📜

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส

ขุทฺทกนิกาเย

สุตฺตนิปาต-อฏฺกถา

(ปโม ภาโค)

คนฺถารมฺภกถา

อุตฺตมํ วนฺทเนยฺยานํ, วนฺทิตฺวา รตนตฺตยํ;

โย ขุทฺทกนิกายมฺหิ, ขุทฺทาจารปฺปหายินา.

เทสิโต โลกนาเถน, โลกนิสฺสรเณสินา;

ตสฺส สุตฺตนิปาตสฺส, กริสฺสามตฺถวณฺณนํ.

อยํ สุตฺตนิปาโต จ, ขุทฺทเกสฺเวว โอคโธ;

ยสฺมา ตสฺมา อิมสฺสาปิ, กริสฺสามตฺถวณฺณนํ.

คาถาสตสมากิณฺโณ, เคยฺยพฺยากรณงฺกิโต;

กสฺมา สุตฺตนิปาโตติ, สงฺขเมส คโตติ เจ.

สุวุตฺตโต สวนโต, อตฺถานํ สุฏฺุ ตาณโต;

สูจนา สูทนา เจว, ยสฺมา สุตฺตํ ปวุจฺจติ.

ตถารูปานิ สุตฺตานิ, นิปาเตตฺวา ตโต ตโต;

สมูหโต อยํ ตสฺมา, สงฺขเมวมุปาคโต.

สพฺพานิ จาปิ สุตฺตานิ, ปมาณนฺเตน ตาทิโน;

วจนานิ อยํ เตสํ, นิปาโต จ ยโต ตโต.

อฺสงฺขานิมิตฺตานํ, วิเสสานมภาวโต;

สงฺขํ สุตฺตนิปาโตติ, เอวเมว สมชฺฌคาติ.

๑. อุรควคฺโค

๑. อุรคสุตฺตวณฺณนา

เอวํ สมธิคตสงฺโข จ ยสฺมา เอส วคฺคโต อุรควคฺโค, จูฬวคฺโค, มหาวคฺโค, อฏฺกวคฺโค, ปารายนวคฺโคติ ปฺจ วคฺคา โหนฺติ; เตสุ อุรควคฺโค อาทิ. สุตฺตโต อุรควคฺเค ทฺวาทส สุตฺตานิ, จูฬวคฺเค จุทฺทส, มหาวคฺเค ทฺวาทส, อฏฺกวคฺเค โสฬส, ปารายนวคฺเค โสฬสาติ สตฺตติ สุตฺตานิ. เตสํ อุรคสุตฺตํ อาทิ. ปริยตฺติปมาณโต อฏฺ ภาณวารา. เอวํ วคฺคสุตฺตปริยตฺติปมาณวโต ปนสฺส –

‘‘โย อุปฺปติตํ วิเนติ โกธํ, วิสฏํ สปฺปวิสํว โอสเธหิ;

โส ภิกฺขุ ชหาติ โอรปารํ, อุรโค ชิณฺณมิว ตจํ ปุราณ’’นฺติ. –

อยํ คาถา อาทิ. ตสฺมา อสฺสา อิโต ปภุติ อตฺถวณฺณนํ กาตุํ อิทํ วุจฺจติ –

‘‘เยน ยตฺถ ยทา ยสฺมา, วุตฺตา คาถา อยํ อิมํ;

วิธึ ปกาสยิตฺวาสฺสา, กริสฺสามตฺถวณฺณน’’นฺติ.

เกน ปนายํ คาถา วุตฺตา, กตฺถ, กทา, กสฺมา จ วุตฺตาติ? วุจฺจเต – โย โส ภควา จตุวีสติพุทฺธสนฺติเก ลทฺธพฺยากรโณ ยาว เวสฺสนฺตรชาตกํ, ตาว ปารมิโย ปูเรตฺวา ตุสิตภวเน อุปฺปชฺชิ, ตโตปิ จวิตฺวา สกฺยราชกุเล อุปปตฺตึ คเหตฺวา, อนุปุพฺเพน กตมหาภินิกฺขมโน โพธิรุกฺขมูเล สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุชฺฌิตฺวา, ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตตฺวา เทว-มนุสฺสานํ หิตาย ธมฺมํ เทเสสิ, เตน ภควตา สยมฺภุนา อนาจริยเกน สมฺมาสมฺพุทฺเธน วุตฺตา. สา จ ปน อาฬวิยํ. ยทา จ ภูตคามสิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ, ตทา ตตฺถ อุปคตานํ ธมฺมเทสนตฺถํ วุตฺตาติ. อยเมตฺถ สงฺเขปวิสฺสชฺชนา. วิตฺถารโต ปน ทูเรนิทานอวิทูเรนิทานสนฺติเกนิทานวเสน เวทิตพฺพา. ตตฺถ ทูเรนิทานํ นาม ทีปงฺกรโต ยาว ปจฺจุปฺปนฺนวตฺถุกถา, อวิทูเรนิทานํ นาม ตุสิตภวนโต ยาว ปจฺจุปฺปนฺนวตฺถุกถา, สนฺติเกนิทานํ นาม โพธิมณฺฑโต ยาว ปจฺจุปฺปนฺนวตฺถุกถาติ.

ตตฺถ ยสฺมา อวิทูเรนิทานํ สนฺติเกนิทานฺจ ทูเรนิทาเนเยว สโมธานํ คจฺฉนฺติ, ตสฺมา ทูเรนิทานวเสเนเวตฺถ วิตฺถารโต วิสฺสชฺชนา เวทิตพฺพา. สา ปเนสา ชาตกฏฺกถายํ วุตฺตาติ อิธ น วิตฺถาริตา. ตโต ตตฺถ วิตฺถาริตนเยเนว เวทิตพฺพา. อยํ ปน วิเสโส – ตตฺถ ปมคาถาย สาวตฺถิยํ วตฺถุ อุปฺปนฺนํ, อิธ อาฬวิยํ. ยถาห –

‘‘เตน สมเยน พุทฺโธ ภควา อาฬวิยํ วิหรติ อคฺคาฬเว เจติเย. เตน โข ปน สมเยน อาฬวกา ภิกฺขู นวกมฺมํ กโรนฺตา รุกฺขํ ฉินฺทนฺติปิ เฉทาเปนฺติปิ. อฺตโรปิ อาฬวโก ภิกฺขุ รุกฺขํ ฉินฺทติ. ตสฺมึ รุกฺเข อธิวตฺถา เทวตา ตํ ภิกฺขุํ เอตทโวจ – ‘มา, ภนฺเต, อตฺตโน ภวนํ กตฺตุกาโม มยฺหํ ภวนํ ฉินฺที’ติ. โส ภิกฺขุ อนาทิยนฺโต ฉินฺทิเยว. ตสฺสา จ เทวตาย ทารกสฺส พาหุํ อาโกเฏสิ. อถ โข ตสฺสา เทวตาย เอตทโหสิ – ‘ยํนูนาหํ อิมํ ภิกฺขุํ อิเธว ชีวิตา โวโรเปยฺย’นฺติ. อถ โข ตสฺสา เทวตาย เอตทโหสิ – ‘น โข เมตํ ปติรูปํ, ยาหํ อิมํ ภิกฺขุํ อิเธว ชีวิตา โวโรเปยฺยํ, ยํนูนาหํ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจยฺย’นฺติ. อถ โข สา เทวตา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสิ. ‘สาธุ, สาธุ เทวเต, สาธุ โข ตฺวํ, เทวเต, ตํ ภิกฺขุํ ชีวิตา น โวโรเปสิ. สจชฺช ตฺวํ, เทวเต, ตํ ภิกฺขุํ ชีวิตา โวโรเปยฺยาสิ, พหุฺจ ตฺวํ, เทวเต, อปุฺํ ปสเวยฺยาสิ. คจฺฉ ตฺวํ, เทวเต, อมุกสฺมึ โอกาเส รุกฺโข วิวิตฺโต, ตสฺมึ อุปคจฺฉา’’’ติ (ปาจิ. ๘๙).

เอวฺจ ปน วตฺวา ปุน ภควา ตสฺสา เทวตาย อุปฺปนฺนโกธวินยนตฺถํ –

‘‘โย เว อุปฺปติตํ โกธํ, รถํ ภนฺตํว วารเย’’ติ. (ธ. ป. ๒๒๒) –

อิมํ คาถํ อภาสิ. ตโต ‘‘กถฺหิ นาม สมณา สกฺยปุตฺติยา รุกฺขํ ฉินฺทิสฺสนฺติปิ, เฉทาเปสฺสนฺติปิ, เอกินฺทฺริยํ สมณา สกฺยปุตฺติยา ชีวํ วิเหเนฺตี’’ติ เอวํ มนุสฺสานํ อุชฺฌายิตํ สุตฺวา ภิกฺขูหิ อาโรจิโต ภควา – ‘‘ภูตคามปาตพฺยตาย ปาจิตฺติย’’นฺติ (ปาจิ. ๙๐) อิมํ สิกฺขาปทํ ปฺาเปตฺวา ตตฺถ อุปคตานํ ธมฺมเทสนตฺถํ –

‘‘โย อุปฺปติตํ วิเนติ โกธํ,

วิสฏํ สปฺปวิสํว โอสเธหี’’ติ. –

อิมํ คาถํ อภาสิ. เอวมิทํ เอกํเยว วตฺถุ ตีสุ าเนสุ สงฺคหํ คตํ – วินเย, ธมฺมปเท, สุตฺตนิปาเตติ. เอตฺตาวตา จ ยา สา มาติกา ปิตา –

‘‘เยน ยตฺถ ยทา ยสฺมา, วุตฺตา คาถา อยํ อิมํ;

วิธิ ปกาสยิตฺวาสฺสา, กริสฺสามตฺถวณฺณน’’นฺติ. –

สา สงฺเขปโต วิตฺถารโต จ ปกาสิตา โหติ เปตฺวา อตฺถวณฺณนํ.

. อยํ ปเนตฺถ อตฺถวณฺณนา. โยติ โย ยาทิโส ขตฺติยกุลา วา ปพฺพชิโต, พฺราหฺมณกุลา วา ปพฺพชิโต, นโว วา มชฺฌิโม วา เถโร วา. อุปฺปติตนฺติ อุทฺธมุทฺธํ ปติตํ คตํ, ปวตฺตนฺติ อตฺโถ, อุปฺปนฺนนฺติ วุตฺตํ โหติ. อุปฺปนฺนฺจ นาเมตํ วตฺตมานภุตฺวาปคโตกาสกตภูมิลทฺธวเสน อเนกปฺปเภทํ. ตตฺถ สพฺพมฺปิ สงฺขตํ อุปฺปาทาทิสมงฺคิ วตฺตมานุปฺปนฺนํ นาม, ยํ สนฺธาย ‘‘อุปฺปนฺนา ธมฺมา, อนุปฺปนฺนา ธมฺมา, อุปฺปาทิโน ธมฺมา’’ติ (ธ. ส. ติกมาติกา ๑๗) วุตฺตํ. อารมฺมณรสมนุภวิตฺวา นิรุทฺธํ อนุภุตฺวาปคตสงฺขาตํ กุสลากุสลํ, อุปฺปาทาทิตฺตยมนุปฺปตฺวา นิรุทฺธํ ภุตฺวาปคตสงฺขาตํ เสสสงฺขตฺจ ภุตฺวาปคตุปฺปนฺนํ นาม. ตเทตํ ‘‘เอวรูปํ ปาปกํ ทิฏฺิคตํ อุปฺปนฺนํ โหตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๓๔; ปาจิ. ๔๑๗) จ, ‘‘ยถา จ อุปฺปนฺนสฺส สติสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ภาวนาปาริปูรี โหตี’’ติ จ เอวมาทีสุ สุตฺตนฺเตสุ ทฏฺพฺพํ. ‘‘ยานิสฺส ตานิ ปุพฺเพ กตานิ กมฺมานี’’ติ เอวมาทินา (ม. นิ. ๓.๒๔๘; เนตฺติ. ๑๒๐) นเยน วุตฺตํ กมฺมํ อตีตมฺปิ สมานํ อฺสฺส วิปากํ ปฏิพาหิตฺวา อตฺตโน วิปากสฺโสกาสํ กตฺวา ิตตฺตา, ตถา กโตกาสฺจ วิปากํ อนุปฺปนฺนมฺปิ เอวํ กเต โอกาเส อวสฺสมุปฺปตฺติโต โอกาสกตุปฺปนฺนํ นาม. ตาสุ ตาสุ ภูมีสุ อสมูหตมกุสลํ ภูมิลทฺธุปฺปนฺนํ นาม.

เอตฺถ จ ภูมิยา ภูมิลทฺธสฺส จ นานตฺตํ เวทิตพฺพํ. เสยฺยถิทํ – ภูมิ นาม วิปสฺสนาย อารมฺมณภูตา เตภูมกา ปฺจกฺขนฺธา. ภูมิลทฺธํ นาม เตสุ อุปฺปตฺตารหํ กิเลสชาตํ. เตน หิ สา ภูมิลทฺธา นาม โหตีติ. ตสฺมา ‘‘ภูมิลทฺธ’’นฺติ วุจฺจติ. ตฺจ ปน น อารมฺมณวเสน. อารมฺมณวเสน หิ สพฺเพปิ อตีตาทิเภเท ปริฺาเตปิ จ ขีณาสวานํ ขนฺเธ อารพฺภ กิเลสา อุปฺปชฺชนฺติ มหากจฺจายนอุปฺปลวณฺณาทีนํ ขนฺเธ อารพฺภ โสเรยฺยเสฏฺิปุตฺตนนฺทมาณวกาทีนํ วิย. ยทิ เจตํ ภูมิลทฺธํ นาม สิยา, ตสฺส อปฺปเหยฺยโต น โกจิ ภวมูลํ ชเหยฺย. วตฺถุวเสน ปน ภูมิลทฺธํ นาม เวทิตพฺพํ. ยตฺถ ยตฺถ หิ วิปสฺสนาย อปริฺาตา ขนฺธา อุปฺปชฺชนฺติ, ตตฺถ ตตฺถ อุปฺปาทโต ปภุติ เตสุ วฏฺฏมูลํ กิเลสชาตํ อนุเสติ. ตํ อปฺปหีนฏฺเน ภูมิลทฺธุปฺปนฺนํ นามาติ เวทิตพฺพํ. ตตฺถ จ ยสฺส ขนฺเธสุ อปฺปหีนานุสยิตา กิเลสา, ตสฺส เต เอว ขนฺธา เตสํ กิเลสานํ วตฺถุ, น อิตเร ขนฺธา. อตีตกฺขนฺเธสุ จสฺส อปฺปหีนานุสยิตานํ กิเลสานํ อตีตกฺขนฺธา เอว วตฺถุ, น อิตเร. เอเสว นโย อนาคตาทีสุ. ตถา กามาวจรกฺขนฺเธสุ อปฺปหีนานุสยิตานํ กิเลสานํ กามาวจรกฺขนฺธา เอว วตฺถุ, น อิตเร. เอส นโย รูปารูปาวจเรสุ.

โสตาปนฺนาทีนํ ปน ยสฺส ยสฺส อริยปุคฺคลสฺส ขนฺเธสุ ตํ ตํ วฏฺฏมูลํ กิเลสชาตํ เตน เตน มคฺเคน ปหีนํ, ตสฺส ตสฺส เต เต ขนฺธา ปหีนานํ เตสํ เตสํ วฏฺฏมูลกิเลสานํ อวตฺถุโต ภูมีติ สงฺขํ น ลภนฺติ. ปุถุชฺชนสฺส ปน สพฺพโส วฏฺฏมูลานํ กิเลสานํ อปฺปหีนตฺตา ยํ กิฺจิ กริยมานํ กมฺมํ กุสลํ วา อกุสลํ วา โหติ, อิจฺจสฺส กิเลสปฺปจฺจยา วฏฺฏํ วฑฺฒติ. ตสฺเสตํ วฏฺฏมูลํ รูปกฺขนฺเธ เอว, น เวทนากฺขนฺธาทีสุ…เป… วิฺาณกฺขนฺเธ เอว วา, น รูปกฺขนฺธาทีสูติ น วตฺตพฺพํ. กสฺมา? อวิเสเสน ปฺจสุ ขนฺเธสุ อนุสยิตตฺตา. กถํ? ปถวีรสาทิมิว รุกฺเข. ยถา หิ มหารุกฺเข ปถวีตลํ อธิฏฺาย ปถวีรสฺจ อาโปรสฺจ นิสฺสาย ตปฺปจฺจยา มูลขนฺธสาขปสาขปตฺตปลฺลวปลาสปุปฺผผเลหิ วฑฺฒิตฺวา นภํ ปูเรตฺวา ยาวกปฺปาวสานํ พีชปรมฺปราย รุกฺขปเวณีสนฺตาเน ิเต ‘‘ตํ ปถวีรสาทิ มูเล เอว, น ขนฺธาทีสุ, ผเล เอว วา, น มูลาทีสู’’ติ น วตฺตพฺพํ. กสฺมา? อวิเสเสน สพฺเพสฺเวว มูลาทีสุ อนุคตตฺตา, เอวํ. ยถา ปน ตสฺเสว รุกฺขสฺส ปุปฺผผลาทีสุ นิพฺพินฺโน โกจิ ปุริโส จตูสุ ทิสาสุ มณฺฑูกกณฺฏกํ นาม รุกฺเข วิสํ ปโยเชยฺย, อถ โส รุกฺโข เตน วิสสมฺผสฺเสน ผุฏฺโ ปถวีรสอาโปรสปริยาทินฺเนน อปฺปสวนธมฺมตํ อาคมฺม ปุน สนฺตานํ นิพฺพตฺเตตุํ สมตฺโถ น ภเวยฺย, เอวเมวํ ขนฺธปฺปวตฺติยํ นิพฺพินฺโน กุลปุตฺโต ตสฺส ปุริสสฺส จตูสุ ทิสาสุ รุกฺเข วิสปฺปโยชนํ วิย อตฺตโน สนฺตาเน จตุมคฺคภาวนํ อารภติ. อถสฺส โส ขนฺธสนฺตาโน เตน จตุมคฺควิสสมฺผสฺเสน สพฺพโส วฏฺฏมูลกิเลสานํ ปริยาทินฺนตฺตา กิริยภาวมตฺตมุปคตกายกมฺมาทิ สพฺพกมฺมปฺปเภโท อายตึ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺตธมฺมตมาคมฺม ภวนฺตรสนฺตานํ นิพฺพตฺเตตุํ สมตฺโถ น โหติ. เกวลํ ปน จริมวิฺาณนิโรเธน นิรินฺธโน วิย ชาตเวโท อนุปาทาโน ปรินิพฺพาติ. เอวํ ภูมิยา ภูมิลทฺธสฺส จ นานตฺตํ เวทิตพฺพํ.

อปิจ อปรมฺปิ สมุทาจารารมฺมณาธิคฺคหิตาวิกฺขมฺภิตาสมูหตวเสน จตุพฺพิธมุปฺปนฺนํ. ตตฺถ วตฺตมานุปฺปนฺนเมว สมุทาจารุปฺปนฺนํ. จกฺขาทีนํ ปน อาปาถคเต อารมฺมเณ ปุพฺพภาเค อนุปฺปชฺชมานมฺปิ กิเลสชาตํ อารมฺมณสฺส อธิคฺคหิตตฺตา เอว อปรภาเค อวสฺสมุปฺปตฺติโต อารมฺมณาธิคฺคหิตุปฺปนฺนนฺติ วุจฺจติ. กลฺยาณิคาเม ปิณฺฑาย จรโต มหาติสฺสตฺเถรสฺส วิสภาครูปทสฺสเนน อุปฺปนฺนกิเลสชาตฺเจตฺถ นิทสฺสนํ. ตสฺส ‘‘อุปฺปนฺนํ กามวิตกฺก’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๖; อ. นิ. ๖.๕๘) ปโยโค ทฏฺพฺโพ. สมถวิปสฺสนานํ อฺตรวเสน อวิกฺขมฺภิตกิเลสชาตํ จิตฺตสนฺตติมนารูฬฺหํ อุปฺปตฺตินิวารกสฺส เหตุโน อภาวา อวิกฺขมฺภิตุปฺปนฺนํ นาม. ตํ ‘‘อยมฺปิ โข, ภิกฺขเว, อานาปานสฺสติสมาธิ ภาวิโต พหุลีกโต สนฺโต เจว ปณีโต จ อเสจนโก จ สุโข จ วิหาโร อุปฺปนฺนุปฺปนฺเน ปาปเก อกุสเล ธมฺเม านโส อนฺตรธาเปตี’’ติอาทีสุ (ปารา. ๑๖๕) ทฏฺพฺพํ. สมถวิปสฺสนาวเสน วิกฺขมฺภิตมฺปิ กิเลสชาตํ อริยมคฺเคน อสมูหตตฺตา อุปฺปตฺติธมฺมตํ อนตีตนฺติ กตฺวา อสมูหตุปฺปนฺนนฺติ วุจฺจติ. อากาเสน คจฺฉนฺตสฺส อฏฺสมาปตฺติลาภิโน เถรสฺส กุสุมิตรุกฺเข อุปวเน ปุปฺผานิ โอจินนฺตสฺส มธุรสฺสเรน คายโต มาตุคามสฺส คีตสฺสรํ สุตวโต อุปฺปนฺนกิเลสชาตฺเจตฺถ นิทสฺสนํ. ตสฺส ‘‘อริยํ อฏฺงฺคิกํ มคฺคํ พหุลีกโรนฺโต อุปฺปนฺนุปฺปนฺเน ปาปเก อกุสเล ธมฺเม อนฺตราเยว อนฺตรธาเปตี’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๕.๑๕๗) ปโยโค ทฏฺพฺโพ. ติวิธมฺปิ เจตํ อารมฺมณาธิคฺคหิตาวิกฺขมฺภิตาสมูหตุปฺปนฺนํ ภูมิลทฺเธเนว สงฺคหํ คจฺฉตีติ เวทิตพฺพํ.

เอวเมตสฺมึ ยถาวุตฺตปฺปเภเท อุปฺปนฺเน ภูมิลทฺธารมฺมณาธิคฺคหิตาวิกฺขมฺภิตาสมูหตุปฺปนฺนวเสนายํ โกโธ อุปฺปนฺโนติ เวทิตพฺโพ. กสฺมา? เอวํวิธสฺส วิเนตพฺพโต. เอวํวิธเมว หิ อุปฺปนฺนํ เยน เกนจิ วินเยน วิเนตุํ สกฺกา โหติ. ยํ ปเนตํ วตฺตมานภุตฺวาปคโตกาสกตสมุทาจารสงฺขาตํ อุปฺปนฺนํ, เอตฺถ อผโล จ อสกฺโย จ วายาโม. อผโล หิ ภุตฺวาปคเต วายาโม วายามนฺตเรนาปิ ตสฺส นิรุทฺธตฺตา. ตถา โอกาสกเต. อสกฺโย จ วตฺตมานสมุทาจารุปฺปนฺเน กิเลสโวทานานํ เอกชฺฌมนุปฺปตฺติโตติ.

วิเนตีติ เอตฺถ ปน –

‘‘ทุวิโธ วินโย นาม, เอกเมเกตฺถ ปฺจธา;

เตสุ อฏฺวิเธเนส, วิเนตีติ ปวุจฺจติ’’.

อยฺหิ สํวรวินโย, ปหานวินโยติ ทุวิโธ วินโย. เอตฺถ จ ทุวิเธ วินเย เอกเมโก วินโย ปฺจธา ภิชฺชติ. สํวรวินโยปิ หิ สีลสํวโร, สติสํวโร, าณสํวโร, ขนฺติสํวโร, วีริยสํวโรติ ปฺจวิโธ. ปหานวินโยปิ ตทงฺคปฺปหานํ, วิกฺขมฺภนปฺปหานํ, สมุจฺเฉทปฺปหานํ, ปฏิปฺปสฺสทฺธิปฺปหานํ, นิสฺสรณปฺปหานนฺติ ปฺจวิโธ.

ตตฺถ ‘‘อิมินา ปาติโมกฺขสํวเรน อุเปโต โหติ สมุเปโต’’ติอาทีสุ (วิภ. ๕๑๑) สีลสํวโร, ‘‘รกฺขติ จกฺขุนฺทฺริยํ, จกฺขุนฺทฺริเย สํวรํ อาปชฺชตี’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๑๓; ม. นิ. ๑.๒๙๕; สํ. นิ. ๔.๒๓๙; อ. นิ. ๓.๑๖) สติสํวโร.

‘‘ยานิ โสตานิ โลกสฺมึ, (อชิตาติ ภควา)

สติ เตสํ นิวารณํ;

โสตานํ สํวรํ พฺรูมิ,

ปฺาเยเต ปิธียเร’’ติ. (สุ. นิ. ๑๐๔๑) –

อาทีสุ าณสํวโร, ‘‘ขโม โหติ สีตสฺส อุณฺหสฺสา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๔; อ. นิ. ๔.๑๑๔) ขนฺติสํวโร, ‘‘อุปฺปนฺนํ กามวิตกฺกํ นาธิวาเสติ, ปชหติ, วิโนเทตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๖; อ. นิ. ๔.๑๑๔) วีริยสํวโร เวทิตพฺโพ. สพฺโพปิ จายํ สํวโร ยถาสกํ สํวริตพฺพานํ วิเนตพฺพานฺจ กายวจีทุจฺจริตาทีนํ สํวรณโต สํวโร, วินยนโต วินโยติ วุจฺจติ. เอวํ ตาว สํวรวินโย ปฺจธา ภิชฺชตีติ เวทิตพฺโพ.

ตถา ยํ นามรูปปริจฺเฉทาทีสุ วิปสฺสนงฺเคสุ ยาว อตฺตโน อปริหานวเสน ปวตฺติ, ตาว เตน เตน าเณน ตสฺส ตสฺส อนตฺถสนฺตานสฺส ปหานํ. เสยฺยถิทํ – นามรูปววตฺถาเนน สกฺกายทิฏฺิยา, ปจฺจยปริคฺคเหน อเหตุวิสมเหตุทิฏฺีนํ, ตสฺเสว อปรภาเคน กงฺขาวิตรเณน กถํกถีภาวสฺส, กลาปสมฺมสเนน ‘‘อหํ มมา’’ติ คาหสฺส, มคฺคามคฺคววตฺถาเนน อมคฺเค มคฺคสฺาย, อุทยทสฺสเนน อุจฺเฉททิฏฺิยา, วยทสฺสเนน สสฺสตทิฏฺิยา, ภยทสฺสเนน สภเยสุ อภยสฺาย, อาทีนวทสฺสเนน อสฺสาทสฺาย, นิพฺพิทานุปสฺสเนน อภิรติสฺาย, มุจฺจิตุกมฺยตาาเณน อมุจฺจิตุกมฺยตาย, อุเปกฺขาาเณน อนุเปกฺขาย, อนุโลเมน ธมฺมฏฺิติยํ นิพฺพาเน จ ปฏิโลมภาวสฺส, โคตฺรภุนา สงฺขารนิมิตฺตคฺคาหสฺส ปหานํ, เอตํ ตทงฺคปฺปหานํ นาม. ยํ ปน อุปจารปฺปนาเภทสฺส สมาธิโน ยาว อตฺตโน อปริหานิปวตฺติ, ตาว เตนาภิหตานํ นีวรณานํ ยถาสกํ วิตกฺกาทิปจฺจนีกธมฺมานฺจ อนุปฺปตฺติสงฺขาตํ ปหานํ, เอตํ วิกฺขมฺภนปฺปหานํ นาม. ยํ ปน จตุนฺนํ อริยมคฺคานํ ภาวิตตฺตา ตํตํมคฺควโต อตฺตโน สนฺตาเน ยถาสกํ ‘‘ทิฏฺิคตานํ ปหานายา’’ติอาทินา (ธ. ส. ๒๗๗) นเยน วุตฺตสฺส สมุทยปกฺขิกสฺส กิเลสคหนสฺส ปุน อจฺจนฺตอปฺปวตฺติภาเวน สมุจฺเฉทสงฺขาตํ ปหานํ, อิทํ สมุจฺเฉทปฺปหานํ นาม. ยํ ปน ผลกฺขเณ ปฏิปฺปสฺสทฺธตฺตํ กิเลสานํ ปหานํ, อิทํ ปฏิปฺปสฺสทฺธิปฺปหานํ นาม. ยํ ปน สพฺพสงฺขตนิสฺสรณตฺตา ปหีนสพฺพสงฺขตํ นิพฺพานํ, เอตํ นิสฺสรณปฺปหานํ นาม. สพฺพมฺปิ เจตํ ปหานํ ยสฺมา จาคฏฺเน ปหานํ, วินยนฏฺเน วินโย, ตสฺมา ‘‘ปหานวินโย’’ติ วุจฺจติ, ตํตํปหานวโต วา ตสฺส ตสฺส วินยสฺส สมฺภวโตเปตํ ‘‘ปหานวินโย’’ติ วุจฺจติ. เอวํ ปหานวินโยปิ ปฺจธา ภิชฺชตีติ เวทิตพฺโพ. เอวเมเกกสฺส ปฺจธา ภินฺนตฺตา ทเสเต วินยา โหนฺติ.

เตสุ ปฏิปฺปสฺสทฺธิวินยํ นิสฺสรณวินยฺจ เปตฺวา อวเสเสน อฏฺวิเธน วินเยเนส เตน เตน ปริยาเยน วิเนตีติ ปวุจฺจติ. กถํ? สีลสํวเรน กายวจีทุจฺจริตานิ วิเนนฺโตปิ หิ ตํสมฺปยุตฺตํ โกธํ วิเนติ, สติปฺาสํวเรหิ อภิชฺฌาโทมนสฺสาทีนิ วิเนนฺโตปิ โทมนสฺสสมฺปยุตฺตํ โกธํ วิเนติ, ขนฺติสํวเรน สีตาทีนิ ขมนฺโตปิ ตํตํอาฆาตวตฺถุสมฺภวํ โกธํ วิเนติ, วีริยสํวเรน พฺยาปาทวิตกฺกํ วิเนนฺโตปิ ตํสมฺปยุตฺตํ โกธํ วิเนติ. เยหิ ธมฺเมหิ ตทงฺควิกฺขมฺภนสมุจฺเฉทปฺปหานานิ โหนฺติ, เตสํ ธมฺมานํ อตฺตนิ นิพฺพตฺตเนน เต เต ธมฺเม ปชหนฺโตปิ ตทงฺคปฺปหาตพฺพํ วิกฺขมฺเภตพฺพํ สมุจฺฉินฺทิตพฺพฺจ โกธํ วิเนติ. กามฺเจตฺถ ปหานวินเยน วินโย น สมฺภวติ. เยหิ ปน ธมฺเมหิ ปหานํ โหติ, เตหิ วิเนนฺโตปิ ปริยายโต ‘‘ปหานวินเยน วิเนตี’’ติ วุจฺจติ. ปฏิปฺปสฺสทฺธิปฺปหานกาเล ปน วิเนตพฺพาภาวโต นิสฺสรณปฺปหานสฺส จ อนุปฺปาเทตพฺพโต น เตหิ กิฺจิ วิเนตีติ วุจฺจติ. เอวํ เตสุ ปฏิปฺปสฺสทฺธิวินยํ นิสฺสรณวินยฺจ เปตฺวา อวเสเสน อฏฺวิเธน วินเยเนส เตน เตน ปริยาเยน วิเนตีติ ปวุจฺจตีติ. เย วา –

‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, อาฆาตปฏิวินยา, ยตฺถ ภิกฺขุโน อุปฺปนฺโน อาฆาโต สพฺพโส ปฏิวิเนตพฺโพ. กตเม ปฺจ? ยสฺมึ, ภิกฺขเว, ปุคฺคเล อาฆาโต ชาเยถ, เมตฺตา ตสฺมึ ปุคฺคเล ภาเวตพฺพา…เป… กรุณา… อุเปกฺขา… อสติ-อมนสิกาโร ตสฺมึ ปุคฺคเล อาปชฺชิตพฺโพ, เอวํ ตสฺมึ ปุคฺคเล อาฆาโต ปฏิวิเนตพฺโพ. กมฺมสฺสกตา เอว วา ตสฺมึ ปุคฺคเล อธิฏฺาตพฺพา กมฺมสฺสโก อยมายสฺมา…เป… ทายาโท ภวิสฺสตี’’ติ (อ. นิ. ๕.๑๖๑) –

เอวํ ปฺจ อาฆาตปฏิวินยา วุตฺตา. เย จ –

‘‘ปฺจิเม, อาวุโส, อาฆาตปฏิวินยา, ยตฺถ ภิกฺขุโน อุปฺปนฺโน อาฆาโต สพฺพโส ปฏิวิเนตพฺโพ. กตเม ปฺจ? อิธาวุโส, เอกจฺโจ ปุคฺคโล อปริสุทฺธกายสมาจาโร โหติ, ปริสุทฺธวจีสมาจาโร, เอวรูเปปิ, อาวุโส, ปุคฺคเล อาฆาโต ปฏิวิเนตพฺโพ’’ติ (อ. นิ. ๕.๑๖๒) –

เอวมาทินาปิ นเยน ปฺจ อาฆาตปฏิวินยา วุตฺตา. เตสุ เยน เกนจิ อาฆาตปฏิวินเยน วิเนนฺโตเปส วิเนตีติ ปวุจฺจติ. อปิจ ยสฺมา –

‘‘อุภโตทณฺฑเกน เจปิ, ภิกฺขเว, กกเจน โจรา โอจรกา องฺคมงฺคานิ โอกฺกนฺเตยฺยุํ, ตตฺราปิ โย มโน ปโทเสยฺย, น เม โส เตน สาสนกโร’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๓๒) –-

เอวํ สตฺถุ โอวาทํ,

‘‘ตสฺเสว เตน ปาปิโย, โย กุทฺธํ ปฏิกุชฺฌติ;

กุทฺธํ อปฺปฏิกุชฺฌนฺโต, สงฺคามํ เชติ ทุชฺชยํ.

‘‘อุภินฺนมตฺถํ จรติ, อตฺตโน จ ปรสฺส จ;

ปรํ สงฺกุปิตํ ตฺวา, โย สโต อุปสมฺมติ’’. (สํ. นิ. ๑.๑๘๘);

‘‘สตฺติเม, ภิกฺขเว, ธมฺมา สปตฺตกนฺตา สปตฺตกรณา โกธนํ อาคจฺฉนฺติ อิตฺถึ วา ปุริสํ วา. กตเม สตฺต? อิธ, ภิกฺขเว, สปตฺโต สปตฺตสฺส เอวํ อิจฺฉติ – ‘อโห, วตายํ ทุพฺพณฺโณ อสฺสา’ติ. ตํ กิสฺส เหตุ? น, ภิกฺขเว, สปตฺโต สปตฺตสฺส วณฺณวตาย นนฺทติ. โกธนายํ, ภิกฺขเว, ปุริสปุคฺคโล โกธาภิภูโต โกธปเรโต กิฺจาปิ โส โหติ สุนฺหาโต สุวิลิตฺโต กปฺปิตเกสมสฺสุ โอทาตวตฺถวสโน, อถ โข โส ทุพฺพณฺโณว โหติ โกธาภิภูโต. อยํ, ภิกฺขเว, ปโม ธมฺโม สปตฺตกนฺโต สปตฺตกรโณ โกธนํ อาคจฺฉติ อิตฺถึ วา ปุริสํ วา (อ. นิ. ๗.๖๔).

‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, สปตฺโต สปตฺตสฺส เอวํ อิจฺฉติ – ‘อโห, วตายํ ทุกฺขํ สเยยฺยา’ติ…เป… ‘น ปจุรตฺโถ อสฺสา’ติ…เป… ‘น โภควา อสฺสา’ติ…เป… ‘น ยสวา อสฺสา’ติ…เป… ‘น มิตฺตวา อสฺสา’ติ…เป… ‘กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺเชยฺยา’ติ. ตํ กิสฺส เหตุ? น, ภิกฺขเว, สปตฺโต สปตฺตสฺส สุคติคมเนน นนฺทติ. โกธนายํ, ภิกฺขเว, ปุริสปุคฺคโล โกธาภิภูโต โกธปเรโต กาเยน ทุจฺจริตํ จรติ, วาจาย… มนสา ทุจฺจริตํ จรติ. โส กาเยน ทุจฺจริตํ จริตฺวา…เป… วาจาย…เป… มนสา ทุจฺจริตํ จริตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา…เป… นิรยํ อุปปชฺชติ โกธาภิภูโต’’ติ (อ. นิ. ๗.๖๔).

‘‘กุทฺโธ อตฺถํ น ชานาติ, กุทฺโธ ธมฺมํ น ปสฺสติ…เป…. (อ. นิ. ๗.๖๔; มหานิ. ๕);

‘‘เยน โกเธน กุทฺธาเส, สตฺตา คจฺฉนฺติ ทุคฺคตึ;

ตํ โกธํ สมฺมทฺาย, ปชหนฺติ วิปสฺสิโน. (อิติวุ. ๔);

‘‘โกธํ ชเห วิปฺปชเหยฺย มานํ, สํโยชนํ สพฺพมติกฺกเมยฺย. (ธ. ป. ๒๒๑);

‘‘อนตฺถชนโน โกโธ, โกโธ จิตฺตปฺปโกปโน. (อ. นิ. ๗.๖๔; อิติวุ. ๘๘);

‘‘เอกาปราธํ ขม ภูริปฺ, น ปณฺฑิตา โกธพลา ภวนฺตี’’ติ. (ชา. ๑.๑๕.๑๙) –

เอวมาทินา นเยน โกเธ อาทีนวฺจ ปจฺจเวกฺขโตปิ โกโธ วินยํ อุเปติ. ตสฺมา เอวํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา โกธํ วิเนนฺโตปิ เอส วิเนตีติ วุจฺจติ.

โกธนฺติ ‘‘อนตฺถํ เม อจรีติ อาฆาโต ชายตี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๓.๓๔๐; อ. นิ. ๙.๒๙) นเยน สุตฺเต วุตฺตานํ นวนฺนํ, ‘‘อตฺถํ เม น จรี’’ติ อาทีนฺจ ตปฺปฏิปกฺขโต สิทฺธานํ นวนฺนเมวาติ อฏฺารสนฺนํ, ขาณุกณฺฏกาทินา อฏฺาเนน สทฺธึ เอกูนวีสติยา อาฆาตวตฺถูนํ อฺตราฆาตวตฺถุสมฺภวํ อาฆาตํ. วิสฏนฺติ วิตฺถตํ. สปฺปวิสนฺติ สปฺปสฺส วิสํ. อิวาติ โอปมฺมวจนํ, อิ-การ โลปํ กตฺวา ว-อิจฺเจว วุตฺตํ. โอสเธหีติ อคเทหิ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา วิสติกิจฺฉโก เวชฺโช สปฺเปน ทฏฺํ สพฺพํ กายํ ผริตฺวา ิตํ วิสฏํ สปฺปวิสํ มูลขนฺธตจปตฺตปุปฺผาทีนํ อฺตเรหิ นานาเภสชฺเชหิ ปโยเชตฺวา กเตหิ วา โอสเธหิ ขิปฺปเมว วิเนยฺย, เอวเมวํ โย ยถาวุตฺเตนตฺเถน อุปฺปติตํ จิตฺตสนฺตานํ พฺยาเปตฺวา ิตํ โกธํ ยถาวุตฺเตสุ วินยนูปาเยสุ เยน เกนจิ อุปาเยน วิเนติ นาธิวาเสติ ปชหติ วิโนเทติ พฺยนฺตีกโรตีติ.

โส ภิกฺขุ ชหาติ โอรปารนฺติ โส เอวํ โกธํ วิเนนฺโต ภิกฺขุ ยสฺมา โกโธ ตติยมคฺเคน สพฺพโส ปหียติ, ตสฺมา โอรปารสฺิตานิ ปฺโจรมฺภาคิยสํโยชนานิ ชหาตีติ เวทิตพฺโพ. อวิเสเสน หิ ปารนฺติ ตีรสฺส นามํ, ตสฺมา โอรานิ จ ตานิ สํสารสาครสฺส ปารภูตานิ จาติ กตฺวา ‘‘โอรปาร’’นฺติ วุจฺจติ. อถ วา ‘‘โย อุปฺปติตํ วิเนติ โกธํ วิสฏํ สปฺปวิสํว โอสเธหิ’’, โส ตติยมคฺเคน สพฺพโส โกธํ วิเนตฺวา อนาคามิผเล ิโต ภิกฺขุ ชหาติ โอรปารํ. ตตฺถ โอรนฺติ สกตฺตภาโว, ปารนฺติ ปรตฺตภาโว. โอรํ วา ฉ อชฺฌตฺติกานิ อายตนานิ, ปารํ ฉ พาหิรายตนานิ. ตถา โอรํ มนุสฺสโลโก, ปารํ เทวโลโก. โอรํ กามธาตุ, ปารํ รูปารูปธาตุ. โอรํ กามรูปภโว, ปารํ อรูปภโว. โอรํ อตฺตภาโว, ปารํ อตฺตภาวสุขูปกรณานิ. เอวเมตสฺมึ โอรปาเร จตุตฺถมคฺเคน ฉนฺทราคํ ปชหนฺโต ‘‘ชหาติ โอรปาร’’นฺติ วุจฺจติ. เอตฺถ จ กิฺจาปิ อนาคามิโน กามราคสฺส ปหีนตฺตา อิธตฺตภาวาทีสุ ฉนฺทราโค เอว นตฺถิ; อปิจ โข ปนสฺส ตติยมคฺคาทีนํ วิย วณฺณปฺปกาสนตฺถํ สพฺพเมตํ โอรปารเภทํ สงฺคเหตฺวา ตตฺถ ฉนฺทราคปฺปหาเนน ‘‘ชหาติ โอรปาร’’นฺติ วุตฺตํ.

อิทานิ ตสฺสตฺถสฺส วิภาวนตฺถาย อุปมํ อาห ‘‘อุรโค ชิณฺณมิว ตจํ ปุราณ’’นฺติ. ตตฺถ อุเรน คจฺฉตีติ อุรโค, สปฺปสฺเสตํ อธิวจนํ. โส ทุวิโธ – กามรูปี จ อกามรูปี จ. กามรูปีปิ ทุวิโธ – ชลโช ถลโช จ. ชลโช ชเล เอว กามรูปํ ลภติ, น ถเล, สงฺขปาลชาตเก สงฺขปาลนาคราชา วิย. ถลโช ถเล เอว, น ชเล. โส ชชฺชรภาเวน ชิณฺณํ, จิรกาลตาย ปุราณฺจาติ สงฺขํ คตํ. ตจํ ชหนฺโต จตุพฺพิเธน ชหาติ – สชาติยํ ิโต, ชิคุจฺฉนฺโต, นิสฺสาย, ถาเมนาติ. สชาติ นาม สปฺปชาติ ทีฆตฺตภาโว. อุรคา หิ ปฺจสุ าเนสุ สชาตึ นาติวตฺตนฺติ – อุปปตฺติยํ, จุติยํ, วิสฺสฏฺนิทฺโทกฺกมเน, สมานชาติยา เมถุนปฏิเสวเน, ชิณฺณตจาปนยเน จาติ. สปฺโป หิ ยทา ตจํ ชหาติ, ตทา สชาติยํเยว ตฺวา ชหาติ. สชาติยํ ิโตปิ จ ชิคุจฺฉนฺโต ชหาติ. ชิคุจฺฉนฺโต นาม ยทา อุปฑฺฒฏฺาเน มุตฺโต โหติ, อุปฑฺฒฏฺาเน อมุตฺโต โอลมฺพติ, ตทา นํ อฏฺฏียนฺโต ชหาติ. เอวํ ชิคุจฺฉนฺโตปิ จ ทณฺฑนฺตรํ วา มูลนฺตรํ วา ปาสาณนฺตรํ วา นิสฺสาย ชหาติ. นิสฺสาย ชหนฺโตปิ จ ถามํ ชเนตฺวา, อุสฺสาหํ กตฺวา, วีริเยน วงฺกํ นงฺคุฏฺํ กตฺวา, ปสฺสสนฺโตว ผณํ กริตฺวา ชหาติ. เอวํ ชหิตฺวา เยนกามํ ปกฺกมติ. เอวเมวํ อยมฺปิ ภิกฺขุ โอรปารํ ชหิตุกาโม จตุพฺพิเธน ชหาติ – สชาติยํ ิโต, ชิคุจฺฉนฺโต, นิสฺสาย, ถาเมนาติ. สชาติ นาม ภิกฺขุโน ‘‘อริยาย ชาติยา ชาโต’’ติ (ม. นิ. ๒.๓๕๑) วจนโต สีลํ. เตเนวาห ‘‘สีเล ปติฏฺาย นโร สปฺปฺโ’’ติ (สํ. นิ. ๑.๒๓; เปฏโก. ๒๒). เอวเมติสฺสํ สชาติยํ ิโต ภิกฺขุ ตํ สกตฺตภาวาทิเภทํ โอรปารํ ชิณฺณปุราณตจมิว ทุกฺขํ ชเนนฺตํ ตตฺถ ตตฺถ อาทีนวทสฺสเนน ชิคุจฺฉนฺโต กลฺยาณมิตฺเต นิสฺสาย อธิมตฺตวายามสงฺขาตํ ถามํ ชเนตฺวา ‘‘ทิวสํ จงฺกเมน นิสชฺชาย อาวรณีเยหิ ธมฺเมหิ จิตฺตํ ปริโสเธตี’’ติ (อ. นิ. ๓.๑๖; วิภ. ๕๑๙) วุตฺตนเยน รตฺตินฺทิวํ ฉธา วิภชิตฺวา ฆเฏนฺโต วายมนฺโต อุรโค วิย, วงฺกํ นงฺคุฏฺํ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อุรโค วิย ปสฺสสนฺโต, อยมฺปิ อสิถิลปรกฺกมตาย วายมนฺโต อุรโค วิย ผณํ กริตฺวา, อยมฺปิ าณวิปฺผารํ ชเนตฺวา อุรโคว ตจํ โอรปารํ ชหาติ. ชหิตฺวา จ อุรโค วิย โอหิตตโจ เยนกามํ อยมฺปิ โอหิตภาโร อนุปาทิเสสนิพฺพานธาตุทิสํ ปกฺกมตีติ. เตนาห ภควา –

‘‘โย อุปฺปติตํ วิเนติ โกธํ, วิสฏํ สปฺปวิสํว โอสเธหิ;

โส ภิกฺขุ ชหาติ โอรปารํ, อุรโค ชิณฺณมิว ตจํ ปุราณ’’นฺติ.

เอวเมสา ภควตา อรหตฺตนิกูเฏน ปมคาถา เทสิตาติ.

. อิทานิ ทุติยคาถาย อตฺถวณฺณนากฺกโม อนุปฺปตฺโต. ตตฺราปิ –

‘‘เยน ยตฺถ ยทา ยสฺมา, วุตฺตา คาถา อยํ อิมํ;

วิธึ ปกาสยิตฺวาสฺสา, กริสฺสามตฺถวณฺณน’’นฺติ. –

อยเมว มาติกา. ตโต ปรฺจ สพฺพคาถาสุ. อติวิตฺถารภเยน ปน อิโต ปภุติ มาติกํ อนิกฺขิปิตฺวา อุปฺปตฺติทสฺสนนเยเนว ตสฺสา ตสฺสา อตฺถํ ทสฺเสนฺโต อตฺถวณฺณนํ กริสฺสามิ. เสยฺยถิทํ โย ราคมุทจฺฉิทา อเสสนฺติ อยํ ทุติยคาถา.

ตสฺสุปฺปตฺติ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. เตน โข ปน สมเยน อายสฺมโต สาริปุตฺตตฺเถรสฺส อุปฏฺาโก อฺตโร สุวณฺณการปุตฺโต เถรสฺส สนฺติเก ปพฺพชิโต. เถโร ตสฺส ‘‘ทหรานํ อสุภํ สปฺปาย’’นฺติ มนฺตฺวา ราควิฆาตตฺถํ อสุภกมฺมฏฺานํ อทาสิ. ตสฺส ตสฺมึ อาเสวนมตฺตมฺปิ จิตฺตํ น ลภติ. โส ‘‘อนุปการํ มเมต’’นฺติ เถรสฺส อาโรเจสิ. เถโร ‘‘ทหรานเมตํ สปฺปาย’’นฺติ มนฺตฺวา ปุนปิ ตเทวาจิกฺขิ. เอวํ จตฺตาโร มาสา อตีตา, โส กิฺจิมตฺตมฺปิ วิเสสํ น ลภติ. ตโต นํ เถโร ภควโต สนฺติกํ เนสิ. ภควา ‘‘อวิสโย, สาริปุตฺต, ตุยฺเหตสฺส สปฺปายํ ชานิตุํ, พุทฺธเวเนยฺโย เอโส’’ติ วตฺวา ปภสฺสรวณฺณํ ปทุมํ อิทฺธิยา นิมฺมินิตฺวา ตสฺส หตฺเถ ปาทาสิ – ‘‘หนฺท, ภิกฺขุ, อิมํ วิหารปจฺฉายายํ วาลิกาตเล นาเฬน วิชฺฌิตฺวา เปหิ, อภิมุขฺจสฺส ปลฺลงฺเกน นิสีท ‘โลหิตํ โลหิต’นฺติ อาวชฺเชนฺโต’’ติ. อยํ กิร ปฺจ ชาติสตานิ สุวณฺณกาโรว อโหสิ. เตนสฺส ‘‘โลหิตกนิมิตฺตํ สปฺปาย’’นฺติ ตฺวา ภควา โลหิตกกมฺมฏฺานํ อทาสิ. โส ตถา กตฺวา มุหุตฺเตเนว ยถากฺกมํ ตตฺถ จตฺตาริปิ ฌานานิ อธิคนฺตฺวา อนุโลมปฏิโลมาทินา นเยน ฌานกีฬํ อารภิ. อถ ภควา ‘ตํ ปทุมํ มิลายตู’ติ อธิฏฺาสิ. โส ฌานา วุฏฺิโต ตํ มิลาตํ กาฬวณฺณํ ทิสฺวา ‘‘ปภสฺสรรูปํ ชราย ปริมทฺทิต’’นฺติ อนิจฺจสฺํ ปฏิลภิ. ตโต นํ อชฺฌตฺตมฺปิ อุปสํหริ. ตโต ‘‘ยทนิจฺจํ ตํ ทุกฺขํ, ยํ ทุกฺขํ ตทนตฺตา’’ติ ตโยปิ ภเว อาทิตฺเต วิย ปสฺสิ. เอวํ ปสฺสโต จสฺสาวิทูเร ปทุมสฺสโร อตฺถิ. ตตฺถ ทารกา โอโรหิตฺวา ปทุมานิ ภฺชิตฺวา ภฺชิตฺวา ราสึ กโรนฺติ. ตสฺส ตานิ อุทเก ปทุมานิ นฬวเน อคฺคิชาลา วิย ขายึสุ, ปตฺตานิ ปตนฺตานิ ปปาตํ ปวิสนฺตานิ วิย ขายึสุ, ถเล นิกฺขิตฺตปทุมานํ อคฺคานิ มิลาตานิ อคฺคิฑฑฺฒานิ วิย ขายึสุ. อถสฺส ตทนุสาเรน สพฺพธมฺเม อุปนิชฺฌายโต ภิยฺโยโสมตฺตาย ตโย ภวา อาทิตฺตมิว อคารํ อปฺปฏิสรณา หุตฺวา อุปฏฺหึสุ. ตโต ภควา คนฺธกุฏิยํ นิสินฺโนว ตสฺส ภิกฺขุโน อุปริ สรีราภํ มุฺจิ. สา จสฺส มุขํเยว อชฺโฌตฺถริ. ตโต โส ‘‘กิเมต’’นฺติ อาวชฺเชนฺโต ภควนฺตํ อาคนฺตฺวา สมีเป ิตมิว ทิสฺวา อุฏฺายาสนา อฺชลึ ปณาเมสิ. อถสฺส ภควา สปฺปายํ วิทิตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ โอภาสคาถํ อภาสิ ‘‘โย ราคมุทจฺฉิทา อเสส’’นฺติ.

ตตฺถ รฺชนวเสน ราโค, ปฺจกามคุณราคสฺเสตํ อธิวจนํ. อุทจฺฉิทาติ อุจฺฉินฺทติ, ภฺชติ, วินาเสติ. อตีตกาลิกานมฺปิ หิ ฉนฺทสิ วตฺตมานวจนํ อกฺขรจินฺตกา อิจฺฉนฺติ. อเสสนฺติ สานุสยํ. ภิสปุปฺผํว สโรรุหนฺติ สเร วิรูฬฺหํ ปทุมปุปฺผํ วิย. วิคยฺหาติ โอคยฺห, ปวิสิตฺวาติ อตฺโถ. เสสํ ปุพฺพสทิสเมว. กึ วุตฺตํ โหติ? ยถา นาม เอเต ทารกา สรํ โอรุยฺห ภิสปุปฺผํ สโรรุหํ ฉินฺทนฺติ, เอวเมวํ โย ภิกฺขุ อิมํ เตธาตุกโลกสนฺนิวาสํ โอคยฺห –

‘‘นตฺถิ ราคสโม อคฺคิ’’; (ธ. ป. ๒๐๒);

‘‘กามราเคน ทยฺหามิ, จิตฺตํ เม ปริทยฺหติ’’; (สํ. นิ. ๑.๒๑๒);

‘‘เย ราครตฺตานุปตนฺติ โสตํ, สยํ กตํ มกฺกฏโกว ชาลํ’’. (ธ. ป. ๓๔๗);

‘‘รตฺโต โข, อาวุโส, ราเคน อภิภูโต ปริยาทินฺนจิตฺโต ปาณมฺปิ หนตี’’ติ (อ. นิ. ๓.๕๖, ๗๒) –

เอวมาทินยมนุคนฺตฺวา ราคาทีนวปจฺจเวกฺขเณน ยถาวุตฺตปฺปกาเรหิ สีลสํวราทีหิ สํวเรหิ สวิฺาณกาวิฺาณเกสุ วตฺถูสุ อสุภสฺาย จ โถกํ โถกํ ราคํ สมุจฺฉินฺทนฺโต อนาคามิมคฺเคน อวเสสํ อรหตฺตมคฺเคน จ ตโต อนวเสสมฺปิ อุจฺฉินฺทติ ปุพฺเพ วุตฺตปฺปกาเรเนว โส ภิกฺขุ ชหาติ โอรปารํ อุรโค ชิณฺณมิว ตจํ ปุราณนฺติ. เอวเมสา ภควตา อรหตฺตนิกูเฏน คาถา เทสิตา. เทสนาปริโยสาเน จ โส ภิกฺขุ อรหตฺเต ปติฏฺิโตติ.

. โย ตณฺหมุทจฺฉิทาติ กา อุปฺปตฺติ? ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ. อฺตโร ภิกฺขุ คคฺคราย โปกฺขรณิยา ตีเร วิหรนฺโต ตณฺหาวเสน อกุสลวิตกฺกํ วิตกฺเกติ. ภควา ตสฺสชฺฌาสยํ วิทิตฺวา อิมํ โอภาสคาถมภาสิ.

ตตฺถ ตสฺสตีติ ตณฺหา. วิสเยหิ ติตฺตึ น อุเปตีติ อตฺโถ. กามภววิภวตณฺหานเมตํ อธิวจนํ. สริตนฺติ คตํ ปวตฺตํ, ยาว ภวคฺคา อชฺโฌตฺถริตฺวา ิตนฺติ วุตฺตํ โหติ. สีฆสรนฺติ สีฆคามินึ, สนฺทิฏฺิกสมฺปรายิกํ อาทีนวํ อคเณตฺวา มุหุตฺเตเนว ปรจกฺกวาฬมฺปิ ภวคฺคมฺปิ สมฺปาปุณิตุํ สมตฺถนฺติ วุตฺตํ โหติ. เอวเมตํ สริตํ สีฆสรํ สพฺพปฺปการมฺปิ ตณฺหํ –

‘‘อุปริวิสาลา ทุปฺปูรา, อิจฺฉา วิสฏคามินี;

เย จ ตํ อนุคิชฺฌนฺติ, เต โหนฺติ จกฺกธาริโน’’ติ.

‘‘ตณฺหาทุติโย ปุริโส, ทีฆมทฺธานสํสรํ;

อิตฺถภาวฺถาภาวํ, สํสารํ นาติวตฺตตี’’ติ. (อิติวุ. ๑๕, ๑๐๕; มหานิ. ๑๙๑; จูฬนิ. ปารายนานุคีติคาถานิทฺเทส ๑๐๗);

‘‘อูโน โลโก อติตฺโต ตณฺหาทาโสติ โข, มหาราชา’’ติ (ม. นิ. ๒.๓๐๕) จ –

เอวมาทีนวปจฺจเวกฺขเณน วุตฺตปฺปกาเรหิ สีลสํวราทีหิ จ โย โถกํ โถกํ วิโสสยิตฺวา อรหตฺตมคฺเคน อเสสํ อุจฺฉิชฺชติ, โส ภิกฺขุ ตสฺมึเยว ขเณ สพฺพปฺปการมฺปิ ชหาติ โอรปารนฺติ. เทสนาปริโยสาเน โส ภิกฺขุ อรหตฺเต ปติฏฺิโตติ.

. โย มานมุทพฺพธีติ กา อุปฺปตฺติ? ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ. อฺตโร ภิกฺขุ คงฺคาย ตีเร วิหรนฺโต คิมฺหกาเล อปฺโปทเก โสเต กตํ นฬเสตุํ ปจฺฉา อาคเตน มโหเฆน วุยฺหมานํ ทิสฺวา ‘‘อนิจฺจา สงฺขารา’’ติ สํวิคฺโค อฏฺาสิ. ตสฺสชฺฌาสยํ วิทิตฺวา ภควา อิมํ โอภาสคาถํ อภาสิ.

ตตฺถ มาโนติ ชาติอาทิวตฺถุโก เจตโส อุณฺณาโม. โส ‘‘เสยฺโยหมสฺมี’’ติ มาโน, ‘‘สทิโสหมสฺมี’’ติ มาโน, ‘‘หีโนหมสฺมี’’ติ มาโนติ เอวํ ติวิโธ โหติ. ปุน ‘‘เสยฺยสฺส เสยฺโยหมสฺมีติ, เสยฺยสฺส สทิโส, เสยฺยสฺส หีโน, สทิสสฺส เสยฺโย, สทิสสฺส สทิโส, สทิสสฺส หีโน, หีนสฺส เสยฺโย, หีนสฺส สทิโส, หีนสฺส หีโนหมสฺมี’’ติ มาโนติ เอวํ นววิโธ โหติ. ตํ สพฺพปฺปการมฺปิ มานํ –

‘‘เยน มาเนน มตฺตาเส, สตฺตา คจฺฉนฺติ ทุคฺคติ’’นฺติ. (อิติวุ. ๖) –

อาทินา นเยน ตตฺถ อาทีนวปจฺจเวกฺขเณน วุตฺตปฺปกาเรหิ สีลสํวราทีหิ จ โย โถกํ โถกํ วเธนฺโต กิเลสานํ อพลทุพฺพลตฺตา นฬเสตุสทิสํ โลกุตฺตรธมฺมานํ อติพลตฺตา มโหฆสทิเสน อรหตฺตมคฺเคน อเสสํ อุทพฺพธิ, อนวเสสปฺปหานวเสน อุจฺฉินฺทนฺโต วเธตีติ วุตฺตํ โหติ. โส ภิกฺขุ ตสฺมึเยว ขเณ สพฺพปฺปการมฺปิ ชหาติ โอรปารนฺติ. เทสนาปริโยสาเน โส ภิกฺขุ อรหตฺเต ปติฏฺิโตติ.

. ติ กา อุปฺปตฺติ? อิมิสฺสา คาถาย อิโต ปรานฺจ ทฺวาทสนฺนํ เอกาเยว อุปฺปตฺติ. เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ. เตน โข ปน สมเยน อฺตโร พฺราหฺมโณ อตฺตโน ธีตุยา วาเรยฺเย ปจฺจุปฏฺิเต จินฺเตสิ – ‘‘เกนจิ วสเลน อปริภุตฺตปุพฺเพหิ ปุปฺเผหิ ทาริกํ อลงฺกริตฺวา ปติกุลํ เปเสสฺสามี’’ติ. โส สนฺตรพาหิรํ สาวตฺถึ วิจินนฺโต กิฺจิ ติณปุปฺผมฺปิ อปริภุตฺตปุพฺพํ นาทฺทส. อถ สมฺพหุเล ธุตฺตกชาติเก พฺราหฺมณทารเก สนฺนิปติเต ทิสฺวา ‘‘เอเต ปุจฺฉิสฺสามิ, อวสฺสํ สมฺพหุเลสุ โกจิ ชานิสฺสตี’’ติ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิ. เต ตํ พฺราหฺมณํ อุปฺปณฺเฑนฺตา อาหํสุ – ‘‘อุทุมฺพรปุปฺผํ นาม, พฺราหฺมณ, โลเก น เกนจิ ปริภุตฺตปุพฺพํ. เตน ธีตรํ อลงฺกริตฺวา เทหี’’ติ. โส ทุติยทิวเส กาลสฺเสว วุฏฺาย ภตฺตวิสฺสคฺคํ กตฺวา อจิรวติยา นทิยา ตีเร อุทุมฺพรวนํ คนฺตฺวา เอกเมกํ รุกฺขํ วิจินนฺโต ปุปฺผสฺส วณฺฏมตฺตมฺปิ นาทฺทส. อถ วีติวตฺเต มชฺฌนฺหิเก ทุติยตีรํ อคมาสิ. ตตฺถ จ อฺตโร ภิกฺขุ อฺตรสฺมึ มนุฺเ รุกฺขมูเล ทิวาวิหารํ นิสินฺโน กมฺมฏฺานํ มนสิ กโรติ. โส ตตฺถ อุปสงฺกมิตฺวา อมนสิกริตฺวา, สกึ นิสีทิตฺวา, สกึ อุกฺกุฏิโก หุตฺวา, สกึ ตฺวา, ตํ รุกฺขํ สพฺพสาขาวิฏปปตฺตนฺตเรสุ วิจินนฺโต กิลมติ. ตโต นํ โส ภิกฺขุ อาห – ‘‘พฺราหฺมณ, กึ มคฺคสี’’ติ? ‘‘อุทุมฺพรปุปฺผํ, โภ’’ติ. ‘‘อุทุมฺพรปุปฺผํ นาม, พฺราหฺมณ, โลเก นตฺถิ, มุสา เอตํ วจนํ, มา กิลมา’’ติ. อถ ภควา ตสฺส ภิกฺขุโน อชฺฌาสยํ วิทิตฺวา โอภาสํ มุฺจิตฺวา สมุปฺปนฺนสมนฺนาหารพหุมานสฺส อิมา โอภาสคาถาโย อภาสิ ‘‘โย นาชฺฌคมา ภเวสุ สาร’’นฺติ สพฺพา วตฺตพฺพา.

ตตฺถ ปมคาถาย ตาว นาชฺฌคมาติ นาธิคจฺฉิ, นาธิคจฺฉติ วา. ภเวสูติ กามรูปารูปสฺีอสฺีเนวสฺีนาสฺีเอกโวการจตุโวการปฺจโวการภเวสุ. สารนฺติ นิจฺจภาวํ อตฺตภาวํ วา. วิจินนฺติ ปฺาย คเวสนฺโต. ปุปฺผมิว อุทุมฺพเรสูติ ยถา อุทุมฺพรรุกฺเขสุ ปุปฺผํ วิจินนฺโต เอส พฺราหฺมโณ นาชฺฌคมา, เอวํ โย โยคาวจโรปิ ปฺาย วิจินนฺโต สพฺพภเวสุ กิฺจิ สารํ นาชฺฌคมา. โส อสารกฏฺเน เต ธมฺเม อนิจฺจโต อนตฺตโต จ วิปสฺสนฺโต อนุปุพฺเพน โลกุตฺตรธมฺเม อธิคจฺฉนฺโต ชหาติ โอรปารํ อุรโค ชิณฺณมิว ตจํ ปุราณนฺติ อยมตฺโถ โยชนา จ. อวเสสคาถาสุ ปนสฺส โยชนํ อวตฺวา วิเสสตฺถมตฺตเมว วกฺขาม.

.

‘‘ยสฺสนฺตรโต น สนฺติ โกปา,

อิติภวาภวตฺจ วีติวตฺโต’’ติ. (อุทา. ๒๐) –

เอตฺถ ตาว อยํ ‘อนฺตรสทฺโท’ –

‘‘นทีตีเรสุ สณฺาเน, สภาสุ รถิยาสุ จ;

ชนา สงฺคมฺม มนฺเตนฺติ, มฺจ ตฺจ กิมนฺตร’’นฺติ. (สํ. นิ. ๑.๒๒๘);

‘‘อปฺปมตฺตเกน วิเสสาธิคเมน อนฺตรา โวสานมาปาทิ’’ (อ. นิ. ๑๐.๘๔);

‘‘อนตฺถชนโน โกโธ, โกโธ จิตฺตปฺปโกปโน;

ภยมนฺตรโต ชาตํ, ตํ ชโน นาวพุชฺฌตี’’ติ. (อ. นิ. ๗.๖๔; อิติวุ. ๘๘) –

เอวํ การณเวมชฺฌจิตฺตาทีสุ สมฺพหุเลสุ อตฺเถสุ ทิสฺสติ. อิธ ปน จิตฺเต. ตโต ยสฺสนฺตรโต น สนฺติ โกปาติ ตติยมคฺเคน สมูหตตฺตา ยสฺส จิตฺเต น สนฺติ โกปาติ อตฺโถ. ยสฺมา ปน ภโวติ สมฺปตฺติ, วิภโวติ วิปตฺติ. ตถา ภโวติ วุทฺธิ, วิภโวติ หานิ. ภโวติ สสฺสโต, วิภโวติ อุจฺเฉโท. ภโวติ ปุฺํ, วิภโวติ ปาปํ. วิภโว อภโวติ จ อตฺถโต เอกเมว. ตสฺมา อิติภวาภวตฺจ วีติวตฺโตติ เอตฺถ ยา เอสา สมฺปตฺติวิปตฺติวุฑฺฒิหานิสสฺสตุจฺเฉทปุฺปาปวเสน อิติ อเนกปฺปการา ภวาภวตา วุจฺจติ. จตูหิปิ มคฺเคหิ ยถาสมฺภวํ เตน เตน นเยน ตํ อิติภวาภวตฺจ วีติวตฺโตติ เอวมตฺโถ าตพฺโพ.

. ยสฺส วิตกฺกาติ เอตฺถ ปน ยสฺส ภิกฺขุโน ตโย กามพฺยาปาทวิหึสาวิตกฺกา, ตโย าติชนปทามรวิตกฺกา, ตโย ปรานุทฺทยตาปฏิสํยุตฺตลาภสกฺการสิโลกอนวฺตฺติปฏิสํยุตฺตวิตกฺกาติ เอเต นว วิตกฺกา สมนฺตภทฺทเก วุตฺตนเยน ตตฺถ ตตฺถ อาทีนวํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปฏิปกฺขววตฺถาเนน ตสฺส ตสฺส ปหานสมตฺเถหิ ตีหิ เหฏฺิมมคฺเคหิ จ วิธูปิตา ภุสํ ธูปิตา สนฺตาปิตา ทฑฺฒาติ อตฺโถ. เอวํ วิธูเปตฺวา จ อชฺฌตฺตํ สุวิกปฺปิตา อเสสา, นิยกชฺฌตฺตภูเต อตฺตโน ขนฺธสนฺตาเน อชฺฌตฺตชฺฌตฺตภูเต จิตฺเต จ ยถา น ปุน สมฺภวนฺติ, เอวํ อรหตฺตมคฺเคน อเสสา ฉินฺนา. ฉินฺนฺหิ กปฺปิตนฺติ วุจฺจติ. ยถาห ‘‘กปฺปิตเกสมสฺสู’’ติ (สํ. นิ. ๑.๑๒๒; ๔.๓๖๕). เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.

. อิทานิ โย นาจฺจสารีติ เอตฺถ โย นาจฺจสารีติ โย นาติธาวิ. น ปจฺจสารีติ น โอหียิ. กึ วุตฺตํ โหติ? อจฺจารทฺธวีริเยน หิ อุทฺธจฺเจ ปตนฺโต อจฺจาสรติ, อติสิถิเลน โกสชฺเช ปตนฺโต ปจฺจาสรติ. ตถา ภวตณฺหาย อตฺตานํ กิลเมนฺโต อจฺจาสรติ, กามตณฺหาย กามสุขมนุยุฺชนฺโต ปจฺจาสรติ. สสฺสตทิฏฺิยา อจฺจาสรติ, อุจฺเฉททิฏฺิยา ปจฺจาสรติ. อตีตํ อนุโสจนฺโต อจฺจาสรติ, อนาคต ปฏิกงฺขนฺโต ปจฺจาสรติ. ปุพฺพนฺตานุทิฏฺิยา อจฺจาสรติ, อปรนฺตานุทิฏฺิยา ปจฺจาสรติ. ตสฺมา โย เอเต อุโภ อนฺเต วชฺเชตฺวา มชฺฌิมํ ปฏิปทํ ปฏิปชฺชนฺโต นาจฺจสารี น ปจฺจสารีติ เอวํ วุตฺตํ โหติ. สพฺพํ อจฺจคมา อิมํ ปปฺจนฺติ ตาย จ ปน อรหตฺตมคฺคโวสานาย มชฺฌิมาย ปฏิปทาย สพฺพํ อิมํ เวทนาสฺาวิตกฺกปฺปภวํ ตณฺหามานทิฏฺิสงฺขาตํ ติวิธํ ปปฺจํ อจฺจคมา อติกฺกนฺโต, สมติกฺกนฺโตติ อตฺโถ.

. ตทนนฺตรคาถาย ปน สพฺพํ วิตถมิทนฺติ ตฺวา โลเกติ อยเมว วิเสโส. ตสฺสตฺโถ – สพฺพนฺติ อนวเสสํ, สกลมนูนนฺติ วุตฺตํ โหติ. เอวํ สนฺเตปิ ปน วิปสฺสนุปคํ โลกิยขนฺธายตนธาตุปฺปเภทํ สงฺขตเมว อิธาธิปฺเปตํ. วิตถนฺติ วิคตตถภาวํ. นิจฺจนฺติ วา สุขนฺติ วา สุภนฺติ วา อตฺตาติ วา ยถา ยถา กิเลสวเสน พาลชเนหิ คยฺหติ, ตถาตถาภาวโต วิตถนฺติ วุตฺตํ โหติ. อิทนฺติ ตเมว สพฺพํ ปจฺจกฺขภาเวน ทสฺเสนฺโต อาห. ตฺวาติ มคฺคปฺาย ชานิตฺวา, ตฺจ ปน อสมฺโมหโต, น วิสยโต. โลเกติ โอกาสโลเก สพฺพํ ขนฺธาทิเภทํ ธมฺมชาตํ ‘‘วิตถมิท’’นฺติ ตฺวาติ สมฺพนฺโธ.

๑๐-๑๓. อิทานิ อิโต ปราสุ จตูสุ คาถาสุ วีตโลโภ วีตราโค วีตโทโส วีตโมโหติ เอเต วิเสสา. เอตฺถ ลุพฺภนวเสน โลโภ. สพฺพสงฺคาหิกเมตํ ปมสฺส อกุสลมูลสฺส อธิวจนํ, วิสมโลภสฺส วา. โย โส ‘‘อปฺเปกทา มาตุมตฺตีสุปิ โลภธมฺมา อุปฺปชฺชนฺติ, ภคินิมตฺตีสุปิ โลภธมฺมา อุปฺปชฺชนฺติ, ธีตุมตฺตีสุปิ โลภธมฺมา อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ (สํ. นิ. ๔.๑๒๗) เอวํ วุตฺโต. รชฺชนวเสน ราโค, ปฺจกามคุณราคสฺเสตํ อธิวจนํ. ทุสฺสนวเสน โทโส, ปุพฺเพ วุตฺตโกธสฺเสตํ อธิวจนํ. มุยฺหนวเสน โมโห, จตูสุ อริยสจฺเจสุ อฺาณสฺเสตํ อธิวจนํ. ตตฺถ ยสฺมา อยํ ภิกฺขุ โลภํ ชิคุจฺฉนฺโต วิปสฺสนํ อารภิ ‘‘กุทาสฺสุ นามาหํ โลภํ วิเนตฺวา วิคตโลโภ วิหเรยฺย’’นฺติ, ตสฺมา ตสฺส โลภปฺปหานูปายํ สพฺพสงฺขารานํ วิตถภาวทสฺสนํ โลภปฺปหานานิสํสฺจ โอรปารปฺปหานํ ทสฺเสนฺโต อิมํ คาถมาห. เอส นโย อิโต ปราสุปิ. เกจิ ปนาหุ – ‘‘ยถาวุตฺเตเนว นเยน เอเต ธมฺเม ชิคุจฺฉิตฺวา วิปสฺสนมารทฺธสฺส ตสฺส ตสฺส ภิกฺขุโน เอกเมกาว เอตฺถ คาถา วุตฺตา’’ติ. ยํ รุจฺจติ, ตํ คเหตพฺพํ. เอส นโย อิโต ปราสุ จตูสุ คาถาสุ.

๑๔. อยํ ปเนตฺถ อตฺถวณฺณนา – อปฺปหีนฏฺเน สนฺตาเน สยนฺตีติ อนุสยา กามราคปฏิฆมานทิฏฺิวิจิกิจฺฉาภวราคาวิชฺชานํ เอตํ อธิวจนํ. สมฺปยุตฺตธมฺมานํ อตฺตโน อาการานุวิธานฏฺเน มูลา; อเขมฏฺเน อกุสลา; ธมฺมานํ ปติฏฺาภูตาติปิ มูลา; สาวชฺชทุกฺขวิปากฏฺเน อกุสลา; อุภยมฺเปตํ โลภโทสโมหานํ อธิวจนํ. เต หิ ‘‘โลโภ, ภิกฺขเว, อกุสลฺจ อกุสลมูลฺจา’’ติอาทินา นเยน เอวํ นิทฺทิฏฺา. เอวเมเต อนุสยา เตน เตน มคฺเคน ปหีนตฺตา ยสฺส เกจิ น สนฺติ, เอเต จ อกุสลมูลา ตเถว สมูหตาเส, สมูหตา อิจฺเจว อตฺโถ. ปจฺจตฺตพหุวจนสฺส หิ เส-การาคมํ อิจฺฉนฺติ สทฺทลกฺขณโกวิทา. อฏฺกถาจริยา ปน ‘‘เสติ นิปาโต’’ติ วณฺณยนฺติ. ยํ รุจฺจติ, ตํ คเหตพฺพํ. เอตฺถ ปน ‘‘กิฺจาปิ โส เอวํวิโธ ภิกฺขุ ขีณาสโว โหติ, ขีณาสโว จ เนว อาทิยติ, น ปชหติ, ปชหิตฺวา ิโต’’ติ วุตฺโต. ตถาปิ วตฺตมานสมีเป วตฺตมานวจนลกฺขเณน ‘‘ชหาติ โอรปาร’’นฺติ วุจฺจติ. อถ วา อนุปาทิเสสาย จ นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายนฺโต อตฺตโน อชฺฌตฺติกพาหิรายตนสงฺขาตํ ชหาติ โอรปารนฺติ เวทิตพฺโพ.

ตตฺถ กิเลสปฏิปาฏิยา มคฺคปฏิปาฏิยา จาติ ทฺวิธา อนุสยานํ อภาโว เวทิตพฺโพ. กิเลสปฏิปาฏิยา หิ กามราคานุสยปฏิฆานุสยานํ ตติยมคฺเคน อภาโว โหติ, มานานุสยสฺส จตุตฺถมคฺเคน, ทิฏฺานุสยวิจิกิจฺฉานุสยานํ ปมมคฺเคน, ภวราคานุสยาวิชฺชานุสยานํ จตุตฺถมคฺเคเนว. มคฺคปฏิปาฏิยา ปน ปมมคฺเคน ทิฏฺานุสยวิจิกิจฺฉานุสยานํ อภาโว โหติ. ทุติยมคฺเคน กามราคานุสยปฏิฆานุสยานํ ตนุภาโว, ตติยมคฺเคน สพฺพโส อภาโว, จตุตฺถมคฺเคน มานานุสยภวราคานุสยาวิชฺชานุสยานํ อภาโว โหติ. ตตฺถ ยสฺมา น สพฺเพ อนุสยา อกุสลมูลา; กามราคภวราคานุสยา เอว หิ โลภากุสลมูเลน สงฺคหํ คจฺฉนฺติ. ปฏิฆานุสยาวิชฺชานุสยา จ ‘‘โทโส อกุสลมูลํ, โมโห อกุสลมูลํ’’ อิจฺเจว สงฺขํ คจฺฉนฺติ, ทิฏฺิมานวิจิกิจฺฉานุสยา ปน น กิฺจิ อกุสลมูลํ โหนฺติ, ยสฺมา วา อนุสยาภาววเสน จ อกุสลมูลสมุคฺฆาตวเสน จ กิเลสปฺปหานํ ปฏฺเปสิ, ตสฺมา –

‘‘ยสฺสานุสยา น สนฺติ เกจิ, มูลา จ อกุสลา สมูหตาเส’’. –

อิติ ภควา อาห.

๑๕. ยสฺส ทรถชาติ เอตฺถ ปน ปมุปฺปนฺนา กิเลสา ปริฬาหฏฺเน ทรถา นาม, อปราปรุปฺปนฺนา ปน เตหิ ทรเถหิ ชาตตฺตา ทรถชา นาม. โอรนฺติ สกฺกาโย วุจฺจติ. ยถาห – ‘‘โอริมํ ตีรนฺติ โข, ภิกฺขุ, สกฺกายสฺเสตํ อธิวจน’’นฺติ (สํ. นิ. ๔.๒๓๘). อาคมนายาติ อุปฺปตฺติยา. ปจฺจยาเสติ ปจฺจยา เอว. กึ วุตฺตํ โหติ? ยสฺส ปน อุปาทานกฺขนฺธคฺคหณาย ปจฺจยภูตา อริยมคฺเคน ปหีนตฺตา, เกจิ ทรถชเววจนา กิเลสา น สนฺติ, ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว โส ภิกฺขุ ชหาติ โอรปารนฺติ.

๑๖. ยสฺส วนถชาติ เอตฺถปิ ทรถชา วิย วนถชา เวทิตพฺพา. วจนตฺเถ ปน อยํ วิเสโส – วนุเต, วโนตีติ วา วนํ ยาจติ เสวติ ภชตีติ อตฺโถ. ตณฺหาเยตํ อธิวจนํ. สา หิ วิสยานํ ปตฺถนโต เสวนโต จ ‘‘วน’’นฺติ วุจฺจติ. ตํ ปริยุฏฺานวเสน วนํ ถรติ ตโนตีติ วนโถ, ตณฺหานุสยสฺเสตํ อธิวจนํ. วนถา ชาตาติ วนถชาติ. เกจิ ปนาหุ ‘‘สพฺเพปิ กิเลสา คหนฏฺเน วนโถติ วุจฺจนฺติ, อปราปรุปฺปนฺนา ปน วนถชา’’ติ. อยเมว เจตฺถ อุรคสุตฺเต อตฺโถ อธิปฺเปโต, อิตโร ปน ธมฺมปทคาถายํ. วินิพนฺธาย ภวายาติ ภววินิพนฺธาย. อถ วา จิตฺตสฺส วิสเยสุ วินิพนฺธาย อายตึ อุปฺปตฺติยา จาติ อตฺโถ. เหตุเยว เหตุกปฺปา.

๑๗. โย นีวรเณติ เอตฺถ นีวรณาติ จิตฺตํ, หิตปฏิปตฺตึ วา นีวรนฺตีติ นีวรณา, ปฏิจฺฉาเทนฺตีติ อตฺโถ. ปหายาติ ฉฑฺเฑตฺวา. ปฺจาติ เตสํ สงฺขฺยาปริจฺเฉโท. อีฆาภาวโต อนีโฆ. กถํกถาย ติณฺณตฺตา ติณฺณกถํกโถ. วิคตสลฺลตฺตา วิสลฺโล. กึ วุตฺตํ โหติ? โย ภิกฺขุ กามจฺฉนฺทาทีนิ ปฺจ นีวรณานิ สมนฺตภทฺทเก วุตฺตนเยน สามฺโต วิเสสโต จ นีวรเณสุ อาทีนวํ ทิสฺวา เตน เตน มคฺเคน ปหาย เตสฺจ ปหีนตฺตา เอว กิเลสทุกฺขสงฺขาตสฺส อีฆสฺสาภาเวน อนีโฆ, ‘‘อโหสึ นุ โข อหํ อตีตมทฺธาน’’นฺติอาทินา (ม. นิ. ๑.๑๘; สํ. นิ. ๒.๒๐) นเยน ปวตฺตาย กถํกถาย ติณฺณตฺตา ติณฺณกถํกโถ, ‘‘ตตฺถ กตเม ปฺจ สลฺลา? ราคสลฺโล, โทสสลฺโล, โมหสลฺโล, มานสลฺโล, ทิฏฺิสลฺโล’’ติ วุตฺตานํ ปฺจนฺนํ สลฺลานํ วิคตตฺตา วิสลฺโล. โส ภิกฺขุ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว ชหาติ โอรปารนฺติ.

อตฺราปิ จ กิเลสปฏิปาฏิยา มคฺคปฏิปาฏิยา จาติ ทฺวิธา เอว นีวรณปฺปหานํ เวทิตพฺพํ. กิเลสปฏิปาฏิยา หิ กามจฺฉนฺทนีวรณสฺส พฺยาปาทนีวรณสฺส จ ตติยมคฺเคน ปหานํ โหติ, ถินมิทฺธนีวรณสฺส อุทฺธจฺจนีวรณสฺส จ จตุตฺถมคฺเคน. ‘‘อกตํ วต เม กุสล’’นฺติอาทินา (ม. นิ. ๓.๒๔๘; เนตฺติ. ๑๒๐) นเยน ปวตฺตสฺส วิปฺปฏิสารสงฺขาตสฺส กุกฺกุจฺจนีวรณสฺส วิจิกิจฺฉานีวรณสฺส จ ปมมคฺเคน. มคฺคปฏิปาฏิยา ปน กุกฺกุจฺจนีวรณสฺส วิจิกิจฺฉานีวรณสฺส จ ปมมคฺเคน ปหานํ โหติ, กามจฺฉนฺทนีวรณสฺส พฺยาปาทนีวรณสฺส จ ทุติยมคฺเคน ตนุภาโว โหติ, ตติเยน อนวเสสปฺปหานํ. ถินมิทฺธนีวรณสฺส อุทฺธจฺจนีวรณสฺส จ จตุตฺถมคฺเคน ปหานํ โหตีติ. เอวํ –

‘‘โย นีวรเณ ปหาย ปฺจ, อนีโฆ ติณฺณกถํกโถ วิสลฺโล;

โส ภิกฺขุ ชหาติ โอรปารํ, อุรโค ชิณฺณมิวตฺตจํ ปุราณ’’นฺติ. –

อรหตฺตนิกูเฏเนว ภควา เทสนํ นิฏฺาเปสิ. เทสนาปริโยสาเน โส ภิกฺขุ อรหตฺเต ปติฏฺิโต. ‘‘เอกจฺเจ เยน เยน เตสํ ภิกฺขูนํ ยา ยา คาถา เทสิตา, เตน เตน ตสฺสา ตสฺสา คาถาย ปริโยสาเน โส โส ภิกฺขุ อรหตฺเต ปติฏฺิโต’’ติ วทนฺติ.

ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย

สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย อุรคสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. ธนิยสุตฺตวณฺณนา

๑๘. ปกฺโกทโนติ ธนิยสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ. เตน สมเยน ธนิโย โคโป มหีตีเร ปฏิวสติ. ตสฺสายํ ปุพฺพโยโค – กสฺสปสฺส ภควโต ปาวจเน ทิพฺพมาเน วีสติ วสฺสสหสฺสานิ ทิวเส ทิวเส สงฺฆสฺส วีสติ สลากภตฺตานิ อทาสิ. โส ตโต จุโต เทเวสุ อุปฺปนฺโน. เอวํ เทวโลเก เอกํ พุทฺธนฺตรํ เขเปตฺวา อมฺหากํ ภควโต กาเล วิเทหรฏฺมชฺเฌ ปพฺพตรฏฺํ นาม อตฺถิ ตตฺถ ธมฺมโกรณฺฑํ นาม นครํ, ตสฺมึ นคเร เสฏฺิปุตฺโต หุตฺวา อภินิพฺพตฺโต, โคยูถํ นิสฺสาย ชีวติ. ตสฺส หิ ตึสมตฺตานิ โคสหสฺสานิ โหนฺติ, สตฺตวีสสหสฺสา คาโว ขีรํ ทุยฺหนฺติ. โคปา นาม นิพทฺธวาสิโน น โหนฺติ. วสฺสิเก จตฺตาโรมาเส ถเล วสนฺติ, อวเสเส อฏฺมาเส ยตฺถ ติโณทกํ สุขํ ลพฺภติ, ตตฺถ วสนฺติ. ตฺจ นทีตีรํ วา ชาตสฺสรตีรํ วา โหติ. อถายมฺปิ วสฺสกาเล อตฺตโน วสิตคามโต นิกฺขมิตฺวา คุนฺนํ ผาสุวิหารตฺถาย โอกาสํ คเวสนฺโต มหามหี ภิชฺชิตฺวา เอกโต กาลมหี เอกโต มหามหิจฺเจว สงฺขํ คนฺตฺวา สนฺทมานา ปุน สมุทฺทสมีเป สมาคนฺตฺวา ปวตฺตา. ยํ โอกาสํ อนฺตรทีปํ อกาสิ, ตํ ปวิสิตฺวา วจฺฉานํ สาลํ อตฺตโน จ นิเวสนํ มาเปตฺวา วาสํ กปฺเปสิ. ตสฺส สตฺต ปุตฺตา, สตฺต ธีตโร, สตฺต สุณิสา, อเนเก จ กมฺมการา โหนฺติ. โคปา นาม วสฺสนิมิตฺตํ ชานนฺติ. ยทา สกุณิกา กุลาวกานิ รุกฺขคฺเค กโรนฺติ, กกฺกฏกา อุทกสมีเป ทฺวารํ ปิทหิตฺวา ถลสมีปทฺวาเรน วฬฺเชนฺติ, ตทา สุวุฏฺิกา ภวิสฺสตีติ คณฺหนฺติ. ยทา ปน สกุณิกา กุลาวกานิ นีจฏฺาเน อุทกปิฏฺเ กโรนฺติ, กกฺกฏกา ถลสมีเป ทฺวารํ ปิทหิตฺวา อุทกสมีปทฺวาเรน วฬฺเชนฺติ, ตทา ทุพฺพุฏฺิกา ภวิสฺสตีติ คณฺหนฺติ.

อถ โส ธนิโย สุวุฏฺิกนิมิตฺตานิ อุปสลฺลกฺเขตฺวา อุปกฏฺเ วสฺสกาเล อนฺตรทีปา นิกฺขมิตฺวา มหามหิยา ปรตีเร สตฺตสตฺตาหมฺปิ เทเว วสฺสนฺเต อุทเกน อนชฺโฌตฺถรโณกาเส อตฺตโน วสโนกาสํ กตฺวา สมนฺตา ปริกฺขิปิตฺวา, วจฺฉสาลาโย มาเปตฺวา, ตตฺถ นิวาสํ กปฺเปสิ. อถสฺส ทารุติณาทิสงฺคเห กเต สพฺเพสุ ปุตฺตทารกมฺมกรโปริเสสุ สมานิเยสุ ชาเตสุ นานปฺปกาเร ขชฺชโภชฺเช ปฏิยตฺเต สมนฺตา จตุทฺทิสา เมฆมณฺฑลานิ อุฏฺหึสุ. โส เธนุโย ทุหาเปตฺวา, วจฺฉสาลาสุ วจฺเฉ สณฺาเปตฺวา, คุนฺนํ จตุทฺทิสา ธูมํ การาเปตฺวา, สพฺพปริชนํ โภชาเปตฺวา, สพฺพกิจฺจานิ การาเปตฺวา ตตฺถ ตตฺถ ทีเป อุชฺชาลาเปตฺวา, สยํ ขีเรน ภตฺตํ ภุฺชิตฺวา, มหาสยเน สยนฺโต อตฺตโน สิริสมฺปตฺตึ ทิสฺวา, ตุฏฺจิตฺโต หุตฺวา, อปรทิสาย เมฆตฺถนิตสทฺทํ สุตฺวา นิปนฺโน อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ ‘‘ปกฺโกทโน ทุทฺธขีโรหมสฺมี’’ติ.

ตตฺรายํ อตฺถวณฺณนา – ปกฺโกทโนติ สิทฺธภตฺโต. ทุทฺธขีโรติ คาโว ทุหิตฺวา คหิตขีโร. อหนฺติ อตฺตานํ นิทสฺเสติ, อสฺมีติ อตฺตโน ตถาภาวํ. ปกฺโกทโน ทุทฺธขีโร จ อหมสฺมิ ภวามีติ อตฺโถ. อิตีติ เอวมาหาติ อตฺโถ. นิทฺเทเส ปน ‘‘อิตีติ ปทสนฺธิ, ปทสํสคฺโค, ปทปาริปูริ, อกฺขรสมวาโย พฺยฺชนสิลิฏฺตา ปทานุปุพฺพตาเมต’’นฺติ (จูฬนิ. อชิตมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๑) เอวมสฺส อตฺโถ วณฺณิโต. โสปิ อิทเมว สนฺธายาติ เวทิตพฺโพ. ยํ ยํ หิ ปทํ ปุพฺพปเทน วุตฺตํ, ตสฺส ตสฺส เอวมาหาติ เอตมตฺถํ ปกาเสนฺโตเยว อิติสทฺโท ปจฺฉิเมน ปเทน เมตฺเตยฺโย อิติ วา ภควา อิติ วา เอวมาทินา ปทสนฺธิ โหติ, นาฺถา.

ธนิโย โคโปติ ตสฺส เสฏฺิปุตฺตสฺส นามสโมธานํ. โส หิ ยานิมานิ ถาวราทีนิ ปฺจ ธนานิ, เตสุ เปตฺวา ทานสีลาทิอนุคามิกธนํ, เขตฺตวตฺถุ-อารามาทิโต ถาวรธนโตปิ, ควสฺสาทิโต ชงฺคมธนโตปิ หิรฺสุวณฺณาทิโต สํหาริมธนโตปิ, สิปฺปายตนาทิโต องฺคสมธนโตปิ ยํ ตํ โลกสฺส ปฺจโครสานุปฺปทาเนน พหูปการํ ตํ สนฺธาย ‘‘นตฺถิ โคสมิตํ ธน’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๑๓; เนตฺติ. ๑๒๓) เอวํ วิเสสิตํ โคธนํ, เตน สมนฺนาคตตฺตา ธนิโย, คุนฺนํ ปาลนโต โคโป. โย หิ อตฺตโน คาโว ปาเลติ, โส ‘‘โคโป’’ติ วุจฺจติ. โย ปเรสํ เวตเนน ภโฏ หุตฺวา, โส โคปาลโก. อยํ ปน อตฺตโนเยว, เตน โคโปติ วุตฺโต.

อนุตีเรติ ตีรสฺส สมีเป. มหิยาติ มหามหีนามิกาย นทิยา. สมาเนน อนุกูลวตฺตินา ปริชเนน สทฺธึ วาโส ยสฺส โส สมานวาโส, อยฺจ ตถาวิโธ. เตนาห ‘‘สมานวาโส’’ติ. ฉนฺนาติ ติณปณฺณจฺฉทเนหิ อโนวสฺสกา กตา. กุฏีติ วสนฆรสฺเสตํ อธิวจนํ. อาหิโตติ อาภโต, ชาลิโต วา. คินีติ อคฺคิ. เตสุ เตสุ าเนสุ อคฺคิ ‘‘คินี’’ติ โวหรียติ. อถ เจ ปตฺถยสีติ อิทานิ ยทิ อิจฺฉสีติ วุตฺตํ โหติ. ปวสฺสาติ สิฺจ, ปคฺฆร, อุทกํ มุฺจาติ อตฺโถ. เทวาติ เมฆํ อาลปติ. อยํ ตาเวตฺถ ปทวณฺณนา.

อยํ ปน อตฺถวณฺณนา – เอวมยํ ธนิโย โคโป อตฺตโน สยนฆเร มหาสยเน นิปนฺโน เมฆตฺถนิตํ สุตฺวา ‘‘ปกฺโกทโนหมสฺมี’’ติ ภณนฺโต กายทุกฺขวูปสมูปายํ กายสุขเหตุฺจ อตฺตโน สนฺนิหิตํ ทีเปติ. ‘‘ทุทฺธขีโรหมสฺมี’’ติ ภณนฺโต จิตฺตทุกฺขวูปสมูปายํ จิตฺตสุขเหตุฺจ. ‘‘อนุตีเร มหิยา’’ติ นิวาสฏฺานสมฺปตฺตึ, ‘‘สมานวาโส’’ติ ตาทิเส กาเล ปิยวิปฺปโยคปทฏฺานสฺส โสกสฺสาภาวํ. ‘‘ฉนฺนา กุฏี’’ติ กายทุกฺขาปคมปฏิฆาตํ. ‘‘อาหิโต คินี’’ติ ยสฺมา โคปาลกา ปริกฺเขปธูมทารุอคฺคิวเสน ตโย อคฺคี กโรนฺติ. เต จ ตสฺส เคเห สพฺเพ กตา, ตสฺมา สพฺพทิสาสุ ปริกฺเขปคฺคึ สนฺธาย ‘‘อาหิโต คินี’’ติ ภณนฺโต วาฬมิคาคมนนิวารณํ ทีเปติ, คุนฺนํ มชฺเฌ โคมยาทีหิ ธูมคฺคึ สนฺธาย ฑํสมกสาทีหิ คุนฺนํ อนาพาธํ, โคปาลกานํ สยนฏฺาเน ทารุอคฺคึ สนฺธาย โคปาลกานํ สีตาพาธปฏิฆาตํ. โส เอวํ ทีเปนฺโต อตฺตโน วา คุนฺนํ วา ปริชนสฺส วา วุฏฺิปจฺจยสฺส กสฺสจิ อาพาธสฺส อภาวโต ปีติโสมนสฺสชาโต อาห – ‘‘อถ เจ ปตฺถยสี ปวสฺส เทวา’’ติ.

๑๙. เอวํ ธนิยสฺส อิมํ คาถํ ภาสมานสฺส อสฺโสสิ ภควา ทิพฺพาย โสตธาตุยา วิสุทฺธาย อติกฺกนฺตมานุสิกาย เชตวนมหาวิหาเร คนฺธกุฏิยํ วิหรนฺโต. สุตฺวา จ ปน พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกนฺโต อทฺทส ธนิยฺจ ปชาปติฺจสฺส ‘‘อิเม อุโภปิ เหตุสมฺปนฺนา. สเจ อหํ คนฺตฺวา ธมฺมํ เทเสสฺสามิ, อุโภปิ ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสนฺติ. โน เจ คมิสฺสามิ, สฺเว อุทโกเฆน วินสฺสิสฺสนฺตี’’ติ ตํ ขเณเยว สาวตฺถิโต สตฺต โยชนสตานิ ธนิยสฺส นิวาสฏฺานํ อากาเสน คนฺตฺวา ตสฺส กุฏิยา อุปริ อฏฺาสิ. ธนิโย ตํ คาถํ ปุนปฺปุนํ ภาสติเยว, น นิฏฺาเปติ, ภควติ คเตปิ ภาสติ. ภควา จ ตํ สุตฺวา ‘‘น เอตฺตเกน สนฺตุฏฺา วา วิสฺสตฺถา วา โหนฺติ, เอวํ ปน โหนฺตี’’ติ ทสฺเสตุํ –

‘‘อกฺโกธโน วิคตขิโลหมสฺมิ, อนุตีเร มหิเยกรตฺติวาโส;

วิวฏา กุฏิ นิพฺพุโต คินิ, อถ เจ ปตฺถยสี ปวสฺส เทวา’’ติ. –

อิมํ ปฏิคาถํ อภาสิ พฺยฺชนสภาคํ โน อตฺถสภาคํ. น หิ ‘‘ปกฺโกทโน’’ติ, ‘‘อกฺโกธโน’’ติ จ อาทีนิ ปทานิ อตฺถโต สเมนฺติ มหาสมุทฺทสฺส โอริมปาริมตีรานิ วิย, พฺยฺชนํ ปเนตฺถ กิฺจิ กิฺจิ สเมตีติ พฺยฺชนสภาคานิ โหนฺติ. ตตฺถ ปุริมคาถาย สทิสปทานํ วุตฺตนเยเนว อตฺโถ เวทิตพฺโพ.

วิเสสปทานํ ปนายํ ปทโต อตฺถโต จ วณฺณนา – อกฺโกธโนติ อกุชฺฌนสภาโว. โย หิ โส ปุพฺเพ วุตฺตปฺปการอาฆาตวตฺถุสมฺภโว โกโธ เอกจฺจสฺส สุปริตฺโตปิ อุปฺปชฺชมาโน หทยํ สนฺตาเปตฺวา วูปสมฺมติ, เยน จ ตโต พลวตรุปฺปนฺเนน เอกจฺโจ มุขวิกุณนมตฺตํ กโรติ, ตโต พลวตเรน เอกจฺโจ ผรุสํ วตฺตุกาโม หนุสฺจลนมตฺตํ กโรติ, อปโร ตโต พลวตเรน ผรุสํ ภณติ, อปโร ตโต พลวตเรน ทณฺฑํ วา สตฺถํ วา คเวสนฺโต ทิสา วิโลเกติ, อปโร ตโต พลวตเรน ทณฺฑํ วา สตฺถํ วา อามสติ, อปโร ตโต พลวตเรน ทณฺฑาทีนิ คเหตฺวา อุปธาวติ, อปโร ตโต พลวตเรน เอกํ วา ทฺเว วา ปหาเร เทติ, อปโร ตโต พลวตเรน อปิ าติสาโลหิตํ ชีวิตา โวโรเปติ, เอกจฺโจ ตโต พลวตเรน ปจฺฉา วิปฺปฏิสารี อตฺตานมฺปิ ชีวิตา โวโรเปติ สีหฬทีเป กาลคามวาสี อมจฺโจ วิย. เอตฺตาวตา จ โกโธ ปรมเวปุลฺลปฺปตฺโต โหติ. โส ภควตา โพธิมณฺเฑเยว สพฺพโส ปหีโน อุจฺฉินฺนมูโล ตาลาวตฺถุกโต, ตสฺมา ภควา ‘‘อกฺโกธโนหมสฺมี’’ติ อาห.

วิคตขิโลติ อปคตขิโล. เย หิ เต จิตฺตพนฺธภาเวน ปฺจ เจโตขิลา วุตฺตา, เย หิ จ ขิลภูเต จิตฺเต เสยฺยถาปิ นาม ขิเล ภูมิภาเค จตฺตาโร มาเส วสฺสนฺเตปิ เทเว สสฺสานิ น รุหนฺติ, เอวเมวํ สทฺธมฺมสฺสวนาทิกุสลเหตุวสฺเส วสฺสนฺเตปิ กุสลํ น รุหติ เต จ ภควตา โพธิมณฺเฑเยว สพฺพโส ปหีนา, ตสฺมา ภควา ‘‘วิคตขิโลหมสฺมี’’ติ อาห.

เอกรตฺตึ วาโส อสฺสาติ เอกรตฺติวาโส. ยถา หิ ธนิโย ตตฺถ จตฺตาโร วสฺสิเก มาเส นิพทฺธวาสํ อุปคโต, น ตถา ภควา. ภควา หิ ตํเยว รตฺตึ ตสฺส อตฺถกามตาย ตตฺถ วาสํ อุปคโต. ตสฺมา ‘‘เอกรตฺติวาโส’’ติ อาห. วิวฏาติ อปนีตจฺฉทนา. กุฏีติ อตฺตภาโว. อตฺตภาโว หิ ตํ ตํ อตฺถวสํ ปฏิจฺจ กาโยติปิ คุหาติปิ เทโหติปิ สนฺเทโหติปิ นาวาติปิ รโถติปิ วโณติปิ ธโชติปิ วมฺมิโกติปิ กุฏีติปิ กุฏิกาติปิ วุจฺจติ. อิธ ปน กฏฺาทีนิ ปฏิจฺจ เคหนามิกา กุฏิ วิย อฏฺิอาทีนิ ปฏิจฺจ สงฺขฺยํ คตตฺตา ‘‘กุฏี’’ติ วุตฺโต. ยถาห –

‘‘เสยฺยถาปิ, อาวุโส, กฏฺฺจ ปฏิจฺจ, วลฺลิฺจ ปฏิจฺจ, มตฺติกฺจ ปฏิจฺจ, ติณฺจ ปฏิจฺจ, อากาโส ปริวาริโต อคารํตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ; เอวเมว โข, อาวุโส, อฏฺิฺจ ปฏิจฺจ, นฺหารุฺจ ปฏิจฺจ, มํสฺจ ปฏิจฺจ, จมฺมฺจ ปฏิจฺจ, อากาโส ปริวาริโต รูปนฺตฺเวว สงฺขํ คจฺฉตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๐๖).

จิตฺตมกฺกฏสฺส นิวาสโต วา กุฏิ. ยถาห –

‘‘อฏฺิกงฺกลกุฏิ เจ สา, มกฺกฏาวสโถ อิติ;

มกฺกโฏ ปฺจทฺวาราย, กุฏิกาย ปสกฺกิย;

ทฺวาเรน อนุปริยาติ, ฆฏฺฏยนฺโต ปุนปฺปุน’’นฺติ. (เถรคา. ๑๒๕);

สา กุฏิ เยน ตณฺหามานทิฏฺิฉทเนน สตฺตานํ ฉนฺนตฺตา ปุนปฺปุนํ ราคาทิกิเลสวสฺสํ อติวสฺสติ. ยถาห –

‘‘ฉนฺนมติวสฺสติ, วิวฏํ นาติวสฺสติ;

ตสฺมา ฉนฺนํ วิวเรถ, เอวํ ตํ นาติวสฺสตี’’ติ. (อุทา. ๔๕; เถรคา. ๔๔๗; ปริ. ๓๓๙);

อยํ คาถา ทฺวีสุ าเนสุ วุตฺตา ขนฺธเก เถรคาถายฺจ. ขนฺธเก หิ ‘‘โย อาปตฺตึ ปฏิจฺฉาเทติ, ตสฺส กิเลสา จ ปุนปฺปุนํ อาปตฺติโย จ อติวสฺสนฺติ, โย ปน น ปฏิจฺฉาเทติ, ตสฺส นาติวสฺสนฺตี’’ติ อิมํ อตฺถํ ปฏิจฺจ วุตฺตา. เถรคาถายํ ‘‘ยสฺส ราคาทิจฺฉทนํ อตฺถิ, ตสฺส ปุน อิฏฺารมฺมณาทีสุ ราคาทิสมฺภวโต ฉนฺนมติวสฺสติ. โย วา อุปฺปนฺเน กิเลเส อธิวาเสติ, ตสฺเสว อธิวาสิตกิเลสจฺฉทนจฺฉนฺนา อตฺตภาวกุฏิ ปุนปฺปุนํ กิเลสวสฺสํ อติวสฺสติ. ยสฺส ปน อรหตฺตมคฺคาณวาเตน กิเลสจฺฉทนสฺส วิทฺธํสิตตฺตา วิวฏา, ตสฺส นาติวสฺสตี’’ติ. อยมตฺโถ อิธ อธิปฺเปโต. ภควตา หิ ยถาวุตฺตํ ฉทนํ ยถาวุตฺเตเนว นเยน วิทฺธํสิตํ, ตสฺมา ‘‘วิวฏา กุฏี’’ติ อาห. นิพฺพุโตติ อุปสนฺโต. คินีติ อคฺคิ. เยน หิ เอกาทสวิเธน อคฺคินา สพฺพมิทํ อาทิตฺตํ. ยถาห – ‘‘อาทิตฺตํ ราคคฺคินา’’ติ วิตฺถาโร. โส อคฺคิ ภควโต โพธิมูเลเยว อริยมคฺคสลิลเสเกน นิพฺพุโต, ตสฺมา ‘‘นิพฺพุโต คินี’’ติ อาห.

เอวํ วทนฺโต จ ธนิยํ อตุฏฺพฺเพน ตุสฺสมานํ อฺาปเทเสเนว ปริภาสติ, โอวทติ, อนุสาสติ. กถํ? ‘‘อกฺโกธโน’’ติ หิ วทมาโน, ธนิย, ตฺวํ ‘‘ปกฺโกทโนหมสฺมี’’ติ ตุฏฺโ, โอทนปาโก จ ยาวชีวํ ธนปริกฺขเยน กตฺตพฺโพ, ธนปริกฺขโย จ อารกฺขาทิทุกฺขปทฏฺาโน, เอวํ สนฺเต ทุกฺเขเนว ตุฏฺโ โหสิ. อหํ ปน ‘‘อกฺโกธโนหมสฺมี’’ติ ตุสฺสนฺโต สนฺทิฏฺิกสมฺปรายิกทุกฺขาภาเวน ตุฏฺโ โหมีติ ทีเปติ. ‘‘วิคตขิโล’’ติ วทมาโน ตฺวํ ‘‘ทุทฺธขีโรหมสฺมี’’ติ ตุสฺสนฺโต อกตกิจฺโจว ‘‘กตกิจฺโจหมสฺมี’’ติ มนฺตฺวา ตุฏฺโ, อหํ ปน ‘‘วิคตขิโลหมสฺมี’’ติ ตุสฺสนฺโต กตกิจฺโจว ตุฏฺโ โหมีติ ทีเปติ. ‘‘อนุตีเร มหิเยกรตฺติวาโส’’ติ วทมาโน ตฺวํ อนุตีเร มหิยา สมานวาโสติ ตุสฺสนฺโต จตุมาสนิพทฺธวาเสน ตุฏฺโ. นิพทฺธวาโส จ อาวาสสงฺเคน โหติ, โส จ ทุกฺโข, เอวํ สนฺเต ทุกฺเขเนว ตุฏฺโ โหสิ. อหํ ปน เอกรตฺติวาโสติ ตุสฺสนฺโต อนิพทฺธวาเสน ตุฏฺโ, อนิพทฺธวาโส จ อาวาสสงฺคาภาเวน โหติ, อาวาสสงฺคาภาโว จ สุโขติ สุเขเนว ตุฏฺโ โหมีติ ทีเปติ.

‘‘วิวฏา กุฏี’’ติ วทมาโน ตฺวํ ฉนฺนา กุฏีติ ตุสฺสนฺโต ฉนฺนเคหตาย ตุฏฺโ, เคเห จ เต ฉนฺเนปิ อตฺตภาวกุฏิกํ กิเลสวสฺสํ อติวสฺสติ, เยน สฺชนิเตหิ จตูหิ มโหเฆหิ วุยฺหมาโน อนยพฺยสนํ ปาปุเณยฺยาสิ, เอวํ สนฺเต อตุฏฺพฺเพเนว ตุฏฺโ โหสิ. อหํ ปน ‘‘วิวฏา กุฏี’’ติ ตุสฺสนฺโต อตฺตภาวกุฏิยา กิเลสจฺฉทนาภาเวน ตุฏฺโ. เอวฺจ เม วิวฏาย กุฏิยา น ตํ กิเลสวสฺสํ อติวสฺสติ, เยน สฺชนิเตหิ จตูหิ มโหเฆหิ วุยฺหมาโน อนยพฺยสนํ ปาปุเณยฺยํ, เอวํ สนฺเต ตุฏฺพฺเพเนว ตุฏฺโ โหมีติ ทีเปติ. ‘‘นิพฺพุโต คินี’’ติ วทมาโน ตฺวํ อาหิโต คินีติ ตุสฺสนฺโต อกตูปทฺทวนิวารโณว กตูปทฺทวนิวารโณสฺมีติ มนฺตฺวา ตุฏฺโ. อหํ ปน นิพฺพุโต คินีติ ตุสฺสนฺโต เอกาทสคฺคิปริฬาหาภาวโต กตูปทฺทวนิวารณตาเยว ตุฏฺโติ ทีเปติ. ‘‘อถ เจ ปตฺถยสี ปวสฺส เทวา’’ติ วทมาโน เอวํ วิคตทุกฺขานํ อนุปฺปตฺตสุขานํ กตสพฺพกิจฺจานํ อมฺหาทิสานํ เอตํ วจนํ โสภติ, อถ เจ ปตฺถยสิ, ปวสฺส เทว, น โน ตยิ วสฺสนฺเต วา อวสฺสนฺเต วา วุฑฺฒิ วา หานิ วา อตฺถิ, ตฺวํ ปน กสฺมา เอวํ วทสีติ ทีเปติ. ตสฺมา ยํ วุตฺตํ ‘‘เอวํ วทนฺโต จ ธนิย อตุฏฺพฺเพเนว ตุสฺสมานํ อฺาปเทเสเนว ปริภาสติ โอวทติ, อนุสาสตี’’ติ, ตํ สมฺมเทว วุตฺตนฺติ.

๒๐. เอวมิมํ ภควตา วุตฺตํ คาถํ สุตฺวาปิ ธนิโย โคโป ‘‘โก อยํ คาถํ ภาสตี’’ติ อวตฺวา เตน สุภาสิเตน ปริตุฏฺโ ปุนปิ ตถารูปํ โสตุกาโม อปรมฺปิ คาถมาห ‘‘อนฺธกมกสา’’ติ. ตตฺถ อนฺธกาติ กาฬมกฺขิกานํ อธิวจนํ, ปิงฺคลมกฺขิกานนฺติปิ เอเก. มกสาติ มกสาเยว. น วิชฺชเรติ นตฺถิ. กจฺเฉติ ทฺเว กจฺฉา – นทีกจฺโฉ จ ปพฺพตกจฺโฉ จ. อิธ นทีกจฺโฉ. รุฬฺหติเณติ สฺชาตติเณ. จรนฺตีติ ภตฺตกิจฺจํ กโรนฺติ. วุฏฺิมฺปีติ วาตวุฏฺิอาทิกา อเนกา วุฏฺิโย, ตา อาฬวกสุตฺเต ปกาสยิสฺสาม. อิธ ปน วสฺสวุฏฺึ สนฺธาย วุตฺตํ. สเหยฺยุนฺติ ขเมยฺยุํ. เสสํ ปากฏเมว. เอตฺถ ธนิโย เย อนฺธกมกสา สนฺนิปติตฺวา รุธิเร ปิวนฺตา มุหุตฺเตเนว คาโว อนยพฺยสนํ ปาเปนฺติ, ตสฺมา วุฏฺิตมตฺเตเยว เต โคปาลกา ปํสุนา จ สาขาหิ จ มาเรนฺติ, เตสํ อภาเวน คุนฺนํ เขมตํ, กจฺเฉ รุฬฺหติณจรเณน อทฺธานคมนปริสฺสมาภาวํ วตฺวา ขุทากิลมถาภาวฺจ ทีเปนฺโต ‘‘ยถา อฺเสํ คาโว อนฺธกมกสสมฺผสฺเสหิ ทิสฺสมานา อทฺธานคมเนน กิลนฺตา ขุทาย มิลายมานา เอกวุฏฺินิปาตมฺปิ น สเหยฺยุํ, น เม ตถา คาโว, มยฺหํ ปน คาโว วุตฺตปฺปการาภาวา ทฺวิกฺขตฺตุํ วา ติกฺขตุํ วา วุฏฺิมฺปิ สเหยฺยุ’’นฺติ ทีเปติ.

๒๑. ตโต ภควา ยสฺมา ธนิโย อนฺตรทีเป วสนฺโต ภยํ ทิสฺวา, กุลฺลํ พนฺธิตฺวา, มหามหึ ตริตฺวา, ตํ กจฺฉํ อาคมฺม ‘‘อหํ สุฏฺุ อาคโต, นิพฺภเยว าเน ิโต’’ติ มฺมาโน เอวมาห, สภเย เอว จ โส าเน ิโต, ตสฺมา ตสฺส อาคมนฏฺานา อตฺตโน อาคมนฏฺานํ อุตฺตริตรฺจ ปณีตตรฺจ วณฺเณนฺโต ‘‘พทฺธาสิ ภิสี’’ติ อิมํ คาถมภาสิ, อตฺถสภาคํ โน พฺยฺชนสภาคํ.

ตตฺถ ภิสีติ ปตฺถริตฺวา ปุถุลํ กตฺวา พทฺธกุลฺโล วุจฺจติ โลเก. อริยสฺส ปน ธมฺมวินเย อริยมคฺคสฺเสตํ อธิวจนํ. อริยมคฺโค หิ –

‘‘มคฺโค ปชฺโช ปโถ ปนฺโถ, อฺชสํ วฏุมายนํ;

นาวา อุตฺตรเสตุ จ, กุลฺโล จ ภิสิ สงฺกโม’’. (จูฬนิ. ปารายนตฺถุติคาถานิทฺเทส ๑๐๑);

‘‘อทฺธานํ ปภโว เจว, ตตฺถ ตตฺถ ปกาสิโต’’.

อิมายปิ คาถาย ภควา ปุริมนเยเนว ตํ โอวทนฺโต อิมํ อตฺถํ อาหาติ เวทิตพฺโพ – ธนิย, ตฺวํ กุลฺลํ พนฺธิตฺวา, มหึ ตริตฺวา, อิมํ านมาคโต, ปุนปิ จ เต กุลฺโล พนฺธิตพฺโพ เอว ภวิสฺสติ, นที จ ตริตพฺพา, น เจตํ านํ เขมํ. มยา ปน เอกจิตฺเต มคฺคงฺคานิ สโมธาเนตฺวา าณพนฺธเนน พทฺธา อโหสิ ภิสิ. สา จ สตฺตตึสโพธิปกฺขิยธมฺมปริปุณฺณตาย เอกรสภาวูปคตตฺตา อฺมฺํ อนติวตฺตเนน ปุน พนฺธิตพฺพปฺปโยชนาภาเวน เทวมนุสฺเสสุ เกนจิ โมเจตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย จ สุสงฺขตา. ตาย จมฺหิ ติณฺโณ, ปุพฺเพ ปตฺถิตํ ตีรปฺปเทสํ คโต. คจฺฉนฺโตปิ จ น โสตาปนฺนาทโย วิย กฺจิเทว ปเทสํ คโต. อถ โข ปารคโต สพฺพาสวกฺขยํ สพฺพธมฺมปารํ ปรมํ เขมํ นิพฺพานํ คโต, ติณฺโณติ วา สพฺพฺุตํ ปตฺโต, ปารคโตติ อรหตฺตํ ปตฺโต. กึ วิเนยฺย ปารคโตติ เจ? วิเนยฺย โอฆํ, กาโมฆาทิจตุพฺพิธํ โอฆํ ตริตฺวา อติกฺกมฺม ตํ ปารํ คโตติ. อิทานิ จ ปน เม ปุน ตริตพฺพาภาวโต อตฺโถ ภิสิยา น วิชฺชติ, ตสฺมา มเมว ยุตฺตํ วตฺตุํ ‘‘อถ เจ ปตฺถยสี ปวสฺส เทวา’’ติ.

๒๒. ตมฺปิ สุตฺวา ธนิโย ปุริมนเยเนว ‘‘โคปี มม อสฺสวา’’ติ อิมํ คาถํ อภาสิ. ตตฺถ โคปีติ ภริยํ นิทฺทิสติ. อสฺสวาติ วจนกรา กึการปฏิสาวินี. อโลลาติ มาตุคาโม หิ ปฺจหิ โลลตาหิ โลโล โหติ – อาหารโลลตาย, อลงฺการโลลตาย, ปรปุริสโลลตาย, ธนโลลตาย, ปาทโลลตาย. ตถา หิ มาตุคาโม ภตฺตปูวสุราทิเภเท อาหาเร โลลตาย อนฺตมโส ปาริวาสิกภตฺตมฺปิ ภุฺชติ, หตฺโถตาปกมฺปิ ขาทติ, ทิคุณํ ธนมนุปฺปทตฺวาปิ สุรํ ปิวติ. อลงฺการโลลตาย อฺํ อลงฺการํ อลภมาโน อนฺตมโส อุทกเตลเกนปิ เกเส โอสณฺเฑตฺวา มุขํ ปริมชฺชติ. ปรปุริสโลลตาย อนฺตมโส ปุตฺเตนปิ ตาทิเส ปเทเส ปกฺโกสิยมาโน ปมํ อสทฺธมฺมวเสน จินฺเตติ. ธนโลลตาย ‘‘หํสราชํ คเหตฺวาน สุวณฺณา ปริหายถ’’. ปาทโลลตาย อารามาทิคมนสีโล หุตฺวา สพฺพํ ธนํ วินาเสติ. ตตฺถ ธนิโย ‘‘เอกาปิ โลลตา มยฺหํ โคปิยา นตฺถี’’ติ ทสฺเสนฺโต อโลลาติ อาห.

ทีฆรตฺตํ สํวาสิยาติ ทีฆกาลํ สทฺธึ วสมานา โกมารภาวโต ปภุติ เอกโต วฑฺฒิตา. เตน ปรปุริเส น ชานาตีติ ทสฺเสติ. มนาปาติ เอวํ ปรปุริเส อชานนฺตี มเมว มนํ อลฺลียตีติ ทสฺเสติ. ตสฺสา น สุณามิ กิฺจิ ปาปนฺติ ‘‘อิตฺถนฺนาเมน นาม สทฺธึ อิมาย หสิตํ วา ลปิตํ วา’’ติ เอวํ ตสฺสา น สุณามิ, กฺจิ อติจารโทสนฺติ ทสฺเสติ.

๒๓. อถ ภควา เอเตหิ คุเณหิ โคปิยา ตุฏฺํ ธนิยํ โอวทนฺโต ปุริมนเยเนว ‘‘จิตฺตํ มม อสฺสว’’นฺติ อิมํ คาถมภาสิ, อตฺถสภาคํ, พฺยฺชนสภาคฺจ. ตตฺถ อุตฺตานตฺถาเนว ปทานิ. อยํ ปน อธิปฺปาโย – ธนิย, ตฺวํ ‘‘โคปี มม อสฺสวา’’ติ ตุฏฺโ, สา ปน เต อสฺสวา ภเวยฺย วา น วา; ทุชฺชานํ ปรจิตฺตํ, วิเสสโต มาตุคามสฺส. มาตุคามฺหิ กุจฺฉิยา ปริหรนฺตาปิ รกฺขิตุํ น สกฺโกนฺติ, เอวํ ทุรกฺขจิตฺตตฺตา เอว น สกฺกา ตุมฺหาทิเสหิ อิตฺถี อโลลาติ วา สํวาสิยาติ วา มนาปาติ วา นิปฺปาปาติ วา ชานิตุํ. มยฺหํ ปน จิตฺตํ อสฺสวํ โอวาทปฏิกรํ มม วเส วตฺตติ, นาหํ ตสฺส วเส วตฺตามิ. โส จสฺส อสฺสวภาโว ยมกปาฏิหาริเย ฉนฺนํ วณฺณานํ อคฺคิธาราสุ จ อุทกธาราสุ จ ปวตฺตมานาสุ สพฺพชนสฺส ปากโฏ อโหสิ. อคฺคินิมฺมาเน หิ เตโชกสิณํ สมาปชฺชิตพฺพํ อุทกนิมฺมาเน อาโปกสิณํ, นีลาทินิมฺมาเน นีลาทิกสิณานิ. พุทฺธานมฺปิ หิ ทฺเว จิตฺตานิ เอกโต นปฺปวตฺตนฺติ, เอกเมว ปน อสฺสวภาเวน เอวํ วสวตฺติ อโหสิ. ตฺจ โข ปน สพฺพกิเลสพนฺธนาปคมา วิมุตฺตํ, วิมุตฺตตฺตา ตเทว อโลลํ, น ตว โคปี. ทีปงฺกรพุทฺธกาลโต จ ปภุติ ทานสีลาทีหิ ทีฆรตฺตํ ปริภาวิตตฺตา สํวาสิยํ, น ตว โคปี. ตเทตํ อนุตฺตเรน ทมเถน ทมิตตฺตา สุทนฺตํ, สุทนฺตตฺตา อตฺตโน วเสน ฉทฺวารวิเสวนํ ปหาย มเมว อธิปฺปายมนสฺส วเสนานุวตฺตนโต มนาปํ, น ตว โคปี.

ปาปํ ปน เม น วิชฺชตีติ อิมินา ปน ภควา ตสฺส อตฺตโน จิตฺตสฺส ปาปาภาวํ ทสฺเสติ, ธนิโย วิย โคปิยา. โส จสฺส ปาปาภาโว น เกวลํ สมฺมาสมฺพุทฺธกาเลเยว, เอกูนตึส วสฺสานิ สราคาทิกาเล อคารมชฺเฌ วสนฺตสฺสาปิ เวทิตพฺโพ. ตทาปิ หิสฺส อคาริยภาวานุรูปํ วิฺุปฏิกุฏฺํ กายทุจฺจริตํ วา วจีทุจฺจริตํ วา มโนทุจฺจริตํ วา น อุปฺปนฺนปุพฺพํ. ตโต ปรํ มาโรปิ ฉพฺพสฺสานิ อนภิสมฺพุทฺธํ, เอกํ วสฺสํ อภิสมฺพุทฺธนฺติ สตฺต วสฺสานิ ตถาคตํ อนุพนฺธิ ‘‘อปฺเปว นาม วาลคฺคนิตุทนมตฺตมฺปิสฺส ปาปสมาจารํ ปสฺเสยฺย’’นฺติ. โส อทิสฺวาว นิพฺพินฺโน อิมํ คาถํ อภาสิ –

‘‘สตฺต วสฺสานิ ภควนฺตํ, อนุพนฺธึ ปทาปทํ;

โอตารํ นาธิคจฺฉิสฺสํ, สมฺพุทฺธสฺส สตีมโต’’ติ. (สุ. นิ. ๔๔๘);

พุทฺธกาเลปิ นํ อุตฺตรมาณโว สตฺต มาสานิ อนุพนฺธิ อาภิสมาจาริกํ ทฏฺุกาโม. โส กิฺจิ วชฺชํ อทิสฺวาว ปริสุทฺธสมาจาโร ภควาติ คโต. จตฺตาริ หิ ตถาคตสฺส อรกฺเขยฺยานิ. ยถาห –

‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, ตถาคตสฺส อรกฺเขยฺยานิ. กตมานิ จตฺตาริ? ปริสุทฺธกายสมาจาโร, ภิกฺขเว, ตถาคโต, นตฺถิ ตถาคตสฺส กายทุจฺจริตํ, ยํ ตถาคโต รกฺเขยฺย ‘มา เม อิทํ ปโร อฺาสี’ติ, ปริสุทฺธวจีสมาจาโร…เป… ปริสุทฺธมโนสมาจาโร…เป… ปริสุทฺธาชีโว, ภิกฺขเว, ตถาคโต, นตฺถิ ตถาคตสฺส มิจฺฉาชีโว, ยํ ตถาคโต รกฺเขยฺย ‘มา เม อิทํ ปโร อฺาสี’’’ติ (อ. นิ. ๗.๕๘).

เอวํ ยสฺมา ตถาคตสฺส จิตฺตสฺส น เกวลํ สมฺมาสมฺพุทฺธกาเล, ปุพฺเพปิ ปาปํ นตฺถิ เอว, ตสฺมา อาห – ‘‘ปาปํ ปน เม น วิชฺชตี’’ติ. ตสฺสาธิปฺปาโย – มเมว จิตฺตสฺส ปาปํ น สกฺกา สุณิตุํ, น ตว โคปิยา. ตสฺมา ยทิ เอเตหิ คุเณหิ ตุฏฺเน ‘‘อถ เจ ปตฺถยสี ปวสฺส เทวา’’ติ วตฺตพฺพํ, มยาเวตํ วตฺตพฺพนฺติ.

๒๔. ตมฺปิ สุตฺวา ธนิโย ตตุตฺตริปิ สุภาสิตรสายนํ ปิวิตุกาโม อตฺตโน ภุชิสฺสภาวํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อตฺตเวตนภโตหมสฺมี’’ติ. ตตฺถ อตฺตเวตนภโตติ อตฺตนิเยเนว ฆาสจฺฉาทเนน ภโต, อตฺตโนเยว กมฺมํ กตฺวา ชีวามิ, น ปรสฺส เวตนํ คเหตฺวา ปรสฺส กมฺมํ กโรมีติ ทสฺเสติ. ปุตฺตาติ ธีตโร จ ปุตฺตา จ, เต สพฺเพ ปุตฺตาตฺเวว เอกชฺฌํ วุจฺจนฺติ. สมานิยาติ สนฺนิหิตา อวิปฺปวุฏฺา. อโรคาติ นิราพาธา, สพฺเพว อูรุพาหุพลาติ ทสฺเสติ. เตสํ น สุณามิ กิฺจิ ปาปนฺติ เตสํ โจราติ วา ปรทาริกาติ วา ทุสฺสีลาติ วา กิฺจิ ปาปํ น สุณามีติ.

๒๕. เอวํ วุตฺเต ภควา ปุริมนเยเนว ธนิยํ โอวทนฺโต อิมํ คาถํ อภาสิ – ‘‘นาหํ ภตโก’’ติ. อตฺราปิ อุตฺตานตฺถาเนว ปทานิ. อยํ ปน อธิปฺปาโย – ตฺวํ ‘‘ภุชิสฺโสหมสฺมี’’ติ มนฺตฺวา ตุฏฺโ, ปรมตฺถโต จ อตฺตโน กมฺมํ กริตฺวา ชีวนฺโตปิ ทาโส เอวาสิ ตณฺหาทาสตฺตา, ภตกวาทา จ น ปริมุจฺจสิ. วุตฺตฺเหตํ ‘‘อูโน โลโก อติตฺโต ตณฺหาทาโส’’ติ (ม. นิ. ๒.๓๐๕). ปรมตฺถโต ปน นาหํ ภตโกสฺมิ กสฺสจิ. อหฺหิ กสฺสจิ ปรสฺส วา อตฺตโน วา ภตโก น โหมิ. กึ การณา? ยสฺมา นิพฺพิฏฺเน จรามิ สพฺพโลเก. อหฺหิ ทีปงฺกรปาทมูลโต ยาว โพธิ, ตาว สพฺพฺุตฺาณสฺส ภตโก อโหสึ. สพฺพฺุตํ ปตฺโต ปน นิพฺพิฏฺโ นิพฺพิโส ราชภโต วิย. เตเนว นิพฺพิฏฺเน สพฺพฺุภาเวน โลกุตฺตรสมาธิสุเขน จ ชีวามิ. ตสฺส เม อิทานิ อุตฺตริกรณียสฺส กตปริจยสฺส วา อภาวโต อปฺปหีนปฏิสนฺธิกานํ ตาทิสานํ วิย ปตฺตพฺโพ โกจิ อตฺโถ ภติยา น วิชฺชติ. ‘‘ภฏิยา’’ติปิ ปาโ. ตสฺมา ยทิ ภุชิสฺสตาย ตุฏฺเน ‘‘อถ เจ ปตฺถยสี ปวสฺส เทวา’’ติ วตฺตพฺพํ, มยาเวตํ วตฺตพฺพนฺติ.

๒๖. ตมฺปิ สุตฺวา ธนิโย อติตฺโตว สุภาสิตามเตน อตฺตโน ปฺจปฺปการโคมณฺฑลปริปุณฺณภาวํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อตฺถิ วสา’’ติ. ตตฺถ วสาติ อทมิตวุฑฺฒวจฺฉกา. เธนุปาติ เธนุํ ปิวนฺตา ตรุณวจฺฉกา, ขีรทายิกา วา คาโว. โคธรณิโยติ คพฺภินิโย. ปเวณิโยติ วยปฺปตฺตา พลีพทฺเทหิ สทฺธึ เมถุนปตฺถนกคาโว. อุสโภปิ ควมฺปตีติ โย โคปาลเกหิ ปาโต เอว นฺหาเปตฺวา, โภเชตฺวา, ปฺจงฺคุลํ ทตฺวา, มาลํ พนฺธิตฺวา – ‘‘เอหิ, ตาต, คาโว โคจรํ ปาเปตฺวา รกฺขิตฺวา อาเนหี’’ติ เปสียติ, เอวํ เปสิโต จ ตา คาโว อโคจรํ ปริหริตฺวา, โคจเร จาเรตฺวา, สีหพฺยคฺฆาทิภยา ปริตฺตายิตฺวา อาเนติ, ตถารูโป อุสโภปิ ควมฺปติ อิธ มยฺหํ โคมณฺฑเล อตฺถีติ ทสฺเสสิ.

๒๗. เอวํ วุตฺเต ภควา ตเถว ธนิยํ โอวทนฺโต อิมํ ปจฺจนีกคาถํ อาห ‘‘นตฺถิ วสา’’ติ. เอตฺถ เจส อธิปฺปาโย – อิธ อมฺหากํ สาสเน อทมิตฏฺเน วุฑฺฒฏฺเน จ วสาสงฺขาตา ปริยุฏฺานา วา, ตรุณวจฺฉเก สนฺธาย วสานํ มูลฏฺเน ขีรทายินิโย สนฺธาย ปคฺฆรณฏฺเน เธนุปาสงฺขาตา อนุสยา วา, ปฏิสนฺธิคพฺภธารณฏฺเน โคธรณิสงฺขาตา ปุฺาปุฺาเนฺชาภิสงฺขารเจตนา วา, สํโยคปตฺถนฏฺเน ปเวณิสงฺขาตา ปตฺถนา ตณฺหา วา, อาธิปจฺจฏฺเน ปุพฺพงฺคมฏฺเน เสฏฺฏฺเน จ ควมฺปติอุสภสงฺขาตํ อภิสงฺขารวิฺาณํ วา นตฺถิ, สฺวาหํ อิมาย สพฺพโยคกฺเขมภูตาย นตฺถิตาย ตุฏฺโ. ตฺวํ ปน โสกาทิวตฺถุภูตาย อตฺถิตาย ตุฏฺโ. ตสฺมา สพฺพโยคกฺเขมตาย ตุฏฺสฺส มเมเวตํ ยุตฺตํ วตฺตุํ ‘‘อถ เจ ปตฺถยสี ปวสฺส เทวา’’ติ.

๒๘. ตมฺปิ สุตฺวา ธนิโย ตตุตฺตริปิ สุภาสิตํ อมตรสํ อธิคนฺตุกาโม อตฺตโน โคคณสฺส ขิลพนฺธนสมฺปตฺตึ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ขิลา นิขาตา’’ติ. ตตฺถ ขิลาติ คุนฺนํ พนฺธนตฺถมฺภา. นิขาตาติ อาโกเฏตฺวา ภูมิยํ ปเวสิตา ขุทฺทกา มหนฺตา ขณิตฺวา ปิตา. อสมฺปเวธีติ อกมฺปกา. ทามาติ วจฺฉกานํ พนฺธนตฺถาย กตา คนฺถิตปาสยุตฺตา รชฺชุพนฺธนวิเสสา. มุฺชมยาติ มุฺชติณมยา. นวาติ อจิรกตา. สุสณฺานาติ สุฏฺุ สณฺานา, สุวฏฺฏิตสณฺานา วา. น หิ สกฺขินฺตีติ เนว สกฺขิสฺสนฺติ. เธนุปาปิ เฉตฺตุนฺติ ตรุณวจฺฉกาปิ ฉินฺทิตุํ.

๒๙. เอวํ วุตฺเต ภควา ธนิยสฺส อินฺทฺริย-ปริปากกาลํ ตฺวา ปุริมนเยเนว ตํ โอวทนฺโต อิมํ จตุสจฺจทีปิกํ คาถํ อภาสิ ‘‘อุสโภริว เฉตฺวา’’ติ. ตตฺถ อุสโภติ โคปิตา โคปริณายโก โคยูถปติ พลีพทฺโท. เกจิ ปน ภณนฺติ ‘‘ควสตเชฏฺโ อุสโภ, สหสฺสเชฏฺโ วสโภ, สตสหสฺสเชฏฺโ นิสโภ’’ติ. อปเร ‘‘เอกคามเขตฺเต เชฏฺโ อุสโภ, ทฺวีสุ เชฏฺโ วสโภ, สพฺพตฺถ อปฺปฏิหโต นิสโภ’’ติ. สพฺเพเปเต ปปฺจา, อปิจ โข ปน อุสโภติ วา วสโภติ วา นิสโภติ วา สพฺเพเปเต อปฺปฏิสมฏฺเน เวทิตพฺพา. ยถาห – ‘‘นิสโภ วต โภ สมโณ โคตโม’’ติ (สํ. นิ. ๑.๓๘). ร-กาโร ปทสนฺธิกโร. พนฺธนานีติ รชฺชุพนฺธนานิ กิเลสพนฺธนานิ จ. นาโคติ หตฺถี. ปูติลตนฺติ คโฬจีลตํ. ยถา หิ สุวณฺณวณฺโณปิ กาโย ปูติกาโย, วสฺสสติโกปิ สุนโข กุกฺกุโร, ตทหุชาโตปิ สิงฺคาโล ‘‘ชรสิงฺคาโล’’ติ วุจฺจติ, เอวํ อภินวาปิ คโฬจีลตา อสารกตฺเตน ‘‘ปูติลตา’’ติ วุจฺจติ. ทาลยิตฺวาติ ฉินฺทิตฺวา. คพฺภฺจ เสยฺยฺจ คพฺภเสยฺยํ. ตตฺถ คพฺภคฺคหเณน ชลาพุชโยนิ, เสยฺยคฺคหเณน อวเสสา. คพฺภเสยฺยมุเขน วา สพฺพาปิ ตา วุตฺตาติ เวทิตพฺพา. เสสเมตฺถ ปทตฺถโต อุตฺตานเมว.

อยํ ปเนตฺถ อธิปฺปาโย – ธนิย, ตฺวํ พนฺธเนน ตุฏฺโ, อหํ ปน พนฺธเนน อฏฺฏียนฺโต ถามวีริยูเปโต มหาอุสโภริว พนฺธนานิ ปฺจุทฺธมฺภาคิยสํโยชนานิ จตุตฺถอริยมคฺคถามวีริเยน เฉตฺวา, นาโค ปูติลตํว ปฺโจรมฺภาคิยสํโยชนพนฺธนานิ เหฏฺามคฺคตฺตยถามวีริเยน ทาลยิตฺวา, อถ วา อุสโภริว พนฺธนานิ อนุสเย นาโค ปูติลตํว ปริยุฏฺานานิ เฉตฺวา ทาลยิตฺวาว ิโต. ตสฺมา น ปุน คพฺภเสยฺยํ อุเปสฺสํ. โสหํ ชาติทุกฺขวตฺถุเกหิ สพฺพทุกฺเขหิ ปริมุตฺโต โสภามิ – ‘‘อถ เจ ปตฺถยสี ปวสฺส เทวา’’ติ วทมาโน. ตสฺมา สเจ ตฺวมฺปิ อหํ วิย วตฺตุมิจฺฉสิ, ฉินฺท ตานิ พนฺธนานีติ. เอตฺถ จ พนฺธนานิ สมุทยสจฺจํ, คพฺภเสยฺยา ทุกฺขสจฺจํ, ‘‘น อุเปสฺส’’นฺติ เอตฺถ อนุปคโม อนุปาทิเสสวเสน, ‘‘เฉตฺวา ทาลยิตฺวา’’ติ เอตฺถ เฉโท ปทาลนฺจ สอุปาทิเสสวเสน นิโรธสจฺจํ, เยน ฉินฺทติ ปทาเลติ จ, ตํ มคฺคสจฺจนฺติ.

เอวเมตํ จตุสจฺจทีปิกํ คาถํ สุตฺวา คาถาปริโยสาเน ธนิโย จ ปชาปติ จสฺส ทฺเว จ ธีตโรติ จตฺตาโร ชนา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสุ. อถ ธนิโย อเวจฺจปฺปสาทโยเคน ตถาคเต มูลชาตาย ปติฏฺิตาย สทฺธาย ปฺาจกฺขุนา ภควโต ธมฺมกายํ ทิสฺวา ธมฺมตาย โจทิตหทโย จินฺเตสิ – ‘‘พนฺธนานิ ฉินฺทึ, คพฺภเสยฺโย จ เม นตฺถี’’ติ อวีจึ ปริยนฺตํ กตฺวา ยาว ภวคฺคา โก อฺโ เอวํ สีหนาทํ นทิสฺสติ อฺตฺร ภควตา, อาคโต นุ โข เม สตฺถาติ. ตโต ภควา ฉพฺพณฺณรสฺมิชาลวิจิตฺรํ สุวณฺณรสเสกปิฺชรํ วิย สรีราภํ ธนิยสฺส นิเวสเน มุฺจิ ‘‘ปสฺส ทานิ ยถาสุข’’นฺติ.

๓๐. อถ ธนิโย อนฺโต ปวิฏฺจนฺทิมสูริยํ วิย สมนฺตา ปชฺชลิตปทีปสหสฺสสมุชฺชลิตมิว จ นิเวสนํ ทิสฺวา ‘‘อาคโต ภควา’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทสิ. ตสฺมึเยว จ สมเย เมโฆปิ ปาวสฺสิ. เตนาหุ สงฺคีติการา ‘‘นินฺนฺจ ถลฺจ ปูรยนฺโต’’ติ. ตตฺถ นินฺนนฺติ ปลฺลลํ. ถลนฺติ อุกฺกูลํ. เอวเมตํ อุกฺกูลวิกูลํ สพฺพมฺปิ สมํ กตฺวา ปูรยนฺโต มหาเมโฆ ปาวสฺสิ, วสฺสิตุํ อารภีติ วุตฺตํ โหติ. ตาวเทวาติ ยํ ขณํ ภควา สรีราภํ มุฺจิ, ธนิโย จ ‘‘สตฺถา เม อาคโต’’ติ สทฺธามยํ จิตฺตาภํ มุฺจิ, ตํ ขณํ ปาวสฺสีติ. เกจิ ปน ‘‘สูริยุคฺคมนมฺปิ ตสฺมึเยว ขเณ’’ติ วณฺณยนฺติ.

๓๑-๓๒. เอวํ ตสฺมึ ธนิยสฺส สทฺธุปฺปาทตถาคโตภาสผรณสูริยุคฺคมนกฺขเณ วสฺสโต เทวสฺส สทฺทํ สุตฺวา ธนิโย ปีติโสมนสฺสชาโต อิมมตฺถํ อภาสถ ‘‘ลาภา วต โน อนปฺปกา’’ติ ทฺเว คาถา วตฺตพฺพา.

ตตฺถ ยสฺมา ธนิโย สปุตฺตทาโร ภควโต อริยมคฺคปฏิเวเธน ธมฺมกายํ ทิสฺวา, โลกุตฺตรจกฺขุนา รูปกายํ ทิสฺวา, โลกิยจกฺขุนา สทฺธาปฏิลาภํ ลภิ. ตสฺมา อาห – ‘‘ลาภา วต โน อนปฺปกา, เย มยํ ภควนฺตํ อทฺทสามา’’ติ. ตตฺถ วต อิติ วิมฺหยตฺเถ นิปาโต. โน อิติ อมฺหากํ. อนปฺปกาติ วิปุลา. เสสํ อุตฺตานเมว. สรณํ ตํ อุเปมาติ เอตฺถ ปน กิฺจาปิ มคฺคปฏิเวเธเนวสฺส สิทฺธํ สรณคมนํ, ตตฺถ ปน นิจฺฉยคมนเมว คโต, อิทานิ วาจาย อตฺตสนฺนิยฺยาตนํ กโรติ. มคฺควเสน วา สนฺนิยฺยาตนสรณตํ อจลสรณตํ ปตฺโต, ตํ ปเรสํ วาจาย ปากฏํ กโรนฺโต ปณิปาตสรณคมนํ คจฺฉติ. จกฺขุมาติ ภควา ปกติทิพฺพปฺาสมนฺตพุทฺธจกฺขูหิ ปฺจหิ จกฺขูหิ จกฺขุมา. ตํ อาลปนฺโต อาห – ‘‘สรณํ ตํ อุเปม จกฺขุมา’’ติ. ‘‘สตฺถา โน โหหิ ตุวํ มหามุนี’’ติ อิทํ ปน วจนํ สิสฺสภาวูปคมเนนาปิ สรณคมนํ ปูเรตุํ ภณติ, โคปี จ อหฺจ อสฺสวา, พฺรหฺมจริยํ สุคเต จรามเสติ อิทํ สมาทานวเสน.

ตตฺถ พฺรหฺมจริยนฺติ เมถุนวิรติมคฺคสมณธมฺมสาสนสทารสนฺโตสานเมตํ อธิวจนํ. ‘‘พฺรหฺมจารี’’ติ เอวมาทีสุ (ม. นิ. ๑.๘๓) หิ เมถุนวิรติ พฺรหฺมจริยนฺติ วุจฺจติ. ‘‘อิทํ โข ปน เม ปฺจสิข, พฺรหฺมจริยํ เอกนฺตนิพฺพิทายา’’ติ เอวมาทีสุ (ที. นิ. ๒.๓๒๙) มคฺโค. ‘‘อภิชานามิ โข ปนาหํ, สาริปุตฺต, จตุรงฺคสมนฺนาคตํ พฺรหฺมจริยํ จริตา’’ติ เอวมาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑๕๕) สมณธมฺโม. ‘‘ตยิทํ พฺรหฺมจริยํ อิทฺธฺเจว ผีตฺจา’’ติ เอวมาทีสุ (ที. นิ. ๓.๑๗๔) สาสนํ.

‘‘มยฺจ ภริยา นาติกฺกมาม, อมฺเห จ ภริยา นาติกฺกมนฺติ;

อฺตฺร ตาหิ พฺรหฺมจริยํ จราม, ตสฺมา หิ อมฺหํ ทหรา น มียเร’’ติ. (ชา. ๑.๑๐.๙๗) –

เอวมาทีสุ สทารสนฺโตโส. อิธ ปน สมณธมฺมพฺรหฺมจริยปุพฺพงฺคมํ อุปริมคฺคพฺรหฺมจริยมธิปฺเปตํ. สุคเตติ สุคตสฺส สนฺติเก. ภควา หิ อนฺตทฺวยมนุปคฺคมฺม สุฏฺุ คตตฺตา, โสภเณน จ อริยมคฺคคมเนน สมนฺนาคตตฺตา, สุนฺทรฺจ นิพฺพานสงฺขาตํ านํ คตตฺตา สุคโตติ วุจฺจติ. สมีปตฺเถ เจตฺถ ภุมฺมวจนํ, ตสฺมา สุคตสฺส สนฺติเกติ อตฺโถ. จรามเสติ จราม. ยฺหิ ตํ สกฺกเต จรามสีติ วุจฺจติ, ตํ อิธ จรามเสติ. อฏฺกถาจริยา ปน ‘‘เสติ นิปาโต’’ติ ภณนฺติ. เตเนว เจตฺถ อายาจนตฺถํ สนฺธาย ‘‘จเรม เส’’ติปิ ปาํ วิกปฺเปนฺติ. ยํ รุจฺจติ, ตํ คเหตพฺพํ.

เอวํ ธนิโย พฺรหฺมจริยจรณาปเทเสน ภควนฺตํ ปพฺพชฺชํ ยาจิตฺวา ปพฺพชฺชปโยชนํ ทีเปนฺโต อาห ‘‘ชาตีมรณสฺส ปารคู, ทุกฺขสฺสนฺตกรา ภวามเส’’ติ. ชาติมรณสฺส ปารํ นาม นิพฺพานํ, ตํ อรหตฺตมคฺเคน คจฺฉาม. ทุกฺขสฺสาติ วฏฺฏทุกฺขสฺส. อนฺตกราติ อภาวกรา. ภวามเสติ ภวาม, อถ วา อโห วต มยํ ภเวยฺยามาติ. ‘‘จรามเส’’ติ เอตฺถ วุตฺตนเยเนว ตํ เวทิตพฺพํ. เอวํ วตฺวาปิ จ ปุน อุโภปิ กิร ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ‘‘ปพฺพาเชถ โน ภควา’’ติ เอวํ ปพฺพชฺชํ ยาจึสูติ.

๓๓. อถ มาโร ปาปิมา เอวํ เต อุโภปิ วนฺทิตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจนฺเต ทิสฺวา – ‘‘อิเม มม วิสยํ อติกฺกมิตุกามา, หนฺท เนสํ อนฺตรายํ กโรมี’’ติ อาคนฺตฺวา ฆราวาเส คุณํ ทสฺเสนฺโต อิมํ คาถมาห ‘‘นนฺทติ ปุตฺเตหิ ปุตฺติมา’’ติ. ตตฺถ นนฺทตีติ ตุสฺสติ โมทติ. ปุตฺเตหีติ ปุตฺเตหิปิ ธีตเรหิปิ, สหโยคตฺเถ, กรณตฺเถ วา กรณวจนํ, ปุตฺเตหิ สห นนฺทติ, ปุตฺเตหิ กรณภูเตหิ นนฺทตีติ วุตฺตํ โหติ. ปุตฺติมาติ ปุตฺตวา ปุคฺคโล. อิตีติ เอวมาห. มาโรติ วสวตฺติภูมิยํ อฺตโร ทามริกเทวปุตฺโต. โส หิ สฏฺานาติกฺกมิตุกามํ ชนํ ยํ สกฺโกติ, ตํ มาเรติ. ยํ น สกฺโกติ, ตสฺสปิ มรณํ อิจฺฉติ. เตน ‘‘มาโร’’ติ วุจฺจติ. ปาปิมาติ ลามกปุคฺคโล, ปาปสมาจาโร วา. สงฺคีติการานเมตํ วจนํ, สพฺพคาถาสุ จ อีทิสานิ. ยถา จ ปุตฺเตหิ ปุตฺติมา, โคปิโย โคหิ ตเถว นนฺทติ. ยสฺส คาโว อตฺถิ, โสปิ โคปิโย, โคหิ สห, โคหิ วา กรณภูเตหิ ตเถว นนฺทตีติ อตฺโถ.

เอวํ วตฺวา อิทานิ ตสฺสตฺถสฺส สาธกการณํ นิทฺทิสติ, ‘‘อุปธี หิ นรสฺส นนฺทนา’’ติ. ตตฺถ อุปธีติ จตฺตาโร อุปธโย – กามูปธิ, ขนฺธูปธิ, กิเลสูปธิ, อภิสงฺขารูปธีติ. กามา หิ ‘‘ยํ ปฺจกามคุเณ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ สุขํ โสมนสฺสํ, อยํ กามานํ อสฺสาโท’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๖๖) เอวํ วุตฺตสฺส สุขสฺส อธิฏฺานภาวโต อุปธียติ เอตฺถ สุขนฺติ อิมินา วจนตฺเถน อุปธีติ วุจฺจนฺติ. ขนฺธาปิ ขนฺธมูลกทุกฺขสฺส อธิฏฺานภาวโต, กิเลสาปิ อปายทุกฺขสฺส อธิฏฺานภาวโต, อภิสงฺขาราปิ ภวทุกฺขสฺส อธิฏฺานภาวโตติ. อิธ ปน กามูปธิ อธิปฺเปโต. โส สตฺตสงฺขารวเสน ทุวิโธ. ตตฺถ สตฺตปฏิพทฺโธ ปธาโน, ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปุตฺเตหิ โคหี’’ติ วตฺวา การณมาห – ‘‘อุปธี หิ นรสฺส นนฺทนา’’ติ. ตสฺสตฺโถ – ยสฺมา อิเม กามูปธี นรสฺส นนฺทนา, นนฺทยนฺติ นรํ ปีติโสมนสฺสํ อุปสํหรนฺตา, ตสฺมา เวทิตพฺพเมตํ ‘‘นนฺทติ ปุตฺเตหิ ปุตฺติมา, โคปิโย โคหิ ตเถว นนฺทติ, ตฺวฺจ ปุตฺติมา โคปิโย จ, ตสฺมา เอเตหิ, นนฺท, มา ปพฺพชฺชํ ปาฏิกงฺขิ. ปพฺพชิตสฺส หิ เอเต อุปธโย น สนฺติ, เอวํ สนฺเต ตฺวํ ทุกฺขสฺสนฺตํ ปตฺเถนฺโตปิ ทุกฺขิโตว ภวิสฺสสี’’ติ.

อิทานิ ตสฺสปิ อตฺถสฺส สาธกการณํ นิทฺทิสติ ‘‘น หิ โส นนฺทติ, โย นิรูปธี’’ติ. ตสฺสตฺโถ – ยสฺมา ยสฺเสเต อุปธโย นตฺถิ, โส ปิเยหิ าตีหิ วิปฺปยุตฺโต นิพฺโภคูปกรโณ น นนฺทติ, ตสฺมา ตฺวํ อิเม อุปธโย วชฺเชตฺวา ปพฺพชิโต ทุกฺขิโตว ภวิสฺสสีติ.

๓๔. อถ ภควา ‘‘มาโร อยํ ปาปิมา อิเมสํ อนฺตรายาย อาคโต’’ติ วิทิตฺวา ผเลน ผลํ ปาเตนฺโต วิย ตาเยว มาเรนาภตาย อุปมาย มารวาทํ ภินฺทนฺโต ตเมว คาถํ ปริวตฺเตตฺวา ‘‘อุปธิ โสกวตฺถู’’ติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘โสจติ ปุตฺเตหิ ปุตฺติมา’’ติ. ตตฺถ สพฺพํ ปทตฺถโต อุตฺตานเมว. อยํ ปน อธิปฺปาโย – มา, ปาปิม, เอวํ อวจ ‘‘นนฺทติ ปุตฺเตหิ ปุตฺติมา’’ติ. สพฺเพเหว หิ ปิเยหิ, มนาเปหิ นานาภาโว วินาภาโว, อนติกฺกมนีโย อยํ วิธิ, เตสฺจ ปิยมนาปานํ ปุตฺตทารานํ ควาสฺสวฬวหิรฺสุวณฺณาทีนํ วินาภาเวน อธิมตฺตโสกสลฺลสมปฺปิตหทยา สตฺตา อุมฺมตฺตกาปิ โหนฺติ ขิตฺตจิตฺตา, มรณมฺปิ นิคจฺฉนฺติ มรณมตฺตมฺปิ ทุกฺขํ. ตสฺมา เอวํ คณฺห – โสจติ ปุตฺเตหิ ปุตฺติมา. ยถา จ ปุตฺเตหิ ปุตฺติมา, โคปิโย โคหิ ตเถว โสจตีติ. กึ การณา? อุปธี หิ นรสฺส โสจนา. ยสฺมา จ อุปธี หิ นรสฺส โสจนา, ตสฺมา เอว ‘‘น หิ โส โสจติ, โย นิรูปธิ’’. โย อุปธีสุ สงฺคปฺปหาเนน นิรุปธิ โหติ, โส สนฺตุฏฺโ โหติ กายปริหาริเกน จีวเรน, กุจฺฉิปริหาริเกน ปิณฺฑปาเตน, เยน เยเนว ปกฺกมติ, สมาทาเยว ปกฺกมติ. เสยฺยถาปิ นาม ปกฺขี สกุโณ …เป… นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ ปชานาติ. เอวํ สพฺพโสกสมุคฺฆาตา ‘‘น หิ โส โสจติ, โย นิรุปธี’’ติ. อิติ ภควา อรหตฺตนิกูเฏน เทสนํ โวสาเปสิ. อถ วา โย นิรุปธิ, โย นิกฺกิเลโส, โส น โสจติ. ยาวเทว หิ กิเลสา สนฺติ, ตาวเทว สพฺเพ อุปธโย โสกปฺผลาว โหนฺติ. กิเลสปฺปหานา ปน นตฺถิ โสโกติ. เอวมฺปิ อรหตฺตนิกูเฏเนว เทสนํ โวสาเปสิ. เทสนาปริโยสาเน ธนิโย จ โคปี จ อุโภปิ ปพฺพชึสุ. ภควา อากาเสเนว เชตวนํ อคมาสิ. เต ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ สจฺฉิกรึสุ. วสนฏฺาเน จ เนสํ โคปาลกา วิหารํ กาเรสุํ. โส อชฺชาปิ โคปาลกวิหาโรตฺเวว ปฺายตีติ.

ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย

สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย ธนิยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. ขคฺควิสาณสุตฺตวณฺณนา

สพฺเพสุ ภูเตสูติ ขคฺควิสาณสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? สพฺพสุตฺตานํ จตุพฺพิธา อุปฺปตฺติ – อตฺตชฺฌาสยโต, ปรชฺฌาสยโต, อฏฺุปฺปตฺติโต, ปุจฺฉาวสิโต จาติ. ทฺวยตานุปสฺสนาทีนฺหิ อตฺตชฺฌาสยโต อุปฺปตฺติ, เมตฺตสุตฺตาทีนํ ปรชฺฌาสยโต, อุรคสุตฺตาทีนํ อฏฺุปฺปตฺติโต, ธมฺมิกสุตฺตาทีนํ ปุจฺฉาวสิโต. ตตฺถ ขคฺควิสาณสุตฺตสฺส อวิเสเสน ปุจฺฉาวสิโต อุปฺปตฺติ. วิเสเสน ปน ยสฺมา เอตฺถ กาจิ คาถา เตน เตน ปจฺเจกสมฺพุทฺเธน ปุฏฺเน วุตฺตา, กาจิ อปุฏฺเน อตฺตนา อธิคตมคฺคนยานุรูปํ อุทานํเยว อุทาเนนฺเตน, ตสฺมา กายจิ คาถาย ปุจฺฉาวสิโต, กายจิ อตฺตชฺฌาสยโต อุปฺปตฺติ.

ตตฺถ ยา อยํ อวิเสเสน ปุจฺฉาวสิโต อุปฺปตฺติ, สา อาทิโต ปภุติ เอวํ เวทิตพฺพา – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ. อถ โข อายสฺมโต อานนฺทสฺส รโหคตสฺส ปฏิสลฺลีนสฺส เอวํ เจตโส ปริวิตกฺโก อุทปาทิ – ‘‘พุทฺธานํ ปตฺถนา จ อภินีหาโร จ ทิสฺสติ; ตถา สาวกานํ, ปจฺเจกพุทฺธานํ น ทิสฺสติ; ยํนูนาหํ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺเฉยฺย’’นฺติ. โส ปฏิสลฺลานา วุฏฺิโต ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ยถากฺกเมน เอตมตฺถํ ปุจฺฉิ. อถสฺส ภควา ปุพฺพโยคาวจรสุตฺตํ อภาสิ –

‘‘ปฺจิเม, อานนฺท, อานิสํสา ปุพฺพโยคาวจเร ทิฏฺเว ธมฺเม ปฏิกจฺเจว อฺํ อาราเธติ. โน เจ ทิฏฺเว ธมฺเม ปฏิกจฺเจว อฺํ อาราเธติ, อถ มรณกาเล อฺํ อาราเธติ. โน เจ มรณกาเล อฺํ อาราเธติ, อถ เทวปุตฺโต สมาโน อฺํ อาราเธติ, อถ พุทฺธานํ สมฺมุขีภาเว ขิปฺปาภิฺโ โหติ, อถ ปจฺฉิเม กาเล ปจฺเจกสมฺพุทฺโธ โหตี’’ติ –

เอวํ วตฺวา ปุน อาห –

‘‘ปจฺเจกพุทฺธา นาม, อานนฺท, อภินีหารสมฺปนฺนา ปุพฺพโยคาวจรา โหนฺติ. ตสฺมา พุทฺธปจฺเจกพุทฺธสาวกานํ สพฺเพสํ ปตฺถนา จ อภินีหาโร จ อิจฺฉิตพฺโพ’’ติ.

โส อาห – ‘‘พุทฺธานํ, ภนฺเต, ปตฺถนา กีว จิรํ วฏฺฏตี’’ติ? พุทฺธานํ, อานนฺท, เหฏฺิมปริจฺเฉเทน จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ กปฺปสตสหสฺสฺจ, มชฺฌิมปริจฺเฉเทน อฏฺ อสงฺขฺเยยฺยานิ กปฺปสตสหสฺสฺจ, อุปริมปริจฺเฉเทน โสฬส อสงฺขฺเยยฺยานิ กปฺปสตสหสฺสฺจ. เอเต จ เภทา ปฺาธิกสทฺธาธิกวีริยาธิกวเสน าตพฺพา. ปฺาธิกานฺหิ สทฺธา มนฺทา โหติ, ปฺา ติกฺขา. สทฺธาธิกานํ ปฺา มชฺฌิมา โหติ, สทฺธา พลวา. วีริยาธิกานํ สทฺธาปฺา มนฺทา, วีริยํ พลวนฺติ. อปฺปตฺวา ปน จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ กปฺปสตสหสฺสฺจ ทิวเส ทิวเส เวสฺสนฺตรทานสทิสํ ทานํ เทนฺโตปิ ตทนุรูปสีลาทิสพฺพปารมิธมฺเม อาจินนฺโตปิ อนฺตรา พุทฺโธ ภวิสฺสตีติ เนตํ านํ วิชฺชติ. กสฺมา? าณํ คพฺภํ น คณฺหาติ, เวปุลฺลํ นาปชฺชติ, ปริปากํ น คจฺฉตีติ. ยถา นาม ติมาสจตุมาสปฺจมาสจฺจเยน นิปฺผชฺชนกํ สสฺสํ ตํ ตํ กาลํ อปฺปตฺวา ทิวเส ทิวเส สหสฺสกฺขตฺตุํ เกฬายนฺโตปิ อุทเกน สิฺจนฺโตปิ อนฺตรา ปกฺเขน วา มาเสน วา นิปฺผาเทสฺสตีติ เนตํ านํ วิชฺชติ. กสฺมา? สสฺสํ คพฺภํ น คณฺหาติ, เวปุลฺลํ นาปชฺชติ, ปริปากํ น คจฺฉตีติ. เอวเมวํ อปฺปตฺวา จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ…เป… เนตํ านํ วิชฺชตีติ. ตสฺมา ยถาวุตฺตเมว กาลํ ปารมิปูรณํ กาตพฺพํ าณปริปากตฺถาย. เอตฺตเกนปิ จ กาเลน พุทฺธตฺตํ ปตฺถยโต อภินีหารกรเณ อฏฺ สมฺปตฺติโย อิจฺฉิตพฺพา. อยฺหิ –

‘‘มนุสฺสตฺตํ ลิงฺคสมฺปตฺติ, เหตุ สตฺถารทสฺสนํ;

ปพฺพชฺชา คุณสมฺปตฺติ, อธิกาโร จ ฉนฺทตา;

อฏฺธมฺมสโมธานา, อภินีหาโร สมิชฺฌตี’’ติ. (พุ. วํ. ๒.๕๙);

อภินีหาโรติ จ มูลปณิธานสฺเสตํ อธิวจนํ. ตตฺถ มนุสฺสตฺตนฺติ มนุสฺสชาติ. อฺตฺร หิ มนุสฺสชาติยา อวเสสชาตีสุ เทวชาติยมฺปิ ิตสฺส ปณิธิ น อิชฺฌติ. เอตฺถ ิเตน ปน พุทฺธตฺตํ ปตฺเถนฺเตน ทานาทีนิ ปุฺกมฺมานิ กตฺวา มนุสฺสตฺตํเยว ปตฺเถตพฺพํ. ตตฺถ ตฺวา ปณิธิ กาตพฺโพ. เอวฺหิ สมิชฺฌติ. ลิงฺคสมฺปตฺตีติ ปุริสภาโว. มาตุคามนปุํสกอุภโตพฺยฺชนกานฺหิ มนุสฺสชาติยํ ิตานมฺปิ ปณิธิ น สมิชฺฌติ. ตตฺถ ิเตน ปน พุทฺธตฺตํ ปตฺเถนฺเตน ทานาทีนิ ปุฺกมฺมานิ กตฺวา ปุริสภาโวเยว ปตฺเถตพฺโพ. ตตฺถ ตฺวา ปณิธิ กาตพฺโพ. เอวฺหิ สมิชฺฌติ. เหตูติ อรหตฺตสฺส อุปนิสฺสยสมฺปตฺติ. โย หิ ตสฺมึ อตฺตภาเว วายมนฺโต อรหตฺตํ ปาปุณิตุํ สมตฺโถ, ตสฺส สมิชฺฌติ, โน อิตรสฺส, ยถา สุเมธปณฺฑิตสฺส. โส หิ ทีปงฺกรปาทมูเล ปพฺพชิตฺวา เตนตฺตภาเวน อรหตฺตํ ปาปุณิตุํ สมตฺโถ อโหสิ. สตฺถารทสฺสนนฺติ พุทฺธานํ สมฺมุขาทสฺสนํ. เอวฺหิ อิชฺฌติ, โน อฺถา; ยถา สุเมธปณฺฑิตสฺส. โส หิ ทีปงฺกรํ สมฺมุขา ทิสฺวา ปณิเธสิ. ปพฺพชฺชาติ อนคาริยภาโว. โส จ โข สาสเน วา กมฺมวาทิกิริยวาทิตาปสปริพฺพาชกนิกาเย วา วฏฺฏติ ยถา สุเมธปณฺฑิตสฺส. โส หิ สุเมโธ นาม ตาปโส หุตฺวา ปณิเธสิ. คุณสมฺปตฺตีติ ฌานาทิคุณปฏิลาโภ. ปพฺพชิตสฺสาปิ หิ คุณสมฺปนฺนสฺเสว อิชฺฌติ, โน อิตรสฺส; ยถา สุเมธปณฺฑิตสฺส. โส หิ ปฺจาภิฺโ อฏฺสมาปตฺติลาภี จ หุตฺวา ปณิเธสิ. อธิกาโรติ อธิกกาโร, ปริจฺจาโคติ อตฺโถ. ชีวิตาทิปริจฺจาคฺหิ กตฺวา ปณิทหโตเยว อิชฺฌติ, โน อิตรสฺส; ยถา สุเมธปณฺฑิตสฺส. โส หิ –

‘‘อกฺกมิตฺวาน มํ พุทฺโธ, สห สิสฺเสหิ คจฺฉตุ;

มา นํ กลเล อกฺกมิตฺถ, หิตาย เม ภวิสฺสตี’’ติ. (พุ. วํ. ๒.๕๓) –

เอวํ ชีวิตปริจฺจาคํ กตฺวา ปณิเธสิ. ฉนฺทตาติ กตฺตุกมฺยตา. สา ยสฺส พลวตี โหติ, ตสฺส อิชฺฌติ. สา จ, สเจ โกจิ วเทยฺย ‘‘โก จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ สตสหสฺสฺจ กปฺเป นิรเย ปจฺจิตฺวา พุทฺธตฺตํ อิจฺฉตี’’ติ, ตํ สุตฺวา โย ‘‘อห’’นฺติ วตฺตุํ อุสฺสหติ, ตสฺส พลวตีติ เวทิตพฺพา. ตถา ยทิ โกจิ วเทยฺย ‘‘โก สกลจกฺกวาฬํ วีตจฺจิกานํ องฺคารานํ ปูรํ อกฺกมนฺโต อติกฺกมิตฺวา พุทฺธตฺตํ อิจฺฉติ, โก สกลจกฺกวาฬํ สตฺติสูเลหิ อากิณฺณํ อกฺกมนฺโต อติกฺกมิตฺวา พุทฺธตฺตํ อิจฺฉติ, โก สกลจกฺกวาฬํ สมติตฺติกํ อุทกปุณฺณํ อุตฺตริตฺวา พุทฺธตฺตํ อิจฺฉติ, โก สกลจกฺกวาฬํ นิรนฺตรํ เวฬุคุมฺพสฺฉนฺนํ มทฺทนฺโต อติกฺกมิตฺวา พุทฺธตฺตํ อิจฺฉตี’’ติ ตํ สุตฺวา โย ‘‘อห’’นฺติ วตฺตุํ อุสฺสหติ, ตสฺส พลวตีติ เวทิตพฺพา. เอวรูเปน จ กตฺตุกมฺยตาฉนฺเทน สมนฺนาคโต สุเมธปณฺฑิโต ปณิเธสีติ.

เอวํ สมิทฺธาภินีหาโร จ โพธิสตฺโต อิมานิ อฏฺารส อภพฺพฏฺานานิ น อุเปติ. โส หิ ตโต ปภุติ น ชจฺจนฺโธ โหติ, น ชจฺจพธิโร, น อุมฺมตฺตโก, น เอฬมูโค, น ปีสปฺปี, น มิลกฺขูสุ อุปฺปชฺชติ, น ทาสิกุจฺฉิยา นิพฺพตฺตติ, น นิยตมิจฺฉาทิฏฺิโก โหติ, นาสฺส ลิงฺคํ ปริวตฺตติ, น ปฺจานนฺตริยกมฺมานิ กโรติ, น กุฏฺี โหติ, น ติรจฺฉานโยนิยํ วฏฺฏกโต ปจฺฉิมตฺตภาโว โหติ, น ขุปฺปิปาสิกนิชฺฌามตณฺหิกเปเตสุ อุปฺปชฺชติ, น กาลกฺจิกาสุเรสุ, น อวีจินิรเย, น โลกนฺตริเกสุ, กามาวจเรสุ น มาโร โหติ, รูปาวจเรสุ น อสฺีภเว, น สุทฺธาวาสภเวสุ อุปฺปชฺชติ, น อรูปภเวสุ, น อฺํ จกฺกวาฬํ สงฺกมติ.

ยา จิมา อุสฺสาโห อุมฺมงฺโค อวตฺถานํ หิตจริยา จาติ จตสฺโส พุทฺธภูมิโย, ตาหิ สมนฺนาคโต โหติ. ตตฺถ –

‘‘อุสฺสาโห วีริยํ วุตฺตํ, อุมฺมงฺโค ปฺา ปวุจฺจติ;

อวตฺถานํ อธิฏฺานํ, หิตจริยา เมตฺตาภาวนา’’ติ. –

เวทิตพฺพา. เย จาปิ อิเม เนกฺขมฺมชฺฌาสโย, ปวิเวกชฺฌาสโย, อโลภชฺฌาสโย, อโทสชฺฌาสโย, อโมหชฺฌาสโย, นิสฺสรณชฺฌาสโยติ ฉ อชฺฌาสยา โพธิปริปากาย สํวตฺตนฺติ, เยหิ สมนฺนาคตตฺตา เนกฺขมฺมชฺฌาสยา จ โพธิสตฺตา กาเม โทสทสฺสาวิโน, ปวิเวกชฺฌาสยา จ โพธิสตฺตา สงฺคณิกาย โทสทสฺสาวิโน, อโลภชฺฌาสยา จ โพธิสตฺตา โลเภ โทสทสฺสาวิโน, อโทสชฺฌาสยา จ โพธิสตฺตา โทเส โทสทสฺสาวิโน, อโมหชฺฌาสยา จ โพธิสตฺตา โมเห โทสทสฺสาวิโน, นิสฺสรณชฺฌาสยา จ โพธิสตฺตา สพฺพภเวสุ โทสทสฺสาวิโนติ วุจฺจนฺติ, เตหิ จ สมนฺนาคโต โหติ.

ปจฺเจกพุทฺธานํ ปน กีว จิรํ ปตฺถนา วฏฺฏตีติ? ปจฺเจกพุทฺธานํ ทฺเว อสงฺขฺเยยฺยานิ กปฺปสตสหสฺสฺจ. ตโต โอรํ น สกฺกา. ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนเวตฺถ การณํ เวทิตพฺพํ. เอตฺตเกนาปิ จ กาเลน ปจฺเจกพุทฺธตฺตํ ปตฺถยโต อภินีหารกรเณ ปฺจ สมฺปตฺติโย อิจฺฉิตพฺพา. เตสฺหิ –

มนุสฺสตฺตํ ลิงฺคสมฺปตฺติ, วิคตาสวทสฺสนํ;

อธิกาโร ฉนฺทตา เอเต, อภินีหารการณา.

ตตฺถ วิคตาสวทสฺสนนฺติ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธสาวกานํ ยสฺส กสฺสจิ ทสฺสนนฺติ อตฺโถ. เสสํ วุตฺตนยเมว.

อถ สาวกานํ ปตฺถนา กิตฺตกํ วฏฺฏตีติ? ทฺวินฺนํ อคฺคสาวกานํ เอกํ อสงฺขฺเยยฺยํ กปฺปสตสหสฺสฺจ, อสีติมหาสาวกานํ กปฺปสตสหสฺสํ, ตถา พุทฺธสฺส มาตาปิตูนํ อุปฏฺากสฺส ปุตฺตสฺส จาติ. ตโต โอรํ น สกฺกา. วุตฺตนยเมเวตฺถ การณํ. อิเมสํ ปน สพฺเพสมฺปิ อธิกาโร ฉนฺทตาติ ทฺวงฺคสมฺปนฺโนเยว อภินีหาโร โหติ.

เอวํ อิมาย ปตฺถนาย อิมินา จ อภินีหาเรน ยถาวุตฺตปฺปเภทํ กาลํ ปารมิโย ปูเรตฺวา พุทฺธา โลเก อุปฺปชฺชนฺตา ขตฺติยกุเล วา พฺราหฺมณกุเล วา อุปฺปชฺชนฺติ, ปจฺเจกพุทฺธา ขตฺติยพฺราหฺมณคหปติกุลานํ อฺตรสฺมึ, อคฺคสาวกา ปน ขตฺติยพฺราหฺมณกุเลสฺเวว พุทฺธา อิว สพฺพพุทฺธา สํวฏฺฏมาเน กปฺเป น อุปฺปชฺชนฺติ, วิวฏฺฏมาเน กปฺเป อุปฺปชฺชนฺติ. ปจฺเจกพุทฺธา พุทฺเธ อปฺปตฺวา พุทฺธานํ อุปฺปชฺชนกาเลเยว อุปฺปชฺชนฺติ. พุทฺธา สยฺจ พุชฺฌนฺติ, ปเร จ โพเธนฺติ. ปจฺเจกพุทฺธา สยเมว พุชฺฌนฺติ, น ปเร โพเธนฺติ. อตฺถรสเมว ปฏิวิชฺฌนฺติ, น ธมฺมรสํ. น หิ เต โลกุตฺตรธมฺมํ ปฺตฺตึ อาโรเปตฺวา เทเสตุํ สกฺโกนฺติ, มูเคน ทิฏฺสุปิโน วิย วนจรเกน นคเร สายิตพฺยฺชนรโส วิย จ เนสํ ธมฺมาภิสมโย โหติ. สพฺพํ อิทฺธิสมาปตฺติปฏิสมฺภิทาปเภทํ ปาปุณนฺติ, คุณวิสิฏฺตาย พุทฺธานํ เหฏฺา สาวกานํ อุปริ โหนฺติ, อฺเ ปพฺพาเชตฺวา อาภิสมาจาริกํ สิกฺขาเปนฺติ, ‘‘จิตฺตสลฺเลโข กาตพฺโพ, โวสานํ นาปชฺชิตพฺพ’’นฺติ อิมินา อุทฺเทเสน อุโปสถํ กโรนฺติ, ‘อชฺชุโปสโถ’ติ วจนมตฺเตน วา. อุโปสถํ กโรนฺตา จ คนฺธมาทเน มฺชูสกรุกฺขมูเล รตนมาเฬ สนฺนิปติตฺวา กโรนฺตีติ. เอวํ ภควา อายสฺมโต อานนฺทสฺส ปจฺเจกพุทฺธานํ สพฺพาการปริปูรํ ปตฺถนฺจ อภินีหารฺจ กเถตฺวา, อิทานิ อิมาย ปตฺถนาย อิมินา จ อภินีหาเรน สมุทาคเต เต เต ปจฺเจกพุทฺเธ กเถตุํ ‘‘สพฺเพสุ ภูเตสุ นิธาย ทณฺฑ’’นฺติอาทินา นเยน อิมํ ขคฺควิสาณสุตฺตํ อภาสิ. อยํ ตาว อวิเสเสน ปุจฺฉาวสิโต ขคฺควิสาณสุตฺตสฺส อุปฺปตฺติ.

