📜
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
ขุทฺทกนิกาเย
สุตฺตนิปาต-อฏฺกถา
(ปโม ภาโค)
คนฺถารมฺภกถา
อุตฺตมํ ¶ ¶ ¶ วนฺทเนยฺยานํ, วนฺทิตฺวา รตนตฺตยํ;
โย ขุทฺทกนิกายมฺหิ, ขุทฺทาจารปฺปหายินา.
เทสิโต โลกนาเถน, โลกนิสฺสรเณสินา;
ตสฺส สุตฺตนิปาตสฺส, กริสฺสามตฺถวณฺณนํ.
อยํ ¶ สุตฺตนิปาโต จ, ขุทฺทเกสฺเวว โอคโธ;
ยสฺมา ตสฺมา อิมสฺสาปิ, กริสฺสามตฺถวณฺณนํ.
คาถาสตสมากิณฺโณ, เคยฺยพฺยากรณงฺกิโต;
กสฺมา สุตฺตนิปาโตติ, สงฺขเมส คโตติ เจ.
สุวุตฺตโต สวนโต, อตฺถานํ สุฏฺุ ตาณโต;
สูจนา สูทนา เจว, ยสฺมา สุตฺตํ ปวุจฺจติ.
ตถารูปานิ สุตฺตานิ, นิปาเตตฺวา ตโต ตโต;
สมูหโต อยํ ตสฺมา, สงฺขเมวมุปาคโต.
สพฺพานิ จาปิ สุตฺตานิ, ปมาณนฺเตน ตาทิโน;
วจนานิ อยํ เตสํ, นิปาโต จ ยโต ตโต.
อฺสงฺขานิมิตฺตานํ, วิเสสานมภาวโต;
สงฺขํ สุตฺตนิปาโตติ, เอวเมว สมชฺฌคาติ.
๑. อุรควคฺโค
๑. อุรคสุตฺตวณฺณนา
เอวํ ¶ ¶ สมธิคตสงฺโข จ ยสฺมา เอส วคฺคโต อุรควคฺโค, จูฬวคฺโค, มหาวคฺโค, อฏฺกวคฺโค, ปารายนวคฺโคติ ปฺจ วคฺคา โหนฺติ; เตสุ อุรควคฺโค อาทิ. สุตฺตโต อุรควคฺเค ทฺวาทส สุตฺตานิ, จูฬวคฺเค จุทฺทส, มหาวคฺเค ทฺวาทส, อฏฺกวคฺเค โสฬส, ปารายนวคฺเค โสฬสาติ สตฺตติ สุตฺตานิ. เตสํ อุรคสุตฺตํ อาทิ. ปริยตฺติปมาณโต อฏฺ ¶ ภาณวารา. เอวํ วคฺคสุตฺตปริยตฺติปมาณวโต ปนสฺส –
‘‘โย อุปฺปติตํ วิเนติ โกธํ, วิสฏํ สปฺปวิสํว โอสเธหิ;
โส ภิกฺขุ ชหาติ โอรปารํ, อุรโค ชิณฺณมิว ตจํ ปุราณ’’นฺติ. –
อยํ คาถา อาทิ. ตสฺมา อสฺสา อิโต ปภุติ อตฺถวณฺณนํ กาตุํ อิทํ วุจฺจติ –
‘‘เยน ยตฺถ ยทา ยสฺมา, วุตฺตา คาถา อยํ อิมํ;
วิธึ ปกาสยิตฺวาสฺสา, กริสฺสามตฺถวณฺณน’’นฺติ.
เกน ปนายํ คาถา วุตฺตา, กตฺถ, กทา, กสฺมา จ วุตฺตาติ? วุจฺจเต – โย โส ภควา จตุวีสติพุทฺธสนฺติเก ลทฺธพฺยากรโณ ยาว เวสฺสนฺตรชาตกํ, ตาว ปารมิโย ปูเรตฺวา ตุสิตภวเน อุปฺปชฺชิ, ตโตปิ จวิตฺวา สกฺยราชกุเล อุปปตฺตึ คเหตฺวา, อนุปุพฺเพน กตมหาภินิกฺขมโน โพธิรุกฺขมูเล สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุชฺฌิตฺวา, ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตตฺวา เทว-มนุสฺสานํ หิตาย ธมฺมํ เทเสสิ, เตน ภควตา สยมฺภุนา อนาจริยเกน สมฺมาสมฺพุทฺเธน วุตฺตา. สา จ ปน อาฬวิยํ. ยทา จ ภูตคามสิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ, ตทา ตตฺถ อุปคตานํ ธมฺมเทสนตฺถํ วุตฺตาติ. อยเมตฺถ สงฺเขปวิสฺสชฺชนา. วิตฺถารโต ปน ทูเรนิทานอวิทูเรนิทานสนฺติเกนิทานวเสน เวทิตพฺพา. ตตฺถ ทูเรนิทานํ นาม ทีปงฺกรโต ¶ ยาว ปจฺจุปฺปนฺนวตฺถุกถา ¶ , อวิทูเรนิทานํ นาม ตุสิตภวนโต ยาว ปจฺจุปฺปนฺนวตฺถุกถา, สนฺติเกนิทานํ นาม โพธิมณฺฑโต ยาว ปจฺจุปฺปนฺนวตฺถุกถาติ.
ตตฺถ ยสฺมา อวิทูเรนิทานํ สนฺติเกนิทานฺจ ทูเรนิทาเนเยว สโมธานํ คจฺฉนฺติ, ตสฺมา ทูเรนิทานวเสเนเวตฺถ วิตฺถารโต วิสฺสชฺชนา เวทิตพฺพา. สา ปเนสา ชาตกฏฺกถายํ วุตฺตาติ อิธ น วิตฺถาริตา. ตโต ตตฺถ วิตฺถาริตนเยเนว เวทิตพฺพา. อยํ ปน วิเสโส – ตตฺถ ปมคาถาย สาวตฺถิยํ วตฺถุ อุปฺปนฺนํ, อิธ อาฬวิยํ. ยถาห –
‘‘เตน ¶ สมเยน พุทฺโธ ภควา อาฬวิยํ วิหรติ อคฺคาฬเว เจติเย. เตน โข ปน สมเยน อาฬวกา ภิกฺขู นวกมฺมํ กโรนฺตา รุกฺขํ ฉินฺทนฺติปิ เฉทาเปนฺติปิ. อฺตโรปิ อาฬวโก ภิกฺขุ รุกฺขํ ฉินฺทติ. ตสฺมึ รุกฺเข อธิวตฺถา เทวตา ตํ ภิกฺขุํ เอตทโวจ – ‘มา, ภนฺเต, อตฺตโน ภวนํ กตฺตุกาโม มยฺหํ ภวนํ ฉินฺที’ติ. โส ภิกฺขุ อนาทิยนฺโต ฉินฺทิเยว. ตสฺสา จ เทวตาย ทารกสฺส พาหุํ อาโกเฏสิ. อถ โข ตสฺสา เทวตาย เอตทโหสิ – ‘ยํนูนาหํ อิมํ ภิกฺขุํ อิเธว ชีวิตา โวโรเปยฺย’นฺติ. อถ โข ตสฺสา เทวตาย เอตทโหสิ – ‘น โข เมตํ ปติรูปํ, ยาหํ อิมํ ภิกฺขุํ อิเธว ชีวิตา โวโรเปยฺยํ, ยํนูนาหํ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจยฺย’นฺติ. อถ โข สา เทวตา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสิ. ‘สาธุ, สาธุ เทวเต, สาธุ โข ตฺวํ, เทวเต, ตํ ภิกฺขุํ ชีวิตา น โวโรเปสิ. สจชฺช ตฺวํ, เทวเต, ตํ ภิกฺขุํ ชีวิตา โวโรเปยฺยาสิ, พหฺุจ ตฺวํ, เทวเต, อปฺุํ ปสเวยฺยาสิ. คจฺฉ ตฺวํ, เทวเต, อมุกสฺมึ โอกาเส รุกฺโข วิวิตฺโต, ตสฺมึ อุปคจฺฉา’’’ติ (ปาจิ. ๘๙).
เอวฺจ ปน วตฺวา ปุน ภควา ตสฺสา เทวตาย อุปฺปนฺนโกธวินยนตฺถํ –
‘‘โย เว อุปฺปติตํ โกธํ, รถํ ภนฺตํว วารเย’’ติ. (ธ. ป. ๒๒๒) –
อิมํ ¶ คาถํ อภาสิ. ตโต ‘‘กถฺหิ นาม สมณา สกฺยปุตฺติยา รุกฺขํ ฉินฺทิสฺสนฺติปิ, เฉทาเปสฺสนฺติปิ, เอกินฺทฺริยํ สมณา สกฺยปุตฺติยา ชีวํ วิเหเนฺตี’’ติ เอวํ มนุสฺสานํ อุชฺฌายิตํ สุตฺวา ภิกฺขูหิ อาโรจิโต ภควา – ‘‘ภูตคามปาตพฺยตาย ปาจิตฺติย’’นฺติ (ปาจิ. ๙๐) อิมํ สิกฺขาปทํ ปฺาเปตฺวา ตตฺถ อุปคตานํ ธมฺมเทสนตฺถํ –
‘‘โย ¶ อุปฺปติตํ วิเนติ โกธํ,
วิสฏํ สปฺปวิสํว โอสเธหี’’ติ. –
อิมํ คาถํ อภาสิ. เอวมิทํ เอกํเยว ¶ วตฺถุ ตีสุ าเนสุ สงฺคหํ คตํ – วินเย, ธมฺมปเท, สุตฺตนิปาเตติ. เอตฺตาวตา จ ยา สา มาติกา ปิตา –
‘‘เยน ยตฺถ ยทา ยสฺมา, วุตฺตา คาถา อยํ อิมํ;
วิธิ ปกาสยิตฺวาสฺสา, กริสฺสามตฺถวณฺณน’’นฺติ. –
สา สงฺเขปโต วิตฺถารโต จ ปกาสิตา โหติ เปตฺวา อตฺถวณฺณนํ.
๑. อยํ ปเนตฺถ อตฺถวณฺณนา. โยติ โย ยาทิโส ขตฺติยกุลา วา ปพฺพชิโต, พฺราหฺมณกุลา วา ปพฺพชิโต, นโว วา มชฺฌิโม วา เถโร วา. อุปฺปติตนฺติ อุทฺธมุทฺธํ ปติตํ คตํ, ปวตฺตนฺติ อตฺโถ, อุปฺปนฺนนฺติ วุตฺตํ โหติ. อุปฺปนฺนฺจ นาเมตํ วตฺตมานภุตฺวาปคโตกาสกตภูมิลทฺธวเสน อเนกปฺปเภทํ. ตตฺถ สพฺพมฺปิ สงฺขตํ อุปฺปาทาทิสมงฺคิ วตฺตมานุปฺปนฺนํ นาม, ยํ สนฺธาย ‘‘อุปฺปนฺนา ธมฺมา, อนุปฺปนฺนา ธมฺมา, อุปฺปาทิโน ธมฺมา’’ติ (ธ. ส. ติกมาติกา ๑๗) วุตฺตํ. อารมฺมณรสมนุภวิตฺวา นิรุทฺธํ อนุภุตฺวาปคตสงฺขาตํ กุสลากุสลํ, อุปฺปาทาทิตฺตยมนุปฺปตฺวา นิรุทฺธํ ภุตฺวาปคตสงฺขาตํ เสสสงฺขตฺจ ภุตฺวาปคตุปฺปนฺนํ นาม. ตเทตํ ‘‘เอวรูปํ ปาปกํ ทิฏฺิคตํ อุปฺปนฺนํ โหตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๓๔; ปาจิ. ๔๑๗) จ, ‘‘ยถา จ อุปฺปนฺนสฺส สติสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ภาวนาปาริปูรี โหตี’’ติ จ เอวมาทีสุ สุตฺตนฺเตสุ ทฏฺพฺพํ. ‘‘ยานิสฺส ตานิ ปุพฺเพ กตานิ กมฺมานี’’ติ เอวมาทินา (ม. นิ. ๓.๒๔๘; เนตฺติ. ๑๒๐) นเยน วุตฺตํ กมฺมํ อตีตมฺปิ สมานํ อฺสฺส วิปากํ ปฏิพาหิตฺวา อตฺตโน วิปากสฺโสกาสํ กตฺวา ิตตฺตา, ตถา กโตกาสฺจ วิปากํ อนุปฺปนฺนมฺปิ เอวํ กเต โอกาเส อวสฺสมุปฺปตฺติโต โอกาสกตุปฺปนฺนํ ¶ นาม. ตาสุ ตาสุ ภูมีสุ อสมูหตมกุสลํ ภูมิลทฺธุปฺปนฺนํ นาม.
เอตฺถ จ ภูมิยา ภูมิลทฺธสฺส จ นานตฺตํ เวทิตพฺพํ. เสยฺยถิทํ – ภูมิ นาม วิปสฺสนาย อารมฺมณภูตา เตภูมกา ปฺจกฺขนฺธา. ภูมิลทฺธํ นาม เตสุ อุปฺปตฺตารหํ ¶ กิเลสชาตํ. เตน หิ สา ภูมิลทฺธา นาม โหตีติ. ตสฺมา ‘‘ภูมิลทฺธ’’นฺติ วุจฺจติ. ตฺจ ปน น อารมฺมณวเสน. อารมฺมณวเสน หิ สพฺเพปิ อตีตาทิเภเท ปริฺาเตปิ จ ขีณาสวานํ ¶ ขนฺเธ อารพฺภ กิเลสา อุปฺปชฺชนฺติ มหากจฺจายนอุปฺปลวณฺณาทีนํ ขนฺเธ อารพฺภ โสเรยฺยเสฏฺิปุตฺตนนฺทมาณวกาทีนํ วิย. ยทิ เจตํ ภูมิลทฺธํ นาม สิยา, ตสฺส อปฺปเหยฺยโต น โกจิ ภวมูลํ ชเหยฺย. วตฺถุวเสน ปน ภูมิลทฺธํ นาม เวทิตพฺพํ. ยตฺถ ยตฺถ หิ วิปสฺสนาย อปริฺาตา ขนฺธา อุปฺปชฺชนฺติ, ตตฺถ ตตฺถ อุปฺปาทโต ปภุติ เตสุ วฏฺฏมูลํ กิเลสชาตํ อนุเสติ. ตํ อปฺปหีนฏฺเน ภูมิลทฺธุปฺปนฺนํ นามาติ เวทิตพฺพํ. ตตฺถ จ ยสฺส ขนฺเธสุ อปฺปหีนานุสยิตา กิเลสา, ตสฺส เต เอว ขนฺธา เตสํ กิเลสานํ วตฺถุ, น อิตเร ขนฺธา. อตีตกฺขนฺเธสุ จสฺส อปฺปหีนานุสยิตานํ กิเลสานํ อตีตกฺขนฺธา เอว วตฺถุ, น อิตเร. เอเสว นโย อนาคตาทีสุ. ตถา กามาวจรกฺขนฺเธสุ อปฺปหีนานุสยิตานํ กิเลสานํ กามาวจรกฺขนฺธา เอว วตฺถุ, น อิตเร. เอส นโย รูปารูปาวจเรสุ.
โสตาปนฺนาทีนํ ปน ยสฺส ยสฺส อริยปุคฺคลสฺส ขนฺเธสุ ตํ ตํ วฏฺฏมูลํ กิเลสชาตํ เตน เตน มคฺเคน ปหีนํ, ตสฺส ตสฺส เต เต ขนฺธา ปหีนานํ เตสํ เตสํ วฏฺฏมูลกิเลสานํ อวตฺถุโต ภูมีติ สงฺขํ น ลภนฺติ. ปุถุชฺชนสฺส ปน สพฺพโส วฏฺฏมูลานํ กิเลสานํ อปฺปหีนตฺตา ยํ กิฺจิ กริยมานํ กมฺมํ กุสลํ วา อกุสลํ วา โหติ, อิจฺจสฺส กิเลสปฺปจฺจยา วฏฺฏํ วฑฺฒติ. ตสฺเสตํ วฏฺฏมูลํ รูปกฺขนฺเธ เอว, น เวทนากฺขนฺธาทีสุ…เป… วิฺาณกฺขนฺเธ เอว วา, น รูปกฺขนฺธาทีสูติ น วตฺตพฺพํ. กสฺมา? อวิเสเสน ปฺจสุ ขนฺเธสุ อนุสยิตตฺตา. กถํ? ปถวีรสาทิมิว รุกฺเข. ยถา หิ มหารุกฺเข ปถวีตลํ อธิฏฺาย ปถวีรสฺจ อาโปรสฺจ ¶ นิสฺสาย ตปฺปจฺจยา มูลขนฺธสาขปสาขปตฺตปลฺลวปลาสปุปฺผผเลหิ วฑฺฒิตฺวา นภํ ปูเรตฺวา ยาวกปฺปาวสานํ พีชปรมฺปราย รุกฺขปเวณีสนฺตาเน ิเต ¶ ‘‘ตํ ปถวีรสาทิ มูเล เอว, น ขนฺธาทีสุ, ผเล เอว วา, น มูลาทีสู’’ติ น วตฺตพฺพํ. กสฺมา? อวิเสเสน สพฺเพสฺเวว มูลาทีสุ อนุคตตฺตา, เอวํ. ยถา ปน ตสฺเสว รุกฺขสฺส ปุปฺผผลาทีสุ นิพฺพินฺโน โกจิ ปุริโส จตูสุ ทิสาสุ มณฺฑูกกณฺฏกํ นาม รุกฺเข วิสํ ปโยเชยฺย, อถ โส รุกฺโข เตน วิสสมฺผสฺเสน ผุฏฺโ ปถวีรสอาโปรสปริยาทินฺเนน อปฺปสวนธมฺมตํ อาคมฺม ปุน สนฺตานํ นิพฺพตฺเตตุํ สมตฺโถ น ภเวยฺย, เอวเมวํ ขนฺธปฺปวตฺติยํ นิพฺพินฺโน กุลปุตฺโต ตสฺส ปุริสสฺส จตูสุ ทิสาสุ รุกฺเข วิสปฺปโยชนํ วิย อตฺตโน สนฺตาเน จตุมคฺคภาวนํ อารภติ. อถสฺส โส ขนฺธสนฺตาโน เตน จตุมคฺควิสสมฺผสฺเสน สพฺพโส วฏฺฏมูลกิเลสานํ ปริยาทินฺนตฺตา กิริยภาวมตฺตมุปคตกายกมฺมาทิ สพฺพกมฺมปฺปเภโท อายตึ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺตธมฺมตมาคมฺม ภวนฺตรสนฺตานํ นิพฺพตฺเตตุํ สมตฺโถ น โหติ. เกวลํ ปน จริมวิฺาณนิโรเธน นิรินฺธโน วิย ชาตเวโท อนุปาทาโน ปรินิพฺพาติ. เอวํ ภูมิยา ภูมิลทฺธสฺส จ นานตฺตํ เวทิตพฺพํ.
อปิจ ¶ อปรมฺปิ สมุทาจารารมฺมณาธิคฺคหิตาวิกฺขมฺภิตาสมูหตวเสน จตุพฺพิธมุปฺปนฺนํ. ตตฺถ วตฺตมานุปฺปนฺนเมว สมุทาจารุปฺปนฺนํ. จกฺขาทีนํ ปน อาปาถคเต อารมฺมเณ ปุพฺพภาเค อนุปฺปชฺชมานมฺปิ กิเลสชาตํ อารมฺมณสฺส อธิคฺคหิตตฺตา เอว อปรภาเค อวสฺสมุปฺปตฺติโต อารมฺมณาธิคฺคหิตุปฺปนฺนนฺติ วุจฺจติ. กลฺยาณิคาเม ปิณฺฑาย จรโต ¶ มหาติสฺสตฺเถรสฺส วิสภาครูปทสฺสเนน อุปฺปนฺนกิเลสชาตฺเจตฺถ นิทสฺสนํ. ตสฺส ‘‘อุปฺปนฺนํ กามวิตกฺก’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๖; อ. นิ. ๖.๕๘) ปโยโค ทฏฺพฺโพ. สมถวิปสฺสนานํ อฺตรวเสน อวิกฺขมฺภิตกิเลสชาตํ จิตฺตสนฺตติมนารูฬฺหํ อุปฺปตฺตินิวารกสฺส เหตุโน อภาวา อวิกฺขมฺภิตุปฺปนฺนํ นาม. ตํ ‘‘อยมฺปิ โข, ภิกฺขเว, อานาปานสฺสติสมาธิ ภาวิโต พหุลีกโต สนฺโต เจว ปณีโต จ อเสจนโก จ สุโข จ วิหาโร อุปฺปนฺนุปฺปนฺเน ปาปเก อกุสเล ธมฺเม านโส อนฺตรธาเปตี’’ติอาทีสุ (ปารา. ๑๖๕) ทฏฺพฺพํ. สมถวิปสฺสนาวเสน วิกฺขมฺภิตมฺปิ กิเลสชาตํ อริยมคฺเคน อสมูหตตฺตา อุปฺปตฺติธมฺมตํ อนตีตนฺติ กตฺวา อสมูหตุปฺปนฺนนฺติ วุจฺจติ. อากาเสน คจฺฉนฺตสฺส อฏฺสมาปตฺติลาภิโน เถรสฺส กุสุมิตรุกฺเข อุปวเน ปุปฺผานิ โอจินนฺตสฺส มธุรสฺสเรน ¶ คายโต มาตุคามสฺส คีตสฺสรํ สุตวโต อุปฺปนฺนกิเลสชาตฺเจตฺถ นิทสฺสนํ. ตสฺส ‘‘อริยํ อฏฺงฺคิกํ มคฺคํ พหุลีกโรนฺโต อุปฺปนฺนุปฺปนฺเน ปาปเก อกุสเล ธมฺเม อนฺตราเยว อนฺตรธาเปตี’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๕.๑๕๗) ปโยโค ทฏฺพฺโพ. ติวิธมฺปิ เจตํ อารมฺมณาธิคฺคหิตาวิกฺขมฺภิตาสมูหตุปฺปนฺนํ ภูมิลทฺเธเนว สงฺคหํ คจฺฉตีติ เวทิตพฺพํ.
เอวเมตสฺมึ ยถาวุตฺตปฺปเภเท อุปฺปนฺเน ภูมิลทฺธารมฺมณาธิคฺคหิตาวิกฺขมฺภิตาสมูหตุปฺปนฺนวเสนายํ โกโธ อุปฺปนฺโนติ เวทิตพฺโพ. กสฺมา? เอวํวิธสฺส วิเนตพฺพโต. เอวํวิธเมว หิ อุปฺปนฺนํ เยน เกนจิ วินเยน วิเนตุํ สกฺกา โหติ. ยํ ปเนตํ วตฺตมานภุตฺวาปคโตกาสกตสมุทาจารสงฺขาตํ อุปฺปนฺนํ, เอตฺถ อผโล จ อสกฺโย จ วายาโม. อผโล หิ ภุตฺวาปคเต วายาโม วายามนฺตเรนาปิ ตสฺส นิรุทฺธตฺตา. ตถา โอกาสกเต. อสกฺโย จ วตฺตมานสมุทาจารุปฺปนฺเน กิเลสโวทานานํ เอกชฺฌมนุปฺปตฺติโตติ.
วิเนตีติ ¶ เอตฺถ ปน –
‘‘ทุวิโธ วินโย นาม, เอกเมเกตฺถ ปฺจธา;
เตสุ อฏฺวิเธเนส, วิเนตีติ ปวุจฺจติ’’.
อยฺหิ ¶ สํวรวินโย, ปหานวินโยติ ทุวิโธ วินโย. เอตฺถ จ ทุวิเธ วินเย เอกเมโก วินโย ปฺจธา ภิชฺชติ. สํวรวินโยปิ หิ สีลสํวโร, สติสํวโร, าณสํวโร, ขนฺติสํวโร, วีริยสํวโรติ ปฺจวิโธ. ปหานวินโยปิ ตทงฺคปฺปหานํ, วิกฺขมฺภนปฺปหานํ, สมุจฺเฉทปฺปหานํ, ปฏิปฺปสฺสทฺธิปฺปหานํ, นิสฺสรณปฺปหานนฺติ ปฺจวิโธ.
ตตฺถ ‘‘อิมินา ปาติโมกฺขสํวเรน อุเปโต โหติ สมุเปโต’’ติอาทีสุ (วิภ. ๕๑๑) สีลสํวโร, ‘‘รกฺขติ จกฺขุนฺทฺริยํ, จกฺขุนฺทฺริเย สํวรํ อาปชฺชตี’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๑๓; ม. นิ. ๑.๒๙๕; สํ. นิ. ๔.๒๓๙; อ. นิ. ๓.๑๖) สติสํวโร.
‘‘ยานิ โสตานิ โลกสฺมึ, (อชิตาติ ภควา)
สติ เตสํ นิวารณํ;
โสตานํ สํวรํ พฺรูมิ,
ปฺาเยเต ปิธียเร’’ติ. (สุ. นิ. ๑๐๔๑) –
อาทีสุ ¶ าณสํวโร, ‘‘ขโม โหติ สีตสฺส อุณฺหสฺสา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๔; อ. นิ. ๔.๑๑๔) ขนฺติสํวโร, ‘‘อุปฺปนฺนํ กามวิตกฺกํ นาธิวาเสติ, ปชหติ, วิโนเทตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๖; อ. นิ. ๔.๑๑๔) วีริยสํวโร เวทิตพฺโพ. สพฺโพปิ จายํ สํวโร ยถาสกํ สํวริตพฺพานํ วิเนตพฺพานฺจ กายวจีทุจฺจริตาทีนํ สํวรณโต สํวโร, วินยนโต วินโยติ วุจฺจติ. เอวํ ตาว สํวรวินโย ปฺจธา ภิชฺชตีติ เวทิตพฺโพ.
ตถา ยํ นามรูปปริจฺเฉทาทีสุ วิปสฺสนงฺเคสุ ยาว อตฺตโน อปริหานวเสน ปวตฺติ, ตาว เตน เตน าเณน ตสฺส ตสฺส อนตฺถสนฺตานสฺส ปหานํ. เสยฺยถิทํ – นามรูปววตฺถาเนน สกฺกายทิฏฺิยา, ปจฺจยปริคฺคเหน ¶ อเหตุวิสมเหตุทิฏฺีนํ, ตสฺเสว อปรภาเคน กงฺขาวิตรเณน กถํกถีภาวสฺส, กลาปสมฺมสเนน ‘‘อหํ มมา’’ติ คาหสฺส, มคฺคามคฺคววตฺถาเนน อมคฺเค มคฺคสฺาย, อุทยทสฺสเนน อุจฺเฉททิฏฺิยา, วยทสฺสเนน สสฺสตทิฏฺิยา, ภยทสฺสเนน สภเยสุ อภยสฺาย, อาทีนวทสฺสเนน อสฺสาทสฺาย, นิพฺพิทานุปสฺสเนน อภิรติสฺาย, มุจฺจิตุกมฺยตาาเณน อมุจฺจิตุกมฺยตาย, อุเปกฺขาาเณน อนุเปกฺขาย, อนุโลเมน ธมฺมฏฺิติยํ นิพฺพาเน จ ปฏิโลมภาวสฺส, โคตฺรภุนา สงฺขารนิมิตฺตคฺคาหสฺส ปหานํ, เอตํ ตทงฺคปฺปหานํ นาม. ยํ ปน อุปจารปฺปนาเภทสฺส สมาธิโน ยาว อตฺตโน อปริหานิปวตฺติ ¶ , ตาว เตนาภิหตานํ นีวรณานํ ยถาสกํ วิตกฺกาทิปจฺจนีกธมฺมานฺจ อนุปฺปตฺติสงฺขาตํ ปหานํ, เอตํ วิกฺขมฺภนปฺปหานํ นาม. ยํ ปน จตุนฺนํ อริยมคฺคานํ ภาวิตตฺตา ตํตํมคฺควโต อตฺตโน สนฺตาเน ยถาสกํ ‘‘ทิฏฺิคตานํ ปหานายา’’ติอาทินา (ธ. ส. ๒๗๗) นเยน วุตฺตสฺส สมุทยปกฺขิกสฺส กิเลสคหนสฺส ปุน อจฺจนฺตอปฺปวตฺติภาเวน สมุจฺเฉทสงฺขาตํ ปหานํ, อิทํ สมุจฺเฉทปฺปหานํ นาม. ยํ ปน ผลกฺขเณ ปฏิปฺปสฺสทฺธตฺตํ กิเลสานํ ปหานํ, อิทํ ปฏิปฺปสฺสทฺธิปฺปหานํ นาม. ยํ ปน สพฺพสงฺขตนิสฺสรณตฺตา ปหีนสพฺพสงฺขตํ นิพฺพานํ, เอตํ นิสฺสรณปฺปหานํ นาม. สพฺพมฺปิ เจตํ ปหานํ ยสฺมา จาคฏฺเน ปหานํ, วินยนฏฺเน วินโย, ตสฺมา ‘‘ปหานวินโย’’ติ วุจฺจติ, ตํตํปหานวโต วา ตสฺส ตสฺส วินยสฺส สมฺภวโตเปตํ ‘‘ปหานวินโย’’ติ ¶ วุจฺจติ. เอวํ ปหานวินโยปิ ปฺจธา ภิชฺชตีติ เวทิตพฺโพ. เอวเมเกกสฺส ปฺจธา ภินฺนตฺตา ทเสเต วินยา โหนฺติ.
เตสุ ปฏิปฺปสฺสทฺธิวินยํ นิสฺสรณวินยฺจ เปตฺวา ¶ อวเสเสน อฏฺวิเธน วินเยเนส เตน เตน ปริยาเยน วิเนตีติ ปวุจฺจติ. กถํ? สีลสํวเรน กายวจีทุจฺจริตานิ วิเนนฺโตปิ หิ ตํสมฺปยุตฺตํ โกธํ วิเนติ, สติปฺาสํวเรหิ อภิชฺฌาโทมนสฺสาทีนิ วิเนนฺโตปิ โทมนสฺสสมฺปยุตฺตํ โกธํ วิเนติ, ขนฺติสํวเรน สีตาทีนิ ขมนฺโตปิ ตํตํอาฆาตวตฺถุสมฺภวํ โกธํ วิเนติ, วีริยสํวเรน พฺยาปาทวิตกฺกํ วิเนนฺโตปิ ตํสมฺปยุตฺตํ โกธํ วิเนติ. เยหิ ธมฺเมหิ ตทงฺควิกฺขมฺภนสมุจฺเฉทปฺปหานานิ โหนฺติ, เตสํ ธมฺมานํ อตฺตนิ นิพฺพตฺตเนน เต เต ธมฺเม ปชหนฺโตปิ ตทงฺคปฺปหาตพฺพํ วิกฺขมฺเภตพฺพํ สมุจฺฉินฺทิตพฺพฺจ โกธํ วิเนติ. กามฺเจตฺถ ปหานวินเยน วินโย น สมฺภวติ. เยหิ ปน ธมฺเมหิ ปหานํ โหติ, เตหิ วิเนนฺโตปิ ปริยายโต ‘‘ปหานวินเยน วิเนตี’’ติ วุจฺจติ. ปฏิปฺปสฺสทฺธิปฺปหานกาเล ปน วิเนตพฺพาภาวโต นิสฺสรณปฺปหานสฺส จ อนุปฺปาเทตพฺพโต น เตหิ กิฺจิ วิเนตีติ วุจฺจติ. เอวํ เตสุ ปฏิปฺปสฺสทฺธิวินยํ นิสฺสรณวินยฺจ เปตฺวา อวเสเสน อฏฺวิเธน วินเยเนส เตน เตน ปริยาเยน วิเนตีติ ปวุจฺจตีติ. เย วา –
‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, อาฆาตปฏิวินยา, ยตฺถ ภิกฺขุโน อุปฺปนฺโน อาฆาโต สพฺพโส ปฏิวิเนตพฺโพ. กตเม ปฺจ? ยสฺมึ, ภิกฺขเว, ปุคฺคเล อาฆาโต ชาเยถ, เมตฺตา ตสฺมึ ปุคฺคเล ภาเวตพฺพา…เป… กรุณา… อุเปกฺขา… อสติ-อมนสิกาโร ตสฺมึ ปุคฺคเล อาปชฺชิตพฺโพ, เอวํ ตสฺมึ ปุคฺคเล อาฆาโต ปฏิวิเนตพฺโพ. กมฺมสฺสกตา เอว วา ตสฺมึ ปุคฺคเล อธิฏฺาตพฺพา กมฺมสฺสโก อยมายสฺมา…เป… ทายาโท ภวิสฺสตี’’ติ (อ. นิ. ๕.๑๖๑) –
เอวํ ¶ ปฺจ อาฆาตปฏิวินยา วุตฺตา. เย จ –
‘‘ปฺจิเม, อาวุโส, อาฆาตปฏิวินยา, ยตฺถ ภิกฺขุโน อุปฺปนฺโน อาฆาโต สพฺพโส ปฏิวิเนตพฺโพ. กตเม ปฺจ? อิธาวุโส ¶ , เอกจฺโจ ปุคฺคโล อปริสุทฺธกายสมาจาโร โหติ, ปริสุทฺธวจีสมาจาโร, เอวรูเปปิ, อาวุโส, ปุคฺคเล อาฆาโต ¶ ปฏิวิเนตพฺโพ’’ติ (อ. นิ. ๕.๑๖๒) –
เอวมาทินาปิ นเยน ปฺจ อาฆาตปฏิวินยา วุตฺตา. เตสุ เยน เกนจิ อาฆาตปฏิวินเยน วิเนนฺโตเปส วิเนตีติ ปวุจฺจติ. อปิจ ยสฺมา –
‘‘อุภโตทณฺฑเกน เจปิ, ภิกฺขเว, กกเจน โจรา โอจรกา องฺคมงฺคานิ โอกฺกนฺเตยฺยุํ, ตตฺราปิ โย มโน ปโทเสยฺย, น เม โส เตน สาสนกโร’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๓๒) –-
เอวํ สตฺถุ โอวาทํ,
‘‘ตสฺเสว เตน ปาปิโย, โย กุทฺธํ ปฏิกุชฺฌติ;
กุทฺธํ อปฺปฏิกุชฺฌนฺโต, สงฺคามํ เชติ ทุชฺชยํ.
‘‘อุภินฺนมตฺถํ จรติ, อตฺตโน จ ปรสฺส จ;
ปรํ สงฺกุปิตํ ตฺวา, โย สโต อุปสมฺมติ’’. (สํ. นิ. ๑.๑๘๘);
‘‘สตฺติเม, ภิกฺขเว, ธมฺมา สปตฺตกนฺตา สปตฺตกรณา โกธนํ อาคจฺฉนฺติ อิตฺถึ วา ปุริสํ วา. กตเม สตฺต? อิธ, ภิกฺขเว, สปตฺโต สปตฺตสฺส เอวํ อิจฺฉติ – ‘อโห, วตายํ ทุพฺพณฺโณ อสฺสา’ติ. ตํ กิสฺส เหตุ? น, ภิกฺขเว, สปตฺโต สปตฺตสฺส วณฺณวตาย นนฺทติ. โกธนายํ, ภิกฺขเว, ปุริสปุคฺคโล โกธาภิภูโต โกธปเรโต กิฺจาปิ โส โหติ สุนฺหาโต สุวิลิตฺโต กปฺปิตเกสมสฺสุ โอทาตวตฺถวสโน, อถ โข โส ทุพฺพณฺโณว โหติ โกธาภิภูโต. อยํ, ภิกฺขเว, ปโม ธมฺโม สปตฺตกนฺโต สปตฺตกรโณ โกธนํ อาคจฺฉติ อิตฺถึ วา ปุริสํ วา (อ. นิ. ๗.๖๔).
‘‘ปุน ¶ จปรํ, ภิกฺขเว, สปตฺโต สปตฺตสฺส เอวํ อิจฺฉติ – ‘อโห, วตายํ ทุกฺขํ สเยยฺยา’ติ…เป… ‘น ปจุรตฺโถ อสฺสา’ติ…เป… ‘น โภควา อสฺสา’ติ…เป… ‘น ยสวา อสฺสา’ติ…เป… ‘น มิตฺตวา อสฺสา’ติ…เป… ‘กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ ¶ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺเชยฺยา’ติ. ตํ กิสฺส เหตุ? น, ภิกฺขเว, สปตฺโต สปตฺตสฺส สุคติคมเนน นนฺทติ. โกธนายํ, ภิกฺขเว, ปุริสปุคฺคโล โกธาภิภูโต โกธปเรโต กาเยน ทุจฺจริตํ จรติ, วาจาย… มนสา ทุจฺจริตํ จรติ. โส กาเยน ทุจฺจริตํ จริตฺวา…เป… วาจาย…เป… มนสา ทุจฺจริตํ จริตฺวา กายสฺส ¶ เภทา ปรํ มรณา…เป… นิรยํ อุปปชฺชติ โกธาภิภูโต’’ติ (อ. นิ. ๗.๖๔).
‘‘กุทฺโธ อตฺถํ น ชานาติ, กุทฺโธ ธมฺมํ น ปสฺสติ…เป…. (อ. นิ. ๗.๖๔; มหานิ. ๕);
‘‘เยน โกเธน กุทฺธาเส, สตฺตา คจฺฉนฺติ ทุคฺคตึ;
ตํ โกธํ สมฺมทฺาย, ปชหนฺติ วิปสฺสิโน. (อิติวุ. ๔);
‘‘โกธํ ชเห วิปฺปชเหยฺย มานํ, สํโยชนํ สพฺพมติกฺกเมยฺย. (ธ. ป. ๒๒๑);
‘‘อนตฺถชนโน โกโธ, โกโธ จิตฺตปฺปโกปโน. (อ. นิ. ๗.๖๔; อิติวุ. ๘๘);
‘‘เอกาปราธํ ขม ภูริปฺ, น ปณฺฑิตา โกธพลา ภวนฺตี’’ติ. (ชา. ๑.๑๕.๑๙) –
เอวมาทินา นเยน โกเธ อาทีนวฺจ ปจฺจเวกฺขโตปิ โกโธ วินยํ อุเปติ. ตสฺมา เอวํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา โกธํ วิเนนฺโตปิ เอส วิเนตีติ วุจฺจติ.
โกธนฺติ ‘‘อนตฺถํ เม อจรีติ อาฆาโต ชายตี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๓.๓๔๐; อ. นิ. ๙.๒๙) นเยน สุตฺเต วุตฺตานํ นวนฺนํ, ‘‘อตฺถํ เม น จรี’’ติ อาทีนฺจ ตปฺปฏิปกฺขโต ¶ สิทฺธานํ นวนฺนเมวาติ อฏฺารสนฺนํ, ขาณุกณฺฏกาทินา อฏฺาเนน สทฺธึ เอกูนวีสติยา อาฆาตวตฺถูนํ อฺตราฆาตวตฺถุสมฺภวํ อาฆาตํ. วิสฏนฺติ วิตฺถตํ. สปฺปวิสนฺติ สปฺปสฺส วิสํ. อิวาติ โอปมฺมวจนํ, อิ-การ โลปํ กตฺวา ว-อิจฺเจว วุตฺตํ. โอสเธหีติ อคเทหิ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา วิสติกิจฺฉโก เวชฺโช สปฺเปน ทฏฺํ สพฺพํ กายํ ผริตฺวา ิตํ วิสฏํ สปฺปวิสํ มูลขนฺธตจปตฺตปุปฺผาทีนํ อฺตเรหิ ¶ นานาเภสชฺเชหิ ปโยเชตฺวา กเตหิ วา โอสเธหิ ขิปฺปเมว วิเนยฺย, เอวเมวํ โย ยถาวุตฺเตนตฺเถน อุปฺปติตํ จิตฺตสนฺตานํ พฺยาเปตฺวา ิตํ โกธํ ยถาวุตฺเตสุ วินยนูปาเยสุ เยน เกนจิ อุปาเยน วิเนติ นาธิวาเสติ ปชหติ วิโนเทติ พฺยนฺตีกโรตีติ.
โส ภิกฺขุ ชหาติ โอรปารนฺติ โส เอวํ โกธํ วิเนนฺโต ภิกฺขุ ยสฺมา โกโธ ตติยมคฺเคน สพฺพโส ¶ ปหียติ, ตสฺมา โอรปารสฺิตานิ ปฺโจรมฺภาคิยสํโยชนานิ ชหาตีติ เวทิตพฺโพ. อวิเสเสน หิ ปารนฺติ ตีรสฺส นามํ, ตสฺมา โอรานิ จ ตานิ สํสารสาครสฺส ปารภูตานิ จาติ กตฺวา ‘‘โอรปาร’’นฺติ วุจฺจติ. อถ วา ‘‘โย อุปฺปติตํ วิเนติ โกธํ วิสฏํ สปฺปวิสํว โอสเธหิ’’, โส ตติยมคฺเคน สพฺพโส โกธํ วิเนตฺวา อนาคามิผเล ิโต ภิกฺขุ ชหาติ โอรปารํ. ตตฺถ โอรนฺติ สกตฺตภาโว, ปารนฺติ ปรตฺตภาโว. โอรํ วา ฉ อชฺฌตฺติกานิ อายตนานิ, ปารํ ฉ พาหิรายตนานิ. ตถา โอรํ มนุสฺสโลโก, ปารํ เทวโลโก. โอรํ กามธาตุ, ปารํ รูปารูปธาตุ. โอรํ กามรูปภโว, ปารํ อรูปภโว. โอรํ อตฺตภาโว, ปารํ อตฺตภาวสุขูปกรณานิ. เอวเมตสฺมึ โอรปาเร จตุตฺถมคฺเคน ฉนฺทราคํ ปชหนฺโต ‘‘ชหาติ โอรปาร’’นฺติ วุจฺจติ. เอตฺถ จ กิฺจาปิ อนาคามิโน กามราคสฺส ปหีนตฺตา อิธตฺตภาวาทีสุ ฉนฺทราโค เอว นตฺถิ; อปิจ โข ปนสฺส ตติยมคฺคาทีนํ วิย วณฺณปฺปกาสนตฺถํ สพฺพเมตํ โอรปารเภทํ สงฺคเหตฺวา ตตฺถ ฉนฺทราคปฺปหาเนน ‘‘ชหาติ โอรปาร’’นฺติ วุตฺตํ.
อิทานิ ตสฺสตฺถสฺส วิภาวนตฺถาย อุปมํ อาห ‘‘อุรโค ชิณฺณมิว ตจํ ปุราณ’’นฺติ. ตตฺถ อุเรน คจฺฉตีติ อุรโค, สปฺปสฺเสตํ อธิวจนํ. โส ทุวิโธ – กามรูปี จ อกามรูปี จ. กามรูปีปิ ทุวิโธ – ชลโช ถลโช จ. ชลโช ชเล เอว กามรูปํ ลภติ, น ถเล, สงฺขปาลชาตเก สงฺขปาลนาคราชา วิย. ถลโช ถเล เอว, น ชเล. โส ชชฺชรภาเวน ชิณฺณํ, จิรกาลตาย ปุราณฺจาติ สงฺขํ คตํ. ตจํ ชหนฺโต จตุพฺพิเธน ชหาติ – สชาติยํ ิโต, ชิคุจฺฉนฺโต, นิสฺสาย, ถาเมนาติ. สชาติ นาม สปฺปชาติ ทีฆตฺตภาโว. อุรคา หิ ปฺจสุ าเนสุ สชาตึ นาติวตฺตนฺติ – อุปปตฺติยํ, จุติยํ, วิสฺสฏฺนิทฺโทกฺกมเน, สมานชาติยา ¶ ¶ เมถุนปฏิเสวเน, ชิณฺณตจาปนยเน จาติ. สปฺโป หิ ยทา ตจํ ชหาติ, ตทา สชาติยํเยว ตฺวา ชหาติ. สชาติยํ ิโตปิ จ ชิคุจฺฉนฺโต ¶ ชหาติ. ชิคุจฺฉนฺโต นาม ยทา อุปฑฺฒฏฺาเน มุตฺโต โหติ, อุปฑฺฒฏฺาเน อมุตฺโต โอลมฺพติ, ตทา นํ อฏฺฏียนฺโต ชหาติ. เอวํ ชิคุจฺฉนฺโตปิ จ ทณฺฑนฺตรํ วา มูลนฺตรํ วา ปาสาณนฺตรํ วา นิสฺสาย ชหาติ. นิสฺสาย ชหนฺโตปิ จ ถามํ ชเนตฺวา, อุสฺสาหํ กตฺวา, วีริเยน วงฺกํ นงฺคุฏฺํ กตฺวา, ปสฺสสนฺโตว ผณํ กริตฺวา ชหาติ. เอวํ ชหิตฺวา เยนกามํ ปกฺกมติ. เอวเมวํ อยมฺปิ ภิกฺขุ โอรปารํ ชหิตุกาโม จตุพฺพิเธน ชหาติ – สชาติยํ ิโต, ชิคุจฺฉนฺโต, นิสฺสาย, ถาเมนาติ. สชาติ นาม ภิกฺขุโน ‘‘อริยาย ชาติยา ชาโต’’ติ (ม. นิ. ๒.๓๕๑) วจนโต สีลํ. เตเนวาห ‘‘สีเล ปติฏฺาย นโร สปฺปฺโ’’ติ (สํ. นิ. ๑.๒๓; เปฏโก. ๒๒). เอวเมติสฺสํ สชาติยํ ิโต ภิกฺขุ ตํ สกตฺตภาวาทิเภทํ โอรปารํ ชิณฺณปุราณตจมิว ทุกฺขํ ชเนนฺตํ ตตฺถ ตตฺถ อาทีนวทสฺสเนน ชิคุจฺฉนฺโต กลฺยาณมิตฺเต นิสฺสาย อธิมตฺตวายามสงฺขาตํ ถามํ ชเนตฺวา ‘‘ทิวสํ จงฺกเมน นิสชฺชาย อาวรณีเยหิ ธมฺเมหิ จิตฺตํ ปริโสเธตี’’ติ (อ. นิ. ๓.๑๖; วิภ. ๕๑๙) วุตฺตนเยน รตฺตินฺทิวํ ฉธา วิภชิตฺวา ฆเฏนฺโต วายมนฺโต อุรโค วิย, วงฺกํ นงฺคุฏฺํ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อุรโค วิย ปสฺสสนฺโต, อยมฺปิ อสิถิลปรกฺกมตาย วายมนฺโต อุรโค วิย ผณํ กริตฺวา, อยมฺปิ าณวิปฺผารํ ชเนตฺวา อุรโคว ตจํ โอรปารํ ชหาติ. ชหิตฺวา จ อุรโค วิย โอหิตตโจ เยนกามํ อยมฺปิ โอหิตภาโร อนุปาทิเสสนิพฺพานธาตุทิสํ ปกฺกมตีติ. เตนาห ภควา –
‘‘โย อุปฺปติตํ วิเนติ โกธํ, วิสฏํ สปฺปวิสํว โอสเธหิ;
โส ภิกฺขุ ชหาติ โอรปารํ, อุรโค ชิณฺณมิว ตจํ ปุราณ’’นฺติ.
เอวเมสา ¶ ภควตา อรหตฺตนิกูเฏน ปมคาถา เทสิตาติ.
๒. อิทานิ ทุติยคาถาย อตฺถวณฺณนากฺกโม อนุปฺปตฺโต. ตตฺราปิ –
‘‘เยน ¶ ยตฺถ ยทา ยสฺมา, วุตฺตา คาถา อยํ อิมํ;
วิธึ ปกาสยิตฺวาสฺสา, กริสฺสามตฺถวณฺณน’’นฺติ. –
อยเมว มาติกา. ตโต ปรฺจ สพฺพคาถาสุ. อติวิตฺถารภเยน ปน อิโต ปภุติ มาติกํ อนิกฺขิปิตฺวา ¶ อุปฺปตฺติทสฺสนนเยเนว ตสฺสา ตสฺสา อตฺถํ ทสฺเสนฺโต อตฺถวณฺณนํ กริสฺสามิ. เสยฺยถิทํ โย ราคมุทจฺฉิทา อเสสนฺติ อยํ ทุติยคาถา.
ตสฺสุปฺปตฺติ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. เตน โข ปน สมเยน อายสฺมโต สาริปุตฺตตฺเถรสฺส อุปฏฺาโก อฺตโร สุวณฺณการปุตฺโต เถรสฺส สนฺติเก ปพฺพชิโต. เถโร ตสฺส ‘‘ทหรานํ อสุภํ สปฺปาย’’นฺติ มนฺตฺวา ราควิฆาตตฺถํ อสุภกมฺมฏฺานํ อทาสิ. ตสฺส ตสฺมึ อาเสวนมตฺตมฺปิ จิตฺตํ น ลภติ. โส ‘‘อนุปการํ มเมต’’นฺติ เถรสฺส อาโรเจสิ. เถโร ‘‘ทหรานเมตํ สปฺปาย’’นฺติ มนฺตฺวา ปุนปิ ตเทวาจิกฺขิ. เอวํ จตฺตาโร มาสา อตีตา, โส กิฺจิมตฺตมฺปิ วิเสสํ น ลภติ. ตโต นํ เถโร ภควโต สนฺติกํ เนสิ. ภควา ‘‘อวิสโย, สาริปุตฺต, ตุยฺเหตสฺส สปฺปายํ ชานิตุํ, พุทฺธเวเนยฺโย เอโส’’ติ วตฺวา ปภสฺสรวณฺณํ ปทุมํ อิทฺธิยา นิมฺมินิตฺวา ตสฺส หตฺเถ ปาทาสิ – ‘‘หนฺท, ภิกฺขุ, อิมํ วิหารปจฺฉายายํ วาลิกาตเล นาเฬน วิชฺฌิตฺวา เปหิ, อภิมุขฺจสฺส ปลฺลงฺเกน นิสีท ‘โลหิตํ โลหิต’นฺติ อาวชฺเชนฺโต’’ติ. อยํ กิร ปฺจ ชาติสตานิ สุวณฺณกาโรว อโหสิ. เตนสฺส ‘‘โลหิตกนิมิตฺตํ สปฺปาย’’นฺติ ตฺวา ภควา โลหิตกกมฺมฏฺานํ อทาสิ. โส ตถา กตฺวา มุหุตฺเตเนว ยถากฺกมํ ¶ ตตฺถ จตฺตาริปิ ฌานานิ อธิคนฺตฺวา อนุโลมปฏิโลมาทินา นเยน ฌานกีฬํ อารภิ. อถ ภควา ‘ตํ ปทุมํ มิลายตู’ติ อธิฏฺาสิ. โส ฌานา วุฏฺิโต ตํ มิลาตํ กาฬวณฺณํ ทิสฺวา ‘‘ปภสฺสรรูปํ ชราย ปริมทฺทิต’’นฺติ อนิจฺจสฺํ ปฏิลภิ. ตโต นํ อชฺฌตฺตมฺปิ อุปสํหริ. ตโต ‘‘ยทนิจฺจํ ตํ ทุกฺขํ, ยํ ทุกฺขํ ตทนตฺตา’’ติ ตโยปิ ภเว อาทิตฺเต วิย ปสฺสิ. เอวํ ปสฺสโต จสฺสาวิทูเร ปทุมสฺสโร อตฺถิ. ตตฺถ ทารกา โอโรหิตฺวา ปทุมานิ ภฺชิตฺวา ภฺชิตฺวา ราสึ กโรนฺติ. ตสฺส ตานิ อุทเก ปทุมานิ นฬวเน อคฺคิชาลา วิย ขายึสุ, ปตฺตานิ ปตนฺตานิ ปปาตํ ปวิสนฺตานิ วิย ขายึสุ, ถเล นิกฺขิตฺตปทุมานํ อคฺคานิ มิลาตานิ อคฺคิฑฑฺฒานิ วิย ¶ ขายึสุ. อถสฺส ตทนุสาเรน สพฺพธมฺเม อุปนิชฺฌายโต ภิยฺโยโสมตฺตาย ตโย ภวา อาทิตฺตมิว อคารํ อปฺปฏิสรณา หุตฺวา อุปฏฺหึสุ. ตโต ภควา คนฺธกุฏิยํ นิสินฺโนว ตสฺส ภิกฺขุโน อุปริ สรีราภํ มฺุจิ. สา จสฺส มุขํเยว อชฺโฌตฺถริ. ตโต โส ‘‘กิเมต’’นฺติ อาวชฺเชนฺโต ภควนฺตํ อาคนฺตฺวา สมีเป ิตมิว ทิสฺวา อุฏฺายาสนา อฺชลึ ปณาเมสิ. อถสฺส ภควา สปฺปายํ วิทิตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ โอภาสคาถํ อภาสิ ‘‘โย ราคมุทจฺฉิทา อเสส’’นฺติ.
ตตฺถ รฺชนวเสน ราโค, ปฺจกามคุณราคสฺเสตํ อธิวจนํ. อุทจฺฉิทาติ อุจฺฉินฺทติ, ภฺชติ ¶ , วินาเสติ. อตีตกาลิกานมฺปิ หิ ฉนฺทสิ วตฺตมานวจนํ อกฺขรจินฺตกา อิจฺฉนฺติ. อเสสนฺติ สานุสยํ. ภิสปุปฺผํว สโรรุหนฺติ สเร วิรูฬฺหํ ปทุมปุปฺผํ วิย. วิคยฺหาติ โอคยฺห, ปวิสิตฺวาติ อตฺโถ. เสสํ ปุพฺพสทิสเมว. กึ วุตฺตํ โหติ? ยถา นาม เอเต ทารกา สรํ โอรุยฺห ภิสปุปฺผํ สโรรุหํ ฉินฺทนฺติ, เอวเมวํ โย ภิกฺขุ อิมํ เตธาตุกโลกสนฺนิวาสํ โอคยฺห –
‘‘นตฺถิ ราคสโม อคฺคิ’’; (ธ. ป. ๒๐๒);
‘‘กามราเคน ¶ ทยฺหามิ, จิตฺตํ เม ปริทยฺหติ’’; (สํ. นิ. ๑.๒๑๒);
‘‘เย ราครตฺตานุปตนฺติ โสตํ, สยํ กตํ มกฺกฏโกว ชาลํ’’. (ธ. ป. ๓๔๗);
‘‘รตฺโต โข, อาวุโส, ราเคน อภิภูโต ปริยาทินฺนจิตฺโต ปาณมฺปิ หนตี’’ติ (อ. นิ. ๓.๕๖, ๗๒) –
เอวมาทินยมนุคนฺตฺวา ราคาทีนวปจฺจเวกฺขเณน ยถาวุตฺตปฺปกาเรหิ สีลสํวราทีหิ สํวเรหิ สวิฺาณกาวิฺาณเกสุ วตฺถูสุ อสุภสฺาย จ โถกํ โถกํ ราคํ สมุจฺฉินฺทนฺโต อนาคามิมคฺเคน อวเสสํ อรหตฺตมคฺเคน จ ตโต อนวเสสมฺปิ อุจฺฉินฺทติ ปุพฺเพ วุตฺตปฺปกาเรเนว โส ภิกฺขุ ชหาติ โอรปารํ อุรโค ชิณฺณมิว ตจํ ปุราณนฺติ. เอวเมสา ภควตา อรหตฺตนิกูเฏน คาถา เทสิตา. เทสนาปริโยสาเน จ โส ภิกฺขุ อรหตฺเต ปติฏฺิโตติ.
๓. โย ¶ ตณฺหมุทจฺฉิทาติ กา อุปฺปตฺติ? ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ. อฺตโร ภิกฺขุ คคฺคราย โปกฺขรณิยา ตีเร วิหรนฺโต ตณฺหาวเสน อกุสลวิตกฺกํ วิตกฺเกติ. ภควา ตสฺสชฺฌาสยํ วิทิตฺวา อิมํ โอภาสคาถมภาสิ.
ตตฺถ ตสฺสตีติ ตณฺหา. วิสเยหิ ติตฺตึ น อุเปตีติ อตฺโถ. กามภววิภวตณฺหานเมตํ อธิวจนํ. สริตนฺติ คตํ ปวตฺตํ, ยาว ภวคฺคา อชฺโฌตฺถริตฺวา ิตนฺติ วุตฺตํ โหติ. สีฆสรนฺติ สีฆคามินึ, สนฺทิฏฺิกสมฺปรายิกํ อาทีนวํ อคเณตฺวา มุหุตฺเตเนว ปรจกฺกวาฬมฺปิ ¶ ภวคฺคมฺปิ สมฺปาปุณิตุํ สมตฺถนฺติ วุตฺตํ โหติ. เอวเมตํ สริตํ สีฆสรํ สพฺพปฺปการมฺปิ ตณฺหํ –
‘‘อุปริวิสาลา ทุปฺปูรา, อิจฺฉา วิสฏคามินี;
เย จ ตํ อนุคิชฺฌนฺติ, เต โหนฺติ จกฺกธาริโน’’ติ.
‘‘ตณฺหาทุติโย ปุริโส, ทีฆมทฺธานสํสรํ;
อิตฺถภาวฺถาภาวํ, สํสารํ นาติวตฺตตี’’ติ. (อิติวุ. ๑๕, ๑๐๕; มหานิ. ๑๙๑; จูฬนิ. ปารายนานุคีติคาถานิทฺเทส ๑๐๗);
‘‘อูโน ¶ โลโก อติตฺโต ตณฺหาทาโสติ โข, มหาราชา’’ติ (ม. นิ. ๒.๓๐๕) จ –
เอวมาทีนวปจฺจเวกฺขเณน วุตฺตปฺปกาเรหิ สีลสํวราทีหิ จ โย โถกํ โถกํ วิโสสยิตฺวา อรหตฺตมคฺเคน อเสสํ อุจฺฉิชฺชติ, โส ภิกฺขุ ตสฺมึเยว ขเณ สพฺพปฺปการมฺปิ ชหาติ โอรปารนฺติ. เทสนาปริโยสาเน โส ภิกฺขุ อรหตฺเต ปติฏฺิโตติ.
๔. โย มานมุทพฺพธีติ กา อุปฺปตฺติ? ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ. อฺตโร ภิกฺขุ คงฺคาย ตีเร วิหรนฺโต คิมฺหกาเล อปฺโปทเก โสเต กตํ นฬเสตุํ ปจฺฉา อาคเตน มโหเฆน วุยฺหมานํ ทิสฺวา ‘‘อนิจฺจา สงฺขารา’’ติ สํวิคฺโค อฏฺาสิ. ตสฺสชฺฌาสยํ วิทิตฺวา ภควา อิมํ โอภาสคาถํ อภาสิ.
ตตฺถ ¶ มาโนติ ชาติอาทิวตฺถุโก เจตโส อุณฺณาโม. โส ‘‘เสยฺโยหมสฺมี’’ติ มาโน, ‘‘สทิโสหมสฺมี’’ติ มาโน, ‘‘หีโนหมสฺมี’’ติ มาโนติ เอวํ ติวิโธ โหติ. ปุน ‘‘เสยฺยสฺส เสยฺโยหมสฺมีติ, เสยฺยสฺส สทิโส, เสยฺยสฺส หีโน, สทิสสฺส เสยฺโย, สทิสสฺส สทิโส, สทิสสฺส หีโน, หีนสฺส เสยฺโย, หีนสฺส สทิโส, หีนสฺส หีโนหมสฺมี’’ติ มาโนติ เอวํ นววิโธ โหติ. ตํ สพฺพปฺปการมฺปิ มานํ –
‘‘เยน มาเนน มตฺตาเส, สตฺตา คจฺฉนฺติ ทุคฺคติ’’นฺติ. (อิติวุ. ๖) –
อาทินา ¶ นเยน ตตฺถ อาทีนวปจฺจเวกฺขเณน วุตฺตปฺปกาเรหิ สีลสํวราทีหิ จ โย โถกํ โถกํ วเธนฺโต กิเลสานํ อพลทุพฺพลตฺตา นฬเสตุสทิสํ โลกุตฺตรธมฺมานํ อติพลตฺตา มโหฆสทิเสน อรหตฺตมคฺเคน อเสสํ อุทพฺพธิ, อนวเสสปฺปหานวเสน อุจฺฉินฺทนฺโต วเธตีติ วุตฺตํ โหติ. โส ภิกฺขุ ตสฺมึเยว ขเณ สพฺพปฺปการมฺปิ ชหาติ โอรปารนฺติ. เทสนาปริโยสาเน โส ภิกฺขุ อรหตฺเต ปติฏฺิโตติ.
๕. ติ กา อุปฺปตฺติ? อิมิสฺสา คาถาย อิโต ปรานฺจ ทฺวาทสนฺนํ เอกาเยว อุปฺปตฺติ. เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ. เตน โข ปน สมเยน อฺตโร ¶ พฺราหฺมโณ อตฺตโน ธีตุยา วาเรยฺเย ปจฺจุปฏฺิเต จินฺเตสิ – ‘‘เกนจิ วสเลน อปริภุตฺตปุพฺเพหิ ปุปฺเผหิ ทาริกํ อลงฺกริตฺวา ปติกุลํ เปเสสฺสามี’’ติ. โส สนฺตรพาหิรํ สาวตฺถึ วิจินนฺโต กิฺจิ ติณปุปฺผมฺปิ อปริภุตฺตปุพฺพํ นาทฺทส. อถ สมฺพหุเล ธุตฺตกชาติเก พฺราหฺมณทารเก สนฺนิปติเต ทิสฺวา ‘‘เอเต ปุจฺฉิสฺสามิ, อวสฺสํ สมฺพหุเลสุ โกจิ ชานิสฺสตี’’ติ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิ. เต ตํ พฺราหฺมณํ อุปฺปณฺเฑนฺตา อาหํสุ – ‘‘อุทุมฺพรปุปฺผํ นาม, พฺราหฺมณ, โลเก น เกนจิ ปริภุตฺตปุพฺพํ. เตน ธีตรํ อลงฺกริตฺวา เทหี’’ติ. โส ทุติยทิวเส กาลสฺเสว วุฏฺาย ภตฺตวิสฺสคฺคํ กตฺวา อจิรวติยา นทิยา ตีเร อุทุมฺพรวนํ คนฺตฺวา เอกเมกํ รุกฺขํ วิจินนฺโต ปุปฺผสฺส วณฺฏมตฺตมฺปิ นาทฺทส. อถ วีติวตฺเต มชฺฌนฺหิเก ทุติยตีรํ อคมาสิ. ตตฺถ จ อฺตโร ภิกฺขุ อฺตรสฺมึ มนฺุเ รุกฺขมูเล ทิวาวิหารํ นิสินฺโน กมฺมฏฺานํ ¶ มนสิ กโรติ. โส ตตฺถ อุปสงฺกมิตฺวา อมนสิกริตฺวา, สกึ นิสีทิตฺวา, สกึ อุกฺกุฏิโก หุตฺวา, สกึ ตฺวา, ตํ รุกฺขํ สพฺพสาขาวิฏปปตฺตนฺตเรสุ วิจินนฺโต กิลมติ. ตโต นํ โส ภิกฺขุ อาห – ‘‘พฺราหฺมณ, กึ มคฺคสี’’ติ? ‘‘อุทุมฺพรปุปฺผํ, โภ’’ติ. ‘‘อุทุมฺพรปุปฺผํ นาม, พฺราหฺมณ, โลเก นตฺถิ, มุสา เอตํ วจนํ, มา กิลมา’’ติ. อถ ภควา ตสฺส ภิกฺขุโน อชฺฌาสยํ วิทิตฺวา โอภาสํ มฺุจิตฺวา สมุปฺปนฺนสมนฺนาหารพหุมานสฺส อิมา โอภาสคาถาโย อภาสิ ‘‘โย นาชฺฌคมา ภเวสุ สาร’’นฺติ สพฺพา วตฺตพฺพา.
ตตฺถ ปมคาถาย ตาว นาชฺฌคมาติ นาธิคจฺฉิ, นาธิคจฺฉติ วา. ภเวสูติ กามรูปารูปสฺีอสฺีเนวสฺีนาสฺีเอกโวการจตุโวการปฺจโวการภเวสุ. สารนฺติ นิจฺจภาวํ อตฺตภาวํ วา. วิจินนฺติ ปฺาย คเวสนฺโต. ปุปฺผมิว อุทุมฺพเรสูติ ยถา อุทุมฺพรรุกฺเขสุ ¶ ปุปฺผํ วิจินนฺโต เอส พฺราหฺมโณ นาชฺฌคมา, เอวํ โย โยคาวจโรปิ ปฺาย วิจินนฺโต สพฺพภเวสุ กิฺจิ สารํ นาชฺฌคมา. โส อสารกฏฺเน เต ธมฺเม อนิจฺจโต อนตฺตโต จ วิปสฺสนฺโต อนุปุพฺเพน โลกุตฺตรธมฺเม อธิคจฺฉนฺโต ชหาติ โอรปารํ อุรโค ชิณฺณมิว ¶ ตจํ ปุราณนฺติ อยมตฺโถ โยชนา จ. อวเสสคาถาสุ ปนสฺส โยชนํ อวตฺวา วิเสสตฺถมตฺตเมว วกฺขาม.
‘‘ยสฺสนฺตรโต น สนฺติ โกปา,
อิติภวาภวตฺจ วีติวตฺโต’’ติ. (อุทา. ๒๐) –
เอตฺถ ตาว อยํ ‘อนฺตรสทฺโท’ –
‘‘นทีตีเรสุ สณฺาเน, สภาสุ รถิยาสุ จ;
ชนา สงฺคมฺม มนฺเตนฺติ, มฺจ ตฺจ กิมนฺตร’’นฺติ. (สํ. นิ. ๑.๒๒๘);
‘‘อปฺปมตฺตเกน วิเสสาธิคเมน อนฺตรา โวสานมาปาทิ’’ (อ. นิ. ๑๐.๘๔);
‘‘อนตฺถชนโน โกโธ, โกโธ จิตฺตปฺปโกปโน;
ภยมนฺตรโต ชาตํ, ตํ ชโน นาวพุชฺฌตี’’ติ. (อ. นิ. ๗.๖๔; อิติวุ. ๘๘) –
เอวํ ¶ การณเวมชฺฌจิตฺตาทีสุ สมฺพหุเลสุ อตฺเถสุ ทิสฺสติ. อิธ ปน จิตฺเต. ตโต ยสฺสนฺตรโต น สนฺติ โกปาติ ตติยมคฺเคน สมูหตตฺตา ยสฺส จิตฺเต น สนฺติ โกปาติ อตฺโถ. ยสฺมา ปน ภโวติ สมฺปตฺติ, วิภโวติ วิปตฺติ. ตถา ภโวติ วุทฺธิ, วิภโวติ หานิ. ภโวติ สสฺสโต, วิภโวติ อุจฺเฉโท. ภโวติ ปฺุํ, วิภโวติ ปาปํ. วิภโว อภโวติ จ อตฺถโต เอกเมว. ตสฺมา อิติภวาภวตฺจ วีติวตฺโตติ เอตฺถ ยา เอสา สมฺปตฺติวิปตฺติวุฑฺฒิหานิสสฺสตุจฺเฉทปฺุปาปวเสน อิติ อเนกปฺปการา ภวาภวตา วุจฺจติ. จตูหิปิ มคฺเคหิ ยถาสมฺภวํ เตน เตน นเยน ตํ อิติภวาภวตฺจ วีติวตฺโตติ เอวมตฺโถ าตพฺโพ.
๗. ยสฺส ¶ วิตกฺกาติ เอตฺถ ปน ยสฺส ภิกฺขุโน ตโย กามพฺยาปาทวิหึสาวิตกฺกา, ตโย าติชนปทามรวิตกฺกา, ตโย ปรานุทฺทยตาปฏิสํยุตฺตลาภสกฺการสิโลกอนวฺตฺติปฏิสํยุตฺตวิตกฺกาติ เอเต นว วิตกฺกา สมนฺตภทฺทเก วุตฺตนเยน ตตฺถ ตตฺถ อาทีนวํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ¶ ปฏิปกฺขววตฺถาเนน ตสฺส ตสฺส ปหานสมตฺเถหิ ตีหิ เหฏฺิมมคฺเคหิ จ วิธูปิตา ภุสํ ธูปิตา สนฺตาปิตา ทฑฺฒาติ อตฺโถ. เอวํ วิธูเปตฺวา จ อชฺฌตฺตํ สุวิกปฺปิตา อเสสา, นิยกชฺฌตฺตภูเต อตฺตโน ขนฺธสนฺตาเน อชฺฌตฺตชฺฌตฺตภูเต จิตฺเต จ ยถา น ปุน สมฺภวนฺติ, เอวํ อรหตฺตมคฺเคน อเสสา ฉินฺนา. ฉินฺนฺหิ กปฺปิตนฺติ วุจฺจติ. ยถาห ‘‘กปฺปิตเกสมสฺสู’’ติ (สํ. นิ. ๑.๑๒๒; ๔.๓๖๕). เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
๘. อิทานิ โย นาจฺจสารีติ เอตฺถ โย นาจฺจสารีติ โย นาติธาวิ. น ปจฺจสารีติ น โอหียิ. กึ วุตฺตํ โหติ? อจฺจารทฺธวีริเยน หิ อุทฺธจฺเจ ปตนฺโต อจฺจาสรติ, อติสิถิเลน โกสชฺเช ปตนฺโต ปจฺจาสรติ. ตถา ภวตณฺหาย อตฺตานํ กิลเมนฺโต อจฺจาสรติ, กามตณฺหาย กามสุขมนุยฺุชนฺโต ปจฺจาสรติ. สสฺสตทิฏฺิยา อจฺจาสรติ, อุจฺเฉททิฏฺิยา ปจฺจาสรติ. อตีตํ อนุโสจนฺโต อจฺจาสรติ, อนาคต ปฏิกงฺขนฺโต ปจฺจาสรติ. ปุพฺพนฺตานุทิฏฺิยา อจฺจาสรติ, อปรนฺตานุทิฏฺิยา ปจฺจาสรติ. ตสฺมา โย เอเต อุโภ อนฺเต วชฺเชตฺวา มชฺฌิมํ ปฏิปทํ ปฏิปชฺชนฺโต นาจฺจสารี น ปจฺจสารีติ เอวํ วุตฺตํ โหติ. สพฺพํ ¶ อจฺจคมา อิมํ ปปฺจนฺติ ตาย จ ปน อรหตฺตมคฺคโวสานาย มชฺฌิมาย ปฏิปทาย สพฺพํ อิมํ เวทนาสฺาวิตกฺกปฺปภวํ ตณฺหามานทิฏฺิสงฺขาตํ ติวิธํ ปปฺจํ อจฺจคมา อติกฺกนฺโต, สมติกฺกนฺโตติ อตฺโถ.
๙. ตทนนฺตรคาถาย ปน สพฺพํ วิตถมิทนฺติ ตฺวา โลเกติ อยเมว วิเสโส. ตสฺสตฺโถ – สพฺพนฺติ อนวเสสํ, สกลมนูนนฺติ ¶ วุตฺตํ โหติ. เอวํ สนฺเตปิ ปน วิปสฺสนุปคํ โลกิยขนฺธายตนธาตุปฺปเภทํ สงฺขตเมว อิธาธิปฺเปตํ. วิตถนฺติ วิคตตถภาวํ. นิจฺจนฺติ วา สุขนฺติ วา สุภนฺติ วา อตฺตาติ วา ยถา ยถา กิเลสวเสน พาลชเนหิ คยฺหติ, ตถาตถาภาวโต วิตถนฺติ วุตฺตํ โหติ. อิทนฺติ ตเมว สพฺพํ ปจฺจกฺขภาเวน ทสฺเสนฺโต อาห. ตฺวาติ มคฺคปฺาย ชานิตฺวา, ตฺจ ปน อสมฺโมหโต, น วิสยโต. โลเกติ โอกาสโลเก สพฺพํ ขนฺธาทิเภทํ ธมฺมชาตํ ‘‘วิตถมิท’’นฺติ ตฺวาติ สมฺพนฺโธ.
๑๐-๑๓. อิทานิ อิโต ปราสุ จตูสุ คาถาสุ วีตโลโภ วีตราโค วีตโทโส วีตโมโหติ เอเต วิเสสา. เอตฺถ ลุพฺภนวเสน โลโภ. สพฺพสงฺคาหิกเมตํ ปมสฺส อกุสลมูลสฺส อธิวจนํ, วิสมโลภสฺส วา. โย โส ‘‘อปฺเปกทา มาตุมตฺตีสุปิ โลภธมฺมา อุปฺปชฺชนฺติ, ภคินิมตฺตีสุปิ โลภธมฺมา อุปฺปชฺชนฺติ, ธีตุมตฺตีสุปิ โลภธมฺมา อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ (สํ. นิ. ๔.๑๒๗) เอวํ วุตฺโต. รชฺชนวเสน ราโค, ปฺจกามคุณราคสฺเสตํ อธิวจนํ. ทุสฺสนวเสน ¶ โทโส, ปุพฺเพ วุตฺตโกธสฺเสตํ อธิวจนํ. มุยฺหนวเสน โมโห, จตูสุ อริยสจฺเจสุ อฺาณสฺเสตํ อธิวจนํ. ตตฺถ ยสฺมา อยํ ภิกฺขุ โลภํ ชิคุจฺฉนฺโต วิปสฺสนํ อารภิ ‘‘กุทาสฺสุ นามาหํ โลภํ วิเนตฺวา วิคตโลโภ วิหเรยฺย’’นฺติ, ตสฺมา ตสฺส โลภปฺปหานูปายํ สพฺพสงฺขารานํ วิตถภาวทสฺสนํ โลภปฺปหานานิสํสฺจ โอรปารปฺปหานํ ทสฺเสนฺโต อิมํ คาถมาห. เอส นโย อิโต ปราสุปิ. เกจิ ปนาหุ – ‘‘ยถาวุตฺเตเนว นเยน เอเต ธมฺเม ชิคุจฺฉิตฺวา วิปสฺสนมารทฺธสฺส ตสฺส ¶ ตสฺส ภิกฺขุโน เอกเมกาว เอตฺถ คาถา วุตฺตา’’ติ. ยํ รุจฺจติ, ตํ คเหตพฺพํ. เอส นโย อิโต ปราสุ จตูสุ คาถาสุ.
๑๔. อยํ ¶ ปเนตฺถ อตฺถวณฺณนา – อปฺปหีนฏฺเน สนฺตาเน สยนฺตีติ อนุสยา กามราคปฏิฆมานทิฏฺิวิจิกิจฺฉาภวราคาวิชฺชานํ เอตํ อธิวจนํ. สมฺปยุตฺตธมฺมานํ อตฺตโน อาการานุวิธานฏฺเน มูลา; อเขมฏฺเน อกุสลา; ธมฺมานํ ปติฏฺาภูตาติปิ มูลา; สาวชฺชทุกฺขวิปากฏฺเน อกุสลา; อุภยมฺเปตํ โลภโทสโมหานํ อธิวจนํ. เต หิ ‘‘โลโภ, ภิกฺขเว, อกุสลฺจ อกุสลมูลฺจา’’ติอาทินา นเยน เอวํ นิทฺทิฏฺา. เอวเมเต อนุสยา เตน เตน มคฺเคน ปหีนตฺตา ยสฺส เกจิ น สนฺติ, เอเต จ อกุสลมูลา ตเถว สมูหตาเส, สมูหตา อิจฺเจว อตฺโถ. ปจฺจตฺตพหุวจนสฺส หิ เส-การาคมํ อิจฺฉนฺติ สทฺทลกฺขณโกวิทา. อฏฺกถาจริยา ปน ‘‘เสติ นิปาโต’’ติ วณฺณยนฺติ. ยํ รุจฺจติ, ตํ คเหตพฺพํ. เอตฺถ ปน ‘‘กิฺจาปิ โส เอวํวิโธ ภิกฺขุ ขีณาสโว โหติ, ขีณาสโว จ เนว อาทิยติ, น ปชหติ, ปชหิตฺวา ิโต’’ติ วุตฺโต. ตถาปิ วตฺตมานสมีเป วตฺตมานวจนลกฺขเณน ‘‘ชหาติ โอรปาร’’นฺติ วุจฺจติ. อถ วา อนุปาทิเสสาย จ นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายนฺโต อตฺตโน อชฺฌตฺติกพาหิรายตนสงฺขาตํ ชหาติ โอรปารนฺติ เวทิตพฺโพ.
ตตฺถ กิเลสปฏิปาฏิยา มคฺคปฏิปาฏิยา จาติ ทฺวิธา อนุสยานํ อภาโว เวทิตพฺโพ. กิเลสปฏิปาฏิยา หิ กามราคานุสยปฏิฆานุสยานํ ตติยมคฺเคน อภาโว โหติ, มานานุสยสฺส จตุตฺถมคฺเคน, ทิฏฺานุสยวิจิกิจฺฉานุสยานํ ปมมคฺเคน, ภวราคานุสยาวิชฺชานุสยานํ จตุตฺถมคฺเคเนว. มคฺคปฏิปาฏิยา ¶ ปน ปมมคฺเคน ทิฏฺานุสยวิจิกิจฺฉานุสยานํ อภาโว โหติ. ทุติยมคฺเคน กามราคานุสยปฏิฆานุสยานํ ตนุภาโว, ตติยมคฺเคน สพฺพโส อภาโว, จตุตฺถมคฺเคน มานานุสยภวราคานุสยาวิชฺชานุสยานํ อภาโว โหติ. ตตฺถ ยสฺมา น สพฺเพ อนุสยา อกุสลมูลา; กามราคภวราคานุสยา เอว หิ โลภากุสลมูเลน สงฺคหํ คจฺฉนฺติ. ปฏิฆานุสยาวิชฺชานุสยา จ ‘‘โทโส อกุสลมูลํ, โมโห อกุสลมูลํ’’ อิจฺเจว สงฺขํ คจฺฉนฺติ, ทิฏฺิมานวิจิกิจฺฉานุสยา ¶ ปน น กิฺจิ อกุสลมูลํ โหนฺติ, ยสฺมา วา อนุสยาภาววเสน จ อกุสลมูลสมุคฺฆาตวเสน จ กิเลสปฺปหานํ ปฏฺเปสิ, ตสฺมา –
‘‘ยสฺสานุสยา ¶ น สนฺติ เกจิ, มูลา จ อกุสลา สมูหตาเส’’. –
อิติ ภควา อาห.
๑๕. ยสฺส ทรถชาติ เอตฺถ ปน ปมุปฺปนฺนา กิเลสา ปริฬาหฏฺเน ทรถา นาม, อปราปรุปฺปนฺนา ปน เตหิ ทรเถหิ ชาตตฺตา ทรถชา นาม. โอรนฺติ สกฺกาโย วุจฺจติ. ยถาห – ‘‘โอริมํ ตีรนฺติ โข, ภิกฺขุ, สกฺกายสฺเสตํ อธิวจน’’นฺติ (สํ. นิ. ๔.๒๓๘). อาคมนายาติ อุปฺปตฺติยา. ปจฺจยาเสติ ปจฺจยา เอว. กึ วุตฺตํ โหติ? ยสฺส ปน อุปาทานกฺขนฺธคฺคหณาย ปจฺจยภูตา อริยมคฺเคน ปหีนตฺตา, เกจิ ทรถชเววจนา กิเลสา น สนฺติ, ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว โส ภิกฺขุ ชหาติ โอรปารนฺติ.
๑๖. ยสฺส วนถชาติ เอตฺถปิ ทรถชา วิย วนถชา เวทิตพฺพา. วจนตฺเถ ปน อยํ วิเสโส – วนุเต, วโนตีติ วา วนํ ยาจติ เสวติ ภชตีติ อตฺโถ. ตณฺหาเยตํ อธิวจนํ. สา หิ วิสยานํ ปตฺถนโต เสวนโต จ ‘‘วน’’นฺติ วุจฺจติ. ตํ ปริยุฏฺานวเสน วนํ ถรติ ตโนตีติ วนโถ, ตณฺหานุสยสฺเสตํ อธิวจนํ. วนถา ชาตาติ วนถชาติ. เกจิ ปนาหุ ‘‘สพฺเพปิ กิเลสา คหนฏฺเน วนโถติ วุจฺจนฺติ, อปราปรุปฺปนฺนา ปน วนถชา’’ติ. อยเมว ¶ เจตฺถ อุรคสุตฺเต อตฺโถ อธิปฺเปโต, อิตโร ปน ธมฺมปทคาถายํ. วินิพนฺธาย ภวายาติ ภววินิพนฺธาย. อถ วา จิตฺตสฺส วิสเยสุ วินิพนฺธาย อายตึ อุปฺปตฺติยา จาติ อตฺโถ. เหตุเยว เหตุกปฺปา.
๑๗. โย นีวรเณติ เอตฺถ นีวรณาติ จิตฺตํ, หิตปฏิปตฺตึ วา นีวรนฺตีติ นีวรณา, ปฏิจฺฉาเทนฺตีติ อตฺโถ. ปหายาติ ฉฑฺเฑตฺวา. ปฺจาติ เตสํ สงฺขฺยาปริจฺเฉโท. อีฆาภาวโต อนีโฆ. กถํกถาย ติณฺณตฺตา ติณฺณกถํกโถ. วิคตสลฺลตฺตา วิสลฺโล. กึ วุตฺตํ โหติ? โย ภิกฺขุ กามจฺฉนฺทาทีนิ ปฺจ นีวรณานิ สมนฺตภทฺทเก วุตฺตนเยน สามฺโต วิเสสโต จ นีวรเณสุ อาทีนวํ ทิสฺวา เตน เตน มคฺเคน ปหาย เตสฺจ ปหีนตฺตา เอว กิเลสทุกฺขสงฺขาตสฺส อีฆสฺสาภาเวน ¶ อนีโฆ, ‘‘อโหสึ นุ โข อหํ อตีตมทฺธาน’’นฺติอาทินา (ม. นิ. ๑.๑๘; สํ. นิ. ๒.๒๐) นเยน ปวตฺตาย กถํกถาย ติณฺณตฺตา ติณฺณกถํกโถ ¶ , ‘‘ตตฺถ กตเม ปฺจ สลฺลา? ราคสลฺโล, โทสสลฺโล, โมหสลฺโล, มานสลฺโล, ทิฏฺิสลฺโล’’ติ วุตฺตานํ ปฺจนฺนํ สลฺลานํ วิคตตฺตา วิสลฺโล. โส ภิกฺขุ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว ชหาติ โอรปารนฺติ.
อตฺราปิ จ กิเลสปฏิปาฏิยา มคฺคปฏิปาฏิยา จาติ ทฺวิธา เอว นีวรณปฺปหานํ เวทิตพฺพํ. กิเลสปฏิปาฏิยา หิ กามจฺฉนฺทนีวรณสฺส พฺยาปาทนีวรณสฺส จ ตติยมคฺเคน ปหานํ โหติ, ถินมิทฺธนีวรณสฺส อุทฺธจฺจนีวรณสฺส จ จตุตฺถมคฺเคน. ‘‘อกตํ วต เม กุสล’’นฺติอาทินา (ม. นิ. ๓.๒๔๘; เนตฺติ. ๑๒๐) นเยน ปวตฺตสฺส วิปฺปฏิสารสงฺขาตสฺส กุกฺกุจฺจนีวรณสฺส วิจิกิจฺฉานีวรณสฺส ¶ จ ปมมคฺเคน. มคฺคปฏิปาฏิยา ปน กุกฺกุจฺจนีวรณสฺส วิจิกิจฺฉานีวรณสฺส จ ปมมคฺเคน ปหานํ โหติ, กามจฺฉนฺทนีวรณสฺส พฺยาปาทนีวรณสฺส จ ทุติยมคฺเคน ตนุภาโว โหติ, ตติเยน อนวเสสปฺปหานํ. ถินมิทฺธนีวรณสฺส อุทฺธจฺจนีวรณสฺส จ จตุตฺถมคฺเคน ปหานํ โหตีติ. เอวํ –
‘‘โย นีวรเณ ปหาย ปฺจ, อนีโฆ ติณฺณกถํกโถ วิสลฺโล;
โส ภิกฺขุ ชหาติ โอรปารํ, อุรโค ชิณฺณมิวตฺตจํ ปุราณ’’นฺติ. –
อรหตฺตนิกูเฏเนว ภควา เทสนํ นิฏฺาเปสิ. เทสนาปริโยสาเน โส ภิกฺขุ อรหตฺเต ปติฏฺิโต. ‘‘เอกจฺเจ เยน เยน เตสํ ภิกฺขูนํ ยา ยา คาถา เทสิตา, เตน เตน ตสฺสา ตสฺสา คาถาย ปริโยสาเน โส โส ภิกฺขุ อรหตฺเต ปติฏฺิโต’’ติ วทนฺติ.
ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย
สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย อุรคสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. ธนิยสุตฺตวณฺณนา
๑๘. ปกฺโกทโนติ ¶ ¶ ธนิยสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ. เตน สมเยน ธนิโย โคโป มหีตีเร ปฏิวสติ. ตสฺสายํ ปุพฺพโยโค – กสฺสปสฺส ภควโต ปาวจเน ทิพฺพมาเน วีสติ วสฺสสหสฺสานิ ทิวเส ทิวเส สงฺฆสฺส วีสติ สลากภตฺตานิ อทาสิ. โส ตโต จุโต เทเวสุ อุปฺปนฺโน. เอวํ เทวโลเก เอกํ พุทฺธนฺตรํ เขเปตฺวา อมฺหากํ ภควโต กาเล วิเทหรฏฺมชฺเฌ ปพฺพตรฏฺํ นาม อตฺถิ ตตฺถ ธมฺมโกรณฺฑํ นาม นครํ, ตสฺมึ นคเร เสฏฺิปุตฺโต หุตฺวา อภินิพฺพตฺโต, โคยูถํ นิสฺสาย ชีวติ. ตสฺส หิ ตึสมตฺตานิ โคสหสฺสานิ โหนฺติ, สตฺตวีสสหสฺสา คาโว ขีรํ ทุยฺหนฺติ. โคปา นาม นิพทฺธวาสิโน น โหนฺติ. วสฺสิเก จตฺตาโรมาเส ถเล วสนฺติ, อวเสเส อฏฺมาเส ยตฺถ ติโณทกํ สุขํ ลพฺภติ, ตตฺถ วสนฺติ. ตฺจ นทีตีรํ วา ชาตสฺสรตีรํ วา โหติ. อถายมฺปิ วสฺสกาเล อตฺตโน วสิตคามโต นิกฺขมิตฺวา ¶ คุนฺนํ ผาสุวิหารตฺถาย โอกาสํ คเวสนฺโต มหามหี ภิชฺชิตฺวา เอกโต กาลมหี เอกโต มหามหิจฺเจว สงฺขํ คนฺตฺวา สนฺทมานา ปุน สมุทฺทสมีเป สมาคนฺตฺวา ปวตฺตา. ยํ โอกาสํ อนฺตรทีปํ อกาสิ, ตํ ปวิสิตฺวา วจฺฉานํ สาลํ อตฺตโน จ นิเวสนํ มาเปตฺวา วาสํ กปฺเปสิ. ตสฺส สตฺต ปุตฺตา, สตฺต ธีตโร, สตฺต สุณิสา, อเนเก จ กมฺมการา โหนฺติ. โคปา นาม วสฺสนิมิตฺตํ ชานนฺติ. ยทา สกุณิกา กุลาวกานิ รุกฺขคฺเค กโรนฺติ, กกฺกฏกา อุทกสมีเป ทฺวารํ ปิทหิตฺวา ถลสมีปทฺวาเรน วฬฺเชนฺติ, ตทา สุวุฏฺิกา ภวิสฺสตีติ คณฺหนฺติ. ยทา ปน สกุณิกา กุลาวกานิ นีจฏฺาเน อุทกปิฏฺเ กโรนฺติ, กกฺกฏกา ถลสมีเป ทฺวารํ ปิทหิตฺวา อุทกสมีปทฺวาเรน วฬฺเชนฺติ, ตทา ทุพฺพุฏฺิกา ภวิสฺสตีติ คณฺหนฺติ.
อถ โส ธนิโย สุวุฏฺิกนิมิตฺตานิ อุปสลฺลกฺเขตฺวา อุปกฏฺเ วสฺสกาเล อนฺตรทีปา นิกฺขมิตฺวา มหามหิยา ปรตีเร สตฺตสตฺตาหมฺปิ เทเว วสฺสนฺเต อุทเกน อนชฺโฌตฺถรโณกาเส อตฺตโน วสโนกาสํ กตฺวา สมนฺตา ปริกฺขิปิตฺวา, วจฺฉสาลาโย มาเปตฺวา, ตตฺถ นิวาสํ กปฺเปสิ. อถสฺส ทารุติณาทิสงฺคเห กเต สพฺเพสุ ปุตฺตทารกมฺมกรโปริเสสุ ¶ สมานิเยสุ ชาเตสุ นานปฺปกาเร ขชฺชโภชฺเช ปฏิยตฺเต สมนฺตา จตุทฺทิสา เมฆมณฺฑลานิ อุฏฺหึสุ. โส เธนุโย ทุหาเปตฺวา ¶ , วจฺฉสาลาสุ วจฺเฉ สณฺาเปตฺวา, คุนฺนํ จตุทฺทิสา ธูมํ การาเปตฺวา, สพฺพปริชนํ โภชาเปตฺวา, สพฺพกิจฺจานิ การาเปตฺวา ตตฺถ ตตฺถ ทีเป อุชฺชาลาเปตฺวา, สยํ ขีเรน ภตฺตํ ภฺุชิตฺวา, มหาสยเน สยนฺโต อตฺตโน สิริสมฺปตฺตึ ทิสฺวา, ตุฏฺจิตฺโต หุตฺวา, อปรทิสาย เมฆตฺถนิตสทฺทํ สุตฺวา นิปนฺโน อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ ‘‘ปกฺโกทโน ทุทฺธขีโรหมสฺมี’’ติ.
ตตฺรายํ อตฺถวณฺณนา – ปกฺโกทโนติ สิทฺธภตฺโต. ทุทฺธขีโรติ คาโว ทุหิตฺวา คหิตขีโร. อหนฺติ อตฺตานํ นิทสฺเสติ ¶ , อสฺมีติ อตฺตโน ตถาภาวํ. ปกฺโกทโน ทุทฺธขีโร จ อหมสฺมิ ภวามีติ อตฺโถ. อิตีติ เอวมาหาติ อตฺโถ. นิทฺเทเส ปน ‘‘อิตีติ ปทสนฺธิ, ปทสํสคฺโค, ปทปาริปูริ, อกฺขรสมวาโย พฺยฺชนสิลิฏฺตา ปทานุปุพฺพตาเมต’’นฺติ (จูฬนิ. อชิตมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๑) เอวมสฺส อตฺโถ วณฺณิโต. โสปิ อิทเมว สนฺธายาติ เวทิตพฺโพ. ยํ ยํ หิ ปทํ ปุพฺพปเทน วุตฺตํ, ตสฺส ตสฺส เอวมาหาติ เอตมตฺถํ ปกาเสนฺโตเยว อิติสทฺโท ปจฺฉิเมน ปเทน เมตฺเตยฺโย อิติ วา ภควา อิติ วา เอวมาทินา ปทสนฺธิ โหติ, นาฺถา.
ธนิโย โคโปติ ตสฺส เสฏฺิปุตฺตสฺส นามสโมธานํ. โส หิ ยานิมานิ ถาวราทีนิ ปฺจ ธนานิ, เตสุ เปตฺวา ทานสีลาทิอนุคามิกธนํ, เขตฺตวตฺถุ-อารามาทิโต ถาวรธนโตปิ, ควสฺสาทิโต ชงฺคมธนโตปิ หิรฺสุวณฺณาทิโต สํหาริมธนโตปิ, สิปฺปายตนาทิโต องฺคสมธนโตปิ ยํ ตํ โลกสฺส ปฺจโครสานุปฺปทาเนน พหูปการํ ตํ สนฺธาย ‘‘นตฺถิ โคสมิตํ ธน’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๑๓; เนตฺติ. ๑๒๓) เอวํ วิเสสิตํ โคธนํ, เตน สมนฺนาคตตฺตา ธนิโย, คุนฺนํ ปาลนโต โคโป. โย หิ อตฺตโน คาโว ปาเลติ, โส ‘‘โคโป’’ติ วุจฺจติ. โย ปเรสํ เวตเนน ภโฏ หุตฺวา, โส โคปาลโก. อยํ ปน อตฺตโนเยว, เตน โคโปติ วุตฺโต.
อนุตีเรติ ¶ ตีรสฺส สมีเป. มหิยาติ มหามหีนามิกาย นทิยา. สมาเนน อนุกูลวตฺตินา ปริชเนน สทฺธึ วาโส ยสฺส โส สมานวาโส, อยฺจ ตถาวิโธ. เตนาห ‘‘สมานวาโส’’ติ. ฉนฺนาติ ติณปณฺณจฺฉทเนหิ อโนวสฺสกา กตา. กุฏีติ วสนฆรสฺเสตํ อธิวจนํ. อาหิโตติ อาภโต, ชาลิโต วา. คินีติ อคฺคิ. เตสุ เตสุ าเนสุ อคฺคิ ‘‘คินี’’ติ โวหรียติ. อถ เจ ปตฺถยสีติ อิทานิ ยทิ อิจฺฉสีติ วุตฺตํ โหติ. ปวสฺสาติ สิฺจ, ปคฺฆร, อุทกํ มฺุจาติ อตฺโถ. เทวาติ เมฆํ อาลปติ. อยํ ตาเวตฺถ ปทวณฺณนา.
อยํ ¶ ปน อตฺถวณฺณนา – เอวมยํ ธนิโย โคโป อตฺตโน สยนฆเร มหาสยเน นิปนฺโน เมฆตฺถนิตํ ¶ สุตฺวา ‘‘ปกฺโกทโนหมสฺมี’’ติ ภณนฺโต กายทุกฺขวูปสมูปายํ กายสุขเหตฺุจ อตฺตโน สนฺนิหิตํ ทีเปติ. ‘‘ทุทฺธขีโรหมสฺมี’’ติ ภณนฺโต จิตฺตทุกฺขวูปสมูปายํ จิตฺตสุขเหตฺุจ. ‘‘อนุตีเร มหิยา’’ติ นิวาสฏฺานสมฺปตฺตึ, ‘‘สมานวาโส’’ติ ตาทิเส กาเล ปิยวิปฺปโยคปทฏฺานสฺส โสกสฺสาภาวํ. ‘‘ฉนฺนา กุฏี’’ติ กายทุกฺขาปคมปฏิฆาตํ. ‘‘อาหิโต คินี’’ติ ยสฺมา โคปาลกา ปริกฺเขปธูมทารุอคฺคิวเสน ตโย อคฺคี กโรนฺติ. เต จ ตสฺส เคเห สพฺเพ กตา, ตสฺมา สพฺพทิสาสุ ปริกฺเขปคฺคึ สนฺธาย ‘‘อาหิโต คินี’’ติ ภณนฺโต วาฬมิคาคมนนิวารณํ ทีเปติ, คุนฺนํ มชฺเฌ โคมยาทีหิ ธูมคฺคึ สนฺธาย ฑํสมกสาทีหิ คุนฺนํ อนาพาธํ, โคปาลกานํ สยนฏฺาเน ทารุอคฺคึ สนฺธาย โคปาลกานํ สีตาพาธปฏิฆาตํ. โส เอวํ ทีเปนฺโต อตฺตโน วา คุนฺนํ วา ปริชนสฺส วา วุฏฺิปจฺจยสฺส กสฺสจิ อาพาธสฺส อภาวโต ปีติโสมนสฺสชาโต อาห – ‘‘อถ เจ ปตฺถยสี ปวสฺส เทวา’’ติ.
๑๙. เอวํ ธนิยสฺส อิมํ คาถํ ภาสมานสฺส อสฺโสสิ ภควา ทิพฺพาย โสตธาตุยา วิสุทฺธาย อติกฺกนฺตมานุสิกาย เชตวนมหาวิหาเร คนฺธกุฏิยํ วิหรนฺโต. สุตฺวา จ ปน พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกนฺโต อทฺทส ธนิยฺจ ปชาปติฺจสฺส ‘‘อิเม อุโภปิ เหตุสมฺปนฺนา. สเจ อหํ คนฺตฺวา ธมฺมํ เทเสสฺสามิ, อุโภปิ ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสนฺติ. โน เจ คมิสฺสามิ, สฺเว อุทโกเฆน วินสฺสิสฺสนฺตี’’ติ ตํ ขเณเยว สาวตฺถิโต สตฺต โยชนสตานิ ธนิยสฺส นิวาสฏฺานํ อากาเสน คนฺตฺวา ตสฺส กุฏิยา อุปริ อฏฺาสิ. ธนิโย ตํ คาถํ ปุนปฺปุนํ ภาสติเยว ¶ , น นิฏฺาเปติ, ภควติ คเตปิ ภาสติ. ภควา จ ตํ สุตฺวา ‘‘น เอตฺตเกน สนฺตุฏฺา วา วิสฺสตฺถา วา โหนฺติ, เอวํ ปน โหนฺตี’’ติ ทสฺเสตุํ –
‘‘อกฺโกธโน วิคตขิโลหมสฺมิ, อนุตีเร มหิเยกรตฺติวาโส;
วิวฏา กุฏิ นิพฺพุโต คินิ, อถ เจ ปตฺถยสี ปวสฺส เทวา’’ติ. –
อิมํ ปฏิคาถํ อภาสิ พฺยฺชนสภาคํ ¶ โน อตฺถสภาคํ. น หิ ‘‘ปกฺโกทโน’’ติ, ‘‘อกฺโกธโน’’ติ จ อาทีนิ ปทานิ อตฺถโต สเมนฺติ มหาสมุทฺทสฺส โอริมปาริมตีรานิ วิย, พฺยฺชนํ ปเนตฺถ กิฺจิ กิฺจิ สเมตีติ พฺยฺชนสภาคานิ โหนฺติ. ตตฺถ ปุริมคาถาย สทิสปทานํ วุตฺตนเยเนว อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
วิเสสปทานํ ปนายํ ปทโต อตฺถโต จ วณฺณนา – อกฺโกธโนติ อกุชฺฌนสภาโว. โย ¶ หิ โส ปุพฺเพ วุตฺตปฺปการอาฆาตวตฺถุสมฺภโว โกโธ เอกจฺจสฺส สุปริตฺโตปิ อุปฺปชฺชมาโน หทยํ สนฺตาเปตฺวา วูปสมฺมติ, เยน จ ตโต พลวตรุปฺปนฺเนน เอกจฺโจ มุขวิกุณนมตฺตํ กโรติ, ตโต พลวตเรน เอกจฺโจ ผรุสํ วตฺตุกาโม หนุสฺจลนมตฺตํ กโรติ, อปโร ตโต พลวตเรน ผรุสํ ภณติ, อปโร ตโต พลวตเรน ทณฺฑํ วา สตฺถํ วา คเวสนฺโต ทิสา วิโลเกติ, อปโร ตโต พลวตเรน ทณฺฑํ วา สตฺถํ วา อามสติ, อปโร ตโต พลวตเรน ทณฺฑาทีนิ คเหตฺวา อุปธาวติ, อปโร ตโต พลวตเรน เอกํ วา ทฺเว วา ปหาเร เทติ, อปโร ตโต พลวตเรน อปิ าติสาโลหิตํ ชีวิตา โวโรเปติ, เอกจฺโจ ตโต พลวตเรน ปจฺฉา วิปฺปฏิสารี อตฺตานมฺปิ ชีวิตา โวโรเปติ สีหฬทีเป กาลคามวาสี อมจฺโจ วิย. เอตฺตาวตา จ โกโธ ปรมเวปุลฺลปฺปตฺโต โหติ. โส ภควตา โพธิมณฺเฑเยว สพฺพโส ปหีโน อุจฺฉินฺนมูโล ตาลาวตฺถุกโต, ตสฺมา ภควา ‘‘อกฺโกธโนหมสฺมี’’ติ อาห.
วิคตขิโลติ อปคตขิโล. เย หิ เต จิตฺตพนฺธภาเวน ปฺจ เจโตขิลา วุตฺตา, เย หิ จ ขิลภูเต จิตฺเต เสยฺยถาปิ นาม ขิเล ภูมิภาเค ¶ จตฺตาโร มาเส วสฺสนฺเตปิ เทเว สสฺสานิ น รุหนฺติ, เอวเมวํ สทฺธมฺมสฺสวนาทิกุสลเหตุวสฺเส วสฺสนฺเตปิ กุสลํ น รุหติ เต จ ภควตา โพธิมณฺเฑเยว สพฺพโส ปหีนา, ตสฺมา ภควา ‘‘วิคตขิโลหมสฺมี’’ติ อาห.
เอกรตฺตึ วาโส อสฺสาติ เอกรตฺติวาโส ¶ . ยถา หิ ธนิโย ตตฺถ จตฺตาโร วสฺสิเก มาเส นิพทฺธวาสํ อุปคโต, น ตถา ภควา. ภควา หิ ตํเยว รตฺตึ ตสฺส อตฺถกามตาย ตตฺถ วาสํ อุปคโต. ตสฺมา ‘‘เอกรตฺติวาโส’’ติ อาห. วิวฏาติ อปนีตจฺฉทนา. กุฏีติ อตฺตภาโว. อตฺตภาโว หิ ตํ ตํ อตฺถวสํ ปฏิจฺจ กาโยติปิ คุหาติปิ เทโหติปิ สนฺเทโหติปิ นาวาติปิ รโถติปิ วโณติปิ ธโชติปิ วมฺมิโกติปิ กุฏีติปิ กุฏิกาติปิ วุจฺจติ. อิธ ปน กฏฺาทีนิ ปฏิจฺจ เคหนามิกา กุฏิ วิย อฏฺิอาทีนิ ปฏิจฺจ สงฺขฺยํ คตตฺตา ‘‘กุฏี’’ติ วุตฺโต. ยถาห –
‘‘เสยฺยถาปิ, อาวุโส, กฏฺฺจ ปฏิจฺจ, วลฺลิฺจ ปฏิจฺจ, มตฺติกฺจ ปฏิจฺจ, ติณฺจ ปฏิจฺจ, อากาโส ปริวาริโต อคารํตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ; เอวเมว โข, อาวุโส, อฏฺิฺจ ปฏิจฺจ, นฺหารฺุจ ปฏิจฺจ, มํสฺจ ปฏิจฺจ, จมฺมฺจ ปฏิจฺจ, อากาโส ปริวาริโต รูปนฺตฺเวว สงฺขํ คจฺฉตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๐๖).
จิตฺตมกฺกฏสฺส นิวาสโต วา กุฏิ. ยถาห –
‘‘อฏฺิกงฺกลกุฏิ ¶ เจ สา, มกฺกฏาวสโถ อิติ;
มกฺกโฏ ปฺจทฺวาราย, กุฏิกาย ปสกฺกิย;
ทฺวาเรน อนุปริยาติ, ฆฏฺฏยนฺโต ปุนปฺปุน’’นฺติ. (เถรคา. ๑๒๕);
สา กุฏิ เยน ตณฺหามานทิฏฺิฉทเนน สตฺตานํ ฉนฺนตฺตา ปุนปฺปุนํ ราคาทิกิเลสวสฺสํ อติวสฺสติ. ยถาห –
‘‘ฉนฺนมติวสฺสติ, วิวฏํ นาติวสฺสติ;
ตสฺมา ฉนฺนํ วิวเรถ, เอวํ ตํ นาติวสฺสตี’’ติ. (อุทา. ๔๕; เถรคา. ๔๔๗; ปริ. ๓๓๙);
อยํ ¶ คาถา ทฺวีสุ าเนสุ วุตฺตา ขนฺธเก เถรคาถายฺจ. ขนฺธเก หิ ‘‘โย อาปตฺตึ ปฏิจฺฉาเทติ, ตสฺส กิเลสา จ ปุนปฺปุนํ อาปตฺติโย จ อติวสฺสนฺติ, โย ปน น ปฏิจฺฉาเทติ, ตสฺส นาติวสฺสนฺตี’’ติ อิมํ อตฺถํ ปฏิจฺจ วุตฺตา. เถรคาถายํ ‘‘ยสฺส ราคาทิจฺฉทนํ อตฺถิ, ตสฺส ปุน อิฏฺารมฺมณาทีสุ ราคาทิสมฺภวโต ฉนฺนมติวสฺสติ ¶ . โย วา อุปฺปนฺเน กิเลเส อธิวาเสติ, ตสฺเสว อธิวาสิตกิเลสจฺฉทนจฺฉนฺนา อตฺตภาวกุฏิ ปุนปฺปุนํ กิเลสวสฺสํ อติวสฺสติ. ยสฺส ปน อรหตฺตมคฺคาณวาเตน กิเลสจฺฉทนสฺส วิทฺธํสิตตฺตา วิวฏา, ตสฺส นาติวสฺสตี’’ติ. อยมตฺโถ อิธ อธิปฺเปโต. ภควตา หิ ยถาวุตฺตํ ฉทนํ ยถาวุตฺเตเนว นเยน วิทฺธํสิตํ, ตสฺมา ‘‘วิวฏา กุฏี’’ติ อาห. นิพฺพุโตติ อุปสนฺโต. คินีติ อคฺคิ. เยน หิ เอกาทสวิเธน อคฺคินา สพฺพมิทํ อาทิตฺตํ. ยถาห – ‘‘อาทิตฺตํ ราคคฺคินา’’ติ วิตฺถาโร. โส อคฺคิ ภควโต โพธิมูเลเยว อริยมคฺคสลิลเสเกน นิพฺพุโต, ตสฺมา ‘‘นิพฺพุโต คินี’’ติ อาห.
