โจรา โอจรกา องฺคมงฺคานิ โอกนฺเตยฺยุํ, ตตฺราปิ โย มโน ปทูเสยฺย, น เม โส เตน สาสนกโร’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๓๒) สตฺถุ โอวาโท.

‘‘ตสฺเสว เตน ปาปิโย, โย กุทฺธํ ปฏิกุชฺฌติ;

กุทฺธํ อปฺปฏิกุชฺฌนฺโต, สงฺคามํ เชติ ทุชฺชยํ.

‘‘อุภินฺนมตฺถํ จรติ, อตฺตโน จ ปรสฺส จ;

ปรํ สงฺกุปิตํ ตฺวา, โย สโต อุปสมฺมติ. (สํ. นิ. ๑.๑๘๘);

‘‘สตฺติเม, ภิกฺขเว, ธมฺมา สปตฺตกนฺตา สปตฺตกรณา โกธนํ อาคจฺฉนฺติ อิตฺถึ วา ปุริสํ วา. กตเม สตฺต? อิธ, ภิกฺขเว, สปตฺโต สปตฺตสฺส เอวํ อิจฺฉติ, ‘อโห วตายํ ทุพฺพณฺโณ อสฺสา’ติ. ตํ กิสฺส เหตุ? น, ภิกฺขเว, สปตฺโต สปตฺตสฺส วณฺณวตาย นนฺทติ. โกธโนยํ, ภิกฺขเว, ปุริสปุคฺคโล โกธาภิภูโต โกธปเรโต กิฺจาปิ โส โหติ สุนฺหาโต สุวิลิตฺโต กปฺปิตเกสมสฺสุ โอทาตวตฺถวสโน, อถ โข โส ทุพฺพณฺโณว โหติ โกธาภิภูโต. อยํ, ภิกฺขเว, ปโม ธมฺโม สปตฺตกนฺโต สปตฺตกรโณ โกธนํ อาคจฺฉติ อิตฺถึ วา ปุริสํ วา.

‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, สปตฺโต สปตฺตสฺส เอวํ อิจฺฉติ ‘อโห วตายํ ทุกฺขํ สเยยฺยา’ติ…เป… น ปจุรตฺโถ อสฺสาติ…เป… น โภควา อสฺสาติ…เป… น ยสวา อสฺสาติ…เป… น มิตฺตวา อสฺสาติ…เป… กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺเชยฺยาติ. ตํ กิสฺส เหตุ? น, ภิกฺขเว, สปตฺโต สปตฺตสฺส สุคติคมเน นนฺทติ. โกธโนยํ, ภิกฺขเว, ปุริสปุคฺคโล โกธาภิภูโต โกธปเรโต กาเยน ทุจฺจริตํ จรติ, วาจาย ทุจฺจริตํ จรติ, มนสา ทุจฺจริตํ จรติ. โส กาเยน ทุจฺจริตํ จริตฺวา วาจาย ทุจฺจริตํ จริตฺวา มนสา ทุจฺจริตํ จริตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา…เป… นิรยํ อุปปชฺชติ โกธาภิภูโต’’ติ (อ. นิ. ๗.๖๔).

‘‘กุทฺโธ อตฺถํ น ชานาติ, กุทฺโธ ธมฺมํ น ปสฺสติ…เป…. (อ. นิ. ๗.๖๔);

‘‘โกธํ ชเห วิปฺปชเหยฺย มานํ, สํโยชนํ สพฺพมติกฺกเมยฺย. (ธ. ป. ๒๒๑);

‘‘อนตฺถชนโน โกโธ, โกโธ จิตฺตปฺปโกปโน…เป…. (อ. นิ. ๗.๖๔);

‘‘โกธํ เฉตฺวา สุขํ เสติ, โกธํ เฉตฺวา น โสจติ;

โกธสฺส วิสมูลสฺส, มธุรคฺคสฺส พฺราหฺมณา’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๑๘๗);

‘‘เอกาปราธํ ขม ภูริปฺ,

น ปณฺฑิตา โกธพลา ภวนฺตี’’ติ. –

เอวมาทินา นเยน โทเส อาทีนเว วุตฺตปฺปฏิปกฺขโต โทสปฺปหาเน อานิสํเส จ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปุพฺพภาเค โทสํ ตทงฺคปฺปหานาทิวเสน ปชหิตฺวา วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา ตติยมคฺเคน สพฺพโส โทสํ สมุจฺฉินฺทถ, ปชหถาติ เตสํ ภิกฺขูนํ ตตฺถ นิโยชนํ. เตน วุตฺตํ ‘‘โทสํ, ภิกฺขเว, เอกธมฺมํ ปชหถา’’ติ. ทุฏฺาเสติ อาฆาเตน ทูสิตจิตฺตตาย ปทุฏฺา. เสสเมตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ ปมสุตฺตวณฺณนายํ วุตฺตนยเมว.

ทุติยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. โมหสุตฺตวณฺณนา

. ตติเย โมหนฺติ อฺาณํ. ตฺหิ ทุกฺเข อฺาณํ, ทุกฺขสมุทเย อฺาณํ, ทุกฺขนิโรเธ อฺาณํ, ทุกฺขนิโรธคามินิยา ปฏิปทาย อฺาณนฺติอาทินา นเยน วิภาเคน อเนกปฺปเภทมฺปิ มุยฺหนฺติ. เตน สยํ วา มุยฺหติ มุยฺหนมตฺตเมว วา ตนฺติ โมโหติ วุจฺจติ. โส จิตฺตสฺส อนฺธภาวลกฺขโณ, อฺาณลกฺขโณ วา, อสมฺปฏิเวธรโส, อารมฺมณสภาวจฺฉาทนรโส วา, อสมฺมาปฺปฏิปตฺติปจฺจุปฏฺาโน, อนฺธการปจฺจุปฏฺาโน วา, อโยนิโสมนสิการปทฏฺาโน, สพฺพากุสลานํ มูลนฺติ ทฏฺพฺโพ. อิธาปิ ปชหถาติ ปทสฺส –

‘‘มูฬฺโห อตฺถํ น ชานาติ, มูฬฺโห ธมฺมํ น ปสฺสติ;

อนฺธตมํ ตทา โหติ, ยํ โมโห สหเต นรํ’’. (อิติวุ. ๘๘);

‘‘อนตฺถชนโน โมโห…เป…. (อิติวุ. ๘๘);

‘‘อวิชฺชา, ภิกฺขเว, ปุพฺพงฺคมา อกุสลานํ ธมฺมานํ สมาปตฺติยา’’ (อิติวุ. ๔๐);

‘‘โมหสมฺพนฺธโน โลโก, ภพฺพรูโปว ทิสฺสติ’’; (อุทา. ๗๐);

‘‘โมโห นิทานํ กมฺมานํ สมุทยาย’’ (อ. นิ. ๓.๓๔);

‘‘มูฬฺโห โข, พฺราหฺมณ, โมเหน อภิภูโต ปริยาทินฺนจิตฺโต ทิฏฺธมฺมิกมฺปิ ภยํ เวรํ ปสวติ, สมฺปรายิกมฺปิ ภยํ เวรํ ปสวตี’’ติ จ –

อาทินา นเยน ‘‘โย โกจิ ธมฺโม กามจฺฉนฺทาทิสํกิเลสธมฺเมหิ นิพฺพตฺเตตพฺโพ, อตฺถโต สพฺโพ โส โมหเหตุโก’’ติ จ โมเห อาทีนวํ ตปฺปฏิปกฺขโต โมหปฺปหาเน อานิสํสฺจ ปจฺจเวกฺขิตฺวา กามจฺฉนฺทาทิปฺปหานกฺกเมเนว ปุพฺพภาเค ตทงฺคาทิวเสน โมหํ ปชหนฺตา ตติยมคฺเคน ยถาวุตฺตโลภโทเสกฏฺํ โมหํ สมุจฺเฉทวเสน ปชหถาติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อนาคามิมคฺควชฺโฌ เอว หิ โมโห อิธาธิปฺเปโตติ. มูฬฺหาเสติ กุสลากุสลสาวชฺชานวชฺชาทิเภเท อตฺตโน หิตาหิเต สมฺมูฬฺหา. เสสํ วุตฺตนยเมว.

ตติยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. โกธสุตฺตวณฺณนา

. จตุตฺเถ โกธนฺติ โทสํ. โทโส เอว หิ โกธปริยาเยน พุชฺฌนกานํ ปุคฺคลานํ อชฺฌาสยวเสน เอวํ วุตฺโต. ตสฺมา ทุติยสุตฺเต วุตฺตนเยเนเวตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อปิจ กุชฺฌนลกฺขโณ โกโธ, อาฆาตกรณรโส, จิตฺตสฺส พฺยาปตฺติภาวปจฺจุปฏฺาโน, เจตโส ปูติภาโวติ ทฏฺพฺโพติ อยมฺปิ วิเสโส เวทิตพฺโพ.

จตุตฺถสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. มกฺขสุตฺตวณฺณนา

. ปฺจเม มกฺขนฺติ ปรคุณมกฺขนํ. ยทิปิ หิ โส คูถํ คเหตฺวา ปรํ ปหรนฺโต วิย อตฺตโน กรํ ปมตรํ มกฺขติเยว, ตถาปิ ปเรสํ คุณมกฺขนาธิปฺปาเยน ปวตฺเตตพฺพตฺตา ‘‘ปรคุณมกฺขโน’’ติ วุจฺจติ. ตถา หิ โส อุทกปุฺฉนมิว นฺหาตสฺส สรีรคตํ อุทกํ ปเรสํ คุเณ มกฺเขติ ปุฺฉติ วินาเสติ, ปเรหิ วา กตานํ มหนฺตานมฺปิ การานํ เขปนโต ธํสนโต มกฺโขติ วุจฺจติ. โส ปรคุณมกฺขนลกฺขโณ, เตสํ วินาสนรโส, ตทวจฺฉาทนปจฺจุปฏฺาโน. อตฺถโต ปน ปเรสํ คุณมกฺขนากาเรน ปวตฺโต โทมนสฺสสหคตจิตฺตุปฺปาโทติ ทฏฺพฺพํ. ปชหถาติ ตตฺถ วุตฺตปฺปเภทํ โทสํ, โทเส จ วุตฺตนยํ อาทีนวํ, ปหาเน จสฺส อานิสํสํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปุพฺพภาเค ตทงฺคาทิวเสน ปชหนฺตา วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา ตติยมคฺเคน อนวเสสํ สมุจฺฉินฺทถาติ อตฺโถ. มกฺขาเสติ มกฺขิตา มกฺขิตปรคุณา, ปเรสํ คุณานํ มกฺขิตาโร, ตโต เอว อตฺตโนปิ ธํสิตคุณาติ อตฺโถ. เสสํ วุตฺตนยเมว.

ปฺจมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. มานสุตฺตวณฺณนา

. ฉฏฺเ มานนฺติ ชาติอาทิวตฺถุกํ เจตโส อุนฺนมนํ. โส หิ ‘‘เสยฺโยหมสฺมี’’ติอาทินา นเยน มฺนฺติ เตน, สยํ วา มฺติ, มานนํ สมฺปคฺคโหติ วา มาโนติ วุจฺจติ. สฺวายํ เสยฺโยหมสฺมีติ มาโน, สทิโสหมสฺมีติ มาโน, หีโนหมสฺมีติ มาโนติ เอวํ ติวิโธ. ปุน เสยฺยสฺส เสยฺโยหมสฺมีติ มาโน, เสยฺยสฺส สทิโส, เสยฺยสฺส หีโน; สทิสสฺส เสยฺโย, สทิสสฺส สทิโส, สทิสสฺส หีโน; หีนสฺส เสยฺโย, หีนสฺส สทิโส, หีนสฺส หีโนหมสฺมีติ มาโนติ เอวํ นววิโธปิ อุนฺนติลกฺขโณ, อหํการรโส, สมฺปคฺคหรโส วา, อุทฺธุมาตภาวปจฺจุปฏฺาโน, เกตุกมฺยตาปจฺจุปฏฺาโน วา, ทิฏฺิวิปฺปยุตฺตโลภปทฏฺาโน อุมฺมาโท วิยาติ ทฏฺพฺโพ. ปชหถาติ ตสฺส สพฺพสฺสปิ อตฺตุกฺกํสนปรวมฺภนนิมิตฺตตา, ครุฏฺานิเยสุ อภิวาทนปจฺจุปฏฺานอฺชลิกมฺมสามีจิกมฺมาทีนํ อกรเณ การณตา, ชาติมทปุริสมทาทิภาเวน ปมาทาปตฺติเหตุภาโวติ เอวมาทิเภทํ อาทีนวํ ตปฺปฏิปกฺขโต นิรติมานตาย อานิสํสฺจ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ราชสภํ อนุปฺปตฺโต จณฺฑาโล วิย สพฺรหฺมจารีสุ นีจจิตฺตตํ ปจฺจุปฏฺเปตฺวา ปุพฺพภาเค ตทงฺคาทิวเสน ตํ ปชหนฺตา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อนาคามิมคฺเคน สมุจฺฉินฺทถาติ อตฺโถ. อนาคามิมคฺควชฺโฌ เอว หิ มาโน อิธาธิปฺเปโต. มตฺตาเสติ ชาติมทปุริสมทาทิวเสน มาเนน ปมาทาปตฺติเหตุภูเตน มตฺตา อตฺตานํ ปคฺคเหตฺวา จรนฺตา. เสสํ วุตฺตนยเมว.

อิเมสุ ปน ปฏิปาฏิยา ฉสุ สุตฺเตสุ คาถาสุ วา อนาคามิผลํ ปาเปตฺวา เทสนา นิฏฺาปิตา. ตตฺถ เย อิเม อวิหา อตปฺปา สุทสฺสา สุทสฺสี อกนิฏฺาติ อุปปตฺติภววเสน ปฺจ อนาคามิโน, เตสุ อวิเหสุ อุปปนฺนา อวิหา นาม. เต อนฺตราปรินิพฺพายี, อุปหจฺจปรินิพฺพายี, อสงฺขารปรินิพฺพายี, สสงฺขารปรินิพฺพายี, อุทฺธํโสโต อกนิฏฺคามีติ ปฺจวิธา, ตถา อตปฺปา, สุทสฺสา, สุทสฺสิโน. อกนิฏฺเสุ ปน อุทฺธํโสโต อกนิฏฺคามี ปริหายติ. ตตฺถ โย อวิหาทีสุ อุปฺปชฺชิตฺวา อายุเวมชฺฌํ อนติกฺกมิตฺวา อรหตฺตปฺปตฺติยา กิเลสปรินิพฺพาเนน ปรินิพฺพายติ, อยํ อนฺตราปรินิพฺพายี นาม. โย ปน อวิหาทีสุ อาทิโต ปฺจกปฺปสตาทิเภทํ อายุเวมชฺฌํ อติกฺกมิตฺวา ปรินิพฺพายติ, อยํ อุปหจฺจปรินิพฺพายี นาม. โย อสงฺขาเรน อธิมตฺตปฺปโยคํ อกตฺวา อปฺปทุกฺเขน อกสิเรน ปรินิพฺพายติ, อยํ อสงฺขารปรินิพฺพายี นาม. โย ปน สสงฺขาเรน อธิมตฺตปฺปโยคํ กตฺวา ทุกฺเขน กิจฺเฉน กสิเรน ปรินิพฺพายติ, อยํ สสงฺขารปรินิพฺพายี นาม. อิตโร ปน อวิหาทีสุ อุทฺธํวาหิตภาเวน อุทฺธมสฺส ตณฺหาโสตํ, วฏฺฏโสตํ, มคฺคโสตเมว วาติ อุทฺธํโสโต. อวิหาทีสุ อุปฺปชฺชิตฺวา อรหตฺตํ ปตฺตุํ อสกฺโกนฺโต ตตฺถ ตตฺถ ยาวตายุกํ ตฺวา ปฏิสนฺธิคฺคหณวเสน อกนิฏฺํ คจฺฉตีติ อกนิฏฺคามี.

เอตฺถ จ อุทฺธํโสโต อกนิฏฺคามี, อุทฺธํโสโต น อกนิฏฺคามี, น อุทฺธํโสโต อกนิฏฺคามี, น อุทฺธํโสโต น อกนิฏฺคามีติ จตุกฺกํ เวทิตพฺพํ. กถํ? โย อวิหโต ปฏฺาย จตฺตาโร เทวโลเก โสเธตฺวา อกนิฏฺํ คนฺตฺวา ปรินิพฺพายติ, อยํ อุทฺธํโสโต อกนิฏฺคามี นาม. โย ปน เหฏฺา ตโย เทวโลเก โสเธตฺวา สุทสฺสีเทวโลเก ตฺวา ปรินิพฺพายติ, อยํ อุทฺธํโสโต น อกนิฏฺคามี นาม. โย อิโต อกนิฏฺเมว คนฺตฺวา ปรินิพฺพายติ, อยํ น อุทฺธํโสโต อกนิฏฺคามี นาม. โย ปน เหฏฺา จตูสุ เทวโลเกสุ ตตฺถ ตตฺเถว ปรินิพฺพายติ, อยํ น อุทฺธํโสโต, น อกนิฏฺคามี นามาติ.

ตตฺถ อวิเหสุ อุปฺปชฺชิตฺวา กปฺปสตโต อุทฺธํ ปรินิพฺพายิโก, ทฺวินฺนํ กปฺปสตานํ มตฺถเก ปรินิพฺพายิโก, ปฺจกปฺปสเต อสมฺปตฺเต ปรินิพฺพายิโกติ ตโย อนฺตราปรินิพฺพายิโน. วุตฺตฺเหตํ ‘‘อุปปนฺนํ วา สมนนฺตรา อปฺปตฺตํ วา เวมชฺฌ’’นฺติ (ปุ. ป. ๓๖). วา-สทฺเทน หิ ปตฺตมตฺโตปิ สงฺคหิโตติ. เอวํ ตโย อนฺตราปรินิพฺพายิโน, เอโก อุปหจฺจปรินิพฺพายี เอโก อุทฺธํโสโต. เตสุ อสงฺขารปรินิพฺพายิโน ปฺจ, สสงฺขารปรินิพฺพายิโน ปฺจาติ ทส โหนฺติ. ตถา อตปฺปาสุทสฺสาสุทสฺสีสูติ จตฺตาโร ทสกา จตฺตารีสํ อกนิฏฺเ ปน อุทฺธํโสตสฺส อภาวโต ตโย อนฺตราปรินิพฺพายิโน, เอโก อุปหจฺจปรินิพฺพายีติ อสงฺขารปรินิพฺพายิโน จตฺตาโร, สสงฺขารปรินิพฺพายิโน จตฺตาโรติ อฏฺ, เอวเมเต อฏฺจตฺตารีสํ อนาคามิโน. เต สพฺเพปิ อิเมสุ สุตฺเตสุ อวิเสสวจเนน คหิตาติ ทฏฺพฺพํ.

ฉฏฺสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. สพฺพปริฺาสุตฺตวณฺณนา

. สตฺตเม สพฺพนฺติ อนวเสสํ. อนวเสสวาจโก หิ อยํ สพฺพ-สทฺโท. โส เยน เยน สมฺพนฺธํ คจฺฉติ, ตสฺส ตสฺส อนวเสสตํ ทีเปติ; ยถา ‘‘สพฺพํ รูปํ, สพฺพา เวทนา, สพฺพสกฺกายปริยาปนฺเนสุ ธมฺเมสู’’ติ. โส ปนายํ สพฺพ-สทฺโท สปฺปเทสนิปฺปเทสวิสยตาย ทุวิโธ. ตถา เหส สพฺพสพฺพํ, ปเทสสพฺพํ, อายตนสพฺพํ, สกฺกายสพฺพนฺติ จตูสุ วิสเยสุ ทิฏฺปฺปโยโค. ตตฺถ ‘‘สพฺเพ ธมฺมา สพฺพากาเรน พุทฺธสฺส ภควโต าณมุเข อาปาถมาคจฺฉนฺตี’’ติอาทีสุ (จูฬนิ. โมฆราชมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๘๕) สพฺพสพฺพสฺมึ อาคโต. ‘‘สพฺเพสํ โว, สาริปุตฺตา, สุภาสิตํ ปริยาเยนา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๔๕) ปเทสสพฺพสฺมึ. ‘‘สพฺพํ โว, ภิกฺขเว, เทเสสฺสามิ, จกฺขุฺเจว รูปฺจ…เป…. มนฺเจว ธมฺเม จา’’ติ (สํ. นิ. ๔.๒๓-๒๕) เอตฺถ อายตนสพฺพสฺมึ. ‘‘สพฺพธมฺมมูลปริยายํ โว, ภิกฺขเว, เทเสสฺสามี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑) สกฺกายสพฺพสฺมึ. ตตฺถ สพฺพสพฺพสฺมึ อาคโต นิปฺปเทสวิสโย, อิตเรสุ ตีสุปิ อาคโต สปฺปเทสวิสโย. อิธ ปน สกฺกายสพฺพสฺมึ เวทิตพฺโพ. วิปสฺสนาย อารมฺมณภูตา เตภูมกธมฺมา หิ อิธ ‘‘สพฺพ’’นฺติ อนวเสสโต คหิตา.

อนภิชานนฺติ ‘‘อิเม ธมฺมา กุสลา, อิเม อกุสลา, อิเม สาวชฺชา, อิเม อนวชฺชา’’ติอาทินา ‘‘อิเม ปฺจกฺขนฺธา, อิมานิ ทฺวาทสายตนานิ, อิมา อฏฺารส ธาตุโย, อิทํ ทุกฺขํ อริยสจฺจํ, อยํ ทุกฺขสมุทโย อริยสจฺจ’’นฺติ จ อาทินา สพฺเพ อภิฺเยฺเย ธมฺเม อวิปรีตสภาวโต อนภิชานนฺโต อภิวิสิฏฺเน าเณน น ชานนฺโต. อปริชานนฺติ น ปริชานนฺโต. โย หิ สพฺพํ เตภูมกธมฺมชาตํ ปริชานาติ, โส ตีหิ ปริฺาหิ ปริชานาติ – าตปริฺาย, ตีรณปริฺาย, ปหานปริฺาย. ตตฺถ กตมา าตปริฺา? สพฺพํ เตภูมกํ นามรูปํ – ‘‘อิทํ รูปํ, เอตฺตกํ รูปํ, น อิโต ภิยฺโย. อิทํ นามํ, เอตฺตกํ นามํ, น อิโต ภิยฺโย’’ติ ภูตปฺปสาทาทิปฺปเภทํ รูปํ, ผสฺสาทิปฺปเภทํ นามฺจ, ลกฺขณรสปจฺจุปฏฺานปทฏฺานโต ววตฺถเปติ. ตสฺส อวิชฺชาทิกฺจ ปจฺจยํ ปริคฺคณฺหาติ. อยํ าตปริฺา. กตมา ตีรณปริฺา? เอวํ าตํ กตฺวา ตํ สพฺพํ ตีเรติ อนิจฺจโต ทุกฺขโต โรคโตติ ทฺวาจตฺตาลีสาย อากาเรหิ. อยํ ตีรณปริฺา. กตมา ปหานปริฺา? เอวํ ตีรยิตฺวา อคฺคมคฺเคน สพฺพสฺมึ ฉนฺทราคํ ปชหติ. อยํ ปหานปริฺา.

ทิฏฺิวิสุทฺธิกงฺขาวิตรณวิสุทฺธิโยปิ าตปริฺา. มคฺคามคฺคปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธิโย กลาปสมฺมสนาทิอนุโลมปริโยสานา วา ปฺา ตีรณปริฺา. อริยมคฺเคน ปชหนํ ปหานปริฺา. โย สพฺพํ ปริชานาติ, โส อิมาหิ ตีหิ ปริฺาหิ ปริชานาติ. อิธ ปน วิราคปฺปหานานํ ปฏิกฺเขปวเสน วิสุํ คหิตตฺตา าตปริฺาย ตีรณปริฺาย จ วเสน ปริชานนา เวทิตพฺพา. โย ปเนวํ น ปริชานาติ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อปริชาน’’นฺติ.

ตตฺถ จิตฺตํ อวิราชยนฺติ ตสฺมึ อภิฺเยฺยวิเสเส ปริฺเยฺเย อตฺตโน จิตฺตสนฺตานํ น วิราชยํ, น วิรชฺชนฺโต; ยถา ตตฺถ ราโค น โหติ, เอวํ วิราคานุปสฺสนํ น อุปฺปาเทนฺโตติ อตฺโถ. อปฺปชหนฺติ วิปสฺสนาปฺาสหิตาย มคฺคปฺาย ตตฺถ ปหาตพฺพยุตฺตกํ กิเลสวฏฺฏํ อนวเสสโต น ปชหนฺโต. ยถา เจตํ, เอวํ อภิชานนาทโยปิ มิสฺสกมคฺควเสน เวทิตพฺพา. ปุพฺพภาเค หิ นานาจิตฺตวเสน าตตีรณปหานปริฺาหิ กเมน อภิชานนาทีนิ สมฺปาเทตฺวา มคฺคกาเล เอกกฺขเณเนว กิจฺจวเสน ตํ สพฺพํ นิปฺผาเทนฺตํ เอกเมว าณํ ปวตฺตตีติ. อภพฺโพ ทุกฺขกฺขยายาติ นิพฺพานาย สกลสฺส วฏฺฏทุกฺขสฺส เขปนาย น ภพฺโพ, นาลํ น สมตฺโถติ อตฺโถ.

สพฺพฺจ โขติ เอตฺถ -สทฺโท พฺยติเรเก, โข-สทฺโท อวธารเณ. ตทุภเยน อภิชานนาทิโต ลทฺธพฺพํ วิเสสํ ทุกฺขกฺขยสฺส จ เอกนฺตการณํ ทีเปติ. อภิชานนาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ วุตฺตเมว. ตตฺถ ปน ปฏิกฺเขปวเสน วุตฺตํ, อิธ วิธานวเสน เวทิตพฺพํ. อยเมว วิเสโส. อปิจ อภิชานนฺติ อุปาทานกฺขนฺธปฺจกสงฺขาตํ สกฺกายสพฺพํ สรูปโต ปจฺจยโต จ าณสฺส อภิมุขีกรณวเสน อภิชานนฺโต หุตฺวา อภาวาการาทิปริคฺคเหน ตํ อนิจฺจาทิลกฺขเณหิ ปริจฺฉิชฺชมานวเสน ปริชานนฺโต. วิราชยนฺติ สมฺมเทวสฺส อนิจฺจตาทิอวโพเธน อุปฺปนฺนภยาทีนวนิพฺพิทาทิาณานุภาเวน อตฺตโน จิตฺตํ วิรตฺตํ กโรนฺโต ตตฺถ อณุมตฺตมฺปิ ราคํ อนุปฺปาเทนฺโต. ปชหนฺติ วุฏฺานคามินิวิปสฺสนาสหิตาย มคฺคปฺาย สมุทยปกฺขิยํ กิเลสวฏฺฏํ ปชหนฺโต สมุจฺฉินฺทนฺโต. ภพฺโพ ทุกฺขกฺขยายาติ เอวํ กิเลสมลปฺปหาเนเนว สพฺพสฺส กมฺมวฏฺฏสฺส ปริกฺขีณตฺตา อนวเสสวิปากวฏฺฏเขปนาย สกลสํสารวฏฺฏทุกฺขปริกฺขยภูตาย วา อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ภพฺโพ เอกนฺเตเนตํ ปาปุณิตุนฺติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.

โย สพฺพํ สพฺพโต ตฺวาติ โย ยุตฺตโยโค อารทฺธวิปสฺสโก สพฺพํ เตภูมกธมฺมชาตํ สพฺพโต สพฺพภาเคน กุสลาทิกฺขนฺธาทิวิภาคโต ทุกฺขาทิปีฬนาทิวิภาคโต จ. อถ วา สพฺพโตติ สพฺพสฺมา กกฺขฬผุสนาทิลกฺขณาทิโต อนิจฺจาทิโต จาติ สพฺพาการโต ชานิตฺวา วิปสฺสนาปุพฺพงฺคเมน มคฺคาเณน ปฏิวิชฺฌิตฺวา, วิปสฺสนาาเณเนว วา ชานนเหตุ. สพฺพตฺเถสุ น รชฺชตีติ สพฺเพสุ อตีตาทิวเสน อเนกเภทภินฺเนสุ สกฺกายธมฺเมสุ น รชฺชติ, อริยมคฺคาธิคเมน ราคํ น ชเนติ. อิมินาสฺส ตณฺหาคาหสฺส อภาวํ ทสฺเสนฺโต ตํ นิมิตฺตตฺตา ทิฏฺมานคฺคาหานํ ‘‘เอตํ มม เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’’ติ อิมสฺส มิจฺฉาคาหตฺตยสฺสปิ อภาวํ ทสฺเสติ. ส เวติ เอตฺถ -อิติ นิปาตมตฺตํ. เว-ติ พฺยตฺตํ, เอกํเสนาติ วา เอตสฺมึ อตฺเถ นิปาโต. สพฺพปริฺาติ สพฺพปริชานนโต, ยถาวุตฺตสฺส สพฺพสฺส อภิสมยวเสน ปริชานนโต. โสติ ยถาวุตฺโต โยคาวจโร, อริโย เอว วา. สพฺพทุกฺขมุปจฺจคาติ สพฺพํ วฏฺฏทุกฺขํ อจฺจคา อติกฺกมิ, สมติกฺกมีติ อตฺโถ.

สตฺตมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. มานปริฺาสุตฺตวณฺณนา

. อฏฺเม อปุพฺพํ นตฺถิ, เกวลํ มานวเสน เทสนา ปวตฺตา. คาถาสุ ปน มานุเปตา อยํ ปชาติ กมฺมกิเลเสหิ ปชายตีติ ปชาติ ลทฺธนามา อิเม สตฺตา มฺนลกฺขเณน มาเนน อุเปตา อุปคตา. มานคนฺถา ภเว รตาติ กิมิกีฏปฏงฺคาทิอตฺตภาเวปิ มาเนน คนฺถิตา มานสํโยชเนน สํยุตฺตา. ตโต เอว ทีฆรตฺตํ ปริภาวิตาหํการวเสน ‘‘เอตํ มมา’’ติ สงฺขาเรสุ อชฺโฌสานพหุลตฺตา ตตฺถ นิจฺจสุขอตฺตาทิวิปลฺลาสวเสน จ กามาทิภเว รตา. มานํ อปริชานนฺตาติ มานํ ตีหิ ปริฺาหิ น ปริชานนฺตา. อรหตฺตมคฺคาเณน วา อนติกฺกมนฺตา, ‘‘มานํ อปริฺายา’’ติ เกจิ ปนฺติ. อาคนฺตาโร ปุนพฺภวนฺติ ปุน อายาตึ อุปปตฺติภวํ. ปุนปฺปุนํ ภวนโต วา ปุนพฺภวสงฺขาตํ สํสารํ อปราปรํ ปริวตฺตนวเสน คนฺตาโร อุปคนฺตาโร โหนฺติ, ภวโต น ปริมุจฺจนฺตีติ อตฺโถ. เย จ มานํ ปหนฺตฺวาน, วิมุตฺตา มานสงฺขเยติ เย ปน อรหตฺตมคฺเคน สพฺพโส มานํ ปชหิตฺวา มานสฺส อจฺจนฺตสงฺขยภูเต อรหตฺตผเล นิพฺพาเน วา ตเทกฏฺสพฺพกิเลสวิมุตฺติยา วิมุตฺตา สุฏฺุ มุตฺตา. เต มานคนฺถาภิภุโน, สพฺพทุกฺขมุปจฺจคุนฺติ เต ปริกฺขีณภวสํโยชนา อรหนฺโต สพฺพโส มานคนฺถํ มานสํโยชนํ สมุจฺเฉทปฺปหาเนน อภิภวิตฺวา ิตา, อนวเสสํ วฏฺฏทุกฺขํ อติกฺกมึสูติ อตฺโถ. เอวเมตสฺมึ สตฺตมสุตฺเต จ อรหตฺตํ กถิตนฺติ.

อฏฺมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙-๑๐. โลภโทสปริฺาสุตฺตทฺวยวณฺณนา

๙-๑๐. นวมทสเมสุ อปุพฺพํ นตฺถิ. เทสนาวิลาสวเสน ตถา พุชฺฌนกานํ เวเนยฺยานํ อชฺฌาสยวเสน วา ตถา เทสิตานีติ ทฏฺพฺพํ.

นวมทสมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

ปมวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. ทุติยวคฺโค

๑-๓. โมหปริฺาทิสุตฺตวณฺณนา

๑๑-๑๓. ทุติยวคฺเคปิ ปมาทีนิ ตีณิ สุตฺตานิ วุตฺตนยาเนว, ตถา เทสนาการณมฺปิ วุตฺตเมว.

๔. อวิชฺชานีวรณสุตฺตวณฺณนา

๑๔. จตุตฺเถ – ‘‘นาหํ, ภิกฺขเว’’ติอาทีสุ -กาโร ปฏิเสธตฺโถ. อหนฺติ ภควา อตฺตานํ นิทฺทิสติ. อฺนฺติ อิทานิ วตฺตพฺพอวิชฺชานีวรณโต อฺํ. เอกนีวรณมฺปีติ เอกนีวรณธมฺมมฺปิ. สมนุปสฺสามีติ ทฺเว สมนุปสฺสนา – ทิฏฺิสมนุปสฺสนา จ าณสมนุปสฺสนา จ. ตตฺถ ‘‘รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสตี’’ติอาทินา (อ. นิ. ๔.๒๐๐; ปฏิ. ม. ๑.๑๓๐) อาคตา อยํ ทิฏฺิสมนุปสฺสนา นาม. ‘‘อนิจฺจโต สมนุปสฺสติ, โน นิจฺจโต’’ติอาทินา (ปฏิ. ม. ๓.๓๕) ปน อาคตา อยํ าณสมนุปสฺสนา นาม. อิธาปิ าณสมนุปสฺสนาว อธิปฺเปตา. ‘‘สมนุปสฺสามี’’ติ จ ปทสฺส น-กาเรน สมฺพนฺโธ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘อหํ, ภิกฺขเว, สพฺพฺุตฺาณสงฺขาเตน สมนฺตจกฺขุนา สพฺพธมฺเม หตฺถามลกํ วิย โอโลเกนฺโตปิ อฺํ เอกนีวรณมฺปิ น สมนุปสฺสามี’’ติ.

เยน นีวรเณน นิวุตา ปชา ทีฆรตฺตํ สนฺธาวนฺติ สํสรนฺตีติ เยน นีวรณกสภาวตฺตา นีวรเณน ธมฺมสภาวํ ชานิตุํ ปสฺสิตุํ ปฏิวิชฺฌิตุํ อทตฺวา ฉาเทตฺวา ปริโยนนฺธิตฺวา าเนน อนฺธกาเรน นิวุตา สตฺตา อนาทิมตสํสาเร อปริมาเณ กปฺเป มหนฺเตสุ เจว ขุทฺทเกสุ จ ภวาทีสุ อปราปรุปฺปตฺติวเสน สพฺพโต ธาวนฺติ เจว สํสรนฺติ, จ. อารมฺมณนฺตรสงฺกมนวเสน วา สนฺธาวนํ, ภวนฺตรสงฺกมนวเสน สํสรณํ. กิเลสานํ พลวภาเวน วา สนฺธาวนํ, ทุพฺพลภาเวน สํสรณํ. ขณิกมรณวเสน วา เอกชาติยํ สนฺธาวนํ, โวหารมรณวเสน อเนกาสุ ชาตีสุ สํสรณํ. จิตฺตวเสน วา สนฺธาวนํ, ‘‘จิตฺตมสฺส วิธาวตี’’ติ หิ วุตฺตํ, กมฺมวเสน สํสรณํ. เอวํ สนฺธาวนสํสรณานํ วิเสโส เวทิตพฺโพ.

ยถยิทนฺติ ยถา อิทํ. ย-กาโร ปทสนฺธิกโร, สนฺธิวเสน รสฺสตฺตํ. อวิชฺชานีวรณนฺติ เอตฺถ ปูเรตุํ อยุตฺตฏฺเน กายทุจฺจริตาทิ อวินฺทิยํ นาม, อลทฺธพฺพนฺติ อตฺโถ. ตํ อวินฺทิยํ วินฺทตีติ อวิชฺชา. วิปรีตโต กายสุจริตาทิ วินฺทิยํ นาม, ตํ วินฺทิยํ น วินฺทตีติ อวิชฺชา. ขนฺธานํ ราสฏฺํ, อายตนานํ อายตนฏฺํ, ธาตูนํ สุฺฏฺํ, อินฺทฺริยานํ อาธิปเตยฺยฏฺํ, สจฺจานํ ตถฏฺํ ทุกฺขาทีนํ ปีฬนาทิวเสน วุตฺตํ จตุพฺพิธํ อตฺถํ อวิทิตํ กโรตีติปิ อวิชฺชา. อนฺตวิรหิเต สํสาเร สตฺเต ชวาเปตีติ วา อวิชฺชา, ปรมตฺถโต วา อวิชฺชมาเนสุ อิตฺถิปุริสาทีสุ ชวติ ปวตฺตติ, วิชฺชมาเนสุ ขนฺธาทีสุ น ชวติ, น ปวตฺตตีติ อวิชฺชา. อปิจ จกฺขุวิฺาณาทีนํ วตฺถารมฺมณานํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทปฏิจฺจสมุปฺปนฺนานฺจ ธมฺมานํ ฉาทนโตปิ อวิชฺชา. อวิชฺชาว นีวรณนฺติ อวิชฺชานีวรณํ.

อวิชฺชานีวรเณน หิ, ภิกฺขเว, นิวุตา ปชา ทีฆรตฺตํ สนฺธาวนฺติ สํสรนฺตีติ อิทํ ปุริมสฺเสว ทฬฺหีกรณตฺถํ วุตฺตํ. ปุริมํ วา – ‘‘ยถยิทํ, ภิกฺขเว, อวิชฺชานีวรณ’’นฺติ เอวํ โอปมฺมทสฺสนวเสน วุตฺตํ, อิทํ นีวรณานุภาวทสฺสนวเสน. กสฺมา ปเนตฺถ อวิชฺชาว เอวํ วุตฺตา, น อฺเ ธมฺมาติ? อาทีนวปฏิจฺฉาทเนน กามจฺฉนฺทาทีนํ วิเสสปฺปจฺจยภาวโต. ตถา หิ ตาย ปฏิจฺฉาทิตาทีนเว วิสเย กามจฺฉนฺทาทโย ปวตฺตนฺติ.

นตฺถฺโติ อาทิกา คาถา วุตฺตสฺส อวุตฺตสฺส จ อตฺถสฺส สงฺคณฺหนวเสน ภาสิตา. ตตฺถ นิวุตาติ นิวาริตา ปลิคุณฺิตา, ปฏิจฺฉาทิตาติ อตฺโถ. อโหรตฺตนฺติ ทิวา เจว รตฺติฺจ, สพฺพกาลนฺติ วุตฺตํ โหติ. ยถา โมเหน อาวุตาติ เยน ปกาเรน อวิชฺชานีวรณสงฺขาเตน โมเหน อาวุตา ปฏิจฺฉาทิตา สุวิฺเยฺยมฺปิ อชานนฺติโย ปชา สํสาเร สํสรนฺติ, ตถารูโป อฺโ เอกธมฺโมปิ เอกนีวรณมฺปิ นตฺถีติ โยเชตพฺพํ. เย จ โมหํ ปหนฺตฺวาน, ตโมขนฺธํ ปทาลยุนฺติ เย ปน อริยสาวกา ปุพฺพภาเค ตทงฺคาทิปฺปหานวเสน, เหฏฺิมมคฺเคหิ วา ตํตํมคฺควชฺฌํ โมหํ ปชหิตฺวา อคฺคมคฺเคน วชิรูปมาเณน โมหสงฺขาตเมว ตโมราสึ ปทาลยึสุ, อนวเสสโต สมุจฺฉินฺทึสุ. น เต ปุน สํสรนฺตีติ เต อรหนฺโต –

‘‘ขนฺธานฺจ ปฏิปาฏิ, ธาตุอายตนาน จ;

อพฺโพจฺฉินฺนํ วตฺตมานา, สํสาโรติ ปวุจฺจตี’’ติ. –

เอวํ วุตฺเต อิมสฺมึ สํสาเร น สํสรนฺติ น ปริพฺภมนฺติ. กึ การณา? เหตุ เตสํ น วิชฺชติ, ยสฺมา สํสารสฺส เหตุ มูลการณํ อวิชฺชา, สา เตสํ น วิชฺชติ, สพฺพโส นตฺถิ สมุจฺฉินฺนตฺตาติ.

จตุตฺถสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. ตณฺหาสํโยชนสุตฺตวณฺณนา

๑๕. ปฺจเม ยสฺส วิชฺชติ, ตํ ปุคฺคลํ ทุกฺเขหิ, กมฺมํ วา วิปาเกหิ, ภวโยนิคติวิฺาณฏฺิติสตฺตาวาเส วา ภวนฺตราทีหิ สํโยเชตีติ สํโยชนํ. ตณฺหายนฏฺเน ตณฺหา, ตสติ สยํ ปริตสติ, ตสนฺติ วา เอตายาติ ตณฺหา. สฺุตฺตาติ จกฺขาทีสุ อภินิเวสวตฺถูสุ พทฺธา. เสสํ วุตฺตนยเมว. กามฺเจตฺถ อวิชฺชายปิ สํโยชนภาโว ตณฺหาย จ นีวรณภาโว อตฺถิเยว, ตถาปิ อวิชฺชาย ปฏิจฺฉาทิตาทีนเวหิ ภเวหิ ตณฺหา สตฺเต สํโยเชตีติ อิมสฺส วิเสสสฺส ทสฺสนตฺถํ ปุริมสุตฺเต อวิชฺชา นีวรณภาเวน, อิธ จ ตณฺหา สํโยชนภาเวเนว วุตฺตา. กิฺจ นีวรณสํโยชนปฺปธานสฺส ทสฺสนตฺถํ. ยถา หิ นีวรณภาเวน อวิชฺชา สํกิเลสธมฺมานํ ปธานภูตา ปุพฺพงฺคมา จ, เอวํ สํโยชนภาเวน เนสํ ตณฺหาติ ตทธีนปฺปธานภาวํ ทสฺเสตุํ สุตฺตทฺวเย เอวเมเต ธมฺมา วุตฺตา. อปิจ วิเสเสน อวิชฺชา นิพฺพานสุขํ นิวาเรตีติ ‘‘นีวรณ’’นฺติ วุตฺตา, ตณฺหา สํสารทุกฺเขน สตฺเต สํโยเชตีติ ‘‘สํโยชน’’นฺติ.

ทสฺสนคมนนฺตรายกรณโต วา วิชฺชาจรณวิปกฺขโต ทฺวยํ ทฺวิธา วุตฺตํ. วิชฺชาย หิ อุชุวิปจฺจนีกภูตา อวิชฺชา นิพฺพานทสฺสนสฺส อวิปรีตทสฺสนสฺส จ วิเสสโต อนฺตรายกรา, จรณธมฺมานํ อุชุวิปจฺจนีกภูตา ตณฺหา คมนสฺส สมฺมาปฏิปตฺติยา อนฺตรายกราติ; เอวมยํ อวิชฺชาย นิวุโต อนฺธีกโต ตณฺหาย สํวุโต พทฺโธ อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน อนฺโธ วิย พทฺโธ มหากนฺตารํ, สํสารกนฺตารํ นาติวตฺตติ. อนตฺถุปฺปตฺติเหตุทฺวยทสฺสนตฺถมฺปิ ทฺวยํ ทฺวิธา วุตฺตํ. อวิชฺชาคโต หิ ปุคฺคโล พาลภาเวน อตฺถํ ปริหาเปติ, อนตฺถฺจ อตฺตโน กโรติ, อกุสโล วิย อาตุโร อสปฺปายกิริยาย. ชานนฺโตปิ พาโล พาลภาเวน อตฺถํ ปริหาเปติ, อนตฺถฺจ กโรติ ชานนฺโต วิย โรคี อสปฺปายเสวี. มกฺกฏาเลโปปมสุตฺตํ เจตสฺส อตฺถสฺส สาธกํ.

ปฏิจฺจสมุปฺปาทสฺส มูลการณทสฺสนตฺถมฺเปตฺถ ทฺวยํ ทฺวิธา วุตฺตํ. วิเสเสน หิ สมฺโมหสฺส พลวภาวโต อวิชฺชาเขตฺตํ อตีโต อทฺธา, ปตฺถนาย พลวภาวโต ตณฺหาเขตฺตํ อนาคโต อทฺธา. ตถา หิ พาลชโน สมฺโมหพหุโล อตีตมนุโสจติ, ตสฺส อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขาราติ สพฺพํ เนตพฺพํ. ปตฺถนาพหุโล อนาคตํ ปชปฺปติ, ตสฺส ตณฺหาปจฺจยา อุปาทานนฺติอาทิ สพฺพํ เนตพฺพํ. เตเนว ตาสํ ปุพฺพนฺตาหรเณน อปรนฺตปฏิสนฺธาเนน จสฺส ยถากฺกมํ มูลการณตา ทสฺสิตาติ เวทิตพฺพนฺติ.

คาถาสุ ตณฺหาทุติโยติ ตณฺหาสหาโย. ตณฺหา หิ นิรุทกกนฺตาเร มรีจิกาย อุทกสฺา วิย ปิปาสาภิภูตํ อปฺปฏิการทุกฺขาภิภูตมฺปิ สตฺตํ อสฺสาทสนฺทสฺสนวเสน สหายกิจฺจํ กโรนฺตี ภวาทีสุ อนิพฺพินฺทํ กตฺวา ปริพฺภมาเปติ, ตสฺมา ตณฺหา ปุริสสฺส ‘‘ทุติยา’’ติ วุตฺตา. นนุ จ อฺเปิ กิเลสาทโย ภวาภินิพฺพตฺติยา ปจฺจยาว? สจฺจเมตํ, น ปน ตถา วิเสสปฺปจฺจโย ยถา ตณฺหา. ตถา หิ สา กุสเลหิ วินา อกุสเลหิ, กามาวจราทิกุสเลหิ จ วินา รูปาวจราทิกุสเลหิ ภวนิพฺพตฺติยา วิเสสปฺปจฺจโย, ยโต สมุทยสจฺจนฺติ วุจฺจตีติ. อิตฺถภาวฺถาภาวนฺติ อิตฺถภาโว จ อฺถาภาโว จ อิตฺถภาวฺถาภาโว. โส เอตสฺส อตฺถีติ อิตฺถภาวฺถาภาโว สํสาโร, ตํ ตตฺถ อิตฺถภาโว มนุสฺสตฺตํ, อฺถาภาโว ตโต อวสิฏฺสตฺตาวาสา. อิตฺถภาโว วา เตสํ เตสํ สตฺตานํ ปจฺจุปฺปนฺโน อตฺตภาโว, อฺถาภาโว อนาคตตฺตภาโว. เอวรูโป วา อฺโปิ อตฺตภาโว อิตฺถภาโว, น เอวรูโป อฺถาภาโว. ตํ อิตฺถภาวฺถาภาวํ สํสารํ ขนฺธธาตุอายตนปฏิปาฏึ นาติวตฺตติ, น อติกฺกมติ.

เอตมาทีนวํ ตฺวา, ตณฺหํ ทุกฺขสฺส สมฺภวนฺติ เอตํ สกลวฏฺฏทุกฺขสฺส สมฺภวํ สมุทยํ ตณฺหํ อาทีนวํ อาทีนวโต ตฺวาติ อตฺโถ. อถ วา เอตมาทีนวํ ตฺวาติ เอตํ ยถาวุตฺตํ สํสารนาติวตฺตนํ อาทีนวํ โทสํ ตฺวา. ตณฺหํ ทุกฺขสฺส สมฺภวนฺติ ตณฺหฺจ วุตฺตนเยน วฏฺฏทุกฺขสฺส ปธานการณนฺติ ตฺวา. วีตตณฺโห อนาทาโน, สโต ภิกฺขุ, ปริพฺพเชติ เอวํ ตีหิ ปริฺาหิ ปริชานนฺโต วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา มคฺคปฏิปาฏิยา ตณฺหํ วิคเมนฺโต อคฺคมคฺเคน สพฺพโส วีตตณฺโห วิคตตณฺโห, ตโต เอว จตูสุ อุปาทาเนสุ กสฺสจิปิ อภาเวน อายตึ ปฏิสนฺธิสงฺขาตสฺส วา อาทานสฺส อภาเวน อนาทาโน, สติเวปุลฺลปฺปตฺติยา สพฺพตฺถ สโตการิตาย สโต ภินฺนกิเลโส ภิกฺขุ ปริพฺพเช จเรยฺย, ขนฺธปรินิพฺพาเนน วา สงฺขารปฺปวตฺติโต อปคจฺเฉยฺยาติ อตฺโถ.

ปฺจมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. ปมเสขสุตฺตวณฺณนา

๑๖. ฉฏฺเ เสขสฺสาติ เอตฺถ เกนฏฺเน เสโข? เสกฺขธมฺมปฏิลาภโต เสโข. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘กิตฺตาวตา นุ โข, ภนฺเต, เสโข โหตีติ? อิธ, ภิกฺขุ, เสขาย สมฺมาทิฏฺิยา สมนฺนาคโต โหติ…เป… เสเขน สมฺมาสมาธินา สมนฺนาคโต โหติ. เอตฺตาวตา โข, ภิกฺขุ, เสโข โหตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๓).

อปิจ สิกฺขตีติ เสโข. วุตฺตมฺปิ เจตํ –

‘‘สิกฺขตีติ โข, ภิกฺขุ, ตสฺมา เสโขติ วุจฺจติ. กิฺจ สิกฺขติ? อธิสีลมฺปิ สิกฺขติ, อธิจิตฺตมฺปิ สิกฺขติ, อธิปฺมฺปิ สิกฺขติ. สิกฺขตีติ โข, ภิกฺขุ, ตสฺมา เสโขติ วุจฺจตี’’ติ (อ. นิ. ๓.๘๖).

โยปิ กลฺยาณปุถุชฺชโน อนุโลมปฺปฏิปทาย ปริปูรการี สีลสมฺปนฺโน อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร โภชเน มตฺตฺู ชาคริยานุโยคมนุยุตฺโต ปุพฺพรตฺตาปรรตฺตํ โพธิปกฺขิยานํ ธมฺมานํ ภาวนานุโยคมนุยุตฺโต วิหรติ – ‘‘อชฺช วา สฺเว วา อฺตรํ สามฺผลํ อธิคมิสฺสามี’’ติ, โสปิ วุจฺจติ สิกฺขตีติ เสโขติ. อิมสฺมึ อตฺเถ น ปฏิวิชฺฌนฺโตว เสโข อธิปฺเปโต, อถ โข กลฺยาณปุถุชฺชโนปิ. อปฺปตฺตํ มานสํ เอเตนาติ อปฺปตฺตมานโส. มานสนฺติ ‘‘อนฺตลิกฺขจโร ปาโส, ยฺวายํ จรติ มานโส’’ติ (สํ. นิ. ๑.๑๕๑; มหาว. ๓๓) เอตฺถ ราโค มานสนฺติ วุตฺโต. ‘‘จิตฺตํ มโน มานส’’นฺติ (ธ. ส. ๖๓, ๖๕) เอตฺถ จิตฺตํ. ‘‘อปฺปตฺตมานโส เสโข, กาลํ กยิรา ชเน สุตา’’ติ (สํ. นิ. ๑.๑๕๙) เอตฺถ อรหตฺตํ. อิธาปิ อรหตฺตเมว อธิปฺเปตํ. เตน อปฺปตฺตอรหตฺตสฺสาติ วุตฺตํ โหติ.

อนุตฺตรนฺติ เสฏฺํ, อสทิสนฺติ อตฺโถ. จตูหิ โยเคหิ เขมํ อนุปทฺทุตนฺติ โยคกฺเขมํ, อรหตฺตเมว อธิปฺเปตํ. ปตฺถยมานสฺสาติ ทฺเว ปตฺถนา ตณฺหาปตฺถนา, กุสลจฺฉนฺทปตฺถนา จ. ‘‘ปตฺถยมานสฺส หิ ชปฺปิตานิ, ปเวธิตํ วาปิ ปกปฺปิเตสู’’ติ (สุ. นิ. ๙๐๘; มหานิ. ๑๓๗) เอตฺถ ตณฺหาปตฺถนา.

‘‘ฉินฺนํ ปาปิมโต โสตํ, วิทฺธสฺตํ วินฬีกตํ;

ปาโมชฺชพหุลา โหถ, เขมํ ปตฺเถถ ภิกฺขโว’’ติ. (ม. นิ. ๑.๓๕๒);

เอตฺถ กตฺตุกมฺยตากุสลจฺฉนฺทปตฺถนา, อยเมว อิธาธิปฺเปตา. เตน ปตฺถยมานสฺสาติ ตํ โยคกฺเขมํ คนฺตุกามสฺส ตนฺนินฺนสฺส ตปฺโปณสฺส ตปฺปพฺภารสฺสาติ อตฺโถ. วิหรโตติ เอกํ อิริยาปถทุกฺขํ อฺเน อิริยาปเถน วิจฺฉินฺทิตฺวา อปริปตนฺตํ อตฺตภาวํ หรโต. อถ วา ‘‘สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจาติ อธิมุจฺจนฺโต สทฺธาย วิหรตี’’ติอาทินา นิทฺเทสนเยน เจตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อชฺฌตฺติกนฺติ นิยกชฺฌตฺตสงฺขาเต อชฺฌตฺเต ภวํ อชฺฌตฺติกํ. องฺคนฺติ การณํ. อิติ กริตฺวาติ เอวํ กตฺวา. น อฺํ เอกงฺคมฺปิ สมนุปสฺสามีติ เอตฺถ อยํ สงฺเขปตฺโถ – ภิกฺขเว, อชฺฌตฺตํ อตฺตโน สนฺตาเน สมุฏฺิตํ การณนฺติ กตฺวา อฺํ เอกการณมฺปิ น สมนุปสฺสามิ ยํ เอวํ พหูปการํ, ยถยิทํ โยนิโส มนสิกาโรติ อุปายมนสิกาโร, ปถมนสิกาโร, อนิจฺจาทีสุ อนิจฺจาทินเยเนว มนสิกาโร, อนิจฺจานุโลมิเกน วา จิตฺตสฺส อาวฏฺฏนา อนฺวาวฏฺฏนา อาโภโค สมนฺนาหาโร มนสิกาโร. อยํ โยนิโส มนสิกาโร.

อิทานิ โยนิโส มนสิการสฺส อานุภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘โยนิโส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ มนสิ กโรนฺโต อกุสลํ ปชหติ, กุสลํ ภาเวตี’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ โยนิโส มนสิ กโรนฺโตติ ‘‘อิทํ ทุกฺขํ อริยสจฺจํ, อยํ ทุกฺขสมุทโย อริยสจฺจํ, อยํ ทุกฺขนิโรโธ อริยสจฺจํ, อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา อริยสจฺจ’’นฺติ จตูสุ อริยสจฺเจสุ โยนิโส มนสิการํ ปวตฺเตนฺโต.

ตตฺรายํ อตฺถวิภาวนา – ยทิปิ อิทํ สุตฺตํ อวิเสเสน เสกฺขปุคฺคลวเสน อาคตํ, จตุมคฺคสาธารณวเสน ปน สงฺเขเปเนว กมฺมฏฺานํ กถยิสฺสาม. โย จตุสจฺจกมฺมฏฺานิโก โยคาวจโร ‘‘ตณฺหาวชฺชา เตภูมกา ขนฺธา ทุกฺขํ, ตณฺหา สมุทโย, อุภินฺนํ อปฺปวตฺติ นิโรโธ, นิโรธสมฺปาปโก มคฺโค’’ติ เอวํ ปุพฺเพ เอว อาจริยสนฺติเก อุคฺคหิตจตุสจฺจกมฺมฏฺาโน. โส อปเรน สมเยน วิปสฺสนามคฺคํ สมารุฬฺโห สมาโน เตภูมเก ขนฺเธ ‘‘อิทํ ทุกฺข’’นฺติ โยนิโส มนสิ กโรติ, อุปาเยน ปเถน สมนฺนาหรติ เจว วิปสฺสติ จ. วิปสฺสนา หิ อิธ มนสิการสีเสน วุตฺตา. ยา ปนายํ ตสฺส ทุกฺขสฺส สมุฏฺาปิกา ปุริมภวิกา ตณฺหา, อยํ ทุกฺขสมุทโยติ โยนิโส มนสิ กโรติ. ยสฺมา ปน อิทํ ทุกฺขํ, อยฺจ สมุทโย อิทํ านํ ปตฺวา นิรุชฺฌนฺติ น ปวตฺตนฺติ, ตสฺมา ยทิทํ นิพฺพานํ นาม, อยํ ทุกฺขนิโรโธติ โยนิโส มนสิ กโรติ. นิโรธสมฺปาปกํ อฏฺงฺคิกํ มคฺคํ, ‘‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา’’ติ โยนิโส มนสิ กโรติ, อุปาเยน ปเถน สมนฺนาหรติ เจว วิปสฺสติ จ.

ตตฺรายํ อุปาโย – อภินิเวโส นาม ขนฺเธ โหติ, น วิวฏฺเฏ, ตสฺมา อยมตฺโถ – ‘‘อิมสฺมึ กาเย ปถวีธาตุ, อาโปธาตู’’ติอาทินา (ที. นิ. ๒.๓๗๘) นเยน จตฺตาริ มหาภูตานิ ตทนุสาเรน อุปาทารูปานิ จ ปริคฺคเหตฺวา ‘‘อยํ รูปกฺขนฺโธ’’ติ ววตฺถเปติ. ตํ ววตฺถาปยโต อุปฺปนฺเน ตทารมฺมเณ จิตฺตเจตสิกธมฺเม ‘‘อิเม จตฺตาโร อรูปกฺขนฺธา’’ติ ววตฺถเปติ. ตโต ‘‘อิเม ปฺจกฺขนฺธา ทุกฺข’’นฺติ ววตฺถเปติ. เต ปน สงฺเขปโต นามฺจ รูปฺจาติ ทฺเว ภาคา โหนฺติ. อิทฺจ นามรูปํ สเหตุ สปฺปจฺจยํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส อยํ อวิชฺชาภวตณฺหาทิโก เหตุ, อยํ อาหาราทิโก ปจฺจโยติ เหตุปฺปจฺจเย ววตฺถเปติ. โส เตสํ ปจฺจยานฺจ ปจฺจยุปฺปนฺนานฺจ ยาถาวสรสลกฺขณํ ววตฺถเปตฺวา ‘‘อิเม ธมฺมา อหุตฺวา ภวนฺติ, หุตฺวา นิรุชฺฌนฺติ, ตสฺมา อนิจฺจา’’ติ อนิจฺจลกฺขณํ อาโรเปติ, ‘‘อุทยพฺพยปฏิปีฬิตตฺตา ทุกฺขา’’ติ ทุกฺขลกฺขณํ อาโรเปติ, ‘‘อวสวตฺตนโต อนตฺตา’’ติ อนตฺตลกฺขณํ อาโรเปติ.

เอวํ ติลกฺขณานิ อาโรเปตฺวา วิปสฺสนฺโต อุทยพฺพยาณุปฺปตฺติยา อุปฺปนฺเน โอภาสาทิเก วิปสฺสนุปกฺกิเลเส ‘อมคฺโค’ติ อุทยพฺพยาณเมว ‘‘อริยมคฺคสฺส อุปายภูโต ปุพฺพภาคมคฺโค’’ติ มคฺคามคฺคํ ววตฺถเปตฺวา ปุน อุทยพฺพยาณํ ปฏิปาฏิยา ภงฺคาณาทีนิ จ อุปฺปาเทนฺโต โสตาปตฺติมคฺคาทโย ปาปุณาติ. ตสฺมึ ขเณ จตฺตาริ สจฺจานิ เอกปฺปฏิเวเธเนว ปฏิวิชฺฌติ, เอกาภิสมเยน อภิสเมติ. ตตฺถ ทุกฺขํ ปริฺาปฏิเวเธน ปฏิวิชฺฌนฺโต, สมุทยํ ปหานปฺปฏิเวเธน ปฏิวิชฺฌนฺโต สพฺพํ อกุสลํ ปชหติ, นิโรธํ สจฺฉิกิริยาปฏิเวเธน ปฏิวิชฺฌนฺโต มคฺคํ ภาวนาปฏิเวเธน ปฏิวิชฺฌนฺโต สพฺพํ กุสลํ ภาเวติ. อริยมคฺโค หิ นิปฺปริยายโต กุจฺฉิตสลนาทิอตฺเถน กุสโล, ตสฺมิฺจ ภาวิเต สพฺเพปิ กุสลา อนวชฺชโพธิปกฺขิยธมฺมา ภาวนาปาริปูรึ คจฺฉนฺตีติ. เอวํ โยนิโส มนสิ กโรนฺโต อกุสลํ ปชหติ, กุสลํ ภาเวติ. ตถา หิ วุตฺตํ – ‘‘อิทํ ทุกฺขนฺติ โยนิโส มนสิ กโรติ, อยํ ทุกฺขสมุทโยติ โยนิโส มนสิ กโรตี’’ติอาทิ (ม. นิ. ๑.๒๑). อปรมฺปิ วุตฺตํ ‘‘โยนิโส มนสิการสมฺปนฺนสฺเสตํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ปาฏิกงฺขํ – อริยํ อฏฺงฺคิกํ มคฺคํ ภาเวสฺสติ, อริยํ อฏฺงฺคิกํ มคฺคํ พหุลีกริสฺสตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๕๕).

โยนิโส มนสิกาโรติ คาถาย อยํ สงฺเขปตฺโถ – สิกฺขติ, สิกฺขาปทานิ ตสฺส อตฺถิ, สิกฺขนสีโลติ วา เสโข. สํสาเร ภยํ อิกฺขตีติ ภิกฺขุ. ตสฺส เสขสฺส ภิกฺขุโน อุตฺตมตฺถสฺส อรหตฺตสฺส ปตฺติยา อธิคมาย ยถา โยนิโส มนสิกาโร, เอวํ พหุกาโร พหูปกาโร อฺโ โกจิ ธมฺโม นตฺถิ. กสฺมา? ยสฺมา โยนิโส อุปาเยน มนสิการํ ปุรกฺขตฺวา ปทหํ จตุพฺพิธสมฺมปฺปธานวเสน ปทหนฺโต, ขยํ ทุกฺขสฺส ปาปุเณ สํกิเลสวฏฺฏทุกฺขสฺส ปริกฺขยํ ปริโยสานํ นิพฺพานํ ปาปุเณ อธิคจฺเฉยฺย, ตสฺมา โยนิโส มนสิกาโร พหุกาโรติ.

ฉฏฺสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. ทุติยเสขสุตฺตวณฺณนา

๑๗. สตฺตเม พาหิรนฺติ อชฺฌตฺตสนฺตานโต พหิ ภวํ. กลฺยาณมิตฺตตาติ ยสฺส สีลาทิคุณสมฺปนฺโน อฆสฺส ฆาตา, หิตสฺส วิธาตา สพฺพากาเรน อุปการโก มิตฺโต โหติ, โส ปุคฺคโล กลฺยาณมิตฺโต, ตสฺส ภาโว กลฺยาณมิตฺตตา. ตตฺรายํ กลฺยาณมิตฺโต ปกติยา สทฺธาสมฺปนฺโน โหติ สีลสมฺปนฺโน สุตสมฺปนฺโน จาคสมฺปนฺโน วีริยสมฺปนฺโน สติสมฺปนฺโน สมาธิสมฺปนฺโน ปฺาสมฺปนฺโน. ตตฺถ สทฺธาสมฺปตฺติยา สทฺทหติ ตถาคตสฺส โพธึ, เตน สมฺมาสมฺโพธิเหตุภูตํ สตฺเตสุ หิตสุเขสิตํ น ปริจฺจชติ, สีลสมฺปตฺติยา สพฺรหฺมจารีนํ ปิโย โหติ ครุ จ ภาวนีโย โจทโก ปาปครหี วตฺตา วจนกฺขโม, สุตสมฺปตฺติยา ขนฺธายตนสจฺจปฏิจฺจสมุปฺปาทาทิกานํ คมฺภีรานํ กถานํ กตฺตา โหติ, จาคสมฺปตฺติยา อปฺปิจฺโฉ โหติ สนฺตุฏฺโ ปวิวิตฺโต อสํสฏฺโ, วีริยสมฺปตฺติยา อตฺตโน ปเรสฺจ หิตปฺปฏิปตฺติยํ อารทฺธวีริโย โหติ, สติสมฺปตฺติยา อุปฏฺิตสฺสติ โหติ ปรเมน สติเนปกฺเกน สมนฺนาคโต จิรกตมฺปิ จิรภาสิตมฺปิ สริตา อนุสฺสริตา, สมาธิสมฺปตฺติยา อวิกฺขิตฺโต โหติ สมาหิโต เอกคฺคจิตฺโต, ปฺาสมฺปตฺติยา อวิปรีตํ ปชานาติ. โส สติยา กุสลากุสลานํ ธมฺมานํ คติโย สมนฺเวสนฺโต ปฺาย สตฺตานํ หิตสุขํ ยถาภูตํ ชานิตฺวา สมาธินา ตตฺถ อพฺยคฺคจิตฺโต หุตฺวา วีริเยน สตฺเต อหิตโต นิเสเธตฺวา เอกนฺตหิเต นิโยเชติ. เตเนวาห –

‘‘ปิโย ครุ ภาวนีโย, วตฺตา จ วจนกฺขโม;

คมฺภีรฺจ กถํ กตฺตา, โน จาฏฺาเน นิโยชโก’’ติ. (เนตฺติ. ๑๑๓);

กลฺยาณมิตฺโต, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อกุสลํ ปชหติ, กุสลํ ภาเวตีติ กลฺยาณมิตฺโต ปุคฺคโล กลฺยาณมิตฺตํ นิสฺสาย กมฺมสฺสกตาาณํ อุปฺปาเทติ, อุปฺปนฺนํ สทฺธํ ผาตึ กโรติ, สทฺธาชาโต อุปสงฺกมติ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ สุณาติ. ตํ ธมฺมํ สุตฺวา ตถาคเต สทฺธํ ปฏิลภติ, เตน สทฺธาปฏิลาเภน ฆราวาสํ ปหาย ปพฺพชฺชํ อนุติฏฺติ, จตุปาริสุทฺธิสีลํ สมฺปาเทติ, ยถาพลํ ธุตธมฺเม สมาทาย วตฺตติ, ทสกถาวตฺถุลาภี โหติ, อารทฺธวีริโย วิหรติ อุปฏฺิตสฺสติ สมฺปชาโน ปุพฺพรตฺตาปรรตฺตํ โพธิปกฺขิยานํ ธมฺมานํ ภาวนานุโยคมนุยุตฺโต, นจิรสฺเสว วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อริยมคฺคาธิคเมน สพฺพํ อกุสลํ สมุจฺฉินฺทติ, สพฺพฺจ กุสลํ ภาวนาปาริปูรึ คเมนฺโต วฑฺเฒติ. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘กลฺยาณมิตฺตสฺเสตํ, เมฆิย, ภิกฺขุโน ปาฏิกงฺขํ กลฺยาณสหายสฺส กลฺยาณสมฺปวงฺกสฺส ‘ยํ สีลวา ภวิสฺสติ, ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหริสฺสติ อาจารโคจรสมฺปนฺโน, อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ, ภยทสฺสาวี สมาทาย สิกฺขิสฺสติ, สิกฺขาปเทสุ’.

‘‘กลฺยาณมิตฺตสฺเสตํ…เป… กลฺยาณสมฺปวงฺกสฺส ‘ยํ ยายํ กถา อภิสลฺเลขิกา เจโตวิวรณสปฺปายา เอกนฺตนิพฺพิทาย…เป… นิพฺพานาย สํวตฺตติ. เสยฺยถิทํ – อปฺปิจฺฉกถา, สนฺตุฏฺิกถา, ปวิเวกกถา, อสํสคฺคกถา, วีริยารมฺภกถา, สีลกถา, สมาธิกถา…เป… วิมุตฺติาณทสฺสนกถา. เอวรูปาย กถาย นิกามลาภี ภวิสฺสติ อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี’.

‘‘กลฺยาณมิตฺตสฺเสตํ …เป… กลฺยาณสมฺปวงฺกสฺส ‘ยํ อารทฺธวีริโย วิหริสฺสติ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปทาย ถามวา ทฬฺหปรกฺกโม อนิกฺขิตฺตธุโร กุสเลสุ ธมฺเมสุ’.

‘‘กลฺยาณมิตฺตสฺเสตํ…เป… กลฺยาณสมฺปวงฺกสฺส ‘ยํ ปฺวา ภวิสฺสติ, อุทยตฺถคามินิยา ปฺาย สมนฺนาคโต อริยาย นิพฺเพธิกาย สมฺมา ทุกฺขกฺขยคามินิยา’’’ติ (อุทา. ๓๑).

เอวํ สกลวฏฺฏทุกฺขปริมุจฺจนนิมิตฺตํ กลฺยาณมิตฺตตาติ เวทิตพฺพํ. เตเนวาห –

‘‘มมฺหิ, อานนฺท, กลฺยาณมิตฺตํ อาคมฺม ชาติธมฺมา สตฺตา ชาติยา ปริมุจฺจนฺติ, ชราธมฺมา สตฺตา ชราย ปริมุจฺจนฺตี’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๑.๑๒๙).

เตน วุตฺตํ – ‘‘กลฺยาณมิตฺโต, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อกุสลํ ปชหติ, กุสลํ ภาเวตี’’ติ.

คาถาย สปฺปติสฺโสติ ปติสฺสวสงฺขาเตน สห ปติสฺเสนาติ สปฺปติสฺโส, กลฺยาณมิตฺตสฺส โอวาทํ สิรสา สมฺปฏิจฺฉโก สุพฺพโจติ อตฺโถ. อถ วา หิตสุเข ปติฏฺาปเนน ปติ อิเสตีติ ปติสฺโส, โอวาททายโก. ครุอาทรโยเคน เตน ปติสฺเสน สห วตฺตตีติ สปฺปติสฺโส, ครูสุ ครุจิตฺตีการพหุโล. สคารโวติ ฉพฺพิเธนปิ คารเวน ยุตฺโต. กรํ มิตฺตานํ วจนนฺติ กลฺยาณมิตฺตานํ โอวาทํ กโรนฺโต ยโถวาทํ ปฏิปชฺชนฺโต. สมฺปชาโนติ สตฺตฏฺานิเยน สมฺปชฺเน สมนฺนาคโต. ปติสฺสโตติ กมฺมฏฺานํ ผาตึ, คเมตุํ สมตฺถาย สติยา ปติสฺสโต สโตการี. อนุปุพฺเพนาติ สีลาทิวิสุทฺธิปฏิปาฏิยา, ตตฺถ จ วิปสฺสนาปฏิปาฏิยา เจว มคฺคปฏิปาฏิยา จ. สพฺพสํโยชนกฺขยนฺติ กามราคสํโยชนาทีนํ สพฺเพสํ สํโยชนานํ เขปนโต สพฺพสํโยชนกฺขยสงฺขาตสฺส อริยมคฺคสฺส ปริโยสานภูตํ อรหตฺตํ, ตสฺส อารมฺมณภูตํ นิพฺพานเมว วา. ปาปุเณ อธิคจฺเฉยฺยาติ อตฺโถ. อิติ อิเมสุ ทฺวีสุ สุตฺเตสุ อริยมคฺคาธิคมสฺส สตฺถารา ปธานงฺคํ นาม คหิตนฺติ เวทิตพฺพํ.

สตฺตมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. สงฺฆเภทสุตฺตวณฺณนา

๑๘. อฏฺเม เอกธมฺโมติ กตโรยํ สุตฺตนิกฺเขโป? อฏฺุปฺปตฺติโก. ตตฺรายํ สงฺเขปกถา – เทวทตฺโต หิ อชาตสตฺตุํ ทุคฺคหณํ คาหาเปตฺวา ตสฺส ปิตรํ ราชานํ พิมฺพิสารํ เตน มาราเปตฺวาปิ อภิมาเร ปโยเชตฺวาปิ สิลาปวิชฺฌเนน โลหิตุปฺปาทกมฺมํ กตฺวาปิ น ตาวตา ปากโฏ ชาโต, นาฬาคิรึ วิสฺสชฺเชตฺวา ปน ปากโฏ ชาโต. อถ มหาชโน ‘‘เอวรูปมฺปิ นาม ปาปํ คเหตฺวา ราชา วิจรตี’’ติ โกลาหลํ อกาสิ, มหาโฆโส อโหสิ. ตํ สุตฺวา ราชา อตฺตนา ทียมานานิ ปฺจ ถาลิปากสตานิ ปจฺฉินฺทาเปสิ, อุปฏฺานมฺปิสฺส นาคมาสิ. นาคราปิ กุลํ อุปคตสฺส กฏจฺฉุภตฺตมฺปิสฺส นาทํสุ. โส ปริหีนลาภสกฺกาโร โกหฺเน ชีวิตุกาโม สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ปฺจ วตฺถูนิ ยาจิตฺวา ‘‘อลํ, เทวทตฺต, โย อิจฺฉติ, โส อารฺิโก โหตู’’ติอาทินา (ปารา. ๔๐๙; จูฬว. ๓๔๓) ภควตา ปฏิกฺขิตฺโต เตหิ ปฺจหิ วตฺถูหิ พาลํ ลูขปฺปสนฺนํ ชนํ สฺาเปนฺโต ปฺจสเต วชฺชิปุตฺตเก สลากํ คาหาเปตฺวา สงฺฆํ ภินฺทิตฺวาว เต อาทาย คยาสีสํ อคมาสิ. อถ ทฺเว อคฺคสาวกา สตฺถุ อาณาย ตตฺถ คนฺตฺวา ธมฺมํ เทเสตฺวา เต อริยผเล ปติฏฺาเปตฺวา อานยึสุ. เย ปนสฺส สงฺฆเภทาย ปรกฺกมนฺตสฺส ลทฺธึ โรเจตฺวา ตเถว ปคฺคยฺห ิตา สงฺเฆ ภิชฺชนฺเต ภินฺเน จ สมนุฺา อเหสุํ, เตสํ ตํ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขาย อโหสิ.

เทวทตฺโตปิ น จิรสฺเสว โรคาภิภูโต พาฬฺหคิลาโน มรณกาเล ‘‘สตฺถารํ วนฺทิสฺสามี’’ติ มฺจกสิวิกาย นียมาโน เชตวนโปกฺขรณิตีเร ปิโต ปถวิยา วิวเร ทินฺเน ปติตฺวา อวีจิมฺหิ นิพฺพตฺติ, โยชนสติโก จสฺส อตฺตภาโว อโหสิ กปฺปฏฺิโย ตาลกฺขนฺธปริมาเณหิ อยสูเลหิ วินิวิทฺโธ. เทวทตฺตปกฺขิกานิ จ ปฺจมตฺตานิ กุลสตานิ ตสฺส ลทฺธิยํ ิตานิ สห พนฺธเวหิ นิรเย นิพฺพตฺตานิ. เอกทิวสํ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, เทวทตฺเตน สงฺฆํ ภินฺทนฺเตน ภาริยํ กมฺมํ กต’’นฺติ. อถ สตฺถา ธมฺมสภํ อุปคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต สงฺฆเภเท อาทีนวํ ทสฺเสนฺโต อิมํ สุตฺตํ อภาสิ. เกจิ ปน ภณนฺติ ‘‘เทวทตฺตสฺส ตปฺปกฺขิกานฺจ ตถา นิรเย นิพฺพตฺตภาวํ ทิสฺวา สงฺฆเภเท อาทีนวํ ทสฺเสนฺโต ภควา อตฺตโน อชฺฌาสเยเนว อิมํ สุตฺตํ เทเสสี’’ติ.

ตตฺถ เอกธมฺโมติ เอโก อกุสโล มหาสาวชฺชธมฺโม. โลเกติ สตฺตโลเก. อุปฺปชฺชมาโน อุปฺปชฺชตีติ เอตฺถ เภทสํวตฺตนิเกสุ ภณฺฑนาทีสุ สงฺเฆ อุปฺปนฺเนสุปิ ‘‘ธมฺโม อธมฺโม’’ติอาทีสุ อฏฺารสเภทกรวตฺถูสุ ยสฺส กสฺสจิ ทีปนวเสน โวหรนฺเตสุปิ ตตฺถ รุจิชนนตฺถํ อนุสฺสาเวนฺเตสุปิ อนุสฺสาเวตฺวา สลากาย คาหิตายปิ สงฺฆเภโท อุปฺปชฺชมาโน นาม โหติ, สลากาย ปน คาหิตาย จตฺตาโร วา อติเรกา วา ยทา อาเวณิกํ อุทฺเทสํ วา สงฺฆกมฺมํ วา กโรนฺติ, ตทา สงฺฆเภโท อุปฺปชฺชติ นาม. กเต ปน ตสฺมึ สงฺฆเภโท อุปฺปนฺโน นาม? กมฺมํ, อุทฺเทโส, โวหาโร, อนุสฺสาวนา, สลากคฺคาโหติ อิเมสุ หิ ปฺจสุ สงฺฆสฺส เภทการเณสุ กมฺมํ วา อุทฺเทโส วา ปมาณํ, โวหารานุสฺสาวนสลากคฺคาหา ปน ปุพฺพภาคาติ.

พหุชนาหิตายาติอาทีสุ ๐.มหาชนสฺส ฌานมคฺคาทิสมฺปตฺตินิวารเณน อหิตาย, สคฺคสมฺปตฺตินิวารเณน อสุขาย, อปายูปปตฺติเหตุภาเวน อนตฺถาย. อกุสลธมฺมวเสน วา อหิตาย, หิตมตฺตสฺสปิ อภาวา สุคติยมฺปิ นิพฺพตฺตนกกายิกเจตสิกทุกฺขาย อุปฺปชฺชตีติ สมฺพนฺโธ. เทวมนุสฺสานนฺติ อิทํ ‘‘พหุโน ชนสฺสา’’ติ วุตฺเตสุ อุกฺกฏฺปุคฺคลนิทฺเทโส. อปโร นโย – พหุชนาหิตายาติ พหุชนสฺส มหโต สตฺตกายสฺส อหิตตฺถาย, ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกอนตฺถายาติ อตฺโถ. อสุขายาติ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกอสุขตฺถาย, ทุวิธทุกฺขตฺถายาติ อตฺโถ. อนตฺถายาติ ปรมตฺถปฏิกฺเขปาย. นิพฺพานฺหิ ปรมตฺโถ, ตโต อุตฺตรึ อตฺโถ นตฺถิ. อหิตายาติ มคฺคปฏิกฺเขปาย. นิพฺพานสมฺปาปกมคฺคโต หิ อุตฺตรึ หิตํ นาม นตฺถิ. ทุกฺขายาติ อริยสุขวิราธเนน วฏฺฏทุกฺขตาย. เย หิ อริยสุขโต วิรทฺธา ตํ อธิคนฺตุํ อภพฺพา, เต วฏฺฏทุกฺเข ปริพฺภมนฺติ, อริยสุขโต จ อุตฺตรึ สุขํ นาม นตฺถิ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘อยํ สมาธิ ปจฺจุปฺปนฺนสุโข เจว อายติฺจ สุขวิปาโก’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๕๕; อ. นิ. ๕.๒๗).

อิทานิ ‘‘สงฺฆเภโท’’ติ สรูปโต ทสฺเสตฺวา ตสฺส อหิตาทีนํ เอกนฺตเหตุภาวํ ปกาเสตุํ ‘‘สงฺเฆ โข ปน, ภิกฺขเว, ภินฺเน’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ภินฺเนติ นิมิตฺตตฺเถ ภุมฺมํ ยถา ‘‘อธนานํ ธเน อนนุปฺปทียมาเน’’ติ (ที. นิ. ๓.๙๑), เภทเหตูติ อตฺโถ. อฺมฺํ ภณฺฑนานีติ จตุนฺนํ ปริสานํ ตปฺปกฺขิกานฺจ ‘‘เอโส ธมฺโม, เนโส ธมฺโม’’ติ อฺมฺํ วิวทนานิ. ภณฺฑนฺหิ กลหสฺส ปุพฺพภาโค. ปริภาสาติ ‘‘อิทฺจิทฺจ โว อนตฺถํ กริสฺสามา’’ติ ภยุปฺปาทนวเสน ตชฺชนา. ปริกฺเขปาติ ชาติอาทิวเสน ปริโต เขปา, ทสหิ อกฺโกสวตฺถูหิ ขุํสนวมฺภนา. ปริจฺจชนาติ อุกฺเขปนิยกมฺมกรณาทิวเสน นิสฺสารณา. ตตฺถาติ ตสฺมึ สงฺฆเภเท, ตนฺนิมิตฺเต วา ภณฺฑนาทิเก. อปฺปสนฺนาติ รตนตฺตยคุณานํ อนภิฺา. น ปสีทนฺตีติ ‘‘ธมฺมจาริโน สมจาริโน’’ติอาทินา ยฺวายํ ภิกฺขูสุ ปสาทนากาโร, ตถา น ปสีทนฺติ, เตสํ วา โสตพฺพํ สทฺธาตพฺพํ น มฺนฺติ. ตถา จ ธมฺเม สตฺถริ จ อปฺปสนฺนาว โหนฺติ. เอกจฺจานํ อฺถตฺตนฺติ ปุถุชฺชนานํ อวิรุฬฺหสทฺธานํ ปสาทฺถตฺตํ.

คาถายํ อาปายิโกติอาทีสุ อปาเย นิพฺพตฺตนารหตาย อาปายิโก. ตตฺถปิ อวีจิสงฺขาเต มหานิรเย อุปฺปชฺชตีติ เนรยิโก. เอกํ อนฺตรกปฺปํ ปริปุณฺณเมว กตฺวา ตตฺถ ติฏฺตีติ กปฺปฏฺโ. สงฺฆเภทสงฺขาเต วคฺเค รโตติ วคฺครโต. อธมฺมิยตาย อธมฺโม. เภทกรวตฺถูหิ สงฺฆเภทสงฺขาเต เอว จ อธมฺเม ิโตติ อธมฺมฏฺโ. โยคกฺเขมา ปธํสตีติ โยคกฺเขมโต หิตโต ปธํสติ ปริหายติ, จตูหิ วา โยเคหิ อนุปทฺทุตตฺตา โยคกฺเขมํ นาม อรหตฺตํ นิพฺพานฺจ, ตโต ปนสฺส ธํสเน วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. ทิฏฺิสีลสามฺโต สํหตฏฺเน สงฺฆํ, ตโต เอว เอกกมฺมาทิวิธานโยเคน สมคฺคํ สหิตํ. เภตฺวานาติ ปุพฺเพ วุตฺตลกฺขเณน สงฺฆเภเทน ภินฺทิตฺวา. กปฺปนฺติ อายุกปฺปํ. โส ปเนตฺถ อนฺตรกปฺโปว. นิรยมฺหีติ อวีจิมหานิรยมฺหิ.

อฏฺมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. สงฺฆสามคฺคีสุตฺตวณฺณนา

๑๙. นวเม เอกธมฺโมติ เอโก กุสลธมฺโม อนวชฺชธมฺโม. ‘‘อยํ ธมฺโม, นายํ ธมฺโม’’ติอาทินา สเจ สงฺเฆ วิวาโท อุปฺปชฺเชยฺย, ตตฺถ ธมฺมกาเมน วิฺุนา อิติ ปฏิสฺจิกฺขิตพฺพํ ‘‘านํ โข, ปเนตํ วิชฺชติ, ยทิทํ วิวาโท วฑฺฒมาโน สงฺฆราชิยา วา สงฺฆเภทาย วา สํวตฺเตยฺยา’’ติ. สเจ ตํ อธิกรณํ อตฺตนา ปคฺคเหตฺวา ิโต, อคฺคึ อกฺกนฺเตน วิย สหสา ตโต โอรมิตพฺพํ. อถ ปเรหิ ตํ ปคฺคหิตํ สยฺเจตํ สกฺโกติ วูปสเมตุํ, อุสฺสาหชาโต หุตฺวา ทูรมฺปิ คนฺตฺวา ตถา ปฏิปชฺชิตพฺพํ, ยถา ตํ วูปสมฺมติ. สเจ ปน สยํ น สกฺโกติ, โส จ วิวาโท อุปรูปริ วฑฺฒเตว, น วูปสมฺมติ. เย ตตฺถ ปติรูปา สิกฺขากามา สพฺรหฺมจาริโน, เต อุสฺสาเหตฺวา เยน ธมฺเมน เยน วินเยน เยน สตฺถุสาสเนน ตํ อธิกรณํ ยถา วูปสมฺมติ, ตถา วูปสเมตพฺพํ. เอวํ วูปสเมนฺตสฺส โย สงฺฆสามคฺคิกโร กุสโล ธมฺโม, อยเมตฺถ เอกธมฺโมติ อธิปฺเปโต. โส หิ อุภโตปกฺขิยานํ ทฺเวฬฺหกชาตานํ ภิกฺขูนํ, เตสํ อนุวตฺตนวเสน ิตานํ ภิกฺขุนีนํ อุปาสกานํ อุปาสิกานํ เตสํ อารกฺขเทวตานํ ยาวเทว พฺรหฺมานมฺปิ อุปฺปชฺชนารหํ อหิตํ ทุกฺขาวหํ สํกิเลสธมฺมํ อปเนตฺวา มหโต ปุฺราสิสฺส กุสลาภิสนฺทสฺส เหตุภาวโต สเทวกสฺส โลกสฺส หิตสุขาวโห โหติ. เตน วุตฺตํ ‘‘เอกธมฺโม, ภิกฺขเว, โลเก อุปฺปชฺชมาโน อุปฺปชฺชติ พหุชนหิตายา’’ติอาทิ. ตสฺสตฺโถ อนนฺตรสุตฺเต วุตฺตวิปริยาเยน เวทิตพฺโพ. สงฺฆสามคฺคีติ สงฺฆสฺส สมคฺคภาโว เภทาภาโว เอกกมฺมตา เอกุทฺเทสตา จ.

คาถายํ สุขา สงฺฆสฺส สามคฺคีติ สุขสฺส ปจฺจยภาวโต สามคฺคี สุขาติ วุตฺตา. ยถา ‘‘สุโข พุทฺธานมุปฺปาโท’’ติ (ธ. ป. ๑๙๔). สมคฺคานฺจนุคฺคโหติ สมคฺคานํ สามคฺคิอนุโมทเนน อนุคฺคณฺหนํ สามคฺคิอนุรูปํ, ยถา เต สามคฺคึ น วิชหนฺติ, ตถา คหณํ ปนํ อนุพลปฺปทานนฺติ อตฺโถ. สงฺฆํ สมคฺคํ กตฺวานาติ ภินฺนํ สงฺฆํ ราชิปตฺตํ วา สมคฺคํ สหิตํ กตฺวา. กปฺปนฺติ อายุกปฺปเมว. สคฺคมฺหิ โมทตีติ กามาวจรเทวโลเก อฺเ เทเว ทสหิ าเนหิ อภิภวิตฺวา ทิพฺพสุขํ อนุภวนฺโต อิจฺฉิตนิปฺผตฺติยาว โมทติ ปโมทติ ลลติ กีฬตีติ.

นวมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. ปทุฏฺจิตฺตสุตฺตวณฺณนา

๒๐. ทสมสฺส กา อุปฺปตฺติ? อฏฺุปฺปตฺติเยว. เอกทิวสํ กิร ภิกฺขู ธมฺมสภายํ สนฺนิสินฺนา กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, อิเธกจฺโจ พหุํ ปุฺกมฺมํ กโรติ, เอกจฺโจ พหุํ ปาปกมฺมํ, เอกจฺโจ อุภยโวมิสฺสกํ กโรติ. ตตฺถ โวมิสฺสการิโน กีทิโส อภิสมฺปราโย’’ติ? อถ สตฺถา ธมฺมสภํ อุปคนฺวา ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสินฺโน ตํ กถํ สุตฺวา ‘‘ภิกฺขเว, มรณาสนฺนกาเล สํกิลิฏฺจิตฺตสฺส ทุคฺคติ ปาฏิกงฺขา’’ติ ทสฺเสนฺโต อิมาย อฏฺุปฺปตฺติยา อิทํ สุตฺตํ เทเสสิ.

ตตฺถ อิธาติ เทสาปเทเส นิปาโต. สฺวายํ กตฺถจิ ปเทสํ อุปาทาย วุจฺจติ ‘‘อิเธว ติฏฺมานสฺส, เทวภูตสฺส เม สโต’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๓๖๙). กตฺถจิ สาสนํ อุปาทาย ‘‘อิเธว, ภิกฺขเว, สมโณ อิธ ทุติโย สมโณ’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑๓๙; อ. นิ. ๔.๒๔๑). กตฺถจิ ปทปูรณมตฺเต ‘‘อิธาหํ, ภิกฺขเว, ภุตฺตาวี อสฺสํ ปวาริโต’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๐). กตฺถจิ โลกํ อุปาทาย วุจฺจติ ‘‘อิธ ตถาคโต โลเก อุปฺปชฺชตี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๓.๖๑). อิธาปิ โลเก เอว ทฏฺพฺโพ. เอกจฺจนฺติ เอกํ, อฺตรนฺติ อตฺโถ. ปุคฺคลนฺติ สตฺตํ. โส หิ ยถาปจฺจยํ กุสลากุสลานํ ตพฺพิปากานฺจ ปูรณโต มรณวเสน คลนโต จ ปุคฺคโลติ วุจฺจติ. ปทุฏฺจิตฺตนฺติ ปโทเสน อาฆาเตน ทุฏฺจิตฺตํ. อถ วา ปทุฏฺจิตฺตนฺติ โทเสน ราคาทินา ปทูสิตจิตฺตํ. เอตฺถ จ เอกจฺจนฺติ อิทํ ปทุฏฺจิตฺตสฺส ปุคฺคลสฺส วิเสสนํ. ยสฺส หิ ปฏิสนฺธิทายกกมฺมํ โอกาสมกาสิ, โส ตถา วุตฺโต. ยสฺส จ อกุสลปฺปวตฺติโต จิตฺตํ นิวตฺเตตฺวา กุสลวเสน โอตาเรตุํ น สกฺกา, เอวํ อาสนฺนมรโณ. เอวนฺติ อิทานิ วตฺตพฺพาการํ ทสฺเสติ. เจตสาติ อตฺตโน จิตฺเตน เจโตปริยาเณน. เจโตติ ตสฺส ปุคฺคลสฺส จิตฺตํ. ปริจฺจาติ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ปชานามิ. นนุ จ ยถากมฺมุปคาณสฺสายํ วิสโยติ? สจฺจเมตํ, ตทา ปวตฺตมานอกุสลจิตฺตวเสน ปเนตํ วุตฺตํ.

อิมมฺหิ จายํ สมเยติ อิมสฺมึ กาเล, อิมายํ วา ปจฺจยสามคฺคิยํ, อยํ ปุคฺคโล ชวนวีถิยา อปรภาเค กาลํ กเรยฺย เจติ อตฺโถ. น หิ ชวนกฺขเณ กาลํกิริยา อตฺถิ. ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ นิรเยติ ยถา อาภตํ กิฺจิ อาหริตฺวา ปิตํ, เอวํ อตฺตโน กมฺมุนา นิกฺขิตฺโต นิรเย ปิโต เอวาติ อตฺโถ. กายสฺส เภทาติ อุปาทินฺนกฺขนฺธปริจฺจาคา. ปรํ มรณาติ ตทนนฺตรํ อภินิพฺพตฺตกฺขนฺธคฺคหเณ. อถ วา กายสฺส เภทาติ ชีวิตินฺทฺริยสฺส อุปจฺเฉทา. ปรํ มรณาติ จุติโต อุทฺธํ.

อปายนฺติอาทิ สพฺพํ นิรยสฺเสว เววจนํ. นิรโย หิ อยสงฺขาตา สุขา อเปโตติ อปาโย; สคฺคโมกฺขเหตุภูตา วา ปุฺสมฺมตา อยา อเปโตติปิ อปาโย. ทุกฺขสฺส คติ ปฏิสรณนฺติ ทุคฺคติ; โทสพหุลตฺตา วา ทุฏฺเน กมฺมุนา นิพฺพตฺตา คตีติปิ ทุคฺคติ. วิวสา นิปตนฺติ เอตฺถ ทุกฺกฏกมฺมการิโน, วินสฺสนฺตา วา เอตฺถ นิปตนฺติ สมฺภิชฺชมานงฺคปจฺจงฺคาติ วินิปาโต. นตฺถิ เอตฺถ อสฺสาทสฺิโต อโยติ นิรสฺสาทฏฺเน นิรโย. อถ วา อปายคฺคหเณน ติรจฺฉานโยนิ วุจฺจติ. ติรจฺฉานโยนิ หิ อปาโย สุคติโต อเปตตฺตา, น ทุคฺคติ มเหสกฺขานํ นาคราชาทีนํ สมฺภวโต. ทุคฺคติคฺคหเณน เปตฺติวิสโย. โส หิ อปาโย เจว ทุคฺคติ จ สุคติโต อเปตตฺตา ทุกฺขสฺส จ คติภูตตฺตา, น วินิปาโต อสุรสทิสํ อวินิปาตตฺตา. วินิปาตคฺคหเณน อสุรกาโย. โส หิ ยถาวุตฺเตน อตฺเถน อปาโย เจว ทุคฺคติ จ, สพฺพสมฺปตฺติสมุสฺสเยหิ วินิปติตตฺตา วินิปาโตติ จ วุจฺจติ. นิรยคฺคหเณน อวีจิอาทิอเนกปฺปกาโร นิรโยว วุจฺจติ. อิธ ปน สพฺพปเทหิปิ นิรโยว วุตฺโต. อุปปชฺชนฺตีติ ปฏิสนฺธึ คณฺหนฺติ.

คาถาสุ ปมคาถา สงฺคีติกาเล ธมฺมสงฺคาหกตฺเถเรหิ ปิตา. ตฺวานาติ ปุพฺพกาลกิริยา. าณปุพฺพกฺหิ พฺยากรณํ. เหตุอตฺโถ วา ตฺวา-สทฺโท ยถา ‘‘สีหํ ทิสฺวา ภยํ โหตี’’ติ, ชานนเหตูติ อตฺโถ. พุทฺโธ, ภิกฺขูนํ สนฺติเกติ พุทฺโธ ภควา อตฺตโน สนฺติเก ภิกฺขูนํ เอตํ ปรโต ทฺวีหิ คาถาหิ วุจฺจมานํ อตฺถํ พฺยากาสิ. เสสํ วุตฺตนยเมว.

ทสมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

ทุติยวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. ตติยวคฺโค

๑. ปสนฺนจิตฺตสุตฺตวณฺณนา

๒๑. ตติยวคฺคสฺส ปเม ปสนฺนจิตฺตนฺติ รตนตฺตยสทฺธาย กมฺมผลสทฺธาย จ ปสนฺนมานสํ. สุคตินฺติ สุนฺทรํ คตึ, สุขสฺส วา คตินฺติ สุคตึ. สคฺคนฺติ รูปาทิสมฺปตฺตีหิ สุฏฺุ อคฺคนฺติ สคฺคํ. โลกนฺติ โลกิยนฺติ เอตฺถ ปุฺปาปผลานิ, ลุชฺชนฏฺเเนว วา โลกํ. เอตฺถ จ สุคติคฺคหเณน มนุสฺสคติปิ สงฺคยฺหติ, สคฺคคฺคหเณน เทวคติ เอว. เสสํ เหฏฺา วุตฺตนยเมว.

ปมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. เมตฺตสุตฺตวณฺณนา

๒๒. ทุติเย มา, ภิกฺขเว, ปุฺานนฺติ เอตฺถ มาติ ปฏิเสเธ นิปาโต. ปุฺสทฺโท ‘‘กุสลานํ, ภิกฺขเว, ธมฺมานํ สมาทานเหตุ เอวมิทํ ปุฺํ ปวฑฺฒตี’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๓๘๐) ปุฺผเล อาคโต. ‘‘อวิชฺชาคโตยํ, ภิกฺขเว, ปุริสปุคฺคโล ปุฺฺเจ สงฺขารํ อภิสงฺขโรตี’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๒.๕๑) กามรูปาวจรสุจริเต. ‘‘ปุฺูปคํ ภวติ วิฺาณ’’นฺติอาทีสุ สุคติวิเสสภูเต อุปปตฺติภเว. ‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, ปุฺกิริยวตฺถูนิ – ทานมยํ ปุฺกิริยวตฺถุ, สีลมยํ ปุฺกิริยวตฺถุ, ภาวนามยํ ปุฺกิริยวตฺถู’’ติอาทีสุ (อิติวุ. ๖๐; อ. นิ. ๘.๓๖) กุสลเจตนายํ. อิธ ปน เตภูมกกุสลธมฺเม เวทิตพฺโพ. ภายิตฺถาติ เอตฺถ ทุวิธํ ภยํ าณภยํ, สารชฺชภยนฺติ. ตตฺถ ‘‘เยปิ เต, ภิกฺขเว, เทวา ทีฆายุกา วณฺณวนฺโต สุขพหุลา อุจฺเจสุ วิมาเนสุ จิรฏฺิติกา, เตปิ ตถาคตสฺส ธมฺมเทสนํ สุตฺวา เยภุยฺเยน ภยํ สํเวคํ สนฺตาสํ อาปชฺชนฺตี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๓๓) อาคตํ าณภยํ. ‘‘อหุเทว ภยํ, อหุ ฉมฺภิตตฺตํ, อหุ โลมหํโส’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๓๑๘) อาคตํ สารชฺชภยํ. อิธาปิ สารชฺชภยเมว. อยฺเหตฺถ อตฺโถ – ภิกฺขเว, ทีฆรตฺตํ กายวจีสํยโม วตฺตปฏิวตฺตปูรณํ เอกาสนํ, เอกเสยฺยํ, อินฺทฺริยทโม, ธุตธมฺเมหิ จิตฺตสฺส นิคฺคโห, สติสมฺปชฺํ, กมฺมฏฺานานุโยควเสน วีริยารมฺโภติ เอวมาทีนิ ยานิ ภิกฺขุนา, นิรนฺตรํ ปวตฺเตตพฺพานิ ปุฺานิ, เตหิ มา ภายิตฺถ, มา ภยํ สนฺตาสํ อาปชฺชิตฺถ, เอกจฺจสฺส ทิฏฺธมฺมสุขสฺส อุปโรธภเยน สมฺปรายิกนิพฺพานสุขทายเกหิ ปุฺเหิ มา ภายิตฺถาติ. นิสฺสกฺเก หิ อิทํ สามิวจนํ.

อิทานิ ตโต อภายิตพฺพภาเว การณํ ทสฺเสนฺโต ‘‘สุขสฺเสต’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ สุขสทฺโท ‘‘สุโข พุทฺธานํ อุปฺปาโท, สุขา วิราคตา โลเก’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๑๙๔) สุขมูเล อาคโต. ‘‘ยสฺมา จ โข, มหาลิ, รูปํ สุขํ สุขานุปติตํ สุขาวกฺกนฺต’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๓.๖๐) สุขารมฺมเณ. ‘‘ยาวฺจิทํ, ภิกฺขเว, น สุกรํ อกฺขาเนน ปาปุณิตุํ ยาว สุขา สคฺคา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๒๕๕) สุขปจฺจยฏฺาเน. ‘‘สุโข ปุฺสฺส อุจฺจโย’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๑๑๘) สุขเหตุมฺหิ. ‘‘ทิฏฺธมฺมสุขวิหารา เอเต ธมฺมา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๘๒) อพฺยาปชฺเช. ‘‘นิพฺพานํ ปรมํ สุข’’นฺติอาทีสุ (ธ. ป. ๒๐๔; ม. นิ. ๒.๒๑๕) นิพฺพาเน. ‘‘สุขสฺส จ ปหานา’’ติอาทีสุ (จูฬนิ. ขคฺควิสาณสุตฺตนิทฺเทส ๑๒๕) สุขเวทนายํ. ‘‘อทุกฺขมสุขํ สนฺตํ, สุขมิจฺเจว ภาสิต’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๔.๒๕๓; อิติวุ. ๕๓) อุเปกฺขาเวทนายํ. ‘‘ทฺเวปิ มยา, อานนฺท, เวทนา วุตฺตา ปริยาเยน สุขา เวทนา, ทุกฺขา เวทนา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๘๙) อิฏฺสุเข. ‘‘สุโข วิปาโก ปุฺาน’’นฺติอาทีสุ (เปฏโก. ๒๓) สุขวิปาเก. อิธาปิ อิฏฺวิปาเก เอว ทฏฺพฺโพ. อิฏฺสฺสาติอาทีสุ เอสิตพฺพโต อนิฏฺปฏิกฺเขปโต จ อิฏฺสฺส, กมนียโต มนสฺมิฺจ กมนโต ปวิสนโต กนฺตสฺส, ปิยายิตพฺพโต สนฺตปฺปนโต จ ปิยสฺส, มานนียโต มนสฺส ปวฑฺฒนโต จ มนาปสฺสาติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ยทิทํ ปุฺานีติ ‘‘ปุฺานี’’ติ ยทิทํ วจนํ, เอตํ สุขสฺส อิฏฺสฺส วิปากสฺส อธิวจนํ นามํ, สุขเมว ตํ ยทิทํ ปุฺนฺติ ผเลน การณสฺส อเภทูปจารํ วทติ. เตน กตูปจิตานํ ปุฺานํ อวสฺสํภาวิผลํ สุตฺวา อปฺปมตฺเตน สกฺกจฺจํ ปุฺานิ กาตพฺพานีติ ปุฺกิริยายํ นิโยเชติ, อาทรฺจ เนสํ ตตฺถ อุปฺปาเทติ.

อิทานิ อตฺตนา สุเนตฺตกาเล กเตน ปุฺกมฺเมน ทีฆรตฺตํ ปจฺจนุภูตํ ภวนฺตรปฏิจฺฉนฺนํ อุฬารตมํ ปุฺวิปากํ อุทาหริตฺวา ตมตฺถํ ปากฏํ กโรนฺโต ‘‘อภิชานามิ โข ปนาห’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ อภิชานามีติ อภิวิสิฏฺเน าเณน ชานามิ, ปจฺจกฺขโต พุชฺฌามิ. ทีฆรตฺตนฺติ จิรกาลํ. ปุฺานนฺติ ทานาทิกุสลธมฺมานํ. สตฺต วสฺสานีติ สตฺต สํวจฺฉรานิ. เมตฺตจิตฺตนฺติ มิชฺชตีติ เมตฺตา, สินิยฺหตีติ อตฺโถ. มิตฺเต ภวา, มิตฺตสฺส วา เอสา ปวตฺตีติปิ เมตฺตา. ลกฺขณาทิโต ปน หิตาการปฺปวตฺติลกฺขณา, หิตูปสํหารรสา, อาฆาตวินยปจฺจุปฏฺานา, สตฺตานํ มนาปภาวทสฺสนปทฏฺานา. พฺยาปาทูปสโม เอติสฺสา สมฺปตฺติ, สิเนหาสมฺภโว วิปตฺติ. สา เอตสฺส อตฺถีติ เมตฺตจิตฺตํ. ภาเวตฺวาติ เมตฺตาสหคตํ จิตฺตํ, จิตฺตสีเสน สมาธิ วุตฺโตติ เมตฺตาสมาธึ เมตฺตาพฺรหฺมวิหารํ อุปฺปาเทตฺวา เจว วฑฺเฒตฺวา จ. สตฺต สํวฏฺฏวิวฏฺฏกปฺเปติ สตฺต มหากปฺเป. สํวฏฺฏ-วิวฏฺฏคฺคหเณเนว หิ สํวฏฺฏฏฺายิ-วิวฏฺฏฏฺายิโนปิ คหิตา. อิมํ โลกนฺติ กามโลกํ. สํวฏฺฏมาเน สุทนฺติ สํวฏฺฏมาเน. สุทนฺติ นิปาตมตฺตํ วินสฺสมาเนติ อตฺโถ. ‘‘สํวตฺตมาเน สุท’’นฺติ จ ปนฺติ. กปฺเปติ กาเล. กปฺปสีเสน หิ กาโล วุตฺโต. กาเล ขียมาเน กปฺโปปิ ขียเตว. ยถาห –

‘‘กาโล ฆสติ ภูตานิ, สพฺพาเนว สหตฺตนา’’ติ. (ชา. ๑.๒.๑๙๐);

‘‘อาภสฺสรูปโค โหมี’’ติ วุตฺตตฺตา เตโชสํวฏฺฏวเสเนตฺถ กปฺปวุฏฺานํ เวทิตพฺพํ. อาภสฺสรูปโคติ ตตฺถ ปฏิสนฺธิคฺคหณวเสน อาภสฺสรพฺรหฺมโลกํ อุปคจฺฉามีติ อาภสฺสรูปโค โหมิ. วิวฏฺฏมาเนติ สณฺหมาเน, ชายมาเนติ อตฺโถ. สุฺํ พฺรหฺมวิมานํ อุปปชฺชามีติ กสฺสจิ สตฺตสฺส ตตฺถ นิพฺพตฺตสฺส อภาวโต สุฺํ, ยํ ปมชฺฌานภูมิสงฺขาตํ พฺรหฺมวิมานํ อาทิโต นิพฺพตฺตํ, ตํ ปฏิสนฺธิคฺคหณวเสน อุปปชฺชามิ อุเปมิ. พฺรหฺมาติ กามาวจรสตฺเตหิ เสฏฺฏฺเน ตถา ตถา พฺรูหิตคุณตาย พฺรหฺมวิหารโต นิพฺพตฺตฏฺเน จ พฺรหฺมา. พฺรหฺมปาริสชฺชพฺรหฺมปุโรหิเตหิ มหนฺโต พฺรหฺมาติ มหาพฺรหฺมา. ตโต เอว เต อภิภวิตฺวา ิตตฺตา อภิภู. เตหิ เกนจิ คุเณน น อภิภูโตติ อนภิภูโต. อฺทตฺถูติ เอกํสวจเน นิปาโต. ทโสติ ทสฺสนสีโล, โส อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนานํ ทสฺสนสมตฺโถ, อภิฺาเณน ปสฺสิตพฺพํ ปสฺสามีติ อตฺโถ. เสสพฺรหฺมานํ อิทฺธิปาทภาวนาพเลน อตฺตโน จิตฺตฺจ มม วเส วตฺเตมีติ วสวตฺตี โหมีติ โยเชตพฺพํ. ตทา กิร โพธิสตฺโต อฏฺสมาปตฺติลาภีปิ สมาโน ตถา สตฺตหิตํ อตฺตโน ปารมิปริปูรณฺจ โอโลเกนฺโต ตาสุ เอว ทฺวีสุ ฌานภูมีสุ นิกนฺตึ อุปฺปาเทตฺวา เมตฺตาพฺรหฺมวิหารวเสน อปราปรํ สํสริ. เตน วุตฺตํ ‘‘สตฺตวสฺสานิ…เป… วสวตฺตี’’ติ.

เอวํ ภควา รูปาวจรปุฺสฺส วิปากมหนฺตตํ ปกาเสตฺวา อิทานิ กามาวจรปุฺสฺสาปิ ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ฉตฺตึสกฺขตฺตุ’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ สกฺโก อโหสินฺติ ฉตฺตึส วาเร อฺตฺถ อนุปปชฺชิตฺวา นิรนฺตรํ สกฺโก เทวานมินฺโท ตาวตึสเทวราชา อโหสิ. ราชา อโหสินฺติอาทีสุ จตูหิ อจฺฉริยธมฺเมหิ จตูหิ จ สงฺคหวตฺถูหิ โลกํ รฺเชตีติ ราชา. จกฺกรตนํ วตฺเตติ, จตูหิ สมฺปตฺติจกฺเกหิ วตฺตติ, เตหิ จ ปรํ วตฺเตติ, ปรหิตาย จ อิริยาปถจกฺกานํ วตฺโต เอตสฺมึ อตฺถีติ จกฺกวตฺตี. ราชาติ เจตฺถ สามฺํ, จกฺกวตฺตีติ วิเสสํ. ธมฺเมน จรตีติ ธมฺมิโก. าเยน สเมน วตฺตตีติ อตฺโถ. ธมฺเมเนว รชฺชํ ลภิตฺวา ราชา ชาโตติ ธมฺมราชา. ปรหิตธมฺมจรเณน วา ธมฺมิโก, อตฺตหิตธมฺมจรเณน ธมฺมราชา, จตุรนฺตาย อิสฺสโรติ จาตุรนฺโต, จตุสมุทฺทนฺตาย จตุพฺพิธทีปวิภูสิตาย จ ปถวิยา อิสฺสโรติ อตฺโถ. อชฺฌตฺตํ โกปาทิปจฺจตฺถิเก, พหิทฺธา จ สพฺพราชาโน อทณฺเฑน อสตฺเถน วิเชสีติ วิชิตาวี. ชนปเท ถาวรภาวํ ธุวภาวํ ปตฺโต, น สกฺกา เกนจิ ตโต จาเลตุํ ชนปโท วา ตมฺหิ ถาวริยปฺปตฺโต อนุยุตฺโต สกมฺมนิรโต อจโล อสมฺปเวธีติ ชนปทตฺถาวริยปฺปตฺโต.

จกฺกรตนํ, หตฺถิรตนํ, อสฺสรตนํ, มณิรตนํ, อิตฺถิรตนํ, คหปติรตนํ, ปริณายกรตนนฺติ อิเมหิ สตฺตหิ รตเนหิ สมุเปโตติ สตฺตรตนสมนฺนาคโต. เตสุ หิ ราชา จกฺกวตฺติ จกฺกรตเนน อชิตํ ชินาติ, หตฺถิอสฺสรตเนหิ วิชิเต สุเขเนว อนุวิจรติ, ปริณายกรตเนน วิชิตมนุรกฺขติ, เสเสหิ อุปโภคสุขมนุภวติ. ปเมน จสฺส อุสฺสาหสตฺติโยโค, ปจฺฉิเมน มนฺตสตฺติโยโค, หตฺถิอสฺสคหปติรตเนหิ ปภูสตฺติโยโค สุปริปุณฺโณ โหติ, อิตฺถิมณิรตเนหิ ติวิธสตฺติโยคผลํ. โส อิตฺถิมณิรตเนหิ ปริโภคสุขมนุภวติ, เสเสหิ อุปโภคสุขํ. วิเสสโต จสฺส ปุริมานิ ตีณิ อโทสกุสลมูลชนิตกมฺมานุภาเวน สมฺปชฺชนฺติ, มชฺฌิมานิ อโลภกุสลมูลชนิตกมฺมานุภาเวน, ปจฺฉิมเมกํ อโมหกุสลมูลชนิตกมฺมานุภาเวนาติ เวทิตพฺพํ ปเทสรชฺชสฺสาติ ขุทฺทกรชฺชสฺส.

เอตทโหสีติ อตฺตโน สมฺปตฺติโย ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส ปจฺฉิเม จกฺกวตฺติกาเล เอตํ ‘‘กิสฺส นุ โข เม อิทํ กมฺมสฺส ผล’’นฺติอาทิกํ อโหสิ. สพฺพตฺถกเมว ตสฺมึ ตสฺมิมฺปิ ภเว เอตทโหสิเยว. ตตฺถายํ จกฺกวตฺติกาลวเสน โยชนา. เอวํมหิทฺธิโกติ มณิรตนหตฺถิรตนาทิปฺปมุขาย โกสวาหนสมฺปตฺติยา ชนปทตฺถาวริยปฺปตฺติยา จ เอวํมหิทฺธิโก. เอวํมหานุภาโวติ จกฺกรตนาทิสมนฺนาคเมน กสฺสจิปิ ปีฬํ อกโรนฺโตว สพฺพราชูหิ สิรสา สมฺปฏิจฺฉิตสาสนเวหาสคมนาทีหิ เอวํ มหานุภาโว. ทานสฺสาติ อนฺนาทิเทยฺยธมฺมปริจฺจาคสฺส. ทมสฺสาติ จกฺขาทิอินฺทฺริยทมนสฺส เจว สมาธานวเสน ราคาทิกิเลสทมนสฺส จ. สํยมสฺสาติ กายวจีสํยมสฺส. ตตฺถ ยํ สมาธานวเสน กิเลสทมนํ, ตํ ภาวนามยํ ปุฺํ, ตฺจ โข เมตฺตาพฺรหฺมวิหารภูตํ อิธาธิปฺเปตํ. ตสฺมิฺจ อุปจารปฺปนาเภเทน ทุวิเธ ยํ อปฺปนาปฺปตฺตํ, เตนสฺส ยถาวุตฺตาสุ ทฺวีสุ ฌานภูมีสุ อุปปตฺติ อโหสิ. อิตเรน ติวิเธนาปิ ยถารหํ ปตฺตจกฺกวตฺติอาทิภาโวติ เวทิตพฺพํ.

อิติ ภควา อตฺตานํ กายสกฺขิ กตฺวา ปุฺานํ วิปากมหนฺตตํ ปกาเสตฺวา อิทานิ ตเมวตฺถํ คาถาพนฺเธน ทสฺเสนฺโต ‘‘ปุฺเมวา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ปุฺเมว โส สิกฺเขยฺยาติ โย อตฺถกาโม กุลปุตฺโต, โส ปุฺผลนิพฺพตฺตนโต, อตฺตโน สนฺตานํ ปุนนโต จ ‘‘ปุฺ’’นฺติ ลทฺธนามํ ติวิธํ กุสลเมว สิกฺเขยฺย นิเวเสยฺย อุปจิเนยฺย ปสเวยฺยาติ อตฺโถ. อายตคฺคนฺติ วิปุลผลตาย อุฬารผลตาย อายตคฺคํ, ปิยมนาปผลตาย วา อายตึ อุตฺตมนฺติ อายตคฺคํ, อาเยน วา โยนิโสมนสิการาทิปฺปจฺจเยน อุฬารตเมน อคฺคนฺติ อายตคฺคํ. ตกาโร ปทสนฺธิกโร. อถ วา อาเยน ปุฺผเลน อคฺคํ ปธานนฺติ อายตคฺคํ. ตโต เอว สุขุทฺรยํ สุขวิปากนฺติ อตฺโถ.

กตมํ ปน ตํ ปุฺํ, กถฺจ นํ สิกฺเขยฺยาติ อาห ‘‘ทานฺจ สมจริยฺจ, เมตฺตจิตฺตฺจ ภาวเย’’ติ. ตตฺถ สมจริยนฺติ กายวิสมาทีนิ วชฺเชตฺวา กายสมาทิจริตํ, สุวิสุทฺธํ สีลนฺติ อตฺโถ. ภาวเยติ อตฺตโน สนฺตาเน อุปฺปาเทยฺย วฑฺเฒยฺย. เอเต ธมฺเมติ เอเต ทานาทิเก สุจริตธมฺเม. สุขสมุทฺทเยติ สุขานิสํเส, อานิสํสผลมฺปิ เนสํ สุขเมวาติ ทสฺเสติ. อพฺยาปชฺชํ สุขํ โลกนฺติ กามจฺฉนฺทาทิพฺยาปาทวิรหิตตฺตา อพฺยาปชฺชํ นิทฺทุกฺขํ, ปรปีฬาภาเว ปน วตฺตพฺพํ นตฺถิ. ฌานสมาปตฺติวเสน สุขพหุลตฺตา สุขํ, เอกนฺตสุขฺจ พฺรหฺมโลกํ ฌานปุฺานํ, อิตรปุฺานํ ปน ตทฺํ สมฺปตฺติภวสงฺขาตํ สุขํ โลกํ ปณฺฑิโต สปฺปฺโ อุปปชฺชติ อุเปติ. อิติ อิมสฺมึ สุตฺเต คาถาสุ จ วฏฺฏสมฺปตฺติ เอว กถิตา.

ทุติยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. อุภยตฺถสุตฺตวณฺณนา

๒๓. ตติเย ภาวิโตติ อุปฺปาทิโต จ วฑฺฒิโต จ. พหุลีกโตติ ปุนปฺปุนํ กโต. อตฺโถติ หิตํ. ตฺหิ อรณียโต อุปคนฺตพฺพโต อตฺโถติ วุจฺจติ. สมธิคยฺห ติฏฺตีติ สมฺมา ปริคฺคเหตฺวา อวิชหิตฺวา วตฺตติ. ทิฏฺธมฺมิกนฺติ ทิฏฺธมฺโม วุจฺจติ ปจฺจกฺขภูโต อตฺตภาโว, ทิฏฺธมฺเม ภวํ ทิฏฺธมฺมิกํ, อิธโลกปริยาปนฺนนฺติ อตฺโถ. สมฺปรายิกนฺติ ธมฺมวเสน สมฺปเรตพฺพโต สมฺปราโย, ปรโลโก, สมฺปราเย ภวํ สมฺปรายิกํ, ปรโลกปริยาปนฺนนฺติ วุตฺตํ โหติ.

โก ปเนส ทิฏฺธมฺมิโก นาม อตฺโถ, โก วา สมฺปรายิโกติ? สงฺเขเปน ตาว ยํ อิธโลกสุขํ, ยฺเจตรหิ อิธโลกสุขาวหํ, อยํ ทิฏฺธมฺมิโก อตฺโถ. เสยฺยถิทํ – คหฏฺานํ ตาว อิธ ยํ กิฺจิ วิตฺตูปกรณํ, อนากุลกมฺมนฺตตา, อาโรคฺยสํวิธานํ, วตฺถุวิสทกิริยาโยควิหิตานิ สิปฺปายตนวิชฺชาฏฺานานิ สงฺคหิตปริชนตาติ เอวมาทิ. ปพฺพชิตานํ ปน เย อิเม ชีวิตปริกฺขารา จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารา. เตสํ อกิจฺฉลาโภ, ตตฺถ จ สงฺขาย ปฏิเสวนา, สงฺขาย ปริวชฺชนา, วตฺถุวิสทกิริยา, อปฺปิจฺฉตา, สนฺตุฏฺิ, ปวิเวโก, อสํสคฺโคติ เอวมาทิ. ปติรูปเทสวาสสปฺปุริสูปนิสฺสยสทฺธมฺมสฺสวนโยนิโสมนสิการาทโย ปน อุภเยสํ สาธารณา อุภยานุรูปา จาติ เวทิตพฺพา.

อปฺปมาโทติ เอตฺถ อปฺปมาโท ปมาทปฺปฏิปกฺขโต เวทิตพฺโพ. โก ปเนส ปมาโท นาม? ปมชฺชนากาโร. วุตฺตํ เหตํ –

‘‘ตตฺถ กตโม ปมาโท? กายทุจฺจริเต วา วจีทุจฺจริเต วา มโนทุจฺจริเต วา ปฺจสุ วา กามคุเณสุ จิตฺตสฺส โวสฺสคฺโค โวสฺสคฺคานุปฺปาทนํ กุสลานํ วา ธมฺมานํ ภาวนาย อสกฺกจฺจกิริยตา อสาตจฺจกิริยตา อนฏฺิตกิริยตา โอลีนวุตฺติตา นิกฺขิตฺตฉนฺทตา นิกฺขิตฺตธุรตา อนาเสวนา อภาวนา อพหุลีกมฺมํ อนธิฏฺานํ อนนุโยโคปมาโท. โย เอวรูโป ปมาโท ปมชฺชนา ปมชฺชิตตฺตํ. อยํ วุจฺจติ ปมาโท’’ติ (วิภ. ๘๔๖).

ตสฺมา วุตฺตปฺปฏิปกฺขโต อปฺปมาโท เวทิตพฺโพ. อตฺถโต หิ โส สติยา อวิปฺปวาโส, นิจฺจํ อุปฏฺิตสฺสติยา เอตํ นามํ. อปเร ปน ‘‘สติสมฺปชฺโยเคน ปวตฺตา จตฺตาโร อรูปิโน ขนฺธา อปฺปมาโท’’ติ วทนฺติ.

‘‘ภาวิโต พหูลีกโต’’ติ วุตฺตํ, กถํ ปนายํ อปฺปมาโท ภาเวตพฺโพติ? น อปฺปมาทภาวนา นาม วิสุํ เอกภาวนา อตฺถิ. ยา หิ กาจิ ปุฺกิริยา กุสลกิริยา, สพฺพา สา อปฺปมาทภาวนาตฺเวว เวทิตพฺพา. วิเสสโต ปน วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ สรณคมนํ กายิกวาจสิกสํวรฺจ อุปาทาย สพฺพา สีลภาวนา, สพฺพา สมาธิภาวนา, สพฺพา ปฺาภาวนา, สพฺพา กุสลภาวนา, อนวชฺชภาวนา, อปฺปมาทภาวนาติ เวทิตพฺพา. ‘‘อปฺปมาโท’’ติ หิ อิทํ มหนฺตํ อตฺถํ ทีเปติ, มหนฺตํ อตฺถํ ปริคฺคเหตฺวา ติฏฺติ. สกลมฺปิ เตปิฏกํ พุทฺธวจนํ อาหริตฺวา อปฺปมาทปทสฺส อตฺถํ กตฺวา กเถนฺโต ธมฺมกถิโก ‘‘อติตฺเถน ปกฺขนฺโท’’ติ น วตฺตพฺโพ. กสฺมา? อปฺปมาทปทสฺส มหนฺตภาวโต. ตถา หิ สมฺมาสมฺพุทฺโธ กุสินารายํ ยมกสาลานมนฺตเร ปรินิพฺพานสมเย นิปนฺโน อภิสมฺโพธิโต ปฏฺาย ปฺจจตฺตาลีสาย วสฺเสสุ อตฺตนา ภาสิตํ ธมฺมํ เอเกน ปเทน สงฺคเหตฺวา ทสฺเสนฺโต – ‘‘อปฺปมาเทน สมฺปาเทถา’’ติ ภิกฺขูนํ โอวาทมทาสิ. ตถา จ วุตฺตํ –

‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ยานิ กานิจิ ชงฺคลานํ ปาณานํ ปทชาตานิ, สพฺพานิ ตานิ หตฺถิปเท สโมธานํ คจฺฉนฺติ, หตฺถิปทํ เตสํ อคฺคมกฺขายติ ยทิทํ มหนฺตฏฺเน; เอวเมว โข, ภิกฺขเว, เย เกจิ กุสลา ธมฺมา, สพฺเพเต อปฺปมาทมูลกา อปฺปมาทสโมสรณา, อปฺปมาโท เตสํ ธมฺมานํ อคฺคมกฺขายตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๐๐).

คาถาสุ อปฺปมาทํ ปสํสนฺตีติ ทานาทิปุฺกิริยาสุ อปฺปมาทํ อปฺปมชฺชนํ ปณฺฑิตา สปฺปฺา พุทฺธาทโย ปสํสนฺติ, วณฺเณนฺติ โถเมนฺติ. กสฺมา? ยสฺมา อปฺปมตฺโต อุโภ อตฺเถ อธิคณฺหาติ ปณฺฑิโต. เก ปน เต อุโภ อตฺถาติ อาห – ‘‘ทิฏฺเ ธมฺเม จ โย อตฺโถ, โย จตฺโถ สมฺปรายิโก’’ติ, เอวเมตฺถ ปทโยชนา เวทิตพฺพา. อิธาปิ ทิฏฺเ ธมฺเม จ โย อตฺโถติ คหฏฺสฺส ตาว ‘‘อนวชฺชานิ กมฺมานิ, อนากุลา จ กมฺมนฺตา’’ติอาทินา นเยน วุตฺโต กสิโครกฺขาทิวิธินา ลทฺธพฺโพ อตฺโถ, ปพฺพชิตสฺส ปน อวิปฺปฏิสาราทิอตฺโถ เวทิตพฺโพ. โย จตฺโถ สมฺปรายิโกติ ปน อุภเยสมฺปิ ธมฺมจริยาว วุตฺตาติ เวทิตพฺพา. อตฺถาภิสมยาติ ทุวิธสฺสปิ อตฺถสฺส หิตสฺส ปฏิลาภา, ลทฺธพฺเพน สมิติ สงฺคติ สโมธานนฺติ สมโย, ลาโภ. สมโย เอว อภิสมโย, อภิมุขภาเวน วา สมโย อภิสมโยติ เอวเมตฺถ อภิสมโย เวทิตพฺโพ. ธิติสมฺปนฺนตฺตา ธีโร. ตติเยน เจตฺถ อตฺถ-สทฺเทน ปรมตฺถสฺส นิพฺพานสฺสาปิ สงฺคโห เวทิตพฺโพ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว. อิติ อิมสฺมึ สุตฺเต วฏฺฏสมฺปตฺติ เอว กถิตา. คาถายํ ปน วิวฏฺฏสฺสปิ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ตถา หิ วุตฺตํ –

‘‘อปฺปมาโท อมตปทํ, ปมาโท มจฺจุโน ปทํ;

อปฺปมตฺตา น มียนฺติ, เย ปมตฺตา ยถา มตา.

‘‘เอวํ วิเสสโต ตฺวา, อปฺปมาทมฺหิ ปณฺฑิตา;

อปฺปมาเท ปโมทนฺติ, อริยานํ โคจเร รตา.

‘‘เต ฌายิโน สาตติกา, นิจฺจํ ทฬฺหปรกฺกมา;

ผุสนฺติ ธีรา นิพฺพานํ, โยคกฺเขมํ อนุตฺตร’’นฺติ. (ธ. ป. ๒๑-๒๓);

ตสฺมา ‘‘อตฺถาภิสมยา’’ติ เอตฺถ โลกุตฺตรตฺถวเสนปิ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.

ตติยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. อฏฺิปุฺชสุตฺตวณฺณนา

๒๔. จตุตฺเถ เอกปุคฺคลสฺสาติ เอตฺถ ปุคฺคโลติ อยํ โวหารกถา. พุทฺธสฺส หิ ภควโต ทุวิธา เทสนา สมฺมุติเทสนา จ ปรมตฺถเทสนา จาติ. ตตฺถ ‘‘ปุคฺคโล, สตฺโต, อิตฺถี, ปุริโส, ขตฺติโย, พฺราหฺมโณ, เทโว, มาโร’’ติ เอวรูปา สมฺมุติเทสนา. ‘‘อนิจฺจํ, ทุกฺขํ, อนตฺตา, ขนฺธา, ธาตุ, อายตนา, สติปฏฺานา’’ติ เอวรูปา ปรมตฺถเทสนา. ตตฺถ ภควา เย สมฺมุติวเสน เทสนํ สุตฺวา วิเสสมธิคนฺตุํ สมตฺถา, เนสํ สมฺมุติเทสนํ เทเสติ. เย ปน ปรมตฺถวเสน เทสนํ สุตฺวา วิเสสมธิคนฺตุํ สมตฺถา, เตสํ ปรมตฺถเทสนํ เทเสติ.

ตตฺถายํ อุปมา – ยถา หิ เทสภาสากุสโล ติณฺณํ เวทานํ อตฺถสํวณฺณนโก อาจริโย เย ทมิฬภาสาย วุตฺเต อตฺถํ ชานนฺติ, เตสํ ทมิฬภาสาย อาจิกฺขติ. เย อนฺธกภาสาทีสุ อฺตราย, เตสํ ตาย ตาย ภาสาย. เอวํ เต มาณวกา เฉกํ พฺยตฺตํ อาจริยมาคมฺม ขิปฺปเมว สิปฺปํ อุคฺคณฺหนฺติ. ตตฺถ อาจริโย วิย พุทฺโธ ภควา, ตโย เวทา วิย กเถตพฺพภาเว ิตานิ ตีณิ ปิฏกานิ, เทสภาสาโกสลฺลมิว สมฺมุติปรมตฺถโกสลฺลํ, นานาเทสภาสา มาณวกา วิย สมฺมุติปรมตฺถวเสน ปฏิวิชฺฌนสมตฺถา เวเนยฺยา, อาจริยสฺส ทมิฬภาสาทิอาจิกฺขนํ วิย ภควโต สมฺมุติปรมตฺถวเสน เทสนา เวทิตพฺพา. อาห เจตฺถ –

‘‘ทุเว สจฺจานิ อกฺขาสิ, สมฺพุทฺโธ วทตํ วโร;

สมฺมุตึ ปรมตฺถฺจ, ตติยํ นูปลพฺภติ.

‘‘สงฺเกตวจนํ สจฺจํ, โลกสมฺมุติการณา;

ปรมตฺถวจนํ สจฺจํ, ธมฺมานํ ภูตการณา.

‘‘ตสฺมา โวหารกุสลสฺส, โลกนาถสฺส สตฺถุโน;

สมฺมุตึ โวหรนฺตสฺส, มุสาวาโท น ชายตี’’ติ.

อปิจ อฏฺหิ การเณหิ ภควา ปุคฺคลกถํ กเถติ – หิโรตฺตปฺปทีปนตฺถํ, กมฺมสฺสกตาทีปนตฺถํ, ปจฺจตฺตปุริสการทีปนตฺถํ,, อานนฺตริยทีปนตฺถํ, พฺรหฺมวิหารทีปนตฺถํ, ปุพฺเพนิวาสทีปนตฺถํ, ทกฺขิณาวิสุทฺธิทีปนตฺถํ, โลกสมฺมุติยา อปฺปหานตฺถํ, จาติ. ‘‘ขนฺธธาตุอายตนานิ หิริยนฺติ โอตฺตปฺปนฺตี’’ติ หิ วุตฺเต มหาชโน น ชานาติ, สมฺโมหํ อาปชฺชติ, ปฏิสตฺตุ วา โหติ – ‘‘กิมิทํ ขนฺธธาตุอายตนานิ หิริยนฺติ โอตฺตปฺปนฺติ นามา’’ติ? ‘‘อิตฺถี หิริยติ โอตฺตปฺปติ, ปุริโส, ขตฺติโย, พฺราหฺมโณ, เทโว, มาโร’’ติ ปน วุตฺเต ชานาติ, น สมฺโมหํ อาปชฺชติ, น ปฏิสตฺตุ วา โหติ. ตสฺมา ภควา หิโรตฺตปฺปทีปนตฺถํ ปุคฺคลกถํ กเถติ.

‘‘ขนฺธา กมฺมสฺสกา, ธาตุโย อายตนานี’’ติ วุตฺเตปิ เอเสว นโย. ตสฺมา กมฺมสฺสกตาทีปนตฺถมฺปิ ปุคฺคลกถํ กเถติ.

‘‘เวฬุวนาทโย มหาวิหารา ขนฺเธหิ การาปิตา, ธาตูหิ อายตเนหี’’ติ วุตฺเตปิ เอเสว นโย. ตถา ‘‘ขนฺธา มาตรํ ชีวิตา โวโรเปนฺติ, ปิตรํ, อรหนฺตํ, รุหิรุปฺปาทกมฺมํ, สงฺฆเภทกมฺมํ กโรนฺติ, ธาตุโย อายตนานี’’ติ วุตฺเตปิ เอเสว นโย. ‘‘ขนฺธา เมตฺตายนฺติ, ธาตุโย อายตนานี’’ติ วุตฺเตปิ เอเสว นโย. ‘‘ขนฺธา ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรนฺติ, ธาตุโย อายตนานี’’ติ วุตฺเตปิ เอเสว นโย. ตสฺมา ภควา ปจฺจตฺตปุริสการทีปนตฺถํ อานนฺตริยทีปนตฺถํ พฺรหฺมวิหารทีปนตฺถํ ปุพฺเพนิวาสทีปนตฺถฺจ ปุคฺคลกถํ กเถติ.

‘‘ขนฺธา ทานํ ปฏิคฺคณฺหนฺติ, ธาตุโย อายตนานี’’ติ วุตฺเตปิ มหาชโน น ชานาติ, สมฺโมหํ อาปชฺชติ, ปฏิสตฺตุ วา โหติ ‘‘กิมิทํ ขนฺธา ธาตุโย อายตนานิ ปฏิคฺคณฺหนฺติ นามา’’ติ? ‘‘ปุคฺคลา ปฏิคฺคณฺหนฺตี’’ติ ปน วุตฺเต ชานาติ, น สมฺโมหํ อาปชฺชติ, น ปฏิสตฺตุ วา โหติ. ตสฺมา ภควา ทกฺขิณาวิสุทฺธิทีปนตฺถํ ปุคฺคลกถํ กเถติ.

โลกสมฺมุติฺจ พุทฺธา ภควนฺโต น ปชหนฺติ, โลกสมฺาย โลกนิรุตฺติยา โลกาภิลาเป ิตาเยว ธมฺมํ เทเสนฺติ. ตสฺมา ภควา โลกสมฺมุติยา อปฺปหานตฺถมฺปิ ปุคฺคลกถํ กเถติ. โส อิธาปิ โลกโวหารวเสน เทเสตพฺพมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอกปุคฺคลสฺสา’’ติอาทิมาห.

ตตฺถ เอกปุคฺคลสฺสาติ เอกสตฺตสฺส. กปฺปนฺติ มหากปฺปํ. ยทิปิ อจฺจนฺตสํโยเค อิทํ อุปโยควจนํ, ยตฺถ ปน สตฺตานํ สนฺธาวนํ สํสรณํ สมฺภวติ, ตสฺส วเสน คเหตพฺพํ. อฏฺิกงฺกโลติ อฏฺิภาโค. ‘‘อฏฺิขโล’’ติปิ ปนฺติ, อฏฺิสฺจโยติ อตฺโถ. อฏฺิปุฺโชติ อฏฺิสมูโห. อฏฺิราสีติ ตสฺเสว เววจนํ. เกจิ ปน ‘‘กฏิปฺปมาณโต เหฏฺา สมูโห กงฺกโล นาม, ตโต อุปริ ยาว ตาลปฺปมาณํ ปุฺโช, ตโต อุปริ ราสี’’ติ วทนฺติ. ตํ เตสํ มติมตฺตํ. สพฺพเมตํ สมูหสฺเสว ปริยายวจนํ เวปุลฺลสฺเสว อุปมาภาเวน อาหฏตฺตา.

สเจ สํหารโก อสฺสาติ อวิปฺปกิรณวเสน สํหริตฺวา เปตา โกจิ ยทิ สิยาติ ปริกปฺปนวเสน วทติ. สมฺภตฺจ น วินสฺเสยฺยาติ ตถา เกนจิ สมฺภตฺจ ตํ อฏฺิกงฺกลํ อนฺตรธานาภาเวน ปูติภูตํ จุณฺณวิจุณฺณฺจ อหุตฺวา สเจ น วินสฺเสยฺยาติ ปริกปฺปนวเสเนว วทติ. อยฺเหตฺถ อตฺโถ – ภิกฺขเว, เอกสฺส สตฺตสฺส กมฺมกิเลเสหิ อปราปรุปฺปตฺติวเสน เอกํ มหากปฺปํ สนฺธาวนฺตสฺส สํสรนฺตสฺส เอวํ มหาอฏฺิสฺจโย ภเวยฺย, อาโรหปริณาเหหิ ยตฺตโกยํ เวปุลฺลปพฺพโต. สเจ ปนสฺส โกจิ สํหริตฺวา เปตา ภเวยฺย, สมฺภตฺจ ตํ สเจ อวินสฺสนฺตํ ติฏฺเยฺยาติ. อยฺจ นโย นิพฺพุตปฺปทีเป วิย ภิชฺชนสภาเว กเฬวรนิกฺเขปรหิเต โอปปาติกตฺตภาเว สพฺเพน สพฺพํ อนฏฺิเก จ ขุทฺทกตฺตภาเว วชฺเชตฺวา วุตฺโต. เกจิ ปน ‘‘ปริกปฺปนวเสน อิมสฺส นยสฺส อาหฏตฺตา เตสมฺปิ ยทิ สิยา อฏฺิกงฺกโล, เตนาปิ สเหว อยํ อฏฺิปุฺชปริมาโณ วุตฺโต’’ติ วทนฺติ. อปเร ปน ‘‘นยิทเมวํ ลพฺภมานสฺเสว อฏฺิปุฺชสฺส วเสน สพฺพฺุตฺาเณน ปริจฺฉินฺทิตฺวา อิมสฺส ปริมาณสฺส วุตฺตตา. ตสฺมา วุตฺตนเยเนว อตฺโถ คเหตพฺโพ’’ติ.

คาถาสุ มเหสินาติ มหนฺเต สีลกฺขนฺธาทโย เอสติ คเวสตีติ มเหสี, สมฺมาสมฺพุทฺโธ. ‘‘อิติ วุตฺตํ มเหสินา’’ติ จ ภควา ‘‘ทสพลสมนฺนาคโต, ภิกฺขเว, ตถาคโต’’ติอาทีสุ วิย อตฺตานํ อฺํ วิย กตฺวา ทสฺเสติ. เวปุลฺโลติ ราชคหํ ปริวาเรตฺวา ิเตสุ ปฺจสุ ปพฺพเตสุ วิปุลภาวโต เวปุลฺโลติ ลทฺธนาโม. ตโต เอว มหา, ิตทิสาภาควเสน อุตฺตโร คิชฺฌกูฏสฺส. คิริพฺพเชติ คิริพฺพชปุรนามกสฺส ราชคหสฺส สมีเป.

เอตฺตาวตา ภควา ‘‘เอตฺตเกนาปิ กาเลน อนุปจฺฉินฺนภวมูลสฺส อปริฺาตวตฺถุกสฺส ปุถุชฺชนสฺส อยมีทิสี กฏสิวฑฺฒนา’’ติ วฏฺเฏ อาทีนวํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ เยสํ อริยสจฺจานํ อนนุโพธา อปฺปฏิเวธา อนฺธปุถุชฺชนสฺส เอวํ กฏสิวฑฺฒนา, ตานิ อริยสจฺจานิ ทิฏฺวโต อริยปุคฺคลสฺส อยํ นตฺถีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยโต จ อริยสจฺจานี’’ติอาทิมาห.

ตตฺถ ยโตติ ยทา. อริยสจฺจานีติ อรณียโต อริยานิ, อวิตถภาเวน สจฺจานิ จาติ อริยสจฺจานิ, อริยภาวกรานิ วา สจฺจานิ อริยสจฺจานิ, อริเยหิ วา พุทฺธาทีหิ ปฏิวิชฺฌิตพฺพานิ สจฺจานิ อริยสจฺจานิ. อถ วา อริยสฺส สจฺจานิ อริยสจฺจานิ. สเทวเกน หิ โลเกน สรณนฺติ อรณียโต อริโย ภควา, เตน สยมฺภุาเณน ทิฏฺตฺตา ตสฺส สจฺจานีติ อริยสจฺจานิ. สมฺมปฺปฺาย ปสฺสตีติ สมฺมา เหตุนา าเยน วิปสฺสนาปฺาสหิตาย มคฺคปฺาย ปริฺาปหานสจฺฉิกิริยาภาวนาภิสมยวเสน ปสฺสติ. ทุกฺขนฺติอาทิ อริยสจฺจานํ สรูปทสฺสนํ. ตตฺถ อเนกูปทฺทวาธิฏฺานตาย กุจฺฉิตภาวโต พาลชนปริกปฺปิตธุวสุภสุขตฺตวิรเหน ตุจฺฉภาวโต จ ทุกฺขํ. ทุกฺขํ สมุปฺปชฺชติ เอเตนาติ ทุกฺขสมุปฺปาโท, ทุกฺขสมุทโย. ทุกฺขํ อติกฺกมติ เอเตน อารมฺมณปฺปจฺจยภูเตน, เอตฺถ วาติ ทุกฺขสฺส อติกฺกโม, นิพฺพานํ. อารกตฺตา กิเลเสหิ อรณียโต จ อริโย. สมฺมาทิฏฺิอาทีนํ อฏฺนฺนํ องฺคานํ วเสน อฏฺงฺคิโก. มาเรนฺโต กิเลเส คจฺฉติ, นิพฺพานตฺถิเกหิ มคฺคียติ, สยํ วา นิพฺพานํ มคฺคตีติ มคฺโค. ตโต เอว ทุกฺขสฺส อุปสมํ นิโรธํ คจฺฉตีติ ทุกฺขูปสมคามี. ยโต สมฺมปฺปฺาย ปสฺสตีติ สมฺพนฺโธ.

สตฺตกฺขตฺตุํ ปรมํ, สนฺธาวิตฺวาน ปุคฺคโลติ โส เอวํ จตุสจฺจทสฺสาวี อริยปุคฺคโล โสตาปนฺโน สพฺพมุทินฺทฺริโย สมาโน สตฺตวารปรมํเยว ภวาทีสุ อปราปรุปฺปตฺติวเสน สนฺธาวิตฺวา สํสริตฺวา. เอกพีชี, โกลํโกโล, สตฺตกฺขตฺตุปรโมติ อินฺทฺริยานํ ติกฺขมชฺฌิมมุทุภาเวน ตโย หิ โสตาปนฺนา. เตสุ สพฺพมุทินฺทฺริยสฺส วเสนิทํ วุตฺตํ ‘‘ส สตฺตกฺขตฺตุํ ปรมํ, สนฺธาวิตฺวานา’’ติ. ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหตีติ วฏฺฏทุกฺขสฺส อนฺตกโร ปริโยสานกโร โหติ. กถํ? สพฺพสํโยชนกฺขยา อนุปุพฺเพน อคฺคมคฺคํ อธิคนฺตฺวา นิรวเสสานํ สํโยชนานํ เขปนาติ อรหตฺตผเลเนว เทสนาย กูฏํ คณฺหิ.

จตุตฺถสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. มุสาวาทสุตฺตวณฺณนา

๒๕. ปฺจเม เอกธมฺมํ อตีตสฺสาติ กา อุปฺปตฺติ? ภควโต ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ มหาลาภสกฺกาโร อุปฺปชฺชิ, ติตฺถิยานํ ปริหายิ. เต หตลาภสกฺการา นิปฺปภา นิตฺเตชา อิสฺสาปกตา จิฺจมาณวิกํ นาม ปริพฺพาชิกํ อุยฺโยเชสุํ – ‘‘เอหิ, ตฺวํ ภคินิ, สมณํ โคตมํ อภูเตน อพฺภาจิกฺขสฺสู’’ติ. สา ภควนฺตํ จตุปริสมชฺเฌ ธมฺมํ เทเสนฺตํ อุปคนฺตฺวา อภูเตน อพฺภาจิกฺขิตฺวา สกฺเกนสฺสา อภูตภาเว ปกาสิเต มหาชเนน ‘‘ธี กาฬกณฺณี’’ติ วิหารโต นิกฺกฑฺฒาปิตา ปถวิยา วิวเร ทินฺเน อวีจิชาลานํ อินฺธนํ หุตฺวาว อวีจินิรเย นิพฺพตฺติ, ภิยฺโยโสมตฺตาย ติตฺถิยานํ ลาภสกฺกาโร ปริหายิ. ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, จิฺจมาณวิกา เอวํ อุฬารคุณํ อคฺคทกฺขิเณยฺยํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ อภูเตน อกฺโกสิตฺวา มหาวินาสํ ปตฺตา’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ สา มํ อภูเตน อกฺโกสิตฺวา มหาวินาสํ ปตฺตาเยวา’’ติ มหาปทุมชาตกมฺปิ วิตฺถาเรตฺวา อุปริ ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมิสฺสา อฏฺุปฺปตฺติยา ‘‘เอกธมฺมํ อตีตสฺสา’’ติ อิทํ สุตฺตํ เทเสสิ.

ตตฺถ เอกธมฺมนฺติ เอกํ วจีสจฺจสงฺขาตํ ธมฺมํ. อตีตสฺสาติ ยา สา อฏฺ อนริยโวหาเร วชฺเชตฺวา อฏฺสุ อริยโวหาเรสุ ปติฏฺาปนตฺถํ ‘‘สจฺจํ, ภเณ, นาลิก’’นฺติ อริเยหิ ปิตา มริยาทา, ตํ อติกฺกมิตฺวา ิตสฺส. ปุริโส เอว ปุคฺคโลติ ปุริสปุคฺคโล, ตสฺส. อกรณียนฺติ กาตุํ อสกฺกุเณยฺยํ. สมฺปชานมุสาวาที หิ ปุคฺคโล กิฺจิ ปาปกมฺมํ กตฺวา ‘‘อิทํ นาม ตยา กต’’นฺติ วุตฺเต ‘‘น มยา กต’’นฺติ มุสาวาเทเนว ปริหริสฺสติ. เอวฺจ ปฏิปชฺชนฺโต กิฺจิ ปาปกมฺมํ กโรติเยว, น ตตฺถ ลชฺชติ สจฺจมริยาทาย สมติกฺกนฺตตฺตา. เตน วุตฺตํ ‘‘กตมํ เอกธมฺมํ, ยทิทํ, ภิกฺขเว, สมฺปชานมุสาวาโท’’ติ.

คาถายํ มุสาวาทิสฺสาติ มุสา อภูตํ อตจฺฉํ ปเรสํ วิฺาปนวเสน วทนสีลสฺส. ยสฺส ทสสุ วจเนสุ เอกมฺปิ สจฺจํ นตฺถิ, เอวรูเป วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. ชนฺตุโนติ สตฺตสฺส. สตฺโต หิ ชายนฏฺเน ‘‘ชนฺตู’’ติ วุจฺจติ. วิติณฺณปรโลกสฺสาติ วิสฺสฏฺปรโลกสฺส. อีทิโส หิ มนุสฺสสมฺปตฺติ เทวโลกสมฺปตฺติ อวสาเน นิพฺพานสมฺปตฺตีติ อิมา ติสฺโสปิ สมฺปตฺติโย น ปสฺสติ. นตฺถิ ปาปนฺติ ตสฺส ตาทิสสฺส อิทํ นาม ปาปํ น กตฺตพฺพนฺติ นตฺถีติ.

ปฺจมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. ทานสุตฺตวณฺณนา

๒๖. ฉฏฺเ เอวฺเจติ เอตฺถ เอวนฺติ อุปมากาเร นิปาโต, เจติ ปริกปฺปเน. สตฺตาติ รูปาทีสุ สตฺตา วิสตฺตา. ชาเนยฺยุนฺติ พุชฺเฌยฺยุํ. ทานสํวิภาคสฺสาติ ยาย หิ เจตนาย อนฺนาทิเทยฺยธมฺมํ สํหริตฺวา อนุกมฺปาปูชาสุ อฺตรวเสน ปเรสํ ทียติ, ตํ ทานํ. ยาย ปน อตฺตนา ปริภุฺชิตพฺพภาเวน คหิตวตฺถุสฺส เอกเทโส สํวิภชิตฺวา ทียติ, อยํ สํวิภาโค. วิปากนฺติ ผลํ. ยถาหํ ชานามีติ ยถา อหํ ชานามิ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ติรจฺฉานคตสฺสปิ ทานํ ทตฺวา อตฺตภาวสเต ปวตฺตสุขวิปจฺจนวเสน สตคุณา ทกฺขิณา โหตีติ เอวมาทินา, ภิกฺขเว, เยน ปกาเรน อหํ ทานสฺส สํวิภาคสฺส จ วิปากํ กมฺมวิปากํ าณพเลน ปจฺจกฺขโต ชานามิ, เอวํ อิเม สตฺตา ยทิ ชาเนยฺยุนฺติ. น อทตฺวา ภุฺเชยฺยุนฺติ ยํ ภุฺชิตพฺพยุตฺตกํ อตฺตโน อตฺถิ, ตโต ปเรสํ น อทตฺวา มจฺฉริยจิตฺเตน จ ตณฺหาโลภวเสน จ ภุฺเชยฺยุํ, ทตฺวาว ภุฺเชยฺยุํ. น จ เนสํ มจฺเฉรมลํ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺเยฺยาติ อตฺตโน สมฺปตฺตีนํ ปเรหิ สาธารณภาวาสหนลกฺขณํ จิตฺตสฺส ปภสฺสรภาวทูสกานํ อุปกฺกิเลสภูตานํ กณฺหธมฺมานํ อฺตรํ มจฺเฉรมลํ. อถ วา ยถาวุตฺตมจฺเฉรฺเจว อฺมฺปิ ทานนฺตรายกรํ อิสฺสาโลภโทสาทิมลฺจ เนสํ สตฺตานํ จิตฺตํ ยถา ทานเจตนา น ปวตฺตติ, น วา สุปริสุทฺธา โหติ, เอวํ ปริยาทาย ปริโต คเหตฺวา อภิภวิตฺวา น ติฏฺเยฺย. โก หิ สมฺมเทว ทานผลํ ชานนฺโต อตฺตโน จิตฺเต มจฺเฉรมลสฺส โอกาสํ ทเทยฺย.

โยปิ เนสํ อสฺส จริโม อาโลโปติ เนสํ สตฺตานํ โย สพฺพปจฺฉิมโก อาโลโป สิยา. จริมํ กพฬนฺติ ตสฺเสว เววจนํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อิเม สตฺตา ปกติยา ยตฺตเกหิ อาโลเปหิ สยํ ยาเปยฺยุํ, เตสุ เอกเมว อาโลปํ อตฺตโน อตฺถาย เปตฺวา ตทฺเ สพฺเพ อาโลเป อาคตาคตานํ อตฺถิกานํ ทตฺวา โย ปิโต อาโลโป อสฺส, โส อิธ จริโม อาโลโป นาม. ตโตปิ น อสํวิภชิตฺวา ภุฺเชยฺยุํ, สเจ เนสํ ปฏิคฺคาหกา อสฺสูติ เนสํ สตฺตานํ ปฏิคฺคาหกา ยทิ สิยุํ, ตโตปิ ยถาวุตฺตจริมาโลปโตปิ สํวิภชิตฺวาว เอกเทสํ ทตฺวาว ภุฺเชยฺยุํ, ยถาหํ ทานสํวิภาคสฺส วิปากํ ปจฺจกฺขโต ชานามิ, เอวํ ยทิ ชาเนยฺยุนฺติ. ยสฺมา จ โขติอาทินา กมฺมผลสฺส อปฺปจฺจกฺขภาวโต เอวเมเต สตฺตา ทานสํวิภาเคสุ น ปวตฺตนฺตีติ ยถาธิปฺเปตมตฺถํ การเณน สมฺปฏิปาเทติ. เอเตเนว เตสํ ตทฺปุฺเสุ จ อปฺปฏิปตฺติยา อปุฺเสุ จ ปฏิปตฺติยา การณํ ทสฺสิตนฺติ ทฏฺพฺพํ.

คาถาสุ ยถาวุตฺตํ มเหสินาติ มเหสินา ภควตา ‘‘ติรจฺฉานคเต ทานํ ทตฺวา สตคุณา ทกฺขิณา ปาฏิกงฺขิตพฺพา’ ติอาทินา, อิเธว วา ‘‘เอวํ เจ สตฺตา ชาเนยฺยุ’’นฺติอาทินา ยถาวุตฺตํ, าณจาเรน ตํ ยถาวุตฺตํ จิตฺตํ าตนฺติ อตฺโถ. วิปากํ สํวิภาคสฺสาติ สํวิภาคสฺสปิ วิปากํ, โก ปน วาโท ทานสฺส. ยถา โหติ มหปฺผลนฺติ ยถา โส วิปาโก มหนฺตํ ผลํ โหติ, เอวํ อิเม สตฺตา ยทิ ชาเนยฺยุนฺติ สมฺพนฺโธ. วิเนยฺย มจฺเฉรมลนฺติ มจฺฉริยมลํ อปเนตฺวา กมฺมผลสทฺธาย รตนตฺตยสทฺธาย จ วิเสสโต ปสนฺเนน จิตฺเตน เยสุ กิเลเสหิ อารกตฺตา อริเยสุ สีลาทิคุณสมฺปนฺเนสุ ทินฺนํ อปฺปกมฺปิ ทานํ มหปฺผลํ โหติ, เตสุ ยุตฺตกาเลน ทชฺชุํ ทเทยฺยุํ.

มหปฺผลภาวกรณโต ทกฺขิณํ อรหนฺตีติ ทกฺขิเณยฺยา, สมฺมาปฏิปนฺนา, เตสุ ทกฺขิเณยฺเยสุ. ทกฺขิณํ ปรโลกํ สทฺทหิตฺวา ทาตพฺพํ เทยฺยธมฺมํ ยถา ตํ ทานํ โหติ มหาทานํ, เอวํ ทตฺวา. อถ วา พหุโน อนฺนํ ทตฺวา, กถํ ปน อนฺนํ ทาตพฺพนฺติ อาห ‘‘ทกฺขิเณยฺเยสุ ทกฺขิณ’’นฺติ. อิโต มนุสฺสตฺตา มนุสฺสตฺตภาวโต จุตา ปฏิสนฺธิวเสน สคฺคํ คจฺฉนฺติ ทายกา. กามกามิโนติ กาเมตพฺพานํ อุฬารานํ เทวโภคานํ ปฏิลทฺธรูปวิภเวน กมฺมุนา อุปคมเน สาธุการิตาย กามกามิโน สพฺพกามสมงฺคิโน. โมทนฺติ ยถารุจิ ปริจาเรนฺตีติ อตฺโถ.

ฉฏฺสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. เมตฺตาภาวนาสุตฺตวณฺณนา

๒๗. สตฺตเม ยานิ กานิจีติ อนวเสสปริยาทานํ. โอปธิกานิ ปุฺกิริยวตฺถูนีติ

เตสํ นิยมนํ. ตตฺถ อุปธิ วุจฺจนฺติ ขนฺธา, อุปธิสฺส กรณํ สีลํ เอเตสํ, อุปธิปฺปโยชนานิ วา โอปธิกานิ. สมฺปตฺติภเว อตฺตภาวชนกานิ ปฏิสนฺธิปวตฺติวิปากทายกานิ. ปุฺกิริยวตฺถูนีติ ปุฺกิริยา จ ตา เตสํ เตสํ ผลานิสํสานํ วตฺถูนิ จาติ ปุฺกิริยวตฺถูนิ. ตานิ ปน สงฺเขปโต ทานมยํ, สีลมยํ, ภาวนามยนฺติ ติวิธานิ โหนฺติ. ตตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ ปรโต ติกนิปาตวณฺณนายํ อาวิ ภวิสฺสติ. เมตฺตาย เจโตวิมุตฺติยาติ เมตฺตาภาวนาวเสน ปฏิลทฺธติกจตุกฺกชฺฌานสมาปตฺติยา. ‘‘เมตฺตา’’ติ หิ วุตฺเต อุปจาโรปิ ลพฺภติ อปฺปนาปิ, ‘‘เจโตวิมุตฺตี’’ติ ปน วุตฺเต อปฺปนาฌานเมว ลพฺภติ. ตฺหิ นีวรณาทิปจฺจนีกธมฺมโต จิตฺตสฺส สุฏฺุ วิมุตฺติภาเวน เจโตวิมุตฺตีติ วุจฺจติ. กลํ นาคฺฆนฺติ โสฬสินฺติ เมตฺตาพฺรหฺมวิหารสฺส โสฬสภาคํ โอปธิกานิ ปุฺกิริยวตฺถูนิ น อคฺฆนฺติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – เมตฺตาย เจโตวิมุตฺติยา โย วิปาโก, ตํ โสฬส โกฏฺาเส กตฺวา ตโต เอกํ ปุน โสฬส โกฏฺาเส กตฺวา ตตฺถ โย เอกโกฏฺาโส, น ตํ อฺานิ โอปธิกานิ ปุฺกิริยวตฺถูนิ อคฺฆนฺตีติ. อธิคฺคเหตฺวาติ อภิภวิตฺวา. ภาสเตติ อุปกฺกิเลสวิสุทฺธิยา ทิปฺปติ. ตปเตติ ตโต เอว อนวเสเส ปฏิปกฺขธมฺเม สนฺตปติ. วิโรจตีติ อุภยสมฺปตฺติยา วิโรจติ. เมตฺตา หิ เจโตวิมุตฺติ จนฺทาโลกสงฺขาตา วิคตูปกฺกิเลสา ชุณฺหา วิย ทิปฺปติ, อาตโป วิย อนฺธการํ ปจฺจนีกธมฺเม วิธมนฺตี ตปติ, โอสธิตารกา วิย วิชฺโชตมานา วิโรจติ จ.

เสยฺยถาปีติ โอปมฺมทสฺสนตฺเถ นิปาโต. ตารกรูปานนฺติ โชตีนํ. จนฺทิยาติ จนฺทสฺส อยนฺติ จนฺที, ตสฺสา จนฺทิยา, ปภาย ชุณฺหายาติ อตฺโถ. วสฺสานนฺติ วสฺสานํ พหุวเสน ลทฺธโวหารสฺส อุตุโน. ปจฺฉิเม มาเสติ กตฺติกมาเส. สรทสมเยติ สรทกาเล. อสฺสยุชกตฺติกมาสา หิ โลเก ‘‘สรทอุตู’’ติ วุจฺจนฺติ. วิทฺเธติ อุพฺพิทฺเธ, เมฆวิคเมน ทูรีภูเตติ อตฺโถ. เตเนวาห ‘‘วิคตวลาหเก’’ติ. เทเวติ อากาเส. นภํ อพฺภุสฺสกฺกมาโนติ อุทยฏฺานโต อากาสํ อุลฺลงฺฆนฺโต. ตมคตนฺติ ตมํ. อภิวิหจฺจาติ อภิหนฺตฺวา วิธมิตฺวา. โอสธิตารกาติ อุสฺสนฺนา ปภา เอตาย ธียติ, โอสธีนํ วา อนุพลปฺปทายิกตฺตา โอสธีติ ลทฺธนามา ตารกา.

เอตฺถาห – กสฺมา ปน ภควตา สมาเนปิ โอปธิกภาเว เมตฺตา อิตเรหิ โอปธิกปุฺเหิ วิเสเสตฺวา วุตฺตาติ? วุจฺจเต – เสฏฺฏฺเน นิทฺโทสภาเวน จ สตฺเตสุ สุปฺปฏิปตฺติภาวโต. เสฏฺา หิ เอเต วิหารา, สพฺพสตฺเตสุ สมฺมาปฏิปตฺติภูตานิ ยทิทํ เมตฺตาฌานานิ. ยถา จ พฺรหฺมาโน นิทฺโทสจิตฺตา วิหรนฺติ, เอวํ เอเตหิ สมนฺนาคตา โยคิโน พฺรหฺมสมาว หุตฺวา วิหรนฺติ. ตถา หิเม ‘‘พฺรหฺมวิหารา’’ติ วุจฺจนฺติ. อิติ เสฏฺฏฺเน นิทฺโทสภาเวน จ สตฺเตสุ สุปฺปฏิปตฺติภาวโต เมตฺตาว อิตเรหิ โอปธิกปุฺเหิ วิเสเสตฺวา วุตฺตา.

เอวมฺปิ กสฺมา เมตฺตาว เอวํ วิเสเสตฺวา วุตฺตา? อิตเรสํ พฺรหฺมวิหารานํ อธิฏฺานภาวโต ทานาทีนํ สพฺเพสํ กลฺยาณธมฺมานํ ปริปูริกตฺตา จ. อยฺหิ สตฺเตสุ หิตาการปฺปวตฺติลกฺขณา เมตฺตา, หิตูปสํหารสา, อาฆาตวินยปจฺจุปฏฺานา. ยทิ อโนธิโส ภาวิตา พหุลีกตา, อถ สุเขเนว กรุณาทิภาวนา สมฺปชฺชนฺตีติ เมตฺตา อิตเรสํ พฺรหฺมวิหารานํ อธิฏฺานํ. ตถา หิ สตฺเตสุ หิตชฺฌาสยตาย สติ เนสํ ทุกฺขาสหนตา, สมฺปตฺติวิเสสานํ จิรฏฺิติกามตา, ปกฺขปาตาภาเวน สพฺพตฺถ สมปฺปวตฺตจิตฺตตา จ สุเขเนว อิชฺฌนฺติ. เอวฺจ สกลโลกหิตสุขวิธานาธิมุตฺตา มหาโพธิสตฺตา ‘‘อิมสฺส ทาตพฺพํ, อิมสฺส น ทาตพฺพ’’นฺติ อุตฺตมวิจยวเสน วิภาคํ อกตฺวา สพฺพสตฺตานํ นิรวเสสสุขนิทานํ ทานํ เทนฺติ, หิตสุขตฺถเมว เนสํ สีลํ สมาทิยนฺติ, สีลปริปูรณตฺถํ เนกฺขมฺมํ ภชนฺติ, เตสํ หิตสุเขสุ อสมฺโมหตฺถาย ปฺํ ปริโยทเปนฺติ, หิตสุขาภิวฑฺฒนตฺถเมว ทฬฺหํ วีริยมารภนฺติ, อุตฺตมวีริยวเสน วีรภาวํ ปตฺตาปิ สตฺตานํ นานปฺปการํ หิตชฺฌาสเยเนว อปราธํ ขมนฺติ, ‘‘อิทํ โว ทสฺสาม, กริสฺสามา’’ติอาทินา กตํ ปฏิฺาตํ น วิสํวาเทนฺติ, เตสํ หิตสุขาเยว อจลาธิฏฺานา โหนฺติ. เตสุ อจลาย เมตฺตาย ปุพฺพการิโน หิตชฺฌาสเยเนว เนสํ วิปฺปกาเร อุทาสีนา โหนฺติ, ปุพฺพการิตายปิ น ปจฺจุปการมาสิสนฺตีติ. เอวํ เต ปารมิโย ปูเรตฺวา ยาว ทสพลจตุ-เวสารชฺช-ฉอสาธารณาณ-อฏฺารสาเวณิกพุทฺธธมฺมปฺปเภเท สพฺเพปิ กลฺยาณธมฺเม ปริปูเรนฺติ. เอวํ ทานาทีนํ สพฺเพสํ กลฺยาณธมฺมานํ ปาริปูริกา เมตฺตาติ จ อิมสฺส วิเสสสฺส ทสฺสนตฺถํ สา อิตเรหิ วิเสเสตฺวา วุตฺตา.

อปิจ เมตฺตาย อิตเรหิ โอปธิกปุฺเหิ มหานุภาวตา เวลามสุตฺเตน ทีเปตพฺพา. ตตฺถ หิ ยถา นาม มหตา เวลามสฺส ทานโต เอกสฺส โสตาปนฺนสฺส ทานํ มหปฺผลตรํ วุตฺตํ, เอวํ โสตาปนฺนสตโต เอกสฺส สกทาคามิสฺส ทานํ…เป… ปจฺเจกพุทฺธสตโต ภควโต, ตโตปิ พุทฺธปฺปมุขสฺส สงฺฆสฺส ทานํ, ตโตปิ จาตุทฺทิสสฺส สงฺฆสฺส วิหารทานํ, ตโตปิ สรณคมนํ, ตโตปิ สีลสมาทานํ, ตโตปิ คทฺทูหนมตฺตํ กาลํ เมตฺตาภาวนา มหปฺผลตรา วุตฺตา. ยถาห –

‘‘ยํ คหปติ เวลาโม พฺราหฺมโณ ทานํ อทาสิ มหาทานํ. โย เจกํ ทิฏฺิสมฺปนฺนํ โภเชยฺย, อิทํ ตโต มหปฺผลตรํ. โย จ สตํ ทิฏฺิสมฺปนฺนํ โภเชยฺย…เป… สุราเมรยมชฺชปฺปมาทฏฺานา เวรมณึ. โย จ อนฺตมโส คทฺทูหนมตฺตมฺปิ เมตฺตจิตฺตํ ภาเวยฺย, อิทํ ตโต มหปฺผลตร’’นฺติ (อ. นิ. ๙.๒๐).

มหคฺคตปุฺภาเวน ปนสฺสา ปริตฺตปุฺโต สาติสยตาย วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘ยํ ปมาณกตํ กมฺมํ, น ตํ ตตฺราวสิสฺสติ, น ตํ ตตฺราวติฏฺตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๕๕๖; สํ. นิ. ๔.๓๖๐). กามาวจรกมฺมฺหิ ปมาณกตํ นาม, มหคฺคตกมฺมํ ปน ปมาณํ อติกฺกมิตฺวา โอธิสกาโนธิสกผรณวเสน วฑฺฒิตฺวา กตตฺตา อปฺปมาณกตํ นาม. กามาวจรกมฺมํ ตสฺส มหคฺคตกมฺมสฺส อนฺตรา ลคฺคิตุํ วา ตํ กมฺมํ อภิภวิตฺวา อตฺตโน วิปากสฺส โอกาสํ คเหตฺวา าตุํ วา น สกฺโกติ, อถ โข มหคฺคตกมฺมเมว ตํ ปริตฺตกมฺมํ มโหโฆ วิย ปริตฺตํ อุทกํ อภิภวิตฺวา อตฺตโน โอกาสํ คเหตฺวา ติฏฺติ, ตสฺส วิปากํ ปฏิพาหิตฺวา สยเมว พฺรหฺมสหพฺยตํ อุปเนตีติ อยฺหิ ตสฺส อตฺโถติ.

คาถาสุ โยติ โย โกจิ คหฏฺโ วา ปพฺพชิโต วา. เมตฺตนฺติ เมตฺตาฌานํ. อปฺปมาณนฺติ ภาวนาวเสน อารมฺมณวเสน จ อปฺปมาณํ. อสุภภาวนาทโย วิย หิ อารมฺมเณ เอกเทสคฺคหณํ อกตฺวา อนวเสสผรณวเสน อโนธิโสผรณวเสน จ อปฺปมาณารมฺมณตาย ปคุณภาวนาวเสน อปฺปมาณํ. ตนู สํโยชนา โหนฺตีติ เมตฺตาฌานํ ปาทกํ กตฺวา สมฺมสิตฺวา เหฏฺิเม อริยมคฺเค อธิคจฺฉนฺตสฺส สุเขเนว ปฏิฆสํโยชนาทโย ปหียมานา ตนู โหนฺติ. เตนาห ‘‘ปสฺสโต อุปธิกฺขย’’นฺติ. ‘‘อุปธิกฺขโย’’ติ หิ นิพฺพานํ วุจฺจติ. ตฺจสฺส สจฺฉิกิริยาภิสมยวเสน มคฺคาเณน ปสฺสติ. อถ วา ตนู สํโยชนา โหนฺตีติ เมตฺตาฌานปทฏฺานาย วิปสฺสนาย อนุกฺกเมน อุปธิกฺขยสงฺขาตํ อรหตฺตํ ปตฺวา ตํ ปสฺสโต ปเคว ทสปิ สํโยชนา ตนู โหนฺติ, ปหียนฺตีติ อตฺโถ. อถ วา ตนู สํโยชนา โหนฺตีติ ปฏิโฆ เจว ปฏิฆสมฺปยุตฺตสํโยชนา จ ตนุกา โหนฺติ. ปสฺสโต อุปธิกฺขยนฺติ เตสํเยว กิเลสูปธีนํ ขยสงฺขาตํ เมตฺตํ อธิคมวเสน ปสฺสนฺต สฺสาติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.

เอวํ กิเลสปฺปหานํ นิพฺพานาธิคมฺจ เมตฺตาภาวนาย สิขาปฺปตฺตมานิสํสํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อฺเ อานิสํเส ทสฺเสตุํ ‘‘เอกมฺปิ เจ’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อทุฏฺจิตฺโตติ เมตฺตาพเลน สุฏฺุ วิกฺขมฺภิตพฺยาปาทตาย พฺยาปาเทน อทูสิตจิตฺโต. เมตฺตายตีติ หิตผรณวเสน เมตฺตํ กโรติ. กุสโลติ อติสเยน กุสลวา มหาปุฺโ, ปฏิฆาทิอนตฺถวิคเมน โว. เขมี เตนาติ เตน เมตฺตายิเตน. สพฺเพ จ ปาเณติ จสทฺโท พฺยติเรเก. มนสานุกมฺปนฺติ จิตฺเตน อนุกมฺปนฺโต. อิทํ วุตฺตํ โหติ – เอกสตฺตวิสยาปิ ตาว เมตฺตา มหากุสลราสิ, สพฺเพ ปน ปาเณ อตฺตโน ปิยปุตฺตํ วิย หิตผรเณน มนสา อนุกมฺปนฺโต ปหูตํ พหุํ อนปฺปกํ อปริยนฺตํ จตุสฏฺิมหากปฺเปปิ อตฺตโน วิปากปฺปพนฺธํ ปวตฺเตตุํ สมตฺถํ อุฬารปุฺํ อริโย ปริสุทฺธจิตฺโต ปุคฺคโล ปกโรติ นิปฺผาเทติ.

สตฺตสณฺฑนฺติ สตฺตสงฺขาเตน สณฺเฑน สมนฺนาคตํ ภริตํ, สตฺเตหิ อวิรฬํ อากิณฺณมนุสฺสนฺติ อตฺโถ. วิชิตฺวาติ อทณฺเฑน อสตฺเถน ธมฺเมเนว วิชินิตฺวา. ราชิสโยติ อิสิสทิสา ธมฺมิกราชาโน. ยชมานาติ ทานานิ ททมานา. อนุปริยคาติ วิจรึสุ.

อสฺสเมธนฺติอาทีสุ โปราณกราชกาเล กิร สสฺสเมธํ, ปุริสเมธํ, สมฺมาปาสํ, วาจาเปยฺยนฺติ จตฺตาริ สงฺคหวตฺถูนิ อเหสุํ, เยหิ ราชาโน โลกํ สงฺคณฺหึสุ. ตตฺถ นิปฺผนฺนสสฺสโต ทสมภาคคฺคหณํ สสฺสเมธํ นาม, สสฺสสมฺปาทเน, เมธาวิตาติ อตฺโถ. มหาโยธานํ ฉมาสิกํ ภตฺตเวตนานุปฺปทานํ ปุริสเมธํ นาม, ปุริสสงฺคณฺหเน เมธาวิตาติ อตฺโถ. ทลิทฺทมนุสฺสานํ โปตฺถเก เลขํ คเหตฺวา ตีณิ วสฺสานิ วินา วฑฺฒิยา สหสฺสทฺวิสหสฺสมตฺตธนานุปฺปทานํ สมฺมาปาสํ นาม. ตฺหิ สมฺมา มนุสฺเส ปาเสติ หทเย พนฺธิตฺวา วิย เปติ, ตสฺมา ‘‘สมฺมาปาส’’นฺติ วุจฺจติ. ‘‘ตาต มาตุลา’’ติอาทินา ปน สณฺหวาจาย สงฺคหณํ วาจาเปยฺยํ นาม, เปยฺยวชฺชํ ปิยวาจตาติ อตฺโถ. เอวํ จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ สงฺคหิตํ รฏฺํ อิทฺธฺเจว โหติ ผีตฺจ ปหูตอนฺนปานํ เขมํ นิรพฺพุทํ. มนุสฺสา มุทา โมทมานา อุเร ปุตฺเต นจฺเจนฺตา อปารุตฆรา วิหรนฺติ. อิทํ ฆรทฺวาเรสุ อคฺคฬานํ อภาวโต ‘‘นิรคฺคฬ’’นฺติ วุจฺจติ. อยํ โปราณิกา ปเวณิ, อยํ โปราณิกา ปกติ.

อปรภาเค ปน โอกฺกากราชกาเล พฺราหฺมณา อิมานิ จตฺตาริ สงฺคหวตฺถูนิ อิมฺจ รฏฺสมฺปตฺตึ ปริวตฺเตนฺตา อุทฺธมฺมูลํ กตฺวา อสฺสเมธํ ปุริสเมธนฺติอาทิเก ปฺจ ยฺเ นาม อกํสุ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา พฺราหฺมณธมฺมิยสุตฺเต –

‘‘เตสํ อาสิ วิปลฺลาโส, ทิสฺวาน อณุโต อณุํ…เป….

‘‘เต ตตฺถ มนฺเต คนฺเถตฺวา, โอกฺกากํ ตทุปาคมุ’’นฺติ. (สุ. นิ. ๓๐๑-๓๐๔);

ตตฺถ อสฺสเมตฺถ เมธนฺติ พาเธนฺตีติ อสฺสเมโธ. ทฺวีหิ ปริยฺเหิ ยชิตพฺพสฺส เอกวีสติยูปสฺส เอกสฺมึ ปจฺฉิมทิวเส เอว สตฺตนวุติปฺจปสุสตฆาตภีสนสฺส เปตฺวา ภูมิฺจ ปุริเส จ อวเสสสพฺพวิภวทกฺขิณสฺส ยฺสฺเสตํ อธิวจนํ. ปุริสเมตฺถ เมธนฺติ พาเธนฺตีติ ปุริสเมโธ. จตูหิ ปริยฺเหิ ยชิตพฺพสฺส สทฺธึภูมิยา อสฺสเมเธ วุตฺตวิภวทกฺขิณสฺส ยฺสฺเสตํ อธิวจนํ. สมฺมเมตฺถ ปาสนฺติ ขิปนฺตีติ สมฺมาปาโส. ยุคจฺฉิคฺคเฬ ปเวสนทณฺฑกสงฺขาตํ สมฺมํ ขิปิตฺวา ตสฺส ปติโตกาเส เวทึ กตฺวา สํหาริเมหิ ยูปาทีหิ สรสฺสตินทิยา นิมุคฺโคกาสโต ปภุติ ปฏิโลมํ คจฺฉนฺเตน ยชิตพฺพสฺส สตฺรยาคสฺเสตํ อธิวจนํ วาชเมตฺถ ปิวนฺตีติ วาชเปยฺโย. เอเกน ปริยฺเน สตฺตรสหิ ปสูหิ ยชิตพฺพสฺส เพฬุวยูปสฺส สตฺตรสกทกฺขิณสฺส ยฺสฺเสตํ อธิวจนํ. นตฺถิ เอตฺถ อคฺคโฬติ นิรคฺคโฬ. นวหิ ปริยฺเหิ ยชิตพฺพสฺส สทฺธึ ภูมิยา ปุริเสหิ จ อสฺสเมเธ วุตฺตวิภวทกฺขิณสฺส สพฺพเมธปริยายนามสฺส อสฺสเมธวิกปฺปสฺเสตํ อธิวจนํ.

จนฺทปฺปภาติ จนฺทปฺปภาย. ตารคณาว สพฺเพติ ยถา สพฺเพปิ ตาราคณา จนฺทิมโสภาย โสฬสิมฺปิ กลํ นาคฺฆนฺติ, เอวํ เต อสฺสเมธาทโย ยฺา เมตฺตจิตฺตสฺส วุตฺตลกฺขเณน สุภาวิตสฺส โสฬสิมฺปิ กลํ นานุภวนฺติ, น ปาปุณนฺติ, นาคฺฆนฺตีติ อตฺโถ.

อิทานิ อปเรปิ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิเก เมตฺตาภาวนาย อานิสํเส ทสฺเสตุํ ‘‘โย น หนฺตี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ โยติ เมตฺตาพฺรหฺมวิหารภาวนานุยุตฺโต ปุคฺคโล. น หนฺตีติ เตเนว เมตฺตาภาวนานุภาเวน ทูรวิกฺขมฺภิตพฺยาปาทตาย น กฺจิ สตฺตํ หึสติ, เลฑฺฑุทณฺฑาทีหิ น วิพาธติ วา. น ฆาเตตีติ ปรํ สมาทเปตฺวา น สตฺเต หนาเปติ น วิพาธาเปติ จ. น ชินาตีติ สารมฺภวิคฺคาหิกกถาทิวเสน น กฺจิ ชินาติ สารมฺภสฺเสว อภาวโต, ชานิกรณวเสน วา อฑฺฑกรณาทินา น กฺจิ ชินาติ. น ชาปเยติ ปเรปิ ปโยเชตฺวา ปเรสํ ธนชานึ น การาเปยฺย. เมตฺตํโสติ เมตฺตามยจิตฺตโกฏฺาโส, เมตฺตาย วา อํโส อวิชหนฏฺเน อวยวภูโตติ เมตฺตํโส. สพฺพภูเตสูติ สพฺพสตฺเตสุ. ตโต เอว เวรํ ตสฺส น เกนจีติ อกุสลเวรํ ตสฺส เกนจิปิ การเณน นตฺถิ, ปุคฺคลเวรสงฺขาโต วิโรโธ เกนจิ ปุริเสน สทฺธึ ตสฺส เมตฺตาวิหาริสฺส นตฺถีติ.

เอวเมตสฺมึ เอกกนิปาเต ปฏิปาฏิยา เตรสสุ สุตฺเตสุ สิกฺขาสุตฺตทฺวเย จาติ ปนฺนรสสุ สุตฺเตสุ วิวฏฺฏํ กถิตํ, นีวรณสุตฺตํ สํโยชนสุตฺตํ อปฺปมาทสุตฺตํ อฏฺิสฺจยสุตฺตนฺติ เอเตสุ จตูสุ สุตฺเตสุ วฏฺฏวิวฏฺฏํ กถิตํ. อิตเรสุ ปน วฏฺฏเมว กถิตนฺติ.

สตฺตมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

ปรมตฺถทีปนิยา

ขุทฺทกนิกาย-อฏฺกถาย

อิติวุตฺตกสฺส เอกกนิปาตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. ทุกนิปาโต

๑. ปมวคฺโค

๑. ทุกฺขวิหารสุตฺตวณฺณนา

๒๘. ทุกนิปาตสฺส ปเม ทฺวีหีติ คณนปริจฺเฉโท. ธมฺเมหีติ ปริจฺฉินฺนธมฺมนิทสฺสนํ. ทฺวีหิ ธมฺเมหีติ ทฺวีหิ อกุสลธมฺเมหิ. สมนฺนาคโตติ ยุตฺโต. ทิฏฺเว ธมฺเมติ อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว. ทุกฺขํ วิหรตีติ จตูสุปิ อิริยาปเถสุ กิเลสทุกฺเขน เจว กายิกเจตสิกทุกฺเขน จ ทุกฺขํ วิหรติ. สวิฆาตนฺติ จิตฺตูปฆาเตน เจว กายูปฆาเตน จ สวิฆาตํ. สอุปายาสนฺติ กิเลสูปายาเสน เจว สรีรเขเทน จ พลวอายาสวเสน สอุปายาสํ. สปริฬาหนฺติ กิเลสปริฬาเหน เจว กายปริฬาเหน จ สปริฬาหํ. กายสฺส เภทาติ อุปาทินฺนกฺขนฺธปริจฺจาคา. ปรํ มรณาติ ตทนนฺตรํ อภินิพฺพตฺตกฺขนฺธคฺคหเณ. อถ วา กายสฺส เภทาติ ชีวิตินฺทฺริยุปจฺเฉทา. ปรํ มรณาติ จุติโต อุทฺธํ. ทุคฺคติ ปาฏิกงฺขาติ ทุคฺคติสงฺขาตานํ จตุนฺนํ อปายานํ อฺตรา คติ อิจฺฉิตพฺพา, อวสฺสํภาวินีติ อตฺโถ.

อคุตฺตทฺวาโรติ อปิหิตทฺวาโร. กตฺถ ปน อคุตฺตทฺวาโรติ อาห ‘‘อินฺทฺริเยสู’’ติ. เตน มนจฺฉฏฺานํ อินฺทฺริยานํ อสํวรมาห. ปฏิคฺคหณปริโภควเสน โภชเน มตฺตํ น ชานาตีติ โภชเน อมตฺตฺู. ‘‘อินฺทฺริเยสุ อคุตฺตทฺวารตาย โภชเน อมตฺตฺุตายา’’ติปิ ปนฺติ.

กถํ อินฺทฺริเยสุ อคุตฺตทฺวารตา, กถํ วา คุตฺตทฺวารตาติ? กิฺจาปิ หิ จกฺขุนฺทฺริเย สํวโร วา อสํวโร วา นตฺถิ. น หิ จกฺขุปสาทํ นิสฺสาย สติ วา มุฏฺสฺสจฺจํ วา อุปฺปชฺชติ. อปิจ ยทา รูปารมฺมณํ จกฺขุสฺส อาปาถํ อาคจฺฉติ, ตทา ภวงฺเค ทฺวิกฺขตฺตุํ อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุทฺเธ กิริยามโนธาตุ อาวชฺชนกิจฺจํ สาธยมานา อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌติ, ตโต จกฺขุวิฺาณํ ทสฺสนกิจฺจํ, ตโต วิปากมโนธาตุ สมฺปฏิจฺฉนกิจฺจํ, ตโต วิปากาเหตุกมโนวิฺาณธาตุ สนฺตีรณกิจฺจํ, ตโต กิริยาเหตุกมโนวิฺาณธาตุ โวฏฺพฺพนกิจฺจํ สาธยมานา อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌติ, ตทนนฺตรํ ชวนํ ชวติ. ตถาปิ เนว ภวงฺคสมเย, น อาวชฺชนาทีนํ อฺตรสมเย สํวโร วา อสํวโร วา อตฺถิ, ชวนกฺขเณ ปน สเจ ทุสฺสีลฺยํ วา มุฏฺสฺสจฺจํ วา อฺาณํ วา อกฺขนฺติ วา โกสชฺชํ วา อุปฺปชฺชติ, อสํวโร โหติ. เอวํ โหนฺโตปิ โส ‘‘จกฺขุทฺวาเร อสํวโร’’ติ วุจฺจติ. กสฺมา? ยสฺมา ตสฺมึ สติ ทฺวารมฺปิ อคุตฺตํ โหติ ภวงฺคมฺปิ อาวชฺชนาทีนิ วีถิจิตฺตานิปิ. ยถา กึ? ยถา นคเร จตูสุ ทฺวาเรสุ อสํวุเตสุ กิฺจาปิ อนฺโตฆรทฺวารโกฏฺกคพฺภาทโย สุสํวุตา ตถาปิ อนฺโตนคเร สพฺพํ ภณฺฑํ อรกฺขิตํ อโคปิตเมว โหติ. นครทฺวาเรหิ ปวิสิตฺวา โจรา ยทิจฺฉนฺติ, ตํ หเรยฺยุํ. เอวเมว ชวเน ทุสฺสีลฺยาทีสุ อุปฺปนฺเนสุ ตสฺมึ อสํวเร สติทฺวารมฺปิ อคุตฺตํ โหติ, ภวงฺคมฺปิ อาวชฺชนาทีนิ วีถิจิตฺตานิปิ. ตสฺมึ ปน อสติ ชวเน สีลาทีสุ อุปฺปนฺเนสุ ทฺวารมฺปิ คุตฺตํ โหติ ภวงฺคมฺปิ อาวชฺชนาทีนิ วีถิจิตฺตานิปิ. ยถา กึ? ยถา นครทฺวาเรสุ สํวุเตสุ กิฺจาปิ อนฺโตฆรทฺวาราทโย อสํวุตา, ตถาปิ อนฺโตนคเร สพฺพํ ภณฺฑํ สุรกฺขิตํ สุโคปิตเมว โหติ. นครทฺวาเรสุ หิ ปิหิเตสุ โจรานํ ปเวโส นตฺถิ. เอวเมว ชวเน สีลาทีสุ อุปฺปนฺเนสุ ทฺวารมฺปิ คุตฺตํ โหติ, ภวงฺคมฺปิ, อาวชฺชนาทีนิ วีถิจิตฺตานิปิ. ตสฺมา ชวนกฺขเณ อุปฺปชฺชมาโนปิ ‘‘จกฺขุทฺวาเร สํวโร’’ติ วุจฺจติ. เสสทฺวาเรสุปิ เอเสว นโย. เอวํ อินฺทฺริเยสุ อคุตฺตทฺวารตา, คุตฺตทฺวารตา จ เวทิตพฺพา.

กถํ ปน โภชเน อมตฺตฺู, กถํ วา มตฺตฺูติ? โย หิ ปุคฺคโล มหิจฺโฉ หุตฺวา ปฏิคฺคหเณ มตฺตํ น ชานาติ. มหิจฺฉปุคฺคโล หิ ยถา นาม กจฺฉปุฏวาณิโช ปิฬนฺธนภณฺฑกํ หตฺเถน คเหตฺวา อุจฺฉงฺเคปิ ปกฺขิปิตพฺพยุตฺตกํ ปกฺขิปิตฺวา มหาชนสฺส ปสฺสนฺตสฺเสว ‘‘อสุกํ คณฺหถ, อสุกํ คณฺหถา’’ติ มุเขน อุคฺโฆเสติ, เอวเมว อปฺปมตฺตกมฺปิ อตฺตโน สีลํ วา คนฺถํ วา ธุตงฺคคุณํ วา อนฺตมโส อรฺวาสมตฺตกมฺปิ มหาชนสฺส ชานนฺตสฺเสว สมฺภาเวติ, สมฺภาเวตฺวา จ ปน สกเฏหิปิ อุปนีเต ปจฺจเย ‘‘อล’’นฺติ อวตฺวา ปฏิคฺคณฺหาติ. ตโย หิ ปูเรตุํ น สกฺกา อคฺคิ อุปาทาเนน, สมุทฺโท อุทเกน, มหิจฺโฉ ปจฺจเยหีติ –

‘‘อคฺคิกฺขนฺโธ สมุทฺโท จ, มหิจฺโฉ จาปิ ปุคฺคโล;

พหุเก ปจฺจเย ทินฺเน, ตโยเปเต น ปูรเยติ’’.

มหิจฺฉปุคฺคโล หิ วิชาตมาตุยาปิ มนํ คณฺหิตุํ น สกฺโกติ. เอวรูโป หิ อนุปฺปนฺนํ ลาภํ น อุปฺปาเทติ, อุปฺปนฺนลาภโต จ ปริหายติ. เอวํ ตาว ปฏิคฺคหเณ อมตฺตฺู โหติ. โย ปน ธมฺเมน สเมน ลทฺธมฺปิ อาหารํ คธิโต มุจฺฉิโต อชฺโฌปนฺโน อนาทีนวทสฺสาวี อนิสฺสรณปฺโ อาหรหตฺถกอลํสาฏกตตฺถวฏฺฏกกากมาสกภุตฺตวมิตกพฺราหฺมณานํ อฺตโร วิย อโยนิโส อนุปาเยน ยาวทตฺถํ อุทราวเทหกํ ปริภุฺชิตฺวา เสยฺยสุขํ ปสฺสสุขํ มิทฺธสุขํ อนุยุตฺโต วิหรติ. อยํ ปริโภเค อมตฺตฺู นาม.

โย ปน ‘‘ยทิปิ เทยฺยธมฺโม พหุ โหติ, ทายโก อปฺปํ ทาตุกาโม, ทายกสฺส วเสน อปฺปํ คณฺหาติ. เทยฺยธมฺโม อปฺโป, ทายโก พหุํ ทาตุกาโม, เทยฺยธมฺมสฺส วเสน อปฺปํ คณฺหาติ. เทยฺยธมฺโม พหุ, ทายโกปิ พหุํ ทาตุกาโม, อตฺตโน ถามํ ตฺวา ปมาณยุตฺตเมว คณฺหาตี’’ติ เอวํ วุตฺตสฺส ปฏิคฺคหเณ ปมาณชานนสฺส เจว, ‘‘ปฏิสงฺขา โยนิโส อาหารํ อาหาเรติ, เนว ทวาย, น มทายา’’ติอาทินา (ธ. ส. ๑๓๕๕) ‘‘ลทฺธฺจ ปิณฺฑปาตํ อคธิโต อมุจฺฉิโต อนชฺโฌปนฺโน อาทีนวทสฺสาวี นิสฺสรณปฺโ ปริภุฺชตี’’ติ จ อาทินา นเยน วุตฺตสฺส ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปฏิสงฺขานปฺาย ชานิตฺวา อาหารปริภุฺชนสงฺขาตสฺส ปริโภเค ปมาณชานนสฺส จ วเสน โภชเน มตฺตฺู โหติ, อยํ โภชเน มตฺตฺู นาม. เอวํ โภชเน อมตฺตฺุตา มตฺตฺุตา จ โหตีติ เวทิตพฺพํ.

คาถาสุ ปน จกฺขุนฺติอาทีสุ จกฺขตีติ จกฺขุ, รูปํ อสฺสาเทติ, สมวิสมํ อาจิกฺขนฺตํ วิย โหตีติ วา อตฺโถ. สุณาตีติ โสตํ. ฆายตีติ ฆานํ. ชีวิตนิมิตฺตํ อาหารรโส ชีวิตํ, ตํ อวฺหายตีติ ชิวฺหา. กุจฺฉิตานํ อาโยติ กาโย. มนเต วิชานาตีติ มโน. โปราณา ปนาหุ มุนาตีติ มโน, นาฬิยา มินมาโน วิย มหาตุลาย ธารยมาโน วิย จ อารมฺมณํ วิชานาตีติ อตฺโถ. เอวํ ตาเวตฺถ ปทตฺโถ เวทิตพฺโพ.

ภาวตฺถโต ปน ทุวิธํ จกฺขุ – มํสจกฺขุ จ ปฺาจกฺขุ จ. เตสุ พุทฺธจกฺขุ, สมนฺตจกฺขุ, าณจกฺขุ, ทิพฺพจกฺขุ, ธมฺมจกฺขูติ ปฺจวิธํ ปฺาจกฺขุ. ตตฺถ ‘‘อทฺทสํ โข อหํ, ภิกฺขเว, พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกนฺโต’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๘๓) อิทํ พุทฺธจกฺขุ นาม. ‘‘สมนฺตจกฺขุ วุจฺจติ สพฺพฺุตฺาณ’’นฺติ (จูฬว. โธตกมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๓๒) อิทํ สมนฺตจกฺขุ นาม. ‘‘จกฺขุํ อุทปาที’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑; มหาว. ๑๕) อิทํ าณจกฺขุ นาม. ‘‘อทฺทสํ โข อหํ, ภิกฺขเว, ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธนา’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๘๔) อิทํ ทิพฺพจกฺขุ นาม. ‘‘วิรชํ วีตมลํ ธมฺมจกฺขุํ อุทปาที’’ติ (ม. นิ. ๒.๓๙๕; มหาว. ๑๖) อิทํ เหฏฺิมมคฺคตฺตยสงฺขาตํ ธมฺมจกฺขุ นาม.

มํสจกฺขุปิ ทุวิธํ – สสมฺภารจกฺขุ, ปสาทจกฺขูติ. ตตฺถ ยฺวายํ อกฺขิกูปเก ปติฏฺิโต เหฏฺา อกฺขิกูปกฏฺิเกน, อุปริ ภมุกฏฺิเกน, อุภโต อกฺขิกูเฏหิ, อนฺโต มตฺถลุงฺเคน, พหิทฺธา อกฺขิโลเมหิ ปริจฺฉินฺโน มํสปิณฺโฑ, สงฺเขปโต จตสฺโส ธาตุโย – วณฺโณ, คนฺโธ, รโส, โอชาสมฺภโว สณฺานํ ชีวิตํ ภาโว กายปสาโท จกฺขุปสาโทติ จุทฺทส สมฺภารา. วิตฺถารโต จตสฺโส ธาตุโย ตํนิสฺสิตา วณฺณคนฺธรสโอชาสณฺานสมฺภวาติ อิมานิ ทส จตุสมุฏฺานิกตฺตา จตฺตาลีสํ โหนฺติ, ชีวิตํ ภาโว กายปสาโท จกฺขุปสาโทติ จตฺตาริ เอกนฺตกมฺมสมุฏฺาเนวาติ อิเมสํ จตุจตฺตาลีสาย รูปานํ วเสน จตุจตฺตาลีส สมฺภารา. ยํ โลเก ‘‘เสตํ วฏฺฏํ ปุถุลํ วิสฏํ วิปุลํ จกฺขู’’ติ สฺชานนฺโต น จกฺขุํ สฺชานาติ, วตฺถุํ จกฺขุโต สฺชานาติ, โย มํสปิณฺโฑ อกฺขิกูปเก ปติฏฺิโต นฺหารุสุตฺตเกน มตฺถลุงฺเคน อาพทฺโธ, ยตฺถ เสตมฺปิ อตฺถิ กณฺหมฺปิ โลหิตกมฺปิ ปถวีปิ อาโปปิ เตโชปิ วาโยปิ. ยํ เสมฺหุสฺสทตฺตา เสตํ, ปิตฺตุสฺสทตฺตา กณฺหํ, รุหิรุสฺสทตฺตา โลหิตกํ, ปถวุสฺสทตฺตา ปตฺถทฺธํ, อาปุสฺสทตฺตา ปคฺฆรติ, เตชุสฺสทตฺตา ปริฑยฺหติ, วายุสฺสทตฺตา สมฺภมติ, อิทํ สสมฺภารจกฺขุ นาม. โย ปน เอตฺถ สิโต เอตฺถ ปฏิพทฺโธ จตุนฺนํ มหาภูตานํ อุปาทาย ปสาโท, อิทํ ปสาทจกฺขุ นาม. อิทฺหิ จกฺขุวิฺาณาทีนํ ยถารหํ วตฺถุทฺวารภาเวน ปวตฺตติ.

โสตาทีสุปิ โสตํ ทิพฺพโสตํ, มํสโสตนฺติ ทุวิธํ. เอตฺถ ‘‘ทิพฺพาย โสตธาตุยา วิสุทฺธาย อติกฺกนฺตมานุสิกาย อุโภ สทฺเท สุณาตี’’ติ อิทํ ทิพฺพโสตํ นาม. มํสโสตํ ปน สสมฺภารโสตํ ปสาทโสตนฺติ ทุวิธนฺติอาทิ สพฺพํ จกฺขุมฺหิ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ, ตถา ฆานชิวฺหา. กาโย ปน โจปนกาโย, กรชกาโย, สมูหกาโย, ปสาทกาโยติอาทินา พหุวิโธ. ตตฺถ –

‘‘กาเยน สํวุตา ธีรา, อโถ วาจาย สํวุตา’’ติ. (ธ. ป. ๒๓๔) –

อยํ โจปนกาโย นาม. ‘‘อิมมฺหา กายา อฺํ กายํ อภินิมฺมินาตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๒๓๖; ปฏิ. ม. ๓.๑๔) อยํ กรชกาโย นาม. สมูหกาโย ปน วิฺาณาทิสมูหวเสน อเนกวิโธ อาคโต. ตถา หิ ‘‘ฉ อิเม, อาวุโส, วิฺาณกายา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑๐๑) วิฺาณสมูโห วุตฺโต. ‘‘ฉ ผสฺสกายา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๓๒๓; ม. นิ. ๑.๙๘) ผสฺสาทิสมูโห. ตถา ‘‘กายปสฺสทฺธิ กายลหุตา’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๑๑๔) เวทนากฺขนฺธาทโย. ‘‘อิเธกจฺโจ ปถวิกายํ อนิจฺจโต อนุปสฺสติ, อาโปกายํ เตโชกายํ วาโยกายํ เกสกายํ โลมกาย’’นฺติอาทีสุ (ปฏิ. ม. ๓.๓๕) ปถวาทิสมูโห. ‘‘กาเยน โผฏฺพฺพํ ผุสิตฺวา’’ติ (อ. นิ. ๓.๑๖) อยํ ปสาทกาโย. อิธาปิ ปสาทกาโย เวทิตพฺโพ. โส หิ กายวิฺาณาทีนํ ยถารหํ วตฺถุทฺวารภาเวน ปวตฺตติ. มโนติ ปน กิฺจาปิ สพฺพํ วิฺาณํ วุจฺจติ, ตถาปิ ทฺวารภาวสฺส อิธาธิปฺเปตตฺตา ทฺวารภูตํ สาวชฺชนํ ภวงฺคํ เวทิตพฺพํ.

เอตานิ ยสฺส ทฺวารานิ อคุตฺตานิ จ ภิกฺขุโนติ ยสฺส ภิกฺขุโน เอตานิ มนจฺฉฏฺานิ ทฺวารานิ สติโวสฺสคฺเคน ปมาทํ อาปนฺนตฺตา สติกวาเฏน อปิหิตานิ. โภชนมฺหิ…เป… อธิคจฺฉตีติ โส ภิกฺขุ วุตฺตนเยน โภชเน อมตฺตฺู อินฺทฺริเยสุ จ สํวรรหิโต ทิฏฺธมฺมิกฺจ โรคาทิวเสน, สมฺปรายิกฺจ ทุคฺคติปริยาปนฺนํ กายทุกฺขํ ราคาทิกิเลสสนฺตาปวเสน, อิจฺฉาวิฆาตวเสน จ เจโตทุกฺขนฺติ สพฺพถาปิ ทุกฺขเมว อธิคจฺฉติ ปาปุณาติ. ยสฺมา เจตเทวํ, ตสฺมา ทุวิเธนปิ ทุกฺขคฺคินา อิธโลเก จ ปรโลเก จ ฑยฺหมาเนน กาเยน ฑยฺหมาเนน เจตสา ทิวา วา ยทิ วา รตฺตึ นิจฺจกาลเมว ตาทิโส ปุคฺคโล ทุกฺขเมว วิหรติ, น ตสฺส สุขวิหารสฺส สมฺภโว, วฏฺฏทุกฺขานติกฺกเม ปน วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ.

ปมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. สุขวิหารสุตฺตวณฺณนา

๒๙. ทุติเย วุตฺตวิปริยาเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ.

ทุติยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. ตปนียสุตฺตวณฺณนา

๓๐. ตติเย ตปนียาติ อิธ เจว สมฺปราเย จ ตปนฺติ วิพาเธนฺติ วิเหเนฺตีติ ตปนียา. ตปนํ วา ทุกฺขํ ทิฏฺเ เจว ธมฺเม อภิสมฺปราเย จ ตสฺส อุปฺปาทเนน เจว อนุพลปฺปทาเนน จ หิตาติ ตปนียา. อถ วา ตปนฺติ เตนาติ ตปนํ, ปจฺฉานุตาโป, วิปฺปฏิสาโรติ อตฺโถ, ตสฺส เหตุภาวโต หิตาติ ตปนียา. อกตกลฺยาโณติ อกตํ กลฺยาณํ ภทฺทกํ ปุฺํ เอเตนาติ อกตกลฺยาโณ. เสสปททฺวยํ ตสฺเสว เววจนํ. ปุฺฺหิ ปวตฺติหิตตาย อายตึสุขตาย จ ภทฺทกฏฺเน กลฺยาณนฺติ จ กุจฺฉิตสลนาทิอตฺเถน กุสลนฺติ จ ทุกฺขภีรูนํ สํสารภีรูนฺจ รกฺขนฏฺเน ภีรุตฺตาณนฺติ จ วุจฺจติ. กตปาโปติ กตํ อุปจิตํ ปาปํ เอเตนาติ กตปาโป. เสสปททฺวยํ ตสฺเสว เววจนํ. อกุสลกมฺมฺหิ ลามกฏฺเน ปาปนฺติ จ อตฺตโน ปวตฺติกฺขเณ วิปากกฺขเณ จ โฆรสภาวตาย ลุทฺทนฺติ จ กิเลเสหิ ทูสิตภาเวน กิพฺพิสนฺติ จ วุจฺจติ. อิติ ภควา ‘‘ทฺเว ธมฺมา ตปนียา’’ติ ธมฺมาธิฏฺาเนน อุทฺทิสิตฺวา อกตํ กุสลํ ธมฺมํ กตฺจ อกุสลํ ธมฺมํ ปุคฺคลาธิฏฺาเนน นิทฺทิสิ. อิทานิ เตสํ ตปนียภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘โส อกตํ เม กลฺยาณนฺติปิ ตปฺปติ, กตํ เม ปาปนฺติปิ ตปฺปตี’’ติ อาห. จิตฺตสนฺตาเสน ตปฺปติ อนุตปฺปติ อนุโสจตีติ อตฺโถ.

คาถาสุ ทุฏฺุ จริตํ, กิเลสปูติกตฺตา วา ทุฏฺํ จริตนฺติ ทุจฺจริตํ. กาเยน ทุจฺจริตํ, กายโต วา ปวตฺตํ ทุจฺจริตํ กายทุจฺจริตํ. เอวํ วจีมโนทุจฺจริตานิปิ ทฏฺพฺพานิ. อิมานิ จ กายทุจฺจริตาทีนิ กมฺมปถปฺปตฺตานิ อธิปฺเปตานีติ ยํ น กมฺมปถปฺปตฺตํ อกุสลชาตํ, ตํ สนฺธายาห ‘‘ยฺจฺํ โทสสฺหิต’’นฺติ. ตสฺสตฺโถ – ยมฺปิ จ อฺํ กมฺมปถภาวํ อปฺปตฺตตฺตา นิปฺปริยาเยน กายกมฺมาทิสงฺขํ น ลภติ, ราคาทิกิเลสสํสฏฺตฺตา โทสสหิตํ อกุสลํ ตมฺปิ กตฺวาติ อตฺโถ. นิรยนฺติ นิรติอตฺเถน นิรสฺสาทฏฺเน วา นิรยนฺติ ลทฺธนามํ สพฺพมฺปิ ทุคฺคตึ, อยสงฺขาตสุขปฺปฏิกฺเขเปน วา สพฺพตฺถ สุคติทุคฺคตีสุ นิรยทุกฺขํ. โส ตาทิโส ปุคฺคโล อุปคจฺฉตีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.

เอตฺถ จ กายทุจฺจริตสฺส ตปนียภาเว นนฺโท ยกฺโข นนฺโท มาณวโก นนฺโท โคฆาตโก ทฺเว ภาติกาติ เอเตสํ วตฺถูนิ กเถตพฺพานิ. เต กิร คาวึ วธิตฺวา มํสํ ทฺเว โกฏฺาเส อกํสุ. ตโต กนิฏฺโ เชฏฺํ อาห – ‘‘มยฺหํ ทารกา พหู, อิมานิ เม อนฺตานิ เทหี’’ติ. อถ นํ เชฏฺโ – ‘‘สพฺพํ มํสํ ทฺเวธา วิภตฺตํ, ปุน กิมคฺคเหสี’’ติ ปหริตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปสิ. นิวตฺติตฺวา จ นํ โอโลเกนฺโต มตํ ทิสฺวา ‘‘ภาริยํ วต มยา กตํ, สฺวาหํ อการเณเนว นํ มาเรสิ’’นฺติ จิตฺตํ อุปฺปาเทสิ. อถสฺส พลววิปฺปฏิสาโร อุปฺปชฺชิ. โส ิตฏฺาเนปิ นิสินฺนฏฺาเนปิ ตเทว กมฺมํ อาวชฺเชติ, จิตฺตสฺสาทํ น ลภติ, อสิตปีตขายิตมฺปิสฺส สรีเร โอชํ น ผรติ, อฏฺิจมฺมมตฺตเมว อโหสิ. อถ นํ เอโก เถโร ปุจฺฉิ ‘‘อุปาสก, ตฺวํ อติวิย กิโส อฏฺิจมฺมมตฺโต ชาโต, กีทิโส เต โรโค, อุทาหุ อตฺถิ กิฺจิ ตปนียํ กมฺมํ กต’’นฺติ? โส ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ สพฺพํ อาโรเจสิ. อถสฺส โส ‘‘ภาริยํ เต, อุปาสก, กมฺมํ กตํ, อนปราธฏฺาเน อปรทฺธ’’นฺติ อาห. โส เตเนว กมฺมุนา กาลํ กตฺวา นิรเย นิพฺพตฺติ. วจีทุจฺจริตสฺส ปน สุปฺปพุทฺธสกฺกโกกาลิกจิฺจมาณวิกาทีนํ วตฺถูนิ กเถตพฺพานิ, มโนทุจฺจริตสฺส อุกฺกลชยภฺาทีนํ.

ตติยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. อตปนียสุตฺตวณฺณนา

๓๑. จตุตฺเถ ตติเย วุตฺตวิปริยาเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ.

จตุตฺถสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. ปมสีลสุตฺตวณฺณนา

๓๒. ปฺจเม ปาปเกน จ สีเลนาติ ปาปกํ นาม สีลํ สีลเภทกโร อสํวโรติ วทนฺติ. ตตฺถ ยทิ อสํวโร อสีลเมว ตํทุสฺสีลฺยภาวโต, กถํ สีลนฺติ วุจฺจติ? ตตฺถายํ อธิปฺปาโย สิยา – ยถา นาม โลเก อทิฏฺํ ‘‘ทิฏฺ’’นฺติ วุจฺจติ, อสีลวา ‘‘สีลวา’’ติ, เอวมิธาปิ อสีลมฺปิ อสํวโรปิ ‘‘สีล’’นฺติ โวหรียติ. อถ วา ‘‘กตเม จ, ถปติ, อกุสลา สีลา? อกุสลํ กายกมฺมํ, อกุสลํ วจีกมฺมํ, ปาปโก อาชีโว’’ติ (ม. นิ. ๒.๒๖๔) วจนโต อกุสลธมฺเมสุปิ อตฺเถว สีลสมฺา, ตสฺมา ปริจยวเสน สภาวสิทฺธิ วิย ปกติภูโต สพฺโพ สมาจาโร ‘‘สีล’’นฺติ วุจฺจติ. ตตฺถ ยํ อโกสลฺลสมฺภูตฏฺเน อกุสลํ ลามกํ, ตํ สนฺธายาห ‘‘ปาปเกน จ สีเลนา’’ติ. ปาปิกาย จ ทิฏฺิยาติ สพฺพาปิ มิจฺฉาทิฏฺิโย ปาปิกาว. วิเสสโต ปน อเหตุกทิฏฺิ, อกิริยทิฏฺิ, นตฺถิกทิฏฺีติ อิมา ติวิธา ทิฏฺิโย ปาปิกตรา. ตตฺถ ปาปเกน สีเลน สมนฺนาคโต ปุคฺคโล ปโยควิปนฺโน โหติ, ปาปิกาย ทิฏฺิยา สมนฺนาคโต อาสยวิปนฺโน โหติ, เอวํ ปโยคาสยวิปนฺโน ปุคฺคโล นิรยูปโค โหติเยว. เตน วุตฺตํ ‘‘อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, ทฺวีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ปุคฺคโล ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต, เอวํ นิรเย’’ติ. เอตฺถ จ ‘‘ทฺวีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต’’ติ อิทํ ลกฺขณวจนํ ทฏฺพฺพํ, น ตนฺตินิทฺเทโส. ยถา ตํ โลเก ‘‘ยทิเม พฺยาธิตา สิยุํ, อิเมสํ อิทํ เภสชฺชํ ทาตพฺพ’’นฺติ. อฺเสุปิ อีทิเสสุ าเนสุ เอเสว นโย. ทุปฺปฺโติ นิปฺปฺโ.

ปฺจมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. ทุติยสีลสุตฺตวณฺณนา

๓๓. ฉฏฺเ ภทฺทเกน จ สีเลนาติ กายสุจริตาทิจตุปาริสุทฺธิสีเลน. ตฺหิ อขณฺฑาทิสีลภาเวน สยฺจ กลฺยาณํ, สมถวิปสฺสนาทิกลฺยาณคุณาวหํ จาติ ‘‘ภทฺทก’’นฺติ วุจฺจติ. ภทฺทิกาย จ ทิฏฺิยาติ กมฺมสฺสกตาาเณน เจว กมฺมปถสมฺมาทิฏฺิยา จ. ตตฺถ ภทฺทเกน สีเลน ปโยคสมฺปนฺโน โหติ, ภทฺทิกาย ทิฏฺิยา อาสยสมฺปนฺโน. อิติ ปโยคาสยสมฺปนฺโน ปุคฺคโล สคฺคูปโค โหติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อิเมหิ, โข, ภิกฺขเว, ทฺวีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ปุคฺคโล ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต, เอวํ สคฺเค’’ติ. สปฺปฺโติ ปฺวา. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.

ฉฏฺสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. อาตาปีสุตฺตวณฺณนา

๓๔. สตฺตเม อนาตาปีติ กิเลสานํ อาตาปนฏฺเน อาตาโป, วีริยํ, โส เอตสฺส อตฺถีติ อาตาปี, น อาตาปี อนาตาปี, สมฺมปฺปธานวิรหิโต กุสีโตติ วุตฺตํ โหติ. โอตฺตาโป วุจฺจติ ปาปุตฺราโส, โส เอตสฺส อตฺถีติ โอตฺตาปี, น โอตฺตาปี อโนตฺตาปี, โอตฺตาปรหิโต. อถ วา อาตาปปฺปฏิปกฺโข อนาตาโป, โกสชฺชํ โส อสฺส อตฺถีติ อนาตาปี. ยํ ‘‘น โอตฺตปติ โอตฺตปฺปิตพฺเพน, น โอตฺตปติ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ สมาปตฺติยา’’ติ เอวํ วุตฺตํ, ตํ อโนตฺตปฺปํ อโนตฺตาโป. โส อสฺส อตฺถีติ อโนตฺตาปีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.

อภพฺโพติ อนรโห. สมฺโพธายาติ อริยมคฺคตฺถาย. นิพฺพานายาติ กิเลสานํ อจฺจนฺตวูปสมาย อมตมหานิพฺพานาย. อนุตฺตรสฺส โยคกฺเขมสฺสาติ อรหตฺตผลสฺส. ตฺหิ อุตฺตริตรสฺส อภาวโต อนุตฺตรํ, จตูหิ โยเคหิ อนุปทฺทุตตฺตา เขมํ นิพฺภยนฺติ โยคกฺเขมนฺติ จ วุจฺจติ. อธิคมายาติ ปตฺติยา. อาตาปีติ วีริยวา. โส หิ ‘‘อารทฺธวีริโย วิหรติ อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย, กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปทาย, ถามวา ทฬฺหปรกฺกโม อนิกฺขิตฺตธุโร กุสเลสุ ธมฺเมสู’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๔๕) เอวํ วุตฺเตน วีริยารมฺเภน สมนฺนาคโต กิเลสานํ อจฺจนฺตเมว อาตาปนสีโลติ อาตาปี. โอตฺตาปีติ ‘‘ยํ โอตฺตปติ โอตฺตปฺปิตพฺเพน, โอตฺตปติ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ สมาปตฺติยา’’ติ (ธ. ส. ๓๑) เอวํ วุตฺเตน โอตฺตปฺเปน สมนฺนาคตตฺตา โอตฺตปนสีโลติ โอตฺตปฺปี. อยฺหิ โอตฺตาปีติ วุตฺโต. ตทวินาภาวโต หิริยา จ สมนฺนาคโต เอว โหตีติ หิโรตฺตปฺปสมฺปนฺโน อณุมตฺเตปิ วชฺเช ภยทสฺสาวี สีเลสุ ปริปูรการี โหติ. อิจฺจสฺส สีลสมฺปทา ทสฺสิตา. อาตาปีติ อิมินา นเยนสฺส กิเลสปริตาปิตาทีปเนน สมถวิปสฺสนาภาวนานุยุตฺตตา ทสฺสิตา. ยถาวุตฺตฺจ วีริยํ สทฺธาสติสมาธิปฺาหิ วินา น โหตีติ วิมุตฺติปริปาจกานิ สทฺธาปฺจมานิ อินฺทฺริยานิ อตฺถโต วุตฺตาเนว โหนฺติ. เตสุ จ สิทฺเธสุ อนิจฺเจ อนิจฺจสฺา, อนิจฺเจ ทุกฺขสฺา, ทุกฺเข อนตฺตสฺา, ปหานสฺา, วิราคสฺา, นิโรธสฺาติ ฉ นิพฺเพธภาคิยา สฺา สิทฺธา เอวาติ. เอวํ อิเมหิ ทฺวีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคตสฺส โลกิยานํ สีลสมาธิปฺานํ สิชฺฌนโต มคฺคผลนิพฺพานาธิคมสฺส ภพฺพตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อาตาปี จ โข…เป… อธิคมายา’’ติ อาห.

คาถาสุ กุสีโตติ มิจฺฉาวิตกฺกพหุลตาย กามพฺยาปาทวิหึสาวิตกฺกสงฺขาเตหิ กุจฺฉิเตหิ ปาปธมฺเมหิ สิโต สมฺพนฺโธ ยุตฺโตติ กุสีโต. กุจฺฉิตํ วา สีทติ สมฺมาปฏิปตฺติโต อวสีทตีติ กุสีโต, ท-การสฺส ต-การํ กตฺวา. หีนวีริโยติ นิพฺพีริโย, จตูสุปิ อิริยาปเถสุ วีริยกรณรหิโต. อนุสฺสาหสํหนนสภาวสฺส จิตฺตาลสิยสฺส ถินสฺส, อสตฺติวิฆาตสภาวสฺส กายาลสิยสฺส มิทฺธสฺส จ อภิณฺหปฺปวตฺติยา ถินมิทฺธพหุโล. ปาปชิคุจฺฉนลกฺขณาย หิริยา อภาเวน ตปฺปฏิปกฺเขน อหิริเกน สมนฺนาคตตฺตา จ อหิริโก. หิโรตฺตปฺปวีริยานํ อภาเวเนว สมฺมาปฏิปตฺติยํ นตฺถิ เอตสฺส อาทโรติ อนาทโร. อุภยถาปิ ตถา ธมฺมปุคฺคเลน ทุวิธกิริยากรเณน อนาทโร. ผุฏฺุนฺติ ผุสิตุํ. สมฺโพธิมุตฺตมนฺติ สมฺโพธิสงฺขาตํ อุตฺตมํ อรหตฺตํ อธิคนฺตุํ อภพฺโพติ อตฺโถ.

สติมาติ จิรกตจิรภาสิตานํ อนุสฺสรเณ สมตฺถสฺส สติเนปกฺกสฺส ภาเวน จตุสติปฏฺานโยเคน สติมา. นิปโกติ สตฺตฏฺานิยสมฺปชฺสงฺขาเตน เจว กมฺมฏฺานปริหรณปฺาสงฺขาเตน จ เนปกฺเกน สมนฺนาคตตฺตา นิปโก. ฌายีติ อารมฺมณูปนิชฺฌาเนน ลกฺขณูปนิชฺฌาเนน จาติ ทฺวีหิปิ ฌาเนหิ ฌายี. อปฺปมตฺโตติ ‘‘ทิวสํ จงฺกเมน นิสชฺชาย อาวรณิเยหิ ธมฺเมหิ จิตฺตํ ปริโสเธตี’’ติอาทินา นเยน กมฺมฏฺานภาวนาย อปฺปมตฺโต. สํโยชนํ ชาติชราย เฉตฺวาติ ชาติยา เจว ชราย จ สตฺเต สํโยเชตีติ สํโยชนนฺติ ลทฺธนามํ กามราคาทิกํ ทสวิธมฺปิ กิเลสชาตํ อนุสยสมุคฺฆาตวเสน มูลโต ฉินฺทิตฺวา. อถ วา สํโยชนํ ชาติชราย เฉตฺวาติ ชาติชราย สํโยชนํ ฉินฺทิตฺวา. ยสฺส หิ สํโยชนานิ อจฺฉินฺนานิ, ตสฺส ชาติชราย อจฺเฉโท อสมุคฺฆาโตว. ยสฺส ปน ตานิ ฉินฺนานิ, ตสฺส ชาติชราปิ ฉินฺนาว การณสฺส สมุคฺฆาติตตฺตา. ตสฺมา สํโยชนํ ฉินฺทนฺโต เอว ชาติชราปิ ฉินฺทติ. เตน วุตฺตํ ‘‘สํโยชนํ ชาติชราย เฉตฺวา’’ติ. อิเธว สมฺโพธิมนุตฺตรํ ผุเสติ อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว อคฺคมคฺคํ อรหตฺตํ วา ผุเส ปาปุเณยฺย.

สตฺตมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. ปมนกุหนสุตฺตวณฺณนา

๓๕. อฏฺเม นยิทนฺติ เอตฺถ อิติ ปฏิเสเธ นิปาโต, ตสฺส ‘‘วุสฺสตี’’ติ อิมินา สมฺพนฺโธ, กาโร ปทสนฺธิกโร. อิทํ-สทฺโท ‘‘เอกมิทาหํ, ภิกฺขเว, สมยํ อุกฺกฏฺายํ วิหรามิ สุภควเน สาลราชมูเล’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๕๐๑) นิปาตมตฺตํ. ‘‘อิทํ โข ตํ, ภิกฺขเว, อปฺปมตฺตกํ โอรมตฺตกํ สีลมตฺตก’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๗) ยถาวุตฺเต อาสนฺนปจฺจกฺเข อาคโต.

‘‘อิทฺหิ ตํ เชตวนํ, อิสิสงฺฆนิเสวิตํ;

อาวุตฺถํ ธมฺมราเชน, ปีติสฺชนนํ มมา’’ติ. –

อาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๔๘) วกฺขมาเน อาสนฺนปจฺจกฺเข. อิธาปิ วกฺขมาเนเยว อาสนฺนปจฺจกฺเข ทฏฺพฺโพ.

พฺรหฺมจริย-สทฺโท –

‘‘กึ เต วตํ กึ ปน พฺรหฺมจริยํ,

กิสฺส สุจิณฺณสฺส อยํ วิปาโก;

อิทฺธี ชุตี พลวีริยูปปตฺติ,

อิทฺจ เต นาค มหาวิมานํ.

‘‘อหฺจ ภริยา จ มนุสฺสโลเก,

สทฺธา อุโภ ทานปตี อหุมฺหา;

โอปานภูตํ เม ฆรํ ตทาสิ,

สนฺตปฺปิตา สมณพฺราหฺมณา จ.

‘‘ตํ เม วตํ ตํ ปน พฺรหฺมจริยํ,

ตสฺส สุจิณฺณสฺส อยํ วิปาโก;

อิทฺธี ชุตี พลวีริยูปปตฺติ,

อิทฺจ เม ธีร มหาวิมาน’’นฺติ. (ชา. ๒.๒๒.๑๕๙๒-๑๕๙๓, ๑๕๙๕) –

อิมสฺมึ ปุณฺณกชาตเก ทาเน อาคโต.

‘‘เกน ปาณิ กามทโท, เกน ปาณิ มธุสฺสโว;

เกน เต พฺรหฺมจริเยน, ปุฺํ ปาณิมฺหิ อิชฺฌติ.

‘‘เตน ปาณิ กามทโท, เตน ปาณิ มธุสฺสโว;

เตน เม พฺรหฺมจริเยน, ปุฺํ ปาณิมฺหิ อิชฺฌตี’’ติ. (เป. ว. ๒๗๕, ๒๗๗) –

อิมสฺมึ องฺกุรเปตวตฺถุสฺมึ เวยฺยาวจฺเจ. ‘‘อิทํ โข ตํ, ภิกฺขเว, ติตฺติริยํ นาม พฺรหฺมจริยํ อโหสี’’ติ (จูฬว. ๓๑๑) อิมสฺมึ ติตฺติรชาตเก ปฺจสิกฺขาปทสีเล. ‘‘ตํ โข ปน, ปฺจสิข, พฺรหฺมจริยํ เนว นิพฺพิทาย น วิราคาย…เป… ยาวเทว พฺรหฺมโลกูปปตฺติยา’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๒๙) อิมสฺมึ มหาโควินฺทสุตฺเต พฺรหฺมวิหาเร. ‘‘ปเร อพฺรหฺมจารี ภวิสฺสนฺติ, มยเมตฺถ พฺรหฺมจาริโน ภวิสฺสามา’’ติ (ม. นิ. ๑.๘๓) สลฺเลขสุตฺเต เมถุนวิรติยํ.

‘‘มยฺจ ภริยา นาติกฺกมาม,

อมฺเห จ ภริยา นาติกฺกมนฺติ;

อฺตฺร ตาหิ พฺรหฺมจริยํ จราม,

ตสฺมา หิ อมฺหํ ทหรา น มียเร’’ติ. (ชา. ๑.๑๐.๙๗) –

มหาธมฺมปาลชาตเก สทารสนฺโตเส. ‘‘อภิชานามิ โข ปนาหํ, สาริปุตฺต, จตุรงฺคสมนฺนาคตํ พฺรหฺมจริยํ จริตา – ตปสฺสี สุทํ โหมี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๕๕) โลมหํสสุตฺเต วีริเย.

‘‘หีเนน พฺรหฺมจริเยน, ขตฺติเย อุปปชฺชติ;

มชฺฌิเมน จ เทวตฺตํ, อุตฺตเมน วิสุชฺฌตี’’ติ. (ชา. ๑.๘.๗๕) –

นิมิชาตเก อตฺตทมนวเสน กเต อฏฺงฺคิกอุโปสเถ. ‘‘อิทํ โข ปน, ปฺจสิข, พฺรหฺมจริยํ เอกนฺตนิพฺพิทาย วิราคาย…เป… อยเมว อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๒๙) มหาโควินฺทสุตฺเตเยว อริยมคฺเค. ‘‘ตยิทํ พฺรหฺมจริยํ อิทฺธฺเจว ผีตฺจ วิตฺถาริกํ พาหุชฺํ ปุถุภูตํ ยาว เทวมนุสฺเสหิ สุปฺปกาสิต’’นฺติ (ที. นิ. ๓.๑๗๔) ปาสาทิกสุตฺเต สิกฺขตฺตยสงฺคเห สกลสฺมึ สาสเน. อิธาปิ อริยมคฺเค สาสเน จ วตฺตติ.

วุสฺสตีติ วสียติ, จรียตีติ อตฺโถ. ชนกุหนตฺถนฺติ ‘‘อโห อยฺโย สีลวา วตฺตสมฺปนฺโน อปฺปิจฺโฉ สนฺตุฏฺโ มหิทฺธิโก มหานุภาโว’’ติอาทินา ชนสฺส สตฺตโลกสฺส วิมฺหาปนตฺถํ. ชนลปนตฺถนฺติ ‘‘เอวรูปสฺส นาม อยฺยสฺส ทินฺนํ มหปฺผลํ ภวิสฺสตี’’ติ ปสนฺนจิตฺเตหิ ‘‘เกนตฺโถ, กึ อาหรียตู’’ติ มนุสฺเสหิ วทาปนตฺถํ. ลาภสกฺการสิโลกานิสํสตฺถนฺติ ยฺวายํ ‘‘อากงฺเขยฺย เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ‘ลาภี อสฺสํ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาราน’นฺติ, สีเล-สฺเววสฺส ปริปูรการี’’ติ (ม. นิ. ๑.๖๕) สีลานิสํสภาเวน วุตฺโต จตุปจฺจยลาโภ, โย จ จตุนฺนํ ปจฺจยานํ สกฺกจฺจทานสงฺขาโต อาทรพหุมานครุกรณสงฺขาโต จ สกฺกาโร, โย จ ‘‘สีลสมฺปนฺโน พหุสฺสุโต สุตธโร อารทฺธวีริโย’’ติอาทินา นเยน อุคฺคตถุติโฆสสงฺขาโต สิโลโก พฺรหฺมจริยํ จรนฺตานํ ทิฏฺธมฺมิโก อานิสํโส, ตทตฺถํ. อิติ มํ ชโน ชานาตูติ ‘‘เอวํ พฺรหฺมจริยวาเส สติ ‘อยํ สีลวา กลฺยาณธมฺโม’ติอาทินา มํ ชโน ชานาตุ สมฺภาเวตู’’ติ อตฺตโน สนฺตคุณวเสน สมฺภาวนตฺถมฺปิ น อิทํ พฺรหฺมจริยํ วุสฺสตีติ สมฺพนฺโธ.

เกจิ ปน ‘‘ชนกุหนตฺถนฺติ ปาปิจฺฉสฺส อิจฺฉาปกตสฺส สโต สามนฺตชปฺปนอิริยาปถนิสฺสิตปจฺจยปฏิเสวนสงฺขาเตน ติวิเธน กุหนวตฺถุนา กุหนภาเวน ชนสฺส วิมฺหาปนตฺถํ. ชนลปนตฺถนฺติ ปาปิจฺฉสฺเสว สโต ปจฺจยตฺถํ ปริกโถภาสาทิวเสน ลปนภาเวน อุปลาปนภาเวน วา ชนสฺส ลปนตฺถํ. ลาภสกฺการสิโลกานิสํสตฺถนฺติ ปาปิจฺฉสฺเสว สโต ลาภาทิครุตาย ลาภสกฺการสิโลกสงฺขาตสฺส อานิสํสอุทยสฺส นิปฺผาทนตฺถํ. อิติ มํ ชโน ชานาตูติ ปาปิจฺฉสฺเสว สโต อสนฺตคุณสมฺภาวนาธิปฺปาเยน ‘อิติ เอวํ มํ ชโน ชานาตู’ติ น อิทํ พฺรหฺมจริยํ วุสฺสตี’’ติ เอวเมตฺถ อตฺถํ วทนฺติ. ปุริโมเยว ปน อตฺโถ สารตโร.

อถ โขติ เอตฺถ อถาติ อฺทตฺเถ นิปาโต, โขติ อวธารเณ. เตน กุหนาทิโต อฺทตฺถาเยว ปน อิทํ, ภิกฺขเว, พฺรหฺมจริยํ วุสฺสตีติ ทสฺเสติ. อิทานิ ตํ ปโยชนํ ทสฺเสนฺโต ‘‘สํวรตฺถฺเจว ปหานตฺถฺจา’’ติ อาห. ตตฺถ ปฺจวิโธ สํวโร – ปาติโมกฺขสํวโร, สติสํวโร, าณสํวโร, ขนฺติสํวโร, วีริยสํวโรติ.

ตตฺถ ‘‘อิมินา ปาติโมกฺขสํวเรน อุเปโต โหติ สมุเปโต’’ติ (วิภ. ๕๑๑) หิ อาทินา นเยน อาคโต อยํ ปาติโมกฺขสํวโร นาม, โย สีลสํวโรติ จ ปวุจฺจติ. ‘‘รกฺขติ จกฺขุนฺทฺริยํ, จกฺขุนฺทฺริเย สํวรํ อาปชฺชตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๒๑๓; ม. นิ. ๑.๒๙๕; สํ. นิ. ๔.๒๓๙; อ. นิ. ๓.๑๖) อาคโต อยํ สติสํวโร.

‘‘ยานิ โสตานิ โลกสฺมึ (อชิตาติ ภควา),

สติ เตสํ นิวารณํ;

โสตานํ สํวรํ พฺรูมิ,

ปฺาเยเต ปิธียเร’’ติ. (สุ. นิ. ๑๐๔๑) –

อาคโต อยํ าณสํวโร. ‘‘ขโม โหติ สีตสฺส อุณฺหสฺสา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๔; อ. นิ. ๔.๑๑๔; ๖.๕๘) นเยน อาคโต อยํ ขนฺติสํวโร. ‘‘อุปฺปนฺนํ กามวิตกฺกํ นาธิวาเสตี’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๖; อ. นิ. ๔.๑๑๔; ๖.๕๘) นเยน อาคโต อยํ วีริยสํวโร. อตฺถโต ปน ปาณาติปาตาทีนํ ปชหนวเสน, วตฺตปฏิวตฺตานํ กรณวเสน จ ปวตฺตา เจตนา วิรติโย จ. สงฺเขปโต สพฺโพ กายวจีสํยโม, วิตฺถารโต สตฺตนฺนํ อาปตฺติกฺขนฺธานํ อวีติกฺกโม สีลสํวโร. สติ เอว สติสํวโร, สติปฺปธานา วา กุสลา ขนฺธา. าณเมว าณสํวโร. อธิวาสนวเสน อโทโส, อโทสปฺปธานา วา ตถา ปวตฺตา กุสลา ขนฺธา ขนฺติสํวโร, ปฺาติ เอเก. กามวิตกฺกาทีนํ อนธิวาสนวเสน ปวตฺตํ วีริยเมว วีริยสํวโร. เตสุ ปโม กายทุจฺจริตาทิทุสฺสีลฺยสฺส สํวรณโต สํวโร, ทุติโย มุฏฺสฺสจฺจสฺส, ตติโย อฺาณสฺส, จตุตฺโถ อกฺขนฺติยา, ปฺจโม โกสชฺชสฺส สํวรณโต ปิทหนโต สํวโรติ เวทิตพฺโพ. เอวเมตสฺส สํวรสฺส อตฺถาย สํวรตฺถํ, สํวรนิปฺผาทนตฺถนฺติ อตฺโถ.

ปหานมฺปิ ปฺจวิธํ – ตทงฺคปฺปหานํ, วิกฺขมฺภนปฺปหานํ, สมุจฺเฉทปฺปหานํ, ปฏิปฺปสฺสทฺธิปฺปหานํ, นิสฺสรณปฺปหานนฺติ. ตตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา เอกกนิปาเต ปมสุตฺตวณฺณนายํ วุตฺตเมว. ตสฺส ปน ปฺจวิธสฺสปิ ตถา ตถา ราคาทิกิเลสานํ ปฏินิสฺสชฺชนฏฺเน สมติกฺกมนฏฺเน วา ปหานสฺส อตฺถาย ปหานตฺถํ, ปหานสาธนตฺถนฺติ อตฺโถ. ตตฺถ สํวเรน กิเลสานํ จิตฺตสนฺตาเน ปเวสนนิวารณํ ปหาเนน ปเวสนนิวารณฺเจว สมุคฺฆาโต จาติ วทนฺติ. อุภเยนาปิ ปน ยถารหํ อุภยํ สมฺปชฺชตีติ ทฏฺพฺพํ. สีลาทิธมฺมา เอว หิ สํวรณโต สํวโร, ปชหนโต ปหานนฺติ.

คาถาสุ อนีติหนฺติ อีติโย วุจฺจนฺติ อุปทฺทวา – ทิฏฺธมฺมิกา จ สมฺปรายิกา จ. อีติโย หนติ วินาเสติ ปชหตีติ อีติหํ, อนุ อีติหนฺติ อนีติหํ, สาสนพฺรหฺมจริยํ มคฺคพฺรหฺมจริยฺจ. อถ วา อีตีหิ อนตฺเถหิ สทฺธึ หนนฺติ คจฺฉนฺติ ปวตฺตนฺตีติ อีติหา, ตณฺหาทิอุปกฺกิเลสา. นตฺถิ เอตฺถ อีติหาติ อนีติหํ. อีติหา วา ยถาวุตฺเตนฏฺเน ติตฺถิยสมยา, ตปฺปฏิปกฺขโต อิทํ อนีติหํ. ‘‘อนิติห’’นฺติปิ ปาโ. ตสฺสตฺโถ – ‘‘อิติหาย’’นฺติ ธมฺเมสุ อเนกํสคฺคาหภาวโต วิจิกิจฺฉา อิติหํ นาม, สมฺมาสมฺพุทฺธปฺปเวทิตตฺตา ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชนฺตานํ นิกฺกงฺขภาวสาธนโต นตฺถิ เอตฺถ อิติหนฺติ อนิติหํ, อปรปฺปจฺจยนฺติ อตฺโถ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพ วิฺูหี’’ติ ‘‘อตกฺกาวจโร’’ติ จ. คาถาสุขตฺถํ ปน ‘‘อนีติห’’นฺติ ทีฆํ กตฺวา ปนฺติ.

นิพฺพานสงฺขาตํ โอคธํ ปติฏฺํ ปารํ คจฺฉตีติ นิพฺพาโนคธคามี, วิมุตฺติรสตฺตา เอกนฺเตเนว นิพฺพานสมฺปาปโกติ อตฺโถ. ตํ นิพฺพาโนคธคามินํ พฺรหฺมจริยํ. โสติ โย โส สมตึส ปารมิโย ปูเรตฺวา สพฺพกิเลเส ภินฺทิตฺวา อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธ, โส ภควา อเทสยิ เทเสสิ. นิพฺพาโนคโธติ วา อริยมคฺโค วุจฺจติ. เตน วินา นิพฺพาโนคาหนสฺส อสมฺภวโต ตสฺส จ นิพฺพานํ อนาลมฺพิตฺวา อปฺปวตฺตนโต, ตฺจ ตํ เอกนฺตํ คจฺฉตีติ นิพฺพาโนคธคามี. อถ วา นิพฺพาโนคธคามินนฺติ นิพฺพานสฺส อนฺโตคามินํ มคฺคพฺรหฺมจริยํ, นิพฺพานํ อารมฺมณํ กริตฺวา ตสฺส อนฺโต เอว วตฺตติ ปวตฺตตีติ. มหตฺเตหีติ มหาอาตุเมหิ อุฬารชฺฌาสเยหิ. มหนฺตํ นิพฺพานํ, มหนฺเต วา สีลกฺขนฺธาทิเก เอสนฺติ คเวสนฺตีติ มเหสิโน พุทฺธาทโย อริยา. เตหิ อนุยาโต ปฏิปนฺโน. ยถา พุทฺเธน เทสิตนฺติ ยถา อภิฺเยฺยาทิธมฺเม อภิฺเยฺยาทิภาเวเนว สมฺมาสมฺพุทฺเธน มยา เทสิตํ, เอวํ เย เอตํ มคฺคพฺรหฺมจริยํ ตทตฺถํ สาสนพฺรหฺมจริยฺจ ปฏิปชฺชนฺติ. เต ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกตฺเถหิ ยถารหํ อนุสาสนฺตสฺส สตฺถุ มยฺหํ สาสนการิโน โอวาทปฺปฏิกรา สกลสฺส วฏฺฏทุกฺขสฺส อนฺตํ ปริยนฺตํ อปฺปวตฺตึ กริสฺสนฺติ, ทุกฺขสฺส วา อนฺตํ นิพฺพานํ สจฺฉิกริสฺสนฺตีติ.

อฏฺมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. ทุติยนกุหนสุตฺตวณฺณนา

๓๖. นวเม อภิฺตฺถนฺติ กุสลาทิวิภาเคน ขนฺธาทิวิภาเคน จ สพฺพธมฺเม อภิวิสิฏฺเน าเณน อวิปรีตโต ชานนตฺถํ. ปริฺตฺถนฺติ เตภูมกธมฺเม ‘‘อิทํ ทุกฺข’’นฺติอาทินา ปริชานนตฺถํ สมติกฺกมนตฺถฺจ. ตตฺถ อภิฺเยฺยอภิชานนา จตุสจฺจวิสยา. ปริฺเยฺยปริชานนา ปน ยทิปิ ทุกฺขสจฺจวิสยา, ปหานสจฺฉิกิริยาภาวนาภิสมเยหิ ปน วินา น ปวตฺตตีติ ปหานาทโยปิ อิธ คหิตาติ เวทิตพฺพํ. เสสํ อนนฺตรสุตฺเต วุตฺตตฺถเมว.

นวมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. โสมนสฺสสุตฺตวณฺณนา

๓๗. ทสเม สุขโสมนสฺสพหุโลติ เอตฺถ สุขนฺติ กายิกํ สุขํ, โสมนสฺสนฺติ เจตสิกํ. ตสฺมา ยสฺส กายิกํ เจตสิกฺจ สุขํ อภิณฺหํ ปวตฺตติ, โส สุขโสมนสฺสพหุโลติ วุตฺโต. โยนีติ ‘‘จตสฺโส โข อิมา, สาริปุตฺต, โยนิโย’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑๕๒) ขนฺธโกฏฺาโส โยนีติ อาคโต. ‘‘โยนิ เหสา, ภูมิช, ผลสฺส อธิคมายา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๒๒๖) การณํ.

‘‘น จาหํ พฺราหฺมณํ พฺรูมิ, โยนิชํ มตฺติสมฺภว’’นฺติ จ. (ม. นิ. ๒.๔๕๗; ธ. ป. ๓๙๖; สุ. นิ. ๖๒๕);

‘‘ตเมนํ กมฺมชา วาตา นิพฺพตฺติตฺวา อุทฺธํปาทํ อโธสิรํ สมฺปริวตฺเตตฺวา มาตุ โยนิมุเข สมฺปฏิปาเทนฺตี’’ติ จ อาทีสุ ปสฺสาวมคฺโค. อิธ ปน การณํ อธิปฺเปตํ. อสฺสาติ อเนน. อารทฺธาติ ปฏฺปิตา ปคฺคหิตา ปริปุณฺณา สมฺปาทิตา วา.

อาสวานํ ขยายาติ เอตฺถ อาสวนฺตีติ อาสวา, จกฺขุโตปิ…เป… มนโตปิ สวนฺติ ปวตฺตนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. ธมฺมโต ยาว โคตฺรภู, โอกาสโต ยาว ภวคฺคา สวนฺตีติ วา อาสวา. เอเต ธมฺเม เอตฺจ โอกาสํ อนฺโต กริตฺวา ปวตฺตนฺตีติ อตฺโถ. อนฺโตกรณตฺโถ หิ อยํ อากาโร. จิรปาริวาสิยฏฺเน มทิราทโย อาสวา วิยาติปิ อาสวา. โลเก หิ จิรปาริวาสิกา มทิราทโย อาสวาติ วุจฺจนฺติ. ยทิ จ จิรปาริวาสิยฏฺเน อาสวา, เอเต เอว ภวิตุํ อรหนฺติ. วุตฺตํ เหตํ – ‘‘ปุริมา, ภิกฺขเว, โกฏิ น ปฺายติ อวิชฺชาย, อิโต ปุพฺเพ อวิชฺชา นาโหสี’’ติอาทิ (อ. นิ. ๑๐.๖๑). อายตํ สํสารทุกฺขํ สวนฺติ ปสวนฺตีติปิ อาสวา. ปุริมานิ เจตฺถ นิพฺพจนานิ ยตฺถ กิเลสา อาสวาติ อาคตา, ตตฺถ ยุชฺชนฺติ; ปจฺฉิมํ กมฺเมปิ. น เกวลฺจ กมฺมกิเลสา เอว อาสวา, อปิจ โข นานปฺปการา อุปทฺทวาปิ. อภิธมฺเม หิ ‘‘จตฺตาโร อาสวา – กามาสโว, ภวาสโว, ทิฏฺาสโว, อวิชฺชาสโว’’ติ (ธ. ส. ๑๑๐๒) กามราคาทโย กิเลสา อาสวาติ อาคตา. สุตฺเตปิ ‘‘นาหํ, จุนฺท, ทิฏฺธมฺมิกานํเยว อาสวานํ สํวราย ธมฺมํ เทเสมี’’ติ (ที. นิ. ๓.๑๘๒) เอตฺถ วิวาทมูลภูตา กิเลสา อาสวาติ อาคตา.

‘‘เยน เทวูปปตฺยสฺส, คนฺธพฺโพ วา วิหงฺคโม;

ยกฺขตฺตํ เยน คจฺเฉยฺย, มนุสฺสตฺตฺจ อพฺพเช;

เต มยฺหํ, อาสวา ขีณา, วิทฺธสฺตา วินฬีกตา’’ติ. (อ. นิ. ๔.๓๖) –

เอตฺถ เตภูมกํ กมฺมํ อวเสสา จ อกุสลา ธมฺมา. ‘‘ทิฏฺธมฺมิกานํ อาสวานํ สํวราย สมฺปรายิกานํ อาสวานํ ปฏิฆาตายา’’ติ (ปารา. ๓๙) เอตฺถ ปรูปฆาตวิปฺปฏิสารวธพนฺธาทโย เจว อปายทุกฺขภูตา นานปฺปการา อุปทฺทวา จ.

เต ปเนเต อาสวา วินเย ‘‘ทิฏฺธมฺมิกานํ อาสวานํ สํวราย, สมฺปรายิกานํ อาสวานํ ปฏิฆาตายา’’ติ ทฺเวธา อาคตา. สฬายตเน ‘‘ตโยเม, อาวุโส, อาสวา – กามาสโว, ภวาสโว, อวิชฺชาสโว’’ติ (สํ. นิ. ๔.๓๒๑) ติธา อาคตา. ตถา อฺเสุ สุตฺตนฺเตสุ. อภิธมฺเม เตเยว ทิฏฺาสเวน สทฺธึ จตุธา อาคตา. นิพฺเพธิกปริยาเย ปน ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อาสวา นิรยคมนียา, อตฺถิ อาสวา ติรจฺฉานโยนิคมนียา, อตฺถิ อาสวา เปตฺติวิสยคมนียา, อตฺถิ อาสวา มนุสฺสโลกคมนียา, อตฺถิ อาสวา เทวโลกคมนียา’’ติ (อ. นิ. ๖.๖๓) ปฺจธา อาคตา. กมฺมเมว เจตฺถ อาสวาติ อธิปฺเปตํ. ฉกฺกนิปาเต ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อาสวา สํวรา ปหาตพฺพา’’ติอาทินา (อ. นิ. ๖.๕๘) นเยน ฉธา อาคตา. สพฺพาสวปริยาเย เตเยว ทสฺสนปหาตพฺเพหิ ธมฺเมหิ สทฺธึ สตฺตธา อาคตา. อิธ ปน อภิธมฺมปริยาเยน จตฺตาโร อาสวา อธิปฺเปตาติ เวทิตพฺพา.

ขยายาติ เอตฺถ ปน ‘‘โย อาสวานํ ขโย วโย เภโท ปริเภโท อนิจฺจตา อนฺตรธาน’’นฺติ อาสวานํ สรสเภโท อาสวานํ ขโยติ วุตฺโต. ‘‘ชานโต อหํ, ภิกฺขเว, ปสฺสโต อาสวานํ ขยํ วทามี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๕) เอตฺถ อาสวานํ ขีณากาโร นตฺถิภาโว อจฺจนฺตํ อสมุปฺปาโท อาสวกฺขโยติ วุตฺโต.

‘‘เสขสฺส สิกฺขมานสฺส, อุชุมคฺคานุสาริโน;

ขยสฺมึ ปมํ าณํ, ตโต อฺา อนนฺตรา’’ติ. (อิติวุ. ๖๒) –

เอตฺถ อริยมคฺโค อาสวกฺขโยติ วุตฺโต. ‘‘อาสวานํ ขยา สมโณ โหตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๓๘) เอตฺถ ผลํ.

‘‘ปรวชฺชานุปสฺสิสฺส, นิจฺจํ อุชฺฌานสฺิโน;

อาสวา ตสฺส วฑฺฒนฺติ, อารา โส อาสวกฺขยา’’ติ. (ธ. ป. ๒๕๓) –

เอตฺถ นิพฺพานํ. อิธ ปน ผลํ สนฺธาย ‘‘อาสวานํ ขยายา’’ติ วุตฺตํ, อรหตฺตผลตฺถายาติ อตฺโถ.

สํเวชนีเยสุ าเนสูติ สํเวคชนเกสุ ชาติอาทีสุ สํเวควตฺถูสุ. ชาติ, ชรา, พฺยาธิ, มรณํ, อปายทุกฺขํ, อตีเต วฏฺฏมูลกํ ทุกฺขํ, อนาคเต วฏฺฏมูลกํ ทุกฺขํ, ปจฺจุปฺปนฺเน อาหารปริเยฏฺิมูลกํ ทุกฺขนฺติ อิมานิ หิ สํเวควตฺถูนิ สํเวชนียฏฺานานิ นาม. อปิจ ‘‘อาทิตฺโต โลกสนฺนิวาโส อุยฺยุตฺโต ปยาโต กุมฺมคฺคปฺปฏิปนฺโน, อุปนียติ โลโก อทฺธุโว, อตาโณ โลโก อนภิสฺสโร, อสฺสโก โลโก, สพฺพํ ปหาย คมนียํ, อูโน โลโก อติตฺโต ตณฺหาทาโส’’ติเอวมาทีนิ (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๗) เจตฺถ สํเวชนียฏฺานานีติ เวทิตพฺพานิ. สํเวชเนนาติ ชาติอาทิสํเวควตฺถูนิ ปฏิจฺจ อุปฺปนฺนภยสงฺขาเตน สํเวชเนน. อตฺถโต ปน สโหตฺตปฺปาณํ สํเวโค นาม.

สํวิคฺคสฺสาติ คพฺโภกฺกนฺติกาทิวเสน อเนกวิเธหิ ชาติอาทิทุกฺเขหิ สํเวคชาตสฺส. ‘‘สํเวชิตฺวา’’ติ จ ปนฺติ. โยนิโส ปธาเนนาติ อุปายปธาเนน, สมฺมาวายาเมนาติ อตฺโถ. โส หิ ยถา อกุสลา ธมฺมา ปหียนฺติ, กุสลา ธมฺมา ภาวนาปาริปูรึ คจฺฉนฺติ, เอวํ ปทหนโต อุตฺตมภาวสาธนโต จ ‘‘ปธาน’’นฺติ วุจฺจติ. ตตฺถ สํเวเคน ภวาทีสุ กิฺจิ ตาณํ เลณํ ปฏิสรณํ อปสฺสนฺโต ตตฺถ อโนลียนฺโต อลคฺคมานโส ตปฺปฏิปกฺเขน จ วินิวตฺติตวิสฺิโต อฺทตฺถุ นิพฺพานนินฺโน โหติ นิพฺพานโปโณ นิพฺพานปพฺภาโร. โส กลฺยาณมิตฺตสนฺนิสฺสเยน โยนิโสมนสิการพหุโล วิสุทฺธาสยปฺปโยโค สมถวิปสฺสนาสุ ยุตฺตปฺปยุตฺโต สพฺพสฺมิมฺปิ สงฺขารคเต นิพฺพินฺทติ วิรชฺชติ, วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปติ. ตตฺถ ยทิทํ โยนิโสมนสิการพหุโล วิสุทฺธาสยปฺปโยโค สมถวิปสฺสนาสุ ยุตฺตปฺปยุตฺโต, เตนสฺส ทิฏฺเว ธมฺเม สุขโสมนสฺสพหุลตา เวทิตพฺพา. ยํ ปนายํ สมเถ ปติฏฺิโต วิปสฺสนาย ยุตฺตปฺปยุตฺโต สพฺพสฺมิมฺปิ สงฺขารคเต นิพฺพินฺทติ วิรชฺชติ, วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปติ, เตนสฺส โยนิ อารทฺธา อาสวานํ ขยายาติ เวทิตพฺพํ.

คาถาสุ สํวิชฺเชเถวาติ สํวิชฺเชยฺย เอว สํเวคํ กเรยฺย เอว. ‘‘สํวิชฺชิตฺวานา’’ติ จ ปนฺติ. วุตฺตนเยน สํวิคฺโค หุตฺวาติ อตฺโถ. ปณฺฑิโตติ สปฺปฺโ, ติเหตุกปฏิสนฺธีติ วุตฺตํ โหติ. ปฺาย สมเวกฺขิยาติ สํเวควตฺถูนิ สํวิชฺชนวเสน ปฺาย สมฺมา อเวกฺขิย. อถ วา ปฺาย สมฺมา อเวกฺขิตฺวาติ. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานตฺถเมว.

ทสมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

อิติ ปรมตฺถทีปนิยา อิติวุตฺตก-อฏฺกถาย

ทุกนิปาเต ปมวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. ทุติยวคฺโค

๑. วิตกฺกสุตฺตวณฺณนา

๓๘. ทุติยวคฺคสฺส ปเม ตถาคตํ, ภิกฺขเวติ เอตฺถ ตถาคต-สทฺโท ตาว สตฺตโวหารสมฺมาสมฺพุทฺธาทีสุ ทิสฺสติ. ตถา เหส ‘‘โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๖๕) สตฺตโวหาเร.

‘‘ตถาคตํ เทวมนุสฺสปูชิตํ,

พุทฺธํ นมสฺสาม สุวตฺถิ โหตู’’ติ. (ขุ. ปา. ๖.๑๖) –

อาทีสุ สมฺมาสมฺพุทฺเธ.

‘‘ตถาคตํ เทวมนุสฺสปูชิตํ,

ธมฺมํ นมสฺสาม สุวตฺถิ โหตู’’ติ. (ขุ. ปา. ๖.๑๗) –

อาทีสุ ธมฺเม.

‘‘ตถาคตํ เทวมนุสฺสปูชิตํ,

สงฺฆํ นมสฺสาม สุวตฺถิ โหตู’’ติ. (ขุ. ปา. ๖.๑๘) –

อาทีสุ สงฺเฆ. อิธ ปน สมฺมาสมฺพุทฺเธ. ตสฺมา ตถาคตนฺติ เอตฺถ อฏฺหิ การเณหิ ภควา ตถาคโตติ วุจฺจติ. กตเมหิ อฏฺหิ? ตถา อาคโตติ ตถาคโต, ตถา คโตติ ตถาคโต, ตถลกฺขณํ อาคโตติ ตถาคโต, ตถธมฺเม ยาถาวโต อภิสมฺพุทฺโธติ ตถาคโต, ตถทสฺสิตาย ตถาคโต, ตถวาทิตาย ตถาคโต, ตถาการิตาย ตถาคโต, อภิภวนฏฺเน ตถาคโตติ.

กถํ ภควา ตถา อาคโตติ ตถาคโต? ยถา เยน อภินีหาเรน ทานปารมึ ปูเรตฺวา สีลเนกฺขมฺมปฺาวีริยขนฺติสจฺจอธิฏฺานเมตฺตาอุเปกฺขาปารมึ ปูเรตฺวา อิมา ทส ปารมิโย, ทส อุปปารมิโย, ทส ปรมตฺถปารมิโยติ สมตึส ปารมิโย ปูเรตฺวา องฺคปริจฺจาคํ, อตฺตปริจฺจาคํ, ธนปริจฺจาคํ, ทารปริจฺจาคํ, รชฺชปริจฺจาคนฺติ อิมานิ ปฺจ มหาปริจฺจาคานิ ปริจฺจชิตฺวา ยถา วิปสฺสิอาทโย สมฺมาสมฺพุทฺธา อาคตา, ตถา อมฺหากํ ภควาปิ อาคโตติ ตถาคโต. ยถาห –

‘‘ยเถว โลกมฺหิ วิปสฺสิอาทโย,

สพฺพฺุภาวํ มุนโย อิธาคตา;

ตถา อยํ สกฺยมุนีปิ อาคโต,

ตถาคโต วุจฺจติ เตน จกฺขุมา’’ติ. –

เอวํ ตถา อาคโตติ ตถาคโต.

กถํ ตถา คโตติ ตถาคโต? ยถา สมฺปติชาตาว วิปสฺสิอาทโย สเมหิ ปาเทหิ ปถวิยํ ปติฏฺาย อุตฺตราภิมุขา สตฺตปทวีติหาเรน คตา, ตถา อมฺหากํ ภควาปิ คโตติ ตถาคโต. ยถาหุ –

‘‘มุหุตฺตชาโตว ควํปตี ยถา,

สเมหิ ปาเทหิ ผุสี วสุนฺธรํ;

โส วิกฺกมี สตฺต ปทานิ โคตโม,

เสตฺจ ฉตฺตํ อนุธารยุํ มรู.

‘‘คนฺตฺวาน โส สตฺต ปทานิ โคตโม,

ทิสา วิโลเกสิ สมา สมนฺตโต;

อฏฺงฺคุเปตํ คิรมพฺภุทีรยิ,

สีโห ยถา ปพฺพตมุทฺธนิฏฺิโต’’ติ. –

เอวํ ตถา คโตติ ตถาคโต.

กถํ ตถลกฺขณํ อาคโตติ ตถาคโต? สพฺเพสํ รูปารูปธมฺมานํ สลกฺขณํ, สามฺลกฺขณํ, ตถํ, อวิตถํ, าณคติยา อาคโต, อวิรชฺฌิตฺวา ปตฺโต, อนุพุทฺโธติ ตถาคโต. ยถาห –

‘‘สพฺเพสํ ปน ธมฺมานํ, สกสามฺลกฺขณํ;

ตถเมวาคโต ยสฺมา, ตสฺมา นาโถ ตถาคโต’’ติ. –

เอวํ ตถลกฺขณํ อาคโตติ ตถาคโต.

กถํ ตถธมฺเม ยาถาวโต อภิสมฺพุทฺโธติ ตถาคโต? ตถธมฺมา นาม จตฺตาริ อริยสจฺจานิ. ยถาห ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, ตถานิ อวิตถานิ อนฺถานิ. กตมานิ จตฺตาริ? อิทํ ทุกฺขํ อริยสจฺจนฺติ, ภิกฺขเว, ตถเมตํ อวิตถเมตํ อนฺถเมต’’นฺติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๙๐) วิตฺถาโร. ตานิ จ ภควา อภิสมฺพุทฺโธ, ตสฺมาปิ ตถานํ อภิสมฺพุทฺธตฺตา ตถาคโต. อภิสมฺพุทฺธตฺโถ หิ เอตฺถ คต-สทฺโท. เอวํ ตถธมฺเม ยาถาวโต อภิสมฺพุทฺโธติ ตถาคโต.

กถํ ตถทสฺสิตาย ตถาคโต? ยํ สเทวเก โลเก…เป… สเทวมนุสฺสาย ปชาย อปริมาณาสุ โลกธาตูสุ อปริมาณานํ สตฺตานํ จกฺขุทฺวาเร อาปาถมาคจฺฉนฺตํ รูปารมฺมณํ นาม อตฺถิ, ตํ ภควา สพฺพาการโต ชานาติ ปสฺสติ. เอวํ ชานตา ปสฺสตา จาเนน ตํ อิฏฺาทิวเสน วา ทิฏฺสุตมุตวิฺาเตสุ ลพฺภมานปทวเสน วา ‘‘กตมํ ตํ รูปํ รูปายตนํ, ยํ รูปํ จตุนฺนํ มหาภูตานํ อุปาทาย วณฺณนิภา สนิทสฺสนํ สปฺปฏิฆํ นีลํ ปีตก’’นฺติอาทินา (ธ. ส. ๖๑๖) นเยน อเนเกหิ นาเมหิ เตรสหิ วาเรหิ ทฺเวปฺาสาย นเยหิ วิภชฺชมานํ ตถเมว โหติ, วิตถํ นตฺถิ. เอส นโย โสตทฺวาราทีสุ อาปาถมาคจฺฉนฺเตสุ สทฺทาทีสุ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –

‘‘ยํ, ภิกฺขเว, สเทวกสฺส โลกสฺส…เป… สเทวมนุสฺสาย ทิฏฺํ สุตํ มุตํ วิฺาตํ ปตฺตํ ปริเยสิตํ อนุวิจริตํ มนสา, ตมหํ ชานามิ…เป… ตมหํ อพฺภฺาสึ, ตํ ตถาคตสฺส วิทิตํ, ตํ ตถาคโต น อุปฏฺาสี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๔).

เอวํ ตถทสฺสิตาย ตถาคโต. เอตฺถ ตถทสฺสิอตฺเถ ตถาคโตติ ปทสฺส สมฺภโว เวทิตพฺโพ.

กถํ ตถวาทิตาย ตถาคโต? ยํ รตฺตึ ภควา อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธ, ยฺจ รตฺตึ อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายิ, เอตฺถนฺตเร ปฺจจตฺตาลีสวสฺสปริมาณกาเล ยํ ภควตา ภาสิตํ สุตฺตเคยฺยาทิ, สพฺพํ ตํ ปริสุทฺธํ ปริปุณฺณํ ราคมทาทินิมฺมทนํ เอกสทิสํ ตถํ อวิตถํ. เตนาห –

‘‘ยฺจ, จุนฺท, รตฺตึ ตถาคโต อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุชฺฌติ, ยฺจ รตฺตึ อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายติ, ยํ เอตสฺมึ อนฺตเร ภาสติ ลปติ นิทฺทิสติ, สพฺพํ ตํ ตเถว โหติ, โน อฺถา. ตสฺมา ‘ตถาคโต’ติ วุจฺจตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๑๘๘; อ. นิ. ๔.๒๓).

คทอตฺโถ หิ เอตฺถ คตสทฺโท. เอวํ ตถวาทิตาย ตถาคโต. อปิจ อาคทนํ อาคโท, วจนนฺติ อตฺโถ. ตโถ อวิปรีโต อาคโท อสฺสาติ ทการสฺส ตการํ กตฺวา ตถาคโตติ, เอวมฺเปตฺถ ปทสิทฺธิ เวทิตพฺพา.

กถํ ตถาการิตาย ตถาคโต? ภควโต หิ วาจาย กาโย อนุโลเมติ, กายสฺสปิ วาจา. ตสฺมา ยถาวาที ตถาการี, ยถาการี ตถาวาที จ โหติ. เอวํภูตสฺส จสฺส ยถา วาจา, กาโยปิ ตถา คโต ปวตฺโต. ยถา จ กาโย, วาจาปิ ตถา คตาติ ตถาคโต. เตนาห ‘‘ยถาวาที, ภิกฺขเว, ตถาคโต ตถาการี, ยถาการี ตถาวาที. อิติ ยถาวาที ตถาการี, ยถาการี ตถาวาที. ตสฺมา ‘ตถาคโต’ติ วุจฺจตี’’ติ. เอวํ ตถาการิตาย ตถาคโต.

กถํ อภิภวนฏฺเน ตถาคโต? ยสฺมา ภควา อุปริ ภวคฺคํ เหฏฺา อวีจึ ปริยนฺตํ กริตฺวา ติริยํ อปริมาณาสุ โลกธาตูสุ สพฺพสตฺเต อภิภวติ สีเลนปิ สมาธินาปิ ปฺายปิ วิมุตฺติยาปิ วิมุตฺติาณทสฺสเนนปิ, น ตสฺส ตุลา วา ปมาณํ วา อตฺถิ, อถ โข อตุโล อปฺปเมยฺโย อนุตฺตโร เทวานํ อติเทโว สกฺกานํ อติสกฺโก พฺรหฺมานํ อติพฺรหฺมา สพฺพสตฺตุตฺตโม, ตสฺมา ตถาคโต. เตนาห –

‘‘สเทวเก, ภิกฺขเว, โลเก…เป… มนุสฺสาย ตถาคโต อภิภู อนภิภูโต อฺทตฺถุ ทโส วสวตฺตี, ตสฺมา ‘ตถาคโต’ติ วุจฺจตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๑๘๘; อ. นิ. ๔.๒๓).

ตตฺรายํ ปทสิทฺธิ – อคโท วิย อคโท, เทสนาวิลาโส เจว ปุฺุสฺสโย จ. เตน เหส มหานุภาโว ภิสกฺโก วิย ทิพฺพาคเทน สปฺเป, สพฺพปรปฺปวาทิโน สเทวกฺจ โลกํ อภิภวติ. อิติ สพฺพโลกาภิภวเน ตโถ อวิปรีโต ยถาวุตฺโต อคโท เอตสฺสาติ ทการสฺส ตการํ กตฺวา ตถาคโตติ เวทิตพฺโพ. เอวํ อภิภวนฏฺเน ตถาคโต.

อปิจ ตถาย คโตติ ตถาคโต, ตถํ คโตติ ตถาคโต. ตตฺถ สกลโลกํ ตีรณปริฺาย ตถาย คโต อวคโตติ ตถาคโต, โลกสมุทยํ ปหานปริฺาย ตถาย คโต อตีโตติ ตถาคโต, โลกนิโรธํ สจฺฉิกิริยาย ตถาย คโต อธิคโตติ ตถาคโต. โลกนิโรธคามินึ ปฏิปทํ ตถํ คโต ปฏิปนฺโนติ ตถาคโต. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –

‘‘โลโก, ภิกฺขเว, ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺโธ. โลกสฺมา ตถาคโต วิสํยุตฺโต. โลกสมุทโย, ภิกฺขเว, ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺโธ, โลกสมุทโย ตถาคตสฺส ปหีโน. โลกนิโรโธ, ภิกฺขเว, ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺโธ, โลกนิโรโธ ตถาคตสฺส สจฺฉิกโต. โลกนิโรธคามินี ปฏิปทา, ภิกฺขเว, ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺธา, โลกนิโรธคามินี ปฏิปทา ตถาคตสฺส ภาวิตา. ยํ, ภิกฺขเว, สเทวกสฺส…เป… สพฺพํ ตํ ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺธํ. ตสฺมา ‘ตถาคโต’ติ วุจฺจตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๓).

อปเรหิปิ อฏฺหิ การเณหิ ภควา ตถาคโต. ตถาย อาคโตติ ตถาคโต, ตถาย คโตติ ตถาคโต, ตถานิ อาคโตติ ตถาคโต, ตถา คโตติ ตถาคโต, ตถาวิโธติ ตถาคโต, ตถาปวตฺติโกติ ตถาคโต, ตเถหิ อาคโตติ ตถาคโต, ตถา คตภาเวน ตถาคโตติ.

กถํ ตถาย อาคโตติ ตถาคโต? ยา สา ภควตา สุเมธภูเตน ทีปงฺกรทสพลสฺส ปาทมูเล –

‘‘มนุสฺสตฺตํ ลิงฺคสมฺปตฺติ, เหตุ สตฺถารทสฺสนํ;

ปพฺพชฺชา คุณสมฺปตฺติ, อธิกาโร จ ฉนฺทตา;

อฏฺธมฺมสโมธานา, อภินีหาโร สมิชฺฌตี’’ติ. (พุ. วํ. ๒.๕๙) –

เอวํ วุตฺตํ อฏฺงฺคสมนฺนาคตํ อภินีหารํ สมฺปาเทนฺเตน ‘‘อหํ สเทวกํ โลกํ ติณฺโณ ตาเรสฺสามิ, มุตฺโต โมเจสฺสามิ, ทนฺโต ทเมสฺสามิ, อสฺสตฺโถ อสฺสาเสสฺสามิ, ปรินิพฺพุโต ปรินิพฺพาเปสฺสามิ, สุทฺโธ โสเธสฺสามิ, พุทฺโธ โพเธสฺสามี’’ติ มหาปฏิฺา ปวตฺติตา. วุตฺตํ เหตํ –

‘‘กึ เม เอเกน ติณฺเณน, ปุริเสน ถามทสฺสินา;

สพฺพฺุตํ ปาปุณิตฺวา, สนฺตาเรสฺสํ สเทวกํ.

‘‘อิมินา เม อธิกาเรน, กเตน ปุริสุตฺตเม;

สพฺพฺุตํ ปาปุณิตฺวา, ตาเรมิ ชนตํ พหุํ.

‘‘สํสารโสตํ ฉินฺทิตฺวา, วิทฺธํเสตฺวา ตโย ภเว;

ธมฺมนาวํ สมารุยฺห, สนฺตาเรสฺสํ สเทวกํ.

‘‘กึ เม อฺาตเวเสน, ธมฺมํ สจฺฉิกเตนิธ;

สพฺพฺุตํ ปาปุณิตฺวา, พุทฺโธ เหสฺสํ สเทวเก’’ติ. (พุ. วํ. ๕๕-๕๘);

ตํ ปเนตํ มหาปฏิฺํ สกลสฺสปิ พุทฺธกรธมฺมสมุทายสฺส ปวิจยปจฺจเวกฺขณสมาทานานํ การณภูตํ อวิสํวาเทนฺโต โลกนาโถ ยสฺมา มหากปฺปานํ สตสหสฺสาธิกานิ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ สกฺกจฺจํ นิรนฺตรํ นิรวเสสโต ทานปารมิอาทโย สมตึสปารมิโย ปูเรตฺวา, องฺคปริจฺจาคาทโย ปฺจ มหาปริจฺจาเค ปริจฺจชิตฺวา, สจฺจาธิฏฺานาทีนิ จตฺตาริ อธิฏฺานานิ ปริพฺรูเหตฺวา, ปุฺาณสมฺภาเร สมฺภริตฺวา ปุพฺพโยคปุพฺพจริยธมฺมกฺขานาตตฺถจริยาทโย อุกฺกํสาเปตฺวา, พุทฺธิจริยํ ปรมโกฏึ ปาเปตฺวา อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุชฺฌิ; ตสฺมา ตสฺเสว สา มหาปฏิฺา ตถา อวิตถา อนฺถา, น ตสฺส วาลคฺคมตฺตมฺปิ วิตถํ อตฺถิ. ตถา หิ ทีปงฺกโร ทสพโล โกณฺฑฺโ, มงฺคโล…เป… กสฺสโป ภควาติ อิเม จตุวีสติ สมฺมาสมฺพุทฺธา ปฏิปาฏิยา อุปฺปนฺนา ‘‘พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ นํ พฺยากรึสุ. เอวํ จตุวีสติยา พุทฺธานํ สนฺติเก ลทฺธพฺยากรโณ เย เต กตาภินีหาเรหิ โพธิสตฺเตหิ ลทฺธพฺพา อานิสํสา, เต ลภิตฺวาว อาคโตติ ตาย ยถาวุตฺตาย มหาปฏิฺาย ตถาย อภิสมฺพุทฺธภาวํ อาคโต อธิคโตติ ตถาคโต. เอวํ ตถาย อาคโตติ ตถาคโต.

กถํ ตถาย คโตติ ตถาคโต? ยายํ มหากรุณา โลกนาถสฺส, ยาย มหาทุกฺขสมฺพาธปฺปฏิปนฺนํ สตฺตนิกายํ ทิสฺวา ‘‘ตสฺส นตฺถฺโ โกจิ ปฏิสรณํ, อหเมว นํ อิโต สํสารทุกฺขโต มุตฺโต โมเจสฺสามี’’ติ สมุสฺสาหิตมานโส มหาภินีหารํ อกาสิ. กตฺวา จ ยถาปณิธานํ สกลโลกหิตสมฺปาทนาย อุสฺสุกฺกมาปนฺโน อตฺตโน กายชีวิตนิรเปกฺโข ปเรสํ โสตปถคมนมตฺเตนปิ จิตฺตุตฺราสสมุปฺปาทิกา อติทุกฺกรา ทุกฺกรจริยา สมาจรนฺโต ยถา มหาโพธิสตฺตานํ ปฏิปตฺติ หานภาคิยา สํกิเลสภาคิยา ิติภาคิยา วา น โหติ, อถ โข อุตฺตริ วิเสสภาคิยาว โหติ, ตถา ปฏิปชฺชมาโน อนุปุพฺเพน นิรวเสเส โพธิสมฺภาเร สมาเนตฺวา อภิสมฺโพธึ ปาปุณิ. ตโต ปรฺจ ตาเยว มหากรุณาย สฺโจทิตมานโส ปวิเวกรตึ ปรมฺจ สนฺตํ วิโมกฺขสุขํ ปหาย พาลชนพหุเล โลเก เตหิ สมุปฺปาทิตํ สมฺมานาวมานวิปฺปการํ อคเณตฺวา เวเนยฺยชนวินยเนน นิรวเสสํ พุทฺธกิจฺจํ นิฏฺเปสิ. ตตฺร โย ภควโต สตฺเตสุ มหากรุณาย สโมกฺกมนากาโร, โส ปรโต อาวิ ภวิสฺสติ. ยถา พุทฺธภูตสฺส โลกนาถสฺส สตฺเตสุ มหากรุณา, เอวํ โพธิสตฺตภูตสฺสปิ มหาภินีหารกาลาทีสูติ สพฺพตฺถ สพฺพทา จ เอกสทิสตาย ตถาว สา อวิตถา อนฺถา. ตสฺมา ตีสุปิ อวตฺถาสุ สพฺพสตฺเตสุ สมานรสาย ตถาย มหากรุณาย สกลโลกหิตาย คโต ปฏิปนฺโนติ ตถาคโต. เอวํ ตถาย คโตติ ตถาคโต.

กถํ ตถานิ อาคโตติ ตถาคโต? ตถานิ นาม จตฺตาริ อริยมคฺคาณานิ. ตานิ หิ ‘‘อิทํ ทุกฺขํ, อยํ ทุกฺขสมุทโย, อยํ ทุกฺขนิโรโธ, อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา’’ติ เอวํ สพฺพเยฺยสงฺคาหกานํ ปวตฺตินิวตฺติตทุภยเหตุภูตานํ จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ, ทุกฺขสฺส ปีฬนฏฺโ สงฺขตฏฺโ สนฺตาปฏฺโ วิปริณามฏฺโ, สมุทยสฺส อายูหนฏฺโ นิทานฏฺโ สํโยคฏฺโ ปลิโพธฏฺโ, นิโรธสฺส นิสฺสรณฏฺโ วิเวกฏฺโ อสงฺขตฏฺโ อมตฏฺโ, มคฺคสฺส นิยฺยานฏฺโ เหตฺวฏฺโ ทสฺสนฏฺโ อธิปเตยฺยฏฺโติอาทีนํ ตพฺพิภาคานฺจ ยถาภูตสภาวาวโพธวิพนฺธกสฺส สํกิเลสปกฺขสฺส สมุจฺฉินฺทเนน ปฏิลทฺธาย ตตฺถ อสมฺโมหาภิสมยสงฺขาตาย อวิปรีตาการปฺปวตฺติยา ธมฺมานํ สภาวสรสลกฺขณสฺส อวิสํวาทนโต ตถานิ อวิตถานิ อนฺถานิ, ตานิ ภควา อนฺเนยฺโย สยเมว อาคโต อธิคโต, ตสฺมา ตถานิ อาคโตติ ตถาคโต.

ยถา จ มคฺคาณานิ, เอวํ ภควโต ตีสุ กาเลสุ อปฺปฏิหตาณานิ จตุปฏิสมฺภิทาาณานิ จตุเวสารชฺชาณานิ ปฺจคติปริจฺเฉทาณานิ ฉอสาธารณาณานิ สตฺตโพชฺฌงฺควิภาวนาณานิ อฏฺมคฺคงฺควิภาวนาณานิ นวานุปุพฺพวิหารสมาปตฺติาณานิ ทสพลาณานิ จ วิภาเวตพฺพานิ.

ตตฺรายํ วิภาวนา – ยฺหิ กิฺจิ อปริมาณาสุ โลกธาตูสุ อปริมาณานํ สตฺตานํ หีนาทิเภทภินฺนานํ หีนาทิเภทภินฺนาสุ อตีตาสุ ขนฺธายตนธาตูสุ สภาวกิจฺจาทิ อวตฺถาวิเสสาทิ ขนฺธปฏิพทฺธนามโคตฺตาทิ จ ชานิตพฺพํ. อนินฺทฺริยพทฺเธสุ จ อติสุขุมติโรหิตวิทูรเทเสสุ รูปธมฺเมสุ โย ตํตํปจฺจยวิเสเสหิ สทฺธึ ปจฺจยุปฺปนฺนานํ วณฺณสณฺานคนฺธรสผสฺสาทิวิเสโส, ตตฺถ สพฺพตฺเถว หตฺถตเล ปิตอามลโก วิย ปจฺจกฺขโต อสงฺคมปฺปฏิหตํ ภควโต าณํ ปวตฺตติ, ตถา อนาคตาสุ ปจฺจุปฺปนฺนาสุ จาติ อิมานิ ตีสุ กาเลสุ อปฺปฏิหตาณานิ นาม. ยถาห –

‘‘อตีตํเส พุทฺธสฺส ภควโต อปฺปฏิหตํ าณํ, อนาคตํเส พุทฺธสฺส ภควโต อปฺปฏิหตํ าณํ, ปจฺจุปฺปนฺนํเส พุทฺธสฺส ภควโต อปฺปฏิหตํ าณ’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๓.๕).

ตานิ ปเนตานิ ตตฺถ ตตฺถ ธมฺมานํ สภาวสรสลกฺขณสฺส อวิสํวาทนโต ตถานิ อวิตถานิ อนฺถานิ, ตานิ ภควา สยมฺภุาเณน อธิคฺฉิ. เอวํ ตถานิ อาคโตติ ตถาคโต.

ตถา อตฺถปฏิสมฺภิทา, ธมฺมปฏิสมฺภิทา, นิรุตฺติปฏิสมฺภิทา, ปฏิภานปฏิสมฺภิทาติ จตสฺโส ปฏิสมฺภิทา. ตตฺถ อตฺถปเภทสฺส สลฺลกฺขณวิภาวนววตฺถานกรณสมตฺถํ อตฺเถ ปเภทคตํ าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา. ธมฺมปเภทสฺส สลฺลกฺขณวิภาวนววตฺถานกรณสมตฺถํ ธมฺเม ปเภทคตํ าณํ ธมฺมปฏิสมฺภิทา. นิรุตฺติปเภทสฺส สลฺลกฺขณวิภาวนววตฺถานกรณสมตฺถํ นิรุตฺตาภิลาเป ปเภทคตํ าณํ นิรุตฺติปฏิสมฺภิทา. ปฏิภานปเภทสฺส สลฺลกฺขณวิภาวนววตฺถานกรณสมตฺถํ ปฏิภาเน ปเภทคตํ าณํ ปฏิภานปฏิสมฺภิทา. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘อตฺเถ าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา, ธมฺเม าณํ ธมฺมปฏิสมฺภิทา, ตตฺร ธมฺมนิรุตฺตาภิลาเป าณํ นิรุตฺติปฏิสมฺภิทา, าเณสุ าณํ ปฏิภานปฏิสมฺภิทา’’ติ (วิภ. ๗๑๘).

เอตฺถ จ เหตุอนุสาเรน อรณียโต อธิคนฺตพฺพโต จ สงฺเขปโต เหตุผลํ อตฺโถ นาม. ปเภทโต ปน ยํกิฺจิ ปจฺจยุปฺปนฺนํ, นิพฺพานํ, ภาสิตตฺโถ, วิปาโก, กิริยาติ อิเม ปฺจ ธมฺมา อตฺโถ. ตํ อตฺถํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส ตสฺมึ อตฺเถ ปเภทคตํ าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา. ธมฺโมติ สงฺเขปโต ปจฺจโย. โส หิ ยสฺมา ตํ ตํ อตฺถํ วิทหติ ปวตฺเตติ เจว ปาเปติ จ, ตสฺมา ธมฺโมติ วุจฺจติ. ปเภทโต ปน โย โกจิ ผลนิพฺพตฺตโก เหตุ, อริยมคฺโค, ภาสิตํ, กุสลํ, อกุสลนฺติ อิเม ปฺจ ธมฺมา ธมฺโม, ตํ ธมฺมํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส ตสฺมึ ธมฺเม ปเภทคตํ าณํ ธมฺมปฏิสมฺภิทา. วุตฺตมฺปิ เจตํ –

‘‘ทุกฺเข าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา, ทุกฺขสมุทเย าณํ ธมฺมปฏิสมฺภิทา, ทุกฺขนิโรเธ าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา, ทุกฺขนิโรธคามินิยา ปฏิปทาย าณํ ธมฺมปฏิสมฺภิทา’’ติ (วิภ. ๗๑๙).

อถ วา เหตุมฺหิ าณํ ธมฺมปฏิสมฺภิทา, เหตุผเล าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา. เย ธมฺมา ชาตา ภูตา สฺชาตา นิพฺพตฺตา อภินิพฺพตฺตา ปาตุภูตา, อิเมสุ ธมฺเมสุ าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา. ยมฺหา ธมฺมา เต ธมฺมา ชาตา ภูตา สฺชาตา นิพฺพตฺตา อภินิพฺพตฺตา ปาตุภูตา, เตสุ ธมฺเมสุ าณํ ธมฺมปฏิสมฺภิทา. ชรามรเณ าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา, ชรามรณสมุทเย าณํ ธมฺมปฏิสมฺภิทา. ชรามรณนิโรเธ าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา, ชรามรณนิโรธคามินิยา ปฏิปทาย าณํ ธมฺมปฏิสมฺภิทา. ชาติยา, ภเว, อุปาทาเน, ตณฺหาย, เวทนาย, ผสฺเส, สฬายตเน, นามรูเป, วิฺาเณ, สงฺขาเรสุ าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา, สงฺขารสมุทเย าณํ ธมฺมปฏิสมฺภิทา. สงฺขารนิโรเธ าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา, สงฺขารนิโรธคามินิยา ปฏิปทาย าณํ ธมฺมปฏิสมฺภิทา.

‘‘อิธ ภิกฺขุ ธมฺมํ ชานาติ – สุตฺตํ, เคยฺยํ…เป… เวทลฺลํ. อยํ วุจฺจติ ธมฺมปฏิสมฺภิทา. โส ตสฺส ตสฺเสว ภาสิตสฺส อตฺถํ ชานาติ – ‘อยํ อิมสฺส ภาสิตสฺส อตฺโถ, อยํ อิมสฺส ภาสิตสฺส อตฺโถ’ติ, อยํ วุจฺจติ อตฺถปฏิสมฺภิทา (วิภ. ๗๒๔).

‘‘กตเม ธมฺมา กุสลา? ยสฺมึ สมเย กามาวจรํ กุสลํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ โหติ โสมนสฺสสหคตํ าณสมฺปยุตฺตํ รูปารมฺมณํ วา…เป… ธมฺมารมฺมณํ วา ยํ ยํ วา ปนารพฺภ, ตสฺมึ สมเย ผสฺโส โหติ…เป… อวิกฺเขโป โหติ. อิเม ธมฺมา กุสลา. อิเมสุ ธมฺเมสุ าณํ ธมฺมปฏิสมฺภิทา, เตสํ วิปาเก าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา’’ติอาทิ วิตฺถาโร (วิภ. ๗๒๕).

ตสฺมึ อตฺเถ จ ธมฺเม จ สภาวนิรุตฺติ อพฺยภิจารโวหาโร อภิลาโป, ตสฺมึ สภาวนิรุตฺตาภิลาเป มาคธิกาย สพฺพสตฺตานํ มูลภาสาย ‘‘อยํ สภาวนิรุตฺติ, อยํ น สภาวนิรุตฺตี’’ติ ปเภทคตํ าณํ นิรุตฺติปฏิสมฺภิทา. ยถาวุตฺเตสุ เตสุ าเณสุ โคจรกิจฺจาทิวเสน วิตฺถารโต ปวตฺตํ สพฺพมฺปิ าณมารมฺมณํ กตฺวา ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส ตสฺมึ าเณ ปเภทคตํ าณํ ปฏิภานปฏิสมฺภิทา. อิติ อิมานิ จตฺตาริ ปฏิสมฺภิทาาณานิ สยเมว ภควตา อธิคตานิ อตฺถธมฺมาทิเก ตสฺมึ ตสฺมึ อตฺตโน วิสเย อวิสํวาทนวเสน อวิปรีตาการปฺปวตฺติยา ตถานิ อวิตถานิ อนฺถานิ. เอวมฺปิ ภควา ตถานิ อาคโตติ ตถาคโต.

ตถา ยํ กิฺจิ เยฺยํ นาม, สพฺพํ ตํ ภควตา สพฺพากาเรน าตํ ทิฏฺํ อธิคตํ อภิสมฺพุทฺธํ. ตถา หิสฺส อภิฺเยฺยา ธมฺมา อภิฺเยฺยโต พุทฺธา, ปริฺเยฺยา ธมฺมา ปริฺเยฺยโต พุทฺธา, ปหาตพฺพา ธมฺมา ปหาตพฺพโต พุทฺธา, สจฺฉิกาตพฺพา ธมฺมา สจฺฉิกาตพฺพโต พุทฺธา, ภาเวตพฺพา ธมฺมา ภาเวตพฺพโต พุทฺธา, ยโต นํ โกจิ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา เทโว วา มาโร วา พฺรหฺมา วา ‘‘อิเม นาม เต ธมฺมา อนภิสมฺพุทฺธา’’ติ สห ธมฺเมน อนุยุฺชิตุํ สมตฺโถ นตฺถิ.

ยํ กิฺจิ ปหาตพฺพํ นาม, สพฺพํ ตํ ภควตา อนวเสสโต โพธิมูเลเยว ปหีนํ อนุปฺปตฺติธมฺมํ, น ตสฺส ปหานาย อุตฺตริ กรณียํ อตฺถิ. ตถา หิสฺส โลภโทสโมหวิปรีตมนสิการอหิริกาโนตฺตปฺปถินมิทฺธ- โกธูปนาหมกฺขปลาสอิสฺสามจฺฉริย- มายาสาเยฺยถมฺภสารมฺภมานาติมานมทปมาทติวิธากุสลมูลทุจฺจริต- วิสมสฺามลวิตกฺกปปฺจเอสนาตณฺหาจตุพฺพิธวิปริเยสอาสว- คนฺถโอฆโยคาคติตณฺหุปาทานปฺจาภินนฺทนนีวรณ- เจโตขิลเจตโสวินิพนฺธฉวิวาทมูลสตฺตานุสย- อฏฺมิจฺฉตฺตนวอาฆาตวตฺถุตณฺหามูลกทสอกุสล- กมฺมปถเอกวีสติอเนสนทฺวาสฏฺิทิฏฺิคตอฏฺสตตณฺหาวิจริตาทิปฺปเภทํ ทิยฑฺฒกิเลสสหสฺสํ สห วาสนาย ปหีนํ สมุจฺฉินฺนํ สมูหตํ, ยโต นํ โกจิ สมโณ วา…เป… พฺรหฺมา วา ‘‘อิเม นาม เต กิเลสา อปฺปหีนา’’ติ สห ธมฺเมน อนุยุฺชิตุํ สมตฺโถ นตฺถิ.

เย จิเม ภควตา กมฺมวิปากกิเลสูปวาทอาณาวีติกฺกมปฺปเภทา อนฺตรายิกา ธมฺมา วุตฺตา, อลเมว เต เอกนฺเตน อนฺตรายาย, ยโต นํ โกจิ สมโณ วา…เป… พฺรหฺมา วา ‘‘นาลํ เต ปฏิเสวโต อนฺตรายายา’’ติ สห ธมฺเมน อนุยุฺชิตุํ สมตฺโถ นตฺถิ.

โย จ ภควตา นิรวเสสวฏฺฏทุกฺขนิสฺสรณาย สีลสมาธิปฺาสงฺคโห สตฺตโกฏฺาสิโก สตฺตตึสปฺปเภโท อริยมคฺคปุพฺพงฺคโม อนุตฺตโร นิยฺยานธมฺโม เทสิโต, โส เอกนฺเตเนว นิยฺยาติ ปฏิปนฺนสฺส วฏฺฏทุกฺขโต, ยโต นํ โกจิ สมโณ วา…เป… พฺรหฺมา วา ‘‘นิยฺยานธมฺโม ตยา เทสิโต น นิยฺยาตี’’ติ สห ธมฺเมน อนุยุฺชิตุํ สมตฺโถ นตฺถิ. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส เต ปฏิชานโต อิเม ธมฺมา อนภิสมฺพุทฺธา’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๕๐) วิตฺถาโร. เอวเมตานิ อตฺตโน าณปฺปหานเทสนาวิเสสานํ อวิตถภาวาวโพธนโต อวิปรีตาการปฺปวตฺตานิ ภควโต จตุเวสารชฺชาณานิ ตถานิ อวิตถานิ อนฺถานิ. เอวมฺปิ ภควา ตถานิ อาคโตติ ตถาคโต.

ตถา นิรยคติ, ติรจฺฉานคติ, เปตคติ, มนุสฺสคติ, เทวคตีติ ปฺจ คติโย. ตาสุ สฺชีวาทโย อฏฺ มหานิรยา, กุกฺกุฬาทโย โสฬส อุสฺสทนิรยา, โลกนฺตริกนิรโย จาติ สพฺเพปิเม เอกนฺตทุกฺขตาย นิรสฺสาทฏฺเน นิรยา จ, สกกมฺมุนา คนฺตพฺพโต คติ จาติ นิรยคติ. ติพฺพนฺธการสีตนรกาปิ เอเตสฺเวว อนฺโตคธา กิมิกีฏปฏงฺคสรีสปปกฺขิโสณสิงฺคาลาทโย ติริยํ อฺฉิตภาเวน ติรจฺฉานา นาม. เต เอว คตีติ ติรจฺฉานคติ. ขุปฺปิปาสิตปรทตฺตูปชีวินิชฺฌามตณฺหิกาทโย ทุกฺขพหุลตาย ปกฏฺสุขโต อิตา วิคตาติ เปตา, เต เอว คตีติ เปตคติ. กาลกฺจิกาทิอสุราปิ เอเตสฺเวว อนฺโตคธา. ปริตฺตทีปวาสีหิ สทฺธึ ชมฺพุทีปาทิจตุมหาทีปวาสิโน มนโส อุสฺสนฺนตาย มนุสฺสา, เต เอว คตีติ มนุสฺสคติ. จาตุมหาราชิกโต ปฏฺาย ยาว เนวสฺานาสฺายตนูปคาติ อิเม ฉพฺพีสติ เทวนิกายา ทิพฺพนฺติ อตฺตโน อิทฺธานุภาเวน กีฬนฺติ โชเตนฺติ จาติ เทวา, เต เอว คตีติ เทวคติ.

ตา ปเนตา คติโย ยสฺมา ตํตํกมฺมนิพฺพตฺโต อุปปตฺติภววิเสโส, ตสฺมา อตฺถโต วิปากกฺขนฺธา กฏตฺตา จ รูปํ. ตตฺถ ‘‘อยํ นาม คติ นาม อิมินา กมฺมุนา ชายติ, ตสฺส กมฺมสฺส ปจฺจยวิเสเสหิ เอวํ วิภาคภินฺนตฺตา วิสุํ เอเต สตฺตนิกายา เอวํ วิภาคภินฺนา’’ติ ยถาสกํเหตุผลวิภาคปริจฺฉินฺทนวเสน านโส เหตุโส ภควโต าณํ ปวตฺตติ. เตนาห ภควา –

‘‘ปฺจ โข อิมา, สาริปุตฺต, คติโย. กตมา ปฺจ? นิรโย, ติรจฺฉานโยนิ, เปตฺติวิสโย, มนุสฺสา, เทวา. นิรยฺจาหํ, สาริปุตฺต, ปชานามิ, นิรยคามิฺจ มคฺคํ, นิรยคามินิฺจ ปฏิปทํ; ยถา ปฏิปนฺโน จ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติ, ตฺจ ปชานามี’’ติอาทิ (ม. นิ. ๑.๑๕๓).