๓๕. อิทานิ วิเสเสน วตฺตพฺพา. ตตฺถ อิมิสฺสา ตาว คาถาย เอวํ อุปฺปตฺติ เวทิตพฺพา – อยํ กิร ปจฺเจกพุทฺโธ ปจฺเจกโพธิสตฺตภูมึ โอคาหนฺโต ทฺเว อสงฺขฺเยยฺยานิ กปฺปสตสหสฺสฺจ ปารมิโย ปูเรตฺวา กสฺสปสฺส ภควโต สาสเน ปพฺพชิตฺวา อารฺิโก หุตฺวา คตปจฺจาคตวตฺตํ ปูเรนฺโต สมณธมฺมํ อกาสิ. เอตํ กิร วตฺตํ อปริปูเรตฺวา ปจฺเจกโพธึ ปาปุณนฺตา นาม นตฺถิ. กึ ปเนตํ คตปจฺจาคตวตฺตํ นาม? หรณปจฺจาหรณนฺติ. ตํ ยถา วิภูตํ โหติ, ตถา กเถสฺสาม.

อิเธกจฺโจ ภิกฺขุ หรติ, น ปจฺจาหรติ; เอกจฺโจ ปจฺจาหรติ, น หรติ; เอกจฺโจ ปน เนว หรติ, น ปจฺจาหรติ; เอกจฺโจ หรติ จ ปจฺจาหรติ จ. ตตฺถ โย ภิกฺขุ ปเคว วุฏฺาย เจติยงฺคณโพธิยงฺคณวตฺตํ กตฺวา, โพธิรุกฺเข อุทกํ อาสิฺจิตฺวา, ปานียฆฏํ ปูเรตฺวา ปานียมาเฬ เปตฺวา, อาจริยวตฺตํ อุปชฺฌายวตฺตํ กตฺวา, ทฺเวอสีติ ขุทฺทกวตฺตานิ จุทฺทส มหาวตฺตานิ จ สมาทาย วตฺตติ, โส สรีรปริกมฺมํ กตฺวา, เสนาสนํ ปวิสิตฺวา, ยาว ภิกฺขาจารเวลา ตาว วิวิตฺตาสเน วีตินาเมตฺวา, เวลํ ตฺวา, นิวาเสตฺวา, กายพนฺธนํ พนฺธิตฺวา, อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา, สงฺฆาฏึ ขนฺเธ กริตฺวา, ปตฺตํ อํเส อาลคฺเคตฺวา, กมฺมฏฺานํ มนสิ กโรนฺโต เจติยงฺคณํ ปตฺวา, เจติยฺจ โพธิฺจ วนฺทิตฺวา, คามสมีเป จีวรํ ปารุปิตฺวา, ปตฺตมาทาย คามํ ปิณฺฑาย ปวิสติ, เอวํ ปวิฏฺโ จ ลาภี ภิกฺขุ ปุฺวา อุปาสเกหิ สกฺกตครุกโต อุปฏฺากกุเล วา ปฏิกฺกมนสาลายํ วา ปฏิกฺกมิตฺวา อุปาสเกหิ ตํ ตํ ปฺหํ ปุจฺฉิยมาโน เตสํ ปฺหวิสฺสชฺชเนน ธมฺมเทสนาวิกฺเขเปน จ ตํ มนสิการํ ฉฑฺเฑตฺวา นิกฺขมติ, วิหารํ อาคโตปิ ภิกฺขูนํ ปฺหํ ปุฏฺโ กเถติ, ธมฺมํ ภณติ, ตํ ตํ พฺยาปารมาปชฺชติ, ปจฺฉาภตฺตมฺปิ ปุริมยามมฺปิ มชฺฌิมยามมฺปิ เอวํ ภิกฺขูหิ สทฺธึ ปปฺจิตฺวา กายทุฏฺุลฺลาภิภูโต ปจฺฉิมยาเมปิ สยติ, เนว กมฺมฏฺานํ มนสิ กโรติ, อยํ วุจฺจติ หรติ, น ปจฺจาหรตีติ.

โย ปน พฺยาธิพหุโล โหติ, ภุตฺตาหาโร ปจฺจูสสมเย น สมฺมา ปริณมติ, ปเคว วุฏฺาย ยถาวุตฺตํ วตฺตํ กาตุํ น สกฺโกติ กมฺมฏฺานํ วา มนสิ กาตุํ, อฺทตฺถุ ยาคุํ วา เภสชฺชํ วา ปตฺถยมาโน กาลสฺเสว ปตฺตจีวรมาทาย คามํ ปวิสติ. ตตฺถ ยาคุํ วา เภสชฺชํ วา ภตฺตํ วา ลทฺธา ภตฺตกิจฺจํ นิฏฺาเปตฺวา, ปฺตฺตาสเน นิสินฺโน กมฺมฏฺานํ มนสิ กตฺวา, วิเสสํ ปตฺวา วา อปฺปตฺวา วา, วิหารํ อาคนฺตฺวา, เตเนว มนสิกาเรน วิหรติ. อยํ วุจฺจติ ปจฺจาหรติ น หรตีติ. เอทิสา จ ภิกฺขู ยาคุํ ปิวิตฺวา, วิปสฺสนํ อารภิตฺวา, พุทฺธสาสเน อรหตฺตํ ปตฺตา คณนปถํ วีติวตฺตา. สีหฬทีเปเยว เตสุ เตสุ คาเมสุ อาสนสาลาย น ตํ อาสนํ อตฺถิ, ยตฺถ ยาคุํ ปิวิตฺวา อรหตฺตํ ปตฺโต ภิกฺขุ นตฺถีติ.

โย ปน ปมาทวิหารี โหติ นิกฺขิตฺตธุโร, สพฺพวตฺตานิ ภินฺทิตฺวา ปฺจวิธเจโตขิลวินิพนฺธนพทฺธจิตฺโต วิหรนฺโต กมฺมฏฺานมนสิการมนนุยุตฺโต คามํ ปิณฺฑาย ปวิสิตฺวา คิหิปปฺเจน ปปฺจิโต ตุจฺฉโก นิกฺขมติ, อยํ วุจฺจติ เนว หรติ น ปจฺจาหรตีติ.

โย ปน ปเคว วุฏฺาย ปุริมนเยเนว สพฺพวตฺตานิ ปริปูเรตฺวา ยาว ภิกฺขาจารเวลา, ตาว ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา กมฺมฏฺานํ มนสิ กโรติ. กมฺมฏฺานํ นาม ทุวิธํ – สพฺพตฺถกํ, ปาริหาริยฺจ. สพฺพตฺถกํ นาม เมตฺตา จ มรณสฺสติ จ. ตํ สพฺพตฺถ อิจฺฉิตพฺพโต ‘‘สพฺพตฺถก’’นฺติ วุจฺจติ. เมตฺตา นาม อาวาสาทีสุ สพฺพตฺถ อิจฺฉิตพฺพา. อาวาเสสุ หิ เมตฺตาวิหารี ภิกฺขุ สพฺรหฺมจารีนํ ปิโย โหติ, เตน ผาสุ อสงฺฆฏฺโ วิหรติ. เทวตาสุ เมตฺตาวิหารี เทวตาหิ รกฺขิตโคปิโต สุขํ วิหรติ. ราชราชมหามตฺตาทีสุ เมตฺตาวิหารี, เตหิ มมายิโต สุขํ วิหรติ. คามนิคมาทีสุ เมตฺตาวิหารี สพฺพตฺถ ภิกฺขาจริยาทีสุ มนุสฺเสหิ สกฺกตครุกโต สุขํ วิหรติ. มรณสฺสติภาวนาย ชีวิตนิกนฺตึ ปหาย อปฺปมตฺโต วิหรติ.

ยํ ปน สทา ปริหริตพฺพํ จริตานุกูเลน คหิตตฺตา ทสาสุภกสิณานุสฺสตีสุ อฺตรํ, จตุธาตุววตฺถานเมว วา, ตํ สทา ปริหริตพฺพโต, รกฺขิตพฺพโต, ภาเวตพฺพโต จ ปาริหาริยนฺติ วุจฺจติ, มูลกมฺมฏฺานนฺติปิ ตเทว. ตตฺถ ยํ ปมํ สพฺพตฺถกกมฺมฏฺานํ มนสิ กริตฺวา ปจฺฉา ปาริหาริยกมฺมฏฺานํ มนสิ กโรติ, ตํ จตุธาตุววตฺถานมุเขน ทสฺเสสฺสาม.

อยฺหิ ยถาิตํ ยถาปณิหิตํ กายํ ธาตุโส ปจฺจเวกฺขติ – ยํ อิมสฺมึ สรีเร วีสติโกฏฺาเสสุ กกฺขฬํ ขรคตํ, สา ปถวีธาตุ. ยํ ทฺวาทสสุ อาพนฺธนกิจฺจกรํ สฺเนหคตํ, สา อาโปธาตุ. ยํ จตูสุ ปริปาจนกรํ อุสุมคตํ, สา เตโชธาตุ. ยํ ปน ฉสุ วิตฺถมฺภนกรํ วาโยคตํ, สา วาโยธาตุ. ยํ ปเนตฺถ จตูหิ มหาภูเตหิ อสมฺผุฏฺํ ฉิทฺทํ วิวรํ, สา อากาสธาตุ. ตํวิชานนกํ จิตฺตํ วิฺาณธาตุ. ตโต อุตฺตริ อฺโ สตฺโต วา ปุคฺคโล วา นตฺถิ. เกวลํ สุทฺธสงฺขารปุฺโชว อยนฺติ.

เอวํ อาทิมชฺฌปริโยสานโต กมฺมฏฺานํ มนสิ กริตฺวา, กาลํ ตฺวา, อุฏฺายาสนา นิวาเสตฺวา, ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว คามํ ปิณฺฑาย คจฺฉติ. คจฺฉนฺโต จ ยถา อนฺธปุถุชฺชนา อภิกฺกมาทีสุ ‘‘อตฺตา อภิกฺกมติ, อตฺตนา อภิกฺกโม นิพฺพตฺติโต’’ติ วา, ‘‘อหํ อภิกฺกมามิ, มยา อภิกฺกโม นิพฺพตฺติโต’’ติ วา สมฺมุยฺหนฺติ, ตถา อสมฺมุยฺหนฺโต ‘‘อภิกฺกมามีติ จิตฺเต อุปฺปชฺชมาเน เตเนว จิตฺเตน สทฺธึ จิตฺตสมุฏฺานา สนฺธารณวาโยธาตุ อุปฺปชฺชติ. สา อิมํ ปถวีธาตฺวาทิสนฺนิเวสภูตํ กายสมฺมตํ อฏฺิกสงฺฆาฏํ วิปฺผรติ, ตโต จิตฺตกิริยาวาโยธาตุวิปฺผารวเสน อยํ กายสมฺมโต อฏฺิกสงฺฆาโฏ อภิกฺกมติ. ตสฺเสวํ อภิกฺกมโต เอเกกปาทุทฺธารเณ จตูสุ ธาตูสุ วาโยธาตุอนุคตา เตโชธาตุ อธิกา อุปฺปชฺชติ, มนฺทา อิตรา. อติหรณวีติหรณาปหรเณสุ ปน เตโชธาตุอนุคตา วาโยธาตุ อธิกา อุปฺปชฺชติ, มนฺทา อิตรา. โอโรหเณ ปน ปถวีธาตุอนุคตา อาโปธาตุ อธิกา อุปฺปชฺชติ, มนฺทา อิตรา. สนฺนิกฺเขปนสมุปฺปีฬเนสุ อาโปธาตุอนุคตา ปถวีธาตุ อธิกา อุปฺปชฺชติ, มนฺทา อิตรา. อิจฺเจตา ธาตุโย เตน เตน อตฺตโน อุปฺปาทกจิตฺเตน สทฺธึ ตตฺถ ตตฺเถว ภิชฺชนฺติ. ตตฺถ โก เอโก อภิกฺกมติ, กสฺส วา เอกสฺส อภิกฺกมน’’นฺติ เอวํ เอเกกปาทุทฺธารณาทิปฺปกาเรสุ เอเกกสฺมึ ปกาเร อุปฺปนฺนธาตุโย, ตทวินิพฺภุตฺตา จ เสสา รูปธมฺมา, ตํสมุฏฺาปกํ จิตฺตํ, ตํสมฺปยุตฺตา จ เสสา อรูปธมฺมาติ เอเต รูปารูปธมฺมา. ตโต ปรํ อติหรณวีติหรณาทีสุ อฺํ ปการํ น สมฺปาปุณนฺติ, ตตฺถ ตตฺเถว ภิชฺชนฺติ. ตสฺมา อนิจฺจา. ยฺจ อนิจฺจํ, ตํ ทุกฺขํ. ยํ ทุกฺขํ, ตทนตฺตาติ เอวํ สพฺพาการปริปูรํ กมฺมฏฺานํ มนสิกโรนฺโตว คจฺฉติ. อตฺถกามา หิ กุลปุตฺตา สาสเน ปพฺพชิตฺวา ทสปิ วีสมฺปิ ตึสมฺปิ จตฺตาลีสมฺปิ ปฺาสมฺปิ สฏฺิปิ สตฺตติปิ สตมฺปิ เอกโต วสนฺตา กติกวตฺตํ กตฺวา วิหรนฺติ – ‘‘อาวุโส, ตุมฺเห น อิณฏฺา, น ภยฏฺา, น ชีวิกาปกตา ปพฺพชิตา; ทุกฺขา มุจฺจิตุกามา ปเนตฺถ ปพฺพชิตา. ตสฺมา คมเน อุปฺปนฺนกิเลสํ คมเนเยว นิคฺคณฺหถ, าเน นิสชฺชาย, สยเน อุปฺปนฺนกิเลสํ คมเนเยว นิคฺคณฺหถา’’ติ. เต เอวํ กติกวตฺตํ กตฺวา ภิกฺขาจารํ คจฺฉนฺตา อฑฺฒอุสภอุสภอฑฺฒคาวุตคาวุตนฺตเรสุ ปาสาณา โหนฺติ, ตาย สฺาย กมฺมฏฺานํ มนสิกโรนฺตาว คจฺฉนฺติ. สเจ กสฺสจิ คมเน กิเลโส อุปฺปชฺชติ, ตตฺเถว นํ นิคฺคณฺหาติ. ตถา อสกฺโกนฺโต ติฏฺติ. อถสฺส ปจฺฉโต อาคจฺฉนฺโตปิ ติฏฺติ. โส – ‘‘อยํ ภิกฺขุ ตุยฺหํ อุปฺปนฺนวิตกฺกํ ชานาติ, อนนุจฺฉวิกํ เต เอต’’นฺติ อตฺตานํ ปฏิโจเทตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา ตตฺเถว อริยภูมึ โอกฺกมติ. ตถา อสกฺโกนฺโต นิสีทติ. อถสฺส ปจฺฉโต อาคจฺฉนฺโตปิ นิสีทตีติ โสเยว นโย. อริยภูมิ โอกฺกมิตุํ อสกฺโกนฺโตปิ ตํ กิเลสํ วิกฺขมฺเภตฺวา กมฺมฏฺานํ มนสิกโรนฺโตว คจฺฉติ. น กมฺมฏฺานวิปฺปยุตฺเตน จิตฺเตน ปาทํ อุทฺธรติ. อุทฺธรติ เจ, ปฏินิวตฺติตฺวา ปุริมปฺปเทสํเยว เอติ สีหฬทีเป อาลินฺทกวาสี มหาผุสฺสเทวตฺเถโร วิย.

โส กิร เอกูนวีสติ วสฺสานิ คตปจฺจาคตวตฺตํ ปูเรนฺโต เอว วิหาสิ. มนุสฺสาปิ สุทํ อนฺตรามคฺเค กสนฺตา จ วปนฺตา จ มทฺทนฺตา จ กมฺมานิ กโรนฺตา เถรํ ตถา คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา – ‘‘อยํ เถโร ปุนปฺปุนํ นิวตฺติตฺวา คจฺฉติ, กึ นุ โข มคฺคมูฬฺโห, อุทาหุ กิฺจิ ปมุฏฺโ’’ติ สมุลฺลปนฺติ. โส ตํ อนาทิยิตฺวา กมฺมฏฺานยุตฺเตเนว จิตฺเตน สมณธมฺมํ กโรนฺโต วีสติวสฺสพฺภนฺตเร อรหตฺตํ ปาปุณิ. อรหตฺตปฺปตฺตทิวเส จสฺส จงฺกมนโกฏิยํ อธิวตฺถา เทวตา องฺคุลีหิ ทีปํ อุชฺชาเลตฺวา อฏฺาสิ. จตฺตาโรปิ มหาราชาโน สกฺโก จ เทวานมินฺโท, พฺรหฺมา จ สหมฺปติ อุปฏฺานํ อาคมํสุ. ตฺจ โอภาสํ ทิสฺวา วนวาสี มหาติสฺสตฺเถโร ตํ ทุติยทิวเส ปุจฺฉิ ‘‘รตฺติภาเค อายสฺมโต สนฺติเก โอภาโส อโหสิ, กึ โส โอภาโส’’ติ? เถโร วิกฺเขปํ กโรนฺโต ‘‘โอภาโส นาม ทีโปภาโสปิ โหติ, มณิโอภาโสปี’’ติ เอวมาทึ อาห. โส ‘‘ปฏิจฺฉาเทถ ตุมฺเห’’ติ นิพทฺโธ ‘‘อามา’’ติ ปฏิชานิตฺวา อาโรเจสิ.

กาฬวลฺลิมณฺฑปวาสี มหานาคตฺเถโร วิย จ. โสปิ กิร คตปจฺจาคตวตฺตํ ปูเรนฺโต ‘‘ปมํ ตาว ภควโต มหาปธานํ ปูเชมี’’ติ สตฺต วสฺสานิ านจงฺกมเมว อธิฏฺาสิ. ปุน โสฬส วสฺสานิ คตปจฺจาคตวตฺตํ ปูเรตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เอวํ กมฺมฏฺานยุตฺเตเนว จิตฺเตน ปาทํ อุทฺธรนฺโต วิปฺปยุตฺเตน จิตฺเตน อุทฺธเฏ ปน ปฏินิวตฺตนฺโต คามสมีปํ คนฺตฺวา, ‘‘คาวี นุ ปพฺพชิโต นู’’ติ อาสงฺกนียปฺปเทเส ตฺวา, สงฺฆาฏึ ปารุปิตฺวา ปตฺตํ คเหตฺวา, คามทฺวารํ ปตฺวา, กจฺฉกนฺตรโต อุทกํ คเหตฺวา, คณฺฑูสํ กตฺวา คามํ ปวิสติ ‘‘ภิกฺขํ ทาตุํ วา วนฺทิตุํ วา อุปคเต มนุสฺเส ‘ทีฆายุกา โหถา’ติ วจนมตฺเตนปิ มา เม กมฺมฏฺานวิกฺเขโป อโหสี’’ติ สเจ ปน ‘‘อชฺช, ภนฺเต, กึ สตฺตมี, อุทาหุ อฏฺมี’’ติ ทิวสํ ปุจฺฉนฺติ, อุทกํ คิลิตฺวา อาโรเจติ. สเจ ทิวสปุจฺฉกา น โหนฺติ, นิกฺขมนเวลายํ คามทฺวาเร นิฏฺุภิตฺวาว ยาติ.

สีหฬทีเปเยว กลมฺพติตฺถวิหาเร วสฺสูปคตา ปฺาสภิกฺขู วิย จ. เต กิร วสฺสูปนายิกอุโปสถทิวเส กติกวตฺตํ อกํสุ – ‘‘อรหตฺตํ อปฺปตฺวา อฺมฺํ นาลปิสฺสามา’’ติ. คามฺจ ปิณฺฑาย ปวิสนฺตา คามทฺวาเร อุทกคณฺฑูสํ กตฺวา ปวิสึสุ, ทิวเส ปุจฺฉิเต อุทกํ คิลิตฺวา อาโรเจสุํ, อปุจฺฉิเต คามทฺวาเร นิฏฺุภิตฺวา วิหารํ อาคมํสุ. ตตฺถ มนุสฺสา นิฏฺุภนฏฺานํ ทิสฺวา ชานึสุ ‘‘อชฺช เอโก อาคโต, อชฺช ทฺเว’’ติ. เอวฺจ จินฺเตสุํ ‘‘กึ นุ โข เอเต อมฺเหเหว สทฺธึ น สลฺลปนฺติ, อุทาหุ อฺมฺมฺปิ? ยทิ อฺมฺมฺปิ น สลฺลปนฺติ, อทฺธา วิวาทชาตา ภวิสฺสนฺติ, หนฺท เนสํ อฺมฺํ ขมาเปสฺสามา’’ติ สพฺเพ วิหารํ อคมํสุ. ตตฺถ ปฺาสภิกฺขูสุ วสฺสํ อุปคเตสุ ทฺเว ภิกฺขู เอโกกาเส นาทฺทสํสุ. ตโต โย เตสุ จกฺขุมา ปุริโส, โส เอวมาห – ‘‘น, โภ, กลหการกานํ วสโนกาโส อีทิโส โหติ, สุสมฺมฏฺํ เจติยงฺคณํ โพธิยงฺคณํ, สุนิกฺขิตฺตา สมฺมชฺชนิโย, สูปฏฺปิตํ ปานียปริโภชนีย’’นฺติ. เต ตโตว นิวตฺตา. เต ภิกฺขู อนฺโตเตมาเสเยว วิปสฺสนํ อารภิตฺวา อรหตฺตํ ปตฺวา มหาปวารณาย วิสุทฺธิปวารณํ ปวาเรสุํ.

เอวํ กาฬวลฺลิมณฺฑปวาสี มหานาคตฺเถโร วิย กลมฺพติตฺถวิหาเร วสฺสูปคตภิกฺขู วิย จ กมฺมฏฺานยุตฺเตเนว จิตฺเตน ปาทํ อุทฺธรนฺโต คามสมีปํ ปตฺวา, อุทกคณฺฑูสํ กตฺวา, วีถิโย สลฺลกฺเขตฺวา, ยตฺถ สุราโสณฺฑธุตฺตาทโย กลหการกา จณฺฑหตฺถิอสฺสาทโย วา นตฺถิ, ตํ วีถึ ปฏิปชฺชติ. ตตฺถ จ ปิณฺฑาย จรมาโน น ตุริตตุริโต วิย ชเวน คจฺฉติ, ชวนปิณฺฑปาติกธุตงฺคํ นาม นตฺถิ. วิสมภูมิภาคปฺปตฺตํ ปน อุทกภริตสกฏมิว นิจฺจโลว หุตฺวา คจฺฉติ. อนุฆรํ ปวิฏฺโ จ ทาตุกามํ อทาตุกามํ วา สลฺลกฺเขตุํ ตทนุรูปํ กาลํ อาคเมนฺโต ภิกฺขํ คเหตฺวา, ปติรูเป โอกาเส นิสีทิตฺวา, กมฺมฏฺานํ มนสิ กโรนฺโต อาหาเร ปฏิกูลสฺํ อุปฏฺเปตฺวา, อกฺขพฺภฺชนวณาเลปนปุตฺตมํสูปมาวเสน ปจฺจเวกฺขนฺโต อฏฺงฺคสมนฺนาคตํ อาหารํ อาหาเรติ, เนว ทวาย น มทาย…เป… ภุตฺตาวี จ อุทกกิจฺจํ กตฺวา, มุหุตฺตํ ภตฺตกิลมถํ ปฏิปฺปสฺสมฺเภตฺวา, ยถา ปุเร ภตฺตํ, เอวํ ปจฺฉา ภตฺตํ ปุริมยามํ ปจฺฉิมยามฺจ กมฺมฏฺานํ มนสิ กโรติ. อยํ วุจฺจติ หรติ เจว ปจฺจาหรติ จาติ. เอวเมตํ หรณปจฺจาหรณํ คตปจฺจาคตวตฺตนฺติ วุจฺจติ.

เอตํ ปูเรนฺโต ยทิ อุปนิสฺสยสมฺปนฺโน โหติ, ปมวเย เอว อรหตฺตํ ปาปุณาติ. โน เจ ปมวเย ปาปุณาติ, อถ มชฺฌิมวเย ปาปุณาติ. โน เจ มชฺฌิมวเย ปาปุณาติ, อถ มรณสมเย ปาปุณาติ. โน เจ มรณสมเย ปาปุณาติ, อถ เทวปุตฺโต หุตฺวา ปาปุณาติ. โน เจ เทวปุตฺโต หุตฺวา ปาปุณาติ, อถ ปจฺเจกสมฺพุทฺโธ หุตฺวา ปรินิพฺพาติ. โน เจ ปจฺเจกสมฺพุทฺโธ หุตฺวา ปรินิพฺพาติ, อถ พุทฺธานํ สนฺติเก ขิปฺปาภิฺโ โหติ; เสยฺยถาปิ – เถโร พาหิโย, มหาปฺโ วา โหติ; เสยฺยถาปิ เถโร สาริปุตฺโต.

อยํ ปน ปจฺเจกโพธิสตฺโต กสฺสปสฺส ภควโต สาสเน ปพฺพชิตฺวา, อารฺิโก หุตฺวา, วีสติ วสฺสสหสฺสานิ เอตํ คตปจฺจาคตวตฺตํ ปูเรตฺวา, กาลํ กตฺวา, กามาวจรเทวโลเก อุปฺปชฺชิ. ตโต จวิตฺวา พาราณสิรฺโ อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ อคฺคเหสิ. กุสลา อิตฺถิโย ตทเหว คพฺภสณฺานํ ชานนฺติ, สา จ ตาสมฺตรา, ตสฺมา ตํ คพฺภปติฏฺานํ รฺโ นิเวเทสิ. ธมฺมตา เอสา, ยํ ปุฺวนฺเต สตฺเต คพฺเภ อุปฺปนฺเน มาตุคาโม คพฺภปริหารํ ลภติ. ตสฺมา ราชา ตสฺสา คพฺภปริหารํ อทาสิ. สา ตโต ปภุติ นาจฺจุณฺหํ กิฺจิ อชฺโฌหริตุํ ลภติ, นาติสีตํ, นาติอมฺพิลํ, นาติโลณํ, นาติกฏุกํ, นาติติตฺตกํ. อจฺจุณฺเห หิ มาตรา อชฺโฌหเฏ คพฺภสฺส โลหกุมฺภิวาโส วิย โหติ, อติสีเต โลกนฺตริกวาโส วิย, อจฺจมฺพิลโลณกฏุกติตฺตเกสุ ภุตฺเตสุ สตฺเถน ผาเลตฺวา อมฺพิลาทีหิ สิตฺตานิ วิย คพฺภเสยฺยกสฺส องฺคานิ ติพฺพเวทนานิ โหนฺติ. อติจงฺกมนฏฺานนิสชฺชาสยนโตปิ นํ นิวาเรนฺติ – ‘‘กุจฺฉิคตสฺส สฺจลนทุกฺขํ มา อโหสี’’ติ. มุทุกตฺถรณตฺถตาย ภูมิยํ จงฺกมนาทีนิ มตฺตาย กาตุํ ลภติ, วณฺณคนฺธาทิสมฺปนฺนํ สาทุสปฺปายํ อนฺนปานํ ลภติ. ปริคฺคเหตฺวาว นํ จงฺกมาเปนฺติ, นิสีทาเปนฺติ, วุฏฺาเปนฺติ.

สา เอวํ ปริหริยมานา คพฺภปริปากกาเล สูติฆรํ ปวิสิตฺวา ปจฺจูสสมเย ปุตฺตํ วิชายิ ปกฺกเตลมทฺทิตมโนสิลาปิณฺฑิสทิสํ ธฺปุฺลกฺขณูเปตํ. ตโต นํ ปฺจมทิวเส อลงฺกตปฺปฏิยตฺตํ รฺโ ทสฺเสสุํ, ราชา ตุฏฺโ ฉสฏฺิยา ธาตีหิ อุปฏฺาเปสิ. โส สพฺพสมฺปตฺตีหิ วฑฺฒมาโน น จิรสฺเสว วิฺุตํ ปาปุณิ. ตํ โสฬสวสฺสุทฺเทสิกเมว สมานํ ราชา รชฺเช อภิสิฺจิ, วิวิธนาฏกานิ จสฺส อุปฏฺาเปสิ. อภิสิตฺโต ราชปุตฺโต รชฺชํ กาเรสิ นาเมน พฺรหฺมทตฺโต สกลชมฺพุทีเป วีสติยา นครสหสฺเสสุ. ชมฺพุทีเป หิ ปุพฺเพ จตุราสีติ นครสหสฺสานิ อเหสุํ. ตานิ ปริหายนฺตานิ สฏฺิ อเหสุํ, ตโต ปริหายนฺตานิ จตฺตาลีสํ, สพฺพปริหายนกาเล ปน วีสติ โหนฺติ. อยฺจ พฺรหฺมทตฺโต สพฺพปริหายนกาเล อุปฺปชฺชิ. เตนสฺส วีสติ นครสหสฺสานิ อเหสุํ, วีสติ ปาสาทสหสฺสานิ, วีสติ หตฺถิสหสฺสานิ, วีสติ อสฺสสหสฺสานิ, วีสติ รถสหสฺสานิ, วีสติ ปตฺติสหสฺสานิ, วีสติ อิตฺถิสหสฺสานิ – โอโรธา จ นาฏกิตฺถิโย จ, วีสติ อมจฺจสหสฺสานิ. โส มหารชฺชํ การยมาโน เอว กสิณปริกมฺมํ กตฺวา ปฺจ อภิฺาโย, อฏฺ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตสิ. ยสฺมา ปน อภิสิตฺตรฺา นาม อวสฺสํ อฏฺฏกรเณ นิสีทิตพฺพํ, ตสฺมา เอกทิวสํ ปเคว ปาตราสํ ภุฺชิตฺวา วินิจฺฉยฏฺาเน นิสีทิ. ตตฺถ อุจฺจาสทฺทมหาสทฺทํ อกํสุ. โส ‘‘อยํ สทฺโท สมาปตฺติยา อุปกฺกิเลโส’’ติ ปาสาทตลํ อภิรุหิตฺวา ‘‘สมาปตฺตึ อปฺเปมี’’ติ นิสินฺโน นาสกฺขิ อปฺเปตุํ, รชฺชวิกฺเขเปน สมาปตฺติ ปริหีนา. ตโต จินฺเตสิ ‘‘กึ รชฺชํ วรํ, อุทาหุ สมณธมฺโม’’ติ. ตโต ‘‘รชฺชสุขํ ปริตฺตํ อเนกาทีนวํ, สมณธมฺมสุขํ ปน วิปุลมเนกานิสํสํ อุตฺตมปุริสเสวิตฺจา’’ติ ตฺวา อฺตรํ อมจฺจํ อาณาเปสิ – ‘‘อิมํ รชฺชํ ธมฺเมน สเมน อนุสาส, มา โข อธมฺมการํ อกาสี’’ติ สพฺพํ นิยฺยาเตตฺวา ปาสาทํ อภิรุหิตฺวา สมาปตฺติสุเขน วิหรติ, น โกจิ อุปสงฺกมิตุํ ลภติ อฺตฺร มุขโธวนทนฺตกฏฺทายกภตฺตนีหารกาทีหิ.

ตโต อทฺธมาสมตฺเต วีติกฺกนฺเต มเหสี ปุจฺฉิ ‘‘ราชา อุยฺยานคมนพลทสฺสนนาฏกาทีสุ กตฺถจิ น ทิสฺสติ, กุหึ คโต’’ติ? ตสฺสา ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. สา อมจฺจสฺส ปาเหสิ ‘‘รชฺเช ปฏิจฺฉิเต อหมฺปิ ปฏิจฺฉิตา โหมิ, เอตุ มยา สทฺธึ สํวาสํ กปฺเปตู’’ติ. โส อุโภ กณฺเณ ถเกตฺวา ‘‘อสวนียเมต’’นฺติ ปฏิกฺขิปิ. สา ปุนปิ ทฺวตฺติกฺขตฺตุํ เปเสตฺวา อนิจฺฉมานํ ตชฺชาเปสิ – ‘‘ยทิ น กโรสิ, านาปิ เต จาเวมิ, ชีวิตาปิ โวโรเปมี’’ติ. โส ภีโต ‘‘มาตุคาโม นาม ทฬฺหนิจฺฉโย, กทาจิ เอวมฺปิ การาเปยฺยา’’ติ เอกทิวสํ รโห คนฺตฺวา ตาย สทฺธึ สิริสยเน สํวาสํ กปฺเปสิ. สา ปุฺวตี สุขสมฺผสฺสา. โส ตสฺสา สมฺผสฺสราเคน รตฺโต ตตฺถ อภิกฺขณํ สงฺกิตสงฺกิโตว อคมาสิ. อนุกฺกเมน อตฺตโน ฆรสามิโก วิย นิพฺพิสงฺโก ปวิสิตุมารทฺโธ.

ตโต ราชมนุสฺสา ตํ ปวตฺตึ รฺโ อาโรเจสุํ. ราชา น สทฺทหติ. ทุติยมฺปิ ตติยมฺปิ อาโรเจสุํ. ตโต นิลีโน สยเมว ทิสฺวา สพฺพามจฺเจ สนฺนิปาตาเปตฺวา อาโรเจสิ. เต – ‘‘อยํ ราชาปราธิโก หตฺถจฺเฉทํ อรหติ, ปาทจฺเฉทํ อรหตี’’ติ ยาว สูเล อุตฺตาสนํ, ตาว สพฺพกมฺมการณานิ นิทฺทิสึสุ. ราชา – ‘‘เอตสฺส วธพนฺธนตาฬเน มยฺหํ วิหึสา อุปฺปชฺเชยฺย, ชีวิตา โวโรปเน ปาณาติปาโต ภเวยฺย, ธนหรเณ อทินฺนาทานํ, อลํ เอวรูเปหิ กเตหิ, อิมํ มม รชฺชา นิกฺกฑฺฒถา’’ติ อาห. อมจฺจา ตํ นิพฺพิสยํ อกํสุ. โส อตฺตโน ธนสารฺจ ปุตฺตทารฺจ คเหตฺวา ปรวิสยํ อคมาสิ. ตตฺถ ราชา สุตฺวา ‘‘กึ อาคโตสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘เทว, อิจฺฉามิ ตํ อุปฏฺาตุ’’นฺติ. โส ตํ สมฺปฏิจฺฉิ. อมจฺโจ กติปาหจฺจเยน ลทฺธวิสฺสาโส ตํ ราชานํ เอตทโวจ – ‘‘มหาราช, อมกฺขิกมธุํ ปสฺสามิ, ตํ ขาทนฺโต นตฺถี’’ติ. ราชา ‘‘กึ เอตํ อุปฺปณฺเฑตุกาโม ภณตี’’ติ น สุณาติ. โส อนฺตรํ ลภิตฺวา ปุนปิ สุฏฺุตรํ วณฺเณตฺวา อาโรเจสิ. ราชา ‘‘กึ เอต’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘พาราณสิรชฺชํ, เทวา’’ติ. ราชา ‘‘มํ เนตฺวา มาเรตุกาโมสี’’ติ อาห. โส ‘‘มา, เทว, เอวํ อวจ, ยทิ น สทฺทหสิ, มนุสฺเส เปเสหี’’ติ. โส มนุสฺเส เปเสสิ. เต คนฺตฺวา โคปุรํ ขณิตฺวา รฺโ สยนฆเร อุฏฺหึสุ.

ราชา ทิสฺวา ‘‘กิสฺส อาคตาตฺถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘โจรา มยํ, มหาราชา’’ติ. ราชา เตสํ ธนํ ทาเปตฺวา ‘‘มา ปุน เอวมกตฺถา’’ติ โอวทิตฺวา วิสฺสชฺเชสิ. เต อาคนฺตฺวา ตสฺส รฺโ อาโรเจสุํ. โส ปุนปิ ทฺวตฺติกฺขตฺตุํ ตเถว วีมํสิตฺวา ‘‘สีลวา ราชา’’ติ จตุรงฺคินึ เสนํ สนฺนยฺหิตฺวา สีมนฺตเร เอกํ นครํ อุปคมฺม ตตฺถ อมจฺจสฺส ปาเหสิ ‘‘นครํ วา เม เทหิ ยุทฺธํ วา’’ติ. โส พฺรหฺมทตฺตสฺส ตมตฺถํ อาโรจาเปสิ ‘‘อาณาเปตุ เทโว กึ ยุชฺฌามิ, อุทาหุ นครํ เทมี’’ติ. ราชา ‘‘น ยุชฺฌิตพฺพํ, นครํ ทตฺวา อิธาคจฺฉา’’ติ เปเสสิ. โส ตถา อกาสิ. ปฏิราชาปิ ตํ นครํ คเหตฺวา อวเสสนคเรสุปิ ตเถว ทูตํ ปาเหสิ. เตปิ อมจฺจา ตเถว พฺรหฺมทตฺตสฺส อาโรเจตฺวา เตน ‘‘น ยุชฺฌิตพฺพํ, อิธาคนฺตพฺพ’’นฺติ วุตฺตา พาราณสึ อาคมํสุ.

ตโต อมจฺจา พฺรหฺมทตฺตํ อาหํสุ – ‘‘มหาราช, เตน สห ยุชฺฌามา’’ติ. ราชา – ‘‘มม ปาณาติปาโต ภวิสฺสตี’’ติ วาเรสิ. อมจฺจา – ‘‘มยํ, มหาราช, ตํ ชีวคฺคาหํ คเหตฺวา อิเธว อาเนสฺสามา’’ติ นานาอุปาเยหิ ราชานํ สฺาเปตฺวา ‘‘เอหิ มหาราชา’’ติ คนฺตุํ อารทฺธา. ราชา ‘‘สเจ สตฺตมารณปฺปหรณวิลุมฺปนกมฺมํ น กโรถ, คจฺฉามี’’ติ ภณติ. อมจฺจา ‘‘น, เทว, กโรม, ภยํ ทสฺเสตฺวา ปลาเปมา’’ติ จตุรงฺคินึ เสนํ สนฺนยฺหิตฺวา ฆเฏสุ ทีเป ปกฺขิปิตฺวา รตฺตึ คจฺฉึสุ. ปฏิราชา ตํ ทิวสํ พาราณสิสมีเป นครํ คเหตฺวา อิทานิ กินฺติ รตฺตึ สนฺนาหํ โมจาเปตฺวา ปมตฺโต นิทฺทํ โอกฺกมิ สทฺธึ พลกาเยน. ตโต อมจฺจา พาราณสิราชานํ คเหตฺวา ปฏิรฺโ ขนฺธาวารํ คนฺตฺวา สพฺพฆเฏหิ ทีเป นิหราเปตฺวา เอกปชฺโชตาย เสนาย สทฺทํ อกํสุ. ปฏิรฺโ อมจฺโจ มหาพลํ ทิสฺวา ภีโต อตฺตโน ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘อุฏฺเหิ อมกฺขิกมธุํ ขาทาหี’’ติ มหาสทฺทํ อกาสิ. ตถา ทุติโยปิ, ตติโยปิ. ปฏิราชา เตน สทฺเทน ปฏิพุชฺฌิตฺวา ภยํ สนฺตาสํ อาปชฺชิ. อุกฺกุฏฺิสตานิ ปวตฺตึสุ. โส ‘‘ปรวจนํ สทฺทหิตฺวา อมิตฺตหตฺถํ ปตฺโตมฺหี’’ติ สพฺพรตฺตึ ตํ ตํ วิปฺปลปิตฺวา ทุติยทิวเส ‘‘ธมฺมิโก ราชา, อุปโรธํ น กเรยฺย, คนฺตฺวา ขมาเปมี’’ติ จินฺเตตฺวา ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา ชณฺณุเกหิ ปติฏฺหิตฺวา ‘‘ขม, มหาราช, มยฺหํ อปราธ’’นฺติ อาห. ราชา ตํ โอวทิตฺวา ‘‘อุฏฺเหิ, ขมามิ เต’’ติ อาห. โส รฺา เอวํ วุตฺตมตฺเตเยว ปรมสฺสาสปฺปตฺโต อโหสิ, พาราณสิรฺโ สมีเปเยว ชนปเท รชฺชํ ลภิ. เต อฺมฺํ สหายกา อเหสุํ.

อถ พฺรหฺมทตฺโต ทฺเวปิ เสนา สมฺโมทมานา เอกโต ิตา ทิสฺวา ‘‘มเมกสฺส จิตฺตานุรกฺขณาย อสฺมึ ชนกาเย ขุทฺทกมกฺขิกาย ปิวนมตฺตมฺปิ โลหิตพินฺทุ น อุปฺปนฺนํ. อโห สาธุ, อโห สุฏฺุ, สพฺเพ สตฺตา สุขิตา โหนฺตุ, อเวรา โหนฺตุ, อพฺยาปชฺฌา โหนฺตู’’ติ เมตฺตาฌานํ อุปฺปาเทตฺวา, ตเทว ปาทกํ กตฺวา, สงฺขาเร สมฺมสิตฺวา, ปจฺเจกโพธิาณํ สจฺฉิกตฺวา, สยมฺภุตํ ปาปุณิ. ตํ มคฺคสุเขน ผลสุเขน สุขิตํ หตฺถิกฺขนฺเธ นิสินฺนํ อมจฺจา ปณิปาตํ กตฺวา อาหํสุ – ‘‘ยานกาโล, มหาราช, วิชิตพลกายสฺส สกฺกาโร กาตพฺโพ, ปราชิตพลกายสฺส ภตฺตปริพฺพโย ทาตพฺโพ’’ติ. โส อาห – ‘‘นาหํ, ภเณ, ราชา, ปจฺเจกพุทฺโธ นามาห’’นฺติ. กึ เทโว ภณติ, น เอทิสา ปจฺเจกพุทฺธา โหนฺตีติ? กีทิสา, ภเณ, ปจฺเจกพุทฺธาติ? ปจฺเจกพุทฺธา นาม ทฺวงฺคุลเกสมสฺสุ อฏฺปริกฺขารยุตฺตา ภวนฺตีติ. โส ทกฺขิณหตฺเถน สีสํ ปรามสิ, ตาวเทว คิหิลิงฺคํ อนฺตรธายิ, ปพฺพชิตเวโส ปาตุรโหสิ, ทฺวงฺคุลเกสมสฺสุ อฏฺปริกฺขารสมนฺนาคโต วสฺสสติกตฺเถรสทิโส อโหสิ. โส จตุตฺถชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา หตฺถิกฺขนฺธโต เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ปทุมปุปฺเผ นิสีทิ. อมจฺจา วนฺทิตฺวา ‘‘กึ, ภนฺเต, กมฺมฏฺานํ, กถํ อธิคโตสี’’ติ ปุจฺฉึสุ. โส ยโต อสฺส เมตฺตาฌานกมฺมฏฺานํ อโหสิ, ตฺจ วิปสฺสนํ วิปสฺสิตฺวา อธิคโต, ตสฺมา ตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต อุทานคาถฺจ พฺยากรณคาถฺจ อิมฺเว คาถํ อภาสิ ‘‘สพฺเพสุ ภูเตสุ นิธาย ทณฺฑ’’นฺติ.

ตตฺถ สพฺเพสูติ อนวเสเสสุ. ภูเตสูติ สตฺเตสุ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถารํ ปน รตนสุตฺตวณฺณนายํ วกฺขาม. นิธายาติ นิกฺขิปิตฺวา. ทณฺฑนฺติ กายวจีมโนทณฺฑํ, กายทุจฺจริตาทีนเมตํ อธิวจนํ. กายทุจฺจริตฺหิ ทณฺฑยตีติ ทณฺโฑ, พาเธติ อนยพฺยสนํ ปาเปตีติ วุตฺตํ โหติ. เอวํ วจีทุจฺจริตํ มโนทุจฺจริตํ จ. ปหรณทณฺโฑ เอว วา ทณฺโฑ, ตํ นิธายาติปิ วุตฺตํ โหติ. อวิเหยนฺติ อวิเหยนฺโต. อฺตรมฺปีติ ยํกิฺจิ เอกมฺปิ. เตสนฺติ เตสํ สพฺพภูตานํ. น ปุตฺตมิจฺเฉยฺยาติ อตฺรโช, เขตฺรโช, ทินฺนโก, อนฺเตวาสิโกติ อิเมสุ จตูสุ ปุตฺเตสุ ยํ กิฺจิ ปุตฺตํ น อิจฺเฉยฺย. กุโต สหายนฺติ สหายํ ปน อิจฺเฉยฺยาติ กุโต เอว เอตํ.

เอโกติ ปพฺพชฺชาสงฺขาเตน เอโก, อทุติยฏฺเน เอโก, ตณฺหาปหาเนน เอโก, เอกนฺตวิคตกิเลโสติ เอโก, เอโก ปจฺเจกสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธติ เอโก. สมณสหสฺสสฺสาปิ หิ มชฺเฌ วตฺตมาโน คิหิสฺโชนสฺส ฉินฺนตฺตา เอโก – เอวํ ปพฺพชฺชาสงฺขาเตน เอโก. เอโก ติฏฺติ, เอโก คจฺฉติ, เอโก นิสีทติ, เอโก เสยฺยํ กปฺเปติ, เอโก อิริยติ วตฺตตีติ – เอวํ อทุติยฏฺเน เอโก.

‘‘ตณฺหาทุติโย ปุริโส, ทีฆมทฺธานสํสรํ;

อิตฺถภาวฺถาภาวํ, สํสารํ นาติวตฺตติ.

‘‘เอวมาทีนวํ ตฺวา, ตณฺหํ ทุกฺขสฺส สมฺภวํ;

วีตตณฺโห อนาทาโน, สโต ภิกฺขุ ปริพฺพเช’’ติ. (อิติวุ. ๑๕, ๑๐๕; มหานิ. ๑๙๑; จูฬนิ. ปารายนานุคีติคาถานิทฺเทส ๑๐๗) –

เอวํ ตณฺหาปหานฏฺเน เอโก. สพฺพกิเลสาสฺส ปหีนา อุจฺฉินฺนมูลา ตาลาวตฺถุกตา อนภาวํกตา อายตึ อนุปฺปาทธมฺมาติ – เอวํ เอกนฺตวิคตกิเลโสติ เอโก. อนาจริยโก หุตฺวา สยมฺภู สามฺเว ปจฺเจกสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธติ – เอวํ เอโก ปจฺเจกสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธติ เอโก.

จเรติ ยา อิมา อฏฺ จริยาโย; เสยฺยถิทํ – ปณิธิสมฺปนฺนานํ จตูสุ อิริยาปเถสุ อิริยาปถจริยา, อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารานํ อชฺฌตฺติกายตเนสุ อายตนจริยา, อปฺปมาทวิหารีนํ จตูสุ สติปฏฺาเนสุ สติจริยา, อธิจิตฺตมนุยุตฺตานํ จตูสุ ฌาเนสุ สมาธิจริยา, พุทฺธิสมฺปนฺนานํ จตูสุ อริยสจฺเจสุ าณจริยา, สมฺมา ปฏิปนฺนานํ จตูสุ อริยมคฺเคสุ มคฺคจริยา, อธิคตปฺผลานํ จตูสุ สามฺผเลสุ ปตฺติจริยา, ติณฺณํ พุทฺธานํ สพฺพสตฺเตสุ โลกตฺถจริยา, ตตฺถ ปเทสโต ปจฺเจกพุทฺธสาวกานนฺติ. ยถาห – ‘‘จริยาติ อฏฺ จริยาโย อิริยาปถจริยา’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๑๙๗; ๓.๒๘) วิตฺถาโร. ตาหิ จริยาหิ สมนฺนาคโต ภเวยฺยาติ อตฺโถ. อถ วา ยา อิมา ‘‘อธิมุจฺจนฺโต สทฺธาย จรติ, ปคฺคณฺหนฺโต วีริเยน จรติ, อุปฏฺหนฺโต สติยา จรติ, อวิกฺขิตฺโต สมาธินา จรติ, ปชานนฺโต ปฺาย จรติ, วิชานนฺโต วิฺาเณน จรติ, เอวํ ปฏิปนฺนสฺส กุสลา ธมฺมา อายตนฺตีติ อายตนจริยาย จรติ, เอวํ ปฏิปนฺโน วิเสสมธิคจฺฉตีติ วิเสสจริยาย จรตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๑๙๗; ๓.๒๙) เอวํ อปราปิ อฏฺ จริยา วุตฺตา. ตาหิปิ สมนฺนาคโต ภเวยฺยาติ อตฺโถ. ขคฺควิสาณกปฺโปติ เอตฺถ ขคฺควิสาณํ นาม ขคฺคมิคสิงฺคํ. กปฺปสทฺทสฺส อตฺถํ วิตฺถารโต มงฺคลสุตฺตวณฺณนายํ ปกาสยิสฺสาม. อิธ ปนายํ ‘‘สตฺถุกปฺเปน วต, โภ, กิร สาวเกน สทฺธึ มนฺตยมานา’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๖๐) เอวมาทีสุ วิย ปฏิภาโค เวทิตพฺโพ. ขคฺควิสาณกปฺโปติ ขคฺควิสาณสทิโสติ วุตฺตํ โหติ. อยํ ตาเวตฺถ ปทโต อตฺถวณฺณนา.

อธิปฺปายานุสนฺธิโต ปน เอวํ เวทิตพฺพา – ยฺวายํ วุตฺตปฺปกาโร ทณฺโฑ ภูเตสุ ปวตฺติยมาโน อหิโต โหติ, ตํ เตสุ อปฺปวตฺตเนน ตปฺปฏิปกฺขภูตาย เมตฺตาย ปรหิตูปสํหาเรน จ สพฺเพสุ ภูเตสุ นิธาย ทณฺฑํ, นิหิตทณฺฑตฺตา เอว จ. ยถา อนิหิตทณฺฑา สตฺตา ภูตานิ ทณฺเฑน วา สตฺเถน วา ปาณินา วา เลฑฺฑุนา วา วิเหยนฺติ, ตถา อวิเหยํ อฺตรมฺปิ เตสํ. อิมํ เมตฺตากมฺมฏฺานมาคมฺม ยเทว ตตฺถ เวทนาคตํ สฺาสงฺขารวิฺาณคตํ ตฺจ ตทนุสาเรเนว ตทฺฺจ สงฺขารคตํ วิปสฺสิตฺวา อิมํ ปจฺเจกโพธึ อธิคโตมฺหีติ อยํ ตาว อธิปฺปาโย.

อยํ ปน อนุสนฺธิ – เอวํ วุตฺเต เต อมจฺจา อาหํสุ – ‘‘อิทานิ, ภนฺเต, กุหึ คจฺฉถา’’ติ? ตโต เตน ‘‘ปุพฺพปจฺเจกสมฺพุทฺธา กตฺถ วสนฺตี’’ติ อาวชฺเชตฺวา ตฺวา ‘‘คนฺธมาทนปพฺพเต’’ติ วุตฺเต ปุนาหํสุ – ‘‘อมฺเห ทานิ, ภนฺเต, ปชหถ, น อิจฺฉถา’’ติ. อถ ปจฺเจกพุทฺโธ อาห – ‘‘น ปุตฺตมิจฺเฉยฺยา’’ติ สพฺพํ. ตตฺราธิปฺปาโย – อหํ อิทานิ อตฺรชาทีสุ ยํ กิฺจิ ปุตฺตมฺปิ น อิจฺเฉยฺยํ, กุโต ปน ตุมฺหาทิสํ สหายํ? ตสฺมา ตุมฺเหสุปิ โย มยา สทฺธึ คนฺตุํ มาทิโส วา โหตุํ อิจฺฉติ, โส เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป. อถ วา เตหิ ‘‘อมฺเห ทานิ, ภนฺเต, ปชหถ น อิจฺฉถา’’ติ วุตฺเต โส ปจฺเจกพุทฺโธ ‘‘น ปุตฺตมิจฺเฉยฺย กุโต สหาย’’นฺติ วตฺวา อตฺตโน ยถาวุตฺเตนตฺเถน เอกจริยาย คุณํ ทิสฺวา ปมุทิโต ปีติโสมนสฺสชาโต อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ – ‘‘เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ. เอวํ วตฺวา เปกฺขมานสฺเสว มหาชนสฺส อากาเส อุปฺปติตฺวา คนฺธมาทนํ อคมาสิ.

คนฺธมาทโน นาม หิมวติ จูฬกาฬปพฺพตํ, มหากาฬปพฺพตํ, นาคปลิเวนํ, จนฺทคพฺภํ, สูริยคพฺภํ, สุวณฺณปสฺสํ, หิมวนฺตปพฺพตนฺติ สตฺต ปพฺพเต อติกฺกมฺม โหติ. ตตฺถ นนฺทมูลกํ นาม ปพฺภารํ ปจฺเจกพุทฺธานํ วสโนกาโส. ติสฺโส จ คุหาโย – สุวณฺณคุหา, มณิคุหา, รชตคุหาติ. ตตฺถ มณิคุหาทฺวาเร มฺชูสโก นาม รุกฺโข โยชนํ อุพฺเพเธน, โยชนํ วิตฺถาเรน. โส ยตฺตกานิ อุทเก วา ถเล วา ปุปฺผานิ, สพฺพานิ ตานิ ปุปฺผยติ วิเสเสน ปจฺเจกพุทฺธาคมนทิวเส. ตสฺสูปริโต สพฺพรตนมาโฬ โหติ. ตตฺถ สมฺมชฺชนกวาโต กจวรํ ฉฑฺเฑติ, สมกรณวาโต สพฺพรตนมยํ วาลิกํ สมํ กโรติ, สิฺจนกวาโต อโนตตฺตทหโต อาเนตฺวา อุทกํ สิฺจติ, สุคนฺธกรณวาโต หิมวนฺตโต สพฺเพสํ คนฺธรุกฺขานํ คนฺเธ อาเนติ, โอจินกวาโต ปุปฺผานิ โอจินิตฺวา ปาเตติ, สนฺถรกวาโต สพฺพตฺถ สนฺถรติ. สทา ปฺตฺตาเนว เจตฺถ อาสนานิ โหนฺติ, เยสุ ปจฺเจกพุทฺธุปฺปาททิวเส อุโปสถทิวเส จ สพฺพปจฺเจกพุทฺธา สนฺนิปติตฺวา นิสีทนฺติ. อยํ ตตฺถ ปกติ. อภิสมฺพุทฺธ-ปจฺเจกพุทฺโธ ตตฺถ คนฺตฺวา ปฺตฺตาสเน นิสีทติ. ตโต สเจ ตสฺมึ กาเล อฺเปิ ปจฺเจกพุทฺธา สํวิชฺชนฺติ, เตปิ ตงฺขณํ สนฺนิปติตฺวา ปฺตฺตาสเนสุ นิสีทนฺติ. นิสีทิตฺวา จ กิฺจิเทว สมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺหนฺติ, ตโต สงฺฆตฺเถโร อธุนาคตปจฺเจกพุทฺธํ สพฺเพสํ อนุโมทนตฺถาย ‘‘กถมธิคต’’นฺติ กมฺมฏฺานํ ปุจฺฉติ. ตทาปิ โส ตเมว อตฺตโน อุทานพฺยากรณคาถํ ภาสติ. ปุน ภควาปิ อายสฺมตา อานนฺเทน ปุฏฺโ ตเมว คาถํ ภาสติ, อานนฺโท จ สงฺคีติยนฺติ เอวเมเกกา คาถา ปจฺเจกสมฺโพธิอภิสมฺพุทฺธฏฺาเน, มฺชูสกมาเฬ, อานนฺเทน ปุจฺฉิตกาเล, สงฺคีติยนฺติ จตุกฺขตฺตุํ ภาสิตา โหตีติ.

ปมคาถาวณฺณนา สมตฺตา.

๓๖. สํสคฺคชาตสฺสาติ กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปจฺเจกโพธิสตฺโต กสฺสปสฺส ภควโต สาสเน วีสติ วสฺสสหสฺสานิ ปุริมนเยเนว สมณธมฺมํ กโรนฺโต กสิณปริกมฺมํ กตฺวา, ปมชฺฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา, นามรูปํ ววตฺถเปตฺวา, ลกฺขณสมฺมสนํ กตฺวา, อริยมคฺคํ อนธิคมฺม พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺติ. โส ตโต จุโต พาราณสิรฺโ อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ อุปฺปชฺชิตฺวา ปุริมนเยเนว วฑฺฒมาโน ยโต ปภุติ ‘‘อยํ อิตฺถี อยํ ปุริโส’’ติ วิเสสํ อฺาสิ, ตตุปาทาย อิตฺถีนํ หตฺเถ น รมติ, อุจฺฉาทนนฺหาปนมณฺฑนาทิมตฺตมฺปิ น สหติ. ตํ ปุริสา เอว โปเสนฺติ, ถฺปายนกาเล ธาติโย กฺจุกํ ปฏิมุฺจิตฺวา ปุริสเวเสน ถฺํ ปาเยนฺติ. โส อิตฺถีนํ คนฺธํ ฆายิตฺวา สทฺทํ วา สุตฺวา โรทติ, วิฺุตํ ปตฺโตปิ อิตฺถิโย ปสฺสิตุํ น อิจฺฉติ, เตน ตํ อนิตฺถิคนฺโธตฺเวว สฺชานึสุ.

ตสฺมึ โสฬสวสฺสุทฺเทสิเก ชาเต ราชา ‘‘กุลวํสํ สณฺเปสฺสามี’’ติ นานากุเลหิ ตสฺส อนุรูปา กฺาโย อาเนตฺวา อฺตรํ อมจฺจํ อาณาเปสิ ‘‘กุมารํ รมาเปหี’’ติ. อมจฺโจ อุปาเยน ตํ รมาเปตุกาโม ตสฺส อวิทูเร สาณิปาการํ ปริกฺขิปาเปตฺวา นาฏกานิ ปโยชาเปสิ. กุมาโร คีตวาทิตสทฺทํ สุตฺวา – ‘‘กสฺเสโส สทฺโท’’ติ อาห. อมจฺโจ ‘‘ตเวโส, เทว, นาฏกิตฺถีนํ สทฺโท, ปุฺวนฺตานํ อีทิสานิ นาฏกานิ โหนฺติ, อภิรม, เทว, มหาปุฺโสิ ตฺว’’นฺติ อาห. กุมาโร อมจฺจํ ทณฺเฑน ตาฬาเปตฺวา นิกฺกฑฺฒาเปสิ. โส รฺโ อาโรเจสิ. ราชา กุมารสฺส มาตรา สห คนฺตฺวา, กุมารํ ขมาเปตฺวา, ปุน อมจฺจํ อปฺเปสิ. กุมาโร เตหิ อตินิปฺปีฬิยมาโน เสฏฺสุวณฺณํ ทตฺวา สุวณฺณกาเร อาณาเปสิ – ‘‘สุนฺทรํ อิตฺถิรูปํ กโรถา’’ติ. เต วิสฺสกมฺมุนา นิมฺมิตสทิสํ สพฺพาลงฺการวิภูสิตํ อิตฺถิรูปํ กตฺวา ทสฺเสสุํ. กุมาโร ทิสฺวา วิมฺหเยน สีสํ จาเลตฺวา มาตาปิตูนํ เปเสสิ ‘‘ยทิ อีทิสึ อิตฺถึ ลภิสฺสามิ, คณฺหิสฺสามี’’ติ. มาตาปิตโร ‘‘อมฺหากํ ปุตฺโต มหาปุฺโ, อวสฺสํ เตน สห กตปุฺา กาจิ ทาริกา โลเก อุปฺปนฺนา ภวิสฺสตี’’ติ ตํ สุวณฺณรูปํ รถํ อาโรเปตฺวา อมจฺจานํ อปฺเปสุํ ‘‘คจฺฉถ, อีทิสึ ทาริกํ คเวสถา’’ติ. เต คเหตฺวา โสฬส มหาชนปเท วิจรนฺตา ตํ ตํ คามํ คนฺตฺวา อุทกติตฺถาทีสุ ยตฺถ ยตฺถ ชนสมูหํ ปสฺสนฺติ, ตตฺถ ตตฺถ เทวตํ วิย สุวณฺณรูปํ เปตฺวา นานาปุปฺผวตฺถาลงฺกาเรหิ ปูชํ กตฺวา, วิตานํ พนฺธิตฺวา, เอกมนฺตํ ติฏฺนฺติ – ‘‘ยทิ เกนจิ เอวรูปา ทิฏฺปุพฺพา ภวิสฺสติ, โส กถํ สมุฏฺาเปสฺสตี’’ติ? เอเตนุปาเยน อฺตฺร มทฺทรฏฺา สพฺเพ ชนปเท อาหิณฺฑิตฺวา ตํ ‘‘ขุทฺทกรฏฺ’’นฺติ อวมฺมานา ตตฺถ ปมํ อคนฺตฺวา นิวตฺตึสุ.

ตโต เนสํ อโหสิ ‘‘มทฺทรฏฺมฺปิ ตาว คจฺฉาม, มา โน พาราณสึ ปวิฏฺเปิ ราชา ปุน ปาเหสี’’ติ มทฺทรฏฺเ สาคลนครํ อคมํสุ. สาคลนคเร จ มทฺทโว นาม ราชา. ตสฺส ธีตา โสฬสวสฺสุทฺเทสิกา อภิรูปา โหติ. ตสฺสา วณฺณทาสิโย นฺหาโนทกตฺถาย ติตฺถํ คตา. ตตฺถ อมจฺเจหิ ปิตํ ตํ สุวณฺณรูปํ ทูรโตว ทิสฺวา ‘‘อมฺเห อุทกตฺถาย เปเสตฺวา ราชปุตฺตี สยเมว อาคตา’’ติ ภณนฺติโย สมีปํ คนฺตฺวา ‘‘นายํ สามินี, อมฺหากํ สามินี อิโต อภิรูปตรา’’ติ อาหํสุ. อมจฺจา ตํ สุตฺวา ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา อนุรูเปน นเยน ทาริกํ ยาจึสุ, โสปิ อทาสิ. ตโต พาราณสิรฺโ ปาเหสุํ ‘‘ลทฺธา ทาริกา, สามํ อาคจฺฉิสฺสติ, อุทาหุ อมฺเหว อาเนมา’’ติ? โส จ ‘‘มยิ อาคจฺฉนฺเต ชนปทปีฬา ภวิสฺสติ, ตุมฺเหว อาเนถา’’ติ เปเสสิ.

อมจฺจา ทาริกํ คเหตฺวา นครา นิกฺขมิตฺวา กุมารสฺส ปาเหสุํ – ‘‘ลทฺธา สุวณฺณรูปสทิสี ทาริกา’’ติ. กุมาโร สุตฺวาว ราเคน อภิภูโต ปมชฺฌานา ปริหายิ. โส ทูตปรมฺปรํ เปเสสิ ‘‘สีฆํ อาเนถ, สีฆํ อาเนถา’’ติ. เต สพฺพตฺถ เอกรตฺติวาเสเนว พาราณสึ ปตฺวา พหินคเร ิตา รฺโ ปาเหสุํ – ‘‘อชฺช ปวิสิตพฺพํ, โน’’ติ? ราชา ‘‘เสฏฺกุลา อานีตา ทาริกา, มงฺคลกิริยํ กตฺวา มหาสกฺกาเรน ปเวเสสฺสาม, อุยฺยานํ ตาว นํ เนถา’’ติ อาณาเปสิ. เต ตถา อกํสุ. สา อจฺจนฺตสุขุมาลา ยานุคฺฆาเตน อุพฺพาฬฺหา อทฺธานปริสฺสเมน อุปฺปนฺนวาตโรคา มิลาตมาลา วิย หุตฺวา รตฺตึเยว กาลมกาสิ. อมจฺจา ‘‘สกฺการา ปริภฏฺมฺหา’’ติ ปริเทวึสุ. ราชา จ นาครา จ ‘‘กุลวํโส วินฏฺโ’’ติ ปริเทวึสุ. นคเร มหาโกลาหลํ อโหสิ. กุมารสฺส สุตมตฺเตเยว มหาโสโก อุทปาทิ. ตโต กุมาโร โสกสฺส มูลํ ขณิตุมารทฺโธ. โส จินฺเตสิ – ‘‘อยํ โสโก นาม น อชาตสฺส โหติ, ชาตสฺส ปน โหติ, ตสฺมา ชาตึ ปฏิจฺจ โสโก’’ติ. ‘‘ชาติ ปน กึ ปฏิจฺจา’’ติ? ตโต ‘‘ภวํ ปฏิจฺจ ชาตี’’ติ เอวํ ปุพฺพภาวนานุภาเวน โยนิโส มนสิกโรนฺโต อนุโลมปฏิโลมปฏิจฺจสมุปฺปาทํ ทิสฺวา สงฺขาเร สมฺมสนฺโต ตตฺเถว นิสินฺโน ปจฺเจกโพธึ สจฺฉากาสิ. ตํ มคฺคผลสุเขน สุขิตํ สนฺตินฺทฺริยํ สนฺตมานสํ นิสินฺนํ ทิสฺวา, ปณิปาตํ กตฺวา, อมจฺจา อาหํสุ – ‘‘มา โสจิ, เทว, มหนฺโต ชมฺพุทีโป, อฺํ ตโต สุนฺทรตรํ อาเนสฺสามา’’ติ. โส อาห – ‘‘นาหํ โสจโก, นิสฺโสโก ปจฺเจกพุทฺโธ อห’’นฺติ. อิโต ปรํ สพฺพํ ปุริมคาถาสทิสเมว เปตฺวา คาถาวณฺณนํ.

คาถาวณฺณนายํ ปน สํสคฺคชาตสฺสาติ ชาตสํสคฺคสฺส. ตตฺถ ทสฺสน, สวน, กาย, สมุลฺลปน, สมฺโภคสํสคฺควเสน ปฺจวิโธ สํสคฺโค. ตตฺถ อฺมฺํ ทิสฺวา จกฺขุวิฺาณวีถิวเสน อุปฺปนฺนราโค ทสฺสนสํสคฺโค นาม. ตตฺถ สีหฬทีเป กาฬทีฆวาปีคาเม ปิณฺฑาย จรนฺตํ กลฺยาณวิหารวาสีทีฆภาณกทหรภิกฺขุํ ทิสฺวา ปฏิพทฺธจิตฺตา เกนจิ อุปาเยน ตํ อลภิตฺวา, กาลกตา กุฏุมฺพิยธีตา, ตสฺสา นิวาสนโจฬขณฺฑํ ทิสฺวา ‘‘เอวรูปวตฺถธารินิยา นาม สทฺธึ สํวาสํ นาลตฺถ’’นฺติ หทยํ ผาเลตฺวา กาลกโต. โส เอว จ ทหโร นิทสฺสนํ.

ปเรหิ ปน กถิยมานํ รูปาทิสมฺปตฺตึ อตฺตนา วา หสิตลปิตคีตสทฺทํ สุตฺวา โสตวิฺาณวีถิวเสน อุปฺปนฺโน ราโค สวนสํสคฺโค นาม. ตตฺราปิ คิริคามวาสีกมฺมารธีตาย ปฺจหิ กุมารีหิ สทฺธึ ปทุมสฺสรํ คนฺตฺวา, นฺหตฺวา มาลํ อาโรเปตฺวา, อุจฺจาสทฺเทน คายนฺติยา อากาเสน คจฺฉนฺโต สทฺทํ สุตฺวา กามราเคน วิเสสา ปริหายิตฺวา อนยพฺยสนํ ปตฺโต ปฺจคฺคฬเลณวาสี ติสฺสทหโร นิทสฺสนํ.

อฺมฺํ องฺคปรามสเนน อุปฺปนฺนราโค กายสํสคฺโค นาม. ธมฺมคายนทหรภิกฺขุ เจตฺถ นิทสฺสนํ. มหาวิหาเร กิร ทหรภิกฺขุ ธมฺมํ ภาสติ. ตตฺถ มหาชเน อาคเต ราชาปิ อคมาสิ สทฺธึ อนฺเตปุเรน. ตโต ราชธีตาย ตสฺส รูปฺจ สทฺทฺจ อาคมฺม พลวราโค อุปฺปนฺโน, ตสฺส จ ทหรสฺสาปิ. ตํ ทิสฺวา ราชา สลฺลกฺเขตฺวา สาณิปากาเรน ปริกฺขิปาเปสิ. เต อฺมฺํ ปรามสิตฺวา อาลิงฺคึสุ. ปุน สาณิปาการํ อปเนตฺวา ปสฺสนฺตา ทฺเวปิ กาลกเตเยว อทฺทสํสูติ.

อฺมฺํ อาลปนสมุลฺลปเน อุปฺปนฺโน ราโค ปน สมุลฺลปนสํสคฺโค นาม. ภิกฺขุภิกฺขุนีหิ สทฺธึ ปริโภคกรเณ อุปฺปนฺนราโค สมฺโภคสํสคฺโค นาม. ทฺวีสุปิ เจเตสุ ปาราชิกปฺปตฺโต ภิกฺขุ จ ภิกฺขุนี จ นิทสฺสนํ. มริจิวฏฺฏินามมหาวิหารมเห กิร ทุฏฺคามณิ อภยมหาราชา มหาทานํ ปฏิยาเทตฺวา อุภโตสงฺฆํ ปริวิสติ. ตตฺถ อุณฺหยาคุยา ทินฺนาย สงฺฆนวกสามเณรี อนาธารกสฺส สงฺฆนวกสามเณรสฺส ทนฺตวลยํ ทตฺวา สมุลฺลาปํ อกาสิ. เต อุโภปิ อุปสมฺปชฺชิตฺวา สฏฺิวสฺสา หุตฺวา ปรตีรํ คตา อฺมฺํ สมุลฺลาเปน ปุพฺพสฺํ ปฏิลภิตฺวา ตาวเทว ชาตสิเนหา สิกฺขาปทํ วีติกฺกมิตฺวา ปาราชิกา อเหสุนฺติ.

เอวํ ปฺจวิเธ สํสคฺเค เยน เกนจิ สํสคฺเคน ชาตสํสคฺคสฺส ภวติ สฺเนโห, ปุริมราคปจฺจยา พลวราโค อุปฺปชฺชติ. ตโต สฺเนหนฺวยํ ทุกฺขมิทํ ปโหติ ตเมว สฺเนหํ อนุคจฺฉนฺตํ สนฺทิฏฺิกสมฺปรายิกโสกปริเทวาทินานปฺปการกํ ทุกฺขมิทํ ปโหติ, นิพฺพตฺตติ, ภวติ, ชายติ. อปเร ปน ‘‘อารมฺมเณ จิตฺตสฺส โวสฺสคฺโค สํสคฺโค’’ติ ภณนฺติ. ตโต สฺเนโห, สฺเนหา ทุกฺขมิทนฺติ.

เอวมตฺถปฺปเภทํ อิมํ อฑฺฒคาถํ วตฺวา โส ปจฺเจกพุทฺโธ อาห – ‘‘สฺวาหํ ยมิทํ สฺเนหนฺวยํ โสกาทิทุกฺขํ ปโหติ, ตสฺส ทุกฺขสฺส มูลํ ขนนฺโต ปจฺเจกสมฺโพธิมธิคโต’’ติ. เอวํ วุตฺเต เต อมจฺจา อาหํสุ – ‘‘อมฺเหหิ ทานิ, ภนฺเต, กึ กาตพฺพ’’นฺติ? ตโต โส อาห – ‘‘ตุมฺเห วา อฺเ วา โย อิมมฺหา ทุกฺขา มุจฺจิตุกาโม, โส สพฺโพปิ อาทีนวํ สฺเนหชํ เปกฺขมาโน, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ. เอตฺถ จ ยํ ‘‘สฺเนหนฺวยํ ทุกฺขมิทํ ปโหตี’’ติ วุตฺตํ ‘‘ตเทว สนฺธาย อาทีนวํ สฺเนหชํ เปกฺขมาโน’’ติ อิทํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. อถ วา ยถาวุตฺเตน สํสคฺเคน สํสคฺคชาตสฺส ภวติ สฺเนโห, สฺเนหนฺวยํ ทุกฺขมิทํ ปโหติ, เอตํ ยถาภูตํ อาทีนวํ สฺเนหชํ เปกฺขมาโน อหํ อธิคโตติ. เอวํ อภิสมฺพนฺธิตฺวา จตุตฺถปาโท ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว อุทานวเสน วุตฺโตปิ เวทิตพฺโพ. ตโต ปรํ สพฺพํ ปุริมคาถาย วุตฺตสทิสเมวาติ.

สํสคฺคคาถาวณฺณนา สมตฺตา.

๓๗. มิตฺเต สุหชฺเชติ กา อุปฺปตฺติ? อยํ ปจฺเจกโพธิสตฺโต ปุริมคาถาย วุตฺตนเยเนว อุปฺปชฺชิตฺวา พาราณสิยํ รชฺชํ กาเรนฺโต ปมํ ฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา ‘‘กึ สมณธมฺโม วโร, รชฺชํ วร’’นฺติ วีมํสิตฺวา จตุนฺนํ อมจฺจานํ หตฺเถ รชฺชํ นิยฺยาเตตฺวา สมณธมฺมํ กโรติ. อมจฺจา ‘‘ธมฺเมน สเมน กโรถา’’ติ วุตฺตาปิ ลฺชํ คเหตฺวา อธมฺเมน กโรนฺติ. เต ลฺชํ คเหตฺวา สามิเก ปราเชนฺตา เอกทา อฺตรํ ราชวลฺลภํ ปราเชสุํ. โส รฺโ ภตฺตหารเกน สทฺธึ ปวิสิตฺวา สพฺพํ อาโรเจสิ. ราชา ทุติยทิวเส สยํ วินิจฺฉยฏฺานํ อคมาสิ. ตโต มหาชนกายา – ‘‘อมจฺจา สามิเก อสามิเก กโรนฺตี’’ติ มหาสทฺทํ กโรนฺตา มหายุทฺธํ วิย อกํสุ. อถ ราชา วินิจฺฉยฏฺานา วุฏฺาย ปาสาทํ อภิรุหิตฺวา สมาปตฺตึ อปฺเปตุํ นิสินฺโน เตน สทฺเทน วิกฺขิตฺตจิตฺโต น สกฺโกติ อปฺเปตุํ. โส ‘‘กึ เม รชฺเชน, สมณธมฺโม วโร’’ติ รชฺชสุขํ ปหาย ปุน สมาปตฺตึ นิพฺพตฺเตตฺวา ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว วิปสฺสนฺโต ปจฺเจกสมฺโพธึ สจฺฉากาสิ. กมฺมฏฺานฺจ ปุจฺฉิโต อิมํ คาถํ อภาสิ –

‘‘มิตฺเต สุหชฺเช อนุกมฺปมาโน, หาเปติ อตฺถํ ปฏิพทฺธจิตฺโต;

เอตํ ภยํ สนฺถเว เปกฺขมาโน, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ.

ตตฺถ เมตฺตายนวเสน มิตฺตา. สุหทยภาเวน สุหชฺชา. เกจิ หิ เอกนฺตหิตกามตาย มิตฺตาว โหนฺติ, น สุหชฺชา. เกจิ คมนาคมนฏฺานนิสชฺชาสมุลฺลาปาทีสุ หทยสุขชนเนน สุหชฺชาว โหนฺติ, น มิตฺตา. เกจิ ตทุภยวเสน สุหชฺชา เจว มิตฺตา จ. เต ทุวิธา โหนฺติ – อคาริยา อนคาริยา จ. ตตฺถ อคาริยา ติวิธา โหนฺติ – อุปกาโร, สมานสุขทุกฺโข, อนุกมฺปโกติ. อนคาริยา วิเสเสน อตฺถกฺขายิโน เอว. เต จตูหิ องฺเคหิ สมนฺนาคตา โหนฺติ. ยถาห –

‘‘จตูหิ โข, คหปติปุตฺต, าเนหิ อุปกาโร มิตฺโต สุหโท เวทิตพฺโพ – ปมตฺตํ รกฺขติ, ปมตฺตสฺส สาปเตยฺยํ รกฺขติ, ภีตสฺส สรณํ โหติ, อุปฺปนฺเนสุ กิจฺจกรณีเยสุ ตทฺทิคุณํ โภคํ อนุปฺปเทติ’’ (ที. นิ. ๓.๒๖๑).

ตถา –

‘‘จตูหิ โข, คหปติปุตฺต, าเนหิ สมานสุขทุกฺโข มิตฺโต สุหโท เวทิตพฺโพ – คุยฺหมสฺส อาจิกฺขติ, คุยฺหมสฺส ปริคูหติ, อาปทาสุ น วิชหติ, ชีวิตมฺปิสฺส อตฺถาย ปริจฺจตฺตํ โหติ’’ (ที. นิ. ๓.๒๖๒).

ตถา –

‘‘จตูหิ โข, คหปติปุตฺต, าเนหิ อนุกมฺปโก มิตฺโต สุหโท เวทิตพฺโพ – อภเวนสฺส น นนฺทติ, ภเวนสฺส นนฺทติ, อวณฺณํ ภณมานํ นิวาเรติ, วณฺณํ ภณมานํ ปสํสติ’’ (ที. นิ. ๓.๒๖๔).

ตถา –

‘‘จตูหิ โข, คหปติปุตฺต, าเนหิ อตฺถกฺขายี มิตฺโต สุหโท เวทิตพฺโพ – ปาปา นิวาเรติ, กลฺยาเณ นิเวเสติ, อสฺสุตํ สาเวติ, สคฺคสฺส มคฺคํ อาจิกฺขตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๒๖๓).

เตสฺวิธ อคาริยา อธิปฺเปตา. อตฺถโต ปน สพฺเพปิ ยุชฺชนฺติ. เต มิตฺเต สุหชฺเช. อนุกมฺปมาโนติ อนุทยมาโน. เตสํ สุขํ อุปสํหริตุกาโม ทุกฺขํ อปหริตุกาโม จ.

หาเปติ อตฺถนฺติ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺถวเสน ติวิธํ, ตถา อตฺตตฺถปรตฺถอุภยตฺถวเสนาปิ ติวิธํ. อตฺถํ ลทฺธวินาสเนน อลทฺธานุปฺปาทเนนาติ ทฺวิธาปิ หาเปติ วินาเสติ. ปฏิพทฺธจิตฺโตติ ‘‘อหํ อิมํ วินา น ชีวามิ, เอส เม คติ, เอส เม ปรายณ’’นฺติ เอวํ อตฺตานํ นีเจ าเน เปนฺโตปิ ปฏิพทฺธจิตฺโต โหติ. ‘‘อิเม มํ วินา น ชีวนฺติ, อหํ เตสํ คติ, เตสํ ปรายณ’’นฺติ เอวํ อตฺตานํ อุจฺเจ าเน เปนฺโตปิ ปฏิพทฺธจิตฺโต โหติ. อิธ ปน เอวํ ปฏิพทฺธจิตฺโต อธิปฺเปโต. เอตํ ภยนฺติ เอตํ อตฺถหาปนภยํ, อตฺตโน สมาปตฺติหานึ สนฺธาย วุตฺตํ. สนฺถเวติ ติวิโธ สนฺถโว – ตณฺหาทิฏฺิมิตฺตสนฺถววเสน. ตตฺถ อฏฺสตปฺปเภทาปิ ตณฺหา ตณฺหาสนฺถโว, ทฺวาสฏฺิเภทาปิ ทิฏฺิ ทิฏฺิสนฺถโว, ปฏิพทฺธจิตฺตตาย มิตฺตานุกมฺปนา มิตฺตสนฺถโว. โส อิธาธิปฺเปโต. เตน หิสฺส สมาปตฺติ ปริหีนา. เตนาห – ‘‘เอตํ ภยํ สนฺถเว เปกฺขมาโน อหมธิคโต’’ติ. เสสํ วุตฺตสทิสเมวาติ เวทิตพฺพนฺติ.

มิตฺตสุหชฺชคาถาวณฺณนา สมตฺตา.

๓๘. วํโส วิสาโลติ กา อุปฺปตฺติ? ปุพฺเพ กิร กสฺสปสฺส ภควโต สาสเน ตโย ปจฺเจกโพธิสตฺตา ปพฺพชิตฺวา วีสติ วสฺสสหสฺสานิ คตปจฺจาคตวตฺตํ ปูเรตฺวา เทวโลเก อุปฺปนฺนา. ตโต จวิตฺวา เตสํ เชฏฺโก พาราณสิราชกุเล นิพฺพตฺโต, อิตเร ปจฺจนฺตราชกุเลสุ. เต อุโภปิ กมฺมฏฺานํ อุคฺคณฺหิตฺวา, รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา, อนุกฺกเมน ปจฺเจกพุทฺธา หุตฺวา, นนฺทมูลกปพฺภาเร วสนฺตา เอกทิวสํ สมาปตฺติโต วุฏฺาย ‘‘มยํ กึ กมฺมํ กตฺวา อิมํ โลกุตฺตรสุขํ อนุปฺปตฺตา’’ติ อาวชฺเชตฺวา ปจฺจเวกฺขมานา กสฺสปพุทฺธกาเล อตฺตโน จริยํ อทฺทสํสุ. ตโต ‘‘ตติโย กุหิ’’นฺติ อาวชฺเชนฺตา พาราณสิยํ รชฺชํ กาเรนฺตํ ทิสฺวา ตสฺส คุเณ สริตฺวา ‘‘โส ปกติยาว อปฺปิจฺฉตาทิคุณสมนฺนาคโต อโหสิ, อมฺหากฺเว โอวาทโก วตฺตา วจนกฺขโม ปาปครหี, หนฺท, นํ อารมฺมณํ ทสฺเสตฺวา โมเจสฺสามา’’ติ โอกาสํ คเวสนฺตา ตํ เอกทิวสํ สพฺพาลงฺการวิภูสิตํ อุยฺยานํ คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา อากาเสนาคนฺตฺวา อุยฺยานทฺวาเร เวฬุคุมฺพมูเล อฏฺํสุ. มหาชโน อติตฺโต ราชทสฺสเนน ราชานํ โอโลเกติ. ตโต ราชา ‘‘อตฺถิ นุ โข โกจิ มม ทสฺสเน อพฺยาวโฏ’’ติ โอโลเกนฺโต ปจฺเจกพุทฺเธ อทฺทกฺขิ. สห ทสฺสเนเนว จสฺส เตสุ สิเนโห อุปฺปชฺชิ.

โส หตฺถิกฺขนฺธา โอรุยฺห สนฺเตน อุปจาเรน เต อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ภนฺเต, กึ นามา ตุมฺเห’’ติ ปุจฺฉิ. เต อาหํสุ ‘‘มยํ, มหาราช, อสชฺชมานา นามา’’ติ. ‘‘ภนฺเต, ‘อสชฺชมานา’ติ เอตสฺส โก อตฺโถ’’ติ? ‘‘อลคฺคนตฺโถ, มหาราชา’’ติ. ตโต ตํ เวฬุคุมฺพํ ทสฺเสนฺตา อาหํสุ – ‘‘เสยฺยถาปิ, มหาราช, อิมํ เวฬุคุมฺพํ สพฺพโส มูลขนฺธสาขานุสาขาหิ สํสิพฺพิตฺวา ิตํ อสิหตฺโถ ปุริโส มูเล เฉตฺวา อาวิฺฉนฺโต น สกฺกุเณยฺย อุทฺธริตุํ, เอวเมว ตฺวํ อนฺโต จ พหิ จ ชฏาย ชฏิโต อาสตฺตวิสตฺโต ตตฺถ ลคฺโค. เสยฺยถาปิ วา ปนสฺส เวมชฺฌคโตปิ อยํ วํสกฬีโร อสฺชาตสาขตฺตา เกนจิ อลคฺโค ิโต, สกฺกา จ ปน อคฺเค วา มูเล วา เฉตฺวา อุทฺธริตุํ, เอวเมว มยํ กตฺถจิ อสชฺชมานา สพฺพทิสา คจฺฉามา’’ติ ตาวเทว จตุตฺถชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา ปสฺสโต เอว รฺโ อากาเสน นนฺทมูลกปพฺภารํ อคมํสุ. ตโต ราชา จินฺเตสิ – ‘‘กทา นุ โข อหมฺปิ เอวํ อสชฺชมาโน ภเวยฺย’’นฺติ ตตฺเถว นิสีทิตฺวา วิปสฺสนฺโต ปจฺเจกโพธึ สจฺฉากาสิ. ปุริมนเยเนว กมฺมฏฺานํ ปุจฺฉิโต อิมํ คาถํ อภาสิ –

‘‘วํโส วิสาโลว ยถา วิสตฺโต, ปุตฺเตสุ ทาเรสุ จ ยา อเปกฺขา;

วํสกฺกฬีโรว อสชฺชมาโน, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ.

ตตฺถ วํโสติ เวฬุ. วิสาโลติ วิตฺถิณฺโณ. จกาโร อวธารณตฺโถ, เอวกาโร วา อยํ, สนฺธิวเสเนตฺถ เอกาโร นฏฺโ. ตสฺส ปรปเทน สมฺพนฺโธ, ตํ ปจฺฉา โยเชสฺสาม. ยถาติ ปฏิภาเค. วิสตฺโตติ ลคฺโค, ชฏิโต สํสิพฺพิโต. ปุตฺเตสุ ทาเรสุ จาติ ปุตฺตธีตุภริยาสุ. ยา อเปกฺขาติ ยา ตณฺหา โย สฺเนโห. วํสกฺกฬีโรว อสชฺชมาโนติ วํสกฬีโร วิย อลคฺคมาโน. กึ วุตฺตํ โหติ? ยถา วํโส วิสาโล วิสตฺโต เอว โหติ, ปุตฺเตสุ ทาเรสุ จ ยา อเปกฺขา, สาปิ เอวํ ตานิ วตฺถูนิ สํสิพฺพิตฺวา ิตตฺตา วิสตฺตา เอว. สฺวาหํ ตาย อเปกฺขาย อเปกฺขวา วิสาโล วํโส วิย วิสตฺโตติ เอวํ อเปกฺขาย อาทีนวํ ทิสฺวา ตํ อเปกฺขํ มคฺคาเณน ฉินฺทนฺโต อยํ วํสกฬีโรว รูปาทีสุ วา โลภาทีสุ วา กามภวาทีสุ วา ทิฏฺาทีสุ วา ตณฺหามานทิฏฺิวเสน อสชฺชมาโน ปจฺเจกโพธึ อธิคโตติ. เสสํ ปุริมนเยเนว เวทิตพฺพนฺติ.

วํสกฬีรคาถาวณฺณนา สมตฺตา.

๓๙. มิโค อรฺมฺหีติ กา อุปฺปตฺติ? เอโก กิร ภิกฺขุ กสฺสปสฺส ภควโต สาสเน โยคาวจโร กาลํ กตฺวา, พาราณสิยํ เสฏฺิกุเล อุปฺปนฺโน อฑฺเฒ มหทฺธเน มหาโภเค, โส สุภโค อโหสิ. ตโต ปรทาริโก หุตฺวา ตตฺถ กาลกโต นิรเย นิพฺพตฺโต ตตฺถ ปจฺจิตฺวา วิปากาวเสเสน เสฏฺิภริยาย กุจฺฉิมฺหิ อิตฺถิปฏิสนฺธึ อคฺคเหสิ. นิรยโต อาคตานํ คตฺตานิ อุณฺหานิ โหนฺติ. เตน เสฏฺิภริยา ฑยฺหมาเนน อุทเรน กิจฺเฉน กสิเรน ตํ คพฺภํ ธาเรตฺวา กาเลน ทาริกํ วิชายิ. สา ชาตทิวสโต ปภุติ มาตาปิตูนํ เสสพนฺธุปริชนานฺจ เทสฺสา อโหสิ. วยปฺปตฺตา จ ยมฺหิ กุเล ทินฺนา, ตตฺถาปิ สามิกสสฺสุสสุรานํ เทสฺสาว อโหสิ อปฺปิยา อมนาปา. อถ นกฺขตฺเต โฆสิเต เสฏฺิปุตฺโต ตาย สทฺธึ กีฬิตุํ อนิจฺฉนฺโต เวสึ อาเนตฺวา กีฬติ. สา ตํ ทาสีนํ สนฺติกา สุตฺวา เสฏฺิปุตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา นานปฺปกาเรหิ อนุนยิตฺวา อาห – ‘‘อยฺยปุตฺต, อิตฺถี นาม สเจปิ ทสนฺนํ ราชูนํ กนิฏฺา โหติ, จกฺกวตฺติโน วา ธีตา, ตถาปิ สามิกสฺส เปสนกรา โหติ. สามิเก อนาลปนฺเต สูเล อาโรปิตา วิย ทุกฺขํ ปฏิสํเวเทติ. สเจ อหํ อนุคฺคหารหา, อนุคฺคเหตพฺพา. โน เจ, วิสฺสชฺเชตพฺพา, อตฺตโน าติกุลํ คมิสฺสามี’’ติ. เสฏฺิปุตฺโต – ‘‘โหตุ, ภทฺเท, มา โสจิ, กีฬนสชฺชา โหหิ, นกฺขตฺตํ กีฬิสฺสามา’’ติ อาห. เสฏฺิธีตา ตาวตเกนปิ สลฺลาปมตฺเตน อุสฺสาหชาตา ‘‘สฺเว นกฺขตฺตํ กีฬิสฺสามี’’ติ พหุํ ขชฺชโภชฺชํ ปฏิยาเทติ. เสฏฺิปุตฺโต ทุติยทิวเส อนาโรเจตฺวาว กีฬนฏฺานํ คโต. สา ‘‘อิทานิ เปเสสฺสติ, อิทานิ เปเสสฺสตี’’ติ มคฺคํ โอโลเกนฺตี นิสินฺนา อุสฺสูรํ ทิสฺวา มนุสฺเส เปเสสิ. เต ปจฺจาคนฺตฺวา ‘‘เสฏฺิปุตฺโต คโต’’ติ อาโรเจสุํ. สา สพฺพํ ตํ ปฏิยาทิตํ อาทาย ยานํ อภิรุหิตฺวา อุยฺยานํ คนฺตุํ อารทฺธา.

อถ นนฺทมูลกปพฺภาเร ปจฺเจกสมฺพุทฺโธ สตฺตเม ทิวเส นิโรธา วุฏฺาย อโนตตฺเต มุขํ โธวิตฺวา นาคลตาทนฺตโปณํ ขาทิตฺวา ‘‘กตฺถ อชฺช ภิกฺขํ จริสฺสามี’’ติ อาวชฺเชนฺโต ตํ เสฏฺิธีตรํ ทิสฺวา ‘‘อิมิสฺสา มยิ สกฺการํ กริตฺวา ตํ กมฺมํ ปริกฺขยํ คมิสฺสตี’’ติ ตฺวา ปพฺภารสมีเป สฏฺิโยชนํ มโนสิลาตลํ, ตตฺถ ตฺวา นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย อภิฺาปาทกชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา อากาเสนาคนฺตฺวา ตสฺสา ปฏิปเถ โอรุยฺห พาราณสีภิมุโข อคมาสิ. ตํ ทิสฺวา ทาสิโย เสฏฺิธีตาย อาโรเจสุํ. สา ยานา โอรุยฺห สกฺกจฺจํ วนฺทิตฺวา, ปตฺตํ คเหตฺวา, สพฺพรสสมฺปนฺเนน ขาทนียโภชนีเยน ปูเรตฺวา, ปทุมปุปฺเผน ปฏิจฺฉาเทตฺวา เหฏฺาปิ ปทุมปุปฺผํ กตฺวา, ปุปฺผกลาปํ หตฺเถน คเหตฺวา, ปจฺเจกพุทฺธํ อุปสงฺกมิตฺวา, ตสฺส หตฺเถ ปตฺตํ ทตฺวา, วนฺทิตฺวา, ปุปฺผกลาปหตฺถา ปตฺเถสิ ‘‘ภนฺเต, ยถา อิทํ ปุปฺผํ, เอวาหํ ยตฺถ ยตฺถ อุปฺปชฺชามิ, ตตฺถ ตตฺถ มหาชนสฺส ปิยา ภเวยฺยํ มนาปา’’ติ. เอวํ ปตฺเถตฺวา ทุติยํ ปตฺเถสิ ‘‘ภนฺเต, ทุกฺโข คพฺภวาโส, ตํ อนุปคมฺม ปทุมปุปฺเผ เอวํ ปฏิสนฺธิ ภเวยฺยา’’ติ. ตติยมฺปิ ปตฺเถสิ ‘‘ภนฺเต, ชิคุจฺฉนีโย มาตุคาโม, จกฺกวตฺติธีตาปิ ปรวสํ คจฺฉติ, ตสฺมา อหํ อิตฺถิภาวํ อนุปคมฺม ปุริโส ภเวยฺย’’นฺติ. จตุตฺถมฺปิ ปตฺเถสิ ‘‘ภนฺเต, อิมํ สํสารทุกฺขํ อติกฺกมฺม ปริโยสาเน ตุมฺเหหิ ปตฺตํ อมตํ ปาปุเณยฺย’’นฺติ.

เอวํ จตุโร ปณิธโย กตฺวา, ตํ ปทุมปุปฺผกลาปํ ปูเชตฺวา, ปจฺเจกพุทฺธสฺส ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา ‘‘ปุปฺผสทิโส เอว เม คนฺโธ เจว วณฺโณ จ โหตู’’ติ อิมํ ปฺจมํ ปณิธึ อกาสิ. ตโต ปจฺเจกพุทฺโธ ปตฺตํ ปุปฺผกลาปฺจ คเหตฺวา อากาเส ตฺวา –

‘‘อิจฺฉิตํ ปตฺถิตํ ตุยฺหํ, ขิปฺปเมว สมิชฺฌตุ;

สพฺเพ ปูเรนฺตุ สงฺกปฺปา, จนฺโท ปนฺนรโส ยถา’’ติ. –

อิมาย คาถาย เสฏฺิธีตาย อนุโมทนํ กตฺวา ‘‘เสฏฺิธีตา มํ คจฺฉนฺตํ ปสฺสตู’’ติ อธิฏฺหิตฺวา นนฺทมูลกปพฺภารํ อคมาสิ. เสฏฺิธีตาย ตํ ทิสฺวา มหตี ปีติ อุปฺปนฺนา. ภวนฺตเร กตํ อกุสลกมฺมํ อโนกาสตาย ปริกฺขีณํ, จิฺจมฺพิลโธตตมฺพภาชนมิว สุทฺธา ชาตา. ตาวเทว จสฺสา ปติกุเล าติกุเล จ สพฺโพ ชโน ตุฏฺโ ‘‘กึ กโรมา’’ติ ปิยวจนานิ ปณฺณาการานิ จ เปเสสิ. เสฏฺิปุตฺโต มนุสฺเส เปเสสิ ‘‘สีฆํ สีฆํ อาเนถ เสฏฺิธีตรํ, อหํ วิสฺสริตฺวา อุยฺยานํ อาคโต’’ติ. ตโต ปภุติ จ นํ อุเร วิลิตฺตจนฺทนํ วิย อามุตฺตมุตฺตาหารํ วิย ปุปฺผมาลํ วิย จ ปิยายนฺโต ปริหริ.

สา ตตฺถ ยาวตายุกํ อิสฺสริยโภคสุขํ อนุภวิตฺวา กาลํ กตฺวา ปุริสภาเวน เทวโลเก ปทุมปุปฺเผ อุปฺปชฺชิ. โส เทวปุตฺโต คจฺฉนฺโตปิ ปทุมปุปฺผคพฺเภเยว คจฺฉติ, ติฏฺนฺโตปิ, นิสีทนฺโตปิ, สยนฺโตปิ ปทุมคพฺเภเยว สยติ. มหาปทุมเทวปุตฺโตติ จสฺส นามํ อกํสุ. เอวํ โส เตน อิทฺธานุภาเวน อนุโลมปฏิโลมํ ฉเทวโลเก เอว สํสรติ.

เตน จ สมเยน พาราณสิรฺโ วีสติ อิตฺถิสหสฺสานิ โหนฺติ. ราชา เอกิสฺสาปิ กุจฺฉิยํ ปุตฺตํ น ลภติ. อมจฺจา ราชานํ วิฺาเปสุํ ‘‘เทว, กุลวํสานุปาลโก ปุตฺโต อิจฺฉิตพฺโพ, อตฺรเช อวิชฺชมาเน เขตฺรโชปิ กุลวํสธโร โหตี’’ติ. ราชา ‘‘เปตฺวา มเหสึ อวเสสา นาฏกิตฺถิโย สตฺตาหํ ธมฺมนาฏกํ กโรถา’’ติ ยถากามํ พหิ จราเปสิ, ตถาปิ ปุตฺตํ นาลตฺถ. ปุน อมจฺจา อาหํสุ – ‘‘มหาราช, มเหสี นาม ปุฺเน จ ปฺาย จ สพฺพิตฺถีนํ อคฺคา, อปฺเปว นาม เทโว มเหสิยาปิ กุจฺฉิสฺมึ ปุตฺตํ ลเภยฺยา’’ติ. ราชา มเหสิยา เอตมตฺถํ อาโรเจสิ. สา อาห – ‘‘มหาราช, ยา อิตฺถี สจฺจวาทินี สีลวตี, สา ปุตฺตํ ลเภยฺย, หิโรตฺตปฺปรหิตาย กุโต ปุตฺโต’’ติ ปาสาทํ อภิรุหิตฺวา ปฺจ สีลานิ สมาทิยิตฺวา ปุนปฺปุนํ อนุมชฺชติ. สีลวติยา ราชธีตาย ปฺจ สีลานิ อนุมชฺชนฺติยา ปุตฺตปตฺถนาจิตฺเต อุปฺปนฺนมตฺเต สกฺกสฺส อาสนํ สนฺตปฺปิ.

อถ สกฺโก อาสนตาปการณํ อาวชฺเชนฺโต เอตมตฺถํ วิทิตฺวา ‘‘สีลวติยา ราชธีตาย ปุตฺตวรํ เทมี’’ติ อากาเสนาคนฺตฺวา เทวิยา สมฺมุเข ตฺวา ‘‘กึ ปตฺเถสิ เทวี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ปุตฺตํ, มหาราชา’’ติ. ‘‘ทมฺมิ เต, เทวิ, ปุตฺตํ, มา จินฺตยี’’ติ วตฺวา เทวโลกํ คนฺตฺวา ‘‘อตฺถิ นุ โข เอตฺถ ขีณายุโก’’ติ อาวชฺเชนฺโต ‘‘อยํ มหาปทุโม อุปริเทวโลเก อุปฺปชฺชิตุํ อิโต จวตี’’ติ ตฺวา ตสฺส วิมานํ คนฺตฺวา ‘‘ตาต มหาปทุม, มนุสฺสโลกํ คจฺฉาหี’’ติ ยาจิ. โส อาห – ‘‘มหาราช, มา เอวํ ภณิ, เชคุจฺโฉ มนุสฺสโลโก’’ติ. ‘‘ตาต, ตฺวํ มนุสฺสโลเก ปุฺํ กตฺวา อิธูปปนฺโน, ตตฺเถว ตฺวา ปารมิโย ปูเรตพฺพา, คจฺฉ, ตาตา’’ติ. ‘‘ทุกฺโข, มหาราช, คพฺภวาโส, น สกฺโกมิ ตตฺถ วสิตุ’’นฺติ. ‘‘กึ เต, ตาต, คพฺภวาเสน, ตถา หิ ตฺวํ กมฺมมกาสิ, ยถา ปทุมคพฺเภเยว นิพฺพตฺติสฺสสิ, คจฺฉ, ตาตา’’ติ ปุนปฺปุนํ วุจฺจมาโน อธิวาเสสิ.

ตโต มหาปทุโม เทวโลกา จวิตฺวา พาราณสิรฺโ อุยฺยาเน สิลาปฏฺฏโปกฺขรณิยํ ปทุมคพฺเภ นิพฺพตฺโต. ตฺจ รตฺตึ มเหสี ปจฺจูสสมเย สุปินนฺเตน วีสติอิตฺถิสหสฺสปริวุตา อุยฺยานํ คนฺตฺวา สิลาปฏฺฏโปกฺขรณิยํ ปทุมสฺสเร ปุตฺตํ ลทฺธา วิย อโหสิ. สา ปภาตาย รตฺติยา สีลานิ รกฺขมานา ตเถว ตตฺถ คนฺตฺวา เอกํ ปทุมปุปฺผํ อทฺทส. ตํ เนว ตีเร โหติ น คมฺภีเร. สห ทสฺสเนเนว จสฺสา ตตฺถ ปุตฺตสิเนโห อุปฺปชฺชิ. สา สามํเยว ปวิสิตฺวา ตํ ปุปฺผํ อคฺคเหสิ. ปุปฺเผ คหิตมตฺเตเยว ปตฺตานิ วิกสึสุ. ตตฺถ ตฏฺฏเก อาสิตฺตสุวณฺณปฏิมํ วิย ทารกํ อทฺทส. ทิสฺวาว ‘‘ปุตฺโต เม ลทฺโธ’’ติ สทฺทํ นิจฺฉาเรสิ. มหาชโน สาธุการสหสฺสานิ มุฺจิ, รฺโ จ เปเสสิ. ราชา สุตฺวา ‘‘กตฺถ ลทฺโธ’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ลทฺโธกาสฺจ สุตฺวา ‘‘อุยฺยานฺจ โปกฺขรณิยํ ปทุมฺจ อมฺหากฺเว เขตฺตํ, ตสฺมา อมฺหากํ เขตฺเต ชาตตฺตา เขตฺรโช นามายํ ปุตฺโต’’ติ วตฺวา นครํ ปเวเสตฺวา วีสติสหสฺสอิตฺถิโย ธาติกิจฺจํ การาเปสิ. ยา ยา กุมารสฺส รุจึ ตฺวา ปตฺถิตปตฺถิตํ ขาทนียํ ขาทาเปติ, สา สา สหสฺสํ ลภติ. สกลพาราณสี จลิตา, สพฺโพ ชโน กุมารสฺส ปณฺณาการสหสฺสานิ เปเสสิ. กุมาโร ตํ ตํ อติเนตฺวา ‘‘อิมํ ขาท, อิมํ ภุฺชา’’ติ วุจฺจมาโน โภชเนน อุพฺพาฬฺโห อุกฺกณฺิโต หุตฺวา, โคปุรทฺวารํ คนฺตฺวา, ลาขาคุฬเกน กีฬติ.

ตทา อฺตโร ปจฺเจกพุทฺโธ พาราณสึ นิสฺสาย อิสิปตเน วสติ. โส กาลสฺเสว วุฏฺาย เสนาสนวตฺตสรีรปริกมฺมมนสิการาทีนิ สพฺพกิจฺจานิ กตฺวา, ปฏิสลฺลานา วุฏฺิโต ‘‘อชฺช กตฺถ ภิกฺขํ คเหสฺสามี’’ติ อาวชฺเชนฺโต กุมารสฺส สมฺปตฺตึ ทิสฺวา ‘‘เอส ปุพฺเพ กึ กมฺมํ กรี’’ติ วีมํสนฺโต ‘‘มาทิสสฺส ปิณฺฑปาตํ ทตฺวา, จตสฺโส ปตฺถนา ปตฺเถสิ ตตฺถ ติสฺโส สิทฺธา, เอกา ตาว น สิชฺฌติ, ตสฺส อุปาเยน อารมฺมณํ ทสฺเสมี’’ติ ภิกฺขาจริยวเสน กุมารสฺส สนฺติกํ อคมาสิ. กุมาโร ตํ ทิสฺวา ‘‘สมณ, มา อิธ อาคจฺฉิ, อิเม หิ ตมฺปิ ‘อิทํ ขาท, อิทํ ภุฺชา’ติ วเทยฺยุ’’นฺติ อาห. โส เอกวจเนเนว ตโต นิวตฺติตฺวา อตฺตโน เสนาสนํ ปาวิสิ. กุมาโร ปริชนํ อาห – ‘‘อยํ สมโณ มยา วุตฺตมตฺโตว นิวตฺโต, กุทฺโธ, นุ, โข มมา’’ติ. ตโต เตหิ ‘‘ปพฺพชิตา นาม, เทว, น โกธปรายณา โหนฺติ, ปเรน ปสนฺนมเนน ยํ ทินฺนํ โหติ, เตน ยาเปนฺตี’’ติ วุจฺจมาโนปิ ‘‘กุทฺโธ เอว มมายํ สมโณ, ขมาเปสฺสามิ น’’นฺติ มาตาปิตูนํ อาโรเจตฺวา หตฺถึ อภิรุหิตฺวา, มหตา ราชานุภาเวน อิสิปตนํ คนฺตฺวา, มิคยูถํ ทิสฺวา, ปุจฺฉิ ‘‘กึ นาม เอเต’’ติ? ‘‘เอเต, สามิ, มิคา นามา’’ติ. เอเตสํ ‘‘อิมํ ขาทถ, อิมํ ภุฺชถ, อิมํ สายถา’’ติ วตฺวา ปฏิชคฺคนฺตา อตฺถีติ. นตฺถิ สามิ, ยตฺถ ติโณทกํ สุลภํ, ตตฺถ วสนฺตีติ.

กุมาโร ‘‘ยถา อิเม อรกฺขิยมานาว ยตฺถ อิจฺฉนฺติ, ตตฺถ วสนฺติ, กทา นุ, โข, อหมฺปิ เอวํ วเสยฺย’’นฺติ เอตมารมฺมณํ อคฺคเหสิ. ปจฺเจกพุทฺโธปิ ตสฺส อาคมนํ ตฺวา เสนาสนมคฺคฺจ จงฺกมฺจ สมฺมชฺชิตฺวา, มฏฺํ กตฺวา, เอกทฺวิกฺขตฺตุํ จงฺกมิตฺวา, ปทนิกฺเขปํ ทสฺเสตฺวา, ทิวาวิหาโรกาสฺจ ปณฺณสาลฺจ สมฺมชฺชิตฺวา, มฏฺํ กตฺวา, ปวิสนปทนิกฺเขปํ ทสฺเสตฺวา, นิกฺขมนปทนิกฺเขปํ อทสฺเสตฺวา, อฺตฺร อคมาสิ. กุมาโร ตตฺถ คนฺตฺวา ตํ ปเทสํ สมฺมชฺชิตฺวา มฏฺํ กตํ ทิสฺวา ‘‘วสติ มฺเ เอตฺถ โส ปจฺเจกพุทฺโธ’’ติ ปริชเนน ภาสิตํ สุตฺวา อาห – ‘‘ปาโตปิ โส สมโณ กุทฺโธ, อิทานิ หตฺถิอสฺสาทีหิ อตฺตโน โอกาสํ อกฺกนฺตํ ทิสฺวา, สุฏฺุตรํ กุชฺเฌยฺย, อิเธว ตุมฺเห ติฏฺถา’’ติ หตฺถิกฺขนฺธา โอรุยฺห เอกโกว เสนาสนํ ปวิฏฺโ วตฺตสีเสน สุสมฺมฏฺโกาเส ปทนิกฺเขปํ ทิสฺวา, ‘‘อยํ สมโณ เอตฺถ จงฺกมนฺโต น วณิชฺชาทิกมฺมํ จินฺเตสิ, อทฺธา อตฺตโน หิตเมว จินฺเตสิ มฺเ’’ติ ปสนฺนมานโส จงฺกมํ อารุหิตฺวา, ทูรีกตปุถุวิตกฺโก คนฺตฺวา, ปาสาณผลเก นิสีทิตฺวา, สฺชาตเอกคฺโค หุตฺวา, ปณฺณสาลํ ปวิสิตฺวา, วิปสฺสนฺโต ปจฺเจกโพธิาณํ อธิคนฺตฺวา, ปุริมนเยเนว ปุโรหิเตน กมฺมฏฺาเน ปุจฺฉิเต คคนตเล นิสินฺโน อิมํ คาถมาห –

‘‘มิโค อรฺมฺหิ ยถา อพทฺโธ, เยนิจฺฉกํ คจฺฉติ โคจราย;

วิฺู นโร เสริตํ เปกฺขมาโน, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ.

ตตฺถ มิโคติ ทฺเว มิคา เอณีมิโค, ปสทมิโค จาติ. อปิจ สพฺเพสํ อารฺิกานํ จตุปฺปทานเมตํ อธิวจนํ. อิธ ปน ปสทมิโค อธิปฺเปโต. อรฺมฺหีติ คามฺจ คามูปจารฺจ เปตฺวา อวเสสํ อรฺํ, อิธํ ปน อุยฺยานมธิปฺเปตํ, ตสฺมา อุยฺยานมฺหีติ วุตฺตํ โหติ. ยถาติ ปฏิภาเค. อพทฺโธติ รชฺชุพนฺธนาทีหิ อพทฺโธ, เอเตน วิสฺสตฺถจริยํ ทีเปติ. เยนิจฺฉกํ คจฺฉติ โคจรายติ เยน เยน ทิสาภาเคน คนฺตุมิจฺฉติ, เตน เตน ทิสาภาเคน โคจราย คจฺฉติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ ภควตา –

‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, อารฺโก มิโค อรฺเ ปวเน จรมาโน วิสฺสตฺโถ คจฺฉติ, วิสฺสตฺโถ ติฏฺติ, วิสฺสตฺโถ นิสีทติ, วิสฺสตฺโถ เสยฺยํ กปฺเปติ. ตํ กิสฺส เหตุ? อนาปาถคโต, ภิกฺขเว, ลุทฺทสฺส; เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วิวิจฺเจว กาเมหิ…เป… ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อนฺธมกาสิ มารํ อปทํ, วธิตฺวา มารจกฺขุํ อทสฺสนํ คโต ปาปิมโต’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๘๗; จูฬนิ. ขคฺควิสาณสุตฺตนิทฺเทส ๑๒๕) วิตฺถาโร.

วิฺู นโรติ ปณฺฑิตปุริโส. เสริตนฺติ สจฺฉนฺทวุตฺติตํ อปรายตฺตตํ. เปกฺขมาโนติ ปฺาจกฺขุนา โอโลกยมาโน. อถ วา ธมฺมเสริตํ ปุคฺคลเสริตฺจ. โลกุตฺตรธมฺมา หิ กิเลสวสํ อคมนโต เสริโน เตหิ สมนฺนาคตา ปุคฺคลา จ, เตสํ ภาวนิทฺเทโส เสริตา. ตํ เปกฺขมาโนติ. กึ วุตฺตํ โหติ? ‘‘ยถา มิโค อรฺมฺหิ อพทฺโธ เยนิจฺฉกํ คจฺฉติ โคจราย, กทา นุ โข อหมฺปิ เอวํ คจฺเฉยฺย’’นฺติ อิติ เม ตุมฺเหหิ อิโต จิโต จ ปริวาเรตฺวา ิเตหิ พทฺธสฺส เยนิจฺฉกํ คนฺตุํ อลภนฺตสฺส ตสฺมึ เยนิจฺฉกคมนาภาเวน เยนิจฺฉกคมเน จานิสํสํ ทิสฺวา อนุกฺกเมน สมถวิปสฺสนา ปาริปูรึ อคมํสุ. ตโต ปจฺเจกโพธึ อธิคโตมฺหิ. ตสฺมา อฺโปิ วิฺู ปณฺฑิโต นโร เสริตํ เปกฺขมาโน เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโปติ. เสสํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพนฺติ.

มิคอรฺคาถาวณฺณนา สมตฺตา.

๔๐. อามนฺตนา โหตีติ กา อุปฺปตฺติ? อตีเต กิร เอกวชฺชิกพฺรหฺมทตฺโต นาม ราชา อโหสิ มุทุกชาติโก. ยทา อมจฺจา เตน สห ยุตฺตํ วา อยุตฺตํ วา มนฺเตตุกามา โหนฺติ, ตทา นํ ปาฏิเยกฺกํ ปาฏิเยกฺกํ เอกมนฺตํ เนนฺติ. ตํ เอกทิวสํ ทิวาเสยฺยํ อุปคตํ อฺตโร อมจฺโจ ‘‘เทว, มม โสตพฺพํ อตฺถี’’ติ เอกมนฺตํ คมนํ ยาจิ. โส อุฏฺาย อคมาสิ. ปุน เอโก มหาอุปฏฺาเน นิสินฺนํ วรํ ยาจิ, เอโก หตฺถิกฺขนฺเธ, เอโก อสฺสปิฏฺิยํ, เอโก สุวณฺณรเถ, เอโก สิวิกาย นิสีทิตฺวา อุยฺยานํ คจฺฉนฺตํ ยาจิ. ราชา ตโต โอโรหิตฺวา เอกมนฺตํ อคมาสิ. อปโร ชนปทจาริกํ คจฺฉนฺตํ ยาจิ, ตสฺสาปิ วจนํ สุตฺวา หตฺถิโต โอรุยฺห เอกมนฺตํ อคมาสิ. เอวํ โส เตหิ นิพฺพินฺโน หุตฺวา ปพฺพชิ. อมจฺจา อิสฺสริเยน วฑฺฒนฺติ. เตสุ เอโก คนฺตฺวา ราชานํ อาห – ‘‘อมุกํ, มหาราช, ชนปทํ มยฺหํ เทหี’’ติ. ราชา ‘‘ตํ อิตฺถนฺนาโม ภุฺชตี’’ติ ภณติ. โส รฺโ วจนํ อนาทิยิตฺวา ‘‘คจฺฉามหํ ตํ ชนปทํ คเหตฺวา ภุฺชามี’’ติ ตตฺถ คนฺตฺวา, กลหํ กตฺวา, ปุน อุโภปิ รฺโ สนฺติกํ อาคนฺตฺวา, อฺมฺสฺส โทสํ อาโรเจนฺติ. ราชา ‘‘น สกฺกา อิเม โตเสตุ’’นฺติ เตสํ โลเภ อาทีนวํ ทิสฺวา วิปสฺสนฺโต ปจฺเจกสมฺโพธึ สจฺฉากาสิ. โส ปุริมนเยเนว อิมํ อุทานคาถํ อภาสิ –

‘‘อามนฺตนา โหติ สหายมชฺเฌ, วาเส าเน คมเน จาริกาย;

อนภิชฺฌิตํ เสริตํ เปกฺขมาโน, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – สหายมชฺเฌ ิตสฺส ทิวาเสยฺยสงฺขาเต วาเส จ, มหาอุปฏฺานสงฺขาเต าเน จ, อุยฺยานคมนสงฺขาเต คมเน จ, ชนปทจาริกสงฺขาตาย จาริกาย จ ‘‘อิทํ เม สุณ, อิทํ เม เทหี’’ติอาทินา นเยน ตถา ตถา อามนฺตนา โหติ, ตสฺมา อหํ ตตฺถ นิพฺพิชฺชิตฺวา ยายํ อริยชนเสวิตา อเนกานิสํสา เอกนฺตสุขา, เอวํ สนฺเตปิ โลภาภิภูเตหิ สพฺพกาปุริเสหิ อนภิชฺฌิตา อนภิปตฺถิตา ปพฺพชฺชา, ตํ อนภิชฺฌิตํ ปเรสํ อวสวตฺตเนน ธมฺมปุคฺคลวเสน จ เสริตํ เปกฺขมาโน วิปสฺสนํ อารภิตฺวา อนุกฺกเมน ปจฺเจกสมฺโพธึ อธิคโตมฺหีติ. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ.

อามนฺตนาคาถาวณฺณนา สมตฺตา.

๔๑. ขิฑฺฑา รตีติ กา อุปฺปตฺติ? พาราณสิยํ เอกปุตฺตกพฺรหฺมทตฺโต นาม ราชา อโหสิ. โส จสฺส เอกปุตฺตโก ปิโย อโหสิ มนาโป ปาณสโม. โส สพฺพิริยาปเถสุ ปุตฺตํ คเหตฺวาว วตฺตติ. โส เอกทิวสํ อุยฺยานํ คจฺฉนฺโต ตํ เปตฺวา คโต. กุมาโรปิ ตํ ทิวสํเยว อุปฺปนฺเนน พฺยาธินา มโต. อมจฺจา ‘‘ปุตฺตสิเนเหน รฺโ หทยมฺปิ ผเลยฺยา’’ติ อนาโรเจตฺวาว นํ ฌาเปสุํ. ราชา อุยฺยาเน สุรามเทน มตฺโต ปุตฺตํ เนว สริ, ตถา ทุติยทิวเสปิ นฺหานโภชนเวลาสุ. อถ ภุตฺตาวี นิสินฺโน สริตฺวา ‘‘ปุตฺตํ เม อาเนถา’’ติ อาห. ตสฺส อนุรูเปน วิธาเนน ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสุํ. ตโต โสกาภิภูโต นิสินฺโน เอวํ โยนิโส มนสากาสิ ‘‘อิมสฺมึ สติ อิทํ โหติ, อิมสฺสุปฺปาทา อิทํ อุปฺปชฺชตี’’ติ. โส เอวํ อนุกฺกเมน อนุโลมปฏิโลมํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ สมฺมสนฺโต ปจฺเจกโพธึ สจฺฉากาสิ. เสสํ สํสคฺคคาถาย วุตฺตสทิสเมว เปตฺวา คาถายตฺถวณฺณนํ.

อตฺถวณฺณนายํ ปน ขิฑฺฑาติ กีฬนา. สา ทุวิธา โหติ – กายิกา, วาจสิกา จ. ตตฺถ กายิกา นาม หตฺถีหิปิ กีฬนฺติ, อสฺเสหิปิ, รเถหิปิ, ธนูหิปิ, ถรูหิปีติ เอวมาทิ. วาจสิกา นาม คีตํ, สิโลกภณนํ, มุขเภรีติ เอวมาทิ. รตีติ ปฺจกามคุณรติ. วิปุลนฺติ ยาว อฏฺิมิฺชํ อาหจฺจ าเนน สกลตฺตภาวพฺยาปกํ. เสสํ ปากฏเมว. อนุสนฺธิโยชนาปิ เจตฺถ สํสคฺคคาถาย วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพา, ตโต ปรฺจ สพฺพนฺติ.

ขิฑฺฑารติคาถาวณฺณนา สมตฺตา.

๔๒. จาตุทฺทิโสติ กา อุปฺปตฺติ? ปุพฺเพ กิร กสฺสปสฺส ภควโต สาสเน ปฺจ ปจฺเจกโพธิสตฺตา ปพฺพชิตฺวา วีสติ วสฺสสหสฺสานิ คตปจฺจาคตวตฺตํ ปูเรตฺวา เทวโลเก อุปฺปนฺนา. ตโต จวิตฺวา เตสํ เชฏฺโก พาราณสิยํ ราชา อโหสิ, เสสา ปากติกราชาโน. เต จตฺตาโรปิ กมฺมฏฺานํ อุคฺคณฺหิตฺวา, รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา, อนุกฺกเมน ปจฺเจกพุทฺธา หุตฺวา นนฺทมูลกปพฺภาเร วสนฺตา เอกทิวสํ สมาปตฺติโต วุฏฺาย วํสกฬีรคาถายํ วุตฺตนเยเนว อตฺตโน กมฺมฺจ สหายฺจ อาวชฺเชตฺวา ตฺวา พาราณสิรฺโ อุปาเยน อารมฺมณํ ทสฺเสตุํ โอกาสํ คเวสนฺติ. โส จ ราชา ติกฺขตฺตุํ รตฺติยา อุพฺพิชฺชติ, ภีโต วิสฺสรํ กโรติ, มหาตเล ธาวติ. ปุโรหิเตน กาลสฺเสว วุฏฺาย สุขเสยฺยํ ปุจฺฉิโตปิ ‘‘กุโต เม, อาจริย, สุข’’นฺติ สพฺพํ ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ. ปุโรหิโตปิ ‘‘อยํ โรโค น สกฺกา เยน เกนจิ อุทฺธํวิเรจนาทินา เภสชฺชกมฺเมน วิเนตุํ, มยฺหํ ปน ขาทนูปาโย อุปฺปนฺโน’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘รชฺชหานิชีวิตนฺตรายาทีนํ ปุพฺพนิมิตฺตํ เอตํ มหาราชา’’ติ ราชานํ สุฏฺุตรํ อุพฺเพเชตฺวา ตสฺส วูปสมนตฺถํ ‘‘เอตฺตเก จ เอตฺตเก จ หตฺถิอสฺสรถาทโย หิรฺสุวณฺณฺจ ทกฺขิณํ ทตฺวา ยฺโ ยชิตพฺโพ’’ติ ตํ ยฺยชเน สมาทเปสิ.

ตโต ปจฺเจกพุทฺธา อเนกานิ ปาณสหสฺสานิ ยฺตฺถาย สมฺปิณฺฑิยมานานิ ทิสฺวา ‘‘เอตสฺมึ กมฺเม กเต ทุพฺโพธเนยฺโย ภวิสฺสติ, หนฺท นํ ปฏิกจฺเจว คนฺตฺวา เปกฺขามา’’ติ วํสกฬีรคาถายํ วุตฺตนเยเนว อาคนฺตฺวา ปิณฺฑาย จรมานา ราชงฺคเณ ปฏิปาฏิยา อคมํสุ. ราชา สีหปฺชเร ิโต ราชงฺคณํ โอโลกยมาโน เต อทฺทกฺขิ, สห ทสฺสเนเนว จสฺส สิเนโห อุปฺปชฺชิ. ตโต เต ปกฺโกสาเปตฺวา อากาสตเล ปฺตฺตาสเน นิสีทาเปตฺวา สกฺกจฺจํ โภเชตฺวา กตภตฺตกิจฺเจ ‘‘เก ตุมฺเห’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘มยํ, มหาราช, จาตุทฺทิสา นามา’’ติ. ‘‘ภนฺเต, จาตุทฺทิสาติ อิมสฺส โก อตฺโถ’’ติ? ‘‘จตูสุ ทิสาสุ กตฺถจิ กุโตจิ ภยํ วา จิตฺตุตฺราโส วา อมฺหากํ นตฺถิ, มหาราชา’’ติ. ‘‘ภนฺเต, ตุมฺหากํ ตํ ภยํ กึ การณา น โหตี’’ติ? ‘‘มยฺหิ, มหาราช, เมตฺตํ ภาเวม, กรุณํ ภาเวม, มุทิตํ ภาเวม, อุเปกฺขํ ภาเวม, เตน โน ตํ ภยํ น โหตี’’ติ วตฺวา อุฏฺายาสนา อตฺตโน วสตึ อคมํสุ.

ตโต ราชา จินฺเตสิ ‘‘อิเม สมณา เมตฺตาทิภาวนาย ภยํ น โหตีติ ภณนฺติ, พฺราหฺมณา ปน อเนกสหสฺสปาณวธํ วณฺณยนฺติ, เกสํ นุ โข วจนํ สจฺจ’’นฺติ. อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘สมณา สุทฺเธน อสุทฺธํ โธวนฺติ, พฺราหฺมณา ปน อสุทฺเธน อสุทฺธํ. น จ สกฺกา อสุทฺเธน อสุทฺธํ โธวิตุํ, ปพฺพชิตานํ เอว วจนํ สจฺจ’’นฺติ. โส ‘‘สพฺเพ สตฺตา สุขิตา โหนฺตู’’ติอาทินา นเยน เมตฺตาทโย จตฺตาโรปิ พฺรหฺมวิหาเร ภาเวตฺวา หิตผรณจิตฺเตน อมจฺเจ อาณาเปสิ ‘‘สพฺเพ ปาเณ มุฺจถ, สีตานิ ปานียานิ ปิวนฺตุ, หริตานิ ติณานิ ขาทนฺตุ, สีโต จ เนสํ วาโต อุปวายตู’’ติ. เต ตถา อกํสุ.

ตโต ราชา ‘‘กลฺยาณมิตฺตานํ วจเนเนว ปาปกมฺมโต มุตฺโตมฺหี’’ติ ตตฺเถว นิสินฺโน วิปสฺสิตฺวา ปจฺเจกสมฺโพธึ สจฺฉากาสิ. อมจฺเจหิ จ โภชนเวลายํ ‘‘ภุฺช, มหาราช, กาโล’’ติ วุตฺเต ‘‘นาหํ ราชา’’ติ ปุริมนเยเนว สพฺพํ วตฺวา อิมํ อุทานพฺยากรณคาถํ อภาสิ –

‘‘จาตุทฺทิโส อปฺปฏิโฆ จ โหติ, สนฺตุสฺสมาโน อิตรีตเรน;

ปริสฺสยานํ สหิตา อฉมฺภี, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ.

ตตฺถ จาตุทฺทิโสติ จตูสุ ทิสาสุ ยถาสุขวิหารี, ‘‘เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรตี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๓.๓๐๘; อ. นิ. ๔.๑๒๕; จูฬนิ. ขคฺควิสาณสุตฺตนิทฺเทส ๑๒๘) วา นเยน พฺรหฺมวิหารภาวนาผริตา จตสฺโส ทิสา อสฺส สนฺตีติปิ จาตุทฺทิโส. ตาสุ ทิสาสุ กตฺถจิ สตฺเต วา สงฺขาเร วา ภเยน น ปฏิหฺตีติ อปฺปฏิโฆ. สนฺตุสฺสมาโนติ ทฺวาทสวิธสฺส สนฺโตสสฺสวเสน สนฺตุสฺสโก, อิตรีตเรนาติ อุจฺจาวเจน ปจฺจเยน. ปริสฺสยานํ สหิตา อฉมฺภีติ เอตฺถ ปริสฺสยนฺติ กายจิตฺตานิ, ปริหาเปนฺติ วา เตสํ สมฺปตฺตึ, ตานิ วา ปฏิจฺจ สยนฺตีติ ปริสฺสยา, พาหิรานํ สีหพฺยคฺฆาทีนํ อพฺภนฺตรานฺจ กามจฺฉนฺทาทีนํ กายจิตฺตุปทฺทวานํ เอตํ อธิวจนํ. เต ปริสฺสเย อธิวาสนขนฺติยา จ วีริยาทีหิ ธมฺเมหิ จ สหตีติ ปริสฺสยานํ สหิตา. ถทฺธภาวกรภยาภาเวน อฉมฺภี. กึ วุตฺตํ โหติ? ยถา เต จตฺตาโร สมณา, เอวํ อิตรีตเรน ปจฺจเยน สนฺตุสฺสมาโน เอตฺถ ปฏิปตฺติปทฏฺาเน สนฺโตเส ิโต จตูสุ ทิสาสุ เมตฺตาทิภาวนาย จาตุทฺทิโส, สตฺตสงฺขาเรสุ ปฏิหนนภยาภาเวน อปฺปฏิโฆ จ โหติ. โส จาตุทฺทิสตฺตา วุตฺตปฺปการานํ ปริสฺสยานํ สหิตา, อปฺปฏิฆตฺตา อฉมฺภี จ โหตีติ เอวํ ปฏิปตฺติคุณํ ทิสฺวา โยนิโส ปฏิปชฺชิตฺวา ปจฺเจกโพธึ อธิคโตมฺหีติ. อถ วา เต สมณา วิย สนฺตุสฺสมาโน อิตรีตเรน วุตฺตนเยเนว จาตุทฺทิโส โหตีติ ตฺวา เอวํ จาตุทฺทิสภาวํ ปตฺถยนฺโต โยนิโส ปฏิปชฺชิตฺวา อธิคโตมฺหิ. ตสฺมา อฺโปิ อีทิสํ านํ ปตฺถยมาโน จาตุทฺทิสตาย ปริสฺสยานํ สหิตา อปฺปฏิฆตาย จ อฉมฺภี หุตฺวา เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโปติ. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ.

จาตุทฺทิสคาถาวณฺณนา สมตฺตา.

๔๓. ทุสฺสงฺคหาติ กา อุปฺปตฺติ? พาราณสิรฺโ กิร อคฺคมเหสี กาลมกาสิ. ตโต วีติวตฺเตสุ โสกทิวเสสุ เอกํ ทิวสํ อมจฺจา ‘‘ราชูนํ นาม เตสุ เตสุ กิจฺเจสุ อคฺคมเหสี อวสฺสํ อิจฺฉิตพฺพา, สาธุ, เทโว, อฺํ เทวึ อาเนตู’’ติ ยาจึสุ. ราชา‘‘เตน หิ, ภเณ, ชานาถา’’ติ อาห. เต ปริเยสนฺตา สามนฺตรชฺเช ราชา มโต. ตสฺส เทวี รชฺชํ อนุสาสติ. สา จ คพฺภินี โหติ. อมจฺจา ‘‘อยํ รฺโ อนุรูปา’’ติ ตฺวา ตํ ยาจึสุ. สา ‘‘คพฺภินี นาม มนุสฺสานํ อมนาปา โหติ, สเจ อาคเมถ, ยาว วิชายามิ, เอวํ โหตุ, โน เจ, อฺํ ปริเยสถา’’ติ อาห. เต รฺโปิ เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. ราชา ‘‘คพฺภินีปิ โหตุ อาเนถา’’ติ. เต อาเนสุํ. ราชา ตํ อภิสิฺจิตฺวา สพฺพํ มเหสีโภคํ อทาสิ. ตสฺสา ปริชนฺจ นานาวิเธหิ ปณฺณากาเรหิ สงฺคณฺหาติ. สา กาเลน ปุตฺตํ วิชายิ. ตมฺปิ ราชา อตฺตโน ชาตปุตฺตมิว สพฺพิริยาปเถสุ องฺเก จ อุเร จ กตฺวา วิหรติ. ตโต เทวิยา ปริชโน จินฺเตสิ ‘‘ราชา อติวิย สงฺคณฺหาติ กุมารํ, อติวิสฺสาสนิยานิ ราชหทยานิ, หนฺท นํ ปริเภเทมา’’ติ.

ตโต กุมารํ – ‘‘ตฺวํ, ตาต, อมฺหากํ รฺโ ปุตฺโต, น อิมสฺส รฺโ, มา เอตฺถ วิสฺสาสํ อาปชฺชี’’ติ อาหํสุ. อถ กุมาโร ‘‘เอหิ ปุตฺตา’’ติ รฺา วุจฺจมาโนปิ หตฺเถ คเหตฺวา อากฑฺฒิยมาโนปิ ปุพฺเพ วิย ราชานํ น อลฺลียติ. ราชา ‘‘กึ เอต’’นฺติ วีมํสนฺโต ตํ ปวตฺตึ ตฺวา ‘‘อเร, เอเต มยา เอวํ สงฺคหิตาปิ ปฏิกูลวุตฺติโน เอวา’’ติ นิพฺพิชฺชิตฺวา รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิโต. ‘‘ราชา ปพฺพชิโต’’ติ อมจฺจปริชนาปิ พหู ปพฺพชิตา, ‘‘สปริชโน ราชา ปพฺพชิโต’’ติ มนุสฺสา ปณีเต ปจฺจเย อุปเนนฺติ. ราชา ปณีเต ปจฺจเย ยถาวุฑฺฒํ ทาเปติ. ตตฺถ เย สุนฺทรํ ลภนฺติ, เต ตุสฺสนฺติ. อิตเร อุชฺฌายนฺติ ‘‘มยํ ปริเวณสมฺมชฺชนาทีนิ สพฺพกิจฺจานิ กโรนฺตา ลูขภตฺตํ ชิณฺณวตฺถฺจ ลภามา’’ติ. โส ตมฺปิ ตฺวา ‘‘อเร, ยถาวุฑฺฒํ ทิยฺยมาเนปิ นาม อุชฺฌายนฺติ, อโห, อยํ ปริสา ทุสฺสงฺคหา’’ติ ปตฺตจีวรํ อาทาย เอโก อรฺํ ปวิสิตฺวา วิปสฺสนํ อารภิตฺวา ปจฺเจกโพธึ สจฺฉากาสิ. ตตฺถ อาคเตหิ จ กมฺมฏฺานํ ปุจฺฉิโต อิมํ คาถํ อภาสิ –

‘‘ทุสฺสงฺคหา ปพฺพชิตาปิ เอเก, อโถ คหฏฺา ฆรมาวสนฺตา;

อปฺโปสฺสุกฺโก ปรปุตฺเตสุ หุตฺวา, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ.

สา อตฺถโต ปากฏา เอว. อยํ ปน โยชนา – ทุสฺสงฺคหา ปพฺพชิตาปิ เอเก, เย อสนฺโตสาภิภูตา, ตถาวิธา เอว จ อโถ คหฏฺา ฆรมาวสนฺตา. เอตมหํ ทุสฺสงฺคหภาวํ ชิคุจฺฉนฺโต วิปสฺสนํ อารภิตฺวา ปจฺเจกโพธึ อธิคโตมฺหีติ. เสสํ ปุริมนเยเนว เวทิตพฺพนฺติ.

ทุสฺสงฺคหคาถาวณฺณนา สมตฺตา.

๔๔. โอโรปยิตฺวาติ กา อุปฺปตฺติ? พาราณสิยํ กิร จาตุมาสิกพฺรหฺมทตฺโต นาม ราชา คิมฺหานํ ปเม มาเส อุยฺยานํ คโต. ตตฺถ รมณีเย ภูมิภาเค นีลฆนปตฺตสฺฉนฺนํ โกวิฬารรุกฺขํ ทิสฺวา ‘‘โกวิฬารมูเล มม สยนํ ปฺาเปถา’’ติ วตฺวา อุยฺยาเน กีฬิตฺวา สายนฺหสมยํ ตตฺถ เสยฺยํ กปฺเปสิ. ปุน คิมฺหานํ มชฺฌิเม มาเส อุยฺยานํ คโต. ตทา โกวิฬาโร ปุปฺผิโต โหติ, ตทาปิ ตเถว อกาสิ. ปุน คิมฺหานํ ปจฺฉิเม มาเส คโต. ตทา โกวิฬาโร สฺฉินฺนปตฺโต สุกฺขรุกฺโข วิย โหติ. ตทาปิ โส อทิสฺวาว ตํ รุกฺขํ ปุพฺพปริจเยน ตตฺเถว เสยฺยํ อาณาเปสิ. อมจฺจา ชานนฺตาปิ ‘‘รฺา อาณตฺต’’นฺติ ภเยน ตตฺถ สยนํ ปฺาเปสุํ. โส อุยฺยาเน กีฬิตฺวา สายนฺหสมยํ ตตฺถ เสยฺยํ กปฺเปนฺโต ตํ รุกฺขํ ทิสฺวา ‘‘อเร, อยํ ปุพฺเพ สฺฉนฺนปตฺโต มณิมโย วิย อภิรูปทสฺสโน อโหสิ. ตโต มณิวณฺณสาขนฺตเร ปิตปวาฬงฺกุรสทิเสหิ ปุปฺเผหิ สสฺสิริกจารุทสฺสโน อโหสิ. มุตฺตาทลสทิสวาลิกากิณฺโณ จสฺส เหฏฺา ภูมิภาโค พนฺธนา ปมุตฺตปุปฺผสฺฉนฺโน รตฺตกมฺพลสนฺถโต วิย อโหสิ. โส นามชฺช สุกฺขรุกฺโข วิย สาขามตฺตาวเสโส ิโต. ‘อโห, ชราย อุปหโต โกวิฬาโร’’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘อนุปาทินฺนมฺปิ ตาว ชรา หฺติ, กิมงฺค ปน อุปาทินฺน’’นฺติ อนิจฺจสฺํ ปฏิลภิ. ตทนุสาเรเนว สพฺพสงฺขาเร ทุกฺขโต อนตฺตโต จ วิปสฺสนฺโต ‘‘อโห วตาหมฺปิ สฺฉินฺนปตฺโต โกวิฬาโร วิย อเปตคิหิพฺยฺชโน ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถยมาโน อนุปุพฺเพน ตสฺมึ สยนตเล ทกฺขิเณน ปสฺเสน นิปนฺโนเยว ปจฺเจกโพธึ สจฺฉากาสิ. ตโต คมนกาเล อมจฺเจหิ ‘‘กาโล คนฺตุํ, มหาราชา’’ติ วุตฺเต ‘‘นาหํ ราชา’’ติอาทีนิ วตฺวา ปุริมนเยเนว อิมํ คาถํ อภาสิ –

‘‘โอโรปยิตฺวา คิหิพฺยฺชนานิ, สฺฉินฺนปตฺโต ยถา โกวิฬาโร;

เฉตฺวาน วีโร คิหิพนฺธนานิ, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ.

ตตฺถ โอโรปยิตฺวาติ อปเนตฺวา. คิหิพฺยฺชนานีติ เกสมสฺสุโอทาตวตฺถาลงฺการมาลาคนฺธวิเลปนอิตฺถิปุตฺตทาสิทาสาทีนิ. เอตานิ หิ คิหิภาวํ พฺยฺชยนฺติ, ตสฺมา ‘‘คิหิพฺยฺชนานี’’ติ วุจฺจนฺติ. สฺฉินฺนปตฺโตติ ปติตปตฺโต. เฉตฺวานาติ มคฺคาเณน ฉินฺทิตฺวา. วีโรติ มคฺควีริยสมนฺนาคโต. คิหิพนฺธนานีติ กามพนฺธนานิ. กามา หิ คิหีนํ พนฺธนานิ. อยํ ตาว ปทตฺโถ.

อยํ ปน อธิปฺปาโย – ‘‘อโห วตาหมฺปิ โอโรปยิตฺวา คิหิพฺยฺชนานิ สฺฉินฺนปตฺโต ยถา โกวิฬาโร ภเวยฺย’’นฺติ เอวฺหิ จินฺตยมาโน วิปสฺสนํ อารภิตฺวา ปจฺเจกโพธึ อธิคโตมฺหีติ. เสสํ ปุริมนเยเนว เวทิตพฺพนฺติ.

โกวิฬารคาถาวณฺณนา สมตฺตา. ปโม วคฺโค นิฏฺิโต.

๔๕-๔๖. สเจ ลเภถาติ กา อุปฺปตฺติ? ปุพฺเพ กิร กสฺสปสฺส ภควโต สาสเน ทฺเว ปจฺเจกโพธิสตฺตา ปพฺพชิตฺวา วีสติ วสฺสสหสฺสานิ คตปจฺจาคตวตฺตํ ปูเรตฺวา เทวโลเก อุปฺปนฺนา. ตโต จวิตฺวา เตสํ เชฏฺโก พาราณสิรฺโ ปุตฺโต อโหสิ, กนิฏฺโ ปุโรหิตสฺส ปุตฺโต อโหสิ. เต เอกทิวสํเยว ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา เอกทิวสเมว มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขมิตฺวา สหปํสุกีฬิตสหายกา อเหสุํ. ปุโรหิตปุตฺโต ปฺวา อโหสิ. โส ราชปุตฺตํ อาห – ‘‘สมฺม, ตฺวํ ปิตุโน อจฺจเยน รชฺชํ ลภิสฺสสิ, อหํ ปุโรหิตฏฺานํ, สุสิกฺขิเตน จ สุขํ รชฺชํ อนุสาสิตุํ สกฺกา, เอหิ สิปฺปํ อุคฺคเหสฺสามา’’ติ. ตโต อุโภปิ ปุพฺโพปจิตกมฺมา หุตฺวา คามนิคมาทีสุ ภิกฺขํ จรมานา ปจฺจนฺตชนปทคามํ คตา. ตฺจ คามํ ปจฺเจกพุทฺธา ภิกฺขาจารเวลาย ปวิสนฺติ. อถ มนุสฺสา ปจฺเจกพุทฺเธ ทิสฺวา อุสฺสาหชาตา อาสนานิ ปฺาเปนฺติ, ปณีตํ ขาทนียํ โภชนียํ อุปนาเมนฺติ, มาเนนฺติ, ปูเชนฺติ. เตสํ เอตทโหสิ – ‘‘อมฺเหหิ สทิสา อุจฺจากุลิกา นาม นตฺถิ, อถ จ ปนิเม มนุสฺสา ยทิ อิจฺฉนฺติ, อมฺหากํ ภิกฺขํ เทนฺติ, ยทิ จ นิจฺฉนฺติ, น เทนฺติ, อิเมสํ ปน ปพฺพชิตานํ เอวรูปํ สกฺการํ กโรนฺติ, อทฺธา เอเต กิฺจิ สิปฺปํ ชานนฺติ, หนฺท เนสํ สนฺติเก สิปฺปํ อุคฺคณฺหามา’’ติ.

เต มนุสฺเสสุ ปฏิกฺกนฺเตสุ โอกาสํ ลภิตฺวา ‘‘ยํ, ภนฺเต, ตุมฺเห สิปฺปํ ชานาถ, ตํ อมฺเหปิ สิกฺขาเปถา’’ติ ยาจึสุ. ปจฺเจกพุทฺธา ‘‘น สกฺกา อปพฺพชิเตน สิกฺขิตุ’’นฺติ อาหํสุ. เต ปพฺพชฺชํ ยาจิตฺวา ปพฺพชึสุ. ตโต เนสํ ปจฺเจกพุทฺธา ‘‘เอวํ โว นิวาเสตพฺพํ, เอวํ ปารุปิตพฺพ’’นฺติอาทินา นเยน อาภิสมาจาริกํ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘อิมสฺส สิปฺปสฺส เอกีภาวาภิรติ นิปฺผตฺติ, ตสฺมา เอเกเนว นิสีทิตพฺพํ, เอเกน จงฺกมิตพฺพํ, าตพฺพํ, สยิตพฺพ’’นฺติ ปาฏิเยกฺกํ ปณฺณสาลมทํสุ. ตโต เต อตฺตโน อตฺตโน ปณฺณสาลํ ปวิสิตฺวา นิสีทึสุ. ปุโรหิตปุตฺโต นิสินฺนกาลโต ปภุติ จิตฺตสมาธานํ ลทฺธา ฌานํ ลภิ. ราชปุตฺโต มุหุตฺเตเนว อุกฺกณฺิโต ตสฺส สนฺติกํ อาคโต. โส ตํ ทิสฺวา ‘‘กึ, สมฺมา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อุกฺกณฺิโตมฺหี’’ติ อาห. ‘‘เตน หิ อิธ นิสีทา’’ติ. โส ตตฺถ มุหุตฺตํ นิสีทิตฺวา อาห – ‘‘อิมสฺส กิร, สมฺม, สิปฺปสฺส เอกีภาวาภิรติ นิปฺผตฺตี’’ติ ปุโรหิตปุตฺโต ‘‘เอวํ, สมฺม, เตน หิ ตฺวํ อตฺตโน นิสินฺโนกาสํ เอว คจฺฉ, อุคฺคเหสฺสามิ อิมสฺส สิปฺปสฺส นิปฺผตฺติ’’นฺติ อาห. โส คนฺตฺวา ปุนปิ มุหุตฺเตเนว อุกฺกณฺิโต ปุริมนเยเนว ติกฺขตฺตุํ อาคโต.

ตโต นํ ปุโรหิตปุตฺโต ตเถว อุยฺโยเชตฺวา ตสฺมึ คเต จินฺเตสิ ‘‘อยํ อตฺตโน จ กมฺมํ หาเปติ, มม จ อิธาภิกฺขณํ อาคจฺฉนฺโต’’ติ. โส ปณฺณสาลโต นิกฺขมฺม อรฺํ ปวิฏฺโ. อิตโร อตฺตโน ปณฺณสาลาเยว นิสินฺโน ปุนปิ มุหุตฺเตเนว อุกฺกณฺิโต หุตฺวา ตสฺส ปณฺณสาลํ อาคนฺตฺวา อิโต จิโต จ มคฺคนฺโตปิ ตํ อทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘โย คหฏฺกาเล ปณฺณาการมฺปิ อาทาย อาคโต มํ ทฏฺุํ น ลภติ, โส นาม มยิ อาคเต ทสฺสนมฺปิ อทาตุกาโม ปกฺกามิ, อโห, เร จิตฺต, น ลชฺชสิ, ยํ มํ จตุกฺขตฺตุํ อิธาเนสิ, โสทานิ เต วเส น วตฺติสฺสามิ, อฺทตฺถุ ตํเยว มม วเส วตฺตาเปสฺสามี’’ติ อตฺตโน เสนาสนํ ปวิสิตฺวา วิปสฺสนํ อารภิตฺวา ปจฺเจกโพธึ สจฺฉิกตฺวา อากาเสน นนฺทมูลกปพฺภารํ อคมาสิ. อิตโรปิ อรฺํ ปวิสิตฺวา วิปสฺสนํ อารภิตฺวา ปจฺเจกโพธึ สจฺฉิกตฺวา ตตฺเถว อคมาสิ. เต อุโภปิ มโนสิลาตเล นิสีทิตฺวา ปาฏิเยกฺกํ ปาฏิเยกฺกํ อิมา อุทานคาถาโย อภาสึสุ –

‘‘สเจ ลเภถ นิปกํ สหายํ, สทฺธึ จรํ สาธุวิหาริ ธีรํ;

อภิภุยฺย สพฺพานิ ปริสฺสยานิ, จเรยฺย เตนตฺตมโน สตีมา.

‘‘โน เจ ลเภถ นิปกํ สหายํ, สทฺธึ จรํ สาธุวิหาริ ธีรํ;

ราชาว รฏฺํ วิชิตํ ปหาย, เอโก จเร มาตงฺครฺเว นาโค’’ติ.

ตตฺถ นิปกนฺติ ปกตินิปุณํ ปณฺฑิตํ กสิณปริกมฺมาทีสุ กุสลํ. สาธุวิหารินฺติ อปฺปนาวิหาเรน วา อุปจาเรน วา สมนฺนาคตํ. ธีรนฺติ ธิติสมฺปนฺนํ. ตตฺถ นิปกตฺเตน ธิติสมฺปทา วุตฺตา. อิธ ปน ธิติสมฺปนฺนเมวาติ อตฺโถ. ธิติ นาม อสิถิลปรกฺกมตา, ‘‘กามํ ตโจ จ นฺหารุ จา’’ติ (ม. นิ. ๒.๑๘๔; อ. นิ. ๒.๕; มหานิ. ๑๙๖) เอวํ ปวตฺตวีริยสฺเสตํ อธิวจนํ. อปิจ ธิกตปาโปติปิ ธีโร. ราชาว รฏฺํ วิชิตํ ปหายาติ ยถา ปฏิราชา ‘‘วิชิตํ รฏฺํ อนตฺถาวห’’นฺติ ตฺวา รชฺชํ ปหาย เอโก จรติ, เอวํ พาลสหายํ ปหาย เอโก จเร. อถ วา ราชาว รฏฺนฺติ ยถา สุตโสโม ราชา วิชิตํ รฏฺํ ปหาย เอโก จริ, ยถา จ มหาชนโก, เอวํ เอโก จเรติ อยมฺปิ ตสฺสตฺโถ. เสสํ วุตฺตานุสาเรน สกฺกา ชานิตุนฺติ น วิตฺถาริตนฺติ.

สหายคาถาวณฺณนา สมตฺตา.

๔๗. อทฺธา ปสํสามาติ อิมิสฺสา คาถาย ยาว อากาสตเล ปฺตฺตาสเน ปจฺเจกพุทฺธานํ นิสชฺชา, ตาว จาตุทฺทิสคาถาย อุปฺปตฺติสทิสา เอว อุปฺปตฺติ. อยํ ปน วิเสโส – ยถา โส ราชา รตฺติยา ติกฺขตฺตุํ อุพฺพิชฺชิ, น ตถา อยํ, เนวสฺส ยฺโ ปจฺจุปฏฺิโต อโหสิ. โส อากาสตเล ปฺตฺเตสุ อาสเนสุ ปจฺเจกพุทฺเธ นิสีทาเปตฺวา ‘‘เก ตุมฺเห’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘มยํ, มหาราช, อนวชฺชโภชิโน นามา’’ติ. ‘‘ภนฺเต, ‘อนวชฺชโภชิโน’ติ อิมสฺส โก อตฺโถ’’ติ? ‘‘สุนฺทรํ วา อสุนฺทรํ วา ลทฺธา นิพฺพิการา ภุฺชาม, มหาราชา’’ติ. ตํ สุตฺวา รฺโ เอตทโหสิ ‘‘ยํนูนาหํ อิเม อุปปริกฺเขยฺยํ เอทิสา วา โน วา’’ติ. ตํ ทิวสํ กณาชเกน พิลงฺคทุติเยน ปริวิสิ. ปจฺเจกพุทฺธา อมตํ ภุฺชนฺตา วิย นิพฺพิการา ภุฺชึสุ. ราชา ‘‘โหนฺติ นาม เอกทิวสํ ปฏิฺาตตฺตา นิพฺพิการา, สฺเว ชานิสฺสามี’’ติ สฺวาตนายปิ นิมนฺเตสิ. ตโต ทุติยทิวเสปิ ตเถวากาสิ. เตปิ ตเถว ปริภุฺชึสุ. อถ ราชา ‘‘อิทานิ สุนฺทรํ ทตฺวา วีมํสิสฺสามี’’ติ ปุนปิ นิมนฺเตตฺวา, ทฺเว ทิวเส มหาสกฺการํ กตฺวา, ปณีเตน อติวิจิตฺเรน ขาทนีเยน โภชนีเยน ปริวิสิ. เตปิ ตเถว นิพฺพิการา ภุฺชิตฺวา รฺโ มงฺคลํ วตฺวา ปกฺกมึสุ. ราชา อจิรปกฺกนฺเตสุ เตสุ ‘‘อนวชฺชโภชิโนว เอเต สมณา, อโห วตาหมฺปิ อนวชฺชโภชี ภเวยฺย’’นฺติ จินฺเตตฺวา มหารชฺชํ ปหาย ปพฺพชฺชํ สมาทาย วิปสฺสนํ อารภิตฺวา, ปจฺเจกพุทฺโธ หุตฺวา, มฺชูสกรุกฺขมูเล ปจฺเจกพุทฺธานํ มชฺเฌ อตฺตโน อารมฺมณํ วิภาเวนฺโต อิมํ คาถํ อภาสิ –

‘‘อทฺธา ปสํสาม สหายสมฺปทํ, เสฏฺา สมา เสวิตพฺพา สหายา;

เอเต อลทฺธา อนวชฺชโภชี, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ.

สา ปทตฺถโต อุตฺตานา เอว. เกวลํ ปน สหายสมฺปทนฺติ เอตฺถ อเสเขหิ สีลาทิกฺขนฺเธหิ สมฺปนฺนา สหายา เอว สหายสมฺปทาติ เวทิตพฺพา. อยํ ปเนตฺถ โยชนา – ยายํ วุตฺตา สหายสมฺปทา, ตํ สหายสมฺปทํ อทฺธา ปสํสาม, เอกํเสเนว โถเมมาติ วุตฺตํ โหติ. กถํ? เสฏฺา สมา เสวิตพฺพา สหายาติ. กสฺมา? อตฺตโน หิ สีลาทีหิ เสฏฺเ เสวมานสฺส สีลาทโย ธมฺมา อนุปฺปนฺนา อุปฺปชฺชนฺติ, อุปฺปนฺนา วุทฺธึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ ปาปุณนฺติ. สเม เสวมานสฺส อฺมฺํ สมธารเณน กุกฺกุจฺจสฺส วิโนทเนน จ ลทฺธา น ปริหายนฺติ. เอเต ปน สหายเก เสฏฺเ จ สเม จ อลทฺธา กุหนาทิมิจฺฉาชีวํ วชฺเชตฺวา ธมฺเมน สเมน อุปฺปนฺนํ โภชนํ ภุฺชนฺโต ตตฺถ จ ปฏิฆานุนยํ อนุปฺปาเทนฺโต อนวชฺชโภชี หุตฺวา อตฺถกาโม กุลปุตฺโต เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป. อหมฺปิ หิ เอวํ จรนฺโต อิมํ สมฺปตฺตึ อธิคโตมฺหีติ.

อนวชฺชโภชิคาถาวณฺณนา สมตฺตา.

๔๘. ทิสฺวา สุวณฺณสฺสาติ กา อุปฺปตฺติ? อฺตโร พาราณสิราชา คิมฺหสมเย ทิวาเสยฺยํ อุปคโต. สนฺติเก จสฺส วณฺณทาสี โคสีตจนฺทนํ ปิสติ. ตสฺสา เอกพาหายํ เอกํ สุวณฺณวลยํ, เอกพาหายํ ทฺเว, ตานิ สงฺฆฏฺฏนฺติ อิตรํ น สงฺฆฏฺฏติ. ราชา ตํ ทิสฺวา ‘‘เอวเมว คณวาเส สงฺฆฏฺฏนา, เอกวาเส อสงฺฆฏฺฏนา’’ติ ปุนปฺปุนํ ตํ ทาสึ โอโลกยมาโน จินฺเตสิ. เตน จ สมเยน สพฺพาลงฺการภูสิตา เทวี ตํ พีชยนฺตี ิตา โหติ. สา ‘‘วณฺณทาสิยา ปฏิพทฺธจิตฺโต มฺเ ราชา’’ติ จินฺเตตฺวา ตํ ทาสึ อุฏฺาเปตฺวา สยเมว ปิสิตุมารทฺธา. ตสฺสา อุโภสุ พาหาสุ อเนเก สุวณฺณวลยา, เต สงฺฆฏฺฏนฺตา มหาสทฺทํ ชนยึสุ. ราชา สุฏฺุตรํ นิพฺพินฺโน ทกฺขิเณน ปสฺเสน นิปนฺโนเยว วิปสฺสนํ อารภิตฺวา ปจฺเจกโพธึ สจฺฉากาสิ. ตํ อนุตฺตเรน สุเขน สุขิตํ นิปนฺนํ จนฺทนหตฺถา เทวี อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘อาลิมฺปามิ, มหาราชา’’ติ อาห. ราชา – ‘‘อเปหิ, มา อาลิมฺปาหี’’ติ อาห. สา ‘‘กิสฺส, มหาราชา’’ติ อาห. โส ‘‘นาหํ ราชา’’ติ. เอวเมเตสํ ตํ กถาสลฺลาปํ สุตฺวา อมจฺจา อุปสงฺกมึสุ. เตหิปิ มหาราชวาเทน อาลปิโต ‘‘นาหํ, ภเณ, ราชา’’ติ อาห. เสสํ ปมคาถาย วุตฺตสทิสเมว.

อยํ ปน คาถาวณฺณนา – ทิสฺวาติ โอโลเกตฺวา. สุวณฺณสฺสาติ กฺจนสฺส ‘‘วลยานี’’ติ ปาเสโส. สาวเสสปาโ หิ อยํ อตฺโถ. ปภสฺสรานีติ ปภาสนสีลานิ, ชุติมนฺตานีติ วุตฺตํ โหติ. เสสํ อุตฺตานตฺถเมว. อยํ ปน โยชนา – ทิสฺวา ภุชสฺมึ สุวณฺณสฺส วลยานิ ‘‘คณวาเส สติ สงฺฆฏฺฏนา, เอกวาเส อสงฺฆฏฺฏนา’’ติ เอวํ จินฺเตนฺโต วิปสฺสนํ อารภิตฺวา ปจฺเจกโพธึ อธิคโตมฺหีติ. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ.

สุวณฺณวลยคาถาวณฺณนา สมตฺตา.

๔๙. เอวํ ทุติเยนาติ กา อุปฺปตฺติ? อฺตโร พาราณสิราชา ทหโรว ปพฺพชิตุกาโม อมจฺเจ อาณาเปสิ ‘‘เทวึ คเหตฺวา รชฺชํ ปริหรถ, อหํ ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. อมจฺจา ‘‘น, มหาราช, อราชกํ รชฺชํ อมฺเหหิ สกฺกา รกฺขิตุํ, สามนฺตราชาโน อาคมฺม วิลุมฺปิสฺสนฺติ, ยาว เอกปุตฺโตปิ อุปฺปชฺชติ, ตาว อาคเมหี’’ติ สฺาเปสุํ. มุทุจิตฺโต ราชา อธิวาเสสิ. อถ เทวี คพฺภํ คณฺหิ. ราชา ปุนปิ เต อาณาเปสิ – ‘‘เทวี คพฺภินี, ปุตฺตํ ชาตํ รชฺเช อภิสิฺจิตฺวา รชฺชํ ปริหรถ, อหํ ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. อมจฺจา ‘‘ทุชฺชานํ, มหาราช, เอตํ เทวี ปุตฺตํ วา วิชายิสฺสติ ธีตรํ วา, วิชายนกาลํ ตาว อาคเมหี’’ติ ปุนปิ สฺาเปสุํ. อถ สา ปุตฺตํ วิชายิ. ตทาปิ ราชา ตเถว อมจฺเจ อาณาเปสิ. อมจฺจา ปุนปิ ราชานํ ‘‘อาคเมหิ, มหาราช, ยาว, ปฏิพโล โหตี’’ติ พหูหิ การเณหิ สฺาเปสุํ. ตโต กุมาเร ปฏิพเล ชาเต อมจฺเจ สนฺนิปาตาเปตฺวา ‘‘ปฏิพโล อยํ, ตํ รชฺเช อภิสิฺจิตฺวา ปฏิปชฺชถา’’ติ อมจฺจานํ โอกาสํ อทตฺวา อนฺตราปณา กาสายวตฺถาทโย สพฺพปริกฺขาเร อาหราเปตฺวา อนฺเตปุเร เอว ปพฺพชิตฺวา มหาชนโก วิย นิกฺขมิ. สพฺพปริชโน นานปฺปการกํ ปริเทวมาโน ราชานํ อนุพนฺธิ.

ราชา ยาว อตฺตโน รชฺชสีมา, ตาว คนฺตฺวา กตฺตรทณฺเฑน เลขํ กตฺวา ‘‘อยํ เลขา นาติกฺกมิตพฺพา’’ติ อาห. มหาชโน เลขาย สีสํ กตฺวา, ภูมิยํ นิปนฺโน ปริเทวมาโน ‘‘ตุยฺหํ ทานิ, ตาต, รฺโ อาณา, กึ กริสฺสตี’’ติ กุมารํ เลขํ อติกฺกมาเปสิ. กุมาโร ‘‘ตาต, ตาตา’’ติ ธาวิตฺวา ราชานํ สมฺปาปุณิ. ราชา กุมารํ ทิสฺวา ‘‘เอตํ มหาชนํ ปริหรนฺโต รชฺชํ กาเรสึ, กึ ทานิ เอกํ ทารกํ ปริหริตุํ น สกฺขิสฺส’’นฺติ กุมารํ คเหตฺวา อรฺํ ปวิฏฺโ, ตตฺถ ปุพฺพปจฺเจกพุทฺเธหิ วสิตปณฺณสาลํ ทิสฺวา วาสํ กปฺเปสิ สทฺธึ ปุตฺเตน. ตโต กุมาโร วรสยนาทีสุ กตปริจโย ติณสนฺถารเก วา รชฺชุมฺจเก วา สยมาโน โรทติ. สีตวาตาทีหิ ผุฏฺโ สมาโน ‘‘สีตํ, ตาต, อุณฺหํ, ตาต, มกฺขิกา, ตาต, ขาทนฺติ, ฉาโตมฺหิ, ตาต, ปิปาสิโตมฺหิ, ตาตา’’ติ วทติ. ราชา ตํ สฺาเปนฺโตเยว รตฺตึ วีตินาเมติ. ทิวาปิสฺส ปิณฺฑาย จริตฺวา ภตฺตํ อุปนาเมติ, ตํ โหติ มิสฺสกภตฺตํ กงฺคุวรกมุคฺคาทิพหุลํ. กุมาโร อจฺฉาเทนฺตมฺปิ ตํ ชิฆจฺฉาวเสน ภุฺชมาโน กติปาเหเนว อุณฺเห ปิตปทุมํ วิย มิลายิ. ปจฺเจกโพธิสตฺโต ปน ปฏิสงฺขานพเลน นิพฺพิกาโรเยว ภุฺชติ.

ตโต โส กุมารํ สฺาเปนฺโต อาห – ‘‘นครสฺมึ, ตาต, ปณีตาหาโร ลพฺภติ, ตตฺถ คจฺฉามา’’ติ. กุมาโร ‘‘อาม, ตาตา’’ติ อาห. ตโต นํ ปุรกฺขตฺวา อาคตมคฺเคเนว นิวตฺติ. กุมารมาตาปิ เทวี ‘‘น ทานิ ราชา กุมารํ คเหตฺวา อรฺเ จิรํ วสิสฺสติ, กติปาเหเนว นิวตฺติสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา รฺา กตฺตรทณฺเฑน ลิขิตฏฺาเนเยว วตึ การาเปตฺวา วาสํ กปฺเปสิ. ตโต ราชา ตสฺสา วติยา อวิทูเร ตฺวา ‘‘เอตฺถ เต, ตาต, มาตา นิสินฺนา, คจฺฉาหี’’ติ เปเสสิ. ยาว จ โส ตํ านํ ปาปุณาติ, ตาว อุทิกฺขนฺโต อฏฺาสิ ‘‘มา เหว นํ โกจิ วิเหเยฺยา’’ติ. กุมาโร มาตุ สนฺติกํ ธาวนฺโต อคมาสิ. อารกฺขกปุริสา จ นํ ทิสฺวา เทวิยา อาโรเจสุํ. เทวี วีสตินาฏกิตฺถิสหสฺสปริวุตา คนฺตฺวา ปฏิคฺคเหสิ, รฺโ จ ปวตฺตึ ปุจฺฉิ. อถ ‘‘ปจฺฉโต อาคจฺฉตี’’ติ สุตฺวา มนุสฺเส เปเสสิ. ราชาปิ ตาวเทว สกวสตึ อคมาสิ. มนุสฺสา ราชานํ อทิสฺวา นิวตฺตึสุ. ตโต เทวี นิราสาว หุตฺวา, ปุตฺตํ คเหตฺวา, นครํ คนฺตฺวา, ตํ รชฺเช อภิสิฺจิ. ราชาปิ อตฺตโน วสตึ ปตฺวา, ตตฺถ นิสินฺโน วิปสฺสิตฺวา, ปจฺเจกโพธึ สจฺฉิกตฺวา, มฺชูสกรุกฺขมูเล ปจฺเจกพุทฺธานํ มชฺเฌ อิมํ อุทานคาถํ อภาสิ –

‘‘เอวํ ทุติเยน สห มมสฺส, วาจาภิลาโป อภิสชฺชนา วา;

เอตํ ภยํ อายตึ เปกฺขมาโน, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ.

สา ปทตฺถโต อุตฺตานา เอว. อยํ ปเนตฺถ อธิปฺปาโย – ยฺวายํ เอเตน ทุติเยน กุมาเรน สีตุณฺหาทีนิ นิเวเทนฺเตน สหวาเสน ตํ สฺาเปนฺตสฺส มม วาจาภิลาโป, ตสฺมึ สิเนหวเสน อภิสชฺชนา จ ชาตา, สเจ อหํ อิมํ น ปริจฺจชามิ, ตโต อายติมฺปิ เหสฺสติ ยเถว อิทานิ; เอวํ ทุติเยน สห มมสฺส วาจาภิลาโป อภิสชฺชนา วา. อุภยมฺปิ เจตํ อนฺตรายกรํ วิเสสาธิคมสฺสาติ เอตํ ภยํ อายตึ เปกฺขมาโน ตํ ฉฑฺเฑตฺวา โยนิโส ปฏิปชฺชิตฺวา ปจฺเจกโพธึ อธิคโตมฺหีติ. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ.

อายติภยคาถาวณฺณนา สมตฺตา.

๕๐. กามา หิ จิตฺราติ กา อุปฺปตฺติ? พาราณสิยํ กิร เสฏฺิปุตฺโต ทหโรว เสฏฺิฏฺานํ ลภิ. ตสฺส ติณฺณํ อุตูนํ ตโย ปาสาทา โหนฺติ. โส ตตฺถ สพฺพสมฺปตฺตีหิ เทวกุมาโร วิย ปริจาเรติ. โส ทหโรว สมาโน ‘‘ปพฺพชิสฺสามี’’ติ มาตาปิตโร ยาจิ. เต นํ วาเรนฺติ. โส ตเถว นิพนฺธติ. ปุนปิ นํ มาตาปิตโร ‘‘ตฺวํ, ตาต, สุขุมาโล, ทุกฺกรา ปพฺพชฺชา, ขุรธาราย อุปริ จงฺกมนสทิสา’’ติ นานปฺปกาเรหิ วาเรนฺติ. โส ตเถว นิพนฺธติ. เต จินฺเตสุํ ‘‘สจายํ ปพฺพชติ, อมฺหากํ โทมนสฺสํ โหติ. สเจ นํ นิวาเรม, เอตสฺส โทมนสฺสํ โหติ. อปิจ อมฺหากํ โทมนสฺสํ โหตุ, มา จ เอตสฺสา’’ติ อนุชานึสุ. ตโต โส สพฺพปริชนํ ปริเทวมานํ อนาทิยิตฺวา อิสิปตนํ คนฺตฺวา ปจฺเจกพุทฺธานํ สนฺติเก ปพฺพชิ. ตสฺส อุฬารเสนาสนํ น ปาปุณาติ, มฺจเก ตฏฺฏิกํ ปตฺถริตฺวา สยิ. โส วรสยเน กตปริจโย สพฺพรตฺตึ อติทุกฺขิโต อโหสิ. ปภาเตปิ สรีรปริกมฺมํ กตฺวา, ปตฺตจีวรมาทาย ปจฺเจกพุทฺเธหิ สทฺธึ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. ตตฺถ วุฑฺฒา อคฺคาสนฺจ อคฺคปิณฺฑฺจ ลภนฺติ, นวกา ยํกิฺจิเทว อาสนํ ลูขโภชนฺจ. โส เตน ลูขโภชเนนาปิ อติทุกฺขิโต อโหสิ. โส กติปาหํเยว กิโส ทุพฺพณฺโณ หุตฺวา นิพฺพิชฺชิ ยถา ตํ อปริปากคเต สมณธมฺเม. ตโต มาตาปิตูนํ ทูตํ เปเสตฺวา อุปฺปพฺพชิ. โส กติปาหํเยว พลํ คเหตฺวา ปุนปิ ปพฺพชิตุกาโม อโหสิ. ตโต เตเนว กเมน ปพฺพชิตฺวา ปุนปิ อุปฺปพฺพชิตฺวา ตติยวาเร ปพฺพชิตฺวา สมฺมา ปฏิปนฺโน ปจฺเจกสมฺโพธึ สจฺฉิกตฺวา อิมํ อุทานคาถํ วตฺวา ปุน ปจฺเจกพุทฺธานํ มชฺเฌ อิมเมว พฺยากรณคาถํ อภาสิ –

‘‘กามา หิ จิตฺรา มธุรา มโนรมา, วิรูปรูเปน มเถนฺติ จิตฺตํ;

อาทีนวํ กามคุเณสุ ทิสฺวา, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ.

ตตฺถ กามาติ ทฺเว กามา วตฺถุกามา จ กิเลสกามา จ. ตตฺถ วตฺถุกามา มนาปิยรูปาทโย ธมฺมา, กิเลสกามา ฉนฺทาทโย สพฺเพปิ ราคปฺปเภทา. อิธ ปน วตฺถุกามา อธิปฺเปตา. รูปาทิอเนกปฺปการวเสน จิตฺรา. โลกสฺสาทวเสน มธุรา. พาลปุถุชฺชนานํ มนํ รเมนฺตีติ มโนรมา. วิรูปรูเปนาติ วิรูเปน รูเปน, อเนกวิเธน สภาเวนาติ วุตฺตํ โหติ. เต หิ รูปาทิวเสน จิตฺรา, รูปาทีสุปิ นีลาทิวเสน วิวิธรูปา. เอวํ เตน วิรูปรูเปน ตถา ตถา อสฺสาทํ ทสฺเสตฺวา มเถนฺติ จิตฺตํ ปพฺพชฺชาย อภิรมิตุํ น เทนฺตีติ. เสสเมตฺถ ปากฏเมว. นิคมนมฺปิ ทฺวีหิ ตีหิ วา ปเทหิ โยเชตฺวา ปุริมคาถาสุ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพนฺติ.

กามคาถาวณฺณนา สมตฺตา.

๕๑. อีตี จาติ กา อุปฺปตฺติ? พาราณสิยํ กิร รฺโ คณฺโฑ อุทปาทิ. พาฬฺหา เวทนา วตฺตนฺติ. เวชฺชา ‘‘สตฺถกมฺเมน วินา ผาสุ น โหตี’’ติ ภณนฺติ. ราชา เตสํ อภยํ ทตฺวา สตฺถกมฺมํ การาเปสิ. เต ผาเลตฺวา, ปุพฺพโลหิตํ นีหริตฺวา, นิพฺเพทนํ กตฺวา, วณํ ปฏฺเฏน พนฺธึสุ, อาหาราจาเรสุ จ นํ สมฺมา โอวทึสุ. ราชา ลูขโภชเนน กิสสรีโร อโหสิ, คณฺโฑ จสฺส มิลายิ. โส ผาสุกสฺี หุตฺวา สินิทฺธาหารํ ภุฺชิ. เตน จ สฺชาตพโล วิสเย ปฏิเสวิ. ตสฺส คณฺโฑ ปุน ปุริมสภาวเมว สมฺปาปุณิ. เอวํ ยาว ติกฺขตฺตุํ สตฺถกมฺมํ การาเปตฺวา, เวชฺเชหิ ปริวชฺชิโต นิพฺพิชฺชิตฺวา, รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา, อรฺํ ปวิสิตฺวา, วิปสฺสนํ อารภิตฺวา, สตฺตหิ วสฺเสหิ ปจฺเจกโพธึ สจฺฉิกตฺวา, อิมํ อุทานคาถํ ภาสิตฺวา นนฺทมูลกปพฺภารํ อคมาสิ.

‘‘อีตี จ คณฺโฑ จ อุปทฺทโว จ, โรโค จ สลฺลฺจ ภยฺจ เมตํ;

เอตํ ภยํ กามคุเณสุ ทิสฺวา, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ.

ตตฺถ เอตีติ อีติ, อาคนฺตุกานํ อกุสลภาคิยานํ พฺยสนเหตูนํ เอตํ อธิวจนํ. ตสฺมา กามคุณาปิ เอเต อเนกพฺยสนาวหฏฺเน ทฬฺหสนฺนิปาตฏฺเน จ อีติ. คณฺโฑปิ อสุจึ ปคฺฆรติ, อุทฺธุมาตปริปกฺกปริภินฺโน โหติ. ตสฺมา เอเต กิเลสาสุจิปคฺฆรณโต อุปฺปาทชราภงฺเคหิ อุทฺธุมาตปริปกฺกปริภินฺนภาวโต จ คณฺโฑ. อุปทฺทวตีติ อุปทฺทโว; อนตฺถํ ชเนนฺโต อภิภวติ; อชฺโฌตฺถรตีติ อตฺโถ, ราชทณฺฑาทีนเมตํ อธิวจนํ. ตสฺมา กามคุณาเปเต อวิทิตนิพฺพานตฺถาวหเหตุตาย สพฺพุปทฺทววตฺถุตาย จ อุปทฺทโว. ยสฺมา ปเนเต กิเลสาตุรภาวํ ชเนนฺตา สีลสงฺขาตมาโรคฺยํ, โลลุปฺปํ วา อุปฺปาเทนฺตา ปากติกเมว อาโรคฺยํ วิลุมฺปนฺติ, ตสฺมา อิมินา อาโรคฺยวิลุมฺปนฏฺเเนว โรโค. อพฺภนฺตรมนุปฺปวิฏฺฏฺเน ปน อนฺโตตุทกฏฺเน ทุนฺนิหรณียฏฺเน จ สลฺลํ. ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกภยาวหนโต ภยํ. เม เอตนฺติ เมตํ. เสสเมตฺถ ปากฏเมว. นิคมนํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพนฺติ.

อีติคาถาวณฺณนา สมตฺตา.