เอวํ วทนฺโต จ ธนิยํ อตุฏฺพฺเพน ตุสฺสมานํ อฺาปเทเสเนว ปริภาสติ, โอวทติ, อนุสาสติ. กถํ? ‘‘อกฺโกธโน’’ติ หิ วทมาโน, ธนิย, ตฺวํ ‘‘ปกฺโกทโนหมสฺมี’’ติ ตุฏฺโ, โอทนปาโก จ ยาวชีวํ ธนปริกฺขเยน กตฺตพฺโพ, ธนปริกฺขโย จ อารกฺขาทิทุกฺขปทฏฺาโน, เอวํ สนฺเต ทุกฺเขเนว ตุฏฺโ โหสิ. อหํ ปน ‘‘อกฺโกธโนหมสฺมี’’ติ ตุสฺสนฺโต สนฺทิฏฺิกสมฺปรายิกทุกฺขาภาเวน ตุฏฺโ โหมีติ ทีเปติ. ‘‘วิคตขิโล’’ติ วทมาโน ตฺวํ ‘‘ทุทฺธขีโรหมสฺมี’’ติ ตุสฺสนฺโต อกตกิจฺโจว ‘‘กตกิจฺโจหมสฺมี’’ติ มนฺตฺวา ตุฏฺโ, อหํ ปน ‘‘วิคตขิโลหมสฺมี’’ติ ตุสฺสนฺโต กตกิจฺโจว ตุฏฺโ โหมีติ ทีเปติ. ‘‘อนุตีเร ¶ มหิเยกรตฺติวาโส’’ติ วทมาโน ตฺวํ อนุตีเร มหิยา สมานวาโสติ ตุสฺสนฺโต จตุมาสนิพทฺธวาเสน ตุฏฺโ. นิพทฺธวาโส จ อาวาสสงฺเคน โหติ, โส จ ทุกฺโข, เอวํ สนฺเต ทุกฺเขเนว ตุฏฺโ โหสิ. อหํ ปน เอกรตฺติวาโสติ ตุสฺสนฺโต อนิพทฺธวาเสน ตุฏฺโ, อนิพทฺธวาโส จ อาวาสสงฺคาภาเวน โหติ, อาวาสสงฺคาภาโว จ สุโขติ สุเขเนว ตุฏฺโ โหมีติ ¶ ทีเปติ.
‘‘วิวฏา ¶ กุฏี’’ติ วทมาโน ตฺวํ ฉนฺนา กุฏีติ ตุสฺสนฺโต ฉนฺนเคหตาย ตุฏฺโ, เคเห จ เต ฉนฺเนปิ อตฺตภาวกุฏิกํ กิเลสวสฺสํ อติวสฺสติ, เยน สฺชนิเตหิ จตูหิ มโหเฆหิ วุยฺหมาโน อนยพฺยสนํ ปาปุเณยฺยาสิ, เอวํ สนฺเต อตุฏฺพฺเพเนว ตุฏฺโ โหสิ. อหํ ปน ‘‘วิวฏา กุฏี’’ติ ตุสฺสนฺโต อตฺตภาวกุฏิยา กิเลสจฺฉทนาภาเวน ตุฏฺโ. เอวฺจ เม วิวฏาย กุฏิยา น ตํ กิเลสวสฺสํ อติวสฺสติ, เยน สฺชนิเตหิ จตูหิ มโหเฆหิ วุยฺหมาโน อนยพฺยสนํ ปาปุเณยฺยํ, เอวํ สนฺเต ตุฏฺพฺเพเนว ตุฏฺโ โหมีติ ทีเปติ. ‘‘นิพฺพุโต คินี’’ติ วทมาโน ตฺวํ อาหิโต คินีติ ตุสฺสนฺโต อกตูปทฺทวนิวารโณว กตูปทฺทวนิวารโณสฺมีติ มนฺตฺวา ตุฏฺโ. อหํ ปน นิพฺพุโต คินีติ ตุสฺสนฺโต เอกาทสคฺคิปริฬาหาภาวโต กตูปทฺทวนิวารณตาเยว ตุฏฺโติ ทีเปติ. ‘‘อถ เจ ปตฺถยสี ปวสฺส เทวา’’ติ วทมาโน เอวํ วิคตทุกฺขานํ อนุปฺปตฺตสุขานํ กตสพฺพกิจฺจานํ อมฺหาทิสานํ เอตํ วจนํ โสภติ, อถ เจ ปตฺถยสิ, ปวสฺส เทว, น โน ตยิ วสฺสนฺเต วา อวสฺสนฺเต วา วุฑฺฒิ วา หานิ วา อตฺถิ, ตฺวํ ปน กสฺมา เอวํ วทสีติ ทีเปติ. ตสฺมา ยํ วุตฺตํ ‘‘เอวํ วทนฺโต จ ธนิย อตุฏฺพฺเพเนว ตุสฺสมานํ อฺาปเทเสเนว ปริภาสติ โอวทติ, อนุสาสตี’’ติ, ตํ สมฺมเทว วุตฺตนฺติ.
๒๐. เอวมิมํ ภควตา วุตฺตํ คาถํ สุตฺวาปิ ธนิโย โคโป ‘‘โก อยํ คาถํ ภาสตี’’ติ อวตฺวา เตน สุภาสิเตน ปริตุฏฺโ ปุนปิ ตถารูปํ โสตุกาโม อปรมฺปิ คาถมาห ‘‘อนฺธกมกสา’’ติ. ตตฺถ อนฺธกาติ กาฬมกฺขิกานํ อธิวจนํ, ปิงฺคลมกฺขิกานนฺติปิ เอเก. มกสาติ มกสาเยว. น วิชฺชเรติ นตฺถิ. กจฺเฉติ ทฺเว กจฺฉา – นทีกจฺโฉ จ ปพฺพตกจฺโฉ จ. อิธ นทีกจฺโฉ. รุฬฺหติเณติ สฺชาตติเณ. จรนฺตีติ ภตฺตกิจฺจํ ¶ กโรนฺติ. วุฏฺิมฺปีติ วาตวุฏฺิอาทิกา อเนกา วุฏฺิโย, ตา อาฬวกสุตฺเต ปกาสยิสฺสาม. อิธ ปน วสฺสวุฏฺึ สนฺธาย วุตฺตํ. สเหยฺยุนฺติ ขเมยฺยุํ. เสสํ ปากฏเมว. เอตฺถ ธนิโย เย อนฺธกมกสา สนฺนิปติตฺวา รุธิเร ปิวนฺตา มุหุตฺเตเนว คาโว อนยพฺยสนํ ปาเปนฺติ, ตสฺมา วุฏฺิตมตฺเตเยว เต โคปาลกา ปํสุนา จ สาขาหิ จ ¶ มาเรนฺติ, เตสํ อภาเวน คุนฺนํ เขมตํ, กจฺเฉ ¶ รุฬฺหติณจรเณน อทฺธานคมนปริสฺสมาภาวํ วตฺวา ขุทากิลมถาภาวฺจ ทีเปนฺโต ‘‘ยถา อฺเสํ คาโว อนฺธกมกสสมฺผสฺเสหิ ทิสฺสมานา อทฺธานคมเนน กิลนฺตา ขุทาย มิลายมานา เอกวุฏฺินิปาตมฺปิ น สเหยฺยุํ, น เม ตถา คาโว, มยฺหํ ปน คาโว วุตฺตปฺปการาภาวา ทฺวิกฺขตฺตุํ วา ติกฺขตุํ วา วุฏฺิมฺปิ สเหยฺยุ’’นฺติ ทีเปติ.
๒๑. ตโต ภควา ยสฺมา ธนิโย อนฺตรทีเป วสนฺโต ภยํ ทิสฺวา, กุลฺลํ พนฺธิตฺวา, มหามหึ ตริตฺวา, ตํ กจฺฉํ อาคมฺม ‘‘อหํ สุฏฺุ อาคโต, นิพฺภเยว าเน ิโต’’ติ มฺมาโน เอวมาห, สภเย เอว จ โส าเน ิโต, ตสฺมา ตสฺส อาคมนฏฺานา อตฺตโน อาคมนฏฺานํ อุตฺตริตรฺจ ปณีตตรฺจ วณฺเณนฺโต ‘‘พทฺธาสิ ภิสี’’ติ อิมํ คาถมภาสิ, อตฺถสภาคํ โน พฺยฺชนสภาคํ.
ตตฺถ ภิสีติ ปตฺถริตฺวา ปุถุลํ กตฺวา พทฺธกุลฺโล วุจฺจติ โลเก. อริยสฺส ปน ธมฺมวินเย อริยมคฺคสฺเสตํ อธิวจนํ. อริยมคฺโค หิ –
‘‘มคฺโค ปชฺโช ปโถ ปนฺโถ, อฺชสํ วฏุมายนํ;
นาวา อุตฺตรเสตุ จ, กุลฺโล จ ภิสิ สงฺกโม’’. (จูฬนิ. ปารายนตฺถุติคาถานิทฺเทส ๑๐๑);
‘‘อทฺธานํ ปภโว เจว, ตตฺถ ตตฺถ ปกาสิโต’’.
อิมายปิ คาถาย ภควา ปุริมนเยเนว ตํ โอวทนฺโต อิมํ อตฺถํ อาหาติ เวทิตพฺโพ – ธนิย, ตฺวํ กุลฺลํ พนฺธิตฺวา, มหึ ตริตฺวา, อิมํ านมาคโต, ปุนปิ จ เต กุลฺโล ¶ พนฺธิตพฺโพ เอว ภวิสฺสติ, นที จ ตริตพฺพา, น เจตํ านํ เขมํ. มยา ปน เอกจิตฺเต มคฺคงฺคานิ สโมธาเนตฺวา าณพนฺธเนน พทฺธา อโหสิ ภิสิ. สา จ สตฺตตึสโพธิปกฺขิยธมฺมปริปุณฺณตาย เอกรสภาวูปคตตฺตา อฺมฺํ อนติวตฺตเนน ปุน พนฺธิตพฺพปฺปโยชนาภาเวน เทวมนุสฺเสสุ เกนจิ โมเจตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย จ สุสงฺขตา. ตาย จมฺหิ ติณฺโณ, ปุพฺเพ ปตฺถิตํ ตีรปฺปเทสํ คโต. คจฺฉนฺโตปิ จ น โสตาปนฺนาทโย วิย กฺจิเทว ปเทสํ คโต. อถ โข ปารคโต สพฺพาสวกฺขยํ สพฺพธมฺมปารํ ปรมํ เขมํ นิพฺพานํ คโต, ติณฺโณติ วา สพฺพฺุตํ ปตฺโต, ปารคโตติ อรหตฺตํ ปตฺโต ¶ . กึ วิเนยฺย ปารคโตติ เจ? วิเนยฺย โอฆํ, กาโมฆาทิจตุพฺพิธํ โอฆํ ตริตฺวา อติกฺกมฺม ตํ ปารํ คโตติ. อิทานิ จ ¶ ปน เม ปุน ตริตพฺพาภาวโต อตฺโถ ภิสิยา น วิชฺชติ, ตสฺมา มเมว ยุตฺตํ วตฺตุํ ‘‘อถ เจ ปตฺถยสี ปวสฺส เทวา’’ติ.
๒๒. ตมฺปิ สุตฺวา ธนิโย ปุริมนเยเนว ‘‘โคปี มม อสฺสวา’’ติ อิมํ คาถํ อภาสิ. ตตฺถ โคปีติ ภริยํ นิทฺทิสติ. อสฺสวาติ วจนกรา กึการปฏิสาวินี. อโลลาติ มาตุคาโม หิ ปฺจหิ โลลตาหิ โลโล โหติ – อาหารโลลตาย, อลงฺการโลลตาย, ปรปุริสโลลตาย, ธนโลลตาย, ปาทโลลตาย. ตถา หิ มาตุคาโม ภตฺตปูวสุราทิเภเท อาหาเร โลลตาย อนฺตมโส ปาริวาสิกภตฺตมฺปิ ภฺุชติ, หตฺโถตาปกมฺปิ ขาทติ, ทิคุณํ ธนมนุปฺปทตฺวาปิ สุรํ ปิวติ. อลงฺการโลลตาย อฺํ อลงฺการํ อลภมาโน อนฺตมโส อุทกเตลเกนปิ เกเส โอสณฺเฑตฺวา มุขํ ปริมชฺชติ. ปรปุริสโลลตาย อนฺตมโส ปุตฺเตนปิ ¶ ตาทิเส ปเทเส ปกฺโกสิยมาโน ปมํ อสทฺธมฺมวเสน จินฺเตติ. ธนโลลตาย ‘‘หํสราชํ คเหตฺวาน สุวณฺณา ปริหายถ’’. ปาทโลลตาย อารามาทิคมนสีโล หุตฺวา สพฺพํ ธนํ วินาเสติ. ตตฺถ ธนิโย ‘‘เอกาปิ โลลตา มยฺหํ โคปิยา นตฺถี’’ติ ทสฺเสนฺโต อโลลาติ อาห.
ทีฆรตฺตํ สํวาสิยาติ ทีฆกาลํ สทฺธึ วสมานา โกมารภาวโต ปภุติ เอกโต วฑฺฒิตา. เตน ปรปุริเส น ชานาตีติ ทสฺเสติ. มนาปาติ เอวํ ปรปุริเส อชานนฺตี มเมว มนํ อลฺลียตีติ ทสฺเสติ. ตสฺสา น สุณามิ กิฺจิ ปาปนฺติ ‘‘อิตฺถนฺนาเมน นาม สทฺธึ อิมาย หสิตํ วา ลปิตํ วา’’ติ เอวํ ตสฺสา น สุณามิ, กฺจิ อติจารโทสนฺติ ทสฺเสติ.
๒๓. อถ ภควา เอเตหิ คุเณหิ โคปิยา ตุฏฺํ ธนิยํ โอวทนฺโต ปุริมนเยเนว ‘‘จิตฺตํ มม อสฺสว’’นฺติ อิมํ คาถมภาสิ, อตฺถสภาคํ, พฺยฺชนสภาคฺจ. ตตฺถ อุตฺตานตฺถาเนว ปทานิ. อยํ ปน อธิปฺปาโย – ธนิย, ตฺวํ ‘‘โคปี มม อสฺสวา’’ติ ตุฏฺโ, สา ปน เต อสฺสวา ¶ ภเวยฺย วา น วา; ทุชฺชานํ ปรจิตฺตํ, วิเสสโต มาตุคามสฺส. มาตุคามฺหิ กุจฺฉิยา ปริหรนฺตาปิ รกฺขิตุํ น สกฺโกนฺติ, เอวํ ทุรกฺขจิตฺตตฺตา เอว น สกฺกา ตุมฺหาทิเสหิ อิตฺถี อโลลาติ วา สํวาสิยาติ วา มนาปาติ วา นิปฺปาปาติ วา ชานิตุํ. มยฺหํ ปน จิตฺตํ อสฺสวํ โอวาทปฏิกรํ มม วเส วตฺตติ, นาหํ ตสฺส วเส วตฺตามิ. โส จสฺส อสฺสวภาโว ยมกปาฏิหาริเย ฉนฺนํ วณฺณานํ อคฺคิธาราสุ จ อุทกธาราสุ จ ปวตฺตมานาสุ สพฺพชนสฺส ปากโฏ อโหสิ. อคฺคินิมฺมาเน หิ เตโชกสิณํ สมาปชฺชิตพฺพํ อุทกนิมฺมาเน อาโปกสิณํ, นีลาทินิมฺมาเน นีลาทิกสิณานิ. พุทฺธานมฺปิ หิ ทฺเว จิตฺตานิ เอกโต ¶ นปฺปวตฺตนฺติ, เอกเมว ปน อสฺสวภาเวน เอวํ วสวตฺติ อโหสิ. ตฺจ โข ปน สพฺพกิเลสพนฺธนาปคมา ¶ วิมุตฺตํ, วิมุตฺตตฺตา ตเทว อโลลํ, น ตว โคปี. ทีปงฺกรพุทฺธกาลโต จ ปภุติ ทานสีลาทีหิ ทีฆรตฺตํ ปริภาวิตตฺตา สํวาสิยํ, น ตว โคปี. ตเทตํ อนุตฺตเรน ทมเถน ทมิตตฺตา สุทนฺตํ, สุทนฺตตฺตา อตฺตโน วเสน ฉทฺวารวิเสวนํ ปหาย มเมว อธิปฺปายมนสฺส วเสนานุวตฺตนโต มนาปํ, น ตว โคปี.
ปาปํ ปน เม น วิชฺชตีติ อิมินา ปน ภควา ตสฺส อตฺตโน จิตฺตสฺส ปาปาภาวํ ทสฺเสติ, ธนิโย วิย โคปิยา. โส จสฺส ปาปาภาโว น เกวลํ สมฺมาสมฺพุทฺธกาเลเยว, เอกูนตึส วสฺสานิ สราคาทิกาเล อคารมชฺเฌ วสนฺตสฺสาปิ เวทิตพฺโพ. ตทาปิ หิสฺส อคาริยภาวานุรูปํ วิฺุปฏิกุฏฺํ กายทุจฺจริตํ วา วจีทุจฺจริตํ วา มโนทุจฺจริตํ วา น อุปฺปนฺนปุพฺพํ. ตโต ปรํ มาโรปิ ฉพฺพสฺสานิ อนภิสมฺพุทฺธํ, เอกํ วสฺสํ อภิสมฺพุทฺธนฺติ สตฺต วสฺสานิ ตถาคตํ อนุพนฺธิ ‘‘อปฺเปว นาม วาลคฺคนิตุทนมตฺตมฺปิสฺส ปาปสมาจารํ ปสฺเสยฺย’’นฺติ. โส อทิสฺวาว นิพฺพินฺโน อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘สตฺต วสฺสานิ ภควนฺตํ, อนุพนฺธึ ปทาปทํ;
โอตารํ นาธิคจฺฉิสฺสํ, สมฺพุทฺธสฺส สตีมโต’’ติ. (สุ. นิ. ๔๔๘);
พุทฺธกาเลปิ นํ อุตฺตรมาณโว สตฺต มาสานิ อนุพนฺธิ อาภิสมาจาริกํ ทฏฺุกาโม. โส กิฺจิ วชฺชํ อทิสฺวาว ปริสุทฺธสมาจาโร ภควาติ คโต. จตฺตาริ หิ ตถาคตสฺส อรกฺเขยฺยานิ. ยถาห –
‘‘จตฺตาริมานิ ¶ , ภิกฺขเว, ตถาคตสฺส อรกฺเขยฺยานิ. กตมานิ จตฺตาริ? ปริสุทฺธกายสมาจาโร, ภิกฺขเว, ตถาคโต, นตฺถิ ตถาคตสฺส กายทุจฺจริตํ, ยํ ตถาคโต รกฺเขยฺย ‘มา เม อิทํ ปโร อฺาสี’ติ, ปริสุทฺธวจีสมาจาโร…เป… ปริสุทฺธมโนสมาจาโร…เป… ปริสุทฺธาชีโว, ภิกฺขเว, ตถาคโต, นตฺถิ ตถาคตสฺส มิจฺฉาชีโว, ยํ ตถาคโต รกฺเขยฺย ¶ ‘มา เม อิทํ ปโร อฺาสี’’’ติ (อ. นิ. ๗.๕๘).
เอวํ ยสฺมา ตถาคตสฺส จิตฺตสฺส น เกวลํ สมฺมาสมฺพุทฺธกาเล, ปุพฺเพปิ ปาปํ นตฺถิ เอว, ตสฺมา อาห – ‘‘ปาปํ ปน เม น วิชฺชตี’’ติ. ตสฺสาธิปฺปาโย – มเมว จิตฺตสฺส ปาปํ น สกฺกา ¶ สุณิตุํ, น ตว โคปิยา. ตสฺมา ยทิ เอเตหิ คุเณหิ ตุฏฺเน ‘‘อถ เจ ปตฺถยสี ปวสฺส เทวา’’ติ วตฺตพฺพํ, มยาเวตํ วตฺตพฺพนฺติ.
๒๔. ตมฺปิ สุตฺวา ธนิโย ตตุตฺตริปิ สุภาสิตรสายนํ ปิวิตุกาโม อตฺตโน ภุชิสฺสภาวํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อตฺตเวตนภโตหมสฺมี’’ติ. ตตฺถ อตฺตเวตนภโตติ อตฺตนิเยเนว ฆาสจฺฉาทเนน ภโต, อตฺตโนเยว กมฺมํ กตฺวา ชีวามิ, น ปรสฺส เวตนํ คเหตฺวา ปรสฺส กมฺมํ กโรมีติ ทสฺเสติ. ปุตฺตาติ ธีตโร จ ปุตฺตา จ, เต สพฺเพ ปุตฺตาตฺเวว เอกชฺฌํ วุจฺจนฺติ. สมานิยาติ สนฺนิหิตา อวิปฺปวุฏฺา. อโรคาติ นิราพาธา, สพฺเพว อูรุพาหุพลาติ ทสฺเสติ. เตสํ น สุณามิ กิฺจิ ปาปนฺติ เตสํ โจราติ วา ปรทาริกาติ วา ทุสฺสีลาติ วา กิฺจิ ปาปํ น สุณามีติ.
๒๕. เอวํ วุตฺเต ภควา ปุริมนเยเนว ธนิยํ โอวทนฺโต อิมํ คาถํ อภาสิ – ‘‘นาหํ ภตโก’’ติ. อตฺราปิ อุตฺตานตฺถาเนว ปทานิ. อยํ ปน อธิปฺปาโย – ตฺวํ ‘‘ภุชิสฺโสหมสฺมี’’ติ มนฺตฺวา ตุฏฺโ, ปรมตฺถโต จ อตฺตโน กมฺมํ กริตฺวา ชีวนฺโตปิ ทาโส เอวาสิ ตณฺหาทาสตฺตา, ภตกวาทา จ น ปริมุจฺจสิ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘อูโน โลโก อติตฺโต ตณฺหาทาโส’’ติ (ม. นิ. ๒.๓๐๕). ปรมตฺถโต ปน นาหํ ภตโกสฺมิ กสฺสจิ. อหฺหิ กสฺสจิ ปรสฺส วา อตฺตโน วา ภตโก น โหมิ. กึ การณา? ยสฺมา ¶ นิพฺพิฏฺเน จรามิ สพฺพโลเก. อหฺหิ ทีปงฺกรปาทมูลโต ยาว โพธิ, ตาว สพฺพฺุตฺาณสฺส ภตโก อโหสึ. สพฺพฺุตํ ปตฺโต ปน นิพฺพิฏฺโ นิพฺพิโส ราชภโต วิย. เตเนว นิพฺพิฏฺเน สพฺพฺุภาเวน โลกุตฺตรสมาธิสุเขน จ ชีวามิ. ตสฺส เม อิทานิ ¶ อุตฺตริกรณียสฺส กตปริจยสฺส วา อภาวโต อปฺปหีนปฏิสนฺธิกานํ ตาทิสานํ วิย ปตฺตพฺโพ โกจิ อตฺโถ ภติยา น วิชฺชติ. ‘‘ภฏิยา’’ติปิ ปาโ. ตสฺมา ยทิ ภุชิสฺสตาย ตุฏฺเน ‘‘อถ เจ ปตฺถยสี ปวสฺส เทวา’’ติ วตฺตพฺพํ, มยาเวตํ วตฺตพฺพนฺติ.
๒๖. ตมฺปิ สุตฺวา ธนิโย อติตฺโตว สุภาสิตามเตน อตฺตโน ปฺจปฺปการโคมณฺฑลปริปุณฺณภาวํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อตฺถิ วสา’’ติ. ตตฺถ วสาติ อทมิตวุฑฺฒวจฺฉกา. เธนุปาติ เธนุํ ปิวนฺตา ตรุณวจฺฉกา, ขีรทายิกา วา คาโว. โคธรณิโยติ คพฺภินิโย. ปเวณิโยติ วยปฺปตฺตา พลีพทฺเทหิ สทฺธึ เมถุนปตฺถนกคาโว. อุสโภปิ ควมฺปตีติ โย โคปาลเกหิ ปาโต เอว นฺหาเปตฺวา, โภเชตฺวา, ปฺจงฺคุลํ ทตฺวา, มาลํ พนฺธิตฺวา – ‘‘เอหิ, ตาต, คาโว โคจรํ ปาเปตฺวา รกฺขิตฺวา อาเนหี’’ติ เปสียติ, เอวํ เปสิโต ¶ จ ตา คาโว อโคจรํ ปริหริตฺวา, โคจเร จาเรตฺวา, สีหพฺยคฺฆาทิภยา ปริตฺตายิตฺวา อาเนติ, ตถารูโป อุสโภปิ ควมฺปติ อิธ มยฺหํ โคมณฺฑเล อตฺถีติ ทสฺเสสิ.
๒๗. เอวํ วุตฺเต ภควา ตเถว ธนิยํ โอวทนฺโต อิมํ ปจฺจนีกคาถํ อาห ‘‘นตฺถิ วสา’’ติ. เอตฺถ เจส อธิปฺปาโย – อิธ อมฺหากํ สาสเน อทมิตฏฺเน วุฑฺฒฏฺเน จ วสาสงฺขาตา ปริยุฏฺานา วา, ตรุณวจฺฉเก สนฺธาย วสานํ มูลฏฺเน ขีรทายินิโย สนฺธาย ปคฺฆรณฏฺเน เธนุปาสงฺขาตา อนุสยา วา, ปฏิสนฺธิคพฺภธารณฏฺเน โคธรณิสงฺขาตา ปฺุาปฺุาเนฺชาภิสงฺขารเจตนา วา, สํโยคปตฺถนฏฺเน ปเวณิสงฺขาตา ปตฺถนา ตณฺหา วา, อาธิปจฺจฏฺเน ปุพฺพงฺคมฏฺเน เสฏฺฏฺเน จ ควมฺปติอุสภสงฺขาตํ อภิสงฺขารวิฺาณํ วา นตฺถิ, สฺวาหํ อิมาย สพฺพโยคกฺเขมภูตาย นตฺถิตาย ตุฏฺโ. ตฺวํ ปน โสกาทิวตฺถุภูตาย อตฺถิตาย ตุฏฺโ ¶ . ตสฺมา สพฺพโยคกฺเขมตาย ¶ ตุฏฺสฺส มเมเวตํ ยุตฺตํ วตฺตุํ ‘‘อถ เจ ปตฺถยสี ปวสฺส เทวา’’ติ.
๒๘. ตมฺปิ สุตฺวา ธนิโย ตตุตฺตริปิ สุภาสิตํ อมตรสํ อธิคนฺตุกาโม อตฺตโน โคคณสฺส ขิลพนฺธนสมฺปตฺตึ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ขิลา นิขาตา’’ติ. ตตฺถ ขิลาติ คุนฺนํ พนฺธนตฺถมฺภา. นิขาตาติ อาโกเฏตฺวา ภูมิยํ ปเวสิตา ขุทฺทกา มหนฺตา ขณิตฺวา ปิตา. อสมฺปเวธีติ อกมฺปกา. ทามาติ วจฺฉกานํ พนฺธนตฺถาย กตา คนฺถิตปาสยุตฺตา รชฺชุพนฺธนวิเสสา. มฺุชมยาติ มฺุชติณมยา. นวาติ อจิรกตา. สุสณฺานาติ สุฏฺุ สณฺานา, สุวฏฺฏิตสณฺานา วา. น หิ สกฺขินฺตีติ เนว สกฺขิสฺสนฺติ. เธนุปาปิ เฉตฺตุนฺติ ตรุณวจฺฉกาปิ ฉินฺทิตุํ.
๒๙. เอวํ วุตฺเต ภควา ธนิยสฺส อินฺทฺริย-ปริปากกาลํ ตฺวา ปุริมนเยเนว ตํ โอวทนฺโต อิมํ จตุสจฺจทีปิกํ คาถํ อภาสิ ‘‘อุสโภริว เฉตฺวา’’ติ. ตตฺถ อุสโภติ โคปิตา โคปริณายโก โคยูถปติ พลีพทฺโท. เกจิ ปน ภณนฺติ ‘‘ควสตเชฏฺโ อุสโภ, สหสฺสเชฏฺโ วสโภ, สตสหสฺสเชฏฺโ นิสโภ’’ติ. อปเร ‘‘เอกคามเขตฺเต เชฏฺโ อุสโภ, ทฺวีสุ เชฏฺโ วสโภ, สพฺพตฺถ อปฺปฏิหโต นิสโภ’’ติ. สพฺเพเปเต ปปฺจา, อปิจ โข ปน อุสโภติ วา วสโภติ วา นิสโภติ วา สพฺเพเปเต อปฺปฏิสมฏฺเน เวทิตพฺพา. ยถาห – ‘‘นิสโภ วต โภ สมโณ โคตโม’’ติ (สํ. นิ. ๑.๓๘). ร-กาโร ปทสนฺธิกโร. พนฺธนานีติ รชฺชุพนฺธนานิ กิเลสพนฺธนานิ จ. นาโคติ หตฺถี. ปูติลตนฺติ คโฬจีลตํ. ยถา หิ สุวณฺณวณฺโณปิ กาโย ปูติกาโย, วสฺสสติโกปิ สุนโข กุกฺกุโร, ตทหุชาโตปิ สิงฺคาโล ¶ ‘‘ชรสิงฺคาโล’’ติ วุจฺจติ, เอวํ อภินวาปิ คโฬจีลตา อสารกตฺเตน ‘‘ปูติลตา’’ติ วุจฺจติ. ทาลยิตฺวาติ ฉินฺทิตฺวา. คพฺภฺจ ¶ เสยฺยฺจ คพฺภเสยฺยํ. ตตฺถ คพฺภคฺคหเณน ชลาพุชโยนิ, เสยฺยคฺคหเณน อวเสสา. คพฺภเสยฺยมุเขน วา สพฺพาปิ ตา วุตฺตาติ เวทิตพฺพา. เสสเมตฺถ ปทตฺถโต อุตฺตานเมว.
อยํ ¶ ปเนตฺถ อธิปฺปาโย – ธนิย, ตฺวํ พนฺธเนน ตุฏฺโ, อหํ ปน พนฺธเนน อฏฺฏียนฺโต ถามวีริยูเปโต มหาอุสโภริว พนฺธนานิ ปฺจุทฺธมฺภาคิยสํโยชนานิ จตุตฺถอริยมคฺคถามวีริเยน เฉตฺวา, นาโค ปูติลตํว ปฺโจรมฺภาคิยสํโยชนพนฺธนานิ เหฏฺามคฺคตฺตยถามวีริเยน ทาลยิตฺวา, อถ วา อุสโภริว พนฺธนานิ อนุสเย นาโค ปูติลตํว ปริยุฏฺานานิ เฉตฺวา ทาลยิตฺวาว ิโต. ตสฺมา น ปุน คพฺภเสยฺยํ อุเปสฺสํ. โสหํ ชาติทุกฺขวตฺถุเกหิ สพฺพทุกฺเขหิ ปริมุตฺโต โสภามิ – ‘‘อถ เจ ปตฺถยสี ปวสฺส เทวา’’ติ วทมาโน. ตสฺมา สเจ ตฺวมฺปิ อหํ วิย วตฺตุมิจฺฉสิ, ฉินฺท ตานิ พนฺธนานีติ. เอตฺถ จ พนฺธนานิ สมุทยสจฺจํ, คพฺภเสยฺยา ทุกฺขสจฺจํ, ‘‘น อุเปสฺส’’นฺติ เอตฺถ อนุปคโม อนุปาทิเสสวเสน, ‘‘เฉตฺวา ทาลยิตฺวา’’ติ เอตฺถ เฉโท ปทาลนฺจ สอุปาทิเสสวเสน นิโรธสจฺจํ, เยน ฉินฺทติ ปทาเลติ จ, ตํ มคฺคสจฺจนฺติ.
เอวเมตํ จตุสจฺจทีปิกํ คาถํ สุตฺวา คาถาปริโยสาเน ธนิโย จ ปชาปติ จสฺส ทฺเว จ ธีตโรติ จตฺตาโร ชนา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสุ. อถ ธนิโย อเวจฺจปฺปสาทโยเคน ตถาคเต มูลชาตาย ปติฏฺิตาย สทฺธาย ปฺาจกฺขุนา ภควโต ธมฺมกายํ ทิสฺวา ธมฺมตาย โจทิตหทโย จินฺเตสิ – ‘‘พนฺธนานิ ฉินฺทึ, คพฺภเสยฺโย จ เม นตฺถี’’ติ อวีจึ ปริยนฺตํ กตฺวา ยาว ภวคฺคา โก อฺโ เอวํ สีหนาทํ นทิสฺสติ อฺตฺร ภควตา, อาคโต นุ โข เม สตฺถาติ. ตโต ภควา ฉพฺพณฺณรสฺมิชาลวิจิตฺรํ สุวณฺณรสเสกปิฺชรํ วิย สรีราภํ ธนิยสฺส นิเวสเน มฺุจิ ‘‘ปสฺส ทานิ ยถาสุข’’นฺติ.
๓๐. อถ ธนิโย อนฺโต ปวิฏฺจนฺทิมสูริยํ วิย ¶ สมนฺตา ปชฺชลิตปทีปสหสฺสสมุชฺชลิตมิว จ นิเวสนํ ทิสฺวา ‘‘อาคโต ภควา’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทสิ. ตสฺมึเยว จ สมเย เมโฆปิ ปาวสฺสิ. เตนาหุ สงฺคีติการา ‘‘นินฺนฺจ ถลฺจ ปูรยนฺโต’’ติ. ตตฺถ นินฺนนฺติ ปลฺลลํ. ถลนฺติ อุกฺกูลํ. เอวเมตํ อุกฺกูลวิกูลํ สพฺพมฺปิ สมํ กตฺวา ปูรยนฺโต มหาเมโฆ ปาวสฺสิ, วสฺสิตุํ อารภีติ วุตฺตํ โหติ. ตาวเทวาติ ยํ ขณํ ภควา สรีราภํ ¶ มฺุจิ, ธนิโย จ ‘‘สตฺถา เม อาคโต’’ติ สทฺธามยํ จิตฺตาภํ ¶ มฺุจิ, ตํ ขณํ ปาวสฺสีติ. เกจิ ปน ‘‘สูริยุคฺคมนมฺปิ ตสฺมึเยว ขเณ’’ติ วณฺณยนฺติ.
๓๑-๓๒. เอวํ ตสฺมึ ธนิยสฺส สทฺธุปฺปาทตถาคโตภาสผรณสูริยุคฺคมนกฺขเณ วสฺสโต เทวสฺส สทฺทํ สุตฺวา ธนิโย ปีติโสมนสฺสชาโต อิมมตฺถํ อภาสถ ‘‘ลาภา วต โน อนปฺปกา’’ติ ทฺเว คาถา วตฺตพฺพา.
ตตฺถ ยสฺมา ธนิโย สปุตฺตทาโร ภควโต อริยมคฺคปฏิเวเธน ธมฺมกายํ ทิสฺวา, โลกุตฺตรจกฺขุนา รูปกายํ ทิสฺวา, โลกิยจกฺขุนา สทฺธาปฏิลาภํ ลภิ. ตสฺมา อาห – ‘‘ลาภา วต โน อนปฺปกา, เย มยํ ภควนฺตํ อทฺทสามา’’ติ. ตตฺถ วต อิติ วิมฺหยตฺเถ นิปาโต. โน อิติ อมฺหากํ. อนปฺปกาติ วิปุลา. เสสํ อุตฺตานเมว. สรณํ ตํ อุเปมาติ เอตฺถ ปน กิฺจาปิ มคฺคปฏิเวเธเนวสฺส สิทฺธํ สรณคมนํ, ตตฺถ ปน นิจฺฉยคมนเมว คโต, อิทานิ วาจาย อตฺตสนฺนิยฺยาตนํ กโรติ. มคฺควเสน วา สนฺนิยฺยาตนสรณตํ อจลสรณตํ ปตฺโต, ตํ ปเรสํ วาจาย ปากฏํ กโรนฺโต ปณิปาตสรณคมนํ คจฺฉติ. จกฺขุมาติ ภควา ปกติทิพฺพปฺาสมนฺตพุทฺธจกฺขูหิ ปฺจหิ จกฺขูหิ จกฺขุมา. ตํ อาลปนฺโต อาห – ‘‘สรณํ ตํ อุเปม จกฺขุมา’’ติ. ‘‘สตฺถา โน โหหิ ตุวํ มหามุนี’’ติ อิทํ ปน วจนํ สิสฺสภาวูปคมเนนาปิ สรณคมนํ ปูเรตุํ ภณติ, โคปี จ อหฺจ อสฺสวา, พฺรหฺมจริยํ ¶ สุคเต จรามเสติ อิทํ สมาทานวเสน.
ตตฺถ พฺรหฺมจริยนฺติ เมถุนวิรติมคฺคสมณธมฺมสาสนสทารสนฺโตสานเมตํ อธิวจนํ. ‘‘พฺรหฺมจารี’’ติ เอวมาทีสุ (ม. นิ. ๑.๘๓) หิ เมถุนวิรติ พฺรหฺมจริยนฺติ วุจฺจติ. ‘‘อิทํ โข ปน เม ปฺจสิข, พฺรหฺมจริยํ เอกนฺตนิพฺพิทายา’’ติ เอวมาทีสุ (ที. นิ. ๒.๓๒๙) มคฺโค. ‘‘อภิชานามิ โข ปนาหํ, สาริปุตฺต, จตุรงฺคสมนฺนาคตํ พฺรหฺมจริยํ จริตา’’ติ เอวมาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑๕๕) สมณธมฺโม. ‘‘ตยิทํ พฺรหฺมจริยํ อิทฺธฺเจว ผีตฺจา’’ติ เอวมาทีสุ (ที. นิ. ๓.๑๗๔) สาสนํ.
‘‘มยฺจ ¶ ภริยา นาติกฺกมาม, อมฺเห จ ภริยา นาติกฺกมนฺติ;
อฺตฺร ตาหิ พฺรหฺมจริยํ จราม, ตสฺมา หิ อมฺหํ ทหรา น มียเร’’ติ. (ชา. ๑.๑๐.๙๗) –
เอวมาทีสุ ¶ สทารสนฺโตโส. อิธ ปน สมณธมฺมพฺรหฺมจริยปุพฺพงฺคมํ อุปริมคฺคพฺรหฺมจริยมธิปฺเปตํ. สุคเตติ สุคตสฺส สนฺติเก. ภควา หิ อนฺตทฺวยมนุปคฺคมฺม สุฏฺุ คตตฺตา, โสภเณน จ อริยมคฺคคมเนน สมนฺนาคตตฺตา, สุนฺทรฺจ นิพฺพานสงฺขาตํ านํ คตตฺตา สุคโตติ วุจฺจติ. สมีปตฺเถ เจตฺถ ภุมฺมวจนํ, ตสฺมา สุคตสฺส สนฺติเกติ อตฺโถ. จรามเสติ จราม. ยฺหิ ตํ สกฺกเต จรามสีติ วุจฺจติ, ตํ อิธ จรามเสติ. อฏฺกถาจริยา ปน ‘‘เสติ นิปาโต’’ติ ภณนฺติ. เตเนว เจตฺถ อายาจนตฺถํ สนฺธาย ‘‘จเรม เส’’ติปิ ปาํ วิกปฺเปนฺติ. ยํ รุจฺจติ, ตํ คเหตพฺพํ.
เอวํ ธนิโย พฺรหฺมจริยจรณาปเทเสน ภควนฺตํ ปพฺพชฺชํ ยาจิตฺวา ปพฺพชฺชปโยชนํ ทีเปนฺโต อาห ‘‘ชาตีมรณสฺส ปารคู, ทุกฺขสฺสนฺตกรา ภวามเส’’ติ. ชาติมรณสฺส ปารํ นาม นิพฺพานํ, ตํ อรหตฺตมคฺเคน ¶ คจฺฉาม. ทุกฺขสฺสาติ วฏฺฏทุกฺขสฺส. อนฺตกราติ อภาวกรา. ภวามเสติ ภวาม, อถ วา อโห วต มยํ ภเวยฺยามาติ. ‘‘จรามเส’’ติ เอตฺถ วุตฺตนเยเนว ตํ เวทิตพฺพํ. เอวํ วตฺวาปิ จ ปุน อุโภปิ กิร ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ‘‘ปพฺพาเชถ โน ภควา’’ติ เอวํ ปพฺพชฺชํ ยาจึสูติ.
๓๓. อถ มาโร ปาปิมา เอวํ เต อุโภปิ วนฺทิตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจนฺเต ทิสฺวา – ‘‘อิเม มม วิสยํ อติกฺกมิตุกามา, หนฺท เนสํ อนฺตรายํ กโรมี’’ติ อาคนฺตฺวา ฆราวาเส คุณํ ทสฺเสนฺโต อิมํ คาถมาห ‘‘นนฺทติ ปุตฺเตหิ ปุตฺติมา’’ติ. ตตฺถ นนฺทตีติ ตุสฺสติ โมทติ. ปุตฺเตหีติ ปุตฺเตหิปิ ธีตเรหิปิ, สหโยคตฺเถ, กรณตฺเถ วา กรณวจนํ, ปุตฺเตหิ สห นนฺทติ, ปุตฺเตหิ กรณภูเตหิ นนฺทตีติ วุตฺตํ โหติ. ปุตฺติมาติ ปุตฺตวา ปุคฺคโล. อิตีติ เอวมาห. มาโรติ วสวตฺติภูมิยํ อฺตโร ทามริกเทวปุตฺโต. โส หิ สฏฺานาติกฺกมิตุกามํ ชนํ ¶ ยํ สกฺโกติ, ตํ มาเรติ. ยํ น สกฺโกติ, ตสฺสปิ มรณํ อิจฺฉติ. เตน ‘‘มาโร’’ติ วุจฺจติ. ปาปิมาติ ลามกปุคฺคโล, ปาปสมาจาโร วา. สงฺคีติการานเมตํ วจนํ, สพฺพคาถาสุ จ อีทิสานิ. ยถา จ ปุตฺเตหิ ปุตฺติมา, โคปิโย โคหิ ตเถว นนฺทติ. ยสฺส คาโว อตฺถิ, โสปิ โคปิโย, โคหิ สห, โคหิ วา กรณภูเตหิ ตเถว นนฺทตีติ อตฺโถ.
เอวํ วตฺวา อิทานิ ตสฺสตฺถสฺส สาธกการณํ นิทฺทิสติ, ‘‘อุปธี หิ นรสฺส นนฺทนา’’ติ. ตตฺถ อุปธีติ จตฺตาโร อุปธโย – กามูปธิ, ขนฺธูปธิ, กิเลสูปธิ, อภิสงฺขารูปธีติ. กามา หิ ‘‘ยํ ปฺจกามคุเณ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ สุขํ โสมนสฺสํ, อยํ กามานํ อสฺสาโท’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๖๖) เอวํ วุตฺตสฺส สุขสฺส อธิฏฺานภาวโต อุปธียติ ¶ เอตฺถ สุขนฺติ อิมินา วจนตฺเถน อุปธีติ วุจฺจนฺติ. ขนฺธาปิ ขนฺธมูลกทุกฺขสฺส อธิฏฺานภาวโต, กิเลสาปิ อปายทุกฺขสฺส อธิฏฺานภาวโต, อภิสงฺขาราปิ ภวทุกฺขสฺส ¶ อธิฏฺานภาวโตติ. อิธ ปน กามูปธิ อธิปฺเปโต. โส สตฺตสงฺขารวเสน ทุวิโธ. ตตฺถ สตฺตปฏิพทฺโธ ปธาโน, ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปุตฺเตหิ โคหี’’ติ วตฺวา การณมาห – ‘‘อุปธี หิ นรสฺส นนฺทนา’’ติ. ตสฺสตฺโถ – ยสฺมา อิเม กามูปธี นรสฺส นนฺทนา, นนฺทยนฺติ นรํ ปีติโสมนสฺสํ อุปสํหรนฺตา, ตสฺมา เวทิตพฺพเมตํ ‘‘นนฺทติ ปุตฺเตหิ ปุตฺติมา, โคปิโย โคหิ ตเถว นนฺทติ, ตฺวฺจ ปุตฺติมา โคปิโย จ, ตสฺมา เอเตหิ, นนฺท, มา ปพฺพชฺชํ ปาฏิกงฺขิ. ปพฺพชิตสฺส หิ เอเต อุปธโย น สนฺติ, เอวํ สนฺเต ตฺวํ ทุกฺขสฺสนฺตํ ปตฺเถนฺโตปิ ทุกฺขิโตว ภวิสฺสสี’’ติ.
อิทานิ ตสฺสปิ อตฺถสฺส สาธกการณํ นิทฺทิสติ ‘‘น หิ โส นนฺทติ, โย นิรูปธี’’ติ. ตสฺสตฺโถ – ยสฺมา ยสฺเสเต อุปธโย นตฺถิ, โส ปิเยหิ าตีหิ วิปฺปยุตฺโต นิพฺโภคูปกรโณ น นนฺทติ, ตสฺมา ตฺวํ อิเม อุปธโย วชฺเชตฺวา ปพฺพชิโต ทุกฺขิโตว ภวิสฺสสีติ.
๓๔. อถ ภควา ‘‘มาโร อยํ ปาปิมา อิเมสํ อนฺตรายาย อาคโต’’ติ วิทิตฺวา ผเลน ผลํ ปาเตนฺโต วิย ตาเยว มาเรนาภตาย อุปมาย มารวาทํ ภินฺทนฺโต ตเมว คาถํ ปริวตฺเตตฺวา ‘‘อุปธิ ¶ โสกวตฺถู’’ติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘โสจติ ปุตฺเตหิ ปุตฺติมา’’ติ. ตตฺถ สพฺพํ ปทตฺถโต อุตฺตานเมว. อยํ ปน อธิปฺปาโย – มา, ปาปิม, เอวํ อวจ ‘‘นนฺทติ ปุตฺเตหิ ปุตฺติมา’’ติ. สพฺเพเหว หิ ปิเยหิ, มนาเปหิ นานาภาโว วินาภาโว, อนติกฺกมนีโย อยํ วิธิ, เตสฺจ ปิยมนาปานํ ปุตฺตทารานํ ควาสฺสวฬวหิรฺสุวณฺณาทีนํ วินาภาเวน อธิมตฺตโสกสลฺลสมปฺปิตหทยา สตฺตา อุมฺมตฺตกาปิ โหนฺติ ขิตฺตจิตฺตา, มรณมฺปิ นิคจฺฉนฺติ มรณมตฺตมฺปิ ทุกฺขํ. ตสฺมา เอวํ คณฺห – โสจติ ปุตฺเตหิ ปุตฺติมา. ยถา จ ปุตฺเตหิ ปุตฺติมา, โคปิโย โคหิ ตเถว โสจตีติ. กึ การณา? อุปธี หิ นรสฺส โสจนา. ยสฺมา จ อุปธี หิ นรสฺส โสจนา, ตสฺมา เอว ‘‘น หิ โส โสจติ, โย นิรูปธิ’’. โย อุปธีสุ สงฺคปฺปหาเนน นิรุปธิ โหติ, โส สนฺตุฏฺโ โหติ กายปริหาริเกน จีวเรน, กุจฺฉิปริหาริเกน ปิณฺฑปาเตน, เยน เยเนว ปกฺกมติ, สมาทาเยว ปกฺกมติ. เสยฺยถาปิ นาม ปกฺขี สกุโณ ¶ …เป… นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ ปชานาติ. เอวํ สพฺพโสกสมุคฺฆาตา ‘‘น หิ โส โสจติ, โย นิรุปธี’’ติ. อิติ ภควา อรหตฺตนิกูเฏน เทสนํ โวสาเปสิ. อถ วา โย นิรุปธิ, โย นิกฺกิเลโส, โส น โสจติ. ยาวเทว หิ กิเลสา สนฺติ, ตาวเทว สพฺเพ ¶ อุปธโย โสกปฺผลาว โหนฺติ. กิเลสปฺปหานา ปน นตฺถิ โสโกติ. เอวมฺปิ อรหตฺตนิกูเฏเนว เทสนํ โวสาเปสิ. เทสนาปริโยสาเน ธนิโย จ โคปี จ อุโภปิ ปพฺพชึสุ. ภควา อากาเสเนว เชตวนํ อคมาสิ. เต ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ สจฺฉิกรึสุ. วสนฏฺาเน จ เนสํ โคปาลกา วิหารํ กาเรสุํ. โส อชฺชาปิ โคปาลกวิหาโรตฺเวว ปฺายตีติ.
ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย
สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย ธนิยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ขคฺควิสาณสุตฺตวณฺณนา
สพฺเพสุ ¶ ¶ ภูเตสูติ ขคฺควิสาณสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? สพฺพสุตฺตานํ จตุพฺพิธา อุปฺปตฺติ – อตฺตชฺฌาสยโต, ปรชฺฌาสยโต, อฏฺุปฺปตฺติโต, ปุจฺฉาวสิโต จาติ. ทฺวยตานุปสฺสนาทีนฺหิ อตฺตชฺฌาสยโต อุปฺปตฺติ, เมตฺตสุตฺตาทีนํ ปรชฺฌาสยโต, อุรคสุตฺตาทีนํ อฏฺุปฺปตฺติโต, ธมฺมิกสุตฺตาทีนํ ปุจฺฉาวสิโต. ตตฺถ ขคฺควิสาณสุตฺตสฺส อวิเสเสน ปุจฺฉาวสิโต อุปฺปตฺติ. วิเสเสน ปน ยสฺมา เอตฺถ กาจิ คาถา เตน เตน ปจฺเจกสมฺพุทฺเธน ปุฏฺเน วุตฺตา, กาจิ อปุฏฺเน อตฺตนา อธิคตมคฺคนยานุรูปํ อุทานํเยว อุทาเนนฺเตน, ตสฺมา กายจิ คาถาย ปุจฺฉาวสิโต, กายจิ อตฺตชฺฌาสยโต อุปฺปตฺติ.
ตตฺถ ¶ ยา อยํ อวิเสเสน ปุจฺฉาวสิโต อุปฺปตฺติ, สา อาทิโต ปภุติ เอวํ เวทิตพฺพา – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ. อถ โข อายสฺมโต อานนฺทสฺส รโหคตสฺส ปฏิสลฺลีนสฺส เอวํ เจตโส ปริวิตกฺโก อุทปาทิ – ‘‘พุทฺธานํ ปตฺถนา จ อภินีหาโร จ ทิสฺสติ; ตถา สาวกานํ, ปจฺเจกพุทฺธานํ น ทิสฺสติ; ยํนูนาหํ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺเฉยฺย’’นฺติ. โส ปฏิสลฺลานา วุฏฺิโต ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ยถากฺกเมน เอตมตฺถํ ปุจฺฉิ. อถสฺส ภควา ปุพฺพโยคาวจรสุตฺตํ อภาสิ –
‘‘ปฺจิเม, อานนฺท, อานิสํสา ปุพฺพโยคาวจเร ทิฏฺเว ธมฺเม ปฏิกจฺเจว อฺํ อาราเธติ. โน เจ ทิฏฺเว ธมฺเม ปฏิกจฺเจว อฺํ อาราเธติ, อถ มรณกาเล อฺํ อาราเธติ. โน เจ มรณกาเล อฺํ อาราเธติ, อถ เทวปุตฺโต สมาโน อฺํ อาราเธติ, อถ พุทฺธานํ สมฺมุขีภาเว ขิปฺปาภิฺโ โหติ, อถ ปจฺฉิเม กาเล ปจฺเจกสมฺพุทฺโธ โหตี’’ติ –
เอวํ วตฺวา ปุน อาห –
‘‘ปจฺเจกพุทฺธา นาม, อานนฺท, อภินีหารสมฺปนฺนา ปุพฺพโยคาวจรา โหนฺติ. ตสฺมา พุทฺธปจฺเจกพุทฺธสาวกานํ สพฺเพสํ ปตฺถนา จ อภินีหาโร จ อิจฺฉิตพฺโพ’’ติ.
โส ¶ ¶ อาห – ‘‘พุทฺธานํ, ภนฺเต, ปตฺถนา กีว จิรํ วฏฺฏตี’’ติ? พุทฺธานํ, อานนฺท, เหฏฺิมปริจฺเฉเทน จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ กปฺปสตสหสฺสฺจ, มชฺฌิมปริจฺเฉเทน อฏฺ อสงฺขฺเยยฺยานิ กปฺปสตสหสฺสฺจ, อุปริมปริจฺเฉเทน โสฬส อสงฺขฺเยยฺยานิ กปฺปสตสหสฺสฺจ. เอเต จ เภทา ปฺาธิกสทฺธาธิกวีริยาธิกวเสน าตพฺพา. ปฺาธิกานฺหิ สทฺธา มนฺทา โหติ, ปฺา ติกฺขา. สทฺธาธิกานํ ปฺา มชฺฌิมา โหติ, สทฺธา พลวา. วีริยาธิกานํ สทฺธาปฺา มนฺทา, วีริยํ พลวนฺติ. อปฺปตฺวา ปน จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ กปฺปสตสหสฺสฺจ ทิวเส ทิวเส เวสฺสนฺตรทานสทิสํ ¶ ทานํ เทนฺโตปิ ตทนุรูปสีลาทิสพฺพปารมิธมฺเม อาจินนฺโตปิ อนฺตรา พุทฺโธ ภวิสฺสตีติ เนตํ านํ วิชฺชติ. กสฺมา? าณํ คพฺภํ น คณฺหาติ, เวปุลฺลํ นาปชฺชติ, ปริปากํ น คจฺฉตีติ. ยถา นาม ติมาสจตุมาสปฺจมาสจฺจเยน นิปฺผชฺชนกํ สสฺสํ ตํ ตํ กาลํ อปฺปตฺวา ทิวเส ทิวเส สหสฺสกฺขตฺตุํ เกฬายนฺโตปิ อุทเกน สิฺจนฺโตปิ อนฺตรา ปกฺเขน วา มาเสน วา นิปฺผาเทสฺสตีติ เนตํ านํ วิชฺชติ. กสฺมา? สสฺสํ คพฺภํ น คณฺหาติ, เวปุลฺลํ นาปชฺชติ, ปริปากํ น คจฺฉตีติ. เอวเมวํ อปฺปตฺวา จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ…เป… เนตํ านํ วิชฺชตีติ. ตสฺมา ยถาวุตฺตเมว กาลํ ปารมิปูรณํ กาตพฺพํ าณปริปากตฺถาย. เอตฺตเกนปิ จ กาเลน พุทฺธตฺตํ ปตฺถยโต อภินีหารกรเณ อฏฺ สมฺปตฺติโย อิจฺฉิตพฺพา. อยฺหิ –
‘‘มนุสฺสตฺตํ ลิงฺคสมฺปตฺติ, เหตุ สตฺถารทสฺสนํ;
ปพฺพชฺชา คุณสมฺปตฺติ, อธิกาโร จ ฉนฺทตา;
อฏฺธมฺมสโมธานา, อภินีหาโร สมิชฺฌตี’’ติ. (พุ. วํ. ๒.๕๙);
อภินีหาโรติ จ มูลปณิธานสฺเสตํ อธิวจนํ. ตตฺถ มนุสฺสตฺตนฺติ มนุสฺสชาติ. อฺตฺร หิ มนุสฺสชาติยา อวเสสชาตีสุ เทวชาติยมฺปิ ิตสฺส ปณิธิ น อิชฺฌติ. เอตฺถ ิเตน ปน พุทฺธตฺตํ ปตฺเถนฺเตน ทานาทีนิ ปฺุกมฺมานิ กตฺวา มนุสฺสตฺตํเยว ปตฺเถตพฺพํ. ตตฺถ ตฺวา ปณิธิ กาตพฺโพ. เอวฺหิ สมิชฺฌติ. ลิงฺคสมฺปตฺตีติ ปุริสภาโว. มาตุคามนปุํสกอุภโตพฺยฺชนกานฺหิ มนุสฺสชาติยํ ิตานมฺปิ ปณิธิ น สมิชฺฌติ. ตตฺถ ิเตน ปน พุทฺธตฺตํ ปตฺเถนฺเตน ทานาทีนิ ปฺุกมฺมานิ กตฺวา ปุริสภาโวเยว ปตฺเถตพฺโพ. ตตฺถ ตฺวา ปณิธิ กาตพฺโพ. เอวฺหิ ¶ สมิชฺฌติ. เหตูติ อรหตฺตสฺส อุปนิสฺสยสมฺปตฺติ. โย หิ ตสฺมึ อตฺตภาเว วายมนฺโต ¶ อรหตฺตํ ปาปุณิตุํ สมตฺโถ, ตสฺส สมิชฺฌติ, โน อิตรสฺส, ยถา สุเมธปณฺฑิตสฺส. โส หิ ทีปงฺกรปาทมูเล ปพฺพชิตฺวา เตนตฺตภาเวน อรหตฺตํ ปาปุณิตุํ สมตฺโถ อโหสิ ¶ . สตฺถารทสฺสนนฺติ พุทฺธานํ สมฺมุขาทสฺสนํ. เอวฺหิ อิชฺฌติ, โน อฺถา; ยถา สุเมธปณฺฑิตสฺส. โส หิ ทีปงฺกรํ สมฺมุขา ทิสฺวา ปณิเธสิ. ปพฺพชฺชาติ อนคาริยภาโว. โส จ โข สาสเน วา กมฺมวาทิกิริยวาทิตาปสปริพฺพาชกนิกาเย วา วฏฺฏติ ยถา สุเมธปณฺฑิตสฺส. โส หิ สุเมโธ นาม ตาปโส หุตฺวา ปณิเธสิ. คุณสมฺปตฺตีติ ฌานาทิคุณปฏิลาโภ. ปพฺพชิตสฺสาปิ หิ คุณสมฺปนฺนสฺเสว อิชฺฌติ, โน อิตรสฺส; ยถา สุเมธปณฺฑิตสฺส. โส หิ ปฺจาภิฺโ อฏฺสมาปตฺติลาภี จ หุตฺวา ปณิเธสิ. อธิกาโรติ อธิกกาโร, ปริจฺจาโคติ อตฺโถ. ชีวิตาทิปริจฺจาคฺหิ กตฺวา ปณิทหโตเยว อิชฺฌติ, โน อิตรสฺส; ยถา สุเมธปณฺฑิตสฺส. โส หิ –
‘‘อกฺกมิตฺวาน มํ พุทฺโธ, สห สิสฺเสหิ คจฺฉตุ;
มา นํ กลเล อกฺกมิตฺถ, หิตาย เม ภวิสฺสตี’’ติ. (พุ. วํ. ๒.๕๓) –
เอวํ ชีวิตปริจฺจาคํ กตฺวา ปณิเธสิ. ฉนฺทตาติ กตฺตุกมฺยตา. สา ยสฺส พลวตี โหติ, ตสฺส อิชฺฌติ. สา จ, สเจ โกจิ วเทยฺย ‘‘โก จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ สตสหสฺสฺจ กปฺเป นิรเย ปจฺจิตฺวา พุทฺธตฺตํ อิจฺฉตี’’ติ, ตํ สุตฺวา โย ‘‘อห’’นฺติ วตฺตุํ อุสฺสหติ, ตสฺส พลวตีติ เวทิตพฺพา. ตถา ยทิ โกจิ วเทยฺย ‘‘โก สกลจกฺกวาฬํ วีตจฺจิกานํ องฺคารานํ ปูรํ อกฺกมนฺโต อติกฺกมิตฺวา พุทฺธตฺตํ อิจฺฉติ, โก สกลจกฺกวาฬํ สตฺติสูเลหิ อากิณฺณํ อกฺกมนฺโต อติกฺกมิตฺวา พุทฺธตฺตํ อิจฺฉติ, โก สกลจกฺกวาฬํ สมติตฺติกํ อุทกปุณฺณํ อุตฺตริตฺวา พุทฺธตฺตํ อิจฺฉติ, โก สกลจกฺกวาฬํ นิรนฺตรํ เวฬุคุมฺพสฺฉนฺนํ มทฺทนฺโต อติกฺกมิตฺวา พุทฺธตฺตํ อิจฺฉตี’’ติ ตํ สุตฺวา โย ‘‘อห’’นฺติ วตฺตุํ อุสฺสหติ, ตสฺส พลวตีติ เวทิตพฺพา. เอวรูเปน จ กตฺตุกมฺยตาฉนฺเทน สมนฺนาคโต สุเมธปณฺฑิโต ปณิเธสีติ.
เอวํ ¶ สมิทฺธาภินีหาโร ¶ จ โพธิสตฺโต อิมานิ อฏฺารส อภพฺพฏฺานานิ น อุเปติ. โส หิ ตโต ปภุติ น ชจฺจนฺโธ โหติ, น ชจฺจพธิโร, น อุมฺมตฺตโก, น เอฬมูโค, น ปีสปฺปี, น มิลกฺขูสุ อุปฺปชฺชติ, น ทาสิกุจฺฉิยา นิพฺพตฺตติ, น นิยตมิจฺฉาทิฏฺิโก โหติ, นาสฺส ลิงฺคํ ปริวตฺตติ, น ปฺจานนฺตริยกมฺมานิ กโรติ, น กุฏฺี โหติ, น ติรจฺฉานโยนิยํ วฏฺฏกโต ปจฺฉิมตฺตภาโว โหติ, น ขุปฺปิปาสิกนิชฺฌามตณฺหิกเปเตสุ อุปฺปชฺชติ, น กาลกฺจิกาสุเรสุ, น อวีจินิรเย, น โลกนฺตริเกสุ, กามาวจเรสุ น มาโร ¶ โหติ, รูปาวจเรสุ น อสฺีภเว, น สุทฺธาวาสภเวสุ อุปฺปชฺชติ, น อรูปภเวสุ, น อฺํ จกฺกวาฬํ สงฺกมติ.
ยา จิมา อุสฺสาโห อุมฺมงฺโค อวตฺถานํ หิตจริยา จาติ จตสฺโส พุทฺธภูมิโย, ตาหิ สมนฺนาคโต โหติ. ตตฺถ –
‘‘อุสฺสาโห วีริยํ วุตฺตํ, อุมฺมงฺโค ปฺา ปวุจฺจติ;
อวตฺถานํ อธิฏฺานํ, หิตจริยา เมตฺตาภาวนา’’ติ. –
เวทิตพฺพา. เย จาปิ อิเม เนกฺขมฺมชฺฌาสโย, ปวิเวกชฺฌาสโย, อโลภชฺฌาสโย, อโทสชฺฌาสโย, อโมหชฺฌาสโย, นิสฺสรณชฺฌาสโยติ ฉ อชฺฌาสยา โพธิปริปากาย สํวตฺตนฺติ, เยหิ สมนฺนาคตตฺตา เนกฺขมฺมชฺฌาสยา จ โพธิสตฺตา กาเม โทสทสฺสาวิโน, ปวิเวกชฺฌาสยา จ โพธิสตฺตา สงฺคณิกาย โทสทสฺสาวิโน, อโลภชฺฌาสยา จ โพธิสตฺตา โลเภ โทสทสฺสาวิโน, อโทสชฺฌาสยา จ โพธิสตฺตา โทเส โทสทสฺสาวิโน, อโมหชฺฌาสยา จ โพธิสตฺตา โมเห โทสทสฺสาวิโน, นิสฺสรณชฺฌาสยา จ โพธิสตฺตา สพฺพภเวสุ โทสทสฺสาวิโนติ วุจฺจนฺติ, เตหิ จ สมนฺนาคโต โหติ.
ปจฺเจกพุทฺธานํ ปน กีว จิรํ ปตฺถนา วฏฺฏตีติ? ปจฺเจกพุทฺธานํ ทฺเว อสงฺขฺเยยฺยานิ กปฺปสตสหสฺสฺจ. ตโต โอรํ น สกฺกา. ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนเวตฺถ การณํ เวทิตพฺพํ. เอตฺตเกนาปิ ¶ จ กาเลน ปจฺเจกพุทฺธตฺตํ ปตฺถยโต อภินีหารกรเณ ปฺจ สมฺปตฺติโย อิจฺฉิตพฺพา. เตสฺหิ –
มนุสฺสตฺตํ ¶ ลิงฺคสมฺปตฺติ, วิคตาสวทสฺสนํ;
อธิกาโร ฉนฺทตา เอเต, อภินีหารการณา.
ตตฺถ วิคตาสวทสฺสนนฺติ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธสาวกานํ ยสฺส กสฺสจิ ทสฺสนนฺติ อตฺโถ. เสสํ วุตฺตนยเมว.
อถ สาวกานํ ปตฺถนา กิตฺตกํ วฏฺฏตีติ? ทฺวินฺนํ อคฺคสาวกานํ เอกํ อสงฺขฺเยยฺยํ กปฺปสตสหสฺสฺจ, อสีติมหาสาวกานํ กปฺปสตสหสฺสํ, ตถา พุทฺธสฺส มาตาปิตูนํ อุปฏฺากสฺส ¶ ปุตฺตสฺส จาติ. ตโต โอรํ น สกฺกา. วุตฺตนยเมเวตฺถ การณํ. อิเมสํ ปน สพฺเพสมฺปิ อธิกาโร ฉนฺทตาติ ทฺวงฺคสมฺปนฺโนเยว อภินีหาโร โหติ.
เอวํ อิมาย ปตฺถนาย อิมินา จ อภินีหาเรน ยถาวุตฺตปฺปเภทํ กาลํ ปารมิโย ปูเรตฺวา พุทฺธา โลเก อุปฺปชฺชนฺตา ขตฺติยกุเล วา พฺราหฺมณกุเล วา อุปฺปชฺชนฺติ, ปจฺเจกพุทฺธา ขตฺติยพฺราหฺมณคหปติกุลานํ อฺตรสฺมึ, อคฺคสาวกา ปน ขตฺติยพฺราหฺมณกุเลสฺเวว พุทฺธา อิว สพฺพพุทฺธา สํวฏฺฏมาเน กปฺเป น อุปฺปชฺชนฺติ, วิวฏฺฏมาเน กปฺเป อุปฺปชฺชนฺติ. ปจฺเจกพุทฺธา พุทฺเธ อปฺปตฺวา พุทฺธานํ อุปฺปชฺชนกาเลเยว อุปฺปชฺชนฺติ. พุทฺธา สยฺจ พุชฺฌนฺติ, ปเร จ โพเธนฺติ. ปจฺเจกพุทฺธา สยเมว พุชฺฌนฺติ, น ปเร โพเธนฺติ. อตฺถรสเมว ปฏิวิชฺฌนฺติ, น ธมฺมรสํ. น หิ เต โลกุตฺตรธมฺมํ ปฺตฺตึ อาโรเปตฺวา เทเสตุํ สกฺโกนฺติ, มูเคน ทิฏฺสุปิโน วิย วนจรเกน นคเร สายิตพฺยฺชนรโส วิย จ เนสํ ธมฺมาภิสมโย โหติ. สพฺพํ อิทฺธิสมาปตฺติปฏิสมฺภิทาปเภทํ ปาปุณนฺติ, คุณวิสิฏฺตาย พุทฺธานํ เหฏฺา สาวกานํ อุปริ โหนฺติ, อฺเ ปพฺพาเชตฺวา อาภิสมาจาริกํ สิกฺขาเปนฺติ, ‘‘จิตฺตสลฺเลโข กาตพฺโพ, โวสานํ นาปชฺชิตพฺพ’’นฺติ อิมินา อุทฺเทเสน อุโปสถํ กโรนฺติ, ‘อชฺชุโปสโถ’ติ ¶ วจนมตฺเตน วา. อุโปสถํ กโรนฺตา จ คนฺธมาทเน มฺชูสกรุกฺขมูเล รตนมาเฬ สนฺนิปติตฺวา กโรนฺตีติ. เอวํ ภควา อายสฺมโต อานนฺทสฺส ปจฺเจกพุทฺธานํ สพฺพาการปริปูรํ ปตฺถนฺจ อภินีหารฺจ กเถตฺวา, อิทานิ อิมาย ปตฺถนาย อิมินา จ อภินีหาเรน สมุทาคเต เต เต ปจฺเจกพุทฺเธ กเถตุํ ‘‘สพฺเพสุ ภูเตสุ นิธาย ทณฺฑ’’นฺติอาทินา ¶ นเยน อิมํ ขคฺควิสาณสุตฺตํ อภาสิ. อยํ ตาว อวิเสเสน ปุจฺฉาวสิโต ขคฺควิสาณสุตฺตสฺส อุปฺปตฺติ.
๓๕. อิทานิ วิเสเสน วตฺตพฺพา. ตตฺถ อิมิสฺสา ตาว คาถาย เอวํ อุปฺปตฺติ เวทิตพฺพา – อยํ กิร ปจฺเจกพุทฺโธ ปจฺเจกโพธิสตฺตภูมึ โอคาหนฺโต ทฺเว อสงฺขฺเยยฺยานิ กปฺปสตสหสฺสฺจ ปารมิโย ปูเรตฺวา กสฺสปสฺส ภควโต สาสเน ปพฺพชิตฺวา อารฺิโก หุตฺวา คตปจฺจาคตวตฺตํ ปูเรนฺโต สมณธมฺมํ อกาสิ. เอตํ กิร วตฺตํ อปริปูเรตฺวา ปจฺเจกโพธึ ปาปุณนฺตา นาม นตฺถิ. กึ ปเนตํ คตปจฺจาคตวตฺตํ นาม? หรณปจฺจาหรณนฺติ. ตํ ยถา วิภูตํ โหติ, ตถา กเถสฺสาม.
อิเธกจฺโจ ภิกฺขุ หรติ, น ปจฺจาหรติ; เอกจฺโจ ปจฺจาหรติ, น หรติ; เอกจฺโจ ปน เนว หรติ, น ปจฺจาหรติ; เอกจฺโจ หรติ จ ปจฺจาหรติ จ. ตตฺถ โย ภิกฺขุ ปเคว วุฏฺาย เจติยงฺคณโพธิยงฺคณวตฺตํ กตฺวา, โพธิรุกฺเข อุทกํ อาสิฺจิตฺวา, ปานียฆฏํ ปูเรตฺวา ¶ ปานียมาเฬ เปตฺวา, อาจริยวตฺตํ อุปชฺฌายวตฺตํ กตฺวา, ทฺเวอสีติ ขุทฺทกวตฺตานิ จุทฺทส มหาวตฺตานิ จ สมาทาย วตฺตติ, โส สรีรปริกมฺมํ กตฺวา, เสนาสนํ ปวิสิตฺวา, ยาว ภิกฺขาจารเวลา ตาว วิวิตฺตาสเน วีตินาเมตฺวา, เวลํ ตฺวา, นิวาเสตฺวา, กายพนฺธนํ พนฺธิตฺวา, อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา, สงฺฆาฏึ ขนฺเธ กริตฺวา, ปตฺตํ อํเส อาลคฺเคตฺวา, กมฺมฏฺานํ มนสิ ¶ กโรนฺโต เจติยงฺคณํ ปตฺวา, เจติยฺจ โพธิฺจ วนฺทิตฺวา, คามสมีเป จีวรํ ปารุปิตฺวา, ปตฺตมาทาย คามํ ปิณฺฑาย ปวิสติ, เอวํ ปวิฏฺโ จ ลาภี ภิกฺขุ ปฺุวา อุปาสเกหิ สกฺกตครุกโต อุปฏฺากกุเล วา ปฏิกฺกมนสาลายํ วา ปฏิกฺกมิตฺวา อุปาสเกหิ ตํ ตํ ปฺหํ ปุจฺฉิยมาโน เตสํ ปฺหวิสฺสชฺชเนน ธมฺมเทสนาวิกฺเขเปน จ ตํ มนสิการํ ฉฑฺเฑตฺวา นิกฺขมติ, วิหารํ อาคโตปิ ภิกฺขูนํ ปฺหํ ปุฏฺโ กเถติ, ธมฺมํ ภณติ, ตํ ตํ พฺยาปารมาปชฺชติ, ปจฺฉาภตฺตมฺปิ ปุริมยามมฺปิ มชฺฌิมยามมฺปิ เอวํ ภิกฺขูหิ สทฺธึ ปปฺจิตฺวา กายทุฏฺุลฺลาภิภูโต ปจฺฉิมยาเมปิ สยติ, เนว กมฺมฏฺานํ มนสิ กโรติ, อยํ วุจฺจติ หรติ, น ปจฺจาหรตีติ.
โย ¶ ปน พฺยาธิพหุโล โหติ, ภุตฺตาหาโร ปจฺจูสสมเย น สมฺมา ปริณมติ, ปเคว วุฏฺาย ยถาวุตฺตํ วตฺตํ กาตุํ น สกฺโกติ กมฺมฏฺานํ วา มนสิ กาตุํ, อฺทตฺถุ ยาคุํ วา เภสชฺชํ วา ปตฺถยมาโน กาลสฺเสว ปตฺตจีวรมาทาย คามํ ปวิสติ. ตตฺถ ยาคุํ วา เภสชฺชํ วา ภตฺตํ วา ลทฺธา ภตฺตกิจฺจํ นิฏฺาเปตฺวา, ปฺตฺตาสเน นิสินฺโน กมฺมฏฺานํ มนสิ กตฺวา, วิเสสํ ปตฺวา วา อปฺปตฺวา วา, วิหารํ อาคนฺตฺวา, เตเนว มนสิกาเรน วิหรติ. อยํ วุจฺจติ ปจฺจาหรติ น หรตีติ. เอทิสา จ ภิกฺขู ยาคุํ ปิวิตฺวา, วิปสฺสนํ อารภิตฺวา, พุทฺธสาสเน อรหตฺตํ ปตฺตา คณนปถํ วีติวตฺตา. สีหฬทีเปเยว เตสุ เตสุ คาเมสุ อาสนสาลาย น ตํ อาสนํ อตฺถิ, ยตฺถ ยาคุํ ปิวิตฺวา อรหตฺตํ ปตฺโต ภิกฺขุ นตฺถีติ.
โย ปน ปมาทวิหารี โหติ นิกฺขิตฺตธุโร, สพฺพวตฺตานิ ภินฺทิตฺวา ปฺจวิธเจโตขิลวินิพนฺธนพทฺธจิตฺโต วิหรนฺโต กมฺมฏฺานมนสิการมนนุยุตฺโต คามํ ปิณฺฑาย ปวิสิตฺวา คิหิปปฺเจน ปปฺจิโต ตุจฺฉโก นิกฺขมติ, อยํ วุจฺจติ เนว หรติ น ปจฺจาหรตีติ.
โย ปน ปเคว ¶ วุฏฺาย ปุริมนเยเนว สพฺพวตฺตานิ ปริปูเรตฺวา ยาว ภิกฺขาจารเวลา, ตาว ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา กมฺมฏฺานํ มนสิ กโรติ. กมฺมฏฺานํ นาม ทุวิธํ – สพฺพตฺถกํ, ปาริหาริยฺจ. สพฺพตฺถกํ นาม เมตฺตา จ มรณสฺสติ จ. ตํ สพฺพตฺถ อิจฺฉิตพฺพโต ‘‘สพฺพตฺถก’’นฺติ วุจฺจติ. เมตฺตา นาม อาวาสาทีสุ สพฺพตฺถ อิจฺฉิตพฺพา. อาวาเสสุ หิ เมตฺตาวิหารี ¶ ภิกฺขุ สพฺรหฺมจารีนํ ปิโย โหติ, เตน ผาสุ อสงฺฆฏฺโ วิหรติ. เทวตาสุ เมตฺตาวิหารี เทวตาหิ รกฺขิตโคปิโต สุขํ วิหรติ. ราชราชมหามตฺตาทีสุ เมตฺตาวิหารี, เตหิ มมายิโต สุขํ วิหรติ. คามนิคมาทีสุ เมตฺตาวิหารี สพฺพตฺถ ภิกฺขาจริยาทีสุ มนุสฺเสหิ สกฺกตครุกโต สุขํ วิหรติ. มรณสฺสติภาวนาย ชีวิตนิกนฺตึ ปหาย อปฺปมตฺโต วิหรติ.
ยํ ปน สทา ปริหริตพฺพํ จริตานุกูเลน คหิตตฺตา ทสาสุภกสิณานุสฺสตีสุ อฺตรํ, จตุธาตุววตฺถานเมว วา, ตํ สทา ปริหริตพฺพโต, รกฺขิตพฺพโต, ภาเวตพฺพโต จ ปาริหาริยนฺติ วุจฺจติ, มูลกมฺมฏฺานนฺติปิ ¶ ตเทว. ตตฺถ ยํ ปมํ สพฺพตฺถกกมฺมฏฺานํ มนสิ กริตฺวา ปจฺฉา ปาริหาริยกมฺมฏฺานํ มนสิ กโรติ, ตํ จตุธาตุววตฺถานมุเขน ทสฺเสสฺสาม.
อยฺหิ ยถาิตํ ยถาปณิหิตํ กายํ ธาตุโส ปจฺจเวกฺขติ – ยํ อิมสฺมึ สรีเร วีสติโกฏฺาเสสุ กกฺขฬํ ขรคตํ, สา ปถวีธาตุ. ยํ ทฺวาทสสุ อาพนฺธนกิจฺจกรํ สฺเนหคตํ, สา อาโปธาตุ. ยํ จตูสุ ปริปาจนกรํ อุสุมคตํ, สา เตโชธาตุ. ยํ ปน ฉสุ วิตฺถมฺภนกรํ วาโยคตํ, สา วาโยธาตุ. ยํ ปเนตฺถ จตูหิ มหาภูเตหิ อสมฺผุฏฺํ ฉิทฺทํ วิวรํ, สา อากาสธาตุ. ตํวิชานนกํ จิตฺตํ วิฺาณธาตุ. ตโต อุตฺตริ อฺโ สตฺโต วา ปุคฺคโล วา นตฺถิ. เกวลํ สุทฺธสงฺขารปฺุโชว ¶ อยนฺติ.
เอวํ อาทิมชฺฌปริโยสานโต กมฺมฏฺานํ มนสิ กริตฺวา, กาลํ ตฺวา, อุฏฺายาสนา นิวาเสตฺวา, ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว คามํ ปิณฺฑาย คจฺฉติ. คจฺฉนฺโต จ ยถา อนฺธปุถุชฺชนา อภิกฺกมาทีสุ ‘‘อตฺตา อภิกฺกมติ, อตฺตนา อภิกฺกโม นิพฺพตฺติโต’’ติ วา, ‘‘อหํ อภิกฺกมามิ, มยา อภิกฺกโม นิพฺพตฺติโต’’ติ วา สมฺมุยฺหนฺติ, ตถา อสมฺมุยฺหนฺโต ‘‘อภิกฺกมามีติ จิตฺเต อุปฺปชฺชมาเน เตเนว จิตฺเตน สทฺธึ จิตฺตสมุฏฺานา สนฺธารณวาโยธาตุ อุปฺปชฺชติ. สา อิมํ ปถวีธาตฺวาทิสนฺนิเวสภูตํ กายสมฺมตํ อฏฺิกสงฺฆาฏํ วิปฺผรติ, ตโต จิตฺตกิริยาวาโยธาตุวิปฺผารวเสน อยํ กายสมฺมโต อฏฺิกสงฺฆาโฏ อภิกฺกมติ. ตสฺเสวํ อภิกฺกมโต เอเกกปาทุทฺธารเณ จตูสุ ธาตูสุ วาโยธาตุอนุคตา เตโชธาตุ อธิกา อุปฺปชฺชติ, มนฺทา อิตรา. อติหรณวีติหรณาปหรเณสุ ปน เตโชธาตุอนุคตา วาโยธาตุ อธิกา อุปฺปชฺชติ, มนฺทา อิตรา. โอโรหเณ ปน ปถวีธาตุอนุคตา อาโปธาตุ อธิกา อุปฺปชฺชติ, มนฺทา อิตรา. สนฺนิกฺเขปนสมุปฺปีฬเนสุ อาโปธาตุอนุคตา ปถวีธาตุ อธิกา อุปฺปชฺชติ, มนฺทา อิตรา. อิจฺเจตา ธาตุโย เตน เตน อตฺตโน อุปฺปาทกจิตฺเตน สทฺธึ ตตฺถ ตตฺเถว ภิชฺชนฺติ ¶ . ตตฺถ โก เอโก อภิกฺกมติ, กสฺส วา เอกสฺส อภิกฺกมน’’นฺติ เอวํ เอเกกปาทุทฺธารณาทิปฺปกาเรสุ เอเกกสฺมึ ปกาเร อุปฺปนฺนธาตุโย, ตทวินิพฺภุตฺตา จ เสสา รูปธมฺมา, ตํสมุฏฺาปกํ จิตฺตํ, ตํสมฺปยุตฺตา จ ¶ เสสา อรูปธมฺมาติ เอเต รูปารูปธมฺมา. ตโต ปรํ อติหรณวีติหรณาทีสุ อฺํ ปการํ น สมฺปาปุณนฺติ, ตตฺถ ตตฺเถว ภิชฺชนฺติ. ตสฺมา อนิจฺจา. ยฺจ อนิจฺจํ, ตํ ทุกฺขํ. ยํ ทุกฺขํ, ตทนตฺตาติ เอวํ สพฺพาการปริปูรํ กมฺมฏฺานํ มนสิกโรนฺโตว คจฺฉติ. อตฺถกามา หิ กุลปุตฺตา สาสเน ปพฺพชิตฺวา ทสปิ วีสมฺปิ ตึสมฺปิ จตฺตาลีสมฺปิ ปฺาสมฺปิ สฏฺิปิ สตฺตติปิ สตมฺปิ เอกโต วสนฺตา กติกวตฺตํ กตฺวา วิหรนฺติ – ‘‘อาวุโส, ตุมฺเห น อิณฏฺา, น ภยฏฺา, น ชีวิกาปกตา ปพฺพชิตา; ทุกฺขา มุจฺจิตุกามา ปเนตฺถ ปพฺพชิตา. ตสฺมา คมเน อุปฺปนฺนกิเลสํ คมเนเยว นิคฺคณฺหถ, าเน นิสชฺชาย, สยเน อุปฺปนฺนกิเลสํ คมเนเยว นิคฺคณฺหถา’’ติ. เต เอวํ กติกวตฺตํ กตฺวา ภิกฺขาจารํ คจฺฉนฺตา อฑฺฒอุสภอุสภอฑฺฒคาวุตคาวุตนฺตเรสุ ปาสาณา โหนฺติ, ตาย สฺาย กมฺมฏฺานํ มนสิกโรนฺตาว คจฺฉนฺติ. สเจ กสฺสจิ คมเน กิเลโส อุปฺปชฺชติ, ตตฺเถว นํ นิคฺคณฺหาติ. ตถา อสกฺโกนฺโต ติฏฺติ. อถสฺส ปจฺฉโต อาคจฺฉนฺโตปิ ติฏฺติ. โส – ‘‘อยํ ภิกฺขุ ตุยฺหํ อุปฺปนฺนวิตกฺกํ ชานาติ, อนนุจฺฉวิกํ เต เอต’’นฺติ อตฺตานํ ปฏิโจเทตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา ตตฺเถว อริยภูมึ โอกฺกมติ. ตถา อสกฺโกนฺโต นิสีทติ. อถสฺส ปจฺฉโต อาคจฺฉนฺโตปิ นิสีทตีติ โสเยว นโย. อริยภูมิ โอกฺกมิตุํ อสกฺโกนฺโตปิ ตํ กิเลสํ วิกฺขมฺเภตฺวา กมฺมฏฺานํ มนสิกโรนฺโตว คจฺฉติ. น กมฺมฏฺานวิปฺปยุตฺเตน จิตฺเตน ปาทํ อุทฺธรติ. อุทฺธรติ เจ, ปฏินิวตฺติตฺวา ปุริมปฺปเทสํเยว เอติ สีหฬทีเป อาลินฺทกวาสี มหาผุสฺสเทวตฺเถโร วิย ¶ .
โส กิร เอกูนวีสติ วสฺสานิ คตปจฺจาคตวตฺตํ ปูเรนฺโต เอว วิหาสิ. มนุสฺสาปิ สุทํ อนฺตรามคฺเค กสนฺตา จ วปนฺตา จ มทฺทนฺตา จ กมฺมานิ กโรนฺตา เถรํ ตถา คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา – ‘‘อยํ เถโร ปุนปฺปุนํ นิวตฺติตฺวา คจฺฉติ, กึ นุ โข มคฺคมูฬฺโห, อุทาหุ กิฺจิ ปมุฏฺโ’’ติ สมุลฺลปนฺติ. โส ตํ อนาทิยิตฺวา กมฺมฏฺานยุตฺเตเนว จิตฺเตน สมณธมฺมํ กโรนฺโต วีสติวสฺสพฺภนฺตเร อรหตฺตํ ปาปุณิ. อรหตฺตปฺปตฺตทิวเส จสฺส จงฺกมนโกฏิยํ อธิวตฺถา เทวตา องฺคุลีหิ ทีปํ อุชฺชาเลตฺวา อฏฺาสิ. จตฺตาโรปิ มหาราชาโน สกฺโก จ เทวานมินฺโท, พฺรหฺมา จ สหมฺปติ อุปฏฺานํ อาคมํสุ. ตฺจ โอภาสํ ทิสฺวา วนวาสี มหาติสฺสตฺเถโร ตํ ทุติยทิวเส ปุจฺฉิ ¶ ‘‘รตฺติภาเค อายสฺมโต สนฺติเก โอภาโส อโหสิ, กึ โส โอภาโส’’ติ? เถโร วิกฺเขปํ กโรนฺโต ‘‘โอภาโส นาม ทีโปภาโสปิ โหติ, มณิโอภาโสปี’’ติ ¶ เอวมาทึ อาห. โส ‘‘ปฏิจฺฉาเทถ ตุมฺเห’’ติ นิพทฺโธ ‘‘อามา’’ติ ปฏิชานิตฺวา อาโรเจสิ.
กาฬวลฺลิมณฺฑปวาสี มหานาคตฺเถโร วิย จ. โสปิ กิร คตปจฺจาคตวตฺตํ ปูเรนฺโต ‘‘ปมํ ตาว ภควโต มหาปธานํ ปูเชมี’’ติ สตฺต วสฺสานิ านจงฺกมเมว อธิฏฺาสิ. ปุน โสฬส วสฺสานิ คตปจฺจาคตวตฺตํ ปูเรตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เอวํ กมฺมฏฺานยุตฺเตเนว จิตฺเตน ปาทํ อุทฺธรนฺโต วิปฺปยุตฺเตน จิตฺเตน อุทฺธเฏ ปน ปฏินิวตฺตนฺโต คามสมีปํ คนฺตฺวา, ‘‘คาวี นุ ปพฺพชิโต นู’’ติ อาสงฺกนียปฺปเทเส ตฺวา, สงฺฆาฏึ ปารุปิตฺวา ปตฺตํ คเหตฺวา, คามทฺวารํ ปตฺวา, กจฺฉกนฺตรโต อุทกํ คเหตฺวา, คณฺฑูสํ กตฺวา คามํ ปวิสติ ‘‘ภิกฺขํ ทาตุํ วา วนฺทิตุํ วา อุปคเต มนุสฺเส ‘ทีฆายุกา โหถา’ติ วจนมตฺเตนปิ มา เม กมฺมฏฺานวิกฺเขโป อโหสี’’ติ สเจ ปน ‘‘อชฺช, ภนฺเต, กึ สตฺตมี, อุทาหุ อฏฺมี’’ติ ทิวสํ ปุจฺฉนฺติ, อุทกํ คิลิตฺวา อาโรเจติ. สเจ ทิวสปุจฺฉกา น โหนฺติ, นิกฺขมนเวลายํ ¶ คามทฺวาเร นิฏฺุภิตฺวาว ยาติ.
สีหฬทีเปเยว กลมฺพติตฺถวิหาเร วสฺสูปคตา ปฺาสภิกฺขู วิย จ. เต กิร วสฺสูปนายิกอุโปสถทิวเส กติกวตฺตํ อกํสุ – ‘‘อรหตฺตํ อปฺปตฺวา อฺมฺํ นาลปิสฺสามา’’ติ. คามฺจ ปิณฺฑาย ปวิสนฺตา คามทฺวาเร อุทกคณฺฑูสํ กตฺวา ปวิสึสุ, ทิวเส ปุจฺฉิเต อุทกํ คิลิตฺวา อาโรเจสุํ, อปุจฺฉิเต คามทฺวาเร นิฏฺุภิตฺวา วิหารํ อาคมํสุ. ตตฺถ มนุสฺสา นิฏฺุภนฏฺานํ ทิสฺวา ชานึสุ ‘‘อชฺช เอโก อาคโต, อชฺช ทฺเว’’ติ. เอวฺจ จินฺเตสุํ ‘‘กึ นุ โข เอเต อมฺเหเหว สทฺธึ น สลฺลปนฺติ, อุทาหุ อฺมฺมฺปิ? ยทิ อฺมฺมฺปิ น สลฺลปนฺติ, อทฺธา วิวาทชาตา ภวิสฺสนฺติ, หนฺท เนสํ อฺมฺํ ขมาเปสฺสามา’’ติ สพฺเพ วิหารํ อคมํสุ. ตตฺถ ปฺาสภิกฺขูสุ วสฺสํ อุปคเตสุ ทฺเว ภิกฺขู เอโกกาเส นาทฺทสํสุ. ตโต โย เตสุ จกฺขุมา ปุริโส, โส เอวมาห – ‘‘น, โภ, กลหการกานํ วสโนกาโส อีทิโส โหติ, สุสมฺมฏฺํ เจติยงฺคณํ โพธิยงฺคณํ, สุนิกฺขิตฺตา สมฺมชฺชนิโย, สูปฏฺปิตํ ปานียปริโภชนีย’’นฺติ. เต ตโตว ¶ นิวตฺตา. เต ภิกฺขู อนฺโตเตมาเสเยว วิปสฺสนํ อารภิตฺวา อรหตฺตํ ปตฺวา มหาปวารณาย วิสุทฺธิปวารณํ ปวาเรสุํ.
เอวํ กาฬวลฺลิมณฺฑปวาสี มหานาคตฺเถโร วิย กลมฺพติตฺถวิหาเร วสฺสูปคตภิกฺขู วิย จ กมฺมฏฺานยุตฺเตเนว จิตฺเตน ปาทํ อุทฺธรนฺโต คามสมีปํ ปตฺวา, อุทกคณฺฑูสํ กตฺวา, วีถิโย สลฺลกฺเขตฺวา, ยตฺถ สุราโสณฺฑธุตฺตาทโย กลหการกา จณฺฑหตฺถิอสฺสาทโย วา นตฺถิ, ตํ ¶ วีถึ ปฏิปชฺชติ. ตตฺถ จ ปิณฺฑาย จรมาโน น ตุริตตุริโต วิย ชเวน คจฺฉติ, ชวนปิณฺฑปาติกธุตงฺคํ นาม นตฺถิ. วิสมภูมิภาคปฺปตฺตํ ¶ ปน อุทกภริตสกฏมิว นิจฺจโลว หุตฺวา คจฺฉติ. อนุฆรํ ปวิฏฺโ จ ทาตุกามํ อทาตุกามํ วา สลฺลกฺเขตุํ ตทนุรูปํ กาลํ อาคเมนฺโต ภิกฺขํ คเหตฺวา, ปติรูเป โอกาเส นิสีทิตฺวา, กมฺมฏฺานํ มนสิ กโรนฺโต อาหาเร ปฏิกูลสฺํ อุปฏฺเปตฺวา, อกฺขพฺภฺชนวณาเลปนปุตฺตมํสูปมาวเสน ปจฺจเวกฺขนฺโต อฏฺงฺคสมนฺนาคตํ อาหารํ อาหาเรติ, เนว ทวาย น มทาย…เป… ภุตฺตาวี จ อุทกกิจฺจํ กตฺวา, มุหุตฺตํ ภตฺตกิลมถํ ปฏิปฺปสฺสมฺเภตฺวา, ยถา ปุเร ภตฺตํ, เอวํ ปจฺฉา ภตฺตํ ปุริมยามํ ปจฺฉิมยามฺจ กมฺมฏฺานํ มนสิ กโรติ. อยํ วุจฺจติ หรติ เจว ปจฺจาหรติ จาติ. เอวเมตํ หรณปจฺจาหรณํ คตปจฺจาคตวตฺตนฺติ วุจฺจติ.
เอตํ ปูเรนฺโต ยทิ อุปนิสฺสยสมฺปนฺโน โหติ, ปมวเย เอว อรหตฺตํ ปาปุณาติ. โน เจ ปมวเย ปาปุณาติ, อถ มชฺฌิมวเย ปาปุณาติ. โน เจ มชฺฌิมวเย ปาปุณาติ, อถ มรณสมเย ปาปุณาติ. โน เจ มรณสมเย ปาปุณาติ, อถ เทวปุตฺโต หุตฺวา ปาปุณาติ. โน เจ เทวปุตฺโต หุตฺวา ปาปุณาติ, อถ ปจฺเจกสมฺพุทฺโธ หุตฺวา ปรินิพฺพาติ. โน เจ ปจฺเจกสมฺพุทฺโธ หุตฺวา ปรินิพฺพาติ, อถ พุทฺธานํ สนฺติเก ขิปฺปาภิฺโ โหติ; เสยฺยถาปิ – เถโร พาหิโย, มหาปฺโ วา โหติ; เสยฺยถาปิ เถโร สาริปุตฺโต.
อยํ ปน ปจฺเจกโพธิสตฺโต กสฺสปสฺส ภควโต สาสเน ปพฺพชิตฺวา, อารฺิโก หุตฺวา, วีสติ วสฺสสหสฺสานิ เอตํ คตปจฺจาคตวตฺตํ ปูเรตฺวา, กาลํ กตฺวา, กามาวจรเทวโลเก อุปฺปชฺชิ. ตโต จวิตฺวา พาราณสิรฺโ อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ อคฺคเหสิ. กุสลา อิตฺถิโย ตทเหว คพฺภสณฺานํ ชานนฺติ, สา จ ตาสมฺตรา ¶ , ตสฺมา ตํ คพฺภปติฏฺานํ รฺโ นิเวเทสิ. ธมฺมตา เอสา, ยํ ปฺุวนฺเต สตฺเต คพฺเภ อุปฺปนฺเน มาตุคาโม ¶ คพฺภปริหารํ ลภติ. ตสฺมา ราชา ตสฺสา คพฺภปริหารํ อทาสิ. สา ตโต ปภุติ นาจฺจุณฺหํ กิฺจิ อชฺโฌหริตุํ ลภติ, นาติสีตํ, นาติอมฺพิลํ, นาติโลณํ, นาติกฏุกํ, นาติติตฺตกํ. อจฺจุณฺเห หิ มาตรา อชฺโฌหเฏ คพฺภสฺส โลหกุมฺภิวาโส วิย โหติ, อติสีเต โลกนฺตริกวาโส วิย, อจฺจมฺพิลโลณกฏุกติตฺตเกสุ ภุตฺเตสุ สตฺเถน ผาเลตฺวา อมฺพิลาทีหิ สิตฺตานิ วิย คพฺภเสยฺยกสฺส องฺคานิ ติพฺพเวทนานิ โหนฺติ. อติจงฺกมนฏฺานนิสชฺชาสยนโตปิ นํ นิวาเรนฺติ – ‘‘กุจฺฉิคตสฺส สฺจลนทุกฺขํ มา อโหสี’’ติ. มุทุกตฺถรณตฺถตาย ภูมิยํ จงฺกมนาทีนิ มตฺตาย กาตุํ ลภติ, วณฺณคนฺธาทิสมฺปนฺนํ สาทุสปฺปายํ อนฺนปานํ ลภติ. ปริคฺคเหตฺวาว นํ จงฺกมาเปนฺติ, นิสีทาเปนฺติ, วุฏฺาเปนฺติ.
สา ¶ เอวํ ปริหริยมานา คพฺภปริปากกาเล สูติฆรํ ปวิสิตฺวา ปจฺจูสสมเย ปุตฺตํ วิชายิ ปกฺกเตลมทฺทิตมโนสิลาปิณฺฑิสทิสํ ธฺปฺุลกฺขณูเปตํ. ตโต นํ ปฺจมทิวเส อลงฺกตปฺปฏิยตฺตํ รฺโ ทสฺเสสุํ, ราชา ตุฏฺโ ฉสฏฺิยา ธาตีหิ อุปฏฺาเปสิ. โส สพฺพสมฺปตฺตีหิ วฑฺฒมาโน น จิรสฺเสว วิฺุตํ ปาปุณิ. ตํ โสฬสวสฺสุทฺเทสิกเมว สมานํ ราชา รชฺเช อภิสิฺจิ, วิวิธนาฏกานิ จสฺส อุปฏฺาเปสิ. อภิสิตฺโต ราชปุตฺโต รชฺชํ กาเรสิ นาเมน พฺรหฺมทตฺโต สกลชมฺพุทีเป วีสติยา นครสหสฺเสสุ. ชมฺพุทีเป หิ ปุพฺเพ จตุราสีติ นครสหสฺสานิ อเหสุํ. ตานิ ปริหายนฺตานิ สฏฺิ อเหสุํ, ตโต ปริหายนฺตานิ จตฺตาลีสํ, สพฺพปริหายนกาเล ปน วีสติ โหนฺติ. อยฺจ พฺรหฺมทตฺโต สพฺพปริหายนกาเล อุปฺปชฺชิ. เตนสฺส วีสติ นครสหสฺสานิ อเหสุํ, วีสติ ปาสาทสหสฺสานิ, วีสติ หตฺถิสหสฺสานิ, วีสติ อสฺสสหสฺสานิ, วีสติ รถสหสฺสานิ ¶ , วีสติ ปตฺติสหสฺสานิ, วีสติ อิตฺถิสหสฺสานิ – โอโรธา จ นาฏกิตฺถิโย จ, วีสติ อมจฺจสหสฺสานิ. โส มหารชฺชํ การยมาโน เอว กสิณปริกมฺมํ กตฺวา ปฺจ อภิฺาโย, อฏฺ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตสิ. ยสฺมา ปน อภิสิตฺตรฺา นาม อวสฺสํ อฏฺฏกรเณ นิสีทิตพฺพํ, ตสฺมา เอกทิวสํ ปเคว ปาตราสํ ภฺุชิตฺวา วินิจฺฉยฏฺาเน นิสีทิ. ตตฺถ อุจฺจาสทฺทมหาสทฺทํ อกํสุ. โส ‘‘อยํ สทฺโท สมาปตฺติยา อุปกฺกิเลโส’’ติ ปาสาทตลํ ¶ อภิรุหิตฺวา ‘‘สมาปตฺตึ อปฺเปมี’’ติ นิสินฺโน นาสกฺขิ อปฺเปตุํ, รชฺชวิกฺเขเปน สมาปตฺติ ปริหีนา. ตโต จินฺเตสิ ‘‘กึ รชฺชํ วรํ, อุทาหุ สมณธมฺโม’’ติ. ตโต ‘‘รชฺชสุขํ ปริตฺตํ อเนกาทีนวํ, สมณธมฺมสุขํ ปน วิปุลมเนกานิสํสํ อุตฺตมปุริสเสวิตฺจา’’ติ ตฺวา อฺตรํ อมจฺจํ อาณาเปสิ – ‘‘อิมํ รชฺชํ ธมฺเมน สเมน อนุสาส, มา โข อธมฺมการํ อกาสี’’ติ สพฺพํ นิยฺยาเตตฺวา ปาสาทํ อภิรุหิตฺวา สมาปตฺติสุเขน วิหรติ, น โกจิ อุปสงฺกมิตุํ ลภติ อฺตฺร มุขโธวนทนฺตกฏฺทายกภตฺตนีหารกาทีหิ.
ตโต อทฺธมาสมตฺเต วีติกฺกนฺเต มเหสี ปุจฺฉิ ‘‘ราชา อุยฺยานคมนพลทสฺสนนาฏกาทีสุ กตฺถจิ น ทิสฺสติ, กุหึ คโต’’ติ? ตสฺสา ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. สา อมจฺจสฺส ปาเหสิ ‘‘รชฺเช ปฏิจฺฉิเต อหมฺปิ ปฏิจฺฉิตา โหมิ, เอตุ มยา สทฺธึ สํวาสํ กปฺเปตู’’ติ. โส อุโภ กณฺเณ ถเกตฺวา ‘‘อสวนียเมต’’นฺติ ปฏิกฺขิปิ. สา ปุนปิ ทฺวตฺติกฺขตฺตุํ เปเสตฺวา อนิจฺฉมานํ ตชฺชาเปสิ – ‘‘ยทิ น กโรสิ, านาปิ เต จาเวมิ, ชีวิตาปิ โวโรเปมี’’ติ. โส ภีโต ‘‘มาตุคาโม นาม ทฬฺหนิจฺฉโย, กทาจิ เอวมฺปิ การาเปยฺยา’’ติ เอกทิวสํ รโห คนฺตฺวา ตาย สทฺธึ สิริสยเน สํวาสํ กปฺเปสิ. สา ปฺุวตี ¶ สุขสมฺผสฺสา. โส ตสฺสา สมฺผสฺสราเคน รตฺโต ตตฺถ อภิกฺขณํ สงฺกิตสงฺกิโตว อคมาสิ. อนุกฺกเมน ¶ อตฺตโน ฆรสามิโก วิย นิพฺพิสงฺโก ปวิสิตุมารทฺโธ.
ตโต ราชมนุสฺสา ตํ ปวตฺตึ รฺโ อาโรเจสุํ. ราชา น สทฺทหติ. ทุติยมฺปิ ตติยมฺปิ อาโรเจสุํ. ตโต นิลีโน สยเมว ทิสฺวา สพฺพามจฺเจ สนฺนิปาตาเปตฺวา อาโรเจสิ. เต – ‘‘อยํ ราชาปราธิโก หตฺถจฺเฉทํ อรหติ, ปาทจฺเฉทํ อรหตี’’ติ ยาว สูเล อุตฺตาสนํ, ตาว สพฺพกมฺมการณานิ นิทฺทิสึสุ. ราชา – ‘‘เอตสฺส วธพนฺธนตาฬเน มยฺหํ วิหึสา อุปฺปชฺเชยฺย, ชีวิตา โวโรปเน ปาณาติปาโต ภเวยฺย, ธนหรเณ อทินฺนาทานํ, อลํ เอวรูเปหิ กเตหิ, อิมํ มม รชฺชา นิกฺกฑฺฒถา’’ติ อาห. อมจฺจา ตํ นิพฺพิสยํ อกํสุ. โส อตฺตโน ธนสารฺจ ปุตฺตทารฺจ คเหตฺวา ปรวิสยํ อคมาสิ. ตตฺถ ราชา สุตฺวา ‘‘กึ อาคโตสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘เทว, อิจฺฉามิ ตํ อุปฏฺาตุ’’นฺติ. โส ตํ สมฺปฏิจฺฉิ. อมจฺโจ กติปาหจฺจเยน ลทฺธวิสฺสาโส ตํ ราชานํ เอตทโวจ – ‘‘มหาราช, อมกฺขิกมธุํ ¶ ปสฺสามิ, ตํ ขาทนฺโต นตฺถี’’ติ. ราชา ‘‘กึ เอตํ อุปฺปณฺเฑตุกาโม ภณตี’’ติ น สุณาติ. โส อนฺตรํ ลภิตฺวา ปุนปิ สุฏฺุตรํ วณฺเณตฺวา อาโรเจสิ. ราชา ‘‘กึ เอต’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘พาราณสิรชฺชํ, เทวา’’ติ. ราชา ‘‘มํ เนตฺวา มาเรตุกาโมสี’’ติ อาห. โส ‘‘มา, เทว, เอวํ อวจ, ยทิ น สทฺทหสิ, มนุสฺเส เปเสหี’’ติ. โส มนุสฺเส เปเสสิ. เต คนฺตฺวา โคปุรํ ขณิตฺวา รฺโ สยนฆเร อุฏฺหึสุ.