ตานิ ปเนตานิ ภควโต าณานิ ตสฺมึ ตสฺมึ วิสเย อวิปรีตาการปฺปวตฺติยา อวิสํวาทนโต ตถานิ อวิตถานิ อนฺถานิ. เอวมฺปิ ภควา ตถานิ อาคโตติ ตถาคโต.

ตถา ยํ สตฺตานํ สทฺธาทิโยควิกลภาวาวโพเธน อปฺปรชกฺขมหารชกฺขตาทิวิเสสวิภาวนํ ปฺาสาย อากาเรหิ ปวตฺตํ ภควโต อินฺทฺริยปโรปริยตฺตาณํ. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘สทฺโธ ปุคฺคโล อปฺปรชกฺโข, อสฺสทฺโธ ปุคฺคโล มหารชกฺโข’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๑) วิตฺถาโร.

ยฺจ ‘‘อยํ ปุคฺคโล อปฺปรชกฺโข, อยํ สสฺสตทิฏฺิโก, อยํ อุจฺเฉททิฏฺิโก, อยํ อนุโลมิกายํ ขนฺติยํ ิโต, อยํ ยถาภูตาเณ ิโต, อยํ กามาสโย, น เนกฺขมฺมาทิอาสโย, อยํ เนกฺขมฺมาสโย, น กามาทิอาสโย’’ติอาทินา ‘‘อิมสฺส กามราโค อติวิย ถามคโต, น ปฏิฆาทิโก, อิมสฺส ปฏิโฆ อติวิย ถามคโต, น กามราคาทิโก’’ติอาทินา ‘‘อิมสฺส ปุฺาภิสงฺขาโร อธิโก, น อปุฺาภิสงฺขาโร น อาเนฺชาภิสงฺขาโร, อิมสฺส อปุฺาภิสงฺขาโร อธิโก, น ปุฺาภิสงฺขาโร น อาเนฺชาภิสงฺขาโร, อิมสฺส อาเนฺชาภิสงฺขาโร อธิโก, น ปุฺาภิสงฺขาโร น อปุฺาภิสงฺขาโร. อิมสฺส กายสุจริตํ อธิกํ, อิมสฺส วจีสุจริตํ, อิมสฺส มโนสุจริตํ. อยํ หีนาธิมุตฺติโก, อยํ ปณีตาธิมุตฺติโก, อยํ กมฺมาวรเณน สมนฺนาคโต, อยํ กิเลสาวรเณน สมนฺนาคโต, อยํ วิปากาวรเณน สมนฺนาคโต, อยํ น กมฺมาวรเณน สมนฺนาคโต, น กิเลสาวรเณน, น วิปากาวรเณน สมนฺนาคโต’’ติอาทินา จ สตฺตานํ อาสยาทีนํ ยถาภูตํ วิภาวนาการปฺปวตฺตํ ภควโต อาสยานุสยาณํ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –

‘‘อิธ ตถาคโต สตฺตานํ อาสยํ ชานาติ, อนุสยํ ชานาติ, จริตํ ชานาติ, อธิมุตฺตึ ชานาติ, ภพฺพาภพฺเพ สตฺเต ชานาตี’’ติอาทิ (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๓).

ยฺจ อุปริมเหฏฺิมปุรตฺถิมปจฺฉิมกาเยหิ ทกฺขิณวามอกฺขิกณฺณโสตนาสิกาโสตอํสกูฏปสฺสหตฺถปาเทหิ องฺคุลงฺคุลนฺตเรหิ โลมโลมกูเปหิ จ อคฺคิกฺขนฺธูทกธาราปวตฺตนํ อนฺสาธารณํ วิวิธวิกุพฺพนิทฺธินิมฺมาปนกํ ภควโต ยมกปาฏิหาริยาณํ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –

‘‘อิธ ตถาคโต ยมกปาฏิหาริยํ กโรติ อสาธารณํ สาวเกหิ. อุปริมกายโต อคฺคิกฺขนฺโธ ปวตฺตติ, เหฏฺิมกายโต อุทกธารา ปวตฺตติ. เหฏฺิมกายโต อคฺคิกฺขนฺโธ ปวตฺตติ, อุปริมกายโต อุทกธารา ปวตฺตตี’’ติอาทิ (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๖).

ยฺจ ราคาทีหิ ชาติอาทีหิ จ อเนเกหิ ทุกฺขธมฺเมหิ อุปทฺทุตํ สตฺตนิกายํ ตโต นีหริตุกามตาวเสน นานานเยหิ ปวตฺตสฺส ภควโต มหากรุโณกฺกมนสฺส ปจฺจยภูตํ มหากรุณาสมาปตฺติาณํ. ยถาห –

‘‘กตมํ ตถาคตสฺส มหากรุณาสมาปตฺติาณํ? พหุเกหิ อากาเรหิ ปสฺสนฺตานํ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ สตฺเตสุ มหากรุณา โอกฺกมติ, อาทิตฺโต โลกสนฺนิวาโสติ ปสฺสนฺตานํ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ สตฺเตสุ มหากรุณา โอกฺกมตี’’ติ. –

อาทินา (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๗) เอกูนนวุติยา อากาเรหิ วิภชนํ กตํ.

ยํ ปน ยาวตา ธมฺมธาตุ, ยตฺตกํ าตพฺพํ สงฺขตาสงฺขตาทิ, ตสฺส สพฺพสฺส ปโรปเทเสน วินา สพฺพาการโต ปฏิชานนสมตฺถํ อากงฺขามตฺตปฺปฏิพทฺธวุตฺติ อนฺสาธารณํ ภควโต าณํ สพฺพถา อนวเสสสงฺขตาสงฺขตสมฺมุติสจฺจาวโพธโต สพฺพฺุตฺาณํ, ตตฺถาวรณาภาวโตว นิสฺสงฺคปฺปวตฺตึ อุปาทาย อนาวรณาณนฺติ จ วุจฺจติ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน ปรโต อาวิ ภวิสฺสติ.

เอวเมตานิ ภควโต ฉ อสาธารณาณานิ อวิปรีตาการปฺปวตฺติยา ยถาสกํวิสยสฺส อวิสํวาทนโต ตถานิ อวิตถานิ อนฺถานิ. เอวมฺปิ ภควา ตถานิ อาคโตติ ตถาคโต.

ตถา ‘‘สตฺติเม, ภิกฺขเว, โพชฺฌงฺคา – สติสมฺโพชฺฌงฺโค, ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺโค, วีริยสมฺโพชฺฌงฺโค, ปีติสมฺโพชฺฌงฺโค, ปสฺสทฺธิสมฺโพชฺฌงฺโค, สมาธิสมฺโพชฺฌงฺโค, อุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺโค’’ติ (ปฏิ. ม. ๒.๑๗; สํ. นิ. ๕.๑๘๕) เอวํ สรูปโต ยายํ โลกุตฺตรมคฺคกฺขเณ อุปฺปชฺชมานา ลีนุทฺธจฺจปติฏฺานายูหนกามสุขตฺตกิลมถานุโยคอุจฺเฉทสสฺสตาภินิเวสาทีนํ อเนเกสํ อุปทฺทวานํ ปฏิปกฺขภูตา สติอาทิเภทา ธมฺมสามคฺคี, ยาย อริยสาวโก พุชฺฌติ, กิเลสนิทฺทาย อุฏฺหติ, จตฺตาริ วา สจฺจานิ ปฏิวิชฺฌติ, นิพฺพานเมว วา สจฺฉิกโรติ, สา ธมฺมสามคฺคี ‘‘โพธี’’ติ วุจฺจติ, ตสฺสา โพธิยา องฺคาติ โพชฺฌงฺคา. อริยสาวโก วา ยถาวุตฺตาย ธมฺมสามคฺคิยา พุชฺฌตีติ กตฺวา ‘‘โพธี’’ติ วุจฺจติ. ตสฺส โพธิสฺส องฺคาติ โพชฺฌงฺคาติ เอวํ สามฺลกฺขณโต, อุปฏฺานลกฺขโณ สติสมฺโพชฺฌงฺโค, ปวิจยลกฺขโณ ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺโค, ปคฺคหลกฺขโณ วีริยสมฺโพชฺฌงฺโค, ผรณลกฺขโณ ปีติสมฺโพชฺฌงฺโค, อุปสมลกฺขโณ ปสฺสทฺธิสมฺโพชฺฌงฺโค, อวิกฺเขปลกฺขโณ สมาธิสมฺโพชฺฌงฺโค ปฏิสงฺขานลกฺขโณ อุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺโคติ เอวํ วิเสสลกฺขณโต.

‘‘ตตฺถ กตโม สติสมฺโพชฺฌงฺโค? อิธ ภิกฺขุ สติมา โหติ ปรเมน สติเนปกฺเกน สมนฺนาคโต, จิรกตมฺปิ จิรภาสิตมฺปิ สริตา โหติ อนุสฺสริตา’’ติอาทินา (วิภ. ๔๖๗) สตฺตนฺนํ โพชฺฌงฺคานํ อฺมฺูปการวเสน เอกกฺขเณ ปวตฺติทสฺสนโต. ‘‘ตตฺถ กตโม สติสมฺโพชฺฌงฺโค? อตฺถิ อชฺฌตฺตํ ธมฺเมสุ สติ, อตฺถิ พหิทฺธา ธมฺเมสุ สตี’’ติอาทินา (วิภ. ๔๖๙) เตสํ วิสยวิภาวนาปวตฺติทสฺสนโต. ‘‘ตตฺถ กตโม สติสมฺโพชฺฌงฺโค? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สติสมฺโพชฺฌงฺคํ ภาเวติ วิเวกนิสฺสิตํ, วิราคนิสฺสิตํ, นิโรธนิสฺสิตํ, โวสคฺคปริณามิ’’นฺติอาทินา (วิภ. ๔๗๑) ภาวนาวิธิทสฺสนโต. ‘‘ตตฺถ กตเม สตฺต โพชฺฌงฺคา? อิธ ภิกฺขุ ยสฺมึ สมเย โลกุตฺตรํ ฌานํ ภาเวติ…เป… ตสฺมึ สมเย สตฺต โพชฺฌงฺคา โหนฺติ, สติสมฺโพชฺฌงฺโค…เป… อุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺโค. ตตฺถ กตโม สติสมฺโพชฺฌงฺโค? ยา สติ อนุสฺสตี’’ติอาทินา (วิภ. ๔๗๘) ฉนวุติยา นยสหสฺสวิภาเคหีติ เอวํ นานาการโต ปวตฺตานิ ภควโต โพชฺฌงฺควิภาวนาณานิ ตสฺส ตสฺส อตฺถสฺส อวิสํวาทนโต ตถานิ อวิตถานิ อนฺถานิ. เอวมฺปิ ภควา ตถานิ อาคโตติ ตถาคโต.

ตถา ‘‘ตตฺถ กตมํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา อริยสจฺจํ? อยเมว อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค, เสยฺยถิทํ – สมฺมาทิฏฺิ…เป… สมฺมาสมาธี’’ติ (วิภ. ๒๐๕) เอวํ สรูปโต. สพฺพกิเลเสหิ อารกตฺตา อริยภาวกรตฺตา อริยผลปฏิลาภกรตฺตา จ อริโย. อริยานํ อฏฺวิธตฺตา นิพฺพานาธิคมาย เอกนฺตการณตฺตา จ อฏฺงฺคิโก. กิเลเส มาเรนฺโต คจฺฉติ, อตฺถิเกหิ มคฺคียติ, สยํ วา นิพฺพานํ มคฺคยตีติ มคฺโคติ เอวํ สามฺลกฺขณโต. ‘‘สมฺมาทสฺสนลกฺขณา สมฺมาทิฏฺิ, สมฺมาอภินิโรปนลกฺขโณ สมฺมาสงฺกปฺโป, สมฺมาปริคฺคหณลกฺขณา สมฺมาวาจา, สมฺมาสมุฏฺาปนลกฺขโณ สมฺมากมฺมนฺโต, สมฺมาโวทานลกฺขโณ สมฺมาอาชีโว, สมฺมาปคฺคหลกฺขโณ สมฺมาวายาโม, สมฺมาอุปฏฺานลกฺขณา สมฺมาสติ, สมฺมาอวิกฺเขปลกฺขโณ สมฺมาสมาธี’’ติ เอวํ วิเสสลกฺขณโต. สมฺมาทิฏฺิ ตาว อฺเหิปิ อตฺตโน ปจฺจนีกกิเลเสหิ สทฺธึ มิจฺฉาทิฏฺึ ปชหติ, นิพฺพานํ อารมฺมณํ กโรติ, ตปฺปฏิจฺฉาทกโมหวิธมเนน อสมฺโมหโต สมฺปยุตฺตธมฺเม จ ปสฺสติ, ตถา สมฺมาสงฺกปฺปาทโยปิ มิจฺฉาสงฺกปฺปาทีนิ ปชหนฺติ, นิโรธฺจ อารมฺมณํ กโรนฺติ, สหชาตธมฺมานํ สมฺมาอภินิโรปนปริคฺคหณสมุฏฺาปนโวทานปคฺคหอุปฏฺานสมาทหนานิ จ กโรนฺตีติ เอวํ กิจฺจวิภาคโต. สมฺมาทิฏฺิ ปุพฺพภาเค นานกฺขณา วิสุํ ทุกฺขาทิอารมฺมณา หุตฺวา มคฺคกาเล เอกกฺขณา นิพฺพานเมว อารมฺมณํ กตฺวา กิจฺจโต ‘‘ทุกฺเข าณ’’นฺติอาทีนิ จตฺตาริ นามานิ ลภติ. สมฺมาสงฺกปฺปาทโยปิ ปุพฺพภาเค นานกฺขณา นานารมฺมณา, มคฺคกาเล เอกกฺขณา เอการมฺมณา, เตสุ สมฺมาสงฺกปฺโป กิจฺจโต ‘‘เนกฺขมฺมสงฺกปฺโป’’ติอาทีนิ ตีณิ นามานิ ลภติ. สมฺมาวาจาทโย ตโย ปุพฺพภาเค ‘‘มุสาวาทา เวรมณี’’ติอาทิวิภาคา วิรติโยปิ เจตนาโยปิ หุตฺวา มคฺคกฺขเณ วิรติโยว, สมฺมาวายามสติโย กิจฺจโต สมฺมปฺปธานสติปฏฺานวเสน จตฺตาริ นามานิ ลภนฺติ. สมฺมาสมาธิ ปน มคฺคกฺขเณปิ ปมชฺฌานาทิวเสน นานา เอวาติ เอวํ ปุพฺพภาคาปรภาเคสุ ปวตฺติวิภาคโต. ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สมฺมาทิฏฺึ ภาเวติ วิเวกนิสฺสิต’’นฺติอาทินา (วิภ. ๔๘๙) ภาวนาวิธิโต. ‘‘ตตฺถ กตโม อฏฺงฺคิโก มคฺโค? อิธ, ภิกฺขุ, ยสฺมึ สมเย โลกุตฺตรํ ฌานํ ภาเวติ…เป… ทุกฺขปฏิปทํ ทนฺธาภิฺํ, ตสฺมึ สมเย อฏฺงฺคิโก มคฺโค โหติ – สมฺมาทิฏฺิ สมฺมาสงฺกปฺโป’’ติอาทินา (วิภ. ๔๙๙) จตุราสีติยา นยสหสฺสวิภาเคหีติ เอวํ อเนกาการโต ปวตฺตานิ ภควโต อริยมคฺควิภาวนาณานิ อตฺถสฺส อวิสํวาทนโต สพฺพานิปิ ตถานิ อวิตถานิ อนฺถานิ เอวมฺปิ ภควา ตถานิ อาคโตติ ตถาคโต.

ตถา ปมชฺฌานสมาปตฺติยา จ นิโรธสมาปตฺตีติ เอตาสุ อนุปฏิปาฏิยา วิหริตพฺพฏฺเน สมาปชฺชิตพฺพฏฺเน จ อนุปุพฺพวิหารสมาปตฺตีสุ สมฺปาทนปจฺจเวกฺขณาทิวเสน ยถารหํ สมฺปโยควเสน จ ปวตฺตานิ ภควโต าณานิ ตทตฺถสิทฺธิยา ตถานิ อวิตถานิ อนฺถานิ. เอวมฺปิ ภควา ตถานิ อาคโตติ ตถาคโต. ตถา ‘‘อิทํ อิมสฺส านํ, อิทํ อฏฺาน’’นฺติ อวิปรีตํ ตสฺส ตสฺส ผลสฺส การณาการณชานนํ, เตสํ เตสํ สตฺตานํ อตีตาทิเภทภินฺนสฺส กมฺมสมาทานสฺส อนวเสสโต ยถาภูตํ วิปากนฺตรชานนํ, อายูหนกฺขเณเยว ตสฺส ตสฺส สตฺตสฺส ‘‘อยํ นิรยคามินี ปฏิปทา…เป… อยํ นิพฺพานคามินี ปฏิปทา’’ติ ยาถาวโต สาสวานาสวกมฺมวิภาคชานนํ, ขนฺธายตนานํ อุปาทินฺนานุปาทินฺนาทิอเนกสภาวํ นานาสภาวฺจ ตสฺส โลกสฺส ‘‘อิมาย นาม ธาตุยา อุสฺสนฺนตฺตา อิมสฺมึ ธมฺมปฺปพนฺเธ อยํ วิเสโส ชายตี’’ติอาทินา นเยน ยถาภูตํ ธาตุนานตฺตชานนํ, สทฺธาทิอินฺทฺริยานํ ติกฺขมุทุตาชานนํ สํกิเลสาทีหิ สทฺธึ ฌานวิโมกฺขาทิชานนํ, สตฺตานํ อปริมาณาสุ ชาตีสุ ตปฺปฏิพนฺเธน สทฺธึ อนวเสสโต ปุพฺเพนิวุตฺถกฺขนฺธสนฺตติชานนํ หีนาทิวิภาเคหิ สทฺธึ จุติปฏิสนฺธิชานนํ, ‘‘อิทํ ทุกฺข’’นฺติอาทินา เหฏฺา วุตฺตนเยเนว จตุสจฺจชานนนฺติ อิมานิ ภควโต ทสพลาณานิ อวิรชฺฌิตฺวา ยถาสกํวิสยาวคาหนโต ยถาธิปฺเปตตฺถสาธนโต จ ยถาภูตวุตฺติยา ตถานิ อวิตถานิ อนฺถานิ. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘อิธ ตถาคโต านฺจ านโต อฏฺานฺจ อฏฺานโต ยถาภูตํ ปชานาตี’’ติอาทิ (วิภ. ๘๐๙; อ. นิ. ๑๐.๒๑).

เอวมฺปิ ภควา ตถานิ อาคโตติ ตถาคโต.

ยถา เจเตสมฺปิ าณานํ วเสน, เอวํ ยถาวุตฺตานํ สติปฏฺานสมฺมปฺปธานาทิวิภาวนาณาทิอนนฺตาปริเมยฺยเภทานํ อนฺสาธารณานํ ปฺาวิเสสานํ วเสน ภควา ตถานิ าณานิ อาคโต อธิคโตติ ตถาคโต, เอวมฺปิ ตถานิ อาคโตติ ตถาคโต.

กถํ ตถา คโตติ ตถาคโต? ยา ตา ภควโต อภิชาติอภิสมฺโพธิธมฺมวินยปฺาปนอนุปาทิเสสนิพฺพานธาตุโย, ตา ตถา. กึ วุตฺตํ โหติ? ยทตฺถํ ตา โลกนาเถน อภิปตฺถิตา ปวตฺติตา จ, ตทตฺถสฺส เอกนฺตสิทฺธิยา อวิสํวาทนโต อวิปรีตตฺถวุตฺติยา ตถา อวิตถา อนฺถา. ตถา หิ อยํ ภควา โพธิสตฺตภูโต สมตึสปารมิปริปูรณาทิกํ วุตฺตปฺปการํ สพฺพพุทฺธตฺตเหตุํ สมฺปาเทตฺวา ตุสิตปุเร ิโต พุทฺธโกลาหลํ สุตฺวา ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตาหิ เอกโต สนฺนิปติตาหิ อุปสงฺกมิตฺวา –

‘‘กาโล โข เต มหาวีร, อุปฺปชฺช มาตุกุจฺฉิยํ;

สเทวกํ ตารยนฺโต, พุชฺฌสฺสุ อมตํ ปท’’นฺติ. (พุ. วํ. ๑.๖๗) –

อายาจิโต อุปฺปนฺนปุพฺพนิมิตฺโต ปฺจ มหาวิโลกนานิ วิโลเกตฺวา ‘‘อิทานิ อหํ มนุสฺสโยนิยํ อุปฺปชฺชิตฺวา อภิสมฺพุชฺฌิสฺสามี’’ติ อาสาฬฺหิปุณฺณมายํ สกฺยราชกุเล มหามายาย เทวิยา กุจฺฉิยํ ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา ทส มาเส เทวมนุสฺเสหิ มหตา ปริหาเรน ปริหริยมาโน วิสาขปุณฺณมายํ ปจฺจูสสมเย อภิชาตึ ปาปุณิ.

อภิชาติกฺขเณ ปนสฺส ปฏิสนฺธิคฺคหณกฺขเณ วิย ทฺวตฺตึส ปุพฺพนิมิตฺตานิ ปาตุรเหสุํ, อยํ ทสสหสฺสิโลกธาตุ สํกมฺปิ สมฺปกมฺปิ สมฺปเวธิ, ทสสุ จกฺกวาฬสหสฺเสสุ อปริมาโณ โอภาโส ผริ, ตสฺส, ตํ สิรึ ทฏฺุกามา วิย อนฺธา จกฺขูนิ ปฏิลภึสุ, พธิรา สทฺทํ สุณึสุ, มูคา สมาลปึสุ, ขุชฺชา อุชุคตฺตา อเหสุํ, ปงฺคุลา ปทสา คมนํ ปฏิลภึสุ, พนฺธนคตา สพฺพสตฺตา อนฺทุพนฺธนาทีหิ มุจฺจึสุ, สพฺพนรเกสุ อคฺคิ นิพฺพายิ, เปตฺติวิสเย ขุปฺปิปาสา วูปสมิ, ติรจฺฉานานํ ภยํ นาโหสิ, สพฺพสตฺตานํ โรโค วูปสมิ, สพฺพสตฺตา ปิยํวทา อเหสุํ, มธุเรนากาเรน อสฺสา หสึสุ, วารณา คชฺชึสุ, สพฺพตูริยานิ สกสกนินฺนาทํ มุฺจึสุ, อฆฏฺฏิตานิ เอว มนุสฺสานํ หตฺถูปคาทีนิ อาภรณานิ มธุเรนากาเรน สทฺทํ มุฺจึสุ, สพฺพทิสา วิปฺปสนฺนา อเหสุํ, สตฺตานํ สุขํ อุปฺปาทยมาโน มุทุสีตลวาโต วายิ, อกาลเมโฆ วสฺสิ, ปถวิโตปิ อุทกํ อุพฺภิชฺชิตฺวา วิสฺสนฺทิ, ปกฺขิโน อากาสคมนํ วิชหึสุ, นทิโย อสนฺทมานา อฏฺํสุ, มหาสมุทฺเท มธุรํ อุทกํ อโหสิ, อุปกฺกิเลสวินิมุตฺเต สูริเย ทิปฺปมาเน เอว อากาสคตา สพฺพา โชติโย โชตึสุ, เปตฺวา อรูปาวจเร เทเว อวเสสา สพฺเพ เทวา สพฺเพ จ เนรยิกา ทิสฺสมานรูปา อเหสุํ, ตรุกุฏฺฏกวาฏเสลาทโย อนาวรณภูตา อเหสุํ, สตฺตานํ จุตูปปาตา นาเหสุํ, สพฺพํ อนิฏฺคนฺธํ อภิภวิตฺวา ทิพฺพคนฺโธ ปวายิ, สพฺเพ ผลูปคา รุกฺขา ผลธรา สมฺปชฺชึสุ, มหาสมุทฺโท สพฺพตฺถกเมว ปฺจวณฺเณหิ ปทุเมหิ สฺฉนฺนตโล อโหสิ, ถลชชลชาทีนิ สพฺพปุปฺผานิ ปุปฺผึสุ, รุกฺขานํ ขนฺเธสุ ขนฺธปทุมานิ, สาขาสุ สาขาปทุมานิ, ลตาสุ ลตาปทุมานิ, ปุปฺผึสุ, มหีตลสิลาตลานิ ภินฺทิตฺวา อุปรูปริ สตฺต สตฺต หุตฺวา ทณฺฑปทุมานิ นาม นิกฺขมึสุ, อากาเส โอลมฺพกปทุมานิ นิพฺพตฺตึสุ, สมนฺตโต ปุปฺผวสฺสํ วสฺสิ อากาเส ทิพฺพตูริยานิ วชฺชึสุ, สกลทสสหสฺสิโลกธาตุ วฏฺเฏตฺวา วิสฺสฏฺมาลาคุฬํ วิย, อุปฺปีเฬตฺวา ปวตฺตมาลากลาโป วิย, อลงฺกตปฏิยตฺตํ มาลาสนํ วิย จ เอกมาลามาลินี วิปฺผุรนฺตวาฬพีชนี ปุปฺผธูปคนฺธปริวาสิตา ปรมโสภคฺคปฺปตฺตา อโหสิ, ตานิ จ ปุพฺพนิมิตฺตานิ อุปริ อธิคตานํ อเนเกสํ วิเสสาธิคมานํ นิมิตฺตภูตานิ เอว อเหสุํ. เอวํ อเนกจฺฉริยปาตุภาวา อยํ อภิชาติ ยทตฺถํ เตน อภิปตฺถิตา, ตสฺสา อภิสมฺโพธิยา เอกนฺตสิทฺธิยา ตถาว อโหสิ อวิตถา อนฺถา.

ตถา เย พุทฺธเวเนยฺยา โพธเนยฺยพนฺธวา, เต สพฺเพปิ อนวเสสโต สยเมว ภควตา วินีตา. เย จ สาวกเวเนยฺยา ธมฺมเวเนยฺยา จ, เตปิ สาวกาทีหิ วินีตา วินยํ คจฺฉนฺติ คมิสฺสนฺติ จาติ ยทตฺถํ ภควตา อภิสมฺโพธิ อภิปตฺถิตา, ตทตฺถสฺส เอกนฺตสิทฺธิยา อภิสมฺโพธิ ตถา อวิตถา อนฺถา.

อปิจ ยสฺส ยสฺส เยฺยธมฺมสฺส โย โย สภาโว พุชฺฌิตพฺโพ, โส โส หตฺถตเล ปิตอามลกํ วิย อาวชฺชนมตฺตปฏิพทฺเธน อตฺตโน าเณน อวิปรีตํ อนวเสสโต ภควตา อภิสมฺพุทฺโธติ เอวมฺปิ อภิสมฺโพธิ ตถา อวิตถา อนฺถา.

ตถา เตสํ เตสํ ธมฺมานํ ตถา ตถา เทเสตพฺพปฺปการํ, เตสํ เตสฺจ สตฺตานํ อาสยานุสยจริยาธิมุตฺตึ สมฺมเทว โอโลเกตฺวา ธมฺมตํ อวิชหนฺเตเนว ปฺตฺตินยํ โวหารมตฺตํ อนติธาวนฺเตเนว จ ธมฺมตํ วิภาเวนฺเตน ยถาปราธํ ยถาชฺฌาสยํ ยถาธมฺมฺจ อนุสาสนฺเตน ภควตา เวเนยฺยา วินีตา อริยภูมึ สมฺปาปิตาติ ธมฺมวินยปฺาปนาปิสฺส ตทตฺถสิทฺธิยา ยถาภูตวุตฺติยา จ ตถา อวิตถา อนฺถา.

ตถา ยา สา ภควตา อนุปฺปตฺตา ปถวิยาทิผสฺสเวทนาทิรูปารูปสภาวนิมุตฺตา ลุชฺชนปลุชฺชนภาวาภาวโต โลกสภาวาตีตา ตมสา วิสํสฏฺตฺตา เกนจิ อโนภาสนียา โลกสภาวาภาวโต เอว คติอาทิภาวรหิตา อปฺปติฏฺา อนารมฺมณา อมตมหานิพฺพานธาตุ ขนฺธสงฺขาตานํ อุปาทีนํ เลสมตฺตสฺสาปิ อภาวโต ‘‘อนุปาทิเสสา’’ติปิ วุจฺจติ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –

‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, ตทายตนํ, ยตฺถ เนว ปถวี น อาโป น เตโช น วาโย น อากาสานฺจายตนํ น วิฺาณฺจายตนํ น อากิฺจฺายตนํ น เนวสฺานาสฺายตนํ นายํ โลโก น ปโร โลโก น จ อุโภ จนฺทิมสูริยา. ตมหํ, ภิกฺขเว, เนว อาคตึ วทามิ น คตึ น ิตึ น จุตึ น อุปปตฺตึ; อปฺปติฏฺํ อปฺปวตฺตํ อนารมฺมณเมเวตํ เอเสวนฺโต ทุกฺขสฺสา’’ติ (อุทา. ๗๑).

สา สพฺเพสมฺปิ อุปาทานกฺขนฺธานํ อตฺถงฺคโม สพฺพสงฺขารานํ สมโถ, สพฺพูปธีนํ ปฏินิสฺสคฺโค, สพฺพทุกฺขานํ วูปสโม, สพฺพาลยานํ สมุคฺฆาโต, สพฺพวฏฺฏานํ อุปจฺเฉโท, อจฺจนฺตสนฺติลกฺขณาติ ยถาวุตฺตสภาวสฺส กทาจิปิ อวิสํวาทนโต ตถา อวิตถา อนฺถา. เอวเมตา อภิชาติอาทิกา ตถา คโต อุปคโต อธิคโต ปฏิปนฺโน ปตฺโตติ ตถาคโต. เอวํ ภควา ตถา คโตติ ตถาคโต.

กถํ ตถาวิโธติ ตถาคโต? ยถาวิธา ปุริมกา สมฺมาสมฺพุทฺธา, อยมฺปิ ภควา ตถาวิโธ. กึ วุตฺตํ โหติ? ยถาวิธา เต ภควนฺโต มคฺคสีเลน, ผลสีเลน, สพฺเพนปิ โลกิยโลกุตฺตรสีเลน, มคฺคสมาธินา, ผลสมาธินา, สพฺเพนปิ โลกิยโลกุตฺตรสมาธินา, มคฺคปฺาย, ผลปฺาย, สพฺพายปิ โลกิยโลกุตฺตรปฺาย, เทวสิกํ วฬฺชิตพฺเพหิ จตุวีสติโกฏิสตสหสฺสสมาปตฺติวิหาเรหิ, ตทงฺควิมุตฺติยา วิกฺขมฺภนวิมุตฺติยา สมุจฺเฉทวิมุตฺติยา ปฏิปฺปสฺสทฺธิวิมุตฺติยา นิสฺสรณวิมุตฺติยาติ สงฺเขปโต, วิตฺถารโต ปน อนนฺตาปริมาณเภเทหิ อจินฺเตยฺยานุภาเวหิ สกลสพฺพฺุคุเณหิ, อยมฺปิ อมฺหากํ ภควา ตถาวิโธ. สพฺเพสฺหิ สมฺมาสมฺพุทฺธานํ อายุเวมตฺตํ, สรีรปฺปมาณเวมตฺตํ, กุลเวมตฺตํ, ทุกฺกรจริยาเวมตฺตํ, รสฺมิเวมตฺตนฺติ อิเมหิ ปฺจหิ เวมตฺเตหิ สิยา เวมตฺตํ, น ปน สีลวิสุทฺธิอาทีสุ วิสุทฺธีสุ สมถวิปสฺสนาปฏิปตฺติยํ อตฺตนา ปฏิวิทฺธคุเณสุ จ กิฺจิ นานากรณํ อตฺถิ, อถ โข มชฺเฌ ภินฺนสุวณฺณํ วิย อฺํมฺํ นิพฺพิเสสา เต พุทฺธา ภควนฺโต. ตสฺมา ยถาวิธา ปุริมกา สมฺมาสมฺพุทฺธา, อยมฺปิ ภควา ตถาวิโธ. เอวํ ตถาวิโธติ ตถาคโต. วิธตฺโถ เจตฺถ คตสทฺโท. ตถา หิ โลกิยา วิธยุตฺตคตสทฺเท ปการตฺเถ วทนฺติ.

กถํ ตถาปวตฺติโกติ ตถาคโต? อนฺสาธารเณน อิทฺธานุภาเวน สมนฺนาคตตฺตา อตฺถปฏิสมฺภิทาทีนํ อุกฺกํสปารมิปฺปตฺติยา อนาวรณาณปฏิลาเภน จ ภควโต กายปฺปวตฺติยาทีนํ กตฺถจิ ปฏิฆาตาภาวโต ยถารุจิ ตถา คตํ คติ คมนํ กายวจีจิตฺตปฺปวตฺติ เอตสฺสาติ ตถาคโต. เอวํ ตถาปวตฺติโกติ ตถาคโต.

กถํ ตเถหิ อคโตติ ตถาคโต? โพธิสมฺภารสมฺภรเณ ตปฺปฏิปกฺขปฺปวตฺติสงฺขาตํ นตฺถิ เอตสฺส คตนฺติ อคโต. โส ปนสฺส อคตภาโว มจฺเฉรทานปารมิอาทีสุ อวิปรีตํ อาทีนวานิสํสปจฺจเวกฺขณาทินยปฺปวตฺเตหิ าเณหีติ ตเถหิ าเณหิ อคโตติ ตถาคโต.

อถ วา กิเลสาภิสงฺขารปฺปวตฺติสงฺขาตํ ขนฺธปฺปวตฺติสงฺขาตเมว วา ปฺจสุปิ คตีสุ คตํ คมนํ เอตสฺส นตฺถีติ อคโต. สอุปาทิเสสอนุปาทิเสสนิพฺพานปฺปตฺติยา สฺวายมสฺส อคตภาโว ตเถหิ อริยมคฺคาเณหีติ เอวมฺปิ ภควา ตเถหิ อาคโตติ ตถาคโต.

กถํ ตถาคตภาเวน ตถาคโต? ตถาคตภาเวนาติ จ ตถาคตสฺส สพฺภาเวน, อตฺถิตายาติ อตฺโถ. โก ปเนส ตถาคโต, ยสฺส อตฺถิตาย ภควา ตถาคโตติ วุจฺจตีติ? สทฺธมฺโม. สทฺธมฺโม หิ อริยมคฺโค ตาว ยถา ยุคนทฺธสมถวิปสฺสนาพเลน อนวเสสกิเลสปกฺขํ สมูหนนฺเตน สมุจฺเฉทปฺปหานวเสน คนฺตพฺพํ, ตถา คโต. ผลธมฺโม ยถา อตฺตโน มคฺคานุรูปํ ปฏิปฺปสฺสทฺธิปฺปหานวเสน คนฺตพฺพํ, ตถา คโต ปวตฺโต. นิพฺพานธมฺโม ปน ยถา คโต ปฺาย ปฏิวิทฺโธ สกลวฏฺฏทุกฺขวูปสมาย สมฺปชฺชติ, พุทฺธาทีหิ ตถา คโต สจฺฉิกโตติ ตถาคโต. ปริยตฺติธมฺโมปิ ยถา ปุริมพุทฺเธหิ สุตฺตเคยฺยาทิวเสน ปวตฺติอาทิปฺปกาสนวเสน จ เวเนยฺยานํ อาสยาทิอนุรูปํ ปวตฺติโต, อมฺหากมฺปิ ภควตา ตถา คโต คทิโต ปวตฺติโตติ วา ตถาคโต. ยถา ภควตา เทสิโต, ตถา ภควโต สาวเกหิ คโต อวคโตติ ตถาคโต. เอวํ สพฺโพปิ สทฺธมฺโม ตถาคโต. เตนาห สกฺโก เทวานมินฺโท ‘‘ตถาคตํ เทวมนุสฺสปูชิตํ, ธมฺมํ นมสฺสาม สุวตฺถิ โหตู’’ติ (ขุ. ปา. ๖.๑๗; สุ. นิ. ๒๔๐). สฺวาสฺส อตฺถีติ ภควา ตถาคโต.

ยถา จ ธมฺโม, เอวํ อริยสงฺโฆปิ, ยถา อตฺตหิตาย ปรหิตาย จ ปฏิปนฺเนหิ สุวิสุทฺธํ ปุพฺพภาคสมถวิปสฺสนาปฏิปทํ ปุรกฺขตฺวา เตน เตน มคฺเคน คนฺตพฺพํ, ตํ ตํ ตถา คโตติ ตถาคโต. ยถา วา ภควตา สจฺจปฏิจฺจสมุปฺปาทาทินโย เทสิโต, ตถา จ พุทฺธตฺตา ตถา คทนโต จ ตถาคโต. เตนาห สกฺโก เทวราชา – ‘‘ตถาคตํ เทวมนุสฺสปูชิตํ, สงฺฆํ นมสฺสาม สุวตฺถิ โหตู’’ติ (ขุ. ปา. ๖.๑๘; สุ. นิ. ๒๔๑), สฺวาสฺส สาวกภูโต อตฺถีติ ภควา ตถาคโต. เอวํ ตถาคตภาเวน ตถาคโต.

อิทมฺปิ ตถาคตสฺส ตถาคตภาวทีปเน มุขมตฺตกเมว, สพฺพากาเรน ปน ตถาคโตว ตถาคตสฺส ตถาคตภาวํ วณฺเณยฺย. อิทฺหิ ตถาคตปทํ มหตฺถํ, มหาคติกํ, มหาวิสยํ, ตสฺส อปฺปมาทปทสฺส วิย เตปิฏกมฺปิ พุทฺธวจนํ ยุตฺติโต อตฺถภาเวน อาหรนฺโต ‘‘อติตฺเถน ธมฺมกถิโก ปกฺขนฺโท’’ติ น วตฺตพฺโพติ.

ตตฺเถตํ วุจฺจติ –

‘‘ยเถว โลเก ปุริมา มเหสิโน,

สพฺพฺุภาวํ มุนโย อิธาคตา;

ตถา อยํ สกฺยมุนีปิ อาคโต,

ตถาคโต วุจฺจติ เตน จกฺขุมา.

‘‘ปหาย กามาทิมเล อเสสโต,

สมาธิาเณหิ ยถา คตา ชินา;

ปุราตนา สกฺยมุนี ชุตินฺธโร,

ตถา คโต เตน ตถาคโต มโต.

‘‘ตถฺจ ธาตายตนาทิลกฺขณํ,

สภาวสามฺวิภาคเภทโต;

สยมฺภุาเณน ชิโนยมาคโต,

ตถาคโต วุจฺจติ สกฺยปุงฺคโว.

‘‘ตถานิ สจฺจานิ สมนฺตจกฺขุนา,

ตถา อิทปฺปจฺจยตา จ สพฺพโส;

อนฺเนยฺยา นยโต วิภาวิตา,

ตถา คโต เตน ชิโน ตถาคโต.

‘‘อเนกเภทาสุปิ โลกธาตุสุ,

ชินสฺส รูปายตนาทิโคจเร;

วิจิตฺตเภเท ตถเมว ทสฺสนํ,

ตถาคโต เตน สมนฺตโลจโน.

‘‘ยโต จ ธมฺมํ ตถเมว ภาสติ,

กโรติ วาจายนุรูปมตฺตโน;

คุเณหิ โลกํ อภิภุยฺยิรียติ,

ตถาคโต เตนปิ โลกนายโก.

‘‘ตถา ปริฺาย ตถาย สพฺพโส,

อเวทิ โลกํ ปภวํ อติกฺกมิ;

คโต จ ปจฺจกฺขกิริยาย นิพฺพุตึ,

อริยมคฺคฺจ คโต ตถาคโต.

‘‘ตถา ปฏิฺาย ตถาย สพฺพโส,

หิตาย โลกสฺส ยโตยมาคโต;

ตถาย นาโถ กรุณาย สพฺพทา,

คโต จ เตนาปิ ชิโน ตถาคโต.

‘‘ตถานิ าณานิ ยโตยมาคโต,

ยถาสภาวํ วิสยาวโพธโต;

ตถาภิชาติปฺปภุตี ตถาคโต,

ตทตฺถสมฺปาทนโต ตถาคโต.

‘‘ยถาวิธา เต ปุริมา มเหสิโน,

ตถาวิโธยมฺปิ ตถา ยถารุจิ;

ปวตฺตวาจา ตนุจิตฺตภาวโต,

ตถาคโต วุจฺจติ อคฺคปุคฺคโล.

‘‘สมฺโพธิสมฺภารวิปกฺขโต ปุเร,

คตํ น สํสารคตมฺปิ ตสฺส วา;

น จตฺถิ นาถสฺส ภวนฺตทสฺสิโน,

ตเถหิ ตสฺมา อคโต ตถาคโต.

‘‘ตถาคโต ธมฺมวโร มเหสินา,

ยถา ปหาตพฺพมลํ ปหียติ;

ตถาคโต อริยคโณ วินายโก,

ตถาคโต เตน สมงฺคิภาวโต’’ติ.

อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธนฺติ เอตฺถ อรหาติ ปทสฺส อตฺโถ เหฏฺา วุตฺโตเยว. สมฺมา สามฺจ สพฺพธมฺมานํ พุทฺธตฺตา สมฺมาสมฺพุทฺธํ. ยํกิฺจิ เยฺยํ นาม, ตสฺส สพฺพสฺสปิ สพฺพาการโต อวิปรีตโต สยเมว อภิสมฺพุทฺธตฺตาติ วุตฺตํ โหติ. อิมินาสฺส ปโรปเทสรหิตสฺส สพฺพากาเรน สพฺพธมฺมาวโพธนสมตฺถสฺส อากงฺขาปฏิพทฺธวุตฺติโน อนาวรณาณสงฺขาตสฺส สพฺพฺุตฺาณสฺส อธิคโม ทสฺสิโต.

นนุ จ สพฺพฺุตฺาณโต อฺํ อนาวรณํ, อฺถา ฉ อสาธารณานิ าณานิ พุทฺธาณานีติ วจนํ วิรุชฺเฌยฺยาติ? น วิรุชฺฌติ, วิสยปฺปวตฺติเภทวเสน อฺเหิ อสาธารณภาวทสฺสนตฺถํ เอกสฺเสว าณสฺส ทฺวิธา วุตฺตตฺตา. เอกเมว หิ ตํ าณํ อนวเสสสงฺขตาสงฺขตสมฺมุติธมฺมวิสยตาย สพฺพฺุตฺาณํ, ตตฺถ จ อาวรณาภาวโต นิสฺสงฺคจารมุปาทาย อนาวรณาณนฺติ วุตฺตํ. ยถาห ปฏิสมฺภิทายํ –

‘‘สพฺพํ สงฺขตาสงฺขตํ อนวเสสํ ชานาตีติ สพฺพฺุตฺาณํ. ตตฺถ อาวรณํ นตฺถีติ อนาวรณาณ’’นฺติอาทิ (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๙).

ตสฺมา นตฺถิ เนสํ อตฺถโต เภโท, เอกนฺเตเนเวตํ เอวมิจฺฉิตพฺพํ. อฺถา สพฺพฺุตานาวรณาณานํ สาธารณตา อสพฺพธมฺมารมฺมณตา จ อาปชฺเชยฺย. น หิ ภควโต าณสฺส อณุมตฺตมฺปิ อาวรณํ อตฺถิ, อนาวรณาณสฺส จ อสพฺพธมฺมารมฺมณภาเว ยตฺถ ตํ น ปวตฺตติ ตตฺถาวรณสพฺภาวโต อนาวรณภาโวเยว น สิยา. อถ วา ปน โหตุ อฺเมว อนาวรณํ สพฺพฺุตฺาณโต, อิธ ปน สพฺพตฺถ อปฺปฏิหตวุตฺติตาย อนาวรณาณนฺติ สพฺพฺุตฺาณเมว อธิปฺเปตํ, ตสฺเสวาธิคเมน ภควา สพฺพฺู สพฺพวิทู สมฺมาสมฺพุทฺโธติ วุจฺจติ, น สกึเยว สพฺพธมฺมาวโพธโต. ตถา จ วุตฺตํ ปฏิสมฺภิทายํ –

‘‘วิโมกฺขนฺติกเมตํ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ โพธิยา มูเล สห สพฺพฺุตฺาณสฺส ปฏิลาภา สจฺฉิกา ปฺตฺติ ยทิทํ พุทฺโธ’’ติ.

สพฺพธมฺมาวโพธนสมตฺถาณสมธิคเมน หิ ภควโต สนฺตาเน อนวเสสธมฺเม ปฏิวิชฺฌิตุํ สมตฺถตา อโหสีติ.

เอตฺถาห – กึ ปนิทํ าณํ ปวตฺตมานํ สกึเยว สพฺพสฺมึ วิสเย ปวตฺตติ, อุทาหุ กเมนาติ? กิฺเจตฺถ – ยทิ ตาว สกึเยว สพฺพสฺมึ วิสเย ปวตฺตติ, อตีตานาคตปฺปจฺจุปนฺนอชฺฌตฺตพหิทฺธาทิเภทภินฺนานํ สงฺขตธมฺมานํ อสงฺขตสมฺมุติธมฺมานฺจ เอกชฺฌํ อุปฏฺาเน ทูรโต จิตฺตปฏํ เปกฺขนฺตสฺส วิย วิสยวิภาเคนาวโพโธ น สิยา, ตถา จ สติ ‘‘สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา’’ติ วิปสฺสนฺตานํ อนตฺตากาเรน วิย สพฺพธมฺมา อนิรูปิตรูเปน ภควโต าณสฺส วิสยา โหนฺตีติ อาปชฺชติ. เยปิ ‘‘สพฺพเยฺยธมฺมานํ ิตลกฺขณวิสยํ วิกปฺปรหิตํ สพฺพกาลํ พุทฺธานํ าณํ ปวตฺตติ, เตน เต สพฺพวิทูติ วุจฺจนฺติ. เอวฺจ กตฺวา –

‘‘จรํ สมาหิโต นาโค, ติฏฺนฺโตปิ สมาหิโต’’ติ. –

‘‘อิทมฺปิ วจนํ สุวุตฺตํ โหตี’’ติ วทนฺติ, เตสมฺปิ วุตฺตโทสานาติวตฺติ, ิตลกฺขณารมฺมณตาย จ อตีตานาคตสมฺมุติธมฺมานํ ตทภาวโต, เอกเทสวิสยเมว ภควโต าณํ สิยา. ตสฺมา สกึเยว าณํ ปวตฺตตีติ น ยุชฺชติ.

อถ กเมน สพฺพสฺมึ วิสเย าณํ ปวตฺตตีติ? เอวมฺปิ น ยุชฺชติ. น หิ ชาติภูมิสภาวาทิวเสน ทิสาเทสกาลาทิวเสน จ อเนกเภทภินฺเน เยฺเย กเมน คยฺหมาเน ตสฺส อนวเสสปฏิเวโธ สมฺภวติ อปริยนฺตภาวโต เยฺยสฺส. เย ปน ‘‘อตฺถสฺส อวิสํวาทนโต เยฺยสฺส เอกเทสํ ปจฺจกฺขํ กตฺวา เสเสปิ เอวนฺติ อธิมุจฺจิตฺวา ววตฺถาปเนน สพฺพฺู ภควา, ตฺจ าณํ น อนุมานิกํ สํสยาภาวโต. สํสยานุพทฺธฺหิ โลเก อนุมานาณ’’นฺติ วทนฺติ, เตสมฺปิ น ยุตฺตํ. สพฺพสฺส หิ อปจฺจกฺขภาเว อตฺถสฺส อวิสํวาทเนน เยฺยสฺส เอกเทสํ ปจฺจกฺขํ กตฺวา เสเสปิ เอวนฺติ อธิมุจฺจิตฺวา ววตฺถาปนสฺส อสมฺภวโต. ยฺหิ ตํ เสสํ, ตํ อปจฺจกฺขนฺติ. อถ ตมฺปิ ปจฺจกฺขํ, ตสฺส เสสภาโว ปน น สิยาติ สพฺพเมตํ อการณํ. กสฺมา? อวิสยวิจารภาวโต. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –

‘‘พุทฺธวิสโย, ภิกฺขเว, อจินฺเตยฺโย, น จินฺเตตพฺโพ; โย จินฺเตยฺย, อุมฺมาทสฺส วิฆาตสฺส ภาคี อสฺสา’’ติ (อ. นิ. ๔.๗๗).

อิทํ ปเนตฺถ สนฺนิฏฺานํ – ยํกิฺจิ ภควตา าตุํ อิจฺฉิตํ สกลเมกเทโส วา, ตตฺถ อปฺปฏิหตวุตฺติตาย ปจฺจกฺขโต าณํ ปวตฺตติ, นิจฺจสมาธานฺจ วิกฺเขปาภาวโต, าตุํ อิจฺฉิตสฺส สกลสฺส อวิสยภาวโต ตสฺส อากงฺขาปฏิพทฺธวุตฺติตา น สิยา, เอกนฺเตเนว สา อิจฺฉิตพฺพา ‘‘สพฺเพ ธมฺมา พุทฺธสฺส ภควโต อาวชฺชนปฏิพทฺธา, อากงฺขาปฏิพทฺธา, มนสิการปฏิพทฺธา, จิตฺตุปฺปาทปฏิพทฺธา’’ติ (มหานิ. ๖๙; จูฬนิ. โมฆราชมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๘๕) วจนโต. อตีตานาคตวิสยมฺปิ ภควโต าณํ อนุมานาคมนตกฺกคฺคหณวิรหิตตฺตา ปจฺจกฺขเมว.

นนุ จ เอตสฺมิมฺปิ ปกฺเข ยทา สกลํ าตุํ อิจฺฉิตํ, ตทา สกิเมว สกลวิสยตาย อนิรูปิตรูเปน ภควโต าณํ ปวตฺเตยฺยาติ วุตฺตโทสานาติวตฺติเยวาติ? น, ตสฺส วิโสธิตตฺตา. วิโสธิโต หิ โส พุทฺธวิสโย อจินฺเตยฺโยติ. อฺถา ปจุรชนาณสมวุตฺติตาย พุทฺธานํ ภควนฺตานํ าณสฺส อจินฺเตยฺยตา น สิยา, ตสฺมา สกลธมฺมารมฺมณมฺปิ ตํ เอกธมฺมารมฺมณํ วิย สุววตฺถาปิเตเยว เต ธมฺเม กตฺวา ปวตฺตตีติ อิทเมตฺถ อจินฺเตยฺยํ. ยาวตกํ เยฺยํ, ตาวตกํ าณํ, ยาวตกํ าณํ, ตาวตกํ เยฺยํ, เยฺยปริยนฺติกํ าณํ, าณปริยนฺติกํ เยฺยนฺติ เอวเมกชฺฌํ วิสุํ วิสุํ สกึ กเมน จ อิจฺฉานุรูปํ สมฺมา สามฺจ สพฺพธมฺมานํ พุทฺธตฺตา สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา. ตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ.

ทฺเว วิตกฺกาติ ทฺเว สมฺมา วิตกฺกา. ตตฺถ วิตกฺเกนฺติ เอเตน, สยํ วา วิตกฺเกติ, วิตกฺกนมตฺตเมว วาติ วิตกฺโก. สฺวายํ อารมฺมณาภินิโรปนลกฺขโณ, อาหนนปริยาหนนรโส, อารมฺมเณ จิตฺตสฺส อานยนปจฺจุปฏฺาโน. วิสยเภเทน ปน ตํ ทฺวิธา กตฺวา วุตฺตํ ‘‘ทฺเว วิตกฺกา’’ติ. สมุทาจรนฺตีติ สมํ สมฺมา จ อุทฺธมุทฺธํ มริยาทาย จรนฺติ. มริยาทตฺโถ หิ อยมากาโร, เตน จ โยเคน ‘‘ตถาคตํ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธ’’นฺติ อิทํ สามิอตฺเถ อุปโยควจนํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ตถาคตสฺส อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อตฺตโน วิสเย สมํ สมฺมา จ อฺมฺํ มริยาทํ อนติกฺกมนฺตา อุทฺธมุทฺธํ พหุลํ อภิณฺหํ จรนฺติ ปวตฺตนฺตีติ.

โก ปน เนสํ วิสโย, กา วา มริยาทา, กถฺจ ตํ อนติกฺกมิตฺวา เต อุทฺธมุทฺธํ พหุลํ อภิณฺหํ นิจฺจํ ปวตฺตนฺตีติ? วุจฺจเต – เขมวิตกฺโก, ปวิเวกวิตกฺโกติ อิเม ทฺเว วิตกฺกาเยว. เตสุ เขมวิตกฺโก ตาว ภควโต วิเสเสน กรุณาสมฺปยุตฺโต, เมตฺตามุทิตาสมฺปยุตฺโตปิ ลพฺภเตว, ตสฺมา โส มหากรุณาสมาปตฺติยา เมตฺตาทิสมาปตฺติยา จ ปุพฺพงฺคโม สมฺปยุตฺโต จ เวทิตพฺโพ. ปวิเวกวิตกฺโก ปน ผลสมาปตฺติยา ปุพฺพงฺคโม สมฺปยุตฺโต จ, ทิพฺพวิหาราทิวเสนาปิ ลพฺภเตว. อิติ เนสํ วิตกฺโก วิสโย, ตสฺมา เอกสฺมึ สนฺตาเน พหุลํ ปวตฺตมานานมฺปิ กาเลน กาลํ สวิสยสฺมึเยว จรณโต นตฺถิ มริยาทา, น สงฺกเรน วุตฺติ.

ตตฺถ เขมวิตกฺโก ภควโต กรุโณกฺกมนาทินา วิภาเวตพฺโพ, ปวิเวกวิตกฺโก สมาปตฺตีหิ. ตตฺรายํ วิภาวนา – ‘‘อยํ โลโก สนฺตาปชาโต ทุกฺขปเรโต’’ติอาทินา ราคคฺคิอาทีหิ โลกสนฺนิวาสสฺส อาทิตฺตตาทิอาการทสฺสเนหิ มหากรุณาสมาปตฺติยา ปุพฺพภาเค, สมาปตฺติยมฺปิ ปมชฺฌานวเสน วตฺตพฺโพ. วุตฺตฺเหตํ (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๗-๑๑๘) –

‘‘พหูหิ อากาเรหิ ปสฺสนฺตานํ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ สตฺเตสุ มหากรุณา โอกฺกมติ, อาทิตฺโต โลกสนฺนิวาโสติ ปสฺสนฺตานํ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ สตฺเตสุ มหากรุณา โอกฺกมติ. อุยฺยุตฺโต, ปยาโต, กุมฺมคฺคปฏิปนฺโน, อุปนียติ โลโก อทฺธุโว, อตาโณ โลโก อนภิสฺสโร, อสฺสโก โลโก, สพฺพํ ปหาย คมนียํ, อูโน โลโก อติตฺโต ตณฺหาทาโส.

‘‘อตายโน โลกสนฺนิวาโส, อเลโณ, อสรโณ, อสรณีภูโต, อุทฺธโต โลโก อวูปสนฺโต, สสลฺโล โลกสนฺนิวาโส วิทฺโธ ปุถุสลฺเลหิ, อวิชฺชนฺธการาวรโณ กิเลสปฺชรปริกฺขิตฺโต, อวิชฺชาคโต โลกสนฺนิวาโส อณฺฑภูโต ปริโยนทฺโธ ตนฺตากุลกชาโต กุลาคุณฺิกชาโต มุฺชปพฺพชภูโต อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ สํสารํ นาติวตฺตตีติ ปสฺสนฺตานํ, อวิชฺชาวิสโทสสํลิตฺโต กิเลสกลลีภูโต, ราคโทสโมหชฏาชฏิโต.

‘‘ตณฺหาสงฺฆาฏปฏิมุกฺโก, ตณฺหาชาเลน โอตฺถโฏ, ตณฺหาโสเตน วุยฺหติ, ตณฺหาสํโยชเนน สํยุตฺโต, ตณฺหานุสเยน อนุสโฏ, ตณฺหาสนฺตาเปน สนฺตปฺปติ, ตณฺหาปริฬาเหน ปริฑยฺหติ.

‘‘ทิฏฺิสงฺฆาฏปฏิมุกฺโก, ทิฏฺิชาเลน โอตฺถโฏ, ทิฏฺิโสเตน วุยฺหติ, ทิฏฺิสํโยชเนน สํยุตฺโต, ทิฏฺานุสเยน อนุสโฏ, ทิฏฺิสนฺตาเปน สนฺตปฺปติ, ทิฏฺิปริฬาเหน ปริฑยฺหติ.

‘‘ชาติยา อนุคโต, ชราย อนุสโฏ, พฺยาธินา อภิภูโต, มรเณน อพฺภาหโต, ทุกฺเข ปติฏฺิโต.

‘‘ตณฺหาย โอฑฺฑิโต, ชราปาการปริกฺขิตฺโต, มจฺจุปาสปริกฺขิตฺโต, มหาพนฺธนพทฺโธ, โลกสนฺนิวาโส, ราคพนฺธเนน, โทสโมหพนฺธเนน, มานทิฏฺิกิเลสทุจฺจริตพนฺธเนน พทฺโธ, มหาสมฺพาธปฏิปนฺโน, มหาปลิโพเธน ปลิพุทฺโธ, มหาปปาเต ปติโต, มหากนฺตารปฏิปนฺโน, มหาสํสารปฏิปนฺโน, มหาวิทุคฺเค สมฺปริวตฺตติ, มหาปลิเป ปลิปนฺโน.

‘‘อพฺภาหโต โลกสนฺนิวาโส, อาทิตฺโต โลกสนฺนิวาโส ราคคฺคินา, โทสคฺคินา, โมหคฺคินา ชาติยา…เป… อุปายาเสหิ, อุนฺนีตโก โลกสนฺนิวาโส หฺติ นิจฺจมตาโณ ปตฺตทณฺโฑ ตกฺกโร, วชฺชพนฺธนพทฺโธ อาฆาตนปจฺจุปฏฺิโต, อนาโถ โลกสนฺนิวาโส ปรมการุฺตํ ปตฺโต, ทุกฺขาภิตุนฺโน จิรรตฺตปีฬิโต, นิจฺจคธิโต นิจฺจปิปาสิโต.

‘‘อนฺโธ, อจกฺขุโก, หตเนตฺโต, อปริณายโก, วิปถปกฺขนฺโท, อฺชสาปรทฺโธ, มโหฆปกฺขนฺโท.

‘‘ทฺวีหิ ทิฏฺิคเตหิ ปริยุฏฺิโต, ตีหิ ทุจฺจริเตหิ วิปฺปฏิปนฺโน, จตูหิ โยเคหิ โยชิโต, จตูหิ คนฺเถหิ คนฺถิโต, จตูหิ อุปาทาเนหิ อุปาทียติ, ปฺจคติสมารุฬฺโห, ปฺจหิ กามคุเณหิ รชฺชติ, ปฺจหิ นีวรเณหิ โอตฺถโฏ, ฉหิ วิวาทมูเลหิ วิวทติ, ฉหิ ตณฺหากาเยหิ รชฺชติ, ฉหิ ทิฏฺิคเตหิ ปริยุฏฺิโต, สตฺตหิ อนุสเยหิ อนุสโฏ, สตฺตหิ สํโยชเนหิ สํยุตฺโต, สตฺตหิ มาเนหิ อุนฺนโต, อฏฺหิ โลกธมฺเมหิ สมฺปริวตฺตติ, อฏฺหิ มิจฺฉตฺเตหิ นิยโต, อฏฺหิ ปุริสโทเสหิ ทุสฺสติ, นวหิ อาฆาตวตฺถูหิ อาฆาติโต, นวหิ มาเนหิ อุนฺนโต, นวหิ ตณฺหามูลเกหิ ธมฺเมหิ รชฺชติ, ทสหิ กิเลสวตฺถูหิ กิลิสฺสติ, ทสหิ อาฆาตวตฺถูหิ อาฆาติโต, ทสหิ อกุสลกมฺมปเถหิ สมนฺนาคโต, ทสหิ สํโยชเนหิ สํยุตฺโต, ทสหิ มิจฺฉตฺเตหิ นิยโต, ทสวตฺถุกาย ทิฏฺิยา สมนฺนาคโต, ทสวตฺถุกาย อนฺตคฺคาหิกาย ทิฏฺิยา สมนฺนาคโต, อฏฺสตตณฺหาปปฺเจหิ ปปฺจิโต, ทฺวาสฏฺิยา ทิฏฺิคเตหิ ปริยุฏฺิโต โลกสนฺนิวาโสติ สมฺปสฺสนฺตานํ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ สตฺเตสุ มหากรุณา โอกฺกมติ.

‘‘อหฺจมฺหิ ติณฺโณ, โลโก จ อติณฺโณ. อหฺจมฺหิ มุตฺโต, โลโก จ อมุตฺโต. อหฺจมฺหิ ทนฺโต, โลโก จ อทนฺโต. อหฺจมฺหิ สนฺโต, โลโก จ อสนฺโต. อหฺจมฺหิ อสฺสตฺโถ, โลโก จ อนสฺสตฺโถ. อหฺจมฺหิ ปรินิพฺพุโต, โลโก จ อปรินิพฺพุโต. ปโหมิ ขฺวาหํ ติณฺโณ ตาเรตุํ, มุตฺโต โมเจตุํ, ทนฺโต ทเมตุํ, สนฺโต สเมตุํ, อสฺสตฺโถ อสฺสาเสตุํ, ปรินิพฺพุโต ปเร จ ปรินิพฺพาเปตุนฺติ ปสฺสนฺตานํ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ สตฺเตสุ มหากรุณา โอกฺกมตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๗-๑๑๘).

อิมินาว นเยน ภควโต สตฺเตสุ เมตฺตาโอกฺกมนฺจ วิภาเวตพฺพํ. กรุณาวิสยสฺส หิ ทุกฺขสฺส ปฏิปกฺขภูตํ สุขํ สตฺเตสุ อุปสํหรนฺตี เมตฺตาปิ ปวตฺตตีติ อิธ อพฺยาปาทอวิหึสาวิตกฺกา เขมวิตกฺโก. ปวิเวกวิตกฺโก ปน เนกฺขมฺมวิตกฺโกเยว, ตสฺส ทิพฺพวิหารอริยวิหาเรสุ ปุพฺพภาคสฺส ปมชฺฌานสฺส ปจฺจเวกฺขณาย จ วเสน ปวตฺติ เวทิตพฺพา. ตตฺถ เย เต ภควโต เทวสิกํ วฬฺชนกวเสน จตุวีสติโกฏิสตสหสฺสสงฺขา สมาปตฺติวิหารา, เยสํ ปุเรจรณภาเวน ปวตฺตํ สมาธิจริยานุคตํ าณจริยานุคตํ าณํ จตุวีสติโกฏิสตสหสฺสสมาปตฺติสฺจาริมหาวชิราณนฺติ วุจฺจติ, เตสํ วเสน ภควโต ปวิเวกวิตกฺกสฺส พหุลํ ปวตฺติ เวทิตพฺพา. อยฺจ อตฺโถ มหาสจฺจกสุตฺเตนปิ เวทิตพฺโพ. วุตฺตฺหิ ตตฺถ ภควตา –

‘‘โส โข อหํ, อคฺคิเวสฺสน, ตสฺมึเยว ปุริมสฺมึ สมาธินิมิตฺเต อชฺฌตฺตเมว จิตฺตํ สณฺเปมิ, สนฺนิสาเทมิ, เยน สุทํ นิจฺจกปฺปํ วิหรามี’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๘๗).

อิทฺหิ ภควา ‘‘สมโณ โคตโม อภิรูโป ปาสาทิโก สุผุสิตํ ทนฺตาวรณํ, ชิวฺหา ตนุกา, มธุรํ วจนํ, เตน ปริสํ รฺเชนฺโต มฺเ วิจรติ, จิตฺเต ปนสฺส เอกคฺคตา นตฺถิ, โย เอวํ สฺตฺติพหุโล จรตี’’ติ สจฺจเกน นิคณฺปุตฺเตน วิตกฺกิเต อวสฺสํ สโหฒํ โจรํ คณฺหนฺโต วิย ‘‘น อคฺคิเวสฺสน ตถาคโต ปริสํ รฺเชนฺโต สฺตฺติพหุโล วิจรติ, จกฺกวาฬปริยนฺตายปิ ปริสาย ธมฺมํ เทเสติ, อสลฺลีโน อนุปลิตฺโต เอกตฺตํ เอกวิหาริสุฺตาผลสมาปตฺติผลํ อนุยุตฺโต’’ติ ทสฺเสตุํ อาหริ.

ภควา หิ ยสฺมึ ขเณ ปริสา สาธุการํ เทติ, ธมฺมํ วา ปจฺจเวกฺขติ, ตสฺมึ ขเณ ปุพฺพภาเคน กาลํ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ผลสมาปตฺตึ อสฺสาสวาเร ปสฺสาสวาเร สมาปชฺชติ, สาธุการสทฺทนิคฺโฆเส อวิจฺฉินฺเนเยว ธมฺมปจฺจเวกฺขณาย จ ปริโยสาเน สมาปตฺติโต วุฏฺาย ิตฏฺานโต ปฏฺาย ธมฺมํ เทเสติ. พุทฺธานฺหิ ภวงฺคปริวาโส ลหุโก, อสฺสาสวาเร ปสฺสาสวาเร สมาปตฺติโย สมาปชฺชนฺติ. เอวํ ยถาวุตฺตสมาปตฺตีนํ สปุพฺพภาคานํ วเสน ภควโต เขมวิตกฺกสฺส ปวิเวกวิตกฺกสฺส จ พหุลปฺปวตฺติ เวทิตพฺพา.

ตตฺถ ยสฺส พฺยาปาทวิหึสาวิตกฺกาทิสํกิเลสปฺปหานสฺส อพฺยาปาทวิตกฺกสฺส อวิหึสาวิตกฺกสฺส จ อานุภาเวน กุโตจิปิ ภยาภาวโต ตํสมงฺคี เขมปฺปตฺโต จ วิหรติ, ตโต จ สพฺพสฺสปิ สพฺพทาปิ เขมเมว โหติ อภยเมว. ตสฺมา ทุวิโธปิ อุภเยสํ เขมงฺกโรติ เขมวิตกฺโก. ยสฺส ปน กามวิตกฺกาทิสํกิเลสปหานสฺส เนกฺขมฺมวิตกฺกสฺส อานุภาเวน กายวิเวโก, จิตฺตวิเวโก, อุปธิวิเวโกติ ติวิโธ; ตทงฺควิเวโก, วิกฺขมฺภนวิเวโก, สมุจฺเฉทวิเวโก, ปฏิปฺปสฺสทฺธิวิเวโก, นิสฺสรณวิเวโกติ ปฺจวิโธ จ วิเวโก ปาริปูรึ คจฺฉติ. โส ยถารหํ อารมฺมณโต สมฺปโยคโต จ ปวิเวกสหคโต วิตกฺโกติ ปวิเวกวิตกฺโก. เอเต จ ทฺเว วิตกฺกา เอวํ วิภตฺตวิสยาปิ สมานา อาทิกมฺมิกานํ อฺมฺูปการาย สมฺภวนฺติ. ยถา หิ เขมวิตกฺกสฺส ปวิเวกวิตกฺโก อนุปฺปนฺนสฺส อุปฺปาทาย อุปฺปนฺนสฺส ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลาย โหติ, เอวํ ปวิเวกวิตกฺกสฺสปิ เขมวิตกฺโก. น หิ วูปกฏฺกายจิตฺตานมนฺตเรน เมตฺตาวิหาราทโย สมฺภวนฺติ พฺยาปาทาทิปฺปหาเนน จ วินา จิตฺตวิเวกาทีนํ อสมฺภโวเยวาติ อฺมฺสฺส พหูปการา เอเต ธมฺมา ทฏฺพฺพา. ภควโต ปน สพฺพโส ปหีนสํกิเลสสฺส โลกหิตตฺถาย เอวํ เขมวิตกฺโก จ ปวิเวกวิตกฺโก จ อสฺสาสวารมตฺเตปิ หิตสุขมาวหนฺติเยวาติ. เขโม จ วิตกฺโก ปวิเวโก จ วิตกฺโกติ สมฺพนฺธิตพฺพํ.

เอวํ อุทฺทิฏฺเ ทฺเว วิตกฺเก นิทฺทิสิตุํ ‘‘อพฺยาปชฺฌาราโม’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อพฺยาปชฺฌนํ กสฺสจิ อทุกฺขนํ อพฺยาปชฺโฌ, โส อารมิตพฺพโต อาราโม เอตสฺสาติ อพฺยาปชฺฌาราโม. อพฺยาปชฺเฌ รโต เสวนวเสน นิรโตติ อพฺยาปชฺฌรโต. เอเสวาติ เอโส เอว. อิริยายาติ กิริยาย, กายวจีปโยเคนาติ อตฺโถ. น กฺจิ พฺยาพาเธมีติ หีนาทีสุ กฺจิปิ สตฺตํ ตณฺหาตสาทิโยคโต ตสํ วา ตทภาวโต ปหีนสพฺพกิเลสวิปฺผนฺทิตตฺตา ถาวรํ วา น พาเธมิ น ทุกฺขาเปมิ. กรุณชฺฌาสโย ภควา มหากรุณาสมาปตฺติพหุโล อตฺตโน ปรมรุจิตกรุณชฺฌาสยานุรูปเมวมาห. เตน อวิหึสาวิตกฺกํ อพฺยาปาทวิตกฺกฺจ ทสฺเสติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘อหํ อิมาย อิริยาย อิมาย ปฏิปตฺติยา เอวํ สมฺมา ปฏิปชฺชนฺโต เอวํ สมาปตฺติวิหาเรหิ วิหรนฺโต เอวํ ปุฺตฺถิเกหิ กตานิ สกฺการครุการมานนวนฺทนปูชนานิ อธิวาเสนฺโต สตฺเตสุ น กฺจิ พฺยาพาเธมิ, อปิจ โข ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺถปฺปเภทํ หิตสุขเมว เนสํ ปริพฺรูเหมี’ติ.

ยํ อกุสลํ, ตํ ปหีนนฺติ ยํ ทิยฑฺฒกิเลสสหสฺสเภทํ อฺฺจ ตํสมฺปยุตฺตํ อนนฺตปฺปเภทํ อกุสลํ, ตํ สพฺพํ โพธิมูเลเยว มยฺหํ ปหีนํ สมูหตนฺติ. อิมินา ปวิเวเกสุ มุทฺธภูเตน สทฺธึ นิสฺสรณวิเวเกน สมุจฺเฉทปฺปฏิปฺปสฺสทฺธิวิเวเก ทสฺเสติ. เกจิ ปเนตฺถ ตทงฺควิกฺขมฺภนวิเวเกปิ อุทฺธรนฺติ. อาคมนียปฏิปทาย หิ สทฺธึ ภควตา อตฺตโน กิเลสกฺขโย อิธ วุตฺโตติ.

อิติ ภควา อปริมิตกปฺปปริจิตฺตํ อตฺตโน ปวิเวกชฺฌาสยํ สทฺธึ นิสฺสรณชฺฌาสเยน อิทานิ มตฺถกํ ปาเปตฺวา ิโต ตมชฺฌาสยํ ผลสมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา อตฺตโน กิเลสปฺปหานปจฺจเวกฺขณมุเขน วิภาเวติ. ยทตฺถํ ปเนตฺถ สตฺถา อิเม ทฺเว วิตกฺเก อุทฺธริ, อิทานิ ตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตสฺมาติห, ภิกฺขเว’’ติอาทิมาห. ภควา หิ อิมสฺส วิตกฺกทฺวยสฺส อตฺตโน พหุลสมุทาจารทสฺสนมุเขเนว ตตฺถ ภิกฺขู นิเวเสตุํ อิมํ เทสนํ อารภิ.

ตตฺถ ตสฺมาติ ยสฺมา อพฺยาปชฺฌปวิเวกาภิรตสฺส เม เขมปวิเวกวิตกฺกาเยว พหุลํ ปวตฺตนฺติ, ตสฺมา. ติหาติ นิปาตมตฺตํ. อพฺยาปชฺฌารามา วิหรถาติ สพฺพสตฺเตสุ เมตฺตาวิหาเรน กรุณาวิหาเร น จ อภิรมนฺตา วิหรถ. เตน พฺยาปาทสฺส ตเทกฏฺกิเลสานฺจ ทูรีกรณมาห. เตสํ โวติ เอตฺถ โวติ นิปาตมตฺตํ. ปวิเวการามา วิหรถาติ กายาทิวิเวกฺเจว ตทงฺคาทิวิเวกฺจาติ สพฺพวิเวเก อารมิตพฺพฏฺานํ กตฺวา วิหรถ. อิมาย มยนฺติอาทิ ยถา เนสํ เขมวิตกฺกสฺส ปวตฺตนาการทสฺสนํ, เอวํ กึ อกุสลนฺติอาทิ ปวิเวกวิตกฺกสฺส ปวตฺตนาการทสฺสนํ. ตตฺถ ยถา อนวชฺชธมฺเม ปริปูเรตุกาเมน กึกุสลคเวสินา หุตฺวา กุสลธมฺมปริเยสนา กาตพฺพาว, สาวชฺชธมฺเม ปชหิตุกาเมนาปิ อกุสลปริเยสนา กาตพฺพาติ อาห ‘‘กึ อกุสล’’นฺติอาทิ. อภิฺาปุพฺพิกา หิ ปริฺาปหานสจฺฉิกิริยาภาวนา. ตตฺถ กึ อกุสลนฺติ อกุสลํ นาม กึ, สภาวโต กิมสฺส ลกฺขณํ, กานิ วา รสปจฺจุปฏฺานปทฏฺานานีติ อกุสลสฺส สภาวกิจฺจาทิโต ปจฺจเวกฺขณวิธึ ทสฺเสติ. อาทิกมฺมิกวเสน เจส วิตกฺโก อาคโต, กึ อปฺปหีนํ กึ ปชหามาติ อิทํ ปททฺวยํ เสกฺขวเสน. ตสฺมา กึ อปฺปหีนนฺติ กามราคสํโยชนาทีสุ อกุสเลสุ กึ อกุสลํ อมฺหากํ มคฺเคน อสมุจฺฉินฺนํ? กึ ปชหามาติ กึ อกุสลํ สมุคฺฆาเตม? อถ วา กึ ปชหามาติ วีติกฺกมปริยุฏฺานานุสเยสุ กึ วิภาคํ อกุสลํ อิทานิ มยํ ปชหามาติ อตฺโถ. เกจิ ปน ‘‘กึ อปฺปหีน’’นฺติ ปนฺติ. เตสํ ทิฏฺิสํโยชนาทิวเสน อเนกเภเทสุ อกุสเลสุ กึ กตมํ อกุสลํ, เกน กตเมน ปกาเรน, กตเมน วา มคฺเคน อมฺหากํ อปฺปหีนนฺติ วุตฺตํ โหติ. เสสํ วุตฺตนยเมว.

คาถาสุ พุทฺธนฺติ จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ อวิปรีตํ สยมฺภุาเณน พุทฺธตฺตา ปฏิวิทฺธตฺตา พุทฺธํ สจฺจวินิมุตฺตสฺส เยฺยสฺส อภาวโต. ตถา หิ วุตฺตํ –

‘‘อภิฺเยฺยํ อภิฺาตํ, ภาเวตพฺพฺจ ภาวิตํ;

ปหาตพฺพํ ปหีนํ เม, ตสฺมา พุทฺโธสฺมิ พฺราหฺมณา’’ติ. (สุ. นิ. ๕๖๓; ม. นิ. ๒.๓๙๙);

เปตฺวา มหาโพธิสตฺตํ อฺเหิ สหิตุํ วหิตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา อสยฺหสฺส สกลสฺส โพธิสมฺภารสฺส มหากรุณาธิการสฺส จ สหนโต วหนโต, ตถา อฺเหิ สหิตุํ อภิภวิตุํ ทุกฺกรตฺตา อสยฺหานํ ปฺจนฺนํ มารานํ สหนโต อภิภวนโต, อาสยานุสยจริยาธิมุตฺติอาทิวิภาคาวโพเธน ยถารหํ เวเนยฺยานํ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺเถหิ อนุสาสนสงฺขาตสฺส อฺเหิ อสยฺหสฺส พุทฺธกิจฺจสฺส สหนโต วหนโต, ตตฺถ วา สาธุการิภาวโต อสยฺหสาหินํ. สมุทาจรนฺติ นนฺติ เอตฺถ นฺติ นิปาตมตฺตํ, นํ ตถาคตนฺติ วา อตฺโถ.

สกปรสนฺตาเนสุ ตมสงฺขาตํ โมหนฺธการํ นุทิ ขิปีติ ตโมนุโท. ปารํ นิพฺพานํ คโตติ ปารคโต. อถ วา ‘‘มุตฺโต โมเจยฺย’’นฺติอาทินา นเยน ปวตฺติตสฺส มหาภินีหารสฺส สกลสฺส วา สํสารทุกฺขสฺส สพฺพฺุคุณานํ ปารํ ปริยนฺตํ คโตติ ปารคโต, ตํ ตโมนุทํ ปารคตํ. ตโต เอว ปตฺติปตฺตํ พุทฺธํ, สีลาทึ ทสพลาณาทิฺจ สมฺมาสมฺพุทฺเธหิ ปตฺตพฺพํ สพฺพํ ปตฺตนฺติ อตฺโถ. วสิมนฺติ ฌานาทีสุ อากงฺขาปฏิพทฺโธ ปรโม อาวชฺชนาทิวสิภาโว, อริยิทฺธิสงฺขาโต อนฺสาธารโณ จิตฺตวสิภาโว จ อสฺส อตฺถีติ วสิมา, ตํ วสิมํ, วสินนฺติ อตฺโถ. สพฺเพสํ กามาสวาทีนํ อภาเวน อนาสวํ. กายวิสมาทิกสฺส วิสมสฺส วนฺตตฺตา วา วิสสงฺขาตํ สพฺพํ กิเลสมลํ ตริตฺวา วา วิสํ สกลวฏฺฏทุกฺขํ สยํ ตริตฺวา ตารณโต วิสนฺตโร ตํ วิสนฺตรํ. ตณฺหกฺขเย อรหตฺตผเล นิพฺพาเน วา วิมุตฺตํ, อุภยมฺหิ คมนโต โมนสงฺขาเตน าเณน กายโมเนยฺยาทีหิ วา สาติสยํ สมนฺนาคตตฺตา มุนึ. มุนีติ หิ อคาริยมุนิ, อนคาริยมุนิ, เสกฺขมุนิ, อเสกฺขมุนิ, ปจฺเจกมุนิ, มุนิมุนีติ อเนกวิธา มุนโย. ตตฺถ คิหี อาคตผโล วิฺาตสาสโน อคาริยมุนิ, ตถารูโป ปพฺพชิโต อนคาริยมุนิ, สตฺต เสกฺขา เสกฺขมุนิ, ขีณาสโว อเสกฺขมุนิ, ปจฺเจกพุทฺโธ ปจฺเจกมุนิ, สมฺมาสมฺพุทฺโธ มุนิมุนีติ. อยเมว อิธาธิปฺเปโต. อายตึ ปุนพฺภวาภาวโต อนฺติมํ, ปจฺฉิมํ เทหํ กายํ ธาเรตีติ อนฺติมเทหธารี, ตํ อนฺติมเทหธารึ. กิเลสมาราทีนํ สมฺมเทว ปริจฺจตฺตตฺตา มารฺชหํ. ตโต เอว ชราเหตุสมุจฺเฉทโต อนุปาทิเสสนิพฺพานปฺปตฺติวเสน ปากฏชราทิสพฺพชราย ปารคุํ. ชราสีเสน เจตฺถ ชาติมรณโสกาทีนํ ปารคมนํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ตํ เอวํภูตํ ตถาคตํ ทุเว วิตกฺกา สมุทาจรนฺตีติ พฺรูมีติ สมฺพนฺโธ.

อิติ ภควา ปมคาถาย วิตกฺกทฺวยํ อุทฺทิสิตฺวา ตโต ทุติยคาถาย ปวิเวกวิตกฺกํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ เขมวิตกฺกํ ทสฺเสตุํ ‘‘เสเล ยถา’’ติ ตติยคาถมาห. ตตฺถ เสเล ยถา ปพฺพตมุทฺธนิฏฺิโตติ เสเล สิลามเย เอกคฺฆนปพฺพตมุทฺธนิ ยถา ิโต. น หิ ตตฺถ ิตสฺส อุทฺธํ คีวุกฺขิปนปสารณาทิกิจฺจํ อตฺถิ. ตถูปมนฺติ ตปฺปฏิภาคํ เสลปพฺพตูปมํ. อยํ ปเนตฺถ สงฺเขปตฺโถ – ยถา เสลปพฺพตมุทฺธนิ ิโต จกฺขุมา ปุริโส สมนฺตโต ชนตํ ปสฺเสยฺย, เอวเมว สุเมโธ, สุนฺทรปฺโ สพฺพฺุตฺาเณน สมนฺตจกฺขุ ภควา ธมฺมมยํ ปฺามยํ ปาสาทมารุยฺห สยํ อเปตโสโก โสกาวติณฺณํ ชาติชราภิภูตฺจ ชนตํ สตฺตกายํ อเวกฺขติ อุปธารยติ อุปปริกฺขติ. อยํ ปเนตฺถ อธิปฺปาโย – ยถา หิ ปพฺพตปาเท สมนฺตา มหนฺตํ เขตฺตํ กตฺวา ตตฺถ เกทารปาฬีสุ กุฏิโย กตฺวา รตฺตึ อคฺคึ ชาเลยฺย, จตุรงฺคสมนฺนาคตฺจ อนฺธการํ ภเวยฺย, อถสฺส ปพฺพตสฺส มตฺถเก ตฺวา จกฺขุมโต ปุริสสฺส ภูมิปฺปเทสํ โอโลกยโต เนว เขตฺตํ, น เกทารปาฬิโย, น กุฏิโย, น ตตฺถ สยิตมนุสฺสา ปฺาเยยฺยุํ, กุฏีสุ ปน อคฺคิชาลมตฺตเมว ปฺาเยยฺย, เอวํ ธมฺมมยํ ปาสาทมารุยฺห สตฺตกายํ โอโลกยโต ตถาคตสฺส เย เต อกตกลฺยาณา สตฺตา, เต เอกวิหาเร ทกฺขิณปสฺเส นิสินฺนาปิ พุทฺธาณสฺส อาปาถํ นาคจฺฉนฺติ, รตฺตึ ขิตฺตสรา วิย โหนฺติ. เย ปน กตกลฺยาณา เวเนยฺยปุคฺคลา, เต เอวสฺส ทูเรปิ ิตา อาปาถํ อาคจฺฉนฺติ, โส อคฺคิ วิย หิมวนฺตปพฺพโต วิย จ วุตฺตมฺปิ เจตํ –

‘‘ทูเร สนฺโต ปกาเสนฺติ, หิมวนฺโตว ปพฺพโต;

อสนฺเตตฺถ น ทิสฺสนฺติ, รตฺตึ ขิตฺตา ยถา สรา’’ติ. (ธ. ป. ๓๐๔; เนตฺติ. ๑๑);

เอวเมตสฺมึ สุตฺเต คาถาสุ จ ภควา อตฺตานํ ปรํ วิย กตฺวา ทสฺเสสิ.

ปมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. เทสนาสุตฺตวณฺณนา

๓๙. ทุติเย ปริยาเยนาติ เอตฺถ ปริยาย-สทฺโท ‘‘มธุปิณฺฑิกปริยาโยตฺเวว นํ ธาเรหี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๐๕) เทสนายํ อาคโต. ‘‘อตฺถิ ขฺเวส, พฺราหฺมณ, ปริยาโย, เยน มํ ปริยาเยน สมฺมา วทมาโน วเทยฺย – อกิริยวาโท สมโณ โคตโม’’ติอาทีสุ (ปารา. ๕; อ. นิ. ๘.๑๑) การเณ. ‘‘กสฺส นุ โข, อานนฺท, อชฺช ปริยาโย ภิกฺขุนิโย โอวทิตุ’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๓๙๘) วาเร. อิธ ปน วาเรปิ การเณปิ วฏฺฏติ, ตสฺมา, ภิกฺขเว, ตถาคตสฺส ทฺเว ธมฺมเทสนา ยถารหํ การเณน ภวนฺติ, วาเรน วาติ อยเมตฺถ อตฺโถ. ภควา หิ เวเนยฺยชฺฌาสยานุรูปํ กทาจิ ‘‘อิเม ธมฺมา กุสลา, อิเม, ธมฺมา อกุสลา. อิเม ธมฺมา สาวชฺชา, อิเม ธมฺมา อนวชฺชา. อิเม เสวิตพฺพา, อิเม น เสวิตพฺพา’’ติอาทินา กุสลากุสลธมฺเม วิภชนฺโต กุสลธมฺเมหิ อกุสลธมฺเม อสงฺกรโต ปฺาเปนฺโต ‘‘ปาปํ ปาปกโต ปสฺสถา’’ติ ธมฺมํ เทเสติ. กทาจิ ‘‘ปาณาติปาโต, ภิกฺขเว, อาเสวิโต ภาวิโต พหุลีกโต นิรยสํวตฺตนิโก ติรจฺฉานโยนิสํวตฺตนิโก เปตฺติวิสยสํวตฺตนิโก, โย สพฺพลหุโก ปาณาติปาโต, โส อปฺปายุกสํวตฺตนิโก’’ติอาทินา (อ. นิ. ๘.๔๐) อาทีนวํ ปกาเสนฺโต ปาปโต นิพฺพิทาทีหิ นิโยเชนฺโต ‘‘นิพฺพินฺทถ วิรชฺชถา’’ติ ธมฺมํ เทเสติ.

ภวนฺตีติ โหนฺติ ปวตฺตนฺติ. ปาปํ ปาปกโต ปสฺสถาติ สพฺพํ ปาปธมฺมํ ทิฏฺเว ธมฺเม อายติฺจ อหิตทุกฺขาวหโต ลามกโต ปสฺสถ. ตตฺถ นิพฺพินฺทถาติ ตสฺมึ ปาปธมฺเม ‘‘อจฺจนฺตหีนภาวโต ลามกฏฺเน ปาปํ, อโกสลฺลสมฺภูตฏฺเน อกุสลํ, ปกติปภสฺสรสฺส ปสนฺนสฺส จ จิตฺตสฺส ปภสฺสราทิภาววินาสนโต สํกิเลสิกํ, ปุนปฺปุนํ ภวทุกฺขนิพฺพตฺตนโต โปโนพฺภวิกํ, สเหว ทรเถหิ ปริฬาเหหิ วตฺตนโต สทรถํ, ทุกฺขสฺเสว วิปจฺจนโต ทุกฺขวิปากํ, อปริมาณมฺปิ กาลํ อนาคเต ชาติชรามรณนิพฺพตฺตนโต อายตึ ชาติชรามรณิยํ, สพฺพหิตสุขวิทฺธํสนสมตฺถ’’นฺติอาทินา นเยน นานาวิเธ อาทีนเว, ตสฺส จ ปหาเน อานิสํเส สมฺมปฺาย ปสฺสนฺตา นิพฺพินฺทถ นิพฺเพทํ อาปชฺชถ. นิพฺพินฺทนฺตา จ วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อริยมคฺคาธิคเมน ปาปโต วิรชฺชถ เจว วิมุจฺจถ จ. มคฺเคน วา สมุจฺเฉทวิราควเสน วิรชฺชถ, ตโต ผเลน ปฏิปฺปสฺสทฺธิวิมุตฺติวเสน วิมุจฺจถ. อถ วา ปาปนฺติ ลามกโต ปาปํ. กึ วุตฺตํ โหติ? ยํ อนิจฺจทุกฺขาทิภาเวน กุจฺฉิตํ อริเยหิ ชิคุจฺฉนียํ วฏฺฏทุกฺขํ ปาเปตีติ ปาปํ. กึ ปน ตํ? เตภูมกธมฺมชาตํ. ยถาวุตฺเตน อตฺเถน ปาปกโต ทิสฺวา ตตฺถ อนิจฺจโต, ทุกฺขโต, โรคโต, คณฺฑโต, สลฺลโต, อฆโต, อาพาธโตติอาทินา วิปสฺสนํ วฑฺเฒนฺตา นิพฺพินฺทถ. อยํ ทุติยาติ ยาถาวโต อหิตานตฺถวิภาวนํ ปมํ อุปาทาย ตโต วิเวจนํ อยํ ทุติยา ธมฺมเทสนา.

คาถาสุ พุทฺธสฺสาติ สพฺพฺุพุทฺธสฺส. สพฺพภูตานุกมฺปิโนติ สพฺเพปิ สตฺเต มหากรุณาย อนุกมฺปนสภาวสฺส. ปริยายวจนนฺติ ปริยาเยน กถนํ เทสนํ. ปสฺสาติ ปริสํ อาลปติ, ปริสเชฏฺกํ วา สนฺธาย วุตฺตํ. เกจิ ปนาหุ ‘‘อตฺตานเมว สนฺธาย ภควา ‘ปสฺสา’ติ อโวจา’’ติ. ตตฺถาติ ตสฺมึ ปาปเก วิรชฺชถ ราคํ ปชหถาติ อตฺโถ. เสสํ วุตฺตนยเมว.

ทุติยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. วิชฺชาสุตฺตวณฺณนา

๔๐. ตติเย ปุพฺพงฺคมาติ สหชาตวเสน, อุปนิสฺสยวเสน จาติ ทฺวีหิ อากาเรหิ ปุพฺพงฺคมา ปุรสฺสรา ปธานการณํ. น หิ อวิชฺชาย วินา อกุสลุปฺปตฺติ อตฺถิ. สมาปตฺติยาติ สมาปชฺชนาย สภาวปฏิลาภาย, ปวตฺติยาติ อตฺโถ. ตตฺถ อกุสลปฺปวตฺติยา อาทีนวปฺปฏิจฺฉาทเนน อโยนิโสมนสิการสฺส ปจฺจยภาเวน อปฺปหีนภาเวน จ อกุสลธมฺมานํ อุปนิสฺสยภาโว ทิสฺสติ.

เอวํ พฺยาธิมรณาทิทุกฺขสฺส อธิฏฺานภาวโต สพฺพาปิ คติโย อิธ ทุคฺคติโย. อถ วา ราคาทิกิเลเสหิ ทูสิตา คติโย กายวจีจิตฺตานํ ปวตฺติโยติ ทุคฺคติโย, กายวจีมโนทุจฺจริตานิ. อสฺมึ โลเกติ อิธ โลเก มนุสฺสคติยํ วา. ปรมฺหิ จาติ ตโต อฺาสุ คตีสุ. อวิชฺชามูลิกา สพฺพาติ ตา สพฺพาปิ ทุจฺจริตสฺส วิปตฺติโย วุตฺตนเยน อวิชฺชาปุพฺพงฺคมตฺตา อวิชฺชามูลิกา เอว. อิจฺฉาโลภสมุสฺสยาติ อสมฺปตฺตวิสยปริเยสนลกฺขณาย อิจฺฉาย, สมฺปตฺตวิสยลุพฺภนลกฺขเณน โลเภน จ สมุสฺสิตา อุปจิตาติ อิจฺฉาโลภสมุสฺสยา.

ยโตติ ยสฺมา อวิชฺชาเหตุ อวิชฺชาย นิวุโต หุตฺวา. ปาปิจฺโฉติ อวิชฺชาย ปฏิจฺฉาทิตตฺตา ปาปิจฺฉตาย อาทีนเว อปสฺสนฺโต อสนฺตคุณสมฺภาวนวเสน โกหฺาทีนิ กโรนฺโต ปาปิจฺโฉ, โลเภเนว อตฺริจฺฉตาปิ คหิตาติ ทฏฺพฺพา. อนาทโรติ โลกาธิปติโน โอตฺตปฺปสฺส อภาเวน สพฺรหฺมจารีสุ อาทรรหิโต. ตโตติ ตสฺมา อวิชฺชาปาปิจฺฉตาอหิริกาโนตฺตปฺปเหตุ. ปสวตีติ กายทุจฺจริตาทิเภทํ ปาปํ อุปจินติ. อปายํ เตน คจฺฉตีติ เตน ตถา ปสุเตน ปาเปน นิรยาทิเภทํ อปายํ คจฺฉติ อุปปชฺชติ.

ตสฺมาติ ยสฺมา เอเต เอวํ สพฺพทุจฺจริตมูลภูตา สพฺพทุคฺคติปริกฺกิเลสเหตุภูตา จ อวิชฺชาทโย, ตสฺมา อิจฺฉฺจ, โลภฺจ, อวิชฺชฺจ, จสทฺเทน อหิริกาโนตฺตปฺปฺจ วิราชยํ สมุจฺเฉทวเสน ปชหํ. กถํ วิราเชตีติ อาห? วิชฺชํ อุปฺปาทยนฺติ, วิปสฺสนาปฏิปาฏิยา จ, มคฺคปฏิปาฏิยา จ, อุสฺสกฺกิตฺวา อรหตฺตมคฺควิชฺชํ อตฺตโน สนฺตาเน อุปฺปาทยนฺโต. สพฺพา ทุคฺคติโยติ สพฺพาปิ ทุจฺจริตสงฺขาตา ทุคฺคติโย, วฏฺฏทุกฺขสฺส วา อธิฏฺานภาวโต ทุกฺขา, สพฺพา ปฺจปิ คติโย ชเห ปชเหยฺย สมติกฺกเมยฺย. กิเลสวฏฺฏปฺปหาเนเนว หิ กมฺมวฏฺฏํ วิปากวฏฺฏฺจ ปหีนํ โหตีติ.

ตติยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

ปมภาณวารวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. ปฺาปริหีนสุตฺตวณฺณนา

๔๑. จตุตฺเถ สุปริหีนาติ สุฏฺุ ปริหีนา. เย อริยาย ปฺาย ปริหีนาติ เย สตฺตา ปฺจนฺนํ ขนฺธานํ อุทยพฺพยปฏิวิชฺฌเนน จตุสจฺจปฏิวิชฺฌเนน จ กิเลเสหิ อารกา ิตตฺตา อริยาย ปริสุทฺธาย วิปสฺสนาปฺาย จ มคฺคปฺาย จ ปริหีนา, เต โลกิยโลกุตฺตราหิ สมฺปตฺตีหิ อติวิย ปริหีนา มหาชานิกา. เก ปน เตติ? เย กมฺมาวรเณน สมนฺนาคตา. เต หิ มิจฺฉตฺตนิยตภาวโต เอกนฺเตน ปริหีนา อปริปุณฺณา มหาชานิกา. เตนาห ‘‘ทุคฺคติ ปาฏิกงฺขา’’ติ. วิปากาวรณสมงฺคิโนปิ ปริหีนา. อถ วา สุกฺกปกฺเข อปริหีนา นาม ติวิธาวรณวิรหิตา สมฺมาทิฏฺิกา กมฺมสฺสกตาเณน จ สมนฺนาคตา. เสสํ วุตฺตนยานุสาเรน เวทิตพฺพํ.

คาถาสุ ปฺายาติ นิสฺสกฺกวจนํ, วิปสฺสนาาณโต มคฺคาณโต จ ปริหาเนนาติ. สามิวจนํ วา เอตํ, ยถาวุตฺตาณสฺส ปริหาเนนาติ, อุปฺปาเทตพฺพสฺส อนุปฺปาทนเมว เจตฺถ ปริหานํ. นิวิฏฺํ นามรูปสฺมินฺติ นามรูเป อุปาทานกฺขนฺธปฺจเก ‘‘เอตํ มมา’’ติอาทินา ตณฺหาทิฏฺิวเสน อภินิวิฏฺํ อชฺโฌสิตํ, ตโต เอว อิทํ สจฺจนฺติ มฺตีติ ‘‘อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺ’’นฺติ มฺติ. ‘‘สเทวเก โลเก’’ติ วิภตฺติ ปริณาเมตพฺพา.

เอวํ ปมคาถาย สํกิเลสปกฺขํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ยสฺสา อนุปฺปตฺติยา นามรูปสฺมึ มฺนาภินิเวเสหิ กิเลสวฏฺฏํ วตฺตติ, ตสฺสา อุปฺปตฺติยา วฏฺฏสฺส อุปจฺเฉโทติ ปฺาย อานุภาวํ ปกาเสนฺโต ‘‘ปฺา หิ เสฏฺา โลกสฺมิ’’นฺติ คาถมาห.

ตตฺถ โลกสฺมินฺติ สงฺขารโลกสฺมึ. สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิย สตฺเตสุ, สงฺขาเรสุ ปฺาสทิโส ธมฺโม นตฺถิ. ปฺุตฺตรา หิ กุสลา ธมฺมา, ปฺาย จ สิทฺธาย สพฺเพ อนวชฺชธมฺมา สิทฺธา เอว โหนฺติ. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘สมฺมาทิฏฺิสฺส สมฺมาสงฺกปฺโป ปโหตี’’ติอาทิ (ม. นิ. ๓.๑๔๑; สํ. นิ. ๕.๑). ยา ปเนตฺถ ปฺา อธิปฺเปตา, สา เสฏฺาติ โถมิตา. ยถา จ สา ปวตฺตติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยายํ นิพฺเพธคามินี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตสฺสตฺโถ – ยา อยํ ปฺา อนิพฺพิทฺธปุพฺพํ อปทาลิตปุพฺพํ โลภกฺขนฺธาทึ นิพฺพิชฺฌนฺตี ปทาเลนฺตี คจฺฉติ ปวตฺตตีติ นิพฺเพธคามินี, ยาย จ ตสฺมึ ตสฺมึ ภวโยนิคติวิฺาณฏฺิติสตฺตาวาเสสุ สตฺตนิกาเยสุ ขนฺธานํ ปมาภินิพฺพตฺติสงฺขาตาย ชาติยา ตํนิมิตฺตสฺส จ กมฺมภวสฺส ปริกฺขยํ ปริโยสานํ นิพฺพานํ อรหตฺตฺจ สมฺมา อวิปรีตํ ชานาติ สจฺฉิกโรติ, อยํ สหวิปสฺสนา มคฺคปฺา เสฏฺา โลกสฺมินฺติ.

อิทานิ ยถาวุตฺตปฺานุภาวสมฺปนฺเน ขีณาสเว อภิตฺถวนฺโต ‘‘เตสํ เทวา มนุสฺสา จา’’ติ โอสานคาถมาห. ตสฺสตฺโถ – เตสํ จตูสุ อริยสจฺเจสุ ปริฺาทีนํ โสฬสนฺนํ กิจฺจานํ นิฏฺิตตฺตา จตุสจฺจสมฺโพเธน สมฺพุทฺธานํ, สติเวปุลฺลปฺปตฺติยา สติมตํ, วุตฺตนเยน สมุคฺฆาติตสมฺโมหตฺตา ปฺาเวปุลฺลปฺปตฺติยา หาสปฺานํ, ปุพฺพภาเค วา สีลาทิปาริปูริโต ปฏฺาย ยาว นิพฺพานสจฺฉิกิริยาย หาสเวทตุฏฺิปาโมชฺชพหุลตาย หาสปฺานํ, สพฺพโส ปริกฺขีณภวสํโยชนตฺตา อนฺติมสรีรธารีนํ ขีณาสวานํ เทวา มนุสฺสา จ ปิหยนฺติ ปิยา โหนฺติ, ตพฺภาวํ อธิคนฺตุํ อิจฺฉนฺติ ‘‘อโห ปฺานุภาโว, อโห วต มยมฺปิ เอทิสา เอวํ นิตฺติณฺณสพฺพทุกฺขา ภเวยฺยามา’’ติ.

จตุตฺถสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. สุกฺกธมฺมสุตฺตวณฺณนา

๔๒. ปฺจเม สุกฺกาติ น วณฺณสุกฺกตาย สุกฺกา, สุกฺกภาวาย ปน ปรมโวทานาย สํวตฺตนฺตีติ นิปฺผตฺติสุกฺกตาย สุกฺกา. สรเสนปิ สพฺเพ กุสลา ธมฺมา สุกฺกา เอว กณฺหภาวปฏิปกฺขโต. เตสฺหิ อุปฺปตฺติยา จิตฺตํ ปภสฺสรํ โหติ ปริสุทฺธํ. ธมฺมาติ กุสลา ธมฺมา. โลกนฺติ สตฺตโลกํ. ปาเลนฺตีติ อาธารสนฺธารเณน มริยาทํ เปนฺตา รกฺขนฺติ. หิรี จ โอตฺตปฺปฺจาติ เอตฺถ หิริยติ หิริยิตพฺเพน, หิริยนฺติ เอเตนาติ วา หิรี. วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘ยํ หิริยติ หิริยิตพฺเพน, หิริยติ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ สมาปตฺติยา, อยํ วุจฺจติ หิรี’’ติ (ธ. ส. ๓๐). โอตฺตปฺปติ โอตฺตปฺปิตพฺเพน, โอตฺตปฺปนฺติ เอเตนาติ วา โอตฺตปฺปํ. วุตฺตมฺปิเจตํ ‘‘ยํ โอตฺตปฺปติ โอตฺตปฺปิตพฺเพน, โอตฺตปฺปติ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ สมาปตฺติยา, อิทํ วุจฺจติ โอตฺตปฺป’’นฺติ (ธ. ส. ๓๑).

ตตฺถ อชฺฌตฺตสมุฏฺานา หิรี, พหิทฺธาสมุฏฺานํ โอตฺตปฺปํ. อตฺตาธิปเตยฺยา หิรี, โลกาธิปเตยฺยํ โอตฺตปฺปํ. ลชฺชาสภาวสณฺิตา หิรี, ภยสภาวสณฺิตํ โอตฺตปฺปํ. สปฺปติสฺสวลกฺขณา หิรี, วชฺชภีรุกภยทสฺสาวิลกฺขณํ โอตฺตปฺปํ.

ตตฺถ อชฺฌตฺตสมุฏฺานํ หิรึ จตูหิ การเณหิ สมุฏฺาเปติ – ชาตึ ปจฺจเวกฺขิตฺวา, วยํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา, สูรภาวํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา, พาหุสจฺจํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา. กถํ? ‘‘ปาปกรณํ นาเมตํ น ชาติสมฺปนฺนานํ กมฺมํ, หีนชจฺจานํ เกวฏฺฏาทีนํ กมฺมํ, มาทิสสฺส ชาติสมฺปนฺนสฺส อิทํ กมฺมํ กาตุํ น ยุตฺต’’นฺติ เอวํ ตาว ชาตึ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปาณาติปาตาทิปาปกมฺมํ อกโรนฺโต หิรึ สมุฏฺาเปติ. ตถา ‘‘ปาปกรณํ นาเมตํ ทหเรหิ กตฺตพฺพกมฺมํ, มาทิสสฺส วเย ิตสฺส อิทํ กมฺมํ กาตุํ น ยุตฺต’’นฺติ เอวํ วยํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปาณาติปาตาทิปาปกมฺมํ อกโรนฺโต หิรึ สมุฏฺาเปติ. ตถา ‘‘ปาปกรณํ นาเมตํ ทุพฺพลชาติกานํ กมฺมํ, มาทิสสฺส สูรภาวสมฺปนฺนสฺส อิทํ กมฺมํ กาตุํ น ยุตฺต’’นฺติ เอวํ สูรภาวํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปาณาติปาตาทิปาปกมฺมํ อกโรนฺโต หิรึ สมุฏฺาเปติ. ตถา ‘‘ปาปกรณํ นาเมตํ อนฺธพาลานํ กมฺมํ, น ปณฺฑิตานํ, มาทิสสฺส ปณฺฑิตสฺส พหุสฺสุตสฺส อิทํ กมฺมํ กาตุํ น ยุตฺต’’นฺติ เอวํ พาหุสจฺจํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปาณาติปาตาทิปาปกมฺมํ อกโรนฺโต หิรึ สมุฏฺาเปติ. เอวํ อชฺฌตฺตสมุฏฺานํ หิรึ จตูหิ การเณหิ สมุฏฺาเปติ. สมุฏฺาเปตฺวา จ ปน อตฺตโน จิตฺเต หิรึ ปเวเสตฺวา ปาปกมฺมํ น กโรติ. เอวํ หิรี อชฺฌตฺตสมุฏฺานา นาม โหติ.

กถํ โอตฺตปฺปํ พหิทฺธาสมุฏฺานํ นาม? ‘‘สเจ ตฺวํ ปาปกมฺมํ กริสฺสสิ, จตูสุ ปริสาสุ ครหปฺปตฺโต ภวิสฺสสิ.

‘‘ครหิสฺสนฺติ ตํ วิฺู, อสุจึ นาคริโก ยถา;

วชฺชิโต สีลวนฺเตหิ, กถํ ภิกฺขุ กริสฺสสี’’ติ. –

ปจฺจเวกฺขนฺโต หิ พหิทฺธาสมุฏฺิเตน โอตฺตปฺเปน ปาปกมฺมํ น กโรติ. เอวํ โอตฺตปฺปํ พหิทฺธาสมุฏฺานํ นาม โหติ.

กถํ หิรี อตฺตาธิปเตยฺยา นาม? อิเธกจฺโจ กุลปุตฺโต อตฺตานํ อธิปตึ เชฏฺกํ กตฺวา ‘‘มาทิสสฺส สทฺธาปพฺพชิตสฺส พหุสฺสุตสฺส ธุตวาทิสฺส น ยุตฺตํ ปาปกมฺมํ กาตุ’’นฺติ ปาปกมฺมํ น กโรติ. เอวํ หิรี อตฺตาธิปเตยฺยา นาม โหติ. เตนาห ภควา –

‘‘โส อตฺตานํเยว อธิปตึ กริตฺวา อกุสลํ ปชหติ, กุสลํ ภาเวติ, สาวชฺชํ ปชหติ, อนวชฺชํ ภาเวติ, สุทฺธมตฺตานํ ปริหรตี’’ติ (อ. นิ. ๓.๔๐).

กถํ โอตฺตปฺปํ โลกาธิปเตยฺยํ นาม? อิเธกจฺโจ กุลปุตฺโต โลกํ อธิปตึ เชฏฺกํ กตฺวา ปาปกมฺมํ น กโรติ. ยถาห –

‘‘มหา โข ปนายํ โลกสนฺนิวาโส. มหนฺตสฺมึ โข ปน โลกสนฺนิวาเส สนฺติ สมณพฺราหฺมณา อิทฺธิมนฺโต ทิพฺพจกฺขุกา ปรจิตฺตวิทุโน, เต ทูรโตปิ ปสฺสนฺติ, อาสนฺนาปิ น ทิสฺสนฺติ, เจตสาปิ จิตฺตํ ปชานนฺติ, เตปิ มํ เอวํ ชานิสฺสนฺติ ‘ปสฺสถ โภ อิมํ กุลปุตฺตํ, สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต สมาโน โวกิณฺโณ วิหรติ ปาปเกหิ อกุสเลหิ ธมฺเมหี’ติ. สนฺติ เทวตา อิทฺธิมนฺตินิโย ทิพฺพจกฺขุกา ปรจิตฺตวิทุนิโย, ตา ทูรโตปิ ปสฺสนฺติ, อาสนฺนาปิ น ทิสฺสนฺติ, เจตสาปิ จิตฺตํ ปชานนฺติ, ตาปิ มํ เอวํ ชานิสฺสนฺติ ‘ปสฺสถ โภ อิมํ, กุลปุตฺตํ, สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต สมาโน โวกิณฺโณ วิหรติ ปาปเกหิ อกุสเลหิ ธมฺเมหี’ติ. โส โลกํเยว อธิปตึ กตฺวา อกุสลํ ปชหตี’’ติ (อ. นิ. ๓.๔๐).

เอวํ โลกาธิปเตยฺยํ โอตฺตปฺปํ.

ลชฺชาสภาวสณฺิตาติ เอตฺถ ลชฺชาติ ลชฺชนากาโร, เตน สภาเวน สณฺิตา หิรี. ภยนฺติ อปายภยํ, เตน สภาเวน สณฺิตํ โอตฺตปฺปํ. ตทุภยํ ปาปปริวชฺชเน ปากฏํ โหติ. ตตฺถ ยถา ทฺวีสุ อโยคุเฬสุ เอโก สีตโล ภเวยฺย คูถมกฺขิโต, เอโก อุณฺโห อาทิตฺโต. เตสุ ยถา สีตลํ คูถมกฺขิตตฺตา ชิคุจฺฉนฺโต วิฺุชาติโก น คณฺหาติ, อิตรํ ทาหภเยน, เอวํ ปณฺฑิโต ลชฺชาย ชิคุจฺฉนฺโต ปาปํ น กโรติ, โอตฺตปฺเปน อปายภีโต ปาปํ น กโรติ. เอวํ ลชฺชาสภาวสณฺิตา หิรี, ภยสภาวสณฺิตํ โอตฺตปฺปํ.

กถํ สปฺปติสฺสวลกฺขณา หิรี, วชฺชภีรุกภยทสฺสาวิลกฺขณํ โอตฺตปฺปํ? เอกจฺโจ หิ ชาติมหตฺตปจฺจเวกฺขณา, สตฺถุมหตฺตปจฺจเวกฺขณา, ทายชฺชมหตฺตปจฺจเวกฺขณา, สพฺรหฺมจาริมหตฺตปจฺจเวกฺขณาติ จตูหิ การเณหิ ตตฺถ คารเวน สปฺปติสฺสวลกฺขณํ หิรึ สมุฏฺาเปตฺวา ปาปํ น กโรติ, เอกจฺโจ อตฺตานุวาทภยํ, ปรานุวาทภยํ, ทณฺฑภยํ, ทุคฺคติภยนฺติ จตูหิ การเณหิ วชฺชโต ภายนฺโต วชฺชภีรุกภยทสฺสาวิลกฺขณํ โอตฺตปฺปํ สมุฏฺาเปตฺวา ปาปํ น กโรติ. เอตฺถ จ อชฺฌตฺตสมุฏฺานาทิตา หิโรตฺตปฺปานํ ตตฺถ ตตฺถ ปากฏภาเวน วุตฺตา, น ปน เนสํ กทาจิ อฺมฺวิปฺปโยโค. น หิ ลชฺชนํ นิพฺภยํ, ปาปภยํ วา อลชฺชนํ อตฺถีติ.

อิเม เจ, ภิกฺขเว, ทฺเว สุกฺกา ธมฺมา โลกํ น ปาเลยฺยุนฺติ ภิกฺขเว, อิเม ทฺเว อนวชฺชธมฺมา ยทิ โลกํ น รกฺเขยฺยุํ, โลกปาลกา ยทิ น ภเวยฺยุํ. นยิธ ปฺาเยถ มาตาติ อิธ อิมสฺมึ โลเก ชนิกา มาตา ‘‘อยํ เม มาตา’’ติ ครุจิตฺตีการวเสน น ปฺาเยถ, ‘‘อยํ มาตา’’ติ น ลพฺเภยฺย. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย. มาตุจฺฉาติ มาตุภคินี. มาตุลานีติ มาตุลภริยา. ครูนนฺติ มหาปิตุจูฬปิตุเชฏฺภาตุอาทีนํ ครุฏฺานิยานํ. สมฺเภทนฺติ สงฺกรํ, มริยาทเภทํ วา. ยถา อเชฬกาติอาทีหิ อุปมํ ทสฺเสติ. เอเต หิ สตฺตา ‘‘อยํ เม มาตา’’ติ วา ‘‘มาตุจฺฉา’’ติ วา ครุจิตฺตีการวเสน น ชานนฺติ, ยํ วตฺถุํ นิสฺสาย อุปฺปนฺนา, ตตฺถปิ วิปฺปฏิปชฺชนฺติ. ตสฺมา อุปมํ อาหรนฺโต อเชฬกาทโย อาหริ. อยฺเหตฺถ สงฺเขปตฺโถ – ยถา อเชฬกาทโย ติรจฺฉานา หิโรตฺตปฺปรหิตา มาตาทิสฺํ อกตฺวา ภินฺนมริยาทา สพฺพตฺถ สมฺเภเทน วตฺตนฺติ, เอวมยํ มนุสฺสโลโก ยทิ โลกปาลกธมฺมา น ภเวยฺยุํ, สพฺพตฺถ สมฺเภเทน วตฺเตยฺย. ยสฺมา ปนิเม โลกปาลกธมฺมา โลกํ ปาเลนฺติ, ตสฺมา นตฺถิ สมฺเภโทติ.

คาถาสุ เยสํ เจ หิริโอตฺตปฺปนฺติ เจติ นิปาตมตฺตํ. เยสํ สตฺตานํ หิรี จ โอตฺตปฺปฺจ สพฺพทาว สพฺพกาลเมว น วิชฺชติ น อุปลพฺภติ. โวกฺกนฺตา สุกฺกมูลา เตติ เต สตฺตา กุสลมูลปจฺเฉทาวหสฺสาปิ กมฺมสฺส กรณโต กุสลกมฺมานํ ปติฏฺานภูตานํ หิโรตฺตปฺปานเมว วา อภาวโต กุสลโต โวกฺกมิตฺวา, อปสกฺกิตฺวา, ิตตฺตา โวกฺกนฺตา สุกฺกมูลา, ปุนปฺปุนํ ชายนมียนสภาวตฺตา ชาติมรณคามิโน สํสารํ นาติวตฺตนฺตีติ อตฺโถ.

เยสฺจ หิริโอตฺตปฺปนฺติ เยสํ ปน ปริสุทฺธมตีนํ สตฺตานํ หิรี จ โอตฺตปฺปฺจาติ อิเม ธมฺมา สทา สพฺพกาลํ รตฺตินฺทิวํ นวมชฺฌิมตฺเถรกาเลสุ สมฺมา อุปคมฺม ิตา ปาปา ชิคุจฺฉนฺตา ภายนฺตา ตทงฺคาทิวเสน ปาปํ ปชหนฺตา. วิรูฬฺหพฺรหฺมจริยาติ สาสนพฺรหฺมจริเย มคฺคพฺรหฺมจริเย จ วิรูฬฺหํ อาปนฺนา, อคฺคมคฺคาธิคเมน สพฺพโส สนฺตกิเลสตาย สนฺตคุณตาย วา สนฺโต, ปุนพฺภวสฺส เขปิตตฺตา ขีณปุนพฺภวา โหนฺตีติ.

ปฺจมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. อชาตสุตฺตวณฺณนา

๔๓. ฉฏฺเ อตฺถิ, ภิกฺขเวติ กา อุปฺปตฺติ? เอกทิวสํ กิร ภควตา อเนกปริยาเยน สํสาเร อาทีนวํ ปกาเสตฺวา ตทุปสมนาทิวเสน นิพฺพานปฏิสํยุตฺตาย ธมฺมเทสนาย กตาย ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ ‘‘อยํ สํสาโร ภควตา อวิชฺชาทีหิ การเณหิ สเหตุโก วุตฺโต, นิพฺพานสฺส ปน ตทุปสมสฺส น กิฺจิ การณํ วุตฺตํ, ตยิทํ อเหตุกํ กถํ สจฺจิกฏฺปรมตฺเถน อุปลพฺภตี’’ติ. อถ ภควา เตสํ ภิกฺขูนํ วิมติวิธมนตฺถฺเจว, ‘‘อิธ สมณพฺราหฺมณานํ ‘นิพฺพานํ นิพฺพาน’นฺติ วาจาวตฺถุมตฺตเมว, นตฺถิ หิ ปรมตฺถโต นิพฺพานํ นาม อนุปลพฺภมานสภาวตฺตา’’ติ โลกายติกาทโย วิย วิปฺปฏิปนฺนานํ พหิทฺธา จ ปุถุทิฏฺิคติกานํ มิจฺฉาวาทภฺชนตฺถฺจ, อมตมหานิพฺพานสฺส ปรมตฺถโต อตฺถิภาวทีปนตฺถํ ตสฺส จ นิสฺสรณภาวาทิอานุภาววนฺตตาทีปนตฺถํ ปีติเวเคน อุทานวเสน อิทํ สุตฺตํ อภาสิ. ตถา หิ อิทํ สุตฺตํ อุทาเนปิ (อุทา. ๗๒-๗๔) สงฺคีตํ.

ตตฺถ อตฺถีติ วิชฺชติ ปรมตฺถโต อุปลพฺภติ. อชาตํ อภูตํ อกตํ อสงฺขตนฺติ สพฺพานิปิ ปทานิ อฺมฺเววจนานิ. อถ วา เวทนาทโย วิย เหตุปจฺจยสมวายสงฺขาตาย การณสามคฺคิยา น ชาตํ น นิพฺพตฺตนฺติ อชาตํ. การเณน วินา สยเมว น ภูตํ น ปาตุภูตํ น อุปฺปนฺนนฺติ อภูตํ. เอวํ อชาตตฺตา อภูตตฺตา จ เยน เกนจิ การเณน น กตนฺติ อกตํ. ชาตภูตกตสภาโว จ นามรูปาทีนํ สงฺขตธมฺมานํ โหติ, น อสงฺขตสภาวสฺส นิพฺพานสฺสาติ ทสฺสนตฺถํ อสงฺขตนฺติ วุตฺตํ. ปฏิโลมโต วา สเมจฺจ สมฺภุยฺย ปจฺจเยหิ กตนฺติ สงฺขตํ, ตถา น สงฺขตํ, สงฺขตลกฺขณรหิตนฺติ จ อสงฺขตนฺติ เอวํ อเนเกหิ การเณหิ นิพฺพตฺติตภาเว ปฏิสิทฺเธ ‘‘สิยา นุ โข เอเกเนว การเณน กต’’นฺติ อาสงฺกายํ ‘‘น เกนจิ กต’’นฺติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘อกต’’นฺติ วุตฺตํ. เอวํ อปฺปจฺจยมฺปิ สมานํ ‘‘สยเมว นุ โข อิทํ ภูตํ ปาตุภูต’’นฺติ อาสงฺกายํ ตนฺนิวตฺตนตฺถํ ‘‘อภูต’’นฺติ วุตฺตํ. อยฺจ เอตสฺส อสงฺขตากตาภูตภาโว สพฺเพน สพฺพํ อชาติธมฺมตฺตาติ ทสฺเสตุํ ‘‘อชาต’’นฺติ วุตฺตนฺติ. เอวเมเตสํ จตุนฺนมฺปิ ปทานํ สาตฺถกภาโว เวทิตพฺโพ.

อิติ ภควา ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อชาตํ อภูตํ อกตํ อสงฺขต’’นฺติ ปรมตฺถโต นิพฺพานสฺส อตฺถิภาวํ วตฺวา ตตฺถ เหตุํ ทสฺเสนฺโต ‘‘โน เจตํ, ภิกฺขเว’’ติอาทิมาห. ตสฺสายํ สงฺเขโป – ภิกฺขเว, ยทิ อชาตาทิสภาวา อสงฺขตา ธาตุ น อภวิสฺส น สิยา, อิธ โลเก ชาตาทิสภาวสฺส รูปาทิกฺขนฺธปฺจกสงฺขาตสฺส สงฺขารคตสฺส นิสฺสรณํ อนวเสสวฏฺฏุปสโม น ปฺาเยยฺย น อุปลพฺเภยฺย น สมฺภเวยฺย. นิพฺพานฺหิ อารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺตมานา สมฺมาทิฏฺิอาทโย อริยมคฺคธมฺมา อนวเสสโต กิเลเส สมุจฺฉินฺทนฺติ, เตเนตฺถ สพฺพสฺสปิ วฏฺฏทุกฺขสฺส อปฺปวตฺติ อปคโม นิสฺสรณํ ปฺายติ.

เอวํ พฺยติเรกวเสน นิพฺพานสฺส อตฺถิภาวํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อนฺวยวเสนปิ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยสฺมา จ โข’’ติอาทิ วุตฺตํ, ตํ วุตฺตตฺถเมว. เอตฺถ จ ยสฺมา ‘‘อปจฺจยา ธมฺมา, อสงฺขตา ธมฺมา (ธ. ส. ทุกมาติกา ๗, ๘). อตฺถิ, ภิกฺขเว, ตทายตนํ, ยตฺถ เนว ปถวี (อุทา. ๗๑). อิทมฺปิ โข านํ ทุทฺทสํ ยทิทํ สพฺพสงฺขารสมโถ สพฺพูปธิปฏินิสฺสคฺโค (มหาว. ๗; ม. นิ. ๑.๒๘๑). อสงฺขตฺจ โว, ภิกฺขเว, ธมฺมํ เทเสสฺสามิ อสงฺขตคามินิฺจ ปฏิปท’’นฺติอาทีหิ (สํ. นิ. ๔.๓๖๖) อเนเกหิ สุตฺตปเทหิ ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อชาต’’นฺติ อิมินาปิ สุตฺเตน นิพฺพานธาตุยา ปรมตฺถโต สพฺภาโว สพฺพโลกํ อนุกมฺปมาเนน สมฺมาสมฺพุทฺเธน เทสิโต, ตสฺมา น ปฏิกฺขิปิตพฺพํ. ตตฺถ อปฺปจฺจกฺขการีนมฺปิ วิฺูนํ กงฺขา วา วิมติ วา นตฺถิ เอว. เย ปน อพุทฺธิปุคฺคลา, เตสํ วิมติวิโนทนตฺถํ อยเมตฺถ อธิปฺปายนิทฺธารณมุเขน ยุตฺติวิจารณา – ยถา ปริฺเยฺยตาย สอุตฺตรานํ กามานํ รูปานฺจ ปฏิปกฺขภูตํ ตพฺพิธุรสภาวํ นิสฺสรณํ ปฺายติ, เอวํ ตํสภาวานํ สพฺเพสํ สงฺขตธมฺมานํ ปฏิปกฺขภูเตน ตพฺพิธุรสภาเวน นิสฺสรเณน ภวิตพฺพํ. ยฺเจตํ นิสฺสรณํ, สา อสงฺขตา ธาตุ. กิฺจ ภิยฺโย, สงฺขตธมฺมารมฺมณํ วิปสฺสนาาณํ อปิ อนุโลมาณํ กิเลเส สมุจฺเฉทวเสน ปชหิตุํ น สกฺโกติ, ตถา สมฺมุติสจฺจารมฺมณํ ปมชฺฌานาทีสุ าณํ วิกฺขมฺภนวเสเนว กิเลเส ปชหติ, น สมุจฺเฉทวเสน. อิติ สงฺขตธมฺมารมฺมณสฺส สมฺมุติสจฺจารมฺมณสฺส จ าณสฺส กิเลสานํ สมุจฺเฉทปฺปหาเน อสมตฺถภาวโต เตสํ สมุจฺเฉทปฺปหานกรสฺส อริยมคฺคาณสฺส ตทุภยวิปรีตสภาเวน อารมฺมเณน ภวิตพฺพํ, สา อสงฺขตา ธาตุ. ตถา ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อชาตํ อภูตํ อกตํ อสงฺขต’’นฺติ อิทํ นิพฺพานสฺส ปรมตฺถโต อตฺถิภาวโชตกวจนํ อวิปรีตตฺถํ ภควตา ภาสิตตฺตา. ยฺหิ ภควตา ภาสิตํ, ตํ อวิปรีตตฺถํ ปรมตฺถนฺติ ยถา ตํ ‘‘สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา, สพฺเพ สงฺขารา ทุกฺขา, สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา’’ติ (ธ. ป. ๒๗๗-๒๗๙; จูฬนิ. เหมกมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๕๖). ตถา นิพฺพานสทฺโท กตฺถจิ วิสเย ยถาภูตปรมตฺถวิสโย อุปจารวุตฺติสพฺภาวโต เสยฺยถาปิ สีหสทฺโท. อถ วา อตฺเถว ปรมตฺถโต อสงฺขตาธาตุ อิตรตพฺพิปรีตวินิมุตฺตสภาวตฺตา เสยฺยถาปิ ปถวีธาตุ เวทนาติ. เอวมาทีหิ นเยหิ ยุตฺติโตปิ อสงฺขตาย ธาตุยา ปรมตฺถโต อตฺถิภาโว เวทิตพฺโพ.

คาถาสุ ชาตนฺติ ชายนฏฺเน ชาตํ, ชาติลกฺขณปฺปตฺตนฺติ อตฺโถ. ภูตนฺติ ภวนฏฺเน ภูตํ, อหุตฺวา สมฺภูตนฺติ อตฺโถ. สมุปฺปนฺนนฺติ สหิตภาเวน อุปฺปนฺนํ, สหิเตหิ ธมฺเมหิ จ อุปฺปนฺนนฺติ อตฺโถ. กตนฺติ การณภูเตหิ ปจฺจเยหิ นิพฺพตฺติตํ. สงฺขตนฺติ เตหิเยว สเมจฺจ สมฺภุยฺย กตนฺติ สงฺขตํ, สพฺพเมตํ ปจฺจยนิพฺพตฺตสฺส อธิวจนํ. นิจฺจสาราทิวิรหิตโต อทฺธุวํ. ชราย มรเณน จ เอกนฺเตเนว สงฺฆฏิตํ สํสฏฺนฺติ ชรามรณสงฺฆาตํ. ‘‘ชรามรณสงฺฆฏฺฏ’’นฺติปิ ปนฺติ, ชราย มรเณน จ อุปทฺทุตํ ปีฬิตนฺติ อตฺโถ. อกฺขิโรคาทีนํ อเนเกสํ โรคานํ นีฬํ กุลาวกนฺติ โรคนีฬํ. สรสโต อุปกฺกมโต จ ปภงฺคุปรมสีลตาย ปภงฺคุรํ.

จตุพฺพิโธ อาหาโร จ ตณฺหาสงฺขาตา เนตฺติ จ ปภโว สมุฏฺานํ เอตสฺสาติ อาหารเนตฺติปฺปภวํ. สพฺโพปิ วา ปจฺจโย อาหาโร. อิธ ปน ตณฺหาย เนตฺติคฺคหเณน คหิตตฺตา ตณฺหาวชฺชา เวทิตพฺพา. ตสฺมา อาหาโร จ เนตฺติ จ ปภโว เอตสฺสาติ อาหารเนตฺติปฺปภวํ. อาหาโร เอว วา นยนฏฺเน ปวตฺตนฏฺเน เนตฺตีติ เอวมฺปิ อาหารเนตฺติปฺปภวํ. นาลํ ตทภินนฺทิตุนฺติ ตํ อุปาทานกฺขนฺธปฺจกํ เอวํ ปจฺจยาธีนวุตฺติกํ, ตโต เอว อนิจฺจํ, ทุกฺขฺจ ตณฺหาทิฏฺีหิ อภินนฺทิตุํ อสฺสาเทตุํ น ยุตฺตํ.

ตสฺส นิสฺสรณนฺติ ‘‘ชาตํ ภูต’’นฺติอาทินา วุตฺตสฺส ตสฺส สกฺกายสฺส นิสฺสรณํ นิกฺกโม อนุปสนฺตสภาวสฺส ราคาทิกิเลสสฺส สพฺพสงฺขารสฺส จ อภาเวน ตทุปสมภาเวน ปสตฺถภาเวน จ สนฺตํ, ตกฺกาณสฺส อโคจรภาวโต อตกฺกาวจรํ, นิจฺจฏฺเน ธุวํ, ตโต เอว อชาตํ อสมุปฺปนฺนํ, โสกเหตูนํ อภาวโต อโสกํ, วิคตราคาทิรชตฺตา วิรชํ, สํสารทุกฺขฏฺฏิเตหิ ปฏิปชฺชิตพฺพตฺตา ปทํ, ชาติอาทิทุกฺขธมฺมานํ นิโรธเหตุตาย นิโรโธ ทุกฺขธมฺมานํ, สพฺพสงฺขารานํ อุปสมเหตุตาย สงฺขารูปสโม, ตโต เอว อจฺจนฺตสุขตาย สุโขติ สพฺพปเทหิ อมตมหานิพฺพานเมว โถเมติ. เอวํ ภควา ปมคาถาย พฺยติเรกวเสน, ทุติยคาถาย อนฺวยวเสน จ นิพฺพานํ วิภาเวสิ.

ฉฏฺสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. นิพฺพานธาตุสุตฺตวณฺณนา

๔๔. สตฺตเม ทฺเวมาติ ทฺเว อิมา. วานํ วุจฺจติ ตณฺหา, นิกฺขนฺตํ วานโต, นตฺถิ วา เอตฺถ วานํ, อิมสฺมึ วา อธิคเต วานสฺส อภาโวติ นิพฺพานํ, ตเทว นิสฺสตฺตนิชฺชีวฏฺเน สภาวธารณฏฺเน จ ธาตูติ นิพฺพานธาตุ. ยทิปิ ตสฺสา ปรมตฺถโต เภโท นตฺถิ, ปริยาเยน ปน ปฺายตีติ ตํ ปริยายเภทํ สนฺธาย ‘‘ทฺเวมา, ภิกฺขเว, นิพฺพานธาตุโย’’ติ วตฺวา ยถาธิปฺเปตปฺปเภทํ ทสฺเสตุํ ‘‘สอุปาทิเสสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ตณฺหาทีหิ ผลภาเวน อุปาทียตีติ อุปาทิ, ขนฺธปฺจกํ. อุปาทิเยว เสโสติ อุปาทิเสโส, สห อุปาทิเสเสนาติ สอุปาทิเสสา, ตทภาวโต อนุปาทิเสสา.

อรหนฺติ อารกกิเลโส, ทูรกิเลโสติ อตฺโถ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อรหํ โหติ, อารกาสฺส โหนฺติ ปาปกา อกุสลา ธมฺมา, สํกิเลสิกา โปโนพฺภวิกา, สทรา ทุกฺขวิปากา, อายตึ ชาติชรามรณิยา. เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อรหํ โหตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๓๔).

ขีณาสโวติ กามาสวาทโย จตฺตาโรปิ อาสวา อรหโต ขีณา สมุจฺฉินฺนา ปหีนา ปฏิปฺปสฺสทฺธา อภพฺพุปฺปตฺติกา าณคฺคินา ทฑฺฒาติ ขีณาสโว. วุสิตวาติ ครุสํวาเสปิ อริยมคฺเคปิ ทสสุ อริยวาเสสุปิ วสิ ปริวสิ ปริวุฏฺโ วุฏฺวาโส จิณฺณจรโณติ วุสิตวา. กตกรณีโยติ ปุถุชฺชนกลฺยาณกํ อุปาทาย สตฺต เสขา จตูหิ มคฺเคหิ กรณียํ กโรนฺติ นาม, ขีณาสวสฺส สพฺพกรณียานิ กตานิ ปริโยสิตานิ, นตฺถิ อุตฺตรึ กรณียํ ทุกฺขกฺขยาธิคมายาติ กตกรณีโย. วุตฺตมฺปิ เจตํ –

‘‘ตสฺส สมฺมา วิมุตฺตสฺส, สนฺตจิตฺตสฺส ภิกฺขุโน;

กตสฺส ปฏิจโย นตฺถิ, กรณียํ น วิชฺชตี’’ติ. (อ. นิ. ๖.๕๕; มหาว. ๒๔๔);

โอหิตภาโรติ ตโย ภารา – ขนฺธภาโร, กิเลสภาโร, อภิสงฺขารภาโรติ. ตสฺสิเม ตโยปิ ภารา โอหิตา โอโรปิตา นิกฺขิตฺตา ปาติตาติ โอหิตภาโร. อนุปฺปตฺตสทตฺโถติ อนุปฺปตฺโต สทตฺถํ, สกตฺถนฺติ วุตฺตํ โหติ, กการสฺส ทกาโร กโต. อนุปฺปตฺโต สทตฺโถ เอเตนาติ อนุปฺปตฺตสทตฺโถ, สทตฺโถติ จ อรหตฺตํ เวทิตพฺพํ. ตฺหิ อตฺตุปนิพนฺธฏฺเน อตฺตโน อวิชหนฏฺเน อตฺตโน ปรมตฺเถน จ อตฺตโน อตฺถตฺตา สกตฺโถ โหติ. ปริกฺขีณภวสํโยชโนติ กามราคสํโยชนํ, ปฏิฆสํโยชนํ, มานทิฏฺิวิจิกิจฺฉาสีลพฺพตปรามาสภวราคอิสฺสามจฺฉริยอวิชฺชาสํโยชนนฺติ อิมานิ สตฺเต ภเวสุ. ภวํ วา ภเวน สํโยเชนฺติ อุปนิพนฺธนฺตีติ ภวสํโยชนานิ นาม. ตานิ อรหโต ปริกฺขีณานิ, ปหีนานิ, าณคฺคินา, ทฑฺฒานีติ ปริกฺขีณภวสํโยชโน. สมฺมทฺา วิมุตฺโตติ เอตฺถ สมฺมทฺาติ สมฺมา อฺาย, อิทํ วุตฺตํ โหติ – ขนฺธานํ ขนฺธฏฺํ, อายตนานํ อายตนฏฺํ, ธาตูนํ สุฺฏฺํ, ทุกฺขสฺส ปีฬนฏฺํ, สมุทยสฺส ปภวฏฺํ, นิโรธสฺส สนฺตฏฺํ, มคฺคสฺส ทสฺสนฏฺํ ‘‘สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา’’ติ เอวมาทิเภทํ วา สมฺมา ยถาภูตํ อฺาย ชานิตฺวา ตีรยิตฺวา ตุลยิตฺวา วิภาเวตฺวา วิภูตํ กตฺวา. วิมุตฺโตติ ทฺเว วิมุตฺติโย จิตฺตสฺส จ วิมุตฺติ นิพฺพานฺจ. อรหา หิ สพฺพกิเลเสหิ วิมุตฺตตฺตา จิตฺตวิมุตฺติยาปิ วิมุตฺโต, นิพฺพาเนปิ วิมุตฺโตติ. เตน วุตฺตํ ‘‘สมฺมทฺา วิมุตฺโต’’ติ.

ตสฺส ติฏฺนฺเตว ปฺจินฺทฺริยานีติ ตสฺส อรหโต จริมภวเหตุภูตํ กมฺมํ ยาว น ขียติ, ตาว ติฏฺนฺติเยว จกฺขาทีนิ ปฺจินฺทฺริยานิ. อวิฆาตตฺตาติ อนุปฺปาทนิโรธวเสน อนิรุทฺธตฺตา. มนาปามนาปนฺติ อิฏฺานิฏฺํ รูปาทิโคจรํ. ปจฺจนุโภตีติ วินฺทติ ปฏิลภติ. สุขทุกฺขํ ปฏิสํเวเทตีติ วิปากภูตํ สุขฺจ ทุกฺขฺจ ปฏิสํเวเทติ เตหิ ทฺวาเรหิ ปฏิลภติ.

เอตฺตาวตา อุปาทิเสสํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ สอุปาทิเสสํ นิพฺพานธาตุํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตสฺส โย’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ตสฺสาติ ตสฺส สอุปาทิเสสสฺส สโต อรหโต. โย ราคกฺขโยติ ราคสฺส ขโย ขีณากาโร อภาโว อจฺจนฺตมนุปฺปาโท. เอส นโย เสเสสุปิ. เอตฺตาวตา ราคาทิกฺขโย สอุปาทิเสสา นิพฺพานธาตูติ ทสฺสิตํ โหติ.

อิเธวาติ อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว. สพฺพเวทยิตานีติ สุขาทโย สพฺพา อพฺยากตเวทนา, กุสลากุสลเวทนา ปน ปุพฺเพเยว ปหีนาติ. อนภินนฺทิตานีติ ตณฺหาทีหิ น อภินนฺทิตานิ. สีติภวิสฺสนฺตีติ อจฺจนฺตวูปสเมน สงฺขารทรถปฏิปฺปสฺสทฺธิยา สีตลี ภวิสฺสนฺติ, อปฺปฏิสนฺธิกนิโรเธน นิรุชฺฌิสฺสนฺตีติ อตฺโถ. น เกวลํ เวทยิตานิเยว, สพฺเพปิ ปน ขีณาสวสนฺตาเน ปฺจกฺขนฺธา นิรุชฺฌิสฺสนฺติ, เวทยิตสีเสน เทสนา กตา.

คาถาสุ จกฺขุมตาติ พุทฺธจกฺขุ, ธมฺมจกฺขุ, ทิพฺพจกฺขุ, ปฺาจกฺขุ, สมนฺตจกฺขูติ ปฺจหิ จกฺขูหิ จกฺขุมตา. อนิสฺสิเตนาติ ตณฺหาทิฏฺินิสฺสยวเสน กฺจิ ธมฺมํ อนิสฺสิเตน, ราคพนฺธนาทีหิ วา อพนฺเธน. ตาทินาติ ฉฬงฺคุเปกฺขาวเสน สพฺพตฺถ อิฏฺาทีสุ เอกสภาวตาสงฺขาเตน ตาทิลกฺขเณน ตาทินา. ทิฏฺธมฺมิกาติ อิมสฺมึ อตฺตภาเว ภวา วตฺตมานา. ภวเนตฺติสงฺขยาติ ภวเนตฺติยา ตณฺหาย ปริกฺขยา. สมฺปรายิกาติ สมฺปราเย ขนฺธเภทโต ปรภาเค ภวา. ยมฺหีติ ยสฺมึ อนุปาทิเสสนิพฺพาเน. ภวานีติ ลิงฺควิปลฺลาเสน วุตฺตํ, อุปปตฺติภวา สพฺพโส อนวเสสา นิรุชฺฌนฺติ, น ปวตฺตนฺติ.

เตติ เต เอวํ วิมุตฺตจิตฺตา. ธมฺมสาราธิคมาติ วิมุตฺติสารตฺตา อิมสฺส ธมฺมวินยสฺส, ธมฺเมสุ สารภูตสฺส อรหตฺตสฺส อธิคมนโต. ขเยติ ราคาทิกฺขยภูเต นิพฺพาเน รตา อภิรตา. อถ วา นิจฺจภาวโต เสฏฺภาวโต จ ธมฺเมสุ สารนฺติ ธมฺมสารํ, นิพฺพานํ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘วิราโค เสฏฺโ ธมฺมานํ (ธ. ป. ๒๗๓), วิราโค เตสํ อคฺคมกฺขายตี’’ติ (อิติวุ. ๙๐; อ. นิ. ๔.๓๔) จ. ตสฺส ธมฺมสารสฺส อธิคมเหตุ ขเย สพฺพสงฺขารปริกฺขเย อนุปาทิเสสนิพฺพาเน รตา. ปหํสูติ ปชหึสุ. เตติ นิปาตมตฺตํ. เสสํ วุตฺตนยเมว.

สตฺตมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. ปฏิสลฺลานสุตฺตวณฺณนา

๔๕. อฏฺเม ปฏิสลฺลานรามาติ เตหิ เตหิ สตฺตสงฺขาเรหิ ปฏินิวตฺติตฺวา สลฺลานํ ปฏิสลฺลานํ, เอกวิหาโร เอกมนฺตเสวิตา, กายวิเวโกติ อตฺโถ. ตํ ปฏิสลฺลานํ รมนฺติ โรจนฺตีติ ปฏิสลฺลานรามา. ‘‘ปฏิสลฺลานารามา’’ติปิ ปาโ. ยถา วุตฺตํ ปฏิสลฺลานํ อารมิตพฺพโต อาราโม เอเตสนฺติ ปฏิสลฺลานารามา. วิหรถาติ เอวํภูตา หุตฺวา วิหรถาติ อตฺโถ. ปฏิสลฺลาเน รตา นิรตา สมฺมุทิตาติ ปฏิสลฺลานรตา. เอตฺตาวตา ชาคริยานุโยโค, ตสฺส นิมิตฺตภูตา วูปกฏฺกายตา จ ทสฺสิตา. ชาคริยานุโยโค, สีลสํวโร, อินฺทฺริเยสุ, คุตฺตทฺวารตา, โภชเน มตฺตฺุตา, สติสมฺปชฺนฺติ อิเมหิ ธมฺเมหิ วินา น วตฺตตีติ เตปิ อิธ อตฺถโต วุตฺตา เอวาติ เวทิตพฺพา.

อชฺฌตฺตํ เจโตสมถมนุยุตฺตาติ อตฺตโน จิตฺตสมเถ อนุยุตฺตา. อชฺฌตฺตํ อตฺตโนติ จ เอตํ เอกตฺถํ, พฺยฺชนเมว นานํ. ภุมฺมตฺเถ เจตํ สมถนฺติ อนุสทฺทโยเคน อุปโยควจนํ. อนิรากตชฺฌานาติ พหิ อนีหตชฺฌานา อวินาสิตชฺฌานา วา. นีหรณํ วินาโส วาติ อิทํ นิรากตํ นาม ‘‘ถมฺภํ นิรํกตฺวา นิวาตวุตฺตี’’ติอาทีสุ (สุ. นิ. ๓๒๘) วิย. วิปสฺสนาย สมนฺนาคตาติ สตฺตวิธาย อนุปสฺสนาย ยุตฺตา. สตฺตวิธา อนุปสฺสนา นาม อนิจฺจานุปสฺสนา, ทุกฺขานุปสฺสนา, อนตฺตานุปสฺสนา, นิพฺพิทานุปสฺสนา, วิราคานุปสฺสนา, นิโรธานุปสฺสนา, ปฏินิสฺสคฺคานุปสฺสนา จ, ตา วิสุทฺธิมคฺเค วิตฺถาริตาว.

พฺรูเหตาโร สุฺาคารานนฺติ วฑฺเฒตาโร สุฺาคารานํ. เอตฺถ จ ‘‘สุฺาคาราน’’นฺติ ยํกิฺจิ วิวิตฺตํ ภาวนานุโยคสฺส อนุจฺฉวิกฏฺานํ. สมถวิปสฺสนาวเสน กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา รตฺตินฺทิวํ สุฺาคารํ ปวิสิตฺวา ภาวนานุโยควเสน นิสีทมานา ภิกฺขู ‘‘พฺรูเหตาโร สุฺาคาราน’’นฺติ เวทิตพฺพา. เอกภูมิกาทิปาสาเทปิ ปน วาสํ กุรุมานา ฌายิโน สุฺาคารานํ พฺรูเหตาโรตฺเวว เวทิตพฺพา.