๕๒. สีตฺจาติ กา อุปฺปตฺติ? พาราณสิยํ กิร สีตาลุกพฺรหฺมทตฺโต นาม ราชา อโหสิ. โส ปพฺพชิตฺวา อรฺกุฏิกาย วิหรติ. ตสฺมิฺจ ปเทเส สีเต สีตํ, อุณฺเห อุณฺหเมว จ โหติ อพฺโภกาสตฺตา ปเทสสฺส. โคจรคาเม ภิกฺขา ยาวทตฺถาย น ลพฺภติ. ปิวนกปานียมฺปิ ทุลฺลภํ, วาตาตปฑํสสรีสปาปิ พาเธนฺติ. ตสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อิโต อฑฺฒโยชนมตฺเต สมฺปนฺโน ปเทโส, ตตฺถ สพฺเพปิ เอเต ปริสฺสยา นตฺถิ. ยํนูนาหํ ตตฺถ คจฺเฉยฺยํ; ผาสุกํ วิหรนฺเตน สกฺกา วิเสสํ อธิคนฺตุ’’นฺติ. ตสฺส ปุน อโหสิ – ‘‘ปพฺพชิตา นาม น ปจฺจยวสิกา โหนฺติ, เอวรูปฺจ จิตฺตํ วเส วตฺเตนฺติ, น จิตฺตสฺส วเส วตฺเตนฺติ, นาหํ คมิสฺสามี’’ติ ปจฺจเวกฺขิตฺวา น อคมาสิ. เอวํ ยาวตติยกํ อุปฺปนฺนจิตฺตํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา นิวตฺเตสิ. ตโต ตตฺเถว สตฺต วสฺสานิ วสิตฺวา, สมฺมา ปฏิปชฺชมาโน ปจฺเจกสมฺโพธึ สจฺฉิกตฺวา, อิมํ อุทานคาถํ ภาสิตฺวา นนฺทมูลกปพฺภารํ อคมาสิ.

‘‘สีตฺจ อุณฺหฺจ ขุทํ ปิปาสํ, วาตาตเป ฑํสสรีสเป จ;

สพฺพานิเปตานิ อภิสมฺภวิตฺวา, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ.

ตตฺถ สีตฺจาติ สีตํ นาม ทุวิธํ อพฺภนฺตรธาตุกฺโขภปจฺจยฺจ, พาหิรธาตุกฺโขภปจฺจยฺจ; ตถา อุณฺหํ. ฑํสาติ ปิงฺคลมกฺขิกา. สรีสปาติ เย เกจิ ทีฆชาติกา สริตฺวา คจฺฉนฺติ. เสสํ ปากฏเมว. นิคมนมฺปิ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพนฺติ.

สีตาลุกคาถาวณฺณนา สมตฺตา.

๕๓. นาโควาติ กา อุปฺปตฺติ? พาราณสิยํ กิร อฺตโร ราชา วีสติ วสฺสานิ รชฺชํ กาเรตฺวา กาลกโต นิรเย วีสติ เอว วสฺสานิ ปจฺจิตฺวา หิมวนฺตปฺปเทเส หตฺถิโยนิยํ อุปฺปชฺชิตฺวา สฺชาตกฺขนฺโธ ปทุมวณฺณสกลสรีโร อุฬาโร ยูถปติ มหานาโค อโหสิ. ตสฺส โอภคฺโคภคฺคํ สาขาภงฺคํ หตฺถิฉาปาว ขาทนฺติ. โอคาเหปิ นํ หตฺถินิโย กทฺทเมน ลิมฺปนฺติ, สพฺพํ ปาลิเลยฺยกนาคสฺเสว อโหสิ. โส ยูถา นิพฺพิชฺชิตฺวา ปกฺกมิ. ตโต นํ ปทานุสาเรน ยูถํ อนุพนฺธิ. เอวํ ยาวตติยํ ปกฺกนฺโต อนุพทฺโธว. ตโต จินฺเตสิ – ‘‘อิทานิ มยฺหํ นตฺตโก พาราณสิยํ รชฺชํ กาเรติ, ยํนูนาหํ อตฺตโน ปุริมชาติยา อุยฺยานํ คจฺเฉยฺยํ, ตตฺร มํ โส รกฺขิสฺสตี’’ติ. ตโต รตฺตึ นิทฺทาวสํ คเต ยูเถ ยูถํ ปหาย ตเมว อุยฺยานํ ปาวิสิ. อุยฺยานปาโล ทิสฺวา รฺโ อาโรเจสิ. ราชา ‘‘หตฺถึ คเหสฺสามี’’ติ เสนาย ปริวาเรสิ. หตฺถี ราชานํ เอว อภิมุโข คจฺฉติ. ราชา ‘‘มํ อภิมุโข เอตี’’ติ ขุรปฺปํ สนฺนยฺหิตฺวา อฏฺาสิ. ตโต หตฺถี ‘‘วิชฺเฌยฺยาปิ มํ เอโส’’ติ มานุสิกาย วาจาย ‘‘พฺรหฺมทตฺต, มา มํ วิชฺฌ, อหํ เต อยฺยโก’’ติ อาห. ราชา ‘‘กึ ภณสี’’ติ สพฺพํ ปุจฺฉิ. หตฺถีปิ รชฺเช จ นรเก จ หตฺถิโยนิยฺจ ปวตฺตึ สพฺพํ อาโรเจสิ. ราชา ‘‘สุนฺทรํ, มา ภายิ, มา จ กฺจิ ภึสาเปหี’’ติ หตฺถิโน วฏฺฏฺจ อารกฺขเก จ หตฺถิภณฺเฑ จ อุปฏฺาเปสิ.

อเถกทิวสํ ราชา หตฺถิกฺขนฺธคโต ‘‘อยํ วีสติ วสฺสานิ รชฺชํ กตฺวา นิรเย ปกฺโก, วิปากาวเสเสน จ ติรจฺฉานโยนิยํ อุปฺปนฺโน, ตตฺถปิ คณวาสสงฺฆฏฺฏนํ อสหนฺโต อิธาคโต. อโห ทุกฺโข คณวาโส, เอกีภาโว เอว จ ปน สุโข’’ติ จินฺเตตฺวา ตตฺเถว วิปสฺสนํ อารภิตฺวา ปจฺเจกโพธึ สจฺฉากาสิ. ตํ โลกุตฺตรสุเขน สุขิตํ อมจฺจา อุปสงฺกมิตฺวา, ปณิปาตํ กตฺวา ‘‘ยานกาโล มหาราชา’’ติ อาหํสุ. ตโต ‘‘นาหํ ราชา’’ติ วตฺวา ปุริมนเยเนว อิมํ คาถํ อภาสิ –

‘‘นาโคว ยูถานิ วิวชฺชยิตฺวา, สฺชาตขนฺโธ ปทุมี อุฬาโร;

ยถาภิรนฺตํ วิหรํ อรฺเ, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ.

สา ปทตฺถโต ปากฏา เอว. อยํ ปเนตฺถ อธิปฺปายโยชนา. สา จ โข ยุตฺติวเสเนว, น อนุสฺสววเสน. ยถา อยํ หตฺถี มนุสฺสกนฺเตสุ สีเลสุ ทนฺตตฺตา อทนฺตภูมึ นาคจฺฉตีติ วา, สรีรมหนฺตตาย วา นาโค, เอวํ กุทาสฺสุ นามาหมฺปิ อริยกนฺเตสุ สีเลสุ ทนฺตตฺตา อทนฺตภูมึ นาคมเนน อาคุํ อกรเณน ปุน อิตฺถตฺตํ อนาคมเนน จ คุณสรีรมหนฺตตาย วา นาโค ภเวยฺยํ. ยถา เจส ยูถานิ วิวชฺเชตฺวา เอกจริยสุเขน ยถาภิรนฺตํ วิหรํ อรฺเ เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป, กุทาสฺสุ นามาหมฺปิ เอวํ คณํ วิวชฺเชตฺวา เอกวิหารสุเขน ฌานสุเขน ยถาภิรนฺตํ วิหรํ อรฺเ อตฺตโน ยถา ยถา สุขํ, ตถา ตถา ยตฺตกํ วา อิจฺฉามิ, ตตฺตกํ อรฺเ นิวาสํ เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป จเรยฺยนฺติ อตฺโถ. ยถา เจส สุสณฺิตกฺขนฺธตาย สฺชาตกฺขนฺโธ, กุทาสฺสุ นามาหมฺปิ เอวํ อเสขสีลกฺขนฺธมหนฺตตาย สฺชาตกฺขนฺโธ ภเวยฺยํ. ยถา เจส ปทุมสทิสคตฺตตาย วา ปทุมกุเล อุปฺปนฺนตาย วา ปทุมี, กุทาสฺสุ นามาหมฺปิ เอวํ ปทุมสทิสอุชุคตฺตตาย วา อริยชาติปทุเม อุปฺปนฺนตาย วา ปทุมี ภเวยฺยํ. ยถา เจส ถามพลชวาทีหิ อุฬาโร, กุทาสฺสุ นามาหมฺปิ เอวํ ปริสุทฺธกายสมาจารตาทีหิ สีลสมาธินิพฺเพธิกปฺาทีหิ วา อุฬาโร ภเวยฺยนฺติ เอวํ จินฺเตนฺโต วิปสฺสนํ อารภิตฺวา ปจฺเจกโพธึ อธิคโตมฺหีติ.

นาคคาถาวณฺณนา สมตฺตา.

๕๔. อฏฺาน ตนฺติ กา อุปฺปตฺติ? พาราณสิรฺโ กิร ปุตฺโต ทหโร เอว สมาโน ปพฺพชิตุกาโม มาตาปิตโร ยาจิ. มาตาปิตโร นํ วาเรนฺติ. โส วาริยมาโนปิ นิพนฺธติเยว ‘‘ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. ตโต นํ ปุพฺเพ วุตฺตเสฏฺิปุตฺตํ วิย สพฺพํ วตฺวา อนุชานึสุ. ปพฺพชิตฺวา จ อุยฺยาเนเยว วสิตพฺพนฺติ ปฏิชานาเปสุํ, โส ตถา อกาสิ. ตสฺส มาตา ปาโตว วีสติสหสฺสนาฏกิตฺถิปริวุตา อุยฺยานํ คนฺตฺวา, ปุตฺตํ ยาคุํ ปาเยตฺวา, อนฺตรา ขชฺชกาทีนิ จ ขาทาเปตฺวา, ยาว มชฺฌนฺหิกสมยํ เตน สทฺธึ สมุลฺลปิตฺวา, นครํ ปวิสติ. ปิตา จ มชฺฌนฺหิเก อาคนฺตฺวา, ตํ โภเชตฺวา อตฺตนาปิ ภุฺชิตฺวา, ทิวสํ เตน สทฺธึ สมุลฺลปิตฺวา, สายนฺหสมเย ชคฺคนปุริเส เปตฺวา นครํ ปวิสติ. โส เอวํ รตฺตินฺทิวํ อวิวิตฺโต วิหรติ. เตน โข ปน สมเยน อาทิจฺจพนฺธุ นาม ปจฺเจกพุทฺโธ นนฺทมูลกปพฺภาเร วิหรติ. โส อาวชฺเชนฺโต ตํ อทฺทส – ‘‘อยํ กุมาโร ปพฺพชิตุํ อสกฺขิ, ชฏํ ฉินฺทิตุํ น สกฺโกตี’’ติ. ตโต ปรํ อาวชฺชิ ‘‘อตฺตโน ธมฺมตาย นิพฺพิชฺชิสฺสติ, โน’’ติ. อถ ‘‘ธมฺมตาย นิพฺพินฺทนฺโต อติจิรํ ภวิสฺสตี’’ติ ตฺวา ‘‘ตสฺส อารมฺมณํ ทสฺเสสฺสามี’’ติ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว มโนสิลาตลโต อาคนฺตฺวา อุยฺยาเน อฏฺาสิ. ราชปุริโส ทิสฺวา ‘‘ปจฺเจกพุทฺโธ อาคโต, มหาราชา’’ติ รฺโ อาโรเจสิ. ราชา ‘‘อิทานิ เม ปุตฺโต ปจฺเจกพุทฺเธน สทฺธึ อนุกฺกณฺิโต วสิสฺสตี’’ติ ปมุทิตมโน หุตฺวา ปจฺเจกพุทฺธํ สกฺกจฺจํ อุปฏฺหิตฺวา ตตฺเถว วาสํ ยาจิตฺวา ปณฺณสาลาทิวาวิหารฏฺานจงฺกมาทิสพฺพํ กาเรตฺวา วาเสสิ.

โส ตตฺถ วสนฺโต เอกทิวสํ โอกาสํ ลภิตฺวา กุมารํ ปุจฺฉิ ‘‘โกสิ ตฺว’’นฺติ? โส อาห ‘‘อหํ ปพฺพชิโต’’ติ. ‘‘ปพฺพชิตา นาม น เอทิสา โหนฺตี’’ติ. ‘‘อถ ภนฺเต, กีทิสา โหนฺติ, กึ มยฺหํ อนนุจฺฉวิก’’นฺติ วุตฺเต ‘‘ตฺวํ อตฺตโน อนนุจฺฉวิกํ น เปกฺขสิ, นนุ เต มาตา วีสติสหสฺสอิตฺถีหิ สทฺธึ ปุพฺพณฺหสมเย อาคจฺฉนฺตี อุยฺยานํ อวิวิตฺตํ กโรติ, ปิตา มหตา พลกาเยน สายนฺหสมเย, ชคฺคนปุริสา สกลรตฺตึ; ปพฺพชิตา นาม ตว สทิสา น โหนฺติ, ‘เอทิสา ปน โหนฺตี’’’ติ ตตฺร ิตสฺเสว อิทฺธิยา หิมวนฺเต อฺตรํ วิหารํ ทสฺเสสิ. โส ตตฺถ ปจฺเจกพุทฺเธ อาลมฺพนพาหํ นิสฺสาย ิเต จ จงฺกมนฺเต จ รชนกมฺมสูจิกมฺมาทีนิ กโรนฺเต จ ทิสฺวา อาห – ‘‘ตุมฺเห อิธ, นาคจฺฉถ, ปพฺพชฺชา นาม ตุมฺเหหิ อนุฺาตา’’ติ. ‘‘อาม, ปพฺพชฺชา อนุฺาตา, ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย สมณา นาม อตฺตโน นิสฺสรณํ กาตุํ อิจฺฉิตปตฺถิตฺจ ปเทสํ คนฺตุํ ลภนฺติ, เอตฺตกํว วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา อากาเส ตฺวา –

‘‘อฏฺาน ตํ สงฺคณิการตสฺส, ยํ ผสฺสเย สามยิกํ วิมุตฺติ’’นฺติ. –

อิมํ อุปฑฺฒคาถํ วตฺวา, ทิสฺสมาเนเนว กาเยน นนฺทมูลกปพฺภารํ อคมาสิ. เอวํ คเต ปจฺเจกพุทฺเธ โส อตฺตโน ปณฺณสาลํ ปวิสิตฺวา นิปชฺชิ. อารกฺขกปุริโสปิ ‘‘สยิโต กุมาโร, อิทานิ กุหึ คมิสฺสตี’’ติ ปมตฺโต นิทฺทํ โอกฺกมิ. โส ตสฺส ปมตฺตภาวํ ตฺวา ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา อรฺํ ปาวิสิ. ตตฺร จ วิวิตฺโต วิปสฺสนํ อารภิตฺวา, ปจฺเจกโพธึ สจฺฉิกตฺวา, ปจฺเจกพุทฺธฏฺานํ คโต. ตตฺร จ ‘‘กถมธิคต’’นฺติ ปุจฺฉิโต อาทิจฺจพนฺธุนา วุตฺตํ อุปฑฺฒคาถํ ปริปุณฺณํ กตฺวา อภาสิ.

ตสฺสตฺโถ – อฏฺาน ตนฺติ. อฏฺานํ ตํ, อการณํ ตนฺติ วุตฺตํ โหติ, อนุนาสิกโลโป กโต ‘‘อริยสจฺจาน ทสฺสน’’นฺติอาทีสุ (ขุ. ปา. ๕.๑๑; สุ. นิ. ๒๗๐) วิย. สงฺคณิการตสฺสาติ คณาภิรตสฺส. นฺติ กรณวจนเมตํ ‘‘ยํ หิรียติ หิรียิตพฺเพนา’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๓๐) วิย. ผสฺสเยติ อธิคจฺเฉ. สามยิกํ วิมุตฺตินฺติ โลกิยสมาปตฺตึ. สา หิ อปฺปิตปฺปิตสมเย เอว ปจฺจนีเกหิ วิมุจฺจนโต ‘‘สามยิกา วิมุตฺตี’’ติ วุจฺจติ. ตํ สามยิกํ วิมุตฺตึ. อฏฺานํ ตํ, น ตํ การณํ วิชฺชติ สงฺคณิการตสฺส, เยน การเณน ผสฺสเยติ เอตํ อาทิจฺจพนฺธุสฺส ปจฺเจกพุทฺธสฺส วโจ นิสมฺม สงฺคณิการตึ ปหาย โยนิโส ปฏิปชฺชนฺโต อธิคโตมฺหีติ อาห. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ.

อฏฺานคาถาวณฺณนา สมตฺตา.

ทุติโย วคฺโค นิฏฺิโต.

๕๕. ทิฏฺีวิสูกานีติ กา อุปฺปตฺติ? พาราณสิยํ กิร อฺตโร ราชา รโหคโต จินฺเตสิ – ‘‘ยถา สีตาทีนํ ปฏิฆาตกานิ อุณฺหาทีนิ อตฺถิ, อตฺถิ นุ โข เอวํ วฏฺฏปฏิฆาตกํ วินฏฺฏํ, โน’’ติ. โส อมจฺเจ ปุจฺฉิ – ‘‘วิวฏฺฏํ ชานาถา’’ติ? เต ‘‘ชานาม, มหาราชา’’ติ อาหํสุ. ราชา – ‘‘กึ ต’’นฺติ? ตโต ‘‘อนฺตวา โลโก’’ติอาทินา นเยน สสฺสตุจฺเฉทํ กเถสุํ. อถ ราชา ‘‘อิเม น ชานนฺติ, สพฺเพปิเม ทิฏฺิคติกา’’ติ สยเมว เตสํ วิโลมตฺจ อยุตฺตตฺจ ทิสฺวา ‘‘วฏฺฏปฏิฆาตกํ วิวฏฺฏํ อตฺถิ, ตํ คเวสิตพฺพ’’นฺติ จินฺเตตฺวา รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนฺโต ปจฺเจกโพธึ สจฺฉากาสิ. อิมฺจ อุทานคาถํ อภาสิ ปจฺเจกพุทฺธมชฺเฌ พฺยากรณคาถฺจ –

‘‘ทิฏฺีวิสูกานิ อุปาติวตฺโต, ปตฺโต นิยามํ ปฏิลทฺธมคฺโค;

อุปฺปนฺนาโณมฺหิ อนฺเนยฺโย, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – ทิฏฺีวิสูกานีติ ทฺวาสฏฺิทิฏฺิคตานิ. ตานิ หิ มคฺคสมฺมาทิฏฺิยา วิสูกฏฺเน วิชฺฌนฏฺเน วิโลมฏฺเน จ วิสูกานิ. เอวํ ทิฏฺิยา วิสูกานิ, ทิฏฺิ เอว วา วิสูกานิ ทิฏฺิวิสูกานิ. อุปาติวตฺโตติ ทสฺสนมคฺเคน อติกฺกนฺโต. ปตฺโต นิยามนฺติ อวินิปาตธมฺมตาย สมฺโพธิปรายณตาย จ นิยตภาวํ อธิคโต, สมฺมตฺตนิยามสงฺขาตํ วา ปมมคฺคนฺติ. เอตฺตาวตา ปมมคฺคกิจฺจนิปฺผตฺติ จ ตสฺส ปฏิลาโภ จ วุตฺโต. อิทานิ ปฏิลทฺธมคฺโคติ อิมินา เสสมคฺคปฏิลาภํ ทสฺเสติ. อุปฺปนฺนาโณมฺหีติ อุปฺปนฺนปจฺเจกโพธิาโณ อมฺหิ. เอเตน ผลํ ทสฺเสติ. อนฺเนยฺโยติ อฺเหิ ‘‘อิทํ สจฺจํ, อิทํ สจฺจ’’นฺติ น เนตพฺโพ. เอเตน สยมฺภุตํ ทีเปติ, ปตฺเต วา ปจฺเจกโพธิาเณ อเนยฺยตาย อภาวา สยํวสิตํ. สมถวิปสฺสนาย วา ทิฏฺิวิสูกานิ อุปาติวตฺโต, อาทิมคฺเคน ปตฺโต นิยามํ, เสเสหิ ปฏิลทฺธมคฺโค, ผลาเณน อุปฺปนฺนาโณ, ตํ สพฺพํ อตฺตนาว อธิคโตติ อนฺเนยฺโย. เสสํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพนฺติ.

ทิฏฺิวิสูกคาถาวณฺณนา สมตฺตา.

๕๖. นิลฺโลลุโปติ กา อุปฺปตฺติ? พาราณสิรฺโ กิร สูโท อนฺตรภตฺตํ ปจิตฺวา อุปนาเมสิ มนุฺทสฺสนํ สาทุรสํ ‘‘อปฺเปว นาม เม ราชา ธนมนุปฺปเทยฺยา’’ติ. ตํ รฺโ คนฺเธเนว โภตฺตุกามตํ ชเนสิ มุเข เขฬํ อุปฺปาเทนฺตํ. ปมกพเฬ ปน มุเข ปกฺขิตฺตมตฺเต สตฺตรสหรณิสหสฺสานิ อมเตเนว ผุฏฺานิ อเหสุํ. สูโท ‘‘อิทานิ เม ทสฺสติ, อิทานิ เม ทสฺสตี’’ติ จินฺเตสิ. ราชาปิ ‘‘สกฺการารโห สูโท’’ติ จินฺเตสิ – ‘‘รสํ สายิตฺวา ปน สกฺกโรนฺตํ มํ ปาปโก กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคจฺเฉยฺย – ‘โลโล อยํ ราชา รสครุโก’’’ติ น กิฺจิ อภณิ. เอวํ ยาว โภชนปริโยสานํ, ตาว สูโทปิ ‘‘อิทานิ ทสฺสติ, อิทานิ ทสฺสตี’’ติ จินฺเตสิ. ราชาปิ อวณฺณภเยน น กิฺจิ อภณิ. ตโต สูโท ‘‘นตฺถิ อิมสฺส รฺโ ชิวฺหาวิฺาณ’’นฺติ ทุติยทิวเส อรสภตฺตํ อุปนาเมสิ. ราชา ภุฺชนฺโต ‘‘นิคฺคหารโห อชฺช สูโท’’ติ ชานนฺโตปิ ปุพฺเพ วิย ปจฺจเวกฺขิตฺวา อวณฺณภเยน น กิฺจิ อภณิ. ตโต สูโท ‘‘ราชา เนว สุนฺทรํ นาสุนฺทรํ ชานาตี’’ติ จินฺเตตฺวา สพฺพํ ปริพฺพยํ อตฺตนา คเหตฺวา ยํกิฺจิเทว ปจิตฺวา รฺโ เทติ. ราชา ‘‘อโห วต โลโภ, อหํ นาม วีสติ นครสหสฺสานิ ภุฺชนฺโต อิมสฺส โลเภน ภตฺตมตฺตมฺปิ น ลภามี’’ติ นิพฺพิชฺชิตฺวา, รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา, วิปสฺสนฺโต ปจฺเจกโพธึ สจฺฉากาสิ, ปุริมนเยเนว จ อิมํ คาถํ อภาสิ –

‘‘นิลฺโลลุโป นิกฺกุโห นิปฺปิปาโส, นิมฺมกฺโข นิทฺธนฺตกสาวโมโห;

นิราสโย สพฺพโลเก ภวิตฺวา, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ.

ตตฺถ นิลฺโลลุโปติ อโลลุโป. โย หิ รสตณฺหาภิภูโต โหติ, โส ภุสํ ลุปฺปติ ปุนปฺปุนฺจ ลุปฺปติ, เตน โลลุโปติ วุจฺจติ. ตสฺมา เอส ตํ ปฏิกฺขิปนฺโต อาห ‘‘นิลฺโลลุโป’’ติ. นิกฺกุโหติ เอตฺถ กิฺจาปิ ยสฺส ติวิธํ กุหนวตฺถุ นตฺถิ, โส นิกฺกุโหติ วุจฺจติ. อิมิสฺสา ปน คาถาย มนุฺโภชนาทีสุ วิมฺหยมนาปชฺชนโต นิกฺกุโหติ อยมธิปฺปาโย. นิปฺปิปาโสติ เอตฺถ ปาตุมิจฺฉา ปิปาสา, ตสฺสา อภาเวน นิปฺปิปาโส, สาทุรสโลเภน โภตฺตุกมฺยตาวิรหิโตติ อตฺโถ. นิมฺมกฺโขติ เอตฺถ ปรคุณวินาสนลกฺขโณ มกฺโข, ตสฺส อภาเวน นิมฺมกฺโข. อตฺตโน คหฏฺกาเล สูทสฺส คุณมกฺขนาภาวํ สนฺธายาห. นิทฺธนฺตกสาวโมโหติ เอตฺถ ราคาทโย ตโย, กายทุจฺจริตาทีนิ จ ตีณีติ ฉ ธมฺมา ยถาสมฺภวํ อปฺปสนฺนฏฺเน สกภาวํ วิชหาเปตฺวา ปรภาวํ คณฺหาปนฏฺเน กสฏฏฺเน จ กสาวาติ เวทิตพฺพา. ยถาห –

‘‘ตตฺถ, กตเม ตโย กสาวา? ราคกสาโว, โทสกสาโว, โมหกสาโว, อิเม ตโย กสาวา. ตตฺถ, กตเม อปเรปิ ตโย กสาวา? กายกสาโว, วจีกสาโว, มโนกสาโว’’ติ (วิภ. ๙๒๔).

เตสุ โมหํ เปตฺวา ปฺจนฺนํ กสาวานํ เตสฺจ สพฺเพสํ มูลภูตสฺส โมหสฺส นิทฺธนฺตตฺตา นิทฺธนฺตกสาวโมโห, ติณฺณํ เอว วา กายวจีมโนกสาวานํ โมหสฺส จ นิทฺธนฺตตฺตา นิทฺธนฺตกสาวโมโห. อิตเรสุ นิลฺโลลุปตาทีหิ ราคกสาวสฺส, นิมฺมกฺขตาย โทสกสาวสฺส นิทฺธนฺตภาโว สิทฺโธ เอว. นิราสโยติ นิตฺตณฺโห. สพฺพโลเกติ สกลโลเก, ตีสุ ภเวสุ ทฺวาทสสุ วา อายตเนสุ ภววิภวตณฺหาวิรหิโต หุตฺวาติ อตฺโถ. เสสํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. อถ วา ตโยปิ ปาเท วตฺวา เอโก จเรติ เอโก จริตุํ สกฺกุเณยฺยาติ เอวมฺปิ เอตฺถ สมฺพนฺโธ กาตพฺโพติ.

นิลฺโลลุปคาถาวณฺณนา สมตฺตา.

๕๗. ปาปํ สหายนฺติ กา อุปฺปตฺติ? พาราณสิยํ กิร อฺตโร ราชา มหจฺจราชานุภาเวน นครํ ปทกฺขิณํ กโรนฺโต มนุสฺเส โกฏฺาคารโต ปุราณธฺานิ พหิทฺธา นีหรนฺเต ทิสฺวา ‘‘กึ, ภเณ, อิท’’นฺติ อมจฺเจ ปุจฺฉิ. ‘‘อิทานิ, มหาราช, นวธฺานิ อุปฺปชฺชิสฺสนฺติ, เตสํ โอกาสํ กาตุํ อิเม มนุสฺสา ปุราณธฺาทีนิ ฉฑฺเฑนฺตี’’ติ. ราชา – ‘‘กึ, ภเณ, อิตฺถาคารพลกายาทีนํ วฏฺฏํ ปริปุณฺณ’’นฺติ? ‘‘อาม, มหาราช, ปริปุณฺณนฺติ’’. ‘‘เตน หิ, ภเณ, ทานสาลํ การาเปถ, ทานํ ทสฺสามิ, มา อิมานิ ธฺานิ อนุปการานิ วินสฺสึสู’’ติ. ตโต นํ อฺตโร ทิฏฺิคติโก อมจฺโจ ‘‘มหาราช, นตฺถิ ทินฺน’’นฺติ อารพฺภ ยาว ‘‘พาลา จ ปณฺฑิตา จ สนฺธาวิตฺวา สํสริตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสนฺตี’’ติ วตฺวา นิวาเรสิ. โส ทุติยมฺปิ ตติยมฺปิ โกฏฺาคาเร วิลุมฺปนฺเต ทิสฺวา ตเถว อาณาเปสิ. ตติยมฺปิ นํ ‘‘มหาราช, ทตฺตุปฺตฺตํ ยทิทํ ทาน’’นฺติอาทีนิ วตฺวา นิวาเรสิ. โส ‘‘อเร, อหํ อตฺตโน สนฺตกมฺปิ น ลภามิ ทาตุํ, กึ เม อิเมหิ ปาปสหาเยหี’’ติ นิพฺพินฺโน รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนฺโต ปจฺเจกโพธึ สจฺฉากาสิ. ตฺจ ปาปํ สหายํ ครหนฺโต อิมํ อุทานคาถํ อภาสิ –

‘‘ปาปํ สหายํ ปริวชฺชเยถ, อนตฺถทสฺสึ วิสเม นิวิฏฺํ;

สยํ น เสเว ปสุตํ ปมตฺตํ, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ.

ตสฺสายํ สงฺเขปตฺโถ – ยฺวายํ ทสวตฺถุกาย ปาปทิฏฺิยา สมนฺนาคตตฺตา ปาโป, ปเรสมฺปิ อนตฺถํ ปสฺสตีติ อนตฺถทสฺสี, กายทุจฺจริตาทิมฺหิ จ วิสเม นิวิฏฺโ, ตํ อตฺถกาโม กุลปุตฺโต ปาปํ สหายํ ปริวชฺชเยถ อนตฺถทสฺสึ วิสเม นิวิฏฺํ. สยํ น เสเวติ อตฺตโน วเสน น เสเว. ยทิ ปน ปรวโส โหติ, กึ สกฺกา กาตุนฺติ วุตฺตํ โหติ. ปสุตนฺติ ปสฏํ, ทิฏฺิวเสน ตตฺถ ตตฺถ ลคฺคนฺติ อตฺโถ. ปมตฺตนฺติ กามคุเณสุ โวสฺสฏฺจิตฺตํ, กุสลภาวนารหิตํ วา. ตํ เอวรูปํ น เสเว, น ภเช, น ปยิรุปาเส, อฺทตฺถุ เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโปติ.

ปาปสหายคาถาวณฺณนา สมตฺตา.

๕๘. พหุสฺสุตนฺติ กา อุปฺปตฺติ? ปุพฺเพ กิร กสฺสปสฺส ภควโต สาสเน อฏฺ ปจฺเจกโพธิสตฺตา ปพฺพชิตฺวา คตปจฺจาคตวตฺตํ ปูเรตฺวา เทวโลเก อุปฺปนฺนาติ สพฺพํ อนวชฺชโภชีคาถาย วุตฺตสทิสเมว. อยํ ปน วิเสโส – ปจฺเจกพุทฺเธ นิสีทาเปตฺวา ราชา อาห ‘‘เก ตุมฺเห’’ติ? เต อาหํสุ – ‘‘มยํ, มหาราช, พหุสฺสุตา นามา’’ติ. ราชา – ‘‘อหํ สุตพฺรหฺมทตฺโต นาม, สุเตน ติตฺตึ น คจฺฉามิ, หนฺท, เนสํ สนฺติเก วิจิตฺรนยํ สทฺธมฺมเทสนํ โสสฺสามี’’ติ อตฺตมโน ทกฺขิโณทกํ ทตฺวา, ปริวิสิตฺวา, ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน สงฺฆตฺเถรสฺส ปตฺตํ คเหตฺวา, วนฺทิตฺวา, ปุรโต นิสีทิ ‘‘ธมฺมกถํ, ภนฺเต, กโรถา’’ติ. โส ‘‘สุขิโต โหตุ, มหาราช, ราคกฺขโย โหตู’’ติ วตฺวา อุฏฺิโต. ราชา ‘‘อยํ น พหุสฺสุโต, ทุติโย พหุสฺสุโต ภวิสฺสติ, สฺเว ทานิ วิจิตฺรธมฺมเทสนํ โสสฺสามี’’ติ สฺวาตนาย นิมนฺเตสิ. เอวํ ยาว สพฺเพสํ ปฏิปาฏิ คจฺฉติ, ตาว นิมนฺเตสิ. เต สพฺเพปิ ‘‘โทสกฺขโย โหตุ, โมหกฺขโย, คติกฺขโย, วฏฺฏกฺขโย, อุปธิกฺขโย, ตณฺหกฺขโย โหตู’’ติ เอวํ เอเกกํ ปทํ วิเสเสตฺวา เสสํ ปมสทิสเมว วตฺวา อุฏฺหึสุ.

ตโต ราชา ‘‘อิเม ‘พหุสฺสุตา มย’นฺติ ภณนฺติ, น จ เตสํ วิจิตฺรกถา, กิเมเตหิ วุตฺต’’นฺติ เตสํ วจนตฺถํ อุปปริกฺขิตุมารทฺโธ. อถ ‘‘ราคกฺขโย โหตู’’ติ อุปปริกฺขนฺโต ‘‘ราเค ขีเณ โทโสปิ โมโหปิ อฺตรฺตเรปิ กิเลสา ขีณา โหนฺตี’’ติ ตฺวา อตฺตมโน อโหสิ – ‘‘นิปฺปริยายพหุสฺสุตา อิเม สมณา. ยถา หิ ปุริเสน มหาปถวึ วา อากาสํ วา องฺคุลิยา นิทฺทิสนฺเตน น องฺคุลิมตฺโตว ปเทโส นิทฺทิฏฺโ โหติ, อปิจ, โข, ปน ปถวีอากาสา เอว นิทฺทิฏฺา โหนฺติ, เอวํ อิเมหิ เอกเมกํ อตฺถํ นิทฺทิสนฺเตหิ อปริมาณา อตฺถา นิทฺทิฏฺา โหนฺตี’’ติ. ตโต โส ‘‘กุทาสฺสุ นามาหมฺปิ เอวํ พหุสฺสุโต ภวิสฺสามี’’ติ ตถารูปํ พหุสฺสุตภาวํ ปตฺเถนฺโต รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา, วิปสฺสนฺโต ปจฺเจกโพธึ สจฺฉิกตฺวา, อิมํ อุทานคาถํ อภาสิ –

‘‘พหุสฺสุตํ ธมฺมธรํ ภเชถ, มิตฺตํ อุฬารํ ปฏิภานวนฺตํ;

อฺาย อตฺถานิ วิเนยฺย กงฺขํ, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ.

ตตฺถายํ สงฺเขปตฺโถ – พหุสฺสุตนฺติ ทุวิโธ พหุสฺสุโต ตีสุ ปิฏเกสุ อตฺถโต นิขิโล ปริยตฺติพหุสฺสุโต จ, มคฺคผลวิชฺชาภิฺานํ ปฏิวิทฺธตฺตา ปฏิเวธพหุสฺสุโต จ. อาคตาคโม ธมฺมธโร. อุฬาเรหิ ปน กายวจีมโนกมฺเมหิ สมนฺนาคโต อุฬาโร. ยุตฺตปฏิภาโน จ มุตฺตปฏิภาโน จ ยุตฺตมุตฺตปฏิภาโน จ ปฏิภานวา. ปริยตฺติปริปุจฺฉาธิคมวเสน วา ติธา ปฏิภานวา เวทิตพฺโพ. ยสฺส หิ ปริยตฺติ ปฏิภาติ, โส ปริยตฺติปฏิภานวา. ยสฺส อตฺถฺจ าณฺจ ลกฺขณฺจ านาฏฺานฺจ ปริปุจฺฉนฺตสฺส ปริปุจฺฉา ปฏิภาติ, โส ปริปุจฺฉาปฏิภานวา. เยน มคฺคาทโย ปฏิวิทฺธา โหนฺติ, โส อธิคมปฏิภานวา. ตํ เอวรูปํ พหุสฺสุตํ ธมฺมธรํ ภเชถ มิตฺตํ อุฬารํ ปฏิภานวนฺตํ. ตโต ตสฺสานุภาเวน อตฺตตฺถปรตฺถอุภยตฺถเภทโต วา ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺถเภทโต วา อเนกปฺปการานิ อฺาย อตฺถานิ. ตโต – ‘‘อโหสึ นุ โข อหํ อตีตมทฺธาน’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑๘; สํ. นิ. ๒.๒๐) กงฺขฏฺาเนสุ วิเนยฺย กงฺขํ, วิจิกิจฺฉํ วิเนตฺวา วินาเสตฺวา เอวํ กตสพฺพกิจฺโจ เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโปติ.

พหุสฺสุตคาถาวณฺณนา สมตฺตา.

๕๙. ขิฑฺฑํ รตินฺติ กา อุปฺปตฺติ? พาราณสิยํ วิภูสกพฺรหฺมทตฺโต นาม ราชา ปาโตว ยาคุํ วา ภตฺตํ วา ภุฺชิตฺวา นานาวิธวิภูสเนหิ อตฺตานํ วิภูสาเปตฺวา มหาอาทาเส สกลสรีรํ ทิสฺวา ยํ น อิจฺฉติ ตํ อปเนตฺวา อฺเน วิภูสเนน วิภูสาเปติ. ตสฺส เอกทิวสํ เอวํ กโรโต ภตฺตเวลา มชฺฌนฺหิกสมโย ปตฺโต. อถ อวิภูสิโตว ทุสฺสปฏฺเฏน สีสํ เวเตฺวา, ภุฺชิตฺวา, ทิวาเสยฺยํ อุปคจฺฉิ. ปุนปิ อุฏฺหิตฺวา ตเถว กโรโต สูริโย อตฺถงฺคโต. เอวํ ทุติยทิวเสปิ ตติยทิวเสปิ. อถสฺส เอวํ มณฺฑนปฺปสุตสฺส ปิฏฺิโรโค อุทปาทิ. ตสฺเสตทโหสิ – ‘‘อโห เร, อหํ สพฺพถาเมน วิภูสนฺโตปิ อิมสฺมึ กปฺปเก วิภูสเน อสนฺตุฏฺโ โลภํ อุปฺปาเทสึ. โลโภ จ นาเมส อปายคมนีโย ธมฺโม, หนฺทาหํ, โลภํ นิคฺคณฺหามี’’ติ รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนฺโต ปจฺเจกโพธึ สจฺฉิกตฺวา อิมํ อุทานคาถํ อภาสิ –

‘‘ขิฑฺฑํ รตึ กามสุขฺจ โลเก, อนลงฺกริตฺวา อนเปกฺขมาโน;

วิภูสนฏฺานา วิรโต สจฺจวาที, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ.

ตตฺถ ขิฑฺฑา จ รติ จ ปุพฺเพ วุตฺตาว. กามสุขนฺติ วตฺถุกามสุขํ. วตฺถุกามาปิ หิ สุขสฺส วิสยาทิภาเวน สุขนฺติ วุจฺจนฺติ. ยถาห – ‘‘อตฺถิ รูปํ สุขํ สุขานุปติต’’นฺติ (สํ. นิ. ๓.๖๐). เอวเมตํ ขิฑฺฑํ รตึ กามสุขฺจ อิมสฺมึ โอกาสโลเก อนลงฺกริตฺวา อลนฺติ อกตฺวา, เอตํ ตปฺปกนฺติ วา สารภูตนฺติ วา เอวํ อคฺคเหตฺวา. อนเปกฺขมาโนติ เตน อลงฺกรเณน อนเปกฺขณสีโล, อปิหาลุโก, นิตฺตณฺโห, วิภูสนฏฺานา วิรโต สจฺจวาที เอโก จเรติ. ตตฺถ วิภูสา ทุวิธา – อคาริกวิภูสา, อนคาริกวิภูสา จ. ตตฺถ อคาริกวิภูสา สาฏกเวนมาลาคนฺธาทิ, อนคาริกวิภูสา ปตฺตมณฺฑนาทิ. วิภูสา เอว วิภูสนฏฺานํ. ตสฺมา วิภูสนฏฺานา ติวิธาย วิรติยา วิรโต. อวิตถวจนโต สจฺจวาทีติ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ.

วิภูสนฏฺานคาถาวณฺณนา สมตฺตา.

๖๐. ปุตฺตฺจ ทารนฺติ กา อุปฺปตฺติ? พาราณสิรฺโ กิร ปุตฺโต ทหรกาเล เอว อภิสิตฺโต รชฺชํ กาเรสิ. โส ปมคาถาย วุตฺตปจฺเจกโพธิสตฺโต วิย รชฺชสิริมนุภวนฺโต เอกทิวสํ จินฺเตสิ – ‘‘อหํ รชฺชํ กาเรนฺโต พหูนํ ทุกฺขํ กโรมิ. กึ เม เอกภตฺตตฺถาย อิมินา ปาเปน, หนฺท สุขมุปฺปาเทมี’’ติ รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนฺโต ปจฺเจกโพธึ สจฺฉิกตฺวา อิมํ อุทานคาถํ อภาสิ –

‘‘ปุตฺตฺจ ทารํ ปิตรฺจ มาตรํ, ธนานิ ธฺานิ จ พนฺธวานิ;

หิตฺวาน กามานิ ยโถธิกานิ, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ.

ตตฺถ ธนานีติ มุตฺตามณิเวฬุริยสงฺขสิลาปวาฬรชตชาตรูปาทีนิ รตนานิ. ธฺานีติ สาลิวีหิยวโคธุมกงฺกุวรกกุทฺรูสกปเภทานิ สตฺต เสสาปรณฺณานิ จ. พนฺธวานีติ าติพนฺธุโคตฺตพนฺธุมิตฺตพนฺธุสิปฺปพนฺธุวเสน จตุพฺพิเธ พนฺธเว. ยโถธิกานีติ สกสกโอธิวเสน ิตาเนว. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ.

ปุตฺตทารคาถาวณฺณนา สมตฺตา.

๖๑. สงฺโค เอโสติ กา อุปฺปตฺติ? พาราณสิยํ กิร ปาทโลลพฺรหฺมทตฺโต นาม ราชา อโหสิ. โส ปาโตว ยาคุํ วา ภตฺตํ วา ภุฺชิตฺวา ตีสุ ปาสาเทสุ ติวิธนาฏกานิ ปสฺสติ. ติวิธนาฏกานีติ กิร ปุพฺพราชโต อาคตํ, อนนฺตรราชโต อาคตํ, อตฺตโน กาเล อุฏฺิตนฺติ. โส เอกทิวสํ ปาโตว ทหรนาฏกปาสาทํ คโต. ตา นาฏกิตฺถิโย ‘‘ราชานํ รมาเปสฺสามา’’ติ สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส อจฺฉราโย วิย อติมโนหรํ นจฺจคีตวาทิตํ ปโยเชสุํ. ราชา – ‘‘อนจฺฉริยเมตํ ทหราน’’นฺติ อสนฺตุฏฺโ หุตฺวา มชฺฌิมนาฏกปาสาทํ คโต. ตาปิ นาฏกิตฺถิโย ตเถว อกํสุ. โส ตตฺถาปิ ตเถว อสนฺตุฏฺโ หุตฺวา มหานาฏกปาสาทํ คโต. ตาปิ นาฏกิตฺถิโย ตเถว อกํสุ. ราชา ทฺเว ตโย ราชปริวฏฺเฏ อตีตานํ ตาสํ มหลฺลกภาเวน อฏฺิกีฬนสทิสํ นจฺจํ ทิสฺวา คีตฺจ อมธุรํ สุตฺวา ปุนเทว ทหรนาฏกปาสาทํ, ปุน มชฺฌิมนาฏกปาสาทนฺติ เอวํ วิจริตฺวา กตฺถจิ อสนฺตุฏฺโ จินฺเตสิ – ‘‘อิมา นาฏกิตฺถิโย สกฺกํ เทวานมินฺทํ อจฺฉราโย วิย มํ รมาเปตุกามา สพฺพถาเมน นจฺจคีตวาทิตํ ปโยเชสุํ, สฺวาหํ กตฺถจิ อสนฺตุฏฺโ โลภเมว วฑฺเฒมิ, โลโภ จ นาเมส อปายคมนีโย ธมฺโม, หนฺทาหํ โลภํ นิคฺคณฺหามี’’ติ รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนฺโต ปจฺเจกโพธึ สจฺฉิกตฺวา อิมํ อุทานคาถํ อภาสิ –

‘‘สงฺโค เอโส ปริตฺตเมตฺถ โสขฺยํ, อปฺปสฺสาโท ทุกฺขเมตฺถ ภิยฺโย;

คโฬ เอโส อิติ ตฺวา มติมา, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – สงฺโค เอโสติ อตฺตโน อุปโภคํ นิทฺทิสติ. โส หิ สชฺชนฺติ ตตฺถ ปาณิโน กทฺทเม ปวิฏฺโ หตฺถี วิยาติ สงฺโค. ปริตฺตเมตฺถ โสขฺยนฺติ เอตฺถ ปฺจกามคุณูปโภคกาเล วิปรีตสฺาย อุปฺปาเทตพฺพโต กามาวจรธมฺมปริยาปนฺนโต วา ลามกฏฺเน โสขฺยํ ปริตฺตํ, วิชฺชุปฺปภาย โอภาสิตนจฺจทสฺสนสุขํ วิย อิตฺตรํ, ตาวกาลิกนฺติ วุตฺตํ โหติ. อปฺปสฺสาโท ทุกฺขเมตฺถ ภิยฺโยติ เอตฺถ จ ยฺวายํ ‘‘ยํ โข, ภิกฺขเว, อิเม ปฺจ กามคุเณ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ สุขํ โสมนสฺสํ, อยํ กามานํ อสฺสาโท’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๖๖) วุตฺโต. โส ยทิทํ ‘‘โก จ, ภิกฺขเว, กามานํ อาทีนโว? อิธ, ภิกฺขเว, กุลปุตฺโต เยน สิปฺปฏฺาเนน ชีวิกํ กปฺเปติ, ยทิ มุทฺทาย, ยทิ คณนายา’’ติ เอวมาทินา (ม. นิ. ๑.๑๖๗) นเยเนตฺถ ทุกฺขํ วุตฺตํ. ตํ อุปนิธาย อปฺโป อุทกพินฺทุมตฺโต โหติ. อถ โข ทุกฺขเมว ภิยฺโย พหุ, จตูสุ สมุทฺเทสุ อุทกสทิสํ โหติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อปฺปสฺสาโท ทุกฺขเมตฺถ ภิยฺโย’’ติ. คโฬ เอโสติ อสฺสาทํ ทสฺเสตฺวา อากฑฺฒนวเสน พฬิโส วิย เอโส ยทิทํ ปฺจ กามคุณา. อิติ ตฺวา มติมาติ เอวํ ตฺวา พุทฺธิมา ปณฺฑิโต ปุริโส สพฺพมฺเปตํ ปหาย เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโปติ.

สงฺคคาถาวณฺณนา สมตฺตา.

๖๒. สนฺทาลยิตฺวานาติ กา อุปฺปตฺติ? พาราณสิยํ กิร อนิวตฺตพฺรหฺมทตฺโต นาม ราชา อโหสิ. โส สงฺคามํ โอติณฺโณ อชินิตฺวา อฺํ วา กิจฺจํ อารทฺโธ อนิฏฺเปตฺวา น นิวตฺตติ, ตสฺมา นํ เอวํ สฺชานึสุ. โส เอกทิวสํ อุยฺยานํ คจฺฉติ. เตน จ สมเยน วนทาโห อุฏฺาสิ. โส อคฺคิ สุกฺขานิ จ หริตานิ จ ติณาทีนิ ทหนฺโต อนิวตฺตมาโน เอว คจฺฉติ. ราชา ตํ ทิสฺวา ตปฺปฏิภาคนิมิตฺตํ อุปฺปาเทสิ. ‘‘ยถายํ วนทาโห, เอวเมว เอกาทสวิโธ อคฺคิ สพฺพสตฺเต ทหนฺโต อนิวตฺตมาโนว คจฺฉติ มหาทุกฺขํ อุปฺปาเทนฺโต, กุทาสฺสุ นามาหมฺปิ อิมสฺส ทุกฺขสฺส นิวตฺตนตฺถํ อยํ อคฺคิ วิย อริยมคฺคาณคฺคินา กิเลเส ทหนฺโต อนิวตฺตมาโน คจฺเฉยฺย’’นฺติ? ตโต มุหุตฺตํ คนฺตฺวา เกวฏฺเฏ อทฺทส นทิยํ มจฺเฉ คณฺหนฺเต. เตสํ ชาลนฺตรํ ปวิฏฺโ เอโก มหามจฺโฉ ชาลํ เภตฺวา ปลายิ. เต ‘‘มจฺโฉ ชาลํ เภตฺวา คโต’’ติ สทฺทมกํสุ. ราชา ตมฺปิ วจนํ สุตฺวา ตปฺปฏิภาคนิมิตฺตํ อุปฺปาเทสิ – ‘‘กุทาสฺสุ นามาหมฺปิ อริยมคฺคาเณน ตณฺหาทิฏฺิชาลํ เภตฺวา อสชฺชมาโน คจฺเฉยฺย’’นฺติ. โส รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนํ อารภิตฺวา ปจฺเจกโพธึ สจฺฉากาสิ, อิมฺจ อุทานคาถํ อภาสิ –

‘‘สนฺทาลยิตฺวาน สํโยชนานิ, ชาลํว เภตฺวา สลิลมฺพุจารี;

อคฺคีว ทฑฺฒํ อนิวตฺตมาโน, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ.

ตสฺสา ทุติยปาเท ชาลนฺติ สุตฺตมยํ วุจฺจติ. อมฺพูติ อุทกํ, ตตฺถ จรตีติ อมฺพุจารี, มจฺฉสฺเสตํ อธิวจนํ. สลิเล อมฺพุจารี สลิลมฺพุจารี, ตสฺมึ นทีสลิเล ชาลํ เภตฺวา อมฺพุจารีวาติ วุตฺตํ โหติ. ตติยปาเท ทฑฺฒนฺติ ทฑฺฒฏฺานํ วุจฺจติ. ยถา อคฺคิ ทฑฺฒฏฺานํ ปุน น นิวตฺตติ, น ตตฺถ ภิยฺโย อาคจฺฉติ, เอวํ มคฺคาณคฺคินา ทฑฺฒํ กามคุณฏฺานํ อนิวตฺตมาโน ตตฺถ ภิยฺโย อนาคจฺฉนฺโตติ วุตฺตํ โหติ. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ.

สนฺทาลนคาถาวณฺณนา สมตฺตา.

๖๓. โอกฺขิตฺตจกฺขูติ กา อุปฺปตฺติ? พาราณสิยํ กิร จกฺขุโลลพฺรหฺมทตฺโต นาม ราชา ปาทโลลพฺรหฺมทตฺโต วิย นาฏกทสฺสนมนุยุตฺโต โหติ. อยํ ปน วิเสโส – โส อสนฺตุฏฺโ ตตฺถ ตตฺถ คจฺฉติ, อยํ ตํ ตํ นาฏกํ ทิสฺวา อติวิย อภินนฺทิตฺวา นาฏกปริวตฺตทสฺสเนน ตณฺหํ วฑฺเฒนฺโต วิจรติ. โส กิร นาฏกทสฺสนาย อาคตํ อฺตรํ กุฏุมฺพิยภริยํ ทิสฺวา ราคํ อุปฺปาเทสิ. ตโต สํเวคมาปชฺชิตฺวา ปุน ‘‘อหํ อิมํ ตณฺหํ วฑฺเฒนฺโต อปายปริปูรโก ภวิสฺสามิ, หนฺท นํ นิคฺคณฺหามี’’ติ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนฺโต ปจฺเจกโพธึ สจฺฉิกตฺวา อตฺตโน ปุริมปฏิปตฺตึ ครหนฺโต ตปฺปฏิปกฺขคุณทีปิกํ อิมํ อุทานคาถํ อภาสิ –

‘‘โอกฺขิตฺตจกฺขู น จ ปาทโลโล, คุตฺตินฺทฺริโย รกฺขิตมานสาโน;

อนวสฺสุโต อปริฑยฺหมาโน, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ.

ตตฺถ โอกฺขิตฺตจกฺขูติ เหฏฺาขิตฺตจกฺขุ, สตฺต คีวฏฺีนิ ปฏิปาฏิยา เปตฺวา ปริวชฺชคเหตพฺพทสฺสนตฺถํ ยุคมตฺตํ เปกฺขมาโนติ วุตฺตํ โหติ. น ตุ หนุกฏฺินา หทยฏฺึ สงฺฆฏฺเฏนฺโต. เอวฺหิ โอกฺขิตฺตจกฺขุตา น สมณสารุปฺปา โหตี. น จ ปาทโลโลติ เอกสฺส ทุติโย, ทฺวินฺนํ ตติโยติ เอวํ คณมชฺฌํ ปวิสิตุกามตาย กณฺฑูยมานปาโท วิย อภวนฺโต, ทีฆจาริกอนวฏฺิตจาริกวิรโต วา. คุตฺตินฺทฺริโยติ ฉสุ อินฺทฺริเยสุ อิธ วิสุํวุตฺตาวเสสวเสน โคปิตินฺทฺริโย. รกฺขิตมานสาโนติ มานสํ เยว มานสานํ, ตํ รกฺขิตมสฺสาติ รกฺขิตมานสาโน. ยถา กิเลเสหิ น วิลุปฺปติ, เอวํ รกฺขิตจิตฺโตติ วุตฺตํ โหติ. อนวสฺสุโตติ อิมาย ปฏิปตฺติยา เตสุ เตสุ อารมฺมเณสุ กิเลสอนฺวาสฺสววิรหิโต. อปริฑยฺหมาโนติ เอวํ อนฺวาสฺสววิรหาว กิเลสคฺคีหิ อปริฑยฺหมาโน. พหิทฺธา วา อนวสฺสุโต, อชฺฌตฺตํ อปริฑยฺหมาโน. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ.

โอกฺขิตฺตจกฺขุคาถาวณฺณนา สมตฺตา.

๖๔. โอหารยิตฺวาติ กา อุปฺปตฺติ? พาราณสิยํ กิร อยํ อฺโปิ จาตุมาสิกพฺรหฺมทตฺโต นาม ราชา จตุมาเส จตุมาเส อุยฺยานกีฬํ คจฺฉติ. โส เอกทิวสํ คิมฺหานํ มชฺฌิเม มาเส อุยฺยานํ ปวิสนฺโต อุยฺยานทฺวาเร ปตฺตสฺฉนฺนํ ปุปฺผาลงฺกตวิฏปํ ปาริจฺฉตฺตกโกวิฬารํ ทิสฺวา เอกํ ปุปฺผํ คเหตฺวา อุยฺยานํ ปาวิสิ. ตโต ‘‘รฺา อคฺคปุปฺผํ คหิต’’นฺติ อฺตโรปิ อมจฺโจ หตฺถิกฺขนฺเธ ิโต เอว เอกํ ปุปฺผํ อคฺคเหสิ. เอเตเนว อุปาเยน สพฺโพ พลกาโย อคฺคเหสิ. ปุปฺผํ อนสฺสาเทนฺตา ปตฺตมฺปิ คณฺหึสุ. โส รุกฺโข นิปฺปตฺตปุปฺโผ ขนฺธมตฺโตว อโหสิ. ตํ ราชา สายนฺหสมเย อุยฺยานา นิกฺขมนฺโต ทิสฺวา ‘‘กึ กโต อยํ รุกฺโข, มม อาคมนเวลายํ มณิวณฺณสาขนฺตเรสุ ปวาฬสทิสปุปฺผาลงฺกโต อโหสิ, อิทานิ นิปฺปตฺตปุปฺโผ ชาโต’’ติ จินฺเตนฺโต ตสฺเสวาวิทูเร อปุปฺผิตํ รุกฺขํ สฺฉนฺนปลาสํ อทฺทส. ทิสฺวา จสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อยํ รุกฺโข ปุปฺผภริตสาขตฺตา พหุชนสฺส โลภนีโย อโหสิ, เตน มุหุตฺเตเนว พฺยสนํ ปตฺโต, อยํ ปนฺโ อโลภนียตฺตา ตเถว ิโต. อิทมฺปิ รชฺชํ ปุปฺผิตรุกฺโข วิย โลภนียํ, ภิกฺขุภาโว ปน อปุปฺผิตรุกฺโข วิย อโลภนีโย. ตสฺมา ยาว อิทมฺปิ อยํ รุกฺโข วิย น วิลุปฺปติ, ตาว อยมฺโ สฺฉนฺนปตฺโต ยถา ปาริจฺฉตฺตโก, เอวํ กาสาเวน ปริสฺฉนฺเนน หุตฺวา ปพฺพชิตพฺพ’’นฺติ. โส รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนฺโต ปจฺเจกโพธึ สจฺฉิกตฺวา อิมํ อุทานคาถํ อภาสิ –

‘‘โอหารยิตฺวา คิหิพฺยฺชนานิ, สฺฉนฺนปตฺโต ยถา ปาริฉตฺโต;

กาสายวตฺโถ อภินิกฺขมิตฺวา, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ.

ตตฺถ กาสายวตฺโถ อภินิกฺขมิตฺวาติ อิมสฺส ปาทสฺส เคหา อภินิกฺขมิตฺวา กาสายวตฺโถ หุตฺวาติ เอวมตฺโถ เวทิตพฺโพ. เสสํ วุตฺตนเยเนว สกฺกา ชานิตุนฺติ น วิตฺถาริตนฺติ.

ปาริจฺฉตฺตกคาถาวณฺณนา สมตฺตา.

ตติโย วคฺโค นิฏฺิโต.

๖๕. รเสสูติ กา อุปฺปตฺติ? อฺตโร กิร พาราณสิราชา อุยฺยาเน อมจฺจปุตฺเตหิ ปริวุโต สิลาปฏฺฏโปกฺขรณิยํ กีฬติ. ตสฺส สูโท สพฺพมํสานํ รสํ คเหตฺวา อตีว สุสงฺขตํ อมตกปฺปํ อนฺตรภตฺตํ ปจิตฺวา อุปนาเมสิ. โส ตตฺถ เคธมาปนฺโน กสฺสจิ กิฺจิ อทตฺวา อตฺตนาว ภุฺชิ. อุทกกีฬโต จ อติวิกาเล นิกฺขนฺโต สีฆํ สีฆํ ภุฺชิ. เยหิ สทฺธึ ปุพฺเพ ภุฺชติ, น เตสํ กฺจิ สริ. อถ ปจฺฉา ปฏิสงฺขานํ อุปฺปาเทตฺวา ‘‘อโห, มยา ปาปํ กตํ, ยฺวาหํ รสตณฺหาย อภิภูโต สพฺพชนํ วิสริตฺวา เอกโกว ภุฺชึ. หนฺท รสตณฺหํ นิคฺคณฺหามี’’ติ รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนฺโต ปจฺเจกโพธึ สจฺฉิกตฺวา อตฺตโน ปุริมปฏิปตฺตึ ครหนฺโต ตปฺปฏิปกฺขคุณทีปิกํ อิมํ อุทานคาถํ อภาสิ –

‘‘รเสสุ เคธํ อกรํ อโลโล, อนฺโปสี สปทานจารี;

กุเล กุเล อปฺปฏิพทฺธจิตฺโต, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ.

ตตฺถ รเสสูติ อมฺพิลมธุรติตฺตกกฏุกโลณิกขาริกกสาวาทิเภเทสุ สายนีเยสุ. เคธํ อกรนฺติ คิทฺธึ อกโรนฺโต, ตณฺหํ อนุปฺปาเทนฺโตติ วุตฺตํ โหติ. อโลโลติ ‘‘อิทํ สายิสฺสามิ, อิทํ สายิสฺสามี’’ติ เอวํ รสวิเสเสสุ อนากุโล. อนฺโปสีติ โปเสตพฺพกสทฺธิวิหาริกาทิวิรหิโต, กายสนฺธารณมตฺเตน สนฺตุฏฺโติ วุตฺตํ โหติ. ยถา วา ปุพฺเพ อุยฺยาเน รเสสุ เคธกรณโลโล หุตฺวา อฺโปสี อาสึ, เอวํ อหุตฺวา ยาย ตณฺหาย โลโล หุตฺวา รเสสุ เคธํ กโรติ. ตํ ตณฺหํ หิตฺวา อายตึ ตณฺหามูลกสฺส อฺสฺส อตฺตภาวสฺส อนิพฺพตฺตเนน อนฺโปสีติ ทสฺเสติ. อถ วา อตฺถภฺชนกฏฺเน อฺเติ กิเลสา วุจฺจนฺติ. เตสํ อโปสเนน อนฺโปสีติ อยมฺเปตฺถ อตฺโถ. สปทานจารีติ อโวกฺกมฺมจารี อนุปุพฺพจารี, ฆรปฏิปาฏึ อฉฑฺเฑตฺวา อฑฺฒกุลฺจ ทลิทฺทกุลฺจ นิรนฺตรํ ปิณฺฑาย ปวิสมาโนติ อตฺโถ. กุเล กุเล อปฺปฏิพทฺธจิตฺโตติ ขตฺติยกุลาทีสุ ยตฺถ กตฺถจิ กิเลสวเสน อลคฺคจิตฺโต, จนฺทูปโม นิจฺจนวโก หุตฺวาติ อตฺโถ. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ.

รสเคธคาถาวณฺณนา สมตฺตา.

๖๖. ปหาย ปฺจาวรณานีติ กา อุปฺปตฺติ? พาราณสิยํ กิร อฺตโร ราชา ปมชฺฌานลาภี อโหสิ. โส ฌานานุรกฺขณตฺถํ รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนฺโต ปจฺเจกโพธึ สจฺฉิกตฺวา อตฺตโน ปฏิปตฺติสมฺปทํ ทีเปนฺโต อิมํ อุทานคาถํ อภาสิ –

‘‘ปหาย ปฺจาวรณานิ เจตโส, อุปกฺกิเลเส พฺยปนุชฺช สพฺเพ;

อนิสฺสิโต เฉตฺว สิเนหโทสํ, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ.

ตตฺถ อาวรณานีติ นีวรณาเนว. ตานิ อตฺถโต อุรคสุตฺเต วุตฺตานิ. ตานิ ปน ยสฺมา อพฺภาทโย วิย จนฺทสูริเย เจโต อาวรนฺติ, ตสฺมา ‘‘อาวรณานิ เจตโส’’ติ วุตฺตานิ. ตานิ อุปจาเรน วา อปฺปนาย วา ปหาย. อุปกฺกิเลเสติ อุปคมฺม จิตฺตํ วิพาเธนฺเต อกุสเล ธมฺเม, วตฺโถปมาทีสุ วุตฺเต อภิชฺฌาทโย วา. พฺยปนุชฺชาติ ปนุทิตฺวา วินาเสตฺวา, วิปสฺสนามคฺเคน ปชหิตฺวาติ อตฺโถ. สพฺเพติ อนวเสเส. เอวํ สมถวิปสฺสนาสมฺปนฺโน ปมมคฺเคน ทิฏฺินิสฺสยสฺส ปหีนตฺตา อนิสฺสิโต. เสสมคฺเคหิ เฉตฺวา เตธาตุกํ สิเนหโทสํ, ตณฺหาราคนฺติ วุตฺตํ โหติ. สิเนโห เอว หิ คุณปฏิปกฺขโต สิเนหโทโสติ วุตฺโต. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ.

อาวรณคาถาวณฺณนา สมตฺตา.

๖๗. วิปิฏฺิกตฺวานาติ กา อุปฺปตฺติ? พาราณสิยํ กิร อฺตโร ราชา จตุตฺถชฺฌานลาภี อโหสิ. โส ฌานานุรกฺขณตฺถํ รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนฺโต ปจฺเจกโพธึ สจฺฉิกตฺวา อตฺตโน ปฏิปตฺติสมฺปทํ ทีเปนฺโต อิมํ อุทานคาถํ อภาสิ –

‘‘วิปิฏฺิกตฺวาน สุขํ ทุขฺจ, ปุพฺเพว จ โสมนสฺสโทมนสฺสํ;

ลทฺธานุเปกฺขํ สมถํ วิสุทฺธํ, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ.

ตตฺถ วิปิฏฺิกตฺวานาติ ปิฏฺิโต กตฺวา, ฉฑฺเฑตฺวา ชหิตฺวาติ อตฺโถ. สุขํ ทุขฺจาติ กายิกํ สาตาสาตํ. โสมนสฺสโทมนสฺสนฺติ เจตสิกํ สาตาสาตํ. อุเปกฺขนฺติ จตุตฺถชฺฌานุเปกฺขํ. สมถนฺติ จตุตฺถชฺฌานสมถเมว. วิสุทฺธนฺติ ปฺจนีวรณวิตกฺกวิจารปีติสุขสงฺขาเตหิ นวหิ ปจฺจนีกธมฺเมหิ วิมุตฺตตฺตา วิสุทฺธํ, นิทฺธนฺตสุวณฺณมิว วิคตูปกฺกิเลสนฺติ อตฺโถ.

อยํ ปน โยชนา – วิปิฏฺิกตฺวาน สุขํ ทุกฺขฺจ ปุพฺเพว ปมชฺฌานุปจารภูมิยํเยว ทุกฺขํ, ตติยชฺฌานุปจารภูมิยํ สุขนฺติ อธิปฺปาโย. ปุน อาทิโต วุตฺตํ จการํ ปรโต เนตฺวา ‘‘โสมนสฺสํ โทมนสฺสฺจ วิปิฏฺิกตฺวาน ปุพฺเพวา’’ติ อธิกาโร. เตน โสมนสฺสํ จตุตฺถชฺฌานุปจาเร, โทมนสฺสฺจ ทุติยชฺฌานุปจาเรเยวาติ ทีเปติ. เอตานิ หิ เอเตสํ ปริยายโต ปหานฏฺานานิ. นิปฺปริยายโต ปน ทุกฺขสฺส ปมชฺฌานํ, โทมนสฺสสฺส ทุติยชฺฌานํ, สุขสฺส ตติยชฺฌานํ, โสมนสฺสสฺส จตุตฺถชฺฌานํ ปหานฏฺานํ. ยถาห – ‘‘ปมชฺฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ เอตฺถุปฺปนฺนํ ทุกฺขินฺทฺริยํ อปริเสสํ นิรุชฺฌตี’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๕.๕๑๐). ตํ สพฺพํ อฏฺสาลินิยา ธมฺมสงฺคหฏฺกถายํ (ธ. ส. อฏฺ. ๑๖๕) วุตฺตํ. ยโต ปุพฺเพว ตีสุ ปมชฺฌานาทีสุ ทุกฺขโทมนสฺสสุขานิ วิปิฏฺิกตฺวา เอตฺเถว จตุตฺถชฺฌาเน โสมนสฺสํ วิปิฏฺิกตฺวา อิมาย ปฏิปทาย ลทฺธานุเปกฺขํ สมถํ วิสุทฺธํ เอโก จเรติ. เสสํ สพฺพตฺถ ปากฏเมวาติ.

วิปิฏฺิกตฺวาคาถาวณฺณนา สมตฺตา.

๖๘. อารทฺธวีริโยติ กา อุปฺปตฺติ? อฺตโร กิร ปจฺจนฺตราชา สหสฺสโยธปริมาณพลกาโย รชฺเชน ขุทฺทโก, ปฺาย มหนฺโต อโหสิ. โส เอกทิวสํ ‘‘กิฺจาปิ อหํ ขุทฺทโก, ปฺวตา จ ปน สกฺกา สกลชมฺพุทีปํ คเหตุ’’นฺติ จินฺเตตฺวา สามนฺตรฺโ ทูตํ ปาเหสิ – ‘‘สตฺตทิวสพฺภนฺตเร เม รชฺชํ วา เทตุ ยุทฺธํ วา’’ติ. ตโต โส อตฺตโน อมจฺเจ สโมธาเนตฺวา อาห – ‘‘มยา ตุมฺเห อนาปุจฺฉาเยว สาหสํ กตํ, อมุกสฺส รฺโ เอวํ ปหิตํ, กึ กาตพฺพ’’นฺติ? เต อาหํสุ – ‘‘สกฺกา, มหาราช, โส ทูโต นิวตฺเตตุ’’นฺติ? ‘‘น สกฺกา, คโต ภวิสฺสตี’’ติ. ‘‘ยทิ เอวํ วินาสิตมฺหา ตยา, เตน หิ ทุกฺขํ อฺสฺส สตฺเถน มริตุํ. หนฺท, มยํ อฺมฺํ ปหริตฺวา มราม, อตฺตานํ ปหริตฺวา มราม, อุพฺพนฺธาม, วิสํ ขาทามา’’ติ. เอวํ เตสุ เอกเมโก มรณเมว สํวณฺเณติ. ตโต ราชา – ‘‘กึ เม, อิเมหิ, อตฺถิ, ภเณ, มยฺหํ โยธา’’ติ อาห. อถ ‘‘อหํ, มหาราช, โยโธ, อหํ, มหาราช, โยโธ’’ติ ตํ โยธสหสฺสํ อุฏฺหิ.

ราชา ‘‘เอเต อุปปริกฺขิสฺสามี’’ติ มนฺตฺวา จิตกํ สชฺเชตฺวา อาห – ‘‘มยา, ภเณ, อิทํ นาม สาหสํ กตํ, ตํ เม อมจฺจา ปฏิกฺโกสนฺติ, โสหํ จิตกํ ปวิสิสฺสามิ, โก มยา สทฺธึ ปวิสิสฺสติ, เกน มยฺหํ ชีวิตํ ปริจฺจตฺต’’นฺติ? เอวํ วุตฺเต ปฺจสตา โยธา อุฏฺหึสุ – ‘‘มยํ, มหาราช, ปวิสามา’’ติ. ตโต ราชา อปเร ปฺจสเต โยเธ อาห – ‘‘ตุมฺเห อิทานิ, ตาตา, กึ กริสฺสถา’’ติ? เต อาหํสุ – ‘‘นายํ, มหาราช, ปุริสกาโร, อิตฺถิกิริยา เอสา, อปิจ มหาราเชน ปฏิรฺโ ทูโต เปสิโต, เตน มยํ รฺา สทฺธึ ยุชฺฌิตฺวา มริสฺสามา’’ติ. ตโต ราชา ‘‘ปริจฺจตฺตํ ตุมฺเหหิ มม ชีวิต’’นฺติ จตุรงฺคินึ เสนํ สนฺนยฺหิตฺวา เตน โยธสหสฺเสน ปริวุโต คนฺตฺวา รชฺชสีมาย นิสีทิ.

โสปิ ปฏิราชา ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา ‘‘อเร, โส ขุทฺทกราชา มม ทาสสฺสาปิ นปฺปโหตี’’ติ กุชฺฌิตฺวา สพฺพํ พลกายํ อาทาย ยุชฺฌิตุํ นิกฺขมิ. ขุทฺทกราชา ตํ อพฺภุยฺยาตํ ทิสฺวา พลกายํ อาห – ‘‘ตาตา, ตุมฺเห น พหุกา; สพฺเพ สมฺปิณฺฑิตฺวา, อสิจมฺมํ คเหตฺวา, สีฆํ อิมสฺส รฺโ ปุรโต อุชุกํ เอว คจฺฉถา’’ติ. เต ตถา อกํสุ. อถ สา เสนา ทฺวิธา ภิชฺชิตฺวา อนฺตรมทาสิ. เต ตํ ราชานํ ชีวคฺคาหํ คณฺหึสุ, อฺเ โยธา ปลายึสุ. ขุทฺทกราชา ‘‘ตํ มาเรมี’’ติ ปุรโต ธาวติ, ปฏิราชา ตํ อภยํ ยาจิ. ตโต ตสฺส อภยํ ทตฺวา, สปถํ การาเปตฺวา, ตํ อตฺตโน มนุสฺสํ กตฺวา, เตน สห อฺํ ราชานํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา, ตสฺส รชฺชสีมาย ตฺวา เปเสสิ – ‘‘รชฺชํ วา เม เทตุ ยุทฺธํ วา’’ติ. โส ‘‘อหํ เอกยุทฺธมฺปิ น สหามี’’ติ รชฺชํ นิยฺยาเตสิ. เอเตเนว อุปาเยน สพฺพราชาโน คเหตฺวา อนฺเต พาราณสิราชานมฺปิ อคฺคเหสิ.

โส เอกสตราชปริวุโต สกลชมฺพุทีเป รชฺชํ อนุสาสนฺโต จินฺเตสิ – ‘‘อหํ ปุพฺเพ ขุทฺทโก อโหสึ, โสมฺหิ อตฺตโน าณสมฺปตฺติยา สกลชมฺพุทีปสฺส อิสฺสโร ชาโต. ตํ โข ปน เม าณํ โลกิยวีริยสมฺปยุตฺตํ, เนว นิพฺพิทาย น วิราคาย สํวตฺตติ, สาธุ วตสฺส สฺวาหํ อิมินา าเณน โลกุตฺตรธมฺมํ คเวเสยฺย’’นฺติ. ตโต พาราณสิรฺโ รชฺชํ ทตฺวา, ปุตฺตทารฺจ สกชนปทเมว เปเสตฺวา, ปพฺพชฺชํ สมาทาย วิปสฺสนํ อารภิตฺวา, ปจฺเจกโพธึ สจฺฉิกตฺวา อตฺตโน วีริยสมฺปตฺตึ ทีเปนฺโต อิมํ อุทานคาถํ อภาสิ –

‘‘อารทฺธวิริโย ปรมตฺถปตฺติยา, อลีนจิตฺโต อกุสีตวุตฺติ;

ทฬฺหนิกฺกโม ถามพลูปปนฺโน, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ.

ตตฺถ อารทฺธํ วีริยมสฺสาติ อารทฺธวิริโย. เอเตน อตฺตโน วีริยารมฺภํ อาทิวีริยํ ทสฺเสติ. ปรมตฺโถ วุจฺจติ นิพฺพานํ, ตสฺส ปตฺติยา ปรมตฺถปตฺติยา. เอเตน วีริยารมฺเภน ปตฺตพฺพผลํ ทสฺเสติ. อลีนจิตฺโตติ เอเตน พลวีริยูปตฺถมฺภานํ จิตฺตเจตสิกานํ อลีนตํ ทสฺเสติ. อกุสีตวุตฺตีติ เอเตน านอาสนจงฺกมนาทีสุ กายสฺส อนวสีทนํ. ทฬฺหนิกฺกโมติ เอเตน ‘‘กามํ ตโจ จ นฺหารุ จา’’ติ (ม. นิ. ๒.๑๘๔; อ. นิ. ๒.๕; มหานิ. ๑๙๖) เอวํ ปวตฺตํ ปทหนวีริยํ ทสฺเสติ, ยํ ตํ อนุปุพฺพสิกฺขาทีสุ ปทหนฺโต ‘‘กาเยน เจว ปรมสจฺจํ สจฺฉิกโรติ, ปฺาย จ นํ อติวิชฺฌ ปสฺสตี’’ติ วุจฺจติ. อถ วา เอเตน มคฺคสมฺปยุตฺตวีริยํ ทสฺเสติ. ตฺหิ ทฬฺหฺจ ภาวนาปาริปูรึ คตตฺตา, นิกฺกโม จ สพฺพโส ปฏิปกฺขา นิกฺขนฺตตฺตา, ตสฺมา ตํสมงฺคีปุคฺคโลปิ ทฬฺโห นิกฺกโม อสฺสาติ ‘‘ทฬฺหนิกฺกโม’’ติ วุจฺจติ. ถามพลูปปนฺโนติ มคฺคกฺขเณ กายถาเมน าณพเลน จ อุปปนฺโน, อถ วา ถามภูเตน พเลน อุปปนฺโนติ ถามพลูปปนฺโน, ถิราณพลูปปนฺโนติ วุตฺตํ โหติ. เอเตน ตสฺส วีริยสฺส วิปสฺสนาาณสมฺปโยคํ ทีเปนฺโต โยนิโส ปทหนภาวํ สาเธติ. ปุพฺพภาคมชฺฌิมอุกฺกฏฺวีริยวเสน วา ตโยปิ ปาทา โยเชตพฺพา. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ.

อารทฺธวีริยคาถาวณฺณนา สมตฺตา.

๖๙. ปฏิสลฺลานนฺติ กา อุปฺปตฺติ? อิมิสฺสา คาถาย อาวรณคาถาย อุปฺปตฺติสทิสา เอว อุปฺปตฺติ, นตฺถิ โกจิ วิเสโส. อตฺถวณฺณนายํ ปนสฺสา ปฏิสลฺลานนฺติ เตหิ เตหิ สตฺตสงฺขาเรหิ ปฏินิวตฺติตฺวา สลฺลีนํ เอกตฺตเสวิตา เอกีภาโว, กายวิเวโกติ อตฺโถ. ฌานนฺติ ปจฺจนีกฌาปนโต อารมฺมณลกฺขณูปนิชฺฌานโต จ จิตฺตวิเวโก วุจฺจติ. ตตฺถ อฏฺสมาปตฺติโย นีวรณาทิปจฺจนีกฌาปนโต อารมฺมณูปนิชฺฌานโต จ ฌานนฺติ วุจฺจติ, วิปสฺสนามคฺคผลานิ สตฺตสฺาทิปจฺจนีกฌาปนโต, ลกฺขณูปนิชฺฌานโตเยว เจตฺถ ผลานิ. อิธ ปน อารมฺมณูปนิชฺฌานเมว อธิปฺเปตํ. เอวเมตํ ปฏิสลฺลานฺจ ฌานฺจ อริฺจมาโน, อชหมาโน, อนิสฺสชฺชมาโน. ธมฺเมสูติ วิปสฺสนูปเคสุ ปฺจกฺขนฺธาทิธมฺเมสุ. นิจฺจนฺติ สตตํ, สมิตํ, อพฺโภกิณฺณํ. อนุธมฺมจารีติ เต ธมฺเม อารพฺภ ปวตฺตมาเนน อนุคตํ วิปสฺสนาธมฺมํ จรมาโน. อถ วา ธมฺมาติ นว โลกุตฺตรธมฺมา, เตสํ ธมฺมานํ อนุโลโม ธมฺโมติ อนุธมฺโม, วิปสฺสนาเยตํ อธิวจนํ. ตตฺถ ‘‘ธมฺมานํ นิจฺจํ อนุธมฺมจารี’’ติ วตฺตพฺเพ คาถาพนฺธสุขตฺถํ วิภตฺติพฺยตฺตเยน ‘‘ธมฺเมสู’’ติ วุตฺตํ สิยา. อาทีนวํ สมฺมสิตา ภเวสูติ ตาย อนุธมฺมจริตาสงฺขาตาย วิปสฺสนาย อนิจฺจาการาทิโทสํ ตีสุ ภเวสุ สมนุปสฺสนฺโต เอวํ อิมํ กายวิเวกจิตฺตวิเวกํ อริฺจมาโน สิขาปฺปตฺตวิปสฺสนาสงฺขาตาย ปฏิปทาย อธิคโตติ วตฺตพฺโพ เอโก จเรติ เอวํ โยชนา เวทิตพฺพา.

ปฏิสลฺลานคาถาวณฺณนา สมตฺตา.

๗๐. ตณฺหกฺขยนฺติ กา อุปฺปตฺติ? อฺตโร กิร พาราณสิราชา มหจฺจราชานุภาเวน นครํ ปทกฺขิณํ กโรติ. ตสฺส สรีรโสภาย อาวฏฺฏิตหทยา สตฺตา ปุรโต คจฺฉนฺตาปิ นิวตฺติตฺวา ตเมว อุลฺโลเกนฺติ, ปจฺฉโต คจฺฉนฺตาปิ, อุโภหิ ปสฺเสหิ คจฺฉนฺตาปิ. ปกติยา เอว หิ พุทฺธทสฺสเน ปุณฺณจนฺทสมุทฺทราชทสฺสเน จ อติตฺโต โลโก. อถ อฺตรา กุฏุมฺพิยภริยาปิ อุปริปาสาทคตา สีหปฺชรํ วิวริตฺวา โอโลกยมานา อฏฺาสิ. ราชา ตํ ทิสฺวาว ปฏิพทฺธจิตฺโต หุตฺวา อมจฺจํ อาณาเปสิ – ‘‘ชานาหิ ตาว, ภเณ, อยํ อิตฺถี สสามิกา วา อสามิกา วา’’ติ. โส คนฺตฺวา ‘‘สสามิกา’’ติ อาโรเจสิ. อถ ราชา จินฺเตสิ – ‘‘อิมา วีสติสหสฺสนาฏกิตฺถิโย เทวจฺฉราโย วิย มํเยว เอกํ อภิรเมนฺติ, โส ทานาหํ เอตาปิ อตุสิตฺวา ปรสฺส อิตฺถิยา ตณฺหํ อุปฺปาเทสึ, สา อุปฺปนฺนา อปายเมว อากฑฺฒตี’’ติ ตณฺหาย อาทีนวํ ทิสฺวา ‘‘หนฺท นํ นิคฺคณฺหามี’’ติ รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนฺโต ปจฺเจกโพธึ สจฺฉิกตฺวา อิมํ อุทานคาถํ อภาสิ –

‘‘ตณฺหกฺขยํ ปตฺถยมปฺปมตฺโต, อเนฬมูโค สุตวา สตีมา;

สงฺขาตธมฺโม นิยโต ปธานวา, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ.

ตตฺถ ตณฺหกฺขยนฺติ นิพฺพานํ, เอวํ ทิฏฺาทีนวาย ตณฺหาย เอว อปฺปวตฺตึ. อปฺปมตฺโตติ สาตจฺจการี สกฺกจฺจการี. อเนฬมูโคติ อลาลามุโข. อถ วา อเนโฬ จ อมูโค จ, ปณฺฑิโต พฺยตฺโตติ วุตฺตํ โหติ. หิตสุขสมฺปาปกํ สุตมสฺส อตฺถีติ สุตวา อาคมสมฺปนฺโนติ วุตฺตํ โหติ. สตีมาติ จิรกตาทีนํ อนุสฺสริตา. สงฺขาตธมฺโมติ ธมฺมุปปริกฺขาย ปริฺาตธมฺโม. นิยโตติ อริยมคฺเคน นิยามํ ปตฺโต. ปธานวาติ สมฺมปฺปธานวีริยสมฺปนฺโน. อุปฺปฏิปาฏิยา เอส ปาโ โยเชตพฺโพ. เอวเมเตหิ อปฺปมาทาทีหิ สมนฺนาคโต นิยามสมฺปาปเกน ปธาเนน ปธานวา, เตน ปธาเนน ปตฺตนิยามตฺตา นิยโต, ตโต อรหตฺตปฺปตฺติยา สงฺขาตธมฺโม. อรหา หิ ปุน สงฺขาตพฺพาภาวโต ‘‘สงฺขาตธมฺโม’’ติ วุจฺจติ. ยถาห ‘‘เย จ สงฺขาตธมฺมาเส, เย จ เสขา ปุถู อิธา’’ติ (สุ. นิ. ๑๐๔๔; จูฬนิ. อชิตมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๗). เสสํ วุตฺตนยเมวาติ.

ตณฺหกฺขยคาถาวณฺณนา สมตฺตา.

๗๑. สีโห วาติ กา อุปฺปตฺติ? อฺตรสฺส กิร พาราณสิรฺโ ทูเร อุยฺยานํ โหติ. โส ปเคว วุฏฺาย อุยฺยานํ คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค ยานา โอรุยฺห อุทกฏฺานํ อุปคโต ‘‘มุขํ โธวิสฺสามี’’ติ. ตสฺมิฺจ ปเทเส สีหี โปตกํ ชเนตฺวา โคจราย คตา. ราชปุริโส ตํ ทิสฺวา ‘‘สีหโปตโก เทวา’’ติ อาโรเจสิ. ราชา ‘‘สีโห กิร น กสฺสจิ ภายตี’’ติ ตํ อุปปริกฺขิตุํ เภริอาทีนิ อาโกฏาเปสิ. สีหโปตโก ตํ สทฺทํ สุตฺวาปิ ตเถว สยิ. ราชา ยาวตติยกํ อาโกฏาเปสิ, โส ตติยวาเร สีสํ อุกฺขิปิตฺวา สพฺพํ ปริสํ โอโลเกตฺวา ตเถว สยิ. อถ ราชา ‘‘ยาวสฺส มาตา นาคจฺฉติ, ตาว คจฺฉามา’’ติ วตฺวา คจฺฉนฺโต จินฺเตสิ – ‘‘ตํ ทิวสํ ชาโตปิ สีหโปตโก น สนฺตสติ น ภายติ, กุทาสฺสุ นามาหมฺปิ ตณฺหาทิฏฺิปริตาสํ เฉตฺวา น สนฺตเสยฺยํ น ภาเยยฺย’’นฺติ. โส ตํ อารมฺมณํ คเหตฺวา, คจฺฉนฺโต ปุน เกวฏฺเฏหิ มจฺเฉ คเหตฺวา สาขาสุ พนฺธิตฺวา ปสาริเต ชาเล วาตํ อลคฺคํเยว คจฺฉมานํ ทิสฺวา, ตมฺปิ นิมิตฺตํ อคฺคเหสิ – ‘‘กุทาสฺสุ นามาหมฺปิ ตณฺหาทิฏฺิชาลํ โมหชาลํ วา ผาเลตฺวา เอวํ อสชฺชมาโน คจฺเฉยฺย’’นฺติ.

อถ อุยฺยานํ คนฺตฺวา สิลาปฏฺฏโปกฺขรณิตีเร นิสินฺโน วาตพฺภาหตานิ ปทุมานิ โอนมิตฺวา อุทกํ ผุสิตฺวา วาตวิคเม ปุน ยถาาเน ิตานิ อุทเกน อนุปลิตฺตานิ ทิสฺวา ตมฺปิ นิมิตฺตํ อคฺคเหสิ – ‘‘กุทาสฺสุ นามาหมฺปิ ยถา เอตานิ อุทเก ชาตานิ อุทเกน อนุปลิตฺตานิ ติฏฺนฺติ, เอวเมวํ โลเก ชาโต โลเกน อนุปลิตฺโต ติฏฺเยฺย’’นฺติ. โส ปุนปฺปุนํ ‘‘ยถา สีหวาตปทุมานิ, เอวํ อสนฺตสนฺเตน อสชฺชมาเนน อนุปลิตฺเตน ภวิตพฺพ’’นฺติ จินฺเตตฺวา, รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา, วิปสฺสนฺโต ปจฺเจกโพธึ สจฺฉิกตฺวา อิมํ อุทานคาถํ อภาสิ –

‘‘สีโหว สทฺเทสุ อสนฺตสนฺโต, วาโตว ชาลมฺหิ อสชฺชมาโน;

ปทุมํว โตเยน อลิปฺปมาโน, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ.

ตตฺถ สีโหติ จตฺตาโร สีหา – ติณสีโห, ปณฺฑุสีโห, กาฬสีโห, เกสรสีโหติ. เกสรสีโห เตสํ อคฺคมกฺขายติ. โสว อิธ อธิปฺเปโต. วาโต ปุรตฺถิมาทิวเสน อเนกวิโธ, ปทุมํ รตฺตเสตาทิวเสน. เตสุ โย โกจิ วาโต ยํกิฺจิ ปทุมฺจ วฏฺฏติเยว. ตตฺถ ยสฺมา สนฺตาโส อตฺตสิเนเหน โหติ, อตฺตสิเนโห จ ตณฺหาเลโป, โสปิ ทิฏฺิสมฺปยุตฺเตน วา ทิฏฺิวิปฺปยุตฺเตน วา โลเภน โหติ, โส จ ตณฺหาเยว. สชฺชนํ ปน ตตฺถ อุปปริกฺขาวิรหิตสฺส โมเหน โหติ, โมโห จ อวิชฺชา. ตตฺถ สมเถน ตณฺหาย ปหานํ โหติ, วิปสฺสนาย, อวิชฺชาย. ตสฺมา สมเถน อตฺตสิเนหํ ปหาย สีโหว สทฺเทสุ อนิจฺจาทีสุ อสนฺตสนฺโต, วิปสฺสนาย โมหํ ปหาย วาโตว ชาลมฺหิ ขนฺธายตนาทีสุ อสชฺชมาโน, สมเถเนว โลภํ โลภสมฺปยุตฺตํ เอว ทิฏฺิฺจ ปหาย, ปทุมํว โตเยน สพฺพภวโภคโลเภน อลิปฺปมาโน. เอตฺถ จ สมถสฺส สีลํ ปทฏฺานํ, สมโถ สมาธิ, วิปสฺสนา ปฺาติ. เอวํ เตสุ ทฺวีสุ ธมฺเมสุ สิทฺเธสุ ตโยปิ ขนฺธา สิทฺธา โหนฺติ. ตตฺถ สีลกฺขนฺเธน สุรโต โหติ. โส สีโหว สทฺเทสุ อาฆาตวตฺถูสุ กุชฺฌิตุกามตาย น สนฺตสติ. ปฺากฺขนฺเธน ปฏิวิทฺธสภาโว วาโตว ชาลมฺหิ ขนฺธาทิธมฺมเภเท น สชฺชติ, สมาธิกฺขนฺเธน วีตราโค ปทุมํว โตเยน ราเคน น ลิปฺปติ. เอวํ สมถวิปสฺสนาหิ สีลสมาธิปฺากฺขนฺเธหิ จ ยถาสมฺภวํ อวิชฺชาตณฺหานํ ติณฺณฺจ อกุสลมูลานํ ปหานวเสน อสนฺตสนฺโต อสชฺชมาโน อลิปฺปมาโน จ เวทิตพฺโพ. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ.

อสนฺตสนฺตคาถาวณฺณนา สมตฺตา.

๗๒. สีโห ยถาติ กา อุปฺปตฺติ? อฺตโร กิร พาราณสิราชา ปจฺจนฺตํ กุปฺปิตํ วูปสเมตุํ คามานุคามิมคฺคํ ฉฑฺเฑตฺวา, อุชุํ อฏวิมคฺคํ คเหตฺวา, มหติยา เสนาย คจฺฉติ. เตน จ สมเยน อฺตรสฺมึ ปพฺพตปาเท สีโห พาลสูริยาตปํ ตปฺปมาโน นิปนฺโน โหติ. ตํ ทิสฺวา ราชปุริโส รฺโ อาโรเจสิ. ราชา ‘‘สีโห กิร สทฺเทน น สนฺตสตี’’ติ เภริสงฺขปณวาทีหิ สทฺทํ การาเปสิ. สีโห ตเถว นิปชฺชิ. ทุติยมฺปิ การาเปสิ. สีโห ตเถว นิปชฺชิ. ตติยมฺปิ การาเปสิ. สีโห ‘‘มม ปฏิสตฺตุ อตฺถี’’ติ จตูหิ ปาเทหิ สุปฺปติฏฺิตํ ปติฏฺหิตฺวา สีหนาทํ นทิ. ตํ สุตฺวาว หตฺถาโรหาทโย หตฺถิอาทีหิ โอโรหิตฺวา ติณคหนานิ ปวิฏฺา, หตฺถิอสฺสคณา ทิสาวิทิสา ปลาตา. รฺโ หตฺถีปิ ราชานํ คเหตฺวา วนคหนานิ โปถยมาโน ปลายิ. โส ตํ สนฺธาเรตุํ อสกฺโกนฺโต รุกฺขสาขาย โอลมฺพิตฺวา, ปถวึ ปติตฺวา, เอกปทิกมคฺเคน คจฺฉนฺโต ปจฺเจกพุทฺธานํ วสนฏฺานํ ปาปุณิตฺวา ตตฺถ ปจฺเจกพุทฺเธ ปุจฺฉิ – ‘‘อปิ, ภนฺเต, สทฺทมสฺสุตฺถา’’ติ? ‘‘อาม, มหาราชา’’ติ. ‘‘กสฺส สทฺทํ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘ปมํ เภริสงฺขาทีนํ, ปจฺฉา สีหสฺสา’’ติ. ‘‘น ภายิตฺถ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘น มยํ, มหาราช, กสฺสจิ สทฺทสฺส ภายามา’’ติ. ‘‘สกฺกา ปน, ภนฺเต, มยฺหมฺปิ เอทิสํ กาตุ’’นฺติ? ‘‘สกฺกา, มหาราช, สเจ ปพฺพชสี’’ติ. ‘‘ปพฺพชามิ, ภนฺเต’’ติ. ตโต นํ ปพฺพาเชตฺวา ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว อาภิสมาจาริกํ สิกฺขาเปสุํ. โสปิ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว วิปสฺสนฺโต ปจฺเจกโพธึ สจฺฉิกตฺวา อิมํ อุทานคาถํ อภาสิ –

‘‘สีโห ยถา ทาพลี ปสยฺห, ราชา มิคานํ อภิภุยฺย จารี;

เสเวถ ปนฺตานิ เสนาสนานิ, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ.

ตตฺถ สหนา จ หนนา จ สีฆชวตฺตา จ สีโห. เกสรสีโหว อิธ อธิปฺเปโต. ทาา พลมสฺส อตฺถีติ ทาพลี. ปสยฺห อภิภุยฺยาติ, อุภยํ จารีสทฺเทน สห โยเชตพฺพํ ปสยฺหจารี อภิภุยฺยจารีติ ตตฺถ ปสยฺห นิคฺคเหตฺวา จรเณน ปสยฺหจารี, อภิภวิตฺวา, สนฺตาเสตฺวา, วสีกตฺวา, จรเณน อภิภุยฺยจารี. สฺวายํ กายพเลน ปสยฺหจารี, เตชสา อภิภุยฺยจารี. ตตฺถ สเจ โกจิ วเทยฺย – ‘‘กึ ปสยฺห อภิภุยฺย จารี’’ติ, ตโต มิคานนฺติ สามิวจนํ อุปโยควจนํ กตฺวา ‘‘มิเค ปสยฺห อภิภุยฺย จารี’’ติ ปฏิวตฺตพฺพํ. ปนฺตานีติ ทูรานิ. เสนาสนานีติ วสนฏฺานานิ. เสสํ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว สกฺกา ชานิตุนฺติ น วิตฺถาริตนฺติ.

ทาพลีคาถาวณฺณนา สมตฺตา.

๗๓. เมตฺตํ อุเปกฺขนฺติ กา อุปฺปตฺติ? อฺตโร กิร ราชา เมตฺตาทิฌานลาภี อโหสิ. โส ‘‘ฌานสุขนฺตรายกรํ รชฺช’’นฺติ ฌานานุรกฺขณตฺถํ รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนฺโต ปจฺเจกโพธึ สจฺฉิกตฺวา, อิมํ อุทานคาถํ อภาสิ –

เมตฺตํ อุเปกฺขํ กรุณํ วิมุตฺตึ, อาเสวมาโน มุทิตฺจ กาเล;

สพฺเพน โลเกน อวิรุชฺฌมาโน, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ.

ตตฺถ ‘‘สพฺเพ สตฺตา สุขิตา โหนฺตู’’ติอาทินา นเยน หิตสุขุปนยนกามตา เมตฺตา. ‘‘อโห วต อิมมฺหา ทุกฺขา วิมุจฺเจยฺยุ’’นฺติอาทินา นเยน อหิตทุกฺขาปนยนกามตา กรุณา. ‘‘โมทนฺติ วต โภนฺโต สตฺตา โมทนฺติ สาธุ สุฏฺู’’ติอาทินา นเยน หิตสุขาวิปฺปโยคกามตา มุทิตา. ‘‘ปฺายิสฺสนฺติ สเกน กมฺเมนา’’ติ สุขทุกฺเขสุ อชฺฌุเปกฺขนตา อุเปกฺขา. คาถาพนฺธสุขตฺถํ ปน อุปฺปฏิปาฏิยา เมตฺตํ วตฺวา อุเปกฺขา วุตฺตา, มุทิตา ปจฺฉา. วิมุตฺตินฺติ จตสฺโสปิ หิ เอตา อตฺตโน ปจฺจนีกธมฺเมหิ วิมุตฺตตฺตา วิมุตฺติโย. เตน วุตฺตํ ‘‘เมตฺตํ อุเปกฺขํ กรุณํ, วิมุตฺตึ, อาเสวมาโน มุทิตฺจ กาเล’’ติ.

ตตฺถ อาเสวมาโนติ ติสฺโส ติกจตุกฺกชฺฌานวเสน, อุเปกฺขํ จตุตฺถชฺฌานวเสน ภาวยมาโน. กาเลติ เมตฺตํ อาเสวิตฺวา ตโต วุฏฺาย กรุณํ, ตโต วุฏฺาย มุทิตํ, ตโต อิตรโต วา นิปฺปีติกฌานโต วุฏฺาย อุเปกฺขํ อาเสวมาโน ‘‘กาเล อาเสวมาโน’’ติ วุจฺจติ, อาเสวิตุํ ผาสุกาเล วา. สพฺเพน โลเกน อวิรุชฺฌมาโนติ ทสสุ ทิสาสุ สพฺเพน สตฺตโลเกน อวิรุชฺฌมาโน. เมตฺตาทีนฺหิ ภาวิตตฺตา สตฺตา อปฺปฏิกูลา โหนฺติ. สตฺเตสุ จ วิโรธภูโต ปฏิโฆ วูปสมฺมติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘สพฺเพน โลเกน อวิรุชฺฌมาโน’’ติ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาเรน ปน เมตฺตาทิกถา อฏฺสาลินิยา ธมฺมสงฺคหฏฺกถายํ (ธ. ส. อฏฺ. ๒๕๑) วุตฺตา. เสสํ ปุพฺพวุตฺตสทิสเมวาติ.

อปฺปมฺาคาถาวณฺณนา สมตฺตา.

๗๔. ราคฺจ โทสฺจาติ กา อุปฺปตฺติ? ราชคหํ กิร อุปนิสฺสาย มาตงฺโค นาม ปจฺเจกพุทฺโธ วิหรติ สพฺพปจฺฉิโม ปจฺเจกพุทฺธานํ. อถ อมฺหากํ โพธิสตฺเต อุปฺปนฺเน เทวตาโย โพธิสตฺตสฺส ปูชนตฺถาย อาคจฺฉนฺติโย ตํ ทิสฺวา ‘‘มาริสา, มาริสา, พุทฺโธ โลเก อุปฺปนฺโน’’ติ ภณึสุ. โส นิโรธา วุฏฺหนฺโต ตํ สทฺทํ สุตฺวา, อตฺตโน จ ชีวิตกฺขยํ ทิสฺวา, หิมวนฺเต มหาปปาโต นาม ปพฺพโต ปจฺเจกพุทฺธานํ ปรินิพฺพานฏฺานํ, ตตฺถ อากาเสน คนฺตฺวา ปุพฺเพ ปรินิพฺพุตปจฺเจกพุทฺธสฺส อฏฺิสงฺฆาตํ ปปาเต ปกฺขิปิตฺวา, สิลาตเล นิสีทิตฺวา อิมํ อุทานคาถํ อภาสิ –

‘‘ราคฺจ โทสฺจ ปหาย โมหํ, สนฺทาลยิตฺวาน สํโยชนานิ;

อสนฺตสํ ชีวิตสงฺขยมฺหิ, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ.

ตตฺถ ราคโทสโมหา อุรคสุตฺเต วุตฺตา. สํโยชนานีติ ทส สํโยชนานิ. ตานิ จ เตน เตน มคฺเคน สนฺทาลยิตฺวา. อสนฺตสํ ชีวิตสงฺขยมฺหีติ ชีวิตสงฺขโย วุจฺจติ จุติจิตฺตสฺส ปริเภโท, ตสฺมิฺจ ชีวิตสงฺขเย ชีวิตนิกนฺติยา ปหีนตฺตา อสนฺตสนฺติ. เอตฺตาวตา โสปาทิเสสํ นิพฺพานธาตุํ อตฺตโน ทสฺเสตฺวา คาถาปริโยสาเน อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายีติ.

ชีวิตสงฺขยคาถาวณฺณนา สมตฺตา.

๗๕. ภชนฺตีติ กา อุปฺปตฺติ? พาราณสิยํ กิร อฺตโร ราชา อาทิคาถาย วุตฺตปฺปการเมว ผีตํ รชฺชํ สมนุสาสติ. ตสฺส ขโร อาพาโธ อุปฺปชฺชิ, ทุกฺขา เวทนา วตฺตนฺติ. วีสติสหสฺสิตฺถิโย ปริวาเรตฺวา หตฺถปาทสมฺพาหนาทีนิ กโรนฺติ. อมจฺจา ‘‘น ทานายํ ราชา ชีวิสฺสติ, หนฺท มยํ อตฺตโน สรณํ คเวสามา’’ติ จินฺเตตฺวา อฺสฺส รฺโ สนฺติกํ คนฺตฺวา อุปฏฺานํ ยาจึสุ. เต ตตฺถ อุปฏฺหนฺติเยว, น กิฺจิ ลภนฺติ. ราชาปิ อาพาธา วุฏฺหิตฺวา ปุจฺฉิ ‘‘อิตฺถนฺนาโม จ อิตฺถนฺนาโม จ กุหิ’’นฺติ? ตโต ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา สีสํ จาเลตฺวา ตุณฺหี อโหสิ. เตปิ อมจฺจา ‘‘ราชา วุฏฺิโต’’ติ สุตฺวา ตตฺถ กิฺจิ อลภมานา ปรเมน ปาริชุฺเน สมนฺนาคตา ปุนเทว อาคนฺตฺวา ราชานํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺํสุ. เตน จ รฺา ‘‘กุหึ, ตาตา, ตุมฺเห คตา’’ติ วุตฺตา อาหํสุ – ‘‘เทวํ ทุพฺพลํ ทิสฺวา อาชีวิกภเยนมฺหา อสุกํ นาม ชนปทํ คตา’’ติ. ราชา สีสํ จาเลตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘ยํนูนาหํ อิเม วีมํเสยฺยํ, กึ ปุนปิ เอวํ กเรยฺยุํ โน’’ติ? โส ปุพฺเพ อาพาธิกโรเคน ผุฏฺโ วิย พาฬฺหเวทนํ อตฺตานํ ทสฺเสนฺโต คิลานาลยํ อกาสิ. อิตฺถิโย สมฺปริวาเรตฺวา ปุพฺพสทิสเมว สพฺพํ อกํสุ. เตปิ อมจฺจา ตเถว ปุน พหุตรํ ชนํ คเหตฺวา ปกฺกมึสุ. เอวํ ราชา ยาวตติยํ สพฺพํ ปุพฺพสทิสํ อกาสิ. เตปิ ตเถว ปกฺกมึสุ. ตโต จตุตฺถมฺปิ เต อาคเต ทิสฺวา ‘‘อโห อิเม ทุกฺกรํ อกํสุ, เย มํ พฺยาธิตํ ปหาย อนเปกฺขา ปกฺกมึสู’’ติ นิพฺพินฺโน รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนฺโต ปจฺเจกโพธึ สจฺฉิกตฺวา อิมํ อุทานคาถํ อภาสิ –

‘‘ภชนฺติ เสวนฺติ จ การณตฺถา, นิกฺการณา ทุลฺลภา อชฺช มิตฺตา;

อตฺตฏฺปฺา อสุจี มนุสฺสา, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ.

ตตฺถ ภชนฺตีติ สรีเรน อลฺลียิตฺวา ปยิรุปาสนฺติ. เสวนฺตีติ อฺชลิกมฺมาทีหิ กึ การปฏิสฺสาวิตาย จ ปริจรนฺติ. การณํ อตฺโถ เอเตสนฺติ การณตฺถา, ภชนาย เสวนาย จ นาฺํ การณมตฺถิ, อตฺโถ เอว เนสํ การณํ, อตฺถเหตุ เสวนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. นิกฺการณา ทุลฺลภา อชฺช มิตฺตาติ ‘‘อิโต กิฺจิ ลจฺฉามา’’ติ เอวํ อตฺตปฏิลาภการเณน นิกฺการณา, เกวลํ –

‘‘อุปกาโร จ โย มิตฺโต,

สุเข ทุกฺเข จ โย สขา;

อตฺถกฺขายี จ โย มิตฺโต,

โย จ มิตฺตานุกมฺปโก’’ติ. (ที. นิ. ๓.๒๖๕) –

เอวํ วุตฺเตน อริเยน มิตฺตภาเวน สมนฺนาคตา ทุลฺลภา อชฺช มิตฺตา. อตฺตนิ ิตา เอเตสํ ปฺา, อตฺตานํเยว โอโลเกนฺติ, น อฺนฺติ อตฺตฏฺปฺา. ทิฏฺตฺถปฺาติ อยมฺปิ กิร โปราณปาโ, สมฺปติ ทิฏฺิเยว อตฺเถ เอเตสํ ปฺา, อายตึ น เปกฺขนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. อสุจีติ อสุจินา อนริเยน กายวจีมโนกมฺเมน สมนฺนาคตา. เสสํ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพนฺติ.

การณตฺถคาถาวณฺณนา สมตฺตา.

จตุตฺโถ วคฺโค นิฏฺิโต เอกาทสหิ คาถาหิ.

เอวเมตํ เอกจตฺตาลีสคาถาปริมาณํ ขคฺควิสาณสุตฺตํ กตฺถจิเทว วุตฺเตน โยชนานเยน สพฺพตฺถ ยถานุรูปํ โยเชตฺวา อนุสนฺธิโต อตฺถโต จ เวทิตพฺพํ. อติวิตฺถารภเยน ปน อมฺเหหิ น สพฺพตฺถ โยชิตนฺติ.

ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย

สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย ขคฺควิสาณสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. กสิภารทฺวาชสุตฺตวณฺณนา

เอวํ เม สุตนฺติ กสิภารทฺวาชสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? ภควา มคเธสุ วิหรนฺโต ทกฺขิณาคิริสฺมึ เอกนาลายํ พฺราหฺมณคาเม ปุเรภตฺตกิจฺจํ ปจฺฉาภตฺตกิจฺจนฺติ อิเมสุ ทฺวีสุ พุทฺธกิจฺเจสุ ปุเรภตฺตกิจฺจํ นิฏฺาเปตฺวา ปจฺฉาภตฺตกิจฺจาวสาเน พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกนฺโต กสิภารทฺวาชํ พฺราหฺมณํ อรหตฺตสฺส อุปนิสฺสยสมฺปนฺนํ ทิสฺวา ‘‘ตตฺถ มยิ คเต ยถา ปวตฺติสฺสติ, ตโต กถาวสาเน ธมฺมเทสนํ สุตฺวา เอส พฺราหฺมโณ ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสตี’’ติ จ ตฺวา, ตตฺถ คนฺตฺวา, กถํ สมุฏฺาเปตฺวา, อิมํ สุตฺตํ อภาสิ.

ตตฺถ สิยา ‘‘กตมํ พุทฺธานํ ปุเรภตฺตกิจฺจํ, กตมํ ปจฺฉาภตฺตกิจฺจ’’นฺติ? วุจฺจเต – พุทฺโธ ภควา ปาโต เอว อุฏฺาย อุปฏฺากานุคฺคหตฺถํ สรีรผาสุกตฺถฺจ มุขโธวนาทิสรีรปริกมฺมํ กตฺวา ยาว ภิกฺขาจารเวลา, ตาว วิวิตฺตาสเน วีตินาเมตฺวา, ภิกฺขาจารเวลาย นิวาเสตฺวา, กายพนฺธนํ พนฺธิตฺวา, จีวรํ ปารุปิตฺวา, ปตฺตมาทาย กทาจิ เอกโกว กทาจิ ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต คามํ วา นิคมํ วา ปิณฺฑาย ปวิสติ, กทาจิ ปกติยา, กทาจิ อเนเกหิ ปาฏิหาริเยหิ วตฺตมาเนหิ. เสยฺยถิทํ – ปิณฺฑาย ปวิสโต โลกนาถสฺส ปุรโต ปุรโต คนฺตฺวา มุทุคติโย วาตา ปถวึ โสเธนฺติ; วลาหกา อุทกผุสิตานิ มุฺจนฺตา มคฺเค เรณุํ วูปสเมตฺวา อุปริ วิตานํ หุตฺวา ติฏฺนฺติ. อปเร วาตา ปุปฺผานิ อุปสํหริตฺวา มคฺเค โอกิรนฺติ, อุนฺนตา ภูมิปฺปเทสา โอนมนฺติ, โอนตา อุนฺนมนฺติ, ปาทนิกฺเขปสมเย สมาว ภูมิ โหติ, สุขสมฺผสฺสานิ รถจกฺกมตฺตานิ ปทุมปุปฺผานิ วา ปาเท สมฺปฏิจฺฉนฺติ, อินฺทขีลสฺส อนฺโต ปิตมตฺเต ทกฺขิณปาเท สรีรา ฉพฺพณฺณรสฺมิโย นิจฺฉริตฺวา สุวณฺณรสปิฺชรานิ วิย จิตฺรปฏปริกฺขิตฺตานิ วิย จ ปาสาทกูฏาคาราทีนิ กโรนฺติโย อิโต จิโต จ วิธาวนฺติ, หตฺถิอสฺสวิหงฺคาทโย สกสกฏฺาเนสุ ิตาเยว มธุเรนากาเรน สทฺทํ กโรนฺติ, ตถา เภริวีณาทีนิ ตูริยานิ มนุสฺสานํ กายูปคานิ จ อาภรณานิ, เตน สฺาเณน มนุสฺสา ชานนฺติ ‘‘อชฺช ภควา อิธ ปิณฺฑาย ปวิฏฺโ’’ติ. เต สุนิวตฺถา สุปารุตา คนฺธปุปฺผาทีนิ อาทาย ฆรา นิกฺขมิตฺวา อนฺตรวีถึ ปฏิปชฺชิตฺวา ภควนฺตํ คนฺธปุปฺผาทีหิ สกฺกจฺจํ ปูเชตฺวา วนฺทิตฺวา – ‘‘อมฺหากํ, ภนฺเต, ทส ภิกฺขู, อมฺหากํ วีสติ, อมฺหากํ ภิกฺขุสตํ เทถา’’ติ ยาจิตฺวา ภควโตปิ ปตฺตํ คเหตฺวา, อาสนํ ปฺาเปตฺวา สกฺกจฺจํ ปิณฺฑปาเตน ปฏิมาเนนฺติ.

ภควา กตภตฺตกิจฺโจ เตสํ สนฺตานานิ โอโลเกตฺวา ตถา ธมฺมํ เทเสติ, ยถา เกจิ สรณคมเน ปติฏฺหนฺติ, เกจิ ปฺจสุ สีเลสุ, เกจิ โสตาปตฺติสกทาคามิอนาคามิผลานํ อฺตรสฺมึ, เกจิ ปพฺพชิตฺวา อคฺคผเล อรหตฺเตติ. เอวํ ตถา ตถา ชนํ อนุคฺคเหตฺวา อุฏฺายาสนา วิหารํ คจฺฉติ. ตตฺถ มณฺฑลมาเฬ ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสีทติ ภิกฺขูนํ ภตฺตกิจฺจปริโยสานํ อาคมยมาโน. ตโต ภิกฺขูนํ ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน อุปฏฺาโก ภควโต นิเวเทติ. อถ ภควา คนฺธกุฏึ ปวิสติ. อิทํ ตาว ปุเรภตฺตกิจฺจํ. ยฺเจตฺถ น วุตฺตํ, ตํ พฺรหฺมายุสุตฺเต วุตฺตนเยเนว คเหตพฺพํ.

อถ ภควา เอวํ กตปุเรภตฺตกิจฺโจ คนฺธกุฏิยา อุปฏฺาเน นิสีทิตฺวา, ปาเท ปกฺขาเลตฺวา, ปาทปีเ ตฺวา, ภิกฺขุสงฺฆํ โอวทติ – ‘‘ภิกฺขเว, อปฺปมาเทน สมฺปาเทถ, พุทฺธุปฺปาโท ทุลฺลโภ โลกสฺมึ, มนุสฺสปฏิลาโภ ทุลฺลโภ, สทฺธาสมฺปตฺติ ทุลฺลภา, ปพฺพชฺชา ทุลฺลภา, สทฺธมฺมสฺสวนํ ทุลฺลภํ โลกสฺมิ’’นฺติ. ตโต ภิกฺขู ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา กมฺมฏฺานํ ปุจฺฉนฺติ. อถ ภควา ภิกฺขูนํ จริยวเสน กมฺมฏฺานํ เทติ. เต กมฺมฏฺานํ อุคฺคเหตฺวา, ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา, อตฺตโน อตฺตโน วสนฏฺานํ คจฺฉนฺติ; เกจิ อรฺํ, เกจิ รุกฺขมูลํ, เกจิ ปพฺพตาทีนํ อฺตรํ, เกจิ จาตุมหาราชิกภวนํ…เป… เกจิ วสวตฺติภวนนฺติ. ตโต ภควา คนฺธกุฏึ ปวิสิตฺวา สเจ อากงฺขติ, ทกฺขิเณน ปสฺเสน สโต สมฺปชาโน มุหุตฺตํ สีหเสยฺยํ กปฺเปติ. อถ สมสฺสาสิตกาโย อุฏฺหิตฺวา ทุติยภาเค โลกํ โวโลเกติ. ตติยภาเค ยํ คามํ วา นิคมํ วา อุปนิสฺสาย วิหรติ, ตตฺถ ชโน ปุเรภตฺตํ ทานํ ทตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ สุนิวตฺโถ สุปารุโต คนฺธปุปฺผาทีนิ อาทาย วิหาเร สนฺนิปตติ. ตโต ภควา สมฺปตฺตปริสาย อนุรูเปน ปาฏิหาริเยน คนฺตฺวา ธมฺมสภายํ ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสชฺช ธมฺมํ เทเสติ กาลยุตฺตํ ปมาณยุตฺตํ. อถ กาลํ วิทิตฺวา ปริสํ อุยฺโยเชติ.

ตโต สเจ คตฺตานิ โอสิฺจิตุกาโม โหติ. อถ พุทฺธาสนา อุฏฺาย อุปฏฺาเกน อุทกปฏิยาทิโตกาสํ คนฺตฺวา, อุปฏฺากหตฺถโต อุทกสาฏิกํ คเหตฺวา, นฺหานโกฏฺกํ ปวิสติ. อุปฏฺาโกปิ พุทฺธาสนํ อาเนตฺวา คนฺธกุฏิปริเวเณ ปฺาเปติ. ภควา คตฺตานิ โอสิฺจิตฺวา, สุรตฺตทุปฏฺฏํ นิวาเสตฺวา, กายพนฺธนํ พนฺธิตฺวา, อุตฺตราสงฺคํ กตฺวา, ตตฺถ อาคนฺตฺวา, นิสีทติ เอกโกว มุหุตฺตํ ปฏิสลฺลีโน. อถ ภิกฺขู ตโต ตโต อาคมฺม ภควโต อุปฏฺานํ คจฺฉนฺติ. ตตฺถ เอกจฺเจ ปฺหํ ปุจฺฉนฺติ, เอกจฺเจ กมฺมฏฺานํ, เอกจฺเจ ธมฺมสฺสวนํ ยาจนฺติ. ภควา เตสํ อธิปฺปายํ สมฺปาเทนฺโต ปมํ ยามํ วีตินาเมติ.

มชฺฌิมยาเม สกลทสสหสฺสิโลกธาตุเทวตาโย โอกาสํ ลภมานา ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปฺหํ ปุจฺฉนฺติ ยถาภิสงฺขตํ อนฺตมโส จตุรกฺขรมฺปิ. ภควา ตาสํ เทวตานํ ปฺหํ วิสฺสชฺเชนฺโต มชฺฌิมยามํ วีตินาเมติ. ตโต ปจฺฉิมยามํ จตฺตาโร ภาเค กตฺวา เอกํ ภาคํ จงฺกมํ อธิฏฺาติ, ทุติยภาคํ คนฺธกุฏึ ปวิสิตฺวา ทกฺขิเณน ปสฺเสน สโต สมฺปชาโน สีหเสยฺยํ กปฺเปติ, ตติยภาคํ ผลสมาปตฺติยา วีตินาเมติ, จตุตฺถภาคํ มหากรุณาสมาปตฺตึ ปวิสิตฺวา พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกติ อปฺปรชกฺขมหารชกฺขาทิสตฺตทสฺสนตฺถํ. อิทํ ปจฺฉาภตฺตกิจฺจํ.

เอวมิมสฺส ปจฺฉาภตฺตกิจฺจสฺส โลกโวโลกนสงฺขาเต จตุตฺถภาคาวสาเน พุทฺธธมฺมสงฺเฆสุ ทานสีลอุโปสถกมฺมาทีสุ จ อกตาธิกาเร กตาธิกาเร จ อนุปนิสฺสยสมฺปนฺเน อุปนิสฺสยสมฺปนฺเน จ สตฺเต ปสฺสิตุํ พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกนฺโต กสิภารทฺวาชํ พฺราหฺมณํ อรหตฺตสฺส อุปนิสฺสยสมฺปนฺนํ ทิสฺวา ‘‘ตตฺถ มยิ คเต กถา ปวตฺติสฺสติ, ตโต กถาวสาเน ธมฺมเทสนํ สุตฺวา เอส พฺราหฺมโณ ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสตี’’ติ จ ตฺวา, ตตฺถ คนฺตฺวา, กถํ สมุฏฺาเปตฺวา อิมํ สุตฺตมภาสิ.

ตตฺถ เอวํ เม สุตนฺติอาทิ อายสฺมตา อานนฺเทน ปมมหาสงฺคีติกาเล ธมฺมสงฺคีตึ กโรนฺเตน อายสฺมตา มหากสฺสปตฺเถเรน ปุฏฺเน ปฺจนฺนํ อรหนฺตสตานํ วุตฺตํ, ‘‘อหํ, โข, สมณ กสามิ จ วปามิ จา’’ติ กสิภารทฺวาเชน วุตฺตํ, ‘‘อหมฺปิ โข พฺราหฺมณ กสามิ จ วปามิ จา’’ติอาทิ ภควตา วุตฺตํ. ตเทตํ สพฺพมฺปิ สโมธาเนตฺวา ‘‘กสิภารทฺวาชสุตฺต’’นฺติ วุจฺจติ.

ตตฺถ เอวนฺติ อยํ อาการนิทสฺสนาวธารณตฺโถ เอวํ-สทฺโท. อาการตฺเถน หิ เอเตน เอตมตฺถํ ทีเปติ – นานานยนิปุณมเนกชฺฌาสยสมุฏฺานํ อตฺถพฺยฺชนสมฺปนฺนํ วิวิธปาฏิหาริยํ ธมฺมตฺถเทสนาปฏิเวธคมฺภีรํ สพฺพสตฺเตหิ สกสกภาสานุรูปมุปลกฺขณิยสภาวํ ตสฺส ภควโต วจนํ, ตํ สพฺพากาเรน โก สมตฺโถ วิฺาตุํ; อถ, โข, ‘‘เอวํ เม สุตํ, มยาปิ เอเกนากาเรน สุต’’นฺติ. นิทสฺสนตฺเถน ‘‘นาหํ สยมฺภู, น มยา อิทํ สจฺฉิกต’’นฺติ อตฺตานํ ปริโมเจนฺโต ‘‘เอวํ เม สุตํ, มยา เอวํ สุต’’นฺติ อิทานิ วตฺตพฺพํ สกลสุตฺตํ นิทสฺเสติ. อวธารณตฺเถน ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ พหุสฺสุตานํ ยทิทํ อานนฺโท, คติมนฺตานํ, สติมนฺตานํ, ธิติมนฺตานํ, อุปฏฺากานํ ยทิทํ อานนฺโท’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๑๙-๒๒๓) เอวํ ภควตา ปสตฺถภาวานุรูปํ อตฺตโน ธารณพลํ ทสฺเสนฺโต สตฺตานํ โสตุกมฺยตํ ชเนติ ‘‘เอวํ เม สุตํ ตฺจ อตฺถโต วา พฺยฺชนโต วา อนูนมนธิกํ, เอวเมว, น อฺถา ทฏฺพฺพ’’นฺติ. เม สุตนฺติ เอตฺถ มยาสทฺทตฺโถ เม-สทฺโท, โสตทฺวารวิฺาณตฺโถ สุตสทฺโท. ตสฺมา เอวํ เม สุตนฺติ เอวํ มยา โสตวิฺาณปุพฺพงฺคมาย วิฺาณวีถิยา อุปธาริตนฺติ วุตฺตํ โหติ.

เอกํ สมยนฺติ เอกํ กาลํ. ภควาติ ภาคฺยวา, ภคฺควา, ภตฺตวาติ วุตฺตํ โหติ. มคเธสุ วิหรตีติ มคธา นาม ชนปทิโน ราชกุมารา, เตสํ นิวาโส เอโกปิ ชนปโท รุฬฺหีสทฺเทน ‘‘มคธา’’ติ วุจฺจติ. ตสฺมึ มคเธสุ ชนปเท. เกจิ ปน ‘‘ยสฺมา เจติยราชา มุสาวาทํ ภณิตฺวา ภูมึ ปวิสนฺโต ‘มา คธํ ปวิสา’ติ วุตฺโต, ยสฺมา วา ตํ ราชานํ มคฺคนฺตา ภูมึ ขนนฺตา ปุริสา ‘มา คธํ กโรถา’ติ วุตฺตา, ตสฺมา มคธา’’ติ เอวมาทีหิ นเยหิ พหุธา ปปฺเจนฺติ. ยํ รุจฺจติ, ตํ คเหตพฺพนฺติ. วิหรตีติ เอกํ อิริยาปถพาธนํ อปเรน อิริยาปเถน วิจฺฉินฺทิตฺวา อปริปตนฺตํ อตฺตภาวํ หรติ, ปวตฺเตตีติ วุตฺตํ โหติ. ทิพฺพพฺรหฺมอริยวิหาเรหิ วา สตฺตานํ วิวิธํ หิตํ หรตีติ วิหรติ. หรตีติ อุปสํหรติ, อุปเนติ, ชเนติ, อุปฺปาเทตีติ วุตฺตํ โหติ. ตถา หิ ยทา สตฺตา กาเมสุ วิปฺปฏิปชฺชนฺติ, ตทา กิร ภควา ทิพฺเพน วิหาเรน วิหรติ เตสํ อโลภกุสลมูลุปฺปาทนตฺถํ – ‘‘อปฺเปว นาม อิมํ ปฏิปตฺตึ ทิสฺวา เอตฺถ รุจึ อุปฺปาเทตฺวา กาเมสุ วิรชฺเชยฺยุ’’นฺติ. ยทา ปน อิสฺสริยตฺถํ สตฺเตสุ วิปฺปฏิปชฺชนฺติ, ตทา พฺรหฺมวิหาเรน วิหรติ เตสํ อโทสกุสลมูลุปฺปาทนตฺถํ – ‘‘อปฺเปว นาม อิมํ ปฏิปตฺตึ ทิสฺวา เอตฺถ รุจึ อุปฺปาเทตฺวา อโทเสน โทสํ วูปสเมยฺยุ’’นฺติ. ยทา ปน ปพฺพชิตา ธมฺมาธิกรณํ วิวทนฺติ, ตทา อริยวิหาเรน วิหรติ เตสํ อโมหกุสลมูลุปฺปาทนตฺถํ – ‘‘อปฺเปว นาม อิมํ ปฏิปตฺตึ ทิสฺวา เอตฺถ รุจึ อุปฺปาเทตฺวา อโมเหน โมหํ วูปสเมยฺยุ’’นฺติ. อิริยาปถวิหาเรน ปน น กทาจิ น วิหรติ ตํ วินา อตฺตภาวปริหรณาภาวโตติ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถารํ ปน มงฺคลสุตฺตวณฺณนายํ วกฺขาม.

ทกฺขิณาคิริสฺมินฺติ โย โส ราชคหํ ปริวาเรตฺวา ิโต คิริ, ตสฺส ทกฺขิณปสฺเส ชนปโท ‘‘ทกฺขิณาคิรี’’ติ วุจฺจติ, ตสฺมึ ชนปเทติ วุตฺตํ โหติ. ตตฺถ วิหารสฺสาปิ ตเทว นามํ. เอกนาฬายํ พฺราหฺมณคาเมติ เอกนาฬาติ ตสฺส คามสฺส นามํ. พฺราหฺมณา เจตฺถ สมฺพหุลา ปฏิวสนฺติ, พฺราหฺมณโภโค วา โส, ตสฺมา ‘‘พฺราหฺมณคาโม’’ติ วุจฺจติ.

เตน โข ปน สมเยนาติ ยํ สมยํ ภควา อปราชิตปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุชฺฌิตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺโก มคธรฏฺเ เอกนาฬํ พฺราหฺมณคามํ อุปนิสฺสาย ทกฺขิณาคิริมหาวิหาเร พฺราหฺมณสฺส อินฺทฺริยปริปากํ อาคมยมาโน วิหรติ, เตน สมเยน กรณภูเตนาติ วุตฺตํ โหติ. โข ปนาติ อิทํ ปเนตฺถ นิปาตทฺวยํ ปทปูรณมตฺตํ, อธิการนฺตรทสฺสนตฺถํ วาติ ทฏฺพฺพํ. กสิภารทฺวาชสฺส พฺราหฺมณสฺสาติ โส พฺราหฺมโณ กสิยา ชีวติ, ภารทฺวาโชติ จสฺส โคตฺตํ, ตสฺมา เอวํ วุจฺจติ. ปฺจมตฺตานีติ ยถา – ‘‘โภชเน มตฺตฺู’’ติ เอตฺถ มตฺตสทฺโท ปมาเณ วตฺตติ, เอวมิธาปิ, ตสฺมา ปฺจปมาณานิ อนูนานิ อนธิกานิ, ปฺจนงฺคลสตานีติ วุตฺตํ โหติ. ปยุตฺตานีติ ปโยชิตานิ, พลิพทฺทานํ ขนฺเธสุ เปตฺวา ยุเค โยตฺเตหิ โยชิตานิ โหนฺตีติ อตฺโถ.

วปฺปกาเลติ วปนกาเล, พีชนิกฺขิปกาเลติ วุตฺตํ โหติ. ตตฺถ ทฺเว วปฺปานิ กลลวปฺปฺจ, ปํสุวปฺปฺจ. ปํสุวปฺปํ อิธ อธิปฺเปตํ. ตฺจ โข ปมทิวเส มงฺคลวปฺปํ. ตตฺถายํ อุปกรณสมฺปทา – ตีณิ พลิพทฺทสหสฺสานิ อุปฏฺาปิตานิ โหนฺติ, สพฺเพสํ สุวณฺณมยานิ สิงฺคานิ ปฏิมุกฺกานิ, รชตมยา ขุรา, สพฺเพ เสตมาลาหิ สพฺพคนฺธสุคนฺเธหิ ปฺจงฺคุลิเกหิ จ อลงฺกตา ปริปุณฺณงฺคปจฺจงฺคา สพฺพลกฺขณสมฺปนฺนา, เอกจฺเจ กาฬา อฺชนวณฺณาเยว, เอกจฺเจ เสตา ผลิกวณฺณา, เอกจฺเจ รตฺตา ปวาฬวณฺณา, เอกจฺเจ กมฺมาสา มสารคลฺลวณฺณา. ปฺจสตา กสฺสกปุริสา สพฺเพ อหตเสตวตฺถนิวตฺถา มาลาลงฺกตา ทกฺขิณอํสกูเฏสุ ปิตปุปฺผจุมฺพฏกา หริตาลมโนสิลาลฺฉนุชฺชลิตคตฺตภาคา ทส ทส นงฺคลา เอเกกคุมฺพา หุตฺวา คจฺฉนฺติ. นงฺคลานํ สีสฺจ ยุคฺจ ปโตทา จ สุวณฺณวินทฺธา. ปมนงฺคเล อฏฺ พลิพทฺทา ยุตฺตา, เสเสสุ จตฺตาโร จตฺตาโร, อวเสสา กิลนฺตปริวตฺตนตฺถํ อานีตา. เอเกกคุมฺเพ เอกเมกํ พีชสกฏํ เอเกโก กสติ, เอเกโก วปติ.

พฺราหฺมโณ ปน ปเคว มสฺสุกมฺมํ การาเปตฺวา นฺหตฺวา สุคนฺธคนฺเธหิ วิลิตฺโต ปฺจสตคฺฆนกํ วตฺถํ นิวาเสตฺวา สหสฺสคฺฆนกํ เอกํสํ กริตฺวา เอกเมกิสฺสา องฺคุลิยา ทฺเว ทฺเว กตฺวา วีสติ องฺคุลิมุทฺทิกาโย, กณฺเณสุ สีหกุณฺฑลานิ, สีเส จ พฺรหฺมเวนํ ปฏิมุฺจิตฺวา สุวณฺณมาลํ กณฺเ กตฺวา พฺราหฺมณคณปริวุโต กมฺมนฺตํ โวสาสติ. อถสฺส พฺราหฺมณี อเนกสตภาชเนสุ ปายาสํ ปจาเปตฺวา มหาสกเฏสุ อาโรเปตฺวา คนฺโธทเกน นฺหายิตฺวา สพฺพาลงฺการวิภูสิตา พฺราหฺมณีคณปริวุตา กมฺมนฺตํ อคมาสิ. เคหมฺปิสฺส สพฺพตฺถ คนฺเธหิ สุวิลิตฺตํ ปุปฺเผหิ สุกตพลิกมฺมํ, เขตฺตฺจ เตสุ เตสุ าเนสุ สมุสฺสิตปฏากํ อโหสิ. ปริชนกมฺมกาเรหิ สห กมฺมนฺตํ โอสฏปริสา อฑฺฒเตยฺยสหสฺสา อโหสิ. สพฺเพ อหตวตฺถนิวตฺถา, สพฺเพสฺจ ปายาสโภชนํ ปฏิยตฺตํ อโหสิ.

อถ พฺราหฺมโณ ยตฺถ สามํ ภุฺชติ, ตํ สุวณฺณปาตึ โธวาเปตฺวา ปายาสสฺส ปูเรตฺวา สปฺปิมธุผาณิตาทีนิ อภิสงฺขริตฺวา นงฺคลพลิกมฺมํ การาเปสิ. พฺราหฺมณี ปฺจ กสฺสกสตานิ สุวณฺณรชตกํสตมฺพมยานิ ภาชนานิ คเหตฺวา นิสินฺนานิ สุวณฺณกฏจฺฉุํ คเหตฺวา ปายาเสน ปริวิสนฺตี คจฺฉติ. พฺราหฺมโณ ปน พลิกมฺมํ การาเปตฺวา รตฺตสุวณฺณพนฺธูปาหนาโย อาโรหิตฺวา รตฺตสุวณฺณทณฺฑํ คเหตฺวา ‘‘อิธ ปายาสํ เทถ, อิธ สปฺปึ, อิธ สกฺขรํ เทถา’’ติ โวสาสมาโน วิจรติ. อถ ภควา คนฺธกุฏิยํ นิสินฺโนว พฺราหฺมณสฺส ปริเวสนํ วตฺตมานํ ตฺวา ‘‘อยํ กาโล พฺราหฺมณํ ทเมตุ’’นฺติ นิวาเสตฺวา, กายพนฺธนํ พนฺธิตฺวา, สงฺฆาฏึ ปารุปิตฺวา, ปตฺตํ คเหตฺวา, คนฺธกุฏิโต นิกฺขมิ ยถา ตํ อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ. เตนาห อายสฺมา อานนฺโท ‘‘อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา’’ติ.

ตตฺถ อถ อิติ นิปาโต อฺาธิการวจนารมฺเภ โขติ ปทปูรเณ. ภควาติ วุตฺตนยเมว. ปุพฺพณฺหสมยนฺติ ทิวสสฺส ปุพฺพภาคสมยํ, ปุพฺพณฺหสมเยติ อตฺโถ, ปุพฺพณฺเห วา สมยํ ปุพฺพณฺหสมยํ, ปุพฺพณฺเห เอกํ ขณนฺติ วุตฺตํ โหติ. เอวํ อจฺจนฺตสํโยเค อุปโยควจนํ ลพฺภติ. นิวาเสตฺวาติ ปริทหิตฺวา, วิหารนิวาสนปริวตฺตนวเสเนตํ เวทิตพฺพํ. น หิ ภควา ตโต ปุพฺเพ อนิวตฺโถ อาสิ. ปตฺตจีวรมาทายาติ ปตฺตํ หตฺเถหิ, จีวรํ กาเยน อาทิยิตฺวา, สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ธาเรตฺวาติ อตฺโถ. ภควโต กิร ปิณฺฑาย ปวิสิตุกามสฺส ภมโร วิย วิกสิตปทุมทฺวยมชฺฌํ, อินฺทนีลมณิวณฺณํ เสลมยํ ปตฺตํ หตฺถทฺวยมชฺฌํ อาคจฺฉติ. ตสฺมา เอวมาคตํ ปตฺตํ หตฺเถหิ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา จีวรฺจ ปริมณฺฑลํ ปารุตํ กาเยน ธาเรตฺวาติ เอวมสฺส อตฺโถ เวทิตพฺโพ. เยน วา เตน วา หิ ปกาเรน คณฺหนฺโต อาทาย อิจฺเจว วุจฺจติ ยถา ‘‘สมาทาเยว ปกฺกมตี’’ติ.

เยนาติ เยน มคฺเคน. กมฺมนฺโตติ กมฺมกรโณกาโส. เตนาติ เตน มคฺเคน. อุปสงฺกมีติ คโต, เยน มคฺเคน กสิภารทฺวาชสฺส พฺราหฺมณสฺส กมฺมนฺโต คมฺมติ, เตน มคฺเคน คโตติ วุตฺตํ โหติ. อถ กสฺมา, ภิกฺขู, ภควนฺตํ นานุพนฺธึสูติ? วุจฺจเต – ยทา ภควา เอกโกว กตฺถจิ อุปสงฺกมิตุกาโม โหติ, ภิกฺขาจารเวลายํ ทฺวารํ ปิทหิตฺวา อนฺโตคนฺธกุฏึ ปวิสติ. ตโต ภิกฺขู ตาย สฺาย ชานนฺติ – ‘‘อชฺช ภควา เอกโกว คามํ ปวิสิตุกาโม, อทฺธา กฺจิ เอว วิเนตพฺพปุคฺคลํ อทฺทสา’’ติ. เต อตฺตโน ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา, คนฺธกุฏึ ปทกฺขิณํ กตฺวา, ภิกฺขาจารํ คจฺฉนฺติ. ตทา จ ภควา เอวมกาสิ. ตสฺมา ภิกฺขู ภควนฺตํ นานุพนฺธึสูติ.

เตน โข ปน สมเยนาติ เยน สมเยน ภควา กมฺมนฺตํ อุปสงฺกมิ, เตน สมเยน ตสฺส พฺราหฺมณสฺส ปริเวสนา วตฺตติ, ภตฺตวิสฺสคฺโค วตฺตตีติ อตฺโถ. ยํ ปุพฺเพ อโวจุมฺห – ‘‘พฺราหฺมณี ปฺจ กสฺสกสตานิ สุวณฺณรชตกํสตมฺพมยานิ ภาชนานิ คเหตฺวา นิสินฺนานิ สุวณฺณกฏจฺฉุํ คเหตฺวา ปายาเสน ปริวิสนฺตี คจฺฉตี’’ติ. อถ โข ภควา เยน ปริเวสนา เตนุปสงฺกมิ. กึ การณาติ? พฺราหฺมณสฺส อนุคฺคหกรณตฺถํ. น หิ ภควา กปณปุริโส วิย โภตฺตุกามตาย ปริเวสนํ อุปสงฺกมติ. ภควโต หิ ทฺเว อสีติสหสฺสสงฺขฺยา สกฺยโกลิยราชาโน าตโย, เต อตฺตโน สมฺปตฺติยา นิพทฺธภตฺตํ ทาตุํ อุสฺสหนฺติ. น ปน ภควา ภตฺตตฺถาย ปพฺพชิโต, อปิจ โข ปน ‘‘อเนกานิ อสงฺขฺเยยฺยานิ ปฺจ มหาปริจฺจาเค ปริจฺจชนฺโต ปารมิโย ปูเรตฺวา มุตฺโต โมเจสฺสามิ, ทนฺโต ทเมสฺสามิ; สนฺโต สเมสฺสามิ, ปรินิพฺพุโต ปรินิพฺพาเปสฺสามี’’ติ ปพฺพชิโต. ตสฺมา อตฺตโน มุตฺตตฺตา…เป… ปรินิพฺพุตตฺตา จ ปรํ โมเจนฺโต…เป… ปรินิพฺพาเปนฺโต จ โลเก วิจรนฺโต พฺราหฺมณสฺส อนุคฺคหกรณตฺถํ เยน ปริเวสนา เตนุปสงฺกมีติ เวทิตพฺพํ.

อุปสงฺกมิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสีติ เอวํ อุปสงฺกมิตฺวา จ เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เอกมนฺตนฺติ ภาวนปุํสกนิทฺเทโส, เอโกกาสํ เอกปสฺสนฺติ วุตฺตํ โหติ. ภุมฺมตฺเถ วา อุปโยควจนํ, ตสฺส ทสฺสนูปจาเร กถาสวนฏฺาเน, ยตฺถ ิตํ พฺราหฺมโณ ปสฺสติ, ตตฺถ อุจฺจฏฺาเน อฏฺาสิ. ตฺวา จ สุวณฺณรสปิฺชรํ สหสฺสจนฺทสูริโยภาสาติภาสยมานํ สรีราภํ มุฺจิ สมนฺตโต อสีติหตฺถปริมาณํ, ยาย อชฺโฌตฺถริตตฺตา พฺราหฺมณสฺส กมฺมนฺตสาลาภิตฺติรุกฺขกสิตมตฺติกาปิณฺฑาทโย สุวณฺณมยา วิย อเหสุํ. อถ มนุสฺสา ปายาสํ ภุตฺตา อสีติอนุพฺยฺชนปริวารทฺวตฺตึสวรลกฺขณปฏิมณฺฑิตสรีรํ พฺยามปฺปภาปริกฺเขปวิภูสิตพาหุยุคฬํ เกตุมาลาสมุชฺชลิตสสฺสิริกทสฺสนํ ชงฺคมมิว ปทุมสฺสรํ, รํสิชาลุชฺชลิตตาราคณมิว คคนตลํ, อาทิตฺตมิว จ กนกคิริสิขรํ สิริยา ชลมานํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ เอกมนฺตํ ิตํ ทิสฺวา หตฺถปาเท โธวิตฺวา อฺชลึ ปคฺคยฺห สมฺปริวาเรตฺวา อฏฺํสุ. เอวํ เตหิ สมฺปริวาริตํ อทฺทส โข กสิภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ ปิณฺฑาย ิตํ. ทิสฺวาน ภควนฺตํ เอตทโวจ ‘‘อหํ โข, สมณ, กสามิ จ วปามิ จา’’ติ.

กสฺมา ปนายํ เอวมาห? กึ สมนฺตปาสาทิเก ปสาทนีเย อุตฺตมทมถสมถมนุปฺปตฺเตปิ ภควติ อปฺปสาเทน, อุทาหุ อฑฺฒเตยฺยานํ ชนสหสฺสานํ ปายาสํ ปฏิยาเทตฺวาปิ กฏจฺฉุภิกฺขาย มจฺเฉเรนาติ? อุภยถาปิ โน, อปิจ ขฺวาสฺส ภควโต ทสฺสเนน อติตฺตํ นิกฺขิตฺตกมฺมนฺตํ ชนํ ทิสฺวา ‘‘กมฺมภงฺคํ เม กาตุํ อาคโต’’ติ อนตฺตมนตา อโหสิ. ตสฺมา เอวมาห. ภควโต จ ลกฺขณสมฺปตฺตึ ทิสฺวา ‘‘สจายํ กมฺมนฺเต ปโยชยิสฺส, สกลชมฺพุทีเป มนุสฺสานํ สีเส จูฬามณิ วิย อภวิสฺส, โก นามสฺส อตฺโถ น สมฺปชฺชิสฺส, เอวเมวํ อลสตาย กมฺมนฺเต อปฺปโยเชตฺวา วปฺปมงฺคลาทีสุ ปิณฺฑาย จริตฺวา ภุฺชนฺโต กายทฬฺหีพหุโล วิจรตี’’ติปิสฺส อโหสิ. เตนาห – ‘‘อหํ โข, สมณ, กสามิ จ วปามิ จ, กสิตฺวา จ วปิตฺวา จ ภุฺชามี’’ติ. น เม กมฺมนฺตา พฺยาปชฺชนฺติ, น จมฺหิ ยถา ตฺวํ เอวํ ลกฺขณสมฺปนฺโนติ อธิปฺปาโย. ตฺวมฺปิ สมณ…เป… ภุฺชสฺสุ, โก เต อตฺโถ น สมฺปชฺเชยฺย เอวํ ลกฺขณสมฺปนฺนสฺสาติ อธิปฺปาโย.

อปิจายํ อสฺโสสิ – ‘‘สกฺยราชกุเล กิร กุมาโร อุปฺปนฺโน, โส จกฺกวตฺติรชฺชํ ปหาย ปพฺพชิโต’’ติ. ตสฺมา ‘‘อิทานิ อยํ โส’’ติ ตฺวา ‘‘จกฺกวตฺติรชฺชํ กิร ปหาย กิลนฺโตสี’’ติ อุปารมฺภํ กโรนฺโต อาห ‘‘อหํ โข สมณา’’ติ. อปิจายํ ติกฺขปฺโ พฺราหฺมโณ, น ภควนฺตํ อวกฺขิปนฺโต ภณติ, ภควโต ปน รูปสมฺปตฺตึ ทิสฺวา ปฺาสมฺปตฺตึ สมฺภาวยมาโน กถาปวตฺตนตฺถมฺปิ เอวมาห – ‘‘อหํ โข สมณา’’ติ. ตโต ภควา เวเนยฺยวเสน สเทวเก โลเก อคฺคกสฺสกวปฺปกภาวํ อตฺตโน ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อหมฺปิ โข พฺราหฺมณา’’ติ.

อถ พฺราหฺมณสฺส จินฺตา อุทปาทิ – ‘‘อยํ สมโณ ‘กสามิ จ วปามิ จา’ติ อาห. น จสฺส โอฬาริกานิ ยุคนงฺคลาทีนิ กสิภณฺฑานิ ปสฺสามิ, โส มุสา นุ โข ภณติ, โน’’ติ ภควนฺตํ ปาทตลา ปฏฺาย ยาว อุปริ เกสนฺตา สมฺมาโลกยมาโน องฺควิชฺชาย กตาธิการตฺตา ทฺวตฺตึสวรลกฺขณสมฺปตฺติมสฺส ตฺวา ‘‘อฏฺานเมตํ อนวกาโส, ยํ เอวรูโป มุสา ภเณยฺยา’’ติ ตาวเทว สฺชาตพหุมาโน ภควติ สมณวาทํ ปหาย โคตฺเตน ภควนฺตํ สมุทาจรมาโน อาห ‘‘น โข ปน มยํ ปสฺสาม โภโต โคตมสฺสา’’ติ.

เอวฺจ ปน วตฺวา ติกฺขปฺโ พฺราหฺมโณ ‘‘คมฺภีรตฺถํ สนฺธาย อิมินา เอตํ วุตฺต’’นฺติ ตฺวา ปุจฺฉิตฺวา ตมตฺถํ าตุกาโม ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ. เตนาห อายสฺมา อานนฺโท ‘‘อถ โข กสิภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสี’’ติ. ตตฺถ คาถายาติ อกฺขรปทนิยมิเตน วจเนน. อชฺฌภาสีติ อภาสิ.

๗๖-๗๗. ตตฺถ พฺราหฺมโณ ‘‘กสิ’’นฺติ ยุคนงฺคลาทิกสิสมฺภารสมาโยคํ วทติ. ภควา ปน ยสฺมา ปุพฺพธมฺมสภาเคน โรเปตฺวา กถนํ นาม พุทฺธานํ อานุภาโว, ตสฺมา พุทฺธานุภาวํ ทีเปนฺโต ปุพฺพธมฺมสภาเคน โรเปนฺโต อาห – ‘‘สทฺธา พีช’’นฺติ. โก ปเนตฺถ ปุพฺพธมฺมสภาโค, นนุ พฺราหฺมเณน ภควา ยุคนงฺคลาทิกสิสมฺภารสมาโยคํ ปุจฺฉิโต อถ จ ปน อปุจฺฉิตสฺส พีชสฺส สภาเคน โรเปนฺโต อาห – ‘‘สทฺธา พีช’’นฺติ, เอวฺจ สติ อนนุสนฺธิกาว อยํ กถา โหตีติ? วุจฺจเต – น พุทฺธานํ อนนุสนฺธิกา นาม กถา อตฺถิ, นาปิ พุทฺธา ปุพฺพธมฺมสภาคํ อนาโรเปตฺวา กเถนฺติ. เอวฺเจตฺถ อนุสนฺธิ เวทิตพฺพา – อเนน หิ พฺราหฺมเณน ภควา ยุคนงฺคลาทิกสิสมฺภารวเสน กสึ ปุจฺฉิโต. โส ตสฺส อนุกมฺปาย ‘‘อิทํ อปุจฺฉิต’’นฺติ อปริหาเปตฺวา สมูลํ สอุปการํ สสมฺภารํ สผลํ กสึ าเปตุํ มูลโต ปฏฺาย กสึ ทสฺเสนฺโต อาห – ‘‘สทฺธา พีช’’นฺติ. พีชฺหิ กสิยา มูลํ ตสฺมึ สติ กตฺตพฺพโต, อสติ อกตฺตพฺพโต, ตปฺปมาเณน จ กตฺตพฺพโต. พีเช หิ สติ กสึ กโรนฺติ, อสติ น กโรนฺติ. พีชปฺปมาเณน จ กุสลา กสฺสกา เขตฺตํ กสนฺติ, น อูนํ ‘‘มา โน สสฺสํ ปริหายี’’ติ, น อธิกํ ‘‘มา โน โมโฆ วายาโม อโหสี’’ติ. ยสฺมา จ พีชเมว มูลํ, ตสฺมา ภควา มูลโต ปฏฺาย กสึ ทสฺเสนฺโต ตสฺส พฺราหฺมณสฺส กสิยา ปุพฺพธมฺมสฺส พีชสฺส สภาเคน อตฺตโน กสิยา ปุพฺพธมฺมํ โรเปนฺโต อาห – ‘‘สทฺธา พีช’’นฺติ. เอวเมตฺถ ปุพฺพธมฺมสภาโค เวทิตพฺโพ.

ปุจฺฉิตํเยว วตฺวา อปุจฺฉิตํ ปจฺฉา กึ น วุตฺตนฺติ เจ? ตสฺส อุปการภาวโต ธมฺมสมฺพนฺธสมตฺถภาวโต จ. อยฺหิ พฺราหฺมโณ ปฺวา, มิจฺฉาทิฏฺิกุเล ปน ชาตตฺตา สทฺธาวิรหิโต. สทฺธาวิรหิโต จ ปฺวา ปเรสํ สทฺธาย อตฺตโน วิสเย อปฏิปชฺชมาโน วิเสสํ นาธิคจฺฉติ, กิเลสกาลุสฺสิยภาวาปคมปฺปสาทมตฺตลกฺขณาปิ จสฺส ทุพฺพลา สทฺธา พลวติยา ปฺาย สห วตฺตมานา อตฺถสิทฺธึ น กโรติ, หตฺถินา สห เอกธุเร ยุตฺตโคโณ วิย. ตสฺมา ตสฺส สทฺธา อุปการิกา. เอวํ ตสฺส พฺราหฺมณสฺส สอุปการภาวโต ตํ พฺราหฺมณํ สทฺธาย ปติฏฺาเปนฺเตน ปจฺฉาปิ วตฺตพฺโพ อยมตฺโถ ปุพฺเพ วุตฺโต เทสนากุสลตาย ยถา อฺตฺราปิ ‘‘สทฺธา พนฺธติ ปาเถยฺย’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๗๙) จ, ‘‘สทฺธา ทุติยา ปุริสสฺส โหตี’’ติ (สํ. นิ. ๑.๕๙) จ, ‘‘สทฺธีธ วิตฺตํ ปุริสสฺส เสฏฺ’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๗๓, ๒๔๖; สุ. นิ. ๑๘๔) จ, ‘‘สทฺธาย ตรติ โอฆ’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๒๔๖) จ, ‘‘สทฺธาหตฺโถ มหานาโค’’ติ (อ. นิ. ๖.๔๓; เถรคา. ๖๙๔) จ, ‘‘สทฺเธสิโก โข, ภิกฺขเว, อริยสาวโกติ จา’’ติ (อ. นิ. ๗.๖๗). พีชสฺส จ อุปการิกา วุฏฺิ, สา ตทนนฺตรฺเว วุจฺจมานา สมตฺถา โหติ. เอวํ ธมฺมสมฺพนฺธสมตฺถภาวโต ปจฺฉาปิ วตฺตพฺโพ อยมตฺโถ ปุพฺเพ วุตฺโต, อฺโ จ เอวํวิโธ อีสาโยตฺตาทิ.

ตตฺถ สมฺปสาทนลกฺขณา สทฺธา, โอกปฺปนลกฺขณา วา, ปกฺขนฺทนรสา, อธิมุตฺติปจฺจุปฏฺานา, อกาลุสฺสิยปจฺจุปฏฺานา วา, โสตาปตฺติยงฺคปทฏฺานา, สทฺทหิตพฺพธมฺมปทฏฺานา วา, อาทาสชลตลาทีนํ ปสาโท วิย เจตโส ปสาทภูตา, อุทกปฺปสาทกมณิ วิย อุทกสฺส, สมฺปยุตฺตธมฺมานํ ปสาทิกา. พีชนฺติ ปฺจวิธํ – มูลพีชํ, ขนฺธพีชํ, ผลุพีชํ, อคฺคพีชํ, พีชพีชเมว ปฺจมนฺติ. ตํ สพฺพมฺปิ วิรุหนฏฺเน พีชํตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ. ยถาห – ‘‘พีชฺเจตํ วิรุหนฏฺเนา’’ติ.

ตตฺถ ยถา พฺราหฺมณสฺส กสิยา มูลภูตํ พีชํ ทฺเว กิจฺจานิ กโรติ, เหฏฺา มูเลน ปติฏฺาติ, อุปริ องฺกุรํ อุฏฺาเปติ; เอวํ ภควโต กสิยา มูลภูตา สทฺธา เหฏฺา สีลมูเลน ปติฏฺาติ, อุปริ สมถวิปสฺสนงฺกุรํ อุฏฺาเปติ. ยถา จ ตํ มูเลน ปถวิรสํ อาโปรสํ คเหตฺวา นาเฬน ธฺปริปากคหณตฺถํ วฑฺฒติ; เอวมยํ สีลมูเลน สมถวิปสฺสนารสํ คเหตฺวา อริยมคฺคนาเฬน อริยผลธฺปริปากคหณตฺถํ วฑฺฒติ. ยถา จ ตํ สุภูมิยํ ปติฏฺหิตฺวา มูลงฺกุรปณฺณนาฬกณฺฑปฺปสเวหิ วุฑฺฒึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ ปตฺวา, ขีรํ ชเนตฺวา, อเนกสาลิผลภริตํ สาลิสีสํ นิปฺผาเทติ; เอวมยํ จิตฺตสนฺตาเน ปติฏฺหิตฺวา สีลจิตฺตทิฏฺิกงฺขาวิตรณมคฺคามคฺคาณทสฺสนปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธีหิ วุฑฺฒึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ ปตฺวา าณทสฺสนวิสุทฺธิขีรํ ชเนตฺวา อเนกปฏิสมฺภิทาภิฺาภริตํ อรหตฺตผลํ นิปฺผาเทติ. เตนาห ภควา – ‘‘สทฺธา พีช’’นฺติ.

ตตฺถ สิยา ‘‘ปโรปฺาสกุสลธมฺเมสุ เอกโต อุปฺปชฺชมาเนสุ กสฺมา สทฺธาว พีชนฺติ วุตฺตา’’ติ? วุจฺจเต – พีชกิจฺจกรณโต. ยถา หิ เตสุ วิฺาณํเยว วิชานนกิจฺจํ กโรติ, เอวํ สทฺธา พีชกิจฺจํ, สา จ สพฺพกุสลานํ มูลภูตา. ยถาห –

‘‘สทฺธาชาโต อุปสงฺกมติ, อุปสงฺกมนฺโต ปยิรุปาสติ, ปยิรุปาสนฺโต โสตํ โอทหติ, โอหิตโสโต ธมฺมํ สุณาติ, สุตฺวา ธมฺมํ ธาเรติ, ธตานํ ธมฺมานํ อตฺถํ อุปปริกฺขติ, อตฺถํ อุปปริกฺขโต ธมฺมา นิชฺฌานํ ขมนฺติ, ธมฺมนิชฺฌานกฺขนฺติยา สติ ฉนฺโท ชายติ, ฉนฺทชาโต อุสฺสหติ, อุสฺสาเหตฺวา ตุลยติ, ตุลยิตฺวา ปทหติ, ปหิตตฺโต สมาโน กาเยน เจว ปรมสจฺจํ สจฺฉิกโรติ, ปฺาย จ นํ อติวิชฺฌปสฺสตี’’ติ (ม. นิ. ๒.๑๘๓, ๔๓๒).

ตปติ อกุสเล ธมฺเม กายฺจาติ ตโป; อินฺทฺริยสํวรวีริยธุตงฺคทุกฺกรการิกานํ เอตํ อธิวจนํ. อิธ ปน อินฺทฺริยสํวโร อธิปฺเปโต. วุฏฺีติ วสฺสวุฏฺิวาตวุฏฺีติอาทินา อเนกวิธา. อิธ วสฺสวุฏฺิ อธิปฺเปตา. ยถา หิ พฺราหฺมณสฺส วสฺสวุฏฺิสมนุคฺคหิตํ พีชํ พีชมูลกฺจ สสฺสํ วิรุหติ น มิลายติ นิปฺผตฺตึ คจฺฉติ, เอวํ ภควโต อินฺทฺริยสํวรสมนุคฺคหิตา สทฺธา สทฺธามูลา จ สีลาทโย ธมฺมา วิรุหนฺติ น มิลายนฺติ นิปฺผตฺตึ คจฺฉนฺติ. เตนาห – ‘‘ตโป วุฏฺี’’ติ. ‘‘ปฺา เม’’ติ เอตฺถ จ วุตฺโต เม-สทฺโท อิเมสุปิ ปเทสุ โยเชตพฺโพ ‘‘สทฺธา เม พีชํ, ตโป เม วุฏฺี’’ติ. เตน กึ ทีเปติ? ยถา, พฺราหฺมณ, ตยา วปิเต พีเช สเจ วุฏฺิ อตฺถิ, สาธุ, โน เจ อตฺถิ, อุทกมฺปิ ทาตพฺพํ โหติ, ตถา มยา หิริ-อีเส ปฺายุคนงฺคเล มโนโยตฺเตน เอกาพทฺเธ กเต วีริยพลิพทฺเท โยเชตฺวา สติปาจเนน วิชฺฌิตฺวา อตฺตโน จิตฺตสนฺตานเขตฺเต สทฺธาพีเช วปิเต วุฏฺิ-อภาโว นาม นตฺถิ. อยํ ปน เม สตตํ สมิตํ ตโป วุฏฺีติ.

ปชานาติ เอตาย ปุคฺคโล, สยํ วา ปชานาตีติ ปฺา, สา กามาวจราทิเภทโต อเนกวิธา. อิธ ปน สห วิปสฺสนาย มคฺคปฺา อธิปฺเปตา. ยุคนงฺคลนฺติ ยุคฺจ นงฺคลฺจ. ยถา หิ พฺราหฺมณสฺส ยุคนงฺคลํ, เอวํ ภควโต ทุวิธาปิ ปฺา. ตตฺถ ยถา ยุคํ อีสาย อุปนิสฺสยํ โหติ, ปุรโต โหติ, อีสาพทฺธํ โหติ, โยตฺตานํ นิสฺสยํ โหติ, พลิพทฺทานํ เอกโต คมนํ ธาเรติ, เอวํ ปฺา หิริปมุขานํ ธมฺมานํ อุปนิสฺสยา โหติ. ยถาห – ‘‘ปฺุตฺตรา สพฺเพ กุสลา ธมฺมา’’ติ (อ. นิ. ๘.๘๓) จ, ‘‘ปฺา หิ เสฏฺา กุสลา วทนฺติ, นกฺขตฺตราชาริว ตารกาน’’นฺติ (ชา. ๒.๑๗.๘๑) จ. กุสลานํ ธมฺมานํ ปุพฺพงฺคมฏฺเน ปุรโต จ โหติ. ยถาห – ‘‘สีลํ หิรี จาปิ สตฺจ ธมฺโม, อนฺวายิกา ปฺวโต ภวนฺตี’’ติ. หิริวิปฺปโยเคน อนุปฺปตฺติโต อีสาพทฺธา โหติ, มโนสงฺขาตสฺส สมาธิโยตฺตสฺส นิสฺสยปจฺจยโต โยตฺตานํ นิสฺสโย โหติ, อจฺจารทฺธาติลีนภาวปฏิเสธนโต วีริยพลิพทฺทานํ เอกโต คมนํ ธาเรติ. ยถา จ นงฺคลํ ผาลยุตฺตํ กสนกาเล ปถวิฆนํ ภินฺทติ, มูลสนฺตานกานิ ปทาเลติ, เอวํ สติยุตฺตา ปฺา วิปสฺสนากาเล ธมฺมานํ สนฺตติสมูหกิจฺจารมฺมณฆนํ ภินฺทติ, สพฺพกิเลสมูลสนฺตานกานิ ปทาเลติ. สา จ โข โลกุตฺตราว อิตรา ปน โลกิยาปิ สิยา. เตนาห – ‘‘ปฺา เม ยุคนงฺคล’’นฺติ.

หิรียติ เอตาย ปุคฺคโล, สยํ วา หิรียติ อกุสลปฺปวตฺตึ ชิคุจฺฉตีติ หิรี. ตคฺคหเณน สหจรณภาวโต โอตฺตปฺปํ คหิตํเยว โหติ. อีสาติ ยุคนงฺคลสนฺธาริกา ทารุยฏฺิ. ยถา หิ พฺราหฺมณสฺส อีสา ยุคนงฺคลํ สนฺธาเรติ, เอวํ ภควโตปิ หิรี โลกิยโลกุตฺตรปฺาสงฺขาตํ ยุคนงฺคลํ สนฺธาเรติ หิริยา อสติ ปฺาย อภาวโต. ยถา จ อีสาปฏิพทฺธํ ยุคนงฺคลํ กิจฺจกรํ โหติ อจลํ อสิถิลํ, เอวํ หิริปฏิพทฺธา จ ปฺา กิจฺจการี โหติ อจลา อสิถิลา อพฺโพกิณฺณา อหิริเกน. เตนาห ‘‘หิรี อีสา’’ติ.

มุนาตีติ มโน, จิตฺตสฺเสตํ อธิวจนํ. อิธ ปน มโนสีเสน ตํสมฺปยุตฺโต สมาธิ อธิปฺเปโต. โยตฺตนฺติ รชฺชุพนฺธนํ. ตํ ติวิธํ อีสาย สห ยุคสฺส พนฺธนํ, ยุเคน สห พลิพทฺทานํ พนฺธนํ, สารถินา สห พลิพทฺทานํ พนฺธนนฺติ. ตตฺถ ยถา พฺราหฺมณสฺส โยตฺตํ อีสายุคพลิพทฺเท เอกาพทฺเธ กตฺวา สกกิจฺเจ ปฏิปาเทติ, เอวํ ภควโต สมาธิ สพฺเพว เต หิริปฺาวีริยธมฺเม เอการมฺมเณ อวิกฺเขปภาเวน พนฺธิตฺวา สกกิจฺเจ ปฏิปาเทติ. เตนาห – ‘‘มโน โยตฺต’’นฺติ.

สรติ เอตาย จิรกตาทิมตฺถํ ปุคฺคโล, สยํ วา สรตีติ สติ, สา อสมฺมุสฺสนลกฺขณา. ผาเลตีติ ผาโล. ปาเชติ เอเตนาติ ปาชนํ. ตํ อิธ ‘‘ปาจน’’นฺติ วุจฺจติ, ปโตทสฺเสตํ อธิวจนํ. ผาโล จ ปาจนฺจ ผาลปาจนํ. ยถา หิ พฺราหฺมณสฺส ผาลปาจนํ, เอวํ ภควโต วิปสฺสนายุตฺตา มคฺคยุตฺตา จ สติ. ตตฺถ ยถา ผาโล นงฺคลมนุรกฺขติ, ปุรโต จสฺส คจฺฉติ, เอวํ สติ กุสลานํ ธมฺมานํ คติโย สมนฺเวสมานา อารมฺมเณ วา อุปฏฺาปยมานา ปฺานงฺคลํ รกฺขติ, ตถา หิ ‘‘สตารกฺเขน เจตสา วิหรตี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๑๐.๒๐) ‘‘อารกฺขา’’ติ วุตฺตา. อสมฺมุสฺสนวเสน จสฺส ปุรโต โหติ. สติปริจิเต หิ ธมฺเม ปฺา ปชานาติ, โน สมฺมุฏฺเ. ยถา จ ปาจนํ พลิพทฺทานํ วิชฺฌนภยํ ทสฺเสนฺตํ สํสีทนํ น เทติ, อุปฺปถคมนฺจ วาเรติ, เอวํ สติ วีริยพลิพทฺทานํ อปายภยํ ทสฺเสนฺตี โกสชฺชสํสีทนํ น เทติ, กามคุณสงฺขาเต อโคจเร จารํ นิวาเรตฺวา กมฺมฏฺาเน นิโยเชนฺตี อุปฺปถคมนฺจ วาเรติ. เตนาห – ‘‘สติ เม ผาลปาจน’’นฺติ.

๗๘. กายคุตฺโตติ ติวิเธน กายสุจริเตน คุตฺโต. วจีคุตฺโตติ จตุพฺพิเธน วจีสุจริเตน คุตฺโต. เอตฺตาวตา ปาติโมกฺขสํวรสีลํ วุตฺตํ. อาหาเร อุทเร ยโตติ เอตฺถ อาหารมุเขน สพฺพปจฺจยานํ สงฺคหิตตฺตา จตุพฺพิเธปิ ปจฺจเย ยโต สํยโต นิรุปกฺกิเลโสติ อตฺโถ. อิมินา อาชีวปาริสุทฺธิสีลํ วุตฺตํ. อุทเร ยโตติ อุทเร ยโต สํยโต มิตโภชี, อาหาเร มตฺตฺูติ วุตฺตํ โหติ. อิมินา โภชเน มตฺตฺุตามุเขน ปจฺจยปฏิเสวนสีลํ วุตฺตํ. เตน กึ ทีเปติ? ยถา ตฺวํ, พฺราหฺมณ, พีชํ วปิตฺวา สสฺสปริปาลนตฺถํ กณฺฏกวตึ วา รุกฺขวตึ วา ปาการปริกฺเขปํ วา กโรสิ, เตน เต โคมหึสมิคคณา ปเวสํ อลภนฺตา สสฺสํ น วิลุมฺปนฺติ, เอวมหมฺปิ สทฺธาพีชํ วปิตฺวา นานปฺปการกุสลสสฺสปริปาลนตฺถํ กายวจีอาหารคุตฺติมยํ ติวิธปริกฺเขปํ กโรมิ. เตน เม ราคาทิอกุสลธมฺมโคมหึสมิคคณา ปเวสํ อลภนฺตา นานปฺปการกุสลสสฺสํ น วิลุมฺปนฺตีติ.

สจฺจํ กโรมิ นิทฺทานนฺติ เอตฺถ ทฺวีหิ ทฺวาเรหิ อวิสํวาทนํ สจฺจํ. นิทฺทานนฺติ เฉทนํ ลุนนํ อุปฺปาฏนํ, กรณตฺเถ เจตํ อุปโยควจนํ เวทิตพฺพํ. อยฺหิ เอตฺถ อตฺโถ ‘‘สจฺเจน กโรมิ นิทฺทาน’’นฺติ. กึ วุตฺตํ โหติ? ยถา ตฺวํ พาหิรํ กสึ กสิตฺวา สสฺสทูสกานํ ติณานํ หตฺเถน วา อสิเตน วา นิทฺทานํ กโรสิ; เอวมหมฺปิ อชฺฌตฺติกํ กสึ กสิตฺวา กุสลสสฺสทูสกานํ วิสํวาทนติณานํ สจฺเจน นิทฺทานํ กโรมิ. าณสจฺจํ วา เอตฺถ สจฺจนฺติ เวทิตพฺพํ, ยํ ตํ ยถาภูตาณนฺติ วุจฺจติ. เตน อตฺตสฺาทีนํ ติณานํ นิทฺทานํ กโรมีติ เอวํ โยเชตพฺพํ. อถ วา นิทฺทานนฺติ เฉทกํ ลาวกํ, อุปฺปาฏกนฺติ อตฺโถ. เอวํ สนฺเต ยถา ตฺวํ ทาสํ วา กมฺมกรํ วา นิทฺทานํ กโรสิ, ‘‘นิทฺเทหิ ติณานี’’ติ ติณานํ เฉทกํ ลาวกํ อุปฺปาฏกํ กโรสิ; เอวมหํ สจฺจํ กโรมีติ อุปโยควจเนเนว วตฺตุํ ยุชฺชติ. อถ วา สจฺจนฺติ ทิฏฺิสจฺจํ. ตมหํ นิทฺทานํ กโรมิ, ฉินฺทิตพฺพํ ลุนิตพฺพํ อุปฺปาเฏตพฺพํ กโรมีติ เอวมฺปิ อุปโยควจเนเนว วตฺตุํ ยุชฺชติ.

โสรจฺจํ เม ปโมจนนฺติ เอตฺถ ยํ ตํ ‘‘กายิโก อวีติกฺกโม, วาจสิโก อวีติกฺกโม’’ติ, เอวํ สีลเมว ‘‘โสรจฺจ’’นฺติ วุตฺตํ, น ตํ อิธ อธิปฺเปตํ, วุตฺตเมว เอตํ ‘‘กายคุตฺโต’’ติอาทินา นเยน, อรหตฺตผลํ ปน อธิปฺเปตํ. ตมฺปิ หิ สุนฺทเร นิพฺพาเน รตภาวโต ‘‘โสรจฺจ’’นฺติ วุจฺจติ. ปโมจนนฺติ โยคฺควิสฺสชฺชนํ. กึ วุตฺตํ โหติ? ยถา ตว ปโมจนํ ปุนปิ สายนฺเห วา ทุติยทิวเส วา อนาคตสํวจฺฉเร วา โยเชตพฺพโต อปฺปโมจนเมว โหติ, น มม เอวํ. น หิ มม อนฺตรา โมจนํ นาม อตฺถิ. อหฺหิ ทีปงฺกรทสพลกาลโต ปภุติ ปฺานงฺคเล วีริยพลิพทฺเท โยเชตฺวา จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ กปฺปสตสหสฺสฺจ มหากสึ กสนฺโต ตาว น มุฺจึ, ยาว น สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุชฺฌิ. ยทา จ เม สพฺพํ ตํ กาลํ เขเปตฺวา โพธิรุกฺขมูเล อปราชิตปลฺลงฺเก นิสินฺนสฺส สพฺพคุณปริวารํ อรหตฺตผลํ อุทปาทิ, ตทา มยา ตํ สพฺพุสฺสุกฺกปฏิปฺปสฺสทฺธิปฺปตฺติยา ปมุตฺตํ, น ทานิ ปุน โยเชตพฺพํ ภวิสฺสตีติ. เอตมตฺถํ สนฺธายาห ภควา – ‘‘โสรจฺจํ เม ปโมจน’’นฺติ.

๗๙. วีริยํ เม ธุรโธรยฺหนฺติ เอตฺถ วีริยนฺติ ‘‘กายิโก วา, เจตสิโก วา วีริยารมฺโภ’’ติอาทินา นเยน วุตฺตปธานํ. ธุรายํ โธรยฺหํ ธุรโธรยฺหํ, ธุรํ วหตีติ อตฺโถ. ยถา หิ พฺราหฺมณสฺส ธุรายํ โธรยฺหากฑฺฒิตํ นงฺคลํ ภูมิฆนํ ภินฺทติ, มูลสนฺตานกานิ จ ปทาเลติ, เอวํ ภควโต วีริยากฑฺฒิตํ ปฺานงฺคลํ ยถาวุตฺตํ ฆนํ ภินฺทติ, กิเลสสนฺตานกานิ จ ปทาเลติ. เตนาห – ‘‘วีริยํ เม ธุรโธรยฺห’’นฺติ. อถ วา ปุริมธุรํ วหนฺตา ธุรา, มูลธุรํ วหนฺตา โธรยฺหา; ธุรา จ โธรยฺหา จ ธุรโธรยฺหา. ตตฺถ ยถา พฺราหฺมณสฺส เอกเมกสฺมึ นงฺคเล จตุพลิพทฺทปฺปเภทํ ธุรโธรยฺหํ วหนฺตํ อุปฺปนฺนานุปฺปนฺนติณมูลฆาตํ สสฺสสมฺปตฺติฺจ สาเธติ, เอวํ ภควโต จตุสมฺมปฺปธานวีริยปฺปเภทํ ธุรโธรยฺหํ วหนฺตํ อุปฺปนฺนานุปฺปนฺนากุสลมูลฆาตํ กุสลสมฺปตฺติฺจ สาเธติ. เตนาห – ‘‘วีริยํ เม ธุรโธรยฺห’’นฺติ.

โยคกฺเขมาธิวาหนนฺติ เอตฺถ โยเคหิ เขมตฺตา ‘‘โยคกฺเขม’’นฺติ นิพฺพานํ วุจฺจติ, ตํ อธิกตฺวา วาหียติ, อภิมุขํ วา วาหียตีติ อธิวาหนํ. โยคกฺเขมสฺส อธิวาหนํ โยคกฺเขมาธิวาหนํ. เตน กึ ทีเปติ? ยถา ตว ธุรโธรยฺหํ ปุรตฺถิมํ ทิสํ ปจฺฉิมาทีสุ วา อฺตรํ อภิมุขํ วาหียติ, ตถา มม ธุรโธรยฺหํ นิพฺพานาภิมุขํ วาหียติ.

เอวํ วาหิยมานฺจ คจฺฉติ อนิวตฺตนฺตํ. ยถา ตว นงฺคลํ วหนฺตํ ธุรโธรยฺหํ เขตฺตโกฏึ ปตฺวา ปุน นิวตฺตติ, เอวํ อนิวตฺตนฺตํ ทีปงฺกรกาลโต ปภุติ คจฺฉเตว. ยสฺมา วา เตน เตน มคฺเคน ปหีนา กิเลสา ปุนปฺปุนํ ปหาตพฺพา น โหนฺติ, ยถา ตว นงฺคเลน ฉินฺนานิ ติณานิ ปุนปิ อปรสฺมึ สมเย ฉินฺทิตพฺพานิ โหนฺติ, ตสฺมาปิ เอตํ ปมมคฺควเสน ทิฏฺเกฏฺเ กิเลเส, ทุติยวเสน โอฬาริเก, ตติยวเสน อนุสหคเต กิเลเส, จตุตฺถวเสน สพฺพกิเลเส ปชหนฺตํ คจฺฉติ อนิวตฺตนฺตํ. อถ วา คจฺฉติ อนิวตฺตนฺติ นิวตฺตนรหิตํ หุตฺวา คจฺฉตีติ อตฺโถ. นฺติ ตํ ธุรโธรยฺหํ. เอวมฺเปตฺถ ปทจฺเฉโท เวทิตพฺโพ. เอวํ คจฺฉนฺตฺจ ยถา ตว ธุรโธรยฺหํ น ตํ านํ คจฺฉติ, ยตฺถ คนฺตฺวา กสฺสโก อโสโก นิสฺโสโก วิรโช หุตฺวา น โสจติ, เอตํ ปน ตํ านํ คจฺฉติ, ยตฺถ คนฺตฺวา น โสจติ. ยตฺถ สติปาจเนน เอตํ วีริยธุรโธรยฺหํ โจเทนฺโต คนฺตฺวา มาทิโส กสฺสโก อโสโก นิสฺโสโก วิรโช หุตฺวา น โสจติ, ตํ สพฺพโสกสลฺลสมุคฺฆาตภูตํ นิพฺพานามตสงฺขาตํ านํ คจฺฉตีติ.