ราชา ทิสฺวา ‘‘กิสฺส อาคตาตฺถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘โจรา มยํ, มหาราชา’’ติ. ราชา เตสํ ธนํ ทาเปตฺวา ‘‘มา ปุน เอวมกตฺถา’’ติ โอวทิตฺวา วิสฺสชฺเชสิ. เต อาคนฺตฺวา ตสฺส รฺโ อาโรเจสุํ. โส ปุนปิ ทฺวตฺติกฺขตฺตุํ ตเถว วีมํสิตฺวา ‘‘สีลวา ราชา’’ติ จตุรงฺคินึ เสนํ สนฺนยฺหิตฺวา สีมนฺตเร เอกํ นครํ อุปคมฺม ตตฺถ อมจฺจสฺส ปาเหสิ ‘‘นครํ วา เม เทหิ ยุทฺธํ วา’’ติ. โส พฺรหฺมทตฺตสฺส ตมตฺถํ อาโรจาเปสิ ‘‘อาณาเปตุ เทโว กึ ยุชฺฌามิ, อุทาหุ นครํ เทมี’’ติ. ราชา ‘‘น ยุชฺฌิตพฺพํ, นครํ ทตฺวา อิธาคจฺฉา’’ติ เปเสสิ. โส ตถา อกาสิ. ปฏิราชาปิ ตํ นครํ คเหตฺวา อวเสสนคเรสุปิ ¶ ตเถว ทูตํ ปาเหสิ. เตปิ อมจฺจา ตเถว พฺรหฺมทตฺตสฺส อาโรเจตฺวา เตน ‘‘น ยุชฺฌิตพฺพํ, อิธาคนฺตพฺพ’’นฺติ วุตฺตา พาราณสึ อาคมํสุ.
ตโต อมจฺจา พฺรหฺมทตฺตํ อาหํสุ – ‘‘มหาราช, เตน สห ยุชฺฌามา’’ติ. ราชา – ‘‘มม ปาณาติปาโต ภวิสฺสตี’’ติ วาเรสิ. อมจฺจา – ‘‘มยํ, มหาราช, ตํ ชีวคฺคาหํ คเหตฺวา ¶ อิเธว อาเนสฺสามา’’ติ นานาอุปาเยหิ ราชานํ สฺาเปตฺวา ‘‘เอหิ มหาราชา’’ติ คนฺตุํ อารทฺธา. ราชา ‘‘สเจ สตฺตมารณปฺปหรณวิลุมฺปนกมฺมํ น กโรถ, คจฺฉามี’’ติ ภณติ. อมจฺจา ‘‘น, เทว, กโรม, ภยํ ทสฺเสตฺวา ปลาเปมา’’ติ จตุรงฺคินึ เสนํ สนฺนยฺหิตฺวา ฆเฏสุ ทีเป ปกฺขิปิตฺวา รตฺตึ คจฺฉึสุ. ปฏิราชา ตํ ทิวสํ พาราณสิสมีเป นครํ คเหตฺวา อิทานิ กินฺติ รตฺตึ สนฺนาหํ โมจาเปตฺวา ปมตฺโต นิทฺทํ โอกฺกมิ สทฺธึ พลกาเยน. ตโต อมจฺจา พาราณสิราชานํ คเหตฺวา ปฏิรฺโ ขนฺธาวารํ คนฺตฺวา สพฺพฆเฏหิ ทีเป นิหราเปตฺวา เอกปชฺโชตาย เสนาย สทฺทํ อกํสุ. ปฏิรฺโ อมจฺโจ มหาพลํ ทิสฺวา ภีโต อตฺตโน ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘อุฏฺเหิ อมกฺขิกมธุํ ขาทาหี’’ติ มหาสทฺทํ อกาสิ. ตถา ทุติโยปิ, ตติโยปิ. ปฏิราชา เตน สทฺเทน ปฏิพุชฺฌิตฺวา ¶ ภยํ สนฺตาสํ อาปชฺชิ. อุกฺกุฏฺิสตานิ ปวตฺตึสุ. โส ‘‘ปรวจนํ สทฺทหิตฺวา อมิตฺตหตฺถํ ปตฺโตมฺหี’’ติ สพฺพรตฺตึ ตํ ตํ วิปฺปลปิตฺวา ทุติยทิวเส ‘‘ธมฺมิโก ราชา, อุปโรธํ น กเรยฺย, คนฺตฺวา ขมาเปมี’’ติ จินฺเตตฺวา ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา ชณฺณุเกหิ ปติฏฺหิตฺวา ‘‘ขม, มหาราช, มยฺหํ อปราธ’’นฺติ อาห. ราชา ตํ โอวทิตฺวา ‘‘อุฏฺเหิ, ขมามิ เต’’ติ อาห. โส รฺา เอวํ วุตฺตมตฺเตเยว ปรมสฺสาสปฺปตฺโต อโหสิ, พาราณสิรฺโ สมีเปเยว ชนปเท รชฺชํ ลภิ. เต อฺมฺํ สหายกา อเหสุํ.
อถ พฺรหฺมทตฺโต ทฺเวปิ เสนา สมฺโมทมานา เอกโต ิตา ทิสฺวา ‘‘มเมกสฺส จิตฺตานุรกฺขณาย อสฺมึ ชนกาเย ขุทฺทกมกฺขิกาย ปิวนมตฺตมฺปิ โลหิตพินฺทุ ¶ น อุปฺปนฺนํ. อโห สาธุ, อโห สุฏฺุ, สพฺเพ สตฺตา สุขิตา โหนฺตุ, อเวรา โหนฺตุ, อพฺยาปชฺฌา โหนฺตู’’ติ เมตฺตาฌานํ อุปฺปาเทตฺวา, ตเทว ปาทกํ กตฺวา, สงฺขาเร สมฺมสิตฺวา, ปจฺเจกโพธิาณํ สจฺฉิกตฺวา, สยมฺภุตํ ปาปุณิ. ตํ มคฺคสุเขน ผลสุเขน สุขิตํ หตฺถิกฺขนฺเธ นิสินฺนํ อมจฺจา ปณิปาตํ กตฺวา อาหํสุ – ‘‘ยานกาโล, มหาราช, วิชิตพลกายสฺส สกฺกาโร กาตพฺโพ, ปราชิตพลกายสฺส ภตฺตปริพฺพโย ทาตพฺโพ’’ติ. โส อาห – ‘‘นาหํ, ภเณ, ราชา, ปจฺเจกพุทฺโธ นามาห’’นฺติ. กึ เทโว ภณติ, น เอทิสา ปจฺเจกพุทฺธา โหนฺตีติ? กีทิสา, ภเณ, ปจฺเจกพุทฺธาติ? ปจฺเจกพุทฺธา นาม ทฺวงฺคุลเกสมสฺสุ อฏฺปริกฺขารยุตฺตา ภวนฺตีติ. โส ทกฺขิณหตฺเถน สีสํ ปรามสิ, ตาวเทว คิหิลิงฺคํ อนฺตรธายิ, ปพฺพชิตเวโส ปาตุรโหสิ, ทฺวงฺคุลเกสมสฺสุ อฏฺปริกฺขารสมนฺนาคโต วสฺสสติกตฺเถรสทิโส อโหสิ. โส จตุตฺถชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา หตฺถิกฺขนฺธโต เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ปทุมปุปฺเผ นิสีทิ. อมจฺจา วนฺทิตฺวา ‘‘กึ, ภนฺเต, กมฺมฏฺานํ, กถํ อธิคโตสี’’ติ ปุจฺฉึสุ. โส ยโต อสฺส เมตฺตาฌานกมฺมฏฺานํ อโหสิ ¶ , ตฺจ วิปสฺสนํ วิปสฺสิตฺวา อธิคโต, ตสฺมา ตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต อุทานคาถฺจ พฺยากรณคาถฺจ อิมฺเว คาถํ อภาสิ ‘‘สพฺเพสุ ภูเตสุ นิธาย ทณฺฑ’’นฺติ.
ตตฺถ สพฺเพสูติ อนวเสเสสุ. ภูเตสูติ สตฺเตสุ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถารํ ปน รตนสุตฺตวณฺณนายํ วกฺขาม. นิธายาติ นิกฺขิปิตฺวา. ทณฺฑนฺติ ¶ กายวจีมโนทณฺฑํ, กายทุจฺจริตาทีนเมตํ อธิวจนํ. กายทุจฺจริตฺหิ ทณฺฑยตีติ ทณฺโฑ, พาเธติ อนยพฺยสนํ ปาเปตีติ วุตฺตํ โหติ. เอวํ วจีทุจฺจริตํ มโนทุจฺจริตํ จ. ปหรณทณฺโฑ เอว วา ทณฺโฑ, ตํ นิธายาติปิ วุตฺตํ โหติ. อวิเหยนฺติ อวิเหยนฺโต. อฺตรมฺปีติ ยํกิฺจิ เอกมฺปิ. เตสนฺติ เตสํ สพฺพภูตานํ. น ปุตฺตมิจฺเฉยฺยาติ อตฺรโช, เขตฺรโช, ทินฺนโก, อนฺเตวาสิโกติ อิเมสุ จตูสุ ¶ ปุตฺเตสุ ยํ กิฺจิ ปุตฺตํ น อิจฺเฉยฺย. กุโต สหายนฺติ สหายํ ปน อิจฺเฉยฺยาติ กุโต เอว เอตํ.
เอโกติ ปพฺพชฺชาสงฺขาเตน เอโก, อทุติยฏฺเน เอโก, ตณฺหาปหาเนน เอโก, เอกนฺตวิคตกิเลโสติ เอโก, เอโก ปจฺเจกสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธติ เอโก. สมณสหสฺสสฺสาปิ หิ มชฺเฌ วตฺตมาโน คิหิสฺโชนสฺส ฉินฺนตฺตา เอโก – เอวํ ปพฺพชฺชาสงฺขาเตน เอโก. เอโก ติฏฺติ, เอโก คจฺฉติ, เอโก นิสีทติ, เอโก เสยฺยํ กปฺเปติ, เอโก อิริยติ วตฺตตีติ – เอวํ อทุติยฏฺเน เอโก.
‘‘ตณฺหาทุติโย ปุริโส, ทีฆมทฺธานสํสรํ;
อิตฺถภาวฺถาภาวํ, สํสารํ นาติวตฺตติ.
‘‘เอวมาทีนวํ ตฺวา, ตณฺหํ ทุกฺขสฺส สมฺภวํ;
วีตตณฺโห อนาทาโน, สโต ภิกฺขุ ปริพฺพเช’’ติ. (อิติวุ. ๑๕, ๑๐๕; มหานิ. ๑๙๑; จูฬนิ. ปารายนานุคีติคาถานิทฺเทส ๑๐๗) –
เอวํ ตณฺหาปหานฏฺเน เอโก. สพฺพกิเลสาสฺส ปหีนา อุจฺฉินฺนมูลา ตาลาวตฺถุกตา อนภาวํกตา อายตึ อนุปฺปาทธมฺมาติ – เอวํ เอกนฺตวิคตกิเลโสติ เอโก. อนาจริยโก หุตฺวา สยมฺภู สามฺเว ปจฺเจกสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธติ – เอวํ เอโก ปจฺเจกสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธติ เอโก.
จเรติ ยา อิมา อฏฺ จริยาโย; เสยฺยถิทํ – ปณิธิสมฺปนฺนานํ จตูสุ อิริยาปเถสุ อิริยาปถจริยา ¶ , อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารานํ อชฺฌตฺติกายตเนสุ อายตนจริยา, อปฺปมาทวิหารีนํ จตูสุ สติปฏฺาเนสุ สติจริยา, อธิจิตฺตมนุยุตฺตานํ จตูสุ ฌาเนสุ สมาธิจริยา, พุทฺธิสมฺปนฺนานํ จตูสุ อริยสจฺเจสุ าณจริยา, สมฺมา ปฏิปนฺนานํ จตูสุ อริยมคฺเคสุ มคฺคจริยา, อธิคตปฺผลานํ จตูสุ สามฺผเลสุ ¶ ปตฺติจริยา, ติณฺณํ พุทฺธานํ สพฺพสตฺเตสุ โลกตฺถจริยา, ตตฺถ ปเทสโต ปจฺเจกพุทฺธสาวกานนฺติ. ยถาห – ‘‘จริยาติ อฏฺ จริยาโย อิริยาปถจริยา’’ติ ¶ (ปฏิ. ม. ๑.๑๙๗; ๓.๒๘) วิตฺถาโร. ตาหิ จริยาหิ สมนฺนาคโต ภเวยฺยาติ อตฺโถ. อถ วา ยา อิมา ‘‘อธิมุจฺจนฺโต สทฺธาย จรติ, ปคฺคณฺหนฺโต วีริเยน จรติ, อุปฏฺหนฺโต สติยา จรติ, อวิกฺขิตฺโต สมาธินา จรติ, ปชานนฺโต ปฺาย จรติ, วิชานนฺโต วิฺาเณน จรติ, เอวํ ปฏิปนฺนสฺส กุสลา ธมฺมา อายตนฺตีติ อายตนจริยาย จรติ, เอวํ ปฏิปนฺโน วิเสสมธิคจฺฉตีติ วิเสสจริยาย จรตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๑๙๗; ๓.๒๙) เอวํ อปราปิ อฏฺ จริยา วุตฺตา. ตาหิปิ สมนฺนาคโต ภเวยฺยาติ อตฺโถ. ขคฺควิสาณกปฺโปติ เอตฺถ ขคฺควิสาณํ นาม ขคฺคมิคสิงฺคํ. กปฺปสทฺทสฺส อตฺถํ วิตฺถารโต มงฺคลสุตฺตวณฺณนายํ ปกาสยิสฺสาม. อิธ ปนายํ ‘‘สตฺถุกปฺเปน วต, โภ, กิร สาวเกน สทฺธึ มนฺตยมานา’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๖๐) เอวมาทีสุ วิย ปฏิภาโค เวทิตพฺโพ. ขคฺควิสาณกปฺโปติ ขคฺควิสาณสทิโสติ วุตฺตํ โหติ. อยํ ตาเวตฺถ ปทโต อตฺถวณฺณนา.
อธิปฺปายานุสนฺธิโต ปน เอวํ เวทิตพฺพา – ยฺวายํ วุตฺตปฺปกาโร ทณฺโฑ ภูเตสุ ปวตฺติยมาโน อหิโต โหติ, ตํ เตสุ อปฺปวตฺตเนน ตปฺปฏิปกฺขภูตาย เมตฺตาย ปรหิตูปสํหาเรน จ สพฺเพสุ ภูเตสุ นิธาย ทณฺฑํ, นิหิตทณฺฑตฺตา เอว จ. ยถา อนิหิตทณฺฑา สตฺตา ภูตานิ ทณฺเฑน วา สตฺเถน วา ปาณินา วา เลฑฺฑุนา วา วิเหยนฺติ, ตถา อวิเหยํ อฺตรมฺปิ เตสํ. อิมํ เมตฺตากมฺมฏฺานมาคมฺม ยเทว ตตฺถ เวทนาคตํ สฺาสงฺขารวิฺาณคตํ ตฺจ ตทนุสาเรเนว ตทฺฺจ สงฺขารคตํ วิปสฺสิตฺวา อิมํ ปจฺเจกโพธึ อธิคโตมฺหีติ อยํ ตาว อธิปฺปาโย.
อยํ ปน อนุสนฺธิ – เอวํ วุตฺเต เต อมจฺจา อาหํสุ – ‘‘อิทานิ, ภนฺเต, กุหึ คจฺฉถา’’ติ? ตโต เตน ‘‘ปุพฺพปจฺเจกสมฺพุทฺธา กตฺถ วสนฺตี’’ติ ¶ อาวชฺเชตฺวา ตฺวา ‘‘คนฺธมาทนปพฺพเต’’ติ วุตฺเต ปุนาหํสุ – ‘‘อมฺเห ทานิ, ภนฺเต, ปชหถ, น อิจฺฉถา’’ติ. อถ ปจฺเจกพุทฺโธ อาห – ‘‘น ปุตฺตมิจฺเฉยฺยา’’ติ สพฺพํ. ตตฺราธิปฺปาโย – อหํ อิทานิ อตฺรชาทีสุ ยํ ¶ กิฺจิ ปุตฺตมฺปิ น อิจฺเฉยฺยํ, กุโต ปน ตุมฺหาทิสํ สหายํ? ตสฺมา ตุมฺเหสุปิ โย มยา สทฺธึ ¶ คนฺตุํ มาทิโส วา โหตุํ อิจฺฉติ, โส เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป. อถ วา เตหิ ‘‘อมฺเห ทานิ, ภนฺเต, ปชหถ น อิจฺฉถา’’ติ วุตฺเต โส ปจฺเจกพุทฺโธ ‘‘น ปุตฺตมิจฺเฉยฺย กุโต สหาย’’นฺติ วตฺวา อตฺตโน ยถาวุตฺเตนตฺเถน เอกจริยาย คุณํ ทิสฺวา ปมุทิโต ปีติโสมนสฺสชาโต อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ – ‘‘เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ. เอวํ วตฺวา เปกฺขมานสฺเสว มหาชนสฺส อากาเส อุปฺปติตฺวา คนฺธมาทนํ อคมาสิ.
คนฺธมาทโน นาม หิมวติ จูฬกาฬปพฺพตํ, มหากาฬปพฺพตํ, นาคปลิเวนํ, จนฺทคพฺภํ, สูริยคพฺภํ, สุวณฺณปสฺสํ, หิมวนฺตปพฺพตนฺติ สตฺต ปพฺพเต อติกฺกมฺม โหติ. ตตฺถ นนฺทมูลกํ นาม ปพฺภารํ ปจฺเจกพุทฺธานํ วสโนกาโส. ติสฺโส จ คุหาโย – สุวณฺณคุหา, มณิคุหา, รชตคุหาติ. ตตฺถ มณิคุหาทฺวาเร มฺชูสโก นาม รุกฺโข โยชนํ อุพฺเพเธน, โยชนํ วิตฺถาเรน. โส ยตฺตกานิ อุทเก วา ถเล วา ปุปฺผานิ, สพฺพานิ ตานิ ปุปฺผยติ วิเสเสน ปจฺเจกพุทฺธาคมนทิวเส. ตสฺสูปริโต สพฺพรตนมาโฬ โหติ. ตตฺถ สมฺมชฺชนกวาโต กจวรํ ฉฑฺเฑติ, สมกรณวาโต สพฺพรตนมยํ วาลิกํ สมํ กโรติ, สิฺจนกวาโต อโนตตฺตทหโต อาเนตฺวา อุทกํ สิฺจติ, สุคนฺธกรณวาโต หิมวนฺตโต สพฺเพสํ คนฺธรุกฺขานํ คนฺเธ อาเนติ, โอจินกวาโต ปุปฺผานิ โอจินิตฺวา ¶ ปาเตติ, สนฺถรกวาโต สพฺพตฺถ สนฺถรติ. สทา ปฺตฺตาเนว เจตฺถ อาสนานิ โหนฺติ, เยสุ ปจฺเจกพุทฺธุปฺปาททิวเส อุโปสถทิวเส จ สพฺพปจฺเจกพุทฺธา สนฺนิปติตฺวา นิสีทนฺติ. อยํ ตตฺถ ปกติ. อภิสมฺพุทฺธ-ปจฺเจกพุทฺโธ ตตฺถ คนฺตฺวา ปฺตฺตาสเน นิสีทติ. ตโต สเจ ตสฺมึ กาเล อฺเปิ ปจฺเจกพุทฺธา สํวิชฺชนฺติ, เตปิ ตงฺขณํ สนฺนิปติตฺวา ปฺตฺตาสเนสุ นิสีทนฺติ. นิสีทิตฺวา จ กิฺจิเทว สมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺหนฺติ, ตโต สงฺฆตฺเถโร อธุนาคตปจฺเจกพุทฺธํ สพฺเพสํ อนุโมทนตฺถาย ‘‘กถมธิคต’’นฺติ กมฺมฏฺานํ ปุจฺฉติ. ตทาปิ โส ตเมว อตฺตโน อุทานพฺยากรณคาถํ ภาสติ. ปุน ภควาปิ อายสฺมตา อานนฺเทน ปุฏฺโ ตเมว คาถํ ภาสติ, อานนฺโท จ สงฺคีติยนฺติ เอวเมเกกา คาถา ปจฺเจกสมฺโพธิอภิสมฺพุทฺธฏฺาเน, มฺชูสกมาเฬ ¶ , อานนฺเทน ปุจฺฉิตกาเล, สงฺคีติยนฺติ จตุกฺขตฺตุํ ภาสิตา โหตีติ.
ปมคาถาวณฺณนา สมตฺตา.
๓๖. สํสคฺคชาตสฺสาติ กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปจฺเจกโพธิสตฺโต กสฺสปสฺส ภควโต สาสเน วีสติ วสฺสสหสฺสานิ ปุริมนเยเนว สมณธมฺมํ กโรนฺโต กสิณปริกมฺมํ กตฺวา, ปมชฺฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา, นามรูปํ ววตฺถเปตฺวา, ลกฺขณสมฺมสนํ กตฺวา, อริยมคฺคํ อนธิคมฺม พฺรหฺมโลเก ¶ นิพฺพตฺติ. โส ตโต จุโต พาราณสิรฺโ อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ อุปฺปชฺชิตฺวา ปุริมนเยเนว วฑฺฒมาโน ยโต ปภุติ ‘‘อยํ อิตฺถี อยํ ปุริโส’’ติ วิเสสํ อฺาสิ, ตตุปาทาย อิตฺถีนํ หตฺเถ น รมติ, อุจฺฉาทนนฺหาปนมณฺฑนาทิมตฺตมฺปิ น สหติ. ตํ ปุริสา เอว โปเสนฺติ, ถฺปายนกาเล ธาติโย กฺจุกํ ¶ ปฏิมฺุจิตฺวา ปุริสเวเสน ถฺํ ปาเยนฺติ. โส อิตฺถีนํ คนฺธํ ฆายิตฺวา สทฺทํ วา สุตฺวา โรทติ, วิฺุตํ ปตฺโตปิ อิตฺถิโย ปสฺสิตุํ น อิจฺฉติ, เตน ตํ อนิตฺถิคนฺโธตฺเวว สฺชานึสุ.
ตสฺมึ โสฬสวสฺสุทฺเทสิเก ชาเต ราชา ‘‘กุลวํสํ สณฺเปสฺสามี’’ติ นานากุเลหิ ตสฺส อนุรูปา กฺาโย อาเนตฺวา อฺตรํ อมจฺจํ อาณาเปสิ ‘‘กุมารํ รมาเปหี’’ติ. อมจฺโจ อุปาเยน ตํ รมาเปตุกาโม ตสฺส อวิทูเร สาณิปาการํ ปริกฺขิปาเปตฺวา นาฏกานิ ปโยชาเปสิ. กุมาโร คีตวาทิตสทฺทํ สุตฺวา – ‘‘กสฺเสโส สทฺโท’’ติ อาห. อมจฺโจ ‘‘ตเวโส, เทว, นาฏกิตฺถีนํ สทฺโท, ปฺุวนฺตานํ อีทิสานิ นาฏกานิ โหนฺติ, อภิรม, เทว, มหาปฺุโสิ ตฺว’’นฺติ อาห. กุมาโร อมจฺจํ ทณฺเฑน ตาฬาเปตฺวา นิกฺกฑฺฒาเปสิ. โส รฺโ อาโรเจสิ. ราชา กุมารสฺส มาตรา สห คนฺตฺวา, กุมารํ ขมาเปตฺวา, ปุน อมจฺจํ อปฺเปสิ. กุมาโร เตหิ อตินิปฺปีฬิยมาโน เสฏฺสุวณฺณํ ทตฺวา สุวณฺณกาเร อาณาเปสิ – ‘‘สุนฺทรํ อิตฺถิรูปํ กโรถา’’ติ. เต วิสฺสกมฺมุนา นิมฺมิตสทิสํ สพฺพาลงฺการวิภูสิตํ อิตฺถิรูปํ กตฺวา ทสฺเสสุํ. กุมาโร ทิสฺวา วิมฺหเยน สีสํ จาเลตฺวา มาตาปิตูนํ เปเสสิ ‘‘ยทิ อีทิสึ อิตฺถึ ลภิสฺสามิ, คณฺหิสฺสามี’’ติ. มาตาปิตโร ¶ ‘‘อมฺหากํ ปุตฺโต มหาปฺุโ, อวสฺสํ เตน สห กตปฺุา กาจิ ทาริกา โลเก อุปฺปนฺนา ภวิสฺสตี’’ติ ตํ สุวณฺณรูปํ รถํ อาโรเปตฺวา อมจฺจานํ อปฺเปสุํ ‘‘คจฺฉถ, อีทิสึ ทาริกํ คเวสถา’’ติ. เต คเหตฺวา โสฬส มหาชนปเท วิจรนฺตา ตํ ตํ คามํ คนฺตฺวา อุทกติตฺถาทีสุ ยตฺถ ยตฺถ ชนสมูหํ ปสฺสนฺติ, ตตฺถ ตตฺถ เทวตํ วิย สุวณฺณรูปํ เปตฺวา นานาปุปฺผวตฺถาลงฺกาเรหิ ปูชํ กตฺวา, วิตานํ พนฺธิตฺวา, เอกมนฺตํ ติฏฺนฺติ – ‘‘ยทิ เกนจิ เอวรูปา ทิฏฺปุพฺพา ภวิสฺสติ, โส กถํ สมุฏฺาเปสฺสตี’’ติ? เอเตนุปาเยน อฺตฺร มทฺทรฏฺา สพฺเพ ¶ ชนปเท อาหิณฺฑิตฺวา ตํ ‘‘ขุทฺทกรฏฺ’’นฺติ อวมฺมานา ตตฺถ ปมํ อคนฺตฺวา นิวตฺตึสุ.
ตโต เนสํ อโหสิ ‘‘มทฺทรฏฺมฺปิ ตาว คจฺฉาม, มา โน พาราณสึ ปวิฏฺเปิ ราชา ปุน ปาเหสี’’ติ มทฺทรฏฺเ สาคลนครํ อคมํสุ. สาคลนคเร จ มทฺทโว นาม ราชา. ตสฺส ธีตา โสฬสวสฺสุทฺเทสิกา อภิรูปา โหติ. ตสฺสา วณฺณทาสิโย นฺหาโนทกตฺถาย ติตฺถํ คตา. ตตฺถ อมจฺเจหิ ปิตํ ตํ สุวณฺณรูปํ ทูรโตว ทิสฺวา ‘‘อมฺเห อุทกตฺถาย เปเสตฺวา ราชปุตฺตี สยเมว ¶ อาคตา’’ติ ภณนฺติโย สมีปํ คนฺตฺวา ‘‘นายํ สามินี, อมฺหากํ สามินี อิโต อภิรูปตรา’’ติ อาหํสุ. อมจฺจา ตํ สุตฺวา ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา อนุรูเปน นเยน ทาริกํ ยาจึสุ, โสปิ อทาสิ. ตโต พาราณสิรฺโ ปาเหสุํ ‘‘ลทฺธา ทาริกา, สามํ อาคจฺฉิสฺสติ, อุทาหุ อมฺเหว อาเนมา’’ติ? โส จ ‘‘มยิ อาคจฺฉนฺเต ชนปทปีฬา ภวิสฺสติ, ตุมฺเหว อาเนถา’’ติ เปเสสิ.
อมจฺจา ทาริกํ คเหตฺวา นครา นิกฺขมิตฺวา กุมารสฺส ปาเหสุํ – ‘‘ลทฺธา สุวณฺณรูปสทิสี ทาริกา’’ติ. กุมาโร สุตฺวาว ราเคน อภิภูโต ปมชฺฌานา ปริหายิ. โส ทูตปรมฺปรํ เปเสสิ ‘‘สีฆํ อาเนถ, สีฆํ อาเนถา’’ติ. เต สพฺพตฺถ เอกรตฺติวาเสเนว พาราณสึ ปตฺวา พหินคเร ิตา รฺโ ปาเหสุํ – ‘‘อชฺช ปวิสิตพฺพํ, โน’’ติ? ราชา ‘‘เสฏฺกุลา อานีตา ทาริกา, มงฺคลกิริยํ กตฺวา มหาสกฺกาเรน ปเวเสสฺสาม, อุยฺยานํ ตาว นํ เนถา’’ติ อาณาเปสิ. เต ตถา อกํสุ. สา อจฺจนฺตสุขุมาลา ยานุคฺฆาเตน อุพฺพาฬฺหา อทฺธานปริสฺสเมน อุปฺปนฺนวาตโรคา มิลาตมาลา วิย ¶ หุตฺวา รตฺตึเยว กาลมกาสิ. อมจฺจา ‘‘สกฺการา ปริภฏฺมฺหา’’ติ ปริเทวึสุ. ราชา จ นาครา จ ‘‘กุลวํโส วินฏฺโ’’ติ ปริเทวึสุ. นคเร มหาโกลาหลํ อโหสิ. กุมารสฺส สุตมตฺเตเยว มหาโสโก อุทปาทิ. ตโต กุมาโร โสกสฺส มูลํ ขณิตุมารทฺโธ. โส จินฺเตสิ – ‘‘อยํ โสโก นาม น อชาตสฺส โหติ, ชาตสฺส ปน โหติ, ตสฺมา ชาตึ ปฏิจฺจ โสโก’’ติ. ‘‘ชาติ ปน กึ ¶ ปฏิจฺจา’’ติ? ตโต ‘‘ภวํ ปฏิจฺจ ชาตี’’ติ เอวํ ปุพฺพภาวนานุภาเวน โยนิโส มนสิกโรนฺโต อนุโลมปฏิโลมปฏิจฺจสมุปฺปาทํ ทิสฺวา สงฺขาเร สมฺมสนฺโต ตตฺเถว นิสินฺโน ปจฺเจกโพธึ สจฺฉากาสิ. ตํ มคฺคผลสุเขน สุขิตํ สนฺตินฺทฺริยํ สนฺตมานสํ นิสินฺนํ ทิสฺวา, ปณิปาตํ กตฺวา, อมจฺจา อาหํสุ – ‘‘มา โสจิ, เทว, มหนฺโต ชมฺพุทีโป, อฺํ ตโต สุนฺทรตรํ อาเนสฺสามา’’ติ. โส อาห – ‘‘นาหํ โสจโก, นิสฺโสโก ปจฺเจกพุทฺโธ อห’’นฺติ. อิโต ปรํ สพฺพํ ปุริมคาถาสทิสเมว เปตฺวา คาถาวณฺณนํ.
คาถาวณฺณนายํ ปน สํสคฺคชาตสฺสาติ ชาตสํสคฺคสฺส. ตตฺถ ทสฺสน, สวน, กาย, สมุลฺลปน, สมฺโภคสํสคฺควเสน ปฺจวิโธ สํสคฺโค. ตตฺถ อฺมฺํ ทิสฺวา จกฺขุวิฺาณวีถิวเสน อุปฺปนฺนราโค ทสฺสนสํสคฺโค นาม. ตตฺถ สีหฬทีเป กาฬทีฆวาปีคาเม ปิณฺฑาย จรนฺตํ กลฺยาณวิหารวาสีทีฆภาณกทหรภิกฺขุํ ทิสฺวา ปฏิพทฺธจิตฺตา เกนจิ อุปาเยน ตํ อลภิตฺวา, กาลกตา กุฏุมฺพิยธีตา, ตสฺสา นิวาสนโจฬขณฺฑํ ทิสฺวา ‘‘เอวรูปวตฺถธารินิยา ¶ นาม สทฺธึ สํวาสํ นาลตฺถ’’นฺติ หทยํ ผาเลตฺวา กาลกโต. โส เอว จ ทหโร นิทสฺสนํ.
ปเรหิ ปน กถิยมานํ รูปาทิสมฺปตฺตึ อตฺตนา วา หสิตลปิตคีตสทฺทํ สุตฺวา โสตวิฺาณวีถิวเสน อุปฺปนฺโน ราโค สวนสํสคฺโค นาม. ตตฺราปิ คิริคามวาสีกมฺมารธีตาย ปฺจหิ กุมารีหิ สทฺธึ ปทุมสฺสรํ คนฺตฺวา, นฺหตฺวา มาลํ อาโรเปตฺวา, อุจฺจาสทฺเทน คายนฺติยา อากาเสน คจฺฉนฺโต สทฺทํ สุตฺวา กามราเคน วิเสสา ปริหายิตฺวา อนยพฺยสนํ ปตฺโต ปฺจคฺคฬเลณวาสี ติสฺสทหโร นิทสฺสนํ.
อฺมฺํ องฺคปรามสเนน อุปฺปนฺนราโค กายสํสคฺโค นาม. ธมฺมคายนทหรภิกฺขุ ¶ เจตฺถ นิทสฺสนํ. มหาวิหาเร กิร ทหรภิกฺขุ ธมฺมํ ภาสติ ¶ . ตตฺถ มหาชเน อาคเต ราชาปิ อคมาสิ สทฺธึ อนฺเตปุเรน. ตโต ราชธีตาย ตสฺส รูปฺจ สทฺทฺจ อาคมฺม พลวราโค อุปฺปนฺโน, ตสฺส จ ทหรสฺสาปิ. ตํ ทิสฺวา ราชา สลฺลกฺเขตฺวา สาณิปากาเรน ปริกฺขิปาเปสิ. เต อฺมฺํ ปรามสิตฺวา อาลิงฺคึสุ. ปุน สาณิปาการํ อปเนตฺวา ปสฺสนฺตา ทฺเวปิ กาลกเตเยว อทฺทสํสูติ.
อฺมฺํ อาลปนสมุลฺลปเน อุปฺปนฺโน ราโค ปน สมุลฺลปนสํสคฺโค นาม. ภิกฺขุภิกฺขุนีหิ สทฺธึ ปริโภคกรเณ อุปฺปนฺนราโค สมฺโภคสํสคฺโค นาม. ทฺวีสุปิ เจเตสุ ปาราชิกปฺปตฺโต ภิกฺขุ จ ภิกฺขุนี จ นิทสฺสนํ. มริจิวฏฺฏินามมหาวิหารมเห กิร ทุฏฺคามณิ อภยมหาราชา มหาทานํ ปฏิยาเทตฺวา อุภโตสงฺฆํ ปริวิสติ. ตตฺถ อุณฺหยาคุยา ทินฺนาย สงฺฆนวกสามเณรี อนาธารกสฺส สงฺฆนวกสามเณรสฺส ทนฺตวลยํ ทตฺวา สมุลฺลาปํ อกาสิ. เต อุโภปิ อุปสมฺปชฺชิตฺวา สฏฺิวสฺสา หุตฺวา ปรตีรํ คตา อฺมฺํ สมุลฺลาเปน ปุพฺพสฺํ ปฏิลภิตฺวา ตาวเทว ชาตสิเนหา สิกฺขาปทํ วีติกฺกมิตฺวา ปาราชิกา อเหสุนฺติ.
เอวํ ปฺจวิเธ สํสคฺเค เยน เกนจิ สํสคฺเคน ชาตสํสคฺคสฺส ภวติ สฺเนโห, ปุริมราคปจฺจยา พลวราโค อุปฺปชฺชติ. ตโต สฺเนหนฺวยํ ทุกฺขมิทํ ปโหติ ตเมว สฺเนหํ อนุคจฺฉนฺตํ สนฺทิฏฺิกสมฺปรายิกโสกปริเทวาทินานปฺปการกํ ทุกฺขมิทํ ปโหติ, นิพฺพตฺตติ, ภวติ, ชายติ. อปเร ปน ‘‘อารมฺมเณ จิตฺตสฺส โวสฺสคฺโค สํสคฺโค’’ติ ภณนฺติ. ตโต สฺเนโห, สฺเนหา ทุกฺขมิทนฺติ.
เอวมตฺถปฺปเภทํ ¶ ¶ อิมํ อฑฺฒคาถํ วตฺวา โส ปจฺเจกพุทฺโธ อาห – ‘‘สฺวาหํ ยมิทํ สฺเนหนฺวยํ โสกาทิทุกฺขํ ปโหติ, ตสฺส ทุกฺขสฺส มูลํ ขนนฺโต ปจฺเจกสมฺโพธิมธิคโต’’ติ. เอวํ วุตฺเต เต อมจฺจา อาหํสุ – ‘‘อมฺเหหิ ทานิ, ภนฺเต, กึ กาตพฺพ’’นฺติ? ตโต โส อาห – ‘‘ตุมฺเห วา อฺเ วา โย อิมมฺหา ทุกฺขา มุจฺจิตุกาโม, โส สพฺโพปิ อาทีนวํ สฺเนหชํ เปกฺขมาโน, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ. เอตฺถ จ ยํ ‘‘สฺเนหนฺวยํ ทุกฺขมิทํ ปโหตี’’ติ วุตฺตํ ‘‘ตเทว สนฺธาย อาทีนวํ สฺเนหชํ เปกฺขมาโน’’ติ อิทํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. อถ วา ยถาวุตฺเตน สํสคฺเคน สํสคฺคชาตสฺส ภวติ สฺเนโห, สฺเนหนฺวยํ ทุกฺขมิทํ ปโหติ, เอตํ ยถาภูตํ อาทีนวํ สฺเนหชํ เปกฺขมาโน อหํ อธิคโตติ. เอวํ อภิสมฺพนฺธิตฺวา จตุตฺถปาโท ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว ¶ อุทานวเสน วุตฺโตปิ เวทิตพฺโพ. ตโต ปรํ สพฺพํ ปุริมคาถาย วุตฺตสทิสเมวาติ.
สํสคฺคคาถาวณฺณนา สมตฺตา.
๓๗. มิตฺเต สุหชฺเชติ กา อุปฺปตฺติ? อยํ ปจฺเจกโพธิสตฺโต ปุริมคาถาย วุตฺตนเยเนว อุปฺปชฺชิตฺวา พาราณสิยํ รชฺชํ กาเรนฺโต ปมํ ฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา ‘‘กึ สมณธมฺโม วโร, รชฺชํ วร’’นฺติ วีมํสิตฺวา จตุนฺนํ อมจฺจานํ หตฺเถ รชฺชํ นิยฺยาเตตฺวา สมณธมฺมํ กโรติ. อมจฺจา ‘‘ธมฺเมน สเมน กโรถา’’ติ วุตฺตาปิ ลฺชํ คเหตฺวา อธมฺเมน กโรนฺติ. เต ลฺชํ คเหตฺวา สามิเก ปราเชนฺตา เอกทา อฺตรํ ราชวลฺลภํ ปราเชสุํ. โส รฺโ ภตฺตหารเกน สทฺธึ ปวิสิตฺวา สพฺพํ อาโรเจสิ. ราชา ทุติยทิวเส สยํ วินิจฺฉยฏฺานํ อคมาสิ. ตโต มหาชนกายา – ‘‘อมจฺจา สามิเก อสามิเก กโรนฺตี’’ติ มหาสทฺทํ กโรนฺตา มหายุทฺธํ วิย อกํสุ. อถ ราชา วินิจฺฉยฏฺานา วุฏฺาย ปาสาทํ อภิรุหิตฺวา สมาปตฺตึ อปฺเปตุํ นิสินฺโน เตน สทฺเทน วิกฺขิตฺตจิตฺโต ¶ น สกฺโกติ อปฺเปตุํ. โส ‘‘กึ เม รชฺเชน, สมณธมฺโม วโร’’ติ รชฺชสุขํ ปหาย ปุน สมาปตฺตึ นิพฺพตฺเตตฺวา ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว วิปสฺสนฺโต ปจฺเจกสมฺโพธึ สจฺฉากาสิ. กมฺมฏฺานฺจ ปุจฺฉิโต อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘มิตฺเต สุหชฺเช อนุกมฺปมาโน, หาเปติ อตฺถํ ปฏิพทฺธจิตฺโต;
เอตํ ภยํ สนฺถเว เปกฺขมาโน, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ.
ตตฺถ เมตฺตายนวเสน มิตฺตา. สุหทยภาเวน สุหชฺชา. เกจิ หิ เอกนฺตหิตกามตาย มิตฺตาว โหนฺติ, น สุหชฺชา. เกจิ คมนาคมนฏฺานนิสชฺชาสมุลฺลาปาทีสุ หทยสุขชนเนน สุหชฺชาว โหนฺติ, น มิตฺตา. เกจิ ตทุภยวเสน สุหชฺชา เจว มิตฺตา จ. เต ทุวิธา โหนฺติ ¶ – อคาริยา อนคาริยา จ. ตตฺถ อคาริยา ติวิธา โหนฺติ – อุปกาโร, สมานสุขทุกฺโข, อนุกมฺปโกติ. อนคาริยา วิเสเสน อตฺถกฺขายิโน เอว. เต จตูหิ องฺเคหิ สมนฺนาคตา โหนฺติ. ยถาห –
‘‘จตูหิ ¶ โข, คหปติปุตฺต, าเนหิ อุปกาโร มิตฺโต สุหโท เวทิตพฺโพ – ปมตฺตํ รกฺขติ, ปมตฺตสฺส สาปเตยฺยํ รกฺขติ, ภีตสฺส สรณํ โหติ, อุปฺปนฺเนสุ กิจฺจกรณีเยสุ ตทฺทิคุณํ โภคํ อนุปฺปเทติ’’ (ที. นิ. ๓.๒๖๑).
ตถา –
‘‘จตูหิ โข, คหปติปุตฺต, าเนหิ สมานสุขทุกฺโข มิตฺโต สุหโท เวทิตพฺโพ – คุยฺหมสฺส อาจิกฺขติ, คุยฺหมสฺส ปริคูหติ, อาปทาสุ น วิชหติ, ชีวิตมฺปิสฺส อตฺถาย ปริจฺจตฺตํ โหติ’’ (ที. นิ. ๓.๒๖๒).
ตถา –
‘‘จตูหิ โข, คหปติปุตฺต, าเนหิ อนุกมฺปโก มิตฺโต สุหโท เวทิตพฺโพ – อภเวนสฺส น นนฺทติ, ภเวนสฺส นนฺทติ, อวณฺณํ ภณมานํ นิวาเรติ, วณฺณํ ภณมานํ ปสํสติ’’ (ที. นิ. ๓.๒๖๔).
ตถา –
‘‘จตูหิ โข, คหปติปุตฺต, าเนหิ อตฺถกฺขายี มิตฺโต สุหโท เวทิตพฺโพ – ปาปา นิวาเรติ, กลฺยาเณ นิเวเสติ, อสฺสุตํ สาเวติ, สคฺคสฺส มคฺคํ อาจิกฺขตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๒๖๓).
เตสฺวิธ อคาริยา อธิปฺเปตา. อตฺถโต ปน สพฺเพปิ ยุชฺชนฺติ. เต มิตฺเต สุหชฺเช. อนุกมฺปมาโนติ อนุทยมาโน. เตสํ สุขํ อุปสํหริตุกาโม ทุกฺขํ ¶ อปหริตุกาโม จ.
หาเปติ อตฺถนฺติ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺถวเสน ติวิธํ, ตถา อตฺตตฺถปรตฺถอุภยตฺถวเสนาปิ ¶ ติวิธํ. อตฺถํ ลทฺธวินาสเนน อลทฺธานุปฺปาทเนนาติ ทฺวิธาปิ หาเปติ วินาเสติ. ปฏิพทฺธจิตฺโตติ ‘‘อหํ อิมํ วินา น ชีวามิ, เอส เม คติ, เอส เม ปรายณ’’นฺติ เอวํ อตฺตานํ นีเจ าเน เปนฺโตปิ ปฏิพทฺธจิตฺโต โหติ. ‘‘อิเม มํ วินา น ชีวนฺติ, อหํ เตสํ คติ, เตสํ ปรายณ’’นฺติ เอวํ อตฺตานํ อุจฺเจ าเน เปนฺโตปิ ปฏิพทฺธจิตฺโต โหติ. อิธ ปน เอวํ ปฏิพทฺธจิตฺโต อธิปฺเปโต. เอตํ ภยนฺติ เอตํ อตฺถหาปนภยํ, อตฺตโน สมาปตฺติหานึ สนฺธาย วุตฺตํ. สนฺถเวติ ¶ ติวิโธ สนฺถโว – ตณฺหาทิฏฺิมิตฺตสนฺถววเสน. ตตฺถ อฏฺสตปฺปเภทาปิ ตณฺหา ตณฺหาสนฺถโว, ทฺวาสฏฺิเภทาปิ ทิฏฺิ ทิฏฺิสนฺถโว, ปฏิพทฺธจิตฺตตาย มิตฺตานุกมฺปนา มิตฺตสนฺถโว. โส อิธาธิปฺเปโต. เตน หิสฺส สมาปตฺติ ปริหีนา. เตนาห – ‘‘เอตํ ภยํ สนฺถเว เปกฺขมาโน อหมธิคโต’’ติ. เสสํ วุตฺตสทิสเมวาติ เวทิตพฺพนฺติ.
มิตฺตสุหชฺชคาถาวณฺณนา สมตฺตา.
๓๘. วํโส วิสาโลติ กา อุปฺปตฺติ? ปุพฺเพ กิร กสฺสปสฺส ภควโต สาสเน ตโย ปจฺเจกโพธิสตฺตา ปพฺพชิตฺวา วีสติ วสฺสสหสฺสานิ คตปจฺจาคตวตฺตํ ปูเรตฺวา เทวโลเก อุปฺปนฺนา. ตโต จวิตฺวา เตสํ เชฏฺโก พาราณสิราชกุเล นิพฺพตฺโต, อิตเร ปจฺจนฺตราชกุเลสุ. เต อุโภปิ กมฺมฏฺานํ อุคฺคณฺหิตฺวา, รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา, อนุกฺกเมน ปจฺเจกพุทฺธา หุตฺวา, นนฺทมูลกปพฺภาเร วสนฺตา เอกทิวสํ สมาปตฺติโต วุฏฺาย ‘‘มยํ กึ กมฺมํ กตฺวา อิมํ โลกุตฺตรสุขํ อนุปฺปตฺตา’’ติ อาวชฺเชตฺวา ปจฺจเวกฺขมานา กสฺสปพุทฺธกาเล อตฺตโน จริยํ อทฺทสํสุ. ตโต ‘‘ตติโย กุหิ’’นฺติ อาวชฺเชนฺตา พาราณสิยํ รชฺชํ ¶ กาเรนฺตํ ทิสฺวา ตสฺส คุเณ สริตฺวา ‘‘โส ปกติยาว อปฺปิจฺฉตาทิคุณสมนฺนาคโต อโหสิ, อมฺหากฺเว โอวาทโก วตฺตา วจนกฺขโม ปาปครหี, หนฺท, นํ อารมฺมณํ ทสฺเสตฺวา โมเจสฺสามา’’ติ โอกาสํ คเวสนฺตา ตํ เอกทิวสํ สพฺพาลงฺการวิภูสิตํ อุยฺยานํ คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา อากาเสนาคนฺตฺวา อุยฺยานทฺวาเร เวฬุคุมฺพมูเล อฏฺํสุ. มหาชโน อติตฺโต ราชทสฺสเนน ราชานํ โอโลเกติ. ตโต ราชา ‘‘อตฺถิ นุ โข โกจิ มม ทสฺสเน อพฺยาวโฏ’’ติ โอโลเกนฺโต ปจฺเจกพุทฺเธ อทฺทกฺขิ. สห ทสฺสเนเนว จสฺส เตสุ สิเนโห อุปฺปชฺชิ.
โส หตฺถิกฺขนฺธา โอรุยฺห สนฺเตน อุปจาเรน เต อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ภนฺเต, กึ นามา ตุมฺเห’’ติ ปุจฺฉิ. เต อาหํสุ ‘‘มยํ, มหาราช, อสชฺชมานา นามา’’ติ. ‘‘ภนฺเต, ‘อสชฺชมานา’ติ เอตสฺส โก อตฺโถ’’ติ? ‘‘อลคฺคนตฺโถ, มหาราชา’’ติ. ตโต ตํ เวฬุคุมฺพํ ทสฺเสนฺตา อาหํสุ – ‘‘เสยฺยถาปิ, มหาราช, อิมํ เวฬุคุมฺพํ สพฺพโส มูลขนฺธสาขานุสาขาหิ สํสิพฺพิตฺวา ¶ ิตํ อสิหตฺโถ ปุริโส มูเล เฉตฺวา อาวิฺฉนฺโต น สกฺกุเณยฺย อุทฺธริตุํ ¶ , เอวเมว ตฺวํ อนฺโต จ พหิ จ ชฏาย ชฏิโต อาสตฺตวิสตฺโต ตตฺถ ลคฺโค. เสยฺยถาปิ วา ปนสฺส เวมชฺฌคโตปิ อยํ วํสกฬีโร อสฺชาตสาขตฺตา เกนจิ อลคฺโค ิโต, สกฺกา จ ปน อคฺเค วา มูเล วา เฉตฺวา อุทฺธริตุํ, เอวเมว มยํ กตฺถจิ อสชฺชมานา สพฺพทิสา คจฺฉามา’’ติ ตาวเทว จตุตฺถชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา ปสฺสโต เอว รฺโ อากาเสน นนฺทมูลกปพฺภารํ อคมํสุ. ตโต ราชา จินฺเตสิ – ‘‘กทา นุ โข อหมฺปิ เอวํ อสชฺชมาโน ภเวยฺย’’นฺติ ตตฺเถว นิสีทิตฺวา วิปสฺสนฺโต ปจฺเจกโพธึ สจฺฉากาสิ. ปุริมนเยเนว กมฺมฏฺานํ ปุจฺฉิโต อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘วํโส วิสาโลว ยถา วิสตฺโต, ปุตฺเตสุ ทาเรสุ จ ยา อเปกฺขา;
วํสกฺกฬีโรว อสชฺชมาโน, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ.
ตตฺถ ¶ วํโสติ เวฬุ. วิสาโลติ วิตฺถิณฺโณ. จกาโร อวธารณตฺโถ, เอวกาโร วา อยํ, สนฺธิวเสเนตฺถ เอกาโร นฏฺโ. ตสฺส ปรปเทน สมฺพนฺโธ, ตํ ปจฺฉา โยเชสฺสาม. ยถาติ ปฏิภาเค. วิสตฺโตติ ลคฺโค, ชฏิโต สํสิพฺพิโต. ปุตฺเตสุ ทาเรสุ จาติ ปุตฺตธีตุภริยาสุ. ยา อเปกฺขาติ ยา ตณฺหา โย สฺเนโห. วํสกฺกฬีโรว อสชฺชมาโนติ วํสกฬีโร วิย อลคฺคมาโน. กึ วุตฺตํ โหติ? ยถา วํโส วิสาโล วิสตฺโต เอว โหติ, ปุตฺเตสุ ทาเรสุ จ ยา อเปกฺขา, สาปิ เอวํ ตานิ วตฺถูนิ สํสิพฺพิตฺวา ิตตฺตา วิสตฺตา เอว. สฺวาหํ ตาย อเปกฺขาย อเปกฺขวา วิสาโล วํโส วิย วิสตฺโตติ เอวํ อเปกฺขาย อาทีนวํ ทิสฺวา ตํ อเปกฺขํ มคฺคาเณน ฉินฺทนฺโต อยํ วํสกฬีโรว รูปาทีสุ วา โลภาทีสุ วา กามภวาทีสุ วา ทิฏฺาทีสุ วา ตณฺหามานทิฏฺิวเสน อสชฺชมาโน ปจฺเจกโพธึ อธิคโตติ. เสสํ ปุริมนเยเนว เวทิตพฺพนฺติ.
วํสกฬีรคาถาวณฺณนา สมตฺตา.
๓๙. มิโค ¶ อรฺมฺหีติ กา อุปฺปตฺติ? เอโก กิร ภิกฺขุ กสฺสปสฺส ภควโต สาสเน โยคาวจโร กาลํ กตฺวา, พาราณสิยํ เสฏฺิกุเล อุปฺปนฺโน อฑฺเฒ มหทฺธเน มหาโภเค, โส สุภโค อโหสิ. ตโต ปรทาริโก หุตฺวา ตตฺถ กาลกโต นิรเย นิพฺพตฺโต ตตฺถ ปจฺจิตฺวา วิปากาวเสเสน เสฏฺิภริยาย กุจฺฉิมฺหิ อิตฺถิปฏิสนฺธึ อคฺคเหสิ. นิรยโต อาคตานํ คตฺตานิ อุณฺหานิ โหนฺติ. เตน เสฏฺิภริยา ฑยฺหมาเนน อุทเรน กิจฺเฉน กสิเรน ตํ คพฺภํ ธาเรตฺวา ¶ กาเลน ทาริกํ วิชายิ. สา ชาตทิวสโต ปภุติ มาตาปิตูนํ เสสพนฺธุปริชนานฺจ เทสฺสา อโหสิ. วยปฺปตฺตา จ ยมฺหิ กุเล ทินฺนา, ตตฺถาปิ สามิกสสฺสุสสุรานํ เทสฺสาว อโหสิ อปฺปิยา อมนาปา. อถ นกฺขตฺเต โฆสิเต เสฏฺิปุตฺโต ตาย สทฺธึ กีฬิตุํ อนิจฺฉนฺโต เวสึ อาเนตฺวา กีฬติ. สา ตํ ทาสีนํ สนฺติกา สุตฺวา เสฏฺิปุตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา นานปฺปกาเรหิ อนุนยิตฺวา อาห – ‘‘อยฺยปุตฺต, อิตฺถี นาม สเจปิ ทสนฺนํ ราชูนํ กนิฏฺา โหติ, จกฺกวตฺติโน วา ธีตา, ตถาปิ สามิกสฺส เปสนกรา โหติ. สามิเก อนาลปนฺเต สูเล อาโรปิตา วิย ทุกฺขํ ปฏิสํเวเทติ. สเจ ¶ อหํ อนุคฺคหารหา, อนุคฺคเหตพฺพา. โน เจ, วิสฺสชฺเชตพฺพา, อตฺตโน าติกุลํ คมิสฺสามี’’ติ. เสฏฺิปุตฺโต – ‘‘โหตุ, ภทฺเท, มา โสจิ, กีฬนสชฺชา โหหิ, นกฺขตฺตํ กีฬิสฺสามา’’ติ อาห. เสฏฺิธีตา ตาวตเกนปิ สลฺลาปมตฺเตน อุสฺสาหชาตา ‘‘สฺเว นกฺขตฺตํ กีฬิสฺสามี’’ติ พหุํ ขชฺชโภชฺชํ ปฏิยาเทติ. เสฏฺิปุตฺโต ทุติยทิวเส อนาโรเจตฺวาว กีฬนฏฺานํ คโต. สา ‘‘อิทานิ เปเสสฺสติ, อิทานิ เปเสสฺสตี’’ติ มคฺคํ โอโลเกนฺตี นิสินฺนา อุสฺสูรํ ทิสฺวา มนุสฺเส เปเสสิ. เต ปจฺจาคนฺตฺวา ‘‘เสฏฺิปุตฺโต คโต’’ติ อาโรเจสุํ. สา สพฺพํ ตํ ปฏิยาทิตํ อาทาย ยานํ อภิรุหิตฺวา อุยฺยานํ คนฺตุํ อารทฺธา.
อถ นนฺทมูลกปพฺภาเร ปจฺเจกสมฺพุทฺโธ สตฺตเม ทิวเส นิโรธา วุฏฺาย อโนตตฺเต มุขํ โธวิตฺวา นาคลตาทนฺตโปณํ ขาทิตฺวา ‘‘กตฺถ อชฺช ภิกฺขํ จริสฺสามี’’ติ อาวชฺเชนฺโต ตํ เสฏฺิธีตรํ ทิสฺวา ‘‘อิมิสฺสา มยิ สกฺการํ กริตฺวา ตํ กมฺมํ ปริกฺขยํ คมิสฺสตี’’ติ ตฺวา ปพฺภารสมีเป ¶ สฏฺิโยชนํ มโนสิลาตลํ, ตตฺถ ตฺวา นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย อภิฺาปาทกชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา อากาเสนาคนฺตฺวา ตสฺสา ปฏิปเถ โอรุยฺห พาราณสีภิมุโข อคมาสิ. ตํ ทิสฺวา ทาสิโย เสฏฺิธีตาย อาโรเจสุํ. สา ยานา โอรุยฺห สกฺกจฺจํ วนฺทิตฺวา, ปตฺตํ คเหตฺวา, สพฺพรสสมฺปนฺเนน ขาทนียโภชนีเยน ปูเรตฺวา, ปทุมปุปฺเผน ปฏิจฺฉาเทตฺวา เหฏฺาปิ ปทุมปุปฺผํ กตฺวา, ปุปฺผกลาปํ หตฺเถน คเหตฺวา, ปจฺเจกพุทฺธํ อุปสงฺกมิตฺวา, ตสฺส หตฺเถ ปตฺตํ ทตฺวา, วนฺทิตฺวา, ปุปฺผกลาปหตฺถา ปตฺเถสิ ‘‘ภนฺเต, ยถา อิทํ ปุปฺผํ, เอวาหํ ยตฺถ ยตฺถ อุปฺปชฺชามิ, ตตฺถ ตตฺถ มหาชนสฺส ปิยา ภเวยฺยํ มนาปา’’ติ. เอวํ ปตฺเถตฺวา ทุติยํ ปตฺเถสิ ‘‘ภนฺเต, ทุกฺโข คพฺภวาโส, ตํ อนุปคมฺม ปทุมปุปฺเผ เอวํ ปฏิสนฺธิ ภเวยฺยา’’ติ. ตติยมฺปิ ปตฺเถสิ ‘‘ภนฺเต, ชิคุจฺฉนีโย มาตุคาโม, จกฺกวตฺติธีตาปิ ปรวสํ คจฺฉติ, ตสฺมา อหํ อิตฺถิภาวํ อนุปคมฺม ปุริโส ภเวยฺย’’นฺติ. จตุตฺถมฺปิ ¶ ปตฺเถสิ ‘‘ภนฺเต, อิมํ สํสารทุกฺขํ อติกฺกมฺม ปริโยสาเน ตุมฺเหหิ ปตฺตํ อมตํ ปาปุเณยฺย’’นฺติ.
เอวํ ¶ จตุโร ปณิธโย กตฺวา, ตํ ปทุมปุปฺผกลาปํ ปูเชตฺวา, ปจฺเจกพุทฺธสฺส ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา ‘‘ปุปฺผสทิโส เอว เม คนฺโธ เจว วณฺโณ จ โหตู’’ติ อิมํ ปฺจมํ ปณิธึ อกาสิ. ตโต ปจฺเจกพุทฺโธ ปตฺตํ ปุปฺผกลาปฺจ คเหตฺวา อากาเส ตฺวา –
‘‘อิจฺฉิตํ ปตฺถิตํ ตุยฺหํ, ขิปฺปเมว สมิชฺฌตุ;
สพฺเพ ปูเรนฺตุ สงฺกปฺปา, จนฺโท ปนฺนรโส ยถา’’ติ. –
อิมาย คาถาย เสฏฺิธีตาย อนุโมทนํ กตฺวา ‘‘เสฏฺิธีตา มํ คจฺฉนฺตํ ปสฺสตู’’ติ อธิฏฺหิตฺวา นนฺทมูลกปพฺภารํ อคมาสิ. เสฏฺิธีตาย ตํ ทิสฺวา มหตี ปีติ อุปฺปนฺนา. ภวนฺตเร กตํ อกุสลกมฺมํ อโนกาสตาย ปริกฺขีณํ, จิฺจมฺพิลโธตตมฺพภาชนมิว สุทฺธา ชาตา. ตาวเทว จสฺสา ปติกุเล าติกุเล จ สพฺโพ ชโน ตุฏฺโ ‘‘กึ กโรมา’’ติ ปิยวจนานิ ปณฺณาการานิ จ เปเสสิ. เสฏฺิปุตฺโต มนุสฺเส เปเสสิ ‘‘สีฆํ สีฆํ อาเนถ เสฏฺิธีตรํ, อหํ วิสฺสริตฺวา อุยฺยานํ อาคโต’’ติ. ตโต ปภุติ จ นํ อุเร วิลิตฺตจนฺทนํ วิย อามุตฺตมุตฺตาหารํ วิย ปุปฺผมาลํ วิย จ ปิยายนฺโต ปริหริ.
สา ¶ ตตฺถ ยาวตายุกํ อิสฺสริยโภคสุขํ อนุภวิตฺวา กาลํ กตฺวา ปุริสภาเวน เทวโลเก ปทุมปุปฺเผ อุปฺปชฺชิ. โส เทวปุตฺโต คจฺฉนฺโตปิ ปทุมปุปฺผคพฺเภเยว คจฺฉติ, ติฏฺนฺโตปิ, นิสีทนฺโตปิ, สยนฺโตปิ ปทุมคพฺเภเยว สยติ. มหาปทุมเทวปุตฺโตติ จสฺส นามํ อกํสุ. เอวํ โส เตน อิทฺธานุภาเวน อนุโลมปฏิโลมํ ฉเทวโลเก เอว สํสรติ.
เตน ¶ จ สมเยน พาราณสิรฺโ วีสติ อิตฺถิสหสฺสานิ โหนฺติ. ราชา เอกิสฺสาปิ กุจฺฉิยํ ปุตฺตํ น ลภติ. อมจฺจา ราชานํ วิฺาเปสุํ ‘‘เทว, กุลวํสานุปาลโก ปุตฺโต อิจฺฉิตพฺโพ, อตฺรเช อวิชฺชมาเน เขตฺรโชปิ กุลวํสธโร โหตี’’ติ. ราชา ‘‘เปตฺวา มเหสึ อวเสสา นาฏกิตฺถิโย สตฺตาหํ ธมฺมนาฏกํ กโรถา’’ติ ยถากามํ พหิ จราเปสิ, ตถาปิ ปุตฺตํ นาลตฺถ. ปุน อมจฺจา อาหํสุ – ‘‘มหาราช, มเหสี นาม ปฺุเน จ ปฺาย จ สพฺพิตฺถีนํ อคฺคา, อปฺเปว นาม เทโว มเหสิยาปิ กุจฺฉิสฺมึ ปุตฺตํ ลเภยฺยา’’ติ. ราชา มเหสิยา เอตมตฺถํ อาโรเจสิ. สา อาห – ‘‘มหาราช, ยา อิตฺถี สจฺจวาทินี สีลวตี, สา ปุตฺตํ ลเภยฺย, หิโรตฺตปฺปรหิตาย กุโต ปุตฺโต’’ติ ปาสาทํ อภิรุหิตฺวา ปฺจ สีลานิ สมาทิยิตฺวา ปุนปฺปุนํ อนุมชฺชติ. สีลวติยา ราชธีตาย ปฺจ สีลานิ อนุมชฺชนฺติยา ปุตฺตปตฺถนาจิตฺเต อุปฺปนฺนมตฺเต สกฺกสฺส อาสนํ สนฺตปฺปิ.
อถ ¶ สกฺโก อาสนตาปการณํ อาวชฺเชนฺโต เอตมตฺถํ วิทิตฺวา ‘‘สีลวติยา ราชธีตาย ปุตฺตวรํ เทมี’’ติ อากาเสนาคนฺตฺวา เทวิยา สมฺมุเข ตฺวา ‘‘กึ ปตฺเถสิ เทวี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ปุตฺตํ, มหาราชา’’ติ. ‘‘ทมฺมิ เต, เทวิ, ปุตฺตํ, มา จินฺตยี’’ติ วตฺวา เทวโลกํ คนฺตฺวา ‘‘อตฺถิ นุ โข เอตฺถ ขีณายุโก’’ติ อาวชฺเชนฺโต ‘‘อยํ มหาปทุโม อุปริเทวโลเก อุปฺปชฺชิตุํ อิโต จวตี’’ติ ตฺวา ตสฺส วิมานํ คนฺตฺวา ‘‘ตาต มหาปทุม, มนุสฺสโลกํ คจฺฉาหี’’ติ ยาจิ. โส อาห – ‘‘มหาราช, มา เอวํ ภณิ, เชคุจฺโฉ มนุสฺสโลโก’’ติ. ‘‘ตาต, ตฺวํ มนุสฺสโลเก ปฺุํ กตฺวา อิธูปปนฺโน, ตตฺเถว ตฺวา ปารมิโย ปูเรตพฺพา, คจฺฉ, ตาตา’’ติ. ‘‘ทุกฺโข, มหาราช, คพฺภวาโส, น สกฺโกมิ ตตฺถ วสิตุ’’นฺติ. ‘‘กึ เต, ตาต, คพฺภวาเสน, ตถา หิ ตฺวํ กมฺมมกาสิ, ยถา ¶ ปทุมคพฺเภเยว นิพฺพตฺติสฺสสิ, คจฺฉ, ตาตา’’ติ ปุนปฺปุนํ วุจฺจมาโน อธิวาเสสิ.
ตโต มหาปทุโม เทวโลกา จวิตฺวา พาราณสิรฺโ ¶ อุยฺยาเน สิลาปฏฺฏโปกฺขรณิยํ ปทุมคพฺเภ นิพฺพตฺโต. ตฺจ รตฺตึ มเหสี ปจฺจูสสมเย สุปินนฺเตน วีสติอิตฺถิสหสฺสปริวุตา อุยฺยานํ คนฺตฺวา สิลาปฏฺฏโปกฺขรณิยํ ปทุมสฺสเร ปุตฺตํ ลทฺธา วิย อโหสิ. สา ปภาตาย รตฺติยา สีลานิ รกฺขมานา ตเถว ตตฺถ คนฺตฺวา เอกํ ปทุมปุปฺผํ อทฺทส. ตํ เนว ตีเร โหติ น คมฺภีเร. สห ทสฺสเนเนว จสฺสา ตตฺถ ปุตฺตสิเนโห อุปฺปชฺชิ. สา สามํเยว ปวิสิตฺวา ตํ ปุปฺผํ อคฺคเหสิ. ปุปฺเผ คหิตมตฺเตเยว ปตฺตานิ วิกสึสุ. ตตฺถ ตฏฺฏเก อาสิตฺตสุวณฺณปฏิมํ วิย ทารกํ อทฺทส. ทิสฺวาว ‘‘ปุตฺโต เม ลทฺโธ’’ติ สทฺทํ นิจฺฉาเรสิ. มหาชโน สาธุการสหสฺสานิ มฺุจิ, รฺโ จ เปเสสิ. ราชา สุตฺวา ‘‘กตฺถ ลทฺโธ’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ลทฺโธกาสฺจ สุตฺวา ‘‘อุยฺยานฺจ โปกฺขรณิยํ ปทุมฺจ อมฺหากฺเว เขตฺตํ, ตสฺมา อมฺหากํ เขตฺเต ชาตตฺตา เขตฺรโช นามายํ ปุตฺโต’’ติ วตฺวา นครํ ปเวเสตฺวา วีสติสหสฺสอิตฺถิโย ธาติกิจฺจํ การาเปสิ. ยา ยา กุมารสฺส รุจึ ตฺวา ปตฺถิตปตฺถิตํ ขาทนียํ ขาทาเปติ, สา สา สหสฺสํ ลภติ. สกลพาราณสี จลิตา, สพฺโพ ชโน กุมารสฺส ปณฺณาการสหสฺสานิ เปเสสิ. กุมาโร ตํ ตํ อติเนตฺวา ‘‘อิมํ ขาท, อิมํ ภฺุชา’’ติ วุจฺจมาโน โภชเนน อุพฺพาฬฺโห อุกฺกณฺิโต หุตฺวา, โคปุรทฺวารํ คนฺตฺวา, ลาขาคุฬเกน กีฬติ.
ตทา อฺตโร ปจฺเจกพุทฺโธ พาราณสึ นิสฺสาย อิสิปตเน วสติ. โส กาลสฺเสว วุฏฺาย เสนาสนวตฺตสรีรปริกมฺมมนสิการาทีนิ สพฺพกิจฺจานิ กตฺวา, ปฏิสลฺลานา วุฏฺิโต ‘‘อชฺช กตฺถ ภิกฺขํ คเหสฺสามี’’ติ อาวชฺเชนฺโต กุมารสฺส สมฺปตฺตึ ทิสฺวา ‘‘เอส ปุพฺเพ กึ กมฺมํ กรี’’ติ วีมํสนฺโต ‘‘มาทิสสฺส ปิณฺฑปาตํ ทตฺวา, จตสฺโส ปตฺถนา ปตฺเถสิ ตตฺถ ติสฺโส ¶ สิทฺธา, เอกา ตาว น สิชฺฌติ, ตสฺส อุปาเยน อารมฺมณํ ทสฺเสมี’’ติ ภิกฺขาจริยวเสน ¶ กุมารสฺส สนฺติกํ อคมาสิ. กุมาโร ตํ ทิสฺวา ‘‘สมณ, มา อิธ อาคจฺฉิ, อิเม หิ ตมฺปิ ‘อิทํ ขาท, อิทํ ภฺุชา’ติ วเทยฺยุ’’นฺติ อาห. โส เอกวจเนเนว ตโต นิวตฺติตฺวา ¶ อตฺตโน เสนาสนํ ปาวิสิ. กุมาโร ปริชนํ อาห – ‘‘อยํ สมโณ มยา วุตฺตมตฺโตว นิวตฺโต, กุทฺโธ, นุ, โข มมา’’ติ. ตโต เตหิ ‘‘ปพฺพชิตา นาม, เทว, น โกธปรายณา โหนฺติ, ปเรน ปสนฺนมเนน ยํ ทินฺนํ โหติ, เตน ยาเปนฺตี’’ติ วุจฺจมาโนปิ ‘‘กุทฺโธ เอว มมายํ สมโณ, ขมาเปสฺสามิ น’’นฺติ มาตาปิตูนํ อาโรเจตฺวา หตฺถึ อภิรุหิตฺวา, มหตา ราชานุภาเวน อิสิปตนํ คนฺตฺวา, มิคยูถํ ทิสฺวา, ปุจฺฉิ ‘‘กึ นาม เอเต’’ติ? ‘‘เอเต, สามิ, มิคา นามา’’ติ. เอเตสํ ‘‘อิมํ ขาทถ, อิมํ ภฺุชถ, อิมํ สายถา’’ติ วตฺวา ปฏิชคฺคนฺตา อตฺถีติ. นตฺถิ สามิ, ยตฺถ ติโณทกํ สุลภํ, ตตฺถ วสนฺตีติ.
กุมาโร ‘‘ยถา อิเม อรกฺขิยมานาว ยตฺถ อิจฺฉนฺติ, ตตฺถ วสนฺติ, กทา นุ, โข, อหมฺปิ เอวํ วเสยฺย’’นฺติ เอตมารมฺมณํ อคฺคเหสิ. ปจฺเจกพุทฺโธปิ ตสฺส อาคมนํ ตฺวา เสนาสนมคฺคฺจ จงฺกมฺจ สมฺมชฺชิตฺวา, มฏฺํ กตฺวา, เอกทฺวิกฺขตฺตุํ จงฺกมิตฺวา, ปทนิกฺเขปํ ทสฺเสตฺวา, ทิวาวิหาโรกาสฺจ ปณฺณสาลฺจ สมฺมชฺชิตฺวา, มฏฺํ กตฺวา, ปวิสนปทนิกฺเขปํ ทสฺเสตฺวา, นิกฺขมนปทนิกฺเขปํ อทสฺเสตฺวา, อฺตฺร อคมาสิ. กุมาโร ตตฺถ คนฺตฺวา ตํ ปเทสํ สมฺมชฺชิตฺวา มฏฺํ กตํ ทิสฺวา ‘‘วสติ มฺเ เอตฺถ โส ปจฺเจกพุทฺโธ’’ติ ปริชเนน ภาสิตํ สุตฺวา อาห – ‘‘ปาโตปิ โส สมโณ กุทฺโธ, อิทานิ หตฺถิอสฺสาทีหิ อตฺตโน โอกาสํ อกฺกนฺตํ ทิสฺวา, สุฏฺุตรํ กุชฺเฌยฺย, อิเธว ตุมฺเห ติฏฺถา’’ติ หตฺถิกฺขนฺธา โอรุยฺห เอกโกว เสนาสนํ ปวิฏฺโ วตฺตสีเสน สุสมฺมฏฺโกาเส ¶ ปทนิกฺเขปํ ทิสฺวา, ‘‘อยํ สมโณ เอตฺถ จงฺกมนฺโต น วณิชฺชาทิกมฺมํ จินฺเตสิ, อทฺธา อตฺตโน หิตเมว จินฺเตสิ มฺเ’’ติ ปสนฺนมานโส จงฺกมํ อารุหิตฺวา, ทูรีกตปุถุวิตกฺโก คนฺตฺวา, ปาสาณผลเก นิสีทิตฺวา, สฺชาตเอกคฺโค หุตฺวา, ปณฺณสาลํ ปวิสิตฺวา, วิปสฺสนฺโต ปจฺเจกโพธิาณํ อธิคนฺตฺวา, ปุริมนเยเนว ปุโรหิเตน กมฺมฏฺาเน ปุจฺฉิเต คคนตเล นิสินฺโน อิมํ คาถมาห –
‘‘มิโค ¶ อรฺมฺหิ ยถา อพทฺโธ, เยนิจฺฉกํ คจฺฉติ โคจราย;
วิฺู นโร เสริตํ เปกฺขมาโน, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ.
ตตฺถ มิโคติ ทฺเว มิคา เอณีมิโค, ปสทมิโค จาติ. อปิจ สพฺเพสํ อารฺิกานํ จตุปฺปทานเมตํ ¶ อธิวจนํ. อิธ ปน ปสทมิโค อธิปฺเปโต. อรฺมฺหีติ คามฺจ ¶ คามูปจารฺจ เปตฺวา อวเสสํ อรฺํ, อิธํ ปน อุยฺยานมธิปฺเปตํ, ตสฺมา อุยฺยานมฺหีติ วุตฺตํ โหติ. ยถาติ ปฏิภาเค. อพทฺโธติ รชฺชุพนฺธนาทีหิ อพทฺโธ, เอเตน วิสฺสตฺถจริยํ ทีเปติ. เยนิจฺฉกํ คจฺฉติ โคจรายติ เยน เยน ทิสาภาเคน คนฺตุมิจฺฉติ, เตน เตน ทิสาภาเคน โคจราย คจฺฉติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ ภควตา –
‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, อารฺโก มิโค อรฺเ ปวเน จรมาโน วิสฺสตฺโถ คจฺฉติ, วิสฺสตฺโถ ติฏฺติ, วิสฺสตฺโถ นิสีทติ, วิสฺสตฺโถ เสยฺยํ กปฺเปติ. ตํ กิสฺส เหตุ? อนาปาถคโต, ภิกฺขเว, ลุทฺทสฺส; เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วิวิจฺเจว กาเมหิ…เป… ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อนฺธมกาสิ มารํ อปทํ, วธิตฺวา มารจกฺขุํ อทสฺสนํ คโต ปาปิมโต’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๘๗; จูฬนิ. ขคฺควิสาณสุตฺตนิทฺเทส ๑๒๕) วิตฺถาโร.
วิฺู ¶ นโรติ ปณฺฑิตปุริโส. เสริตนฺติ สจฺฉนฺทวุตฺติตํ อปรายตฺตตํ. เปกฺขมาโนติ ปฺาจกฺขุนา โอโลกยมาโน. อถ วา ธมฺมเสริตํ ปุคฺคลเสริตฺจ. โลกุตฺตรธมฺมา หิ กิเลสวสํ อคมนโต เสริโน เตหิ สมนฺนาคตา ปุคฺคลา จ, เตสํ ภาวนิทฺเทโส เสริตา. ตํ เปกฺขมาโนติ. กึ วุตฺตํ โหติ? ‘‘ยถา มิโค อรฺมฺหิ อพทฺโธ เยนิจฺฉกํ คจฺฉติ โคจราย, กทา นุ โข อหมฺปิ เอวํ คจฺเฉยฺย’’นฺติ อิติ เม ตุมฺเหหิ อิโต จิโต จ ปริวาเรตฺวา ิเตหิ พทฺธสฺส เยนิจฺฉกํ คนฺตุํ อลภนฺตสฺส ¶ ตสฺมึ เยนิจฺฉกคมนาภาเวน เยนิจฺฉกคมเน จานิสํสํ ทิสฺวา อนุกฺกเมน สมถวิปสฺสนา ปาริปูรึ อคมํสุ. ตโต ปจฺเจกโพธึ อธิคโตมฺหิ. ตสฺมา อฺโปิ วิฺู ปณฺฑิโต นโร เสริตํ เปกฺขมาโน เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโปติ. เสสํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพนฺติ.
มิคอรฺคาถาวณฺณนา สมตฺตา.
๔๐. อามนฺตนา โหตีติ กา อุปฺปตฺติ? อตีเต กิร เอกวชฺชิกพฺรหฺมทตฺโต นาม ราชา อโหสิ มุทุกชาติโก. ยทา อมจฺจา เตน สห ยุตฺตํ วา อยุตฺตํ วา มนฺเตตุกามา โหนฺติ, ตทา นํ ปาฏิเยกฺกํ ปาฏิเยกฺกํ เอกมนฺตํ เนนฺติ. ตํ เอกทิวสํ ทิวาเสยฺยํ อุปคตํ อฺตโร อมจฺโจ ‘‘เทว, มม โสตพฺพํ อตฺถี’’ติ เอกมนฺตํ คมนํ ยาจิ. โส อุฏฺาย อคมาสิ. ปุน เอโก มหาอุปฏฺาเน นิสินฺนํ วรํ ยาจิ, เอโก หตฺถิกฺขนฺเธ, เอโก อสฺสปิฏฺิยํ ¶ , เอโก สุวณฺณรเถ, เอโก สิวิกาย นิสีทิตฺวา อุยฺยานํ คจฺฉนฺตํ ยาจิ. ราชา ตโต โอโรหิตฺวา เอกมนฺตํ อคมาสิ. อปโร ชนปทจาริกํ คจฺฉนฺตํ ยาจิ, ตสฺสาปิ วจนํ สุตฺวา หตฺถิโต โอรุยฺห เอกมนฺตํ อคมาสิ. เอวํ โส เตหิ นิพฺพินฺโน หุตฺวา ปพฺพชิ. อมจฺจา อิสฺสริเยน วฑฺฒนฺติ. เตสุ เอโก คนฺตฺวา ราชานํ อาห – ‘‘อมุกํ, มหาราช, ชนปทํ มยฺหํ เทหี’’ติ. ราชา ‘‘ตํ อิตฺถนฺนาโม ภฺุชตี’’ติ ภณติ. โส รฺโ วจนํ อนาทิยิตฺวา ‘‘คจฺฉามหํ ตํ ชนปทํ คเหตฺวา ภฺุชามี’’ติ ตตฺถ คนฺตฺวา, กลหํ กตฺวา, ปุน อุโภปิ รฺโ สนฺติกํ อาคนฺตฺวา, อฺมฺสฺส โทสํ อาโรเจนฺติ. ราชา ‘‘น สกฺกา อิเม โตเสตุ’’นฺติ เตสํ ¶ โลเภ อาทีนวํ ทิสฺวา วิปสฺสนฺโต ปจฺเจกสมฺโพธึ สจฺฉากาสิ. โส ปุริมนเยเนว อิมํ อุทานคาถํ อภาสิ –
‘‘อามนฺตนา โหติ สหายมชฺเฌ, วาเส าเน คมเน จาริกาย;
อนภิชฺฌิตํ เสริตํ เปกฺขมาโน, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ.
ตสฺสตฺโถ ¶ – สหายมชฺเฌ ิตสฺส ทิวาเสยฺยสงฺขาเต วาเส จ, มหาอุปฏฺานสงฺขาเต าเน จ, อุยฺยานคมนสงฺขาเต คมเน จ, ชนปทจาริกสงฺขาตาย จาริกาย จ ‘‘อิทํ เม สุณ, อิทํ เม เทหี’’ติอาทินา นเยน ตถา ตถา อามนฺตนา โหติ, ตสฺมา อหํ ตตฺถ นิพฺพิชฺชิตฺวา ยายํ อริยชนเสวิตา อเนกานิสํสา เอกนฺตสุขา, เอวํ สนฺเตปิ โลภาภิภูเตหิ สพฺพกาปุริเสหิ อนภิชฺฌิตา อนภิปตฺถิตา ปพฺพชฺชา, ตํ อนภิชฺฌิตํ ปเรสํ อวสวตฺตเนน ธมฺมปุคฺคลวเสน จ เสริตํ เปกฺขมาโน วิปสฺสนํ อารภิตฺวา อนุกฺกเมน ปจฺเจกสมฺโพธึ อธิคโตมฺหีติ. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ.
อามนฺตนาคาถาวณฺณนา สมตฺตา.
๔๑. ขิฑฺฑา รตีติ กา อุปฺปตฺติ? พาราณสิยํ เอกปุตฺตกพฺรหฺมทตฺโต นาม ราชา อโหสิ. โส จสฺส เอกปุตฺตโก ปิโย อโหสิ มนาโป ปาณสโม. โส สพฺพิริยาปเถสุ ปุตฺตํ คเหตฺวาว วตฺตติ. โส เอกทิวสํ อุยฺยานํ คจฺฉนฺโต ตํ เปตฺวา คโต. กุมาโรปิ ตํ ทิวสํเยว อุปฺปนฺเนน พฺยาธินา มโต. อมจฺจา ‘‘ปุตฺตสิเนเหน รฺโ หทยมฺปิ ผเลยฺยา’’ติ อนาโรเจตฺวาว นํ ฌาเปสุํ. ราชา อุยฺยาเน สุรามเทน มตฺโต ปุตฺตํ เนว สริ, ตถา ทุติยทิวเสปิ นฺหานโภชนเวลาสุ. อถ ภุตฺตาวี นิสินฺโน สริตฺวา ‘‘ปุตฺตํ เม อาเนถา’’ติ อาห. ตสฺส อนุรูเปน วิธาเนน ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสุํ. ตโต โสกาภิภูโต นิสินฺโน เอวํ โยนิโส มนสากาสิ ‘‘อิมสฺมึ สติ อิทํ โหติ, อิมสฺสุปฺปาทา อิทํ อุปฺปชฺชตี’’ติ. โส เอวํ อนุกฺกเมน ¶ อนุโลมปฏิโลมํ ¶ ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ สมฺมสนฺโต ปจฺเจกโพธึ สจฺฉากาสิ. เสสํ สํสคฺคคาถาย วุตฺตสทิสเมว เปตฺวา คาถายตฺถวณฺณนํ.
อตฺถวณฺณนายํ ¶ ปน ขิฑฺฑาติ กีฬนา. สา ทุวิธา โหติ – กายิกา, วาจสิกา จ. ตตฺถ กายิกา นาม หตฺถีหิปิ กีฬนฺติ, อสฺเสหิปิ, รเถหิปิ, ธนูหิปิ, ถรูหิปีติ เอวมาทิ. วาจสิกา นาม คีตํ, สิโลกภณนํ, มุขเภรีติ เอวมาทิ. รตีติ ปฺจกามคุณรติ. วิปุลนฺติ ยาว อฏฺิมิฺชํ อาหจฺจ าเนน สกลตฺตภาวพฺยาปกํ. เสสํ ปากฏเมว. อนุสนฺธิโยชนาปิ เจตฺถ สํสคฺคคาถาย วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพา, ตโต ปรฺจ สพฺพนฺติ.
ขิฑฺฑารติคาถาวณฺณนา สมตฺตา.
๔๒. จาตุทฺทิโสติ กา อุปฺปตฺติ? ปุพฺเพ กิร กสฺสปสฺส ภควโต สาสเน ปฺจ ปจฺเจกโพธิสตฺตา ปพฺพชิตฺวา วีสติ วสฺสสหสฺสานิ คตปจฺจาคตวตฺตํ ปูเรตฺวา เทวโลเก อุปฺปนฺนา. ตโต จวิตฺวา เตสํ เชฏฺโก พาราณสิยํ ราชา อโหสิ, เสสา ปากติกราชาโน. เต จตฺตาโรปิ กมฺมฏฺานํ อุคฺคณฺหิตฺวา, รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา, อนุกฺกเมน ปจฺเจกพุทฺธา หุตฺวา นนฺทมูลกปพฺภาเร วสนฺตา เอกทิวสํ สมาปตฺติโต วุฏฺาย วํสกฬีรคาถายํ วุตฺตนเยเนว อตฺตโน กมฺมฺจ สหายฺจ อาวชฺเชตฺวา ตฺวา พาราณสิรฺโ อุปาเยน อารมฺมณํ ทสฺเสตุํ โอกาสํ คเวสนฺติ. โส จ ราชา ติกฺขตฺตุํ รตฺติยา อุพฺพิชฺชติ, ภีโต วิสฺสรํ กโรติ, มหาตเล ธาวติ. ปุโรหิเตน กาลสฺเสว วุฏฺาย สุขเสยฺยํ ปุจฺฉิโตปิ ‘‘กุโต เม, อาจริย, สุข’’นฺติ สพฺพํ ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ. ปุโรหิโตปิ ‘‘อยํ โรโค น สกฺกา เยน เกนจิ อุทฺธํวิเรจนาทินา เภสชฺชกมฺเมน วิเนตุํ ¶ , มยฺหํ ปน ขาทนูปาโย อุปฺปนฺโน’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘รชฺชหานิชีวิตนฺตรายาทีนํ ปุพฺพนิมิตฺตํ เอตํ มหาราชา’’ติ ราชานํ สุฏฺุตรํ อุพฺเพเชตฺวา ตสฺส วูปสมนตฺถํ ‘‘เอตฺตเก จ เอตฺตเก จ หตฺถิอสฺสรถาทโย หิรฺสุวณฺณฺจ ทกฺขิณํ ทตฺวา ยฺโ ยชิตพฺโพ’’ติ ตํ ยฺยชเน สมาทเปสิ.
ตโต ปจฺเจกพุทฺธา อเนกานิ ปาณสหสฺสานิ ยฺตฺถาย สมฺปิณฺฑิยมานานิ ทิสฺวา ‘‘เอตสฺมึ กมฺเม กเต ทุพฺโพธเนยฺโย ภวิสฺสติ, หนฺท นํ ปฏิกจฺเจว คนฺตฺวา เปกฺขามา’’ติ วํสกฬีรคาถายํ วุตฺตนเยเนว อาคนฺตฺวา ปิณฺฑาย จรมานา ราชงฺคเณ ปฏิปาฏิยา อคมํสุ. ราชา สีหปฺชเร ิโต ราชงฺคณํ โอโลกยมาโน เต อทฺทกฺขิ ¶ , สห ทสฺสเนเนว จสฺส สิเนโห อุปฺปชฺชิ. ตโต เต ปกฺโกสาเปตฺวา อากาสตเล ปฺตฺตาสเน นิสีทาเปตฺวา สกฺกจฺจํ โภเชตฺวา ¶ กตภตฺตกิจฺเจ ‘‘เก ตุมฺเห’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘มยํ, มหาราช, จาตุทฺทิสา นามา’’ติ. ‘‘ภนฺเต, จาตุทฺทิสาติ อิมสฺส โก อตฺโถ’’ติ? ‘‘จตูสุ ทิสาสุ กตฺถจิ กุโตจิ ภยํ วา จิตฺตุตฺราโส วา อมฺหากํ นตฺถิ, มหาราชา’’ติ. ‘‘ภนฺเต, ตุมฺหากํ ตํ ภยํ กึ การณา น โหตี’’ติ? ‘‘มยฺหิ, มหาราช, เมตฺตํ ภาเวม, กรุณํ ภาเวม, มุทิตํ ภาเวม, อุเปกฺขํ ภาเวม, เตน โน ตํ ภยํ น โหตี’’ติ วตฺวา อุฏฺายาสนา อตฺตโน วสตึ อคมํสุ.
ตโต ราชา จินฺเตสิ ‘‘อิเม สมณา เมตฺตาทิภาวนาย ภยํ น โหตีติ ภณนฺติ, พฺราหฺมณา ปน อเนกสหสฺสปาณวธํ วณฺณยนฺติ, เกสํ นุ โข วจนํ สจฺจ’’นฺติ. อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘สมณา สุทฺเธน อสุทฺธํ โธวนฺติ, พฺราหฺมณา ปน อสุทฺเธน อสุทฺธํ. น จ สกฺกา อสุทฺเธน อสุทฺธํ โธวิตุํ, ปพฺพชิตานํ เอว วจนํ สจฺจ’’นฺติ. โส ‘‘สพฺเพ สตฺตา สุขิตา โหนฺตู’’ติอาทินา นเยน เมตฺตาทโย จตฺตาโรปิ พฺรหฺมวิหาเร ภาเวตฺวา หิตผรณจิตฺเตน อมจฺเจ ¶ อาณาเปสิ ‘‘สพฺเพ ปาเณ มฺุจถ, สีตานิ ปานียานิ ปิวนฺตุ, หริตานิ ติณานิ ขาทนฺตุ, สีโต จ เนสํ วาโต อุปวายตู’’ติ. เต ตถา อกํสุ.
ตโต ราชา ‘‘กลฺยาณมิตฺตานํ วจเนเนว ปาปกมฺมโต มุตฺโตมฺหี’’ติ ตตฺเถว นิสินฺโน วิปสฺสิตฺวา ปจฺเจกสมฺโพธึ สจฺฉากาสิ. อมจฺเจหิ จ โภชนเวลายํ ‘‘ภฺุช, มหาราช, กาโล’’ติ วุตฺเต ‘‘นาหํ ราชา’’ติ ปุริมนเยเนว สพฺพํ วตฺวา อิมํ อุทานพฺยากรณคาถํ อภาสิ –
‘‘จาตุทฺทิโส อปฺปฏิโฆ จ โหติ, สนฺตุสฺสมาโน อิตรีตเรน;
ปริสฺสยานํ สหิตา อฉมฺภี, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ.
ตตฺถ จาตุทฺทิโสติ จตูสุ ทิสาสุ ยถาสุขวิหารี, ‘‘เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรตี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๓.๓๐๘; อ. นิ. ๔.๑๒๕; จูฬนิ. ขคฺควิสาณสุตฺตนิทฺเทส ๑๒๘) วา นเยน พฺรหฺมวิหารภาวนาผริตา จตสฺโส ทิสา อสฺส สนฺตีติปิ จาตุทฺทิโส. ตาสุ ทิสาสุ กตฺถจิ สตฺเต ¶ วา สงฺขาเร วา ภเยน น ปฏิหฺตีติ อปฺปฏิโฆ. สนฺตุสฺสมาโนติ ทฺวาทสวิธสฺส สนฺโตสสฺสวเสน สนฺตุสฺสโก, อิตรีตเรนาติ อุจฺจาวเจน ปจฺจเยน. ปริสฺสยานํ สหิตา อฉมฺภีติ เอตฺถ ปริสฺสยนฺติ กายจิตฺตานิ, ปริหาเปนฺติ วา เตสํ สมฺปตฺตึ, ตานิ วา ปฏิจฺจ สยนฺตีติ ปริสฺสยา, พาหิรานํ สีหพฺยคฺฆาทีนํ อพฺภนฺตรานฺจ กามจฺฉนฺทาทีนํ กายจิตฺตุปทฺทวานํ เอตํ อธิวจนํ. เต ปริสฺสเย อธิวาสนขนฺติยา ¶ จ วีริยาทีหิ ธมฺเมหิ จ สหตีติ ปริสฺสยานํ สหิตา. ถทฺธภาวกรภยาภาเวน อฉมฺภี. กึ วุตฺตํ โหติ? ยถา เต จตฺตาโร สมณา, เอวํ อิตรีตเรน ปจฺจเยน สนฺตุสฺสมาโน เอตฺถ ปฏิปตฺติปทฏฺาเน สนฺโตเส ิโต จตูสุ ทิสาสุ เมตฺตาทิภาวนาย จาตุทฺทิโส, สตฺตสงฺขาเรสุ ปฏิหนนภยาภาเวน อปฺปฏิโฆ จ โหติ. โส จาตุทฺทิสตฺตา วุตฺตปฺปการานํ ปริสฺสยานํ สหิตา, อปฺปฏิฆตฺตา อฉมฺภี จ โหตีติ เอวํ ปฏิปตฺติคุณํ ทิสฺวา โยนิโส ปฏิปชฺชิตฺวา ปจฺเจกโพธึ อธิคโตมฺหีติ. อถ วา เต สมณา วิย สนฺตุสฺสมาโน ¶ อิตรีตเรน วุตฺตนเยเนว จาตุทฺทิโส โหตีติ ตฺวา เอวํ จาตุทฺทิสภาวํ ปตฺถยนฺโต โยนิโส ปฏิปชฺชิตฺวา อธิคโตมฺหิ. ตสฺมา อฺโปิ อีทิสํ านํ ปตฺถยมาโน จาตุทฺทิสตาย ปริสฺสยานํ สหิตา อปฺปฏิฆตาย จ อฉมฺภี หุตฺวา เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโปติ. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ.
จาตุทฺทิสคาถาวณฺณนา สมตฺตา.
๔๓. ทุสฺสงฺคหาติ กา อุปฺปตฺติ? พาราณสิรฺโ กิร อคฺคมเหสี กาลมกาสิ. ตโต วีติวตฺเตสุ โสกทิวเสสุ เอกํ ทิวสํ อมจฺจา ‘‘ราชูนํ นาม เตสุ เตสุ กิจฺเจสุ อคฺคมเหสี อวสฺสํ อิจฺฉิตพฺพา, สาธุ, เทโว, อฺํ เทวึ อาเนตู’’ติ ยาจึสุ. ราชา‘‘เตน หิ, ภเณ, ชานาถา’’ติ อาห. เต ปริเยสนฺตา สามนฺตรชฺเช ราชา มโต. ตสฺส เทวี รชฺชํ อนุสาสติ. สา จ คพฺภินี โหติ. อมจฺจา ‘‘อยํ รฺโ อนุรูปา’’ติ ตฺวา ตํ ยาจึสุ. สา ‘‘คพฺภินี นาม มนุสฺสานํ อมนาปา โหติ, สเจ อาคเมถ, ยาว วิชายามิ, เอวํ โหตุ, โน เจ, อฺํ ปริเยสถา’’ติ อาห. เต รฺโปิ เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. ราชา ‘‘คพฺภินีปิ โหตุ อาเนถา’’ติ. เต อาเนสุํ. ราชา ตํ อภิสิฺจิตฺวา สพฺพํ มเหสีโภคํ อทาสิ. ตสฺสา ปริชนฺจ นานาวิเธหิ ¶ ปณฺณากาเรหิ สงฺคณฺหาติ. สา กาเลน ปุตฺตํ วิชายิ. ตมฺปิ ราชา อตฺตโน ชาตปุตฺตมิว สพฺพิริยาปเถสุ องฺเก จ อุเร จ กตฺวา วิหรติ. ตโต เทวิยา ปริชโน จินฺเตสิ ‘‘ราชา อติวิย สงฺคณฺหาติ กุมารํ, อติวิสฺสาสนิยานิ ราชหทยานิ, หนฺท นํ ปริเภเทมา’’ติ.
ตโต กุมารํ – ‘‘ตฺวํ, ตาต, อมฺหากํ รฺโ ปุตฺโต, น อิมสฺส รฺโ, มา เอตฺถ วิสฺสาสํ อาปชฺชี’’ติ อาหํสุ. อถ กุมาโร ‘‘เอหิ ปุตฺตา’’ติ รฺา วุจฺจมาโนปิ หตฺเถ คเหตฺวา อากฑฺฒิยมาโนปิ ปุพฺเพ วิย ราชานํ น อลฺลียติ. ราชา ‘‘กึ เอต’’นฺติ วีมํสนฺโต ตํ ปวตฺตึ ตฺวา ‘‘อเร, เอเต มยา เอวํ สงฺคหิตาปิ ¶ ปฏิกูลวุตฺติโน เอวา’’ติ นิพฺพิชฺชิตฺวา รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิโต. ‘‘ราชา ปพฺพชิโต’’ติ อมจฺจปริชนาปิ พหู ปพฺพชิตา ¶ , ‘‘สปริชโน ราชา ปพฺพชิโต’’ติ มนุสฺสา ปณีเต ปจฺจเย อุปเนนฺติ. ราชา ปณีเต ปจฺจเย ยถาวุฑฺฒํ ทาเปติ. ตตฺถ เย สุนฺทรํ ลภนฺติ, เต ตุสฺสนฺติ. อิตเร อุชฺฌายนฺติ ‘‘มยํ ปริเวณสมฺมชฺชนาทีนิ สพฺพกิจฺจานิ กโรนฺตา ลูขภตฺตํ ชิณฺณวตฺถฺจ ลภามา’’ติ. โส ตมฺปิ ตฺวา ‘‘อเร, ยถาวุฑฺฒํ ทิยฺยมาเนปิ นาม อุชฺฌายนฺติ, อโห, อยํ ปริสา ทุสฺสงฺคหา’’ติ ปตฺตจีวรํ อาทาย เอโก อรฺํ ปวิสิตฺวา วิปสฺสนํ อารภิตฺวา ปจฺเจกโพธึ สจฺฉากาสิ. ตตฺถ อาคเตหิ จ กมฺมฏฺานํ ปุจฺฉิโต อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘ทุสฺสงฺคหา ปพฺพชิตาปิ เอเก, อโถ คหฏฺา ฆรมาวสนฺตา;
อปฺโปสฺสุกฺโก ปรปุตฺเตสุ หุตฺวา, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ.
สา อตฺถโต ปากฏา เอว. อยํ ปน โยชนา – ทุสฺสงฺคหา ปพฺพชิตาปิ เอเก, เย อสนฺโตสาภิภูตา, ตถาวิธา เอว จ อโถ คหฏฺา ฆรมาวสนฺตา. เอตมหํ ทุสฺสงฺคหภาวํ ชิคุจฺฉนฺโต วิปสฺสนํ อารภิตฺวา ปจฺเจกโพธึ อธิคโตมฺหีติ. เสสํ ปุริมนเยเนว เวทิตพฺพนฺติ.
ทุสฺสงฺคหคาถาวณฺณนา สมตฺตา.
๔๔. โอโรปยิตฺวาติ ¶ กา อุปฺปตฺติ? พาราณสิยํ กิร จาตุมาสิกพฺรหฺมทตฺโต นาม ราชา คิมฺหานํ ปเม มาเส อุยฺยานํ คโต. ตตฺถ รมณีเย ภูมิภาเค นีลฆนปตฺตสฺฉนฺนํ โกวิฬารรุกฺขํ ทิสฺวา ‘‘โกวิฬารมูเล มม สยนํ ปฺาเปถา’’ติ วตฺวา อุยฺยาเน กีฬิตฺวา สายนฺหสมยํ ตตฺถ เสยฺยํ กปฺเปสิ. ปุน คิมฺหานํ มชฺฌิเม มาเส อุยฺยานํ คโต. ตทา โกวิฬาโร ปุปฺผิโต โหติ, ตทาปิ ตเถว อกาสิ. ปุน คิมฺหานํ ปจฺฉิเม มาเส คโต. ตทา โกวิฬาโร สฺฉินฺนปตฺโต สุกฺขรุกฺโข วิย โหติ. ตทาปิ โส อทิสฺวาว ตํ รุกฺขํ ปุพฺพปริจเยน ตตฺเถว เสยฺยํ อาณาเปสิ. อมจฺจา ชานนฺตาปิ ‘‘รฺา อาณตฺต’’นฺติ ภเยน ตตฺถ สยนํ ปฺาเปสุํ. โส อุยฺยาเน กีฬิตฺวา สายนฺหสมยํ ¶ ตตฺถ เสยฺยํ กปฺเปนฺโต ตํ รุกฺขํ ทิสฺวา ‘‘อเร, อยํ ปุพฺเพ สฺฉนฺนปตฺโต มณิมโย วิย อภิรูปทสฺสโน อโหสิ. ตโต มณิวณฺณสาขนฺตเร ปิตปวาฬงฺกุรสทิเสหิ ปุปฺเผหิ สสฺสิริกจารุทสฺสโน อโหสิ. มุตฺตาทลสทิสวาลิกากิณฺโณ จสฺส เหฏฺา ภูมิภาโค พนฺธนา ปมุตฺตปุปฺผสฺฉนฺโน รตฺตกมฺพลสนฺถโต วิย อโหสิ. โส นามชฺช สุกฺขรุกฺโข วิย สาขามตฺตาวเสโส ิโต. ‘อโห, ชราย อุปหโต โกวิฬาโร’’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘อนุปาทินฺนมฺปิ ตาว ชรา หฺติ, กิมงฺค ปน อุปาทินฺน’’นฺติ อนิจฺจสฺํ ปฏิลภิ. ตทนุสาเรเนว สพฺพสงฺขาเร ทุกฺขโต อนตฺตโต จ วิปสฺสนฺโต ‘‘อโห วตาหมฺปิ ¶ สฺฉินฺนปตฺโต โกวิฬาโร วิย อเปตคิหิพฺยฺชโน ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถยมาโน อนุปุพฺเพน ตสฺมึ สยนตเล ทกฺขิเณน ปสฺเสน นิปนฺโนเยว ปจฺเจกโพธึ สจฺฉากาสิ. ตโต คมนกาเล อมจฺเจหิ ‘‘กาโล คนฺตุํ, มหาราชา’’ติ วุตฺเต ‘‘นาหํ ราชา’’ติอาทีนิ วตฺวา ปุริมนเยเนว อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘โอโรปยิตฺวา คิหิพฺยฺชนานิ, สฺฉินฺนปตฺโต ยถา โกวิฬาโร;
เฉตฺวาน วีโร คิหิพนฺธนานิ, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ.
ตตฺถ โอโรปยิตฺวาติ อปเนตฺวา. คิหิพฺยฺชนานีติ เกสมสฺสุโอทาตวตฺถาลงฺการมาลาคนฺธวิเลปนอิตฺถิปุตฺตทาสิทาสาทีนิ. เอตานิ หิ คิหิภาวํ ¶ พฺยฺชยนฺติ, ตสฺมา ‘‘คิหิพฺยฺชนานี’’ติ วุจฺจนฺติ. สฺฉินฺนปตฺโตติ ปติตปตฺโต. เฉตฺวานาติ มคฺคาเณน ฉินฺทิตฺวา. วีโรติ มคฺควีริยสมนฺนาคโต. คิหิพนฺธนานีติ กามพนฺธนานิ. กามา หิ คิหีนํ พนฺธนานิ. อยํ ตาว ปทตฺโถ.
อยํ ปน อธิปฺปาโย – ‘‘อโห วตาหมฺปิ โอโรปยิตฺวา คิหิพฺยฺชนานิ สฺฉินฺนปตฺโต ยถา โกวิฬาโร ภเวยฺย’’นฺติ เอวฺหิ จินฺตยมาโน วิปสฺสนํ อารภิตฺวา ปจฺเจกโพธึ อธิคโตมฺหีติ. เสสํ ปุริมนเยเนว เวทิตพฺพนฺติ.
โกวิฬารคาถาวณฺณนา สมตฺตา. ปโม วคฺโค นิฏฺิโต.
๔๕-๔๖. สเจ ¶ ลเภถาติ กา อุปฺปตฺติ? ปุพฺเพ กิร กสฺสปสฺส ภควโต สาสเน ทฺเว ปจฺเจกโพธิสตฺตา ปพฺพชิตฺวา วีสติ วสฺสสหสฺสานิ คตปจฺจาคตวตฺตํ ปูเรตฺวา เทวโลเก อุปฺปนฺนา. ตโต จวิตฺวา เตสํ เชฏฺโก พาราณสิรฺโ ปุตฺโต อโหสิ, กนิฏฺโ ปุโรหิตสฺส ปุตฺโต อโหสิ. เต เอกทิวสํเยว ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา เอกทิวสเมว มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขมิตฺวา สหปํสุกีฬิตสหายกา อเหสุํ. ปุโรหิตปุตฺโต ปฺวา อโหสิ. โส ราชปุตฺตํ อาห – ‘‘สมฺม, ตฺวํ ปิตุโน อจฺจเยน รชฺชํ ลภิสฺสสิ, อหํ ปุโรหิตฏฺานํ, สุสิกฺขิเตน จ สุขํ รชฺชํ อนุสาสิตุํ สกฺกา, เอหิ สิปฺปํ อุคฺคเหสฺสามา’’ติ. ตโต อุโภปิ ปุพฺโพปจิตกมฺมา หุตฺวา ¶ คามนิคมาทีสุ ภิกฺขํ จรมานา ปจฺจนฺตชนปทคามํ คตา. ตฺจ คามํ ปจฺเจกพุทฺธา ภิกฺขาจารเวลาย ปวิสนฺติ. อถ มนุสฺสา ปจฺเจกพุทฺเธ ทิสฺวา อุสฺสาหชาตา อาสนานิ ปฺาเปนฺติ, ปณีตํ ขาทนียํ โภชนียํ อุปนาเมนฺติ, มาเนนฺติ, ปูเชนฺติ. เตสํ เอตทโหสิ – ‘‘อมฺเหหิ สทิสา อุจฺจากุลิกา นาม นตฺถิ, อถ จ ปนิเม มนุสฺสา ยทิ อิจฺฉนฺติ, อมฺหากํ ภิกฺขํ เทนฺติ, ยทิ จ นิจฺฉนฺติ, น เทนฺติ, อิเมสํ ปน ปพฺพชิตานํ เอวรูปํ สกฺการํ กโรนฺติ, อทฺธา เอเต กิฺจิ สิปฺปํ ชานนฺติ, หนฺท เนสํ สนฺติเก สิปฺปํ อุคฺคณฺหามา’’ติ.