เอตฺถ จ ยา ‘‘ปฏิสลฺลานรามา, ภิกฺขเว, วิหรถ ปฏิสลฺลานรตา’’ติ วูปกฏฺกายตา วิหิตา, สา ปริสุทฺธสีลสฺส, น อสีลสฺส อวิสุทฺธสีลสฺส วา ตสฺส รูปารมฺมณาทิโต จิตฺตวินิวตฺตนสฺเสว อภาวโตติ อตฺถโต สีลวิสุทฺธิ ทสฺสิตาติ วุตฺโตวายมตฺโถ. ‘‘อชฺฌตฺตํ เจโตสมถมนุยุตฺตา อนิรากตชฺฌานา’’ติ ปททฺวเยน สมาธิภาวนา, ‘‘วิปสฺสนาย สมนฺนาคตา’’ติ อิมินา ปฺาภาวนา วิหิตาติ โลกิยา ติสฺโส สิกฺขา ทสฺสิตา.

อิทานิ ตาสุ ปติฏฺิตสฺส อวสฺสํภาวิผลํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปฏิสลฺลานรามาน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ พฺรูเหตานนฺติ วฑฺเฒตานํ. ทฺวินฺนํ ผลานนฺติ ตติยจตุตฺถผลานํ. ปาฏิกงฺขนฺติ อิจฺฉิตพฺพํ อวสฺสํภาวี. อฺาติ อรหตฺตํ. ตฺหิ เหฏฺิมมคฺคาเณหิ าตมริยาทํ อนติกฺกมิตฺวา ชานนโต ปริปุณฺณชานนตฺตา อุปริ ชานนกิจฺจาภาวโต จ ‘‘อฺา’’ติ วุจฺจติ. สติ วา อุปาทิเสเสติ สติ วา กิเลสูปาทิเสเส, ปหาตุํ อสกฺกุเณยฺเย สติ. าเณ หิ อปริปกฺเก เย เตน ปริปกฺเกน ปหาตพฺพกิเลสา, เต น ปหียนฺติ. ตํ สนฺธายาห ‘‘สติ วา อุปาทิเสเส’’ติ. สติ จ กิเลเส ขนฺธาภิสงฺขารา ติฏฺนฺติ เอว. อิติ อิมสฺมึ สุตฺเต อนาคามิผลํ อรหตฺตนฺติ ทฺเว ธมฺมา ทสฺสิตา. ยถา เจตฺถ, เอวํ อิโต ปเรสุ ทฺวีสุ สุตฺเตสุ.

คาถาสุ เย สนฺตจิตฺตาติ เย โยคาวจรา ตทงฺควเสน วิกฺขมฺภนวเสว จ สมิตกิเลสตาย สนฺตจิตฺตา. เนปกฺกํ วุจฺจติ ปฺา, ตาย สมนฺนาคตตฺตา นิปกา. อิมินา เตสํ กมฺมฏฺานปริหรณาณํ ทสฺเสติ. สติมนฺโต จ ฌายิโนติ านนิสชฺชาทีสุ กมฺมฏฺานาวิชหนเหตุภูตาย สติยา สติมนฺโต, อารมฺมณูปนิชฺฌานลกฺขเณน ฌาเนน ฌายิโน. สมฺมา ธมฺมํ วิปสฺสนฺติ, กาเมสุ อนเปกฺขิโนติ ปุพฺเพเยว ‘‘อฏฺิกงฺกลูปมา กามา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๓๔; ปาจิ. ๔๑๗) วตฺถุกาเมสุ กิเลสกาเมสุ จ อาทีนวปจฺจเวกฺขเณน อนเปกฺขิโน อนตฺถิกา เต ปหาย อธิคตํ อุปจารสมาธึ อปฺปนาสมาธึ วา ปาทกํ กตฺวา นามรูปํ ตสฺส ปจฺจเย จ ปริคฺคเหตฺวา กลาปสมฺมสนาทิกฺกเมน สมฺมา อวิปรีตํ ปฺจกฺขนฺธธมฺมํ อนิจฺจาทิโต วิปสฺสนฺติ.

อปฺปมาทรตาติ วุตฺตปฺปการาย สมถวิปสฺสนาภาวนาย อปฺปมชฺชเน รตา อภิรตา ตตฺถ อปฺปมาเทเนว รตฺตินฺทิวํ วีตินาเมนฺตา. สนฺตาติ สมานา. ‘‘สตฺตา’’ติปิ ปาโ, ปุคฺคลาติ อตฺโถ. ปมาเท ภยทสฺสิโนติ นิรยูปปตฺติอาทิกํ ปมาเท ภยํ ปสฺสนฺตา. อภพฺพา ปริหานายาติ เต เอวรูปา สมถวิปสฺสนาธมฺเมหิ มคฺคผเลหิ วา ปริหานาย อภพฺพา. สมถวิปสฺสนาโต หิ สมฺปตฺตโต น ปริหายนฺติ, อิตรานิ จ อปฺปตฺตานิ ปาปุณนฺติ. นิพฺพานสฺเสว สนฺติเกติ นิพฺพานสฺส จ อนุปาทาปรินิพฺพานสฺส จ สนฺติเก เอว, น จิรสฺเสว นํ อธิคมิสฺสนฺตีติ.

อฏฺมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. สิกฺขานิสํสสุตฺตวณฺณนา

๔๖. นวเม สิกฺขานิสํสาติ เอตฺถ สิกฺขิตพฺพาติ สิกฺขา, สา ติวิธา อธิสีลสิกฺขา, อธิจิตฺตสิกฺขา, อธิปฺาสิกฺขาติ. ติวิธาปิ เจสา สิกฺขา อานิสํสา เอเตสํ, น ลาภสกฺการสิโลกาติ สิกฺขานิสํสา. วิหรถาติ สิกฺขานิสํสา หุตฺวา วิหรถ, ตีสุ สิกฺขาสุ อานิสํสทสฺสาวิโน หุตฺวา ตาหิ สิกฺขาหิ ลทฺธพฺพํ อานิสํสเมว สมฺปสฺสนฺตา วิหรถาติ อตฺโถ. ปฺุตฺตราติ ตาสุ สิกฺขาสุ ยา อธิปฺาสิกฺขาสงฺขาตา ปฺา, สา อุตฺตรา ปธานา วิสิฏฺา เอเตสนฺติ ปฺุตฺตรา. เย หิ สิกฺขานิสํสา วิหรนฺติ, เต ปฺุตฺตรา ภวนฺตีติ. วิมุตฺติสาราติ อรหตฺตผลสงฺขาตา วิมุตฺติ สารํ เอเตสนฺติ วิมุตฺติสารา, ยถาวุตฺตํ วิมุตฺตึเยว สารโต คเหตฺวา ิตาติ อตฺโถ. เย หิ สิกฺขานิสํสา ปฺุตฺตรา จ, น เต ภววิเสสํ ปตฺเถนฺติ, อปิจ โข วิภวํ อากงฺขนฺตา วิมุตฺตึเยว สารโต ปจฺเจนฺติ. สตาธิปเตยฺยาติ เชฏฺกกรณฏฺเน สติ อธิปเตยฺยํ เอเตสนฺติ สตาธิปเตยฺยา อธิปติ เอว อธิปเตยฺยนฺติ กตฺวา, จตูสุ สติปฏฺาเนสุ สุปฺปติฏฺิตจิตฺตา กายานุปสฺสนาทิมุเขน สมถวิปสฺสนาภาวนานุยุตฺตาติ อตฺโถ.

อถ วา สิกฺขานิสํสาติ ภิกฺขเว, เอวรูเป ทุลฺลภกฺขณปฏิลาเภ ติวิธสิกฺขาสิกฺขนเมว อานิสํสํ กตฺวา วิหรถ, เอวํ วิหรนฺตา จ ปฺุตฺตรา ปฺาย อุตฺตรา โลกุตฺตรปฺาย สมนฺนาคตา หุตฺวา วิหรถ, เอวํภูตา จ วิมุตฺติสารา นิพฺพานสารา อนฺสารา วิหรถ. ตถาภาวสฺส จายํ อุปาโย, ยํ สตาธิปเตยฺยา วิหรถ, สติปฏฺานภาวนาย ยุตฺตปฺปยุตฺตา โหถ, สพฺพตฺถ วา สตารกฺเขน เจตสา วิหรถาติ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อิติ ภควา ตีสุ สิกฺขาสุ ภิกฺขู นิโยเชนฺโต ยถา ตา สิกฺขิตพฺพา, เยน จ ปาริปูรึ คจฺฉนฺติ, ตํ สงฺเขเปเนว ทสฺเสตฺวา อิทานิ ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชมานานํ ผลวิเสสทสฺสเนน ตสฺสา ปฏิปตฺติยา อโมฆภาวํ ปกาเสนฺโต ‘‘สิกฺขานิสํสาน’’นฺติอาทิมาห. ตํ วุตฺตตฺถเมว.

คาถาสุ ปริปุณฺณสิกฺขนฺติ อคฺคผลปฺปตฺติยา ปริสุทฺธสิกฺขํ, อเสกฺขนฺติ อตฺโถ. อปหานธมฺมนฺติ เอตฺถ ปหานธมฺมา วุจฺจนฺติ กุปฺปา วิมุตฺติโย. ปหานธมฺโมติ หิ หานธมฺโม กุปฺปธมฺโม. น ปหานธมฺโมติ อปหานธมฺโม, อกุปฺปธมฺโม. ‘‘อปฺปหานธมฺโม’’ติปิ ปาฬิ, โส เอว อตฺโถ. ขโย เอว อนฺโตติ ขยนฺโต, ชาติยา ขยนฺโต ชาติขยนฺโต, นิพฺพานํ. ขโย วา มรณํ, ชาติขยนฺโต นิพฺพานเมว, ตสฺส ทิฏฺตฺตา ชาติขยนฺตทสฺสี.

ตสฺมาติ ยสฺมา สิกฺขาปาริปูริยา อยํ ชราปารงฺคมนปริโยสาโน อานิสํโส, ตสฺมา. สทาติ สพฺพกาลํ. ฌานรตาติ ลกฺขณูปนิชฺฌาเน, อารมฺมณูปนิชฺฌาเนติ ทุวิเธปิ ฌาเน รตา, ตโต เอว สมาหิตา. มารํ สเสนํ อภิภุยฺยาติ กิเลสเสนาย อนฏฺเสนาย จ สเสนํ อนวสิฏฺํ จตุพฺพิธมฺปิ มารํ อภิภวิตฺวา. เทวปุตฺตมารสฺสปิ หิ คุณมารเณ สหายภาวูปคมนโต กิเลสา ‘‘เสนา’’ติ วุจฺจนฺติ. ตถา โรคาทโย อนฏฺา มจฺจุมารสฺส. ยถาห –

‘‘กามา เต ปมา เสนา, ทุติยา อรติ วุจฺจติ;

ตติยา ขุปฺปิปาสา เต, จตุตฺถี ตณฺหา ปวุจฺจติ.

‘‘ปฺจมี ถินมิทฺธํ เต, ฉฏฺา ภีรู ปวุจฺจติ;

สตฺตมี วิจิกิจฺฉา เต, มกฺโข ถมฺโภ จ อฏฺโม.

‘‘ลาโภ สิโลโก สกฺกาโร, มิจฺฉาลทฺโธ จ โย ยโส;

โย จตฺตานํ สมุกฺกํเส, ปเร จ อวชานติ.

‘‘เอสา นมุจิ เต เสนา, กณฺหสฺสาภิปฺปหารินี;

น นํ อสูโร ชินาติ, เชตฺวา จ ลภเต สุข’’นฺติ. (สุ. นิ. ๔๓๘-๔๔๑; มหานิ. ๒๘);

ยถา จาห –

‘‘อชฺเชว กิจฺจมาตปฺปํ, โก ชฺา มรณํ สุเว;

น หิ โน สงฺครํ เตน, มหาเสเนน มจฺจุนา’’ติ. (ม. นิ. ๓.๒๘๐; ชา. ๒.๒๒.๑๒๑);

ภวถ ชาติมรณสฺส ปารคาติ ชาติยา มรณสฺส จ ปารคามิโน นิพฺพานคามิโน ภวถาติ.

นวมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. ชาคริยสุตฺตวณฺณนา

๔๗. ทสเม ชาคโรติ ชาครโก วิคตนิทฺโท ชาคริยํ อนุยุตฺโต, รตฺตินฺทิวํ กมฺมฏฺานมนสิกาเร ยุตฺตปฺปยุตฺโตติ อตฺโถ. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปุพฺพรตฺตาปรรตฺตํ ชาคริยานุโยคมนุยุตฺโต โหติ? อิธ ภิกฺขุ ทิวสํ จงฺกเมน นิสชฺชาย อาวรณีเยหิ ธมฺเมหิ จิตฺตํ ปริโสเธติ, รตฺติยา ปมํ ยามํ จงฺกเมน นิสชฺชาย อาวรณีเยหิ ธมฺเมหิ จิตฺตํ ปริโสเธติ, รตฺติยา มชฺฌิมํ ยามํ ทกฺขิเณน ปสฺเสน สีหเสยฺยํ กปฺเปติ ปาเท ปาทํ อจฺจาธาย สโต สมฺปชาโน อุฏฺานสฺํ มนสิ กริตฺวา, รตฺติยา ปจฺฉิมํ ยามํ ปจฺจุฏฺาย จงฺกเมน นิสชฺชาย อาวรณีเยหิ ธมฺเมหิ จิตฺตํ ปริโสเธติ. เอวํ ภิกฺขุ ปุพฺพรตฺตาปรรตฺตํ ชาคริยานุโยคมนุยุตฺโต โหตี’’ติ (วิภ. ๕๑๙).

จสทฺโท สมฺปิณฺฑนตฺโถ, เตน วกฺขมาเน สตาทิภาเว สมฺปิณฺเฑติ. อสฺสาติ สิยา, ภเวยฺยาติ อตฺโถ. ‘‘ชาคโร จ ภิกฺขุ วิหเรยฺยา’’ติ จ ปนฺติ. สพฺพตฺถ สพฺพทา จ กมฺมฏฺานาวิชหนวเสน สติอวิปฺปวาเสน สโต สมฺปชาโนติ สตฺตฏฺานิยสฺส จตุพฺพิธสฺสปิ สมฺปชฺสฺส วเสน สมฺปชาโน. สมาหิโตติ อุปจารสมาธินา อปฺปนาสมาธินา จ สมาหิโต เอกคฺคจิตฺโต. ปมุทิโตติ ปฏิปตฺติยา อานิสํสทสฺสเนน อุตฺตรุตฺตริ วิเสสาธิคเมน วีริยารมฺภสฺส จ อโมฆภาวทสฺสเนน ปมุทิโต ปาโมชฺชพหุโล. วิปฺปสนฺโนติ ตโต เอว ปฏิปตฺติภูตาสุ ตีสุ สิกฺขาสุ ปฏิปตฺติเทสเก จ สตฺถริ สทฺธาพหุลตาย สุฏฺุ ปสนฺโน. สพฺพตฺถ อสฺสาติ สมฺพนฺโธ วิหเรยฺยาติ วา.

ตตฺถ กาลวิปสฺสี จ กุสเลสุ ธมฺเมสูติ ตสฺมึ กาเล วิปสฺสโก, ตตฺถ วา กมฺมฏฺานานุโยเค กาลวิปสฺสี กาลานุรูปํ วิปสฺสโก. กึ วุตฺตํ โหติ? วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา กลาปสมฺมสนาทิวเสน สมฺมสนฺโต อาวาสาทิเก สตฺต อสปฺปาเย วชฺเชตฺวา สปฺปาเย เสวนฺโต อนฺตรา โวสานํ อนาปชฺชิตฺวา ปหิตตฺโต จิตฺตสฺส สมาหิตาการํ สลฺลกฺเขนฺโต สกฺกจฺจํ นิรนฺตรํ อนิจฺจานุปสฺสนาทึ ปวตฺเตนฺโต ยสฺมึ กาเล วิปสฺสนาจิตฺตํ ลีนํ โหติ, ตสฺมึ ธมฺมวิจยวีริยปีติสงฺขาเตสุ, ยสฺมึ ปน กาเล จิตฺตํ อุทฺธตํ โหติ, ตสฺมึ ปสฺสทฺธิสมาธิอุเปกฺขาสงฺขาเตสุ กุสเลสุ อนวชฺเชสุ โพชฺฌงฺคธมฺเมสูติ เอวํ ตตฺถ ตสฺมึ ตสฺมึ กาเล, ตสฺมึ วา กมฺมฏฺานานุโยเค กาลานุรูปํ วิปสฺสโก อสฺสาติ. สติสมฺโพชฺฌงฺโค ปน สพฺพตฺเถว อิจฺฉิตพฺโพ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘สติฺจ ขฺวาหํ, ภิกฺขเว, สพฺพตฺถิกํ วทามี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๔; มิ. ป. ๒.๑.๑๓). เอตฺตาวตา ปุคฺคลาธิฏฺานาย เทสนาย ชาคริยํ ทสฺเสตฺวา เยหิ ธมฺเมหิ ชาคริยานุโยโค สมฺปชฺชติ, เต ปกาเสติ.

เอวํ ภควา อารทฺธวิปสฺสกสฺส ภิกฺขุโน สงฺเขเปเนว สทฺธึ อุปการกธมฺเมหิ สมฺมสนจารํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตถา ปฏิปชฺชนฺตสฺส ปฏิปตฺติยา อวฺฌภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ชาครสฺส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ชาคริยานุโยเค สติสมฺปชฺสมาทานานิ สพฺพตฺถกานิ สมฺโมทปสาทาวหานิ, ตตฺถ กาลวิปสฺสนา นาม วิปสฺสนาย คพฺภคฺคหณํ ปริปากคตํ. อุปกฺกิเลสวิมุตฺเต หิ วีถิปฏิปนฺเน วิปสฺสนาาเณ ติกฺเข สูเร วหนฺเต โยคิโน อุฬารํ ปาโมชฺชํ ปสาโท จ โหติ, เตหิ จ วิเสสาธิคมสฺส สนฺติเกเยว. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘ยโต ยโต สมฺมสติ, ขนฺธานํ อุทยพฺพยํ;

ลภตี ปีติปาโมชฺชํ, อมตํ ตํ วิชานตํ.

‘‘ปาโมชฺชพหุโล ภิกฺขุ, ปสนฺโน พุทฺธสาสเน;

อธิคจฺเฉ ปทํ สนฺตํ, สงฺขารูปสมํ สุข’’นฺติ. (ธ. ป. ๓๗๔, ๓๘๑);

คาถาสุ ชาครนฺตา สุณาเถตนฺติ เอตํ มม วจนํ เอกนฺเตเนว ปมาทนิทฺทาย อวิชฺชานิทฺทาย ปโพธนตฺถํ ชาครนฺตา สติสมฺปชฺาทิธมฺมสมาโยเคน ชาคริยํ อนุยุตฺตา สุณาถ. เย สุตฺตา เต ปพุชฺฌถาติ เย ยถาวุตฺตนิทฺทาย สุตฺตา สุปนํ อุปคตา, เต ตุมฺเห ชาคริยานุโยควเสน อินฺทฺริยพลโพชฺฌงฺเค สงฺกฑฺฒิตฺวา วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปนฺตา อปฺปมาทปฏิปตฺติยา ตโต ปพุชฺฌถ อถ วา ชาครนฺตาติ ชาครนิมิตฺตา. ‘‘สุณาเถต’’นฺติ เอตฺถ ‘‘เอต’’นฺติ วุตฺตํ, กึ ตํ วจนนฺติ อาห ‘‘เย สุตฺตา เต ปพุชฺฌถา’’ติอาทิ. ตตฺถ เย สุตฺตาติ เย กิเลสนิทฺทาย สุตฺตา, เต ตุมฺเห อริยมคฺคปฏิโพเธน ปพุชฺฌถ. สุตฺตา ชาคริตํ เสยฺโยติ อิทํ ปโพธสฺส การณวจนํ. ยสฺมา ยถาวุตฺตสุปโต วุตฺตปฺปการํ ชาคริตํ ชาครณํ อตฺถกามสฺส กุลปุตฺตสฺส เสยฺโย ปาสํสตโร หิตสุขาวโห, ตสฺมา ปพุชฺฌถ. นตฺถิ ชาครโต ภยนฺติ อิทํ ตตฺถ อานิสํสทสฺสนํ. โย หิ สทฺธาทีหิ ชาครณธมฺเมหิ สมนฺนาคเมน ชาคโร ชคฺคติ, ปมาทนิทฺทํ น อุปคจฺฉติ, ตสฺส อตฺตานุวาทภยํ ปรานุวาทภยํ ทณฺฑภยํ ทุคฺคติภยํ ชาติอาทินิมิตฺตํ สพฺพมฺปิ วฏฺฏภยํ นตฺถิ.

กาเลนาติ อาวาสสปฺปายาทีนํ ลทฺธกาเลน. โสติ นิปาตมตฺตํ. สมฺมา ธมฺมํ ปริวีมํสมาโนติ วิปสฺสนาย อารมฺมณภูตํ เตภูมกธมฺมํ สมฺมา าเยน ยถา นิพฺพินฺทนวิรชฺชนาทโย สมฺภวนฺติ, เอวํ ปริโต วีมํสนฺโต, สพฺพากาเรน วิปสฺสนฺโตติ อตฺโถ. เอโกทิภูโตติ เอโก เสฏฺโ หุตฺวา อุเทตีติ เอโกทิ, สมาธิ. โส เอโกทิ ภูโต ชาโต อุปฺปนฺโน เอตสฺสาติ เอโกทิภูโต. อคฺคิอาหิตาทิสทฺทานํ วิย เอตฺถ ภูตสทฺทสฺส ปรวจนํ ทฏฺพฺพํ. เอโกทึ วา ภูโต ปตฺโตติ เอโกทิภูโต. เอตฺถ จ เอโกทีติ มคฺคสมาธิ อธิปฺเปโต, ‘‘สมาหิโต’’ติ เอตฺถ ปน ปาทกชฺฌานสมาธินา สทฺธึ วิปสฺสนาสมาธิ. อถ วา กาเลนาติ มคฺคปฏิเวธกาเลน. สมฺมา ธมฺมํ ปริวีมํสมาโนติ สมฺมเทว จตุสจฺจธมฺมํ ปริฺาภิสมยาทิวเสน วีมํสนฺโต, เอกาภิสมเยน อภิสเมนฺโต. เอโกทิภูโตติ เอโก เสฏฺโ อสหาโย วา หุตฺวา อุเทตีติ เอโกทิ, จตุกิจฺจสาธโก สมฺมปฺปธาโน. โส เอโกทิ ภูโต ชาโตติ สพฺพํ ปุริมสทิสเมว. วิหเน ตมํ โสติ โส เอวํภูโต อริยสาวโก อรหตฺตมคฺเคน อวิชฺชาตมํ อนวเสสโต วิหเนยฺย สมุจฺฉินฺเทยฺย.

อิติ ภควา ปฏิปตฺติยา อโมฆภาวํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตตฺถ ทฬฺหํ นิโยเชนฺโต ‘‘ตสฺมา หเว’’ติ โอสานคาถมาห. ตตฺถ ตสฺมาติ ยสฺมา ชาครโต สติอวิปฺปวาสาทินา สมถวิปสฺสนาภาวนา ปาริปูรึ คจฺฉติ, อนุกฺกเมน อริยมคฺโค ปาตุภวติ, ตโต จสฺส สพฺพํ วฏฺฏภยํ นตฺถิ, ตสฺมา. หเวติ เอกํเสน ทฬฺหํ วา. ภเชถาติ ภเชยฺย. เอวํ ชาคริยํ ภชนฺโต จ อาตาปิภาวาทิคุณยุตฺโต ภิกฺขุ สํโยชนานิ ภินฺทิตฺวา อคฺคผลาณสงฺขาตํ อนุตฺตรํ อุตฺตรรหิตํ สมฺโพธึ ผุเส ปาปุเณยฺย. เสสํ วุตฺตนยเมว.

ทสมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๑. อาปายิกสุตฺตวณฺณนา

๔๘. เอกาทสเม อาปายิกาติ อปาเย นิพฺพตฺติสฺสนฺตีติ อาปายิกา. ตตฺถาปิ นิรเย นิพฺพตฺติสฺสนฺตีติ เนรยิกา. อิทมปฺปหายาติ อิทํ อิทานิ วกฺขมานํ ทุวิธํ ปาปสมาจารํ อปฺปชหิตฺวา, ตถาปฏิปตฺติตถาปคฺคหณวเสน ปวตฺตํ วาจํ จิตฺตํ ทิฏฺิฺจ อปฺปฏินิสฺสชฺชิตฺวาติ อตฺโถ. อพฺรหฺมจารีติ พฺรหฺมเสฏฺํ จรตีติ พฺรหฺมจารี, พฺรหฺมา วา เสฏฺโ อาจาโร เอตสฺส อตฺถีติ พฺรหฺมจารี, น พฺรหฺมจารีติ อพฺรหฺมจารี, พฺรหฺมจาริปฏิรูปโก ทุสฺสีโลติ อตฺโถ. พฺรหฺมจาริปฏิฺโติ ‘‘พฺรหฺมจารี อห’’นฺติ เอวํปฏิฺโ. ปริปุณฺณนฺติ อขณฺฑาทิภาเวน อวิกลํ. ปริสุทฺธนฺติ อุปกฺกิเลสาภาเวน ปริสุทฺธํ. อมูลเกนาติ ทิฏฺาทิมูลวิรหิเตน, ทิฏฺํ สุตํ ปริสงฺกิตนฺติ อิเมหิ โจทนามูเลหิ วชฺชิเตน. อพฺรหฺมจริเยน อเสฏฺจริเยน. อนุทฺธํเสตีติ ‘‘ปริสุทฺโธ อย’’นฺติ ชานนฺโตว ปาราชิกวตฺถุนา ธํเสติ ปธํเสติ, โจเทติ อกฺโกสติ วา.

คาถาสุ อภูตวาทีติ ปรสฺส โทสํ อทิสฺวาว อภูเตน ตุจฺเฉน มุสาวาทํ กตฺวา ปรํ อพฺภาจิกฺขนฺโต. กตฺวาติ โย วา ปน ปาปกมฺมํ กตฺวา ‘‘นาหํ เอตํ กโรมี’’ติ อาห. อุโภปิ เต เปจฺจ สมา ภวนฺตีติ เต อุโภปิ ชนา อิโต ปรโลกํ คนฺตฺวา นิรยํ อุปคมนโต คติยา สมานา ภวนฺติ. ตตฺถ คติเยว เนสํ ปริจฺฉินฺนา, น ปน อายุ. พหุฺหิ ปาปํ กตฺวา จิรํ นิรเย ปจฺจติ, ปริตฺตํ กตฺวา อปฺปมตฺตกเมว กาลํ. ยสฺมา ปน เตสํ อุภินฺนมฺปิ กมฺมํ ลามกเมว. เตน วุตฺตํ ‘‘นิหีนกมฺมา มนุชา ปรตฺถา’’ติ. ‘‘ปรตฺถา’’ติ ปน ปทสฺส ปุรโต ‘‘เปจฺจา’’ติ ปเทน สมฺพนฺโธ – ปรตฺถ เปจฺจ อิโต คนฺตฺวา เต นิหีนกมฺมา สมา ภวนฺตีติ.

เอวํ ภควา อภูตพฺภกฺขานวเสน ภูตโทสปฏิจฺฉาทนวเสน จ ปวตฺตสฺส มุสาวาทสฺส วิปากํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตสฺมึ าเน นิสินฺนานํ พหูนํ ปาปภิกฺขูนํ ทุจฺจริตกมฺมสฺส วิปากทสฺสเนน สํเวชนตฺถํ ทฺเว คาถา อภาสิ. ตตฺถ กาสาวกณฺาติ กสาวรสปีตตฺตา กาสาเวน วตฺเถน ปลิเวิตกณฺา. ปาปธมฺมาติ ลามกธมฺมา. อสฺตาติ กายาทีหิ สฺมรหิตา. ปาปาติ ตถารูปา ปาปปุคฺคลา, ปาเปหิ กมฺเมหิ อุปปชฺชิตฺวา ‘‘ตสฺส กาโยปิ อาทิตฺโต สมฺปชฺชลิโต สโชติภูโต, สงฺฆาฏิปิ อาทิตฺตา’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๒.๒๑๘-๒๑๙; ปารา. ๒๓๐) ลกฺขณสํยุตฺเต วุตฺตนเยน มหาทุกฺขํ อนุภวนฺติเยว.

ตติยคาถาย อยํ สงฺเขปตฺโถ – ยฺเจ ภุฺเชยฺย ทุสฺสีโล นิสฺสีลปุคฺคโล กายาทีหิ อสฺโต รฏฺวาสีหิ สทฺธาย ทินฺนํ ยํ รฏฺปิณฺฑํ ‘‘สมโณมฺหี’’ติ ปฏิชานนฺโต คเหตฺวา ภุฺเชยฺย, ตโต อาทิตฺโต อคฺคิวณฺโณ อโยคุโฬว ภุตฺโต เสยฺโย สุนฺทรตโร. กึการณา? ตปฺปจฺจยา หิสฺส เอโกว อตฺตภาโว ฌาเยยฺย, ทุสฺสีโล ปน หุตฺวา สทฺธาเทยฺยํ ภุฺชิตฺวา อเนกานิปิ ชาติสตานิ นิรเย อุปฺปชฺเชยฺยาติ.

เอกาทสมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๒. ทิฏฺิคตสุตฺตวณฺณนา

๔๙. ทฺวาทสเม ทฺวีหิ ทิฏฺิคเตหีติ เอตฺถ ทิฏฺิโยว ทิฏฺิคตานิ ‘‘คูถคตํ มุตฺตคต’’นฺติอาทีสุ (อ. นิ. ๙.๑๑) วิย. คหิตาการสุฺตาย วา ทิฏฺีนํ คตมตฺตานีติ ทิฏฺิคตานิ, เตหิ ทิฏฺิคเตหิ. ปริยุฏฺิตาติ อภิภูตา ปลิพุทฺธา วา. ปลิโพธตฺโถ วาปิ หิ ปริยุฏฺานสทฺโท ‘‘โจรา มคฺเค ปริยุฏฺึสู’’ติอาทีสุ (จูฬว. ๔๓๐) วิย. เทวาติ อุปปตฺติเทวา. เต หิ ทิพฺพนฺติ อุฬารตเมหิ กามคุเณหิ ฌานาทีหิ จ กีฬนฺติ, อิทฺธานุภาเวน วา ยถิจฺฉิตมตฺถํ คจฺฉนฺติ อธิคจฺฉนฺตีติ จ เทวาติ วุจฺจนฺติ. มนสฺส อุสฺสนฺนตฺตา มนุสฺสา, อุกฺกฏฺนิทฺเทสวเสน เจตํ วุตฺตํ ยถา ‘‘สตฺถา เทวมนุสฺสาน’’นฺติ. โอลียนฺติ เอเกติ ‘‘สสฺสโต อตฺตา จ โลโก จา’’ติ ภเวสุ โอลียนาภินิเวสภูเตน สสฺสตภาเวน เอกจฺเจ เทวา มนุสฺสา จ อวลียนฺติ อลฺลียนฺติ สงฺโกจํ อาปชฺชนฺติ, น ตโต นิสฺสรนฺติ. อติธาวนฺตีติ ปรมตฺถโต ภินฺนสภาวานมฺปิ สภาวธมฺมานํ ยฺวายํ เหตุผลภาเวน สมฺพนฺโธ, ตํ อคฺคเหตฺวา นานตฺตนยสฺสปิ คหเณน ตตฺถ ตตฺเถว ธาวนฺติ, ตสฺมา ‘‘อุจฺฉิชฺชติ อตฺตา จ โลโก จ, น โหติ ปรํ มรณา’’ติ อุจฺเฉเท วา ภวนิโรธปฏิปตฺติยา ปฏิกฺเขปธมฺมตํ อติธาวนฺติ อติกฺกมนฺติ. จกฺขุมนฺโต จ ปสฺสนฺตีติ จสทฺโท พฺยติเรเก. ปุพฺพโยคสมฺปตฺติยา าณปริปาเกน ปฺาจกฺขุมนฺโต ปน เทวมนุสฺสา เตเนว ปฺาจกฺขุนา สสฺสตํ อุจฺเฉทฺจ อนฺตทฺวยํ อนุปคมฺม มชฺฌิมปฏิปตฺติทสฺสเนน ปจฺจกฺขํ กโรนฺติ. เต หิ ‘‘นามรูปมตฺตมิทํ ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนํ, ตสฺมา น สสฺสตํ, นาปิ อุจฺฉิชฺชตี’’ติ อวิปรีตโต ปสฺสนฺติ.

เอวํ โอลียนาทิเก ปุคฺคลาธิฏฺาเนน อุทฺทิสิตุํ ‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ภวาติ กามภโว, รูปภโว, อรูปภโว. อปเรปิ ตโย ภวา สฺีภโว, อสฺีภโว, เนวสฺีนาสฺีภโว. อปเรปิ ตโย ภวา เอกโวการภโว, จตุโวการภโว, ปฺจโวการภโวติ. เอเตหิ ภเวหิ อารมนฺติ อภินนฺทนฺตีติ ภวารามา. ภเวสุ รตา อภิรตาติ ภวรตา. ภเวสุ สุฏฺุ มุทิตาติ ภวสมฺมุทิตา. ภวนิโรธายาติ เตสํ ภวานํ อจฺจนฺตนิโรธาย อนุปฺปาทนตฺถาย. ธมฺเม เทสิยมาเนติ ตถาคตปฺปเวทิเต นิยฺยานิกธมฺเม วุจฺจมาเน. น ปกฺขนฺทตีติ สสฺสตาภินิวิฏฺตฺตา สํขิตฺตธมฺมตฺตา น ปวิสติ น โอคาหติ. น ปสีทตีติ ปสาทํ นาปชฺชติ น ตํ สทฺทหติ. น สนฺติฏฺตีติ ตสฺสํ เทสนายํ น ติฏฺติ นาธิมุจฺจติ. เอวํ สสฺสตโต อภินิวิสเนน ภเวสุ โอลียนฺติ.

อฏฺฏียมานาติ ภเว ชราโรคมรณาทีนิ วธพนฺธนจฺเฉทนาทีนิ จ ทิสฺวา สํวิชฺชเนน เตหิ สมงฺคิภาเวน ภเวน ปีฬิยมานา ทุกฺขาปิยมานา. หรายมานาติ ลชฺชมานา ชิคุจฺฉมานาติ ปฏิกูลโต ทหนฺตา. วิภวนฺติ อุจฺเฉทํ. อภินนฺทนฺตีติ ตณฺหาทิฏฺาภินนฺทนาหิ อชฺโฌสาย นนฺทนฺติ. ยโต กิร โภติอาทิ เตสํ อภินนฺทนาการทสฺสนํ. ตตฺถ ยโตติ ยทา. โภติ อาลปนํ. อยํ อตฺตาติ การกาทิภาเวน อตฺตนา ปริกปฺปิตํ สนฺธาย วทติ. อุจฺฉิชฺชตีติ อุปจฺฉิชฺชติ. วินสฺสตีติ น ทิสฺสติ, วินาสํ อภาวํ คจฺฉติ. น โหติ ปรํ มรณาติ มรเณน อุทฺธํ น ภวติ. เอตํ สนฺตนฺติ ยเทตํ อตฺตโน อุจฺเฉทาทิ, เอตํ สพฺพภววูปสมโต สพฺพสนฺตาปวูปสมโต จ สนฺตํ, สนฺตตฺตา เอว ปณีตํ, ตจฺฉาวิปรีตภาวโต ยาถาวํ. ตตฺถ ‘‘สนฺตํ ปณีต’’นฺติ อิทํ ทฺวยํ ตณฺหาภินนฺทนาย วทนฺติ, ‘‘ยาถาว’’นฺติ ทิฏฺาภินนฺทนาย. เอวนฺติ เอวํ ยถาวุตฺตอุจฺเฉทาภินิเวสเนน.

ภูตนฺติ ขนฺธปฺจกํ. ตฺหิ ปจฺจยสมฺภูตตฺตา ปรมตฺถโต วิชฺชมานตฺตา จ ภูตนฺติ วุจฺจติ. เตนาห ‘‘ภูตมิทํ, ภิกฺขเว, สมนุปสฺสถา’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๐๑). ภูตโต อวิปรีตสภาวโต สลกฺขณโต สามฺลกฺขณโต จ ปสฺสติ. อิทฺหิ ขนฺธปฺจกํ นามรูปมตฺตํ. ตตฺถ ‘‘อิเม ปถวีอาทโย ธมฺมา รูปํ, อิเม ผสฺสาทโย ธมฺมา นามํ, อิมานิ เนสํ ลกฺขณาทีนิ, อิเม เนสํ อวิชฺชาทโย ปจฺจยา’’ติ เอวํ สปจฺจยนามรูปทสฺสนวเสน เจว, ‘‘สพฺเพปิเม ธมฺมา อหุตฺวา สมฺโภนฺติ, หุตฺวา ปฏิเวนฺติ, ตสฺมา อนิจฺจา, อนิจฺจตฺตา ทุกฺขา, ทุกฺขตฺตา อนตฺตา’’ติ เอวํ อนิจฺจานุปสฺสนาทิวเสน จ ปสฺสตีติ อตฺโถ. เอตฺตาวตา ตรุณวิปสฺสนาปริโยสานา วิปสฺสนาภูมิ ทสฺสิตา. นิพฺพิทายาติ ภูตสงฺขาตสฺส เตภูมกธมฺมชาตสฺส นิพฺพินฺทนตฺถาย, เอเตน พลววิปสฺสนํ ทสฺเสติ. วิราคายาติ วิราคตฺถํ วิรชฺชนตฺถํ, อิมินา มคฺคํ ทสฺเสติ. นิโรธายาติ นิรุชฺฌนตฺถํ, อิมินาปิ มคฺคเมว ทสฺเสติ. นิโรธายาติ วา ปฏิปฺปสฺสทฺธินิโรเธน สทฺธึ อนุปาทิเสสนิพฺพานํ ทสฺเสติ. เอวํ โข, ภิกฺขเว, จกฺขุมนฺโต ปสฺสนฺตีติ เอวํ ปฺาจกฺขุมนฺโต สปุพฺพภาเคน มคฺคปฺาจกฺขุนา จตุสจฺจธมฺมํ ปสฺสนฺติ.

คาถาสุ เย ภูตํ ภูตโต ทิสฺวาติ เย อริยสาวกา ภูตํ ขนฺธปฺจกํ ภูตโต อวิปรีตสภาวโต วิปสฺสนาปฺาสหิตาย มคฺคปฺาย ทิสฺวา. เอเตน ปริฺาภิสมยํ ทสฺเสติ. ภูตสฺส จ อติกฺกมนฺติ ภาวนาภิสมยํ. อริยมคฺโค หิ ภูตํ อติกฺกมติ เอเตนาติ ‘‘ภูตสฺส อติกฺกโม’’ติ วุตฺโต. ยถาภูเตติ อวิปรีตสจฺจสภาเว นิพฺพาเน. วิมุจฺจนฺติ อธิมุจฺจนฺติ, เอเตน สจฺฉิกิริยาภิสมยํ ทสฺเสติ. ภวตณฺหาปริกฺขยาติ ภวตณฺหาย สพฺพโส เขปนา สมุจฺฉินฺทนโต, เอเตน สมุทยปฺปหานํ ทสฺเสติ.

สเว ภูตปริฺโ โสติ เอตฺถ ปน สเวติ นิปาตมตฺตํ. โส ภูตปริฺโ ภูตสฺส อติกฺกมนูปาเยน มคฺเคน ภวตณฺหาปริกฺขยา ปริฺาตกฺขนฺโธ ตโต เอว ยถาภูเต นิพฺพาเน อธิมุตฺโต. ภวาภเวติ ขุทฺทเก เจว มหนฺเต จ, อุจฺเฉทาทิทสฺสเน วา วีตตณฺโห ภินฺนกิเลโส. ภิกฺขุ ภูตสฺส อุปาทานกฺขนฺธสงฺขาตสฺส อตฺตภาวสฺส วิภวา, อายตึ อนุปฺปาทา ปุนพฺภวํ นาคจฺฉติ, อปฺตฺติกภาวเมว คจฺฉตีติ อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา เทสนํ นิฏฺาเปสิ.

อิติ อิมสฺมึ วคฺเค เอกาทสเม วฏฺฏํ กถิตํ, ตติยจตุตฺถปฺจเมสุ ปริโยสานสุตฺเต จ วฏฺฏวิวฏฺฏํ กถิตํ, เสเสสุ วิวฏฺฏเมวาติ เวทิตพฺพํ.

ทฺวาทสมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

ปรมตฺถทีปนิยา ขุทฺทกนิกาย-อฏฺกถาย

อิติวุตฺตกสฺส ทุกนิปาตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. ติกนิปาโต

๑. ปมวคฺโค

๑. มูลสุตฺตวณฺณนา

๕๐. ติกนิปาตสฺส ปเม ตีณีติ คณนปริจฺเฉโท. อิมานีติ อภิมุขีกรณํ. อกุสลมูลานีติ ปริจฺฉินฺนธมฺมนิทสฺสนํ. ตตฺถ อกุสลานิ จ ตานิ มูลานิ จาติ อกุสลมูลานิ. อถ วา อกุสลานํ เหตุปจฺจยปภวชนกสมุฏฺาปกนิพฺพตฺตกฏฺเน มูลานิ จาติ อกุสลมูลานิ, อกุสลธมฺมานํ การณานีติ อตฺโถ. การณฺหิ ยถา หิโนติ เอตสฺมา ผลํ ปวตฺตตีติ เหตุ, ปฏิจฺจ เอตสฺมา เอตีติ ปจฺจโย, ปภวติ เอตสฺมาติ ปภโว, อตฺตโน ผลํ ชเนตีติ ชนกํ, สมุฏฺาเปตีติ สมุฏฺาปกํ, นิพฺพตฺเตตีติ นิพฺพตฺตกนฺติ จ วุจฺจติ. เอวํ ปติฏฺฏฺเน มูลนฺติ, ตสฺมา อกุสลมูลานีติ อกุสลานํ สุปฺปติฏฺิตภาวสาธนานิ, การณานีติ วุตฺตํ โหติ.

เกจิ ปน ‘‘สาลิอาทีนํ สาลิพีชาทีนิ วิย มณิปฺปภาทีนํ มณิวณฺณาทโย วิย จ อกุสลานํ อกุสลภาวสาธโก โลภาทีนํ มูลฏฺโ’’ติ วทนฺติ. เอวํ สนฺเต อกุสลจิตฺตสมุฏฺานรูเปสุ เตสํ เหตุปจฺจยภาโว น สิยา. น หิ ตานิ เตสํ อกุสลภาวํ สาเธนฺติ, น จ ปจฺจยา น โหนฺติ. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘เหตู เหตุสมฺปยุตฺตกานํ ธมฺมานํ ตํสมุฏฺานานฺจ รูปานํ เหตุปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฏฺา. ๑.ปจฺจยนิทฺเทส.๑).

อเหตุกสฺส จ โมหสฺส อกุสลภาโว น สิยา อกุสลภาวสาธกสฺส มูลนฺตรสฺส อภาวโต. อถาปิ สิยา โลภาทีนํ สภาวสิทฺโธ อกุสลาทิภาโว, ตํสมฺปยุตฺตานํ ปน โลภาทิปฏิพทฺโธติ. เอวมฺปิ ยถา โลภาทีนํ, เอวํ อโลภาทีนมฺปิ สภาวสิทฺโธ กุสลาทิภาโวติ อโลภาทโย กุสลา เอว สิยุํ, น อพฺยากตา, น จ โหนฺติ. ตสฺมา ยถา สมฺปยุตฺเตสุ, เอวํ มูเลสุปิ กุสลาทิภาโว ปริเยสิตพฺโพ. โยนิโสมนสิการาทิโก วิย หิ กุสลภาวสฺส, อโยนิโสมนสิการาทิโก อกุสลภาวสฺส การณนฺติ คเหตพฺพํ. เอวํ อกุสลภาวสาธนวเสน โลภาทีนํ มูลฏฺํ อคฺคเหตฺวา สุปฺปติฏฺิตภาวสาธนวเสน คยฺหมาเน น โกจิ โทโส. ลทฺธเหตุปจฺจยา หิ ธมฺมา วิรูฬฺหมูลา วิย ปาทปา ถิรา โหนฺติ สุปฺปติฏฺิตา, เหตุรหิตา ปน ติลพีชกาทิเสวาลา วิย น สุปฺปติฏฺิตาติ เหตุอาทิอตฺเถน อกุสลานํ อุปการกตฺตา มูลานีติ อกุสลมูลานิ. ยสฺมา ปน มูเลน มุตฺโต อกุสลจิตฺตุปฺปาโท นตฺถิ, ตสฺมา ตีหิ มูเลหิ สพฺโพ อกุสลราสิ ปริยาทิยิตฺวา ทสฺสิโตติ ทฏฺพฺพํ.

ตานิ อกุสลมูลานิ สรูปโต ทสฺเสตุํ ‘‘โลโภ อกุสลมูล’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ โลภาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตเมว. ตตฺถ ปน ตติยมคฺควชฺฌา โลภาทโย อาคตา, อิธ ปน อนวเสสาติ อยเมว วิเสโส.

คาถายํ ปาปเจตสนฺติ อกุสลธมฺมสมาโยคโต ลามกจิตฺตํ. หึสนฺตีติ อตฺตโน ปวตฺติกฺขเณ อายตึ วิปากกฺขเณ จ วิพาเธนฺติ. อตฺตสมฺภูตาติ อตฺตนิ ชาตา. ตจสารนฺติ คณฺิตํ, เวฬุนฺติ อตฺโถ. สมฺผลนฺติ อตฺตโน ผลํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ขทิรสีสปาทโย วิย อนฺโตสาโร อหุตฺวา พหิสารตาย ตจสารนฺติ ลทฺธนามํ เวฬุอาทึ ยถา อตฺตสมฺภูตเมว ผลํ หึสติ วินาเสติ, เอวเมว อนฺโต สีลาทิสารรหิตํ ลามกจิตฺตํ ปุคฺคลํ อตฺตสมฺภูตาเยว โลภาทโย วินาเสนฺตีติ.

ปมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. ธาตุสุตฺตวณฺณนา

๕๑. ทุติเย ธาตุโยติ อตฺตโน ผลสฺส สภาวสฺส จ ธารณฏฺเน ธาตุโย. ยฺเจตฺถ ผลนิพฺพตฺตกํ, ตํ อตฺตโน ผลสฺส สภาวสฺส จ, อิตรํ สภาวสฺเสว ธารณฏฺเน ธาตุ. รูปธาตูติ รูปภโว. ธาตุยา อาคตฏฺาเน ภเวน ปริจฺฉินฺทิตพฺพํ, ภวสฺส อาคตฏฺาเน ธาตุยา ปริจฺฉินฺทิตพฺพนฺติ อิธ ภเวน ปริจฺเฉโท กถิโต. ตสฺมา –

‘‘กตเม ธมฺมา รูปาวจรา? เหฏฺโต พฺรหฺมโลกํ ปริยนฺตํ กริตฺวา อุปริโต อกนิฏฺเ เทเว อนฺโต กริตฺวา เอตฺถาวจรา เอตฺถ ปริยาปนฺนา ขนฺธธาตุอายตนา, อิเม ธมฺมา รูปาวจรา’’ติ (ธ. ส. ๑๒๘๙) –

เอวํ วุตฺตา รูปาวจรธมฺมา รูปธาตุ. อรูปธาตูติ อรูปภโว. อิธาปิ ภเวน ปริจฺเฉโท กถิโตติ –

‘‘กตเม ธมฺมา อรูปาวจรา? เหฏฺโต อากาสานฺจายตนูปเค เทเว อนฺโต กริตฺวา, อุปริโต เนวสฺานาสฺายตนูปเค เทเว อนฺโต กริตฺวา, เอตฺถาวจรา เอตฺถ ปริยาปนฺนา ขนฺธธาตุอายตนา, อิเม ธมฺมา อรูปาวจรา’’ติ (ธ. ส. ๑๒๙๑) –

เอวํ วุตฺตา อรูปาวจรธมฺมา อรูปธาตุ. นิโรธธาตูติ นิพฺพานํ เวทิตพฺพํ.

อปโร นโย – รูปสหิตา, รูปปฏิพทฺธา, ธมฺมปฺปวตฺติ รูปธาตุ, ปฺจโวการภโว, เอกโวการภโว จ, เตน สกโล กามภโว รูปภโว จ สงฺคหิโต. รูปรหิตา ธมฺมปฺปวตฺติ อรูปธาตุ, จตุโวการภโว, เตน อรูปภโว สงฺคหิโต. อิติ ทฺวีหิ ปเทหิ ตโย ภวา สพฺพา สํสารปฺปวตฺติ ทสฺสิตา. ตติยปเทน ปน อสงฺขตธาตุเยว สงฺคหิตาติ มคฺคผลานิ อิธ ติกวินิมุตฺตธมฺมา นาม ชาตา. เกจิ ปน ‘‘รูปธาตูติ รูปสภาวา ธมฺมา, อรูปธาตูติ อรูปสภาวา ธมฺมาติ ปททฺวเยน อนวเสสโต ปฺจกฺขนฺธา คหิตา’’ติ. ‘‘รูปตณฺหาย วิสยภูตา ธมฺมา รูปธาตุ, อรูปตณฺหาย วิสยภูตา อรูปธาตู’’ติ จ วทนฺติ, ตํ สพฺพํ อิธ นาธิปฺเปตํ. ตสฺมา วุตฺตนเยเนว อตฺโถ เวทิตพฺโพ.

คาถาสุ รูปธาตุํ ปริฺายาติ รูปปฏิพทฺธธมฺมปวตฺตึ าตปริฺาทีหิ ตีหิ ปริฺาหิ ปริชานิตฺวา. อารุปฺเปสุ อสณฺิตาติ อรูปาวจรธมฺเมสุ ภวราควเสน ภวทิฏฺิวเสน จ น ปติฏฺิตา อนลฺลีนา. ‘‘อรูเปสุ อสณฺิตา’’ติ จ ปนฺติ, โส เอว อตฺโถ. เอตฺตาวตา เตภูมกธมฺมานํ ปริฺา วุตฺตา. นิโรเธ เย วิมุจฺจนฺตีติ เย นิพฺพาเน อารมฺมณภูเต อคฺคมคฺคผลวเสน สมุจฺเฉทปฏิปฺปสฺสทฺธีหิ อนวเสสกิเลสโต วิมุจฺจนฺติ. เต ชนา มจฺจุหายิโนติ เต ขีณาสวชนา มรณํ สมตีตา.

เอวํ ธาตุตฺตยสมติกฺกเมน อมตาธิคมํ ทสฺเสตฺวา ‘‘อยฺจ ปฏิปทา มยา คตมคฺโค จ ตุมฺหากํ ทสฺสิโต’’ติ ตตฺถ เนสํ อุสฺสาหํ ชเนนฺโต ทุติยํ คาถมาห. ตตฺถ กาเยนาติ นามกาเยน มคฺคผเลหิ. ผุสยิตฺวาติ ปตฺวา. นิรูปธินฺติ ขนฺธาทิสพฺพูปธิรหิตํ. อุปธิปฺปฏินิสฺสคฺคนฺติ เตสํเยว จ อุปธีนํ ปฏินิสฺสชฺชนการณํ. นิพฺพานสฺส หิ มคฺคาเณน สจฺฉิกิริยาย สพฺเพ อุปธโย ปฏินิสฺสฏฺา โหนฺตีติ ตํ เตสํ ปฏินิสฺสชฺชนการณํ. สจฺฉิกตฺวาติ กาเลน กาลํ ผลสมาปตฺติสมาปชฺชเนน อตฺตปจฺจกฺขํ กตฺวา อนาสโว สมฺมาสมฺพุทฺโธ ตเมว อโสกํ วิรชํ นิพฺพานปทํ เทเสติ. ตสฺมา ตทธิคมาย อุสฺสุกฺกํ กาตพฺพนฺติ.

ทุติยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. ปมเวทนาสุตฺตวณฺณนา

๕๒. ตติเย เวทนาติ อารมฺมณรสํ เวทิยนฺติ อนุภวนฺตีติ เวทนา. ตา วิภาคโต ทสฺเสตุํ ‘‘สุขา เวทนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สุข-สทฺโท อตฺถุทฺธารวเสน เหฏฺา วุตฺโตเยว. ทุกฺข-สทฺโท ปน ‘‘ชาติปิ ทุกฺขา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๓๘๗; วิภ. ๑๙๐) ทุกฺขวตฺถุสฺมึ อาคโต. ‘‘ยสฺมา จ โข, มหาลิ, รูปํ ทุกฺขํ ทุกฺขานุปติตํ ทุกฺขาวกฺกนฺต’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๓.๖๐) ทุกฺขารมฺมเณ. ‘‘ทุกฺโข ปาปสฺส อุจฺจโย’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๑๑๗) ทุกฺขปจฺจเย. ‘‘ยาวฺจิทํ, ภิกฺขเว, น สุกรา อกฺขาเนน ปาปุณิตุํ, ยาว ทุกฺขา นิรยา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๒๕๐) ทุกฺขปจฺจยฏฺาเน. ‘‘สุขสฺส จ ปหานา ทุกฺขสฺส จ ปหานา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๓๒; ธ. ส. ๑๖๕) ทุกฺขเวทนายํ. อิธาปิ ทุกฺขเวทนายเมว.

วจนตฺถโต ปน สุขยตีติ สุขา. ทุกฺขยตีติ ทุกฺขา. น ทุกฺขา น สุขาติ อทุกฺขมสุขา, มกาโร ปทสนฺธิวเสน วุตฺโต. ตาสุ อิฏฺานุภวนลกฺขณา สุขา, อนิฏฺานุภวนลกฺขณา ทุกฺขา, อุภยวิปรีตานุภวนลกฺขณา อทุกฺขมสุขา. ตสฺมา สุขทุกฺขเวทนานํ อุปฺปตฺติ ปากฏา, น อทุกฺขมสุขาย. ยทา หิ สุขํ อุปฺปชฺชติ, สกลสรีรํ เภนฺตํ มทฺทนฺตํ ผรมานํ สตโธตสปฺปึ ขาทาเปนฺตํ วิย, สตปากเตลํ มกฺเขนฺตํ วิย, ฆฏสหสฺเสน ปริฬาหํ นิพฺพาปยมานํ วิย จ ‘‘อโห สุขํ, อโห สุข’’นฺติ วาจํ นิจฺฉารยมานเมว อุปฺปชฺชติ. ยทา ทุกฺขํ อุปฺปชฺชติ, สกลสรีรํ โขเภนฺตํ มทฺทนฺตํ ผรมานํ ตตฺตผาลํ ปเวเสนฺตํ วิย วิลีนตมฺพโลหํ อาสิฺจนฺตํ วิย จ ‘‘อโห ทุกฺขํ, อโห ทุกฺข’’นฺติ วิปฺปลาเปนฺตเมว อุปฺปชฺชติ. อิติ สุขทุกฺขเวทนานํ อุปฺปตฺติ ปากฏา.

อทุกฺขมสุขา ปน ทุพฺพิชานา ทุทฺทีปนา อนฺธการา อวิภูตา. สา สุขทุกฺขานํ อปคเม สาตาสาตปฏิปกฺขวเสน มชฺฌตฺตาการภูตา นยโต คณฺหนฺตสฺเสว ปากฏา โหติ. ยถา กึ? ยถา ปุพฺพาปรํ สปํสุเก ปเทเส อุปจริตมคฺควเสน ปิฏฺิปาสาเณ มิเคน คตมคฺโค, เอวํ อิฏฺานิฏฺารมฺมเณสุ สุขทุกฺขานุภวเนนปิ มชฺฌตฺตารมฺมณานุภวนภาเวน วิฺายติ. มชฺฌตฺตารมฺมณคฺคหณํ ปิฏฺิปาสาณคมนํ วิย อิฏฺานิฏฺารมฺมณคฺคหณาภาวโต. ยฺจ ตตฺรานุภวนํ, สา อทุกฺขมสุขาติ.

เอวเมตฺถ สุขทุกฺขอทุกฺขมสุขภาเวน ติธา วุตฺตาปิ กตฺถจิ สุขทุกฺขภาเวน ทฺวิธา วุตฺตา. ยถาห – ‘‘ทฺเวปิ มยา, อานนฺท, เวทนา วุตฺตา, ปริยาเยน สุขา เวทนา, ทุกฺขา เวทนา’’ติ (ม. นิ. ๒.๘๙). กตฺถจิ ติสฺโสปิ วิสุํ วิสุํ สุขทุกฺขอทุกฺขมสุขภาเวน ‘‘สุขา เวทนา ิติสุขา วิปริณามทุกฺขา, ทุกฺขา เวทนา ิติทุกฺขา วิปริณามสุขา, อทุกฺขมสุขา เวทนา าณสุขา อฺาณทุกฺขา’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๖๕). กตฺถจิ สพฺพาปิ ทุกฺขภาเวน. วุตฺตฺเหตํ ‘‘ยํ กิฺจิ เวทยิตํ, สพฺพํ ตํ ทุกฺขสฺมินฺติ วทามี’’ติ (สํ. นิ. ๔.๒๕๙).

ตตฺถ สิยา – ยทิ ติสฺโส เวทนา ยถา อิธ วุตฺตา, อฺเสุ จ เอทิเสสุ สุตฺเตสุ อภิธมฺเม จ เอวํ อวตฺวา กสฺมา เอวํ วุตฺตํ ‘‘ยํ กิฺจิ เวทยิตํ, สพฺพํ ตํ ทุกฺขสฺมินฺติ วทามี’’ติ, ‘‘ทฺเวปิ มยา, อานนฺท, เวทนา วุตฺตา’’ติ จ? สนฺธายภาสิตเมตํ, ตสฺมา สา ปริยายเทสนา. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –

‘‘สงฺขารานิจฺจตํ, อานนฺท, มยา สนฺธาย ภาสิตํ สงฺขารวิปริณามตํ, ‘ยํ กิฺจิ เวทยิตํ, สพฺพํ ตํ ทุกฺขสฺมิ’’’นฺติ (สํ. นิ. ๔.๒๕๙).

‘‘ทฺเวปิ มยา, อานนฺท, เวทนา วุตฺตา ปริยาเยนา’’ติ จ (สํ. นิ. ๔.๒๕๙).

เอตฺถ หิ สุขา อทุกฺขมสุขาติ อิมาสํ ทฺวินฺนํ เวทนานํ นิปฺปริยาเยน ทุกฺขภาโว นตฺถิ, เวเนยฺยชฺฌาสเยน ปน ตตฺถ นิจฺฉนฺททสฺสนตฺถํ ปริยาเยน ทุกฺขภาโว วุตฺโตติ สา ตาทิสี ปริยายเทสนา. อยํ ปน เวทนตฺตยเทสนา สภาวกถาติ กตฺวา นิปฺปริยายเทสนาติ อยเมตฺถ อาจริยานํ สมานกถา.

วิตณฺฑวาที ปนาห ‘‘ทุกฺขตาทฺวยวจนโต ปริยายเทสนาว เวทนตฺตยเทสนา’’ติ. โส ‘‘มา เหว’’นฺติสฺส วจนีโย, ยสฺมา ภควตา สพฺพาสํ เวทนานํ ทุกฺขภาโว อธิปฺปายวเสน วุตฺโต ‘‘สงฺขารานิจฺจตํ, อานนฺท, มยา สนฺธาย ภาสิตํ สงฺขารวิปริณามตํ ‘ยํ กิฺจิ เวทยิตํ, สพฺพํ ตํ ทุกฺขสฺมิ’’’นฺติ. ยทิ ปเนตฺถ เวทนตฺตยเทสนา ปริยายเทสนา สิยา, ‘‘อิทํ มยา สนฺธาย ภาสิตํ ติสฺโส เวทนา’’ติ วตฺตพฺพํ สิยา, น ปเนตํ วุตฺตํ.

อปิจายเมว วตฺตพฺโพ ‘‘โก, ปนาวุโส, เวทนตฺตยเทสนาย อธิปฺปาโย’’ติ? สเจ วเทยฺย ‘‘มุทุกา ทุกฺขา เวทนา สุขา, อธิมตฺตา ทุกฺขา, มชฺฌิมา อทุกฺขมสุขาติ เวเนยฺยชฺฌาสเยน วุตฺตา. ตาสุ หิ น สตฺตานํ สุขาทิวฑฺฒี’’ติ. โส วตฺตพฺโพ – โก ปนาวุโส ทุกฺขเวทนาย สภาโว, เยน ‘‘สพฺพา เวทนา ทุกฺขา’’ติ วุจฺเจยฺยุํ? ยทิ ยาย อุปฺปนฺนาย สตฺตา วิโยคเมว อิจฺฉนฺติ, โส ทุกฺขเวทนาย สภาโว. ยาย จ ปน อุปฺปนฺนาย สตฺตา อวิโยคเมว อิจฺฉนฺติ, ยาย น อุภยํ อิจฺฉนฺติ, สา กถํ ทุกฺขเวทนา สิยา? อถ ยา อตฺตโน นิสฺสยสฺส อุปฆาตการี, สา ทุกฺขา. ยา อนุคฺคหการี, สา กถํ ทุกฺขา สิยา. อถ ปน ยทริยา ทุกฺขโต ปสฺสนฺติ, โส ทุกฺขเวทนาย สภาโว, สงฺขารทุกฺขตาย เวทนํ อริยา ทุกฺขโต ปสฺสนฺติ, สา จ อภิณฺหสภาวาติ กถํ ตาสํ เวทนานํ มุทุมชฺฌิมาธิมตฺตทุกฺขภาโว สิยา? ยทิ จ สงฺขารทุกฺขตาย เอว เวทนานํ ทุกฺขภาโว สิยา, ‘‘ติสฺโส อิมา, ภิกฺขเว, ทุกฺขตาโย ทุกฺขทุกฺขตา, วิปริณามทุกฺขตา, สงฺขารทุกฺขตา’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๐๕) อยํ ทุกฺขตานํ วิภาคเทสนา นิปฺปโยชนา สิยา. ตถา จ สติ สุตฺตเมว ปฏิพาหิตํ สิยา, ปุริเมสุ จ ตีสุ รูปาวจรชฺฌาเนสุ มุทุกา ทุกฺขา เวทนาติ อาปชฺชติ สุขเวทนาวจนโต. จตุตฺถชฺฌาเน อรูปชฺฌาเนสุ จ มชฺฌิมา, อทุกฺขมสุขเวทนาวจนโต. เอวํ สนฺเต ปุริมา ติสฺโส รูปาวจรสมาปตฺติโย จตุตฺถชฺฌานสมาปตฺติยา อรูปสมาปตฺตีหิ จ สนฺตตราติ อาปชฺชติ. กถํ วา สนฺตตรปฺปณีตตราสุ สมาปตฺตีสุ ทุกฺขเวทนาย อธิกภาโว ยุชฺชติ? ตสฺมา เวทนตฺตยเทสนาย ปริยายเทสนาภาโว น ยุตฺโตติ.

ยํ ปน วุตฺตํ ‘‘ทุกฺเข สุขนฺติ สฺาวิปลฺลาโส’’ติ (อ. นิ. ๔.๔๙; ปฏิ. ม. ๑.๒๓๖), ตํ กถนฺติ? วิปริณามทุกฺขตาย สงฺขารทุกฺขตาย จ ยถาภูตานวโพเธน ยา เอกนฺตโต สุขสฺา, ยา จ ทุกฺขนิมิตฺเต สุขนิมิตฺตสฺา, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ. เอวมฺปิ ‘‘สุขา, ภิกฺขเว, เวทนา ทุกฺขโต ทฏฺพฺพา’’ติ (อิติวุ. ๕๓) อิทํ ปน กถนฺติ? อิทํ ปน วิปริณามทสฺสเน สนฺนิโยชนตฺถํ วุตฺตํ ตสฺส ตตฺถ วิราคุปฺปตฺติยา อุปายภาวโต สุขเวทนาย พหุทุกฺขานุคตภาวโต จ. ตถา หิ ทุกฺขสฺส เหตุภาวโต อเนเกหิ ทุกฺขธมฺเมหิ อนุพทฺธตฺตา จ ปณฺฑิตา สุขมฺปิ ทุกฺขมิจฺเจว ปฏิปนฺนา.

เอวมฺปิ นตฺเถว สุขา เวทนา, สุขเหตูนํ นิยมาภาวโต. เย หิ สุขเวทนาย เหตุสมฺมตา ฆาสจฺฉาทนาทโย, เต เอว อธิมตฺตํ อกาเล จ ปฏิเสวิยมานา ทุกฺขเวทนาย เหตุภาวมาปชฺชนฺติ. น จ เยเนว เหตุนา สุขํ, เตเนว ทุกฺขนฺติ ยุตฺตํ วตฺตุํ. ตสฺมา น เต สุขเหตู, ทุกฺขนฺตราปคเม ปน อวิฺูนํ สุขสฺา ยถา จิรตรํ านาทิอิริยาปถสมงฺคี หุตฺวา ตทฺอิริยาปถสมาโยเค มหนฺตฺจ ภารํ วหโต ภารนิกฺเขเป เจว วูปสเม จ, ตสฺมา นตฺเถว สุขนฺติ? ตยิทํ สมฺมเทว สุขเหตุํ อปริฺาย ตสฺส นิยมาภาวปริกปฺปนํ. อารมฺมณมตฺตเมว หิ เกวลํ สุขเหตุํ มนสิกตฺวา เอวํ วุตฺตํ, อชฺฌตฺติกสรีรสฺส อวตฺถาวิเสสํ สมุทิตํ ปน เอกชฺฌํ ตทุภยํ สุขาทิเหตูติ เวทิตพฺพํ. ยาทิสฺจ ตทุภยํ สุขเวทนาย เหตุ, ตาทิสํ น กทาจิปิ ทุกฺขเวทนาย เหตุ โหตีติ ววตฺถิตา เอว สุขาทิเหตุ. ยถา นาม เตโชธาตุ สาลิยวฑากสสฺสาทีนํ ยาทิสมวตฺถนฺตรํ ปตฺวา สาตมธุรภาวเหตุ โหติ, น ตาทิสเมว ปตฺวา กทาจิปิ อสาตอมธุรภาวเหตุ โหติ, เอวํสมฺปทมิทํ ทฏฺพฺพํ.

ทุกฺขาปคเมว กทาจิ สุขเวทนนฺตรํ อุปลพฺภติ. ตตฺถ สุเขเยว สุขสฺา, น ทุกฺขาปคมมตฺเต ยถา อทฺธานคมนปริสฺสมกิลนฺตสฺส สมฺพาหเน อิริยาปถปริวตฺตเน จ, อฺถา กาลนฺตเรปิ ปริสฺสมาปคเม ตาทิสี สุขสฺา สิยา. ทุกฺขาปคมมตฺเต ปน สุขนฺติ ปริกปฺปนา เวทนาวิเสสสฺส อนุปลพฺภมานตฺตา. เอกนฺเตเนว เจตํ เอวํ สมฺปฏิจฺฉิตพฺพํ, ยโต ปณีตปฺปณีตานิเยว อารมฺมณานิ มหตา อายาเสน สตฺตา อภิปตฺถยนฺติ, น จ เนสํ เยน เกนจิ ยถาลทฺธมตฺเตน ปจฺจเยน ปติการํ กาตุํ สกฺกา ตณฺหุปฺปาเทนาติ. เวทนาปจฺจยา หิ ตณฺหาอุปาทิ, ตถาภาเว จ สุคนฺธมธุรสุขสมฺผสฺสาทิวตฺถูนํ อิตรีตรภาเวน สุขวิเสสสฺา ชายมานา กตมสฺส ทุกฺขวิเสสสฺส อปคมเน ฆานชิวฺหากายทฺวาเรสุ, โสตทฺวาเร จ ทิพฺพสงฺคีตสทิสปฺจงฺคิกตูริยสทฺทาวธารเณ. ตสฺมา น ทุกฺขเวทนายเมว ทุกฺขนฺตราปคเม สุขสฺา, นาปิ เกวเล ทุกฺขาปคมมตฺเตติ อาคมโต ยุตฺติโตปิ ววตฺถิตา ติสฺโส เวทนาติ ภควโต เวทนตฺตยเทสนา นีตตฺถาเยว, น เนยฺยตฺถาติ สฺาเปตพฺพํ. เอวฺเจตํ อุเปติ, อิจฺเจตํ กุสลํ, โน เจ, กมฺมํ กตฺวา อุยฺโยเชตพฺโพ ‘‘คจฺฉ ยถาสุข’’นฺติ.

เอวเมตา อฺมฺปฏิปกฺขสภาวววตฺถิตลกฺขณา เอว ติสฺโส เวทนา ภควตา เทสิตา. ตฺจ โข วิปสฺสนากมฺมิกานํ โยคาวจรานํ เวทนามุเขน อรูปกมฺมฏฺานทสฺสนตฺถํ. ทุวิธฺหิ กมฺมฏฺานํ รูปกมฺมฏฺานํ, อรูปกมฺมฏฺานนฺติ. ตตฺถ ภควา รูปกมฺมฏฺานํ กเถนฺโต สงฺเขปมนสิการวเสน วา วิตฺถารมนสิการวเสน วา จตุธาตุววตฺถานาทิวเสน วา กเถติ. อรูปกมฺมฏฺานํ ปน กเถนฺโต ผสฺสวเสน วา เวทนาวเสน วา จิตฺตวเสน วา กเถติ. เอกจฺจสฺส หิ อาปาถคเต อารมฺมเณ อาวชฺชโต ตตฺถ จิตฺตเจตสิกานํ ปมาภินิปาโต ผสฺโส ตํ อารมฺมณํ ผุสนฺโต อุปฺปชฺชมาโน ปากโฏ โหติ, เอกจฺจสฺส ตํ อารมฺมณํ อนุภวนฺตี อุปฺปชฺชมานา เวทนา ปากฏา โหติ, เอกจฺจสฺส ตํ อารมฺมณํ วิชานนฺตํ อุปฺปชฺชมานํ วิฺาณํ ปากฏํ โหติ. อิติ เตสํ เตสํ ปุคฺคลานํ อชฺฌาสเยน ยถาปากฏํ ผสฺสาทิมุเขน ติธา อรูปกมฺมฏฺานํ กเถติ.

ตตฺถ ยสฺส ผสฺโส ปากโฏ โหติ, โสปิ ‘‘น เกวลํ ผสฺโสว อุปฺปชฺชติ, เตน สทฺธึ ตเทว อารมฺมณํ อนุภวมานา เวทนาปิ อุปฺปชฺชติ, สฺชานมานา สฺาปิ, เจตยมานา เจตนาปิ, วิชานมานํ วิฺาณมฺปิ อุปฺปชฺชตี’’ติ ผสฺสปฺจมเกเยว ปริคฺคณฺหาติ. ยสฺส เวทนา ปากฏา โหติ, โสปิ ‘‘น เกวลํ เวทนาว อุปฺปชฺชติ, ตาย สทฺธึ ผุสมาโน ผสฺโสปิ อุปฺปชฺชติ, สฺชานมานา สฺาปิ, เจตยมานา เจตนาปิ, วิชานมานํ วิฺาณมฺปิ อุปฺปชฺชตี’’ติ ผสฺสปฺจมเกเยว ปริคฺคณฺหาติ. ยสฺส วิฺาณํ ปากฏํ โหติ, โสปิ ‘‘น เกวลํ วิฺาณเมว อุปฺปชฺชติ, เตน สทฺธึ ตเทวารมฺมณํ ผุสมาโน ผสฺโสปิ อุปฺปชฺชติ, อนุภวมานา เวทนาปิ, สฺชานมานา สฺาปิ, เจตยมานา เจตนาปิ อุปฺปชฺชตี’’ติ ผสฺสปฺจมเกเยว ปริคฺคณฺหาติ.

โส ‘‘อิเม ผสฺสปฺจมกา ธมฺมา กึนิสฺสิตา’’ติ อุปธาเรนฺโต ‘‘วตฺถุนิสฺสิตา’’ติ ปชานาติ. วตฺถุ นาม กรชกาโย. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อิทฺจ ปน เม วิฺาณํ เอตฺถสิตํ เอตฺถปฏิพทฺธ’’นฺติ (ที. นิ. ๑.๒๓๕; ม. นิ. ๒.๒๕๒). โส อตฺถโต ภูตา เจว อุปาทารูปานิ จ, เอวเมตฺถ วตฺถุ รูปํ, ผสฺสปฺจมกา นามนฺติ นามรูปมตฺตเมว ปสฺสติ. รูปฺเจตฺถ รูปกฺขนฺโธ, นามํ จตฺตาโร อรูปิโน ขนฺธาติ ปฺจกฺขนฺธมตฺตํ โหติ. นามรูปวินิมุตฺตา หิ ปฺจกฺขนฺธา, ปฺจกฺขนฺธวินิมุตฺตํ วา นามรูปํ นตฺถิ. โส ‘‘อิเม ปฺจกฺขนฺธา กึเหตุกา’’ติ อุปปริกฺขนฺโต ‘‘อวิชฺชาทิเหตุกา’’ติ, ตโต ‘‘ปจฺจโย เจว ปจฺจยุปฺปนฺนฺจ อิทํ, อฺโ สตฺโต วา ปุคฺคโล วา นตฺถิ, สุทฺธสงฺขารปุฺชมตฺตเมวา’’ติ สปฺปจฺจยนามรูปวเสน ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา วิปสฺสนาปฏิปาฏิยา ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา’’ติ สมฺมสนฺโต วิจรติ. โส ‘‘อชฺช อชฺชา’’ติ ปฏิเวธํ อากงฺขมาโน ตถารูเป สมเย อุตุสปฺปายํ, ปุคฺคลสปฺปายํ, โภชนสปฺปายํ, ธมฺมสฺสวนสปฺปายํ วา ลภิตฺวา เอกปลฺลงฺเกน นิสินฺโนว วิปสฺสนํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา อรหตฺเต ปติฏฺาติ. เอวํ อิเมสํ ติณฺณํ ชนานํ ยาว อรหตฺตา กมฺมฏฺานํ เวทิตพฺพํ. อิธ ปน ภควา เวทนาวเสน พุชฺฌนกานํ อชฺฌาสเยน อรูปกมฺมฏฺานํ กเถนฺโต เวทนาวเสน กเถสิ. ตตฺถ –

‘‘ลกฺขณฺจ อธิฏฺานํ, อุปฺปตฺติ อนุสโย ตถา;

านํ ปวตฺติกาโล จ, อินฺทฺริยฺจ ทฺวิธาทิตา’’ติ. –

อิทํ ปกิณฺณกํ เวทิตพฺพํ – ตตฺถ ลกฺขณํ เหฏฺา วุตฺตเมว. อธิฏฺานนฺติ ผสฺโส. ‘‘ผสฺสปจฺจยา เวทนา’’ติ หิ วจนโต ผสฺโส เวทนาย อธิฏฺานํ. ตถา หิ โส เวทนาธิฏฺานภาวโต นิจฺจมฺมคาวีอุปมาย อุปมิโต. ตตฺถ สุขเวทนีโย ผสฺโส สุขาย เวทนาย อธิฏฺานํ, ทุกฺขเวทนีโย ผสฺโส ทุกฺขาย เวทนาย, อทุกฺขมสุขเวทนีโย ผสฺโส อทุกฺขมสุขาย เวทนาย อธิฏฺานํ, อาสนฺนการณนฺติ อตฺโถ. เวทนา กสฺส ปทฏฺานํ? ‘‘เวทนาปจฺจยา ตณฺหา’’ติ วจนโต ตณฺหาย ปทฏฺานํ อภิปตฺถนียภาวโต. สุขา เวทนา ตาว ตณฺหาย ปทฏฺานํ โหตุ, อิตรา ปน กถนฺติ? วุจฺจเต สุขสมงฺคีปิ ตาว ตํสทิสํ ตโต วา อุตฺตริตรํ สุขํ อภิปตฺเถติ, กิมงฺค ปน ทุกฺขสมงฺคีภูโต. อทุกฺขมสุขา จ สนฺตภาเวน สุขมิจฺเจว วุจฺจตีติ ติสฺโสปิ เวทนา ตณฺหาย ปทฏฺานํ.

อุปฺปตฺตีติ อุปฺปตฺติการณํ. อิฏฺารมฺมณภูตา หิ สตฺตสงฺขารา สุขเวทนาย อุปฺปตฺติการณํ, เต เอว อนิฏฺารมฺมณภูตา ทุกฺขเวทนาย, มชฺฌตฺตารมฺมณภูตา อทุกฺขมสุขาย. วิปากโต ตทาการคฺคหณโต เจตฺถ อิฏฺานิฏฺตา เวทิตพฺพา.

อนุสโยติ อิมาสุ ตีสุ เวทนาสุ สุขาย เวทนาย ราคานุสโย อนุเสติ, ทุกฺขาย เวทนาย ปฏิฆานุสโย, อทุกฺขมสุขาย เวทนาย อวิชฺชานุสโย อนุเสติ. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘สุขาย โข, อาวุโส วิสาข, เวทนาย ราคานุสโย อนุเสตี’’ติอาทิ (ม. นิ. ๑.๔๖๕).

ทิฏฺิมานานุสยา เจตฺถ ราคปกฺขิยา กาตพฺพา. สุขาภินนฺทเนน หิ ทิฏฺิคติกา ‘‘สสฺสต’’นฺติอาทินา สกฺกาเย อภินิวิสนฺติ, มานชาติกา จ มานํ ชปฺเปนฺติ ‘‘เสยฺโยหมสฺมี’’ติอาทินา. วิจิกิจฺฉานุสโย ปน อวิชฺชาปกฺขิโก กาตพฺโพ. ตถา หิ วุตฺตํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทวิภงฺเค (วิภ. ๒๘๘-๒๘๙) ‘‘เวทนาปจฺจยา วิจิกิจฺฉา’’ติ. อนุสยานฺจ ตตฺถ ตตฺถ สนฺตาเน อปฺปหีนภาเวน ถามคมนํ. ตสฺมา ‘‘สุขาย เวทนาย ราคานุสโย อนุเสตี’’ติ มคฺเคน อปฺปหีนตฺตา อนุรูปการณลาเภ อุปฺปชฺชนารโห ราโค, ตตฺถ สยิโต วิย โหตีติ อตฺโถ. เอส นโย เสเสสุปิ.

านนฺติ กาโย จิตฺตฺจ เวทนาย านํ. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘ยํ ตสฺมึ สมเย กายิกํ สุขํ กายสมฺผสฺสชํ สาตํ สุขํ เวทยิตํ (ธ. ส. ๔๔๙). ยํ ตสฺมึ สมเย เจตสิกํ สุขํ เจโตสมฺผสฺสชํ สาตํ สุขํ เวทยิต’’นฺติ (ธ. ส. ๔๗๑) จ.

ปวตฺติกาโลติ ปวตฺติกฺขโณ, ปวตฺตนากลนฺจ. ปวตฺติกฺขเณน หิ สุขทุกฺขเวทนานํ สุขทุกฺขภาโว ววตฺถิโต. ยถาห –

‘‘สุขา โข, อาวุโส วิสาข, เวทนา ิติสุขา วิปริณามทุกฺขา, ทุกฺขา โข, อาวุโส วิสาข, เวทนา ิติทุกฺขา วิปริณามสุขา’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๖๕).

สุขาย เวทนาย อตฺถิภาโว สุขํ, นตฺถิภาโว ทุกฺขํ. ทุกฺขาย เวทนาย อตฺถิภาโว ทุกฺขํ, นตฺถิภาโว สุขนฺติ อตฺโถ. อทุกฺขมสุขาย เวทนาย ปวตฺตนากลนํ ปวตฺติยา อากลนํ อนากลนฺจ ชานนํ อชานนฺจ สุขทุกฺขภาวววตฺถานํ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –

‘‘อทุกฺขมสุขา โข, อาวุโส วิสาข, เวทนา าณสุขา อฺาณทุกฺขา’’ติ.

อินฺทฺริยนฺติ เอตา หิ สุขาทโย ติสฺโส เวทนา สุขินฺทฺริยํ, ทุกฺขินฺทฺริยํ, โสมนสฺสินฺทฺริยํ, โทมนสฺสินฺทฺริยํ, อุเปกฺขินฺทฺริยนฺติ อธิปเตยฺยฏฺเน อินฺทฺริยโต ปฺจธา วิภตฺตา. กายิกฺหิ สาตํ สุขินฺทฺริยนฺติ วุตฺตํ, อสาตํ ทุกฺขินฺทฺริยนฺติ. มานสํ ปน สาตํ โสมนสฺสินฺทฺริยนฺติ วุตฺตํ, อสาตํ โทมนสฺสินฺทฺริยนฺติ. ทุวิธมฺปิ เนว สาตํ นาสาตํ อุเปกฺขินฺทฺริยนฺติ. กึ ปเนตฺถ การณํ – ยถา กายิกเจตสิกา สุขทุกฺขเวทนา ‘‘สุขินฺทฺริยํ โสมนสฺสินฺทฺริยํ, ทุกฺขินฺทฺริยํ โทมนสฺสินฺทฺริย’’นฺติ วิภชิตฺวา วุตฺตา, น เอวํ อทุกฺขมสุขาติ? เภทาภาวโต. ยเถว หิ อนุคฺคหสภาวา พาธกสภาวา จ สุขทุกฺขเวทนา อฺถา กายสฺส อนุคฺคหํ พาธกฺจ กโรนฺติ, จิตฺตสฺส จ อฺถา, น เอวํ อทุกฺขมสุขา, ตสฺมา เภทาภาวโต วิภชิตฺวา น วุตฺตา.

ทฺวิธาทิตาติ สพฺพาปิ หิ เวทนา เวทยิตฏฺเน เอกวิธาปิ นิสฺสยเภเทน ทุวิธา – กายิกา เจตสิกาติ, สุขา, ทุกฺขา, อทุกฺขมสุขาติ ติวิธา, จตุโยนิวเสน จตุพฺพิธา, อินฺทฺริยวเสน, คติวเสน จ ปฺจวิธา, ทฺวารวเสน จ อารมฺมณวเสน จ ฉพฺพิธา, สตฺตวิฺาณธาตุโยเคน สตฺตวิธา, อฏฺโลกธมฺมปจฺจยตาย อฏฺวิธา, สุขาทีนํ ปจฺเจกํ อตีตาทิวิภาเคน นววิธา, ตา เอว อชฺฌตฺตพหิทฺธาเภเทน อฏฺารสวิธา, ตถา รูปาทีสุ ฉสุ อารมฺมเณสุ เอเกกสฺมึ สุขาทิวเสน ติสฺโส ติสฺโส กตฺวา. รูปารมฺมณสฺมิฺหิ สุขาปิ อุปฺปชฺชติ, ทุกฺขาปิ, อทุกฺขมสุขาปิ, เอวํ อิตเรสุปิ. อถ วา อฏฺารสมโนปวิจารวเสน อฏฺารส. วุตฺตฺหิ –

‘‘จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา โสมนสฺสฏฺานิยํ รูปํ อุปวิจรติ, โทมนสฺสฏฺานิยํ, อุเปกฺขาฏฺานิยํ รูปํ อุปวิจรติ, โสเตน สทฺทํ…เป… มนสา ธมฺมํ วิฺาย โสมนสฺสฏฺานิยํ ธมฺมํ อุปวิจรติ, โทมนสฺสฏฺานิยํ, อุเปกฺขาฏฺานิยํ ธมฺมํ อุปวิจรตี’’ติ (อ. นิ. ๓.๖๒).

เอวํ อฏฺารสวิธา โหนฺติ. ตถา ฉ เคหสฺสิตานิ โสมนสฺสานิ, ฉ เคหสฺสิตานิ โทมนสฺสานิ, ฉ เคหสฺสิตา อุเปกฺขา, ตถา เนกฺขมฺมสฺสิตา โสมนสฺสาทโยติ เอวํ ฉตฺตึสวิธา. อตีเต ฉตฺตึส, อนาคเต ฉตฺตึส, ปจฺจุปฺปนฺเน ฉตฺตึสาติ อฏฺุตฺตรสตมฺปิ ภวนฺติ. เอวเมตฺถ ทฺวิธาทิตา เวทิตพฺพาติ.

ปกิณฺณกกถา นิฏฺิตา.

คาถาสุ สมาหิโตติ อุปจารปฺปนาเภเทน สมาธินา สมาหิโต. เตน สมถภาวนานุโยคํ ทสฺเสติ. สมฺปชาโนติ สาตฺถกสมฺปชฺาทินา จตุพฺพิเธน สมฺปชฺเน สมฺปชาโน. เตน วิปสฺสนานุโยคํ ทสฺเสติ. สโตติ สโตการี. เตน สมถวิปสฺสนานเยน ธมฺมา ภาวนาปาริปูรึ คจฺฉนฺติ. เตน สมนฺนาคตตฺตํ ทสฺเสติ. เวทนา จ ปชานาตีติ ‘‘อิมา เวทนา, เอตฺตกา เวทนา’’ติ สภาวโต วิภาคโต ‘‘อนิจฺจา ทุกฺขา วิปริณามธมฺมา’’ติ อนิจฺจาทิลกฺขณโต จ ปุพฺพภาเค ตีหิ ปริฺาหิ ปริชานนฺโต วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อริยมคฺเคน ปริฺาปฏิเวเธน ปชานาติ. เวทนานฺจ สมฺภวนฺติ สมุทยสจฺจํ. ยตฺถ เจตา นิรุชฺฌนฺตีติ เอตฺตาวตา เวทนา ยตฺถ นิรุชฺฌนฺติ, ตํ นิโรธสจฺจํ. ขยคามินนฺติ เวทนานํ ขยคามินํ อริยมคฺคฺจ ปชานาตีติ สมฺพนฺโธ. เวทนานํ ขยาติ เอวํ จตฺตาริ สจฺจานิ ปฏิวิชฺฌนฺเตน อริยมคฺเคน เวทนานํ อนุปฺปาทนิโรธา. นิจฺฉาโต ปรินิพฺพุโตติ นิตฺตณฺโห, ปหีนตณฺโห, กิเลสปรินิพฺพาเนน, ขนฺธปรินิพฺพาเนน จ ปรินิพฺพุโต โหติ.

ตติยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. ทุติยเวทนาสุตฺตวณฺณนา

๕๓. จตุตฺเถ ทุกฺขโต ทฏฺพฺพาติ สุขเวทนา วิปริณามทุกฺขวเสน ทุกฺขาติ าณจกฺขุนา ปสฺสิตพฺพา. สลฺลโต ทฏฺพฺพาติ ทุนฺนีหรณฏฺเน อนฺโตตุทนฏฺเน ปีฬนฏฺเน ทุกฺขทุกฺขภาเวน ทุกฺขเวทนา สลฺลนฺติ ปสฺสิตพฺพา. อนิจฺจโตติ หุตฺวา อภาวโต อุทยพฺพยวนฺตโต ตาวกาลิกโต นิจฺจปฏิปกฺขโต จ อทุกฺขมสุขา เวทนา อนิจฺจาติ ปสฺสิตพฺพา. กามฺเจตฺถ สพฺพาปิ เวทนา อนิจฺจโต ปสฺสิตพฺพา, อนิจฺจทสฺสนโต ปน สาติสยํ วิราคนิมิตฺตํ ทุกฺขทสฺสนนฺติ อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺโต สตฺถา ‘‘สุขา, ภิกฺขเว, เวทนา ทุกฺขโต ทฏฺพฺพา, ทุกฺขา เวทนา สลฺลโต ทฏฺพฺพา’’ติ อาห. อถ วา ยตฺถ ปุถุชฺชนา สุขาภินิเวสิโน, ตตฺถ นิพฺเพทชนนตฺถํ ตถา วุตฺตํ. เตนสฺสา สงฺขารทุกฺขตาย ทุกฺขภาโว ทสฺสิโต. ยทนิจฺจํ, ตํ ทุกฺขนฺติ วิปริณามทุกฺขตาย ‘‘สุขา, ภิกฺขเว, เวทนา ทุกฺขโต ทฏฺพฺพา’’ติ วตฺวา ‘‘สุขาปิ ตาว เอทิสี, ทุกฺขา นุ โข กีทิสี’’ติ จินฺเตนฺตานํ ทุกฺขทุกฺขตาย ‘‘ทุกฺขา เวทนา สลฺลโต ทฏฺพฺพา’’ติ อาห, อิตรา ปน สงฺขารทุกฺขตาย เอว ทุกฺขาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อทุกฺขมสุขา เวทนา อนิจฺจโต ทฏฺพฺพา’’ติ อโวจ.

เอตฺถ จ ‘‘สุขา เวทนา ทุกฺขโต ทฏฺพฺพา’’ติ เอเตน ราคสฺส สมุคฺฆาตนูปาโย ทสฺสิโต. สุขเวทนาย หิ ราคานุสโย อนุเสติ. ‘‘ทุกฺขา เวทนา สลฺลโต ทฏฺพฺพา’’ติ เอเตน โทสสฺส สมุคฺฆาตนูปาโย ทสฺสิโต. ทุกฺขเวทนาย หิ ปฏิฆานุสโย อนุเสติ. ‘‘อทุกฺขมสุขา เวทนา อนิจฺจโต ทฏฺพฺพา’’ติ เอเตน โมหสฺส สมุคฺฆาตนูปาโย ทสฺสิโต. อทุกฺขมสุขเวทนาย หิ อวิชฺชานุสโย อนุเสติ.

ตถา ปเมน ตณฺหาสํกิเลสสฺส ปหานํ ทสฺสิตํ ตสฺส สุขสฺสาทเหตุกตฺตา, ทุติเยน ทุจฺจริตสํกิเลสสฺส ปหานํ. ยถาภูตฺหิ ทุกฺขํ อปริชานนฺตา ตสฺส ปริหรณตฺถํ ทุจฺจริตํ จรนฺติ. ตติเยน ทิฏฺิสํกิเลสสฺส ปหานํ อนิจฺจโต ปสฺสนฺตสฺส ทิฏฺิสํกิเลสาภาวโต อวิชฺชานิมิตฺตตฺตา ทิฏฺิสํกิเลสสฺส, อวิชฺชานิมิตฺตฺจ อทุกฺขมสุขา เวทนา. ปเมน วา วิปริณามทุกฺขปริฺา, ทุติเยน ทุกฺขทุกฺขปริฺา, ตติเยน สงฺขารทุกฺขปริฺา. ปเมน วา อิฏฺารมฺมณปริฺา, ทุติเยน อนิฏฺารมฺมณปริฺา, ตติเยน มชฺฌตฺตารมฺมณปริฺา. วิรตฺเตสุ หิ ตทารมฺมณธมฺเมสุ อารมฺมณานิปิ วิรตฺตาเนว โหนฺตีติ. ปเมน วา ราคปฺปหานปริกิตฺตเนน ทุกฺขานุปสฺสนาย อปฺปณิหิตวิโมกฺโข ทีปิโต โหติ, ทุติเยน โทสปฺปหานปริกิตฺตเนน อนิจฺจานุปสฺสนาย อนิมิตฺตวิโมกฺโข, ตติเยน โมหปฺปหานปริกิตฺตเนน อนตฺตานุปสฺสนาย สุฺตวิโมกฺโข ทีปิโต โหตีติ เวทิตพฺพํ.

ยโตติ ยทา, ยสฺมา วา. อริโยติ กิเลเสหิ อารกา ิโต ปริสุทฺโธ. สมฺมทฺทโสติ สพฺพาสํ เวทนานํ จตุนฺนมฺปิ วา สจฺจานํ อวิปรีตทสฺสาวี. อจฺเฉจฺฉิ ตณฺหนฺติ เวทนามูลกํ ตณฺหํ อคฺคมคฺเคน ฉินฺทิ, อนวเสสโต สมุจฺฉินฺทิ. วิวตฺตยิ สํโยชนนฺติ ทสวิธํ สํโยชนํ ปริวตฺตยิ, นิมฺมูลมกาสิ. สมฺมาติ เหตุนา การเณน. มานาภิสมยาติ มานสฺส ทสฺสนาภิสมยา, ปหานาภิสมยา วา. อรหตฺตมคฺโค หิ กิจฺจวเสน มานํ ปสฺสติ, อยมสฺส ทสฺสนาภิสมโย. เตน ทิฏฺโ ปน โส ตาวเทว ปหียติ ทิฏฺวิเสน ทิฏฺสตฺตานํ ชีวิตํ วิย, อยมสฺส ปหานาภิสมโย. อนฺตมกาสิ ทุกฺขสฺสาติ เอวํ อรหตฺตมคฺเคน มานสฺส ทิฏฺตฺตา ปหีนตฺตา จ สพฺพสฺเสว วฏฺฏทุกฺขสฺส โกฏิสงฺขาตํ อนฺตํ ปริจฺเฉทํ ปริวฏุมํ อกาสิ, อนฺติมสมุสฺสยมตฺตาวเสสํ ทุกฺขมกาสีติ วุตฺตํ โหติ.

คาถาสุ โยติ โย อริยสาวโก. อทฺทาติ อทฺทส, สุขเวทนํ ทุกฺขโต ปสฺสีติ อตฺโถ. สุขเวทนา หิ วิสมิสฺสํ วิย โภชนํ ปริโภคกาเล อสฺสาทํ ททมานา วิปริณามกาเล ทุกฺขาเยวาติ. ทุกฺขมทฺทกฺขิ สลฺลโตติ ยถา สลฺลํ สรีรํ อนุปวิสนฺตมฺปิ ปวิฏฺมฺปิ อุทฺธริยมานมฺปิ ปีฬเมว ชเนติ, เอวํ ทุกฺขเวทนา อุปฺปชฺชมานาปิ ิติปฺปตฺตาปิ ภิชฺชมานาปิ วิพาธติเยวาติ ตํ สลฺลโต วิปสฺสีติ วุตฺตํ. อทฺทกฺขิ นํ อนิจฺจโตติ สุขทุกฺขโต สนฺตสภาวตาย สนฺตตรชาติกมฺปิ นํ อทุกฺขมสุขํ อนิจฺจนฺติกตาย อนิจฺจโต ปสฺสิ.

ส เว สมฺมทฺทโสติ โส เอวํ ติสฺสนฺนํ เวทนานํ สมฺมเทว ทุกฺขาทิโต ทสฺสาวี. ยโตติ ยสฺมา. ตตฺถาติ เวทนายํ. วิมุจฺจตีติ สมุจฺเฉทวิมุตฺติวเสน วิมุจฺจติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยสฺมา สุขาทีนิ ทุกฺขาทิโต อทฺทส, ตสฺมา ตตฺถ เวทนาย ตปฺปฏิพทฺธฉนฺทราคปฺปหาเนน สมุจฺเฉทวเสน วิมุจฺจติ. ยํสทฺเท หิ วุตฺเต ตํสทฺโท อาหริตฺวา วตฺตพฺโพ. อถ วา ยโตติ กายวาจาจิตฺเตหิ สํยโต ยตตฺโต, ยตติ ปทหตีติ วา ยโต, อายตตีติ อตฺโถ. อภิฺาโวสิโตติ เวทนามุเขน จตุสจฺจกมฺมฏฺานํ ภาเวตฺวา ฉฏฺาภิฺาย ปริโยสิโต กตกิจฺโจ. สนฺโตติ ราคาทิกิเลสวูปสเมน สนฺโต. โยคาติโคติ กามโยคาทึ จตุพฺพิธมฺปิ โยคํ อติกฺกนฺโต. อุภยหิตมุนนโต มุนีติ.

จตุตฺถสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. ปมเอสนาสุตฺตวณฺณนา

๕๔. ปฺจเม เอสนาติ คเวสนา ปริเยสนา มคฺคนา. ตา วิภาคโต ทสฺเสตุํ ‘‘กาเมสนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ กาเมสนาติ กามานํ เอสนา, กามสงฺขาตา วา เอสนา กาเมสนา. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘ตตฺถ กตมา กาเมสนา? โย กาเมสุ กามจฺฉนฺโท, กามราโค, กามนนฺที, กามสฺเนโห, กามปิปาสา, กามมุจฺฉา, กามชฺโฌสานํ, อยํ วุจฺจติ กาเมสนา’’ติ (วิภ. ๙๑๙).

ตสฺมา กามราโค กาเมสนาติ เวทิตพฺโพ. ภเวสนายปิ เอเสว นโย. วุตฺตมฺปิ เจตํ –

‘‘ตตฺถ กตมา ภเวสนา? โย ภเวสุ ภวจฺฉนฺโท…เป… ภวชฺโฌสานํ, อยํ วุจฺจติ ภเวสนา’’ติ (วิภ. ๙๑๙).

ตสฺมา ภเวสนราโค รูปารูปภวปตฺถนา ภเวสนาติ เวทิตพฺพา. พฺรหฺมจริยสฺส เอสนา พฺรหฺมจริเยสนา. ยถาห –

‘‘ตตฺถ กตมา พฺรหฺมจริเยสนา? สสฺสโต โลโกติ วา, อสสฺสโต โลโกติ วา, อนฺตวา โลโกติ วา, อนนฺตวา โลโกติ วา, ตํ ชีวํ ตํ สรีรนฺติ วา, อฺํ ชีวํ อฺํ สรีรนฺติ วา, โหติ ตถาคโต ปรํ มรณาติ วา, น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณาติ วา, โหติ จ น จ โหติ ตถาคโต ปรํ มรณาติ วา, เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณาติ วา, ยา เอวรูปา ทิฏฺิ ทิฏฺิคตํ ทิฏฺิคหนํ ทิฏฺิกนฺตาโร ทิฏฺิวิสูกายิกํ ทิฏฺิวิปฺผนฺทิตํ ทิฏฺิสฺโชนํ คาโห ปติฏฺาโห อภินิเวโส ปรามาโส กุมฺมคฺโค มิจฺฉาปโถ มิจฺฉตฺตํ ติตฺถายตนํ วิปริเยสคฺคาโห, อยํ วุจฺจติ พฺรหฺมจริเยสนา’’ติ (วิภ. ๙๑๙).

ตสฺมา ทิฏฺิคตสมฺมตสฺส พฺรหฺมจริยสฺส เอสนา ทิฏฺิพฺรหฺมจริเยสนาติ เวทิตพฺพาติ. เอตฺตาวตา ราคทิฏฺิโย เอสนาติ ทสฺสิตา โหนฺติ. น เกวลฺจ ราคทิฏฺิโยว เอสนา, ตเทกฏฺํ กมฺมมฺปิ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –

‘‘ตตฺถ กตมา กาเมสนา? กามราโค ตเทกฏฺํ อกุสลํ กายกมฺมํ วจีกมฺมํ มโนกมฺมํ, อยํ วุจฺจติ กาเมสนา. ตตฺถ กตมา ภเวสนา? ภวราโค ตเทกฏฺํ อกุสลํ กายกมฺมํ วจีกมฺมํ มโนกมฺมํ, อยํ วุจฺจติ ภเวสนา. ตตฺถ กตมา พฺรหฺมจริเยสนา? อนฺตคฺคาหิกา ทิฏฺิ ตเทกฏฺํ อกุสลํ กายกมฺมํ, วจีกมฺมํ, มโนกมฺมํ, อยํ วุจฺจติ พฺรหฺมจริเยสนา’’ติ (วิภ. ๙๑๙) –

เอวเมตา ติสฺโส เอสนา เวทิตพฺพา.

คาถาสุ สมฺภวนฺติ เอตฺถ เอสนานํ อุปฺปตฺติเหตุภูตา อวิชฺชาทโย ตณฺหา จาติ สมฺภโว, สมุทโยติ อตฺโถ. ยตฺถ เจตา นิรุชฺฌนฺตีติ พฺรหฺมจริเยสนา ปมมคฺเคน นิรุชฺฌติ, กาเมสนา อนาคามิมคฺเคน, ภเวสนา อรหตฺตมคฺเคน นิรุชฺฌตีติ เวทิตพฺพํ. เสสํ วุตฺตนยเมว.

ปฺจมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. ทุติยเอสนาสุตฺตวณฺณนา

๕๕. ฉฏฺเ พฺรหฺมจริเยสนา สหาติ พฺรหฺมจริเยสนาย สทฺธึ. วิภตฺติโลเปน หิ อยํ นิทฺเทโส, กรณตฺเถ วา เอตํ ปจฺจตฺตวจนํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ ‘‘พฺรหฺมจริเยสนาย สทฺธึ กาเมสนา, ภเวสนาติ ติสฺโส เอสนา’’ติ. ตาสุ พฺรหฺมจริเยสนํ สรูปโต ทสฺเสตุํ ‘‘อิติสจฺจปรามาโส, ทิฏฺิฏฺานา สมุสฺสยา’’ติ วุตฺตํ. ตสฺสตฺโถ – อิติ เอวํ สจฺจนฺติ ปรามาโส อิติสจฺจปรามาโส. อิทเมว สจฺจํ, โมฆมฺนฺติ ทิฏฺิยา ปวตฺติอาการํ ทสฺเสติ. ทิฏฺิโย เอว สพฺพานตฺถเหตุภาวโต ทิฏฺิฏฺานา. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘มิจฺฉาทิฏฺิปรมาหํ, ภิกฺขเว, วชฺชํ วทามี’’ติ (อ. นิ. ๑.๓๑๐). ตา เอว จ อุปรูปริ วฑฺฒมานา โลภาทิกิเลสสมุสฺสเยน จ สมุสฺสยา, ‘‘อิทเมว สจฺจํ, โมฆมฺ’’นฺติ มิจฺฉาภินิวิสมานา สพฺพานตฺถเหตุภูตา กิเลสทุกฺขูปจยเหตุภูตา จ ทิฏฺิโย พฺรหฺมจริเยสนาติ วุตฺตํ โหติ. เอเตน ปวตฺติอาการโต นิพฺพตฺติโต จ พฺรหฺมจริเยสนา ทสฺสิตาติ เวทิตพฺพา.

สพฺพราควิรตฺตสฺสาติ สพฺเพหิ กามราคภวราเคหิ วิรตฺตสฺส. ตโต เอว ตณฺหกฺขยสงฺขาเต นิพฺพาเน วิมุตฺตตฺตา ตณฺหกฺขยวิมุตฺติโน อรหโต. เอสนา ปฏินิสฺสฏฺาติ กาเมสนา, ภเวสนา จ สพฺพโส นิสฺสฏฺา ปหีนา. ทิฏฺิฏฺานา สมูหตาติ พฺรหฺมจริเยสนาสงฺขาตา ทิฏฺิฏฺานา จ ปมมคฺเคเนว สมุคฺฆาติตา. เอสนานํ ขยาติ เอวเมตาสํ ติสฺสนฺนํ เอสนานํ ขยา อนุปฺปาทนิโรธา ภินฺนกิเลสตฺตา. ภิกฺขูติ จ สพฺพโส อาสาภา วา. นิราโสติ จ ทิฏฺเกฏฺสฺส วิจิกิจฺฉากถํกถาสลฺลสฺส ปหีนตฺตา อกถํกถีติ จ วุจฺจตีติ.

ฉฏฺสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗-๘. อาสวสุตฺตทฺวยวณฺณนา

๕๖-๕๗. สตฺตเม กามาสโวติ กาเมสุ อาสโว, กามสงฺขาโต วา อาสโว กามาสโว, อตฺถโต ปน กามราโค รูปาทิอภิรติ จ กามาสโว. รูปารูปภเวสุ ฉนฺทราโค ฌานนิกนฺติ สสฺสตทิฏฺิสหคโต ราโค ภวปตฺถนา จ ภวาสโว. อวิชฺชาว อวิชฺชาสโว.

อาสวานฺจ สมฺภวนฺติ เอตฺถ อโยนิโสมนสิกาโร อวิชฺชาทโย จ กิเลสา อาสวานํ สมฺภโว. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘อโยนิโส, ภิกฺขเว, มนสิกโรโต อนุปฺปนฺนา เจว อาสวา อุปฺปชฺชนฺติ, อุปฺปนฺนา จ อาสวา ปวฑฺฒนฺตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๕).

‘‘อวิชฺชา, ภิกฺขเว, ปุพฺพงฺคมา อกุสลานํ ธมฺมานํ สมาปตฺติยา อนฺวเทว อหิริกํ อโนตฺตปฺป’’นฺติ (อิติวุ. ๔๐) จ.

มคฺคฺจ ขยคามินนฺติ อาสวานํ ขยคามินํ อริยมคฺคฺจ. ตตฺถ กามาสโว อนาคามิมคฺเคน ปหียติ, ภวาสโว อวิชฺชาสโว จ อรหตฺตมคฺเคน. กามุปาทานํ วิย กามาสโวปิ อคฺคมคฺควชฺโฌติ จ วทนฺติ. เสสํ วุตฺตนยเมว. อฏฺเม อปุพฺพํ นตฺถิ.

สตฺตมอฏฺมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. ตณฺหาสุตฺตวณฺณนา

๕๘. นวเม ตณฺหายนฏฺเน ตณฺหา, รูปาทิวิสยํ ตสตีติ วา ตณฺหา. อิทานิ ตํ วิภชิตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘กามตณฺหา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ปฺจกามคุณิโก ราโค กามตณฺหา. รูปารูปภเวสุ ฉนฺทราโค ฌานนิกนฺติ สสฺสตทิฏฺิสหคโต ราโค ภววเสน ปตฺถนา จ ภวตณฺหา. อุจฺเฉททิฏฺิสหคโต ราโค วิภวตณฺหา. อปิจ ปจฺฉิมตณฺหาทฺวยํ เปตฺวา เสสา สพฺพาปิ ตณฺหา กามตณฺหา เอว. ยถาห –

‘‘ตตฺถ กตมา ภวตณฺหา? สสฺสตทิฏฺิสหคโต ราโค สาราโค จิตฺตสฺส สาราโค – อยํ วุจฺจติ ภวตณฺหา. ตตฺถ กตมา วิภวตณฺหา? อุจฺเฉททิฏฺิสหคโต ราโค สาราโค จิตฺตสฺส สาราโค, อยํ วุจฺจติ วิภวตณฺหา. อวเสสา ตณฺหา กามตณฺหา’’ติ (วิภ. ๙๑๖).

อิมา จ ติสฺโส ตณฺหา รูปตณฺหา…เป… ธมฺมตณฺหาติ วิสยเภทโต ปจฺเจกํ ฉพฺพิธาติ กตฺวา อฏฺารส โหนฺติ. ตา อชฺฌตฺตรูปาทีสุ อฏฺารส, พหิทฺธารูปาทีสุ อฏฺารสาติ ฉตฺตึส, อิติ อตีตา ฉตฺตึส, อนาคตา ฉตฺตึส, ปจฺจุปฺปนฺนา ฉตฺตึสาติ วิภาคโต อฏฺสตํ โหนฺติ. ปุน สงฺคเห กริยมาเน กาลเภทํ อนามสิตฺวา คยฺหมานา ฉตฺตึเสว โหนฺติ, รูปาทีนํ อชฺฌตฺติกพาหิรวิภาเค อกริยมาเน อฏฺารเสว, รูปาทิอารมฺมณวิภาคมตฺเต คยฺหมาเน ฉเฬว, อารมฺมณวิภาคมฺปิ อกตฺวา คยฺหมานา ติสฺโสเยว โหนฺตีติ.

คาถาสุ ตณฺหาโยเคนาติ ตณฺหาสงฺขาเตน โยเคน, กามโยเคน, ภวโยเคน จ. สํยุตฺตาติ สมฺพนฺธา, ภวาทีสุ สํโยชิตา วา. เตเนวาห ‘‘รตฺตจิตฺตา ภวาภเว’’ติ. ขุทฺทเก เจว มหนฺเต จ ภเว ลคฺคจิตฺตาติ อตฺโถ. อถ วา ภโวติ สสฺสตทิฏฺิ, อภโวติ อุจฺเฉททิฏฺิ. ตสฺมา ภวาภเว สสฺสตุจฺเฉททิฏฺีสุ สตฺตวิสตฺตจิตฺตาติ. เอเตน ภวตณฺหา, วิภวตณฺหา จ ทสฺสิตา. อิมสฺมึ ปกฺเข ‘‘ตณฺหาโยเคนา’’ติ อิมินา กามตณฺหาว ทสฺสิตาติ เวทิตพฺพา. เต โยคยุตฺตา มารสฺสาติ เต เอวํภูตา ปุคฺคลา มารสฺส ปาสสงฺขาเตน โยเคน ยุตฺตา พทฺธา. ราโค หิ มารโยโค มารปาโสติ วุจฺจติ. ยถาห –

‘‘อนฺตลิกฺขจโร ปาโส, ยฺวายํ จรติ มานโส;

เตน ตํ พาธยิสฺสามิ, น เม สมณ โมกฺขสี’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๑๕๑; มหาว. ๓๓);

จตูหิ โยเคหิ อนุปทฺทุตตฺตา โยคกฺเขมํ, นิพฺพานํ อรหตฺตฺจ, ตสฺส อนธิคเมน อโยคกฺเขมิโน. อุปรูปริ กิเลสาภิสงฺขารานํ ชนนโต ชนา, ปาณิโน. รูปาทีสุ สตฺตา วิสตฺตาติ สตฺตา.

‘‘ขนฺธานฺจ ปฏิปาฏิ, ธาตุอายตนาน จ;

อพฺโพจฺฉินฺนํ วตฺตมานา, สํสาโรติ ปวุจฺจตี’’ติ. –

เอวํ วุตฺตํ ขนฺธาทีนํ อปราปรุปฺปตฺติสงฺขาตํ สํสารํ คจฺฉนฺติ, ตโต น มุจฺจนฺติ. กสฺมา? ตณฺหาโยคยุตฺตตฺตา. ชาติมรณคามิโน ปุนปฺปุนํ ชนนมรณสฺเสว อุปคมนสีลาติ. เอตฺตาวตา วฏฺฏํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ วิวฏฺฏํ ทสฺเสตุํ ‘‘เย จ ตณฺหํ ปหนฺตฺวานา’’ติ คาถมาห. สา เหฏฺา วุตฺตนยตฺตา สุวิฺเยฺยาว.

นวมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. มารเธยฺยสุตฺตวณฺณนา

๕๙. ทสมสฺส กา อุปฺปตฺติ? เอกทิวสํ กิร สตฺถา เสกฺขพหุลาย ปริสาย ปริวุโต นิสินฺโน เตสํ อชฺฌาสยํ โอโลเกตฺวา อุปริ วิเสสาธิคมาย อุสฺสาหํ ชเนตุํ อเสกฺขภูมึ โถเมนฺโต อิทํ สุตฺตํ อภาสิ. ตตฺถ อติกฺกมฺมาติอาทีสุ อยํ สงฺเขปตฺโถ – อติกฺกมฺม อติกฺกมิตฺวา อภิภวิตฺวา. มารเธยฺยํ มารสฺส วิสยํ อิสฺสริยฏฺานํ. อาทิจฺโจว ยถา อาทิจฺโจ อพฺภาทิอุปกฺกิเลสวิมุตฺโต อตฺตโน อิทฺธิยา อานุภาเวน เตชสาติ ตีหิ คุเณหิ สมนฺนาคโต นภํ อพฺภุสฺสกฺกมาโน สพฺพํ อากาสคตํ ตมํ อติกฺกมฺม อติกฺกมิตฺวา อภิภวิตฺวา วิธมิตฺวา วิโรจติ, โอภาสติ, ตปติ; เอวเมว ขีณาสโว ภิกฺขุ ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต สพฺพุปกฺกิเลสวิมุตฺโต มารเธยฺยสงฺขาตํ เตภูมกธมฺมปฺปวตฺตํ อภิภวิตฺวา วิโรจตีติ.

อเสกฺเขนาติ เอตฺถ สิกฺขาสุ ชาตาติ เสกฺขา, สตฺตนฺนํ เสกฺขานํ เอเตติ วา เสกฺขา, อปริโยสิตสิกฺขตฺตา สยเมว สิกฺขนฺตีติ วา เสกฺขา มคฺคธมฺมา เหฏฺิมผลตฺตยธมฺมา จ. อคฺคผลธมฺมา ปน อุปริ สิกฺขิตพฺพาภาเวน น เสกฺขาติ อเสกฺขา. ยตฺถ หิ เสกฺขภาวาสงฺกา อตฺถิ, ตตฺถายํ ปฏิเสโธติ โลกิยธมฺเมสุ นิพฺพาเน จ อเสกฺขภาวานาปตฺติ ทฏฺพฺพา. สีลสมาธิปฺาสงฺขาตา หิ สิกฺขา อตฺตโน ปฏิปกฺขกิเลเสหิ วิปฺปยุตฺตา ปริสุทฺธา อุปกฺกิเลสานํ อารมฺมณภาวมฺปิ อนุปคมนโต สาติสยํ สิกฺขาติ วตฺตุํ ยุตฺตา, อฏฺสุปิ มคฺคผเลสุ วิชฺชนฺติ; ตสฺมา จตุมคฺคเหฏฺิมผลตฺตยธมฺมา วิย อรหตฺตผลธมฺมาปิ ‘‘ตาสุ สิกฺขาสุ ชาตา’’ติ จ, ตํสิกฺขาสมงฺคิโน อรหโต อิตเรสํ วิย เสกฺขตฺเต สติ ‘‘เสกฺขสฺส เอเต’’ติ จ ‘‘สิกฺขา สีลํ เอเตส’’นฺติ จ เสกฺขาติ อาสงฺกา สิยุนฺติ ตทาสงฺกานิวตฺตนตฺถํ อเสกฺขาติ ยถาวุตฺตเสกฺขภาวปฺปฏิเสธํ กตฺวา วุตฺตํ. อรหตฺตผเล ปวตฺตมานา หิ สิกฺขา ปรินิฏฺิตกิจฺจตฺตา น สิกฺขากิจฺจํ กโรนฺติ, เกวลํ สิกฺขาผลภาเวน ปวตฺตนฺติ. ตสฺมา ตา น สิกฺขาวจนํ อรหนฺติ, นาปิ ตํสมงฺคิโน เสกฺขวจนํ, น จ ตํสมฺปยุตฺตธมฺมา สิกฺขนสีลา. ‘‘สิกฺขาสุ ชาตา’’ติ เอวมาทิอตฺเถหิ อคฺคผลธมฺมา เสกฺขา น โหนฺติ. เหฏฺิมผเลสุ ปน สิกฺขา สกทาคามิมคฺควิปสฺสนาทีนํ อุปนิสฺสยภาวโต สิกฺขากิจฺจํ กโรนฺตีติ สิกฺขาวจนํ อรหนฺติ, ตํสมงฺคิโน จ เสกฺขวจนํ, ตํสมฺปยุตฺตา ธมฺมา จ สิกฺขนสีลา. เสกฺขธมฺมา ยถาวุตฺเตหิ อตฺเถหิ เสกฺขา โหนฺติเยว.

อถ วา เสกฺขาติ อปริโยสิตสิกฺขานํ วจนนฺติ, อเสกฺขาติ ปทํ ปริโยสิตสิกฺขานํ ทสฺสนนฺติ น โลกิยธมฺมนิพฺพานานํ อเสกฺขภาวาปตฺติ. วุฑฺฒิปฺปตฺตา เสกฺขา อเสกฺขา จ เสกฺขธมฺเมสุ เอว เกสฺจิ วุฑฺฒิปฺปตฺตานํ อเสกฺขตา อาปชฺชตีติ อรหตฺตมคฺคธมฺมา วุฑฺฒิปฺปตฺตา. ยถาวุตฺเตหิ จ อตฺเถหิ เสกฺขาติ กตฺวา อเสกฺขา อาปนฺนาติ เจ? ตํ น, สทิเสสุ ตพฺโพหารโต. อรหตฺตมคฺคโต หิ นินฺนานากรณํ อรหตฺตผลํ เปตฺวา ปริฺาทิกิจฺจกรณํ วิปากภาวฺจ, ตสฺมา เต เอว เสกฺขา ธมฺมา อรหตฺตผลภาวํ อาปนฺนาติ สกฺกา วตฺตุํ. กุสลสุขโต จ วิปากสุขํ สนฺตตรตาย ปณีตตรนฺติ วุฑฺฒิปฺปตฺตาว เต ธมฺมา โหนฺตีติ ‘‘อเสกฺขา’’ติ วุจฺจนฺติ.

เต ปน อเสกฺขธมฺเม ขนฺธวเสน อิธ ติธา วิภชิตฺวา เตหิ สมนฺนาคเมน ขีณาสวสฺส อานุภาวํ วิภาเวนฺโต ภควา ‘‘อเสกฺเขน สีลกฺขนฺเธนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สีลสทฺทสฺส อตฺโถ เหฏฺา วุตฺโต. ขนฺธสทฺโท ปน ราสิมฺหิ ปฺตฺติยํ รุฬฺหิยํ คุเณติ พหูสุ อตฺเถสุ ทิฏฺปฺปโยโค. ตถา หิ ‘‘อสงฺเขยฺโย อปฺปเมยฺโย มหาอุทกกฺขนฺโธตฺเวว สงฺขฺยํ คจฺฉตี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๕๑; ๖.๓๗) ราสิมฺหิ อาคโต. ‘‘อทฺทสา โข ภควา มหนฺตํ ทารุกฺขนฺธํ คงฺคาย นทิยา โสเตน วุยฺหมาน’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๔.๒๔๑) ปฺตฺติยํ. ‘‘จิตฺตํ มโน มานสํ หทยํ ปณฺฑรํ มโน มนายตนํ วิฺาณํ วิฺาณกฺขนฺโธ’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๖๓, ๖๕) รุฬฺหิยํ. ‘‘น โข, อาวุโส วิสาข, อริเยน อฏฺงฺคิเกน มคฺเคน ตโย ขนฺธา สงฺคหิตา, ตีหิ จ โข, อาวุโส วิสาข, ขนฺเธหิ อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค สงฺคหิโต’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๔๖๒) คุเณ. อิธาปิ คุเณเยว ทฏฺพฺโพ. ตสฺมา อเสกฺเขน สีลสงฺขาเตน คุเณนาติ อตฺโถ. สมนฺนาคโตติ สมฺปยุตฺโต สมงฺคีภูโต. สมาทหติ เอเตน, สยํ วา สมาทหติ, สมาธานเมว วาติ สมาธิ. ปกาเรหิ ชานาติ ยถาสภาวํ ปฏิวิชฺฌตีติ ปฺา. สีลเมว ขนฺโธ สีลกฺขนฺโธ. เสเสสุปิ เอเสว นโย.

ตตฺถ อคฺคผลภูตา สมฺมาวาจา, สมฺมากมฺมนฺโต, สมฺมาอาชีโว จ สภาเวเนว อเสกฺโข สีลกฺขนฺโธ นาม, ตถา สมฺมาสมาธิ อเสกฺโข สมาธิกฺขนฺโธ. ตทุปการกโต ปน สมฺมาวายามสมฺมาสติโย สมาธิกฺขนฺเธ สงฺคหํ คจฺฉนฺติ. ตถา สมฺมาทิฏฺิ อเสกฺโข ปฺากฺขนฺโธ. ตทุปการกโต สมฺมาสงฺกปฺโป ปฺากฺขนฺเธ สงฺคหํ คจฺฉตีติ เอวเมตฺถ อฏฺปิ อรหตฺตผลธมฺมา ตีหิ ขนฺเธหิ สงฺคเหตฺวา ทสฺสิตาติ เวทิตพฺพํ.

ยสฺส เอเต สุภาวิตาติ เยน อรหตา เอเต สีลาทโย อเสกฺขธมฺมกฺขนฺธา สุภาวิตา สุฏฺุ วฑฺฒิตา, โส อาทิจฺโจว วิโรจตีติ สมฺพนฺโธ. ‘‘ยสฺส เจเต’’ติปิ ปนฺติ. เตสฺจ สทฺโท นิปาตมตฺตํ. เอวเมตสฺมึ วคฺเค ปมสุตฺเต วฏฺฏํ, ปริโยสานสุตฺเต วิวฏฺฏํ, อิตเรสุ วฏฺฏวิวฏฺฏํ กถิตํ.

ทสมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

ปมวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. ทุติยวคฺโค

๑. ปุฺกิริยวตฺถุสุตฺตวณฺณนา

๖๐. ทุติยวคฺคสฺส ปเม ปุฺกิริยวตฺถูนีติ ปุชฺชภวผลํ นิพฺพตฺเตนฺติ, อตฺตโน สนฺตานํ ปุนนฺตีติ วา ปุฺานิ, ปุฺานิ จ ตานิ เหตุปจฺจเยหิ กตฺตพฺพโต กิริยา จาติ ปุฺกิริยา. ตา เอว จ เตสํ เตสํ อานิสํสานํ วตฺถุภาวโต ปุฺกิริยวตฺถูนิ. ทานมยนฺติ อนุปจฺฉินฺนภวมูลสฺส อนุคฺคหวเสน ปูชาวเสน วา อตฺตโน เทยฺยธมฺมสฺส ปเรสํ ปริจฺจาคเจตนา ทียติ เอตายาติ ทานํ, ทานเมว ทานมยํ. จีวราทีสุ หิ จตูสุ ปจฺจเยสุ อนฺนาทีสุ วา ทสสุ ทานวตฺถูสุ รูปาทีสุ วา ฉสุ อารมฺมเณสุ ตํ ตํ เทนฺตสฺส เตสํ อุปฺปาทนโต ปฏฺาย ปุพฺพภาเค ปริจฺจาคกาเล ปจฺฉา โสมนสฺสจิตฺเตน อนุสฺสรเณ จาติ ตีสุ กาเลสุ วุตฺตนเยน ปวตฺตเจตนา ทานมยํ ปุฺกิริยวตฺถุ นาม.

สีลมยนฺติ นิจฺจสีลอุโปสถนิยมาทิวเสน ปฺจ, อฏฺ, ทส วา สีลานิ สมาทิยนฺตสฺส สีลปูรณตฺถํ ปพฺพชิสฺสามีติ วิหารํ คจฺฉนฺตสฺส ปพฺพชนฺตสฺส มโนรถํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา ‘‘ปพฺพชิโต วตมฺหิ สาธุ สุฏฺู’’ติ อาวชฺเชนฺตสฺส สทฺธาย ปาติโมกฺขํ ปริปูเรนฺตสฺส ปฺาย จีวราทิเก ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส สติยา อาปาถคเตสุ รูปาทีสุ จกฺขุทฺวาราทีนิ สํวรนฺตสฺส วีริเยน อาชีวํ โสเธนฺตสฺส จ ปวตฺตา เจตนา สีลตีติ สีลมยํ ปุฺกิริยวตฺถุ นาม.

ตถา ปฏิสมฺภิทายํ (ปฏิ. ม. ๑.๔๘) วุตฺเตน วิปสฺสนามคฺเคน จกฺขุํ อนิจฺจโต ทุกฺขโต อนตฺตโต วิปสฺสนฺตสฺส โสตํ, ฆานํ, ชิวฺหํ, กายํ, มนํ. รูเป…เป… ธมฺเม, จกฺขุวิฺาณํ…เป… มโนวิฺาณํ. จกฺขุสมฺผสฺสํ…เป… มโนสมฺผสฺสํ, จกฺขุสมฺผสฺสชํ เวทนํ…เป… มโนสมฺผสฺสชํ เวทนํ. รูปสฺํ…เป… ธมฺมสฺํ. ชรามรณํ อนิจฺจโต ทุกฺขโต อนตฺตโต วิปสฺสนฺตสฺส ยา เจตนา, ยา จ ปถวีกสิณาทีสุ อฏฺตึสาย อารมฺมเณสุ ปวตฺตา ฌานเจตนา, ยา จ อนวชฺเชสุ กมฺมายตนสิปฺปายตนวิชฺชาฏฺาเนสุ ปริจยมนสิการาทิวเสน ปวตฺตา เจตนา, สพฺพา ภาเวติ เอตายาติ ภาวนามยํ วุตฺตนเยน ปุฺกิริยวตฺถุ จาติ.

เอกเมกฺเจตฺถ ยถารหํ ปุพฺพภาคโต ปฏฺาย กาเยน กโรนฺตสฺส กายกมฺมํ โหติ, ตทตฺถํ วาจํ นิจฺฉาเรนฺตสฺส วจีกมฺมํ, กายงฺคํ วาจงฺคฺจ อโจเปตฺวา มนสา จินฺเตนฺตสฺส มโนกมฺมํ. อนฺนาทีนิ เทนฺตสฺส จาปิ ‘‘อนฺนทานาทีนิ เทมี’’ติ วา ทานปารมึ อาวชฺเชตฺวา วา ทานกาเล ทานมยํ ปุฺกิริยวตฺถุ โหติ. วตฺตสีเส ตฺวา ททโต สีลมยํ, ขยโต วยโต กมฺมโต สมฺมสนํ ปฏฺเปตฺวา ททโต ภาวนามยํ ปุฺกิริยวตฺถุ โหติ.

อปรานิปิ สตฺต ปุฺกิริยวตฺถูนิ – อปจิติสหคตํ ปุฺกิริยวตฺถุ เวยฺยาวจฺจสหคตํ ปตฺติอนุปฺปทานํ อพฺภนุโมทนํ เทสนามยํ สวนมยํ ทิฏฺิชุคตํ ปุฺกิริยวตฺถูติ. สรณคมนมฺปิ หิ ทิฏฺิชุคเตเนว สงฺคยฺหติ. ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ ปรโต อาวิ ภวิสฺสติ.

ตตฺถ วุฑฺฒตรํ ทิสฺวา ปจฺจุคฺคมนปตฺตจีวรปฏิคฺคหณาภิวาทนมคฺคสมฺปทานาทิวเสน อปจายนสหคตํ เวทิตพฺพํ. วุฑฺฒตรานํ วตฺตปฏิปตฺติกรณวเสน, คามํ ปิณฺฑาย ปวิฏฺํ ภิกฺขุํ ทิสฺวา ปตฺตํ คเหตฺวา คาเม ภิกฺขํ สมฺปาเทตฺวา อุปสํหรณวเสน ‘‘คจฺฉ ภิกฺขูนํ ปตฺตํ อาหรา’’ติ สุตฺวา เวเคน คนฺตฺวา ปตฺตาหรณาทิวเสน จ เวยฺยาวจฺจสหคตํ เวทิตพฺพํ. จตฺตาโร ปจฺจเย ทตฺวา ปุปฺผคนฺธาทีหิ รตนตฺตยสฺส ปูชํ กตฺวา อฺํ วา ตาทิสํ ปุฺํ กตฺวา ‘‘สพฺพสตฺตานํ ปตฺติ โหตู’’ติ ปริณามวเสน ปตฺติอนุปฺปทานํ เวทิตพฺพํ. ตถา ปเรหิ ทินฺนาย ปตฺติยา เกวลํ วา ปเรหิ กตํ ปุฺํ ‘‘สาธุ, สุฏฺู’’ติ อนุโมทนวเสน อพฺภนุโมทนํ เวทิตพฺพํ. อตฺตโน ปคุณธมฺมํ อปจฺจาสีสนฺโต หิตชฺฌาสเยน ปเรสํ เทเสติ – อิทํ เทสนามยํ ปุฺกิริยวตฺถุ นาม. ยํ ปน เอโก ‘‘เอวํ มํ ธมฺมกถิโกติ ชานิสฺสนฺตี’’ติ อิจฺฉาย ตฺวา ลาภสกฺการสิโลกสนฺนิสฺสิโต ธมฺมํ เทเสติ, ตํ น มหปฺผลํ โหติ. ‘‘อทฺธา อยํ อตฺตหิตปรหิตานํ ปฏิปชฺชนูปาโย’’ติ โยนิโสมนสิการปุเรจาริกหิตผรเณน มุทุจิตฺเตน ธมฺมํ สุณาติ, อิทํ สวนมยํ ปุฺกิริยวตฺถุ โหติ. ยํ ปเนโก ‘‘อิติ มํ สทฺโธติ ชานิสฺสนฺตี’’ติ สุณาติ, ตํ น มหปฺผลํ โหติ. ทิฏฺิยา อุชุคมนํ ทิฏฺิชุคตํ, ‘‘อตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทินยปฺปวตฺตสฺส สมฺมาทสฺสนสฺส เอตํ อธิวจนํ. อิทฺหิ ปุพฺพภาเค วา ปจฺฉาภาเค วา าณวิปฺปยุตฺตมฺปิ อุชุกรณกาเล าณสมฺปยุตฺตเมว โหติ. อปเร ปนาหุ ‘‘วิชานนปชานนวเสน ทสฺสนํ ทิฏฺิ กุสลฺจ วิฺาณํ กมฺมสฺสกตาาณาทิ จ สมฺมาทสฺสน’’นฺติ. ตตฺถ กุสเลน วิฺาเณน าณสฺส อนุปฺปาเทปิ อตฺตนา กตปุฺานุสฺสรณวณฺณารหวณฺณนาทีนํ สงฺคโห, กมฺมสฺสกตาาเณน กมฺมปถสมฺมาทิฏฺิยา. อิตรํ ปน ทิฏฺิชุคตํ สพฺเพสํ นิยมลกฺขณํ. ยฺหิ กิฺจิ ปุฺํ กโรนฺตสฺส ทิฏฺิยา อุชุภาเวเนว ตํ มหปฺผลํ โหติ.

อิเมสํ ปน สตฺตนฺนํ ปุฺกิริยวตฺถูนํ ปุริเมหิ ตีหิ ทานมยาทีหิ ปุฺกิริยวตฺถูหิ สงฺคโห. ตตฺถ หิ อปจายนเวยฺยาวจฺจานิ สีลมเย, ปตฺติอนุปฺปทานอพฺภนุโมทนานิ ทานมเย, ธมฺมเทสนาสวนานิ ภาวนามเย, ทิฏฺิชุคตํ ตีสุปิ. เตนาห ภควา –

‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, ปุฺกิริยวตฺถูนิ. กตมานิ ตีณิ? ทานมยํ…เป… ภาวนามยํ ปุฺกิริยวตฺถู’’ติ (อ. นิ. ๘.๓๖).

เอตฺถ จ อฏฺนฺนํ กามาวจรกุสลเจตนานํ วเสน ติณฺณมฺปิ ปุฺกิริยวตฺถูนํ ปวตฺติ โหติ. ยถา หิ ปคุณํ ธมฺมํ ปริวตฺเตนฺตสฺส เอกจฺเจ อนุสนฺธึ อสลฺลกฺเขนฺตสฺเสว คจฺฉนฺติ, เอวํ ปคุณํ สมถวิปสฺสนาภาวนํ อนุยุฺชนฺตสฺส อนฺตรนฺตรา าณวิปฺปยุตฺตจิตฺเตนาปิ มนสิกาโร ปวตฺตติ. สพฺพํ ตํ ปน มหคฺคตกุสลเจตนานํ วเสน ภาวนามยเมว ปุฺกิริยวตฺถุ โหติ, น อิตรานิ. คาถาย อตฺโถ เหฏฺา วุตฺโตเยว.

ปมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. จกฺขุสุตฺตวณฺณนา

๖๑. ทุติเย จกฺขูนีติ จกฺขนฺตีติ จกฺขูนิ, สมวิสมํ อาจิกฺขนฺตานิ วิย ปวตฺตนฺตีติ อตฺโถ. อถ วา จกฺขนฏฺเน จกฺขูนิ. กิมิทํ จกฺขนํ นาม? อสฺสาทนํ, ตถา หิ วทนฺติ ‘‘มธุํ จกฺขติ พฺยฺชนํ จกฺขตี’’ติ อิมานิ จ อารมฺมณรสํ อนุภวนฺตานิ อสฺสาเทนฺตานิ วิย โหนฺตีติ จกฺขนฏฺเน จกฺขูนิ. ตานิ ปน สงฺเขปโต ทฺเว จกฺขูนิ – าณจกฺขุ, มํสจกฺขุ จาติ. เตสุ มํสจกฺขุ เหฏฺา วุตฺตเมว. าณจกฺขุ ทิพฺพจกฺขุ, ปฺาจกฺขูติ อิธ ทฺวิธา กตฺวา วุตฺตํ.

ตตฺถ ทิพฺพจกฺขูติ ทิพฺพสทิสตฺตา ทิพฺพํ. เทวตานฺหิ สุจริตกมฺมนิพฺพตฺตํ ปิตฺตเสมฺหรุหิราทีหิ อปลิพุทฺธํ อุปกฺกิเลสวิมุตฺตตาย ทูเรปิ อารมฺมณคฺคหณสมตฺถํ ทิพฺพํ ปสาทจกฺขุ โหติ. อิทฺจาปิ วีริยภาวนาพลนิพฺพตฺตํ าณจกฺขุ ตาทิสเมวาติ ทิพฺพสทิสตฺตา ทิพฺพํ, ทิพฺพวิหารวเสน ปฏิลทฺธตฺตา อตฺตโน จ ทิพฺพวิหารสนฺนิสฺสิตตฺตา อาโลกปริคฺคเหน มหาชุติกตฺตา. ติโรกุฏฺฏาทิคตรูปทสฺสเนน มหาคติกตฺตาปิ ทิพฺพํ. ตํ สพฺพํ สทฺทสตฺถานุสาเรน เวทิตพฺพํ. ทสฺสนฏฺเน จกฺขุกิจฺจกรเณน จกฺขุมิวาติปิ จกฺขุ, ทิพฺพฺจ ตํ จกฺขุ จาติ ทิพฺพจกฺขุ.

ปชานาตีติ ปฺา. กึ ปชานาติ? จตฺตาริ อริยสจฺจานิ ‘‘อิทํ ทุกฺข’’นฺติอาทินา. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘ปชานาตีติ โข, อาวุโส, ตสฺมา ปฺาติ วุจฺจติ. กิฺจ ปชานาติ? อิทํ ทุกฺข’’นฺติอาทิ (ม. นิ. ๑.๔๔๙).

อฏฺกถายํ ปน ‘‘ปฺาปนวเสน ปฺา. กินฺติ ปฺาเปติ? อนิจฺจนฺติ ปฺาเปติ, ทุกฺขนฺติ ปฺาเปติ, อนตฺตาติ ปฺาเปตี’’ติ วุตฺตํ. สา ปนายํ ลกฺขณาทิโต ยถาสภาวปฏิเวธลกฺขณา, อกฺขลิตปฏิเวธลกฺขณา วา กุสลิสฺสาสขิตฺตอุสุปฏิเวโธ วิย, วิสโยภาสนรสา ปทีโป วิย, อสมฺโมหปจฺจุปฏฺานา อรฺคตสุเทสโก วิย. วิเสสโต ปเนตฺถ อาสวกฺขยาณสงฺขาตา ปฺา จตุสจฺจทสฺสนฏฺเน ปฺาจกฺขูติ อธิปฺเปตา. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘จกฺขุํ อุทปาทิ, าณํ อุทปาทิ, ปฺา อุทปาทิ, วิชฺชา อุทปาทิ, อาโลโก อุทปาที’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑; มหาว. ๑๕).

เอเตสุ จ มํสจกฺขุ ปริตฺตํ, ทิพฺพจกฺขุ มหคฺคตํ, อิตรํ อปฺปมาณํ. มํสจกฺขุ รูปํ, อิตรานิ อรูปานิ. มํสจกฺขุ ทิพฺพจกฺขุ จ โลกิยานิ สาสวานิ รูปวิสยานิ, อิตรํ โลกุตฺตรํ อนาสวํ จตุสจฺจวิสยํ. มํสจกฺขุ อพฺยากตํ, ทิพฺพจกฺขุ สิยา กุสลํ สิยา อพฺยากตํ, ตถา ปฺาจกฺขุ. มํสจกฺขุ กามาวจรํ, ทิพฺพจกฺขุ รูปาวจรํ, อิตรํ โลกุตฺตรนฺติ เอวมาทิ วิภาคา เวทิตพฺพา.

คาถาสุ อนุตฺตรนฺติ ปฺาจกฺขุํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตฺหิ อาสวกฺขยาณภาวโต อนุตฺตรํ. อกฺขาสิ ปุริสุตฺตโมติ ปุริสานํ อุตฺตโม อคฺโค สมฺมาสมฺพุทฺโธ เทเสสิ. อุปฺปาโทติ มํสจกฺขุสฺส ปวตฺติ. มคฺโคติ อุปาโย, ทิพฺพจกฺขุสฺส การณํ. ปกติจกฺขุมโต เอว หิ ทิพฺพจกฺขุ อุปฺปชฺชติ, ยสฺมา กสิณาโลกํ วฑฺเฒตฺวา ทิพฺพจกฺขุาณสฺส อุปฺปาทนํ, โส จ กสิณมณฺฑเล อุคฺคหนิมิตฺเตน วินา นตฺถีติ. ยโตติ ยทา. าณนฺติ อาสวกฺขยาณํ. เตเนวาห ‘‘ปฺาจกฺขุ อนุตฺตร’’นฺติ. ยสฺส จกฺขุสฺส ปฏิลาภาติ ยสฺส อริยสฺส ปฺาจกฺขุสฺส อุปฺปตฺติยา ภาวนาย สพฺพสฺมา วฏฺฏทุกฺขโต ปมุจฺจติ ปริมุจฺจตีติ.

ทุติยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. อินฺทฺริยสุตฺตวณฺณนา

๖๒. ตติเย อินฺทฺริยานีติ อธิปเตยฺยฏฺเน อินฺทฺริยานิ. ยานิ หิ สหชาตธมฺเมสุ อิสฺสรา วิย หุตฺวา เตหิ อนุวตฺติตพฺพานิ, ตานิ อินฺทฺริยานิ นาม. อปิจ อินฺโท ภควา ธมฺมิสฺสโร ปรเมน จิตฺติสฺสริเยน สมนฺนาคโต. เตน อินฺเทน สพฺพปมํ ทิฏฺตฺตา อธิคตตฺตา ปเรสฺจ ทิฏฺตฺตา เทสิตตฺตา วิหิตตฺตา โคจรภาวนาเสวนาหิ ทิฏฺตฺตา จ อินฺทฺริยานิ. อินฺทํ วา มคฺคาธิคมสฺส อุปนิสฺสยภูตํ ปุฺกมฺมํ, ตสฺส ลิงฺคานีติปิ อินฺทฺริยานิ. อนฺาตฺสฺสามีตินฺทฺริยนฺติ ‘‘อนมตคฺเค สํสาเร อนฺาตํ อนธิคตํ อมตปทํ จตุสจฺจธมฺมเมว วา ชานิสฺสามี’’ติ ปฏิปนฺนสฺส อิมินา ปุพฺพภาเคน อุปฺปนฺนํ อินฺทฺริยํ, โสตาปตฺติมคฺคปฺาเยตํ อธิวจนํ. อฺินฺทฺริยนฺติ อาชานนอินฺทฺริยํ. ตตฺรายํ วจนตฺโถ – อาชานาติ ปมมคฺคาเณน ทิฏฺมริยาทํ อนติกฺกมิตฺวาว ชานาตีติ อฺา. ยเถว หิ ปมมคฺคปฺา ทุกฺขาทีสุ ปริฺาภิสมยาทิวเสน ปวตฺตติ, ตเถว อยมฺปิ ปวตฺตตีติ อฺา จ สา ยถาวุตฺเตนฏฺเน อินฺทฺริยํ จาติ อฺินฺทฺริยํ. อาชานนฏฺเเนว อฺสฺส วา อริยปุคฺคลสฺส อินฺทฺริยนฺติ อฺินฺทฺริยํ, โสตาปตฺติผลโต ปฏฺาย ฉสุ าเนสุ าณสฺเสตํ อธิวจนํ. อฺาตาวินฺทฺริยนฺติ อฺาตาวิโน จตูสุ สจฺเจสุ นิฏฺิตาณกิจฺจสฺส ขีณาสวสฺส อุปฺปชฺชนโต อินฺทฺริยฏฺสมฺภวโต จ อฺาตาวินฺทฺริยํ. เอตฺถ จ ปมปจฺฉิมานิ ปมมคฺคจตุตฺถผลวเสน เอกฏฺานิกานิ, อิตรํ อิตรมคฺคผลวเสน ฉฏฺานิกนฺติ เวทิตพฺพํ.

คาถาสุ สิกฺขมานสฺสาติ อธิสีลสิกฺขาทโย สิกฺขมานสฺส ภาเวนฺตสฺส. อุชุมคฺคานุสาริโนติ อุชุมคฺโค วุจฺจติ อริยมคฺโค, อนฺตทฺวยวิวชฺชิตตฺตา ตสฺส อนุสฺสรณโต อุชุมคฺคานุสาริโน, ปฏิปาฏิยา มคฺเค อุปฺปาเทนฺตสฺสาติ อตฺโถ. ขยสฺมินฺติ อนวเสสกิเลสานํ เขปนโต ขยสงฺขาเต อคฺคมคฺเค าณํ ปมํ ปุเรเยว อุปฺปชฺชติ. ตโต อฺา อนนฺตราติ ตโต มคฺคาณโต อนนฺตรา อรหตฺตํ อุปฺปชฺชติ. อถ วา อุชุมคฺคานุสาริโนติ ลีนุทฺธจฺจปติฏฺานายูหนาทิเก วชฺเชตฺวา สมถวิปสฺสนํ ยุคนทฺธํ กตฺวา ภาวนาวเสน ปวตฺตํ ปุพฺพภาคมคฺคํ อนุสฺสรนฺตสฺส อนุคจฺฉนฺตสฺส ปฏิปชฺชนฺตสฺส โคตฺรภุาณานนฺตรํ ทิฏฺเกฏฺานํ กิเลสานํ เขปนโต ขยสฺมึ โสตาปตฺติมคฺเค ปมํ าณํ อนฺาตฺสฺสามีตินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชติ. ตโต อฺา อนนฺตราติ ตโต ปมาณโต อนนฺตรา อนนฺตรโต ปฏฺาย ยาว อคฺคมคฺคา อฺา อฺินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชติ.