๘๐. อิทานิ นิคมนํ กโรนฺโต ภควา อิมํ คาถมาห –

‘‘เอวเมสา กสี กฏฺา, สา โหติ อมตปฺผลา;

เอตํ กสึ กสิตฺวาน, สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจตี’’ติ.

ตสฺสายํ สงฺเขปตฺโถ – มยา พฺราหฺมณ เอสา สทฺธาพีชา ตโปวุฏฺิยา อนุคฺคหิตา กสิ, ปฺามยํ ยุคนงฺคลํ, หิริมยฺจ อีสํ, มโนมเยน โยตฺเตน, เอกาพทฺธํ กตฺวา, ปฺานงฺคเล สติผาลํ อาโกเฏตฺวา, สติปาจนํ คเหตฺวา, กายวจีอาหารคุตฺติยา โคเปตฺวา, สจฺจํ นิทฺทานํ กตฺวา, โสรจฺจํ ปโมจนํ วีริยํ ธุรโธรยฺหํ โยคกฺเขมาภิมุขํ อนิวตฺตนฺตํ วาเหนฺเตน กฏฺา, กสิกมฺมปริโยสานํ จตุพฺพิธํ สามฺผลํ ปาปิตา, สา โหติ อมตปฺผลา, สา เอสา กสิ อมตปฺผลา โหติ. อมตํ วุจฺจติ นิพฺพานํ, นิพฺพานานิสํสา โหตีติ อตฺโถ. สา โข ปเนสา กสิ น มเมเวกสฺส อมตปฺผลา โหติ, อปิจ, โข, ปน โย โกจิ ขตฺติโย วา พฺราหฺมโณ วา เวสฺโส วา สุทฺโท วา คหฏฺโ วา ปพฺพชิโต วา เอตํ กสึ กสติ, โส สพฺโพปิ เอตํ กสึ กสิตฺวาน, สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจติ, สพฺพสฺมา วฏฺฏทุกฺขทุกฺขทุกฺขสงฺขารทุกฺขวิปริณามทุกฺขา ปมุจฺจตีติ. เอวํ ภควา พฺราหฺมณสฺส อรหตฺตนิกูเฏน นิพฺพานปริโยสานํ กตฺวา เทสนํ นิฏฺาเปสิ.

ตโต พฺราหฺมโณ คมฺภีรตฺถํ เทสนํ สุตฺวา ‘‘มม กสิผลํ ภุฺชิตฺวา อปรชฺชุ เอว ฉาโต โหติ, อิมสฺส ปน กสิ อมตปฺผลา, ตสฺสา ผลํ ภุฺชิตฺวา สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจตี’’ติ จ วิทิตฺวา ปสนฺโน ปสนฺนาการํ กาตุํ ปายาสํ ทาตุมารทฺโธ. เตนาห ‘‘อถ โข กสิภารทฺวาโช’’ติ. ตตฺถ มหติยาติ มหติยนฺติ อตฺโถ. กํสปาติยาติ สุวณฺณปาติยํ, สตสหสฺสคฺฆนเก อตฺตโน สุวณฺณถาเล. วฑฺเฒตฺวาติ ฉุปิตฺวา, อากิริตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. ภควโต อุปนาเมสีติ สปฺปิมธุผาณิตาทีหิ วิจิตฺรํ กตฺวา, ทุกูลวิตาเนน ปฏิจฺฉาเทตฺวา, อุกฺขิปิตฺวา, สกฺกจฺจํ ตถาคตสฺส อภิหริ. กินฺติ? ‘‘ภุฺชตุ ภวํ โคตโม ปายาสํ, กสฺสโก ภว’’นฺติ. ตโต กสฺสกภาวสาธกํ การณมาห ‘‘ยฺหิ…เป… กสตี’’ติ, ยสฺมา ภวํ…เป… กสตีติ วุตฺตํ โหติ. อถ ภควา ‘‘คาถาภิคีตํ เม’’ติ อาห.

๘๑. ตตฺถ คาถาภิคีตนฺติ คาถาหิ อภิคีตํ, คาถาโย ภาสิตฺวา ลทฺธนฺติ วุตฺตํ โหติ. เมติ มยา. อโภชเนยฺยนฺติ ภุฺชนารหํ น โหติ. สมฺปสฺสตนฺติ สมฺมา อาชีวสุทฺธึ ปสฺสตํ, สมนฺตา วา ปสฺสตํ สมฺปสฺสตํ, พุทฺธานนฺติ วุตฺตํ โหติ. เนส ธมฺโมติ ‘‘คาถาภิคีตํ ภุฺชิตพฺพ’’นฺติ เอส ธมฺโม เอตํ จาริตฺตํ น โหติ, ตสฺมา คาถาภิคีตํ ปนุทนฺติ พุทฺธา ปฏิกฺขิปนฺติ น ภุฺชนฺตีติ. กึ ปน ภควตา ปายาสตฺถํ คาถา อภิคีตา, เยน เอวมาหาติ? น เอตทตฺถํ อภิคีตา, อปิจ, โข, ปน ปาโต ปฏฺาย เขตฺตสมีเป ตฺวา กฏจฺฉุภิกฺขมฺปิ อลภิตฺวา ปุน สกลพุทฺธคุเณ ปกาเสตฺวา ลทฺธํ ตเทตํ นฏนจฺจกาทีหิ นจฺจิตฺวา คายิตฺวา จ ลทฺธสทิสํ โหติ, เตน ‘‘คาถาภิคีต’’นฺติ วุตฺตํ. ตาทิสฺจ ยสฺมา พุทฺธานํ น กปฺปติ, ตสฺมา ‘‘อโภชเนยฺย’’นฺติ วุตฺตํ. อปฺปิจฺฉตานุรูปฺเจตํ น โหติ, ตสฺมาปิ ปจฺฉิมํ ชนตํ อนุกมฺปมาเนน จ เอวํ วุตฺตํ. ยตฺร จ นาม ปรปฺปกาสิเตนาปิ อตฺตโน คุเณน อุปฺปนฺนํ ลาภํ ปฏิกฺขิปนฺติ เสยฺยถาปิ อปฺปิจฺโฉ ฆฏิกาโร กุมฺภกาโร, ตตฺร กถํ โกฏิปฺปตฺตาย อปฺปิจฺฉตาย สมนฺนาคโต ภควา อตฺตนาว อตฺตโน คุณปฺปกาสเนน อุปฺปนฺนํ ลาภํ สาทิยิสฺสติ, ยโต ยุตฺตเมว เอตํ ภควโต วตฺตุนฺติ.

เอตฺตาวตา ‘‘อปฺปสนฺนํ อทาตุกามํ พฺราหฺมณํ คาถาคายเนน ทาตุกามํ กตฺวา, สมโณ โคตโม โภชนํ ปฏิคฺคเหสิ, อามิสการณา อิมสฺส เทสนา’’ติ อิมมฺหา โลกาปวาทา อตฺตานํ โมเจนฺโต เทสนาปาริสุทฺธึ ทีเปตฺวา, อิทานิ อาชีวปาริสุทฺธึ ทีเปนฺโต อาห ‘‘ธมฺเม สตี พฺราหฺมณ วุตฺติเรสา’’ติ ตสฺสตฺโถ – อาชีวปาริสุทฺธิธมฺเม วา ทสวิธสุจริตธมฺเม วา พุทฺธานํ จาริตฺตธมฺเม วา สติ สํวิชฺชมาเน อนุปหเต วตฺตมาเน วุตฺติเรสา เอกนฺตโวทาตา อากาเส ปาณิปฺปสารณกปฺปา เอสนา ปริเยสนา ชีวิตวุตฺติ พุทฺธานํ พฺราหฺมณาติ.

๘๒. เอวํ วุตฺเต พฺราหฺมโณ ‘‘ปายาสํ เม ปฏิกฺขิปติ, อกปฺปิยํ กิเรตํ โภชนํ, อธฺโ วตสฺมึ, ทานํ ทาตุํ น ลภามี’’ติ โทมนสฺสํ อุปฺปาเทตฺวา ‘‘อปฺเปว นาม อฺํ ปฏิคฺคณฺเหยฺยา’’ติ จ จินฺเตสิ. ตํ ตฺวา ภควา ‘‘อหํ ภิกฺขาจารเวลํ ปริจฺฉินฺทิตฺวา อาคโต – ‘เอตฺตเกน กาเลน อิมํ พฺราหฺมณํ ปสาเทสฺสามี’ติ, พฺราหฺมโณ จ โทมนสฺสํ อกาสิ. อิทานิ เตน โทมนสฺเสน มยิ จิตฺตํ ปโกเปตฺวา อมตวรธมฺมํ ปฏิวิชฺฌิตุํ น สกฺขิสฺสตี’’ติ พฺราหฺมณสฺส ปสาทชนนตฺถํ เตน ปตฺถิตมโนรถํ ปูเรนฺโต อาห ‘‘อฺเน จ เกวลิน’’นฺติ. ตตฺถ เกวลินนฺติ สพฺพคุณปริปุณฺณํ, สพฺพโยควิสํยุตฺตํ วาติ อตฺโถ. มหนฺตานํ สีลกฺขนฺธาทีนํ คุณานํ เอสนโต มเหสึ. ปริกฺขีณสพฺพาสวตฺตา ขีณาสวํ. หตฺถปาทกุกฺกุจฺจมาทึ กตฺวา วูปสนฺตสพฺพกุกฺกุจฺจตฺตา กุกฺกุจฺจวูปสนฺตํ. อุปฏฺหสฺสูติ ปริวิสสฺสุ ปฏิมานยสฺสุ. เอวํ พฺราหฺมเณน จิตฺเต อุปฺปาทิเตปิ ปริยายเมว ภณติ, น ตุ ภณติ ‘‘เทหิ, อาหราหี’’ติ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.

อถ พฺราหฺมโณ ‘‘อยํ ปายาโส ภควโต อานีโต นาหํ อรหามิ ตํ อตฺตโน ฉนฺเทน กสฺสจิ ทาตุ’’นฺติ จินฺเตตฺวา อาห ‘‘อถ กสฺส จาห’’นฺติ. ตโต ภควา ‘‘ตํ ปายาสํ เปตฺวา ตถาคตํ ตถาคตสาวกฺจ อฺสฺส อชีรณธมฺโม’’ติ ตฺวา อาห – ‘‘น ขฺวาหํ ต’’นฺติ. ตตฺถ สเทวกวจเนน ปฺจกามาวจรเทวคฺคหณํ, สมารกวจเนน ฉฏฺกามาวจรเทวคฺคหณํ, สพฺรหฺมกวจเนน รูปาวจรพฺรหฺมคฺคหณํ อรูปาวจรา ปน ภุฺเชยฺยุนฺติ อสมฺภาวเนยฺยา. สสฺสมณพฺราหฺมณิวจเนน สาสนปจฺจตฺถิกปจฺจามิตฺตสมณพฺราหฺมณคฺคหณํ สมิตปาปพาหิตปาปสมณพฺราหฺมณคฺคหณฺจ. ปชาวจเนน สตฺตโลกคฺคหณํ, สเทวมนุสฺสวจเนน สมฺมุติเทวอวเสสมนุสฺสคฺคหณํ. เอวเมตฺถ ตีหิ วจเนหิ โอกาสโลโก, ทฺวีหิ ปชาวเสน สตฺตโลโก คหิโตติ เวทิตพฺโพ. เอส สงฺเขโป, วิตฺถารํ ปน อาฬวกสุตฺเต วณฺณยิสฺสาม.

กสฺมา ปน สเทวกาทีสุ กสฺสจิ น สมฺมา ปริณามํ คจฺเฉยฺยาติ? โอฬาริเก สุขุโมชาปกฺขิปนโต. อิมสฺมิฺหิ ปายาเส ภควนฺตํ อุทฺทิสฺส คหิตมตฺเตเยว เทวตาหิ โอชา ปกฺขิตฺตา ยถา สุชาตาย ปายาเส, จุนฺทสฺส จ สูกรมทฺทเว ปจฺจมาเน, เวรฺชายฺจ ภควตา คหิตคหิตาโลเป, เภสชฺชกฺขนฺธเก จ กจฺจานสฺส คุฬฺหกุมฺภสฺมึ อวสิฏฺคุฬฺเห. โส โอฬาริเก สุขุโมชาปกฺขิปนโต เทวานํ น ปริณมติ. เทวา หิ สุขุมสรีรา, เตสํ โอฬาริโก มนุสฺสาหาโร น สมฺมา ปริณมติ. มนุสฺสานมฺปิ น ปริณมติ. มนุสฺสา หิ โอฬาริกสรีรา, เตสํ สุขุมา ทิพฺโพชา น สมฺมา ปริณมติ. ตถาคตสฺส ปน ปกติอคฺคินาว ปริณมติ, สมฺมา ชีรติ. กายพลาณพลปฺปภาเวนาติ เอเก ตถาคตสาวกสฺส ขีณาสวสฺเสตํ สมาธิพเลน มตฺตฺุตาย จ ปริณมติ, อิตเรสํ อิทฺธิมนฺตานมฺปิ น ปริณมติ. อจินฺตนียํ วา เอตฺถ การณํ, พุทฺธวิสโย เอโสติ.

เตน หิ ตฺวนฺติ ยสฺมา อฺํ น ปสฺสามิ, มม น กปฺปติ, มม อกปฺปนฺตํ สาวกสฺสาปิ เม น กปฺปติ, ตสฺมา ตฺวํ พฺราหฺมณาติ วุตฺตํ โหติ. อปฺปหริเตติ ปริตฺตหริตติเณ, อปฺปรุฬฺหริตติเณ วา ปาสาณปิฏฺิสทิเส. อปฺปาณเกติ นิปฺปาณเก, ปายาสชฺโฌตฺถรณการเณน มริตพฺพปาณรหิเต วา มหาอุทกกฺขนฺเธ. สห ติณนิสฺสิเตหิ ปาเณหิ ติณานํ ปาณกานฺจ อนุรกฺขณตฺถาย เอตํ วุตฺตํ. จิจฺจิฏายติ จิฏิจิฏายตีติ เอวํ สทฺทํ กโรติ. สํธูปายตีติ สมนฺตา ธูปายติ. สมฺปธูปายตีติ ตเถว อธิมตฺตํ ธูปายติ. กสฺมา เอวํ อโหสีติ? ภควโต อานุภาเวน, น อุทกสฺส, น ปายาสสฺส, น พฺราหฺมณสฺส, น อฺเสํ เทวยกฺขาทีนํ. ภควา หิ พฺราหฺมณสฺส ธมฺมสํเวคตฺถํ ตถา อธิฏฺาสิ. เสยฺยถาปิ นามาติ โอปมฺมนิทสฺสนมตฺตเมตํ, ยถา ผาโลติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ โหติ. สํวิคฺโค จิตฺเตน, โลมหฏฺชาโต สรีเรน. สรีเร กิรสฺส นวนวุติโลมกูปสหสฺสานิ สุวณฺณภิตฺติยา อาหตมณินาคทนฺตา วิย อุทฺธคฺคา อเหสุํ. เสสํ ปากฏเมว.

ปาเทสุ ปน นิปติตฺวา ภควโต ธมฺมเทสนํ อพฺภนุโมทมาโน ภควนฺตํ เอตทโวจ ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม, อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตมา’’ติ. อพฺภนุโมทเน หิ อยมิธ อภิกฺกนฺต สทฺโท. วิตฺถารโต ปนสฺส มงฺคลสุตฺตวณฺณนายํ อตฺถวณฺณนา อาวิ ภวิสฺสติ. ยสฺมา จ อพฺภนุโมทนตฺเถ, ตสฺมา สาธุ สาธุ โภ โคตมาติ วุตฺตํ โหตีติ เวทิตพฺพํ.

‘‘ภเย โกเธ ปสํสายํ, ตุริเต โกตูหลจฺฉเร;

หาเส โสเก ปสาเท จ, กเร อาเมฑิตํ พุโธ’’ติ. –

อิมินา จ ลกฺขเณน อิธ ปสาทวเสน ปสํสาวเสน จายํ ทฺวิกฺขตฺตุํ วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ. อถ วา อภิกฺกนฺตนฺติ อภิกนฺตํ อติอิฏฺํ, อติมนาปํ, อติสุนฺทรนฺติ วุตฺตํ โหติ.

ตตฺถ เอเกน อภิกฺกนฺตสทฺเทน เทสนํ โถเมติ, เอเกน อตฺตโน ปสาทํ. อยฺหิ เอตฺถ อธิปฺปาโย – อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม, ยทิทํ โภโต โคตมสฺส ธมฺมเทสนา, อภิกฺกนฺตํ ยทิทํ โภโต โคตมสฺส ธมฺมเทสนํ อาคมฺม มม ปสาโทติ. ภควโต เอว วา วจนํ ทฺเว ทฺเว อตฺเถ สนฺธาย โถเมติ – โภโต โคตมสฺส วจนํ อภิกฺกนฺตํ โทสนาสนโต, อภิกฺกนฺตํ คุณาธิคมนโต, ตถา สทฺธาชนนโต, ปฺาชนนโต, สาตฺถโต, สพฺยฺชนโต, อุตฺตานปทโต, คมฺภีรตฺถโต, กณฺณสุขโต, หทยงฺคมโต, อนตฺตุกฺกํสนโต, อปรวมฺภนโต, กรุณาสีตลโต, ปฺาวทาตโต, อาปาถรมณียโต, วิมทฺทกฺขมโต, สุยฺยมานสุขโต, วีมํสิยมานหิตโตติ เอวมาทีหิ โยเชตพฺพํ.

ตโต ปรมฺปิ จตูหิ อุปมาหิ เทสนํเยว โถเมติ. ตตฺถ นิกฺกุชฺชิตนฺติ อโธมุขฏฺปิตํ, เหฏฺา มุขชาตํ วา. อุกฺกุชฺเชยฺยาติ อุปริมุขํ กเรยฺย. ปฏิจฺฉนฺนนฺติ ติณปณฺณาทิจฺฉาทิตํ. วิวเรยฺยาติ อุคฺฆาเฏยฺย. มูฬฺหสฺสาติ ทิสามูฬฺหสฺส. มคฺคํ อาจิกฺเขยฺยาติ หตฺเถ คเหตฺวา ‘‘เอส มคฺโค’’ติ วเทยฺย. อนฺธกาเรติ กาฬปกฺขจาตุทฺทสีอฑฺฒรตฺตฆนวนสณฺฑเมฆปฏเลหิ จตุรงฺเค ตมสิ. อยํ ตาว ปทตฺโถ.

อยํ ปน อธิปฺปายโยชนา – ยถา โกจิ นิกฺกุชฺชิตํ อุกฺกุชฺเชยฺย, เอวํ สทฺธมฺมวิมุขํ อสทฺธมฺมปติตํ มํ อสทฺธมฺมา วุฏฺาเปนฺเตน, ยถา ปฏิจฺฉนฺนํ วิวเรยฺย; เอวํ กสฺสปสฺส ภควโต สาสนนฺตรธานา ปภุติ มิจฺฉาทิฏฺิคหนปฏิจฺฉนฺนํ สาสนํ วิวรนฺเตน, ยถา มูฬฺหสฺส มคฺคํ อาจิกฺเขยฺย, เอวํ กุมฺมคฺคมิจฺฉามคฺคปฏิปนฺนสฺส เม สคฺคโมกฺขมคฺคํ อาจิกฺขนฺเตน, ยถา อนฺธกาเร เตลปชฺโชตํ ธาเรยฺย, เอวํ โมหนฺธการนิมุคฺคสฺส เม พุทฺธาทิรตนรูปานิ อปสฺสโต ตปฺปฏิจฺฉาทกโมหนฺธการวิทฺธํสกเทสนาปชฺโชตธารเณน มยฺหํ โภตา โคตเมน เอเตหิ ปริยาเยหิ เทสิตตฺตา อเนกปริยาเยน ธมฺโม ปกาสิโต.

อถ วา เอกจฺจิเยน มตฺเตน ยสฺมา อยํ ธมฺโม ทุกฺขทสฺสเนน อสุเภ ‘‘สุภ’’นฺติ วิปลฺลาสปฺปหาเนน จ นิกฺกุชฺชิตุกฺกุชฺชิตสทิโส, สมุทยทสฺสเนน ทุกฺเข ‘‘สุข’’นฺติ วิปลฺลาสปฺปหาเนน จ ปฏิจฺฉนฺนวิวรณสทิโส, นิโรธทสฺสเนน อนิจฺเจ ‘‘นิจฺจ’’นฺติ วิปลฺลาสปฺปหาเนน จ มูฬฺหสฺส มคฺคาจิกฺขณสทิโส, มคฺคทสฺสเนน อนตฺตนิ ‘‘อตฺตา’’ติ วิปลฺลาสปฺปหาเนน จ อนฺธกาเร ปชฺโชตสทิโส, ตสฺมา เสยฺยถาปิ นาม นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุชฺเชยฺย…เป… ปชฺโชตํ ธาเรยฺย ‘‘จกฺขุมนฺโต รูปานิ ทกฺขนฺตี’’ติ, เอวํ ปกาสิโต โหติ.

ยสฺมา ปเนตฺถ สทฺธาตปกายคุตฺตตาทีหิ สีลกฺขนฺโธ ปกาสิโต โหติ, ปฺาย ปฺากฺขนฺโธ, หิริมนาทีหิ สมาธิกฺขนฺโธ, โยคกฺเขเมน นิโรโธติ เอวํ ติกฺขนฺโธ อริยมคฺโค นิโรโธ จาติ สรูเปเนว ทฺเว อริยสจฺจานิ ปกาสิตานิ. ตตฺถ มคฺโค ปฏิปกฺโข สมุทยสฺส, นิโรโธ ทุกฺขสฺสาติ ปฏิปกฺเขน ทฺเว. อิติ อิมินา ปริยาเยน จตฺตาริ สจฺจานิ ปกาสิตานิ. ตสฺมา อเนกปริยาเยน ปกาสิโต โหตีติ เวทิตพฺโพ.

เอสาหนฺติอาทีสุ เอโส อหนฺติ เอสาหํ. สรณํ คจฺฉามีติ ปาเทสุ นิปติตฺวา ปณิปาเตน สรณคมเนน คโตปิ อิทานิ วาจาย สมาทิยนฺโต อาห. อถ วา ปณิปาเตน พุทฺธํเยว สรณํ คโตติ อิทานิ ตํ อาทึ กตฺวา เสเส ธมฺมสงฺเฆปิ คนฺตุํ อาห. อชฺชตคฺเคติ อชฺชตํ อาทึ กตฺวา, อชฺชทคฺเคติ วา ปาโ, ท-กาโร ปทสนฺธิกโร, อชฺช อคฺคํ กตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. ปาเณหิ อุเปตํ ปาณุเปตํ, ยาว เม ชีวิตํ ปวตฺตติ, ตาว อุเปตํ, อนฺสตฺถุกํ ตีหิ สรณคมเนหิ สรณํ คตํ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตุ ชานาตูติ วุตฺตํ โหติ. เอตฺตาวตา อเนน สุตานุรูปา ปฏิปตฺติ ทสฺสิตา โหติ. นิกฺกุชฺชิตาทีหิ วา สตฺถุสมฺปตฺตึ ทสฺเสตฺวา อิมินา ‘‘เอสาห’’นฺติอาทินา สิสฺสสมฺปตฺติ ทสฺสิตา. เตน วา ปฺาปฏิลาภํ ทสฺเสตฺวา อิมินา สทฺธาปฏิลาโภ ทสฺสิโต. อิทานิ เอวํ ปฏิลทฺธสทฺเธน ปฺวตา ยํ กตฺตพฺพํ, ตํ กตฺตุกาโม ภควนฺตํ ยาจติ ‘‘ลเภยฺยาห’’นฺติ. ตตฺถ ภควโต อิทฺธิยาทีหิ อภิปฺปสาทิตจิตฺโต ‘‘ภควาปิ จกฺกวตฺติรชฺชํ ปหาย ปพฺพชิโต, กิมงฺคํ ปนาห’’นฺติ สทฺธาย ปพฺพชฺชํ ยาจติ, ตตฺถ ปริปูรการิตํ ปตฺเถนฺโต ปฺาย อุปสมฺปทํ. เสสํ ปากฏเมว.

เอโก วูปกฏฺโติอาทีสุ ปน เอโก กายวิเวเกน, วูปกฏฺโ จิตฺตวิเวเกน, อปฺปมตฺโต กมฺมฏฺาเน สติอวิชหเนน, อาตาปี กายิกเจตสิกวีริยสงฺขาเตน อาตาเปน, ปหิตตฺโต กาเย จ ชีวิเต จ อนเปกฺขตาย วิหรนฺโต อฺตรอิริยาปถวิหาเรน. น จิรสฺเสวาติ ปพฺพชฺชํ อุปาทาย วุจฺจติ. กุลปุตฺตาติ ทุวิธา กุลปุตฺตา, ชาติกุลปุตฺตา, อาจารกุลปุตฺตา จ. อยํ ปน อุภยถาปิ กุลปุตฺโต. อคารสฺมาติ ฆรา. อคารานํ หิตํ อคาริยํ กสิโครกฺขาทิกุฏุมฺพโปสนกมฺมํ วุจฺจติ. นตฺถิ เอตฺถ อคาริยนฺติ อนคาริยํ, ปพฺพชฺชาเยตํ อธิวจนํ ปพฺพชนฺตีติ อุปคจฺฉนฺติ อุปสงฺกมนฺติ. ตทนุตฺตรนฺติ ตํ อนุตฺตรํ. พฺรหฺมจริยปริโยสานนฺติ มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส ปริโยสานํ, อรหตฺตผลนฺติ วุตฺตํ โหติ. ตสฺส หิ อตฺถาย กุลปุตฺตา ปพฺพชนฺติ. ทิฏฺเว ธมฺเมติ ตสฺมึเยว อตฺตภาเว. สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวาติ อตฺตนาเยว ปฺาย ปจฺจกฺขํ กตฺวา, อปรปฺปจฺจยํ ตฺวาติ อตฺโถ. อุปสมฺปชฺช วิหาสีติ ปาปุณิตฺวา สมฺปาเทตฺวา วา วิหาสิ. เอวํ วิหรนฺโต จ ขีณา ชาติ…เป… อพฺภฺาสิ. เอเตนสฺส ปจฺจเวกฺขณภูมึ ทสฺเสติ.

กตมา ปนสฺส ชาติ ขีณา, กถฺจ นํ อพฺภฺาสีติ? วุจฺจเต – น ตาวสฺส อตีตา ชาติ ขีณา ปุพฺเพว ขีณตฺตา, น อนาคตา อนาคเต วายามาภาวโต, น ปจฺจุปฺปนฺนา วิชฺชมานตฺตา. ยา ปน มคฺคสฺส อภาวิตตฺตา อุปฺปชฺเชยฺย เอกจตุปฺจโวการภเวสุ เอกจตุปฺจกฺขนฺธปฺปเภทา ชาติ, สา มคฺคสฺส ภาวิตตฺตา อนุปฺปาทธมฺมตํ อาปชฺชเนน ขีณา. ตํ โส มคฺคภาวนาย ปหีนกิเลเส ปจฺจเวกฺขิตฺวา กิเลสาภาเว วิชฺชมานมฺปิ กมฺมํ อายตึ อปฏิสนฺธิกํ โหตีติ ชานนฺโต ชานาติ.

วุสิตนฺติ วุตฺถํ ปริวุตฺถํ, กตํ จริตํ นิฏฺาปิตนฺติ อตฺโถ. พฺรหฺมจริยนฺติ มคฺคพฺรหฺมจริยํ. กตํ กรณียนฺติ จตูสุ สจฺเจสุ จตูหิ มคฺเคหิ ปริฺาปหานสจฺฉิกิริยภาวนาวเสน โสฬสวิธมฺปิ กิจฺจํ นิฏฺาปิตนฺติ อตฺโถ. นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ อิทานิ ปุน อิตฺถภาวาย เอวํ โสฬสกิจฺจภาวาย กิเลสกฺขยาย วา มคฺคภาวนา นตฺถีติ. อถ วา อิตฺถตฺตายาติ อิตฺถภาวโต, อิมสฺมา เอวํปการา อิทานิ วตฺตมานกฺขนฺธสนฺตานา อปรํ ขนฺธสนฺตานํ นตฺถิ. อิเม ปน ปฺจกฺขนฺธา ปริฺาตา ติฏฺนฺติ ฉินฺนมูลโก รุกฺโข วิยาติ อพฺภฺาสิ. อฺตโรติ เอโก. อรหตนฺติ อรหนฺตานํ. มหาสาวกานํ อพฺภนฺตโร อายสฺมา ภารทฺวาโช อโหสีติ อยํ กิเรตฺถ อธิปฺปาโยติ.

ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย

สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย กสิภารทฺวาชสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. จุนฺทสุตฺตวณฺณนา

๘๓. ปุจฺฉามิ มุนึ ปหูตปฺนฺติ จุนฺทสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? สงฺเขปโต ตาว อตฺตชฺฌาสยปรชฺฌาสยอฏฺุปฺปตฺติปุจฺฉาวสิกเภทโต จตูสุ อุปฺปตฺตีสุ อิมสฺส สุตฺตสฺส ปุจฺฉาวสิกา อุปฺปตฺติ. วิตฺถารโต ปน เอกํ สมยํ ภควา มลฺเลสุ จาริกํ จรมาโน มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ เยน ปาวา ตทวสริ. ตตฺร สุทํ ภควา ปาวายํ วิหรติ จุนฺทสฺส กมฺมารปุตฺตสฺส อมฺพวเน. อิโต ปภุติ ยาว ‘‘อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆน เยน จุนฺทสฺส กมฺมารปุตฺตสฺส นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีที’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๘๙), ตาว สุตฺเต อาคตนเยเนว วิตฺถาเรตพฺพํ.

เอวํ ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ นิสินฺเน ภควติ จุนฺโท กมฺมารปุตฺโต พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริวิสนฺโต พฺยฺชนสูปาทิคหณตฺถํ ภิกฺขูนํ สุวณฺณภาชนานิ อุปนาเมสิ. อปฺตฺเต สิกฺขาปเท เกจิ ภิกฺขู สุวณฺณภาชนานิ ปฏิจฺฉึสุ เกจิ น ปฏิจฺฉึสุ. ภควโต ปน เอกเมว ภาชนํ อตฺตโน เสลมยํ ปตฺตํ, ทุติยภาชนํ พุทฺธา น คณฺหนฺติ. ตตฺถ อฺตโร ปาปภิกฺขุ สหสฺสคฺฆนกํ สุวณฺณภาชนํ อตฺตโน โภชนตฺถาย สมฺปตฺตํ เถยฺยจิตฺเตน กุฺจิกตฺถวิกาย ปกฺขิปิ. จุนฺโท ปริวิสิตฺวา หตฺถปาทํ โธวิตฺวา ภควนฺตํ นมสฺสมาโน ภิกฺขุสงฺฆํ โอโลเกนฺโต ตํ ภิกฺขุํ อทฺทส, ทิสฺวา จ ปน อปสฺสมาโน วิย หุตฺวา น นํ กิฺจิ อภณิ ภควติ เถเรสุ จ คารเวน, อปิจ ‘‘มิจฺฉาทิฏฺิกานํ วจนปโถ มา อโหสี’’ติ. โส ‘‘กึ นุ โข สํวรยุตฺตาเยว สมณา, อุทาหุ ภินฺนสํวรา อีทิสาปิ สมณา’’ติ าตุกาโม สายนฺหสมเย ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา อาห ‘‘ปุจฺฉามิ มุนิ’’นฺติ.

ตตฺถ ปุจฺฉามีติ อิทํ ‘‘ติสฺโส ปุจฺฉา อทิฏฺโชตนา ปุจฺฉา’’ติอาทินา (จูฬนิ. ปุณฺณกมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๑๒) นเยน นิทฺเทเส วุตฺตนยเมว. มุนินฺติ เอตมฺปิ ‘‘โมนํ วุจฺจติ าณํ. ยา ปฺา ปชานนา…เป… สมฺมาทิฏฺิ, เตน าเณน สมนฺนาคโต มุนิ, โมนปฺปตฺโตติ, ตีณิ โมเนยฺยานิ กายโมเนยฺย’’นฺติอาทินา (มหานิ. ๑๔) นเยน ตตฺเถว วุตฺตนยเมว. อยมฺปเนตฺถ สงฺเขโป. ปุจฺฉามีติ โอกาสํ กาเรนฺโต มุนินฺติ มุนิมุนึ ภควนฺตํ อาลปติ. ปหูตปฺนฺติอาทีนิ ถุติวจนานิ, เตหิ ตํ มุนึ ถุนาติ. ตตฺถ ปหูตปฺนฺติ วิปุลปฺํ. เยฺยปริยนฺติกตฺตา จสฺส วิปุลตา เวทิตพฺพา. อิติ จุนฺโท กมฺมารปุตฺโตติ อิทํ ทฺวยํ ธนิยสุตฺเต วุตฺตนยเมว. อิโต ปรํ ปน เอตฺตกมฺปิ อวตฺวา สพฺพํ วุตฺตนยํ ฉฑฺเฑตฺวา อวุตฺตนยเมว วณฺณยิสฺสาม.

พุทฺธนฺติ ตีสุ พุทฺเธสุ ตติยพุทฺธํ. ธมฺมสฺสามินฺติ มคฺคธมฺมสฺส ชนกตฺตา ปุตฺตสฺเสว ปิตรํ อตฺตนา อุปฺปาทิตสิปฺปายตนาทีนํ วิย จ อาจริยํ ธมฺมสฺส สามึ, ธมฺมิสฺสรํ ธมฺมราชํ ธมฺมวสวตฺตินฺติ อตฺโถ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –

‘‘โส หิ, พฺราหฺมณ, ภควา อนุปฺปนฺนสฺส มคฺคสฺส อุปฺปาเทตา, อสฺชาตสฺส มคฺคสฺส สฺชเนตา, อนกฺขาตสฺส มคฺคสฺส อกฺขาตา, มคฺคฺู, มคฺควิทู, มคฺคโกวิโท. มคฺคานุคา จ ปน เอตรหิ สาวกา วิหรนฺติ ปจฺฉา สมนฺนาคตา’’ติ (ม. นิ. ๓.๗๙).

วีตตณฺหนฺติ วิคตกามภววิภวตณฺหํ. ทฺวิปทุตฺตมนฺติ ทฺวิปทานํ อุตฺตมํ. ตตฺถ กิฺจาปิ ภควา น เกวลํ ทฺวิปทุตฺตโม เอว, อถ โข ยาวตา สตฺตา อปทา วา ทฺวิปทา วา…เป… เนวสฺีนาสฺิโน วา, เตสํ สพฺเพสํ อุตฺตโม. อถ โข อุกฺกฏฺปริจฺเฉทวเสน ทฺวิปทุตฺตโมตฺเวว วุจฺจติ. ทฺวิปทา หิ สพฺพสตฺตานํ อุกฺกฏฺา จกฺกวตฺติมหาสาวกปจฺเจกพุทฺธานํ ตตฺถ อุปฺปตฺติโต, เตสฺจ อุตฺตโมติ วุตฺเต สพฺพสตฺตุตฺตโมติ วุตฺโตเยว โหติ. สารถีนํ ปวรนฺติ สาเรตีติ สารถิ, หตฺถิทมกาทีนเมตํ อธิวจนํ. เตสฺจ ภควา ปวโร อนุตฺตเรน ทมเนน ปุริสทมฺเม ทเมตุํ สมตฺถภาวโต. ยถาห –

‘‘หตฺถิทมเกน, ภิกฺขเว, หตฺถิทมฺโม สาริโต เอกํ เอว ทิสํ ธาวติ ปุรตฺถิมํ วา ปจฺฉิมํ วา อุตฺตรํ วา ทกฺขิณํ วา. อสฺสทมเกน, ภิกฺขเว, อสฺสทมฺโม…เป… โคทมเกน, ภิกฺขเว, โคทมฺโม…เป… ทกฺขิณํ วา. ตถาคเตน หิ, ภิกฺขเว, อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน ปุริสทมฺโม สาริโต อฏฺ ทิสา วิธาวติ, รูปี รูปานิ ปสฺสติ, อยเมกา ทิสา…เป… สฺาเวทยิตนิโรธํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, อยํ อฏฺมี ทิสา’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๑๒).

กตีติ อตฺถปฺปเภทปุจฺฉา. โลเกติ สตฺตโลเก. สมณาติ ปุจฺฉิตพฺพอตฺถนิทสฺสนํ. อิงฺฆาติ ยาจนตฺเถ นิปาโต. ตทิงฺฆาติ เต อิงฺฆ. พฺรูหีติ อาจิกฺข กถยสฺสูติ.

๘๔. เอวํ วุตฺเต ภควา จุนฺทํ กมฺมารปุตฺตํ ‘‘กึ, ภนฺเต, กุสลํ, กึ อกุสล’’นฺติอาทินา (ม. นิ. ๓.๒๙๖) นเยน คิหิปฺหํ อปุจฺฉิตฺวา สมณปฺหํ ปุจฺฉนฺตํ ทิสฺวา อาวชฺเชนฺโต ‘‘ตํ ปาปภิกฺขุํ สนฺธาย อยํ ปุจฺฉตี’’ติ ตฺวา ตสฺส อฺตฺร โวหารมตฺตา อสฺสมณภาวํ ทีเปนฺโต อาห ‘‘จตุโร สมณา’’ติ. ตตฺถ จตุโรติ สงฺขฺยาปริจฺเฉโท. สมณาติ กทาจิ ภควา ติตฺถิเย สมณวาเทน วทติ; ยถาห – ‘‘ยานิ ตานิ ปุถุสมณพฺราหฺมณานํ วตโกตูหลมงฺคลานี’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๐๗). กทาจิ ปุถุชฺชเน; ยถาห – ‘‘สมณา สมณาติ โข, ภิกฺขเว, ชโน สฺชานาตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๓๕). กทาจิ เสกฺเข; ยถาห – ‘‘อิเธว, ภิกฺขเว, สมโณ, อิธ ทุติโย สมโณ’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๓๙; ที. นิ. ๒.๒๑๔; อ. นิ. ๔.๒๔๑). กทาจิ ขีณาสเว; ยถาห – ‘‘อาสวานํ ขยา สมโณ โหตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๓๘). กทาจิ อตฺตานํเยว; ยถาห – ‘‘สมโณติ โข, ภิกฺขเว, ตถาคตสฺเสตํ อธิวจน’’นฺติ (อ. นิ. ๘.๘๕). อิธ ปน ตีหิ ปเทหิ สพฺเพปิ อริเย สีลวนฺตํ ปุถุชฺชนฺจ, จตุตฺเถน อิตรํ อสฺสมณมฺปิ ภณฺฑุํ กาสาวกณฺํ เกวลํ โวหารมตฺตเกน สมโณติ สงฺคณฺหิตฺวา ‘‘จตุโร สมณา’’ติ อาห. น ปฺจมตฺถีติ อิมสฺมึ ธมฺมวินเย โวหารมตฺตเกน ปฏิฺามตฺตเกนาปิ ปฺจโม สมโณ นาม นตฺถิ.

เต เต อาวิกโรมีติ เต จตุโร สมเณ ตว ปากเฏ กโรมิ. สกฺขิปุฏฺโติ สมฺมุขา ปุจฺฉิโต. มคฺคชิโนติ มคฺเคน สพฺพกิเลเส วิชิตาวีติ อตฺโถ. มคฺคเทสโกติ ปเรสํ มคฺคํ เทเสตา. มคฺเค ชีวตีติ สตฺตสุ เสกฺเขสุ โย โกจิ เสกฺโข อปริโยสิตมคฺควาสตฺตา โลกุตฺตเร, สีลวนฺตปุถุชฺชโน จ โลกิเย มคฺเค ชีวติ นาม, สีลวนฺตปุถุชฺชโน วา โลกุตฺตรมคฺคนิมิตฺตํ ชีวนโตปิ มคฺเค ชีวตีติ เวทิตพฺโพ. โย จ มคฺคทูสีติ โย จ ทุสฺสีโล มิจฺฉาทิฏฺิ มคฺคปฏิโลมาย ปฏิปตฺติยา มคฺคทูสโกติ อตฺโถ.

๘๕. ‘‘อิเม เต จตุโร สมณา’’ติ เอวํ ภควตา สงฺเขเปน อุทฺทิฏฺเ จตุโร สมเณ ‘‘อยํ นาเมตฺถ มคฺคชิโน, อยํ มคฺคเทสโก, อยํ มคฺเค ชีวติ, อยํ มคฺคทูสี’’ติ เอวํ ปฏิวิชฺฌิตุํ อสกฺโกนฺโต ปุน ปุจฺฉิตุํ จุนฺโท อาห ‘‘กํ มคฺคชิน’’นฺติ. ตตฺถ มคฺเค ชีวติ เมติ โย โส มคฺเค ชีวติ, ตํ เม พฺรูหิ ปุฏฺโติ. เสสํ ปากฏเมว.

๘๖. อิทานิสฺส ภควา จตุโรปิ สมเณ จตูหิ คาถาหิ นิทฺทิสนฺโต อาห ‘‘โย ติณฺณกถํกโถ วิสลฺโล’’ติ. ตตฺถ ติณฺณกถํกโถ วิสลฺโลติ เอตํ อุรคสุตฺเต วุตฺตนยเมว. อยํ ปน วิเสโส. ยสฺมา อิมาย คาถาย มคฺคชิโนติ พุทฺธสมโณ อธิปฺเปโต, ตสฺมา สพฺพฺุตฺาเณน กถํกถาปติรูปกสฺส สพฺพธมฺเมสุ อฺาณสฺส ติณฺณตฺตาปิ ‘‘ติณฺณกถํกโถ’’ติ เวทิตพฺโพ. ปุพฺเพ วุตฺตนเยน หิ ติณฺณกถํกถาปิ โสตาปนฺนาทโย ปจฺเจกพุทฺธปริโยสานา สกทาคามิวิสยาทีสุ พุทฺธวิสยปริโยสาเนสุ ปฏิหตาณปฺปภาวตฺตา ปริยาเยน อติณฺณกถํกถาว โหนฺติ. ภควา ปน สพฺพปฺปกาเรน ติณฺณกถํกโถติ. นิพฺพานาภิรโตติ นิพฺพาเน อภิรโต, ผลสมาปตฺติวเสน สทา นิพฺพานนินฺนจิตฺโตติ อตฺโถ. ตาทิโส จ ภควา. ยถาห –

‘‘โส โข อหํ, อคฺคิเวสฺสน, ตสฺสา เอว กถาย ปริโยสาเน, ตสฺมึเยว ปุริมสฺมึ สมาธินิมิตฺเต อชฺฌตฺตเมว จิตฺตํ สณฺเปมิ, สนฺนิสาเทมิ, เอโกทึ กโรมิ, สมาทหามี’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๘๗).

อนานุคิทฺโธติ กฺจิ ธมฺมํ ตณฺหาเคเธน อนนุคิชฺฌนฺโต. โลกสฺส สเทวกสฺส เนตาติ อาสยานุสยานุโลเมน ธมฺมํ เทเสตฺวา ปารายนมหาสมยาทีสุ อเนเกสุ สุตฺตนฺเตสุ อปริมาณานํ เทวมนุสฺสานํ สจฺจปฏิเวธสมฺปาทเนน สเทวกสฺส โลกสฺส เนตา, คมยิตา, ตาเรตา, ปารํ สมฺปาเปตาติ อตฺโถ. ตาทินฺติ ตาทิสํ ยถาวุตฺตปฺปการโลกธมฺเมหิ นิพฺพิการนฺติ อตฺโถ. เสสเมตฺถ ปากฏเมว.

๘๗. เอวํ ภควา อิมาย คาถาย ‘‘มคฺคชิน’’นฺติ พุทฺธสมณํ นิทฺทิสิตฺวา อิทานิ ขีณาสวสมณํ นิทฺทิสนฺโต อาห ‘‘ปรมํ ปรมนฺตี’’ติ. ตตฺถ ปรมํ นาม นิพฺพานํ, สพฺพธมฺมานํ อคฺคํ อุตฺตมนฺติ อตฺโถ. ปรมนฺติ โยธ ตฺวาติ ตํ ปรมํ ปรมมิจฺเจว โย อิธ สาสเน ตฺวา ปจฺจเวกฺขณาเณน. อกฺขาติ วิภชเต อิเธว ธมฺมนฺติ นิพฺพานธมฺมํ อกฺขาติ, อตฺตนา ปฏิวิทฺธตฺตา ปเรสํ ปากฏํ กโรติ ‘‘อิทํ นิพฺพาน’’นฺติ, มคฺคธมฺมํ วิภชติ ‘‘อิเม จตฺตาโร สติปฏฺานา…เป… อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค’’ติ. อุภยมฺปิ วา อุคฺฆฏิตฺูนํ สงฺเขปเทสนาย อาจิกฺขติ, วิปฺจิตฺูนํ วิตฺถารเทสนาย วิภชติ. เอวํ อาจิกฺขนฺโต วิภชนฺโต จ ‘‘อิเธว สาสเน อยํ ธมฺโม, น อิโต พหิทฺธา’’ติ สีหนาทํ นทนฺโต อกฺขาติ จ วิภชติ จ. เตน วุตฺตํ ‘‘อกฺขาติ วิภชเต อิเธว ธมฺม’’นฺติ. ตํ กงฺขฉิทํ มุนึ อเนชนฺติ ตํ เอวรูปํ จตุสจฺจปฏิเวเธน อตฺตโน, เทสนาย จ ปเรสํ กงฺขจฺเฉทเนน กงฺขจฺฉิทํ, โมเนยฺยสมนฺนาคเมน มุนึ, เอชาสงฺขาตาย ตณฺหาย อภาวโต อเนชํ ทุติยํ ภิกฺขุนมาหุ มคฺคเทสินฺติ.

๘๘. เอวํ อิมาย คาถาย สยํ อนุตฺตรํ มคฺคํ อุปฺปาเทตฺวา เทสนาย อนุตฺตโร มคฺคเทสี สมาโนปิ ทูตมิว เลขวาจกมิว จ รฺโ อตฺตโน สาสนหรํ สาสนโชตกฺจ ‘‘มคฺคเทสิ’’นฺติ ขีณาสวสมณํ นิทฺทิสิตฺวา อิทานิ เสกฺขสมณฺจ สีลวนฺตปุถุชฺชนสมณฺจ นิทฺทิสนฺโต อาห ‘‘โย ธมฺมปเท’’ติ. ตตฺถ ปทวณฺณนา ปากฏาเยว. อยํ ปเนตฺถ อตฺถวณฺณนา – โย นิพฺพานธมฺมสฺส ปทตฺตา ธมฺมปเท, อุโภ อนฺเต อนุปคมฺม เทสิตตฺตา อาสยานุรูปโต วา สติปฏฺานาทินานปฺปกาเรหิ เทสิตตฺตา สุเทสิเต, มคฺคสมงฺคีปิ อนวสิตมคฺคกิจฺจตฺตา มคฺเค ชีวติ, สีลสํยเมน สฺโต, กายาทีสุ สูปฏฺิตาย จิรกตาทิสรณาย วา สติยา สติมา, อณุมตฺตสฺสาปิ วชฺชสฺส อภาวโต อนวชฺชตฺตา, โกฏฺาสภาเวน จ ปทตฺตา สตฺตตึสโพธิปกฺขิยธมฺมสงฺขาตานิ อนวชฺชปทานิ ภงฺคาณโต ปภุติ ภาวนาเสวนาย เสวมาโน, ตํ ภิกฺขุนํ ตติยํ มคฺคชีวินฺติ อาหูติ.

๘๙. เอวํ ภควา อิมาย คาถาย ‘‘มคฺคชีวิ’’นฺติ เสกฺขสมณํ สีลวนฺตปุถุชฺชนสมณฺจ นิทฺทิสิตฺวา อิทานิ ตํ ภณฺฑุํ กาสาวกณฺํ เกวลํ โวหารมตฺตสมณํ นิทฺทิสนฺโต อาห ‘‘ฉทนํ กตฺวานา’’ติ. ตตฺถ ฉทนํ กตฺวานาติ ปติรูปํ กริตฺวา, เวสํ คเหตฺวา, ลิงฺคํ ธาเรตฺวาติ อตฺโถ. สุพฺพตานนฺติ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธสาวกานํ. เตสฺหิ สุนฺทรานิ วตานิ, ตสฺมา เต สุพฺพตาติ วุจฺจนฺติ. ปกฺขนฺทีติ ปกฺขนฺทโก, อนฺโต ปวิสโกติ อตฺโถ. ทุสฺสีโล หิ คูถปฏิจฺฉาทนตฺถํ ติณปณฺณาทิจฺฉทนํ วิย อตฺตโน ทุสฺสีลภาวํ ปฏิจฺฉาทนตฺถํ สุพฺพตานํ ฉทนํ กตฺวา ‘‘อหมฺปิ ภิกฺขู’’ติ ภิกฺขุมชฺเฌ ปกฺขนฺทติ, ‘‘เอตฺตกวสฺเสน ภิกฺขุนา คเหตพฺพํ เอต’’นฺติ ลาเภ ทียมาเน ‘‘อหํ เอตฺตกวสฺโส’’ติ คณฺหิตุํ ปกฺขนฺทติ, เตน วุจฺจติ ‘‘ฉทนํ กตฺวาน สุพฺพตานํ ปกฺขนฺที’’ติ. จตุนฺนมฺปิ ขตฺติยาทิกุลานํ อุปฺปนฺนํ ปสาทํ อนนุรูปปฏิปตฺติยา ทูเสตีติ กุลทูสโก. ปคพฺโภติ อฏฺฏฺาเนน กายปาคพฺภิเยน, จตุฏฺาเนน วจีปาคพฺภิเยน, อเนกฏฺาเนน มโนปาคพฺภิเยน จ สมนฺนาคโตติ อตฺโถ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถารํ ปน เมตฺตสุตฺตวณฺณนายํ วกฺขาม.

กตปฏิจฺฉาทนลกฺขณาย มายาย สมนฺนาคตตฺตา มายาวี. สีลสํยมาภาเวน อสฺโต. ปลาปสทิสตฺตา ปลาโป. ยถา หิ ปลาโป อนฺโต ตณฺฑุลรหิโตปิ พหิ ถุเสน วีหิ วิย ทิสฺสติ, เอวมิเธกจฺโจ อนฺโต สีลาทิคุณสารวิรหิโตปิ พหิ สุพฺพตจฺฉทเนน สมณเวเสน สมโณ วิย ทิสฺสติ. โส เอวํ ปลาปสทิสตฺตา ‘‘ปลาโป’’ติ วุจฺจติ. อานาปานสฺสติสุตฺเต ปน ‘‘อปลาปายํ, ภิกฺขเว, ปริสา, นิปฺปลาปายํ, ภิกฺขเว, ปริสา, สุทฺธา สาเร ปติฏฺิตา’’ติ (ม. นิ. ๓.๑๔๖) เอวํ ปุถุชฺชนกลฺยาโณปิ ‘‘ปลาโป’’ติ วุตฺโต. อิธ ปน กปิลสุตฺเต จ ‘‘ตโต ปลาเป วาเหถ, อสฺสมเณ สมณมานิเน’’ติ (สุ. นิ. ๒๘๔) เอวํ ปราชิตโก ‘‘ปลาโป’’ติ วุตฺโต. ปติรูเปน จรํ สมคฺคทูสีติ ตํ สุพฺพตานํ ฉทนํ กตฺวา ยถา จรนฺตํ ‘‘อารฺิโก อยํ รุกฺขมูลิโก, ปํสุกูลิโก, ปิณฺฑปาติโก, อปฺปิจฺโฉ, สนฺตุฏฺโ’’ติ ชโน ชานาติ, เอวํ ปติรูเปน ยุตฺตรูเปน พาหิรมฏฺเน อาจาเรน จรนฺโต ปุคฺคโล อตฺตโน โลกุตฺตรมคฺคสฺส, ปเรสํ สุคติมคฺคสฺส จ ทูสนโต ‘‘มคฺคทูสี’’ติ เวทิตพฺโพ.

๙๐. เอวํ อิมาย คาถาย ‘‘มคฺคทูสี’’ติ ทุสฺสีลํ โวหารมตฺตกสมณํ นิทฺทิสิตฺวา อิทานิ เตสํ อฺมฺํ อพฺยามิสฺสีภาวํ ทีเปนฺโต อาห ‘‘เอเต จ ปฏิวิชฺฌี’’ติ. ตสฺสตฺโถ – เอเต จตุโร สมเณ ยถาวุตฺเตน ลกฺขเณน ปฏิวิชฺฌิ อฺาสิ สจฺฉากาสิ โย คหฏฺโ ขตฺติโย วา พฺราหฺมโณ วา อฺโ วา โกจิ, อิเมสํ จตุนฺนํ สมณานํ ลกฺขณสฺสวนมตฺเตน สุตวา, ตสฺเสว ลกฺขณสฺส อริยานํ สนฺติเก สุตตฺตา อริยสาวโก, เตเยว สมเณ ‘‘อยฺจ อยฺจ เอวํลกฺขโณ’’ติ ปชานนมตฺเตน สปฺปฺโ, ยาทิโส อยํ ปจฺฉา วุตฺโต มคฺคทูสี, อิตเรปิ สพฺเพ เนตาทิสาติ ตฺวา อิติ ทิสฺวา เอวํ ปาปํ กโรนฺตมฺปิ เอตํ ปาปภิกฺขุํ ทิสฺวา. ตตฺถายํ โยชนา – เอเต จ ปฏิวิชฺฌิ โย คหฏฺโ สุตวา อริยสาวโก สปฺปฺโ, ตสฺส ตาย ปฺาย สพฺเพ ‘‘เนตาทิสา’’ติ ตฺวา วิหรโต อิติ ทิสฺวา น หาเปติ สทฺธา, เอวํ ปาปกมฺมํ กโรนฺตํ ปาปภิกฺขุํ ทิสฺวาปิ น หาเปติ, น หายติ, น นสฺสติ สทฺธาติ.

เอวํ อิมาย คาถาย เตสํ อพฺยามิสฺสีภาวํ ทีเปตฺวา อิทานิ อิติ ทิสฺวาปิ ‘‘สพฺเพ เนตาทิสา’’ติ ชานนฺตํ อริยสาวกํ ปสํสนฺโต อาห ‘‘กถฺหิ ทุฏฺเนา’’ติ. ตสฺส สมฺพนฺโธ – เอตเทว จ ยุตฺตํ สุตวโต อริยสาวกสฺส, ยทิทํ เอกจฺจํ ปาปํ กโรนฺตํ อิติ ทิสฺวาปิ สพฺเพ ‘‘เนตาทิสา’’ติ ชานนํ. กึ การณา? กถฺหิ ทุฏฺเน อสมฺปทุฏฺํ, สุทฺธํ อสุทฺเธน สมํ กเรยฺยาติ? ตสฺสตฺโถ – กถฺหิ สุตวา อริยสาวโก สปฺปฺโ, สีลวิปตฺติยา ทุฏฺเน มคฺคทูสินา อทุฏฺํ อิตรํ สมณตฺตยํ, สุทฺธํ สมณตฺตยเมวํ อปริสุทฺธกายสมาจารตาทีหิ อสุทฺเธน ปจฺฉิเมน โวหารมตฺตกสมเณน สมํ กเรยฺย สทิสนฺติ ชาเนยฺยาติ. สุตฺตปริโยสาเน อุปาสกสฺส มคฺโค วา ผลํ วา น กถิตํ. กงฺขามตฺตเมว หิ ตสฺส ปหีนนฺติ.

ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย

สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย จุนฺทสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. ปราภวสุตฺตวณฺณนา

เอวํ เม สุตนฺติ ปราภวสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? มงฺคลสุตฺตํ กิร สุตฺวา เทวานํ เอตทโหสิ – ‘‘ภควตา มงฺคลสุตฺเต สตฺตานํ วุฑฺฒิฺจ โสตฺถิฺจ กถยมาเนน เอกํเสน ภโว เอว กถิโต, โน ปราภโว. หนฺท ทานิ เยน สตฺตา ปริหายนฺติ วินสฺสนฺติ, ตํ เนสํ ปราภวมฺปิ ปุจฺฉามา’’ติ. อถ มงฺคลสุตฺตํ กถิตทิวสโต ทุติยทิวเส ทสสหสฺสจกฺกวาเฬสุ เทวตาโย ปราภวสุตฺตํ โสตุกามา อิมสฺมึ เอกจกฺกวาเฬ สนฺนิปติตฺวา เอกวาลคฺคโกฏิโอกาสมตฺเต ทสปิ วีสมฺปิ ตึสมฺปิ จตฺตาลีสมฺปิ ปฺาสมฺปิ สฏฺิปิ สตฺตติปิ อสีติปิ สุขุมตฺตภาเว นิมฺมินิตฺวา สพฺพเทวมารพฺรหฺมาโน สิริยา จ เตเชน จ อธิคยฺห วิโรจมานํ ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสินฺนํ ภควนฺตํ ปริวาเรตฺวา อฏฺํสุ. ตโต สกฺเกน เทวานมินฺเทน อาณตฺโต อฺตโร เทวปุตฺโต ภควนฺตํ ปราภวปฺหํ ปุจฺฉิ. อถ ภควา ปุจฺฉาวเสน อิมํ สุตฺตมภาสิ.

ตตฺถ ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติอาทิ อายสฺมตา อานนฺเทน วุตฺตํ. ‘‘ปราภวนฺตํ ปุริส’’นฺติอาทินา นเยน เอกนฺตริกา คาถา เทวปุตฺเตน วุตฺตา, ‘‘สุวิชาโน ภวํ โหตี’’ติอาทินา นเยน เอกนฺตริกา เอว อวสานคาถา จ ภควตา วุตฺตา, ตเทตํ สพฺพมฺปิ สโมธาเนตฺวา ‘‘ปราภวสุตฺต’’นฺติ วุจฺจติ. ตตฺถ ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ สพฺพํ มงฺคลสุตฺตวณฺณนายํ วกฺขาม.

๙๑. ปราภวนฺตํ ปุริสนฺติอาทีสุ ปน ปราภวนฺตนฺติ ปริหายนฺตํ วินสฺสนฺตํ. ปุริสนฺติ ยํกิฺจิ สตฺตํ ชนฺตุํ. มยํ ปุจฺฉาม โคตมาติ เสสเทเวหิ สทฺธึ อตฺตานํ นิทสฺเสตฺวา โอกาสํ กาเรนฺโต โส เทวปุตฺโต โคตฺเตน ภควนฺตํ อาลปติ. ภวนฺตํ ปุฏฺุมาคมฺมาติ มยฺหิ ภวนฺตํ ปุจฺฉิสฺสามาติ ตโต ตโต จกฺกวาฬา อาคตาติ อตฺโถ. เอเตน อาทรํ ทสฺเสติ. กึ ปราภวโต มุขนฺติ เอวํ อาคตานํ อมฺหากํ พฺรูหิ ปราภวโต ปุริสสฺส กึ มุขํ, กึ ทฺวารํ, กา โยนิ, กึ การณํ, เยน มยํ ปราภวนฺตํ ปุริสํ ชาเนยฺยามาติ อตฺโถ. เอเตน ‘‘ปราภวนฺตํ ปุริส’’นฺติ เอตฺถ วุตฺตสฺส ปราภวโต ปุริสสฺส ปราภวการณํ ปุจฺฉติ. ปราภวการเณ หิ าเต เตน การณสามฺเน สกฺกา โย โกจิ ปราภวปุริโส ชานิตุนฺติ.

๙๒. อถสฺส ภควา สุฏฺุ ปากฏีกรณตฺถํ ปฏิปกฺขํ ทสฺเสตฺวา ปุคฺคลาธิฏฺานาย เทสนาย ปราภวมุขํ ทีเปนฺโต อาห ‘‘สุวิชาโน ภว’’นฺติ. ตสฺสตฺโถ – ยฺวายํ ภวํ วฑฺฒนฺโต อปริหายนฺโต ปุริโส, โส สุวิชาโน โหติ, สุเขน อกสิเรน อกิจฺเฉน สกฺกา วิชานิตุํ. โยปายํ ปราภวตีติ ปราภโว, ปริหายติ วินสฺสติ, ยสฺส ตุมฺเห ปราภวโต ปุริสสฺส มุขํ มํ ปุจฺฉถ, โสปิ สุวิชาโน. กถํ? อยฺหิ ธมฺมกาโม ภวํ โหติ ทสกุสลกมฺมปถธมฺมํ กาเมติ, ปิเหติ, ปตฺเถติ, สุณาติ, ปฏิปชฺชติ, โส ตํ ปฏิปตฺตึ ทิสฺวา สุตฺวา จ ชานิตพฺพโต สุวิชาโน โหติ. อิตโรปิ ธมฺมเทสฺสี ปราภโว, ตเมว ธมฺมํ เทสฺสติ, น กาเมติ, น ปิเหติ, น ปตฺเถติ, น สุณาติ, น ปฏิปชฺชติ, โส ตํ วิปฺปฏิปตฺตึ ทิสฺวา สุตฺวา จ ชานิตพฺพโต สุวิชาโน โหตีติ. เอวเมตฺถ ภควา ปฏิปกฺขํ ทสฺเสนฺโต อตฺถโต ธมฺมกามตํ ภวโต มุขํ ทสฺเสตฺวา ธมฺมเทสฺสิตํ ปราภวโต มุขํ ทสฺเสตีติ เวทิตพฺพํ.

๙๓. อถ สา เทวตา ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทมานา อาห ‘‘อิติ เหต’’นฺติ. ตสฺสตฺโถ – อิติ หิ ยถา วุตฺโต ภควตา, ตเถว เอตํ วิชานาม, คณฺหาม, ธาเรม, ปโม โส ปราภโว โส ธมฺมเทสฺสิตาลกฺขโณ ปโม ปราภโว. ยานิ มยํ ปราภวมุขานิ วิชานิตุํ อาคตมฺหา, เตสุ อิทํ ตาว เอกํ ปราภวมุขนฺติ วุตฺตํ โหติ. ตตฺถ วิคฺคโห, ปราภวนฺติ เอเตนาติ ปราภโว. เกน จ ปราภวนฺติ? ยํ ปราภวโต มุขํ, การณํ, เตน. พฺยฺชนมตฺเตน เอว หิ เอตฺถ นานากรณํ, อตฺถโต ปน ปราภโวติ วา ปราภวโต มุขนฺติ วา นานากรณํ นตฺถิ. เอวเมกํ ปราภวโต มุขํ วิชานามาติ อภินนฺทิตฺวา ตโต ปรํ าตุกามตายาห ‘‘ทุติยํ ภควา พฺรูหิ, กึ ปราภวโต มุข’’นฺติ. อิโต ปรฺจ ตติยํ จตุตฺถนฺติอาทีสุปิ อิมินาว นเยนตฺโถ เวทิตพฺโพ.

๙๔. พฺยากรณปกฺเขปิ จ ยสฺมา เต เต สตฺตา เตหิ เตหิ ปราภวมุเขหิ สมนฺนาคตา, น เอโกเยว สพฺเพหิ, น จ สพฺเพ เอเกเนว, ตสฺมา เตสํ เตสํ ตานิ ตานิ ปราภวมุขานิ ทสฺเสตุํ ‘‘อสนฺตสฺส ปิยา โหนฺตี’’ติอาทินา นเยน ปุคฺคลาธิฏฺานาย เอว เทสนาย นานาวิธานิ ปราภวมุขานิ พฺยากาสีติ เวทิตพฺพา.

ตตฺรายํ สงฺเขปโต อตฺถวณฺณนา – อสนฺโต นาม ฉ สตฺถาโร, เย วา ปนฺเปิ อวูปสนฺเตน กายวจีมโนกมฺเมน สมนฺนาคตา, เต อสนฺโต อสฺสปิยา โหนฺติ สุนกฺขตฺตาทีนํ อเจลกโกรขตฺติยาทโย วิย. สนฺโต นาม พุทฺธปจฺเจกพุทฺธสาวกา. เย วา ปนฺเปิ วูปสนฺเตน กายวจีมโนกมฺเมน สมนฺนาคตา, เต สนฺเต น กุรุเต ปิยํ, อตฺตโน ปิเย อิฏฺเ กนฺเต มนาเป น กุรุเตติ อตฺโถ. เวเนยฺยวเสน เหตฺถ วจนเภโท กโตติ เวทิตพฺโพ. อถ วา สนฺเต น กุรุเตติ สนฺเต น เสวตีติ อตฺโถ, ยถา ‘‘ราชานํ เสวตี’’ติ เอตสฺมิฺหิ อตฺเถ ราชานํ ปิยํ กุรุเตติ สทฺทวิทู มนฺเตนฺติ. ปิยนฺติ ปิยมาโน, ตุสฺสมาโน, โมทมาโนติ อตฺโถ. อสตํ ธมฺโม นาม ทฺวาสฏฺิ ทิฏฺิคตานิ, ทสากุสลกมฺมปถา วา. ตํ อสตํ ธมฺมํ โรเจติ, ปิเหติ, ปตฺเถติ, เสวติ. เอวเมตาย คาถาย อสนฺตปิยตา, สนฺตอปฺปิยตา, อสทฺธมฺมโรจนฺจาติ ติวิธํ ปราภวโต มุขํ วุตฺตํ. เอเตน หิ สมนฺนาคโต ปุริโส ปราภวติ ปริหายติ, เนว อิธ น หุรํ วุฑฺฒึ ปาปุณาติ, ตสฺมา ‘‘ปราภวโต มุข’’นฺติ วุจฺจติ. วิตฺถารํ ปเนตฺถ ‘‘อเสวนา จ พาลานํ, ปณฺฑิตานฺจ เสวนา’’ติ คาถาวณฺณนายํ วกฺขาม.

๙๖. นิทฺทาสีลี นาม โย คจฺฉนฺโตปิ, นิสีทนฺโตปิ, ติฏฺนฺโตปิ, สยาโนปิ นิทฺทายติเยว. สภาสีลี นาม สงฺคณิการามตํ, ภสฺสารามตมนุยุตฺโต. อนุฏฺาตาติ วีริยเตชวิรหิโต อุฏฺานสีโล น โหติ, อฺเหิ โจทิยมาโน คหฏฺโ วา สมาโน คหฏฺกมฺมํ, ปพฺพชิโต วา ปพฺพชิตกมฺมํ อารภติ. อลโสติ ชาติอลโส, อจฺจนฺตาภิภูโต ถิเนน ิตฏฺาเน ิโต เอว โหติ, นิสินฺนฏฺาเน นิสินฺโน เอว โหติ, อตฺตโน อุสฺสาเหน อฺํ อิริยาปถํ น กปฺเปติ. อตีเต อรฺเ อคฺคิมฺหิ อุฏฺิเต อปลายนอลสา เจตฺถ นิทสฺสนํ. อยเมตฺถ อุกฺกฏฺปริจฺเฉโท, ตโต ลามกปริจฺเฉเทนาปิ ปน อลโส อลโสตฺเวว เวทิตพฺโพ. ธโชว รถสฺส, ธูโมว อคฺคิโน, โกโธ ปฺาณมสฺสาติ โกธปฺาโณ. โทสจริโต ขิปฺปโกปี อรุกูปมจิตฺโต ปุคฺคโล เอวรูโป โหติ. อิมาย คาถาย นิทฺทาสีลตา, สภาสีลตา, อนุฏฺานตา, อลสตา, โกธปฺาณตาติ ปฺจวิธํ ปราภวมุขํ วุตฺตํ. เอเตน หิ สมนฺนาคโต เนว คหฏฺโ คหฏฺวุฑฺฒึ, น ปพฺพชิโต ปพฺพชิตวุฑฺฒึ ปาปุณาติ, อฺทตฺถุ ปริหายติเยว ปราภวติเยว, ตสฺมา ‘‘ปราภวโต มุข’’นฺติ วุจฺจติ.

๙๘. มาตาติ ชนิกา เวทิตพฺพา. ปิตาติ ชนโกเยว. ชิณฺณกํ สรีรสิถิลตาย. คตโยพฺพนํ โยพฺพนาติกฺกเมน อาสีติกํ วา นาวุติกํ วา สยํ กมฺมานิ กาตุมสมตฺถํ. ปหุ สนฺโตติ สมตฺโถ สมาโน สุขํ ชีวมาโน. น ภรตีติ น โปเสติ. อิมาย คาถาย มาตาปิตูนํ อภรณํ, อโปสนํ, อนุปฏฺานํ เอกํเยว ปราภวมุขํ วุตฺตํ. เอเตน หิ สมนฺนาคโต ยํ ตํ –

‘‘ตาย นํ ปาริจริยาย, มาตาปิตูสุ ปณฺฑิตา;

อิเธว นํ ปสํสนฺติ, เปจฺจ สคฺเค ปโมทตี’’ติ. (อิติวุ. ๑๐๖; อ. นิ. ๔.๖๓) –

มาตาปิตุภรเณ อานิสํสํ วุตฺตํ. ตํ น ปาปุณาติ, อฺทตฺถุ ‘‘มาตาปิตโรปิ น ภรติ, กํ อฺํ ภริสฺสตี’’ติ นินฺทฺจ วชฺชนียตฺจ ทุคฺคติฺจ ปาปุณนฺโต ปราภวติเยว, ตสฺมา ‘‘ปราภวโต มุข’’นฺติ วุจฺจติ.

๑๐๐. ปาปานํ พาหิตตฺตา พฺราหฺมณํ, สมิตตฺตา สมณํ. พฺราหฺมณกุลปฺปภวมฺปิ วา พฺราหฺมณํ, ปพฺพชฺชุปคตํ สมณํ, ตโต อฺํ วาปิ ยํกิฺจิ ยาจนกํ. มุสาวาเทน วฺเจตีติ ‘‘วท, ภนฺเต, ปจฺจเยนา’’ติ ปวาเรตฺวา ยาจิโต วา ปฏิชานิตฺวา ปจฺฉา อปฺปทาเนน ตสฺส ตํ อาสํ วิสํวาเทติ. อิมาย คาถาย พฺราหฺมณาทีนํ มุสาวาเทน วฺจนํ เอกํเยว ปราภวมุขํ วุตฺตํ. เอเตน หิ สมนฺนาคโต อิธ นินฺทํ, สมฺปราเย ทุคฺคตึ สุคติยมฺปิ อธิปฺปายวิปตฺติฺจ ปาปุณาติ. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘ทุสฺสีลสฺส สีลวิปนฺนสฺส ปาปโก กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉตี’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๔๙; อ. นิ. ๕.๒๑๓; มหาว. ๒๘๕).

ตถา –

‘‘จตูหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ นิรเย. กตเมหิ จตูหิ? มุสาวาที โหตี’’ติอาทิ (อ. นิ. ๔.๘๒).

ตถา –

‘‘อิธ, สาริปุตฺต, เอกจฺโจ สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา อุปสงฺกมิตฺวา ปวาเรติ, ‘วท, ภนฺเต, ปจฺจเยนา’ติ, โส เยน ปวาเรติ, ตํ น เทติ. โส เจ ตโต จุโต อิตฺถตฺตํ อาคจฺฉติ. โส ยํ ยเทว วณิชฺชํ ปโยเชติ, สาสฺส โหติ เฉทคามินี. อิธ ปน สาริปุตฺต…เป… โส เยน ปวาเรติ, น ตํ ยถาธิปฺปายํ เทติ. โส เจ ตโต จุโต อิตฺถตฺตํ อาคจฺฉติ. โส ยํ ยเทว วณิชฺชํ ปโยเชติ, สาสฺส น โหติ ยถาธิปฺปายา’’ติ (อ. นิ. ๔.๗๙).

เอวมิมานิ นินฺทาทีนิ ปาปุณนฺโต ปราภวติเยว, ตสฺมา ‘‘ปราภวโต มุข’’นฺติ วุตฺตํ.

๑๐๒. ปหูตวิตฺโตติ ปหูตชาตรูปรชตมณิรตโน. สหิรฺโติ สกหาปโณ. สโภชโนติ อเนกสูปพฺยฺชนโภชนสมฺปนฺโน. เอโก ภุฺชติ สาทูนีติ สาทูนิ โภชนานิ อตฺตโน ปุตฺตานมฺปิ อทตฺวา ปฏิจฺฉนฺโนกาเส ภุฺชตีติ เอโก ภุฺชติ สาทูนิ. อิมาย คาถาย โภชนคิทฺธตาย โภชนมจฺฉริยํ เอกํเยว ปราภวมุขํ วุตฺตํ. เอเตน หิ สมนฺนาคโต นินฺทํ วชฺชนียํ ทุคฺคตินฺติ เอวมาทีนิ ปาปุณนฺโต ปราภวติเยว, ตสฺมา ‘‘ปราภวโต มุข’’นฺติ วุตฺตํ. วุตฺตนเยเนว สพฺพํ สุตฺตานุสาเรน โยเชตพฺพํ, อติวิตฺถารภเยน ปน อิทานิ โยชนานยํ อทสฺเสตฺวา อตฺถมตฺตเมว ภณาม.

๑๐๔. ชาติตฺถทฺโธ นาม โย ‘‘อหํ ชาติสมฺปนฺโน’’ติ มานํ ชเนตฺวา เตน ถทฺโธ วาตปูริตภสฺตา วิย อุทฺธุมาโต หุตฺวา น กสฺสจิ โอนมติ. เอส นโย ธนโคตฺตตฺถทฺเธสุ. สฺาตึ อติมฺเตีติ อตฺตโน าติมฺปิ ชาติยา อติมฺติ สกฺยา วิย วิฏฏูภํ. ธเนนาปิ จ ‘‘กปโณ อยํ ทลิทฺโท’’ติ อติมฺติ, สามีจิมตฺตมฺปิ น กโรติ, ตสฺส เต าตโย ปราภวเมว อิจฺฉนฺติ. อิมาย คาถาย วตฺถุโต จตุพฺพิธํ, ลกฺขณโต เอกํเยว ปราภวมุขํ วุตฺตํ.

๑๐๖. อิตฺถิธุตฺโตติ อิตฺถีสุ สารตฺโต, ยํกิฺจิ อตฺถิ, ตํ สพฺพมฺปิ ทตฺวา อปราปรํ อิตฺถึ สงฺคณฺหาติ. ตถา สพฺพมฺปิ อตฺตโน สนฺตกํ นิกฺขิปิตฺวา สุราปานปยุตฺโต สุราธุตฺโต. นิวตฺถสาฏกมฺปิ นิกฺขิปิตฺวา ชูตกีฬนมนุยุตฺโต อกฺขธุตฺโต. เอเตหิ ตีหิ าเนหิ ยํกิฺจิปิ ลทฺธํ โหติ, ตสฺส วินาสนโต ลทฺธํ ลทฺธํ วินาเสตีติ เวทิตพฺโพ. เอวํวิโธ ปราภวติเยว, เตนสฺเสตํ อิมาย คาถาย ติวิธํ ปราภวมุขํ วุตฺตํ.

๑๐๘. เสหิ ทาเรหีติ อตฺตโน ทาเรหิ. โย อตฺตโน ทาเรหิ อสนฺตุฏฺโ หุตฺวา เวสิยาสุ ปทุสฺสติ, ตถา ปรทาเรสุ, โส ยสฺมา เวสีนํ ธนปฺปทาเนน ปรทารเสวเนน จ ราชทณฺฑาทีหิ ปราภวติเยว, เตนสฺเสตํ อิมาย คาถาย ทุวิธํ ปราภวมุขํ วุตฺตํ.

๑๑๐. อตีตโยพฺพโนติ โยพฺพนมติจฺจ อาสีติโก วา นาวุติโก วา หุตฺวา อาเนติ ปริคฺคณฺหาติ. ติมฺพรุตฺถนินฺติ ติมฺพรุผลสทิสตฺถนึ ตรุณทาริกํ. ตสฺสา อิสฺสา น สุปตีติ ‘‘ทหราย มหลฺลเกน สทฺธึ รติ จ สํวาโส จ อมนาโป, มา เหว โข ตรุณํ ปตฺเถยฺยา’’ติ อิสฺสาย ตํ รกฺขนฺโต น สุปติ. โส ยสฺมา กามราเคน จ อิสฺสาย จ ฑยฺหนฺโต พหิทฺธา กมฺมนฺเต จ อปฺปโยเชนฺโต ปราภวติเยว, เตนสฺเสตํ อิมาย คาถาย อิมํ อิสฺสาย อสุปนํ เอกํเยว ปราภวมุขํ วุตฺตํ.

๑๑๒. โสณฺฑินฺติ มจฺฉมํสาทีสุ โลลํ เคธชาติกํ. วิกิรณินฺติ เตสํ อตฺถาย ธนํ ปํสุกํ วิย วิกิริตฺวา นาสนสีลํ. ปุริสํ วาปิ ตาทิสนฺติ ปุริโส วาปิ โย เอวรูโป โหติ, ตํ โย อิสฺสริยสฺมึ เปติ, ลฺฉนมุทฺทิกาทีนิ ทตฺวา ฆราวาเส กมฺมนฺเต วา วณิชฺชาทิโวหาเรสุ วา ตเทว วาวฏํ กาเรติ. โส ยสฺมา ตสฺส โทเสน ธนกฺขยํ ปาปุณนฺโต ปราภวติเยว, เตนสฺเสตํ อิมาย คาถาย ตถาวิธสฺส อิสฺสริยสฺมึ ปนํ เอกํเยว ปราภวมุขํ วุตฺตํ.

๑๑๔. อปฺปโภโค นาม สนฺนิจิตานฺจ โภคานํ อายมุขสฺส จ อภาวโต. มหาตณฺโหติ มหติยา โภคตณฺหาย สมนฺนาคโต, ยํ ลทฺธํ, เตน อสนฺตุฏฺโ. ขตฺติเย ชายเต กุเลติ ขตฺติยานํ กุเล ชายติ. โส จ รชฺชํ ปตฺถยตีติ โส เอตาย มหาตณฺหตาย อนุปาเยน อุปฺปฏิปาฏิยา อตฺตโน ทายชฺชภูตํ อลพฺภเนยฺยํ วา ปรสนฺตกํ รชฺชํ ปตฺเถติ, โส เอวํ ปตฺเถนฺโต ยสฺมา ตมฺปิ อปฺปกํ โภคํ โยธาชีวาทีนํ ทตฺวา รชฺชํ อปาปุณนฺโต ปราภวติเยว, เตนสฺเสตํ อิมาย คาถาย รชฺชปตฺถนํ เอกํเยว ปราภวมุขํ วุตฺตํ.

๑๑๕. อิโต ปรํ ยทิ สา เทวตา ‘‘เตรสมํ ภควา พฺรูหิ…เป… สตสหสฺสิมํ ภควา พฺรูหี’’ติ ปุจฺเฉยฺย, ตมฺปิ ภควา กเถยฺย. ยสฺมา ปน สา เทวตา ‘‘กึ อิเมหิ ปุจฺฉิเตหิ, เอกเมตฺถ วุฑฺฒิกรํ นตฺถี’’ติ ตานิ ปราภวมุขานิ อสุยฺยมานา เอตฺตกมฺปิ ปุจฺฉิตฺวา วิปฺปฏิสารี หุตฺวา ตุณฺหี อโหสิ, ตสฺมา ภควา ตสฺสาสยํ วิทิตฺวา เทสนํ นิฏฺาเปนฺโต อิมํ คาถํ อภาสิ ‘‘เอเต ปราภเว โลเก’’ติ.

ตตฺถ ปณฺฑิโตติ ปริวีมํสาย สมนฺนาคโต. สมเวกฺขิยาติ ปฺาจกฺขุนา อุปปริกฺขิตฺวา. อริโยติ น มคฺเคน, น ผเลน, อปิจ โข, ปน เอตสฺมึ ปราภวสงฺขาเต อนเย น อิริยตีติ อริโย. เยน ทสฺสเนน ยาย ปฺาย ปราภเว ทิสฺวา วิวชฺเชติ, เตน สมฺปนฺนตฺตา ทสฺสนสมฺปนฺโน. ส โลกํ ภชเต สิวนฺติ โส เอวรูโป สิวํ เขมมุตฺตมมนุปทฺทวํ เทวโลกํ ภชติ, อลฺลียติ, อุปคจฺฉตีติ วุตฺตํ โหติ. เทสนาปริโยสาเน ปราภวมุขานิ สุตฺวา อุปฺปนฺนสํเวคานุรูปํ โยนิโส ปทหิตฺวา โสตาปตฺติสกทาคามิอนาคามิผลานิ ปตฺตา เทวตา คณนํ วีติวตฺตา. ยถาห –

‘‘มหาสมยสุตฺเต จ, อโถ มงฺคลสุตฺตเก;

สมจิตฺเต ราหุโลวาเท, ธมฺมจกฺเก ปราภเว.

‘‘เทวตาสมิตี ตตฺถ, อปฺปเมยฺยา อสงฺขิยา;

ธมฺมาภิสมโย เจตฺถ, คณนาโต อสงฺขิโย’’ติ.

ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย

สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย ปราภวสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. อคฺคิกภารทฺวาชสุตฺตวณฺณนา

เอวํ เม สุตนฺติ อคฺคิกภารทฺวาชสุตฺตํ, ‘‘วสลสุตฺต’’นฺติปิ วุจฺจติ. กา อุปฺปตฺติ? ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. กสิภารทฺวาชสุตฺเต วุตฺตนเยน ปจฺฉาภตฺตกิจฺจาวสาเน พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกนฺโต อคฺคิกภารทฺวาชํ พฺราหฺมณํ สรณสิกฺขาปทานํ อุปนิสฺสยสมฺปนฺนํ ทิสฺวา ‘‘ตตฺถ มยิ คเต กถา ปวตฺติสฺสติ, ตโต กถาวสาเน ธมฺมเทสนํ สุตฺวา เอส พฺราหฺมโณ สรณํ คนฺตฺวา สิกฺขาปทานิ สมาทิยิสฺสตี’’ติ ตฺวา, ตตฺถ คนฺตฺวา, ปวตฺตาย กถาย พฺราหฺมเณน ธมฺมเทสนํ ยาจิโต อิมํ สุตฺตํ อภาสิ. ตตฺถ ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติอาทึ มงฺคลสุตฺตวณฺณนายํ วณฺณยิสฺสาม, ‘‘อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมย’’นฺติอาทิ กสิภารทฺวาชสุตฺเต วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.

เตน โข ปน สมเยน อคฺคิกภารทฺวาชสฺสาติ ยํ ยํ อวุตฺตปุพฺพํ, ตํ ตเทว วณฺณยิสฺสาม. เสยฺยถิทํ – โส หิ พฺราหฺมโณ อคฺคึ ชุหติ ปริจรตีติ กตฺวา อคฺคิโกติ นาเมน ปากโฏ อโหสิ, ภารทฺวาโชติ โคตฺเตน. ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘อคฺคิกภารทฺวาชสฺสา’’ติ. นิเวสเนติ ฆเร. ตสฺส กิร พฺราหฺมณสฺส นิเวสนทฺวาเร อนฺตรวีถิยํ อคฺคิหุตสาลา อโหสิ. ตโต ‘‘นิเวสนทฺวาเร’’ติ วตฺตพฺเพ ตสฺสปิ ปเทสสฺส นิเวสเนเยว ปริยาปนฺนตฺตา ‘‘นิเวสเน’’ติ วุตฺตํ. สมีปตฺเถ วา ภุมฺมวจนํ, นิเวสนสมีเปติ อตฺโถ. อคฺคิ ปชฺชลิโต โหตีติ อคฺคิยาธาเน ิโต อคฺคิ กตพฺภุทฺธรโณ สมิธาปกฺเขปํ พีชนวาตฺจ ลภิตฺวา ชลิโต อุทฺธํ สมุคฺคตจฺจิสมากุโล โหติ. อาหุติ ปคฺคหิตาติ สสีสํ นฺหายิตฺวา มหตา สกฺกาเรน ปายาสสปฺปิมธุผาณิตาทีนิ อภิสงฺขตานิ โหนฺตีติ อตฺโถ. ยฺหิ กิฺจิ อคฺคิมฺหิ ชุหิตพฺพํ, ตํ สพฺพํ ‘‘อาหุตี’’ติ วุจฺจติ. สปทานนฺติ อนุฆรํ. ภควา หิ สพฺพชนานุคฺคหตฺถาย อาหารสนฺตุฏฺิยา จ อุจฺจนีจกุลํ อโวกฺกมฺม ปิณฺฑาย จรติ. เตน วุตฺตํ ‘‘สปทานํ ปิณฺฑาย จรมาโน’’ติ.

อถ กิมตฺถํ สพฺพาการสมฺปนฺนํ สมนฺตปาสาทิกํ ภควนฺตํ ทิสฺวา พฺราหฺมณสฺส จิตฺตํ นปฺปสีทติ? กสฺมา จ เอวํ ผรุเสน วจเนน ภควนฺตํ สมุทาจรตีติ? วุจฺจเต – อยํ กิร พฺราหฺมโณ ‘‘มงฺคลกิจฺเจสุ สมณทสฺสนํ อวมงฺคล’’นฺติ เอวํทิฏฺิโก, ตโต ‘‘มหาพฺรหฺมุโน ภุฺชนเวลาย กาฬกณฺณี มุณฺฑกสมณโก มม นิเวสนํ อุปสงฺกมตี’’ติ มนฺตฺวา จิตฺตํ นปฺปสาเทสิ, อฺทตฺถุ โทสวสํเยว อคมาสิ. อถ กุทฺโธ อนตฺตมโน อนตฺตมนวาจํ นิจฺฉาเรสิ ‘‘ตตฺเรว มุณฺฑกา’’ติอาทิ. ตตฺราปิ จ ยสฺมา ‘‘มุณฺโฑ อสุทฺโธ โหตี’’ติ พฺราหฺมณานํ ทิฏฺิ, ตสฺมา ‘‘อยํ อสุทฺโธ, เตน เทวพฺราหฺมณปูชโก น โหตี’’ติ ชิคุจฺฉนฺโต ‘‘มุณฺฑกา’’ติ อาห. มุณฺฑกตฺตา วา อุจฺฉิฏฺโ เอส, น อิมํ ปเทสํ อรหติ อาคจฺฉิตุนฺติ สมโณ หุตฺวาปิ อีทิสํ กายกิเลสํ น วณฺเณตีติ จ สมณภาวํ ชิคุจฺฉนฺโต ‘‘สมณกา’’ติ อาห. น เกวลํ โทสวเสเนว, วสเล วา ปพฺพาเชตฺวา เตหิ สทฺธึ เอกโต สมฺโภคปริโภคกรเณน ปติโต อยํ วสลโตปิ ปาปตโรติ ชิคุจฺฉนฺโต ‘‘วสลกา’’ติ อาห – ‘‘วสลชาติกานํ วา อาหุติทสฺสนมตฺตสวเนน ปาปํ โหตี’’ติ มฺมาโนปิ เอวมาห.

ภควา ตถา วุตฺโตปิ วิปฺปสนฺเนเนว มุขวณฺเณน มธุเรน สเรน พฺราหฺมณสฺส อุปริ อนุกมฺปาสีตเลน จิตฺเตน อตฺตโน สพฺพสตฺเตหิ อสาธารณตาทิภาวํ ปกาเสนฺโต อาห ‘‘ชานาสิ ปน, ตฺวํ พฺราหฺมณา’’ติ. อถ พฺราหฺมโณ ภควโต มุขปฺปสาทสูจิตํ ตาทิภาวํ ตฺวา อนุกมฺปาสีตเลน จิตฺเตน นิจฺฉาริตํ มธุรสฺสรํ สุตฺวา อมเตเนว อภิสิตฺตหทโย อตฺตมโน วิปฺปสนฺนินฺทฺริโย นิหตมาโน หุตฺวา ตํ ชาติสภาวํ วิสอุคฺคิรสทิสํ สมุทาจารวจนํ ปหาย ‘‘นูน ยมหํ หีนชจฺจํ วสลนฺติ ปจฺเจมิ, น โส ปรมตฺถโต วสโล, น จ หีนชจฺจตา เอว วสลกรโณ ธมฺโม’’ติ มฺมาโน ‘‘น ขฺวาหํ, โภ โคตมา’’ติ อาห. ธมฺมตา เหสา, ยํ เหตุสมฺปนฺโน ปจฺจยาลาเภน ผรุโสปิ สมาโน ลทฺธมตฺเต ปจฺจเย มุทุโก โหตีติ.

ตตฺถ สาธูติ อยํ สทฺโท อายาจนสมฺปฏิจฺฉนสมฺปหํสนสุนฺทรทฬฺหีกมฺมาทีสุ ทิสฺสติ. ‘‘สาธุ เม, ภนฺเต, ภควา สํขิตฺเตน ธมฺมํ เทเสตู’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๔.๙๕; อ. นิ. ๗.๘๓) หิ อายาจเน. ‘‘สาธุ, ภนฺเตติ โข โส ภิกฺขุ ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๘๖) สมฺปฏิจฺฉเน. ‘‘สาธุ, สาธุ, สาริปุตฺตา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๓๔๙) สมฺปหํสเน.

‘‘สาธุ ธมฺมรุจี ราชา, สาธุ ปฺาณวา นโร;

สาธุ มิตฺตานมทฺทุพฺโภ, ปาปสฺสากรณํ สุข’’นฺติ. (ชา. ๒.๑๘.๑๐๑) –

อาทีสุ สุนฺทเร. ‘‘ตํ สุณาถ, สาธุกํ มนสิ กโรถา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑) ทฬฺหีกมฺเม. อิธ ปน อายาจเน.

เตน หีติ ตสฺสาธิปฺปายนิทสฺสนํ, สเจ าตุกาโมสีติ วุตฺตํ โหติ. การณวจนํ วา, ตสฺส ยสฺมา าตุกาโมสิ, ตสฺมา, พฺราหฺมณ, สุณาหิ, สาธุกํ มนสิ กโรหิ, ตถา เต ภาสิสฺสามิ, ยถา ตฺวํ ชานิสฺสสีติ เอวํ ปรปเทหิ สทฺธึ สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ. ตตฺร จ สุณาหีติ โสตินฺทฺริยวิกฺเขปวารณํ, สาธุกํ มนสิ กโรหีติ มนสิกาเร ทฬฺหีกมฺมนิโยชเนน มนินฺทฺริยวิกฺเขปวารณํ. ปุริมฺเจตฺถ พฺยฺชนวิปลฺลาสคฺคาหวารณํ, ปจฺฉิมํ อตฺถวิปลฺลาสคฺคาหวารณํ. ปุริเมน จ ธมฺมสฺสวเน นิโยเชติ, ปจฺฉิเมน สุตานํ ธมฺมานํ ธารณตฺถูปปริกฺขาทีสุ. ปุริเมน จ ‘‘สพฺยฺชโน อยํ ธมฺโม, ตสฺมา สวนีโย’’ติ ทีเปติ, ปจฺฉิเมน ‘‘สาตฺโถ, ตสฺมา มนสิ กาตพฺโพ’’ติ. สาธุกปทํ วา อุภยปเทหิ โยเชตฺวา ‘‘ยสฺมา อยํ ธมฺโม ธมฺมคมฺภีโร จ เทสนาคมฺภีโร จ, ตสฺมา สุณาหิ สาธุกํ. ยสฺมา อตฺถคมฺภีโร ปฏิเวธคมฺภีโร จ, ตสฺมา สาธุกํ มนสิ กโรหี’’ติ เอตมตฺถํ ทีเปนฺโต อาห – ‘‘สุณาหิ สาธุกํ มนสิ กโรหี’’ติ.

ตโต ‘‘เอวํ คมฺภีเร กถมหํ ปติฏฺํ ลภิสฺสามี’’ติ วิสีทนฺตมิว ตํ พฺราหฺมณํ สมุสฺสาเหนฺโต อาห – ‘‘ภาสิสฺสามี’’ติ. ตตฺถ ‘‘ยถา ตฺวํ สฺสสิ, ตถา ปริมณฺฑเลหิ ปทพฺยฺชเนหิ อุตฺตาเนน นเยน ภาสิสฺสามี’’ติ เอวมธิปฺปาโย เวทิตพฺโพ. ตโต อุสฺสาหชาโต หุตฺวา ‘‘เอวํ โภ’’ติ โข อคฺคิกภารทฺวาโช พฺราหฺมโณ ภควโต ปจฺจสฺโสสิ, สมฺปฏิจฺฉิ ปฏิคฺคเหสีติ วุตฺตํ โหติ, ยถานุสิฏฺํ วา ปฏิปชฺชเนน อภิมุโข อสฺโสสีติ. อถสฺส ‘‘ภควา เอตทโวจา’’ติ อิทานิ วตฺตพฺพํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘โกธโน อุปนาหี’’ติ เอวมาทิกํ.

๑๑๖. ตตฺถ โกธโนติ กุชฺฌนสีโล. อุปนาหีติ ตสฺเสว โกธสฺส ทฬฺหีกมฺเมน อุปนาเหน สมนฺนาคโต. ปเรสํ คุเณ มกฺเขติ ปุฺฉตีติ มกฺขี, ปาโป จ โส มกฺขี จาติ ปาปมกฺขี. วิปนฺนทิฏฺีติ วินฏฺสมฺมาทิฏฺิ, วิปนฺนาย วา วิรูปํ คตาย ทสวตฺถุกาย มิจฺฉาทิฏฺิยา สมนฺนาคโต. มายาวีติ อตฺตนิ วิชฺชมานโทสปฏิจฺฉาทนลกฺขณาย มายาย สมนฺนาคโต. ตํ ชฺา วสโล อิตีติ ตํ เอวรูปํ ปุคฺคลํ เอเตสํ หีนธมฺมานํ วสฺสนโต สิฺจนโต อนฺวาสฺสวนโต ‘‘วสโล’’ติ ชาเนยฺยาติ, เอเตหิ สพฺเพหิ พฺราหฺมณมตฺถเก ชาโต. อยฺหิ ปรมตฺถโต วสโล เอว, อตฺตโน หทยตุฏฺิมตฺตํ, น ปรนฺติ. เอวเมตฺถ ภควา อาทิปเทเนว ตสฺส พฺราหฺมณสฺส โกธนิคฺคหํ กตฺวา ‘‘โกธาทิธมฺโม หีนปุคฺคโล’’ติ ปุคฺคลาธิฏฺานาย จ เทสนาย โกธาทิธมฺเม เทเสนฺโต เอเกน ตาว ปริยาเยน วสลฺจ วสลกรเณ จ ธมฺเม เทเสสิ. เอวํ เทเสนฺโต จ ‘‘ตฺวํ อห’’นฺติ ปรวมฺภนํ อตฺตุกฺกํสนฺจ อกตฺวา ธมฺเมเนว สเมน าเยน ตํ พฺราหฺมณํ วสลภาเว, อตฺตานฺจ พฺราหฺมณภาเว เปสิ.

๑๑๗. อิทานิ ยายํ พฺราหฺมณานํ ทิฏฺิ ‘‘กทาจิ ปาณาติปาตอทินฺนาทานาทีนิ กโรนฺโตปิ พฺราหฺมโณ เอวา’’ติ. ตํ ทิฏฺึ ปฏิเสเธนฺโต, เย จ สตฺตวิหึสาทีสุ อกุสลธมฺเมสุ เตหิ เตหิ สมนฺนาคตา อาทีนวํ อปสฺสนฺตา เต ธมฺเม อุปฺปาเทนฺติ, เตสํ ‘‘หีนา เอเต ธมฺมา วสลกรณา’’ติ ตตฺถ อาทีนวฺจ ทสฺเสนฺโต อปเรหิปิ ปริยาเยหิ วสลฺจ วสลกรเณ จ ธมฺเม เทเสตุํ ‘‘เอกชํ วา ทฺวิชํ วา’’ติ เอวมาทิคาถาโย อภาสิ.

ตตฺถ เอกโชติ เปตฺวา อณฺฑชํ อวเสสโยนิโช. โส หิ เอกทา เอว ชายติ. ทฺวิโชติ อณฺฑโช. โส หิ มาตุกุจฺฉิโต อณฺฑโกสโต จาติ ทฺวิกฺขตฺตุํ ชายติ. ตํ เอกชํ วา ทฺวิชํ วาปิ. โยธ ปาณนฺติ โย อิธ สตฺตํ. วิหึสตีติ กายทฺวาริกเจตนาสมุฏฺิเตน วา วจีทฺวาริกเจตนาสมุฏฺิเตน วา ปโยเคน ชีวิตา โวโรเปติ. ‘‘ปาณานิ หึสตี’’ติปิ ปาโ. ตตฺถ เอกชํ วา ทฺวิชํ วาติ เอวํปเภทานิ โยธ ปาณานิ หึสตีติ เอวํ สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ. ยสฺส ปาเณ ทยา นตฺถีติ เอเตน มนสา อนุกมฺปาย อภาวํ อาห. เสสเมตฺถ วุตฺตนยเมว. อิโต ปราสุ จ คาถาสุ, ยโต เอตฺตกมฺปิ อวตฺวา อิโต ปรํ อุตฺตานตฺถานิ ปทานิ ปริหรนฺตา อวณฺณิตปทวณฺณนามตฺตเมว กริสฺสาม.

๑๑๘. หนฺตีติ หนติ วินาเสติ. ปริรุนฺธตีติ เสนาย ปริวาเรตฺวา ติฏฺติ. คามานิ นิคมานิ จาติ เอตฺถ จ-สทฺเทน นครานีติปิ วตฺตพฺพํ. นิคฺคาหโก สมฺาโตติ อิมินา หนนปริรุนฺธเนน คามนิคมนครฆาตโกติ โลเก วิทิโต.

๑๑๙. คาเม วา ยทิ วารฺเติ คาโมปิ นิคโมปิ นครมฺปิ สพฺโพว อิธ คาโม สทฺธึ อุปจาเรน, ตํ เปตฺวา เสสํ อรฺํ. ตสฺมึ คาเม วา ยทิ วารฺเ ยํ ปเรสํ มมายิตํ, ยํ ปรสตฺตานํ ปริคฺคหิตมปริจฺจตฺตํ สตฺโต วา สงฺขาโร วา. เถยฺยา อทินฺนมาเทตีติ เตหิ อทินฺนํ อนนุฺาตํ เถยฺยจิตฺเตน อาทิยติ, เยน เกนจิ ปโยเคน เยน เกนจิ อวหาเรน อตฺตโน คหณํ สาเธติ.

๑๒๐. อิณมาทายาติ อตฺตโน สนฺตกํ กิฺจิ นิกฺขิปิตฺวา นิกฺเขปคฺคหเณน วา, กิฺจิ อนิกฺขิปิตฺวา ‘‘เอตฺตเกน กาเลน เอตฺตกํ วฑฺฒึ ทสฺสามี’’ติ วฑฺฒิคฺคหเณน วา, ‘‘ยํ อิโต อุทยํ ภวิสฺสติ, ตํ มยฺหํ มูลํ ตเวว ภวิสฺสตี’’ติ วา ‘‘อุทยํ อุภินฺนมฺปิ สาธารณ’’นฺติ วา เอวํ ตํตํอาโยคคฺคหเณน วา อิณํ คเหตฺวา. จุชฺชมาโน ปลายติ น หิ เต อิณมตฺถีติ เตน อิณายิเกน ‘‘เทหิ เม อิณ’’นฺติ โจทิยมาโน ‘‘น หิ เต อิณมตฺถิ, มยา คหิตนฺติ โก สกฺขี’’ติ เอวํ ภณเนน ฆเร วสนฺโตปิ ปลายติ.

๑๒๑. กิฺจิกฺขกมฺยตาติ อปฺปมตฺตเกปิ กิสฺมิฺจิเทว อิจฺฉาย. ปนฺถสฺมึ วชนฺตํ ชนนฺติ มคฺเค คจฺฉนฺตํ ยํกิฺจิ อิตฺถึ วา ปุริสํ วา. หนฺตฺวา กิฺจิกฺขมาเทตีติ มาเรตฺวา โกฏฺเฏตฺวา ตํ ภณฺฑกํ คณฺหาติ.

๑๒๒. อตฺตเหตูติ อตฺตโน ชีวิตการณา, ตถา ปรเหตุ. ธนเหตูติ สกธนสฺส วา ปรธนสฺส วา การณา. จ-กาโร สพฺพตฺถ วิกปฺปนตฺโถ. สกฺขิปุฏฺโติ ยํ ชานาสิ, ตํ วเทหีติ ปุจฺฉิโต. มุสา พฺรูตีติ ชานนฺโต วา ‘‘น ชานามี’’ติ อชานนฺโต วา ‘‘ชานามี’’ติ ภณติ, สามิเก อสามิเก, อสามิเก จ สามิเก กโรติ.

๑๒๓. าตีนนฺติ สมฺพนฺธีนํ. สขีนนฺติ วยสฺสานํ ทาเรสูติ ปรปริคฺคหิเตสุ. ปฏิทิสฺสตีติ ปฏิกูเลน ทิสฺสติ, อติจรนฺโต ทิสฺสตีติ อตฺโถ. สาหสาติ พลกฺกาเรน อนิจฺฉํ. สมฺปิเยนาติ เตหิ เตสํ ทาเรหิ ปตฺถิยมาโน สยฺจ ปตฺถยมาโน, อุภยสิเนหวเสนาปีติ วุตฺตํ โหติ.

๑๒๔. มาตรํ ปิตรํ วาติ เอวํ เมตฺตาย ปทฏฺานภูตมฺปิ, ชิณฺณกํ คตโยพฺพนนฺติ เอวํ กรุณาย ปทฏฺานภูตมฺปิ. ปหุ สนฺโต น ภรตีติ อตฺถสมฺปนฺโน อุปกรณสมฺปนฺโน หุตฺวาปิ น โปเสติ.

๑๒๕. สสุนฺติ สสฺสุํ. หนฺตีติ ปาณินา วา เลฑฺฑุนา วา อฺเน วา เกนจิ ปหรติ. โรเสตีติ โกธมสฺส สฺชเนติ วาจาย ผรุสวจเนน.

๑๒๖. อตฺถนฺติ สนฺทิฏฺิกสมฺปรายิกปรมตฺเถสุ ยํกิฺจิ. ปุจฺฉิโต สนฺโตติ ปุฏฺโ สมาโน. อนตฺถมนุสาสตีติ ตสฺส อหิตเมว อาจิกฺขติ. ปฏิจฺฉนฺเนน มนฺเตตีติ อตฺถํ อาจิกฺขนฺโตปิ ยถา โส น ชานาติ, ตถา อปากเฏหิ ปทพฺยฺชเนหิ ปฏิจฺฉนฺเนน วจเนน มนฺเตติ, อาจริยมุฏฺึ วา กตฺวา ทีฆรตฺตํ วสาเปตฺวา สาวเสสเมว มนฺเตติ.

๑๒๗. โย กตฺวาติ เอตฺถ มยา ปุพฺพภาเค ปาปิจฺฉตา วุตฺตา. ยา สา ‘‘อิเธกจฺโจ กาเยน ทุจฺจริตํ จริตฺวา, วาจาย ทุจฺจริตํ จริตฺวา, มนสา ทุจฺจริตํ จริตฺวา, ตสฺส ปฏิจฺฉาทนเหตุ ปาปิกํ อิจฺฉํ ปณิทหติ, มา มํ ชฺาติ อิจฺฉตี’’ติ เอวํ อาคตา. ยถา อฺเ น ชานนฺติ, ตถา กรเณน กตานฺจ อวิวรเณน ปฏิจฺฉนฺนา อสฺส กมฺมนฺตาติ ปฏิจฺฉนฺนกมฺมนฺโต.

๑๒๘. ปรกุลนฺติ าติกุลํ วา มิตฺตกุลํ วา. อาคตนฺติ ยสฺส เตน กุเล ภุตฺตํ, ตํ อตฺตโน เคหมาคตํ ปานโภชนาทีหิ นปฺปฏิปูเชติ, น วา เทติ, อวภุตฺตํ วา เทตีติ อธิปฺปาโย.

๑๒๙. โย พฺราหฺมณํ วาติ ปราภวสุตฺเต วุตฺตนยเมว.

๑๓๐. ภตฺตกาเล อุปฏฺิเตติ โภชนกาเล ชาเต. อุปฏฺิตนฺติปิ ปาโ, ภตฺตกาเล อาคตนฺติ อตฺโถ. โรเสติ วาจา น จ เทตีติ ‘‘อตฺถกาโม เม อยํ พลกฺกาเรน มํ ปุฺํ การาเปตุํ อาคโต’’ติ อจินฺเตตฺวา อปฺปติรูเปน ผรุสวจเนน โรเสติ, อนฺตมโส สมฺมุขภาวมตฺตมฺปิ จสฺส น เทติ, ปเคว โภชนนฺติ อธิปฺปาโย.

๑๓๑. อสตํ โยธ ปพฺรูตีติ โย อิธ ยถา นิมิตฺตานิ ทิสฺสนฺติ ‘‘อสุกทิวเส อิทฺจิทฺจ เต ภวิสฺสตี’’ติ เอวํ อสชฺชนานํ วจนํ ปพฺรูติ. ‘‘อสนฺต’’นฺติปิ ปาโ, อภูตนฺติ อตฺโถ. ปพฺรูตีติ ภณติ ‘‘อมุกสฺมึ นาม คาเม มยฺหํ อีทิโส ฆรวิภโว, เอหิ ตตฺถ คจฺฉาม, ฆรณี เม ภวิสฺสสิ, อิทฺจิทฺจ เต ทสฺสามี’’ติ ปรภริยํ ปรทาสึ วา วฺเจนฺโต ธุตฺโต วิย. นิชิคีสาโนติ นิชิคีสมาโน มคฺคมาโน, ตํ วฺเจตฺวา ยํกิฺจิ คเหตฺวา ปลายิตุกาโมติ อธิปฺปาโย.

๑๓๒. โย จตฺตานนฺติ โย จ อตฺตานํ. สมุกฺกํเสติ ชาติอาทีหิ สมุกฺกํสติ อุจฺจฏฺาเน เปติ. ปเร จ มวชานาตีติ เตหิเยว ปเร อวชานาติ, นีจํ กโรติ. ม-กาโร ปทสนฺธิกโร. นิหีโนติ คุณวุฑฺฒิโต ปริหีโน, อธมภาวํ วา คโต. เสน มาเนนาติ เตน อุกฺกํสนาวชานนสงฺขาเตน อตฺตโน มาเนน.

๑๓๓. โรสโกติ กายวาจาหิ ปเรสํ โรสชนโก. กทริโยติ ถทฺธมจฺฉรี, โย ปเร ปเรสํ เทนฺเต อฺํ วา ปุฺํ กโรนฺเต วาเรติ, ตสฺเสตํ อธิวจนํ. ปาปิจฺโฉติ อสนฺตคุณสมฺภาวนิจฺฉาย สมนฺนาคโต. มจฺฉรีติ อาวาสาทิมจฺฉริยยุตฺโต. สโติ อสนฺตคุณปฺปกาสนลกฺขเณน สาเยฺเยน สมนฺนาคโต, อสมฺมาภาสี วา อกาตุกาโมปิ ‘‘กโรมี’’ติอาทิวจเนน. นาสฺส ปาปชิคุจฺฉนลกฺขณา หิรี, นาสฺส อุตฺตาสนโต อุพฺเพคลกฺขณํ โอตฺตปฺปนฺติ อหิริโก อโนตฺตปฺปี.

๑๓๔. พุทฺธนฺติ สมฺมาสมฺพุทฺธํ. ปริภาสตีติ ‘‘อสพฺพฺู’’ติอาทีหิ อปวทติ, สาวกฺจ ‘‘ทุปฺปฏิปนฺโน’’ติอาทีหิ. ปริพฺพาชํ คหฏฺํ วาติ สาวกวิเสสนเมเวตํ ปพฺพชิตํ วา ตสฺส สาวกํ, คหฏฺํ วา ปจฺจยทายกนฺติ อตฺโถ. พาหิรกํ วา ปริพฺพาชกํ ยํกิฺจิ คหฏฺํ วา อภูเตน โทเสน ปริภาสตีติ เอวมฺเปตฺถ อตฺถํ อิจฺฉนฺติ โปราณา.

๑๓๕. อนรหํ สนฺโตติ อขีณาสโว สมาโน. อรหํ ปฏิชานาตีติ ‘‘อหํ อรหา’’ติ ปฏิชานาติ, ยถา นํ ‘‘อรหา อย’’นฺติ ชานนฺติ, ตถา วาจํ นิจฺฉาเรติ, กาเยน ปรกฺกมติ, จิตฺเตน อิจฺฉติ อธิวาเสติ. โจโรติ เถโน. สพฺรหฺมเก โลเกติ อุกฺกฏฺวเสน อาห – สพฺพโลเกติ วุตฺตํ โหติ. โลเก หิ สนฺธิจฺเฉทนนิลฺโลปหรณเอกาคาริกกรณปริปนฺถติฏฺนาทีหิ ปเรสํ ธนํ วิลุมฺปนฺตา โจราติ วุจฺจนฺติ. สาสเน ปน ปริสสมฺปตฺติอาทีหิ ปจฺจยาทีนิ วิลุมฺปนฺตา. ยถาห –

‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, มหาโจรา สนฺโต สํวิชฺชมานา โลกสฺมึ. กตเม ปฺจ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺจสฺส มหาโจรสฺส เอวํ โหติ ‘กุทาสฺสุ นามาหํ สเตน วา สหสฺเสน วา ปริวุโต คามนิคมราชธานีสุ อาหิณฺฑิสฺสามิ หนนฺโต, ฆาเตนฺโต, ฉินฺทนฺโต, เฉทาเปนฺโต, ปจนฺโต ปาเจนฺโตติ, โส อปเรน สมเยน สเตน วา สหสฺเสน วา ปริวุโต คามนิคมราชธานีสุ อาหิณฺฑติ หนนฺโต…เป… ปาเจนฺโต. เอวเมว โข, ภิกฺขเว, อิเธกจฺจสฺส ปาปภิกฺขุโน เอวํ โหติ ‘กุทาสฺสุ นามาหํ สเตน วา…เป… ราชธานีสุ จาริกํ จริสฺสามิ สกฺกโต, ครุกโต, มานิโต, ปูชิโต, อปจิโต, คหฏฺานฺเจว ปพฺพชิตานฺจ ลาภี จีวร…เป… ปริกฺขาราน’นฺติ. โส อปเรน สมเยน สเตน วา สหสฺเสน วา ปริวุโต คามนิคมราชธานีสุ จาริกํ จรติ สกฺกโต…เป… ปริกฺขารานํ. อยํ, ภิกฺขเว, ปโม มหาโจโร สนฺโต สํวิชฺชมาโน โลกสฺมึ.

‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ ปาปภิกฺขุ ตถาคตปฺปเวทิตํ ธมฺมวินยํ ปริยาปุณิตฺวา อตฺตโน ทหติ, อยํ, ภิกฺขเว, ทุติโย…เป… โลกสฺมึ.

‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ ปาปภิกฺขุ สุทฺธํ พฺรหฺมจารึ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ จรนฺตํ อมูลเกน อพฺรหฺมจริเยน อนุทฺธํเสติ. อยํ, ภิกฺขเว, ตติโย…เป… โลกสฺมึ.

‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ, ปาปภิกฺขุ ยานิ ตานิ สงฺฆสฺส ครุภณฺฑานิ ครุปริกฺขารานิ, เสยฺยถิทํ – อาราโม, อารามวตฺถุ, วิหาโร, วิหารวตฺถุ, มฺโจ, ปีํ, ภิสิ, พิมฺโพหนํ, โลหกุมฺภี, โลหภาณกํ, โลหวารโก, โลหกฏาหํ, วาสิ, ผรสุ, กุารี, กุทาโล, นิขาทนํ, วลฺลิ, เวฬุ, มุฺชํ, ปพฺพชํ, ติณํ, มตฺติกา, ทารุภณฺฑํ, มตฺติกาภณฺฑํ, เตหิ คิหึ สงฺคณฺหาติ อุปลาเปติ. อยํ, ภิกฺขเว, จตุตฺโถ…เป… โลกสฺมึ.

‘‘สเทวเก, ภิกฺขเว, โลเก…เป… สเทวมนุสฺสาย อยํ อคฺโค มหาโจโร, โย อสนฺตํ อภูตํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมํ อุลฺลปตี’’ติ (ปารา. ๑๙๕).

ตตฺถ โลกิยโจรา โลกิยเมว ธนธฺาทึ เถเนนฺติ. สาสเน วุตฺตโจเรสุ ปโม ตถารูปเมว จีวราทิปจฺจยมตฺตํ, ทุติโย ปริยตฺติธมฺมํ, ตติโย ปรสฺส พฺรหฺมจริยํ, จตุตฺโถ สงฺฆิกครุภณฺฑํ, ปฺจโม ฌานสมาธิสมาปตฺติมคฺคผลปฺปเภทํ โลกิยโลกุตฺตรคุณธนํ, โลกิยฺจ จีวราทิปจฺจยชาตํ. ยถาห – ‘‘เถยฺยาย โว, ภิกฺขเว, รฏฺปิณฺโฑ ภุตฺโต’’ติ. ตตฺถ ยฺวายํ ปฺจโม มหาโจโร, ตํ สนฺธายาห ภควา ‘‘โจโร สพฺรหฺมเก โลเก’’ติ. โส หิ ‘‘สเทวเก, ภิกฺขเว, โลเก…เป… สเทวมนุสฺสาย อยํ อคฺโค มหาโจโร, โย อสนฺตํ อภูตํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมํ อุลฺลปตี’’ติ (ปารา. ๑๙๕) เอวํ โลกิยโลกุตฺตรธนเถนนโต อคฺโค มหาโจโรติ วุตฺโต, ตสฺมา ตํ อิธาปิ ‘‘สพฺรหฺมเก โลเก’’ติ อิมินา อุกฺกฏฺปริจฺเฉเทน ปกาเสสิ.

เอโส โข วสลาธโมติ. เอตฺถ โขติ อวธารณตฺโถ, เตน เอโส เอว วสลาธโม. วสลานํ หีโน สพฺพปจฺฉิมโกติ อวธาเรติ. กสฺมา? วิสิฏฺวตฺถุมฺหิ เถยฺยธมฺมวสฺสนโต, ยาว ตํ ปฏิฺํ น วิสฺสชฺเชติ, ตาว อวิคตวสลกรณธมฺมโต จาติ.

เอเต โข วสลาติ. อิทานิ เย เต ปมคาถาย อาสยวิปตฺติวเสน โกธนาทโย ปฺจ, ปาปมกฺขึ วา ทฺวิธา กตฺวา ฉ, ทุติยคาถาย ปโยควิปตฺติวเสน ปาณหึสโก เอโก, ตติยาย ปโยควิปตฺติวเสเนว คามนิคมนิคฺคาหโก เอโก, จตุตฺถาย เถยฺยาวหารวเสน เอโก, ปฺจมาย อิณวฺจนวเสน เอโก, ฉฏฺาย ปสยฺหาวหารวเสน ปนฺถทูสโก เอโก, สตฺตมาย กูฏสกฺขิวเสน เอโก, อฏฺมาย มิตฺตทุพฺภิวเสน เอโก, นวมาย อกตฺุวเสน เอโก, ทสมาย กตนาสนวิเหสนวเสน เอโก, เอกาทสมาย หทยวฺจนวเสน เอโก, ทฺวาทสมาย ปฏิจฺฉนฺนกมฺมนฺตวเสน ทฺเว, เตรสมาย อกตฺุวเสน เอโก, จุทฺทสมาย วฺจนวเสน เอโก, ปนฺนรสมาย วิเหสนวเสน เอโก, โสฬสมาย วฺจนวเสน เอโก, สตฺตรสมาย อตฺตุกฺกํสนปรวมฺภนวเสน ทฺเว, อฏฺารสมาย ปโยคาสยวิปตฺติวเสน โรสกาทโย สตฺต, เอกูนวีสติมาย ปริภาสนวเสน ทฺเว, วีสติมาย อคฺคมหาโจรวเสน เอโกติ เอวํ เตตฺตึส จตุตฺตึส วา วสลา วุตฺตา. เต นิทฺทิสนฺโต อาห ‘‘เอเต โข วสลา วุตฺตา, มยา เย เต ปกาสิตา’’ติ. ตสฺสตฺโถ – เย เต มยา ปุพฺเพ ‘‘ชานาสิ ปน ตฺวํ, พฺราหฺมณ, วสล’’นฺติ เอวํ สงฺเขปโต วสลา วุตฺตา, เต วิตฺถารโต เอเต โข ปกาสิตาติ. อถ วา เย เต มยา ปุคฺคลวเสน วุตฺตา, เต ธมฺมวเสนาปิ เอเต โข ปกาสิตา. อถ วา เอเต โข วสลา วุตฺตา อริเยหิ กมฺมวเสน, น ชาติวเสน, มยา เย เต ปกาสิตา ‘‘โกธโน อุปนาหี’’ติอาทินา นเยน.

๑๓๖. เอวํ ภควา วสลํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ยสฺมา พฺราหฺมโณ สกาย ทิฏฺิยา อตีว อภินิวิฏฺโ โหติ, ตสฺมา ตํ ทิฏฺึ ปฏิเสเธนฺโต อาห ‘‘น ชจฺจา วสโล โหตี’’ติ. ตสฺสตฺโถ – ปรมตฺถโต หิ น ชจฺจา วสโล โหติ, น ชจฺจา โหติ พฺราหฺมโณ, อปิจ โข กมฺมุนา วสโล โหติ, กมฺมุนา โหติ พฺราหฺมโณ, อปริสุทฺธกมฺมวสฺสนโต วสโล โหติ, ปริสุทฺเธน กมฺมุนา อปริสุทฺธวาหนโต พฺราหฺมโณ โหติ. ยสฺมา วา ตุมฺเห หีนํ วสลํ อุกฺกฏฺํ พฺราหฺมณํ มฺิตฺถ, ตสฺมา หีเนน กมฺมุนา วสโล โหติ, อุกฺกฏฺเน กมฺมุนา พฺราหฺมโณ โหตีติ เอวมฺปิ อตฺถํ าเปนฺโต เอวมาห.

๑๓๗-๑๓๙. อิทานิ ตเมวตฺถํ นิทสฺสเนน สาเธตุํ ‘‘ตทมินาปิ ชานาถา’’ติอาทิกา ติสฺโส คาถาโย อาห. ตาสุ ทฺเว จตุปฺปาทา, เอกา ฉปฺปาทา, ตาสํ อตฺโถ – ยํ มยา วุตฺตํ ‘‘น ชจฺจา วสโล โหตี’’ติอาทิ, ตทมินาปิ ชานาถ, ยถา เมทํ นิทสฺสนํ, ตํ อิมินาปิ ปกาเรน ชานาถ, เยน เม ปกาเรน เยน สามฺเน อิทํ นิทสฺสนนฺติ วุตฺตํ โหติ. กตมํ นิทสฺสนนฺติ เจ? จณฺฑาลปุตฺโต โสปาโก…เป… พฺรหฺมโลกูปปตฺติยาติ.

จณฺฑาลสฺส ปุตฺโต จณฺฑาลปุตฺโต. อตฺตโน ขาทนตฺถาย มเต สุนเข ลภิตฺวา ปจตีติ โสปาโก. มาตงฺโคติ เอวํนาโม วิสฺสุโตติ เอวํ หีนาย ชาติยา จ ชีวิกาย จ นาเมน จ ปากโฏ.

โสติ ปุริมปเทน สมฺพนฺธิตฺวา โส มาตงฺโค ยสํ ปรมํ ปตฺโต, อพฺภุตํ อุตฺตมํ อติวิสิฏฺํ ยสํ กิตฺตึ ปสํสํ ปตฺโต. ยํ สุทุลฺลภนฺติ ยํ อุฬารกุลูปปนฺเนนาปิ ทุลฺลภํ, หีนกุลูปปนฺเนน สุทุลฺลภํ. เอวํ ยสปฺปตฺตสฺส จ อาคจฺฉุํ ตสฺสุปฏฺานํ, ขตฺติยา พฺราหฺมณา พหู, ตสฺส มาตงฺคสฺส ปาริจริยตฺถํ ขตฺติยา จ พฺราหฺมณา จ อฺเ จ พหู เวสฺสสุทฺทาทโย ชมฺพุทีปมนุสฺสา เยภุยฺเยน อุปฏฺานํ อาคมึสูติ อตฺโถ.

เอวํ อุปฏฺานสมฺปนฺโน โส มาตงฺโค วิคตกิเลสรชตฺตา วิรชํ, มหนฺเตหิ พุทฺธาทีหิ ปฏิปนฺนตฺตา มหาปถํ, พฺรหฺมโลกสงฺขาตํ เทวโลกํ ยาเปตุํ สมตฺถตฺตา เทวโลกยานสฺิตํ อฏฺสมาปตฺติยานํ อภิรุยฺห, ตาย ปฏิปตฺติยา กามราคํ วิราเชตฺวา, กายสฺส เภทา พฺรหฺมโลกูปโค อหุ, สา ตถา หีนาปิ น นํ ชาติ นิวาเรสิ พฺรหฺมโลกูปปตฺติยา, พฺรหฺมโลกูปปตฺติโตติ วุตฺตํ โหติ.

อยํ ปนตฺโถ เอวํ เวทิตพฺโพ – อตีเต กิร มหาปุริโส เตน เตนุปาเยน สตฺตหิตํ กโรนฺโต โสปากชีวิเก จณฺฑาลกุเล อุปฺปชฺชิ. โส นาเมน มาตงฺโค, รูเปน ทุทฺทสิโก หุตฺวา พหินคเร จมฺมกุฏิกาย วสติ, อนฺโตนคเร ภิกฺขํ จริตฺวา ชีวิกํ กปฺเปติ. อเถกทิวสํ ตสฺมึ นคเร สุรานกฺขตฺเต โฆสิเต ธุตฺตา ยถาสเกน ปริวาเรน กีฬนฺติ. อฺตราปิ พฺราหฺมณมหาสาลธีตา ปนฺนรสโสฬสวสฺสุทฺเทสิกา เทวกฺา วิย รูเปน ทสฺสนียา ปาสาทิกา ‘‘อตฺตโน กุลวํสานุรูปํ กีฬิสฺสามี’’ติ ปหูตํ ขชฺชโภชฺชาทิกีฬนสมฺภารํ สกเฏสุ อาโรเปตฺวา สพฺพเสตวฬวยุตฺตํ ยานมารุยฺห มหาปริวาเรน อุยฺยานภูมึ คจฺฉติ ทิฏฺมงฺคลิกาติ นาเมน. สา กิร ‘‘ทุสฺสณฺิตํ รูปํ อวมงฺคล’’นฺติ ทฏฺุํ น อิจฺฉติ, เตนสฺสา ทิฏฺมงฺคลิกาตฺเวว สงฺขา อุทปาทิ.

ตทา โส มาตงฺโค กาลสฺเสว วุฏฺาย ปฏปิโลติกํ นิวาเสตฺวา, กํสตาฬํ หตฺเถ พนฺธิตฺวา, ภาชนหตฺโถ นครํ ปวิสติ, มนุสฺเส ทิสฺวา ทูรโต เอว กํสตาฬํ อาโกเฏนฺโต. อถ ทิฏฺมงฺคลิกา ‘‘อุสฺสรถ, อุสฺสรถา’’ติ ปุรโต ปุรโต หีนชนํ อปเนนฺเตหิ ปุริเสหิ นียมานา นครทฺวารมชฺเฌ มาตงฺคํ ทิสฺวา ‘‘โก เอโส’’ติ อาห. อหํ มาตงฺคจณฺฑาโลติ. สา ‘‘อีทิสํ ทิสฺวา คตานํ กุโต วุฑฺฒี’’ติ ยานํ นิวตฺตาเปสิ. มนุสฺสา ‘‘ยํ มยํ อุยฺยานํ คนฺตฺวา ขชฺชโภชฺชาทึ ลเภยฺยาม, ตสฺส โน มาตงฺเคน อนฺตราโย กโต’’ติ กุปิตา ‘‘คณฺหถ จณฺฑาล’’นฺติ เลฑฺฑูหิ ปหริตฺวา ‘‘มโต’’ติ ปาเท คเหตฺวา เอกมนฺเต ฉฑฺเฑตฺวา กจวเรน ปฏิจฺฉาเทตฺวา อคมํสุ. โส สตึ ปฏิลภิตฺวา อุฏฺาย มนุสฺเส ปุจฺฉิ – ‘‘กึ, อยฺยา, ทฺวารํ นาม สพฺพสาธารณํ, อุทาหุ พฺราหฺมณานํเยว กต’’นฺติ? มนุสฺสา อาหํสุ – ‘‘สพฺเพสํ สาธารณ’’นฺติ. ‘‘เอวํ สพฺพสาธารณทฺวาเรน ปวิสิตฺวา ภิกฺขาหาเรน ยาเปนฺตํ มํ ทิฏฺมงฺคลิกาย มนุสฺสา อิมํ อนยพฺยสนํ ปาเปสุ’’นฺติ รถิกาย รถิกํ อาหิณฺฑนฺโต มนุสฺสานํ อาโรเจตฺวา พฺราหฺมณสฺส ฆรทฺวาเร นิปชฺชิ – ‘‘ทิฏฺมงฺคลิกํ อลทฺธา น วุฏฺหิสฺสามี’’ติ.

พฺราหฺมโณ ‘‘ฆรทฺวาเร มาตงฺโค นิปนฺโน’’ติ สุตฺวา ‘‘ตสฺส กากณิกํ เทถ, เตเลน องฺคํ มกฺเขตฺวา คจฺฉตู’’ติ อาห. โส ตํ น อิจฺฉติ, ‘‘ทิฏฺมงฺคลิกํ อลทฺธา น วุฏฺหิสฺสามิ’’จฺเจว อาห. ตโต พฺราหฺมโณ ‘‘ทฺเว กากณิกาโย เทถ, กากณิกาย ปูวํ ขาทตุ, กากณิกาย เตเลน องฺคํ มกฺเขตฺวา คจฺฉตู’’ติ อาห. โส ตํ น อิจฺฉติ, ตเถว วทติ. พฺราหฺมโณ สุตฺวา ‘‘มาสกํ เทถ, ปาทํ, อุปฑฺฒกหาปณํ, กหาปณํ ทฺเว ตีณี’’ติ ยาว สตํ อาณาเปสิ. โส น อิจฺฉติ, ตเถว วทติ. เอวํ ยาจนฺตานํเยว สูริโย อตฺถงฺคโต. อถ พฺราหฺมณี ปาสาทา โอรุยฺห สาณิปาการํ ปริกฺขิปาเปตฺวา ตํ อุปสงฺกมิตฺวา ยาจิ – ‘‘ตาต มาตงฺค, ทิฏฺมงฺคลิกาย อปราธํ ขม, สหสฺสํ คณฺหาหิ, ทฺเว ตีณี’’ติ ยาว ‘‘สตสหสฺสํ คณฺหาหี’’ติ อาห. โส ตุณฺหีภูโต นิปชฺชิเยว.

เอวํ จตูหปฺจาเห วีติวตฺเต พหุมฺปิ ปณฺณาการํ ทตฺวา ทิฏฺมงฺคลิกํ อลภนฺตา ขตฺติยกุมาราทโย มาตงฺคสฺส อุปกณฺณเก อาโรจาเปสุํ – ‘‘ปุริสา นาม อเนกานิปิ สํวจฺฉรานิ วีริยํ กตฺวา อิจฺฉิตตฺถํ ปาปุณนฺติ, มา โข ตฺวํ นิพฺพิชฺชิ, อทฺธา ทฺวีหตีหจฺจเยน ทิฏฺมงฺคลิกํ ลจฺฉสี’’ติ. โส ตุณฺหีภูโต นิปชฺชิเยว. อถ สตฺตเม ทิวเส สมนฺตา ปฏิวิสฺสกา อุฏฺหิตฺวา ‘‘ตุมฺเห มาตงฺคํ วา อุฏฺาเปถ, ทาริกํ วา เทถ, มา อมฺเห สพฺเพ นาสยิตฺถา’’ติ อาหํสุ. เตสํ กิร อยํ ทิฏฺิ ‘‘ยสฺส ฆรทฺวาเร เอวํ นิปนฺโน จณฺฑาโล มรติ, ตสฺส ฆเรน สห สมนฺตา สตฺตสตฺตฆรวาสิโน จณฺฑาลา โหนฺตี’’ติ. ตโต ทิฏฺมงฺคลิกํ นีลปฏปิโลติกํ นิวาสาเปตฺวา อุฬุงฺกกโฬปิกาทีนิ ทตฺวา ปริเทวมานํ ตสฺส สนฺติกํ เนตฺวา ‘‘คณฺห ทาริกํ, อุฏฺาย คจฺฉาหี’’ติ อทํสุ. สา ปสฺเส ตฺวา ‘‘อุฏฺาหี’’ติ อาห, โส ‘‘หตฺเถน มํ คเหตฺวา อุฏฺาเปหี’’ติ อาห. สา นํ อุฏฺาเปสิ. โส นิสีทิตฺวา อาห – ‘‘มยํ อนฺโตนคเร วสิตุํ น ลภาม, เอหิ มํ พหินคเร จมฺมกุฏึ เนหี’’ติ. สา นํ หตฺเถ คเหตฺวา ตตฺถ เนสิ. ‘‘ปิฏฺิยํ อาโรเปตฺวา’’ติ ชาตกภาณกา. เนตฺวา จสฺส สรีรํ เตเลน มกฺเขตฺวา, อุณฺโหทเกน นฺหาเปตฺวา, ยาคุํ ปจิตฺวา อทาสิ. โส ‘‘พฺราหฺมณกฺา อยํ มา วินสฺสี’’ติ ชาติสมฺเภทํ อกตฺวาว อฑฺฒมาสมตฺตํ พลํ คเหตฺวา ‘‘อหํ วนํ คจฺฉามิ, ‘อติจิรายตี’ติ มา ตฺวํ อุกฺกณฺี’’ติ วตฺวา ฆรมานุสกานิ จ ‘‘อิมํ มา ปมชฺชิตฺถา’’ติ อาณาเปตฺวา ฆรา นิกฺขมฺม ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา, กสิณปริกมฺมํ กตฺวา, กติปาเหเนว อฏฺ สมาปตฺติโย ปฺจ จ อภิฺาโย นิพฺพตฺเตตฺวา ‘‘อิทานาหํ ทิฏฺมงฺคลิกาย มนาโป ภวิสฺสามี’’ติ อากาเสนาคนฺตฺวา นครทฺวาเร โอโรหิตฺวา ทิฏฺมงฺคลิกาย สนฺติกํ เปเสสิ.

สา สุตฺวา ‘‘โกจิ มฺเ มม าตโก ปพฺพชิโต มํ ทุกฺขิตํ ตฺวา ทฏฺุํ อาคโต ภวิสฺสตี’’ติ จินฺตยมานา คนฺตฺวา, ตํ ตฺวา, ปาเทสุ นิปติตฺวา ‘‘กิสฺส มํ อนาถํ ตุมฺเห อกตฺถา’’ติ อาห. มหาปุริโส ‘‘มา ตฺวํ ทิฏฺมงฺคลิเก ทุกฺขินี อโหสิ, สกลชมฺพุทีปวาสีหิ เต สกฺการํ กาเรสฺสามี’’ติ วตฺวา เอตทโวจ – ‘‘คจฺฉ ตฺวํ โฆสนํ กโรหิ – ‘มหาพฺรหฺมา มม สามิโก น มาตงฺโค, โส จนฺทวิมานํ ภินฺทิตฺวา สตฺตเม ทิวเส มม สนฺติกํ อาคมิสฺสตี’’’ติ. สา อาห – ‘‘อหํ, ภนฺเต, พฺราหฺมณมหาสาลธีตา หุตฺวา อตฺตโน ปาปกมฺเมน อิมํ จณฺฑาลภาวํ ปตฺตา, น สกฺโกมิ เอวํ วตฺตุ’’นฺติ. มหาปุริโส ‘‘น ตฺวํ มาตงฺคสฺส อานุภาวํ ชานาสี’’ติ วตฺวา ยถา สา สทฺทหติ, ตถา อเนกานิ ปาฏิหาริยานิ ทสฺเสตฺวา ตเถว ตํ อาณาเปตฺวา อตฺตโน วสตึ อคมาสิ. สา ตถา อกาสิ.

มนุสฺสา อุชฺฌายนฺติ หสนฺติ – ‘‘กถฺหิ นามายํ อตฺตโน ปาปกมฺเมน จณฺฑาลภาวํ ปตฺวา ปุน ตํ มหาพฺรหฺมานํ กริสฺสตี’’ติ. สา อธิมานา เอว หุตฺวา ทิวเส ทิวเส โฆสนฺตี นครํ อาหิณฺฑติ ‘‘อิโต ฉฏฺเ ทิวเส, ปฺจเม, จตุตฺเถ, ตติเย, สุเว, อชฺช อาคมิสฺสตี’’ติ. มนุสฺสา ตสฺสา วิสฺสตฺถวาจํ สุตฺวา ‘‘กทาจิ เอวมฺปิ สิยา’’ติ อตฺตโน อตฺตโน ฆรทฺวาเรสุ มณฺฑปํ การาเปตฺวา, สาณิปาการํ สชฺเชตฺวา, วยปฺปตฺตา ทาริกาโย อลงฺกริตฺวา ‘‘มหาพฺรหฺมนิ อาคเต กฺาทานํ ทสฺสามา’’ติ อากาสํ อุลฺโลเกนฺตา นิสีทึสุ. อถ มหาปุริโส ปุณฺณมทิวเส คคนตลํ อุปารูฬฺเห จนฺเท จนฺทวิมานํ ผาเลตฺวา ปสฺสโต มหาชนสฺส มหาพฺรหฺมรูเปน นิคฺคจฺฉิ. มหาชโน ‘‘ทฺเว จนฺทา ชาตา’’ติ อติมฺิ. ตโต อนุกฺกเมน อาคตํ ทิสฺวา ‘‘สจฺจํ ทิฏฺมงฺคลิกา อาห, มหาพฺรหฺมาว อยํ ทิฏฺมงฺคลิกํ ทเมตุํ ปุพฺเพ มาตงฺคเวเสนาคจฺฉี’’ติ นิฏฺํ อคมาสิ. เอวํ โส มหาชเนน ทิสฺสมาโน ทิฏฺมงฺคลิกาย วสนฏฺาเน เอว โอตริ. สา จ ตทา อุตุนี อโหสิ. โส ตสฺสา นาภึ องฺคุฏฺเกน ปรามสิ. เตน ผสฺเสน คพฺโภ ปติฏฺาสิ. ตโต นํ ‘‘คพฺโภ เต สณฺิโต, ปุตฺตมฺหิ ชาเต ตํ นิสฺสาย ชีวาหี’’ติ วตฺวา ปสฺสโต มหาชนสฺส ปุน จนฺทวิมานํ ปาวิสิ.

พฺราหฺมณา ‘‘ทิฏฺมงฺคลิกา มหาพฺรหฺมุโน ปชาปติ อมฺหากํ มาตา ชาตา’’ติ วตฺวา ตโต ตโต อาคจฺฉนฺติ. ตํ สกฺการํ กาตุกามานํ มนุสฺสานํ สมฺปีฬเนน นครทฺวารานิ อโนกาสานิ อเหสุํ. เต ทิฏฺมงฺคลิกํ หิรฺราสิมฺหิ เปตฺวา, นฺหาเปตฺวา, มณฺเฑตฺวา, รถํ อาโรเปตฺวา, มหาสกฺกาเรน นครํ ปทกฺขิณํ การาเปตฺวา, นครมชฺเฌ มณฺฑปํ การาเปตฺวา, ตตฺร นํ ‘‘มหาพฺรหฺมุโน ปชาปตี’’ติ ทิฏฺฏฺาเน เปตฺวา วสาเปนฺติ ‘‘ยาวสฺสา ปติรูปํ วสโนกาสํ กโรม, ตาว อิเธว วสตู’’ติ. สา มณฺฑเป เอว ปุตฺตํ วิชายิ. ตํ วิสุทฺธทิวเส สทฺธึ ปุตฺเตน สสีสํ นฺหาเปตฺวา มณฺฑเป ชาโตติ ทารกสฺส ‘‘มณฺฑพฺยกุมาโร’’ติ นามํ อกํสุ. ตโต ปภุติ จ นํ พฺราหฺมณา ‘‘มหาพฺรหฺมุโน ปุตฺโต’’ติ ปริวาเรตฺวา จรนฺติ. ตโต อเนกสตสหสฺสปฺปการา ปณฺณาการา อาคจฺฉนฺติ, เต พฺราหฺมณา กุมารสฺสารกฺขํ เปสุํ, อาคตา ลหุํ กุมารํ ทฏฺุํ น ลภนฺติ.

กุมาโร อนุปุพฺเพน วุฑฺฒิมนฺวาย ทานํ ทาตุํ อารทฺโธ. โส สาลาย สมฺปตฺตานํ กปณทฺธิกานํ อทตฺวา พฺราหฺมณานํเยว เทติ. มหาปุริโส ‘‘กึ มม ปุตฺโต ทานํ เทตี’’ติ อาวชฺเชตฺวา พฺราหฺมณานํเยว ทานํ เทนฺตํ ทิสฺวา ‘‘ยถา สพฺเพสํ ทสฺสติ, ตถา กริสฺสามี’’ติ จีวรํ ปารุปิตฺวา ปตฺตํ คเหตฺวา อากาเสน อาคมฺม ปุตฺตสฺส ฆรทฺวาเร อฏฺาสิ. กุมาโร ตํ ทิสฺวา ‘‘กุโต อยํ เอวํ วิรูปเวโส วสโล อาคโต’’ติ กุทฺโธ อิมํ คาถมาห –

‘‘กุโต นุ อาคจฺฉสิ ทุมฺมวาสี, โอตลฺลโก ปํสุปิสาจโกว;

สงฺการโจฬํ ปฏิมุฺจ กณฺเ, โก เร ตุวํ โหสิ อทกฺขิเณยฺโย’’ติ.

พฺราหฺมณา ‘‘คณฺหถ คณฺหถา’’ติ ตํ คเหตฺวา อาโกเฏตฺวา อนยพฺยสนํ ปาเปสุํ. โส อากาเสน คนฺตฺวา พหินคเร ปจฺจฏฺาสิ. เทวตา กุปิตา กุมารํ คเล คเหตฺวา อุทฺธํปาทํ อโธสิรํ เปสุํ. โส อกฺขีหิ นิคฺคเตหิ มุเขน เขฬํ ปคฺฆรนฺเตน ฆรุฆรุปสฺสาสี ทุกฺขํ เวทยติ. ทิฏฺมงฺคลิกา สุตฺวา ‘‘โกจิ อาคโต อตฺถี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, ปพฺพชิโต อาคจฺฉี’’ติ. ‘‘กุหึ คโต’’ติ? ‘‘เอวํ คโต’’ติ. สา ตตฺถ คนฺตฺวา ‘‘ขมถ, ภนฺเต, อตฺตโน ทาสสฺสา’’ติ ยาจนฺตี ตสฺส ปาทมูเล ภูมิยา นิปชฺชิ. เตน จ สมเยน มหาปุริโส ปิณฺฑาย จริตฺวา, ยาคุํ ลภิตฺวา, ตํ ปิวนฺโต ตตฺถ นิสินฺโน โหติ, โส อวสิฏฺํ โถกํ ยาคุํ ทิฏฺมงฺคลิกาย อทาสิ. ‘‘คจฺฉ อิมํ ยาคุํ อุทกกุมฺภิยา อาโลเลตฺวา เยสํ ภูตวิกาโร อตฺถิ, เตสํ อกฺขิมุขกณฺณนาสาพิเลสุ อาสิฺจ, สรีรฺจ ปริปฺโผเสหิ, เอวํ นิพฺพิการา ภวิสฺสนฺตี’’ติ. สา ตถา อกาสิ. ตโต กุมาเร ปกติสรีเร ชาเต ‘‘เอหิ, ตาต มณฺฑพฺย, ตํ ขมาเปสฺสามา’’ติ ปุตฺตฺจ สพฺเพ พฺราหฺมเณ จ ตสฺส ปาทมูเล นิกฺกุชฺชิตฺวา นิปชฺชาเปตฺวา ขมาเปสิ.

โส ‘‘สพฺพชนสฺส ทานํ ทาตพฺพ’’นฺติ โอวทิตฺวา, ธมฺมกถํ กตฺวา, อตฺตโน วสนฏฺานํเยว คนฺตฺวา, จินฺเตสิ ‘‘อิตฺถีสุ ปากฏา ทิฏฺมงฺคลิกา ทมิตา, ปุริเสสุ ปากโฏ มณฺฑพฺยกุมาโร, อิทานิ โก ทเมตพฺโพ’’ติ. ตโต ชาติมนฺตตาปสํ อทฺทส พนฺธุมตีนครํ นิสฺสาย กุมฺภวตีนทีตีเร วิหรนฺตํ. โส ‘‘อหํ ชาติยา วิสิฏฺโ, อฺเหิ ปริภุตฺโตทกํ น ปริภุฺชามี’’ติ อุปรินทิยา วสติ. มหาปุริโส ตสฺส อุปริภาเค วาสํ กปฺเปตฺวา ตสฺส อุทกปริโภคเวลายํ ทนฺตกฏฺํ ขาทิตฺวา อุทเก ปกฺขิปิ. ตาปโส ตํ อุทเกน วุยฺหมานํ ทิสฺวา ‘‘เกนิทํ ขิตฺต’’นฺติ ปฏิโสตํ คนฺตฺวา มหาปุริสํ ทิสฺวา ‘‘โก เอตฺถา’’ติ อาห. ‘‘มาตงฺคจณฺฑาโล, อาจริยา’’ติ. ‘‘อเปหิ, จณฺฑาล, มา อุปรินทิยา วสี’’ติ. มหาปุริโส ‘‘สาธุ, อาจริยา’’ติ เหฏฺานทิยา วสติ, ปฏิโสตมฺปิ ทนฺตกฏฺํ ตาปสสฺส สนฺติกํ อาคจฺฉติ. ตาปโส ปุน คนฺตฺวา ‘‘อเปหิ, จณฺฑาล, มา เหฏฺานทิยํ วส, อุปรินทิยาเยว วสา’’ติ อาห. มหาปุริโส ‘‘สาธุ, อาจริยา’’ติ ตถา อกาสิ, ปุนปิ ตเถว อโหสิ. ตาปโส ปุนปิ ‘‘ตถา กโรตี’’ติ ทุฏฺโ มหาปุริสํ สปิ ‘‘สูริยสฺส เต อุคฺคมนเวลาย สตฺตธา มุทฺธา ผลตู’’ติ. มหาปุริโสปิ ‘‘สาธุ, อาจริย, อหํ ปน สูริยุฏฺานํ น เทมี’’ติ วตฺวา สูริยุฏฺานํ นิวาเรสิ. ตโต รตฺติ น วิภายติ, อนฺธกาโร ชาโต, ภีตา พนฺธุมตีวาสิโน ตาปสสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘อตฺถิ นุ โข, อาจริย, อมฺหากํ โสตฺถิภาโว’’ติ ปุจฺฉึสุ. เต หิ ตํ ‘‘อรหา’’ติ มฺนฺติ. โส เตสํ สพฺพมาจิกฺขิ. เต มหาปุริสํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘สูริยํ, ภนฺเต, มุฺจถา’’ติ ยาจึสุ. มหาปุริโส ‘‘ยทิ ตุมฺหากํ อรหา อาคนฺตฺวา มํ ขมาเปติ, มุฺจามี’’ติ อาห.

มนุสฺสา คนฺตฺวา ตาปสํ อาหํสุ – ‘‘เอหิ, ภนฺเต, มาตงฺคปณฺฑิตํ ขมาเปหิ, มา ตุมฺหากํ กลหการณา มยํ นสฺสิมฺหา’’ติ. โส ‘‘นาหํ จณฺฑาลํ ขมาเปมี’’ติ อาห. มนุสฺสา ‘‘อมฺเห ตฺวํ นาเสสี’’ติ ตํ หตฺถปาเทสุ คเหตฺวา มหาปุริสสฺส สนฺติกํ เนสุํ. มหาปุริโส ‘‘มม ปาทมูเล กุจฺฉิยา นิปชฺชิตฺวา ขมาเปนฺเต ขมามี’’ติ อาห. มนุสฺสา ‘‘เอวํ กโรหี’’ติ อาหํสุ. ตาปโส ‘‘นาหํ จณฺฑาลํ วนฺทามี’’ติ. มนุสฺสา ‘‘ตว ฉนฺเทน น วนฺทิสฺสสี’’ติ หตฺถปาทมสฺสุคีวาทีสุ คเหตฺวา มหาปุริสสฺส ปาทมูเล สยาเปสุํ. โส ‘‘ขมามหํ อิมสฺส, อปิจาหํ ตสฺเสวานุกมฺปาย สูริยํ น มุฺจามิ, สูริเย หิ อุคฺคตมตฺเต มุทฺธา อสฺส สตฺตธา ผลิสฺสตี’’ติ อาห. มนุสฺสา ‘‘อิทานิ, ภนฺเต, กึ กาตพฺพ’’นฺติ อาหํสุ. มหาปุริโส ‘‘เตน หิ อิมํ คลปฺปมาเณ อุทเก เปตฺวา มตฺติกาปิณฺเฑนสฺส สีสํ ปฏิจฺฉาเทถ, สูริยรสฺมีหิ ผุฏฺโ มตฺติกาปิณฺโฑ สตฺตธา ผลิสฺสติ. ตสฺมึ ผลิเต เอส อฺตฺร คจฺฉตู’’ติ อาห. เต ตาปสํ หตฺถปาทาทีสุ คเหตฺวา ตถา อกํสุ. สูริเย มุฺจิตมตฺเต มตฺติกาปิณฺโฑ สตฺตธา ผลิตฺวา ปติ, ตาปโส ภีโต ปลายิ. มนุสฺสา ทิสฺวา ‘‘ปสฺสถ, โภ, สมณสฺส อานุภาว’’นฺติ ทนฺตกฏฺปกฺขิปนมาทึ กตฺวา สพฺพํ วิตฺถาเรตฺวา ‘‘นตฺถิ อีทิโส สมโณ’’ติ ตสฺมึ ปสีทึสุ. ตโต ปภุติ สกลชมฺพุทีเป ขตฺติยพฺราหฺมณาทโย คหฏฺปพฺพชิตา มาตงฺคปณฺฑิตสฺส อุปฏฺานํ อคมํสุ. โส ยาวตายุกํ ตฺวา กายสฺส เภทา พฺรหฺมโลเก อุปฺปชฺชิ. เตนาห ภควา ‘‘ตทมินาปิ ชานาถ…เป… พฺรหฺมโลกูปปตฺติยา’’ติ.

๑๔๐-๑๔๑. เอวํ ‘‘น ชจฺจา วสโล โหติ, กมฺมุนา วสโล โหตี’’ติ สาเธตฺวา อิทานิ ‘‘น ชจฺจา โหติ พฺราหฺมโณ, กมฺมุนา โหติ พฺราหฺมโณ’’ติ เอตํ สาเธตุํ อาห ‘‘อชฺฌายกกุเล ชาตา …เป… ทุคฺคตฺยา ครหาย วา’’ติ. ตตฺถ อชฺฌายกกุเล ชาตาติ มนฺตชฺฌายเก พฺราหฺมณกุเล ชาตา. ‘‘อชฺฌายกากุเฬ ชาตา’’ติปิ ปาโ. มนฺตานํ อชฺฌายเก อนุปกุฏฺเ จ พฺราหฺมณกุเล ชาตาติ อตฺโถ. มนฺตา พนฺธวา เอเตสนฺติ มนฺตพนฺธวา. เวทพนฺธู เวทปฏิสฺสรณาติ วุตฺตํ โหติ. เต จ ปาเปสุ กมฺเมสุ อภิณฺหมุปทิสฺสเรติ เต เอวํ กุเล ชาตา มนฺตพนฺธวา จ สมานาปิ ยทิ ปาณาติปาตาทีสุ ปาปกมฺเมสุ ปุนปฺปุนํ อุปทิสฺสนฺติ, อถ ทิฏฺเว ธมฺเม คารยฺหา สมฺปราเย จ ทุคฺคติ เต เอวมุปทิสฺสมานา อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว มาตาปิตูหิปิ ‘‘นยิเม อมฺหากํ ปุตฺตา, ทุชฺชาตา เอเต กุลสฺส องฺคารภูตา, นิกฺกฑฺฒถ เน’’ติ, พฺราหฺมเณหิปิ ‘‘คหปติกา เอเต, น เอเต พฺราหฺมณา, มา เนสํ สทฺธยฺถาลิปากาทีสุ ปเวสํ เทถ, มา เนหิ สทฺธึ สลฺลปถา’’ติ, อฺเหิปิ มนุสฺเสหิ ‘‘ปาปกมฺมนฺตา เอเต, น เอเต พฺราหฺมณา’’ติ เอวํ คารยฺหา โหนฺติ. สมฺปราเย จ เนสํ ทุคฺคติ นิรยาทิเภทา, ทุคฺคติ เอเตสํ ปรโลเก โหตีติ อตฺโถ. สมฺปราเย วาติปิ ปาโ. ปรโลเก เอเตสํ ทุกฺขสฺส คติ ทุคฺคติ, ทุกฺขปฺปตฺติเยว โหตีติ อตฺโถ. น เน ชาติ นิวาเรติ, ทุคฺคตฺยา ครหาย วาติ สา ตถา อุกฺกฏฺาปิ ยํ ตฺวํ สารโต ปจฺเจสิ, ชาติ เอเต ปาปกมฺเมสุ ปทิสฺสนฺเต พฺราหฺมเณ ‘‘สมฺปราเย จ ทุคฺคตี’’ติ เอตฺถ วุตฺตปฺปการาย ทุคฺคติยา วา, ‘‘ทิฏฺเว ธมฺเม คารยฺหา’’ติ เอตฺถ วุตฺตปฺปการาย ครหาย วา น นิวาเรติ.

๑๔๒. เอวํ ภควา อชฺฌายกกุเล ชาตานมฺปิ พฺราหฺมณานํ คารยฺหาทิกมฺมวเสน ทิฏฺเว ธมฺเม ปติตภาวํ ทีเปนฺโต ทุคฺคติคมเนน จ สมฺปราเย พฺราหฺมณชาติยา อภาวํ ทีเปนฺโต ‘‘น ชจฺจา โหติ พฺราหฺมโณ, กมฺมุนา โหติ พฺราหฺมโณ’’ติ เอตมฺปิ อตฺถํ สาเธตฺวา อิทานิ ทุวิธมฺปิ อตฺถํ นิคเมนฺโต อาห, เอวํ พฺราหฺมณ –

‘‘น ชจฺจา วสโล โหติ, น ชจฺจา โหติ พฺราหฺมโณ;

กมฺมุนา วสโล โหติ, กมฺมุนา โหติ พฺราหฺมโณ’’ติ.

เสสํ กสิภารทฺวาชสุตฺเต วุตฺตนยเมว. วิเสสโต วา เอตฺถ นิกฺกุชฺชิตํ วาติอาทีนํ เอวํ โยชนา เวทิตพฺพา – ยถา โกจิ นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุชฺเชยฺย, เอวํ มํ กมฺมวิมุขํ ชาติวาเท ปติตํ ‘‘ชาติยา พฺราหฺมณวสลภาโว โหตี’’ติ ทิฏฺิโต วุฏฺาเปนฺเตน, ยถา ปฏิจฺฉนฺนํ วิวเรยฺย, เอวํ ชาติวาทปฏิจฺฉนฺนํ กมฺมวาทํ วิวรนฺเตน, ยถา มูฬฺหสฺส มคฺคํ อาจิกฺเขยฺย, เอวํ พฺราหฺมณวสลภาวสฺส อสมฺภินฺนอุชุมคฺคํ อาจิกฺขนฺเตน, ยถา อนฺธกาเร วา เตลปชฺโชตํ ธาเรยฺย, เอวํ มาตงฺคาทินิทสฺสนปชฺโชตธารเณน มยฺหํ โภตา โคตเมน เอเตหิ ปริยาเยหิ ปกาสิตตฺตา อเนกปริยาเยน ธมฺโม ปกาสิโตติ.

ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย

สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย อคฺคิกภารทฺวาชสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. เมตฺตสุตฺตวณฺณนา

กรณียมตฺถกุสเลนาติ เมตฺตสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? หิมวนฺตปสฺสโต กิร เทวตาหิ อุพฺพาฬฺหา ภิกฺขู ภควโต สนฺติกํ สาวตฺถึ อาคจฺฉึสุ. เตสํ ภควา ปริตฺตตฺถาย กมฺมฏฺานตฺถาย จ อิมํ สุตฺตํ อภาสิ. อยํ ตาว สงฺเขโป.

อยํ ปน วิตฺถาโร – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ อุปกฏฺาย วสฺสูปนายิกาย. เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา นานาเวรชฺชกา ภิกฺขู ภควโต สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา ตตฺถ ตตฺถ วสฺสํ อุปคนฺตุกามา ภควนฺตํ อุปสงฺกมนฺติ. ตตฺร สุทํ ภควา ราคจริตานํ สวิฺาณกาวิฺาณกวเสน เอกาทสวิธํ อสุภกมฺมฏฺานํ, โทสจริตานํ จตุพฺพิธํ เมตฺตาทิกมฺมฏฺานํ, โมหจริตานํ มรณสฺสติกมฺมฏฺานาทีนิ, วิตกฺกจริตานํ อานาปานสฺสติปถวีกสิณาทีนิ, สทฺธาจริตานํ พุทฺธานุสฺสติกมฺมฏฺานาทีนิ, พุทฺธิจริตานํ จตุธาตุววตฺถนาทีนีติ อิมินา นเยน จตุราสีติสหสฺสปฺปเภทจริตานุกูลานิ กมฺมฏฺานานิ กเถติ.

อถ โข ปฺจมตฺตานิ ภิกฺขุสตานิ ภควโต สนฺติเก กมฺมฏฺานํ อุคฺคเหตฺวา สปฺปายเสนาสนฺจ โคจรคามฺจ ปริเยสมานานิ อนุปุพฺเพน คนฺตฺวา ปจฺจนฺเต หิมวนฺเตน สทฺธึ เอกาพทฺธํ นีลกาจมณิสนฺนิภสิลาตลํ สีตลฆนจฺฉายนีลวนสณฺฑมณฺฑิตํ มุตฺตาตลรชตปฏฺฏสทิสวาลุกากิณฺณภูมิภาคํ สุจิสาตสีตลชลาสยปริวาริตํ ปพฺพตมทฺทสํสุ. อถ โข เต ภิกฺขู ตตฺเถกรตฺตึ วสิตฺวา ปภาตาย รตฺติยา สรีรปริกมฺมํ กตฺวา ตสฺส อวิทูเร อฺตรํ คามํ ปิณฺฑาย ปวิสึสุ. คาโม ฆนนิเวสสนฺนิวิฏฺกุลสหสฺสยุตฺโต, มนุสฺสา เจตฺถ สทฺธา ปสนฺนา, เต ปจฺจนฺเต ปพฺพชิตทสฺสนสฺส ทุลฺลภตาย ภิกฺขู ทิสฺวา เอว ปีติโสมนสฺสชาตา หุตฺวา เต ภิกฺขู โภเชตฺวา ‘‘อิเธว, ภนฺเต, เตมาสํ วสถา’’ติ ยาจิตฺวา ปฺจปธานกุฏิสตานิ การาเปตฺวา ตตฺถ มฺจปีปานียปริโภชนียฆฏาทีนิ สพฺพูปกรณานิ ปฏิยาเทสุํ.

ภิกฺขู ทุติยทิวเส อฺํ คามํ ปิณฺฑาย ปวิสึสุ. ตตฺถาปิ มนุสฺสา ตเถว อุปฏฺหิตฺวา วสฺสาวาสํ ยาจึสุ. ภิกฺขู ‘‘อสติ อนฺตราเย’’ติ อธิวาเสตฺวา ตํ วนสณฺฑํ ปวิสิตฺวา สพฺพรตฺตินฺทิวํ อารทฺธวีริยา หุตฺวา ยามคณฺฑิกํ โกฏฺเฏตฺวา โยนิโสมนสิการพหุลา วิหรนฺตา รุกฺขมูลานิ อุปคนฺตฺวา นิสีทึสุ. สีลวนฺตานํ ภิกฺขูนํ เตเชน วิหตเตชา รุกฺขเทวตา อตฺตโน อตฺตโน วิมานา โอรุยฺห ทารเก คเหตฺวา อิโต จิโต จ วิจรนฺติ. เสยฺยถาปิ นาม ราชูหิ วา ราชมหามตฺเตหิ วา คามกาวาสํ คเตหิ คามวาสีนํ ฆเรสุ โอกาเส คหิเต ฆรมานุสกา ฆรา นิกฺขมิตฺวา อฺตฺร วสนฺตา ‘‘กทา นุ โข คมิสฺสนฺตี’’ติ ทูรโต โอโลเกนฺติ; เอวเมว เทวตา อตฺตโน อตฺตโน วิมานานิ ฉฑฺเฑตฺวา อิโต จิโต จ วิจรนฺติโย ทูรโตว โอโลเกนฺติ – ‘‘กทา นุ โข ภทนฺตา คมิสฺสนฺตี’’ติ. ตโต เอวํ สมจินฺเตสุํ ‘‘ปมวสฺสูปคตา ภิกฺขู อวสฺสํ เตมาสํ วสิสฺสนฺติ. มยํ ปน ตาว จิรํ ทารเก คเหตฺวา โอกฺกมฺม วสิตุํ น สกฺขิสฺสาม. หนฺท มยํ ภิกฺขูนํ ภยานกํ อารมฺมณํ ทสฺเสมา’’ติ. ตา รตฺตึ ภิกฺขูนํ สมณธมฺมกรณเวลาย ภึสนกานิ ยกฺขรูปานิ นิมฺมินิตฺวา ปุรโต ปุรโต ติฏฺนฺติ, เภรวสทฺทฺจ กโรนฺติ. ภิกฺขูนํ ตานิ รูปานิ ปสฺสนฺตานํ ตฺจ สทฺทํ สุณนฺตานํ หทยํ ผนฺทิ, ทุพฺพณฺณา จ อเหสุํ อุปฺปณฺฑุปณฺฑุกชาตา. เตน เต จิตฺตํ เอกคฺคํ กาตุํ นาสกฺขึสุ. เตสํ อเนกคฺคจิตฺตานํ ภเยน จ ปุนปฺปุนํ สํวิคฺคานํ สติ สมฺมุสฺสิ. ตโต เนสํ มุฏฺสฺสตีนํ ทุคฺคนฺธานิ อารมฺมณานิ ปโยเชสุํ. เตสํ เตน ทุคฺคนฺเธน นิมฺมถิยมานมิว มตฺถลุงฺคํ อโหสิ, พาฬฺหา สีสเวทนา อุปฺปชฺชึสุ, น จ ตํ ปวตฺตึ อฺมฺสฺส อาโรเจสุํ.

อเถกทิวสํ สงฺฆตฺเถรสฺส อุปฏฺานกาเล สพฺเพสุ สนฺนิปติเตสุ สงฺฆตฺเถโร ปุจฺฉิ – ‘‘ตุมฺหากํ, อาวุโส, อิมํ วนสณฺฑํ ปวิฏฺานํ กติปาหํ อติวิย ปริสุทฺโธ ฉวิวณฺโณ อโหสิ ปริโยทาโต, วิปฺปสนฺนานิ จ อินฺทฺริยานิ เอตรหิ ปนตฺถ กิสา ทุพฺพณฺณา อุปฺปณฺฑุปณฺฑุกชาตา, กึ โว อิธ อสปฺปาย’’นฺติ? ตโต เอโก ภิกฺขุ อาห – ‘‘อหํ, ภนฺเต, รตฺตึ อีทิสฺจ อีทิสฺจ เภรวารมฺมณํ ปสฺสามิ จ สุณามิ จ, อีทิสฺจ คนฺธํ ฆายามิ, เตน เม จิตฺตํ น สมาธิยตี’’ติ. เอเตเนว อุปาเยน สพฺเพ ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสุํ. สงฺฆตฺเถโร อาห – ‘‘ภควตา อาวุโส ทฺเว วสฺสูปนายิกา ปฺตฺตา, อมฺหากฺจ อิทํ เสนาสนํ อสปฺปายํ, อายามาวุโส ภควโต สนฺติกํ, คนฺตฺวา อฺํ สปฺปายํ เสนาสนํ ปุจฺฉามา’’ติ. ‘‘สาธุ ภนฺเต’’ติ เต ภิกฺขู เถรสฺส ปฏิสฺสุณิตฺวา สพฺเพ เสนาสนํ สํสาเมตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย อนุปลิตฺตตฺตา กุเลสุ กฺจิ อนามนฺเตตฺวา เอว เยน สาวตฺถิ เตน จาริกํ ปกฺกมึสุ. อนุปุพฺเพน สาวตฺถึ คนฺตฺวา ภควโต สนฺติกํ อคมึสุ.

ภควา เต ภิกฺขู ทิสฺวา เอตทโวจ – ‘‘น, ภิกฺขเว, อนฺโตวสฺสํ จาริกา จริตพฺพาติ มยา สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ, กิสฺส ตุมฺเห จาริกํ จรถา’’ติ. เต ภควโต สพฺพํ อาโรเจสุํ. ภควา อาวชฺเชนฺโต สกลชมฺพุทีเป อนฺตมโส จตุปฺปาทปีกฏฺานมตฺตมฺปิ เตสํ สปฺปายํ เสนาสนํ นาทฺทส. อถ เต ภิกฺขู อาห – ‘‘น, ภิกฺขเว, ตุมฺหากํ อฺํ สปฺปายํ เสนาสนํ อตฺถิ, ตตฺเถว ตุมฺเห วิหรนฺตา อาสวกฺขยํ ปาปุเณยฺยาถ. คจฺฉถ, ภิกฺขเว, ตเมว เสนาสนํ อุปนิสฺสาย วิหรถ. สเจ ปน เทวตาหิ อภยํ อิจฺฉถ, อิมํ ปริตฺตํ อุคฺคณฺหถ, เอตฺหิ โว ปริตฺตฺจ กมฺมฏฺานฺจ ภวิสฺสตี’’ติ อิมํ สุตฺตมภาสิ.

อปเร ปนาหุ – ‘‘คจฺฉถ, ภิกฺขเว, ตเมว เสนาสนํ อุปนิสฺสาย วิหรถา’’ติ อิทฺจ วตฺวา ภควา อาห – ‘‘อปิจ โข อารฺเกน ปริหรณํ าตพฺพํ. เสยฺยถิทํ – สายํปาตํ กรณวเสน ทฺเว เมตฺตา, ทฺเว ปริตฺตา, ทฺเว อสุภา, ทฺเว มรณสฺสตี อฏฺ มหาสํเวควตฺถุสมาวชฺชนฺจ. อฏฺ มหาสํเวควตฺถูนิ นาม ชาติ ชรา พฺยาธิ มรณํ จตฺตาริ อปายทุกฺขานีติ. อถ วา ชาติชราพฺยาธิมรณานิ จตฺตาริ, อปายทุกฺขํ ปฺจมํ, อตีเต วฏฺฏมูลกํ ทุกฺขํ, อนาคเต วฏฺฏมูลกํ ทุกฺขํ, ปจฺจุปฺปนฺเน อาหารปริเยฏฺิมูลกํ ทุกฺข’’นฺติ. เอวํ ภควา ปริหรณํ อาจิกฺขิตฺวา เตสํ ภิกฺขูนํ เมตฺตตฺถฺจ ปริตฺตตฺถฺจ วิปสฺสนาปาทกฌานตฺถฺจ อิมํ สุตฺตํ อภาสีติ.

๑๔๓. ตตฺถ กรณียมตฺถกุสเลนาติ อิมิสฺสา ปมคาถาย ตาว อยํ ปทวณฺณนา – กรณียนฺติ กาตพฺพํ, กรณารหนฺติ อตฺโถ. อตฺโถติ ปฏิปทา, ยํ วา กิฺจิ อตฺตโน หิตํ, ตํ สพฺพํ อรณียโต อตฺโถติ วุจฺจติ, อรณียโต นาม อุปคนฺตพฺพโต. อตฺเถ กุสเลน อตฺถกุสเลน, อตฺถเฉเกนาติ วุตฺตํ โหติ. นฺติ อนิยมิตปจฺจตฺตํ. นฺติ นิยมิตอุปโยคํ. อุภยมฺปิ วา ยํ ตนฺติ ปจฺจตฺตวจนํ. สนฺตํ ปทนฺติ อุปโยควจนํ. ตตฺถ ลกฺขณโต สนฺตํ, ปตฺตพฺพโต ปทํ, นิพฺพานสฺเสตํ อธิวจนํ. อภิสเมจฺจาติ อภิสมาคนฺตฺวา. สกฺโกตีติ สกฺโก, สมตฺโถ ปฏิพโลติ วุตฺตํ โหติ. อุชูติ อชฺชวยุตฺโต. สุฏฺุ อุชูติ สุหุชุ. สุขํ วโจ อสฺมินฺติ สุวโจ. อสฺสาติ ภเวยฺย. มุทูติ มทฺทวยุตฺโต. น อติมานีติ อนติมานี.

อยํ ปเนตฺถ อตฺถวณฺณนา – กรณียมตฺถกุสเลน ยนฺต สนฺตํ ปทํ อภิสเมจฺจาติ. เอตฺถ ตาว อตฺถิ กรณียํ, อตฺถิ อกรณียํ. ตตฺถ สงฺเขปโต สิกฺขตฺตยํ กรณียํ, สีลวิปตฺติ, ทิฏฺิวิปตฺติ, อาจารวิปตฺติ, อาชีววิปตฺตีติ เอวมาทิ อกรณียํ. ตถา อตฺถิ อตฺถกุสโล, อตฺถิ อนตฺถกุสโล.

ตตฺถ โย อิมสฺมึ สาสเน ปพฺพชิตฺวา น อตฺตานํ สมฺมา ปโยเชติ, ขณฺฑสีโล โหติ, เอกวีสติวิธํ อเนสนํ นิสฺสาย ชีวิกํ กปฺเปติ. เสยฺยถิทํ – เวฬุทานํ, ปตฺตทานํ, ปุปฺผทานํ, ผลทานํ, ทนฺตกฏฺทานํ, มุโขทกทานํ, สินานทานํ, จุณฺณทานํ, มตฺติกาทานํ, จาฏุกมฺยตํ, มุคฺคสูปฺยตํ, ปาริภฏุตํ, ชงฺฆเปสนิยํ, เวชฺชกมฺมํ, ทูตกมฺมํ, ปหิณคมนํ, ปิณฺฑปฏิปิณฺฑทานานุปฺปทานํ, วตฺถุวิชฺชํ, นกฺขตฺตวิชฺชํ, องฺควิชฺชนฺติ. ฉพฺพิเธ จ อโคจเร จรติ. เสยฺยถิทํ – เวสิยโคจเร วิธวาถุลฺลกุมาริกปณฺฑกภิกฺขุนิปานาคารโคจเรติ. สํสฏฺโ จ วิหรติ ราชูหิ ราชมหามตฺเตหิ ติตฺถิเยหิ ติตฺถิยสาวเกหิ อนนุโลมิเกน คิหิสํสคฺเคน. ยานิ วา ปน ตานิ กุลานิ อสทฺธานิ อปฺปสนฺนานิ อโนปานภูตานิ อกฺโกสกปริภาสกานิ อนตฺถกามานิ อหิตอผาสุกอโยคกฺเขมกามานิ ภิกฺขูนํ…เป… อุปาสิกานํ, ตถารูปานิ กุลานิ เสวติ ภชติ ปยิรุปาสติ. อยํ อนตฺถกุสโล.

โย ปน อิมสฺมึ สาสเน ปพฺพชิตฺวา อตฺตานํ สมฺมา ปโยเชติ, อเนสนํ ปหาย จตุปาริสุทฺธิสีเล ปติฏฺาตุกาโม สทฺธาสีเสน ปาติโมกฺขสํวรํ, สติสีเสน อินฺทฺริยสํวรํ, วีริยสีเสน อาชีวปาริสุทฺธึ, ปฺาสีเสน ปจฺจยปฏิเสวนํ ปูเรติ อยํ อตฺถกุสโล.

โย วา สตฺตาปตฺติกฺขนฺธโสธนวเสน ปาติโมกฺขสํวรํ, ฉทฺวาเร ฆฏฺฏิตารมฺมเณสุ อภิชฺฌาทีนํ อนุปฺปตฺติวเสน อินฺทฺริยสํวรํ, อเนสนปริวชฺชนวเสน วิฺุปสตฺถพุทฺธพุทฺธสาวกวณฺณิตปจฺจยปฏิเสวเนน จ อาชีวปาริสุทฺธึ, ยถาวุตฺตปจฺจเวกฺขณวเสน ปจฺจยปฏิเสวนํ, จตุอิริยาปถปริวตฺตเน สาตฺถกาทีนํ ปจฺจเวกฺขณวเสน สมฺปชฺฺจ โสเธติ, อยมฺปิ อตฺถกุสโล.

โย วา ยถา อูโสทกํ ปฏิจฺจ สํกิลิฏฺํ วตฺถํ ปริโยทายติ, ฉาริกํ ปฏิจฺจ อาทาโส, อุกฺกามุขํ ปฏิจฺจ ชาตรูปํ, ตถา าณํ ปฏิจฺจ สีลํ โวทายตีติ ตฺวา าโณทเกน โธวนฺโต สีลํ ปริโยทาเปติ. ยถา จ กิกี สกุณิกา อณฺฑํ, จมรีมิโค วาลธึ, เอกปุตฺติกา นารี ปิยํ เอกปุตฺตกํ, เอกนยโน ปุริโส ตํ เอกนยนํ รกฺขติ, ตถา อติวิย อปฺปมตฺโต อตฺตโน สีลกฺขนฺธํ รกฺขติ, สายํปาตํ ปจฺจเวกฺขมาโน อณุมตฺตมฺปิ วชฺชํ น ปสฺสติ, อยมฺปิ อตฺถกุสโล.

โย วา ปน อวิปฺปฏิสารกรสีเล ปติฏฺาย กิเลสวิกฺขมฺภนปฏิปทํ ปคฺคณฺหาติ, ตํ ปคฺคเหตฺวา กสิณปริกมฺมํ กโรติ, กสิณปริกมฺมํ กตฺวา สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตติ, อยมฺปิ อตฺถกุสโล. โย วา ปน สมาปตฺติโต วุฏฺาย สงฺขาเร สมฺมสิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณาติ, อยํ อตฺถกุสลานํ อคฺโค.

ตตฺถ เย อิเม ยาว อวิปฺปฏิสารกรสีเล ปติฏฺาเนน, ยาว วา กิเลสวิกฺขมฺภนปฏิปทาย ปคฺคหเณน มคฺคผเลน วณฺณิตา อตฺถกุสลา, เต อิมสฺมึ อตฺเถ อตฺถกุสลาติ อธิปฺเปตา. ตถาวิธา จ เต ภิกฺขู. เตน ภควา เต ภิกฺขู สนฺธาย เอกปุคฺคลาธิฏฺานาย เทสนาย ‘‘กรณียมตฺถกุสเลนา’’ติ อาห.

ตโต ‘‘กึ กรณีย’’นฺติ เตสํ สฺชาตกงฺขานํ อาห ‘‘ยนฺต สนฺตํ ปทํ อภิสเมจฺจา’’ติ. อยเมตฺถ อธิปฺปาโย – ตํ พุทฺธานุพุทฺเธหิ วณฺณิตํ สนฺตํ นิพฺพานปทํ ปฏิเวธวเสน อภิสเมจฺจ วิหริตุกาเมน ยํ กรณียนฺติ. เอตฺถ จ นฺติ อิมสฺส คาถาปาทสฺส อาทิโต วุตฺตเมว กรณียนฺติ. อธิการโต อนุวตฺตติ ตํ สนฺตํ ปทํ อภิสเมจฺจาติ. อยํ ปน ยสฺมา สาวเสสปาโ อตฺโถ, ตสฺมา ‘‘วิหริตุกาเมนา’’ติ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.