เต ¶ มนุสฺเสสุ ปฏิกฺกนฺเตสุ โอกาสํ ลภิตฺวา ‘‘ยํ, ภนฺเต, ตุมฺเห สิปฺปํ ชานาถ, ตํ อมฺเหปิ สิกฺขาเปถา’’ติ ยาจึสุ. ปจฺเจกพุทฺธา ‘‘น สกฺกา อปพฺพชิเตน สิกฺขิตุ’’นฺติ อาหํสุ. เต ปพฺพชฺชํ ยาจิตฺวา ปพฺพชึสุ. ตโต เนสํ ปจฺเจกพุทฺธา ‘‘เอวํ โว นิวาเสตพฺพํ, เอวํ ปารุปิตพฺพ’’นฺติอาทินา นเยน อาภิสมาจาริกํ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘อิมสฺส สิปฺปสฺส เอกีภาวาภิรติ นิปฺผตฺติ, ตสฺมา เอเกเนว นิสีทิตพฺพํ, เอเกน จงฺกมิตพฺพํ, าตพฺพํ, สยิตพฺพ’’นฺติ ปาฏิเยกฺกํ ปณฺณสาลมทํสุ. ตโต เต อตฺตโน อตฺตโน ปณฺณสาลํ ปวิสิตฺวา นิสีทึสุ. ปุโรหิตปุตฺโต นิสินฺนกาลโต ¶ ปภุติ จิตฺตสมาธานํ ลทฺธา ฌานํ ลภิ. ราชปุตฺโต มุหุตฺเตเนว อุกฺกณฺิโต ตสฺส สนฺติกํ อาคโต. โส ตํ ทิสฺวา ‘‘กึ, สมฺมา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อุกฺกณฺิโตมฺหี’’ติ อาห. ‘‘เตน หิ อิธ นิสีทา’’ติ. โส ตตฺถ มุหุตฺตํ นิสีทิตฺวา อาห – ‘‘อิมสฺส กิร, สมฺม, สิปฺปสฺส เอกีภาวาภิรติ นิปฺผตฺตี’’ติ ปุโรหิตปุตฺโต ‘‘เอวํ, สมฺม, เตน หิ ตฺวํ อตฺตโน นิสินฺโนกาสํ เอว คจฺฉ, อุคฺคเหสฺสามิ อิมสฺส สิปฺปสฺส นิปฺผตฺติ’’นฺติ อาห. โส คนฺตฺวา ปุนปิ มุหุตฺเตเนว อุกฺกณฺิโต ปุริมนเยเนว ติกฺขตฺตุํ อาคโต.
ตโต นํ ปุโรหิตปุตฺโต ตเถว อุยฺโยเชตฺวา ตสฺมึ คเต จินฺเตสิ ‘‘อยํ อตฺตโน จ กมฺมํ หาเปติ, มม จ อิธาภิกฺขณํ อาคจฺฉนฺโต’’ติ. โส ปณฺณสาลโต นิกฺขมฺม อรฺํ ปวิฏฺโ. อิตโร อตฺตโน ปณฺณสาลาเยว นิสินฺโน ปุนปิ มุหุตฺเตเนว อุกฺกณฺิโต หุตฺวา ตสฺส ปณฺณสาลํ อาคนฺตฺวา อิโต จิโต จ มคฺคนฺโตปิ ตํ อทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘โย คหฏฺกาเล ปณฺณาการมฺปิ อาทาย อาคโต มํ ทฏฺุํ น ลภติ, โส นาม มยิ อาคเต ทสฺสนมฺปิ อทาตุกาโม ปกฺกามิ, อโห, เร จิตฺต, น ลชฺชสิ, ยํ มํ จตุกฺขตฺตุํ อิธาเนสิ, โสทานิ เต วเส น วตฺติสฺสามิ, อฺทตฺถุ ตํเยว มม วเส วตฺตาเปสฺสามี’’ติ อตฺตโน เสนาสนํ ปวิสิตฺวา วิปสฺสนํ อารภิตฺวา ปจฺเจกโพธึ สจฺฉิกตฺวา อากาเสน นนฺทมูลกปพฺภารํ อคมาสิ. อิตโรปิ อรฺํ ปวิสิตฺวา วิปสฺสนํ ¶ อารภิตฺวา ปจฺเจกโพธึ สจฺฉิกตฺวา ตตฺเถว อคมาสิ. เต อุโภปิ มโนสิลาตเล นิสีทิตฺวา ปาฏิเยกฺกํ ปาฏิเยกฺกํ อิมา อุทานคาถาโย อภาสึสุ –
‘‘สเจ ¶ ลเภถ นิปกํ สหายํ, สทฺธึ จรํ สาธุวิหาริ ธีรํ;
อภิภุยฺย สพฺพานิ ปริสฺสยานิ, จเรยฺย เตนตฺตมโน สตีมา.
‘‘โน เจ ลเภถ นิปกํ สหายํ, สทฺธึ จรํ สาธุวิหาริ ธีรํ;
ราชาว รฏฺํ วิชิตํ ปหาย, เอโก จเร มาตงฺครฺเว นาโค’’ติ.
ตตฺถ นิปกนฺติ ปกตินิปุณํ ปณฺฑิตํ กสิณปริกมฺมาทีสุ กุสลํ. สาธุวิหารินฺติ อปฺปนาวิหาเรน วา อุปจาเรน วา สมนฺนาคตํ. ธีรนฺติ ธิติสมฺปนฺนํ. ตตฺถ นิปกตฺเตน ธิติสมฺปทา วุตฺตา. อิธ ปน ธิติสมฺปนฺนเมวาติ อตฺโถ. ธิติ นาม อสิถิลปรกฺกมตา, ‘‘กามํ ตโจ ¶ จ นฺหารุ จา’’ติ (ม. นิ. ๒.๑๘๔; อ. นิ. ๒.๕; มหานิ. ๑๙๖) เอวํ ปวตฺตวีริยสฺเสตํ อธิวจนํ. อปิจ ธิกตปาโปติปิ ธีโร. ราชาว รฏฺํ วิชิตํ ปหายาติ ยถา ปฏิราชา ‘‘วิชิตํ รฏฺํ อนตฺถาวห’’นฺติ ตฺวา รชฺชํ ปหาย เอโก จรติ, เอวํ พาลสหายํ ปหาย เอโก จเร. อถ วา ราชาว รฏฺนฺติ ยถา สุตโสโม ราชา วิชิตํ รฏฺํ ปหาย เอโก จริ, ยถา จ มหาชนโก, เอวํ เอโก จเรติ อยมฺปิ ตสฺสตฺโถ. เสสํ วุตฺตานุสาเรน สกฺกา ชานิตุนฺติ น วิตฺถาริตนฺติ.
สหายคาถาวณฺณนา สมตฺตา.
๔๗. อทฺธา ปสํสามาติ อิมิสฺสา คาถาย ยาว อากาสตเล ปฺตฺตาสเน ปจฺเจกพุทฺธานํ นิสชฺชา, ตาว จาตุทฺทิสคาถาย อุปฺปตฺติสทิสา เอว อุปฺปตฺติ. อยํ ปน วิเสโส – ยถา โส ราชา รตฺติยา ติกฺขตฺตุํ อุพฺพิชฺชิ, น ตถา อยํ, เนวสฺส ยฺโ ปจฺจุปฏฺิโต อโหสิ. โส อากาสตเล ปฺตฺเตสุ อาสเนสุ ปจฺเจกพุทฺเธ นิสีทาเปตฺวา ‘‘เก ตุมฺเห’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘มยํ, มหาราช, อนวชฺชโภชิโน นามา’’ติ. ‘‘ภนฺเต, ‘อนวชฺชโภชิโน’ติ อิมสฺส โก อตฺโถ’’ติ? ‘‘สุนฺทรํ วา อสุนฺทรํ วา ลทฺธา นิพฺพิการา ภฺุชาม, มหาราชา’’ติ. ตํ สุตฺวา รฺโ เอตทโหสิ ‘‘ยํนูนาหํ อิเม อุปปริกฺเขยฺยํ เอทิสา วา โน วา’’ติ. ตํ ทิวสํ กณาชเกน ¶ พิลงฺคทุติเยน ปริวิสิ. ปจฺเจกพุทฺธา อมตํ ภฺุชนฺตา วิย นิพฺพิการา ภฺุชึสุ. ราชา ‘‘โหนฺติ นาม เอกทิวสํ ปฏิฺาตตฺตา นิพฺพิการา, สฺเว ชานิสฺสามี’’ติ สฺวาตนายปิ ¶ นิมนฺเตสิ. ตโต ทุติยทิวเสปิ ตเถวากาสิ. เตปิ ตเถว ปริภฺุชึสุ. อถ ราชา ‘‘อิทานิ สุนฺทรํ ทตฺวา วีมํสิสฺสามี’’ติ ปุนปิ นิมนฺเตตฺวา, ทฺเว ทิวเส มหาสกฺการํ กตฺวา, ปณีเตน อติวิจิตฺเรน ขาทนีเยน โภชนีเยน ปริวิสิ. เตปิ ตเถว นิพฺพิการา ภฺุชิตฺวา รฺโ มงฺคลํ วตฺวา ปกฺกมึสุ. ราชา อจิรปกฺกนฺเตสุ เตสุ ‘‘อนวชฺชโภชิโนว เอเต สมณา, อโห วตาหมฺปิ อนวชฺชโภชี ¶ ภเวยฺย’’นฺติ จินฺเตตฺวา มหารชฺชํ ปหาย ปพฺพชฺชํ สมาทาย วิปสฺสนํ อารภิตฺวา, ปจฺเจกพุทฺโธ หุตฺวา, มฺชูสกรุกฺขมูเล ปจฺเจกพุทฺธานํ มชฺเฌ อตฺตโน อารมฺมณํ วิภาเวนฺโต อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘อทฺธา ปสํสาม สหายสมฺปทํ, เสฏฺา สมา เสวิตพฺพา สหายา;
เอเต อลทฺธา อนวชฺชโภชี, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ.
สา ปทตฺถโต อุตฺตานา เอว. เกวลํ ปน สหายสมฺปทนฺติ เอตฺถ อเสเขหิ สีลาทิกฺขนฺเธหิ สมฺปนฺนา สหายา เอว สหายสมฺปทาติ เวทิตพฺพา. อยํ ปเนตฺถ โยชนา – ยายํ วุตฺตา สหายสมฺปทา, ตํ สหายสมฺปทํ อทฺธา ปสํสาม, เอกํเสเนว โถเมมาติ วุตฺตํ โหติ. กถํ? เสฏฺา สมา เสวิตพฺพา สหายาติ. กสฺมา? อตฺตโน หิ สีลาทีหิ เสฏฺเ เสวมานสฺส สีลาทโย ธมฺมา อนุปฺปนฺนา อุปฺปชฺชนฺติ, อุปฺปนฺนา วุทฺธึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ ปาปุณนฺติ. สเม เสวมานสฺส อฺมฺํ สมธารเณน กุกฺกุจฺจสฺส วิโนทเนน จ ลทฺธา น ปริหายนฺติ. เอเต ปน สหายเก เสฏฺเ จ สเม จ อลทฺธา กุหนาทิมิจฺฉาชีวํ วชฺเชตฺวา ธมฺเมน สเมน อุปฺปนฺนํ โภชนํ ภฺุชนฺโต ตตฺถ จ ปฏิฆานุนยํ อนุปฺปาเทนฺโต อนวชฺชโภชี หุตฺวา อตฺถกาโม กุลปุตฺโต เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป. อหมฺปิ หิ เอวํ จรนฺโต อิมํ สมฺปตฺตึ อธิคโตมฺหีติ.
อนวชฺชโภชิคาถาวณฺณนา สมตฺตา.
๔๘. ทิสฺวา ¶ สุวณฺณสฺสาติ กา อุปฺปตฺติ? อฺตโร พาราณสิราชา คิมฺหสมเย ทิวาเสยฺยํ อุปคโต. สนฺติเก จสฺส วณฺณทาสี โคสีตจนฺทนํ ปิสติ. ตสฺสา เอกพาหายํ เอกํ สุวณฺณวลยํ, เอกพาหายํ ทฺเว, ตานิ สงฺฆฏฺฏนฺติ อิตรํ น สงฺฆฏฺฏติ. ราชา ตํ ทิสฺวา ‘‘เอวเมว คณวาเส สงฺฆฏฺฏนา, เอกวาเส อสงฺฆฏฺฏนา’’ติ ปุนปฺปุนํ ตํ ทาสึ โอโลกยมาโน จินฺเตสิ. เตน จ สมเยน สพฺพาลงฺการภูสิตา เทวี ตํ พีชยนฺตี ิตา โหติ. สา ‘‘วณฺณทาสิยา ปฏิพทฺธจิตฺโต มฺเ ราชา’’ติ จินฺเตตฺวา ตํ ทาสึ อุฏฺาเปตฺวา สยเมว ปิสิตุมารทฺธา ¶ . ตสฺสา อุโภสุ พาหาสุ อเนเก สุวณฺณวลยา, เต สงฺฆฏฺฏนฺตา มหาสทฺทํ ชนยึสุ. ราชา สุฏฺุตรํ นิพฺพินฺโน ทกฺขิเณน ปสฺเสน นิปนฺโนเยว วิปสฺสนํ ¶ อารภิตฺวา ปจฺเจกโพธึ สจฺฉากาสิ. ตํ อนุตฺตเรน สุเขน สุขิตํ นิปนฺนํ จนฺทนหตฺถา เทวี อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘อาลิมฺปามิ, มหาราชา’’ติ อาห. ราชา – ‘‘อเปหิ, มา อาลิมฺปาหี’’ติ อาห. สา ‘‘กิสฺส, มหาราชา’’ติ อาห. โส ‘‘นาหํ ราชา’’ติ. เอวเมเตสํ ตํ กถาสลฺลาปํ สุตฺวา อมจฺจา อุปสงฺกมึสุ. เตหิปิ มหาราชวาเทน อาลปิโต ‘‘นาหํ, ภเณ, ราชา’’ติ อาห. เสสํ ปมคาถาย วุตฺตสทิสเมว.
อยํ ปน คาถาวณฺณนา – ทิสฺวาติ โอโลเกตฺวา. สุวณฺณสฺสาติ กฺจนสฺส ‘‘วลยานี’’ติ ปาเสโส. สาวเสสปาโ หิ อยํ อตฺโถ. ปภสฺสรานีติ ปภาสนสีลานิ, ชุติมนฺตานีติ วุตฺตํ โหติ. เสสํ อุตฺตานตฺถเมว. อยํ ปน โยชนา – ทิสฺวา ภุชสฺมึ สุวณฺณสฺส วลยานิ ‘‘คณวาเส สติ สงฺฆฏฺฏนา, เอกวาเส อสงฺฆฏฺฏนา’’ติ เอวํ จินฺเตนฺโต วิปสฺสนํ อารภิตฺวา ปจฺเจกโพธึ อธิคโตมฺหีติ. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ.
สุวณฺณวลยคาถาวณฺณนา สมตฺตา.
๔๙. เอวํ ทุติเยนาติ กา อุปฺปตฺติ? อฺตโร พาราณสิราชา ทหโรว ปพฺพชิตุกาโม อมจฺเจ อาณาเปสิ ‘‘เทวึ คเหตฺวา รชฺชํ ปริหรถ, อหํ ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. อมจฺจา ‘‘น, มหาราช, อราชกํ รชฺชํ อมฺเหหิ สกฺกา รกฺขิตุํ, สามนฺตราชาโน อาคมฺม วิลุมฺปิสฺสนฺติ, ยาว เอกปุตฺโตปิ อุปฺปชฺชติ, ตาว อาคเมหี’’ติ สฺาเปสุํ. มุทุจิตฺโต ราชา ¶ อธิวาเสสิ. อถ เทวี คพฺภํ คณฺหิ. ราชา ปุนปิ เต อาณาเปสิ – ‘‘เทวี คพฺภินี, ปุตฺตํ ชาตํ รชฺเช อภิสิฺจิตฺวา รชฺชํ ปริหรถ, อหํ ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. อมจฺจา ‘‘ทุชฺชานํ, มหาราช, เอตํ เทวี ปุตฺตํ วา วิชายิสฺสติ ธีตรํ วา, วิชายนกาลํ ตาว อาคเมหี’’ติ ปุนปิ สฺาเปสุํ. อถ สา ปุตฺตํ วิชายิ. ตทาปิ ราชา ตเถว อมจฺเจ อาณาเปสิ. อมจฺจา ปุนปิ ราชานํ ‘‘อาคเมหิ, มหาราช, ยาว, ปฏิพโล โหตี’’ติ พหูหิ การเณหิ สฺาเปสุํ. ตโต กุมาเร ปฏิพเล ¶ ชาเต อมจฺเจ สนฺนิปาตาเปตฺวา ‘‘ปฏิพโล อยํ, ตํ รชฺเช อภิสิฺจิตฺวา ปฏิปชฺชถา’’ติ อมจฺจานํ โอกาสํ อทตฺวา อนฺตราปณา กาสายวตฺถาทโย สพฺพปริกฺขาเร อาหราเปตฺวา อนฺเตปุเร เอว ปพฺพชิตฺวา มหาชนโก วิย นิกฺขมิ. สพฺพปริชโน นานปฺปการกํ ปริเทวมาโน ราชานํ อนุพนฺธิ.
ราชา ¶ ยาว อตฺตโน รชฺชสีมา, ตาว คนฺตฺวา กตฺตรทณฺเฑน เลขํ กตฺวา ‘‘อยํ เลขา นาติกฺกมิตพฺพา’’ติ อาห. มหาชโน เลขาย สีสํ กตฺวา, ภูมิยํ นิปนฺโน ปริเทวมาโน ‘‘ตุยฺหํ ทานิ, ตาต, รฺโ อาณา, กึ กริสฺสตี’’ติ กุมารํ เลขํ อติกฺกมาเปสิ. กุมาโร ‘‘ตาต, ตาตา’’ติ ธาวิตฺวา ราชานํ สมฺปาปุณิ. ราชา กุมารํ ทิสฺวา ‘‘เอตํ มหาชนํ ปริหรนฺโต รชฺชํ กาเรสึ, กึ ทานิ เอกํ ทารกํ ปริหริตุํ น สกฺขิสฺส’’นฺติ กุมารํ คเหตฺวา อรฺํ ปวิฏฺโ, ตตฺถ ปุพฺพปจฺเจกพุทฺเธหิ วสิตปณฺณสาลํ ทิสฺวา วาสํ กปฺเปสิ สทฺธึ ปุตฺเตน. ตโต กุมาโร วรสยนาทีสุ กตปริจโย ติณสนฺถารเก วา รชฺชุมฺจเก วา สยมาโน โรทติ. สีตวาตาทีหิ ผุฏฺโ สมาโน ‘‘สีตํ, ตาต, อุณฺหํ, ตาต, มกฺขิกา, ตาต, ขาทนฺติ, ฉาโตมฺหิ, ตาต, ปิปาสิโตมฺหิ, ตาตา’’ติ วทติ. ราชา ตํ สฺาเปนฺโตเยว รตฺตึ วีตินาเมติ. ทิวาปิสฺส ปิณฺฑาย จริตฺวา ภตฺตํ อุปนาเมติ, ตํ โหติ มิสฺสกภตฺตํ กงฺคุวรกมุคฺคาทิพหุลํ. กุมาโร อจฺฉาเทนฺตมฺปิ ตํ ชิฆจฺฉาวเสน ภฺุชมาโน กติปาเหเนว อุณฺเห ปิตปทุมํ วิย มิลายิ. ปจฺเจกโพธิสตฺโต ปน ปฏิสงฺขานพเลน นิพฺพิกาโรเยว ภฺุชติ.
ตโต โส กุมารํ สฺาเปนฺโต อาห – ‘‘นครสฺมึ, ตาต, ปณีตาหาโร ลพฺภติ, ตตฺถ คจฺฉามา’’ติ. กุมาโร ‘‘อาม, ตาตา’’ติ อาห. ตโต นํ ปุรกฺขตฺวา อาคตมคฺเคเนว นิวตฺติ. กุมารมาตาปิ เทวี ¶ ‘‘น ทานิ ราชา กุมารํ คเหตฺวา อรฺเ จิรํ วสิสฺสติ, กติปาเหเนว นิวตฺติสฺสตี’’ติ ¶ จินฺเตตฺวา รฺา กตฺตรทณฺเฑน ลิขิตฏฺาเนเยว วตึ การาเปตฺวา วาสํ กปฺเปสิ. ตโต ราชา ตสฺสา วติยา อวิทูเร ตฺวา ‘‘เอตฺถ เต, ตาต, มาตา นิสินฺนา, คจฺฉาหี’’ติ เปเสสิ. ยาว จ โส ตํ านํ ปาปุณาติ, ตาว อุทิกฺขนฺโต อฏฺาสิ ‘‘มา เหว นํ โกจิ วิเหเยฺยา’’ติ. กุมาโร มาตุ สนฺติกํ ธาวนฺโต อคมาสิ. อารกฺขกปุริสา จ นํ ทิสฺวา เทวิยา อาโรเจสุํ. เทวี วีสตินาฏกิตฺถิสหสฺสปริวุตา คนฺตฺวา ปฏิคฺคเหสิ, รฺโ จ ปวตฺตึ ปุจฺฉิ. อถ ‘‘ปจฺฉโต อาคจฺฉตี’’ติ สุตฺวา มนุสฺเส เปเสสิ. ราชาปิ ตาวเทว สกวสตึ อคมาสิ. มนุสฺสา ราชานํ อทิสฺวา นิวตฺตึสุ. ตโต เทวี นิราสาว หุตฺวา, ปุตฺตํ คเหตฺวา, นครํ คนฺตฺวา, ตํ รชฺเช อภิสิฺจิ. ราชาปิ อตฺตโน วสตึ ปตฺวา, ตตฺถ นิสินฺโน วิปสฺสิตฺวา, ปจฺเจกโพธึ สจฺฉิกตฺวา, มฺชูสกรุกฺขมูเล ปจฺเจกพุทฺธานํ มชฺเฌ อิมํ อุทานคาถํ อภาสิ –
‘‘เอวํ ทุติเยน สห มมสฺส, วาจาภิลาโป อภิสชฺชนา วา;
เอตํ ภยํ อายตึ เปกฺขมาโน, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ.
สา ¶ ปทตฺถโต อุตฺตานา เอว. อยํ ปเนตฺถ อธิปฺปาโย – ยฺวายํ เอเตน ทุติเยน กุมาเรน สีตุณฺหาทีนิ นิเวเทนฺเตน สหวาเสน ตํ สฺาเปนฺตสฺส มม วาจาภิลาโป, ตสฺมึ สิเนหวเสน อภิสชฺชนา จ ชาตา, สเจ อหํ อิมํ น ปริจฺจชามิ, ตโต อายติมฺปิ เหสฺสติ ยเถว อิทานิ; เอวํ ทุติเยน สห มมสฺส วาจาภิลาโป อภิสชฺชนา วา. อุภยมฺปิ เจตํ อนฺตรายกรํ วิเสสาธิคมสฺสาติ เอตํ ภยํ อายตึ เปกฺขมาโน ตํ ฉฑฺเฑตฺวา โยนิโส ปฏิปชฺชิตฺวา ปจฺเจกโพธึ อธิคโตมฺหีติ. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ.
อายติภยคาถาวณฺณนา สมตฺตา.
๕๐. กามา หิ จิตฺราติ กา อุปฺปตฺติ? พาราณสิยํ กิร เสฏฺิปุตฺโต ทหโรว เสฏฺิฏฺานํ ลภิ. ตสฺส ติณฺณํ อุตูนํ ตโย ปาสาทา โหนฺติ ¶ . โส ตตฺถ สพฺพสมฺปตฺตีหิ เทวกุมาโร วิย ปริจาเรติ. โส ทหโรว สมาโน ‘‘ปพฺพชิสฺสามี’’ติ มาตาปิตโร ยาจิ. เต นํ วาเรนฺติ. โส ตเถว นิพนฺธติ. ปุนปิ นํ มาตาปิตโร ‘‘ตฺวํ, ตาต, สุขุมาโล, ทุกฺกรา ปพฺพชฺชา, ขุรธาราย อุปริ จงฺกมนสทิสา’’ติ นานปฺปกาเรหิ วาเรนฺติ. โส ตเถว นิพนฺธติ. เต จินฺเตสุํ ‘‘สจายํ ¶ ปพฺพชติ, อมฺหากํ โทมนสฺสํ โหติ. สเจ นํ นิวาเรม, เอตสฺส โทมนสฺสํ โหติ. อปิจ อมฺหากํ โทมนสฺสํ โหตุ, มา จ เอตสฺสา’’ติ อนุชานึสุ. ตโต โส สพฺพปริชนํ ปริเทวมานํ อนาทิยิตฺวา อิสิปตนํ คนฺตฺวา ปจฺเจกพุทฺธานํ สนฺติเก ปพฺพชิ. ตสฺส อุฬารเสนาสนํ น ปาปุณาติ, มฺจเก ตฏฺฏิกํ ปตฺถริตฺวา สยิ. โส วรสยเน กตปริจโย สพฺพรตฺตึ อติทุกฺขิโต อโหสิ. ปภาเตปิ สรีรปริกมฺมํ กตฺวา, ปตฺตจีวรมาทาย ปจฺเจกพุทฺเธหิ สทฺธึ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. ตตฺถ วุฑฺฒา อคฺคาสนฺจ อคฺคปิณฺฑฺจ ลภนฺติ, นวกา ยํกิฺจิเทว อาสนํ ลูขโภชนฺจ. โส เตน ลูขโภชเนนาปิ อติทุกฺขิโต อโหสิ. โส กติปาหํเยว กิโส ทุพฺพณฺโณ หุตฺวา นิพฺพิชฺชิ ยถา ตํ อปริปากคเต สมณธมฺเม. ตโต มาตาปิตูนํ ทูตํ เปเสตฺวา อุปฺปพฺพชิ. โส กติปาหํเยว พลํ คเหตฺวา ปุนปิ ปพฺพชิตุกาโม อโหสิ. ตโต เตเนว กเมน ปพฺพชิตฺวา ปุนปิ อุปฺปพฺพชิตฺวา ตติยวาเร ปพฺพชิตฺวา สมฺมา ปฏิปนฺโน ปจฺเจกสมฺโพธึ สจฺฉิกตฺวา อิมํ อุทานคาถํ วตฺวา ปุน ปจฺเจกพุทฺธานํ มชฺเฌ อิมเมว พฺยากรณคาถํ อภาสิ –
‘‘กามา หิ จิตฺรา มธุรา มโนรมา, วิรูปรูเปน มเถนฺติ จิตฺตํ;
อาทีนวํ กามคุเณสุ ทิสฺวา, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ.
ตตฺถ ¶ กามาติ ทฺเว กามา วตฺถุกามา จ กิเลสกามา จ. ตตฺถ วตฺถุกามา มนาปิยรูปาทโย ธมฺมา, กิเลสกามา ฉนฺทาทโย สพฺเพปิ ราคปฺปเภทา. อิธ ปน วตฺถุกามา อธิปฺเปตา. รูปาทิอเนกปฺปการวเสน จิตฺรา. โลกสฺสาทวเสน มธุรา. พาลปุถุชฺชนานํ มนํ รเมนฺตีติ มโนรมา. วิรูปรูเปนาติ วิรูเปน รูเปน, อเนกวิเธน สภาเวนาติ วุตฺตํ โหติ. เต หิ รูปาทิวเสน จิตฺรา, รูปาทีสุปิ นีลาทิวเสน วิวิธรูปา. เอวํ เตน วิรูปรูเปน ตถา ตถา อสฺสาทํ ทสฺเสตฺวา ¶ มเถนฺติ จิตฺตํ ปพฺพชฺชาย อภิรมิตุํ น เทนฺตีติ. เสสเมตฺถ ปากฏเมว. นิคมนมฺปิ ทฺวีหิ ตีหิ วา ปเทหิ โยเชตฺวา ปุริมคาถาสุ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพนฺติ.
กามคาถาวณฺณนา สมตฺตา.
๕๑. อีตี ¶ จาติ กา อุปฺปตฺติ? พาราณสิยํ กิร รฺโ คณฺโฑ อุทปาทิ. พาฬฺหา เวทนา วตฺตนฺติ. เวชฺชา ‘‘สตฺถกมฺเมน วินา ผาสุ น โหตี’’ติ ภณนฺติ. ราชา เตสํ อภยํ ทตฺวา สตฺถกมฺมํ การาเปสิ. เต ผาเลตฺวา, ปุพฺพโลหิตํ นีหริตฺวา, นิพฺเพทนํ กตฺวา, วณํ ปฏฺเฏน พนฺธึสุ, อาหาราจาเรสุ จ นํ สมฺมา โอวทึสุ. ราชา ลูขโภชเนน กิสสรีโร อโหสิ, คณฺโฑ จสฺส มิลายิ. โส ผาสุกสฺี หุตฺวา สินิทฺธาหารํ ภฺุชิ. เตน จ สฺชาตพโล วิสเย ปฏิเสวิ. ตสฺส คณฺโฑ ปุน ปุริมสภาวเมว สมฺปาปุณิ. เอวํ ยาว ติกฺขตฺตุํ สตฺถกมฺมํ การาเปตฺวา, เวชฺเชหิ ปริวชฺชิโต นิพฺพิชฺชิตฺวา, รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา, อรฺํ ปวิสิตฺวา, วิปสฺสนํ อารภิตฺวา, สตฺตหิ วสฺเสหิ ปจฺเจกโพธึ สจฺฉิกตฺวา, อิมํ อุทานคาถํ ภาสิตฺวา นนฺทมูลกปพฺภารํ อคมาสิ.
‘‘อีตี จ คณฺโฑ จ อุปทฺทโว จ, โรโค จ สลฺลฺจ ภยฺจ เมตํ;
เอตํ ภยํ กามคุเณสุ ทิสฺวา, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ.
ตตฺถ เอตีติ อีติ, อาคนฺตุกานํ อกุสลภาคิยานํ พฺยสนเหตูนํ เอตํ อธิวจนํ. ตสฺมา กามคุณาปิ เอเต อเนกพฺยสนาวหฏฺเน ทฬฺหสนฺนิปาตฏฺเน จ อีติ. คณฺโฑปิ อสุจึ ปคฺฆรติ, อุทฺธุมาตปริปกฺกปริภินฺโน โหติ. ตสฺมา เอเต กิเลสาสุจิปคฺฆรณโต อุปฺปาทชราภงฺเคหิ อุทฺธุมาตปริปกฺกปริภินฺนภาวโต จ คณฺโฑ. อุปทฺทวตีติ อุปทฺทโว; อนตฺถํ ชเนนฺโต อภิภวติ; อชฺโฌตฺถรตีติ อตฺโถ, ราชทณฺฑาทีนเมตํ อธิวจนํ. ตสฺมา กามคุณาเปเต อวิทิตนิพฺพานตฺถาวหเหตุตาย สพฺพุปทฺทววตฺถุตาย จ อุปทฺทโว. ยสฺมา ปเนเต กิเลสาตุรภาวํ ชเนนฺตา สีลสงฺขาตมาโรคฺยํ, โลลุปฺปํ วา ¶ อุปฺปาเทนฺตา ปากติกเมว อาโรคฺยํ วิลุมฺปนฺติ, ตสฺมา อิมินา ¶ อาโรคฺยวิลุมฺปนฏฺเเนว โรโค. อพฺภนฺตรมนุปฺปวิฏฺฏฺเน ปน อนฺโตตุทกฏฺเน ทุนฺนิหรณียฏฺเน จ สลฺลํ. ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกภยาวหนโต ¶ ภยํ. เม เอตนฺติ เมตํ. เสสเมตฺถ ปากฏเมว. นิคมนํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพนฺติ.
อีติคาถาวณฺณนา สมตฺตา.
๕๒. สีตฺจาติ กา อุปฺปตฺติ? พาราณสิยํ กิร สีตาลุกพฺรหฺมทตฺโต นาม ราชา อโหสิ. โส ปพฺพชิตฺวา อรฺกุฏิกาย วิหรติ. ตสฺมิฺจ ปเทเส สีเต สีตํ, อุณฺเห อุณฺหเมว จ โหติ อพฺโภกาสตฺตา ปเทสสฺส. โคจรคาเม ภิกฺขา ยาวทตฺถาย น ลพฺภติ. ปิวนกปานียมฺปิ ทุลฺลภํ, วาตาตปฑํสสรีสปาปิ พาเธนฺติ. ตสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อิโต อฑฺฒโยชนมตฺเต สมฺปนฺโน ปเทโส, ตตฺถ สพฺเพปิ เอเต ปริสฺสยา นตฺถิ. ยํนูนาหํ ตตฺถ คจฺเฉยฺยํ; ผาสุกํ วิหรนฺเตน สกฺกา วิเสสํ อธิคนฺตุ’’นฺติ. ตสฺส ปุน อโหสิ – ‘‘ปพฺพชิตา นาม น ปจฺจยวสิกา โหนฺติ, เอวรูปฺจ จิตฺตํ วเส วตฺเตนฺติ, น จิตฺตสฺส วเส วตฺเตนฺติ, นาหํ คมิสฺสามี’’ติ ปจฺจเวกฺขิตฺวา น อคมาสิ. เอวํ ยาวตติยกํ อุปฺปนฺนจิตฺตํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา นิวตฺเตสิ. ตโต ตตฺเถว สตฺต วสฺสานิ วสิตฺวา, สมฺมา ปฏิปชฺชมาโน ปจฺเจกสมฺโพธึ สจฺฉิกตฺวา, อิมํ อุทานคาถํ ภาสิตฺวา นนฺทมูลกปพฺภารํ อคมาสิ.
‘‘สีตฺจ อุณฺหฺจ ขุทํ ปิปาสํ, วาตาตเป ฑํสสรีสเป จ;
สพฺพานิเปตานิ อภิสมฺภวิตฺวา, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ.
ตตฺถ สีตฺจาติ สีตํ นาม ทุวิธํ อพฺภนฺตรธาตุกฺโขภปจฺจยฺจ, พาหิรธาตุกฺโขภปจฺจยฺจ; ตถา อุณฺหํ. ฑํสาติ ปิงฺคลมกฺขิกา. สรีสปาติ เย เกจิ ทีฆชาติกา สริตฺวา คจฺฉนฺติ. เสสํ ปากฏเมว. นิคมนมฺปิ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพนฺติ.
สีตาลุกคาถาวณฺณนา สมตฺตา.
๕๓. นาโควาติ ¶ กา อุปฺปตฺติ? พาราณสิยํ กิร อฺตโร ราชา วีสติ วสฺสานิ รชฺชํ กาเรตฺวา กาลกโต นิรเย วีสติ เอว วสฺสานิ ปจฺจิตฺวา หิมวนฺตปฺปเทเส หตฺถิโยนิยํ อุปฺปชฺชิตฺวา ¶ สฺชาตกฺขนฺโธ ปทุมวณฺณสกลสรีโร อุฬาโร ยูถปติ มหานาโค อโหสิ. ตสฺส โอภคฺโคภคฺคํ สาขาภงฺคํ หตฺถิฉาปาว ขาทนฺติ. โอคาเหปิ นํ หตฺถินิโย กทฺทเมน ลิมฺปนฺติ ¶ , สพฺพํ ปาลิเลยฺยกนาคสฺเสว อโหสิ. โส ยูถา นิพฺพิชฺชิตฺวา ปกฺกมิ. ตโต นํ ปทานุสาเรน ยูถํ อนุพนฺธิ. เอวํ ยาวตติยํ ปกฺกนฺโต อนุพทฺโธว. ตโต จินฺเตสิ – ‘‘อิทานิ มยฺหํ นตฺตโก พาราณสิยํ รชฺชํ กาเรติ, ยํนูนาหํ อตฺตโน ปุริมชาติยา อุยฺยานํ คจฺเฉยฺยํ, ตตฺร มํ โส รกฺขิสฺสตี’’ติ. ตโต รตฺตึ นิทฺทาวสํ คเต ยูเถ ยูถํ ปหาย ตเมว อุยฺยานํ ปาวิสิ. อุยฺยานปาโล ทิสฺวา รฺโ อาโรเจสิ. ราชา ‘‘หตฺถึ คเหสฺสามี’’ติ เสนาย ปริวาเรสิ. หตฺถี ราชานํ เอว อภิมุโข คจฺฉติ. ราชา ‘‘มํ อภิมุโข เอตี’’ติ ขุรปฺปํ สนฺนยฺหิตฺวา อฏฺาสิ. ตโต หตฺถี ‘‘วิชฺเฌยฺยาปิ มํ เอโส’’ติ มานุสิกาย วาจาย ‘‘พฺรหฺมทตฺต, มา มํ วิชฺฌ, อหํ เต อยฺยโก’’ติ อาห. ราชา ‘‘กึ ภณสี’’ติ สพฺพํ ปุจฺฉิ. หตฺถีปิ รชฺเช จ นรเก จ หตฺถิโยนิยฺจ ปวตฺตึ สพฺพํ อาโรเจสิ. ราชา ‘‘สุนฺทรํ, มา ภายิ, มา จ กฺจิ ภึสาเปหี’’ติ หตฺถิโน วฏฺฏฺจ อารกฺขเก จ หตฺถิภณฺเฑ จ อุปฏฺาเปสิ.
อเถกทิวสํ ราชา หตฺถิกฺขนฺธคโต ‘‘อยํ วีสติ วสฺสานิ รชฺชํ กตฺวา นิรเย ปกฺโก, วิปากาวเสเสน จ ติรจฺฉานโยนิยํ อุปฺปนฺโน, ตตฺถปิ คณวาสสงฺฆฏฺฏนํ อสหนฺโต อิธาคโต. อโห ทุกฺโข คณวาโส, เอกีภาโว เอว จ ปน สุโข’’ติ จินฺเตตฺวา ตตฺเถว วิปสฺสนํ อารภิตฺวา ปจฺเจกโพธึ สจฺฉากาสิ. ตํ โลกุตฺตรสุเขน สุขิตํ อมจฺจา อุปสงฺกมิตฺวา, ปณิปาตํ กตฺวา ‘‘ยานกาโล มหาราชา’’ติ อาหํสุ. ตโต ‘‘นาหํ ราชา’’ติ วตฺวา ปุริมนเยเนว อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘นาโคว ยูถานิ วิวชฺชยิตฺวา, สฺชาตขนฺโธ ปทุมี อุฬาโร;
ยถาภิรนฺตํ วิหรํ อรฺเ, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ.
สา ¶ ¶ ปทตฺถโต ปากฏา เอว. อยํ ปเนตฺถ อธิปฺปายโยชนา. สา จ โข ยุตฺติวเสเนว, น อนุสฺสววเสน. ยถา อยํ หตฺถี มนุสฺสกนฺเตสุ สีเลสุ ทนฺตตฺตา อทนฺตภูมึ นาคจฺฉตีติ วา, สรีรมหนฺตตาย วา นาโค, เอวํ กุทาสฺสุ นามาหมฺปิ อริยกนฺเตสุ สีเลสุ ทนฺตตฺตา อทนฺตภูมึ นาคมเนน อาคุํ อกรเณน ปุน อิตฺถตฺตํ อนาคมเนน จ คุณสรีรมหนฺตตาย วา นาโค ภเวยฺยํ. ยถา เจส ยูถานิ วิวชฺเชตฺวา เอกจริยสุเขน ยถาภิรนฺตํ วิหรํ อรฺเ เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป, กุทาสฺสุ นามาหมฺปิ เอวํ คณํ วิวชฺเชตฺวา เอกวิหารสุเขน ฌานสุเขน ยถาภิรนฺตํ วิหรํ อรฺเ อตฺตโน ยถา ยถา สุขํ, ตถา ตถา ยตฺตกํ วา อิจฺฉามิ, ตตฺตกํ อรฺเ นิวาสํ เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป จเรยฺยนฺติ อตฺโถ. ยถา เจส สุสณฺิตกฺขนฺธตาย ¶ สฺชาตกฺขนฺโธ, กุทาสฺสุ นามาหมฺปิ เอวํ อเสขสีลกฺขนฺธมหนฺตตาย สฺชาตกฺขนฺโธ ภเวยฺยํ. ยถา เจส ปทุมสทิสคตฺตตาย วา ปทุมกุเล อุปฺปนฺนตาย วา ปทุมี, กุทาสฺสุ นามาหมฺปิ เอวํ ปทุมสทิสอุชุคตฺตตาย วา อริยชาติปทุเม อุปฺปนฺนตาย วา ปทุมี ภเวยฺยํ. ยถา เจส ถามพลชวาทีหิ อุฬาโร, กุทาสฺสุ นามาหมฺปิ เอวํ ปริสุทฺธกายสมาจารตาทีหิ สีลสมาธินิพฺเพธิกปฺาทีหิ วา อุฬาโร ภเวยฺยนฺติ เอวํ จินฺเตนฺโต วิปสฺสนํ อารภิตฺวา ปจฺเจกโพธึ อธิคโตมฺหีติ.
นาคคาถาวณฺณนา สมตฺตา.
๕๔. อฏฺาน ตนฺติ กา อุปฺปตฺติ? พาราณสิรฺโ กิร ปุตฺโต ทหโร เอว สมาโน ปพฺพชิตุกาโม มาตาปิตโร ยาจิ. มาตาปิตโร นํ วาเรนฺติ. โส วาริยมาโนปิ นิพนฺธติเยว ‘‘ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. ตโต นํ ปุพฺเพ วุตฺตเสฏฺิปุตฺตํ ¶ วิย สพฺพํ วตฺวา อนุชานึสุ. ปพฺพชิตฺวา จ อุยฺยาเนเยว วสิตพฺพนฺติ ปฏิชานาเปสุํ, โส ตถา อกาสิ. ตสฺส มาตา ปาโตว วีสติสหสฺสนาฏกิตฺถิปริวุตา อุยฺยานํ คนฺตฺวา, ปุตฺตํ ยาคุํ ปาเยตฺวา, อนฺตรา ขชฺชกาทีนิ จ ขาทาเปตฺวา, ยาว มชฺฌนฺหิกสมยํ เตน สทฺธึ สมุลฺลปิตฺวา, นครํ ปวิสติ. ปิตา จ มชฺฌนฺหิเก อาคนฺตฺวา, ตํ โภเชตฺวา อตฺตนาปิ ภฺุชิตฺวา, ทิวสํ เตน สทฺธึ สมุลฺลปิตฺวา, สายนฺหสมเย ¶ ชคฺคนปุริเส เปตฺวา นครํ ปวิสติ. โส เอวํ รตฺตินฺทิวํ อวิวิตฺโต วิหรติ. เตน โข ปน สมเยน อาทิจฺจพนฺธุ นาม ปจฺเจกพุทฺโธ นนฺทมูลกปพฺภาเร วิหรติ. โส อาวชฺเชนฺโต ตํ อทฺทส – ‘‘อยํ กุมาโร ปพฺพชิตุํ อสกฺขิ, ชฏํ ฉินฺทิตุํ น สกฺโกตี’’ติ. ตโต ปรํ อาวชฺชิ ‘‘อตฺตโน ธมฺมตาย นิพฺพิชฺชิสฺสติ, โน’’ติ. อถ ‘‘ธมฺมตาย นิพฺพินฺทนฺโต อติจิรํ ภวิสฺสตี’’ติ ตฺวา ‘‘ตสฺส อารมฺมณํ ทสฺเสสฺสามี’’ติ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว มโนสิลาตลโต อาคนฺตฺวา อุยฺยาเน อฏฺาสิ. ราชปุริโส ทิสฺวา ‘‘ปจฺเจกพุทฺโธ อาคโต, มหาราชา’’ติ รฺโ อาโรเจสิ. ราชา ‘‘อิทานิ เม ปุตฺโต ปจฺเจกพุทฺเธน สทฺธึ อนุกฺกณฺิโต วสิสฺสตี’’ติ ปมุทิตมโน หุตฺวา ปจฺเจกพุทฺธํ สกฺกจฺจํ อุปฏฺหิตฺวา ตตฺเถว วาสํ ยาจิตฺวา ปณฺณสาลาทิวาวิหารฏฺานจงฺกมาทิสพฺพํ กาเรตฺวา วาเสสิ.
โส ตตฺถ วสนฺโต เอกทิวสํ โอกาสํ ลภิตฺวา กุมารํ ปุจฺฉิ ‘‘โกสิ ตฺว’’นฺติ? โส อาห ‘‘อหํ ปพฺพชิโต’’ติ. ‘‘ปพฺพชิตา นาม น เอทิสา โหนฺตี’’ติ. ‘‘อถ ภนฺเต, กีทิสา โหนฺติ, กึ มยฺหํ อนนุจฺฉวิก’’นฺติ วุตฺเต ‘‘ตฺวํ อตฺตโน อนนุจฺฉวิกํ น เปกฺขสิ ¶ , นนุ เต มาตา วีสติสหสฺสอิตฺถีหิ สทฺธึ ปุพฺพณฺหสมเย อาคจฺฉนฺตี อุยฺยานํ อวิวิตฺตํ กโรติ, ปิตา มหตา พลกาเยน สายนฺหสมเย, ชคฺคนปุริสา สกลรตฺตึ; ปพฺพชิตา นาม ตว สทิสา น โหนฺติ, ‘เอทิสา ปน โหนฺตี’’’ติ ตตฺร ิตสฺเสว อิทฺธิยา หิมวนฺเต อฺตรํ วิหารํ ทสฺเสสิ. โส ตตฺถ ปจฺเจกพุทฺเธ อาลมฺพนพาหํ ¶ นิสฺสาย ิเต จ จงฺกมนฺเต จ รชนกมฺมสูจิกมฺมาทีนิ กโรนฺเต จ ทิสฺวา อาห – ‘‘ตุมฺเห อิธ, นาคจฺฉถ, ปพฺพชฺชา นาม ตุมฺเหหิ อนฺุาตา’’ติ. ‘‘อาม, ปพฺพชฺชา อนฺุาตา, ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย สมณา นาม อตฺตโน นิสฺสรณํ กาตุํ อิจฺฉิตปตฺถิตฺจ ปเทสํ คนฺตุํ ลภนฺติ, เอตฺตกํว วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา อากาเส ตฺวา –
‘‘อฏฺาน ตํ สงฺคณิการตสฺส, ยํ ผสฺสเย สามยิกํ วิมุตฺติ’’นฺติ. –
อิมํ ¶ อุปฑฺฒคาถํ วตฺวา, ทิสฺสมาเนเนว กาเยน นนฺทมูลกปพฺภารํ อคมาสิ. เอวํ คเต ปจฺเจกพุทฺเธ โส อตฺตโน ปณฺณสาลํ ปวิสิตฺวา นิปชฺชิ. อารกฺขกปุริโสปิ ‘‘สยิโต กุมาโร, อิทานิ กุหึ คมิสฺสตี’’ติ ปมตฺโต นิทฺทํ โอกฺกมิ. โส ตสฺส ปมตฺตภาวํ ตฺวา ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา อรฺํ ปาวิสิ. ตตฺร จ วิวิตฺโต วิปสฺสนํ อารภิตฺวา, ปจฺเจกโพธึ สจฺฉิกตฺวา, ปจฺเจกพุทฺธฏฺานํ คโต. ตตฺร จ ‘‘กถมธิคต’’นฺติ ปุจฺฉิโต อาทิจฺจพนฺธุนา วุตฺตํ อุปฑฺฒคาถํ ปริปุณฺณํ กตฺวา อภาสิ.
ตสฺสตฺโถ – อฏฺาน ตนฺติ. อฏฺานํ ตํ, อการณํ ตนฺติ วุตฺตํ โหติ, อนุนาสิกโลโป กโต ‘‘อริยสจฺจาน ทสฺสน’’นฺติอาทีสุ (ขุ. ปา. ๕.๑๑; สุ. นิ. ๒๗๐) วิย. สงฺคณิการตสฺสาติ คณาภิรตสฺส. ยนฺติ กรณวจนเมตํ ‘‘ยํ หิรียติ หิรียิตพฺเพนา’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๓๐) วิย. ผสฺสเยติ อธิคจฺเฉ. สามยิกํ วิมุตฺตินฺติ โลกิยสมาปตฺตึ. สา หิ อปฺปิตปฺปิตสมเย เอว ปจฺจนีเกหิ วิมุจฺจนโต ‘‘สามยิกา วิมุตฺตี’’ติ วุจฺจติ. ตํ สามยิกํ วิมุตฺตึ. อฏฺานํ ตํ, น ตํ การณํ วิชฺชติ สงฺคณิการตสฺส, เยน การเณน ผสฺสเยติ เอตํ อาทิจฺจพนฺธุสฺส ปจฺเจกพุทฺธสฺส วโจ นิสมฺม สงฺคณิการตึ ปหาย โยนิโส ปฏิปชฺชนฺโต อธิคโตมฺหีติ อาห. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ.
อฏฺานคาถาวณฺณนา สมตฺตา.
ทุติโย วคฺโค นิฏฺิโต.
๕๕. ทิฏฺีวิสูกานีติ ¶ ¶ กา อุปฺปตฺติ? พาราณสิยํ กิร อฺตโร ราชา รโหคโต จินฺเตสิ – ‘‘ยถา สีตาทีนํ ปฏิฆาตกานิ อุณฺหาทีนิ อตฺถิ, อตฺถิ นุ โข เอวํ วฏฺฏปฏิฆาตกํ วินฏฺฏํ, โน’’ติ. โส อมจฺเจ ปุจฺฉิ – ‘‘วิวฏฺฏํ ชานาถา’’ติ? เต ‘‘ชานาม, มหาราชา’’ติ อาหํสุ. ราชา – ‘‘กึ ต’’นฺติ? ตโต ‘‘อนฺตวา โลโก’’ติอาทินา นเยน สสฺสตุจฺเฉทํ กเถสุํ. อถ ราชา ‘‘อิเม น ชานนฺติ, สพฺเพปิเม ทิฏฺิคติกา’’ติ สยเมว เตสํ วิโลมตฺจ อยุตฺตตฺจ ทิสฺวา ‘‘วฏฺฏปฏิฆาตกํ วิวฏฺฏํ อตฺถิ, ตํ คเวสิตพฺพ’’นฺติ จินฺเตตฺวา รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนฺโต ปจฺเจกโพธึ สจฺฉากาสิ. อิมฺจ อุทานคาถํ อภาสิ ปจฺเจกพุทฺธมชฺเฌ พฺยากรณคาถฺจ –
‘‘ทิฏฺีวิสูกานิ ¶ อุปาติวตฺโต, ปตฺโต นิยามํ ปฏิลทฺธมคฺโค;
อุปฺปนฺนาโณมฺหิ อนฺเนยฺโย, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – ทิฏฺีวิสูกานีติ ทฺวาสฏฺิทิฏฺิคตานิ. ตานิ หิ มคฺคสมฺมาทิฏฺิยา วิสูกฏฺเน วิชฺฌนฏฺเน วิโลมฏฺเน จ วิสูกานิ. เอวํ ทิฏฺิยา วิสูกานิ, ทิฏฺิ เอว วา วิสูกานิ ทิฏฺิวิสูกานิ. อุปาติวตฺโตติ ทสฺสนมคฺเคน อติกฺกนฺโต. ปตฺโต นิยามนฺติ อวินิปาตธมฺมตาย สมฺโพธิปรายณตาย จ นิยตภาวํ อธิคโต, สมฺมตฺตนิยามสงฺขาตํ วา ปมมคฺคนฺติ. เอตฺตาวตา ปมมคฺคกิจฺจนิปฺผตฺติ จ ตสฺส ปฏิลาโภ จ วุตฺโต. อิทานิ ปฏิลทฺธมคฺโคติ อิมินา เสสมคฺคปฏิลาภํ ทสฺเสติ. อุปฺปนฺนาโณมฺหีติ อุปฺปนฺนปจฺเจกโพธิาโณ อมฺหิ. เอเตน ผลํ ทสฺเสติ. อนฺเนยฺโยติ อฺเหิ ‘‘อิทํ สจฺจํ, อิทํ สจฺจ’’นฺติ น เนตพฺโพ. เอเตน สยมฺภุตํ ทีเปติ, ปตฺเต วา ปจฺเจกโพธิาเณ อเนยฺยตาย อภาวา สยํวสิตํ. สมถวิปสฺสนาย วา ทิฏฺิวิสูกานิ อุปาติวตฺโต, อาทิมคฺเคน ปตฺโต นิยามํ, เสเสหิ ¶ ปฏิลทฺธมคฺโค, ผลาเณน อุปฺปนฺนาโณ, ตํ สพฺพํ อตฺตนาว อธิคโตติ อนฺเนยฺโย. เสสํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพนฺติ.
ทิฏฺิวิสูกคาถาวณฺณนา สมตฺตา.
๕๖. นิลฺโลลุโปติ กา อุปฺปตฺติ? พาราณสิรฺโ กิร สูโท อนฺตรภตฺตํ ปจิตฺวา อุปนาเมสิ มนฺุทสฺสนํ สาทุรสํ ‘‘อปฺเปว นาม เม ราชา ธนมนุปฺปเทยฺยา’’ติ. ตํ รฺโ คนฺเธเนว โภตฺตุกามตํ ชเนสิ มุเข เขฬํ อุปฺปาเทนฺตํ. ปมกพเฬ ปน มุเข ปกฺขิตฺตมตฺเต สตฺตรสหรณิสหสฺสานิ อมเตเนว ผุฏฺานิ อเหสุํ. สูโท ‘‘อิทานิ เม ทสฺสติ, อิทานิ เม ทสฺสตี’’ติ ¶ จินฺเตสิ. ราชาปิ ‘‘สกฺการารโห สูโท’’ติ จินฺเตสิ – ‘‘รสํ สายิตฺวา ปน สกฺกโรนฺตํ มํ ปาปโก กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคจฺเฉยฺย – ‘โลโล อยํ ราชา รสครุโก’’’ติ น กิฺจิ อภณิ. เอวํ ยาว โภชนปริโยสานํ, ตาว สูโทปิ ‘‘อิทานิ ทสฺสติ, อิทานิ ทสฺสตี’’ติ จินฺเตสิ. ราชาปิ อวณฺณภเยน น กิฺจิ อภณิ. ตโต ¶ สูโท ‘‘นตฺถิ อิมสฺส รฺโ ชิวฺหาวิฺาณ’’นฺติ ทุติยทิวเส อรสภตฺตํ อุปนาเมสิ. ราชา ภฺุชนฺโต ‘‘นิคฺคหารโห อชฺช สูโท’’ติ ชานนฺโตปิ ปุพฺเพ วิย ปจฺจเวกฺขิตฺวา อวณฺณภเยน น กิฺจิ อภณิ. ตโต สูโท ‘‘ราชา เนว สุนฺทรํ นาสุนฺทรํ ชานาตี’’ติ จินฺเตตฺวา สพฺพํ ปริพฺพยํ อตฺตนา คเหตฺวา ยํกิฺจิเทว ปจิตฺวา รฺโ เทติ. ราชา ‘‘อโห วต โลโภ, อหํ นาม วีสติ นครสหสฺสานิ ภฺุชนฺโต อิมสฺส โลเภน ภตฺตมตฺตมฺปิ น ลภามี’’ติ นิพฺพิชฺชิตฺวา, รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา, วิปสฺสนฺโต ปจฺเจกโพธึ สจฺฉากาสิ, ปุริมนเยเนว จ อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘นิลฺโลลุโป นิกฺกุโห นิปฺปิปาโส, นิมฺมกฺโข นิทฺธนฺตกสาวโมโห;
นิราสโย สพฺพโลเก ภวิตฺวา, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ.
ตตฺถ นิลฺโลลุโปติ อโลลุโป. โย หิ รสตณฺหาภิภูโต โหติ, โส ภุสํ ลุปฺปติ ปุนปฺปุนฺจ ลุปฺปติ, เตน โลลุโปติ วุจฺจติ. ตสฺมา เอส ตํ ปฏิกฺขิปนฺโต อาห ‘‘นิลฺโลลุโป’’ติ. นิกฺกุโหติ เอตฺถ กิฺจาปิ ยสฺส ติวิธํ กุหนวตฺถุ นตฺถิ, โส นิกฺกุโหติ วุจฺจติ. อิมิสฺสา ปน คาถาย มนฺุโภชนาทีสุ วิมฺหยมนาปชฺชนโต นิกฺกุโหติ อยมธิปฺปาโย ¶ . นิปฺปิปาโสติ เอตฺถ ปาตุมิจฺฉา ปิปาสา, ตสฺสา อภาเวน นิปฺปิปาโส, สาทุรสโลเภน โภตฺตุกมฺยตาวิรหิโตติ อตฺโถ. นิมฺมกฺโขติ เอตฺถ ปรคุณวินาสนลกฺขโณ มกฺโข, ตสฺส อภาเวน นิมฺมกฺโข. อตฺตโน คหฏฺกาเล สูทสฺส คุณมกฺขนาภาวํ สนฺธายาห. นิทฺธนฺตกสาวโมโหติ เอตฺถ ราคาทโย ตโย, กายทุจฺจริตาทีนิ จ ตีณีติ ฉ ธมฺมา ยถาสมฺภวํ อปฺปสนฺนฏฺเน สกภาวํ วิชหาเปตฺวา ปรภาวํ คณฺหาปนฏฺเน กสฏฏฺเน จ กสาวาติ เวทิตพฺพา. ยถาห –
‘‘ตตฺถ, กตเม ตโย กสาวา? ราคกสาโว, โทสกสาโว, โมหกสาโว, อิเม ตโย กสาวา. ตตฺถ, กตเม อปเรปิ ตโย กสาวา? กายกสาโว, วจีกสาโว, มโนกสาโว’’ติ (วิภ. ๙๒๔).
เตสุ ¶ ¶ โมหํ เปตฺวา ปฺจนฺนํ กสาวานํ เตสฺจ สพฺเพสํ มูลภูตสฺส โมหสฺส นิทฺธนฺตตฺตา นิทฺธนฺตกสาวโมโห, ติณฺณํ เอว วา กายวจีมโนกสาวานํ โมหสฺส จ นิทฺธนฺตตฺตา นิทฺธนฺตกสาวโมโห. อิตเรสุ นิลฺโลลุปตาทีหิ ราคกสาวสฺส, นิมฺมกฺขตาย โทสกสาวสฺส นิทฺธนฺตภาโว สิทฺโธ เอว. นิราสโยติ นิตฺตณฺโห. สพฺพโลเกติ สกลโลเก, ตีสุ ภเวสุ ทฺวาทสสุ วา อายตเนสุ ภววิภวตณฺหาวิรหิโต หุตฺวาติ อตฺโถ. เสสํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. อถ วา ตโยปิ ปาเท วตฺวา เอโก จเรติ เอโก จริตุํ สกฺกุเณยฺยาติ เอวมฺปิ เอตฺถ สมฺพนฺโธ กาตพฺโพติ.
นิลฺโลลุปคาถาวณฺณนา สมตฺตา.
๕๗. ปาปํ สหายนฺติ กา อุปฺปตฺติ? พาราณสิยํ กิร อฺตโร ราชา มหจฺจราชานุภาเวน นครํ ปทกฺขิณํ กโรนฺโต มนุสฺเส โกฏฺาคารโต ปุราณธฺานิ พหิทฺธา นีหรนฺเต ทิสฺวา ‘‘กึ, ภเณ, อิท’’นฺติ อมจฺเจ ปุจฺฉิ. ‘‘อิทานิ, มหาราช, นวธฺานิ อุปฺปชฺชิสฺสนฺติ, เตสํ โอกาสํ กาตุํ อิเม มนุสฺสา ปุราณธฺาทีนิ ฉฑฺเฑนฺตี’’ติ. ราชา – ‘‘กึ, ภเณ, อิตฺถาคารพลกายาทีนํ วฏฺฏํ ปริปุณฺณ’’นฺติ ¶ ? ‘‘อาม, มหาราช, ปริปุณฺณนฺติ’’. ‘‘เตน หิ, ภเณ, ทานสาลํ การาเปถ, ทานํ ทสฺสามิ, มา อิมานิ ธฺานิ อนุปการานิ วินสฺสึสู’’ติ. ตโต นํ อฺตโร ทิฏฺิคติโก อมจฺโจ ‘‘มหาราช, นตฺถิ ทินฺน’’นฺติ อารพฺภ ยาว ‘‘พาลา จ ปณฺฑิตา จ สนฺธาวิตฺวา สํสริตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสนฺตี’’ติ วตฺวา นิวาเรสิ. โส ทุติยมฺปิ ตติยมฺปิ โกฏฺาคาเร วิลุมฺปนฺเต ทิสฺวา ตเถว อาณาเปสิ. ตติยมฺปิ นํ ‘‘มหาราช, ทตฺตุปฺตฺตํ ยทิทํ ทาน’’นฺติอาทีนิ วตฺวา นิวาเรสิ. โส ‘‘อเร, อหํ อตฺตโน สนฺตกมฺปิ น ลภามิ ทาตุํ, กึ เม อิเมหิ ปาปสหาเยหี’’ติ นิพฺพินฺโน รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนฺโต ปจฺเจกโพธึ สจฺฉากาสิ. ตฺจ ปาปํ สหายํ ครหนฺโต อิมํ อุทานคาถํ อภาสิ –
‘‘ปาปํ สหายํ ปริวชฺชเยถ, อนตฺถทสฺสึ วิสเม นิวิฏฺํ;
สยํ น เสเว ปสุตํ ปมตฺตํ, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ.
ตสฺสายํ ¶ สงฺเขปตฺโถ – ยฺวายํ ทสวตฺถุกาย ปาปทิฏฺิยา สมนฺนาคตตฺตา ปาโป, ปเรสมฺปิ อนตฺถํ ปสฺสตีติ อนตฺถทสฺสี, กายทุจฺจริตาทิมฺหิ จ วิสเม นิวิฏฺโ, ตํ อตฺถกาโม กุลปุตฺโต ปาปํ สหายํ ปริวชฺชเยถ อนตฺถทสฺสึ วิสเม นิวิฏฺํ. สยํ น เสเวติ อตฺตโน วเสน น เสเว. ยทิ ปน ปรวโส โหติ, กึ สกฺกา กาตุนฺติ วุตฺตํ โหติ. ปสุตนฺติ ปสฏํ ¶ , ทิฏฺิวเสน ตตฺถ ตตฺถ ลคฺคนฺติ อตฺโถ. ปมตฺตนฺติ กามคุเณสุ โวสฺสฏฺจิตฺตํ, กุสลภาวนารหิตํ วา. ตํ เอวรูปํ น เสเว, น ภเช, น ปยิรุปาเส, อฺทตฺถุ เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโปติ.
ปาปสหายคาถาวณฺณนา สมตฺตา.
๕๘. พหุสฺสุตนฺติ กา อุปฺปตฺติ? ปุพฺเพ กิร กสฺสปสฺส ภควโต สาสเน อฏฺ ปจฺเจกโพธิสตฺตา ปพฺพชิตฺวา คตปจฺจาคตวตฺตํ ปูเรตฺวา เทวโลเก อุปฺปนฺนาติ สพฺพํ อนวชฺชโภชีคาถาย วุตฺตสทิสเมว. อยํ ปน วิเสโส – ปจฺเจกพุทฺเธ นิสีทาเปตฺวา ราชา อาห ‘‘เก ตุมฺเห’’ติ? เต อาหํสุ – ‘‘มยํ, มหาราช, พหุสฺสุตา นามา’’ติ. ราชา ¶ – ‘‘อหํ สุตพฺรหฺมทตฺโต นาม, สุเตน ติตฺตึ น คจฺฉามิ, หนฺท, เนสํ สนฺติเก วิจิตฺรนยํ สทฺธมฺมเทสนํ โสสฺสามี’’ติ อตฺตมโน ทกฺขิโณทกํ ทตฺวา, ปริวิสิตฺวา, ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน สงฺฆตฺเถรสฺส ปตฺตํ คเหตฺวา, วนฺทิตฺวา, ปุรโต นิสีทิ ‘‘ธมฺมกถํ, ภนฺเต, กโรถา’’ติ. โส ‘‘สุขิโต โหตุ, มหาราช, ราคกฺขโย โหตู’’ติ วตฺวา อุฏฺิโต. ราชา ‘‘อยํ น พหุสฺสุโต, ทุติโย พหุสฺสุโต ภวิสฺสติ, สฺเว ทานิ วิจิตฺรธมฺมเทสนํ โสสฺสามี’’ติ สฺวาตนาย นิมนฺเตสิ. เอวํ ยาว สพฺเพสํ ปฏิปาฏิ คจฺฉติ, ตาว นิมนฺเตสิ. เต สพฺเพปิ ‘‘โทสกฺขโย โหตุ, โมหกฺขโย, คติกฺขโย, วฏฺฏกฺขโย, อุปธิกฺขโย, ตณฺหกฺขโย โหตู’’ติ เอวํ เอเกกํ ปทํ วิเสเสตฺวา เสสํ ปมสทิสเมว วตฺวา อุฏฺหึสุ.
ตโต ราชา ‘‘อิเม ‘พหุสฺสุตา มย’นฺติ ภณนฺติ, น จ เตสํ วิจิตฺรกถา, กิเมเตหิ วุตฺต’’นฺติ เตสํ วจนตฺถํ อุปปริกฺขิตุมารทฺโธ. อถ ‘‘ราคกฺขโย โหตู’’ติ อุปปริกฺขนฺโต ‘‘ราเค ขีเณ โทโสปิ โมโหปิ ¶ อฺตรฺตเรปิ กิเลสา ขีณา โหนฺตี’’ติ ตฺวา อตฺตมโน อโหสิ – ‘‘นิปฺปริยายพหุสฺสุตา อิเม สมณา. ยถา หิ ปุริเสน มหาปถวึ วา อากาสํ วา องฺคุลิยา นิทฺทิสนฺเตน น องฺคุลิมตฺโตว ปเทโส นิทฺทิฏฺโ โหติ, อปิจ, โข, ปน ปถวีอากาสา เอว นิทฺทิฏฺา โหนฺติ, เอวํ อิเมหิ เอกเมกํ อตฺถํ นิทฺทิสนฺเตหิ อปริมาณา อตฺถา นิทฺทิฏฺา โหนฺตี’’ติ. ตโต โส ‘‘กุทาสฺสุ นามาหมฺปิ เอวํ พหุสฺสุโต ภวิสฺสามี’’ติ ตถารูปํ พหุสฺสุตภาวํ ปตฺเถนฺโต รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา, วิปสฺสนฺโต ปจฺเจกโพธึ สจฺฉิกตฺวา, อิมํ อุทานคาถํ อภาสิ –
‘‘พหุสฺสุตํ ธมฺมธรํ ภเชถ, มิตฺตํ อุฬารํ ปฏิภานวนฺตํ;
อฺาย อตฺถานิ วิเนยฺย กงฺขํ, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ.
ตตฺถายํ ¶ สงฺเขปตฺโถ – พหุสฺสุตนฺติ ทุวิโธ พหุสฺสุโต ตีสุ ปิฏเกสุ อตฺถโต นิขิโล ปริยตฺติพหุสฺสุโต จ, มคฺคผลวิชฺชาภิฺานํ ปฏิวิทฺธตฺตา ปฏิเวธพหุสฺสุโต จ. อาคตาคโม ธมฺมธโร. อุฬาเรหิ ปน กายวจีมโนกมฺเมหิ สมนฺนาคโต อุฬาโร. ยุตฺตปฏิภาโน จ มุตฺตปฏิภาโน ¶ จ ยุตฺตมุตฺตปฏิภาโน จ ปฏิภานวา. ปริยตฺติปริปุจฺฉาธิคมวเสน วา ติธา ปฏิภานวา เวทิตพฺโพ. ยสฺส หิ ปริยตฺติ ปฏิภาติ, โส ปริยตฺติปฏิภานวา. ยสฺส อตฺถฺจ าณฺจ ลกฺขณฺจ านาฏฺานฺจ ปริปุจฺฉนฺตสฺส ปริปุจฺฉา ปฏิภาติ, โส ปริปุจฺฉาปฏิภานวา. เยน มคฺคาทโย ปฏิวิทฺธา โหนฺติ, โส อธิคมปฏิภานวา. ตํ เอวรูปํ พหุสฺสุตํ ธมฺมธรํ ภเชถ มิตฺตํ อุฬารํ ปฏิภานวนฺตํ. ตโต ตสฺสานุภาเวน อตฺตตฺถปรตฺถอุภยตฺถเภทโต วา ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺถเภทโต วา อเนกปฺปการานิ อฺาย อตฺถานิ. ตโต – ‘‘อโหสึ นุ โข อหํ อตีตมทฺธาน’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑๘; สํ. นิ. ๒.๒๐) กงฺขฏฺาเนสุ วิเนยฺย กงฺขํ, วิจิกิจฺฉํ วิเนตฺวา วินาเสตฺวา เอวํ กตสพฺพกิจฺโจ เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโปติ.
พหุสฺสุตคาถาวณฺณนา สมตฺตา.
๕๙. ขิฑฺฑํ ¶ รตินฺติ กา อุปฺปตฺติ? พาราณสิยํ วิภูสกพฺรหฺมทตฺโต นาม ราชา ปาโตว ยาคุํ วา ภตฺตํ วา ภฺุชิตฺวา นานาวิธวิภูสเนหิ อตฺตานํ วิภูสาเปตฺวา มหาอาทาเส สกลสรีรํ ทิสฺวา ยํ น อิจฺฉติ ตํ อปเนตฺวา อฺเน วิภูสเนน วิภูสาเปติ. ตสฺส เอกทิวสํ เอวํ กโรโต ภตฺตเวลา มชฺฌนฺหิกสมโย ปตฺโต. อถ อวิภูสิโตว ทุสฺสปฏฺเฏน สีสํ เวเตฺวา, ภฺุชิตฺวา, ทิวาเสยฺยํ อุปคจฺฉิ. ปุนปิ อุฏฺหิตฺวา ตเถว กโรโต สูริโย อตฺถงฺคโต. เอวํ ทุติยทิวเสปิ ตติยทิวเสปิ. อถสฺส เอวํ มณฺฑนปฺปสุตสฺส ปิฏฺิโรโค อุทปาทิ. ตสฺเสตทโหสิ – ‘‘อโห เร, อหํ สพฺพถาเมน วิภูสนฺโตปิ อิมสฺมึ กปฺปเก วิภูสเน อสนฺตุฏฺโ โลภํ อุปฺปาเทสึ. โลโภ จ นาเมส อปายคมนีโย ธมฺโม, หนฺทาหํ, โลภํ นิคฺคณฺหามี’’ติ รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนฺโต ปจฺเจกโพธึ สจฺฉิกตฺวา อิมํ อุทานคาถํ อภาสิ –
‘‘ขิฑฺฑํ รตึ กามสุขฺจ โลเก, อนลงฺกริตฺวา อนเปกฺขมาโน;
วิภูสนฏฺานา วิรโต สจฺจวาที, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ.
ตตฺถ ¶ ขิฑฺฑา จ รติ จ ปุพฺเพ วุตฺตาว. กามสุขนฺติ วตฺถุกามสุขํ. วตฺถุกามาปิ หิ สุขสฺส วิสยาทิภาเวน สุขนฺติ วุจฺจนฺติ. ยถาห – ‘‘อตฺถิ รูปํ สุขํ สุขานุปติต’’นฺติ (สํ. นิ. ๓.๖๐). เอวเมตํ ¶ ขิฑฺฑํ รตึ กามสุขฺจ อิมสฺมึ โอกาสโลเก อนลงฺกริตฺวา อลนฺติ อกตฺวา, เอตํ ตปฺปกนฺติ วา สารภูตนฺติ วา เอวํ อคฺคเหตฺวา. อนเปกฺขมาโนติ เตน อลงฺกรเณน อนเปกฺขณสีโล, อปิหาลุโก, นิตฺตณฺโห, วิภูสนฏฺานา วิรโต สจฺจวาที เอโก จเรติ. ตตฺถ วิภูสา ทุวิธา – อคาริกวิภูสา, อนคาริกวิภูสา จ. ตตฺถ อคาริกวิภูสา สาฏกเวนมาลาคนฺธาทิ, อนคาริกวิภูสา ปตฺตมณฺฑนาทิ. วิภูสา เอว วิภูสนฏฺานํ. ตสฺมา วิภูสนฏฺานา ติวิธาย วิรติยา วิรโต. อวิตถวจนโต สจฺจวาทีติ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
วิภูสนฏฺานคาถาวณฺณนา สมตฺตา.
๖๐. ปุตฺตฺจ ¶ ทารนฺติ กา อุปฺปตฺติ? พาราณสิรฺโ กิร ปุตฺโต ทหรกาเล เอว อภิสิตฺโต รชฺชํ กาเรสิ. โส ปมคาถาย วุตฺตปจฺเจกโพธิสตฺโต วิย รชฺชสิริมนุภวนฺโต เอกทิวสํ จินฺเตสิ – ‘‘อหํ รชฺชํ กาเรนฺโต พหูนํ ทุกฺขํ กโรมิ. กึ เม เอกภตฺตตฺถาย อิมินา ปาเปน, หนฺท สุขมุปฺปาเทมี’’ติ รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนฺโต ปจฺเจกโพธึ สจฺฉิกตฺวา อิมํ อุทานคาถํ อภาสิ –
‘‘ปุตฺตฺจ ทารํ ปิตรฺจ มาตรํ, ธนานิ ธฺานิ จ พนฺธวานิ;
หิตฺวาน กามานิ ยโถธิกานิ, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ.
ตตฺถ ธนานีติ มุตฺตามณิเวฬุริยสงฺขสิลาปวาฬรชตชาตรูปาทีนิ รตนานิ. ธฺานีติ สาลิวีหิยวโคธุมกงฺกุวรกกุทฺรูสกปเภทานิ สตฺต เสสาปรณฺณานิ จ. พนฺธวานีติ าติพนฺธุโคตฺตพนฺธุมิตฺตพนฺธุสิปฺปพนฺธุวเสน ¶ จตุพฺพิเธ พนฺธเว. ยโถธิกานีติ สกสกโอธิวเสน ิตาเนว. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ.
ปุตฺตทารคาถาวณฺณนา สมตฺตา.
๖๑. สงฺโค เอโสติ กา อุปฺปตฺติ? พาราณสิยํ กิร ปาทโลลพฺรหฺมทตฺโต นาม ราชา อโหสิ. โส ปาโตว ยาคุํ วา ภตฺตํ วา ภฺุชิตฺวา ตีสุ ปาสาเทสุ ติวิธนาฏกานิ ปสฺสติ. ติวิธนาฏกานีติ กิร ปุพฺพราชโต อาคตํ, อนนฺตรราชโต อาคตํ, อตฺตโน กาเล อุฏฺิตนฺติ. โส เอกทิวสํ ปาโตว ทหรนาฏกปาสาทํ คโต. ตา นาฏกิตฺถิโย ‘‘ราชานํ ¶ รมาเปสฺสามา’’ติ สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส อจฺฉราโย วิย อติมโนหรํ นจฺจคีตวาทิตํ ปโยเชสุํ. ราชา – ‘‘อนจฺฉริยเมตํ ทหราน’’นฺติ อสนฺตุฏฺโ หุตฺวา มชฺฌิมนาฏกปาสาทํ คโต. ตาปิ นาฏกิตฺถิโย ตเถว อกํสุ. โส ตตฺถาปิ ตเถว อสนฺตุฏฺโ หุตฺวา มหานาฏกปาสาทํ คโต. ตาปิ นาฏกิตฺถิโย ตเถว อกํสุ. ราชา ทฺเว ตโย ราชปริวฏฺเฏ อตีตานํ ตาสํ มหลฺลกภาเวน อฏฺิกีฬนสทิสํ นจฺจํ ทิสฺวา คีตฺจ อมธุรํ สุตฺวา ปุนเทว ทหรนาฏกปาสาทํ, ปุน มชฺฌิมนาฏกปาสาทนฺติ เอวํ วิจริตฺวา กตฺถจิ อสนฺตุฏฺโ จินฺเตสิ – ‘‘อิมา นาฏกิตฺถิโย สกฺกํ ¶ เทวานมินฺทํ อจฺฉราโย วิย มํ รมาเปตุกามา สพฺพถาเมน นจฺจคีตวาทิตํ ปโยเชสุํ, สฺวาหํ กตฺถจิ อสนฺตุฏฺโ โลภเมว วฑฺเฒมิ, โลโภ จ นาเมส อปายคมนีโย ธมฺโม, หนฺทาหํ โลภํ นิคฺคณฺหามี’’ติ รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนฺโต ปจฺเจกโพธึ สจฺฉิกตฺวา อิมํ อุทานคาถํ อภาสิ –
‘‘สงฺโค เอโส ปริตฺตเมตฺถ โสขฺยํ, อปฺปสฺสาโท ทุกฺขเมตฺถ ภิยฺโย;
คโฬ เอโส อิติ ตฺวา มติมา, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – สงฺโค เอโสติ อตฺตโน อุปโภคํ นิทฺทิสติ. โส หิ สชฺชนฺติ ตตฺถ ปาณิโน กทฺทเม ปวิฏฺโ หตฺถี วิยาติ สงฺโค. ปริตฺตเมตฺถ โสขฺยนฺติ เอตฺถ ปฺจกามคุณูปโภคกาเล วิปรีตสฺาย อุปฺปาเทตพฺพโต กามาวจรธมฺมปริยาปนฺนโต วา ลามกฏฺเน โสขฺยํ ปริตฺตํ, วิชฺชุปฺปภาย โอภาสิตนจฺจทสฺสนสุขํ วิย อิตฺตรํ ¶ , ตาวกาลิกนฺติ วุตฺตํ โหติ. อปฺปสฺสาโท ทุกฺขเมตฺถ ภิยฺโยติ เอตฺถ จ ยฺวายํ ‘‘ยํ โข, ภิกฺขเว, อิเม ปฺจ กามคุเณ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ สุขํ โสมนสฺสํ, อยํ กามานํ อสฺสาโท’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๖๖) วุตฺโต. โส ยทิทํ ‘‘โก จ, ภิกฺขเว, กามานํ อาทีนโว? อิธ, ภิกฺขเว, กุลปุตฺโต เยน สิปฺปฏฺาเนน ชีวิกํ กปฺเปติ, ยทิ มุทฺทาย, ยทิ คณนายา’’ติ เอวมาทินา (ม. นิ. ๑.๑๖๗) นเยเนตฺถ ทุกฺขํ วุตฺตํ. ตํ อุปนิธาย อปฺโป อุทกพินฺทุมตฺโต โหติ. อถ โข ทุกฺขเมว ภิยฺโย พหุ, จตูสุ สมุทฺเทสุ อุทกสทิสํ โหติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อปฺปสฺสาโท ทุกฺขเมตฺถ ภิยฺโย’’ติ. คโฬ เอโสติ อสฺสาทํ ทสฺเสตฺวา อากฑฺฒนวเสน พฬิโส วิย เอโส ยทิทํ ปฺจ กามคุณา. อิติ ตฺวา มติมาติ เอวํ ตฺวา พุทฺธิมา ปณฺฑิโต ปุริโส สพฺพมฺเปตํ ปหาย เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโปติ.
สงฺคคาถาวณฺณนา สมตฺตา.
๖๒. สนฺทาลยิตฺวานาติ กา อุปฺปตฺติ? พาราณสิยํ กิร อนิวตฺตพฺรหฺมทตฺโต นาม ราชา อโหสิ ¶ . โส สงฺคามํ โอติณฺโณ อชินิตฺวา อฺํ วา กิจฺจํ อารทฺโธ อนิฏฺเปตฺวา น นิวตฺตติ, ตสฺมา นํ เอวํ สฺชานึสุ. โส ¶ เอกทิวสํ อุยฺยานํ คจฺฉติ. เตน จ สมเยน วนทาโห อุฏฺาสิ. โส อคฺคิ สุกฺขานิ จ หริตานิ จ ติณาทีนิ ทหนฺโต อนิวตฺตมาโน เอว คจฺฉติ. ราชา ตํ ทิสฺวา ตปฺปฏิภาคนิมิตฺตํ อุปฺปาเทสิ. ‘‘ยถายํ วนทาโห, เอวเมว เอกาทสวิโธ อคฺคิ สพฺพสตฺเต ทหนฺโต อนิวตฺตมาโนว คจฺฉติ มหาทุกฺขํ อุปฺปาเทนฺโต, กุทาสฺสุ นามาหมฺปิ อิมสฺส ทุกฺขสฺส นิวตฺตนตฺถํ อยํ อคฺคิ วิย อริยมคฺคาณคฺคินา กิเลเส ทหนฺโต อนิวตฺตมาโน คจฺเฉยฺย’’นฺติ? ตโต มุหุตฺตํ คนฺตฺวา เกวฏฺเฏ อทฺทส นทิยํ มจฺเฉ คณฺหนฺเต ¶ . เตสํ ชาลนฺตรํ ปวิฏฺโ เอโก มหามจฺโฉ ชาลํ เภตฺวา ปลายิ. เต ‘‘มจฺโฉ ชาลํ เภตฺวา คโต’’ติ สทฺทมกํสุ. ราชา ตมฺปิ วจนํ สุตฺวา ตปฺปฏิภาคนิมิตฺตํ อุปฺปาเทสิ – ‘‘กุทาสฺสุ นามาหมฺปิ อริยมคฺคาเณน ตณฺหาทิฏฺิชาลํ เภตฺวา อสชฺชมาโน คจฺเฉยฺย’’นฺติ. โส รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนํ อารภิตฺวา ปจฺเจกโพธึ สจฺฉากาสิ, อิมฺจ อุทานคาถํ อภาสิ –
‘‘สนฺทาลยิตฺวาน สํโยชนานิ, ชาลํว เภตฺวา สลิลมฺพุจารี;
อคฺคีว ทฑฺฒํ อนิวตฺตมาโน, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ.
ตสฺสา ทุติยปาเท ชาลนฺติ สุตฺตมยํ วุจฺจติ. อมฺพูติ อุทกํ, ตตฺถ จรตีติ อมฺพุจารี, มจฺฉสฺเสตํ อธิวจนํ. สลิเล อมฺพุจารี สลิลมฺพุจารี, ตสฺมึ นทีสลิเล ชาลํ เภตฺวา อมฺพุจารีวาติ วุตฺตํ โหติ. ตติยปาเท ทฑฺฒนฺติ ทฑฺฒฏฺานํ วุจฺจติ. ยถา อคฺคิ ทฑฺฒฏฺานํ ปุน น นิวตฺตติ, น ตตฺถ ภิยฺโย อาคจฺฉติ, เอวํ มคฺคาณคฺคินา ทฑฺฒํ กามคุณฏฺานํ อนิวตฺตมาโน ตตฺถ ภิยฺโย อนาคจฺฉนฺโตติ วุตฺตํ โหติ. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ.
สนฺทาลนคาถาวณฺณนา สมตฺตา.
๖๓. โอกฺขิตฺตจกฺขูติ กา อุปฺปตฺติ? พาราณสิยํ กิร จกฺขุโลลพฺรหฺมทตฺโต นาม ราชา ปาทโลลพฺรหฺมทตฺโต วิย นาฏกทสฺสนมนุยุตฺโต โหติ. อยํ ปน วิเสโส – โส อสนฺตุฏฺโ ตตฺถ ตตฺถ คจฺฉติ, อยํ ตํ ตํ นาฏกํ ทิสฺวา อติวิย อภินนฺทิตฺวา นาฏกปริวตฺตทสฺสเนน ตณฺหํ วฑฺเฒนฺโต วิจรติ. โส กิร นาฏกทสฺสนาย อาคตํ อฺตรํ ¶ กุฏุมฺพิยภริยํ ทิสฺวา ราคํ อุปฺปาเทสิ. ตโต สํเวคมาปชฺชิตฺวา ปุน ‘‘อหํ อิมํ ตณฺหํ วฑฺเฒนฺโต อปายปริปูรโก ภวิสฺสามิ, หนฺท นํ นิคฺคณฺหามี’’ติ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนฺโต ปจฺเจกโพธึ ¶ สจฺฉิกตฺวา อตฺตโน ปุริมปฏิปตฺตึ ครหนฺโต ตปฺปฏิปกฺขคุณทีปิกํ อิมํ อุทานคาถํ อภาสิ –
‘‘โอกฺขิตฺตจกฺขู น จ ปาทโลโล, คุตฺตินฺทฺริโย รกฺขิตมานสาโน;
อนวสฺสุโต อปริฑยฺหมาโน, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ.
ตตฺถ ¶ โอกฺขิตฺตจกฺขูติ เหฏฺาขิตฺตจกฺขุ, สตฺต คีวฏฺีนิ ปฏิปาฏิยา เปตฺวา ปริวชฺชคเหตพฺพทสฺสนตฺถํ ยุคมตฺตํ เปกฺขมาโนติ วุตฺตํ โหติ. น ตุ หนุกฏฺินา หทยฏฺึ สงฺฆฏฺเฏนฺโต. เอวฺหิ โอกฺขิตฺตจกฺขุตา น สมณสารุปฺปา โหตี. น จ ปาทโลโลติ เอกสฺส ทุติโย, ทฺวินฺนํ ตติโยติ เอวํ คณมชฺฌํ ปวิสิตุกามตาย กณฺฑูยมานปาโท วิย อภวนฺโต, ทีฆจาริกอนวฏฺิตจาริกวิรโต วา. คุตฺตินฺทฺริโยติ ฉสุ อินฺทฺริเยสุ อิธ วิสุํวุตฺตาวเสสวเสน โคปิตินฺทฺริโย. รกฺขิตมานสาโนติ มานสํ เยว มานสานํ, ตํ รกฺขิตมสฺสาติ รกฺขิตมานสาโน. ยถา กิเลเสหิ น วิลุปฺปติ, เอวํ รกฺขิตจิตฺโตติ วุตฺตํ โหติ. อนวสฺสุโตติ อิมาย ปฏิปตฺติยา เตสุ เตสุ อารมฺมเณสุ กิเลสอนฺวาสฺสววิรหิโต. อปริฑยฺหมาโนติ เอวํ อนฺวาสฺสววิรหาว กิเลสคฺคีหิ อปริฑยฺหมาโน. พหิทฺธา วา อนวสฺสุโต, อชฺฌตฺตํ อปริฑยฺหมาโน. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ.
โอกฺขิตฺตจกฺขุคาถาวณฺณนา สมตฺตา.
๖๔. โอหารยิตฺวาติ กา อุปฺปตฺติ? พาราณสิยํ กิร อยํ อฺโปิ จาตุมาสิกพฺรหฺมทตฺโต นาม ราชา จตุมาเส จตุมาเส อุยฺยานกีฬํ คจฺฉติ. โส เอกทิวสํ คิมฺหานํ มชฺฌิเม มาเส อุยฺยานํ ปวิสนฺโต อุยฺยานทฺวาเร ¶ ปตฺตสฺฉนฺนํ ปุปฺผาลงฺกตวิฏปํ ปาริจฺฉตฺตกโกวิฬารํ ทิสฺวา เอกํ ปุปฺผํ คเหตฺวา อุยฺยานํ ปาวิสิ. ตโต ‘‘รฺา อคฺคปุปฺผํ คหิต’’นฺติ อฺตโรปิ อมจฺโจ หตฺถิกฺขนฺเธ ิโต เอว เอกํ ปุปฺผํ อคฺคเหสิ. เอเตเนว อุปาเยน สพฺโพ พลกาโย อคฺคเหสิ. ปุปฺผํ อนสฺสาเทนฺตา ¶ ปตฺตมฺปิ คณฺหึสุ. โส รุกฺโข นิปฺปตฺตปุปฺโผ ขนฺธมตฺโตว อโหสิ. ตํ ราชา สายนฺหสมเย อุยฺยานา นิกฺขมนฺโต ทิสฺวา ‘‘กึ กโต อยํ รุกฺโข, มม อาคมนเวลายํ มณิวณฺณสาขนฺตเรสุ ปวาฬสทิสปุปฺผาลงฺกโต อโหสิ, อิทานิ นิปฺปตฺตปุปฺโผ ชาโต’’ติ จินฺเตนฺโต ตสฺเสวาวิทูเร อปุปฺผิตํ รุกฺขํ สฺฉนฺนปลาสํ อทฺทส. ทิสฺวา จสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อยํ รุกฺโข ปุปฺผภริตสาขตฺตา พหุชนสฺส โลภนีโย อโหสิ, เตน มุหุตฺเตเนว พฺยสนํ ปตฺโต, อยํ ปนฺโ อโลภนียตฺตา ตเถว ิโต. อิทมฺปิ รชฺชํ ปุปฺผิตรุกฺโข ¶ วิย โลภนียํ, ภิกฺขุภาโว ปน อปุปฺผิตรุกฺโข วิย อโลภนีโย. ตสฺมา ยาว อิทมฺปิ อยํ รุกฺโข วิย น วิลุปฺปติ, ตาว อยมฺโ สฺฉนฺนปตฺโต ยถา ปาริจฺฉตฺตโก, เอวํ กาสาเวน ปริสฺฉนฺเนน หุตฺวา ปพฺพชิตพฺพ’’นฺติ. โส รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนฺโต ปจฺเจกโพธึ สจฺฉิกตฺวา อิมํ อุทานคาถํ อภาสิ –
‘‘โอหารยิตฺวา คิหิพฺยฺชนานิ, สฺฉนฺนปตฺโต ยถา ปาริฉตฺโต;
กาสายวตฺโถ อภินิกฺขมิตฺวา, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ.
ตตฺถ กาสายวตฺโถ อภินิกฺขมิตฺวาติ อิมสฺส ปาทสฺส เคหา อภินิกฺขมิตฺวา กาสายวตฺโถ หุตฺวาติ เอวมตฺโถ เวทิตพฺโพ. เสสํ วุตฺตนเยเนว สกฺกา ชานิตุนฺติ น วิตฺถาริตนฺติ.
ปาริจฺฉตฺตกคาถาวณฺณนา สมตฺตา.
ตติโย วคฺโค นิฏฺิโต.
๖๕. รเสสูติ กา อุปฺปตฺติ? อฺตโร กิร พาราณสิราชา อุยฺยาเน อมจฺจปุตฺเตหิ ปริวุโต สิลาปฏฺฏโปกฺขรณิยํ กีฬติ. ตสฺส สูโท ¶ สพฺพมํสานํ รสํ คเหตฺวา อตีว สุสงฺขตํ อมตกปฺปํ อนฺตรภตฺตํ ปจิตฺวา อุปนาเมสิ. โส ตตฺถ เคธมาปนฺโน กสฺสจิ กิฺจิ อทตฺวา อตฺตนาว ภฺุชิ. อุทกกีฬโต จ อติวิกาเล นิกฺขนฺโต สีฆํ สีฆํ ภฺุชิ. เยหิ สทฺธึ ปุพฺเพ ภฺุชติ, น เตสํ กฺจิ สริ. อถ ปจฺฉา ปฏิสงฺขานํ อุปฺปาเทตฺวา ‘‘อโห, มยา ปาปํ กตํ, ยฺวาหํ รสตณฺหาย อภิภูโต สพฺพชนํ วิสริตฺวา ¶ เอกโกว ภฺุชึ. หนฺท รสตณฺหํ นิคฺคณฺหามี’’ติ รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนฺโต ปจฺเจกโพธึ สจฺฉิกตฺวา อตฺตโน ปุริมปฏิปตฺตึ ครหนฺโต ตปฺปฏิปกฺขคุณทีปิกํ อิมํ อุทานคาถํ อภาสิ –
‘‘รเสสุ เคธํ อกรํ อโลโล, อนฺโปสี สปทานจารี;
กุเล กุเล อปฺปฏิพทฺธจิตฺโต, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ.
ตตฺถ รเสสูติ อมฺพิลมธุรติตฺตกกฏุกโลณิกขาริกกสาวาทิเภเทสุ สายนีเยสุ. เคธํ อกรนฺติ คิทฺธึ อกโรนฺโต, ตณฺหํ อนุปฺปาเทนฺโตติ วุตฺตํ โหติ. อโลโลติ ‘‘อิทํ สายิสฺสามิ, อิทํ สายิสฺสามี’’ติ เอวํ รสวิเสเสสุ อนากุโล. อนฺโปสีติ โปเสตพฺพกสทฺธิวิหาริกาทิวิรหิโต ¶ , กายสนฺธารณมตฺเตน สนฺตุฏฺโติ วุตฺตํ โหติ. ยถา วา ปุพฺเพ อุยฺยาเน รเสสุ เคธกรณโลโล หุตฺวา อฺโปสี อาสึ, เอวํ อหุตฺวา ยาย ตณฺหาย โลโล หุตฺวา รเสสุ เคธํ กโรติ. ตํ ตณฺหํ หิตฺวา อายตึ ตณฺหามูลกสฺส อฺสฺส อตฺตภาวสฺส อนิพฺพตฺตเนน อนฺโปสีติ ทสฺเสติ. อถ วา อตฺถภฺชนกฏฺเน อฺเติ กิเลสา วุจฺจนฺติ. เตสํ อโปสเนน อนฺโปสีติ อยมฺเปตฺถ อตฺโถ. สปทานจารีติ อโวกฺกมฺมจารี อนุปุพฺพจารี, ฆรปฏิปาฏึ อฉฑฺเฑตฺวา อฑฺฒกุลฺจ ทลิทฺทกุลฺจ นิรนฺตรํ ปิณฺฑาย ปวิสมาโนติ อตฺโถ. กุเล กุเล อปฺปฏิพทฺธจิตฺโตติ ขตฺติยกุลาทีสุ ยตฺถ กตฺถจิ กิเลสวเสน อลคฺคจิตฺโต, จนฺทูปโม นิจฺจนวโก หุตฺวาติ อตฺโถ. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ.
รสเคธคาถาวณฺณนา สมตฺตา.
๖๖. ปหาย ¶ ปฺจาวรณานีติ กา อุปฺปตฺติ? พาราณสิยํ กิร อฺตโร ราชา ปมชฺฌานลาภี อโหสิ. โส ฌานานุรกฺขณตฺถํ รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนฺโต ปจฺเจกโพธึ สจฺฉิกตฺวา อตฺตโน ปฏิปตฺติสมฺปทํ ทีเปนฺโต อิมํ อุทานคาถํ อภาสิ –
‘‘ปหาย ปฺจาวรณานิ เจตโส, อุปกฺกิเลเส พฺยปนุชฺช สพฺเพ;
อนิสฺสิโต เฉตฺว สิเนหโทสํ, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ.
ตตฺถ อาวรณานีติ นีวรณาเนว. ตานิ อตฺถโต อุรคสุตฺเต ¶ วุตฺตานิ. ตานิ ปน ยสฺมา อพฺภาทโย วิย จนฺทสูริเย เจโต อาวรนฺติ, ตสฺมา ‘‘อาวรณานิ เจตโส’’ติ วุตฺตานิ. ตานิ อุปจาเรน วา อปฺปนาย วา ปหาย. อุปกฺกิเลเสติ อุปคมฺม จิตฺตํ วิพาเธนฺเต อกุสเล ธมฺเม, วตฺโถปมาทีสุ วุตฺเต อภิชฺฌาทโย วา. พฺยปนุชฺชาติ ปนุทิตฺวา วินาเสตฺวา, วิปสฺสนามคฺเคน ปชหิตฺวาติ อตฺโถ. สพฺเพติ อนวเสเส. เอวํ สมถวิปสฺสนาสมฺปนฺโน ปมมคฺเคน ทิฏฺินิสฺสยสฺส ปหีนตฺตา อนิสฺสิโต. เสสมคฺเคหิ เฉตฺวา เตธาตุกํ สิเนหโทสํ, ตณฺหาราคนฺติ วุตฺตํ โหติ. สิเนโห เอว หิ คุณปฏิปกฺขโต สิเนหโทโสติ วุตฺโต. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ.
อาวรณคาถาวณฺณนา สมตฺตา.
๖๗. วิปิฏฺิกตฺวานาติ กา อุปฺปตฺติ? พาราณสิยํ กิร อฺตโร ราชา จตุตฺถชฺฌานลาภี ¶ อโหสิ. โส ฌานานุรกฺขณตฺถํ รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนฺโต ปจฺเจกโพธึ สจฺฉิกตฺวา อตฺตโน ปฏิปตฺติสมฺปทํ ทีเปนฺโต อิมํ อุทานคาถํ อภาสิ –
‘‘วิปิฏฺิกตฺวาน สุขํ ทุขฺจ, ปุพฺเพว จ โสมนสฺสโทมนสฺสํ;
ลทฺธานุเปกฺขํ สมถํ วิสุทฺธํ, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ.
ตตฺถ ¶ วิปิฏฺิกตฺวานาติ ปิฏฺิโต กตฺวา, ฉฑฺเฑตฺวา ชหิตฺวาติ อตฺโถ. สุขํ ทุขฺจาติ กายิกํ สาตาสาตํ. โสมนสฺสโทมนสฺสนฺติ เจตสิกํ สาตาสาตํ. อุเปกฺขนฺติ จตุตฺถชฺฌานุเปกฺขํ. สมถนฺติ จตุตฺถชฺฌานสมถเมว. วิสุทฺธนฺติ ปฺจนีวรณวิตกฺกวิจารปีติสุขสงฺขาเตหิ นวหิ ปจฺจนีกธมฺเมหิ วิมุตฺตตฺตา วิสุทฺธํ, นิทฺธนฺตสุวณฺณมิว วิคตูปกฺกิเลสนฺติ อตฺโถ.
อยํ ปน โยชนา – วิปิฏฺิกตฺวาน สุขํ ทุกฺขฺจ ปุพฺเพว ปมชฺฌานุปจารภูมิยํเยว ทุกฺขํ, ตติยชฺฌานุปจารภูมิยํ สุขนฺติ อธิปฺปาโย. ปุน อาทิโต วุตฺตํ จการํ ปรโต เนตฺวา ‘‘โสมนสฺสํ โทมนสฺสฺจ ¶ วิปิฏฺิกตฺวาน ปุพฺเพวา’’ติ อธิกาโร. เตน โสมนสฺสํ จตุตฺถชฺฌานุปจาเร, โทมนสฺสฺจ ทุติยชฺฌานุปจาเรเยวาติ ทีเปติ. เอตานิ หิ เอเตสํ ปริยายโต ปหานฏฺานานิ. นิปฺปริยายโต ปน ทุกฺขสฺส ปมชฺฌานํ, โทมนสฺสสฺส ทุติยชฺฌานํ, สุขสฺส ตติยชฺฌานํ, โสมนสฺสสฺส จตุตฺถชฺฌานํ ปหานฏฺานํ. ยถาห – ‘‘ปมชฺฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ เอตฺถุปฺปนฺนํ ทุกฺขินฺทฺริยํ อปริเสสํ นิรุชฺฌตี’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๕.๕๑๐). ตํ สพฺพํ อฏฺสาลินิยา ธมฺมสงฺคหฏฺกถายํ (ธ. ส. อฏฺ. ๑๖๕) วุตฺตํ. ยโต ปุพฺเพว ตีสุ ปมชฺฌานาทีสุ ทุกฺขโทมนสฺสสุขานิ วิปิฏฺิกตฺวา เอตฺเถว จตุตฺถชฺฌาเน โสมนสฺสํ วิปิฏฺิกตฺวา อิมาย ปฏิปทาย ลทฺธานุเปกฺขํ สมถํ วิสุทฺธํ เอโก จเรติ. เสสํ สพฺพตฺถ ปากฏเมวาติ.
วิปิฏฺิกตฺวาคาถาวณฺณนา สมตฺตา.
๖๘. อารทฺธวีริโยติ กา อุปฺปตฺติ? อฺตโร กิร ปจฺจนฺตราชา สหสฺสโยธปริมาณพลกาโย รชฺเชน ขุทฺทโก, ปฺาย มหนฺโต อโหสิ. โส เอกทิวสํ ‘‘กิฺจาปิ อหํ ขุทฺทโก, ปฺวตา จ ปน สกฺกา สกลชมฺพุทีปํ คเหตุ’’นฺติ จินฺเตตฺวา สามนฺตรฺโ ทูตํ ปาเหสิ – ‘‘สตฺตทิวสพฺภนฺตเร เม รชฺชํ วา เทตุ ยุทฺธํ วา’’ติ. ตโต โส อตฺตโน ¶ อมจฺเจ สโมธาเนตฺวา อาห – ‘‘มยา ตุมฺเห อนาปุจฺฉาเยว สาหสํ กตํ, อมุกสฺส รฺโ เอวํ ปหิตํ, กึ กาตพฺพ’’นฺติ? เต อาหํสุ – ‘‘สกฺกา, มหาราช, โส ทูโต นิวตฺเตตุ’’นฺติ? ‘‘น สกฺกา, คโต ภวิสฺสตี’’ติ. ‘‘ยทิ เอวํ วินาสิตมฺหา ตยา, เตน หิ ทุกฺขํ ¶ อฺสฺส สตฺเถน มริตุํ. หนฺท, มยํ อฺมฺํ ปหริตฺวา มราม, อตฺตานํ ปหริตฺวา มราม, อุพฺพนฺธาม, วิสํ ขาทามา’’ติ. เอวํ เตสุ เอกเมโก มรณเมว สํวณฺเณติ. ตโต ราชา – ‘‘กึ เม, อิเมหิ, อตฺถิ, ภเณ, มยฺหํ โยธา’’ติ อาห. อถ ‘‘อหํ, มหาราช, โยโธ, อหํ, มหาราช, โยโธ’’ติ ตํ โยธสหสฺสํ อุฏฺหิ.
ราชา ‘‘เอเต อุปปริกฺขิสฺสามี’’ติ มนฺตฺวา ¶ จิตกํ สชฺเชตฺวา อาห – ‘‘มยา, ภเณ, อิทํ นาม สาหสํ กตํ, ตํ เม อมจฺจา ปฏิกฺโกสนฺติ, โสหํ จิตกํ ปวิสิสฺสามิ, โก มยา สทฺธึ ปวิสิสฺสติ, เกน มยฺหํ ชีวิตํ ปริจฺจตฺต’’นฺติ? เอวํ วุตฺเต ปฺจสตา โยธา อุฏฺหึสุ – ‘‘มยํ, มหาราช, ปวิสามา’’ติ. ตโต ราชา อปเร ปฺจสเต โยเธ อาห – ‘‘ตุมฺเห อิทานิ, ตาตา, กึ กริสฺสถา’’ติ? เต อาหํสุ – ‘‘นายํ, มหาราช, ปุริสกาโร, อิตฺถิกิริยา เอสา, อปิจ มหาราเชน ปฏิรฺโ ทูโต เปสิโต, เตน มยํ รฺา สทฺธึ ยุชฺฌิตฺวา มริสฺสามา’’ติ. ตโต ราชา ‘‘ปริจฺจตฺตํ ตุมฺเหหิ มม ชีวิต’’นฺติ จตุรงฺคินึ เสนํ สนฺนยฺหิตฺวา เตน โยธสหสฺเสน ปริวุโต คนฺตฺวา รชฺชสีมาย นิสีทิ.
โสปิ ปฏิราชา ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา ‘‘อเร, โส ขุทฺทกราชา มม ทาสสฺสาปิ นปฺปโหตี’’ติ กุชฺฌิตฺวา สพฺพํ พลกายํ อาทาย ยุชฺฌิตุํ นิกฺขมิ. ขุทฺทกราชา ตํ อพฺภุยฺยาตํ ทิสฺวา พลกายํ อาห – ‘‘ตาตา, ตุมฺเห น พหุกา; สพฺเพ สมฺปิณฺฑิตฺวา, อสิจมฺมํ คเหตฺวา, สีฆํ อิมสฺส รฺโ ปุรโต อุชุกํ เอว คจฺฉถา’’ติ. เต ตถา อกํสุ. อถ สา เสนา ทฺวิธา ภิชฺชิตฺวา อนฺตรมทาสิ. เต ตํ ราชานํ ชีวคฺคาหํ คณฺหึสุ, อฺเ โยธา ปลายึสุ. ขุทฺทกราชา ‘‘ตํ มาเรมี’’ติ ปุรโต ธาวติ, ปฏิราชา ตํ อภยํ ยาจิ. ตโต ตสฺส อภยํ ทตฺวา, สปถํ การาเปตฺวา, ตํ อตฺตโน มนุสฺสํ กตฺวา, เตน สห อฺํ ราชานํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา, ตสฺส รชฺชสีมาย ตฺวา เปเสสิ – ‘‘รชฺชํ วา เม เทตุ ยุทฺธํ วา’’ติ. โส ‘‘อหํ เอกยุทฺธมฺปิ น สหามี’’ติ รชฺชํ นิยฺยาเตสิ. เอเตเนว อุปาเยน สพฺพราชาโน คเหตฺวา อนฺเต พาราณสิราชานมฺปิ อคฺคเหสิ.