ตโต อฺา วิมุตฺตสฺสาติ ตโต อฺา อฺินฺทฺริยโต ปจฺฉา อรหตฺตมคฺคาณานนฺตรา อรหตฺตผเลน ปฺาวิมุตฺติยา อฺาตาวินฺทฺริเยน วิมุตฺตสฺส. าณํ เว โหติ ตาทิโนติ อรหตฺตผลุปฺปตฺติโต อุตฺตรกาเล อิฏฺานิฏฺาทีสุ ตาทิลกฺขณปฺปตฺตสฺส ขีณาสวสฺส ปจฺจเวกฺขณาณํ อุปฺปชฺชติ. กถํ อุปฺปชฺชตีติ อาห ‘‘อกุปฺปา เม วิมุตฺตี’’ติ. ตสฺส อกุปฺปภาวสฺส การณํ ทสฺเสติ ‘‘ภวสํโยชนกฺขยา’’ติ.

อิทานิ ตาทิสํ ขีณาสวํ โถเมนฺโต ‘‘ส เว อินฺทฺริยสมฺปนฺโน’’ติ ตติยํ คาถมาห. ตตฺถ อินฺทฺริยสมฺปนฺโนติ ยถาวุตฺเตหิ ตีหิ โลกุตฺตรินฺทฺริเยหิ สมนฺนาคโต, สุทฺเธหิปิ วา ปฏิปฺปสฺสทฺธิลทฺเธหิ สทฺธาทีหิ อินฺทฺริเยหิ สมนฺนาคโต ปริปุณฺโณ, ตโต เอว จกฺขาทีหิ สุฏฺุ วูปสนฺเตหิ นิพฺพิเสวเนหิ อินฺทฺริเยหิ สมนฺนาคโต. เตนาห ‘‘สนฺโต’’ติ, สพฺพกิเลสปริฬาหวูปสเมน อุปสนฺโตติ อตฺโถ. สนฺติปเท รโตติ นิพฺพาเน อภิรโต อธิมุตฺโต. เอตฺถ จ ‘‘อินฺทฺริยสมฺปนฺโน’’ติ เอเตน ภาวิตมคฺคตา, ปริฺาตกฺขนฺธตา จสฺส ทสฺสิตา. ‘‘สนฺโต’’ติ เอเตน ปหีนกิเลสตา, ‘‘สนฺติปเท รโต’’ติ เอเตน สจฺฉิกตนิโรธตาติ. เสสํ วุตฺตนยเมว.

ตติยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. อทฺธาสุตฺตวณฺณนา

๖๓. จตุตฺเถ อทฺธาติ กาลา. อตีโต อทฺธาติอาทีสุ ทฺเว ปริยายา – สุตฺตนฺตปริยาโย, อภิธมฺมปริยาโย จ. ตตฺถ สุตฺตนฺตปริยาเยน ปฏิสนฺธิโต ปุพฺเพ อตีโต อทฺธา นาม, จุติโต ปจฺฉา อนาคโต อทฺธา นาม, สห จุติปฏิสนฺธีหิ ตทนนฺตรํ ปจฺจุปฺปนฺโน อทฺธา นาม. อภิธมฺมปริยาเยน อุปฺปาโท, ิติ, ภงฺโคติ อิเม ตโย ขเณ ปตฺวา นิรุทฺธธมฺมา อตีโต อทฺธา นาม, ตโยปิ ขเณ อสมฺปตฺตา อนาคโต อทฺธา นาม, ขณตฺตยสมงฺคิโน ปจฺจุปฺปนฺโน อทฺธา นาม.

อปโร นโย – อยฺหิ อตีตาทิวิภาโค อทฺธาสนฺตติสมยขณวเสน จตุธา เวทิตพฺโพ. เตสุ อทฺธาวิภาโค วุตฺโต. สนฺตติวเสน สภาคา เอกอุตุสมุฏฺานา, เอกาหารสมุฏฺานา จ ปุพฺพาปริยวเสน วตฺตมานาปิ ปจฺจุปฺปนฺนา. ตโต ปุพฺเพ วิสภาคอุตุอาหารสมุฏฺานา อตีตา ปจฺฉา อนาคตา. จิตฺตชา เอกวีถิเอกชวนเอกสมาปตฺติสมุฏฺานา ปจฺจุปฺปนฺนา นาม, ตโต ปุพฺเพ อตีตา, ปจฺฉา อนาคตา. กมฺมสมุฏฺานานํ ปาฏิเยกฺกํ สนฺตติวเสน อตีตาทิเภโท นตฺถิ, เตสํเยว ปน อุตุอาหารจิตฺตสมุฏฺานานํ อุปตฺถมฺภกวเสน ตสฺส อตีตาทิภาโว เวทิตพฺโพ. สมยวเสน เอกมุหุตฺตปุพฺพณฺหสายนฺหรตฺติทิวาทีสุ สมเยสุ สนฺตานวเสน ปวตฺตมานา ตํตํสมเย ปจฺจุปฺปนฺนา นาม, ตโต ปุพฺเพ อตีตา, ปจฺฉา อนาคตา. อยํ ตาว รูปธมฺเมสุ นโย. อรูปธมฺเมสุ ปน ขณวเสน อุปฺปาทาทิกฺขณตฺตยปริยาปนฺนา ปจฺจุปฺปนฺนา, ตโต ปุพฺเพ อตีตา, ปจฺฉา อนาคตา. อปิจ อติกฺกนฺตเหตุปจฺจยกิจฺจา อตีตา, นิฏฺิตเหตุกิจฺจา อนิฏฺิตปจฺจยกิจฺจา ปจฺจุปฺปนฺนา, อุภยกิจฺจํ อสมฺปตฺตา อนาคตา. อตฺตโน วา กิจฺจกฺขเณ ปจฺจุปฺปนฺนา, ตโต ปุพฺเพ อตีตา, ปจฺฉา อนาคตา. เอตฺถ จ ขณาทิกถาว นิปฺปริยายา, เสสา ปริยายา. อยฺหิ อตีตาทิเภโท นาม ธมฺมานํ โหติ, น กาลสฺส. อตีตาทิเภเท ปน ธมฺเม อุปาทาย ปรมตฺถโต อวิชฺชมาโนปิ กาโล อิธ เตเนว โวหาเรน อตีโตติอาทินา วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ.

คาถาสุ อกฺเขยฺยสฺิโนติ เอตฺถ อกฺขายติ, กถียติ, ปฺาปียตีติ อกฺเขยฺยํ, กถาวตฺถุ, อตฺถโต รูปาทโย ปฺจกฺขนฺธา. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘อตีตํ วา อทฺธานํ อารพฺภ กถํ กเถยฺย, อนาคตํ วา…เป… ปจฺจุปฺปนฺนํ วา อทฺธานํ อารพฺภ กถํ กเถยฺยา’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๐๕).

ตถา –

‘‘ยํ, ภิกฺขเว, รูปํ อตีตํ นิรุทฺธํ วิปริณตํ, ‘อโหสี’ติ ตสฺส สงฺขา, ‘อโหสี’ติ ตสฺส สมฺา, ‘อโหสี’ติ ตสฺส ปฺตฺติ; น ตสฺส สงฺขา อตฺถีติ, น ตสฺส สงฺขา ภวิสฺสตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๖๒) –

เอวํ วุตฺเตน นิรุตฺติปถสุตฺเตนปิ เอตฺถ อตฺโถ ทีเปตพฺโพ. เอวํ กถาวตฺถุภาเวน อกฺเขยฺยสงฺขาเต ขนฺธปฺจเก อหนฺติ จ มมนฺติ จ เทโวติ จ มนุสฺโสติ จ อิตฺถีติ จ ปุริโสติ จ อาทินา ปวตฺตสฺาวเสน อกฺเขยฺยสฺิโน, ปฺจสุ อุปาทานกฺขนฺเธสุ สตฺตปุคฺคลาทิสฺิโนติ อตฺโถ. อกฺเขยฺยสฺมึ ตณฺหาทิฏฺิคฺคาหวเสน ปติฏฺิตา, ราคาทิวเสน วา อฏฺหากาเรหิ ปติฏฺิตา. รตฺโต หิ ราควเสน ปติฏฺิโต โหติ, ทุฏฺโ โทสวเสน, มูฬฺโห โมหวเสน, ปรามฏฺโ ทิฏฺิวเสน, ถามคโต อนุสยวเสน, วินิพทฺโธ มานวเสน, อนิฏฺงฺคโต วิจิกิจฺฉาวเสน, วิกฺเขปคโต อุทฺธจฺจวเสน ปติฏฺิโต โหตีติ.

อกฺเขยฺยํ อปริฺายาติ ตํ อกฺเขยฺยํ เตภูมกธมฺเม ตีหิ ปริฺาหิ อปริชานิตฺวา ตสฺส อปริชานนเหตุ. โยคมายนฺติ มจฺจุโนติ มรณสฺส โยคํ เตน สํโยคํ อุปคจฺฉนฺติ, น วิสํโยคนฺติ อตฺโถ.

อถ วา โยคนฺติ อุปายํ, เตน โยชิตํ ปสาริตํ มารเสนฏฺานิยํ อนตฺถชาลํ กิเลสชาลฺจ อุปคจฺฉนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. ตถา หิ วุตฺตํ –

‘‘น หิ โน สงฺครํ เตน, มหาเสเนน มจฺจุนา’’ติ. (ม. นิ. ๓.๒๗๒; ชา. ๒.๒๒.๑๒๑; เนตฺติ. ๑๐๓);

เอตฺตาวตา วฏฺฏํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ วิวฏฺฏํ ทสฺเสตุํ ‘‘อกฺเขยฺยฺจ ปริฺายา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ -สทฺโท พฺยติเรเก, เตน อกฺเขยฺยปริชานเนน ลทฺธพฺพํ วกฺขมานเมว วิเสสํ โชเตติ. ปริฺายาติ วิปสฺสนาสหิตาย มคฺคปฺาย ทุกฺขนฺติ ปริจฺฉิชฺช ชานิตฺวา, ตปฺปฏิพทฺธกิเลสปฺปหาเนน วา ตํ สมติกฺกมิตฺวา ติสฺสนฺนมฺปิ ปริฺานํ กิจฺจํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา. อกฺขาตารํ น มฺตีติ สพฺพโส มฺนานํ ปหีนตฺตา ขีณาสโว อกฺขาตารํ น มฺติ, การกาทิสภาวํ กิฺจิ อตฺตานํ น ปจฺเจตีติ อตฺโถ. ผุฏฺโ วิโมกฺโข มนสา, สนฺติปทมนุตฺตรนฺติ ยสฺมา สพฺพสงฺขตวิมุตฺตตฺตา ‘‘วิโมกฺโข’’ติ สพฺพกิเลสสนฺตาปวูปสมนฏฺานตาย ‘‘สนฺติปท’’นฺติ ลทฺธนาโม นิพฺพานธมฺโม ผุฏฺโ ผุสิโต ปตฺโต, ตสฺมา อกฺขาตารํ น มฺตีติ. อถ วา ‘‘ปริฺายา’’ติ ปเทน ทุกฺขสจฺจสฺส ปริฺาภิสมยํ สมุทยสจฺจสฺส ปหานาภิสมยฺจ วตฺวา อิทานิ ‘‘ผุฏฺโ วิโมกฺโข มนสา, สนฺติปทมนุตฺตร’’นฺติ อิมินา มคฺคนิโรธานํ ภาวนาสจฺฉิกิริยาภิสมยํ วทติ. ตสฺสตฺโถ – สมุจฺเฉทวเสน สพฺพกิเลเสหิ วิมุจฺจตีติ วิโมกฺโข, อริยมคฺโค. โส ปนสฺส มคฺคจิตฺเตน ผุฏฺโ ผุสิโต ภาวิโต, เตเนว อนุตฺตรํ สนฺติปทํ นิพฺพานํ ผุฏฺํ ผุสิตํ สจฺฉิกตนฺติ.

อกฺเขยฺยสมฺปนฺโนติ อกฺเขยฺยนิมิตฺตํ วิวิธาหิ วิปตฺตีหิ อุปทฺทุเต โลเก ปหีนวิปลฺลาสตาย ตโต สุปริมุตฺโต อกฺเขยฺยปริฺาภินิพฺพตฺตาหิ สมฺปตฺตีหิ สมฺปนฺโน สมนฺนาคโต. สงฺขาย เสวีติ ปฺาเวปุลฺลปฺปตฺติยา จีวราทิปจฺจเย สงฺขาย ปริตุเลตฺวาว เสวนสีโล, สงฺขาตธมฺมตฺตา จ อาปาถคตํ สพฺพมฺปิ วิสยํ ฉฬงฺคุเปกฺขาวเสน สงฺขาย เสวนสีโล. ธมฺมฏฺโติ อเสกฺขธมฺเมสุ นิพฺพานธมฺเม เอว วา ิโต. เวทคูติ เวทิตพฺพสฺส จตุสจฺจสฺส ปารงฺคตตฺตา เวทคู. เอวํคุโณ อรหา ภวาทีสุ กตฺถจิ อายตึ ปุนพฺภวาภาวโต มนุสฺสเทวาติ สงฺขฺยํ น อุเปติ, อปฺตฺติกภาวเมว คจฺฉตีติ อนุปาทาปรินิพฺพาเนน เทสนํ นิฏฺาเปสิ.

จตุตฺถสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. ทุจฺจริตสุตฺตวณฺณนา

๖๔. ปฺจเม ทุฏฺุ จริตานิ, ทุฏฺานิ วา จริตานิ ทุจฺจริตานิ. กาเยน ทุจฺจริตํ, กายโต วา ปวตฺตํ ทุจฺจริตํ กายทุจฺจริตํ. เสเสสุปิ เอเสว นโย. อิมานิ จ ทุจฺจริตานิ ปฺตฺติยา วา กเถตพฺพานิ กมฺมปเถหิ วา. ตตฺถ ปฺตฺติยา ตาว กายทฺวาเร ปฺตฺตสิกฺขาปทสฺส วีติกฺกโม กายทุจฺจริตํ, วจีทฺวาเร ปฺตฺตสิกฺขาปทสฺส วีติกฺกโม วจีทุจฺจริตํ, อุภยตฺถ ปฺตฺตสฺส วีติกฺกโม มโนทุจฺจริตนฺติ อยํ ปฺตฺติกถา. ปาณาติปาตาทโย ปน ติสฺโส เจตนา กายทฺวาเรปิ, วจีทฺวาเรปิ, อุปฺปนฺนา กายทุจฺจริตํ, ตถา จตสฺโส มุสาวาทาทิเจตนา วจีทุจฺจริตํ, อภิชฺฌา, พฺยาปาโท, มิจฺฉาทิฏฺีติ ตโย เจตนาสมฺปยุตฺตธมฺมา มโนทุจฺจริตนฺติ อยํ กมฺมปถกถา.

คาถายํ กมฺมปถปฺปตฺโตเยว ปาปธมฺโม กายทุจฺจริตาทิภาเวน วุตฺโตติ ตทฺํ ปาปธมฺมํ สงฺคณฺหิตุํ ‘‘ยฺจฺํ โทสสฺหิต’’นฺติ วุตฺตํ. ตตฺถ โทสสฺหิตนฺติ ราคาทิกิเลสสํหิตํ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.

ปฺจมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. สุจริตสุตฺตวณฺณนา

๖๕. ฉฏฺเ สุฏฺุ จริตานิ, สุนฺทรานิ วา จริตานิ สุจริตานิ. กาเยน สุจริตํ, กายโต วา ปวตฺตํ สุจริตํ กายสุจริตํ. เสเสสุปิ เอเสว นโย. อิธาปิ ปน ปฺตฺติวเสน, กมฺมปถวเสน จาติ ทุวิธา กถา. ตตฺถ กายทฺวาเร ปฺตฺตสิกฺขาปทสฺส อวีติกฺกโม กายสุจริตํ, วจีทฺวาเร ปฺตฺตสิกฺขาปทสฺส อวีติกฺกโม วจีสุจริตํ, อุภยตฺถ ปฺตฺตสฺส อวีติกฺกโม มโนสุจริตนฺติ อยํ ปฺตฺติกถา. ปาณาติปาตาทีหิ ปน วิรมนฺตสฺส อุปฺปนฺนา ติสฺโส เจตนาปิ วิรติโยปิ กายสุจริตํ, มุสาวาทาทีหิ วิรมนฺตสฺส จตสฺโส เจตนาปิ วิรติโยปิ วจีสุจริตํ, อนภิชฺฌา, อพฺยาปาโท, สมฺมาทิฏฺีติ ตโย เจตนาสมฺปยุตฺตธมฺมา มโนสุจริตนฺติ อยํ กมฺมปถกถา. เสสํ วุตฺตนยเมว.

ฉฏฺสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. โสเจยฺยสุตฺตวณฺณนา

๖๖. สตฺตเม โสเจยฺยานีติ สุจิภาวา. กายโสเจยฺยนฺติ กายสุจริตํ, วจีมโนโสเจยฺยานิปิ วจีมโนสุจริตาเนว. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘ตตฺถ กตมํ กายโสเจยฺยํ? ปาณาติปาตา เวรมณี’’ติอาทิ (อ. นิ. ๓.๑๒๑-๑๒๒).

คาถายํ สมุจฺเฉทวเสน ปหีนสพฺพกายทุจฺจริตตฺตา กาเยน สุจีติ กายสุจิ. โสเจยฺยสมฺปนฺนนฺติ ปฏิปฺปสฺสทฺธกิเลสตฺตา สุปริสุทฺธาย โสเจยฺยสมฺปตฺติยา อุเปตํ. เสสํ วุตฺตนยเมว.

สตฺตมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. โมเนยฺยสุตฺตวณฺณนา

๖๗. อฏฺเม โมเนยฺยานีติ เอตฺถ อิธโลกปรโลกํ อตฺตหิตปรหิตฺจ มุนาตีติ มุนิ, กลฺยาณปุถุชฺชเนน สทฺธึ สตฺต เสกฺขา อรหา จ. อิธ ปน อรหาว อธิปฺเปโต. มุนิโน ภาวาติ โมเนยฺยานิ, อรหโต กายวจีมโนสมาจารา.

อถ วา มุนิภาวกรา โมเนยฺยปฏิปทาธมฺมา โมเนยฺยานิ. เตสมยํ วิตฺถาโร –

‘‘ตตฺถ กตมํ กายโมเนยฺยํ? ติวิธกายทุจฺจริตสฺส ปหานํ กายโมเนยฺยํ, ติวิธํ กายสุจริตํ กายโมเนยฺยํ, กายารมฺมเณ าณํ กายโมเนยฺยํ, กายปริฺา กายโมเนยฺยํ, ปริฺาสหคโต มคฺโค กายโมเนยฺยํ, กายสฺมึ ฉนฺทราคปฺปหานํ กายโมเนยฺยํ, กายสงฺขารนิโรธา จตุตฺถชฺฌานสมาปตฺติ กายโมเนยฺยํ.

‘‘ตตฺถ กตมํ วจีโมเนยฺยํ? จตุพฺพิธวจีทุจฺจริตสฺส ปหานํ วจีโมเนยฺยํ, จตุพฺพิธํ วจีสุจริตํ, วาจารมฺมเณ าณํ, วาจาปริฺา, ปริฺาสหคโต มคฺโค, วาจาย ฉนฺทราคปฺปหานํ, วจีสงฺขารนิโรธา ทุติยชฺฌานสมาปตฺติ วจีโมเนยฺยํ.

‘‘ตตฺถ กตมํ มโนโมเนยฺยํ? ติวิธมโนทุจฺจริตสฺส ปหานํ มโนโมเนยฺยํ, ติวิธํ มโนสุจริตํ, มนารมฺมเณ าณํ, มโนปริฺา, ปริฺาสหคโต มคฺโค, มนสฺมึ ฉนฺทราคปฺปหานํ, จิตฺตสงฺขารนิโรธา สฺาเวทยิตนิโรธสมาปตฺติ มโนโมเนยฺย’’นฺติ (มหานิ. ๑๔; จูฬนิ. เมตฺตคูมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๒๑).

นินฺหาตปาปกนฺติ อคฺคมคฺคชเลน สุฏฺุ วิกฺขาลิตปาปมลํ.

อฏฺมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. ปมราคสุตฺตวณฺณนา

๖๘. นวเม ยสฺส กสฺสจีติ อนิยมิตวจนํ, ตสฺมา ยสฺส กสฺสจิ ปุคฺคลสฺส คหฏฺสฺส วา ปพฺพชิตสฺส วา. ราโค อปฺปหีโนติ รฺชนฏฺเน ราโค สมุจฺเฉทวเสน น ปหีโน, มคฺเคน อนุปฺปตฺติธมฺมตํ น อาปาทิโต. โทสโมเหสุปิ เอเสว นโย. ตตฺถ อปายคมนียา ราคโทสโมหา ปมมคฺเคน, โอฬาริกา กามราคโทสา ทุติยมคฺเคน, เตเยว อนวเสสา ตติยมคฺเคน, ภวราโค อวสิฏฺโมโห จ จตุตฺถมคฺเคน ปหียนฺติ. เอวเมเตสุ ปหียนฺเตสุ ตเทกฏฺโต สพฺเพปิ กิเลสา ปหียนฺเตว. เอวเมเต ราคาทโย ยสฺส กสฺสจิ ภิกฺขุสฺส วา ภิกฺขุนิยา วา อุปาสกสฺส วา อุปาสิกาย วา มคฺเคน อปฺปหีนา. พทฺโธ มารสฺสาติ กิเลสมาเรน พทฺโธติ วุจฺจติ. ยทคฺเคน จ กิเลสมาเรน พทฺโธ, ตทคฺเคน อภิสงฺขารมาราทีหิปิ พทฺโธเยว โหติ. ปฏิมุกฺกสฺส มารปาโสติ ปฏิมุกฺโก อสฺส อเนน อปฺปหีนกิเลเสน ปุคฺคเลน ตาเยว อปฺปหีนกิเลสตาย มารปาสสงฺขาโต กิเลโส อตฺตโน จิตฺตสนฺตาเน ปฏิมุกฺโก ปเวสิโต, เตน สยํ พนฺธาปิโตติ อตฺโถ. อถ วา ปฏิมุกฺโก อสฺส ภเวยฺย มารปาโส. สุกฺกปกฺเข โอมุกฺกสฺสาติ อวมุกฺโก โมจิโต อปนีโต อสฺส. เสสํ วุตฺตวิปริยาเยน เวทิตพฺพํ.

อิธ คาถา สุกฺกปกฺขวเสเนว อาคตา. ตตฺรายํ สงฺเขปตฺโถ – ยสฺส อริยปุคฺคลสฺส ราคโทสาวิชฺชา วิราชิตา อคฺคมคฺเคน นิโรธิตา, ตํ ภาวิตกายสีลจิตฺตปฺตาย ภาวิตตฺเตสุ อรหนฺเตสุ อฺตรํ อพฺภนฺตรํ เอกํ พฺรหฺมภูตํ พฺรหฺมํ วา เสฏฺํ อรหตฺตผลํ ปตฺตํ. ยถา อฺเ ขีณาสวา ปุพฺพูปนิสฺสยสมฺปตฺติสมนฺนาคตา หุตฺวา อาคตา, ยถา จ เต อนฺตทฺวยรหิตาย สีลสมาธิปฺากฺขนฺธสหคตาย มชฺฌิมาย ปฏิปทาย นิพฺพานํ คตา อธิคตา. ยถา วา เต ขนฺธาทีนํ ตถลกฺขณํ ยาถาวโต ปฏิวิชฺฌึสุ, ยถา จ เต ตถธมฺเม ทุกฺขาทโย อวิปรีตโต อพฺภฺึสุ, รูปาทิเก จ วิสเย ยถา เต ทิฏฺมตฺตาทิวเสเนว ปสฺสึสุ, ยถา วา ปน เต อฏฺ อนริยโวหาเร วชฺเชตฺวา อริยโวหารวเสเนว ปวตฺตวาจา, วาจานุรูปฺจ ปวตฺตกายา, กายานุรูปฺจ ปวตฺตวาจา, ตถา อยมฺปิ อริยปุคฺคโลติ ตถาคตํ, จตุสจฺจพุทฺธตาย พุทฺธํ, ปุคฺคลเวรํ กิเลสเวรํ อตฺตานุวาทาทิภยฺจ อติกฺกนฺตนฺติ เวรภยาตีตํ. สพฺเพสํ กิเลสาภิสงฺขาราทีนํ ปหีนตฺตา สพฺพปฺปหายินํ พุทฺธาทโย อริยา อาหุ กเถนฺติ กิตฺเตนฺตีติ.

นวมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. ทุติยราคสุตฺตวณฺณนา

๖๙. ทสเม อตรีติ ติณฺโณ, น ติณฺโณ อติณฺโณ. สมุทฺทนฺติ สํสารสมุทฺทํ, จกฺขายตนาทิสมุทฺทํ วา. ตทุภยมฺปิ ทุปฺปูรณฏฺเน สมุทฺโท วิยาติ สมุทฺทํ. อถ วา สมุทฺทนฏฺเน สมุทฺทํ, กิเลสวสฺสเนน สตฺตสนฺตานสฺส กิเลสสทนโตติ อตฺโถ. สวีจินฺติ โกธูปายาสวีจีหิ สวีจึ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘วีจิภยนฺติ โข, ภิกฺขุ, โกธูปายาสสฺเสตํ อธิวจน’’นฺติ (อิติวุ. ๑๐๙; ม. นิ. ๒.๑๖๒). สาวฏฺฏนฺติ ปฺจกามคุณาวฏฺเฏหิ สห อาวฏฺฏํ. วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘อาวฏฺฏภยนฺติ โข, ภิกฺขุ, ปฺจนฺเนตํ กามคุณานํ อธิวจน’’นฺติ (อิติวุ. ๑๐๙; ม. นิ. ๒.๑๖๔; อ. นิ. ๔.๑๒๒). สคหํ สรกฺขสนฺติ อตฺตโน โคจรคตานํ อนตฺถชนนโต จณฺฑมกรมจฺฉกจฺฉปรกฺขสสทิเสหิ วิสภาคปุคฺคเลหิ สหิตํ. ตถา จาห ‘‘สคหํ สรกฺขสนฺติ โข, ภิกฺขุ, มาตุคามสฺเสตํ อธิวจน’’นฺติ (อิติวุ. ๑๐๙). อตรีติ มคฺคปฺานาวาย ยถาวุตฺตํ สมุทฺทํ อุตฺตริ. ติณฺโณติ นิตฺติณฺโณ. ปารงฺคโตติ ตสฺส สมุทฺทสฺส ปารํ ปรตีรํ นิโรธํ อุปคโต. ถเล ติฏฺตีติ ตโต เอว สํสารมโหฆํ กามาทิมโหฆฺจ อติกฺกมิตฺวา ถเล ปรตีเร นิพฺพาเน พาหิตปาปพฺราหฺมโณ ติฏฺตีติ วุจฺจติ.

อิธาปิ คาถา สุกฺกปกฺขวเสเนว อาคตา. ตตฺถ อูมิภยนฺติ ยถาวุตฺตอูมิภยํ, ภายิตพฺพํ เอตสฺมาติ ตํ อูมิ ภยํ. ทุตฺตรนฺติ ทุรติกฺกมํ. อจฺจตารีติ อติกฺกมิ.

สงฺคาติโคติ ราคาทีนํ ปฺจนฺนํ สงฺคานํ อติกฺกนฺตตฺตา ปหีนตฺตา สงฺคาติโค. อตฺถงฺคโต โส น ปมาณเมตีติ โส เอวํภูโต อรหา ราคาทีนํ ปมาณกรธมฺมานํ อจฺจนฺตเมว อตฺถํ คตตฺตา อตฺถงฺคโต, ตโต เอว สีลาทิธมฺมกฺขนฺธปาริปูริยา จ ‘‘เอทิโส สีเลน สมาธินา ปฺายา’’ติ เกนจิ ปมิณิตุํ อสกฺกุเณยฺโย ปมาณํ น เอติ, อถ วา อนุปาทิเสสนิพฺพานสงฺขาตํ อตฺถํ คโต โส อรหา ‘‘อิมาย นาม คติยา ิโต, เอทิโส จ นามโคตฺเตนา’’ติ ปมิณิตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย ปมาณํ น เอติ น อุปคจฺฉติ. ตโต เอว อโมหยิ มจฺจุราชํ, เตน อนุพนฺธิตุํ อสกฺกุเณยฺโยติ วทามีติ อนุปาทิเสสนิพฺพานธาตุยาว เทสนํ นิฏฺาเปสิ. อิติ อิมสฺมึ วคฺเค ปมปฺจมฉฏฺเสุ วฏฺฏํ กถิตํ, ทุติยสตฺตมอฏฺเมสุ วิวฏฺฏํ, เสเสสุ วฏฺฏวิวฏฺฏํ กถิตนฺติ เวทิตพฺพํ.

ทสมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

ทุติยวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. ตติยวคฺโค

๑. มิจฺฉาทิฏฺิกสุตฺตวณฺณนา

๗๐. ตติยวคฺคสฺส ปเม ทิฏฺา มยาติ มยา ทิฏฺา, มม สมนฺตจกฺขุนา ทิพฺพจกฺขุนา จาติ ทฺวีหิปิ จกฺขูหิ ทิฏฺา ปจฺจกฺขโต วิทิตา. เตน อนุสฺสวาทึ ปฏิกฺขิปติ, อยฺจ อตฺโถ อิทาเนว ปาฬิยํ อาคมิสฺสติ. กายทุจฺจริเตน สมนฺนาคตาติ กายทุจฺจริเตน สมงฺคีภูตา. อริยานํ อุปวาทกาติ พุทฺธาทีนํ อริยานํ อนฺตมโส คิหิโสตาปนฺนานมฺปิ คุณปริธํสเนน อภูตพฺภกฺขาเนน อุปวาทกา อกฺโกสกา ครหกา. มิจฺฉาทิฏฺิกาติ วิปรีตทสฺสนา. มิจฺฉาทิฏฺิกมฺมสมาทานาติ มิจฺฉาทสฺสนเหตุ สมาทินฺนนานาวิธกมฺมา เย จ, มิจฺฉาทิฏฺิมูลเกสุ กายกมฺมาทีสุ อฺเปิ สมาทเปนฺติ. เอตฺถ จ วจีมโนทุจฺจริตคฺคหเณเนว อริยูปวาทมิจฺฉาทิฏฺีสุ คหิตาสุ ปุนวจนํ มหาสาวชฺชภาวทสฺสนตฺถํ เนสํ. มหาสาวชฺโช หิ อริยูปวาโท อานนฺตริยสทิโส. ยถาห –

‘‘เสยฺยถาปิ, สาริปุตฺต, ภิกฺขุ สีลสมฺปนฺโน, สมาธิสมฺปนฺโน, ปฺาสมฺปนฺโน, ทิฏฺเว ธมฺเม อฺํ อาราเธยฺย; เอวํสมฺปทมิทํ, สาริปุตฺต, วทามิ ตํ วาจํ อปฺปหาย, ตํ จิตฺตํ อปฺปหาย, ตํ ทิฏฺึ อปฺปฏินิสฺสชฺชิตฺวา ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ นิรเย’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๔๙).

มิจฺฉาทิฏฺิโต จ มหาสาวชฺชตรํ นาม อฺํ นตฺถิ. ยถาห –

‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, อฺํ เอกธมฺมมฺปิ สมนุปสฺสามิ, ยํ เอวํ มหาสาวชฺชตรํ ยถยิทํ, ภิกฺขเว, มิจฺฉาทิฏฺิ. มิจฺฉาทิฏฺิปรมานิ, ภิกฺขเว, วชฺชานี’’ติ (อ. นิ. ๑.๓๑๐).

ตํ โข ปนาติอาทิ ยถาวุตฺตสฺส อตฺถสฺส อตฺตปจฺจกฺขภาวํ ทฬฺหตรํ กตฺวา ทสฺเสตุํ อารทฺธํ. ตมฺปิ สุวิฺเยฺยเมว.

คาถาสุ มิจฺฉา มนํ ปณิธายาติ อภิชฺฌาทีนํ วเสน จิตฺตํ อโยนิโส เปตฺวา. มิจฺฉา วาจฺจ ภาสิยาติ มิจฺฉา มุสาวาทาทิวเสน วาจํ ภาสิตฺวา. มิจฺฉา กมฺมานิ กตฺวานาติ ปาณาติปาตาทิวเสน กายกมฺมานิ กตฺวา. อถ วา มิจฺฉา มนํ ปณิธายาติ มิจฺฉาทิฏฺิวเสน จิตฺตํ วิปรีตํ เปตฺวา. เสสปททฺวเยปิ เอเสว นโย. อิทานิสฺส ตถา ทุจฺจริตจรเณ การณํ ทสฺเสติ อปฺปสฺสุโตติ, อตฺตโน ปเรสฺจ หิตาวเหน สุเตน วิรหิโตติ อตฺโถ. อปุฺกโรติ ตโต เอว อริยธมฺมสฺส อโกวิทตาย กิพฺพิสการี ปาปธมฺโม. อปฺปสฺมึ อิธ ชีวิเตติ อิธ มนุสฺสโลเก ชีวิเต อติปริตฺเต. ตถา จาห ‘‘โย จิรํ ชีวติ, โส วสฺสสตํ อปฺปํ วา ภิยฺโย’’ติ (ที. นิ. ๒.๙๓; สํ. นิ. ๑.๑๔๕), ‘‘อปฺปมายุ มนุสฺสาน’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๑๔๕; มหานิ. ๑๐) จ. ตสฺมา พหุสฺสุโต สปฺปฺโ สีฆํ ปุฺานิ กตฺวา สคฺคูปโค นิพฺพานปติฏฺโ วา โหติ. โย ปน อปฺปสฺสุโต อปุฺกโร, กายสฺส เภทา ทุปฺปฺโ นิรยํ โส อุปปชฺชตีติ.

ปมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. สมฺมาทิฏฺิกสุตฺตวณฺณนา

๗๑. ทุติเย ปมสุตฺเต วุตฺตวิปริยาเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ.

ทุติยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. นิสฺสรณิยสุตฺตวณฺณนา

๗๒. ตติเย นิสฺสรณิยาติ นิสฺสรณปฏิสํยุตฺตา. ธาตุโยติ สตฺตสุฺสภาวา. กามานนฺติ กิเลสกามานฺเจว วตฺถุกามานฺจ. อถ วา กามานนฺติ กิเลสกามานํ. กิเลสกามโต หิ นิสฺสรณา วตฺถุกาเมหิปิ นิสฺสรณํเยว โหติ, น อฺถา. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘น เต กามา ยานิ จิตฺรานิ โลเก,

สงฺกปฺปราโค ปุริสสฺส กาโม;

ติฏฺนฺติ จิตฺรานิ ตเถว โลเก,

อเถตฺถ ธีรา วินยนฺติ ฉนฺท’’นฺติ. (อ. นิ. ๖.๖๓);

นิสฺสรณนฺติ อปคโม. เนกฺขมฺมนฺติ ปมชฺฌานํ, วิเสสโต ตํ อสุภารมฺมณํ ทฏฺพฺพํ. โย ปน ตํ ฌานํ ปาทกํ กตฺวา สงฺขาเร สมฺมสิตฺวา ตติยมคฺคํ ปตฺวา อนาคามิมคฺเคน นิพฺพานํ สจฺฉิกโรติ, ตสฺส จิตฺตํ อจฺจนฺตเมว กาเมหิ นิสฺสฏนฺติ อิทํ อุกฺกฏฺโต กามานํ นิสฺสรณํ เวทิตพฺพํ. รูปานนฺติ รูปธมฺมานํ, วิเสเสน สทฺธึ อารมฺมเณหิ กุสลวิปากกิริยาเภทโต สพฺเพสํ รูปาวจรธมฺมานํ. อารุปฺปนฺติ อรูปาวจรชฺฌานํ. เกจิ ปน ‘‘กามาน’’นฺติ ปทสฺส ‘‘สพฺเพสํ กามาวจรธมฺมาน’’นฺติ อตฺถํ วทนฺติ. ‘‘เนกฺขมฺม’’นฺติ จ ‘‘ปฺจ รูปาวจรชฺฌานานี’’ติ. ตํ อฏฺกถาสุ นตฺถิ, น ยุชฺชติ จ. ภูตนฺติ ชาตํ. สงฺขตนฺติ สเมจฺจ สมฺภุยฺย ปจฺจเยหิ กตํ. ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนนฺติ การณโต นิพฺพตฺตํ. ตีหิปิ ปเทหิ เตภูมเก ธมฺเม อนวเสสโต ปริยาทิยติ. นิโรโธติ นิพฺพานํ. เอตฺถ จ ปมาย ธาตุยา กามปริฺา วุตฺตา, ทุติยาย รูปปริฺา, ตติยาย สพฺพสงฺขตปริฺา สพฺพภวสมติกฺกโม วุตฺโต.

คาถาสุ กามนิสฺสรณํ ตฺวาติ ‘‘อิทํ กามนิสฺสรณํ – เอวฺจ กามโต นิสฺสรณ’’นฺติ ชานิตฺวา. อติกฺกมติ เอเตนาติ อติกฺกโม, อติกฺกมนูปาโย, ตํ อติกฺกมํ อารุปฺปํ ตฺวา. สพฺเพ สงฺขารา สมนฺติ วูปสมนฺติ เอตฺถาติ สพฺพสงฺขารสมโถ, นิพฺพานํ, ตํ ผุสํ ผุสนฺโต. เสสํ เหฏฺา วุตฺตนยเมว.

ตติยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. สนฺตตรสุตฺตวณฺณนา

๗๓. จตุตฺเถ รูเปหีติ รูปาวจรธมฺเมหิ. สนฺตตราติ อติสเยน สนฺตา. รูปาวจรธมฺมา หิ กิเลสวิกฺขมฺภนโต วิตกฺกาทิโอฬาริกงฺคปฺปหานโต สมาธิภูมิภาวโต จ สนฺตา นาม, อารุปฺปา ปน เตหิปิ องฺคสนฺตตาย เจว อารมฺมณสนฺตตาย จ อติสเยน สนฺตวุตฺติกา, เตน สนฺตตราติ วุตฺตา. นิโรโธติ นิพฺพานํ. สงฺขาราวเสสสุขุมภาวปฺปตฺติโตปิ หิ จตุตฺถารุปฺปโต ผลสมาปตฺติโยว สนฺตตรา กิเลสทรถปฏิปสฺสทฺธิโต นิพฺพานารมฺมณโต จ, กิมงฺคํ ปน สพฺพสงฺขารสมโถ นิพฺพานํ. เตน วุตฺตํ ‘‘อารุปฺเปหิ นิโรโธ สนฺตตโร’’ติ.

คาถาสุ รูปูปคาติ รูปภวูปคา. รูปภโว หิ อิธ รูปนฺติ วุตฺโต, ‘‘รูปูปปตฺติยา มคฺคํ ภาเวตี’’ติอาทีสุ วิย. อรูปฏฺายิโนติ อรูปาวจรา. นิโรธํ อปฺปชานนฺตา, อาคนฺตาโร ปุนพฺภวนฺติ เอเตน รูปารูปาวจรธมฺเมหิ นิโรธสฺส สนฺตภาวเมว ทสฺเสติ. อรูเปสุ อสณฺิตาติ อรูปราเคน อรูปภเวสุ อปฺปติฏฺหนฺตา, เตปิ ปริชานนฺตาติ อตฺโถ. นิโรเธ เย วิมุจฺจนฺตีติ เอตฺถ เยติ นิปาตมตฺตํ. เสสํ เหฏฺา วุตฺตนยเมว.

จตุตฺถสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. ปุตฺตสุตฺตวณฺณนา

๗๔. ปฺจเม ปุตฺตาติ อตฺรชา โอรสปุตฺตา, ทินฺนกาทโยปิ วา. สนฺโตติ ภวนฺตา สํวิชฺชมานา โลกสฺมินฺติ อิมสฺมึ โลเก อุปลพฺภมานา. อตฺถิภาเวน สนฺโต, ปากฏภาเวน วิชฺชมานา. อติชาโตติ อตฺตโน คุเณหิ มาตาปิตโร อติกฺกมิตฺวา ชาโต, เตหิ อธิกคุโณติ อตฺโถ. อนุชาโตติ คุเณหิ มาตาปิตูนํ อนุรูโป หุตฺวา ชาโต, เตหิ สมานคุโณติ อตฺโถ. อวชาโตติ คุเณหิ มาตาปิตูนํ อธโม หุตฺวา ชาโต, เตหิ หีนคุโณติ อตฺโถ. เยหิ ปน คุเณหิ ยุตฺโต มาตาปิตูนํ อธิโก สโม หีโนติ จ อธิปฺเปโต, เต วิภชิตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ปุตฺโต อติชาโต โหตี’’ติ กเถตุกมฺยตาย ปุจฺฉํ กตฺวา ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, ปุตฺตสฺสา’’ติอาทินา นิทฺเทโส อารทฺโธ.

ตตฺถ น พุทฺธํ สรณํ คตาติอาทีสุ พุทฺโธติ สพฺพธมฺเมสุ อปฺปฏิหตาณนิมิตฺตานุตฺตรวิโมกฺขาธิคมปริภาวิตํ ขนฺธสนฺตานํ, สพฺพฺุตฺาณปทฏฺานํ วา สจฺจาภิสมฺโพธึ อุปาทาย ปฺตฺติโก สตฺตาติสโย พุทฺโธ. ยถาห –

‘‘พุทฺโธติ โย โส ภควา สยมฺภู อนาจริยโก ปุพฺเพ อนนุสฺสุเตสุ ธมฺเมสุ สามํ สจฺจานิ อภิสมฺพุชฺฌิ, ตตฺถ จ สพฺพฺุตํ ปตฺโต, พเลสุ จ วสีภาว’’นฺติ (จูฬนิ. ปารายนตฺถุติคาถานิทฺเทส ๙๗; ปฏิ. ม. ๑.๑๖๑) –

อยํ ตาว อตฺถโต พุทฺธวิภาวนา.

พฺยฺชนโต ปน สวาสนาย กิเลสนิทฺทาย อจฺจนฺตวิคเมน พุทฺธวา ปฏิพุทฺธวาติ พุทฺโธ, พุทฺธิยา วา วิกสิตภาเวน พุทฺธวา วิพุทฺธวาติ พุทฺโธ, พุชฺฌิตาติ พุทฺโธ, โพเธตาติ พุทฺโธติ เอวมาทินา นเยน เวทิตพฺโพ. ยถาห –

‘‘พุชฺฌิตา สจฺจานีติ พุทฺโธ, โพเธตา ปชายาติ พุทฺโธ, สพฺพฺุตาย พุทฺโธ, สพฺพทสฺสาวิตาย พุทฺโธ, อนฺเนยฺยตาย พุทฺโธ, วิสวิตาย พุทฺโธ, ขีณาสวสงฺขาเตน พุทฺโธ, นิรุปกฺกิเลสสงฺขาเตน พุทฺโธ, เอกนฺตวีตราโคติ พุทฺโธ, เอกนฺตวีตโทโสติ พุทฺโธ, เอกนฺตวีตโมโหติ พุทฺโธ, เอกนฺตนิกฺกิเลโสติ พุทฺโธ, เอกายนมคฺคํ คโตติ พุทฺโธ, เอโก อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธติ พุทฺโธ, อพุทฺธิวิหตตฺตา พุทฺธิปฏิลาภาติ พุทฺโธ, พุทฺโธติ เจตํ นามํ น มาตรา กตํ, น ปิตรา กตํ, น ภาตรา กตํ, น ภคินิยา กตํ, น มิตฺตามจฺเจหิ กตํ, น าติสาโลหิเตหิ กตํ, น สมณพฺราหฺมเณหิ กตํ, น เทวตาหิ กตํ, อถ โข วิโมกฺขนฺติกเมตํ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ โพธิยา มูเล สห สพฺพฺุตฺาณสฺส ปฏิลาภา สจฺฉิกา ปฺตฺติ, ยทิทํ พุทฺโธ’’ติ (จูฬนิ. ปารายนตฺถุติคาถานิทฺเทส ๙๗; ปฏิ. ม. ๑.๑๖๒).

หึสตีติ สรณํ, สพฺพํ อนตฺถํ อปายทุกฺขํ สพฺพํ สํสารทุกฺขํ หึสติ วินาเสติ วิทฺธํเสตีติ อตฺโถ. สรณํ คตาติ ‘‘พุทฺโธ ภควา อมฺหากํ สรณํ คติ ปรายณํ ปฏิสรณํ อฆสฺส หนฺตา หิตสฺส วิธาตา’’ติ อิมินา อธิปฺปาเยน พุทฺธํ ภควนฺตํ คจฺฉาม ภชาม เสวาม ปยิรุปาสาม. เอวํ วา ชานาม พุชฺฌามาติ เอวํ คตา อุปคตา พุทฺธํ สรณํ คตา. ตปฺปฏิกฺเขเปน น พุทฺธํ สรณํ คตา.

ธมฺมํ สรณํ คตาติ อธิคตมคฺเค สจฺฉิกตนิโรเธ ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชมาเน จตูสุ อปาเยสุ อปตมาเน กตฺวา ธาเรตีติ ธมฺโม. โส อตฺถโต อริยมคฺโค เจว นิพฺพานฺจ. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, ธมฺมา สงฺขตา, อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค เตสํ อคฺคมกฺขายตี’’ติ วิตฺถาโร (อ. นิ. ๔.๓๔).

เกวลฺจ อริยมคฺคนิพฺพานานิ เอว, อปิจ โข อริยผเลหิ สทฺธึ ปริยตฺติธมฺโม จ. วุตฺตฺเหตํ ฉตฺตมาณวกวิมาเน –

‘‘ราควิราคมเนชมโสกํ,

ธมฺมมสงฺขตมปฺปฏิกูลํ;

มธุรมิมํ ปคุณํ สุวิภตฺตํ,

ธมฺมมิมํ สรณตฺถมุเปหี’’ติ. (วิ. ว. ๘๘๗);

ตตฺถ หิ ราควิราโคติ มคฺโค กถิโต, อเนชมโสกนฺติ ผลํ, ธมฺมสงฺขตนฺติ นิพฺพานํ, อปฺปฏิกูลํ มธุรมิมํ ปคุณํ สุวิภตฺตนฺติ ปิฏกตฺตเยน วิภตฺตา สพฺพธมฺมกฺขนฺธา กถิตา. ตํ ธมฺมํ วุตฺตนเยน สรณนฺติ คตา ธมฺมํ สรณํ คตา. ตปฺปฏิกฺเขเปน น ธมฺมํ สรณํ คตา.

ทิฏฺิสีลสงฺฆาเตน สํหโตติ สงฺโฆ. โส อตฺถโต อฏฺอริยปุคฺคลสมูโห. วุตฺตฺเหตํ ตสฺมึ เอว วิมาเน –

‘‘ยตฺถ จ ทินฺน มหปฺผลมาหุ,

จตูสุ สุจีสุ ปุริสยุเคสุ;

อฏฺ จ ปุคฺคล ธมฺมทสา เต,

สงฺฆมิมํ สรณตฺถมุเปหี’’ติ. (วิ. ว. ๘๘๘);

ตํ สงฺฆํ วุตฺตนเยน สรณนฺติ คตา สงฺฆํ สรณํ คตา. ตปฺปฏิกฺเขเปน น สงฺฆํ สรณํ คตาติ.

เอตฺถ จ สรณคมนโกสลฺลตฺถํ สรณํ สรณคมนํ, โย จ สรณํ คจฺฉติ สรณคมนปฺปเภโท, ผลํ, สํกิเลโส, เภโท, โวทานนฺติ อยํ วิธิ เวทิตพฺโพ.

ตตฺถ ปทตฺถโต ตาว หึสตีติ สรณํ, สรณคตานํ เตเนว สรณคมเนน ภยํ สนฺตาสํ ทุกฺขํ ทุคฺคตึ ปริกิเลสํ หนติ วินาเสตีติ อตฺโถ, รตนตฺตยสฺเสตํ อธิวจนํ. อถ วา หิเต ปวตฺตเนน อหิตา นิวตฺตเนน จ สตฺตานํ ภยํ หึสตีติ พุทฺโธ สรณํ, ภวกนฺตารโต อุตฺตารเณน อสฺสาสทาเนน จ ธมฺโม, อปฺปกานมฺปิ การานํ วิปุลผลปฏิลาภกรเณน สงฺโฆ. ตสฺมา อิมินาปิ ปริยาเยน รตนตฺตยํ สรณํ. ตปฺปสาทตคฺครุตาหิ วิหตกิเลโส ตปฺปรายณตาการปฺปวตฺโต จิตฺตุปฺปาโท สรณคมนํ. ตํสมงฺคิสตฺโต สรณํ คจฺฉติ, วุตฺตปฺปกาเรน จิตฺตุปฺปาเทน ‘‘เอตานิ เม ตีณิ รตนานิ สรณํ, เอตานิ ปรายณ’’นฺติ เอวํ อุเปตีติ อตฺโถ. เอวํ ตาว สรณํ สรณคมนํ, โย จ สรณํ คจฺฉตีติ อิทํ ตยํ เวทิตพฺพํ.

ปเภทโต ปน ทุวิธํ สรณคมนํ – โลกิยํ, โลกุตฺตรฺจ. ตตฺถ โลกุตฺตรํ ทิฏฺสจฺจานํ มคฺคกฺขเณ สรณคมนุปกฺกิเลสสมุจฺเฉเทน อารมฺมณโต นิพฺพานารมฺมณํ หุตฺวา กิจฺจโต สกเลปิ รตนตฺตเย อิชฺฌติ, โลกิยํ ปุถุชฺชนานํ สรณคมนุปกฺกิเลสวิกฺขมฺภเนน อารมฺมณโต พุทฺธาทิคุณารมฺมณํ หุตฺวา อิชฺฌติ. ตํ อตฺถโต พุทฺธาทีสุ วตฺถูสุ สทฺธาปฏิลาโภ, สทฺธามูลิกา จ สมฺมาทิฏฺิ ทสสุ ปุฺกิริยวตฺถูสุ ทิฏฺิชุกมฺมนฺติ วุจฺจติ.

ตยิทํ จตุธา ปวตฺตติ – อตฺตสนฺนิยฺยาตเนน, ตปฺปรายณตาย, สิสฺสภาวูปคมเนน, ปณิปาเตนาติ. ตตฺถ อตฺตสนฺนิยฺยาตนํ นาม ‘‘อชฺช อาทึ กตฺวา อหํ อตฺตานํ พุทฺธสฺส นิยฺยาเตมิ, ธมฺมสฺส, สงฺฆสฺสา’’ติ เอวํ พุทฺธาทีนํ อตฺตปริจฺจชนํ. ตปฺปรายณํ นาม ‘‘อชฺช อาทึ กตฺวา อหํ พุทฺธปรายโณ, ธมฺมปรายโณ, สงฺฆปรายโณ อิติ มํ ธาเรหี’’ติ เอวํ ตปฺปฏิสรณภาโว ตปฺปรายณตา. สิสฺสภาวูปคมนํ นาม ‘‘อชฺช อาทึ กตฺวา อหํ พุทฺธสฺส อนฺเตวาสิโก, ธมฺมสฺส, สงฺฆสฺส อิติ มํ ธาเรตู’’ติ เอวํ สิสฺสภาวสฺส อุปคมนํ. ปณิปาโต นาม ‘‘อชฺช อาทึ กตฺวา อหํ อภิวาทนปจฺจุฏฺานอฺชลิกมฺมสามีจิกมฺมํ พุทฺธาทีนํ เอว ติณฺณํ วตฺถูนํ กโรมิ อิติ มํ ธาเรตู’’ติ เอวํ พุทฺธาทีสุ ปรมนิปจฺจกาโร. อิเมสฺหิ จตุนฺนํ อาการานํ อฺตรํ กโรนฺเตน คหิตํ เอว โหติ สรณคมนํ.

อปิจ ‘‘ภควโต อตฺตานํ ปริจฺจชามิ, ธมฺมสฺส, สงฺฆสฺส อตฺตานํ ปริจฺจชามิ, ชีวิตํ ปริจฺจชามิ, ปริจฺจตฺโต เอว เม อตฺตา ชีวิตฺจ, ชีวิตปริยนฺติกํ พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ, พุทฺโธ เม สรณํ ตาณํ เลณ’’นฺติ เอวมฺปิ อตฺตสนฺนิยฺยาตนํ เวทิตพฺพํ. ‘‘สตฺถารฺจ วตาหํ ปสฺเสยฺยํ, ภควนฺตเมว ปสฺเสยฺยํ; สุคตฺจ วตาหํ ปสฺเสยฺยํ, ภควนฺตเมว ปสฺเสยฺยํ; สมฺมาสมฺพุทฺธฺจ วตาหํ ปสฺเสยฺยํ; ภควนฺตเมว ปสฺเสยฺย’’นฺติ (สํ. นิ. ๒.๑๕๔) เอวํ มหากสฺสปตฺเถรสฺส สรณคมนํ วิย สิสฺสภาวูปคมนํ ทฏฺพฺพํ.

‘‘โส อหํ วิจริสฺสามิ, คามา คามํ ปุรา ปุรํ;

นมสฺสมาโน สมฺพุทฺธํ, ธมฺมสฺส จ สุธมฺมต’’นฺติ. (สํ. นิ. ๑.๒๔๖; สุ. นิ. ๑๙๔) –

เอวํ อาฬวกาทีนํ สรณคมนํ วิย ตปฺปรายณตา เวทิตพฺพา. ‘‘อถ โข, พฺรหฺมายุ, พฺราหฺมโณ อุฏฺายาสนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา ภควโต ปาเทสุ สิรสา นิปติตฺวา ภควโต ปาทานิ มุเขน จ ปริจุมฺพติ, ปาณีหิ จ ปริสมฺพาหติ, นามฺจ สาเวติ ‘พฺรหฺมายุ อหํ, โภ โคตม, พฺราหฺมโณ, พฺรหฺมายุ อหํ, โภ โคตม, พฺราหฺมโณ’’’ติ (ม. นิ. ๒.๓๙๔) เอวํ ปณิปาโต ทฏฺพฺโพ.

โส ปเนส าติภยาจริยทกฺขิเณยฺยวเสน จตุพฺพิโธ โหติ. ตตฺถ ทกฺขิเณยฺยปณิปาเตน สรณคมนํ โหติ, น อิตเรหิ. เสฏฺวเสเนว หิ สรณํ คยฺหติ, เสฏฺวเสน ภิชฺชติ. ตสฺมา โย ‘‘อยเมว โลเก สพฺพสตฺตุตฺตโม อคฺคทกฺขิเณยฺโย’’ติ วนฺทติ, เตเนว สรณํ คหิตํ โหติ, น าติภยาจริยสฺาย วนฺทนฺเตน. เอวํ คหิตสรณสฺส อุปาสกสฺส วา อุปาสิกาย วา อฺติตฺถิเยสุ ปพฺพชิตมฺปิ ‘‘าตโก เม อย’’นฺติ วนฺทโต สรณํ น ภิชฺชติ, ปเคว อปพฺพชิตํ. ตถา ราชานํ ภเยน วนฺทโต. โส หิ รฏฺปูชิตตฺตา อวนฺทิยมาโน อนตฺถมฺปิ กเรยฺยาติ. ตถา ยํกิฺจิ สิปฺปํ สิกฺขาปกํ ติตฺถิยมฺปิ ‘‘อาจริโย เม อย’’นฺติ วนฺทโตปิ น ภิชฺชติ. เอวํ สรณคมนสฺส ปเภโท เวทิตพฺโพ.

เอตฺถ จ โลกุตฺตรสฺส สรณคมนสฺส จตฺตาริ สามฺผลานิ วิปากผลํ, สพฺพทุกฺขกฺขโย อานิสํสผลํ. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘โย จ พุทฺธฺจ ธมฺมฺจ, สงฺฆฺจ สรณํ คโต;

จตฺตาริ อริยสจฺจานิ, สมฺมปฺปฺาย ปสฺสติ.

‘‘ทุกฺขํ ทุกฺขสมุปฺปาทํ, ทุกฺขสฺส จ อติกฺกมํ;

อริยํ จฏฺงฺคิกํ มคฺคํ, ทุกฺขูปสมคามินํ.

‘‘เอตํ โข สรณํ เขมํ, เอตํ สรณมุตฺตมํ;

เอตํ สรณมาคมฺม, สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจตี’’ติ. (ธ. ป. ๑๙๐-๑๙๒);

อปิจ นิจฺจโต อนุปคมนาทีนิปิ เอตสฺส อานิสํสผลํ เวทิตพฺพํ. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘อฏฺานเมตํ, ภิกฺขเว, อนวกาโส, ยํ ทิฏฺิสมฺปนฺโน ปุคฺคโล กฺจิ สงฺขารํ นิจฺจโต อุปคจฺเฉยฺย, สุขโต อุปคจฺเฉยฺย, กฺจิ ธมฺมํ อตฺตโต อุปคจฺเฉยฺย, มาตรํ ชีวิตา โวโรเปยฺย, ปิตรํ ชีวิตา โวโรเปยฺย, อรหนฺตํ ชีวิตา โวโรเปยฺย, ทุฏฺจิตฺโต ตถาคตสฺส โลหิตํ อุปฺปาเทยฺย, สงฺฆํ ภินฺเทยฺย, อฺํ สตฺถารํ อุทฺทิเสยฺย เนตํ านํ วิชฺชตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๑๒๗-๑๒๘; อ. นิ. ๑.๒๖๘-๒๗๖; วิภ. ๘๐๙).

โลกิยสฺส ปน สรณคมนสฺส ภวสมฺปทาปิ โภคสมฺปทาปิ ผลเมว. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘เย เกจิ พุทฺธํ สรณํ คตาเส,

น เต คมิสฺสนฺติ อปายภูมึ;

ปหาย มานุสํ เทหํ,

เทวกายํ ปริปูเรสฺสนฺตี’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๓๗);

อปรมฺปิ วุตฺตํ –

‘‘อถ โข สกฺโก เทวานมินฺโท อสีติยา เทวตาสหสฺเสหิ สทฺธึ เยนายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เตนุปสงฺกมิ…เป… เอกมนฺตํ ิตํ โข สกฺกํ เทวานมินฺทํ อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เอตทโวจ – ‘สาธุ โข, เทวานมินฺท, พุทฺธํ สรณคมนํ โหติ. พุทฺธํ สรณคมนเหตุ โข, เทวานมินฺท, เอวมิเธกจฺเจ สตฺตา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชนฺติ. เต อฺเ เทเว ทสหิ าเนหิ อธิคณฺหนฺติ – ทิพฺเพน อายุนา, ทิพฺเพน วณฺเณน, ทิพฺเพน สุเขน, ทิพฺเพน ยเสน, ทิพฺเพน อาธิปเตยฺเยน, ทิพฺเพหิ รูเปหิ, ทิพฺเพหิ สทฺเทหิ, ทิพฺเพหิ คนฺเธหิ, ทิพฺเพหิ รเสหิ, ทิพฺเพหิ โผฏฺพฺเพหิ…เป… ธมฺมํ, สงฺฆํ…เป… โผฏฺพฺเพหี’’’ติ (สํ. นิ. ๔.๓๔๑).

เวลามสุตฺตาทิวเสนปิ (อ. นิ. ๙.๒๐) สรณคมนสฺส ผลวิเสโส เวทิตพฺโพ. เอวํ สรณคมนสฺส ผลํ เวทิตพฺพํ.

โลกิยสรณคมนฺเจตฺถ ตีสุ วตฺถูสุ อฺาณสํสยมิจฺฉาาณาทีหิ สํกิลิสฺสติ, น มหาชุติกํ โหติ น มหาวิปฺผารํ. โลกุตฺตรสฺส ปน สํกิเลโส นตฺถิ. โลกิยสฺส จ สรณคมนสฺส ทุวิโธ เภโท – สาวชฺโช, อนวชฺโช จ. ตตฺถ สาวชฺโช อฺสตฺถาราทีสุ อตฺตสนฺนิยฺยาตนาทีหิ โหติ, โส อนิฏฺผโล. อนวชฺโช กาลกิริยาย, โส อวิปากตฺตา อผโล. โลกุตฺตรสฺส ปน เนวตฺถิ เภโท. ภวนฺตเรปิ หิ อริยสาวโก อฺํ สตฺถารํ น อุทฺทิสตีติ เอวํ สรณคมนสฺส สํกิเลโส จ เภโท จ เวทิตพฺโพ.

โวทานมฺปิ จ โลกิยสฺเสว ยสฺส หิ สํกิเลโส, ตสฺเสว ตโต โวทาเนน ภวิตพฺพํ. โลกุตฺตรํ ปน นิจฺจโวทานเมวาติ.

ปาณาติปาตาติ เอตฺถ ปาณสฺส สรเสเนว ปตนสภาวสฺส อนฺตรา เอว อติปาตนํ อติปาโต, สณิกํ ปติตุํ อทตฺวา สีฆํ ปาตนนฺติ อตฺโถ. อติกฺกมฺม วา สตฺถาทีหิ อภิภวิตฺวา ปาตนํ อติปาโต, ปาณฆาโตติ วุตฺตํ โหติ. ปาโณติ เจตฺถ ขนฺธสนฺตาโน, โย สตฺโตติ โวหรียติ, ปรมตฺถโต รูปารูปชีวิตินฺทฺริยํ. รูปชีวิตินฺทฺริเย หิ วิโกปิเต อิตรมฺปิ ตํสมฺพนฺธตาย วินสฺสตีติ. ตสฺมึ ปน ปาเณ ปาณสฺิโน ชีวิตินฺทฺริยุปจฺเฉทกอุปกฺกมสมุฏฺาปิกา กายวจีทฺวารานํ อฺตรทฺวารปฺปวตฺตา วธกเจตนา ปาณาติปาโต. ยาย หิ เจตนาย ปวตฺตมานสฺส ชีวิตินฺทฺริยสฺส นิสฺสยภูเตสุ อุปกฺกมกรณเหตุกมหาภูตปจฺจยา อุปฺปชฺชนกมหาภูตา ปุริมสทิสา น อุปฺปชฺชนฺติ, วิสทิสา เอว อุปฺปชฺชนฺติ, สา ตาทิสปฺปโยคสมุฏฺาปิกา เจตนา ปาณาติปาโต. ลทฺธูปกฺกมานิ หิ ภูตานิ ปุริมภูตานิ วิย น วิสทานีติ สมานชาติยานํ การณานิ น โหนฺตีติ. ‘‘กายวจีทฺวารานํ อฺตรทฺวารปฺปวตฺตา’’ติ อิทํ มโนทฺวาเร ปวตฺตาย วธกเจตนาย ปาณาติปาตตาสมฺภวทสฺสนํ. กุลุมฺพสุตฺเตปิ หิ ‘‘อิเธกจฺโจ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา อิทฺธิมา เจโต วสิปฺปตฺโต อฺิสฺสา กุจฺฉิคตํ คพฺภํ ปาปเกน มนสา อนุเปกฺขิตา โหตี’’ติ วิชฺชามยิทฺธิ อธิปฺเปตา. สา จ วจีทฺวารํ มุฺจิตฺวา น สกฺกา นิพฺพตฺเตตุนฺติ วจีทฺวารวเสเนว นิปฺปชฺชติ. เย ปน ‘‘ภาวนามยิทฺธิ ตตฺถ อธิปฺเปตา’’ติ วทนฺติ, เตสํ วาโท กุสลตฺติกเวทนตฺติกวิตกฺกตฺติกภูมนฺตเรหิ วิรุชฺฌติ.

สฺวายํ ปาณาติปาโต คุณรหิเตสุ ติรจฺฉานคตาทีสุ ขุทฺทเก ปาเณ อปฺปสาวชฺโช, มหาสรีเร มหาสาวชฺโช. กสฺมา? ปโยคมหนฺตตาย. ปโยคสมตฺเตปิ วตฺถุมหนฺตตาทีหิ มหาสาวชฺโช, คุณวนฺเตสุ มนุสฺสาทีสุ อปฺปคุเณ ปาเณ อปฺปสาวชฺโช, มหาคุเณ มหาสาวชฺโช. สรีรคุณานํ ปน สมภาเว สติ กิเลสานํ อุปกฺกมานฺจ มุทุตาย อปฺปสาวชฺโช, ติพฺพตาย มหาสาวชฺโช.

เอตฺถ จ ปโยควตฺถุมหนฺตตาทีหิ มหาสาวชฺชตา เตหิ ปจฺจเยหิ อุปฺปชฺชมานาย เจตนาย พลวภาวโต เวทิตพฺพา. ยถาธิปฺเปตสฺส ปโยคสฺส สหสา นิปฺผาทนวเสน สกิจฺจสาธิกาย พหุกฺขตฺตุํ ปวตฺตชวเนหิ ลทฺธาเสวนาย จ สนฺนิฏฺาปกเจตนาย ปโยคสฺส มหนฺตภาโว. สติปิ กทาจิ ขุทฺทเก เจว มหนฺเต จ ปาเณ ปโยคสฺส สมภาเว มหนฺตํ หนนฺตสฺส เจตนา ติพฺพตรา อุปฺปชฺชตีติ วตฺถุมหนฺตตาปิ เจตนาย พลวภาวสฺส การณํ. อิติ อุภยมฺเปตํ เจตนาพลวภาเวเนว มหาสาวชฺชตาย เหตุ โหติ. ตถา หนฺตพฺพสฺส มหาคุณภาเว ตตฺถ ปวตฺตอุปการเจตนา วิย เขตฺตวิเสสนิปฺผตฺติยา อปการเจตนาปิ พลวตี ติพฺพตรา อุปฺปชฺชตีติ ตสฺส มหาสาวชฺชตา ทฏฺพฺพา. ตสฺมา ปโยควตฺถุอาทิปจฺจยานํ อมหตฺเตปิ คุณมหนฺตตาทิปจฺจเยหิ เจตนาย พลวภาววเสเนว มหาสาวชฺชตา เวทิตพฺพา.

ตสฺส ปาโณ, ปาณสฺิตา, วธกจิตฺตํ, อุปกฺกโม, เตน มรณนฺติ ปฺจ สมฺภารา. ปฺจสมฺภารยุตฺโต ปาณาติปาโตติ ปฺจสมฺภาราวินิมุตฺโต ทฏฺพฺโพ. เตสุ ปาณสฺิตาวธกจิตฺตานิ ปุพฺพภาคิยานิปิ โหนฺติ, อุปกฺกโม วธกเจตนาสมุฏฺาปิโต. ตสฺส ฉ ปโยคา – สาหตฺถิโก, อาณตฺติโก, นิสฺสคฺคิโย, ถาวโร, วิชฺชามโย, อิทฺธิมโยติ. เตสุ สหตฺเถน นิพฺพตฺโต สาหตฺถิโก. ปเรสํ อาณาปนวเสน ปวตฺโต อาณตฺติโก. อุสุสตฺติอาทีนํ นิสฺสชฺชนวเสน ปวตฺโต นิสฺสคฺคิโย. โอปาตขณนาทิวเสน ปวตฺโต ถาวโร. อาถพฺพณิกาทีนํ วิย มนฺตปริชปฺปนปโยโค วิชฺชามโย. ทาาโกฏฺฏนาทีนํ วิย กมฺมวิปากชิทฺธิมโย.

เอตฺถาห – ขเณ ขเณ นิรุชฺฌนสภาเวสุ สงฺขาเรสุ, โก หนฺตา, โก วา หฺติ? ยทิ จิตฺตเจตสิกสนฺตาโน, โส อรูปิตาย น เฉทนเภทนาทิวเสน วิโกปนสมตฺโถ, นาปิ วิโกปนีโย, อถ รูปสนฺตาโน, โส อเจตนตาย กฏฺกลิงฺครูปโมติ น ตตฺถ เฉทนาทินา ปาณาติปาโต ลพฺภติ, ยถา มตสรีเร. ปโยโคปิ ปาณาติปาตสฺส ยถาวุตฺโต ปหรณปฺปหาราทิโก อตีเตสุ สงฺขาเรสุ ภเวยฺย อนาคเตสุ ปจฺจุปฺปนฺเนสุ วา. ตตฺถ น ตาว อตีเตสุ อนาคเตสุ จ สมฺภวติ เตสํ อวิชฺชมานสภาวตฺตา, ปจฺจุปฺปนฺเนสุ จ สงฺขารานํ ขณิกตฺตา สรเสเนว นิรุชฺฌนสภาวตาย วินาสาภิมุเขสุ นิปฺปโยชโน ปโยโค สิยา, วินาสสฺส จ การณรหิตตฺตา น ปหรณปฺปหาราทิปฺปโยคเหตุกํ มรณํ, นิรีหตฺตา จ สงฺขารานํ กสฺส โส ปโยโค, ขณิกภาเวน วธาธิปฺปายสมกาลเมว ภิชฺชนกสฺส ยาว กิริยาปริโยสานกาลมนวฏฺานโต กสฺส วา ปาณาติปาโต กมฺมพนฺโธติ?

วุจฺจเต – ยถาวุตฺตวธกเจตนาสมงฺคี สงฺขารานํ ปุฺโช สตฺตสงฺขาโต หนฺตา. เตน ปวตฺติตวธปฺปโยคนิมิตฺตํ อปคตุสฺมาวิฺาณชีวิตินฺทฺริโย มโตติ โวหารสฺส วตฺถุภูโต ยถาวุตฺตวธปฺปโยคากรเณ ปุพฺเพ วิย อุทฺธํ ปวตฺตนารโห รูปารูปธมฺมปุฺโช หฺติ, จิตฺตเจตสิกสนฺตาโน เอว วา. วธปฺปโยคาวิสยภาเวปิ ตสฺส ปฺจโวการภเว รูปสนฺตานาธีนวุตฺติตาย ภูตรูเปสุ กตปฺปโยควเสน ชีวิตินฺทฺริยวิจฺเฉเทน โสปิ วิจฺฉิชฺชตีติ น ปาณาติปาตสฺส อสมฺภโว, นาปิ อเหตุโก, น จ ปโยโค นิปฺปโยชโน. ปจฺจุปฺปนฺเนสุ สงฺขาเรสุ กตปฺปโยควเสน ตทนนฺตรํ อุปฺปชฺชนารหสฺส สงฺขารกลาปสฺส ตถา อนุปฺปตฺติโต ขณิกานฺจ สงฺขารานํ ขณิกมรณสฺส อิธ มรณภาเวน อนธิปฺเปตตฺตา สนฺตติมรณสฺส จ ยถาวุตฺตนเยน สเหตุกภาวโต น อเหตุกํ มรณํ, นิรีหเกสุปิ สงฺขาเรสุ ยถาปจฺจยํ อุปฺปชฺชิตฺวา อตฺถิภาวมตฺเตเนว อตฺตโน อตฺตโน อนุรูปผลุปฺปาทนนิยตานิ การณานิเยว กโรนฺตีติ วุจฺจติ, ยถา ปทีโป ปกาเสตีติ, ตเถว ฆาตกโวหาโร. น จ เกวลสฺส วธาธิปฺปายสหภุโน จิตฺตเจตสิกกลาปสฺส ปาณาติปาโต อิจฺฉิโต, สนฺตานวเสน วตฺตมานสฺเสว ปน อิจฺฉิโตติ อตฺเถว ปาณาติปาเตน กมฺมพนฺโธ. สนฺตานวเสน วตฺตมานานฺจ ปทีปาทีนํ อตฺถกิริยาสิทฺธิ ทิสฺสตีติ. อยฺจ วิจารณา อทินฺนาทานาทีสุปิ ยถาสมฺภวํ วิภาเวตพฺพา. ตสฺมา ปาณาติปาตา. น ปฏิวิรตาติ อปฺปฏิวิรตา.

อทินฺนสฺส อาทานํ อทินฺนาทานํ, ปรสฺส หรณํ เถยฺยํ โจริกาติ วุตฺตํ โหติ. ตตฺถ อทินฺนนฺติ ปรปริคฺคหิตํ, ยตฺถ ปโร ยถากามการิตํ อาปชฺชนฺโต อทณฺฑารโห อนุปวชฺโช จ โหติ. ตสฺมึ ปรปริคฺคหิเต ปรปริคฺคหิตสฺิโน ตทาทายกอุปกฺกมสมุฏฺาปิกา เถยฺยเจตนา อทินฺนาทานํ. ตํ หีเน ปรสนฺตเก อปฺปสาวชฺชํ, ปณีเต มหาสาวชฺชํ. กสฺมา? วตฺถุปณีตตาย. ตถา ขุทฺทเก ปรสนฺตเก อปฺปสาวชฺชํ, มหนฺเต มหาสาวชฺชํ. กสฺมา? วตฺถุมหนฺตตาย ปโยคมหนฺตตาย จ. วตฺถุสมตฺเต ปน สติ คุณาธิกานํ สนฺตเก วตฺถุสฺมึ มหาสาวชฺชํ, ตํตํคุณาธิกํ อุปาทาย ตโต ตโต หีนคุณสฺส สนฺตเก วตฺถุสฺมึ อปฺปสาวชฺชํ. วตฺถุคุณานํ ปน สมภาเว สติ กิเลสานํ ปโยคสฺส จ มุทุภาเว อปฺปสาวชฺชํ, ติพฺพภาเว มหาสาวชฺชํ.

ตสฺส ปฺจ สมฺภารา – ปรปริคฺคหิตํ, ปรปริคฺคหิตสฺิตา, เถยฺยจิตฺตํ, อุปกฺกโม, เตน หรณนฺติ. ฉ ปโยคา สาหตฺถิกาทโยว. เต จ โข ยถานุรูปํ เถยฺยาวหาโร, ปสยฺหาวหาโร, ปริกปฺปาวหาโร, ปฏิจฺฉนฺนาวหาโร, กุสาวหาโรติ อิเมสํ อวหารานํ วเสน ปวตฺตา. เอตฺถ จ มนฺตปริชปฺปเนน ปรสนฺตกหรณํ วิชฺชามโย ปโยโค. วินา มนฺเตน ตาทิเสน อิทฺธานุภาวสิทฺเธน กายวจีปโยเคน ปรสนฺตกสฺส อากฑฺฒนํ อิทฺธิมโย ปโยโคติ เวทิตพฺโพ.

กาเมสูติ เมถุนสมาจาเรสุ. มิจฺฉาจาโรติ เอกนฺตนินฺทิโต ลามกาจาโร. ลกฺขณโต ปน อสทฺธมฺมาธิปฺปาเยน กายทฺวารปฺปวตฺตา อคมนียฏฺานวีติกฺกมเจตนา กาเมสุ มิจฺฉาจาโร. ตตฺถ อคมนียฏฺานํ นาม ปุริสานํ ตาว มาตุรกฺขิตาทโย ทส, ธนกฺกีตาทโย ทสาติ วีสติ อิตฺถิโย, อิตฺถีสุ ปน ทฺวินฺนํ สารกฺขสปริทณฺฑานํ, ทสนฺนฺจ ธนกฺกีตาทีนนฺติ ทฺวาทสนฺนํ อิตฺถีนํ อฺปุริสา. สฺวายํ มิจฺฉาจาโร สีลาทิคุณรหิเต อคมนียฏฺาเน อปฺปสาวชฺโช, สีลาทิคุณสมฺปนฺเน มหาสาวชฺโช. คุณรหิเตปิ จ อภิภวิตฺวา มิจฺฉา จรนฺตสฺส มหาสาวชฺโช, อุภินฺนํ สมานจฺฉนฺทตาย อปฺปสาวชฺโช. สมานจฺฉนฺทภาเวปิ กิเลสานํ อุปกฺกมานฺจ มุทุตาย อปฺปสาวชฺโช, ติพฺพตาย มหาสาวชฺโช. ตสฺส จตฺตาโร สมฺภารา – อคมนียวตฺถุ, ตสฺมึ เสวนจิตฺตํ, เสวนปโยโค, มคฺเคนมคฺคปฺปฏิปตฺติอธิวาสนนฺติ. ตตฺถ อตฺตโน รุจิยา ปวตฺติตสฺส ตโย, พลกฺกาเรน ปวตฺติตสฺส ตโยติ อนวเสสคฺคหเณน จตฺตาโร ทฏฺพฺพา, อตฺถสิทฺธิ ปน ตีเหว. เอโก ปโยโค สาหตฺถิโกว.

มุสาติ วิสํวาทนปุเรกฺขารสฺส อตฺถภฺชโก กายวจีปโยโค, วิสํวาทนาธิปฺปาเยน ปนสฺส ปรวิสํวาทกกายวจีปโยคสมุฏฺาปิกา เจตนา มุสาวาโท. อปโร นโย มุสาติ อภูตํ วตฺถุ, วาโทติ ตสฺส ภูตโต ตจฺฉโต วิฺาปนํ. ตสฺมา อตถํ วตฺถุํ ตถโต ปรํ วิฺาเปตุกามสฺส ตถาวิฺาปนปโยคสมุฏฺาปิกา เจตนา มุสาวาโท.

โส ยมตฺถํ ภฺชติ, ตสฺส อปฺปตาย อปฺปสาวชฺโช, มหนฺตตาย มหาสาวชฺโช. อปิจ คหฏฺานํ อตฺตโน สนฺตกํ อทาตุกามตาย นตฺถีติ อาทินยปฺปวตฺโต อปฺปสาวชฺโช, สกฺขินา หุตฺวา อตฺถภฺชนวเสน วุตฺโต มหาสาวชฺโช. ปพฺพชิตานํ อปฺปกมฺปิ เตลํ วา สปฺปึ วา ลภิตฺวา หสาธิปฺปาเยน ‘‘อชฺช คาเม เตลํ นที มฺเ สนฺทตี’’ติ ปูรณกถานเยน ปวตฺโต อปฺปสาวชฺโช, อทิฏฺํเยว ปน ‘‘ทิฏฺ’’นฺติอาทินา นเยน วทนฺตานํ มหาสาวชฺโช. ตถา ยสฺส อตฺถํ ภฺชติ, ตสฺส อปฺปคุณตาย อปฺปสาวชฺโช, มหาคุณตาย มหาสาวชฺโช. กิเลสานํ มุทุติพฺพตาวเสน จ อปฺปสาวชฺชมหาสาวชฺชตา ลพฺภเตว.

ตสฺส จตฺตาโร สมฺภารา – อตถํ วตฺถุ, วิสํวาทนจิตฺตํ, ตชฺโช วายาโม, ปรสฺส ตทตฺถวิชานนนฺติ. วิสํวาทนาธิปฺปาเยน หิ ปโยเค กเตปิ ปเรน ตสฺมึ อตฺเถ อวิฺาเต วิสํวาทนสฺส อสิชฺฌนโต ปรสฺส ตทตฺถวิชานนมฺปิ เอโก สมฺภาโร เวทิตพฺโพ. เกจิ ปน ‘‘อภูตวจนํ, วิสํวาทนจิตฺตํ, ปรสฺส ตทตฺถวิชานนนฺติ ตโย สมฺภารา’’ติ วทนฺติ. สเจ ปน ปโร ทนฺธตาย วิจาเรตฺวา ตมตฺถํ ชานาติ, สนฺนิฏฺาปกเจตนาย ปวตฺตตฺตา กิริยาสมุฏฺาปกเจตนากฺขเณเยว มุสาวาทกมฺมุนา พชฺฌติ.

สุราติ ปิฏฺสุรา, ปูวสุรา, โอทนสุรา, กิณฺณปกฺขิตฺตา, สมฺภารสํยุตฺตาติ ปฺจ สุรา. เมรยนฺติ ปุปฺผาสโว, ผลาสโว, มธฺวาสโว, คุฬาสโว สมฺภารสํยุตฺโตติ ปฺจ อาสวา. ตทุภยมฺปิ มทนียฏฺเน มชฺชํ. ยาย เจตนาย ตํ ปิวติ, สา ปมาทการณตฺตา ปมาทฏฺานํ. ลกฺขณโต ปน ยถาวุตฺตสฺส สุราเมรยสงฺขาตสฺส มชฺชสฺส พีชโต ปฏฺาย มทวเสน กายทฺวารปฺปวตฺตา ปมาทเจตนา สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานํ. ตสฺส มชฺชภาโว, ปาตุกมฺยตาจิตฺตํ, ตชฺโช วายาโม, อชฺโฌหรณนฺติ จตฺตาโร สมฺภารา. อกุสลจิตฺเตเนว จสฺส ปาตพฺพโต เอกนฺเตน สาวชฺชภาโว. อริยสาวกานํ ปน วตฺถุํ อชานนฺตานมฺปิ มุขํ น ปวิสติ, ปเคว ชานนฺตานํ. อฑฺฒปสตมตฺตสฺส ปานํ อปฺปสาวชฺชํ, อทฺธาฬฺหกมตฺตสฺส ปานํ ตโต มหนฺตํ มหาสาวชฺชํ, กายสฺจาลนสมตฺถํ พหุํ ปิวิตฺวา คามฆาตกาทิกมฺมํ กโรนฺตสฺส มหาสาวชฺชเมว. ปาปกมฺมฺหิ ปาณาติปาตํ ปตฺวา ขีณาสเว มหาสาวชฺชํ, อทินฺนาทานํ ปตฺวา ขีณาสวสฺส สนฺตเก มหาสาวชฺชํ, มิจฺฉาจารํ ปตฺวา ขีณาสวาย ภิกฺขุนิยา วีติกฺกเม, มุสาวาทํ ปตฺวา มุสาวาเทน สงฺฆเภเท, สุราปานํ ปตฺวา กายสฺจาลนสมตฺถํ พหุํ ปิวิตฺวา คามฆาตกาทิกมฺมํ มหาสาวชฺชํ. สพฺเพหิปิ เจเตหิ มุสาวาเทน สงฺฆเภโทว มหาสาวชฺโช. ตฺหิ กตฺวา กปฺปํ นิรเย ปจฺจติ.

อิทานิ เอเตสุ สภาวโต, อารมฺมณโต, เวทนโต, มูลโต, กมฺมโต, ผลโตติ ฉหิ อากาเรหิ วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ. ตตฺถ สภาวโต ปาณาติปาตาทโย สพฺเพปิ เจตนาสภาวาว. อารมฺมณโต ปาณาติปาโต ชีวิตินฺทฺริยารมฺมณโต สงฺขารารมฺมโณ, อทินฺนาทานํ สตฺตารมฺมณํ วา สงฺขารารมฺมณํ วา, มิจฺฉาจาโร โผฏฺพฺพวเสน สงฺขารารมฺมโณ, สตฺตารมฺมโณติ เอเก. มุสาวาโท สตฺตารมฺมโณ วา สงฺขารารมฺมโณ วา, สุราปานํ สงฺขารารมฺมณํ. เวทนโต ปาณาติปาโต ทุกฺขเวทโน, อทินฺนาทานํ ติเวทนํ, มิจฺฉาจาโร สุขมชฺฌตฺตวเสน ทฺวิเวทโน, ตถา สุราปานํ. สนฺนิฏฺาปกจิตฺเตน ปน อุภยมฺปิ มชฺฌตฺตเวทนํ น โหติ. มุสาวาโท ติเวทโน. มูลโต ปาณาติปาโต โทสโมหวเสน ทฺวิมูลโก, อทินฺนาทานํ มุสาวาโท จ โทสโมหวเสน วา โลภโมหวเสน วา, มิจฺฉาจาโร สุราปานฺจ โลภโมหวเสน ทฺวิมูลํ. กมฺมโต มุสาวาโทเยเวตฺถ วจีกมฺมํ, เสสํ จตุพฺพิธมฺปิ กายกมฺมเมว. ผลโต สพฺเพปิ อปายูปปตฺติผลา เจว สุคติยมฺปิ อปฺปายุกตาทินานาวิธอนิฏฺผลา จาติ เอวเมตฺถ สภาวาทิโต วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ.

อปฺปฏิวิรตาติ สมาทานวิรติยา สมฺปตฺตวิรติยา จ อภาเวน น ปฏิวิรตา. ทุสฺสีลาติ ตโต เอว ปฺจสีลมตฺตสฺสาปิ อภาเวน นิสฺสีลา. ปาปธมฺมาติ ลามกธมฺมา, หีนาจารา. ปาณาติปาตา ปฏิวิรโตติ สิกฺขาปทสมาทาเนน ปาณาติปาตโต วิรโต, อารกา ิโต. เอส นโย เสเสสุปิ.

อิธาปิ ปาณาติปาตาเวรมณิอาทีนํ สภาวโต อารมฺมณโต, เวทนโต, มูลโต, กมฺมโต, สมาทานโต, เภทโต, ผลโต จ วิฺาตพฺโพ วินิจฺฉโย. ตตฺถ สภาวโต ปฺจปิ เจตนาโยปิ โหนฺติ วิรติโยปิ, วิรติวเสน ปน เทสนา อาคตา. ยา ปาณาติปาตา วิรมนฺตสฺส ‘‘ยา ตสฺมึ สมเย ปาณาติปาตา อารติ วิรตี’’ติ เอวํ วุตฺตา กุสลจิตฺตสมฺปยุตฺตา วิรติ. สา ปเภทโต ติวิธา – สมฺปตฺตวิรติ, สมาทานวิรติ, สมุจฺเฉทวิรตีติ. ตตฺถ อสมาทินฺนสิกฺขาปทานํ อตฺตโน ชาติวยพาหุสจฺจาทีนิ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ‘‘อยุตฺตเมตํ อมฺหากํ กาตุ’’นฺติ สมฺปตฺตวตฺถุํ อวีติกฺกมนฺตานํ อุปฺปชฺชมานา วิรติ สมฺปตฺตวิรติ นาม. สมาทินฺนสิกฺขาปทานํ สิกฺขาปทสมาทาเน ตทุตฺตริ จ อตฺตโน ชีวิตมฺปิ ปริจฺจชิตฺวา วตฺถุํ อวีติกฺกมนฺตานํ อุปฺปชฺชมานา วิรติ สมาทานวิรติ นาม. อริยมคฺคสมฺปยุตฺตา ปน วิรติ สมุจฺเฉทวิรติ นาม, ยสฺสา อุปฺปตฺติโต ปฏฺาย อริยปุคฺคลานํ ‘‘ปาณํ ฆาเตสฺสามา’’ติ จิตฺตมฺปิ น อุปฺปชฺชติ. ตาสุ สมาทานวิรติ อิธาธิปฺเปตา.

อารมฺมณโต ปาณาติปาตาทีนํ อารมฺมณาเนว เอเตสํ อารมฺมณานิ. วีติกฺกมิตพฺพโตเยว หิ วิรติ นาม โหติ. ยถา ปน นิพฺพานารมฺมโณ อริยมคฺโค กิเลเส ปชหติ, เอวํ ชีวิตินฺทฺริยาทิอารมฺมณาเยว เอเต กุสลธมฺมา ปาณาติปาตาทีนิ ทุสฺสีลฺยานิ ปชหนฺติ. เวทนโต สพฺพาปิ สุขเวทนาว.

มูลโต าณสมฺปยุตฺตจิตฺเตน วิรมนฺตสฺส อโลภอโทสอโมหวเสน ติมูลา โหนฺติ, าณวิปฺปยุตฺตจิตฺเตน วิรมนฺตสฺส อโลภอโทสวเสน ทฺวิมูลา. กมฺมโต มุสาวาทา เวรมณิ วจีกมฺมํ, เสสา กายกมฺมํ. สมาทานโต อฺสฺส ครุฏฺานิยสฺส สนฺติเก ตํ อลภนฺเตน สยเมว วา ปฺจ สีลานิ เอกชฺฌํ ปาฏิเยกฺกํ วา สมาทิยนฺเตน สมาทินฺนานิ โหนฺติ. เภทโต คหฏฺานํ ยํ ยํ วีติกฺกนฺตํ, ตํ ตเทว ภิชฺชติ, อิตรํ น ภิชฺชติ. กสฺมา? คหฏฺา หิ อนิพทฺธสีลา โหนฺติ, ยํ ยํ สกฺโกนฺติ, ตํ ตเทว รกฺขนฺติ. ปพฺพชิตานํ ปน เอกสฺมึ วีติกฺกนฺเต สพฺพานิ ภิชฺชนฺตีติ.

ผลโตติ ปาณาติปาตา เวรมณิยา เจตฺถ องฺคปจฺจงฺคสมฺปนฺนตา, อาโรหปริณาหสมฺปตฺติ, ชวนสมฺปตฺติ, สุปฺปติฏฺิตปาทตา, จารุตา, มุทุตา, สุจิตา, สูรตา, มหพฺพลตา, วิสฺสฏฺวจนตา, สตฺตานํ ปิยมนาปตา, อภิชฺชปริสตา, อจฺฉมฺภิตา, ทุปฺปธํสิยตา, ปรูปกฺกเมน อมรณตา, มหาปริวารตา, สุวณฺณตา, สุสณฺานตา, อปฺปาพาธตา, อโสกตา, ปิยมนาเปหิ อวิปฺปโยโค, ทีฆายุกตาติ เอวมาทีนิ ผลานิ.

อทินฺนาทานา เวรมณิยา มหาธนธฺตา, อนนฺตโภคตา, ถิรโภคตา, อิจฺฉิตานํ โภคานํ ขิปฺปํ ปฏิลาโภ, ราชาทีหิ อสาธารณโภคตา, อุฬารโภคตา, ตตฺถ ตตฺถ เชฏฺกภาโว, นตฺถิภาวสฺส อชานนตา, สุขวิหาริตาติ เอวมาทีนิ.

อพฺรหฺมจริยา เวรมณิยา วิคตปจฺจตฺถิกตา, สพฺพสตฺตานํ ปิยมนาปตา, อนฺนปานวตฺถจฺฉาทนาทีนํ ลาภิตา, สุขสุปนตา, สุขปฏิพุชฺฌนตา, อปายภยวิโมกฺโข, อิตฺถิภาวนปุํสกภาวานํ อภพฺพตา, อกฺโกธนตา, สจฺจการิตา, อมงฺกุตา, อาราธนสุขตา, ปริปุณฺณินฺทฺริยตา, ปริปุณฺณลกฺขณตา, นิราสงฺกตา, อปฺโปสฺสุกฺกตา, สุขวิหาริตา, อกุโตภยตา, ปิยวิปฺปโยคาภาโวติ เอวมาทีนิ. ยสฺมา ปน มิจฺฉาจาราเวรมณิยา ผลานิปิ เอตฺเถว อนฺโตคธานิ, ตสฺมา (อพฺรหฺมจริยา เวรมณิยา).

มุสาวาทา เวรมณิยา วิปฺปสนฺนินฺทฺริยตา, วิสฺสฏฺมธุรภาณิตา, สมสิตสุทฺธทนฺตตา, นาติถูลตา, นาติกิสตา, นาติรสฺสตา, นาติทีฆตา, สุขสมฺผสฺสตา, อุปฺปลคนฺธมุขตา, สุสฺสูสกปริสตา, อาเทยฺยวจนตา, กมลทลสทิสมุทุโลหิตตนุชิวฺหตา, อลีนตา, อนุทฺธตตาติ เอวมาทีนิ.

สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานา เวรมณิยา อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺเนสุ กิจฺจกรณีเยสุ อปฺปมาทตา, าณวนฺตตา, สทา อุปฏฺิตสฺสติตา, อุปฺปนฺเนสุ กิจฺจกรณีเยสุ านุปฺปตฺติกปฏิภานวนฺตตา, อนลสตา, อชฬตา, อนุมฺมตฺตตา, อจฺฉมฺภิตา, อสารมฺภิตา, อนิสฺสุกิตา, อมจฺฉริตา, สจฺจวาทิตา, อปิสุณอผรุสอสมฺผปฺปลาปวาทิตา, กตฺุตา, กตเวทิตา, จาควนฺตตา, สีลวนฺตตา, อุชุกตา, อกฺโกธนตา, หิโรตฺตปฺปสมฺปนฺนตา, อุชุทิฏฺิตา, มหนฺตตา, ปณฺฑิตตา, อตฺถานตฺถกุสลตาติ เอวมาทีนิ ผลานิ. เอวเมตฺถ ปาณาติปาตาเวรมณิอาทีนมฺปิ สภาวาทิโต วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ.

สีลวาติ ยถาวุตฺตปฺจสีลวเสน สีลวา. กลฺยาณธมฺโมติ สุนฺทรธมฺโม, สรณคมนปริทีปิตาย ทิฏฺิสมฺปตฺติยา สมฺปนฺนปฺโติ อตฺโถ. โย ปน ปุตฺโต มาตาปิตูสุ อสฺสทฺเธสุ ทุสฺสีเลสุ จ สยมฺปิ ตาทิโส, โสปิ อวชาโตเยวาติ เวทิตพฺโพ. อสฺสทฺธิยาทโย หิ อิธ อวชาตภาวสฺส ลกฺขณํ วุตฺตา, เต จ ตสฺมึ สํวิชฺชนฺติ. มาตาปิตโร ปน อุปาทาย ปุตฺตสฺส อติชาตาทิภาโว วุจฺจตีติ.

โย โหติ กุลคนฺธโนติ กุลจฺเฉทโก กุลวินาสโก. เฉทนตฺโถ หิ อิธ คนฺธสทฺโท, ‘‘อุปฺปลคนฺธปจฺจตฺถิกา’’ติอาทีสุ (ปารา. ๖๕) วิย. เกจิ ปน ‘‘กุลธํสโน’’ติ ปนฺติ, โส เอวตฺโถ.

เอเต โข ปุตฺตา โลกสฺมินฺติ เอเต อติชาตาทโย ตโย ปุตฺตา เอว อิมสฺมึ สตฺตโลเก ปุตฺตา นาม, น อิโต วินิมุตฺตา อตฺถิ. อิเมสุ ปน เย ภวนฺติ อุปาสกา เย สรณคมนสมฺปตฺติยา อุปาสกา ภวนฺติ กมฺมสฺสกตาาเณน กมฺมสฺส โกวิทา, เต จ ปณฺฑิตา ปฺวนฺโต, ปฺจสีลทสสีเลน สมฺปนฺนา ปริปุณฺณา. ยาจกานํ วจนํ ชานนฺติ, เตสํ มุขาการทสฺสเนเนว อธิปฺปายปูรณโตติ วทฺู, เตสํ วา ‘‘เทหี’’ติ วจนํ สุตฺวา ‘‘อิเม ปุพฺเพ ทานํ อทตฺวา เอวํภูตา, มยา ปน เอวํ น ภวิตพฺพ’’นฺติ เตสํ ปริจฺจาเคน ตทตฺถํ ชานนฺตีติ วทฺู, ปณฺฑิตานํ วา กมฺมสฺสกตาทิทีปกํ วจนํ ชานนฺตีติ วทฺู. ‘‘ปทฺู’’ติ จ ปนฺติ, ปทานิยา ปริจฺจาคสีลาติ อตฺโถ. ตโต เอว วิคตมจฺเฉรมลตฺตา วีตมจฺฉรา. อพฺภฆนาติ อพฺภสงฺขาตา ฆนา, ฆนเมฆปฏลา วา มุตฺโต จนฺโทวิย, อุปาสกาทิปริสาสุ ขตฺติยาทิปริสาสุ จ วิโรจเร วิโรจนฺติ, โสภนฺตีติ อตฺโถ.

ปฺจมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. อวุฏฺิกสุตฺตวณฺณนา

๗๕. ฉฏฺเ อวุฏฺิกสโมติ อวุฏฺิกเมฆสโม. เอกจฺโจ หิ เมโฆ สตปฏลสหสฺสปฏโล หุตฺวา อุฏฺหิตฺวา ถนนฺโต คชฺชนฺโต วิชฺโชตนฺโต เอกํ อุทกพินฺทุมฺปิ อปาเตตฺวา วิคจฺฉติ, ตถูปโม เอกจฺโจ ปุคฺคโลติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อวุฏฺิกสโม’’ติ. ปเทสวสฺสีติ เอกเทสวสฺสิเมฆสโม. ปเทสวสฺสี วิยาติ หิ ปเทสวสฺสี. เอกจฺโจ เอกสฺมึเยว าเน ิเตสุ มนุสฺเสสุ ยถา เอกจฺเจ เตเมนฺติ, เอกจฺเจ น เตเมนฺติ, เอวํ มนฺทํ วสฺสติ, ตถูปมํ เอกจฺจํ ปุคฺคลํ ทสฺเสติ ‘‘ปเทสวสฺสี’’ติ. สพฺพตฺถาภิวสฺสีติ สพฺพสฺมึ ปถวีปพฺพตสมุทฺทาทิเก ชคติปฺปเทเส อภิวสฺสิเมฆสโม. เอกจฺโจ หิ สกลจกฺกวาฬคพฺภํ ปตฺถริตฺวา สพฺพตฺถกเมว อภิวสฺสติ, ตํ จาตุทฺทีปิกมหาเมฆํ เอกจฺจสฺส ปุคฺคลสฺส อุปมํ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘สพฺพตฺถาภิวสฺสี’’ติ.

สพฺเพสานนฺติ สพฺเพสํ, อยเมว วา ปาโ. น ทาตา โหตีติ อทานสีโล โหติ, ถทฺธมจฺฉริตาย น กสฺสจิ กิฺจิ เทตีติ อตฺโถ. อิทานิ ทานสฺส เขตฺตํ เทยฺยธมฺมฺจ วิภาเคน ทสฺเสตุํ ‘‘สมณพฺราหฺมณา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สมิตปาปสมณา เจว ปพฺพชฺชมตฺตสมณา จ พาหิตปาปพฺราหฺมณา เจว ชาติมตฺตพฺราหฺมณา จ อิธ ‘‘สมณพฺราหฺมณา’’ติ อธิปฺเปตา. กปณา นาม ทุคฺคตา ทลิทฺทมนุสฺสา. อทฺธิกา นาม ปถาวิโน ปริพฺพยวิหีนา. วนิพฺพกา นาม เย ‘‘อิฏฺํ เทถ กนฺตํ มนาปํ กาเลน อนวชฺชํ อุทคฺคจิตฺตา ปสนฺนจิตฺตา, เอวํ เทนฺตา คจฺฉถ สุคตึ, คจฺฉถ พฺรหฺมโลก’’นฺติอาทินา นเยน ทาเน นิโยเชนฺตา ทานสฺส วณฺณํ โถเมนฺตา วิจรนฺติ. ยาจกา นาม เย เกวลํ ‘‘มุฏฺิมตฺตํ เทถ, ปสตมตฺตํ เทถ, สราวมตฺตํ เทถา’’ติ อปฺปกมฺปิ ยาจมานา วิจรนฺติ. ตตฺถ สมณพฺราหฺมณคฺคหเณน คุณเขตฺตํ อุปการิเขตฺตฺจ ทสฺเสติ, กปณาทิคฺคหเณน กรุณาเขตฺตํ. อนฺนนฺติ ยํกิฺจิ ขาทนียํ โภชนียํ. ปานนฺติ อมฺพปานาทิปานกํ. วตฺถนฺติ นิวาสนปารุปนาทิอจฺฉาทนํ. ยานนฺติ รถวยฺหาทิ อนฺตมโส อุปาหนํ อุปาทาย คมนสาธนํ. มาลาติ คนฺถิตาคนฺถิตเภทํ สพฺพํ ปุปฺผํ. คนฺธนฺติ ยํกิฺจิ คนฺธชาตํ ปิสิตํ อปิสิตํ คนฺธูปกรณฺจ. วิเลปนนฺติ ฉวิราคกรณํ. เสยฺยาติ มฺจปีาทิ เจว ปาวารโกชวาทิ จ สยิตพฺพวตฺถุ. เสยฺยคฺคหเณน เจตฺถ อาสนมฺปิ คหิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อาวสถนฺติ วาตาตปาทิปริสฺสยวิโนทนํ ปติสฺสยํ. ปทีเปยฺยนฺติ ทีปกปลฺลิกาทิปทีปูปกรณํ.

เอวํ โข, ภิกฺขเวติ วิชฺชมาเนปิ เทยฺยธมฺเม ปฏิคฺคาหกานํ เอวํ ทาตพฺพวตฺถุํ สพฺเพน สพฺพํ อเทนฺโต ปุคฺคโล อวสฺสิกเมฆสทิโส โหติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ภิกฺขเว, ยถา โส เมโฆ สตปฏลสหสฺสปฏโล หุตฺวา อุฏฺหิตฺวา น กิฺจิ วสฺสิ วิคจฺฉติ, เอวเมว โย อุฬารํ วิปุลฺจ โภคํ สํหริตฺวา เคหํ อาวสนฺโต กสฺสจิ กฏจฺฉุมตฺตํ ภิกฺขํ วา อุฬุงฺกมตฺตํ ยาคุํ วา อทตฺวา วิคจฺฉติ, วิวโส มจฺจุวสํ คจฺฉติ, โส อวุฏฺิกสโม นาม โหตีติ. อิมินา นเยน เสเสสุปิ นิคมนํ เวทิตพฺพํ. อิเมสุ จ ตีสุ ปุคฺคเลสุ ปโม เอกํเสเนว ครหิตพฺโพ, ทุติโย ปสํสนีโย, ตติโย, ปสํสนียตโร. ปโม วา เอกนฺเตเนว สพฺพนิหีโน, ทุติโย มชฺฌิโม, ตติโย อุตฺตโมติ เวทิตพฺโพ.

คาถาสุ สมเณติ อุปโยควเสน พหุวจนํ ตถา เสเสสุปิ. ลทฺธานาติ ลภิตฺวา, สมเณ ทกฺขิเณยฺเย ปวาเรตฺวา ปุฏฺโ น สํวิภชติ. อนฺนํ ปานฺจ โภชนนฺติ อนฺนํ วา ปานํ วา อฺํ วา ภุฺชิตพฺพยุตฺตกํ โภชนํ, ตํ น สํวิภชติ. อยฺเหตฺถ สงฺเขปตฺโถ – โย อตฺถิกภาเวน อุปคเต สมฺปฏิคฺคาหเก ลภิตฺวา อนฺนาทินา สํวิภาคมตฺตมฺปิ น กโรติ, กึ โส อฺํ ทานํ ทสฺสติ, ตํ เอวรูปํ ถทฺธมจฺฉริยํ ปุริสาธมํ นิหีนปุคฺคลํ ปณฺฑิตา อวุฏฺิกสโมติ อาหุ กถยนฺตีติ.

เอกจฺจานํ น ททาตีติ วิชฺชมาเนปิ มหติ ทาตพฺพธมฺเม เอเกสํ สตฺตานํ เตสุ โกธวเสน วา, เทยฺยธมฺเม โลภวเสน วา น ททาติ. เอกจฺจานํ ปเวจฺฉตีติ เอเกสํเยว ปน ททาติ. เมธาวิโนติ ปฺวนฺโต ปณฺฑิตา ชนา.

สุภิกฺขวาโจติ โย อุปคตานํ ยาจกานํ ‘‘อนฺนํ เทถ, ปานํ เทถา’’ติอาทินา ตํ ตํ ทาเปติ, โส สุลภภิกฺขตาย สุภิกฺขา วาจา เอตสฺสาติ สุภิกฺขวาโจ. ‘‘สุภิกฺขวสฺสี’’ติปิ ปนฺติ. ยถา โลโก สุภิกฺโข โหติ, เอวํ สพฺพตฺถาภิวสฺสิตมหาเมโฆ สุภิกฺขวสฺสี นาม โหติ. เอวมยมฺปิ มหาทาเนหิ สพฺพตฺถาภิวสฺสี สุภิกฺขวสฺสีติ. อาโมทมาโน ปกิเรตีติ ตุฏฺหฏฺมานโส สหตฺเถน ทานํ เทนฺโต ปฏิคฺคาหกเขตฺเต เทยฺยธมฺมํ ปกิเรนฺโต วิย โหติ, วาจายปิ ‘‘เทถ เทถา’’ติ ภาสติ.

อิทานิ นํ สุภิกฺขวสฺสิตภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยถาปิ เมโฆ’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺรายํ สงฺเขปตฺโถ – ยถา มหาเมโฆ ปมํ มนฺทนิคฺโฆเสน ถนยิตฺวา ปุน สกลนทีกนฺทรานิ เอกนินฺนาทํ กโรนฺโต คชฺชยิตฺวา ปวสฺสติ, สพฺพตฺถกเมว วารินา อุทเกน ถลํ นินฺนฺจ อภิสนฺทนฺโต ปูเรติ เอโกฆํ กโรติ, เอวเมว อิธ อิมสฺมึ สตฺตโลเก เอกจฺโจ อุฬารปุคฺคโล สพฺพสมตาย โส มหาเมโฆ วิย วสฺสิตพฺพตฺตา ตาทิโส ยถา ธนํ อุฏฺานาธิคตํ อตฺตโน อุฏฺานวีริยาภินิพฺพตฺตํ โหติ, เอวํ อนลโส หุตฺวา ตฺจ ธมฺเมน าเยน สํหริตฺวา ตนฺนิพฺพตฺเตน อนฺเนน ปาเนน อฺเน จ เทยฺยธมฺเมน ปตฺเต สมฺปตฺเต วนิพฺพเก สมฺมา สมฺมเทว เทสกาลานุรูปฺเจว อิจฺฉานุรูปฺจ ตปฺเปติ สมฺปวาเรตีติ.

ฉฏฺสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. สุขปตฺถนาสุตฺตวณฺณนา

๗๖. สตฺตเม สุขานีติ สุขนิมิตฺตานิ. ปตฺถยมาโนติ อิจฺฉมาโน อากงฺขมาโน. สีลนฺติ คหฏฺสีลํ ปพฺพชิตสีลฺจ. คหฏฺโ เจ คหฏฺสีลํ, ปพฺพชิโต เจ จตุปาริสุทฺธิสีลนฺติ อธิปฺปาโย. รกฺเขยฺยาติ สมาทิยิตฺวา อวีติกฺกมนฺโต สมฺมเทว โคเปยฺย. ปสํสา เม อาคจฺฉตูติ ‘‘มม กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อาคจฺฉตู’’ติ อิจฺฉนฺโต ปณฺฑิโต สปฺปฺโ สีลํ รกฺเขยฺย. สีลวโต หิ คหฏฺสฺส ตาว ‘‘อสุโก อสุกกุลสฺส ปุตฺโต สีลวา กลฺยาณธมฺโม สทฺโธ ปสนฺโน ทายโก การโก’’ติอาทินา ปริสมชฺเฌ กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉติ, ปพฺพชิตสฺส ‘‘อสุโก นาม ภิกฺขุ สีลวา วตฺตสมฺปนฺโน โสรโต สุขสํวาโส สคารโว สปฺปติสฺโส’’ติอาทินา…เป… อพฺภุคฺคจฺฉตีติ. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘ปุน จปรํ, คหปตโย, สีลวโต สีลสมฺปนฺนสฺส กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉตี’’ติ (อ. นิ. ๕.๒๑๓; อุทา. ๗๖; มหาว. ๒๘๕).

ตถา

‘‘อากงฺเขยฺย เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ – ‘สพฺรหฺมจารีนํ ปิโย จสฺสํ มนาโป, ครุ จ ภาวนีโย จา’ติ, สีเลสฺเววสฺส ปริปูรการี’’ติอาทิ (ม. นิ. ๑.๖๕).

โภคา เม อุปฺปชฺชนฺตูติ เอตฺถ คหฏฺสฺส ตาว สีลวโต กลฺยาณธมฺมสฺส เยน เยน สิปฺปฏฺาเนน ชีวิกํ กปฺเปติ – ยทิ กสิยา, ยทิ วณิชฺชาย, ยทิ ราชโปริเสน, ตํ ตํ ยถากาลํ ยถาวิธิฺจ อติวิย อปฺปมตฺตภาวโต อถสฺส อนุปฺปนฺนา เจว โภคา อุปฺปชฺชนฺติ, อุปฺปนฺนา จ โภคา ผาตึ คมิสฺสนฺติ. ปพฺพชิตสฺส ปน สีลาจารสมฺปนฺนสฺส อปฺปมาทวิหาริสฺส สโต สีลสมฺปนฺนสฺส สีลสมฺปทาย อปฺปิจฺฉตาทิคุเณสุ จ ปสนฺนา มนุสฺสา อุฬารุฬาเร ปจฺจเย อภิหรนฺติ, เอวมสฺส อนุปฺปนฺนา เจว โภคา อุปฺปชฺชนฺติ, อุปฺปนฺนา จ ถิรา โหนฺติ. ตถา หิ วุตฺตํ –

‘‘ปุน จปรํ, คหปตโย, สีลวา สีลสมฺปนฺโน อปฺปมาทาธิกรณํ มหนฺตํ โภคกฺขนฺธํ อธิคจฺฉตี’’ติ (อ. นิ. ๕.๒๑๓; อุทา. ๗๖; มหาว. ๒๘๕).

ตถา –

‘‘อากงฺเขยฺย เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ – ‘ลาภี อสฺส จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาราน’นฺติ, สีเลสฺเววสฺส ปริปูรการี’’ติ (ม. นิ. ๑.๖๕) จ –

เสสํ วุตฺตนยเมว.

คาถาสุ ปตฺถยาโนติ ปตฺถยนฺโต. ตโย สุเขติ ตีณิ สุขานิ. วิตฺตลาภนฺติ ธนลาภํ, โภคุปฺปตฺตินฺติ อตฺโถ. วิเสสโต เจตฺถ ปสํสาย เจตสิกสุขํ, โภเคหิ กายิกสุขํ, อิตเรน อุปปตฺติสุขํ; ตถา ปเมน ทิฏฺธมฺมสุขํ, ตติเยน สมฺปรายสุขํ, ทุติเยน อุภยสุขํ คหิตนฺติ เวทิตพฺพํ.

อิทานิ ปสํสาทิการณสฺส สีลสฺส วิย ปสํสาทีนมฺปิ วิเสสการณํ ปาปมิตฺตปริวชฺชนํ กลฺยาณมิตฺตเสวนฺจ อาทีนวานิสํเสหิ สทฺธึ ทสฺเสนฺโต ‘‘อกโรนฺโต’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สงฺกิโยติ ปาปสฺมึ ปริสงฺกิตพฺโพ ‘‘อทฺธา อิมินา ปาปํ กตํ วา กริสฺสติ วา, ตถา เหส ปาปปุริเสหิ สทฺธึ สฺจรตี’’ติ. อสฺสาติ อิมสฺส ปาปชนเสวิโน ปุคฺคลสฺส อุปริ, อสฺส วา ปุคฺคลสฺส อวณฺโณ อภูโตปิ ปาปชนเสวิตาย รุหติ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ อาปชฺชติ ปตฺถรติ. อสฺสาติ วา ภุมฺมตฺเถ สามิวจนํ, ตสฺมึ ปุคฺคเลติ อตฺโถ. ส เว ตาทิสโก โหตีติ โย ยาทิสํ ปาปมิตฺตํ วา กลฺยาณมิตฺตํ วา ภชติ อุปเสวติ จ, โส ปุคฺคโล ภูมิภาควเสน อุทกํ วิย ตาทิโสว โหติ, ปาปธมฺโม กลฺยาณธมฺโม วา โหติ. กสฺมา? สหวาโส หิ ตาทิโส; ยสฺมา สหวาโส สํสคฺโค อุปราโค วิย ผลิกมณีสุ ปุริสอุปนิสฺสยภูตํ ปุคฺคลาการํ คาหาเปติ, ตสฺมา ปาปปุคฺคเลน สห วาโส น กาตพฺโพติ อธิปฺปาโย.

เสวมาโน เสวมานนฺติ ปรํ ปกติสุทฺธํ ปุคฺคลํ กาเลน กาลํ อตฺตานํ เสวมานํ เสวมาโน ภชมาโน ปาปปุคฺคโล, เตน วา เสวิยมาโน. สมฺผุฏฺโ สมฺผุสนฺติ เตน ปกติสุทฺเธน ปุคฺคเลน สหวาเสน สํสคฺเคน สมฺผุฏฺโ ปาปปุคฺคโล สยมฺปิ, ตถา ตํ ผุสนฺโต. สโร ทิทฺโธ กลาปํ วาติ ยถา นาม สโร วิเสน ทิทฺโธ ลิตฺโต สรกลาปคโต สรสมูหสงฺขาตํ สรกลาปํ อตฺตนา ผุฏฺํ อลิตฺตมฺปิ อุปลิมฺปติ, เอวํ ปาเปน อุปเลปภยา ธีโรติ ธิติสมฺปนฺนตฺตา ธีโร ปณฺฑิตปุริโส ปาปสหาโย น ภเวยฺย.

ปูติมจฺฉํ กุสคฺเคนาติ ยถา กุจฺฉิตภาเวน ปูติภูตํ มจฺฉํ กุสติณคฺเคน โย ปุริโส อุปนยฺหติ ปุฏพนฺธวเสน พนฺธติ, ตสฺส เต กุสา อปูติกาปิ ปูติมจฺฉสมฺพนฺเธน ปูติ ทุคฺคนฺธเมว วายนฺติ. เอวํ พาลูปเสวนาติ เอวํสมฺปทา พาลชนูปเสวนา ทฏฺพฺพา. เอวํ ธีรูปเสวนาติ ยถา อสุรภิโนปิ ปตฺตา ตครสมฺพนฺเธน สุรภึ วายนฺติ, เอวํ ปณฺฑิตูปเสวนา ปกติยา อสีลวโต สีลสมาทานาทิวเสน สีลคนฺธวายนสฺส การณํ โหติ.

ตสฺมาติ ยสฺมา อกลฺยาณมิตฺตเสวนาย กลฺยาณมิตฺตเสวนาย จ อยํ เอทิโส อาทีนโว อานิสํโส จ, ตสฺมา ปตฺตปุฏสฺเสว ปลาสปุฏสฺส วิย ทุคฺคนฺธสุคนฺธวตฺถุสํสคฺเคน อสาธุสาธุชนสนฺนิสฺสเยน จ. ตฺวา สมฺปากมตฺตโนติ อตฺตโน ทุกฺขุทฺรยํ สุขุทฺรยฺจ ผลนิปฺผตฺตึ ตฺวา ชานิตฺวา อสนฺเต ปาปมิตฺเต น อุปเสเวยฺย, สนฺเต อุปสนฺเต วนฺตโทเส ปสตฺเถ วา ปณฺฑิเต เสเวยฺย. ตถา หิ อสนฺโต นิรยํ เนนฺติ, สนฺโต ปาเปนฺติ สุคฺคตินฺติ. อิติ ภควา ปมคาถาย ยถาวุตฺตานิ ตีณิ สุขนิมิตฺตานิ ทสฺเสตฺวา ตโต ปราหิ ปฺจหิ คาถาหิ ปฏิปกฺขปริวชฺชเนน สทฺธึ ปสํสาสุขสฺส อาคมนํ ทสฺเสตฺวา โอสานคาถาย ติณฺณมฺปิ สุขานํ อาคมนการเณน สทฺธึ โอสานสุขํ ทสฺเสติ.

สตฺตมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. ภิทุรสุตฺตวณฺณนา

๗๗. อฏฺเม ภิทุรายนฺติ ภิทุโร อยํ. กาโยติ รูปกาโย. โส หิ องฺคปจฺจงฺคานํ เกสาทีนฺจ สมูหฏฺเน, เอวํ กุจฺฉิตานํ เชคุจฺฉานํ อาโย อุปฺปตฺติเทโสติปิ กาโย. ตตฺรายํ วจนตฺโถ – อายนฺติ เอตฺถาติ อาโย. เก อายนฺติ? กุจฺฉิตา เกสาทโย. อิติ กุจฺฉิตานํ อาโยติปิ กาโย. อตฺถโต ปน จตุสนฺตติวเสน ปวตฺตมานานํ ภูตุปาทายธมฺมานํ ปุฺโช. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ภิกฺขเว, อยํ จตุมหาภูตมโย รูปกาโย ภิทุโร เภทนสีโล เภทนสภาโว ขเณ ขเณ วิทฺธํสนสภาโวติ. ‘‘ภินฺทราย’’นฺติปิ ปาโ, โส เอวตฺโถ. วิฺาณนฺติ เตภูมกํ กุสลาทิจิตฺตํ. วจนตฺโถ ปน – ตํ ตํ อารมฺมณํ วิชานาตีติ วิฺาณํ. ยฺหิ สฺชานนปชานนวิธุรํ อารมฺมณวิชานนํ อุปลทฺธิ, ตํ วิฺาณํ. วิราคธมฺมนฺติ วิรชฺชนธมฺมํ, ปลุชฺชนสภาวนฺติ อตฺโถ. สพฺเพ อุปธีติ ขนฺธูปธิ, กิเลสูปธิ, อภิสงฺขารูปธิ, ปฺจกามคุณูปธีติ เอเต ‘‘อุปธียติ เอตฺถ ทุกฺข’’นฺติ อุปธิสฺิตา สพฺเพปิ อุปาทานกฺขนฺธกิเลสาภิสงฺขารปฺจกามคุณธมฺมา หุตฺวา อภาวฏฺเน อนิจฺจา, อุทยพฺพยปฺปฏิปีฬนฏฺเน ทุกฺขา, ชราย มรเณน จาติ ทฺวิธา วิปริณาเมตพฺพสภาวตาย ปกติวิชหนฏฺเน วิปริณามธมฺมา. เอวเมตฺถ อนิจฺจทสฺสนสุขตาย รูปธมฺเม วิฺาณฺจ วิสุํ คเหตฺวา ปุน อุปธิวิภาเคน สพฺเพปิ เตภูมกธมฺเม เอกชฺฌํ คเหตฺวา อนิจฺจทุกฺขานุปสฺสนามุเขน ตถาพุชฺฌนกานํ ปุคฺคลานํ อชฺฌาสเยน สมฺมสนจาโร.กถิโต. กามฺเจตฺถ ลกฺขณทฺวยเมว ปาฬิยํ อาคตํ, ‘‘ยํ ทุกฺขํ, ตทนตฺตา’’ติ (สํ. นิ. ๓.๑๕) ปน วจนโต ทุกฺขลกฺขเณเนว อนตฺตลกฺขณมฺปิ ทสฺสิตเมวาติ เวทิตพฺพํ.

คาถายํ อุปธีสุ ภยํ ทิสฺวาติ อุปธีสุ ภยตุปฏฺานาณวเสน ภยํ ทิสฺวา, เตสํ ภายิตพฺพตํ ปสฺสิตฺวา. อิมินา พลววิปสฺสนํ ทสฺเสติ. ภยตุปฏฺานาณเมว หิ วิภชิตฺวา วิเสสวเสน อาทีนวานุปสฺสนา นิพฺพิทานุปสฺสนาติ จ วุจฺจติ. ชาติมรณมจฺจคาติ เอวํ สมฺมสนฺโต วิปสฺสนาาณํ มคฺเคน ฆเฏตฺวา มคฺคปรมฺปราย อรหตฺตํ ปตฺโต ชาติมรณํ อตีโต นาม โหติ. กถํ? สมฺปตฺวา ปรมํ สนฺตินฺติ ปรมํ อุตฺตมํ อนุตฺตรํ สนฺตึ สพฺพสงฺขารูปสมํ นิพฺพานํ อธิคนฺตฺวา. เอวํภูโต จ กาลํ กงฺขติ ภาวิตตฺโตติ จตุนฺนํ อริยมคฺคานํ วเสน ภาวนาภิสมยนิปฺผตฺติยา ภาวิตกายสีลจิตฺตปฺตฺตา ภาวิตตฺโต มรณํ ชีวิตฺจ อนภินนฺทนฺโต เกวลํ อตฺตโน ขนฺธปรินิพฺพานกาลํ กงฺขติ อุทิกฺขติ, น ตสฺส กตฺถจิ ปตฺถนา โหตีติ. เตนาห –

‘‘นาภินนฺทามิ มรณํ, นาภินนฺทามิ ชีวิตํ;

กาลฺจ ปฏิกงฺขามิ, นิพฺพิสํ ภตโก ยถา’’ติ. (เถรคา. ๖๐๖);

อฏฺมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. ธาตุโสสํสนฺทนสุตฺตวณฺณนา

๗๘. นวเม ธาตุโสติ ธาตุโต. ธาตูติ จ อชฺฌาสยธาตุ อชฺฌาสยสภาโว อธิปฺเปโต, โย อธิมุตฺตีติปิ วุจฺจติ. สํสนฺทนฺตีติ ตาย ธาตุสภาคตาย ยถาธาตุ ยถาอชฺฌาสยํ อลฺลียนฺติ เอกโต โหนฺติ. สเมนฺตีติ ตาย เอว สมานชฺฌาสยตาย เอกจิตฺตา หุตฺวา สมาคจฺฉนฺติ อฺมฺํ ภชนฺติ อุปสงฺกมนฺติ, อตฺตโน รุจิภาวขนฺติทิฏฺิโย วา ตตฺถ ตตฺถ สเม กโรนฺตา ปวตฺตนฺติ. หีนาธิมุตฺติกาติ หีเน กามคุณาทิเก อธิมุตฺติ เอเตสนฺติ หีนาธิมุตฺติกา, หีนชฺฌาสยา. กลฺยาณาธิมุตฺติกาติ กลฺยาเณ เนกฺขมฺมาทิเก อธิมุตฺติ เอเตสนฺติ กลฺยาณาธิมุตฺติกา, ปณีตชฺฌาสยา. สเจ หิ อาจริยุปชฺฌายา น สีลวนฺโต, อนฺเตวาสิกสทฺธิวิหาริกา จ สีลวนฺโต, เต อาจริยุปชฺฌาเยปิ น อุปสงฺกมนฺติ, อตฺตโน สทิเส สารุปฺปภิกฺขูเยว อุปสงฺกมนฺติ. สเจ ปน อาจริยุปชฺฌายา สีลวนฺโต, อิตเร น สีลวนฺโต, เตปิ น อาจริยุปชฺฌาเย อุปสงฺกมนฺติ, อตฺตโน สทิเส หีนาธิมุตฺติเกเยว อุปสงฺกมนฺติ. เอวํ อุปสงฺกมนํ ปน น เกวลํ เอตรหิ เอว, อถ โข อตีตานาคเตปีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อตีตมฺปิ, ภิกฺขเว’’ติอาทิมาห. สงฺเขปโต สํกิเลสธมฺเมสุ อภินิวิฏฺา หีนาธิมุตฺติกา, โวทานธมฺเมสุ อภินิวิฏฺา กลฺยาณาธิมุตฺติกา.

อิทํ ปน ทุสฺสีลานํ ทุสฺสีลเสวนเมว, สีลวนฺตานํ สีลวนฺตเสวนเมว, ทุปฺปฺานํ ทุปฺปฺเสวนเมว, ปฺวนฺตานํ ปฺวนฺตเสวนเมว โก นิยาเมตีติ? อชฺฌาสยธาตุ นิยาเมติ. สมฺพหุลา กิร ภิกฺขู เอกสฺมึ คาเม ภิกฺขาจารํ จรนฺติ. เต มนุสฺสา พหุํ ภตฺตํ อาหริตฺวา ปตฺตานิ ปูเรตฺวา ‘‘ยถาสภาคํ ปริภุฺชถา’’ติ วตฺวา อุยฺโยเชสุํ. ภิกฺขู อาหํสุ ‘‘อาวุโส, มนุสฺสา ธาตุสํยุตฺตกมฺเม ปโยเชนฺตี’’ติ. เอวํ อชฺฌาสยธาตุ นิยาเมตีติ. ธาตุสํยุตฺเตน อยมตฺโถ ทีเปตพฺโพ – คิชฺฌกูฏปพฺพตสฺมิฺหิ คิลานเสยฺยาย นิปนฺโน ภควา อารกฺขตฺถาย ปริวาเรตฺวา วสนฺเตสุ สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานาทีสุ เอกเมกํ อตฺตโน ปริสาย สทฺธึ จงฺกมนฺตํ โอโลเกตฺวา ภิกฺขู อามนฺเตสิ ‘‘ปสฺสถ โน ตุมฺเห, ภิกฺขเว, สาริปุตฺตํ สมฺพหุเลหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ จงฺกมนฺตนฺติ. เอวํ, ภนฺเต. สพฺเพ โข เอเต, ภิกฺขเว, ภิกฺขู มหาปฺา’’ติ (สํ. นิ. ๒.๙๙) สพฺพํ วิตฺถาเรตพฺพํ.

คาถาสุ สํสคฺคาติ สํกิเลสโต สหวาสาทิวเสน สมาโยคโต, อถ วา ทสฺสนสํสคฺโค, สวนสํสคฺโค, สมุลฺลาปสํสคฺโค, สมฺโภคสํสคฺโค, กายสํสคฺโคติ เอวํ ปฺจวิเธ สํสคฺเค ยโต กุโตจิ สํสคฺคโต. วนโถ ชาโตติ กิเลโส อุปฺปนฺโน มคฺเคน อสมูหโต. อสํสคฺเคน ฉิชฺชตีติ สํสคฺคปฏิกฺเขเปน กายวิเวกาทินา ปุพฺพภาเค ฉิชฺชิตฺวา ปุน อจฺจนฺตาสํสคฺเคน สมุจฺเฉทวิเวเกน ฉิชฺชติ ปหียติ. เอตฺตาวตา สงฺเขปโต หีนาธิมุตฺติยา สมุทโย อตฺถงฺคโม จ ทสฺสิโต โหติ.

ยสฺมา ปน เต สํสคฺคา เต จ กิเลสา โกสชฺชวเสน อุปฺปชฺชนฺติ เจว วฑฺฒนฺติ จ, น วีริยารมฺภวเสน, ตสฺมา หีนาธิมุตฺติเก กุสีตปุคฺคเล วชฺเชตฺวา กลฺยาณาธิมุตฺติเก อารทฺธวีริเย เสวนฺเตน อสํสคฺเคน สํสคฺคโช วนโถ ฉินฺทิตพฺโพติ ยถาวุตฺตมตฺถํ วิตฺถารโต ทสฺเสนฺโต กุสีตเสวนาย ตาว อาทีนวํ ปกาเสตุํ ‘‘ปริตฺตํ ทารุ’’นฺติอาทิมาห.

ตตฺถ ปริตฺตํ ทารุนฺติ ขุทฺทกํ กฏฺมยํ กุลฺลํ. ยถา สีเท มหณฺณเวติ ยถา ขุทฺทกํ กุลฺลํ อารุหิตฺวา มหาสมุทฺทํ ตริตุกาโม ตีรํ อปฺปตฺวา สมุทฺทมชฺเฌเยว สีเทยฺย, ปติตฺวา มจฺฉกจฺฉปภกฺโข ภเวยฺย. เอวํ กุสีตํ อาคมฺม, สาธุชีวีปิ สีทตีติ เอวเมว กุสีตํ วีริยารมฺภรหิตํ กิเลสวสิกํ ปุคฺคลํ นิสฺสาย เตน กตสํสคฺโค สาธุชีวีปิ ปริสุทฺธาชีโว ปริสุทฺธสีโลปิ สมาโน หีนสํสคฺคโต อุปฺปนฺเนหิ กามวิตกฺกาทีหิ ขชฺชมาโน ปารํ คนฺตุํ อสมตฺโถ สํสารณฺณเวเยว สีทติ. ตสฺมาติ ยสฺมา เอวํ อนตฺถาวโห กุสีตสํสคฺโค, ตสฺมา ตํ อาคมฺม อาลสิยานุโยเคน กุจฺฉิตํ สีทตีติ กุสีตํ. ตโต เอว หีนวีริยํ นิพฺพีริยํ อกลฺยาณมิตฺตํ ปริวชฺเชยฺย. เอกนฺเตเนว ปน กายวิเวกาทีนฺเจว ตทงฺควิเวกาทีนฺจ วเสน ปวิวิตฺเตหิ, ตโต เอว กิเลเสหิ อารกตฺตา อริเยหิ ปริสุทฺเธหิ นิพฺพานํ ปฏิเปสิตตฺตภาวโต ปหิตตฺเตหิ อารมฺมณลกฺขณูปนิชฺฌานานํ วเสน ฌายนโต ฌายีหิ สพฺพกาลํ ปคฺคหิตวีริยตาย อารทฺธวีริเยหิ ปณฺฑิเตหิ สปฺปฺเหิเยว สห อาวเสยฺย สํวเสยฺยาติ.

นวมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. ปริหานสุตฺตวณฺณนา

๗๙. ทสเม ปริหานาย สํวตฺตนฺตีติ อวุทฺธิยา ภวนฺติ, มคฺคาธิคมสฺส ปริปนฺถาย โหนฺติ. อธิคตสฺส ปน มคฺคสฺส ปริหานิ นาม นตฺถิ. ‘‘ตโย ธมฺมา’’ติ ธมฺมาธิฏฺานวเสน อุทฺทิฏฺธมฺเม ปุคฺคลาธิฏฺานาย เทสนาย วิภชนฺโต ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, เสโข ภิกฺขู’’ติอาทิมาห.

ตตฺถ กมฺมํ อารมิตพฺพโต อาราโม เอตสฺสาติ กมฺมาราโม. กมฺเม รโตติ กมฺมรโต. กมฺมารามตํ กมฺมาภิรตึ อนุยุตฺโต ปยุตฺโตติ กมฺมารามตมนุยุตฺโต. ตตฺถ กมฺมํ นาม อิติกตฺตพฺพํ กมฺมํ, เสยฺยถิทํ – จีวรวิจารณํ, จีวรกรณํ, อุปตฺถมฺภนํ, ปตฺตตฺถวิกํ, อํสพนฺธนํ, กายพนฺธนํ, ธมกรณํ, อาธารกํ, ปาทกถลิกํ, สมฺมชฺชนีติ เอวมาทีนํ อุปกรณานํ กรณํ, ยฺจ วิหาเร ขณฺฑผุลฺลาทิปฏิสงฺขรณํ. เอกจฺโจ หิ เอตานิ กโรนฺโต สกลทิวสํ เอตาเนว กโรติ. ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. โย ปน เอเตสํ กรณเวลายเมว เอตานิ กโรติ, อุทฺเทสเวลายํ อุทฺเทสํ คณฺหาติ, สชฺฌายเวลายํ สชฺฌายติ, เจติยงฺคณวตฺตาทิกรณเวลายํ เจติยงฺคณวตฺตาทีนิ กโรติ, มนสิการเวลายํ มนสิการํ กโรติ สพฺพตฺถกกมฺมฏฺาเน วา ปาริหาริยกมฺมฏฺาเน วา, น โส กมฺมาราโม นาม. ตสฺส ตํ –

‘‘ยานิ โข ปน ตานิ สพฺรหฺมจารีนํ อุจฺจาวจานิ กึกรณียานิ, ตตฺถ ทกฺโข โหติ อนลโส, ตตฺรุปายาย วีมํสาย สมนฺนาคโต, อลํ กาตุํ อลํ สํวิธาตุ’’นฺติ (ที. นิ. ๓.๓๔๕; อ. นิ. ๑๐.๑๘) –

อาทินา สตฺถารา อนุฺาตกรณเมว โหติ.

ภสฺสาราโมติ โย ภควตา ปฏิกฺขิตฺตราชกถาทิวเสน รตฺตินฺทิวํ วีตินาเมติ, อยํ ภสฺเส ปริยนฺตการี น โหตีติ ภสฺสาราโม นาม. โย ปน รตฺติมฺปิ ทิวาปิ ธมฺมํ กเถติ, ปฺหํ วิสฺสชฺเชติ, อยํ อปฺปภสฺโส ภสฺเส ปริยนฺตการีเยว. กสฺมา? ‘‘สนฺนิปติตานํ โว, ภิกฺขเว, ทฺวยํ กรณียํ – ธมฺมี วา กถา, อริโย วา ตุณฺหีภาโว’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๗๓) วุตฺตวิธึเยว ปฏิปนฺโนติ.

นิทฺทาราโมติ โย ยาวทตฺถํ อุทราวเทหกํ ภุฺชิตฺวา เสยฺยสุขํ, ปสฺสสุขํ, มิทฺธสุขํ อนุยุฺชติ, โย จ คจฺฉนฺโตปิ นิสินฺโนปิ ิโตปิ ถินมิทฺธาภิภูโต นิทฺทายติ, อยํ นิทฺทาราโม นาม. ยสฺส ปน กรชกายเคลฺเน จิตฺตํ ภวงฺคํ โอตรติ, นายํ นิทฺทาราโม, เตเนวาห –

‘‘อภิชานามิ โข ปนาหํ, อคฺคิเวสฺสน, คิมฺหานํ ปจฺฉิเม มาเส ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฺปฏิกฺกนฺโต จตุคฺคุณํ สงฺฆาฏึ ปฺาเปตฺวา ทกฺขิเณน ปสฺเสน สโต สมฺปชาโน นิทฺทํ โอกฺกมิตา’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๘๗).

เอตฺถ จ ปุถุชฺชนกลฺยาณโกปิ เสโขตฺเวว เวทิตพฺโพ. ตสฺมา ตสฺส สพฺพสฺสปิ วิเสสาธิคมสฺส อิตเรสํ อุปริ วิเสสาธิคมสฺส จ ปริหานาย วตฺตนฺตีติ เวทิตพฺพํ. สุกฺกปกฺขสฺส วุตฺตวิปริยาเยน อตฺถวิภาวนา เวทิตพฺพา.

คาถาสุ อุทฺธโตติ จิตฺตวิกฺเขปกเรน อุทฺธจฺเจน อุทฺธโต อวูปสนฺโต. อปฺปกิจฺจสฺสาติ อนุฺาตสฺสปิ วุตฺตปฺปการสฺส กิจฺจสฺส ยุตฺตปฺปยุตฺตกาเลเยว กรณโต อปฺปกิจฺโจ อสฺส ภเวยฺย. อปฺปมิทฺโธติ ‘‘ทิวสํ จงฺกเมน นิสชฺชายา’’ติอาทินา วุตฺตชาคริยานุโยเคน นิทฺทารหิโต อสฺส. อนุทฺธโตติ ภสฺสารามตาย อุปฺปชฺชนกจิตฺตวิกฺเขปสฺส อภสฺสาราโม หุตฺวา ปริวชฺชเนน น อุทฺธโต วูปสนฺตจิตฺโต, สมาหิโตติ อตฺโถ. เสสํ ปุพฺเพ วุตฺตนยตฺตา สุวิฺเยฺยเมว. อิติ อิมสฺมึ วคฺเค ปมทุติยปฺจมฉฏฺสตฺตมอฏฺมนวเมสุ สุตฺเตสุ วฏฺฏํ กถิตํ, อิตเรสุ วฏฺฏวิวฏฺฏํ.

ทสมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

ตติยวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. จตุตฺถวคฺโค

๑. วิตกฺกสุตฺตวณฺณนา

๘๐. จตุตฺถวคฺคสฺส ปเม อกุสลวิตกฺกาติ อโกสลฺลสมฺภูตา วิตกฺกา, มิจฺฉาวิตกฺกาติ อตฺโถ. อนวฺตฺติปฏิสํยุตฺโตติ เอตฺถ อนวฺตฺตีติ อนวฺา ปเรหิ อตฺตโน อหีฬิตตา อปริภูตตา, ‘‘อโห วต มํ ปเร น อวชาเนยฺยุ’’นฺติ เอวํ ปวตฺโต อิจฺฉาจาโร, ตาย อนวฺตฺติยา ปฏิสํยุตฺโต สํสฏฺโ, ตํ วา อารพฺภ ปวตฺโต อนวฺตฺติปฏิสํยุตฺโต วิตกฺโก. ตสฺมา ‘‘กถํ นุ โข มํ ปเร คหฏฺา เจว ปพฺพชิตา จ น โอรกโต ทเหยฺยุ’’นฺติ สมฺภาวนกมฺยตาย อิจฺฉาจาเร, ตฺวา ปวตฺติตวิตกฺกสฺเสตํ อธิวจนํ. ลาภสกฺการสิโลกปฏิสํยุตฺโตติ จีวราทิลาเภน เจว สกฺกาเรน จ กิตฺติสทฺเทน จ อารมฺมณกรณวเสน ปฏิสํยุตฺโต. ปรานุทฺทยตาปฏิสํยุตฺโตติ ปเรสุ อนุทฺทยตาปติรูปเกน เคหสิตเปเมน ปฏิสํยุตฺโต. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –

‘‘สํสฏฺโ วิหรติ ราชูหิ ราชมหามตฺเตหิ พฺราหฺมเณหิ คหปติเกหิ ติตฺถิเยหิ ติตฺถิยสาวเกหิ สหนนฺที สหโสกี, สุขิเตสุ สุขิโต, ทุกฺขิเตสุ ทุกฺขิโต, อุปฺปนฺเนสุ กิจฺจกรณีเยสุ อตฺตนาว โยคํ อาปชฺชตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๓; ๔.๒๔๑; วิภ. ๘๘๘).

คาถาสุ อนวฺตฺติยา ปฏิสํยุตฺโต ปุคฺคโล อนวฺตฺติสํยุตฺโต. ลาภสกฺกาเร คารโว เอตสฺส, น ธมฺเมติ ลาภสกฺการคารโว. สุขทุกฺเขสุ อมา สห ภวาติ อมจฺจา, สหายสทิสา อุปฏฺากา. เตหิ เคหสิตเปมวเสน สห นนฺทนสีโล สหนนฺที อมจฺเจหิ, อิมินา ปรานุทฺทยตาปฏิสํยุตฺตํ วิตกฺกํ ทสฺเสติ. อารา สํโยชนกฺขยาติ อิเมหิ ตีหิ วิตกฺเกหิ อภิภูโต ปุคฺคโล สํโยชนกฺขยโต อรหตฺตโต ทูเร, ตสฺส ตํ ทุลฺลภนฺติ อตฺโถ.

ปุตฺตปสุนฺติ ปุตฺเต จ ปสโว จ. ปุตฺตสทฺเทน เจตฺถ ทาราทโย; ปสุสทฺเทน อสฺสมหึสเขตฺตวตฺถาทโย จ สงฺคหิตา. วิวาเหติ วิวาหการาปเน. อิมินา อาวาโหปิ สงฺคหิโต. สํหรานีติ ปริคฺคหานิ, ปริกฺขารสงฺคหานีติ อตฺโถ. ‘‘สนฺถวานี’’ติ จ ปนฺติ, มิตฺตสนฺถวานีติ อตฺโถ. สพฺพตฺถ หิตฺวาติ สมฺพนฺโธ. ภพฺโพ โส ตาทิโส ภิกฺขูติ โส ยถาวุตฺตํ สพฺพํ ปปฺจํ ปริจฺจชิตฺวา ยถา สตฺถารา วุตฺตาย สมฺมาปฏิปตฺติยา, ตถา ปสฺสิตพฺพโต ตาทิโส สํสาเร ภยํ อิกฺขตีติ ภิกฺขุ อุตฺตมํ สมฺโพธึ อรหตฺตํ ปตฺตุํ อรหติ.

ปมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. สกฺการสุตฺตวณฺณนา

๘๑. ทุติเย สกฺกาเรนาติ สกฺกาเรน เหตุภูเตน, อถ วา สกฺกาเรนาติ สกฺการเหตุนา, สกฺการเหตุเกน วา. สกฺการฺหิ นิสฺสาย อิเธกจฺเจ ปุคฺคลา ปาปิจฺฉา อิจฺฉาปกตา อิจฺฉาจาเร ตฺวา ‘‘สกฺการํ นิพฺพตฺเตสฺสามา’’ติ อเนกวิหิตํ อเนสนํ อปฺปติรูปํ อาปชฺชิตฺวา อิโต จุตา อปาเยสุ นิพฺพตฺตนฺติ, อปเร ยถาสกฺการํ ลภิตฺวา ตนฺนิมิตฺตํ มานมทมจฺฉริยาทิวเสน ปมาทํ อาปชฺชิตฺวา อิโต จุตา อปาเยสุ นิพฺพตฺตนฺติ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘สกฺกาเรน อภิภูตา ปริยาทินฺนจิตฺตา’’ติ. ตตฺถ อภิภูตาติ อชฺโฌตฺถฏา. ปริยาทินฺนจิตฺตาติ เขปิตจิตฺตา, อิจฺฉาจาเรน มานมทาทินา จ ขยํ ปาปิตกุสลจิตฺตา. อถ วา ปริยาทินฺนจิตฺตาติ ปริโต อาทินฺนจิตฺตา, วุตฺตปฺปกาเรน อกุสลโกฏฺาเสน ยถา กุสลจิตฺตสฺส อุปฺปตฺติวาโร น โหติ, เอวํ สมนฺตโต คหิตจิตฺตสนฺตานาติ อตฺโถ. อสกฺกาเรนาติ หีเฬตฺวา ปริภวิตฺวา ปเรหิ อตฺตนิ ปวตฺติเตน อสกฺกาเรน เหตุนา, อสกฺการเหตุเกน วา มานาทินา. สกฺกาเรน จ อสกฺกาเรน จาติ เกหิจิ ปวตฺติเตน สกฺกาเรน เกหิจิ ปวตฺติเตน อสกฺกาเรน จ. เย หิ เกหิจิ ปมํ สกฺกตา หุตฺวา เตหิเยว อสารภาวํ ตฺวา ปจฺฉา อสกฺกตา โหนฺติ, ตาทิเส สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘สกฺกาเรน จ อสกฺกาเรน จา’’ติ.

เอตฺถ สกฺกาเรน อภิภูตา เทวทตฺตาทโย นิทสฺเสตพฺพา. วุตฺตมฺปิ เจตํ –

‘‘ผลํ เว กทลึ หนฺติ, ผลํ เวฬุํ ผลํ นฬํ;

สกฺกาโร กาปุริสํ หนฺติ, คพฺโภ อสฺสตรึ ยถา’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๑๘๓; อ. นิ. ๔.๖๘; จูฬว. ๓๓๕);

สาธูนํ อุปริ กเตน อสกฺกาเรน อภิภูตา ทณฺฑกีราชกาลิงฺคราชมชฺฌราชาทโย นิทสฺเสตพฺพา. วุตฺตมฺปิ เจตํ –

‘‘กิสฺหิ วจฺฉํ อวกิริย ทณฺฑกี,

อุจฺฉินฺนมูโล สชโน สรฏฺโ;

กุกฺกุฬนาเม นิรยมฺหิ ปจฺจติ,

ตสฺส ผุลิงฺคานิ ปตนฺติ กาเย.