อถ วา สนฺตํ ปทํ อภิสเมจฺจาติ อนุสฺสวาทิวเสน โลกิยปฺาย นิพฺพานปทํ สนฺตนฺติ ตฺวา ตํ อธิคนฺตุกาเมน ยนฺตํ กรณียนฺติ อธิการโต อนุวตฺตติ, ตํ กรณียมตฺถกุสเลนาติ เอวมฺเปตฺถ อธิปฺปาโย เวทิตพฺโพ. อถ วา ‘‘กรณียมตฺถกุสเลนา’’ติ วุตฺเต ‘‘กิ’’นฺติ จินฺเตนฺตานํ อาห ‘‘ยนฺต สนฺตํ ปทํ อภิสเมจฺจา’’ติ. ตสฺเสวํ อธิปฺปาโย เวทิตพฺโพ – โลกิยปฺาย สนฺตํ ปทํ อภิสเมจฺจ ยํ กรณียํ, ตนฺติ. ยํ กาตพฺพํ, ตํ กรณียํ, กรณารหเมว ตนฺติ วุตฺตํ โหติ.

กึ ปน ตนฺติ? กิมฺํ สิยา อฺตฺร ตทธิคมูปายโต. กามฺเจตํ กรณารหตฺเถน สิกฺขตฺตยทีปเกน อาทิปเทเนว วุตฺตํ. ตถา หิ ตสฺส อตฺถวณฺณนายํ อโวจุมฺหา ‘‘อตฺถิ กรณียํ อตฺถิ อกรณียํ. ตตฺถ สงฺเขปโต สิกฺขตฺตยํ กรณีย’’นฺติ. อติสงฺเขปเทสิตตฺตา ปน เตสํ ภิกฺขูนํ เกหิจิ วิฺาตํ, เกหิจิ น วิฺาตํ. ตโต เยหิ น วิฺาตํ, เตสํ วิฺาปนตฺถํ ยํ วิเสสโต อารฺเกน ภิกฺขุนา กาตพฺพํ, ตํ วิตฺถาเรนฺโต ‘‘สกฺโก อุชู จ สุหุชู จ, สุวโจ จสฺส มุทุ อนติมานี’’ติ อิมํ ตาว อุปฑฺฒคาถํ อาห.

กึ วุตฺตํ โหติ? สนฺตํ ปทํ อภิสเมจฺจ วิหริตุกาโม โลกิยปฺาย วา ตํ อภิสเมจฺจ ตทธิคมาย ปฏิปชฺชมาโน อารฺโก ภิกฺขุ ทุติยจตุตฺถปธานิยงฺคสมนฺนาคเมน กาเย จ ชีวิเต จ อนเปกฺโข หุตฺวา สจฺจปฏิเวธาย ปฏิปชฺชิตุํ สกฺโก อสฺส, ตถา กสิณปริกมฺมวตฺตสมาทานาทีสุ, อตฺตโน ปตฺตจีวรปฏิสงฺขรณาทีสุ จ ยานิ ตานิ สพฺรหฺมจารีนํ อุจฺจาวจานิ กึ กรณียานิ, เตสุ อฺเสุ จ เอวรูเปสุ สกฺโก อสฺส ทกฺโข อนลโส สมตฺโถ. สกฺโก โหนฺโตปิ จ ตติยปธานิยงฺคสมนฺนาคเมน อุชุ อสฺส. อุชุ โหนฺโตปิ จ สกึ อุชุภาเวน สนฺโตสํ อนาปชฺชิตฺวา ยาวชีวํ ปุนปฺปุนํ อสิถิลกรเณน สุฏฺุตรํ อุชุ อสฺส. อสตาย วา อุชุ, อมายาวิตาย สุหุชุ. กายวจีวงฺกปฺปหาเนน วา อุชุ, มโนวงฺกปฺปหาเนน สุหุชุ. อสนฺตคุณสฺส วา อนาวิกรเณน อุชุ, อสนฺตคุเณน อุปฺปนฺนสฺส ลาภสฺส อนธิวาสเนน สุหุชุ. เอวํ อารมฺมณลกฺขณูปนิชฺฌาเนหิ ปุริมทฺวยตติยสิกฺขาหิ ปโยคาสยสุทฺธีหิ จ อุชุ จ สุหุชุ จ อสฺส.

เกวลฺจ อุชุ จ สุหุชุ จ, อปิจ ปน สุพฺพโจ จ อสฺส. โย หิ ปุคฺคโล ‘‘อิทํ น กาตพฺพ’’นฺติ วุตฺโต ‘‘กึ เต ทิฏฺํ, กึ เต สุตํ, โก เม หุตฺวา วทสิ, กึ อุปชฺฌาโย อาจริโย สนฺทิฏฺโ สมฺภตฺโต วา’’ติ วทติ, ตุณฺหีภาเวน วา ตํ วิเหเติ, สมฺปฏิจฺฉิตฺวา วา น ตถา กโรติ, โส วิเสสาธิคมสฺส ทูเร โหติ. โย ปน โอวทิยมาโน ‘‘สาธุ, ภนฺเต, สุฏฺุ วุตฺตํ, อตฺตโน วชฺชํ นาม ทุทฺทสํ โหติ, ปุนปิ มํ เอวรูปํ ทิสฺวา วเทยฺยาถ อนุกมฺปํ อุปาทาย, จิรสฺสํ เม ตุมฺหากํ สนฺติกา โอวาโท ลทฺโธ’’ติ วทติ, ยถานุสิฏฺฺจ ปฏิปชฺชติ, โส วิเสสาธิคมสฺส อวิทูเร โหติ. ตสฺมา เอวํ ปรสฺส วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา กโรนฺโต สุพฺพโจ จ อสฺส.

ยถา จ สุวโจ, เอวํ มุทุ อสฺส. มุทูติ คหฏฺเหิ ทูตคมนปฺปหิณคมนาทีสุ นิยุฺชิยมาโน ตตฺถ มุทุภาวํ อกตฺวา ถทฺโธ หุตฺวา วตฺตปฏิปตฺติยํ สกลพฺรหฺมจริเย จ มุทุ อสฺส สุปริกมฺมกตสุวณฺณํ วิย ตตฺถ ตตฺถ วินิโยคกฺขโม. อถ วา มุทูติ อภากุฏิโก อุตฺตานมุโข สุขสมฺภาโส ปฏิสนฺถารวุตฺติ สุติตฺถํ วิย สุขาวคาโห อสฺส. น เกวลฺจ มุทุ, อปิจ ปน อนติมานี อสฺส, ชาติโคตฺตาทีหิ อติมานวตฺถูหิ ปเร นาติมฺเยฺย, สาริปุตฺตตฺเถโร วิย จณฺฑาลกุมารกสเมน เจตสา วิหเรยฺยาติ.

๑๔๔. เอวํ ภควา สนฺตํ ปทํ อภิสเมจฺจ วิหริตุกามสฺส ตทธิคมาย วา ปฏิปชฺชมานสฺส วิเสสโต อารฺกสฺส ภิกฺขุโน เอกจฺจํ กรณียํ วตฺวา ปุน ตตุตฺตริปิ วตฺตุกาโม ‘‘สนฺตุสฺสโก จา’’ติ ทุติยํ คาถมาห.

ตตฺถ ‘‘สนฺตุฏฺี จ กตฺุตา’’ติ เอตฺถ วุตฺตปฺปเภเทน ทฺวาทสวิเธน สนฺโตเสน สนฺตุสฺสตีติ สนฺตุสฺสโก. อถ วา ตุสฺสตีติ ตุสฺสโก, สเกน ตุสฺสโก, สนฺเตน ตุสฺสโก, สเมน ตุสฺสโกติ สนฺตุสฺสโก. ตตฺถ สกํ นาม ‘‘ปิณฺฑิยาโลปโภชนํ นิสฺสายา’’ติ (มหาว. ๗๓) เอวํ อุปสมฺปทมาฬเก อุทฺทิฏฺํ อตฺตนา จ สมฺปฏิจฺฉิตํ จตุปจฺจยชาตํ. เตน สุนฺทเรน วา อสุนฺทเรน วา สกฺกจฺจํ วา อสกฺกจฺจํ วา ทินฺเนน ปฏิคฺคหณกาเล ปริโภคกาเล จ วิการมทสฺเสตฺวา ยาเปนฺโต ‘‘สเกน ตุสฺสโก’’ติ วุจฺจติ. สนฺตํ นาม ยํ ลทฺธํ โหติ อตฺตโน วิชฺชมานํ, เตน สนฺเตเนว ตุสฺสนฺโต ตโต ปรํ น ปตฺเถนฺโต อตฺริจฺฉตํ ปชหนฺโต ‘‘สนฺเตน ตุสฺสโก’’ติ วุจฺจติ. สมํ นาม อิฏฺานิฏฺเสุ อนุนยปฏิฆปฺปหานํ. เตน สเมน สพฺพารมฺมเณสุ ตุสฺสนฺโต ‘‘สเมน ตุสฺสโก’’ติ วุจฺจติ.

สุเขน ภรียตีติ สุภโร, สุโปโสติ วุตฺตํ โหติ. โย หิ ภิกฺขุ สาลิมํโสทนาทีนํ ปตฺเต ปูเรตฺวา ทินฺเนปิ ทุมฺมุขภาวํ อนตฺตมนภาวเมว จ ทสฺเสติ, เตสํ วา สมฺมุขาว ตํ ปิณฺฑปาตํ ‘‘กึ ตุมฺเหหิ ทินฺน’’นฺติ อปสาเทนฺโต สามเณรคหฏฺาทีนํ เทติ, เอส ทุพฺภโร. เอตํ ทิสฺวา มนุสฺสา ทูรโตว ปริวชฺเชนฺติ ‘‘ทุพฺภโร ภิกฺขุ น สกฺกา โปสิตุ’’นฺติ. โย ปน ยํกิฺจิ ลูขํ วา ปณีตํ วา อปฺปํ วา พหุํ วา ลภิตฺวา อตฺตมโน วิปฺปสนฺนมุโข หุตฺวา ยาเปติ, เอส สุภโร. เอตํ ทิสฺวา มนุสฺสา อติวิย วิสฺสตฺถา โหนฺติ – ‘‘อมฺหากํ ภทนฺโต สุภโร โถกโถเกนปิ ตุสฺสติ, มยเมว นํ โปเสสฺสามา’’ติ ปฏิฺํ กตฺวา โปเสนฺติ. เอวรูโป อิธ สุภโรติ อธิปฺเปโต.

อปฺปํ กิจฺจมสฺสาติ อปฺปกิจฺโจ, น กมฺมารามตาภสฺสารามตาสงฺคณิการามตาทิอเนกกิจฺจพฺยาวโฏ. อถ วา สกลวิหาเร นวกมฺมสงฺฆโภคสามเณรอารามิกโวสาสนาทิกิจฺจวิรหิโต, อตฺตโน เกสนขจฺเฉทนปตฺตจีวรปริกมฺมาทึ กตฺวา สมณธมฺมกิจฺจปโร โหตีติ วุตฺตํ โหติ.

สลฺลหุกา วุตฺติ อสฺสาติ สลฺลหุกวุตฺติ. ยถา เอกจฺโจ พหุภณฺโฑ ภิกฺขุ ทิสาปกฺกมนกาเล พหุํ ปตฺตจีวรปจฺจตฺถรณเตลคุฬาทึ มหาชเนน สีสภารกฏิภาราทีหิ อุจฺจาราเปตฺวา ปกฺกมติ, เอวํ อหุตฺวา โย อปฺปปริกฺขาโร โหติ, ปตฺตจีวราทิอฏฺสมณปริกฺขารมตฺตเมว ปริหรติ, ทิสาปกฺกมนกาเล ปกฺขี สกุโณ วิย สมาทาเยว ปกฺกมติ, เอวรูโป อิธ สลฺลหุกวุตฺตีติ อธิปฺเปโต. สนฺตานิ อินฺทฺริยานิ อสฺสาติ สนฺตินฺทฺริโย, อิฏฺารมฺมณาทีสุ ราคาทิวเสน อนุทฺธตินฺทฺริโยติ วุตฺตํ โหติ. นิปโกติ วิฺู วิภาวี ปฺวา, สีลานุรกฺขณปฺาย จีวราทิวิจารณปฺาย อาวาสาทิสตฺตสปฺปายปริชานนปฺาย จ สมนฺนาคโตติ อธิปฺปาโย.

น ปคพฺโภติ อปฺปคพฺโภ, อฏฺฏฺาเนน กายปาคพฺภิเยน, จตุฏฺาเนน วจีปาคพฺภิเยน, อเนกฏฺาเนน มโนปาคพฺภิเยน จ วิรหิโตติ อตฺโถ.

อฏฺฏฺานํ กายปาคพฺภิยํ (มหานิ. ๘๗) นาม สงฺฆคณปุคฺคลโภชนสาลาชนฺตาฆรนฺหานติตฺถภิกฺขาจารมคฺคอนฺตรฆรปเวสเนสุ กาเยน อปฺปติรูปกรณํ. เสยฺยถิทํ – อิเธกจฺโจ สงฺฆมชฺเฌ ปลฺลตฺถิกาย วา นิสีทติ, ปาเท ปาทโมทหิตฺวา วาติ เอวมาทิ, ตถา คณมชฺเฌ, คณมชฺเฌติ จตุปริสสนฺนิปาเต, ตถา วุฑฺฒตเร ปุคฺคเล. โภชนสาลายํ ปน วุฑฺฒานํ อาสนํ น เทติ, นวานํ อาสนํ ปฏิพาหติ, ตถา ชนฺตาฆเร. วุฑฺเฒ เจตฺถ อนาปุจฺฉา อคฺคิชาลนาทีนิ กโรติ. นฺหานติตฺเถ จ ยทิทํ ‘‘ทหโร วุฑฺโฒติ ปมาณํ อกตฺวา อาคตปฏิปาฏิยา นฺหายิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ, ตมฺปิ อนาทิยนฺโต ปจฺฉา อาคนฺตฺวา อุทกํ โอตริตฺวา วุฑฺเฒ จ นเว จ พาเธติ. ภิกฺขาจารมคฺเค ปน อคฺคาสนอคฺโคทกอคฺคปิณฺฑตฺถํ วุฑฺฒานํ ปุรโต ปุรโต ยาติ พาหาย พาหํ ปหรนฺโต, อนฺตรฆรปฺปเวสเน วุฑฺฒานํ ปมตรํ ปวิสติ, ทหเรหิ กายกีฬนํ กโรตีติ เอวมาทิ.

จตุฏฺานํ วจีปาคพฺภิยํ นาม สงฺฆคณปุคฺคลอนฺตรฆเรสุ อปฺปติรูปวาจานิจฺฉารณํ. เสยฺยถิทํ – อิเธกจฺโจ สงฺฆมชฺเฌ อนาปุจฺฉา ธมฺมํ ภาสติ, ตถา ปุพฺเพ วุตฺตปฺปกาเร คเณ วุฑฺฒตเร ปุคฺคเล จ. ตตฺถ มนุสฺเสหิ ปฺหํ ปุฏฺโ วุฑฺฒตรํ อนาปุจฺฉา วิสฺสชฺเชติ. อนฺตรฆเร ปน ‘‘อิตฺถนฺนาเม กึ อตฺถิ, กึ ยาคุ อุทาหุ ขาทนียํ โภชนียํ, กึ เม ทสฺสสิ, กิมชฺช ขาทิสฺสามิ, กึ ภุฺชิสฺสามิ, กึ ปิวิสฺสามี’’ติ เอทมาทึ ภาสติ.

อเนกฏฺานํ มโนปาคพฺภิยํ นาม เตสุ เตสุ าเนสุ กายวาจาหิ อชฺฌาจารํ อนาปชฺชิตฺวาปิ มนสา เอว กามวิตกฺกาทินานปฺปการอปฺปติรูปวิตกฺกนํ.

กุเลสฺวนนุคิทฺโธติ ยานิ กุลานิ อุปสงฺกมติ, เตสุ ปจฺจยตณฺหาย วา อนนุโลมิยคิหิสํสคฺควเสน วา อนนุคิทฺโธ, น สหโสกี, น สหนนฺที, น สุขิเตสุ สุขิโต, น ทุกฺขิเตสุ ทุกฺขิโต, น อุปฺปนฺเนสุ กิจฺจกรณีเยสุ อตฺตนา วา โยคมาปชฺชิตาติ วุตฺตํ โหติ. อิมิสฺสา จ คาถาย ยํ ‘‘สุวโจ จสฺสา’’ติ เอตฺถ วุตฺตํ ‘‘อสฺสา’’ติ วจนํ, ตํ สพฺพปเทหิ สทฺธึ ‘‘สนฺตุสฺสโก จ อสฺส, สุภโร จ อสฺสา’’ติ เอวํ โยเชตพฺพํ.

๑๔๕. เอวํ ภควา สนฺตํ ปทํ อภิสเมจฺจ วิหริตุกามสฺส ตทธิคมาย วา ปฏิปชฺชิตุกามสฺส วิเสสโต อารฺกสฺส ภิกฺขุโน ตตุตฺตริปิ กรณียํ อาจิกฺขิตฺวา อิทานิ อกรณียมฺปิ อาจิกฺขิตุกาโม ‘‘น จ ขุทฺทมาจเร กิฺจิ, เยน วิฺู ปเร อุปวเทยฺยุ’’นฺติ อิมํ อุปฑฺฒคาถมาห. ตสฺสตฺโถ – เอวมิมํ กรณียํ กโรนฺโต ยํ ตํ กายวจีมโนทุจฺจริตํ ขุทฺทํ ลามกนฺติ วุจฺจติ, ตํ น จ ขุทฺทํ สมาจเร. อสมาจรนฺโต จ น เกวลํ โอฬาริกํ, กึ ปน กิฺจิ น สมาจเร, อปฺปมตฺตกํ อณุมตฺตมฺปิ น สมาจเรติ วุตฺตํ โหติ.

ตโต ตสฺส สมาจาเร สนฺทิฏฺิกเมวาทีนวํ ทสฺเสติ ‘‘เยน วิฺู ปเร อุปวเทยฺยุ’’นฺติ. เอตฺถ จ ยสฺมา อวิฺู ปเร อปฺปมาณํ. เต หิ อนวชฺชํ วา สาวชฺชํ กโรนฺติ, อปฺปสาวชฺชํ วา มหาสาวชฺชํ. วิฺู เอว ปน ปมาณํ. เต หิ อนุวิจฺจ ปริโยคาเหตฺวา อวณฺณารหสฺส อวณฺณํ ภาสนฺติ, วณฺณารหสฺส จ วณฺณํ ภาสนฺติ, ตสฺมา ‘‘วิฺู ปเร’’ติ วุตฺตํ.

เอวํ ภควา อิมาหิ อฑฺฒเตยฺยาหิ คาถาหิ สนฺตํ ปทํ อภิสเมจฺจ วิหริตุกามสฺส, ตทธิคมาย วา ปฏิปชฺชิตุกามสฺส วิเสสโต อารฺกสฺส อารฺกสีเสน จ สพฺเพสมฺปิ กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา วิหริตุกามานํ กรณียากรณียเภทํ กมฺมฏฺานูปจารํ วตฺวา อิทานิ เตสํ ภิกฺขูนํ ตสฺส เทวตาภยสฺส ปฏิฆาตาย ปริตฺตตฺถํ วิปสฺสนาปาทกชฺฌานวเสน กมฺมฏฺานตฺถฺจ ‘‘สุขิโน ว เขมิโน โหนฺตู’’ติอาทินา นเยน เมตฺตกถํ กเถตุมารทฺโธ.

ตตฺถ สุขิโนติ สุขสมงฺคิโน. เขมิโนติ เขมวนฺโต, อภยา นิรุปทฺทวาติ วุตฺตํ โหติ. สพฺเพติ อนวเสสา. สตฺตาติ ปาณิโน. สุขิตตฺตาติ สุขิตจิตฺตา. เอตฺถ จ กายิเกน สุเขน สุขิโน, มานเสน สุขิตตฺตา, ตทุภเยนาปิ สพฺพภยูปทฺทววิคเมน วา เขมิโนติ เวทิตพฺพา. กสฺมา ปน เอวํ วุตฺตํ? เมตฺตาภาวนาการทสฺสนตฺถํ. เอวฺหิ เมตฺตา ภาเวตพฺพา ‘‘สพฺเพ สตฺตา สุขิโน โหนฺตู’’ติ วา, ‘‘เขมิโน โหนฺตู’’ติ วา, ‘‘สุขิตตฺตา โหนฺตู’’ติ วา.

๑๔๖. เอวํ ยาว อุปจารโต อปฺปนาโกฏิ, ตาว สงฺเขเปน เมตฺตาภาวนํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ วิตฺถารโตปิ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘เย เกจี’’ติ คาถาทฺวยมาห. อถ วา ยสฺมา ปุถุตฺตารมฺมเณ ปริจิตํ จิตฺตํ น อาทิเกเนว เอกตฺเต สณฺาติ, อารมฺมณปฺปเภทํ ปน อนุคนฺตฺวา กเมน สณฺาติ, ตสฺมา ตสฺส ตสถาวราทิทุกติกปฺปเภเท อารมฺมเณ อนุคนฺตฺวา อนุคนฺตฺวา สณฺานตฺถมฺปิ ‘‘เย เกจี’’ติ คาถาทฺวยมาห. อถ วา ยสฺมา ยสฺส ยํ อารมฺมณํ วิภูตํ โหติ, ตสฺส ตตฺถ จิตฺตํ สุขํ ติฏฺติ. ตสฺมา เตสํ ภิกฺขูนํ ยสฺส ยํ วิภูตํ อารมฺมณํ, ตสฺส ตตฺถ จิตฺตํ สณฺาเปตุกาโม ตสถาวราทิทุกตฺติกอารมฺมณปฺปเภททีปกํ ‘‘เย เกจี’’ติ อิมํ คาถาทฺวยมาห.

เอตฺถ หิ ตสถาวรทุกํ ทิฏฺาทิฏฺทุกํ ทูรสนฺติกทุกํ ภูตสมฺภเวสิทุกนฺติ จตฺตาริ ทุกานิ, ทีฆาทีหิ จ ฉหิ ปเทหิ มชฺฌิมปทสฺส ตีสุ, อณุกปทสฺส จ ทฺวีสุ ติเกสุ อตฺถสมฺภวโต ทีฆรสฺสมชฺฌิมตฺติกํ มหนฺตาณุกมชฺฌิมตฺติกํ ถูลาณุกมชฺฌิมตฺติกนฺติ ตโย ติเก ทีเปติ. ตตฺถ เย เกจีติ อนวเสสวจนํ. ปาณา เอว ภูตา ปาณภูตา. อถ วา ปาณนฺตีติ ปาณา. เอเตน อสฺสาสปสฺสาสปฏิพทฺเธ ปฺจโวการสตฺเต คณฺหาติ. ภวนฺตีติ ภูตา. เอเตน เอกโวการจตุโวการสตฺเต คณฺหาติ. อตฺถีติ สนฺติ, สํวิชฺชนฺติ.

เอวํ ‘‘เย เกจิ ปาณภูตตฺถี’’ติ อิมินา วจเนน ทุกตฺติเกหิ สงฺคเหตพฺเพ สพฺเพ สตฺเต เอกชฺฌํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ สพฺเพปิ เต ตสา วา ถาวรา วา อนวเสสาติ อิมินา ทุเกน สงฺคเหตฺวา ทสฺเสติ.

ตตฺถ ตสนฺตีติ ตสา, สตณฺหานํ สภยานฺเจตํ อธิวจนํ. ติฏฺนฺตีติ ถาวรา, ปหีนตณฺหาภยานํ อรหตํ เอตํ อธิวจนํ. นตฺถิ เตสํ อวเสสนฺติ อนวเสสา, สพฺเพปีติ วุตฺตํ โหติ. ยฺจ ทุติยคาถาย อนฺเต วุตฺตํ, ตํ สพฺพทุกติเกหิ สมฺพนฺธิตพฺพํ – เย เกจิ ปาณภูตตฺถิ ตสา วา ถาวรา วา อนวเสสา, อิเมปิ สพฺเพ สตฺตา ภวนฺตุ สุขิตตฺตา. เอวํ ยาว ภูตา วา สมฺภเวสี วา อิเมปิ สพฺเพ สตฺตา ภวนฺตุ สุขิตตฺตาติ.

อิทานิ ทีฆรสฺสมชฺฌิมาทิติกตฺตยทีปเกสุ ทีฆา วาติอาทีสุ ฉสุ ปเทสุ ทีฆาติ ทีฆตฺตภาวา นาคมจฺฉโคธาทโย. อเนกพฺยามสตปฺปมาณาปิ หิ มหาสมุทฺเท นาคานํ อตฺตภาวา อเนกโยชนปฺปมาณาปิ มจฺฉโคธาทีนํ อตฺตภาวา โหนฺติ. มหนฺตาติ มหนฺตตฺตภาวา ชเล มจฺฉกจฺฉปาทโย, ถเล หตฺถินาคาทโย, อมนุสฺเสสุ ทานวาทโย. อาห จ – ‘‘ราหุคฺคํ อตฺตภาวีน’’นฺติ (อ. นิ. ๔.๑๕). ตสฺส หิ อตฺตภาโว อุพฺเพเธน จตฺตาริ โยชนสหสฺสานิ อฏฺ จ โยชนสตานิ, พาหู ทฺวาทสโยชนสตปริมาณา, ปฺาสโยชนํ ภมุกนฺตรํ, ตถา องฺคุลนฺตริกา, หตฺถตลานิ ทฺเว โยชนสตานีติ. มชฺฌิมาติ อสฺสโคณมหึสสูกราทีนํ อตฺตภาวา. รสฺสกาติ ตาสุ ตาสุ ชาตีสุ วามนาทโย ทีฆมชฺฌิเมหิ โอมกปฺปมาณา สตฺตา. อณุกาติ มํสจกฺขุสฺส อโคจรา, ทิพฺพจกฺขุวิสยา อุทกาทีสุ นิพฺพตฺตา สุขุมตฺตภาวา สตฺตา, อูกาทโย วา. อปิจ เย ตาสุ ตาสุ ชาตีสุ มหนฺตมชฺฌิเมหิ ถูลมชฺฌิเมหิ จ โอมกปฺปมาณา สตฺตา, เต อณุกาติ เวทิตพฺพา. ถูลาติ ปริมณฺฑลตฺตภาวา มจฺฉกุมฺมสิปฺปิกสมฺพุกาทโย สตฺตา.

๑๔๗. เอวํ ตีหิ ติเกหิ อนวเสสโต สตฺเต ทสฺเสตฺวา อิทานิ ‘‘ทิฏฺา วา เยว อทิฏฺา’’ติอาทีหิ ตีหิ ทุเกหิปิ เต สงฺคเหตฺวา ทสฺเสติ.

ตตฺถ ทิฏฺาติ เย อตฺตโน จกฺขุสฺส อาปาถมาคตวเสน ทิฏฺปุพฺพา. อทิฏฺาติ เย ปรสมุทฺทปรเสลปรจกฺกวาฬาทีสุ ิตา. ‘‘เยว ทูเร วสนฺติ อวิทูเร’’ติ อิมินา ปน ทุเกน อตฺตโน อตฺตภาวสฺส ทูเร จ อวิทูเร จ วสนฺเต สตฺเต ทสฺเสติ. เต อุปาทายุปาทาวเสน เวทิตพฺพา. อตฺตโน หิ กาเย วสนฺตา สตฺตา อวิทูเร, พหิกาเย วสนฺตา ทูเร. ตถา อนฺโตอุปจาเร วสนฺตา อวิทูเร, พหิอุปจาเร วสนฺตา ทูเร. อตฺตโน วิหาเร คาเม ชนปเท ทีเป จกฺกวาเฬ วสนฺตา อวิทูเร, ปรจกฺกวาเฬ วสนฺตา ทูเร วสนฺตีติ วุจฺจนฺติ.

ภูตาติ ชาตา, อภินิพฺพตฺตา. เย ภูตา เอว, น ปุน ภวิสฺสนฺตีติ สงฺขฺยํ คจฺฉนฺติ, เตสํ ขีณาสวานเมตํ อธิวจนํ. สมฺภวเมสนฺตีติ สมฺภเวสี. อปฺปหีนภวสํโยชนตฺตา อายติมฺปิ สมฺภวํ เอสนฺตานํ เสกฺขปุถุชฺชนานเมตํ อธิวจนํ. อถ วา จตูสุ โยนีสุ อณฺฑชชลาพุชา สตฺตา ยาว อณฺฑโกสํ วตฺถิโกสฺจ น ภินฺทนฺติ, ตาว สมฺภเวสี นาม. อณฺฑโกสํ วตฺถิโกสฺจ ภินฺทิตฺวา พหิ นิกฺขนฺตา ภูตา นาม. สํเสทชา โอปปาติกา จ ปมจิตฺตกฺขเณ สมฺภเวสี นาม. ทุติยจิตฺตกฺขณโต ปภุติ ภูตา นาม. เยน วา อิริยาปเถน ชายนฺติ, ยาว ตโต อฺํ น ปาปุณนฺติ, ตาว สมฺภเวสี นาม. ตโต ปรํ ภูตาติ.

๑๔๘. เอวํ ภควา ‘‘สุขิโน วา’’ติอาทีหิ อฑฺฒเตยฺยาหิ คาถาหิ นานปฺปการโต เตสํ ภิกฺขูนํ หิตสุขาคมปตฺถนาวเสน สตฺเตสุ เมตฺตาภาวนํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อหิตทุกฺขานาคมปตฺถนาวเสนาปิ ตํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘น ปโร ปรํ นิกุพฺเพถา’’ติ. เอส โปราณปาโ, อิทานิ ปน ‘‘ปรํ หี’’ติปิ ปนฺติ, อยํ น โสภโน.

ตตฺถ ปโรติ ปรชโน. ปรนฺติ ปรชนํ. น นิกุพฺเพถาติ น วฺเจยฺย. นาติมฺเถาติ น อติกฺกมิตฺวา มฺเยฺย. กตฺถจีติ กตฺถจิ โอกาเส, คาเม วา นิคเม วา เขตฺเต วา าติมชฺเฌ วา ปูคมชฺเฌ วาติอาทิ. นฺติ เอตํ. กฺจีติ ยํ กฺจิ ขตฺติยํ วา พฺราหฺมณํ วา คหฏฺํ วา ปพฺพชิตํ วา สุคตํ วา ทุคฺคตํ วาติอาทิ. พฺยาโรสนา ปฏิฆสฺาติ กายวจีวิกาเรหิ พฺยาโรสนาย จ, มโนวิกาเรน ปฏิฆสฺาย จ. ‘‘พฺยาโรสนาย ปฏิฆสฺายา’’ติ หิ วตฺตพฺเพ ‘‘พฺยาโรสนา ปฏิฆสฺา’’ติ วุจฺจติ ยถา ‘‘สมฺม ทฺาย วิมุตฺตา’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘สมฺม ทฺา วิมุตฺตา’’ติ, ยถา จ ‘‘อนุปุพฺพสิกฺขาย อนุปุพฺพกิริยาย อนุปุพฺพปฏิปทายา’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘อนุปุพฺพสิกฺขา อนุปุพฺพกิริยา อนุปุพฺพปฏิปทา’’ติ (อ. นิ. ๘.๑๙; อุทา. ๔๕; จูฬว. ๓๘๕). นาฺมฺสฺส ทุกฺขมิจฺเฉยฺยาติ อฺมฺสฺส ทุกฺขํ น อิจฺเฉยฺย. กึ วุตฺตํ โหติ? น เกวลํ ‘‘สุขิโน วา เขมิโน วา โหนฺตู’’ติอาทิ มนสิการวเสเนว เมตฺตํ ภาเวยฺย. กึ ปน ‘‘อโห วต โย โกจิ ปรปุคฺคโล ยํ กฺจิ ปรปุคฺคลํ วฺจนาทีหิ นิกตีหิ น นิกุพฺเพถ, ชาติอาทีหิ จ นวหิ มานวตฺถูหิ กตฺถจิ ปเทเส ยํ กฺจิ ปรปุคฺคลํ นาติมฺเยฺย, อฺมฺสฺส จ พฺยาโรสนาย วา ปฏิฆสฺาย วา ทุกฺขํ น อิจฺเฉยฺยา’’ติ เอวมฺปิ มนสิ กโรนฺโต ภาเวยฺยาติ.

๑๔๙. เอวํ อหิตทุกฺขานาคมปตฺถนาวเสน อตฺถโต เมตฺตาภาวนํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตเมว อุปมาย ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘มาตา ยถา นิยํ ปุตฺต’’นฺติ.

ตสฺสตฺโถ – ยถา มาตา นิยํ ปุตฺตํ อตฺตนิ ชาตํ โอรสํ ปุตฺตํ, ตฺจ เอกปุตฺตเมว อายุสา อนุรกฺเข, ตสฺส ทุกฺขาคมปฏิพาหนตฺถํ อตฺตโน อายุมฺปิ จชิตฺวา ตํ อนุรกฺเข, เอวมฺปิ สพฺพภูเตสุ อิทํ เมตฺตมานสํ ภาวเย, ปุนปฺปุนํ ชนเย วฑฺฒเย, ตฺจ อปริมาณสตฺตารมฺมณวเสน เอกสฺมึ วา สตฺเต อนวเสสผรณวเสน อปริมาณํ ภาวเยติ.

๑๕๐. เอวํ สพฺพากาเรน เมตฺตาภาวนํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตสฺเสว วฑฺฒนํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘เมตฺตฺจ สพฺพโลกสฺมี’’ติ.

ตตฺถ มิชฺชติ ตายติ จาติ มิตฺโต, หิตชฺฌาสยตาย สินิยฺหติ, อหิตาคมโต รกฺขติ จาติ อตฺโถ. มิตฺตสฺส ภาโว เมตฺตํ. สพฺพสฺมินฺติ อนวเสเส. โลกสฺมินฺติ สตฺตโลเก. มนสิ ภวนฺติ มานสํ. ตฺหิ จิตฺตสมฺปยุตฺตตฺตา เอวํ วุตฺตํ. ภาวเยติ วฑฺฒเย. นาสฺส ปริมาณนฺติ อปริมาณํ, อปฺปมาณสตฺตารมฺมณตาย เอวํ วุตฺตํ. อุทฺธนฺติ อุปริ. เตน อรูปภวํ คณฺหาติ. อโธติ เหฏฺา. เตน กามภวํ คณฺหาติ. ติริยนฺติ เวมชฺฌํ. เตน รูปภวํ คณฺหาติ. อสมฺพาธนฺติ สมฺพาธวิรหิตํ, ภินฺนสีมนฺติ วุตฺตํ โหติ. สีมา นาม ปจฺจตฺถิโก วุจฺจติ, ตสฺมิมฺปิ ปวตฺตนฺติ อตฺโถ. อเวรนฺติ เวรวิรหิตํ, อนฺตรนฺตราปิ เวรเจตนาปาตุภาววิรหิตนฺติ วุตฺตํ โหติ. อสปตฺตนฺติ วิคตปจฺจตฺถิกํ. เมตฺตาวิหารี หิ ปุคฺคโล มนุสฺสานํ ปิโย โหติ, อมนุสฺสานํ ปิโย โหติ, นาสฺส โกจิ ปจฺจตฺถิโก โหติ, เตนสฺส ตํ มานสํ วิคตปจฺจตฺถิกตฺตา ‘‘อสปตฺต’’นฺติ วุจฺจติ. ปริยายวจนฺหิ เอตํ, ยทิทํ ปจฺจตฺถิโก สปตฺโตติ. อยํ อนุปทโต อตฺถวณฺณนา.

อยํ ปเนตฺถ อธิปฺเปตตฺถวณฺณนา – ยเทตํ ‘‘เอวมฺปิ สพฺพภูเตสุ มานสํ ภาวเย อปริมาณ’’นฺติ วุตฺตํ. ตฺเจตํ อปริมาณํ เมตฺตํ มานสํ สพฺพโลกสฺมึ ภาวเย วฑฺฒเย, วุฑฺฒึ, วิรูฬฺหึ, เวปุลฺลํ คมเย. กถํ? อุทฺธํ อโธ จ ติริยฺจ, อุทฺธํ ยาว ภวคฺคา, อโธ ยาว อวีจิโต, ติริยํ ยาว อวเสสทิสา. อุทฺธํ วา อารุปฺปํ, อโธ กามธาตุํ, ติริยํ รูปธาตุํ อนวเสสํ ผรนฺโต. เอวํ ภาเวนฺโตปิ จ ตํ ยถา อสมฺพาธํ, อเวรํ, อสปตฺตฺจ, โหติ ตถา สมฺพาธเวรสปตฺตาภาวํ กโรนฺโต ภาวเย. ยํ วา ตํ ภาวนาสมฺปทํ ปตฺตํ สพฺพตฺถ โอกาสลาภวเสน อสมฺพาธํ. อตฺตโน ปเรสุ อาฆาตปฏิวินเยน อเวรํ, อตฺตนิ จ ปเรสํ อาฆาตปฏิวินเยน อสปตฺตํ โหติ, ตํ อสมฺพาธํ อเวรํ อสปตฺตํ อปริมาณํ เมตฺตํ มานสํ อุทฺธํ อโธ ติริยฺจาติ ติวิธปริจฺเฉเท สพฺพโลกสฺมึ ภาวเย วฑฺฒเยติ.

๑๕๑. เอวํ เมตฺตาภาวนาย วฑฺฒนํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตํ ภาวนมนุยุตฺตสฺส วิหรโต อิริยาปถนิยมาภาวํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ติฏฺํ จรํ…เป… อธิฏฺเยฺยา’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – เอวเมตํ เมตฺตํ มานสํ ภาเวนฺโต โส ‘‘นิสีทติ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา, อุชุํ กายํ ปณิธายา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๓๗๔; ม. นิ. ๑.๑๐๗; วิภ. ๕๐๘) วิย อิริยาปถนิยมํ อกตฺวา ยถาสุขํ อฺตรฺตรอิริยาปถพาธนวิโนทนํ กโรนฺโต ติฏฺํ วา จรํ วา นิสินฺโน วา สยาโน วา ยาวตา วิคตมิทฺโธ อสฺส, อถ เอตํ เมตฺตาฌานสฺสตึ อธิฏฺเยฺย.

อถ วา เอวํ เมตฺตาภาวนาย วฑฺฒนํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ วสีภาวํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ติฏฺํ จร’’นฺติ. วสิปฺปตฺโต หิ ติฏฺํ วา จรํ วา นิสินฺโน วา สยาโน วา ยาวตา อิริยาปเถน เอตํ เมตฺตาฌานสฺสตึ อธิฏฺาตุกาโม โหติ. อถ วา ติฏฺํ วา จรํ วาติ น ตสฺส านาทีนิ อนฺตรายกรานิ โหนฺติ, อปิจ โข โส ยาวตา เอตํ เมตฺตาฌานสฺสตึ อธิฏฺาตุกาโม โหติ, ตาวตา วิตมิทฺโธ หุตฺวา อธิฏฺาติ, นตฺถิ ตสฺส ตตฺถ ทนฺธายิตตฺตํ. เตนาห ‘‘ติฏฺํ จรํ นิสินฺโน ว สยาโน, ยาวตาสฺส วิตมิทฺโธ. เอตํ สตึ อธิฏฺเยฺยา’’ติ.

ตสฺสายมธิปฺปาโย – ยํ ตํ ‘‘เมตฺตฺจ สพฺพโลกสฺมิ, มานสํ ภาวเย’’ติ วุตฺตํ, ตํ ตถา ภาวเย, ยถา านาทีสุ ยาวตา อิริยาปเถน, านาทีนิ วา อนาทิยิตฺวา ยาวตา เอตํ เมตฺตาฌานสฺสตึ อธิฏฺาตุกาโม อสฺส, ตาวตา วิตมิทฺโธ หุตฺวา เอตํ สตึ อธิฏฺเยฺยาติ.

เอวํ เมตฺตาภาวนาย วสีภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอตํ สตึ อธิฏฺเยฺยา’’ติ ตสฺมึ เมตฺตาวิหาเร นิโยเชตฺวา อิทานิ ตํ วิหารํ ถุนนฺโต อาห ‘‘พฺรหฺมเมตํ วิหารมิธมาหู’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – ยฺวายํ ‘‘สุขิโนว เขมิโน โหนฺตู’’ติอาทึ กตฺวา ยาว ‘‘เอตํ สตึ อธิฏฺเยฺยา’’ติ สํวณฺณิโต เมตฺตาวิหาโร, เอตํ จตูสุ ทิพฺพพฺรหฺมอริยอิริยาปถวิหาเรสุ นิทฺโทสตฺตา อตฺตโนปิ ปเรสมฺปิ อตฺถกรตฺตา จ อิธ อริยสฺส ธมฺมวินเย พฺรหฺมวิหารมาหุ, เสฏฺวิหารมาหูติ. ยโต สตตํ สมิตํ อพฺโพกิณฺณํ ติฏฺํ จรํ นิสินฺโน วา สยาโน วา ยาวตาสฺส วิตมิทฺโธ, เอตํ สตึ อธิฏฺเยฺยาติ.

๑๕๒. เอวํ ภควา เตสํ ภิกฺขูนํ นานปฺปการโต เมตฺตาภาวนํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ยสฺมา เมตฺตา สตฺตารมฺมณตฺตา อตฺตทิฏฺิยา อาสนฺนา โหติ ตสฺมา ทิฏฺิคหณนิเสธนมุเขน เตสํ ภิกฺขูนํ ตเทว เมตฺตาฌานํ ปาทกํ กตฺวา อริยภูมิปฺปตฺตึ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ทิฏฺิฺจ อนุปคฺคมฺมา’’ติ. อิมาย คาถาย เทสนํ สมาเปสิ.

ตสฺสตฺโถ – ยฺวายํ ‘‘พฺรหฺมเมตํ วิหารมิธมาหู’’ติ สํวณฺณิโต เมตฺตาฌานวิหาโร, ตโต วุฏฺาย เย ตตฺถ วิตกฺกวิจาราทโย ธมฺมา, เต, เตสฺจ วตฺถาทิอนุสาเรน รูปธมฺเม ปริคฺคเหตฺวา อิมินา นามรูปปริจฺเฉเทน ‘‘สุทฺธสงฺขารปุฺโชยํ, น อิธ สตฺตูปลพฺภตี’’ติ (สํ. นิ. ๑.๑๗๑) เอวํ ทิฏฺิฺจ อนุปคฺคมฺม อนุปุพฺเพน โลกุตฺตรสีเลน สีลวา หุตฺวา โลกุตฺตรสีลสมฺปยุตฺเตเนว โสตาปตฺติมคฺคสมฺมาทิฏฺิสงฺขาเตน ทสฺสเนน สมฺปนฺโน. ตโต ปรํ โยปายํ วตฺถุกาเมสุ เคโธ กิเลสกาโม อปฺปหีโน โหติ, ตมฺปิ สกทาคามิอนาคามิมคฺเคหิ ตนุภาเวน อนวเสสปฺปหาเนน จ กาเมสุ เคธํ วิเนยฺย วินยิตฺวา วูปสเมตฺวา น หิ ชาตุ คพฺภเสยฺย ปุน เรติ เอกํเสเนว ปุน คพฺภเสยฺยํ น เอติ, สุทฺธาวาเสสุ นิพฺพตฺติตฺวา ตตฺเถว อรหตฺตํ ปาปุณิตฺวา ปรินิพฺพาตีติ.

เอวํ ภควา เทสนํ สมาเปตฺวา เต ภิกฺขู อาห – ‘‘คจฺฉถ, ภิกฺขเว, ตสฺมึเยว วนสณฺเฑ วิหรถ. อิมฺจ สุตฺตํ มาสสฺส อฏฺสุ ธมฺมสฺสวนทิวเสสุ คณฺฑึ อาโกเฏตฺวา อุสฺสาเรถ, ธมฺมกถํ กโรถ, สากจฺฉถ, อนุโมทถ, อิทเมว กมฺมฏฺานํ อาเสวถ, ภาเวถ, พหุลีกโรถ. เตปิ โว อมนุสฺสา ตํ เภรวารมฺมณํ น ทสฺเสสฺสนฺติ, อฺทตฺถุ อตฺถกามา หิตกามา ภวิสฺสนฺตี’’ติ. เต ‘‘สาธู’’ติ ภควโต ปฏิสฺสุณิตฺวา อุฏฺายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา, ปทกฺขิณํ กตฺวา, ตตฺถ คนฺตฺวา, ตถา อกํสุ. เทวตาโย จ ‘‘ภทนฺตา อมฺหากํ อตฺถกามา หิตกามา’’ติ ปีติโสมนสฺสชาตา หุตฺวา สยเมว เสนาสนํ สมฺมชฺชนฺติ, อุณฺโหทกํ ปฏิยาเทนฺติ, ปิฏฺิปริกมฺมปาทปริกมฺมํ กโรนฺติ, อารกฺขํ สํวิทหนฺติ. เต ภิกฺขู ตเถว เมตฺตํ ภาเวตฺวา ตเมว จ ปาทกํ กตฺวา วิปสฺสนํ อารภิตฺวา สพฺเพว ตสฺมึเยว อนฺโตเตมาเส อคฺคผลํ อรหตฺตํ ปาปุณิตฺวา มหาปวารณาย วิสุทฺธิปวารณํ ปวาเรสุนฺติ.

เอวฺหิ อตฺถกุสเลน ตถาคเตน,

ธมฺมิสฺสเรน กถิตํ กรณียมตฺถํ;

กตฺวานุภุยฺย ปรมํ หทยสฺส สนฺตึ,

สนฺตํ ปทํ อภิสเมนฺติ สมตฺตปฺา.

ตสฺมา หิ ตํ อมตมพฺภุตมริยกนฺตํ,

สนฺตํ ปทํ อภิสเมจฺจ วิหริตุกาโม;

วิฺู ชโน วิมลสีลสมาธิปฺา,

เภทํ กเรยฺย สตตํ กรณียมตฺถนฺติ.

ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย

สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย เมตฺตสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. เหมวตสุตฺตวณฺณนา

อชฺช ปนฺนรโสติ เหมวตสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? ปุจฺฉาวสิกา อุปฺปตฺติ. เหมวเตน หิ ปุฏฺโ ภควา ‘‘ฉสุ โลโก สมุปฺปนฺโน’’ติอาทีนิ อภาสิ. ตตฺถ ‘‘อชฺช ปนฺนรโส’’ติอาทิ สาตาคิเรน วุตฺตํ, ‘‘อิติ สาตาคิโร’’ติอาทิ สงฺคีติกาเรหิ, ‘‘กจฺจิมโน’’ติอาทิ เหมวเตน, ‘‘ฉสุ โลโก’’ติอาทิ ภควตา, ตํ สพฺพมฺปิ สโมธาเนตฺวา ‘‘เหมวตสุตฺต’’นฺติ วุจฺจติ. ‘‘สาตาคิริสุตฺต’’นฺติ เอกจฺเจหิ.

ตตฺถ ยายํ ‘‘อชฺช ปนฺนรโส’’ติอาทิ คาถา. ตสฺสา อุปฺปตฺติ – อิมสฺมึเยว ภทฺทกปฺเป วีสติวสฺสสหสฺสายุเกสุ ปุริเสสุ อุปฺปชฺชิตฺวา โสฬสวสฺสสหสฺสายุกานิ ตฺวา ปรินิพฺพุตสฺส ภควโต กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธสฺส มหติยา ปูชาย สรีรกิจฺจํ อกํสุ. ตสฺส ธาตุโย อวิกิริตฺวา สุวณฺณกฺขนฺโธ วิย เอกคฺฆนา หุตฺวา อฏฺํสุ. ทีฆายุกพุทฺธานฺหิ เอสา ธมฺมตา. อปฺปายุกพุทฺธา ปน ยสฺมา พหุตเรน ชเนน อทิฏฺา เอว ปรินิพฺพายนฺติ, ตสฺมา ธาตุปูชมฺปิ กตฺวา ‘‘ตตฺถ ตตฺถ ชนา ปุฺํ ปสวิสฺสนฺตี’’ติ อนุกมฺปาย ‘‘ธาตุโย วิกิรนฺตู’’ติ อธิฏฺหนฺติ. เตน เตสํ สุวณฺณจุณฺณานิ วิย ธาตุโย วิกิรนฺติ, เสยฺยถาปิ อมฺหากํ ภควโต.

มนุสฺสา ตสฺส ภควโต เอกํเยว ธาตุฆรํ กตฺวา เจติยํ ปติฏฺาเปสุํ โยชนํ อุพฺเพเธน ปริกฺเขเปน จ. ตสฺส เอเกกคาวุตนฺตรานิ จตฺตาริ ทฺวารานิ อเหสุํ. เอกํ ทฺวารํ กิกี ราชา อคฺคเหสิ; เอกํ ตสฺเสว ปุตฺโต ปถวินฺธโร นาม; เอกํ เสนาปติปมุขา อมจฺจา; เอกํ เสฏฺิปมุขา ชานปทา รตฺตสุวณฺณมยา เอกคฺฆนา สุวณฺณรสปฏิภาคา จ นานารตนมยา อิฏฺกา อเหสุํ เอเกกา สตสหสฺสคฺฆนิกา. เต หริตาลมโนสิลาหิ มตฺติกากิจฺจํ สุรภิเตเลน อุทกกิจฺจฺจ กตฺวา ตํ เจติยํ ปติฏฺาเปสุํ.

เอวํ ปติฏฺิเต เจติเย ทฺเว กุลปุตฺตา สหายกา นิกฺขมิตฺวา สมฺมุขสาวกานํ เถรานํ สนฺติเก ปพฺพชึสุ. ทีฆายุกพุทฺธานฺหิ สมฺมุขสาวกาเยว ปพฺพาเชนฺติ, อุปสมฺปาเทนฺติ, นิสฺสยํ เทนฺติ, อิตเร น ลภนฺติ. ตโต เต กุลปุตฺตา ‘‘สาสเน, ภนฺเต, กติ ธุรานี’’ติ ปุจฺฉึสุ. เถรา ‘‘ทฺเว ธุรานี’’ติ กเถสุํ – ‘‘วาสธุรํ, ปริยตฺติธุรฺจา’’ติ. ตตฺถ ปพฺพชิเตน กุลปุตฺเตน อาจริยุปชฺฌายานํ สนฺติเก ปฺจ วสฺสานิ วสิตฺวา, วตฺตปฏิวตฺตํ ปูเรตฺวา, ปาติโมกฺขํ ทฺเว ตีณิ ภาณวารสุตฺตนฺตานิ จ ปคุณํ กตฺวา, กมฺมฏฺานํ อุคฺคเหตฺวา, กุเล วา คเณ วา นิราลเยน อรฺํ ปวิสิตฺวา, อรหตฺตสจฺฉิกิริยาย ฆฏิตพฺพํ วายมิตพฺพํ, เอตํ วาสธุรํ. อตฺตโน ถาเมน ปน เอกํ วา นิกายํ ปริยาปุณิตฺวา ทฺเว วา ปฺจ วา นิกาเย ปริยตฺติโต จ อตฺถโต จ สุวิสทํ สาสนํ อนุยุฺชิตพฺพํ, เอตํ ปริยตฺติธุรนฺติ. อถ เต กุลปุตฺตา ‘‘ทฺวินฺนํ ธุรานํ วาสธุรเมว เสฏฺ’’นฺติ วตฺวา ‘‘มยํ ปนมฺหา ทหรา, วุฑฺฒกาเล วาสธุรํ ปริปูเรสฺสาม, ปริยตฺติธุรํ ตาว ปูเรมา’’ติ ปริยตฺตึ อารภึสุ. เต ปกติยาว ปฺวนฺโต นจิรสฺเสว สกเล พุทฺธวจเน ปกตฺโน วินเย จ อติวิย วินิจฺฉยกุสลา อเหสุํ. เตสํ ปริยตฺตึ นิสฺสาย ปริวาโร อุปฺปชฺชิ, ปริวารํ นิสฺสาย ลาโภ, เอกเมกสฺส ปฺจสตปฺจสตา ภิกฺขู ปริวารา อเหสุํ. เต สตฺถุสาสนํ ทีเปนฺตา วิหรึสุ, ปุน พุทฺธกาโล วิย อโหสิ.

ตทา ทฺเว ภิกฺขู คามกาวาเส วิหรนฺติ ธมฺมวาที จ อธมฺมวาที จ. อธมฺมวาที จณฺโฑ โหติ ผรุโส, มุขโร, ตสฺส อชฺฌาจาโร อิตรสฺส ปากโฏ โหติ. ตโต นํ ‘‘อิทํ เต, อาวุโส, กมฺมํ สาสนสฺส อปฺปติรูป’’นฺติ โจเทสิ. โส ‘‘กึ เต ทิฏฺํ, กึ สุต’’นฺติ วิกฺขิปติ. อิตโร ‘‘วินยธรา ชานิสฺสนฺตี’’ติ อาห. ตโต อธมฺมวาที ‘‘สเจ อิมํ วตฺถุํ วินยธรา วินิจฺฉินิสฺสนฺติ, อทฺธา เม สาสเน ปติฏฺา น ภวิสฺสตี’’ติ ตฺวา อตฺตโน ปกฺขํ กาตุกาโม ตาวเทว ปริกฺขาเร อาทาย เต ทฺเว เถเร อุปสงฺกมิตฺวา สมณปริกฺขาเร ทตฺวา เตสํ นิสฺสเยน วิหริตุมารทฺโธ. สพฺพฺจ เนสํ อุปฏฺานํ กโรนฺโต สกฺกจฺจํ วตฺตปฏิวตฺตํ ปูเรตุกาโม วิย อกาสิ. ตโต เอกทิวสํ อุปฏฺานํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา เตหิ วิสฺสชฺชิยมาโนปิ อฏฺาสิเยว. เถรา ‘‘กิฺจิ วตฺตพฺพมตฺถี’’ติ ตํ ปุจฺฉึสุ. โส ‘‘อาม, ภนฺเต, เอเกน เม ภิกฺขุนา สห อชฺฌาจารํ ปฏิจฺจ วิวาโท อตฺถิ. โส ยทิ ตํ วตฺถุํ อิธาคนฺตฺวา อาโรเจติ, ยถาวินิจฺฉยํ น วินิจฺฉินิตพฺพ’’นฺติ. เถรา ‘‘โอสฏํ วตฺถุํ ยถาวินิจฺฉยํ น วินิจฺฉินิตุํ น วฏฺฏตี’’ติ อาหํสุ. โส ‘‘เอวํ กริยมาเน, ภนฺเต, มม สาสเน ปติฏฺา นตฺถิ, มยฺเหตํ ปาปํ โหตุ, มา ตุมฺเห วินิจฺฉินถา’’ติ. เต เตน นิปฺปีฬิยมานา สมฺปฏิจฺฉึสุ. โส เตสํ ปฏิฺํ คเหตฺวา ปุน ตํ อาวาสํ คนฺตฺวา ‘‘สพฺพํ วินยธรานํ สนฺติเก นิฏฺิต’’นฺติ ตํ ธมฺมวาทึ สุฏฺุตรํ อวมฺนฺโต ผรุเสน สมุทาจรติ. ธมฺมวาที ‘‘นิสฺสงฺโก อยํ ชาโต’’ติ ตาวเทว นิกฺขมิตฺวา เถรานํ ปริวารํ ภิกฺขุสหสฺสํ อุปสงฺกมิตฺวา อาห – ‘‘นนุ, อาวุโส, โอสฏํ วตฺถุ ยถาธมฺมํ วินิจฺฉินิตพฺพํ, อโนสราเปตฺวา เอว วา อฺมฺํ อจฺจยํ เทสาเปตฺวา สามคฺคี กาตพฺพา. อิเม ปน เถรา เนว วตฺถุํ วินิจฺฉินึสุ, น สามคฺคึ อกํสุ. กึ นาเมต’’นฺติ? เตปิ สุตฺวา ตุณฺหี อเหสุํ – ‘‘นูน กิฺจิ อาจริเยหิ าต’’นฺติ. ตโต อธมฺมวาที โอกาสํ ลภิตฺวา ‘‘ตฺวํ ปุพฺเพ ‘วินยธรา ชานิสฺสนฺตี’ติ ภณสิ. อิทานิ เตสํ วินยธรานํ อาโรเจหิ ตํ วตฺถุ’’นฺติ ธมฺมวาทึ ปีเฬตฺวา ‘‘อชฺชตคฺเค ปราชิโต ตฺวํ, มา ตํ อาวาสํ อาคจฺฉี’’ติ วตฺวา ปกฺกามิ. ตโต ธมฺมวาที เถเร อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ตุมฺเห สาสนํ อนเปกฺขิตฺวา ‘อมฺเห อุปฏฺเสิ ปริโตเสสี’ติ ปุคฺคลเมว อเปกฺขิตฺถ, สาสนํ อรกฺขิตฺวา ปุคฺคลํ รกฺขิตฺถ, อชฺชตคฺเค ทานิ ตุมฺหากํ วินิจฺฉยํ วินิจฺฉินิตุํ น วฏฺฏติ, อชฺช ปรินิพฺพุโต กสฺสโป ภควา’’ติ มหาสทฺเทน กนฺทิตฺวา ‘‘นฏฺํ สตฺถุ สาสน’’นฺติ ปริเทวมาโน ปกฺกามิ.

อถ โข เต ภิกฺขู สํวิคฺคมานสา ‘‘มยํ ปุคฺคลมนุรกฺขนฺตา สาสนรตนํ โสพฺเภ ปกฺขิปิมฺหา’’ติ กุกฺกุจฺจํ อุปฺปาเทสุํ. เต เตเนว กุกฺกุจฺเจน อุปหตาสยตฺตา กาลํ กตฺวา สคฺเค นิพฺพตฺติตุมสกฺโกนฺตา เอกาจริโย หิมวติ เหมวเต ปพฺพเต นิพฺพตฺติ เหมวโต ยกฺโขติ นาเมน. ทุติยาจริโย มชฺฌิมเทเส สาตปพฺพเต สาตาคิโรติ นาเมน. เตปิ เนสํ ปริวารา ภิกฺขู เตสํเยว อนุวตฺติตฺวา สคฺเค นิพฺพตฺติตุมสกฺโกนฺตา เตสํ ปริวารา ยกฺขาว หุตฺวา นิพฺพตฺตึสุ. เตสํ ปน ปจฺจยทายกา คหฏฺา เทวโลเก นิพฺพตึสุ. เหมวตสาตาคิรา อฏฺวีสติยกฺขเสนาปตีนมพฺภนฺตรา มหานุภาวา ยกฺขราชาโน อเหสุํ.

ยกฺขเสนาปตีนฺจ อยํ ธมฺมตา – มาเส มาเส อฏฺ ทิวสานิ ธมฺมวินิจฺฉยตฺถํ หิมวติ มโนสิลาตเล นาควติมณฺฑเป เทวตานํ สนฺนิปาโต โหติ, ตตฺถ สนฺนิปติตพฺพนฺติ. อถ สาตาคิรเหมวตา ตสฺมึ สมาคเม อฺมฺํ ทิสฺวา สฺชานึสุ – ‘‘ตฺวํ, สมฺม, กุหึ อุปฺปนฺโน, ตฺวํ กุหิ’’นฺติ อตฺตโน อตฺตโน อุปฺปตฺติฏฺานฺจ ปุจฺฉิตฺวา วิปฺปฏิสาริโน อเหสุํ. ‘‘นฏฺา มยํ, สมฺม, ปุพฺเพ วีสติ วสฺสสหสฺสานิ สมณธมฺมํ กตฺวา เอกํ ปาปสหายํ นิสฺสาย ยกฺขโยนิยํ อุปฺปนฺนา, อมฺหากํ ปน ปจฺจยทายกา กามาวจรเทเวสุ นิพฺพตฺตา’’ติ. อถ สาตาคิโร อาห – ‘‘มาริส, หิมวา นาม อจฺฉริยพฺภุตสมฺมโต, กิฺจิ อจฺฉริยํ ทิสฺวา วา สุตฺวา วา มมาปิ อาโรเจยฺยาสี’’ติ. เหมวโตปิ อาห – ‘‘มาริส, มชฺฌิมเทโส นาม อจฺฉริยพฺภุตสมฺมโต, กิฺจิ อจฺฉริยํ ทิสฺวา วา สุตฺวา วา มมาปิ อาโรเจยฺยาสี’’ติ. เอวํ เตสุ ทฺวีสุ สหาเยสุ อฺมฺํ กติกํ กตฺวา, ตเมว อุปฺปตฺตึ อวิวชฺเชตฺวา วสมาเนสุ เอกํ พุทฺธนฺตรํ วีติวตฺตํ, มหาปถวี เอกโยชนติคาวุตมตฺตํ อุสฺสทา.

อถมฺหากํ โพธิสตฺโต ทีปงฺกรปาทมูเล กตปณิธาโน ยาว เวสฺสนฺตรชาตกํ, ตาว ปารมิโย ปูเรตฺวา, ตุสิตภวเน อุปฺปชฺชิตฺวา, ตตฺถ ยาวตายุกํ ตฺวา, ธมฺมปทนิทาเน วุตฺตนเยน เทวตาหิ อายาจิโต ปฺจ มหาวิโลกนานิ วิโลเกตฺวา, เทวตานํ อาโรเจตฺวา, ทฺวตฺตึสาย ปุพฺพนิมิตฺเตสุ วตฺตมาเนสุ อิธ ปฏิสนฺธึ อคฺคเหสิ ทสสหสฺสิโลกธาตุํ กมฺเปตฺวา. ตานิ ทิสฺวาปิ อิเม ราชยกฺขา ‘‘อิมินา การเณน นิพฺพตฺตานี’’ติ น ชานึสุ. ‘‘ขิฑฺฑาปสุตตฺตา เนวาทฺทสํสู’’ติ เอเก. เอส นโย ชาติยํ อภินิกฺขมเน โพธิยฺจ. ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตเน ปน ปฺจวคฺคิเย อามนฺเตตฺวา ภควติ ติปริวฏฺฏํ ทฺวาทสาการํ วรธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตนฺเต มหาภูมิจาลํ ปุพฺพนิมิตฺตํ ปาฏิหาริยานิ จ เอเตสํ เอโก สาตาคิโรเยว ปมํ อทฺทส. นิพฺพตฺติการณฺจ เตสํ ตฺวา สปริโส ภควนฺตํ อุปสงฺกมฺม ธมฺมเทสนํ อสฺโสสิ, น จ กิฺจิ วิเสสํ อธิคจฺฉิ. กสฺมา? โส หิ ธมฺมํ สุณนฺโต เหมวตํ อนุสฺสริตฺวา ‘‘อาคโต นุ โข เม สหายโก, โน’’ติ ปริสํ โอโลเกตฺวา ตํ อปสฺสนฺโต ‘‘วฺจิโต เม สหาโย, โย เอวํ วิจิตฺรปฏิภานํ ภควโต ธมฺมเทสนํ น สุณาตี’’ติ วิกฺขิตฺตจิตฺโต อโหสิ. ภควา จ อตฺถงฺคเตปิ จ สูริเย เทสนํ น นิฏฺาเปสิ.

อถ สาตาคิโร ‘‘สหายํ คเหตฺวา เตน สหาคมฺม ธมฺมเทสนํ โสสฺสามี’’ติ หตฺถิยานอสฺสยานครุฬยานาทีนิ มาเปตฺวา ปฺจหิ ยกฺขสเตหิ ปริวุโต หิมวนฺตาภิมุโข ปายาสิ, ตทา เหมวโตปิ. ยสฺมา ปฏิสนฺธิชาติ-อภินิกฺขมน-โพธิปรินิพฺพาเนสฺเวว ทฺวตฺตึส ปุพฺพนิมิตฺตานิ หุตฺวาว ปติวิคจฺฉนฺติ, น จิรฏฺิติกานิ โหนฺติ, ธมฺมจกฺกปวตฺตเน ปน ตานิ สวิเสสานิ หุตฺวา, จิรตรํ ตฺวา นิรุชฺฌนฺติ, ตสฺมา หิมวติ ตํ อจฺฉริยปาตุภาวํ ทิสฺวา ‘‘ยโต อหํ ชาโต, น กทาจิ อยํ ปพฺพโต เอวํ อภิราโม ภูตปุพฺโพ, หนฺท ทานิ มม สหายํ คเหตฺวา อาคมฺม เตน สห อิมํ ปุปฺผสิรึ อนุภวิสฺสามี’’ติ ตเถว มชฺฌิมเทสาภิมุโข อาคจฺฉติ. เต อุโภปิ ราชคหสฺส อุปริ สมาคนฺตฺวา อฺมฺสฺส อาคมนการณํ ปุจฺฉึสุ. เหมวโต อาห – ‘‘ยโต อหํ, มาริส, ชาโต, นายํ ปพฺพโต เอวํ อกาลกุสุมิเตหิ รุกฺเขหิ อภิราโม ภูตปุพฺโพ, ตสฺมา เอตํ ปุปฺผสิรึ ตยา สทฺธึ อนุภวิสฺสามีติ อาคโตมฺหี’’ติ. สาตาคิโร อาห – ‘‘ชานาสิ, ปน, ตฺวํ มาริส, เยน การเณน อิมํ อกาลปุปฺผปาฏิหาริยํ ชาต’’นฺติ? ‘‘น ชานามิ, มาริสา’’ติ. ‘‘อิมํ, มาริส, ปาฏิหาริยํ น เกวล หิมวนฺเตเยว, อปิจ โข ปน ทสสหสฺสิโลกธาตูสุ นิพฺพตฺตํ, สมฺมาสมฺพุทฺโธ โลเก อุปฺปนฺโน, อชฺช ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตสิ, เตน การเณนา’’ติ. เอวํ สาตาคิโร เหมวตสฺส พุทฺธุปฺปาทํ กเถตฺวา, ตํ ภควโต สนฺติกํ อาเนตุกาโม อิมํ คาถมาห. เกจิ ปน โคตมเก เจติเย วิหรนฺเต ภควติ อยเมวมาหาติ ภณนฺติ ‘‘อชฺช ปนฺนรโส’’ติ.

๑๕๓. ตตฺถ อชฺชาติ อยํ รตฺตินฺทิโว ปกฺขคณนโต ปนฺนรโส, อุปวสิตพฺพโต อุโปสโถ. ตีสุ วา อุโปสเถสุ อชฺช ปนฺนรโส อุโปสโถ, น จาตุทฺทสี อุโปสโถ, น สามคฺคีอุโปสโถ. ยสฺมา วา ปาติโมกฺขุทฺเทสอฏฺงฺคอุปวาสปฺตฺติทิวสาทีสุ สมฺพหุเลสุ อตฺเถสุ อุโปสถสทฺโท วตฺตติ. ‘‘อายามาวุโส, กปฺปิน, อุโปสถํ คมิสฺสามา’’ติอาทีสุ หิ ปาติโมกฺขุทฺเทเส อุโปสถสทฺโท. ‘‘เอวํ อฏฺงฺคสมนฺนาคโต โข วิสาเข อุโปสโถ อุปวุตฺโถ’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๘.๔๓) ปาณาติปาตา เวรมณิอาทิเกสุ อฏฺงฺเคสุ. ‘‘สุทฺธสฺส เว สทา ผคฺคุ, สุทฺธสฺสุโปสโถ สทา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๗๙) อุปวาเส. ‘‘อุโปสโถ นาม นาคราชา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๒๔๖; ม. นิ. ๓.๒๕๘) ปฺตฺติยํ. ‘‘ตทหุโปสเถ ปนฺนรเส สีสํนฺหาตสฺสา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๘๕; ม. นิ. ๓.๒๕๖) ทิวเส. ตสฺมา อวเสสตฺถํ ปฏิกฺขิปิตฺวา อาสาฬฺหีปุณฺณมทิวสํเยว นิยาเมนฺโต อาห – ‘‘อชฺช ปนฺนรโส อุโปสโถ’’ติ. ปาฏิปโท ทุติโยติ เอวํ คณิยมาเน อชฺช ปนฺนรโส ทิวโสติ อตฺโถ.

ทิวิ ภวานิ ทิพฺพานิ, ทิพฺพานิ เอตฺถ อตฺถีติ ทิพฺพา. กานิ ตานิ? รูปานิ. ตฺหิ รตฺตึ เทวานํ ทสสหสฺสิโลกธาตุโต สนฺนิปติตานํ สรีรวตฺถาภรณวิมานปฺปภาหิ อพฺภาทิอุปกฺกิเลสวิรหิตาย จนฺทปฺปภาย จ สกลชมฺพุทีโป อลงฺกโต อโหสิ. วิเสสาลงฺกโต จ ปรมวิสุทฺธิเทวสฺส ภควโต สรีรปฺปภาย. เตนาห ‘‘ทิพฺพา รตฺติ อุปฏฺิตา’’ติ.

เอวํ รตฺติคุณวณฺณนาปเทเสนาปิ สหายสฺส จิตฺตปฺปสาทํ ชเนนฺโต พุทฺธุปฺปาทํ กเถตฺวา อาห ‘‘อโนมนามํ สตฺถารํ, หนฺท ปสฺสาม โคตม’’นฺติ. ตตฺถ อโนเมหิ อลามเกหิ สพฺพาการปริปูเรหิ คุเณหิ นามํ อสฺสาติ อโนมนาโม. ตถา หิสฺส ‘‘พุชฺฌิตา สจฺจานีติ พุทฺโธ, โพเธตา ปชายาติ พุทฺโธ’’ติอาทินา (มหานิ. ๑๙๒; จูฬนิ. ปารายนตฺถุติคาถานิทฺเทส ๙๗; ปฏิ. ม. ๑.๑๖๒) นเยน พุทฺโธติ อโนเมหิ คุเณหิ นามํ, ‘‘ภคฺคราโคติ ภควา, ภคฺคโทโสติ ภควา’’ติอาทินา (มหานิ. ๘๔) นเยน จ อโนเมหิ คุเณหิ นามํ. เอส นโย ‘‘อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน’’ติอาทีสุ. ทิฏฺธมฺมิกาทีสุ อตฺเถสุ เทวมนุสฺเส อนุสาสติ ‘‘อิมํ ปชหถ, อิมํ สมาทาย วตฺตถา’’ติ สตฺถา. อปิจ ‘‘สตฺถา ภควา สตฺถวาโห, ยถา สตฺถวาโห สตฺเต กนฺตารํ ตาเรตี’’ติอาทินา (มหานิ. ๑๙๐) นิทฺเทเส วุตฺตนเยนาปิ สตฺถา. ตํ อโนมนามํ สตฺถารํ. หนฺทาติ พฺยวสานตฺเถ นิปาโต. ปสฺสามาติ เตน อตฺตานํ สห สงฺคเหตฺวา ปจฺจุปฺปนฺนวจนํ. โคตมนฺติ โคตมโคตฺตํ. กึ วุตฺตํ โหติ? ‘‘สตฺถา, น สตฺถา’’ติ มา วิมตึ อกาสิ, เอกนฺตพฺยวสิโต หุตฺวาว เอหิ ปสฺสาม โคตมนฺติ.

๑๕๔. เอวํ วุตฺเต เหมวโต ‘‘อยํ สาตาคิโร ‘อโนมนามํ สตฺถาร’นฺติ ภณนฺโต ตสฺส สพฺพฺุตํ ปกาเสติ, สพฺพฺุโน จ ทุลฺลภา โลเก, สพฺพฺุปฏิฺเหิ ปูรณาทิสทิเสเหว โลโก อุปทฺทุโต. โส ปน ยทิ สพฺพฺู, อทฺธา ตาทิลกฺขณปฺปตฺโต ภวิสฺสติ, เตน ตํ เอวํ ปริคฺคณฺหิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ตาทิลกฺขณํ ปุจฺฉนฺโต อาห – ‘‘กจฺจิ มโน’’ติ.

ตตฺถ กจฺจีติ ปุจฺฉา. มโนติ จิตฺตํ. สุปณิหิโตติ สุฏฺุ ปิโต, อจโล อสมฺปเวธี. สพฺเพสุ ภูเตสุ สพฺพภูเตสุ. ตาทิโนติ ตาทิลกฺขณปฺปตฺตสฺเสว สโต. ปุจฺฉา เอว วา อยํ ‘‘โส เต สตฺถา สพฺพภูเตสุ ตาที, อุทาหุ โน’’ติ. อิฏฺเ อนิฏฺเ จาติ เอวรูเป อารมฺมเณ. สงฺกปฺปาติ วิตกฺกา. วสีกตาติ วสํ คมิตา. กึ วุตฺตํ โหติ? ยํ ตฺวํ สตฺถารํ วทสิ, ตสฺส เต สตฺถุโน กจฺจิ ตาทิลกฺขณปฺปตฺตสฺส สโต สพฺพภูเตสุ มโน สุปณิหิโต, อุทาหุ ยาว จลนปจฺจยํ น ลภติ, ตาว สุปณิหิโต วิย ขายติ. โส วา เต สตฺถา กจฺจิ สพฺพภูเตสุ สมจิตฺเตน ตาที, อุทาหุ โน, เย จ โข อิฏฺานิฏฺเสุ อารมฺมเณสุ ราคโทสวเสน สงฺกปฺปา อุปฺปชฺเชยฺยุํ, ตฺยาสฺส กจฺจิ วสีกตา, อุทาหุ กทาจิ เตสมฺปิ วเสน วตฺตตีติ.

๑๕๕. ตโต สาตาคิโร ภควโต สพฺพฺุภาเว พฺยวสิตตฺตา สพฺเพ สพฺพฺุคุเณ อนุชานนฺโต อาห ‘‘มโน จสฺส สุปณิหิโต’’ติอาทิ. ตตฺถ สุปณิหิโตติ สุฏฺุ ปิโต, ปถวีสโม อวิรุชฺฌนฏฺเน, สิเนรุสโม สุปฺปติฏฺิตาจลนฏฺเน, อินฺทขีลสโม จตุพฺพิธมารปรวาทิคเณหิ อกมฺปิยฏฺเน. อนจฺฉริยฺเจตํ, ภควโต อิทานิ สพฺพาการสมฺปนฺนตฺตา สพฺพฺุภาเว ิตสฺส มโน สุปณิหิโต อจโล ภเวยฺย. ยสฺส ติรจฺฉานภูตสฺสาปิ สราคาทิกาเล ฉทฺทนฺตนาคกุเล อุปฺปนฺนสฺส สวิเสน สลฺเลน วิทฺธสฺส อจโล อโหสิ, วธเกปิ ตสฺมึ นปฺปทุสฺสิ, อฺทตฺถุ ตสฺเสว อตฺตโน ทนฺเต เฉตฺวา อทาสิ; ตถา มหากปิภูตสฺส มหติยา สิลาย สีเส ปหฏสฺสาปิ ตสฺเสว จ มคฺคํ ทสฺเสสิ; ตถา วิธุรปณฺฑิตภูตสฺส ปาเทสุ คเหตฺวา สฏฺิโยชเน กาฬปพฺพตปปาเต ปกฺขิตฺตสฺสาปิ อฺทตฺถุ ตสฺเสว ยกฺขสฺสตฺถาย ธมฺมํ เทเสสิ. ตสฺมา สมฺมเทว อาห สาตาคิโร – ‘‘มโน จสฺส สุปณิหิโต’’ติ.

สพฺพภูเตสุ ตาทิโนติ สพฺพสตฺเตสุ ตาทิลกฺขณปฺปตฺตสฺเสว สโต มโน สุปณิหิโต, น ยาว ปจฺจยํ น ลภตีติ อตฺโถ. ตตฺถ ภควโต ตาทิลกฺขณํ ปฺจธา เวทิตพฺพํ. ยถาห –

‘‘ภควา ปฺจหากาเรหิ ตาที, อิฏฺานิฏฺเ ตาที, จตฺตาวีติ ตาที, มุตฺตาวีติ ตาที, ติณฺณาวีติ ตาที, ตนฺนิทฺเทสาติ ตาที. กถํ ภควา อิฏฺานิฏฺเ ตาที? ภควา ลาเภปิ ตาที’’ติ (มหานิ. ๓๘).

เอวมาทิ สพฺพํ นิทฺเทเส วุตฺตนเยเนว คเหตพฺพํ. ลาภาทโย จ ตสฺส มหาอฏฺกถายํ วิตฺถาริตนเยน เวทิตพฺพา. ‘‘ปุจฺฉา เอว วา อยํ. โส เต สตฺถา สพฺพภูเตสุ ตาที, อุทาหุ โน’’ติ อิมสฺมิมฺปิ วิกปฺเป สพฺพภูเตสุ สมจิตฺตตาย ตาที อมฺหากํ สตฺถาติ อตฺโถ. อยฺหิ ภควา สุขูปสํหารกามตาย ทุกฺขาปนยนกามตาย จ สพฺพสตฺเตสุ สมจิตฺโต, ยาทิโส อตฺตนิ, ตาทิโส ปเรสุ, ยาทิโส มาตริ มหามายาย, ตาทิโส จิฺจมาณวิกาย, ยาทิโส ปิตริ สุทฺโธทเน, ตาทิโส สุปฺปพุทฺเธ, ยาทิโส ปุตฺเต ราหุเล, ตาทิโส วธเกสุ เทวทตฺตธนปาลกองฺคุลิมาลาทีสุ. สเทวเก โลเกปิ ตาที. ตสฺมา สมฺมเทวาห สาตาคิโร – ‘‘สพฺพภูเตสุ ตาทิโน’’ติ.

อโถ อิฏฺเ อนิฏฺเ จาติ. เอตฺถ ปน เอวํ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ – ยํ กิฺจิ อิฏฺํ วา อนิฏฺํ วา อารมฺมณํ, สพฺพปฺปกาเรหิ ตตฺถ เย ราคโทสวเสน สงฺกปฺปา อุปฺปชฺเชยฺยุํ, ตฺยาสฺส อนุตฺตเรน มคฺเคน ราคาทีนํ ปหีนตฺตา วสีกตา, น กทาจิ เตสํ วเส วตฺตติ. โส หิ ภควา อนาวิลสงฺกปฺโป สุวิมุตฺตจิตฺโต สุวิมุตฺตปฺโติ. เอตฺถ จ สุปณิหิตมนตาย อโยนิโสมนสิการาภาโว วุตฺโต. สพฺพภูเตสุ อิฏฺานิฏฺเหิ โส ยตฺถ ภเวยฺย, ตํ สตฺตสงฺขารเภทโต ทุวิธมารมฺมณํ วุตฺตํ. สงฺกปฺปวสีภาเวน ตสฺมึ อารมฺมเณ ตสฺส มนสิการาภาวโต กิเลสปฺปหานํ วุตฺตํ. สุปณิหิตมนตาย จ มโนสมาจารสุทฺธิ, สพฺพภูเตสุ ตาทิตาย กายสมาจารสุทฺธิ, สงฺกปฺปวสีภาเวน วิตกฺกมูลกตฺตา วาจาย วจีสมาจารสุทฺธิ. ตถา สุปณิหิตมนตาย โลภาทิสพฺพโทสาภาโว, สพฺพภูเตสุ ตาทิตาย เมตฺตาทิคุณสพฺภาโว, สงฺกปฺปวสีภาเวน ปฏิกูเล อปฺปฏิกูลสฺิตาทิเภทา อริยิทฺธิ, ตาย จสฺส สพฺพฺุภาโว วุตฺโต โหตีติ เวทิตพฺโพ.

๑๕๖. เอวํ เหมวโต ปุพฺเพ มโนทฺวารวเสเนว ตาทิภาวํ ปุจฺฉิตฺวา ตฺจ ปฏิชานนฺตมิมํ สุตฺวา ทฬฺหีกมฺมตฺถํ อิทานิ ทฺวารตฺตยวเสนาปิ, ปุพฺเพ วา สงฺเขเปน กายวจีมโนทฺวารสุทฺธึ ปุจฺฉิตฺวา ตฺจ ปฏิชานนฺตมิมํ สุตฺวา ทฬฺหีกมฺมตฺถเมว วิตฺถาเรนาปิ ปุจฺฉนฺโต อาห ‘‘กจฺจิ อทินฺน’’นฺติ. ตตฺถ คาถาพนฺธสุขตฺถาย ปมํ อทินฺนาทานวิรตึ ปุจฺฉติ. อารา ปมาทมฺหาติ ปฺจสุ กามคุเณสุ จิตฺตโวสฺสคฺคโต ทูรีภาเวน อพฺรหฺมจริยวิรตึ ปุจฺฉติ. ‘‘อารา ปมทมฺหา’’ติปิ ปนฺติ, อารา มาตุคามาติ วุตฺตํ โหติ. ฌานํ น ริฺจตีติ อิมินา ปน ตสฺสาเยว ติวิธาย กายทุจฺจริตวิรติยา พลวภาวํ ปุจฺฉติ. ฌานยุตฺตสฺส หิ วิรติ พลวตี โหตีติ.

๑๕๗. อถ สาตาคิโร ยสฺมา ภควา น เกวลํ เอตรหิ, อตีเตปิ อทฺธาเน ทีฆรตฺตํ อทินฺนาทานาทีหิ ปฏิวิรโต, ตสฺสา ตสฺสาเยว จ วิรติยา อานุภาเวน ตํ ตํ มหาปุริสลกฺขณํ ปฏิลภิ, สเทวโก จสฺส โลโก ‘‘อทินฺนาทานา ปฏิวิรโต สมโณ โคตโม’’ติอาทินา นเยน วณฺณํ ภาสติ. ตสฺมา วิสฺสฏฺาย วาจาย สีหนาทํ นทนฺโต อาห ‘‘น โส อทินฺนํ อาทิยตี’’ติ. ตํ อตฺถโต ปากฏเมว. อิมิสฺสาปิ คาถาย ตติยปาเท ‘‘ปมาทมฺหา ปมทมฺหา’’ติ ทฺวิธา ปาโ. จตุตฺถปาเท จ ฌานํ น ริฺจตีติ ฌานํ ริตฺตกํ สุฺกํ น กโรติ, น ปริจฺจชตีติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.

๑๕๘. เอวํ กายทฺวาเร สุทฺธึ สุตฺวา อิทานิ วจีทฺวาเร สุทฺธึ ปุจฺฉนฺโต อาห – ‘‘กจฺจิ มุสา น ภณตี’’ติ. เอตฺถ ขีณาตีติ ขีโณ, วิหึสติ พธตีติ อตฺโถ. วาจาย ปโถ พฺยปฺปโถ, ขีโณ พฺยปฺปโถ อสฺสาติ ขีณพฺยปฺปโถ. ตํ น-กาเรน ปฏิเสเธตฺวา ปุจฺฉติ ‘‘น ขีณพฺยปฺปโถ’’ติ, น ผรุสวาโจติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘นาขีณพฺยปฺปโถ’’ติปิ ปาโ, น อขีณวจโนติ อตฺโถ. ผรุสวจนฺหิ ปเรสํ หทเย อขียมานํ ติฏฺติ. ตาทิสวจโน กจฺจิ น โสติ วุตฺตํ โหติ. วิภูตีติ วินาโส, วิภูตึ กาสติ กโรติ วาติ วิภูติกํ, วิภูติกเมว เวภูติกํ, เวภูติยนฺติปิ วุจฺจติ, เปสุฺสฺเสตํ อธิวจนํ. ตฺหิ สตฺตานํ อฺมฺโต เภทเนน วินาสํ กโรติ. เสสํ อุตฺตานตฺถเมว.

๑๕๙. อถ สาตาคิโร ยสฺมา ภควา น เกวลํ เอตรหิ, อตีเตปิ อทฺธาเน ทีฆรตฺตํ มุสาวาทาทีหิ ปฏิวิรโต, ตสฺสา ตสฺสาเยว จ วิรติยา อานุภาเวน ตํ ตํ มหาปุริสลกฺขณํ ปฏิลภิ, สเทวโก จสฺส โลโก ‘‘มุสาวาทา ปฏิวิรโต สมโณ โคตโม’’ติ วณฺณํ ภาสติ. ตสฺมา วิสฺสฏฺาย วาจาย สีหนาทํ นทนฺโต อาห, ‘‘มุสา จ โส น ภณตี’’ติ. ตตฺถ มุสาติ วินิธาย ทิฏฺาทีนิ ปรวิสํวาทนวจนํ. ตํ โส น ภณติ. ทุติยปาเท ปน ปมตฺถวเสน น ขีณพฺยปฺปโถติ, ทุติยตฺถวเสน นาขีณพฺยปฺปโถติ ปาโ. จตุตฺถปาเท มนฺตาติ ปฺา วุจฺจติ. ภควา ยสฺมา ตาย มนฺตาย ปริจฺฉินฺทิตฺวา อตฺถเมว ภาสติ อตฺถโต อนเปตวจนํ, น สมฺผํ. อฺาณปุเรกฺขารฺหิ นิรตฺถกวจนํ พุทฺธานํ นตฺถิ. ตสฺมา อาห – ‘‘มนฺตา อตฺถํ โส ภาสตี’’ติ. เสสเมตฺถ ปากฏเมว.

๑๖๐. เอวํ วจีทฺวารสุทฺธิมฺปิ สุตฺวา อิทานิ มโนทฺวารสุทฺธึ ปุจฺฉนฺโต อาห ‘‘กจฺจิ น รชฺชติ กาเมสู’’ติ. ตตฺถ กามาติ วตฺถุกามา. เตสุ กิเลสกาเมน น รชฺชตีติ ปุจฺฉนฺโต อนภิชฺฌาลุตํ ปุจฺฉติ. อนาวิลนฺติ ปุจฺฉนฺโต พฺยาปาเทน อาวิลภาวํ สนฺธาย อพฺยาปาทตํ ปุจฺฉติ. โมหํ อติกฺกนฺโตติ ปุจฺฉนฺโต เยน โมเหน มูฬฺโห มิจฺฉาทิฏฺึ คณฺหาติ, ตสฺสาติกฺกเมน สมฺมาทิฏฺิตํ ปุจฺฉติ. ธมฺเมสุ จกฺขุมาติ ปุจฺฉนฺโต สพฺพธมฺเมสุ อปฺปฏิหตสฺส าณจกฺขุโน, ปฺจจกฺขุวิสเยสุ วา ธมฺเมสุ ปฺจนฺนมฺปิ จกฺขูนํ วเสน สพฺพฺุตํ ปุจฺฉติ ‘‘ทฺวารตฺตยปาริสุทฺธิยาปิ สพฺพฺู น โหตี’’ติ จินฺเตตฺวา.

๑๖๑. อถ สาตาคิโร ยสฺมา ภควา อปฺปตฺวาว อรหตฺตํ อนาคามิมคฺเคน กามราคพฺยาปาทานํ ปหีนตฺตา เนว กาเมสุ รชฺชติ, น พฺยาปาเทน อาวิลจิตฺโต, โสตาปตฺติมคฺเคเนว จ มิจฺฉาทิฏฺิปจฺจยสฺส สจฺจปฏิจฺฉาทกโมหสฺส ปหีนตฺตา โมหํ อติกฺกนฺโต, สามฺจ สจฺจานิ อภิสมฺพุชฺฌิตฺวา พุทฺโธติ วิโมกฺขนฺติกํ นามํ ยถาวุตฺตานิ จ จกฺขูนิ ปฏิลภิ, ตสฺมา ตสฺส มโนทฺวารสุทฺธึ สพฺพฺุตฺจ อุคฺโฆเสนฺโต อาห ‘‘น โส รชฺชติ กาเมสู’’ติ.

๑๖๒. เอวํ เหมวโต ภควโต ทฺวารตฺตยปาริสุทฺธึ สพฺพฺุตฺจ สุตฺวา หฏฺโ อุทคฺโค อตีตชาติยํ พาหุสจฺจวิสทาย ปฺาย อสชฺชมานวจนปฺปโถ หุตฺวา อจฺฉริยพฺภุตรูเป สพฺพฺุคุเณ โสตุกาโม อาห ‘‘กจฺจิ วิชฺชาย สมฺปนฺโน’’ติ. ตตฺถ วิชฺชาย สมฺปนฺโนติ อิมินา ทสฺสนสมฺปตฺตึ ปุจฺฉติ, สํสุทฺธจารโณติ อิมินา คมนสมฺปตฺตึ. ฉนฺทวเสน เจตฺถ ทีฆํ กตฺวา จาการมาห, สํสุทฺธจรโณติ อตฺโถ. อาสวา ขีณาติ อิมินา เอตาย ทสฺสนคมนสมฺปตฺติยา ปตฺตพฺพาย อาสวกฺขยสฺิตาย ปมนิพฺพานธาตุยา ปตฺตึ ปุจฺฉติ, นตฺถิ ปุนพฺภโวติ อิมินา ทุติยนิพฺพานธาตุปตฺติสมตฺถตํ, ปจฺจเวกฺขณาเณน วา ปรมสฺสาสปฺปตฺตึ ตฺวา ิตภาวํ.

๑๖๓. ตโต ยา เอสา ‘‘โส อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาส’’นฺติอาทินา (ม. นิ. ๑.๕๒) นเยน ภยเภรวาทีสุ ติวิธา, ‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต…เป… อาเนฺชปฺปตฺเต าณทสฺสนาย จิตฺตํ อภินีหรตี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๒๗๙) นเยน อมฺพฏฺาทีสุ อฏฺวิธา วิชฺชา วุตฺตา, ตาย ยสฺมา สพฺพายปิ สพฺพาการสมฺปนฺนาย ภควา อุเปโต. ยฺเจตํ ‘‘อิธ, มหานาม, อริยสาวโก สีลสมฺปนฺโน โหติ, อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร โหติ, โภชเน มตฺตฺู โหติ, ชาคริยํ อนุยุตฺโต โหติ, สตฺตหิ สทฺธมฺเมหิ สมนฺนาคโต โหติ, จตุนฺนํ ฌานานํ อาภิเจตสิกานํ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารานํ นิกามลาภี โหตี’’ติ เอวํ อุทฺทิสิตฺวา ‘‘กถฺจ, มหานาม, อริยสาวโก สีลสมฺปนฺโน โหตี’’ติอาทินา (ม. นิ. ๒.๒๔) นเยน เสขสุตฺเต นิทฺทิฏฺํ ปนฺนรสปฺปเภทํ จรณํ. ตฺจ ยสฺมา สพฺพูปกฺกิเลสปฺปหาเนน ภควโต อติวิย สํสุทฺธํ. เยปิเม กามาสวาทโย จตฺตาโร อาสวา, เตปิ ยสฺมา สพฺเพ สปริวารา สวาสนา ภควโต ขีณา. ยสฺมา จ อิมาย วิชฺชาจรณสมฺปทาย ขีณาสโว หุตฺวา ตทา ภควา ‘‘นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’’ติ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ิโต, ตสฺมา สาตาคิโร ภควโต สพฺพฺุภาเว พฺยวสาเยน สมุสฺสาหิตหทโย สพฺเพปิ คุเณ อนุชานนฺโต อาห ‘‘วิชฺชาย เจว สมฺปนฺโน’’ติ.

๑๖๔. ตโต เหมวโต ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา’’ติ ภควติ นิกฺกงฺโข หุตฺวา อากาเส ิโตเยว ภควนฺตํ ปสํสนฺโต สาตาคิรฺจ อาราเธนฺโต อาห ‘‘สมฺปนฺนํ มุนิโน จิตฺต’’นฺติ. ตสฺสตฺโถ – สมฺปนฺนํ มุนิโน จิตฺตํ, ‘‘มโน จสฺส สุปณิหิโต’’ติ เอตฺถ วุตฺตตาทิภาเวน ปุณฺณํ สมฺปุณฺณํ, ‘‘น โส อทินฺนํ อาทิยตี’’ติ เอตฺถ วุตฺตกายกมฺมุนา, ‘‘น โส รชฺชติ กาเมสู’’ติ เอตฺถ วุตฺตมโนกมฺมุนา จ ปุณฺณํ สมฺปุณฺณํ, ‘‘มุสา จ โส น ภณตี’’ติ เอตฺถ วุตฺตพฺยปฺปเถน จ วจีกมฺมุนาติ วุตฺตํ โหติ. เอวํ สมฺปนฺนจิตฺตฺจ อนุตฺตราย วิชฺชาจรณสมฺปทาย สมฺปนฺนตฺตา วิชฺชาจรณสมฺปนฺนฺจ อิเมหิ คุเณหิ ‘‘มโน จสฺส สุปณิหิโต’’ติอาทินา นเยน ธมฺมโต นํ ปสํสสิ, สภาวโต ตจฺฉโต ภูตโต เอว นํ ปสํสสิ, น เกวลํ สทฺธามตฺตเกนาติ ทสฺเสติ.

๑๖๕-๑๖๖. ตโต สาตาคิโรปิ ‘‘เอวเมตํ, มาริส, สุฏฺุ ตยา าตฺจ อนุโมทิตฺจา’’ติ อธิปฺปาเยน ตเมว สํราเธนฺโต อาห – ‘‘สมฺปนฺนํ มุนิโน…เป… ธมฺมโต อนุโมทสี’’ติ. เอวฺจ ปน วตฺวา ปุน ภควโต ทสฺสเน ตํ อภิตฺถวยมาโน อาห ‘‘สมฺปนฺนํ…เป… หนฺท ปสฺสาม โคตม’’นฺติ.

๑๖๗. อถ เหมวโต อตฺตโน อภิรุจิตคุเณหิ ปุริมชาติพาหุสจฺจพเลน ภควนฺตํ อภิตฺถุนนฺโต สาตาคิรํ อาห – ‘‘เอณิชงฺฆํ…เป… เอหิ ปสฺสาม โคตม’’นฺติ. ตสฺสตฺโถ – เอณิมิคสฺเสว ชงฺฆา อสฺสาติ เอณิชงฺโฆ. พุทฺธานฺหิ เอณิมิคสฺเสว อนุปุพฺพวฏฺฏา ชงฺฆา โหนฺติ, น ปุรโต นิมฺมํสา ปจฺฉโต สุสุมารกุจฺฉิ วิย อุทฺธุมาตา. กิสา จ พุทฺธา โหนฺติ ทีฆรสฺสสมวฏฺฏิตยุตฺตฏฺาเนสุ ตถารูปาย องฺคปจฺจงฺคสมฺปตฺติยา, น วรปุริสา วิย ถูลา. ปฺาย วิลิขิตกิเลสตฺตา วา กิสา. อชฺฌตฺติกพาหิรสปตฺตวิทฺธํสนโต วีรา. เอกาสนโภชิตาย ปริมิตโภชิตาย จ อปฺปาหารา, น ทฺวตฺติมตฺตาโลปโภชิตาย. ยถาห –

‘‘อหํ โข ปน, อุทายิ, อปฺเปกทา อิมินา ปตฺเตน สมติตฺติกมฺปิ ภุฺชามิ, ภิยฺโยปิ ภุฺชามิ. ‘อปฺปาหาโร สมโณ โคตโม อปฺปาหารตาย จ วณฺณวาที’ติ อิติ เจ มํ, อุทายิ, สาวกา สกฺกเรยฺยุํ, ครุํ กเรยฺยุํ, มาเนยฺยุํ, ปูเชยฺยุํ, สกฺกตฺวา, ครุํ กตฺวา, อุปนิสฺสาย วิหเรยฺยุํ. เย เต, อุทายิ, มม สาวกา โกสกาหาราปิ อฑฺฒโกสกาหาราปิ เพลุวาหาราปิ อฑฺฒเพลุวาหาราปิ, น มํ เต อิมินา ธมฺเมน สกฺกเรยฺยุํ…เป… อุปนิสฺสาย วิหเรยฺยุ’’นฺติ (ม. นิ. ๒.๒๔๒).

อาหาเร ฉนฺทราคาภาเวน อโลลุปา อฏฺงฺคสมนฺนาคตํ อาหารํ อาหาเรนฺติ โมเนยฺยสมฺปตฺติยา มุนิโน. อนคาริกตาย วิเวกนินฺนมานสตาย จ วเน ฌายนฺติ. เตนาห เหมวโต ยกฺโข ‘‘เอณิชงฺฆํ…เป… เอหิ ปสฺสาม โคตม’’นฺติ.

๑๖๘. เอวฺจ วตฺวา ปุน ตสฺส ภควโต สนฺติเก ธมฺมํ โสตุกามตาย ‘‘สีหํเวกจร’’นฺติ อิมํ คาถมาห. ตสฺสตฺโถ – สีหํวาติ ทุราสทฏฺเน ขมนฏฺเน นิพฺภยฏฺเน จ เกสรสีหสทิสํ. ยาย ตณฺหาย ‘‘ตณฺหาทุติโย ปุริโส’’ติ วุจฺจติ, ตสฺสา อภาเวน เอกจรํ, เอกิสฺสา โลกธาตุยา ทฺวินฺนํ พุทฺธานํ อนุปฺปตฺติโตปิ เอกจรํ. ขคฺควิสาณสุตฺเต วุตฺตนเยนาปิ เจตฺถ ตํ ตํ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. นาคนฺติ ปุนพฺภวํ เนว คนฺตารํ นาคนฺตารํ. อถ วา อาคุํ น กโรตีติปิ นาโค. พลวาติปิ นาโค. ตํ นาคํ. กาเมสุ อนเปกฺขินนฺติ ทฺวีสุปิ กาเมสุ ฉนฺทราคาภาเวน อนเปกฺขินํ. อุปสงฺกมฺม ปุจฺฉาม, มจฺจุปาสปฺปโมจนนฺติ ตํ เอวรูปํ มเหสึ อุปสงฺกมิตฺวา เตภูมกวฏฺฏสฺส มจฺจุปาสสฺส ปโมจนํ วิวฏฺฏํ นิพฺพานํ ปุจฺฉาม. เยน วา อุปาเยน ทุกฺขสมุทยสงฺขาตา มจฺจุปาสา ปมุจฺจติ, ตํ มจฺจุปาสปฺปโมจนํ ปุจฺฉามาติ. อิมํ คาถํ เหมวโต สาตาคิรฺจ สาตาคิรปริสฺจ อตฺตโน ปริสฺจ สนฺธาย อาห.

เตน โข ปน สมเยน อาสาฬฺหีนกฺขตฺตํ โฆสิตํ อโหสิ. อถ สมนฺตโต อลงฺกตปฏิยตฺเต เทวนคเร สิรึ ปจฺจนุโภนฺตี วิย ราชคเห กาฬี นาม กุรรฆริกา อุปาสิกา ปาสาทมารุยฺห สีหปฺชรํ วิวริตฺวา คพฺภปริสฺสมํ วิโนเทนฺตี สวาตปฺปเทเส อุตุคฺคหณตฺถํ ิตา เตสํ ยกฺขเสนาปตีนํ ตํ พุทฺธคุณปฏิสํยุตฺตํ กถํ อาทิมชฺฌปริโยสานโต อสฺโสสิ. สุตฺวา จ ‘‘เอวํ วิวิธคุณสมนฺนาคตา พุทฺธา’’ติ พุทฺธารมฺมณํ ปีตึ อุปฺปาเทตฺวา ตาย นีวรณานิ วิกฺขมฺเภตฺวา ตตฺเถว ิตา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาสิ. ตโต เอว ภควตา ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวิกานํ อุปาสิกานํ อนุสฺสวปฺปสนฺนานํ, ยทิทํ กาฬี อุปาสิกา กุรรฆริกา’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๖๗) เอตทคฺเค ปิตา.

๑๖๙. เตปิ ยกฺขเสนาปตโย สหสฺสยกฺขปริวารา มชฺฌิมยามสมเย อิสิปตนํ ปตฺวา, ธมฺมจกฺกปฺปวตฺติตปลฺลงฺเกเนว นิสินฺนํ ภควนฺตํ อุปสงฺกมฺม วนฺทิตฺวา, อิมาย คาถาย ภควนฺตํ อภิตฺถวิตฺวา โอกาสมการยึสุ ‘‘อกฺขาตารํ ปวตฺตาร’’นฺติ. ตสฺสตฺโถ – เปตฺวา ตณฺหํ เตภูมเก ธมฺเม ‘‘อิทํ โข ปน, ภิกฺขเว, ทุกฺขํ อริยสจฺจ’’นฺติอาทินา (สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑; มหาว. ๑๔) นเยน สจฺจานํ ววตฺถานกถาย อกฺขาตารํ, ‘‘‘ตํ โข ปนิทํ ทุกฺขํ อริยสจฺจํ ปริฺเยฺย’นฺติ เม ภิกฺขเว’’ติอาทินา นเยน เตสุ กิจฺจาณกตาณปฺปวตฺตเนน ปวตฺตารํ. เย วา ธมฺมา ยถา โวหริตพฺพา, เตสุ ตถา โวหารกถเนน อกฺขาตารํ, เตสํเยว ธมฺมานํ สตฺตานุรูปโต ปวตฺตารํ. อุคฺฆฏิตฺุวิปฺจิตฺูนํ วา เทสนาย อกฺขาตารํ, เนยฺยานํ ปฏิปาทเนน ปวตฺตารํ. อุทฺเทเสน วา อกฺขาตารํ, วิภงฺเคน เตหิ เตหิ ปกาเรหิ วจนโต ปวตฺตารํ. โพธิปกฺขิยานํ วา สลกฺขณกถเนน อกฺขาตารํ, สตฺตานํ จิตฺตสนฺตาเน ปวตฺตเนน ปวตฺตารํ. สงฺเขปโต วา ตีหิ ปริวฏฺเฏหิ สจฺจานํ กถเนน อกฺขาตารํ, วิตฺถารโต ปวตฺตารํ. ‘‘สทฺธินฺทฺริยํ ธมฺโม, ตํ ธมฺมํ ปวตฺเตตีติ ธมฺมจกฺก’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๒.๔๐) เอวมาทินา ปฏิสมฺภิทานเยน วิตฺถาริตสฺส ธมฺมจกฺกสฺส ปวตฺตนโต ปวตฺตารํ.

สพฺพธมฺมานนฺติ จตุภูมกธมฺมานํ. ปารคุนฺติ ฉหากาเรหิ ปารํ คตํ อภิฺาย, ปริฺาย, ปหาเนน, ภาวนาย, สจฺฉิกิริยาย, สมาปตฺติยา. โส หิ ภควา สพฺพธมฺเม อภิชานนฺโต คโตติ อภิฺาปารคู, ปฺจุปาทานกฺขนฺเธ ปริชานนฺโต คโตติ ปริฺาปารคู, สพฺพกิเลเส ปชหนฺโต คโตติ ปหานปารคู, จตฺตาโร มคฺเค ภาเวนฺโต คโตติ ภาวนาปารคู, นิโรธํ สจฺฉิกโรนฺโต คโตติ สจฺฉิกิริยาปารคู, สพฺพา สมาปตฺติโย สมาปชฺชนฺโต คโตติ สมาปตฺติปารคู. เอวํ สพฺพธมฺมานํ ปารคุํ. พุทฺธํ เวรภยาตีตนฺติ อฺาณสยนโต ปฏิพุทฺธตฺตา พุทฺธํ, สพฺเพน วา สรณวณฺณนายํ วุตฺเตนตฺเถน พุทฺธํ, ปฺจเวรภยานํ อตีตตฺตา เวรภยาตีตํ. เอวํ ภควนฺตํ อติตฺถวนฺตา ‘‘มยํ ปุจฺฉาม โคตม’’นฺติ โอกาสมการยึสุ.

๑๗๐. อถ เนสํ ยกฺขานํ เตเชน จ ปฺาย จ อคฺโค เหมวโต ยถาธิปฺเปตํ ปุจฺฉิตพฺพํ ปุจฺฉนฺโต ‘‘กิสฺมึ โลโก’’ติ อิมํ คาถมาห. ตสฺสาทิปาเท กิสฺมินฺติ ภาเวนภาวลกฺขเณ ภุมฺมวจนํ, กิสฺมึ อุปฺปนฺเน โลโก สมุปฺปนฺโน โหตีติ อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย. สตฺตโลกสงฺขารโลเก สนฺธาย ปุจฺฉติ. กิสฺมึ กุพฺพติ สนฺถวนฺติ อหนฺติ วา มมนฺติ วา ตณฺหาทิฏฺิสนฺถวํ กิสฺมึ กุพฺพติ, อธิกรณตฺเถ ภุมฺมวจนํ. กิสฺส โลโกติ อุปโยคตฺเถ สามิวจนํ, กึ อุปาทาย โลโกติ สงฺขฺยํ คจฺฉตีติ อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย. กิสฺมึ โลโกติ ภาเวนภาวลกฺขณการณตฺเถสุ ภุมฺมวจนํ. กิสฺมึ สติ เกน การเณน โลโก วิหฺติ ปีฬียติ พาธียตีติ อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย.

๑๗๑. อถ ภควา ยสฺมา ฉสุ อชฺฌตฺติกพาหิเรสุ อายตเนสุ อุปฺปนฺเนสุ สตฺตโลโก จ ธนธฺาทิวเสน สงฺขารโลโก จ อุปฺปนฺโน โหติ, ยสฺมา เจตฺถ สตฺตโลโก เตสฺเวว ฉสุ ทุวิธมฺปิ สนฺถวํ กโรติ. จกฺขายตนํ วา หิ ‘‘อหํ มม’’นฺติ คณฺหาติ อวเสเสสุ วา อฺตรํ. ยถาห – ‘‘จกฺขุ อตฺตาติ โย วเทยฺย, ตํ น อุปปชฺชตี’’ติอาทิ (ม. นิ. ๓.๔๒๒). ยสฺมา จ เอตานิเยว ฉ อุปาทาย ทุวิโธปิ โลโกติ สงฺขฺยํ คจฺฉติ, ยสฺมา จ เตสฺเวว ฉสุ สติ สตฺตโลโก ทุกฺขปาตุภาเวน วิหฺติ. ยถาห –

‘‘หตฺเถสุ, ภิกฺขเว, สติ อาทานนิกฺเขปนํ โหติ, ปาเทสุ สติ อภิกฺกมปฏิกฺกโม โหติ, ปพฺเพสุ สติ สมิฺชนปสารณํ โหติ, กุจฺฉิสฺมึ สติ ชิฆจฺฉาปิปาสา โหติ; เอวเมว โข, ภิกฺขเว, จกฺขุสฺมึ สติ จกฺขุสมฺผสฺสปจฺจยา อุปฺปชฺชติ อชฺฌตฺตํ สุขํ ทุกฺข’’นฺติอาทิ (สํ. นิ. ๔.๒๓๗).

ตถา เตสุ อาธารภูเตสุ ปฏิหโต สงฺขารโลโก วิหฺติ. ยถาห –

‘‘จกฺขุสฺมึ อนิทสฺสเน สปฺปฏิเฆ ปฏิหฺิ วา’’อิติ (ธ. ส. ๕๙๗-๘) จ.

‘‘จกฺขุ, ภิกฺขเว, ปฏิหฺติ มนาปามนาเปสุ รูเปสู’’ติ (สํ. นิ. ๔.๒๓๘) เอวมาทิ.

ตถา เตหิเยว การณภูเตหิ ทุวิโธปิ โลโก วิหฺติ. ยถาห –

‘‘จกฺขุ วิหฺติ มนาปามนาเปสุ รูเปสู’’ติ (สํ. นิ. ๔.๒๓๘) จ.

‘‘จกฺขุ, ภิกฺขเว, อาทิตฺตํ, รูปา อาทิตฺตา. เกน อาทิตฺตํ? ราคคฺคินา’’ติ (สํ. นิ. ๔.๒๘; มหาว. ๕๔) เอวมาทิ.

ตสฺมา ฉอชฺฌตฺติกพาหิรายตนวเสน ตํ ปุจฺฉํ วิสฺสชฺเชนฺโต อาห ‘‘ฉสุ โลโก สมุปฺปนฺโน’’ติ.

๑๗๒. อถ โส ยกฺโข อตฺตนา วฏฺฏวเสน ปุฏฺปฺหํ ภควตา ทฺวาทสายตนวเสน สงฺขิปิตฺวา วิสฺสชฺชิตํ น สุฏฺุ อุปลกฺเขตฺวา ตฺจ อตฺถํ ตปฺปฏิปกฺขฺจ าตุกาโม สงฺเขเปเนว วฏฺฏวิวฏฺฏํ ปุจฺฉนฺโต อาห ‘‘กตมํ ต’’นฺติ. ตตฺถ อุปาทาตพฺพฏฺเน อุปาทานํ, ทุกฺขสจฺจสฺเสตํ อธิวจนํ. ยตฺถ โลโก วิหฺตีติ ‘‘ฉสุ โลโก วิหฺตี’’ติ เอวํ ภควตา ยตฺถ ฉพฺพิเธ อุปาทาเน โลโก วิหฺตีติ วุตฺโต, ตํ กตมํ อุปาทานนฺติ? เอวํ อุปฑฺฒคาถาย สรูเปเนว ทุกฺขสจฺจํ ปุจฺฉิ. สมุทยสจฺจํ ปน ตสฺส การณภาเวน คหิตเมว โหติ. นิยฺยานํ ปุจฺฉิโตติ อิมาย ปน อุปฑฺฒคาถาย มคฺคสจฺจํ ปุจฺฉิ. มคฺคสจฺเจน หิ อริยสาวโก ทุกฺขํ ปริชานนฺโต, สมุทยํ ปชหนฺโต, นิโรธํ สจฺฉิกโรนฺโต, มคฺคํ ภาเวนฺโต โลกมฺหา นิยฺยาติ, ตสฺมา นิยฺยานนฺติ วุจฺจติ. กถนฺติ เกน ปกาเรน. ทุกฺขา ปมุจฺจตีติ ‘‘อุปาทาน’’นฺติ วุตฺตา วฏฺฏทุกฺขา ปโมกฺขํ ปาปุณาติ. เอวเมตฺถ สรูเปเนว มคฺคสจฺจํ ปุจฺฉิ, นิโรธสจฺจํ ปน ตสฺส วิสยภาเวน คหิตเมว โหติ.

๑๗๓. เอวํ ยกฺเขน สรูเปน ทสฺเสตฺวา จ อทสฺเสตฺวา จ จตุสจฺจวเสน ปฺหํ ปุฏฺโ ภควา เตเนว นเยน วิสฺสชฺเชนฺโต อาห ‘‘ปฺจ กามคุณา’’ติ. ตตฺถ ปฺจกามคุณสงฺขาตโคจรคฺคหเณน ตคฺโคจรานิ ปฺจายตนานิ คหิตาเนว โหนฺติ. มโน ฉฏฺโ เอเตสนฺติ มโนฉฏฺา. ปเวทิตาติ ปกาสิตา. เอตฺถ อชฺฌตฺติเกสุ ฉฏฺสฺส มนายตนสฺส คหเณน ตสฺส วิสยภูตํ ธมฺมายตนํ คหิตเมว โหติ. เอวํ ‘‘กตมํ ตํ อุปาทาน’’นฺติ อิมํ ปฺหํ วิสฺสชฺเชนฺโต ปุนปิ ทฺวาทสายตนานํ วเสเนว ทุกฺขสจฺจํ ปกาเสสิ. มโนคหเณน วา สตฺตนฺนํ วิฺาณธาตูนํ คหิตตฺตา ตาสุ ปุริมปฺจวิฺาณธาตุคฺคหเณน ตาสํ วตฺถูนิ ปฺจ จกฺขาทีนิ อายตนานิ, มโนธาตุมโนวิฺาณธาตุคฺคหเณน ตาสํ วตฺถุโคจรเภทํ ธมฺมายตนํ คหิตเมวาติ เอวมฺปิ ทฺวาทสายตนวเสน ทุกฺขสจฺจํ ปกาเสสิ. โลกุตฺตรมนายตนธมฺมายตเนกเทโส ปเนตฺถ ยตฺถ โลโก วิหฺติ, ตํ สนฺธาย นิทฺทิฏฺตฺตา น สงฺคยฺหติ.

เอตฺถ ฉนฺทํ วิราเชตฺวาติ เอตฺถ ทฺวาทสายตนเภเท ทุกฺขสจฺเจ ตาเนวายตนานิ ขนฺธโต ธาตุโต นามรูปโตติ ตถา ตถา ววตฺถเปตฺวา, ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา, วิปสฺสนฺโต อรหตฺตมคฺคปริโยสานาย วิปสฺสนาย ตณฺหาสงฺขาตํ ฉนฺทํ สพฺพโส วิราเชตฺวา วิเนตฺวา วิทฺธํเสตฺวาติ อตฺโถ. เอวํ ทุกฺขา ปมุจฺจตีติ อิมินา ปกาเรน เอตสฺมา วฏฺฏทุกฺขา ปมุจฺจตีติ. เอวมิมาย อุปฑฺฒคาถาย ‘‘นิยฺยานํ ปุจฺฉิโต พฺรูหิ, กถํ ทุกฺขา ปมุจฺจตี’’ติ อยํ ปฺโห วิสฺสชฺชิโต โหติ, มคฺคสจฺจฺจ ปกาสิตํ สมุทยนิโรธสจฺจานิ ปเนตฺถ ปุริมนเยเนว สงฺคหิตตฺตา ปกาสิตาเนว โหนฺตีติ เวทิตพฺพานิ. อุปฑฺฒคาถาย วา ทุกฺขสจฺจํ, ฉนฺเทน สมุทยสจฺจํ, ‘‘วิราเชตฺวา’’ติ เอตฺถ วิราเคน นิโรธสจฺจํ, ‘‘วิราคาวิมุจฺจตี’’ติ วจนโต วา มคฺคสจฺจํ. ‘‘เอว’’นฺติ อุปายนิทสฺสเนน มคฺคสจฺจํ, ทุกฺขนิโรธนฺติ วจนโต วา. ‘‘ทุกฺขา ปมุจฺจตี’’ติ ทุกฺขปโมกฺเขน นิโรธสจฺจนฺติ เอวเมตฺถ จตฺตาริ สจฺจานิ ปกาสิตานิ โหนฺตีติ เวทิตพฺพานิ.

๑๗๔. เอวํ จตุสจฺจคพฺภาย คาถาย ลกฺขณโต นิยฺยานํ ปกาเสตฺวา ปุน ตเทว สเกน นิรุตฺตาภิลาเปน นิคเมนฺโต อาห ‘‘เอตํ โลกสฺส นิยฺยาน’’นฺติ. เอตฺถ เอตนฺติ ปุพฺเพ วุตฺตสฺส นิทฺเทโส, โลกสฺสาติ เตธาตุกโลกสฺส. ยถาตถนฺติ อวิปรีตํ. เอตํ โว อหมกฺขามีติ สเจปิ มํ สหสฺสกฺขตฺตุํ ปุจฺเฉยฺยาถ, เอตํ โว อหมกฺขามิ, น อฺํ. กสฺมา? ยสฺมา เอวํ ทุกฺขา ปมุจฺจติ, น อฺถาติ อธิปฺปาโย. อถ วา เอเตน นิยฺยาเนน เอกทฺวตฺติกฺขตุํ นิคฺคตานมฺปิ เอตํ โว อหมกฺขามิ, อุปริวิเสสาธิคมายปิ เอตเทว อหมกฺขามีติ อตฺโถ. กสฺมา? ยสฺมา เอวํ ทุกฺขา ปมุจฺจติ อเสสนิสฺเสสาติ อรหตฺตนิกูเฏน เทสนํ นิฏฺาเปสิ. เทสนาปริโยสาเน ทฺเวปิ ยกฺขเสนาปตโย โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสุ สทฺธึ ยกฺขสหสฺเสน.

๑๗๕. อถ เหมวโต ปกติยาปิ ธมฺมครุ อิทานิ อริยภูมิยํ ปติฏฺาย สุฏฺุตรํ อติตฺโต ภควโต วิจิตฺรปฏิภานาย เทสนาย ภควนฺตํ เสกฺขาเสกฺขภูมึ ปุจฺฉนฺโต ‘‘โก สูธ ตรตี’’ติ คาถมภาสิ. ตตฺถ โก สูธ ตรติ โอฆนฺติ อิมินา จตุโรฆํ โก ตรตีติ เสกฺขภูมึ ปุจฺฉติ อวิเสเสน. ยสฺมา อณฺณวนฺติ น วิตฺถตมตฺตํ นาปิ คมฺภีรมตฺตํ อปิจ ปน ยํ วิตฺถตตรฺจ คมฺภีรตรฺจ, ตํ วุจฺจติ. ตาทิโส จ สํสารณฺณโว. อยฺหิ สมนฺตโต ปริยนฺตาภาเวน วิตฺถโต, เหฏฺา ปติฏฺาภาเวน อุปริ อาลมฺพนาภาเวน จ คมฺภีโร, ตสฺมา ‘‘โก อิธ ตรติ อณฺณวํ, ตสฺมิฺจ อปฺปติฏฺเ อนาลมฺเพ คมฺภีเร อณฺณเว โก น สีทตี’’ติ อเสกฺขภูมึ ปุจฺฉติ.

๑๗๖. อถ ภควา โย ภิกฺขุ ชีวิตเหตุปิ วีติกฺกมํ อกโรนฺโต สพฺพทา สีลสมฺปนฺโน โลกิยโลกุตฺตราย จ ปฺาย ปฺวา, อุปจารปฺปนาสมาธินา อิริยาปถเหฏฺิมมคฺคผเลหิ จ สุสมาหิโต, ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา วิปสฺสนาย นิยกชฺฌตฺตจินฺตนสีโล, สาตจฺจกิริยาวหาย อปฺปมาทสติยา จ สมนฺนาคโต. ยสฺมา โส จตุตฺเถน มคฺเคน อิมํ สุทุตฺตรํ โอฆํ อนวเสสํ ตรติ, ตสฺมา เสกฺขภูมึ วิสฺสชฺเชนฺโต ‘‘สพฺพทา สีลสมฺปนฺโน’’ติ อิมํ ติสิกฺขาคพฺภํ คาถมาห. เอตฺถ หิ สีลสมฺปทาย อธิสีลสิกฺขา, สติสมาธีหิ อธิจิตฺตสิกฺขา, อชฺฌตฺตจินฺติตาปฺาหิ อธิปฺาสิกฺขาติ ติสฺโส สิกฺขา สอุปการา สานิสํสา จ วุตฺตา. อุปกาโร หิ สิกฺขานํ โลกิยปฺา สติ จ, อนิสํโส สามฺผลานีติ.

๑๗๗. เอวํ ปมคาถาย เสกฺขภูมึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อเสกฺขภูมึ ทสฺเสนฺโต ทุติยคาถมาห. ตสฺสตฺโถ วิรโต กามสฺายาติ ยา กาจิ กามสฺา, ตโต สพฺพโต จตุตฺถมคฺคสมฺปยุตฺตาย สมุจฺเฉทวิรติยา วิรโต. ‘‘วิรตฺโต’’ติปิ ปาโ. ตทา ‘‘กามสฺายา’’ติ ภุมฺมวจนํ โหติ, สคาถาวคฺเค ปน ‘‘กามสฺาสู’’ติปิ (สํ. นิ. ๑.๙๖) ปาโ. จตูหิปิ มคฺเคหิ ทสนฺนํ สํโยชนานํ อตีตตฺตา สพฺพสํโยชนาติโค, จตุตฺเถเนว วา อุทฺธมฺภาคิยสพฺพสํโยชนาติโค, ตตฺรตตฺราภินนฺทินีตณฺหาสงฺขาตาย นนฺทิยา ติณฺณฺจ ภวานํ ปริกฺขีณตฺตา นนฺทีภวปริกฺขีโณ โส ตาทิโส ขีณาสโว ภิกฺขุ คมฺภีเร สํสารณฺณเว น สีทติ นนฺทีปริกฺขเยน สอุปาทิเสสํ, ภวปริกฺขเยน จ อนุปาทิเสสํ นิพฺพานถลํ สมาปชฺช ปรมสฺสาสปฺปตฺติยาติ.

๑๗๘. อถ เหมวโต สหายฺจ ยกฺขปริสฺจ โอโลเกตฺวา ปีติโสมนสฺสชาโต ‘‘คมฺภีรปฺ’’นฺติ เอวมาทีหิ คาถาหิ ภควนฺตํ อภิตฺถวิตฺวา สพฺพาวติยา ปริสาย สหาเยน จ สทฺธึ อภิวาเทตฺวา, ปทกฺขิณํ กตฺวา, อตฺตโน วสนฏฺานํ อคมาสิ.

ตาสํ ปน คาถานํ อยํ อตฺถวณฺณนา – คมฺภีรปฺนฺติ คมฺภีราย ปฺาย สมนฺนาคตํ. ตตฺถ ปฏิสมฺภิทายํ วุตฺตนเยน คมฺภีรปฺา เวทิตพฺพา. วุตฺตฺหิ ตตฺถ ‘‘คมฺภีเรสุ ขนฺเธสุ าณํ ปวตฺตตีติ คมฺภีรปฺา’’ติอาทิ (ปฏิ. ม. ๓.๔). นิปุณตฺถทสฺสินฺติ นิปุเณหิ ขตฺติยปณฺฑิตาทีหิ อภิสงฺขตานํ ปฺหานํ อตฺถทสฺสึ อตฺถานํ วา ยานิ นิปุณานิ การณานิ ทุปฺปฏิวิชฺฌานิ อฺเหิ เตสํ ทสฺสเนน นิปุณตฺถทสฺสึ. ราคาทิกิฺจนาภาเวน อกิฺจนํ. ทุวิเธ กาเม ติวิเธ เจ ภเว อลคฺคเนน กามภเว อสตฺตํ. ขนฺธาทิเภเทสุ สพฺพารมฺมเณสุ ฉนฺทราคพนฺธนาภาเวน สพฺพธิ วิปฺปมุตฺตํ. ทิพฺเพ ปเถ กมมานนฺติ อฏฺสมาปตฺติเภเท ทิพฺเพ ปเถ สมาปชฺชนวเสน จงฺกมนฺตํ. ตตฺถ กิฺจาปิ น ตาย เวลาย ภควา ทิพฺเพ ปเถ กมติ, อปิจ โข ปุพฺเพ กมนํ อุปาทาย กมนสตฺติสพฺภาเวน ตตฺถ ลทฺธวสีภาวตาย เอวํ วุจฺจติ. อถ วา เย เต วิสุทฺธิเทวา อรหนฺโต, เตสํ ปเถ สนฺตวิหาเร กมเนนาเปตํ วุตฺตํ. มหนฺตานํ คุณานํ เอสเนน มเหสึ.

๑๗๙. ทุติยคาถาย อปเรน ปริยาเยน ถุติ อารทฺธาติ กตฺวา ปุน นิปุณตฺถทสฺสิคฺคหณํ นิทสฺเสติ. อถ วา นิปุณตฺเถ ทสฺเสตารนฺติ อตฺโถ. ปฺาททนฺติ ปฺาปฏิลาภสํวตฺตนิกาย ปฏิปตฺติยา กถเนน ปฺาทายกํ. กามาลเย อสตฺตนฺติ ยฺวายํ กาเมสุ ตณฺหาทิฏฺิวเสน ทุวิโธ อาลโย, ตตฺถ อสตฺตํ. สพฺพวิทุนฺติ สพฺพธมฺมวิทุํ, สพฺพฺุนฺติ วุตฺตํ โหติ. สุเมธนฺติ ตสฺส สพฺพฺุภาวสฺส มคฺคภูตาย ปารมีปฺาสงฺขาตาย เมธาย สมนฺนาคตํ. อริเย ปเถติ อฏฺงฺคิเก มคฺเค, ผลสมาปตฺติยํ วา. กมมานนฺติ ปฺาย อชฺโฌคาหมานํ มคฺคลกฺขณํ ตฺวา เทสนโต, ปวิสมานํ วา ขเณ ขเณ ผลสมาปตฺติสมาปชฺชนโต, จตุพฺพิธมคฺคภาวนาสงฺขาตาย กมนสตฺติยา กมิตปุพฺพํ วา.

๑๘๐. สุทิฏฺํ วต โน อชฺชาติ. อชฺช อมฺเหหิ สุนฺทรํ ทิฏฺํ, อชฺช วา อมฺหากํ สุนฺทรํ ทิฏฺํ, ทสฺสนนฺติ อตฺโถ. สุปฺปภาตํ สุหุฏฺิตนฺติ อชฺช อมฺหากํ สุฏฺุ ปภาตํ โสภนํ วา ปภาตํ อโหสิ. อชฺช จ โน สุนฺทรํ อุฏฺิตํ อโหสิ, อนุปโรเธน สยนโต อุฏฺิตํ. กึ การณํ? ยํ อทฺทสาม สมฺพุทฺธํ, ยสฺมา สมฺพุทฺธํ อทฺทสามาติ อตฺตโน ลาภสมฺปตฺตึ อารพฺภ ปาโมชฺชํ ปเวเทติ.

๑๘๑. อิทฺธิมนฺโตติ กมฺมวิปากชิทฺธิยา สมนฺนาคตา. ยสสฺสิโนติ ลาภคฺคปริวารคฺคสมฺปนฺนา. สรณํ ยนฺตีติ กิฺจาปิ มคฺเคเนว คตา, ตถาปิ โสตาปนฺนภาวปริทีปนตฺถํ ปสาททสฺสนตฺถฺจ วาจํ ภินฺทติ.

๑๘๒. คามา คามนฺติ เทวคามา เทวคามํ. นคา นคนฺติ เทวปพฺพตา เทวปพฺพตํ. นมสฺสมานา สมฺพุทฺธํ, ธมฺมสฺส จ สุธมฺมตนฺติ ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ วต ภควา, สฺวากฺขาโต วต ภควโต ธมฺโม’’ติอาทินา นเยน พุทฺธสุโพธิตฺจ ธมฺมสุธมฺมตฺจ. ‘‘สุปฺปฏิปนฺโน วต ภควโต สาวกสงฺโฆ’’ติอาทินา สงฺฆ-สุปฺปฏิปตฺติฺจ อภิตฺถวิตฺวา อภิตฺถวิตฺวา นมสฺสมานา ธมฺมโฆสกา หุตฺวา วิจริสฺสามาติ วุตฺตํ โหติ. เสสเมตฺถ อุตฺตานตฺถเมวาติ.

ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย

สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย เหมวตสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. อาฬวกสุตฺตวณฺณนา

เอวํ เม สุตนฺติ อาฬวกสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? อตฺถวณฺณนานเยเนวสฺส อุปฺปตฺติ อาวิภวิสฺสติ. อตฺถวณฺณนาย จ ‘‘เอวํ เม สุตํ, เอกํ สมยํ ภควา’’ติ เอตํ วุตฺตตฺถเมว. อาฬวิยํ วิหรติ อาฬวกสฺส ยกฺขสฺส ภวเนติ เอตฺถ ปน กา อาฬวี, กสฺมา จ ภควา ตสฺส ยกฺขสฺส ภวเน วิหรตีติ? วุจฺจเต – อาฬวีติ รฏฺมฺปิ นครมฺปิ วุจฺจติ, ตทุภยมฺปิ อิธ วฏฺฏติ. อาฬวีนครสฺส หิ สมีเป วิหรนฺโตปิ ‘‘อาฬวิยํ วิหรตี’’ติ วุจฺจติ. ตสฺส จ นครสฺส สมีเป อวิทูเร คาวุตมตฺเต ตํ ภวนํ, อาฬวีรฏฺเ วิหรนฺโตปิ ‘‘อาฬวิยํ วิหรตี’’ติ วุจฺจติ, อาฬวีรฏฺเ เจตํ ภวนํ.

ยสฺมา ปน อาฬวโก ราชา วิวิธนาฏกูปโภคํ ฉฑฺเฑตฺวา โจรปฏิพาหนตฺถํ ปฏิราชนิเสธนตฺถํ พฺยายามกรณตฺถฺจ สตฺตเม สตฺตเม ทิวเส มิควํ คจฺฉนฺโต เอกทิวสํ พลกาเยน สทฺธึ กติกํ อกาสิ – ‘‘ยสฺส ปสฺเสน มิโค ปลายติ, ตสฺเสว โส ภาโร’’ติ. อถ ตสฺเสว ปสฺเสน มิโค ปลายิ, ชวสมฺปนฺโน ราชา ธนุํ คเหตฺวา ปตฺติโกว ติโยชนํ ตํ มิคํ อนุพนฺธิ. เอณิมิคา จ ติโยชนเวคา เอว โหนฺติ. อถ ปริกฺขีณชวํ ตํ มิคํ อุทกํ ปวิสิตฺวา, ิตํ วธิตฺวา, ทฺวิธา เฉตฺวา, อนตฺถิโกปิ มํเสน ‘‘นาสกฺขิ มิคํ คเหตุ’’นฺติ อปวาทโมจนตฺถํ กาเชนาทาย อาคจฺฉนฺโต นครสฺสาวิทูเร พหลปตฺตปลาสํ มหานิคฺโรธํ ทิสฺวา ปริสฺสมวิโนทนตฺถํ ตสฺส มูลมุปคโต. ตสฺมิฺจ นิคฺโรเธ อาฬวโก ยกฺโข มหาราชสนฺติกา วรํ ลภิตฺวา มชฺฌนฺหิกสมเย ตสฺส รุกฺขสฺส ฉายาย ผุฏฺโกาสํ ปวิฏฺเ ปาณิโน ขาทนฺโต ปฏิวสติ. โส ตํ ทิสฺวา ขาทิตุํ อุปคโต. อถ ราชา เตน สทฺธึ กติกํ อกาสิ – ‘‘มุฺจ มํ, อหํ เต ทิวเส ทิวเส มนุสฺสฺจ ถาลิปากฺจ เปเสสฺสามี’’ติ. ยกฺโข ‘‘ตฺวํ ราชูปโภเคน ปมตฺโต สมฺมุสฺสสิ, อหํ ปน ภวนํ อนุปคตฺจ อนนุฺาตฺจ ขาทิตุํ น ลภามิ, สฺวาหํ ภวนฺตมฺปิ ชีเยยฺย’’นฺติ น มุฺจิ. ราชา ‘‘ยํ ทิวสํ น เปเสมิ, ตํ ทิวสํ มํ คเหตฺวา ขาทาหี’’ติ อตฺตานํ อนุชานิตฺวา เตน มุตฺโต นคราภิมุโข อคมาสิ.

พลกาโย มคฺเค ขนฺธาวารํ พนฺธิตฺวา ิโต ราชานํ ทิสฺวา – ‘‘กึ, มหาราช, อยสมตฺตภยา เอวํ กิลนฺโตสี’’ติ วทนฺโต ปจฺจุคฺคนฺตฺวา ปฏิคฺคเหสิ. ราชา ตํ ปวตฺตึ อนาโรเจตฺวา นครํ คนฺตฺวา, กตปาตราโส นครคุตฺติกํ อามนฺเตตฺวา เอตมตฺถํ อาโรเจสิ. นครคุตฺติโก – ‘‘กึ, เทว, กาลปริจฺเฉโท กโต’’ติ อาห. ราชา ‘‘น กโต, ภเณ’’ติ อาห. ‘‘ทุฏฺุ กตํ, เทว, อมนุสฺสา หิ ปริจฺฉินฺนมตฺตเมว ลภนฺติ, อปริจฺฉินฺเน ปน ชนปทสฺส อาพาโธ ภวิสฺสติ. โหตุ, เทว, กิฺจาปิ เอวมกาสิ, อปฺโปสฺสุกฺโก ตฺวํ รชฺชสุขํ อนุโภหิ, อหเมตฺถ กาตพฺพํ กริสฺสามี’’ติ. โส กาลสฺเสว วุฏฺาย พนฺธนาคารํ คนฺตฺวา เย เย วชฺฌา โหนฺติ, เต เต สนฺธาย – ‘‘โย ชีวิตตฺถิโก โหติ, โส นิกฺขมตู’’ติ ภณติ. โย ปมํ นิกฺขมติ ตํ เคหํ เนตฺวา, นฺหาเปตฺวา, โภเชตฺวา จ, ‘‘อิมํ ถาลิปากํ ยกฺขสฺส เทหี’’ติ เปเสติ. ตํ รุกฺขมูลํ ปวิฏฺมตฺตํเยว ยกฺโข เภรวํ อตฺตภาวํ นิมฺมินิตฺวา มูลกนฺทํ วิย ขาทติ. ยกฺขานุภาเวน กิร มนุสฺสานํ เกสาทีนิ อุปาทาย สกลสรีรํ นวนีตปิณฺโฑ วิย โหติ. ยกฺขสฺส ภตฺตํ คาหาเปตฺตุํ คตปุริสา ตํ ทิสฺวา ภีตา ยถามิตฺตํ อาโรเจสุํ. ตโต ปภุติ ‘‘ราชา โจเร คเหตฺวา ยกฺขสฺส เทตี’’ติ มนุสฺสา โจรกมฺมโต ปฏิวิรตา. ตโต อปเรน สมเยน นวโจรานํ อภาเวน ปุราณโจรานฺจ ปริกฺขเยน พนฺธนาคารานิ สุฺานิ อเหสุํ.

อถ นครคุตฺติโก รฺโ อาโรเจสิ. ราชา อตฺตโน ธนํ นครรจฺฉาสุ ฉฑฺฑาเปสิ – ‘‘อปฺเปว นาม โกจิ โลเภน คณฺเหยฺยา’’ติ. ตํ ปาเทนปิ น โกจิ ฉุปิ. โส โจเร อลภนฺโต อมจฺจานํ อาโรเจสิ. อมจฺจา ‘‘กุลปฏิปาฏิยา เอกเมกํ ชิณฺณกํ เปเสม, โส ปกติยาปิ มจฺจุมุเข วตฺตตี’’ติ อาหํสุ. ราชา ‘‘‘อมฺหากํ ปิตรํ, อมฺหากํ ปิตามหํ เปเสตี’ติ มนุสฺสา โขภํ กริสฺสนฺติ, มา โว เอตํ รุจฺจี’’ติ นิวาเรสิ. ‘‘เตน หิ, เทว, ทารกํ เปเสม อุตฺตานเสยฺยกํ, ตถาวิธสฺส หิ ‘มาตา เม ปิตา เม’ติ สิเนโห นตฺถี’’ติ อาหํสุ. ราชา อนุชานิ. เต ตถา อกํสุ. นคเร ทารกมาตโร จ ทารเก คเหตฺวา คพฺภินิโย จ ปลายิตฺวา ปรชนปเท ทารเก สํวฑฺเฒตฺวา อาเนนฺติ. เอวํ สพฺพานิปิ ทฺวาทส วสฺสานิ คตานิ.

ตโต เอกทิวสํ สกลนครํ วิจินิตฺวา เอกมฺปิ ทารกํ อลภิตฺวา รฺโ อาโรเจสุํ – ‘‘นตฺถิ, เทว, นคเร ทารโก เปตฺวา อนฺเตปุเร ตว ปุตฺตํ อาฬวกกุมาร’’นฺติ. ราชา ‘‘ยถา มม ปุตฺโต ปิโย, เอวํ สพฺพโลกสฺส, อตฺตนา ปน ปิยตรํ นตฺถิ, คจฺฉถ, ตมฺปิ ทตฺวา มม ชีวิตํ รกฺขถา’’ติ อาห. เตน จ สมเยน อาฬวกกุมารสฺส มาตา ปุตฺตํ นฺหาเปตฺวา, มณฺเฑตฺวา, ทุกูลจุมฺพฏเก กตฺวา, องฺเก สยาเปตฺวา, นิสินฺนา โหติ. ราชปุริสา รฺโ อาณาย ตตฺถ คนฺตฺวา วิปฺปลปนฺติยา ตสฺสา โสฬสนฺนฺจ อิตฺถิสหสฺสานํ สทฺธึ ธาติยา ตํ อาทาย ปกฺกมึสุ ‘‘สฺเว ยกฺขภกฺโข ภวิสฺสตี’’ติ. ตํ ทิวสฺจ ภควา ปจฺจูสสมเย ปจฺจุฏฺาย เชตวนมหาวิหาเร คนฺธกุฏิยํ มหากรุณาสมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา ปุน พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกนฺโต อทฺทส อาฬวกสฺส กุมารสฺส อนาคามิผลุปฺปตฺติยา อุปนิสฺสยํ, ยกฺขสฺส จ โสตาปตฺติผลุปฺปตฺติยา อุปนิสฺสยํ เทสนาปริโยสาเน จ จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมจกฺขุปฏิลาภสฺสาติ. ตสฺมา วิภาตาย รตฺติยา ปุเรภตฺตกิจฺจํ กตฺวา อนิฏฺิตปจฺฉาภตฺตกิจฺโจว กาฬปกฺขอุโปสถทิวเส วตฺตมาเน โอคฺคเต สูริเย เอกโกว อทุติโย ปตฺตจีวรมาทาย ปาทคมเนเนว สาวตฺถิโต ตึส โยชนานิ คนฺตฺวา ตสฺส ยกฺขสฺส ภวนํ ปาวิสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘อาฬวกสฺส ยกฺขสฺส ภวเน’’ติ.

กึ ปน ภควา ยสฺมึ นิคฺโรเธ อาฬวกสฺส ภวนํ, ตสฺส มูเล วิหาสิ, อุทาหุ ภวเนเยวาติ? วุจฺจเต – ภวเนเยว. ยเถว หิ ยกฺขา อตฺตโน ภวนํ ปสฺสนฺติ, ตถา ภควาปิ. โส ตตฺถ คนฺตฺวา ภวนทฺวาเร อฏฺาสิ. ตทา อาฬวโก หิมวนฺเต ยกฺขสมาคมํ คโต โหติ. ตโต อาฬวกสฺส ทฺวารปาโล คทฺรโภ นาม ยกฺโข ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา, วนฺทิตฺวา – ‘‘กึ, ภนฺเต, ภควา วิกาเล อาคโต’’ติ อาห. ‘‘อาม, คทฺรภ, อาคโตมฺหิ. สเจ เต อครุ, วิหเรยฺยาเมกรตฺตึ อาฬวกสฺส ภวเน’’ติ. ‘‘น เม, ภนฺเต, ครุ, อปิจ โข โส ยกฺโข กกฺขโฬ ผรุโส, มาตาปิตูนมฺปิ อภิวาทนาทีนิ น กโรติ, มา รุจฺจิ ภควโต อิธ วาโส’’ติ. ‘‘ชานามิ, คทฺรภ, ตสฺส กกฺขฬตฺตํ, น โกจิ มมนฺตราโย ภวิสฺสติ, สเจ เต อครุ, วิหเรยฺยาเมกรตฺติ’’นฺติ.

ทุติยมฺปิ คทฺรโภ ยกฺโข ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อคฺคิตตฺตกปาลสทิโส, ภนฺเต, อาฬวโก, ‘มาตาปิตโร’ติ วา ‘สมณพฺราหฺมณา’ติ วา ‘ธมฺโม’ติ วา น ชานาติ, อิธาคตานํ จิตฺตกฺเขปมฺปิ กโรติ, หทยมฺปิ ผาเลติ, ปาเทปิ คเหตฺวา ปรสมุทฺเท วา ปรจกฺกวาเฬ วา ขิปตี’’ติ. ทุติยมฺปิ ภควา อาห – ‘‘ชานามิ, คทฺรภ, สเจ เต อครุ, วิหเรยฺยาเมกรตฺติ’’นฺติ. ตติยมฺปิ คทฺรโภ ยกฺโข ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อคฺคิตตฺตกปาลสทิโส, ภนฺเต, อาฬวโก, ‘มาตาปิตโร’ติ วา ‘สมณพฺราหฺมณา’ติ วา ‘ธมฺโม’ติ วา น ชานาติ, อิธาคตานํ จิตฺตกฺเขปมฺปิ กโรติ, หทยมฺปิ ผาเลติ, ปาเทปิ คเหตฺวา ปรสมุทฺเท วา ปรจกฺกวาเฬ วา ขิปตี’’ติ. ตติยมฺปิ ภควา อาห – ‘‘ชานามิ, คทฺรภ, สเจ เต อครุ, วิหเรยฺยาเมกรตฺติ’’นฺติ. ‘‘น เม, ภนฺเต, ครุ, อปิจ โข โส ยกฺโข อตฺตโน อนาโรเจตฺวา อนุชานนฺตํ มํ ชีวิตา โวโรเปยฺย, อาโรเจมิ, ภนฺเต, ตสฺสา’’ติ. ‘‘ยถาสุขํ, คทฺรภ, อาโรเจหี’’ติ. ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, ตฺวเมว ชานาหี’’ติ ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา หิมวนฺตาภิมุโข ปกฺกามิ. ภวนทฺวารมฺปิ สยเมว ภควโต วิวรมทาสิ. ภควา อนฺโตภวนํ ปวิสิตฺวา ยตฺถ อภิลกฺขิเตสุ มงฺคลทิวสาทีสุ นิสีทิตฺวา อาฬวโก สิรึ อนุโภติ, ตสฺมึเยว ทิพฺพรตนปลฺลงฺเก นิสีทิตฺวา สุวณฺณาภํ มุฺจิ. ตํ ทิสฺวา ยกฺขสฺส อิตฺถิโย อาคนฺตฺวา, ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา, สมฺปริวาเรตฺวา นิสีทึสุ. ภควา ‘‘ปุพฺเพ ตุมฺเห ทานํ ทตฺวา, สีลํ สมาทิยิตฺวา, ปูชเนยฺยํ ปูเชตฺวา, อิมํ สมฺปตฺตึ ปตฺตา, อิทานิปิ ตเถว กโรถ, มา อฺมฺํ อิสฺสามจฺฉริยาภิภูตา วิหรถา’’ติอาทินา นเยน ตาสํ ปกิณฺณกธมฺมกถํ กเถสิ. ตา จ ภควโต มธุรนิคฺโฆสํ สุตฺวา, สาธุการสหสฺสานิ ทตฺวา, ภควนฺตํ ปริวาเรตฺวา นิสีทึสุเยว. คทฺรโภปิ หิมวนฺตํ คนฺตฺวา อาฬวกสฺส อาโรเจสิ – ‘‘ยคฺเฆ, มาริส, ชาเนยฺยาสิ, วิมาเน เต ภควา นิสินฺโน’’ติ. โส คทฺรภสฺส สฺมกาสิ ‘‘ตุณฺหี โหหิ, คนฺตฺวา กตฺตพฺพํ กริสฺสามี’’ติ. ปุริสมาเนน กิร ลชฺชิโต อโหสิ, ตสฺมา ‘‘มา โกจิ ปริสมชฺเฌ สุเณยฺยา’’ติ วาเรสิ.

ตทา สาตาคิรเหมวตา ภควนฺตํ เชตวเนเยว วนฺทิตฺวา ‘‘ยกฺขสมาคมํ คมิสฺสามา’’ติ สปริวารา นานายาเนหิ อากาเสน คจฺฉนฺติ. อากาเส จ ยกฺขานํ น สพฺพตฺถ มคฺโค อตฺถิ, อากาสฏฺานิ วิมานานิ ปริหริตฺวา มคฺคฏฺาเนเนว มคฺโค โหติ. อาฬวกสฺส ปน วิมานํ ภูมฏฺํ สุคุตฺตํ ปาการปริกฺขิตฺตํ สุสํวิหิตทฺวารฏฺฏาลกโคปุรํ, อุปริ กํสชาลสฺฉนฺนํ มฺชูสสทิสํ ติโยชนํ อุพฺเพเธน. ตสฺส อุปริ มคฺโค โหติ. เต ตํ ปเทสมาคมฺม คนฺตุํ อสมตฺถา อเหสุํ. พุทฺธานฺหิ นิสินฺโนกาสสฺส อุปริภาเคน ยาว ภวคฺคา, ตาว โกจิ คนฺตุํ อสมตฺโถ. เต ‘‘กิมิท’’นฺติ อาวชฺเชตฺวา ภควนฺตํ ทิสฺวา อากาเส ขิตฺตเลฑฺฑุ วิย โอรุยฺห วนฺทิตฺวา, ธมฺมํ สุตฺวา, ปทกฺขิณํ กตฺวา ‘‘ยกฺขสมาคมํ คจฺฉาม ภควา’’ติ ตีณิ วตฺถูนิ ปสํสนฺตา ยกฺขสมาคมํ อคมํสุ. อาฬวโก เต ทิสฺวา ‘‘อิธ นิสีทถา’’ติ ปฏิกฺกมฺม โอกาสมทาสิ. เต อาฬวกสฺส นิเวเทสุํ ‘‘ลาภา เต, อาฬวก, ยสฺส เต ภวเน ภควา วิหรติ, คจฺฉาวุโส ภควนฺตํ ปยิรุปาสสฺสู’’ติ. เอวํ ภควา ภวเนเยว วิหาสิ, น ยสฺมึ นิคฺโรเธ อาฬวกสฺส ภวนํ, ตสฺส มูเลติ. เตน วุตฺตํ ‘‘เอกํ สมยํ ภควา อาฬวิยํ วิหรติ อาฬวกสฺส ยกฺขสฺส ภวเน’’ติ.

อถ โข อาฬวโก…เป… ภควนฺตํ เอตทโวจ ‘‘นิกฺขม สมณา’’ติ. ‘‘กสฺมา ปนายํ เอตทโวจา’’ติ? วุจฺจเต – โรเสตุกามตาย. ตตฺเรวํ อาทิโต ปภุติ สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ – อยฺหิ ยสฺมา อสฺสทฺธสฺส สทฺธากถา ทุกฺกถา โหติ ทุสฺสีลาทีนํ สีลาทิกถา วิย, ตสฺมา เตสํ ยกฺขานํ สนฺติกา ภควโต ปสํสํ สุตฺวา เอว อคฺคิมฺหิ ปกฺขิตฺตโลณสกฺขรา วิย อพฺภนฺตรโกเปน ตฏตฏายมานหทโย หุตฺวา ‘‘โก โส ภควา นาม, โย มม ภวนํ ปวิฏฺโ’’ติ อาห. เต อาหํสุ – ‘‘น ตฺวํ, อาวุโส, ชานาสิ ภควนฺตํ อมฺหากํ สตฺถารํ, โย ตุสิตภวเน ิโต ปฺจ มหาวิโลกนานิ วิโลเกตฺวา’’ติอาทินา นเยน ยาว ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนํ กเถนฺตา ปฏิสนฺธิอาทินา ทฺวตฺตึส ปุพฺพนิมิตฺตานิ วตฺวา ‘‘อิมานิปิ ตฺวํ, อาวุโส, อจฺฉริยานิ นาทฺทสา’’ติ โจเทสุํ. โส ทิสฺวาปิ โกธวเสน ‘‘นาทฺทส’’นฺติ อาห. อาวุโส อาฬวก ปสฺเสยฺยาสิ วา ตฺวํ, น วา, โก ตยา อตฺโถ ปสฺสตา วา อปสฺสตา วา, กึ ตฺวํ กริสฺสสิ อมฺหากํ สตฺถุโน, โย ตฺวํ ตํ อุปนิธาย จลกฺกกุธมหาอุสภสมีเป ตทหุชาตวจฺฉโก วิย, ติธาปภินฺนมตฺตวารณสมีเป ภิงฺกโปตโก วิย, ภาสุรวิลมฺพเกสรอุปโสภิตกฺขนฺธสฺส มิครฺโ สมีเป ชรสิงฺคาโล วิย, ทิยฑฺฒโยชนสตปฺปวฑฺฒกายสุปณฺณราชสมีเป ฉินฺนปกฺขกากโปตโก วิย ขายสิ, คจฺฉ ยํ เต กรณียํ, ตํ กโรหีติ. เอวํ วุตฺเต กุทฺโธ อาฬวโก อุฏฺหิตฺวา มโนสิลาตเล วามปาเทน ตฺวา ‘‘ปสฺสถ ทานิ ตุมฺหากํ วา สตฺถา มหานุภาโว, อหํ วา’’ติ ทกฺขิณปาเทน สฏฺิโยชนมตฺตํ เกลาสปพฺพตกูฏํ อกฺกมิ, ตํ อโยกูฏปหโฏ นิทฺธนฺตอโยปิณฺโฑ วิย ปปฏิกาโย มุฺจิ. โส ตตฺร ตฺวา ‘‘อหํ อาฬวโก’’ติ โฆเสสิ, สกลชมฺพุทีปํ สทฺโท ผริ.

จตฺตาโร กิร สทฺทา สกลชมฺพุทีเป สุยฺยึสุ – ยฺจ ปุณฺณโก ยกฺขเสนาปติ ธนฺจยโกรพฺยราชานํ ชูเต ชินิตฺวา อปฺโผเฏตฺวา ‘‘อหํ ชินิ’’นฺติ อุคฺโฆเสสิ, ยฺจ สกฺโก เทวานมินฺโท กสฺสปสฺส ภควโต สาสเน ปริหายมาเน วิสฺสกมฺมํ เทวปุตฺตํ สุนขํ กาเรตฺวา ‘‘อหํ ปาปภิกฺขู จ ปาปภิกฺขุนิโย จ อุปาสเก จ อุปาสิกาโย จ สพฺเพว อธมฺมวาทิโน ขาทามี’’ติ อุคฺโฆสาเปสิ, ยฺจ กุสชาตเก ปภาวติเหตุ สตฺตหิ ราชูหิ นคเร อุปรุทฺเธ ปภาวตึ อตฺตนา สห หตฺถิกฺขนฺธํ อาโรเปตฺวา นครา นิกฺขมฺม ‘‘อหํ สีหสฺสรกุสมหาราชา’’ติ มหาปุริโส อุคฺโฆเสสิ, ยฺจ อาฬวโก เกลาสมุทฺธนิ ตฺวา ‘‘อหํ อาฬวโก’’ติ. ตทา หิ สกลชมฺพุทีเป ทฺวาเร ทฺวาเร ตฺวา อุคฺโฆสิตสทิสํ อโหสิ, ติโยชนสหสฺสวิตฺถโต จ หิมวาปิ สงฺกมฺปิ ยกฺขสฺส อานุภาเวน.

โส วาตมณฺฑลํ สมุฏฺาเปสิ – ‘‘เอเตเนว สมณํ ปลาเปสฺสามี’’ติ. เต ปุรตฺถิมาทิเภทา วาตา สมุฏฺหิตฺวา อฑฺฒโยชนโยชนทฺวิโยชนติโยชนปฺปมาณานิ ปพฺพตกูฏานิ ปทาเลตฺวา วนคจฺฉรุกฺขาทีนิ อุมฺมูเลตฺวา อาฬวีนครํ ปกฺขนฺตา ชิณฺณหตฺถิสาลาทีนิ จุณฺเณนฺตา ฉทนิฏฺกา อากาเส ภเมนฺตา. ภควา ‘‘มา กสฺสจิ อุปโรโธ โหตู’’ติ อธิฏฺาสิ. เต วาตา ทสพลํ ปตฺวา จีวรกณฺณมตฺตมฺปิ จาเลตุํ นาสกฺขึสุ. ตโต มหาวสฺสํ สมุฏฺาเปสิ ‘‘อุทเกน อชฺโฌตฺถริตฺวา สมณํ มาเรสฺสามี’’ติ. ตสฺสานุภาเวน อุปรูปริ สตปฏลสหสฺสปฏลาทิเภทา วลาหกา อุฏฺหิตฺวา วสฺสึสุ, วุฏฺิธาราเวเคน ปถวี ฉิทฺทา อโหสิ, วนรุกฺขาทีนํ อุปริ มโหโฆ อาคนฺตฺวา ทสพลสฺส จีวเร อุสฺสาวพินฺทุมตฺตมฺปิ เตเมตุํ นาสกฺขิ. ตโต ปาสาณวสฺสํ สมุฏฺาเปสิ, มหนฺตานิ มหนฺตานิ ปพฺพตกูฏานิ ธูมายนฺตานิ ปชฺชลนฺตานิ อากาเสนาคนฺตฺวา ทสพลํ ปตฺวา ทิพฺพมาลาคุฬานิ สมฺปชฺชึสุ. ตโต ปหรณวสฺสํ สมุฏฺาเปสิ, เอกโตธาราอุภโตธารา อสิสตฺติขุรปฺปาทโย ธูมายนฺตา ปชฺชลนฺตา อากาเสนาคนฺตฺวา ทสพลํ ปตฺวา ทิพฺพปุปฺผานิ อเหสุํ. ตโต องฺคารวสฺสํ สมุฏฺาเปสิ, กึสุกวณฺณา องฺคารา อากาเสนาคนฺตฺวา ทสพลสฺส ปาทมูเล ทิพฺพปุปฺผานิ หุตฺวา วิกิรึสุ. ตโต กุกฺกุลวสฺสํ สมุฏฺาเปสิ, อจฺจุณฺโห กุกฺกุโล อากาเสนาคนฺตฺวา ทสพลสฺส ปาทมูเล จนฺทนจุณฺณํ หุตฺวา นิปติ. ตโต วาลุกาวสฺสํ สมุฏฺาเปสิ, อติสุขุมา วาลุกา ธูมายนฺตา ปชฺชลนฺตา อากาเสนาคนฺตฺวา ทสพลสฺส ปาทมูเล ทิพฺพปุปฺผานิ หุตฺวา นิปตึสุ. ตโต กลลวสฺสํ สมุฏฺาเปสิ, ตํ กลลวสฺสํ ธูมายนฺตํ ปชฺชลนฺตํ อากาเสนาคนฺตฺวา ทสพลสฺส ปาทมูเล ทิพฺพคนฺธํ หุตฺวา นิปติ. ตโต อนฺธการํ สมุฏฺาเปสิ ‘‘ภึเสตฺวา สมณํ ปลาเปสฺสามี’’ติ. ตํ จตุรงฺคสมนฺนาคตนฺธการสทิสํ หุตฺวา ทสพลํ ปตฺวา สูริยปฺปภาวิหตมิวนฺธการํ อนฺตรธายิ.

เอวํ ยกฺโข อิมาหิ นวหิ วาตวสฺสปาสาณปหรณงฺคารกุกฺกุลวาลุกกลลนฺธการวุฏฺีหิ ภควนฺตํ ปลาเปตุํ อสกฺโกนฺโต นานาวิธปหรณหตฺถาย อเนกปฺปการรูปภูตคณสมากุลาย จตุรงฺคินิยา เสนาย สยเมว ภควนฺตํ อภิคโต. เต ภูตคณา อเนกปฺปกาเร วิกาเร กตฺวา ‘‘คณฺหถ หนถา’’ติ ภควโต อุปริ อาคจฺฉนฺตา วิย โหนฺติ, อปิจ เต นิทฺธนฺตโลหปิณฺฑํ วิย มกฺขิกา, ภควนฺตํ อลฺลียิตุํ อสมตฺถา เอวํ อเหสุํ. เอวํ สนฺเตปิ ยถา โพธิมณฺเฑ มาโร อาคตเวลายเมว นิวตฺโต, ตถา อนิวตฺติตฺวา อุปฑฺฒรตฺติมตฺตํ พฺยากุลมกํสุ. เอวํ อุปฑฺฒรตฺติมตฺตํ อเนกปฺปการวิภึสนทสฺสเนนปิ ภควนฺตํ จาเลตุมสกฺโกนฺโต อาฬวโก จินฺเตสิ – ‘‘ยํนูนาหํ เกนจิ อเชยฺยํ ทุสฺสาวุธํ มุฺเจยฺย’’นฺติ.

จตฺตาริ กิร อาวุธานิ โลเก เสฏฺานิ – สกฺกสฺส วชิราวุธํ, เวสฺสวณสฺส คทาวุธํ, ยมสฺส นยนาวุธํ, อาฬวกสฺส ทุสฺสาวุธนฺติ. ยทิ หิ สกฺโก กุทฺโธ วชิราวุธํ สิเนรุมตฺถเก ปหเรยฺย อฏฺสฏฺิสหสฺสาธิกโยชนสตสหสฺสํ สิเนรุํ วินิวิชฺฌิตฺวา เหฏฺโต คจฺเฉยฺย. เวสฺสวณสฺส ปุถุชฺชนกาเล วิสฺสชฺชิตคทา พหูนํ ยกฺขสหสฺสานํ สีสํ ปาเตตฺวา ปุน หตฺถปาสํ อาคนฺตฺวา ติฏฺติ. ยเมน กุทฺเธน นยนาวุเธน โอโลกิตมตฺเต อเนกานิ กุมฺภณฺฑสหสฺสานิ ตตฺตกปาเล ติลา วิย วิปฺผุรนฺตานิ วินสฺสนฺติ. อาฬวโก กุทฺโธ สเจ อากาเส ทุสฺสาวุธํ มุฺเจยฺย, ทฺวาทส วสฺสานิ เทโว น วสฺเสยฺย. สเจ ปถวิยํ มุฺเจยฺย, สพฺพรุกฺขติณาทีนิ สุสฺสิตฺวา ทฺวาทสวสฺสนฺตรํ น ปุน รุเหยฺยุํ. สเจ สมุทฺเท มุฺเจยฺย, ตตฺตกปาเล อุทกพินฺทุ วิย สพฺพมุทกํ สุสฺเสยฺย. สเจ สิเนรุสทิเสปิ ปพฺพเต มุฺเจยฺย, ขณฺฑาขณฺฑํ หุตฺวา วิกิเรยฺย. โส เอวํ มหานุภาวํ ทุสฺสาวุธํ อุตฺตรียกตํ มุฺจิตฺวา อคฺคเหสิ. เยภุยฺเยน ทสสหสฺสิโลกธาตุเทวตา เวเคน สนฺนิปตึสุ – ‘‘อชฺช ภควา อาฬวกํ ทเมสฺสติ, ตตฺถ ธมฺมํ โสสฺสามา’’ติ. ยุทฺธทสฺสนกามาปิ เทวตา สนฺนิปตึสุ. เอวํ สกลมฺปิ อากาสํ เทวตาหิ ปุริปุณฺณมโหสิ.

อถ อาฬวโก ภควโต สมีเป อุปรูปริ วิจริตฺวา วตฺถาวุธํ มุฺจิ. ตํ อสนิวิจกฺกํ วิย อากาเส เภรวสทฺทํ กโรนฺตํ ธูมายนฺตํ ปชฺชลนฺตํ ภควนฺตํ ปตฺวา ยกฺขสฺส มานมทฺทนตฺถํ ปาทมุฺฉนโจฬกํ หุตฺวา ปาทมูเล นิปติ. อาฬวโก ตํ ทิสฺวา ฉินฺนวิสาโณ วิย อุสโภ, อุทฺธฏทาโ วิย สปฺโป, นิตฺเตโช นิมฺมโท นิปติตมานทฺธโช หุตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘ทุสฺสาวุธมฺปิ สมณํ นภิโภสิ, กึ นุ โข การณ’’นฺติ? อิทํ การณํ, เมตฺตาวิหารยุตฺโต สมโณ, หนฺท นํ โรเสตฺวา เมตฺตาย วิโยเชมีติ. อิมินา สมฺพนฺเธเนตํ วุตฺตํ – ‘‘อถ โข อาฬวโก ยกฺโข เยน ภควา…เป… นิกฺขม สมณา’’ติ. ตตฺรายมธิปฺปาโย – กสฺมา มยา อนนุฺาโต มม ภวนํ ปวิสิตฺวา ฆรสามิโก วิย อิตฺถาคารสฺส มชฺเฌ นิสินฺโนสิ, นนุ อยุตฺตเมตํ สมณสฺส ยทิทํ อทินฺนปฏิโภโค อิตฺถิสํสคฺโค จ, ตสฺมา ยทิ ตฺวํ สมณธมฺเม ิโต, นิกฺขม สมณาติ. เอเก ปน ‘‘เอตานิ อฺานิ จ ผรุสวจนานิ วตฺวา เอวายํ เอตทโวจา’’ติ ภณนฺติ.

อถ ภควา ‘‘ยสฺมา ถทฺโธ ปฏิถทฺธภาเวน วิเนตุํ น สกฺกา, โส หิ ปฏิถทฺธภาเว กริยมาเน เสยฺยถาปิ จณฺฑสฺส กุกฺกุรสฺส นาสาย ปิตฺตํ ภินฺเทยฺย, โส ภิยฺโยโส มตฺตาย จณฺฑตโร อสฺส, เอวํ ถทฺธตโร โหติ, มุทุนา ปน โส สกฺกา วิเนตุ’’นฺติ ตฺวา ‘‘สาธาวุโส’’ติ ปิยวจเนน ตสฺส วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา นิกฺขมิ. เตน วุตฺตํ ‘‘สาธาวุโสติ ภควา นิกฺขมี’’ติ.

ตโต อาฬวโก ‘‘สุวโจ วตายํ สมโณ เอกวจเนเนว นิกฺขนฺโต, เอวํ นาม นิกฺขเมตุํ สุขํ สมณํ อการเณเนวาหํ สกลรตฺตึ ยุทฺเธน อพฺภุยฺยาสิ’’นฺติ มุทุจิตฺโต หุตฺวา ปุน จินฺเตสิ ‘‘อิทานิปิ น สกฺกา ชานิตุํ, กึ นุ โข สุวจตาย นิกฺขนฺโต, อุทาหุ โกเธน, หนฺท นํ วีมํสามี’’ติ. ตโต ‘‘ปวิส สมณา’’ติ อาห. อถ ‘‘สุวโจ’’ติ มุทุภูตจิตฺตววตฺถานกรณตฺถํ ปุนปิ ปิยวจนํ วทนฺโต สาธาวุโสติ ภควา ปาวิสิ. อาฬวโก ปุนปฺปุนํ ตเมว สุวจภาวํ วีมํสนฺโต ทุติยมฺปิ ตติยมฺปิ ‘‘นิกฺขม ปวิสา’’ติ อาห. ภควาปิ ตถา อกาสิ. ยทิ น กเรยฺย, ปกติยาปิ ถทฺธยกฺขสฺส จิตฺตํ ถทฺธตรํ หุตฺวา ธมฺมกถาย ภาชนํ น ภเวยฺย. ตสฺมา ยถา นาม มาตา โรทนฺตํ ปุตฺตกํ ยํ โส อิจฺฉติ, ตํ ทตฺวา วา กตฺวา วา สฺาเปติ, ตถา ภควา กิเลสโรทเนน โรทนฺตํ ยกฺขํ สฺาเปตุํ ยํ โส ภณติ, ตํ อกาสิ. ยถา จ ธาตี ถฺํ อปิวนฺตํ ทารกํ กิฺจิ ทตฺวา อุปลาเฬตฺวา ปาเยติ, ตถา ภควา ยกฺขํ โลกุตฺตรธมฺมขีรํ ปาเยตุํ ตสฺส ปตฺถิตวจนกรเณน อุปลาเฬนฺโต เอวมกาสิ. ยถา จ ปุริโส ลาพุมฺหิ จตุมธุรํ ปูเรตุกาโม ตสฺสพฺภนฺตรํ โสเธติ, เอวํ ภควา ยกฺขสฺส จิตฺเต โลกุตฺตรจตุมธุรํ ปูเรตุกาโม ตสฺส อพฺภนฺตเร โกธมลํ โสเธตุํ ยาว ตติยํ นิกฺขมนปเวสนํ อกาสิ.

อถ อาฬวโก ‘‘สุวโจ อยํ สมโณ, ‘นิกฺขมา’ติ วุตฺโต นิกฺขมติ, ‘ปวิสา’ติ วุตฺโต ปวิสติ, ยํนูนาหํ อิมํ สมณํ เอวเมวํ สกลรตฺตึ กิลเมตฺวา, ปาเท คเหตฺวา, ปารคงฺคาย ขิเปยฺย’’นฺติ ปาปกํ จิตํ อุปฺปาเทตฺวา จตุตฺถวารํ อาห – ‘‘นิกฺขม สมณา’’ติ. ตํ ตฺวา ภควา ‘‘น ขฺวาหํ ต’’นฺติ อาห. ‘‘เอวํ วุตฺเต ตทุตฺตรึ กรณียํ ปริเยสมาโน ปฺหํ ปุจฺฉิตพฺพํ มฺิสฺสติ, ตํ ธมฺมกถาย มุขํ ภวิสฺสตี’’ติ ตฺวา ‘‘น ขฺวาหํ ต’’นฺติ อาห. ตตฺถ อิติ ปฏิกฺเขเป, โขอิติ อวธารเณ. อหนฺติ อตฺตนิทสฺสนํ, นฺติ เหตุวจนํ. เตเนตฺถ ‘‘ยสฺมา ตฺวํ เอวํ จินฺเตสิ, ตสฺมา อหํ อาวุโส เนว นิกฺขมิสฺสามิ, ยํ เต กรณียํ, ตํ กโรหี’’ติ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ.

ตโต อาฬวโก ยสฺมา ปุพฺเพปิ อากาเสนาคมนเวลายํ ‘‘กึ นุ โข, เอตํ สุวณฺณวิมานํ, อุทาหุ รชตมณิวิมานานํ อฺตรํ, หนฺท นํ ปสฺสามา’’ติ เอวํ อตฺตโน วิมานํ อาคเต อิทฺธิมนฺเต ตาปสปริพฺพาชเก ปฺหํ ปุจฺฉิตฺวา วิสฺสชฺเชตุมสกฺโกนฺเต จิตฺตกฺเขปาทีหิ วิเหเติ. กถํ? อมนุสฺสา หิ ภึสนกรูปทสฺสเนน วา หทยวตฺถุปริมทฺทเนน วาติ ทฺวีหากาเรหิ จิตฺตกฺเขปํ กโรนฺติ. อยํ ปน ยสฺมา ‘‘อิทฺธิมนฺโต ภึสนกรูปทสฺสเนน น ตสนฺตี’’ติ ตฺวา อตฺตโน อิทฺธิปฺปภาเวน สุขุมตฺตภาวํ นิมฺมินิตฺวา, เตสํ อนฺโต ปวิสิตฺวา หทยวตฺถุํ ปริมทฺทติ, ตโต จิตฺตสนฺตติ น สณฺาติ, ตสฺสา อสณฺมานาย อุมฺมตฺตกา โหนฺติ ขิตฺตจิตฺตา. เอวํ ขิตฺตจิตฺตานํ เอเตสํ อุรมฺปิ ผาเลติ, ปาเทปิ เน คเหตฺวา ปารคงฺคาย ขิปติ ‘‘มาสฺสุ เม ปุน เอวรูปา ภวนมาคมึสู’’ติ, ตสฺมา เต ปฺเห สริตฺวา ‘‘ยํนูนาหํ อิมํ สมณํ อิทานิ เอวํ วิเหเยฺย’’นฺติ จินฺเตตฺวา อาห ‘‘ปฺหํ ตํ สมณา’’ติอาทิ.

กุโต ปนสฺส เต ปฺหาติ? ตสฺส กิร มาตาปิตโร กสฺสปํ ภควนฺตํ ปยิรุปาสิตฺวา อฏฺ ปฺเห สวิสฺสชฺชเน อุคฺคเหสุํ. เต ทหรกาเล อาฬวกํ ปริยาปุณาเปสุํ. โส กาลจฺจเยน วิสฺสชฺชนํ สมฺมุสฺสิ. ตโต ‘‘อิเม ปฺหาปิ มา วินสฺสนฺตู’’ติ สุวณฺณปฏฺเฏ ชาติหิงฺคุลเกน ลิขาเปตฺวา วิมาเน นิกฺขิปิ. เอวเมเต พุทฺธปฺหา พุทฺธวิสยา เอว โหนฺติ. ภควา ตํ สุตฺวา ยสฺมา พุทฺธานํ ปริจฺจตฺตลาภนฺตราโย วา ชีวิตนฺตราโย วา สพฺพฺุตฺาณพฺยามปฺปภานํ ปฏิฆาโต วา น สกฺกา เกนจิ กาตุํ, ตสฺมา ตํ โลเก อสาธารณํ พุทฺธานุภาวํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘น ขฺวาหํ ตํ, อาวุโส, ปสฺสามิ สเทวเก โลเก’’ติ.

ตตฺถ ‘‘สเทวกวจเนน ปฺจกามาวจรเทวคฺคหณ’’นฺติอาทินา นเยน เอเตสํ ปทานํ อตฺถมตฺตทสฺสเนน สงฺเขโป วุตฺโต, น อนุสนฺธิโยชนากฺกเมน วิตฺถาโร. สฺวายํ วุจฺจติ – สเทวกวจเนน หิ อุกฺกฏฺปริจฺเฉทโต สพฺพเทเวสุ คหิเตสุปิ เยสํ ตตฺถ สนฺนิปติเต เทวคเณ วิมติ อโหสิ ‘‘มาโร มหานุภาโว ฉกามาวจริสฺสโร วสวตฺตี ปจฺจนีกสาโต ธมฺมเทสฺสี กุรุรกมฺมนฺโต, กึ นุ โข, โสปิสฺส จิตฺตกฺเขปาทีนิ น กเรยฺยา’’ติ, เตสํ วิมติปฏิพาหนตฺถํ ‘‘สมารเก’’ติ อาห. ตโต เยสํ อโหสิ – ‘‘พฺรหฺมา มหานุภาโว เอกงฺคุลิยา เอกจกฺกวาฬสหสฺเส อาโลกํ กโรติ, ทฺวีหิ…เป… ทสหิ องฺคุลีหิ ทสสุ จกฺกวาฬสหสฺเสสุ, อนุตฺตรฺจ ฌานสมาปตฺติสุขํ ปฏิสํเวเทติ, กึ โสปิ น กเรยฺยา’’ติ, เตสํ วิมติปฏิพาหนตฺถํ ‘‘สพฺรหฺมเก’’ติ อาห. อถ เยสํ อโหสิ ‘‘ปุถุ สมณพฺราหฺมณา สาสนสฺส ปจฺจตฺถิกา ปจฺจามิตฺตา มนฺตาทิพลสมนฺนาคตา, กึ เตปิ น กเรยฺยุ’’นฺติ, เตสํ วิมติปฏิพาหนตฺถํ ‘‘สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชายา’’ติ อาห. เอวํ อุกฺกฏฺฏฺาเนสุ กสฺสจิ อภาวํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ สเทวมนุสฺสายาติ วจเนน สมฺมุติเทเว อวเสสมนุสฺเส จ อุปาทาย อุกฺกฏฺปริจฺเฉทวเสเนว เสสสตฺตโลเกปิ กสฺสจิ อภาวํ ทสฺเสสีติ เอวเมตฺถ อนุสนฺธิโยชนากฺกโม เวทิตพฺโพ.