โส ¶ เอกสตราชปริวุโต สกลชมฺพุทีเป รชฺชํ อนุสาสนฺโต จินฺเตสิ – ‘‘อหํ ปุพฺเพ ขุทฺทโก อโหสึ, โสมฺหิ อตฺตโน าณสมฺปตฺติยา สกลชมฺพุทีปสฺส อิสฺสโร ชาโต. ตํ ¶ โข ปน ¶ เม าณํ โลกิยวีริยสมฺปยุตฺตํ, เนว นิพฺพิทาย น วิราคาย สํวตฺตติ, สาธุ วตสฺส สฺวาหํ อิมินา าเณน โลกุตฺตรธมฺมํ คเวเสยฺย’’นฺติ. ตโต พาราณสิรฺโ รชฺชํ ทตฺวา, ปุตฺตทารฺจ สกชนปทเมว เปเสตฺวา, ปพฺพชฺชํ สมาทาย วิปสฺสนํ อารภิตฺวา, ปจฺเจกโพธึ สจฺฉิกตฺวา อตฺตโน วีริยสมฺปตฺตึ ทีเปนฺโต อิมํ อุทานคาถํ อภาสิ –
‘‘อารทฺธวิริโย ปรมตฺถปตฺติยา, อลีนจิตฺโต อกุสีตวุตฺติ;
ทฬฺหนิกฺกโม ถามพลูปปนฺโน, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ.
ตตฺถ อารทฺธํ วีริยมสฺสาติ อารทฺธวิริโย. เอเตน อตฺตโน วีริยารมฺภํ อาทิวีริยํ ทสฺเสติ. ปรมตฺโถ วุจฺจติ นิพฺพานํ, ตสฺส ปตฺติยา ปรมตฺถปตฺติยา. เอเตน วีริยารมฺเภน ปตฺตพฺพผลํ ทสฺเสติ. อลีนจิตฺโตติ เอเตน พลวีริยูปตฺถมฺภานํ จิตฺตเจตสิกานํ อลีนตํ ทสฺเสติ. อกุสีตวุตฺตีติ เอเตน านอาสนจงฺกมนาทีสุ กายสฺส อนวสีทนํ. ทฬฺหนิกฺกโมติ เอเตน ‘‘กามํ ตโจ จ นฺหารุ จา’’ติ (ม. นิ. ๒.๑๘๔; อ. นิ. ๒.๕; มหานิ. ๑๙๖) เอวํ ปวตฺตํ ปทหนวีริยํ ทสฺเสติ, ยํ ตํ อนุปุพฺพสิกฺขาทีสุ ปทหนฺโต ‘‘กาเยน เจว ปรมสจฺจํ สจฺฉิกโรติ, ปฺาย จ นํ อติวิชฺฌ ปสฺสตี’’ติ วุจฺจติ. อถ วา เอเตน มคฺคสมฺปยุตฺตวีริยํ ทสฺเสติ. ตฺหิ ทฬฺหฺจ ภาวนาปาริปูรึ คตตฺตา, นิกฺกโม จ สพฺพโส ปฏิปกฺขา นิกฺขนฺตตฺตา, ตสฺมา ตํสมงฺคีปุคฺคโลปิ ทฬฺโห นิกฺกโม อสฺสาติ ‘‘ทฬฺหนิกฺกโม’’ติ วุจฺจติ. ถามพลูปปนฺโนติ มคฺคกฺขเณ กายถาเมน าณพเลน จ อุปปนฺโน, อถ วา ถามภูเตน พเลน อุปปนฺโนติ ถามพลูปปนฺโน, ถิราณพลูปปนฺโนติ วุตฺตํ โหติ. เอเตน ตสฺส วีริยสฺส วิปสฺสนาาณสมฺปโยคํ ทีเปนฺโต โยนิโส ปทหนภาวํ สาเธติ. ปุพฺพภาคมชฺฌิมอุกฺกฏฺวีริยวเสน วา ตโยปิ ปาทา โยเชตพฺพา. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ.
อารทฺธวีริยคาถาวณฺณนา สมตฺตา.
๖๙. ปฏิสลฺลานนฺติ ¶ กา อุปฺปตฺติ? อิมิสฺสา คาถาย อาวรณคาถาย อุปฺปตฺติสทิสา เอว อุปฺปตฺติ, นตฺถิ โกจิ วิเสโส. อตฺถวณฺณนายํ ปนสฺสา ปฏิสลฺลานนฺติ เตหิ เตหิ สตฺตสงฺขาเรหิ ¶ ปฏินิวตฺติตฺวา สลฺลีนํ เอกตฺตเสวิตา เอกีภาโว, กายวิเวโกติ อตฺโถ. ฌานนฺติ ปจฺจนีกฌาปนโต อารมฺมณลกฺขณูปนิชฺฌานโต จ จิตฺตวิเวโก วุจฺจติ. ตตฺถ อฏฺสมาปตฺติโย นีวรณาทิปจฺจนีกฌาปนโต อารมฺมณูปนิชฺฌานโต จ ฌานนฺติ วุจฺจติ, วิปสฺสนามคฺคผลานิ สตฺตสฺาทิปจฺจนีกฌาปนโต, ลกฺขณูปนิชฺฌานโตเยว เจตฺถ ผลานิ. อิธ ¶ ปน อารมฺมณูปนิชฺฌานเมว อธิปฺเปตํ. เอวเมตํ ปฏิสลฺลานฺจ ฌานฺจ อริฺจมาโน, อชหมาโน, อนิสฺสชฺชมาโน. ธมฺเมสูติ วิปสฺสนูปเคสุ ปฺจกฺขนฺธาทิธมฺเมสุ. นิจฺจนฺติ สตตํ, สมิตํ, อพฺโภกิณฺณํ. อนุธมฺมจารีติ เต ธมฺเม อารพฺภ ปวตฺตมาเนน อนุคตํ วิปสฺสนาธมฺมํ จรมาโน. อถ วา ธมฺมาติ นว โลกุตฺตรธมฺมา, เตสํ ธมฺมานํ อนุโลโม ธมฺโมติ อนุธมฺโม, วิปสฺสนาเยตํ อธิวจนํ. ตตฺถ ‘‘ธมฺมานํ นิจฺจํ อนุธมฺมจารี’’ติ วตฺตพฺเพ คาถาพนฺธสุขตฺถํ วิภตฺติพฺยตฺตเยน ‘‘ธมฺเมสู’’ติ วุตฺตํ สิยา. อาทีนวํ สมฺมสิตา ภเวสูติ ตาย อนุธมฺมจริตาสงฺขาตาย วิปสฺสนาย อนิจฺจาการาทิโทสํ ตีสุ ภเวสุ สมนุปสฺสนฺโต เอวํ อิมํ กายวิเวกจิตฺตวิเวกํ อริฺจมาโน สิขาปฺปตฺตวิปสฺสนาสงฺขาตาย ปฏิปทาย อธิคโตติ วตฺตพฺโพ เอโก จเรติ เอวํ โยชนา เวทิตพฺพา.
ปฏิสลฺลานคาถาวณฺณนา สมตฺตา.
๗๐. ตณฺหกฺขยนฺติ กา อุปฺปตฺติ? อฺตโร กิร พาราณสิราชา มหจฺจราชานุภาเวน นครํ ปทกฺขิณํ กโรติ. ตสฺส สรีรโสภาย อาวฏฺฏิตหทยา สตฺตา ปุรโต คจฺฉนฺตาปิ นิวตฺติตฺวา ตเมว อุลฺโลเกนฺติ, ปจฺฉโต คจฺฉนฺตาปิ, อุโภหิ ปสฺเสหิ คจฺฉนฺตาปิ. ปกติยา เอว หิ พุทฺธทสฺสเน ปุณฺณจนฺทสมุทฺทราชทสฺสเน จ อติตฺโต โลโก. อถ อฺตรา กุฏุมฺพิยภริยาปิ อุปริปาสาทคตา สีหปฺชรํ วิวริตฺวา โอโลกยมานา อฏฺาสิ. ราชา ตํ ทิสฺวาว ปฏิพทฺธจิตฺโต หุตฺวา อมจฺจํ อาณาเปสิ – ‘‘ชานาหิ ตาว, ภเณ, อยํ อิตฺถี สสามิกา วา ¶ อสามิกา วา’’ติ. โส คนฺตฺวา ¶ ‘‘สสามิกา’’ติ อาโรเจสิ. อถ ราชา จินฺเตสิ – ‘‘อิมา วีสติสหสฺสนาฏกิตฺถิโย เทวจฺฉราโย วิย มํเยว เอกํ อภิรเมนฺติ, โส ทานาหํ เอตาปิ อตุสิตฺวา ปรสฺส อิตฺถิยา ตณฺหํ อุปฺปาเทสึ, สา อุปฺปนฺนา อปายเมว อากฑฺฒตี’’ติ ตณฺหาย อาทีนวํ ทิสฺวา ‘‘หนฺท นํ นิคฺคณฺหามี’’ติ รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนฺโต ปจฺเจกโพธึ สจฺฉิกตฺวา อิมํ อุทานคาถํ อภาสิ –
‘‘ตณฺหกฺขยํ ปตฺถยมปฺปมตฺโต, อเนฬมูโค สุตวา สตีมา;
สงฺขาตธมฺโม นิยโต ปธานวา, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ.
ตตฺถ ตณฺหกฺขยนฺติ นิพฺพานํ, เอวํ ทิฏฺาทีนวาย ตณฺหาย เอว อปฺปวตฺตึ. อปฺปมตฺโตติ สาตจฺจการี สกฺกจฺจการี. อเนฬมูโคติ อลาลามุโข. อถ วา อเนโฬ จ อมูโค จ, ปณฺฑิโต พฺยตฺโตติ วุตฺตํ โหติ. หิตสุขสมฺปาปกํ สุตมสฺส อตฺถีติ สุตวา อาคมสมฺปนฺโนติ วุตฺตํ ¶ โหติ. สตีมาติ จิรกตาทีนํ อนุสฺสริตา. สงฺขาตธมฺโมติ ธมฺมุปปริกฺขาย ปริฺาตธมฺโม. นิยโตติ อริยมคฺเคน นิยามํ ปตฺโต. ปธานวาติ สมฺมปฺปธานวีริยสมฺปนฺโน. อุปฺปฏิปาฏิยา เอส ปาโ โยเชตพฺโพ. เอวเมเตหิ อปฺปมาทาทีหิ สมนฺนาคโต นิยามสมฺปาปเกน ปธาเนน ปธานวา, เตน ปธาเนน ปตฺตนิยามตฺตา นิยโต, ตโต อรหตฺตปฺปตฺติยา สงฺขาตธมฺโม. อรหา หิ ปุน สงฺขาตพฺพาภาวโต ‘‘สงฺขาตธมฺโม’’ติ วุจฺจติ. ยถาห ‘‘เย จ สงฺขาตธมฺมาเส, เย จ เสขา ปุถู อิธา’’ติ (สุ. นิ. ๑๐๔๔; จูฬนิ. อชิตมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๗). เสสํ วุตฺตนยเมวาติ.
ตณฺหกฺขยคาถาวณฺณนา สมตฺตา.
๗๑. สีโห วาติ กา อุปฺปตฺติ? อฺตรสฺส กิร พาราณสิรฺโ ทูเร อุยฺยานํ โหติ. โส ปเคว วุฏฺาย อุยฺยานํ คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค ยานา โอรุยฺห อุทกฏฺานํ อุปคโต ‘‘มุขํ ¶ โธวิสฺสามี’’ติ. ตสฺมิฺจ ปเทเส สีหี โปตกํ ชเนตฺวา โคจราย คตา. ราชปุริโส ตํ ทิสฺวา ‘‘สีหโปตโก เทวา’’ติ อาโรเจสิ. ราชา ‘‘สีโห กิร ¶ น กสฺสจิ ภายตี’’ติ ตํ อุปปริกฺขิตุํ เภริอาทีนิ อาโกฏาเปสิ. สีหโปตโก ตํ สทฺทํ สุตฺวาปิ ตเถว สยิ. ราชา ยาวตติยกํ อาโกฏาเปสิ, โส ตติยวาเร สีสํ อุกฺขิปิตฺวา สพฺพํ ปริสํ โอโลเกตฺวา ตเถว สยิ. อถ ราชา ‘‘ยาวสฺส มาตา นาคจฺฉติ, ตาว คจฺฉามา’’ติ วตฺวา คจฺฉนฺโต จินฺเตสิ – ‘‘ตํ ทิวสํ ชาโตปิ สีหโปตโก น สนฺตสติ น ภายติ, กุทาสฺสุ นามาหมฺปิ ตณฺหาทิฏฺิปริตาสํ เฉตฺวา น สนฺตเสยฺยํ น ภาเยยฺย’’นฺติ. โส ตํ อารมฺมณํ คเหตฺวา, คจฺฉนฺโต ปุน เกวฏฺเฏหิ มจฺเฉ คเหตฺวา สาขาสุ พนฺธิตฺวา ปสาริเต ชาเล วาตํ อลคฺคํเยว คจฺฉมานํ ทิสฺวา, ตมฺปิ นิมิตฺตํ อคฺคเหสิ – ‘‘กุทาสฺสุ นามาหมฺปิ ตณฺหาทิฏฺิชาลํ โมหชาลํ วา ผาเลตฺวา เอวํ อสชฺชมาโน คจฺเฉยฺย’’นฺติ.
อถ อุยฺยานํ คนฺตฺวา สิลาปฏฺฏโปกฺขรณิตีเร นิสินฺโน วาตพฺภาหตานิ ปทุมานิ โอนมิตฺวา อุทกํ ผุสิตฺวา วาตวิคเม ปุน ยถาาเน ิตานิ อุทเกน อนุปลิตฺตานิ ทิสฺวา ตมฺปิ นิมิตฺตํ อคฺคเหสิ – ‘‘กุทาสฺสุ นามาหมฺปิ ยถา เอตานิ อุทเก ชาตานิ อุทเกน อนุปลิตฺตานิ ติฏฺนฺติ, เอวเมวํ โลเก ชาโต โลเกน อนุปลิตฺโต ติฏฺเยฺย’’นฺติ. โส ปุนปฺปุนํ ‘‘ยถา สีหวาตปทุมานิ, เอวํ อสนฺตสนฺเตน อสชฺชมาเนน อนุปลิตฺเตน ภวิตพฺพ’’นฺติ จินฺเตตฺวา, รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา, วิปสฺสนฺโต ปจฺเจกโพธึ สจฺฉิกตฺวา อิมํ อุทานคาถํ อภาสิ –
‘‘สีโหว ¶ สทฺเทสุ อสนฺตสนฺโต, วาโตว ชาลมฺหิ อสชฺชมาโน;
ปทุมํว โตเยน อลิปฺปมาโน, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ.
ตตฺถ สีโหติ จตฺตาโร สีหา – ติณสีโห, ปณฺฑุสีโห, กาฬสีโห, เกสรสีโหติ. เกสรสีโห เตสํ อคฺคมกฺขายติ. โสว อิธ อธิปฺเปโต. วาโต ปุรตฺถิมาทิวเสน อเนกวิโธ, ปทุมํ รตฺตเสตาทิวเสน. เตสุ โย โกจิ วาโต ยํกิฺจิ ปทุมฺจ วฏฺฏติเยว. ตตฺถ ยสฺมา สนฺตาโส อตฺตสิเนเหน โหติ, อตฺตสิเนโห จ ตณฺหาเลโป, โสปิ ทิฏฺิสมฺปยุตฺเตน วา ทิฏฺิวิปฺปยุตฺเตน วา โลเภน ¶ โหติ, โส จ ตณฺหาเยว. สชฺชนํ ปน ตตฺถ อุปปริกฺขาวิรหิตสฺส โมเหน โหติ, โมโห ¶ จ อวิชฺชา. ตตฺถ สมเถน ตณฺหาย ปหานํ โหติ, วิปสฺสนาย, อวิชฺชาย. ตสฺมา สมเถน อตฺตสิเนหํ ปหาย สีโหว สทฺเทสุ อนิจฺจาทีสุ อสนฺตสนฺโต, วิปสฺสนาย โมหํ ปหาย วาโตว ชาลมฺหิ ขนฺธายตนาทีสุ อสชฺชมาโน, สมเถเนว โลภํ โลภสมฺปยุตฺตํ เอว ทิฏฺิฺจ ปหาย, ปทุมํว โตเยน สพฺพภวโภคโลเภน อลิปฺปมาโน. เอตฺถ จ สมถสฺส สีลํ ปทฏฺานํ, สมโถ สมาธิ, วิปสฺสนา ปฺาติ. เอวํ เตสุ ทฺวีสุ ธมฺเมสุ สิทฺเธสุ ตโยปิ ขนฺธา สิทฺธา โหนฺติ. ตตฺถ สีลกฺขนฺเธน สุรโต โหติ. โส สีโหว สทฺเทสุ อาฆาตวตฺถูสุ กุชฺฌิตุกามตาย น สนฺตสติ. ปฺากฺขนฺเธน ปฏิวิทฺธสภาโว วาโตว ชาลมฺหิ ขนฺธาทิธมฺมเภเท น สชฺชติ, สมาธิกฺขนฺเธน วีตราโค ปทุมํว โตเยน ราเคน น ลิปฺปติ. เอวํ สมถวิปสฺสนาหิ สีลสมาธิปฺากฺขนฺเธหิ จ ยถาสมฺภวํ อวิชฺชาตณฺหานํ ติณฺณฺจ อกุสลมูลานํ ปหานวเสน อสนฺตสนฺโต อสชฺชมาโน อลิปฺปมาโน จ เวทิตพฺโพ. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ.
อสนฺตสนฺตคาถาวณฺณนา สมตฺตา.
๗๒. สีโห ยถาติ กา อุปฺปตฺติ? อฺตโร กิร พาราณสิราชา ปจฺจนฺตํ กุปฺปิตํ วูปสเมตุํ คามานุคามิมคฺคํ ฉฑฺเฑตฺวา, อุชุํ อฏวิมคฺคํ คเหตฺวา, มหติยา เสนาย คจฺฉติ. เตน จ สมเยน อฺตรสฺมึ ปพฺพตปาเท สีโห พาลสูริยาตปํ ตปฺปมาโน นิปนฺโน โหติ. ตํ ทิสฺวา ราชปุริโส รฺโ อาโรเจสิ. ราชา ‘‘สีโห กิร สทฺเทน น สนฺตสตี’’ติ เภริสงฺขปณวาทีหิ สทฺทํ การาเปสิ. สีโห ตเถว นิปชฺชิ. ทุติยมฺปิ การาเปสิ. สีโห ตเถว นิปชฺชิ. ตติยมฺปิ การาเปสิ. สีโห ‘‘มม ปฏิสตฺตุ อตฺถี’’ติ จตูหิ ปาเทหิ สุปฺปติฏฺิตํ ปติฏฺหิตฺวา สีหนาทํ นทิ. ตํ สุตฺวาว หตฺถาโรหาทโย หตฺถิอาทีหิ โอโรหิตฺวา ¶ ติณคหนานิ ปวิฏฺา, หตฺถิอสฺสคณา ทิสาวิทิสา ปลาตา. รฺโ หตฺถีปิ ราชานํ คเหตฺวา วนคหนานิ ¶ โปถยมาโน ปลายิ. โส ตํ สนฺธาเรตุํ อสกฺโกนฺโต รุกฺขสาขาย โอลมฺพิตฺวา ¶ , ปถวึ ปติตฺวา, เอกปทิกมคฺเคน คจฺฉนฺโต ปจฺเจกพุทฺธานํ วสนฏฺานํ ปาปุณิตฺวา ตตฺถ ปจฺเจกพุทฺเธ ปุจฺฉิ – ‘‘อปิ, ภนฺเต, สทฺทมสฺสุตฺถา’’ติ? ‘‘อาม, มหาราชา’’ติ. ‘‘กสฺส สทฺทํ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘ปมํ เภริสงฺขาทีนํ, ปจฺฉา สีหสฺสา’’ติ. ‘‘น ภายิตฺถ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘น มยํ, มหาราช, กสฺสจิ สทฺทสฺส ภายามา’’ติ. ‘‘สกฺกา ปน, ภนฺเต, มยฺหมฺปิ เอทิสํ กาตุ’’นฺติ? ‘‘สกฺกา, มหาราช, สเจ ปพฺพชสี’’ติ. ‘‘ปพฺพชามิ, ภนฺเต’’ติ. ตโต นํ ปพฺพาเชตฺวา ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว อาภิสมาจาริกํ สิกฺขาเปสุํ. โสปิ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว วิปสฺสนฺโต ปจฺเจกโพธึ สจฺฉิกตฺวา อิมํ อุทานคาถํ อภาสิ –
‘‘สีโห ยถา ทาพลี ปสยฺห, ราชา มิคานํ อภิภุยฺย จารี;
เสเวถ ปนฺตานิ เสนาสนานิ, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ.
ตตฺถ สหนา จ หนนา จ สีฆชวตฺตา จ สีโห. เกสรสีโหว อิธ อธิปฺเปโต. ทาา พลมสฺส อตฺถีติ ทาพลี. ปสยฺห อภิภุยฺยาติ, อุภยํ จารีสทฺเทน สห โยเชตพฺพํ ปสยฺหจารี อภิภุยฺยจารีติ ตตฺถ ปสยฺห นิคฺคเหตฺวา จรเณน ปสยฺหจารี, อภิภวิตฺวา, สนฺตาเสตฺวา, วสีกตฺวา, จรเณน อภิภุยฺยจารี. สฺวายํ กายพเลน ปสยฺหจารี, เตชสา อภิภุยฺยจารี. ตตฺถ สเจ โกจิ วเทยฺย – ‘‘กึ ปสยฺห อภิภุยฺย จารี’’ติ, ตโต มิคานนฺติ สามิวจนํ อุปโยควจนํ กตฺวา ‘‘มิเค ปสยฺห อภิภุยฺย จารี’’ติ ปฏิวตฺตพฺพํ. ปนฺตานีติ ทูรานิ. เสนาสนานีติ วสนฏฺานานิ. เสสํ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว สกฺกา ชานิตุนฺติ น วิตฺถาริตนฺติ.
ทาพลีคาถาวณฺณนา สมตฺตา.
๗๓. เมตฺตํ อุเปกฺขนฺติ กา อุปฺปตฺติ? อฺตโร กิร ราชา เมตฺตาทิฌานลาภี อโหสิ. โส ‘‘ฌานสุขนฺตรายกรํ รชฺช’’นฺติ ฌานานุรกฺขณตฺถํ ¶ รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนฺโต ปจฺเจกโพธึ สจฺฉิกตฺวา, อิมํ อุทานคาถํ อภาสิ –
เมตฺตํ ¶ อุเปกฺขํ กรุณํ วิมุตฺตึ, อาเสวมาโน มุทิตฺจ กาเล;
สพฺเพน โลเกน อวิรุชฺฌมาโน, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ.
ตตฺถ ‘‘สพฺเพ สตฺตา สุขิตา โหนฺตู’’ติอาทินา นเยน หิตสุขุปนยนกามตา เมตฺตา. ‘‘อโห ¶ วต อิมมฺหา ทุกฺขา วิมุจฺเจยฺยุ’’นฺติอาทินา นเยน อหิตทุกฺขาปนยนกามตา กรุณา. ‘‘โมทนฺติ วต โภนฺโต สตฺตา โมทนฺติ สาธุ สุฏฺู’’ติอาทินา นเยน หิตสุขาวิปฺปโยคกามตา มุทิตา. ‘‘ปฺายิสฺสนฺติ สเกน กมฺเมนา’’ติ สุขทุกฺเขสุ อชฺฌุเปกฺขนตา อุเปกฺขา. คาถาพนฺธสุขตฺถํ ปน อุปฺปฏิปาฏิยา เมตฺตํ วตฺวา อุเปกฺขา วุตฺตา, มุทิตา ปจฺฉา. วิมุตฺตินฺติ จตสฺโสปิ หิ เอตา อตฺตโน ปจฺจนีกธมฺเมหิ วิมุตฺตตฺตา วิมุตฺติโย. เตน วุตฺตํ ‘‘เมตฺตํ อุเปกฺขํ กรุณํ, วิมุตฺตึ, อาเสวมาโน มุทิตฺจ กาเล’’ติ.
ตตฺถ อาเสวมาโนติ ติสฺโส ติกจตุกฺกชฺฌานวเสน, อุเปกฺขํ จตุตฺถชฺฌานวเสน ภาวยมาโน. กาเลติ เมตฺตํ อาเสวิตฺวา ตโต วุฏฺาย กรุณํ, ตโต วุฏฺาย มุทิตํ, ตโต อิตรโต วา นิปฺปีติกฌานโต วุฏฺาย อุเปกฺขํ อาเสวมาโน ‘‘กาเล อาเสวมาโน’’ติ วุจฺจติ, อาเสวิตุํ ผาสุกาเล วา. สพฺเพน โลเกน อวิรุชฺฌมาโนติ ทสสุ ทิสาสุ สพฺเพน สตฺตโลเกน อวิรุชฺฌมาโน. เมตฺตาทีนฺหิ ภาวิตตฺตา สตฺตา อปฺปฏิกูลา โหนฺติ. สตฺเตสุ จ วิโรธภูโต ปฏิโฆ วูปสมฺมติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘สพฺเพน โลเกน อวิรุชฺฌมาโน’’ติ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาเรน ปน เมตฺตาทิกถา อฏฺสาลินิยา ธมฺมสงฺคหฏฺกถายํ (ธ. ส. อฏฺ. ๒๕๑) วุตฺตา. เสสํ ปุพฺพวุตฺตสทิสเมวาติ.
อปฺปมฺาคาถาวณฺณนา สมตฺตา.
๗๔. ราคฺจ โทสฺจาติ กา อุปฺปตฺติ? ราชคหํ กิร อุปนิสฺสาย มาตงฺโค นาม ปจฺเจกพุทฺโธ วิหรติ สพฺพปจฺฉิโม ¶ ปจฺเจกพุทฺธานํ. อถ อมฺหากํ โพธิสตฺเต อุปฺปนฺเน เทวตาโย โพธิสตฺตสฺส ปูชนตฺถาย อาคจฺฉนฺติโย ตํ ทิสฺวา ‘‘มาริสา, มาริสา, พุทฺโธ โลเก อุปฺปนฺโน’’ติ ภณึสุ ¶ . โส นิโรธา วุฏฺหนฺโต ตํ สทฺทํ สุตฺวา, อตฺตโน จ ชีวิตกฺขยํ ทิสฺวา, หิมวนฺเต มหาปปาโต นาม ปพฺพโต ปจฺเจกพุทฺธานํ ปรินิพฺพานฏฺานํ, ตตฺถ อากาเสน คนฺตฺวา ปุพฺเพ ปรินิพฺพุตปจฺเจกพุทฺธสฺส อฏฺิสงฺฆาตํ ปปาเต ปกฺขิปิตฺวา, สิลาตเล นิสีทิตฺวา อิมํ อุทานคาถํ อภาสิ –
‘‘ราคฺจ โทสฺจ ปหาย โมหํ, สนฺทาลยิตฺวาน สํโยชนานิ;
อสนฺตสํ ชีวิตสงฺขยมฺหิ, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ.
ตตฺถ ราคโทสโมหา อุรคสุตฺเต วุตฺตา. สํโยชนานีติ ทส สํโยชนานิ. ตานิ จ เตน เตน ¶ มคฺเคน สนฺทาลยิตฺวา. อสนฺตสํ ชีวิตสงฺขยมฺหีติ ชีวิตสงฺขโย วุจฺจติ จุติจิตฺตสฺส ปริเภโท, ตสฺมิฺจ ชีวิตสงฺขเย ชีวิตนิกนฺติยา ปหีนตฺตา อสนฺตสนฺติ. เอตฺตาวตา โสปาทิเสสํ นิพฺพานธาตุํ อตฺตโน ทสฺเสตฺวา คาถาปริโยสาเน อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายีติ.
ชีวิตสงฺขยคาถาวณฺณนา สมตฺตา.
๗๕. ภชนฺตีติ กา อุปฺปตฺติ? พาราณสิยํ กิร อฺตโร ราชา อาทิคาถาย วุตฺตปฺปการเมว ผีตํ รชฺชํ สมนุสาสติ. ตสฺส ขโร อาพาโธ อุปฺปชฺชิ, ทุกฺขา เวทนา วตฺตนฺติ. วีสติสหสฺสิตฺถิโย ปริวาเรตฺวา หตฺถปาทสมฺพาหนาทีนิ กโรนฺติ. อมจฺจา ‘‘น ทานายํ ราชา ชีวิสฺสติ, หนฺท มยํ อตฺตโน สรณํ คเวสามา’’ติ จินฺเตตฺวา อฺสฺส รฺโ สนฺติกํ คนฺตฺวา อุปฏฺานํ ยาจึสุ. เต ตตฺถ อุปฏฺหนฺติเยว, น กิฺจิ ลภนฺติ. ราชาปิ อาพาธา วุฏฺหิตฺวา ปุจฺฉิ ‘‘อิตฺถนฺนาโม จ อิตฺถนฺนาโม จ กุหิ’’นฺติ? ตโต ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา สีสํ จาเลตฺวา ตุณฺหี อโหสิ. เตปิ อมจฺจา ‘‘ราชา วุฏฺิโต’’ติ สุตฺวา ตตฺถ กิฺจิ อลภมานา ปรเมน ปาริชฺุเน สมนฺนาคตา ปุนเทว อาคนฺตฺวา ราชานํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺํสุ. เตน จ รฺา ¶ ‘‘กุหึ, ตาตา, ตุมฺเห คตา’’ติ วุตฺตา อาหํสุ – ‘‘เทวํ ทุพฺพลํ ทิสฺวา อาชีวิกภเยนมฺหา อสุกํ นาม ชนปทํ คตา’’ติ. ราชา ¶ สีสํ จาเลตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘ยํนูนาหํ อิเม วีมํเสยฺยํ, กึ ปุนปิ เอวํ กเรยฺยุํ โน’’ติ? โส ปุพฺเพ อาพาธิกโรเคน ผุฏฺโ วิย พาฬฺหเวทนํ อตฺตานํ ทสฺเสนฺโต คิลานาลยํ อกาสิ. อิตฺถิโย สมฺปริวาเรตฺวา ปุพฺพสทิสเมว สพฺพํ อกํสุ. เตปิ อมจฺจา ตเถว ปุน พหุตรํ ชนํ คเหตฺวา ปกฺกมึสุ. เอวํ ราชา ยาวตติยํ สพฺพํ ปุพฺพสทิสํ อกาสิ. เตปิ ตเถว ปกฺกมึสุ. ตโต จตุตฺถมฺปิ เต อาคเต ทิสฺวา ‘‘อโห อิเม ทุกฺกรํ อกํสุ, เย มํ พฺยาธิตํ ปหาย อนเปกฺขา ปกฺกมึสู’’ติ นิพฺพินฺโน รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนฺโต ปจฺเจกโพธึ สจฺฉิกตฺวา อิมํ อุทานคาถํ อภาสิ –
‘‘ภชนฺติ เสวนฺติ จ การณตฺถา, นิกฺการณา ทุลฺลภา อชฺช มิตฺตา;
อตฺตฏฺปฺา อสุจี มนุสฺสา, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ.
ตตฺถ ภชนฺตีติ สรีเรน อลฺลียิตฺวา ปยิรุปาสนฺติ. เสวนฺตีติ อฺชลิกมฺมาทีหิ กึ การปฏิสฺสาวิตาย จ ปริจรนฺติ. การณํ อตฺโถ เอเตสนฺติ การณตฺถา, ภชนาย เสวนาย จ นาฺํ การณมตฺถิ, อตฺโถ เอว เนสํ การณํ, อตฺถเหตุ เสวนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. นิกฺการณา ¶ ทุลฺลภา อชฺช มิตฺตาติ ‘‘อิโต กิฺจิ ลจฺฉามา’’ติ เอวํ อตฺตปฏิลาภการเณน นิกฺการณา, เกวลํ –
‘‘อุปกาโร จ โย มิตฺโต,
สุเข ทุกฺเข จ โย สขา;
อตฺถกฺขายี จ โย มิตฺโต,
โย จ มิตฺตานุกมฺปโก’’ติ. (ที. นิ. ๓.๒๖๕) –
เอวํ วุตฺเตน อริเยน มิตฺตภาเวน สมนฺนาคตา ทุลฺลภา อชฺช มิตฺตา. อตฺตนิ ิตา เอเตสํ ปฺา, อตฺตานํเยว โอโลเกนฺติ, น อฺนฺติ อตฺตฏฺปฺา. ทิฏฺตฺถปฺาติ อยมฺปิ ¶ กิร โปราณปาโ, สมฺปติ ทิฏฺิเยว อตฺเถ เอเตสํ ปฺา, อายตึ น เปกฺขนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. อสุจีติ ¶ อสุจินา อนริเยน กายวจีมโนกมฺเมน สมนฺนาคตา. เสสํ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพนฺติ.
การณตฺถคาถาวณฺณนา สมตฺตา.
จตุตฺโถ วคฺโค นิฏฺิโต เอกาทสหิ คาถาหิ.
เอวเมตํ เอกจตฺตาลีสคาถาปริมาณํ ขคฺควิสาณสุตฺตํ กตฺถจิเทว วุตฺเตน โยชนานเยน สพฺพตฺถ ยถานุรูปํ โยเชตฺวา อนุสนฺธิโต อตฺถโต จ เวทิตพฺพํ. อติวิตฺถารภเยน ปน อมฺเหหิ น สพฺพตฺถ โยชิตนฺติ.
ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย
สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย ขคฺควิสาณสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. กสิภารทฺวาชสุตฺตวณฺณนา
เอวํ ¶ เม สุตนฺติ กสิภารทฺวาชสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? ภควา มคเธสุ วิหรนฺโต ทกฺขิณาคิริสฺมึ เอกนาลายํ พฺราหฺมณคาเม ปุเรภตฺตกิจฺจํ ปจฺฉาภตฺตกิจฺจนฺติ อิเมสุ ทฺวีสุ พุทฺธกิจฺเจสุ ปุเรภตฺตกิจฺจํ นิฏฺาเปตฺวา ปจฺฉาภตฺตกิจฺจาวสาเน พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกนฺโต กสิภารทฺวาชํ พฺราหฺมณํ อรหตฺตสฺส อุปนิสฺสยสมฺปนฺนํ ทิสฺวา ‘‘ตตฺถ มยิ คเต ยถา ปวตฺติสฺสติ, ตโต กถาวสาเน ธมฺมเทสนํ สุตฺวา เอส พฺราหฺมโณ ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสตี’’ติ จ ตฺวา, ตตฺถ คนฺตฺวา, กถํ สมุฏฺาเปตฺวา, อิมํ สุตฺตํ อภาสิ.
ตตฺถ สิยา ‘‘กตมํ พุทฺธานํ ปุเรภตฺตกิจฺจํ, กตมํ ปจฺฉาภตฺตกิจฺจ’’นฺติ? วุจฺจเต – พุทฺโธ ภควา ปาโต เอว อุฏฺาย อุปฏฺากานุคฺคหตฺถํ สรีรผาสุกตฺถฺจ มุขโธวนาทิสรีรปริกมฺมํ กตฺวา ยาว ภิกฺขาจารเวลา, ตาว วิวิตฺตาสเน วีตินาเมตฺวา, ภิกฺขาจารเวลาย ¶ นิวาเสตฺวา, กายพนฺธนํ พนฺธิตฺวา, จีวรํ ปารุปิตฺวา, ปตฺตมาทาย กทาจิ เอกโกว กทาจิ ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต คามํ วา นิคมํ วา ปิณฺฑาย ปวิสติ, กทาจิ ปกติยา, กทาจิ อเนเกหิ ¶ ปาฏิหาริเยหิ วตฺตมาเนหิ. เสยฺยถิทํ – ปิณฺฑาย ปวิสโต โลกนาถสฺส ปุรโต ปุรโต คนฺตฺวา มุทุคติโย วาตา ปถวึ โสเธนฺติ; วลาหกา อุทกผุสิตานิ มฺุจนฺตา มคฺเค เรณุํ วูปสเมตฺวา อุปริ วิตานํ หุตฺวา ติฏฺนฺติ. อปเร วาตา ปุปฺผานิ อุปสํหริตฺวา มคฺเค โอกิรนฺติ, อุนฺนตา ภูมิปฺปเทสา โอนมนฺติ, โอนตา อุนฺนมนฺติ, ปาทนิกฺเขปสมเย สมาว ภูมิ โหติ, สุขสมฺผสฺสานิ รถจกฺกมตฺตานิ ปทุมปุปฺผานิ วา ปาเท สมฺปฏิจฺฉนฺติ, อินฺทขีลสฺส อนฺโต ปิตมตฺเต ทกฺขิณปาเท สรีรา ฉพฺพณฺณรสฺมิโย นิจฺฉริตฺวา สุวณฺณรสปิฺชรานิ วิย จิตฺรปฏปริกฺขิตฺตานิ วิย จ ปาสาทกูฏาคาราทีนิ กโรนฺติโย อิโต จิโต จ วิธาวนฺติ, หตฺถิอสฺสวิหงฺคาทโย สกสกฏฺาเนสุ ิตาเยว มธุเรนากาเรน สทฺทํ กโรนฺติ, ตถา เภริวีณาทีนิ ตูริยานิ มนุสฺสานํ กายูปคานิ จ อาภรณานิ, เตน สฺาเณน มนุสฺสา ชานนฺติ ‘‘อชฺช ภควา อิธ ปิณฺฑาย ปวิฏฺโ’’ติ. เต สุนิวตฺถา สุปารุตา คนฺธปุปฺผาทีนิ อาทาย ฆรา นิกฺขมิตฺวา อนฺตรวีถึ ปฏิปชฺชิตฺวา ภควนฺตํ คนฺธปุปฺผาทีหิ สกฺกจฺจํ ปูเชตฺวา วนฺทิตฺวา – ‘‘อมฺหากํ ¶ , ภนฺเต, ทส ภิกฺขู, อมฺหากํ วีสติ, อมฺหากํ ภิกฺขุสตํ เทถา’’ติ ยาจิตฺวา ภควโตปิ ปตฺตํ คเหตฺวา, อาสนํ ปฺาเปตฺวา สกฺกจฺจํ ปิณฺฑปาเตน ปฏิมาเนนฺติ.
ภควา กตภตฺตกิจฺโจ เตสํ สนฺตานานิ โอโลเกตฺวา ตถา ธมฺมํ เทเสติ, ยถา เกจิ สรณคมเน ปติฏฺหนฺติ, เกจิ ปฺจสุ สีเลสุ, เกจิ โสตาปตฺติสกทาคามิอนาคามิผลานํ อฺตรสฺมึ, เกจิ ปพฺพชิตฺวา อคฺคผเล อรหตฺเตติ. เอวํ ตถา ตถา ชนํ อนุคฺคเหตฺวา อุฏฺายาสนา วิหารํ คจฺฉติ. ตตฺถ มณฺฑลมาเฬ ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสีทติ ภิกฺขูนํ ภตฺตกิจฺจปริโยสานํ อาคมยมาโน. ตโต ภิกฺขูนํ ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน อุปฏฺาโก ¶ ภควโต นิเวเทติ. อถ ภควา คนฺธกุฏึ ปวิสติ. อิทํ ตาว ปุเรภตฺตกิจฺจํ. ยฺเจตฺถ น วุตฺตํ, ตํ พฺรหฺมายุสุตฺเต วุตฺตนเยเนว คเหตพฺพํ.
อถ ภควา เอวํ กตปุเรภตฺตกิจฺโจ คนฺธกุฏิยา อุปฏฺาเน นิสีทิตฺวา, ปาเท ปกฺขาเลตฺวา, ปาทปีเ ตฺวา, ภิกฺขุสงฺฆํ โอวทติ – ‘‘ภิกฺขเว, อปฺปมาเทน สมฺปาเทถ, พุทฺธุปฺปาโท ทุลฺลโภ โลกสฺมึ, มนุสฺสปฏิลาโภ ทุลฺลโภ, สทฺธาสมฺปตฺติ ทุลฺลภา, ปพฺพชฺชา ทุลฺลภา, สทฺธมฺมสฺสวนํ ทุลฺลภํ ¶ โลกสฺมิ’’นฺติ. ตโต ภิกฺขู ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา กมฺมฏฺานํ ปุจฺฉนฺติ. อถ ภควา ภิกฺขูนํ จริยวเสน กมฺมฏฺานํ เทติ. เต กมฺมฏฺานํ อุคฺคเหตฺวา, ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา, อตฺตโน อตฺตโน วสนฏฺานํ คจฺฉนฺติ; เกจิ อรฺํ, เกจิ รุกฺขมูลํ, เกจิ ปพฺพตาทีนํ อฺตรํ, เกจิ จาตุมหาราชิกภวนํ…เป… เกจิ วสวตฺติภวนนฺติ. ตโต ภควา คนฺธกุฏึ ปวิสิตฺวา สเจ อากงฺขติ, ทกฺขิเณน ปสฺเสน สโต สมฺปชาโน มุหุตฺตํ สีหเสยฺยํ กปฺเปติ. อถ สมสฺสาสิตกาโย อุฏฺหิตฺวา ทุติยภาเค โลกํ โวโลเกติ. ตติยภาเค ยํ คามํ วา นิคมํ วา อุปนิสฺสาย วิหรติ, ตตฺถ ชโน ปุเรภตฺตํ ทานํ ทตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ สุนิวตฺโถ สุปารุโต คนฺธปุปฺผาทีนิ อาทาย วิหาเร สนฺนิปตติ. ตโต ภควา สมฺปตฺตปริสาย อนุรูเปน ปาฏิหาริเยน คนฺตฺวา ธมฺมสภายํ ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสชฺช ธมฺมํ เทเสติ กาลยุตฺตํ ปมาณยุตฺตํ. อถ กาลํ วิทิตฺวา ปริสํ อุยฺโยเชติ.
ตโต สเจ คตฺตานิ โอสิฺจิตุกาโม โหติ. อถ พุทฺธาสนา อุฏฺาย อุปฏฺาเกน อุทกปฏิยาทิโตกาสํ คนฺตฺวา, อุปฏฺากหตฺถโต อุทกสาฏิกํ คเหตฺวา, นฺหานโกฏฺกํ ปวิสติ. อุปฏฺาโกปิ พุทฺธาสนํ อาเนตฺวา คนฺธกุฏิปริเวเณ ปฺาเปติ. ภควา คตฺตานิ โอสิฺจิตฺวา, สุรตฺตทุปฏฺฏํ นิวาเสตฺวา ¶ , กายพนฺธนํ พนฺธิตฺวา, อุตฺตราสงฺคํ กตฺวา, ตตฺถ อาคนฺตฺวา, นิสีทติ เอกโกว มุหุตฺตํ ปฏิสลฺลีโน. อถ ภิกฺขู ตโต ตโต อาคมฺม ภควโต อุปฏฺานํ คจฺฉนฺติ. ตตฺถ ¶ เอกจฺเจ ปฺหํ ปุจฺฉนฺติ, เอกจฺเจ กมฺมฏฺานํ, เอกจฺเจ ธมฺมสฺสวนํ ยาจนฺติ. ภควา เตสํ อธิปฺปายํ สมฺปาเทนฺโต ปมํ ยามํ วีตินาเมติ.
มชฺฌิมยาเม สกลทสสหสฺสิโลกธาตุเทวตาโย โอกาสํ ลภมานา ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปฺหํ ปุจฺฉนฺติ ยถาภิสงฺขตํ อนฺตมโส จตุรกฺขรมฺปิ. ภควา ตาสํ เทวตานํ ปฺหํ วิสฺสชฺเชนฺโต มชฺฌิมยามํ วีตินาเมติ. ตโต ปจฺฉิมยามํ จตฺตาโร ภาเค กตฺวา เอกํ ภาคํ จงฺกมํ อธิฏฺาติ, ทุติยภาคํ คนฺธกุฏึ ปวิสิตฺวา ทกฺขิเณน ปสฺเสน สโต สมฺปชาโน สีหเสยฺยํ กปฺเปติ, ตติยภาคํ ผลสมาปตฺติยา วีตินาเมติ, จตุตฺถภาคํ มหากรุณาสมาปตฺตึ ปวิสิตฺวา พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกติ อปฺปรชกฺขมหารชกฺขาทิสตฺตทสฺสนตฺถํ. อิทํ ปจฺฉาภตฺตกิจฺจํ.
เอวมิมสฺส ¶ ปจฺฉาภตฺตกิจฺจสฺส โลกโวโลกนสงฺขาเต จตุตฺถภาคาวสาเน พุทฺธธมฺมสงฺเฆสุ ทานสีลอุโปสถกมฺมาทีสุ จ อกตาธิกาเร กตาธิกาเร จ อนุปนิสฺสยสมฺปนฺเน อุปนิสฺสยสมฺปนฺเน จ สตฺเต ปสฺสิตุํ พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกนฺโต กสิภารทฺวาชํ พฺราหฺมณํ อรหตฺตสฺส อุปนิสฺสยสมฺปนฺนํ ทิสฺวา ‘‘ตตฺถ มยิ คเต กถา ปวตฺติสฺสติ, ตโต กถาวสาเน ธมฺมเทสนํ สุตฺวา เอส พฺราหฺมโณ ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสตี’’ติ จ ตฺวา, ตตฺถ คนฺตฺวา, กถํ สมุฏฺาเปตฺวา อิมํ สุตฺตมภาสิ.
ตตฺถ เอวํ เม สุตนฺติอาทิ อายสฺมตา อานนฺเทน ปมมหาสงฺคีติกาเล ธมฺมสงฺคีตึ กโรนฺเตน อายสฺมตา มหากสฺสปตฺเถเรน ปุฏฺเน ปฺจนฺนํ อรหนฺตสตานํ วุตฺตํ, ‘‘อหํ, โข, สมณ กสามิ จ วปามิ จา’’ติ กสิภารทฺวาเชน วุตฺตํ, ‘‘อหมฺปิ โข พฺราหฺมณ กสามิ ¶ จ วปามิ จา’’ติอาทิ ภควตา วุตฺตํ. ตเทตํ สพฺพมฺปิ สโมธาเนตฺวา ‘‘กสิภารทฺวาชสุตฺต’’นฺติ วุจฺจติ.
ตตฺถ เอวนฺติ อยํ อาการนิทสฺสนาวธารณตฺโถ เอวํ-สทฺโท. อาการตฺเถน หิ เอเตน เอตมตฺถํ ทีเปติ – นานานยนิปุณมเนกชฺฌาสยสมุฏฺานํ อตฺถพฺยฺชนสมฺปนฺนํ วิวิธปาฏิหาริยํ ธมฺมตฺถเทสนาปฏิเวธคมฺภีรํ สพฺพสตฺเตหิ สกสกภาสานุรูปมุปลกฺขณิยสภาวํ ตสฺส ภควโต วจนํ, ตํ สพฺพากาเรน โก สมตฺโถ วิฺาตุํ; อถ, โข, ‘‘เอวํ เม สุตํ, มยาปิ เอเกนากาเรน สุต’’นฺติ. นิทสฺสนตฺเถน ‘‘นาหํ สยมฺภู, น มยา อิทํ สจฺฉิกต’’นฺติ อตฺตานํ ปริโมเจนฺโต ‘‘เอวํ เม สุตํ, มยา เอวํ สุต’’นฺติ อิทานิ วตฺตพฺพํ สกลสุตฺตํ นิทสฺเสติ. อวธารณตฺเถน ¶ ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ พหุสฺสุตานํ ยทิทํ อานนฺโท, คติมนฺตานํ, สติมนฺตานํ, ธิติมนฺตานํ, อุปฏฺากานํ ยทิทํ อานนฺโท’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๑๙-๒๒๓) เอวํ ภควตา ปสตฺถภาวานุรูปํ อตฺตโน ธารณพลํ ทสฺเสนฺโต สตฺตานํ โสตุกมฺยตํ ชเนติ ‘‘เอวํ เม สุตํ ตฺจ อตฺถโต วา พฺยฺชนโต วา อนูนมนธิกํ, เอวเมว, น อฺถา ทฏฺพฺพ’’นฺติ. เม สุตนฺติ เอตฺถ มยาสทฺทตฺโถ เม-สทฺโท, โสตทฺวารวิฺาณตฺโถ สุตสทฺโท. ตสฺมา เอวํ เม สุตนฺติ เอวํ มยา โสตวิฺาณปุพฺพงฺคมาย วิฺาณวีถิยา อุปธาริตนฺติ วุตฺตํ โหติ.
เอกํ ¶ สมยนฺติ เอกํ กาลํ. ภควาติ ภาคฺยวา, ภคฺควา, ภตฺตวาติ วุตฺตํ โหติ. มคเธสุ วิหรตีติ มคธา นาม ชนปทิโน ราชกุมารา, เตสํ นิวาโส เอโกปิ ชนปโท รุฬฺหีสทฺเทน ‘‘มคธา’’ติ วุจฺจติ. ตสฺมึ มคเธสุ ชนปเท. เกจิ ปน ‘‘ยสฺมา เจติยราชา มุสาวาทํ ภณิตฺวา ภูมึ ปวิสนฺโต ‘มา คธํ ปวิสา’ติ วุตฺโต, ยสฺมา วา ตํ ราชานํ มคฺคนฺตา ภูมึ ขนนฺตา ปุริสา ‘มา คธํ กโรถา’ติ วุตฺตา, ตสฺมา มคธา’’ติ เอวมาทีหิ นเยหิ พหุธา ¶ ปปฺเจนฺติ. ยํ รุจฺจติ, ตํ คเหตพฺพนฺติ. วิหรตีติ เอกํ อิริยาปถพาธนํ อปเรน อิริยาปเถน วิจฺฉินฺทิตฺวา อปริปตนฺตํ อตฺตภาวํ หรติ, ปวตฺเตตีติ วุตฺตํ โหติ. ทิพฺพพฺรหฺมอริยวิหาเรหิ วา สตฺตานํ วิวิธํ หิตํ หรตีติ วิหรติ. หรตีติ อุปสํหรติ, อุปเนติ, ชเนติ, อุปฺปาเทตีติ วุตฺตํ โหติ. ตถา หิ ยทา สตฺตา กาเมสุ วิปฺปฏิปชฺชนฺติ, ตทา กิร ภควา ทิพฺเพน วิหาเรน วิหรติ เตสํ อโลภกุสลมูลุปฺปาทนตฺถํ – ‘‘อปฺเปว นาม อิมํ ปฏิปตฺตึ ทิสฺวา เอตฺถ รุจึ อุปฺปาเทตฺวา กาเมสุ วิรชฺเชยฺยุ’’นฺติ. ยทา ปน อิสฺสริยตฺถํ สตฺเตสุ วิปฺปฏิปชฺชนฺติ, ตทา พฺรหฺมวิหาเรน วิหรติ เตสํ อโทสกุสลมูลุปฺปาทนตฺถํ – ‘‘อปฺเปว นาม อิมํ ปฏิปตฺตึ ทิสฺวา เอตฺถ รุจึ อุปฺปาเทตฺวา อโทเสน โทสํ วูปสเมยฺยุ’’นฺติ. ยทา ปน ปพฺพชิตา ธมฺมาธิกรณํ วิวทนฺติ, ตทา อริยวิหาเรน วิหรติ เตสํ อโมหกุสลมูลุปฺปาทนตฺถํ – ‘‘อปฺเปว นาม อิมํ ปฏิปตฺตึ ทิสฺวา เอตฺถ รุจึ อุปฺปาเทตฺวา อโมเหน โมหํ วูปสเมยฺยุ’’นฺติ. อิริยาปถวิหาเรน ปน น กทาจิ น วิหรติ ตํ วินา อตฺตภาวปริหรณาภาวโตติ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถารํ ปน มงฺคลสุตฺตวณฺณนายํ วกฺขาม.
ทกฺขิณาคิริสฺมินฺติ โย โส ราชคหํ ปริวาเรตฺวา ิโต คิริ, ตสฺส ทกฺขิณปสฺเส ชนปโท ‘‘ทกฺขิณาคิรี’’ติ วุจฺจติ, ตสฺมึ ชนปเทติ วุตฺตํ โหติ. ตตฺถ วิหารสฺสาปิ ตเทว นามํ. เอกนาฬายํ พฺราหฺมณคาเมติ เอกนาฬาติ ตสฺส คามสฺส นามํ. พฺราหฺมณา เจตฺถ สมฺพหุลา ปฏิวสนฺติ, พฺราหฺมณโภโค วา โส, ตสฺมา ‘‘พฺราหฺมณคาโม’’ติ วุจฺจติ.
เตน ¶ โข ปน สมเยนาติ ยํ สมยํ ภควา อปราชิตปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุชฺฌิตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺโก มคธรฏฺเ ¶ เอกนาฬํ พฺราหฺมณคามํ อุปนิสฺสาย ทกฺขิณาคิริมหาวิหาเร ¶ พฺราหฺมณสฺส อินฺทฺริยปริปากํ อาคมยมาโน วิหรติ, เตน สมเยน กรณภูเตนาติ วุตฺตํ โหติ. โข ปนาติ อิทํ ปเนตฺถ นิปาตทฺวยํ ปทปูรณมตฺตํ, อธิการนฺตรทสฺสนตฺถํ วาติ ทฏฺพฺพํ. กสิภารทฺวาชสฺส พฺราหฺมณสฺสาติ โส พฺราหฺมโณ กสิยา ชีวติ, ภารทฺวาโชติ จสฺส โคตฺตํ, ตสฺมา เอวํ วุจฺจติ. ปฺจมตฺตานีติ ยถา – ‘‘โภชเน มตฺตฺู’’ติ เอตฺถ มตฺตสทฺโท ปมาเณ วตฺตติ, เอวมิธาปิ, ตสฺมา ปฺจปมาณานิ อนูนานิ อนธิกานิ, ปฺจนงฺคลสตานีติ วุตฺตํ โหติ. ปยุตฺตานีติ ปโยชิตานิ, พลิพทฺทานํ ขนฺเธสุ เปตฺวา ยุเค โยตฺเตหิ โยชิตานิ โหนฺตีติ อตฺโถ.
วปฺปกาเลติ วปนกาเล, พีชนิกฺขิปกาเลติ วุตฺตํ โหติ. ตตฺถ ทฺเว วปฺปานิ กลลวปฺปฺจ, ปํสุวปฺปฺจ. ปํสุวปฺปํ อิธ อธิปฺเปตํ. ตฺจ โข ปมทิวเส มงฺคลวปฺปํ. ตตฺถายํ อุปกรณสมฺปทา – ตีณิ พลิพทฺทสหสฺสานิ อุปฏฺาปิตานิ โหนฺติ, สพฺเพสํ สุวณฺณมยานิ สิงฺคานิ ปฏิมุกฺกานิ, รชตมยา ขุรา, สพฺเพ เสตมาลาหิ สพฺพคนฺธสุคนฺเธหิ ปฺจงฺคุลิเกหิ จ อลงฺกตา ปริปุณฺณงฺคปจฺจงฺคา สพฺพลกฺขณสมฺปนฺนา, เอกจฺเจ กาฬา อฺชนวณฺณาเยว, เอกจฺเจ เสตา ผลิกวณฺณา, เอกจฺเจ รตฺตา ปวาฬวณฺณา, เอกจฺเจ กมฺมาสา มสารคลฺลวณฺณา. ปฺจสตา กสฺสกปุริสา สพฺเพ อหตเสตวตฺถนิวตฺถา มาลาลงฺกตา ทกฺขิณอํสกูเฏสุ ปิตปุปฺผจุมฺพฏกา หริตาลมโนสิลาลฺฉนุชฺชลิตคตฺตภาคา ทส ทส นงฺคลา เอเกกคุมฺพา หุตฺวา คจฺฉนฺติ. นงฺคลานํ สีสฺจ ยุคฺจ ปโตทา จ สุวณฺณวินทฺธา. ปมนงฺคเล อฏฺ พลิพทฺทา ยุตฺตา, เสเสสุ จตฺตาโร จตฺตาโร, อวเสสา กิลนฺตปริวตฺตนตฺถํ อานีตา. เอเกกคุมฺเพ เอกเมกํ พีชสกฏํ เอเกโก กสติ, เอเกโก วปติ.
พฺราหฺมโณ ปน ปเคว มสฺสุกมฺมํ การาเปตฺวา นฺหตฺวา สุคนฺธคนฺเธหิ วิลิตฺโต ปฺจสตคฺฆนกํ ¶ วตฺถํ นิวาเสตฺวา สหสฺสคฺฆนกํ เอกํสํ กริตฺวา เอกเมกิสฺสา องฺคุลิยา ทฺเว ทฺเว กตฺวา วีสติ องฺคุลิมุทฺทิกาโย, กณฺเณสุ สีหกุณฺฑลานิ, สีเส จ พฺรหฺมเวนํ ปฏิมฺุจิตฺวา สุวณฺณมาลํ กณฺเ ¶ กตฺวา พฺราหฺมณคณปริวุโต กมฺมนฺตํ โวสาสติ. อถสฺส พฺราหฺมณี อเนกสตภาชเนสุ ปายาสํ ปจาเปตฺวา มหาสกเฏสุ อาโรเปตฺวา คนฺโธทเกน นฺหายิตฺวา สพฺพาลงฺการวิภูสิตา พฺราหฺมณีคณปริวุตา กมฺมนฺตํ อคมาสิ. เคหมฺปิสฺส สพฺพตฺถ คนฺเธหิ สุวิลิตฺตํ ปุปฺเผหิ สุกตพลิกมฺมํ, เขตฺตฺจ เตสุ เตสุ าเนสุ สมุสฺสิตปฏากํ อโหสิ. ปริชนกมฺมกาเรหิ ¶ สห กมฺมนฺตํ โอสฏปริสา อฑฺฒเตยฺยสหสฺสา อโหสิ. สพฺเพ อหตวตฺถนิวตฺถา, สพฺเพสฺจ ปายาสโภชนํ ปฏิยตฺตํ อโหสิ.
อถ พฺราหฺมโณ ยตฺถ สามํ ภฺุชติ, ตํ สุวณฺณปาตึ โธวาเปตฺวา ปายาสสฺส ปูเรตฺวา สปฺปิมธุผาณิตาทีนิ อภิสงฺขริตฺวา นงฺคลพลิกมฺมํ การาเปสิ. พฺราหฺมณี ปฺจ กสฺสกสตานิ สุวณฺณรชตกํสตมฺพมยานิ ภาชนานิ คเหตฺวา นิสินฺนานิ สุวณฺณกฏจฺฉุํ คเหตฺวา ปายาเสน ปริวิสนฺตี คจฺฉติ. พฺราหฺมโณ ปน พลิกมฺมํ การาเปตฺวา รตฺตสุวณฺณพนฺธูปาหนาโย อาโรหิตฺวา รตฺตสุวณฺณทณฺฑํ คเหตฺวา ‘‘อิธ ปายาสํ เทถ, อิธ สปฺปึ, อิธ สกฺขรํ เทถา’’ติ โวสาสมาโน วิจรติ. อถ ภควา คนฺธกุฏิยํ นิสินฺโนว พฺราหฺมณสฺส ปริเวสนํ วตฺตมานํ ตฺวา ‘‘อยํ กาโล พฺราหฺมณํ ทเมตุ’’นฺติ นิวาเสตฺวา, กายพนฺธนํ พนฺธิตฺวา, สงฺฆาฏึ ปารุปิตฺวา, ปตฺตํ คเหตฺวา, คนฺธกุฏิโต นิกฺขมิ ยถา ตํ อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ. เตนาห อายสฺมา อานนฺโท ‘‘อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา’’ติ.
ตตฺถ อถ อิติ นิปาโต อฺาธิการวจนารมฺเภ โขติ ¶ ปทปูรเณ. ภควาติ วุตฺตนยเมว. ปุพฺพณฺหสมยนฺติ ทิวสสฺส ปุพฺพภาคสมยํ, ปุพฺพณฺหสมเยติ อตฺโถ, ปุพฺพณฺเห วา สมยํ ปุพฺพณฺหสมยํ, ปุพฺพณฺเห เอกํ ขณนฺติ วุตฺตํ โหติ. เอวํ อจฺจนฺตสํโยเค อุปโยควจนํ ลพฺภติ. นิวาเสตฺวาติ ปริทหิตฺวา, วิหารนิวาสนปริวตฺตนวเสเนตํ เวทิตพฺพํ. น หิ ภควา ตโต ปุพฺเพ อนิวตฺโถ อาสิ. ปตฺตจีวรมาทายาติ ปตฺตํ หตฺเถหิ, จีวรํ กาเยน อาทิยิตฺวา, สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ธาเรตฺวาติ อตฺโถ. ภควโต กิร ปิณฺฑาย ปวิสิตุกามสฺส ภมโร วิย วิกสิตปทุมทฺวยมชฺฌํ, อินฺทนีลมณิวณฺณํ ¶ เสลมยํ ปตฺตํ หตฺถทฺวยมชฺฌํ อาคจฺฉติ. ตสฺมา เอวมาคตํ ปตฺตํ หตฺเถหิ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา จีวรฺจ ปริมณฺฑลํ ปารุตํ กาเยน ธาเรตฺวาติ เอวมสฺส อตฺโถ เวทิตพฺโพ. เยน วา เตน วา หิ ปกาเรน คณฺหนฺโต อาทาย อิจฺเจว วุจฺจติ ยถา ‘‘สมาทาเยว ปกฺกมตี’’ติ.
เยนาติ เยน มคฺเคน. กมฺมนฺโตติ กมฺมกรโณกาโส. เตนาติ เตน มคฺเคน. อุปสงฺกมีติ คโต, เยน มคฺเคน กสิภารทฺวาชสฺส พฺราหฺมณสฺส กมฺมนฺโต คมฺมติ, เตน มคฺเคน คโตติ วุตฺตํ โหติ. อถ กสฺมา, ภิกฺขู, ภควนฺตํ นานุพนฺธึสูติ? วุจฺจเต – ยทา ภควา เอกโกว กตฺถจิ อุปสงฺกมิตุกาโม โหติ, ภิกฺขาจารเวลายํ ทฺวารํ ปิทหิตฺวา อนฺโตคนฺธกุฏึ ปวิสติ. ตโต ภิกฺขู ตาย สฺาย ชานนฺติ – ‘‘อชฺช ภควา เอกโกว คามํ ปวิสิตุกาโม, อทฺธา กฺจิ เอว วิเนตพฺพปุคฺคลํ อทฺทสา’’ติ. เต อตฺตโน ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา, คนฺธกุฏึ ปทกฺขิณํ ¶ กตฺวา, ภิกฺขาจารํ คจฺฉนฺติ. ตทา จ ภควา เอวมกาสิ. ตสฺมา ภิกฺขู ภควนฺตํ นานุพนฺธึสูติ.
เตน ¶ โข ปน สมเยนาติ เยน สมเยน ภควา กมฺมนฺตํ อุปสงฺกมิ, เตน สมเยน ตสฺส พฺราหฺมณสฺส ปริเวสนา วตฺตติ, ภตฺตวิสฺสคฺโค วตฺตตีติ อตฺโถ. ยํ ปุพฺเพ อโวจุมฺห – ‘‘พฺราหฺมณี ปฺจ กสฺสกสตานิ สุวณฺณรชตกํสตมฺพมยานิ ภาชนานิ คเหตฺวา นิสินฺนานิ สุวณฺณกฏจฺฉุํ คเหตฺวา ปายาเสน ปริวิสนฺตี คจฺฉตี’’ติ. อถ โข ภควา เยน ปริเวสนา เตนุปสงฺกมิ. กึ การณาติ? พฺราหฺมณสฺส อนุคฺคหกรณตฺถํ. น หิ ภควา กปณปุริโส วิย โภตฺตุกามตาย ปริเวสนํ อุปสงฺกมติ. ภควโต หิ ทฺเว อสีติสหสฺสสงฺขฺยา สกฺยโกลิยราชาโน าตโย, เต อตฺตโน สมฺปตฺติยา นิพทฺธภตฺตํ ทาตุํ อุสฺสหนฺติ. น ปน ภควา ภตฺตตฺถาย ปพฺพชิโต, อปิจ โข ปน ‘‘อเนกานิ อสงฺขฺเยยฺยานิ ปฺจ มหาปริจฺจาเค ปริจฺจชนฺโต ปารมิโย ปูเรตฺวา มุตฺโต โมเจสฺสามิ, ทนฺโต ทเมสฺสามิ; สนฺโต สเมสฺสามิ, ปรินิพฺพุโต ปรินิพฺพาเปสฺสามี’’ติ ปพฺพชิโต. ตสฺมา อตฺตโน มุตฺตตฺตา…เป… ปรินิพฺพุตตฺตา จ ปรํ โมเจนฺโต…เป… ปรินิพฺพาเปนฺโต จ โลเก วิจรนฺโต พฺราหฺมณสฺส อนุคฺคหกรณตฺถํ เยน ปริเวสนา เตนุปสงฺกมีติ เวทิตพฺพํ.
อุปสงฺกมิตฺวา ¶ เอกมนฺตํ อฏฺาสีติ เอวํ อุปสงฺกมิตฺวา จ เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตนฺติ ภาวนปุํสกนิทฺเทโส, เอโกกาสํ เอกปสฺสนฺติ วุตฺตํ โหติ. ภุมฺมตฺเถ วา อุปโยควจนํ, ตสฺส ทสฺสนูปจาเร กถาสวนฏฺาเน, ยตฺถ ิตํ พฺราหฺมโณ ปสฺสติ, ตตฺถ อุจฺจฏฺาเน อฏฺาสิ. ตฺวา จ สุวณฺณรสปิฺชรํ สหสฺสจนฺทสูริโยภาสาติภาสยมานํ สรีราภํ มฺุจิ สมนฺตโต อสีติหตฺถปริมาณํ, ยาย อชฺโฌตฺถริตตฺตา พฺราหฺมณสฺส กมฺมนฺตสาลาภิตฺติรุกฺขกสิตมตฺติกาปิณฺฑาทโย สุวณฺณมยา วิย อเหสุํ. อถ มนุสฺสา ปายาสํ ภุตฺตา อสีติอนุพฺยฺชนปริวารทฺวตฺตึสวรลกฺขณปฏิมณฺฑิตสรีรํ พฺยามปฺปภาปริกฺเขปวิภูสิตพาหุยุคฬํ เกตุมาลาสมุชฺชลิตสสฺสิริกทสฺสนํ ¶ ชงฺคมมิว ปทุมสฺสรํ, รํสิชาลุชฺชลิตตาราคณมิว คคนตลํ, อาทิตฺตมิว จ กนกคิริสิขรํ สิริยา ชลมานํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ เอกมนฺตํ ิตํ ทิสฺวา หตฺถปาเท โธวิตฺวา อฺชลึ ปคฺคยฺห สมฺปริวาเรตฺวา อฏฺํสุ. เอวํ เตหิ สมฺปริวาริตํ อทฺทส โข กสิภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ ปิณฺฑาย ิตํ. ทิสฺวาน ภควนฺตํ เอตทโวจ ‘‘อหํ โข, สมณ, กสามิ จ วปามิ จา’’ติ.
กสฺมา ปนายํ เอวมาห? กึ สมนฺตปาสาทิเก ปสาทนีเย อุตฺตมทมถสมถมนุปฺปตฺเตปิ ภควติ ¶ อปฺปสาเทน, อุทาหุ อฑฺฒเตยฺยานํ ชนสหสฺสานํ ปายาสํ ปฏิยาเทตฺวาปิ กฏจฺฉุภิกฺขาย มจฺเฉเรนาติ? อุภยถาปิ โน, อปิจ ขฺวาสฺส ภควโต ทสฺสเนน อติตฺตํ นิกฺขิตฺตกมฺมนฺตํ ชนํ ทิสฺวา ‘‘กมฺมภงฺคํ เม กาตุํ อาคโต’’ติ อนตฺตมนตา อโหสิ. ตสฺมา เอวมาห. ภควโต จ ลกฺขณสมฺปตฺตึ ทิสฺวา ‘‘สจายํ กมฺมนฺเต ปโยชยิสฺส, สกลชมฺพุทีเป มนุสฺสานํ สีเส จูฬามณิ วิย อภวิสฺส, โก นามสฺส อตฺโถ น สมฺปชฺชิสฺส, เอวเมวํ อลสตาย กมฺมนฺเต อปฺปโยเชตฺวา วปฺปมงฺคลาทีสุ ปิณฺฑาย จริตฺวา ภฺุชนฺโต กายทฬฺหีพหุโล วิจรตี’’ติปิสฺส อโหสิ. เตนาห – ‘‘อหํ โข, สมณ, กสามิ จ วปามิ จ, กสิตฺวา จ วปิตฺวา จ ภฺุชามี’’ติ. น เม กมฺมนฺตา พฺยาปชฺชนฺติ, น จมฺหิ ยถา ตฺวํ เอวํ ลกฺขณสมฺปนฺโนติ อธิปฺปาโย. ตฺวมฺปิ สมณ…เป… ภฺุชสฺสุ, โก เต อตฺโถ น สมฺปชฺเชยฺย เอวํ ลกฺขณสมฺปนฺนสฺสาติ อธิปฺปาโย.
อปิจายํ ¶ อสฺโสสิ – ‘‘สกฺยราชกุเล กิร กุมาโร อุปฺปนฺโน, โส จกฺกวตฺติรชฺชํ ปหาย ปพฺพชิโต’’ติ. ตสฺมา ‘‘อิทานิ อยํ โส’’ติ ตฺวา ‘‘จกฺกวตฺติรชฺชํ กิร ปหาย กิลนฺโตสี’’ติ อุปารมฺภํ กโรนฺโต อาห ‘‘อหํ โข สมณา’’ติ. อปิจายํ ติกฺขปฺโ พฺราหฺมโณ, น ภควนฺตํ อวกฺขิปนฺโต ¶ ภณติ, ภควโต ปน รูปสมฺปตฺตึ ทิสฺวา ปฺาสมฺปตฺตึ สมฺภาวยมาโน กถาปวตฺตนตฺถมฺปิ เอวมาห – ‘‘อหํ โข สมณา’’ติ. ตโต ภควา เวเนยฺยวเสน สเทวเก โลเก อคฺคกสฺสกวปฺปกภาวํ อตฺตโน ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อหมฺปิ โข พฺราหฺมณา’’ติ.
อถ พฺราหฺมณสฺส จินฺตา อุทปาทิ – ‘‘อยํ สมโณ ‘กสามิ จ วปามิ จา’ติ อาห. น จสฺส โอฬาริกานิ ยุคนงฺคลาทีนิ กสิภณฺฑานิ ปสฺสามิ, โส มุสา นุ โข ภณติ, โน’’ติ ภควนฺตํ ปาทตลา ปฏฺาย ยาว อุปริ เกสนฺตา สมฺมาโลกยมาโน องฺควิชฺชาย กตาธิการตฺตา ทฺวตฺตึสวรลกฺขณสมฺปตฺติมสฺส ตฺวา ‘‘อฏฺานเมตํ อนวกาโส, ยํ เอวรูโป มุสา ภเณยฺยา’’ติ ตาวเทว สฺชาตพหุมาโน ภควติ สมณวาทํ ปหาย โคตฺเตน ภควนฺตํ สมุทาจรมาโน อาห ‘‘น โข ปน มยํ ปสฺสาม โภโต โคตมสฺสา’’ติ.
เอวฺจ ปน วตฺวา ติกฺขปฺโ พฺราหฺมโณ ‘‘คมฺภีรตฺถํ สนฺธาย อิมินา เอตํ วุตฺต’’นฺติ ตฺวา ปุจฺฉิตฺวา ตมตฺถํ าตุกาโม ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ. เตนาห อายสฺมา อานนฺโท ‘‘อถ โข กสิภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสี’’ติ. ตตฺถ คาถายาติ อกฺขรปทนิยมิเตน วจเนน. อชฺฌภาสีติ อภาสิ.
๗๖-๗๗. ตตฺถ ¶ พฺราหฺมโณ ‘‘กสิ’’นฺติ ยุคนงฺคลาทิกสิสมฺภารสมาโยคํ วทติ. ภควา ปน ยสฺมา ปุพฺพธมฺมสภาเคน โรเปตฺวา กถนํ นาม พุทฺธานํ อานุภาโว, ตสฺมา พุทฺธานุภาวํ ทีเปนฺโต ปุพฺพธมฺมสภาเคน โรเปนฺโต อาห – ‘‘สทฺธา พีช’’นฺติ. โก ปเนตฺถ ปุพฺพธมฺมสภาโค, นนุ พฺราหฺมเณน ภควา ยุคนงฺคลาทิกสิสมฺภารสมาโยคํ ปุจฺฉิโต อถ จ ปน อปุจฺฉิตสฺส พีชสฺส สภาเคน โรเปนฺโต อาห – ‘‘สทฺธา พีช’’นฺติ, เอวฺจ สติ อนนุสนฺธิกาว อยํ กถา โหตีติ? วุจฺจเต – น พุทฺธานํ ¶ อนนุสนฺธิกา นาม กถา อตฺถิ, นาปิ พุทฺธา ปุพฺพธมฺมสภาคํ อนาโรเปตฺวา กเถนฺติ. เอวฺเจตฺถ ¶ อนุสนฺธิ เวทิตพฺพา – อเนน หิ พฺราหฺมเณน ภควา ยุคนงฺคลาทิกสิสมฺภารวเสน กสึ ปุจฺฉิโต. โส ตสฺส อนุกมฺปาย ‘‘อิทํ อปุจฺฉิต’’นฺติ อปริหาเปตฺวา สมูลํ สอุปการํ สสมฺภารํ สผลํ กสึ าเปตุํ มูลโต ปฏฺาย กสึ ทสฺเสนฺโต อาห – ‘‘สทฺธา พีช’’นฺติ. พีชฺหิ กสิยา มูลํ ตสฺมึ สติ กตฺตพฺพโต, อสติ อกตฺตพฺพโต, ตปฺปมาเณน จ กตฺตพฺพโต. พีเช หิ สติ กสึ กโรนฺติ, อสติ น กโรนฺติ. พีชปฺปมาเณน จ กุสลา กสฺสกา เขตฺตํ กสนฺติ, น อูนํ ‘‘มา โน สสฺสํ ปริหายี’’ติ, น อธิกํ ‘‘มา โน โมโฆ วายาโม อโหสี’’ติ. ยสฺมา จ พีชเมว มูลํ, ตสฺมา ภควา มูลโต ปฏฺาย กสึ ทสฺเสนฺโต ตสฺส พฺราหฺมณสฺส กสิยา ปุพฺพธมฺมสฺส พีชสฺส สภาเคน อตฺตโน กสิยา ปุพฺพธมฺมํ โรเปนฺโต อาห – ‘‘สทฺธา พีช’’นฺติ. เอวเมตฺถ ปุพฺพธมฺมสภาโค เวทิตพฺโพ.
ปุจฺฉิตํเยว วตฺวา อปุจฺฉิตํ ปจฺฉา กึ น วุตฺตนฺติ เจ? ตสฺส อุปการภาวโต ธมฺมสมฺพนฺธสมตฺถภาวโต จ. อยฺหิ พฺราหฺมโณ ปฺวา, มิจฺฉาทิฏฺิกุเล ปน ชาตตฺตา สทฺธาวิรหิโต. สทฺธาวิรหิโต จ ปฺวา ปเรสํ สทฺธาย อตฺตโน วิสเย อปฏิปชฺชมาโน วิเสสํ นาธิคจฺฉติ, กิเลสกาลุสฺสิยภาวาปคมปฺปสาทมตฺตลกฺขณาปิ จสฺส ทุพฺพลา สทฺธา พลวติยา ปฺาย สห วตฺตมานา อตฺถสิทฺธึ น กโรติ, หตฺถินา สห เอกธุเร ยุตฺตโคโณ วิย. ตสฺมา ตสฺส สทฺธา อุปการิกา. เอวํ ตสฺส พฺราหฺมณสฺส สอุปการภาวโต ตํ พฺราหฺมณํ สทฺธาย ปติฏฺาเปนฺเตน ปจฺฉาปิ วตฺตพฺโพ อยมตฺโถ ปุพฺเพ วุตฺโต เทสนากุสลตาย ยถา อฺตฺราปิ ‘‘สทฺธา พนฺธติ ปาเถยฺย’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๗๙) จ, ‘‘สทฺธา ทุติยา ปุริสสฺส โหตี’’ติ (สํ. นิ. ๑.๕๙) จ, ‘‘สทฺธีธ วิตฺตํ ปุริสสฺส เสฏฺ’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๗๓, ๒๔๖; สุ. นิ. ๑๘๔) จ, ‘‘สทฺธาย ตรติ โอฆ’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๒๔๖) จ, ‘‘สทฺธาหตฺโถ มหานาโค’’ติ (อ. นิ. ๖.๔๓; เถรคา. ๖๙๔) จ, ‘‘สทฺเธสิโก โข, ภิกฺขเว, อริยสาวโกติ จา’’ติ (อ. นิ. ๗.๖๗). พีชสฺส จ อุปการิกา ¶ วุฏฺิ, สา ตทนนฺตรฺเว วุจฺจมานา สมตฺถา โหติ ¶ . เอวํ ธมฺมสมฺพนฺธสมตฺถภาวโต ¶ ปจฺฉาปิ วตฺตพฺโพ อยมตฺโถ ปุพฺเพ วุตฺโต, อฺโ จ เอวํวิโธ อีสาโยตฺตาทิ.
ตตฺถ สมฺปสาทนลกฺขณา สทฺธา, โอกปฺปนลกฺขณา วา, ปกฺขนฺทนรสา, อธิมุตฺติปจฺจุปฏฺานา, อกาลุสฺสิยปจฺจุปฏฺานา วา, โสตาปตฺติยงฺคปทฏฺานา, สทฺทหิตพฺพธมฺมปทฏฺานา วา, อาทาสชลตลาทีนํ ปสาโท วิย เจตโส ปสาทภูตา, อุทกปฺปสาทกมณิ วิย อุทกสฺส, สมฺปยุตฺตธมฺมานํ ปสาทิกา. พีชนฺติ ปฺจวิธํ – มูลพีชํ, ขนฺธพีชํ, ผลุพีชํ, อคฺคพีชํ, พีชพีชเมว ปฺจมนฺติ. ตํ สพฺพมฺปิ วิรุหนฏฺเน พีชํตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ. ยถาห – ‘‘พีชฺเจตํ วิรุหนฏฺเนา’’ติ.
ตตฺถ ยถา พฺราหฺมณสฺส กสิยา มูลภูตํ พีชํ ทฺเว กิจฺจานิ กโรติ, เหฏฺา มูเลน ปติฏฺาติ, อุปริ องฺกุรํ อุฏฺาเปติ; เอวํ ภควโต กสิยา มูลภูตา สทฺธา เหฏฺา สีลมูเลน ปติฏฺาติ, อุปริ สมถวิปสฺสนงฺกุรํ อุฏฺาเปติ. ยถา จ ตํ มูเลน ปถวิรสํ อาโปรสํ คเหตฺวา นาเฬน ธฺปริปากคหณตฺถํ วฑฺฒติ; เอวมยํ สีลมูเลน สมถวิปสฺสนารสํ คเหตฺวา อริยมคฺคนาเฬน อริยผลธฺปริปากคหณตฺถํ วฑฺฒติ. ยถา จ ตํ สุภูมิยํ ปติฏฺหิตฺวา มูลงฺกุรปณฺณนาฬกณฺฑปฺปสเวหิ วุฑฺฒึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ ปตฺวา, ขีรํ ชเนตฺวา, อเนกสาลิผลภริตํ สาลิสีสํ นิปฺผาเทติ; เอวมยํ จิตฺตสนฺตาเน ปติฏฺหิตฺวา สีลจิตฺตทิฏฺิกงฺขาวิตรณมคฺคามคฺคาณทสฺสนปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธีหิ วุฑฺฒึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ ปตฺวา าณทสฺสนวิสุทฺธิขีรํ ชเนตฺวา อเนกปฏิสมฺภิทาภิฺาภริตํ อรหตฺตผลํ นิปฺผาเทติ. เตนาห ภควา – ‘‘สทฺธา พีช’’นฺติ.
ตตฺถ สิยา ‘‘ปโรปฺาสกุสลธมฺเมสุ เอกโต อุปฺปชฺชมาเนสุ กสฺมา สทฺธาว พีชนฺติ วุตฺตา’’ติ? วุจฺจเต – พีชกิจฺจกรณโต. ยถา หิ เตสุ วิฺาณํเยว วิชานนกิจฺจํ กโรติ, เอวํ สทฺธา พีชกิจฺจํ, สา จ สพฺพกุสลานํ มูลภูตา. ยถาห –
‘‘สทฺธาชาโต อุปสงฺกมติ, อุปสงฺกมนฺโต ปยิรุปาสติ, ปยิรุปาสนฺโต โสตํ โอทหติ ¶ , โอหิตโสโต ธมฺมํ สุณาติ, สุตฺวา ธมฺมํ ธาเรติ, ธตานํ ธมฺมานํ อตฺถํ อุปปริกฺขติ ¶ , อตฺถํ อุปปริกฺขโต ธมฺมา นิชฺฌานํ ขมนฺติ, ธมฺมนิชฺฌานกฺขนฺติยา สติ ฉนฺโท ชายติ, ฉนฺทชาโต อุสฺสหติ, อุสฺสาเหตฺวา ตุลยติ, ตุลยิตฺวา ปทหติ, ปหิตตฺโต ¶ สมาโน กาเยน เจว ปรมสจฺจํ สจฺฉิกโรติ, ปฺาย จ นํ อติวิชฺฌปสฺสตี’’ติ (ม. นิ. ๒.๑๘๓, ๔๓๒).
ตปติ อกุสเล ธมฺเม กายฺจาติ ตโป; อินฺทฺริยสํวรวีริยธุตงฺคทุกฺกรการิกานํ เอตํ อธิวจนํ. อิธ ปน อินฺทฺริยสํวโร อธิปฺเปโต. วุฏฺีติ วสฺสวุฏฺิวาตวุฏฺีติอาทินา อเนกวิธา. อิธ วสฺสวุฏฺิ อธิปฺเปตา. ยถา หิ พฺราหฺมณสฺส วสฺสวุฏฺิสมนุคฺคหิตํ พีชํ พีชมูลกฺจ สสฺสํ วิรุหติ น มิลายติ นิปฺผตฺตึ คจฺฉติ, เอวํ ภควโต อินฺทฺริยสํวรสมนุคฺคหิตา สทฺธา สทฺธามูลา จ สีลาทโย ธมฺมา วิรุหนฺติ น มิลายนฺติ นิปฺผตฺตึ คจฺฉนฺติ. เตนาห – ‘‘ตโป วุฏฺี’’ติ. ‘‘ปฺา เม’’ติ เอตฺถ จ วุตฺโต เม-สทฺโท อิเมสุปิ ปเทสุ โยเชตพฺโพ ‘‘สทฺธา เม พีชํ, ตโป เม วุฏฺี’’ติ. เตน กึ ทีเปติ? ยถา, พฺราหฺมณ, ตยา วปิเต พีเช สเจ วุฏฺิ อตฺถิ, สาธุ, โน เจ อตฺถิ, อุทกมฺปิ ทาตพฺพํ โหติ, ตถา มยา หิริ-อีเส ปฺายุคนงฺคเล มโนโยตฺเตน เอกาพทฺเธ กเต วีริยพลิพทฺเท โยเชตฺวา สติปาจเนน วิชฺฌิตฺวา อตฺตโน จิตฺตสนฺตานเขตฺเต สทฺธาพีเช วปิเต วุฏฺิ-อภาโว นาม นตฺถิ. อยํ ปน เม สตตํ สมิตํ ตโป วุฏฺีติ.
ปชานาติ เอตาย ปุคฺคโล, สยํ วา ปชานาตีติ ปฺา, สา กามาวจราทิเภทโต อเนกวิธา. อิธ ปน สห วิปสฺสนาย มคฺคปฺา อธิปฺเปตา. ยุคนงฺคลนฺติ ยุคฺจ นงฺคลฺจ. ยถา หิ พฺราหฺมณสฺส ยุคนงฺคลํ, เอวํ ¶ ภควโต ทุวิธาปิ ปฺา. ตตฺถ ยถา ยุคํ อีสาย อุปนิสฺสยํ โหติ, ปุรโต โหติ, อีสาพทฺธํ โหติ, โยตฺตานํ นิสฺสยํ โหติ, พลิพทฺทานํ เอกโต คมนํ ธาเรติ, เอวํ ปฺา หิริปมุขานํ ธมฺมานํ อุปนิสฺสยา โหติ. ยถาห – ‘‘ปฺุตฺตรา สพฺเพ กุสลา ธมฺมา’’ติ (อ. นิ. ๘.๘๓) จ, ‘‘ปฺา หิ เสฏฺา กุสลา วทนฺติ, นกฺขตฺตราชาริว ตารกาน’’นฺติ (ชา. ๒.๑๗.๘๑) จ. กุสลานํ ธมฺมานํ ปุพฺพงฺคมฏฺเน ปุรโต จ โหติ. ยถาห – ‘‘สีลํ หิรี จาปิ สตฺจ ธมฺโม, อนฺวายิกา ปฺวโต ภวนฺตี’’ติ. หิริวิปฺปโยเคน ¶ อนุปฺปตฺติโต อีสาพทฺธา โหติ, มโนสงฺขาตสฺส สมาธิโยตฺตสฺส นิสฺสยปจฺจยโต โยตฺตานํ นิสฺสโย โหติ, อจฺจารทฺธาติลีนภาวปฏิเสธนโต วีริยพลิพทฺทานํ เอกโต คมนํ ธาเรติ. ยถา จ นงฺคลํ ผาลยุตฺตํ กสนกาเล ปถวิฆนํ ภินฺทติ, มูลสนฺตานกานิ ปทาเลติ, เอวํ สติยุตฺตา ปฺา วิปสฺสนากาเล ธมฺมานํ สนฺตติสมูหกิจฺจารมฺมณฆนํ ภินฺทติ, สพฺพกิเลสมูลสนฺตานกานิ ปทาเลติ. สา จ โข โลกุตฺตราว อิตรา ปน โลกิยาปิ สิยา. เตนาห – ‘‘ปฺา เม ยุคนงฺคล’’นฺติ.
หิรียติ ¶ เอตาย ปุคฺคโล, สยํ วา หิรียติ อกุสลปฺปวตฺตึ ชิคุจฺฉตีติ หิรี. ตคฺคหเณน สหจรณภาวโต โอตฺตปฺปํ คหิตํเยว โหติ. อีสาติ ยุคนงฺคลสนฺธาริกา ทารุยฏฺิ. ยถา หิ พฺราหฺมณสฺส อีสา ยุคนงฺคลํ สนฺธาเรติ, เอวํ ภควโตปิ หิรี โลกิยโลกุตฺตรปฺาสงฺขาตํ ยุคนงฺคลํ สนฺธาเรติ หิริยา อสติ ปฺาย อภาวโต. ยถา จ อีสาปฏิพทฺธํ ยุคนงฺคลํ กิจฺจกรํ โหติ อจลํ อสิถิลํ, เอวํ หิริปฏิพทฺธา จ ปฺา กิจฺจการี โหติ อจลา อสิถิลา อพฺโพกิณฺณา อหิริเกน. เตนาห ‘‘หิรี อีสา’’ติ.
มุนาตีติ มโน, จิตฺตสฺเสตํ อธิวจนํ. อิธ ปน มโนสีเสน ¶ ตํสมฺปยุตฺโต สมาธิ อธิปฺเปโต. โยตฺตนฺติ รชฺชุพนฺธนํ. ตํ ติวิธํ อีสาย สห ยุคสฺส พนฺธนํ, ยุเคน สห พลิพทฺทานํ พนฺธนํ, สารถินา สห พลิพทฺทานํ พนฺธนนฺติ. ตตฺถ ยถา พฺราหฺมณสฺส โยตฺตํ อีสายุคพลิพทฺเท เอกาพทฺเธ กตฺวา สกกิจฺเจ ปฏิปาเทติ, เอวํ ภควโต สมาธิ สพฺเพว เต หิริปฺาวีริยธมฺเม เอการมฺมเณ อวิกฺเขปภาเวน พนฺธิตฺวา สกกิจฺเจ ปฏิปาเทติ. เตนาห – ‘‘มโน โยตฺต’’นฺติ.
สรติ เอตาย จิรกตาทิมตฺถํ ปุคฺคโล, สยํ วา สรตีติ สติ, สา อสมฺมุสฺสนลกฺขณา. ผาเลตีติ ผาโล. ปาเชติ เอเตนาติ ปาชนํ. ตํ อิธ ‘‘ปาจน’’นฺติ วุจฺจติ, ปโตทสฺเสตํ อธิวจนํ. ผาโล จ ปาจนฺจ ผาลปาจนํ. ยถา หิ พฺราหฺมณสฺส ผาลปาจนํ, เอวํ ภควโต วิปสฺสนายุตฺตา มคฺคยุตฺตา จ สติ. ตตฺถ ยถา ผาโล นงฺคลมนุรกฺขติ, ปุรโต จสฺส คจฺฉติ, เอวํ สติ กุสลานํ ธมฺมานํ คติโย สมนฺเวสมานา อารมฺมเณ วา อุปฏฺาปยมานา ปฺานงฺคลํ รกฺขติ, ตถา หิ ‘‘สตารกฺเขน ¶ เจตสา วิหรตี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๑๐.๒๐) ‘‘อารกฺขา’’ติ วุตฺตา. อสมฺมุสฺสนวเสน จสฺส ปุรโต โหติ. สติปริจิเต หิ ธมฺเม ปฺา ปชานาติ, โน สมฺมุฏฺเ. ยถา จ ปาจนํ พลิพทฺทานํ วิชฺฌนภยํ ทสฺเสนฺตํ สํสีทนํ น เทติ, อุปฺปถคมนฺจ วาเรติ, เอวํ สติ วีริยพลิพทฺทานํ อปายภยํ ทสฺเสนฺตี โกสชฺชสํสีทนํ น เทติ, กามคุณสงฺขาเต อโคจเร จารํ นิวาเรตฺวา กมฺมฏฺาเน นิโยเชนฺตี อุปฺปถคมนฺจ วาเรติ. เตนาห – ‘‘สติ เม ผาลปาจน’’นฺติ.
๗๘. กายคุตฺโตติ ติวิเธน กายสุจริเตน คุตฺโต. วจีคุตฺโตติ จตุพฺพิเธน วจีสุจริเตน คุตฺโต. เอตฺตาวตา ปาติโมกฺขสํวรสีลํ วุตฺตํ. อาหาเร อุทเร ยโตติ เอตฺถ อาหารมุเขน สพฺพปจฺจยานํ สงฺคหิตตฺตา จตุพฺพิเธปิ ปจฺจเย ¶ ยโต สํยโต นิรุปกฺกิเลโสติ อตฺโถ. อิมินา อาชีวปาริสุทฺธิสีลํ วุตฺตํ. อุทเร ยโตติ อุทเร ยโต สํยโต มิตโภชี, อาหาเร ¶ มตฺตฺูติ วุตฺตํ โหติ. อิมินา โภชเน มตฺตฺุตามุเขน ปจฺจยปฏิเสวนสีลํ วุตฺตํ. เตน กึ ทีเปติ? ยถา ตฺวํ, พฺราหฺมณ, พีชํ วปิตฺวา สสฺสปริปาลนตฺถํ กณฺฏกวตึ วา รุกฺขวตึ วา ปาการปริกฺเขปํ วา กโรสิ, เตน เต โคมหึสมิคคณา ปเวสํ อลภนฺตา สสฺสํ น วิลุมฺปนฺติ, เอวมหมฺปิ สทฺธาพีชํ วปิตฺวา นานปฺปการกุสลสสฺสปริปาลนตฺถํ กายวจีอาหารคุตฺติมยํ ติวิธปริกฺเขปํ กโรมิ. เตน เม ราคาทิอกุสลธมฺมโคมหึสมิคคณา ปเวสํ อลภนฺตา นานปฺปการกุสลสสฺสํ น วิลุมฺปนฺตีติ.
สจฺจํ กโรมิ นิทฺทานนฺติ เอตฺถ ทฺวีหิ ทฺวาเรหิ อวิสํวาทนํ สจฺจํ. นิทฺทานนฺติ เฉทนํ ลุนนํ อุปฺปาฏนํ, กรณตฺเถ เจตํ อุปโยควจนํ เวทิตพฺพํ. อยฺหิ เอตฺถ อตฺโถ ‘‘สจฺเจน กโรมิ นิทฺทาน’’นฺติ. กึ วุตฺตํ โหติ? ยถา ตฺวํ พาหิรํ กสึ กสิตฺวา สสฺสทูสกานํ ติณานํ หตฺเถน วา อสิเตน วา นิทฺทานํ กโรสิ; เอวมหมฺปิ อชฺฌตฺติกํ กสึ กสิตฺวา กุสลสสฺสทูสกานํ วิสํวาทนติณานํ สจฺเจน นิทฺทานํ กโรมิ. าณสจฺจํ วา เอตฺถ สจฺจนฺติ เวทิตพฺพํ, ยํ ตํ ยถาภูตาณนฺติ วุจฺจติ. เตน อตฺตสฺาทีนํ ติณานํ นิทฺทานํ กโรมีติ เอวํ โยเชตพฺพํ. อถ วา นิทฺทานนฺติ เฉทกํ ลาวกํ, อุปฺปาฏกนฺติ อตฺโถ. เอวํ สนฺเต ยถา ตฺวํ ทาสํ วา กมฺมกรํ ¶ วา นิทฺทานํ กโรสิ, ‘‘นิทฺเทหิ ติณานี’’ติ ติณานํ เฉทกํ ลาวกํ อุปฺปาฏกํ กโรสิ; เอวมหํ สจฺจํ กโรมีติ อุปโยควจเนเนว วตฺตุํ ยุชฺชติ. อถ วา สจฺจนฺติ ทิฏฺิสจฺจํ. ตมหํ นิทฺทานํ กโรมิ, ฉินฺทิตพฺพํ ลุนิตพฺพํ อุปฺปาเฏตพฺพํ กโรมีติ เอวมฺปิ อุปโยควจเนเนว วตฺตุํ ยุชฺชติ.
โสรจฺจํ เม ปโมจนนฺติ เอตฺถ ยํ ตํ ‘‘กายิโก อวีติกฺกโม, วาจสิโก อวีติกฺกโม’’ติ, เอวํ ¶ สีลเมว ‘‘โสรจฺจ’’นฺติ วุตฺตํ, น ตํ อิธ อธิปฺเปตํ, วุตฺตเมว เอตํ ‘‘กายคุตฺโต’’ติอาทินา นเยน, อรหตฺตผลํ ปน อธิปฺเปตํ. ตมฺปิ หิ สุนฺทเร นิพฺพาเน รตภาวโต ‘‘โสรจฺจ’’นฺติ วุจฺจติ. ปโมจนนฺติ โยคฺควิสฺสชฺชนํ. กึ วุตฺตํ โหติ? ยถา ตว ปโมจนํ ปุนปิ สายนฺเห วา ทุติยทิวเส วา อนาคตสํวจฺฉเร วา โยเชตพฺพโต อปฺปโมจนเมว โหติ, น มม เอวํ. น หิ มม อนฺตรา โมจนํ นาม อตฺถิ. อหฺหิ ทีปงฺกรทสพลกาลโต ปภุติ ปฺานงฺคเล วีริยพลิพทฺเท โยเชตฺวา จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ กปฺปสตสหสฺสฺจ มหากสึ กสนฺโต ตาว น มฺุจึ, ยาว น สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุชฺฌิ. ยทา จ เม สพฺพํ ตํ กาลํ เขเปตฺวา โพธิรุกฺขมูเล อปราชิตปลฺลงฺเก นิสินฺนสฺส สพฺพคุณปริวารํ อรหตฺตผลํ อุทปาทิ, ตทา มยา ตํ สพฺพุสฺสุกฺกปฏิปฺปสฺสทฺธิปฺปตฺติยา ¶ ปมุตฺตํ, น ทานิ ปุน โยเชตพฺพํ ภวิสฺสตีติ. เอตมตฺถํ สนฺธายาห ภควา – ‘‘โสรจฺจํ เม ปโมจน’’นฺติ.
๗๙. วีริยํ เม ธุรโธรยฺหนฺติ เอตฺถ วีริยนฺติ ‘‘กายิโก วา, เจตสิโก วา วีริยารมฺโภ’’ติอาทินา นเยน วุตฺตปธานํ. ธุรายํ โธรยฺหํ ธุรโธรยฺหํ, ธุรํ วหตีติ อตฺโถ. ยถา หิ พฺราหฺมณสฺส ธุรายํ โธรยฺหากฑฺฒิตํ นงฺคลํ ภูมิฆนํ ภินฺทติ, มูลสนฺตานกานิ จ ปทาเลติ, เอวํ ภควโต วีริยากฑฺฒิตํ ปฺานงฺคลํ ยถาวุตฺตํ ฆนํ ภินฺทติ, กิเลสสนฺตานกานิ จ ปทาเลติ. เตนาห – ‘‘วีริยํ เม ธุรโธรยฺห’’นฺติ. อถ วา ปุริมธุรํ วหนฺตา ธุรา, มูลธุรํ วหนฺตา โธรยฺหา; ธุรา จ โธรยฺหา จ ธุรโธรยฺหา. ตตฺถ ยถา พฺราหฺมณสฺส เอกเมกสฺมึ นงฺคเล จตุพลิพทฺทปฺปเภทํ ธุรโธรยฺหํ วหนฺตํ อุปฺปนฺนานุปฺปนฺนติณมูลฆาตํ สสฺสสมฺปตฺติฺจ สาเธติ, เอวํ ภควโต จตุสมฺมปฺปธานวีริยปฺปเภทํ ธุรโธรยฺหํ วหนฺตํ อุปฺปนฺนานุปฺปนฺนากุสลมูลฆาตํ กุสลสมฺปตฺติฺจ ¶ สาเธติ. เตนาห – ‘‘วีริยํ เม ธุรโธรยฺห’’นฺติ.
โยคกฺเขมาธิวาหนนฺติ ¶ เอตฺถ โยเคหิ เขมตฺตา ‘‘โยคกฺเขม’’นฺติ นิพฺพานํ วุจฺจติ, ตํ อธิกตฺวา วาหียติ, อภิมุขํ วา วาหียตีติ อธิวาหนํ. โยคกฺเขมสฺส อธิวาหนํ โยคกฺเขมาธิวาหนํ. เตน กึ ทีเปติ? ยถา ตว ธุรโธรยฺหํ ปุรตฺถิมํ ทิสํ ปจฺฉิมาทีสุ วา อฺตรํ อภิมุขํ วาหียติ, ตถา มม ธุรโธรยฺหํ นิพฺพานาภิมุขํ วาหียติ.
เอวํ วาหิยมานฺจ คจฺฉติ อนิวตฺตนฺตํ. ยถา ตว นงฺคลํ วหนฺตํ ธุรโธรยฺหํ เขตฺตโกฏึ ปตฺวา ปุน นิวตฺตติ, เอวํ อนิวตฺตนฺตํ ทีปงฺกรกาลโต ปภุติ คจฺฉเตว. ยสฺมา วา เตน เตน มคฺเคน ปหีนา กิเลสา ปุนปฺปุนํ ปหาตพฺพา น โหนฺติ, ยถา ตว นงฺคเลน ฉินฺนานิ ติณานิ ปุนปิ อปรสฺมึ สมเย ฉินฺทิตพฺพานิ โหนฺติ, ตสฺมาปิ เอตํ ปมมคฺควเสน ทิฏฺเกฏฺเ กิเลเส, ทุติยวเสน โอฬาริเก, ตติยวเสน อนุสหคเต กิเลเส, จตุตฺถวเสน สพฺพกิเลเส ปชหนฺตํ คจฺฉติ อนิวตฺตนฺตํ. อถ วา คจฺฉติ อนิวตฺตนฺติ นิวตฺตนรหิตํ หุตฺวา คจฺฉตีติ อตฺโถ. นฺติ ตํ ธุรโธรยฺหํ. เอวมฺเปตฺถ ปทจฺเฉโท เวทิตพฺโพ. เอวํ คจฺฉนฺตฺจ ยถา ตว ธุรโธรยฺหํ น ตํ านํ คจฺฉติ, ยตฺถ คนฺตฺวา กสฺสโก อโสโก นิสฺโสโก วิรโช หุตฺวา น โสจติ, เอตํ ปน ตํ านํ คจฺฉติ, ยตฺถ คนฺตฺวา น โสจติ. ยตฺถ สติปาจเนน เอตํ วีริยธุรโธรยฺหํ โจเทนฺโต คนฺตฺวา มาทิโส กสฺสโก อโสโก นิสฺโสโก วิรโช หุตฺวา น โสจติ, ตํ สพฺพโสกสลฺลสมุคฺฆาตภูตํ นิพฺพานามตสงฺขาตํ านํ คจฺฉตีติ.
๘๐. อิทานิ ¶ นิคมนํ กโรนฺโต ภควา อิมํ คาถมาห –
‘‘เอวเมสา กสี กฏฺา, สา โหติ อมตปฺผลา;
เอตํ กสึ กสิตฺวาน, สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจตี’’ติ.
ตสฺสายํ สงฺเขปตฺโถ – มยา พฺราหฺมณ เอสา สทฺธาพีชา ตโปวุฏฺิยา อนุคฺคหิตา กสิ, ปฺามยํ ยุคนงฺคลํ, หิริมยฺจ อีสํ, มโนมเยน โยตฺเตน, เอกาพทฺธํ ¶ กตฺวา, ปฺานงฺคเล สติผาลํ อาโกเฏตฺวา, สติปาจนํ คเหตฺวา, กายวจีอาหารคุตฺติยา โคเปตฺวา, สจฺจํ นิทฺทานํ กตฺวา, โสรจฺจํ ปโมจนํ วีริยํ ธุรโธรยฺหํ โยคกฺเขมาภิมุขํ อนิวตฺตนฺตํ วาเหนฺเตน กฏฺา, กสิกมฺมปริโยสานํ จตุพฺพิธํ สามฺผลํ ปาปิตา, สา ¶ โหติ อมตปฺผลา, สา เอสา กสิ อมตปฺผลา โหติ. อมตํ วุจฺจติ นิพฺพานํ, นิพฺพานานิสํสา โหตีติ อตฺโถ. สา โข ปเนสา กสิ น มเมเวกสฺส อมตปฺผลา โหติ, อปิจ, โข, ปน โย โกจิ ขตฺติโย วา พฺราหฺมโณ วา เวสฺโส วา สุทฺโท วา คหฏฺโ วา ปพฺพชิโต วา เอตํ กสึ กสติ, โส สพฺโพปิ เอตํ กสึ กสิตฺวาน, สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจติ, สพฺพสฺมา วฏฺฏทุกฺขทุกฺขทุกฺขสงฺขารทุกฺขวิปริณามทุกฺขา ปมุจฺจตีติ. เอวํ ภควา พฺราหฺมณสฺส อรหตฺตนิกูเฏน นิพฺพานปริโยสานํ กตฺวา เทสนํ นิฏฺาเปสิ.
ตโต พฺราหฺมโณ คมฺภีรตฺถํ เทสนํ สุตฺวา ‘‘มม กสิผลํ ภฺุชิตฺวา อปรชฺชุ เอว ฉาโต โหติ, อิมสฺส ปน กสิ อมตปฺผลา, ตสฺสา ผลํ ภฺุชิตฺวา สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจตี’’ติ จ วิทิตฺวา ปสนฺโน ปสนฺนาการํ กาตุํ ปายาสํ ทาตุมารทฺโธ. เตนาห ‘‘อถ โข กสิภารทฺวาโช’’ติ. ตตฺถ มหติยาติ มหติยนฺติ อตฺโถ. กํสปาติยาติ สุวณฺณปาติยํ, สตสหสฺสคฺฆนเก อตฺตโน สุวณฺณถาเล. วฑฺเฒตฺวาติ ฉุปิตฺวา, อากิริตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. ภควโต อุปนาเมสีติ สปฺปิมธุผาณิตาทีหิ วิจิตฺรํ กตฺวา, ทุกูลวิตาเนน ปฏิจฺฉาเทตฺวา, อุกฺขิปิตฺวา, สกฺกจฺจํ ตถาคตสฺส อภิหริ. กินฺติ? ‘‘ภฺุชตุ ภวํ โคตโม ปายาสํ, กสฺสโก ภว’’นฺติ. ตโต กสฺสกภาวสาธกํ การณมาห ‘‘ยฺหิ…เป… กสตี’’ติ, ยสฺมา ภวํ…เป… กสตีติ วุตฺตํ โหติ. อถ ภควา ‘‘คาถาภิคีตํ เม’’ติ อาห.