‘‘โย สฺเต ปพฺพชิเต อวฺจยิ,

ธมฺมํ ภณนฺเต สมเณ อทูสเก;

ตํ นาฬิเกรํ สุนขา ปรตฺถ,

สงฺคมฺม ขาทนฺติ วิผนฺทมานํ’’. (ชา. ๒.๑๗.๗๐-๗๑);

‘‘อุปหจฺจ มนํ มชฺโฌ, มาตงฺคสฺมึ ยสสฺสิเน;

สปาริสชฺโช อุจฺฉินฺโน, มชฺฌารฺํ ตทา อหู’’ติ. (ชา. ๒.๑๙.๙๖);

สกฺกาเรน จ อสกฺกาเรน จ อภิภูตา อฺติตฺถิยา นาฏปุตฺตาทโย นิทสฺเสตพฺพา.

คาถาสุ อุภยนฺติ อุภเยน สกฺกาเรน จ อสกฺกาเรน จ. สมาธิ น วิกมฺปตีติ น จลติ, เอกคฺคภาเวน ติฏฺติ. กสฺส ปน น จลตีติ อาห ‘‘อปฺปมาทวิหาริโน’’ติ. โย ปมาทกรธมฺมานํ ราคาทีนํ สุฏฺุ ปหีนตฺตา อปฺปมาทวิหารี อรหา, ตสฺส. โส หิ โลกธมฺเมหิ น วิกมฺปติ. สุขุมทิฏฺิวิปสฺสกนฺติ ผลสมาปตฺติอตฺถํ สุขุมาย ทิฏฺิยา ปฺาย อภิณฺหํ ปวตฺตวิปสฺสนตฺตา สุขุมทิฏฺิวิปสฺสกํ. อุปาทานกฺขยารามนฺติ จตุนฺนํ อุปาทานานํ ขยํ ปริโยสานภูตํ อรหตฺตผลํ อารมิตพฺพํ เอตสฺสาติ อุปาทานกฺขยารามํ. เสสํ วุตฺตนยเมว.

ทุติยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. เทวสทฺทสุตฺตวณฺณนา

๘๒. ตติเย เทเวสูติ เปตฺวา อรูปาวจรเทเว เจว อสฺเทเว จ ตทฺเสุ อุปปตฺติเทเวสุ. เทวสทฺทาติ เทวานํ ปีติสมุทาหารสทฺทา. นิจฺฉรนฺตีติ อฺมฺํ อาลาปสลฺลาปวเสน ปวตฺตนฺติ. สมยา สมยํ อุปาทายาติ สมยโต สมยํ ปฏิจฺจ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยสฺมึ กาเล ิตา เต เทวา ตํ กาลํ อาคมฺม นํ ปสฺสิสฺสนฺติ, ตโต ตํ สมยํ สมฺปตฺตํ อาคมฺมาติ. ‘‘สมยํ สมยํ อุปาทายา’’ติ จ เกจิ ปนฺติ, เตสํ ตํ ตํ สมยํ ปฏิจฺจาติ อตฺโถ. ยสฺมึ สมเยติ ยทา ‘‘อฏฺิกงฺกลูปมา กามา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๓๔; ปาจิ. ๔๑๗), ‘‘สมฺพาโธ ฆราวาโส’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๑๙๑; สํ. นิ. ๒.๑๕๔) จ กาเมสุ ฆราวาเส จ อาทีนวา, ตปฺปฏิปกฺขโต เนกฺขมฺเม อานิสํสา จ สุทิฏฺา โหนฺติ, ตสฺมึ สมเย. ตทา หิสฺส เอกนฺเตน ปพฺพชฺชาย จิตฺตํ นมติ. อริยสาวโกติ อริยสฺส พุทฺธสฺส ภควโต สาวโก, สาวกภาวํ อุปคนฺตุกาโม, อริยสาวโก วา อวสฺสํภาวี. อนฺติมภวิกํ สาวกโพธิสตฺตํ สนฺธาย อยมารมฺโภ. เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวาติ เกเส จ มสฺสุฺจ โอหาเรตฺวา อปเนตฺวา. กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวาติ กสาเยน รตฺตตาย กาสายานิ พฺรหฺมจริยํ จรนฺตานํ อนุจฺฉวิกานิ วตฺถานิ นิวาเสตฺวา เจว ปารุปิตฺวา จ. อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชาย เจเตตีติ อคารสฺมา ฆรา นิกฺขมิตฺวา อนคาริยํ ปพฺพชฺชํ ปพฺพเชยฺยนฺติ ปพฺพชฺชาย เจเตติ ปกปฺเปติ, ปพฺพชตีติ อตฺโถ. เอตฺถ จ ยสฺมา อคารสฺส หิตํ กสิวณิชฺชาทิกมฺมํ อคาริยนฺติ วุจฺจติ, ตฺจ ปพฺพชฺชาย นตฺถิ, ตสฺมา ปพฺพชฺชา อนคาริยนฺติ าตพฺพา.

มาเรนาติ กิเลสมาเรน. สงฺคามาย เจเตตีติ ยุชฺฌนตฺถาย จิตฺตํ อุปฺปาเทติ, มารํ อภิวิเชตุํ สนฺนยฺหติ. ยสฺมา ปน เอวรูปสฺส ปฏิปชฺชนกปุคฺคลสฺส เทวปุตฺตมาโรปิ อนฺตรายาย อุปกฺกมติ, ตสฺมา ตสฺสปิ วเสน มาเรนาติ เอตฺถ เทวปุตฺตมาเรนาติปิ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ตสฺสาปิ อยํ อิจฺฉาวิฆาตํ กริสฺสเตวาติ. ยสฺมา ปน ปพฺพชิตทิวสโต ปฏฺาย ขุรคฺคโต วา ปฏฺาย สีลานิ สมาทิยนฺโต ปริโสเธนฺโต สมถวิปสฺสนาสุ กมฺมํ กโรนฺโต ยถารหํ ตทงฺคปฺปหานวิกฺขมฺภนปฺปหานานํ วเสน กิเลสมารํ ปริปาเตติ นาม, น ยุชฺฌติ นาม สมฺปหารสฺส อภาวโต, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘มาเรน สทฺธึ สงฺคามาย เจเตตี’’ติ.

สตฺตนฺนนฺติ โกฏฺาสโต สตฺตนฺนํ, ปเภทโต ปน เต สตฺตตึส โหนฺติ. กถํ? จตฺตาโร สติปฏฺานา, จตฺตาโร สมฺมปฺปธานา, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา, ปฺจินฺทฺริยานิ, ปฺจ พลานิ, สตฺต โพชฺฌงฺคา, อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโคติ. เอวํ ปเภทโต สตฺตตึสวิธาปิ สติปฏฺานาทิโกฏฺาสโต สตฺเตว โหนฺตีติ วุตฺตํ ‘‘สตฺตนฺน’’นฺติ. โพธิปกฺขิยานนฺติ พุชฺฌนฏฺเน โพธีติ ลทฺธนามสฺส อริยปุคฺคลสฺส มคฺคาณสฺเสว วา ปกฺเข ภวานํ โพธิปกฺขิยานํ, โพธิโกฏฺาสิยานนฺติ อตฺโถ. ‘‘โพธิปกฺขิกาน’’นฺติปิ ปาโ, โพธิปกฺขวนฺตานํ, โพธิปกฺเข วา นิยุตฺตานนฺติ อตฺโถ. ภาวนานุโยคมนุยุตฺโตติ วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อริยมคฺคภาวนานุโยคมนุยุตฺโต. วิปสฺสนากฺขเณ หิ สติปฏฺานาทโย ปริยาเยน โพธิปกฺขิยา นาม, มคฺคกฺขเณเยว ปน เต นิปฺปริยาเยน โพธิปกฺขิยา นาม โหนฺติ.

อาสวานํ ขยาติ กามาสวาทีนํ สพฺเพสํ อาสวานํ ขยา. อาสเวสุ หิ ขีเณสุ สพฺเพ กิเลสา ขีณาเยว โหนฺติ. เตน อรหตฺตมคฺโค วุตฺโต โหติ. อนาสวนฺติ อาสววิรหิตํ. เจโตวิมุตฺตึ ปฺาวิมุตฺตินฺติ เอตฺถ เจโตวจเนน อรหตฺตผลสมาธิ, ปฺาวจเนน ตํสมฺปยุตฺตา จ ปฺา วุตฺตา. ตตฺถ สมาธิ ราคโต วิมุตฺตตฺตา เจโตวิมุตฺติ, ปฺา อวิชฺชาย วิมุตฺตตฺตา ปฺาวิมุตฺตีติ เวทิตพฺพา. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –

‘‘โย หิสฺส, ภิกฺขเว, สมาธิ, ตทสฺส สมาธินฺทฺริยํ. ยา หิสฺส, ภิกฺขเว, ปฺา, ตทสฺส ปฺินฺทฺริยํ. อิติ โข, ภิกฺขเว, ราควิราคา เจโตวิมุตฺติ, อวิชฺชาวิราคา ปฺาวิมุตฺตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๕๑๖).

อปิเจตฺถ สมถผลํ เจโตวิมุตฺติ, วิปสฺสนาผลํ ปฺาวิมุตฺตีติ เวทิตพฺพา. ทิฏฺเว ธมฺเมติ อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว. สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวาติ อตฺตนาเยว อภิวิสิฏฺาย ปฺาย ปจฺจกฺขํ กตฺวา อปรปฺปจฺจเยน ตฺวา. อุปสมฺปชฺช วิหรตีติ ปาปุณิตฺวา สมฺปาเทตฺวา วิหรติ. ตเมว สงฺคามสีสํ อภิวิชิย อชฺฌาวสตีติ มารํ อภิวิชินิตฺวา วิชิตวิชยตฺตา เตน กตสงฺคามสงฺขาตสฺส อริยมคฺคสฺส สีสภูตํ อรหตฺตผลสมาปตฺติอิสฺสริยฏฺานํ, อภิภวนฺโต อาวสติ, สมาปชฺชติ อิจฺเจว อตฺโถ. อิเม จ เทวสทฺทา ทิฏฺสจฺเจสุ เทเวสุ ปวตฺตนฺติ, วิเสสโต สุทฺธาวาสเทเวสูติ เวทิตพฺพํ.

คาถาสุ มหนฺตนฺติ สีลาทิคุณมหตฺเตน มหนฺตํ. วีตสารทนฺติ สารชฺชกรานํ กิเลสานํ อภาเวน วิคตสารชฺชํ อปคตมงฺกุภาวํ. ปุริสาชฺาติ อสฺสาทีสุ อสฺสาชานียาทโย วิย ปุริเสสุ อาชานียภูตา อุตฺตมปุริสา. ทุชฺชยมชฺฌภูติ ปจุรชเนหิ เชตุํ อสกฺกุเณยฺยํ กิเลสวาหินึ อภิภวิ อชฺโฌตฺถริ. ‘‘อชฺชยี’’ติปิ ปนฺติ, อชินีติ อตฺโถ. เชตฺวาน มจฺจุโน เสนํ, วิโมกฺเขน อนาวรนฺติ โลกตฺตยาภิพฺยาปนโต ทิยฑฺฒสหสฺสาทิวิภาคโต จ วิปุลตฺตา อฺเหิ อาวริตุํ ปฏิเสเธตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา จ อนาวรํ, มจฺจุโน มารสฺส เสนํ วิโมกฺเขน อริยมคฺเคน เชตฺวา โย ตฺวํ ทุชฺชยํ อชยิ, ตสฺส นโม, เต ปุริสาชฺาติ สมฺพนฺโธ.

อิตีติ วุตฺตปฺปกาเรน. หิ-อิติ นิปาตมตฺตํ. เอตํ ปตฺตมานสํ อธิคตารหตฺตํ ขีณาสวํ เทวตา นมสฺสนฺตีติ วุตฺตเมวตฺถํ นิคมนวเสน ทสฺเสติ. อถ วา อิตีติ อิมินา การเณน. กึ ปน เอตํ การณํ? นมุจิเสนาวิชเยน ปตฺตมานสตฺตํ. อิมินา การเณน ตํ เทวตา นมสฺสนฺตีติ อตฺโถ. อิทานิ ตํ การณํ ผลโต ทสฺเสตุํ ‘‘ตฺหิ ตสฺส น ปสฺสนฺติ, เยน มจฺจุวสํ วเช’’ติ วุตฺตํ. ตสฺสตฺโถ – ยสฺมา ตสฺส ปุริสาชฺสฺส ปณิธาย คเวสนฺตาปิ เทวา อณุมตฺตมฺปิ ตํ การณํ น ปสฺสนฺติ, เยน โส มจฺจุโน มรณสฺส วสํ วเช อุปคจฺเฉยฺย. ตสฺมา ตํ วิสุทฺธิเทวา นมสฺสนฺตีติ.

ตติยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. ปฺจปุพฺพนิมิตฺตสุตฺตวณฺณนา

๘๓. จตุตฺเถ ยทาติ ยสฺมึ กาเล. เทโวติ อุปปตฺติเทโว. ตโย หิ เทวา – สมฺมุติเทวา, อุปปตฺติเทวา, วิสุทฺธิเทวาติ. เตสุ สมฺมุติเทวา นาม ราชาโน ขตฺติยา. อุปปตฺติเทวา นาม จาตุมหาราชิกโต ปฏฺาย ตทุปริเทวา. วิสุทฺธิเทวา นาม ขีณาสวา. อิธ ปน กามาวจรเทโว อธิปฺเปโต. เตน วุตฺตํ ‘‘เทโวติ อุปปตฺติเทโว’’ติ. เทวกายาติ เทวสมูหโต, เทวฏฺานโต วา, เทวโลกโตติ อตฺโถ. สมูหนิวาสวาจโก หิ อยํ กายสทฺโท. จวนธมฺโมติ มรณธมฺโม, อายุกฺขเยน วา ปุฺกฺขเยน วา อุปฏฺิตมรโณติ อตฺโถ.

ปฺจสฺส ปุพฺพนิมิตฺตานิ ปาตุภวนฺตีติ อสฺส อุปฏฺิตมรณสฺส เทวปุตฺตสฺส ปฺจ มรณสฺส ปุพฺพนิมิตฺตานิ อุปฺปชฺชนฺติ, ปกาสานิ วา โหนฺติ. มาลา มิลายนฺตีติ เตน ปิฬนฺธิตมาลา มชฺฌนฺหิกสมเย อาตเป ขิตฺตา วิย มิลาตา วิหตโสภา โหนฺติ.

วตฺถานิ กิลิสฺสนฺตีติ สรทสมเย วิคตวลาหเก อากาเส อพฺภุสฺสกฺกมานพาลสูริยสทิสปฺปภานิ นานาวิราควณฺณานิ เตน นิวตฺถปารุตวตฺถานิ ตํ ขณํเยว กทฺทเม ขิปิตฺวา มทฺทิตานิ วิย วิหตปฺปภานิ มลินานิ โหนฺติ.

กจฺเฉหิ เสทา มุจฺจนฺตีติ สุปริสุทฺธชาติมณิ วิย สุสิกฺขิตสิปฺปาจริยรจิตสุวณฺณปฏิมา วิย จ ปุพฺเพ เสทมลชลฺลิการหิตสรีรสฺส ตสฺมึ ขเณ อุโภหิ กจฺเฉหิ เสทธารา สนฺทนฺติ ปคฺฆรนฺติ. น เกวลฺจ กจฺเฉหิเยว, สกลสรีรโตปิ ปนสฺส เสทชลกณฺณิกา มุจฺจติเยว, เยน อามุตฺตมุตฺตาชาลควจฺฉิโต วิย ตสฺส กาโย โหติ.

กาเย ทุพฺพณฺณิยํ โอกฺกมตีติ ปุพฺเพ ปฏิสนฺธิโต ปฏฺาย ยถานุภาวํ เอกโยชนํ ทฺวิโยชนํ ยาว ทฺวาทสโยชนมตฺตมฺปิ ปเทสํ อาภาย ผริตฺวา วิชฺโชตมาโน กาโย โหติ ขณฺฑิจฺจปาลิจฺจาทิวิรหิโต, น สีตํ น อุณฺหํ อุปฆาตกํ, เทวธีตา โสฬสวสฺสุทฺเทสิกา วิย โหติ, เทวปุตฺโต วีสติวสฺสุทฺเทสิโก วิย, ตํ ขณํเยว นิปฺปเภ นิตฺเตเช กาเย วิรูปภาโว อนุปวิสติ สณฺาติ.

สเก เทโว เทวาสเน นาภิรมตีติ อตฺตโน อจฺฉราคเณหิ สทฺธึ กีฬนปริจรณกทิพฺพาสเน น รมติ, น จิตฺตสฺสาทํ ลภติ. ตสฺส กิร มนุสฺสคณนาย สตฺตหิ ทิวเสหิ มรณํ ภวิสฺสตีติ อิมานิ ปุพฺพนิมิตฺตานิ ปาตุภวนฺติ. โส เตสํ อุปฺปตฺติยา ‘‘เอวรูปาย นาม สมฺปตฺติยา วินา ภวิสฺสามี’’ติ พลวโสกาภิภูโต โหติ. เตนสฺส กาเย มหาปริฬาโห อุปฺปชฺชติ, เตน สพฺพโต คตฺเตหิ เสทา มุจฺจนฺติ. จิรตรํ กาลํ อปริจิตทุกฺโข ตํ อธิวาเสตุํ อสกฺโกนฺโต เอกจฺโจ ‘‘ทยฺหามิ ทยฺหามี’’ติ กนฺทนฺโต ปริเทวนฺโต กตฺถจิ อสฺสาทํ อลภนฺโต วิชปฺปนฺโต วิลปนฺโต ตหึ ตหึ อาหิณฺฑติ. เอกจฺโจ สตึ อุปฏฺเปตฺวา กายวาจาหิ วิการํ อกโรนฺโตปิ ปิยวิปฺปโยคทุกฺขํ อสหนฺโต วิหฺมาโน วิจรติ.

อิมานิ ปน ปุพฺพนิมิตฺตานิ ยถา โลเก มหาปุฺานํ ราชราชมหามตฺตาทีนํเยว อุกฺกาปาตภูมิจาลจนฺทคฺคาหาทีนิ นิมิตฺตานิ ปฺายนฺติ, น สพฺเพสํ; เอวเมว มเหสกฺขเทวานํเยว ปฺายติ. อุปฺปนฺนานิ จ ตานิ ‘‘อิมานิ มรณสฺส ปุพฺพนิมิตฺตานิ นามา’’ติ เกจิ เทวา ชานนฺติ, น สพฺเพ. ตตฺถ โย มนฺเทน กุสลกมฺเมน นิพฺพตฺโต, โส ‘‘อิทานิ โก ชานาติ, ‘กุหึ นิพฺพตฺติสฺสามี’’’ติ ภายติ. โย ปน มหาปุฺโ, โส ‘‘พหุํ มยา ทานํ ทินฺนํ, สีลํ รกฺขิตํ, ปุฺํ อุปจิตํ, อิโต จุตสฺส เม สุคติเยว ปาฏิกงฺขา’’ติ น ภายติ น วิกมฺปติ. เอวํ อุปฏฺิตปุพฺพนิมิตฺตํ ปน ตํ คเหตฺวา เทวตา นนฺทนวนํ ปเวเสนฺติ สพฺพเทวโลเกสุ นนฺทนวนํ อตฺถิเยว.

ตีหิ วาจาหิ อนุโมเทนฺตีติ อิทานิ วุจฺจมาเนหิ ตีหิ วจเนหิ อนุโมเทนฺติ, โมทํ ปโมทํ อุปฺปาเทนฺติ, อสฺสาเสนฺติ, อภิวทนวเสน วา ตํขณานุรูปํ ปโมทํ กโรนฺติ. เกจิ ปน ‘‘อนุโมเทนฺตี’’ติ ปทสฺส ‘‘โอวทนฺตี’’ติ วทนฺติ. อิโตติ เทวโลกโต. โภติ อาลปนํ. สุคตินฺติ สุนฺทรคตึ, มนุสฺสโลกํ สนฺธาย วทนฺติ. คจฺฉาติ ปฏิสนฺธิคฺคหณวเสน อุเปหิ.

เอวํ วุตฺเตติ เอวํ ตทา เตหิ เทเวหิ ตสฺส ‘‘อิโต โภ สุคตึ คจฺฉา’’ติอาทินา วตฺตพฺพวจเน ภควตา วุตฺเต อฺตโร นามโคตฺเตน อปากโฏ ตสฺสํ ปริสายํ นิสินฺโน อนุสนฺธิกุสโล เอโก ภิกฺขุ ‘‘เอเต สุคติอาทโย ภควตา อวิเสสโต วุตฺตา อวิภูตา, หนฺท เต วิภูตตเร การาเปสฺสามี’’ติ เอตํ ‘‘กึนุ โข, ภนฺเต’’ติอาทิวจนํ อโวจ. สทฺธาทิคุณวิเสสปฏิลาภการณโต เทวูปปตฺติเหตุโต จ มนุสฺสตฺตํ เทวานํ อภิสมฺมตนฺติ อาห ‘‘มนุสฺสตฺตํ โข ภิกฺขุ เทวานํ สุคติคมนสงฺขาต’’นฺติ.

สุคติคมนสงฺขาตนฺติ ‘‘สุคติคมน’’นฺติ สมฺมา กถิตํ, วณฺณิตํ โถมิตนฺติ อตฺโถ. ยํ มนุสฺสภูโตติ เอตฺถ นฺติ กิริยาปรามสนํ, เตน ปฏิลภตีติ เอตฺถ ปฏิลภนกิริยา อามสียติ, โย สทฺธาปฏิลาโภติ อตฺโถ. มนุสฺสภูโตติ มนุสฺเสสุ อุปฺปนฺโน, มนุสฺสภาวํ วา ปตฺโต. ยสฺมา เทวโลเก อุปฺปนฺนานํ ตถาคตสฺส ธมฺมเทสนา เยภุยฺเยน ทุลฺลภา สวนาย, น ตถา มนุสฺสานํ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘มนุสฺสภูโต’’ติ. ตถาคตปฺปเวทิเต ธมฺมวินเยติ ตถาคเตน ภควตา เทสิเต สิกฺขตฺตยสงฺคเห สาสเน. ตฺหิ ธมฺมโต อนเปตตฺตา ธมฺโม จ, อาสยานุรูปํ วิเนยฺยานํ วินยนโต วินโย จาติ ธมฺมวินโย, อุปนิสฺสยสมฺปตฺติยา วา ธมฺมโต อนเปตตฺตา ธมฺมํ อปฺปรชกฺขชาติกํ วิเนตีติ ธมฺมวินโย. ธมฺเมเนว วา วินโย, น ทณฺฑสตฺเถหีติ ธมฺมวินโย, ธมฺมยุตฺโต วา วินโยติ ธมฺมวินโย, ธมฺมาย วา สห มคฺคผลนิพฺพานาย วินโยติ ธมฺมวินโย, มหากรุณาสพฺพฺุตฺาณาทิธมฺมโต วา ปวตฺโต วินโยติ ธมฺมวินโย. ธมฺโม วา ภควา ธมฺมภูโต ธมฺมกาโย ธมฺมสฺสามี, ตสฺส ธมฺมสฺส วินโย, น ตกฺกิยานนฺติ ธมฺมวินโย, ธมฺเม วา มคฺคผเล นิปฺผาเทตพฺพวิสยภูเต วา ปวตฺโต วินโยติ ธมฺมวินโยติ วุจฺจติ. ตสฺมึ ธมฺมวินเย.

สทฺธํ ปฏิลภตีติ ‘‘สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม’’ติอาทินา สทฺธํ อุปฺปาเทติ. สทฺโธ หิ อิมสฺมึ ธมฺมวินเย ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชมาโน ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺเถ อาราเธสฺสติ. สุลทฺธลาภสงฺขาตนฺติ เอตฺถ ยถา หิรฺสุวณฺณเขตฺตวตฺถาทิลาโภ สตฺตานํ อุปโภคสุขํ อาวหติ, ขุปฺปิปาสาทิทุกฺขํ ปฏิพาหติ, ธนทาลิทฺทิยํ วูปสเมติ, มุตฺตาทิรตนปฏิลาภเหตุ โหติ, โลกสนฺตติฺจ อาวหติ; เอวํ โลกิยโลกุตฺตรา สทฺธาปิ ยถาสมฺภวํ โลกิยโลกุตฺตรํ วิปากสุขมาวหติ, สทฺธาธุเรน ปฏิปนฺนานํ ชาติชราทิทุกฺขํ ปฏิพาหติ, คุณทาลิทฺทิยํ วูปสเมติ, สติสมฺโพชฺฌงฺคาทิรตนปฏิลาภเหตุ โหติ, โลกสนฺตติฺจ อาวหติ. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘สทฺโธ สีเลน สมฺปนฺโน, ยโส โภคสมปฺปิโต;

ยํ ยํ ปเทสํ ภชติ, ตตฺถ ตตฺเถว ปูชิโต’’ติ. (ธ. ป. ๓๐๓);

เอวํ สทฺธาปฏิลาภสฺส สุลทฺธลาภตา เวทิตพฺพา. ยสฺมา ปนายํ สทฺธาปฏิลาโภ อนุคามิโก อนฺสาธารโณ สพฺพสมฺปตฺติเหตุ, โลกิยสฺส จ หิรฺสุวณฺณาทิธนลาภสฺส การณํ. สทฺโธเยว หิ ทานาทีนิ ปุฺานิ กตฺวา อุฬารุฬารวิตฺตูปกรณานิ อธิคจฺฉติ, เตหิ จ อตฺตโน ปเรสฺจ อตฺถเมว สมฺปาเทติ. อสฺสทฺธสฺส ปน ตานิ อนตฺถาวหานิ โหนฺติ, อิธ เจว สมฺปราเย จาติ, เอวมฺปิ สทฺธาย สุลทฺธลาภตา เวทิตพฺพา. ตถา หิ –

‘‘สทฺธา พนฺธติ ปาเถยฺยํ’’. (สํ. นิ. ๑.๗๙).

‘‘สทฺธา ทุติยา ปุริสสฺส โหตี’’ติ จ. (สํ. นิ. ๑.๓๖, ๕๙).

‘‘สทฺธีธ วิตฺตํ ปุริสสฺส เสฏฺ’’นฺติ จ. (สํ. นิ. ๑.๗๓; สุ. นิ. ๑๘๔).

‘‘สทฺธาหตฺโถ มหานาโค’’ติ จ. (อ. นิ. ๖.๔๓; เถรคา. ๖๙๔).

‘‘สทฺธา พีชํ ตโป วุฏฺี’’ติ จ. (สํ. นิ. ๑.๑๙๗; สุ. นิ. ๗๗).

‘‘สทฺเธสิโก, ภิกฺขเว, อริยสาวโก’’ติ (อ. นิ. ๗.๖๗) จ.

‘‘สทฺธาย ตรติ โอฆ’’นฺติ จ. (สํ. นิ. ๑.๒๔๖) –

อเนเกสุ าเนสุ อเนเกหิ การเณหิ สทฺธา สํวณฺณิตา.

อิทานิ ยาย สทฺธาย สาสเน กุสลธมฺเมสุ สุปฺปติฏฺิโต นาม โหติ นิยาโมกฺกนฺติยา, ตํ สทฺธํ ทสฺเสตุํ ‘‘สา โข ปนสฺสา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อสฺสาติ อิมสฺส ภเวยฺยาติ อตฺโถ. นิวิฏฺาติ อภินิวิฏฺา จิตฺตสนฺตานํ อนุปวิฏฺา. มูลชาตาติ ชาตมูลา. กึ ปน สทฺธาย มูลํ นาม? สทฺเธยฺยวตฺถุสฺมึ โอกปฺปนเหตุภูโต อุปายมนสิกาโร. อปิจ สปฺปุริสเสวนา สทฺธมฺมสฺสวนํ โยนิโสมนสิกาโร ธมฺมานุธมฺมปฺปฏิปตฺตีติ จตฺตาริ โสตาปตฺติยงฺคานิ มูลานิ เวทิตพฺพานิ. ปติฏฺิตาติ อริยมคฺคาธิคเมน เกนจิ อกมฺปนียภาเวน อวฏฺิตา. เตเนวาห ‘‘ทฬฺหา อสํหาริยา’’ติ. ทฬฺหาติ ถิรา. อสํหาริยาติ เกนจิ สํหริตุํ วา หาเปตุํ วา อปเนตุํ วา อสกฺกุเณยฺยา. อิติ เต เทวา ตสฺส โสตาปตฺติมคฺคสมธิคมํ อาสีสนฺตา เอวํ วทนฺติ. อตฺตโน เทวโลเก กามสุขูปโภคารหเมว หิ อริยปุคฺคลํ เต อิจฺฉนฺติ. เตนาห ‘‘เอหิ, เทว, ปุนปฺปุน’’นฺติ.

คาถาสุ ปุฺกฺขยมรณมฺปิ ชีวิตินฺทฺริยุปจฺเฉเทเนว โหตีติ อาห ‘‘จวติ อายุสงฺขยา’’ติ. อนุโมทตนฺติ อนุโมทนฺตานํ. มนุสฺสานํ สหพฺยตนฺติ มนุสฺเสหิ สหภาวํ. สห พฺเยตีติ สหพฺโย, สหปวตฺตนโก, ตสฺส ภาโว สหพฺยตา. นิวิฏฺสฺสาติ นิวิฏฺา ภเวยฺย. ยาวชีวนฺติ ยาว ชีวิตปฺปวตฺติยา, ยาว ปรินิพฺพานาติ อตฺโถ.

อปฺปมาณนฺติ สกฺกจฺจํ พหุํ อุฬารํ พหุกฺขตฺตุฺจ กรณวเสน ปมาณรหิตํ. นิรูปธินฺติ กิเลสูปธิรหิตํ, สุวิสุทฺธํ นิมฺมลนฺติ อตฺโถ. ยสฺมา ปน เต เทวา มหคฺคตกุสลํ น อิจฺฉนฺติ กามโลกสมติกฺกมนโต, กามาวจรปุฺเมว อิจฺฉนฺติ, ตสฺมา เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ – ‘‘อิโต เทวโลกโต จุโต มนุสฺเสสุ อุปฺปชฺชิตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต กายทุจฺจริตาทึ สพฺพํ ทุจฺจริตํ ปหาย กายสุจริตาทึ สพฺพํ สุจริตํ อุฬารํ วิปุลํ อุปจินิตฺวา อริยมคฺเคน อาคตสทฺโธ ภวาหี’’ติ. ยสฺมา ปน โลกุตฺตเรสุ ปมมคฺคํ ทุติยมคฺคมฺปิ วา อิจฺฉนฺติ อตฺตโน เทวโลกูปปตฺติยา อนติวตฺตนโต, ตสฺมา เตสมฺปิ วเสน ‘‘อปฺปมาณํ นิรูปธิ’’นฺติปทานํ อตฺโถ เวทิตพฺโพ – ปมาณกรานํ ทิฏฺเกฏฺโอฬาริกกามราคาทิกิเลสานํ อุปจฺเฉเทน อปฺปมาณํ, สตฺตมภวโต วา อุปฺปชฺชนารหสฺส ขนฺธูปธิสฺส ตํนิพฺพตฺตกอภิสงฺขารูปธิสฺส ตํตํมคฺควชฺฌกิเลสูปธิสฺส จ ปหาเนน เตสํ อนิพฺพตฺตนโต นิรุปธิสงฺขาตนิพฺพานสนฺนิสฺสิตตฺตา จ นิรุปธีติ.

เอวํ อจฺจนฺตเมว อปายทฺวารปิธายกํ กมฺมํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ สคฺคสมฺปตฺตินิพฺพตฺตกกมฺมํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตโต โอปธิก’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ โอปธิกนฺติ อุปธิเวปกฺกํ อตฺตภาวสมฺปตฺติยา เจว โภคสมฺปตฺติยา จ นิพฺพตฺตกนฺติ อตฺโถ. อุปธีติ หิ อตฺตภาโว วุจฺจติ. ยถาห ‘‘สนฺเตกจฺจานิ ปาปกานิ กมฺมสมาทานานิ อุปธิสมฺปตฺติปฏิพาหิตานิ น วิปจฺจนฺตี’’ติ (วิภ. ๘๑๐). กามคุณาปิ. ยถาห ‘‘อุปธีหิ นรสฺส โสจนา’’ติ (สํ. นิ. ๑.๑๒; สุ. นิ. ๓๔). ตตฺรายํ วจนตฺโถ – อุปธียติ เอตฺถ สุขทุกฺขนฺติ อุปธิ, อตฺตภาโว กามคุณา จ. อุปธิกรณํ สีลํ เอตสฺส, อุปธึ วา อรหตีติ โอปธิกํ, ปุฺํ, ตํ พหุํ อุฬารํ กตฺวา. กถํ? ทาเนน. ทานฺหิ อิตเรหิ สุกรนฺติ เอวํ วุตฺตํ. ทาเนนาติ วา ปเทน อภยทานมฺปิ วุตฺตํ, น อามิสทานเมวาติ สีลสฺสาปิ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. ยสฺมา ปน เต เทวา อสุรกายหานึ เอกนฺเตเนว เทวกายปาริปูริฺจ อิจฺฉนฺติ, ตสฺมา ตสฺส อุปายํ ทสฺเสนฺตา ‘‘อฺเปิ มจฺเจ สทฺธมฺเม, พฺรหฺมจริเย นิเวสยา’’ติ ธมฺมทาเน นิโยเชนฺติ. ยทา วิทูติ ยสฺมึ กาเล เทวา เทวํ จวนฺตํ วิทู วิชาเนยฺยุํ, ตทา อิมาย ยถาวุตฺตาย อนุกมฺปาย ทุกฺขาปนยนกมฺยตาย ‘‘เทว, อิเม เทวกาเย ปุนปฺปุนํ อุปฺปชฺชนวเสน เอหิ อาคจฺฉาหี’’ติ จ อนุโมเทนฺตีติ.

จตุตฺถสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. พหุชนหิตสุตฺตวณฺณนา

๘๔. ปฺจเม โลเกติ เอตฺถ ตโย โลกา – สตฺตโลโก, สงฺขารโลโก, โอกาสโลโกติ. เตสุ อินฺทฺริยพทฺธานํ รูปธมฺมานํ อรูปธมฺมานํ รูปารูปธมฺมานฺจ สนฺตานวเสน วตฺตมานานํ สมูโห สตฺตโลโก, ปถวีปพฺพตาทิเภโท โอกาสโลโก, อุภเยปิ ขนฺธา สงฺขารโลโก. เตสุ สตฺตโลโก อิธ อธิปฺเปโต. ตสฺมา โลเกติ สตฺตโลเก. ตตฺถาปิ น เทวโลเก, น พฺรหฺมโลเก, มนุสฺสโลเก. มนุสฺสโลเกปิ น อฺสฺมึ จกฺกวาเฬ, อิมสฺมึเยว จกฺกวาเฬ. ตตฺราปิ น สพฺพฏฺาเนสุ, ‘‘ปุรตฺถิมาย ทิสาย คชงฺคลํ นาม นิคโม, ตสฺส อปเรน มหาสาลา, ตโต ปรํ ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ; ปุรตฺถิมทกฺขิณาย ทิสาย สลฺลวตี นาม นที, ตโต ปรํ ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ; ทกฺขิณาย ทิสาย เสตกณฺณิกํ นาม นิคโม, ตโต ปรํ ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ; ปจฺฉิมาย ทิสาย ถูณํ นาม พฺราหฺมณคาโม, ตโต ปรํ ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ; อุตฺตราย ทิสาย อุสิรทฺธโช นาม ปพฺพโต, ตโต ปรํ ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ’’ติ (มหาว. ๒๕๙) เอวํ ปริจฺฉินฺเน อายามโต ติโยชนสเต วิตฺถารโต อฑฺฒเตยฺยโยชนสเต ปริกฺเขปโต นวโยชนสเต มชฺฌิมเทเส อุปฺปชฺชติ ตถาคโต. น เกวลฺจ ตถาคโตว ปจฺเจกพุทฺธา อคฺคสาวกา อสีติมหาเถรา พุทฺธมาตา พุทฺธปิตา จกฺกวตฺติราชา อฺเ จ สารปฺปตฺตา พฺราหฺมณคหปติกา เอตฺเถว อุปฺปชฺชนฺติ. อิธ ปน ตถาคตวาเรเยว สพฺพตฺถกวเสน อยํ นโย ลพฺภติ, อิตเรสุ เอกเทสวเสน.

อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชนฺตีติ อิทํ ปน อุภยมฺปิ วิปฺปกตวจนเมว, อุปฺปชฺชนฺตา พหุชนหิตตฺถาย อุปฺปชฺชนฺติ, น อฺเน การเณนาติ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. เอวรูปฺเหตฺถ สทฺทลกฺขณํ น สกฺกา อฺเน สทฺทลกฺขเณน ปฏิพาหิตุํ.

อปิจ อุปฺปชฺชมาโน นาม อุปฺปชฺชติ นาม อุปฺปนฺโน นามาติ อยํ ปเภโท เวทิตพฺโพ. ตถาคโต หิ มหาภินีหารํ กโรนฺโต, พุทฺธกเร ธมฺเม ปริเยสนฺโต, ปารมิโย ปูเรนฺโต, ปฺจ มหาปริจฺจาเค ปริจฺจชนฺโต, าตตฺถจริยํ จรนฺโต, โลกตฺถจริยํ, พุทฺธตฺถจริยํ โกฏึ ปาเปนฺโต, ปารมิโย ปูเรตฺวา ตุสิตภวเน ติฏฺนฺโต, ตโต โอตริตฺวา จริมภเว ปฏิสนฺธึ คณฺหนฺโต, อคารมชฺเฌ วสนฺโต, อภินิกฺขมนฺโต, มหาปธานํ ปทหนฺโต, ปริปกฺกาโณ โพธิมณฺฑํ อารุยฺห มารพลํ วิธเมนฺโต ปมยาเม ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรนฺโต, มชฺฌิมยาเม ทิพฺพจกฺขุํ วิโสเธนฺโต, ปจฺฉิมยาเม ปฏิจฺจสมุปฺปาเท าณํ โอตาเรตฺวา อเนกาการํ สพฺพสงฺขาเร สมฺมสิตฺวา โสตาปตฺติมคฺคํ ปฏิวิชฺฌนฺโต ยาว อนาคามิผลํ สจฺฉิกโรนฺโตปิ อุปฺปชฺชมาโน เอว นาม, อรหตฺตมคฺคกฺขเณ อุปฺปชฺชติ นาม, อรหตฺตผลกฺขเณ ปน อุปฺปนฺโน นาม. พุทฺธานฺหิ สาวกานํ วิย น ปฏิปาฏิยา อิทฺธิวิธาณาทีนํ อุปฺปาทนกิจฺจํ อตฺถิ, สเหว ปน อรหตฺตมคฺเคน สกโลปิ พุทฺธคุณราสิ อาคโตว นาม โหติ. ตสฺมา เต นิพฺพตฺตสพฺพกิจฺจตฺตา อรหตฺตผลกฺขเณ อุปฺปนฺนา นาม โหนฺติ. อิธ อรหตฺตผลกฺขณํ สนฺธาย ‘‘อุปฺปชฺชตี’’ติ วุตฺโต. อุปฺปนฺโน โหตีติ อยฺเหตฺถ อตฺโถ.

สาวโกปิ ขีณาสโว สาวกโพธิยา เหตุภูเต ปุฺสมฺภาเร สมฺภรนฺโต ปุพฺพโยคํ ปุพฺพจริยํ คตปจฺจาคตวตฺตํ ปูเรนฺโต จริมภเว นิพฺพตฺตนฺโต อนุกฺกเมน วิฺุตํ ปตฺวา สํสาเร อาทีนวํ ทิสฺวา ปพฺพชฺชาย เจตยมาโน ปพฺพชฺชํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา สีลาทีนิ ปริปูเรนฺโต ธุตธมฺเม สมาทาย วตฺตมาโน ชาคริยํ อนุยุฺชนฺโต าณานิ นิพฺพตฺเตนฺโต วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา เหฏฺิมมคฺเค อธิคจฺฉนฺโตปิ อุปฺปชฺชมาโน เอว นาม, อรหตฺตมคฺคกฺขเณ อุปฺปชฺชติ นาม, อรหตฺตผลกฺขเณ ปน อุปฺปนฺโน นาม. เสกฺโข ปน ปุพฺพูปนิสฺสยโต ปฏฺาย ยาว โคตฺรภุาณา อุปฺปชฺชมาโน นาม, ปมมคฺคกฺขเณ อุปฺปชฺชติ นาม, ปมผลกฺขณโต ปฏฺาย อุปฺปนฺโน นาม. เอตฺตาวตา ‘‘ตโยเม, ภิกฺขเว, ปุคฺคลา โลเก อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ ปทานํ อตฺโถ วุตฺโต โหติ.

อิทานิ พหุชนหิตายาติอาทีสุ พหุชนหิตายาติ มหาชนสฺส หิตตฺถาย. พหุชนสุขายาติ มหาชนสฺส สุขตฺถาย. โลกานุกมฺปายาติ สตฺตโลกสฺส อนุกมฺปํ ปฏิจฺจ. กตรสตฺตโลกสฺสาติ? โย ตถาคตสฺส ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ธมฺมํ ปฏิวิชฺฌติ, อมตปานํ ปิวติ, ตสฺส. ภควโต หิ ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสุตฺตนฺตเทสนาย อฺาตโกณฺฑฺปฺปมุขา อฏฺารส พฺรหฺมโกฏิโย ธมฺมํ ปฏิวิชฺฌึสุ. เอวํ ยาว สุภทฺทปริพฺพาชกวินยนา ธมฺมํ ปฏิวิทฺธสตฺตานํ คณนา นตฺถิ, มหาสมยสุตฺตนฺตเทสนายํ มงฺคลสุตฺตํ, จูฬราหุโลวาทํ, สมจิตฺตเทสนายนฺติ อิเมสุ จตูสุ าเนสุ อภิสมยํ ปตฺตสตฺตานํ ปริจฺเฉโท นตฺถิ. เอวเมตสฺส อปริมาณสฺส สตฺตโลกสฺส อนุกมฺปาย. สาวกสฺส ปน อรหโต เสกฺขสฺส จ โลกานุกมฺปาย อุปฺปตฺติ ธมฺมเสนาปติอาทีหิ ธมฺมภณฺฑาคาริกาทีหิ จ เทสิตเทสนาย ปฏิเวธปฺปตฺตสตฺตานํ วเสน, อปรภาเค จ มหามหินฺทตฺเถราทีหิ เทสิตเทสนาย ปฏิวิทฺธสจฺจานํ วเสน, ยาวชฺชตนา อิโต ปรํ อนาคเต จ สาสนํ นิสฺสาย สคฺคโมกฺขมคฺเคสุ ปติฏฺหนฺตานํ วเสนปิ อยมตฺโถ วิภาเวตพฺโพ.

อปิจ พหุชนหิตายาติ พหุชนสฺส หิตตฺถาย, เนสํ ปฺาสมฺปตฺติยา ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกหิตูปเทสโกติ. พหุชนสุขายาติ พหุชนสฺส สุขตฺถาย, จาคสมฺปตฺติยา อุปกรณสุขสมฺปทายโกติ. โลกานุกมฺปายาติ โลกสฺส อนุกมฺปนตฺถาย, เมตฺตากรุณาสมฺปตฺติยา มาตาปิตโร วิย โลกสฺส รกฺขิตา โคปิตาติ. อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานนฺติ อิธ เทวมนุสฺสคฺคหเณน ภพฺพปุคฺคเล เวเนยฺยสตฺเต เอว คเหตฺวา เตสํ นิพฺพานมคฺคผลาธิคมาย ตถาคตสฺส อุปฺปตฺติ ทสฺสิตา ปมวาเร, ทุติยตติยวาเรสุ ปน อรหโต เสกฺขสฺส จ วเสน โยเชตพฺพํ. ตตฺถ อตฺถายาติ อิมินา ปรมตฺถาย, นิพฺพานายาติ วุตฺตํ โหติ. หิตายาติ ตํสมฺปาปกมคฺคตฺถายาติ วุตฺตํ โหติ. นิพฺพานสมฺปาปกมคฺคโต หิ อุตฺตรึ หิตํ นาม นตฺถิ. สุขายาติ ผลสมาปตฺติสุขตฺถายาติ วุตฺตํ โหติ, ตโต อุตฺตริ สุขาภาวโต. วุตฺตฺเหตํ ‘‘อยํ สมาธิ ปจฺจุปฺปนฺนสุโข เจว อายติฺจ สุขวิปาโก’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๕๕; อ. นิ. ๕.๒๗; วิภ. ๘๐๔).

ตถาคโตติอาทีนํ ปทานํ อตฺโถ เหฏฺา วุตฺโต. วิชฺชาจรณสมฺปนฺโนติอาทีสุ ติสฺโสปิ วิชฺชา ภยเภรเว (ม. นิ. ๑.๓๔ อาทโย) อาคตนเยน, ฉปิ วิชฺชา ฉฬภิฺาวเสน, อฏฺปิ วิชฺชา อมฺพฏฺสุตฺเต อาคตาติ วิชฺชาหิ, สีลสํวราทีหิ, ปนฺนรสหิ จรณธมฺเมหิ จ, อนฺสาธารเณหิ สมฺปนฺโน สมนฺนาคโตติ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน. โสภนคมนตฺตา, สุนฺทรํ านํ คตตฺตา, สมฺมา คตตฺตา, สมฺมา คทตฺตา จ สุคโต. สพฺพถา วิทิตโลกตฺตา โลกวิทู. นตฺถิ เอตสฺส อุตฺตโรติ อนุตฺตโร. ปุริสทมฺเม ปุริสเวเนยฺเย สาเรติ วิเนตีติ ปุริสทมฺมสารถิ. ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺเถหิ ยถารหํ อนุสาสตีติ สตฺถา. สพฺพสฺสาปิ เนยฺยสฺส สพฺพปฺปกาเรน สยมฺภุาเณน พุทฺธตฺตา พุทฺโธติ อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน วิสุทฺธิมคฺคโต (วิสุทฺธิ. ๑.๑๓๒-๑๓๓) คเหตพฺโพ.

โส ธมฺมํ เทเสติ อาทิ…เป… ปริโยสานกลฺยาณนฺติ โส ภควา สตฺเตสุ การุฺํ ปฏิจฺจ หิตฺวาปิ อนุตฺตรํ วิเวกสุขํ ธมฺมํ เทเสติ. ตฺจ โข อปฺปํ วา พหุํ วา เทเสนฺโต อาทิกลฺยาณาทิปฺปการเมว เทเสติ. กถํ? เอกคาถาปิ หิ สมนฺตภทฺทกตฺตา ธมฺมสฺส ปมปาเทน อาทิกลฺยาณา, ทุติยตติเยหิ มชฺเฌกลฺยาณา, ปจฺฉิเมน ปริโยสานกลฺยาณา. เอกานุสนฺธิกํ สุตฺตํ นิทาเนน อาทิกลฺยาณํ, นิคมเนน ปริโยสานกลฺยาณํ, เสเสน มชฺเฌกลฺยาณํ. นานานุสนฺธิกํ สุตฺตํ ปเมน อนุสนฺธินา อาทิกลฺยาณํ, ปจฺฉิเมน ปริโยสานกลฺยาณํ, เสเสหิ มชฺเฌกลฺยาณํ. สกโลปิ วา สาสนธมฺโม อตฺตโน อตฺถภูเตน สีเลน อาทิกลฺยาโณ, สมถวิปสฺสนามคฺคผเลหิ มชฺเฌกลฺยาโณ, นิพฺพาเนน ปริโยสานกลฺยาโณ. สีลสมาธีหิ วา อาทิกลฺยาโณ, วิปสฺสนามคฺเคหิ มชฺเฌกลฺยาโณ, ผลนิพฺพาเนหิ ปริโยสานกลฺยาโณ. พุทฺธสุพุทฺธตาย วา อาทิกลฺยาโณ, ธมฺมสุธมฺมตาย มชฺเฌกลฺยาโณ, สงฺฆสุปฺปฏิปตฺติยา ปริโยสานกลฺยาโณ. ตํ สุตฺวา ตถตฺตาย ปฏิปนฺเนน อธิคนฺตพฺพาย อภิสมฺโพธิยา วา อาทิกลฺยาโณ, ปจฺเจกโพธิยา มชฺเฌกลฺยาโณ, สาวกโพธิยา ปริโยสานกลฺยาโณ. สุยฺยมาโน เจส นีวรณวิกฺขมฺภนโต สวเนนปิ กลฺยาณเมว อาวหตีติ อาทิกลฺยาโณ, ปฏิปชฺชิยมาโน สมถวิปสฺสนาสุขาวหนโต ปฏิปตฺติยาปิ สุขเมว อาวหตีติ มชฺเฌกลฺยาโณ, ตถาปฏิปนฺโน จ ปฏิปตฺติผเล นิฏฺิเต ตาทิภาวาวหนโต ปฏิปตฺติผเลนปิ กลฺยาณเมว อาวหตีติ ปริโยสานกลฺยาโณ. นาถปฺปภวตฺตา จ ปภวสุทฺธิยา อาทิกลฺยาโณ, อตฺถสุทฺธิยา มชฺเฌกลฺยาโณ, กิจฺจสุทฺธิยา ปริโยสานกลฺยาโณ. เตน วุตฺตํ ‘‘โส ธมฺมํ เทเสติ อาทิ…เป… ปริโยสานกลฺยาณ’’นฺติ.

ยํ ปน ภควา ธมฺมํ เทเสนฺโต สาสนพฺรหฺมจริยํ มคฺคพฺรหฺมจริยฺจ ปกาเสติ, นานานเยหิ ทีเปติ, ตํ ยถานุรูปํ อตฺถสมฺปตฺติยา สาตฺถํ, พฺยฺชนสมฺปตฺติยา สพฺยฺชนํ. สงฺกาสน, ปกาสน, วิวรณ, วิภชน, อุตฺตานีกรณ ปฺตฺติอตฺถปทสมาโยคโต สาตฺถํ, อกฺขรปทพฺยฺชนาการนิรุตฺตินิทฺเทสสมฺปตฺติยา สพฺยฺชนํ, อตฺถคมฺภีรตาปฏิเวธคมฺภีรตาหิ วา สาตฺถํ, ธมฺมคมฺภีรตาเทสนาคมฺภีรตาหิ สพฺยฺชนํ. อตฺถปฏิภานปฏิสมฺภิทาวิสยโต วา สาตฺถํ, ธมฺมนิรุตฺติปฏิสมฺภิทาวิสยโต สพฺยฺชนํ. ปณฺฑิตเวทนียโต ปริกฺขกชนปฺปสาทกนฺติ สาตฺถํ, สทฺเธยฺยโต โลกิยชนปฺปสาทกนฺติ สพฺยฺชนํ. คมฺภีราธิปฺปายโต สาตฺถํ, อุตฺตานปทโต สพฺยฺชนํ. อุปเนตพฺพสฺส อภาวโต สกลปริปุณฺณภาเวน เกวลปริปุณฺณํ, อปเนตพฺพสฺส อภาวโต นิทฺโทสภาเวน ปริสุทฺธํ, อปิจ ปฏิปตฺติยา อธิคมพฺยตฺติโต สาตฺถํ, ปริยตฺติยา อาคมพฺยตฺติโต สพฺยฺชนํ, สีลาทิปฺจธมฺมกฺขนฺธปาริปูริยา ปริปุณฺณํ, นิรุปกฺกิเลสโต นิตฺถรณตฺถาย ปวตฺติโต โลกามิสนิรเปกฺขโต จ ปริสุทฺธํ, สิกฺขตฺตยปริคฺคหิตตฺตา พฺรหฺมภูเตหิ เสฏฺเหิ จริตพฺพโต เตสํ จริยภาวโต จ พฺรหฺมจริยํ. ตสฺมา ‘‘สาตฺถํ สพฺยฺชนํ…เป… ปกาเสตี’’ติ วุจฺจติ. ปโมติ คณนานุปุพฺพโต สพฺพโลกุตฺตมภาวโต จ ปโม ปุคฺคโล.

ตสฺเสว สตฺถุ สาวโกติ ตสฺเสว ยถาวุตฺตคุณสฺส สตฺถุ สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ธมฺมเทสนาย สวนนฺเต ชาโต ธมฺมเสนาปติสทิโส สาวโก, น ปูรณาทิ วิย ปฏิฺามตฺเตน สตฺถุ สาวโก. ปาฏิปโทติ ปฏิปทาสงฺขาเตน อริยมคฺเคน อริยาย ชาติยา ชาโต ภโวติ ปาฏิปโท, อนิฏฺิตปฏิปตฺติกิจฺโจ ปฏิปชฺชมาโนติ อตฺโถ. สุตฺตเคยฺยาทิ ปริยตฺติธมฺโม พหุํ สุโต เอเตนาติ พหุสฺสุโต. ปาติโมกฺขสํวราทิสีเลน เจว อารฺิกงฺคาทิธุตงฺควเตหิ จ อุปปนฺโน สมฺปนฺโน สมนฺนาคโตติ สีลวตูปปนฺโน. อิติ ภควา ‘‘โลกานุกมฺปา นาม หิตชฺฌาสเยน ธมฺมเทสนา, สา จ อิเมสุ เอว ตีสุ ปุคฺคเลสุ ปฏิพทฺธา’’ติ ทสฺเสติ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.

คาถาสุ ตสฺสนฺวโยติ ตสฺเสว สตฺถุ ปฏิปตฺติยา ธมฺมเทสนาย จ อนุคมเนน ตสฺสนฺวโย อนุชาโต. อวิชฺชนฺธการํ วิธมิตฺวา สปรสนฺตาเนสุ ธมฺมาโลกสงฺขาตาย ปภาย กรณโต ปภงฺกรา. ธมฺมมุทีรยนฺตาติ จตุสจฺจธมฺมํ กเถนฺตา. อปาปุรนฺตีติ อุคฺฆาเฏนฺติ. อมตสฺส นิพฺพานสฺส. ทฺวารํ อริยมคฺคํ. โยคาติ กามโยคาทิโต. สตฺถวาเหนาติ เวเนยฺยสตฺถวาหนโต ภวกนฺตารนิตฺถรณโต สตฺถวาโห, ภควา, เตน สตฺถวาเหน. สุเทสิตํ มคฺคมนุกฺกมนฺตีติ เตน สมฺมา เทสิตํ อริยมคฺคํ ตสฺส เทสนานุสาเรน อนุคจฺฉนฺติ ปฏิปชฺชนฺติ. อิเธวาติ อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว. เสสํ อุตฺตานเมว.

ปฺจมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. อสุภานุปสฺสีสุตฺตวณฺณนา

๘๕. ฉฏฺเ อสุภานุปสฺสีติ อสุภํ อนุปสฺสนฺตา ทฺวตฺตึสาการวเสน เจว อุทฺธุมาตกาทีสุ คหิตนิมิตฺตสฺส อุปสํหรณวเสน จ กายสฺมึ อสุภํ อสุภาการํ อนุปสฺสกา หุตฺวา วิหรถ. อานาปานสฺสตีติ อานาปาเน สติ, ตํ อารพฺภ ปวตฺตา สติ, อสฺสาสปสฺสาสปริคฺคาหิกา สตีติ อตฺโถ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘อานนฺติ อสฺสาโส, โน ปสฺสาโส. ปานนฺติ ปสฺสาโส, โน อสฺสาโส’’ติอาทิ (ปฏิ. ม. ๑.๑๖๐).

โวติ ตุมฺหากํ. อชฺฌตฺตนฺติ อิธ โคจรชฺฌตฺตํ อธิปฺเปตํ. ปริมุขนฺติ อภิมุขํ. สูปฏฺิตาติ สุฏฺุ อุปฏฺิตา. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อานาปานสฺสติ จ ตุมฺหากํ กมฺมฏฺานาภิมุขํ สุฏฺุ อุปฏฺิตา โหตูติ. อถ วา ปริมุขนฺติ ปริคฺคหิตนิยฺยานํ. วุตฺตฺเหตํ ปฏิสมฺภิทายํ – ‘‘ปรีติ ปริคฺคหฏฺโ, มุขนฺติ นิยฺยานฏฺโ, สตีติ อุปฏฺานฏฺโ, เตน วุจฺจติ ปริมุขํ สติ’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๑.๑๖๔). อิมินา จตุสติปฏฺานโสฬสปฺปเภทา อานาปานสฺสติกมฺมฏฺานภาวนา ทสฺสิตาติ ทฏฺพฺพา.

เอวํ สงฺเขเปเนว ราคจริตวิตกฺกจริตานํ สปฺปายํ ปฏิกูลมนสิการกายานุปสฺสนาวเสน สมถกมฺมฏฺานํ วิปสฺสนากมฺมฏฺานฺจ อุปทิสิตฺวา อิทานิ สุทฺธวิปสฺสนากมฺมฏฺานเมว ทสฺเสนฺโต ‘‘สพฺพสงฺขาเรสุ อนิจฺจานุปสฺสิโน วิหรถา’’ติ อาห. ตตฺถ อนิจฺจํ, อนิจฺจลกฺขณํ, อนิจฺจานุปสฺสนา, อนิจฺจานุปสฺสีติ อิทํ จตุกฺกํ เวทิตพฺพํ. หุตฺวา, อภาวโต, อุทยพฺพยโยคโต, ตาวกาลิกโต, นิจฺจปฏิกฺเขปโต จ ขนฺธปฺจกํ อนิจฺจํ นาม. ตสฺส โย หุตฺวา อภาวากาโร, ตํ อนิจฺจลกฺขณํ นาม. ตํ อารพฺภ ปวตฺตา วิปสฺสนา อนิจฺจานุปสฺสนา. ตํ อนิจฺจนฺติ วิปสฺสโก อนิจฺจานุปสฺสี. เอตฺถ จ เอกาทสวิธา อสุภกถา ปมชฺฌานํ ปาเปตฺวา, โสฬสวตฺถุกา จ อานาปานกถา จตุตฺถชฺฌานํ ปาเปตฺวา, วิปสฺสนากถา จ วิตฺถารโต วตฺตพฺพา, สา ปน สพฺพาการโต วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๒.๗๓๗-๗๔๐) กถิตาติ ตตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพา.

อิทานิ อสุภานุปสฺสนาทีหิ นิปฺผาเทตพฺพํ ผลวิเสสํ ทสฺเสตุํ ‘‘อสุภานุปสฺสีน’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ สุภาย ธาตุยาติ สุภภาเว, สุภนิมิตฺเตติ อตฺโถ. ราคานุสโยติ สุภารมฺมเณ อุปฺปชฺชนารโห กามราคานุสโย. โส เกสาทีสุ อุทฺธุมาตกาทีสุ วา อสุภานุปสฺสีนํ อสุภนิมิตฺตํ คเหตฺวา ตตฺถ ปมชฺฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา ตํ ปาทกํ กตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา อธิคเตน อนาคามิมคฺเคน ปหียติ, สพฺพโส สมุจฺฉินฺทียตีติ อตฺโถ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘อสุภา ภาเวตพฺพา กามราคสฺส ปหานายา’’ติ (อ. นิ. ๙.๓; อุทา. ๓๑). พาหิราติ พหิทฺธาวตฺถุกตฺตา อนตฺถาวหตฺตา จ พาหิรา พหิภูตา. วิตกฺกาสยาติ กามสงฺกปฺปาทิมิจฺฉาวิตกฺกา. เต หิ อปฺปหีนา อาสยานุคตา สติ ปจฺจยสมวาเย อุปฺปชฺชนโต วิตกฺกาสยาติ วุตฺตา. กามวิตกฺโก เจตฺถ กามราคคฺคหเณน คหิโต เอวาติ ตทวเสสา วิตกฺกา เอว วุตฺตาติ เวทิตพฺพา. วิฆาตปกฺขิกาติ ทุกฺขภาคิยา, อิจฺฉาวิฆาตนิพฺพตฺตนกา วา. เต น โหนฺตีติ เต ปหียนฺติ. พฺยาปาทวิตกฺโก, วิหึสาวิตกฺโก, าติวิตกฺโก, ชนปทวิตกฺโก, อมราวิตกฺโก, อนวฺตฺติปฏิสํยุตฺโต วิตกฺโก, ลาภสกฺการสิโลกปฏิสํยุตฺโต วิตกฺโก, ปรานุทฺทยตาปฏิสํยุตฺโต วิตกฺโกติ อฏฺ, กามวิตกฺเกน สทฺธึ นววิธา มหาวิตกฺกา อานาปานสฺสติสมาธินา ตนฺนิสฺสิตาย จ วิปสฺสนาย ปุพฺพภาเค วิกฺขมฺภิตา. ตํ ปาทกํ กตฺวา อธิคเตน อริยมคฺเคน ยถารหํ อนวเสสโต ปหียนฺติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘อานาปานสฺสติ ภาเวตพฺพา วิตกฺกุปจฺเฉทายา’’ติ (อ. นิ. ๙.๓; อุทา. ๓๑).

ยา อวิชฺชา, สา ปหียตีติ ยา สจฺจสภาวปฏิจฺฉาทินี สพฺพานตฺถการี สกลสฺส วฏฺฏทุกฺขสฺส มูลภูตา อวิชฺชา, สา อนิจฺจานุปสฺสีนํ วิหรตํ สมุจฺฉิชฺชติ. อิทํ กิร ภควตา อนิจฺจาการโต วุฏฺิตสฺส สุกฺขวิปสฺสกขีณาสวสฺส วเสน วุตฺตํ. ตสฺสายํ สงฺเขปตฺโถ – เตภูมเกสุ สพฺพสงฺขาเรสุ อนิจฺจาทิโต สมฺมสนํ ปฏฺเปตฺวา วิปสฺสนฺตานํ ยทา อนิจฺจนฺติ ปวตฺตมานา วุฏฺานคามินีวิปสฺสนา มคฺเคน ฆฏียติ, อนุกฺกเมน อรหตฺตมคฺโค อุปฺปชฺชติ, เตสํ อนิจฺจานุปสฺสีนํ วิหรตํ อวิชฺชา อนวเสสโต ปหียติ, อรหตฺตมคฺควิชฺชา อุปฺปชฺชตีติ. อนิจฺจานุปสฺสีนํ วิหรตนฺติ อิทํ อนิจฺจลกฺขณสฺส เตสํ ปากฏภาวโต อิตรสฺส ลกฺขณทฺวยสฺส คหเณ อุปายภาวโต วา วุตฺตํ, น ปน เอกสฺเสว ลกฺขณสฺส อนุปสฺสิตพฺพโต. วุตฺตฺเหตํ ‘‘ยทนิจฺจํ ตํ ทุกฺขํ, ยํ ทุกฺขํ ตทนตฺตา’’ติ (สํ. นิ. ๓.๑๕). อปรมฺปิ วุตฺตํ ‘‘อนิจฺจสฺิโน หิ, เมฆิย, อนตฺตสฺา สณฺาติ, อนตฺตสฺี อสฺมิมานสมุคฺฆาตํ ปาปุณาตี’’ติ.

คาถาสุ อานาปาเน ปฏิสฺสโตติ อานาปานนิมิตฺตสฺมึ ปฏิ ปฏิ สโต, อุปฏฺิตสฺสตีติ อตฺโถ. ปสฺสนฺติ อาสวกฺขยาณจกฺขุนา สงฺขารูปสมํ นิพฺพานํ ปสฺสนฺโต. อาตาปี สพฺพทาติ อนฺตราโวสานํ อนาปชฺชิตฺวา อสุภานุปสฺสนาทีสุ สตตํ อาตาปี ยุตฺตปฺปยุตฺโต, ตโต เอว ยโต วายมมาโน, นิยโต วา สมฺมตฺตนิยาเมน ตตฺถ สพฺพสงฺขารสมเถ นิพฺพาเน อรหตฺตผลวิมุตฺติยา วิมุจฺจติ. เสสํ วุตฺตนยเมว.

ฉฏฺสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. ธมฺมานุธมฺมปฏิปนฺนสุตฺตวณฺณนา

๘๖. สตฺตเม ธมฺมานุธมฺมปฏิปนฺนสฺสาติ เอตฺถ ธมฺโม นาม นววิโธ โลกุตฺตรธมฺโม, ตสฺส ธมฺมสฺส อนุธมฺโม สีลวิสุทฺธิอาทิ ปุพฺพภาคปฏิปทาธมฺโม, ตํ ธมฺมานุธมฺมํ ปฏิปนฺนสฺส อธิคนฺตุํ ปฏิปชฺชมานสฺส. อยมนุธมฺโม โหตีติ อยํ อนุจฺฉวิกสภาโว ปติรูปสภาโว โหติ. เวยฺยากรณายาติ กถนาย. ธมฺมานุธมฺมปฏิปนฺโนยนฺติ นฺติ กรณตฺเถ ปจฺจตฺตวจนํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – เยน อนุธมฺเมน ตํ ธมฺมานุธมฺมํ ปฏิปนฺโนติ พฺยากรมาโน สมฺมเทว พฺยากโรนฺโต นาม สิยา, น ตโตนิทานํ วิฺูหิ ครหิตพฺโพ สิยาติ. นฺติ วา กิริยาปรามสนํ, เตเนตํ ทสฺเสติ ‘‘ยทิทํ ธมฺมสฺเสว ภาสนํ, ธมฺมวิตกฺกสฺเสว จ วิตกฺกนํ ตทุภยาภาเว าณุเปกฺขาย, อยํ ธมฺมานุธมฺมปฏิปนฺนสฺส ภิกฺขุโน ตถารูโป อยนฺติ กถนายานุรูปเหตุ อนุจฺฉวิกการณํ. ภาสมาโน ธมฺมํเยว ภาเสยฺยาติ กเถนฺโต เจ ทสกถาวตฺถุธมฺมํเยว กเถยฺย, น ตปฺปฏิปกฺขมหิจฺฉตาทิอธมฺมํ. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘ยายํ กถา อภิสลฺเลขิกา เจโตวิวรณสปฺปายา เอกนฺตนิพฺพิทาย วิราคาย นิโรธาย อุปสมาย อภิฺาย สมฺโพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตติ. เสยฺยถิทํ – อปฺปิจฺฉกถา, สนฺตุฏฺิกถา, ปวิเวกกถา, อสํสคฺคกถา, วีริยารมฺภกถา, สีลกถา, สมาธิกถา, ปฺากถา, วิมุตฺติกถา, วิมุตฺติาณทสฺสนกถา, เอวรูปาย กถาย นิกามลาภี โหติ อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี’’ติ (อ. นิ. ๙.๓; อุทา. ๓๑).

อภิสลฺเลขิกาย กถาย ลาภี เอว หิ ตํ ภาเสยฺย. เอเตน กลฺยาณมิตฺตสมฺปทา ทสฺสิตา.

ธมฺมวิตกฺกนฺติ เนกฺขมฺมวิตกฺกาทึ ธมฺมโต อนเปตํ วิตกฺกยโต ‘‘สีลาทิปฏิปทํ ปริปูเรสฺสามี’’ติ อุปรูปริ อุสฺสาโห อภิวฑฺฒิสฺสติ. โส ปน วิตกฺโก สีลาทีนํ อนุปการธมฺเม วชฺเชตฺวา อุปการธมฺเม อนุพฺรูหนวเสน หานภาคิยภาวํ อปเนตฺวา ิติภาคิยภาเวปิ อฏฺตฺวา วิเสสภาคิยตํ นิพฺเพธภาคิยตฺจ ปาปนวเสน ปวตฺติยา อเนกปฺปเภโท เวทิตพฺโพ. โน อธมฺมวิตกฺกนฺติ กามวิตกฺกํ โน วิตกฺเกยฺยาติ อตฺโถ. ตทุภยํ วา ปนาติ ยเทตํ ปเรสํ อนุคฺคหณตฺถํ ธมฺมภาสนํ อตฺตโน อนุคฺคหณตฺถํ ธมฺมวิตกฺกนฺจ วุตฺตํ. อถ วา ปน ตํ อุภยํ อภินิวชฺเชตฺวา อปฺปฏิปชฺชิตฺวา อกตฺวา. อุเปกฺขโกติ ตถาปฏิปตฺติยํ อุทาสีโน สมถวิปสฺสนาภาวนเมว อนุพฺรูหนฺโต วิหเรยฺย, สมถปฏิปตฺติยํ อุเปกฺขโก หุตฺวา วิปสฺสนายเมว กมฺมํ กโรนฺโต วิหเรยฺย. วิปสฺสนมฺปิ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา ตตฺถปิ สงฺขารุเปกฺขาาณวเสน อุเปกฺขโก ยาว วิปสฺสนาาณํ มคฺเคน ฆฏียติ, ตาว ยถา ตํ ติกฺขํ สูรํ ปสนฺนํ หุตฺวา วหติ, ตถา วิหเรยฺย สโต สมฺปชาโนติ.

คาถาสุ สมถวิปสฺสนาธมฺโม อารมิตพฺพฏฺเน อาราโม เอตสฺสาติ ธมฺมาราโม. ตสฺมึเยว ธมฺเม รโตติ ธมฺมรโต. ตสฺเสว ธมฺมสฺส ปุนปฺปุนํ วิจินฺตนโต ธมฺมํ อนุวิจินฺตยํ ตํ ธมฺมํ อาวชฺเชนฺโต, มนสิ กโรนฺโตติ อตฺโถ. อนุสฺสรนฺติ ตเมว ธมฺมํ อุปรูปริภาวนาวเสน อนุสฺสรนฺโต. อถ วา วิมุตฺตายตนสีเส ตฺวา ปเรสํ เทสนาวเสน สีลาทิธมฺโม อารมิตพฺพฏฺเน อาราโม เอตสฺสาติ ธมฺมาราโม. ตเถว ตสฺมึ ธมฺเม รโต อภิรโตติ ธมฺมรโต. เตสํเยว สีลาทิธมฺมานํ คติโย สมนฺเวสนฺโต กามวิตกฺกาทีนํ โอกาสํ อทตฺวา เนกฺขมฺมสงฺกปฺปาทิธมฺมํเยว อนุวิจินฺตนโต ธมฺมํ อนุวิจินฺตยํ. ตทุภยํ วา ปน โอฬาริกโต ทหนฺโต อชฺฌุเปกฺขิตฺวา สมถวิปสฺสนาธมฺมเมว อุปรูปริ ภาวนาวเสน อนุสฺสรนฺโต อนุพฺรูหนวเสน ปวตฺเตนฺโต. สทฺธมฺมาติ สตฺตตึสปฺปเภทา โพธิปกฺขิยธมฺมา นววิธโลกุตฺตรธมฺมา จ น ปริหายติ, น จิรสฺเสว ตํ อธิคจฺฉตีติ อตฺโถ.

อิทานิ ตสฺส อนุสฺสรณวิธึ ทสฺเสนฺโต ‘‘จรํ วา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ จรํ วาติ ภิกฺขาจารวเสน จงฺกมนวเสน จ จรนฺโต วา. ยทิ วา ติฏฺนฺติ ติฏฺนฺโต วา นิสินฺโน วา, อุท วา สยนฺติ สยนฺโต วา. เอวํ จตูสุปิ อิริยาปเถสุ. อชฺฌตฺตํ สมยํ จิตฺตนฺติ ยถาวุตฺเต กมฺมฏฺานสงฺขาเต โคจรชฺฌตฺเต อตฺตโน จิตฺตํ ราคาทิกิเลสานํ วูปสมนวเสน ปชหนวเสน สมยํ สเมนฺโต. สนฺติเมวาธิคจฺฉตีติ อจฺจนฺตสนฺตึ นิพฺพานเมว ปาปุณาตีติ.

สตฺตมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. อนฺธกรณสุตฺตวณฺณนา

๘๗. อฏฺเม อกุสลวิตกฺกาติ อโกสลฺลสมฺภูตา วิตกฺกา. อนฺธกรณาติอาทีสุ ยสฺส สยํ อุปฺปชฺชนฺติ, ตํ ยถาภูตทสฺสนนิวารเณน อนฺธํ กโรนฺตีติ อนฺธกรณา. น ปฺาจกฺขุํ กโรนฺตีติ อจกฺขุกรณา. อฺาณํ กโรนฺตีติ อฺาณกรณา. ปฺานิโรธิกาติ กมฺมสฺสกตาปฺา, ฌานปฺา, วิปสฺสนาปฺาติ อิมา ติสฺโส ปฺา อปฺปวตฺติกรเณน นิโรเธนฺตีติ ปฺานิโรธิกา. อนิฏฺผลทายกตฺตา ทุกฺขสงฺขาตสฺส วิฆาตสฺส ปกฺเข วตฺตนฺตีติ วิฆาตปกฺขิกา. กิเลสนิพฺพานํ น สํวตฺตยนฺตีติ อนิพฺพานสํวตฺตนิกา.

กามวิตกฺโกติ กามปฏิสํยุตฺโต วิตกฺโก. โส หิ กิเลสกามสหิโต หุตฺวา วตฺถุกาเมสุ ปวตฺตติ. พฺยาปาทปฏิสํยุตฺโต วิตกฺโก พฺยาปาทวิตกฺโก. วิหึสาปฏิสํยุตฺโต วิตกฺโก วิหึสาวิตกฺโก. อิเม ทฺเว จ สตฺเตสุปิ สงฺขาเรสุปิ อุปฺปชฺชนฺติ. กามวิตกฺโก หิ ปิยมนาเป สตฺเต วา สงฺขาเร วา วิตกฺเกนฺตสฺส อุปฺปชฺชติ, พฺยาปาทวิตกฺโก อปฺปิเย อมนาเป สตฺเต วา สงฺขาเร วา กุชฺฌิตฺวา โอโลกนกาลโต ปฏฺาย ยาว นาสนา อุปฺปชฺชติ, วิหึสาวิตกฺโก สงฺขาเรสุ น อุปฺปชฺชติ, สงฺขารา ทุกฺขาเปตพฺพา นาม นตฺถิ, ‘‘อิเม สตฺตา หฺนฺตุ วา พชฺฌนฺตุ วา อุจฺฉิชฺชนฺตุ วา วินสฺสนฺตุ วา มา วา อเหสุ’’นฺติ จินฺตนกาเล ปน สตฺเตสุ อุปฺปชฺชติ.

อิเมเยว ปน กามสงฺกปฺปาทโย. อตฺถโต หิ กามวิตกฺกาทีนํ กามสงฺกปฺปาทีนฺจ นานากรณํ นตฺถิ, ตํสมฺปยุตฺตา ปน สฺาทโย กามสฺาทโย. กามธาตุอาทีนํ ปน ยสฺมา ปาฬิยํ –

‘‘กามปฏิสํยุตฺโต ตกฺโก วิตกฺโก…เป… มิจฺฉาสงฺกปฺโป, อยํ วุจฺจติ กามธาตุ, สพฺเพปิ อกุสลา ธมฺมา กามธาตุ. พฺยาปาทปฏิสํยุตฺโต ตกฺโก วิตกฺโก…เป… มิจฺฉาสงฺกปฺโป, อยํ วุจฺจติ พฺยาปาทธาตุ. ทสสุ อาฆาตวตฺถูสุ จิตฺตสฺส อาฆาโต ปฏิฆาโต…เป… อนตฺตมนตา จิตฺตสฺส, อยํ วุจฺจติ พฺยาปาทธาตุ. วิหึสาปฏิสํยุตฺโต ตกฺโก วิตกฺโก มิจฺฉาสงฺกปฺโป, อยํ วุจฺจติ วิหึสาธาตุ. อิเธกจฺโจ ปาณินา วา เลฑฺฑุนา วา ทณฺเฑน วา สตฺเถน วา รชฺชุยา วา อฺตรฺตเรน สตฺเต วิเหเติ, อยํ วิหึสาธาตู’’ติ (วิภ. ๑๘๒, ๙๑๐) –

อาคตตฺตา วิเสโส ลพฺภติ.

ตตฺถ ทฺเว กถา สพฺพสงฺคาหิกา จ อสมฺภินฺนา จ. ตตฺถ กามธาตุยา คหิตาย อิตรา ทฺเวปิ คหิตา นาม โหนฺติ. ตโต ปน นีหริตฺวา อยํ พฺยาปาทธาตุ, อยํ วิหึสาธาตูติ ทสฺเสตีติ อยํ สพฺพสงฺคาหิกา นาม. กามธาตุํ กเถนฺโต ปน ภควา พฺยาปาทธาตุํ พฺยาปาทธาตุฏฺาเน, วิหึสาธาตุํ วิหึสาธาตุฏฺาเน เปตฺวาว อวเสสํ กามธาตุ นามาติ กเถสีติ อยํ อสมฺภินฺนกถา นาม.

สุกฺกปกฺเข วุตฺตวิปริยาเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. เนกฺขมฺมปฏิสํยุตฺโต วิตกฺโก เนกฺขมฺมวิตกฺโก. โส อสุภปุพฺพภาเค กามาวจโร โหติ, อสุภชฺฌาเน รูปาวจโร, ตํ ฌานํ ปาทกํ กตฺวา อุปฺปนฺนมคฺคผลกาเล โลกุตฺตโร. อพฺยาปาทปฏิสํยุตฺโต วิตกฺโก อพฺยาปาทวิตกฺโก. โส เมตฺตาปุพฺพภาเค กามาวจโร โหติ, เมตฺตาฌาเน รูปาวจโร, ตํ ฌานํ ปาทกํ กตฺวา อุปฺปนฺนมคฺคผลกาเล โลกุตฺตโร. อวิหึสาปฏิสํยุตฺโต วิตกฺโก อวิหึสาวิตกฺโก. โส กรุณาปุพฺพภาเค กามาวจโร, กรุณาชฺฌาเน รูปาวจโร, ตํ ฌานํ ปาทกํ กตฺวา อุปฺปนฺนมคฺคผลกาเล โลกุตฺตโร. ยทา ปน อโลโภ สีสํ โหติ, ตทา อิตเร ทฺเว ตทนฺวายิกา โหนฺติ. ยทา เมตฺตา สีสํ โหติ, ตทา อิตเร ทฺเว ตทนฺวายิกา โหนฺติ. ยทา กรุณา สีสํ โหติ, ตทา อิตเร ทฺเว ตทนฺวายิกา โหนฺติ.

อิเมเยว ปน เนกฺขมฺมสงฺกปฺปาทโย. อตฺถโต หิ เนกฺขมฺมวิตกฺกาทีนํ เนกฺขมฺมสงฺกปฺปาทีนฺจ นานากรณํ นตฺถิ, ตํสมฺปยุตฺตา ปน สฺาทโย เนกฺขมฺมสฺาทโย. เนกฺขมฺมธาตุอาทีนํ ปน ยสฺมา ปาฬิยํ –

‘‘เนกฺขมฺมปฏิสํยุตฺโต ตกฺโก วิตกฺโก สงฺกปฺโป, อยํ วุจฺจติ เนกฺขมฺมธาตุ, สพฺเพปิ กุสลา ธมฺมา เนกฺขมฺมธาตุ. อพฺยาปาทปฏิสํยุตฺโต ตกฺโก วิตกฺโก สงฺกปฺโป, อยํ วุจฺจติ อพฺยาปาทธาตุ. ยา สตฺเตสุ เมตฺติ เมตฺตายนา เมตฺตาเจโตวิมุตฺติ, อยํ วุจฺจติ อพฺยาปาทธาตุ. อวิหึสาปฏิสํยุตฺโต ตกฺโก วิตกฺโก สงฺกปฺโป – อยํ วุจฺจติ อวิหึสาธาตุ. ยา สตฺเตสุ กรุณา กรุณายนา กรุณาเจโตวิมุตฺติ – อยํ วุจฺจติ อวิหึสาธาตู’’ติ. (วิภ. ๑๘๒) –

อาคตตฺตา วิเสโส ลพฺภติ. อิธาปิ สพฺพสงฺคาหิกา, อสมฺภินฺนาติ ทฺเว กถา วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพา. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.

คาถาสุ วิตกฺกเยติ วิตกฺเกยฺย. นิรากเรติ อตฺตโน สนฺตานโต นีหเรยฺย วิโนเทยฺย, ปชเหยฺยาติ อตฺโถ. สเว วิตกฺกานิ วิจาริตานิ, สเมติ วุฏฺีว รชํ สมูหตนฺติ ยถา นาม คิมฺหานํ ปจฺฉิเม มาเส ปถวิยํ สมูหตํ สมนฺตโต อุฏฺิตํ รชํ มหโต อกาลเมฆสฺส วสฺสโต วุฏฺิ านโส วูปสเมติ, เอวเมว โส โยคาวจโร วิตกฺกานิ มิจฺฉาวิตกฺเก จ วิจาริตานิ ตํสมฺปยุตฺตวิจาเร จ สเมติ วูปสเมติ สมุจฺฉินฺทติ. ตถาภูโต จ วิตกฺกูปสเมน เจตสา สพฺเพสํ มิจฺฉาวิตกฺกานํ อุปสมนโต วิตกฺกูปสเมน อริยมคฺคจิตฺเตน. อิเธว ทิฏฺเว ธมฺเม, สนฺติปทํ นิพฺพานํ, สมชฺฌคา สมธิคโต โหตีติ.

อฏฺมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. อนฺตรามลสุตฺตวณฺณนา

๘๘. นวเม อนฺตรามลาติ เอตฺถ อนฺตราสทฺโท –

‘‘นทีตีเรสุ สณฺาเน, สภาสุ รถิยาสุ จ;

ชนา สงฺคมฺม มนฺเตนฺติ, มฺจ ตฺจ กิมนฺตร’’นฺติ. –

อาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๒๒๘) การเณ อาคโต. ‘‘อทฺทสา มํ, ภนฺเต, อฺตรา อิตฺถี วิชฺชนฺตริกาย ภาชนํ โธวนฺตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๑๔๙) ขเณ. ‘‘อปิจายํ ตโปทา ทฺวินฺนํ มหานิรยานํ อนฺตริกาย อาคจฺฉตี’’ติอาทีสุ (ปารา. ๒๓๑) วิวเร.

‘‘ปีตวตฺเถ ปีตธเช, ปีตาลงฺการภูสิเต;

ปีตนฺตราหิ วคฺคูหิ, อปิฬนฺธาว โสภสี’’ติ. –

อาทีสุ (วิ. ว. ๖๕๘) อุตฺตริสาฏเก. ‘‘ยสฺสนฺตรโต น สนฺติ โกปา’’ติอาทีสุ (อุทา. ๒๐) จิตฺเต. อิธาปิ จิตฺเต เอว ทฏฺพฺโพ. ตสฺมา อนฺตเร จิตฺเต ภวา อนฺตรา. ยสฺมึ สนฺตาเน อุปฺปนฺนา, ตสฺส มลินภาวกรณโต มลา. ตตฺถ มลํ นาม ทุวิธํ – สรีรมลํ, จิตฺตมลนฺติ. เตสุ สรีรมลํ เสทชลฺลิกาทิ สรีเร นิพฺพตฺตํ, ตตฺถ ลคฺคํ อาคนฺตุกรชฺจ, ตํ อุทเกนปิ นีหรณียํ, น ตถา สํกิเลสิกํ. จิตฺตมลํ ปน ราคาทิสํกิเลสิกํ, ตํ อริยมคฺเคเหว นีหรณียํ. วุตฺตฺเหตํ โปราเณหิ –

‘‘รูเปน สํกิลิฏฺเน, สํกิลิสฺสนฺติ มาณวา;

รูเป สุทฺเธ วิสุชฺฌนฺติ, อนกฺขาตํ มเหสินา.

‘‘จิตฺเตน สํกิลิฏฺเน, สํกิลิสฺสนฺติ มาณวา;

จิตฺเต สุทฺเธ วิสุชฺฌนฺติ, อิติ วุตฺตํ มเหสินา’’ติ. (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๓๗๓; ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๐๖);

เตนาห ภควา ‘‘จิตฺตสํกิเลสา, ภิกฺขเว, สตฺตา สํกิลิสฺสนฺติ, จิตฺตโวทานา วิสุชฺฌนฺตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๑๐๐). ตสฺมา ภควา อิธาปิ จิตฺตมลวิโสธนาย ปฏิปชฺชิตพฺพนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตโยเม, ภิกฺขเว, อนฺตรามลา’’ติ อาห.

ยถา เจเต โลภาทโย สตฺตานํ จิตฺเต อุปฺปชฺชิตฺวา มลินภาวกรา นานปฺปการสํกิเลสวิธายกาติ อนฺตรามลา, เอวํ เอกโต ภุฺชิตฺวา, เอกโต สยิตฺวา, โอตารคเวสี อมิตฺตสตฺตุ วิย จิตฺเต เอว อุปฺปชฺชิตฺวา สตฺตานํ นานาวิธอนตฺถาวหา, นานปฺปการทุกฺขนิพฺพตฺตกาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อนฺตราอมิตฺตา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ มิตฺตปฏิปกฺขโต อมิตฺตา, สปตฺตกิจฺจกรณโต สปตฺตา, หึสนโต วธกา, อุชุวิปจฺจนีกโต ปจฺจตฺถิกา.

ตตฺถ ทฺวีหิ อากาเรหิ โลภาทีนํ อมิตฺตาทิภาโว เวทิตพฺโพ. เวรีปุคฺคโล หิ อนฺตรํ ลภมาโน อตฺตโน เวริสฺส สตฺเถน วา สีสํ ปาเตติ, อุปาเยน วา มหนฺตํ อนตฺถํ อุปฺปาเทติ. อิเม จ โลภาทโย ปฺาสิรปาตเนน โยนิสมฺปฏิปาทเนน จ ตาทิสํ ตโต พลวตรํ อนตฺถํ นิพฺพตฺเตนฺติ. กถํ? จกฺขุทฺวารสฺมิฺหิ อิฏฺาทีสุ อารมฺมเณสุ อาปาถคเตสุ ยถารหํ ตานิ อารพฺภ โลภาทโย อุปฺปชฺชนฺติ, เอตฺตาวตาสฺส ปฺาสิรํ ปาติตํ นาม โหติ. โสตทฺวาราทีสุปิ เอเสว นโย. เอวํ ตาว ปฺาสิรปาตนโต อมิตฺตาทิสทิสตา เวทิตพฺพา. โลภาทโย ปน กมฺมนิทานา หุตฺวา อณฺฑชาทิเภทา จตสฺโส โยนิโย อุปเนนฺติ. ตสฺส โยนิอุปคมนมูลกานิ ปฺจวีสติ มหาภยานิ ทฺวตฺตึส กมฺมกรณานิ จ อาคตาเนว โหนฺติ. เอวํ โยนิสมฺปฏิปาทนโตปิ เนสํ อมิตฺตาทิสทิสตา เวทิตพฺพา. อิติ โลภาทโย อมิตฺตาทิสทิสตาย จิตฺตสมฺภูตตาย จ ‘‘อนฺตราอมิตฺตา’’ติอาทินา วุตฺตา. อปิจ อมิตฺเตหิ กาตุํ อสกฺกุเณยฺยํ โลภาทโย กโรนฺติ, อมิตฺตาทิภาโว จ โลภาทีหิ ชายตีติ เตสํ อมิตฺตาทิภาโว เวทิตพฺโพ. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘ทิโส ทิสํ ยนฺตํ กยิรา, เวรี วา ปน เวรินํ;

มิจฺฉาปณิหิตํ จิตฺตํ, ปาปิโย นํ ตโต กเร’’ติ. (ธ. ป. ๔๒; อุทา. ๓๓);

คาถาสุ อตฺตโน ปเรสฺจ อนตฺถํ ชเนตีติ อนตฺถชนโน. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘ยทปิ ลุทฺโธ อภิสงฺขโรติ กาเยน วาจาย มนสา ตทปิ อกุสลํ; ยทปิ ลุทฺโธ โลเภน อภิภูโต ปริยาทินฺนจิตฺโต ปรสฺส อสตา ทุกฺขํ อุปฺปาเทติ วเธน วา พนฺเธน วา ชานิยา วา ครหาย วา ปพฺพาชนาย วา พลวมฺหิ พลตฺโถ อิติ, ตทปิ อกุสลํ, อิติสฺสเม โลภชา โลภนิทานา โลภสมุทยา โลภปจฺจยา อเนเก ปาปกา อกุสลา ธมฺมา สมฺภวนฺตี’’ติ (อ. นิ. ๓.๗๐).

อปรมฺปิ วุตฺตํ –

‘‘รตฺโต โข, พฺราหฺมณ, ราเคน อภิภูโต ปริยาทินฺนจิตฺโต อตฺตพฺยาพาธายปิ เจเตติ, ปรพฺยาพาธายปิ เจเตติ, อุภยพฺยาพาธายปิ เจเตติ, เจตสิกมฺปิ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวเทตี’’ติอาทิ (อ. นิ. ๓.๕๔).

จิตฺตปฺปโกปโนติ จิตฺตสงฺโขภโน. โลโภ หิ โลภนีเย วตฺถุสฺมึ อุปฺปชฺชมาโน จิตฺตํ โขเภนฺโต ปโกเปนฺโต วิปริณาเมนฺโต วิการํ อาปาเทนฺโต อุปฺปชฺชติ, ปสาทาทิวเสน ปวตฺติตุํ น เทติ. ภยมนฺตรโต ชาตํ, ตํ ชโน นาวพุชฺฌตีติ ตํ โลภสงฺขาตํ อนฺตรโต อพฺภนฺตเร อตฺตโน จิตฺเตเยว ชาตํ อนตฺถชนนจิตฺตปฺปโกปนาทึ ภยํ ภยเหตุํ อยํ พาลมหาชโน นาวพุชฺฌติ น ชานาตีติ.

ลุทฺโธ อตฺถํ น ชานาตีติ อตฺตตฺถปรตฺถาทิเภทํ อตฺถํ หิตํ ลุทฺธปุคฺคโล ยถาภูตํ น ชานาติ. ธมฺมํ น ปสฺสตีติ ทสกุสลกมฺมปถธมฺมมฺปิ ลุทฺโธ โลเภน อภิภูโต ปริยาทินฺนจิตฺโต น ปสฺสติ ปจฺจกฺขโต น ชานาติ, ปเคว อุตฺตริมนุสฺสธมฺมํ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –

‘‘รตฺโต โข, พฺราหฺมณ, ราเคน อภิภูโต ปริยาทินฺนจิตฺโต อตฺตตฺถมฺปิ ยถาภูตํ น ปชานาติ, ปรตฺถมฺปิ ยถาภูตํ น ปชานาติ, อุภยตฺถมฺปิ ยถาภูตํ น ปชานาตี’’ติอาทิ (อ. นิ. ๓.๕๕).

อนฺธตมนฺติ อนฺธภาวกรํ ตมํ. นฺติ ยตฺถ. ภุมฺมตฺเถ หิ เอตํ ปจฺจตฺตวจนํ. ยสฺมึ กาเล โลโภ สหเต อภิภวติ นรํ, อนฺธตมํ ตทา โหตีติ. นฺติ วา การณวจนํ. ยสฺมา โลโภ อุปฺปชฺชมาโน นรํ สหเต อภิภวติ, ตสฺมา อนฺธตมํ ตทา โหตีติ โยชนา, ย-ต-สทฺทานํ เอกนฺตสมฺพนฺธภาวโต. อถ วา นฺติ กิริยาปรามสนํ, ‘‘โลโภ สหเต’’ติ เอตฺถ ยเทตํ โลภสฺส สหนํ อภิภวนํ วุตฺตํ. เอตํ อนฺธภาวกรสฺส ตมสฺส คมนํ อุปฺปาโทติ อตฺโถ. อถ วา ยํ นรํ โลโภ สหเต อภิภวติ, ตสฺส อนฺธตมํ ตทา โหติ, ตโต จ ลุทฺโธ อตฺถํ น ชานาติ, ลุทฺโธ ธมฺมํ น ปสฺสตีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.

โย จ โลภํ ปหนฺตฺวานาติ โย ปุพฺพภาเค ตทงฺควเสน วิกฺขมฺภนวเสน จ ยถารหํ สมถวิปสฺสนาหิ โลภํ ปชหิตฺวา ตถา ปชหนเหตุ โลภเนยฺเย ทิพฺเพปิ รูปาทิเก อุปฏฺิเต น ลุพฺภติ, พลววิปสฺสนานุภาเวน โลโภ ปหียเต ตมฺหาติ ตสฺมา อริยปุคฺคลา อริยมคฺเคน โลโภ ปหียติ ปชหียติ, อจฺจนฺตเมว ปริจฺจชียติ. ยถา กึ? อุทพินฺทูว โปกฺขราติ ปทุมินิปณฺณโต อุทกพินฺทุ วิย. เสสคาถานมฺปิ อิมินา นเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ.

ตถา โทสสฺส –

‘‘ยทปิ ทุฏฺโ อภิสงฺขโรติ กาเยน วาจาย มนสา ตทปิ อกุสลํ; ยทปิ ทุฏฺโ โทเสน อภิภูโต ปริยาทินฺนจิตฺโต ปรสฺส อสตา ทุกฺขํ อุปฺปาเทติ วเธน วา พนฺเธน วา ชานิยา วา ครหาย วา ปพฺพาชนาย วา พลวมฺหิ พลตฺโถ อิติ, ตทปิ อกุสลํ. อิติสฺสเม โทสชา โทสนิทานา โทสสมุทยา โทสปจฺจยา อเนเก ปาปกา อกุสลา ธมฺมา สมฺภวนฺตี’’ติ (อ. นิ. ๓.๗๐).

ตถา –

‘‘ทุฏฺโ โข, พฺราหฺมณ, โทเสน อภิภูโต ปริยาทินฺนจิตฺโต อตฺตพฺยาพาธายปิ เจเตติ, ปรพฺยาพาธายปิ เจเตติ, อุภยพฺยาพาธายปิ เจเตติ เจตสิกมฺปิ ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวเทตี’’ติ (อ. นิ. ๓.๕๕).

ตถา –

‘‘ทุฏฺโ โข, พฺราหฺมณ, โทเสน อภิภูโต ปริยาทินฺนจิตฺโต อตฺตตฺถมฺปิ ยถาภูตํ น ปชานาติ, ปรตฺถมฺปิ ยถาภูตํ น ปชานาติ, อุภยตฺถมฺปิ ยถา ภูตํ น ปชานาตี’’ติ (อ. นิ. ๓.๕๕) –

อาทิสุตฺตปทานุสาเรน อนตฺถชนนตา อตฺถหานิเหตุตา จ เวทิตพฺพา.

ตถา โมหสฺส ‘‘ยทปิ มูฬฺโห อภิสงฺขโรติ กาเยน วาจาย มนสา’’ติอาทินา (อ. นิ. ๓.๗๐), ‘‘มูฬฺโห โข, พฺราหฺมณ, โมเหน อภิภูโต ปริยาทินฺนจิตฺโต อตฺตพฺยาพาธายปิ เจเตตี’’ติอาทินา(อ. นิ. ๓.๕๕), ‘‘อตฺตตฺถมฺปิ ยถาภูตํ น ปชานาตี’’ติอาทินา (อ. นิ. ๓.๕๕) จ อาคตสุตฺตปทานุสาเรน เวทิตพฺพา.

ตาลปกฺกํว พนฺธนาติ ตาลผลํ วิย อุสุมุปฺปาเทน วณฺฏโต, ตติยมคฺคาณุปฺปาเทน ตสฺส จิตฺตโต โทโส ปหียติ, ปริจฺจชียตีติ อตฺโถ. โมหํ วิหนฺติ โส สพฺพนฺติ โส อริยปุคฺคโล สพฺพํ อนวเสสํ โมหํ จตุตฺถมคฺเคน วิหนฺติ วิธมติ สมุจฺฉินฺทติ. อาทิจฺโจวุทยํ ตมนฺติ อาทิจฺโจ วิย อุทยํ อุคฺคจฺฉนฺโต ตมํ อนฺธการํ.

นวมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. เทวทตฺตสุตฺตวณฺณนา

๘๙. ทสเม ตีหิ, ภิกฺขเว, อสทฺธมฺเมหิ อภิภูโตติ กา อุปฺปตฺติ? เทวทตฺเต หิ อวีจิมหานิรยํ ปวิฏฺเ เทวทตฺตปกฺขิยา อฺติตฺถิยา จ ‘‘สมเณน โคตเมน อภิสปิโต เทวทตฺโต ปถวึ ปวิฏฺโ’’ติ อพฺภาจิกฺขึสุ. ตํ สุตฺวา สาสเน อนภิปฺปสนฺนา มนุสฺสา ‘‘สิยา นุ โข เอตเทวํ, ยถา อิเม ภณนฺตี’’ติ อาสงฺกํ อุปฺปาเทสุํ. ตํ ปวตฺตึ ภิกฺขู ภควโต อาโรเจสุํ. อถ ภควา ‘‘น, ภิกฺขเว, ตถาคตา กสฺสจิ อภิสปํ เทนฺติ, ตสฺมา น เทวทตฺโต มยา อภิสปิโต, อตฺตโน กมฺเมเนว นิรยํ ปวิฏฺโ’’ติ วตฺวา เตสํ มิจฺฉาคาหํ ปฏิเสเธนฺโต อิมาย อฏฺุปฺปตฺติยา อิทํ สุตฺตํ อภาสิ.

ตตฺถ อสทฺธมฺเมหีติ อสตํ ธมฺเมหิ, อสนฺเตหิ วา ธมฺเมหิ. อเตกิจฺโฉติ พุทฺเธหิปิ อนิวตฺตนียตฺตา อวีจินิพฺพตฺติยา ติกิจฺฉาภาวโต อเตกิจฺโฉ, อติกิจฺฉนีโยติ อตฺโถ. อสนฺตคุณสมฺภาวนาธิปฺปาเยน ปวตฺตา ปาปา อิจฺฉา เอตสฺสาติ ปาปิจฺโฉ, ตสฺส ภาโว ปาปิจฺฉตา, ตาย. ‘‘อหํ พุทฺโธ ภวิสฺสามิ, สงฺฆํ ปริหริสฺสามี’’ติ ตสฺส อิจฺฉา อุปฺปนฺนา. โกกาลิกาทโย ปาปา ลามกา มิตฺตา เอตสฺสาติ ปาปมิตฺโต, ตสฺส ภาโว ปาปมิตฺตตา, ตาย. อุตฺตริกรณีเยติ ฌานาภิฺาหิ อุตฺตริกรณีเย อธิคนฺตพฺเพ มคฺคผเล อนธิคเต สติ เอว, ตํ อนธิคนฺตฺวาติ อตฺโถ. โอรมตฺตเกนาติ อปฺปมตฺตเกน ฌานาภิฺามตฺเตน. วิเสสาธิคเมนาติ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมาธิคเมน. อนฺตราติ เวมชฺเฌ. โวสานํ อาปาทีติ อกตกิจฺโจว สมาโน ‘‘กตกิจฺโจมฺหี’’ติ มฺมาโน สมณธมฺมโต วิคมํ อาปชฺชิ. อิติ ภควา อิมินา สุตฺเตน วิเสสโต ปุถุชฺชนภาเว อาทีนวํ ปกาเสสิ ภาริโย ปุถุชฺชนภาโว, ยตฺร หิ นาม ฌานาภิฺาปริโยสานา สมฺปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวาปิ อเนกานตฺถาวหํ นานาวิธํ ทุกฺขเหตุํ อสนฺตคุณสมฺภาวนํ อสปฺปุริสสํสคฺคํ อาลสิยานุโยคฺจ อวิชหนฺโต อวีจิมฺหิ กปฺปฏฺิยํ อเตกิจฺฉํ กิพฺพิสํ ปสวิสฺสตีติ.

คาถาสุ มาติ ปฏิเสเธ นิปาโต. ชาตูติ เอกํเสน. โกจีติ สพฺพสงฺคาหกวจนํ. โลกสฺมินฺติ สตฺตโลเก. อิทํ วุตฺตํ โหติ ‘‘อิมสฺมึ สตฺตโลเก โกจิ ปุคฺคโล เอกํเสน ปาปิจฺโฉ มา โหตู’’ติ. ตทมินาปิ ชานาถ, ปาปิจฺฉานํ ยถา คตีติ ปาปิจฺฉานํ ปุคฺคลานํ ยถา คติ ยาทิสี นิปฺผตฺติ, ยาทิโส อภิสมฺปราโย, ตํ อิมินาปิ การเณน ชานาถาติ เทวทตฺตํ นิทสฺเสนฺโต เอวมาห. ปณฺฑิโตติ สมฺาโตติ ปริยตฺติพาหุสจฺเจน ปณฺฑิโตติ าโต. ภาวิตตฺโตติ สมฺมโตติ ฌานาภิฺาหิ ภาวิตจิตฺโตติ สมฺภาวิโต. ตถา หิ โส ปุพฺเพ ‘‘มหิทฺธิโก โคธิปุตฺโต, มหานุภาโว โคธิปุตฺโต’’ติ ธมฺมเสนาปตินาปิ ปสํสิโต อโหสิ. ชลํว ยสสา อฏฺา, เทวทตฺโตติ วิสฺสุโตติ อตฺตโน กิตฺติยา ปริวาเรน ชลนฺโต วิย โอภาเสนฺโต วิย ิโต เทวทตฺโตติ เอวํ วิสฺสุโต ปากโฏ อโหสิ. ‘‘เม สุตฺต’’นฺติปิ ปาโ, มยา สุตํ สุตมตฺตํ, กติปาเหเนว อตถาภูตตฺตา ตสฺส ตํ ปณฺฑิจฺจาทิ สวนมตฺตเมวาติ อตฺโถ.

โส สมานมนุจิณฺโณ, อาสชฺช นํ ตถาคตนฺติ โส เอวํภูโต เทวทตฺโต ‘‘พุทฺโธปิ สกฺยปุตฺโต, อหมฺปิ สกฺยปุตฺโต, พุทฺโธปิ สมโณ, อหมฺปิ สมโณ, พุทฺโธปิ อิทฺธิมา, อหมฺปิ อิทฺธิมา, พุทฺโธปิ ทิพฺพจกฺขุโก, อหมฺปิ ทิพฺพจกฺขุโก, พุทฺโธปิ ทิพฺพโสตโก, อหมฺปิ ทิพฺพโสตโก, พุทฺโธปิ เจโตปริยาณลาภี, อหมฺปิ เจโตปริยาณลาภี, พุทฺโธปิ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺเน ธมฺเม ชานาติ, อหมฺปิ เต ชานามี’’ติ อตฺตโน ปมาณํ อชานิตฺวา สมฺมาสมฺพุทฺธํ อตฺตนา สมสมฏฺปเนน สมานํ อาปชฺชนฺโต ‘‘อิทานาหํ พุทฺโธ ภวิสฺสามิ, ภิกฺขุสงฺฆํ ปริหริสฺสามี’’ติ อภิมารปโยชนา ตถาคตํ อาสชฺช อาสาเทตฺวา วิเหเตฺวา. ‘‘ปมาทมนุชีโน’’ติปิ ปนฺติ. ตสฺสตฺโถ ‘‘วุตฺตนเยน ปมาทํ อาปชฺชนฺโต ปมาทํ นิสฺสาย ภควตา สทฺธึ ยุคคฺคาหจิตฺตุปฺปาเทน สเหว ฌานาภิฺาหิ อนุชีโน ปริหีโน’’ติ. อวีจินิรยํ ปตฺโต, จตุทฺวารํ ภยานกนฺติ ชาลานํ ตตฺถ อุปฺปนฺนสตฺตานํ วา นิรนฺตรตาย ‘‘อวีจี’’ติ ลทฺธนามํ จตูสุ ปสฺเสสุ จตุมหาทฺวารโยเคน จตุทฺวารํ อติภยานกํ มหานิรยํ ปฏิสนฺธิคฺคหณวเสน ปตฺโต. ตถา หิ วุตฺตํ –

‘‘จตุกฺกณฺโณ จตุทฺวาโร, วิภตฺโต ภาคโส มิโต;

อโยปาการปริยนฺโต, อยสา ปฏิกุชฺชิโต.

‘‘ตสฺส อโยมยา ภูมิ, ชลิตา เตชสา ยุตา;

สมนฺตา โยชนสตํ, ผริตฺวา ติฏฺติ สพฺพทา’’ติ. (ม. นิ. ๓.๒๕๐; อ. นิ. ๓.๓๖; เป. ว. ๖๙๓-๖๙๔; ชา. ๒.๑๙.๘๖-๘๗);

อทุฏฺสฺสาติ อทุฏฺจิตฺตสฺส. ทุพฺเภติ ทูเสยฺย. ตเมว ปาปํ ผุสตีติ ตเมว อทุฏฺทุพฺภึ ปาปปุคฺคลํ ปาปํ นิหีนํ ปาปผลํ ผุสติ ปาปุณาติ อภิภวติ. เภสฺมาติ วิปุลภาเวน คมฺภีรภาเวน จ ภึสาเปนฺโต วิย, วิปุลคมฺภีโรติ อตฺโถ. วาเทนาติ โทเสน. วิหึสตีติ พาธติ อาสาเทติ. วาโท ตมฺหิ น รูหตีติ ตสฺมึ ตถาคเต ปเรน อาโรปิยมาโน โทโส น รุหติ, น ติฏฺติ, วิสกุมฺโภ วิย สมุทฺทสฺส, น ตสฺส วิการํ ชเนตีติ อตฺโถ.

เอวํ ฉหิ คาถาหิ ปาปิจฺฉตาทิสมนฺนาคตสฺส นิรยูปคภาวทสฺสเนน ทุกฺขโต อปริมุตฺตตํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตปฺปฏิปกฺขธมฺมสมนฺนาคตสฺส ทุกฺขกฺขยํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตาทิสํ มิตฺต’’นฺติ โอสานคาถมาห. ตสฺสตฺโถ – ยสฺส สมฺมา ปฏิปนฺนสฺส มคฺคานุโค ปฏิปตฺติมคฺคํ อนุคโต สมฺมา ปฏิปนฺโน อปฺปิจฺฉตาทิคุณสมนฺนาคเมน สกลวฏฺฏทุกฺขสฺส ขยํ ปริโยสานํ ปาปุเณยฺย. ตาทิสํ พุทฺธํ วา พุทฺธสาวกํ วา ปณฺฑิโต สปฺปฺโ, อตฺตโน มิตฺตํ กุพฺเพถ เตน เมตฺติกํ กเรยฺย, ตฺจ เสเวยฺย ตเมว ปยิรุปาเสยฺยาติ.

อิติ อิมสฺมึ วคฺเค ฉฏฺสตฺตมสุตฺเตสุ วิวฏฺฏํ กถิตํ, อิตเรสุ วฏฺฏวิวฏฺฏํ กถิตํ.

ทสมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

จตุตฺถวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. ปฺจมวคฺโค

๑. อคฺคปฺปสาทสุตฺตวณฺณนา

๙๐. ปฺจมวคฺคสฺส ปเม อคฺคปฺปสาทาติ เอตฺถ อยํ อคฺคสทฺโท อาทิโกฏิโกฏฺาสเสฏฺเสุ ทิสฺสติ. ตถา เหส ‘‘อชฺชตคฺเค, สมฺม โทวาริก, อาวรามิ ทฺวารํ นิคณฺานํ นิคณฺีนํ (ม. นิ. ๒.๗๐). อชฺชตคฺเค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติ (ที. นิ. ๑.๒๕๐; ปารา. ๑๕) จ อาทีสุ อาทิมฺหิ ทิสฺสติ. ‘‘เตเนว องฺคุลคฺเคน ตํ องฺคุลคฺคํ ปรามเสยฺย (กถา. ๔๔๑). อุจฺฉคฺคํ เวฬคฺค’’นฺติ จ อาทีสุ โกฏิยํ. ‘‘อมฺพิลคฺคํ วา มธุรคฺคํ วา ติตฺตกคฺคํ วา (สํ. นิ. ๕.๓๗๔). อนุชานามิ, ภิกฺขเว, วิหารคฺเคน วา ปริเวณคฺเคน วา ภาเชตุ’’นฺติ (จูฬว. ๓๑๘) จ อาทีสุ โกฏฺาเส. ‘‘อยํ อิเมสํ จตุนฺนํ ปุคฺคลานํ อคฺโค จ เสฏฺโ จ อุตฺตโม จ ปวโร จ (อ. นิ. ๔.๙๕). อคฺโคหมสฺมิ โลกสฺสา’’ติ จ อาทีสุ (ที. นิ. ๒.๓๑; ม. นิ. ๓.๒๐๗) เสฏฺเ. สฺวายมิธาปิ เสฏฺเเยว ทฏฺพฺโพ. ตสฺมา อคฺเคสุ เสฏฺเสุ ปสาทา, อคฺคภูตา เสฏฺภูตา วา ปสาทา อคฺคปฺปสาทาติ อตฺโถ.

ปุริมสฺมิฺจ อตฺเถ อคฺคสทฺเทน พุทฺธาทิรตนตฺตยํ วุจฺจติ. เตสุ ภควา ตาว อสทิสฏฺเน, คุณวิสิฏฺฏฺเน, อสมสมฏฺเน จ อคฺโค. โส หิ มหาภินีหารํ ทสนฺนํ ปารมีนํ ปวิจยฺจ อาทึ กตฺวา เตหิ โพธิสมฺภารคุเณหิ เจว พุทฺธคุเณหิ จ เสสชเนหิ อสทิโสติ อสทิสฏฺเน อคฺโค. เย จสฺส คุณา มหากรุณาทโย, เต เสสสตฺตานํ คุเณหิ วิสิฏฺาติ คุณวิสิฏฺฏฺเนปิ สพฺพสตฺตุตฺตมตาย อคฺโค. เย ปน ปุริมกา สมฺมาสมฺพุทฺธา สพฺพสตฺเตหิ อสมา, เตหิ สทฺธึ อยเมว รูปกายคุเณหิ เจว ธมฺมกายคุเณหิ จ สโมติ อสมสมฏฺเนปิ อคฺโค. ตถา ทุลฺลภปาตุภาวโต อจฺฉริยมนุสฺสภาวโต พหุชนหิตสุขาวหโต อทุติยอสหายาทิภาวโต จ ภควา โลเก อคฺโคติ วุจฺจติ. ยถาห –

‘‘เอกปุคฺคลสฺส, ภิกฺขเว, ปาตุภาโว ทุลฺลโภ โลกสฺมึ, กตมสฺส เอกปุคฺคลสฺส? ตถาคตสฺส อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส.

‘‘เอกปุคฺคโล, ภิกฺขเว, โลเก อุปฺปชฺชมาโน อุปฺปชฺชติ อจฺฉริยมนุสฺโส.

‘‘เอกปุคฺคโล, ภิกฺขเว, โลเก อุปฺปชฺชมาโน อุปฺปชฺชติ พหุชน…เป… สมฺมาสมฺพุทฺโธ.

‘‘เอกปุคฺคโล, ภิกฺขเว, โลเก อุปฺปชฺชมาโน อุปฺปชฺชติ, อทุติโย อสหาโย อปฺปฏิโม อปฺปฏิสโม อปฺปฏิภาโค อปฺปฏิปุคฺคโล อสโม อสมสโม ทฺวิปทานํ อคฺโค. กตโม เอกปุคฺคโล? ตถาคโต อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๗๐-๑๗๒, ๑๗๔).

ธมฺมสงฺฆาปิ อฺธมฺมสงฺเฆหิ อสทิสฏฺเน วิสิฏฺคุณตาย ทุลฺลภปาตุภาวาทินา จ อคฺคา. ตถา หิ เตสํ สฺวากฺขาตตาทิสุปฺปฏิปนฺนตาทิคุณวิเสเสหิ อฺธมฺมสงฺฆา สทิสา อปฺปตรนิหีนา วา นตฺถิ, กุโต เสฏฺา. สยเมว จ ปน เตหิ วิสิฏฺคุณตาย เสฏฺา. ตถา ทุลฺลภุปฺปาทอจฺฉริยภาวพหุชนหิตสุขาวหา อทุติยอสหายาทิสภาวา จ เต. ยทคฺเคน หิ ภควา ทุลฺลภปาตุภาโว, ตทคฺเคน ธมฺมสงฺฆาปีติ. อจฺฉริยาทิภาเวปิ เอเสว นโย. เอวํ อคฺเคสุ เสฏฺเสุ อุตฺตเมสุ ปวเรสุ คุณวิสิฏฺเสุ ปสาทาติ อคฺคปฺปสาทา.

ทุติยสฺมึ ปน อตฺเถ ยถาวุตฺเตสุ อคฺเคสุ พุทฺธาทีสุ อุปฺปตฺติยา อคฺคภูตา ปสาทา อคฺคปฺปสาทา. เย ปน อริยมคฺเคน อาคตา อเวจฺจปฺปสาทา, เต เอกนฺเตเนว อคฺคภูตา ปสาทาติ อคฺคปฺปสาทา. ยถาห ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, อริยสาวโก พุทฺเธ อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต โหตี’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๕.๑๐๒๗). อคฺควิปากตฺตาปิ เจเต อคฺคปฺปสาทา. วุตฺตฺหิ ‘‘อคฺเค โข ปน ปสนฺนานํ อคฺโค วิปาโก’’ติ.

ยาวตาติ ยตฺตกา. สตฺตาติ ปาณิโน. อปทาติ อปาทกา. ทฺวิปทาติ ทฺวิปาทกา. เสสปททฺวเยปิ เอเสว นโย. วา-สทฺโท สมุจฺจยตฺโถ, น วิกปฺปตฺโถ. ยถา ‘‘อนุปฺปนฺโน วา กามาสโว อุปฺปชฺชติ, อุปฺปนฺโน วา กามาสโว ปวฑฺฒตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๗) เอตฺถ อนุปฺปนฺโน จ อุปฺปนฺโน จาติ อตฺโถ. ยถา จ ‘‘ภูตานํ วา สตฺตานํ ิติยา สมฺภเวสีนํ วา อนุคฺคหายา’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๐๒; สํ. นิ. ๒.๑๒) เอตฺถ ภูตานฺจ สมฺภเวสีนฺจาติ อตฺโถ. ยถา จ ‘‘อคฺคิโต วา อุทกโต วา มิถุเภทโต วา’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๕๒; อุทา. ๗๖; มหาว. ๒๘๖) เอตฺถ อคฺคิโต จ อุทกโต จ มิถุเภทโต จาติ อตฺโถ, เอวํ ‘‘อปทา วา…เป… อคฺคมกฺขายตี’’ติ เอตฺถาปิ อปทา จ ทฺวิปทา จาติ สมฺปิณฺฑนวเสน อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เตน วุตฺตํ ‘‘วา-สทฺโท สมุจฺจยตฺโถ, น วิกปฺปตฺโถ’’ติ.

รูปิโนติ รูปวนฺโต. น รูปิโนติ อรูปิโน. สฺิโนติ สฺาวนฺโต. น สฺิโนติ อสฺิโน. เนวสฺินาสฺิโน นาม ภวคฺคปริยาปนฺนา. เอตฺตาวตา จ กามภโว, รูปภโว, อรูปภโว, เอกโวการภโว, จตุโวการภโว, ปฺจโวการภโว, สฺีภโว, อสฺีภโว, เนวสฺีนาสฺีภโวติ นววิเธปิ ภเว สตฺเต อนวเสสโต ปริยาทิยิตฺวา ทสฺเสสิ ธมฺมราชา. เอตฺถ หิ รูปิคฺคหเณน กามภโว รูปภโว ปฺจโวการภโว เอกโวการภโว จ ทสฺสิโต, อรูปิคฺคหเณน อรูปภโว จตุโวการภโว จ ทสฺสิโต. สฺีภวาทโย ปน สรูเปเนว ทสฺสิตา. อปทาทิคฺคหเณน กามภวปฺจโวการภวสฺีภวานํ เอกเทโส ทสฺสิโตติ.

กสฺมา ปเนตฺถ ยถา อทุติยสุตฺเต ‘‘ทฺวิปทานํ อคฺโค’’ติ ทฺวิปทานํ คหณเมว อกตฺวา อปทาทิคฺคหณํ กตนฺติ? วุจฺจเต – อทุติยสุตฺเต ตาว เสฏฺตรวเสน ทฺวิปทคฺคหณเมว กตํ. อิมสฺมิฺหิ โลเก เสฏฺโ นาม อุปฺปชฺชมาโน อปทจตุปฺปทพหุปฺปเทสุ น อุปฺปชฺชติ, ทฺวิปเทสุเยว อุปฺปชฺชติ. กตเรสุ ทฺวิปเทสุ? มนุสฺเสสุ เจว เทเวสุ จ. มนุสฺเสสุ อุปฺปชฺชมาโน สกลโลกํ วเส วตฺเตตุํ สมตฺโถ พุทฺโธ หุตฺวา อุปฺปชฺชติ. องฺคุตฺตรฏฺกถายํ ปน ‘‘ติสหสฺสิมหาสหสฺสิโลกธาตุํ วเส วตฺเตตุํ สมตฺโถ’’ติ (อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๑๗๔) วุตฺตํ. เทเวสุ อุปฺปชฺชมาโน ทสสหสฺสิโลกธาตุํ วเส วตฺตนโก มหาพฺรหฺมา หุตฺวา อุปฺปชฺชติ, โส ตสฺส กปฺปิยการโก วา อารามิโก วา สมฺปชฺชติ. อิติ ตโตปิ เสฏฺตรวเสเนส ‘‘ทฺวิปทานํ อคฺโค’’ติ ตตฺถ วุตฺโต, อิธ ปน อนวเสสปริยาทานวเสน เอวํ วุตฺตํ. ยาวตฺตกา หิ สตฺตา อตฺตภาวปริยาปนฺนา อปทา วา…เป… เนวสฺีนาสฺิโน วา, ตถาคโต เตสํ อคฺคมกฺขายตีติ. นิทฺธารเณ เจตํ สามิวจนํ, มกาโร ปทสนฺธิกโร. อคฺโค อกฺขายตีติ ปทวิภาโค.

อคฺโค วิปาโก โหตีติ อคฺเค สมฺมาสมฺพุทฺเธ ปสนฺนานํ โย ปสาโท, โส อคฺโค เสฏฺโ อุตฺตโม โกฏิภูโต วา, ตสฺมา ตสฺส วิปาโกปิ อคฺโค เสฏฺโ อุตฺตโม โกฏิภูโต อุฬารตโม ปณีตตโม โหติ. โส ปน ปสาโท ทุวิโธ โลกิยโลกุตฺตรเภทโต. เตสุ โลกิยสฺส ตาว –

‘‘เย เกจิ พุทฺธํ สรณํ คตาเส, น เต คมิสฺสนฺติ อปายภูมึ;

ปหาย มานุสํ เทหํ, เทวกายํ ปริปูเรสฺสนฺติ. (ที. นิ. ๒.๓๓๒; สํ. นิ. ๑.๓๗);

‘‘พุทฺโธติ กิตฺตยนฺตสฺส, กาเย ภวติ ยา ปีติ;

วรเมว หิ สา ปีติ, กสิเณนปิ ชมฺพุทีปสฺส.

‘‘สตํ หตฺถี สตํ อสฺสา, สตํ อสฺสตรี รถา;

สตํ กฺาสหสฺสานิ, อามุกฺกมณิกุณฺฑลา;

เอกสฺส ปทวีติหารสฺส, กลํ นาคฺฆนฺติ โสฬสึ’’. (สํ. นิ. ๑.๒๔๒; จูฬว. ๓๐๕);

‘‘สาธุ โข, เทวานมินฺท, พุทฺธํ สรณคมนํ โหติ, พุทฺธํ สรณคมนเหตุ โข, เทวานมินฺท, เอวมิเธกจฺเจ สตฺตา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชนฺติ. เต อฺเ เทเว ทสหิ าเนหิ อธิคณฺหนฺติ – ทิพฺเพน อายุนา, ทิพฺเพน วณฺเณน, ทิพฺเพน สุเขน, ทิพฺเพน ยเสน, ทิพฺเพน อาธิปเตยฺเยน, ทิพฺเพหิ รูเปหิ, ทิพฺเพหิ สทฺเทหิ, ทิพฺเพหิ คนฺเธหิ, ทิพฺเพหิ รเสหิ, ทิพฺเพหิ โผฏฺพฺเพหี’’ติ (สํ. นิ. ๔.๓๔๑) –

เอวมาทีนํ สุตฺตปทานํ วเสน ปสาทสฺส ผลวิเสสโยโค เวทิตพฺโพ. ตสฺมา โส อปายทุกฺขวินิวตฺตเนน สทฺธึ สมฺปตฺติภเวสุ สุขวิปากทายโกติ ทฏฺพฺโพ. โลกุตฺตโร ปน สามฺผลวิปากทายโก วฏฺฏทุกฺขวินิวตฺตโก จ. สพฺโพปิ จายํ ปสาโท ปรมฺปราย วฏฺฏทุกฺขํ วินิวตฺเตติเยว. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘ยสฺมึ, ภิกฺขเว, สมเย อริยสาวโก อตฺตโน สทฺธํ อนุสฺสรติ, เนวสฺส ตสฺมึ สมเย ราคปริยุฏฺิตํ จิตฺตํ โหติ, น โทสปริยุฏฺิตํ, น โมหปริยุฏฺิตํ จิตฺตํ โหติ, อุชุคตเมวสฺส ตสฺมึ สมเย จิตฺตํ โหติ. อุชุคตจิตฺตสฺส ปาโมชฺชํ ชายติ, ปมุทิตสฺส ปีติ ชายติ…เป… นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ ปชานาตี’’ติ (อ. นิ. ๖.๑๐; ๒๖).

ธมฺมาติ สภาวธมฺมา. สงฺขตาติ สเมจฺจ สมฺภุยฺย ปจฺจเยหิ กตาติ สงฺขตา, สปฺปจฺจยธมฺมา. เหตูหิ ปจฺจเยหิ จ น เกหิจิ กตาติ อสงฺขตา, อปฺปจฺจยนิพฺพานํ. สงฺขตานํ ปฏิโยคิภาเวน ‘‘อสงฺขตา’’ติ ปุถุวจนํ. วิราโค เตสํ อคฺคมกฺขายตีติ เตสํ สงฺขตาสงฺขตธมฺมานํ โย วิราคสงฺขาโต อสงฺขตธมฺโม, โส สภาเวเนว สณฺหสุขุมภาวโต สนฺตตรปณีตตรภาวโต คมฺภีราทิภาวโต มทนิมฺมทนาทิภาวโต จ อคฺคํ เสฏฺํ อุตฺตมํ ปวรนฺติ วุจฺจติ. ยทิทนฺติ นิปาโต, โย อยนฺติ อตฺโถ. มทนิมฺมทโนติอาทีนิ สพฺพานิ นิพฺพานเววจนานิเยว. ตถา หิ ตํ อาคมฺม มานมทปุริสมทาทิโก สพฺโพ มโท นิมฺมทียติ ปมทฺทียติ, กามปิปาสาทิกา สพฺพา ปิปาสา วินียติ, กามาลยาทิกา สพฺเพปิ อาลยา สมุคฺฆาตียนฺติ, สพฺเพปิ กมฺมวฏฺฏกิเลสวฏฺฏวิปากวฏฺฏา อุปจฺฉิชฺชนฺติ, อฏฺสตเภทา สพฺพาปิ ตณฺหา ขียติ, สพฺเพปิ กิเลสา วิรชฺชนฺติ, สพฺพํ ทุกฺขํ นิรุชฺฌติ, ตสฺมา มทนิมฺมทโน…เป… นิโรโธติ วุจฺจติ. ยา ปเนสา ตณฺหา ภเวน ภวํ, ผเลน กมฺมํ วินติ สํสิพฺพตีติ กตฺวา วานนฺติ วุจฺจติ. ตํ วานํ เอตฺถ นตฺถิ, เอตสฺมึ วา อธิคเต อริยปุคฺคลสฺส น โหตีติ นิพฺพานํ.

อคฺโค วิปาโก โหตีติ เอตฺถาปิ –

‘‘เย เกจิ ธมฺมํ สรณํ คตาเส…เป…. (ที. นิ. ๒.๓๓๒; สํ. นิ. ๑.๓๗);

‘‘ธมฺโมติ กิตฺตยนฺตสฺส, กาเย ภวติ ยา ปีติ…เป….

‘‘สาธุ โข, เทวานมินฺท, ธมฺมํ สรณคมนํ โหติ. ธมฺมํ สรณคมนเหตุ โข, เทวานมินฺท, เอวมิเธกจฺเจ…เป… ทิพฺเพหิ โผฏฺพฺเพหี’’ติ (สํ. นิ. ๔.๓๔๑) –

เอวมาทีนํ สุตฺตปทานํ วเสน ธมฺเม ปสาทสฺส ผลวิเสสโยโค เวทิตพฺโพ. เอวเมตฺถ อสงฺขตธมฺมวเสเนว อคฺคภาโว อาคโต, สพฺพสงฺขตนิสฺสรณทสฺสนตฺถํ อริยมคฺควเสนปิ อยมตฺโถ ลพฺภเตว. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, ธมฺมา สงฺขตา, อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค เตสํ อคฺคมกฺขายตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๓๔).

‘‘มคฺคานฏฺงฺคิโก เสฏฺโ’’ติ จ. (ธ. ป. ๒๗๓).

สงฺฆา วา คณา วาติ ชนสมูหสงฺขาตา ยาวตา โลเก สงฺฆา วา คณา วา. ตถาคตสาวกสงฺโฆติ อฏฺอริยปุคฺคลสมูหสงฺขาโต ทิฏฺิสีลสามฺเน สํหโต ตถาคตสฺส สาวกสงฺโฆ. เตสํ อคฺคมกฺขายตีติ อตฺตโน สีลสมาธิปฺาวิมุตฺติอาทิคุณวิเสเสน เตสํ สงฺฆานํ อคฺโค เสฏฺโ อุตฺตโม ปวโรติ วุจฺจติ. ยทิทนฺติ ยานิ อิมานิ. จตฺตาริ ปุริสยุคานีติ ยุคฬวเสน ปมมคฺคฏฺโ ปมผลฏฺโติ อิทเมกํ ยุคฬํ, ยาว จตุตฺถมคฺคฏฺโ จตุตฺถผลฏฺโติ อิทเมกํ ยุคฬนฺติ เอวํ จตฺตาริ ปุริสยุคานิ. อฏฺ ปุริสปุคฺคลาติ ปุริสปุคฺคลวเสน เอโก ปมมคฺคฏฺโ เอโก ปมผลฏฺโติ อิมินา นเยน อฏฺ ปุริสปุคฺคลา. เอตฺถ จ ปุริโสติ วา ปุคฺคโลติ วา เอกตฺถานิ เอตานิ ปทานิ, เวเนยฺยวเสน ปเนวํ วุตฺตํ. เอส ภควโต สาวกสงฺโฆติ ยานิมานิ ยุควเสน จตฺตาริ ปุริสยุคานิ, ปาเฏกฺกโต อฏฺ ปุริสปุคฺคลา, เอส ภควโต สาวกสงฺโฆ.

อาหุเนยฺโยติอาทีสุ อาเนตฺวา หุนิตพฺพนฺติ อาหุนํ, ทูรโตปิ อาคนฺตฺวา สีลวนฺเตสุ ทาตพฺพนฺติ อตฺโถ. จตุนฺนํ ปจฺจยานเมตํ อธิวจนํ. มหปฺผลภาวกรณโต ตํ อาหุนํ ปฏิคฺคเหตุํ ยุตฺโตติ อาหุเนยฺโย. อถ วา ทูรโตปิ อาคนฺตฺวา สพฺพํ สาปเตยฺยมฺปิ เอตฺถ หุนิตพฺพํ, สกฺกาทีนมฺปิ อาหวนํ อรหตีติ วา อาหวนีโย. โย จายํ พฺราหฺมณานํ อาหวนีโย นาม อคฺคิ, ยตฺถ หุตํ มหปฺผลนฺติ เตสํ ลทฺธิ, โส เจ หุตสฺส มหปฺผลตาย อาหวนีโย, สงฺโฆว อาหวนีโย. สงฺเฆ หุตฺหิ มหปฺผลํ โหติ. ยถาห –

‘‘โย จ วสฺสสตํ ชนฺตุ, อคฺคึ ปริจเร วเน;

เอกฺจ ภาวิตตฺตานํ, มุหุตฺตมปิ ปูชเย;

สา เอว ปูชนา เสยฺโย, ยฺเจ วสฺสสตํ หุต’’นฺติ. (ธ. ป. ๑๐๗);

ตยิทํ นิกายนฺตเร ‘‘อาหวนีโย’’ติ ปทํ อิธ ‘‘อาหุเนยฺโย’’ติ อิมินา ปเทน อตฺถโต เอกํ, พฺยฺชนโต ปน กิฺจิมตฺตเมว นานํ, ตสฺมา เอวมตฺถวณฺณนา กตา.

ปาหุเนยฺโยติ เอตฺถ ปน ปาหุนํ วุจฺจติ ทิสาวิทิสโต อาคตานํ ปิยมนาปานํ าติมิตฺตานํ อตฺถาย สกฺกาเรน ปฏิยตฺตํ อาคนฺตุกทานํ, ตมฺปิ เปตฺวา เต ตถารูเป ปาหุนเก สงฺฆสฺเสว ทาตุํ ยุตฺตํ. ตถา เหส เอกพุทฺธนฺตเรปิ ทิสฺสติ อพฺโพกิณฺณฺจ. อยํ ปเนตฺถ ปทตฺโถ – ‘‘ปิยมนาปตฺตกเรหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต’’ติ เอวํ ปาหุนมสฺส ทาตุํ ยุตฺตํ, ปาหุนฺจ ปฏิคฺคเหตุํ ยุตฺโตติ ปาหุเนยฺโย. เยสํ ปน ปาหวนีโยติ ปาฬิ, เตสํ ยสฺมา สงฺโฆ ปุพฺพการํ อรหติ, ตสฺมา สงฺโฆ สพฺพปมํ อาเนตฺวา เอตฺถ หุนิตพฺพนฺติ ปาหวนีโย, สพฺพปฺปกาเรน วา อาหวนํ อรหตีติ ปาหวนีโย. สฺวายมิธ เตเนว อตฺเถน ปาหุเนยฺโยติ วุจฺจติ.

‘‘ทกฺขิณา’’ติ ปรโลกํ สทฺทหิตฺวา ทาตพฺพทานํ, ตํ ทกฺขิณํ อรหติ ทกฺขิณาย วา หิโต มหปฺผลภาวกรเณน วิโสธนโตติ ทกฺขิเณยฺโย. อุโภ หตฺเถ สิรสิ ปติฏฺเปตฺวา สพฺพโลเกน กริยมานํ อฺชลิกมฺมํ อรหตีติ อฺชลิกรณีโย. อนุตฺตรํ ปุฺกฺเขตฺตํ โลกสฺสาติ สพฺพโลกสฺส อสทิสํ ปุฺวิรูหนฏฺานํ. ยถา หิ รตฺตสาลีนํ วา ยวานํ วา วิรูหนฏฺานํ ‘‘รตฺตสาลิกฺเขตฺตํ ยวกฺเขตฺต’’นฺติ วุจฺจติ, เอวํ สงฺโฆ สเทวกสฺส โลกสฺส ปุฺวิรูหนฏฺานํ. สงฺฆํ นิสฺสาย หิ โลกสฺส นานปฺปการหิตสุขนิพฺพตฺตกานิ ปุฺานิ วิรูหนฺติ, ตสฺมา สงฺโฆ อนุตฺตรํ ปุฺกฺเขตฺตํ โลกสฺส. อิธาปิ –

‘‘เย เกจิ สงฺฆํ สรณํ คตาเส…เป…. (ที. นิ. ๒.๓๓๒; สํ. นิ. ๑.๓๗);

‘‘สงฺโฆติ กิตฺตยนฺตสฺส, กาเย ภวติ ยา ปีติ…เป…’’.

‘‘สาธุ โข, เทวานมินฺท, สงฺฆํ สรณคมนํ โหติ, สงฺฆํ สรณคมนเหตุ โข เทวานมินฺท…เป… ทิพฺเพหิ โผฏฺพฺเพหี’’ติ (สํ. นิ. ๔.๓๔๑) –

อาทีนํ สุตฺตปทานํ วเสน สงฺเฆ ปสาทสฺส ผลวิเสสโยโค, เตนสฺส อคฺคตา อคฺควิปากตา จ เวทิตพฺพา. ตถา อนุตฺตริยปฏิลาโภ สตฺตมภวาทิโต ปฏฺาย วฏฺฏทุกฺขสมุจฺเฉโท อนุตฺตรสุขาธิคโมติ เอวมาทิอุฬารผลนิปฺผาทนวเสน อคฺควิปากตา เวทิตพฺพา.

คาถาสุ อคฺคโตติ อคฺเค รตนตฺตเย, อคฺคภาวโต วา ปสนฺนานํ. อคฺคํ ธมฺมนฺติ อคฺคสภาวํ พุทฺธสุพุทฺธตํ ธมฺมสุธมฺมตํ สงฺฆสุปฺปฏิปตฺตึ รตนตฺตยสฺส อนฺสาธารณํ อุตฺตมสภาวํ, ทสพลาทิสฺวากฺขาตตาทิสุปฺปฏิปนฺนตาทิคุณสภาวํ วา วิชานตํ วิชานนฺตานํ. เอวํ สาธารณโต อคฺคปฺปสาทวตฺถุํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อสาธารณโต ตํ วิภาเคน ทสฺเสตุํ ‘‘อคฺเค พุทฺเธ’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ปสนฺนานนฺติ อเวจฺจปฺปสาเทน อิตรปฺปสาเทน จ ปสนฺนานํ อธิมุตฺตานํ. วิราคูปสเมติ วิราเค อุปสเม จ, สพฺพสฺส ราคสฺส สพฺเพสํ กิเลสานํ อจฺจนฺตวิราคเหตุภูเต อจฺจนฺตอุปสมเหตุภูเต จาติ อตฺโถ. สุเขติ วฏฺฏทุกฺขกฺขยภาเวน สงฺขารูปสมสุขภาเวน จ สุเข.

อคฺคสฺมึ ทานํ ททตนฺติ อคฺเค รตนตฺตเย ทานํ เทนฺตานํ เทยฺยธมฺมํ ปริจฺจชนฺตานํ. ตตฺถ ธรมานํ ภควนฺตํ จตูหิ ปจฺจเยหิ อุปฏฺหนฺตา ปูเชนฺตา สกฺกโรนฺตา ปรินิพฺพุตฺจ ภควนฺตํ อุทฺทิสฺส ธาตุเจติยาทิเก อุปฏฺหนฺตา ปูเชนฺตา สกฺกโรนฺตา พุทฺเธ ทานํ ททนฺติ นาม. ‘‘ธมฺมํ ปูเชสฺสามา’’ติ ธมฺมธเร ปุคฺคเล จตูหิ ปจฺจเยหิ อุปฏฺหนฺตา ปูเชนฺตา สกฺกโรนฺตา ธมฺมฺจ จิรฏฺิติกํ กโรนฺตา ธมฺเม ทานํ ททนฺติ นาม. ตถา อริยสงฺฆํ จตูหิ ปจฺจเยหิ อุปฏฺหนฺตา ปูเชนฺตา สกฺกโรนฺตา ตํ อุทฺทิสฺส อิตรสฺมิมฺปิ ตถา ปฏิปชฺชนฺตา สงฺเฆ ทานํ ททนฺติ นาม. อคฺคํ ปุฺํ ปวฑฺฒตีติ เอวํ รตนตฺตเย ปสนฺเนน เจตสา อุฬารํ ปริจฺจาคํ อุฬารฺจ ปูชาสกฺการํ ปวตฺเตนฺตานํ ทิวเส ทิวเส อคฺคํ อุฬารํ กุสลํ อุปจียติ. อิทานิ ตสฺส ปุฺสฺส อคฺควิปากตาย อคฺคภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘อคฺคํ อายู’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อคฺคํ อายูติ ทิพฺพํ วา มานุสํ วา อคฺคํ อุฬารตมํ อายุ. ปวฑฺฒตีติ อุปรูปริ พฺรูหติ. วณฺโณติ รูปสมฺปทา. ยโสติ ปริวารสมฺปทา. กิตฺตีติ ถุติโฆโส. สุขนฺติ กายิกํ เจตสิกฺจ สุขํ. พลนฺติ กายพลํ าณพลฺจ.

อคฺคสฺส ทาตาติ อคฺคสฺส รตนตฺตยสฺส ทาตา, อถ วา อคฺคสฺส เทยฺยธมฺมสฺส ทานํ อุฬารํ กตฺวา ตตฺถ ปุฺํ ปวตฺเตตา. อคฺคธมฺมสมาหิโตติ อคฺเคน ปสาทธมฺเมน ทานาทิธมฺเมน จ สมาหิโต สมนฺนาคโต อจลปฺปสาทยุตฺโต, ตสฺส วา วิปากภูเตหิ พหุชนสฺส ปิยมนาปตาทิธมฺเมหิ ยุตฺโต. อคฺคปฺปตฺโต ปโมทตีติ ยตฺถ ยตฺถ สตฺตนิกาเย อุปฺปนฺโน, ตตฺถ ตตฺถ อคฺคภาวํ เสฏฺภาวํ อธิคโต, อคฺคภาวํ วา โลกุตฺตรมคฺคผลํ อธิคโต ปโมทติ อภิรมติ ปริตุสฺสตีติ.

ปมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. ชีวิกสุตฺตวณฺณนา

๙๑. ทุติยํ อฏฺุปฺปตฺติวเสน เทสิตํ. เอกสฺมิฺหิ สมเย ภควติ กปิลวตฺถุสฺมึ นิคฺโรธาราเม วิหรนฺเต ภิกฺขู อาคนฺตุกภิกฺขูนํ เสนาสนานิ ปฺาเปนฺตา ปตฺตจีวรานิ ปฏิสาเมนฺตา สามเณรา จ ลาภภาชนียฏฺาเน สมฺปตฺตสมฺปตฺตานํ ลาภํ คณฺหนฺตา อุจฺจาสทฺทา มหาสทฺทา อเหสุํ. ตํ สุตฺวา ภควา ภิกฺขู ปณาเมสิ. เต กิร สพฺเพว นวา อธุนาคตา อิมํ ธมฺมวินยํ. ตํ ตฺวา มหาพฺรหฺมา อาคนฺตฺวา ‘‘อภินนฺทตุ, ภนฺเต, ภควา ภิกฺขุสงฺฆ’’นฺติ (ม. นิ. ๒.๑๕๘) เตสํ ปณามิตภิกฺขูนํ อนุคฺคณฺหนํ ยาจิ. ภควา ตสฺส โอกาสํ อกาสิ. อถ มหาพฺรหฺมา ‘‘กตาวกาโส โขมฺหิ ภควตา’’ติ ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิ. อถ ภควา ‘‘ภิกฺขุสงฺโฆ อาคจฺฉตู’’ติ อานนฺทตฺเถรสฺส อาการํ ทสฺเสสิ. อถ เต ภิกฺขู อานนฺทตฺเถเรน ปกฺโกสิตา ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา สารชฺชมานรูปา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. ภควา เตสํ สปฺปายเทสนํ วีมํสนฺโต ‘‘อิเม อามิสเหตุ ปณามิตา, ปิณฺฑิยาโลปธมฺมเทสนา เนสํ สปฺปายา’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘อนฺตมิทํ, ภิกฺขเว’’ติ อิมํ เทสนํ เทเสสิ.

ตตฺรายํ อนฺตสทฺโท ‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว, เอเก สมณพฺราหฺมณา ปุพฺพนฺตกปฺปิกา ปุพฺพนฺตานุทิฏฺิโน’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๙) โกฏฺาเส อาคโต. ‘‘อนฺตมกาสิ ทุกฺขสฺส, อนฺตวา อยํ โลโก ปริวฏุโม’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๕๕) ปริจฺเฉเท. ‘‘หริตนฺตํ วา ปถนฺตํ วา เสลนฺตํ วา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๐๔) มริยาทายํ. ‘‘อนฺตํ อนฺตคุณ’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๓๗๗; ขุ. ปา. ๓.ทฺวตฺตึสาการ) สรีราวยเว ‘‘จรนฺติ โลเก ปริวารฉนฺนา, อนฺโต อสุทฺธา พหิ โสภมานา’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๑๒๒; มหานิ. ๑๙๑) จิตฺเต. ‘‘อปฺเปกจฺจานิ อุปฺปลานิ วา ปทุมานิ วา ปุณฺฑรีกานิ วา อุทเก ชาตานิ อุทเก สํวฑฺฒานิ อุทกานุคฺคตานิ อนฺโต นิมุคฺคโปสีนี’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๖๙; สํ. นิ. ๑.๑๗๒; มหาว. ๙) อพฺภนฺตเร.

‘‘มิคานํ โกฏฺุโก อนฺโต, ปกฺขีนํ ปน วายโส;

เอรณฺโฑ อนฺโต รุกฺขานํ, ตโย อนฺตา สมาคตา’’ติ. (ชา. ๑.๓.๑๓๕) –

อาทีสุ ลามเก. อิธาปิ ลามเก เอว ทฏฺพฺโพ. ตสฺมา อนฺตมิทํ ภิกฺขเว ชีวิกานนฺติ ภิกฺขเว อิทํ ชีวิกานํ อนฺตํ ปจฺฉิมํ ลามกํ, สพฺพนิหีนํ ชีวิตนฺติ อตฺโถ. ยทิทํ ปิณฺโฑลฺยนฺติ ยํ อิทํ ปิณฺฑปริเยสเนน ภิกฺขาจริยาย ชีวิกํ กปฺเปนฺตสฺส ชีวิตํ. อยํ ปเนตฺถ ปทตฺโถ – ปิณฺฑาย อุลตีติ ปิณฺโฑโล, ตสฺส กมฺมํ ปิณฺโฑลฺยํ, ปิณฺฑปริเยสเนน ชีวิกาติ อตฺโถ.

อภิสาโปติ อกฺโกโส. กุปิตา หิ มนุสฺสา อตฺตโน ปจฺจตฺถิกํ ‘‘ปิโลติกขณฺฑํ นิวาเสตฺวา กปาลหตฺโถ ปิณฺฑํ ปริเยสมาโน จเรยฺยาสี’’ติ อกฺโกสนฺติ. อถ วา ‘‘กึ ตุยฺหํ อกาตพฺพํ อตฺถิ, โย ตฺวํ เอวํ พลวีริยูปปนฺโนปิ หิโรตฺตปฺปํ ปหาย กปโณ ปิณฺโฑโล วิจรสิ ปตฺตปาณี’’ติ เอวมฺปิ อกฺโกสนฺติเยว. ตฺจ โข เอตนฺติ ตํ เอตํ อภิสปมฺปิ สมานํ ปิณฺโฑลฺยํ. กุลปุตฺตา อุเปนฺติ อตฺถวสิกาติ มม สาสเน ชาติกุลปุตฺตา จ อาจารกุลปุตฺตา จ อตฺถวสิกา การณวสิกา หุตฺวา การณวสํ ปฏิจฺจ อุเปนฺติ อุปคจฺฉนฺติ.