เอวํ ภควา ตสฺส พาธนจิตฺตํ ปฏิเสเธตฺวา ปฺหปุจฺฉเน อุสฺสาหํ ชเนนฺโต อาห ‘‘อปิจ ตฺวํ, อาวุโส, ปุจฺฉ ยทากงฺขสี’’ติ. ตสฺสตฺโถ – ปุจฺฉ, ยทิ อากงฺขสิ, น เม ปฺหวิสฺสชฺชเน ภาโร อตฺถิ. อถ วา ‘‘ปุจฺฉ ยํ อากงฺขสิ, เต สพฺพํ วิสฺสชฺเชสฺสามี’’ติ สพฺพฺุปวารณํ ปวาเรสิ อสาธารณํ ปจฺเจกพุทฺธอคฺคสาวกมหาสาวเกหิ. เต หิ ‘‘ปุจฺฉาวุโส สุตฺวา เวทิสฺสามา’’ติ วทนฺติ. พุทฺธา ปน ‘‘ปุจฺฉาวุโส ยทากงฺขสี’’ติ (สํ. นิ. ๑.๒๓๗, ๒๔๖) วา,

‘‘ปุจฺฉ วาสว มํ ปฺหํ, ยํ กิฺจิ มนสิจฺฉสี’’ติ วา. (ที. นิ. ๒.๓๕๖);

‘‘พาวริสฺส จ ตุยฺหํ วา, สพฺเพสํ สพฺพสํสยํ;

กตาวกาสา ปุจฺฉวฺโห, ยํ กิฺจิ มนสิจฺฉถา’’ติ วา. (สุ. นิ. ๑๐๓๖) –

เอวมาทินา นเยน เทวมนุสฺสานํ สพฺพฺุปวารณํ ปวาเรนฺติ. อนจฺฉริยฺเจตํ, ยํ ภควา พุทฺธภูมึ ปตฺวา เอวํ ปวารณํ ปวาเรยฺย, โย โพธิสตฺตภูมิยํ ปเทสาเณ วตฺตมาโนปิ –

‘‘โกณฺฑฺ ปฺหานิ วิยากโรหิ, ยาจนฺติ ตํ อิสโย สาธุรูปา;

โกณฺฑฺ เอโส มนุเชสุ ธมฺโม, ยํ วุทฺธมาคจฺฉติ เอส ภาโร’’ติ. (ชา. ๒.๑๗.๖๐) –

เอวํ อิสีหิ ยาจิโต –

‘‘กตาวกาสา ปุจฺฉนฺตุ โภนฺโต, ยํ กิฺจิ ปฺหํ มนสาภิปตฺถิตํ;

อหฺหิ ตํ ตํ โว วิยากริสฺสํ, ตฺวา สยํ โลกมิมํ ปรฺจา’’ติ. –

เอวํ สรภงฺคกาเล สมฺภวชาตเก จ สกลชมฺพุทีเป ติกฺขตฺตุํ วิจริตฺวา ปฺหานํ อนฺตกรํ อทิสฺวา ชาติยา สตฺตวสฺสิโก รถิกาย ปํสุกีฬิกํ กีฬนฺโต สุจิรเตน พฺราหฺมเณน ปุฏฺโ –

‘‘ตคฺฆ เต อหมกฺขิสฺสํ, ยถาปิ กุสโล ตถา;

ราชา จ โข นํ ชานาติ, ยทิ กาหติ วา น วา’’ติ. (ชา. ๑.๑๖.๑๗๒) –

เอวํ สพฺพฺุปวารณํ ปวาเรสิ. เอวํ ภควตา อาฬวกสฺส สพฺพฺุปวารณาย ปวาริตาย อถ โข อาฬวโก ยกฺโข ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ ‘‘กึ สูธ วิตฺต’’นฺติ.

๑๘๓. ตตฺถ กินฺติ ปุจฺฉาวจนํ. สูติ ปทปูรณมตฺเต นิปาโต. อิธาติ อิมสฺมึ โลเก. วิตฺตนฺติ วิทติ, ปีตึ กโรตีติ วิตฺตํ, ธนสฺเสตํ อธิวจนํ. สุจิณฺณนฺติ สุกตํ. สุขนฺติ กายิกเจตสิกํ สาตํ. อาวหาตีติ อาวหติ, อาเนติ, เทติ, อปฺเปตีติ วุตฺตํ โหติ หเวติ ทฬฺหตฺเถ นิปาโต. สาทุตรนฺติ อติสเยน สาทุํ. ‘‘สาธุตร’’นฺติปิ ปาโ. รสานนฺติ รสสฺิตานํ ธมฺมานํ. กถนฺติ เกน ปกาเรน, กถํชีวิโน ชีวิตํ กถํชีวิชีวิตํ, คาถาพนฺธสุขตฺถํ ปน สานุนาสิกํ วุจฺจติ. ‘‘กถํชีวึ ชีวต’’นฺติ วา ปาโ. ตสฺส ชีวนฺตานํ กถํชีวินฺติ อตฺโถ. เสสเมตฺถ ปากฏเมว. เอวมิมาย คาถาย ‘‘กึ สุ อิธ โลเก ปุริสสฺส วิตฺตํ เสฏฺํ, กึ สุ สุจิณฺณํ สุขมาวหาติ, กึ รสานํ สาทุตรํ, กถํชีวิโน ชีวิตํ เสฏฺมาหู’’ติ อิเม จตฺตาโร ปฺเห ปุจฺฉิ.

๑๘๔. อถสฺส ภควา กสฺสปทสพเลน วิสฺสชฺชิตนเยเนว วิสฺสชฺเชนฺโต อิมํ คาถมาห ‘‘สทฺธีธ วิตฺต’’นฺติ. ตตฺถ ยถา หิรฺสุวณฺณาทิ วิตฺตํ อุปโภคปริโภคสุขํ อาวหติ, ขุปฺปิปาสาทิทุกฺขํ ปฏิพาหติ, ทาลิทฺทิยํ วูปสเมติ, มุตฺตาทิรตนปฏิลาภเหตุ โหติ, โลกสนฺถุติฺจ อาวหติ, เอวํ โลกิยโลกุตฺตรา สทฺธาปิ ยถาสมฺภวํ โลกิยโลกุตฺตรวิปากสุขมาวหติ, สทฺธาธุเรน ปฏิปนฺนานํ ชาติชราทิทุกฺขํ ปฏิพาหติ, คุณทาลิทฺทิยํ วูปสเมติ, สติสมฺโพชฺฌงฺคาทิรตนปฏิลาภเหตุ โหติ.

‘‘สทฺโธ สีเลน สมฺปนฺโน, ยโส โภคสมปฺปิโต;

ยํ ยํ ปเทสํ ภชติ, ตตฺถ ตตฺเถว ปูชิโต’’ติ. (ธ. ป. ๓๐๓) –

วจนโต โลกสนฺถุติฺจ อาวหตีติ กตฺวา ‘‘วิตฺต’’นฺติ วุตฺตา. ยสฺมา ปเนตํ สทฺธาวิตฺตํ อนุคามิกํ อนฺสาธารณํ สพฺพสมฺปตฺติเหตุ, โลกิยสฺส หิรฺสุวณฺณาทิวิตฺตสฺสาปิ นิทานํ. สทฺโธเยว หิ ทานาทีนิ ปุฺานิ กตฺวา วิตฺตํ อธิคจฺฉติ, อสฺสทฺธสฺส ปน วิตฺตํ ยาวเทว อนตฺถาย โหติ, ตสฺมา ‘‘เสฏฺ’’นฺติ วุตฺตํ. ปุริสสฺสาติ อุกฺกฏฺปริจฺเฉทเทสนา; ตสฺมา น เกวลํ ปุริสสฺส, อิตฺถิอาทีนมฺปิ สทฺธาวิตฺตเมว เสฏฺนฺติ เวทิตพฺพํ.

ธมฺโมติ ทสกุสลกมฺมปถธมฺโม, ทานสีลภาวนาธมฺโม วา. สุจิณฺโณติ สุกโต สุจริโต. สุขมาวหาตีติ โสณเสฏฺิปุตฺตรฏฺปาลาทีนํ วิย มนุสฺสสุขํ, สกฺกาทีนํ วิย ทิพฺพสุขํ, ปริโยสาเน จ มหาปทุมาทีนํ วิย นิพฺพานสุขฺจ อาวหตีติ.

สจฺจนฺติ อยํ สจฺจสทฺโท อเนเกสุ อตฺเถสุ ทิสฺสติ. เสยฺยถิทํ – ‘‘สจฺจํ ภเณ น กุชฺเฌยฺยา’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๒๒๔) วาจาสจฺเจ. ‘‘สจฺเจ ิตา สมณพฺราหฺมณา จา’’ติอาทีสุ (ชา. ๒.๒๑.๔๓๓) วิรติสจฺเจ. ‘‘กสฺมา นุ สจฺจานิ วทนฺติ นานา, ปวาทิยาเส กุสลาวทานา’’ติอาทีสุ (สุ. นิ. ๘๙๑) ทิฏฺิสจฺเจ. ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, พฺราหฺมณสจฺจานี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๑๘๕) พฺราหฺมณสจฺเจ. ‘‘เอกฺหิ สจฺจํ น ทุตียมตฺถี’’ติอาทีสุ (สุ. นิ. ๘๙๐) ปรมตฺถสจฺเจ. ‘‘จตุนฺนํ สจฺจานํ กติ กุสลา’’ติอาทีสุ (วิภ. ๒๑๖) อริยสจฺเจ. อิธ ปน ปรมตฺถสจฺจํ นิพฺพานํ, วิรติสจฺจํ วา อพฺภนฺตรํ กตฺวา วาจาสจฺจํ อธิปฺเปตํ, ยสฺสานุภาเวน อุทกาทีนิ วเส วตฺเตนฺติ ชาติชรามรณปารํ ตรนฺติ. ยถาห –

‘‘สจฺเจน วาเจนุทกมฺปิ ธาวติ, วิสมฺปิ สจฺเจน หนนฺติ ปณฺฑิตา;

สจฺเจน เทโว ถนยํ ปวสฺสติ, สจฺเจ ิตา นิพฺพุตึ ปตฺถยนฺติ.

‘‘เย เกจิเม อตฺถิ รสา ปถพฺยา, สจฺจํ เตสํ สาทุตรํ รสานํ;

สจฺเจ ิตา สมณพฺราหฺมณา จ, ตรนฺติ ชาติมรณสฺส ปาร’’นฺติ. (ชา. ๒.๒๑.๔๓๓);

สาทุตรนฺติ มธุรตรํ, ปณีตตรํ. รสานนฺติ เย อิเม ‘‘มูลรโส, ขนฺธรโส’’ติอาทินา (ธ. ส. ๖๒๘-๖๓๐) นเยน สายนียธมฺมา, เย จิเม ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สพฺพํ ผลรสํ (มหาว. ๓๐๐) อรสรูโป ภวํ โคตโม, เย เต, พฺราหฺมณ, รูปรสา, สทฺทรสา (อ. นิ. ๘.๑๑; ปารา. ๓), อนาปตฺติ รสรเส (ปาจิ. ๖๐๗-๖๐๙), อยํ ธมฺมวินโย เอกรโส วิมุตฺติรโส (อ. นิ. ๘.๑๙; จูฬว. ๓๘๕), ภาคี วา ภควา อตฺถรสสฺส ธมฺมรสสฺสา’’ติอาทินา (มหานิ. ๑๔๙; จูฬนิ. อชิตมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๒) นเยน วาจารสูปวชฺชา อวเสสพฺยฺชนาทโย ธมฺมา ‘‘รสา’’ติ วุจฺจนฺติ, เตสํ รสานํ สจฺจํ หเว สาทุตรํ สจฺจเมว สาทุตรํ, สาธุตรํ วา เสฏฺตรํ, อุตฺตมตรํ. มูลรสาทโย หิ สรีรํ อุปพฺรูเหนฺติ, สํกิเลสิกฺจ สุขมาวหนฺติ. สจฺจรเส วิรติสจฺจวาจาสจฺจรสา สมถวิปสฺสนาทีหิ จิตฺตมุปพฺรูเหนฺติ, อสํกิเลสิกฺจ สุขมาวหนฺติ, วิมุตฺติรโส ปรมตฺถสจฺจรสปริภาวิตตฺตา สาทุ, อตฺถรสธมฺมรสา จ ตทธิคมูปายภูตํ อตฺถฺจ ธมฺมฺจ นิสฺสาย ปวตฺติโตติ.

ปฺาชีวินฺติ เอตฺถ ปน ยฺวายํ อนฺเธกจกฺขุทฺวิจกฺขุเกสุ ทฺวิจกฺขุปุคฺคโล คหฏฺโ วา กมฺมนฺตานุฏฺานสรณคมนทานสํวิภาคสีลสมาทานอุโปสถกมฺมาทิคหฏฺปฏิปทํ, ปพฺพชิโต วา อวิปฺปฏิสารกรสีลสงฺขาตํ ตทุตฺตริจิตฺตวิสุทฺธิอาทิเภทํ วา ปพฺพชิตปฏิปทํ ปฺาย อาราเธตฺวา ชีวติ, ตสฺส ปฺาชีวิโน ชีวิตํ, ตํ วา ปฺาชีวึ ชีวิตํ เสฏฺมาหูติ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ.

๑๘๕-๖. เอวํ ภควตา วิสฺสชฺชิเต จตฺตาโรปิ ปฺเห สุตฺวา อตฺตมโน ยกฺโข อวเสเสปิ จตฺตาโร ปฺเห ปุจฺฉนฺโต ‘‘กถํ สุ ตรติ โอฆ’’นฺติ คาถมาห. อถสฺส ภควา ปุริมนเยเนว วิสฺสชฺเชนฺโต ‘‘สทฺธาย ตรตี’’ติ คาถมาห. ตตฺถ กิฺจาปิ โย จตุพฺพิธํ โอฆํ ตรติ, โส สํสารณฺณวมฺปิ ตรติ, วฏฺฏทุกฺขมฺปิ อจฺเจติ, กิเลสมลาปิ ปริสุชฺฌติ, เอวํ สนฺเตปิ ปน ยสฺมา อสฺสทฺโธ โอฆตรณํ อสทฺทหนฺโต น ปกฺขนฺทติ, ปฺจสุ กามคุเณสุ จิตฺตโวสฺสคฺเคน ปมตฺโต ตตฺเถว สตฺตวิสตฺตตาย สํสารณฺณวํ น ตรติ, กุสีโต ทุกฺขํ วิหรติ โวกิณฺโณ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ, อปฺปฺโ สุทฺธิมคฺคํ อชานนฺโต น ปริสุชฺฌติ, ตสฺมา ตปฺปฏิปกฺขํ ทสฺเสนฺเตน ภควตา อยํ คาถา วุตฺตา.

เอวํ วุตฺตาย เจตาย ยสฺมา โสตาปตฺติยงฺคปทฏฺานํ สทฺธินฺทฺริยํ, ตสฺมา ‘‘สทฺธาย ตรติ โอฆ’’นฺติ อิมินา ปเทน ทิฏฺโฆตรณํ โสตาปตฺติมคฺคํ โสตาปนฺนฺจ ปกาเสติ. ยสฺมา ปน โสตาปนฺโน กุสลานํ ธมฺมานํ ภาวนาย สาตจฺจกิริยาสงฺขาเตน อปฺปมาเทน สมนฺนาคโต ทุติยมคฺคํ อาราเธตฺวา เปตฺวา สกิเทว อิมํ โลกํ อาคมนมตฺตํ อวเสสํ โสตาปตฺติมคฺเคน อติณฺณํ ภโวฆวตฺถุํ สํสารณฺณวํ ตรติ, ตสฺมา ‘‘อปฺปมาเทน อณฺณว’’นฺติ อิมินา ปเทน ภโวฆตรณํ สกทาคามิมคฺคํ สกทาคามิฺจ ปกาเสติ. ยสฺมา สกทาคามี วีริเยน ตติยมคฺคํ อาราเธตฺวา สกทาคามิมคฺเคน อนตีตํ กาโมฆวตฺถุํ; กาโมฆสฺิตฺจ กามทุกฺขมจฺเจติ, ตสฺมา ‘‘วีริเยน ทุกฺขมจฺเจตี’’ติ อิมินา ปเทน กาโมฆตรณํ อนาคามิมคฺคํ อนาคามิฺจ ปกาเสติ. ยสฺมา ปน อนาคามี วิคตกามปงฺกตาย ปริสุทฺธาย ปฺาย เอกนฺตปริสุทฺธํ จตุตฺถมคฺคปฺํ อาราเธตฺวา อนาคามิมคฺเคน อปฺปหีนํ อวิชฺชาสงฺขาตํ ปรมมลํ ปชหติ, ตสฺมา ‘‘ปฺาย ปริสุชฺฌตี’’ติ อิมินา ปเทน อวิชฺโชฆตรณํ อรหตฺตมคฺคํ อรหนฺตฺจ ปกาเสติ. อิมาย จ อรหตฺตนิกูเฏน กถิตาย คาถาย ปริโยสาเน ยกฺโข โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาสิ.

๑๘๗. อิทานิ ตเมว ‘‘ปฺาย ปริสุชฺฌตี’’ติ เอตฺถ วุตฺตํ ปฺาปทํ คเหตฺวา อตฺตโน ปฏิภาเนน โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสกํ ปฺหํ ปุจฺฉนฺโต ‘‘กถํ สุ ลภเต ปฺ’’นฺติ อิมํ ฉปฺปทคาถมาห. ตตฺถ กถํ สูติ สพฺพตฺเถว อตฺถยุตฺติปุจฺฉา โหติ. อยฺหิ ปฺาทิอตฺถํ ตฺวา ตสฺส ยุตฺตึ ปุจฺฉติ ‘‘กถํ กาย ยุตฺติยา เกน การเณน ปฺํ ลภตี’’ติ. เอส นโย ธนาทีสุ.

๑๘๘. อถสฺส ภควา จตูหิ การเณหิ ปฺาลาภํ ทสฺเสนฺโต ‘‘สทฺทหาโน’’ติอาทิมาห. ตสฺสตฺโถ – เยน ปุพฺพภาเค กายสุจริตาทิเภเทน, อปรภาเค จ สตฺตตึสโพธิปกฺขิยเภเทน ธมฺเมน อรหนฺโต พุทฺธปจฺเจกพุทฺธสาวกา นิพฺพานํ ปตฺตา, ตํ สทฺทหาโน อรหตํ ธมฺมํ นิพฺพานปฺปตฺติยา โลกิยโลกุตฺตรํ ปฺํ ลภติ. ตฺจ โข น สทฺธามตฺตเกเนว, ยสฺมา ปน สทฺธาชาโต อุปสงฺกมติ, อุปสงฺกมนฺโต ปยิรุปาสติ, ปยิรุปาสนฺโต โสตํ โอทหติ, โอหิตโสโต ธมฺมํ สุณาติ, ตสฺมา อุปสงฺกมนโต ปภุติ ยาว ธมฺมสฺสวเนน สุสฺสูสํ ลภติ. กิ วุตฺตํ โหติ – ตํ ธมฺมํ สทฺทหิตฺวาปิ อาจริยุปชฺฌาเย กาเลน อุปสงฺกมิตฺวา วตฺตกรเณน ปยิรุปาสิตฺวา ยทา ปยิรุปาสนาย อาราธิตจิตฺตา กิฺจิ วตฺตุกามา โหนฺติ. อถ อธิคตาย โสตุกามตาย โสตํ โอทหิตฺวา สุณนฺโต ลภตีติ. เอวํ สุสูสมฺปิ จ สติอวิปฺปวาเสน อปฺปมตฺโต สุภาสิตทุพฺภาสิตฺุตาย วิจกฺขโณ เอว ลภติ, น อิตโร. เตนาห ‘‘อปฺปมตฺโต วิจกฺขโณ’’ติ.

เอวํ ยสฺมา สทฺธาย ปฺาลาภสํวตฺตนิกํ ปฏิปทํ ปฏิปชฺชติ, สุสฺสูสาย สกฺกจฺจํ ปฺาธิคมูปายํ สุณาติ, อปฺปมาเทน คหิตํ น สมฺมุสฺสติ, วิจกฺขณตาย อนูนาธิกํ อวิปรีตฺจ คเหตฺวา วิตฺถาริกํ กโรติ. สุสฺสูสาย วา โอหิตโสโต ปฺาปฏิลาภเหตุํ ธมฺมํ สุณาติ, อปฺปมาเทน สุตฺวา ธมฺมํ ธาเรติ, วิจกฺขณตาย ธตานํ ธมฺมานํ อตฺถมุปปริกฺขติ, อถานุปุพฺเพน ปรมตฺถสจฺจํ สจฺฉิกโรติ, ตสฺมาสฺส ภควา ‘‘กถํ สุ ลภเต ปฺ’’นฺติ ปุฏฺโ อิมานิ จตฺตาริ การณานิ ทสฺเสนฺโต อิมํ คาถมาห – ‘‘สทฺทหาโน…เป… วิจกฺขโณ’’ติ.

๑๘๙. อิทานิ ตโต ปเร ตโย ปฺเห วิสฺสชฺเชนฺโต ‘‘ปติรูปการี’’ติ อิมํ คาถมาห. ตตฺถ เทสกาลาทีนิ อหาเปตฺวา โลกิยสฺส โลกุตฺตรสฺส วา ธนสฺส ปติรูปํ อธิคมูปายํ กโรตีติ ปติรูปการี. ธุรวาติ เจตสิกวีริยวเสน อนิกฺขิตฺตธุโร. อุฏฺาตาติ ‘‘โย จ สีตฺจ อุณฺหฺจ, ติณา ภิยฺโย น มฺตี’’ติอาทินา (เถรคา. ๒๓๒; ที. นิ. ๓.๒๕๓) นเยน กายิกวีริยวเสน อุฏฺานสมฺปนฺโน อสิถิลปรกฺกโม. วินฺทเต ธนนฺติ เอกมูสิกาย น จิรสฺเสว ทฺเวสตสหสฺสสงฺขํ จูฬนฺเตวาสี วิย โลกิยธนฺจ, มหลฺลกมหาติสฺสตฺเถโร วิย โลกุตฺตรธนฺจ ลภติ. โส หิ ‘‘ตีหิ อิริยาปเถหิ วิหริสฺสามี’’ติ วตฺตํ กตฺวา ถินมิทฺธาคมนเวลาย ปลาลจุมฺพฏกํ เตเมตฺวา, สีเส กตฺวา, คลปฺปมาณํ อุทกํ ปวิสิตฺวา, ถินมิทฺธํ ปฏิพาเหนฺโต ทฺวาทสหิ วสฺเสหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. สจฺเจนาติ วจีสจฺเจนาปิ ‘‘สจฺจวาที ภูตวาที’’ติ, ปรมตฺถสจฺเจนาปิ ‘‘พุทฺโธ ปจฺเจกพุทฺโธ อริยสาวโก’’ติ เอวํ กิตฺตึ ปปฺโปติ. ททนฺติ ยํกิฺจิ อิจฺฉิตปตฺถิตํ ททนฺโต มิตฺตานิ คนฺถติ, สมฺปาเทติ กโรตีติ อตฺโถ. ทุทฺททํ วา ททํ คนฺถติ, ทานมุเขน วา จตฺตาริปิ สงฺคหวตฺถูนิ คหิตานีติ เวทิตพฺพานิ. เตหิ มิตฺตานิ กโรตีติ วุตฺตํ โหติ.

๑๙๐. เอวํ คหฏฺปพฺพชิตานํ สาธารเณน โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสเกน นเยน จตฺตาโร ปฺเห วิสฺสชฺเชตฺวา อิทานิ ‘‘กถํ เปจฺจ น โสจตี’’ติ อิมํ ปฺจมํ ปฺหํ คหฏฺวเสน วิสฺสชฺเชนฺโต อาห ‘‘ยสฺเสเต’’ติ. ตสฺสตฺโถ – ยสฺส ‘‘สทฺทหาโน อรหต’’นฺติ เอตฺถ วุตฺตาย สพฺพกลฺยาณธมฺมุปฺปาทิกาย สทฺธาย สมนฺนาคตตฺตา สทฺธสฺส ฆรเมสิโน ฆราวาสํ ปฺจ วา กามคุเณ เอสนฺตสฺส คเวสนฺตสฺส กามโภคิโน คหฏฺสฺส ‘‘สจฺเจน กิตฺตึ ปปฺโปตี’’ติ เอตฺถ วุตฺตปฺปการํ สจฺจํ, ‘‘สุสฺสูสํ ลภเต ปฺ’’นฺติ เอตฺถ สุสฺสูสปฺานาเมน วุตฺโต ธมฺโม, ‘‘ธุรวา อุฏฺาตา’’ติ เอตฺถ ธุรนาเมน อุฏฺานนาเมน จ วุตฺตา ธีติ, ‘‘ททํ มิตฺตานิ คนฺถตี’’ติ เอตฺถ วุตฺตปฺปกาโร จาโค จาติ เอเต จตุโร ธมฺมา สนฺติ. ส เว เปจฺจ น โสจตีติ อิธโลกา ปรโลกํ คนฺตฺวา ส เว น โสจตีติ.

๑๙๑. เอวํ ภควา ปฺจมมฺปิ ปฺหํ วิสฺสชฺเชตฺวา ตํ ยกฺขํ โจเทนฺโต อาห – ‘‘อิงฺฆ อฺเปี’’ติ. ตตฺถ อิงฺฆาติ โจทนตฺเถ นิปาโต. อฺเปีติ อฺเปิ ธมฺเม ปุถู สมณพฺราหฺมเณ ปุจฺฉสฺสุ, อฺเปิ วา ปูรณาทโย สพฺพฺุปฏิฺเ ปุถู สมณพฺราหฺมเณ ปุจฺฉสฺสุ. ยทิ อมฺเหหิ ‘‘สจฺเจน กิตฺตึ ปปฺโปตี’’ติ เอตฺถ วุตฺตปฺปการา สจฺจา ภิยฺโย กิตฺติปฺปตฺติการณํ วา, ‘‘สุสฺสูสํ ลภเต ปฺ’’นฺติ เอตฺถ สุสฺสูสนปฺาปเทเสน วุตฺตา ทมา ภิยฺโย โลกิยโลกุตฺตรปฺาปฏิลาภการณํ วา. ‘‘ททํ มิตฺตานิ คนฺถตี’’ติ เอตฺถ วุตฺตปฺปการา จาคา ภิยฺโย มิตฺตคนฺถนการณํ วา, ‘‘ธุรวา อุฏฺาตา’’ติ เอตฺถ ตํ ตํ อตฺถวสํ ปฏิจฺจ ธุรนาเมน อุฏฺานนาเมน จ วุตฺตาย มหาภารสหนฏฺเน อุสฺโสฬฺหีภาวปฺปตฺตาย วีริยสงฺขาตาย ขนฺตฺยา ภิยฺโย โลกิยโลกุตฺตรธนวินฺทนการณํ วา, ‘‘สจฺจํ ธมฺโม ธิติ จาโค’’ติ เอวํ วุตฺเตหิ อิเมเหว จตูหิ ธมฺเมหิ ภิยฺโย อสฺมา โลกา ปรํ โลกํ เปจฺจ อโสจนการณํ วา อิธ วิชฺชตีติ อยเมตฺถ สทฺธึ สงฺเขปโยชนาย อตฺถวณฺณนา. วิตฺถารโต ปน เอกเมกํ ปทํ อตฺถุทฺธารปทุทฺธารวณฺณนานเยหิ วิภชิตฺวา เวทิตพฺพา.

๑๙๒. เอวํ วุตฺเต ยกฺโข เยน สํสเยน อฺเ ปุจฺเฉยฺย, ตสฺส ปหีนตฺตา ‘‘กถํ นุ ทานิ ปุจฺเฉยฺยํ, ปุถู สมณพฺราหฺมเณติ วตฺวา เยปิสฺส อปุจฺฉนการณํ น ชานนฺติ, เตปิ ชานาเปนฺโต ‘‘โยหํ อชฺช ปชานามิ, โย อตฺโถ สมฺปรายิโก’’ติ อาห. ตตฺถ อชฺชาติ อชฺชาทึ กตฺวาติ อธิปฺปาโย. ปชานามีติ ยถาวุตฺเตน ปกาเรน ชานามิ. โย อตฺโถติ เอตฺตาวตา ‘‘สุสฺสูสํ ลภเต ปฺ’’นฺติอาทินา นเยน วุตฺตํ ทิฏฺธมฺมิกํ ทสฺเสติ สมฺปรายิโกติ อิมินา ‘‘ยสฺเสเต จตุโร ธมฺมา’’ติ วุตฺตํ เปจฺจ โสกาภาวกรํ สมฺปรายิกํ. อตฺโถติ จ การณสฺเสตํ อธิวจนํ. อยฺหิ อตฺถสทฺโท ‘‘สาตฺถํ สพฺยฺชน’’นฺติ เอวมาทีสุ (ปารา. ๑; ที. นิ. ๑.๒๕๕) ปาตฺเถ วตฺตติ. ‘‘อตฺโถ เม, คหปติ, หิรฺสุวณฺเณนา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๒๕๐; ม. นิ. ๓.๒๕๘) กิจฺจตฺเถ ‘‘โหติ สีลวตํ อตฺโถ’’ติอาทีสุ (ชา. ๑.๑.๑๑) วุฑฺฒิมฺหิ. ‘‘พหุชโน ภชเต อตฺถเหตู’’ติอาทีสุ (ชา. ๑.๑๕.๘๙) ธเน. ‘‘อุภินฺนมตฺถํ จรตี’’ติอาทีสุ (ชา. ๑.๗.๖๖; สํ. นิ. ๑.๒๕๐; เถรคา. ๔๔๓) หิเต. ‘‘อตฺเถ ชาเต จ ปณฺฑิต’’นฺติอาทีสุ (ชา. ๑.๑.๙๒) การเณ. อิธ ปน การเณ. ตสฺมา ยํ ปฺาทิลาภาทีนํ การณํ ทิฏฺธมฺมิกํ, ยฺจ เปจฺจ โสกาภาวสฺส การณํ สมฺปรายิกํ, ตํ โยหํ อชฺช ภควตา วุตฺตนเยน สามํเยว ปชานามิ, โส กถํ นุ ทานิ ปุจฺเฉยฺยํ ปุถู สมณพฺราหฺมเณติ เอวเมตฺถ สงฺเขปโต อตฺโถ เวทิตพฺโพ.

๑๙๓. เอวํ ยกฺโข ‘‘ปชานามิ โย อตฺโถ สมฺปรายิโก’’ติ วตฺวา ตสฺส าณสฺส ภควํมูลกตฺตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อตฺถาย วต เม พุทฺโธ’’ติ อาห. ตตฺถ อตฺถายาติ หิตาย, วุฑฺฒิยา วา. ยตฺถ ทินฺนํ มหปฺผลนฺติ ‘‘ยสฺเสเต จตุโร ธมฺมา’’ติ (ชา. ๑.๑.๙๗) เอตฺถ วุตฺตจาเคน ยตฺถ ทินฺนํ มหปฺผลํ โหติ, ตํ อคฺคทกฺขิเณยฺยํ พุทฺธํ ปชานามีติ อตฺโถ. เกจิ ปน ‘‘สงฺฆํ สนฺธาย เอวมาหา’’ติ ภณนฺติ.

๑๙๔. เอวํ อิมาย คาถาย อตฺตโน หิตาธิคมํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ปรหิตาย ปฏิปตฺตึ ทีเปนฺโต อาห ‘‘โส อหํ วิจริสฺสามี’’ติ. ตสฺสตฺโถ เหมวตสุตฺเต วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ.

เอวมิมาย คาถาย ปริโยสานฺจ รตฺติวิภายนฺจ สาธุการสทฺทุฏฺานฺจ อาฬวกกุมารสฺส ยกฺขสฺส ภวนํ อานยนฺจ เอกกฺขเณเยว อโหสิ. ราชปุริสา สาธุการสทฺทํ สุตฺวา ‘‘เอวรูโป สาธุการสทฺโท เปตฺวา พุทฺเธ น อฺเสํ อพฺภุคฺคจฺฉติ, อาคโต นุ โข ภควา’’ติ อาวชฺเชนฺตา ภควโต สรีรปฺปภํ ทิสฺวา, ปุพฺเพ วิย พหิ อฏฺตฺวา, นิพฺพิสงฺกา อนฺโตเยว ปวิสิตฺวา, อทฺทสํสุ ภควนฺตํ ยกฺขสฺส ภวเน นิสินฺนํ, ยกฺขฺจ อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา ิตํ. ทิสฺวาน ยกฺขํ อาหํสุ – ‘‘อยํ เต, มหายกฺข, ราชกุมาโร พลิกมฺมาย อานีโต, หนฺท นํ ขาท วา ภุฺช วา, ยถาปจฺจยํ วา กโรหี’’ติ. โส โสตาปนฺนตฺตา ลชฺชิโต วิเสสโต จ ภควโต ปุรโต เอวํ วุจฺจมาโน, อถ ตํ กุมารํ อุโภหิ หตฺเถหิ ปฏิคฺคเหตฺวา ภควโต อุปนาเมสิ – ‘‘อยํ ภนฺเต กุมาโร มยฺหํ เปสิโต, อิมาหํ ภควโต ทมฺมิ, หิตานุกมฺปกา พุทฺธา, ปฏิคฺคณฺหาตุ, ภนฺเต, ภควา อิมํ ทารกํ อิมสฺส หิตตฺถาย สุขตฺถายา’’ติ. อิมฺจ คาถมาห –

‘‘อิมํ กุมารํ สตปุฺลกฺขณํ, สพฺพงฺคุเปตํ ปริปุณฺณพฺยฺชนํ;

อุทคฺคจิตฺโต สุมโน ททามิ เต, ปฏิคฺคห โลกหิตาย จกฺขุมา’’ติ.

ปฏิคฺคเหสิ ภควา กุมารํ, ปฏิคฺคณฺหนฺโต จ ยกฺขสฺส จ กุมารสฺส จ มงฺคลกรณตฺถํ ปาทูนคาถํ อภาสิ. ตํ ยกฺโข กุมารํ สรณํ คเมนฺโต ติกฺขตฺตุํ จตุตฺถปาเทน ปูเรติ. เสยฺยถิทํ –

‘‘ทีฆายุโก โหตุ อยํ กุมาโร,

ตุวฺจ ยกฺข สุขิโต ภวาหิ;

อพฺยาธิตา โลกหิตาย ติฏฺถ,

อยํ กุมาโร สรณมุเปติ พุทฺธํ…เป… ธมฺมํ…เป… สงฺฆ’’นฺติ.

ภควา กุมารํ ราชปุริสานํ อทาสิ – ‘‘อิมํ วฑฺเฒตฺวา ปุน มเมว เทถา’’ติ. เอวํ โส กุมาโร ราชปุริสานํ หตฺถโต ยกฺขสฺส หตฺถํ ยกฺขสฺส หตฺถโต ภควโต หตฺถํ, ภควโต หตฺถโต ปุน ราชปุริสานํ หตฺถํ คตตฺตา นามโต ‘‘หตฺถโก อาฬวโก’’ติ ชาโต. ตํ อาทาย ปฏินิวตฺเต ราชปุริเส ทิสฺวา กสฺสกวนกมฺมิกาทโย ‘‘กึ ยกฺโข กุมารํ อติทหรตฺตา น อิจฺฉตี’’ติ ภีตา ปุจฺฉึสุ. ราชปุริสา ‘‘มา ภายถ, เขมํ กตํ ภควตา’’ติ สพฺพมาโรเจสุํ. ตโต ‘‘สาธุ สาธู’’ติ สกลํ อาฬวีนครํ เอกโกลาหเลน ยกฺขาภิมุขํ อโหสิ. ยกฺโขปิ ภควโต ภิกฺขาจารกาเล อนุปฺปตฺเต ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา อุปฑฺฒมคฺคํ อาคนฺตฺวา นิวตฺติ.

อถ ภควา นคเร ปิณฺฑาย จริตฺวา กตภตฺตกิจฺโจ นครทฺวาเร อฺตรสฺมึ วิวิตฺเต รุกฺขมูเล ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสีทิ. ตโต มหาชนกาเยน สทฺธึ ราชา จ นาครา จ เอกโต สมฺปิณฺฑิตฺวา ภควนฺตํ อุปสงฺกมฺม วนฺทิตฺวา ปริวาเรตฺวา นิสินฺนา ‘‘กถํ, ภนฺเต, เอวํ ทารุณํ ยกฺขํ ทมยิตฺถา’’ติ ปุจฺฉึสุ. เตสํ ภควา ยุทฺธมาทึ กตฺวา ‘‘เอวํ นววิธวสฺสํ วสฺสิ, เอวํ วิภึสนกํ อกาสิ, เอวํ ปฺหํ ปุจฺฉิ, ตสฺสาหํ เอวํ วิสฺสชฺเชสิ’’นฺติ ตเมวาฬวกสุตฺตํ กเถสิ. กถาปริโยสาเน จตุราสีติปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. ตโต ราชา จ นาครา จ เวสฺสวณมหาราชสฺส ภวนสมีเป ยกฺขสฺส ภวนํ กตฺวา ปุปฺผคนฺธาทิสกฺการูเปตํ นิจฺจํ พลึ ปวตฺเตสุํ. ตฺจ กุมารํ วิฺุตํ ปตฺตํ ‘‘ตฺวํ ภควนฺตํ นิสฺสาย ชีวิตํ ลภิ, คจฺฉ, ภควนฺตํเยว ปยิรุปาสสฺสุ ภิกฺขุสงฺฆฺจา’’ติ วิสฺสชฺเชสุํ. โส ภควนฺตฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจ ปยิรุปาสมาโน น จิรสฺเสว อนาคามิผเล ปติฏฺาย สพฺพํ พุทฺธวจนํ อุคฺคเหตฺวา ปฺจสตอุปาสกปริวาโร อโหสิ. ภควา จ นํ เอตทคฺเค นิทฺทิสิ ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ อุปาสกานํ จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ ปริสํ สงฺคณฺหนฺตานํ ยทิทํ หตฺถโก อาฬวโก’’ติ (อ นิ. ๑.๒๕๑).

ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย

สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย อาฬวกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๑. วิชยสุตฺตวณฺณนา

จรํ วา ยทิ วา ติฏฺนฺติ นนฺทสุตฺตํ. ‘‘วิชยสุตฺตํ กายวิจฺฉนฺทนิกสุตฺต’’นฺติปิ วุจฺจติ. กา อุปฺปตฺติ? อิทํ กิร สุตฺตํ ทฺวีสุ าเนสุ วุตฺตํ, ตสฺมา อสฺส ทุวิธา อุปฺปตฺติ. ตตฺถ ภควตา อนุปุพฺเพน กปิลวตฺถุํ อนุปฺปตฺวา, สากิเย วิเนตฺวา นนฺทาทโย ปพฺพาเชตฺวา, อนุฺาตาย มาตุคามสฺส ปพฺพชฺชาย อานนฺทตฺเถรสฺส ภคินี นนฺทา, เขมกสกฺกรฺโ ธีตา อภิรูปนนฺทา, ชนปทกลฺยาณี นนฺทาติ ติสฺโส นนฺทาโย ปพฺพชึสุ. เตน จ สมเยน ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ. อภิรูปนนฺทา อภิรูปา เอว อโหสิ ทสฺสนียา ปาสาทิกา, เตเนวสฺสา อภิรูปนนฺทาติ นามมกํสุ. ชนปทกลฺยาณี นนฺทาปิ รูเปน อตฺตนา สทิสํ น ปสฺสติ. ตา อุโภปิ รูปมทมตฺตา ‘‘ภควา รูปํ วิวณฺเณติ, ครหติ, อเนกปริยาเยน รูเป อาทีนวํ ทสฺเสตี’’ติ ภควโต อุปฏฺานํ น คจฺฉนฺติ, ทฏฺุมฺปิ น อิจฺฉนฺติ. เอวํ อปฺปสนฺนา กสฺมา ปพฺพชิตาติ เจ? อคติยา. อภิรูปนนฺทาย หิ วาเรยฺยทิวเสเยว สามิโก สกฺยกุมาโร กาลมกาสิ. อถ นํ มาตาปิตโร อกามกํ ปพฺพาเชสุํ. ชนปทกลฺยาณี นนฺทาปิ อายสฺมนฺเต นนฺเท อรหตฺตํ ปตฺเต นิราสา หุตฺวา ‘‘มยฺหํ สามิโก จ มาตา จ มหาปชาปติ อฺเ จ าตกา ปพฺพชิตา, าตีหิ วินา ทุกฺโข ฆราวาโส’’ติ ฆราวาเส อสฺสาทมลภนฺตี ปพฺพชิตา, น สทฺธาย.

อถ ภควา ตาสํ าณปริปากํ วิทิตฺวา มหาปชาปตึ อาณาเปสิ ‘‘สพฺพาปิ ภิกฺขุนิโย ปฏิปาฏิยา โอวาทํ อาคจฺฉนฺตู’’ติ. ตา อตฺตโน วาเร สมฺปตฺเต อฺํ เปเสนฺติ. ตโต ภควา ‘‘สมฺปตฺเต วาเร อตฺตนาว อาคนฺตพฺพํ, น อฺา เปเสตพฺพา’’ติ อาห. อเถกทิวสํ อภิรูปนนฺทา อคมาสิ. ตํ ภควา นิมฺมิตรูเปน สํเวเชตฺวา ‘‘อฏฺีนํ นครํ กต’’นฺติ อิมาย ธมฺมปทคาถาย –

‘‘อาตุรํ อสุจึ ปูตึ, ปสฺส นนฺเท สมุสฺสยํ;

อุคฺฆรนฺตํ ปคฺฆรนฺตํ, พาลานํ อภิปตฺถิตํ. (เถรีคา. ๑๙);

‘‘อนิมิตฺตฺจ ภาเวหิ, มานานุสยมุชฺชห;

ตโต มานาภิสมยา, อุปสนฺตา จริสฺสสี’’ติ. (สุ. นิ. ๓๔๔; เถรีคา. ๒๐) –

อิมาหิ เถรีคาถาหิ จ อนุปุพฺเพน อรหตฺเต ปติฏฺาเปสิ. อเถกทิวสํ สาวตฺถิวาสิโน ปุเรภตฺตํ ทานํ ทตฺวา สมาทินฺนุโปสถา สุนิวตฺถา สุปารุตา คนฺธปุปฺผาทีนิ อาทาย ธมฺมสฺสวนตฺถาย เชตวนํ คนฺตฺวา ธมฺมสฺสวนปริโยสาเน ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา นครํ ปวิสนฺติ. ภิกฺขุนิสงฺโฆปิ ธมฺมกถํ สุตฺวา ภิกฺขุนิอุปสฺสยํ คจฺฉติ. ตตฺถ มนุสฺสา จ ภิกฺขุนิโย จ ภควโต วณฺณํ ภาสนฺติ. จตุปฺปมาณิเก หิ โลกสนฺนิวาเส สมฺมาสมฺพุทฺธํ ทิสฺวา อปฺปสีทนฺโต นาม นตฺถิ. รูปปฺปมาณิกา หิ ปุคฺคลา ภควโต ลกฺขณขจิตมนุพฺยฺชนวิจิตฺรํ สมุชฺชลิตเกตุมาลาพฺยามปฺปภาวินทฺธมลงฺการตฺถมิว โลกสฺส สมุปฺปนฺนํ รูปํ ทิสฺวา ปสีทนฺติ, โฆสปฺปมาณิกา อเนกสเตสุ ชาตเกสุ กิตฺติโฆสํ อฏฺงฺคสมนฺนาคตํ กรวีกมธุรนิคฺโฆสํ พฺรหฺมสฺสรฺจ สุตฺวา, ลูขปฺปมาณิกา ปตฺตจีวราทิลูขตํ ทุกฺกรการิกลูขตํ วา ทิสฺวา, ธมฺมปฺปมาณิกา สีลกฺขนฺธาทีสุ ยํกิฺจิ ธมฺมกฺขนฺธํ อุปปริกฺขิตฺวา. ตสฺมา สพฺพฏฺาเนสุ ภควโต วณฺณํ ภาสนฺติ. ชนปทกลฺยาณี นนฺทา ภิกฺขุนิปสฺสยํ ปตฺวาปิ อเนกปริยาเยน ภควโต วณฺณํ ภาสนฺตานํ เตสํ สุตฺวา ภควนฺตํ อุปคนฺตุกามา หุตฺวา ภิกฺขุนีนํ อาโรเจสิ. ภิกฺขุนิโย ตํ คเหตฺวา ภควนฺตํ อุปสงฺกมึสุ.

ภควา ปฏิกจฺเจว ตสฺสาคมนํ วิทิตฺวา กณฺฏเกน กณฺฏกํ, อาณิยา จ อาณึ นีหริตุกาโม ปุริโส วิย รูเปเนว รูปมทํ วิเนตุํ อตฺตโน อิทฺธิพเลน ปนฺนรสโสฬสวสฺสุทฺเทสิกํ อติทสฺสนียํ อิตฺถึ ปสฺเส ตฺวา พีชมานํ อภินิมฺมินิ. นนฺทา ภิกฺขุนีหิ สทฺธึ อุปสงฺกมิตฺวา, ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา, ภิกฺขุนิสงฺฆสฺส อนฺตเร นิสีทิตฺวา, ปาทตลา ปภุติ ยาว เกสคฺคา ภควโต รูปสมฺปตฺตึ ทิสฺวา ปุน ตํ ภควโต ปสฺเส ิตํ นิมฺมตรูปฺจ ทิสฺวา ‘‘อโห อยํ อิตฺถี รูปวตี’’ติ อตฺตโน รูปมทํ ชหิตฺวา ตสฺสา รูเป อภิรตฺตภาวา อโหสิ. ตโต ภควา ตํ อิตฺถึ วีสติวสฺสปฺปมาณํ กตฺวา ทสฺเสสิ. มาตุคาโม หิ โสฬสวสฺสุทฺเทสิโกเยว โสภติ, น ตโต อุทฺธํ. อถ ตสฺสา รูปปริหานึ ทิสฺวา นนฺทาย ตสฺมึ รูเป ฉนฺทราโค ตนุโก อโหสิ. ตโต ภควา อวิชาตวณฺณํ, สกึวิชาตวณฺณํ, มชฺฌิมิตฺถิวณฺณํ, มหิตฺถิวณฺณนฺติ เอวํ ยาว วสฺสสติกํ โอภคฺคํ ทณฺฑปรายณํ ติลกาหตคตฺตํ กตฺวา, ทสฺเสตฺวา ปสฺสมานาเยว นนฺทาย ตสฺสา มรณํ อุทฺธุมาตกาทิเภทํ กากาทีหิ สมฺปริวาเรตฺวา ขชฺชมานํ ทุคฺคนฺธํ เชคุจฺฉปฏิกูลภาวฺจ ทสฺเสสิ. นนฺทาย ตํ กมํ ทิสฺวา ‘‘เอวเมวํ มมปิ อฺเสมฺปิ สพฺพสาธารโณ อยํ กโม’’ติ อนิจฺจสฺา สณฺาสิ, ตทนุสาเรน จ ทุกฺขนตฺตสฺาปิ, ตโย ภวา อาทิตฺตมิว อคารํ อปฺปฏิสรณา หุตฺวา อุปฏฺหึสุ. อถ ภควา ‘‘กมฺมฏฺาเน ปกฺขนฺตํ นนฺทาย จิตฺต’’นฺติ ตฺวา ตสฺสา สปฺปายวเสน อิมา คาถาโย อภาสิ –

‘‘อาตุรํ อสุจึ ปูตึ, ปสฺส นนฺเท สมุสฺสยํ;

อุคฺฆรนฺตํ ปคฺฆรนฺตํ, พาลานํ อภิปตฺถิตํ. (เถรีคา. ๑๙);

‘‘ยถา อิทํ ตถา เอตํ, ยถา เอตํ ตถา อิทํ;

ธาตุโส สุฺโต ปสฺส, มา โลกํ ปุนราคมิ;

ภเว ฉนฺทํ วิราเชตฺวา, อุปสนฺตา จริสฺสสี’’ติ. (สุ. นิ. ๒๐๕);

คาถาปริโยสาเน นนฺทา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาสิ. อถสฺสา ภควา อุปริมคฺคาธิคมตฺถํ สุฺตปริวารํ วิปสฺสนากมฺมฏฺานํ กเถนฺโต อิมํ สุตฺตมภาสิ. อยํ ตาวสฺส เอกา อุปฺปตฺติ.

ภควติ ปน ราชคเห วิหรนฺเต ยา สา จีวรกฺขนฺธเก (มหาว. ๓๒๖) วิตฺถารโต วุตฺตสมุฏฺานาย สาลวติยา คณิกาย ธีตา ชีวกสฺส กนิฏฺา สิริมา นาม มาตุ อจฺจเยน ตํ านํ ลภิตฺวา ‘‘อกฺโกเธน ชิเน โกธ’’นฺติ (ธ. ป. ๒๒๓; ชา. ๑.๒.๑) อิมิสฺสา คาถาย วตฺถุมฺหิ ปุณฺณกเสฏฺิธีตรํ อวมฺิตฺวา, ภควนฺตํ ขมาเปนฺตี ธมฺมเทสนํ สุตฺวา, โสตาปนฺนา หุตฺวา อฏฺ นิจฺจภตฺตานิ ปวตฺเตสิ. ตํ อารพฺภ อฺตโร นิจฺจภตฺติโก ภิกฺขุ ราคํ อุปฺปาเทสิ. อาหารกิจฺจมฺปิ จ กาตุํ อสกฺโกนฺโต นิราหาโร นิปชฺชีติ ธมฺมปทคาถาวตฺถุมฺหิ วุตฺตํ. ตสฺมึ ตถานิปนฺเนเยว สิริมา กาลํ กตฺวา ยามภวเน สุยามสฺส เทวี อโหสิ. อถ ตสฺสา สรีรสฺส อคฺคิกิจฺจํ นิวาเรตฺวา อามกสุสาเน รฺา นิกฺขิปาปิตํ สรีรํ ทสฺสนาย ภควา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต อคมาสิ, ตมฺปิ ภิกฺขุํ อาทาย, ตถา นาครา จ ราชา จ. ตตฺถ มนุสฺสา ภณนฺติ ‘‘ปุพฺเพ สิริมาย อฏฺุตฺตรสหสฺเสนาปิ ทสฺสนํ ทุลฺลภํ, ตํ ทานชฺช กากณิกายาปิ ทฏฺุกาโม นตฺถี’’ติ. สิริมาปิ เทวกฺา ปฺจหิ รถสเตหิ ปริวุตา ตตฺราคมาสิ. ตตฺราปิ ภควา สนฺนิปติตานํ ธมฺมเทสนตฺถํ อิมํ สุตฺตํ ตสฺส ภิกฺขุโน โอวาทตฺถํ ‘‘ปสฺส จิตฺตกตํ พิมฺพ’’นฺติ (ธ. ป. ๑๔๗) อิมฺจ ธมฺมปทคาถํ อภาสิ. อยมสฺส ทุติยา อุปฺปตฺติ.

๑๙๕. ตตฺถ จรํ วาติ สกลรูปกายสฺส คนฺตพฺพทิสาภิมุเขนาภินีหาเรน คจฺฉนฺโต วา. ยทิ วา ติฏฺนฺติ ตสฺเสว อุสฺสาปนภาเวน ติฏฺนฺโต วา. นิสินฺโน อุท วา สยนฺติ ตสฺเสว เหฏฺิมภาคสมิฺชนอุปริมภาคสมุสฺสาปนภาเวน นิสินฺโน วา, ติริยํ ปสารณภาเวน สยนฺโต วา. สมิฺเชติ ปสาเรตีติ ตานิ ตานิ ปพฺพานิ สมิฺเชติ จ ปสาเรติ จ.

เอสา กายสฺส อิฺชนาติ สพฺพาเปสา อิมสฺเสว สวิฺาณกสฺส กายสฺส อิฺชนา จลนา ผนฺทนา, นตฺเถตฺถ อฺโ โกจิ จรนฺโต วา ปสาเรนฺโต วา, อปิจ โข ปน ‘‘จรามี’’ติ จิตฺเต อุปฺปชฺชนฺเต ตํสมุฏฺานา วาโยธาตุ กายํ ผรติ, เตนสฺส คนฺตพฺพทิสาภิมุโข อภินีหาโร โหติ, เทสนฺตเร รูปนฺตรปาตุภาโวติ อตฺโถ. เตน ‘‘จร’’นฺติ วุจฺจติ. ตถา ‘‘ติฏฺามี’’ติ จิตฺเต อุปฺปชฺชนฺเต ตํสมุฏฺานา วาโยธาตุ กายํ ผรติ, เตนสฺส สมุสฺสาปนํ โหติ, อุปรูปริฏฺาเนน รูปปาตุภาโวติ อตฺโถ. เตน ‘‘ติฏฺ’’นฺติ วุจฺจติ. ตถา ‘‘นิสีทามี’’ติ จิตฺเต อุปฺปชฺชนฺเต ตํสมุฏฺานา วาโยธาตุ กายํ ผรติ, เตนสฺส เหฏฺิมภาคสมิฺชนฺจ อุปริมภาคสมุสฺสาปนฺจ โหติ, ตถาภาเวน รูปปาตุภาโวติ อตฺโถ. เตน ‘‘นิสินฺโน’’ติ วุจฺจติ. ตถา ‘‘สยามี’’ติ จิตฺเต อุปฺปชฺชนฺเต ตํสมุฏฺานา วาโยธาตุ กายํ ผรติ, เตนสฺส ติริยํ ปสารณํ โหติ, ตถาภาเวน รูปปาตุภาโวติ อตฺโถ. เตน ‘‘สย’’นฺติ วุจฺจติ.

เอวํ จายมายสฺมา โย โกจิ อิตฺถนฺนาโม จรํ วา ยทิ วา ติฏฺํ, นิสินฺโน อุท วา สยํ ยเมตํ ตตฺถ ตตฺถ อิริยาปเถ เตสํ เตสํ ปพฺพานํ สมิฺชนปฺปสารณวเสน สมิฺเชติ ปสาเรตีติ วุจฺจติ. ตมฺปิ ยสฺมา สมิฺชนปฺปสารณจิตฺเต อุปฺปชฺชมาเน ยถาวุตฺเตเนว นเยน โหติ, ตสฺมา เอสา กายสฺส อิฺชนา, นตฺเถตฺถ อฺโ โกจิ, สุฺมิทํ เกนจิ จรนฺเตน วา ปสาเรนฺเตน วา สตฺเตน วา ปุคฺคเลน วา. เกวลํ ปน –

‘‘จิตฺตนานตฺตมาคมฺม, นานตฺตํ โหติ วายุโน;

วายุนานตฺตโต นานา, โหติ กายสฺส อิฺชนา’’ติ. –

อยเมตฺถ ปรมตฺโถ.

เอวเมตาย คาถาย ภควา ยสฺมา เอกสฺมึ อิริยาปเถ จิรวินิโยเคน กายปีฬนํ โหติ, ตสฺส จ วิโนทนตฺถํ อิริยาปถปริวตฺตนํ กรียติ, ตสฺมา ‘‘จรํ วา’’ติอาทีหิ อิริยาปถปฏิจฺฉนฺนํ ทุกฺขลกฺขณํ ทีเปติ, ตถา จรณกาเล านาทีนมภาวโต สพฺพเมตํ จรณาทิเภทํ ‘‘เอสา กายสฺส อิฺชนา’’ติ ภณนฺโต สนฺตติปฏิจฺฉนฺนํ อนิจฺจลกฺขณํ. ตาย ตาย สามคฺคิยา ปวตฺตาย ‘‘เอสา กายสฺส อิฺชนา’’ติ จ อตฺตปฏิกฺเขเปน ภณนฺโต อตฺตสฺาฆนปฏิจฺฉนฺนํ อนตฺตลกฺขณํ ทีเปติ.

๑๙๖. เอวํ ลกฺขณตฺตยทีปเนน สุฺตกมฺมฏฺานํ กเถตฺวา ปุน สวิฺาณกาวิฺาณกอสุภทสฺสนตฺถํ ‘‘อฏฺินหารุสํยุตฺโต’’ติ อารภิ. ตสฺสตฺโถ – ยสฺส เจสา กายสฺส อิฺชนา, สฺวายํ กาโย วิสุทฺธิมคฺเค ทฺวตฺตึสาการวณฺณนายํ วณฺณสณฺานทิโสกาสปริจฺเฉทเภเทน อพฺยาปารนเยน จ ปกาสิเตหิ สฏฺาธิเกหิ ตีหิ อฏฺิสเตหิ นวหิ นฺหารุสเตหิ จ สํยุตฺตตฺตา อฏฺินหารุสํยุตฺโต. ตตฺเถว ปกาสิเตน อคฺคปาทงฺคุลิตจาทินา ตเจน จ นวเปสิสตปฺปเภเทน จ มํเสน อวลิตฺตตฺตา ตจมํสาวเลปโน ปรมทุคฺคนฺธเชคุจฺฉปฏิกูโลติ เวทิตพฺโพ. กิฺเจตฺถ เวทิตพฺพํ สิยา, ยทิ เอส ยา สา มชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส สกลสรีรโต สํกฑฺฒิตา พทรฏฺิปฺปมาณา ภเวยฺย, ตาย มกฺขิกาปตฺตสุขุมจฺฉวิยา นีลาทิรงฺคชาเตน เคหภิตฺติ วิย ปฏิจฺฉนฺโน น ภเวยฺย, อยํ ปน เอวํ สุขุมายปิ ฉวิยา กาโย ปฏิจฺฉนฺโน ปฺาจกฺขุวิรหิเตหิ พาลปุถุชฺชเนหิ ยถาภูตํ น ทิสฺสติ. ฉวิราครฺชิโต หิสฺส ปรมเชคุจฺฉปฏิกูลธมฺมสงฺขาโต ตโจปิ ตจปลิเวิตํ ยํ ตํ ปเภทโต –

‘‘นวเปสิสตา มํสา, อวลิตฺตา กเฬวเร;

นานากิมิกุลากิณฺณํ, มิฬฺหฏฺานํว ปูติกา’’ติ. –

เอวํ วุตฺตํ นวมํสสตมฺปิ, มํสาวลิตฺตา เย เต –

‘‘นวนฺหารุสตา โหนฺติ, พฺยามมตฺเต กเฬวเร;

พนฺธนฺติ อฏฺิสงฺฆาตํ, อคารมิว วลฺลิยา’’ติ. –

เตปิ, นฺหารุสมุฏฺิตานิ ปฏิปาฏิยา อวฏฺิตานิ ปูตีนิ ทุคฺคนฺธานิ ตีณิ สฏฺาธิกานิ อฏฺิสตานิปิ ยถาภูตํ น ทิสฺสนฺติ ยโต อนาทิยิตฺวา ตํ มกฺขิกาปตฺตสุขุมจฺฉวึ. ยานิ ปนสฺส ฉวิราครตฺเตน ตเจน ปลิเวิตตฺตา สพฺพโลกสฺส อปากฏานิ นานปฺปการานิ อพฺภนฺตรกุณปานิ ปรมาสุจิทุคฺคนฺธเชคุจฺฉนียปฏิกูลานิ, ตานิปิ ปฺาจกฺขุนา ปฏิวิชฺฌิตฺวา เอวํ ปสฺสิตพฺโพ ‘‘อนฺตปูโร อุทรปูโร…เป… ปิตฺตสฺส จ วสาย จา’’ติ.

๑๙๗. ตตฺถ อนฺตสฺส ปูโร อนฺตปูโร. อุทรสฺส ปูโร อุทรปูโร. อุทรนฺติ จ อุทริยสฺเสตํ อธิวจนํ. ตฺหิ านนาเมน ‘‘อุทร’’นฺติ วุตฺตํ. ยกนเปฬสฺสาติ ยกนปิณฺฑสฺส. วตฺถิโนติ มุตฺตสฺส. านูปจาเรน ปเนตํ ‘‘วตฺถี’’ติ วุตฺตํ. ปูโรติ อธิกาโร, ตสฺมา ยกนเปฬสฺส ปูโร วตฺถิโน ปูโรติ เอวํ โยเชตพฺพํ. เอส นโย หทยสฺสาติอาทีสุ. สพฺพาเนว เจตานิ อนฺตาทีนิ วณฺณสณฺานทิโสกาสปริจฺเฉทเภเทน อพฺยาปารนเยน จ วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺตนยวเสเนว เวทิตพฺพานิ.

๑๙๙-๒๐๐. เอวํ ภควา ‘‘น กิฺเจตฺถ เอกมฺปิ คยฺหูปคํ มุตฺตามณิสทิสํ อตฺถิ, อฺทตฺถุ อสุจิปริปูโรวายํ กาโย’’ติ อพฺภนฺตรกุณปํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตเมว อพฺภนฺตรกุณปํ พหินิกฺขมนกุณเปน ปากฏํ กตฺวา ทสฺเสนฺโต ปุพฺเพ วุตฺตฺจ สงฺคณฺหิตฺวา ‘‘อถสฺส นวหิ โสเตหี’’ติ คาถาทฺวยมาห.

ตตฺถ อถาติ ปริยายนฺตรนิทสฺสนํ, อปเรนาปิ ปริยาเยน อสุจิภาวํ ปสฺสาติ วุตฺตํ โหติ. อสฺสาติ อิมสฺส กายสฺส. นวหิ โสเตหีติ อุโภอกฺขิจฺฉิทฺทกณฺณจฺฉิทฺทนาสาฉิทฺทมุขวจฺจมคฺคปสฺสาวมคฺเคหิ. อสุจิ สวตีติ สพฺพโลกปากฏนานปฺปการปรมทุคฺคนฺธเชคุจฺฉอสุจิเยว สวติ, สนฺทติ, ปคฺฆรติ, น อฺํ กิฺจิ อครุจนฺทนาทิคนฺธชาตํ วา มณิมุตฺตาทิรตนชาตํ วา. สพฺพทาติ ตฺจ โข สพฺพทา รตฺติมฺปิ ทิวาปิ ปุพฺพณฺเหปิ สายนฺเหปิ ติฏฺโตปิ คจฺฉโตปีติ. กึ ตํ อสุจีติ เจ? ‘‘อกฺขิมฺหา อกฺขิคูถโก’’ติอาทิ. เอตสฺส หิ ทฺวีหิ อกฺขิจฺฉิทฺเทหิ อปนีตตจมํสสทิโส อกฺขิคูถโก, กณฺณจฺฉิทฺเทหิ รโชชลฺลสทิโส กณฺณคูถโก, นาสาฉิทฺเทหิ ปุพฺพสทิสา สิงฺฆาณิกา จ สวติ, มุเขน จ วมติ. กึ วมตีติ เจ? เอกทา ปิตฺตํ, ยทา อพทฺธปิตฺตํ กุปฺปิตํ โหติ, ตทา ตํ วมตีติ อธิปฺปาโย. เสมฺหฺจาติ น เกวลฺจ ปิตฺตํ, ยมฺปิ อุทรปฏเล เอกปตฺถปูรปฺปมาณํ เสมฺหํ ติฏฺติ, ตมฺปิ เอกทา วมติ. ตํ ปเนตํ วณฺณาทิโต วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๒๐๓-๒๐๔, ๒๑๐-๒๑๑) วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. ‘‘เสมฺหฺจา’’ติ จ-สทฺเทน เสมฺหฺจ อฺฺจ เอวรูปํ อุทริยโลหิตาทิอสุจึ วมตีติ ทสฺเสติ. เอวํ สตฺตหิ ทฺวาเรหิ อสุจิวมนํ ทสฺเสตฺวา กาลฺู ปุคฺคลฺู ปริสฺู จ ภควา ตทุตฺตริ ทฺเว ทฺวารานิ วิเสสวจเนน อนามสิตฺวา อปเรน ปริยาเยน สพฺพสฺมาปิ กายา อสุจิสวนํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘กายมฺหา เสทชลฺลิกา’’ติ. ตตฺถ เสทชลฺลิกาติ เสโท จ โลณปฏลมลเภทา ชลฺลิกา จ, ตสฺส ‘‘สวติ สพฺพทา’’ติ อิมินา สทฺธึ สมฺพนฺโธ.

๒๐๑. เอวํ ภควา ยถา นาม ภตฺเต ปจฺจมาเน ตณฺฑุลมลฺจ อุทกมลฺจ เผเณน สทฺธึ อุฏฺหิตฺวา อุกฺขลิมุขํ มกฺเขตฺวา พหิ คฬติ, ตถา อสิตปีตาทิเภเท อาหาเร กมฺมเชน อคฺคินา ปจฺจมาเน ยํ อสิตปีตาทิมลํ อุฏฺหิตฺวา ‘‘อกฺขิมฺหา อกฺขิคูถโก’’ติอาทินา เภเทน นิกฺขมนฺตํ อกฺขิอาทีนิ มกฺเขตฺวา พหิ คฬติ, ตสฺสาปิ วเสน อิมสฺส กายสฺส อสุจิภาวํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ยํ โลเก อุตฺตมงฺคสมฺมตํ สีสํ อติวิสิฏฺภาวโต ปจฺเจนฺตา วนฺทเนยฺยานมฺปิ วนฺทนํ น กโรนฺติ, ตสฺสาปิ นิสฺสารตาย อสุจิตาย จสฺส อสุจิภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อถสฺส สุสิรํ สีส’’นฺติ อิมํ คาถมาห.

ตตฺถ สุสิรนฺติ ฉิทฺทํ. มตฺถลุงฺคสฺส ปูริตนฺติ ทธิภริตอลาพุกํ วิย มตฺถลุงฺคภริตํ. ตฺจ ปเนตํ มตฺถลุงฺคํ วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. สุภโต นํ มฺติ พาโลติ ตเมนํ เอวํ นานาวิธกุณปภริตมฺปิ กายํ ทุจฺจินฺติตจินฺตี พาโล สุภโต มฺติ, สุภํ สุจึ อิฏฺํ กนฺตํ มนาปนฺติ ตีหิปิ ตณฺหาทิฏฺิมานมฺนาหิ มฺติ. กสฺมา? ยสฺมา อวิชฺชาย ปุรกฺขโต จตุสจฺจปฏิจฺฉาทเกน โมเหน ปุรกฺขโต, โจทิโต, ปวตฺติโต, ‘‘เอวํ อาทิย, เอวํ อภินิวิส เอวํ มฺาหี’’ติ คาหิโตติ อธิปฺปาโย. ปสฺส ยาว อนตฺถกรา จายํ อวิชฺชาติ.

๒๐๒. เอวํ ภควา สวิฺาณกวเสน อสุภํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อวิฺาณกวเสน ทสฺเสตุํ, ยสฺมา วา จกฺกวตฺติรฺโปิ กาโย ยถาวุตฺตกุณปภริโตเยว โหติ, ตสฺมา สพฺพปฺปกาเรนปิ สมฺปตฺติภเว อสุภํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ วิปตฺติภเว ทสฺเสตุํ ‘‘ยทา จ โส มโต เสตี’’ติ คาถมาห.

ตสฺสตฺโถ – สฺวายเมวํวิโธ กาโย ยทา อายุอุสฺมาวิฺาณาปคเมน มโต วาตภริตภสฺตา วิย อุทฺธุมาตโก วณฺณปริเภเทน วินีลโก สุสานสฺมึ นิรตฺถํว กลิงฺครํ ฉฑฺฑิตตฺตา อปวิทฺโธ เสติ, อถ ‘‘น ทานิสฺส ปุน อุฏฺานํ ภวิสฺสตี’’ติ เอกํสโตเยว อนเปกฺขา โหนฺติ าตโย. ตตฺถ มโตติ อนิจฺจตํ ทสฺเสติ, เสตีติ นิรีหกตฺตํ. ตทุภเยน จ ชีวิตพลมทปฺปหาเน นิโยเชติ. อุทฺธุมาโตติ สณฺานวิปตฺตึ ทสฺเสติ, วินีลโกติ ฉวิราควิปตฺตึ. ตทุภเยน จ รูปมทปฺปหาเน วณฺณโปกฺขรตํ ปฏิจฺจ มานปฺปหาเน จ นิโยเชติ. อปวิทฺโธติ คเหตพฺพาภาวํ ทสฺเสติ, สุสานสฺมินฺติ อนฺโต อธิวาเสตุมนรหํ ชิคุจฺฉนียภาวํ. ตทุภเยนปิ ‘‘มม’’นฺติ คาหสฺส สุภสฺาย จ ปหาเน นิโยเชติ. อนเปกฺขา โหนฺติ าตโยติ ปฏิกิริยาภาวํ ทสฺเสติ, เตน จ ปริวารมทปฺปหาเน นิโยเชติ.

๒๐๓. เอวมิมาย คาถาย อปริภินฺนาวิฺาณกวเสน อสุภํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ปริภินฺนวเสนาปิ ทสฺเสตุํ ‘‘ขาทนฺติ น’’นฺติ คาถมาห. ตตฺถ เย จฺเติ เย จ อฺเปิ กากกุลลาทโย กุณปภกฺขา ปาณิโน สนฺติ, เตปิ นํ ขาทนฺตีติ อตฺโถ. เสสํ อุตฺตานเมว.

๒๐๔. เอวํ ‘‘จรํ วา’’ติอาทินา นเยน สุฺตกมฺมฏฺานวเสน, ‘‘อฏฺินหารุสํยุตฺโต’’ติอาทินา สวิฺาณกาสุภวเสน ‘‘ยทา จ โส มโต เสตี’’ติอาทินา อวิฺาณกาสุภวเสน กายํ ทสฺเสตฺวา เอวํ นิจฺจสุขตฺตภาวสุฺเ เอกนฺตอสุเภ จาปิ กายสฺมึ ‘‘สุภโต นํ มฺติ พาโล, อวิชฺชาย ปุรกฺขโต’’ติ อิมินา พาลสฺส วุตฺตึ ปกาเสตฺวา อวิชฺชามุเขน จ วฏฺฏํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตตฺถ ปณฺฑิตสฺส วุตฺตึ ปริฺามุเขน จ วิวฏฺฏํ ทสฺเสตุํ ‘‘สุตฺวาน พุทฺธวจน’’นฺติ อารภิ.

ตตฺถ สุตฺวานาติ โยนิโส นิสาเมตฺวา. พุทฺธวจนนฺติ กายวิจฺฉนฺทนกรํ พุทฺธวจนํ. ภิกฺขูติ เสกฺโข วา ปุถุชฺชโน วา. ปฺาณวาติ ปฺาณํ วุจฺจติ วิปสฺสนา อนิจฺจาทิปฺปกาเรสุ ปวตฺตตฺตา, ตาย สมนฺนาคโตติ อตฺโถ. อิธาติ สาสเน. โส โข นํ ปริชานาตีติ โส อิมํ กายํ ตีหิ ปริฺาหิ ปริชานาติ. กถํ? ยถา นาม กุสโล วาณิโช อิทฺจิทฺจาติ ภณฺฑํ โอโลเกตฺวา ‘‘เอตฺตเกน คหิเต เอตฺตโก นาม อุทโย ภวิสฺสตี’’ติ ตุลยิตฺวา ตถา กตฺวา ปุน สอุทยํ มูลํ คณฺหนฺโต ตํ ภณฺฑํ ฉฑฺเฑติ, เอวเมวํ ‘‘อฏฺินฺหารุอาทโย อิเม เกสโลมาทโย จา’’ติ าณจกฺขุนา โอโลเกนฺโต าตปริฺาย ปริชานาติ, ‘‘อนิจฺจา เอเต ธมฺมา ทุกฺขา อนตฺตา’’ติ ตุลยนฺโต ตีรณปริฺาย ปริชานาติ, เอวํ ตีรยิตฺวา อริยมคฺคํ ปาปุณนฺโต ตตฺถ ฉนฺทราคปฺปหาเนน ปหานปริฺาย ปริชานาติ. สวิฺาณกาวิฺาณกอสุภวเสน วา ปสฺสนฺโต าตปริฺาย ปริชานาติ, อนิจฺจาทิวเสน ปสฺสนฺโต ตีรณปริฺาย, อรหตฺตมคฺเคน ตโต ฉนฺทราคํ อปกฑฺฒิตฺวา ตํ ปชหนฺโต ปหานปริฺาย ปริชานาติ.

กสฺมา โส เอวํ ปริชานาตีติ เจ? ยถาภูตฺหิ ปสฺสติ, ยสฺมา ยถาภูตํ ปสฺสตีติ อตฺโถ. ‘‘ปฺาณวา’’ติอาทินา เอว จ เอตสฺมึ อตฺเถ สิทฺเธ ยสฺมา พุทฺธวจนํ สุตฺวา ตสฺส ปฺาณวตฺตํ โหติ, ยสฺมา จ สพฺพชนสฺส ปากโฏปายํ กาโย อสุตฺวา พุทฺธวจนํ น สกฺกา ปริชานิตุํ, ตสฺมา ตสฺส าณเหตุํ อิโต พาหิรานํ เอวํ ทฏฺุํ อสมตฺถตฺจ ทสฺเสตุํ ‘‘สุตฺวาน พุทฺธวจน’’นฺติ อาห. นนฺทาภิกฺขุนึ ตฺจ วิปลฺลตฺถจิตฺตํ ภิกฺขุํ อารพฺภ เทสนาปวตฺติโต อคฺคปริสโต ตปฺปฏิปตฺติปฺปตฺตานํ ภิกฺขุภาวทสฺสนโต จ ‘‘ภิกฺขู’’ติ อาห.

๒๐๕. อิทานิ ‘‘ยถาภูตฺหิ ปสฺสตี’’ติ เอตฺถ ยถา ปสฺสนฺโต ยถาภูตํ ปสฺสติ, ตํ ทสฺเสตุํ อาห ‘‘ยถา อิทํ ตถา เอตํ, ยถา เอตํ ตถา อิท’’นฺติ. ตสฺสตฺโถ – ยถา อิทํ สวิฺาณกาสุภํ อายุอุสฺมาวิฺาณานํ อนปคมา จรติ, ติฏฺติ, นิสีทติ, สยติ; ตถา เอตํ เอตรหิ สุสาเน สยิตํ อวิฺาณกมฺปิ ปุพฺเพ เตสํ ธมฺมานํ อนปคมา อโหสิ. ยถา จ เอตํ เอตรหิ มตสรีรํ เตสํ ธมฺมานํ อปคมา น จรติ, น ติฏฺติ, น นิสีทติ, น เสยฺยํ กปฺเปติ, ตถา อิทํ สวิฺาณกมฺปิ เตสํ ธมฺมานํ อปคมา ภวิสฺสติ. ยถา จ อิทํ สวิฺาณกํ เอตรหิ น สุสาเน มตํ เสติ, น อุทฺธุมาตกาทิภาวมุปคตํ, ตถา เอตํ เอตรหิ มตสรีรมฺปิ ปุพฺเพ อโหสิ. ยถา ปเนตํ เอตรหิ อวิฺาณกาสุภํ มตํ สุสาเน เสติ, อุทฺธุมาตกาทิภาวฺจ อุปคตํ, ตถา อิทํ สวิฺาณกมฺปิ ภวิสฺสตีติ.

ตตฺถ ยถา อิทํ ตถา เอตนฺติ อตฺตนา มตสฺส สรีรสฺส สมานภาวํ กโรนฺโต พาหิเร โทสํ ปชหติ. ยถา เอตํ ตถา อิทนฺติ มตสรีเรน อตฺตโน สมานภาวํ กโรนฺโต อชฺฌตฺติเก ราคํ ปชหติ. เยนากาเรน อุภยํ สภํ กโรติ, ตํ ปชานนฺโต อุภยตฺถ โมหํ ปชหติ. เอวํ ยถาภูตทสฺสเนน ปุพฺพภาเคเยว อกุสลมูลปฺปหานํ สาเธตฺวา, ยสฺมา เอวํ ปฏิปนฺโน ภิกฺขุ อนุปุพฺเพน อรหตฺตมคฺคํ ปตฺวา สพฺพํ ฉนฺทราคํ วิราเชตุํ สมตฺโถ โหติ, ตสฺมา อาห ‘‘อชฺฌตฺตฺจ พหิทฺธา จ, กาเย ฉนฺทํ วิราชเย’’ติ. เอวํ ปฏิปนฺโน ภิกฺขุ อนุปุพฺเพนาติ ปาเสโส.

๒๐๖. เอวํ เสกฺขภูมึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อเสกฺขภูมึ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ฉนฺทราควิรตฺโต โส’’ติ. ตสฺสตฺโถ – โส ภิกฺขุ อรหตฺตมคฺคาเณน ปฺาณวา มคฺคานนฺตรํ ผลํ ปาปุณาติ, อถ สพฺพโส ฉนฺทราคสฺส ปหีนตฺตา ‘‘ฉนฺทราควิรตฺโต’’ติ จ, มรณาภาเวน ปณีตฏฺเน วา อมตํ สพฺพสงฺขารวูปสมนโต สนฺตึ ตณฺหาสงฺขาตวานาภาวโต นิพฺพานํ, จวนาภาวโต อจฺจุตนฺติ สํวณฺณิตํ ปทมชฺฌคาติ จ วุจฺจติ. อถ วา โส ภิกฺขุ อรหตฺตมคฺคาเณน ปฺาณวา มคฺคานนฺตรผเล ิโต ฉนฺทราควิรตฺโต นาม โหติ, วุตฺตปฺปการฺจ ปทมชฺฌคาติ เวทิตพฺโพ. เตน ‘‘อิทมสฺส ปหีนํ, อิทฺจาเนน ลทฺธ’’นฺติ ทีเปติ.

๒๐๗-๒๐๘. เอวํ สวิฺาณกาวิฺาณกวเสน อสุภกมฺมฏฺานํ สห นิปฺผตฺติยา กเถตฺวา ปุน สงฺเขปเทสนาย เอวํ มหโต อานิสํสสฺส อนฺตรายกรํ ปมาทวิหารํ ครหนฺโต ‘‘ทฺวิปาทโกย’’นฺติ คาถาทฺวยมาห. ตตฺถ กิฺจาปิ อปาทกาทโยปิ กายา อสุจีเยว, อิธาธิการวเสน ปน อุกฺกฏฺปริจฺเฉทวเสน วา, ยสฺมา วา อฺเ อสุจิภูตาปิ กายา โลณมฺพิลาทีหิ อภิสงฺขริตฺวา มนุสฺสานํ โภชเนปิ อุปนียนฺติ, น ตฺเวว มนุสฺสกาโย, ตสฺมา อสุจิตรภาวมสฺส ทสฺเสนฺโตปิ ‘‘ทฺวิปาทโก’’ติ อาห.

อยนฺติ มนุสฺสกายํ ทสฺเสติ. ทุคฺคนฺโธ ปริหีรตีติ ทุคฺคนฺโธ สมาโน ปุปฺผคนฺธาทีหิ อภิสงฺขริตฺวา ปริหีรติ. นานากุณปปริปูโรติ เกสาทิอเนกปฺปการกุณปภริโต. วิสฺสวนฺโต ตโต ตโตติ ปุปฺผคนฺธาทีหิ ปฏิจฺฉาเทตุํ ฆเฏนฺตานมฺปิ ตํ วายามํ นิปฺผลํ กตฺวา นวหิ ทฺวาเรหิ เขฬสิงฺฆาณิกาทีนิ, โลมกูเปหิ จ เสทชลฺลิกํ วิสฺสวนฺโตเยว. ตตฺถ ทานิ ปสฺสถ – เอตาทิเสน กาเยน โย ปุริโส วา อิตฺถี วา โกจิ พาโล มฺเ อุณฺณเมตเว ตณฺหาทิฏฺิมานมฺนาหิ ‘‘อห’’นฺติ วา ‘‘มม’’นฺติ วา ‘‘นิจฺโจ’’ติ วาติอาทินา นเยน โย อุณฺณมิตุํ มฺเยฺย, ปรํ วา ชาติอาทีหิ อวชาเนยฺย อตฺตานํ อุจฺเจ าเน เปนฺโต, กิมฺตฺร อทสฺสนา เปตฺวา อริยมคฺเคน อริยสจฺจทสฺสนาภาวํ กิมฺํ ตสฺส เอวํ อุณฺณมาวชานนการณํ สิยาติ.

เทสนาปริโยสาเน นนฺทา ภิกฺขุนี สํเวคมาปาทิ – ‘‘อโห วต เร, อหํ พาลา, ยา มํเยว อารพฺภ เอวํ วิวิธธมฺมเทสนาปวตฺตกสฺส ภควโต อุปฏฺานํ นาคมาสิ’’นฺติ. เอวํ สํวิคฺคา จ ตเมว ธมฺมเทสนํ สมนฺนาหริตฺวา เตเนว กมฺมฏฺาเนน กติปยทิวสพฺภนฺตเร อรหตฺตํ สจฺฉากาสิ. ทุติยฏฺาเนปิ กิร เทสนาปริโยสาเน จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ, สิริมา เทวกฺา อนาคามิผลํ ปตฺตา, โส จ ภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหีติ.

ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย

สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย วิชยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๒. มุนิสุตฺตวณฺณนา

๒๐๙. สนฺถวาโต ภยํ ชาตนฺติ มุนิสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? น สพฺพสฺเสว สุตฺตสฺส เอกา อุปฺปตฺติ, อปิเจตฺถ อาทิโต ตาว จตุนฺนํ คาถานํ อยมุปฺปตฺติ – ภควติ กิร สาวตฺถิยํ วิหรนฺเต คามกาวาเส อฺตรา ทุคฺคติตฺถี มตปติกา ปุตฺตํ ภิกฺขูสุ ปพฺพาเชตฺวา อตฺตนาปิ ภิกฺขุนีสุ ปพฺพชิ. เต อุโภปิ สาวตฺถิยํ วสฺสํ อุปคนฺตฺวา อภิณฺหํ อฺมฺสฺส ทสฺสนกามา อเหสุํ. มาตา กิฺจิ ลภิตฺวา ปุตฺตสฺส หรติ, ปุตฺโตปิ มาตุ. เอวํ สายมฺปิ ปาโตปิ อฺมฺํ สมาคนฺตฺวา ลทฺธํ ลทฺธํ สํวิภชมานา, สมฺโมทมานา, สุขทุกฺขํ ปุจฺฉมานา, นิราสงฺกา อเหสุํ. เตสํ เอวํ อภิณฺหทสฺสเนน สํสคฺโค อุปฺปชฺชิ, สํสคฺคา วิสฺสาโส, วิสฺสาสา โอตาโร, ราเคน โอติณฺณจิตฺตานํ ปพฺพชิตสฺา จ มาตุปุตฺตสฺา จ อนฺตรธายิ. ตโต มริยาทวีติกฺกมํ กตฺวา อสทฺธมฺมํ ปฏิเสวึสุ, อยสปฺปตฺตา จ วิพฺภมิตฺวา อคารมชฺเฌ วสึสุ. ภิกฺขู ภควโต อาโรเจสุํ. ‘‘กึ นุ โส, ภิกฺขเว, โมฆปุริโส มฺติ น มาตา ปุตฺเต สารชฺชติ, ปุตฺโต วา ปน มาตรี’’ติ ครหิตฺวา ‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, อฺํ เอกรูปมฺปิ สมนุปสฺสามี’’ติอาทินา (อ. นิ. ๕.๕๕) อวเสสสุตฺเตนปิ ภิกฺขู สํเวเชตฺวา ‘‘ตสฺมาติห, ภิกฺขเว –

‘‘วิสํ ยถา หลาหลํ, เตลํ ปกฺกุถิตํ ยถา;

ตมฺพโลหวิลีนํว, มาตุคามํ วิวชฺชเย’’ติ จ. –

วตฺวา ปุน ภิกฺขูนํ ธมฺมเทสนตฺถํ – ‘‘สนฺถวาโต ภยํ ชาต’’นฺติ อิมา อตฺตุปนายิกา จตสฺโส คาถา อภาสิ.

ตตฺถ สนฺถโว ตณฺหาทิฏฺิมิตฺตเภเทน ติวิโธติ ปุพฺเพ วุตฺโต. อิธ ตณฺหาทิฏฺิสนฺถโว อธิปฺเปโต. ตํ สนฺธาย ภควา อาห – ‘‘ปสฺสถ, ภิกฺขเว, ยถา อิทํ ตสฺส โมฆปุริสสฺส สนฺถวาโต ภยํ ชาต’’นฺติ. ตฺหิ ตสฺส อภิณฺหทสฺสนกามตาทิตณฺหาย พลวกิเลสภยํ ชาตํ, เยน สณฺาตุํ อสกฺโกนฺโต มาตริ วิปฺปฏิปชฺชิ. อตฺตานุวาทาทิกํ วา มหาภยํ, เยน สาสนํ ฉฑฺเฑตฺวา วิพฺภนฺโต. นิเกตาติ ‘‘รูปนิมิตฺตนิเกตวิสารวินิพนฺธา โข, คหปติ, ‘นิเกตสารี’ติ วุจฺจตี’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๓.๓) นเยน วุตฺตา อารมฺมณปฺปเภทา. ชายเต รโชติ ราคโทสโมหรโช ชายเต. กึ วุตฺตํ โหติ? น เกวลฺจ ตสฺส สนฺถวาโต ภยํ ชาตํ, อปิจ โข ปน ยเทตํ กิเลสานํ นิวาสฏฺเน สาสวารมฺมณํ ‘‘นิเกต’’นฺติ วุจฺจติ, อิทานิสฺส ภินฺนสํวรตฺตา อติกฺกนฺตมริยาทตฺตา สุฏฺุตรํ ตโต นิเกตา ชายเต รโช, เยน สํกิลิฏฺจิตฺโต อนยพฺยสนํ ปาปุณิสฺสติ. อถ วา ปสฺสถ, ภิกฺขเว, ยถา อิทํ ตสฺส โมฆปุริสสฺส สนฺถวาโต ภยํ ชาตํ, ยถา จ สพฺพปุถุชฺชนานํ นิเกตา ชายเต รโชติ เอวมฺเปตํ ปททฺวยํ โยเชตพฺพํ.

สพฺพถา ปน อิมินา ปุริมทฺเธน ภควา ปุถุชฺชนทสฺสนํ ครหิตฺวา อตฺตโน ทสฺสนํ ปสํสนฺโต ‘‘อนิเกต’’นฺติ ปจฺฉิมทฺธมาห. ตตฺถ ยถาวุตฺตนิเกตปฏิกฺเขเปน อนิเกตํ, สนฺถวปฏิกฺเขเปน อสนฺถวํ เวทิตพฺพํ. อุภยมฺเปตํ นิพฺพานสฺสาธิวจนํ. เอตํ เว มุนิทสฺสนนฺติ เอตํ อนิเกตมสนฺถวํ พุทฺธมุนินา ทิฏฺนฺติ อตฺโถ. ตตฺถ เวติ วิมฺหยตฺเถ นิปาโต ทฏฺพฺโพ. เตน จ ยํ นาม นิเกตสนฺถววเสน มาตาปุตฺเตสุ วิปฺปฏิปชฺชมาเนสุ อนิเกตมสนฺถวํ, เอตํ มุนินา ทิฏฺํ อโห อพฺภุตนฺติ อยมธิปฺปาโย สิทฺโธ โหติ. อถ วา มุนิโน ทสฺสนนฺติปิ มุนิทสฺสนํ, ทสฺสนํ นาม ขนฺติ รุจิ, ขมติ เจว รุจฺจติ จาติ อตฺโถ.

๒๑๐. ทุติยคาถาย โย ชาตมุจฺฉิชฺชาติ โย กิสฺมิฺจิเทว วตฺถุสฺมึ ชาตํ ภูตํ นิพฺพตฺตํ กิเลสํ ยถา อุปฺปนฺนากุสลปฺปหานํ โหติ, ตถา วายมนฺโต ตสฺมึ วตฺถุสฺมึ ปุน อนิพฺพตฺตนวเสน อุจฺฉินฺทิตฺวา โย อนาคโตปิ กิเลโส ตถารูปปฺปจฺจยสโมธาเน นิพฺพตฺติตุํ อภิมุขีภูตตฺตา วตฺตมานสมีเป วตฺตมานลกฺขเณน ‘‘ชายนฺโต’’ติ วุจฺจติ, ตฺจ น โรปเยยฺย ชายนฺตํ, ยถา อนุปฺปนฺนากุสลานุปฺปาโท โหติ, ตถา วายมนฺโต น นิพฺพตฺเตยฺยาติ อตฺโถ. กถฺจ น นิพฺพตฺเตยฺย? อสฺส นานุปฺปเวจฺเฉ, เยน ปจฺจเยน โส นิพฺพตฺเตยฺย ตํ นานุปฺปเวเสยฺย น สโมธาเนยฺย. เอวํ สมฺภารเวกลฺลกรเณน ตํ น โรปเยยฺย ชายนฺตํ. อถ วา ยสฺมา มคฺคภาวนาย อตีตาปิ กิเลสา อุจฺฉิชฺชนฺติ อายตึ วิปากาภาเวน วตฺตมานาปิ น โรปียนฺติ ตทภาเวน, อนาคตาปิ จิตฺตสนฺตตึ นานุปฺปเวสียนฺติ อุปฺปตฺติสามตฺถิยวิฆาเตน, ตสฺมา โย อริยมคฺคภาวนาย ชาตมุจฺฉิชฺช น โรปเยยฺย ชายนฺตํ, อนาคตมฺปิ จสฺส ชายนฺตสฺส นานุปฺปเวจฺเฉ, ตมาหุ เอกํ มุนินํ จรนฺตํ, โส จ อทฺทกฺขิ สนฺติปทํ มเหสีติ เอวมฺเปตฺถ โยชนา เวทิตพฺพา. เอกนฺตนิกฺกิเลสตาย เอกํ, เสฏฺฏฺเน วา เอกํ. มุนินนฺติ มุนึ, มุนีสุ วา เอกํ. จรนฺตนฺติ สพฺพาการปริปูราย โลกตฺถจริยาย อวเสสจริยาหิ จรนฺตํ. อทฺทกฺขีติ อทฺทส. โสติ โย ชาตมุจฺฉิชฺช อโรปเน อนนุปฺปเวสเน จ สมตฺถตาย ‘‘น โรปเยยฺย ชายนฺตมสฺส นานุปฺปเวจฺเฉ’’ติ วุตฺโต พุทฺธมุนิ. สนฺติปทนฺติ สนฺติโกฏฺาสํ, ทฺวาสฏฺิทิฏฺิคตวิปสฺสนานิพฺพานเภทาสุ ตีสุ สมฺมุติสนฺติ, ตทงฺคสนฺติ, อจฺจนฺตสนฺตีสุ เสฏฺํ เอวํ อนุปสนฺเต โลเก อจฺจนฺตสนฺตึ อทฺทส มเหสีติ เอวมตฺโถ เวทิตพฺโพ.

๒๑๑. ตติยคาถาย สงฺขายาติ คณยิตฺวา, ปริจฺฉินฺทิตฺวา วีมํสิตฺวา ยถาภูตโต ตฺวา, ทุกฺขปริฺาย ปริชานิตฺวาติ อตฺโถ. วตฺถูนีติ เยสุ เอวมยํ โลโก สชฺชติ, ตานิ ขนฺธายตนธาตุเภทานิ กิเลสฏฺานานิ. ปมาย พีชนฺติ ยํ เตสํ วตฺถูนํ พีชํ อภิสงฺขารวิฺาณํ, ตํ ปมาย หึสิตฺวา, พาธิตฺวา, สมุจฺเฉทปฺปหาเนน ปชหิตฺวาติ อตฺโถ. สิเนหมสฺส นานุปฺปเวจฺเฉติ เยน ตณฺหาทิฏฺิสิเนเหน สิเนหิตํ ตํ พีชํ อายตึ ปฏิสนฺธิวเสน ตํ ยถาวุตฺตํ วตฺถุสสฺสํ วิรุเหยฺย, ตํ สิเนหมสฺส นานุปฺปเวจฺเฉ, ตปฺปฏิปกฺขาย มคฺคภาวนาย ตํ นานุปฺปเวเสยฺยาติ อตฺโถ. ส เว มุนิ ชาติขยนฺตทสฺสีติ โส เอวรูโป พุทฺธมุนิ นิพฺพานสจฺฉิกิริยาย ชาติยา จ มรณสฺส จ อนฺตภูตสฺส นิพฺพานสฺส ทิฏฺตฺตา ชาติกฺขยนฺตทสฺสี ตกฺกํ ปหาย น อุเปติ สงฺขํ. อิมาย จตุสจฺจภาวนาย นวปฺปเภทมฺปิ อกุสลวิตกฺกํ ปหาย สอุปาทิเสสนิพฺพานธาตุํ ปตฺวา โลกตฺถจริยํ กโรนฺโต อนุปุพฺเพน จริมวิฺาณกฺขยา อนุปาทิเสสนิพฺพานธาตุปฺปตฺติยา ‘‘เทโว วา มนุสฺโส วา’’ติ น อุเปติ สงฺขํ. อปรินิพฺพุโต เอว วา ยถา กามวิตกฺกาทิโน วิตกฺกสฺส อปฺปหีนตฺตา ‘‘อยํ ปุคฺคโล รตฺโต’’ติ วา ‘‘ทุฏฺโ’’ติ วา สงฺขํ อุเปติ, เอวํ ตกฺกํ ปหาย น อุเปติ สงฺขนฺติ เอวมฺเปตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.

๒๑๒. จตุตฺถคาถาย อฺายาติ อนิจฺจาทินเยน ชานิตฺวา. สพฺพานีติ อนวเสสานิ, นิเวสนานีติ กามภวาทิเก ภเว. นิวสนฺติ หิ เตสุ สตฺตา, ตสฺมา ‘‘นิเวสนานี’’ติ วุจฺจนฺติ. อนิกามยํ อฺตรมฺปิ เตสนฺติ เอวํ ทิฏฺาทีนวตฺตา เตสํ นิเวสนานํ เอกมฺปิ อปตฺเถนฺโต โส เอวรูโป พุทฺธมุนิ มคฺคภาวนาพเลน ตณฺหาเคธสฺส วิคตตฺตา วีตเคโธ, วีตเคธตฺตา เอว จ อคิทฺโธ, น ยถา เอเก อวีตเคธา เอว สมานา ‘‘อคิทฺธมฺหา’’ติ ปฏิชานนฺติ, เอวํ. นายูหตีติ ตสฺส ตสฺส นิเวสนสฺส นิพฺพตฺตกํ กุสลํ วา อกุสลํ วา น กโรติ. กึ การณา? ปารคโต หิ โหติ, ยสฺมา เอวรูโป สพฺพนิเวสนานํ ปารํ นิพฺพานํ คโต โหตีติ อตฺโถ.

เอวํ ปมคาถาย ปุถุชฺชนทสฺสนํ ครหิตฺวา อตฺตโน ทสฺสนํ ปสํสนฺโต ทุติยคาถาย เยหิ กิเลเสหิ ปุถุชฺชโน อนุปสนฺโต โหติ, เตสํ อภาเวน อตฺตโน สนฺติปทาธิคมํ ปสํสนฺโต ตติยคาถาย เยสุ วตฺถูสุ ปุถุชฺชโน ตกฺกํ อปฺปหาย ตถา ตถา สงฺขํ อุเปติ, เตสุ จตุสจฺจภาวนาย ตกฺกํ ปหาย อตฺตโน สงฺขานุปคมนํ ปสํสนฺโต จตุตฺถคาถาย อายติมฺปิ ยานิ นิเวสนานิ กามยมาโน ปุถุชฺชโน ภวตณฺหาย อายูหติ, เตสุ ตณฺหาภาเวน อตฺตโน อนายูหนํ ปสํสนฺโต จตูหิ คาถาหิ อรหตฺตนิกูเฏเนว เอกฏฺุปฺปตฺติกํ เทสนํ นิฏฺาเปสิ.

๒๑๓. สพฺพาภิภุนฺติ กา อุปฺปตฺติ? มหาปุริโส มหาภินิกฺขมนํ กตฺวา อนุปุพฺเพน สพฺพฺุตํ ปตฺวา ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนตฺถาย พาราณสึ คจฺฉนฺโต โพธิมณฺฑสฺส จ คยาย จ อนฺตเร อุปเกนาชีวเกน สมาคจฺฉิ. เตน จ ‘‘วิปฺปสนฺนานิ โข เต, อาวุโส, อินฺทฺริยานี’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๘๕; มหาว. ๑๑) นเยน ปุฏฺโ ‘‘สพฺพาภิภู’’ติอาทีนิ อาห. อุปโก ‘‘หุเปยฺยาวุโส’’ติ วตฺวา, สีสํ โอกมฺเปตฺวา, อุมฺมคฺคํ คเหตฺวา ปกฺกามิ. อนุกฺกเมน จ วงฺกหารชนปเท อฺตรํ มาควิกคามํ ปาปุณิ. ตเมนํ มาควิกเชฏฺโก ทิสฺวา – ‘‘อโห อปฺปิจฺโฉ สมโณ วตฺถมฺปิ น นิวาเสติ, อยํ โลเก อรหา’’ติ ฆรํ เนตฺวา มํสรเสน ปริวิสิตฺวา ภุตฺตาวิฺจ นํ สปุตฺตทาโร วนฺทิตฺวา ‘‘อิเธว, ภนฺเต, วสถ, อหํ ปจฺจเยน อุปฏฺหิสฺสามี’’ติ นิมนฺเตตฺวา, วสโนกาสํ กตฺวา อทาสิ. โส ตตฺถ วสติ.

มาควิโก คิมฺหกาเล อุทกสมฺปนฺเน สีตเล ปเทเส จริตุํ ทูรํ อปกฺกนฺเตสุ มิเคสุ ตตฺถ คจฺฉนฺโต ‘‘อมฺหากํ อรหนฺตํ สกฺกจฺจํ อุปฏฺหสฺสู’’ติ ฉาวํ นาม ธีตรํ อาณาเปตฺวา อคมาสิ สทฺธึ ปุตฺตภาตุเกหิ. สา จสฺส ธีตา ทสฺสนียา โหติ โกฏฺาสสมฺปนฺนา. ทุติยทิวเส อุปโก ฆรํ อาคโต ตํ ทาริกํ สพฺพํ อุปจารํ กตฺวา, ปริวิสิตุํ อุปคตํ ทิสฺวา, ราเคน อภิภูโต ภุฺชิตุมฺปิ อสกฺโกนฺโต ภาชเนน ภตฺตํ อาทาย วสนฏฺานํ คนฺตฺวา, ภตฺตํ เอกมนฺเต นิกฺขิปิตฺวา – ‘‘สเจ ฉาวํ ลภามิ, ชีวามิ, โน เจ, มรามี’’ติ นิราหาโร สยิ. สตฺตเม ทิวเส มาควิโก อาคนฺตฺวา ธีตรํ อุปกสฺส ปวตฺตึ ปุจฺฉิ. สา – ‘‘เอกทิวสเมว อาคนฺตฺวา ปุน นาคตปุพฺโพ’’ติ อาห. มาควิโก ‘‘อาคตเวเสเนว นํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ ตงฺขณฺเว คนฺตฺวา – ‘‘กึ, ภนฺเต, อผาสุก’’นฺติ ปาเท ปรามสนฺโต ปุจฺฉิ. อุปโก นิตฺถุนนฺโต ปริวตฺตติเยว. โส ‘‘วท, ภนฺเต, ยํ มยา สกฺกา กาตุํ, สพฺพํ กริสฺสามี’’ติ อาห. อุปโก – ‘‘สเจ ฉาวํ ลภามิ, ชีวามิ, โน เจ, อิเธว มรณํ เสยฺโย’’ติ อาห. ‘‘ชานาสิ ปน, ภนฺเต, กิฺจิ สิปฺป’’นฺติ? ‘‘น ชานามี’’ติ. ‘‘น, ภนฺเต, กิฺจิ สิปฺปํ อชานนฺเตน สกฺกา ฆราวาสํ อธิฏฺาตุ’’นฺติ? โส อาห – ‘‘นาหํ กิฺจิ สิปฺปํ ชานามิ, อปิจ ตุมฺหากํ มํสหารโก ภวิสฺสามิ, มํสฺจ วิกฺกิณิสฺสามี’’ติ. มาควิโกปิ ‘‘อมฺหากํ เอตเทว รุจฺจตี’’ติ อุตฺตรสาฏกํ ทตฺวา, ฆรํ อาเนตฺวา ธีตรํ อทาสิ. เตสํ สํวาสมนฺวาย ปุตฺโต วิชายิ. สุภทฺโทติสฺส นามํ อกํสุ. ฉาวา ปุตฺตโตสนคีเตน อุปกํ อุปฺปณฺเฑสิ. โส ตํ อสหนฺโต ‘‘ภทฺเท, อหํ อนนฺตชินสฺส สนฺติกํ คจฺฉามี’’ติ มชฺฌิมเทสาภิมุโข ปกฺกามิ.

ภควา จ เตน สมเยน สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวนมหาวิหาเร. อถ โข ภควา ปฏิกจฺเจว ภิกฺขู อาณาเปสิ – ‘‘โย, ภิกฺขเว, อนนฺตชิโนติ ปุจฺฉมาโน อาคจฺฉติ, ตสฺส มํ ทสฺเสยฺยาถา’’ติ. อุปโกปิ โข อนุปุพฺเพเนว สาวตฺถึ อาคนฺตฺวา วิหารมชฺเฌ ตฺวา ‘‘อิมสฺมึ วิหาเร มม สหาโย อนนฺตชิโน นาม อตฺถิ, โส กุหึ วสตี’’ติ ปุจฺฉิ. ตํ ภิกฺขู ภควโต สนฺติกํ นยึสุ. ภควา ตสฺสานุรูปํ ธมฺมํ เทเสสิ. โส เทสนาปริโยสาเน อนาคามิผเล ปติฏฺาสิ. ภิกฺขู ตสฺส ปุพฺพปฺปวตฺตึ สุตฺวา กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘ภควา ปมํ นิสฺสิริกสฺส นคฺคสมณสฺส ธมฺมํ เทเสสี’’ติ. ภควา ตํ กถาสมุฏฺานํ วิทิตฺวา คนฺธกุฏิโต นิกฺขมฺม ตงฺขณานุรูเปน ปาฏิหาริเยน พุทฺธาสเน นิสีทิตฺวา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ? เต สพฺพํ กเถสุํ. ตโต ภควา – ‘‘น, ภิกฺขเว, ตถาคโต อเหตุอปฺปจฺจยา ธมฺมํ เทเสติ, นิมฺมลา ตถาคตสฺส ธมฺมเทสนา, น สกฺกา ตตฺถ โทสํ ทฏฺุํ. เตน, ภิกฺขเว, ธมฺมเทสนูปนิสฺสเยน อุปโก เอตรหิ อนาคามี ชาโต’’ติ วตฺวา อตฺตโน เทสนามลาภาวทีปิกํ อิมํ คาถมภาสิ.

ตสฺสตฺโถ – สาสเวสุ สพฺพขนฺธายตนธาตูสุ ฉนฺทราคปฺปหาเนน เตหิ อนภิภูตตฺตา สยฺจ เต ธมฺเม สพฺเพ อภิภุยฺย ปวตฺตตฺตา สพฺพาภิภุํ. เตสฺจ อฺเสฺจ สพฺพธมฺมานํ สพฺพากาเรน วิทิตตฺตา สพฺพวิทุํ. สพฺพธมฺมเทสนสมตฺถาย โสภนาย เมธาย สมนฺนาคตตฺตา สุเมธํ. เยสํ ตณฺหาทิฏฺิเลปานํ วเสน สาสวขนฺธาทิเภเทสุ สพฺพธมฺเมสุ อุปลิมฺปติ, เตสํ เลปานํ อภาวา เตสุ สพฺเพสุ ธมฺเมสุ อนุปลิตฺตํ. เตสุ จ สพฺพธมฺเมสุ ฉนฺทราคาภาเวน สพฺเพ เต ธมฺเม ชหิตฺวา ิตตฺตา สพฺพฺชหํ. อุปธิวิเวกนินฺเนน จิตฺเตน ตณฺหกฺขเย นิพฺพาเน วิเสเสน มุตฺตตฺตา ตณฺหกฺขเย วิมุตฺตํ, อธิมุตฺตนฺติ วุตฺตํ โหติ. ตํ วาปิ ธีรา มุนิ เวทยนฺตีติ ตมฺปิ ปณฺฑิตา สตฺตา มุนึ เวทยนฺติ ชานนฺติ. ปสฺสถ ยาว ปฏิวิสิฏฺโวายํ มุนิ, ตสฺส กุโต เทสนามลนฺติ อตฺตานํ วิภาเวติ. วิภาวนตฺโถ หิ เอตฺถ วาสทฺโทติ. เกจิ ปน วณฺณยนฺติ – ‘‘อุปโก ตทา ตถาคตํ ทิสฺวาปิ ‘อยํ พุทฺธมุนี’ติ น สทฺทหี’’ติ เอวํ ภิกฺขู กถํ สมุฏฺาเปสุํ, ตโต ภควา ‘‘สทฺทหตุ วา มา วา, ธีรา ปน ตํ มุนึ เวทยนฺตี’’ติ ทสฺเสนฺโต อิมํ คาถมภาสีติ.

๒๑๔. ปฺาพลนฺติ กา อุปฺปตฺติ? อยํ คาถา เรวตตฺเถรํ อารพฺภ วุตฺตา. ตตฺถ ‘‘คาเม วา ยทิ วารฺเ’’ติ อิมิสฺสา คาถาย วุตฺตนเยเนว เรวตตฺเถรสฺส อาทิโต ปภุติ ปพฺพชฺชา, ปพฺพชิตสฺส ขทิรวเน วิหาโร, ตตฺถ วิหรโต วิเสสาธิคโม, ภควโต ตตฺถ คมนปจฺจาคมนฺจ เวทิตพฺพํ. ปจฺจาคเต ปน ภควติ โย โส มหลฺลกภิกฺขุ อุปาหนํ สมฺมุสฺสิตฺวา ปฏินิวตฺโต ขทิรรุกฺเข อาลคฺคิตํ ทิสฺวา สาวตฺถึ อนุปฺปตฺโต วิสาขาย อุปาสิกาย ‘‘กึ, ภนฺเต, เรวตตฺเถรสฺส วสโนกาโส รมณีโย’’ติ ภิกฺขู ปุจฺฉมานาย เยหิ ภิกฺขูหิ ปสํสิโต, เต อปสาเทนฺโต ‘‘อุปาสิเก, เอเต ตุจฺฉํ ภณนฺติ, น สุนฺทโร ภูมิปฺปเทโส, อติลูขกกฺขฬํ ขทิรวนเมวา’’ติ อาห. โส วิสาขาย อาคนฺตุกภตฺตํ ภุฺชิตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ มณฺฑลมาเฬ สนฺนิปติเต ภิกฺขู อุชฺฌาเปนฺโต อาห – ‘‘กึ, อาวุโส, เรวตตฺเถรสฺส เสนาสเน รมณียํ ตุมฺเหหิ ทิฏฺ’’นฺติ. ภควา ตํ ตฺวา คนฺธกุฏิโต นิกฺขมฺม ตงฺขณานุรูเปน ปาฏิหาริเยน ปริสมชฺฌํ ปตฺวา, พุทฺธาสเน นิสีทิตฺวา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ? เต อาหํสุ – ‘‘เรวตํ, ภนฺเต, อารพฺภ กถา อุปฺปนฺนา ‘เอวํ นวกมฺมิโก กทา สมณธมฺมํ กริสฺสตี’’’ติ. ‘‘น, ภิกฺขเว, เรวโต นวกมฺมิโก, อรหา เรวโต ขีณาสโว’’ติ วตฺวา ตํ อารพฺภ เตสํ ภิกฺขูนํ ธมฺมเทสนตฺถํ อิมํ คาถมภาสิ.

ตสฺสตฺโถ – ทุพฺพลกรกิเลสปฺปหานสาธเกน วิกุพฺพนอธิฏฺานปฺปเภเทน วา ปฺาพเลน สมนฺนาคตตฺตา ปฺาพลํ, จตุปาริสุทฺธิสีเลน ธุตงฺควเตน จ อุปปนฺนตฺตา สีลวตูปปนฺนํ, มคฺคสมาธินา ผลสมาธินา อิริยาปถสมาธินา จ สมาหิตํ, อุปจารปฺปนาเภเทน ฌาเนน ฌาเน วา รตตฺตา ฌานรตํ, สติเวปุลฺลปฺปตฺตตฺตา สติมํ, ราคาทิสงฺคโต ปมุตฺตตา สงฺคา ปมุตฺตํ, ปฺจเจโตขิลจตุอาสวาภาเวน อขิลํ อนาสวํ ตํ วาปิ ธีรา มุนึ เวทยนฺติ. ตมฺปิ เอวํ ปฺาทิคุณสํยุตฺตํ สงฺคาทิโทสวิสํยุตฺตํ ปณฺฑิตา สตฺตา มุนึ วา เวทยนฺติ. ปสฺสถ ยาว ปฏิวิสิฏฺโวายํ ขีณาสวมุนิ, โส ‘‘นวกมฺมิโก’’ติ วา ‘‘กทา สมณธมฺมํ กริสฺสตี’’ติ วา กถํ วตฺตพฺโพ. โส หิ ปฺาพเลน ตํ วิหารํ นิฏฺาเปสิ, น นวกมฺมกรเณน, กตกิจฺโจว โส, น อิทานิ สมณธมฺมํ กริสฺสตีติ เรวตตฺเถรํ วิภาเวติ. วิภาวนตฺโถ หิ เอตฺถ วา-สทฺโทติ.

๒๑๕. เอกํ จรนฺตนฺติ กา อุปฺปตฺติ? โพธิมณฺฑโต ปภุติ ยถากฺกมํ กปิลวตฺถุํ อนุปฺปตฺเต ภควติ ปิตาปุตฺตสมาคเม วตฺตมาเน ภควา สมฺโมทมาเนน รฺา สุทฺโธทเนน ‘‘ตุมฺเห, ภนฺเต, คหฏฺกาเล คนฺธกรณฺฑเก วาสิตานิ กาสิกาทีนิ ทุสฺสานิ นิวาเสตฺวา อิทานิ กถํ ฉินฺนกานิ ปํสุกูลานิ ธาเรถา’’ติ เอวมาทินา วุตฺโต ราชานํ อนุนยมาโน –

‘‘ยํ ตฺวํ ตาต วเท มยฺหํ, ปฏฺฏุณฺณํ ทุกูลกาสิกํ;

ปํสุกูลํ ตโต เสยฺยํ, เอตํ เม อภิปตฺถิต’’นฺติ. –

อาทีนิ วตฺวา โลกธมฺเมหิ อตฺตโน อวิกมฺปภาวํ ทสฺเสนฺโต รฺโ ธมฺมเทสนตฺถํ อิมํ สตฺตปทคาถมภาสิ.

ตสฺสตฺโถ – ปพฺพชฺชาสงฺขาตาทีหิ เอกํ, อิริยาปถาทีหิ จริยาหิ จรนฺตํ. โมเนยฺยธมฺมสมนฺนาคเมน มุนึ. สพฺพฏฺาเนสุ ปมาทาภาวโต อปฺปมตฺตํ. อกฺโกสนครหนาทิเภทาย นินฺทาย วณฺณนโถมนาทิเภทาย ปสํสาย จาติ อิมาสุ นินฺทาปสํสาสุ ปฏิฆานุนยวเสน อเวธมานํ. นินฺทาปสํสามุเขน เจตฺถ อฏฺปิ โลกธมฺมา วุตฺตาติ เวทิตพฺพา. สีหํว เภริสทฺทาทีสุ สทฺเทสุ อฏฺสุ โลกธมฺเมสุ ปกติวิการานุปคเมน อสนฺตสนฺตํ, ปนฺเตสุ วา เสนาสเนสุ สนฺตาสาภาเวน. วาตํว สุตฺตมยาทิเภเท ชาลมฺหิ จตูหิ มคฺเคหิ ตณฺหาทิฏฺิชาเล อสชฺชมานํ, อฏฺสุ วา โลกธมฺเมสุ ปฏิฆานุนยวเสน อสชฺชมานํ. ปทุมํว โตเยน โลเก ชาตมฺปิ เยสํ ตณฺหาทิฏฺิเลปานํ วเสน สตฺตา โลเกน ลิปฺปนฺติ, เตสํ เลปานํ ปหีนตฺตา โลเกน อลิปฺปมานํ, นิพฺพานคามิมคฺคํ อุปฺปาเทตฺวา เตน มคฺเคน เนตารมฺเสํ เทวมนุสฺสานํ. อตฺตโน ปน อฺเน เกนจิ มคฺคํ ทสฺเสตฺวา อเนตพฺพตฺตา อนฺเนยฺยํ ตํ วาปิ ธีรา มุนิ เวทยนฺติ พุทฺธมุนึ เวทยนฺตีติ อตฺตานํ วิภาเวติ. เสสเมตฺถ วุตฺตนยเมว.

๒๑๖. โย โอคหเณติ กา อุปฺปตฺติ? ภควโต ปมาภิสมฺพุทฺธสฺส จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ กปฺปสตสหสฺสฺจ ปูริตทสปารมิทสอุปปารมิทสปรมตฺถปารมิปฺปเภทํ อภินีหารคุณปารมิโย ปูเรตฺวา ตุสิตภวเน อภินิพฺพตฺติคุณํ ตตฺถ นิวาสคุณํ มหาวิโลกนคุณํ คพฺภโวกฺกนฺตึ คพฺภวาสํ คพฺภนิกฺขมนํ ปทวีติหารํ ทิสาวิโลกนํ พฺรหฺมคชฺชนํ มหาภินิกฺขมนํ มหาปธานํ อภิสมฺโพธึ ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนํ จตุพฺพิธํ มคฺคาณํ ผลาณํ อฏฺสุ ปริสาสุ อกมฺปนาณํ, ทสพลาณํ, จตุโยนิปริจฺเฉทกาณํ, ปฺจคติปริจฺเฉทกาณํ, ฉพฺพิธํ อสาธารณาณํ, อฏฺวิธํ สาวกสาธารณพุทฺธาณํ, จุทฺทสวิธํ พุทฺธาณํ, อฏฺารสพุทฺธคุณปริจฺเฉทกาณํ, เอกูนวีสติวิธปจฺจเวกฺขณาณํ, สตฺตสตฺตติวิธาณวตฺถุ เอวมิจฺจาทิคุณสตสหสฺเส นิสฺสาย ปวตฺตํ มหาลาภสกฺการํ อสหมาเนหิ ติตฺถิเยหิ อุยฺโยชิตาย จิฺจมาณวิกาย ‘‘เอกํ ธมฺมํ อตีตสฺสา’’ติ อิมิสฺสา คาถาย วตฺถุมฺหิ วุตฺตนเยน จตุปริสมชฺเฌ ภควโต อยเส อุปฺปาทิเต ตปฺปจฺจยา ภิกฺขู กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘เอวรูเปปิ นาม อยเส อุปฺปนฺเน น ภควโต จิตฺตสฺส อฺถตฺตํ อตฺถี’’ติ. ตํ ตฺวา ภควา คนฺธกุฏิโต นิกฺขมฺม ตงฺขณานุรูเปน ปาฏิหาริเยน ปริสมชฺฌํ ปตฺวา, พุทฺธาสเน นิสีทิตฺวา, ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ? เต สพฺพํ อาโรเจสุํ. ตโต ภควา – ‘‘พุทฺธา นาม, ภิกฺขเว, อฏฺสุ โลกธมฺเมสุ ตาทิโน โหนฺตี’’ติ วตฺวา เตสํ ภิกฺขูนํ ธมฺมเทสนตฺถํ อิมํ คาถมภาสิ.

ตสฺสตฺโถ – ยถา นาม โอคหเณ มนุสฺสานํ นฺหานติตฺเถ องฺคฆํสนตฺถาย จตุรสฺเส วา อฏฺํเส วา ถมฺเภ นิขาเต อุจฺจกุลีนาปิ นีจกุลีนาปิ องฺคํ ฆํสนฺติ, น เตน ถมฺภสฺส อุนฺนติ วา โอนติ วา โหติ. เอวเมวํ โย โอคหเณ ถมฺโภริวาภิชายติ ยสฺมึ ปเร วาจาปริยนฺตํ วทนฺติ. กึ วุตฺตํ โหติ? ยสฺมึ วตฺถุสฺมึ ปเร ติตฺถิยา วา อฺเ วา วณฺณวเสน อุปริมํ วา อวณฺณวเสน เหฏฺิมํ วา วาจาปริยนฺตํ วทนฺติ, ตสฺมึ วตฺถุสฺมึ อนุนยํ วา ปฏิฆํ วา อนาปชฺชมาโน ตาทิภาเวน โย โอคหเณ ถมฺโภริว ภวตีติ. ตํ วีตราคํ สุสมาหิตินฺทฺริยนฺติ ตํ อิฏฺารมฺมเณ ราคาภาเวน วีตราคํ, อนิฏฺารมฺมเณ จ โทสโมหาภาเวน สุสมาหิตินฺทฺริยํ, สุฏฺุ วา สโมธาเนตฺวา ปิตินฺทฺริยํ, รกฺขิตินฺทฺริยํ, โคปิตินฺทฺริยนฺติ วุตฺตํ โหติ. ตํ วาปิ ธีรา มุนิ เวทยนฺติ พุทฺธมุนึ เวทยนฺติ, ตสฺส กถํ จิตฺตสฺส อฺถตฺตํ ภวิสฺสตีติ อตฺตานํ วิภาเวติ. เสสํ วุตฺตนยเมว.

๒๑๗. โย เว ิตตฺโตติ กา อุปฺปตฺติ? สาวตฺถิยํ กิร อฺตรา เสฏฺิธีตา ปาสาทา โอรุยฺห เหฏฺาปาสาเท ตนฺตวายสาลํ คนฺตฺวา ตสรํ วฏฺเฏนฺเต ทิสฺวา ตสฺส อุชุภาเวน ตปฺปฏิภาคนิมิตฺตํ อคฺคเหสิ – ‘‘อโห วต สพฺเพ สตฺตา กายวจีมโนวงฺกํ ปหาย ตสรํ วิย อุชุจิตฺตา ภเวยฺยุ’’นฺติ. สา ปาสาทํ อภิรุหิตฺวาปิ ปุนปฺปุนํ ตเทว นิมิตฺตํ อาวชฺเชนฺตี นิสีทิ. เอวํ ปฏิปนฺนาย จสฺสา น จิรสฺเสว อนิจฺจลกฺขณํ ปากฏํ อโหสิ, ตทนุสาเรเนว จ ทุกฺขานตฺตลกฺขณานิปิ. อถสฺสา ตโยปิ ภวา อาทิตฺตา วิย อุปฏฺหึสุ. ตํ ตถา วิปสฺสมานํ ตฺวา ภควา คนฺธกุฏิยํ นิสินฺโนว โอภาสํ มุฺจิ. สา ตํ ทิสฺวา ‘‘กึ อิท’’นฺติ อาวชฺเชนฺตี ภควนฺตํ ปสฺเส นิสินฺนมิว ทิสฺวา อุฏฺาย ปฺชลิกา อฏฺาสิ. อถสฺสา ภควา สปฺปายํ วิทิตฺวา ธมฺมเทสนาวเสน อิมํ คาถมภาสิ.

ตสฺสตฺโถ – โย เว เอกคฺคจิตฺตตาย อกุปฺปวิมุตฺติตาย จ วุฑฺฒิหานีนํ อภาวโต วิกฺขีณชาติสํสารตฺตา ภวนฺตรูปคมนาภาวโต จ ิตตฺโต, ปหีนกายวจีมโนวงฺกตาย อคติคมนาภาเวน วา ตสรํว อุชุ, หิโรตฺตปฺปสมฺปนฺนตฺตา ชิคุจฺฉติ กมฺเมหิ ปาปเกหิ, ปาปกานิ กมฺมานิ คูถคตํ วิย มุตฺตคตํ วิย จ ชิคุจฺฉติ, หิรียตีติ วุตฺตํ โหติ. โยควิภาเคน หิ อุปโยคตฺเถ กรณวจนํ สทฺทสตฺเถ สิชฺฌติ. วีมํสมาโน วิสมํ สมฺจาติ กายวิสมาทิวิสมํ กายสมาทิสมฺจ ปหานภาวนากิจฺจสาธเนน มคฺคปฺาย วีมํสมาโน อุปปริกฺขมาโน. ตํ วาปิ ขีณาสวํ ธีรา มุนึ เวทยนฺตีติ. กึ วุตฺตํ โหติ? ยถาวุตฺตนเยน มคฺคปฺาย วีมํสมาโน วิสมํ สมฺจ โย เว ิตตฺโต โหติ, โส เอวํ ตสรํว อุชุ หุตฺวา กิฺจิ วีติกฺกมํ อนาปชฺชนฺโต ชิคุจฺฉติ กมฺเมหิ ปาปเกหิ. ตํ วาปิ ธีรา มุนึ เวทยนฺติ. ยโต อีทิโส โหตีติ ขีณาสวมุนึ ทสฺเสนฺโต อรหตฺตนิกูเฏน คาถํ เทเสสิ. เทสนาปริโยสาเน เสฏฺิธีตา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. เอตฺถ จ วิกปฺเป วา สมุจฺจเย วา วาสทฺโท ทฏฺพฺโพ.

๒๑๘. โย สฺตตฺโตติ กา อุปฺปตฺติ? ภควติ กิร อาฬวิยํ วิหรนฺเต อาฬวีนคเร อฺตโร ตนฺตวาโย สตฺตวสฺสิกํ ธีตรํ อาณาเปสิ – ‘‘อมฺม, หิยฺโย อวสิฏฺตสรํ น พหุ, ตสรํ วฏฺเฏตฺวา ลหุํ ตนฺตวายสาลํ อาคจฺเฉยฺยาสิ, มา โข จิรายี’’ติ. สา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ. โส สาลํ คนฺตฺวา ตนฺตํ วิเนนฺโต อฏฺาสิ. ตํ ทิวสฺจ ภควา มหากรุณาสมาปตฺติโต วุฏฺาย โลกํ โวโลเกนฺโต ตสฺสา ทาริกาย โสตาปตฺติผลูปนิสฺสยํ เทสนาปริโยสาเน จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานฺจ ธมฺมาภิสมยํ ทิสฺวา ปเคว สรีรปฏิชคฺคนํ กตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย นครํ ปาวิสิ. มนุสฺสา ภควนฺตํ ทิสฺวา – ‘‘อทฺธา อชฺช โกจิ อนุคฺคเหตพฺโพ อตฺถิ, ปเคว ปวิฏฺโ ภควา’’ติ ภควนฺตํ อุปคจฺฉึสุ. ภควา เยน มคฺเคน สา ทาริกา ปิตุสนฺติกํ คจฺฉติ, ตสฺมึ อฏฺาสิ. นครวาสิโน ตํ ปเทสํ สมฺมชฺชิตฺวา, ปริปฺโผสิตฺวา, ปุปฺผูปหารํ กตฺวา, วิตานํ พนฺธิตฺวา, อาสนํ ปฺาเปสุํ. นิสีทิ ภควา ปฺตฺเต อาสเน, มหาชนกาโย ปริวาเรตฺวา อฏฺาสิ. สา ทาริกา ตํ ปเทสํ ปตฺตา มหาชนปริวุตํ ภควนฺตํ ทิสฺวา ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิ. ตํ ภควา อามนฺเตตฺวา – ‘‘ทาริเก กุโต อาคตาสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘น ชานามิ ภควา’’ติ. ‘‘กุหึ คมิสฺสสี’’ติ? ‘‘น ชานามิ ภควา’’ติ. ‘‘น ชานาสี’’ติ? ‘‘ชานามิ ภควา’’ติ. ‘‘ชานาสี’’ติ? ‘‘น ชานามิ ภควา’’ติ.

ตํ สุตฺวา มนุสฺสา อุชฺฌายนฺติ – ‘‘ปสฺสถ, โภ, อยํ ทาริกา อตฺตโน ฆรา อาคตาปิ ภควตา ปุจฺฉิยมานา ‘น ชานามี’ติ อาห, ตนฺตวายสาลํ คจฺฉนฺตี จาปิ ปุจฺฉิยมานา ‘น ชานามี’ติ อาห, ‘น ชานาสี’ติ วุตฺตา ‘ชานามี’ติ อาห, ‘ชานาสี’ติ วุตฺตา ‘น ชานามี’ติ อาห, สพฺพํ ปจฺจนีกเมว กโรตี’’ติ. ภควา มนุสฺสานํ ตมตฺถํ ปากฏํ กาตุกาโม ตํ ปุจฺฉิ – ‘‘กึ มยา ปุจฺฉิตํ, กึ ตยา วุตฺต’’นฺติ? สา อาห – ‘‘น มํ, ภนฺเต, โกจิ น ชานาติ, ฆรโต อาคตา ตนฺตวายสาลํ คจฺฉตี’’ติ; อปิจ มํ ตุมฺเห ปฏิสนฺธิวเสน ปุจฺฉถ, ‘‘กุโต อาคตาสี’’ติ, จุติวเสน ปุจฺฉถ, ‘‘กุหึ คมิสฺสสี’’ติ อหฺจ น ชานามิ. ‘‘กุโต จมฺหิ อาคตา; นิรยา วา เทวโลกา วา’’ติ, น หิ ชานามิ, ‘‘กุหิมฺปิ คมิสฺสามิ นิรยํ วา เทวโลกํ วา’’ติ, ตสฺมา ‘‘น ชานามี’’ติ อวจํ. ตโต มํ ภควา มรณํ สนฺธาย ปุจฺฉิ – ‘‘น ชานาสี’’ติ, อหฺจ ชานามิ. ‘‘สพฺเพสํ มรณํ ธุว’’นฺติ, เตนาโวจํ ‘‘ชานามี’’ติ. ตโต มํ ภควา มรณกาลํ สนฺธาย ปุจฺฉิ ‘‘ชานาสี’’ติ, อหฺจ น ชานามิ ‘‘กทา มริสฺสามิ กึ อชฺช วา อุทาหุ สฺเว วา’’ติ, เตนาโวจํ ‘‘น ชานามี’’ติ. ภควา ตาย วิสฺสชฺชิตํ ปฺหํ ‘‘สาธุ สาธู’’ติ อนุโมทิ. มหาชนกาโยปิ ‘‘ยาว ปณฺฑิตา อยํ ทาริกา’’ติ สาธุการสหสฺสานิ อทาสิ. อถ ภควา ทาริกาย สปฺปายํ วิทิตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต –

‘‘อนฺธภูโต อยํ โลโก, ตนุเกตฺถ วิปสฺสติ;

สกุโณ ชาลมุตฺโตว, อปฺโป สคฺคาย คจฺฉตี’’ติ. (ธ. ป. ๑๗๔) –

อิมํ คาถมาห. สา คาถาปริโยสาเน โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาสิ, จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานฺจ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ.

สา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ปิตุ สนฺติกํ อคมาสิ. ปิตา ตํ ทิสฺวา ‘‘จิเรนาคตา’’ติ กุทฺโธ เวเคน ตนฺเต เวมํ ปกฺขิปิ. ตํ นิกฺขมิตฺวา ทาริกาย กุจฺฉึ ภินฺทิ. สา ตตฺเถว กาลมกาสิ. โส ทิสฺวา – ‘‘นาหํ มม ธีตรํ ปหรึ, อปิจ โข อิมํ เวมํ เวคสา นิกฺขมิตฺวา อิมิสฺสา กุจฺฉึ ภินฺทิ. ชีวติ นุ โข นนุ โข’’ติ วีมํสนฺโต มตํ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘มนุสฺสา มํ ‘อิมินา ธีตา มาริตา’ติ ตฺวา อุปกฺโกเสยฺยุํ, เตน ราชาปิ ครุกํ ทณฺฑํ ปเณยฺย, หนฺทาหํ ปฏิกจฺเจว ปลายามี’’ติ. โส ทณฺฑภเยน ปลายนฺโต ภควโต สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อรฺเ วสนฺตานํ ภิกฺขูนํ วสโนกาสํ ปาปุณิ. เต จ ภิกฺขู อุปสงฺกมิตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิ. เต ตํ ปพฺพาเชตฺวา ตจปฺจกกมฺมฏฺานํ อทํสุ. โส ตํ อุคฺคเหตฺวา วายมนฺโต น จิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ, เต จสฺส อาจริยุปชฺฌายา. อถ มหาปวารณาย สพฺเพว ภควโต สนฺติกํ อคมํสุ – ‘‘วิสุทฺธิปวารณํ ปวาเรสฺสามา’’ติ. ภควา ปวาเรตฺวา วุตฺถวสฺโส ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต คามนิคมาทีสุ จาริกํ จรมาโน อนุปุพฺเพน อาฬวึ อคมาสิ. ตตฺถ มนุสฺสา ภควนฺตํ นิมนฺเตตฺวา ทานาทีนิ กโรนฺตา ตํ ภิกฺขุํ ทิสฺวา ‘‘ธีตรํ มาเรตฺวา อิทานิ กํ มาเรตุํ อาคโตสี’’ติอาทีนิ วตฺวา อุปฺปณฺเฑสุํ. ภิกฺขู ตํ สุตฺวา อุปฏฺานเวลายํ อุปสงฺกมิตฺวา ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. ภควา – ‘‘น, ภิกฺขเว, อยํ ภิกฺขุ ธีตรํ มาเรสิ, สา อตฺตโน กมฺเมน มตา’’ติ วตฺวา ตสฺส ภิกฺขุโน มนุสฺเสหิ ทุพฺพิชานํ ขีณาสวมุนิภาวํ ปกาเสนฺโต ภิกฺขูนํ ธมฺมเทสนตฺถํ อิมํ คาถมภาสิ.

ตสฺสตฺโถ – โย ตีสุปิ กมฺมทฺวาเรสุ สีลสํยเมน สํยตตฺโต กาเยน วา วาจาย วา เจตสา วา หึสาทิกํ น กโรติ ปาปํ, ตฺจ โข ปน ทหโร วา ทหรวเย ิโต, มชฺฌิโม วา มชฺฌิมวเย ิโต, เอเตเนว นเยน เถโร วา ปจฺฉิมวเย ิโตติ กทาจิปิ น กโรติ. กึ การณา? ยตตฺโต, ยสฺมา อนุตฺตราย วิรติยา สพฺพปาเปหิ อุปรตจิตฺโตติ วุตฺตํ โหติ.

อิทานิ มุนิ อโรสเนยฺโย น โส โรเสติ กฺจีติ เอเตสํ ปทานํ อยํ โยชนา จ อธิปฺปาโย จ – โส ขีณาสวมุนิ อโรสเนยฺโย ‘‘ธีตุมารโก’’ติ วา ‘‘เปสกาโร’’ติ วา เอวมาทินา นเยน กาเยน วา วาจาย วา โรเสตุํ, ฆฏฺเฏตุํ, พาเธตุํ อรโห น โหติ. โสปิ หิ น โรเสติ กฺจิ, ‘‘นาหํ มม ธีตรํ มาเรมิ, ตฺวํ มาเรสิ, ตุมฺหาทิโส วา มาเรตี’’ติอาทีนิ วตฺวา กฺจิ น โรเสติ, น ฆฏฺเฏติ, น พาเธติ, ตสฺมา โสปิ น โรสเนยฺโย. อปิจ โข ปน ‘‘ติฏฺตุ นาโค, มา นาคํ ฆฏฺเฏสิ, นโม กโรหิ นาคสฺสา’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๔๙) วุตฺตนเยน นมสฺสิตพฺโพเยว โหติ. ตํ วาปิ ธีรา มุนิ เวทยนฺตีติ เอตฺถ ปน ตมฺปิ ธีราว มุนึ เวทยนฺตีติ เอวํ ปทวิภาโค เวทิตพฺโพ. อธิปฺปาโย เจตฺถ – ตํ ‘‘อยํ อโรสเนยฺโย’’ติ เอเต พาลมนุสฺสา อชานิตฺวา โรเสนฺติ. เย ปน ธีรา โหนฺติ, เต ธีราว ตมฺปิ มุนึ เวทยนฺติ, อยํ ขีณาสวมุนีติ ชานนฺตีติ.

๒๑๙. ยทคฺคโตติ กา อุปฺปตฺติ? สาวตฺถิยํ กิร ปฺจคฺคทายโก นาม พฺราหฺมโณ อโหสิ. โส นิปฺผชฺชมาเนสุ สสฺเสสุ เขตฺตคฺคํ, ราสคฺคํ, โกฏฺคฺคํ, กุมฺภิอคฺคํ, โภชนคฺคนฺติ อิมานิ ปฺจ อคฺคานิ เทติ. ตตฺถ ปมปกฺกานิเยว สาลิ-ยว-โคธูม-สีสานิ อาหราเปตฺวา ยาคุปายาสปุถุกาทีนิ ปฏิยาเทตฺวา ‘‘อคฺคสฺส ทาตา เมธาวี, อคฺคํ โส อธิคจฺฉตี’’ติ เอวํทิฏฺิโก หุตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทานํ เทติ, อิทมสฺส เขตฺตคฺคทานํ. นิปฺผนฺเนสุ ปน สสฺเสสุ ลายิเตสุ มทฺทิเตสุ จ วรธฺานิ คเหตฺวา ตเถว ทานํ เทติ, อิทมสฺส ราสคฺคทานํ. ปุน เตหิ ธฺเหิ โกฏฺาคารานิ ปูราเปตฺวา ปมโกฏฺาคารวิวรเณ ปมนีหฏานิ ธฺานิ คเหตฺวา ตเถว ทานํ เทติ, อิทมสฺส โกฏฺคฺคทานํ. ยํ ยเทว ปนสฺส ฆเร รนฺเธติ, ตโต อคฺคํ อนุปฺปตฺตปพฺพชิตานํ อทตฺวา อนฺตมโส ทารกานมฺปิ น กิฺจิ เทติ, อิทมสฺส กุมฺภิอคฺคทานํ. ปุน อตฺตโน โภชนกาเล ปมูปนีตํ โภชนํ ปุเรภตฺตกาเล สงฺฆสฺส, ปจฺฉาภตฺตกาเล สมฺปตฺตยาจกานํ, ตทภาเว อนฺตมโส สุนขานมฺปิ อทตฺวา น ภุฺชติ, อิทมสฺส โภชนคฺคทานํ. เอวํ โส ปฺจคฺคทายโกตฺเวว อภิลกฺขิโต อโหสิ.

อเถกทิวสํ ภควา ปจฺจูสสมเย พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกนฺโต ตสฺส พฺราหฺมณสฺส พฺราหฺมณิยา จ โสตาปตฺติมคฺคอุปนิสฺสยํ ทิสฺวา สรีรปฏิชคฺคนํ กตฺวา อติปฺปเคว คนฺธกุฏึ ปาวิสิ. ภิกฺขู ปิหิตทฺวารํ คนฺธกุฏึ ทิสฺวา – ‘‘อชฺช ภควา เอกโกว คามํ ปวิสิตุกาโม’’ติ ตฺวา ภิกฺขาจารเวลาย คนฺธกุฏึ ปทกฺขิณํ กตฺวา ปิณฺฑาย ปวิสึสุ. ภควาปิ พฺราหฺมณสฺส โภชนเวลายํ นิกฺขมิตฺวา สาวตฺถึ ปาวิสิ. มนุสฺสา ภควนฺตํ ทิสฺวา เอวํ – ‘‘นูนชฺช โกจิ สตฺโต อนุคฺคเหตพฺโพ อตฺถิ, ตถา หิ ภควา เอกโกว ปวิฏฺโ’’ติ ตฺวา น ภควนฺตํ อุปสงฺกมึสุ นิมนฺตนตฺถาย. ภควาปิ อนุปุพฺเพน พฺราหฺมณสฺส ฆรทฺวารํ สมฺปตฺวา อฏฺาสิ. เตน จ สมเยน พฺราหฺมโณ โภชนํ คเหตฺวา นิสินฺโน โหติ, พฺราหฺมณี ปนสฺส พีชนึ คเหตฺวา ิตา. สา ภควนฺตํ ทิสฺวา ‘‘สจายํ พฺราหฺมโณ ปสฺเสยฺย, ปตฺตํ คเหตฺวา สพฺพํ โภชนํ ทเทยฺย, ตโต เม ปุน ปจิตพฺพํ ภเวยฺยา’’ติ จินฺเตตฺวา อปฺปสาทฺจ มจฺเฉรฺจ อุปฺปาเทตฺวา ยถา พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ น ปสฺสติ, เอวํ ตาลวณฺเฏน ปฏิจฺฉาเทสิ. ภควา ตํ ตฺวา สรีราภํ มุฺจิ. ตํ พฺราหฺมโณ สุวณฺโณภาสํ ทิสฺวา ‘‘กิเมต’’นฺติ อุลฺโลเกนฺโต อทฺทส ภควนฺตํ ทฺวาเร ิตํ. พฺราหฺมณีปิ ‘‘ทิฏฺโเนน ภควา’’ติ ตาวเทว ตาลวณฺฏํ นิกฺขิปิตฺวา ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิ, วนฺทิตฺวา จสฺสา อุฏฺหนฺติยา สปฺปายํ วิทิตฺวา –

‘‘สพฺพโส นามรูปสฺมึ, ยสฺส นตฺถิ มมายิตํ;

อสตา จ น โสจติ, ส เว ภิกฺขูติ วุจฺจตี’’ติ. (ธ. ป. ๓๖๗) –

อิมํ คาถมภาสิ. สา คาถาปริโยสาเนเยว โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาสิ. พฺราหฺมโณปิ ภควนฺตํ อนฺโตฆรํ ปเวเสตฺวา, วราสเน นิสีทาเปตฺวา, ทกฺขิโณทกํ ทตฺวา, อตฺตโน อุปนีตโภชนํ อุปนาเมสิ – ‘‘ตุมฺเห, ภนฺเต, สเทวเก โลเก อคฺคทกฺขิเณยฺยา, สาธุ, เม ตํ โภชนํ อตฺตโน ปตฺเต ปติฏฺาเปถา’’ติ. ภควา ตสฺส อนุคฺคหตฺถํ ปฏิคฺคเหตฺวา ปริภุฺชิ. กตภตฺตกิจฺโจ จ พฺราหฺมณสฺส สปฺปายํ วิทิตฺวา อิมํ คาถมภาสิ.

ตสฺสตฺโถ – ยํ กุมฺภิโต ปมเมว คหิตตฺตา อคฺคโต, อทฺธาวเสสาย กุมฺภิยา อาคนฺตฺวา ตโต คหิตตฺตา มชฺฌโต, เอกทฺวิกฏจฺฉุมตฺตาวเสสาย กุมฺภิยา อาคนฺตฺวา ตโต คหิตตฺตา เสสโต วา ปิณฺฑํ ลเภถ. ปรทตฺตูปชีวีติ ปพฺพชิโต. โส หิ อุทกทนฺตโปณํ เปตฺวา อวเสสํ ปเรเนว ทตฺตํ อุปชีวติ, ตสฺมา ‘‘ปรทตฺตูปชีวี’’ติ วุจฺจติ. นาลํ ถุตุํ โนปิ นิปจฺจวาทีติ อคฺคโต ลทฺธา อตฺตานํ วา ทายกํ วา โถเมตุมฺปิ นารหติ ปหีนานุนยตฺตา. เสสโต ลทฺธา ‘‘กึ เอตํ อิมินา ทินฺน’’นฺติอาทินา นเยน ทายกํ นิปาเตตฺวา อปฺปิยวจนานิ วตฺตาปิ น โหติ ปหีนปฏิฆตฺตา. ตํ วาปิ ธีรา มุนิ เวทยนฺตีติ ตมฺปิ ปหีนานุนยปฏิฆํ ธีราว มุนึ เวทยนฺตีติ พฺราหฺมณสฺส อรหตฺตนิกูเฏน คาถํ เทเสสิ. คาถาปริโยสาเน พฺราหฺมโณ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหีติ.

๒๒๐. มุนึ จรนฺตนฺติ กา อุปฺปตฺติ? สาวตฺถิยํ กิร อฺตโร เสฏฺิปุตฺโต อุตุวเสน ตีสุ ปาสาเทสุ สพฺพสมฺปตฺตีหิ ปริจารยมาโน ทหโรว ปพฺพชิตุกาโม หุตฺวา, มาตาปิตโร ยาจิตฺวา, ขคฺควิสาณสุตฺเต ‘‘กามา หิ จิตฺรา’’ติ (สุ. นิ. ๕๐) อิมิสฺสา คาถาย อฏฺุปฺปตฺติยํ วุตฺตนเยเนว ติกฺขตฺตุํ ปพฺพชิตฺวา จ อุปฺปพฺพชิตฺวา จ จตุตฺถวาเร อรหตฺตํ ปาปุณิ. ตํ ปุพฺพปริจเยน ภิกฺขู ภณนฺติ – ‘‘สมโย, อาวุโส, อุปฺปพฺพชิตุ’’นฺติ. โส ‘‘อภพฺโพ ทานาหํ, อาวุโส, วิพฺภมิตุ’’นฺติ อาห. ตํ สุตฺวา ภิกฺขู ภควโต อาโรเจสุํ. ภควา ‘‘เอวเมตํ, ภิกฺขเว, อภพฺโพ โส ทานิ วิพฺภมิตุ’’นฺติ ตสฺส ขีณาสวมุนิภาวํ อาวิกโรนฺโต อิมํ คาถมาห.

ตสฺสตฺโถ – โมเนยฺยธมฺมสมนฺนาคเมน มุนึ, เอกวิหาริตาย, ปุพฺเพ วุตฺตปฺปการาสุ วา จริยาสุ ยาย กายจิ จริยาย จรนฺตํ, ปุพฺเพ วิย เมถุนธมฺเม จิตฺตํ อกตฺวา อนุตฺตราย วิรติยา วิรตํ เมถุนสฺมา. ทุติยปาทสฺส สมฺพนฺโธ – กีทิสํ มุนึ จรนฺตํ วิรตํ เมถุนสฺมาติ เจ? โย โยพฺพเน โนปนิพชฺฌเต กฺวจิ, โย ภทฺเรปิ โยพฺพเน วตฺตมาเน กฺวจิ อิตฺถิรูเป ยถา ปุเร, เอวํ เมถุนราเคน น อุปนิพชฺฌติ. อถ วา กฺวจิ อตฺตโน วา ปรสฺส วา โยพฺพเน ‘‘ยุวา ตาวมฺหิ, อยํ วา ยุวาติ ปฏิเสวามิ ตาว กาเม’’ติ เอวํ โย ราเคน น อุปนิพชฺฌตีติ อยมฺเปตฺถ อตฺโถ. น เกวลฺจ วิรตํ เมถุนสฺมา, อปิจ โข ปน ชาติมทาทิเภทา มทา, กามคุเณสุ สติวิปฺปวาสสงฺขาตา ปมาทาปิ จ วิรตํ, เอวํ มทปฺปมาทา วิรตตฺตา เอว จ วิปฺปมุตฺตํ สพฺพกิเลสพนฺธเนหิ. ยถา วา เอโก โลกิกายปิ วิรติยา วิรโต โหติ, น เอวํ, กึ ปน วิปฺปมุตฺตํ วิรตํ, สพฺพกิเลสพนฺธเนหิ วิปฺปมุตฺตตฺตา โลกุตฺตรวิรติยา วิรตนฺติปิ อตฺโถ. ตํ วาปิ ธีรา มุนิ เวทยนฺตีติ ตมฺปิ ธีรา เอว มุนึ เวทยนฺติ, ตุมฺเห ปน นํ น เวทยถ, เตน นํ เอวํ ภณถาติ ทสฺเสติ.

๒๒๑. อฺาย โลกนฺติ กา อุปฺปตฺติ? ภควา กปิลวตฺถุสฺมึ วิหรติ. เตน สมเยน นนฺทสฺส อาภรณมงฺคลํ, อภิเสกมงฺคลํ, อาวาหมงฺคลนฺติ ตีณิ มงฺคลานิ อกํสุ. ภควาปิ ตตฺถ นิมนฺติโต ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ ตตฺถ คนฺตฺวา ภุฺชิตฺวา นิกฺขมนฺโต นนฺทสฺส หตฺเถ ปตฺตํ อทาสิ. ตํ นิกฺขมนฺตํ ทิสฺวา ชนปทกลฺยาณี ‘‘ตุวฏฺฏํ โข, อยฺยปุตฺต, อาคจฺเฉยฺยาสี’’ติ อาห. โส ภควโต คารเวน ‘‘หนฺท ภควา ปตฺต’’นฺติ วตฺตุํ อสกฺโกนฺโต วิหารเมว คโต. ภควา คนฺธกุฏิปริเวเณ ตฺวา ‘‘อาหร, นนฺท, ปตฺต’’นฺติ คเหตฺวา ‘‘ปพฺพชิสฺสสี’’ติ อาห. โส ภควโต คารเวน ปฏิกฺขิปิตุํ อสกฺโกนฺโต ‘‘ปพฺพชามิ, ภควา’’ติ อาห. ตํ ภควา ปพฺพาเชสิ. โส ปน ชนปทกลฺยาณิยา วจนํ ปุนปฺปุนํ สรนฺโต อุกฺกณฺิ. ภิกฺขู ภควโต อาโรเจสุํ. ภควา นนฺทสฺส อนภิรตึ วิโนเทตุกาโม ‘‘ตาวตึสภวนํ คตปุพฺโพสิ, นนฺทา’’ติ อาห. นนฺโท ‘‘นาหํ, ภนฺเต, คตปุพฺโพ’’ติ อโวจ.

ตโต นํ ภควา อตฺตโน อานุภาเวน ตาวตึสภวนํ เนตฺวา เวชยนฺตปาสาททฺวาเร อฏฺาสิ. ภควโต อาคมนํ วิทิตฺวา สกฺโก อจฺฉราคณปริวุโต ปาสาทา โอโรหิ. ตา สพฺพาปิ กสฺสปสฺส ภควโต สาวกานํ ปาทมกฺขนเตลํ ทตฺวา กกุฏปาทินิโย อเหสุํ. อถ ภควา นนฺทํ อามนฺเตสิ – ‘‘ปสฺสสิ โน, ตฺวํ นนฺท, อิมานิ ปฺจ อจฺฉราสตานิ กกุฏปาทานี’’ติ สพฺพํ วิตฺถาเรตพฺพํ. มาตุคามสฺส นาม นิมิตฺตานุพฺยฺชนํ คเหตพฺพนฺติ สกเลปิ พุทฺธวจเน เอตํ นตฺถิ. อถ จ ปเนตฺถ ภควา อุปายกุสลตาย อาตุรสฺส โทเส อุคฺคิเลตฺวา นีหริตุกาโม เวชฺโช สุโภชนํ วิย นนฺทสฺส ราคํ อุคฺคิเลตฺวา นีหริตุกาโม นิมิตฺตานุพฺยฺชนคฺคหณํ อนุฺาสิ ยถา ตํ อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ. ตโต ภควา อจฺฉราเหตุ นนฺทสฺส พฺรหฺมจริเย อภิรตึ ทิสฺวา ภิกฺขู อาณาเปสิ – ‘‘ภตกวาเทน นนฺทํ โจเทถา’’ติ. โส เตหิ โจทิยมาโน ลชฺชิโต โยนิโส มนสิ กโรนฺโต ปฏิปชฺชิตฺวา น จิรสฺเสว อรหตฺตํ สจฺฉากาสิ. ตสฺส จงฺกมนโกฏิยํ รุกฺเข อธิวตฺถา เทวตา ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสิ. ภควโตปิ าณํ อุทปาทิ. ภิกฺขู อชานนฺตา ตเถวายสฺมนฺตํ โจเทนฺติ. ภควา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทานิ นนฺโท เอวํ โจเทตพฺโพ’’ติ ตสฺส ขีณาสวมุนิภาวํ ทีเปนฺโต เตสํ ภิกฺขูนํ ธมฺมเทสนตฺถํ อิมํ คาถมภาสิ.

ตสฺสตฺโถ – ทุกฺขสจฺจววตฺถานกรเณน ขนฺธาทิโลกํ อฺาย ชานิตฺวา ววตฺถเปตฺวา นิโรธสจฺจสจฺฉิกิริยาย ปรมตฺถทสฺสึ, สมุทยปฺปหาเนน จตุพฺพิธมฺปิ โอฆํ, ปหีนสมุทยตฺตา รูปมทาทิเวคสหเนน จกฺขาทิอายตนสมุทฺทฺจ อติตริย อติตริตฺวา อติกฺกมิตฺวา มคฺคภาวนาย, ‘‘ตนฺนิทฺเทสา ตาที’’ติ อิมาย ตาทิลกฺขณปฺปตฺติยา ตาทึ. โย วายํ กามราคาทิกิเลสราสิเยว อวหนนฏฺเน โอโฆ, กุจฺฉิตคติปริยาเยน สมุทฺทนฏฺเน สมุทฺโท, สมุทยปฺปหาเนเนว ตํ โอฆํ สมุทฺทฺจ อติตริย อติติณฺโณฆตฺตา อิทานิ ตุมฺเหหิ เอวํ วุจฺจมาเนปิ วิการมนาปชฺชนตาย ตาทิมฺปิ เอวมฺเปตฺถ อตฺโถ จ อธิปฺปาโย จ เวทิตพฺโพ. ตํ ฉินฺนคนฺถํ อสิตํ อนาสวนฺติ อิทํ ปนสฺส ถุติวจนเมว, อิมาย จตุสจฺจภาวนาย จตุนฺนํ คนฺถานํ ฉินฺนตฺตา ฉินฺนคนฺถํ, ทิฏฺิยา ตณฺหาย วา กตฺถจิ อนิสฺสิตตฺตา อสิตํ, จตุนฺนํ อาสวานํ อภาเวน อนาสวนฺติ วุตฺตํ โหติ. ตํ วาปิ ธีรา มุนิ เวทยนฺตีติ ตมฺปิ ธีราว ขีณาสวมุนึ เวทยนฺติ ตุมฺเห ปน อเวทยมานา เอวํ ภณถาติ ทสฺเสติ.

๒๒๒. อสมา อุโภติ กา อุปฺปตฺติ? อฺตโร ภิกฺขุ โกสลรฏฺเ ปจฺจนฺตคามํ นิสฺสาย อรฺเ วิหรติ. ตสฺมิฺจ คาเม มิคลุทฺทโก ตสฺส ภิกฺขุโน วสโนกาสํ คนฺตฺวา มิเค พนฺธติ. โส อรฺํ ปวิสนฺโต เถรํ คามํ ปิณฺฑาย ปวิสนฺตมฺปิ ปสฺสติ, อรฺา อาคจฺฉนฺโต คามโต นิกฺขมนฺตมฺปิ ปสฺสติ. เอวํ อภิณฺหทสฺสเนน เถเร ชาตสิเนโห อโหสิ. โส ยทา พหุํ มํสํ ลภติ, ตทา เถรสฺสาปิ รสปิณฺฑปาตํ เทติ. มนุสฺสา อุชฺฌายนฺติ – ‘‘อยํ ภิกฺขุ ‘อมุกสฺมึ ปเทเส มิคา ติฏฺนฺติ, จรนฺติ, ปานียํ ปิวนฺตี’ติ ลุทฺทกสฺส อาโรเจติ. ตโต ลุทฺทโก มิเค มาเรติ, เตน อุโภ สงฺคมฺม ชีวิกํ กปฺเปนฺตี’’ติ. อถ ภควา ชนปทจาริกํ จรมาโน ตํ ชนปทํ อคมาสิ. ภิกฺขู คามํ ปิณฺฑาย ปวิสนฺตา ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา ภควโต อาโรเจสุํ. ภควา ลุทฺทเกน สทฺธึ สมานชีวิกาภาวสาธกํ ตสฺส ภิกฺขุโน ขีณาสวมุนิภาวํ ทีเปนฺโต เตสํ ภิกฺขูนํ ธมฺมเทสนตฺถํ อิมํ คาถมภาสิ.

ตสฺสตฺโถ – โย จ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ, โย จ ลุทฺทโก, เอเต อสมา อุโภ. ยํ มนุสฺสา ภณนฺติ ‘‘สมานชีวิกา’’ติ, ตํ มิจฺฉา. กึ การณา? ทูรวิหารวุตฺติโน, ทูเร วิหาโร จ วุตฺติ จ เนสนฺติ ทูรวิหารวุตฺติโน. วิหาโรติ วสโนกาโส, โส จ ภิกฺขุโน อรฺเ, ลุทฺทกสฺส จ คาเม. วุตฺตีติ ชีวิกา, สา จ ภิกฺขุโน คาเม สปทานภิกฺขาจริยา, ลุทฺทกสฺส จ อรฺเ มิคสกุณมารณา. ปุน จปรํ คิหี ทารโปสี, โส ลุทฺทโก เตน กมฺเมน ปุตฺตทารํ โปเสติ. อมโม จ สุพฺพโต, ปุตฺตทาเรสุ ตณฺหาทิฏฺิมมตฺตวิรหิโต สุจิวตตฺตา สุนฺทรวตตฺตา จ สุพฺพโต โส ขีณาสวภิกฺขุ. ปุน จปรํ ปรปาณโรธาย คิหี อสฺโต, โส ลุทฺทโก คิหี ปรปาณโรธาย เตสํ ปาณานํ ชีวิตินฺทฺริยุปจฺเฉทาย กายวาจาจิตฺเตหิ อสํยโต. นิจฺจํ มุนี รกฺขติ ปาณิเน ยโต, อิตโร ปน ขีณาสวมุนิ กายวาจาจิตฺเตหิ นิจฺจํ ยโต สํยโต ปาณิโน รกฺขติ. เอวํ สนฺเต เต กถํ สมานชีวิกา ภวิสฺสนฺตีติ?

๒๒๓. สิขี ยถาติ กา อุปฺปตฺติ? ภควติ กปิลวตฺถุสฺมึ วิหรนฺเต สากิยานํ กถา อุทปาทิ – ‘‘ปมกโสตาปนฺโน ปจฺฉา โสตาปตฺตึ ปตฺตสฺส ธมฺเมน วุฑฺฒตโร โหติ, ตสฺมา ปจฺฉา โสตาปนฺเนน ภิกฺขุนา ปมโสตาปนฺนสฺส คิหิโน อภิวาทนาทีนิ กตฺตพฺพานี’’ติ ตํ กถํ อฺตโร ปิณฺฑจาริโก ภิกฺขุ สุตฺวา ภควโต อาโรเจสิ. ภควา ‘‘อฺา เอว หิ อยํ ชาติ, ปูชเนยฺยวตฺถุ ลิงฺค’’นฺติ สนฺธาย ‘‘อนาคามีปิ เจ, ภิกฺขเว, คิหี โหติ, เตน ตทหุปพฺพชิตสฺสาปิ สามเณรสฺส อภิวาทนาทีนิ กตฺตพฺพาเนวา’’ติ วตฺวา ปุน ปจฺฉา โสตาปนฺนสฺสาปิ ภิกฺขุโน ปมโสตาปนฺนคหฏฺโต อติมหนฺตํ วิเสสํ ทสฺเสนฺโต ภิกฺขูนํ ธมฺมเทสนตฺถํ อิมํ คาถมภาสิ.

ตสฺสตฺโถ – ยฺวายํ มตฺถเก ชาตาย สิขาย สพฺภาเวน สิขี, มณิทณฺฑสทิสาย คีวาย นีลคีโวติ จ มยูรวิหงฺคโม วุจฺจติ. โส ยถา หริตหํสตมฺพหํสขีรหํสกาฬหํสปากหํสสุวณฺณหํเสสุ ยฺวายํ สุวณฺณหํโส, ตสฺส หํสสฺส ชเวน โสฬสิมฺปิ กลํ น อุเปติ. สุวณฺณหํโส หิ มุหุตฺตเกน โยชนสหสฺสมฺปิ คจฺฉติ, โยชนมฺปิ อสมตฺโถ อิตโร. ทสฺสนียตาย ปน อุโภปิ ทสฺสนียา โหนฺติ, เอวํ คิหี ปมโสตาปนฺโนปิ กิฺจาปิ มคฺคทสฺสเนน ทสฺสนีโย โหติ. อถ โข โส ปจฺฉา โสตาปนฺนสฺสาปิ มคฺคทสฺสเนน ตุลฺยทสฺสนียภาวสฺสาปิ ภิกฺขุโน ชเวน นานุกโรติ. กตเมน ชเวน? อุปริมคฺควิปสฺสนาาณชเวน. คิหิโน หิ ตํ าณํ ทนฺธํ โหติ ปุตฺตทาราทิชฏาย ชฏิตตฺตา, ภิกฺขุโน ปน ติกฺขํ โหติ ตสฺสา ชฏาย วิชฏิตตฺตา. สฺวายมตฺโถ ภควตา ‘‘มุนิโน วิวิตฺตสฺส วนมฺหิ ฌายโต’’ติ อิมินา ปาเทน ทีปิโต. อยฺหิ เสกฺขมุนิ ภิกฺขุ กายจิตฺตวิเวเกน จ วิวิตฺโต โหติ, ลกฺขณารมฺมณูปนิชฺฌาเนน จ นิจฺจํ วนสฺมึ ฌายติ. กุโต คิหิโน เอวรูโป วิเวโก จ ฌานฺจาติ อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโยติ?

ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย

สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย มุนิสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

นิฏฺิโต จ ปโม วคฺโค อตฺถวณฺณนานยโต, นาเมน

อุรควคฺโคติ.

๒. จูฬวคฺโค

๑. รตนสุตฺตวณฺณนา

ยานีธ ภูตานีติ รตนสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? อตีเต กิร เวสาลิยํ ทุพฺภิกฺขาทโย อุปทฺทวา อุปฺปชฺชึสุ. เตสํ วูปสมนตฺถาย ลิจฺฉวโย ราชคหํ คนฺตฺวา, ยาจิตฺวา, ภควนฺตํ เวสาลิมานยึสุ. เอวํ อานีโต ภควา เตสํ อุปทฺทวานํ วูปสมนตฺถาย อิทํ สุตฺตมภาสิ. อยเมตฺถ สงฺเขโป. โปราณา ปนสฺส เวสาลิวตฺถุโต ปภุติ อุปฺปตฺตึ วณฺณยนฺติ. สา เอวํ เวทิตพฺพา – พาราณสิรฺโ กิร อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ คพฺโภ สณฺาสิ. สา ตํ ตฺวา รฺโ นิเวเทสิ. ราชา คพฺภปริหารํ อทาสิ. สา สมฺมา ปริหริยมานคพฺภา คพฺภปริปากกาเล วิชายนฆรํ ปาวิสิ. ปุฺวตีนํ ปจฺจูสสมเย คพฺภวุฏฺานํ โหติ, สา จ ตาสํ อฺตรา, เตน ปจฺจูสสมเย อลตฺตกปฏลพนฺธุชีวกปุปฺผสทิสํ มํสเปสึ วิชายิ. ตโต ‘‘อฺา เทวิโย สุวณฺณพิมฺพสทิเส ปุตฺเต วิชายนฺติ, อคฺคมเหสี มํสเปสินฺติ รฺโ ปุรโต มม อวณฺโณ อุปฺปชฺเชยฺยา’’ติ จินฺเตตฺวา เตน อวณฺณภเยน ตํ มํสเปสึ เอกสฺมึ ภาชเน ปกฺขิปิตฺวา อฺเน ปฏิกุชฺชิตฺวา ราชมุทฺทิกาย ลฺเฉตฺวา คงฺคาย โสเต ปกฺขิปาเปสิ. มนุสฺเสหิ ฉฑฺฑิตมตฺเต เทวตา อารกฺขํ สํวิทหึสุ. สุวณฺณปฏฺฏิกฺเจตฺถ ชาติหิงฺคุลเกน ‘‘พาราณสิรฺโ อคฺคมเหสิยา ปชา’’ติ ลิขิตฺวา พนฺธึสุ. ตโต ตํ ภาชนํ อูมิภยาทีหิ อนุปทฺทุตํ คงฺคาย โสเตน ปายาสิ.

เตน จ สมเยน อฺตโร ตาปโส โคปาลกุลํ นิสฺสาย คงฺคาย ตีเร วสติ. โส ปาโตวคงฺคํ โอติณฺโณ ตํ ภาชนํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ปํสุกูลสฺาย อคฺคเหสิ. ตโต ตตฺถ ตํ อกฺขรปฏฺฏิกํ ราชมุทฺทิกาลฺฉนฺจ ทิสฺวา มุฺจิตฺวา ตํ มํสเปสึ อทฺทส. ทิสฺวานสฺส เอตทโหสิ – ‘‘สิยา คพฺโภ, ตถา หิสฺส ทุคฺคนฺธปูติภาโว นตฺถี’’ติ ตํ อสฺสมํ เนตฺวา สุทฺเธ โอกาเส เปสิ. อถ อฑฺฒมาสจฺจเยน ทฺเว มํสเปสิโย อเหสุํ. ตาปโส ทิสฺวา สาธุกตรํ เปสิ. ตโต ปุน อทฺธมาสจฺจเยน เอกเมกิสฺสา เปสิยา หตฺถปาทสีสานมตฺถาย ปฺจ ปฺจ ปิฬกา อุฏฺหึสุ. อถ ตโต อทฺธมาสจฺจเยน เอกา มํสเปสิ สุวณฺณพิมฺพสทิโส ทารโก; เอกา ทาริกา อโหสิ. เตสุ ตาปสสฺส ปุตฺตสิเนโห อุปฺปชฺชิ, องฺคุฏฺโต จสฺส ขีรํ นิพฺพตฺติ, ตโต ปภุติ จ ขีรภตฺตํ ลภติ. โส ภตฺตํ ภุฺชิตฺวา ขีรํ ทารกานํ มุเข อาสิฺจติ. เตสํ ยํ ยํ อุทรํ ปวิสติ, ตํ สพฺพํ มณิภาชนคตํ วิย ทิสฺสติ. เอวํ นิจฺฉวี อเหสุํ. อปเร ปน อาหุ – ‘‘สิพฺพิตฺวา ปิตา วิย เนสํ อฺมฺํ ลีนา ฉวิ อโหสี’’ติ. เอวํ เต นิจฺฉวิตาย วา ลีนจฺฉวิตาย วา ลิจฺฉวีติ ปฺายึสุ.

ตาปโส ทารเก โปเสนฺโต อุสฺสูเร คามํ ปิณฺฑาย ปวิสติ, อติทิวา ปฏิกฺกมติ. ตสฺส ตํ พฺยาปารํ ตฺวา โคปาลกา อาหํสุ – ‘‘ภนฺเต, ปพฺพชิตานํ ทารกโปสนํ ปลิโพโธ, อมฺหากํ ทารเก เทถ, มยํ โปเสสฺสาม, ตุมฺเห อตฺตโน กมฺมํ กโรถา’’ติ. ตาปโส ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิ. โคปาลกา ทุติยทิวเส มคฺคํ สมํ กตฺวา, ปุปฺเผหิ โอกิริตฺวา; ธชปฏากา อุสฺสาเปตฺวา ตูริเยหิ วชฺชมาเนหิ อสฺสมํ อาคตา. ตาปโส ‘‘มหาปุฺา ทารกา, อปฺปมาเทน วฑฺเฒถ, วฑฺเฒตฺวา จ อฺมฺํ อาวาหวิวาหํ กโรถ, ปฺจโครเสน ราชานํ โตเสตฺวา ภูมิภาคํ คเหตฺวา นครํ มาเปถ, ตตฺร กุมารํ อภิสิฺจถา’’ติ วตฺวา ทารเก อทาสิ. เต ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา ทารเก เนตฺวา โปเสสุํ.

ทารกา วฑฺฒิมนฺวาย กีฬนฺตา วิวาทฏฺาเนสุ อฺเ โคปาลทารเก หตฺเถนปิ ปาเทนปิ ปหรนฺติ, เต โรทนฺติ. ‘‘กิสฺส โรทถา’’ติ จ มาตาปิตูหิ วุตฺตา ‘‘อิเม นิมฺมาตาปิติกา ตาปสโปสิตา อมฺเห อตีว ปหรนฺตี’’ติ วทนฺติ. ตโต เตสํ มาตาปิตโร ‘‘อิเม ทารกา อฺเ ทารเก วิเหเนฺติ ทุกฺขาเปนฺติ, น อิเม สงฺคเหตพฺพา, วชฺเชตพฺพา อิเม’’ติ อาหํสุ. ตโต ปภุติ กิร โส ปเทโส ‘‘วชฺชี’’ติ วุจฺจติ โยชนสตํ ปริมาเณน. อถ ตํ ปเทสํ โคปาลกา ราชานํ โตเสตฺวา อคฺคเหสุํ. ตตฺเถว นครํ มาเปตฺวา โสฬสวสฺสุทฺเทสิกํ กุมารํ อภิสิฺจิตฺวา ราชานํ อกํสุ. ตาย จสฺส ทาริกาย สทฺธึ วาเรยฺยํ กตฺวา กติกํ อกํสุ – ‘‘น พาหิรโต ทาริกา อาเนตพฺพา, อิโต ทาริกา น กสฺสจิ ทาตพฺพา’’ติ. เตสํ ปมสํวาเสน ทฺเว ทารกา ชาตา ธีตา จ ปุตฺโต จ, เอวํ โสฬสกฺขตฺตุํ ทฺเว ทฺเว ชาตา. ตโต เตสํ ทารกานํ ยถากฺกมํ วฑฺฒนฺตานํ อารามุยฺยานนิวาสนฏฺานปริวารสมฺปตฺตึ คเหตุํ อปฺปโหนฺตํ ตํ นครํ ติกฺขตฺตุํ คาวุตนฺตเรน คาวุตนฺตเรน ปากาเรน ปริกฺขิปึสุ. ตสฺส ปุนปฺปุนํ วิสาลีกตตฺตา เวสาลีตฺเวว นามํ ชาตํ. อิทํ เวสาลีวตฺถุ.

อยํ ปน เวสาลี ภควโต อุปฺปนฺนกาเล อิทฺธา เวปุลฺลปฺปตฺตา อโหสิ. ตตฺถ หิ ราชูนํเยว สตฺต สหสฺสานิ สตฺต จ สตานิ สตฺต จ ราชาโน อเหสุํ, ตถา ยุวราชเสนาปติภณฺฑาคาริกปฺปภุตีนํ. ยถาห –

‘‘เตน โข ปน สมเยน เวสาลี อิทฺธา เจว โหติ ผีตา จ พหุชนา อากิณฺณมนุสฺสา สุภิกฺขา จ, สตฺต จ ปาสาทสหสฺสานิ, สตฺต จ ปาสาทสตานิ, สตฺต จ ปาสาทา, สตฺต จ กูฏาคารสหสฺสานิ, สตฺต จ กูฏาคารสตานิ, สตฺต จ กูฏาคารานิ, สตฺต จ อารามสหสฺสานิ, สตฺต จ อารามสตานิ, สตฺต จ อารามา, สตฺต จ โปกฺขรณิสหสฺสานิ, สตฺต จ โปกฺขรณิสตานิ, สตฺต จ โปกฺขรณิโย’’ติ (มหาว. ๓๒๖).

สา อปเรน สมเยน ทุพฺภิกฺขา อโหสิ ทุพฺพุฏฺิกา ทุสฺสสฺสา. ปมํ ทุคฺคตมนุสฺสา มรนฺติ, เต พหิทฺธา ฉฑฺเฑนฺติ. มตมนุสฺสานํ กุณปคนฺเธน อมนุสฺสา นครํ ปวิสึสุ. ตโต พหุตรา มียนฺติ, ตาย ปฏิกูลตาย จ สตฺตานํ อหิวาตกโรโค อุปฺปชฺชิ. อิติ ตีหิ ทุพฺภิกฺขอมนุสฺสโรคภเยหิ อุปทฺทุตาย เวสาลิยา นครวาสิโน อุปสงฺกมิตฺวา ราชานมาหํสุ – ‘‘มหาราช, อิมสฺมึ นคเร ติวิธํ ภยมุปฺปนฺนํ, อิโต ปุพฺเพ ยาว สตฺตมา ราชกุลปริวฏฺฏา เอวรูปํ อนุปฺปนฺนปุพฺพํ, ตุมฺหากํ มฺเ อธมฺมิกตฺเตน เอตรหิ อุปฺปนฺน’’นฺติ. ราชา สพฺเพ สนฺถาคาเร สนฺนิปาตาเปตฺวา, ‘‘มยฺหํ อธมฺมิกภาวํ วิจินถา’’ติ อาห. เต สพฺพํ ปเวณึ วิจินนฺตา น กิฺจิ อทฺทสํสุ.

ตโต รฺโ โทสํ อทิสฺวา ‘‘อิทํ ภยํ อมฺหากํ กถํ วูปสเมยฺยา’’ติ จินฺเตสุํ. ตตฺถ เอกจฺเจ ฉ สตฺถาโร อปทิสึสุ – ‘‘เอเตหิ โอกฺกนฺตมตฺเต วูปสมิสฺสตี’’ติ. เอกจฺเจ อาหํสุ – ‘‘พุทฺโธ กิร โลเก อุปฺปนฺโน, โส ภควา สพฺพสตฺตหิตาย ธมฺมํ เทเสติ มหิทฺธิโก มหานุภาโว, เตน โอกฺกนฺตมตฺเต สพฺพภยานิ วูปสเมยฺยุ’’นฺติ. เตน เต อตฺตมนา หุตฺวา ‘‘กหํ ปน โส ภควา เอตรหิ วิหรติ, อมฺเหหิ วา เปสิเต อาคจฺเฉยฺยา’’ติ อาหํสุ. อถาปเร อาหํสุ – ‘‘พุทฺธา นาม อนุกมฺปกา, กิสฺส นาคจฺเฉยฺยุํ, โส ปน ภควา เอตรหิ ราชคเห วิหรติ, ราชา จ พิมฺพิสาโร ตํ อุปฏฺหติ, กทาจิ โส อาคนฺตุํ น ทเทยฺยา’’ติ. ‘‘เตน หิ ราชานํ สฺาเปตฺวา อาเนสฺสามา’’ติ ทฺเว ลิจฺฉวิราชาโน มหตา พลกาเยน ปหูตํ ปณฺณาการํ ทตฺวา รฺโ สนฺติกํ เปเสสุํ – ‘‘พิมฺพิสารํ สฺาเปตฺวา ภควนฺตํ อาเนถา’’ติ. เต คนฺตฺวา รฺโ ปณฺณาการํ ทตฺวา ตํ ปวตฺตึ นิเวเทตฺวา ‘‘มหาราช, ภควนฺตํ อมฺหากํ นครํ เปเสหี’’ติ อาหํสุ. ราชา น สมฺปฏิจฺฉิ – ‘‘ตุมฺเห เอว ชานาถา’’ติ อาห. เต ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอวมาหํสุ – ‘‘ภนฺเต, อมฺหากํ นคเร ตีณิ ภยานิ อุปฺปนฺนานิ. สเจ ภควา อาคจฺเฉยฺย, โสตฺถิ โน ภเวยฺยา’’ติ. ภควา อาวชฺเชตฺวา ‘‘เวสาลิยํ รตนสุตฺเต วุตฺเต สา รกฺขา โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาฬานิ ผริสฺสติ, สุตฺตปริโยสาเน จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย ภวิสฺสตี’’ติ อธิวาเสสิ. อถ ราชา พิมฺพิสาโร ภควโต อธิวาสนํ สุตฺวา ‘‘ภควตา เวสาลิคมนํ อธิวาสิต’’นฺติ นคเร โฆสนํ การาเปตฺวา ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา อาห – ‘‘กึ, ภนฺเต, สมฺปฏิจฺฉิตฺถ เวสาลิคมน’’นฺติ? ‘‘อาม, มหาราชา’’ติ. ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, อาคเมถ, ยาว มคฺคํ ปฏิยาเทมี’’ติ.

อถ โข ราชา พิมฺพิสาโร ราชคหสฺส จ คงฺคาย จ อนฺตรา ปฺจโยชนํ ภูมึ สมํ กตฺวา, โยชเน โยชเน วิหารํ มาเปตฺวา, ภควโต คมนกาลํ ปฏิเวเทสิ. ภควา ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ ปริวุโต ปายาสิ. ราชา ปฺจโยชนํ มคฺคํ ปฺจวณฺเณหิ ปุปฺเผหิ ชาณุมตฺตํ โอกิราเปตฺวา ธชปฏากาปุณฺณฆฏกทลิอาทีนิ อุสฺสาเปตฺวา ภควโต ทฺเว เสตจฺฉตฺตานิ, เอเกกสฺส จ ภิกฺขุสฺส เอกเมกํ อุกฺขิปาเปตฺวา สทฺธึ อตฺตโน ปริวาเรน ปุปฺผคนฺธาทีหิ ปูชํ กโรนฺโต เอเกกสฺมึ วิหาเร ภควนฺตํ วสาเปตฺวา มหาทานานิ ทตฺวา ปฺจหิ ทิวเสหิ คงฺคาตีรํ เนสิ. ตตฺถ สพฺพาลงฺกาเรหิ นาวํ อลงฺกโรนฺโต เวสาลิกานํ สาสนํ เปเสสิ – ‘‘อาคโต ภควา, มคฺคํ ปฏิยาเทตฺวา สพฺเพ ภควโต ปจฺจุคฺคมนํ กโรถา’’ติ. เต ‘‘ทิคุณํ ปูชํ กริสฺสามา’’ติ เวสาลิยา จ คงฺคาย จ อนฺตรา ติโยชนํ ภูมึ สมํ กตฺวา ภควโต จตฺตาริ, เอเกกสฺส จ ภิกฺขุโน ทฺเว ทฺเว เสตจฺฉตฺตานิ สชฺเชตฺวา ปูชํ กุรุมานา คงฺคาตีเร อาคนฺตฺวา อฏฺํสุ.