๘๑. ตตฺถ คาถาภิคีตนฺติ คาถาหิ อภิคีตํ, คาถาโย ภาสิตฺวา ลทฺธนฺติ วุตฺตํ โหติ. เมติ มยา. อโภชเนยฺยนฺติ ภฺุชนารหํ น โหติ. สมฺปสฺสตนฺติ สมฺมา อาชีวสุทฺธึ ปสฺสตํ ¶ , สมนฺตา วา ปสฺสตํ สมฺปสฺสตํ, พุทฺธานนฺติ วุตฺตํ โหติ. เนส ธมฺโมติ ‘‘คาถาภิคีตํ ภฺุชิตพฺพ’’นฺติ ¶ เอส ธมฺโม เอตํ จาริตฺตํ น โหติ, ตสฺมา คาถาภิคีตํ ปนุทนฺติ พุทฺธา ปฏิกฺขิปนฺติ น ภฺุชนฺตีติ. กึ ปน ภควตา ปายาสตฺถํ คาถา อภิคีตา, เยน เอวมาหาติ? น เอตทตฺถํ อภิคีตา, อปิจ, โข, ปน ปาโต ปฏฺาย เขตฺตสมีเป ตฺวา กฏจฺฉุภิกฺขมฺปิ อลภิตฺวา ปุน สกลพุทฺธคุเณ ปกาเสตฺวา ลทฺธํ ตเทตํ นฏนจฺจกาทีหิ นจฺจิตฺวา คายิตฺวา จ ลทฺธสทิสํ โหติ, เตน ‘‘คาถาภิคีต’’นฺติ วุตฺตํ. ตาทิสฺจ ยสฺมา ¶ พุทฺธานํ น กปฺปติ, ตสฺมา ‘‘อโภชเนยฺย’’นฺติ วุตฺตํ. อปฺปิจฺฉตานุรูปฺเจตํ น โหติ, ตสฺมาปิ ปจฺฉิมํ ชนตํ อนุกมฺปมาเนน จ เอวํ วุตฺตํ. ยตฺร จ นาม ปรปฺปกาสิเตนาปิ อตฺตโน คุเณน อุปฺปนฺนํ ลาภํ ปฏิกฺขิปนฺติ เสยฺยถาปิ อปฺปิจฺโฉ ฆฏิกาโร กุมฺภกาโร, ตตฺร กถํ โกฏิปฺปตฺตาย อปฺปิจฺฉตาย สมนฺนาคโต ภควา อตฺตนาว อตฺตโน คุณปฺปกาสเนน อุปฺปนฺนํ ลาภํ สาทิยิสฺสติ, ยโต ยุตฺตเมว เอตํ ภควโต วตฺตุนฺติ.
เอตฺตาวตา ‘‘อปฺปสนฺนํ อทาตุกามํ พฺราหฺมณํ คาถาคายเนน ทาตุกามํ กตฺวา, สมโณ โคตโม โภชนํ ปฏิคฺคเหสิ, อามิสการณา อิมสฺส เทสนา’’ติ อิมมฺหา โลกาปวาทา อตฺตานํ โมเจนฺโต เทสนาปาริสุทฺธึ ทีเปตฺวา, อิทานิ อาชีวปาริสุทฺธึ ทีเปนฺโต อาห ‘‘ธมฺเม สตี พฺราหฺมณ วุตฺติเรสา’’ติ ตสฺสตฺโถ – อาชีวปาริสุทฺธิธมฺเม วา ทสวิธสุจริตธมฺเม วา พุทฺธานํ จาริตฺตธมฺเม วา สติ สํวิชฺชมาเน อนุปหเต วตฺตมาเน วุตฺติเรสา เอกนฺตโวทาตา อากาเส ปาณิปฺปสารณกปฺปา เอสนา ปริเยสนา ชีวิตวุตฺติ พุทฺธานํ พฺราหฺมณาติ.
๘๒. เอวํ วุตฺเต พฺราหฺมโณ ‘‘ปายาสํ เม ปฏิกฺขิปติ, อกปฺปิยํ กิเรตํ โภชนํ, อธฺโ วตสฺมึ, ทานํ ทาตุํ ¶ น ลภามี’’ติ โทมนสฺสํ อุปฺปาเทตฺวา ‘‘อปฺเปว นาม อฺํ ปฏิคฺคณฺเหยฺยา’’ติ จ จินฺเตสิ. ตํ ตฺวา ภควา ‘‘อหํ ภิกฺขาจารเวลํ ปริจฺฉินฺทิตฺวา อาคโต – ‘เอตฺตเกน กาเลน อิมํ พฺราหฺมณํ ปสาเทสฺสามี’ติ, พฺราหฺมโณ จ โทมนสฺสํ อกาสิ. อิทานิ เตน โทมนสฺเสน มยิ จิตฺตํ ปโกเปตฺวา อมตวรธมฺมํ ปฏิวิชฺฌิตุํ น สกฺขิสฺสตี’’ติ พฺราหฺมณสฺส ปสาทชนนตฺถํ เตน ปตฺถิตมโนรถํ ปูเรนฺโต อาห ‘‘อฺเน จ เกวลิน’’นฺติ. ตตฺถ เกวลินนฺติ สพฺพคุณปริปุณฺณํ, สพฺพโยควิสํยุตฺตํ วาติ อตฺโถ. มหนฺตานํ สีลกฺขนฺธาทีนํ คุณานํ เอสนโต มเหสึ. ปริกฺขีณสพฺพาสวตฺตา ขีณาสวํ. หตฺถปาทกุกฺกุจฺจมาทึ กตฺวา วูปสนฺตสพฺพกุกฺกุจฺจตฺตา กุกฺกุจฺจวูปสนฺตํ. อุปฏฺหสฺสูติ ปริวิสสฺสุ ปฏิมานยสฺสุ. เอวํ พฺราหฺมเณน จิตฺเต อุปฺปาทิเตปิ ปริยายเมว ภณติ, น ตุ ภณติ ‘‘เทหิ, อาหราหี’’ติ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.
อถ ¶ ¶ พฺราหฺมโณ ‘‘อยํ ปายาโส ภควโต อานีโต นาหํ อรหามิ ตํ อตฺตโน ฉนฺเทน กสฺสจิ ทาตุ’’นฺติ จินฺเตตฺวา อาห ‘‘อถ กสฺส จาห’’นฺติ. ตโต ภควา ‘‘ตํ ปายาสํ เปตฺวา ตถาคตํ ตถาคตสาวกฺจ อฺสฺส อชีรณธมฺโม’’ติ ตฺวา อาห – ‘‘น ขฺวาหํ ต’’นฺติ. ตตฺถ สเทวกวจเนน ปฺจกามาวจรเทวคฺคหณํ, สมารกวจเนน ฉฏฺกามาวจรเทวคฺคหณํ, สพฺรหฺมกวจเนน รูปาวจรพฺรหฺมคฺคหณํ อรูปาวจรา ปน ภฺุเชยฺยุนฺติ อสมฺภาวเนยฺยา. สสฺสมณพฺราหฺมณิวจเนน สาสนปจฺจตฺถิกปจฺจามิตฺตสมณพฺราหฺมณคฺคหณํ สมิตปาปพาหิตปาปสมณพฺราหฺมณคฺคหณฺจ. ปชาวจเนน สตฺตโลกคฺคหณํ, สเทวมนุสฺสวจเนน สมฺมุติเทวอวเสสมนุสฺสคฺคหณํ. เอวเมตฺถ ตีหิ วจเนหิ โอกาสโลโก, ทฺวีหิ ปชาวเสน สตฺตโลโก คหิโตติ เวทิตพฺโพ. เอส สงฺเขโป, วิตฺถารํ ปน อาฬวกสุตฺเต ¶ วณฺณยิสฺสาม.
กสฺมา ปน สเทวกาทีสุ กสฺสจิ น สมฺมา ปริณามํ คจฺเฉยฺยาติ? โอฬาริเก สุขุโมชาปกฺขิปนโต. อิมสฺมิฺหิ ปายาเส ภควนฺตํ อุทฺทิสฺส คหิตมตฺเตเยว เทวตาหิ โอชา ปกฺขิตฺตา ยถา สุชาตาย ปายาเส, จุนฺทสฺส จ สูกรมทฺทเว ปจฺจมาเน, เวรฺชายฺจ ภควตา คหิตคหิตาโลเป, เภสชฺชกฺขนฺธเก จ กจฺจานสฺส คุฬฺหกุมฺภสฺมึ อวสิฏฺคุฬฺเห. โส โอฬาริเก สุขุโมชาปกฺขิปนโต เทวานํ น ปริณมติ. เทวา หิ สุขุมสรีรา, เตสํ โอฬาริโก มนุสฺสาหาโร น สมฺมา ปริณมติ. มนุสฺสานมฺปิ น ปริณมติ. มนุสฺสา หิ โอฬาริกสรีรา, เตสํ สุขุมา ทิพฺโพชา น สมฺมา ปริณมติ. ตถาคตสฺส ปน ปกติอคฺคินาว ปริณมติ, สมฺมา ชีรติ. กายพลาณพลปฺปภาเวนาติ เอเก ตถาคตสาวกสฺส ขีณาสวสฺเสตํ สมาธิพเลน มตฺตฺุตาย จ ปริณมติ, อิตเรสํ อิทฺธิมนฺตานมฺปิ น ปริณมติ. อจินฺตนียํ วา เอตฺถ การณํ, พุทฺธวิสโย เอโสติ.
เตน หิ ตฺวนฺติ ยสฺมา อฺํ น ปสฺสามิ, มม น กปฺปติ, มม อกปฺปนฺตํ สาวกสฺสาปิ เม น กปฺปติ, ตสฺมา ตฺวํ พฺราหฺมณาติ วุตฺตํ โหติ. อปฺปหริเตติ ปริตฺตหริตติเณ, อปฺปรุฬฺหริตติเณ วา ปาสาณปิฏฺิสทิเส. อปฺปาณเกติ นิปฺปาณเก, ปายาสชฺโฌตฺถรณการเณน มริตพฺพปาณรหิเต วา มหาอุทกกฺขนฺเธ. สห ติณนิสฺสิเตหิ ปาเณหิ ติณานํ ปาณกานฺจ อนุรกฺขณตฺถาย เอตํ วุตฺตํ. จิจฺจิฏายติ จิฏิจิฏายตีติ ¶ เอวํ สทฺทํ กโรติ. สํธูปายตีติ สมนฺตา ธูปายติ. สมฺปธูปายตีติ ตเถว อธิมตฺตํ ธูปายติ. กสฺมา เอวํ อโหสีติ? ภควโต อานุภาเวน, น อุทกสฺส, น ปายาสสฺส, น พฺราหฺมณสฺส, น อฺเสํ เทวยกฺขาทีนํ. ภควา หิ พฺราหฺมณสฺส ธมฺมสํเวคตฺถํ ตถา อธิฏฺาสิ. เสยฺยถาปิ นามาติ โอปมฺมนิทสฺสนมตฺตเมตํ, ยถา ผาโลติ เอตฺตกเมว ¶ วุตฺตํ โหติ. สํวิคฺโค จิตฺเตน, โลมหฏฺชาโต ¶ สรีเรน. สรีเร กิรสฺส นวนวุติโลมกูปสหสฺสานิ สุวณฺณภิตฺติยา อาหตมณินาคทนฺตา วิย อุทฺธคฺคา อเหสุํ. เสสํ ปากฏเมว.
ปาเทสุ ปน นิปติตฺวา ภควโต ธมฺมเทสนํ อพฺภนุโมทมาโน ภควนฺตํ เอตทโวจ ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม, อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตมา’’ติ. อพฺภนุโมทเน หิ อยมิธ อภิกฺกนฺต สทฺโท. วิตฺถารโต ปนสฺส มงฺคลสุตฺตวณฺณนายํ อตฺถวณฺณนา อาวิ ภวิสฺสติ. ยสฺมา จ อพฺภนุโมทนตฺเถ, ตสฺมา สาธุ สาธุ โภ โคตมาติ วุตฺตํ โหตีติ เวทิตพฺพํ.
‘‘ภเย โกเธ ปสํสายํ, ตุริเต โกตูหลจฺฉเร;
หาเส โสเก ปสาเท จ, กเร อาเมฑิตํ พุโธ’’ติ. –
อิมินา จ ลกฺขเณน อิธ ปสาทวเสน ปสํสาวเสน จายํ ทฺวิกฺขตฺตุํ วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ. อถ วา อภิกฺกนฺตนฺติ อภิกนฺตํ อติอิฏฺํ, อติมนาปํ, อติสุนฺทรนฺติ วุตฺตํ โหติ.
ตตฺถ เอเกน อภิกฺกนฺตสทฺเทน เทสนํ โถเมติ, เอเกน อตฺตโน ปสาทํ. อยฺหิ เอตฺถ อธิปฺปาโย – อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม, ยทิทํ โภโต โคตมสฺส ธมฺมเทสนา, อภิกฺกนฺตํ ยทิทํ โภโต โคตมสฺส ธมฺมเทสนํ อาคมฺม มม ปสาโทติ. ภควโต เอว วา วจนํ ทฺเว ทฺเว อตฺเถ สนฺธาย โถเมติ – โภโต โคตมสฺส วจนํ อภิกฺกนฺตํ โทสนาสนโต, อภิกฺกนฺตํ คุณาธิคมนโต, ตถา สทฺธาชนนโต, ปฺาชนนโต, สาตฺถโต, สพฺยฺชนโต, อุตฺตานปทโต, คมฺภีรตฺถโต, กณฺณสุขโต, หทยงฺคมโต, อนตฺตุกฺกํสนโต, อปรวมฺภนโต, กรุณาสีตลโต, ปฺาวทาตโต, อาปาถรมณียโต, วิมทฺทกฺขมโต, สุยฺยมานสุขโต, วีมํสิยมานหิตโตติ เอวมาทีหิ โยเชตพฺพํ.
ตโต ¶ ปรมฺปิ จตูหิ อุปมาหิ เทสนํเยว โถเมติ. ตตฺถ นิกฺกุชฺชิตนฺติ อโธมุขฏฺปิตํ, เหฏฺา มุขชาตํ วา. อุกฺกุชฺเชยฺยาติ อุปริมุขํ กเรยฺย. ปฏิจฺฉนฺนนฺติ ติณปณฺณาทิจฺฉาทิตํ. วิวเรยฺยาติ อุคฺฆาเฏยฺย. มูฬฺหสฺสาติ ทิสามูฬฺหสฺส. มคฺคํ อาจิกฺเขยฺยาติ หตฺเถ คเหตฺวา ¶ ‘‘เอส มคฺโค’’ติ วเทยฺย. อนฺธกาเรติ กาฬปกฺขจาตุทฺทสีอฑฺฒรตฺตฆนวนสณฺฑเมฆปฏเลหิ จตุรงฺเค ตมสิ. อยํ ตาว ปทตฺโถ.
อยํ ปน อธิปฺปายโยชนา – ยถา โกจิ นิกฺกุชฺชิตํ อุกฺกุชฺเชยฺย, เอวํ สทฺธมฺมวิมุขํ ¶ อสทฺธมฺมปติตํ มํ อสทฺธมฺมา วุฏฺาเปนฺเตน, ยถา ปฏิจฺฉนฺนํ วิวเรยฺย; เอวํ กสฺสปสฺส ภควโต สาสนนฺตรธานา ปภุติ มิจฺฉาทิฏฺิคหนปฏิจฺฉนฺนํ สาสนํ วิวรนฺเตน, ยถา มูฬฺหสฺส มคฺคํ อาจิกฺเขยฺย, เอวํ กุมฺมคฺคมิจฺฉามคฺคปฏิปนฺนสฺส เม สคฺคโมกฺขมคฺคํ อาจิกฺขนฺเตน, ยถา อนฺธกาเร เตลปชฺโชตํ ธาเรยฺย, เอวํ โมหนฺธการนิมุคฺคสฺส เม พุทฺธาทิรตนรูปานิ อปสฺสโต ตปฺปฏิจฺฉาทกโมหนฺธการวิทฺธํสกเทสนาปชฺโชตธารเณน มยฺหํ โภตา โคตเมน เอเตหิ ปริยาเยหิ เทสิตตฺตา อเนกปริยาเยน ธมฺโม ปกาสิโต.
อถ วา เอกจฺจิเยน มตฺเตน ยสฺมา อยํ ธมฺโม ทุกฺขทสฺสเนน อสุเภ ‘‘สุภ’’นฺติ วิปลฺลาสปฺปหาเนน จ นิกฺกุชฺชิตุกฺกุชฺชิตสทิโส, สมุทยทสฺสเนน ทุกฺเข ‘‘สุข’’นฺติ วิปลฺลาสปฺปหาเนน จ ปฏิจฺฉนฺนวิวรณสทิโส, นิโรธทสฺสเนน อนิจฺเจ ‘‘นิจฺจ’’นฺติ วิปลฺลาสปฺปหาเนน จ มูฬฺหสฺส มคฺคาจิกฺขณสทิโส, มคฺคทสฺสเนน อนตฺตนิ ‘‘อตฺตา’’ติ วิปลฺลาสปฺปหาเนน จ อนฺธกาเร ปชฺโชตสทิโส, ตสฺมา เสยฺยถาปิ นาม นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุชฺเชยฺย…เป… ปชฺโชตํ ธาเรยฺย ‘‘จกฺขุมนฺโต รูปานิ ทกฺขนฺตี’’ติ, เอวํ ปกาสิโต โหติ.
ยสฺมา ปเนตฺถ สทฺธาตปกายคุตฺตตาทีหิ สีลกฺขนฺโธ ปกาสิโต โหติ, ปฺาย ปฺากฺขนฺโธ, หิริมนาทีหิ สมาธิกฺขนฺโธ, โยคกฺเขเมน นิโรโธติ เอวํ ติกฺขนฺโธ อริยมคฺโค นิโรโธ จาติ สรูเปเนว ทฺเว อริยสจฺจานิ ปกาสิตานิ. ตตฺถ มคฺโค ปฏิปกฺโข สมุทยสฺส, นิโรโธ ทุกฺขสฺสาติ ปฏิปกฺเขน ทฺเว. อิติ อิมินา ปริยาเยน จตฺตาริ สจฺจานิ ปกาสิตานิ. ตสฺมา อเนกปริยาเยน ปกาสิโต โหตีติ เวทิตพฺโพ ¶ .
เอสาหนฺติอาทีสุ ¶ เอโส อหนฺติ เอสาหํ. สรณํ คจฺฉามีติ ปาเทสุ นิปติตฺวา ปณิปาเตน สรณคมเนน คโตปิ อิทานิ วาจาย สมาทิยนฺโต อาห. อถ วา ปณิปาเตน พุทฺธํเยว สรณํ คโตติ อิทานิ ตํ อาทึ กตฺวา เสเส ธมฺมสงฺเฆปิ คนฺตุํ อาห. อชฺชตคฺเคติ อชฺชตํ อาทึ กตฺวา, อชฺชทคฺเคติ วา ปาโ, ท-กาโร ปทสนฺธิกโร, อชฺช อคฺคํ กตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. ปาเณหิ อุเปตํ ปาณุเปตํ, ยาว เม ชีวิตํ ปวตฺตติ, ตาว อุเปตํ, อนฺสตฺถุกํ ตีหิ สรณคมเนหิ สรณํ คตํ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตุ ชานาตูติ วุตฺตํ โหติ. เอตฺตาวตา อเนน สุตานุรูปา ปฏิปตฺติ ทสฺสิตา โหติ. นิกฺกุชฺชิตาทีหิ วา สตฺถุสมฺปตฺตึ ทสฺเสตฺวา อิมินา ‘‘เอสาห’’นฺติอาทินา สิสฺสสมฺปตฺติ ทสฺสิตา. เตน วา ปฺาปฏิลาภํ ทสฺเสตฺวา อิมินา สทฺธาปฏิลาโภ ทสฺสิโต. อิทานิ เอวํ ปฏิลทฺธสทฺเธน ปฺวตา ยํ ¶ กตฺตพฺพํ, ตํ กตฺตุกาโม ภควนฺตํ ยาจติ ‘‘ลเภยฺยาห’’นฺติ. ตตฺถ ภควโต อิทฺธิยาทีหิ อภิปฺปสาทิตจิตฺโต ‘‘ภควาปิ จกฺกวตฺติรชฺชํ ปหาย ปพฺพชิโต, กิมงฺคํ ปนาห’’นฺติ สทฺธาย ปพฺพชฺชํ ยาจติ, ตตฺถ ปริปูรการิตํ ปตฺเถนฺโต ปฺาย อุปสมฺปทํ. เสสํ ปากฏเมว.
เอโก วูปกฏฺโติอาทีสุ ปน เอโก กายวิเวเกน, วูปกฏฺโ จิตฺตวิเวเกน, อปฺปมตฺโต กมฺมฏฺาเน สติอวิชหเนน, อาตาปี กายิกเจตสิกวีริยสงฺขาเตน อาตาเปน, ปหิตตฺโต กาเย จ ชีวิเต จ อนเปกฺขตาย วิหรนฺโต อฺตรอิริยาปถวิหาเรน. น จิรสฺเสวาติ ปพฺพชฺชํ อุปาทาย วุจฺจติ. กุลปุตฺตาติ ทุวิธา กุลปุตฺตา, ชาติกุลปุตฺตา, อาจารกุลปุตฺตา จ. อยํ ปน อุภยถาปิ กุลปุตฺโต. อคารสฺมาติ ฆรา. อคารานํ หิตํ อคาริยํ กสิโครกฺขาทิกุฏุมฺพโปสนกมฺมํ วุจฺจติ. นตฺถิ เอตฺถ อคาริยนฺติ อนคาริยํ, ปพฺพชฺชาเยตํ อธิวจนํ ปพฺพชนฺตีติ อุปคจฺฉนฺติ อุปสงฺกมนฺติ. ตทนุตฺตรนฺติ ตํ อนุตฺตรํ. พฺรหฺมจริยปริโยสานนฺติ มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส ปริโยสานํ, อรหตฺตผลนฺติ ¶ วุตฺตํ โหติ. ตสฺส หิ อตฺถาย กุลปุตฺตา ปพฺพชนฺติ. ทิฏฺเว ธมฺเมติ ตสฺมึเยว อตฺตภาเว. สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวาติ อตฺตนาเยว ปฺาย ปจฺจกฺขํ กตฺวา, อปรปฺปจฺจยํ ตฺวาติ อตฺโถ. อุปสมฺปชฺช วิหาสีติ ปาปุณิตฺวา สมฺปาเทตฺวา วา วิหาสิ. เอวํ วิหรนฺโต จ ขีณา ชาติ…เป… อพฺภฺาสิ. เอเตนสฺส ปจฺจเวกฺขณภูมึ ทสฺเสติ.
กตมา ¶ ปนสฺส ชาติ ขีณา, กถฺจ นํ อพฺภฺาสีติ? วุจฺจเต – น ตาวสฺส อตีตา ชาติ ขีณา ปุพฺเพว ขีณตฺตา, น อนาคตา อนาคเต วายามาภาวโต, น ปจฺจุปฺปนฺนา วิชฺชมานตฺตา. ยา ปน มคฺคสฺส อภาวิตตฺตา อุปฺปชฺเชยฺย เอกจตุปฺจโวการภเวสุ เอกจตุปฺจกฺขนฺธปฺปเภทา ชาติ, สา มคฺคสฺส ภาวิตตฺตา อนุปฺปาทธมฺมตํ อาปชฺชเนน ขีณา. ตํ โส มคฺคภาวนาย ปหีนกิเลเส ปจฺจเวกฺขิตฺวา กิเลสาภาเว วิชฺชมานมฺปิ กมฺมํ อายตึ อปฏิสนฺธิกํ โหตีติ ชานนฺโต ชานาติ.
วุสิตนฺติ วุตฺถํ ปริวุตฺถํ, กตํ จริตํ นิฏฺาปิตนฺติ อตฺโถ. พฺรหฺมจริยนฺติ มคฺคพฺรหฺมจริยํ. กตํ กรณียนฺติ จตูสุ สจฺเจสุ จตูหิ มคฺเคหิ ปริฺาปหานสจฺฉิกิริยภาวนาวเสน โสฬสวิธมฺปิ กิจฺจํ นิฏฺาปิตนฺติ อตฺโถ. นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ อิทานิ ปุน อิตฺถภาวาย เอวํ โสฬสกิจฺจภาวาย กิเลสกฺขยาย วา มคฺคภาวนา นตฺถีติ. อถ วา อิตฺถตฺตายาติ อิตฺถภาวโต, อิมสฺมา เอวํปการา อิทานิ วตฺตมานกฺขนฺธสนฺตานา อปรํ ขนฺธสนฺตานํ นตฺถิ. อิเม ปน ปฺจกฺขนฺธา ปริฺาตา ติฏฺนฺติ ฉินฺนมูลโก รุกฺโข วิยาติ อพฺภฺาสิ. อฺตโรติ ¶ เอโก. อรหตนฺติ อรหนฺตานํ. มหาสาวกานํ อพฺภนฺตโร อายสฺมา ภารทฺวาโช อโหสีติ อยํ กิเรตฺถ อธิปฺปาโยติ.
ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย
สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย กสิภารทฺวาชสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. จุนฺทสุตฺตวณฺณนา
๘๓. ปุจฺฉามิ ¶ ¶ มุนึ ปหูตปฺนฺติ จุนฺทสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? สงฺเขปโต ตาว อตฺตชฺฌาสยปรชฺฌาสยอฏฺุปฺปตฺติปุจฺฉาวสิกเภทโต จตูสุ อุปฺปตฺตีสุ อิมสฺส สุตฺตสฺส ปุจฺฉาวสิกา อุปฺปตฺติ. วิตฺถารโต ปน เอกํ สมยํ ภควา มลฺเลสุ จาริกํ จรมาโน มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ เยน ปาวา ตทวสริ. ตตฺร สุทํ ภควา ปาวายํ วิหรติ จุนฺทสฺส กมฺมารปุตฺตสฺส อมฺพวเน. อิโต ปภุติ ยาว ‘‘อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆน เยน จุนฺทสฺส ¶ กมฺมารปุตฺตสฺส นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีที’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๘๙), ตาว สุตฺเต อาคตนเยเนว วิตฺถาเรตพฺพํ.
เอวํ ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ นิสินฺเน ภควติ จุนฺโท กมฺมารปุตฺโต พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริวิสนฺโต พฺยฺชนสูปาทิคหณตฺถํ ภิกฺขูนํ สุวณฺณภาชนานิ อุปนาเมสิ. อปฺตฺเต สิกฺขาปเท เกจิ ภิกฺขู สุวณฺณภาชนานิ ปฏิจฺฉึสุ เกจิ น ปฏิจฺฉึสุ. ภควโต ปน เอกเมว ภาชนํ อตฺตโน เสลมยํ ปตฺตํ, ทุติยภาชนํ พุทฺธา น คณฺหนฺติ. ตตฺถ อฺตโร ปาปภิกฺขุ สหสฺสคฺฆนกํ สุวณฺณภาชนํ อตฺตโน โภชนตฺถาย สมฺปตฺตํ เถยฺยจิตฺเตน กฺุจิกตฺถวิกาย ปกฺขิปิ. จุนฺโท ปริวิสิตฺวา หตฺถปาทํ โธวิตฺวา ภควนฺตํ นมสฺสมาโน ภิกฺขุสงฺฆํ โอโลเกนฺโต ตํ ภิกฺขุํ อทฺทส, ทิสฺวา จ ปน อปสฺสมาโน วิย หุตฺวา น นํ กิฺจิ อภณิ ภควติ เถเรสุ จ คารเวน, อปิจ ‘‘มิจฺฉาทิฏฺิกานํ วจนปโถ มา อโหสี’’ติ. โส ‘‘กึ นุ โข สํวรยุตฺตาเยว สมณา, อุทาหุ ภินฺนสํวรา อีทิสาปิ สมณา’’ติ าตุกาโม สายนฺหสมเย ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา อาห ‘‘ปุจฺฉามิ มุนิ’’นฺติ.
ตตฺถ ปุจฺฉามีติ อิทํ ‘‘ติสฺโส ปุจฺฉา อทิฏฺโชตนา ปุจฺฉา’’ติอาทินา ¶ (จูฬนิ. ปุณฺณกมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๑๒) นเยน นิทฺเทเส วุตฺตนยเมว. มุนินฺติ เอตมฺปิ ‘‘โมนํ วุจฺจติ าณํ. ยา ปฺา ปชานนา…เป… สมฺมาทิฏฺิ, เตน าเณน สมนฺนาคโต มุนิ, โมนปฺปตฺโตติ, ตีณิ โมเนยฺยานิ กายโมเนยฺย’’นฺติอาทินา (มหานิ. ๑๔) นเยน ตตฺเถว วุตฺตนยเมว ¶ . อยมฺปเนตฺถ สงฺเขโป. ปุจฺฉามีติ โอกาสํ กาเรนฺโต มุนินฺติ มุนิมุนึ ภควนฺตํ อาลปติ. ปหูตปฺนฺติอาทีนิ ถุติวจนานิ, เตหิ ตํ มุนึ ถุนาติ. ตตฺถ ปหูตปฺนฺติ วิปุลปฺํ. เยฺยปริยนฺติกตฺตา จสฺส วิปุลตา เวทิตพฺพา. อิติ จุนฺโท กมฺมารปุตฺโตติ อิทํ ทฺวยํ ธนิยสุตฺเต วุตฺตนยเมว. อิโต ปรํ ปน เอตฺตกมฺปิ อวตฺวา สพฺพํ วุตฺตนยํ ฉฑฺเฑตฺวา อวุตฺตนยเมว วณฺณยิสฺสาม.
พุทฺธนฺติ ตีสุ พุทฺเธสุ ตติยพุทฺธํ. ธมฺมสฺสามินฺติ มคฺคธมฺมสฺส ชนกตฺตา ปุตฺตสฺเสว ปิตรํ อตฺตนา อุปฺปาทิตสิปฺปายตนาทีนํ วิย จ อาจริยํ ธมฺมสฺส สามึ, ธมฺมิสฺสรํ ธมฺมราชํ ธมฺมวสวตฺตินฺติ อตฺโถ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘โส ¶ หิ, พฺราหฺมณ, ภควา อนุปฺปนฺนสฺส มคฺคสฺส อุปฺปาเทตา, อสฺชาตสฺส มคฺคสฺส สฺชเนตา, อนกฺขาตสฺส มคฺคสฺส อกฺขาตา, มคฺคฺู, มคฺควิทู, มคฺคโกวิโท. มคฺคานุคา จ ปน เอตรหิ สาวกา วิหรนฺติ ปจฺฉา สมนฺนาคตา’’ติ (ม. นิ. ๓.๗๙).
วีตตณฺหนฺติ วิคตกามภววิภวตณฺหํ. ทฺวิปทุตฺตมนฺติ ทฺวิปทานํ อุตฺตมํ. ตตฺถ กิฺจาปิ ภควา น เกวลํ ทฺวิปทุตฺตโม เอว, อถ โข ยาวตา สตฺตา อปทา วา ทฺวิปทา วา…เป… เนวสฺีนาสฺิโน วา, เตสํ สพฺเพสํ อุตฺตโม. อถ โข อุกฺกฏฺปริจฺเฉทวเสน ทฺวิปทุตฺตโมตฺเวว วุจฺจติ. ทฺวิปทา หิ สพฺพสตฺตานํ อุกฺกฏฺา จกฺกวตฺติมหาสาวกปจฺเจกพุทฺธานํ ตตฺถ อุปฺปตฺติโต, เตสฺจ อุตฺตโมติ วุตฺเต สพฺพสตฺตุตฺตโมติ ¶ วุตฺโตเยว โหติ. สารถีนํ ปวรนฺติ สาเรตีติ สารถิ, หตฺถิทมกาทีนเมตํ อธิวจนํ. เตสฺจ ภควา ปวโร อนุตฺตเรน ทมเนน ปุริสทมฺเม ทเมตุํ สมตฺถภาวโต. ยถาห –
‘‘หตฺถิทมเกน, ภิกฺขเว, หตฺถิทมฺโม สาริโต เอกํ เอว ทิสํ ธาวติ ปุรตฺถิมํ วา ปจฺฉิมํ วา อุตฺตรํ วา ทกฺขิณํ วา. อสฺสทมเกน, ภิกฺขเว, อสฺสทมฺโม…เป… โคทมเกน, ภิกฺขเว, โคทมฺโม…เป… ทกฺขิณํ วา. ตถาคเตน หิ, ภิกฺขเว, อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน ปุริสทมฺโม สาริโต อฏฺ ทิสา วิธาวติ, รูปี รูปานิ ปสฺสติ, อยเมกา ทิสา…เป… สฺาเวทยิตนิโรธํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, อยํ อฏฺมี ทิสา’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๑๒).
กตีติ ¶ อตฺถปฺปเภทปุจฺฉา. โลเกติ สตฺตโลเก. สมณาติ ปุจฺฉิตพฺพอตฺถนิทสฺสนํ. อิงฺฆาติ ยาจนตฺเถ นิปาโต. ตทิงฺฆาติ เต อิงฺฆ. พฺรูหีติ อาจิกฺข กถยสฺสูติ.
๘๔. เอวํ วุตฺเต ภควา จุนฺทํ กมฺมารปุตฺตํ ‘‘กึ, ภนฺเต, กุสลํ, กึ อกุสล’’นฺติอาทินา (ม. นิ. ๓.๒๙๖) นเยน คิหิปฺหํ อปุจฺฉิตฺวา สมณปฺหํ ปุจฺฉนฺตํ ทิสฺวา อาวชฺเชนฺโต ‘‘ตํ ปาปภิกฺขุํ สนฺธาย อยํ ปุจฺฉตี’’ติ ตฺวา ตสฺส อฺตฺร โวหารมตฺตา อสฺสมณภาวํ ทีเปนฺโต อาห ‘‘จตุโร สมณา’’ติ. ตตฺถ จตุโรติ สงฺขฺยาปริจฺเฉโท. สมณาติ กทาจิ ¶ ภควา ติตฺถิเย สมณวาเทน วทติ; ยถาห – ‘‘ยานิ ตานิ ปุถุสมณพฺราหฺมณานํ วตโกตูหลมงฺคลานี’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๐๗). กทาจิ ปุถุชฺชเน; ยถาห – ‘‘สมณา สมณาติ โข, ภิกฺขเว, ชโน สฺชานาตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๓๕). กทาจิ เสกฺเข; ยถาห – ‘‘อิเธว, ภิกฺขเว, สมโณ, อิธ ทุติโย สมโณ’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๓๙; ที. นิ. ๒.๒๑๔; อ. นิ. ๔.๒๔๑). กทาจิ ขีณาสเว; ยถาห – ‘‘อาสวานํ ขยา สมโณ โหตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๓๘). กทาจิ อตฺตานํเยว; ยถาห – ‘‘สมโณติ โข, ภิกฺขเว, ตถาคตสฺเสตํ อธิวจน’’นฺติ (อ. นิ. ๘.๘๕). อิธ ปน ตีหิ ปเทหิ สพฺเพปิ อริเย สีลวนฺตํ ปุถุชฺชนฺจ ¶ , จตุตฺเถน อิตรํ อสฺสมณมฺปิ ภณฺฑุํ กาสาวกณฺํ เกวลํ โวหารมตฺตเกน สมโณติ สงฺคณฺหิตฺวา ‘‘จตุโร สมณา’’ติ อาห. น ปฺจมตฺถีติ อิมสฺมึ ธมฺมวินเย โวหารมตฺตเกน ปฏิฺามตฺตเกนาปิ ปฺจโม สมโณ นาม นตฺถิ.
เต เต อาวิกโรมีติ เต จตุโร สมเณ ตว ปากเฏ กโรมิ. สกฺขิปุฏฺโติ สมฺมุขา ปุจฺฉิโต. มคฺคชิโนติ มคฺเคน สพฺพกิเลเส วิชิตาวีติ อตฺโถ. มคฺคเทสโกติ ปเรสํ มคฺคํ เทเสตา. มคฺเค ชีวตีติ สตฺตสุ เสกฺเขสุ โย โกจิ เสกฺโข อปริโยสิตมคฺควาสตฺตา โลกุตฺตเร, สีลวนฺตปุถุชฺชโน จ โลกิเย มคฺเค ชีวติ นาม, สีลวนฺตปุถุชฺชโน วา โลกุตฺตรมคฺคนิมิตฺตํ ชีวนโตปิ มคฺเค ชีวตีติ เวทิตพฺโพ. โย จ มคฺคทูสีติ โย จ ทุสฺสีโล มิจฺฉาทิฏฺิ มคฺคปฏิโลมาย ปฏิปตฺติยา มคฺคทูสโกติ อตฺโถ.
๘๕. ‘‘อิเม เต จตุโร สมณา’’ติ เอวํ ภควตา สงฺเขเปน อุทฺทิฏฺเ จตุโร สมเณ ‘‘อยํ นาเมตฺถ มคฺคชิโน, อยํ มคฺคเทสโก, อยํ มคฺเค ชีวติ, อยํ มคฺคทูสี’’ติ เอวํ ปฏิวิชฺฌิตุํ อสกฺโกนฺโต ปุน ปุจฺฉิตุํ จุนฺโท อาห ‘‘กํ มคฺคชิน’’นฺติ. ตตฺถ มคฺเค ชีวติ เมติ โย โส มคฺเค ชีวติ, ตํ เม พฺรูหิ ปุฏฺโติ. เสสํ ปากฏเมว.
๘๖. อิทานิสฺส ภควา ¶ จตุโรปิ สมเณ จตูหิ คาถาหิ นิทฺทิสนฺโต อาห ‘‘โย ติณฺณกถํกโถ วิสลฺโล’’ติ. ตตฺถ ติณฺณกถํกโถ วิสลฺโลติ เอตํ อุรคสุตฺเต วุตฺตนยเมว. อยํ ปน วิเสโส. ยสฺมา อิมาย คาถาย มคฺคชิโนติ พุทฺธสมโณ อธิปฺเปโต, ตสฺมา สพฺพฺุตฺาเณน ¶ กถํกถาปติรูปกสฺส สพฺพธมฺเมสุ อฺาณสฺส ติณฺณตฺตาปิ ‘‘ติณฺณกถํกโถ’’ติ เวทิตพฺโพ. ปุพฺเพ วุตฺตนเยน หิ ติณฺณกถํกถาปิ โสตาปนฺนาทโย ปจฺเจกพุทฺธปริโยสานา สกทาคามิวิสยาทีสุ พุทฺธวิสยปริโยสาเนสุ ปฏิหตาณปฺปภาวตฺตา ปริยาเยน อติณฺณกถํกถาว ¶ โหนฺติ. ภควา ปน สพฺพปฺปกาเรน ติณฺณกถํกโถติ. นิพฺพานาภิรโตติ นิพฺพาเน อภิรโต, ผลสมาปตฺติวเสน สทา นิพฺพานนินฺนจิตฺโตติ อตฺโถ. ตาทิโส จ ภควา. ยถาห –
‘‘โส โข อหํ, อคฺคิเวสฺสน, ตสฺสา เอว กถาย ปริโยสาเน, ตสฺมึเยว ปุริมสฺมึ สมาธินิมิตฺเต อชฺฌตฺตเมว จิตฺตํ สณฺเปมิ, สนฺนิสาเทมิ, เอโกทึ กโรมิ, สมาทหามี’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๘๗).
อนานุคิทฺโธติ กฺจิ ธมฺมํ ตณฺหาเคเธน อนนุคิชฺฌนฺโต. โลกสฺส สเทวกสฺส เนตาติ อาสยานุสยานุโลเมน ธมฺมํ เทเสตฺวา ปารายนมหาสมยาทีสุ อเนเกสุ สุตฺตนฺเตสุ อปริมาณานํ เทวมนุสฺสานํ สจฺจปฏิเวธสมฺปาทเนน สเทวกสฺส โลกสฺส เนตา, คมยิตา, ตาเรตา, ปารํ สมฺปาเปตาติ อตฺโถ. ตาทินฺติ ตาทิสํ ยถาวุตฺตปฺปการโลกธมฺเมหิ นิพฺพิการนฺติ อตฺโถ. เสสเมตฺถ ปากฏเมว.
๘๗. เอวํ ภควา อิมาย คาถาย ‘‘มคฺคชิน’’นฺติ พุทฺธสมณํ นิทฺทิสิตฺวา อิทานิ ขีณาสวสมณํ นิทฺทิสนฺโต อาห ‘‘ปรมํ ปรมนฺตี’’ติ. ตตฺถ ปรมํ นาม นิพฺพานํ, สพฺพธมฺมานํ อคฺคํ อุตฺตมนฺติ อตฺโถ. ปรมนฺติ โยธ ตฺวาติ ตํ ปรมํ ปรมมิจฺเจว โย อิธ สาสเน ตฺวา ปจฺจเวกฺขณาเณน. อกฺขาติ วิภชเต อิเธว ธมฺมนฺติ นิพฺพานธมฺมํ อกฺขาติ, อตฺตนา ปฏิวิทฺธตฺตา ปเรสํ ปากฏํ กโรติ ‘‘อิทํ นิพฺพาน’’นฺติ, มคฺคธมฺมํ วิภชติ ‘‘อิเม จตฺตาโร สติปฏฺานา…เป… อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค’’ติ. อุภยมฺปิ วา อุคฺฆฏิตฺูนํ สงฺเขปเทสนาย อาจิกฺขติ, วิปฺจิตฺูนํ วิตฺถารเทสนาย วิภชติ. เอวํ อาจิกฺขนฺโต วิภชนฺโต จ ‘‘อิเธว สาสเน อยํ ธมฺโม, น อิโต พหิทฺธา’’ติ สีหนาทํ นทนฺโต อกฺขาติ จ วิภชติ จ. เตน วุตฺตํ ‘‘อกฺขาติ วิภชเต อิเธว ธมฺม’’นฺติ. ตํ กงฺขฉิทํ มุนึ อเนชนฺติ ตํ เอวรูปํ จตุสจฺจปฏิเวเธน ¶ อตฺตโน, เทสนาย จ ปเรสํ กงฺขจฺเฉทเนน กงฺขจฺฉิทํ ¶ , โมเนยฺยสมนฺนาคเมน มุนึ, เอชาสงฺขาตาย ตณฺหาย อภาวโต อเนชํ ทุติยํ ภิกฺขุนมาหุ มคฺคเทสินฺติ.
๘๘. เอวํ ¶ อิมาย คาถาย สยํ อนุตฺตรํ มคฺคํ อุปฺปาเทตฺวา เทสนาย อนุตฺตโร มคฺคเทสี สมาโนปิ ทูตมิว เลขวาจกมิว จ รฺโ อตฺตโน สาสนหรํ สาสนโชตกฺจ ‘‘มคฺคเทสิ’’นฺติ ขีณาสวสมณํ นิทฺทิสิตฺวา อิทานิ เสกฺขสมณฺจ สีลวนฺตปุถุชฺชนสมณฺจ นิทฺทิสนฺโต อาห ‘‘โย ธมฺมปเท’’ติ. ตตฺถ ปทวณฺณนา ปากฏาเยว. อยํ ปเนตฺถ อตฺถวณฺณนา – โย นิพฺพานธมฺมสฺส ปทตฺตา ธมฺมปเท, อุโภ อนฺเต อนุปคมฺม เทสิตตฺตา อาสยานุรูปโต วา สติปฏฺานาทินานปฺปกาเรหิ เทสิตตฺตา สุเทสิเต, มคฺคสมงฺคีปิ อนวสิตมคฺคกิจฺจตฺตา มคฺเค ชีวติ, สีลสํยเมน สฺโต, กายาทีสุ สูปฏฺิตาย จิรกตาทิสรณาย วา สติยา สติมา, อณุมตฺตสฺสาปิ วชฺชสฺส อภาวโต อนวชฺชตฺตา, โกฏฺาสภาเวน จ ปทตฺตา สตฺตตึสโพธิปกฺขิยธมฺมสงฺขาตานิ อนวชฺชปทานิ ภงฺคาณโต ปภุติ ภาวนาเสวนาย เสวมาโน, ตํ ภิกฺขุนํ ตติยํ มคฺคชีวินฺติ อาหูติ.
๘๙. เอวํ ภควา อิมาย คาถาย ‘‘มคฺคชีวิ’’นฺติ เสกฺขสมณํ สีลวนฺตปุถุชฺชนสมณฺจ นิทฺทิสิตฺวา อิทานิ ตํ ภณฺฑุํ กาสาวกณฺํ เกวลํ โวหารมตฺตสมณํ นิทฺทิสนฺโต อาห ‘‘ฉทนํ กตฺวานา’’ติ. ตตฺถ ฉทนํ กตฺวานาติ ปติรูปํ กริตฺวา, เวสํ คเหตฺวา, ลิงฺคํ ธาเรตฺวาติ อตฺโถ. สุพฺพตานนฺติ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธสาวกานํ. เตสฺหิ สุนฺทรานิ วตานิ, ตสฺมา เต สุพฺพตาติ วุจฺจนฺติ. ปกฺขนฺทีติ ปกฺขนฺทโก, อนฺโต ปวิสโกติ อตฺโถ. ทุสฺสีโล หิ คูถปฏิจฺฉาทนตฺถํ ติณปณฺณาทิจฺฉทนํ วิย อตฺตโน ทุสฺสีลภาวํ ปฏิจฺฉาทนตฺถํ สุพฺพตานํ ฉทนํ ¶ กตฺวา ‘‘อหมฺปิ ภิกฺขู’’ติ ภิกฺขุมชฺเฌ ปกฺขนฺทติ, ‘‘เอตฺตกวสฺเสน ภิกฺขุนา คเหตพฺพํ เอต’’นฺติ ลาเภ ทียมาเน ‘‘อหํ เอตฺตกวสฺโส’’ติ คณฺหิตุํ ปกฺขนฺทติ, เตน วุจฺจติ ‘‘ฉทนํ กตฺวาน สุพฺพตานํ ปกฺขนฺที’’ติ. จตุนฺนมฺปิ ขตฺติยาทิกุลานํ อุปฺปนฺนํ ปสาทํ อนนุรูปปฏิปตฺติยา ทูเสตีติ กุลทูสโก. ปคพฺโภติ อฏฺฏฺาเนน กายปาคพฺภิเยน, จตุฏฺาเนน วจีปาคพฺภิเยน, อเนกฏฺาเนน มโนปาคพฺภิเยน จ สมนฺนาคโตติ อตฺโถ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถารํ ปน เมตฺตสุตฺตวณฺณนายํ วกฺขาม.
กตปฏิจฺฉาทนลกฺขณาย ¶ มายาย สมนฺนาคตตฺตา มายาวี. สีลสํยมาภาเวน อสฺโต. ปลาปสทิสตฺตา ปลาโป. ยถา หิ ปลาโป อนฺโต ตณฺฑุลรหิโตปิ พหิ ถุเสน วีหิ วิย ทิสฺสติ, เอวมิเธกจฺโจ อนฺโต สีลาทิคุณสารวิรหิโตปิ พหิ สุพฺพตจฺฉทเนน สมณเวเสน สมโณ วิย ทิสฺสติ. โส เอวํ ปลาปสทิสตฺตา ‘‘ปลาโป’’ติ วุจฺจติ. อานาปานสฺสติสุตฺเต ปน ‘‘อปลาปายํ, ภิกฺขเว, ปริสา, นิปฺปลาปายํ, ภิกฺขเว, ปริสา, สุทฺธา สาเร ปติฏฺิตา’’ติ (ม. นิ. ๓.๑๔๖) เอวํ ปุถุชฺชนกลฺยาโณปิ ‘‘ปลาโป’’ติ วุตฺโต ¶ . อิธ ปน กปิลสุตฺเต จ ‘‘ตโต ปลาเป วาเหถ, อสฺสมเณ สมณมานิเน’’ติ (สุ. นิ. ๒๘๔) เอวํ ปราชิตโก ‘‘ปลาโป’’ติ วุตฺโต. ปติรูเปน จรํ สมคฺคทูสีติ ตํ สุพฺพตานํ ฉทนํ กตฺวา ยถา จรนฺตํ ‘‘อารฺิโก อยํ รุกฺขมูลิโก, ปํสุกูลิโก, ปิณฺฑปาติโก, อปฺปิจฺโฉ, สนฺตุฏฺโ’’ติ ชโน ชานาติ, เอวํ ปติรูเปน ยุตฺตรูเปน พาหิรมฏฺเน อาจาเรน จรนฺโต ปุคฺคโล อตฺตโน โลกุตฺตรมคฺคสฺส, ปเรสํ สุคติมคฺคสฺส จ ทูสนโต ‘‘มคฺคทูสี’’ติ เวทิตพฺโพ.
๙๐. เอวํ อิมาย คาถาย ‘‘มคฺคทูสี’’ติ ทุสฺสีลํ โวหารมตฺตกสมณํ นิทฺทิสิตฺวา อิทานิ เตสํ อฺมฺํ อพฺยามิสฺสีภาวํ ทีเปนฺโต อาห ‘‘เอเต จ ปฏิวิชฺฌี’’ติ. ตสฺสตฺโถ – เอเต จตุโร สมเณ ยถาวุตฺเตน ¶ ลกฺขเณน ปฏิวิชฺฌิ อฺาสิ สจฺฉากาสิ โย คหฏฺโ ขตฺติโย วา พฺราหฺมโณ วา อฺโ วา โกจิ, อิเมสํ จตุนฺนํ สมณานํ ลกฺขณสฺสวนมตฺเตน สุตวา, ตสฺเสว ลกฺขณสฺส อริยานํ สนฺติเก สุตตฺตา อริยสาวโก, เตเยว สมเณ ‘‘อยฺจ อยฺจ เอวํลกฺขโณ’’ติ ปชานนมตฺเตน สปฺปฺโ, ยาทิโส อยํ ปจฺฉา วุตฺโต มคฺคทูสี, อิตเรปิ สพฺเพ เนตาทิสาติ ตฺวา อิติ ทิสฺวา เอวํ ปาปํ กโรนฺตมฺปิ เอตํ ปาปภิกฺขุํ ทิสฺวา. ตตฺถายํ โยชนา – เอเต จ ปฏิวิชฺฌิ โย คหฏฺโ สุตวา อริยสาวโก สปฺปฺโ, ตสฺส ตาย ปฺาย สพฺเพ ‘‘เนตาทิสา’’ติ ตฺวา วิหรโต อิติ ทิสฺวา น หาเปติ สทฺธา, เอวํ ปาปกมฺมํ กโรนฺตํ ปาปภิกฺขุํ ทิสฺวาปิ น หาเปติ, น หายติ, น นสฺสติ สทฺธาติ.
เอวํ ¶ อิมาย คาถาย เตสํ อพฺยามิสฺสีภาวํ ทีเปตฺวา อิทานิ อิติ ทิสฺวาปิ ‘‘สพฺเพ เนตาทิสา’’ติ ชานนฺตํ อริยสาวกํ ปสํสนฺโต อาห ‘‘กถฺหิ ทุฏฺเนา’’ติ. ตสฺส สมฺพนฺโธ – เอตเทว จ ยุตฺตํ สุตวโต อริยสาวกสฺส, ยทิทํ เอกจฺจํ ปาปํ กโรนฺตํ อิติ ทิสฺวาปิ สพฺเพ ‘‘เนตาทิสา’’ติ ชานนํ. กึ การณา? กถฺหิ ทุฏฺเน อสมฺปทุฏฺํ, สุทฺธํ อสุทฺเธน สมํ กเรยฺยาติ? ตสฺสตฺโถ – กถฺหิ สุตวา อริยสาวโก สปฺปฺโ, สีลวิปตฺติยา ทุฏฺเน มคฺคทูสินา อทุฏฺํ อิตรํ สมณตฺตยํ, สุทฺธํ สมณตฺตยเมวํ อปริสุทฺธกายสมาจารตาทีหิ อสุทฺเธน ปจฺฉิเมน โวหารมตฺตกสมเณน สมํ กเรยฺย สทิสนฺติ ชาเนยฺยาติ. สุตฺตปริโยสาเน อุปาสกสฺส มคฺโค วา ผลํ วา น กถิตํ. กงฺขามตฺตเมว หิ ตสฺส ปหีนนฺติ.
ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย
สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย จุนฺทสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. ปราภวสุตฺตวณฺณนา
เอวํ ¶ เม สุตนฺติ ปราภวสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? มงฺคลสุตฺตํ กิร สุตฺวา เทวานํ เอตทโหสิ – ‘‘ภควตา มงฺคลสุตฺเต สตฺตานํ วุฑฺฒิฺจ โสตฺถิฺจ กถยมาเนน เอกํเสน ภโว เอว กถิโต, โน ปราภโว. หนฺท ทานิ เยน สตฺตา ปริหายนฺติ วินสฺสนฺติ, ตํ เนสํ ปราภวมฺปิ ¶ ปุจฺฉามา’’ติ. อถ มงฺคลสุตฺตํ กถิตทิวสโต ทุติยทิวเส ทสสหสฺสจกฺกวาเฬสุ เทวตาโย ปราภวสุตฺตํ โสตุกามา อิมสฺมึ เอกจกฺกวาเฬ สนฺนิปติตฺวา เอกวาลคฺคโกฏิโอกาสมตฺเต ทสปิ วีสมฺปิ ตึสมฺปิ จตฺตาลีสมฺปิ ปฺาสมฺปิ สฏฺิปิ สตฺตติปิ อสีติปิ สุขุมตฺตภาเว นิมฺมินิตฺวา สพฺพเทวมารพฺรหฺมาโน สิริยา จ เตเชน จ อธิคยฺห วิโรจมานํ ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสินฺนํ ภควนฺตํ ปริวาเรตฺวา อฏฺํสุ. ตโต สกฺเกน เทวานมินฺเทน อาณตฺโต อฺตโร เทวปุตฺโต ภควนฺตํ ปราภวปฺหํ ปุจฺฉิ. อถ ภควา ปุจฺฉาวเสน อิมํ สุตฺตมภาสิ.
ตตฺถ ¶ ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติอาทิ อายสฺมตา อานนฺเทน วุตฺตํ. ‘‘ปราภวนฺตํ ปุริส’’นฺติอาทินา นเยน เอกนฺตริกา คาถา เทวปุตฺเตน วุตฺตา, ‘‘สุวิชาโน ภวํ โหตี’’ติอาทินา นเยน เอกนฺตริกา เอว อวสานคาถา จ ภควตา วุตฺตา, ตเทตํ สพฺพมฺปิ สโมธาเนตฺวา ‘‘ปราภวสุตฺต’’นฺติ วุจฺจติ. ตตฺถ ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ สพฺพํ มงฺคลสุตฺตวณฺณนายํ วกฺขาม.
๙๑. ปราภวนฺตํ ปุริสนฺติอาทีสุ ปน ปราภวนฺตนฺติ ปริหายนฺตํ วินสฺสนฺตํ. ปุริสนฺติ ยํกิฺจิ สตฺตํ ชนฺตุํ. มยํ ปุจฺฉาม โคตมาติ เสสเทเวหิ สทฺธึ อตฺตานํ นิทสฺเสตฺวา โอกาสํ กาเรนฺโต โส เทวปุตฺโต โคตฺเตน ภควนฺตํ อาลปติ. ภวนฺตํ ปุฏฺุมาคมฺมาติ มยฺหิ ภวนฺตํ ปุจฺฉิสฺสามาติ ตโต ตโต จกฺกวาฬา อาคตาติ อตฺโถ. เอเตน อาทรํ ทสฺเสติ. กึ ปราภวโต มุขนฺติ เอวํ อาคตานํ อมฺหากํ พฺรูหิ ปราภวโต ปุริสสฺส กึ มุขํ, กึ ทฺวารํ, กา โยนิ, กึ การณํ, เยน มยํ ปราภวนฺตํ ปุริสํ ชาเนยฺยามาติ อตฺโถ. เอเตน ‘‘ปราภวนฺตํ ปุริส’’นฺติ เอตฺถ วุตฺตสฺส ปราภวโต ปุริสสฺส ปราภวการณํ ปุจฺฉติ. ปราภวการเณ หิ าเต เตน การณสามฺเน สกฺกา โย โกจิ ปราภวปุริโส ชานิตุนฺติ ¶ .
๙๒. อถสฺส ¶ ภควา สุฏฺุ ปากฏีกรณตฺถํ ปฏิปกฺขํ ทสฺเสตฺวา ปุคฺคลาธิฏฺานาย เทสนาย ปราภวมุขํ ทีเปนฺโต อาห ‘‘สุวิชาโน ภว’’นฺติ. ตสฺสตฺโถ – ยฺวายํ ภวํ วฑฺฒนฺโต อปริหายนฺโต ปุริโส, โส สุวิชาโน โหติ, สุเขน อกสิเรน อกิจฺเฉน สกฺกา วิชานิตุํ. โยปายํ ปราภวตีติ ปราภโว, ปริหายติ วินสฺสติ, ยสฺส ตุมฺเห ปราภวโต ปุริสสฺส มุขํ มํ ปุจฺฉถ, โสปิ สุวิชาโน. กถํ? อยฺหิ ธมฺมกาโม ภวํ โหติ ทสกุสลกมฺมปถธมฺมํ กาเมติ, ปิเหติ, ปตฺเถติ, สุณาติ, ปฏิปชฺชติ, โส ตํ ปฏิปตฺตึ ทิสฺวา สุตฺวา จ ชานิตพฺพโต สุวิชาโน โหติ. อิตโรปิ ธมฺมเทสฺสี ปราภโว, ตเมว ธมฺมํ เทสฺสติ, น กาเมติ, น ปิเหติ, น ปตฺเถติ, น สุณาติ, น ปฏิปชฺชติ, โส ตํ วิปฺปฏิปตฺตึ ทิสฺวา สุตฺวา จ ชานิตพฺพโต สุวิชาโน โหตีติ. เอวเมตฺถ ภควา ปฏิปกฺขํ ทสฺเสนฺโต อตฺถโต ธมฺมกามตํ ภวโต มุขํ ทสฺเสตฺวา ธมฺมเทสฺสิตํ ปราภวโต มุขํ ทสฺเสตีติ เวทิตพฺพํ.
๙๓. อถ ¶ สา เทวตา ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทมานา อาห ‘‘อิติ เหต’’นฺติ. ตสฺสตฺโถ – อิติ หิ ยถา วุตฺโต ภควตา, ตเถว เอตํ วิชานาม, คณฺหาม, ธาเรม, ปโม โส ปราภโว โส ธมฺมเทสฺสิตาลกฺขโณ ปโม ปราภโว. ยานิ มยํ ปราภวมุขานิ วิชานิตุํ อาคตมฺหา, เตสุ อิทํ ตาว เอกํ ปราภวมุขนฺติ วุตฺตํ โหติ. ตตฺถ วิคฺคโห, ปราภวนฺติ เอเตนาติ ปราภโว. เกน จ ปราภวนฺติ? ยํ ปราภวโต มุขํ, การณํ, เตน. พฺยฺชนมตฺเตน เอว หิ เอตฺถ นานากรณํ, อตฺถโต ปน ปราภโวติ วา ปราภวโต มุขนฺติ วา นานากรณํ นตฺถิ. เอวเมกํ ปราภวโต มุขํ วิชานามาติ อภินนฺทิตฺวา ตโต ปรํ าตุกามตายาห ‘‘ทุติยํ ภควา พฺรูหิ, กึ ปราภวโต มุข’’นฺติ. อิโต ปรฺจ ตติยํ จตุตฺถนฺติอาทีสุปิ อิมินาว นเยนตฺโถ เวทิตพฺโพ.
๙๔. พฺยากรณปกฺเขปิ จ ยสฺมา ¶ เต เต สตฺตา เตหิ เตหิ ปราภวมุเขหิ สมนฺนาคตา, น เอโกเยว สพฺเพหิ, น จ สพฺเพ เอเกเนว, ตสฺมา เตสํ เตสํ ตานิ ตานิ ปราภวมุขานิ ทสฺเสตุํ ‘‘อสนฺตสฺส ปิยา โหนฺตี’’ติอาทินา นเยน ปุคฺคลาธิฏฺานาย เอว เทสนาย นานาวิธานิ ปราภวมุขานิ พฺยากาสีติ เวทิตพฺพา.
ตตฺรายํ สงฺเขปโต อตฺถวณฺณนา – อสนฺโต นาม ฉ สตฺถาโร, เย วา ปนฺเปิ อวูปสนฺเตน กายวจีมโนกมฺเมน สมนฺนาคตา, เต อสนฺโต อสฺสปิยา โหนฺติ สุนกฺขตฺตาทีนํ อเจลกโกรขตฺติยาทโย วิย. สนฺโต นาม พุทฺธปจฺเจกพุทฺธสาวกา. เย วา ปนฺเปิ วูปสนฺเตน ¶ กายวจีมโนกมฺเมน สมนฺนาคตา, เต สนฺเต น กุรุเต ปิยํ, อตฺตโน ปิเย อิฏฺเ กนฺเต มนาเป น กุรุเตติ อตฺโถ. เวเนยฺยวเสน เหตฺถ วจนเภโท กโตติ เวทิตพฺโพ. อถ วา สนฺเต น กุรุเตติ สนฺเต น เสวตีติ อตฺโถ, ยถา ‘‘ราชานํ เสวตี’’ติ เอตสฺมิฺหิ อตฺเถ ราชานํ ปิยํ กุรุเตติ สทฺทวิทู มนฺเตนฺติ. ปิยนฺติ ปิยมาโน, ตุสฺสมาโน, โมทมาโนติ อตฺโถ. อสตํ ¶ ธมฺโม นาม ทฺวาสฏฺิ ทิฏฺิคตานิ, ทสากุสลกมฺมปถา วา. ตํ อสตํ ธมฺมํ โรเจติ, ปิเหติ, ปตฺเถติ, เสวติ. เอวเมตาย คาถาย อสนฺตปิยตา, สนฺตอปฺปิยตา, อสทฺธมฺมโรจนฺจาติ ติวิธํ ปราภวโต มุขํ วุตฺตํ. เอเตน หิ สมนฺนาคโต ปุริโส ปราภวติ ปริหายติ, เนว อิธ น หุรํ วุฑฺฒึ ปาปุณาติ, ตสฺมา ‘‘ปราภวโต มุข’’นฺติ วุจฺจติ. วิตฺถารํ ปเนตฺถ ‘‘อเสวนา จ พาลานํ, ปณฺฑิตานฺจ เสวนา’’ติ คาถาวณฺณนายํ วกฺขาม.
๙๖. นิทฺทาสีลี นาม โย คจฺฉนฺโตปิ, นิสีทนฺโตปิ, ติฏฺนฺโตปิ, สยาโนปิ นิทฺทายติเยว. สภาสีลี นาม สงฺคณิการามตํ, ภสฺสารามตมนุยุตฺโต. อนุฏฺาตาติ วีริยเตชวิรหิโต อุฏฺานสีโล น โหติ, อฺเหิ โจทิยมาโน คหฏฺโ วา สมาโน คหฏฺกมฺมํ ¶ , ปพฺพชิโต วา ปพฺพชิตกมฺมํ อารภติ. อลโสติ ชาติอลโส, อจฺจนฺตาภิภูโต ถิเนน ิตฏฺาเน ิโต เอว โหติ, นิสินฺนฏฺาเน นิสินฺโน เอว โหติ, อตฺตโน อุสฺสาเหน อฺํ อิริยาปถํ น กปฺเปติ. อตีเต อรฺเ อคฺคิมฺหิ อุฏฺิเต อปลายนอลสา เจตฺถ นิทสฺสนํ. อยเมตฺถ อุกฺกฏฺปริจฺเฉโท, ตโต ลามกปริจฺเฉเทนาปิ ปน อลโส อลโสตฺเวว เวทิตพฺโพ. ธโชว รถสฺส, ธูโมว อคฺคิโน, โกโธ ปฺาณมสฺสาติ โกธปฺาโณ. โทสจริโต ขิปฺปโกปี อรุกูปมจิตฺโต ปุคฺคโล เอวรูโป โหติ. อิมาย คาถาย นิทฺทาสีลตา, สภาสีลตา, อนุฏฺานตา, อลสตา, โกธปฺาณตาติ ปฺจวิธํ ปราภวมุขํ วุตฺตํ. เอเตน หิ สมนฺนาคโต เนว คหฏฺโ คหฏฺวุฑฺฒึ, น ปพฺพชิโต ปพฺพชิตวุฑฺฒึ ปาปุณาติ, อฺทตฺถุ ปริหายติเยว ปราภวติเยว, ตสฺมา ‘‘ปราภวโต มุข’’นฺติ วุจฺจติ.
๙๘. มาตาติ ชนิกา เวทิตพฺพา. ปิตาติ ชนโกเยว. ชิณฺณกํ สรีรสิถิลตาย. คตโยพฺพนํ โยพฺพนาติกฺกเมน อาสีติกํ วา นาวุติกํ วา สยํ กมฺมานิ กาตุมสมตฺถํ. ปหุ สนฺโตติ สมตฺโถ สมาโน สุขํ ชีวมาโน. น ภรตีติ น โปเสติ. อิมาย คาถาย มาตาปิตูนํ อภรณํ, อโปสนํ, อนุปฏฺานํ เอกํเยว ปราภวมุขํ วุตฺตํ. เอเตน หิ สมนฺนาคโต ยํ ตํ –
‘‘ตาย ¶ ¶ นํ ปาริจริยาย, มาตาปิตูสุ ปณฺฑิตา;
อิเธว นํ ปสํสนฺติ, เปจฺจ สคฺเค ปโมทตี’’ติ. (อิติวุ. ๑๐๖; อ. นิ. ๔.๖๓) –
มาตาปิตุภรเณ อานิสํสํ วุตฺตํ. ตํ น ปาปุณาติ, อฺทตฺถุ ‘‘มาตาปิตโรปิ น ภรติ, กํ อฺํ ภริสฺสตี’’ติ นินฺทฺจ วชฺชนียตฺจ ทุคฺคติฺจ ปาปุณนฺโต ปราภวติเยว, ตสฺมา ‘‘ปราภวโต มุข’’นฺติ วุจฺจติ.
๑๐๐. ปาปานํ พาหิตตฺตา พฺราหฺมณํ, สมิตตฺตา สมณํ. พฺราหฺมณกุลปฺปภวมฺปิ วา พฺราหฺมณํ, ปพฺพชฺชุปคตํ ¶ สมณํ, ตโต อฺํ วาปิ ยํกิฺจิ ยาจนกํ. มุสาวาเทน วฺเจตีติ ‘‘วท, ภนฺเต, ปจฺจเยนา’’ติ ปวาเรตฺวา ยาจิโต วา ปฏิชานิตฺวา ปจฺฉา อปฺปทาเนน ตสฺส ตํ อาสํ วิสํวาเทติ. อิมาย คาถาย พฺราหฺมณาทีนํ มุสาวาเทน วฺจนํ เอกํเยว ปราภวมุขํ วุตฺตํ. เอเตน หิ สมนฺนาคโต อิธ นินฺทํ, สมฺปราเย ทุคฺคตึ สุคติยมฺปิ อธิปฺปายวิปตฺติฺจ ปาปุณาติ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘ทุสฺสีลสฺส สีลวิปนฺนสฺส ปาปโก กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉตี’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๔๙; อ. นิ. ๕.๒๑๓; มหาว. ๒๘๕).
ตถา –
‘‘จตูหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ นิรเย. กตเมหิ จตูหิ? มุสาวาที โหตี’’ติอาทิ (อ. นิ. ๔.๘๒).
ตถา –
‘‘อิธ, สาริปุตฺต, เอกจฺโจ สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา อุปสงฺกมิตฺวา ปวาเรติ, ‘วท, ภนฺเต, ปจฺจเยนา’ติ, โส เยน ปวาเรติ, ตํ น เทติ. โส เจ ตโต จุโต อิตฺถตฺตํ อาคจฺฉติ. โส ยํ ยเทว วณิชฺชํ ปโยเชติ, สาสฺส โหติ เฉทคามินี. อิธ ปน สาริปุตฺต…เป… โส เยน ปวาเรติ, น ตํ ยถาธิปฺปายํ เทติ. โส เจ ตโต จุโต ¶ อิตฺถตฺตํ อาคจฺฉติ. โส ยํ ยเทว วณิชฺชํ ปโยเชติ, สาสฺส น โหติ ยถาธิปฺปายา’’ติ (อ. นิ. ๔.๗๙).
เอวมิมานิ ¶ นินฺทาทีนิ ปาปุณนฺโต ปราภวติเยว, ตสฺมา ‘‘ปราภวโต มุข’’นฺติ วุตฺตํ.
๑๐๒. ปหูตวิตฺโตติ ปหูตชาตรูปรชตมณิรตโน. สหิรฺโติ สกหาปโณ. สโภชโนติ อเนกสูปพฺยฺชนโภชนสมฺปนฺโน. เอโก ภฺุชติ สาทูนีติ สาทูนิ โภชนานิ อตฺตโน ปุตฺตานมฺปิ อทตฺวา ปฏิจฺฉนฺโนกาเส ภฺุชตีติ เอโก ภฺุชติ สาทูนิ. อิมาย คาถาย โภชนคิทฺธตาย โภชนมจฺฉริยํ เอกํเยว ปราภวมุขํ วุตฺตํ. เอเตน หิ สมนฺนาคโต นินฺทํ วชฺชนียํ ทุคฺคตินฺติ เอวมาทีนิ ปาปุณนฺโต ปราภวติเยว, ตสฺมา ‘‘ปราภวโต มุข’’นฺติ วุตฺตํ. วุตฺตนเยเนว สพฺพํ สุตฺตานุสาเรน โยเชตพฺพํ, อติวิตฺถารภเยน ปน อิทานิ โยชนานยํ อทสฺเสตฺวา อตฺถมตฺตเมว ภณาม.
๑๐๔. ชาติตฺถทฺโธ นาม โย ‘‘อหํ ชาติสมฺปนฺโน’’ติ มานํ ชเนตฺวา เตน ถทฺโธ วาตปูริตภสฺตา วิย อุทฺธุมาโต หุตฺวา น กสฺสจิ ¶ โอนมติ. เอส นโย ธนโคตฺตตฺถทฺเธสุ. สฺาตึ อติมฺเตีติ อตฺตโน าติมฺปิ ชาติยา อติมฺติ สกฺยา วิย วิฏฏูภํ. ธเนนาปิ จ ‘‘กปโณ อยํ ทลิทฺโท’’ติ อติมฺติ, สามีจิมตฺตมฺปิ น กโรติ, ตสฺส เต าตโย ปราภวเมว อิจฺฉนฺติ. อิมาย คาถาย วตฺถุโต จตุพฺพิธํ, ลกฺขณโต เอกํเยว ปราภวมุขํ วุตฺตํ.
๑๐๖. อิตฺถิธุตฺโตติ อิตฺถีสุ สารตฺโต, ยํกิฺจิ อตฺถิ, ตํ สพฺพมฺปิ ทตฺวา อปราปรํ อิตฺถึ สงฺคณฺหาติ. ตถา สพฺพมฺปิ อตฺตโน สนฺตกํ นิกฺขิปิตฺวา สุราปานปยุตฺโต สุราธุตฺโต. นิวตฺถสาฏกมฺปิ นิกฺขิปิตฺวา ชูตกีฬนมนุยุตฺโต อกฺขธุตฺโต. เอเตหิ ตีหิ าเนหิ ยํกิฺจิปิ ลทฺธํ โหติ, ตสฺส วินาสนโต ลทฺธํ ลทฺธํ วินาเสตีติ เวทิตพฺโพ. เอวํวิโธ ปราภวติเยว, เตนสฺเสตํ อิมาย คาถาย ติวิธํ ปราภวมุขํ วุตฺตํ.
๑๐๘. เสหิ ทาเรหีติ อตฺตโน ทาเรหิ. โย อตฺตโน ทาเรหิ อสนฺตุฏฺโ หุตฺวา เวสิยาสุ ปทุสฺสติ, ตถา ปรทาเรสุ, โส ¶ ยสฺมา เวสีนํ ธนปฺปทาเนน ปรทารเสวเนน จ ราชทณฺฑาทีหิ ปราภวติเยว, เตนสฺเสตํ อิมาย คาถาย ทุวิธํ ปราภวมุขํ วุตฺตํ.
๑๑๐. อตีตโยพฺพโนติ ¶ โยพฺพนมติจฺจ อาสีติโก วา นาวุติโก วา หุตฺวา อาเนติ ปริคฺคณฺหาติ. ติมฺพรุตฺถนินฺติ ติมฺพรุผลสทิสตฺถนึ ตรุณทาริกํ. ตสฺสา อิสฺสา น สุปตีติ ‘‘ทหราย มหลฺลเกน สทฺธึ รติ จ สํวาโส จ อมนาโป, มา เหว โข ตรุณํ ปตฺเถยฺยา’’ติ อิสฺสาย ตํ รกฺขนฺโต น สุปติ. โส ยสฺมา กามราเคน จ อิสฺสาย จ ฑยฺหนฺโต พหิทฺธา กมฺมนฺเต จ อปฺปโยเชนฺโต ปราภวติเยว, เตนสฺเสตํ อิมาย คาถาย อิมํ อิสฺสาย อสุปนํ เอกํเยว ปราภวมุขํ วุตฺตํ.
๑๑๒. โสณฺฑินฺติ มจฺฉมํสาทีสุ โลลํ เคธชาติกํ. วิกิรณินฺติ เตสํ อตฺถาย ธนํ ปํสุกํ วิย วิกิริตฺวา นาสนสีลํ. ปุริสํ วาปิ ตาทิสนฺติ ปุริโส วาปิ โย เอวรูโป โหติ, ตํ โย อิสฺสริยสฺมึ เปติ, ลฺฉนมุทฺทิกาทีนิ ทตฺวา ฆราวาเส กมฺมนฺเต ¶ วา วณิชฺชาทิโวหาเรสุ วา ตเทว วาวฏํ กาเรติ. โส ยสฺมา ตสฺส โทเสน ธนกฺขยํ ปาปุณนฺโต ปราภวติเยว, เตนสฺเสตํ อิมาย คาถาย ตถาวิธสฺส อิสฺสริยสฺมึ ปนํ เอกํเยว ปราภวมุขํ วุตฺตํ.
๑๑๔. อปฺปโภโค นาม สนฺนิจิตานฺจ โภคานํ อายมุขสฺส จ อภาวโต. มหาตณฺโหติ มหติยา โภคตณฺหาย สมนฺนาคโต, ยํ ลทฺธํ, เตน อสนฺตุฏฺโ. ขตฺติเย ชายเต กุเลติ ขตฺติยานํ กุเล ชายติ. โส จ รชฺชํ ปตฺถยตีติ โส เอตาย มหาตณฺหตาย อนุปาเยน อุปฺปฏิปาฏิยา อตฺตโน ทายชฺชภูตํ อลพฺภเนยฺยํ วา ปรสนฺตกํ รชฺชํ ปตฺเถติ, โส เอวํ ปตฺเถนฺโต ยสฺมา ตมฺปิ อปฺปกํ โภคํ โยธาชีวาทีนํ ทตฺวา รชฺชํ อปาปุณนฺโต ปราภวติเยว, เตนสฺเสตํ อิมาย คาถาย รชฺชปตฺถนํ เอกํเยว ปราภวมุขํ วุตฺตํ.
๑๑๕. อิโต ¶ ปรํ ยทิ สา เทวตา ‘‘เตรสมํ ภควา พฺรูหิ…เป… สตสหสฺสิมํ ภควา พฺรูหี’’ติ ปุจฺเฉยฺย, ตมฺปิ ภควา กเถยฺย. ยสฺมา ปน สา เทวตา ‘‘กึ อิเมหิ ปุจฺฉิเตหิ, เอกเมตฺถ วุฑฺฒิกรํ นตฺถี’’ติ ตานิ ปราภวมุขานิ อสุยฺยมานา เอตฺตกมฺปิ ปุจฺฉิตฺวา วิปฺปฏิสารี หุตฺวา ตุณฺหี อโหสิ, ตสฺมา ภควา ตสฺสาสยํ วิทิตฺวา เทสนํ นิฏฺาเปนฺโต อิมํ คาถํ อภาสิ ‘‘เอเต ปราภเว โลเก’’ติ.
ตตฺถ ปณฺฑิโตติ ปริวีมํสาย สมนฺนาคโต. สมเวกฺขิยาติ ปฺาจกฺขุนา อุปปริกฺขิตฺวา. อริโยติ น มคฺเคน, น ผเลน, อปิจ โข, ปน เอตสฺมึ ปราภวสงฺขาเต อนเย น อิริยตีติ อริโย. เยน ทสฺสเนน ยาย ปฺาย ปราภเว ทิสฺวา วิวชฺเชติ, เตน ¶ สมฺปนฺนตฺตา ทสฺสนสมฺปนฺโน. ส โลกํ ภชเต สิวนฺติ โส เอวรูโป สิวํ เขมมุตฺตมมนุปทฺทวํ เทวโลกํ ภชติ, อลฺลียติ, อุปคจฺฉตีติ วุตฺตํ โหติ. เทสนาปริโยสาเน ปราภวมุขานิ สุตฺวา อุปฺปนฺนสํเวคานุรูปํ โยนิโส ปทหิตฺวา โสตาปตฺติสกทาคามิอนาคามิผลานิ ปตฺตา เทวตา คณนํ วีติวตฺตา. ยถาห –
‘‘มหาสมยสุตฺเต ¶ จ, อโถ มงฺคลสุตฺตเก;
สมจิตฺเต ราหุโลวาเท, ธมฺมจกฺเก ปราภเว.
‘‘เทวตาสมิตี ตตฺถ, อปฺปเมยฺยา อสงฺขิยา;
ธมฺมาภิสมโย เจตฺถ, คณนาโต อสงฺขิโย’’ติ.
ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย
สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย ปราภวสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. อคฺคิกภารทฺวาชสุตฺตวณฺณนา
เอวํ ¶ เม สุตนฺติ อคฺคิกภารทฺวาชสุตฺตํ, ‘‘วสลสุตฺต’’นฺติปิ วุจฺจติ. กา อุปฺปตฺติ? ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. กสิภารทฺวาชสุตฺเต วุตฺตนเยน ปจฺฉาภตฺตกิจฺจาวสาเน พุทฺธจกฺขุนา โลกํ ¶ โวโลเกนฺโต อคฺคิกภารทฺวาชํ พฺราหฺมณํ สรณสิกฺขาปทานํ อุปนิสฺสยสมฺปนฺนํ ทิสฺวา ‘‘ตตฺถ มยิ คเต กถา ปวตฺติสฺสติ, ตโต กถาวสาเน ธมฺมเทสนํ สุตฺวา เอส พฺราหฺมโณ สรณํ คนฺตฺวา สิกฺขาปทานิ สมาทิยิสฺสตี’’ติ ตฺวา, ตตฺถ คนฺตฺวา, ปวตฺตาย กถาย พฺราหฺมเณน ธมฺมเทสนํ ยาจิโต อิมํ สุตฺตํ อภาสิ. ตตฺถ ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติอาทึ มงฺคลสุตฺตวณฺณนายํ วณฺณยิสฺสาม, ‘‘อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมย’’นฺติอาทิ กสิภารทฺวาชสุตฺเต วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.
เตน โข ปน สมเยน อคฺคิกภารทฺวาชสฺสาติ ยํ ยํ อวุตฺตปุพฺพํ, ตํ ตเทว วณฺณยิสฺสาม. เสยฺยถิทํ – โส หิ พฺราหฺมโณ อคฺคึ ชุหติ ปริจรตีติ กตฺวา อคฺคิโกติ นาเมน ปากโฏ อโหสิ, ภารทฺวาโชติ โคตฺเตน. ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘อคฺคิกภารทฺวาชสฺสา’’ติ. นิเวสเนติ ฆเร. ตสฺส กิร พฺราหฺมณสฺส นิเวสนทฺวาเร อนฺตรวีถิยํ อคฺคิหุตสาลา อโหสิ. ตโต ‘‘นิเวสนทฺวาเร’’ติ วตฺตพฺเพ ตสฺสปิ ปเทสสฺส นิเวสเนเยว ปริยาปนฺนตฺตา ‘‘นิเวสเน’’ติ วุตฺตํ. สมีปตฺเถ วา ภุมฺมวจนํ, นิเวสนสมีเปติ อตฺโถ. อคฺคิ ปชฺชลิโต โหตีติ อคฺคิยาธาเน ิโต อคฺคิ กตพฺภุทฺธรโณ สมิธาปกฺเขปํ พีชนวาตฺจ ลภิตฺวา ¶ ชลิโต อุทฺธํ สมุคฺคตจฺจิสมากุโล โหติ. อาหุติ ปคฺคหิตาติ สสีสํ นฺหายิตฺวา มหตา สกฺกาเรน ปายาสสปฺปิมธุผาณิตาทีนิ อภิสงฺขตานิ โหนฺตีติ อตฺโถ. ยฺหิ กิฺจิ อคฺคิมฺหิ ชุหิตพฺพํ, ตํ สพฺพํ ‘‘อาหุตี’’ติ วุจฺจติ. สปทานนฺติ อนุฆรํ. ภควา หิ สพฺพชนานุคฺคหตฺถาย อาหารสนฺตุฏฺิยา จ อุจฺจนีจกุลํ อโวกฺกมฺม ปิณฺฑาย จรติ. เตน วุตฺตํ ‘‘สปทานํ ปิณฺฑาย จรมาโน’’ติ.
อถ กิมตฺถํ สพฺพาการสมฺปนฺนํ สมนฺตปาสาทิกํ ภควนฺตํ ทิสฺวา พฺราหฺมณสฺส จิตฺตํ นปฺปสีทติ? กสฺมา จ เอวํ ผรุเสน วจเนน ภควนฺตํ สมุทาจรตีติ? วุจฺจเต – อยํ กิร ¶ พฺราหฺมโณ ‘‘มงฺคลกิจฺเจสุ สมณทสฺสนํ อวมงฺคล’’นฺติ เอวํทิฏฺิโก, ตโต ‘‘มหาพฺรหฺมุโน ภฺุชนเวลาย กาฬกณฺณี มุณฺฑกสมณโก มม นิเวสนํ อุปสงฺกมตี’’ติ มนฺตฺวา จิตฺตํ นปฺปสาเทสิ, อฺทตฺถุ โทสวสํเยว อคมาสิ. อถ กุทฺโธ อนตฺตมโน อนตฺตมนวาจํ นิจฺฉาเรสิ ‘‘ตตฺเรว มุณฺฑกา’’ติอาทิ. ตตฺราปิ ¶ จ ยสฺมา ‘‘มุณฺโฑ อสุทฺโธ โหตี’’ติ พฺราหฺมณานํ ทิฏฺิ, ตสฺมา ‘‘อยํ อสุทฺโธ, เตน เทวพฺราหฺมณปูชโก น โหตี’’ติ ชิคุจฺฉนฺโต ‘‘มุณฺฑกา’’ติ อาห. มุณฺฑกตฺตา วา อุจฺฉิฏฺโ เอส, น อิมํ ปเทสํ อรหติ อาคจฺฉิตุนฺติ สมโณ หุตฺวาปิ อีทิสํ กายกิเลสํ น วณฺเณตีติ จ สมณภาวํ ชิคุจฺฉนฺโต ‘‘สมณกา’’ติ อาห. น เกวลํ โทสวเสเนว, วสเล วา ปพฺพาเชตฺวา เตหิ สทฺธึ เอกโต สมฺโภคปริโภคกรเณน ปติโต อยํ วสลโตปิ ปาปตโรติ ชิคุจฺฉนฺโต ‘‘วสลกา’’ติ อาห – ‘‘วสลชาติกานํ วา อาหุติทสฺสนมตฺตสวเนน ปาปํ โหตี’’ติ มฺมาโนปิ เอวมาห.
ภควา ตถา วุตฺโตปิ วิปฺปสนฺเนเนว มุขวณฺเณน มธุเรน สเรน พฺราหฺมณสฺส อุปริ อนุกมฺปาสีตเลน จิตฺเตน อตฺตโน สพฺพสตฺเตหิ อสาธารณตาทิภาวํ ปกาเสนฺโต อาห ‘‘ชานาสิ ปน, ตฺวํ พฺราหฺมณา’’ติ. อถ พฺราหฺมโณ ภควโต ¶ มุขปฺปสาทสูจิตํ ตาทิภาวํ ตฺวา อนุกมฺปาสีตเลน จิตฺเตน นิจฺฉาริตํ มธุรสฺสรํ สุตฺวา อมเตเนว อภิสิตฺตหทโย อตฺตมโน วิปฺปสนฺนินฺทฺริโย นิหตมาโน หุตฺวา ตํ ชาติสภาวํ วิสอุคฺคิรสทิสํ สมุทาจารวจนํ ปหาย ‘‘นูน ยมหํ หีนชจฺจํ วสลนฺติ ปจฺเจมิ, น โส ปรมตฺถโต วสโล, น จ หีนชจฺจตา เอว วสลกรโณ ธมฺโม’’ติ มฺมาโน ‘‘น ขฺวาหํ, โภ โคตมา’’ติ อาห. ธมฺมตา เหสา, ยํ เหตุสมฺปนฺโน ปจฺจยาลาเภน ผรุโสปิ สมาโน ลทฺธมตฺเต ปจฺจเย มุทุโก โหตีติ.
ตตฺถ สาธูติ อยํ สทฺโท อายาจนสมฺปฏิจฺฉนสมฺปหํสนสุนฺทรทฬฺหีกมฺมาทีสุ ทิสฺสติ. ‘‘สาธุ เม, ภนฺเต, ภควา สํขิตฺเตน ธมฺมํ เทเสตู’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๔.๙๕; อ. นิ. ๗.๘๓) หิ อายาจเน. ‘‘สาธุ, ภนฺเตติ โข โส ภิกฺขุ ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๘๖) สมฺปฏิจฺฉเน. ‘‘สาธุ, สาธุ, สาริปุตฺตา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๓๔๙) สมฺปหํสเน.
‘‘สาธุ ธมฺมรุจี ราชา, สาธุ ปฺาณวา นโร;
สาธุ มิตฺตานมทฺทุพฺโภ, ปาปสฺสากรณํ สุข’’นฺติ. (ชา. ๒.๑๘.๑๐๑) –
อาทีสุ ¶ ¶ สุนฺทเร. ‘‘ตํ สุณาถ, สาธุกํ มนสิ กโรถา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑) ทฬฺหีกมฺเม. อิธ ปน อายาจเน.
เตน หีติ ตสฺสาธิปฺปายนิทสฺสนํ, สเจ าตุกาโมสีติ วุตฺตํ โหติ. การณวจนํ วา, ตสฺส ยสฺมา าตุกาโมสิ, ตสฺมา, พฺราหฺมณ, สุณาหิ, สาธุกํ มนสิ กโรหิ, ตถา เต ภาสิสฺสามิ, ยถา ตฺวํ ชานิสฺสสีติ เอวํ ปรปเทหิ สทฺธึ สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ. ตตฺร จ สุณาหีติ โสตินฺทฺริยวิกฺเขปวารณํ, สาธุกํ มนสิ กโรหีติ มนสิกาเร ทฬฺหีกมฺมนิโยชเนน มนินฺทฺริยวิกฺเขปวารณํ. ปุริมฺเจตฺถ พฺยฺชนวิปลฺลาสคฺคาหวารณํ, ปจฺฉิมํ อตฺถวิปลฺลาสคฺคาหวารณํ ¶ . ปุริเมน จ ธมฺมสฺสวเน นิโยเชติ, ปจฺฉิเมน สุตานํ ธมฺมานํ ธารณตฺถูปปริกฺขาทีสุ. ปุริเมน จ ‘‘สพฺยฺชโน อยํ ธมฺโม, ตสฺมา สวนีโย’’ติ ทีเปติ, ปจฺฉิเมน ‘‘สาตฺโถ, ตสฺมา มนสิ กาตพฺโพ’’ติ. สาธุกปทํ วา อุภยปเทหิ โยเชตฺวา ‘‘ยสฺมา อยํ ธมฺโม ธมฺมคมฺภีโร จ เทสนาคมฺภีโร จ, ตสฺมา สุณาหิ สาธุกํ. ยสฺมา อตฺถคมฺภีโร ปฏิเวธคมฺภีโร จ, ตสฺมา สาธุกํ มนสิ กโรหี’’ติ เอตมตฺถํ ทีเปนฺโต อาห – ‘‘สุณาหิ สาธุกํ มนสิ กโรหี’’ติ.
ตโต ‘‘เอวํ คมฺภีเร กถมหํ ปติฏฺํ ลภิสฺสามี’’ติ วิสีทนฺตมิว ตํ พฺราหฺมณํ สมุสฺสาเหนฺโต อาห – ‘‘ภาสิสฺสามี’’ติ. ตตฺถ ‘‘ยถา ตฺวํ สฺสสิ, ตถา ปริมณฺฑเลหิ ปทพฺยฺชเนหิ อุตฺตาเนน นเยน ภาสิสฺสามี’’ติ เอวมธิปฺปาโย เวทิตพฺโพ. ตโต อุสฺสาหชาโต หุตฺวา ‘‘เอวํ โภ’’ติ โข อคฺคิกภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ ภควโต ปจฺจสฺโสสิ, สมฺปฏิจฺฉิ ปฏิคฺคเหสีติ วุตฺตํ โหติ, ยถานุสิฏฺํ วา ปฏิปชฺชเนน อภิมุโข อสฺโสสีติ. อถสฺส ‘‘ภควา เอตทโวจา’’ติ อิทานิ วตฺตพฺพํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘โกธโน อุปนาหี’’ติ เอวมาทิกํ.
๑๑๖. ตตฺถ โกธโนติ กุชฺฌนสีโล. อุปนาหีติ ตสฺเสว โกธสฺส ทฬฺหีกมฺเมน อุปนาเหน สมนฺนาคโต. ปเรสํ คุเณ มกฺเขติ ปฺุฉตีติ มกฺขี, ปาโป จ โส มกฺขี จาติ ปาปมกฺขี. วิปนฺนทิฏฺีติ วินฏฺสมฺมาทิฏฺิ, วิปนฺนาย วา วิรูปํ คตาย ทสวตฺถุกาย มิจฺฉาทิฏฺิยา สมนฺนาคโต. มายาวีติ อตฺตนิ วิชฺชมานโทสปฏิจฺฉาทนลกฺขณาย มายาย ¶ สมนฺนาคโต. ตํ ชฺา วสโล อิตีติ ตํ เอวรูปํ ปุคฺคลํ เอเตสํ หีนธมฺมานํ วสฺสนโต สิฺจนโต อนฺวาสฺสวนโต ‘‘วสโล’’ติ ชาเนยฺยาติ, เอเตหิ สพฺเพหิ พฺราหฺมณมตฺถเก ชาโต. อยฺหิ ปรมตฺถโต วสโล เอว, อตฺตโน ¶ หทยตุฏฺิมตฺตํ, น ปรนฺติ. เอวเมตฺถ ภควา อาทิปเทเนว ตสฺส พฺราหฺมณสฺส โกธนิคฺคหํ กตฺวา ‘‘โกธาทิธมฺโม หีนปุคฺคโล’’ติ ปุคฺคลาธิฏฺานาย ¶ จ เทสนาย โกธาทิธมฺเม เทเสนฺโต เอเกน ตาว ปริยาเยน วสลฺจ วสลกรเณ จ ธมฺเม เทเสสิ. เอวํ เทเสนฺโต จ ‘‘ตฺวํ อห’’นฺติ ปรวมฺภนํ อตฺตุกฺกํสนฺจ อกตฺวา ธมฺเมเนว สเมน าเยน ตํ พฺราหฺมณํ วสลภาเว, อตฺตานฺจ พฺราหฺมณภาเว เปสิ.
๑๑๗. อิทานิ ยายํ พฺราหฺมณานํ ทิฏฺิ ‘‘กทาจิ ปาณาติปาตอทินฺนาทานาทีนิ กโรนฺโตปิ พฺราหฺมโณ เอวา’’ติ. ตํ ทิฏฺึ ปฏิเสเธนฺโต, เย จ สตฺตวิหึสาทีสุ อกุสลธมฺเมสุ เตหิ เตหิ สมนฺนาคตา อาทีนวํ อปสฺสนฺตา เต ธมฺเม อุปฺปาเทนฺติ, เตสํ ‘‘หีนา เอเต ธมฺมา วสลกรณา’’ติ ตตฺถ อาทีนวฺจ ทสฺเสนฺโต อปเรหิปิ ปริยาเยหิ วสลฺจ วสลกรเณ จ ธมฺเม เทเสตุํ ‘‘เอกชํ วา ทฺวิชํ วา’’ติ เอวมาทิคาถาโย อภาสิ.
ตตฺถ เอกโชติ เปตฺวา อณฺฑชํ อวเสสโยนิโช. โส หิ เอกทา เอว ชายติ. ทฺวิโชติ อณฺฑโช. โส หิ มาตุกุจฺฉิโต อณฺฑโกสโต จาติ ทฺวิกฺขตฺตุํ ชายติ. ตํ เอกชํ วา ทฺวิชํ วาปิ. โยธ ปาณนฺติ โย อิธ สตฺตํ. วิหึสตีติ กายทฺวาริกเจตนาสมุฏฺิเตน วา วจีทฺวาริกเจตนาสมุฏฺิเตน วา ปโยเคน ชีวิตา โวโรเปติ. ‘‘ปาณานิ หึสตี’’ติปิ ปาโ. ตตฺถ เอกชํ วา ทฺวิชํ วาติ เอวํปเภทานิ โยธ ปาณานิ หึสตีติ เอวํ สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ. ยสฺส ปาเณ ทยา นตฺถีติ เอเตน มนสา อนุกมฺปาย อภาวํ อาห. เสสเมตฺถ วุตฺตนยเมว. อิโต ปราสุ จ คาถาสุ, ยโต เอตฺตกมฺปิ อวตฺวา อิโต ปรํ อุตฺตานตฺถานิ ปทานิ ปริหรนฺตา อวณฺณิตปทวณฺณนามตฺตเมว กริสฺสาม.
๑๑๘. หนฺตีติ ¶ หนติ วินาเสติ. ปริรุนฺธตีติ เสนาย ปริวาเรตฺวา ติฏฺติ. คามานิ นิคมานิ จาติ เอตฺถ จ-สทฺเทน นครานีติปิ วตฺตพฺพํ. นิคฺคาหโก สมฺาโตติ อิมินา หนนปริรุนฺธเนน คามนิคมนครฆาตโกติ โลเก วิทิโต.
๑๑๙. คาเม วา ยทิ วารฺเติ ¶ คาโมปิ นิคโมปิ นครมฺปิ สพฺโพว อิธ คาโม สทฺธึ อุปจาเรน, ตํ เปตฺวา เสสํ อรฺํ. ตสฺมึ คาเม วา ยทิ วารฺเ ยํ ปเรสํ มมายิตํ, ยํ ปรสตฺตานํ ปริคฺคหิตมปริจฺจตฺตํ สตฺโต วา สงฺขาโร วา. เถยฺยา อทินฺนมาเทตีติ เตหิ อทินฺนํ อนนฺุาตํ เถยฺยจิตฺเตน อาทิยติ, เยน เกนจิ ปโยเคน เยน เกนจิ อวหาเรน อตฺตโน คหณํ สาเธติ.
๑๒๐. อิณมาทายาติ อตฺตโน สนฺตกํ กิฺจิ นิกฺขิปิตฺวา นิกฺเขปคฺคหเณน วา, กิฺจิ ¶ อนิกฺขิปิตฺวา ‘‘เอตฺตเกน กาเลน เอตฺตกํ วฑฺฒึ ทสฺสามี’’ติ วฑฺฒิคฺคหเณน วา, ‘‘ยํ อิโต อุทยํ ภวิสฺสติ, ตํ มยฺหํ มูลํ ตเวว ภวิสฺสตี’’ติ วา ‘‘อุทยํ อุภินฺนมฺปิ สาธารณ’’นฺติ วา เอวํ ตํตํอาโยคคฺคหเณน วา อิณํ คเหตฺวา. จุชฺชมาโน ปลายติ น หิ เต อิณมตฺถีติ เตน อิณายิเกน ‘‘เทหิ เม อิณ’’นฺติ โจทิยมาโน ‘‘น หิ เต อิณมตฺถิ, มยา คหิตนฺติ โก สกฺขี’’ติ เอวํ ภณเนน ฆเร วสนฺโตปิ ปลายติ.
๑๒๑. กิฺจิกฺขกมฺยตาติ อปฺปมตฺตเกปิ กิสฺมิฺจิเทว อิจฺฉาย. ปนฺถสฺมึ วชนฺตํ ชนนฺติ มคฺเค คจฺฉนฺตํ ยํกิฺจิ อิตฺถึ วา ปุริสํ วา. หนฺตฺวา กิฺจิกฺขมาเทตีติ มาเรตฺวา โกฏฺเฏตฺวา ตํ ภณฺฑกํ คณฺหาติ.
๑๒๒. อตฺตเหตูติ อตฺตโน ชีวิตการณา, ตถา ปรเหตุ. ธนเหตูติ สกธนสฺส วา ปรธนสฺส วา การณา. จ-กาโร สพฺพตฺถ วิกปฺปนตฺโถ. สกฺขิปุฏฺโติ ยํ ชานาสิ, ตํ วเทหีติ ปุจฺฉิโต. มุสา พฺรูตีติ ชานนฺโต วา ‘‘น ชานามี’’ติ อชานนฺโต วา ‘‘ชานามี’’ติ ภณติ, สามิเก อสามิเก, อสามิเก จ สามิเก กโรติ.
๑๒๓. าตีนนฺติ ¶ สมฺพนฺธีนํ. สขีนนฺติ วยสฺสานํ ทาเรสูติ ปรปริคฺคหิเตสุ. ปฏิทิสฺสตีติ ปฏิกูเลน ทิสฺสติ, อติจรนฺโต ทิสฺสตีติ อตฺโถ. สาหสาติ พลกฺกาเรน อนิจฺฉํ. สมฺปิเยนาติ เตหิ เตสํ ทาเรหิ ปตฺถิยมาโน สยฺจ ปตฺถยมาโน, อุภยสิเนหวเสนาปีติ วุตฺตํ โหติ.
๑๒๔. มาตรํ ปิตรํ วาติ เอวํ เมตฺตาย ปทฏฺานภูตมฺปิ, ชิณฺณกํ คตโยพฺพนนฺติ เอวํ กรุณาย ปทฏฺานภูตมฺปิ ¶ . ปหุ สนฺโต น ภรตีติ อตฺถสมฺปนฺโน อุปกรณสมฺปนฺโน หุตฺวาปิ น โปเสติ.
๑๒๕. สสุนฺติ สสฺสุํ. หนฺตีติ ปาณินา วา เลฑฺฑุนา วา อฺเน วา เกนจิ ปหรติ. โรเสตีติ โกธมสฺส สฺชเนติ วาจาย ผรุสวจเนน.
๑๒๖. อตฺถนฺติ สนฺทิฏฺิกสมฺปรายิกปรมตฺเถสุ ยํกิฺจิ. ปุจฺฉิโต สนฺโตติ ปุฏฺโ สมาโน. อนตฺถมนุสาสตีติ ตสฺส อหิตเมว อาจิกฺขติ. ปฏิจฺฉนฺเนน มนฺเตตีติ อตฺถํ อาจิกฺขนฺโตปิ ¶ ยถา โส น ชานาติ, ตถา อปากเฏหิ ปทพฺยฺชเนหิ ปฏิจฺฉนฺเนน วจเนน มนฺเตติ, อาจริยมุฏฺึ วา กตฺวา ทีฆรตฺตํ วสาเปตฺวา สาวเสสเมว มนฺเตติ.
๑๒๗. โย กตฺวาติ เอตฺถ มยา ปุพฺพภาเค ปาปิจฺฉตา วุตฺตา. ยา สา ‘‘อิเธกจฺโจ กาเยน ทุจฺจริตํ จริตฺวา, วาจาย ทุจฺจริตํ จริตฺวา, มนสา ทุจฺจริตํ จริตฺวา, ตสฺส ปฏิจฺฉาทนเหตุ ปาปิกํ อิจฺฉํ ปณิทหติ, มา มํ ชฺาติ อิจฺฉตี’’ติ เอวํ อาคตา. ยถา อฺเ น ชานนฺติ, ตถา กรเณน กตานฺจ อวิวรเณน ปฏิจฺฉนฺนา อสฺส กมฺมนฺตาติ ปฏิจฺฉนฺนกมฺมนฺโต.
๑๒๘. ปรกุลนฺติ าติกุลํ วา มิตฺตกุลํ วา. อาคตนฺติ ยสฺส เตน กุเล ภุตฺตํ, ตํ อตฺตโน เคหมาคตํ ปานโภชนาทีหิ นปฺปฏิปูเชติ, น วา เทติ, อวภุตฺตํ วา เทตีติ อธิปฺปาโย.
๑๒๙. โย พฺราหฺมณํ วาติ ปราภวสุตฺเต วุตฺตนยเมว.
๑๓๐. ภตฺตกาเล ¶ อุปฏฺิเตติ โภชนกาเล ชาเต. อุปฏฺิตนฺติปิ ปาโ, ภตฺตกาเล อาคตนฺติ อตฺโถ. โรเสติ วาจา น จ เทตีติ ‘‘อตฺถกาโม เม อยํ พลกฺกาเรน มํ ปฺุํ การาเปตุํ อาคโต’’ติ อจินฺเตตฺวา อปฺปติรูเปน ผรุสวจเนน โรเสติ, อนฺตมโส สมฺมุขภาวมตฺตมฺปิ จสฺส น เทติ, ปเคว โภชนนฺติ อธิปฺปาโย.
๑๓๑. อสตํ โยธ ปพฺรูตีติ โย อิธ ยถา นิมิตฺตานิ ทิสฺสนฺติ ‘‘อสุกทิวเส อิทฺจิทฺจ เต ภวิสฺสตี’’ติ เอวํ อสชฺชนานํ วจนํ ปพฺรูติ. ‘‘อสนฺต’’นฺติปิ ปาโ, อภูตนฺติ อตฺโถ. ปพฺรูตีติ ภณติ ‘‘อมุกสฺมึ นาม คาเม มยฺหํ อีทิโส ฆรวิภโว, เอหิ ตตฺถ คจฺฉาม, ฆรณี ¶ เม ภวิสฺสสิ, อิทฺจิทฺจ เต ทสฺสามี’’ติ ปรภริยํ ปรทาสึ วา วฺเจนฺโต ธุตฺโต วิย. นิชิคีสาโนติ นิชิคีสมาโน มคฺคมาโน, ตํ วฺเจตฺวา ยํกิฺจิ คเหตฺวา ปลายิตุกาโมติ อธิปฺปาโย.
๑๓๒. โย จตฺตานนฺติ โย จ อตฺตานํ. สมุกฺกํเสติ ชาติอาทีหิ สมุกฺกํสติ อุจฺจฏฺาเน เปติ. ปเร จ มวชานาตีติ เตหิเยว ปเร อวชานาติ, นีจํ กโรติ. ม-กาโร ปทสนฺธิกโร ¶ . นิหีโนติ คุณวุฑฺฒิโต ปริหีโน, อธมภาวํ วา คโต. เสน มาเนนาติ เตน อุกฺกํสนาวชานนสงฺขาเตน อตฺตโน มาเนน.
๑๓๓. โรสโกติ กายวาจาหิ ปเรสํ โรสชนโก. กทริโยติ ถทฺธมจฺฉรี, โย ปเร ปเรสํ เทนฺเต อฺํ วา ปฺุํ กโรนฺเต วาเรติ, ตสฺเสตํ อธิวจนํ. ปาปิจฺโฉติ อสนฺตคุณสมฺภาวนิจฺฉาย สมนฺนาคโต. มจฺฉรีติ อาวาสาทิมจฺฉริยยุตฺโต. สโติ อสนฺตคุณปฺปกาสนลกฺขเณน สาเยฺเยน สมนฺนาคโต, อสมฺมาภาสี วา อกาตุกาโมปิ ‘‘กโรมี’’ติอาทิวจเนน. นาสฺส ปาปชิคุจฺฉนลกฺขณา หิรี, นาสฺส อุตฺตาสนโต อุพฺเพคลกฺขณํ โอตฺตปฺปนฺติ อหิริโก อโนตฺตปฺปี.