ราชาภินีตาติอาทีสุ เย รฺโ สนฺตกํ ขาทิตฺวา รฺา พนฺธนาคาเร พนฺธาปิตา ปลายิตฺวา ปพฺพชนฺติ, เต รฺา พนฺธนํ อภินีตตฺตา ราชาภินีตา นาม. เย ปน โจเรหิ อฏวิยํ คเหตฺวา เอกจฺเจสุ มาริยมาเนสุ เอกจฺเจ ‘‘มยํ สามิ ตุมฺเหหิ วิสฺสฏฺา เคหํ อนชฺฌาวสิตฺวา ปพฺพชิสฺสาม, ตตฺถ ตตฺถ ยํ ยํ พุทฺธปูชาทิปุฺํ กริสฺสาม, ตโต ตโต ตุมฺหากํ ปตฺตึ ทสฺสามา’’ติ เตหิ วิสฺสฏฺา ปพฺพชนฺติ, เต โจราภินีตา นาม โจเรหิ มาเรตพฺพตํ อภินีตตฺตา. เย ปน อิณํ คเหตฺวา ปฏิทาตุํ อสกฺโกนฺตา ปลายิตฺวา ปพฺพชนฺติ, เต อิณฏฺฏา นาม. ตฺจ โข เอตํ ปิณฺโฑลฺยํ กุลปุตฺตา มม สาสเน เนว ราชาภินีตา…เป… น อาชีวิกาปกตา อุเปนฺติ, อปิจ โข ‘‘โอติณฺณมฺหา ชาติยา…เป… ปฺาเยถา’’ติ อุเปนฺตีติ ปทสมฺพนฺโธ.

ตตฺถ โอติณฺณมฺหาติ โอติณฺณา อมฺหา. ชาติยาติอาทีสุ ตมฺหิ ตมฺหิ สตฺตนิกาเย ขนฺธานํ ปมาภินิพฺพตฺติ ชาติ, ปริปาโก ชรา, เภโท มรณํ. าติโรคโภคสีลทิฏฺิพฺยสเนหิ ผุฏฺสฺส สนฺตาโป อนฺโต นิชฺฌานํ โสโก, เตหิ ผุฏฺสฺส วจีวิปฺปลาโป ปริเทโว. อนิฏฺโผฏฺพฺพปฏิหตกายสฺส กายปีฬนํ ทุกฺขํ, อาฆาตวตฺถูสุ อุปหตจิตฺตสฺส เจโตปีฬนํ โทมนสฺสํ. าติพฺยสนาทีหิ เอว ผุฏฺสฺส ปริเทเวนปิ อธิวาเสตุํ อสมตฺถสฺส จิตฺตสนฺตาปสมุฏฺิโต ภุโส อายาโส อุปายาโส. เอเตหิ ชาติอาทีหิ โอติณฺณา ทุกฺโขติณฺณา, เตหิ ชาติอาทิทุกฺเขหิ อนฺโต อนุปวิฏฺา. ทุกฺขปเรตาติ เตหิ ทุกฺขทุกฺขวตฺถูหิ อภิภูตา. ชาติอาทโย หิ ทุกฺขสฺส วตฺถุภาวโต ทุกฺขา, ทุกฺขภาวโต จ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา ทุกฺขาติ. อปฺเปว นาม…เป… ปฺาเยถาติ อิมสฺส สกลสฺส วฏฺฏทุกฺขราสิสฺส ปริจฺเฉทกรณํ โอสานกิริยา อปิ นาม ปฺาเยยฺย.

โส จ โหติ อภิชฺฌาลูติ อิทํ โย กุลปุตฺโต ‘‘ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสามี’’ติ ปุพฺเพ จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา ปพฺพชิโต อปรภาเค ตํ ปพฺพชฺชํ ตถารูปํ กาตุํ น สกฺโกติ, ตํ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. ตตฺถ อภิชฺฌาลูติ ปรภณฺฑานํ อภิชฺฌายิตา. ติพฺพสาราโคติ พลวราโค. พฺยาปนฺนจิตฺโตติ พฺยาปาเทน ปูติภูตตฺตา วิปนฺนจิตฺโต. ปทุฏฺมนสงฺกปฺโปติ ติขิณสิงฺโค วิย จณฺฑโคโณ ปเรสํ อุปฆาตวเสน ทุฏฺจิตฺโต. มุฏฺสฺสตีติ ภตฺตนิกฺขิตฺตกาโก วิย, มํสนิกฺขิตฺตสุนโข วิย จ นฏฺสฺสติ, อิธ กตํ เอตฺถ น สรติ. อสมฺปชาโนติ นิปฺปฺโ ขนฺธาทิปริจฺเฉทรหิโต. อสมาหิโตติ จณฺฑโสเต พทฺธนาวา วิย อสณฺิโต. วิพฺภนฺตจิตฺโตติ ปนฺถารุฬฺหมิโค วิย ภนฺตมโน. ปากตินฺทฺริโยติ ยถา คิหี สํวราภาเวน ปริคฺคหปริชเน โอโลเกนฺติ อสํวุตินฺทฺริยา, เอวํ อสํวุตินฺทฺริโย โหติ.

ฉวาลาตนฺติ ฉวานํ ทฑฺฒฏฺาเน อลาตํ. อุภโตปทิตฺตํ มชฺเฌ คูถคตนฺติ ปมาเณน อฏฺงฺคุลมตฺตํ อุภโต ทฺวีสุ โกฏีสุ อาทิตฺตํ มชฺเฌ คูถมกฺขิตํ. เนว คาเมติ สเจ หิ ตํ ยุคนงฺคลโคปานสิปกฺขปาสกาทีนํ อตฺถาย อุปเนตุํ สกฺกา อสฺส คาเม กฏฺตฺถํ ผเรยฺย. สเจ เขตฺตกุฏิยา กฏฺตฺถรมฺจกาทีนํ อตฺถาย อุปเนตุํ สกฺกา อสฺส, อรฺเ กฏฺตฺถํ ผเรยฺย. ยสฺมา ปน อุภยตฺถาปิ น สกฺกา, ตสฺมา เอวํ วุตฺตํ. ตถูปมาหนฺติ ตถูปมํ ฉวาลาตสทิสํ อหํ อิมํ ยถาวุตฺตปุคฺคลํ วทามิ. คิหิโภคา จ ปริหีโนติ โย อคาเร วสนฺเตหิ คิหีหิ ทายชฺเช ภาชิยมาเน อฺถา จ โภโค ลทฺธพฺโพ อสฺส, ตโต จ ปริหีโน. สามฺตฺถฺจาติ อาจริยุปชฺฌายานํ โอวาเท ตฺวา ปริยตฺติปฏิเวธวเสน ปตฺตพฺพํ สามฺตฺถฺจ น ปริปูเรติ. อิมํ ปน อุปมํ สตฺถา น ทุสฺสีลสฺส วเสน อาหริ, ปริสุทฺธสีลสฺส ปน อลสสฺส อภิชฺฌาทีหิ โทเสหิ ทูสิตจิตฺตสฺส ปุคฺคลสฺส วเสน อาหรีติ เวทิตพฺพํ.

คาถาสุ คิหิโภคาติ กามสุขสมฺโภคโต. ปริหีโนติ ชีโน. สามฺตฺถนฺติ ปฏิเวธพาหุสจฺจฺเจว ปริยตฺติพาหุสจฺจฺจ. ตาทิโส หิ อสุตํ โสตุํ สุตํ ปริโยทาเปตุํ น สกฺโกติ อลสภาวโต. ทุฏฺุ ภโคติ ทุพฺภโค, อลกฺขิโก กาฬกณฺณิปุริโส. ปริธํสมาโนติ วินสฺสมาโน. ปกิเรตีติ วิกิเรติ วิทฺธํเสติ. สพฺพเมตํ ภาวิโน สามฺตฺถสฺส อนุปฺปาทนเมว สนฺธาย วุตฺตํ. ฉวาลาตํว นสฺสตีติ โส ตาทิโส ปุคฺคโล ยถาวุตฺตํ ฉวาลาตํ วิย กสฺสจิ อนุปยุชฺชมาโน เอว นสฺสติ อุภโต ปริภฏฺภาวโต. เอวํ ‘‘กายวาจาหิ อกตวีติกฺกโมปิ จิตฺตํ อวิโสเธนฺโต นสฺสติ, ปเคว กตวีติกฺกโม ทุสฺสีโล’’ติ ตสฺส อปายทุกฺขภาคิภาวทสฺสเนน ทุสฺสีเล อาทีนวํ ทสฺเสตฺวา ตโต สตฺเต วิเวเจตุกาโม ‘‘กาสาวกณฺา’’ติอาทินา คาถาทฺวยมาห. ตสฺสตฺโถ เหฏฺา วุตฺโต เอว.

ทุติยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. สงฺฆาฏิกณฺณสุตฺตวณฺณนา

๙๒. ตติเย สงฺฆาฏิกณฺเณติ จีวรโกฏิยํ. คเหตฺวาติ ปรามสิตฺวา. อนุพนฺโธ อสฺสาติ อนุคโต ภเวยฺย. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ ภิกฺขุ อตฺตโน หตฺเถน มยา ปารุตสฺส สุคตมหาจีวรสฺส กณฺเณ ปรามสนฺโต วิย มํ อนุคจฺเฉยฺย, เอวํ มยฺหํ อาสนฺนตโร หุตฺวา วิหเรยฺยา’’ติ. ปาเท ปาทํ นิกฺขิปนฺโตติ คจฺฉนฺตสฺส มม ปาเท ปาทํ นิกฺขิตฺตฏฺาเน ปาทุทฺธารณานนฺตรํ อตฺตโน ปาทํ นิกฺขิปนฺโต. อุภเยนาปิ ‘‘านคมนาทีสุ อวิชหนฺโต สพฺพกาลํ มยฺหํ สมีเป เอว วิหเรยฺย เจปี’’ติ ทสฺเสติ. โส อารกาว มยฺหํ, อหฺจ ตสฺสาติ โส ภิกฺขุ มยา วุตฺตํ ปฏิปทํ อปูเรนฺโต มม ทูเรเยว, อหฺจ ตสฺส ทูเรเยว. เอเตน มํสจกฺขุนา ตถาคตทสฺสนํ รูปกายสโมธานฺจ อการณํ, าณจกฺขุนาว ทสฺสนํ ธมฺมกายสโมธานเมว จ ปมาณนฺติ ทสฺเสติ. เตเนวาห ‘‘ธมฺมฺหิ โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ น ปสฺสติ, ธมฺมํ อปสฺสนฺโต น มํ ปสฺสตี’’ติ. ตตฺถ ธมฺโม นาม นววิโธ โลกุตฺตรธมฺโม. โส จ อภิชฺฌาทีหิ ทูสิตจิตฺเตน น สกฺกา ปสฺสิตุํ, ตสฺมา ธมฺมสฺส อทสฺสนโต ธมฺมกายฺจ น ปสฺสตีติ. ตถา หิ วุตฺตํ –

‘‘กึ เต, วกฺกลิ, อิมินา ปูติกาเยน ทิฏฺเน? โย โข, วกฺกลิ, ธมฺมํ ปสฺสติ โส มํ ปสฺสติ; โย มํ ปสฺสติ, โส ธมฺมํ ปสฺสตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๘๗).

‘‘ธมฺมภูโต พฺรหฺมภูโต’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๐๓; ปฏิ. ม. ๓.๕) จ.

‘‘ธมฺมกาโย อิติปิ, พฺรหฺมกาโย อิติปี’’ติ (ที. นิ. ๓.๑๑๘) จ อาทิ.

โยชนสเตติ โยชนสเต ปเทเส, โยชนสตมตฺถเกติ อตฺโถ. เสสํ วุตฺตวิปริยาเยน เวทิตพฺพํ. อริยมคฺคาธิคมวเสน จสฺส อนภิชฺฌาลุอาทิภาโว ทฏฺพฺโพ.

คาถาสุ มหิจฺโฉติ กาเมสุ ติพฺพสาราคตาย มหาอิจฺโฉ. วิฆาตวาติ ปทุฏฺมนสงฺกปฺปตาย สตฺเตสุ อาฆาตวเสน มหิจฺฉตาย อิจฺฉิตาลาเภน จ วิฆาตวา. เอชานุโคติ เอชาสงฺขาตาย ตณฺหาย ทาโส วิย หุตฺวา ตํ อนุคจฺฉนฺโต. ราคาทิกิเลสปริฬาหาภิภเวน อนิพฺพุโต. รูปาทิวิสยานํ อภิกงฺขเนน คิทฺโธ. ปสฺส ยาวฺจ อารกาติ อเนชสฺส นิพฺพุตสฺส วีตเคธสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส โอกาสวเสน สมีเปปิ สมาโน มหิจฺโฉ วิฆาตวา เอชานุโค อนิพฺพุโต คิทฺโธ พาลปุถุชฺชโน ธมฺมสภาวโต ยตฺตกํ ทูเร, ตสฺส โส ทูรภาโว ปสฺส, วตฺตุมฺปิ น สุกรนฺติ อตฺโถ. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘นภฺจ ทูเร ปถวี จ ทูเร,

ปารํ สมุทฺทสฺส ตถาหุ ทูเร;

ตโต หเว ทูรตรํ วทนฺติ,

สตฺจ ธมฺโม อสตฺจ ราชา’’ติ. (อ. นิ. ๔.๔๗; ชา. ๒.๒๑.๔๑๔);

ธมฺมมภิฺายาติ จตุสจฺจธมฺมํ อภิฺาย อฺาย าตตีรณปริฺาหิ ยถารหํ ปุพฺพภาเค ชานิตฺวา. ธมฺมมฺายาติ ตเมว ธมฺมํ อปรภาเค มคฺคาเณน ปริฺาทิวเสน ยถามริยาทํ ชานิตฺวา. ปณฺฑิโตติ ปฏิเวธพาหุสจฺเจน ปณฺฑิโต. รหโทว นิวาเต จาติ นิวาตฏฺาเน รหโท วิย อเนโช กิเลสจลนรหิโต อุปสมฺมติ, ยถา โส รหโท นิวาตฏฺาเน วาเตน อนพฺภาหโต สนฺนิสินฺโนว โหติ, เอวํ อยมฺปิ สพฺพถาปิ ปฏิปฺปสฺสทฺธกิเลโส กิเลสจลนรหิโต อรหตฺตผลสมาธินา วูปสมฺมติ, สพฺพกาลํ อุปสนฺตสภาโวว โหติ. อเนโชติ โส เอวํ อเนชาทิสภาโว อรหา อเนชาทิสภาวสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส โอกาสโต ทูเรปิ สมาโน ธมฺมสภาวโต อทูเร สนฺติเก เอวาติ.

ตติยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. อคฺคิสุตฺตวณฺณนา

๙๓. จตุตฺเถ อนุทหนฏฺเน อคฺคิ, ราโค เอว อคฺคิ ราคคฺคิ. ราโค หิ อุปฺปชฺชมาโน สตฺเต อนุทหติ ฌาเปติ, ตสฺมา ‘‘อคฺคี’’ติ วุจฺจติ. อิตเรสุปิ ทฺวีสุ เอเสว นโย. ตตฺถ ยถา อคฺคิ ยเทว อินฺธนํ นิสฺสาย อุปฺปชฺชติ, ตํ นิทหติ, มหาปริฬาโห จ โหติ, เอวมิเมปิ ราคาทโย ยสฺมึ สนฺตาเน สยํ อุปฺปนฺนา, ตํ นิทหนฺติ, มหาปริฬาหา จ โหนฺติ ทุนฺนิพฺพาปยา. เตสุ ราคปริฬาเหน สนฺตตฺตหทยานํ อิจฺฉิตาลาภทุกฺเขน มรณปฺปตฺตานํ สตฺตานํ ปมาณํ นตฺถิ. อยํ ตาว ราคสฺส อนุทหนตา. โทสสฺส ปน อนุทหนตาย วิเสสโต มโนปโทสิกา เทวา, โมหสฺส อนุทหนตาย ขิฑฺฑาปโทสิกา เทวา จ นิทสฺสนํ. โมหวเสน หิ เตสํ สติสมฺโมโส โหติ, ตสฺมา ขิฑฺฑาวเสน อาหารเวลํ อติวตฺเตนฺตา กาลํ กโรนฺติ. อยํ ตาว ราคาทีนํ ทิฏฺธมฺมิโก อนุทหนภาโว. สมฺปรายิโก ปน นิรยาทีสุ นิพฺพตฺตาปนวเสน โฆรตโร ทุรธิวาโส จ. อยฺจ อตฺโถ อาทิตฺตปริยาเยน วิภาเวตพฺโพ.

คาถาสุ กาเมสุ มุจฺฉิเตติ วตฺถุกาเมสุ ปาตพฺยตาวเสน มุจฺฉํ พาลฺยํ ปมาทํ มิจฺฉาจารํ อาปนฺเน. พฺยาปนฺเนติ พฺยาปนฺนจิตฺเต ทหตีติ สมฺพนฺโธ. นเร ปาณาติปาติโนติ อิทํ โทสคฺคิสฺส. อริยธมฺเม อโกวิเทติ เย ขนฺธายตนาทีสุ สพฺเพน สพฺพํ อุคฺคหปริปุจฺฉาย มนสิการรหิตา อริยธมฺมสฺส อกุสลา, เต สมฺโมเหน อภิภูตา วิเสเสน สมฺมูฬฺหา นามาติ วุตฺตา. เอเต อคฺคี อชานนฺตาติ ‘‘เอเต ราคคฺคิอาทโย อิธ เจว สมฺปราเย จ อนุทหนฺตี’’ติ อชานนฺตา ปริฺาภิสมยวเสน ปหานาภิสมยวเสน จ อปฺปฏิวิชฺฌนฺตา. สกฺกายาภิรตาติ สกฺกาเย อุปาทานกฺขนฺธปฺจเก ตณฺหาทิฏฺิมานนนฺทนาภิรตา. วฑฺฒยนฺตีติ ปุนปฺปุนํ อุปฺปชฺชเนน วฑฺฒยนฺติ อาจินนฺติ. นิรยนฺติ อฏฺวิธํ มหานิรยํ, โสฬสวิธํ อุสฺสทนิรยนฺติ สพฺพมฺปิ นิรยํ. ติรจฺฉานฺจ โยนิโยติ ติรจฺฉานโยนิโย จ. อสุรนฺติ อสุรกายํ เปตฺติวิสยฺจ วฑฺฒยนฺตีติ สมฺพนฺโธ.

เอตฺตาวตา ราคคฺคิอาทีนํ อิธ เจว สมฺปราเย จ อนุทหนภาวทสฺสนมุเขน วฏฺฏํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ เนสํ นิพฺพาปเนน วิวฏฺฏํ ทสฺเสตุํ ‘‘เย จ รตฺตินฺทิวา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ยุตฺตาติ ภาวนานุโยควเสน ยุตฺตา. กตฺถ? สมฺมาสมฺพุทฺธสาสเน. เตน อฺสาสเน ราคคฺคิอาทีนํ นิพฺพาปนาภาวํ ทสฺเสติ. ตถา หิ อนฺสาธารณํ เตสํ นิพฺพาปนวิธึ อสุภกมฺมฏฺานํ สงฺเขเปเนว ทสฺเสนฺโต –

‘‘เต นิพฺพาเปนฺติ ราคคฺคึ, นิจฺจํ อสุภสฺิโน;

โทสคฺคึ ปน เมตฺตาย, นิพฺพาเปนฺติ นรุตฺตมา;

โมหคฺคึ ปน ปฺาย, ยายํ นิพฺเพธคามินี’’ติ. –

อาห. ตตฺถ อสุภสฺิโนติ ทฺวตฺตึสาการวเสน เจว อุทฺธุมาตกาทิวเสน จ อสุภภาวนานุโยเคน อสุภสฺิโน. เมตฺตายาติ ‘‘โส เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรตี’’ติ (อ. นิ. ๓.๖๔, ๖๖) วุตฺตาย เมตฺตาภาวนาย. เอตฺถ จ อสุภชฺฌานฺจ ปาทกํ กตฺวา นิพฺพตฺติตอนาคามิมคฺเคน ราคคฺคิโทสคฺคีนํ นิพฺพาปนํ เวทิตพฺพํ. ปฺายาติ วิปสฺสนาปฺาสหิตาย มคฺคปฺาย. เตเนวาห ‘‘ยายํ นิพฺเพธคามินี’’ติ. สา หิ กิเลสกฺขนฺธํ วินิวิชฺฌนฺตี คจฺฉติ ปวตฺตตีติ นิพฺเพธคามินีติ วุจฺจติ. อเสสํ ปรินิพฺพนฺตีติ อรหตฺตมคฺเคน อเสสํ ราคคฺคิอาทึ นิพฺพาเปตฺวา สอุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ิตา ปฺาเวปุลฺลปฺปตฺติยา นิปกา ปุพฺเพว สมฺมปฺปธาเนน สพฺพโส โกสชฺชสฺส สุปฺปหีนตฺตา ผลสมาปตฺติสมาปชฺชเนน อกิลาสุภาเวน จ รตฺตินฺทิวมตนฺทิตา จริมกจิตฺตนิโรเธน อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา อเสสํ ปรินิพฺพนฺติ. ตโต จ อเสสํ นิสฺเสสํ วฏฺฏทุกฺขํ อจฺจคุํ อติกฺกมํสุ.

เอวํ เย ราคคฺคิอาทิเก นิพฺพาเปนฺติ, เตสํ อนุปาทิเสสนิพฺพาเนน นิพฺพุตึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ปฏิวิทฺธคุเณหิ โถเมนฺโต โอสานคาถมาห. ตตฺถ อริยทฺทสาติ อริเยหิ พุทฺธาทีหิ ปสฺสิตพฺพํ กิเลเสหิ วา อารกตฺตา อริยํ นิพฺพานํ, อริยํ จตุสจฺจเมว วา ทิฏฺวนฺโตติ อริยทฺทสา. เวทสฺส มคฺคาณสฺส, เตน วา เวเทน สํสารสฺส ปริโยสานํ คตาติ เวทคุโน. สมฺมทฺายาติ สมฺมเทว สพฺพํ อาชานิตพฺพํ กุสลาทึ ขนฺธาทิฺจ ชานิตฺวา. เสสํ วุตฺตนยเมว.

จตุตฺถสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. อุปปริกฺขสุตฺตวณฺณนา

๙๔. ปฺจเม ตถา ตถาติ เตน เตน ปกาเรน. อุปปริกฺเขยฺยาติ วีมํเสยฺย ปริตุเลยฺย สมฺมเสยฺย วา. ยถา ยถาสฺส อุปปริกฺขโตติ ยถา ยถา อสฺส ภิกฺขุโน อุปปริกฺขนฺตสฺส. พหิทฺธา จสฺส วิฺาณํ อวิกฺขิตฺตํ อวิสฏนฺติ พหิทฺธา รูปาทิอารมฺมเณ อุปฺปชฺชนกวิกฺเขปาภาวโต อวิกฺขิตฺตํ สมาหิตํ, ตโต เอว อวิสฏํ สิยา. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ภิกฺขเว, เยน เยน ปกาเรน อิมสฺส อารทฺธวิปสฺสกสฺส ภิกฺขุโน อุปปริกฺขโต สงฺขาเร สมฺมสนฺตสฺส ปุพฺเพ สมาหิตาการสลฺลกฺขณวเสน สมถนิมิตฺตํ คเหตฺวา สกฺกจฺจํ นิรนฺตรํ สมฺมสนาณํ ปวตฺเตนฺตสฺส อตฺตโน วิปสฺสนาจิตฺตํ กมฺมฏฺานโต พหิทฺธา รูปาทิอารมฺมเณ อุปฺปชฺชนกํ น สิยา, อจฺจารทฺธวีริยตาย อุทฺธจฺจปกฺขิยํ น สิยา, เตน เตน ปกาเรน ภิกฺขุ อุปปริกฺเขยฺย ปริตุเลยฺยาติ. อชฺฌตฺตํ อสณฺิตนฺติ ยสฺมา วีริเย มนฺทํ วหนฺเต สมาธิสฺส พลวภาวโต โกสชฺชาภิภเวน อชฺฌตฺตํ โคจรชฺฌตฺตสงฺขาเต กมฺมฏฺานารมฺมเณ สงฺโกจวเสน ิตตฺตา สณฺิตํ นาม โหติ, วีริยสมตาย ปน โยชิตาย อสณฺิตํ โหติ วีถึ ปฏิปนฺนํ. ตสฺมา ยถา ยถาสฺส อุปปริกฺขโต วิฺาณํ อชฺฌตฺตํ อสณฺิตํ อสฺส, วีถิปฏิปนฺนํ สิยา, ตถา ตถา อุปปริกฺเขยฺย. อนุปาทาย น ปริตสฺเสยฺยาติ ยถา ยถาสฺส อุปปริกฺขโต ‘‘เอตํ มม, เอโส เม อตฺตา’’ติ ตณฺหาทิฏฺิคฺคาหวเสน รูปาทีสุ กฺจิ สงฺขารํ อคฺคเหตฺวา ตโต เอว ตณฺหาทิฏฺิคฺคาหวเสน น ปริตสฺเสยฺย, ตถา ตถา อุปปริกฺเขยฺยาติ สมฺพนฺโธ. กถํ ปน อุปปริกฺขโต ติวิธมฺเปตํ สิยาติ? อุทฺธจฺจปกฺขิเย โกสชฺชปกฺขิเย จ ธมฺเม วชฺเชนฺโต วีริยสมตํ โยเชตฺวา ปุพฺเพว วิปสฺสนุปกฺกิเลเสหิ จิตฺตํ วิโสเธตฺวา ยถา สมฺมเทว วิปสฺสนาาณํ วิปสฺสนาวีถึ ปฏิปชฺชติ, ตถา สมฺมสโต.

อิติ ภควา จตุสจฺจกมฺมฏฺานิกสฺส ภิกฺขุโน อนุกฺกเมน ปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธิยา อารทฺธาย อจฺจารทฺธวีริยอติสิถิลวีริยวิปสฺสนุปกฺกิเลเสหิ จิตฺตสฺส วิโสธนูปายํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตถา วิโสธิเต วิปสฺสนาาเณ น จิรสฺเสว วิปสฺสนํ มคฺเคน ฆเฏตฺวา สกลวฏฺฏทุกฺขสมติกฺกมาย สํวตฺตนฺตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘พหิทฺธา, ภิกฺขเว, วิฺาเณ’’ติอาทิมาห, ตํ วุตฺตนยเมว. ยํ ปน วุตฺตํ – ‘‘อายตึ ชาติชรามรณทุกฺขสมุทยสมฺภโว น โหตี’’ติ, ตสฺสตฺโถ – เอวํ วิปสฺสนํ มคฺเคน ฆเฏตฺวา มคฺคปฏิปาฏิยา อคฺคมคฺเคน อนวเสสโต กิเลเสสุ ขีเณสุ อายตึ อนาคเต ชาติชรามรณสกลวฏฺฏทุกฺขสมุทยสงฺขาโต สมฺภโว อุปฺปาโท จ น โหติ, ชาติสงฺขาโต วา ทุกฺขสมุทโย ชรามรณสงฺขาโต ทุกฺขสมฺภโว จ น โหติ.

คาถายํ สตฺตสงฺคปฺปหีนสฺสาติ ตณฺหาสงฺโค, ทิฏฺิสงฺโค, มานสงฺโค, โกธสงฺโค, อวิชฺชาสงฺโค, กิเลสสงฺโค, ทุจฺจริตสงฺโคติ อิเมสํ สตฺตนฺนํ สงฺคานํ ปหีนตฺตา สตฺตสงฺคปฺปหีนสฺส. เกจิ ปน ‘‘สตฺตานุสยา เอว สตฺต สงฺคา’’ติ วทนฺติ. เนตฺติจฺฉินฺนสฺสาติ ฉินฺนภวเนตฺติกสฺส. วิกฺขีโณ ชาติสํสาโรติ ปุนปฺปุนํ ชายนวเสน ปวตฺติยา ชาติเหตุกตฺตา จ ชาติภูโต สํสาโรติ ชาติสํสาโร, โส ภวเนตฺติยา ฉินฺนตฺตา วิกฺขีโณ ปริกฺขีโณ, ตโต เอว นตฺถิ ตสฺส ปุนพฺภโวติ.

ปฺจมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. กามูปปตฺติสุตฺตวณฺณนา

๙๕. ฉฏฺเ กามูปปตฺติโยติ กามปฏิลาภา กามปฏิเสวนา วา. ปจฺจุปฏฺิตกามาติ นิพทฺธกามา นิพทฺธารมฺมณา ยถา ตํ มนุสฺสา. มนุสฺสา หิ นิพทฺธวตฺถุสฺมึ วสํ วตฺเตนฺติ. ยตฺถ ปฏิพทฺธจิตฺตา โหนฺติ, สตมฺปิ สหสฺสมฺปิ ทตฺวา ตเมว มาตุคามํ อาเนตฺวา นิพทฺธโภคํ ภุฺชนฺติ. เอกจฺเจ จ เทวา. จาตุมหาราชิกโต ปฏฺาย หิ จตุเทวโลกวาสิโน นิพทฺธวตฺถุสฺมึเยว วสํ วตฺเตนฺติ. ปฺจสิขวตฺถุ เจตฺถ นิทสฺสนํ. ตถา เอกจฺเจ อาปายิเก เนรยิเก เปตฺวา เสสอปายสตฺตาปิ นิพทฺธวตฺถุสฺมึเยว วสํ วตฺเตนฺติ. มจฺฉา หิ อตฺตโน มจฺฉิยา, กจฺฉโป กจฺฉปิยาติ เอวํ สพฺเพปิ ติรจฺฉานา เปตา วินิปาติกา จ. ตสฺมา เนรยิเก เปตฺวา เสสอปายสตฺเต อุปาทาย ยาว ตุสิตกายา อิเม สตฺตา ปจฺจุปฏฺิตกามา นาม, นิมฺมานรติโนติ สยํ นิมฺมิเต นิมฺมาเน รติ เอเตสนฺติ นิมฺมานรติโน. เต หิ นีลปีตาทิวเสน ยาทิสํ ยาทิสํ รูปํ อิจฺฉนฺติ, ตาทิสํ ตาทิสํ นิมฺมินิตฺวา รมนฺติ อายสฺมโต อนุรุทฺธสฺส ปุรโต มนาปกายิกา เทวตา วิย. ปรนิมฺมิตวสวตฺติโนติ ปเรหิ นิมฺมิเต กาเม วสํ วตฺเตนฺตีติ ปรนิมฺมิตวสวตฺติโน. เตสฺหิ มนํ ตฺวา ปเร ยถารุจิตํ กามโภคํ นิมฺมินนฺติ, เต ตตฺถ วสํ วตฺเตนฺติ. กถํ เต ปรสฺส มนํ ชานนฺตีติ? ปกติเสวนาวเสน. ยถา หิ กุสโล สูโท รฺโ ภุฺชนฺตสฺส ยํ ยํ รุจฺจติ, ตํ ตํ ชานาติ, เอวํ ปกติยา อภิรุจิตารมฺมณํ ตฺวา ตาทิเสเยว นิมฺมินนฺติ, เต ตตฺถ วสํ วตฺเตนฺติ, เมถุนเสวนาทิวเสน กาเม ปริภุฺชนฺติ. เกจิ ปน ‘‘หสิตมตฺเตน โอโลกิตมตฺเตน อาลิงฺคิตมตฺเตน หตฺถคฺคหณมตฺเตน จ เตสํ กามกิจฺจํ อิชฺฌตี’’ติ วทนฺติ, ตํ อฏฺกถายํ ‘‘เอตํ ปน นตฺถี’’ติ ปฏิกฺขิตฺตํ. น หิ กาเยน อผุสนฺตสฺส โผฏฺพฺพํ กามกิจฺจํ สาเธติ. ฉนฺนมฺปิ กามาวจรเทวานํ กามา ปากติกา เอว. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘ฉ เอเต กามาวจรา, สพฺพกามสมิทฺธิโน;

สพฺเพสํ เอกสงฺขาตํ, อายุ ภวติ กิตฺตก’’นฺติ. (วิภ. ๑๐๒๓);

คาถาสุ เย จฺเติ เย ยถาวุตฺตเทเวหิ อฺเ จ กามโภคิโน มนุสฺสา เจว เอกจฺเจ อปายูปคา จ สพฺเพ เต. อิตฺถภาวฺถาภาวนฺติ อิมํ ยถาปฏิลทฺธตฺตภาวฺเจว, อุปปตฺติภวนฺตรสงฺขาตํ อิโต อฺถาภาวฺจาติ ทฺวิปฺปเภทํ สํสารํ นาติวตฺตเร น อติกฺกมนฺติ. สพฺเพ ปริจฺจเช กาเมติ ทิพฺพาทิเภเท สพฺเพปิ กาเม วตฺถุกาเม จ กิเลสกาเม จ ปริจฺจเชยฺย. กิเลสกาเม อนาคามิมคฺเคน ปชหนฺโตเยว หิ วตฺถุกาเม ปริจฺจชติ นาม. ปิยรูปสาตคธิตนฺติ ปิยรูเปสุ รูปาทีสุ สุขเวทนสฺสาเทน คธิตํ คิทฺธํ. เฉตฺวา โสตํ ทุรจฺจยนฺติ อฺเหิ ทุรจฺจยํ ทุรติกฺกมํ ตณฺหาโสตํ อรหตฺตมคฺเคน สมุจฺฉินฺทิตฺวา. เสสํ เหฏฺา วุตฺตนยเมวาติ.

ฉฏฺสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. กามโยคสุตฺตวณฺณนา

๙๖. สตฺตเม กามโยคยุตฺโตติ ปฺจกามคุณิโก ราโค กามโยโค, เตน ยุตฺโต กามโยคยุตฺโต, อสมุจฺฉินฺนกามราคสฺเสตํ อธิวจนํ. รูปารูปภเวสุ ฉนฺทราโค ภวโยโค, ตถา ฌานนิกนฺติ สสฺสตทิฏฺิสหคโต จ ราโค, เตน ยุตฺโต ภวโยคยุตฺโต, อปฺปหีนภวราโคติ อตฺโถ. อาคามีติ พฺรหฺมโลเก ิโตปิ ปฏิสนฺธิคฺคหณวเสน อิมํ มนุสฺสโลกํ อาคมนสีโล. เตเนวาห ‘‘อาคนฺตา อิตฺถตฺต’’นฺติ. มนุสฺสตฺตภาวสงฺขาตํ อิตฺถภาวํ อาคมนธมฺโม, มนุสฺเสสุ อุปปชฺชนสีโลติ อตฺโถ. กามฺเจตฺถ กามโยโค อิตฺถตฺตํ อาคมนสฺส การณํ. โย ปน กามโยคยุตฺโต, โส เอกนฺเตน ภวโยคยุตฺโตปิ โหตีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘กามโยคยุตฺโต, ภิกฺขเว, ภวโยคยุตฺโต’’ติ อุภยมฺปิ เอกชฺฌํ กตฺวา วุตฺตํ.

กามโยควิสํยุตฺโตติ เอตฺถ อสุภชฺฌานมฺปิ กามโยควิสํโยโค, ตํ ปาทกํ กตฺวา อธิคโต อนาคามิมคฺโค เอกนฺเตเนว กามโยควิสํโยโค นาม, ตสฺมา ตติยมคฺคผเล ิโต อริยปุคฺคโล ‘‘กามโยควิสํยุตฺโต’’ติ วุตฺโต. ยสฺมา ปน รูปารูปภเวสุ ฉนฺทราโค อนาคามิมคฺเคน น ปหียติ, ตสฺมา โส อปฺปหีนภวโยคตฺตา ‘‘ภวโยคยุตฺโต’’ติ วุตฺโต. อนาคามีติ กามโลกํ ปฏิสนฺธิคฺคหณวเสน อนาคมนโต อนาคามี. กามโยควิสํโยควเสเนว หิ สทฺธึ อนวเสสโอรมฺภาคิยสํโยชนสมุคฺฆาเตน อชฺฌตฺตสํโยชนาภาวสิทฺธิโต อิตฺถตฺตํ อนาคนฺตฺวา โหติ, ตตฺถ ปรินิพฺพายี อนาวตฺติธมฺโม. ยสฺส ปน อนวเสสํ ภวโยโค ปหีโน, ตสฺส อวิชฺชาโยคาทิอวสิฏฺกิเลสาปิ ตเทกฏฺภาวโต ปหีนา เอว โหนฺตีติ, โส ปริกฺขีณภวสํโยชโน ‘‘อรหํ ขีณาสโว’’ติ วุจฺจติ. เตน วุตฺตํ ‘‘กามโยควิสํยุตฺโต, ภิกฺขเว, ภวโยควิสํยุตฺโต อรหํ โหติ ขีณาสโว’’ติ. เอตฺถ จ กามโยควิสํโยโค อนาคามี จตุตฺถชฺฌานสฺส สุขทุกฺขโสมนสฺสโทมนสฺสปฺปหานํ วิย, ตติยมคฺคสฺส ทิฏฺิวิจิกิจฺฉาสีลพฺพตปรามาสสํโยชนปริกฺขโย วิย จ จตุตฺถมคฺคสฺส วณฺณภณนตฺถํ วุตฺโตติ ทฏฺพฺพํ. ปมปเทน โสตาปนฺนสกทาคามีหิ สทฺธึ สพฺโพ ปุถุชฺชโน คหิโต, ทุติยปเทน ปน สพฺโพ อนาคามี, ตติยปเทน อรหาติ อรหตฺตนิกูเฏน เทสนํ นิฏฺาเปสิ.

คาถาสุ อุภยนฺติ อุภเยน, กามโยเคน, ภวโยเคน จ สํยุตฺตาติ อตฺโถ. สตฺตา คจฺฉนฺติ สํสารนฺติ ปุถุชฺชนา โสตาปนฺนา สกทาคามิโนติ อิเม ติวิธา สตฺตา กามโยคภวโยคานํ อปฺปหีนตฺตา คจฺฉนฺติ สํสารนฺติ. ตโต เอว ชาติมรณคามิโน โหนฺติ. เอตฺถ เอกพีชี, โกลํโกโล, สตฺตกฺขตฺตุปรโมติ ตีสุ โสตาปนฺเนสุ สพฺพมุทุ สตฺตกฺขตฺตุปรโม, โส อฏฺมํ ภวํ น นิพฺพตฺเตติ, อตฺตโน ปริจฺฉินฺนชาติวเสน ปน สํสรติ, ตถา อิตเรปิ. สกทาคามีสุปิ โย อิธ สกทาคามิมคฺคํ ปตฺวา เทวโลเก อุปฺปชฺชิตฺวา ปุน อิธ นิพฺพตฺตติ, โส อตฺตโน ปริจฺฉินฺนชาติวเสเนว สํสรติ. เย ปน สกทาคามิโน โวมิสฺสกนเยน วินา ตตฺถ ตตฺถ เทเวสุเยว มนุสฺเสสุเยว วา นิพฺพตฺตนฺติ, เต อุปริมคฺคาธิคมาย ยาว อินฺทฺริยปริปากา ปุนปฺปุนํ อุปฺปชฺชนโต สํสรนฺติเยว. ปุถุชฺชเน ปน วตฺตพฺพเมว นตฺถิ สพฺพภวสํโยชนานํ อปริกฺขีณตฺตา. เตน วุตฺตํ –

‘‘กามโยเคน สํยุตฺตา, ภวโยเคน จูภยํ;

สตฺตา คจฺฉนฺติ สํสารํ, ชาติมรณคามิโน’’ติ.

กาเม ปหนฺตฺวานาติ กามราคสงฺขาเต กิเลสกาเม อนาคามิมคฺเคน ปชหิตฺวา. ฉินฺนสํสยาติ สมุจฺฉินฺนกงฺขา, ตฺจ โข โสตาปตฺติมคฺเคเนว. วณฺณภณนตฺถํ ปน จตุตฺถมคฺคสฺส เอวํ วุตฺตํ. อรหนฺโต หิ อิธ ‘‘ฉินฺนสํสยา’’ติ อธิปฺเปตา. เตเนวาห ‘‘ขีณมานปุนพฺภวา’’ติ. สพฺพโส ขีโณ นววิโธปิ มาโน อายตึ ปุนพฺภโว จ เอเตสนฺติ ขีณมานปุนพฺภวา. มานคฺคหเณน เจตฺถ ตเทกฏฺตาย ลกฺขณวเสน วา สพฺโพ จตุตฺถมคฺควชฺโฌ กิเลโส คหิโตติ. ขีณมานตาย จ สอุปาทิเสสา นิพฺพานธาตุ วุตฺตา โหติ, ขีณปุนพฺภวตาย อนุปาทิเสสา. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.

สตฺตมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. กลฺยาณสีลสุตฺตวณฺณนา

๙๗. อฏฺเม กลฺยาณสีโลติ สุนฺทรสีโล, ปสตฺถสีโล, ปริปุณฺณสีโล. ตตฺถ สีลปาริปูรี ทฺวีหิ การเณหิ โหติ สมฺมเทว สีลวิปตฺติยา อาทีนวทสฺสเนน, สีลสมฺปตฺติยา จ อานิสํสทสฺสเนน. อิธ ปน สพฺพปริพนฺธวิปฺปมุตฺตสฺส สพฺพาการปริปุณฺณสฺส มคฺคสีลสฺส ผลสีลสฺส จ วเสน กลฺยาณตา เวทิตพฺพา. กลฺยาณธมฺโมติ สพฺเพ โพธิปกฺขิยธมฺมา อธิปฺเปตา, ตสฺมา กลฺยาณา สติปฏฺานาทิโพธิปกฺขิยธมฺมา เอตสฺสาติ กลฺยาณธมฺโม. กลฺยาณปฺโติ จ มคฺคผลปฺาวเสเนว กลฺยาณปฺโ. โลกุตฺตรา เอว หิ สีลาทิธมฺมา เอกนฺตกลฺยาณา นาม อกุปฺปสภาวตฺตา. เกจิ ปน ‘‘จตุปาริสุทฺธิสีลวเสน กลฺยาณสีโล, วิปสฺสนามคฺคธมฺมวเสน กลฺยาณธมฺโม, มคฺคผลปฺาวเสน กลฺยาณปฺโ’’ติ วทนฺติ. อเสกฺขา เอว เต สีลธมฺมปฺาติ เอเก. อปเร ปน ภณนฺติ – โสตาปนฺนสกทาคามีนํ มคฺคผลสีลํ กลฺยาณสีลํ นาม, ตสฺมา ‘‘กลฺยาณสีโล’’ติ อิมินา โสตาปนฺโน สกทาคามี จ คหิตา โหนฺติ. เต หิ สีเลสุ ปริปูรการิโน นาม. อนาคามิมคฺคผลธมฺมา อคฺคมคฺคธมฺมา จ กลฺยาณธมฺมา นาม. ตตฺถ หิ โพธิปกฺขิยธมฺมา ภาวนาปาริปูรึ คจฺฉนฺติ. ตสฺมา ‘‘กลฺยาณธมฺโม’’ติ อิมินา ตติยมคฺคฏฺโต ปฏฺาย ตโย อริยา คหิตา โหนฺติ. ปฺากิจฺจสฺส มตฺถกปฺปตฺติยา อคฺคผเล ปฺา กลฺยาณปฺา นาม, ตสฺมา ปฺาเวปุลฺลปฺปตฺโต อรหา ‘‘กลฺยาณปฺโ’’ติ วุตฺโต. เอวเมว ปุคฺคลา คหิตา โหนฺตีติ. กึ อิมินา ปปฺเจน? อคฺคมคฺคผลธมฺมา อิธ กลฺยาณสีลาทโย วุตฺตาติ อยมมฺหากํ ขนฺติ. ธมฺมวิภาเคน หิ อยํ ปุคฺคลวิภาโค, น ธมฺมวิภาโคติ.

เกวลีติ เอตฺถ เกวลํ วุจฺจติ เกนจิ อโวมิสฺสกตาย สพฺพสงฺขตวิวิตฺตํ นิพฺพานํ, ตสฺส อธิคตตฺตา อรหา เกวลี. อถ วา ปหานภาวนาปาริปูริยา ปริโยสานอนวชฺชธมฺมปาริปูริยา จ กลฺยาณกฏฺเน อพฺยาเสกสุขตาย จ เกวลํ อรหตฺตํ, ตทธิคเมน เกวลี ขีณาสโว. มคฺคพฺรหฺมจริยวาสํ วสิตฺวา ปริโยสาเปตฺวา ิโตติ วุสิตวา. อุตฺตเมหิ อคฺคภูเตหิ วา อเสกฺขธมฺเมหิ สมนฺนาคตตฺตา ‘‘อุตฺตมปุริโส’’ติ วุจฺจติ.

สีลวาติ เอตฺถ เกนฏฺเน สีลํ? สีลนฏฺเน สีลํ. กิมิทํ สีลนํ นาม? สมาธานํ, สุสีลฺยวเสน กายกมฺมาทีนํ อวิปฺปกิณฺณตาติ อตฺโถ. อถ วา อุปธารณํ, ฌานาทิกุสลธมฺมานํ ปติฏฺานวเสน อาธารภาโวติ อตฺโถ. ตสฺมา สีลติ, สีเลตีติ วา สีลํ. อยํ ตาว สทฺทลกฺขณนเยน สีลฏฺโ. อปเร ปน ‘‘สิรฏฺโ สีลฏฺโ, สีตลฏฺโ สีลฏฺโ, สิวฏฺโ สีลฏฺโ’’ติ นิรุตฺตินเยน อตฺถํ วณฺณยนฺติ. ตยิทํ ปาริปูริโต อติสยโต วา สีลํ อสฺส อตฺถีติ สีลวา, จตุปาริสุทฺธิสีลวเสน สีลสมฺปนฺโนติ อตฺโถ. ตตฺถ ยํ เชฏฺกสีลํ, ตํ วิตฺถาเรตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ เอกจฺจานํ อาจริยานํ อธิปฺปาโย.

อปเรน ปน ภณนฺติ – อุภยตฺถาปิ ปาติโมกฺขสํวโร ภควตา วุตฺโต. ปาติโมกฺขสํวโร เอว หิ สีลํ, อิตเรสุ อินฺทฺริยสํวโร ฉทฺวารรกฺขณมตฺตเมว, อาชีวปาริสุทฺธิ ธมฺเมน ปจฺจยุปฺปาทนมตฺตเมว, ปจฺจยสนฺนิสฺสิตํ ปฏิลทฺธปจฺจเย ‘‘อิทมตฺถ’’นฺติ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปริภุฺชนมตฺตเมว. นิปฺปริยาเยน ปาติโมกฺขสํวโรว สีลํ. ยสฺส โส ภินฺโน, โส สีสจฺฉินฺโน ปุริโส วิย หตฺถปาเท ‘‘เสสานิ รกฺขิสฺสตี’’ติ น วตฺตพฺโพ. ยสฺส ปน โส อโรโค, อจฺฉินฺนสีโส วิย ปุริโส, ตานิ ปุน ปากติกานิ กตฺวา รกฺขิตุํ สกฺโกติ. ตสฺมา สีลวาติ อิมินา ปาติโมกฺขสีลเมว อุทฺทิสิตฺวา ตํ วิตฺถาเรตุํ ‘‘ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ.

ตตฺถ ปาติโมกฺขนฺติ สิกฺขาปทสีลํ. ตฺหิ โย นํ ปาติ รกฺขติ, ตํ โมกฺเขติ โมเจติ อาปายิกาทีหิ ทุกฺเขหีติ ปาติโมกฺขํ. สํวรณํ สํวโร, กายวาจาหิ อวีติกฺกโม. ปาติโมกฺขเมว สํวโร ปาติโมกฺขสํวโร, เตน สํวุโต ปิหิตกายวาโจติ ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต. อิทมสฺส ตสฺมึ สีเล ปติฏฺิตภาวปริทีปนํ. วิหรตีติ ตทนุรูปวิหารสมงฺคิภาวปริทีปนํ. อาจารโคจรสมฺปนฺโนติ เหฏฺา ปาติโมกฺขสํวรสฺส, อุปริ วิเสสานุโยคสฺส จ อุปการกธมฺมปริทีปนํ. อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสาวีติ ปาติโมกฺขสีลโต อจวนธมฺมตาปริทีปนํ. สมาทายาติ สิกฺขาปทานํ อนวเสสโต อาทานปริทีปนํ. สิกฺขตีติ สิกฺขาย สมงฺคิภาวปริทีปนํ. สิกฺขาปเทสูติ สิกฺขิตพฺพธมฺมปริทีปนํ.

อปโร นโย – กิเลสานํ พลวภาวโต ปาปกิริยาย สุกรภาวโต ปุฺกิริยาย จ ทุกฺกรภาวโต พหุกฺขตฺตุํ อปาเยสุ ปตนสีโลติ ปาตี, ปุถุชฺชโน. อนิจฺจตาย วา ภวาทีสุ กมฺมเวคกฺขิตฺโต ฆฏิยนฺตํ วิย อนวฏฺาเนน ปริพฺภมนโต คมนสีโลติ ปาตี, มรณวเสน วา ตมฺหิ ตมฺหิ สตฺตนิกาเย อตฺตภาวสฺส ปาตนสีโลติ ปาตี, สตฺตสนฺตาโน, จิตฺตเมว วา. ตํ ปาตินํ สํสารทุกฺขโต โมกฺเขตีติ ปาติโมกฺโข. จิตฺตสฺส หิ วิโมกฺเขน สตฺโต วิมุตฺโต. ‘‘จิตฺตโวทานา วิสุชฺฌนฺตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๑๐๐) ‘‘อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุตฺต’’นฺติ (ม. นิ. ๒.๒๐๖) จ วุตฺตํ. อถ วา อวิชฺชาทินา เหตุนา สํสาเร ปตติ คจฺฉติ ปวตฺตตีติ ปาติ. ‘‘อวิชฺชานีวรณานํ สตฺตานํ ตณฺหาสํโยชนานํ สนฺธาวตํ สํสรต’’นฺติ (สํ. นิ. ๒.๑๒๔; ๕.๕๒๐) หิ วุตฺตํ. ตสฺส ปาติโน สตฺตสฺส ตณฺหาทิสํกิเลสตฺตยโต โมกฺโข เอเตนาติ ปาติโมกฺโข. ‘‘กณฺเกาโล’’ติอาทีนํ วิยสฺส สมาสสิทฺธิ เวทิตพฺพา.

อถ วา ปาเตติ วินิปาเตติ ทุกฺเขติ ปาติ, จิตฺตํ. วุตฺตฺหิ ‘‘จิตฺเตน นียติ โลโก, จิตฺเตน ปริกสฺสตี’’ติ (สํ. นิ. ๑.๖๒). ตสฺส ปาติโน โมกฺโข เอเตนาติ ปาติโมกฺโข. ปตติ วา เอเตน อปายทุกฺเข สํสารทุกฺเข จาติ ปาติ, ตณฺหาทิสํกิเลโส. วุตฺตฺหิ ‘‘ตณฺหา ชเนติ ปุริสํ (สํ. นิ. ๑.๕๖-๕๗), ตณฺหาทุติโย ปุริโส’’ติ (อิติวุ. ๑๕, ๑๐๕; จูฬนิ. ปารายนานุคีติคาถานิทฺเทส ๑๐๗) จ อาทิ. ตโต ปาติโต โมกฺโขติ ปาติโมกฺโข. อถ วา ปตติ เอตฺถาติ ปาติ, ฉ อชฺฌตฺติกานิ พาหิรานิ จ อายตนานิ. วุตฺตฺหิ ‘‘ฉสุ โลโก สมุปฺปนฺโน, ฉสุ กุพฺพติ สนฺถว’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๗๐). ตโต ฉอชฺฌตฺติกพาหิรายตนสงฺขาตโต ปาติโต โมกฺโขติ ปาติโมกฺโข. อถ วา ปาโต วินิปาโต อสฺส อตฺถีติ ปาตี, สํสาโร. ตโต โมกฺโขติ ปาติโมกฺโข. อถ วา สพฺพโลกาธิปติภาวโต ธมฺมิสฺสโร ภควา ปตีติ วุจฺจติ, มุจฺจติ เอเตนาติ โมกฺโข, ปติโน โมกฺโข เตน ปฺตฺตตฺตาติ ปติโมกฺโข, ปติโมกฺโข เอว ปาติโมกฺโข. สพฺพคุณานํ วา มูลภาวโต อุตฺตมฏฺเน ปติ จ โส ยถาวุตฺตฏฺเน โมกฺโข จาติ ปติโมกฺโข, ปติโมกฺโข เอว ปาติโมกฺโข. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘ปาติโมกฺขนฺติ มุขเมตํ ปมุขเมต’’นฺติ (มหาว. ๑๓๕) วิตฺถาโร.

อถ วา อิติ ปกาเร, อตีติ อจฺจนฺตตฺเถ นิปาโต. ตสฺมา ปกาเรหิ อจฺจนฺตํ โมกฺเขตีติ ปาติโมกฺโข. อิทฺหิ สีลํ สยํ ตทงฺควเสน, สมาธิสหิตํ ปฺาสหิตฺจ วิกฺขมฺภนวเสน สมุจฺเฉทวเสน จ อจฺจนฺตํ โมกฺเขติ โมเจตีติ ปาติโมกฺขํ. ปติ ปติ โมกฺโขติ วา ปติโมกฺโข, ตมฺหา ตมฺหา วีติกฺกมิตพฺพโทสโต ปติ ปจฺเจกํ โมกฺโขติ อตฺโถ. ปติโมกฺโข เอว ปาติโมกฺโข. โมกฺโขติ วา นิพฺพานํ, ตสฺส โมกฺขสฺส ปฏิพิมฺพภูตนฺติ ปติโมกฺขํ. ปาติโมกฺขสีลสํวโร หิ สูริยสฺส อรุณุคฺคมนํ วิย นิพฺพานสฺส อุทยภูโต ตปฺปฏิภาโค วิย โหติ ยถารหํ กิเลสนิพฺพาปนโตติ ปติโมกฺขํ, ปติโมกฺขํ เอว ปาติโมกฺขํ. อถ วา โมกฺขํ ปติ วตฺตติ โมกฺขาภิมุขนฺติ ปติโมกฺขํ, ปติโมกฺขเมว ปาติโมกฺขนฺติ เอวํ ตาเวตฺถ ปาติโมกฺขสทฺทสฺส อตฺโถ เวทิตพฺโพ.

สํวรติ ปิทหติ เอเตนาติ สํวโร, ปาติโมกฺขเมว สํวโรติ ปาติโมกฺขสํวโร. อตฺถโต ปน ตโต ตโต วีติกฺกมิตพฺพโต วิรติโย เจตนา วา, เตน ปาติโมกฺขสํวเรน อุเปโต สมนฺนาคโต ปาติโมกฺขสํวรสํวุโตติ วุตฺโต. วุตฺตฺเหตํ วิภงฺเค –

‘‘อิมินา ปาติโมกฺขสํวเรน อุเปโต โหติ สมุเปโต อุปคโต สมุปคโต สมฺปนฺโน สมนฺนาคโต. เตน วุจฺจติ ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต’’ติ (วิภ. ๕๑๑).

วิหรตีติ อิริยาปถวิหาเรน วิหรติ, อิริยติ, วตฺตติ. อาจารโคจรสมฺปนฺโนติ เวฬุทานาทิมิจฺฉาชีวสฺส กายปาคพฺภิยาทีนฺจ อกรเณน, สพฺพโส อนาจารํ วชฺเชตฺวา ‘‘กายิโก อวีติกฺกโม, วาจสิโก อวีติกฺกโม’’ติ เอวํ วุตฺตภิกฺขุสารุปฺปอาจารสมฺปตฺติยา เวสิยาทิอโคจรํ วชฺเชตฺวา ปิณฺฑปาตาทิอตฺถํ อุปสงฺกมิตุํ ยุตฺตฏฺานสงฺขาตโคจเรน จ สมฺปนฺนตฺตา อาจารโคจรสมฺปนฺโน. อปิจ โย ภิกฺขุ สตฺถริ สคารโว สปฺปติสฺโส สพฺรหฺมจารีสุ สคารโว สปฺปติสฺโส หิโรตฺตปฺปสมฺปนฺโน สุนิวตฺโถ สุปารุโต ปาสาทิเกน อภิกฺกนฺเตน ปฏิกฺกนฺเตน อาโลกิเตน วิโลกิเตน สมิฺชิเตน ปสาริเตน โอกฺขิตฺตจกฺขุ อิริยาปถสมฺปนฺโน อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร โภชเน มตฺตฺู ชาคริยานุยุตฺโต สติสมฺปชฺเน สมนฺนาคโต อปฺปิจฺโฉ สนฺตุฏฺโ ปวิวิตฺโต อสํสฏฺโ อาภิสมาจาริเกสุ สกฺกจฺจการี ครุจิตฺตีการพหุโล วิหรติ, อยํ วุจฺจติ อาจารสมฺปนฺโน.

โคจโร ปน – อุปนิสฺสยโคจโร, อารกฺขโคจโร, อุปนิพนฺธโคจโรติ ติวิโธ. ตตฺถ ทสกถาวตฺถุคุณสมนฺนาคโต วุตฺตลกฺขโณ กลฺยาณมิตฺโต ยํ นิสฺสาย อสุตํ สุณาติ, สุตํ ปริโยทเปติ, กงฺขํ วิตรติ, ทิฏฺึ อุชุกํ กโรติ, จิตฺตํ ปสาเทติ, ยสฺส จ อนุสิกฺขนฺโต สทฺธาย วฑฺฒติ, สีเลน, สุเตน, จาเคน, ปฺาย วฑฺฒติ, อยํ อุปนิสฺสยโคจโร. โย ภิกฺขุ อนฺตรฆรํ ปวิฏฺโ วีถึ ปฏิปนฺโน โอกฺขิตฺตจกฺขุ ยุคมตฺตทสฺสาวี สํวุโต คจฺฉติ, น หตฺถึ โอโลเกนฺโต, น อสฺสํ, น รถํ, น ปตฺตึ, น อิตฺถึ, น ปุริสํ โอโลเกนฺโต, น อุทฺธํ โอโลเกนฺโต, น อโธ โอโลเกนฺโต, น ทิสาวิทิสา เปกฺขมาโน คจฺฉติ, อยํ อารกฺขโคจโร. อุปนิพนฺธโคจโร ปน จตฺตาโร สติปฏฺานา, ยตฺถ ภิกฺขุ อตฺตโน จิตฺตํ อุปนิพนฺธติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –

‘‘โก จ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน โคจโร สโก เปตฺติโก วิสโย? ยทิทํ – จตฺตาโร สติปฏฺานา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๓๗๒).

อิติ ยถาวุตฺตาย อาจารสมฺปตฺติยา อิมาย จ โคจรสมฺปตฺติยา สมนฺนาคตตฺตา อาจารโคจรสมฺปนฺโน.

อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสาวีติ อปฺปมตฺตเกสุ อณุปฺปมาเณสุ อสฺจิจฺจ อาปนฺนเสขิยอกุสลจิตฺตุปฺปาทาทิเภเทสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสนสีโล. โย หิ ภิกฺขุ ปรมาณุมตฺตํ วชฺชํ อฏฺสฏฺิโยชนสตสหสฺสุพฺเพธสิเนรุปพฺพตราชสทิสํ กตฺวา ปสฺสติ, โยปิ ภิกฺขุ สพฺพลหุกํ ทุพฺภาสิตมตฺตํ ปาราชิกสทิสํ กตฺวา ปสฺสติ, อยํ อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสาวี นาม. สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสูติ ยํ กิฺจิ สิกฺขาปเทสุ สิกฺขิตพฺพํ, ตํ สพฺเพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพํ อนวเสสํ สมาทิยิตฺวา สิกฺขติ วตฺตติ, ปูเรตีติ อตฺโถ. อิติ กลฺยาณสีโลติ อิมินา ปกาเรน กลฺยาณสีโล สมาโน. ปุคฺคลาธิฏฺานวเสน หิ นิทฺทิฏฺํ สีลํ ‘‘เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ กลฺยาณสีโล โหตี’’ติ วุตฺตปุคฺคลาธิฏฺานวเสเนว นิคเมตฺวา ‘‘กลฺยาณธมฺโม’’ติ เอตฺถ วุตฺตธมฺเม นิทฺทิสิตุกาเมน ‘‘เตสํ ธมฺมานํ อิทํ สีลํ อธิฏฺาน’’นฺติ ทสฺเสตุํ ปุน ‘‘อิติ กลฺยาณสีโล’’ติ วุตฺตํ. สตฺตนฺนํ โพธิปกฺขิยานนฺติอาทิ สพฺพํ เหฏฺา วุตฺตตฺถเมว. ปุน กลฺยาณสีโลติอาทิ นิคมนํ.

คาถาสุ ทุกฺกฏนฺติ ทุฏฺุ กตํ, ทุจฺจริตนฺติ อตฺโถ. หิริมนนฺติ หิริมนฺตํ หิริสมฺปนฺนํ, สพฺพโส ปาปปวตฺติยา ชิคุจฺฉนสภาวนฺติ อตฺโถ. หิริมนนฺติ วา หิริสหิตจิตฺตํ. หิริคฺคหเณเนว เจตฺถ โอตฺตปฺปมฺปิ คหิตนฺติ เวทิตพฺพํ. หิโรตฺตปฺปคฺคหเณน จ สพฺพโส ทุจฺจริตาภาวสฺส เหตุํ ทสฺเสนฺโต กลฺยาณสีลตํ เหตุโต วิภาเวติ. สมฺโพธีติ อริยาณํ, ตํ คจฺฉนฺติ ภชนฺตีติ สมฺโพธิคามิโน, โพธิปกฺขิกาติ อตฺโถ. อนุสฺสทนฺติ ราคุสฺสทาทิรหิตํ. ‘‘ตถาวิธ’’นฺติปิ ปนฺติ. ‘‘โพธิปกฺขิกานํ ธมฺมานํ ภาวนานุโยคมนุยุตฺโต’’ติ ยถา ยถา ปุพฺเพ วุตฺตํ, ตถาวิธํ ตาทิสนฺติ อตฺโถ. ทุกฺขสฺสาติ วฏฺฏทุกฺขสฺส, วฏฺฏทุกฺขเหตุโน วา. อิเธว ขยมตฺตโนติ อาสวกฺขยาธิคเมน อตฺตโน วฏฺฏทุกฺขเหตุโน สมุทยปกฺขิยสฺส กิเลสคณสฺส อิเธว อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว ขยํ อนุปฺปาทํ ปชานาติ, วฏฺฏทุกฺขสฺเสว วา อิเธว จริมกจิตฺตนิโรเธน ขยํ ขีณภาวํ ปชานาติ. เตหิ ธมฺเมหิ สมฺปนฺนนฺติ เตหิ ยถาวุตฺตสีลาทิธมฺเมหิ สมนฺนาคตํ. อสิตนฺติ ตณฺหาทิฏฺินิสฺสยานํ ปหีนตฺตา อสิตํ, กตฺถจิ อนิสฺสิตํ. สพฺพโลกสฺสาติ สพฺพสฺมึ สตฺตโลเก. เสสํ วุตฺตนยเมว.

อฏฺมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. ทานสุตฺตวณฺณนา

๙๘. นวเม ทานนฺติ ทาตพฺพํ, สวตฺถุกา วา เจตนา ทานํ, สมฺปตฺติปริจฺจาคสฺเสตํ อธิวจนํ. อามิสทานนฺติ จตฺตาโร ปจฺจยา เทยฺยภาววเสน อามิสทานํ นาม. เต หิ ตณฺหาทีหิ อามสิตพฺพโต อามิสนฺติ วุจฺจนฺติ. เตสํ วา ปริจฺจาคเจตนา อามิสทานํ. ธมฺมทานนฺติ อิเธกจฺโจ ‘‘อิเม ธมฺมา กุสลา, อิเม ธมฺมา อกุสลา, อิเม ธมฺมา สาวชฺชา, อิเม ธมฺมา อนวชฺชา, อิเม วิฺุครหิตา, อิเม วิฺุปฺปสตฺถา; อิเม สมตฺตา สมาทินฺนา อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนฺติ, อิเม หิตาย สุขาย สํวตฺตนฺตี’’ติ กุสลากุสลกมฺมปเถ วิภชนฺโต กมฺมกมฺมวิปาเก อิธโลกปรโลเก ปจฺจกฺขโต ทสฺเสนฺโต วิย ปากฏํ กโรนฺโต อกุสเลหิ ธมฺเมหิ นิวตฺตาเปนฺโต, กุสเลสุ ธมฺเมสุ ปติฏฺาเปนฺโต, ธมฺมํ เทเสติ, อิทํ ธมฺมทานํ. โย ปน ‘‘อิเม ธมฺมา อภิฺเยฺยา, อิเม ปริฺเยฺยา, อิเม ปหาตพฺพา, อิเม สจฺฉิกาตพฺพา, อิเม ภาเวตพฺพา’’ติ สจฺจานิ วิภาเวนฺโต อมตาธิคมาย ปฏิปตฺติธมฺมํ เทเสติ, อิทํ สิขาปฺปตฺตํ ธมฺมทานํ นาม. เอตทคฺคนฺติ เอตํ อคฺคํ. ยทิทนฺติ ยํ อิทํ ธมฺมทานํ วุตฺตํ, เอตํ อิเมสุ ทฺวีสุ ทาเนสุ อคฺคํ เสฏฺํ อุตฺตมํ. วิวฏฺฏคามิธมฺมทานฺหิ นิสฺสาย สพฺพานตฺถโต ปริมุจฺจติ, สกลํ วฏฺฏทุกฺขํ อติกฺกมติ. โลกิยํ ปน ธมฺมทานํ สพฺเพสํ ทานานํ นิทานํ สพฺพสมฺปตฺตีนํ มูลํ. เตนาห –

‘‘สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ, สพฺพรสํ ธมฺมรโส ชินาติ;

สพฺพรตึ ธมฺมรตี ชินาติ, ตณฺหกฺขโย สพฺพทุกฺขํ ชินาตี’’ติ. (ธ. ป. ๓๕๔) –

อภยทานเมตฺถ ธมฺมทาเนเนว สงฺคหิตนฺติ ทฏฺพฺพํ.

สาธารณโภคิตาธิปฺปาเยน อตฺตนา ปริภุฺชิตพฺพโต จตุปจฺจยโต สยเมว อภุฺชิตฺวา ปเรสํ สํวิภชนํ อามิสสํวิภาโค. สาธารณโภคิตาธิปฺปาเยเนว อตฺตนา วิทิตสฺส อธิคตสฺส ธมฺมสฺส อปฺโปสฺสุกฺโก อหุตฺวา ปเรสํ อุปเทโส ธมฺมสํวิภาโค. จตูหิ ปจฺจเยหิ จตูหิ จ สงฺคหวตฺถูหิ ปเรสํ อนุคฺคณฺหนํ อนุกมฺปนํ อามิสานุคฺคโห. วุตฺตนเยเนว ธมฺเมน ปเรสํ อนุคฺคณฺหนํ อนุกมฺปนํ ธมฺมานุคฺคโห. เสสํ วุตฺตนยเมว.

คาถาสุ ยมาหุ ทานํ ปรมนฺติ ยํ ทานํ จิตฺตเขตฺตเทยฺยธมฺมานํ อุฬารภาเวน ปรมํ อุตฺตมํ, โภคสมฺปตฺติอาทีนํ วา ปูรณโต ผลนโต, ปรสฺส วา โลภมจฺฉริยาทิกสฺส ปฏิปกฺขสฺส มทฺทนโต หึสนโต ‘‘ปรม’’นฺติ พุทฺธา ภควนฺโต อาหุ. อนุตฺตรนฺติ ยํ ทานํ เจตนาทิสมฺปตฺติยา สาติสยปวตฺติยา อคฺคภาเวน อคฺควิปากตฺตา จ อุตฺตรรหิตํ อนุตฺตรภาวสาธนํ จาติ อาหุ. ยํ สํวิภาคนฺติ เอตฺถาปิ ‘‘ปรมํ อนุตฺตร’’นฺติ ปททฺวยํ อาเนตฺวา โยเชตพฺพํ. อวณฺณยีติ กิตฺตยิ, ‘‘โภชนํ, ภิกฺขเว, ททมาโน ทายโก ปฏิคฺคาหกานํ ปฺจ านานิ เทตี’’ติอาทินา (อ. นิ. ๕.๓๗), ‘‘เอวํ เจ, ภิกฺขเว, สตฺตา ชาเนยฺยุํ ทานสํวิภาคสฺส วิปาก’’นฺติอาทินา (อิติวุ. ๒๖) จ ปสํสยิ. ยถา ปน ทานํ สํวิภาโค จ ปรมํ อนุตฺตรฺจ โหติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อคฺคมฺหี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อคฺคมฺหีติ สีลาทิคุณวิเสสโยเคน เสฏฺเ อนุตฺตเร ปุฺกฺเขตฺเต สมฺมาสมฺพุทฺเธ อริยสงฺเฆ จ. ปสนฺนจิตฺโตติ กมฺมผลสทฺธาย รตนตฺตยสทฺธาย จ จิตฺตํ ปสาเทนฺโต โอกปฺเปนฺโต. จิตฺตสมฺปตฺติยา หิ เขตฺตสมฺปตฺติยา จ ปริตฺเตปิ เทยฺยธมฺเม ทานํ มหานุภาวํ โหติ มหาชุติกํ มหาวิปฺผารํ. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘นตฺถิ จิตฺเต ปสนฺนมฺหิ, อปฺปกา นาม ทกฺขิณา;

ตถาคเต วา สมฺพุทฺเธ, อถ วา ตสฺส สาวเก’’ติ. (วิ. ว. ๘๐๔; เนตฺติ. ๙๕);

วิฺูติ สปฺปฺโ. ปชานนฺติ สมฺมเทว ทานผลํ ทานานิสํสํ ปชานนฺโต. โก น ยเชถ กาเลติ ยุตฺตปฺปตฺตกาเล โก นาม ทานํ น ทเทยฺย? สทฺธา, เทยฺยธมฺโม, ปฏิคฺคาหกาติ อิเมสํ ติณฺณํ สมฺมุขิภูตกาเลเยว หิ ทานํ สมฺภวติ, น อฺถา, ปฏิคฺคาหกานํ วา ทาตุํ ยุตฺตกาเล.

เอวํ ปมคาถาย อามิสทานสํวิภาคานุคฺคเห ทสฺเสตฺวา อิทานิ ธมฺมทานสํวิภาคานุคฺคเห ทสฺเสตุํ ‘‘เย เจว ภาสนฺตี’’ติ ทุติยคาถมาห. ตตฺถ อุภยนฺติ ‘‘ภาสนฺติ สุณนฺตี’’ติ วุตฺตา เทสกา ปฏิคฺคาหกาติ อุภยํ. อยํ ปเนตฺถ สงฺเขปตฺโถ – เย สุคตสฺส ภควโต สาสเน สทฺธมฺเม ปสนฺนจิตฺตา วิมุตฺตายตนสีเส ตฺวา เทเสนฺติ ปฏิคฺคณฺหนฺติ จ, เตสํ เทสกปฏิคฺคาหกานํ โส ธมฺมทานธมฺมสํวิภาคธมฺมานุคฺคหสงฺขาโต อตฺโถ. ปรมตฺถสาธนโต ปรโม. ตณฺหาสํกิเลสาทิสพฺพสํกิเลสมลวิโสธเนน วิสุชฺฌติ. กีทิสานํ? เย อปฺปมตฺตา สุคตสฺส สาสเน. เย จ –

‘‘สพฺพปาปสฺส อกรณํ, กุสลสฺส อุปสมฺปทา;

สจิตฺตปริโยทปนํ, เอตํ พุทฺธาน สาสน’’นฺติ. (ที. นิ. ๒.๙๐; ธ. ป. ๑๘๓) –

สงฺเขปโต เอวํ ปกาสิเต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สาสเน โอวาเท อนุสิฏฺิยํ อปฺปมตฺตา อธิสีลสิกฺขาทโย สกฺกจฺจํ สมฺปาเทนฺติ. เตสํ วิสุชฺฌติ, อรหตฺตผลวิสุทฺธิยา อติวิย โวทายตีติ.

นวมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. เตวิชฺชสุตฺตวณฺณนา

๙๙. ทสเม ธมฺเมนาติ าเยน, สมฺมาปฏิปตฺติสงฺขาเตน เหตุนา การเณน. ยาย หิ ปฏิปทาย เตวิชฺโช โหติ, สา ปฏิปทา อิธ ธมฺโมติ เวทิตพฺพา. กา ปน สา ปฏิปทาติ? จรณสมฺปทา จ วิชฺชาสมฺปทา จ. เตวิชฺชนฺติ ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณาทีหิ ตีหิ วิชฺชาหิ สมนฺนาคตํ. พฺราหฺมณนฺติ พาหิตปาปพฺราหฺมณํ. ปฺาเปมีติ ‘‘พฺราหฺมโณ’’ติ ชานาเปมิ ปติฏฺเปมิ. นาฺํ ลปิตลาปนมตฺเตนาติ อฺํ ชาติมตฺตพฺราหฺมณํ อฏฺกาทีหิ ลปิตมตฺตวิปฺปลปนมตฺเตน พฺราหฺมณํ น ปฺาเปมีติ. อถ วา ลปิตลาปนมตฺเตนาติ มนฺตานํ อชฺเฌนอชฺฌาปนมตฺเตน. อุภยถาปิ ยํ ปน พฺราหฺมณา สามเวทาทิเวทตฺตยอชฺเฌเนน เตวิชฺชํ พฺราหฺมณํ วทนฺติ, ตํ ปฏิกฺขิปติ. ภควตา หิ ‘‘ปรมตฺถโต อเตวิชฺชํ พฺราหฺมณํเยว เจเต โภวาทิโน อวิชฺชานิวุตา ‘เตวิชฺโช พฺราหฺมโณ’ติ วทนฺติ, เอวํ ปน เตวิชฺโช พฺราหฺมโณ โหตี’’ติ ทสฺสนตฺถํ ตถา พุชฺฌนกานํ ปุคฺคลานํ อชฺฌาสเยน อยํ เทสนา อารทฺธา.

ตตฺถ ยสฺมา วิชฺชาสมฺปนฺโน จรณสมฺปนฺโนเยว โหติ จรณสมฺปทาย วินา วิชฺชาสมฺปตฺติยา อภาวโต, ตสฺมา จรณสมฺปทํ อนฺโตคธํ กตฺวา วิชฺชาสีเสเนว พฺราหฺมณํ ปฺาเปตุกาโม ‘‘ธมฺเมนาหํ, ภิกฺขเว, เตวิชฺชํ พฺราหฺมณํ ปฺาเปมี’’ติ เทสนํ สมุฏฺาเปตฺวา ‘‘กถฺจาหํ, ภิกฺขเว, ธมฺเมน เตวิชฺชํ พฺราหฺมณํ ปฺาเปมี’’ติ กเถตุกมฺยตาย ปุจฺฉํ กตฺวา ปุคฺคลาธิฏฺานาย เทสนาย วิชฺชตฺตยํ วิภชนฺโต ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขู’’ติอาทิมาห.

ตตฺถ อเนกวิหิตนฺติ อเนกวิธํ, อเนเกหิ วา ปกาเรหิ ปวตฺติตํ, สํวณฺณิตนฺติ อตฺโถ. ปุพฺเพนิวาสนฺติ สมนนฺตราตีตภวํ อาทึ กตฺวา ตตฺถ ตตฺถ นิวุตฺถกฺขนฺธสนฺตานํ. นิวุตฺถนฺติ อชฺฌาวุตฺถํ อนุภูตํ, อตฺตโน สนฺตาเน อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุทฺธํ, นิวุตฺถธมฺมํ วา นิวุตฺถํ, โคจรนิวาเสน นิวุตฺถํ, อตฺตโน วิฺาเณน วิฺาตํ ปรวิฺาณวิฺาตมฺปิ วา ฉินฺนวฏุมกานุสฺสรณาทีสุ. อนุสฺสรตีติ ‘‘เอกมฺปิ ชาตึ ทฺเวปิ ชาติโย’’ติ เอวํ ชาติปฏิปาฏิวเสน อนุคนฺตฺวา สรติ, อนุเทว วา สรติ, จิตฺเต อภินินฺนามิเต ปริกมฺมสมนนฺตรํ สรติ.

เสยฺยถิทนฺติ อารทฺธปฺปการทสฺสนตฺเถ นิปาโต. เตเนว ยฺวายํ ปุพฺเพนิวาโส อารทฺโธ โหติ, ตสฺส ปการํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอกมฺปิ ชาติ’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ เอกมฺปิ ชาตินฺติ เอกมฺปิ ปฏิสนฺธิมูลกํ จุติปริโยสานํ เอกภวปริยาปนฺนํ ขนฺธสนฺตานํ. เอส นโย ทฺเวปิ ชาติโยติอาทีสุ. อเนเกปิ สํวฏฺฏกปฺเปติอาทีสุ ปน ปริหายมาโน กปฺโป สํวฏฺฏกปฺโป, วฑฺฒมาโน วิวฏฺฏกปฺโป. ตตฺถ สํวฏฺเฏน สํวฏฺฏฏฺายี คหิโต โหติ ตมฺมูลกตฺตา, วิวฏฺเฏน จ วิวฏฺฏฏฺายี. เอวฺหิ สติ ยานิ ตานิ ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, กปฺปสฺส อสงฺขฺเยยฺยานิ. กตมานิ จตฺตาริ? สํวฏฺโฏ, สํวฏฺฏฏฺายี, วิวฏฺโฏ, วิวฏฺฏฏฺายี’’ติ (อ. นิ. ๔.๑๕๖) วุตฺตานิ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ, ตานิ ปริคฺคหิตานิ โหนฺติ.

ตตฺถ ตโย สํวฏฺฏา – เตโชสํวฏฺโฏ, อาโปสํวฏฺโฏ, วาโยสํวฏฺโฏติ. ติสฺโส สํวฏฺฏสีมา – อาภสฺสรา, สุภกิณฺหา, เวหปฺผลาติ. ยทา กปฺโป เตเชน สํวฏฺฏติ, อาภสฺสรโต เหฏฺา อคฺคินา ฑยฺหติ. ยทา อุทเกน สํวฏฺฏติ, สุภกิณฺหโต เหฏฺา อุทเกน วิลียติ. ยทา วาเตน สํวฏฺฏติ, เวหปฺผลโต เหฏฺา วาเตน วิทฺธํสิยติ. วิตฺถารโต ปน โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาฬํ เอกโต วินสฺสติ. อิติ เอวรูโป อยํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรนฺโต ภิกฺขุ อเนเกปิ สํวฏฺฏกปฺเป อเนเกปิ วิวฏฺฏกปฺเป อเนเกปิ สํวฏฺฏวิวฏฺฏกปฺเป อนุสฺสรติ. กถํ? อมุตฺราสินฺติอาทินา นเยน.

ตตฺถ อมุตฺราสินฺติ อมุมฺหิ สํวฏฺฏกปฺเป อมุมฺหิ ภเว วา โยนิยา วา คติยา วา วิฺาณฏฺิติยา วา สตฺตาวาเส วา สตฺตนิกาเย วา อหมโหสึ. เอวํนาโมติ ติสฺโส วา ผุสฺโส วา. เอวํโคตฺโตติ โคตโม วา กสฺสโป วา. เอวํวณฺโณติ โอทาโต วา สาโม วา. เอวมาหาโรติ สาลิมํโสทนาหาโร วา ปวตฺตผลโภชโน วา. เอวํสุขทุกฺขปฺปฏิสํเวทีติ อเนกปฺปการานํ กายิกเจตสิกานํ สามิสนิรามิสาทิปฺปเภทานํ วา สุขทุกฺขานํ ปฏิสํเวที. เอวมายุปริยนฺโตติ เอวํ วสฺสสตปริมาณายุปริยนฺโต วา จตุราสีติกปฺปสตสหสฺสปริมาณายุปริยนฺโต วา. โส ตโต จุโต อมุตฺร อุทปาทินฺติ โสหํ ตโต ภวโต โยนิโต คติโต วิฺาณฏฺิติโต สตฺตาวาสโต สตฺตนิกายโต วา จุโต ปุน อมุกสฺมึ นาม ภเว โยนิยา คติยา วิฺาณฏฺิติยา สตฺตาวาเส สตฺตนิกาเย วา อุทปาทึ. ตตฺราปาสินฺติ อถ ตตฺรปิ ภเว โยนิยา คติยา วิฺาณฏฺิติยา สตฺตาวาเส สตฺตนิกาเย วา ปุน อโหสึ. เอวํนาโมติอาทิ วุตฺตนยเมว.

อถ วา ยสฺมา ‘‘อมุตฺราสิ’’นฺติ อิทํ อนุปุพฺเพน อาโรหนฺตสฺส อตฺตโน อภินีหารานุรูปํ ยถาพลํ สรณํ, ‘‘โส ตโต จุโต’’ติ ปฏินิวตฺตนฺตสฺส ปจฺจเวกฺขณํ, ตสฺมา ‘‘อิธูปปนฺโน’’ติ อิมิสฺสา อิธูปปตฺติยา อนนฺตรํ ‘‘อมุตฺร อุทปาทิ’’นฺติ วุตฺตํ. ตตฺราปาสินฺติ ตตฺรปิ ภเว…เป… สตฺตนิกาเย วา อาสึ. เอวํนาโมติ ทตฺโต วา มิตฺโต วา, เอวํโคตฺโตติ วาเสฏฺโ วา กสฺสโป วา. เอวํวณฺโณติ กาโฬ วา โอทาโต วา. เอวมาหาโรติ สุธาหาโร วา สาลิโอทนาทิอาหาโร วา. เอวํสุขทุกฺขปฺปฏิสํเวทีติ ทิพฺพสุขปฺปฏิสํเวที วา มานุสสุขทุกฺขปฺปฏิสํเวที วา. เอวมายุปริยนฺโตติ เอวํ ตํตํปรมายุปริยนฺโต. โส ตโต จุโตติ โสหํ ตโต ภวาทิโต จุโต. อิธูปปนฺโนติ อิธ อิมสฺมึ จริมภเว มนุสฺโส หุตฺวา อุปปนฺโน นิพฺพตฺโต.

อิตีติ เอวํ. สาการํ สอุทฺเทสนฺติ นามโคตฺตาทิวเสน สอุทฺเทสํ, วณฺณาทิวเสน สาการํ. นามโคตฺเตน หิ สตฺตา ‘‘ติสฺโส โคตโม’’ติ อุทฺทิสียนฺติ, วณฺณาทีหิ ‘‘สาโม โอทาโต’’ติ นานตฺตโต ปฺายนฺติ. ตสฺมา นามโคตฺตํ อุทฺเทโส, อิตเร อาการา. อยมสฺส ปมา วิชฺชา อธิคตาติ อยํ อิมินา ภิกฺขุนา ปมํ อธิคมวเสน ปมา, วิทิตกรณฏฺเน วิชฺชา อธิคตา สจฺฉิกตา โหติ. กึ ปนายํ วิทิตํ กโรติ? ปุพฺเพนิวาสํ. อวิชฺชาติ ตสฺเสว ปุพฺเพนิวาสสฺส อวิทิตกรณฏฺเน ตสฺส ปฏิจฺฉาทกโมโห วุจฺจติ. ตโมติ สฺเวว โมโห ปฏิจฺฉาทกฏฺเน ตโมติ วุจฺจติ. อาโลโกติ สา เอว วิชฺชา โอภาสกรณฏฺเน อาโลโก. เอตฺถ จ วิชฺชา อธิคตาติ อยํ อตฺโถ, เสสํ ปสํสาวจนํ. โยชนา ปเนตฺถ – อยํ โข เตน ภิกฺขุนา วิชฺชา อธิคตา, ตสฺส อธิคตวิชฺชสฺส อวิชฺชา วิหตา, วินฏฺาติ อตฺโถ. กสฺมา? ยสฺมา วิชฺชา อุปฺปนฺนาติ. เสสปททฺวเยปิ เอเสว นโย.

ยถา ตนฺติ เอตฺถ ยถาติ โอปมฺมตฺเถ, นฺติ นิปาตมตฺตํ. สติยา อวิปฺปวาเสน อปฺปมตฺตสฺส. วีริยาตาเปน อาตาปิโน. กาเย จ ชีวิเต จ อนเปกฺขตาย ปหิตตฺตสฺส เปสิตจิตฺตสฺสาติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต อวิชฺชา วิหฺเยฺย, วิชฺชา อุปฺปชฺเชยฺย, ตโม วิหฺเยฺย, อาโลโก อุปฺปชฺเชยฺย; เอวเมว ตสฺส ภิกฺขุโน อวิชฺชา วิหตา, วิชฺชา อุปฺปนฺนา, ตโม วิหโต, อาโลโก อุปฺปนฺโน, ตสฺส ปธานานุโยคสฺส อนุรูปเมว ผลํ ลภิตฺวา วิหรตีติ.

ทิพฺเพน จกฺขุนาติ เอตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตเมว. วิสุทฺเธนาติ จุตูปปาตทสฺสเนน ทิฏฺิวิสุทฺธิเหตุภาวโต วิสุทฺธํ. โย หิ จุติมตฺตเมว ปสฺสติ น อุปปาตํ, โส อุจฺเฉททิฏฺึ คณฺหาติ. โย อุปปาตมตฺตเมว ปสฺสติ น จุตึ, โส นวสตฺตปาตุภาวทิฏฺึ คณฺหาติ. โย ปน ตทุภยํ ปสฺสติ, โส ยสฺมา ทุวิธมฺปิ ตํ ทิฏฺิคตํ อติวตฺตติ, ตสฺมาสฺส ตํ ทสฺสนํ ทิฏฺิวิสุทฺธิเหตุ โหติ, ตทุภยมฺปายํ พุทฺธปุตฺโต ปสฺสติ. เตน วุตฺตํ ‘‘จุตูปปาตทสฺสเนน ทิฏฺิวิสุทฺธิเหตุภาวโต วิสุทฺธ’’นฺติ. เอกาทสอุปกฺกิเลสวิรหโต วา วิสุทฺธํ. ยถาห ‘‘วิจิกิจฺฉา จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโสติ – อิติ วิทิตฺวา วิจิกิจฺฉํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสํ ปชหึ, อมนสิกาโร…เป… ถินมิทฺธํ, ฉมฺภิตตฺตํ, อุปฺปิลฺลํ, ทุฏฺุลฺลํ, อจฺจารทฺธวีริยํ, อติลีนวีริยํ, อภิชปฺปา, นานตฺตสฺา, อตินิชฺฌายิตตฺตํ รูปานํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’’ติ (ม. นิ. ๓.๒๔๒) เอวํ วุตฺเตหิ เอกาทสหิ อุปกฺกิเลเสหิ อนุปกฺกิลิฏฺตฺตา วิสุทฺธํ. มนุสฺสูปจารํ อติกฺกมิตฺวา รูปทสฺสเนน อติกฺกนฺตมานุสกํ, มํสจกฺขุํ วา อติกฺกนฺตตฺตา อติกฺกนฺตมานุสกํ. เตน ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน. สตฺเต ปสฺสตีติ มนุสฺสมํสจกฺขุนา วิย สตฺเต ปสฺสติ ทกฺขติ อาโลเกติ.

จวมาเน อุปปชฺชมาเนติ เอตฺถ จุติกฺขเณ อุปปตฺติกฺขเณ วา ทิพฺพจกฺขุนาปิ ทฏฺุํ น สกฺกา. เย ปน อาสนฺนจุติกา อิทานิ จวิสฺสนฺติ, เต จวมานา. เย จ คหิตปฏิสนฺธิกา สมฺปตินิพฺพตฺตา วา, เต อุปปชฺชมานาติ อธิปฺเปตา. เต เอวรูเป จวมาเน อุปปชฺชมาเน จ ปสฺสตีติ ทสฺเสติ. หีเนติ โมหนิสฺสนฺทยุตฺตตฺตา หีนานํ ชาติกุลโภคาทีนํ วเสน หีฬิเต ปริภูเต. ปณีเตติ อโมหนิสฺสนฺทยุตฺตตฺตา ตพฺพิปรีเต. สุวณฺเณติ อโทสนิสฺสนฺทยุตฺตตฺตา อิฏฺกนฺตมนาปวณฺณยุตฺเต. ทุพฺพณฺเณติ โทสนิสฺสนฺทยุตฺตตฺตา อนิฏฺอกนฺตามนาปวณฺณยุตฺเต. อภิรูเป วิรูเปติปิ อตฺโถ. สุคเตติ สุคติคเต, อโลภนิสฺสนฺทยุตฺตตฺตา วา อฑฺเฒ มหทฺธเน. ทุคฺคเตติ ทุคฺคติคเต, โลภนิสฺสนฺทยุตฺตตฺตา วา ทลิทฺเท อปฺปนฺนปานโภชเน. ยถากมฺมูปเคติ ยํ ยํ กมฺมํ อุปจิตํ, เตน เตน อุปคเต. ตตฺถ ปุริเมหิ ‘‘จวมาเน’’ติอาทีหิ ทิพฺพจกฺขุกิจฺจํ วุตฺตํ, อิมินา ปน ปเทน ยถากมฺมูปคาณกิจฺจํ.

ตสฺส จ าณสฺส อยํ อุปฺปตฺติกฺกโม – อิธ ภิกฺขุ เหฏฺา นิรยาภิมุขํ อาโลกํ วฑฺเฒตฺวา เนรยิเก สตฺเต ปสฺสติ มหนฺตํ ทุกฺขํ อนุภวมาเน, อิทํ ทสฺสนํ ทิพฺพจกฺขุาณกิจฺจเมว. โส จ เอวํ มนสิ กโรติ ‘‘กึ นุ โข กมฺมํ กตฺวา อิเม สตฺตา เอตํ ทุกฺขํ อนุภวนฺตี’’ติ, อถสฺส ‘‘อิทํ นาม กตฺวา’’ติ ตํกมฺมารมฺมณํ าณํ อุปฺปชฺชติ. ตถา อุปริ เทวโลกาภิมุขํ อาโลกํ วฑฺเฒตฺวา นนฺทนวนมิสฺสกวนผารุสกวนาทีสุ สตฺเต ปสฺสติ ทิพฺพสมฺปตฺตึ อนุภวมาเน, อิทมฺปิ ทสฺสนํ ทิพฺพจกฺขุาณกิจฺจเมว. โส เอวํ มนสิ กโรติ ‘‘กึ นุ โข กมฺมํ กตฺวา อิเม สตฺตา เอตํ สมฺปตฺตึ อนุภวนฺตี’’ติ? อถสฺส ‘‘อิทํ นาม กตฺวา’’ติ ตํกมฺมารมฺมณํ าณํ อุปฺปชฺชติ, อิทํ ยถากมฺมูปคาณํ นาม. อิมสฺส วิสุํ ปริกมฺมํ นาม นตฺถิ. ยถา จิมสฺส, เอวํ อนาคตํสาณสฺสปิ. ทิพฺพจกฺขุปาทกาเนว หิ อิมานิ ทิพฺพจกฺขุนา สเหว อิชฺฌนฺติ. กายทุจฺจริเตนาติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตนยเมว. อิธ วิชฺชาติ ทิพฺพจกฺขุาณวิชฺชา. อวิชฺชาติ สตฺตานํ จุติปฏิสนฺธิจฺฉาทิกา อวิชฺชา. เสสํ วุตฺตนยเมว.

ตติยวาเร วิชฺชาติ อรหตฺตมคฺคาณวิชฺชา. อวิชฺชาติ จตุสจฺจปฺปฏิจฺฉาทิกา อวิชฺชา. เสสํ เหฏฺา วุตฺตนยตฺตา สุวิฺเยฺยเมว. เอวํ โขติอาทิ นิคมนํ.

คาถาสุ อยํ สงฺเขปตฺโถ – โย ยถาวุตฺตํ ปุพฺเพนิวาสํ อเวติ อวคจฺฉติ, วุตฺตนเยน ปากฏํ กตฺวา ชานาติ. ‘‘โยเวที’’ติปิ ปาโ, โย อเวทิ วิทิตํ กตฺวา ิโตติ อตฺโถ. ฉพฺพีสติเทวโลกสงฺขาตํ สคฺคํ จตุพฺพิธํ อปายฺจ วุตฺตนเยเนว ทิพฺพจกฺขุนา ปสฺสติ. อโถติ ตโต ปรํ ชาติกฺขยสงฺขาตํ อรหตฺตํ นิพฺพานเมว วา ปตฺโต อธิคโต. ตโต เอว อภิฺา อภิวิสิฏฺาย มคฺคปฺาย ชานิตพฺพํ จตุสจฺจธมฺมํ ชานิตฺวา กิจฺจโวสาเนน โวสิโต นิฏฺานปฺปตฺโต. โมเนยฺยธมฺมสมนฺนาคเมน มุนิ, ขีณาสโว ยสฺมา เอตาหิ ยถาวุตฺตาหิ ตีหิ วิชฺชาหิ สมนฺนาคตตฺตา ตโต ตติยวิชฺชาย สพฺพถา พาหิตปาปตฺตา จ เตวิชฺโช พฺราหฺมโณ นาม โหติ. ตสฺมา ตเมว อหํ เตวิชฺชํ พฺราหฺมณํ วทามิ, อฺํ ปน ลปิตลาปนํ ยชุอาทิมนฺตปทานํ อชฺฌาปนปรํ เตวิชฺชํ พฺราหฺมณํ น วทามิ, เตวิชฺโชติ ตํ น กเถมีติ.

อิติ อิมสฺมึ วคฺเค ทุติยสุตฺเต วฏฺฏํ กถิตํ, ปฺจมอฏฺมทสมสุตฺเตสุ วิวฏฺฏํ กถิตํ, อิตเรสุ วฏฺฏวิวฏฺฏํ กถิตนฺติ เวทิตพฺพํ.

ทสมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

ปฺจมวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

ปรมตฺถทีปนิยา ขุทฺทกนิกาย-อฏฺกถาย

อิติวุตฺตกสฺส ติกนิปาตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. จตุกฺกนิปาโต

๑. พฺราหฺมณธมฺมยาคสุตฺตวณฺณนา

๑๐๐. จตุกฺกนิปาตสฺส ปเม อหนฺติ อตฺตนิทฺเทโส. โย หิ ปโร น โหติ, โส นิยกชฺฌตฺตสงฺขาโต อตฺตา ‘‘อห’’นฺติ วุจฺจติ. อสฺมีติ ปฏิชานนา. โย ปรมตฺถพฺราหฺมณภาโว ‘‘อห’’นฺติ วุจฺจมาโน, ตสฺส อตฺตนิ อตฺถิภาวํ ปฏิชานนฺโต หิ สตฺถา ‘‘อสฺมี’’ติ อโวจ. ‘‘อหมสฺมี’’ติ จ ยถา ‘‘อหมสฺมิ พฺรหฺมา มหาพฺรหฺมา, เสยฺโยหมสฺมี’’ติ จ อปฺปหีนทิฏฺิมานานุสยา ปุถุชฺชนา อตฺตโน ทิฏฺิมานมฺนาภินิเวสวเสน อภิวทนฺติ, น เอวํ วุตฺตํ. สพฺพโส ปน ปหีนทิฏฺิมานานุสโย ภควา สมฺํ อนติธาวนฺโต โลกสมฺานุโรเธน เวเนยฺยสนฺตาเนสุ ธมฺมํ ปติฏฺเปนฺโต เกวลํ ตาทิสสฺส คุณสฺส อตฺตนิ วิชฺชมานตํ ปฏิชานนฺโต ‘‘อหมสฺมี’’ติ อาห. พฺราหฺมโณติ พาหิตปาปตฺตา พฺรหฺมสฺส จ อณนโต พฺราหฺมโณ. อยฺเหตฺถ อตฺโถ – ภิกฺขเว, อหํ ปรมตฺถโต พฺราหฺมโณสฺมีติ. ภควา สพฺพาการปริปุณฺณสฺส ทานสํยมาทิวตสมาทานสฺส นิรวเสสาย ตปจริยาย ปารํ คโต สมฺมเทว วุสิตพฺรหฺมจริยวาโส สกลเวทนฺตคู สุวิสุทฺธวิชฺชาจรโณ สพฺพถา นินฺหาตปาปมโล อนุตฺตรสฺส อริยมคฺคสงฺขาตสฺส พฺราหฺมณสฺส วตฺตา ปวตฺตา, สุปริสุทฺธสฺส จ สาสนพฺรหฺมจริยสฺส ปเวเทตา, ตสฺมา สพฺพโส พาหิตปาปตฺตา พฺรหฺมสฺส จ อณนโต กถนโต ปรมตฺเถน พฺราหฺมโณติ วุจฺจติ.

อิติ ภควา สเทวเก โลเก อตฺตโน อนุตฺตรํ พฺราหฺมณภาวํ ปเวเทตฺวา ยานิ ตานิ พฺราหฺมณทานาทีนิ ฉ กมฺมานิ พฺราหฺมณสฺส ปฺาเปนฺติ, เตสมฺปิ สุปริสุทฺธานํ อุกฺกํสโต อตฺตนิ สํวิชฺชมานตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยาจโยโค’’ติอาทิมาห.

ตตฺถ ยาจโยโคติ ยาเจหิ ยุตฺโต. ยาจนฺตีติ ยาจา, ยาจกา, เต ปเนตฺถ เวเนยฺยา เวทิตพฺพา. เต หิ ‘‘เทเสตุ, ภนฺเต ภควา, ธมฺมํ; เทเสตุ, สุคโต, ธมฺม’’นฺติ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมเทสนํ ยาจนฺติ. ภควา จ เตสํ อิจฺฉาวิฆาตํ อกโรนฺโต ยถารุจิ ธมฺมํ เทเสนฺโต ธมฺมทานํ เทตีติ ยาจโยโค, สทา สพฺพกาลํ เตหิ อวิรหิโต. อถ วา ยาจโยโคติ ยาจนโยคฺโค, อธิปฺปายปูรณโต ยาจิตุํ ยุตฺโตติ อตฺโถ ‘‘ยาชโยโค’’ติปิ ปาโ. ตตฺถ ยาโช วุจฺจติ มหาทานํ, ยิฏฺนฺติ อตฺโถ. อิธ ปน ธมฺมทานํ เวทิตพฺพํ, ยาเช นิยุตฺโตติ ยาชโยคา. สทาติ สพฺพทา, อนวรตปฺปวตฺตสทฺธมฺมมหาทาโนติ อตฺโถ. อถ วา ยาเชน โยเชตีติปิ ยาชโยโค. ติวิธทานสงฺขาเตน ยาเชน สตฺเต ยถารหํ โยเชติ, ตตฺถ ทาเน นิโยเชตีติ อตฺโถ. ‘‘ยาชโยโค สตต’’นฺติปิ ปนฺติ. ปยตปาณีติ ปริสุทฺธหตฺโถ. โย หิ ทานาธิมุตฺโต อามิสทานํ เทนฺโต สกฺกจฺจํ สหตฺเถน เทยฺยธมฺมํ ทาตุํ สทา โธตหตฺโถเยว โหติ, โส ‘‘ปยตปาณี’’ติ วุจฺจติ. ภควาปิ ธมฺมทานาธิมุตฺโต สกฺกจฺจํ สพฺพกาลํ ธมฺมทาเน ยุตฺตปฺปยุตฺโตติ กตฺวา วุตฺตํ ‘‘ปยตปาณี’’ติ. ‘‘สทา’’ติ จ ปทํ อิมินาปิ สทฺธึ โยเชตพฺพํ ‘‘สทา ปยตปาณี’’ติ. อวิภาเคน หิ สตฺถา เวเนยฺยโลกสฺส สทฺธมฺมทานํ สทา สพฺพกาลํ ปวตฺเตนฺโต ตตฺถ ยุตฺตปฺปยุตฺโต หุตฺวา วิหรติ.

อปโร นโย – โยโค วุจฺจติ ภาวนา. ยถาห ‘‘โยคา เว ชายเต ภูรี’’ติ (ธ. ป. ๒๘๒). ตสฺมา ยาชโยโคติ ยาชภาวนํ, ปริจฺจาคภาวนํ อนุยุตฺโตติ อตฺโถ. ภควา หิ อภิสมฺโพธิโต ปุพฺเพ โพธิสตฺตภูโตปิ กรุณาสมุสฺสาหิโต อนวเสสโต ทานํ ปริพฺรูเหนฺโต ตตฺถ อุกฺกํสปารมิปฺปตฺโต หุตฺวา อภิสมฺโพธึ ปาปุณิ, พุทฺโธ หุตฺวาปิ ติวิธํ ทานํ ปริพฺรูเหสิ วิเสสโต ธมฺมทานํ, ปเรปิ ตตฺถ นิโยเชสิ. ตถา หิ โส เวเนยฺยยาจกานํ กสฺสจิ สรณานิ อทาสิ, กสฺสจิ ปฺจ สีลานิ, กสฺสจิ ทส สีลานิ, กสฺสจิ จตุปาริสุทฺธิสีลํ, กสฺสจิ ธุตธมฺเม, กสฺสจิ จตฺตาริ ฌานานิ, กสฺสจิ อฏฺ สมาปตฺติโย, กสฺสจิ ปฺจาภิฺาโย, จตฺตาโร มคฺเค, จตฺตาริ สามฺผลานิ, ติสฺโส วิชฺชา, จตสฺโส ปฏิสมฺภิทาติ เอวมาทิโลกิยโลกุตฺตรเภทํ คุณธนํ ธมฺมทานวเสน ยถาธิปฺปายํ เทนฺโต ปเร จ ‘‘เทถา’’ติ นิโยเชนฺโต ปริจฺจาคภาวนํ ปริพฺรูเหสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘ปริจฺจาคภาวนํ อนุยุตฺโต’’ติ.

ปยตปาณีติ วา อายตปาณี, หตฺถคตํ กิฺจิ ทาตุํ ‘‘เอหิ คณฺหา’’ติ ปสาริตหตฺโถ วิย อาจริยมุฏฺึ อกตฺวา สทฺธมฺมทาเน ยุตฺตปฺปยุตฺโตติ อตฺโถ. ปยตปาณีติ วา อุสฺสาหิตหตฺโถ, อามิสทานํ ทาตุํ อุสฺสาหิตหตฺโถ วิย ธมฺมทาเน กตุสฺสาโหติ อตฺโถ. อนฺติมเทหธโรติ พฺรหฺมจริยวเสน พฺราหฺมณกรณานํ ธมฺมานํ ปาริปูริยา ปจฺฉิมตฺตภาวธารี. อวุสิตวโต หิ วสลกรณานํ ธมฺมานํ อปฺปหาเนน วสลาทิสมฺา คติ อายตึ คพฺภเสยฺยา สิยา. เตน ภควา อตฺตโน อจฺจนฺตวุสิตพฺราหฺมณภาวํ ทสฺเสติ. อนุตฺตโร ภิสกฺโก สลฺลกตฺโตติ ทุตฺติกิจฺฉสฺส วฏฺฏทุกฺขโรคสฺส ติกิจฺฉนโต อุตฺตโม ภิสกฺโก, อฺเหิ อนุทฺธรณียานํ ราคาทิสลฺลานํ กนฺตนโต สมุจฺเฉทวเสน สมุทฺธรณโต อุตฺตโม สลฺลกนฺตนเวชฺโช. อิมินา นิปฺปริยายโต พฺราหฺมณกรณานํ ธมฺมานํ อตฺตนิ ปติฏฺิตานํ ปรสนฺตติยํ ปติฏฺาปเนน ปเรสมฺปิ พฺราหฺมณกรณมาห.

ตสฺส เม ตุมฺเห ปุตฺตาติ ตสฺส เอวรูปสฺส มม ตุมฺเห, ภิกฺขเว, ปุตฺตา อตฺรชา โหถ. โอรสาติ อุรสิ สมฺพนฺธา. ยถา หิ สตฺตานํ โอรสปุตฺตา อตฺรชา วิเสเสน ปิตุสนฺตกสฺส ทายชฺชสฺส ภาคิโน โหนฺติ, เอวเมเตปิ อริยปุคฺคลา สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ธมฺมสฺสวนนฺเต อริยาย ชาติยา ชาตา. ตสฺส สนฺตกสฺส วิมุตฺติสุขสฺส อริยธมฺมรตนสฺส จ เอกํสภาคิยตาย โอรสา. อถ วา ภควโต ธมฺมเทสนานุภาเวน อริยภูมึ โอกฺกมมานา โอกฺกนฺตา จ อริยสาวกา สตฺถุ อุเร วายามชนิตาภิชาติตาย นิปฺปริยาเยน ‘‘โอรสปุตฺตา’’ติ วตฺตพฺพตํ อรหนฺติ. ตถา หิ เต ภควตา อาสยานุสยจริยาธิมุตฺติอาทิโวโลกเนน วชฺชานุจินฺตเนน จ หทเย กตฺวา วชฺชโต นิวาเรตฺวา อนวชฺเช ปติฏฺเปนฺเตน สีลาทิธมฺมสรีรโปสเนน สํวฑฺฒิตา. มุขโต ชาตาติ มุขโต ชาตาย ธมฺมเทสนาย อริยาย ชาติยา ชาตตฺตา มุขโต ชาตา. อถ วา อนฺสาธารณโต สพฺพสฺส กุสลธมฺมสฺส มุขโต ปาติโมกฺขโต วุฏฺานคามินิวิปสฺสนาสงฺขาตโต วิโมกฺขมุขโต วา อริยมคฺคชาติยา ชาตาติปิ มุขโต ชาตา. สิกฺขตฺตยสงฺคเห สาสนธมฺเม อริยมคฺคธมฺเม วา ชาตาติ ธมฺมชา. เตเนว ธมฺเมน นิมฺมิตา มาปิตาติ ธมฺมนิมฺมิตา. สติธมฺมวิจยาทิ ธมฺมทายาทา, น ลาภสกฺการาทิ อามิสทายาทา, ธมฺมทายาทา โน อามิสทายาทา โหถาติ อตฺโถ.

ตตฺถ ธมฺโม ทุวิโธ – นิปฺปริยายธมฺโม, ปริยายธมฺโมติ. อามิสมฺปิ ทุวิธํ – นิปฺปริยายามิสํ, ปริยายามิสนฺติ. กถํ? มคฺคผลนิพฺพานปฺปเภโท หิ นววิโธ โลกุตฺตรธมฺโม นิปฺปริยายธมฺโม, นิพฺพตฺติตธมฺโมเยว, น เกนจิ ปริยาเยน การเณน วา เลเสน วา ธมฺโม. ยํ ปนิทํ วิวฏฺฏูปนิสฺสิตํ กุสลํ, เสยฺยถิทํ – อิเธกจฺโจ วิวฏฺฏํ ปตฺเถนฺโต ทานํ เทติ, สีลํ สมาทิยติ, อุโปสถกมฺมํ กโรติ, คนฺธมาลาทีหิ วตฺถุปูชํ กโรติ, ธมฺมํ สุณาติ, เทเสติ, ฌานสมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตติ, เอวํ กโรนฺโต อนุปุพฺเพน นิปฺปริยายํ อมตํ นิพฺพานํ ปฏิลภติ, อยํ ปริยายธมฺโม. ตถา จีวราทโย จตฺตาโร ปจฺจยา นิปฺปริยายามิสเมว, น อฺเน ปริยาเยน วา การเณน วา เลเสน วา อามิสํ. ยํ ปนิทํ วฏฺฏคามิกุสลํ, เสยฺยถิทํ – อิเธกจฺโจ วฏฺฏํ ปตฺเถนฺโต สมฺปตฺติภวํ อิจฺฉมาโน ทานํ เทติ…เป… สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตติ, เอวํ กโรนฺโต อนุปุพฺเพน เทวมนุสฺสสมฺปตฺติโย ปฏิลภติ, อิทํ ปริยายามิสํ นาม.

ตตฺถ นิปฺปริยายธมฺโมปิ ภควโตเยว สนฺตโก. ภควตา หิ กถิตตฺตา ภิกฺขู มคฺคผลนิพฺพานานิ อธิคจฺฉนฺติ. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘โส, หิ, พฺราหฺมณ, ภควา อนุปฺปนฺนสฺส มคฺคสฺส อุปฺปาเทตา, อสฺชาตสฺส มคฺคสฺส สฺชเนตา…เป… มคฺคานุคา จ ปเนตรหิ สาวกา วิหรนฺติ ปจฺฉา สมนฺนาคตา’’ติ (ม. นิ. ๓.๗๙; จูลนิ. โมฆราชมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๘๕).

‘‘โส, หาวุโส, ภควา ชานํ ชานาติ, ปสฺสํ ปสฺสติ, จกฺขุภูโต าณภูโต ธมฺมภูโต พฺรหฺมภูโต, วตฺตา ปวตฺตา, อตฺถสฺส นินฺเนตา, อมตสฺส ทาตา, ธมฺมสฺสามี ตถาคโต’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๐๓; ๓.๒๘๑) จ.

ปริยายธมฺโมปิ ภควโตเยว สนฺตโก. ภควตา หิ กถิตตฺตา เอว ชานนฺติ ‘‘วิวฏฺฏํ ปตฺเถตฺวา ทานํ เทนฺโต…เป… สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตนฺโต อนุกฺกเมน อมตํ นิพฺพานํ ปฏิลภตี’’ติ. นิปฺปริยายามิสมฺปิ ภควโตเยว สนฺตกํ. ภควตา หิ อนุฺาตตฺตาเยว ภิกฺขูหิ ชีวกวตฺถุํ อาทึ กตฺวา ปณีตจีวรํ ลทฺธํ. ยถาห –

‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, คหปติจีวรํ. โย อิจฺฉติ, ปํสุกูลิโก โหตุ. โย อิจฺฉติ, คหปติจีวรํ สาทิยตุ. อิตรีตเรนปาหํ, ภิกฺขเว, สนฺตุฏฺึเยว วณฺเณมี’’ติ (มหาว. ๓๓๗).

เอวํ อิตเรปิ ปจฺจยา ภควตา อนุฺาตตฺตา เอว ภิกฺขูหิ ปริภุฺชิตุํ ลทฺธา. ปริยายามิสมฺปิ ภควโตเยว สนฺตกํ. ภควตา หิ กถิตตฺตา เอว ชานนฺติ ‘‘สมฺปตฺติภวํ ปตฺเถนฺโต ทานํ ทตฺวา สีลํ…เป… สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวา อนุกฺกเมน ปริยายามิสํ ทิพฺพสมฺปตฺตึ มนุสฺสสมฺปตฺติฺจ ปฏิลภตี’’ติ. ยเทว ยสฺมา นิปฺปริยายธมฺโมปิ ปริยายธมฺโมปิ นิปฺปริยายามิสมฺปิ ปริยายามิสมฺปิ ภควโตเยว สนฺตกํ, ตสฺมา ตตฺถ อตฺตโน สามิภาวํ ทสฺเสนฺโต ตตฺถ จ ยํ เสฏฺตรํ อจฺจนฺตหิตสุขาวหํ ตตฺเถว เน นิโยเชนฺโต เอวมาห ‘‘ตสฺส เม ตุมฺเห ปุตฺตา โอรสา…เป… โน อามิสทายาทา’’ติ.

อิติ ภควา ปริปุณฺณวตสมาทานํ ตปจริยํ สมฺมเทว วุสิตพฺรหฺมจริยํ สุวิสุทฺธวิชฺชาจรณสมฺปนฺนํ อนวเสสเวทนฺตปารคุํ พาหิตสพฺพปาปํ สตตํ ยาจโยคํ สเทวเก โลเก อนุตฺตรทกฺขิเณยฺยภาวปฺปตฺตํ อตฺตโน ปรมตฺถพฺราหฺมณภาวํ อริยสาวกานฺจ อตฺตโน โอรสปุตฺตาทิภาวํ ปเวเทสิ. ภควา หิ ‘‘สีโหติ โข, ภิกฺขเว, ตถาคตสฺเสตํ อธิวจนํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสา’’ติ (อ. นิ. ๕.๙๙) เอตฺถ สีหสทิสํ, ‘‘ปุริโส มคฺคกุสโลติ โข, ติสฺส, ตถาคตสฺเสตํ อธิวจน’’นฺติ (สํ. นิ. ๓.๘๔) เอตฺถ มคฺคเทสกปุริสสทิสํ, ‘‘ราชาหมสฺมิ เสลา’’ติ (ม. นิ. ๒.๓๙๙; สุ. นิ. ๕๕๙) เอตฺถ ราชสทิสํ, ‘‘ภิสกฺโก สลฺลกตฺโตติ โข, สุนกฺขตฺต, ตถาคตสฺเสตํ อธิวจน’’นฺติ (ม. นิ. ๓.๖๕) เอตฺถ เวชฺชสทิสํ, ‘‘พฺราหฺมโณติ โข, ภิกฺขเว, ตถาคตสฺเสตํ อธิวจน’’นฺติ (อ. นิ. ๘.๘๕) เอตฺถ พฺราหฺมณสทิสํ อตฺตานํ กเถสิ. อิธาปิ พฺราหฺมณ สทิสํ กตฺวา กเถสิ.

อิทานิ เยหิ ทานาทีหิ ยุตฺตสฺส อิโต พาหิรกพฺราหฺมณสฺส พฺราหฺมณกิจฺจํ ปริปุณฺณํ มฺนฺติ, เตหิ อตฺตโน ทานาทีนํ อคฺคเสฏฺภาวํ ปกาเสตุํ ‘‘ทฺเวมานิ, ภิกฺขเว, ทานานี’’ติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ ยาคาติ มหายฺา, มหาทานานีติ อตฺโถ, ยานิ ‘‘ยิฏฺานี’’ติปิ วุจฺจนฺติ. ตตฺถ เวลามทานเวสฺสนฺตรทานมหาวิชิตยฺสทิสา อามิสยาคา เวทิตพฺพา, มหาสมยสุตฺตมงฺคลสุตฺตจูฬราหุโลวาทสุตฺตสมจิตฺตสุตฺตเทสนาทโย ธมฺมยาคา. เสสํ เหฏฺา วุตฺตนยเมว.

คาถายํ อยชีติ อทาสิ. อมจฺฉรีติ สพฺพมจฺฉริยานํ โพธิมูเลเยว สุปฺปหีนตฺตา มจฺเฉรรหิโต. สพฺพภูตานุกมฺปีติ มหากรุณาย สพฺพสตฺเต ปิยปุตฺตํ วิย อนุคฺคณฺหนสีโล. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘วธเก เทวทตฺเต จ, โจเร องฺคุลิมาลเก;

ธนปาเล ราหุเล เจว, สมจิตฺโต มหามุนี’’ติ. (มิ. ป. ๖.๖.๕) –

เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.

ปมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. สุลภสุตฺตวณฺณนา

๑๐๑. ทุติเย อปฺปานีติ ปริตฺตานิ. สุลภานีติ สุเขน ลทฺธพฺพานิ, ยตฺถ กตฺถจิ วา สกฺกา โหติ ลทฺธุํ. อนวชฺชานีติ วชฺชรหิตานิ นิทฺโทสานิ อาคมนสุทฺธิโต กายมณฺฑนาทิกิเลสวตฺถุภาวาภาวโต จ. ตตฺถ สุลภตาย ปริเยสนทุกฺขสฺส อภาโว ทสฺสิโต, อปฺปตาย ปริหรณทุกฺขสฺสปิ อภาโว ทสฺสิโต, อนวชฺชตาย อครหิตพฺพตาย ภิกฺขุสารุปฺปภาโว ทสฺสิโต โหติ. อปฺปตาย วา ปริตฺตาสสฺส อวตฺถุตา, สุลภตาย เคธาย อวตฺถุตา, อนวชฺชตาย อาทีนววเสน นิสฺสรณปฺาย วตฺถุตา ทสฺสิตา โหติ. อปฺปตาย วา ลาเภน น โสมนสฺสํ ชนยนฺติ, สุลภตาย อลาเภน น โทมนสฺสํ ชนยนฺติ, อนวชฺชตาย วิปฺปฏิสารนิมิตฺตํ อฺาณุเปกฺขํ น ชนยนฺติ อวิปฺปฏิสารวตฺถุภาวโต.

ปํสุกูลนฺติ รถิกาสุสานสงฺการกูฏาทีสุ ยตฺถ กตฺถจิ ปํสูนํ อุปริ ิตตฺตา อพฺภุคฺคตฏฺเน ปํสุกูลํ วิยาติ ปํสุกูลํ, ปํสุ วิย กุจฺฉิตภาวํ อุลติ คจฺฉตีติ ปํสุกูลนฺติ เอวํ ลทฺธนามํ รถิกาทีสุ ปติตนนฺตกานิ อุจฺจินิตฺวา กตจีวรํ. ปิณฺฑิยาโลโปติ ชงฺฆปิณฺฑิยา พเลน จริตฺวา ฆเร ฆเร อาโลปมตฺตํ กตฺวา ลทฺธโภชนํ. รุกฺขมูลนฺติ วิเวกานุรูปํ ยํกิฺจิ รุกฺขสมีปํ. ปูติมุตฺตนฺติ ยํกิฺจิ โคมุตฺตํ. ยถา หิ สุวณฺณวณฺโณปิ กาโย ปูติกาโยว เอวํ อภินวมฺปิ มุตฺตํ ปูติมุตฺตเมว. ตตฺถ เกจิ โคมุตฺตภาวิตํ หริตกีขณฺฑํ ‘‘ปูติมุตฺต’’นฺติ วทนฺติ, ปูติภาเวน อาปณาทิโต วิสฺสฏฺํ ฉฑฺฑิตํ อปริคฺคหิตํ ยํกิฺจิ เภสชฺชํ ปูติมุตฺตนฺติ อธิปฺเปตนฺติ อปเร.

ยโต โขติ ปจฺจตฺเต นิสฺสกฺกวจนํ, ยํ โขติ วุตฺตํ โหติ. เตน ‘‘ตุฏฺโ โหตี’’ติ วุตฺตกิริยํ ปรามสติ. ตุฏฺโติ สนฺตุฏฺโ. อิทมสฺสาหนฺติ ยฺวายํ จตุพฺพิเธน ยถาวุตฺเตน ปจฺจเยน อปฺเปน สุลเภน สนฺโตโส, อิทํ อิมสฺส ภิกฺขุโน สีลสํวราทีสุ อฺตรํ เอกํ สามฺงฺคํ สมณภาวการณนฺติ อหํ วทามิ. สนฺตุฏฺสฺส หิ จตุปาริสุทฺธิสีลํ สุปริปุณฺณํ โหติ, สมถวิปสฺสนา จ ภาวนาปาริปูรึ คจฺฉนฺติ. อถ วา สามฺํ นาม อริยมคฺโค. ตสฺส สงฺเขปโต ทฺเว องฺคานิ – พาหิรํ, อชฺฌตฺติกนฺติ. ตตฺถ พาหิรํ สปฺปุริสูปนิสฺสโย สทฺธมฺมสฺสวนฺจ, อชฺฌตฺติกํ ปน โยนิโส มนสิกาโร ธมฺมานุธมฺมปฏิปตฺติ จ. เตสุ ยสฺมา ยถารหํ ธมฺมานุธมฺมปฏิปตฺติภูตา ตสฺสา มูลภูตา เจเต ธมฺมา, ยทิทํ อปฺปิจฺฉตา สนฺตุฏฺิตา ปวิวิตฺตตา อสํสฏฺตา อารทฺธวีริยตาติ เอวมาทโย, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘อิทมสฺสาหํ อฺตรํ สามฺงฺคนฺติ วทามี’’ติ.

คาถาสุ เสนาสนมารพฺภาติ วิหาราทึ มฺจปีาทิฺจ เสนาสนํ นิสฺสาย. จีวรํ ปานโภชนนฺติ นิวาสนาทิจีวรํ, อมฺพปานกาทิปานํ, ขาทนียโภชนียาทิภุฺชิตพฺพวตฺถุฺจ อารพฺภาติ สมฺพนฺโธ. วิฆาโต วิหตภาโว เจโตทุกฺขํ น โหตีติ โยชนา. อยฺเหตฺถ สงฺเขปตฺโถ – ‘‘อสุกสฺมึ นาม อาวาเส ปจฺจยา สุลภา’’ติ ลภิตพฺพฏฺานคมเนน วา ‘‘มยฺหํ ปาปุณาติ น ตุยฺห’’นฺติ วิวาทาปชฺชเนน วา นวกมฺมกรณาทิวเสน วา เสนาสนาทีนิ ปริเยสนฺตานํ อสนฺตุฏฺานํ อิจฺฉิตลาภาทินา โย วิฆาโต จิตฺตสฺส โหติ, โส ตตฺถ สนฺตุฏฺสฺส น โหตีติ. ทิสา นปฺปฏิหฺตีติ สนฺตุฏฺิยา จาตุทฺทิสาภาเวน ทิสา นปฺปฏิหนฺติ. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘จาตุทฺทิโส อปฺปฏิโฆ จ โหติ,

สนฺตุสฺสมาโน อิตรีตเรนา’’ติ. (สุ. นิ. ๔๒; จูฬนิ. ขคฺควิสาณสุตฺตนิทฺเทส ๑๒๘);

ยสฺส หิ ‘‘อสุกฏฺานํ นาม คโต จีวราทีนิ ลภิสฺสามี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส ทิสา ปฏิหฺติ นาม. ยสฺส ปน เอวํ น อุปฺปชฺชติ, ตสฺส ทิสา น ปฏิหฺติ นาม. ธมฺมาติ ปฏิปตฺติธมฺมา. สามฺสฺสานุโลมิกาติ สมณธมฺมสฺส สมถวิปสฺสนาภาวนาย อริยมคฺคสฺเสว วา อนุจฺฉวิกา อปฺปิจฺฉตาทโย. อธิคฺคหิตาติ สพฺเพ เต ตุฏฺจิตฺตสฺส สนฺตุฏฺจิตฺเตน ภิกฺขุนา อธิคฺคหิตา ปฏิปกฺขธมฺเม อภิภวิตฺวา คหิตา โหนฺติ อพฺภนฺตรคตา, น พาหิรคตาติ.

ทุติยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. อาสวกฺขยสุตฺตวณฺณนา

๑๐๒. ตติเย ชานโตติ ชานนฺตสฺส. ปสฺสโตติ ปสฺสนฺตสฺส. ยทิปิ อิมานิ ทฺเวปิ ปทานิ เอกตฺถานิ, พฺยฺชนเมว นานํ, เอวํ สนฺเตปิ ‘‘ชานโต’’ติ าณลกฺขณํ อุปาทาย ปุคฺคลํ นิทฺทิสติ. ชานนลกฺขณฺหิ าณํ. ‘‘ปสฺสโต’’ติ าณปฺปภาวํ อุปาทาย. ทสฺสนปฺปภาวฺหิ อุปาทาย าณสมงฺคี ปุคฺคโล จกฺขุมา วิย ปุคฺคโล จกฺขุนา รูปานิ, าเณน วิวเฏ ธมฺเม ปสฺสติ. อถ วา ชานโตติ อนุโพธาเณน ชานโต. ปสฺสโตติ ปฏิเวธาเณน ปสฺสโต. ปฏิโลมโต วา ทสฺสนมคฺเคน ปสฺสโต, ภาวนามคฺเคน ชานโต. เกจิ ปน ‘‘าตตีรณปหานปริฺาหิ ชานโต, สิขาปฺปตฺตวิปสฺสนาย ปสฺสโต’’ติ วทนฺติ. อถ วา ทุกฺขํ ปริฺาภิสมเยน ชานโต, นิโรธํ สจฺฉิกิริยาภิสมเยน ปสฺสโต. ตทุภเย จ สติ ปหานภาวนาภิสมยา สิทฺธา เอว โหนฺตีติ จตุสจฺจาภิสมโย วุตฺโต โหติ. ยทา เจตฺถ วิปสฺสนาาณํ อธิปฺเปตํ, ตทา ‘‘ชานโต ปสฺสโต’’ติ ปทานํ เหตุอตฺถทีปนตา ทฏฺพฺพา. ยทา ปน มคฺคาณํ อธิปฺเปตํ, ตทา มคฺคกิจฺจตฺถทีปนตา.

อาสวานํ ขยนฺติ ‘‘ชานโต, อหํ ภิกฺขเว, ปสฺสโต อาสวานํ ขยํ วทามี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๕; สํ. นิ. ๓.๑๐๑; ๕.๑๐๙๕) เอวมาคเต สพฺพาสวสํวรปริยาเย ‘‘อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตฺติ’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๔๓๘) จ สุตฺตปเทสุ อาสวานํ ปหานํ อจฺจนฺตกฺขโย อสมุปฺปาโท ขีณากาโร นตฺถิภาโว ‘‘อาสวกฺขโย’’ติ วุตฺโต. ‘‘อาสวานํ ขยา สมโณ โหตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๔๓๘) ผลํ.

‘‘ปรวชฺชานุปสฺสิสฺส, นิจฺจํ อุชฺฌานสฺิโน;

อาสวา ตสฺส วฑฺฒนฺติ, อารา โส อาสวกฺขยา’’ติ. (ธ. ป. ๒๕๓); –

อาทีสุ นิพฺพานํ.

‘‘เสขสฺส สิกฺขมานสฺส, อุชุมคฺคานุสาริโน;

ขยสฺมึ ปมํ าณํ, ตโต อฺา อนนฺตรา;

ตโต อฺาวิมุตฺตสฺส, าณํ เว โหติ ตาทิโน’’ติ. (อ. นิ. ๓.๘๖; อิติวุ. ๖๒) –

เอวมาคเต อินฺทฺริยสุตฺเต อิธ จ มคฺโค ‘‘อาสวกฺขโย’’ติ วุตฺโต. ตสฺมา ยถาวุตฺตนเยน ชานนฺตสฺส ปสฺสนฺตสฺส อหํ อริยมคฺคาธิคมํ วทามีติ วุตฺตํ โหติ. โน อชานโต โน อปสฺสโตติ โย ปน น ชานาติ น ปสฺสติ, ตสฺส โน วทามีติ อตฺโถ. เอเตน เย อชานโต อปสฺสโตปิ สํสารสุทฺธึ วทนฺติ, เต ปฏิกฺขิปติ. ปุริเมน วา ปททฺวเยน อุปาโย วุตฺโต, อิมินา อนุปายปฏิเสโธ. สงฺเขเปน เจตฺถ าณํ อาสวกฺขยกรํ, เสสํ ตสฺส ปริกฺขาโรติ ทสฺเสติ.

อิทานิ ยํ ชานโต ยํ ปสฺสโต อาสวกฺขโย โหติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘กิฺจ, ภิกฺขเว, ชานโต’’ติ ปุจฺฉํ อารภิ. ตตฺถ ชานนา พหุวิธา. ทพฺพชาติโก เอว หิ โกจิ ภิกฺขุ ฉตฺตํ กาตุํ ชานาติ, โกจิ จีวราทีนํ อฺตรํ, ตสฺส อีทิสานิ กมฺมานิ วตฺตสีเส ตฺวา กโรนฺตสฺส สา ชานนา ‘‘มคฺคผลานํ ปทฏฺานํ น โหตี’’ติ น วตฺตพฺพา. โย ปน สาสเน ปพฺพชิตฺวา เวชฺชกมฺมาทีนิ กาตุํ ชานาติ, ตสฺเสวํ ชานโต อาสวา วฑฺฒนฺติเยว. ตสฺมา ยํ ชานโต ยํ ปสฺสโต อาสวานํ ขโย โหติ, ตเทว ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อิทํ ทุกฺข’’นฺติอาทิ. ตตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ จตุสจฺจกมฺมฏฺานํ, ตํ เหฏฺา โยนิโสมนสิการสุตฺเต สงฺเขปโต วุตฺตเมว.

ตตฺถ ปน ‘‘โยนิโส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ มนสิ กโรนฺโต อกุสลํ ปชหติ, กุสลํ ภาเวตี’’ติ (อิติวุ. ๑๖) อาคตตฺตา ‘‘อิทํ ทุกฺขนฺติ โยนิโส มนสิ กโรตี’’ติอาทินา อตฺถวิภาวนา กตา. อิธ ‘‘อิทํ ทุกฺขนฺติ, ภิกฺขเว, ชานโต ปสฺสโต อาสวานํ ขโย โหตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๕; สํ. นิ. ๓.๑๐๑; ๕.๑๐๙๕) อาคตตฺตา ‘‘อิทํ ทุกฺขนฺติ ปริฺาปฏิเวธวเสน ปริฺาภิสมยวเสน มคฺคาเณน ชานโต ปสฺสโต อาสวานํ ขโย โหตี’’ติอาทินา นเยน โยเชตพฺพํ. อาสเวสุ จ ปมมคฺเคน ทิฏฺาสโว ขียติ, ตติยมคฺเคน กามาสโว, จตุตฺถมคฺเคน ภวาสโว อวิชฺชาสโว จ ขียตีติ เวทิตพฺโพ.

คาถาสุ วิมุตฺติาณนฺติ วิมุตฺติยํ นิพฺพาเน ผเล จ ปจฺจเวกฺขณาณํ. อุตฺตมนฺติ อุตฺตมธมฺมารมฺมณตฺตา อุตฺตมํ. ขเย าณนฺติ อาสวานํ สํโยชนานฺจ ขเย ขยกเร อริยมคฺเค าณํ. ‘‘ขีณา สํโยชนา อิติ าณ’’นฺติ อิธาปิ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. เตน ปหีนกิเลสปจฺจเวกฺขณํ ทสฺเสติ. เอวเมตฺถ จตฺตาริปิ ปจฺจเวกฺขณาณานิ วุตฺตานิ โหนฺติ. อวสิฏฺกิเลสปจฺจเวกฺขณา หิ อิธ นตฺถิ อรหตฺตผลาธิคมสฺส อธิปฺเปตตฺตา. ยถา เจตฺถ ชานโต ปสฺสโตติ นิพฺพานาธิคเมน สมฺมาทิฏฺิกิจฺจํ อธิกํ กตฺวา วุตฺตํ, เอวํ สมฺมปฺปธานกิจฺจมฺปิ อธิกเมว อิจฺฉิตพฺพนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘น ตฺเววิทํ กุสีเตนา’’ติ โอสานคาถมาห.

ตตฺถ น ตฺเววิทนฺติ น ตุ เอว อิทํ. ตุสทฺโท นิปาตมตฺตํ. พาเลนมวิชานตาติ กาโร ปทสนฺธิกโร. อยฺเหตฺถ สงฺเขปตฺโถ – อิทํ เสกฺขมคฺเคน อเสกฺขมคฺเคน จ ปตฺตพฺพํ อภิชฺฌากายคนฺถาทิสพฺพคนฺถานํ ปโมจนํ ปโมจนสฺส นิมิตฺตภูตํ นิพฺพานํ ‘‘อิทํ ทุกฺข’’นฺติอาทินา จตฺตาริ สจฺจานิ ยถาภูตํ อวิชานตา ตโต เอว พาเลน อวิทฺทสุนา ยถา อธิคนฺตุํ น สกฺกา, เอวํ กุสีเตน นิพฺพีริเยนาปิ, ตสฺมา ตทธิคมาย อารทฺธวีริเยน ภวิตพฺพนฺติ. เตนาห ภควา ‘‘อารทฺธวีริยสฺสายํ ธมฺโม, โน กุสีตสฺส’’ (ที. นิ. ๓.๓๕๘).

‘‘อารมฺภถ นิกฺกมถ, ยุฺชถ พุทฺธสาสเน;

ธุนาถ มจฺจุโน เสนํ, นฬาคารํว กุฺชโร’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๑๘๕; เนตฺติ. ๒๙; มิ. ป. ๕.๑.๔);

ตติยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. สมณพฺราหฺมณสุตฺตวณฺณนา

๑๐๓. จตุตฺเถ เย หิ เกจีติ เย เกจิ. อิทํ ทุกฺขนฺติ ยถาภูตํ นปฺปชานนฺตีติ ‘‘อิทํ ทุกฺขํ, เอตฺตกํ ทุกฺขํ, น อิโต ภิยฺโย’’ติ อวิปรีตํ สภาวสรสลกฺขณโต วิปสฺสนาปฺาสหิตาย มคฺคปฺาย ทุกฺขสจฺจํ น ชานนฺติ น ปฏิวิชฺฌนฺติ. เสเสสุปิ เอเสว นโย. น เม เต, ภิกฺขเวติอาทีสุ อยํ สงฺเขปตฺโถ – ภิกฺขเว, จตุสจฺจกมฺมฏฺานํ อนนุยุตฺตา ปพฺพชฺชามตฺตสมณา เจว ชาติมตฺตพฺราหฺมณา จ น มยา เต สมิตปาปสมเณสุ สมโณติ, พาหิตปาปพฺราหฺมเณสุ พฺราหฺมโณติ จ สมฺมตา อนุฺาตา. กสฺมา? สมณกรณานํ พฺราหฺมณกรณานฺจ ธมฺมานํ อภาวโตติ. เตเนวาห ‘‘น จ ปน เต อายสฺมนฺโต’’ติอาทิ. ตตฺถ สามฺตฺถนฺติ สามฺสงฺขาตํ อตฺถํ, จตฺตาริ สามฺผลานีติ อตฺโถ. พฺรหฺมฺตฺถนฺติ ตสฺเสว เววจนํ. อปเร ปน ‘‘สามฺตฺถนฺติ จตฺตาโร อริยมคฺคา, พฺรหฺมฺตฺถนฺติ จตฺตาริ อริยผลานี’’ติ วทนฺติ. เสสํ วุตฺตนยเมว. สุกฺกปกฺโข วุตฺตวิปริยาเยน เวทิตพฺโพ. คาถาสุ อปุพฺพํ นตฺถิ.

จตุตฺถสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. สีลสมฺปนฺนสุตฺตวณฺณนา

๑๐๔. ปฺจเม สีลสมฺปนฺนาติ เอตฺถ สีลํ นาม ขีณาสวานํ โลกิยโลกุตฺตรสีลํ, เตน สมฺปนฺนา สมนฺนาคตาติ สีลสมฺปนฺนา. สมาธิปฺาสุปิ เอเสว นโย. วิมุตฺติ ปน ผลวิมุตฺติเยว, วิมุตฺติาณทสฺสนํ ปจฺจเวกฺขณาณํ. เอวเมตฺถ สีลาทโย ตโย โลกิยโลกุตฺตรา, วิมุตฺติ โลกุตฺตราว, วิมุตฺติาณทสฺสนํ โลกิยเมว. ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺเถหิ ยถารหํ ปเร โอวทนฺติ อนุสาสนฺตีติ โอวาทกา. วิฺาปกาติ กมฺมานิ กมฺมผลานิ จ, วิฺาปกา, ตตฺถ จ ‘‘อิเม ธมฺมา กุสลา, อิเม ธมฺมา อกุสลา. อิเม ธมฺมา สาวชฺชา, อิเม ธมฺมา อนวชฺชา’’ติอาทินา กุสลาทิวิภาคโต ขนฺธาทิวิภาคโต สลกฺขณโต สามฺลกฺขณโตติ วิวิเธหิ นเยหิ ธมฺมานํ าปกา อวโพธกา. สนฺทสฺสกาติ เตเยว ธมฺเม หตฺเถน คเหตฺวา วิย ปรสฺส ปจฺจกฺขโต ทสฺเสตาโร. สมาทปกาติ ยํ สีลาทิ เยหิ อสมาทินฺนํ, ตสฺส สมาทาเปตาโร, ตตฺถ เต ปติฏฺาเปตาโร. สมุตฺเตชกาติ เอวํ กุสลธมฺเมสุ ปติฏฺิตานํ อุปริ อธิจิตฺตานุโยเค นิโยชนวเสน จิตฺตสฺส สมฺมา อุตฺเตชกา, ยถา วิเสสาธิคโม โหติ, เอวํ นิสามนวเสน เตชกา. สมฺปหํสกาติ เตสํ ยถาลทฺเธหิ อุปริลทฺธพฺเพหิ จ คุณวิเสเสหิ จิตฺตสฺส สมฺมา ปหํสกา, ลทฺธสฺสาทวเสน สุฏฺุ โตสกา. อลํสมกฺขาตาโรติ อลํ ปริยตฺตํ ยถาวุตฺตํ อปริหาเปตฺวา สมฺมเทว อนุคฺคหาธิปฺปาเยน อกฺขาตาโร.

อถ วา สนฺทสฺสกาติ ธมฺมํ เทเสนฺตา ปวตฺตินิวตฺติโย สภาวสรสลกฺขณโต สมฺมเทว ทสฺเสตาโร. สมาทปกาติ จิตฺเต ปติฏฺาปนวเสน ตสฺเสว อตฺถสฺส คาหาปกา. สมุตฺเตชกาติ ตทตฺถคฺคหเณ อุสฺสาหชนเนน สมฺมเทว โวทปกา โชตกา วา. สมฺปหํสกาติ ตทตฺถปฏิปตฺติยํ อานิสํสทสฺสเนน สมฺมเทว ปหํสกา โตสกา. อลํสมกฺขาตาโรติ สมตฺถา หุตฺวา วุตฺตนเยน สมกฺขาตาโร. สทฺธมฺมสฺสาติ ปฏิเวธสทฺธมฺมสฺส, ติวิธสฺสาปิ วา สทฺธมฺมสฺส เทเสตาโร.

ทสฺสนมฺปหนฺติ ทสฺสนมฺปิ อหํ. ตํ ปเนตํ จกฺขุทสฺสนํ าณทสฺสนนฺติ ทุวิธํ. ตตฺถ ปสนฺเนหิ จกฺขูหิ อริยานํ โอโลกนํ จกฺขุทสฺสนํ นาม. อริยภาวกรานํ ปน ธมฺมานํ อริยภาวสฺส จ วิปสฺสนามคฺคผเลหิ อธิคโม าณทสฺสนํ นาม. อิมสฺมึ ปนตฺเถ จกฺขุทสฺสนํ อธิปฺเปตํ. อริยานฺหิ ปสนฺเนหิ จกฺขูหิ โอโลกนมฺปิ สตฺตานํ พหูปการเมว. สวนนฺติ ‘‘อสุโก นาม ขีณาสโว อสุกสฺมึ นาม รฏฺเ วา ชนปเท วา คาเม วา นิคเม วา วิหาเร วา เลเณ วา วสตี’’ติ กเถนฺตานํ โสเตน สวนํ, เอตมฺปิ พหูปการเมว. อุปสงฺกมนนฺติ ‘‘ทานํ วา ทสฺสามิ, ปฺหํ วา ปุจฺฉิสฺสามิ, ธมฺมํ วา โสสฺสามิ, สกฺการํ วา กริสฺสามี’’ติ เอวรูเปน จิตฺเตน อริยานํ อุปสงฺกมนํ. ปยิรุปาสนนฺติ ปฺหปยิรุปาสนํ, อริยานํ คุเณ สุตฺวา เต อุปสงฺกมิตฺวา นิมนฺเตตฺวา ทานํ วา ทตฺวา วตฺตํ วา กตฺวา ‘‘กึ, ภนฺเต, กุสล’’นฺติอาทินา นเยน ปฺหปุจฺฉนนฺติ อตฺโถ. เวยฺยาวจฺจาทิกรณํ ปยิรุปาสนํเยว. อนุสฺสรณนฺติ รตฺติฏฺานทิวาฏฺาเนสุ นิสินฺนสฺส ‘‘อิทานิ อริยา คุมฺพเลณมณฺฑปาทีสุ ฌานวิปสฺสนามคฺคผลสุเขหิ วีตินาเมนฺตี’’ติ เตสํ ทิพฺพวิหาราทิคุณวิเสสารมฺมณํ อนุสฺสรณํ. โย วา เตสํ สนฺติกา โอวาโท ลทฺโธ โหติ, ตํ อาวชฺชิตฺวา ‘‘อิมสฺมึ าเน สีลํ กถิตํ, อิมสฺมึ สมาธิ, อิมสฺมึ วิปสฺสนา, อิมสฺมึ มคฺโค, อิมสฺมึ ผล’’นฺติ เอวํ อนุสฺสรณํ.

อนุปพฺพชฺชนฺติ อริเยสุ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา ฆรา นิกฺขมฺม เตสํ สนฺติเก ปพฺพชฺชํ. อริเยสุ หิ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา เตสํเยว สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา เตสํเยว โอวาทานุสาสนึ ปจฺจาสีสมานสฺส จรโตปิ ปพฺพชฺชา อนุปพฺพชฺชา นาม, อฺเสํ สนฺติเก โอวาทานุสาสนึ ปจฺจาสีสมานสฺส จรโตปิ ปพฺพชฺชา อนุปพฺพชฺชา นาม, อริเยสุ ปสาเทน อฺตฺถ ปพฺพชิตฺวา อริยานํ สนฺติเก โอวาทานุสาสนึ ปจฺจาสีสมานสฺส จรโตปิ ปพฺพชฺชา อนุปพฺพชฺชาว. อฺเสุ ปน ปสาเทน อฺเสํเยว สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา อฺเสํเยว โอวาทานุสาสนึ ปจฺจาสีสมานสฺส จรโต ปพฺพชฺชา อนุปพฺพชฺชา นาม น โหติ. วุตฺตนเยน ปพฺพชิเตสุ ปน มหากสฺสปตฺเถรสฺส ตาว อนุปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตา สตสหสฺสมตฺตา อเหสุํ, ตถา เถรสฺเสว สทฺธิวิหาริกสฺส จนฺทคุตฺตตฺเถรสฺส, ตสฺสาปิ สทฺธิวิหาริกสฺส สูริยคุตฺตตฺเถรสฺส, ตสฺสาปิ สทฺธิวิหาริกสฺส อสฺสคุตฺตตฺเถรสฺส, ตสฺสาปิ สทฺธิวิหาริกสฺส โยนกธมฺมรกฺขิตตฺเถรสฺส. ตสฺส ปน สทฺธิวิหาริโก อโสกรฺโ กนิฏฺภาตา ติสฺสตฺเถโร นาม อโหสิ. ตสฺส อนุปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตา อฑฺฒเตยฺยโกฏิสงฺขา อเหสุํ. ทีปปฺปสาทกมหามหินฺทตฺเถรสฺส ปน อนุปพฺพชิตานํ คณนปริจฺเฉโท นตฺถิ. ยาวชฺชทิวสา ลงฺกาทีเป สตฺถริ ปสาเทน ปพฺพชนฺตา มหามหินฺทตฺเถรสฺเสว อนุปพฺพชฺชนฺติ นาม.