พิมฺพิสาโร ทฺเว นาวาโย สงฺฆาเฏตฺวา, มณฺฑปํ กตฺวา, ปุปฺผทามาทีหิ อลงฺกริตฺวา ตตฺถ สพฺพรตนมยํ พุทฺธาสนํ ปฺาเปสิ. ภควา ตสฺมึ นิสีทิ. ปฺจสตา ภิกฺขูปิ นาวํ อภิรุหิตฺวา ยถานุรูปํ นิสีทึสุ. ราชา ภควนฺตํ อนุคจฺฉนฺโต คลปฺปมาณํ อุทกํ โอโรหิตฺวา ‘‘ยาว, ภนฺเต, ภควา อาคจฺฉติ, ตาวาหํ อิเธว คงฺคาตีเร วสิสฺสามี’’ติ วตฺวา นิวตฺโต. อุปริ เทวตา ยาว อกนิฏฺภวนา ปูชมกํสุ, เหฏฺา คงฺคานิวาสิโน กมฺพลสฺสตราทโย นาคา ปูชมกํสุ. เอวํ มหติยา ปูชาย ภควา โยชนมตฺตํ อทฺธานํ คงฺคาย คนฺตฺวา เวสาลิกานํ สีมนฺตรํ ปวิฏฺโ.

ตโต ลิจฺฉวิราชาโน เตน พิมฺพิสาเรน กตปูชาย ทิคุณํ กโรนฺตา คลปฺปมาเณ อุทเก ภควนฺตํ ปจฺจุคฺคจฺฉึสุ. เตเนว ขเณน เตน มุหุตฺเตน วิชฺชุปฺปภาวินทฺธนฺธการวิสฏกูโฏ คฬคฬายนฺโต จตูสุ ทิสาสุ มหาเมโฆ วุฏฺาสิ. อถ ภควตา ปมปาเท คงฺคาตีเร นิกฺขิตฺตมตฺเต โปกฺขรวสฺสํ วสฺสิ. เย เตเมตุกามา, เต เอว เตเมนฺติ, อเตเมตุกามา น เตเมนฺติ. สพฺพตฺถ ชาณุมตฺตํ อูรุมตฺตํ กฏิมตฺตํ คลปฺปมาณํ อุทกํ วหติ, สพฺพกุณปานิ อุทเกน คงฺคํ ปเวสิตานิ ปริสุทฺโธ ภูมิภาโค อโหสิ.

ลิจฺฉวิราชาโน ภควนฺตํ อนฺตรา โยชเน โยชเน วาสาเปตฺวา มหาทานานิ ทตฺวา ตีหิ ทิวเสหิ ทิคุณํ ปูชํ กโรนฺตา เวสาลึ นยึสุ. เวสาลึ สมฺปตฺเต ภควติ สกฺโก เทวานมินฺโท เทวสงฺฆปุรกฺขโต อาคจฺฉิ, มเหสกฺขานํ เทวานํ สนฺนิปาเตน อมนุสฺสา เยภุยฺเยน ปลายึสุ. ภควา นครทฺวาเร ตฺวา อานนฺทตฺเถรํ อามนฺเตสิ – ‘‘อิมํ อานนฺท, รตนสุตฺตํ อุคฺคเหตฺวา พลิกมฺมูปกรณานิ คเหตฺวา ลิจฺฉวิกุมาเรหิ สทฺธึ เวสาลิยา ตีสุ ปาการนฺตเรสุ วิจรนฺโต ปริตฺตํ กโรหี’’ติ รตนสุตฺตํ อภาสิ. เอวํ ‘‘เกน ปเนตํ สุตฺตํ, กทา, กตฺถ, กสฺมา จ วุตฺต’’นฺติ เอเตสํ ปฺหานํ วิสฺสชฺชนา วิตฺถาเรน เวสาลิวตฺถุโต ปภุติ โปราเณหิ วณฺณิยติ.

เอวํ ภควโต เวสาลึ อนุปฺปตฺตทิวเสเยว เวสาลินครทฺวาเร เตสํ อุปทฺทวานํ ปฏิฆาตตฺถาย วุตฺตมิทํ รตนสุตฺตํ อุคฺคเหตฺวา อายสฺมา อานนฺโท ปริตฺตตฺถาย ภาสมาโน ภควโต ปตฺเตน อุทกํ อาทาย สพฺพนครํ อพฺภุกฺกิรนฺโต อนุวิจริ. ‘‘ยํ กิฺจี’’ติ วุตฺตมตฺเตเยว จ เถเรน เย ปุพฺเพ อปลาตา สงฺการกูฏภิตฺติปฺปเทสาทินิสฺสิตา อมนุสฺสา, เต จตูหิ ทฺวาเรหิ ปลายึสุ, ทฺวารานิ อโนกาสานิ อเหสุํ. ตโต เอกจฺเจ ทฺวาเรสุ โอกาสํ อลภมานา ปาการํ ภินฺทิตฺวา ปลาตา. อมนุสฺเสสุ คตมตฺเตสุ มนุสฺสานํ คตฺเตสุ โรโค วูปสนฺโต, เต นิกฺขมิตฺวา สพฺพคนฺธปุปฺผาทีหิ เถรํ ปูเชสุํ. มหาชโน นครมชฺเฌ สนฺถาคารํ สพฺพคนฺเธหิ ลิมฺปิตฺวา วิตานํ กตฺวา สพฺพาลงฺกาเรหิ อลงฺกริตฺวา ตตฺถ พุทฺธาสนํ ปฺาเปตฺวา ภควนฺตํ อาเนสิ.

ภควา สนฺถาคารํ ปวิสิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ. ภิกฺขุสงฺโฆปิ โข ราชาโน มนุสฺสา จ ปติรูเป โอกาเส นิสีทึสุ. สกฺโกปิ เทวานมินฺโท ทฺวีสุ เทวโลเกสุ เทวปริสาย สทฺธึ อุปนิสีทิ อฺเ จ เทวา. อานนฺทตฺเถโรปิ สพฺพํ เวสาลึ อนุวิจรนฺโต อารกฺขํ กตฺวา เวสาลินครวาสีหิ สทฺธึ อาคนฺตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. ตตฺถ ภควา สพฺเพสํ ตเทว รตนสุตฺตํ อภาสีติ.

๒๒๔. ตตฺถ ยานีธ ภูตานีติ ปมคาถายํ ยานีติ ยาทิสานิ อปฺเปสกฺขานิ วา มเหสกฺขานิ วา. อิธาติ อิมสฺมึ ปเทเส, ตสฺมึ ขเณ สนฺนิปติตฏฺานํ สนฺธายาห. ภูตานีติ กิฺจาปิ ภูตสทฺโท ‘‘ภูตสฺมึ ปาจิตฺติย’’นฺติ เอวมาทีสุ (ปาจิ. ๖๙) วิชฺชมาเน, ‘‘ภูตมิทนฺติ, ภิกฺขเว, สมนุปสฺสถา’’ติ เอวมาทีสุ (ม. นิ. ๑.๔๐๑) ขนฺธปฺจเก, ‘‘จตฺตาโร โข, ภิกฺขุ, มหาภูตา เหตู’’ติ เอวมาทีสุ (ม. นิ. ๓.๘๖) จตุพฺพิเธ ปถวีธาตฺวาทิรูเป, ‘‘โย จ กาลฆโส ภูโต’’ติ เอวมาทีสุ (ชา. ๑.๒.๑๙๐) ขีณาสเว, ‘‘สพฺเพว นิกฺขิปิสฺสนฺติ, ภูตา โลเก สมุสฺสย’’นฺติ เอวมาทีสุ (ที. นิ. ๒.๒๒๐) สพฺพสตฺเต, ‘‘ภูตคามปาตพฺยตายา’’ติ เอวมาทีสุ (ปาจิ. ๙๐) รุกฺขาทิเก, ‘‘ภูตํ ภูตโต สฺชานาตี’’ติ เอวมาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓) จาตุมหาราชิกานํ เหฏฺา สตฺตนิกายํ อุปาทาย วตฺตติ. อิธ ปน อวิเสสโต อมนุสฺเสสุ ทฏฺพฺโพ.

สมาคตานีติ สนฺนิปติตานิ. ภุมฺมานีติ ภูมิยํ นิพฺพตฺตานิ. วาติ วิกปฺปเน. เตน ยานีธ ภุมฺมานิ วา ภูตานิ สมาคตานีติ อิมเมกํ วิกปฺปํ กตฺวา ปุน ทุติยํ วิกปฺปํ กาตุํ ‘‘ยานิ วา อนฺตลิกฺเข’’ติ อาห. อนฺตลิกฺเข วา ยานิ ภูตานิ นิพฺพตฺตานิ, ตานิ สพฺพานิ อิธ สมาคตานีติ อตฺโถ. เอตฺถ จ ยามโต ยาว อกนิฏฺํ, ตาว นิพฺพตฺตานิ ภูตานิ อากาเส ปาตุภูตวิมาเนสุ นิพฺพตฺตตฺตา ‘‘อนฺตลิกฺเข ภูตานี’’ติ เวทิตพฺพานิ. ตโต เหฏฺา สิเนรุโต ปภุติ ยาว ภูมิยํ รุกฺขลตาทีสุ อธิวตฺถานิ ปถวิยฺจ นิพฺพตฺตานิ ภูตานิ, ตานิ สพฺพานิ ภูมิยํ ภูมิปฏิพทฺเธสุ จ รุกฺขลตาปพฺพตาทีสุ นิพฺพตฺตตฺตา ‘‘ภุมฺมานิ ภูตานี’’ติ เวทิตพฺพานิ.

เอวํ ภควา สพฺพาเนว อมนุสฺสภูตานิ ‘‘ภุมฺมานิ วา ยานิ ว อนฺตลิกฺเข’’ติ ทฺวีหิ ปเทหิ วิกปฺเปตฺวา ปุน เอเกน ปเทน ปริคฺคเหตฺวา ‘‘สพฺเพว ภูตา สุมนา ภวนฺตู’’ติ อาห. สพฺเพติ อนวเสสา. เอวาติ อวธารเณ, เอกมฺปิ อนปเนตฺวาติ อธิปฺปาโย. ภูตาติ อมนุสฺสา. สุมนา ภวนฺตูติ สุขิตมนา, ปีติโสมนสฺสชาตา ภวนฺตูติ อตฺโถ. อโถปีติ กิจฺจนฺตรสนฺนิโยชนตฺถํ วากฺโยปาทาเน นิปาตทฺวยํ. สกฺกจฺจ สุณนฺตุ ภาสิตนฺติ อฏฺึ กตฺวา, มนสิ กตฺวา, สพฺพเจตโส สมนฺนาหริตฺวา ทิพฺพสมฺปตฺติโลกุตฺตรสุขาวหํ มม เทสนํ สุณนฺตุ.

เอวเมตฺถ ภควา ‘‘ยานีธ ภูตานิ สมาคตานี’’ติ อนิยมิตวจเนน ภูตานิ ปริคฺคเหตฺวา ปุน ‘‘ภุมฺมานิ วา ยานิ ว อนฺตลิกฺเข’’ติ ทฺวิธา วิกปฺเปตฺวา ตโต ‘‘สพฺเพว ภูตา’’ติ ปุน เอกชฺฌํ กตฺวา ‘‘สุมนา ภวนฺตู’’ติ อิมินา วจเนน อาสยสมฺปตฺติยํ นิโยเชนฺโต ‘‘สกฺกจฺจ สุณนฺตุ ภาสิต’’นฺติ ปโยคสมฺปตฺติยํ, ตถา โยนิโสมนสิการสมฺปตฺติยํ ปรโตโฆสสมฺปตฺติยฺจ, ตถา อตฺตสมฺมาปณิธิสปฺปุริสูปนิสฺสยสมฺปตฺตีสุ สมาธิปฺาเหตุสมฺปตฺตีสุ จ นิโยเชนฺโต คาถํ สมาเปสิ.

๒๒๕. ตสฺมา หิ ภูตาติ ทุติยคาถา. ตตฺถ ตสฺมาติ การณวจนํ. ภูตาติ อามนฺตนวจนํ. นิสาเมถาติ สุณาถ. สพฺเพติ อนวเสสา. กึ วุตฺตํ โหติ? ยสฺมา ตุมฺเห ทิพฺพฏฺานานิ ตตฺถ อุปโภคสมฺปทฺจ ปหาย ธมฺมสฺสวนตฺถํ อิธ สมาคตา, น นฏนจฺจนาทิทสฺสนตฺถํ, ตสฺมา หิ ภูตา นิสาเมถ สพฺเพติ. อถ วา ‘‘สุมนา ภวนฺตุ สกฺกจฺจ สุณนฺตู’’ติ วจเนน เตสํ สุมนภาวํ สกฺกจฺจํ โสตุกมฺยตฺจ ทิสฺวา อาห – ยสฺมา ตุมฺเห สุมนภาเวน อตฺตสมฺมาปณิธิโยนิโสมนสิการาสยสุทฺธีหิ สกฺกจฺจํ โสตุกมฺยตาย สปฺปุริสูปนิสฺสยปรโตโฆสปทฏฺานโต ปโยคสุทฺธีหิ จ ยุตฺตา, ตสฺมา หิ ภูตา นิสาเมถ สพฺเพติ. อถ วา ยํ ปุริมคาถาย อนฺเต ‘‘ภาสิต’’นฺติ วุตฺตํ, ตํ การณภาเวน อปทิสนฺโต อาห – ‘‘ยสฺมา มม ภาสิตํ นาม อติทุลฺลภํ อฏฺกฺขณปริวชฺชิตสฺส ขณสฺส ทุลฺลภตฺตา, อเนกานิสํสฺจ ปฺากรุณาคุเณน ปวตฺตตฺตา, ตฺจาหํ วตฺตุกาโม ‘สุณนฺตุ ภาสิต’นฺติ อโวจํ. ตสฺมา หิ ภูตา นิสาเมถ สพฺเพ’’ติ อิทํ อิมินา คาถาปเทน วุตฺตํ โหติ.

เอวเมตํ การณํ นิโรเปนฺโต อตฺตโน ภาสิตนิสามเน นิโยเชตฺวา นิสาเมตพฺพํ วตฺตุมารทฺโธ ‘‘เมตฺตํ กโรถ มานุสิยา ปชายา’’ติ. ตสฺสตฺโถ – ยายํ ตีหิ อุปทฺทเวหิ อุปทฺทุตา มานุสี ปชา, ตสฺสา มานุสิยา ปชาย มิตฺตภาวํ หิตชฺฌาสยตํ ปจฺจุปฏฺาเปถาติ. เกจิ ปน ‘‘มานุสิยํ ปช’’นฺติ ปนฺติ, ตํ ภุมฺมตฺถาสมฺภวา น ยุชฺชติ. ยมฺปิ จฺเ อตฺถํ วณฺณยนฺติ, โสปิ น ยุชฺชติ. อธิปฺปาโย ปเนตฺถ – นาหํ พุทฺโธติ อิสฺสริยพเลน วทามิ, อปิจ ปน ตุมฺหากฺจ อิมิสฺสา จ มานุสิยา ปชาย หิตตฺถํ วทามิ – ‘‘เมตฺตํ กโรถ มานุสิยา ปชายา’’ติ. เอตฺถ จ –

‘‘เย สตฺตสณฺฑํ ปถวึ วิเชตฺวา, ราชิสโย ยชมานา อนุปริยคา;

อสฺสเมธํ ปุริสเมธํ, สมฺมาปาสํ วาชเปยฺยํ นิรคฺคฬํ.

‘‘เมตฺตสฺส จิตฺตสฺส สุภาวิตสฺส, กลมฺปิ เต นานุภวนฺติ โสฬสึ.

‘‘เอกมฺปิ เจ ปาณมทุฏฺจิตฺโต, เมตฺตายติ กุสลี เตน โหติ;

สพฺเพ จ ปาเณ มนสานุกมฺปี, ปหูตมริโย ปกโรติ ปุฺ’’นฺติ. (อ. นิ. ๘.๑) –

เอวมาทีนํ สุตฺตานํ เอกาทสานิสํสานฺจ วเสน เย เมตฺตํ กโรนฺติ, เตสํ เมตฺตา หิตาติ เวทิตพฺพา.

‘‘เทวตานุกมฺปิโต โปโส, สทา ภทฺรานิ ปสฺสตี’’ติ. (ที. นิ. ๒.๑๕๓; อุทา. ๗๖; มหาว. ๒๘๖) –

เอวมาทีนํ วเสน เยสุ กรียติ, เตสมฺปิ หิตาติ เวทิตพฺพา.

เอวํ อุภเยสมฺปิ หิตภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เมตฺตํ กโรถ มานุสิยา ปชายา’’ติ วตฺวา อิทานิ อุปการมฺปิ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ทิวา จ รตฺโต จ หรนฺติ เย พลึ, ตสฺมา หิ เน รกฺขถ อปฺปมตฺตา’’ติ. ตสฺสตฺโถ – เย มนุสฺสา จิตฺตกมฺมกฏฺกมฺมาทีหิปิ เทวตา กตฺวา เจติยรุกฺขาทีนิ จ อุปสงฺกมิตฺวา เทวตา อุทฺทิสฺส ทิวา พลึ กโรนฺติ, กาฬปกฺขาทีสุ จ รตฺตึ พลึ กโรนฺติ. สลากภตฺตาทีนิ วา ทตฺวา อารกฺขเทวตา อุปาทาย ยาว พฺรหฺมเทวตานํ ปตฺติทานนิยฺยาตเนน ทิวา พลึ กโรนฺติ, ฉตฺตาโรปนทีปมาลา สพฺพรตฺติกธมฺมสฺสวนาทีนิ การาเปตฺวา ปตฺติทานนิยฺยาตเนน จ รตฺตึ พลึ กโรนฺติ, เต กถํ น รกฺขิตพฺพา. ยโต เอวํ ทิวา จ รตฺโต จ ตุมฺเห อุทฺทิสฺส กโรนฺติ เย พลึ, ตสฺมา หิ เน รกฺขถ. ตสฺมา พลิกมฺมการณาปิ เต มนุสฺเส รกฺขถ โคปยถ, อหิตํ เตสํ อปเนถ, หิตํ อุปเนถ อปฺปมตฺตา หุตฺวา ตํ กตฺุภาวํ หทเย กตฺวา นิจฺจมนุสฺสรนฺตาติ.

๒๒๖. เอวํ เทวตาสุ มนุสฺสานํ อุปการกภาวํ ทสฺเสตฺวา เตสํ อุปทฺทววูปสมนตฺถํ พุทฺธาทิคุณปฺปกาสเนน จ เทวมนุสฺสานํ ธมฺมสฺสวนตฺถํ ‘‘ยํกิฺจิ วิตฺต’’นฺติอาทินา นเยน สจฺจวจนํ ปยุชฺชิตุมารทฺโธ. ตตฺถ ยํกิฺจีติ อนิยมิตวเสน อนวเสสํ ปริยาทิยติ ยํกิฺจิ ตตฺถ ตตฺถ โวหารูปคํ. วิตฺตนฺติ ธนํ. ตฺหิ วิตฺตึ ชเนตีติ วิตฺตํ. อิธ วาติ มนุสฺสโลกํ นิทฺทิสติ, หุรํ วาติ ตโต ปรํ อวเสสโลกํ. เตน จ เปตฺวา มนุสฺเส สพฺพโลกคฺคหเณ ปตฺเต ‘‘สคฺเคสุ วา’’ติ ปรโต วุตฺตตฺตา เปตฺวา มนุสฺเส จ สคฺเค จ อวเสสานํ นาคสุปณฺณาทีนํ คหณํ เวทิตพฺพํ. เอวํ อิเมหิ ทฺวีหิ ปเทหิ ยํ มนุสฺสานํ โวหารูปคํ อลงฺการปริโภคูปคฺจ ชาตรูปรชตมุตฺตามณิเวฬุริยปวาฬโลหิตงฺกมสารคลฺลาทิกํ, ยฺจ มุตฺตามณิวาลุกตฺถตาย ภูมิยา รตนมยวิมาเนสุ อเนกโยชนสตวิตฺถเตสุ ภวเนสุ อุปฺปนฺนานํ นาคสุปณฺณาทีนํ วิตฺตํ, ตํ นิทฺทิฏฺํ โหติ.

สคฺเคสุ วาติ กามาวจรรูปาวจรเทวโลเกสุ. เต หิ โสภเนน กมฺเมน อชียนฺติ คมฺมนฺตีติ สคฺคา, สุฏฺุ วา อคฺคาติปิ สคฺคา. นฺติ ยํ สสฺสามิกํ วา อสฺสามิกํ วา. รตนนฺติ รตึ นยติ, วหติ, ชนยติ, วฑฺเฒตีติ รตนํ, ยํกิฺจิ จิตฺตีกตํ มหคฺฆํ อตุลํ ทุลฺลภทสฺสนํ อโนมสตฺตปริโภคฺจ, ตสฺเสตํ อธิวจนํ. ยถาห –

‘‘จิตฺตีกตํ มหคฺฆฺจ, อตุลํ ทุลฺลภทสฺสนํ;

อโนมสตฺตปริโภคํ, รตนํ เตน วุจฺจตี’’ติ.

ปณีตนฺติ อุตฺตมํ, เสฏฺํ, อตปฺปกํ. เอวํ อิมินา คาถาปเทน ยํ สคฺเคสุ อเนกโยชนสตปฺปมาณสพฺพรตนมยวิมาเนสุ สุธมฺมเวชยนฺตปฺปภุตีสุ สสฺสามิกํ, ยฺจ พุทฺธุปฺปาทวิรเหน อปายเมว ปริปูเรนฺเตสุ สตฺเตสุ สุฺวิมานปฏิพทฺธํ อสฺสามิกํ, ยํ วา ปนฺมฺปิ ปถวีมหาสมุทฺทหิมวนฺตาทินิสฺสิตํ อสฺสามิกํ รตนํ, ตํ นิทฺทิฏฺํ โหติ.

โน สมํ อตฺถิ ตถาคเตนาติ -อิติ ปฏิเสเธ, โน-อิติ อวธารเณ. สมนฺติ ตุลฺยํ. อตฺถีติ วิชฺชติ. ตถาคเตนาติ พุทฺเธน. กึ วุตฺตํ โหติ? ยํ เอตํ วิตฺตฺจ รตนฺจ ปกาสิตํ, เอตฺถ เอกมฺปิ พุทฺธรตเนน สทิสํ รตนํ เนวตฺถิ. ยมฺปิ หิ ตํ จิตฺตีกตฏฺเน รตนํ, เสยฺยถิทํ – รฺโ จกฺกวตฺติสฺส จกฺกรตนํ มณิรตนฺจ, ยมฺหิ อุปฺปนฺเน มหาชโน น อฺตฺถ จิตฺตีการํ กโรติ, น โกจิ ปุปฺผคนฺธาทีนิ คเหตฺวา ยกฺขฏฺานํ วา ภูตฏฺานํ วา คจฺฉติ, สพฺโพปิ ชโน จกฺกรตนมณิรตนเมว จิตฺตึ กโรติ ปูเชติ, ตํ ตํ วรํ ปตฺเถติ, ปตฺถิตปตฺถิตฺจสฺส เอกจฺจํ สมิชฺฌติ, ตมฺปิ รตนํ พุทฺธรตเนน สมํ นตฺถิ. ยทิ หิ จิตฺตีกตฏฺเน รตนํ, ตถาคโตว รตนํ. ตถาคเต หิ อุปฺปนฺเน เย เกจิ มเหสกฺขา เทวมนุสฺสา, น เต อฺตฺร จิตฺตีการํ กโรนฺติ, น กฺจิ อฺํ ปูเชนฺติ. ตถา หิ พฺรหฺมา สหมฺปติ สิเนรุมตฺเตน รตนทาเมน ตถาคตํ ปูเชสิ, ยถาพลฺจ อฺเ เทวา มนุสฺสา จ พิมฺพิสารโกสลราชอนาถปิณฺฑิกาทโย. ปรินิพฺพุตมฺปิ จ ภควนฺตํ อุทฺทิสฺส ฉนฺนวุติโกฏิธนํ วิสฺสชฺเชตฺวา อโสกมหาราชา สกลชมฺพุทีเป จตุราสีติ วิหารสหสฺสานิ ปติฏฺาเปสิ, โก ปน วาโท อฺเสํ จิตฺตีการานํ. อปิจ กสฺสฺสฺส ปรินิพฺพุตสฺสาปิ ชาติโพธิธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนปรินิพฺพานฏฺานานิ ปฏิมาเจติยาทีนิ วา อุทฺทิสฺส เอวํ จิตฺตีการครุกาโร วตฺตติ ยถา ภควโต. เอวํ จิตฺตีกตฏฺเนาปิ ตถาคตสมํ รตนํ นตฺถิ.

ตถา ยมฺปิ ตํ มหคฺฆฏฺเน รตนํ, เสยฺยถิทํ – กาสิกํ วตฺถํ. ยถาห – ‘‘ชิณฺณมฺปิ, ภิกฺขเว, กาสิกํ วตฺถํ วณฺณวนฺตฺเจว โหติ สุขสมฺผสฺสฺจ มหคฺฆฺจา’’ติ, ตมฺปิ พุทฺธรตเนน สมํ นตฺถิ. ยทิ หิ มหคฺฆฏฺเน รตนํ, ตถาคโตว รตนํ. ตถาคโต หิ เยสํ ปํสุกมฺปิ ปฏิคฺคณฺหาติ, เตสํ ตํ มหปฺผลํ โหติ มหานิสํสํ, เสยฺยถาปิ อโสกสฺส รฺโ. อิทมสฺส มหคฺฆตาย. เอวํ มหคฺฆตาวจเน เจตฺถ โทสาภาวสาธกํ อิทํ ตาว สุตฺตปทํ เวทิตพฺพํ –

‘‘เยสํ โข ปน โส ปฏิคฺคณฺหาติ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารํ, เตสํ ตํ มหปฺผลํ โหติ มหานิสํสํ. อิทมสฺส มหคฺฆตาย วทามิ. เสยฺยถาปิ ตํ, ภิกฺขเว, กาสิกํ วตฺถํ มหคฺฆํ, ตถูปมาหํ, ภิกฺขเว, อิมํ ปุคฺคลํ วทามี’’ติ (อ. นิ. ๓.๑๐๐).

เอวํ มหคฺฆฏฺเนาปิ ตถาคตสมํ รตนํ นตฺถิ.

ตถา ยมฺปิ ตํ อตุลฏฺเน รตนํ. เสยฺยถิทํ – รฺโ จกฺกวตฺติสฺส จกฺกรตนํ อุปฺปชฺชติ อินฺทนีลมณิมยนาภิ สตฺตรตนมยสหสฺสารํ ปวาฬมยเนมิ, รตฺตสุวณฺณมยสนฺธิ, ยสฺส ทสนฺนํ ทสนฺนํ อรานํ อุปริ เอกํ มุณฺฑารํ โหติ วาตํ คเหตฺวา สทฺทกรณตฺถํ, เยน กโต สทฺโท สุกุสลปฺปตาฬิตปฺจงฺคิกตูริยสทฺโท วิย โหติ. ยสฺส นาภิยา อุโภสุ ปสฺเสสุ ทฺเว สีหมุขานิ โหนฺติ, อพฺภนฺตรํ สกฏจกฺกสฺเสว สุสิรํ, ตสฺส กตฺตา วา กาเรตา วา นตฺถิ, กมฺมปจฺจเยน อุตุโต สมุฏฺาติ. ยํ ราชา ทสวิธํ จกฺกวตฺติวตฺตํ ปูเรตฺวา ตทหุโปสเถ ปนฺนรเส ปุณฺณมทิวเส สีสํนฺหาโต อุโปสถิโก อุปริปาสาทวรคโต สีลานิ โสเธนฺโต นิสินฺโน ปุณฺณจนฺทํ วิย สูริยํ วิย จ อุฏฺเนฺตํ ปสฺสติ, ยสฺส ทฺวาทสโยชนโต สทฺโท สุยฺยติ, โยชนโต วณฺโณ ทิสฺสติ, ยํ มหาชเนน ‘‘ทุติโย มฺเ จนฺโท สูริโย วา อุฏฺิโต’’ติ อติวิย โกตูหลชาเตน ทิสฺสมานํ นครสฺส อุปริ อาคนฺตฺวา รฺโ อนฺเตปุรสฺส ปาจีนปสฺเส นาติอุจฺจํ นาตินีจํ หุตฺวา มหาชนสฺส คนฺธปุปฺผาทีหิ ปูเชตุํ ยุตฺตฏฺาเน อกฺขาหตํ วิย ติฏฺติ.

ตเทว อนุพนฺธมานํ หตฺถิรตนํ อุปฺปชฺชติ, สพฺพเสโต รตฺตปาโท สตฺตปฺปติฏฺโ อิทฺธิมา เวหาสงฺคโม อุโปสถกุลา วา ฉทฺทนฺตกุลา วา อาคจฺฉติ. อุโปสถกุลา อาคจฺฉนฺโต หิ สพฺพเชฏฺโ อาคจฺฉติ, ฉทฺทนฺตกุลา สพฺพกนิฏฺโ สิกฺขิตสิกฺโข ทมถูเปโต. โส ทฺวาทสโยชนํ ปริสํ คเหตฺวา สกลชมฺพุทีปํ อนุสํยายิตฺวา ปุเรปาตราสเมว สกํ ราชธานึ อาคจฺฉติ.

ตมฺปิ อนุพนฺธมานํ อสฺสรตนํ อุปฺปชฺชติ, สพฺพเสโต รตฺตปาโท กากสีโส มุฺชเกโส วลาหกสฺส ราชกุลา อาคจฺฉติ. เสสเมตฺถ หตฺถิรตนสทิสเมว.

ตมฺปิ อนุพนฺธมานํ มณิรตนํ อุปฺปชฺชติ. โส โหติ มณิ เวฬุริโย สุโภ ชาติมา อฏฺํโส สุปริกมฺมกโต อายามโต จกฺกนาภิสทิโส, เวปุลฺลปพฺพตา อาคจฺฉติ, โส จตุรงฺคสมนฺนาคเตปิ อนฺธกาเร รฺโ ธชคฺคโต โยชนํ โอภาเสติ, ยสฺโสภาเสน มนุสฺสา ‘‘ทิวา’’ติ มฺมานา กมฺมนฺเต ปโยเชนฺติ, อนฺตมโส กุนฺถกิปิลฺลิกํ อุปาทาย ปสฺสนฺติ.

ตมฺปิ อนุพนฺธมานํ อิตฺถิรตนํ อุปฺปชฺชติ. ปกติอคฺคมเหสี วา โหติ, อุตฺตรกุรุโต วา อาคจฺฉติ มทฺทราชกุลโต วา, อติทีฆาทิฉโทสวิวชฺชิตา อติกฺกนฺตา มานุสํ วณฺณํ อปฺปตฺตา ทิพฺพํ วณฺณํ, ยสฺสา รฺโ สีตกาเล อุณฺหานิ คตฺตานิ โหนฺติ, อุณฺหกาเล สีตานิ, สตธา โผฏิตตูลปิจุโน วิย สมฺผสฺโส โหติ, กายโต จนฺทนคนฺโธ วายติ, มุขโต อุปฺปลคนฺโธ, ปุพฺพุฏฺายิตาทิอเนกคุณสมนฺนาคตา จ โหติ.

ตมฺปิ อนุพนฺธมานํ คหปติรตนํ อุปฺปชฺชติ รฺโ ปกติกมฺมกโร เสฏฺิ, ยสฺส จกฺกรตเน อุปฺปนฺนมตฺเต ทิพฺพํ จกฺขุ ปาตุภวติ, เยน สมนฺตโต โยชนมตฺเต นิธึ ปสฺสติ สสฺสามิกมฺปิ อสฺสามิกมฺปิ. โส ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา ปวาเรติ ‘‘อปฺโปสฺสุกฺโก ตฺวํ, เทว, โหหิ, อหํ เต ธเนน ธนกรณียํ กริสฺสามี’’ติ.

ตมฺปิ อนุพนฺธมานํ ปริณายกรตนํ อุปฺปชฺชติ รฺโ ปกติเชฏฺปุตฺโต, จกฺกรตเน อุปฺปนฺนมตฺเต อติเรกปฺาเวยฺยตฺติเยน สมนฺนาคโต โหติ, ทฺวาทสโยชนาย ปริสาย เจตสา จิตฺตํ ปริชานิตฺวา นิคฺคหปคฺคหสมตฺโถ โหติ. โส ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา ปวาเรติ – ‘‘อปฺโปสฺสุกฺโก ตฺวํ, เทว, โหหิ, อหํ เต รชฺชํ อนุสาสิสฺสามี’’ติ. ยํ วา ปนฺมฺปิ เอวรูปํ อตุลฏฺเน รตนํ, ยสฺส น สกฺกา ตุลยิตฺวา ตีรยิตฺวา อคฺโฆ กาตุํ ‘‘สตํ วา สหสฺสํ วา อคฺฆติ โกฏึ วา’’ติ. ตตฺถ เอกรตนมฺปิ พุทฺธรตเนน สมํ นตฺถิ. ยทิ หิ อตุลฏฺเน รตนํ, ตถาคโตว รตนํ. ตถาคโต หิ น สกฺกา สีลโต วา สมาธิโต วา ปฺาทีนํ วา อฺตรโต เกนจิ ตุลยิตฺวา ตีรยิตฺวา ‘‘เอตฺตกคุโณ วา อิมินา สโม วา สปฺปฏิภาโค วา’’ติ ปริจฺฉินฺทิตุํ. เอวํ อตุลฏฺเนาปิ ตถาคตสมํ รตนํ นตฺถิ.

ตถา ยมฺปิ ตํ ทุลฺลภทสฺสนฏฺเน รตนํ. เสยฺยถิทํ – ทุลฺลภปาตุภาโว ราชา จกฺกวตฺติ จกฺกาทีนิ จ ตสฺส รตนานิ, ตมฺปิ พุทฺธรตเนน สมํ นตฺถิ. ยทิ หิ ทุลฺลภทสฺสนฏฺเน รตนํ, ตถาคโตว รตนํ, กุโต จกฺกวตฺติอาทีนํ รตนตฺตํ, ยานิ เอกสฺมึเยว กปฺเป อเนกานิ อุปฺปชฺชนฺติ. ยสฺมา ปน อสงฺขฺเยยฺเยปิ กปฺเป ตถาคตสุฺโ โลโก โหติ, ตสฺมา ตถาคโต เอว กทาจิ กรหจิ อุปฺปชฺชนโต ทุลฺลภทสฺสโน. วุตฺตํ เจตํ ภควตา ปรินิพฺพานสมเย –

‘‘เทวตา, อานนฺท, อุชฺฌายนฺติ – ‘ทูรา จ วตมฺห อาคตา ตถาคตํ ทสฺสนาย, กทาจิ กรหจิ ตถาคตา โลเก อุปฺปชฺชนฺติ อรหนฺโต สมฺมาสมฺพุทฺธา, อชฺเชว รตฺติยา ปจฺฉิเม ยาเม ตถาคตสฺส ปรินิพฺพานํ ภวิสฺสติ, อยฺจ มเหสกฺโข ภิกฺขุ ภควโต ปุรโต ิโต โอวาเรนฺโต, น มยํ ลภาม ปจฺฉิเม กาเล ตถาคตํ ทสฺสนายา’’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๐๐).

เอวํ ทุลฺลภทสฺสนฏฺเนปิ ตถาคตสมํ รตนํ นตฺถิ.

ตถา ยมฺปิ ตํ อโนมสตฺตปริโภคฏฺเน รตนํ. เสยฺยถิทํ – รฺโ จกฺกวตฺติสฺส จกฺกรตนาทิ. ตฺหิ โกฏิสตสหสฺสธนานมฺปิ สตฺตภูมิกปาสาทวรตเล วสนฺตานมฺปิ จณฺฑาลเวนเนสาทรถการปุกฺกุสาทีนํ นีจกุลิกานํ โอมกปุริสานํ สุปินนฺเตปิ ปริโภคตฺถาย น นิพฺพตฺตติ. อุภโต สุชาตสฺส ปน รฺโ ขตฺติยสฺเสว ปริปูริตทสวิธจกฺกวตฺติวตฺตสฺส ปริโภคตฺถาย นิพฺพตฺตนโต อโนมสตฺตปริโภคํเยว โหติ, ตมฺปิ พุทฺธรตเนน สมํ นตฺถิ. ยทิ หิ อโนมสตฺตปริโภคฏฺเน รตนํ, ตถาคโตว รตนํ. ตถาคโต หิ โลเก อโนมสตฺตสมฺมตานมฺปิ อนุปนิสฺสยสมฺปนฺนานํ วิปรีตทสฺสนานํ ปูรณกสฺสปาทีนํ ฉนฺนํ สตฺถารานํ อฺเสฺจ เอวรูปานํ สุปินนฺเตปิ อปริโภโค, อุปนิสฺสยสมฺปนฺนานํ ปน จตุปฺปทายปิ คาถาย ปริโยสาเน อรหตฺตมธิคนฺตุํ สมตฺถานํ นิพฺเพธิกาณทสฺสนานํ พาหิยทารุจีริยปฺปภุตีนํ อฺเสฺจ มหากุลปฺปสุตานํ มหาสาวกานํ ปริโภโค. เต หิ ตํ ทสฺสนานุตฺตริยสวนานุตฺตริยปาริจริยานุตฺตริยาทีนิ สาเธนฺตา ตถา ตถา ปริภุฺชนฺติ. เอวํ อโนมสตฺตปริโภคฏฺเนาปิ ตถาคตสมํ รตนํ นตฺถิ.

ยมฺปิ ตํ อวิเสสโต รติชนนฏฺเน รตนํ. เสยฺยถิทํ – รฺโ จกฺกวตฺติสฺส จกฺกรตนํ. ตฺหิ ทิสฺวา ราชา จกฺกวตฺติ อตฺตมโน โหติ, เอวมฺปิ ตํ รฺโ รตึ ชเนติ. ปุน จปรํ ราชา จกฺกวตฺติ วาเมน หตฺเถน สุวณฺณภิงฺการํ คเหตฺวา ทกฺขิเณน หตฺเถน จกฺกรตนํ อพฺภุกฺกิรติ ‘‘ปวตฺตตุ ภวํ จกฺกรตนํ, อภิวิชินาตุ ภวํ จกฺกรตน’’นฺติ. ตโต จกฺกรตนํ ปฺจงฺคิกํ วิย ตูริยํ มธุรสฺสรํ นิจฺฉรนฺตํ อากาเสน ปุรตฺถิมํ ทิสํ คจฺฉติ, อนฺวเทว ราชา จกฺกวตฺติ จกฺกานุภาเวน ทฺวาทสโยชนวิตฺถิณฺณาย จตุรงฺคินิยา เสนาย นาติอุจฺจํ นาตินีจํ อุจฺจรุกฺขานํ เหฏฺาภาเคน, นีจรุกฺขานํ อุปริภาเคน, รุกฺเขสุ ปุปฺผผลปลฺลวาทิปณฺณาการํ คเหตฺวา อาคตานํ หตฺถโต ปณฺณาการฺจ คณฺหนฺโต ‘‘เอหิ โข มหาราชา’’ติเอวมาทินา ปรมนิปจฺจกาเรน อาคเต ปฏิราชาโน ‘‘ปาโณ น หนฺตพฺโพ’’ติอาทินา นเยน อนุสาสนฺโต คจฺฉติ. ยตฺถ ปน ราชา ภุฺชิตุกาโม วา ทิวาเสยฺยํ วา กปฺเปตุกาโม โหติ, ตตฺถ จกฺกรตนํ อากาสา โอตริตฺวา อุทกาทิสพฺพกิจฺจกฺขเม สเม ภูมิภาเค อกฺขาหตํ วิย ติฏฺติ. ปุน รฺโ คมนจิตฺเต อุปฺปนฺเน ปุริมนเยเนว สทฺทํ กโรนฺตํ คจฺฉติ, ยํ สุตฺวา ทฺวาทสโยชนิกาปิ ปริสา อากาเสน คจฺฉติ. จกฺกรตนํ อนุปุพฺเพน ปุรตฺถิมํ สมุทฺทํ อชฺโฌคาหติ, ตสฺมึ อชฺโฌคาหนฺเต อุทกํ โยชนปฺปมาณํ อปคนฺตฺวา ภิตฺตีกตํ วิย ติฏฺติ. มหาชโน ยถากามํ สตฺต รตนานิ คณฺหาติ. ปุน ราชา สุวณฺณภิงฺการํ คเหตฺวา ‘‘อิโต ปฏฺาย มม รชฺช’’นฺติ อุทเกน อพฺภุกฺกิริตฺวา นิวตฺตติ. เสนา ปุรโต โหติ, จกฺกรตนํ ปจฺฉโต, ราชา มชฺเฌ. จกฺกรตนสฺส โอสกฺกิโตสกฺกิตฏฺานํ อุทกํ ปริปูรติ. เอเตเนว อุปาเยน ทกฺขิณปจฺฉิมอุตฺตเรปิ สมุทฺเท คจฺฉติ.

เอวํ จตุทฺทิสํ อนุสํยายิตฺวา จกฺกรตนํ ติโยชนปฺปมาณํ อากาสํ อาโรหติ. ตตฺถ ิโต ราชา จกฺกรตนานุภาเวน วิชิตํ ปฺจสตปริตฺตทีปปฏิมณฺฑิตํ สตฺตโยชนสหสฺสปริมณฺฑลํ ปุพฺพวิเทหํ, ตถา อฏฺโยชนสหสฺสปริมณฺฑลํ อุตฺตรกุรุํ, สตฺตโยชนสหสฺสปริมณฺฑลํเยว อปรโคยานํ, ทสโยชนสหสฺสปริมณฺฑลํ ชมฺพุทีปฺจาติ เอวํ จตุมหาทีปทฺวิสหสฺสปริตฺตทีปปฏิมณฺฑิตํ เอกํ จกฺกวาฬํ สุผุลฺลปุณฺฑรีกวนํ วิย โอโลเกติ. เอวํ โอโลกยโต จสฺส อนปฺปิกา รติ อุปฺปชฺชติ. เอวมฺปิ ตํ จกฺกรตนํ รฺโ รตึ ชเนติ, ตมฺปิ พุทฺธรตนสมํ นตฺถิ. ยทิ หิ รติชนนฏฺเน รตนํ, ตถาคโตว รตนํ. กึ กริสฺสติ เอตํ จกฺกรตนํ? ตถาคโต หิ ยสฺสา ทิพฺพาย รติยา จกฺกรตนาทีหิ สพฺเพหิปิ ชนิตา จกฺกวตฺติรติ สงฺขมฺปิ กลมฺปิ กลภาคมฺปิ น อุเปติ, ตโตปิ รติโต อุตฺตริตรฺจ ปณีตตรฺจ อตฺตโน โอวาทปฺปติกรานํ อสงฺขฺเยยฺยานมฺปิ เทวมนุสฺสานํ ปมชฺฌานรตึ, ทุติยตติยจตุตฺถปฺจมชฺฌานรตึ, อากาสานฺจายตนรตึ, วิฺาณฺจายตนอากิฺจฺายตนเนวสฺานาสฺายตนรตึ, โสตาปตฺติมคฺครตึ, โสตาปตฺติผลรตึ, สกทาคามิอนาคามิอรหตฺตมคฺคผลรติฺจ ชเนติ. เอวํ รติชนนฏฺเนาปิ ตถาคตสมํ รตนํ นตฺถีติ.

อปิจ รตนํ นาเมตํ ทุวิธํ โหติ สวิฺาณกํ อวิฺาณกฺจ. ตตฺถ อวิฺาณกํ จกฺกรตนํ มณิรตนํ, ยํ วา ปนฺมฺปิ อนินฺทฺริยพทฺธํ สุวณฺณรชตาทิ, สวิฺาณกํ หตฺถิรตนาทิ ปริณายกรตนปริโยสานํ, ยํ วา ปนฺมฺปิ เอวรูปํ อินฺทฺริยพทฺธํ. เอวํ ทุวิเธ เจตฺถ สวิฺาณกรตนํ อคฺคมกฺขายติ. กสฺมา? ยสฺมา อวิฺาณกํ สุวณฺณรชตมณิมุตฺตาทิรตนํ, สวิฺาณกานํ หตฺถิรตนาทีนํ อลงฺการตฺถาย อุปนียติ.

สวิฺาณกรตนมฺปิ ทุวิธํ ติรจฺฉานคตรตนํ, มนุสฺสรตนฺจ. ตตฺถ มนุสฺสรตนํ อคฺคมกฺขายติ. กสฺมา? ยสฺมา ติรจฺฉานคตรตนํ มนุสฺสรตนสฺส โอปวยฺหํ โหติ. มนุสฺสรตนมฺปิ ทุวิธํ อิตฺถิรตนํ, ปุริสรตนฺจ. ตตฺถ ปุริสรตนํ อคฺคมกฺขายติ. กสฺมา? ยสฺมา อิตฺถิรตนํ ปุริสรตนสฺส ปริจาริกตฺตํ อาปชฺชติ. ปุริสรตนมฺปิ ทุวิธํ อคาริกรตนํ, อนคาริกรตนฺจ. ตตฺถ อนคาริกรตนํ อคฺคมกฺขายติ. กสฺมา? ยสฺมา อคาริกรตเนสุ อคฺโค จกฺกวตฺตีปิ สีลาทิคุณยุตฺตํ อนคาริกรตนํ ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา อุปฏฺหิตฺวา ปยิรุปาสิตฺวา จ ทิพฺพมานุสิกา สมฺปตฺติโย ปาปุณิตฺวา อนฺเต นิพฺพานสมฺปตฺตึ ปาปุณาติ.

เอวํ อนคาริกรตนมฺปิ ทุวิธํ – อริยปุถุชฺชนวเสน. อริยรตนมฺปิ ทุวิธํ เสกฺขาเสกฺขวเสน. อเสกฺขรตนมฺปิ ทุวิธํ สุกฺขวิปสฺสกสมถยานิกวเสน, สมถยานิกรตนมฺปิ ทุวิธํ สาวกปารมิปฺปตฺตํ, อปฺปตฺตฺจ. ตตฺถ สาวกปารมิปฺปตฺตํ อคฺคมกฺขายติ. กสฺมา? คุณมหนฺตตาย. สาวกปารมิปฺปตฺตรตนโตปิ ปจฺเจกพุทฺธรตนํ อคฺคมกฺขายติ. กสฺมา? คุณมหนฺตตาย. สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานสทิสาปิ หิ อเนกสตา สาวกา เอกสฺส ปจฺเจกพุทฺธสฺส คุณานํ สตภาคมฺปิ น อุเปนฺติ. ปจฺเจกพุทฺธรตนโตปิ สมฺมาสมฺพุทฺธรตนํ อคฺคมกฺขายติ. กสฺมา? คุณมหนฺตตาย. สกลมฺปิ หิ ชมฺพุทีปํ ปูเรตฺวา ปลฺลงฺเกน ปลฺลงฺกํ ฆฏฺเฏนฺตา นิสินฺนา ปจฺเจกพุทฺธา เอกสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส คุณานํ เนว สงฺขํ น กลํ น กลภาคํ อุเปนฺติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ ภควตา – ‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, สตฺตา อปทา วา…เป… ตถาคโต เตสํ อคฺคมกฺขายตี’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๕.๑๓๙; อ. นิ. ๔.๓๔; ๕.๓๒; อิติวุ. ๙๐). เอวํ เกนจิปิ ปริยาเยน ตถาคตสมํ รตนํ นตฺถิ. เตนาห ภควา ‘‘น โน สมํ อตฺถิ ตถาคเตนา’’ติ.

เอวํ ภควา พุทฺธรตนสฺส อฺเหิ รตเนหิ อสมตํ วตฺวา อิทานิ เตสํ สตฺตานํ อุปฺปนฺนอุปทฺทววูปสมนตฺถํ เนว ชาตึ น โคตฺตํ น โกลปุตฺติยํ น วณฺณโปกฺขรตาทึ นิสฺสาย, อปิจ โข อวีจิมุปาทาย ภวคฺคปริยนฺเต โลเก สีลสมาธิกฺขนฺธาทีหิ คุเณหิ พุทฺธรตนสฺส อสทิสภาวํ นิสฺสาย สจฺจวจนํ ปยุฺชติ ‘‘อิทมฺปิ พุทฺเธ รตนํ ปณีตํ, เอเตน สจฺเจน สุวตฺถิ โหตู’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – อิทมฺปิ อิธ วา หุรํ วา สคฺเคสุ วา ยํกิฺจิ อตฺถิ วิตฺตํ วา รตนํ วา, เตน สทฺธึ เตหิ เตหิ คุเณหิ อสมตฺตา พุทฺธรตนํ ปณีตํ. ยทิ เอตํ สจฺจํ, เอเตน สจฺเจน อิเมสํ ปาณีนํ โสตฺถิ โหตุ, โสภนานํ อตฺถิตา โหตุ, อโรคตา นิรุปทฺทวตาติ. เอตฺถ จ ยถา ‘‘จกฺขุํ โข, อานนฺท, สุฺํ อตฺเตน วา อตฺตนิเยน วา’’ติเอวมาทีสุ (สํ. นิ. ๔.๘๕) อตฺตภาเวน วา อตฺตนิยภาเวน วาติ อตฺโถ. อิตรถา หิ จกฺขุ อตฺตา วา อตฺตนิยํ วาติ อปฺปฏิสิทฺธเมว สิยา. เอวํ รตนํ ปณีตนฺติ รตนตฺตํ ปณีตํ, รตนภาโว ปณีโตติ อยมตฺโถ เวทิตพฺโพ. อิตรถา หิ พุทฺโธ เนว รตนนฺติ สิชฺเฌยฺย. น หิ ยตฺถ รตนํ อตฺถิ, ตํ รตนนฺติ สิชฺฌติ. ยตฺถ ปน จิตฺตีกตาทิอตฺถสงฺขาตํ เยน วา เตน วา วิธินา สมฺพนฺธคตํ รตนตฺตํ อตฺถิ, ยสฺมา ตํ รตนตฺตมุปาทาย รตนนฺติ ปฺาปียติ, ตสฺมา ตสฺส รตนตฺตสฺส อตฺถิตาย รตนนฺติ สิชฺฌติ. อถ วา อิทมฺปิ พุทฺเธ รตนนฺติ อิมินาปิ การเณน พุทฺโธว รตนนฺติ เอวมฺเปตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. วุตฺตมตฺตาย จ ภควตา อิมาย คาถาย ราชกุลสฺส โสตฺถิ ชาตา, ภยํ วูปสนฺตํ. อิมิสฺสา คาถาย อาณา โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาเฬสุ อมนุสฺเสหิ ปฏิคฺคหิตาติ.

๒๒๗. เอวํ พุทฺธคุเณน สจฺจํ วตฺวา อิทานิ นิพฺพานธมฺมคุเณน วตฺตุมารทฺโธ ‘‘ขยํ วิราค’’นฺติ. ตตฺถ ยสฺมา นิพฺพานสจฺฉิกิริยาย ราคาทโย ขีณา โหนฺติ ปริกฺขีณา, ยสฺมา วา ตํ เตสํ อนุปฺปาทนิโรธกฺขยมตฺตํ, ยสฺมา จ ตํ ราคาทิวิยุตฺตํ สมฺปโยคโต จ อารมฺมณโต จ, ยสฺมา วา ตมฺหิ สจฺฉิกเต ราคาทโย อจฺจนฺตํ วิรตฺตา โหนฺติ วิคตา วิทฺธสฺตา, ตสฺมา ‘‘ขย’’นฺติ จ ‘‘วิราค’’นฺติ จ วุจฺจติ. ยสฺมา ปนสฺส น อุปฺปาโท ปฺายติ, น วโย น ิตสฺส อฺถตฺตํ, ตสฺมา ตํ น ชายติ น ชียติ น มียตีติ กตฺวา ‘‘อมต’’นฺติ วุจฺจติ, อุตฺตมฏฺเน ปน อตปฺปกฏฺเน จ ปณีตนฺติ. ยทชฺฌคาติ ยํ อชฺฌคา วินฺทิ, ปฏิลภิ, อตฺตโน าณพเลน สจฺฉากาสิ. สกฺยมุนีติ สกฺยกุลปฺปสุตตฺตา สกฺโย, โมเนยฺยธมฺมสมนฺนาคตตฺตา มุนิ, สกฺโย เอว มุนิ สกฺยมุนิ. สมาหิโตติ อริยมคฺคสมาธินา สมาหิตจิตฺโต. น เตน ธมฺเมน สมตฺถิ กิฺจีติ เตน ขยาทินามเกน สกฺยมุนินา อธิคเตน ธมฺเมน สมํ กิฺจิ ธมฺมชาตํ นตฺถิ. ตสฺมา สุตฺตนฺตเรปิ วุตฺตํ ‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, ธมฺมา สงฺขตา วา อสงฺขตา วา, วิราโค เตสํ ธมฺมานํ อคฺคมกฺขายตี’’ติอาทิ (อ. นิ. ๔.๓๔; อิติวุ. ๙๐).

เอวํ ภควา นิพฺพานธมฺมสฺส อฺเหิ ธมฺเมหิ อสมตํ วตฺวา อิทานิ เตสํ สตฺตานํ อุปฺปนฺนอุปทฺทววูปสมนตฺถํ ขยวิราคามตปณีตตาคุเณหิ นิพฺพานธมฺมรตนสฺส อสทิสภาวํ นิสฺสาย สจฺจวจนํ ปยุฺชติ ‘‘อิทมฺปิ ธมฺเม รตนํ ปณีตํ เอเตน สจฺเจน สุวตฺถิ โหตู’’ติ. ตสฺสตฺโถ ปุริมคาถาย วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. อิมิสฺสาปิ คาถาย อาณา โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาเฬสุ อมนุสฺเสหิ ปฏิคฺคหิตาติ.

๒๒๘. เอวํ นิพฺพานธมฺมคุเณน สจฺจํ วตฺวา อิทานิ มคฺคธมฺมคุเณน วตฺตุมารทฺโธ ‘‘ยํ พุทฺธเสฏฺโ’’ติ. ตตฺถ ‘‘พุชฺฌิตา สจฺจานี’’ติอาทินา (มหานิ. ๑๙๒; จูฬนิ. ปารายนตฺถุติคาถานิทฺเทส ๙๗; ปฏิ. ม. ๑.๑๖๒) นเยน พุทฺโธ, อุตฺตโม ปสํสนีโย จาติ เสฏฺโ, พุทฺโธ จ โส เสฏฺโ จาติ พุทฺธเสฏฺโ. อนุพุทฺธปจฺเจกพุทฺธสงฺขาเตสุ วา พุทฺเธสุ เสฏฺโติ พุทฺธเสฏฺโ. โส พุทฺธเสฏฺโ ยํ ปริวณฺณยี, ‘‘อฏฺงฺคิโก จ มคฺคานํ, เขมํ นิพฺพานปฺปตฺติยา’’ติ (ม. นิ. ๒.๒๑๕) จ ‘‘อริยํ โว, ภิกฺขเว, สมฺมาสมาธึ เทเสสฺสามิ สอุปนิสํ สปริกฺขาร’’นฺติ (ม. นิ. ๓.๑๓๖) จ เอวมาทินา นเยน ตตฺถ ตตฺถ ปสํสิ ปกาสยิ. สุจินฺติ กิเลสมลสมุจฺเฉทกรณโต อจฺจนฺตโวทานํ. สมาธิมานนฺตริกฺมาหูติ ยฺจ อตฺตโน ปวตฺติสมนนฺตรํ นิยเมเนว ผลทานโต ‘‘อานนฺตริกสมาธี’’ติ อาหุ. น หิ มคฺคสมาธิฺหิ อุปฺปนฺเน ตสฺส ผลุปฺปตฺตินิเสธโก โกจิ อนฺตราโย อตฺถิ. ยถาห –

‘‘อยฺจ ปุคฺคโล โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยาย ปฏิปนฺโน อสฺส, กปฺปสฺส จ อุฑฺฑยฺหนเวลา อสฺส, เนว ตาว กปฺโป อุฑฺฑยฺเหยฺย, ยาวายํ ปุคฺคโล น โสตาปตฺติผลํ สจฺฉิกโรติ, อยํ วุจฺจติ ปุคฺคโล ิตกปฺปี. สพฺเพปิ มคฺคสมงฺคิโน ปุคฺคลา ิตกปฺปิโน’’ติ (ปุ. ป. ๑๗).

สมาธินา เตน สโม น วิชฺชตีติ เตน พุทฺธเสฏฺปริวณฺณิเตน สุจินา อานนฺตริกสมาธินา สโม รูปาวจรสมาธิ วา อรูปาวจรสมาธิ วา โกจิ น วิชฺชติ. กสฺมา? เตสํ ภาวิตตฺตา ตตฺถ ตตฺถ พฺรหฺมโลเก อุปฺปนฺนสฺสาปิ ปุน นิรยาทีสุ อุปฺปตฺติสมฺภวโต, อิมสฺส จ อรหตฺตสมาธิสฺส ภาวิตตฺตา อริยปุคฺคลสฺส สพฺพุปฺปตฺติสมุคฺฆาตสมฺภวโต. ตสฺมา สุตฺตนฺตเรปิ วุตฺตํ ‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, ธมฺมา สงฺขตา, อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค เตสํ อคฺคมกฺขายตี’’ติอาทิ (อ. นิ. ๔.๓๔; อิติวุ. ๙๐).

เอวํ ภควา อานนฺตริกสมาธิสฺส อฺเหิ สมาธีหิ อสมตํ วตฺวา อิทานิ ปุริมนเยเนว มคฺคธมฺมรตนสฺส อสทิสภาวํ นิสฺสาย สจฺจวจนํ ปยุฺชติ ‘‘อิทมฺปิ ธมฺเม…เป… โหตู’’ติ. ตสฺสตฺโถ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. อิมิสฺสาปิ คาถาย อาณา โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาเฬสุ อมนุสฺเสหิ ปฏิคฺคหิตาติ.

๒๒๙. เอวํ มคฺคธมฺมคุเณนาปิ สจฺจํ วตฺวา อิทานิ สงฺฆคุเณนาปิ วตฺตุมารทฺโธ ‘‘เย ปุคฺคลา’’ติ. ตตฺถ เยติ อนิยเมตฺวา อุทฺเทโส. ปุคฺคลาติ สตฺตา. อฏฺาติ เตสํ คณนปริจฺเฉโท. เต หิ จตฺตาโร จ ปฏิปนฺนา จตฺตาโร จ ผเล ิตาติ อฏฺ โหนฺติ. สตํ ปสตฺถาติ สปฺปุริเสหิ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธสาวเกหิ อฺเหิ จ เทวมนุสฺเสหิ ปสตฺถา. กสฺมา? สหชาตสีลาทิคุณโยคา. เตสฺหิ จมฺปกวกุลกุสุมาทีนํ สหชาตวณฺณคนฺธาทโย วิย สหชาตสีลสมาธิอาทโย คุณา. เตน เต วณฺณคนฺธาทิสมฺปนฺนานิ วิย ปุปฺผานิ เทวมนุสฺสานํ สตํ ปิยา มนาปา ปสํสนียา จ โหนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘เย ปุคฺคลา อฏฺสตํ ปสตฺถา’’ติ.

อถ วา เยติ อนิยเมตฺวา อุทฺเทโส. ปุคฺคลาติ สตฺตา. อฏฺสตนฺติ เตสํ คณนปริจฺเฉโท. เต หิ เอกพีชี โกลํโกโล สตฺตกฺขตฺตุปรโมติ ตโย โสตาปนฺนา, กามรูปารูปภเวสุ อธิคตปฺผลา ตโย สกทาคามิโน, เต สพฺเพปิ จตุนฺนํ ปฏิปทานํ วเสน จตุวีสติ, อนฺตราปรินิพฺพายี, อุปหจฺจปรินิพฺพายี, สสงฺขารปรินิพฺพายี, อสงฺขารปรินิพฺพายี, อุทฺธํโสโต อกนิฏฺคามีติ, อวิเหสุ ปฺจ, ตถา อตปฺปสุทสฺสสุทสฺสีสุ. อกนิฏฺเสุ ปน อุทฺธํโสตวชฺชา จตฺตาโรติ จตุวีสติ อนาคามิโน, สุกฺขวิปสฺสโก สมถยานิโกติ ทฺเว อรหนฺโต, จตฺตาโร มคฺคฏฺาติ จตุปฺาส. เต สพฺเพปิ สทฺธาธุรปฺาธุรานํ วเสน ทิคุณา หุตฺวา อฏฺสตํ โหนฺติ. เสสํ วุตฺตนยเมว.

จตฺตาริ เอตานิ ยุคานิ โหนฺตีติ เต สพฺเพปิ อฏฺ วา อฏฺสตํ วาติ วิตฺถารวเสน อุทฺทิฏฺปุคฺคลา, สงฺเขปวเสน โสตาปตฺติมคฺคฏฺโ ผลฏฺโติ เอกํ ยุคํ, เอวํ ยาว อรหตฺตมคฺคฏฺโ ผลฏฺโติ เอกํ ยุคนฺติ จตฺตาริ ยุคานิ โหนฺติ. เต ทกฺขิเณยฺยาติ เอตฺถ เตติ ปุพฺเพ อนิยเมตฺวา อุทฺทิฏฺานํ นิยเมตฺวา นิทฺเทโส. เย ปุคฺคลา วิตฺถารวเสน อฏฺ วา อฏฺสตํ วา, สงฺเขปวเสน จตฺตาริ ยุคานิ โหนฺตีติ วุตฺตา, สพฺเพปิ เต ทกฺขิณํ อรหนฺตีติ ทกฺขิเณยฺยา. ทกฺขิณา นาม กมฺมฺจ กมฺมวิปากฺจ สทฺทหิตฺวา ‘‘เอส เม อิทํ เวชฺชกมฺมํ วา ชงฺฆเปสนิกํ วา กริสฺสตี’’ติ เอวมาทีนิ อนเปกฺขิตฺวา ทียมาโน เทยฺยธมฺโม, ตํ อรหนฺติ นาม สีลาทิคุณยุตฺตา ปุคฺคลา. อิเม จ ตาทิสา, เตน วุจฺจนฺติ เต ‘‘ทกฺขิเณยฺยา’’ติ.

สุคตสฺส สาวกาติ ภควา โสภเนน คมเนน ยุตฺตตฺตา, โสภนฺจ านํ คตตฺตา, สุฏฺุ จ คตตฺตา สุฏฺุ เอว จ คทตฺตา สุคโต, ตสฺส สุคตสฺส. สพฺเพปิ เต วจนํ สุณนฺตีติ สาวกา. กามฺจ อฺเปิ สุณนฺติ, น ปน สุตฺวา กตฺตพฺพกิจฺจํ กโรนฺติ. อิเม ปน สุตฺวา กตฺตพฺพํ ธมฺมานุธมฺมปฏิปตฺตึ กตฺวา มคฺคผลานิ ปตฺตา, ตสฺมา ‘‘สาวกา’’ติ วุจฺจนฺติ. เอเตสุ ทินฺนานิ มหปฺผลานีติ เอเตสุ สุคตสาวเกสุ อปฺปกานิปิ ทานานิ ทินฺนานิ ปฏิคฺคาหกโต ทกฺขิณาวิสุทฺธิภาวํ อุปคตตฺตา มหปฺผลานิ โหนฺติ. ตสฺมา สุตฺตนฺตเรปิ วุตฺตํ –

‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, สงฺฆา วา คณา วา, ตถาคตสาวกสงฺโฆ เตสํ อคฺคมกฺขายติ, ยทิทํ จตฺตาริ ปุริสยุคานิ อฏฺ ปุริสปุคฺคลา, เอส ภควโต สาวกสงฺโฆ…เป… อคฺโค วิปาโก โหตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๓๔; ๕.๓๒; อิติวุ. ๙๐).

เอวํ ภควา สพฺเพสมฺปิ มคฺคฏฺผลฏฺานํ วเสน สงฺฆรตนสฺส คุณํ วตฺวา อิทานิ ตเมว คุณํ นิสฺสาย สจฺจวจนํ ปยุฺชติ ‘‘อิทมฺปิ สงฺเฆ’’ติ. ตสฺสตฺโถ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. อิมิสฺสาปิ คาถาย อาณา โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาเฬสุ อมนุสฺเสหิ ปฏิคฺคหิตาติ.

๒๓๐. เอวํ มคฺคฏฺผลฏฺานํ วเสน สงฺฆคุเณน สจฺจํ วตฺวา อิทานิ ตโต เอกจฺจิยานํ ผลสมาปตฺติสุขมนุภวนฺตานํ ขีณาสวปุคฺคลานํเยว คุเณน วตฺตุมารทฺโธ ‘‘เย สุปฺปยุตฺตา’’ติ. ตตฺถ เยติ อนิยมิตุทฺเทสวจนํ. สุปฺปยุตฺตาติ สุฏฺุ ปยุตฺตา, อเนกวิหิตํ อเนสนํ ปหาย สุทฺธาชีวิตํ นิสฺสาย วิปสฺสนาย อตฺตานํ ปยุฺชิตุมารทฺธาติ อตฺโถ. อถ วา สุปฺปยุตฺตาติ ปริสุทฺธกายวจีปโยคสมนฺนาคตา. เตน เตสํ สีลกฺขนฺธํ ทสฺเสติ. มนสา ทฬฺเหนาติ ทฬฺเหน มนสา, ถิรสมาธิยุตฺเตน เจตสาติ อตฺโถ. เตน เตสํ สมาธิกฺขนฺธํ ทสฺเสติ. นิกฺกามิโนติ กาเย จ ชีวิเต จ อนเปกฺขา หุตฺวา ปฺาธุเรน วีริเยน สพฺพกิเลเสหิ กตนิกฺกมนา. เตน เตสํ วีริยสมฺปนฺนํ ปฺากฺขนฺธํ ทสฺเสติ.

โคตมสาสนมฺหีติ โคตฺตโต โคตมสฺส ตถาคตสฺเสว สาสนมฺหิ. เตน อิโต พหิทฺธา นานปฺปการมฺปิ อมรตปํ กโรนฺตานํ สุปฺปโยคาทิคุณาภาวโต กิเลเสหิ นิกฺกมนาภาวํ ทีเปติ. เตติ ปุพฺเพ อุทฺทิฏฺานํ นิทฺเทสวจนํ. ปตฺติปตฺตาติ เอตฺถ ปตฺตพฺพาติ ปตฺติ, ปตฺตพฺพา นาม ปตฺตุํ อรหา, ยํ ปตฺวา อจฺจนฺตโยคกฺเขมิโน โหนฺติ, อรหตฺตผลสฺเสตํ อธิวจนํ, ตํ ปตฺตึ ปตฺตาติ ปตฺติปตฺตา. อมตนฺติ นิพฺพานํ. วิคยฺหาติ อารมฺมณวเสน วิคาหิตฺวา. ลทฺธาติ ลภิตฺวา. มุธาติ อพฺยเยน กากณิกมตฺตมฺปิ พฺยยํ อกตฺวา. นิพฺพุตินฺติ ปฏิปฺปสฺสทฺธกิเลสทรถํ ผลสมาปตฺตึ. ภุฺชมานาติ อนุภวมานา. กึ วุตฺตํ โหติ? เย อิมสฺมึ โคตมสาสนมฺหิ สีลสมฺปนฺนตฺตา สุปฺปยุตฺตา, สมาธิสมฺปนฺนตฺตา มนสา ทฬฺเหน, ปฺาสมฺปนฺนตฺตา นิกฺกามิโน, เต อิมาย สมฺมาปฏิปทาย อมตํ วิคยฺห มุธา ลทฺธา ผลสมาปตฺติสฺิตํ นิพฺพุตึ ภุฺชมานา ปตฺติปตฺตา นาม โหนฺตีติ.

เอวํ ภควา ผลสมาปตฺติสุขมนุภวนฺตานํ ขีณาสวปุคฺคลานํเยว วเสน สงฺฆรตนสฺส คุณํ วตฺวา อิทานิ ตเมว คุณํ นิสฺสาย สจฺจวจนํ ปยุฺชติ ‘‘อิทมฺปิ สงฺเฆ’’ติ. ตสฺสตฺโถ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. อิมิสฺสาปิ คาถาย อาณา โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาเฬสุ อมนุสฺเสหิ ปฏิคฺคหิตาติ.

๒๓๑. เอวํ ขีณาสวปุคฺคลานํ คุเณน สงฺฆาธิฏฺานํ สจฺจํ วตฺวา อิทานิ พหุชนปจฺจกฺเขน โสตาปนฺนสฺเสว คุเณน วตฺตุมารทฺโธ ‘‘ยถินฺทขีโล’’ติ. ตตฺถ ยถาติ อุปมาวจนํ. อินฺทขีโลติ นครทฺวารนิวารณตฺถํ อุมฺมารพฺภนฺตเร อฏฺ วา ทส วา หตฺเถ ปถวึ ขณิตฺวา อาโกฏิตสฺส สารทารุมยถมฺภสฺเสตํ อธิวจนํ. ปถวินฺติ ภูมึ. สิโตติ อนฺโต ปวิสิตฺวา นิสฺสิโต. สิยาติ ภเวยฺย. จตุพฺภิ วาเตหีติ จตูหิ ทิสาหิ อาคตวาเตหิ. อสมฺปกมฺปิโยติ กมฺเปตุํ วา จาเลตุํ วา อสกฺกุเณยฺโย. ตถูปมนฺติ ตถาวิธํ. สปฺปุริสนฺติ อุตฺตมปุริสํ. วทามีติ ภณามิ. โย อริยสจฺจานิ อเวจฺจ ปสฺสตีติ โย จตฺตาริ อริยสจฺจานิ ปฺาย อชฺโฌคาเหตฺวา ปสฺสติ. ตตฺถ อริยสจฺจานิ วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพานิ.

อยํ ปเนตฺถ สงฺเขปตฺโถ – ยถา หิ อินฺทขีโล คมฺภีรเนมตาย ปถวิสฺสิโต จตุพฺภิ วาเตหิ อสมฺปกมฺปิโย สิยา, อิมมฺปิ สปฺปุริสํ ตถูปมเมว วทามิ, โย อริยสจฺจานิ อเวจฺจ ปสฺสติ. กสฺมา? ยสฺมา โสปิ อินฺทขีโล วิย จตูหิ วาเตหิ สพฺพติตฺถิยวาทวาเตหิ อสมฺปกมฺปิโย โหติ, ตมฺหา ทสฺสนา เกนจิ กมฺเปตุํ วา จาเลตุํ วา อสกฺกุเณยฺโย. ตสฺมา สุตฺตนฺตเรปิ วุตฺตํ –

‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, อโยขีโล วา อินฺทขีโล วา คมฺภีรเนโม สุนิขาโต อจโล อสมฺปกมฺปี, ปุรตฺถิมาย เจปิ ทิสาย อาคจฺเฉยฺย ภุสา วาตวุฏฺิ, เนว นํ สงฺกมฺเปยฺย น สมฺปกมฺเปยฺย น สมฺปจาเลยฺย. ปจฺฉิมาย…เป… ทกฺขิณาย… อุตฺตราย เจปิ…เป… น สมฺปจาเลยฺย. ตํ กิสฺส เหตุ? คมฺภีรตฺตา, ภิกฺขเว, เนมสฺส สุนิขาตตฺตา อินฺทขีลสฺส. เอวเมว โข, ภิกฺขเว, เย จ โข เกจิ สมณา วา พฺราหฺมณา วา ‘อิทํ ทุกฺขนฺติ…เป… ปฏิปทา’ติ ยถาภูตํ ปชานนฺติ, เต น อฺสฺส สมณสฺส วา พฺราหฺมณสฺส วา มุขํ โอโลเกนฺติ ‘อยํ นูน ภวํ ชานํ ชานาติ ปสฺสํ ปสฺสตี’ติ. ตํ กิสฺส เหตุ? สุทิฏฺตฺตา, ภิกฺขเว, จตุนฺนํ อริยสจฺจาน’’นฺติ (สํ. นิ. ๕.๑๑๐๙).

เอวํ ภควา พหุชนปจฺจกฺขสฺส โสตาปนฺนสฺเสว วเสน สงฺฆรตนสฺส คุณํ วตฺวา อิทานิ ตเมว คุณํ นิสฺสาย สจฺจวจนํ ปยุฺชติ ‘‘อิทมฺปิ สงฺเฆ’’ติ. ตสฺสตฺโถ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. อิมิสฺสาปิ คาถาย อาณา โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาเฬสุ อมนุสฺเสหิ ปฏิคฺคหิตาติ.

๒๓๒. เอวํ อวิเสสโต โสตาปนฺนสฺส คุเณน สงฺฆาธิฏฺานํ สจฺจํ วตฺวา อิทานิ เย เต ตโย โสตาปนฺนา เอกพีชี โกลํโกโล สตฺตกฺขตฺตุปรโมติ. ยถาห –

‘‘อิเธกจฺโจ ปุคฺคโล ติณฺณํ สํโยชนานํ ปริกฺขยา โสตาปนฺโน โหติ…เป… โส เอกํเยว ภวํ นิพฺพตฺติตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กโรติ, อยํ เอกพีชี. ตถา ทฺเว วา ตีณิ วา กุลานิ สนฺธาวิตฺวา สํสริตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กโรติ, อยํ โกลํโกโล. ตถา สตฺตกฺขตฺตุํ เทเวสุ จ มนุสฺเสสุ จ สนฺธาวิตฺวา สํสริตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กโรติ, อยํ สตฺตกฺขตฺตุปรโม’’ติ (ปุ. ป. ๓๑-๓๓).

เตสํ สพฺพกนิฏฺสฺส สตฺตกฺขตฺตุปรมสฺส คุเณน วตฺตุมารทฺโธ ‘‘เย อริยสจฺจานี’’ติ. ตตฺถ เย อริยสจฺจานีติ เอตํ วุตฺตนยเมว. วิภาวยนฺตีติ ปฺาโอภาเสน สจฺจปฏิจฺฉาทกํ กิเลสนฺธการํ วิธมิตฺวา อตฺตโน ปกาสานิ ปากฏานิ กโรนฺติ. คมฺภีรปฺเนาติ อปฺปเมยฺยปฺตาย สเทวกสฺสปิ โลกสฺส าเณน อลพฺภเนยฺยปติฏฺปฺเน, สพฺพฺุนาติ วุตฺตํ โหติ. สุเทสิตานีติ สมาสพฺยาสสากลฺยเวกลฺยาทีหิ เตหิ เตหิ นเยหิ สุฏฺุ เทสิตานิ. กิฺจาปิ เต โหนฺติ ภุสํ ปมตฺตาติ เต วิภาวิตอริยสจฺจา ปุคฺคลา กิฺจาปิ เทวรชฺชจกฺกวตฺติรชฺชาทิปฺปมาทฏฺานํ อาคมฺม ภุสํ ปมตฺตา โหนฺติ, ตถาปิ โสตาปตฺติมคฺคาเณน อภิสงฺขารวิฺาณสฺส นิโรธา เปตฺวา สตฺต ภเว อนมตคฺเค สํสาเร เย อุปฺปชฺเชยฺยุํ นามฺจ รูปฺจ, เตสํ นิรุทฺธตฺตา อตฺถงฺคตตฺตา น อฏฺมํ ภวํ อาทิยนฺติ, สตฺตมภเว เอว ปน วิปสฺสนํ อารภิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณนฺตีติ.

เอวํ ภควา สตฺตกฺขตฺตุปรมวเสน สงฺฆรตนสฺส คุณํ วตฺวา อิทานิ ตเมว คุณํ นิสฺสาย สจฺจวจนํ ปยุฺชติ ‘‘อิทมฺปิ สงฺเฆ’’ติ. ตสฺสตฺโถ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. อิมิสฺสาปิ คาถาย อาณา โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาเฬสุ อมนุสฺเสหิ ปฏิคฺคหิตาติ.

๒๓๓. เอวํ สตฺตกฺขตฺตุปรมสฺส อฏฺมํ ภวํ อนาทิยนคุเณน สงฺฆาธิฏฺานํ สจฺจํ วตฺวา อิทานิ ตสฺเสว สตฺต ภเว อาทิยโตปิ อฺเหิ อปฺปหีนภวาทาเนหิ ปุคฺคเลหิ วิสิฏฺเน คุเณน วตฺตุมารทฺโธ ‘‘สหาวสฺสา’’ติ. ตตฺถ สหาวาติ สทฺธึเยว. อสฺสาติ ‘‘น เต ภวํ อฏฺมมาทิยนฺตี’’ติ วุตฺเตสุ อฺตรสฺส. ทสฺสนสมฺปทายาติ โสตาปตฺติมคฺคสมฺปตฺติยา. โสตาปตฺติมคฺโค หิ นิพฺพานํ ทิสฺวา กตฺตพฺพกิจฺจสมฺปทาย สพฺพปมํ นิพฺพานทสฺสนโต ‘‘ทสฺสน’’นฺติ วุจฺจติ. ตสฺส อตฺตนิ ปาตุภาโว ทสฺสนสมฺปทา, ตาย ทสฺสนสมฺปทาย สห เอว. ตยสฺสุ ธมฺมา ชหิตา ภวนฺตีติ เอตฺถ สุอิติ ปทปูรณมตฺเต นิปาโต. ‘‘อิทํสุ เม, สาริปุตฺต, มหาวิกฏโภชนสฺมึ โหตี’’ติเอวมาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑๕๖) วิย. ยโต สหาวสฺส ทสฺสนสมฺปทาย ตโย ธมฺมา ชหิตา ภวนฺติ ปหีนา ภวนฺตีติ อยเมเวตฺถ อตฺโถ.

อิทานิ ชหิตธมฺมทสฺสนตฺถํ อาห ‘‘สกฺกายทิฏฺี วิจิกิจฺฉิตฺจ, สีลพฺพตํ วาปิ ยทตฺถิ กิฺจี’’ติ. ตตฺถ สติ กาเย วิชฺชมาเน อุปาทานกฺขนฺธปฺจกสงฺขาเต กาเย วีสติวตฺถุกา ทิฏฺิ สกฺกายทิฏฺิ, สตี วา ตตฺถ กาเย ทิฏฺีติปิ สกฺกายทิฏฺิ, ยถาวุตฺตปฺปกาเร กาเย วิชฺชมานา ทิฏฺีติ อตฺโถ. สติเยว วา กาเย ทิฏฺีติปิ สกฺกายทิฏฺิ, ยถาวุตฺตปฺปกาเร กาเย วิชฺชมาเน รูปาทิสงฺขาโต อตฺตาติ เอวํ ปวตฺตา ทิฏฺีติ อตฺโถ. ตสฺสา จ ปหีนตฺตา สพฺพทิฏฺิคตานิ ปหีนานิเยว โหนฺติ. สา หิ เนสํ มูลํ. สพฺพกิเลสพฺยาธิวูปสมนโต ปฺา ‘‘จิกิจฺฉิต’’นฺติ วุจฺจติ, ตํ ปฺาจิกิจฺฉิตํ อิโต วิคตํ, ตโต วา ปฺาจิกิจฺฉิตา อิทํ วิคตนฺติ วิจิกิจฺฉิตํ, ‘‘สตฺถริ กงฺขตี’’ติอาทินา (ธ. ส. ๑๐๐๘; วิภ. ๙๑๕) นเยน วุตฺตาย อฏฺวตฺถุกาย วิมติยา เอตํ อธิวจนํ. ตสฺสา ปหีนตฺตา สพฺพวิจิกิจฺฉิตานิ ปหีนานิ โหนฺติ. ตฺหิ เนสํ มูลํ. ‘‘อิโต พหิทฺธา สมณพฺราหฺมณานํ สีเลน สุทฺธิ วเตน สุทฺธี’’ติเอวมาทีสุ (ธ. ส. ๑๒๒๒; วิภ. ๙๓๘) อาคตํ โคสีลกุกฺกุรสีลาทิกํ สีลํ โควตกุกฺกุรวตาทิกฺจ วตํ ‘‘สีลพฺพต’’นฺติ วุจฺจติ. ตสฺส ปหีนตฺตา สพฺพมฺปิ นคฺคิยมุณฺฑิกาทิ อมรตปํ ปหีนํ โหติ. ตฺหิ ตสฺส มูลํ. เตน สพฺพาวสาเน วุตฺตํ ‘‘ยทตฺถิ กิฺจี’’ติ. ทุกฺขทสฺสนสมฺปทาย เจตฺถ สกฺกายทิฏฺิ, สมุทยทสฺสนสมฺปทาย วิจิกิจฺฉิตํ, มคฺคทสฺสนนิพฺพานทสฺสนสมฺปทาย สีลพฺพตํ ปหียตีติ วิฺาตพฺพํ.

๒๓๔. เอวมสฺส กิเลสวฏฺฏปฺปหานํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตสฺมึ กิเลสวฏฺเฏ สติ เยน วิปากวฏฺเฏน ภวิตพฺพํ, ตปฺปหานา ตสฺสาปิ ปหานํ ทีเปนฺโต อาห ‘‘จตูหปาเยหิ จ วิปฺปมุตฺโต’’ติ. ตตฺถ จตฺตาโร อปายา นาม นิรยติรจฺฉานเปตฺติวิสยอสุรกายา, เตหิ เอส สตฺต ภเว อุปาทิยนฺโตปิ วิปฺปมุตฺโตติ อตฺโถ.

เอวมสฺส วิปากวฏฺฏปฺปหานํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ยํ อิมสฺส วิปากวฏฺฏสฺส มูลภูตํ กมฺมวฏฺฏํ, ตสฺสาปิ ปหานํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ฉจฺจาภิานานิ อภพฺพ กาตุ’’นฺติ. ตตฺถ อภิานานีติ โอฬาริกฏฺานานิ, ตานิ เอส ฉ อภพฺโพ กาตุํ. ตานิ จ ‘‘อฏฺานเมตํ, ภิกฺขเว, อนวกาโส, ยํ ทิฏฺิสมฺปนฺโน ปุคฺคโล มาตรํ ชีวิตา โวโรเปยฺยา’’ติอาทินา (อ. นิ. ๑.๒๗๑; ม. นิ. ๓.๑๒๘; วิภ. ๘๐๙) นเยน เอกกนิปาเต วุตฺตานิ มาตุฆาตปิตุฆาตอรหนฺตฆาตโลหิตุปฺปาทสงฺฆเภทอฺสตฺถารุทฺเทสกมฺมานิ เวทิตพฺพานิ. ตานิ หิ กิฺจาปิ ทิฏฺิสมฺปนฺโน อริยสาวโก กุนฺถกิปิลฺลิกมฺปิ ชีวิตา น โวโรเปติ, อปิจ โข ปน ปุถุชฺชนภาวสฺส วิครหณตฺถํ วุตฺตานิ. ปุถุชฺชโน หิ อทิฏฺิสมฺปนฺนตฺตา เอวํมหาสาวชฺชานิ อภิานานิปิ กโรติ, ทสฺสนสมฺปนฺโน ปน อภพฺโพ ตานิ กาตุนฺติ. อภพฺพคฺคหณฺเจตฺถ ภวนฺตเรปิ อกรณทสฺสนตฺถํ. ภวนฺตเรปิ หิ เอส อตฺตโน อริยสาวกภาวํ อชานนฺโตปิ ธมฺมตาย เอว เอตานิ วา ฉ, ปกติปาณาติปาตาทีนิ วา ปฺจ เวรานิ อฺสตฺถารุทฺเทเสน สห ฉ านานิ น กโรติ, ยานิ สนฺธาย เอกจฺเจ ‘‘ฉฉาภิานานี’’ติ ปนฺติ. มตมจฺฉคฺคาหาทโย เจตฺถ อริยสาวกคามทารกานํ นิทสฺสนํ.

เอวํ ภควา สตฺต ภเว อาทิยโตปิ อริยสาวกสฺส อฺเหิ อปฺปหีนภวาทาเนหิ ปุคฺคเลหิ วิสิฏฺคุณวเสน สงฺฆรตนสฺส คุณํ วตฺวา อิทานิ ตเมว คุณํ นิสฺสาย สจฺจวจนํ ปยุฺชติ ‘‘อิทมฺปิ สงฺเฆ’’ติ. ตสฺสตฺโถ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. อิมิสฺสาปิ คาถาย อาณา โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาเฬสุ อมนุสฺเสหิ ปฏิคฺคหิตาติ.

๒๓๕. เอวํ สตฺต ภเว อาทิยโตปิ อฺเหิ อปฺปหีนภวาทาเนหิ ปุคฺคเลหิ วิสิฏฺคุณวเสน สงฺฆาธิฏฺานํ สจฺจํ วตฺวา อิทานิ ‘‘น เกวลํ ทสฺสนสมฺปนฺโน ฉ อภิานานิ อภพฺโพ กาตุํ, กึ ปน อปฺปมตฺตกมฺปิ ปาปํ กมฺมํ กตฺวา ตสฺส ปฏิจฺฉาทนายปิ อภพฺโพ’’ติ ปมาทวิหาริโนปิ ทสฺสนสมฺปนฺนสฺส กตปฏิจฺฉาทนาภาวคุเณน วตฺตุมารทฺโธ ‘‘กิฺจาปิ โส กมฺมํ กโรติ ปาปก’’นฺติ.

ตสฺสตฺโถ – โส ทสฺสนสมฺปนฺโน กิฺจาปิ สติสมฺโมเสน ปมาทวิหารํ อาคมฺม ยํ ตํ ภควตา โลกวชฺชสฺจิจฺจานติกฺกมนํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ยํ มยา สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ, ตํ มม สาวกา ชีวิตเหตุปิ นาติกฺกมนฺตี’’ติ (จูฬว. ๓๘๕; อ. นิ. ๘.๑๙; อุทา. ๔๕), ตํ เปตฺวา อฺํ กุฏิการสหเสยฺยาทึ วา ปณฺณตฺติวชฺชวีติกฺกมสงฺขาตํ พุทฺธปฏิกุฏฺํ กาเยน ปาปกมฺมํ กโรติ, ปทโสธมฺมอุตฺตริฉปฺปฺจวาจาธมฺมเทสนาสมฺผปฺปลาปผรุสวจนาทึ วา วาจาย, อุท เจตสา วา กตฺถจิ โลภโทสุปฺปาทนชาตรูปาทิสาทิยนํ จีวราทิปริโภเคสุ อปจฺจเวกฺขณาทึ วา ปาปกมฺมํ กโรติ. อภพฺโพ โส ตสฺส ปฏิจฺฉทาย, น โส ตํ ‘‘อิทํ อกปฺปิยมกรณีย’’นฺติ ชานิตฺวา มุหุตฺตมฺปิ ปฏิจฺฉาเทติ, ตงฺขณฺเว ปน สตฺถริ วา วิฺูสุ วา สพฺรหฺมจารีสุ อาวิ กตฺวา ยถาธมฺมํ ปฏิกโรติ, ‘‘น ปุน กริสฺสามี’’ติ เอวํ สํวริตพฺพํ วา สํวรติ. กสฺมา? ยสฺมา อภพฺพตา ทิฏฺปทสฺส วุตฺตา, เอวรูปํ ปาปกมฺมํ กตฺวา ตสฺส ปฏิจฺฉาทาย ทิฏฺนิพฺพานปทสฺส ทสฺสนสมฺปนฺนสฺส ปุคฺคลสฺส อภพฺพตา วุตฺตาติ อตฺโถ.

กถํ –

‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ทหโร กุมาโร มนฺโท อุตฺตานเสยฺยโก หตฺเถน วา ปาเทน วา องฺคารํ อกฺกมิตฺวา ขิปฺปเมว ปฏิสํหรติ, เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ฆมฺมตา เอสา ทิฏฺิสมฺปนฺนสฺส ปุคฺคลสฺส, กิฺจาปิ ตถารูปึ อาปตฺตึ อาปชฺชติ, ยถารูปาย อาปตฺติยา วุฏฺานํ ปฺายติ, อถ โข นํ ขิปฺปเมว สตฺถริ วา วิฺูสุ วา สพฺรหฺมจารีสุ เทเสติ วิวรติ อุตฺตานีกโรติ, เทเสตฺวา วิวริตฺวา อุตฺตานีกตฺวา อายตึ สํวรํ อาปชฺชตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๙๖).

เอวํ ภควา ปมาทวิหาริโนปิ ทสฺสนสมฺปนฺนสฺส กตปฏิจฺฉาทนาภาวคุเณน สงฺฆรตนสฺส คุณํ วตฺวา อิทานิ ตเมว คุณํ นิสฺสาย สจฺจวจนํ ปยุฺชติ ‘‘อิทมฺปิ สงฺเฆ’’ติ. ตสฺสตฺโถ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. อิมิสฺสาปิ คาถาย อาณา โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาเฬสุ อมนุสฺเสหิ ปฏิคฺคหิตาติ.

๒๓๖. เอวํ สงฺฆปริยาปนฺนานํ ปุคฺคลานํ เตน เตน คุณปฺปกาเรน สงฺฆาธิฏฺานํ สจฺจํ วตฺวา อิทานิ ยฺวายํ ภควตา รตนตฺตยคุณํ ทีเปนฺเตน อิธ สงฺเขเปน อฺตฺร จ วิตฺถาเรน ปริยตฺติธมฺโม เทสิโต, ตมฺปิ นิสฺสาย ปุน พุทฺธาธิฏฺานํ สจฺจํ วตฺตุมารทฺโธ ‘‘วนปฺปคุมฺเพ ยถ ผุสฺสิตคฺเค’’ติ. ตตฺถ อาสนฺนสนฺนิเวสววตฺถิตานํ รุกฺขานํ สมูโห วนํ, มูลสารเผคฺคุตจสาขาปลาเสหิ ปวุฑฺโฒ คุมฺโพ ปคุมฺโพ, วเน ปคุมฺโพ วนปฺปคุมฺโพ, สฺวายํ ‘‘วนปฺปคุมฺเพ’’ติ วุตฺโต. เอวมฺปิ หิ วตฺตุํ ลพฺภติ ‘‘อตฺถิ สวิตกฺกสวิจาเร, อตฺถิ อวิตกฺกวิจารมตฺเต, สุเข ทุกฺเข ชีเว’’ติอาทีสุ วิย. ยถาติ โอปมฺมวจนํ. ผุสฺสิตานิ อคฺคานิ อสฺสาติ ผุสฺสิตคฺโค, สพฺพสาขาปสาขาสุ สฺชาตปุปฺโผติ อตฺโถ. โส ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว ‘‘ผุสฺสิตคฺเค’’ติ วุตฺโต. คิมฺหาน มาเส ปมสฺมึ คิมฺเหติ เย จตฺตาโร คิมฺหมาสา, เตสํ จตุนฺนํ คิมฺหานํ เอกสฺมึ มาเส. กตมสฺมึ มาเส อิติ เจ? ปมสฺมึ คิมฺเห, จิตฺรมาเสติ อตฺโถ. โส หิ ‘‘ปมคิมฺโห’’ติ จ ‘‘พาลวสนฺโต’’ติ จ วุจฺจติ. ตโต ปรํ ปทตฺถโต ปากฏเมว.

อยํ ปเนตฺถ ปิณฺฑตฺโถ – ยถา ปมคิมฺหนามเก พาลวสนฺเต นานาวิธรุกฺขคหเน วเน สุปุปฺผิตคฺคสาโข ตรุณรุกฺขคจฺฉปริยายนาโม ปคุมฺโพ อติวิย สสฺสิริโก โหติ, เอวเมวํ ขนฺธายตนาทีหิ สติปฏฺานสมฺมปฺปธานาทีหิ สีลสมาธิกฺขนฺธาทีหิ วา นานปฺปกาเรหิ อตฺถปฺปเภทปุปฺเผหิ อติวิย สสฺสิริกตฺตา ตถูปมํ นิพฺพานคามิมคฺคทีปนโต นิพฺพานคามึ ปริยตฺติธมฺมวรํ เนว ลาภเหตุ น สกฺการาทิเหตุ, เกวลฺหิ มหากรุณาย อพฺภุสฺสาหิตหทโย สตฺตานํ ปรมํหิตาย อเทสยีติ. ปรมํหิตายาติ เอตฺถ จ คาถาพนฺธสุขตฺถํ อนุนาสิโก, อยํ ปนตฺโถ ‘‘ปรมหิตาย นิพฺพานาย อเทสยี’’ติ.

เอวํ ภควา อิมํ สุปุปฺผิตคฺควนปฺปคุมฺพสทิสํ ปริยตฺติธมฺมํ วตฺวา อิทานิ ตเมว นิสฺสาย พุทฺธาธิฏฺานํ สจฺจวจนํ ปยุฺชติ ‘‘อิทมฺปิ พุทฺเธ’’ติ. ตสฺสตฺโถ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ, เกวลํ ปน อิทมฺปิ ยถาวุตฺตปฺปการปริยตฺติธมฺมสงฺขาตํ พุทฺเธ รตนํ ปณีตนฺติ โยเชตพฺพํ. อิมิสฺสาปิ คาถาย อาณา โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาเฬสุ อมนุสฺเสหิ ปฏิคฺคหิตาติ.

๒๓๗. เอวํ ภควา ปริยตฺติธมฺเมน พุทฺธาธิฏฺานํ สจฺจํ วตฺวา อิทานิ โลกุตฺตรธมฺเมน วตฺตุมารทฺโธ ‘‘วโร วรฺู’’ติ. ตตฺถ วโรติ ปณีตาธิมุตฺติเกหิ อิจฺฉิโต ‘‘อโห วต มยมฺปิ เอวรูปา อสฺสามา’’ติ, วรคุณโยคโต วา วโร, อุตฺตโม เสฏฺโติ อตฺโถ. วรฺูติ นิพฺพานฺู. นิพฺพานฺหิ สพฺพธมฺมานํ อุตฺตมฏฺเน วรํ, ตฺเจส โพธิมูเล สยํ ปฏิวิชฺฌิตฺวา อฺาสิ. วรโทติ ปฺจวคฺคิยภทฺทวคฺคิยชฏิลาทีนํ อฺเสฺจ เทวมนุสฺสานํ นิพฺเพธภาคิยวาสนาภาคิยวรธมฺมทายีติ อตฺโถ. วราหโรติ วรสฺส มคฺคสฺส อาหฏตฺตา วราหโรติ วุจฺจติ. โส หิ ภควา ทีปงฺกรโต ปภุติ สมตึส ปารมิโย ปูเรนฺโต ปุพฺพเกหิ สมฺมาสมฺพุทฺเธหิ อนุยาตํ ปุราณํ มคฺควรํ อาหริ, เตน วราหโรติ วุจฺจติ. อปิจ สพฺพฺุตฺาณปฏิลาเภน วโร, นิพฺพานสจฺฉิกิริยาย วรฺู, สตฺตานํ วิมุตฺติสุขทาเนน วรโท, อุตฺตมปฏิปทาหรเณน วราหโร, เอเตหิ โลกุตฺตรคุเณหิ อธิกสฺส กสฺสจิ อภาวโต อนุตฺตโร.

อปโร นโย – วโร อุปสมาธิฏฺานปริปูรเณน, วรฺู ปฺาธิฏฺานปริปูรเณน, วรโท จาคาธิฏฺานปริปูรเณน, วราหโร สจฺจาธิฏฺานปริปูรเณน, วรํ มคฺคสจฺจมาหรีติ. ตถา วโร ปุฺุสฺสเยน, วรฺู ปฺุสฺสเยน, วรโท พุทฺธภาวตฺถิกานํ ตทุปายสมฺปทาเนน, วราหโร ปจฺเจกพุทฺธภาวตฺถิกานํ ตทุปายาหรเณน, อนุตฺตโร ตตฺถ ตตฺถ อสทิสตาย, อตฺตนา วา อนาจริยโก หุตฺวา ปเรสํ อาจริยภาเวน, ธมฺมวรํ อเทสยิ สาวกภาวตฺถิกานํ ตทตฺถาย สฺวาขาตตาทิคุณยุตฺตสฺส วรธมฺมสฺส เทสนโต. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ.

เอวํ ภควา นววิเธน โลกุตฺตรธมฺเมน อตฺตโน คุณํ วตฺวา อิทานิ ตเมว คุณํ นิสฺสาย พุทฺธาธิฏฺานํ สจฺจวจนํ ปยุฺชติ ‘‘อิทมฺปิ พุทฺเธ’’ติ. ตสฺสตฺโถ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. เกวลํ ปน ยํ วรํ นวโลกุตฺตรธมฺมํ เอส อฺาสิ, ยฺจ อทาสิ, ยฺจ อาหริ, ยฺจ อเทสยิ, อิทมฺปิ พุทฺเธ รตนํ ปณีตนฺติ เอวํ โยเชตพฺพํ. อิมิสฺสาปิ คาถาย อาณา โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาเฬสุ อมนุสฺเสหิ ปฏิคฺคหิตาติ.

๒๓๘. เอวํ ภควา ปริยตฺติธมฺมํ โลกุตฺตรธมฺมฺจ นิสฺสาย ทฺวีหิ คาถาหิ พุทฺธาธิฏฺานํ สจฺจํ วตฺวา อิทานิ เย ตํ ปริยตฺติธมฺมํ อสฺโสสุํ สุตานุสาเรน จ ปฏิปชฺชิตฺวา นวปฺปการมฺปิ โลกุตฺตรธมฺมํ อธิคมึสุ, เตสํ อนุปาทิเสสนิพฺพานปฺปตฺติคุณํ นิสฺสาย ปุน สงฺฆาธิฏฺานํ สจฺจํ วตฺตุมารทฺโธ ‘‘ขีณํ ปุราณ’’นฺติ. ตตฺถ ขีณนฺติ สมุจฺฉินฺนํ. ปุราณนฺติ ปุราตนํ. นวนฺติ สมฺปติ วตฺตมานํ. นตฺถิสมฺภวนฺติ อวิชฺชมานปาตุภาวํ. วิรตฺตจิตฺตาติ วิคตราคจิตฺตา. อายติเก ภวสฺมินฺติ อนาคตมทฺธานํ ปุนพฺภเว. เตติ เยสํ ขีณํ ปุราณํ นวํ นตฺถิสมฺภวํ, เย จ อายติเก ภวสฺมึ วิรตฺตจิตฺตา, เต ขีณาสวา ภิกฺขู. ขีณพีชาติ อุจฺฉินฺนพีชา. อวิรูฬฺหิฉนฺทาติ วิรูฬฺหิฉนฺทวิรหิตา. นิพฺพนฺตีติ วิชฺฌายนฺติ. ธีราติ ธิติสมฺปนฺนา. ยถายํ ปทีโปติ อยํ ปทีโป วิย.

กึ วุตฺตํ โหติ? ยํ ตํ สตฺตานํ อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุทฺธมฺปิ ปุราณํ อตีตกาลิกํ กมฺมํ ตณฺหาสิเนหสฺส อปฺปหีนตฺตา ปฏิสนฺธิอาหรณสมตฺถตาย อขีณํเยว โหติ, ตํ ปุราณํ กมฺมํ เยสํ อรหตฺตมคฺเคน ตณฺหาสิเนหสฺส โสสิตตฺตา อคฺคินา ทฑฺฒพีชมิว อายตึ วิปากทานาสมตฺถตาย ขีณํ. ยฺจ เนสํ พุทฺธปูชาทิวเสน อิทานิ ปวตฺตมานํ กมฺมํ นวนฺติ วุจฺจติ, ตฺจ ตณฺหาปหาเนเนว ฉินฺนมูลปาทปปุปฺผมิว อายตึ ผลทานาสมตฺถตาย เยสํ นตฺถิสมฺภวํ, เย จ ตณฺหาปหาเนเนว อายติเก ภวสฺมึ วิรตฺตจิตฺตา, เต ขีณาสวา ภิกฺขู ‘‘กมฺมํ เขตฺตํ วิฺาณํ พีช’’นฺติ (อ. นิ. ๓.๗๗) เอตฺถ วุตฺตสฺส ปฏิสนฺธิวิฺาณสฺส กมฺมกฺขเยเนว ขีณตฺตา ขีณพีชา. โยปิ ปุพฺเพ ปุนพฺภวสงฺขาตาย วิรูฬฺหิยา ฉนฺโท อโหสิ, ตสฺสาปิ สมุทยปฺปหาเนเนว ปหีนตฺตา ปุพฺเพ วิย จุติกาเล อสมฺภเวน อวิรูฬฺหิฉนฺทา ธิติสมฺปนฺนตฺตา ธีรา จริมวิฺาณนิโรเธน ยถายํ ปทีโป นิพฺพุโต, เอวํ นิพฺพนฺติ, ปุน ‘‘รูปิโน วา อรูปิโน วา’’ติ เอวมาทึ ปฺตฺติปถํ อจฺเจนฺตีติ. ตสฺมึ กิร สมเย นครเทวตานํ ปูชนตฺถาย ชาลิเตสุ ปทีเปสุ เอโก ปทีโป วิชฺฌายิ, ตํ ทสฺเสนฺโต อาห – ‘‘ยถายํ ปทีโป’’ติ.

เอวํ ภควา เย ตํ ปุริมาหิ ทฺวีหิ คาถาหิ วุตฺตํ ปริยตฺติธมฺมํ อสฺโสสุํ, สุตานุสาเรเนว ปฏิปชฺชิตฺวา นวปฺปการมฺปิ โลกุตฺตรธมฺมํ อธิคมึสุ, เตสํ อนุปาทิเสสนิพฺพานปฺปตฺติคุณํ วตฺวา อิทานิ ตเมว คุณํ นิสฺสาย สงฺฆาธิฏฺานํ สจฺจวจนํ ปยุฺชนฺโต เทสนํ สมาเปสิ ‘‘อิทมฺปิ สงฺเฆ’’ติ. ตสฺสตฺโถ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ, เกวลํ ปน อิทมฺปิ ยถาวุตฺเตน ปกาเรน ขีณาสวภิกฺขูนํ นิพฺพานสงฺขาตํ สงฺเฆ รตนํ ปณีตนฺติ เอวํ โยเชตพฺพํ. อิมิสฺสาปิ คาถาย อาณา โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาเฬสุ อมนุสฺเสหิ ปฏิคฺคหิตาติ.

เทสนาปริโยสาเน ราชกุลสฺส โสตฺถิ อโหสิ, สพฺพูปทฺทวา วูปสมึสุ จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ.

๒๓๙-๒๔๑. อถ สกฺโก เทวานมินฺโท ‘‘ภควตา รตนตฺตยคุณํ นิสฺสาย สจฺจวจนํ ปยุฺชมาเนน นาครสฺส โสตฺถิ กตา, มยาปิ นาครสฺส โสตฺถิตฺถํ รตนตฺตยคุณํ นิสฺสาย กิฺจิ วตฺตพฺพ’’นฺติ จินฺเตตฺวา อวสาเน คาถาตฺตยํ อภาสิ ‘‘ยานีธ ภูตานี’’ติ. ตตฺถ ยสฺมา พุทฺโธ ยถา โลกหิตตฺถาย อุสฺสุกฺกํ อาปนฺเนหิ อาคนฺตพฺพํ, ตถา อาคตโต, ยถา จ เอเตหิ คนฺตพฺพํ, ตถา คตโต, ยถา วา เอเตหิ อาชานิตพฺพํ, ตถา อาชานนโต, ยถา จ ชานิตพฺพํ, ตถา ชานนโต, ยฺจ ตเถว โหติ, ตสฺส คทนโต จ ‘‘ตถาคโต’’ติ วุจฺจติ. ยสฺมา จ โส เทวมนุสฺเสหิ ปุปฺผคนฺธาทินา พหินิพฺพตฺเตน อุปกรเณน, ธมฺมานุธมฺมปฺปฏิปตฺตาทินา จ อตฺตนิ นิพฺพตฺเตน อติวิย ปูชิโต, ตสฺมา สกฺโก เทวานมินฺโท สพฺพเทวปริสํ อตฺตนา สทฺธึ สมฺปิณฺเฑตฺวา อาห ‘‘ตถาคตํ เทวมนุสฺสปูชิตํ, พุทฺธํ นมสฺสาม สุวตฺถิ โหตู’’ติ.

ยสฺมา ปน ธมฺเม มคฺคธมฺโม ยถา ยุคนนฺธ สมถวิปสฺสนาพเลน คนฺตพฺพํ กิเลสปกฺขํ สมุจฺฉินฺทนฺเตน, ตถา คโตติ ตถาคโต. นิพฺพานธมฺโมปิ ยถา คโต ปฺาย ปฏิวิทฺโธ สพฺพทุกฺขวิฆาตาย สมฺปชฺชติ, พุทฺธาทีหิ ตถา อวคโต, ตสฺมา ‘‘ตถาคโต’’ติ วุจฺจติ. ยสฺมา จ สงฺโฆปิ ยถา อตฺตหิตาย ปฏิปนฺเนหิ คนฺตพฺพํ เตน เตน มคฺเคน, ตถา คโต, ตสฺมา ‘‘ตถาคโต’’ ตฺเวว วุจฺจติ. ตสฺมา อวเสสคาถาทฺวเยปิ ตถาคตํ ธมฺมํ นมสฺสาม สุวตฺถิ โหตุ, ตถาคตํ สงฺฆํ นมสฺสาม สุวตฺถิ โหตูติ วุตฺตํ. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ.

เอวํ สกฺโก เทวานมินฺโท อิมํ คาถาตฺตยํ ภาสิตฺวา ภควนฺตํ ปทกฺขิณํ กตฺวา เทวปุรเมว คโต สทฺธึ เทวปริสาย. ภควา ปน ตเทว รตนสุตฺตํ ทุติยทิวเสปิ เทเสสิ, ปุน จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. เอวํ ภควา ยาว สตฺตมํ ทิวสํ เทเสสิ, ทิวเส ทิวเส ตเถว ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. ภควา อฑฺฒมาสเมว เวสาลิยํ วิหริตฺวา ราชูนํ ‘‘คจฺฉามา’’ติ ปฏิเวเทสิ. ตโต ราชาโน ทิคุเณน สกฺกาเรน ปุน ตีหิ ทิวเสหิ ภควนฺตํ คงฺคาตีรํ นยึสุ. คงฺคายํ นิพฺพตฺตา นาคราชาโน จินฺเตสุํ – ‘‘มนุสฺสา ตถาคตสฺส สกฺการํ กโรนฺติ, มยํ กึ น กริสฺสามา’’ติ สุวณฺณรชตมณิมยา นาวาโย มาเปตฺวา สุวณฺณรชตมณิมเย เอว ปลฺลงฺเก ปฺาเปตฺวา ปฺจวณฺณปทุมสฺฉนฺนํ อุทกํ กริตฺวา ‘‘อมฺหากํ อนุคฺคหํ กโรถา’’ติ ภควนฺตํ อุปคตา. ภควา อธิวาเสตฺวา รตนนาวมารูฬฺโห ปฺจ จ ภิกฺขุสตานิ สกํ สกํ นาวํ. นาคราชาโน ภควนฺตํ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆน นาคภวนํ ปเวเสสุํ. ตตฺร สุทํ ภควา สพฺพรตฺตึ นาคปริสาย ธมฺมํ เทเสสิ. ทุติยทิวเส ทิพฺเพหิ ขาทนียโภชนีเยหิ มหาทานํ อทํสุ. ภควา อนุโมทิตฺวา นาคภวนา นิกฺขมิ.

ภูมฏฺา เทวา ‘‘มนุสฺสา จ นาคา จ ตถาคตสฺส สกฺการํ กโรนฺติ, มยํ กึ น กริสฺสามา’’ติ จินฺเตตฺวา วนคุมฺพรุกฺขปพฺพตาทีสุ ฉตฺตาติฉตฺตานิ อุกฺขิปึสุ. เอเตเนว อุปาเยน ยาว อกนิฏฺพฺรหฺมภวนํ, ตาว มหาสกฺการวิเสโส นิพฺพตฺติ. พิมฺพิสาโรปิ ลิจฺฉวีหิ อาคตกาเล กตสกฺการโต ทิคุณมกาสิ, ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว ปฺจหิ ทิวเสหิ ภควนฺตํ ราชคหํ อาเนสิ.

ราชคหมนุปฺปตฺเต ภควติ ปจฺฉาภตฺตํ มณฺฑลมาเฬ สนฺนิปติตานํ ภิกฺขูนํ อยมนฺตรกถา อุทปาทิ – ‘‘อโห พุทฺธสฺส ภควโต อานุภาโว, ยํ อุทฺทิสฺส คงฺคาย โอรโต จ ปารโต จ อฏฺโยชโน ภูมิภาโค นินฺนฺจ ถลฺจ สมํ กตฺวา วาลุกาย โอกิริตฺวา ปุปฺเผหิ สฺฉนฺโน, โยชนปฺปมาณํ คงฺคาย อุทกํ นานาวณฺเณหิ ปทุเมหิ สฺฉนฺนํ, ยาว อกนิฏฺภวนา ฉตฺตาติฉตฺตานิ อุสฺสิตานี’’ติ. ภควา ตํ ปวตฺตึ ตฺวา คนฺธกุฏิโต นิกฺขมิตฺวา ตงฺขณานุรูเปน ปาฏิหาริเยน คนฺตฺวา มณฺฑลมาเฬ ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสีทิ. นิสชฺช โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ? ภิกฺขู สพฺพํ อาโรเจสุํ. ภควา เอตทโวจ – ‘‘น, ภิกฺขเว, อยํ ปูชาวิเสโส มยฺหํ พุทฺธานุภาเวน นิพฺพตฺโต, น นาคเทวพฺรหฺมานุภาเวน, อปิจ โข ปุพฺเพ อปฺปมตฺตกปริจฺจาคานุภาเวน นิพฺพตฺโต’’ติ. ภิกฺขู อาหํสุ – ‘‘น มยํ, ภนฺเต, ตํ อปฺปมตฺตกํ ปริจฺจาคํ ชานาม, สาธุ โน ภควา ตถา กเถตุ, ยถา มยํ ตํ ชาเนยฺยามา’’ติ.

ภควา อาห – ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว, ตกฺกสิลายํ สงฺโข นาม พฺราหฺมโณ อโหสิ. ตสฺส ปุตฺโต สุสีโม นาม มาณโว โสฬสวสฺสุทฺเทสิโก วเยน, โส เอกทิวสํ ปิตรํ อุปสงฺกมิตฺวา อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. ตํ ปิตา อาห – ‘‘กึ, ตาต สุสีมา’’ติ? โส อาห – ‘‘อิจฺฉามหํ, ตาต, พาราณสึ คนฺตฺวา สิปฺปํ อุคฺคเหตุ’’นฺติ. ‘‘เตน หิ, ตาต สุสีม, อสุโก นาม พฺราหฺมโณ มม สหายโก, ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา อุคฺคณฺหาหี’’ติ กหาปณสหสฺสํ อทาสิ. โส ตํ คเหตฺวา มาตาปิตโร อภิวาเทตฺวา อนุปุพฺเพน พาราณสึ คนฺตฺวา อุปจารยุตฺเตน วิธินา อาจริยํ อุปสงฺกมิตฺวา อภิวาเทตฺวา อตฺตานํ นิเวเทสิ. อาจริโย ‘‘มม สหายกสฺส ปุตฺโต’’ติ มาณวํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา สพฺพํ ปาหุเนยฺยมกาสิ. โส อทฺธานกิลมถํ ปฏิวิโนเทตฺวา ตํ กหาปณสหสฺสํ อาจริยสฺส ปาทมูเล เปตฺวา สิปฺปํ อุคฺคเหตุํ โอกาสํ ยาจิ. อาจริโย โอกาสํ กตฺวา อุคฺคณฺหาเปสิ.

โส ลหุฺจ คณฺหนฺโต พหุฺจ คณฺหนฺโต คหิตคหิตฺจ สุวณฺณภาชเน ปกฺขิตฺตมิว สีหเตลํ อวินสฺสมานํ ธาเรนฺโต ทฺวาทสวสฺสิกํ สิปฺปํ กติปยมาเสเนว ปริโยสาเปสิ. โส สชฺฌายํ กโรนฺโต อาทิมชฺฌํเยว ปสฺสติ, โน ปริโยสานํ. อถ อาจริยํ อุปสงฺกมิตฺวา อาห – ‘‘อิมสฺส สิปฺปสฺส อาทิมชฺฌเมว ปสฺสามิ, ปริโยสานํ น ปสฺสามี’’ติ. อาจริโย อาห – ‘‘อหมฺปิ, ตาต, เอวเมวา’’ติ. ‘‘อถ โก, อาจริย, อิมสฺส สิปฺปสฺส ปริโยสานํ ชานาตี’’ติ? ‘‘อิสิปตเน, ตาต, อิสโย อตฺถิ, เต ชาเนยฺยุ’’นฺติ. เต อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ปุจฺฉามิ, อาจริยา’’ติ. ‘‘ปุจฺฉ, ตาต, ยถาสุข’’นฺติ. โส อิสิปตนํ คนฺตฺวา ปจฺเจกพุทฺเธ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘อาทิมชฺฌปริโยสานํ ชานาถา’’ติ? ‘‘อามาวุโส, ชานามา’’ติ. ‘‘ตํ มมฺปิ สิกฺขาเปถา’’ติ. ‘‘เตน, หาวุโส, ปพฺพชาหิ, น สกฺกา อปพฺพชิเตน สิกฺขิตุ’’นฺติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต, ปพฺพาเชถ วา มํ, ยํ วา อิจฺฉถ, ตํ กตฺวา ปริโยสานํ ชานาเปถา’’ติ. เต ตํ ปพฺพาเชตฺวา กมฺมฏฺาเน นิโยเชตุํ อสมตฺถา ‘‘เอวํ เต นิวาเสตพฺพํ, เอวํ ปารุปิตพฺพ’’นฺติอาทินา นเยน อาภิสมาจาริกํ สิกฺขาเปสุํ. โส ตตฺถ สิกฺขนฺโต อุปนิสฺสยสมฺปนฺนตฺตา น จิเรเนว ปจฺเจกโพธึ อภิสมฺพุชฺฌิ. สกลพาราณสิยํ ‘‘สุสีมปจฺเจกพุทฺโธ’’ติ ปากโฏ อโหสิ ลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺโต สมฺปนฺนปริวาโร. โส อปฺปายุกสํวตฺตนิกสฺส กมฺมสฺส กตตฺตา น จิเรเนว ปรินิพฺพายิ. ตสฺส ปจฺเจกพุทฺธา จ มหาชนกาโย จ สรีรกิจฺจํ กตฺวา ธาตุโต คเหตฺวา นครทฺวาเร ถูปํ ปติฏฺาเปสุํ.

อถ โข สงฺโข พฺราหฺมโณ ‘‘ปุตฺโต เม จิรคโต, น จสฺส ปวตฺตึ ชานามี’’ติ ปุตฺตํ ทฏฺุกาโม ตกฺกสิลาย นิกฺขมิตฺวา อนุปุพฺเพน พาราณสึ ปตฺวา มหาชนกายํ สนฺนิปติตํ ทิสฺวา ‘‘อทฺธา พหูสุ เอโกปิ เม ปุตฺตสฺส ปวตฺตึ ชานิสฺสตี’’ติ จินฺเตนฺโต อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘สุสีโม นาม มาณโว อิธ อาคโต อตฺถิ, อปิ นุ ตสฺส ปวตฺตึ ชานาถา’’ติ? เต ‘‘อาม, พฺราหฺมณ, ชานาม, อสฺมึ นคเร พฺราหฺมณสฺส สนฺติเก ติณฺณํ เวทานํ ปารคู หุตฺวา ปจฺเจกพุทฺธานํ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ปจฺเจกพุทฺโธ หุตฺวา อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายิ, อยมสฺส ถูโป ปติฏฺาปิโต’’ติ อาหํสุ. โส ภูมึ หตฺเถน ปหริตฺวา, โรทิตฺวา จ ปริเทวิตฺวา จ ตํ เจติยงฺคณํ คนฺตฺวา ติณานิ อุทฺธริตฺวา อุตฺตรสาฏเกน วาลุกํ อาเนตฺวา, ปจฺเจกพุทฺธเจติยงฺคเณ อากิริตฺวา, กมณฺฑลุโต อุทเกน สมนฺตโต ภูมึ ปริปฺโผสิตฺวา วนปุปฺเผหิ ปูชํ กตฺวา อุตฺตรสาฏเกน ปฏากํ อาโรเปตฺวา ถูปสฺส อุปริ อตฺตโน ฉตฺตํ พนฺธิตฺวา ปกฺกามีติ.

เอวํ อตีตํ ทสฺเสตฺวา ตํ ชาตกํ ปจฺจุปฺปนฺเนน อนุสนฺเธนฺโต ภิกฺขูนํ ธมฺมกถํ กเถสิ – ‘‘สิยา โข ปน โว, ภิกฺขเว, เอวมสฺส อฺโ นูน เตน สมเยน สงฺโข พฺราหฺมโณ อโหสี’’ติ, น โข ปเนตํ เอวํ ทฏฺพฺพํ, อหํ เตน สมเยน สงฺโข พฺราหฺมโณ อโหสึ, มยา สุสีมสฺส ปจฺเจกพุทฺธสฺส เจติยงฺคเณ ติณานิ อุทฺธฏานิ, ตสฺส เม กมฺมสฺส นิสฺสนฺเทน อฏฺโยชนมคฺคํ วิคตขาณุกณฺฏกํ กตฺวา สมํ สุทฺธมกํสุ, มยา ตตฺถ วาลุกา โอกิณฺณา, ตสฺส เม นิสฺสนฺเทน อฏฺโยชนมคฺเค วาลุกํ โอกิรึสุ. มยา ตตฺถ วนกุสุเมหิ ปูชา กตา, ตสฺส เม นิสฺสนฺเทน นวโยชนมคฺเค ถเล จ อุทเก จ นานาปุปฺเผหิ ปุปฺผสนฺถรํ อกํสุ. มยา ตตฺถ กมณฺฑลุทเกน ภูมิ ปริปฺโผสิตา, ตสฺส เม นิสฺสนฺเทน เวสาลิยํ โปกฺขรวสฺสํ วสฺสิ. มยา ตสฺมึ เจติเย ปฏากา อาโรปิตา, ฉตฺตฺจ พทฺธํ, ตสฺส เม นิสฺสนฺเทน ยาว อกนิฏฺภวนา ปฏากา จ อาโรปิตา, ฉตฺตาติฉตฺตานิ จ อุสฺสิตานิ. อิติ โข, ภิกฺขเว, อยํ มยฺหํ ปูชาวิเสโส เนว พุทฺธานุภาเวน นิพฺพตฺโต, น นาคเทวพฺรหฺมานุภาเวน, อปิจ โข อปฺปมตฺตกปริจฺจาคานุภาเวน นิพฺพตฺโต’’ติ. ธมฺมกถาปริโยสาเน อิมํ คาถมภาสิ –

‘‘มตฺตาสุขปริจฺจาคา, ปสฺเส เจ วิปุลํ สุขํ;

จเช มตฺตาสุขํ ธีโร, สมฺปสฺสํ วิปุลํ สุข’’นฺติ. (ธ. ป. ๒๙๐);

ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย

สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย รตนสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. อามคนฺธสุตฺตวณฺณนา

สามากจิงฺคูลกจีนกานิ จาติ อามคนฺธสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? อนุปฺปนฺเน ภควติ อามคนฺโธ นาม พฺราหฺมโณ ปฺจหิ มาณวกสเตหิ สทฺธึ ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา ปพฺพตนฺตเร อสฺสมํ การาเปตฺวา วนมูลผลาหาโร หุตฺวา ตตฺถ ปฏิวสติ, น กทาจิ มจฺฉมํสํ ขาทติ. อถ เตสํ ตาปสานํ โลณมฺพิลาทีนิ อปริภุฺชนฺตานํ ปณฺฑุโรโค อุปฺปชฺชิ. ตโต เต ‘‘โลณมฺพิลาทิเสวนตฺถาย มนุสฺสปถํ คจฺฉามา’’ติ ปจฺจนฺตคามํ สมฺปตฺตา. ตตฺถ มนุสฺสา เตสุ ปสีทิตฺวา นิมนฺเตตฺวา โภเชสุํ, กตภตฺตกิจฺจานํ เนสํ มฺจปีปริโภคภาชนปาทมกฺขนาทีนิ อุปเนตฺวา ‘‘เอตฺถ, ภนฺเต, วสถ, มา อุกฺกณฺิตฺถา’’ติ วสนฏฺานํ ทสฺเสตฺวา ปกฺกมึสุ. ทุติยทิวเสปิ เนสํ ทานํ ทตฺวา ปุน ฆรปฏิปาฏิยา เอเกกทิวสํ ทานมทํสุ. ตาปสา จตุมาสํ ตตฺถ วสิตฺวา โลณมฺพิลาทิเสวนาย ถิรภาวปฺปตฺตสรีรา หุตฺวา ‘‘มยํ, อาวุโส, คจฺฉามา’’ติ มนุสฺสานํ อาโรเจสุํ. มนุสฺสา เตสํ เตลตณฺฑุลาทีนิ อทํสุ. เต ตานิ อาทาย อตฺตโน อสฺสมเมว อคมํสุ. ตฺจ คามํ ตเถว สํวจฺฉเร สํวจฺฉเร อาคมึสุ. มนุสฺสาปิ เตสํ อาคมนกาลํ วิทิตฺวา ทานตฺถาย ตณฺฑุลาทีนิ สชฺเชตฺวาว อจฺฉนฺติ, อาคเต จ เน ตเถว สมฺมาเนนฺติ.

อถ ภควา โลเก อุปฺปชฺชิตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺโก อนุปุพฺเพน สาวตฺถึ คนฺตฺวา ตตฺถ วิหรนฺโต เตสํ ตาปสานํ อุปนิสฺสยสมฺปตฺตึ ทิสฺวา ตโต นิกฺขมฺม ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต จาริกํ จรมาโน อนุปุพฺเพน ตํ คามํ อนุปฺปตฺโต. มนุสฺสา ภควนฺตํ ทิสฺวา มหาทานานิ อทํสุ. ภควา เตสํ ธมฺมํ เทเสสิ. เต ตาย ธมฺมเทสนาย อปฺเปกจฺเจ โสตาปนฺนา, เอกจฺเจ สกทาคามิโน, เอกจฺเจ อนาคามิโน อเหสุํ, เอกจฺเจ ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. ภควา ปุนเทว สาวตฺถึ ปจฺจาคมาสิ. อถ เต ตาปสา ตํ คามํ อาคมึสุ. มนุสฺสา ตาปเส ทิสฺวา น ปุพฺพสทิสํ โกตูหลมกํสุ. ตาปสา ตํ ปุจฺฉึสุ – ‘‘กึ, อาวุโส, อิเม มนุสฺสา น ปุพฺพสทิสา, กึ นุ โข อยํ คาโม ราชทณฺเฑน อุปทฺทุโต, อุทาหุ ทุพฺภิกฺเขน, อุทาหุ อมฺเหหิ สีลาทิคุเณหิ สมฺปนฺนตโร โกจิ ปพฺพชิโต อิมํ คามมนุปฺปตฺโต’’ติ? เต อาหํสุ – ‘‘น, ภนฺเต, ราชทณฺเฑน, น ทุพฺภิกฺเขนายํ คาโม อุปทฺทุโต, อปิจ พุทฺโธ โลเก อุปฺปนฺโน, โส ภควา พหุชนหิตาย ธมฺมํ เทเสนฺโต อิธาคโต’’ติ.

ตํ สุตฺวา อามคนฺธตาปโส ‘‘พุทฺโธติ, คหปตโย, วเทถา’’ติ? ‘‘พุทฺโธติ, ภนฺเต, วทามา’’ติ ติกฺขตฺตุํ วตฺวา ‘‘โฆโสปิ โข เอโส ทุลฺลโภ โลกสฺมึ, ยทิทํ พุทฺโธ’’ติ อตฺตมโน อตฺตมนวาจํ นิจฺฉาเรตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘กึ นุ โข โส พุทฺโธ อามคนฺธํ ภุฺชติ, น ภุฺชตี’’ติ? ‘‘โก, ภนฺเต, อามคนฺโธ’’ติ? ‘‘อามคนฺโธ นาม มจฺฉมํสํ, คหปตโย’’ติ. ‘‘ภควา, ภนฺเต, มจฺฉมํสํ ปริภุฺชตี’’ติ. ตํ สุตฺวา ตาปโส วิปฺปฏิสารี อโหสิ – ‘‘มาเหว โข ปน พุทฺโธ สิยา’’ติ. ปุน จินฺเตสิ – ‘‘พุทฺธานํ ปาตุภาโว นาม ทุลฺลโภ, คนฺตฺวา พุทฺธํ ทิสฺวา ปุจฺฉิตฺวา ชานิสฺสามี’’ติ. ตโต เยน ภควา คโต, ตํ มคฺคํ มนุสฺเส ปุจฺฉิตฺวา วจฺฉคิทฺธินี คาวี วิย ตุริตตุริโต สพฺพตฺถ เอกรตฺติวาเสน สาวตฺถึ อนุปฺปตฺวา เชตวนเมว ปาวิสิ สทฺธึ สกาย ปริสาย. ภควาปิ ตสฺมึ สมเย ธมฺมเทสนตฺถาย อาสเน นิสินฺโน เอว โหติ. ตาปสา ภควนฺตํ อุปสงฺกมฺม ตุณฺหีภูตา อนภิวาเทตฺวาว เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. ภควา ‘‘กจฺจิ โว อิสโย ขมนีย’’นฺติอาทินา นเยน เตหิ สทฺธึ ปฏิสมฺโมทิ. เตปิ ‘‘ขมนียํ, โภ โคตมา’’ติอาทิมาหํสุ. ตโต อามคนฺโธ ภควนฺตํ ปุจฺฉิ – ‘‘อามคนฺธํ, โภ โคตม, ภุฺชสิ, น ภุฺชสี’’ติ? ‘‘โก โส, พฺราหฺมณ, อามคนฺโธ นามา’’ติ? ‘‘มจฺฉมํสํ, โภ โคตมา’’ติ. ภควา ‘‘น, พฺราหฺมณ, มจฺฉมํสํ อามคนฺโธ. อปิจ โข อามคนฺโธ นาม สพฺเพ กิเลสา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา’’ติ วตฺวา ‘‘น, พฺราหฺมณ, อิทานิ ตฺวเมว อามคนฺธํ ปุจฺฉิ, อตีเตปิ ติสฺโส นาม พฺราหฺมโณ กสฺสปํ ภควนฺตํ ปุจฺฉิ. เอวฺจ โส ปุจฺฉิ, เอวฺจสฺส ภควา พฺยากาสี’’ติ ติสฺเสน จ พฺราหฺมเณน กสฺสเปน จ ภควตา วุตฺตคาถาโย เอว อาเนตฺวา ตาหิ คาถาหิ พฺราหฺมณํ สฺาเปนฺโต อาห – ‘‘สามากจิงฺคูลกจีนกานิ จา’’ติ. อยํ ตาว อิมสฺส สุตฺตสฺส อิธ อุปฺปตฺติ.

อตีเต ปน กสฺสโป กิร โพธิสตฺโต อฏฺาสงฺขฺเยยฺยานิ กปฺปสตสหสฺสฺจ ปารมิโย ปูเรตฺวา พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺตสฺส พฺราหฺมณสฺส ธนวตี นาม พฺราหฺมณี, ตสฺสา กุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ อคฺคเหสิ. อคฺคสาวโกปิ ตํ ทิวสํเยว เทวโลกา จวิตฺวา อนุปุโรหิตพฺราหฺมณสฺส ปชาปติยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติ. เอวํ เตสํ เอกทิวสเมว ปฏิสนฺธิคฺคหณฺจ คพฺภวุฏฺานฺจ อโหสิ, เอกทิวสเมว เอเตสํ เอกสฺส กสฺสโป, เอกสฺส ติสฺโสติ นามมกํสุ. เต สหปํสุกีฬนกา ทฺเว สหายา อนุปุพฺเพน วุฑฺฒึ อคมึสุ. ติสฺสสฺส ปิตา ปุตฺตํ อาณาเปสิ – ‘‘อยํ, ตาต, กสฺสโป นิกฺขมฺม ปพฺพชิตฺวา พุทฺโธ ภวิสฺสติ, ตฺวมฺปิสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ภวนิสฺสรณํ กเรยฺยาสี’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา โพธิสตฺตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘อุโภปิ, สมฺม, ปพฺพชิสฺสามา’’ติ อาห. โพธิสตฺโต ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิ. ตโต วุฑฺฒึ อนุปฺปตฺตกาเลปิ ติสฺโส โพธิสตฺตํ อาห – ‘‘เอหิ, สมฺม, ปพฺพชิสฺสามา’’ติ โพธิสตฺโต น นิกฺขมิ. ติสฺโส ‘‘น ตาวสฺส าณํ ปริปากํ คต’’นฺติ สยํ นิกฺขมฺม อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อรฺเ ปพฺพตปาเท อสฺสมํ การาเปตฺวา วสติ. โพธิสตฺโตปิ อปเรน สมเยน ฆเร ิโตเยว อานาปานสฺสตึ ปริคฺคเหตฺวา จตฺตาริ ฌานานิ อภิฺาโย จ อุปฺปาเทตฺวา ปาสาเทน โพธิมณฺฑสมีปํ คนฺตฺวา ‘‘ปุน ปาสาโท ยถาาเนเยว ปติฏฺาตู’’ติ อธิฏฺาสิ, โส สกฏฺาเนเยว ปติฏฺาสิ. อปพฺพชิเตน กิร โพธิมณฺฑํ อุปคนฺตุํ น สกฺกาติ. โส ปพฺพชิตฺวา โพธิมณฺฑํ ปตฺวา นิสีทิตฺวา สตฺต ทิวเส ปธานโยคํ กตฺวา สตฺตหิ ทิวเสหิ สมฺมาสมฺโพธึ สจฺฉากาสิ.

ตทา อิสิปตเน วีสติสหสฺสา ปพฺพชิตา ปฏิวสนฺติ. อถ กสฺสโป ภควา เต อามนฺเตตฺวา ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตสิ. สุตฺตปริโยสาเน สพฺเพว อรหนฺโต อเหสุํ. โส สุทํ ภควา วีสติภิกฺขุสหสฺสปริวุโต ตตฺเถว อิสิปตเน วสติ. กิกี จ นํ กาสิราชา จตูหิ ปจฺจเยหิ อุปฏฺาติ. อเถกทิวสํ พาราณสิวาสี เอโก ปุริโส ปพฺพเต จนฺทนสาราทีนิ คเวสนฺโต ติสฺสสฺส ตาปสสฺส อสฺสมํ ปตฺวา ตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. ตาปโส ตํ ทิสฺวา ‘‘กุโต อาคโตสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘พาราณสิโต, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กา ตตฺถ ปวตฺตี’’ติ? ‘‘ตตฺถ, ภนฺเต, กสฺสโป นาม สมฺมาสมฺพุทฺโธ อุปฺปนฺโน’’ติ. ตาปโส ทุลฺลภวจนํ สุตฺวา ปีติโสมนสฺสชาโต ปุจฺฉิ – ‘‘กึ โส อามคนฺธํ ภุฺชติ, น ภุฺชตี’’ติ? ‘‘โก ภนฺเต, อามคนฺโธ’’ติ? ‘‘มจฺฉมํสํ อาวุโส’’ติ. ‘‘ภควา, ภนฺเต, มจฺฉมํสํ ภุฺชตี’’ติ. ตํ สุตฺวา ตาปโส วิปฺปฏิสารี หุตฺวา ปุน จินฺเตสิ – ‘‘คนฺตฺวา ตํ ปุจฺฉิสฺสามิ, สเจ ‘อามคนฺธํ ปริภุฺชามี’ติ วกฺขติ, ตโต นํ ‘ตุมฺหากํ, ภนฺเต, ชาติยา จ กุลสฺส จ โคตฺตสฺส จ อนนุจฺฉวิกเมต’นฺติ นิวาเรตฺวา ตสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ภวนิสฺสรณํ กริสฺสามี’’ติ สลฺลหุกํ อุปกรณํ คเหตฺวา สพฺพตฺถ เอกรตฺติวาเสน สายนฺหสมเย พาราณสึ ปตฺวา อิสิปตนเมว ปาวิสิ. ภควาปิ ตสฺมึ สมเย ธมฺมเทสนตฺถาย อาสเน นิสินฺโนเยว โหติ. ตาปโส ภควนฺตํ อุปสงฺกมฺม อนภิวาเทตฺวา ตุณฺหีภูโต เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. ภควา ตํ ทิสฺวา ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว ปฏิสมฺโมทิ. โสปิ ‘‘ขมนียํ, โภ กสฺสปา’’ติอาทีนิ วตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิตฺวา ภควนฺตํ ปุจฺฉิ – ‘‘อามคนฺธํ, โภ กสฺสป, ภุฺชสิ, น ภุฺชสี’’ติ? ‘‘นาหํ, พฺราหฺมณ, อามคนฺธํ ภุฺชามี’’ติ. ‘‘สาธุ, สาธุ, โภ กสฺสป, ปรกุณปํ อขาทนฺโต สุนฺทรมกาสิ, ยุตฺตเมตํ โภโต กสฺสปสฺส ชาติยา จ กุลสฺส จ โคตฺตสฺส จา’’ติ. ตโต ภควา ‘‘อหํ กิเลเส สนฺธาย ‘อามคนฺธํ น ภุฺชามี’ติ วทามิ, พฺราหฺมโณ มจฺฉมํสํ ปจฺเจติ, ยํนูนาหํ สฺเว คามํ ปิณฺฑาย อปวิสิตฺวา กิกีรฺโ เคหา อาภตํ ปิณฺฑปาตํ ปริภุฺเชยฺยํ, เอวํ อามคนฺธํ อารพฺภ กถา ปวตฺติสฺสติ. ตโต พฺราหฺมณํ ธมฺมเทสนาย สฺาเปสฺสามี’’ติ ทุติยทิวเส กาลสฺเสว สรีรปริกมฺมํ กตฺวา คนฺธกุฏึ ปาวิสิ. ภิกฺขู คนฺธกุฏิทฺวารํ ปิหิตํ ทิสฺวา ‘‘น ภควา อชฺช ภิกฺขูหิ สทฺธึ ปวิสิตุกาโม’’ติ ตฺวา คนฺธกุฏึ ปทกฺขิณํ กตฺวา ปิณฺฑาย ปวิสึสุ.

ภควาปิ คนฺธกุฏิโต นิกฺขมฺม ปฺตฺตาสเน นิสีทิ. ตาปโสปิ โข ปตฺตสากํ ปจิตฺวา ขาทิตฺวา ภควโต สนฺติเก นิสีทิ. กิกี กาสิราชา ภิกฺขู ปิณฺฑาย จรนฺเต ทิสฺวา ‘‘กุหึ ภควา, ภนฺเต’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘วิหาเร, มหาราชา’’ติ จ สุตฺวา นานาพฺยฺชนรสมเนกมํสวิกติสมฺปนฺนํ โภชนํ ภควโต ปาเหสิ. อมจฺจา วิหารํ เนตฺวา ภควโต อาโรเจตฺวา ทกฺขิโณทกํ ทตฺวา ปริวิสนฺตา ปมํ นานามํสวิกติสมฺปนฺนํ ยาคุํ อทํสุ, ตาปโส ทิสฺวา ‘‘ขาทติ นุ โข โน’’ติ จินฺเตนฺโต อฏฺาสิ. ภควา ตสฺส ปสฺสโตเยว ยาคุํ ปิวนฺโต มํสขณฺฑํ มุเข ปกฺขิปิ. ตาปโส ทิสฺวา กุทฺโธ. ปุน ยาคุปีตสฺส นานารสพฺยฺชนํ โภชนมทํสุ, ตมฺปิ คเหตฺวา ภุฺชนฺตํ ทิสฺวา อติวิย กุทฺโธ ‘‘มจฺฉมํสํ ขาทนฺโตเยว ‘น ขาทามี’ติ ภณตี’’ติ. อถ ภควนฺตํ กตภตฺตกิจฺจํ หตฺถปาเท โธวิตฺวา นิสินฺนํ อุปสงฺกมฺม ‘‘โภ กสฺสป, มุสา ตฺวํ ภณสิ, เนตํ ปณฺฑิตกิจฺจํ. มุสาวาโท หิ ครหิโต พุทฺธานํ, เยปิ เต ปพฺพตปาเท วนมูลผลาทีหิ ยาเปนฺตา อิสโย วสนฺติ, เตปิ มุสา น ภณนฺตี’’ติ วตฺวา ปุน อิสีนํ คุเณ คาถาย วณฺเณนฺโต อาห ‘‘สามากจิงฺคูลกจีนกานิ จา’’ติ.

๒๔๒. ตตฺถ สามากาติ ธุนิตฺวา วา สีสานิ อุจฺจินิตฺวา วา คยฺหูปคา ติณธฺชาติ. ตถา จิงฺคูลกา กณวีรปุปฺผสณฺานสีสา โหนฺติ. จีนกานีติ อฏวิปพฺพตปาเทสุ อโรปิตชาตา จีนมุคฺคา. ปตฺตปฺผลนฺติ ยํกิฺจิ หริตปณฺณํ. มูลผลนฺติ ยํกิฺจิ กนฺทมูลํ. ควิปฺผลนฺติ ยํกิฺจิ รุกฺขวลฺลิผลํ. มูลคฺคหเณน วา กนฺทมูลํ, ผลคฺคหเณน รุกฺขวลฺลิผลํ, ควิปฺผลคฺคหเณน อุทเก ชาตสิงฺฆาตกกเสรุกาทิผลํ เวทิตพฺพํ. ธมฺเมน ลทฺธนฺติ ทูเตยฺยปหิณคมนาทิมิจฺฉาชีวํ ปหาย วเน อุฺฉาจริยาย ลทฺธํ. สตนฺติ สนฺโต อริยา. อสฺนมานาติ ภุฺชมานา. น กามกามา อลิกํ ภณนฺตีติ เต เอวํ อมมา อปริคฺคหา เอตานิ สามากาทีนิ ภุฺชมานา อิสโย ยถา ตฺวํ สาทุรสาทิเก กาเม ปตฺถยนฺโต อามคนฺธํ ภุฺชนฺโตเยว ‘‘นาหํ, พฺราหฺมณ, อามคนฺธํ ภุฺชามี’’ติ ภณนฺโต อลิกํ ภณสิ, ตถา น กามกามา อลิกํ ภณนฺติ, กาเม กามยนฺตา มุสา น ภณนฺตีติ อิสีนํ ปสํสาย ภควโต นินฺทํ ทีเปติ.

๒๔๓. เอวํ อิสีนํ ปสํสาปเทเสน ภควนฺตํ นินฺทิตฺวา อิทานิ อตฺตนา อธิปฺเปตํ นินฺทาวตฺถุํ ทสฺเสตฺวา นิปฺปริยาเยเนว ภควนฺตํ นินฺทนฺโต อาห ‘‘ยทสฺนมาโน’’ติ ตตฺถ ท-กาโร ปทสนฺธิกโร. อยํ ปนตฺโถ – ยํ กิฺจิเทว สสมํสํ วา ติตฺติรมํสํ วา โธวนจฺเฉทนาทินา ปุพฺพปริกมฺเมน สุกตํ, ปจนวาสนาทินา ปจฺฉาปริกมฺเมน สุนิฏฺิตํ, น มาตรา น ปิตรา, อปิจ โข ปน ‘‘ทกฺขิเณยฺโย อย’’นฺติ มฺมาเนหิ ธมฺมกาเมหิ ปเรหิ ทินฺนํ, สกฺการกรเณน ปยตํ ปณีตมลงฺกตํ, อุตฺตมรสตาย โอชวนฺตตาย ถามพลภรณสมตฺถตาย จ ปณีตํ อสฺนมาโน อาหารยมาโน, น เกวลฺจ ยํกิฺจิ มํสเมว, อปิจ โข ปน อิทมฺปิ สาลีนมนฺนํ วิจิตกาฬกํ สาลิตณฺฑุโลทนํ ปริภุฺชมาโน โส ภุฺชสิ, กสฺสป, อามคนฺธํ, โส ตฺวํ ยํกิฺจิ มํสํ ภุฺชมาโน อิทฺจ สาลีนมนฺนํ ปริภุฺชมาโน ภุฺชสิ, กสฺสป, อามคนฺธนฺติ ภควนฺตํ โคตฺเตน อาลปติ.

๒๔๔. เอวํ อาหารโต ภควนฺตํ นินฺทิตฺวา อิทานิ มุสาวาทํ อาโรเปตฺวา นินฺทนฺโต อาห ‘‘น อามคนฺโธ…เป… สุสงฺขเตหี’’ติ. ตสฺสตฺโถ – ปุพฺเพ มยา ปุจฺฉิโต สมาโน ‘‘น อามคนฺโธ มม กปฺปตี’’ติ อิจฺเจว ตฺวํ ภาสสิ, เอวํ เอกํเสเนว ตฺวํ ภาสสิ พฺรหฺมพนฺธุ พฺราหฺมณคุณวิรหิตชาติมตฺตพฺราหฺมณาติ ปริภาสนฺโต ภณติ. สาลีนมนฺนนฺติ สาลิตณฺฑุโลทนํ. ปริภุฺชมาโนติ ภุฺชมาโน. สกุนฺตมํเสหิ สุสงฺขเตหีติ ตทา ภควโต อภิหฏํ สกุณมํสํ นิทฺทิสนฺโต ภณติ.

เอวํ ภณนฺโต เอว จ ภควโต เหฏฺา ปาทตลา ปภุติ ยาว อุปริ เกสคฺคา สรีรมุลฺโลเกนฺโต ทฺวตฺตึสวรลกฺขณาสีติอนุพฺยฺชนสมฺปทํ พฺยามปฺปภาปริกฺเขปฺจ ทิสฺวา ‘‘เอวรูโป มหาปุริสลกฺขณาทิปฏิมณฺฑิตกาโย น มุสา ภณิตุํ อรหติ. อยํ หิสฺส ภวนฺตเรปิ สจฺจวาจานิสฺสนฺเทเนว อุณฺณา ภมุกนฺตเร ชาตา โอทาตา มุทุ ตูลสนฺนิภา, เอเกกานิ จ โลมกูเปสุ โลมานิ. สฺวายํ กถมิทานิ มุสา ภณิสฺสติ. อทฺธา อฺโ อิมสฺส อามคนฺโธ ภวิสฺสติ, ยํ สนฺธาย เอตทโวจ – ‘นาหํ, พฺราหฺมณ, อามคนฺธํ ภุฺชามี’ติ, ยํนูนาหํ เอตํ ปุจฺเฉยฺย’’นฺติ จินฺเตตฺวา สฺชาตพหุมาโน โคตฺเตเนว อาลปนฺโต อิมํ คาถาเสสํ อาห –

‘‘ปุจฺฉามิ ตํ กสฺสป เอตมตฺถํ, กถํปกาโร ตว อามคนฺโธ’’ติ.

๒๔๕. อถสฺส ภควา อามคนฺธํ วิสฺสชฺเชตุํ ‘‘ปาณาติปาโต’’ติ เอวมาทิมาห. ตตฺถ ปาณาติปาโตติ ปาณวโธ. วธเฉทพนฺธนนฺติ เอตฺถ สตฺตานํ ทณฺฑาทีหิ อาโกฏนํ วโธ, หตฺถปาทาทีนํ เฉทนํ เฉโท, รชฺชุอาทีหิ พนฺโธ พนฺธนํ. เถยฺยํ มุสาวาโทติ เถยฺยฺจ มุสาวาโท จ. นิกตีติ ‘‘ทสฺสามิ, กริสฺสามี’’ติอาทินา นเยน อาสํ อุปฺปาเทตฺวา นิราสากรณํ. วฺจนานีติ อสุวณฺณํ สุวณฺณนฺติ คาหาปนาทีนิ. อชฺเฌนกุตฺตนฺติ นิรตฺถกมเนกคนฺถปริยาปุณนํ. ปรทารเสวนาติ ปรปริคฺคหิตาสุ จาริตฺตาปชฺชนํ. เอสามคนฺโธ น หิ มํสโภชนนฺติ เอส ปาณาติปาตาทิอกุสลธมฺมสมุทาจาโร อามคนฺโธ วิสฺสคนฺโธ กุณปคนฺโธ. กึ การณา? อมนุฺตฺตา กิเลสอสุจิมิสฺสกตฺตา สพฺภิ ชิคุจฺฉิตตฺตา ปรมทุคฺคนฺธภาวาวหตฺตา จ. เย หิ อุสฺสนฺนกิเลสา สตฺตา, เต เตหิ อติทุคฺคนฺธา โหนฺติ, นิกฺกิเลสานํ มตสรีรมฺปิ ทุคฺคนฺธํ น โหติ, ตสฺมา เอสามคนฺโธ. มํสโภชนํ ปน อทิฏฺมสุตมปริสงฺกิตฺจ อนวชฺชํ, ตสฺมา น หิ มํสโภชนํ อามคนฺโธติ.

๒๔๖. เอวํ ธมฺมาธิฏฺานาย เทสนาย เอเกน นเยน อามคนฺธํ วิสฺสชฺเชตฺวา อิทานิ ยสฺมา เต เต สตฺตา เตหิ เตหิ อามคนฺเธหิ สมนฺนาคตา, น เอโก เอว สพฺเพหิ, น จ สพฺเพ เอเกเนว, ตสฺมา เนสํ เต เต อามคนฺเธ ปกาเสตุํ ‘‘เย อิธ กาเมสุ อสฺตา ชนา’’ติอาทินา นเยน ปุคฺคลาธิฏฺานาย ตาว เทสนาย อามคนฺเธ วิสฺสชฺเชนฺโต ทฺเว คาถาโย อภาสิ.

ตตฺถ เย อิธ กาเมสุ อสฺตา ชนาติ เย เกจิ อิธ โลเก กามปฏิเสวนสงฺขาเตสุ กาเมสุ มาติมาตุจฺฉาทีสุปิ มริยาทาวิรเหน ภินฺนสํวรตาย อสํยตา ปุถุชฺชนา. รเสสุ คิทฺธาติ ชิวฺหาวิฺเยฺเยสุ รเสสุ คิทฺธา คธิตา มุจฺฉิตา อชฺโฌสนฺนา อนาทีนวทสฺสาวิโน อนิสฺสรณปฺา รเส ปริภุฺชนฺติ. อสุจิภาวมสฺสิตาติ ตาย รสคิทฺธิยา รสปฏิลาภตฺถาย นานปฺปการมิจฺฉาชีวสงฺขาตอสุจิภาวมิสฺสิตา. นตฺถิกทิฏฺีติ ‘‘นตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทิทสวตฺถุกมิจฺฉาทิฏฺิสมนฺนาคตา. วิสมาติ วิสเมน กายกมฺมาทินา สมนฺนาคตา. ทุรนฺนยาติ ทุวิฺาปยา สนฺทิฏฺิปรามาสีอาธานคฺคาหีทุปฺปฏินิสฺสคฺคิตาสมนฺนาคตา. เอสามคนฺโธติ เอส เอตาย คาถาย ปุคฺคเล อธิฏฺาย นิทฺทิฏฺโ ‘‘กาเมสุ อสํยตตา รสคิทฺธตา อาชีววิปตฺตินตฺถิกทิฏฺิกายทุจฺจริตาทิวิสมตา ทุรนฺนยภาวตา’’ติ อปโรปิ ปุพฺเพ วุตฺเตเนวตฺเถน ฉพฺพิโธ อามคนฺโธ เวทิตพฺโพ. น หิ มํสโภชนนฺติ มํสโภชนํ ปน ยถาวุตฺเตเนวตฺเถน น อามคนฺโธติ.

๒๔๗. ทุติยคาถายปิ เย ลูขสาติ เย ลูขา นิรสา, อตฺตกิลมถานุยุตฺตาติ อตฺโถ. ทารุณาติ กกฺขฬา โทวจสฺสตายุตฺตา. ปิฏฺิมํสิกาติ ปุรโต มธุรํ ภณิตฺวา ปรมฺมุเข อวณฺณภาสิโน. เอเต หิ อภิมุขํ โอโลเกตุมสกฺโกนฺตา ปรมฺมุขานํ ปิฏฺิมํสขาทกา วิย โหนฺติ, เตน ‘‘ปิฏฺิมํสิกา’’ติ วุจฺจนฺติ. มิตฺตทฺทุโนติ มิตฺตทูหกา, ทารธนชีวิเตสุ วิสฺสาสมาปนฺนานํ มิตฺตานํ ตตฺถ มิจฺฉาปฏิปชฺชนกาติ วุตฺตํ โหติ. นิกฺกรุณาติ กรุณาวิรหิตา สตฺตานํ อนตฺถกามา. อติมานิโนติ ‘‘อิเธกจฺโจ ชาติยา วา…เป… อฺตรฺตเรน วตฺถุนา ปเร อติมฺติ, โย เอวรูโป มาโน เกตุกมฺยตา จิตฺตสฺสา’’ติ (วิภ. ๘๘๐) เอวํ วุตฺเตน อติมาเนน สมนฺนาคตา. อทานสีลาติ อทานปกติกา, อทานาธิมุตฺตา อสํวิภาครตาติ อตฺโถ. น จ เทนฺติ กสฺสจีติ ตาย จ ปน อทานสีลตาย ยาจิตาปิ สนฺตา กสฺสจิ กิฺจิ น เทนฺติ, อทินฺนปุพฺพกกุเล มนุสฺสสทิสา นิชฺฌามตณฺหิกเปตปรายณา โหนฺติ. เกจิ ปน ‘‘อาทานสีลา’’ติปิ ปนฺติ, เกวลํ คหณสีลา, กสฺสจิ ปน กิฺจิ น เทนฺตีติ. เอสามคนฺโธ น หิ มํสโภชนนฺติ เอส เอตาย คาถาย ปุคฺคเล อธิฏฺาย นิทฺทิฏฺโ ‘‘ลูขตา, ทารุณตา, ปิฏฺิมํสิกตา, มิตฺตทูภิตา, นิกฺกรุณตา, อติมานิตา, อทานสีลตา, อทาน’’นฺติ อปโรปิ ปุพฺเพ วุตฺเตเนวตฺเถน อฏฺวิโธ อามคนฺโธ เวทิตพฺโพ, น หิ มํสโภชนนฺติ.

๒๔๘. เอวํ ปุคฺคลาธิฏฺานาย เทสนาย ทฺเว คาถาโย วตฺวา ปุน ตสฺส ตาปสสฺส อาสยานุปริวตฺตนํ วิทิตฺวา ธมฺมาธิฏฺานาเยว เทสนาย เอกํ คาถํ อภาสิ. ตตฺถ โกโธ อุรคสุตฺเต วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. มโทติ ‘‘ชาติมโท, โคตฺตมโท, อาโรคฺยมโท’’ติอาทินา (วิภ. ๘๓๒) นเยน วิภงฺเค วุตฺตปฺปเภโท จิตฺตสฺส มชฺชนภาโว. ถมฺโภติ ถทฺธภาโว. ปจฺจุปฏฺาปนาติ ปจฺจนีกฏฺาปนา, ธมฺเมน นเยน วุตฺตสฺส ปฏิวิรุชฺฌิตฺวา านํ. มายาติ ‘‘อิเธกจฺโจ กาเยน ทุจฺจริตํ จริตฺวา’’ติอาทินา (วิภ. ๘๙๔) นเยน วิภงฺเค วิภตฺตา กตปาปปฏิจฺฉาทนตา. อุสูยาติ ปรลาภสกฺการาทีสุ อิสฺสา. ภสฺสสมุสฺสโยติ สมุสฺสิตํ ภสฺสํ, อตฺตุกฺกํสนตาติ วุตฺตํ โหติ. มานาติมาโนติ ‘‘อิเธกจฺโจ ชาติยา วา…เป… อฺตรฺตเรน วตฺถุนา ปุพฺพกาลํ ปเรหิ สทิสํ อตฺตานํ ทหติ, อปรกาลํ อตฺตานํ เสยฺยํ ทหติ, ปเร หีเน ทหติ, โย เอวรูโป มาโน…เป… เกตุกมฺยตา จิตฺตสฺสา’’ติ (วิภ. ๘๘๐) วิภงฺเค วิภตฺโต. อสพฺภิ สนฺถโวติ อสปฺปุริเสหิ สนฺถโว. เอสามคนฺโธ น หิ มํสโภชนนฺติ เอส โกธาทิ นววิโธ อกุสลราสิ ปุพฺเพ วุตฺเตเนวตฺเถน อามคนฺโธติ เวทิตพฺโพ, น หิ มํสโภชนนฺติ.

๒๔๙. เอวํ ธมฺมาธิฏฺานาย เทสนาย นววิธํ อามคนฺธํ ทสฺเสตฺวา ปุนปิ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว ปุคฺคลาธิฏฺานาย เทสนาย อามคนฺเธ วิสฺสชฺเชนฺโต ติสฺโส คาถาโย อภาสิ. ตตฺถ เย ปาปสีลาติ เย ปาปสมาจารตาย ‘‘ปาปสีลา’’ติ โลเก ปากฏา. อิณฆาตสูจกาติ วสลสุตฺเต วุตฺตนเยน อิณํ คเหตฺวา ตสฺส อปฺปทาเนน อิณฆาตา, เปสุฺเน สูจกา จ. โวหารกูฏา อิธ ปาฏิรูปิกาติ ธมฺมฏฺฏฏฺาเน ิตา ลฺชํ คเหตฺวา สามิเก ปราเชนฺตา กูเฏน โวหาเรน สมนฺนาคตตฺตา โวหารกูฏา, ธมฺมฏฺปฏิรูปกตฺตา ปาฏิรูปิกา. อถ วา อิธาติ สาสเน. ปาฏิรูปิกาติ ทุสฺสีลา. เต หิ ยสฺมา เนสํ อิริยาปถสมฺปทาทีหิ สีลวนฺตปฏิรูปํ อตฺถิ, ตสฺมา ปฏิรูปา, ปฏิรูปา เอว ปาฏิรูปิกา. นราธมา เยธ กโรนฺติ กิพฺพิสนฺติ เย อิธ โลเก นราธมา มาตาปิตูสุ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธาทีสุ จ มิจฺฉาปฏิปตฺติสฺิตํ กิพฺพิสํ กโรนฺติ. เอสามคนฺโธ น หิ มํสโภชนนฺติ เอส เอตาย คาถาย ปุคฺคเล อธิฏฺาย นิทฺทิฏฺโ ‘‘ปาปสีลตา, อิณฆาตตา, สูจกตา, โวหารกูฏตา, ปาฏิรูปิกตา, กิพฺพิสการิตา’’ติ อปโรปิ ปุพฺเพ วุตฺเตเนวตฺเถน ฉพฺพิโธ อามคนฺโธ เวทิตพฺโพ, น หิ มํสโภชนนฺติ.

๒๕๐. เย อิธ ปาเณสุ อสฺตา ชนาติ เย ชนา อิธโลเก ปาเณสุ ยถากามจาริตาย สตมฺปิ สหสฺสมฺปิ มาเรตฺวา อนุทฺทยามตฺตสฺสาปิ อกรเณน อสํยตา. ปเรสมาทาย วิเหสมุยฺยุตาติ ปเรสํ สนฺตกํ อาทาย ธนํ วา ชีวิตํ วา ตโต ‘‘มา เอวํ กโรถา’’ติ ยาจนฺตานํ วา นิวาเรนฺตานํ วา ปาณิเลฑฺฑุทณฺฑาทีหิ วิเหสํ อุยฺยุตา. ปเร วา สตฺเต สมาทาย ‘‘อชฺช ทส, อชฺช วีส’’นฺติ เอวํ สมาทิยิตฺวา เตสํ วธพนฺธนาทีหิ วิเหสมุยฺยุตา. ทุสฺสีลลุทฺทาติ นิสฺสีลา จ ทุราจารตฺตา, ลุทฺทา จ กุรูรกมฺมนฺตา โลหิตปาณิตาย, มจฺฉฆาตกมิคพนฺธกสากุณิกาทโย อิธาธิปฺเปตา. ผรุสาติ ผรุสวาจา. อนาทราติ ‘‘อิทานิ น กริสฺสาม, วิรมิสฺสาม เอวรูปา’’ติ เอวํ อาทรวิรหิตา. เอสามคนฺโธ น หิ มํสโภชนนฺติ เอส เอตาย คาถาย ปุคฺคเล อธิฏฺาย นิทฺทิฏฺโ ‘‘ปาณาติปาโต วธเฉทพนฺธน’’นฺติอาทินา นเยน ปุพฺเพ วุตฺโต จ อวุตฺโต จ ‘‘ปาเณสุ อสํยตตา ปเรสํ วิเหสตา ทุสฺสีลตา ลุทฺทตา ผรุสตา อนาทโร’’ติ ฉพฺพิโธ อามคนฺโธ เวทิตพฺโพ, น หิ มํสโภชนนฺติ. ปุพฺเพ วุตฺตมฺปิ หิ โสตูนํ โสตุกามตาย อวธารณตาย ทฬฺหีกรณตายาติ เอวมาทีหิ การเณหิ ปุน วุจฺจติ. เตเนว จ ปรโต วกฺขติ ‘‘อิจฺเจตมตฺถํ ภควา ปุนปฺปุนํ, อกฺขาสิ นํ เวทยิ มนฺตปารคู’’ติ.

๒๕๑. เอเตสุ คิทฺธา วิรุทฺธาติปาติโนติ เอเตสุ ปาเณสุ เคเธน คิทฺธา, โทเสน วิรุทฺธา, โมเหน อาทีนวํ อปสฺสนฺตา ปุนปฺปุนํ อชฺฌาจารปฺปตฺติยา อติปาติโน, เอเตสุ วา ‘‘ปาณาติปาโต วธเฉทพนฺธน’’นฺติอาทินา นเยน วุตฺเตสุ ปาปกมฺเมสุ ยถาสมฺภวํ เย เคธวิโรธาติปาตสงฺขาตา ราคโทสโมหา, เตหิ คิทฺธา วิรุทฺธา อติปาติโน จ. นิจฺจุยฺยุตาติ อกุสลกรเณ นิจฺจํ อุยฺยุตา, กทาจิ ปฏิสงฺขาย อปฺปฏิวิรตา. เปจฺจาติ อสฺมา โลกา ปรํ คนฺตฺวา. ตมํ วชนฺติ เย, ปตนฺติ สตฺตา นิรยํ อวํสิราติ เย โลกนฺตริกนฺธการสงฺขาตํ นีจกุลตาทิเภทํ วา ตมํ วชนฺติ, เย จ ปตนฺติ สตฺตา อวีจิอาทิเภทํ นิรยํ อวํสิรา อโธคตสีสา. เอสามคนฺโธติ เตสํ สตฺตานํ ตมวชนนิรยปตนเหตุ เอส เคธวิโรธาติปาตเภโท สพฺพามคนฺธมูลภูโต ยถาวุตฺเตนตฺเถน ติวิโธ อามคนฺโธ. น หิ มํสโภชนนฺติ มํสโภชนํ ปน น อามคนฺโธติ.

๒๕๒. เอวํ ภควา ปรมตฺถโต อามคนฺธํ วิสฺสชฺเชตฺวา ทุคฺคติมคฺคภาวฺจสฺส ปกาเสตฺวา อิทานิ ยสฺมึ มจฺฉมํสโภชเน ตาปโส อามคนฺธสฺี ทุคฺคติมคฺคสฺี จ หุตฺวา ตสฺส อโภชเนน สุทฺธิกาโม หุตฺวา ตํ น ภุฺชติ, ตสฺส จ อฺสฺส จ ตถาวิธสฺส โสเธตุํ อสมตฺถภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘น มจฺฉมํส’’นฺติ อิมํ ฉปฺปทํ คาถมาห. ตตฺถ สพฺพปทานิ อนฺติมปาเทน โยเชตพฺพานิ – น มจฺฉมํสํ โสเธติ มจฺจํ อวิติณฺณกงฺขํ, น อาหุติยฺมุตูปเสวนา โสเธติ มจฺจํ อวิติณฺณกงฺขนฺติ เอวํ. เอตฺถ จ น มจฺฉมํสนฺติ อขาทิยมานํ มจฺฉมํสํ น โสเธติ, ตถา อนาสกตฺตนฺติ เอวํ โปราณา วณฺเณนฺติ. เอวํ ปน สุนฺทรตรํ สิยา ‘‘น มจฺฉมํสานํ อนาสกตฺตํ น มจฺฉมํสานานาสกตฺตํ, มจฺฉมํสานํ อนาสกตฺตํ น โสเธติ, มจฺจ’’นฺติ อถาปิ สิยา, เอวํ สนฺเต อนาสกตฺตํ โอหียตีติ? ตฺจ น, อมรตเปน สงฺคหิตตฺตา. ‘‘เย วาปิ โลเก อมรา พหู ตปา’’ติ เอตฺถ หิ สพฺโพปิ วุตฺตาวเสโส อตฺตกิลมโถ สงฺคหํ คจฺฉตีติ. นคฺคิยนฺติ อเจลกตฺตํ. มุณฺฑิยนฺติ มุณฺฑภาโว. ชฏาชลฺลนฺติ ชฏา จ รโชชลฺลฺจ. ขราชินานีติ ขรานิ อชินจมฺมานิ. อคฺคิหุตฺตสฺสุปเสวนาติ อคฺคิปาริจาริยา. อมราติ อมรภาวปตฺถนตาย ปวตฺตกายกิเลสา. พหูติ อุกฺกุฏิกปฺปธานาทิเภทโต อเนเก. ตปาติ สรีรสนฺตาปา. มนฺตาติ เวทา. อาหุตีติ อคฺคิโหมกมฺมํ. ยฺมุตูปเสวนาติ อสฺสเมธาทิยฺา จ อุตูปเสวนา จ. อุตูปเสวนา นาม คิมฺเห อาตปฏฺานเสวนา, วสฺเส รุกฺขมูลเสวนา, เหมนฺเต ชลปฺปเวสเสวนา. น โสเธนฺติ มจฺจํ อวิติณฺณกงฺขนฺติ กิเลสสุทฺธิยา วา ภวสุทฺธิยา วา อวิติณฺณวิจิกิจฺฉํ มจฺจํ น โสเธนฺติ. กงฺขามเล หิ สติ น วิสุทฺโธ โหติ, ตฺวฺจ สกงฺโขเยวาติ. เอตฺถ จ ‘‘อวิติณฺณกงฺข’’นฺติ เอตํ ‘‘น มจฺฉมํส’’นฺติอาทีนิ สุตฺวา ‘‘กึ นุ โข มจฺฉมํสานํ อโภชนาทินา สิยา วิสุทฺธิมคฺโค’’ติ ตาปสสฺส กงฺขาย อุปฺปนฺนาย ภควตา วุตฺตํ สิยาติ โน อธิปฺปาโย. ยา จสฺส ‘‘โส มจฺฉมํสํ ภุฺชตี’’ติ สุตฺวาว พุทฺเธ กงฺขา อุปฺปนฺนา, ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.

๒๕๓. เอวํ มจฺฉมํสานาสกตฺตาทีนํ โสเธตุํ อสมตฺถภาวํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ โสเธตุํ สมตฺเถ ธมฺเม ทสฺเสนฺโต ‘‘โสเตสุ คุตฺโต’’ติ อิมํ คาถมาห. ตตฺถ โสเตสูติ ฉสุ อินฺทฺริเยสุ. คุตฺโตติ อินฺทฺริยสํวรคุตฺติยา สมนฺนาคโต. เอตฺตาวตา อินฺทฺริยสํวรปริวารสีลํ ทสฺเสติ. วิทิตินฺทฺริโย จเรติ าตปริฺาย ฉฬินฺทฺริยานิ วิทิตฺวา ปากฏานิ กตฺวา จเรยฺย, วิหเรยฺยาติ วุตฺตํ โหติ. เอตฺตาวตา วิสุทฺธสีลสฺส นามรูปปริจฺเฉทํ ทสฺเสติ. ธมฺเม ิโตติ อริยมคฺเคน อภิสเมตพฺพจตุสจฺจธมฺเม ิโต. เอเตน โสตาปตฺติภูมึ ทสฺเสติ. อชฺชวมทฺทเว รโตติ อุชุภาเว จ มุทุภาเว จ รโต. เอเตน สกทาคามิภูมึ ทสฺเสติ. สกทาคามี หิ กายวงฺกาทิกรานํ จิตฺตถทฺธภาวกรานฺจ ราคโทสานํ ตนุภาวา อชฺชวมทฺทเว รโต โหติ. สงฺคาติโคติ ราคโทสสงฺคาติโค. เอเตน อนาคามิภูมึ ทสฺเสติ. สพฺพทุกฺขปฺปหีโนติ สพฺพสฺส วฏฺฏทุกฺขสฺส เหตุปฺปหาเนน ปหีนสพฺพทุกฺโข. เอเตน อรหตฺตภูมึ ทสฺเสติ. น ลิปฺปติ ทิฏฺสุเตสุ ธีโรติ โส เอวํ อนุปุพฺเพน อรหตฺตํ ปตฺโต ธิติสมฺปทาย ธีโร ทิฏฺสุเตสุ ธมฺเมสุ เกนจิ กิเลเสน น ลิปฺปติ. น เกวลฺจ ทิฏฺสุเตสุ, มุตวิฺาเตสุ จ น ลิปฺปติ, อฺทตฺถุ ปรมวิสุทฺธิปฺปตฺโต โหตีติ อรหตฺตนิกูเฏน เทสนํ นิฏฺาเปสิ.

๒๕๔-๕. อิโต ปรํ ‘‘อิจฺเจตมตฺถ’’นฺติ ทฺเว คาถา สงฺคีติกาเรหิ วุตฺตา. ตาสมตฺโถ – อิติ ภควา กสฺสโป เอตมตฺถํ ปุนปฺปุนํ อเนกาหิ คาถาหิ ธมฺมาธิฏฺานาย ปุคฺคลาธิฏฺานาย จ เทสนาย ยาว ตาปโส อฺาสิ, ตาว โส อกฺขาสิ กเถสิ วิตฺถาเรสิ. นํ เวทยิ มนฺตปารคูติ โสปิ ตฺจ อตฺถํ มนฺตปารคู, เวทปารคู, ติสฺโส พฺราหฺมโณ เวทยิ อฺาสิ. กึ การณา? ยสฺมา อตฺถโต จ ปทโต จ เทสนานยโต จ จิตฺราหิ คาถาหิ มุนี ปกาสยิ. กีทิโส? นิรามคนฺโธ อสิโต ทุรนฺนโย, อามคนฺธกิเลสาภาวา นิรามคนฺโธ, ตณฺหาทิฏฺินิสฺสยาภาวา อสิโต, พาหิรทิฏฺิวเสน ‘‘อิทํ เสยฺโย อิทํ วร’’นฺติ เกนจิ เนตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา ทุรนฺนโย. เอวํ ปกาสิตวโต จสฺส สุตฺวาน พุทฺธสฺส สุภาสิตํ ปทํ สุกถิตํ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา นิรามคนฺธํ นิกฺกิเลสโยคํ, สพฺพทุกฺขปฺปนูทนํ สพฺพวฏฺฏทุกฺขปฺปนูทนํ, นีจมโน นีจจิตฺโต หุตฺวา วนฺทิ ตถาคตสฺส, ติสฺโส พฺราหฺมโณ ตถาคตสฺส ปาเท ปฺจปติฏฺิตํ กตฺวา วนฺทิ. ตตฺเถว ปพฺพชฺชมโรจยิตฺถาติ ตตฺเถว จ นํ อาสเน นิสินฺนํ กสฺสปํ ภควนฺตํ ติสฺโส ตาปโส ปพฺพชฺชมโรจยิตฺถ, อยาจีติ วุตฺตํ โหติ. ตํ ภควา ‘‘เอหิ ภิกฺขู’’ติ อาห. โส ตงฺขณํเยว อฏฺปริกฺขารยุตฺโต หุตฺวา อากาเสนาคนฺตฺวา วสฺสสติกตฺเถโร วิย ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา กติปาเหเนว สาวกปารมิาณํ ปฏิวิชฺฌิตฺวา ติสฺโส นาม อคฺคสาวโก อโหสิ, ปุน ทุติโย ภารทฺวาโช นาม. เอวํ ตสฺส ภควโต ติสฺสภารทฺวาชํ นาม สาวกยุคํ อโหสิ.

อมฺหากํ ปน ภควา ยา จ ติสฺเสน พฺราหฺมเณน อาทิโต ติสฺโส คาถา วุตฺตา, ยา จ กสฺสเปน ภควตา มชฺเฌ นว, ยา จ ตทา สงฺคีติกาเรหิ อนฺเต ทฺเว, ตา สพฺพาปิ จุทฺทส คาถา อาเนตฺวา ปริปุณฺณํ กตฺวา อิมํ อามคนฺธสุตฺตํ อาจริยปฺปมุขานํ ปฺจนฺนํ ตาปสสตานํ อามคนฺธํ พฺยากาสิ. ตํ สุตฺวา โส พฺราหฺมโณ ตเถว นีจมโน หุตฺวา ภควโต ปาเท วนฺทิตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิ สทฺธึ ปริสาย. ‘‘เอถ ภิกฺขโว’’ติ ภควา อโวจ. เต ตเถว เอหิภิกฺขุภาวํ ปตฺวา อากาเสนาคนฺตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา กติปาเหเนว สพฺเพว อคฺคผเล อรหตฺเต ปติฏฺหึสูติ.

ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย

สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย อามคนฺธสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. หิริสุตฺตวณฺณนา

หิรึ ตรนฺตนฺติ หิริสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? อนุปฺปนฺเน ภควติ สาวตฺถิยํ อฺตโร พฺราหฺมณมหาสาโล อฑฺโฒ อโหสิ อสีติโกฏิธนวิภโว. ตสฺส เอกปุตฺตโก อโหสิ ปิโย มนาโป. โส ตํ เทวกุมารํ วิย นานปฺปกาเรหิ สุขูปกรเณหิ สํวฑฺเฒนฺโต ตํ สาปเตยฺยํ ตสฺส อนิยฺยาเตตฺวาว กาลมกาสิ สทฺธึ พฺราหฺมณิยา. ตโต ตสฺส มาณวสฺส มาตาปิตูนํ อจฺจเยน ภณฺฑาคาริโก สารคพฺภํ วิวริตฺวา สาปเตยฺยํ นิยฺยาเตนฺโต อาห – ‘‘อิทํ เต, สามิ, มาตาปิตูนํ สนฺตกํ, อิทํ อยฺยกปยฺยกานํ สนฺตกํ, อิทํ สตฺตกุลปริวฏฺเฏน อาคต’’นฺติ. มาณโว ธนํ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อิทํ ธนํเยว ทิสฺสติ, เยหิ ปน อิทํ สฺจิตํ, เต น ทิสฺสนฺติ, สพฺเพว มจฺจุวสํ คตา. คจฺฉนฺตา จ น อิโต กิฺจิ อาทาย อคมํสุ, เอวํ นาม โภเค ปหาย คนฺตพฺโพ ปรโลโก, น สกฺกา กิฺจิ อาทาย คนฺตุํ อฺตฺร สุจริเตน. ยํนูนาหํ อิมํ ธนํ ปริจฺจชิตฺวา สุจริตธนํ คณฺเหยฺยํ, ยํ สกฺกา อาทาย คนฺตุ’’นฺติ. โส ทิวเส ทิวเส สตสหสฺสํ วิสฺสชฺเชนฺโต ปุน จินฺเตสิ – ‘‘ปหูตมิทํ ธนํ, กึ อิมินา เอวมปฺปเกน ปริจฺจาเคน, ยํนูนาหํ มหาทานํ ทเทยฺย’’นฺติ. โส รฺโ อาโรเจสิ – ‘‘มหาราช, มม ฆเร เอตฺตกํ ธนํ อตฺถิ, อิจฺฉามิ เตน มหาทานํ ทาตุํ. สาธุ, มหาราช, นคเร โฆสนํ การาเปถา’’ติ. ราชา ตถา การาเปสิ. โส อาคตาคตานํ ภาชนานิ ปูเรตฺวา สตฺตหิ ทิวเสหิ สพฺพธนมทาสิ, ทตฺวา จ จินฺเตสิ – ‘‘เอวํ มหาปริจฺจาคํ กตฺวา อยุตฺตํ ฆเร วสิตุํ, ยํนูนาหํ ปพฺพเชยฺย’’นฺติ. ตโต ปริชนสฺส เอตมตฺถํ อาโรเจสิ. เต ‘‘มา, ตฺวํ สามิ, ‘ธนํ ปริกฺขีณ’นฺติ จินฺตยิ, มยํ อปฺปเกเนว กาเลน นานาวิเธหิ อุปาเยหิ ธนสฺจยํ กริสฺสามา’’ติ วตฺวา นานปฺปกาเรหิ ตํ ยาจึสุ. โส เตสํ ยาจนํ อนาทิยิตฺวาว ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิ.