๑๓๔. พุทฺธนฺติ สมฺมาสมฺพุทฺธํ. ปริภาสตีติ ‘‘อสพฺพฺู’’ติอาทีหิ อปวทติ, สาวกฺจ ‘‘ทุปฺปฏิปนฺโน’’ติอาทีหิ. ปริพฺพาชํ คหฏฺํ วาติ สาวกวิเสสนเมเวตํ ¶ ปพฺพชิตํ วา ตสฺส สาวกํ, คหฏฺํ วา ปจฺจยทายกนฺติ อตฺโถ. พาหิรกํ วา ปริพฺพาชกํ ยํกิฺจิ คหฏฺํ วา อภูเตน โทเสน ปริภาสตีติ เอวมฺเปตฺถ อตฺถํ อิจฺฉนฺติ โปราณา.
๑๓๕. อนรหํ สนฺโตติ อขีณาสโว สมาโน. อรหํ ปฏิชานาตีติ ‘‘อหํ อรหา’’ติ ปฏิชานาติ, ยถา นํ ‘‘อรหา อย’’นฺติ ชานนฺติ, ตถา วาจํ นิจฺฉาเรติ, กาเยน ปรกฺกมติ, จิตฺเตน อิจฺฉติ อธิวาเสติ. โจโรติ เถโน. สพฺรหฺมเก โลเกติ อุกฺกฏฺวเสน อาห – สพฺพโลเกติ วุตฺตํ โหติ ¶ . โลเก หิ สนฺธิจฺเฉทนนิลฺโลปหรณเอกาคาริกกรณปริปนฺถติฏฺนาทีหิ ปเรสํ ธนํ วิลุมฺปนฺตา โจราติ วุจฺจนฺติ. สาสเน ปน ปริสสมฺปตฺติอาทีหิ ปจฺจยาทีนิ วิลุมฺปนฺตา. ยถาห –
‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, มหาโจรา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ. กตเม ปฺจ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺจสฺส มหาโจรสฺส เอวํ โหติ ‘กุทาสฺสุ นามาหํ สเตน วา สหสฺเสน วา ปริวุโต คามนิคมราชธานีสุ อาหิณฺฑิสฺสามิ หนนฺโต, ฆาเตนฺโต, ฉินฺทนฺโต, เฉทาเปนฺโต, ปจนฺโต ปาเจนฺโตติ, โส อปเรน สมเยน สเตน วา สหสฺเสน วา ปริวุโต คามนิคมราชธานีสุ อาหิณฺฑติ หนนฺโต…เป… ปาเจนฺโต. เอวเมว โข, ภิกฺขเว, อิเธกจฺจสฺส ปาปภิกฺขุโน เอวํ โหติ ‘กุทาสฺสุ นามาหํ สเตน วา…เป… ราชธานีสุ จาริกํ จริสฺสามิ สกฺกโต, ครุกโต, มานิโต, ปูชิโต, อปจิโต, คหฏฺานฺเจว ปพฺพชิตานฺจ ลาภี จีวร…เป… ปริกฺขาราน’นฺติ. โส อปเรน ¶ สมเยน สเตน วา สหสฺเสน วา ปริวุโต คามนิคมราชธานีสุ จาริกํ จรติ สกฺกโต…เป… ปริกฺขารานํ. อยํ, ภิกฺขเว, ปโม มหาโจโร สนฺโต สํวิชฺชมาโน โลกสฺมึ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ ปาปภิกฺขุ ตถาคตปฺปเวทิตํ ธมฺมวินยํ ปริยาปุณิตฺวา อตฺตโน ทหติ, อยํ, ภิกฺขเว, ทุติโย…เป… โลกสฺมึ.
‘‘ปุน ¶ จปรํ, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ ปาปภิกฺขุ สุทฺธํ พฺรหฺมจารึ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ จรนฺตํ อมูลเกน อพฺรหฺมจริเยน อนุทฺธํเสติ. อยํ, ภิกฺขเว, ตติโย…เป… โลกสฺมึ.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ, ปาปภิกฺขุ ยานิ ตานิ สงฺฆสฺส ครุภณฺฑานิ ครุปริกฺขารานิ, เสยฺยถิทํ – อาราโม, อารามวตฺถุ, วิหาโร, วิหารวตฺถุ, มฺโจ, ปีํ, ภิสิ, พิมฺโพหนํ, โลหกุมฺภี, โลหภาณกํ, โลหวารโก, โลหกฏาหํ, วาสิ, ผรสุ, กุารี, กุทาโล, นิขาทนํ, วลฺลิ, เวฬุ, มฺุชํ, ปพฺพชํ, ติณํ, มตฺติกา, ทารุภณฺฑํ, มตฺติกาภณฺฑํ, เตหิ คิหึ สงฺคณฺหาติ อุปลาเปติ. อยํ, ภิกฺขเว, จตุตฺโถ…เป… โลกสฺมึ.
‘‘สเทวเก, ภิกฺขเว, โลเก…เป… สเทวมนุสฺสาย อยํ อคฺโค มหาโจโร, โย อสนฺตํ อภูตํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมํ อุลฺลปตี’’ติ (ปารา. ๑๙๕).
ตตฺถ โลกิยโจรา โลกิยเมว ธนธฺาทึ เถเนนฺติ. สาสเน วุตฺตโจเรสุ ปโม ตถารูปเมว จีวราทิปจฺจยมตฺตํ, ทุติโย ปริยตฺติธมฺมํ, ตติโย ปรสฺส พฺรหฺมจริยํ, จตุตฺโถ สงฺฆิกครุภณฺฑํ, ปฺจโม ฌานสมาธิสมาปตฺติมคฺคผลปฺปเภทํ โลกิยโลกุตฺตรคุณธนํ, โลกิยฺจ จีวราทิปจฺจยชาตํ. ยถาห – ‘‘เถยฺยาย โว, ภิกฺขเว, รฏฺปิณฺโฑ ภุตฺโต’’ติ. ตตฺถ ยฺวายํ ปฺจโม มหาโจโร, ตํ สนฺธายาห ภควา ‘‘โจโร สพฺรหฺมเก โลเก’’ติ. โส หิ ‘‘สเทวเก, ภิกฺขเว, โลเก…เป… สเทวมนุสฺสาย อยํ อคฺโค มหาโจโร, โย อสนฺตํ อภูตํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมํ อุลฺลปตี’’ติ (ปารา. ๑๙๕) เอวํ โลกิยโลกุตฺตรธนเถนนโต อคฺโค มหาโจโรติ วุตฺโต, ตสฺมา ตํ อิธาปิ ‘‘สพฺรหฺมเก โลเก’’ติ อิมินา อุกฺกฏฺปริจฺเฉเทน ปกาเสสิ.
เอโส โข วสลาธโมติ. เอตฺถ โขติ อวธารณตฺโถ, เตน เอโส เอว วสลาธโม. วสลานํ ¶ หีโน สพฺพปจฺฉิมโกติ อวธาเรติ. กสฺมา? วิสิฏฺวตฺถุมฺหิ เถยฺยธมฺมวสฺสนโต, ยาว ตํ ปฏิฺํ น วิสฺสชฺเชติ, ตาว อวิคตวสลกรณธมฺมโต จาติ.
เอเต ¶ โข วสลาติ. อิทานิ เย เต ปมคาถาย อาสยวิปตฺติวเสน ¶ โกธนาทโย ปฺจ, ปาปมกฺขึ วา ทฺวิธา กตฺวา ฉ, ทุติยคาถาย ปโยควิปตฺติวเสน ปาณหึสโก เอโก, ตติยาย ปโยควิปตฺติวเสเนว คามนิคมนิคฺคาหโก เอโก, จตุตฺถาย เถยฺยาวหารวเสน เอโก, ปฺจมาย อิณวฺจนวเสน เอโก, ฉฏฺาย ปสยฺหาวหารวเสน ปนฺถทูสโก เอโก, สตฺตมาย กูฏสกฺขิวเสน เอโก, อฏฺมาย มิตฺตทุพฺภิวเสน เอโก, นวมาย อกตฺุวเสน เอโก, ทสมาย กตนาสนวิเหสนวเสน เอโก, เอกาทสมาย หทยวฺจนวเสน เอโก, ทฺวาทสมาย ปฏิจฺฉนฺนกมฺมนฺตวเสน ทฺเว, เตรสมาย อกตฺุวเสน เอโก, จุทฺทสมาย วฺจนวเสน เอโก, ปนฺนรสมาย วิเหสนวเสน เอโก, โสฬสมาย วฺจนวเสน เอโก, สตฺตรสมาย อตฺตุกฺกํสนปรวมฺภนวเสน ทฺเว, อฏฺารสมาย ปโยคาสยวิปตฺติวเสน โรสกาทโย สตฺต, เอกูนวีสติมาย ปริภาสนวเสน ทฺเว, วีสติมาย อคฺคมหาโจรวเสน เอโกติ เอวํ เตตฺตึส จตุตฺตึส วา วสลา วุตฺตา. เต นิทฺทิสนฺโต อาห ‘‘เอเต โข วสลา วุตฺตา, มยา เย เต ปกาสิตา’’ติ. ตสฺสตฺโถ – เย เต มยา ปุพฺเพ ‘‘ชานาสิ ปน ตฺวํ, พฺราหฺมณ, วสล’’นฺติ เอวํ สงฺเขปโต วสลา วุตฺตา, เต วิตฺถารโต เอเต โข ปกาสิตาติ. อถ วา เย เต มยา ปุคฺคลวเสน วุตฺตา, เต ธมฺมวเสนาปิ เอเต โข ปกาสิตา. อถ วา เอเต โข วสลา วุตฺตา อริเยหิ กมฺมวเสน, น ชาติวเสน, มยา เย เต ปกาสิตา ‘‘โกธโน อุปนาหี’’ติอาทินา นเยน.
๑๓๖. เอวํ ภควา วสลํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ยสฺมา พฺราหฺมโณ สกาย ทิฏฺิยา อตีว อภินิวิฏฺโ โหติ, ตสฺมา ตํ ทิฏฺึ ปฏิเสเธนฺโต อาห ‘‘น ชจฺจา วสโล โหตี’’ติ. ตสฺสตฺโถ – ปรมตฺถโต หิ น ชจฺจา วสโล โหติ, น ชจฺจา โหติ พฺราหฺมโณ, อปิจ โข กมฺมุนา วสโล โหติ, กมฺมุนา โหติ พฺราหฺมโณ, อปริสุทฺธกมฺมวสฺสนโต วสโล โหติ, ปริสุทฺเธน กมฺมุนา อปริสุทฺธวาหนโต พฺราหฺมโณ โหติ. ยสฺมา วา ตุมฺเห หีนํ วสลํ อุกฺกฏฺํ ¶ พฺราหฺมณํ ¶ มฺิตฺถ, ตสฺมา หีเนน กมฺมุนา วสโล โหติ, อุกฺกฏฺเน กมฺมุนา พฺราหฺมโณ โหตีติ เอวมฺปิ อตฺถํ าเปนฺโต เอวมาห.
๑๓๗-๑๓๙. อิทานิ ตเมวตฺถํ นิทสฺสเนน สาเธตุํ ‘‘ตทมินาปิ ชานาถา’’ติอาทิกา ติสฺโส คาถาโย อาห. ตาสุ ทฺเว จตุปฺปาทา, เอกา ฉปฺปาทา, ตาสํ อตฺโถ – ยํ มยา วุตฺตํ ‘‘น ชจฺจา วสโล โหตี’’ติอาทิ, ตทมินาปิ ชานาถ, ยถา เมทํ นิทสฺสนํ, ตํ อิมินาปิ ปกาเรน ¶ ชานาถ, เยน เม ปกาเรน เยน สามฺเน อิทํ นิทสฺสนนฺติ วุตฺตํ โหติ. กตมํ นิทสฺสนนฺติ เจ? จณฺฑาลปุตฺโต โสปาโก…เป… พฺรหฺมโลกูปปตฺติยาติ.
จณฺฑาลสฺส ปุตฺโต จณฺฑาลปุตฺโต. อตฺตโน ขาทนตฺถาย มเต สุนเข ลภิตฺวา ปจตีติ โสปาโก. มาตงฺโคติ เอวํนาโม วิสฺสุโตติ เอวํ หีนาย ชาติยา จ ชีวิกาย จ นาเมน จ ปากโฏ.
โสติ ปุริมปเทน สมฺพนฺธิตฺวา โส มาตงฺโค ยสํ ปรมํ ปตฺโต, อพฺภุตํ อุตฺตมํ อติวิสิฏฺํ ยสํ กิตฺตึ ปสํสํ ปตฺโต. ยํ สุทุลฺลภนฺติ ยํ อุฬารกุลูปปนฺเนนาปิ ทุลฺลภํ, หีนกุลูปปนฺเนน สุทุลฺลภํ. เอวํ ยสปฺปตฺตสฺส จ อาคจฺฉุํ ตสฺสุปฏฺานํ, ขตฺติยา พฺราหฺมณา พหู, ตสฺส มาตงฺคสฺส ปาริจริยตฺถํ ขตฺติยา จ พฺราหฺมณา จ อฺเ จ พหู เวสฺสสุทฺทาทโย ชมฺพุทีปมนุสฺสา เยภุยฺเยน อุปฏฺานํ อาคมึสูติ อตฺโถ.
เอวํ อุปฏฺานสมฺปนฺโน โส มาตงฺโค วิคตกิเลสรชตฺตา วิรชํ, มหนฺเตหิ พุทฺธาทีหิ ปฏิปนฺนตฺตา มหาปถํ, พฺรหฺมโลกสงฺขาตํ เทวโลกํ ยาเปตุํ สมตฺถตฺตา เทวโลกยานสฺิตํ อฏฺสมาปตฺติยานํ อภิรุยฺห, ตาย ปฏิปตฺติยา กามราคํ วิราเชตฺวา, กายสฺส เภทา พฺรหฺมโลกูปโค อหุ, สา ตถา หีนาปิ น นํ ชาติ นิวาเรสิ พฺรหฺมโลกูปปตฺติยา, พฺรหฺมโลกูปปตฺติโตติ วุตฺตํ โหติ.
อยํ ปนตฺโถ เอวํ เวทิตพฺโพ – อตีเต กิร มหาปุริโส เตน เตนุปาเยน สตฺตหิตํ กโรนฺโต โสปากชีวิเก จณฺฑาลกุเล อุปฺปชฺชิ. โส นาเมน มาตงฺโค ¶ , รูเปน ทุทฺทสิโก หุตฺวา พหินคเร จมฺมกุฏิกาย วสติ, อนฺโตนคเร ภิกฺขํ จริตฺวา ชีวิกํ กปฺเปติ. อเถกทิวสํ ¶ ตสฺมึ นคเร สุรานกฺขตฺเต โฆสิเต ธุตฺตา ยถาสเกน ปริวาเรน กีฬนฺติ. อฺตราปิ พฺราหฺมณมหาสาลธีตา ปนฺนรสโสฬสวสฺสุทฺเทสิกา เทวกฺา วิย รูเปน ทสฺสนียา ปาสาทิกา ‘‘อตฺตโน กุลวํสานุรูปํ กีฬิสฺสามี’’ติ ปหูตํ ขชฺชโภชฺชาทิกีฬนสมฺภารํ สกเฏสุ อาโรเปตฺวา สพฺพเสตวฬวยุตฺตํ ยานมารุยฺห มหาปริวาเรน อุยฺยานภูมึ คจฺฉติ ทิฏฺมงฺคลิกาติ นาเมน. สา กิร ‘‘ทุสฺสณฺิตํ รูปํ อวมงฺคล’’นฺติ ทฏฺุํ น อิจฺฉติ, เตนสฺสา ทิฏฺมงฺคลิกาตฺเวว สงฺขา อุทปาทิ.
ตทา โส มาตงฺโค กาลสฺเสว วุฏฺาย ปฏปิโลติกํ นิวาเสตฺวา, กํสตาฬํ หตฺเถ พนฺธิตฺวา, ภาชนหตฺโถ ¶ นครํ ปวิสติ, มนุสฺเส ทิสฺวา ทูรโต เอว กํสตาฬํ อาโกเฏนฺโต. อถ ทิฏฺมงฺคลิกา ‘‘อุสฺสรถ, อุสฺสรถา’’ติ ปุรโต ปุรโต หีนชนํ อปเนนฺเตหิ ปุริเสหิ นียมานา นครทฺวารมชฺเฌ มาตงฺคํ ทิสฺวา ‘‘โก เอโส’’ติ อาห. อหํ มาตงฺคจณฺฑาโลติ. สา ‘‘อีทิสํ ทิสฺวา คตานํ กุโต วุฑฺฒี’’ติ ยานํ นิวตฺตาเปสิ. มนุสฺสา ‘‘ยํ มยํ อุยฺยานํ คนฺตฺวา ขชฺชโภชฺชาทึ ลเภยฺยาม, ตสฺส โน มาตงฺเคน อนฺตราโย กโต’’ติ กุปิตา ‘‘คณฺหถ จณฺฑาล’’นฺติ เลฑฺฑูหิ ปหริตฺวา ‘‘มโต’’ติ ปาเท คเหตฺวา เอกมนฺเต ฉฑฺเฑตฺวา กจวเรน ปฏิจฺฉาเทตฺวา อคมํสุ. โส สตึ ปฏิลภิตฺวา อุฏฺาย มนุสฺเส ปุจฺฉิ – ‘‘กึ, อยฺยา, ทฺวารํ นาม สพฺพสาธารณํ, อุทาหุ พฺราหฺมณานํเยว กต’’นฺติ? มนุสฺสา อาหํสุ – ‘‘สพฺเพสํ สาธารณ’’นฺติ. ‘‘เอวํ สพฺพสาธารณทฺวาเรน ปวิสิตฺวา ภิกฺขาหาเรน ยาเปนฺตํ มํ ทิฏฺมงฺคลิกาย มนุสฺสา อิมํ อนยพฺยสนํ ปาเปสุ’’นฺติ รถิกาย รถิกํ อาหิณฺฑนฺโต มนุสฺสานํ อาโรเจตฺวา พฺราหฺมณสฺส ฆรทฺวาเร นิปชฺชิ – ‘‘ทิฏฺมงฺคลิกํ อลทฺธา น วุฏฺหิสฺสามี’’ติ.
พฺราหฺมโณ ‘‘ฆรทฺวาเร มาตงฺโค นิปนฺโน’’ติ สุตฺวา ‘‘ตสฺส กากณิกํ เทถ, เตเลน องฺคํ มกฺเขตฺวา คจฺฉตู’’ติ อาห. โส ตํ น อิจฺฉติ, ‘‘ทิฏฺมงฺคลิกํ ¶ อลทฺธา น วุฏฺหิสฺสามิ’’จฺเจว อาห. ตโต พฺราหฺมโณ ‘‘ทฺเว กากณิกาโย เทถ, กากณิกาย ปูวํ ขาทตุ, กากณิกาย ¶ เตเลน องฺคํ มกฺเขตฺวา คจฺฉตู’’ติ อาห. โส ตํ น อิจฺฉติ, ตเถว วทติ. พฺราหฺมโณ สุตฺวา ‘‘มาสกํ เทถ, ปาทํ, อุปฑฺฒกหาปณํ, กหาปณํ ทฺเว ตีณี’’ติ ยาว สตํ อาณาเปสิ. โส น อิจฺฉติ, ตเถว วทติ. เอวํ ยาจนฺตานํเยว สูริโย อตฺถงฺคโต. อถ พฺราหฺมณี ปาสาทา โอรุยฺห สาณิปาการํ ปริกฺขิปาเปตฺวา ตํ อุปสงฺกมิตฺวา ยาจิ – ‘‘ตาต มาตงฺค, ทิฏฺมงฺคลิกาย อปราธํ ขม, สหสฺสํ คณฺหาหิ, ทฺเว ตีณี’’ติ ยาว ‘‘สตสหสฺสํ คณฺหาหี’’ติ อาห. โส ตุณฺหีภูโต นิปชฺชิเยว.
เอวํ จตูหปฺจาเห วีติวตฺเต พหุมฺปิ ปณฺณาการํ ทตฺวา ทิฏฺมงฺคลิกํ อลภนฺตา ขตฺติยกุมาราทโย มาตงฺคสฺส อุปกณฺณเก อาโรจาเปสุํ – ‘‘ปุริสา นาม อเนกานิปิ สํวจฺฉรานิ วีริยํ กตฺวา อิจฺฉิตตฺถํ ปาปุณนฺติ, มา โข ตฺวํ นิพฺพิชฺชิ, อทฺธา ทฺวีหตีหจฺจเยน ทิฏฺมงฺคลิกํ ลจฺฉสี’’ติ. โส ตุณฺหีภูโต นิปชฺชิเยว. อถ สตฺตเม ทิวเส สมนฺตา ปฏิวิสฺสกา อุฏฺหิตฺวา ‘‘ตุมฺเห มาตงฺคํ วา อุฏฺาเปถ, ทาริกํ วา เทถ, มา อมฺเห สพฺเพ นาสยิตฺถา’’ติ อาหํสุ. เตสํ กิร อยํ ทิฏฺิ ‘‘ยสฺส ฆรทฺวาเร เอวํ นิปนฺโน จณฺฑาโล มรติ, ตสฺส ฆเรน สห สมนฺตา สตฺตสตฺตฆรวาสิโน จณฺฑาลา โหนฺตี’’ติ. ตโต ทิฏฺมงฺคลิกํ นีลปฏปิโลติกํ นิวาสาเปตฺวา อุฬุงฺกกโฬปิกาทีนิ ทตฺวา ปริเทวมานํ ตสฺส สนฺติกํ ¶ เนตฺวา ‘‘คณฺห ทาริกํ, อุฏฺาย คจฺฉาหี’’ติ อทํสุ. สา ปสฺเส ตฺวา ‘‘อุฏฺาหี’’ติ อาห, โส ‘‘หตฺเถน มํ คเหตฺวา อุฏฺาเปหี’’ติ อาห. สา นํ อุฏฺาเปสิ. โส นิสีทิตฺวา อาห – ‘‘มยํ อนฺโตนคเร วสิตุํ น ลภาม, เอหิ มํ พหินคเร จมฺมกุฏึ เนหี’’ติ. สา นํ หตฺเถ คเหตฺวา ตตฺถ เนสิ. ‘‘ปิฏฺิยํ อาโรเปตฺวา’’ติ ชาตกภาณกา. เนตฺวา ¶ จสฺส สรีรํ เตเลน มกฺเขตฺวา, อุณฺโหทเกน นฺหาเปตฺวา, ยาคุํ ปจิตฺวา อทาสิ. โส ‘‘พฺราหฺมณกฺา อยํ มา วินสฺสี’’ติ ชาติสมฺเภทํ อกตฺวาว อฑฺฒมาสมตฺตํ พลํ คเหตฺวา ‘‘อหํ วนํ คจฺฉามิ, ‘อติจิรายตี’ติ มา ตฺวํ อุกฺกณฺี’’ติ วตฺวา ฆรมานุสกานิ จ ‘‘อิมํ มา ปมชฺชิตฺถา’’ติ อาณาเปตฺวา ฆรา นิกฺขมฺม ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา, กสิณปริกมฺมํ กตฺวา, กติปาเหเนว อฏฺ สมาปตฺติโย ปฺจ จ อภิฺาโย นิพฺพตฺเตตฺวา ‘‘อิทานาหํ ทิฏฺมงฺคลิกาย ¶ มนาโป ภวิสฺสามี’’ติ อากาเสนาคนฺตฺวา นครทฺวาเร โอโรหิตฺวา ทิฏฺมงฺคลิกาย สนฺติกํ เปเสสิ.
สา สุตฺวา ‘‘โกจิ มฺเ มม าตโก ปพฺพชิโต มํ ทุกฺขิตํ ตฺวา ทฏฺุํ อาคโต ภวิสฺสตี’’ติ จินฺตยมานา คนฺตฺวา, ตํ ตฺวา, ปาเทสุ นิปติตฺวา ‘‘กิสฺส มํ อนาถํ ตุมฺเห อกตฺถา’’ติ อาห. มหาปุริโส ‘‘มา ตฺวํ ทิฏฺมงฺคลิเก ทุกฺขินี อโหสิ, สกลชมฺพุทีปวาสีหิ เต สกฺการํ กาเรสฺสามี’’ติ วตฺวา เอตทโวจ – ‘‘คจฺฉ ตฺวํ โฆสนํ กโรหิ – ‘มหาพฺรหฺมา มม สามิโก น มาตงฺโค, โส จนฺทวิมานํ ภินฺทิตฺวา สตฺตเม ทิวเส มม สนฺติกํ อาคมิสฺสตี’’’ติ. สา อาห – ‘‘อหํ, ภนฺเต, พฺราหฺมณมหาสาลธีตา หุตฺวา อตฺตโน ปาปกมฺเมน อิมํ จณฺฑาลภาวํ ปตฺตา, น สกฺโกมิ เอวํ วตฺตุ’’นฺติ. มหาปุริโส ‘‘น ตฺวํ มาตงฺคสฺส อานุภาวํ ชานาสี’’ติ วตฺวา ยถา สา สทฺทหติ, ตถา อเนกานิ ปาฏิหาริยานิ ทสฺเสตฺวา ตเถว ตํ อาณาเปตฺวา อตฺตโน วสตึ อคมาสิ. สา ตถา อกาสิ.
มนุสฺสา อุชฺฌายนฺติ หสนฺติ – ‘‘กถฺหิ นามายํ อตฺตโน ปาปกมฺเมน จณฺฑาลภาวํ ปตฺวา ปุน ตํ มหาพฺรหฺมานํ กริสฺสตี’’ติ. สา อธิมานา เอว หุตฺวา ทิวเส ทิวเส โฆสนฺตี นครํ อาหิณฺฑติ ‘‘อิโต ฉฏฺเ ทิวเส, ปฺจเม, จตุตฺเถ, ตติเย, สุเว, อชฺช อาคมิสฺสตี’’ติ. มนุสฺสา ¶ ตสฺสา วิสฺสตฺถวาจํ สุตฺวา ‘‘กทาจิ เอวมฺปิ สิยา’’ติ อตฺตโน อตฺตโน ฆรทฺวาเรสุ มณฺฑปํ การาเปตฺวา, สาณิปาการํ สชฺเชตฺวา, วยปฺปตฺตา ทาริกาโย อลงฺกริตฺวา ‘‘มหาพฺรหฺมนิ อาคเต กฺาทานํ ทสฺสามา’’ติ อากาสํ อุลฺโลเกนฺตา นิสีทึสุ. อถ มหาปุริโส ปุณฺณมทิวเส คคนตลํ อุปารูฬฺเห จนฺเท จนฺทวิมานํ ผาเลตฺวา ปสฺสโต มหาชนสฺส มหาพฺรหฺมรูเปน นิคฺคจฺฉิ. มหาชโน ‘‘ทฺเว จนฺทา ชาตา’’ติ อติมฺิ. ตโต อนุกฺกเมน อาคตํ ทิสฺวา ‘‘สจฺจํ ทิฏฺมงฺคลิกา อาห, มหาพฺรหฺมาว อยํ ทิฏฺมงฺคลิกํ ทเมตุํ ¶ ปุพฺเพ มาตงฺคเวเสนาคจฺฉี’’ติ นิฏฺํ อคมาสิ. เอวํ โส มหาชเนน ทิสฺสมาโน ทิฏฺมงฺคลิกาย วสนฏฺาเน เอว โอตริ. สา จ ตทา อุตุนี อโหสิ. โส ตสฺสา นาภึ องฺคุฏฺเกน ปรามสิ. เตน ผสฺเสน คพฺโภ ปติฏฺาสิ. ตโต นํ ‘‘คพฺโภ เต สณฺิโต ¶ , ปุตฺตมฺหิ ชาเต ตํ นิสฺสาย ชีวาหี’’ติ วตฺวา ปสฺสโต มหาชนสฺส ปุน จนฺทวิมานํ ปาวิสิ.
พฺราหฺมณา ‘‘ทิฏฺมงฺคลิกา มหาพฺรหฺมุโน ปชาปติ อมฺหากํ มาตา ชาตา’’ติ วตฺวา ตโต ตโต อาคจฺฉนฺติ. ตํ สกฺการํ กาตุกามานํ มนุสฺสานํ สมฺปีฬเนน นครทฺวารานิ อโนกาสานิ อเหสุํ. เต ทิฏฺมงฺคลิกํ หิรฺราสิมฺหิ เปตฺวา, นฺหาเปตฺวา, มณฺเฑตฺวา, รถํ อาโรเปตฺวา, มหาสกฺกาเรน นครํ ปทกฺขิณํ การาเปตฺวา, นครมชฺเฌ มณฺฑปํ การาเปตฺวา, ตตฺร นํ ‘‘มหาพฺรหฺมุโน ปชาปตี’’ติ ทิฏฺฏฺาเน เปตฺวา วสาเปนฺติ ‘‘ยาวสฺสา ปติรูปํ วสโนกาสํ กโรม, ตาว อิเธว วสตู’’ติ. สา มณฺฑเป เอว ปุตฺตํ วิชายิ. ตํ วิสุทฺธทิวเส สทฺธึ ปุตฺเตน สสีสํ นฺหาเปตฺวา มณฺฑเป ชาโตติ ทารกสฺส ‘‘มณฺฑพฺยกุมาโร’’ติ นามํ อกํสุ. ตโต ปภุติ จ นํ พฺราหฺมณา ‘‘มหาพฺรหฺมุโน ปุตฺโต’’ติ ปริวาเรตฺวา จรนฺติ. ตโต อเนกสตสหสฺสปฺปการา ปณฺณาการา อาคจฺฉนฺติ, เต พฺราหฺมณา กุมารสฺสารกฺขํ ¶ เปสุํ, อาคตา ลหุํ กุมารํ ทฏฺุํ น ลภนฺติ.
กุมาโร อนุปุพฺเพน วุฑฺฒิมนฺวาย ทานํ ทาตุํ อารทฺโธ. โส สาลาย สมฺปตฺตานํ กปณทฺธิกานํ อทตฺวา พฺราหฺมณานํเยว เทติ. มหาปุริโส ‘‘กึ มม ปุตฺโต ทานํ เทตี’’ติ อาวชฺเชตฺวา พฺราหฺมณานํเยว ทานํ เทนฺตํ ทิสฺวา ‘‘ยถา สพฺเพสํ ทสฺสติ, ตถา กริสฺสามี’’ติ จีวรํ ปารุปิตฺวา ปตฺตํ คเหตฺวา อากาเสน อาคมฺม ปุตฺตสฺส ฆรทฺวาเร อฏฺาสิ. กุมาโร ตํ ทิสฺวา ‘‘กุโต อยํ เอวํ วิรูปเวโส วสโล อาคโต’’ติ กุทฺโธ อิมํ คาถมาห –
‘‘กุโต นุ อาคจฺฉสิ ทุมฺมวาสี, โอตลฺลโก ปํสุปิสาจโกว;
สงฺการโจฬํ ปฏิมฺุจ กณฺเ, โก เร ตุวํ โหสิ อทกฺขิเณยฺโย’’ติ.
พฺราหฺมณา ‘‘คณฺหถ คณฺหถา’’ติ ตํ คเหตฺวา อาโกเฏตฺวา อนยพฺยสนํ ปาเปสุํ. โส อากาเสน คนฺตฺวา พหินคเร ปจฺจฏฺาสิ ¶ . เทวตา กุปิตา กุมารํ คเล คเหตฺวา อุทฺธํปาทํ อโธสิรํ เปสุํ. โส อกฺขีหิ นิคฺคเตหิ มุเขน เขฬํ ปคฺฆรนฺเตน ฆรุฆรุปสฺสาสี ทุกฺขํ เวทยติ. ทิฏฺมงฺคลิกา สุตฺวา ‘‘โกจิ อาคโต อตฺถี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, ปพฺพชิโต อาคจฺฉี’’ติ. ‘‘กุหึ คโต’’ติ? ‘‘เอวํ คโต’’ติ. สา ตตฺถ คนฺตฺวา ‘‘ขมถ, ภนฺเต, อตฺตโน ¶ ทาสสฺสา’’ติ ยาจนฺตี ตสฺส ปาทมูเล ภูมิยา นิปชฺชิ. เตน จ สมเยน มหาปุริโส ปิณฺฑาย จริตฺวา, ยาคุํ ลภิตฺวา, ตํ ปิวนฺโต ตตฺถ นิสินฺโน โหติ, โส อวสิฏฺํ โถกํ ยาคุํ ทิฏฺมงฺคลิกาย อทาสิ. ‘‘คจฺฉ อิมํ ยาคุํ อุทกกุมฺภิยา อาโลเลตฺวา เยสํ ภูตวิกาโร อตฺถิ, เตสํ อกฺขิมุขกณฺณนาสาพิเลสุ อาสิฺจ, สรีรฺจ ปริปฺโผเสหิ, เอวํ นิพฺพิการา ภวิสฺสนฺตี’’ติ. สา ตถา อกาสิ. ตโต ¶ กุมาเร ปกติสรีเร ชาเต ‘‘เอหิ, ตาต มณฺฑพฺย, ตํ ขมาเปสฺสามา’’ติ ปุตฺตฺจ สพฺเพ พฺราหฺมเณ จ ตสฺส ปาทมูเล นิกฺกุชฺชิตฺวา นิปชฺชาเปตฺวา ขมาเปสิ.
โส ‘‘สพฺพชนสฺส ทานํ ทาตพฺพ’’นฺติ โอวทิตฺวา, ธมฺมกถํ กตฺวา, อตฺตโน วสนฏฺานํเยว คนฺตฺวา, จินฺเตสิ ‘‘อิตฺถีสุ ปากฏา ทิฏฺมงฺคลิกา ทมิตา, ปุริเสสุ ปากโฏ มณฺฑพฺยกุมาโร, อิทานิ โก ทเมตพฺโพ’’ติ. ตโต ชาติมนฺตตาปสํ อทฺทส พนฺธุมตีนครํ นิสฺสาย กุมฺภวตีนทีตีเร วิหรนฺตํ. โส ‘‘อหํ ชาติยา วิสิฏฺโ, อฺเหิ ปริภุตฺโตทกํ น ปริภฺุชามี’’ติ อุปรินทิยา วสติ. มหาปุริโส ตสฺส อุปริภาเค วาสํ กปฺเปตฺวา ตสฺส อุทกปริโภคเวลายํ ทนฺตกฏฺํ ขาทิตฺวา อุทเก ปกฺขิปิ. ตาปโส ตํ อุทเกน วุยฺหมานํ ทิสฺวา ‘‘เกนิทํ ขิตฺต’’นฺติ ปฏิโสตํ คนฺตฺวา มหาปุริสํ ทิสฺวา ‘‘โก เอตฺถา’’ติ อาห. ‘‘มาตงฺคจณฺฑาโล, อาจริยา’’ติ. ‘‘อเปหิ, จณฺฑาล, มา อุปรินทิยา วสี’’ติ. มหาปุริโส ‘‘สาธุ, อาจริยา’’ติ เหฏฺานทิยา วสติ, ปฏิโสตมฺปิ ทนฺตกฏฺํ ตาปสสฺส สนฺติกํ อาคจฺฉติ. ตาปโส ปุน คนฺตฺวา ‘‘อเปหิ, จณฺฑาล, มา เหฏฺานทิยํ วส, อุปรินทิยาเยว วสา’’ติ อาห. มหาปุริโส ‘‘สาธุ, อาจริยา’’ติ ตถา อกาสิ, ปุนปิ ตเถว อโหสิ. ตาปโส ปุนปิ ‘‘ตถา กโรตี’’ติ ทุฏฺโ มหาปุริสํ สปิ ‘‘สูริยสฺส เต อุคฺคมนเวลาย สตฺตธา มุทฺธา ผลตู’’ติ. มหาปุริโสปิ ‘‘สาธุ, อาจริย, อหํ ปน สูริยุฏฺานํ น เทมี’’ติ วตฺวา สูริยุฏฺานํ นิวาเรสิ ¶ . ตโต รตฺติ น วิภายติ, อนฺธกาโร ชาโต, ภีตา พนฺธุมตีวาสิโน ตาปสสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘อตฺถิ นุ โข, อาจริย, อมฺหากํ โสตฺถิภาโว’’ติ ปุจฺฉึสุ. เต หิ ตํ ‘‘อรหา’’ติ มฺนฺติ. โส เตสํ สพฺพมาจิกฺขิ. เต มหาปุริสํ อุปสงฺกมิตฺวา ¶ ‘‘สูริยํ, ภนฺเต, มฺุจถา’’ติ ยาจึสุ. มหาปุริโส ‘‘ยทิ ตุมฺหากํ อรหา อาคนฺตฺวา มํ ขมาเปติ, มฺุจามี’’ติ อาห.
มนุสฺสา คนฺตฺวา ตาปสํ อาหํสุ – ‘‘เอหิ, ภนฺเต, มาตงฺคปณฺฑิตํ ขมาเปหิ, มา ตุมฺหากํ กลหการณา มยํ นสฺสิมฺหา’’ติ. โส ‘‘นาหํ จณฺฑาลํ ขมาเปมี’’ติ อาห. มนุสฺสา ‘‘อมฺเห ตฺวํ นาเสสี’’ติ ตํ หตฺถปาเทสุ คเหตฺวา มหาปุริสสฺส สนฺติกํ เนสุํ. มหาปุริโส ‘‘มม ปาทมูเล ¶ กุจฺฉิยา นิปชฺชิตฺวา ขมาเปนฺเต ขมามี’’ติ อาห. มนุสฺสา ‘‘เอวํ กโรหี’’ติ อาหํสุ. ตาปโส ‘‘นาหํ จณฺฑาลํ วนฺทามี’’ติ. มนุสฺสา ‘‘ตว ฉนฺเทน น วนฺทิสฺสสี’’ติ หตฺถปาทมสฺสุคีวาทีสุ คเหตฺวา มหาปุริสสฺส ปาทมูเล สยาเปสุํ. โส ‘‘ขมามหํ อิมสฺส, อปิจาหํ ตสฺเสวานุกมฺปาย สูริยํ น มฺุจามิ, สูริเย หิ อุคฺคตมตฺเต มุทฺธา อสฺส สตฺตธา ผลิสฺสตี’’ติ อาห. มนุสฺสา ‘‘อิทานิ, ภนฺเต, กึ กาตพฺพ’’นฺติ อาหํสุ. มหาปุริโส ‘‘เตน หิ อิมํ คลปฺปมาเณ อุทเก เปตฺวา มตฺติกาปิณฺเฑนสฺส สีสํ ปฏิจฺฉาเทถ, สูริยรสฺมีหิ ผุฏฺโ มตฺติกาปิณฺโฑ สตฺตธา ผลิสฺสติ. ตสฺมึ ผลิเต เอส อฺตฺร คจฺฉตู’’ติ อาห. เต ตาปสํ หตฺถปาทาทีสุ คเหตฺวา ตถา อกํสุ. สูริเย มฺุจิตมตฺเต มตฺติกาปิณฺโฑ สตฺตธา ผลิตฺวา ปติ, ตาปโส ภีโต ปลายิ. มนุสฺสา ทิสฺวา ‘‘ปสฺสถ, โภ, สมณสฺส อานุภาว’’นฺติ ทนฺตกฏฺปกฺขิปนมาทึ กตฺวา สพฺพํ วิตฺถาเรตฺวา ‘‘นตฺถิ อีทิโส สมโณ’’ติ ตสฺมึ ปสีทึสุ. ตโต ปภุติ สกลชมฺพุทีเป ขตฺติยพฺราหฺมณาทโย คหฏฺปพฺพชิตา มาตงฺคปณฺฑิตสฺส อุปฏฺานํ อคมํสุ. โส ยาวตายุกํ ตฺวา กายสฺส เภทา พฺรหฺมโลเก อุปฺปชฺชิ. เตนาห ภควา ‘‘ตทมินาปิ ชานาถ…เป… พฺรหฺมโลกูปปตฺติยา’’ติ.
๑๔๐-๑๔๑. เอวํ ‘‘น ชจฺจา วสโล โหติ, กมฺมุนา วสโล โหตี’’ติ สาเธตฺวา ¶ อิทานิ ‘‘น ชจฺจา โหติ พฺราหฺมโณ, กมฺมุนา โหติ พฺราหฺมโณ’’ติ เอตํ สาเธตุํ อาห ‘‘อชฺฌายกกุเล ชาตา ¶ …เป… ทุคฺคตฺยา ครหาย วา’’ติ. ตตฺถ อชฺฌายกกุเล ชาตาติ มนฺตชฺฌายเก พฺราหฺมณกุเล ชาตา. ‘‘อชฺฌายกากุเฬ ชาตา’’ติปิ ปาโ. มนฺตานํ อชฺฌายเก อนุปกุฏฺเ จ พฺราหฺมณกุเล ชาตาติ อตฺโถ. มนฺตา พนฺธวา เอเตสนฺติ มนฺตพนฺธวา. เวทพนฺธู เวทปฏิสฺสรณาติ วุตฺตํ โหติ. เต จ ปาเปสุ กมฺเมสุ อภิณฺหมุปทิสฺสเรติ เต เอวํ กุเล ชาตา มนฺตพนฺธวา จ สมานาปิ ยทิ ปาณาติปาตาทีสุ ปาปกมฺเมสุ ปุนปฺปุนํ อุปทิสฺสนฺติ, อถ ทิฏฺเว ธมฺเม คารยฺหา สมฺปราเย จ ทุคฺคติ เต เอวมุปทิสฺสมานา อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว มาตาปิตูหิปิ ‘‘นยิเม อมฺหากํ ปุตฺตา, ทุชฺชาตา เอเต กุลสฺส องฺคารภูตา, นิกฺกฑฺฒถ เน’’ติ, พฺราหฺมเณหิปิ ‘‘คหปติกา เอเต, น เอเต พฺราหฺมณา, มา เนสํ สทฺธยฺถาลิปากาทีสุ ปเวสํ เทถ, มา เนหิ สทฺธึ สลฺลปถา’’ติ, อฺเหิปิ มนุสฺเสหิ ‘‘ปาปกมฺมนฺตา เอเต, น เอเต พฺราหฺมณา’’ติ เอวํ คารยฺหา โหนฺติ. สมฺปราเย จ เนสํ ทุคฺคติ นิรยาทิเภทา, ทุคฺคติ เอเตสํ ปรโลเก โหตีติ อตฺโถ. สมฺปราเย วาติปิ ปาโ. ปรโลเก เอเตสํ ทุกฺขสฺส คติ ทุคฺคติ, ทุกฺขปฺปตฺติเยว โหตีติ อตฺโถ. น เน ชาติ นิวาเรติ, ทุคฺคตฺยา ครหาย วาติ สา ตถา อุกฺกฏฺาปิ ยํ ตฺวํ สารโต ปจฺเจสิ, ชาติ เอเต ปาปกมฺเมสุ ปทิสฺสนฺเต พฺราหฺมเณ ‘‘สมฺปราเย ¶ จ ทุคฺคตี’’ติ เอตฺถ วุตฺตปฺปการาย ทุคฺคติยา วา, ‘‘ทิฏฺเว ธมฺเม คารยฺหา’’ติ เอตฺถ วุตฺตปฺปการาย ครหาย วา น นิวาเรติ.
๑๔๒. เอวํ ภควา อชฺฌายกกุเล ชาตานมฺปิ พฺราหฺมณานํ คารยฺหาทิกมฺมวเสน ทิฏฺเว ธมฺเม ปติตภาวํ ทีเปนฺโต ทุคฺคติคมเนน จ สมฺปราเย พฺราหฺมณชาติยา อภาวํ ทีเปนฺโต ‘‘น ชจฺจา โหติ พฺราหฺมโณ, กมฺมุนา โหติ พฺราหฺมโณ’’ติ เอตมฺปิ อตฺถํ สาเธตฺวา อิทานิ ทุวิธมฺปิ อตฺถํ นิคเมนฺโต อาห, เอวํ พฺราหฺมณ –
‘‘น ชจฺจา วสโล โหติ, น ชจฺจา โหติ พฺราหฺมโณ;
กมฺมุนา วสโล โหติ, กมฺมุนา โหติ พฺราหฺมโณ’’ติ.
เสสํ ¶ กสิภารทฺวาชสุตฺเต วุตฺตนยเมว. วิเสสโต วา เอตฺถ นิกฺกุชฺชิตํ วาติอาทีนํ เอวํ โยชนา เวทิตพฺพา – ยถา โกจิ นิกฺกุชฺชิตํ วา ¶ อุกฺกุชฺเชยฺย, เอวํ มํ กมฺมวิมุขํ ชาติวาเท ปติตํ ‘‘ชาติยา พฺราหฺมณวสลภาโว โหตี’’ติ ทิฏฺิโต วุฏฺาเปนฺเตน, ยถา ปฏิจฺฉนฺนํ วิวเรยฺย, เอวํ ชาติวาทปฏิจฺฉนฺนํ กมฺมวาทํ วิวรนฺเตน, ยถา มูฬฺหสฺส มคฺคํ อาจิกฺเขยฺย, เอวํ พฺราหฺมณวสลภาวสฺส อสมฺภินฺนอุชุมคฺคํ อาจิกฺขนฺเตน, ยถา อนฺธกาเร วา เตลปชฺโชตํ ธาเรยฺย, เอวํ มาตงฺคาทินิทสฺสนปชฺโชตธารเณน มยฺหํ โภตา โคตเมน เอเตหิ ปริยาเยหิ ปกาสิตตฺตา อเนกปริยาเยน ธมฺโม ปกาสิโตติ.
ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย
สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย อคฺคิกภารทฺวาชสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. เมตฺตสุตฺตวณฺณนา
กรณียมตฺถกุสเลนาติ ¶ เมตฺตสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? หิมวนฺตปสฺสโต กิร เทวตาหิ อุพฺพาฬฺหา ภิกฺขู ภควโต สนฺติกํ สาวตฺถึ อาคจฺฉึสุ. เตสํ ภควา ปริตฺตตฺถาย กมฺมฏฺานตฺถาย จ อิมํ สุตฺตํ อภาสิ. อยํ ตาว สงฺเขโป.
อยํ ปน วิตฺถาโร – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ อุปกฏฺาย วสฺสูปนายิกาย. เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา นานาเวรชฺชกา ภิกฺขู ภควโต สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา ตตฺถ ตตฺถ วสฺสํ อุปคนฺตุกามา ภควนฺตํ อุปสงฺกมนฺติ. ตตฺร สุทํ ภควา ราคจริตานํ สวิฺาณกาวิฺาณกวเสน เอกาทสวิธํ อสุภกมฺมฏฺานํ, โทสจริตานํ จตุพฺพิธํ เมตฺตาทิกมฺมฏฺานํ, โมหจริตานํ มรณสฺสติกมฺมฏฺานาทีนิ, วิตกฺกจริตานํ อานาปานสฺสติปถวีกสิณาทีนิ, สทฺธาจริตานํ พุทฺธานุสฺสติกมฺมฏฺานาทีนิ, พุทฺธิจริตานํ จตุธาตุววตฺถนาทีนีติ อิมินา นเยน จตุราสีติสหสฺสปฺปเภทจริตานุกูลานิ กมฺมฏฺานานิ กเถติ.
อถ โข ปฺจมตฺตานิ ภิกฺขุสตานิ ภควโต สนฺติเก กมฺมฏฺานํ อุคฺคเหตฺวา สปฺปายเสนาสนฺจ โคจรคามฺจ ปริเยสมานานิ อนุปุพฺเพน คนฺตฺวา ¶ ปจฺจนฺเต หิมวนฺเตน สทฺธึ เอกาพทฺธํ นีลกาจมณิสนฺนิภสิลาตลํ สีตลฆนจฺฉายนีลวนสณฺฑมณฺฑิตํ มุตฺตาตลรชตปฏฺฏสทิสวาลุกากิณฺณภูมิภาคํ สุจิสาตสีตลชลาสยปริวาริตํ ปพฺพตมทฺทสํสุ. อถ โข เต ภิกฺขู ตตฺเถกรตฺตึ วสิตฺวา ปภาตาย รตฺติยา สรีรปริกมฺมํ กตฺวา ตสฺส อวิทูเร อฺตรํ คามํ ปิณฺฑาย ปวิสึสุ. คาโม ฆนนิเวสสนฺนิวิฏฺกุลสหสฺสยุตฺโต, มนุสฺสา เจตฺถ สทฺธา ปสนฺนา, เต ปจฺจนฺเต ปพฺพชิตทสฺสนสฺส ทุลฺลภตาย ภิกฺขู ทิสฺวา เอว ปีติโสมนสฺสชาตา หุตฺวา เต ภิกฺขู โภเชตฺวา ‘‘อิเธว, ภนฺเต, เตมาสํ วสถา’’ติ ยาจิตฺวา ปฺจปธานกุฏิสตานิ การาเปตฺวา ตตฺถ มฺจปีปานียปริโภชนียฆฏาทีนิ สพฺพูปกรณานิ ปฏิยาเทสุํ.
ภิกฺขู ทุติยทิวเส อฺํ คามํ ปิณฺฑาย ปวิสึสุ. ตตฺถาปิ มนุสฺสา ตเถว อุปฏฺหิตฺวา วสฺสาวาสํ ยาจึสุ. ภิกฺขู ‘‘อสติ อนฺตราเย’’ติ อธิวาเสตฺวา ตํ วนสณฺฑํ ปวิสิตฺวา สพฺพรตฺตินฺทิวํ อารทฺธวีริยา หุตฺวา ยามคณฺฑิกํ โกฏฺเฏตฺวา โยนิโสมนสิการพหุลา วิหรนฺตา รุกฺขมูลานิ อุปคนฺตฺวา นิสีทึสุ. สีลวนฺตานํ ภิกฺขูนํ เตเชน วิหตเตชา รุกฺขเทวตา ¶ อตฺตโน อตฺตโน วิมานา โอรุยฺห ทารเก คเหตฺวา อิโต จิโต จ วิจรนฺติ. เสยฺยถาปิ นาม ราชูหิ วา ราชมหามตฺเตหิ วา คามกาวาสํ คเตหิ คามวาสีนํ ฆเรสุ โอกาเส คหิเต ฆรมานุสกา ฆรา นิกฺขมิตฺวา อฺตฺร วสนฺตา ‘‘กทา นุ โข คมิสฺสนฺตี’’ติ ทูรโต โอโลเกนฺติ; เอวเมว เทวตา อตฺตโน อตฺตโน วิมานานิ ฉฑฺเฑตฺวา อิโต จิโต จ วิจรนฺติโย ทูรโตว โอโลเกนฺติ – ‘‘กทา นุ โข ภทนฺตา คมิสฺสนฺตี’’ติ. ตโต เอวํ สมจินฺเตสุํ ‘‘ปมวสฺสูปคตา ภิกฺขู อวสฺสํ เตมาสํ วสิสฺสนฺติ. มยํ ปน ตาว จิรํ ทารเก คเหตฺวา โอกฺกมฺม วสิตุํ น สกฺขิสฺสาม. หนฺท มยํ ภิกฺขูนํ ภยานกํ อารมฺมณํ ทสฺเสมา’’ติ. ตา รตฺตึ ภิกฺขูนํ สมณธมฺมกรณเวลาย ภึสนกานิ ยกฺขรูปานิ นิมฺมินิตฺวา ปุรโต ปุรโต ติฏฺนฺติ, เภรวสทฺทฺจ กโรนฺติ. ภิกฺขูนํ ตานิ รูปานิ ปสฺสนฺตานํ ตฺจ สทฺทํ สุณนฺตานํ หทยํ ผนฺทิ, ทุพฺพณฺณา จ อเหสุํ อุปฺปณฺฑุปณฺฑุกชาตา. เตน เต จิตฺตํ เอกคฺคํ กาตุํ นาสกฺขึสุ. เตสํ อเนกคฺคจิตฺตานํ ภเยน จ ปุนปฺปุนํ สํวิคฺคานํ สติ สมฺมุสฺสิ. ตโต เนสํ มุฏฺสฺสตีนํ ทุคฺคนฺธานิ อารมฺมณานิ ปโยเชสุํ. เตสํ เตน ¶ ทุคฺคนฺเธน นิมฺมถิยมานมิว มตฺถลุงฺคํ อโหสิ, พาฬฺหา สีสเวทนา อุปฺปชฺชึสุ, น จ ตํ ปวตฺตึ อฺมฺสฺส อาโรเจสุํ.
อเถกทิวสํ สงฺฆตฺเถรสฺส อุปฏฺานกาเล สพฺเพสุ สนฺนิปติเตสุ สงฺฆตฺเถโร ปุจฺฉิ – ‘‘ตุมฺหากํ, อาวุโส, อิมํ วนสณฺฑํ ปวิฏฺานํ กติปาหํ อติวิย ปริสุทฺโธ ฉวิวณฺโณ อโหสิ ปริโยทาโต, วิปฺปสนฺนานิ จ อินฺทฺริยานิ เอตรหิ ปนตฺถ กิสา ทุพฺพณฺณา อุปฺปณฺฑุปณฺฑุกชาตา, กึ โว อิธ อสปฺปาย’’นฺติ? ตโต เอโก ภิกฺขุ อาห – ‘‘อหํ, ภนฺเต, รตฺตึ อีทิสฺจ อีทิสฺจ เภรวารมฺมณํ ปสฺสามิ จ สุณามิ จ, อีทิสฺจ คนฺธํ ฆายามิ, เตน เม จิตฺตํ น สมาธิยตี’’ติ. เอเตเนว อุปาเยน สพฺเพ ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสุํ. สงฺฆตฺเถโร อาห – ‘‘ภควตา อาวุโส ทฺเว วสฺสูปนายิกา ปฺตฺตา, อมฺหากฺจ อิทํ เสนาสนํ อสปฺปายํ, อายามาวุโส ภควโต สนฺติกํ, คนฺตฺวา อฺํ สปฺปายํ เสนาสนํ ปุจฺฉามา’’ติ. ‘‘สาธุ ภนฺเต’’ติ เต ภิกฺขู เถรสฺส ปฏิสฺสุณิตฺวา สพฺเพ เสนาสนํ สํสาเมตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย อนุปลิตฺตตฺตา กุเลสุ กฺจิ อนามนฺเตตฺวา เอว เยน สาวตฺถิ เตน จาริกํ ปกฺกมึสุ. อนุปุพฺเพน สาวตฺถึ คนฺตฺวา ภควโต สนฺติกํ อคมึสุ.
ภควา เต ภิกฺขู ทิสฺวา เอตทโวจ – ‘‘น, ภิกฺขเว, อนฺโตวสฺสํ จาริกา จริตพฺพาติ มยา สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ, กิสฺส ตุมฺเห จาริกํ จรถา’’ติ. เต ภควโต สพฺพํ อาโรเจสุํ. ภควา อาวชฺเชนฺโต สกลชมฺพุทีเป อนฺตมโส จตุปฺปาทปีกฏฺานมตฺตมฺปิ เตสํ สปฺปายํ เสนาสนํ นาทฺทส. อถ เต ภิกฺขู อาห – ‘‘น, ภิกฺขเว, ตุมฺหากํ อฺํ สปฺปายํ เสนาสนํ อตฺถิ, ตตฺเถว ตุมฺเห วิหรนฺตา อาสวกฺขยํ ปาปุเณยฺยาถ. คจฺฉถ, ภิกฺขเว, ตเมว เสนาสนํ ¶ อุปนิสฺสาย วิหรถ. สเจ ปน เทวตาหิ อภยํ อิจฺฉถ, อิมํ ปริตฺตํ อุคฺคณฺหถ, เอตฺหิ โว ปริตฺตฺจ กมฺมฏฺานฺจ ภวิสฺสตี’’ติ อิมํ สุตฺตมภาสิ.
อปเร ปนาหุ – ‘‘คจฺฉถ, ภิกฺขเว, ตเมว เสนาสนํ อุปนิสฺสาย วิหรถา’’ติ อิทฺจ วตฺวา ภควา อาห – ‘‘อปิจ โข อารฺเกน ปริหรณํ าตพฺพํ. เสยฺยถิทํ – สายํปาตํ กรณวเสน ทฺเว เมตฺตา, ทฺเว ปริตฺตา, ทฺเว อสุภา, ทฺเว มรณสฺสตี อฏฺ มหาสํเวควตฺถุสมาวชฺชนฺจ. อฏฺ มหาสํเวควตฺถูนิ นาม ชาติ ชรา พฺยาธิ มรณํ จตฺตาริ อปายทุกฺขานีติ ¶ . อถ วา ชาติชราพฺยาธิมรณานิ จตฺตาริ, อปายทุกฺขํ ปฺจมํ, อตีเต วฏฺฏมูลกํ ทุกฺขํ, อนาคเต วฏฺฏมูลกํ ทุกฺขํ, ปจฺจุปฺปนฺเน อาหารปริเยฏฺิมูลกํ ทุกฺข’’นฺติ. เอวํ ภควา ปริหรณํ อาจิกฺขิตฺวา เตสํ ภิกฺขูนํ เมตฺตตฺถฺจ ปริตฺตตฺถฺจ วิปสฺสนาปาทกฌานตฺถฺจ อิมํ สุตฺตํ อภาสีติ.
๑๔๓. ตตฺถ กรณียมตฺถกุสเลนาติ อิมิสฺสา ปมคาถาย ตาว อยํ ปทวณฺณนา – กรณียนฺติ กาตพฺพํ, กรณารหนฺติ อตฺโถ. อตฺโถติ ปฏิปทา, ยํ วา กิฺจิ อตฺตโน หิตํ, ตํ สพฺพํ อรณียโต อตฺโถติ วุจฺจติ, อรณียโต นาม อุปคนฺตพฺพโต. อตฺเถ กุสเลน อตฺถกุสเลน, อตฺถเฉเกนาติ วุตฺตํ โหติ. ยนฺติ อนิยมิตปจฺจตฺตํ. นฺติ นิยมิตอุปโยคํ. อุภยมฺปิ วา ยํ ตนฺติ ปจฺจตฺตวจนํ. สนฺตํ ปทนฺติ อุปโยควจนํ. ตตฺถ ลกฺขณโต สนฺตํ, ปตฺตพฺพโต ปทํ, นิพฺพานสฺเสตํ อธิวจนํ. อภิสเมจฺจาติ อภิสมาคนฺตฺวา. สกฺโกตีติ สกฺโก, สมตฺโถ ปฏิพโลติ วุตฺตํ โหติ. อุชูติ อชฺชวยุตฺโต. สุฏฺุ อุชูติ สุหุชุ. สุขํ วโจ อสฺมินฺติ สุวโจ. อสฺสาติ ภเวยฺย. มุทูติ มทฺทวยุตฺโต. น อติมานีติ อนติมานี.
อยํ ปเนตฺถ อตฺถวณฺณนา – กรณียมตฺถกุสเลน ยนฺต สนฺตํ ปทํ อภิสเมจฺจาติ. เอตฺถ ตาว อตฺถิ กรณียํ, อตฺถิ อกรณียํ. ตตฺถ สงฺเขปโต สิกฺขตฺตยํ กรณียํ, สีลวิปตฺติ, ทิฏฺิวิปตฺติ, อาจารวิปตฺติ, อาชีววิปตฺตีติ เอวมาทิ อกรณียํ. ตถา อตฺถิ อตฺถกุสโล, อตฺถิ อนตฺถกุสโล.
ตตฺถ โย อิมสฺมึ สาสเน ปพฺพชิตฺวา น อตฺตานํ สมฺมา ปโยเชติ, ขณฺฑสีโล โหติ, เอกวีสติวิธํ อเนสนํ นิสฺสาย ชีวิกํ กปฺเปติ. เสยฺยถิทํ – เวฬุทานํ, ปตฺตทานํ, ปุปฺผทานํ, ผลทานํ, ทนฺตกฏฺทานํ, มุโขทกทานํ, สินานทานํ, จุณฺณทานํ, มตฺติกาทานํ, จาฏุกมฺยตํ, มุคฺคสูปฺยตํ, ปาริภฏุตํ, ชงฺฆเปสนิยํ, เวชฺชกมฺมํ, ทูตกมฺมํ, ปหิณคมนํ, ปิณฺฑปฏิปิณฺฑทานานุปฺปทานํ, วตฺถุวิชฺชํ, นกฺขตฺตวิชฺชํ, องฺควิชฺชนฺติ. ฉพฺพิเธ จ อโคจเร จรติ ¶ . เสยฺยถิทํ – เวสิยโคจเร วิธวาถุลฺลกุมาริกปณฺฑกภิกฺขุนิปานาคารโคจเรติ. สํสฏฺโ จ ¶ วิหรติ ราชูหิ ราชมหามตฺเตหิ ติตฺถิเยหิ ติตฺถิยสาวเกหิ อนนุโลมิเกน คิหิสํสคฺเคน. ยานิ วา ปน ตานิ กุลานิ อสทฺธานิ อปฺปสนฺนานิ อโนปานภูตานิ อกฺโกสกปริภาสกานิ อนตฺถกามานิ อหิตอผาสุกอโยคกฺเขมกามานิ ภิกฺขูนํ…เป… อุปาสิกานํ, ตถารูปานิ กุลานิ เสวติ ภชติ ปยิรุปาสติ. อยํ อนตฺถกุสโล.
โย ปน อิมสฺมึ สาสเน ปพฺพชิตฺวา อตฺตานํ สมฺมา ปโยเชติ, อเนสนํ ปหาย จตุปาริสุทฺธิสีเล ปติฏฺาตุกาโม สทฺธาสีเสน ปาติโมกฺขสํวรํ, สติสีเสน อินฺทฺริยสํวรํ, วีริยสีเสน อาชีวปาริสุทฺธึ, ปฺาสีเสน ปจฺจยปฏิเสวนํ ปูเรติ อยํ อตฺถกุสโล.
โย วา สตฺตาปตฺติกฺขนฺธโสธนวเสน ปาติโมกฺขสํวรํ, ฉทฺวาเร ฆฏฺฏิตารมฺมเณสุ อภิชฺฌาทีนํ อนุปฺปตฺติวเสน อินฺทฺริยสํวรํ, อเนสนปริวชฺชนวเสน วิฺุปสตฺถพุทฺธพุทฺธสาวกวณฺณิตปจฺจยปฏิเสวเนน จ อาชีวปาริสุทฺธึ, ยถาวุตฺตปจฺจเวกฺขณวเสน ปจฺจยปฏิเสวนํ, จตุอิริยาปถปริวตฺตเน สาตฺถกาทีนํ ปจฺจเวกฺขณวเสน สมฺปชฺฺจ โสเธติ, อยมฺปิ อตฺถกุสโล.
โย วา ยถา อูโสทกํ ปฏิจฺจ สํกิลิฏฺํ วตฺถํ ปริโยทายติ, ฉาริกํ ปฏิจฺจ อาทาโส, อุกฺกามุขํ ปฏิจฺจ ชาตรูปํ, ตถา าณํ ปฏิจฺจ สีลํ โวทายตีติ ตฺวา าโณทเกน โธวนฺโต สีลํ ปริโยทาเปติ. ยถา จ กิกี สกุณิกา อณฺฑํ, จมรีมิโค วาลธึ, เอกปุตฺติกา นารี ปิยํ เอกปุตฺตกํ, เอกนยโน ปุริโส ตํ เอกนยนํ รกฺขติ, ตถา อติวิย อปฺปมตฺโต อตฺตโน สีลกฺขนฺธํ รกฺขติ, สายํปาตํ ปจฺจเวกฺขมาโน อณุมตฺตมฺปิ วชฺชํ น ปสฺสติ, อยมฺปิ อตฺถกุสโล.
โย วา ปน อวิปฺปฏิสารกรสีเล ปติฏฺาย กิเลสวิกฺขมฺภนปฏิปทํ ปคฺคณฺหาติ, ตํ ปคฺคเหตฺวา กสิณปริกมฺมํ กโรติ, กสิณปริกมฺมํ กตฺวา สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตติ, อยมฺปิ อตฺถกุสโล. โย วา ปน สมาปตฺติโต ¶ วุฏฺาย สงฺขาเร สมฺมสิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณาติ, อยํ อตฺถกุสลานํ อคฺโค.
ตตฺถ เย อิเม ยาว อวิปฺปฏิสารกรสีเล ปติฏฺาเนน, ยาว วา กิเลสวิกฺขมฺภนปฏิปทาย ปคฺคหเณน มคฺคผเลน วณฺณิตา อตฺถกุสลา, เต อิมสฺมึ อตฺเถ อตฺถกุสลาติ อธิปฺเปตา. ตถาวิธา จ เต ภิกฺขู. เตน ภควา เต ภิกฺขู สนฺธาย เอกปุคฺคลาธิฏฺานาย เทสนาย ‘‘กรณียมตฺถกุสเลนา’’ติ อาห.
ตโต ¶ ‘‘กึ กรณีย’’นฺติ เตสํ สฺชาตกงฺขานํ อาห ‘‘ยนฺต สนฺตํ ปทํ อภิสเมจฺจา’’ติ. อยเมตฺถ อธิปฺปาโย – ตํ พุทฺธานุพุทฺเธหิ วณฺณิตํ สนฺตํ นิพฺพานปทํ ปฏิเวธวเสน อภิสเมจฺจ วิหริตุกาเมน ยํ กรณียนฺติ. เอตฺถ จ ยนฺติ อิมสฺส คาถาปาทสฺส อาทิโต วุตฺตเมว กรณียนฺติ. อธิการโต อนุวตฺตติ ตํ สนฺตํ ปทํ อภิสเมจฺจาติ. อยํ ปน ยสฺมา สาวเสสปาโ อตฺโถ, ตสฺมา ‘‘วิหริตุกาเมนา’’ติ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.
อถ วา สนฺตํ ปทํ อภิสเมจฺจาติ อนุสฺสวาทิวเสน โลกิยปฺาย นิพฺพานปทํ สนฺตนฺติ ตฺวา ตํ อธิคนฺตุกาเมน ยนฺตํ กรณียนฺติ อธิการโต อนุวตฺตติ, ตํ กรณียมตฺถกุสเลนาติ เอวมฺเปตฺถ อธิปฺปาโย เวทิตพฺโพ. อถ วา ‘‘กรณียมตฺถกุสเลนา’’ติ วุตฺเต ‘‘กิ’’นฺติ จินฺเตนฺตานํ อาห ‘‘ยนฺต สนฺตํ ปทํ อภิสเมจฺจา’’ติ. ตสฺเสวํ อธิปฺปาโย เวทิตพฺโพ – โลกิยปฺาย สนฺตํ ปทํ อภิสเมจฺจ ยํ กรณียํ, ตนฺติ. ยํ กาตพฺพํ, ตํ กรณียํ, กรณารหเมว ตนฺติ วุตฺตํ โหติ.
กึ ปน ตนฺติ? กิมฺํ สิยา อฺตฺร ตทธิคมูปายโต. กามฺเจตํ กรณารหตฺเถน สิกฺขตฺตยทีปเกน อาทิปเทเนว วุตฺตํ. ตถา หิ ตสฺส อตฺถวณฺณนายํ อโวจุมฺหา ‘‘อตฺถิ กรณียํ อตฺถิ อกรณียํ. ตตฺถ สงฺเขปโต สิกฺขตฺตยํ กรณีย’’นฺติ. อติสงฺเขปเทสิตตฺตา ปน เตสํ ภิกฺขูนํ เกหิจิ วิฺาตํ, เกหิจิ น วิฺาตํ. ตโต เยหิ น วิฺาตํ, เตสํ วิฺาปนตฺถํ ยํ วิเสสโต อารฺเกน ภิกฺขุนา กาตพฺพํ, ตํ วิตฺถาเรนฺโต ¶ ‘‘สกฺโก อุชู จ สุหุชู จ, สุวโจ จสฺส มุทุ อนติมานี’’ติ อิมํ ตาว อุปฑฺฒคาถํ อาห.
กึ วุตฺตํ โหติ? สนฺตํ ปทํ อภิสเมจฺจ วิหริตุกาโม โลกิยปฺาย วา ตํ อภิสเมจฺจ ตทธิคมาย ปฏิปชฺชมาโน อารฺโก ภิกฺขุ ทุติยจตุตฺถปธานิยงฺคสมนฺนาคเมน กาเย จ ชีวิเต จ อนเปกฺโข หุตฺวา สจฺจปฏิเวธาย ปฏิปชฺชิตุํ สกฺโก อสฺส, ตถา กสิณปริกมฺมวตฺตสมาทานาทีสุ, อตฺตโน ปตฺตจีวรปฏิสงฺขรณาทีสุ จ ยานิ ตานิ สพฺรหฺมจารีนํ อุจฺจาวจานิ กึ กรณียานิ, เตสุ อฺเสุ จ เอวรูเปสุ สกฺโก อสฺส ทกฺโข อนลโส สมตฺโถ. สกฺโก โหนฺโตปิ จ ตติยปธานิยงฺคสมนฺนาคเมน อุชุ อสฺส. อุชุ โหนฺโตปิ จ สกึ อุชุภาเวน สนฺโตสํ อนาปชฺชิตฺวา ยาวชีวํ ปุนปฺปุนํ อสิถิลกรเณน สุฏฺุตรํ อุชุ อสฺส. อสตาย วา อุชุ, อมายาวิตาย สุหุชุ. กายวจีวงฺกปฺปหาเนน วา อุชุ, มโนวงฺกปฺปหาเนน สุหุชุ. อสนฺตคุณสฺส วา อนาวิกรเณน อุชุ, อสนฺตคุเณน อุปฺปนฺนสฺส ลาภสฺส อนธิวาสเนน สุหุชุ. เอวํ อารมฺมณลกฺขณูปนิชฺฌาเนหิ ปุริมทฺวยตติยสิกฺขาหิ ปโยคาสยสุทฺธีหิ จ อุชุ จ สุหุชุ จ อสฺส.
น ¶ เกวลฺจ อุชุ จ สุหุชุ จ, อปิจ ปน สุพฺพโจ จ อสฺส. โย หิ ปุคฺคโล ‘‘อิทํ น กาตพฺพ’’นฺติ วุตฺโต ‘‘กึ เต ทิฏฺํ, กึ เต สุตํ, โก เม หุตฺวา วทสิ, กึ อุปชฺฌาโย อาจริโย สนฺทิฏฺโ สมฺภตฺโต วา’’ติ วทติ, ตุณฺหีภาเวน วา ตํ วิเหเติ, สมฺปฏิจฺฉิตฺวา วา น ตถา กโรติ, โส วิเสสาธิคมสฺส ทูเร โหติ. โย ปน โอวทิยมาโน ‘‘สาธุ, ภนฺเต, สุฏฺุ วุตฺตํ, อตฺตโน วชฺชํ นาม ทุทฺทสํ โหติ, ปุนปิ มํ เอวรูปํ ทิสฺวา วเทยฺยาถ อนุกมฺปํ อุปาทาย, จิรสฺสํ เม ตุมฺหากํ สนฺติกา โอวาโท ลทฺโธ’’ติ วทติ, ยถานุสิฏฺฺจ ปฏิปชฺชติ, โส วิเสสาธิคมสฺส อวิทูเร โหติ. ตสฺมา เอวํ ปรสฺส วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา กโรนฺโต สุพฺพโจ จ อสฺส.
ยถา จ สุวโจ, เอวํ มุทุ อสฺส. มุทูติ คหฏฺเหิ ทูตคมนปฺปหิณคมนาทีสุ นิยฺุชิยมาโน ตตฺถ มุทุภาวํ อกตฺวา ถทฺโธ หุตฺวา วตฺตปฏิปตฺติยํ สกลพฺรหฺมจริเย จ มุทุ อสฺส สุปริกมฺมกตสุวณฺณํ วิย ตตฺถ ตตฺถ วินิโยคกฺขโม. อถ วา มุทูติ อภากุฏิโก อุตฺตานมุโข สุขสมฺภาโส ¶ ปฏิสนฺถารวุตฺติ สุติตฺถํ วิย สุขาวคาโห อสฺส. น เกวลฺจ มุทุ, อปิจ ปน อนติมานี อสฺส, ชาติโคตฺตาทีหิ อติมานวตฺถูหิ ปเร นาติมฺเยฺย, สาริปุตฺตตฺเถโร วิย จณฺฑาลกุมารกสเมน เจตสา วิหเรยฺยาติ.
๑๔๔. เอวํ ภควา สนฺตํ ปทํ อภิสเมจฺจ วิหริตุกามสฺส ตทธิคมาย วา ปฏิปชฺชมานสฺส วิเสสโต อารฺกสฺส ภิกฺขุโน เอกจฺจํ กรณียํ วตฺวา ปุน ตตุตฺตริปิ วตฺตุกาโม ‘‘สนฺตุสฺสโก จา’’ติ ทุติยํ คาถมาห.
ตตฺถ ‘‘สนฺตุฏฺี จ กตฺุตา’’ติ เอตฺถ วุตฺตปฺปเภเทน ทฺวาทสวิเธน สนฺโตเสน สนฺตุสฺสตีติ สนฺตุสฺสโก. อถ วา ตุสฺสตีติ ตุสฺสโก, สเกน ตุสฺสโก, สนฺเตน ตุสฺสโก, สเมน ตุสฺสโกติ สนฺตุสฺสโก. ตตฺถ สกํ นาม ‘‘ปิณฺฑิยาโลปโภชนํ นิสฺสายา’’ติ (มหาว. ๗๓) เอวํ อุปสมฺปทมาฬเก อุทฺทิฏฺํ อตฺตนา จ สมฺปฏิจฺฉิตํ จตุปจฺจยชาตํ. เตน สุนฺทเรน วา อสุนฺทเรน วา สกฺกจฺจํ วา อสกฺกจฺจํ วา ทินฺเนน ปฏิคฺคหณกาเล ปริโภคกาเล จ วิการมทสฺเสตฺวา ยาเปนฺโต ‘‘สเกน ตุสฺสโก’’ติ วุจฺจติ. สนฺตํ นาม ยํ ลทฺธํ โหติ อตฺตโน วิชฺชมานํ, เตน สนฺเตเนว ตุสฺสนฺโต ตโต ปรํ น ปตฺเถนฺโต อตฺริจฺฉตํ ปชหนฺโต ‘‘สนฺเตน ตุสฺสโก’’ติ วุจฺจติ. สมํ นาม อิฏฺานิฏฺเสุ อนุนยปฏิฆปฺปหานํ. เตน สเมน สพฺพารมฺมเณสุ ตุสฺสนฺโต ‘‘สเมน ตุสฺสโก’’ติ วุจฺจติ.
สุเขน ภรียตีติ สุภโร, สุโปโสติ วุตฺตํ โหติ. โย หิ ภิกฺขุ สาลิมํโสทนาทีนํ ปตฺเต ปูเรตฺวา ทินฺเนปิ ทุมฺมุขภาวํ อนตฺตมนภาวเมว จ ทสฺเสติ, เตสํ วา สมฺมุขาว ตํ ปิณฺฑปาตํ ¶ ‘‘กึ ตุมฺเหหิ ทินฺน’’นฺติ อปสาเทนฺโต สามเณรคหฏฺาทีนํ เทติ, เอส ทุพฺภโร. เอตํ ทิสฺวา มนุสฺสา ทูรโตว ปริวชฺเชนฺติ ‘‘ทุพฺภโร ภิกฺขุ น สกฺกา โปสิตุ’’นฺติ. โย ปน ยํกิฺจิ ลูขํ วา ปณีตํ วา อปฺปํ วา พหุํ วา ลภิตฺวา อตฺตมโน วิปฺปสนฺนมุโข หุตฺวา ยาเปติ, เอส สุภโร. เอตํ ทิสฺวา มนุสฺสา อติวิย วิสฺสตฺถา โหนฺติ – ‘‘อมฺหากํ ภทนฺโต สุภโร โถกโถเกนปิ ¶ ตุสฺสติ, มยเมว นํ โปเสสฺสามา’’ติ ปฏิฺํ กตฺวา โปเสนฺติ. เอวรูโป อิธ สุภโรติ อธิปฺเปโต.
อปฺปํ กิจฺจมสฺสาติ อปฺปกิจฺโจ, น กมฺมารามตาภสฺสารามตาสงฺคณิการามตาทิอเนกกิจฺจพฺยาวโฏ. อถ วา สกลวิหาเร นวกมฺมสงฺฆโภคสามเณรอารามิกโวสาสนาทิกิจฺจวิรหิโต, อตฺตโน เกสนขจฺเฉทนปตฺตจีวรปริกมฺมาทึ กตฺวา สมณธมฺมกิจฺจปโร โหตีติ วุตฺตํ โหติ.
สลฺลหุกา วุตฺติ อสฺสาติ สลฺลหุกวุตฺติ. ยถา เอกจฺโจ พหุภณฺโฑ ภิกฺขุ ทิสาปกฺกมนกาเล พหุํ ปตฺตจีวรปจฺจตฺถรณเตลคุฬาทึ มหาชเนน สีสภารกฏิภาราทีหิ อุจฺจาราเปตฺวา ปกฺกมติ, เอวํ อหุตฺวา โย อปฺปปริกฺขาโร โหติ, ปตฺตจีวราทิอฏฺสมณปริกฺขารมตฺตเมว ปริหรติ, ทิสาปกฺกมนกาเล ปกฺขี สกุโณ วิย สมาทาเยว ปกฺกมติ, เอวรูโป อิธ สลฺลหุกวุตฺตีติ อธิปฺเปโต. สนฺตานิ อินฺทฺริยานิ อสฺสาติ สนฺตินฺทฺริโย, อิฏฺารมฺมณาทีสุ ราคาทิวเสน อนุทฺธตินฺทฺริโยติ วุตฺตํ โหติ. นิปโกติ วิฺู วิภาวี ปฺวา, สีลานุรกฺขณปฺาย จีวราทิวิจารณปฺาย อาวาสาทิสตฺตสปฺปายปริชานนปฺาย จ สมนฺนาคโตติ อธิปฺปาโย.
น ปคพฺโภติ อปฺปคพฺโภ, อฏฺฏฺาเนน กายปาคพฺภิเยน, จตุฏฺาเนน วจีปาคพฺภิเยน, อเนกฏฺาเนน มโนปาคพฺภิเยน จ วิรหิโตติ อตฺโถ.
อฏฺฏฺานํ กายปาคพฺภิยํ (มหานิ. ๘๗) นาม สงฺฆคณปุคฺคลโภชนสาลาชนฺตาฆรนฺหานติตฺถภิกฺขาจารมคฺคอนฺตรฆรปเวสเนสุ กาเยน อปฺปติรูปกรณํ. เสยฺยถิทํ – อิเธกจฺโจ สงฺฆมชฺเฌ ปลฺลตฺถิกาย วา นิสีทติ, ปาเท ปาทโมทหิตฺวา วาติ เอวมาทิ, ตถา คณมชฺเฌ, คณมชฺเฌติ จตุปริสสนฺนิปาเต, ตถา วุฑฺฒตเร ปุคฺคเล. โภชนสาลายํ ปน วุฑฺฒานํ อาสนํ น เทติ, นวานํ อาสนํ ปฏิพาหติ, ตถา ชนฺตาฆเร. วุฑฺเฒ เจตฺถ อนาปุจฺฉา อคฺคิชาลนาทีนิ กโรติ. นฺหานติตฺเถ จ ยทิทํ ‘‘ทหโร วุฑฺโฒติ ปมาณํ อกตฺวา อาคตปฏิปาฏิยา นฺหายิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ ¶ , ตมฺปิ อนาทิยนฺโต ปจฺฉา อาคนฺตฺวา อุทกํ โอตริตฺวา วุฑฺเฒ จ นเว จ พาเธติ. ภิกฺขาจารมคฺเค ปน อคฺคาสนอคฺโคทกอคฺคปิณฺฑตฺถํ วุฑฺฒานํ ปุรโต ปุรโต ยาติ พาหาย ¶ พาหํ ปหรนฺโต, อนฺตรฆรปฺปเวสเน วุฑฺฒานํ ปมตรํ ปวิสติ, ทหเรหิ กายกีฬนํ กโรตีติ เอวมาทิ.
จตุฏฺานํ วจีปาคพฺภิยํ นาม สงฺฆคณปุคฺคลอนฺตรฆเรสุ อปฺปติรูปวาจานิจฺฉารณํ. เสยฺยถิทํ – อิเธกจฺโจ สงฺฆมชฺเฌ อนาปุจฺฉา ธมฺมํ ภาสติ, ตถา ปุพฺเพ วุตฺตปฺปกาเร คเณ วุฑฺฒตเร ปุคฺคเล จ. ตตฺถ มนุสฺเสหิ ปฺหํ ปุฏฺโ วุฑฺฒตรํ อนาปุจฺฉา วิสฺสชฺเชติ. อนฺตรฆเร ปน ‘‘อิตฺถนฺนาเม กึ อตฺถิ, กึ ยาคุ อุทาหุ ขาทนียํ โภชนียํ, กึ เม ทสฺสสิ, กิมชฺช ขาทิสฺสามิ, กึ ภฺุชิสฺสามิ, กึ ปิวิสฺสามี’’ติ เอทมาทึ ภาสติ.
อเนกฏฺานํ มโนปาคพฺภิยํ นาม เตสุ เตสุ าเนสุ กายวาจาหิ อชฺฌาจารํ อนาปชฺชิตฺวาปิ มนสา เอว กามวิตกฺกาทินานปฺปการอปฺปติรูปวิตกฺกนํ.
กุเลสฺวนนุคิทฺโธติ ยานิ กุลานิ อุปสงฺกมติ, เตสุ ปจฺจยตณฺหาย วา อนนุโลมิยคิหิสํสคฺควเสน วา อนนุคิทฺโธ, น สหโสกี, น สหนนฺที, น สุขิเตสุ สุขิโต, น ทุกฺขิเตสุ ทุกฺขิโต, น อุปฺปนฺเนสุ กิจฺจกรณีเยสุ อตฺตนา วา โยคมาปชฺชิตาติ วุตฺตํ โหติ. อิมิสฺสา จ คาถาย ยํ ‘‘สุวโจ จสฺสา’’ติ เอตฺถ วุตฺตํ ‘‘อสฺสา’’ติ วจนํ, ตํ สพฺพปเทหิ สทฺธึ ‘‘สนฺตุสฺสโก จ อสฺส, สุภโร จ อสฺสา’’ติ เอวํ โยเชตพฺพํ.
๑๔๕. เอวํ ภควา สนฺตํ ปทํ อภิสเมจฺจ วิหริตุกามสฺส ตทธิคมาย วา ปฏิปชฺชิตุกามสฺส วิเสสโต อารฺกสฺส ภิกฺขุโน ตตุตฺตริปิ กรณียํ อาจิกฺขิตฺวา อิทานิ อกรณียมฺปิ อาจิกฺขิตุกาโม ‘‘น จ ขุทฺทมาจเร กิฺจิ, เยน วิฺู ปเร อุปวเทยฺยุ’’นฺติ อิมํ อุปฑฺฒคาถมาห. ตสฺสตฺโถ – เอวมิมํ กรณียํ กโรนฺโต ยํ ตํ กายวจีมโนทุจฺจริตํ ขุทฺทํ ลามกนฺติ วุจฺจติ, ตํ น จ ขุทฺทํ สมาจเร. อสมาจรนฺโต จ น เกวลํ โอฬาริกํ, กึ ปน กิฺจิ น สมาจเร, อปฺปมตฺตกํ อณุมตฺตมฺปิ น สมาจเรติ วุตฺตํ โหติ.
ตโต ¶ ตสฺส สมาจาเร สนฺทิฏฺิกเมวาทีนวํ ทสฺเสติ ‘‘เยน วิฺู ปเร อุปวเทยฺยุ’’นฺติ. เอตฺถ จ ยสฺมา อวิฺู ปเร อปฺปมาณํ. เต หิ อนวชฺชํ วา สาวชฺชํ กโรนฺติ, อปฺปสาวชฺชํ วา มหาสาวชฺชํ. วิฺู เอว ปน ปมาณํ. เต หิ อนุวิจฺจ ปริโยคาเหตฺวา อวณฺณารหสฺส อวณฺณํ ภาสนฺติ, วณฺณารหสฺส จ วณฺณํ ภาสนฺติ, ตสฺมา ‘‘วิฺู ปเร’’ติ วุตฺตํ.
เอวํ ภควา อิมาหิ อฑฺฒเตยฺยาหิ คาถาหิ สนฺตํ ปทํ อภิสเมจฺจ วิหริตุกามสฺส, ตทธิคมาย ¶ วา ปฏิปชฺชิตุกามสฺส วิเสสโต อารฺกสฺส อารฺกสีเสน จ สพฺเพสมฺปิ กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา วิหริตุกามานํ กรณียากรณียเภทํ กมฺมฏฺานูปจารํ วตฺวา อิทานิ เตสํ ภิกฺขูนํ ตสฺส เทวตาภยสฺส ปฏิฆาตาย ปริตฺตตฺถํ วิปสฺสนาปาทกชฺฌานวเสน กมฺมฏฺานตฺถฺจ ‘‘สุขิโน ว เขมิโน โหนฺตู’’ติอาทินา นเยน เมตฺตกถํ กเถตุมารทฺโธ.
ตตฺถ สุขิโนติ สุขสมงฺคิโน. เขมิโนติ เขมวนฺโต, อภยา นิรุปทฺทวาติ วุตฺตํ โหติ. สพฺเพติ อนวเสสา. สตฺตาติ ปาณิโน. สุขิตตฺตาติ สุขิตจิตฺตา. เอตฺถ จ กายิเกน สุเขน สุขิโน, มานเสน สุขิตตฺตา, ตทุภเยนาปิ สพฺพภยูปทฺทววิคเมน วา เขมิโนติ เวทิตพฺพา. กสฺมา ปน เอวํ วุตฺตํ? เมตฺตาภาวนาการทสฺสนตฺถํ. เอวฺหิ เมตฺตา ภาเวตพฺพา ‘‘สพฺเพ สตฺตา สุขิโน โหนฺตู’’ติ วา, ‘‘เขมิโน โหนฺตู’’ติ วา, ‘‘สุขิตตฺตา โหนฺตู’’ติ วา.
๑๔๖. เอวํ ยาว อุปจารโต อปฺปนาโกฏิ, ตาว สงฺเขเปน เมตฺตาภาวนํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ วิตฺถารโตปิ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘เย เกจี’’ติ คาถาทฺวยมาห. อถ วา ยสฺมา ปุถุตฺตารมฺมเณ ปริจิตํ จิตฺตํ น อาทิเกเนว เอกตฺเต สณฺาติ, อารมฺมณปฺปเภทํ ปน อนุคนฺตฺวา กเมน สณฺาติ, ตสฺมา ตสฺส ตสถาวราทิทุกติกปฺปเภเท อารมฺมเณ อนุคนฺตฺวา อนุคนฺตฺวา สณฺานตฺถมฺปิ ‘‘เย เกจี’’ติ คาถาทฺวยมาห. อถ วา ยสฺมา ยสฺส ยํ อารมฺมณํ วิภูตํ โหติ, ตสฺส ตตฺถ จิตฺตํ สุขํ ติฏฺติ. ตสฺมา เตสํ ภิกฺขูนํ ยสฺส ยํ วิภูตํ อารมฺมณํ, ตสฺส ตตฺถ จิตฺตํ สณฺาเปตุกาโม ตสถาวราทิทุกตฺติกอารมฺมณปฺปเภททีปกํ ‘‘เย เกจี’’ติ อิมํ คาถาทฺวยมาห.
เอตฺถ ¶ หิ ตสถาวรทุกํ ทิฏฺาทิฏฺทุกํ ทูรสนฺติกทุกํ ภูตสมฺภเวสิทุกนฺติ จตฺตาริ ทุกานิ, ทีฆาทีหิ จ ฉหิ ปเทหิ มชฺฌิมปทสฺส ตีสุ, อณุกปทสฺส จ ทฺวีสุ ติเกสุ อตฺถสมฺภวโต ทีฆรสฺสมชฺฌิมตฺติกํ มหนฺตาณุกมชฺฌิมตฺติกํ ถูลาณุกมชฺฌิมตฺติกนฺติ ตโย ติเก ทีเปติ. ตตฺถ เย เกจีติ อนวเสสวจนํ. ปาณา เอว ภูตา ปาณภูตา. อถ วา ปาณนฺตีติ ปาณา. เอเตน อสฺสาสปสฺสาสปฏิพทฺเธ ปฺจโวการสตฺเต คณฺหาติ. ภวนฺตีติ ภูตา. เอเตน เอกโวการจตุโวการสตฺเต คณฺหาติ. อตฺถีติ สนฺติ, สํวิชฺชนฺติ.
เอวํ ‘‘เย เกจิ ปาณภูตตฺถี’’ติ อิมินา วจเนน ทุกตฺติเกหิ สงฺคเหตพฺเพ สพฺเพ สตฺเต เอกชฺฌํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ สพฺเพปิ เต ตสา วา ถาวรา วา อนวเสสาติ อิมินา ทุเกน สงฺคเหตฺวา ทสฺเสติ.
ตตฺถ ตสนฺตีติ ตสา, สตณฺหานํ สภยานฺเจตํ อธิวจนํ. ติฏฺนฺตีติ ถาวรา, ปหีนตณฺหาภยานํ อรหตํ เอตํ อธิวจนํ. นตฺถิ เตสํ อวเสสนฺติ อนวเสสา, สพฺเพปีติ วุตฺตํ ¶ โหติ. ยฺจ ทุติยคาถาย อนฺเต วุตฺตํ, ตํ สพฺพทุกติเกหิ สมฺพนฺธิตพฺพํ – เย เกจิ ปาณภูตตฺถิ ตสา วา ถาวรา วา อนวเสสา, อิเมปิ สพฺเพ สตฺตา ภวนฺตุ สุขิตตฺตา. เอวํ ยาว ภูตา วา สมฺภเวสี วา อิเมปิ สพฺเพ สตฺตา ภวนฺตุ สุขิตตฺตาติ.
อิทานิ ทีฆรสฺสมชฺฌิมาทิติกตฺตยทีปเกสุ ทีฆา วาติอาทีสุ ฉสุ ปเทสุ ทีฆาติ ทีฆตฺตภาวา นาคมจฺฉโคธาทโย. อเนกพฺยามสตปฺปมาณาปิ หิ มหาสมุทฺเท นาคานํ อตฺตภาวา อเนกโยชนปฺปมาณาปิ มจฺฉโคธาทีนํ อตฺตภาวา โหนฺติ. มหนฺตาติ มหนฺตตฺตภาวา ชเล มจฺฉกจฺฉปาทโย, ถเล หตฺถินาคาทโย, อมนุสฺเสสุ ทานวาทโย. อาห จ – ‘‘ราหุคฺคํ อตฺตภาวีน’’นฺติ (อ. นิ. ๔.๑๕). ตสฺส หิ อตฺตภาโว อุพฺเพเธน จตฺตาริ โยชนสหสฺสานิ อฏฺ จ โยชนสตานิ, พาหู ทฺวาทสโยชนสตปริมาณา, ปฺาสโยชนํ ภมุกนฺตรํ, ตถา องฺคุลนฺตริกา, หตฺถตลานิ ทฺเว โยชนสตานีติ. มชฺฌิมาติ อสฺสโคณมหึสสูกราทีนํ อตฺตภาวา. รสฺสกาติ ตาสุ ตาสุ ชาตีสุ วามนาทโย ทีฆมชฺฌิเมหิ โอมกปฺปมาณา สตฺตา. อณุกาติ มํสจกฺขุสฺส ¶ อโคจรา, ทิพฺพจกฺขุวิสยา อุทกาทีสุ นิพฺพตฺตา สุขุมตฺตภาวา สตฺตา, อูกาทโย วา. อปิจ เย ตาสุ ตาสุ ชาตีสุ มหนฺตมชฺฌิเมหิ ถูลมชฺฌิเมหิ จ โอมกปฺปมาณา สตฺตา, เต อณุกาติ เวทิตพฺพา. ถูลาติ ปริมณฺฑลตฺตภาวา มจฺฉกุมฺมสิปฺปิกสมฺพุกาทโย สตฺตา.
๑๔๗. เอวํ ตีหิ ติเกหิ อนวเสสโต สตฺเต ทสฺเสตฺวา อิทานิ ‘‘ทิฏฺา วา เยว อทิฏฺา’’ติอาทีหิ ตีหิ ทุเกหิปิ เต สงฺคเหตฺวา ทสฺเสติ.
ตตฺถ ทิฏฺาติ เย อตฺตโน จกฺขุสฺส อาปาถมาคตวเสน ทิฏฺปุพฺพา. อทิฏฺาติ เย ปรสมุทฺทปรเสลปรจกฺกวาฬาทีสุ ิตา. ‘‘เยว ทูเร วสนฺติ อวิทูเร’’ติ อิมินา ปน ทุเกน อตฺตโน อตฺตภาวสฺส ทูเร จ อวิทูเร จ วสนฺเต สตฺเต ทสฺเสติ. เต อุปาทายุปาทาวเสน เวทิตพฺพา. อตฺตโน หิ กาเย วสนฺตา สตฺตา อวิทูเร, พหิกาเย วสนฺตา ทูเร. ตถา อนฺโตอุปจาเร วสนฺตา อวิทูเร, พหิอุปจาเร วสนฺตา ทูเร. อตฺตโน วิหาเร คาเม ชนปเท ทีเป จกฺกวาเฬ วสนฺตา อวิทูเร, ปรจกฺกวาเฬ วสนฺตา ทูเร วสนฺตีติ วุจฺจนฺติ.
ภูตาติ ชาตา, อภินิพฺพตฺตา. เย ภูตา เอว, น ปุน ภวิสฺสนฺตีติ สงฺขฺยํ คจฺฉนฺติ, เตสํ ขีณาสวานเมตํ อธิวจนํ. สมฺภวเมสนฺตีติ สมฺภเวสี. อปฺปหีนภวสํโยชนตฺตา อายติมฺปิ สมฺภวํ เอสนฺตานํ เสกฺขปุถุชฺชนานเมตํ อธิวจนํ. อถ วา จตูสุ โยนีสุ อณฺฑชชลาพุชา สตฺตา ยาว อณฺฑโกสํ วตฺถิโกสฺจ น ภินฺทนฺติ, ตาว สมฺภเวสี นาม. อณฺฑโกสํ วตฺถิโกสฺจ ภินฺทิตฺวา พหิ นิกฺขนฺตา ภูตา นาม. สํเสทชา โอปปาติกา จ ปมจิตฺตกฺขเณ ¶ สมฺภเวสี นาม. ทุติยจิตฺตกฺขณโต ปภุติ ภูตา นาม. เยน วา อิริยาปเถน ชายนฺติ, ยาว ตโต อฺํ น ปาปุณนฺติ, ตาว สมฺภเวสี นาม. ตโต ปรํ ภูตาติ.
๑๔๘. เอวํ ภควา ‘‘สุขิโน วา’’ติอาทีหิ อฑฺฒเตยฺยาหิ คาถาหิ นานปฺปการโต เตสํ ภิกฺขูนํ หิตสุขาคมปตฺถนาวเสน สตฺเตสุ เมตฺตาภาวนํ ¶ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อหิตทุกฺขานาคมปตฺถนาวเสนาปิ ตํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘น ปโร ปรํ นิกุพฺเพถา’’ติ. เอส โปราณปาโ, อิทานิ ปน ‘‘ปรํ หี’’ติปิ ปนฺติ, อยํ น โสภโน.
ตตฺถ ปโรติ ปรชโน. ปรนฺติ ปรชนํ. น นิกุพฺเพถาติ น วฺเจยฺย. นาติมฺเถาติ น อติกฺกมิตฺวา มฺเยฺย. กตฺถจีติ กตฺถจิ โอกาเส, คาเม วา นิคเม วา เขตฺเต วา าติมชฺเฌ วา ปูคมชฺเฌ วาติอาทิ. นนฺติ เอตํ. กฺจีติ ยํ กฺจิ ขตฺติยํ วา พฺราหฺมณํ วา คหฏฺํ วา ปพฺพชิตํ วา สุคตํ วา ทุคฺคตํ วาติอาทิ. พฺยาโรสนา ปฏิฆสฺาติ กายวจีวิกาเรหิ พฺยาโรสนาย จ, มโนวิกาเรน ปฏิฆสฺาย จ. ‘‘พฺยาโรสนาย ปฏิฆสฺายา’’ติ หิ วตฺตพฺเพ ‘‘พฺยาโรสนา ปฏิฆสฺา’’ติ วุจฺจติ ยถา ‘‘สมฺม ทฺาย วิมุตฺตา’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘สมฺม ทฺา วิมุตฺตา’’ติ, ยถา จ ‘‘อนุปุพฺพสิกฺขาย อนุปุพฺพกิริยาย อนุปุพฺพปฏิปทายา’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘อนุปุพฺพสิกฺขา อนุปุพฺพกิริยา อนุปุพฺพปฏิปทา’’ติ (อ. นิ. ๘.๑๙; อุทา. ๔๕; จูฬว. ๓๘๕). นาฺมฺสฺส ทุกฺขมิจฺเฉยฺยาติ อฺมฺสฺส ทุกฺขํ น อิจฺเฉยฺย. กึ วุตฺตํ โหติ? น เกวลํ ‘‘สุขิโน วา เขมิโน วา โหนฺตู’’ติอาทิ มนสิการวเสเนว เมตฺตํ ภาเวยฺย. กึ ปน ‘‘อโห วต โย โกจิ ปรปุคฺคโล ยํ กฺจิ ปรปุคฺคลํ วฺจนาทีหิ นิกตีหิ น นิกุพฺเพถ, ชาติอาทีหิ จ นวหิ มานวตฺถูหิ กตฺถจิ ปเทเส ยํ กฺจิ ปรปุคฺคลํ นาติมฺเยฺย, อฺมฺสฺส จ พฺยาโรสนาย วา ปฏิฆสฺาย วา ทุกฺขํ น อิจฺเฉยฺยา’’ติ เอวมฺปิ มนสิ กโรนฺโต ภาเวยฺยาติ.
๑๔๙. เอวํ อหิตทุกฺขานาคมปตฺถนาวเสน อตฺถโต เมตฺตาภาวนํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตเมว อุปมาย ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘มาตา ยถา นิยํ ปุตฺต’’นฺติ.
ตสฺสตฺโถ – ยถา มาตา นิยํ ปุตฺตํ อตฺตนิ ชาตํ โอรสํ ปุตฺตํ, ตฺจ เอกปุตฺตเมว อายุสา อนุรกฺเข, ตสฺส ทุกฺขาคมปฏิพาหนตฺถํ อตฺตโน อายุมฺปิ จชิตฺวา ตํ อนุรกฺเข, เอวมฺปิ สพฺพภูเตสุ อิทํ เมตฺตมานสํ ภาวเย, ปุนปฺปุนํ ชนเย วฑฺฒเย, ตฺจ อปริมาณสตฺตารมฺมณวเสน เอกสฺมึ วา สตฺเต อนวเสสผรณวเสน อปริมาณํ ภาวเยติ.
๑๕๐. เอวํ ¶ ¶ สพฺพากาเรน เมตฺตาภาวนํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตสฺเสว วฑฺฒนํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘เมตฺตฺจ สพฺพโลกสฺมี’’ติ.
ตตฺถ มิชฺชติ ตายติ จาติ มิตฺโต, หิตชฺฌาสยตาย สินิยฺหติ, อหิตาคมโต รกฺขติ จาติ อตฺโถ. มิตฺตสฺส ภาโว เมตฺตํ. สพฺพสฺมินฺติ อนวเสเส. โลกสฺมินฺติ สตฺตโลเก. มนสิ ภวนฺติ มานสํ. ตฺหิ จิตฺตสมฺปยุตฺตตฺตา เอวํ วุตฺตํ. ภาวเยติ วฑฺฒเย. นาสฺส ปริมาณนฺติ อปริมาณํ, อปฺปมาณสตฺตารมฺมณตาย เอวํ วุตฺตํ. อุทฺธนฺติ อุปริ. เตน อรูปภวํ คณฺหาติ. อโธติ เหฏฺา. เตน กามภวํ คณฺหาติ. ติริยนฺติ เวมชฺฌํ. เตน รูปภวํ คณฺหาติ. อสมฺพาธนฺติ สมฺพาธวิรหิตํ, ภินฺนสีมนฺติ วุตฺตํ โหติ. สีมา นาม ปจฺจตฺถิโก วุจฺจติ, ตสฺมิมฺปิ ปวตฺตนฺติ อตฺโถ. อเวรนฺติ เวรวิรหิตํ, อนฺตรนฺตราปิ เวรเจตนาปาตุภาววิรหิตนฺติ วุตฺตํ โหติ. อสปตฺตนฺติ วิคตปจฺจตฺถิกํ. เมตฺตาวิหารี หิ ปุคฺคโล มนุสฺสานํ ปิโย โหติ, อมนุสฺสานํ ปิโย โหติ, นาสฺส โกจิ ปจฺจตฺถิโก โหติ, เตนสฺส ตํ มานสํ วิคตปจฺจตฺถิกตฺตา ‘‘อสปตฺต’’นฺติ วุจฺจติ. ปริยายวจนฺหิ เอตํ, ยทิทํ ปจฺจตฺถิโก สปตฺโตติ. อยํ อนุปทโต อตฺถวณฺณนา.
อยํ ปเนตฺถ อธิปฺเปตตฺถวณฺณนา – ยเทตํ ‘‘เอวมฺปิ สพฺพภูเตสุ มานสํ ภาวเย อปริมาณ’’นฺติ วุตฺตํ. ตฺเจตํ อปริมาณํ เมตฺตํ มานสํ สพฺพโลกสฺมึ ภาวเย วฑฺฒเย, วุฑฺฒึ, วิรูฬฺหึ, เวปุลฺลํ คมเย. กถํ? อุทฺธํ อโธ จ ติริยฺจ, อุทฺธํ ยาว ภวคฺคา, อโธ ยาว อวีจิโต, ติริยํ ยาว อวเสสทิสา. อุทฺธํ วา อารุปฺปํ, อโธ กามธาตุํ, ติริยํ รูปธาตุํ อนวเสสํ ผรนฺโต. เอวํ ภาเวนฺโตปิ จ ตํ ยถา อสมฺพาธํ, อเวรํ, อสปตฺตฺจ, โหติ ตถา สมฺพาธเวรสปตฺตาภาวํ กโรนฺโต ภาวเย. ยํ วา ตํ ภาวนาสมฺปทํ ปตฺตํ สพฺพตฺถ โอกาสลาภวเสน อสมฺพาธํ. อตฺตโน ปเรสุ อาฆาตปฏิวินเยน อเวรํ, อตฺตนิ จ ปเรสํ อาฆาตปฏิวินเยน อสปตฺตํ โหติ, ตํ อสมฺพาธํ อเวรํ อสปตฺตํ อปริมาณํ เมตฺตํ มานสํ อุทฺธํ อโธ ติริยฺจาติ ติวิธปริจฺเฉเท สพฺพโลกสฺมึ ภาวเย วฑฺฒเยติ.
๑๕๑. เอวํ ¶ เมตฺตาภาวนาย วฑฺฒนํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตํ ภาวนมนุยุตฺตสฺส วิหรโต อิริยาปถนิยมาภาวํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ติฏฺํ จรํ…เป… อธิฏฺเยฺยา’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – เอวเมตํ เมตฺตํ มานสํ ภาเวนฺโต โส ‘‘นิสีทติ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา, อุชุํ กายํ ปณิธายา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๓๗๔; ม. นิ. ๑.๑๐๗; วิภ. ๕๐๘) วิย อิริยาปถนิยมํ อกตฺวา ยถาสุขํ อฺตรฺตรอิริยาปถพาธนวิโนทนํ กโรนฺโต ติฏฺํ วา จรํ วา นิสินฺโน วา สยาโน วา ยาวตา วิคตมิทฺโธ อสฺส, อถ เอตํ เมตฺตาฌานสฺสตึ อธิฏฺเยฺย.