อิทานิ เยน การเณน เตสํ อริยานํ ทสฺสนาทิ พหูปการนฺติ วุตฺตํ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตถารูเป’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ตถารูเปติ ตาทิเส สีลาทิคุณสมฺปนฺเน อริเย. ยสฺมา ทสฺสนสวนานุสฺสรณานิ อุปสงฺกมนปยิรุปาสนฏฺานานิ, ตสฺมา ตานิ อนามสิตฺวา อุปสงฺกมนปยิรุปาสนานิเยว ทสฺเสตุํ ‘‘เสวโต ภชโต ปยิรุปาสโต’’ติ วุตฺตํ. ทสฺสนสวนานุสฺสรณโต หิ อริเยสุ อุปฺปนฺนสทฺโธ เต อุปสงฺกมิตฺวา ปยิรุปาสิตฺวา ปฺหํ ปุจฺฉิตฺวา ลทฺธสวนานุตฺตริโย อปริปูเร สีลาทิคุเณ ปริปูเรสฺสตีติ. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘สทฺธาชาโต อุปสงฺกมติ, อุปสงฺกมนฺโต ปยิรุปาสตี’’ติอาทิ (ม. นิ. ๒.๑๘๓).

ตตฺถ เสวโตติ วตฺตปฏิวตฺตกรณวเสน กาเลน กาลํ อุปสงฺกมโต. ภชโตติ สมฺปิยายนภตฺติวเสน ภชโต. ปยิรุปาสโตติ ปฺหปุจฺฉเนน ปฏิปตฺติอนุกรเณน จ ปยิรุปาสโตติ ติณฺณํ ปทานํ อตฺถวิภาโค ทีเปตพฺโพ. วิมุตฺติาณทสฺสนสฺส ปาริปูริ เอกูนวีสติมสฺส ปจฺจเวกฺขณาณสฺส อุปฺปตฺติยา เวทิตพฺพา.

เอวรูปา จ เต, ภิกฺขเว, ภิกฺขูติอาทีสุ เย ยถาวุตฺตคุณสมนฺนาคเมน เอวรูปา เอทิสา ภินฺนสพฺพกิเลสา ภิกฺขู, เต ทิฏฺธมฺมิกาทิหิเตสุ สตฺตานํ นิโยชนวเสน อนุสาสนโต สตฺถาโรติปิ วุจฺจนฺติ. ชาติกนฺตาราทินิตฺถรณโต สตฺถวาหาติปิ, ราคาทิรณานํ ชหนโต ชหาปนโต จ รณฺชหาติปิ, อวิชฺชาตมสฺส วิโนทนโต วิโนทาปนโต จ ตโมนุทาติปิ, สปรสนฺตาเนสุ ปฺาอาโลกปฺาโอภาสปฺาปชฺโชตานํ กรเณน นิพฺพตฺตเนน อาโลกาทิกราติปิ, ตถา าณุกฺกาาณปฺปภาธมฺมุกฺกาธมฺมปฺปภานํ ธารเณน กรเณน จ อุกฺกาธาราติปิ, ปภงฺกราติปิ, อารกตฺตา กิเลเสหิ, อนเย น อิริยนโต, อเย จ อิริยนโต ปเรสํ ตถาภาวเหตุภาวโต, สเทวเกน โลเกน อรณียโต อริยาติปิ, ปฺาจกฺขุธมฺมจกฺขูนํ สาติสยปฏิลาเภน จกฺขุมนฺโตติปิ วุจฺจนฺติ.

คาถาสุ ปาโมชฺชกรณํ านนฺติ นิรามิสสฺส ปโมทสฺส นิพฺพตฺตกํ านํ การณํ. เอตนฺติ อิทานิ วตฺตพฺพนิทสฺสนํ สนฺธาย วทติ. วิชานตนฺติ สํกิเลสโวทาเน ยาถาวโต ชานนฺตานํ. ภาวิตตฺตานนฺติ ภาวิตสภาวานํ, กายภาวนาทีหิ ภาวิตสนฺตานานนฺติ อตฺโถ. ธมฺมชีวินนฺติ มิจฺฉาชีวํ ปหาย ธมฺเมน าเยน ชีวิกกปฺปนโต, ธมฺเมน วา าเยน อตฺตภาวสฺส ปวตฺตนโต, สมาปตฺติพหุลตาย วา อคฺคผลธมฺเมน ชีวนโต ธมฺมชีวินํ. อยฺเหตฺถ สงฺเขปตฺโถ – ยทิทํ ภาวิตตฺตานํ ปรินิฏฺิตสมาธิปฺาภาวนานํ ตโต เอว ธมฺมชีวินํ อริยานํ ทสฺสนํ. เอตํ อวิปฺปฏิสารนิมิตฺตานํ สีลาทีนํ ปาริปูริเหตุภาวโต วิชานตํ สปฺปฺชาติกานํ เอกนฺเตเนว ปีติปาโมชฺชการณนฺติ.

อิทานิ ตํ ตสฺส การณภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘เต โชตยนฺตี’’ติ โอสานคาถาทฺวยมาห. ตตฺถ เตติ เต ภาวิตตฺตา ธมฺมชีวิโน อริยา. โชตยนฺตีติ ปกาสยนฺติ. ภาสยนฺตีติ สทฺธมฺโมภาเสน โลกํ ปภาสยนฺติ, ธมฺมํ เทเสนฺตีติ อตฺโถ. เยสนฺติ เยสํ อริยานํ. สาสนนฺติ โอวาทํ. สมฺมทฺายาติ ปุพฺพภาคาเณหิ สมฺมเทว ชานิตฺวา. เสสํ วุตฺตนยเมว.

ปฺจมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. ตณฺหุปฺปาทสุตฺตวณฺณนา

๑๐๕. ฉฏฺเ ตณฺหุปฺปาทาติ เอตฺถ อุปฺปชฺชติ เอเตสูติ อุปฺปาทา. กา อุปฺปชฺชติ? ตณฺหา. ตณฺหาย อุปฺปาทา ตณฺหุปฺปาทา, ตณฺหาวตฺถูนิ ตณฺหาการณานีติ อตฺโถ. ยตฺถาติ เยสุ นิมิตฺตภูเตสุ. อุปฺปชฺชมานาติ อุปฺปชฺชนสีลา. จีวรเหตูติ ‘‘กตฺถ มนาปํ จีวรํ ลภิสฺสามี’’ติ จีวรการณา อุปฺปชฺชติ. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย. อิติภวาภวเหตูติ เอตฺถ ปน อิตีติ นิทสฺสนตฺเถ นิปาโต. ยถา จีวราทิเหตุ, เอวํ ภวาภวเหตุปีติ อตฺโถ. ภวาภวาติ เจตฺถ ปณีตปฺปณีตานิ สปฺปินวนีตาทีนิ อธิปฺเปตานิ ภวติ อาโรคฺยํ เอเตนาติ กตฺวา. ‘‘สมฺปตฺติภเวสุ ปณีตปฺปณีตตโร ภวาภโว’’ติปิ วทนฺติ. ภโวติ วา สมฺปตฺติ, อภโวติ วิปตฺติ. ภโวติ วุฑฺฒิ, อภโวติ หานิ. ตํ นิมิตฺตฺจ ตณฺหา อุปฺปชฺชตีติ วุตฺตํ ‘‘ภวาภวเหตุ วา’’ติ.

คาถา เหฏฺา วุตฺตตฺถา เอว. อปิจ ตณฺหาทุติโยติ ตณฺหาสหาโย. อยฺหิ สตฺโต อนมตคฺเค สํสารวฏฺเฏ สํสรนฺโต น เอกโกว สํสรติ, ตณฺหํ ปน ทุติยิกํ สหายิกํ ลภิตฺวาว สํสรติ. ตถา หิ ตํ ปปาตปาตํ อจินฺเตตฺวา มธุคณฺหนกลุทฺทกํ วิย อเนกาทีนวากุเลสุปิ ภเวสุ อานิสํสเมว ทสฺเสนฺตี อนตฺถชาเล สา ปริพฺภมาเปติ. เอตมาทีนวํ ตฺวาติ เอตํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺเนสุ ขนฺเธสุ อิตฺถภาวฺถาภาวสฺิตํ อาทีนวํ ชานิตฺวา. ตณฺหํ ทุกฺขสฺส สมฺภวนฺติ ‘‘ตณฺหา จายํ วฏฺฏทุกฺขสฺส สมฺภโว ปภโว การณ’’นฺติ ชานิตฺวา. เอตฺตาวตา จ เอกสฺส ภิกฺขุโน วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตุปฺปตฺติ ทสฺสิตา. อิทานิ ตํ ขีณาสวํ โถเมนฺโต ‘‘วีตตณฺโห’’ติอาทิมาห. ยํ ปเนตฺถ อวุตฺตํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตนยเมว.

ฉฏฺสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. สพฺรหฺมกสุตฺตวณฺณนา

๑๐๖. สตฺตเม สพฺรหฺมกานีติ สเสฏฺกานิ. เยสนฺติ เยสํ กุลานํ. ปุตฺตานนฺติ ปุตฺเตหิ ปูชิตสทฺทโยเคน หิ อิทํ กรณตฺเถ สามิวจนํ. อชฺฌาคาเรติ สเก ฆเร. ปูชิตา โหนฺตีติ ยํ ฆเร อตฺถิ, เตน ปฏิชคฺคิตา มนาเปน เจว กายิกวาจสิเกน จ ปจฺจุปฏฺิตา โหนฺติ. อิติ มาตาปิตุปูชกานิ กุลานิ ‘‘สพฺรหฺมกานี’’ติ ปสํสิตฺวา อุปริปิ เนสํ ปสํสนียตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘สปุพฺพเทวตานี’’ติอาทิมาห.

ตตฺถ พฺรหฺมาติอาทีนิ เตสํ พฺรหฺมาทิภาวสาธนตฺถํ วุตฺตานิ. ตตฺรายมตฺถวิภาวนา – พฺรหฺมาติ เสฏฺาธิวจนํ. ยถา หิ พฺรหฺมุโน จตสฺโส ภาวนา อวิชหิตา โหนฺติ เมตฺตา, กรุณา, มุทิตา, อุเปกฺขาติ, เอวํ มาตาปิตูนํ ปุตฺเตสุ จตสฺโส ภาวนา อวิชหิตา โหนฺติ. ตา ตสฺมึ ตสฺมึ กาเล เวทิตพฺพา – กุจฺฉิคตสฺมิฺหิ ทารเก ‘‘กทา น โข ปุตฺตกํ อโรคํ ปริปุณฺณงฺคปจฺจงฺคํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ มาตาปิตูนํ เมตฺตจิตฺตํ อุปฺปชฺชติ. ยทา ปเนส มนฺโท อุตฺตานเสยฺยโก อูกาหิ วา มงฺกุเลหิ วา ทฏฺโ ทุกฺขเสยฺยาย วา ปีฬิโต ปโรทติ วิรวติ, ตทาสฺส สทฺทํ สุตฺวา มาตาปิตูนํ การุฺํ อุปฺปชฺชติ. อาธาวิตฺวา วิธาวิตฺวา กีฬนกาเล ปน โลภนียวยสฺมึ วา ิตกาเล ทารกํ โอโลเกตฺวา มาตาปิตูนํ จิตฺตํ สปฺปิมณฺเฑ ปกฺขิตฺตสตวิหตกปฺปาสปิจุปฏลํ วิย มุทุกํ อาโมทิตํ ปโมทิตํ, ตทา เนสํ มุทิตา ลพฺภติ. ยทา ปน เตสํ ปุตฺโต ทารภรณํ ปจฺจุปฏฺเปตฺวา ปาฏิเยกฺกํ อคารํ อชฺฌาวสติ, ตทา มาตาปิตูนํ ‘‘สกฺโกติ ทานิ โน ปุตฺตโก อตฺตโน ธมฺมตาย ชีวิตุ’’นฺติ มชฺฌตฺตภาโว อุปฺปชฺชติ. เอวํ ตสฺมึ กาเล อุเปกฺขา ลพฺภติ. เอวํ มาตาปิตูนํ ปุตฺเตสุ ยถากาลํ จตุพฺพิธสฺสปิ พฺรหฺมวิหารสฺส ลพฺภนโต พฺรหฺมสทิสวุตฺติตาย วุตฺตํ ‘‘พฺรหฺมาติ, ภิกฺขเว, มาตาปิตูนํ เอตํ อธิวจน’’นฺติ.

ปุพฺพเทวตาติ เอตฺถ เทวา นาม ติวิธา – สมฺมุติเทวา, อุปปตฺติเทวา, วิสุทฺธิเทวาติ. เตสุ สมฺมุติเทวา นาม ราชาโน ขตฺติยา. เต หิ ‘‘เทโว, เทวี’’ติ โลเก โวหรียนฺติ, เทวา วิย โลกสฺส นิคฺคหานุคฺคหสมตฺถา จ โหนฺติ. อุปปตฺติเทวา นาม จาตุมหาราชิกโต ปฏฺาย ยาว ภวคฺคา อุปฺปนฺนา สตฺตา. วิสุทฺธิเทวา นาม ขีณาสวา สพฺพกิเลสวิสุทฺธิโต. ตตฺรายํ วจนตฺโถ – ทิพฺพนฺติ, กีฬนฺติ, ลฬนฺติ, โชตนฺติ ปฏิปกฺขํ ชยนฺติ วาติ เทวา. เตสุ สพฺพเสฏฺา วิสุทฺธิเทวา. ยถา เต พาลชเนหิ กตํ อปราธํ อคเณตฺวา เอกนฺเตเนว เตสํ อนตฺถหานึ อตฺถุปฺปตฺติฺจ อากงฺขนฺตาว ยถาวุตฺตพฺรหฺมวิหารโยเคน อตฺถาย หิตาย สุขาย ปฏิปชฺชนฺติ, ทกฺขิเณยฺยตาย จ เตสํ การานํ มหปฺผลตํ มหานิสํสตฺจ อาวหนฺติ; เอวเมว มาตาปิตโรปิ ปุตฺตานํ อปราธํ อคเณตฺวา เอกนฺเตเนว เตสํ อนตฺถหานึ อตฺถุปฺปตฺติฺจ อากงฺขนฺตา วุตฺตนเยเนว จตุพฺพิธสฺสปิ พฺรหฺมวิหารสฺส ลพฺภนโต อตฺถาย หิตาย สุขาย ปฏิปชฺชนฺตา ปรมทกฺขิเณยฺยา หุตฺวา อตฺตนิ กตานํ การานํ มหปฺผลตํ มหานิสํสตฺจ อาวหนฺติ. สพฺพเทเวหิ จ ปมํ เตสํ อุปการวนฺตตาย เต อาทิโตเยว เทวา. เตสฺหิ วเสน เต ปมํ อฺเ เทเว ‘‘เทวา’’ติ ชานนฺติ อาราเธนฺติ ปยิรุปาสนฺติ, อาราธนวิธึ ตฺวา ตถา ปฏิปชฺชนฺตา ตสฺสา ปฏิปตฺติยา ผลํ อธิคจฺฉนฺติ, ตสฺมา เต ปจฺฉาเทวา นาม. เตน วุตฺตํ ‘‘ปุพฺพเทวตาติ, ภิกฺขเว, มาตาปิตูนํ เอตํ อธิวจน’’นฺติ.

ปุพฺพาจริยาติ ปมอาจริยา. มาตาปิตโร หิ ปุตฺเต สิกฺขาเปนฺตา อติตรุณกาลโต ปฏฺาย ‘‘เอวํ นิสีท, เอวํ คจฺฉ, เอวํ ติฏฺ, เอวํ สย, เอวํ ขาท, เอวํ ภุฺช, อยํ เต ‘ตาตา’ติ วตฺตพฺโพ, อยํ ‘ภาติกา’ติ, อยํ ‘ภคินี’ติ, อิทํ นาม กาตุํ วฏฺฏติ, อิทํ น วฏฺฏติ, อสุกํ นาม อุปสงฺกมิตุํ วฏฺฏติ, อสุกํ นาม น วฏฺฏตี’’ติ คาเหนฺติ สิกฺขาเปนฺติ. อปรภาเค อฺเ อาจริยาปิ สิปฺปํ มุทฺทํ คณนนฺติ เอวมาทึ สิกฺขาเปนฺติ, อฺเ สรณานิ เทนฺติ, สีเลสุ ปติฏฺาเปนฺติ, ปพฺพาเชนฺติ, ธมฺมํ อุคฺคณฺหาเปนฺติ, อุปสมฺปาเทนฺติ, โสตาปตฺติมคฺคาทีนิ ปาเปนฺติ. อิติ สพฺเพปิ เต ปจฺฉาอาจริยา นาม. มาตาปิตโร ปน สพฺพปมํ. เตนาห ‘‘ปุพฺพาจริยาติ, ภิกฺขเว, มาตาปิตูนํ เอตํ อธิวจน’’นฺติ.

อาหุเนยฺยาติ อาเนตฺวา หุนิตพฺพนฺติ อาหุนํ, ทูรโตปิ อาเนตฺวา ผลวิเสสํ อากงฺขนฺเตน คุณวนฺเตสุ ทาตพฺพานํ อนฺนปานวตฺถจฺฉาทนาทีนํ เอตํ นามํ, อุปการเขตฺตตาย ตํ อาหุนํ อรหนฺตีติ อาหุเนยฺยา. เตน วุตฺตํ ‘‘อาหุเนยฺยาติ, ภิกฺขเว, มาตาปิตูนํ เอตํ อธิวจน’’นฺติ.

อิทานิ เตสํ พฺรหฺมาทิภาเว การณํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตํ กิสฺส เหตุ? พหุการา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตํ กิสฺส เหตูติ ตํ มาตาปิตูนํ พฺรหฺมาทิอธิวจนํ เกน การเณนาติ เจติ อตฺโถ. พหุการาติ พหูปการา. อาปาทกาติ ชีวิตสฺส อาปาทกา, ปาลกา. ปุตฺตานฺหิ มาตาปิตูหิ ชีวิตํ อาปาทิตํ ปาลิตํ ฆฏิตํ อนุปฺปพนฺเธน ปวตฺติตํ สมฺปาทิตํ. โปสกาติ หตฺถปาเท วฑฺเฒตฺวา หทยโลหิตํ ปาเยตฺวา โปเสตาโร. อิมสฺส โลกสฺส ทสฺเสตาโรติ ปุตฺตานํ อิมสฺมึ โลเก อิฏฺานิฏฺารมฺมณทสฺสนํ นาม มาตาปิตโร นิสฺสาย ชาตนฺติ เต เนสํ อิมสฺส โลกสฺส ทสฺเสตาโร นาม. อิติ เตสํ พหุการตฺตํ พฺรหฺมาทิภาวสฺส การณํ ทสฺสิตํ, เยน ปุตฺโต มาตาปิตูนํ โลกิเยน อุปกาเรน เกนจิ ปริยาเยน ปริยนฺตํ ปฏิการํ กาตุํ น สมตฺโถเยว. สเจ หิ ปุตฺโต ‘‘มาตาปิตูนํ อุปการสฺส ปจฺจุปการํ กริสฺสามี’’ติ อุฏฺาย สมุฏฺาย วายมนฺโต ทกฺขิเณ อํสกูเฏ มาตรํ, อิตรสฺมึ ปิตรํ เปตฺวา วสฺสสตายุโก สกลํ วสฺสสตมฺปิ ปริหเรยฺย จตูหิ ปจฺจเยหิ อุจฺฉาทนปริมทฺทนนฺหาปนสมฺพาหนาทีหิ จ ยถารุจิ อุปฏฺหนฺโต เตสํ มุตฺตกรีสมฺปิ อชิคุจฺฉนฺโต, น เอตฺตาวตา ปุตฺเตน มาตาปิตูนํ ปฏิกาโร กโต โหติ อฺตฺร สทฺธาทิคุณวิเสเส ปติฏฺาปนา. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –

‘‘ทฺวินฺนาหํ, ภิกฺขเว, น สุปฺปฏิการํ วทามิ. กตเมสํ ทฺวินฺนํ? มาตุ จ ปิตุ จ. เอเกน, ภิกฺขเว, อํเสน มาตรํ ปริหเรยฺย, เอเกน อํเสน ปิตรํ ปริหเรยฺย วสฺสสตายุโก วสฺสสตชีวี, โส จ เนสํ อุจฺฉาทนปริมทฺทนนฺหาปนสมฺพาหเนน, เต จ ตตฺเถว มุตฺตกรีสํ จเชยฺยุํ, น ตฺเวว, ภิกฺขเว, มาตาปิตูนํ กตํ วา โหติ ปฏิกตํ วา. อิมิสฺสา จ, ภิกฺขเว, มหาปถวิยา ปหูตรตฺตรตนาย มาตาปิตโร อิสฺสริยาธิปจฺเจ รชฺเช ปติฏฺาเปยฺย, น ตฺเวว, ภิกฺขเว, มาตาปิตูนํ กตํ วา โหติ ปฏิกตํ วา. ตํ กิสฺส เหตุ? พหุการา, ภิกฺขเว, มาตาปิตโร ปุตฺตานํ อาปาทกา โปสกา อิมสฺส โลกสฺส ทสฺเสตาโร.

‘‘โย จ โข, ภิกฺขเว, มาตาปิตโร อสฺสทฺเธ สทฺธาสมฺปทาย สมาทเปติ นิเวเสติ ปติฏฺาเปติ. ทุสฺสีเล สีลสมฺปทาย, มจฺฉริโน จาคสมฺปทาย, ทุปฺปฺเ ปฺาสมฺปทาย สมาทเปติ นิเวเสติ ปติฏฺาเปติ. เอตฺตาวตา โข, ภิกฺขเว, มาตาปิตูนํ กตฺจ โหติ ปฏิกตฺจา’’ติ (อ. นิ. ๒.๓๔).

ตถา –

‘‘มาตาปิตุอุปฏฺานํ, ปุตฺตทารสฺส สงฺคโห’’ติ; (ขุ. ปา. ๕.๖);

‘‘มาตาปิตุอุปฏฺานํ, ภิกฺขเว, ปณฺฑิตปฺตฺต’’นฺติ จ –

เอวมาทีนิ มาตาปิตูนํ ปุตฺตสฺส พหูปการภาวสาธกานิ สุตฺตานิ ทฏฺพฺพานิ.

คาถาสุ วุจฺจเรติ วุจฺจนฺติ กถียนฺติ. ปชาย อนุกมฺปกาติ ปเรสํ ปาณํ ฉินฺทิตฺวาปิ อตฺตโน สนฺตกํ ยํกิฺจิ จชิตฺวาปิ อตฺตโน ปชํ ปฏิชคฺคนฺติ โคปยนฺติ, ตสฺมา ปชาย อตฺตโน ปุตฺตานํ อนุกมฺปกา อนุคฺคาหกา.

นมสฺเสยฺยาติ สายํ ปาตํ อุปฏฺานํ คนฺตฺวา ‘‘อิทํ มยฺหํ อุตฺตมํ ปุฺกฺเขตฺต’’นฺติ นมกฺการํ กเรยฺย. สกฺกเรยฺยาติ สกฺกาเรน ปฏิมาเนยฺย. อิทานิ ตํ สกฺการํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อนฺเนนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อนฺเนนาติ ยาคุภตฺตขาทนีเยน. ปาเนนาติ อฏฺวิธปาเนน. วตฺเถนาติ นิวาสนปารุปเนน. สยเนนาติ มฺจปีภิสิพิมฺโพหนาทินา สยเนน. อุจฺฉาทเนนาติ ทุคฺคนฺธํ ปฏิวิโนเทตฺวา สุคนฺธกรณุจฺฉาทเนน. นฺหาเนนาติ สีตกาเล อุณฺโหทเกน, อุณฺหกาเล สีโตทเกน คตฺตานิ ปริสิฺจิตฺวา นฺหาปเนน. ปาทานํ โธวเนน จาติ อุณฺโหทกสีโตทเกหิ ปาทโธวเนน เจว เตลมกฺขเนน จ.

ตาย นํ ปาริจริยายาติ เอตฺถ นฺติ นิปาตมตฺตํ, ยถาวุตฺตปริจรเณน. อถ วา ปาริจริยายาติ ภรณกิจฺจกรณกุลวํสปติฏฺาปนาทินา ปฺจวิธอุปฏฺาเนน. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘ปฺจหิ โข, คหปติปุตฺต, าเนหิ ปุตฺเตน ปุรตฺถิมา ทิสา มาตาปิตโร ปจฺจุปฏฺาตพฺพา ‘ภโต เน ภริสฺสามิ, กิจฺจํ เนสํ กริสฺสามิ, กุลวํสํ เปสฺสามิ, ทายชฺชํ ปฏิปชฺชิสฺสามิ. อถ วา ปน เนสํ เปตานํ กาลกตานํ ทกฺขิณมนุปฺปทสฺสามี’ติ. อิเมหิ โข, คหปติปุตฺต, ปฺจหิ าเนหิ ปุตฺเตน ปุรตฺถิมา ทิสา มาตาปิตโร ปจฺจุปฏฺิตา ปฺจหิ าเนหิ ปุตฺตํ อนุกมฺปนฺติ – ปาปา นิวาเรนฺติ, กลฺยาเณ นิเวเสนฺติ, สิปฺปํ สิกฺขาเปนฺติ, ปติรูเปน ทาเรน สํโยเชนฺติ, สมเย ทายชฺชํ นิยฺยาเทนฺตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๒๖๗).

อปิจ โย มาตาปิตโร ตีสุ วตฺถูสุ อภิปฺปสนฺเน กตฺวา สีเลสุ วา ปติฏฺาเปตฺวา ปพฺพชฺชาย วา นิโยเชตฺวา อุปฏฺหติ, อยํ มาตาปิตุอุปฏฺากานํ อคฺโคติ เวทิตพฺโพ. สา ปนายํ ปาริจริยา ปุตฺตสฺส อุภยโลกหิตสุขาวหาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิเธว นํ ปสํสนฺติ, เปจฺจ สคฺเค ปโมทตี’’ติ อาห. ตตฺถ อิธาติ อิมสฺมึ โลเก. มาตาปิตุอุปฏฺากฺหิ ปุคฺคลํ ปณฺฑิตมนุสฺสา ตตฺถ ปาริจริยาย ปสํสนฺติ วณฺเณนฺติ โถเมนฺติ, ตสฺส จ ทิฏฺานุคตึ อาปชฺชนฺตา สยมฺปิ อตฺตโน มาตาปิตูสุ ตถา ปฏิปชฺชิตฺวา มหนฺตํ ปุฺํ ปสวนฺติ. เปจฺจาติ ปรโลกํ คนฺตฺวา สคฺเค ิโต มาตาปิตุปฏฺาโก ทิพฺพสมฺปตฺตีหิ โมทติ ปโมทติ อภินนฺทตีติ.

สตฺตมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. พหุการสุตฺตวณฺณนา

๑๐๗. อฏฺเม พฺราหฺมณคหปติกาติ พฺราหฺมณา เจว คหปติกา จ. เปตฺวา พฺราหฺมเณ เย เกจิ อคารํ อชฺฌาวสนฺตา อิธ คหปติกาติ เวทิตพฺพา. เยติ อนิยมโต นิทฺทิฏฺปรามสนํ. โวติ อุปโยคพหุวจนํ. อยฺเหตฺถ สงฺเขปตฺโถ – ภิกฺขเว, ตุมฺหากํ พหูปการา พฺราหฺมณคหปติกา, เย พฺราหฺมณา เจว เสสอคาริกา จ ‘‘ตุมฺเห เอว อมฺหากํ ปุฺกฺเขตฺตํ, ยตฺถ มยํ อุทฺธคฺคิกํ ทกฺขิณํ ปติฏฺาเปม โสวคฺคิกํ สุขวิปากํ สคฺคสํวตฺตนิก’’นฺติ จีวราทีหิ ปจฺจเยหิ ปติอุปฏฺิตาติ.

เอวํ ‘‘อามิสทาเนน อามิสสํวิภาเคน อามิสานุคฺคเหน คหฏฺา ภิกฺขูนํ อุปการวนฺโต’’ติ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ธมฺมทาเนน ธมฺมสํวิภาเคน ธมฺมานุคฺคเหน ภิกฺขูนมฺปิ เตสํ อุปการวนฺตตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตุมฺเหปิ, ภิกฺขเว,’’ติอาทิ วุตฺตํ, ตํ วุตฺตนยเมว.

อิมินา กึ กถิตํ? ปิณฺฑาปจายนํ นาม กถิตํ. อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย – ภิกฺขเว, ยสฺมา อิเม พฺราหฺมณคหปติกา เนว ตุมฺหากํ าตกา, น มิตฺตา, น อิณํ วา ธาเรนฺติ, อถ โข ‘‘อิเม สมณา สมฺมคฺคตา สมฺมา ปฏิปนฺนา, เอตฺถ โน การา มหปฺผลา ภวิสฺสนฺติ มหานิสํสา’’ติ ผลวิเสสํ อากงฺขนฺตา ตุมฺเห จีวราทีหิ อุปฏฺหนฺติ. ตสฺมา ตํ เตสํ อธิปฺปายํ ปริปูเรนฺตา อปฺปมาเทน สมฺปาเทถ, ธมฺมเทสนาปิ โว การกานํเยว โสภติ, อาเทยฺยา จ โหติ, น อิตเรสนฺติ เอวํ สมฺมาปฏิปตฺติยํ อปฺปมาโท กรณีโยติ.

เอวมิทํ, ภิกฺขเวติอาทีสุ อยํ สงฺเขปตฺโถ – ภิกฺขเว, เอวํ อิมินา วุตฺตปฺปกาเรน คหฏฺปพฺพชิเตหิ อามิสทานธมฺมทานวเสน อฺมฺํ สนฺนิสฺสาย กามาทิวเสน จตุพฺพิธสฺสปิ โอฆสฺส นิตฺถรณตฺถาย สกลสฺสปิ วฏฺฏทุกฺขสฺส สมฺมเทว ปริโยสานกรณาย อุโปสถสีลนิยมาทิวเสน จตุปาริสุทฺธิสีลาทิวเสน วา อิทํ สาสนพฺรหฺมจริยํ มคฺคพฺรหฺมจริยฺจ วุสฺสติ จรียตีติ.

คาถาสุ สาคาราติ คหฏฺา. อนคาราติ ปริจฺจตฺตอคารา ปพฺพชิตา. อุโภ อฺโฺนิสฺสิตาติ เต อุโภปิ อฺมฺสนฺนิสฺสิตา. สาคารา หิ อนคารานํ ธมฺมทานสนฺนิสฺสิตา, อนคารา จ สาคารานํ ปจฺจยทานสนฺนิสฺสิตา. อาราธยนฺตีติ สาเธนฺติ สมฺปาเทนฺติ. สทฺธมฺมนฺติ ปฏิปตฺติสทฺธมฺมํ ปฏิเวธสทฺธมฺมฺจ. ตตฺถ ยํ อุตฺตมํ, ตํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘โยคกฺเขมํ อนุตฺตร’’นฺติ อรหตฺตํ นิพฺพานฺจ. สาคาเรสูติ สาคาเรหิ, นิสฺสกฺเก อิทํ ภุมฺมวจนํ, สาคารานํ วา สนฺติเก. ปจฺจยนฺติ วุตฺตาวเสสํ ทุวิธํ ปจฺจยํ ปิณฺฑปาตํ เภสชฺชฺจ. ปริสฺสยวิโนทนนฺติ อุตุปริสฺสยาทิปริสฺสยหรณํ วิหาราทิอาวสถํ. สุคตนฺติ สมฺมา ปฏิปนฺนํ กลฺยาณปุถุชฺชเนน สทฺธึ อฏฺวิธํ อริยปุคฺคลํ. สาวโก หิ อิธ สุคโตติ อธิปฺเปโต. ฆรเมสิโนติ ฆรํ เอสิโน, เคเห ตฺวา ฆราวาสํ วสนฺตา โภคูปกรณานิ เจว คหฏฺสีลาทีนิ จ เอสนสีลาติ อตฺโถ. สทฺทหาโน อรหตนฺติ อรหนฺตานํ อริยานํ วจนํ, เตสํ วา สมฺมาปฏิปตฺตึ สทฺทหนฺตา. ‘‘อทฺธา อิเม สมฺมา ปฏิปนฺนา, ยถา อิเม กเถนฺติ, ตถา ปฏิปชฺชนฺตานํ สา ปฏิปตฺติ สคฺคโมกฺขสมฺปตฺติยา สํวตฺตตี’’ติ อภิสทฺทหนฺตาติ อตฺโถ. ‘‘สทฺทหนฺตา’’ติปิ ปาโ. อริยปฺายาติ สุวิสุทฺธปฺาย. ฌายิโนติ อารมฺมณลกฺขณูปนิชฺฌานวเสน ทุวิเธนปิ ฌาเนน ฌายิโน.

อิธ ธมฺมํ จริตฺวานาติ อิมสฺมึ อตฺตภาเว, อิมสฺมึ วา สาสเน โลกิยโลกุตฺตรสุขสฺส มคฺคภูตํ สีลาทิธมฺมํ ปฏิปชฺชิตฺวา ยาว ปรินิพฺพานํ น ปาปุณนฺติ, ตาวเทว สุคติคามิโน. นนฺทิโนติ ปีติโสมนสฺสโยเคน นนฺทนสีลา. เกจิ ปน ‘‘ธมฺมํ จริตฺวาน มคฺคนฺติ โสตาปตฺติมคฺคํ ปาปุณิตฺวา’’ติ วทนฺติ. เทวโลกสฺมินฺติ ฉพฺพิเธปิ กามาวจรเทวโลเก. โมทนฺติ กามกามิโนติ ยถิจฺฉิตวตฺถุนิปฺผตฺติโต กามกามิโน กามวนฺโต หุตฺวา ปโมทนฺตีติ.

อฏฺมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. กุหสุตฺตวณฺณนา

๑๐๘. นวเม กุหาติ สามนฺตชปฺปนาทินา กุหนวตฺถุนา กุหกา, อสนฺตคุณสมฺภาวนิจฺฉาย โกหฺํ กตฺวา ปเรสํ วิมฺหาปกาติ อตฺโถ. ถทฺธาติ โกเธน จ มาเนน จ ถทฺธมานสา. ‘‘โกธโน โหติ อุปายาสพหุโล, อปฺปมฺปิ วุตฺโต สมาโน อภิสชฺชติ กุปฺปติ พฺยาปชฺชติ ปติตฺถียตี’’ติ (อ. นิ. ๓.๒๕; ปุ. ป. ๑๐๑) เอวํ วุตฺเตน โกเธน จ, ‘‘ทุพฺพโจ โหติ โทวจสฺสกรเณหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต อกฺขโม อปฺปทกฺขิณคฺคาหี อนุสาสนิ’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๑๘๑) เอวํ วุตฺเตน โทวจสฺเสน จ, ‘‘ชาติมโท, โคตฺตมโท, สิปฺปมโท, อาโรคฺยมโท, โยพฺพนมโท, ชีวิตมโท’’ติ (วิภ. ๘๓๒) เอวํ วุตฺเตน ชาติมทาทิเภเทน มเทน จ ครุกาตพฺเพสุ ครูสุ ปรมนิปจฺจการํ อกตฺวา อโยสลากํ คิลิตฺวา ิตา วิย อโนนตา หุตฺวา วิจรณกา. ลปาติ อุปลาปกา มิจฺฉาชีววเสน กุลสงฺคาหกา ปจฺจยตฺถํ ปยุตฺตวาจาวเสน นิปฺเปสิกตาวเสน จ ลปกาติ วา อตฺโถ.

สิงฺคีติ ‘‘ตตฺถ กตมํ สิงฺคํ? ยํ สิงฺคํ สิงฺคารตา จาตุรตา จาตุริยํ ปริกฺขตฺตตา ปาริกฺขตฺติย’’นฺติ (วิภ. ๘๕๒) เอวํ วุตฺเตหิ สิงฺคสทิเสหิ ปากฏกิเลเสหิ สมนฺนาคตา. อุนฺนฬาติ อุคฺคตนฬา, นฬสทิสํ ตุจฺฉมานํ อุกฺขิปิตฺวา วิจรณกา. อสมาหิตาติ จิตฺเตกคฺคตามตฺตสฺสาปิ อลาภิโน. น เม เต, ภิกฺขเว, ภิกฺขู มามกาติ เต มยฺหํ ภิกฺขู มม สนฺตกา น โหนฺติ. เมติ อิทํ ปทํ อตฺตานํ อุทฺทิสฺส ปพฺพชิตตฺตา ภควตา วุตฺตํ. ยสฺมา ปน เต กุหนาทิโยคโต น สมฺมา ปฏิปนฺนา, ตสฺมา ‘‘น มามกา’’ติ วุตฺตา. อปคตาติ ยทิปิ เต มม สาสเน ปพฺพชิตา, ยถานุสิฏฺํ ปน อปฺปฏิปชฺชนโต อปคตา เอว อิมสฺมา ธมฺมวินยา, อิโต เต สุวิทูรวิทูเร ิตาติ ทสฺเสติ. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘นภฺจ ทูเร ปถวี จ ทูเร,

ปารํ สมุทฺทสฺส ตทาหุ ทูเร;

ตโต หเว ทูรตรํ วทนฺติ,

สตฺจ ธมฺมํ อสตฺจ ราชา’’ติ. (อ. นิ. ๔.๔๗; ชา. ๒.๒๑.๔๑๔);

วุทฺธึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ อาปชฺชนฺตีติ สีลาทิคุเณหิ วฑฺฒนวเสน วุทฺธึ, ตตฺถ นิจฺจลภาเวน วิรูฬฺหึ, สพฺพตฺถ ปตฺถฏภาเวน สีลาทิธมฺมกฺขนฺธปาริปูริยา เวปุลฺลํ. น จ เต กุหาทิสภาวา ภิกฺขู อาปชฺชนฺติ, น จ ปาปุณนฺตีติ อตฺโถ. เต โข เม, ภิกฺขเว, ภิกฺขู มามกาติ อิธาปิ เมติ อตฺตานํ อุทฺทิสฺส ปพฺพชิตตฺตา วทติ, สมฺมา ปฏิปนฺนตฺตา ปน ‘‘มามกา’’ติ อาห. วุตฺตวิปริยาเยน สุกฺกปกฺโข เวทิตพฺโพ. ตตฺถ ยาว อรหตฺตมคฺคา วิรูหนฺติ นาม, อรหตฺตผเล ปน สมฺปตฺเต วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ อาปนฺนา นาม. คาถา สุวิฺเยฺยา เอว.

นวมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. นทีโสตสุตฺตวณฺณนา

๑๐๙. ทสเม เสยฺยถาปีติ โอปมฺมทสฺสนตฺเถ นิปาโต, ยถา นามาติ อตฺโถ. นทิยา โสเตน โอวุยฺเหยฺยาติ สีฆโสตาย หารหารินิยา นทิยา อุทกเวเคน เหฏฺโต วุยฺเหยฺย อโธ หริเยถ. ปิยรูปสาตรูเปนาติ ปิยสภาเวน สาตสภาเวน จ การณภูเตน, ตสฺสํ นทิยํ ตสฺสา วา ปรตีเร มณิสุวณฺณาทิ อฺํ วา ปิยวตฺถุ วิตฺตูปกรณํ อตฺถิ, ตํ คเหสฺสามีติ นทิยํ ปติตฺวา โสเตน อวกฑฺเฒยฺย. กิฺจาปีติ อนุชานนอสมฺภาวนตฺเถ นิปาโต. กึ อนุชานาติ, กึ น สมฺภาเวติ? เตน ปุริเสน อธิปฺเปตสฺส ปิยวตฺถุสฺส ตตฺถ อตฺถิภาวํ อนุชานาติ, ตถาคมนํ ปน อาทีนววนฺตตาย น สมฺภาเวติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อมฺโภ, ปุริส, ยทิปิ ตยา อธิปฺเปตํ ปิยวตฺถุ ตตฺถ อุปลพฺภติ, เอวํ คมเน ปน อยมาทีนโว, ยํ ตฺวํ เหฏฺา รหทํ ปตฺวา มรณํ มรณมตฺตํ วา ทุกฺขํ ปาปุเณยฺยาสีติ.

อตฺถิ เจตฺถ เหฏฺา รหโทติ เอติสฺสา นทิยา เหฏฺา อนุโสตภาเค อติวิย คมฺภีรวิตฺถโต เอโก มหาสโร อตฺถิ. โส จ สมนฺตโต วาตาภิฆาตสมุฏฺิตาหิ มณิมยปพฺพตกูฏสนฺนิภาหิ มหตีหิ อูมีหิ วีจีหิ สอูมิ, วิสเมสุ ภูมิปฺปเทเสสุ สเวคํ อนุปกฺขนฺทนฺเตน อิมิสฺสา ตาว นทิยา มโหเฆน ตหึ ตหึ อาวฏฺฏมานวิปุลชลตาย พลวามุขสทิเสหิ สห อาวฏฺเฏหีติ สาวฏฺโฏ. ตํ รหทํ โอติณฺณสตฺเตเยว อตฺตโน นิพทฺธามิสโคจเร กตฺวา อชฺฌาวสนฺเตน อติวิย ภยานกทสฺสเนน โฆรเจตสา ทกรกฺขเสน สคโห สรกฺขโส, จณฺฑมจฺฉมกราทินา วา สคโห, ยถาวุตฺตรกฺขเสน สรกฺขโส.

นฺติ เอวํ สปฺปฏิภยํ ยํ รหทํ. อมฺโภ ปุริสาติ อาลปนํ. มรณํ วา นิคจฺฉสีติ ตาหิ วา อูมีหิ อชฺโฌตฺถโฏ, เตสุ วา อาวฏฺเฏสุ นิปติโต สีสํ อุกฺขิปิตุํ อสกฺโกนฺโต เตสํ วา จณฺฑมจฺฉมกราทีนํ มุเข นิปติโต. ตสฺส วา ทกรกฺขสสฺส หตฺถํ คโต มรณํ วา คมิสฺสสิ, อถ วา ปน อายุเสเส สติ ตโต มุจฺจิตฺวา อปคจฺฉนฺโต เตหิ อูมิอาทีหิ ชนิตฆฏฺฏิตวเสน มรณมตฺตํ มรณปฺปมาณํ ทุกฺขํ นิคจฺฉสิ. ปฏิโสตํ วายเมยฺยาติ โส ปุพฺเพ อนุโสตํ วุยฺหมาโน ตสฺส ปุริสสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘อนตฺโถ กิร เม อุปฏฺิโต, มจฺจุมุเข กิราหํ ปริวตฺตามี’’ติ อุปฺปนฺนพลวภโย สมฺภมนฺโต ทิคุณํ กตฺวา อุสฺสาหํ หตฺเถหิ จ ปาเทหิ จ วายเมยฺย ตเรยฺย, น จิเรเนว ตีรํ สมฺปาปุเณยฺย.

อตฺถสฺส วิฺาปนายาติ จตุสจฺจปฏิเวธานุกูลสฺส อตฺถสฺส สมฺโพธนาย อุปมา กตา. อยฺเจตฺถ อตฺโถติ อยเมว อิทานิ วุจฺจมาโน อิธ มยา อธิปฺเปโต อุปเมยฺยตฺโถ, ยสฺส วิฺาปนาย อุปมา อาหฏา.

ตณฺหาเยตํ อธิวจนนฺติ เอตฺถ จตูหิ อากาเรหิ ตณฺหาย โสตสทิสตา เวทิตพฺพา อนุกฺกมปริวุฑฺฒิโต อนุปฺปพนฺธโต โอสีทาปนโต ทุรุตฺตรณโต จ. ยถา หิ อุปริ มหาเมเฆ อภิปฺปวุฏฺเ อุทกํ ปพฺพตกนฺทรปทรสาขาโย ปูเรตฺวา ตโต ภสฺสิตฺวา กุสุพฺเภ ปูเรตฺวา ตโต ภสฺสิตฺวา กุนฺนทิโย ปูเรตฺวา ตโต มหานทิโย ปกฺขนฺทิตฺวา เอโกฆํ หุตฺวา ปวตฺตมานํ ‘‘นทีโสโต’’ติ วุจฺจติ, เอวเมว อชฺฌตฺติกพาหิราทิวเสน อเนกเภเทสุ รูปาทีสุ อารมฺมเณสุ โลโภ อุปฺปชฺชิตฺวา อนุกฺกเมน ปริวุฑฺฒึ คจฺฉนฺโต ‘‘ตณฺหาโสโต’’ติ วุจฺจติ, ยถา จ นทีโสโต อาคมนโต ยาว สมุทฺทปฺปตฺติ, ตาว สติ วิจฺเฉทปจฺจยาภาเว อวิจฺฉิชฺชมาโน อนุปฺปพนฺเธน ปวตฺตติ, เอวํ ตณฺหาโสโตปิ อาคมนโต ปฏฺาย อสติ วิจฺเฉทปจฺจเย อวิจฺฉิชฺชมาโน อปายสมุทฺทาภิมุโข อนุปฺปพนฺเธน ปวตฺตติ. ยถา ปน นทีโสโต ตทนฺโตคเธ สตฺเต โอสีทาเปติ, สีสํ อุกฺขิปิตุํ น เทติ, มรณํ วา มรณมตฺตํ วา ทุกฺขํ ปาเปติ, เอวํ ตณฺหาโสโตปิ อตฺตโน โสตนฺโตคเต สตฺเต โอสีทาเปติ, ปฺาสีสํ อุกฺขิปิตุํ น เทติ, กุสลมูลจฺเฉทเนน สํกิเลสธมฺมสมาปชฺชเนน จ มรณํ วา มรณมตฺตํ วา ทุกฺขํ ปาเปติ.

ยถา จ นทิยา โสโต มโหฆภาเวน ปวตฺตมาโน อุฬุมฺปํ วา นาวํ วา พนฺธิตุํ เนตุฺจ เฉกํ ปุริสํ นิสฺสาย ปรตีรํ คนฺตุํ อชฺฌาสยํ กตฺวา ตชฺชํ วายามํ กโรนฺเตน ตริตพฺโพ, น เยน วา เตน วาติ ทุรุตฺตโร, เอวํ ตณฺหาโสโตปิ กาโมฆภโวฆภูโต สีลสํวรํ ปูเรตุํ สมถวิปสฺสนาสุ กมฺมํ กาตุํ ‘‘นิปเกน อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสามี’’ติ อชฺฌาสยํ สมุฏฺาเปตฺวา กลฺยาณมิตฺเต นิสฺสาย สมถวิปสฺสนานาวํ อภิรุหิตฺวา สมฺมาวายามํ กโรนฺเตน ตริตพฺโพ, น เยน วา เตน วาติ ทุรุตฺตโร. เอวํ อนุกฺกมปริวุฑฺฒิโต อนุปฺปพนฺธโต โอสีทาปนโต ทุรุตฺตรณโตติ จตูหิ อากาเรหิ ตณฺหาย นทีโสตสทิสตา เวทิตพฺพา.

ปิยรูปํ สาตรูปนฺติ ปิยชาติกํ ปิยสภาวํ ปิยรูปํ, มธุรชาติกํ มธุรสภาวํ สาตรูปํ, อิฏฺสภาวนฺติ อตฺโถ. ฉนฺเนตนฺติ ฉนฺนํ เอตํ. อชฺฌตฺติกานนฺติ เอตฺถ ‘‘เอวํ มยํ อตฺตาติ คหณํ คมิสฺสามา’’ติ อิมินา วิย อธิปฺปาเยน อตฺตานํ อธิการํ กตฺวา ปวตฺตานีติ อชฺฌตฺติกานิ. ตตฺถ โคจรชฺฌตฺตํ, นิยกชฺฌตฺตํ, วิสยชฺฌตฺตํ, อชฺฌตฺตชฺฌตฺตนฺติ จตุพฺพิธํ อชฺฌตฺตํ. เตสุ ‘‘อชฺฌตฺตรโต สมาหิโต’’ติ เอวมาทีสุ (ธ. ป. ๓๖๒) วุตฺตํ อิทํ โคจรชฺฌตฺตํ นาม. ‘‘อชฺฌตฺตํ สมฺปสาทน’’นฺติ (ที. นิ. ๑.๒๒๘; ธ. ส. ๑๖๑) อาคตํ อิทํ นิยกชฺฌตฺตํ นาม. ‘‘สพฺพนิมิตฺตานํ อมนสิการา อชฺฌตฺตํ สุฺตํ อุปสมฺปชฺช วิหรตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๑๘๗) เอวมาคตํ อิทํ วิสยชฺฌตฺตํ นาม. ‘‘อชฺฌตฺติกา ธมฺมา, พาหิรา ธมฺมา’’ติ (ธ. ส. ติกมาติกา ๒๐) เอตฺถ วุตฺตํ อชฺฌตฺตํ อชฺฌตฺตชฺฌตฺตํ นาม. อิธาปิ เอตเทว อธิปฺเปตํ, ตสฺมา อชฺฌตฺตานิเยว อชฺฌตฺติกานิ. อถ วา ยถาวุตฺเตเนว อตฺเถน ‘‘อชฺฌตฺตา ธมฺมา, พหิทฺธา ธมฺมา’’ติอาทีสุ วิย เตสุ อชฺฌตฺเตสุ ภวานิ อชฺฌตฺติกานิ, จกฺขาทีนิ. เตสํ อชฺฌตฺติกานํ.

อายตนานนฺติ เอตฺถ อายตนโต, อายานํ ตนนโต, อายตสฺส จ นยนโต อายตนานีติ. จกฺขาทีสุ หิ ตํตํทฺวารวตฺถุกา จิตฺตเจตสิกา ธมฺมา สเกน สเกน อนุภวนาทินา กิจฺเจน อายตนฺติ อุฏฺหนฺติ ฆฏนฺติ วายมนฺติ, เต จ อายภูเต ธมฺเม เอตานิ ตโนนฺติ วิตฺถาเรนฺติ, ยฺจ อนมตคฺเค สํสาเร ปวตฺตํ อติวิย อายตํ วฏฺฏทุกฺขํ, ตํ นยนฺติ ปวตฺเตนฺติ. อิติ สพฺพถาปิเม ธมฺมา อายตนโต, อายานํ ตนนโต, อายตสฺส จ นยนโต อายตนานีติ วุจฺจนฺติ. อปิจ นิวาสฏฺานฏฺเน, อากรฏฺเน, สโมสรณฏฺานฏฺเน, สฺชาติเทสฏฺเน, การณฏฺเน จ อายตนํ เวทิตพฺพํ. ตถา หิ โลเก ‘‘อิสฺสรายตนํ เทวายตน’’นฺติอาทีสุ นิวาสฏฺานํ อายตนนฺติ วุจฺจติ. ‘‘สุวณฺณายตนํ รชตายตน’’นฺติอาทีสุ อากโร. สาสเน ปน ‘‘มโนรเม อายตเน, เสวนฺติ นํ วิหงฺคมา’’ติอาทีสุ สโมสรณฏฺานํ. ‘‘ทกฺขิณาปโถ คุนฺนํ อายตน’’นฺติอาทีสุ สฺชาติเทโส. ‘‘ตตฺร ตตฺเรว สกฺขิภพฺพตํ ปาปุณาติ สติ สติอายตเน’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๑๕๘; อ. นิ. ๓.๑๐๒) การณํ อายตนนฺติ วุจฺจติ. จกฺขาทีสุ จ เต เต จิตฺตเจตสิกา ธมฺมา นิวสนฺติ ตทายตฺตวุตฺติตายาติ จกฺขาทโย เตสํ นิวาสฏฺานํ. ตตฺถ จ เต อากิณฺณา ตนฺนิสฺสิตตฺตาติ เต เนสํ อากโร, สโมสรณฏฺานฺจ ตตฺถ วตฺถุทฺวารภาเวน สโมสรณโต, สฺชาติเทโส จ ตนฺนิสฺสยภาเวน เตสํ ตตฺเถว อุปฺปตฺติโต, การณฺจ ตทภาเว เตสํ อภาวโตติ. อิติ นิวาสฏฺานฏฺเน, อากรฏฺเน, สโมสรณฏฺานฏฺเน, สฺชาติเทสฏฺเน, การณฏฺเนาติ อิเมหิ การเณหิ จกฺขาทีนิ อายตนานีติ วุจฺจนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ฉนฺเนตํ อชฺฌตฺติกานํ อายตนาน’’นฺติ.

ยทิปิ รูปาทโยปิ ธมฺมา ‘‘รูปํ โลเก ปิยรูปํ สาตรูปํ, เอตฺเถสา ตณฺหา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชตี’’ติ ตณฺหาวตฺถุภาวโต ปิยรูปสาตรูปภาเวน วุตฺตา. จกฺขาทิเก ปน มุฺจิตฺวา อตฺตภาวปฺตฺติยา อภาวโต ‘‘มม จกฺขุ มม โสต’’นฺติอาทินา อธิกสิเนหวตฺถุภาเวน จกฺขาทโย สาติสยํ ปิยรูปํ สาตรูปนฺติ นิทฺเทสํ อรหนฺตีติ ทสฺเสตุํ ‘‘ปิยรูปํ สาตรูปนฺติ โข, ภิกฺขเว, ฉนฺเนตํ อชฺฌตฺติกานํ อายตนานํ อธิวจน’’นฺติ วุตฺตํ.

โอรมฺภาคิยานนฺติ เอตฺถ โอรํ วุจฺจติ กามธาตุ, ตปฺปริยาปนฺนา โอรมฺภาคา, ปจฺจยภาเวน เตสํ หิตาติ โอรมฺภาคิยา. ยสฺส สํวิชฺชนฺติ, ตํ ปุคฺคลํ วฏฺฏสฺมึ สํโยเชนฺติ พนฺธนฺตีติ สํโยชนานิ. สกฺกายทิฏฺิวิจิกิจฺฉาสีลพฺพตปรามาสกามราคพฺยาปาทานํ เอตํ อธิวจนํ. เต หิ กามภวูปคานํ สงฺขารานํ ปจฺจยา หุตฺวา รูปารูปธาตุโต เหฏฺาภาเวน นิหีนภาเวน โอรมฺภาคภูเตน กามภเวน สตฺเต สํโยเชนฺติ. เอเตเนว เตสํ เหฏฺารหทสทิสตา ทีปิตาติ ทฏฺพฺพา. อูมิภยนฺติ โข, ภิกฺขเว, โกธุปายาสสฺเสตํ อธิวจนนฺติ ภายติ เอตสฺมาติ ภยํ, อูมิ เอว ภยนฺติ อูมิภยํ. กุชฺฌนฏฺเน โกโธ, สฺเวว จิตฺตสฺส สรีรสฺส จ อภิปฺปมทฺทนปเวธนุปฺปาทเนน ทฬฺหํ อายาสนฏฺเน อุปายาโส.

เอตฺถ จ อเนกวารํ ปวตฺติตฺวา อตฺตนา สมเวตํ สตฺตํ อชฺโฌตฺถริตฺวา สีสํ อุกฺขิปิตุํ อทตฺวา อนยพฺยสนาปาทเนน โกธุปายาสสฺส อูมิสทิสตา ทฏฺพฺพา. ตถา กามคุณานํ กิเลสาภิภูเต สตฺเต อิโต จ เอตฺโต, เอตฺโต จ อิโตติ เอวํ มนาปิยรูปาทิวิสยสงฺขาเต อตฺตนิ สํสาเรตฺวา ยถา ตโต พหิภูเต เนกฺขมฺเม จิตฺตมฺปิ น อุปฺปชฺชติ เอวํ อาวฏฺเฏตฺวา พฺยสนาปาทเนน อาวฏฺฏสทิสตา ทฏฺพฺพา. ยถา ปน คหรกฺขโสปิ อารกฺขรหิตํ อตฺตโน โคจรภูมิคตํ ปุริสํ อภิภุยฺย คเหตฺวา อโคจเร ิตมฺปิ รกฺขสมายาย โคจรํ เนตฺวา เภรวรูปทสฺสนาทินา อวสํ อตฺตโน อุปการํ กาตุํ อสมตฺถํ กตฺวา อนฺวาวิสิตฺวา วณฺณพลโภคยสสุเขหิปิ วิโยเชนฺโต มหนฺตํ อนยพฺยสนํ อาปาเทติ, เอวํ มาตุคาโมปิ โยนิโสมนสิการรหิตํ อวีรปุริสํ อิตฺถิกุตฺตภูเตหิ อตฺตโน หาวภาววิลาเสหิ อภิภุยฺย คเหตฺวา วีรชาติยมฺปิ อตฺตโน รูปาทีหิ ปโลภนวเสน อิตฺถิมายาย อนฺวาวิสิตฺวา อวสํ อตฺตโน อุปการธมฺเม สีลาทโย สมฺปาเทตุํ อสมตฺถํ กโรนฺโต คุณวณฺณาทีหิ วิโยเชตฺวา มหนฺตํ อนยพฺยสนํ อาปาเทติ, เอวํ มาตุคามสฺส คหรกฺขสสทิสตา ทฏฺพฺพา. เตน วุตฺตํ ‘‘อาวฏฺฏนฺติ โข, ภิกฺขเว, ปฺจนฺเนตํ กามคุณานํ อธิวจนํ, คหรกฺขโสติ โข, ภิกฺขเว, มาตุคามสฺเสตํ อธิวจน’’นฺติ.

ปฏิโสโตติ โข ภิกฺขเว เนกฺขมฺมสฺเสตํ อธิวจนนฺติ เอตฺถ ปพฺพชฺชา สห อุปจาเรน ปมชฺฌานํ วิปสฺสนาปฺา จ นิพฺพานฺจ เนกฺขมฺมํ นาม. สพฺเพปิ กุสลา ธมฺมา เนกฺขมฺมํ นาม. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘ปพฺพชฺชา ปมํ ฌานํ, นิพฺพานฺจ วิปสฺสนา;

สพฺเพปิ กุสลา ธมฺมา, เนกฺขมฺมนฺติ ปวุจฺจเร’’ติ.

อิเมสํ ปน ปพฺพชฺชาทีนํ ตณฺหาโสตสฺส ปฏิโลมโต ปฏิโสตสทิสตา เวทิตพฺพา. อวิเสเสน หิ ธมฺมวินโย เนกฺขมฺมํ, ตสฺส อธิฏฺานํ ปพฺพชฺชา จ, ธมฺมวินโย จ ตณฺหาโสตสฺส ปฏิโสตํ วุจฺจติ. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘ปฏิโสตคามึ นิปุณํ, คมฺภีรํ ทุทฺทสํ อณุํ;

ราครตฺตา น ทกฺขนฺติ, ตโมขนฺเธน อาวุตา’’ติ. (ที. นิ. ๒.๖๕; ม. นิ. ๑.๒๘๑; สํ. นิ. ๑.๑๗๒);

วีริยารมฺภสฺสาติ จตุพฺพิธสมฺมปฺปธานวีริยสฺส. ตสฺส กาโมฆาทิเภทตณฺหาโสตสนฺตรณสฺส หตฺเถหิ ปาเทหิ จตุรงฺคนทีโสตสนฺตรณวายามสฺส สทิสตา ปากฏาเยว. ตถา นทีโสตสฺส ตีเร ิตสฺส จกฺขุมโต ปุริสสฺส กามาทึ จตุพฺพิธมฺปิ โอฆํ ตริตฺวา ตสฺส ปรตีรภูเต นิพฺพานถเล ิตสฺส ปฺจหิ จกฺขูหิ จกฺขุมโต ภควโต สทิสภาโว. เตน วุตฺตํ ‘‘จกฺขุมา ปุริโส…เป… สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสา’’ติ.

ตตฺริทํ โอปมฺมสํสนฺทนํ – นทีโสโต วิย อนุปฺปพนฺธวเสน ปวตฺตมาโน ตณฺหาโสโต, เตน วุยฺหมาโน ปุริโส วิย อนมตคฺเค สํสารวฏฺเฏ ปริพฺภมนโต ตณฺหาโสเตน วุยฺหมาโน สตฺโต, ตสฺส ตตฺถ ปิยรูปสาตรูปวตฺถุสฺมึ อภินิเวโส วิย อิมสฺส จกฺขาทีสุ อภินิเวโส, สอูมิสาวฏฺฏสคหรกฺขโส เหฏฺารหโท วิย โกธุปายาสปฺจกามคุณมาตุคามสมากุโล ปฺโจรมฺภาคิยสํโยชนสมูโห, ตมตฺถํ ยถาภูตํ วิทิตฺวา ตสฺส นทีโสตสฺส ปรตีเร ิโต จกฺขุมา ปุริโส วิย สกลํ สํสาราทีนวํ สพฺพฺจ เยฺยธมฺมํ ยถาภูตํ วิทิตฺวา ตณฺหาโสตสฺส ปรตีรภูเต นิพฺพานถเล ิโต สมนฺตจกฺขุ ภควา, ตสฺส ปุริสสฺส ตสฺมึ นทิยา โสเตน วุยฺหมาเน ปุริเส อนุกมฺปาย รหทสฺส รหทาทีนวสฺส จ อาจิกฺขนํ วิย ตณฺหาโสเตน วุยฺหมานสฺส สตฺตสฺส มหากรุณาย ภควโต ตณฺหาทีนํ ตทาทีนวสฺส จ วิภาวนา, ตสฺส วจนํ อสทฺทหิตฺวา อนุโสตคามิโน ตสฺส ปุริสสฺส ตสฺมึ รหเท มรณปฺปตฺติมรณมตฺตทุกฺขปฺปตฺติโย วิย ภควโต วจนํ อสมฺปฏิจฺฉนฺตสฺส อปายุปฺปตฺติ, สุคติยํ ทุกฺขุปฺปตฺติ จ, ตสฺส ปน วจนํ สทฺทหิตฺวา หตฺเถหิ จ ปาเทหิ จ วายามกรณํ วิย เตน จ วายาเมน ปรตีรํ ปตฺวา สุเขน ยถิจฺฉิตฏฺานคมนํ วิย ภควโต วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตณฺหาทีสุ อาทีนวํ ปสฺสิตฺวา ตณฺหาโสตสฺส ปฏิโสตปพฺพชฺชาทิเนกฺขมฺมวเสน วีริยารมฺโภ, อารทฺธวีริยสฺส จ เตเนว วีริยารมฺเภน ตณฺหาโสตาติกฺกมนํ นิพฺพานตีรํ ปตฺวา อรหตฺตผลสมาปตฺติวเสน ยถารุจิ สุขวิหาโรติ.

คาถาสุ สหาปิ ทุกฺเขน ชเหยฺย กาเมติ ฌานมคฺคาธิคมตฺถํ สมถวิปสฺสนานุโยคํ กโรนฺโต ภิกฺขุ ยทิปิ เตสํ ปุพฺพภาคปฏิปทา กิจฺเฉน กสิเรน สมฺปชฺชติ, น สุเขน วีถึ โอตรติ ปุพฺพภาคภาวนาย กิเลสานํ พลวภาวโต, อินฺทฺริยานํ วา อติกฺขภาวโต. ตถา สติ สหาปิ ทุกฺเขน ชเหยฺย กาเม, ปมชฺฌาเนน วิกฺขมฺเภนฺโต ตติยมคฺเคน สมุจฺฉินฺทนฺโต กิเลสกาเม ปชเหยฺย. เอเตน ทุกฺขปฏิปเท ฌานมคฺเค ทสฺเสติ.

โยคกฺเขมํ อายตึ ปตฺถยาโนติ อนาคามิตํ อรหตฺตํ อิจฺฉนฺโต อากงฺขมาโน. อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย – ยทิปิ เอตรหิ กิจฺเฉน กสิเรน ฌานปุริมมคฺเค อธิคจฺฉามิ, อิเม ปน นิสฺสาย อุปริ อรหตฺตํ อธิคนฺตฺวา กตกิจฺโจ ปหีนสพฺพทุกฺโข ภวิสฺสามีติ สหาปิ ทุกฺเขน ฌานาทีหิ กาเม ปชเหยฺยาติ. อถ วา โย กามวิตกฺกพหุโล ปุคฺคโล กลฺยาณมิตฺตสฺส วเสน ปพฺพชฺชํ สีลวิโสธนํ ฌานาทีนํ ปุพฺพภาคปฏิปตฺตึ วา ปฏิปชฺชนฺโต กิจฺเฉน กสิเรน อสฺสุมุโข โรทมาโน ตํ วิตกฺกํ วิกฺขมฺเภติ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘สหาปิ ทุกฺเขน ชเหยฺย กาเม’’ติ. โส หิ กิจฺเฉนปิ กาเม ปชหนฺโต ฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา ตํ ฌานํ ปาทกํ กตฺวา วิปสฺสนฺโต อนุกฺกเมน อรหตฺเต ปติฏฺเหยฺย. เตน วุตฺตํ ‘‘โยคกฺเขมํ อายตึ ปตฺถยาโน’’ติ.

สมฺมปฺปชาโนติ วิปสฺสนาสหิตาย มคฺคปฺาย สมฺมเทว ปชานนฺโต. สุวิมุตฺตจิตฺโตติ ตสฺส อริยมคฺคาธิคมสฺส อนนฺตรํ ผลวิมุตฺติยา สุฏฺุ วิมุตฺตจิตฺโต. วิมุตฺติยา ผสฺสเย ตตฺถ ตตฺถาติ ตสฺมึ ตสฺมึ มคฺคผลาธิคมนกาเล วิมุตฺตึ นิพฺพานํ ผสฺสเย ผุเสยฺย ปาปุเณยฺย อธิคจฺเฉยฺย สจฺฉิกเรยฺย. อุปโยคตฺเถ หิ ‘‘วิมุตฺติยา’’ติ อิทํ สามิวจนํ. วิมุตฺติยา วา อารมฺมณภูตาย ตตฺถ ตตฺถ ตํตํผลสมาปตฺติกาเล อตฺตโน ผลจิตฺตํ ผสฺสเย ผุเสยฺย ปาปุเณยฺย, นิพฺพาโนคธาย ผลสมาปตฺติยา วิหเรยฺยาติ อตฺโถ. ส เวทคูติ โส เวทสงฺขาเตน มคฺคาเณน จตุนฺนํ สจฺจานํ คตตฺตา ปฏิวิทฺธตฺตา เวทคู. โลกนฺตคูติ ขนฺธโลกสฺส ปริยนฺตํ คโต. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.

ทสมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๑. จรสุตฺตวณฺณนา

๑๑๐. เอกาทสเม จรโตติ คจฺฉนฺตสฺส, จงฺกมนฺตสฺส วา. อุปฺปชฺชติ กามวิตกฺโก วาติ วตฺถุกาเมสุ อวีตราคตาย ตาทิเส ปจฺจเย กามปฏิสํยุตฺโต วา วิตกฺโก อุปฺปชฺชติ เจ, ยทิ อุปฺปชฺชติ. พฺยาปาทวิตกฺโก วา วิหึสาวิตกฺโก วาติ อาฆาตนิมิตฺตพฺยาปาทปฏิสํยุตฺโต วา วิตกฺโก, เลฑฺฑุทณฺฑาทีหิ ปรวิเหนวเสน วิหึสาปฏิสํยุตฺโต วา วิตกฺโก อุปฺปชฺชติ เจติ สมฺพนฺโธ. อธิวาเสตีติ ตํ ยถาวุตฺตํ กามวิตกฺกาทึ ยถาปจฺจยํ อตฺตโน จิตฺเต อุปฺปนฺนํ ‘‘อิติปายํ วิตกฺโก ปาปโก, อิติปิ อกุสโล, อิติปิ สาวชฺโช, โส จ โข อตฺตพฺยาพาธายปิ สํวตฺตตี’’ติอาทินา นเยน ปจฺจเวกฺขณาย อภาวโต อธิวาเสติ อตฺตโน จิตฺตํ อาโรเปตฺวา วาเสติ เจ. อธิวาเสนฺโตเยว จ นปฺปชหติ ตทงฺคาทิปฺปหานวเสน น ปฏินิสฺสชฺชติ, ตโต เอว น วิโนเทติ อตฺตโน จิตฺตสนฺตานโต น นุทติ น นีหรติ, ตถา อวิโนทนโต น พฺยนฺตีกโรติ น วิคตนฺตํ กโรติ. อาตาปี ปหิตตฺโต ยถา เตสํ อนฺโตปิ นาวสิสฺสติ อนฺตมโส ภงฺคมตฺตมฺปิ เอวํ กโรติ, อยํ ปน ตถา น กโรตีติ อตฺโถ. ตถาภูโตว น อนภาวํ คเมติ อนุ อนุ อภาวํ น คเมติ. น ปชหติ เจ, น วิโนเทติ เจติอาทินา เจ-สทฺทํ โยเชตฺวา อตฺโถ เวทิตพฺโพ.

จรนฺติ จรนฺโต. เอวํภูโตติ เอวํ กามวิตกฺกาทิปาปวิตกฺเกหิ สมงฺคีภูโต. อนาตาปี อโนตฺตาปีติ กิเลสานํ อาตาปนสฺส วีริยสฺส อภาเวน อนาตาปี, ปาปุตฺราสอาตาปนปริตาปนลกฺขณสฺส โอตฺตปฺปสฺส อภาเวน อโนตฺตาปี. สตตํ สมิตนฺติ สพฺพกาลํ นิรนฺตรํ. กุสีโต หีนวีริโยติ กุสเลหิ ธมฺเมหิ ปริหายิตฺวา อกุสลปกฺเข กุจฺฉิตํ สีทนโต โกสชฺชสมนฺนาคเมน จ กุสีโต, สมฺมปฺปธานวีริยาภาเวน หีนวีริโย วีริยวิรหิโตติ วุจฺจติ กถียติ. ิตสฺสาติ คมนํ อุปจฺฉินฺทิตฺวา ติฏฺโต. สยนอิริยาปถสฺส วิเสสโต โกสชฺชปกฺขิกตฺตา ยถา ตํสมงฺคิโน วิตกฺกา สมฺภวนฺติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ชาครสฺสา’’ติ วุตฺตํ.

สุกฺกปกฺเข ตฺเจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ นาธิวาเสตีติ อารทฺธวีริยสฺสาปิ วิหรโต อนาทิมติ สํสาเร จิรกาลภาวิเตน ตถารูปปฺปจฺจยสมาโยเคน สติสมฺโมเสน วา กามวิตกฺกาทิ อุปฺปชฺชติ เจ, ตํ ภิกฺขุ อตฺตโน จิตฺตํ อาโรเปตฺวา น วาเสติ เจ, อพฺภนฺตเร น วาเสติ เจติ อตฺโถ. อนธิวาเสนฺโต กึ กโรตีติ? ปชหติ ฉฑฺเฑติ. กึ กจวรํ วิย ปิฏเกน? น หิ, อปิจ โข ตํ วิโนเทติ นุทติ นีหรติ. กึ พลีพทฺทํ วิย ปโตเทน? น หิ, อถ โข นํ พฺยนฺตีกโรติ วิคตนฺตํ กโรติ. ยถา เตสํ อนฺโตปิ นาวสิสฺสติ อนฺตมโส ภงฺคมตฺตมฺปิ, ตถา เต กโรติ. กถํ ปน เต ตถา กโรติ? อนภาวํ คเมติ อนุ อนุ อภาวํ คเมติ, วิกฺขมฺภนปฺปหาเนน ยถา สุวิกฺขมฺภิตา โหนฺติ ตถา เน กโรตีติ วุตฺตํ โหติ.

เอวํภูโตติอาทีสุ เอวํ กามวิตกฺกาทีนํ อนธิวาสเนน สุวิสุทฺธาสโย สมาโน ตาย จ อาสยสมฺปตฺติยา ตนฺนิมิตฺตาย จ ปโยคสมฺปตฺติยา ปริสุทฺธสีโล อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร โภชเน มตฺตฺู สติสมฺปชฺเน สมนฺนาคโต ชาคริยํ อนุยุตฺโต ตทงฺคาทิวเสน กิเลสานํ อาตาปนลกฺขเณน วีริเยน สมนฺนาคตตฺตา อาตาปี, สพฺพโส ปาปุตฺราเสน สมนฺนาคตตฺตา. โอตฺตาปี สตตํ รตฺตินฺทิวํ, สมิตํ นิรนฺตรํ สมถวิปสฺสนาภาวนานุโยควเสน จตุพฺพิธสมฺมปฺปธานสิทฺธิยา, อารทฺธวีริโย ปหิตตฺโต นิพฺพานํ ปฏิเปสิตจิตฺโตติ วุจฺจติ กถียตีติ อตฺโถ. เสสํ วุตฺตนยเมว.

คาถาสุ เคหนิสฺสิตนฺติ เอตฺถ เคหวาสีหิ อปริจฺจตฺตตฺตา เคหวาสีนํ สภาวตฺตา เคหธมฺมตฺตา วา เคหํ วุจฺจติ วตฺถุกาโม. อถ วา เคหปฏิพทฺธภาวโต กิเลสกามานํ นิวาสฏฺานภาวโต ตํวตฺถุกตฺตา วา กามวิตกฺกาทิ เคหนิสฺสิตํ นาม. กุมฺมคฺคํ ปฏิปนฺโนติ ยสฺมา อริยมคฺคสฺส อุปฺปถภาวโต อภิชฺฌาทโย ตเทกฏฺธมฺมา จ กุมฺมคฺโค, ตสฺมา กามวิตกฺกาทิพหุโล ปุคฺคโล กุมฺมคฺคํ ปฏิปนฺโน นาม. โมหเนยฺเยสุ มุจฺฉิโตติ โมหสํวตฺตนิเยสุ รูปาทีสุ มุจฺฉิโต สมฺมตฺโต อชฺโฌปนฺโน. สมฺโพธินฺติ อริยมคฺคาณํ. ผุฏฺุนฺติ ผุสิตุํ ปตฺตุํ, โส ตาทิโส มิจฺฉาสงฺกปฺปโคจโร อภพฺโพ, น กทาจิ ตํ ปาปุณาตีติ อตฺโถ.

วิตกฺกํ สมยิตฺวานาติ ยถาวุตฺตํ มิจฺฉาวิตกฺกํ ปฏิสงฺขานภาวนาพเลหิ วูปสเมตฺวา. วิตกฺกูปสเม รโตติ นวนฺนมฺปิ มหาวิตกฺกานํ อจฺจนฺตวูปสมภูเต อรหตฺเต นิพฺพาเน เอว วา อชฺฌาสเยน รโต อภิรโต. ภพฺโพ โส ตาทิโสติ โส ยถาวุตฺโต สมฺมา ปฏิปชฺชมาโน ปุคฺคโล ปุพฺพภาเค สมถวิปสฺสนาพเลน สพฺพวิตกฺเก ยถารหํ ตทงฺคาทิวเสน วูปสเมตฺวา ิโต, วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา มคฺคปฏิปาฏิยา อรหตฺตมคฺคาณสงฺขาตํ นิพฺพานสงฺขาตฺจ อนุตฺตรํ สมฺโพธึ ผุฏฺุํ อธิคนฺตุํ ภพฺโพ สมตฺโถติ.

เอกาทสมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๒. สมฺปนฺนสีลสุตฺตวณฺณนา

๑๑๑. ทฺวาทสเม สมฺปนฺนสีลาติ เอตฺถ ติวิธํ สมฺปนฺนํ ปริปุณฺณสมงฺคีมธุรวเสน. เตสุ –

‘‘สมฺปนฺนํ สาลิเกทารํ, สุวา ภุฺชนฺติ โกสิย;

ปฏิเวเทมิ เต พฺรหฺเม, น เน วาเรตุมุสฺสเห’’ติ. (ชา. ๑.๑๔.๑) –

เอตฺถ ปริปุณฺณตฺโถ สมฺปนฺนสทฺโท. ‘‘อิมินา ปาติโมกฺขสํวเรน อุเปโต โหติ สมุเปโต อุปคโต สมุปคโต สมฺปนฺโน สมนฺนาคโต’’ติ (วิภ. ๕๑๑) เอตฺถ สมงฺคิภาวตฺโถ สมฺปนฺนสทฺโท. ‘‘อิมิสฺสา, ภนฺเต, มหาปถวิยา เหฏฺิมตลํ สมฺปนฺนํ – เสยฺยถาปิ ขุทฺทมธุํ อนีลกํ, เอวมสฺสาท’’นฺติ (ปารา. ๑๗) เอตฺถ มธุรตฺโถ สมฺปนฺนสทฺโท. อิธ ปน ปริปุณฺณตฺเถปิ สมงฺคิภาเวปิ วฏฺฏติ, ตสฺมา สมฺปนฺนสีลาติ ปริปุณฺณสีลา หุตฺวาติปิ, สีลสมงฺคิโน หุตฺวาติปิ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.

ตตฺถ ‘‘ปริปุณฺณสีลา’’ติ อิมินา อตฺเถน เขตฺตโทสวิคเมน เขตฺตปาริปูริ วิย ปริปุณฺณํ นาม โหติ. เตน วุตฺตํ ‘‘เขตฺตโทสวิคเมน เขตฺตปาริปูริ วิย สีลโทสวิคเมน สีลปาริปูริ วุตฺตา’’ติ. ‘‘สีลสมงฺคิโน’’ติ อิมินา ปน อตฺเถน สีเลน สมงฺคีภูตา สโมธานคตา สมนฺนาคตา หุตฺวา วิหรถาติ วุตฺตํ โหติ. ตตฺถ ทฺวีหิ การเณหิ สมฺปนฺนสีลตา โหติ สีลวิปตฺติยา อาทีนวทสฺสเนน, สีลสมฺปตฺติยา อานิสํสทสฺสเนน จ. ตทุภยมฺปิ วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๒๐-๒๑) วุตฺตนเยน เวทิตพฺพํ. ตตฺถ ‘‘สมฺปนฺนสีลา’’ติ เอตฺตาวตา กิร ภควา จตุปาริสุทฺธิสีลํ อุทฺทิสิตฺวา ‘‘ปาติโมกฺขสํวรสํวุตา’’ติ อิมินา เชฏฺกสีลํ ทสฺเสตีติอาทินา เอตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตเมว. กิมสฺส อุตฺตริ กรณียนฺติ เอวํ สมฺปนฺนสีลานํ วิหรตํ ตุมฺหากํ กินฺติ สิยา อุตฺตริ กาตพฺพํ, ปฏิปชฺชิตพฺพนฺติ เจติ อตฺโถ.

เอวํ ‘‘สมฺปนฺนสีลา, ภิกฺขเว, วิหรถา’’ติอาทินา สมฺปาทนูปาเยน สทฺธึ สีลสมฺปทาย ภิกฺขู นิโยเชนฺโต อเนกปุคฺคลาธิฏฺานํ กตฺวา เทสนํ อารภิตฺวา อิทานิ ยสฺมา เอกปุคฺคลาธิฏฺานวเสน ปวตฺติตาปิ ภควโต เทสนา อเนกปุคฺคลาธิฏฺานาว โหติ สพฺพสาธารณตฺตา, ตสฺมา ตํ เอกปุคฺคลาธิฏฺานวเสน ทสฺเสนฺโต ‘‘จรโต เจปิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน’’ติอาทิมาห.

ตตฺถ อภิชฺฌายติ เอตายาติ อภิชฺฌา, ปรภณฺฑาภิชฺฌายนลกฺขณสฺส โลภสฺเสตํ อธิวจนํ. พฺยาปชฺชติ ปูติภวติ จิตฺตํ เอเตนาติ พฺยาปาโท, ‘‘อนตฺถํ เม อจรี’’ติอาทินยปฺปวตฺตสฺส เอกูนวีสติอาฆาตวตฺถุวิสยสฺส โทสสฺเสตํ อธิวจนํ. อุภินฺนมฺปิ ‘‘ตตฺถ กตโม กามจฺฉนฺโท? โย กาเมสุ กามจฺฉนฺโท กามสฺเนโห กามปิปาสา กามปริฬาโห กามมุจฺฉา กามชฺโฌสาน’’นฺติ (ธ. ส. ๑๑๕๙), ตถา ‘‘โลโภ ลุพฺภนา ลุพฺภิตตฺตํ สาราโค สารชฺชนา สารชฺชิตตฺตํ อภิชฺฌา โลโภ อกุสลมูล’’นฺติอาทินา (ธ. ส. ๓๙๑), ‘‘โทโส ทุสฺสนา ทุสฺสิตตฺตํ พฺยาปตฺติ พฺยาปชฺชนา พฺยาปชฺชิตตฺตํ วิโรโธ ปฏิวิโรโธ จณฺฑิกฺกํ อสุโรโป อนตฺตมนตา จิตฺตสฺสา’’ติอาทินา (ธ. ส. ๔๑๘, ๑๒๓๗) จ วิตฺถาโร เวทิตพฺโพ. วิคโต โหตีติ อยฺจ อภิชฺฌา, อยฺจ พฺยาปาโท วิคโต โหติ อปคโต, ปหีโน โหตีติ อตฺโถ. เอตฺตาวตา กามจฺฉนฺทนีวรณสฺส จ พฺยาปาทนีวรณสฺส จ ปหานํ ทสฺสิตํ โหติ.

ถินมิทฺธนฺติ ถินฺเจว มิทฺธฺจ. เตสุ จิตฺตสฺส อกมฺมฺตา ถินํ, อาลสิยสฺเสตํ อธิวจนํ, เวทนาทีนํ ติณฺณํ ขนฺธานํ อกมฺมฺตา มิทฺธํ, ปจลายิกภาวสฺเสตํ อธิวจนํ. อุภินฺนมฺปิ ‘‘ตตฺถ กตมํ ถินํ? ยา จิตฺตสฺส อกลฺลตา อกมฺมฺตา โอลียนา สลฺลียนา. ตตฺถ กตมํ มิทฺธํ? ยา กายสฺส อกลฺลตา อกมฺมฺตา โอนาโห ปริโยนาโห’’ติอาทินา (ธ. ส. ๑๑๖๒-๑๑๖๓) นเยน วิตฺถาโร เวทิตพฺโพ.

อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจนฺติ อุทฺธจฺจฺเจว กุกฺกุจฺจฺจ. ตตฺถ อุทฺธจฺจํ นาม จิตฺตสฺส อุทฺธตากาโร, กุกฺกุจฺจํ นาม อกตกลฺยาณสฺส กตปาปสฺส ตปฺปจฺจยา วิปฺปฏิสาโร. อุภินฺนมฺปิ ‘‘ตตฺถ กตมํ อุทฺธจฺจํ? ยํ จิตฺตสฺส อุทฺธจฺจํ อวูปสโม เจตโส วิกฺเขโป ภนฺตตฺตํ จิตฺตสฺสา’’ติอาทินา (ธ. ส. ๑๑๖๕) วิตฺถาโร. ‘‘อกตํ วต เม กลฺยาณํ, อกตํ กุสลํ, อกตํ ภีรุตฺตานํ; กตํ ปาปํ, กตํ ลุทฺทํ, กตํ กิพฺพิส’’นฺติอาทินา (ม. นิ. ๓.๒๔๘; เนตฺติ. ๑๒๐) ปวตฺติอากาโร เวทิตพฺโพ.

วิจิกิจฺฉาติ พุทฺธาทีสุ สํสโย. ตสฺสา ‘‘สตฺถริ กงฺขติ วิจิกิจฺฉติ, นาธิมุจฺจติ น สมฺปสีทตี’’ติอาทินา (วิภ. ๙๑๕), ‘‘ตตฺถ กตมา วิจิกิจฺฉา? ยา กงฺขา กงฺขายนา กงฺขายิตตฺตํ วิมติ วิจิกิจฺฉา ทฺเวฬฺหกํ ทฺเวธาปโถ สํสโย อเนกํสคฺคาโห อาสปฺปนา ปริสปฺปนา อปริโยคาหนา ฉมฺภิตตฺตํ จิตฺตสฺส มโนวิเลโข’’ติอาทินา (ธ. ส. ๑๐๐๘) จ นเยน วิตฺถาโร เวทิตพฺโพ.

เอตฺถ จ อภิชฺฌาพฺยาปาทาทีนํ วิคมวเสน จ ปหานวเสน จ เตสํ วิกฺขมฺภนเมว เวทิตพฺพํ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –

‘‘โส อภิชฺฌํ โลเก ปหาย วิคตาภิชฺเฌน เจตสา วิหรติ, อภิชฺฌาย จิตฺตํ ปริโสเธติ. พฺยาปาทปโทสํ ปหาย อพฺยาปนฺนจิตฺโต วิหรติ, พฺยาปาทปโทสา จิตฺตํ ปริโสเธติ. ถินมิทฺธํ ปหาย วิคตถินมิทฺโธ วิหรติ อาโลกสฺี สโต สมฺปชาโน, ถินมิทฺธา จิตฺตํ ปริโสเธติ. อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ ปหาย อนุทฺธโต วิหรติ อชฺฌตฺตํ อุปสนฺตจิตฺโต อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจา จิตฺตํ ปริโสเธติ. วิจิกิจฺฉํ ปหาย ติณฺณวิจิกิจฺโฉ วิหรติ อกถํกถี กุสเลสุ ธมฺเมสุ, วิจิกิจฺฉาย จิตฺตํ ปริโสเธตี’’ติ (วิภ. ๕๐๘).

ตตฺถ ยถา นีวรณานํ ปหานํ โหติ, ตํ เวทิตพฺพํ. กถฺจ เนสํ ปหานํ โหติ? กามจฺฉนฺทสฺส ตาว อสุภนิมิตฺเต โยนิโสมนสิกาเรน ปหานํ โหติ, สุภนิมิตฺเต อโยนิโสมนสิกาเรนสฺส อุปฺปตฺติ. เตนาห ภควา –

‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, สุภนิมิตฺตํ. ตตฺถ อโยนิโสมนสิการพหุลีกาโร อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา กามจฺฉนฺทสฺส อุปฺปาทาย, อุปฺปนฺนสฺส วา กามจฺฉนฺทสฺส ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลายา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒).

เอวํ สุภนิมิตฺเต อโยนิโสมนสิกาเรน อุปฺปชฺชนฺตสฺส กามจฺฉนฺทสฺส ตปฺปฏิปกฺขโต อสุภนิมิตฺเต โยนิโสมนสิกาเรน ปหานํ โหติ. ตตฺถ อสุภนิมิตฺตํ นาม อสุภมฺปิ อสุภารมฺมณมฺปิ, โยนิโสมนสิกาโร นาม อุปายมนสิกาโร, ปถมนสิกาโร, อนิจฺเจ อนิจฺจนฺติ วา, ทุกฺเข ทุกฺขนฺติ วา, อนตฺตนิ อนตฺตาติ วา, อสุเภ อสุภนฺติ วา มนสิกาโร. ตํ ตตฺถ พหุลํ ปวตฺตยโต กามจฺฉนฺโท ปหียติ. เตนาห ภควา –

‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อสุภนิมิตฺตํ. ตตฺถ โยนิโสมนสิการพหุลีกาโร – อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา กามจฺฉนฺทสฺส อนุปฺปาทาย, อุปฺปนฺนสฺส วา กามจฺฉนฺทสฺส ปหานายา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒).

อปิจ ฉ ธมฺมา กามจฺฉนฺทสฺส ปหานาย สํวตฺตนฺติ – อสุภนิมิตฺตสฺส อุคฺคโห, อสุภภาวนานุโยโค, อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารตา, โภชเน มตฺตฺุตา, กลฺยาณมิตฺตตา, สปฺปายกถาติ. ทสวิธฺหิ อสุภนิมิตฺตํ อุคฺคณฺหนฺตสฺสปิ กามจฺฉนฺโท ปหียติ, ภาเวนฺตสฺสปิ, อินฺทฺริเยสุ ปิหิตทฺวารสฺสปิ จตุนฺนํ ปฺจนฺนํ อาโลปานํ โอกาเส สติ อุทกํ ปิวิตฺวา ยาปนสีลตาย โภชเน มตฺตฺุโนปิ. เตน วุตฺตํ –

‘‘จตฺตาโร ปฺจ อาโลเป, อภุตฺวา อุทกํ ปิเว;

อลํ ผาสุวิหาราย, ปหิตตฺตสฺส ภิกฺขุโน’’ติ. (เถรคา. ๙๘๓);

อสุภกมฺมิกติสฺสตฺเถรสทิเส กลฺยาณมิตฺเต เสวนฺตสฺสปิ กามจฺฉนฺโท ปหียติ, านนิสชฺชาทีสุ ทสอสุภนิสฺสิตสปฺปายกถายปิ ปหียติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ฉ ธมฺมา กามจฺฉนฺทสฺส ปหานาย สํวตฺตนฺตี’’ติ.

ปฏิฆนิมิตฺเต อาโยนิโสมนสิกาเรน พฺยาปาทสฺส อุปฺปาโท โหติ. ตตฺถ ปฏิฆมฺปิ ปฏิฆนิมิตฺตํ, ปฏิฆารมฺมณมฺปิ ปฏิฆนิมิตฺตํ. อโยนิโสมนสิกาโร สพฺพตฺถ เอกลกฺขโณ เอว. ตํ ตสฺมึ นิมิตฺเต พหุลํ ปวตฺตยโต พฺยาปาโท อุปฺปชฺชติ. เตนาห ภควา –

‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, ปฏิฆนิมิตฺตํ. ตตฺถ อโยนิโสมนสิการพหุลีกาโร – อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา พฺยาปาทสฺส อุปฺปาทาย, อุปฺปนฺนสฺส วา พฺยาปาทสฺส ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลายา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒).

เมตฺตาย ปน เจโตวิมุตฺติยา โยนิโสมนสิกาเรนสฺส ปหานํ โหติ. ตตฺถ ‘‘เมตฺตา’’ติ วุตฺเต อปฺปนาปิ อุปจาโรปิ วฏฺฏติ, ‘‘เจโตวิมุตฺตี’’ติ ปน อปฺปนาว. โยนิโสมนสิกาโร วุตฺตลกฺขโณว. ตํ ตตฺถ พหุลํ ปวตฺตยโต พฺยาปาโท ปหียติ. เตนาห ภควา –

‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, เมตฺตาเจโตวิมุตฺติ. ตตฺถ โยนิโสมนสิการพหุลีกาโร อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา พฺยาปาทสฺส อนุปฺปาทาย อุปฺปนฺนสฺส วา พฺยาปาทสฺส ปหานายา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒).

อปิจ ฉ ธมฺมา พฺยาปาทสฺส ปหานาย สํวตฺตนฺติ – เมตฺตานิมิตฺตสฺส อุคฺคโห, เมตฺตาภาวนา, กมฺมสฺสกตาปจฺจเวกฺขณา, ปฏิสงฺขานพหุลตา, กลฺยาณมิตฺตตา, สปฺปายกถาติ. โอธิสกาโนธิสกทิสาผรณานฺหิ อฺตรวเสน เมตฺตํ อุคฺคณฺหนฺตสฺสปิ พฺยาปาโท ปหียติ, โอธิโส อโนธิโส ทิสาผรณวเสน เมตฺตํ ภาเวนฺตสฺสปิ พฺยาปาโท ปหียติ, ‘‘ตฺวํ เอตสฺส กุทฺโธ กึ กริสฺสสิ, กิมสฺส สีลาทีนิ วินาเสตุํ สกฺขิสฺสสิ นนุ ตฺวํ อตฺตโน กมฺเมน อาคนฺตฺวา อตฺตโน กมฺเมเนว คมิสฺสสิ, ปรสฺส กุชฺฌนํ นาม วีตจฺจิกงฺคารตตฺตอยสลากคูถาทีนิ คเหตฺวา ปรํ ปหริตุกามตา วิย โหติ. เอโสปิ ตว กุทฺโธ กึ กริสฺสติ, กึ เต สีลาทีนิ วินาเสตุํ สกฺขิสฺสติ เอส อตฺตโน กมฺเมน อาคนฺตฺวา อตฺตโน กมฺเมเนว คมิสฺสติ, อปฺปฏิจฺฉิตปเหณกํ วิย, ปฏิวาตํ ขิตฺตรโชมุฏฺิ วิย จ เอตสฺเสว เอส โกโธ มตฺถเก ปติสฺสตี’’ติ เอวํ อตฺตโน จ ปรสฺส จาติ อุภเยสํ กมฺมสฺสกตํ ปจฺจเวกฺขโตปิ, ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปฏิสงฺขาเน ิตสฺสปิ, อสฺสคุตฺตตฺเถรสทิเส เมตฺตาภาวนารเต กลฺยาณมิตฺเต เสวนฺตสฺสาปิ พฺยาปาโท ปหียติ, านนิสชฺชาทีสุ เมตฺตานิสฺสิตสปฺปายกถายปิ ปหียติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ฉ ธมฺมา พฺยาปาทสฺส ปหานาย สํวตฺตนฺตี’’ติ.

อรติอาทีสุ อโยนิโสมนสิกาเรน ถินมิทฺธสฺส อุปฺปาโท โหติ. อรติ นาม อุกฺกณฺิตตา, ตนฺที นาม กายาลสิยํ, วิชมฺภิตา นาม กายวินมนา, ภตฺตสมฺมโท นาม ภตฺตมุจฺฉา ภตฺตปริฬาโห, เจตโส ลีนตฺตํ นาม จิตฺตสฺส ลีนากาโร. อิเมสุ อรติอาทีสุ อโยนิโสมนสิการํ พหุลํ ปวตฺตยโต ถินมิทฺธํ อุปฺปชฺชติ. เตนาห ภควา –

‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อรติ ตนฺที วิชมฺภิตา ภตฺตสมฺมโท เจตโส ลีนตฺตํ. ตตฺถ อโยนิโสมนสิการพหุลีกาโร – อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา ถินมิทฺธสฺส อุปฺปาทาย, อุปฺปนฺนสฺส วา ถินมิทฺธสฺส ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลายา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒).

อารมฺภธาตุอาทีสุ ปน โยนิโสมนสิกาเรน ถินมิทฺธสฺส ปหานํ โหติ. อารมฺภธาตุ นาม ปมารมฺภวีริยํ, นิกฺกมธาตุ นาม โกสชฺชโต นิกฺขนฺตตาย ตโต พลวตรํ, ปรกฺกมธาตุ นาม ปรํ ปรํ านํ อกฺกมนโต ตโตปิ พลวตรํ. อิมสฺมึ ติปฺปเภเท วีริเย โยนิโสมนสิการํ พหุลํ ปวตฺตยโต ถินมิทฺธํ ปหียติ. เตนาห –

‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อารมฺภธาตุ, นิกฺกมธาตุ, ปรกฺกมธาตุ. ตตฺถ โยนิโสมนสิการพหุลีกาโร – อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา ถินมิทฺธสฺส อนุปฺปาทาย, อุปฺปนฺนสฺส วา ถินมิทฺธสฺส ปหานายา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒).

อปิจ ฉ ธมฺมา ถินมิทฺธสฺส ปหานาย สํวตฺตนฺติ, อติโภชเน นิมิตฺตคฺคาโห – อิริยาปถสมฺปริวตฺตนตา, อาโลกสฺามนสิกาโร, อพฺโภกาสวาโส, กลฺยาณมิตฺตตา, สปฺปายกถาติ. อาหรหตฺถกภุตฺตวมิตกตตฺถวฏฺฏกอลํสาฏกกากมาสกโภชนํ ภุฺชิตฺวา รตฺติฏฺานทิวาฏฺาเน นิสินฺนสฺส หิ สมณธมฺมํ กโรโต ถินมิทฺธํ มหาหตฺถี วิย โอตฺถรนฺตํ อาคจฺฉติ, จตุปฺจอาโลปโอกาสํ ปน เปตฺวา ปานียํ ปิวิตฺวา ยาปนสีลสฺส ภิกฺขุโน ตํ น โหติ. เอวํ อติโภชเน นิมิตฺตํ คณฺหนฺตสฺสปิ ถินมิทฺธํ ปหียติ. ยสฺมึ อิริยาปเถ ถินมิทฺธํ โอกฺกมติ, ตโต อฺํ ปริวตฺเตนฺตสฺสปิ, รตฺตึ จนฺทาโลกํ ทีปาโลกํ อุกฺกาโลกํ ทิวา สูริยาโลกํ มนสิกโรนฺตสฺสปิ, อพฺโภกาเส วสนฺตสฺสปิ มหากสฺสปตฺเถรสทิเส วิคตถินมิทฺเธ กลฺยาณมิตฺเต เสวนฺตสฺสปิ ถินมิทฺธํ ปหียติ, านนิสชฺชาทีสุ ธุตงฺคนิสฺสิตสปฺปายกถายปิ ปหียติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ฉ ธมฺมา ถินมิทฺธสฺส ปหานาย สํวตฺตนฺตี’’ติ.

เจตโส อวูปสเม อโยนิโสมนสิกาเรน อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส อุปฺปาโท โหติ. อวูปสโม นาม อวูปสนฺตากาโร, อตฺถโต ตํ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจเมว. ตตฺถ อโยนิโสมนสิการํ พหุลํ ปวตฺตยโต อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ อุปฺปชฺชติ. เตนาห –

‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, เจตโส อวูปสโม. ตตฺถ อโยนิโสมนสิการพหุลีกาโร – อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส อุปฺปาทาย, อุปฺปนฺนสฺส วา อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลายา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒).

สมาธิสงฺขาเต ปน เจตโส วูปสเม โยนิโสมนสิกาเรนสฺส ปหานํ โหติ. เตนาห –

‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, เจตโส วูปสโม. ตตฺถ โยนิโสมนสิการพหุลีกาโร – อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส อนุปฺปาทาย, อุปฺปนฺนสฺส วา อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส ปหานายา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒).

อปิจ ฉ ธมฺมา อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส ปหานาย สํวตฺตนฺติ – พหุสฺสุตตา, ปริปุจฺฉกตา, วินเย ปกตฺุตา, วุฑฺฒเสวิตา, กลฺยาณมิตฺตตา, สปฺปายกถาติ. พาหุสจฺเจนปิ หิ เอกํ วา ทฺเว วา ตโย วา จตฺตาโร วา ปฺจ วา นิกาเย ปาฬิวเสน จ อตฺถวเสน จ อุคฺคณฺหนฺตสฺสปิ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ ปหียติ, กปฺปิยากปฺปิยปริปุจฺฉาพหุลสฺสปิ, วินยปฺตฺติยํ จิณฺณวสีภาวตาย ปกตฺุโนปิ, วุฑฺเฒ มหลฺลกตฺเถเร อุปสงฺกมนฺตสฺสปิ, อุปาลิตฺเถรสทิเส วินยธเร กลฺยาณมิตฺเต เสวนฺตสฺสปิ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ ปหียติ, านนิสชฺชาทีสุ กปฺปิยากปฺปิยนิสฺสิตสปฺปายกถายปิ ปหียติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ฉ ธมฺมา อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส ปหานาย สํวตฺตนฺตี’’ติ.

วิจิกิจฺฉาฏฺานิเยสุ ธมฺเมสุ อโยนิโสมนสิกาเรน วิจิกิจฺฉาย อุปฺปาโท โหติ. วิจิกิจฺฉาฏฺานิยา ธมฺมา นาม ปุนปฺปุนํ วิจิกิจฺฉาย การณตฺตา วิจิกิจฺฉาว. ตตฺถ อโยนิโสมนสิการํ พหุลํ ปวตฺตยโต วิจิกิจฺฉา อุปฺปชฺชติ. เตนาห –

‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, วิจิกิจฺฉาฏฺานิยา ธมฺมา. ตตฺถ อโยนิโสมนสิการพหุลีกาโร – อยมาหาโร อนุปฺปนฺนาย วา วิจิกิจฺฉาย อุปฺปาทาย, อุปฺปนฺนาย วา วิจิกิจฺฉาย ภิยฺโยภาวาย เวปุลฺลายา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒).

กุสลาทิธมฺเมสุ ปน โยนิโสมนสิกาเรน วิจิกิจฺฉาย ปหานํ โหติ. เตนาห –

‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, กุสลากุสลา ธมฺมา, สาวชฺชานวชฺชา ธมฺมา, เสวิตพฺพาเสวิตพฺพา ธมฺมา, หีนปณีตา ธมฺมา, กณฺหสุกฺกสปฺปฏิภาคา ธมฺมา. ตตฺถ โยนิโสมนสิการพหุลีกาโร อยมาหาโร อนุปฺปนฺนาย วา วิจิกิจฺฉาย อนุปฺปาทาย, อุปฺปนฺนาย วา วิจิกิจฺฉาย ปหานายา’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒).

อปิจ ฉ ธมฺมา วิจิกิจฺฉาย ปหานาย สํวตฺตนฺติ พหุสฺสุตตา, ปริปุจฺฉกตา, วินเย ปกตฺุตา, อธิโมกฺขพหุลตา, กลฺยาณมิตฺตตา, สปฺปายกถาติ. พาหุสจฺจวเสนปิ หิ เอกํ วา…เป… ปฺจ วา นิกาเย ปาฬิวเสน จ อตฺถวเสน จ อุคฺคณฺหนฺตสฺสปิ วิจิกิจฺฉา ปหียติ, ตีณิ รตนานิ อารพฺภ กุสลาทิเภเทสุ ธมฺเมสุ ปริปุจฺฉาพหุลสฺสปิ, วินเย จิณฺณวสีภาวสฺสปิ, ตีสุ รตเนสุ โอกปฺปนีย, สทฺธาสงฺขาต, อธิโมกฺขพหุลสฺสปิ, สทฺธาธิมุตฺเต วกฺกลิตฺเถรสทิเส กลฺยาณมิตฺเต เสวนฺตสฺสปิ วิจิกิจฺฉา ปหียติ, านนิสชฺชาทีสุ ติณฺณํ รตนานํ คุณนิสฺสิตสปฺปายกถายปิ ปหียติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ฉ ธมฺมา วิจิกิจฺฉาย ปหานาย สํวตฺตนฺตี’’ติ.

เอตฺถ จ ยถาวุตฺเตหิ เตหิ เตหิ ธมฺเมหิ วิกฺขมฺภนวเสน ปหีนานํ อิเมสํ นีวรณานํ กามจฺฉนฺทนีวรณสฺส ตาว อรหตฺตมคฺเคน อจฺจนฺตปฺปหานํ โหติ, ตถา ถินมิทฺธนีวรณสฺส อุทฺธจฺจนีวรณสฺส จ. พฺยาปาทนีวรณสฺส ปน กุกฺกุจฺจนีวรณสฺส จ อนาคามิมคฺเคน, วิจิกิจฺฉานีวรณสฺส โสตาปตฺติมคฺเคน อจฺจนฺตปฺปหานํ โหติ. ตสฺมา เตสํ ตถา ปหานาย อุปการธมฺเม ทสฺเสตุํ ‘‘อารทฺธํ โหติ วีริย’’นฺติอาทิ อารทฺธํ. อิทเมว วา ยถาวุตฺตํ อภิชฺฌาทีนํ นีวรณานํ ปหานํ, ยสฺมา หีนวีริยตาย กุสีเตน, อนุปฏฺิตสฺสติตาย มุฏฺสฺสตินา, อปฏิปฺปสฺสทฺธทรถตาย สารทฺธกาเยน, อสมาหิตตาย วิกฺขิตฺตจิตฺเตน น กทาจิปิ เต สกฺกา นิพฺพตฺเตตุํ, ปเคว อิตรํ, ตสฺมา ยถา ปฏิปนฺนสฺส โส อภิชฺฌาทีนํ วิคโม ปหานํ สมฺภวติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อารทฺธํ โหติ วีริย’’นฺติอาทิ อารทฺธํ. ตสฺสตฺโถ – เตสํ นีวรณานํ ปหานาย สพฺเพสมฺปิ วา สํกิเลสธมฺมานํ สมุจฺฉินฺทนตฺถาย วีริยํ อารทฺธํ โหติ, ปคฺคหิตํ อสิถิลปฺปวตฺตนฺติ วุตฺตํ โหติ. อารทฺธตฺตา เอว จ อนฺตรา สงฺโกจสฺส อนาปชฺชนโต อสลฺลีนํ.

อุปฏฺิตา สติ อสมฺมุฏฺาติ น เกวลฺจ วีริยเมว, สติปิ อารมฺมณาภิมุขภาเวน อุปฏฺิตา โหติ, ตถา อุปฏฺิตตฺตา เอว จ จิรกตจิรภาสิตานํ สรณสมตฺถตาย อสมฺมุฏฺา. ปสฺสทฺโธติ กายจิตฺตทรถปฺปสฺสมฺภเนน กาโยปิสฺส ปสฺสทฺโธ โหติ. ตตฺถ ยสฺมา นามกาเย ปสฺสทฺเธ รูปกาโยปิสฺส ปสฺสทฺโธ เอว โหติ, ตสฺมา ‘‘นามกาโย รูปกาโย’’ติ อวิเสเสตฺวา ‘‘ปสฺสทฺโธ กาโย’’ติ วุตฺตํ. อสารทฺโธติ โส จ ปสฺสทฺธตฺตา เอว อสารทฺโธ, วิคตทรโถติ วุตฺตํ โหติ. สมาหิตํ จิตฺตํ เอกคฺคนฺติ จิตฺตมฺปิสฺส สมฺมา อาหิตํ สุฏฺุ ปิตํ อปฺปิตํ วิย โหติ, สมาหิตตฺตา เอว จ เอกคฺคํ อจลํ นิปฺผนฺทนํ นิริฺชนนฺติ.

เอตฺตาวตา ฌานมคฺคานํ ปุพฺพภาคปฏิปทา กถิตา. เตเนวาห –

‘‘จรมฺปิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เอวํภูโต อาตาปี โอตฺตาปี สตตํ สมิตํ อารทฺธวีริโย ปหิตตฺโตติ วุจฺจตี’’ติ (อิติวุ. ๑๑๐).

ตสฺสตฺโถ เหฏฺา วุตฺโต เอว.

คาถาสุ ยตํ จเรติ ยตมาโน จเรยฺย, จงฺกมนาทิวเสน คมนํ กปฺเปนฺโตปิ ‘‘อนุปฺปนฺนานํ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ อนุปฺปาทาย ฉนฺทํ ชเนติ วายมตี’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๕.๖๕๑-๖๖๒; วิภ. ๓๙๐) นเยน วุตฺตสมฺมปฺปธานวีริยวเสน ยตนฺโต ฆเฏนฺโต วายมนฺโต ยถา อกุสลา ธมฺมา ปหียนฺติ, กุสลา ธมฺมา ภาวนาปาริปูรึ คจฺฉนฺติ, เอวํ คมนํ กปฺเปยฺยาติ อตฺโถ. เอส นโย เสเสสุปิ. เกจิ ปน ‘‘ยต’’นฺติ เอตสฺส สํยโตติ อตฺถํ วทนฺติ. ติฏฺเติ ติฏฺเยฺย านํ กปฺเปยฺย. อจฺเฉติ นิสีเทยฺย. สเยติ นิปชฺเชยฺย. ยตเมนํ ปสารเยติ เอตํ ปสาเรตพฺพํ หตฺถปาทาทึ ยตํ ยตมาโน ยถาวุตฺตวีริยสมงฺคีเยว หุตฺวา ปสาเรยฺย, สพฺพตฺถ ปมาทํ วิชเหยฺยาติ อธิปฺปาโย.

อิทานิ ยถา ปฏิปชฺชนฺโต ยตํ ยตมาโน นาม โหติ, ตํ ปฏิปทํ ทสฺเสตุํ ‘‘อุทฺธ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อุทฺธนฺติ อุปริ. ติริยนฺติ ติริยโต, ปุรตฺถิมทิสาทิวเสน สมนฺตโต ทิสาภาเคสูติ อตฺโถ. อปาจีนนฺติ เหฏฺา. ยาวตา ชคโต คตีติ ยตฺตกา สตฺตสงฺขารเภทสฺส โลกสฺส ปวตฺติ, ตตฺถ สพฺพตฺถาติ อตฺโถ. เอตฺตาวตา อนวเสสโต สมฺมสนาณสฺส วิสยํ สงฺคเหตฺวา ทสฺเสติ. สมเวกฺขิตาติ สมฺมา เหตุนา าเยน อเวกฺขิตา, อนิจฺจาทิวเสน วิปสฺสโกติ วุตฺตํ โหติ. ธมฺมานนฺติ สตฺตสุฺานํ. ขนฺธานนฺติ รูปาทีนํ ปฺจนฺนํ ขนฺธานํ. อุทยพฺพยนฺติ อุทยฺจ วยฺจ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อุปริ ติริยํ อโธติ ติสงฺคเห สพฺพสฺมึ โลเก อตีตาทิเภทภินฺนานํ ปฺจุปาทานกฺขนฺธสงฺขาตานํ สพฺเพสํ รูปารูปธมฺมานํ อนิจฺจตาทิสมฺมสนาธิคเตน อุทยพฺพยาเณน ปฺจวีสติยา อากาเรหิ อุทยํ, ปฺจวีสติยา อากาเรหิ วยฺจ สมเวกฺขิตา สมนุปสฺสิตา ภเวยฺยาติ.

เจโตสมถสามีจินฺติ จิตฺตสํกิเลสานํ อจฺจนฺตวูปสมนโต เจโตสมถสงฺขาตสฺส อริยมคฺคสฺส อนุจฺฉวิกปฏิปทํ าณทสฺสนวิสุทฺธึ. สิกฺขมานนฺติ ปฏิปชฺชมานํ ภาเวนฺตํ าณปรมฺปรํ นิพฺพตฺเตนฺตํ. สทาติ สพฺพกาลํ, รตฺติฺเจว ทิวา จ. สตนฺติ จตุสมฺปชฺเน สมนฺนาคตาย สติยา สโตการึ. สตตํ ปหิตตฺโตติ สพฺพกาลํ ปหิตตฺโต นิพฺพานํ ปฏิเปสิตตฺโตติ ตถาวิธํ ภิกฺขุํ พุทฺธาทโย อริยา อาหุ อาจิกฺขนฺติ กเถนฺติ. เสสํ วุตฺตนยเมว.

ทฺวาทสมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๓. โลกสุตฺตวณฺณนา

๑๑๒. เตรสเม โลโกติ ลุชฺชนปลุชฺชนฏฺเน โลโก, อตฺถโต ปุริมํ อริยสจฺจทฺวยํ อิธ ปน ทุกฺขํ อริยสจฺจํ เวทิตพฺพํ. สฺวายํ สตฺตโลโก, สงฺขารโลโก, โอกาสโลโกติ วิภาคโต สรูปโต จ เหฏฺา วุตฺโตเยว. อปิจ ขนฺธโลกาทิวเสน จ อเนกวิโธ โลโก. ยถาห –

‘‘โลโกติ ขนฺธโลโก, ธาตุโลโก, อายตนโลโก, วิปตฺติภวโลโก, วิปตฺติสมฺภวโลโก, สมฺปตฺติภวโลโก, สมฺปตฺติสมฺภวโลโก, เอโก โลโก สพฺเพ สตฺตา อหารฏฺิติกา, ทฺเว โลกา นามฺจ รูปฺจ, ตโย โลกา ติสฺโส เวทนา, จตฺตาโร โลกา จตฺตาโร อาหารา, ปฺจ โลกา ปฺจุปาทานกฺขนฺธา, ฉ โลกา ฉ อชฺฌตฺติกานิ อายตนานิ, สตฺต โลกา สตฺต วิฺาณฏฺิติโย, อฏฺ โลกา อฏฺ โลกธมฺมา, นว โลกา นว สตฺตาวาสา, ทส โลกา ทสายตนานิ, ทฺวาทส โลกา ทฺวาทสายตนานิ, อฏฺารส โลกา อฏฺารส ธาตุโย’’ติ (มหานิ. ๓; จูฬนิ. อชิตมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๒).

เอวมเนกธา วิภตฺโตปิ โลโก ปฺจสุ อุปาทานกฺขนฺเธสุ เอว สงฺคหํ สโมสรณํ คจฺฉติ, อุปาทานกฺขนฺธา จ ทุกฺขํ อริยสจฺจํ ชาติปิ ทุกฺขา …เป… สํขิตฺเตน ปฺจุปาทานกฺขนฺธาปิ ทุกฺขาติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อตฺถโต ปุริมํ อริยสจฺจทฺวยํ, อิธ ปน ทุกฺขํ อริยสจฺจํ เวทิตพฺพ’’นฺติ. นนุ จ ลุชฺชนปลุชฺชนฏฺโ อวิเสเสน ปฺจสุ ขนฺเธสุ สมฺภวตีติ? สจฺจํ สมฺภวติ. ยํ ปน น ลุชฺชตีติ คหิตํ, ตํ ตถา น โหติ, เอกํเสเนว ลุชฺชติ ปลุชฺชตีติ โส โลโกติ อุปาทานกฺขนฺเธสฺเวว โลกสทฺโท นิรูฬฺโหติ เวทิตพฺโพ. ตสฺมา โลโกติ ทุกฺขํ อริยสจฺจํ เอว.

ยทิปิ ตถาคต-สทฺทสฺส เหฏฺา ตถาคตสุตฺเต นานานเยหิ วิตฺถารโต อตฺโถ วิภตฺโต, ตถาปิ ปาฬิยา อตฺถสํวณฺณนามุเขน อยมตฺถวิภาวนา – อภิสมฺพุทฺโธติ ‘‘อภิฺเยฺยโต ปริฺเยฺยโต’’ติ ปุพฺเพ วุตฺตวิภาเคน วา อวิเสสโต ตาว อาสยานุสยจริยาธิมุตฺติอาทิเภทโต กุสลากุสลาทิวิภาคโต วฏฺฏปฺปมาณสณฺานาทิเภทโต, วิเสสโต วา ปน ‘‘อยํ สสฺสตาสโย, อยํ อุจฺเฉทาสโย’’ติอาทินา ‘‘กกฺขฬลกฺขณา ปถวีธาตุ, ปคฺฆรณลกฺขณา อาโปธาตู’’ติอาทินา จ อภิวิสิฏฺเน สยมฺภุาเณน สมฺมา อวิปรีตํ โย โย อตฺโถ ยถา ยถา พุชฺฌิตพฺโพ, ตถา ตถา พุทฺโธ าโต อตฺตปจฺจกฺโข กโตติ อภิสมฺพุทฺโธ.

โลกสฺมาติ ยถาวุตฺตโลกโต. วิสํยุตฺโตติ วิสํสฏฺโ, ตปฺปฏิพทฺธานํ สพฺเพสํ สํโยชนานํ สมฺมเทว สมุจฺฉินฺนตฺตา ตโต วิปฺปมุตฺโตติ อตฺโถ. โลกสมุทโยติ สุตฺตนฺตนเยน ตณฺหา, อภิธมฺมนเยน ปน อภิสงฺขาเรหิ สทฺธึ ทิยฑฺฒกิเลสสหสฺสํ. ปหีโนติ โพธิมณฺเฑ อรหตฺตมคฺคาเณน สมุจฺเฉทปฺปหานวเสน สวาสนํ ปหีโน. โลกนิโรโธติ นิพฺพานํ. สจฺฉิกโตติ อตฺตปจฺจกฺโข กโต. โลกนิโรธคามินี ปฏิปทาติ สีลาทิกฺขนฺธตฺตยสงฺคโห อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค. โส หิ โลกนิโรธํ นิพฺพานํ คจฺฉติ อธิคจฺฉติ, ตทตฺถํ อริเยหิ ปฏิปชฺชียติ จาติ โลกนิโรธคามินี ปฏิปทาติ วุจฺจติ.

เอตฺตาวตา ตถานิ อภิสมฺพุทฺโธ ยาถาวโต คโตติ ตถาคโตติ อยมตฺโถ ทสฺสิโต โหติ. จตฺตาริ หิ อริยสจฺจานิ ตถานิ นาม. ยถาห –

‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, ตถานิ อวิตถานิ อนฺถานิ. กตมานิ จตฺตาริ? อิทํ ทุกฺขนฺติ, ภิกฺขเว, ตถเมตํ อวิตถเมตํ, อนฺถเมต’’นฺติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๙๐) วิตฺถาโร.

อปิจ ตถาย คโตติ ตถาคโต, ตถํ คโตติ ตถาคโต, คโตติ จ อวคโต อตีโต ปตฺโต ปฏิปนฺโนติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยสฺมา ภควา สกลโลกํ ตีรณปริฺาย ตถาย อวิปรีตาย คโต อวคโต, ตสฺมา โลโก ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺโธติ ตถาคโต. โลกสมุทยํ ปหานปริฺาย ตถาย คโต อตีโตติ ตถาคโต. โลกนิโรธํ สจฺฉิกิริยาย ตถาย คโต ปตฺโตติ ตถาคโต. โลกนิโรธคามินึ ปฏิปทํ ตถํ อวิปรีตํ คโต ปฏิปนฺโนติ ตถาคโตติ. เอวํ อิมิสฺสา ปาฬิยา ภควโต ตถาคตภาวทีปนวเสน อตฺโถ เวทิตพฺโพ.

อิติ ภควา จตุสจฺจาภิสมฺโพธนวเสน อตฺตโน ตถาคตภาวํ ปกาเสตฺวา อิทานิ ตตฺถ ทิฏฺาทิอภิสมฺโพธิวเสนปิ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยํ, ภิกฺขเว’’ติอาทิมาห. องฺคุตฺตรฏฺกถายํ (อ. นิ. อฏฺ. ๒.๔.๒๓) ปน ‘‘จตูหิ สจฺเจหิ อตฺตโน พุทฺธภาวํ กเถตฺวา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตํ ตถาคตสทฺท-พุทฺธสทฺทานํ อตฺถโต นินฺนานากรณตํ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. ตถา เจว หิ ปาฬิ ปวตฺตาติ. ตตฺถ ทิฏฺนฺติ รูปายตนํ. สุตนฺติ สทฺทายตนํ. มุตนฺติ ปตฺวา คเหตพฺพโต คนฺธายตนํ, รสายตนํ, โผฏฺพฺพายตนฺจ. วิฺาตนฺติ สุขทุกฺขาทิธมฺมารมฺมณํ. ปตฺตนฺติ ปริเยสิตฺวา วา อปริเยสิตฺวา วา ปตฺตํ. ปริเยสิตนฺติ ปตฺตํ วา อปฺปตฺตํ วา ปริเยสิตํ. อนุวิจริตํ มนสาติ จิตฺเตน อนุสฺจริตํ. กสฺส ปน อนุวิจริตํ มนสาติ? สเทวกสฺส…เป… สเทวมนุสฺสายาติ สมฺพนฺธนียํ. ตตฺถ สห เทเวหีติ สเทวโก, ตสฺส สเทวกสฺส. เสสปเทสุปิ เอเสว นโย.

สเทวกวจเนน เจตฺถ ปฺจกามาวจรเทวคฺคหณํ เวทิตพฺพํ, สมารกวจเนน ฉฏฺกามาวจรเทวคฺคหณํ, สพฺรหฺมกวจเนน พฺรหฺมกายิกาทิพฺรหฺมคฺคหณํ, สสฺสมณพฺราหฺมณิวจเนน สาสนสฺส ปจฺจตฺถิกสมณพฺราหฺมณคฺคหณฺเจว สมิตปาปพาหิตปาปสมณพฺราหฺมณคฺคหณฺจ, ปชาวจเนน สตฺตโลกคฺคหณํ, สเทวมนุสฺสวจเนน สมฺมุติเทวอวเสสมนุสฺสคฺคหณํ. เอวเมตฺถ ตีหิ ปเทหิ เทวมารพฺรหฺเมหิ สทฺธึ สตฺตโลโก, ทฺวีหิ ปชาวเสน สตฺตโลโก คหิโตติ เวทิตพฺโพ.

อปโร นโย – สเทวกคฺคหเณน อรูปาวจรเทวโลโก คหิโต, สมารกวจเนน ฉกามาวจรเทวโลโก, สพฺรหฺมกวจเนน รูปีพฺรหฺมโลโก, สสฺสมณพฺราหฺมณาทิวจเนน สมฺมุติเทเวหิ สห อวเสสสตฺตโลโก คหิโต. อปิเจตฺถ สเทวกวจเนน อุกฺกฏฺปริจฺเฉทโต สพฺพโลกวิสยสฺส ภควโต อภิสมฺพุทฺธภาเว ปกาสิเต เยสเมวํ สิยา ‘‘มาโร นาม มหานุภาโว ฉกามาวจริสฺสโร วสวตฺตี, พฺรหฺมา ปน ตโตปิ มหานุภาวตโร ทสหิ องฺคุลีหิ ทสสุ จกฺกวาฬสหสฺเสสุ อาโลกํ ผรติ, อุตฺตมชฺฌานสมาปตฺติสุขํ ปฏิสํเวเทติ. ปุถู จ สมณพฺราหฺมณา อิทฺธิมนฺโต ทิพฺพจกฺขุกา ปรจิตฺตวิทุโน มหานุภาวา สํวิชฺชนฺติ. อยฺจ สตฺตกาโย อนนฺโต อปริมาโณ, กิเมเตสํ สพฺเพสํเยว วิสโย อนวเสสโต ภควตา อภิสมฺพุทฺโธ’’ติ? เตสํ วิมตึ วิธเมนฺโต ภควา ‘‘สเทวกสฺส โลกสฺสา’’ติอาทิมาห.

โปราณา ปนาหุ – ‘‘สเทวกสฺสา’’ติ เทวตาหิ สทฺธึ อวเสสโลกํ ปริยาทิยติ, ‘‘สมารกสฺสา’’ติ มาเรน สทฺธึ อวเสสโลกํ, ‘‘สพฺรหฺมกสฺสา’’ติ พฺรหฺเมหิ สทฺธึ อวเสสโลกํ. เอวํ สพฺเพปิ ติภวูปเค สตฺเต ตีสุ ปเทสุ ปกฺขิปิตฺวา ปุน ทฺวีหิ ปเทหิ ปริยาทิยนฺโต ‘‘สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสายา’’ติ อาห. เอวํ ปฺจหิปิ ปเทหิ ขนฺธตฺตยปริจฺฉินฺเน สพฺพสตฺเต ปริยาทิยติ.

ยสฺมา ตํ ตถาคเตน อภิสมฺพุทฺธนฺติ อิมินา อิทํ ทสฺเสติ – ยํ อปริมาณาสุ โลกธาตูสุ อิมสฺส สเทวกสฺส โลกสฺส ‘‘นีลํ ปีตก’’นฺติอาทิ รูปารมฺมณํ จกฺขุทฺวาเร อาปาถํ อาคจฺฉติ, ตํ สพฺพํ ‘‘อยํ สตฺโต อิมสฺมึ ขเณ อิมํ นาม รูปารมฺมณํ ทิสฺวา สุมโน วา ทุมฺมโน วา มชฺฌตฺโต วา ชาโต’’ติ ตถาคตสฺส เอวํ อภิสมฺพุทฺธํ. ตถา ยํ อปริมาณาสุ โลกธาตูสุ อิมสฺส สเทวกสฺส โลกสฺส ‘‘เภริสทฺโท มุทิงฺคสทฺโท’’ติอาทิ สทฺทารมฺมณํ โสตทฺวาเร อาปาถํ อาคจฺฉติ, ‘‘มูลคนฺโธ ตจคนฺโธ’’ติอาทิ คนฺธารมฺมณํ ฆานทฺวาเร อาปาถมาคจฺฉติ, ‘‘มูลรโส ขนฺธรโส’’ติอาทิ รสารมฺมณํ ชิวฺหาทฺวาเร อาปาถมาคจฺฉติ, ‘‘กกฺขฬํ มุทุก’’นฺติอาทิ ปถวีธาตุเตโชธาตุวาโยธาตุเภทํ โผฏฺพฺพารมฺมณํ กายทฺวาเร อาปาถมาคจฺฉติ, ‘‘อยํ สตฺโต อิมสฺมึ ขเณ อิมํ นาม โผฏฺพฺพํ ผุสิตฺวา สุมโน วา ทุมฺมโน วา มชฺฌตฺโต วา ชาโต’’ติ สพฺพํ ตํ ตถาคตสฺส เอวํ อภิสมฺพุทฺธํ.

ตถา ยํ อปริมาณาสุ โลกธาตูสุ อิมสฺส สเทวกสฺส โลกสฺส สุขาทิเภทํ ธมฺมารมฺมณํ มโนทฺวาเร อาปาถมาคจฺฉติ, ‘‘อยํ สตฺโต อิมสฺมึ ขเณ อิมํ นาม ธมฺมารมฺมณํ ชานิตฺวา สุมโน วา ทุมฺมโน วา มชฺฌตฺโต วา ชาโต’’ติ สพฺพํ ตํ ตถาคตสฺส เอวํ อภิสมฺพุทฺธํ. เอวํ ยํ อิมสฺส สเทวกสฺส โลกสฺส ทิฏฺํ สุตํ มุตํ วิฺาตํ, ตํ ตถาคเตน อทิฏฺํ วา อสุตํ วา อมุตํ วา อวิฺาตํ วา นตฺถิ. อิมสฺส ปน มหาชนสฺส ปริเยสิตฺวา อปฺปตฺตมฺปิ อตฺถิ, อปริเยสิตฺวา อปฺปตฺตมฺปิ อตฺถิ, ปริเยสิตฺวา ปตฺตมฺปิ อตฺถิ, อปริเยสิตฺวา ปตฺตมฺปิ อตฺถิ. สพฺพมฺปิ ตถาคตสฺส อปฺปตฺตํ นาม นตฺถิ าเณน อสจฺฉิกตํ. ตโต เอว ยํ อปริมาณาสุ โลกธาตูสุ อปริมาณานํ สตฺตานํ จกฺขุทฺวาเร อาปาถมาคจฺฉนฺตํ รูปารมฺมณํ นาม อตฺถิ, ตํ ภควา สพฺพํ สพฺพากาเรน ชานาติ ปสฺสติ. เอวํ ชานตา ปสฺสตา จาเนน ตํ อิฏฺานิฏฺาทิวเสน วา ทิฏฺสุตมุตวิฺาเตสุ ลพฺภมานปทวเสน วา ‘‘กตมํ ตํ รูปํ รูปายตนํ? ยํ รูปํ จตุนฺนํ มหาภูตานํ อุปาทาย วณฺณนิภา สนิทสฺสนํ สปฺปฏิฆํ นีลํ ปีตก’’นฺติอาทินา (ธ. ส. ๖๑๗) นเยน อเนเกหิ นาเมหิ เตรสหิ วาเรหิ ทฺเวปฺาสาย นเยหิ วิภชฺชมานํ ตเถว โหติ, วิตถํ นตฺถิ. เอส นโย โสตทฺวาราทีสุปิ อาปาถมาคจฺฉนฺเตสุ สทฺทาทีสุ.

ตสฺมา ตถาคโตติ วุจฺจตีติ ยํ ยถา โลเกน คตํ, ตสฺส ตเถว คตตฺตา ตถาคโตติ วุจฺจติ. ปาฬิยํ ปน ‘‘อภิสมฺพุทฺธ’’นฺติ วุตฺตํ, ตํ ตถาคตสทฺเทน สมานตฺถํ. อิมินา ตถาทสฺสิภาวโต ตถาคโตติ อยมตฺโถ ทสฺสิโต โหติ. วุตฺตฺเหตํ ธมฺมเสนาปตินา –

‘‘น ตสฺส อทฺทิฏฺมิธตฺถิ กิฺจิ,

อโถ อวิฺาตมชานิตพฺพํ;

สพฺพํ อภิฺาสิ ยทตฺถิ เนยฺยํ,

ตถาคโต เตน สมนฺตจกฺขู’’ติ. (มหานิ. ๑๕๖; จูฬนิ. โมฆราชมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๘๕; ปฏิ. ม. ๑.๑๒๑);

สุตฺตนฺเตปิ วุตฺตํ ภควตา –

‘‘ยํ, ภิกฺขเว, สเทวกสฺส โลกสฺส…เป… สเทวมนุสฺสาย ปชาย ทิฏฺํ สุตํ มุตํ วิฺาตํ ปตฺตํ ปริเยสิตํ อนุวิจริตํ มนสา, ตมหํ ชานามิ, ตมหํ อพฺภฺาสึ, ตํ ตถาคตสฺส วิทิตํ, ตํ ตถาคโต น อุปฏฺาสี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๔).

ยฺจ, ภิกฺขเว, รตฺตึ ตถาคโต อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุชฺฌตีติ ยสฺสฺจ วิสาขปุณฺณมรตฺติยํ ตถา อาคตาทิอตฺเถน ตถาคโต ภควา โพธิมณฺเฑ อปราชิตปลฺลงฺเก นิสินฺโน ติณฺณํ มารานํ มตฺถกํ มทฺทิตฺวา อุตฺตริตราภาวโต อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อาสวกฺขยาเณน สทฺธึ สพฺพฺุตฺาณํ อธิคจฺฉติ. ยฺจ รตฺตึ อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายตีติ ยสฺสฺจ วิสาขปุณฺณมรตฺติยํเยว กุสินารายํ อุปวตฺตเน มลฺลานํ สาลวเน ยมกสาลานมนฺตเร อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายติ. ยํ เอตสฺมึ อนฺตเรติ อิมาสํ ทฺวินฺนํ สอุปาทิเสสอนุปาทิเสสนิพฺพานธาตูนํ เวมชฺเฌ ปฺจจตฺตาลีสวสฺสปริมาเณ กาเล ปมโพธิยมฺปิ, มชฺฌิมโพธิยมฺปิ, ปจฺฉิมโพธิยมฺปิ ยํ สุตฺตเคยฺยาทิปฺปเภทํ ธมฺมํ ภาสติ นิทฺทิสนวเสน, ลปติ อุทฺธิสนวเสน, นิทฺทิสติ ปฏินิทฺทิสนวเสน. สพฺพํ ตํ ตเถว โหตีติ ตํ เอตฺถนฺตเร เทสิตํ สพฺพํ สุตฺตเคยฺยาทินวงฺคํ พุทฺธวจนํ อตฺถโต พฺยฺชนโต จ อนุปวชฺชํ อนูนํ อนธิกํ สพฺพาการปริปุณฺณํ ราคมทนิมฺมทนํ…เป… โมหมทนิมฺมทนํ, นตฺถิ ตตฺถ วาลคฺคมตฺตมฺปิ อวกฺขลิตํ, เอกมุทฺทิกาย ลฺฉิตํ วิย เอกนาฬิยา มิตํ วิย เอกตุลาย ตุลิตํ วิย จ ตํ ตเถว โหติ ยสฺสตฺถาย ภาสิตํ, เอกนฺเตเนว ตสฺส สาธนโต, โน อฺถา. ตสฺมา ตถํ, อวิตถํ, อนฺถํ. เอเตน ตถาวาทิตาย ตถาคโตติ ทสฺเสติ. คทอตฺโถ อยํ คตสทฺโท ทการสฺส ตการํ กตฺวา, ตสฺมา ตถํ คทตีติ ตถาคโตติ อตฺโถ. อถ วา อาคทนํ อาคโท, วจนนฺติ อตฺโถ. ตโถ อวิปรีโต อาคโท ยสฺสาติ ทการสฺส ตการํ กตฺวา ตถาคโตติ เอวเมตฺถ ปทสิทฺธิ เวทิตพฺพา.

ยถาวาที ตถาการีติ เย ธมฺเม ภควา ‘‘อิเม ธมฺมา อกุสลา สาวชฺชา วิฺุครหิตา สมตฺตา สมาทินฺนา อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนฺตี’’ติ ปเรสํ ธมฺมํ เทเสนฺโต วทติ, เต ธมฺเม เอกนฺเตเนว สยํ ปหาสิ. เย ปน ธมฺเม ภควา ‘‘อิเม ธมฺมา กุสลา อนวชฺชา วิฺุปฺปสตฺถา สมตฺตา สมาทินฺนา หิตาย สุขาย สํวตฺตนฺตี’’ติ วทติ, เต ธมฺเม เอกนฺเตเนว สยํ อุปสมฺปชฺช วิหาสิ. ตสฺมา ยถาวาที ภควา, ตถาการีติ เวทิตพฺโพ. ยถาการี ตถาวาทีติ สมฺมเทว สีลาทิปริปูรณวเสน สมฺมา ปฏิปนฺโน สยํ ยถาการี ภควา, ตเถว ธมฺมเทสนาย ปเรสํ ตตฺถ ปติฏฺาปนวเสน ตถาวาที. ภควโต หิ วาจาย กาโย อนุโลเมติ, กายสฺสปิ วาจา. ตสฺมา ยถาวาที ตถาการี, ยถาการี ตถาวาที จ โหติ. เอวํภูตสฺส จสฺส ยถา วาจา, กาโยปิ ตถา คโต ปวตฺโต. ยถา จ กาโย, วาจาปิ ตถา คตา ปวตฺตาติ อตฺโถ.

อภิภู อนภิภูโตติ อุปริ ภวคฺคํ เหฏฺา อวีจินิรยํ ปริยนฺตํ กตฺวา ติริยํ อปริมาณาสุ โลกธาตูสุ ภควา สพฺพสตฺเต อภิภวติ สีเลนปิ สมาธินาปิ ปฺายปิ วิมุตฺติยาปิ วิมุตฺติาณทสฺสเนนปิ, น ตสฺส ตุลา วา ปมาณํ วา อตฺถิ, อสโม อสมสโม อปฺปฏิโม อปฺปฏิภาโค อปฺปฏิปุคฺคโล อตุโล อปฺปเมยฺโย อนุตฺตโร ธมฺมราชา เทวานํ อติเทโว สกฺกานํ อติสกฺโก พฺรหฺมานํ อติพฺรหฺมา. ตโต เอว สยํ น เกนจิ อภิภูโตติ อนภิภูโต. อฺทตฺถูติ เอกํสตฺเถ นิปาโต. ยฺหิ กิฺจิ เนยฺยํ นาม, สพฺพํ ตํ หตฺถตเล อามลกํ วิย ปสฺสตีติ ทโส. อวิปรีตํ อาสยาทิอวโพเธน หิตูปสํหาราทินา จ สตฺเต, ภาวฺถตฺตูปนยวเสน สงฺขาเร สพฺพากาเรน สุจิณฺณวสิตาย สมาปตฺติโย จิตฺตฺจ วเส วตฺเตตีติ วสวตฺตี. เอตฺตาวตา อภิภวนฏฺเน ภควา อตฺตโน ตถาคตภาวํ ทสฺเสติ.

ตตฺเรวํ ปทสิทฺธิ เวทิตพฺพา – อคโท วิย อคโท. โก ปเนส? เทสนาวิลาโส เจว ปุฺุสฺสโย จ. เตเนว เหส มหานุภาโว ภิสกฺโก วิย ทิพฺพาคเทน สปฺเป, สพฺเพ ปรปฺปวาทิโน สเทวกฺจ โลกํ อภิภวติ. อิติ สพฺพโลกาภิภวเน ตโถ อวิปรีโต เทสนาวิลาโส เจว ปุฺุสฺสโย จ อคโท อสฺสาติ ทการสฺส ตการํ กตฺวา ตถาคโตติ เวทิตพฺโพ. เตน วุตฺตํ ‘‘สเทวเก, ภิกฺขเว, โลเก…เป… วสวตฺตี, ตสฺมา ตถาคโตติ วุจฺจตี’’ติ.

คาถาสุ สพฺพโลกํ อภิฺายาติ เตธาตุกโลกสนฺนิวาสํ ชานิตฺวา. สพฺพโลเก ยถาตถนฺติ ตสฺมึ เตธาตุกโลกสนฺนิวาเส ยํกิฺจิ เนยฺยํ, ตํ สพฺพํ ยถาตถํ อวิปรีตํ ชานิตฺวา. สพฺพโลกวิสํยุตฺโตติ จตุนฺนํ โยคานํ อนวเสสปฺปหาเนน สพฺเพนปิ โลเกน วิสํยุตฺโต วิปฺปมุตฺโต. อนูปโยติ สพฺพสฺมิมฺปิ โลเก ตณฺหาทิฏฺิอุปเยหิ อนูปโย เตหิ อุปเยหิ วิรหิโต.

สพฺพาภิภูติ รูปาทีนิ สพฺพารมฺมณานิ, สพฺพํ สงฺขารคตํ, สพฺเพปิ มาเร อภิภวิตฺวา ิโต. ธีโรติ ธิติสมฺปนฺโน. สพฺพคนฺถปฺปโมจโนติ สพฺเพ อภิชฺฌากายคนฺถาทิเก โมเจตฺวา ิโต เวเนยฺยสนฺตาเนปิ อตฺตโน เทสนาวิลาเสน เตสํ ปโมจนโต สพฺพคนฺถปฺปโมจโน. ผุฏฺาสฺสาติ ผุฏฺา อสฺส. กรณตฺเถ อิทํ สามิวจนํ, ผุฏฺา อเนนาติ อตฺโถ. ปรมา สนฺตีติ นิพฺพานํ. ตฺหิ เตน าณผุสเนน ผุฏฺํ. เตเนวาห ‘‘นิพฺพานํ อกุโตภย’’นฺติ. อถ วา ปรมา สนฺตีติ อุตฺตมา สนฺติ. กตรา สาติ? นิพฺพานํ. ยสฺมา ปน นิพฺพาเน กุโตจิ ภยํ นตฺถิ, ตสฺมา ตํ อกุโตภยนฺติ วุจฺจติ.

อนีโฆติ นิทฺทุกฺโข. สพฺพกมฺมกฺขยํ ปตฺโตติ สพฺเพสํ กมฺมานํ ขยํ ปริโยสานํ อจฺจนฺตาภาวํ ปตฺโต. วิมุตฺโต อุปธิสงฺขเยติ อุปธิสงฺขยสงฺขาเต นิพฺพาเน ตทารมฺมณาย ผลวิมุตฺติยา วิมุตฺโต. เอส โสติ เอโส โส. สีโห อนุตฺตโรติ ปริสฺสยานํ สหนฏฺเน, กิเลสานํ หนนฏฺเน จ, ตถาคโต อนุตฺตโร สีโห นาม. พฺรหฺมนฺติ เสฏฺํ. จกฺกนฺติ ธมฺมจกฺกํ. ปวตฺตยีติ ติปริวฏฺฏํ ทฺวาทสาการํ ปวตฺเตสิ.

อิตีติ เอวํ ตถาคตสฺส คุเณ ชานิตฺวา. สงฺคมฺมาติ สมาคนฺตฺวา. ตํ นมสฺสนฺตีติ ตํ ตถาคตํ เต สรณํ คตา เทวมนุสฺสา นมสฺสนฺติ. มหนฺเตหิ สีลาทิคุเณหิ สมนฺนาคตตฺตา มหนฺตํ, จตุเวสารชฺชโยเคน วีตสารทํ. อิทานิ ยํ วทนฺตา เต นมสฺสนฺติ, ตํ ทสฺเสตุํ ทนฺโตติอาทิ วุตฺตํ. ตํ อุตฺตานตฺถเมว.

อิติ อิมสฺมึ จตุกฺกนิปาเต ฉฏฺเ สตฺตเม จ สุตฺเต วฏฺฏํ กถิตํ, ปมทุติยตติยทฺวาทสมเตรสเมสุ วิวฏฺฏํ กถิตํ, เสเสสุ วฏฺฏวิวฏฺฏํ กถิตนฺติ เวทิตพฺพํ.

เตรสมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

อิติ ปรมตฺถทีปนิยา

ขุทฺทกนิกาย-อฏฺกถาย

อิติวุตฺตกสฺส จตุกฺกนิปาตวณฺณนา นิฏฺิตา.

นิคมนกถา

เอตฺตาวตา จ –

ธมฺมิสฺสเรน ชคโต, ธมฺมาโลกวิธายินา;

ธมฺมานํ โพธเนยฺยานํ, ชานตา เทสนาวิธึ.

ตํ ตํ นิทานมาคมฺม, สพฺพโลกหิเตสินา;

เอกกาทิปฺปเภเทน, เทสิตานิ มเหสินา.

ทสุตฺตรสตํ ทฺเว จ, สุตฺตานิ อิติวุตฺตกํ;

อิติวุตฺตปฺปเภเทน, สงฺคายึสุ มเหสโย.

ฉฬภิฺา วสิปฺปตฺตา, ปภินฺนปฏิสมฺภิทา;

ยํ ตํ สาสนโธรยฺหา, ธมฺมสงฺคาหกา ปุเร.

ตสฺส อตฺถํ ปกาเสตุํ, โปราณฏฺกถานยํ;

นิสฺสาย ยา สมารทฺธา, อตฺถสํวณฺณนา มยา.

สา ตตฺถ ปรมตฺถานํ, สุตฺตนฺเตสุ ยถารหํ;

ปกาสนา ปรมตฺถ-ทีปนี นาม นามโต.

สมฺปตฺตา ปรินิฏฺานํ, อนากุลวินิจฺฉยา;

อฏฺตฺตึสปฺปมาณาย, ปาฬิยา ภาณวารโต.

อิติ ตํ สงฺขโรนฺเตน, ยํ ตํ อธิคตํ มยา;

ปุฺํ ตสฺสานุภาเวน, โลกนาถสฺส สาสนํ.

โอคาเหตฺวา วิสุทฺธาย, สีลาทิปฏิปตฺติยา;

สพฺเพปิ ปาณิโน โหนฺตุ, วิมุตฺติรสภาคิโน.

จิรํ ติฏฺตุ โลกสฺมึ, สมฺมาสมฺพุทฺธสาสนํ;

ตสฺมึ สคารวา นิจฺจํ, โหนฺตุ สพฺเพปิ ปาณิโน.

สมฺมา วสฺสตุ กาเลน, เทโวปิ ชคติปฺปติ;

สทฺธมฺมนิรโต โลกํ, ธมฺเมเนว ปสาสตูติ.

อิติ พทรติตฺถวิหารวาสินา อาจริยธมฺมปาเลน กตา

อิติวุตฺตกสฺส อฏฺกถา นิฏฺิตา.