อถ ¶ วา เอวํ เมตฺตาภาวนาย วฑฺฒนํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ วสีภาวํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ติฏฺํ จร’’นฺติ. วสิปฺปตฺโต หิ ติฏฺํ วา จรํ วา นิสินฺโน วา สยาโน วา ยาวตา อิริยาปเถน เอตํ เมตฺตาฌานสฺสตึ อธิฏฺาตุกาโม โหติ. อถ วา ติฏฺํ วา จรํ วาติ น ตสฺส านาทีนิ อนฺตรายกรานิ โหนฺติ, อปิจ โข โส ยาวตา เอตํ เมตฺตาฌานสฺสตึ อธิฏฺาตุกาโม โหติ, ตาวตา วิตมิทฺโธ หุตฺวา อธิฏฺาติ, นตฺถิ ตสฺส ตตฺถ ทนฺธายิตตฺตํ. เตนาห ‘‘ติฏฺํ จรํ นิสินฺโน ว สยาโน, ยาวตาสฺส วิตมิทฺโธ. เอตํ สตึ อธิฏฺเยฺยา’’ติ.
ตสฺสายมธิปฺปาโย – ยํ ตํ ‘‘เมตฺตฺจ สพฺพโลกสฺมิ, มานสํ ภาวเย’’ติ วุตฺตํ, ตํ ตถา ภาวเย, ยถา านาทีสุ ยาวตา อิริยาปเถน, านาทีนิ วา อนาทิยิตฺวา ยาวตา เอตํ เมตฺตาฌานสฺสตึ อธิฏฺาตุกาโม อสฺส, ตาวตา วิตมิทฺโธ หุตฺวา เอตํ สตึ อธิฏฺเยฺยาติ.
เอวํ เมตฺตาภาวนาย วสีภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอตํ สตึ อธิฏฺเยฺยา’’ติ ตสฺมึ เมตฺตาวิหาเร นิโยเชตฺวา อิทานิ ตํ วิหารํ ถุนนฺโต อาห ‘‘พฺรหฺมเมตํ วิหารมิธมาหู’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – ยฺวายํ ‘‘สุขิโนว เขมิโน โหนฺตู’’ติอาทึ กตฺวา ยาว ‘‘เอตํ สตึ อธิฏฺเยฺยา’’ติ สํวณฺณิโต เมตฺตาวิหาโร, เอตํ จตูสุ ทิพฺพพฺรหฺมอริยอิริยาปถวิหาเรสุ นิทฺโทสตฺตา อตฺตโนปิ ปเรสมฺปิ อตฺถกรตฺตา จ อิธ อริยสฺส ธมฺมวินเย พฺรหฺมวิหารมาหุ, เสฏฺวิหารมาหูติ. ยโต สตตํ สมิตํ อพฺโพกิณฺณํ ติฏฺํ จรํ นิสินฺโน ¶ วา สยาโน วา ยาวตาสฺส วิตมิทฺโธ, เอตํ สตึ อธิฏฺเยฺยาติ.
๑๕๒. เอวํ ภควา เตสํ ภิกฺขูนํ นานปฺปการโต เมตฺตาภาวนํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ยสฺมา เมตฺตา สตฺตารมฺมณตฺตา อตฺตทิฏฺิยา อาสนฺนา โหติ ตสฺมา ทิฏฺิคหณนิเสธนมุเขน เตสํ ภิกฺขูนํ ตเทว เมตฺตาฌานํ ปาทกํ กตฺวา อริยภูมิปฺปตฺตึ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ทิฏฺิฺจ อนุปคฺคมฺมา’’ติ. อิมาย คาถาย เทสนํ สมาเปสิ.
ตสฺสตฺโถ – ยฺวายํ ‘‘พฺรหฺมเมตํ วิหารมิธมาหู’’ติ สํวณฺณิโต เมตฺตาฌานวิหาโร, ตโต วุฏฺาย เย ตตฺถ วิตกฺกวิจาราทโย ธมฺมา, เต, เตสฺจ วตฺถาทิอนุสาเรน รูปธมฺเม ปริคฺคเหตฺวา อิมินา นามรูปปริจฺเฉเทน ‘‘สุทฺธสงฺขารปฺุโชยํ, น อิธ สตฺตูปลพฺภตี’’ติ (สํ. นิ. ๑.๑๗๑) เอวํ ทิฏฺิฺจ อนุปคฺคมฺม อนุปุพฺเพน โลกุตฺตรสีเลน สีลวา หุตฺวา โลกุตฺตรสีลสมฺปยุตฺเตเนว โสตาปตฺติมคฺคสมฺมาทิฏฺิสงฺขาเตน ทสฺสเนน สมฺปนฺโน. ตโต ปรํ โยปายํ วตฺถุกาเมสุ เคโธ กิเลสกาโม อปฺปหีโน โหติ, ตมฺปิ สกทาคามิอนาคามิมคฺเคหิ ตนุภาเวน อนวเสสปฺปหาเนน จ กาเมสุ เคธํ วิเนยฺย วินยิตฺวา วูปสเมตฺวา น หิ ชาตุ คพฺภเสยฺย ปุน เรติ ¶ เอกํเสเนว ปุน คพฺภเสยฺยํ น เอติ, สุทฺธาวาเสสุ นิพฺพตฺติตฺวา ตตฺเถว อรหตฺตํ ปาปุณิตฺวา ปรินิพฺพาตีติ.
เอวํ ภควา เทสนํ สมาเปตฺวา เต ภิกฺขู อาห – ‘‘คจฺฉถ, ภิกฺขเว, ตสฺมึเยว วนสณฺเฑ วิหรถ. อิมฺจ สุตฺตํ มาสสฺส อฏฺสุ ธมฺมสฺสวนทิวเสสุ คณฺฑึ อาโกเฏตฺวา อุสฺสาเรถ, ธมฺมกถํ กโรถ, สากจฺฉถ, อนุโมทถ, อิทเมว กมฺมฏฺานํ อาเสวถ, ภาเวถ, พหุลีกโรถ. เตปิ โว อมนุสฺสา ตํ เภรวารมฺมณํ น ทสฺเสสฺสนฺติ, อฺทตฺถุ อตฺถกามา หิตกามา ภวิสฺสนฺตี’’ติ. เต ‘‘สาธู’’ติ ภควโต ปฏิสฺสุณิตฺวา อุฏฺายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา, ปทกฺขิณํ กตฺวา, ตตฺถ คนฺตฺวา, ตถา อกํสุ. เทวตาโย จ ‘‘ภทนฺตา อมฺหากํ อตฺถกามา หิตกามา’’ติ ปีติโสมนสฺสชาตา หุตฺวา สยเมว เสนาสนํ สมฺมชฺชนฺติ, อุณฺโหทกํ ปฏิยาเทนฺติ, ปิฏฺิปริกมฺมปาทปริกมฺมํ กโรนฺติ, อารกฺขํ สํวิทหนฺติ. เต ภิกฺขู ตเถว เมตฺตํ ภาเวตฺวา ตเมว ¶ จ ปาทกํ กตฺวา วิปสฺสนํ อารภิตฺวา สพฺเพว ตสฺมึเยว อนฺโตเตมาเส อคฺคผลํ อรหตฺตํ ปาปุณิตฺวา มหาปวารณาย วิสุทฺธิปวารณํ ปวาเรสุนฺติ.
เอวฺหิ อตฺถกุสเลน ตถาคเตน,
ธมฺมิสฺสเรน กถิตํ กรณียมตฺถํ;
กตฺวานุภุยฺย ปรมํ หทยสฺส สนฺตึ,
สนฺตํ ปทํ อภิสเมนฺติ สมตฺตปฺา.
ตสฺมา หิ ตํ อมตมพฺภุตมริยกนฺตํ,
สนฺตํ ปทํ อภิสเมจฺจ วิหริตุกาโม;
วิฺู ชโน วิมลสีลสมาธิปฺา,
เภทํ กเรยฺย สตตํ กรณียมตฺถนฺติ.
ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย
สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย เมตฺตสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. เหมวตสุตฺตวณฺณนา
อชฺช ¶ ปนฺนรโสติ เหมวตสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? ปุจฺฉาวสิกา อุปฺปตฺติ. เหมวเตน หิ ปุฏฺโ ภควา ‘‘ฉสุ โลโก สมุปฺปนฺโน’’ติอาทีนิ อภาสิ. ตตฺถ ‘‘อชฺช ปนฺนรโส’’ติอาทิ สาตาคิเรน วุตฺตํ, ‘‘อิติ สาตาคิโร’’ติอาทิ สงฺคีติกาเรหิ, ‘‘กจฺจิมโน’’ติอาทิ เหมวเตน, ‘‘ฉสุ โลโก’’ติอาทิ ภควตา, ตํ สพฺพมฺปิ สโมธาเนตฺวา ¶ ‘‘เหมวตสุตฺต’’นฺติ วุจฺจติ. ‘‘สาตาคิริสุตฺต’’นฺติ เอกจฺเจหิ.
ตตฺถ ยายํ ‘‘อชฺช ปนฺนรโส’’ติอาทิ คาถา. ตสฺสา อุปฺปตฺติ – อิมสฺมึเยว ภทฺทกปฺเป วีสติวสฺสสหสฺสายุเกสุ ปุริเสสุ อุปฺปชฺชิตฺวา โสฬสวสฺสสหสฺสายุกานิ ตฺวา ปรินิพฺพุตสฺส ภควโต กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธสฺส มหติยา ปูชาย สรีรกิจฺจํ อกํสุ. ตสฺส ธาตุโย อวิกิริตฺวา ¶ สุวณฺณกฺขนฺโธ วิย เอกคฺฆนา หุตฺวา อฏฺํสุ. ทีฆายุกพุทฺธานฺหิ เอสา ธมฺมตา. อปฺปายุกพุทฺธา ปน ยสฺมา พหุตเรน ชเนน อทิฏฺา เอว ปรินิพฺพายนฺติ, ตสฺมา ธาตุปูชมฺปิ กตฺวา ‘‘ตตฺถ ตตฺถ ชนา ปฺุํ ปสวิสฺสนฺตี’’ติ อนุกมฺปาย ‘‘ธาตุโย วิกิรนฺตู’’ติ อธิฏฺหนฺติ. เตน เตสํ สุวณฺณจุณฺณานิ วิย ธาตุโย วิกิรนฺติ, เสยฺยถาปิ อมฺหากํ ภควโต.
มนุสฺสา ตสฺส ภควโต เอกํเยว ธาตุฆรํ กตฺวา เจติยํ ปติฏฺาเปสุํ โยชนํ อุพฺเพเธน ปริกฺเขเปน จ. ตสฺส เอเกกคาวุตนฺตรานิ จตฺตาริ ทฺวารานิ อเหสุํ. เอกํ ทฺวารํ กิกี ราชา อคฺคเหสิ; เอกํ ตสฺเสว ปุตฺโต ปถวินฺธโร นาม; เอกํ เสนาปติปมุขา อมจฺจา; เอกํ เสฏฺิปมุขา ชานปทา รตฺตสุวณฺณมยา เอกคฺฆนา สุวณฺณรสปฏิภาคา จ นานารตนมยา อิฏฺกา อเหสุํ เอเกกา สตสหสฺสคฺฆนิกา. เต หริตาลมโนสิลาหิ มตฺติกากิจฺจํ สุรภิเตเลน อุทกกิจฺจฺจ กตฺวา ตํ เจติยํ ปติฏฺาเปสุํ.
เอวํ ปติฏฺิเต เจติเย ทฺเว กุลปุตฺตา สหายกา นิกฺขมิตฺวา สมฺมุขสาวกานํ เถรานํ สนฺติเก ปพฺพชึสุ. ทีฆายุกพุทฺธานฺหิ สมฺมุขสาวกาเยว ปพฺพาเชนฺติ, อุปสมฺปาเทนฺติ, นิสฺสยํ ¶ เทนฺติ, อิตเร น ลภนฺติ. ตโต เต กุลปุตฺตา ‘‘สาสเน, ภนฺเต, กติ ธุรานี’’ติ ปุจฺฉึสุ. เถรา ‘‘ทฺเว ธุรานี’’ติ กเถสุํ – ‘‘วาสธุรํ, ปริยตฺติธุรฺจา’’ติ. ตตฺถ ปพฺพชิเตน กุลปุตฺเตน อาจริยุปชฺฌายานํ สนฺติเก ปฺจ วสฺสานิ วสิตฺวา, วตฺตปฏิวตฺตํ ปูเรตฺวา, ปาติโมกฺขํ ทฺเว ตีณิ ภาณวารสุตฺตนฺตานิ จ ปคุณํ ¶ กตฺวา, กมฺมฏฺานํ อุคฺคเหตฺวา, กุเล วา คเณ วา นิราลเยน อรฺํ ปวิสิตฺวา, อรหตฺตสจฺฉิกิริยาย ฆฏิตพฺพํ วายมิตพฺพํ, เอตํ วาสธุรํ. อตฺตโน ถาเมน ปน เอกํ วา นิกายํ ปริยาปุณิตฺวา ทฺเว วา ปฺจ วา นิกาเย ปริยตฺติโต จ อตฺถโต จ สุวิสทํ สาสนํ อนุยฺุชิตพฺพํ, เอตํ ปริยตฺติธุรนฺติ. อถ เต กุลปุตฺตา ‘‘ทฺวินฺนํ ธุรานํ วาสธุรเมว เสฏฺ’’นฺติ วตฺวา ‘‘มยํ ปนมฺหา ทหรา, วุฑฺฒกาเล วาสธุรํ ปริปูเรสฺสาม, ปริยตฺติธุรํ ตาว ปูเรมา’’ติ ปริยตฺตึ อารภึสุ. เต ปกติยาว ปฺวนฺโต นจิรสฺเสว สกเล พุทฺธวจเน ปกตฺโน วินเย จ อติวิย วินิจฺฉยกุสลา อเหสุํ. เตสํ ปริยตฺตึ นิสฺสาย ปริวาโร อุปฺปชฺชิ, ปริวารํ นิสฺสาย ¶ ลาโภ, เอกเมกสฺส ปฺจสตปฺจสตา ภิกฺขู ปริวารา อเหสุํ. เต สตฺถุสาสนํ ทีเปนฺตา วิหรึสุ, ปุน พุทฺธกาโล วิย อโหสิ.
ตทา ทฺเว ภิกฺขู คามกาวาเส วิหรนฺติ ธมฺมวาที จ อธมฺมวาที จ. อธมฺมวาที จณฺโฑ โหติ ผรุโส, มุขโร, ตสฺส อชฺฌาจาโร อิตรสฺส ปากโฏ โหติ. ตโต นํ ‘‘อิทํ เต, อาวุโส, กมฺมํ สาสนสฺส อปฺปติรูป’’นฺติ โจเทสิ. โส ‘‘กึ เต ทิฏฺํ, กึ สุต’’นฺติ วิกฺขิปติ. อิตโร ‘‘วินยธรา ชานิสฺสนฺตี’’ติ อาห. ตโต อธมฺมวาที ‘‘สเจ อิมํ วตฺถุํ วินยธรา วินิจฺฉินิสฺสนฺติ, อทฺธา เม สาสเน ปติฏฺา น ภวิสฺสตี’’ติ ตฺวา อตฺตโน ปกฺขํ กาตุกาโม ตาวเทว ปริกฺขาเร อาทาย เต ทฺเว เถเร อุปสงฺกมิตฺวา สมณปริกฺขาเร ทตฺวา เตสํ นิสฺสเยน วิหริตุมารทฺโธ. สพฺพฺจ เนสํ อุปฏฺานํ กโรนฺโต สกฺกจฺจํ วตฺตปฏิวตฺตํ ปูเรตุกาโม วิย อกาสิ. ตโต เอกทิวสํ อุปฏฺานํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา เตหิ วิสฺสชฺชิยมาโนปิ อฏฺาสิเยว. เถรา ‘‘กิฺจิ วตฺตพฺพมตฺถี’’ติ ตํ ปุจฺฉึสุ. โส ‘‘อาม, ภนฺเต, เอเกน เม ภิกฺขุนา สห อชฺฌาจารํ ปฏิจฺจ วิวาโท อตฺถิ. โส ยทิ ตํ วตฺถุํ อิธาคนฺตฺวา อาโรเจติ, ยถาวินิจฺฉยํ น วินิจฺฉินิตพฺพ’’นฺติ. เถรา ‘‘โอสฏํ ¶ วตฺถุํ ยถาวินิจฺฉยํ น วินิจฺฉินิตุํ น วฏฺฏตี’’ติ อาหํสุ. โส ‘‘เอวํ กริยมาเน, ภนฺเต, มม สาสเน ปติฏฺา นตฺถิ, มยฺเหตํ ปาปํ โหตุ, มา ตุมฺเห วินิจฺฉินถา’’ติ. เต เตน นิปฺปีฬิยมานา สมฺปฏิจฺฉึสุ. โส เตสํ ปฏิฺํ คเหตฺวา ปุน ตํ อาวาสํ คนฺตฺวา ‘‘สพฺพํ วินยธรานํ สนฺติเก นิฏฺิต’’นฺติ ตํ ธมฺมวาทึ สุฏฺุตรํ อวมฺนฺโต ผรุเสน สมุทาจรติ. ธมฺมวาที ‘‘นิสฺสงฺโก อยํ ชาโต’’ติ ตาวเทว นิกฺขมิตฺวา เถรานํ ปริวารํ ภิกฺขุสหสฺสํ อุปสงฺกมิตฺวา อาห ¶ – ‘‘นนุ, อาวุโส, โอสฏํ วตฺถุ ยถาธมฺมํ วินิจฺฉินิตพฺพํ, อโนสราเปตฺวา เอว วา อฺมฺํ อจฺจยํ เทสาเปตฺวา สามคฺคี กาตพฺพา. อิเม ปน เถรา เนว วตฺถุํ วินิจฺฉินึสุ, น สามคฺคึ อกํสุ. กึ นาเมต’’นฺติ? เตปิ สุตฺวา ตุณฺหี อเหสุํ – ‘‘นูน กิฺจิ อาจริเยหิ าต’’นฺติ. ตโต อธมฺมวาที โอกาสํ ลภิตฺวา ‘‘ตฺวํ ปุพฺเพ ‘วินยธรา ชานิสฺสนฺตี’ติ ภณสิ. อิทานิ เตสํ วินยธรานํ อาโรเจหิ ตํ ¶ วตฺถุ’’นฺติ ธมฺมวาทึ ปีเฬตฺวา ‘‘อชฺชตคฺเค ปราชิโต ตฺวํ, มา ตํ อาวาสํ อาคจฺฉี’’ติ วตฺวา ปกฺกามิ. ตโต ธมฺมวาที เถเร อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ตุมฺเห สาสนํ อนเปกฺขิตฺวา ‘อมฺเห อุปฏฺเสิ ปริโตเสสี’ติ ปุคฺคลเมว อเปกฺขิตฺถ, สาสนํ อรกฺขิตฺวา ปุคฺคลํ รกฺขิตฺถ, อชฺชตคฺเค ทานิ ตุมฺหากํ วินิจฺฉยํ วินิจฺฉินิตุํ น วฏฺฏติ, อชฺช ปรินิพฺพุโต กสฺสโป ภควา’’ติ มหาสทฺเทน กนฺทิตฺวา ‘‘นฏฺํ สตฺถุ สาสน’’นฺติ ปริเทวมาโน ปกฺกามิ.
อถ โข เต ภิกฺขู สํวิคฺคมานสา ‘‘มยํ ปุคฺคลมนุรกฺขนฺตา สาสนรตนํ โสพฺเภ ปกฺขิปิมฺหา’’ติ กุกฺกุจฺจํ อุปฺปาเทสุํ ¶ . เต เตเนว กุกฺกุจฺเจน อุปหตาสยตฺตา กาลํ กตฺวา สคฺเค นิพฺพตฺติตุมสกฺโกนฺตา เอกาจริโย หิมวติ เหมวเต ปพฺพเต นิพฺพตฺติ เหมวโต ยกฺโขติ นาเมน. ทุติยาจริโย มชฺฌิมเทเส สาตปพฺพเต สาตาคิโรติ นาเมน. เตปิ เนสํ ปริวารา ภิกฺขู เตสํเยว อนุวตฺติตฺวา สคฺเค นิพฺพตฺติตุมสกฺโกนฺตา เตสํ ปริวารา ยกฺขาว หุตฺวา นิพฺพตฺตึสุ. เตสํ ปน ปจฺจยทายกา คหฏฺา เทวโลเก นิพฺพตึสุ. เหมวตสาตาคิรา อฏฺวีสติยกฺขเสนาปตีนมพฺภนฺตรา มหานุภาวา ยกฺขราชาโน อเหสุํ.
ยกฺขเสนาปตีนฺจ อยํ ธมฺมตา – มาเส มาเส อฏฺ ทิวสานิ ธมฺมวินิจฺฉยตฺถํ หิมวติ มโนสิลาตเล นาควติมณฺฑเป เทวตานํ สนฺนิปาโต โหติ, ตตฺถ สนฺนิปติตพฺพนฺติ. อถ สาตาคิรเหมวตา ตสฺมึ สมาคเม อฺมฺํ ทิสฺวา สฺชานึสุ – ‘‘ตฺวํ, สมฺม, กุหึ อุปฺปนฺโน, ตฺวํ กุหิ’’นฺติ อตฺตโน อตฺตโน อุปฺปตฺติฏฺานฺจ ปุจฺฉิตฺวา วิปฺปฏิสาริโน อเหสุํ. ‘‘นฏฺา มยํ, สมฺม, ปุพฺเพ วีสติ วสฺสสหสฺสานิ สมณธมฺมํ กตฺวา เอกํ ปาปสหายํ นิสฺสาย ยกฺขโยนิยํ อุปฺปนฺนา, อมฺหากํ ปน ปจฺจยทายกา กามาวจรเทเวสุ นิพฺพตฺตา’’ติ. อถ สาตาคิโร อาห – ‘‘มาริส, หิมวา นาม อจฺฉริยพฺภุตสมฺมโต, กิฺจิ อจฺฉริยํ ทิสฺวา วา สุตฺวา วา มมาปิ อาโรเจยฺยาสี’’ติ. เหมวโตปิ อาห – ‘‘มาริส, มชฺฌิมเทโส นาม อจฺฉริยพฺภุตสมฺมโต, กิฺจิ อจฺฉริยํ ทิสฺวา วา สุตฺวา วา มมาปิ อาโรเจยฺยาสี’’ติ. เอวํ เตสุ ทฺวีสุ สหาเยสุ อฺมฺํ กติกํ กตฺวา, ตเมว อุปฺปตฺตึ อวิวชฺเชตฺวา วสมาเนสุ เอกํ พุทฺธนฺตรํ วีติวตฺตํ, มหาปถวี เอกโยชนติคาวุตมตฺตํ อุสฺสทา.
อถมฺหากํ ¶ ¶ ¶ โพธิสตฺโต ทีปงฺกรปาทมูเล กตปณิธาโน ยาว เวสฺสนฺตรชาตกํ, ตาว ปารมิโย ปูเรตฺวา, ตุสิตภวเน อุปฺปชฺชิตฺวา, ตตฺถ ยาวตายุกํ ตฺวา, ธมฺมปทนิทาเน วุตฺตนเยน เทวตาหิ อายาจิโต ปฺจ มหาวิโลกนานิ วิโลเกตฺวา, เทวตานํ อาโรเจตฺวา, ทฺวตฺตึสาย ปุพฺพนิมิตฺเตสุ วตฺตมาเนสุ อิธ ปฏิสนฺธึ อคฺคเหสิ ทสสหสฺสิโลกธาตุํ กมฺเปตฺวา. ตานิ ทิสฺวาปิ อิเม ราชยกฺขา ‘‘อิมินา การเณน นิพฺพตฺตานี’’ติ น ชานึสุ. ‘‘ขิฑฺฑาปสุตตฺตา เนวาทฺทสํสู’’ติ เอเก. เอส นโย ชาติยํ อภินิกฺขมเน โพธิยฺจ. ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตเน ปน ปฺจวคฺคิเย อามนฺเตตฺวา ภควติ ติปริวฏฺฏํ ทฺวาทสาการํ วรธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตนฺเต มหาภูมิจาลํ ปุพฺพนิมิตฺตํ ปาฏิหาริยานิ จ เอเตสํ เอโก สาตาคิโรเยว ปมํ อทฺทส. นิพฺพตฺติการณฺจ เตสํ ตฺวา สปริโส ภควนฺตํ อุปสงฺกมฺม ธมฺมเทสนํ อสฺโสสิ, น จ กิฺจิ วิเสสํ อธิคจฺฉิ. กสฺมา? โส หิ ธมฺมํ สุณนฺโต เหมวตํ อนุสฺสริตฺวา ‘‘อาคโต นุ โข เม สหายโก, โน’’ติ ปริสํ โอโลเกตฺวา ตํ อปสฺสนฺโต ‘‘วฺจิโต เม สหาโย, โย เอวํ วิจิตฺรปฏิภานํ ภควโต ธมฺมเทสนํ น สุณาตี’’ติ วิกฺขิตฺตจิตฺโต อโหสิ. ภควา จ อตฺถงฺคเตปิ จ สูริเย เทสนํ น นิฏฺาเปสิ.
อถ สาตาคิโร ‘‘สหายํ คเหตฺวา เตน สหาคมฺม ธมฺมเทสนํ โสสฺสามี’’ติ หตฺถิยานอสฺสยานครุฬยานาทีนิ มาเปตฺวา ปฺจหิ ยกฺขสเตหิ ปริวุโต หิมวนฺตาภิมุโข ปายาสิ, ตทา เหมวโตปิ. ยสฺมา ปฏิสนฺธิชาติ-อภินิกฺขมน-โพธิปรินิพฺพาเนสฺเวว ทฺวตฺตึส ปุพฺพนิมิตฺตานิ หุตฺวาว ปติวิคจฺฉนฺติ, น จิรฏฺิติกานิ โหนฺติ, ธมฺมจกฺกปวตฺตเน ปน ตานิ สวิเสสานิ หุตฺวา, จิรตรํ ตฺวา นิรุชฺฌนฺติ, ตสฺมา หิมวติ ตํ อจฺฉริยปาตุภาวํ ทิสฺวา ‘‘ยโต อหํ ชาโต, น กทาจิ อยํ ปพฺพโต เอวํ อภิราโม ภูตปุพฺโพ, หนฺท ทานิ มม สหายํ คเหตฺวา อาคมฺม เตน สห อิมํ ปุปฺผสิรึ อนุภวิสฺสามี’’ติ ตเถว มชฺฌิมเทสาภิมุโข อาคจฺฉติ. เต อุโภปิ ราชคหสฺส ¶ อุปริ สมาคนฺตฺวา อฺมฺสฺส อาคมนการณํ ปุจฺฉึสุ. เหมวโต อาห – ‘‘ยโต อหํ, มาริส, ชาโต, นายํ ปพฺพโต เอวํ อกาลกุสุมิเตหิ รุกฺเขหิ อภิราโม ภูตปุพฺโพ, ตสฺมา เอตํ ปุปฺผสิรึ ตยา สทฺธึ อนุภวิสฺสามีติ อาคโตมฺหี’’ติ ¶ . สาตาคิโร อาห – ‘‘ชานาสิ, ปน, ตฺวํ มาริส, เยน การเณน อิมํ อกาลปุปฺผปาฏิหาริยํ ชาต’’นฺติ? ‘‘น ชานามิ, มาริสา’’ติ. ‘‘อิมํ, มาริส, ปาฏิหาริยํ น เกวล หิมวนฺเตเยว, อปิจ โข ปน ทสสหสฺสิโลกธาตูสุ นิพฺพตฺตํ, สมฺมาสมฺพุทฺโธ โลเก อุปฺปนฺโน, อชฺช ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตสิ, เตน การเณนา’’ติ. เอวํ สาตาคิโร เหมวตสฺส พุทฺธุปฺปาทํ กเถตฺวา, ตํ ภควโต สนฺติกํ อาเนตุกาโม อิมํ คาถมาห. เกจิ ปน โคตมเก เจติเย วิหรนฺเต ภควติ อยเมวมาหาติ ภณนฺติ ‘‘อชฺช ปนฺนรโส’’ติ.
๑๕๓. ตตฺถ ¶ อชฺชาติ อยํ รตฺตินฺทิโว ปกฺขคณนโต ปนฺนรโส, อุปวสิตพฺพโต อุโปสโถ. ตีสุ วา อุโปสเถสุ อชฺช ปนฺนรโส อุโปสโถ, น จาตุทฺทสี อุโปสโถ, น สามคฺคีอุโปสโถ. ยสฺมา วา ปาติโมกฺขุทฺเทสอฏฺงฺคอุปวาสปฺตฺติทิวสาทีสุ สมฺพหุเลสุ อตฺเถสุ อุโปสถสทฺโท วตฺตติ. ‘‘อายามาวุโส, กปฺปิน, อุโปสถํ คมิสฺสามา’’ติอาทีสุ หิ ปาติโมกฺขุทฺเทเส อุโปสถสทฺโท. ‘‘เอวํ อฏฺงฺคสมนฺนาคโต โข วิสาเข อุโปสโถ อุปวุตฺโถ’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๘.๔๓) ปาณาติปาตา เวรมณิอาทิเกสุ อฏฺงฺเคสุ. ‘‘สุทฺธสฺส เว สทา ผคฺคุ, สุทฺธสฺสุโปสโถ สทา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๗๙) อุปวาเส. ‘‘อุโปสโถ นาม นาคราชา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๒๔๖; ม. นิ. ๓.๒๕๘) ปฺตฺติยํ. ‘‘ตทหุโปสเถ ปนฺนรเส สีสํนฺหาตสฺสา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๘๕; ม. นิ. ๓.๒๕๖) ทิวเส. ตสฺมา อวเสสตฺถํ ปฏิกฺขิปิตฺวา อาสาฬฺหีปุณฺณมทิวสํเยว นิยาเมนฺโต อาห – ‘‘อชฺช ปนฺนรโส อุโปสโถ’’ติ. ปาฏิปโท ทุติโยติ เอวํ คณิยมาเน อชฺช ปนฺนรโส ทิวโสติ อตฺโถ.
ทิวิ ภวานิ ทิพฺพานิ, ทิพฺพานิ เอตฺถ อตฺถีติ ทิพฺพา. กานิ ตานิ? รูปานิ. ตฺหิ ¶ รตฺตึ เทวานํ ทสสหสฺสิโลกธาตุโต สนฺนิปติตานํ สรีรวตฺถาภรณวิมานปฺปภาหิ อพฺภาทิอุปกฺกิเลสวิรหิตาย จนฺทปฺปภาย จ สกลชมฺพุทีโป อลงฺกโต อโหสิ. วิเสสาลงฺกโต จ ปรมวิสุทฺธิเทวสฺส ภควโต สรีรปฺปภาย. เตนาห ‘‘ทิพฺพา รตฺติ อุปฏฺิตา’’ติ.
เอวํ ¶ รตฺติคุณวณฺณนาปเทเสนาปิ สหายสฺส จิตฺตปฺปสาทํ ชเนนฺโต พุทฺธุปฺปาทํ กเถตฺวา อาห ‘‘อโนมนามํ สตฺถารํ, หนฺท ปสฺสาม โคตม’’นฺติ. ตตฺถ อโนเมหิ อลามเกหิ สพฺพาการปริปูเรหิ คุเณหิ นามํ อสฺสาติ อโนมนาโม. ตถา หิสฺส ‘‘พุชฺฌิตา สจฺจานีติ พุทฺโธ, โพเธตา ปชายาติ พุทฺโธ’’ติอาทินา (มหานิ. ๑๙๒; จูฬนิ. ปารายนตฺถุติคาถานิทฺเทส ๙๗; ปฏิ. ม. ๑.๑๖๒) นเยน พุทฺโธติ อโนเมหิ คุเณหิ นามํ, ‘‘ภคฺคราโคติ ภควา, ภคฺคโทโสติ ภควา’’ติอาทินา (มหานิ. ๘๔) นเยน จ อโนเมหิ คุเณหิ นามํ. เอส นโย ‘‘อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน’’ติอาทีสุ. ทิฏฺธมฺมิกาทีสุ อตฺเถสุ เทวมนุสฺเส อนุสาสติ ‘‘อิมํ ปชหถ, อิมํ สมาทาย วตฺตถา’’ติ สตฺถา. อปิจ ‘‘สตฺถา ภควา สตฺถวาโห, ยถา สตฺถวาโห สตฺเต กนฺตารํ ตาเรตี’’ติอาทินา (มหานิ. ๑๙๐) นิทฺเทเส วุตฺตนเยนาปิ สตฺถา. ตํ อโนมนามํ สตฺถารํ. หนฺทาติ พฺยวสานตฺเถ นิปาโต. ปสฺสามาติ เตน อตฺตานํ สห สงฺคเหตฺวา ปจฺจุปฺปนฺนวจนํ. โคตมนฺติ โคตมโคตฺตํ. กึ วุตฺตํ โหติ ¶ ? ‘‘สตฺถา, น สตฺถา’’ติ มา วิมตึ อกาสิ, เอกนฺตพฺยวสิโต หุตฺวาว เอหิ ปสฺสาม โคตมนฺติ.
๑๕๔. เอวํ วุตฺเต เหมวโต ‘‘อยํ สาตาคิโร ‘อโนมนามํ สตฺถาร’นฺติ ภณนฺโต ตสฺส สพฺพฺุตํ ปกาเสติ, สพฺพฺุโน จ ทุลฺลภา โลเก, สพฺพฺุปฏิฺเหิ ปูรณาทิสทิเสเหว โลโก อุปทฺทุโต. โส ปน ยทิ สพฺพฺู, อทฺธา ตาทิลกฺขณปฺปตฺโต ภวิสฺสติ, เตน ตํ เอวํ ปริคฺคณฺหิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ตาทิลกฺขณํ ปุจฺฉนฺโต อาห – ‘‘กจฺจิ มโน’’ติ.
ตตฺถ กจฺจีติ ปุจฺฉา. มโนติ จิตฺตํ. สุปณิหิโตติ สุฏฺุ ปิโต, อจโล อสมฺปเวธี. สพฺเพสุ ภูเตสุ สพฺพภูเตสุ. ตาทิโนติ ตาทิลกฺขณปฺปตฺตสฺเสว ¶ สโต. ปุจฺฉา เอว วา อยํ ‘‘โส เต สตฺถา สพฺพภูเตสุ ตาที, อุทาหุ โน’’ติ. อิฏฺเ อนิฏฺเ จาติ เอวรูเป อารมฺมเณ. สงฺกปฺปาติ วิตกฺกา. วสีกตาติ วสํ คมิตา. กึ วุตฺตํ โหติ? ยํ ตฺวํ สตฺถารํ วทสิ, ตสฺส เต สตฺถุโน กจฺจิ ตาทิลกฺขณปฺปตฺตสฺส สโต สพฺพภูเตสุ มโน สุปณิหิโต, อุทาหุ ยาว จลนปจฺจยํ น ลภติ, ตาว สุปณิหิโต วิย ขายติ. โส วา เต สตฺถา กจฺจิ สพฺพภูเตสุ สมจิตฺเตน ตาที, อุทาหุ โน, เย จ โข อิฏฺานิฏฺเสุ ¶ อารมฺมเณสุ ราคโทสวเสน สงฺกปฺปา อุปฺปชฺเชยฺยุํ, ตฺยาสฺส กจฺจิ วสีกตา, อุทาหุ กทาจิ เตสมฺปิ วเสน วตฺตตีติ.
๑๕๕. ตโต สาตาคิโร ภควโต สพฺพฺุภาเว พฺยวสิตตฺตา สพฺเพ สพฺพฺุคุเณ อนุชานนฺโต อาห ‘‘มโน จสฺส สุปณิหิโต’’ติอาทิ. ตตฺถ สุปณิหิโตติ สุฏฺุ ปิโต, ปถวีสโม อวิรุชฺฌนฏฺเน, สิเนรุสโม สุปฺปติฏฺิตาจลนฏฺเน, อินฺทขีลสโม จตุพฺพิธมารปรวาทิคเณหิ อกมฺปิยฏฺเน. อนจฺฉริยฺเจตํ, ภควโต อิทานิ สพฺพาการสมฺปนฺนตฺตา สพฺพฺุภาเว ิตสฺส มโน สุปณิหิโต อจโล ภเวยฺย. ยสฺส ติรจฺฉานภูตสฺสาปิ สราคาทิกาเล ฉทฺทนฺตนาคกุเล อุปฺปนฺนสฺส สวิเสน สลฺเลน วิทฺธสฺส อจโล อโหสิ, วธเกปิ ตสฺมึ นปฺปทุสฺสิ, อฺทตฺถุ ตสฺเสว อตฺตโน ทนฺเต เฉตฺวา อทาสิ; ตถา มหากปิภูตสฺส มหติยา สิลาย สีเส ปหฏสฺสาปิ ตสฺเสว จ มคฺคํ ทสฺเสสิ; ตถา วิธุรปณฺฑิตภูตสฺส ปาเทสุ คเหตฺวา สฏฺิโยชเน กาฬปพฺพตปปาเต ปกฺขิตฺตสฺสาปิ อฺทตฺถุ ตสฺเสว ยกฺขสฺสตฺถาย ธมฺมํ เทเสสิ. ตสฺมา สมฺมเทว อาห สาตาคิโร – ‘‘มโน จสฺส สุปณิหิโต’’ติ.
สพฺพภูเตสุ ¶ ตาทิโนติ สพฺพสตฺเตสุ ตาทิลกฺขณปฺปตฺตสฺเสว สโต มโน สุปณิหิโต, น ยาว ปจฺจยํ น ลภตีติ อตฺโถ ¶ . ตตฺถ ภควโต ตาทิลกฺขณํ ปฺจธา เวทิตพฺพํ. ยถาห –
‘‘ภควา ปฺจหากาเรหิ ตาที, อิฏฺานิฏฺเ ตาที, จตฺตาวีติ ตาที, มุตฺตาวีติ ตาที, ติณฺณาวีติ ตาที, ตนฺนิทฺเทสาติ ตาที. กถํ ภควา อิฏฺานิฏฺเ ตาที? ภควา ลาเภปิ ตาที’’ติ (มหานิ. ๓๘).
เอวมาทิ สพฺพํ นิทฺเทเส วุตฺตนเยเนว คเหตพฺพํ. ลาภาทโย จ ตสฺส มหาอฏฺกถายํ วิตฺถาริตนเยน เวทิตพฺพา. ‘‘ปุจฺฉา เอว วา อยํ. โส เต สตฺถา สพฺพภูเตสุ ตาที, อุทาหุ โน’’ติ อิมสฺมิมฺปิ วิกปฺเป สพฺพภูเตสุ สมจิตฺตตาย ตาที อมฺหากํ สตฺถาติ อตฺโถ. อยฺหิ ภควา สุขูปสํหารกามตาย ทุกฺขาปนยนกามตาย จ สพฺพสตฺเตสุ สมจิตฺโต, ยาทิโส อตฺตนิ, ตาทิโส ปเรสุ, ยาทิโส ¶ มาตริ มหามายาย, ตาทิโส จิฺจมาณวิกาย, ยาทิโส ปิตริ สุทฺโธทเน, ตาทิโส สุปฺปพุทฺเธ, ยาทิโส ปุตฺเต ราหุเล, ตาทิโส วธเกสุ เทวทตฺตธนปาลกองฺคุลิมาลาทีสุ. สเทวเก โลเกปิ ตาที. ตสฺมา สมฺมเทวาห สาตาคิโร – ‘‘สพฺพภูเตสุ ตาทิโน’’ติ.
อโถ อิฏฺเ อนิฏฺเ จาติ. เอตฺถ ปน เอวํ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ – ยํ กิฺจิ อิฏฺํ วา อนิฏฺํ วา อารมฺมณํ, สพฺพปฺปกาเรหิ ตตฺถ เย ราคโทสวเสน สงฺกปฺปา อุปฺปชฺเชยฺยุํ, ตฺยาสฺส อนุตฺตเรน มคฺเคน ราคาทีนํ ปหีนตฺตา วสีกตา, น กทาจิ เตสํ วเส วตฺตติ. โส หิ ภควา อนาวิลสงฺกปฺโป สุวิมุตฺตจิตฺโต สุวิมุตฺตปฺโติ. เอตฺถ จ สุปณิหิตมนตาย อโยนิโสมนสิการาภาโว วุตฺโต. สพฺพภูเตสุ อิฏฺานิฏฺเหิ โส ยตฺถ ภเวยฺย, ตํ สตฺตสงฺขารเภทโต ทุวิธมารมฺมณํ วุตฺตํ. สงฺกปฺปวสีภาเวน ตสฺมึ อารมฺมเณ ตสฺส มนสิการาภาวโต กิเลสปฺปหานํ วุตฺตํ. สุปณิหิตมนตาย จ มโนสมาจารสุทฺธิ, สพฺพภูเตสุ ตาทิตาย กายสมาจารสุทฺธิ, สงฺกปฺปวสีภาเวน วิตกฺกมูลกตฺตา วาจาย วจีสมาจารสุทฺธิ. ตถา สุปณิหิตมนตาย โลภาทิสพฺพโทสาภาโว ¶ , สพฺพภูเตสุ ตาทิตาย เมตฺตาทิคุณสพฺภาโว, สงฺกปฺปวสีภาเวน ปฏิกูเล อปฺปฏิกูลสฺิตาทิเภทา อริยิทฺธิ, ตาย จสฺส สพฺพฺุภาโว วุตฺโต โหตีติ เวทิตพฺโพ.
๑๕๖. เอวํ เหมวโต ปุพฺเพ มโนทฺวารวเสเนว ตาทิภาวํ ปุจฺฉิตฺวา ตฺจ ปฏิชานนฺตมิมํ สุตฺวา ทฬฺหีกมฺมตฺถํ อิทานิ ทฺวารตฺตยวเสนาปิ, ปุพฺเพ วา สงฺเขเปน กายวจีมโนทฺวารสุทฺธึ ปุจฺฉิตฺวา ตฺจ ปฏิชานนฺตมิมํ สุตฺวา ทฬฺหีกมฺมตฺถเมว วิตฺถาเรนาปิ ปุจฺฉนฺโต ¶ อาห ‘‘กจฺจิ อทินฺน’’นฺติ. ตตฺถ คาถาพนฺธสุขตฺถาย ปมํ อทินฺนาทานวิรตึ ปุจฺฉติ. อารา ปมาทมฺหาติ ปฺจสุ กามคุเณสุ จิตฺตโวสฺสคฺคโต ทูรีภาเวน อพฺรหฺมจริยวิรตึ ปุจฺฉติ. ‘‘อารา ปมทมฺหา’’ติปิ ปนฺติ, อารา มาตุคามาติ วุตฺตํ โหติ. ฌานํ น ริฺจตีติ อิมินา ปน ตสฺสาเยว ติวิธาย กายทุจฺจริตวิรติยา พลวภาวํ ปุจฺฉติ. ฌานยุตฺตสฺส หิ วิรติ พลวตี โหตีติ.
๑๕๗. อถ ¶ สาตาคิโร ยสฺมา ภควา น เกวลํ เอตรหิ, อตีเตปิ อทฺธาเน ทีฆรตฺตํ อทินฺนาทานาทีหิ ปฏิวิรโต, ตสฺสา ตสฺสาเยว จ วิรติยา อานุภาเวน ตํ ตํ มหาปุริสลกฺขณํ ปฏิลภิ, สเทวโก จสฺส โลโก ‘‘อทินฺนาทานา ปฏิวิรโต สมโณ โคตโม’’ติอาทินา นเยน วณฺณํ ภาสติ. ตสฺมา วิสฺสฏฺาย วาจาย สีหนาทํ นทนฺโต อาห ‘‘น โส อทินฺนํ อาทิยตี’’ติ. ตํ อตฺถโต ปากฏเมว. อิมิสฺสาปิ คาถาย ตติยปาเท ‘‘ปมาทมฺหา ปมทมฺหา’’ติ ทฺวิธา ปาโ. จตุตฺถปาเท จ ฌานํ น ริฺจตีติ ฌานํ ริตฺตกํ สฺุกํ น กโรติ, น ปริจฺจชตีติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
๑๕๘. เอวํ กายทฺวาเร สุทฺธึ สุตฺวา อิทานิ วจีทฺวาเร สุทฺธึ ปุจฺฉนฺโต ¶ อาห – ‘‘กจฺจิ มุสา น ภณตี’’ติ. เอตฺถ ขีณาตีติ ขีโณ, วิหึสติ พธตีติ อตฺโถ. วาจาย ปโถ พฺยปฺปโถ, ขีโณ พฺยปฺปโถ อสฺสาติ ขีณพฺยปฺปโถ. ตํ น-กาเรน ปฏิเสเธตฺวา ปุจฺฉติ ‘‘น ขีณพฺยปฺปโถ’’ติ, น ผรุสวาโจติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘นาขีณพฺยปฺปโถ’’ติปิ ปาโ, น อขีณวจโนติ อตฺโถ. ผรุสวจนฺหิ ปเรสํ หทเย อขียมานํ ติฏฺติ. ตาทิสวจโน กจฺจิ น โสติ วุตฺตํ โหติ. วิภูตีติ วินาโส, วิภูตึ กาสติ กโรติ วาติ วิภูติกํ, วิภูติกเมว เวภูติกํ, เวภูติยนฺติปิ วุจฺจติ, เปสฺุสฺเสตํ อธิวจนํ. ตฺหิ สตฺตานํ อฺมฺโต เภทเนน วินาสํ กโรติ. เสสํ อุตฺตานตฺถเมว.
๑๕๙. อถ สาตาคิโร ยสฺมา ภควา น เกวลํ เอตรหิ, อตีเตปิ อทฺธาเน ทีฆรตฺตํ มุสาวาทาทีหิ ปฏิวิรโต, ตสฺสา ตสฺสาเยว จ วิรติยา อานุภาเวน ตํ ตํ มหาปุริสลกฺขณํ ปฏิลภิ, สเทวโก จสฺส โลโก ‘‘มุสาวาทา ปฏิวิรโต สมโณ โคตโม’’ติ วณฺณํ ภาสติ. ตสฺมา วิสฺสฏฺาย วาจาย สีหนาทํ นทนฺโต อาห, ‘‘มุสา จ โส น ภณตี’’ติ. ตตฺถ มุสาติ วินิธาย ทิฏฺาทีนิ ปรวิสํวาทนวจนํ. ตํ โส น ภณติ. ทุติยปาเท ปน ปมตฺถวเสน น ขีณพฺยปฺปโถติ, ทุติยตฺถวเสน นาขีณพฺยปฺปโถติ ปาโ. จตุตฺถปาเท มนฺตาติ ปฺา วุจฺจติ. ภควา ยสฺมา ตาย มนฺตาย ปริจฺฉินฺทิตฺวา อตฺถเมว ¶ ภาสติ อตฺถโต อนเปตวจนํ, น สมฺผํ ¶ . อฺาณปุเรกฺขารฺหิ นิรตฺถกวจนํ พุทฺธานํ นตฺถิ. ตสฺมา อาห – ‘‘มนฺตา อตฺถํ โส ภาสตี’’ติ. เสสเมตฺถ ปากฏเมว.
๑๖๐. เอวํ วจีทฺวารสุทฺธิมฺปิ สุตฺวา อิทานิ มโนทฺวารสุทฺธึ ¶ ปุจฺฉนฺโต อาห ‘‘กจฺจิ น รชฺชติ กาเมสู’’ติ. ตตฺถ กามาติ วตฺถุกามา. เตสุ กิเลสกาเมน น รชฺชตีติ ปุจฺฉนฺโต อนภิชฺฌาลุตํ ปุจฺฉติ. อนาวิลนฺติ ปุจฺฉนฺโต พฺยาปาเทน อาวิลภาวํ สนฺธาย อพฺยาปาทตํ ปุจฺฉติ. โมหํ อติกฺกนฺโตติ ปุจฺฉนฺโต เยน โมเหน มูฬฺโห มิจฺฉาทิฏฺึ คณฺหาติ, ตสฺสาติกฺกเมน สมฺมาทิฏฺิตํ ปุจฺฉติ. ธมฺเมสุ จกฺขุมาติ ปุจฺฉนฺโต สพฺพธมฺเมสุ อปฺปฏิหตสฺส าณจกฺขุโน, ปฺจจกฺขุวิสเยสุ วา ธมฺเมสุ ปฺจนฺนมฺปิ จกฺขูนํ วเสน สพฺพฺุตํ ปุจฺฉติ ‘‘ทฺวารตฺตยปาริสุทฺธิยาปิ สพฺพฺู น โหตี’’ติ จินฺเตตฺวา.
๑๖๑. อถ สาตาคิโร ยสฺมา ภควา อปฺปตฺวาว อรหตฺตํ อนาคามิมคฺเคน กามราคพฺยาปาทานํ ปหีนตฺตา เนว กาเมสุ รชฺชติ, น พฺยาปาเทน อาวิลจิตฺโต, โสตาปตฺติมคฺเคเนว จ มิจฺฉาทิฏฺิปจฺจยสฺส สจฺจปฏิจฺฉาทกโมหสฺส ปหีนตฺตา โมหํ อติกฺกนฺโต, สามฺจ สจฺจานิ อภิสมฺพุชฺฌิตฺวา พุทฺโธติ วิโมกฺขนฺติกํ นามํ ยถาวุตฺตานิ จ จกฺขูนิ ปฏิลภิ, ตสฺมา ตสฺส มโนทฺวารสุทฺธึ สพฺพฺุตฺจ อุคฺโฆเสนฺโต อาห ‘‘น โส รชฺชติ กาเมสู’’ติ.
๑๖๒. เอวํ เหมวโต ภควโต ทฺวารตฺตยปาริสุทฺธึ สพฺพฺุตฺจ สุตฺวา หฏฺโ อุทคฺโค อตีตชาติยํ พาหุสจฺจวิสทาย ปฺาย อสชฺชมานวจนปฺปโถ หุตฺวา อจฺฉริยพฺภุตรูเป สพฺพฺุคุเณ โสตุกาโม อาห ‘‘กจฺจิ วิชฺชาย สมฺปนฺโน’’ติ. ตตฺถ วิชฺชาย สมฺปนฺโนติ อิมินา ทสฺสนสมฺปตฺตึ ปุจฺฉติ, สํสุทฺธจารโณติ อิมินา คมนสมฺปตฺตึ. ฉนฺทวเสน เจตฺถ ทีฆํ กตฺวา จาการมาห, สํสุทฺธจรโณติ อตฺโถ. อาสวา ขีณาติ อิมินา เอตาย ทสฺสนคมนสมฺปตฺติยา ปตฺตพฺพาย อาสวกฺขยสฺิตาย ปมนิพฺพานธาตุยา ปตฺตึ ปุจฺฉติ, นตฺถิ ปุนพฺภโวติ อิมินา ทุติยนิพฺพานธาตุปตฺติสมตฺถตํ, ปจฺจเวกฺขณาเณน วา ปรมสฺสาสปฺปตฺตึ ตฺวา ิตภาวํ.
๑๖๓. ตโต ¶ ยา เอสา ‘‘โส อเนกวิหิตํ ¶ ปุพฺเพนิวาส’’นฺติอาทินา (ม. นิ. ๑.๕๒) นเยน ภยเภรวาทีสุ ติวิธา, ‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต…เป… อาเนฺชปฺปตฺเต าณทสฺสนาย จิตฺตํ อภินีหรตี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๒๗๙) นเยน อมฺพฏฺาทีสุ อฏฺวิธา วิชฺชา วุตฺตา, ตาย ยสฺมา สพฺพายปิ สพฺพาการสมฺปนฺนาย ภควา อุเปโต. ยฺเจตํ ‘‘อิธ, มหานาม, อริยสาวโก สีลสมฺปนฺโน โหติ, อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร โหติ, โภชเน มตฺตฺู โหติ ¶ , ชาคริยํ อนุยุตฺโต โหติ, สตฺตหิ สทฺธมฺเมหิ สมนฺนาคโต โหติ, จตุนฺนํ ฌานานํ อาภิเจตสิกานํ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารานํ นิกามลาภี โหตี’’ติ เอวํ อุทฺทิสิตฺวา ‘‘กถฺจ, มหานาม, อริยสาวโก สีลสมฺปนฺโน โหตี’’ติอาทินา (ม. นิ. ๒.๒๔) นเยน เสขสุตฺเต นิทฺทิฏฺํ ปนฺนรสปฺปเภทํ จรณํ. ตฺจ ยสฺมา สพฺพูปกฺกิเลสปฺปหาเนน ภควโต อติวิย สํสุทฺธํ. เยปิเม กามาสวาทโย จตฺตาโร อาสวา, เตปิ ยสฺมา สพฺเพ สปริวารา สวาสนา ภควโต ขีณา. ยสฺมา จ อิมาย วิชฺชาจรณสมฺปทาย ขีณาสโว หุตฺวา ตทา ภควา ‘‘นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’’ติ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ิโต, ตสฺมา สาตาคิโร ภควโต สพฺพฺุภาเว พฺยวสาเยน สมุสฺสาหิตหทโย สพฺเพปิ คุเณ อนุชานนฺโต อาห ‘‘วิชฺชาย เจว สมฺปนฺโน’’ติ.
๑๖๔. ตโต เหมวโต ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา’’ติ ภควติ นิกฺกงฺโข หุตฺวา อากาเส ิโตเยว ภควนฺตํ ปสํสนฺโต สาตาคิรฺจ อาราเธนฺโต อาห ‘‘สมฺปนฺนํ มุนิโน จิตฺต’’นฺติ. ตสฺสตฺโถ – สมฺปนฺนํ มุนิโน จิตฺตํ, ‘‘มโน จสฺส สุปณิหิโต’’ติ เอตฺถ วุตฺตตาทิภาเวน ปุณฺณํ สมฺปุณฺณํ, ‘‘น โส อทินฺนํ อาทิยตี’’ติ เอตฺถ วุตฺตกายกมฺมุนา, ‘‘น โส รชฺชติ กาเมสู’’ติ เอตฺถ วุตฺตมโนกมฺมุนา จ ปุณฺณํ สมฺปุณฺณํ, ‘‘มุสา จ โส น ภณตี’’ติ เอตฺถ วุตฺตพฺยปฺปเถน จ วจีกมฺมุนาติ ¶ วุตฺตํ โหติ. เอวํ สมฺปนฺนจิตฺตฺจ อนุตฺตราย วิชฺชาจรณสมฺปทาย สมฺปนฺนตฺตา วิชฺชาจรณสมฺปนฺนฺจ อิเมหิ คุเณหิ ‘‘มโน จสฺส สุปณิหิโต’’ติอาทินา นเยน ธมฺมโต นํ ปสํสสิ, สภาวโต ตจฺฉโต ภูตโต เอว นํ ปสํสสิ, น เกวลํ สทฺธามตฺตเกนาติ ทสฺเสติ.
๑๖๕-๑๖๖. ตโต ¶ สาตาคิโรปิ ‘‘เอวเมตํ, มาริส, สุฏฺุ ตยา าตฺจ อนุโมทิตฺจา’’ติ อธิปฺปาเยน ตเมว สํราเธนฺโต อาห – ‘‘สมฺปนฺนํ มุนิโน…เป… ธมฺมโต อนุโมทสี’’ติ. เอวฺจ ปน วตฺวา ปุน ภควโต ทสฺสเน ตํ อภิตฺถวยมาโน อาห ‘‘สมฺปนฺนํ…เป… หนฺท ปสฺสาม โคตม’’นฺติ.
๑๖๗. อถ เหมวโต อตฺตโน อภิรุจิตคุเณหิ ปุริมชาติพาหุสจฺจพเลน ภควนฺตํ อภิตฺถุนนฺโต สาตาคิรํ อาห – ‘‘เอณิชงฺฆํ…เป… เอหิ ปสฺสาม โคตม’’นฺติ. ตสฺสตฺโถ – เอณิมิคสฺเสว ชงฺฆา อสฺสาติ เอณิชงฺโฆ. พุทฺธานฺหิ เอณิมิคสฺเสว อนุปุพฺพวฏฺฏา ชงฺฆา โหนฺติ, น ปุรโต นิมฺมํสา ปจฺฉโต สุสุมารกุจฺฉิ วิย อุทฺธุมาตา. กิสา จ พุทฺธา โหนฺติ ทีฆรสฺสสมวฏฺฏิตยุตฺตฏฺาเนสุ ตถารูปาย องฺคปจฺจงฺคสมฺปตฺติยา, น วรปุริสา วิย ถูลา. ปฺาย วิลิขิตกิเลสตฺตา วา กิสา. อชฺฌตฺติกพาหิรสปตฺตวิทฺธํสนโต วีรา. เอกาสนโภชิตาย ปริมิตโภชิตาย จ อปฺปาหารา, น ทฺวตฺติมตฺตาโลปโภชิตาย. ยถาห –
‘‘อหํ ¶ โข ปน, อุทายิ, อปฺเปกทา อิมินา ปตฺเตน สมติตฺติกมฺปิ ภฺุชามิ, ภิยฺโยปิ ภฺุชามิ. ‘อปฺปาหาโร สมโณ โคตโม อปฺปาหารตาย จ วณฺณวาที’ติ อิติ เจ มํ, อุทายิ, สาวกา สกฺกเรยฺยุํ, ครุํ กเรยฺยุํ, มาเนยฺยุํ, ปูเชยฺยุํ, สกฺกตฺวา, ครุํ กตฺวา, อุปนิสฺสาย วิหเรยฺยุํ. เย เต, อุทายิ, มม สาวกา โกสกาหาราปิ อฑฺฒโกสกาหาราปิ เพลุวาหาราปิ อฑฺฒเพลุวาหาราปิ, น มํ เต อิมินา ธมฺเมน สกฺกเรยฺยุํ…เป… อุปนิสฺสาย วิหเรยฺยุ’’นฺติ (ม. นิ. ๒.๒๔๒).
อาหาเร ฉนฺทราคาภาเวน ¶ อโลลุปา อฏฺงฺคสมนฺนาคตํ อาหารํ อาหาเรนฺติ โมเนยฺยสมฺปตฺติยา มุนิโน. อนคาริกตาย วิเวกนินฺนมานสตาย จ วเน ฌายนฺติ. เตนาห เหมวโต ยกฺโข ‘‘เอณิชงฺฆํ…เป… เอหิ ปสฺสาม โคตม’’นฺติ.
๑๖๘. เอวฺจ วตฺวา ปุน ตสฺส ภควโต สนฺติเก ธมฺมํ โสตุกามตาย ‘‘สีหํเวกจร’’นฺติ อิมํ คาถมาห. ตสฺสตฺโถ – สีหํวาติ ทุราสทฏฺเน ¶ ขมนฏฺเน นิพฺภยฏฺเน จ เกสรสีหสทิสํ. ยาย ตณฺหาย ‘‘ตณฺหาทุติโย ปุริโส’’ติ วุจฺจติ, ตสฺสา อภาเวน เอกจรํ, เอกิสฺสา โลกธาตุยา ทฺวินฺนํ พุทฺธานํ อนุปฺปตฺติโตปิ เอกจรํ. ขคฺควิสาณสุตฺเต วุตฺตนเยนาปิ เจตฺถ ตํ ตํ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. นาคนฺติ ปุนพฺภวํ เนว คนฺตารํ นาคนฺตารํ. อถ วา อาคุํ น กโรตีติปิ นาโค. พลวาติปิ นาโค. ตํ นาคํ. กาเมสุ อนเปกฺขินนฺติ ทฺวีสุปิ กาเมสุ ฉนฺทราคาภาเวน อนเปกฺขินํ. อุปสงฺกมฺม ปุจฺฉาม, มจฺจุปาสปฺปโมจนนฺติ ตํ เอวรูปํ มเหสึ อุปสงฺกมิตฺวา เตภูมกวฏฺฏสฺส มจฺจุปาสสฺส ปโมจนํ วิวฏฺฏํ นิพฺพานํ ปุจฺฉาม. เยน วา อุปาเยน ทุกฺขสมุทยสงฺขาตา มจฺจุปาสา ปมุจฺจติ, ตํ มจฺจุปาสปฺปโมจนํ ปุจฺฉามาติ. อิมํ คาถํ เหมวโต สาตาคิรฺจ สาตาคิรปริสฺจ อตฺตโน ปริสฺจ สนฺธาย อาห.
เตน โข ปน สมเยน อาสาฬฺหีนกฺขตฺตํ โฆสิตํ อโหสิ. อถ สมนฺตโต อลงฺกตปฏิยตฺเต เทวนคเร สิรึ ปจฺจนุโภนฺตี วิย ราชคเห กาฬี นาม กุรรฆริกา อุปาสิกา ปาสาทมารุยฺห สีหปฺชรํ วิวริตฺวา ¶ คพฺภปริสฺสมํ วิโนเทนฺตี สวาตปฺปเทเส อุตุคฺคหณตฺถํ ิตา เตสํ ยกฺขเสนาปตีนํ ตํ พุทฺธคุณปฏิสํยุตฺตํ กถํ อาทิมชฺฌปริโยสานโต อสฺโสสิ. สุตฺวา จ ‘‘เอวํ วิวิธคุณสมนฺนาคตา พุทฺธา’’ติ พุทฺธารมฺมณํ ปีตึ อุปฺปาเทตฺวา ตาย นีวรณานิ วิกฺขมฺเภตฺวา ตตฺเถว ิตา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาสิ. ตโต เอว ภควตา ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวิกานํ อุปาสิกานํ อนุสฺสวปฺปสนฺนานํ, ยทิทํ กาฬี อุปาสิกา กุรรฆริกา’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๖๗) เอตทคฺเค ปิตา.
๑๖๙. เตปิ ¶ ยกฺขเสนาปตโย สหสฺสยกฺขปริวารา มชฺฌิมยามสมเย อิสิปตนํ ปตฺวา, ธมฺมจกฺกปฺปวตฺติตปลฺลงฺเกเนว นิสินฺนํ ภควนฺตํ อุปสงฺกมฺม วนฺทิตฺวา, อิมาย คาถาย ภควนฺตํ อภิตฺถวิตฺวา โอกาสมการยึสุ ‘‘อกฺขาตารํ ปวตฺตาร’’นฺติ. ตสฺสตฺโถ – เปตฺวา ตณฺหํ เตภูมเก ธมฺเม ‘‘อิทํ โข ปน, ภิกฺขเว, ทุกฺขํ อริยสจฺจ’’นฺติอาทินา (สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑; มหาว. ๑๔) นเยน สจฺจานํ ววตฺถานกถาย อกฺขาตารํ, ‘‘‘ตํ โข ปนิทํ ทุกฺขํ อริยสจฺจํ ปริฺเยฺย’นฺติ เม ภิกฺขเว’’ติอาทินา นเยน เตสุ กิจฺจาณกตาณปฺปวตฺตเนน ปวตฺตารํ. เย วา ธมฺมา ยถา โวหริตพฺพา, เตสุ ตถา ¶ โวหารกถเนน อกฺขาตารํ, เตสํเยว ธมฺมานํ สตฺตานุรูปโต ปวตฺตารํ. อุคฺฆฏิตฺุวิปฺจิตฺูนํ วา เทสนาย อกฺขาตารํ, เนยฺยานํ ปฏิปาทเนน ปวตฺตารํ. อุทฺเทเสน วา อกฺขาตารํ, วิภงฺเคน เตหิ เตหิ ปกาเรหิ วจนโต ปวตฺตารํ. โพธิปกฺขิยานํ วา สลกฺขณกถเนน อกฺขาตารํ, สตฺตานํ จิตฺตสนฺตาเน ปวตฺตเนน ปวตฺตารํ. สงฺเขปโต วา ตีหิ ปริวฏฺเฏหิ ¶ สจฺจานํ กถเนน อกฺขาตารํ, วิตฺถารโต ปวตฺตารํ. ‘‘สทฺธินฺทฺริยํ ธมฺโม, ตํ ธมฺมํ ปวตฺเตตีติ ธมฺมจกฺก’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๒.๔๐) เอวมาทินา ปฏิสมฺภิทานเยน วิตฺถาริตสฺส ธมฺมจกฺกสฺส ปวตฺตนโต ปวตฺตารํ.
สพฺพธมฺมานนฺติ จตุภูมกธมฺมานํ. ปารคุนฺติ ฉหากาเรหิ ปารํ คตํ อภิฺาย, ปริฺาย, ปหาเนน, ภาวนาย, สจฺฉิกิริยาย, สมาปตฺติยา. โส หิ ภควา สพฺพธมฺเม อภิชานนฺโต คโตติ อภิฺาปารคู, ปฺจุปาทานกฺขนฺเธ ปริชานนฺโต คโตติ ปริฺาปารคู, สพฺพกิเลเส ปชหนฺโต คโตติ ปหานปารคู, จตฺตาโร มคฺเค ภาเวนฺโต คโตติ ภาวนาปารคู, นิโรธํ สจฺฉิกโรนฺโต คโตติ สจฺฉิกิริยาปารคู, สพฺพา สมาปตฺติโย สมาปชฺชนฺโต คโตติ สมาปตฺติปารคู. เอวํ สพฺพธมฺมานํ ปารคุํ. พุทฺธํ เวรภยาตีตนฺติ อฺาณสยนโต ปฏิพุทฺธตฺตา พุทฺธํ, สพฺเพน วา สรณวณฺณนายํ วุตฺเตนตฺเถน พุทฺธํ, ปฺจเวรภยานํ อตีตตฺตา เวรภยาตีตํ. เอวํ ภควนฺตํ อติตฺถวนฺตา ‘‘มยํ ปุจฺฉาม โคตม’’นฺติ โอกาสมการยึสุ.
๑๗๐. อถ เนสํ ยกฺขานํ เตเชน จ ปฺาย จ อคฺโค เหมวโต ยถาธิปฺเปตํ ปุจฺฉิตพฺพํ ปุจฺฉนฺโต ‘‘กิสฺมึ โลโก’’ติ อิมํ คาถมาห. ตสฺสาทิปาเท กิสฺมินฺติ ภาเวนภาวลกฺขเณ ภุมฺมวจนํ, กิสฺมึ อุปฺปนฺเน โลโก สมุปฺปนฺโน โหตีติ อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย. สตฺตโลกสงฺขารโลเก สนฺธาย ปุจฺฉติ. กิสฺมึ กุพฺพติ สนฺถวนฺติ อหนฺติ วา มมนฺติ วา ตณฺหาทิฏฺิสนฺถวํ กิสฺมึ กุพฺพติ, อธิกรณตฺเถ ภุมฺมวจนํ. กิสฺส โลโกติ อุปโยคตฺเถ สามิวจนํ, กึ อุปาทาย โลโกติ สงฺขฺยํ คจฺฉตีติ อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย. กิสฺมึ โลโกติ ภาเวนภาวลกฺขณการณตฺเถสุ ¶ ภุมฺมวจนํ. กิสฺมึ ¶ สติ เกน การเณน โลโก วิหฺติ ปีฬียติ พาธียตีติ อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย.
๑๗๑. อถ ¶ ภควา ยสฺมา ฉสุ อชฺฌตฺติกพาหิเรสุ อายตเนสุ อุปฺปนฺเนสุ สตฺตโลโก จ ธนธฺาทิวเสน สงฺขารโลโก จ อุปฺปนฺโน โหติ, ยสฺมา เจตฺถ สตฺตโลโก เตสฺเวว ฉสุ ทุวิธมฺปิ สนฺถวํ กโรติ. จกฺขายตนํ วา หิ ‘‘อหํ มม’’นฺติ คณฺหาติ อวเสเสสุ วา อฺตรํ. ยถาห – ‘‘จกฺขุ อตฺตาติ โย วเทยฺย, ตํ น อุปปชฺชตี’’ติอาทิ (ม. นิ. ๓.๔๒๒). ยสฺมา จ เอตานิเยว ฉ อุปาทาย ทุวิโธปิ โลโกติ สงฺขฺยํ คจฺฉติ, ยสฺมา จ เตสฺเวว ฉสุ สติ สตฺตโลโก ทุกฺขปาตุภาเวน วิหฺติ. ยถาห –
‘‘หตฺเถสุ, ภิกฺขเว, สติ อาทานนิกฺเขปนํ โหติ, ปาเทสุ สติ อภิกฺกมปฏิกฺกโม โหติ, ปพฺเพสุ สติ สมิฺชนปสารณํ โหติ, กุจฺฉิสฺมึ สติ ชิฆจฺฉาปิปาสา โหติ; เอวเมว โข, ภิกฺขเว, จกฺขุสฺมึ สติ จกฺขุสมฺผสฺสปจฺจยา อุปฺปชฺชติ อชฺฌตฺตํ สุขํ ทุกฺข’’นฺติอาทิ (สํ. นิ. ๔.๒๓๗).
ตถา เตสุ อาธารภูเตสุ ปฏิหโต สงฺขารโลโก วิหฺติ. ยถาห –
‘‘จกฺขุสฺมึ อนิทสฺสเน สปฺปฏิเฆ ปฏิหฺิ วา’’อิติ (ธ. ส. ๕๙๗-๘) จ.
‘‘จกฺขุ, ภิกฺขเว, ปฏิหฺติ มนาปามนาเปสุ รูเปสู’’ติ (สํ. นิ. ๔.๒๓๘) เอวมาทิ.
ตถา เตหิเยว การณภูเตหิ ทุวิโธปิ โลโก วิหฺติ. ยถาห –
‘‘จกฺขุ วิหฺติ มนาปามนาเปสุ รูเปสู’’ติ (สํ. นิ. ๔.๒๓๘) จ.
‘‘จกฺขุ, ภิกฺขเว, อาทิตฺตํ, รูปา อาทิตฺตา. เกน อาทิตฺตํ? ราคคฺคินา’’ติ (สํ. นิ. ๔.๒๘; มหาว. ๕๔) เอวมาทิ.
ตสฺมา ¶ ฉอชฺฌตฺติกพาหิรายตนวเสน ตํ ปุจฺฉํ วิสฺสชฺเชนฺโต อาห ‘‘ฉสุ โลโก สมุปฺปนฺโน’’ติ.
๑๗๒. อถ โส ยกฺโข อตฺตนา วฏฺฏวเสน ปุฏฺปฺหํ ภควตา ทฺวาทสายตนวเสน สงฺขิปิตฺวา วิสฺสชฺชิตํ น ¶ สุฏฺุ อุปลกฺเขตฺวา ตฺจ อตฺถํ ¶ ตปฺปฏิปกฺขฺจ าตุกาโม สงฺเขเปเนว วฏฺฏวิวฏฺฏํ ปุจฺฉนฺโต อาห ‘‘กตมํ ต’’นฺติ. ตตฺถ อุปาทาตพฺพฏฺเน อุปาทานํ, ทุกฺขสจฺจสฺเสตํ อธิวจนํ. ยตฺถ โลโก วิหฺตีติ ‘‘ฉสุ โลโก วิหฺตี’’ติ เอวํ ภควตา ยตฺถ ฉพฺพิเธ อุปาทาเน โลโก วิหฺตีติ วุตฺโต, ตํ กตมํ อุปาทานนฺติ? เอวํ อุปฑฺฒคาถาย สรูเปเนว ทุกฺขสจฺจํ ปุจฺฉิ. สมุทยสจฺจํ ปน ตสฺส การณภาเวน คหิตเมว โหติ. นิยฺยานํ ปุจฺฉิโตติ อิมาย ปน อุปฑฺฒคาถาย มคฺคสจฺจํ ปุจฺฉิ. มคฺคสจฺเจน หิ อริยสาวโก ทุกฺขํ ปริชานนฺโต, สมุทยํ ปชหนฺโต, นิโรธํ สจฺฉิกโรนฺโต, มคฺคํ ภาเวนฺโต โลกมฺหา นิยฺยาติ, ตสฺมา นิยฺยานนฺติ วุจฺจติ. กถนฺติ เกน ปกาเรน. ทุกฺขา ปมุจฺจตีติ ‘‘อุปาทาน’’นฺติ วุตฺตา วฏฺฏทุกฺขา ปโมกฺขํ ปาปุณาติ. เอวเมตฺถ สรูเปเนว มคฺคสจฺจํ ปุจฺฉิ, นิโรธสจฺจํ ปน ตสฺส วิสยภาเวน คหิตเมว โหติ.
๑๗๓. เอวํ ยกฺเขน สรูเปน ทสฺเสตฺวา จ อทสฺเสตฺวา จ จตุสจฺจวเสน ปฺหํ ปุฏฺโ ภควา เตเนว นเยน วิสฺสชฺเชนฺโต อาห ‘‘ปฺจ กามคุณา’’ติ. ตตฺถ ปฺจกามคุณสงฺขาตโคจรคฺคหเณน ตคฺโคจรานิ ปฺจายตนานิ คหิตาเนว โหนฺติ. มโน ฉฏฺโ เอเตสนฺติ มโนฉฏฺา. ปเวทิตาติ ปกาสิตา. เอตฺถ อชฺฌตฺติเกสุ ฉฏฺสฺส มนายตนสฺส คหเณน ตสฺส วิสยภูตํ ธมฺมายตนํ คหิตเมว โหติ. เอวํ ‘‘กตมํ ตํ อุปาทาน’’นฺติ อิมํ ปฺหํ วิสฺสชฺเชนฺโต ปุนปิ ทฺวาทสายตนานํ วเสเนว ทุกฺขสจฺจํ ปกาเสสิ. มโนคหเณน วา สตฺตนฺนํ วิฺาณธาตูนํ คหิตตฺตา ตาสุ ปุริมปฺจวิฺาณธาตุคฺคหเณน ตาสํ วตฺถูนิ ปฺจ จกฺขาทีนิ อายตนานิ, มโนธาตุมโนวิฺาณธาตุคฺคหเณน ตาสํ วตฺถุโคจรเภทํ ธมฺมายตนํ คหิตเมวาติ เอวมฺปิ ทฺวาทสายตนวเสน ทุกฺขสจฺจํ ปกาเสสิ. โลกุตฺตรมนายตนธมฺมายตเนกเทโส ¶ ปเนตฺถ ยตฺถ โลโก วิหฺติ, ตํ สนฺธาย นิทฺทิฏฺตฺตา น สงฺคยฺหติ.
เอตฺถ ฉนฺทํ วิราเชตฺวาติ เอตฺถ ทฺวาทสายตนเภเท ทุกฺขสจฺเจ ตาเนวายตนานิ ขนฺธโต ธาตุโต นามรูปโตติ ตถา ตถา ววตฺถเปตฺวา, ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา, วิปสฺสนฺโต อรหตฺตมคฺคปริโยสานาย วิปสฺสนาย ตณฺหาสงฺขาตํ ฉนฺทํ สพฺพโส วิราเชตฺวา วิเนตฺวา วิทฺธํเสตฺวาติ อตฺโถ. เอวํ ทุกฺขา ปมุจฺจตีติ อิมินา ปกาเรน เอตสฺมา ¶ วฏฺฏทุกฺขา ปมุจฺจตีติ ¶ . เอวมิมาย อุปฑฺฒคาถาย ‘‘นิยฺยานํ ปุจฺฉิโต พฺรูหิ, กถํ ทุกฺขา ปมุจฺจตี’’ติ อยํ ปฺโห วิสฺสชฺชิโต โหติ, มคฺคสจฺจฺจ ปกาสิตํ สมุทยนิโรธสจฺจานิ ปเนตฺถ ปุริมนเยเนว สงฺคหิตตฺตา ปกาสิตาเนว โหนฺตีติ เวทิตพฺพานิ. อุปฑฺฒคาถาย วา ทุกฺขสจฺจํ, ฉนฺเทน สมุทยสจฺจํ, ‘‘วิราเชตฺวา’’ติ เอตฺถ วิราเคน นิโรธสจฺจํ, ‘‘วิราคาวิมุจฺจตี’’ติ วจนโต วา มคฺคสจฺจํ. ‘‘เอว’’นฺติ อุปายนิทสฺสเนน มคฺคสจฺจํ, ทุกฺขนิโรธนฺติ วจนโต วา. ‘‘ทุกฺขา ปมุจฺจตี’’ติ ทุกฺขปโมกฺเขน นิโรธสจฺจนฺติ เอวเมตฺถ จตฺตาริ สจฺจานิ ปกาสิตานิ โหนฺตีติ เวทิตพฺพานิ.
๑๗๔. เอวํ จตุสจฺจคพฺภาย คาถาย ลกฺขณโต นิยฺยานํ ปกาเสตฺวา ปุน ตเทว สเกน นิรุตฺตาภิลาเปน นิคเมนฺโต อาห ‘‘เอตํ โลกสฺส นิยฺยาน’’นฺติ. เอตฺถ เอตนฺติ ปุพฺเพ วุตฺตสฺส นิทฺเทโส, โลกสฺสาติ เตธาตุกโลกสฺส. ยถาตถนฺติ อวิปรีตํ. เอตํ โว อหมกฺขามีติ สเจปิ มํ สหสฺสกฺขตฺตุํ ปุจฺเฉยฺยาถ, เอตํ โว อหมกฺขามิ, น อฺํ. กสฺมา? ยสฺมา เอวํ ทุกฺขา ปมุจฺจติ, น อฺถาติ อธิปฺปาโย. อถ วา เอเตน นิยฺยาเนน เอกทฺวตฺติกฺขตุํ นิคฺคตานมฺปิ เอตํ โว อหมกฺขามิ, อุปริวิเสสาธิคมายปิ เอตเทว อหมกฺขามีติ อตฺโถ. กสฺมา? ยสฺมา เอวํ ทุกฺขา ปมุจฺจติ อเสสนิสฺเสสาติ อรหตฺตนิกูเฏน เทสนํ นิฏฺาเปสิ. เทสนาปริโยสาเน ทฺเวปิ ยกฺขเสนาปตโย โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสุ สทฺธึ ยกฺขสหสฺเสน.
๑๗๕. อถ เหมวโต ปกติยาปิ ธมฺมครุ อิทานิ อริยภูมิยํ ¶ ปติฏฺาย สุฏฺุตรํ อติตฺโต ภควโต วิจิตฺรปฏิภานาย เทสนาย ภควนฺตํ เสกฺขาเสกฺขภูมึ ปุจฺฉนฺโต ‘‘โก สูธ ตรตี’’ติ คาถมภาสิ. ตตฺถ โก สูธ ตรติ โอฆนฺติ อิมินา จตุโรฆํ โก ตรตีติ เสกฺขภูมึ ปุจฺฉติ อวิเสเสน. ยสฺมา อณฺณวนฺติ น วิตฺถตมตฺตํ นาปิ คมฺภีรมตฺตํ อปิจ ปน ยํ วิตฺถตตรฺจ คมฺภีรตรฺจ, ตํ วุจฺจติ. ตาทิโส จ สํสารณฺณโว. อยฺหิ สมนฺตโต ปริยนฺตาภาเวน วิตฺถโต, เหฏฺา ปติฏฺาภาเวน อุปริ อาลมฺพนาภาเวน จ คมฺภีโร, ตสฺมา ‘‘โก อิธ ตรติ อณฺณวํ, ตสฺมิฺจ อปฺปติฏฺเ อนาลมฺเพ คมฺภีเร อณฺณเว โก น สีทตี’’ติ อเสกฺขภูมึ ปุจฺฉติ.
๑๗๖. อถ ¶ ภควา โย ภิกฺขุ ชีวิตเหตุปิ วีติกฺกมํ อกโรนฺโต สพฺพทา สีลสมฺปนฺโน โลกิยโลกุตฺตราย จ ปฺาย ปฺวา, อุปจารปฺปนาสมาธินา อิริยาปถเหฏฺิมมคฺคผเลหิ จ สุสมาหิโต, ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา วิปสฺสนาย นิยกชฺฌตฺตจินฺตนสีโล, สาตจฺจกิริยาวหาย ¶ อปฺปมาทสติยา จ สมนฺนาคโต. ยสฺมา โส จตุตฺเถน มคฺเคน อิมํ สุทุตฺตรํ โอฆํ อนวเสสํ ตรติ, ตสฺมา เสกฺขภูมึ วิสฺสชฺเชนฺโต ‘‘สพฺพทา สีลสมฺปนฺโน’’ติ อิมํ ติสิกฺขาคพฺภํ คาถมาห. เอตฺถ หิ สีลสมฺปทาย อธิสีลสิกฺขา, สติสมาธีหิ อธิจิตฺตสิกฺขา, อชฺฌตฺตจินฺติตาปฺาหิ อธิปฺาสิกฺขาติ ติสฺโส สิกฺขา สอุปการา สานิสํสา จ วุตฺตา. อุปกาโร หิ สิกฺขานํ โลกิยปฺา สติ จ, อนิสํโส สามฺผลานีติ.
๑๗๗. เอวํ ปมคาถาย เสกฺขภูมึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อเสกฺขภูมึ ทสฺเสนฺโต ทุติยคาถมาห. ตสฺสตฺโถ วิรโต กามสฺายาติ ยา กาจิ กามสฺา, ตโต สพฺพโต จตุตฺถมคฺคสมฺปยุตฺตาย สมุจฺเฉทวิรติยา วิรโต. ‘‘วิรตฺโต’’ติปิ ปาโ. ตทา ‘‘กามสฺายา’’ติ ภุมฺมวจนํ โหติ, สคาถาวคฺเค ปน ‘‘กามสฺาสู’’ติปิ (สํ. นิ. ๑.๙๖) ปาโ. จตูหิปิ มคฺเคหิ ทสนฺนํ สํโยชนานํ อตีตตฺตา สพฺพสํโยชนาติโค, จตุตฺเถเนว วา อุทฺธมฺภาคิยสพฺพสํโยชนาติโค ¶ , ตตฺรตตฺราภินนฺทินีตณฺหาสงฺขาตาย นนฺทิยา ติณฺณฺจ ภวานํ ปริกฺขีณตฺตา นนฺทีภวปริกฺขีโณ โส ตาทิโส ขีณาสโว ภิกฺขุ คมฺภีเร สํสารณฺณเว น สีทติ นนฺทีปริกฺขเยน สอุปาทิเสสํ, ภวปริกฺขเยน จ อนุปาทิเสสํ นิพฺพานถลํ สมาปชฺช ปรมสฺสาสปฺปตฺติยาติ.
๑๗๘. อถ เหมวโต สหายฺจ ยกฺขปริสฺจ โอโลเกตฺวา ปีติโสมนสฺสชาโต ‘‘คมฺภีรปฺ’’นฺติ เอวมาทีหิ คาถาหิ ภควนฺตํ อภิตฺถวิตฺวา สพฺพาวติยา ปริสาย สหาเยน จ สทฺธึ อภิวาเทตฺวา, ปทกฺขิณํ กตฺวา, อตฺตโน วสนฏฺานํ อคมาสิ.
ตาสํ ปน คาถานํ อยํ อตฺถวณฺณนา – คมฺภีรปฺนฺติ คมฺภีราย ปฺาย สมนฺนาคตํ. ตตฺถ ปฏิสมฺภิทายํ วุตฺตนเยน คมฺภีรปฺา เวทิตพฺพา. วุตฺตฺหิ ตตฺถ ¶ ‘‘คมฺภีเรสุ ขนฺเธสุ าณํ ปวตฺตตีติ คมฺภีรปฺา’’ติอาทิ (ปฏิ. ม. ๓.๔). นิปุณตฺถทสฺสินฺติ นิปุเณหิ ขตฺติยปณฺฑิตาทีหิ อภิสงฺขตานํ ปฺหานํ อตฺถทสฺสึ อตฺถานํ วา ยานิ นิปุณานิ การณานิ ทุปฺปฏิวิชฺฌานิ อฺเหิ เตสํ ทสฺสเนน นิปุณตฺถทสฺสึ. ราคาทิกิฺจนาภาเวน อกิฺจนํ. ทุวิเธ กาเม ติวิเธ เจ ภเว อลคฺคเนน กามภเว อสตฺตํ. ขนฺธาทิเภเทสุ สพฺพารมฺมเณสุ ฉนฺทราคพนฺธนาภาเวน สพฺพธิ วิปฺปมุตฺตํ. ทิพฺเพ ปเถ กมมานนฺติ อฏฺสมาปตฺติเภเท ทิพฺเพ ปเถ สมาปชฺชนวเสน จงฺกมนฺตํ. ตตฺถ กิฺจาปิ น ตาย เวลาย ภควา ทิพฺเพ ปเถ กมติ, อปิจ โข ปุพฺเพ กมนํ อุปาทาย กมนสตฺติสพฺภาเวน ตตฺถ ลทฺธวสีภาวตาย เอวํ วุจฺจติ. อถ วา เย เต วิสุทฺธิเทวา อรหนฺโต, เตสํ ปเถ สนฺตวิหาเร กมเนนาเปตํ วุตฺตํ. มหนฺตานํ คุณานํ เอสเนน มเหสึ.
๑๗๙. ทุติยคาถาย ¶ อปเรน ปริยาเยน ถุติ อารทฺธาติ กตฺวา ปุน นิปุณตฺถทสฺสิคฺคหณํ นิทสฺเสติ. อถ วา นิปุณตฺเถ ทสฺเสตารนฺติ อตฺโถ. ปฺาททนฺติ ปฺาปฏิลาภสํวตฺตนิกาย ¶ ปฏิปตฺติยา กถเนน ปฺาทายกํ. กามาลเย อสตฺตนฺติ ยฺวายํ กาเมสุ ตณฺหาทิฏฺิวเสน ทุวิโธ อาลโย, ตตฺถ อสตฺตํ. สพฺพวิทุนฺติ สพฺพธมฺมวิทุํ, สพฺพฺุนฺติ วุตฺตํ โหติ. สุเมธนฺติ ตสฺส สพฺพฺุภาวสฺส มคฺคภูตาย ปารมีปฺาสงฺขาตาย เมธาย สมนฺนาคตํ. อริเย ปเถติ อฏฺงฺคิเก มคฺเค, ผลสมาปตฺติยํ วา. กมมานนฺติ ปฺาย อชฺโฌคาหมานํ มคฺคลกฺขณํ ตฺวา เทสนโต, ปวิสมานํ วา ขเณ ขเณ ผลสมาปตฺติสมาปชฺชนโต, จตุพฺพิธมคฺคภาวนาสงฺขาตาย กมนสตฺติยา กมิตปุพฺพํ วา.
๑๘๐. สุทิฏฺํ วต โน อชฺชาติ. อชฺช อมฺเหหิ สุนฺทรํ ทิฏฺํ, อชฺช วา อมฺหากํ สุนฺทรํ ทิฏฺํ, ทสฺสนนฺติ อตฺโถ. สุปฺปภาตํ สุหุฏฺิตนฺติ อชฺช อมฺหากํ สุฏฺุ ปภาตํ โสภนํ วา ปภาตํ อโหสิ. อชฺช จ โน สุนฺทรํ อุฏฺิตํ อโหสิ, อนุปโรเธน สยนโต อุฏฺิตํ. กึ การณํ? ยํ อทฺทสาม สมฺพุทฺธํ, ยสฺมา สมฺพุทฺธํ อทฺทสามาติ อตฺตโน ลาภสมฺปตฺตึ อารพฺภ ปาโมชฺชํ ปเวเทติ.
๑๘๑. อิทฺธิมนฺโตติ ¶ กมฺมวิปากชิทฺธิยา สมนฺนาคตา. ยสสฺสิโนติ ลาภคฺคปริวารคฺคสมฺปนฺนา. สรณํ ยนฺตีติ กิฺจาปิ มคฺเคเนว คตา, ตถาปิ โสตาปนฺนภาวปริทีปนตฺถํ ปสาททสฺสนตฺถฺจ วาจํ ภินฺทติ.
๑๘๒. คามา คามนฺติ เทวคามา เทวคามํ. นคา นคนฺติ เทวปพฺพตา เทวปพฺพตํ. นมสฺสมานา สมฺพุทฺธํ, ธมฺมสฺส จ สุธมฺมตนฺติ ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ วต ภควา, สฺวากฺขาโต วต ภควโต ธมฺโม’’ติอาทินา นเยน พุทฺธสุโพธิตฺจ ธมฺมสุธมฺมตฺจ. ‘‘สุปฺปฏิปนฺโน วต ภควโต สาวกสงฺโฆ’’ติอาทินา สงฺฆ-สุปฺปฏิปตฺติฺจ อภิตฺถวิตฺวา อภิตฺถวิตฺวา นมสฺสมานา ธมฺมโฆสกา หุตฺวา วิจริสฺสามาติ วุตฺตํ โหติ. เสสเมตฺถ อุตฺตานตฺถเมวาติ.
ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย
สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย เหมวตสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. อาฬวกสุตฺตวณฺณนา
เอวํ ¶ ¶ เม สุตนฺติ อาฬวกสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? อตฺถวณฺณนานเยเนวสฺส อุปฺปตฺติ อาวิภวิสฺสติ. อตฺถวณฺณนาย จ ‘‘เอวํ เม สุตํ, เอกํ สมยํ ภควา’’ติ เอตํ วุตฺตตฺถเมว. อาฬวิยํ วิหรติ อาฬวกสฺส ยกฺขสฺส ภวเนติ เอตฺถ ปน กา อาฬวี, กสฺมา จ ภควา ตสฺส ยกฺขสฺส ภวเน วิหรตีติ? วุจฺจเต – อาฬวีติ รฏฺมฺปิ นครมฺปิ วุจฺจติ, ตทุภยมฺปิ อิธ วฏฺฏติ. อาฬวีนครสฺส หิ สมีเป วิหรนฺโตปิ ‘‘อาฬวิยํ วิหรตี’’ติ วุจฺจติ. ตสฺส จ นครสฺส สมีเป อวิทูเร คาวุตมตฺเต ตํ ภวนํ, อาฬวีรฏฺเ วิหรนฺโตปิ ‘‘อาฬวิยํ วิหรตี’’ติ วุจฺจติ, อาฬวีรฏฺเ เจตํ ภวนํ.
ยสฺมา ปน อาฬวโก ราชา วิวิธนาฏกูปโภคํ ฉฑฺเฑตฺวา โจรปฏิพาหนตฺถํ ปฏิราชนิเสธนตฺถํ พฺยายามกรณตฺถฺจ สตฺตเม สตฺตเม ทิวเส มิควํ คจฺฉนฺโต เอกทิวสํ พลกาเยน สทฺธึ กติกํ อกาสิ – ‘‘ยสฺส ปสฺเสน ¶ มิโค ปลายติ, ตสฺเสว โส ภาโร’’ติ. อถ ตสฺเสว ปสฺเสน มิโค ปลายิ, ชวสมฺปนฺโน ราชา ธนุํ คเหตฺวา ปตฺติโกว ติโยชนํ ตํ มิคํ อนุพนฺธิ. เอณิมิคา จ ติโยชนเวคา เอว โหนฺติ. อถ ปริกฺขีณชวํ ตํ มิคํ อุทกํ ปวิสิตฺวา, ิตํ วธิตฺวา, ทฺวิธา เฉตฺวา, อนตฺถิโกปิ มํเสน ‘‘นาสกฺขิ มิคํ คเหตุ’’นฺติ อปวาทโมจนตฺถํ กาเชนาทาย อาคจฺฉนฺโต นครสฺสาวิทูเร พหลปตฺตปลาสํ มหานิคฺโรธํ ทิสฺวา ปริสฺสมวิโนทนตฺถํ ตสฺส มูลมุปคโต. ตสฺมิฺจ นิคฺโรเธ อาฬวโก ยกฺโข มหาราชสนฺติกา วรํ ลภิตฺวา มชฺฌนฺหิกสมเย ตสฺส รุกฺขสฺส ฉายาย ผุฏฺโกาสํ ปวิฏฺเ ปาณิโน ขาทนฺโต ปฏิวสติ. โส ตํ ทิสฺวา ¶ ขาทิตุํ อุปคโต. อถ ราชา เตน สทฺธึ กติกํ อกาสิ – ‘‘มฺุจ มํ, อหํ เต ทิวเส ทิวเส มนุสฺสฺจ ถาลิปากฺจ เปเสสฺสามี’’ติ. ยกฺโข ‘‘ตฺวํ ราชูปโภเคน ปมตฺโต สมฺมุสฺสสิ, อหํ ปน ภวนํ อนุปคตฺจ อนนฺุาตฺจ ขาทิตุํ น ลภามิ, สฺวาหํ ภวนฺตมฺปิ ชีเยยฺย’’นฺติ น มฺุจิ. ราชา ‘‘ยํ ทิวสํ น เปเสมิ, ตํ ทิวสํ มํ คเหตฺวา ขาทาหี’’ติ อตฺตานํ อนุชานิตฺวา เตน มุตฺโต นคราภิมุโข อคมาสิ.
พลกาโย ¶ มคฺเค ขนฺธาวารํ พนฺธิตฺวา ิโต ราชานํ ทิสฺวา – ‘‘กึ, มหาราช, อยสมตฺตภยา เอวํ กิลนฺโตสี’’ติ วทนฺโต ปจฺจุคฺคนฺตฺวา ปฏิคฺคเหสิ. ราชา ตํ ปวตฺตึ อนาโรเจตฺวา นครํ คนฺตฺวา, กตปาตราโส นครคุตฺติกํ อามนฺเตตฺวา เอตมตฺถํ อาโรเจสิ. นครคุตฺติโก – ‘‘กึ, เทว, กาลปริจฺเฉโท กโต’’ติ อาห. ราชา ‘‘น กโต, ภเณ’’ติ อาห. ‘‘ทุฏฺุ กตํ, เทว, อมนุสฺสา หิ ปริจฺฉินฺนมตฺตเมว ลภนฺติ, อปริจฺฉินฺเน ปน ชนปทสฺส อาพาโธ ภวิสฺสติ. โหตุ, เทว, กิฺจาปิ เอวมกาสิ, อปฺโปสฺสุกฺโก ตฺวํ รชฺชสุขํ อนุโภหิ, อหเมตฺถ กาตพฺพํ กริสฺสามี’’ติ. โส กาลสฺเสว วุฏฺาย พนฺธนาคารํ คนฺตฺวา เย เย วชฺฌา โหนฺติ, เต เต สนฺธาย – ‘‘โย ชีวิตตฺถิโก โหติ, โส ¶ นิกฺขมตู’’ติ ภณติ. โย ปมํ นิกฺขมติ ตํ เคหํ เนตฺวา, นฺหาเปตฺวา, โภเชตฺวา จ, ‘‘อิมํ ถาลิปากํ ยกฺขสฺส เทหี’’ติ เปเสติ. ตํ รุกฺขมูลํ ปวิฏฺมตฺตํเยว ยกฺโข เภรวํ อตฺตภาวํ นิมฺมินิตฺวา มูลกนฺทํ วิย ขาทติ ¶ . ยกฺขานุภาเวน กิร มนุสฺสานํ เกสาทีนิ อุปาทาย สกลสรีรํ นวนีตปิณฺโฑ วิย โหติ. ยกฺขสฺส ภตฺตํ คาหาเปตฺตุํ คตปุริสา ตํ ทิสฺวา ภีตา ยถามิตฺตํ อาโรเจสุํ. ตโต ปภุติ ‘‘ราชา โจเร คเหตฺวา ยกฺขสฺส เทตี’’ติ มนุสฺสา โจรกมฺมโต ปฏิวิรตา. ตโต อปเรน สมเยน นวโจรานํ อภาเวน ปุราณโจรานฺจ ปริกฺขเยน พนฺธนาคารานิ สฺุานิ อเหสุํ.
อถ นครคุตฺติโก รฺโ อาโรเจสิ. ราชา อตฺตโน ธนํ นครรจฺฉาสุ ฉฑฺฑาเปสิ – ‘‘อปฺเปว นาม โกจิ โลเภน คณฺเหยฺยา’’ติ. ตํ ปาเทนปิ น โกจิ ฉุปิ. โส โจเร อลภนฺโต อมจฺจานํ อาโรเจสิ. อมจฺจา ‘‘กุลปฏิปาฏิยา เอกเมกํ ชิณฺณกํ เปเสม, โส ปกติยาปิ มจฺจุมุเข วตฺตตี’’ติ อาหํสุ. ราชา ‘‘‘อมฺหากํ ปิตรํ, อมฺหากํ ปิตามหํ เปเสตี’ติ มนุสฺสา โขภํ กริสฺสนฺติ, มา โว เอตํ รุจฺจี’’ติ นิวาเรสิ. ‘‘เตน หิ, เทว, ทารกํ เปเสม อุตฺตานเสยฺยกํ, ตถาวิธสฺส หิ ‘มาตา เม ปิตา เม’ติ สิเนโห นตฺถี’’ติ อาหํสุ. ราชา อนุชานิ. เต ตถา อกํสุ. นคเร ทารกมาตโร จ ทารเก คเหตฺวา คพฺภินิโย จ ปลายิตฺวา ปรชนปเท ทารเก สํวฑฺเฒตฺวา อาเนนฺติ. เอวํ สพฺพานิปิ ทฺวาทส วสฺสานิ คตานิ.
ตโต เอกทิวสํ สกลนครํ วิจินิตฺวา เอกมฺปิ ทารกํ อลภิตฺวา รฺโ อาโรเจสุํ – ‘‘นตฺถิ, เทว, นคเร ทารโก เปตฺวา อนฺเตปุเร ตว ปุตฺตํ อาฬวกกุมาร’’นฺติ. ราชา ‘‘ยถา มม ปุตฺโต ปิโย, เอวํ สพฺพโลกสฺส, อตฺตนา ปน ปิยตรํ นตฺถิ, คจฺฉถ, ตมฺปิ ทตฺวา มม ชีวิตํ รกฺขถา’’ติ อาห. เตน จ สมเยน อาฬวกกุมารสฺส มาตา ปุตฺตํ ¶ นฺหาเปตฺวา, มณฺเฑตฺวา, ทุกูลจุมฺพฏเก กตฺวา, องฺเก สยาเปตฺวา, นิสินฺนา โหติ. ราชปุริสา รฺโ อาณาย ตตฺถ คนฺตฺวา วิปฺปลปนฺติยา ตสฺสา โสฬสนฺนฺจ อิตฺถิสหสฺสานํ สทฺธึ ธาติยา ตํ อาทาย ปกฺกมึสุ ‘‘สฺเว ยกฺขภกฺโข ภวิสฺสตี’’ติ. ตํ ทิวสฺจ ภควา ปจฺจูสสมเย ¶ ปจฺจุฏฺาย เชตวนมหาวิหาเร ¶ คนฺธกุฏิยํ มหากรุณาสมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา ปุน พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกนฺโต อทฺทส อาฬวกสฺส กุมารสฺส อนาคามิผลุปฺปตฺติยา อุปนิสฺสยํ, ยกฺขสฺส จ โสตาปตฺติผลุปฺปตฺติยา อุปนิสฺสยํ เทสนาปริโยสาเน จ จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมจกฺขุปฏิลาภสฺสาติ. ตสฺมา วิภาตาย รตฺติยา ปุเรภตฺตกิจฺจํ กตฺวา อนิฏฺิตปจฺฉาภตฺตกิจฺโจว กาฬปกฺขอุโปสถทิวเส วตฺตมาเน โอคฺคเต สูริเย เอกโกว อทุติโย ปตฺตจีวรมาทาย ปาทคมเนเนว สาวตฺถิโต ตึส โยชนานิ คนฺตฺวา ตสฺส ยกฺขสฺส ภวนํ ปาวิสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘อาฬวกสฺส ยกฺขสฺส ภวเน’’ติ.
กึ ปน ภควา ยสฺมึ นิคฺโรเธ อาฬวกสฺส ภวนํ, ตสฺส มูเล วิหาสิ, อุทาหุ ภวเนเยวาติ? วุจฺจเต – ภวเนเยว. ยเถว หิ ยกฺขา อตฺตโน ภวนํ ปสฺสนฺติ, ตถา ภควาปิ. โส ตตฺถ คนฺตฺวา ภวนทฺวาเร อฏฺาสิ. ตทา อาฬวโก หิมวนฺเต ยกฺขสมาคมํ คโต โหติ. ตโต อาฬวกสฺส ทฺวารปาโล คทฺรโภ นาม ยกฺโข ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา, วนฺทิตฺวา – ‘‘กึ, ภนฺเต, ภควา วิกาเล อาคโต’’ติ อาห. ‘‘อาม, คทฺรภ, อาคโตมฺหิ. สเจ เต อครุ, วิหเรยฺยาเมกรตฺตึ อาฬวกสฺส ภวเน’’ติ. ‘‘น เม, ภนฺเต, ครุ, อปิจ โข โส ยกฺโข กกฺขโฬ ผรุโส, มาตาปิตูนมฺปิ อภิวาทนาทีนิ น กโรติ, มา รุจฺจิ ภควโต อิธ วาโส’’ติ. ‘‘ชานามิ, คทฺรภ, ตสฺส กกฺขฬตฺตํ, น โกจิ มมนฺตราโย ภวิสฺสติ, สเจ เต อครุ, วิหเรยฺยาเมกรตฺติ’’นฺติ ¶ .
ทุติยมฺปิ คทฺรโภ ยกฺโข ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อคฺคิตตฺตกปาลสทิโส, ภนฺเต, อาฬวโก, ‘มาตาปิตโร’ติ วา ‘สมณพฺราหฺมณา’ติ วา ‘ธมฺโม’ติ วา น ชานาติ, อิธาคตานํ จิตฺตกฺเขปมฺปิ กโรติ, หทยมฺปิ ผาเลติ, ปาเทปิ คเหตฺวา ปรสมุทฺเท วา ปรจกฺกวาเฬ วา ขิปตี’’ติ. ทุติยมฺปิ ภควา อาห – ‘‘ชานามิ, คทฺรภ, สเจ เต อครุ, วิหเรยฺยาเมกรตฺติ’’นฺติ. ตติยมฺปิ คทฺรโภ ยกฺโข ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อคฺคิตตฺตกปาลสทิโส, ภนฺเต, อาฬวโก, ‘มาตาปิตโร’ติ วา ‘สมณพฺราหฺมณา’ติ วา ‘ธมฺโม’ติ วา น ชานาติ, อิธาคตานํ จิตฺตกฺเขปมฺปิ กโรติ, หทยมฺปิ ผาเลติ, ปาเทปิ คเหตฺวา ปรสมุทฺเท ¶ วา ปรจกฺกวาเฬ วา ขิปตี’’ติ. ตติยมฺปิ ภควา อาห – ‘‘ชานามิ, คทฺรภ, สเจ เต อครุ, วิหเรยฺยาเมกรตฺติ’’นฺติ. ‘‘น เม, ภนฺเต, ครุ, อปิจ โข โส ยกฺโข อตฺตโน อนาโรเจตฺวา ¶ อนุชานนฺตํ มํ ชีวิตา โวโรเปยฺย, อาโรเจมิ, ภนฺเต, ตสฺสา’’ติ. ‘‘ยถาสุขํ, คทฺรภ, อาโรเจหี’’ติ. ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, ตฺวเมว ชานาหี’’ติ ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา หิมวนฺตาภิมุโข ปกฺกามิ. ภวนทฺวารมฺปิ สยเมว ภควโต วิวรมทาสิ. ภควา อนฺโตภวนํ ปวิสิตฺวา ยตฺถ อภิลกฺขิเตสุ มงฺคลทิวสาทีสุ นิสีทิตฺวา อาฬวโก สิรึ อนุโภติ, ตสฺมึเยว ทิพฺพรตนปลฺลงฺเก นิสีทิตฺวา สุวณฺณาภํ มฺุจิ. ตํ ทิสฺวา ยกฺขสฺส อิตฺถิโย อาคนฺตฺวา, ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา, สมฺปริวาเรตฺวา นิสีทึสุ. ภควา ‘‘ปุพฺเพ ตุมฺเห ทานํ ทตฺวา, สีลํ สมาทิยิตฺวา, ปูชเนยฺยํ ปูเชตฺวา, อิมํ สมฺปตฺตึ ปตฺตา, อิทานิปิ ตเถว กโรถ, มา อฺมฺํ อิสฺสามจฺฉริยาภิภูตา วิหรถา’’ติอาทินา นเยน ตาสํ ปกิณฺณกธมฺมกถํ กเถสิ. ตา จ ภควโต มธุรนิคฺโฆสํ สุตฺวา, สาธุการสหสฺสานิ ทตฺวา, ภควนฺตํ ปริวาเรตฺวา นิสีทึสุเยว. คทฺรโภปิ หิมวนฺตํ คนฺตฺวา อาฬวกสฺส อาโรเจสิ – ‘‘ยคฺเฆ, มาริส, ชาเนยฺยาสิ, วิมาเน เต ภควา นิสินฺโน’’ติ. โส คทฺรภสฺส สฺมกาสิ ‘‘ตุณฺหี โหหิ, คนฺตฺวา กตฺตพฺพํ กริสฺสามี’’ติ. ปุริสมาเนน กิร ลชฺชิโต อโหสิ, ตสฺมา ‘‘มา โกจิ ปริสมชฺเฌ สุเณยฺยา’’ติ วาเรสิ.
ตทา สาตาคิรเหมวตา ภควนฺตํ เชตวเนเยว วนฺทิตฺวา ‘‘ยกฺขสมาคมํ คมิสฺสามา’’ติ สปริวารา นานายาเนหิ อากาเสน คจฺฉนฺติ. อากาเส จ ยกฺ