ตตฺถ อฏฺวิธา ตาปสา – สปุตฺตภริยา, อุฺฉาจาริกา, สมฺปตฺตกาลิกา, อนคฺคิปกฺกิกา, อสฺมมุฏฺิกา, ทนฺตลุยฺยกา, ปวตฺตผลิกา, วณฺฏมุตฺติกา จาติ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๒๘๐). ตตฺถ สปุตฺตภริยาติ ปุตฺตทาเรน สทฺธึ ปพฺพชิตฺวา กสิวณิชฺชาทีหิ ชีวิกํ กปฺปยมานา เกณิยชฏิลาทโย. อุฺฉาจาริกาติ นครทฺวาเร อสฺสมํ การาเปตฺวา ตตฺถ ขตฺติยพฺราหฺมณกุมาราทโย สิปฺปาทีนิ สิกฺขาเปตฺวา หิรฺสุวณฺณํ ปฏิกฺขิปิตฺวา ติลตณฺฑุลาทิกปฺปิยภณฺฑปฏิคฺคาหกา, เต สปุตฺตภริเยหิ เสฏฺตรา. สมฺปตฺตกาลิกาติ อาหารเวลาย สมฺปตฺตํ อาหารํ คเหตฺวา ยาเปนฺตา, เต อุฺฉาจาริเกหิ เสฏฺตรา. อนคฺคิปกฺกิกาติ อคฺคินา อปกฺกปตฺตผลานิ ขาทิตฺวา ยาเปนฺตา, เต สมฺปตฺตกาลิเกหิ เสฏฺตรา. อสฺมมุฏฺิกาติ มุฏฺิปาสาณํ คเหตฺวา อฺํ วา กิฺจิ วาสิสตฺถกาทึ คเหตฺวา วิจรนฺตา ยทา ฉาตา โหนฺติ, ตทา สมฺปตฺตรุกฺขโต ตจํ คเหตฺวา ขาทิตฺวา อุโปสถงฺคานิ อธิฏฺาย จตฺตาโร พฺรหฺมวิหาเร ภาเวนฺติ, เต อนคฺคิปกฺกิเกหิ เสฏฺตรา. ทนฺตลุยฺยกาติ มุฏฺิปาสาณาทีนิปิ อคเหตฺวา จรนฺตา ขุทากาเล สมฺปตฺตรุกฺขโต ทนฺเตหิ อุปฺปาเฏตฺวา ตจํ ขาทิตฺวา อุโปสถงฺคานิ อธิฏฺาย พฺรหฺมวิหาเร ภาเวนฺติ, เต อสฺมมุฏฺิเกหิ เสฏฺตรา. ปวตฺตผลิกาติ ชาตสฺสรํ วา วนสณฺฑํ วา นิสฺสาย วสนฺตา ยํ ตตฺถ สเร ภิสมุฬาลาทิ, ยํ วา วนสณฺเฑ ปุปฺผกาเล ปุปฺผํ, ผลกาเล ผลํ, ตเมว ขาทนฺติ. ปุปฺผผเล อสติ อนฺตมโส ตตฺถ รุกฺขปปฏิกมฺปิ ขาทิตฺวา วสนฺติ, น ตฺเวว อาหารตฺถาย อฺตฺร คจฺฉนฺติ. อุโปสถงฺคาธิฏฺานํ พฺรหฺมวิหารภาวนํ จ กโรนฺติ, เต ทนฺตลุยฺยเกหิ เสฏฺตรา. วณฺฏมุตฺติกา นาม วณฺฏมุตฺตานิ ภูมิยํ ปติตานิ ปณฺณานิเยว ขาทนฺติ, เสสํ ปุริมสทิสเมว, เต สพฺพเสฏฺา.

อยํ ปน พฺราหฺมณกุลปุตฺโต ‘‘ตาปสปพฺพชฺชาสุ อคฺคปพฺพชฺชํ ปพฺพชิสฺสามี’’ติ วณฺฏมุตฺติกปพฺพชฺชเมว ปพฺพชิตฺวา หิมวนฺเต ทฺเว ตโย ปพฺพเต อติกฺกมฺม อสฺสมํ การาเปตฺวา ปฏิวสติ. อถ ภควา โลเก อุปฺปชฺชิตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺโก อนุปุพฺเพน สาวตฺถึ คนฺตฺวา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. เตน โข ปน สมเยน สาวตฺถิวาสี เอโก ปุริโส ปพฺพเต จนฺทนสาราทีนิ คเวสนฺโต ตสฺส อสฺสมํ ปตฺวา อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. โส ตํ ทิสฺวา ‘‘กุโต อาคโตสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘สาวตฺถิโต, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กา ตตฺถ ปวตฺตี’’ติ? ‘‘ตตฺถ, ภนฺเต, มนุสฺสา อปฺปมตฺตา ทานาทีนิ ปุฺานิ กโรนฺตี’’ติ. ‘‘กสฺส โอวาทํ สุตฺวา’’ติ? ‘‘พุทฺธสฺส ภควโต’’ติ. ตาปโส พุทฺธสทฺทสฺสวเนน วิมฺหิโต ‘‘พุทฺโธติ ตฺวํ, โภ ปุริส, วเทสี’’ติ อามคนฺเธ วุตฺตนเยเนว ติกฺขตฺตุํ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘โฆโสปิ โข เอโส ทุลฺลโภ’’ติ อตฺตมโน ภควโต สนฺติกํ คนฺตุกาโม หุตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘น ยุตฺตํ พุทฺธสฺส สนฺติกํ ตุจฺฉเมว คนฺตุํ, กึ นุ โข คเหตฺวา คจฺเฉยฺย’’นฺติ. ปุน จินฺเตสิ – ‘‘พุทฺธา นาม อามิสครุกา น โหนฺติ, หนฺทาหํ ธมฺมปณฺณาการํ คเหตฺวา คจฺฉามี’’ติ จตฺตาโร ปฺเห อภิสงฺขริ

‘‘กีทิโส มิตฺโต น เสวิตพฺโพ, กีทิโส มิตฺโต เสวิตพฺโพ;

กีทิโส ปโยโค ปยุฺชิตพฺโพ, กึ รสานํ อคฺค’’นฺติ.

โส เต ปฺเห คเหตฺวา มชฺฌิมเทสาภิมุโข ปกฺกมิตฺวา อนุปุพฺเพน สาวตฺถึ ปตฺวา เชตวนํ ปวิฏฺโ. ภควาปิ ตสฺมึ สมเย ธมฺมเทสนตฺถาย อาสเน นิสินฺโนเยว โหติ. โส ภควนฺตํ ทิสฺวา อวนฺทิตฺวาว เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. ภควา ‘‘กจฺจิ, อิสิ, ขมนีย’’นฺติอาทินา นเยน สมฺโมทิ. โสปิ ‘‘ขมนียํ, โภ โคตมา’’ติอาทินา นเยน ปฏิสมฺโมทิตฺวา ‘‘ยทิ พุทฺโธ ภวิสฺสติ, มนสา ปุจฺฉิเต ปฺเห วาจาย เอว วิสฺสชฺเชสฺสตี’’ติ มนสา เอว ภควนฺตํ เต ปฺเห ปุจฺฉิ. ภควา พฺราหฺมเณน ปุฏฺโ อาทิปฺหํ ตาว วิสฺสชฺเชตุํ หิรึ ตรนฺตนฺติ อารภิตฺวา อฑฺฒเตยฺยา คาถาโย อาห.

๒๕๖. ตาสํ อตฺโถ – หิรึ ตรนฺตนฺติ หิรึ อติกฺกมนฺตํ อหิริกํ นิลฺลชฺชํ. วิชิคุจฺฉมานนฺติ อสุจิมิว ปสฺสมานํ. อหิริโก หิ หิรึ ชิคุจฺฉติ อสุจิมิว ปสฺสติ, เตน นํ น ภชติ น อลฺลียติ. เตน วุตฺตํ ‘‘วิชิคุจฺฉมาน’’นฺติ. ตวาหมสฺมิ อิติ ภาสมานนฺติ ‘‘อหํ, สมฺม, ตว สหาโย หิตกาโม สุขกาโม, ชีวิตมฺปิ เม ตุยฺหํ อตฺถาย ปริจฺจตฺต’’นฺติ เอวมาทินา นเยน ภาสมานํ. สยฺหานิ กมฺมานิ อนาทิยนฺตนฺติ เอวํ ภาสิตฺวาปิ จ สยฺหานิ กาตุํ สกฺกานิปิ ตสฺส กมฺมานิ อนาทิยนฺตํ กรณตฺถาย อสมาทิยนฺตํ. อถ วา จิตฺเตน ตตฺถ อาทรมตฺตมฺปิ อกโรนฺตํ, อปิจ โข ปน อุปฺปนฺเนสุ กิจฺเจสุ พฺยสนเมว ทสฺเสนฺตํ. เนโส มมนฺติ อิติ นํ วิชฺาติ ตํ เอวรูปํ ‘‘มิตฺตปฏิรูปโก เอโส, เนโส เม มิตฺโต’’ติ เอวํ ปณฺฑิโต ปุริโส วิชาเนยฺย.

๒๕๗. อนนฺวยนฺติ ยํ อตฺถํ ทสฺสามิ, กริสฺสามีติ จ ภาสติ, เตน อนนุคตํ. ปิยํ วาจํ โย มิตฺเตสุ ปกุพฺพตีติ โย อตีตานาคเตหิ ปเทหิ ปฏิสนฺถรนฺโต นิรตฺถเกน สงฺคณฺหนฺโต เกวลํ พฺยฺชนจฺฉายามตฺเตเนว ปิยํ มิตฺเตสุ วาจํ ปวตฺเตติ. อกโรนฺตํ ภาสมานํ, ปริชานนฺติ ปณฺฑิตาติ เอวรูปํ ยํ ภาสติ, ตํ อกโรนฺตํ, เกวลํ วาจาย ภาสมานํ ‘‘วจีปรโม นาเมส อมิตฺโต มิตฺตปฏิรูปโก’’ติ เอวํ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ปณฺฑิตา ชานนฺติ.

๒๕๘. น โส มิตฺโต โย สทา อปฺปมตฺโต, เภทาสงฺกี รนฺธเมวานุปสฺสีติ โย เภทเมว อาสงฺกมาโน กตมธุเรน อุปจาเรน สทา อปฺปมตฺโต วิหรติ, ยํกิฺจิ อสฺสติยา อมนสิกาเรน กตํ, อฺาณเกน วา อกตํ, ‘‘ยทา มํ ครหิสฺสติ, ตทา นํ เอเตน ปฏิโจเทสฺสามี’’ติ เอวํ รนฺธเมว อนุปสฺสติ, น โส มิตฺโต เสวิตพฺโพติ.

เอวํ ภควา ‘‘กีทิโส มิตฺโต น เสวิตพฺโพ’’ติ อิมํ อาทิปฺหํ วิสฺสชฺเชตฺวา ทุติยํ วิสฺสชฺเชตุํ ‘‘ยสฺมิฺจ เสตี’’ติ อิมํ อุปฑฺฒคาถมาห. ตสฺสตฺโถ ยสฺมิฺจ มิตฺเต มิตฺโต ตสฺส หทยมนุปวิสิตฺวา สยเนน ยถา นาม ปิตุ อุรสิ ปุตฺโต ‘‘อิมสฺส มยิ อุรสิ สยนฺเต ทุกฺขํ วา อนตฺตมนตา วา ภเวยฺยา’’ติอาทีหิ อปริสงฺกมาโน นิพฺพิสงฺโก หุตฺวา เสติ, เอวเมวํ ทารธนชีวิตาทีสุ วิสฺสาสํ กโรนฺโต มิตฺตภาเวน นิพฺพิสงฺโก เสติ. โย จ ปเรหิ การณสตํ การณสหสฺสมฺปิ วตฺวา อเภชฺโช, ส เว มิตฺโต เสวิตพฺโพติ.

๒๕๙. เอวํ ภควา ‘‘กีทิโส มิตฺโต เสวิตพฺโพ’’ติ เอวํ ทุติยปฺหํ วิสฺสชฺเชตฺวา ตติยํ วิสฺสชฺเชตุํ ‘‘ปามุชฺชกรณ’’นฺติ คาถมาห. ตสฺสตฺโถ – ปามุชฺชํ กโรตีติ ปามุชฺชกรณํ. านนฺติ การณํ. กึ ปน ตนฺติ? วีริยํ. ตฺหิ ธมฺมูปสฺหิตํ ปีติปาโมชฺชสุขมุปฺปาทนโต ปามุชฺชกรณนฺติ วุจฺจติ. ยถาห ‘‘สฺวาขาเต, ภิกฺขเว, ธมฺมวินเย โย อารทฺธวีริโย, โส สุขํ วิหรตี’’ติ (อ. นิ. ๑.๓๑๙). ปสํสํ อาวหตีติ ปสํสาวหนํ. อาทิโต ทิพฺพมานุสกสุขานํ, ปริโยสาเน นิพฺพานสุขสฺส อาวหนโต ผลูปจาเรน สุขํ. ผลํ ปฏิกงฺขมาโน ผลานิสํโส. ภาเวตีติ วฑฺเฒติ. วหนฺโต โปริสํ ธุรนฺติ ปุริสานุจฺฉวิกํ ภารํ อาทาย วิหรนฺโต เอตํ สมฺมปฺปธานวีริยสงฺขาตํ านํ ภาเวติ, อีทิโส ปโยโค เสวิตพฺโพติ.

๒๖๐. เอวํ ภควา ‘‘กีทิโส ปโยโค ปยุฺชิตพฺโพ’’ติ ตติยปฺหํ วิสฺสชฺเชตฺวา จตุตฺถํ วิสฺสชฺเชตุํ ‘‘ปวิเวกรส’’นฺติ คาถมาห. ตตฺถ ปวิเวโกติ กิเลสวิเวกโต ชาตตฺตา อคฺคผลํ วุจฺจติ, ตสฺส รโสติ อสฺสาทนฏฺเน ตํสมฺปยุตฺตํ สุขํ. อุปสโมปิ กิเลสูปสมนฺเต ชาตตฺตา นิพฺพานสงฺขาตอุปสมารมฺมณตฺตา วา ตเทว, ธมฺมปีติรโสปิ อริยธมฺมโต อนเปตาย นิพฺพานสงฺขาเต ธมฺเม อุปฺปนฺนาย ปีติยา รสตฺตา ตเทว. ตํ ปวิเวกรสํ อุปสมสฺส จ รสํ ปิตฺวา ตเทว ธมฺมปีติรสํ ปิวํ นิทฺทโร โหติ นิปฺปาโป, ปิวิตฺวาปิ กิเลสปริฬาหาภาเวน นิทฺทโร, ปิวนฺโตปิ ปหีนปาปตฺตา นิปฺปาโป โหติ, ตสฺมา เอตํ รสานมคฺคนฺติ. เกจิ ปน ‘‘ฌานนิพฺพานปจฺจเวกฺขณานํ กายจิตฺตอุปธิวิเวกานฺจ วเสน ปวิเวกรสาทโย ตโย เอว เอเต ธมฺมา’’ติ โยเชนฺติ, ปุริมเมว สุนฺทรํ. เอวํ ภควา จตุตฺถปฺหํ วิสฺสชฺเชนฺโต อรหตฺตนิกูเฏน เทสนํ นิฏฺาเปสิ. เทสนาปริโยสาเน พฺราหฺมโณ ภควโต สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา กติปาเหเนว ปฏิสมฺภิทาปฺปตฺโต อรหา อโหสีติ.

ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย

สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย หิริสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

ปโม ภาโค นิฏฺิโต.

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส

ขุทฺทกนิกาเย

สุตฺตนิปาต-อฏฺกถา

(ทุติโย ภาโค)

๒. จูฬวคฺโค

๔. มงฺคลสุตฺตวณฺณนา

เอวํ เม สุตนฺติ มงฺคลสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? ชมฺพุทีเป กิร ตตฺถ ตตฺถ นครทฺวารสนฺถาคารสภาทีสุ มหาชนา สนฺนิปติตฺวา หิรฺสุวณฺณํ ทตฺวา นานปฺปการํ สีตาหรณาทิพาหิรกกถํ กถาเปนฺติ, เอเกกา กถา จตุมาสจฺจเยน นิฏฺาติ. ตตฺถ เอกทิวสํ มงฺคลกถา สมุฏฺาสิ – ‘‘กึ นุ โข มงฺคลํ, กึ ทิฏฺํ มงฺคลํ, สุตํ มงฺคลํ, มุตํ มงฺคลํ, โก มงฺคลํ ชานาตี’’ติ?

อถ ทิฏฺมงฺคลิโก นาเมโก ปุริโส อาห – ‘‘อหํ มงฺคลํ ชานามิ, ทิฏฺํ โลเก มงฺคลํ, ทิฏฺํ นาม อภิมงฺคลสมฺมตํ รูปํ. เสยฺยถิทํ – อิเธกจฺโจ กาลสฺเสว วุฏฺาย จาตกสกุณํ วา ปสฺสติ, เพลุวลฏฺึ วา คพฺภินึ วา กุมารเก วา อลงฺกตปฏิยตฺเต ปุณฺณฆฏํ วา อลฺลโรหิตมจฺฉํ วา อาชฺํ วา อาชฺรถํ วา อุสภํ วา คาวึ วา กปิลํ วา, ยํ วา ปนฺมฺปิ กิฺจิ เอวรูปํ อภิมงฺคลสมฺมตํ รูปํ ปสฺสติ, อิทํ วุจฺจติ ทิฏฺมงฺคล’’นฺติ. ตสฺส วจนํ เอกจฺเจ อคฺคเหสุํ, เอกจฺเจ นาคฺคเหสุํ. เย นาคฺคเหสุํ, เต เตน สห วิวทึสุ.

อถ สุตมงฺคลิโก นาเมโก ปุริโส อาห – ‘‘จกฺขุ นาเมตํ, โภ, สุจิมฺปิ อสุจิมฺปิ ปสฺสติ, ตถา สุนฺทรมฺปิ อสุนฺทรมฺปิ, มนาปมฺปิ อมนาปมฺปิ. ยทิ เตน ทิฏฺํ มงฺคลํ สิยา, สพฺพมฺปิ มงฺคลํ สิยา, ตสฺมา น ทิฏฺํ มงฺคลํ, อปิจ โข ปน สุตํ มงฺคลํ, สุตํ นาม อภิมงฺคลสมฺมโต สทฺโท. เสยฺยถิทํ – อิเธกจฺโจ กาลสฺเสว วุฏฺาย วฑฺฒาติ วา วฑฺฒมานาติ วา ปุณฺณาติ วา ผุสฺสาติ วา สุมนาติ วา สิรีติ วา สิริวฑฺฒาติ วา อชฺช สุนกฺขตฺตํ สุมุหุตฺตํ สุทิวสํ สุมงฺคลนฺติ เอวรูปํ วา ยํกิฺจิ อภิมงฺคลสมฺมตํ สทฺทํ สุณาติ, อิทํ วุจฺจติ สุตมงฺคล’’นฺติ. ตสฺสปิ วจนํ เอกจฺเจ อคฺคเหสุํ, เอกจฺเจ นาคฺคเหสุํ. เย นาคฺคเหสุํ, เต เตน สห วิวทึสุ.

อถ มุตมงฺคลิโก นาเมโก ปุริโส อาห – ‘‘โสตมฺปิ หิ นาเมตํ โภ สาธุมฺปิ อสาธุมฺปิ มนาปมฺปิ อมนาปมฺปิ สุณาติ. ยทิ เตน สุตํ มงฺคลํ สิยา, สพฺพมฺปิ มงฺคลํ สิยา, ตสฺมา น สุตํ มงฺคลํ, อปิจ โข ปน มุตํ มงฺคลํ, มุตํ นาม อภิมงฺคลสมฺมตํ คนฺธรสโผฏฺพฺพํ. เสยฺยถิทํ – อิเธกจฺโจ กาลสฺเสว วุฏฺาย ปทุมคนฺธาทิปุปฺผคนฺธํ วา ฆายติ, ผุสฺสทนฺตกฏฺํ วา ขาทติ, ปถวึ วา อามสติ, หริตสสฺสํ วา อลฺลโคมยํ วา กจฺฉปํ วา ติลวาหํ วา ปุปฺผํ วา ผลํ วา อามสติ, ผุสฺสมตฺติกาย วา สมฺมา ลิมฺปติ, ผุสฺสสาฏกํ วา นิวาเสติ, ผุสฺสเวนํ วา ธาเรติ, ยํ วา ปนฺมฺปิ กิฺจิ เอวรูปํ อภิมงฺคลสมฺมตํ คนฺธํ วา ฆายติ, รสํ วา สายติ, โผฏฺพฺพํ วา ผุสติ, อิทํ วุจฺจติ มุตมงฺคล’’นฺติ. ตสฺสปิ วจนํ เอกจฺเจ อคฺคเหสุํ, เอกจฺเจ นาคฺคเหสุํ.

ตตฺถ น ทิฏฺมงฺคลิโก สุตมุตมงฺคลิเก อสกฺขิ สฺาเปตุํ. น เตสํ อฺตโร อิตเร ทฺเว. เตสุ จ มนุสฺเสสุ เย ทิฏฺมงฺคลิกสฺส วจนํ คณฺหึสุ, เต ‘‘ทิฏฺํเยว มงฺคล’’นฺติ คตา. เย สุตมุตมงฺคลิกานํ วจนํ คณฺหึสุ, เต ‘‘สุตํเยว มุตํเยว มงฺคล’’นฺติ คตา. เอวมยํ มงฺคลกถา สกลชมฺพุทีเป ปากฏา ชาตา.

อถ สกลชมฺพุทีเป มนุสฺสา คุมฺพคุมฺพา หุตฺวา ‘‘กึ นุ โข มงฺคล’’นฺติ มงฺคลานิ จินฺตยึสุ. เตสํ มนุสฺสานํ อารกฺขเทวตา ตํ กถํ สุตฺวา ตเถว มงฺคลานิ จินฺตยึสุ. ตาสํ เทวตานํ ภุมฺมเทวตา มิตฺตา โหนฺติ, อถ ตโต สุตฺวา ภุมฺมเทวตาปิ ตเถว มงฺคลานิ จินฺตยึสุ. ตาสมฺปิ เทวตานํ อากาสฏฺเทวตา มิตฺตา โหนฺติ, อากาสฏฺเทวตานํ จาตุมหาราชิกเทวตา. เอเตเนว อุปาเยน ยาว สุทสฺสีเทวตานํ อกนิฏฺเทวตา มิตฺตา โหนฺติ, อถ ตโต สุตฺวา อกนิฏฺเทวตาปิ ตเถว คุมฺพคุมฺพา หุตฺวา มงฺคลานิ จินฺตยึสุ. เอวํ ทสสหสฺสจกฺกวาเฬสุ สพฺพตฺถ มงฺคลจินฺตา อุทปาทิ. อุปฺปนฺนา จ สา ‘‘อิทํ มงฺคลํ อิทํ มงฺคล’’นฺติ วินิจฺฉิยมานาปิ อปฺปตฺตา เอว วินิจฺฉยํ ทฺวาทส วสฺสานิ อฏฺาสิ. สพฺเพ มนุสฺสา จ เทวา จ พฺรหฺมาโน จ เปตฺวา อริยสาวเก ทิฏฺสุตมุตวเสน ติธา ภินฺนา. เอโกปิ ‘‘อิทเมว มงฺคล’’นฺติ ยถาภุจฺจโต นิฏฺงฺคโต นาโหสิ, มงฺคลโกลาหลํ โลเก อุปฺปชฺชิ.

โกลาหลํ นาม ปฺจวิธํ – กปฺปโกลาหลํ, จกฺกวตฺติโกลาหลํ, พุทฺธโกลาหลํ, มงฺคลโกลาหลํ, โมเนยฺยโกลาหลนฺติ. ตตฺถ กามาวจรเทวา มุตฺตสิรา วิกิณฺณเกสา รุทมฺมุขา อสฺสูนิ หตฺเถหิ ปุฺฉมานา รตฺตวตฺถนิวตฺถา อติวิย วิรูปเวสธาริโน หุตฺวา, ‘‘วสฺสสตสหสฺสสฺส อจฺจเยน กปฺปุฏฺานํ ภวิสฺสติ. อยํ โลโก วินสฺสิสฺสติ, มหาสมุทฺโท สุสฺสิสฺสติ, อยฺจ มหาปถวี สิเนรุ จ ปพฺพตราชา อุฑฺฒยฺหิสฺสติ วินสฺสิสฺสติ, ยาว พฺรหฺมโลกา โลกวินาโส ภวิสฺสติ. เมตฺตํ, มาริสา, ภาเวถ, กรุณํ มุทิตํ อุเปกฺขํ, มาริสา, ภาเวถ, มาตรํ อุปฏฺหถ, ปิตรํ อุปฏฺหถ, กุเล เชฏฺาปจายิโน โหถ, ชาครถ มา ปมาทตฺถา’’ติ มนุสฺสปเถ วิจริตฺวา อาโรเจนฺติ. อิทํ กปฺปโกลาหลํ นาม.

กามาวจรเทวาเยว ‘‘วสฺสสตสฺสจฺจเยน จกฺกวตฺติราชา โลเก อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ มนุสฺสปเถ วิจริตฺวา อาโรเจนฺติ. อิทํ จกฺกวตฺติโกลาหลํ นาม.

สุทฺธาวาสา ปน เทวา พฺรหฺมาภรเณน อลงฺกริตฺวา พฺรหฺมเวนํ สีเส กตฺวา ปีติโสมนสฺสชาตา พุทฺธคุณวาทิโน ‘‘วสฺสสหสฺสสฺส อจฺจเยน พุทฺโธ โลเก อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ มนุสฺสปเถ วิจริตฺวา อาโรเจนฺติ. อิทํ พุทฺธโกลาหลํ นาม.

สุทฺธาวาสา เอว เทวา มนุสฺสานํ จิตฺตํ ตฺวา ‘‘ทฺวาทสนฺนํ วสฺสานํ อจฺจเยน สมฺมาสมฺพุทฺโธ มงฺคลํ กเถสฺสตี’’ติ มนุสฺสปเถ วิจริตฺวา อาโรเจนฺติ. อิทํ มงฺคลโกลาหลํ นาม.

สุทฺธาวาสา เอว เทวา ‘‘สตฺตนฺนํ วสฺสานํ อจฺจเยน อฺตโร ภิกฺขุ ภควตา สทฺธึ สมาคมฺม โมเนยฺยปฏิปทํ ปุจฺฉิสฺสตี’’ติ มนุสฺสปเถ วิจริตฺวา อาโรเจนฺติ. อิทํ โมเนยฺยโกลาหลํ นาม. อิเมสุ ปฺจสุ โกลาหเลสุ ทิฏฺมงฺคลาทิวเสน ติธา ภินฺเนสุ เทวมนุสฺเสสุ อิทํ มงฺคลโกลาหลํ โลเก อุปฺปชฺชิ.

อถ เทเวสุ จ มนุสฺเสสุ จ วิจินิตฺวา วิจินิตฺวา มงฺคลานิ อลภมาเนสุ ทฺวาทสนฺนํ วสฺสานํ อจฺจเยน ตาวตึสกายิกา เทวตา สงฺคมฺม สมาคมฺม เอวํ สมจินฺเตสุํ – ‘‘เสยฺยถาปิ นาม, มาริสา, ฆรสามิโก อนฺโตฆรชนานํ, คามสามิโก คามวาสีนํ, ราชา สพฺพมนุสฺสานํ, เอวเมวํ อยํ สกฺโก เทวานมินฺโท อมฺหากํ อคฺโค จ เสฏฺโ จ ยทิทํ ปุฺเน เตเชน อิสฺสริเยน ปฺาย ทฺวินฺนํ เทวโลกานํ อธิปติ. ยํนูน มยํ สกฺกํ เทวานมินฺทํ เอตมตฺถํ ปุจฺเฉยฺยามา’’ติ. ตา สกฺกสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา สกฺกํ เทวานมินฺทํ ตงฺขณานุรูปนิวาสนาภรณสสฺสิริกสรีรํ อฑฺฒเตยฺยโกฏิอจฺฉราคณปริวุตํ ปาริจฺฉตฺตกมูเล ปณฺฑุกมฺพลวราสเน นิสินฺนํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ ตฺวา เอตทโวจุํ – ‘‘ยคฺเฆ, มาริส, ชาเนยฺยาสิ, เอตรหิ มงฺคลปฺหา สมุฏฺิตา, เอเก ทิฏฺํ มงฺคลนฺติ วทนฺติ, เอเก สุตํ มงฺคลนฺติ วทนฺติ, เอเก มุตํ มงฺคลนฺติ วทนฺติ. ตตฺถ มยฺจ อฺเ จ อนิฏฺงฺคตา, สาธุ วต โน ตฺวํ ยาถาวโต พฺยากโรหี’’ติ. เทวราชา ปกติยาปิ ปฺวา ‘‘อยํ มงฺคลกถา กตฺถ ปมํ สมุฏฺิตา’’ติ อาห. ‘‘มยํ เทว จาตุมหาราชิกานํ อสฺสุมฺหา’’ติ อาหํสุ. ตโต จาตุมหาราชิกา อากาสฏฺเทวตานํ, อากาสฏฺเทวตา ภุมฺมเทวตานํ, ภุมฺมเทวตา มนุสฺสารกฺขเทวตานํ, มนุสฺสารกฺขเทวตา ‘‘มนุสฺสโลเก สมุฏฺิตา’’ติ อาหํสุ.

อถ เทวานมินฺโท ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ กตฺถ วสตี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘มนุสฺสโลเก, เทวา’’ติ อาหํสุ. ‘‘ตํ ภควนฺตํ โกจิ ปุจฺฉี’’ติ อาห. ‘‘น โกจิ เทวา’’ติ. ‘‘กึ นุ โข นาม ตุมฺเห มาริสา อคฺคึ ฉฑฺเฑตฺวา ขชฺโชปนกํ อุชฺชาเลถ, เย อนวเสสมงฺคลเทสกํ ตํ ภควนฺตํ อติกฺกมิตฺวา มํ ปุจฺฉิตพฺพํ มฺถ? อาคจฺฉถ, มาริสา, ตํ ภควนฺตํ ปุจฺฉาม, อทฺธา สสฺสิริกํ ปฺหพฺยากรณํ ลภิสฺสามา’’ติ เอกํ เทวปุตฺตํ อาณาเปสิ – ‘‘ตฺวํ ภควนฺตํ ปุจฺฉา’’ติ. โส เทวปุตฺโต ตงฺขณานุรูเปน อลงฺกาเรน อตฺตานํ อลงฺกริตฺวา วิชฺชุริว วิชฺโชตมาโน เทวคณปริวุโต เชตวนมหาวิหารํ อาคนฺตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ ตฺวา มงฺคลปฺหํ ปุจฺฉนฺโต คาถาย อชฺฌภาสิ. ภควา ตสฺส ตํ ปฺหํ วิสฺสชฺเชนฺโต อิมํ สุตฺตมภาสิ.

ตตฺถ เอวํ เม สุตนฺติอาทีนมตฺโถ สงฺเขปโต กสิภารทฺวาชสุตฺตวณฺณนายํ วุตฺโต, วิตฺถารํ ปน อิจฺฉนฺเตหิ ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมฏฺกถายํ วุตฺตนเยน คเหตพฺโพ. กสิภารทฺวาชสุตฺเต ‘‘มคเธสุ วิหรติ ทกฺขิณาคิริสฺมึ เอกนาฬายํ พฺราหฺมณคาเม’’ติ วุตฺตํ, อิธ ‘‘สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม’’ติ. ตสฺมา ‘‘สาวตฺถิย’’นฺติ อิมํ ปทํ อาทึ กตฺวา อิธ อปุพฺพปทวณฺณนํ กริสฺสาม.

เสยฺยถิทํ, สาวตฺถิยนฺติ เอวํนามเก นคเร. ตํ กิร สวตฺถสฺส นาม อิสิโน นิวาสฏฺานํ อโหสิ. ตสฺมา ยถา กุสมฺพสฺส นิวาโส โกสมฺพี, กากณฺฑสฺส นิวาโส กากณฺฑีติ, เอวํ อิตฺถิลิงฺควเสน ‘‘สาวตฺถี’’ติ วุจฺจติ. โปราณา ปน วณฺณยนฺติ – ยสฺมา ตสฺมึ าเน สตฺถสมาโยเค ‘‘กึภณฺฑมตฺถี’’ติ ปุจฺฉิเต ‘‘สพฺพมตฺถี’’ติ อาหํสุ, ตสฺมา ตํ วจนมุปาทาย ‘‘สาวตฺถี’’ติ วุจฺจติ. ตสฺสํ สาวตฺถิยํ. เอเตนสฺส โคจรคาโม ทีปิโต โหติ. เชโต นาม ราชกุมาโร, เตน โรปิตสํวฑฺฒิตตฺตา ตสฺส เชตสฺส วนนฺติ เชตวนํ, ตสฺมึ เชตวเน. อนาถานํ ปิณฺโฑ เอตสฺมึ อตฺถีติ อนาถปิณฺฑิโก, ตสฺส อนาถปิณฺฑิกสฺส. อนาถปิณฺฑิเกน คหปตินา จตุปณฺณาสโกฏิปริจฺจาเคน นิฏฺาปิตาราเมติ อตฺโถ. เอเตนสฺส ปพฺพชิตานุรูปนิวาโสกาโส ทีปิโต โหติ.

อถาติ อวิจฺเฉทตฺเถ, โขติ อธิการนฺตรนิทสฺสนตฺเถ นิปาโต. เตน อวิจฺฉินฺเนเยว ตตฺถ ภควโต วิหาเร ‘‘อิทมธิการนฺตรํ อุทปาที’’ติ ทสฺเสติ. กึ ตนฺติ? อฺตรา เทวตาติอาทิ. ตตฺถ อฺตราติ อนิยมิตนิทฺเทโส. สา หิ นามโคตฺตโต อปากฏา, ตสฺมา ‘‘อฺตรา’’ติ วุตฺตา. เทโว เอว เทวตา, อิตฺถิปุริสสาธารณเมตํ. อิธ ปน ปุริโส เอว โส เทวปุตฺโต, กินฺตุ สาธารณนามวเสน ‘‘เทวตา’’ติ วุตฺโต.

อภิกฺกนฺตาย รตฺติยาติ เอตฺถ อภิกฺกนฺตสทฺโท ขยสุนฺทราภิรูปอพฺภนุโมทนาทีสุ ทิสฺสติ. ตตฺถ ‘‘อภิกฺกนฺตา, ภนฺเต, รตฺติ, นิกฺขนฺโต ปโม ยาโม, จิรนิสินฺโน ภิกฺขุสงฺโฆ. อุทฺทิสตุ, ภควา ภิกฺขูนํ ปาติโมกฺข’’นฺติ เอวมาทีสุ (จูฬว. ๓๘๓; อ. นิ. ๘.๒๐; อุทา. ๔๕) ขเย ทิสฺสติ. ‘‘อยํ อิเมสํ จตุนฺนํ ปุคฺคลานํ อภิกฺกนฺตตโร จ ปณีตตโร จา’’ติ เอวมาทีสุ (อ. นิ. ๔.๑๐๐) สุนฺทเร.

‘‘โก เม วนฺทติ ปาทานิ, อิทฺธิยา ยสสา ชลํ;

อภิกฺกนฺเตน วณฺเณน, สพฺพา โอภาสยํ ทิสา’’ติ. (วิ. ว. ๘๕๗) –

เอวมาทีสุ อภิรูเป. ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม, อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตมา’’ติ เอวมาทีสุ (อ. นิ. ๒.๑๖; ปารา. ๑๕) อพฺภนุโมทเน. อิธ ปน ขเย. เตน อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา, ปริกฺขีณาย รตฺติยาติ วุตฺตํ โหติ.

อภิกฺกนฺตวณฺณาติ เอตฺถ อภิกฺกนฺตสทฺโท อภิรูเป, วณฺณสทฺโท ปน ฉวิถุติกุลวคฺคการณสณฺานปฺปมาณรูปายตนาทีสุ ทิสฺสติ. ตตฺถ ‘‘สุวณฺณวณฺโณสิ ภควา’’ติ เอวมาทีสุ (ม. นิ. ๒.๓๙๙; สุ. นิ. ๕๕๓) ฉวิยํ. ‘‘กทา สฺูฬฺหา ปน เต, คหปติ, อิเม สมณสฺส โคตมสฺส วณฺณา’’ติ เอวมาทีสุ (ม. นิ. ๒.๗๗) ถุติยํ. ‘‘จตฺตาโรเม, โภ โคตม, วณฺณา’’ติ เอวมาทีสุ (ที. นิ. ๓.๑๑๕) กุลวคฺเค. ‘‘อถ เกน นุ วณฺเณน, คนฺธตฺเถโนติ วุจฺจตี’’ติ เอวมาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๒๓๔) การเณ. ‘‘มหนฺตํ หตฺถิราชวณฺณํ อภินิมฺมินิตฺวา’’ติ เอวมาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๑๓๘) สณฺาเน. ‘‘ตโย ปตฺตสฺส วณฺณา’’ติ เอวมาทีสุ ปมาเณ. ‘‘วณฺโณ คนฺโธ รโส โอชา’’ติ เอวมาทีสุ รูปายตเน. โส อิธ ฉวิยํ ทฏฺพฺโพ. เตน อภิกฺกนฺตวณฺณา อภิรูปจฺฉวีติ วุตฺตํ โหติ.

เกวลกปฺปนฺติ เอตฺถ เกวลสทฺโท อนวเสสเยภุยฺยอพฺยามิสฺสอนติเรกทฬฺหตฺถวิสํโยคาทิอเนกตฺโถ. ตถา หิสฺส ‘‘เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริย’’นฺติ เอวมาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๕๕; ปารา. ๑) อนวเสสตา อตฺโถ. ‘‘เกวลกปฺปา จ องฺคมาคธา ปหูตํ ขาทนียํ โภชนียํ อาทาย อุปสงฺกมิสฺสนฺตี’’ติ เอวมาทีสุ (มหาว. ๔๓) เยภุยฺยตา. ‘‘เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุทโย โหตี’’ติ เอวมาทีสุ (วิภ. ๒๒๕) อพฺยามิสฺสตา. ‘‘เกวลํ สทฺธามตฺตกํ นูน อยมายสฺมา’’ติ เอวมาทีสุ (มหาว. ๒๔๔) อนติเรกตา. ‘‘อายสฺมโต ภนฺเต อนุรุทฺธสฺส พาหิโก นาม สทฺธิวิหาริโก เกวลกปฺปํ สงฺฆเภทาย ิโต’’ติ เอวมาทีสุ (อ. นิ. ๔.๒๔๓) ทฬฺหตฺถตา. ‘‘เกวลี วุสิตวา อุตฺตมปุริโสติ วุจฺจตี’’ติ เอวมาทีสุ (สํ. นิ. ๓.๕๗) วิสํโยโค. อิธ ปนสฺส อนวเสสโต อตฺโถ อธิปฺเปโต.

กปฺปสทฺโท ปนายํ อภิสทฺทหนโวหารกาลปฺตฺติเฉทนวิกปฺปเลสสมนฺตภาวาทิอเนกตฺโถ. ตถา หิสฺส ‘‘โอกปฺปนิยเมตํ โภโต โคตมสฺส, ยตา ตํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสา’’ติ เอวมาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๘๗) อภิสทฺทหนมตฺโถ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปฺจหิ สมณกปฺเปหิ ผลํ ปริภุฺชิตุ’’นฺติ เอวมาทีสุ (จูฬว. ๒๕๐) โวหาโร. ‘‘เยน สุทํ นิจฺจกปฺปํ วิหรามี’’ติ เอวมาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๘๗) กาโล. ‘‘อิจฺจายสฺมา กปฺโป’’ติ เอวมาทีสุ (สุ. นิ. ๑๐๙๘; จูฬนิ. กปฺปมาณวปุจฺฉา ๑๑๗) ปฺตฺติ. ‘‘อลงฺกโต กปฺปิตเกสมสฺสู’’ติ เอวมาทีสุ (ชา. ๒.๒๒.๑๓๖๘) เฉทนํ. ‘‘กปฺปติ ทฺวงฺคุลกปฺโป’’ติ เอวมาทีสุ (จูฬว. ๔๔๖) วิกปฺโป. ‘‘อตฺถิ กปฺโป นิปชฺชิตุ’’นฺติ เอวมาทีสุ (อ. นิ. ๘.๘๐) เลโส. ‘‘เกวลกปฺปํ เวฬุวนํ โอภาเสตฺวา’’ติ เอวมาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๙๔) สมนฺตภาโว. อิธ ปนสฺส สมนฺตภาโว อตฺโถติ อธิปฺเปโต. ยโต เกวลกปฺปํ เชตวนนฺติ เอตฺถ อนวเสสํ สมนฺตโต เชตวนนฺติ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ.

โอภาเสตฺวาติ อาภาย ผริตฺวา, จนฺทิมา วิย สูริโย วิย จ เอโกภาสํ เอกปชฺโชตํ กริตฺวาติ อตฺโถ.

เยน ภควา เตนุปสงฺกมีติ ภุมฺมตฺเถ กรณวจนํ, ยโต ยตฺถ ภควา, ตตฺถ อุปสงฺกมีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เยน วา การเณน ภควา เทวมนุสฺเสหิ อุปสงฺกมิตพฺโพ, เตเนว การเณน อุปสงฺกมีติ เอวมฺเปตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เกน จ การเณน ภควา อุปสงฺกมิตพฺโพ? นานปฺปการคุณวิเสสาธิคมาธิปฺปาเยน สาทุผลูปโภคาธิปฺปาเยน ทิชคเณหิ นิจฺจผลิตมหารุกฺโข วิย. อุปสงฺกมีติ จ คตาติ วุตฺตํ โหติ. อุปสงฺกมิตฺวาติ อุปสงฺกมนปริโยสานทีปนํ. อถ วา เอวํ คตา ตโต อาสนฺนตรํ านํ ภควโต สมีปสงฺขาตํ คนฺตฺวาติปิ วุตฺตํ โหติ. ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวาติ ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ปณมิตฺวา นมสฺสิตฺวา.

เอกมนฺตนฺติ ภาวนปุํสกนิทฺเทโส, เอโกกาสํ เอกปสฺสนฺติ วุตฺตํ โหติ. ภุมฺมตฺเถ วา อุปโยควจนํ. อฏฺาสีติ นิสชฺชาทิปฏิกฺเขโป, านํ กปฺเปสิ, ิตา อโหสีติ อตฺโถ.

กถํ ิตา ปน สา เอกมนฺตํ ิตา อหูติ?

‘‘น ปจฺฉโต น ปุรโต, นาปิ อาสนฺนทูรโต;

น กจฺเฉ โนปิ ปฏิวาเต, น จาปิ โอณตุณฺณเต;

อิเม โทเส วิวชฺเชตฺวา, เอกมนฺตํ ิตา อหู’’ติ.

กสฺมา ปนายํ อฏฺาสิ เอว, น นิสีทีติ? ลหุํ นิวตฺติตุกามตาย. เทวตา หิ กฺจิเทว อตฺถวสํ ปฏิจฺจ สุจิปุริโส วิย วจฺจฏฺานํ มนุสฺสโลกํ อาคจฺฉนฺติ. ปกติยา ปเนตาสํ โยชนสตโต ปภุติ มนุสฺสโลโก ทุคฺคนฺธตาย ปฏิกูโล โหติ, น ตตฺถ อภิรมนฺติ. เตน สา อาคตกิจฺจํ กตฺวา ลหุํ นิวตฺติตุกามตาย น นิสีทิ. ยสฺส จ คมนาทิอิริยาปถปริสฺสมสฺส วิโนทนตฺถํ นิสีทนฺติ, โส เทวานํ ปริสฺสโม นตฺถิ, ตสฺมาปิ น นิสีทิ. เย จ มหาสาวกา ภควนฺตํ ปริวาเรตฺวา ิตา, เต ปติมาเนสิ, ตสฺมาปิ น นิสีทิ. อปิจ ภควติ คารเวเนว น นิสีทิ. เทวานฺหิ นิสีทิตุกามานํ อาสนํ นิพฺพตฺตติ, ตํ อนิจฺฉมานา นิสชฺชาย จิตฺตมฺปิ อกตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ.

เอกมนฺตํ ิตา โข สา เทวตาติ เอวํ อิเมหิ การเณหิ เอกมนฺตํ ิตา โข สา เทวตา. ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสีติ ภควนฺตํ คาถาย อกฺขรปทนิยมิตคนฺถิเตน วจเนน อภาสีติ อตฺโถ.

๒๖๑. ตตฺถ พหูติ อนิยมิตสงฺขฺยานิทฺเทโส. เตน อเนกสตา อเนกสหสฺสา อเนกสตสหสฺสาติ วุตฺตํ โหติ. ทิพฺพนฺตีติ เทวา, ปฺจหิ กามคุเณหิ กีฬนฺติ, อตฺตโน วา สิริยา โชตนฺตีติ อตฺโถ. อปิจ ติวิธา เทวา สมฺมุติอุปปตฺติวิสุทฺธิวเสน. ยถาห –

‘‘เทวาติ ตโย เทวา สมฺมุติเทวา, อุปปตฺติเทวา, วิสุทฺธิเทวา. ตตฺถ สมฺมุติเทวา นาม ราชาโน, เทวิโย, ราชกุมารา. อุปปตฺติเทวา นาม จาตุมหาราชิเก เทเว อุปาทาย ตทุตฺตริเทวา. วิสุทฺธิเทวา นาม อรหนฺโต วุจฺจนฺตี’’ติ (จูฬนิ. โธตกมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๓๒, ปารายนานุคีติคาถานิทฺเทส ๑๑๙).

เตสุ อิธ อุปปตฺติเทวา อธิปฺเปตา. มนุโน อปจฺจาติ มนุสฺสา. โปราณา ปน ภณนฺติ – มนสฺส อุสฺสนฺนตาย มนุสฺสา. เต ชมฺพุทีปกา, อปรโคยานกา, อุตฺตรกุรุกา, ปุพฺพวิเทหกาติ จตุพฺพิธา. อิธ ชมฺพุทีปกา อธิปฺเปตา. มงฺคลนฺติ อิเมหิ สตฺตาติ มงฺคลานิ, อิทฺธึ วุทฺธิฺจ ปาปุณนฺตีติ อตฺโถ. อจินฺตยุนฺติ จินฺเตสุํ. อากงฺขมานาติ อิจฺฉมานา ปตฺถยมานา ปิหยมานา. โสตฺถานนฺติ โสตฺถิภาวํ, สพฺเพสํ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกานํ โสภนานํ สุนฺทรานํ กลฺยาณานํ ธมฺมานมตฺถิตนฺติ วุตฺตํ โหติ. พฺรูหีติ เทเสหิ ปกาเสหิ อาจิกฺข วิวร วิภช อุตฺตานีกโรหิ. มงฺคลนฺติ อิทฺธิการณํ วุทฺธิการณํ สพฺพสมฺปตฺติการณํ. อุตฺตมนฺติ วิสิฏฺํ ปวรํ สพฺพโลกหิตสุขาวหนฺติ อยํ คาถาย อนุปุพฺพปทวณฺณนา.

อยํ ปน ปิณฺฑตฺโถ – โส เทวปุตฺโต ทสสหสฺสจกฺกวาเฬสุ เทวตา มงฺคลปฺหํ โสตุกามตาย อิมสฺมึ เอกจกฺกวาเฬ สนฺนิปติตฺวา เอกวาลคฺคโกฏิโอกาสมตฺเต ทสปิ วีสมฺปิ ตึสมฺปิ จตฺตาลีสมฺปิ ปฺาสมฺปิ สฏฺิปิ สตฺตติปิ อสีติปิ สุขุมตฺตภาเว นิมฺมินิตฺวา สพฺพเทวมารพฺรหฺมาโน สิริยา จ เตชสา จ อธิคยฺห วิโรจมานํ ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสินฺนํ ภควนฺตํ ปริวาเรตฺวา ิตา ทิสฺวา ตสฺมึ จ สมเย อนาคตานมฺปิ สกลชมฺพุทีปกานํ มนุสฺสานํ เจตสา เจโตปริวิตกฺกมฺาย สพฺพเทวมนุสฺสานํ วิจิกิจฺฉาสลฺลสมุทฺธรณตฺถํ อาห – ‘‘พหู เทวา มนุสฺสา จ, มงฺคลานิ อจินฺตยุํ, อากงฺขมานา โสตฺถานํ อตฺตโน โสตฺถิภาวํ อิจฺฉนฺตา, พฺรูหิ มงฺคลมุตฺตมํ, เตสํ เทวานํ อนุมติยา มนุสฺสานฺจ อนุคฺคเหน มยา ปุฏฺโ สมาโน ยํ สพฺเพสเมว อมฺหากํ เอกนฺตหิตสุขาวหนโต อุตฺตมํ มงฺคลํ, ตํ โน อนุกมฺปํ อุปาทาย พฺรูหิ ภควา’’ติ.

๒๖๒. เอวเมตํ เทวปุตฺตสฺส วจนํ สุตฺวา ภควา ‘‘อเสวนา จ พาลาน’’นฺติ คาถมาห. ตตฺถ อเสวนาติ อภชนา อปยิรุปาสนา. พาลานนฺติ พลนฺติ อสฺสสนฺตีติ พาลา, อสฺสสิตปสฺสสิตมตฺเตน ชีวนฺติ, น ปฺาชีวิเตนาติ อธิปฺปาโย. เตสํ พาลานํ ปณฺฑิตานนฺติ ปณฺฑนฺตีติ ปณฺฑิตา, สนฺทิฏฺิกสมฺปรายิเกสุ อตฺเถสุ าณคติยา คจฺฉนฺตีติ อธิปฺปาโย. เตสํ ปณฺฑิตานํ. เสวนาติ ภชนา ปยิรุปาสนา ตํสหายตา ตํสมฺปวงฺกตา. ปูชาติ สกฺการครุการมานนวนฺทนา. ปูชเนยฺยานนฺติ ปูชารหานํ. เอตํ มงฺคลมุตฺตมนฺติ ยา จ พาลานํ อเสวนา, ยา จ ปณฺฑิตานํ เสวนา, ยา จ ปูชเนยฺยานํ ปูชา, ตํ สพฺพํ สมฺปิณฺเฑตฺวา อาห เอตํ มงฺคลมุตฺตมนฺติ. ยํ ตยา ปุฏฺํ ‘‘พฺรูหิ มงฺคลมุตฺตม’’นฺติ, เอตฺถ ตาว เอตํ มงฺคลมุตฺตมนฺติ คณฺหาหีติ วุตฺตํ โหติ. อยเมติสฺสา คาถาย ปทวณฺณนา.

อตฺถวณฺณนา ปนสฺสา เอวํ เวทิตพฺพา – เอวเมตํ เทวปุตฺตสฺส วจนํ สุตฺวา ภควา อิมํ คาถมาห. ตตฺถ ยสฺมา จตุพฺพิธา กถา ปุจฺฉิตกถา, อปุจฺฉิตกถา, สานุสนฺธิกถา, อนนุสนฺธิกถาติ. ตตฺถ ‘‘ปุจฺฉามิ ตํ, โคตม, ภูริปฺํ, กถํกโร สาวโก สาธุ โหตี’’ติ (สุ. นิ. ๓๗๘) จ, ‘‘กถํ นุ ตฺวํ, มาริส, โอฆมตรี’’ติ (สํ. นิ. ๑.๑) จ เอวมาทีสุ ปุจฺฉิเตน กถิกา ปุจฺฉิตกถา. ‘‘ยํ ปเร สุขโต อาหุ, ตทริยา อาหุ ทุกฺขโต’’ติ เอวมาทีสุ (สุ. นิ. ๗๖๗) อปุจฺฉิเตน อตฺตชฺฌาสยวเสเนว กถิตา อปุจฺฉิตกถา. สพฺพาปิ พุทฺธานํ กถา ‘‘สนิทานาหํ, ภิกฺขเว, ธมฺมํ เทเสมี’’ติ (อ. นิ. ๓.๑๒๖; กถา. ๘๐๖) วจนโต สานุสนฺธิกถา. อนนุสนฺธิกถา อิมสฺมึ สาสเน นตฺถิ. เอวเมตาสุ กถาสุ อยํ เทวปุตฺเตน ปุจฺฉิเตน ภควตา กถิตตฺตา ปุจฺฉิตกถา. ปุจฺฉิตกถายฺจ ยถา เฉโก ปุริโส กุสโล มคฺคสฺส, กุสโล อมคฺคสฺส, มคฺคํ ปุฏฺโ ปมํ วิชหิตพฺพํ อาจิกฺขิตฺวา ปจฺฉา คเหตพฺพํ อาจิกฺขติ – ‘‘อสุกสฺมึ นาม าเน ทฺเวธาปโถ โหติ, ตตฺถ วามํ มุฺจิตฺวา ทกฺขิณํ คณฺหถา’’ติ, เอวํ เสวิตพฺพาเสวิตพฺเพสุ อเสวิตพฺพํ อาจิกฺขิตฺวา เสวิตพฺพํ อาจิกฺขติ. ภควา จ มคฺคกุสลปุริสสทิโส. ยถาห –

‘‘ปุริโส มคฺคกุสโลติ โข, ติสฺส, ตถาคตสฺเสตํ อธิวจนํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสา’’ติ (สํ. นิ. ๓.๘๔).

โส หิ กุสโล อิมสฺส โลกสฺส, กุสโล ปรสฺส โลกสฺส, กุสโล มจฺจุเธยฺยสฺส, กุสโล อมจฺจุเธยฺยสฺส, กุสโล มารเธยฺยสฺส, กุสโล อมารเธยฺยสฺสาติ. ตสฺมา ปมํ อเสวิตพฺพํ อาจิกฺขิตฺวา เสวิตพฺพํ อาจิกฺขนฺโต อาห – ‘‘อเสวนา จ พาลานํ, ปณฺฑิตานฺจ เสวนา’’ติ. วิชหิตพฺพมคฺโค วิย หิ ปมํ พาลา น เสวิตพฺพา น ปยิรุปาสิตพฺพา, ตโต คเหตพฺพมคฺโค วิย ปณฺฑิตา เสวิตพฺพา ปยิรุปาสิตพฺพาติ.

กสฺมา ปน ภควตา มงฺคลํ กเถนฺเตน ปมํ พาลานํ อเสวนา ปณฺฑิตานฺจ เสวนา กถิตาติ? วุจฺจเต – ยสฺมา อิมํ ทิฏฺาทีสุ มงฺคลทิฏฺึ พาลเสวนาย เทวมนุสฺสา คณฺหึสุ, สา จ อมงฺคลํ, ตสฺมา เนสํ ตํ อิธโลกตฺถปรโลกตฺถภฺชกํ อกลฺยาณมิตฺตสํสคฺคํ ครหนฺเตน อุภยโลกตฺถสาธกฺจ กลฺยาณมิตฺตสํสคฺคํ ปสํสนฺเตน ภควตา ปมํ พาลานํ อเสวนา ปณฺฑิตานฺจ เสวนา กถิตาติ.

ตตฺถ พาลา นาม เย เกจิ ปาณาติปาตาทิอกุสลกมฺมปถสมนฺนาคตา สตฺตา. เต ตีหากาเรหิ ชานิตพฺพา. ยถาห – ‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, พาลสฺส พาลลกฺขณานี’’ติ (อ. นิ. ๓.๓; ม. นิ. ๓.๒๔๖) สุตฺตํ. อปิจ ปูรณกสฺสปาทโย ฉ สตฺถาโร เทวทตฺตโกกาลิกกฏโมทกติสฺสขณฺฑเทวิยาปุตฺตสมุทฺททตฺตจิฺจมาณวิกาทโย อตีตกาเล จ ทีฆวิทสฺส ภาตาติ อิเม อฺเ จ เอวรูปา สตฺตา พาลาติ เวทิตพฺพา.

เต อคฺคิปทิตฺตมิว องฺคารํ อตฺตนา ทุคฺคหิเตน อตฺตานฺจ อตฺตโน วจนการเก จ วินาเสนฺติ, ยถา ทีฆวิทสฺส ภาตา จตุพุทฺธนฺตรํ สฏฺิโยชนมตฺเตน อตฺตภาเวน อุตฺตาโน ปติโต มหานิรเย ปจฺจติ, ยถา จ ตสฺส ทิฏฺึ อภิรุจิกานิ ปฺจ กุลสตานิ ตสฺเสว สหพฺยตํ อุปปนฺนานิ นิรเย ปจฺจนฺติ. วุตฺตํ เหตํ –

‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, นฬาคารา วา ติณาคารา วา อคฺคิ มุตฺโต กูฏาคารานิปิ ฑหติ อุลฺลิตฺตาวลิตฺตานิ นิวาตานิ ผุสิตคฺคฬานิ ปิหิตวาตปานานิ, เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ยานิ กานิจิ ภยานิ อุปฺปชฺชนฺติ, สพฺพานิ ตานิ พาลโต อุปฺปชฺชนฺติ, โน ปณฺฑิตโต. เย เกจิ อุปทฺทวา อุปฺปชฺชนฺติ…เป… เย เกจิ อุปสคฺคา…เป… โน ปณฺฑิตโต. อิติ โข, ภิกฺขเว, สปฺปฏิภโย พาโล, อปฺปฏิภโย ปณฺฑิโต. สอุปทฺทโว พาโล, อนุปทฺทโว ปณฺฑิโต, สอุปสคฺโค พาโล, อนุปสคฺโค ปณฺฑิโต’’ติ (อ. นิ. ๓.๑).

อปิจ ปูติมจฺฉสทิโส พาโล, ปูติมจฺฉพนฺธปตฺตปุฏสทิโส โหติ ตทุปเสวี, ฉฑฺฑนียตํ ชิคุจฺฉนียตฺจ อาปชฺชติ วิฺูนํ. วุตฺตฺเจตํ –

‘‘ปูติมจฺฉํ กุสคฺเคน, โย นโร อุปนยฺหติ;

กุสาปิ ปูตี วายนฺติ, เอวํ พาลูปเสวนา’’ติ. (อิติวุ. ๗๖; ชา. ๑.๑๕.๑๘๓; ๒.๒๒.๑๒๕๗);

อกิตฺติปณฺฑิโต จาปิ สกฺเกน เทวานมินฺเทน วเร ทิยฺยมาเน เอวมาห –

‘‘พาลํ น ปสฺเส น สุเณ, น จ พาเลน สํวเส;

พาเลนลฺลาปสลฺลาปํ, น กเร น จ โรจเย.

‘‘กินฺนุ เต อกรํ พาโล, วท กสฺสป การณํ;

เกน กสฺสป พาลสฺส, ทสฺสนํ นาภิกงฺขสิ.

‘‘อนยํ นยติ ทุมฺเมโธ, อธุรายํ นิยุฺชติ;

ทุนฺนโย เสยฺยโส โหติ, สมฺมา วุตฺโต ปกุปฺปติ;

วินยํ โส น ชานาติ, สาธุ ตสฺส อทสฺสน’’นฺติ. (ชา. ๑.๑๓.๙๐-๙๒);

เอวํ ภควา สพฺพากาเรน พาลูปเสวนํ ครหนฺโต พาลานํ อเสวนํ ‘‘มงฺคล’’นฺติ วตฺวา อิทานิ ปณฺฑิตเสวนํ ปสํสนฺโต ‘‘ปณฺฑิตานฺจ เสวนา มงฺคล’’นฺติ อาห. ตตฺถ ปณฺฑิตา นาม เย เกจิ ปาณาติปาตาเวรมณิอาทิทสกุสลกมฺมปถสมนฺนาคตา สตฺตา, เต ตีหากาเรหิ ชานิตพฺพา. ยถาห – ‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, ปณฺฑิตสฺส ปณฺฑิตลกฺขณานี’’ติ (อ. นิ. ๓.๓; ม. นิ. ๓.๒๕๓) วุตฺตํ. อปิจ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธอสีติมหาสาวกา อฺเ จ ตถาคตสฺส สาวกา สุเนตฺตมหาโควินฺทวิธุรสรภงฺคมโหสธสุตโสมนิมิราช- อโยฆรกุมารอกิตฺติปณฺฑิตาทโย จ ปณฺฑิตาติ เวทิตพฺพา.

เต ภเย วิย รกฺขา, อนฺธกาเร วิย ปทีโป, ขุปฺปิปาสาทิทุกฺขาภิภเว วิย อนฺนปานาทิปฏิลาโภ, อตฺตโน วจนกรานํ สพฺพภยอุปทฺทวูปสคฺควิทฺธํสนสมตฺถา โหนฺติ. ตถา หิ ตถาคตํ อาคมฺม อสงฺขฺเยยฺยา อปริมาณา เทวมนุสฺสา อาสวกฺขยํ ปตฺตา, พฺรหฺมโลเก ปติฏฺิตา, เทวโลเก ปติฏฺิตา, สุคติโลเก อุปฺปนฺนา. สาริปุตฺตตฺเถเร จิตฺตํ ปสาเทตฺวา จตูหิ ปจฺจเยหิ เถรํ อุปฏฺหิตฺวา อสีติ กุลสหสฺสานิ สคฺเค นิพฺพตฺตานิ. ตถา มหาโมคฺคลฺลานมหากสฺสปปฺปภุตีสุ สพฺพมหาสาวเกสุ, สุเนตฺตสฺส สตฺถุโน สาวกา อปฺเปกจฺเจ พฺรหฺมโลเก อุปฺปชฺชึสุ, อปฺเปกจฺเจ ปรนิมฺมิตวสวตฺตีนํ เทวานํ สหพฺยตํ…เป… อปฺเปกจฺเจ คหปติมหาสาลกุลานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชึสุ. วุตฺตฺเจตํ –

‘‘นตฺถิ, ภิกฺขเว, ปณฺฑิตโต ภยํ, นตฺถิ ปณฺฑิตโต อุปทฺทโว, นตฺถิ ปณฺฑิตโต อุปสคฺโค’’ติ (อ. นิ. ๓.๑).

อปิจ ตครมาลาทิคนฺธภณฺฑสทิโส ปณฺฑิโต, ตครมาลาทิคนฺธภณฺฑปลิเวนปตฺตสทิโส โหติ ตทุปเสวี, ภาวนียตํ มนุฺตฺจ อาปชฺชติ วิฺูนํ. วุตฺตฺเจตํ –

‘‘ตครฺจ ปลาเสน, โย นโร อุปนยฺหติ;

ปตฺตาปิ สุรภี วายนฺติ, เอวํ ธีรูปเสวนา’’ติ. (อิติวุ. ๗๖; ชา. ๑.๑๕.๑๘๔; ๒.๒๒.๑๒๕๘);

อกิตฺติปณฺฑิโต จาปิ สกฺเกน เทวานมินฺเทน วเร ทิยฺยมาเน เอวมาห –

‘‘ธีรํ ปสฺเส สุเณ ธีรํ, ธีเรน สห สํวเส;

ธีเรนลฺลาปสลฺลาปํ, ตํ กเร ตฺจ โรจเย.

‘‘กินฺนุ เต อกรํ ธีโร, วท กสฺสป การณํ;

เกน กสฺสป ธีรสฺส, ทสฺสนํ อภิกงฺขสิ.

‘‘นยํ นยติ เมธาวี, อธุรายํ น ยุฺชติ;

สุนโย เสยฺยโส โหติ, สมฺมา วุตฺโต น กุปฺปติ;

วินยํ โส ปชานาติ, สาธุ เตน สมาคโม’’ติ. (ชา. ๑.๑๓.๙๔-๙๖);

เอวํ ภควา สพฺพากาเรน ปณฺฑิตเสวนํ ปสํสนฺโต, ปณฺฑิตานํ เสวนํ ‘‘มงฺคล’’นฺติ วตฺวา อิทานิ ตาย พาลานํ อเสวนาย ปณฺฑิตานํ เสวนาย จ อนุปุพฺเพน ปูชเนยฺยภาวํ อุปคตานํ ปูชํ ปสํสนฺโต ‘‘ปูชา จ ปูชเนยฺยานํ เอตํ มงฺคลมุตฺตม’’นฺติ อาห. ตตฺถ ปูชเนยฺยา นาม สพฺพโทสวิรหิตตฺตา สพฺพคุณสมนฺนาคตตฺตา จ พุทฺธา ภควนฺโต, ตโต ปจฺฉา ปจฺเจกพุทฺธา อริยสาวกา จ. เตสฺหิ ปูชา อปฺปกาปิ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย โหติ, สุมนมาลาการมลฺลิกาทโย เจตฺถ นิทสฺสนํ.

ตตฺเถกํ นิทสฺสนมตฺตํ ภณาม. ภควา กิร เอกทิวสํ ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ราชคหํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. อถ โข สุมนมาลากาโร รฺโ มาคธสฺส เสนิยสฺส พิมฺพิสารสฺส ปุปฺผานิ คเหตฺวา คจฺฉนฺโต อทฺทส ภควนฺตํ นครทฺวารํ อนุปฺปตฺตํ ปาสาทิกํ ปสาทนียํ ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณาสีตานุพฺยฺชนปฏิมณฺฑิตํ พุทฺธสิริยา ชลนฺตํ. ทิสฺวานสฺส เอตทโหสิ – ‘‘ราชา ปุปฺผานิ คเหตฺวา สตํ วา สหสฺสํ วา ทเทยฺย, ตฺจ อิธโลกมตฺตเมว สุขํ ภเวยฺย, ภควโต ปน ปูชา อปฺปเมยฺยอสงฺขฺเยยฺยผลา ทีฆรตฺตํ หิตสุขาวหา โหติ. หนฺทาหํ อิเมหิ ปุปฺเผหิ ภควนฺตํ ปูเชมี’’ติ ปสนฺนจิตฺโต เอกํ ปุปฺผมุฏฺึ คเหตฺวา ภควโต ปฏิมุขํ ขิปิ, ปุปฺผานิ อากาเสน คนฺตฺวา ภควโต อุปริ มาลาวิตานํ หุตฺวา อฏฺํสุ. มาลากาโร ตํ อานุภาวํ ทิสฺวา ปสนฺนตรจิตฺโต ปุน เอกํ ปุปฺผมุฏฺึ ขิปิ, ตานิ คนฺตฺวา มาลากฺจุโก หุตฺวา อฏฺํสุ. เอวํ อฏฺ ปุปฺผมุฏฺิโย ขิปิ, ตานิ คนฺตฺวา ปุปฺผกูฏาคารํ หุตฺวา อฏฺํสุ. ภควา อนฺโตกูฏาคาเร วิย อโหสิ, มหาชนกาโย สนฺนิปติ. ภควา มาลาการํ ปสฺสนฺโต สิตํ ปาตฺวากาสิ. อานนฺทตฺเถโร ‘‘น พุทฺธา อเหตุ อปฺปจฺจยา สิตํ ปาตุกโรนฺตี’’ติ สิตการณํ ปุจฺฉิ. ภควา อาห – ‘‘เอโส, อานนฺท, มาลากาโร อิมิสฺสา ปูชาย อานุภาเวน สตสหสฺสกปฺเป เทเวสุ จ มนุสฺเสสุ จ สํสริตฺวา ปริโยสาเน สุมนิสฺสโร นาม ปจฺเจกพุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ. วจนปริโยสาเน จ ธมฺมเทสนตฺถํ อิมํ คาถํ อภาสิ –

‘‘ตฺจ กมฺมํ กตํ สาธุ, ยํ กตฺวา นานุตปฺปติ;

ยสฺส ปตีโต สุมโน, วิปากํ ปฏิเสวตี’’ติ. (ธ. ป. ๖๘);

คาถาปริโยสาเน จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ, เอวํ อปฺปกาปิ เตสํ ปูชา ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย โหตีติ เวทิตพฺพา. สา จ อามิสปูชาว โก ปน วาโท ปฏิปตฺติปูชาย. ยโต เย กุลปุตฺตา สรณคมเนน สิกฺขาปทปฏิคฺคหเณน อุโปสถงฺคสมาทาเนน จตุปาริสุทฺธิสีลาทีหิ จ อตฺตโน คุเณหิ ภควนฺตํ ปูเชนฺติ, โก เตสํ ปูชาย ผลํ วณฺณยิสฺสติ. เต หิ ตถาคตํ ปรมาย ปูชาย ปูเชนฺตีติ วุตฺตา. ยถาห –

‘‘โย โข, อานนฺท, ภิกฺขุ วา ภิกฺขุนี วา อุปาสโก วา อุปาสิกา วา ธมฺมานุธมฺมปฏิปนฺโน วิหรติ สามีจิปฺปฏิปนฺโน อนุธมฺมจารี, โส ตถาคตํ สกฺกโรติ ครุํ กโรติ มาเนติ ปูเชติ อปจิยติ ปรมาย ปูชายา’’ติ.

เอเตนานุสาเรน ปจฺเจกพุทฺธอริยสาวกานมฺปิ ปูชาย หิตสุขาวหตา เวทิตพฺพา.

อปิจ คหฏฺานํ กนิฏฺสฺส เชฏฺโ ภาตาปิ ภคินีปิ ปูชเนยฺยา, ปุตฺตสฺส มาตาปิตโร, กุลวธูนํ สามิกสสฺสุสสุราติ เอวมฺเปตฺถ ปูชเนยฺยา เวทิตพฺพา. เอเตสมฺปิ หิ ปูชา กุสลธมฺมสงฺขาตตฺตา อายุอาทิวฑฺฒิเหตุตฺตา จ มงฺคลเมว. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘เต มตฺเตยฺยา ภวิสฺสนฺติ เปตฺเตยฺยา สามฺา พฺรหฺมฺา กุเล เชฏฺาปจายิโน, อิทํ กุสลํ ธมฺมํ สมาทาย วตฺติสฺสนฺติ. เต เตสํ กุสลานํ ธมฺมานํ สมาทานเหตุ อายุนาปิ วฑฺฒิสฺสนฺติ, วณฺเณนปิ วฑฺฒิสฺสนฺตี’’ติอาทิ.

เอวเมติสฺสา คาถาย พาลานํ อเสวนา ปณฺฑิตานํ เสวนา ปูชเนยฺยานํ ปูชาติ ตีณิ มงฺคลานิ วุตฺตานิ. ตตฺถ พาลานํ อเสวนา พาลเสวนปจฺจยภยาทิปริตฺตาเณน อุภยโลกหิตเหตุตฺตา ปณฺฑิตานํ เสวนา ปูชเนยฺยานํ ปูชา จ ตาสํ ผลวิภูติวณฺณนายํ วุตฺตนเยเนว นิพฺพานสุคติเหตุตฺตา ‘‘มงฺคล’’นฺติ เวทิตพฺพา. อิโต ปรํ ตุ มาติกํ อทสฺเสตฺวา เอว ยํ ยตฺถ มงฺคลํ, ตํ ววตฺถเปสฺสาม, ตสฺส จ มงฺคลตฺตํ วิภาวยิสฺสามาติ.

นิฏฺิตา อเสวนา จ พาลานนฺติ อิมิสฺสา คาถาย อตฺถวณฺณนา.

๒๖๓. เอวํ ภควา ‘‘พฺรูหิ มงฺคลมุตฺตม’’นฺติ เอกํ อชฺเฌสิโตปิ อปฺปํ ยาจิโต พหุทายโก อุฬารปุริโส วิย เอกาย คาถาย ตีณิ มงฺคลานิ วตฺวา ตโต อุตฺตริปิ เทวตานํ โสตุกามตาย มงฺคลานฺจ อตฺถิตาย เยสํ เยสํ ยํ ยํ อนุกูลํ, เต เต สตฺเต ตตฺถ ตตฺถ มงฺคเล นิโยเชตุกามตาย จ ‘‘ปติรูปเทสวาโส จา’’ติอาทีหิ คาถาหิ ปุนปิ อเนกานิ มงฺคลานิ วตฺตุมารทฺโธ.

ตตฺถ ปมคาถาย ตาว ปติรูโปติ อนุจฺฉวิโก. เทโสติ คาโมปิ นิคโมปิ นครมฺปิ ชนปโทปิ โย โกจิ สตฺตานํ นิวาโสกาโส. วาโสติ ตตฺถ นิวาโส. ปุพฺเพติ ปุรา อตีตาสุ ชาตีสุ. กตปุฺตาติ อุปจิตกุสลตา. อตฺตาติ จิตฺตํ วุจฺจติ, สกโล วา อตฺตภาโว. สมฺมาปณิธีติ ตสฺส อตฺตโน สมฺมา ปณิธานํ นิยุฺชนํ, ปนนฺติ วุตฺตํ โหติ. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ อยเมตฺถ ปทวณฺณนา.

อตฺถวณฺณนา ปน เอวํ เวทิตพฺพา ปติรูปเทโส นาม ยตฺถ จตสฺโส ปริสา วิหรนฺติ, ทานาทีนิ ปุฺกิริยาวตฺถูนิ วตฺตนฺติ, นวงฺคํ สตฺถุ สาสนํ ทิปฺปติ. ตตฺถ นิวาโส สตฺตานํ ปุฺกิริยาย ปจฺจยตฺตา ‘‘มงฺคล’’นฺติ วุจฺจติ. สีหฬทีปปวิฏฺเกวฏฺฏาทโย เจตฺถ นิทสฺสนํ.

อปโร นโย – ปติรูปเทโส นาม ภควโต โพธิมณฺฑปฺปเทโส, ธมฺมจกฺกปฺปวตฺติตปฺปเทโส, ทฺวาทสโยชนาย ปริสาย มชฺเฌ สพฺพติตฺถิยมตํ ภินฺทิตฺวา ยมกปาฏิหาริยทสฺสิตกณฺฑมฺพรุกฺขมูลปฺปเทโส, เทโวโรหนปฺปเทโส, โย วา ปนฺโปิ สาวตฺถิราชคหาทิพุทฺธาทิวาสปฺปเทโส. ตตฺถ นิวาโส สตฺตานํ ฉอนุตฺตริยปฏิลาภปจฺจยโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ วุจฺจติ.

อปโร นโย – ปุรตฺถิมาย ทิสาย กชงฺคลํ นาม นิคโม, ตสฺส อปเรน มหาสาลา, ตโต ปรํ ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ. ทกฺขิณปุรตฺถิมาย ทิสาย สลฺลวตี นาม นที, ตโต ปรํ ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ. ทกฺขิณาย ทิสาย เสตกณฺณิกํ นาม นิคโม, ตโต ปรํ ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ. ปจฺฉิมาย ทิสาย ถูณํ นาม พฺราหฺมณคาโม, ตโต ปรํ ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ. อุตฺตราย ทิสาย อุสิรทฺธโช นาม ปพฺพโต, ตโต ปรํ ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ (มหาว. ๒๕๙). อยํ มชฺฌิมปฺปเทโส อายาเมน ตีณิ โยชนสตานิ, วิตฺถาเรน อฑฺฒเตยฺยานิ, ปริกฺเขเปน นวโยชนสตานิ โหนฺติ, เอโส ปติรูปเทโส นาม.

เอตฺถ จตุนฺนํ มหาทีปานํ ทฺวิสหสฺสานํ ปริตฺตทีปานฺจ อิสฺสริยาธิปจฺจการกา จกฺกวตฺตี อุปฺปชฺชนฺติ, เอกํ อสงฺขฺเยยฺยํ กปฺปสตสหสฺสฺจ ปารมิโย ปูเรตฺวา สาริปุตฺตมหาโมคฺคลฺลานาทโย มหาสาวกา อุปฺปชฺชนฺติ, ทฺเว อสงฺขฺเยยฺยานิ กปฺปสตสหสฺสฺจ ปารมิโย ปูเรตฺวา ปจฺเจกพุทฺธา, จตฺตาริ อฏฺ โสฬส วา อสงฺขฺเยยฺยานิ กปฺปสตสหสฺสฺจ ปารมิโย ปูเรตฺวา สมฺมาสมฺพุทฺธา จ อุปฺปชฺชนฺติ. ตตฺถ สตฺตา จกฺกวตฺติรฺโ โอวาทํ คเหตฺวา ปฺจสุ สีเลสุ ปติฏฺาย สคฺคปรายณา โหนฺติ, ตถา ปจฺเจกพุทฺธานํ โอวาเท ปติฏฺาย. สมฺมาสมฺพุทฺธสาวกานํ ปน โอวาเท ปติฏฺาย สคฺคปรายณา นิพฺพานปรายณา จ โหนฺติ. ตสฺมา ตตฺถ วาโส อิมาสํ สมฺปตฺตีนํ ปจฺจยโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ วุจฺจติ.

ปุพฺเพ กตปุฺตา นาม อตีตชาติยํ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธขีณาสเว อารพฺภ อุปจิตกุสลตา, สาปิ มงฺคลํ. กสฺมา? พุทฺธปจฺเจกพุทฺเธ สมฺมุขโต ทสฺเสตฺวา พุทฺธานํ วา พุทฺธสาวกานํ วา สมฺมุขา สุตาย จตุปฺปทิกายปิ คาถาย ปริโยสาเน อรหตฺตํ ปาเปตีติ กตฺวา. โย จ มนุสฺโส ปุพฺเพ กตาธิกาโร อุสฺสนฺนกุสลมูโล โหติ, โส เตเนว กุสลมูเลน วิปสฺสนํ อุปฺปาเทตฺวา อาสวกฺขยํ ปาปุณาติ ยถา ราชา มหากปฺปิโน อคฺคมเหสี จ. เตน วุตฺตํ ‘‘ปุพฺเพ จ กตปุฺตา มงฺคล’’นฺติ.

อตฺตสมฺมาปณิธิ นาม อิเธกจฺโจ อตฺตานํ ทุสฺสีลํ สีเล ปติฏฺาเปติ, อสฺสทฺธํ สทฺธาสมฺปทาย ปติฏฺาเปติ, มจฺฉรึ จาคสมฺปทาย ปติฏฺาเปติ. อยํ วุจฺจติ ‘‘อตฺตสมฺมาปณิธี’’ติ. เอโส จ มงฺคลํ. กสฺมา? ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกเวรปฺปหานวิวิธานิสํสาธิคมเหตุโตติ.

เอวํ อิมิสฺสาปิ คาถาย ปติรูปเทสวาโส, ปุพฺเพ จ กตปุฺตา, อตฺตสมฺมาปณิธีติ ตีณิเยว มงฺคลานิ วุตฺตานิ, มงฺคลตฺตฺจ เนสํ ตตฺถ ตตฺถ วิภาวิตเมวาติ.

นิฏฺิตา ปติรูปเทสวาโส จาติ อิมิสฺสา คาถาย อตฺถวณฺณนา.

๒๖๔. อิทานิ พาหุสจฺจฺจาติ เอตฺถ พาหุสจฺจนฺติ พหุสฺสุตภาโว. สิปฺปนฺติ ยํกิฺจิ หตฺถโกสลฺลํ. วินโยติ กายวาจาจิตฺตวินยนํ. สุสิกฺขิโตติ สุฏฺุ สิกฺขิโต. สุภาสิตาติ สุฏฺุ ภาสิตา. ยาติ อนิยมนิทฺเทโส. วาจาติ คิรา พฺยปฺปโถ. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ. อยเมตฺถ ปทวณฺณนา.

อตฺถวณฺณนา ปน เอวํ เวทิตพฺพา – พาหุสจฺจํ นาม ยํ ตํ ‘‘สุตธโร โหติ สุตสนฺนิจโย’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๓๙; อ. นิ. ๔.๒๒) จ ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺจสฺส ปุคฺคลสฺส พหุกํ สุตํ โหติ สุตฺตํ เคยฺยํ เวยฺยากรณ’’นฺติ (อ. นิ. ๔.๖) จ เอวมาทินา นเยน สตฺถุสาสนธรตฺตํ วณฺณิตํ, ตํ อกุสลปฺปหานกุสลาธิคมเหตุโต อนุปุพฺเพน ปรมตฺถสจฺจสจฺฉิกิริยเหตุโต จ ‘‘มงฺคล’’นฺติ วุจฺจติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –

‘‘สุตวา จ โข, ภิกฺขเว, อริยสาวโก อกุสลํ ปชหติ, กุสลํ ภาเวติ, สาวชฺชํ ปชหติ, อนวชฺชํ ภาเวติ, สุทฺธมตฺตานํ ปริหรตี’’ติ (อ. นิ. ๗.๖๗).

อปรมฺปิ วุตฺตํ –

‘‘ธตานํ ธมฺมานํ อตฺถมุปปริกฺขติ, อตฺถํ อุปปริกฺขโต ธมฺมา นิชฺฌานํ ขมนฺติ, ธมฺมนิชฺฌานกฺขนฺติยา สติ ฉนฺโท ชายติ, ฉนฺทชาโต อุสฺสหติ, อุสฺสหนฺโต ตุลยติ, ตุลยนฺโต ปทหติ, ปทหนฺโต กาเยน เจว ปรมตฺถสจฺจํ สจฺฉิกโรติ, ปฺาย จ อติวิชฺฌ ปสฺสตี’’ติ (ม. นิ. ๒.๔๓๒).

อปิจ อคาริกพาหุสจฺจมฺปิ ยํ อนวชฺชํ, ตํ อุภยโลกหิตสุขาวหนโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ เวทิตพฺพํ.

สิปฺปํ นาม อคาริกสิปฺปฺจ อนคาริกสิปฺปฺจ. ตตฺถ อคาริกสิปฺปํ นาม ยํ ปรูปโรธวิรหิตํ อกุสลวิวชฺชิตํ มณิการสุวณฺณการกมฺมาทิ, ตํ อิธโลกตฺถาวหนโต มงฺคลํ. อนคาริกสิปฺปํ นาม จีวรวิจารณสิพฺพนาทิ สมณปริกฺขาราภิสงฺขรณํ, ยํ ตํ ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ยานิ ตานิ สพฺรหฺมจารีนํ อุจฺจาวจานิ กึกรณียานิ, ตตฺถ ทกฺโข โหตี’’ติอาทินา นเยน ตตฺถ ตตฺถ สํวณฺณิตํ, ยํ ‘‘นาถกรโณ ธมฺโม’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๔๕; อ. นิ. ๑๐.๑๗) จ วุตฺตํ, ตํ อตฺตโน จ ปเรสฺจ อุภยโลกหิตสุขาวหนโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ เวทิตพฺพํ.

วินโย นาม อคาริกวินโย จ อนคาริกวินโย จ. ตตฺถ อคาริกวินโย นาม ทสอกุสลกมฺมปถวิรมณํ, โส ตตฺถ อสํกิเลสาปชฺชเนน อาจารคุณววตฺถาเนน จ สุสิกฺขิโต อุภยโลกหิตสุขาวหนโต มงฺคลํ. อนคาริกวินโย นาม สตฺตาปตฺติกฺขนฺเธ อนาปชฺชนํ, โสปิ วุตฺตนเยเนว สุสิกฺขิโต. จตุปาริสุทฺธิสีลํ วา อนคาริกวินโย. โส ยถา ตตฺถ ปติฏฺาย อรหตฺตํ ปาปุณาติ, เอวํ สิกฺขเนน สุสิกฺขิโต โลกิยโลกุตฺตรสุขาธิคมเหตุโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ เวทิตพฺโพ.

สุภาสิตา วาจา นาม มุสาวาทาทิโทสวิรหิตา วาจา. ยถาห – ‘‘จตูหิ, ภิกฺขเว, องฺเคหิ สมนฺนาคตา วาจา สุภาสิตา โหตี’’ติ. อสมฺผปฺปลาปา วาจา เอว วา สุภาสิตา. ยถาห –

‘‘สุภาสิตํ อุตฺตมมาหุ สนฺโต,

ธมฺมํ ภเณ นาธมฺมํ ตํ ทุติยํ;

ปิยํ ภเณ นาปฺปิยํ ตํ ตติยํ,

สจฺจํ ภเณ นาลิกํ ตํ จตุตฺถ’’นฺติ. (สํ. นิ. ๑.๒๑๓; สุ. นิ. ๔๕๒);

อยมฺปิ อุภยโลกหิตสุขาวหนโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ เวทิตพฺพา. ยสฺมา จ อยํ วินยปริยาปนฺนา เอว, ตสฺมา วินยคฺคหเณน เอตํ อสงฺคณฺหิตฺวา วินโย สงฺคเหตพฺโพ. อถวา กึ อิมินา ปริสฺสเมน ปเรสํ ธมฺมเทสนาวาจา อิธ ‘‘สุภาสิตา วาจา’’ติ เวทิตพฺพา. สา หิ ยถา ปติรูปเทสวาโส, เอวํ สตฺตานํ อุภยโลกหิตสุขนิพฺพานาธิคมปจฺจยโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ วุจฺจติ. อาห จ –

‘‘ยํ พุทฺโธ ภาสติ วาจํ, เขมํ นิพฺพานปตฺติยา;

ทุกฺขสฺสนฺตกิริยาย, สา เว วาจานมุตฺตมา’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๒๑๓; สุ. นิ. ๔๕๖);

เอวํ อิมิสฺสา คาถาย พาหุสจฺจํ, สิปฺปํ, วินโย สุสิกฺขิโต, สุภาสิตา วาจาติ จตฺตาริ มงฺคลานิ วุตฺตานิ, มงฺคลตฺตฺจ เนสํ ตตฺถ ตตฺถ วิภาวิตเมวาติ.

นิฏฺิตา พาหุสจฺจฺจาติ อิมิสฺสา คาถาย อตฺถวณฺณนา.

๒๖๕. อิทานิ มาตาปิตุอุปฏฺานนฺติ เอตฺถ มาตุ จ ปิตุ จาติ มาตาปิตุ. อุปฏฺานนฺติ อุปฏฺหนํ. ปุตฺตานฺจ ทารานฺจาติ ปุตฺตทารสฺส. สงฺคณฺหนํ สงฺคโห. น อากุลา อนากุลา. กมฺมานิ เอว กมฺมนฺตา. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ อยํ ปทวณฺณนา.

อตฺถวณฺณนา ปน เอวํ เวทิตพฺพา – มาตา นาม ชนิกา วุจฺจติ, ตถา ปิตา. อุปฏฺานํ นาม ปาทโธวนสมฺพาหนอุจฺฉาทนนฺหาปเนหิ จตุปจฺจยสมฺปทาเนน จ อุปการกรณํ. ตตฺถ ยสฺมา มาตาปิตโร พหูปการา ปุตฺตานํ อตฺถกามา อนุกมฺปกา, ยํ ปุตฺตเก พหิ กีฬิตฺวา ปํสุมกฺขิตสรีรเก อาคเต ทิสฺวา ปํสุกํ ปุฺฉิตฺวา มตฺถกํ อุปสิงฺฆายนฺตา ปริจุมฺพนฺตา จ สิเนหํ อุปฺปาเทนฺติ, วสฺสสตมฺปิ มาตาปิตโร สีเสน ปริหรนฺตา ปุตฺตา เตสํ ปฏิการํ กาตุํ อสมตฺถา. ยสฺมา จ เต อาปาทกา โปสกา อิมสฺส โลกสฺส ทสฺเสตาโร พฺรหฺมสมฺมตา ปุพฺพาจริยสมฺมตา, ตสฺมา เตสํ อุปฏฺานํ อิธ ปสํสํ เปจฺจ สคฺคสุขฺจ อาวหติ, เตน ‘‘มงฺคล’’นฺติ วุจฺจติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –

‘‘พฺรหฺมาติ มาตาปิตโร, ปุพฺพาจริยาติ วุจฺจเร;

อาหุเนยฺยา จ ปุตฺตานํ, ปชาย อนุกมฺปกา.

‘‘ตสฺมา หิ เน นมสฺเสยฺย, สกฺกเรยฺย จ ปณฺฑิโต;

อนฺเนน อถ ปาเนน, วตฺเถน สยเนน จ.

‘‘อุจฺฉาทเนน นฺหาปเนน, ปาทานํ โธวเนน จ;

ตาย นํ ปาริจริยาย, มาตาปิตูสุ ปณฺฑิตา;

อิเธว นํ ปสํสนฺติ, เปจฺจ สคฺเค ปโมทตี’’ติ. (อ. นิ. ๓.๓๑; อิติวุ. ๑๐๖; ชา. ๒.๒๐.๑๘๑-๑๘๓);

อปโร นโย – อุปฏฺานํ นาม ภรณกิจฺจกรณกุลวํสฏฺปนาทิปฺจวิธํ, ตํ ปาปนิวารณาทิปฺจวิธทิฏฺธมฺมิกหิตเหตุโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ เวทิตพฺพํ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –

‘‘ปฺจหิ โข, คหปติปุตฺต, าเนหิ ปุตฺเตน ปุรตฺถิมา ทิสา มาตาปิตโร ปจฺจุปฏฺาตพฺพา ‘ภโต เน ภริสฺสามิ, กิจฺจํ เนสํ กริสฺสามิ, กุลวํสํ เปสฺสามิ, ทายชฺชํ ปฏิปชฺชิสฺสามิ, อถ วา ปน เปตานํ กาลกตานํ ทกฺขิณํ อนุปฺปทสฺสามี’ติ. อิเมหิ โข, คหปติปุตฺต, ปฺจหิ าเนหิ ปุตฺเตน ปุรตฺถิมา ทิสา มาตาปิตโร ปจฺจุปฏฺิตา ปฺจหิ าเนหิ ปุตฺตํ อนุกมฺปนฺติ, ปาปา นิวาเรนฺติ, กลฺยาเณ นิเวเสนฺติ, สิปฺปํ สิกฺขาเปนฺติ, ปติรูเปน ทาเรน สํโยเชนฺติ, สมเย ทายชฺชํ นิยฺยาเทนฺตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๒๖๗).

อปิจ โย มาตาปิตโร ตีสุ วตฺถูสุ ปสาทุปฺปาทเนน สีลสมาทาปเนน ปพฺพชฺชาย วา อุปฏฺหติ, อยํ มาตาปิตุอุปฏฺากานํ อคฺโค, ตสฺส ตํ มาตาปิตุอุปฏฺานํ มาตาปิตูหิ กตสฺส อุปการสฺส ปจฺจุปการภูตํ อเนเกสํ ทิฏฺธมฺมิกานํ สมฺปรายิกานฺจ อตฺถานํ ปทฏฺานโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ วุจฺจติ.

ปุตฺตทารสฺสาติ เอตฺถ อตฺตนา ชนิตา ปุตฺตาปิ ธีตโรปิ ‘‘ปุตฺตา’’ ตฺเวว สงฺขฺยํ คจฺฉนฺติ. ทาราติ วีสติยา ภริยานํ ยา กาจิ ภริยา. ปุตฺตา จ ทารา จ ปุตฺตทารํ, ตสฺส ปุตฺตทารสฺส. สงฺคโหติ สมฺมานนาทีหิ อุปการกรณํ. ตํ สุสํวิหิตกมฺมนฺตตาทิทิฏฺธมฺมิกหิตเหตุโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ เวทิตพฺพํ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา – ‘‘ปจฺฉิมา ทิสา ปุตฺตทารา เวทิตพฺพา’’ติ (ที. นิ. ๓.๒๖๖) เอตฺถ อุทฺทิฏฺํ ปุตฺตทารํ ภริยาสทฺเทน สงฺคณฺหิตฺวา –

‘‘ปฺจหิ โข, คหปติปุตฺต, าเนหิ สามิเกน ปจฺฉิมา ทิสา ภริยา ปจฺจุปฏฺาตพฺพา, สมฺมานนาย อนวมานนาย อนติจริยาย อิสฺสริยโวสฺสคฺเคน อลงฺการานุปฺปทาเนน. อิเมหิ โข, คหปติปุตฺต, ปฺจหิ าเนหิ สามิเกน ปจฺฉิมา ทิสา ภริยา ปจฺจุปฏฺิตา ปฺจหิ าเนหิ สามิกํ อนุกมฺปติ, สุสํวิหิตกมฺมนฺตา จ โหติ, สงฺคหิตปริชนา จ, อนติจารินี จ, สมฺภตฺจ อนุรกฺขติ, ทกฺขา จ โหติ อนลสา สพฺพกิจฺเจสู’’ติ (ที. นิ. ๓.๒๖๙).

อยํ วา อปโร นโย – สงฺคโหติ ธมฺมิกาหิ ทานปิยวาจอตฺถจริยาหิ สงฺคณฺหนํ. เสยฺยถิทํ – อุโปสถทิวเสสุ ปริพฺพยทานํ, นกฺขตฺตทิวเสสุ นกฺขตฺตทสฺสาปนํ, มงฺคลทิวเสสุ มงฺคลกรณํ, ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิเกสุ อตฺเถสุ โอวาทานุสาสนนฺติ. ตํ วุตฺตนเยเนว ทิฏฺธมฺมิกหิตเหตุโต สมฺปรายิกหิตเหตุโต เทวตาหิปิ นมสฺสนียภาวเหตุโต จ ‘‘มงฺคล’’นฺติ เวทิตพฺพํ. ยถาห สกฺโก เทวานมินฺโท –

‘‘เย คหฏฺา ปุฺกรา, สีลวนฺโต อุปาสกา;

ธมฺเมน ทารํ โปเสนฺติ, เต นมสฺสามิ มาตลี’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๒๖๔);

อนากุลา กมฺมนฺตา นาม กาลฺุตาย ปติรูปการิตาย อนลสตาย อุฏฺานวีริยสมฺปทาย อพฺยสนียตาย จ กาลาติกฺกมนอปฺปติรูปกรณากรณสิถิลกรณาทิอากุลภาววิรหิตา กสิโครกฺขวณิชฺชาทโย กมฺมนฺตา. เอเต อตฺตโน วา ปุตฺตทารสฺส วา ทาสกมฺมกรานํ วา พฺยตฺตตาย เอวํ ปโยชิตา ทิฏฺเว ธมฺเม ธนธฺวุฑฺฒิปฏิลาภเหตุโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ วุตฺตา. วุตฺตฺเจตํ ภควตา –

‘‘ปติรูปการี ธุรวา, อุฏฺาตา วินฺทเต ธน’’นฺติ. (สุ. นิ. ๑๘๙; สํ. นิ. ๑.๒๔๖) จ;

‘‘น ทิวา โสปฺปสีเลน, รตฺติมุฏฺานเทสฺสินา;

นิจฺจํ มตฺเตน โสณฺเฑน, สกฺกา อาวสิตุํ ฆรํ.

‘‘อติสีตํ อติอุณฺหํ, อติสายมิทํ อหุ;

อิติ วิสฺสฏฺกมฺมนฺเต, อตฺถา อจฺเจนฺติ มาณเว.

‘‘โยธ สีตฺจ อุณฺหฺจ, ติณา ภิยฺโย น มฺติ;

กรํ ปุริสกิจฺจานิ, โส สุขา น วิหายตี’’ติ. จ (ที. นิ. ๓.๒๕๓);

‘‘โภเค สํหรมานสฺส, ภมรสฺเสว อิรียโต;

โภคา สนฺนิจยํ ยนฺติ, วมฺมิโกวูปจียตี’’ติ. (ที. นิ. ๓.๒๖๕) –

จ เอวมาทิ.

เอวํ อิมิสฺสาปิ คาถาย มาตุปฏฺานํ, ปิตุปฏฺานํ, ปุตฺตทารสฺส สงฺคโห, อนากุลา จ กมฺมนฺตาติ จตฺตาริ มงฺคลานิ วุตฺตานิ, ปุตฺตทารสฺส สงฺคหํ วา ทฺวิธา กตฺวา ปฺจ, มาตาปิตุอุปฏฺานํ วา เอกเมว กตฺวา ตีณิ. มงฺคลตฺตฺจ เนสํ ตตฺถ ตตฺถ วิภาวิตเมวาติ.

นิฏฺิตา มาตาปิตุอุปฏฺานนฺติ อิมิสฺสา คาถาย อตฺถวณฺณนา.

๒๖๖. อิทานิ ทานฺจาติ เอตฺถ ทียเต อิมินาติ ทานํ, อตฺตโน สนฺตกํ ปรสฺส ปฏิปาทียตีติ วุตฺตํ โหติ. ธมฺมสฺส จริยา, ธมฺมา วา อนเปตา จริยา ธมฺมจริยา. ายนฺเต ‘‘อมฺหากํ อิเม’’ติ าตกา. น อวชฺชานิ อนวชฺชานิ, อนินฺทิตานิ อครหิตานีติ วุตฺตํ โหติ. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ อยํ ปทวณฺณนา.

อตฺถวณฺณนา ปน เอวํ เวทิตพฺพา – ทานํ นาม ปรํ อุทฺทิสฺส สุพุทฺธิปุพฺพิกา อนฺนาทิทสทานวตฺถุปริจฺจาคเจตนา ตํสมฺปยุตฺโต วา อโลโภ. อโลเภน หิ ตํ วตฺถุํ ปรสฺส ปฏิปาเทติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ทียเต อิมินาติ ทาน’’นฺติ. ตํ พหุชนปิยมนาปตาทีนํ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกานํ ผลวิเสสานํ อธิคมเหตุโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘ทายโก สีห ทานปติ พหุโน ชนสฺส ปิโย โหติ มนาโป’’ติ เอวมาทีนิ เจตฺถ สุตฺตานิ (อ. นิ. ๕.๓๔) อนุสฺสริตพฺพานิ.

อปโร นโย – ทานํ นาม ทุวิธํ อามิสทานฺจ, ธมฺมทานฺจ. ตตฺถ อามิสทานํ วุตฺตปฺปการเมว. อิธโลกปรโลกทุกฺขกฺขยสุขาวหสฺส ปน สมฺมาสมฺพุทฺธปฺปเวทิตสฺส ธมฺมสฺส ปเรสํ หิตกามตาย เทสนา ธมฺมทานํ. อิเมสฺจ ทฺวินฺนํ ทานานํ เอตเทว อคฺคํ. ยถาห –

‘‘สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ,

สพฺพรสํ ธมฺมรโส ชินาติ;

สพฺพรตึ ธมฺมรตี ชินาติ,

ตณฺหกฺขโย สพฺพทุกฺขํ ชินาตี’’ติ. (ธ. ป. ๓๕๔);

ตตฺถ อามิสทานสฺส มงฺคลตฺตํ วุตฺตเมว. ธมฺมทานํ ปน ยสฺมา อตฺถปฏิสํเวทิตาทีนํ คุณานํ ปทฏฺานํ, ตสฺมา ‘‘มงฺคล’’นฺติ วุจฺจติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –

‘‘ยถา ยถา, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ วิตฺถาเรน ปเรสํ เทเสติ, ตถา ตถา โส ตสฺมึ ธมฺเม อตฺถปฏิสํเวที จ โหติ ธมฺมปฏิสํเวที จา’’ติ เอวมาทิ (ที. นิ. ๓.๓๕๕; อ. นิ. ๕.๒๖).

ธมฺมจริยา นาม ทสกุสลกมฺมปถจริยา. ยถาห – ‘‘ติวิธํ โข, คหปตโย, กาเยน ธมฺมจริยาสมจริยา โหตี’’ติ เอวมาทิ. สา ปเนสา ธมฺมจริยา สคฺคโลกูปปตฺติเหตุโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ เวทิตพฺพา. วุตฺตฺเหตํ ภควตา – ‘‘ธมฺมจริยาสมจริยาเหตุ โข, คหปตโย, เอวมิเธกจฺเจ สตฺตา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชนฺตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๔๑).

าตกา นาม มาติโต วา ปิติโต วา ยาว สตฺตมา ปิตามหยุคา สมฺพนฺธา. เตสํ โภคปาริชุฺเน วา พฺยาธิปาริชุฺเน วา อภิหตานํ อตฺตโน สมีปํ อาคตานํ ยถาพลํ ฆาสจฺฉาทนธนธฺาทีหิ สงฺคโห ปสํสาทีนํ ทิฏฺธมฺมิกานํ สุคติคมนาทีนฺจ สมฺปรายิกานํ วิเสสาธิคมานํ เหตุโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ วุจฺจติ.

อนวชฺชานิ กมฺมานิ นาม อุโปสถงฺคสมาทานเวยฺยาวจฺจกรณอารามวนโรปนเสตุกรณาทีนิ กายวจีมโนสุจริตกมฺมานิ. ตานิ หิ นานปฺปการหิตสุขาธิคมเหตุโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ วุจฺจติ. ‘‘านํ โข ปเนตํ, วิสาเข, วิชฺชติ ยํ อิเธกจฺโจ อิตฺถี วา ปุริโส วา อฏฺงฺคสมนฺนาคตํ อุโปสถํ อุปวสิตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา จาตุมหาราชิกานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺเชยฺยา’’ติ เอวมาทีนิ เจตฺถ สุตฺตานิ (อ. นิ. ๘.๔๓) อนุสฺสริตพฺพานิ.

เอวํ อิมิสฺสา คาถาย ทานํ, ธมฺมจริยา, าตกานํ สงฺคโห, อนวชฺชานิ กมฺมานีติ จตฺตาริ มงฺคลานิ วุตฺตานิ, มงฺคลตฺตฺจ เนสํ ตตฺถ ตตฺถ วิภาวิตเมวาติ.

นิฏฺิตา ทานฺจาติ อิมิสฺสา คาถาย อตฺถวณฺณนา.

๒๖๗. อิทานิ อารตี วิรตีติ เอตฺถ อารตีติ อารมณํ. วิรตีติ วิรมณํ, วิรมนฺติ วา เอตาย สตฺตาติ วิรติ. ปาปาติ อกุสลา. มทนียฏฺเน มชฺชํ, มชฺชสฺส ปานํ มชฺชปานํ, ตโต มชฺชปานา. สํยมนํ สํยโม. อปฺปมชฺชนํ อปฺปมาโท. ธมฺเมสูติ กุสเลสุ. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ อยํ ปทวณฺณนา.

อตฺถวณฺณนา ปน เอวํ เวทิตพฺพา – อารติ นาม ปาเป อาทีนวทสฺสาวิโน มนสา เอว อนภิรติ. วิรติ นาม กมฺมทฺวารวเสน กายวาจาหิ วิรมณํ. สา เจสา วิรติ นาม สมฺปตฺตวิรติ สมาทานวิรติ สมุจฺเฉทวิรตีติ ติวิธา โหติ. ตตฺถ ยา กุลปุตฺตสฺส อตฺตโน ชาตึ วา กุลํ วา โคตฺตํ วา ปฏิจฺจ ‘‘น เม เอตํ ปติรูปํ, ยฺวาหํ อิมํ ปาณํ หเนยฺยํ, อทินฺนํ อาทิเยยฺย’’นฺติอาทินา นเยน สมฺปตฺตวตฺถุโต วิรติ, อยํ สมฺปตฺตวิรติ นาม. สิกฺขาปทสมาทานวเสน ปน ปวตฺตา สมาทานวิรติ นาม, ยสฺสา ปวตฺติโต ปภุติ กุลปุตฺโต ปาณาติปาตาทีนิ น สมาจรติ. อริยมคฺคสมฺปยุตฺตา สมุจฺเฉทวิรติ นาม, ยสฺสา ปวตฺติโต ปภุติ อริยสาวกสฺส ปฺจ ภยานิ เวรานิ วูปสนฺตานิ โหนฺติ. ปาปํ นาม ยํ ตํ ‘‘ปาณาติปาโต โข, คหปติปุตฺต, กมฺมกิเลโส อทินฺนาทานํ…เป… กาเมสุมิจฺฉาจาโร…เป… มุสาวาโท’’ติ เอวํ วิตฺถาเรตฺวา –

‘‘ปาณาติปาโต อทินฺนาทานํ, มุสาวาโท จ วุจฺจติ;

ปรทารคมนฺเจว, นปฺปสํสนฺติ ปณฺฑิตา’’ติ. (ที. นิ. ๓.๒๔๕) –

เอวํ คาถาย สงฺคหิตํ กมฺมกิเลสสงฺขาตํ จตุพฺพิธํ อกุสลํ, ตโต ปาปา. สพฺพาเปสา อารติ จ วิรติ จ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกภยเวรปฺปหานาทินานปฺปการวิเสสาธิคมเหตุโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ วุจฺจติ. ‘‘ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โข, คหปติปุตฺต, อริยสาวโก’’ติอาทีนิ เจตฺถ สุตฺตานิ อนุสฺสริตพฺพานิ.

มชฺชปานา จ สํยโม นาม ปุพฺเพ วุตฺตสุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานา เวรมณิยาเวตํ อธิวจนํ. ยสฺมา ปน มชฺชปายี อตฺถํ น ชานาติ, ธมฺมํ น ชานาติ, มาตุปิ อนฺตรายํ กโรติ, ปิตุ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธตถาคตสาวกานมฺปิ อนฺตรายํ กโรติ, ทิฏฺเว ธมฺเม ครหํ, สมฺปราเย ทุคฺคตึ, อปราปริยาเย อุมฺมาทฺจ ปาปุณาติ. มชฺชปานา ปน สํยโต เตสํ โทสานํ วูปสมํ ตพฺพิปรีตคุณสมฺปทฺจ ปาปุณาติ. ตสฺมา อยํ มชฺชปานา สํยโม ‘‘มงฺคล’’นฺติ เวทิตพฺโพ.

กุสเลสุ ธมฺเมสุ อปฺปมาโท นาม ‘‘กุสลานํ วา ธมฺมานํ ภาวนาย อสกฺกจฺจกิริยตา อสาตจฺจกิริยตา อนฏฺิตกิริยตา โอลีนวุตฺติตา นิกฺขิตฺตฉนฺทตา นิกฺขิตฺตธุรตา อนาเสวนา อภาวนา อพหุลีกมฺมํ อนธิฏฺานํ อนนุโยโค ปมาโท. โย เอวรูโป ปมาโท ปมชฺชนา ปมชฺชิตตฺตํ, อยํ วุจฺจติ ปมาโท’’ติ (วิภ. ๘๔๖) เอตฺถ วุตฺตสฺส ปมาทสฺส ปฏิปกฺขนเยน อตฺถโต กุสเลสุ ธมฺเมสุ สติยา อวิปฺปวาโส เวทิตพฺโพ. โส นานปฺปการกุสลาธิคมเหตุโต อมตาธิคมเหตุโต จ ‘‘มงฺคล’’นฺติ วุจฺจติ. ตตฺถ ‘‘อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน’’ติ (ม. นิ. ๒.๑๘-๑๙; อ. นิ. ๕.๒๖) จ ‘‘อปฺปมาโท อมตปท’’นฺติ (ธ. ป. ๒๑) จ เอวมาทิ สตฺถุสาสนํ อนุสฺสริตพฺพํ.

เอวํ อิมิสฺสา คาถาย ปาปา วิรติ, มชฺชปานา สํยโม, กุสเลสุ ธมฺเมสุ อปฺปมาโทติ ตีณิ มงฺคลานิ วุตฺตานิ, มงฺคลตฺตฺจ เนสํ ตตฺถ ตตฺถ วิภาวิตเมวาติ.

นิฏฺิตา อารตี วิรตีติ อิมิสฺสา คาถาย อตฺถวณฺณนา.

๒๖๘. อิทานิ คารโว จาติ เอตฺถ คารโวติ ครุภาโว. นิวาโตติ นีจวุตฺติตา. สนฺตุฏฺีติ สนฺโตโส. กตสฺส ชานนตา กตฺุตา. กาเลนาติ ขเณน สมเยน. ธมฺมสฺส สวนํ ธมฺมสฺสวนํ. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ อยํ ปทวณฺณนา.

อตฺถวณฺณนา ปน เอวํ เวทิตพฺพา – คารโว นาม ครุการปโยคารเหสุ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธตถาคตสาวกอาจริยุปชฺฌายมาตาปิตุเชฏฺภาติกภคินิอาทีสุ ยถานุรูปํ ครุกาโร ครุกรณํ สคารวตา. สฺวายํ คารโว ยสฺมา สุคติคมนาทีนํ เหตุ. ยถาห –

‘‘ครุกาตพฺพํ ครุํ กโรติ, มาเนตพฺพํ มาเนติ, ปูเชตพฺพํ ปูเชติ. โส เตน กมฺเมน เอวํ สมตฺเตน เอวํ สมาทินฺเนน กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชติ. โน เจ กายสฺส เภทา…เป… อุปปชฺชติ, สเจ มนุสฺสตฺตํ อาคจฺฉติ, ยตฺถ ยตฺถ ปจฺจาชายติ, อุจฺจากุลีโน โหตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๒๙๕).

ยถา จาห – ‘‘สตฺติเม, ภิกฺขเว, อปริหานิยา ธมฺมา. กตเม สตฺต? สตฺถุคารวตา’’ติอาทิ (อ. นิ. ๗.๓๒-๓๓). ตสฺมา ‘‘มงฺคล’’นฺติ วุจฺจติ.

นิวาโต นาม นีจมนตา นิวาตวุตฺติตา, ยาย สมนฺนาคโต ปุคฺคโล นิหตมาโน นิหตทปฺโป ปาทปุฺฉนโจฬกสโม ฉินฺนวิสาณุสภสโม อุทฺธฏทาสปฺปสโม จ หุตฺวา สณฺโห สขิโล สุขสมฺภาโส โหติ, อยํ นิวาโต. สฺวายํ ยสาทิคุณปฏิลาภเหตุโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ วุจฺจติ. อาห จ – ‘‘นิวาตวุตฺติ อตฺถทฺโธ, ตาทิโส ลภเต ยส’’นฺติ เอวมาทิ (ที. นิ. ๓.๒๗๓).

สนฺตุฏฺิ นาม อิตรีตรปจฺจยสนฺโตโส, โส ทฺวาทสวิโธ โหติ. เสยฺยถิทํ – จีวเร ยถาลาภสนฺโตโส, ยถาพลสนฺโตโส, ยถาสารุปฺปสนฺโตโสติ ติวิโธ. เอวํ ปิณฺฑปาตาทีสุ.

ตสฺสายํ ปเภทวณฺณนา – อิธ ภิกฺขุ จีวรํ ลภติ สุนฺทรํ วา อสุนฺทรํ วา, โส เตเนว ยาเปติ, อฺํ น ปตฺเถติ, ลภนฺโตปิ น คณฺหาติ, อยมสฺส จีวเร ยถาลาภสนฺโตโส. อถ ปน อาพาธิโก โหติ, ครุํ จีวรํ ปารุปนฺโต โอณมติ วา กิลมติ วา. โส สภาเคน ภิกฺขุนา สทฺธึ ตํ ปริวตฺเตตฺวา ลหุเกน ยาเปนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส จีวเร ยถาพลสนฺโตโส. อปโร ภิกฺขุ ปณีตปจฺจยลาภี โหติ, โส ปฏฺฏจีวราทีนํ อฺตรํ มหคฺฆํ จีวรํ ลภิตฺวา ‘‘อิทํ เถรานํ จิรปพฺพชิตานํ พหุสฺสุตานฺจ อนุรูป’’นฺติ เตสํ ทตฺวา อตฺตนา สงฺการกูฏา วา อฺโต วา กุโตจิ นนฺตกานิ อุจฺจินิตฺวา สงฺฆาฏึ กตฺวา ธาเรนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส จีวเร ยถาสารุปฺปสนฺโตโส.

อิธ ปน ภิกฺขุ ปิณฺฑปาตํ ลภติ ลูขํ วา ปณีตํ วา, โส เตเนว ยาเปติ, อฺํ น ปตฺเถติ, ลภนฺโตปิ น คณฺหาติ, อยมสฺส ปิณฺฑปาเต ยถาลาภสนฺโตโส. อถ ปน อาพาธิโก โหติ, ลูขํ ปิณฺฑปาตํ ภุฺชิตฺวา พาฬฺหํ โรคาตงฺกํ ปาปุณาติ, โส สภาคสฺส ภิกฺขุโน ตํ ทตฺวา ตสฺส หตฺถโต สปฺปิมธุขีราทีนิ ภุฺชิตฺวา สมณธมฺมํ กโรนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส ปิณฺฑปาเต ยถาพลสนฺโตโส. อปโร ภิกฺขุ ปณีตํ ปิณฺฑปาตํ ลภติ, โส ‘‘อยํ ปิณฺฑปาโต เถรานํ จิรปพฺพชิตานํ อฺเสฺจ ปณีตปิณฺฑปาตํ วินา อยาเปนฺตานํ สพฺรหฺมจารีนํ อนุรูโป’’ติ เตสํ ทตฺวา อตฺตนา ปิณฺฑาย จริตฺวา มิสฺสกาหารํ ภุฺชนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส ปิณฺฑปาเต ยถาสารุปฺปสนฺโตโส.

อิธ ปน ภิกฺขุโน เสนาสนํ ปาปุณาติ, โส เตเนว สนฺตุสฺสติ, ปุน อฺํ สุนฺทรตรมฺปิ ปาปุณนฺตํ น คณฺหาติ, อยมสฺส เสนาสเน ยถาลาภสนฺโตโส. อถ ปน อาพาธิโก โหติ, นิวาตเสนาสเน วสนฺโต อติวิย ปิตฺตโรคาทีหิ อาตุรียติ, โส สภาคสฺส ภิกฺขุโน ตํ ทตฺวา ตสฺส ปาปุณนเก สวาตสีตลเสนาสเน วสิตฺวา สมณธมฺมํ กโรนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส เสนาสเน ยถาพลสนฺโตโส. อปโร ภิกฺขุ สุนฺทรํ เสนาสนํ ปตฺตมฺปิ น สมฺปฏิจฺฉติ ‘‘สุนฺทรเสนาสนํ ปมาทฏฺานํ, ตตฺร นิสินฺนสฺส ถินมิทฺธํ โอกฺกมติ, นิทฺทาภิภูตสฺส จ ปุน ปฏิพุชฺฌโต กามวิตกฺกา สมุทาจรนฺตี’’ติ, โส ตํ ปฏิกฺขิปิตฺวา อพฺโภกาสรุกฺขมูลปณฺณกุฏีสุ ยตฺถ กตฺถจิ นิวสนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส เสนาสเน ยถาสารุปฺปสนฺโตโส.

อิธ ปน ภิกฺขุ เภสชฺชํ ลภติ หรีตกํ วา อามลกํ วา, โส เตเนว ยาเปติ, อฺเหิ ลทฺธํ สปฺปิมธุผาณิตาทิมฺปิ น ปตฺเถติ, ลภนฺโตปิ น คณฺหาติ, อยมสฺส คิลานปจฺจเย ยถาลาภสนฺโตโส. อถ ปน อาพาธิโก เตเลน อตฺถิโก ผาณิตํ ลภติ, โส ตํ สภาคสฺส ภิกฺขุโน ทตฺวา ตสฺส หตฺถโต เตเลน เภสชฺชํ กตฺวา สมณธมฺมํ กโรนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส คิลานปจฺจเย ยถาพลสนฺโตโส. อปโร ภิกฺขุ เอกสฺมึ ภาชเน ปูติมุตฺตหรีตกํ เปตฺวา เอกสฺมึ จตุมธุรํ ‘‘คณฺหถ, ภนฺเต, ยทิจฺฉสี’’ติ วุจฺจมาโน สจสฺส เตสํ ทฺวินฺนํ อฺตเรนปิ พฺยาธิ วูปสมฺมติ, อถ ‘‘ปูติมุตฺตหรีตกํ นาม พุทฺธาทีหิ วณฺณิตํ, อยฺจ ปูติมุตฺตเภสชฺชํ นิสฺสาย ปพฺพชฺชา, ตตฺถ เต ยาวชีวํ อุสฺสาโห กรณีโย’’ติ (มหาว. ๑๒๘) วุตฺตนฺติ จินฺเตนฺโต จตุมธุรเภสชฺชํ ปฏิกฺขิปิตฺวา มุตฺตหรีตเกน เภสชฺชํ กโรนฺโตปิ ปรมสนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส คิลานปจฺจเย ยถาสารุปฺปสนฺโตโส.

เอวํ ปเภโท สพฺโพเปโส สนฺโตโส สนฺตุฏฺีติ วุจฺจติ. สา อตฺริจฺฉตาปาปิจฺฉตามหิจฺฉตาทีนํ ปาปธมฺมานํ ปหานาธิคมเหตุโต สุคติเหตุโต อริยมคฺคสมฺภารภาวโต จาตุทฺทิสาทิภาวเหตุโต จ ‘‘มงฺคล’’นฺติ เวทิตพฺพา. อาห จ –

‘‘จาตุทฺทิโส อปฺปฏิโฆ จ โหติ,

สนฺตุสฺสมาโน อิตรีตเรนา’’ติ. (สุ. นิ. ๔๒; จูฬนิ. ขคฺควิสาณสุตฺตนิทฺเทส ๑๒๘) เอวมาทิ;

กตฺุตา นาม อปฺปสฺส วา พหุสฺส วา เยน เกนจิ กตสฺส อุปการสฺส ปุนปฺปุนํ อนุสฺสรณภาเวน ชานนตา. อปิจ เนรยิกาทิทุกฺขปริตฺตาณโต ปุฺานิ เอว ปาณีนํ พหูปการานิ, ตโต เตสมฺปิ อุปการานุสฺสรณตา ‘‘กตฺุตา’’ติ เวทิตพฺพา. สา สปฺปุริเสหิ ปสํสนียตาทินานปฺปการวิเสสาธิคมเหตุโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ วุตฺตา. อาห จ – ‘‘ทฺเวเม, ภิกฺขเว, ปุคฺคลา ทุลฺลภา โลกสฺมึ. กตเม ทฺเว? โย จ ปุพฺพการี, โย จ กตฺู กตเวที’’ติ (อ. นิ. ๒.๑๒๐).

กาเลน ธมฺมสฺสวนํ นาม ยสฺมึ กาเล อุทฺธจฺจสหคตํ จิตฺตํ โหติ, กามวิตกฺกาทีนํ วา อฺตเรน อภิภูตํ, ตสฺมึ กาเล เตสํ วิโนทนตฺถํ ธมฺมสฺสวนํ. อปเร อาหุ – ปฺจเม ปฺจเม ทิวเส ธมฺมสฺสวนํ กาเลน ธมฺมสฺสวนํ นาม. ยถาห อายสฺมา อนุรุทฺโธ ‘‘ปฺจาหิกํ โข ปน มยํ, ภนฺเต, สพฺพรตฺตึ ธมฺมิยา กถาย สนฺนิสีทามา’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๒๗; มหาว. ๔๖๖).

อปิจ ยสฺมึ กาเล กลฺยาณมิตฺเต อุปสงฺกมิตฺวา สกฺกา โหติ อตฺตโน กงฺขาปฏิวิโนทกํ ธมฺมํ โสตุํ, ตสฺมึ กาเลปิ ธมฺมสฺสวนํ ‘‘กาเลน ธมฺมสฺสวน’’นฺติ เวทิตพฺพํ. ยถาห – ‘‘เต กาเลน กาลํ อุปสงฺกมิตฺวา ปริปุจฺฉติ ปริปฺหตี’’ติอาทิ (ที. นิ. ๓.๓๕๘). ตเทตํ กาเลน ธมฺมสฺสวนํ นีวรณปฺปหานจตุรานิสํสอาสวกฺขยาทินานปฺปการวิเสสาธิคมเหตุโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ เวทิตพฺพํ. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘ยสฺมึ, ภิกฺขเว, สมเย อริยสาวโก อฏฺึ กตฺวา มนสิ กตฺวา สพฺพํ เจตโส สมนฺนาหริตฺวา โอหิตโสโต ธมฺมํ สุณาติ, ปฺจสฺส นีวรณานิ ตสฺมึ สมเย น โหนฺตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๑๙) จ.

‘‘โสตานุคตานํ, ภิกฺขเว, ธมฺมานํ…เป… สุปฺปฏิวิทฺธานํ จตฺตาโร อานิสํสา ปาฏิกงฺขา’’ติ (อ. นิ. ๔.๑๙๑) จ.

‘‘จตฺตาโรเม, ภิกฺขเว, ธมฺมา กาเลน กาลํ สมฺมา ภาวิยมานา สมฺมา อนุปริวตฺติยมานา อนุปุพฺเพน อาสวานํ ขยํ ปาเปนฺติ. กตเม จตฺตาโร? กาเลน ธมฺมสฺสวน’’นฺติ จ เอวมาทีนิ (อ. นิ. ๔.๑๔๗).

เอวํ อิมิสฺสา คาถาย คารโว, นิวาโต, สนฺตุฏฺิ, กตฺุตา, กาเลน ธมฺมสฺสวนนฺติ ปฺจ มงฺคลานิ วุตฺตานิ, มงฺคลตฺตฺจ เนสํ ตตฺถ ตตฺถ วิภาวิตเมวาติ.

นิฏฺิตา คารโว จ นิวาโต จาติ อิมิสฺสา คาถาย อตฺถวณฺณนา.

๒๖๙. อิทานิ ขนฺตี จาติ เอตฺถ ขมนํ ขนฺติ. ปทกฺขิณคฺคาหิตาย สุขํ วโจ อสฺมินฺติ สุวโจ, สุวจสฺส กมฺมํ โสวจสฺสํ, โสวจสฺสสฺส ภาโว โสวจสฺสตา. กิเลสานํ สมิตตฺตา สมณา. ทสฺสนนฺติ เปกฺขนํ. ธมฺมสฺส สากจฺฉา ธมฺมสากจฺฉา. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ อยํ ปทวณฺณนา.

อตฺถวณฺณนา ปน เอวํ เวทิตพฺพา ขนฺติ นาม อธิวาสนกฺขนฺติ, ยาย สมนฺนาคโต ภิกฺขุ ทสหิ อกฺโกสวตฺถูหิ อกฺโกสนฺเต, วธพนฺธาทีหิ วา วิหึสนฺเต ปุคฺคเล อสุณนฺโต วิย จ อปสฺสนฺโต วิย จ นิพฺพิกาโร โหติ ขนฺติวาที วิย. ยถาห –

‘‘อหู อตีตมทฺธานํ, สมโณ ขนฺติทีปโน;

ตํ ขนฺติยาเยว ิตํ, กาสิราชา อเฉทยี’’ติ. (ชา. ๑.๔.๕๑);

ภทฺทกโต วา มนสิ กโรติ ตโต อุตฺตริ อปราธาภาเวน อายสฺมา ปุณฺณตฺเถโร วิย. ยถาห –

‘‘สเจ มํ, ภนฺเต, สุนาปรนฺตกา มนุสฺสา อกฺโกสิสฺสนฺติ ปริภาสิสฺสนฺติ, ตตฺถ เม เอวํ ภวิสฺสติ ‘ภทฺทกา วติเม สุนาปรนฺตกา มนุสฺสา, สุภทฺทกา วติเม สุนาปรนฺตกา มนุสฺสา, ยํ เม นยิเม ปาณินา ปหารํ เทนฺตี’’’ติอาทิ (ม. นิ. ๓.๓๙๖; สํ. นิ. ๔.๘๘).

ยาย จ สมนฺนาคโต อิสีนมฺปิ ปสํสนีโย โหติ. ยถาห สรภงฺโค อิสิ –

‘‘โกธํ วธิตฺวา น กทาจิ โสจติ,

มกฺขปฺปหานํ อิสโย วณฺณยนฺติ;

สพฺเพสํ วุตฺตํ ผรุสํ ขเมถ,

เอตํ ขนฺตึ อุตฺตมมาหุ สนฺโต’’ติ. (ชา. ๒.๑๗.๖๔);

เทวตานมฺปิ ปสํสนีโย โหติ. ยถาห สกฺโก เทวานมินฺโท –

‘‘โย หเว พลวา สนฺโต, ทุพฺพลสฺส ติติกฺขติ;

ตมาหุ ปรมํ ขนฺตึ, นิจฺจํ ขมติ ทุพฺพโล’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๒๕๐-๒๕๑);

พุทฺธานมฺปิ ปสํสนีโย โหติ. ยถาห ภควา –

‘‘อกฺโกสํ วธพนฺธฺจ, อทุฏฺโ โย ติติกฺขติ;

ขนฺตีพลํ พลานีกํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ. (ธ. ป. ๓๙๙);

สา ปเนสา ขนฺติ เอเตสฺจ อิธ วณฺณิตานํ อฺเสฺจ คุณานํ อธิคมเหตุโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ เวทิตพฺพา.

โสวจสฺสตา นาม สหธมฺมิกํ วุจฺจมาเน วิกฺเขปํ วา ตุณฺหีภาวํ วา คุณโทสจินฺตนํ วา อนาปชฺชิตฺวา อติวิย อาทรฺจ คารวฺจ นีจมนตฺจ ปุรกฺขตฺวา ‘‘สาธู’’ติ วจนกรณตา. สา สพฺรหฺมจารีนํ สนฺติกา โอวาทานุสาสนีปฏิลาภเหตุโต โทสปฺปหานคุณาธิคมเหตุโต จ ‘‘มงฺคล’’นฺติ วุจฺจติ.

สมณานํ ทสฺสนํ นาม อุปสมิตกิเลสานํ ภาวิตกายวจีจิตฺตปฺานํ อุตฺตมทมถสมถสมนฺนาคตานํ ปพฺพชิตานํ อุปสงฺกมนุปฏฺานอนุสฺสรณสวนทสฺสนํ, สพฺพมฺปิ โอมกเทสนาย ‘‘ทสฺสน’’นฺติ วุตฺตํ. ตํ ‘‘มงฺคล’’นฺติ เวทิตพฺพํ. กสฺมา? พหูปการตฺตา. อาห จ – ‘‘ทสฺสนมฺปหํ, ภิกฺขเว, เตสํ ภิกฺขูนํ พหูปการํ วทามี’’ติอาทิ (อิติวุ. ๑๐๔). ยโต หิตกาเมน กุลปุตฺเตน สีลวนฺเต ภิกฺขู ฆรทฺวารํ สมฺปตฺเต ทิสฺวา ยทิ เทยฺยธมฺโม อตฺถิ, ยถาพลํ เทยฺยธมฺเมน ปติมาเนตพฺพา. ยทิ นตฺถิ, ปฺจปติฏฺิตํ กตฺวา วนฺทิตพฺพา. ตสฺมึ อสมฺปชฺชมาเน อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา นมสฺสิตพฺพา, ตสฺมิมฺปิ อสมฺปชฺชมาเน ปสนฺนจิตฺเตน ปิยจกฺขูหิ สมฺปสฺสิตพฺพา. เอวํ ทสฺสนมูลเกนาปิ หิ ปุฺเน อเนกานิ ชาติสหสฺสานิ จกฺขุมฺหิ โรโค วา ทาโห วา อุสฺสทา วา ปิฬกา วา น โหนฺติ, วิปฺปสนฺนปฺจวณฺณสสฺสิริกานิ โหนฺติ จกฺขูนิ รตนวิมาเน อุคฺฆาฏิตมณิกวาฏสทิสานิ, สตสหสฺสกปฺปมตฺตํ เทเวสุ จ มนุสฺเสสุ จ สพฺพสมฺปตฺตีนํ ลาภี โหติ. อนจฺฉริยฺเจตํ, ยํ มนุสฺสภูโต สปฺปฺชาติโก สมฺมา ปวตฺติเตน สมณทสฺสนมเยน ปุฺเน เอวรูปํ วิปากสมฺปตฺตึ อนุภเวยฺย, ยตฺถ ติรจฺฉานคตานมฺปิ เกวลํ สทฺธามตฺตกชนิตสฺส สมณทสฺสนสฺส เอวํ วิปากสมฺปตฺตึ วณฺณยนฺติ –

‘‘อุลูโก มณฺฑลกฺขิโก,

เวทิยเก จิรทีฆวาสิโก;

สุขิโต วต โกสิโย อยํ,

กาลุฏฺิตํ ปสฺสติ พุทฺธวรํ.

‘‘มยิ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, ภิกฺขุสงฺเฆ อนุตฺตเร;

กปฺปานํ สตสหสฺสานิ, ทุคฺคตึ โส น คจฺฉติ.

‘‘เทวโลกา จวิตฺวาน, กุสลกมฺเมน โจทิโต;

ภวิสฺสติ อนนฺตาโณ, โสมนสฺโสติ วิสฺสุโต’’ติ. (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๔๔; ขุ. ปา. อฏฺ. ๕.๑๐);

กาเลน ธมฺมสากจฺฉา นาม ปโทเส วา ปจฺจูเส วา ทฺเว สุตฺตนฺติกา ภิกฺขู อฺมฺํ สุตฺตนฺตํ สากจฺฉนฺติ, วินยธรา วินยํ, อาภิธมฺมิกา อภิธมฺมํ, ชาตกภาณกา ชาตกํ, อฏฺกถิกา อฏฺกถํ, ลีนุทฺธตวิจิกิจฺฉาปเรตจิตฺตวิโสธนตฺถํ วา ตมฺหิ ตมฺหิ กาเล สากจฺฉนฺติ, อยํ กาเลน ธมฺมสากจฺฉา. สา อาคมพฺยตฺติอาทีนํ คุณานํ เหตุโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ วุจฺจตีติ.

เอวํ อิมิสฺสา คาถาย ขนฺติ, โสวจสฺสตา, สมณทสฺสนํ, กาเลน ธมฺมสากจฺฉาติ จตฺตาริ มงฺคลานิ วุตฺตานิ, มงฺคลตฺตฺจ เนสํ ตตฺถ ตตฺถ วิภาวิตเมวาติ.

นิฏฺิตา ขนฺตี จาติ อิมิสฺสา คาถาย อตฺถวณฺณนา.

๒๗๐. อิทานิ ตโป จาติ เอตฺถ ปาปเก อกุสเล ธมฺเม ตปตีติ ตโป. พฺรหฺมํ จริยํ, พฺรหฺมานํ วา จริยํ พฺรหฺมจริยํ, เสฏฺจริยนฺติ วุตฺตํ โหติ. อริยสจฺจานํ ทสฺสนํ อริยสจฺจาน ทสฺสนํ. อริยสจฺจานิ ทสฺสนนฺติปิ เอเก, ตํ น สุนฺทรํ. นิกฺขนฺตํ วานโตติ นิพฺพานํ, สจฺฉิกรณํ สจฺฉิกิริยา, นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยา นิพฺพานสจฺฉิกิริยา. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ อยํ ปทวณฺณนา.

อตฺถวณฺณนา ปน เอวํ เวทิตพฺพา – ตโป นาม อภิชฺฌาโทมนสฺสาทีนํ ตปนโต อินฺทฺริยสํวโร, โกสชฺชสฺส วา ตปนโต วีริยํ. เตน หิ สมนฺนาคโต ปุคฺคโล อาตาปีติ วุจฺจติ. สฺวายํ อภิชฺฌาทิปฺปหานฌานาทิปฏิลาภเหตุโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ เวทิตพฺโพ.

พฺรหฺมจริยํ นาม เมถุนวิรติสมณธมฺมสาสนมคฺคานํ อธิวจนํ. ตถา หิ ‘‘อพฺรหฺมจริยํ ปหาย พฺรหฺมจารี โหตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๙๔; ม. นิ. ๑.๒๙๒) เอวมาทีสุ เมถุนวิรติ พฺรหฺมจริยนฺติ วุจฺจติ. ‘‘ภควติ โน, อาวุโส, พฺรหฺมจริยํ วุสฺสตี’’ติ เอวมาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๕๗) สมณธมฺโม. ‘‘น ตาวาหํ, ปาปิม, ปรินิพฺพายิสฺสามิ, ยาว เม อิทํ พฺรหฺมจริยํ น อิทฺธฺเจว ภวิสฺสติ ผีตฺจ วิตฺถาริกํ พาหุชฺ’’นฺติ เอวมาทีสุ (ที. นิ. ๒.๑๖๘; สํ. นิ. ๕.๘๒๒; อุทา. ๕๑) สาสนํ. ‘‘อยเมว โข, ภิกฺขุ, อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค พฺรหฺมจริยํ. เสยฺยถิทํ, สมฺมาทิฏฺี’’ติ เอวมาทีสุ (สํ. นิ. ๕.๖) มคฺโค. อิธ ปน อริยสจฺจทสฺสเนน ปรโต มคฺคสฺส คหิตตฺตา อวเสสํ สพฺพมฺปิ วฏฺฏติ. ตฺเจตํ อุปรูปริ นานปฺปการวิเสสาธิคมเหตุโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ เวทิตพฺพํ.

อริยสจฺจาน ทสฺสนํ นาม กุมารปฺเห วุตฺตตฺถานํ จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ อภิสมยวเสน มคฺคทสฺสนํ. ตํ สํสารทุกฺขวีติกฺกมเหตุโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ วุจฺจติ.

นิพฺพานสจฺฉิกิริยา นาม อิธ อรหตฺตผลํ ‘‘นิพฺพาน’’นฺติ อธิปฺเปตํ. ตมฺปิ หิ ปฺจคติวานเนน วานสฺิตาย ตณฺหาย นิกฺขนฺตตฺตา ‘‘นิพฺพาน’’นฺติ วุจฺจติ. ตสฺส ปตฺติ วา ปจฺจเวกฺขณา วา ‘‘สจฺฉิกิริยา’’ติ วุจฺจติ. อิตรสฺส ปน นิพฺพานสฺส อริยสจฺจานํ ทสฺสเนเนว สจฺฉิกิริยา สิทฺธา, เตเนตํ อิธ น อธิปฺเปตํ. เอวเมสา นิพฺพานสจฺฉิกิริยา ทิฏฺธมฺมสุขวิหาราทิเหตุโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ เวทิตพฺพา.

เอวํ อิมิสฺสาปิ คาถาย ตโป, พฺรหฺมจริยํ, อริยสจฺจาน ทสฺสนํ, นิพฺพานสจฺฉิกิริยาติ จตฺตาริ มงฺคลานิ วุตฺตานิ, มงฺคลตฺตฺจ เนสํ ตตฺถ ตตฺถ วิภาวิตเมวาติ.

นิฏฺิตา ตโป จาติ อิมิสฺสา คาถาย อตฺถวณฺณนา.

๒๗๑. อิทานิ ผุฏฺสฺส โลกธมฺเมหีติ เอตฺถ ผุฏฺสฺสาติ ผุสิตสฺส ฉุปิตสฺส สมฺปตฺตสฺส. โลเก ธมฺมา โลกธมฺมา, ยาว โลกปฺปวตฺติ, ตาว อนิวตฺตกา ธมฺมาติ วุตฺตํ โหติ. จิตฺตนฺติ มโน มานสํ. ยสฺสาติ นวสฺส วา มชฺฌิมสฺส วา เถรสฺส วา. น กมฺปตีติ น จลติ, น เวธติ. อโสกนฺติ นิสฺโสกํ อพฺพูฬฺหโสกสลฺลํ. วิรชนฺติ วิคตรชํ วิทฺธํสิตรชํ. เขมนฺติ อภยํ นิรุปทฺทวํ. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ อยํ ตาว ปทวณฺณนา.

อตฺถวณฺณนา ปน เอวํ เวทิตพฺพา – ผุฏฺสฺส โลกธมฺเมหิ ยสฺส จิตฺตํ น กมฺปติ, ยสฺส ลาภาลาภาทีหิ อฏฺหิ โลกธมฺเมหิ ผุฏฺสฺส อชฺโฌตฺถฏสฺส จิตฺตํ น กมฺปติ, น จลติ, น เวธติ, ตสฺส ตํ จิตฺตํ เกนจิ อกมฺปนียโลกุตฺตรภาวาวหนโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ เวทิตพฺพํ.

กสฺส ปน เอเตหิ ผุฏฺสฺส จิตฺตํ น กมฺปติ? อรหโต ขีณาสวสฺส, น อฺสฺส กสฺสจิ. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘เสโล ยถา เอกคฺฆโน, วาเตน น สมีรติ;

เอวํ รูปา รสา สทฺทา, คนฺธา ผสฺสา จ เกวลา.

‘‘อิฏฺา ธมฺมา อนิฏฺา จ, น ปเวเธนฺติ ตาทิโน;

ิตํ จิตฺตํ วิปฺปมุตฺตํ, วยฺจสฺสานุปสฺสตี’’ติ. (อ. นิ. ๖.๕๕; มหาว. ๒๔๔);

อโสกํ นาม ขีณาสวสฺเสว จิตฺตํ. ตฺหิ โย ‘‘โสโก โสจนา โสจิตตฺตํ อนฺโตโสโก อนฺโตปริโสโก เจตโส ปรินิชฺฌายิตตฺต’’นฺติอาทินา (วิภ. ๒๓๗) นเยน วุจฺจติ โสโก, ตสฺส อภาวโต อโสกํ. เกจิ นิพฺพานํ วทนฺติ, ตํ ปุริมปเทน นานุสนฺธิยติ. ยถา จ อโสกํ, เอวํ วิรชํ เขมนฺติปิ ขีณาสวสฺเสว จิตฺตํ. ตฺหิ ราคโทสโมหรชานํ วิคตตฺตา วิรชํ, จตูหิ จ โยเคหิ เขมตฺตา เขมํ. ยโต เอตํ เตน เตนากาเรน ตมฺหิ ตมฺหิ ปวตฺติกฺขเณ คเหตฺวา นิทฺทิฏฺวเสน ติวิธมฺปิ อปฺปวตฺตกฺขนฺธตาทิโลกุตฺตมภาวาวหนโต อาหุเนยฺยาทิภาวาวหนโต จ ‘‘มงฺคล’’นฺติ เวทิตพฺพํ.

เอวํ อิมิสฺสา คาถาย อฏฺโลกธมฺเมหิ อกมฺปิตจิตฺตํ, อโสกจิตฺตํ, วิรชจิตฺตํ, เขมจิตฺตนฺติ จตฺตาริ มงฺคลานิ วุตฺตานิ, มงฺคลตฺตฺจ เนสํ ตตฺถ ตตฺถ วิภาวิตเมวาติ.

นิฏฺิตา ผุฏฺสฺส โลกธมฺเมหีติ อิมิสฺสา คาถาย อตฺถวณฺณนา.

๒๗๒. เอวํ ภควา ‘‘อเสวนา จ พาลาน’’นฺติอาทีหิ ทสหิ คาถาหิ อฏฺตึส มงฺคลานิ กเถตฺวา อิทานิ เอตาเนว อตฺตนา วุตฺตมงฺคลานิ ถุนนฺโต ‘‘เอตาทิสานิ กตฺวานา’’ติ อิมํ อวสานคาถมภาสิ.

ตสฺสายํ อตฺถวณฺณนา – เอตาทิสานีติ เอตานิ อีทิสานิ มยา วุตฺตปฺปการานิ พาลานํ อเสวนาทีนิ. กตฺวานาติ กตฺวา. กตฺวาน กตฺวา กริตฺวาติ หิ อตฺถโต อนฺํ. สพฺพตฺถมปราชิตาติ สพฺพตฺถ ขนฺธกิเลสาภิสงฺขารเทวปุตฺตมารปฺปเภเทสุ จตูสุ ปจฺจตฺถิเกสุ เอเกนปิ อปราชิตา หุตฺวา, สยเมว เต จตฺตาโร มาเร ปราเชตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. มกาโร เจตฺถ ปทสนฺธิกรณมตฺโตติ วิฺาตพฺโพ.

สพฺพตฺถ โสตฺถึ คจฺฉนฺตีติ เอตาทิสานิ มงฺคลานิ กตฺวา จตูหิ มาเรหิ อปราชิตา หุตฺวา สพฺพตฺถ อิธโลกปรโลเกสุ านจงฺกมนาทีสุ จ โสตฺถึ คจฺฉนฺติ, พาลเสวนาทีหิ เย อุปฺปชฺเชยฺยุํ อาสวา วิฆาตปริฬาหา, เตสํ อภาวา โสตฺถึ คจฺฉนฺติ, อนุปทฺทุตา อนุปสฏฺา เขมิโน อปฺปฏิภยา คจฺฉนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. อนุนาสิโก เจตฺถ คาถาพนฺธสุขตฺถํ วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ.

ตํ เตสํ มงฺคลมุตฺตมนฺติ อิมินา คาถาปาเทน ภควา เทสนํ นิฏฺาเปสิ. กถํ? เอวํ เทวปุตฺต เย เอตาทิสานิ กโรนฺติ, เต ยสฺมา สพฺพตฺถ โสตฺถึ คจฺฉนฺติ, ตสฺมา ตํ พาลานํ อเสวนาทิ อฏฺตึสวิธมฺปิ เตสํ เอตาทิสการกานํ มงฺคลํ อุตฺตมํ เสฏฺํ ปวรนฺติ คณฺหาหีติ.

เอวฺจ ภควตา นิฏฺาปิตาย เทสนาย ปริโยสาเน โกฏิสตสหสฺสเทวตา อรหตฺตํ ปาปุณึสุ, โสตาปตฺติสกทาคามิอนาคามิผลปฺปตฺตานํ คณนา อสงฺขฺเยยฺยา อโหสิ. อถ ภควา ทุติยทิวเส อานนฺทตฺเถรํ อามนฺเตสิ – ‘‘อิมํ, อานนฺท, รตฺตึ อฺตรา เทวตา มํ อุปสงฺกมิตฺวา มงฺคลปฺหํ ปุจฺฉิ. อถสฺสาหํ อฏฺตึส มงฺคลานิ อภาสึ, อุคฺคณฺห, อานนฺท, อิมํ มงฺคลปริยายํ, อุคฺคเหตฺวา ภิกฺขู วาเจหี’’ติ. เถโร อุคฺคเหตฺวา ภิกฺขู วาเจสิ. ตยิทํ อาจริยปรมฺปราภตํ ยาวชฺชตนา ปวตฺตติ, เอวมิทํ พฺรหฺมจริยํ อิทฺธฺเจว ผีตฺจ วิตฺถาริกํ พาหุชฺํ ปุถุภูตํ ยาว เทวมนุสฺเสหิ สุปฺปกาสิตนฺติ เวทิตพฺพํ.

อิทานิ เอเตสฺเวว มงฺคเลสุ าณปริจยปาฏวตฺถํ อยํ อาทิโต ปภุติ โยชนา – เอวมิเม อิธโลกปรโลกโลกุตฺตรสุขกามา สตฺตา พาลชนเสวนํ ปหาย, ปณฺฑิเต นิสฺสาย, ปูชเนยฺเย ปูเชนฺตา, ปติรูปเทสวาเสน ปุพฺเพ กตปุฺตาย จ กุสลปฺปวตฺติยํ โจทิยมานา, อตฺตานํ สมฺมา ปณิธาย, พาหุสจฺจสิปฺปวินเยหิ อลงฺกตตฺตภาวา, วินยานุรูปํ สุภาสิตํ ภาสมานา, ยาว คิหิภาวํ น วิชหนฺติ, ตาว มาตาปิตุอุปฏฺาเนน โปราณํ อิณมูลํ วิโสธยมานา, ปุตฺตทารสงฺคเหน นวํ อิณมูลํ ปโยชยมานา, อนากุลกมฺมนฺตตาย ธนธฺาทิสมิทฺธึ ปาปุณนฺตา, ทาเนน โภคสารํ ธมฺมจริยาย ชีวิตสารฺจ คเหตฺวา, าติสงฺคเหน สกชนหิตํ อนวชฺชกมฺมนฺตตาย ปรชนหิตฺจ กโรนฺตา, ปาปวิรติยา ปรูปฆาตํ มชฺชปานสํยเมน อตฺตูปฆาตฺจ วิวชฺเชตฺวา, ธมฺเมสุ อปฺปมาเทน กุสลปกฺขํ วฑฺเฒตฺวา, วฑฺฒิตกุสลตาย คิหิพฺยฺชนํ โอหาย ปพฺพชิตภาเว ิตาปิ พุทฺธพุทฺธสาวกุปชฺฌาจริยาทีสุ คารเวน นิวาเตน จ วตฺตสมฺปทํ อาราเธตฺวา, สนฺตุฏฺิยา ปจฺจยเคธํ ปหาย, กตฺุตาย สปฺปุริสภูมิยํ ตฺวา, ธมฺมสฺสวเนน จิตฺตลีนตํ ปหาย, ขนฺติยา สพฺพปริสฺสเย อภิภวิตฺวา, โสวจสฺสตาย สนาถมตฺตานํ กตฺวา, สมณทสฺสเนน ปฏิปตฺติปโยคํ ปสฺสนฺตา, ธมฺมสากจฺฉาย กงฺขาฏฺานิเยสุ ธมฺเมสุ กงฺขํ ปฏิวิโนเทตฺวา, อินฺทฺริยสํวรตเปน สีลวิสุทฺธึ สมณธมฺมพฺรหฺมจริเยน จิตฺตวิสุทฺธึ ตโต ปรา จ จตสฺโส วิสุทฺธิโย สมฺปาเทนฺตา, อิมาย ปฏิปทาย อริยสจฺจทสฺสนปริยายํ าณทสฺสนวิสุทฺธึ ปตฺวา อรหตฺตผลสงฺขาตํ นิพฺพานํ สจฺฉิกโรนฺติ. ยํ สจฺฉิกตฺวา สิเนรุปพฺพโต วิย วาตวุฏฺีหิ อฏฺหิ โลกธมฺเมหิ อวิกมฺปมานจิตฺตา อโสกา วิรชา เขมิโน โหนฺติ. เย จ เขมิโน, เต สพฺพตฺถ เอเกนาปิ อปราชิตา โหนฺติ, สพฺพตฺถ จ โสตฺถึ คจฺฉนฺติ. เตนาห ภควา –

‘‘เอตาทิสานิ กตฺวาน, สพฺพตฺถมปราชิตา;

สพฺพตฺถ โสตฺถึ คจฺฉนฺติ, ตํ เตสํ มงฺคลมุตฺตม’’นฺติ.

อิติ ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย

สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย มงฺคลสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. สูจิโลมสุตฺตวณฺณนา

เอวํ เม สุตนฺติ สูจิโลมสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? อตฺถวณฺณนานเยเนวสฺส อุปฺปตฺติ อาวิ ภวิสฺสติ. อตฺถวณฺณนายฺจ ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติอาทิ วุตฺตตฺถเมว. คยายํ วิหรติ ฏงฺกิตมฺเจ สูจิโลมสฺส ยกฺขสฺส ภวเนติ เอตฺถ ปน กา คยา, โก ฏงฺกิตมฺโจ, กสฺมา จ ภควา ตสฺส ยกฺขสฺส ภวเน วิหรตีติ? วุจฺจเต – คยาติ คาโมปิ ติตฺถมฺปิ วุจฺจติ, ตทุภยมฺปิ อิธ วฏฺฏติ. คยาคามสฺส หิ อวิทูเร เทเส วิหรนฺโตปิ ‘‘คยายํ วิหรตี’’ติ วุจฺจติ, ตสฺส จ คามสฺส สมีเป อวิทูเร ทฺวารสนฺติเก โส ฏงฺกิตมฺโจ. คยาติตฺเถ วิหรนฺโตปิ ‘‘คยายํ วิหรตี’’ติ วุจฺจติ, คยาติตฺเถ จ โส ฏงฺกิตมฺโจ. ฏงฺกิตมฺโจติ จตุนฺนํ ปาสาณานํ อุปริ วิตฺถตํ ปาสาณํ อาโรเปตฺวา กโต ปาสาณมฺโจ. ตํ นิสฺสาย ยกฺขสฺส ภวนํ อาฬวกสฺส ภวนํ วิย. ยสฺมา วา ปน ภควา ตํ ทิวสํ ปจฺจูสสมเย มหากรุณาสมาปตฺติโต วุฏฺาย พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกนฺโต สูจิโลมสฺส จ ขรโลมสฺส จาติ ทฺวินฺนมฺปิ ยกฺขานํ โสตาปตฺติผลูปนิสฺสยํ อทฺทส, ตสฺมา ปตฺตจีวรํ อาทาย อนฺโตอรุเณเยว นานาทิสาหิ สนฺนิปติตสฺส ชนสฺส เขฬสิงฺฆาณิกาทินานปฺปการาสุจินิสฺสนฺทกิลินฺนภูมิภาคมฺปิ ตํ ติตฺถปฺปเทสํ อาคนฺตฺวา ตสฺมึ ฏงฺกิตมฺเจ นิสีทิ สูจิโลมสฺส ยกฺขสฺส ภวเน. เตน วุตฺตํ ‘‘เอกํ สมยํ ภควา คยายํ วิหรติ ฏงฺกิตมฺเจ สูจิโลมสฺส ยกฺขสฺส ภวเน’’ติ.

เตน โข ปน สมเยนาติ ยํ สมยํ ภควา ตตฺถ วิหรติ, เตน สมเยน. ขโร จ ยกฺโข สูจิโลโม จ ยกฺโข ภควโต อวิทูเร อติกฺกมนฺตีติ. เก เต ยกฺขา, กสฺมา จ อติกฺกมนฺตีติ? วุจฺจเต – เตสุ ตาว เอโก อตีเต สงฺฆสฺส เตลํ อนาปุจฺฉา คเหตฺวา อตฺตโน สรีรํ มกฺเขสิ. โส เตน กมฺเมน นิรเย ปจฺจิตฺวา คยาโปกฺขรณิตีเร ยกฺขโยนิยํ นิพฺพตฺโต. ตสฺเสว จสฺส กมฺมสฺส วิปากาวเสเสน วิรูปานิ องฺคปจฺจงฺคานิ อเหสุํ, อิฏฺกจฺฉทนสทิสฺจ ขรสมฺผสฺสํ จมฺมํ. โส กิร ยทา ปรํ ภึสาเปตุกาโม โหติ, ตทา ฉทนิฏฺกสทิสานิ จมฺมกปาลานิ อุกฺขิปิตฺวา ภึสาเปติ. เอวํ โส ขรสมฺผสฺสตฺตา ขโร ยกฺโขตฺเวว นามํ ลภิ.

อิตโร กสฺสปสฺส ภควโต กาเล อุปาสโก หุตฺวา มาสสฺส อฏฺ ทิวเส วิหารํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุณาติ. โส เอกทิวสํ ธมฺมสฺสวเน โฆสิเต สงฺฆารามทฺวาเร อตฺตโน เขตฺตํ เกลายนฺโต อุคฺโฆสนํ สุตฺวา ‘‘สเจ นฺหายามิ, จิรํ ภวิสฺสตี’’ติ กิลิฏฺคตฺโตว อุโปสถาคารํ ปวิสิตฺวา มหคฺเฆ ภุมฺมตฺถรเณ อนาทเรน นิปชฺชิตฺวา สุปิ. ภิกฺขุ เอวายํ, น อุปาสโกติ สํยุตฺตภาณกา. โส เตน จ อฺเน กมฺเมน จ นิรเย ปจฺจิตฺวา คยาโปกฺขรณิยา ตีเร ยกฺขโยนิยํ นิพฺพตฺโต. โส ตสฺส กมฺมสฺส วิปากาวเสเสน ทุทฺทสิโก อโหสิ, สรีเร จสฺส สูจิสทิสานิ โลมานิ อเหสุํ. โส หิ ภึสาเปตพฺพเก สตฺเต สูจีหิ วิชฺฌนฺโต วิย ภึสาเปติ. เอวํ โส สูจิสทิสโลมตฺตา สูจิโลโม ยกฺโขตฺเวว นามํ ลภิ. เต อตฺตโน โคจรตฺถาย ภวนโต นิกฺขมิตฺวา มุหุตฺตํ คนฺตฺวา คตมคฺเคเนว นิวตฺติตฺวา อิตรํ ทิสาภาคํ คจฺฉนฺตา ภควโต อวิทูเร อติกฺกมนฺติ.

อถ โข ขโรติ กสฺมา เต เอวมาหํสุ? ขโร สมณกปฺปํ ทิสฺวา อาห. สูจิโลโม ปน ‘‘โย ภายติ น โส สมโณ, สมณปฏิรูปกตฺตา ปน สมณโก โหตี’’ติ เอวํลทฺธิโก. ตสฺมา ตาทิสํ ภควนฺตํ มฺมาโน ‘‘เนโส สมโณ, สมณโก เอโส’’ติ สหสาว วตฺวาปิ ปุน วีมํสิตุกาโม อาห – ‘‘ยาวาหํ ชานามี’’ติ. ‘‘อถ โข’’ติ เอวํ วตฺวา ตโต. สูจิโลโม ยกฺโขติ อิโต ปภุติ ยาว อปิจ โข เต สมฺผสฺโส ปาปโกติ, ตาว อุตฺตานตฺถเมว เกวลฺเจตฺถ ภควโต กายนฺติ อตฺตโน กายํ ภควโต อุปนาเมสีติ เอวํ สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ.

ตโต อภายนฺตํ ภควนฺตํ ทิสฺวา ‘‘ปฺหํ ตํ สมณา’’ติอาทิมาห. กึ การณา? โส หิ จินฺเตสิ – ‘‘อิมินาปิ นาม เม เอวํ ขเรน อมนุสฺสสมฺผสฺเสน มนุสฺโส สมาโน อยํ น ภายติ, หนฺทาหํ เอตํ พุทฺธวิสเย ปฺหํ ปุจฺฉามิ, อทฺธา อยํ ตตฺถ น สมฺปายิสฺสติ, ตโต นํ เอวํ วิเหเสฺสามี’’ติ. ภควา ตํ สุตฺวา ‘‘น ขฺวาหํ ตํ อาวุโส’’ติอาทิมาห. ตํ สพฺพํ อาฬวกสุตฺเต วุตฺตนเยเนว สพฺพากาเรหิ เวทิตพฺพํ.

๒๗๓. อถ โข สูจิโลโม ยกฺโข ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ ‘‘ราโค จ โทโส จา’’ติ. ตตฺถ ราคโทสา วุตฺตนยา เอว. กุโตนิทานาติ กึนิทานา กึเหตุกา. กุโตติ ปจฺจตฺตวจนสฺส โต-อาเทโส เวทิตพฺโพ, สมาเส จสฺส โลปาภาโว. อถ วา นิทานาติ ชาตา อุปฺปนฺนาติ อตฺโถ, ตสฺมา กุโตนิทานา, กุโตชาตา, กุโตอุปฺปนฺนาติ วุตฺตํ โหติ. อรตี รตี โลมหํโส กุโตชาติ ยายํ ‘‘ปนฺเตสุ วา เสนาสเนสุ อฺตรฺตเรสุ วา อธิกุสเลสุ ธมฺเมสุ อรติ อรติตา อนภิรติ อนภิรมณา อุกฺกณฺิตา ปริตสฺสิตา’’ติ (วิภ. ๘๕๖) เอวํ วิภตฺตา อรติ, ยา จ ปฺจสุ กามคุเณสุ รติ, โย จ โลมหํสสมุฏฺาปนโต ‘‘โลมหํโส’’ตฺเวว สงฺขฺยํ คโต จิตฺตุตฺราโส. อิเม ตโย ธมฺมา กุโตชา กุโตชาตาติ ปุจฺฉติ. กุโต สมุฏฺายาติ กุโต อุปฺปชฺชิตฺวา. มโนติ กุสลจิตฺตํ, วิตกฺกาติ อุรคสุตฺเต วุตฺตา นว กามวิตกฺกาทโย. กุมารกา ธงฺกมิโวสฺสชนฺตีติ ยถา คามทารกา กีฬนฺตา กากํ สุตฺเตน ปาเท พนฺธิตฺวา โอสฺสชนฺติ ขิปนฺติ, เอวํ กุสลมนํ อกุสลวิตกฺกา กุโต สมุฏฺาย โอสฺสชนฺตีติ ปุจฺฉติ.

๒๗๔. อถสฺส ภควา เต ปฺเห วิสฺสชฺเชนฺโต ‘‘ราโค จา’’ติ ทุติยคาถมภาสิ. ตตฺถ อิโตติ อตฺตภาวํ สนฺธายาห. อตฺตภาวนิทานา หิ ราคโทสา. อรติรติโลมหํสา จ อตฺตภาวโต ชาตา, กามวิตกฺกาทิอกุสลวิตกฺกา จ อตฺตภาวโตเยว สมุฏฺาย กุสลมโน โอสฺสชนฺติ, เตน ตทฺํ ปกติอาทิการณํ ปฏิกฺขิปนฺโต อาห – ‘‘อิโตนิทานา อิโตชา อิโต สมุฏฺายา’’ติ. สทฺทสิทฺธิ เจตฺถ ปุริมคาถาย วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพา.

๒๗๕-๖. เอวํ เต ปฺเห วิสฺสชฺเชตฺวา อิทานิ ยฺวายํ ‘‘อิโตนิทานา’’ติอาทีสุ ‘‘อตฺตภาวนิทานา อตฺตภาวโต ชาตา อตฺตภาวโต สมุฏฺายา’’ติ อตฺโถ วุตฺโต, ตํ สาเธนฺโต อาห – ‘‘สฺเนหชา อตฺตสมฺภูตา’’ติ. เอเต หิ สพฺเพปิ ราคาทโย วิตกฺกปริโยสานา ตณฺหาสฺเนเหน ชาตา, ตถา ชายนฺตา จ ปฺจุปาทานกฺขนฺธเภเท อตฺตภาวปริยาเย อตฺตนิ สมฺภูตา. เตนาห – ‘‘สฺเนหชา อตฺตสมฺภูตา’’ติ. อิทานิ ตทตฺถโชติกํ อุปมํ กโรติ ‘‘นิคฺโรธสฺเสว ขนฺธชา’’ติ. ตตฺถ ขนฺเธสุ ชาตา ขนฺธชา, ปาโรหานเมตํ อธิวจนํ. กึ วุตฺตํ โหติ? ยถา นิคฺโรธสฺส ขนฺธชา นาม ปาโรหา อาโปรสสิเนเห สติ ชายนฺติ, ชายนฺตา จ ตสฺมึเยว นิคฺโรเธ เตสุ เตสุ สาขปฺปเภเทสุ สมฺภวนฺติ, เอวเมเตปิ ราคาทโย อชฺฌตฺตตณฺหาสฺเนเห สติ ชายนฺติ, ชายนฺตา จ ตสฺมึเยว อตฺตภาเว เตสุ เตสุ จกฺขาทิเภเทสุ ทฺวารารมฺมณวตฺถูสุ สมฺภวนฺติ. ตสฺมา เวทิตพฺพเมตํ ‘‘อตฺตภาวนิทานา อตฺตภาวชา อตฺตภาวสมุฏฺานา จ เอเต’’ติ.

อวเสสทิยฑฺฒคาถาย ปน อยํ สพฺพสงฺคาหิกา อตฺถวณฺณนา – เอวํ อตฺตสมฺภูตา จ เอเต ปุถู วิสตฺตา กาเมสุ. ราโคปิ หิ ปฺจกามคุณิกาทิวเสน, โทโสปิ อาฆาตวตฺถาทิวเสน, อรติอาทโยปิ ตสฺส ตสฺเสว เภทสฺส วเสนาติ สพฺพถา สพฺเพปิเม กิเลสา ปุถู อเนกปฺปการา หุตฺวา วตฺถุทฺวารารมฺมณาทิวเสน เตสุ เตสุ วตฺถุกาเมสุ ตถา ตถา วิสตฺตา ลคฺคา ลคฺคิตา สํสิพฺพิตฺวา ิตา. กิมิว? มาลุวาว วิตตา วเน, ยถา วเน วิตตา มาลุวา เตสุ เตสุ รุกฺขสฺส สาขปสาขาทิเภเทสุ วิสตฺตา โหติ ลคฺคา ลคฺคิตา สํสิพฺพิตฺวา ิตา, เอวํ ปุถุปฺปเภเทสุ วตฺถุกาเมสุ วิสตฺตํ กิเลสคณํ เย นํ ปชานนฺติ ยโตนิทานํ, เต นํ วิโนเทนฺติ สุโณหิ ยกฺข.

ตตฺถ ยโตนิทานนฺติ ภาวนปุํสกนิทฺเทโส, เตน กึ ทีเปติ? เย สตฺตา นํ กิเลสคณํ ‘‘ยโตนิทานํ อุปฺปชฺชตี’’ติ เอวํ ชานนฺติ, เต นํ ‘‘ตณฺหาสฺเนหสฺเนหิเต อตฺตภาเว อุปฺปชฺชตี’’ติ ตฺวา ตํ ตณฺหาสฺเนหํ อาทีนวานุปสฺสนาทิภาวนาาณคฺคินา วิโสเสนฺตา วิโนเทนฺติ ปชหนฺติ พฺยนฺตีกโรนฺติ จ, เอตํ อมฺหากํ สุภาสิตํ สุโณหิ ยกฺขาติ. เอวเมตฺถ อตฺตภาวชานเนน ทุกฺขปริฺํ ตณฺหาสฺเนหราคาทิกิเลสคณวิโนทเนน สมุทยปฺปหานฺจ ทีเปติ.

เย จ นํ วิโนเทนฺติ, เต ทุตฺตรํ โอฆมิมํ ตรนฺติ อติณฺณปุพฺพํ อปุนพฺภวาย. เอเตน มคฺคภาวนํ นิโรธสจฺฉิกิริยฺจ ทีเปติ. เย หิ นํ กิเลสคณํ วิโนเทนฺติ, เต อวสฺสํ มคฺคํ ภาเวนฺติ. น หิ มคฺคภาวนํ วินา กิเลสวิโนทนํ อตฺถิ. เย จ มคฺคํ ภาเวนฺติ, เต ทุตฺตรํ ปกติาเณน กาโมฆาทึ จตุพฺพิธมฺปิ โอฆมิมํ ตรนฺติ. มคฺคภาวนา หิ โอฆตรณํ. อติณฺณปุพฺพนฺติ อิมินา ทีเฆน อทฺธุนา สุปินนฺเตนปิ อวีติกฺกนฺตปุพฺพํ. อปุนพฺภวายาติ นิพฺพานาย. เอวมิมํ จตุสจฺจทีปิกํ คาถํ สุณนฺตา ‘‘สุตฺวา ธมฺมํ ธาเรนฺติ, ธตานํ ธมฺมานํ อตฺถมุปปริกฺขนฺตี’’ติอาทิกํ กถํ สุภาวินิยา ปฺาย อนุกฺกมมานา เต ทฺเวปิ สหายกา ยกฺขา คาถาปริโยสาเนเยว โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสุ, ปาสาทิกา จ อเหสุํ สุวณฺณวณฺณา ทิพฺพาลงฺการวิภูสิตาติ.

ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย

สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย สูจิโลมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. กปิลสุตฺต-(ธมฺมจริยสุตฺต)-วณฺณนา

ธมฺมจริยนฺติ กปิลสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? เหมวตสุตฺเต วุตฺตนเยเนว ปรินิพฺพุเต กสฺสเป ภควติ ทฺเว กุลปุตฺตา ภาตโร นิกฺขมิตฺวา สาวกานํ สนฺติเก ปพฺพชึสุ. เชฏฺโ โสธโน นาม, กนิฏฺโ กปิโล นาม. เตสํ มาตา สาธนี นาม, กนิฏฺภคินี ตาปนา นาม. ตาปิ ภิกฺขุนีสุ ปพฺพชึสุ. ตโต เต ทฺเวปิ เหมวตสุตฺเต วุตฺตนเยเนว ‘‘สาสเน กติ ธุรานี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา สุตฺวา จ เชฏฺโ ‘‘วาสธุรํ ปูเรสฺสามี’’ติ ปฺจ วสฺสานิ อาจริยุปชฺฌายานํ สนฺติเก วสิตฺวา ปฺจวสฺโส หุตฺวา ยาว อรหตฺตํ, ตาว กมฺมฏฺานํ สุตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา วายมนฺโต อรหตฺตํ ปาปุณิ. กปิโล ‘‘อหํ ตาว ตรุโณ, วุฑฺฒกาเล วาสธุรํ ปริปูเรสฺสามี’’ติ คนฺถธุรํ อารภิตฺวา เตปิฏโก อโหสิ. ตสฺส ปริยตฺตึ นิสฺสาย ปริวาโร, ปริวารํ นิสฺสาย ลาโภ จ อุทปาทิ.

โส พาหุสจฺจมเทน มตฺโต ปณฺฑิตมานี อนฺาเตปิ อฺาตมานี หุตฺวา ปเรหิ วุตฺตํ กปฺปิยมฺปิ อกปฺปิยํ, อกปฺปิยมฺปิ กปฺปิยํ, สาวชฺชมฺปิ อนวชฺชํ, อนวชฺชมฺปิ สาวชฺชนฺติ ภณติ. โส เปสเลหิ ภิกฺขูหิ, ‘‘มา, อาวุโส กปิล, เอวํ อวจา’’ติอาทินา นเยน โอวทิยมาโน ‘‘ตุมฺเห กึ ชานาถ ริตฺตมุฏฺิสทิสา’’ติอาทีหิ วจเนหิ ขุํเสนฺโต วมฺเภนฺโตเยว จรติ. ภิกฺขู ตสฺส ภาตุโน โสธนตฺเถรสฺสาปิ เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. โสปิ นํ อุปสงฺกมิตฺวา อาห – ‘‘อาวุโส กปิล, สาสนสฺส อายุ นาม ตุมฺหาทิสานํ สมฺมาปฏิปตฺติ. มา, อาวุโส กปิล, กปฺปิยมฺปิ อกปฺปิยํ, อกปฺปิยมฺปิ กปฺปิยํ, สาวชฺชมฺปิ อนวชฺชํ, อนวชฺชมฺปิ สาวชฺชนฺติ วเทหี’’ติ. โส ตสฺสปิ วจนํ นาทิยิ. ตโต นํ โสธนตฺเถโร ทฺวตฺติกฺขตฺตุํ วตฺวา –

‘‘เอกวาจมฺปิ ทฺวิวาจํ, ภเณยฺย อนุกมฺปโก;

ตตุตฺตรึ น ภาเสยฺย, ทาโสวยฺยสฺส สนฺติเก’’ติ. (ชา. ๒.๑๙.๓๔) –

ปริวชฺเชตฺวา ‘‘ตฺวเมว, อาวุโส, สเกน กมฺเมน ปฺายิสฺสสี’’ติ ปกฺกามิ. ตโต ปภุติ นํ เปสลา ภิกฺขู ฉฑฺเฑสุํ.

โส ทุราจาโร หุตฺวา ทุราจารปริวุโต วิหรนฺโต เอกทิวสํ ‘‘อุโปสถํ โอสาเรสฺสามี’’ติ สีหาสนํ อภิรุยฺห จิตฺรพีชนึ คเหตฺวา นิสินฺโน ‘‘วตฺตติ, อาวุโส, เอตฺถ ภิกฺขูนํ ปาติโมกฺโข’’ติ ติกฺขตฺตุํ อาห. อเถโก ภิกฺขุปิ ‘‘มยฺหํ วตฺตตี’’ติ น อโวจ. น จ ตสฺส เตสํ วา ปาติโมกฺโข วตฺตติ. ตโต โส ‘‘ปาติโมกฺเข สุเตปิ อสุเตปิ วินโย นาม นตฺถี’’ติ อาสนา วุฏฺาสิ. เอวํ กสฺสปสฺส ภควโต สาสนํ โอสกฺกาเปสิ วินาเสสิ. อถ โสธนตฺเถโร ตทเหว ปรินิพฺพายิ. โสปิ กปิโล เอวํ ตํ สาสนํ โอสกฺกาเปตฺวา กาลกโต อวีจิมหานิรเย นิพฺพตฺติ, สาปิสฺส มาตา จ ภคินี จ ตสฺเสว ทิฏฺานุคตึ อาปชฺชิตฺวา เปสเล ภิกฺขู อกฺโกสมานา ปริภาสมานา กาลํ กตฺวา นิรเย นิพฺพตฺตึสุ.

ตสฺมึเยว จ กาเล ปฺจสตา ปุริสา คามฆาตาทีนิ กตฺวา โจริกาย ชีวนฺตา ชนปทมนุสฺเสหิ อนุพทฺธา ปลายมานา อรฺํ ปวิสิตฺวา ตตฺถ กิฺจิ คหนํ วา ปฏิสรณํ วา อปสฺสนฺตา อวิทูเร ปาสาเณ วสนฺตํ อฺตรํ อารฺิกํ ภิกฺขุํ ทิสฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘อมฺหากํ, ภนฺเต, ปฏิสรณํ โหถา’’ติ ภณึสุ. เถโร ‘‘ตุมฺหากํ สีลสทิสํ ปฏิสรณํ นตฺถิ, สพฺเพ ปฺจ สีลานิ สมาทิยถา’’ติ อาห. เต ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา สีลานิ สมาทิยึสุ. เถโร ‘‘ตุมฺเห สีลวนฺโต, อิทานิ อตฺตโน ชีวิตํ วินาเสนฺเตสุปิ มา มโน ปทูสยิตฺถา’’ติ อาห. เต ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉึสุ. อถ เต ชานปทา สมฺปตฺตา อิโต จิโต จ มคฺคมานา เต โจเร ทิสฺวา สพฺเพว ชีวิตา โวโรเปสุํ. เต กาลํ กตฺวา กามาวจรเทวโลเก นิพฺพตฺตึสุ. เตสุ เชฏฺกโจโร เชฏฺกเทวปุตฺโต อโหสิ, อิตเร ตสฺเสว ปริวารา.

เต อนุโลมปฏิโลมํ สํสรนฺตา เอกํ พุทฺธนฺตรํ เทวโลเก เขเปตฺวา อมฺหากํ ภควโต กาเล เทวโลกโต จวิตฺวา เชฏฺกเทวปุตฺโต สาวตฺถิทฺวาเร เกวฏฺฏคาโม อตฺถิ, ตตฺถ ปฺจสตกุลเชฏฺสฺส เกวฏฺฏสฺส ปชาปติยา กุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ อคฺคเหสิ, อิตเร อวเสสเกวฏฺฏปชาปตีนํ. เอวํ เตสํ เอกทิวสํเยว ปฏิสนฺธิคฺคหณฺจ คพฺภวุฏฺานฺจ อโหสิ. อถ เกวฏฺฏเชฏฺโ ‘‘อตฺถิ นุ โข อิมสฺมึ คาเม อฺเปิ ทารกา อชฺช ชาตา’’ติ วิจินนฺโต เต ทารเก ทิสฺวา ‘‘อิเม เม ปุตฺตสฺส สหายกา ภวิสฺสนฺตี’’ติ สพฺเพสํ โปสาวนิกํ อทาสิ. เต สพฺเพ สหายกา สหปํสุํ กีฬนฺตา อนุปุพฺเพน วยปฺปตฺตา อเหสุํ. ยโสโช เตสํ อคฺโค อโหสิ.

กปิโลปิ ตทา นิรเย ปกฺกาวเสเสน อจิรวติยา สุวณฺณวณฺโณ ทุคฺคนฺธมุโข มจฺโฉ หุตฺวา นิพฺพตฺติ. อเถกทิวสํ สพฺเพปิ เกวฏฺฏทารกา ชาลานิ คเหตฺวา ‘‘มจฺเฉ พนฺธิสฺสามา’’ติ นทึ คนฺตฺวา ชาลานิ ปกฺขิปึสุ. เตสํ ชาลํ โส มจฺโฉ ปาวิสิ. ตํ ทิสฺวา สพฺโพ เกวฏฺฏคาโม อุจฺจาสทฺทมหาสทฺโท อโหสิ – ‘‘อมฺหากํ ปุตฺตา ปมํ มจฺเฉ พนฺธนฺตา สุวณฺณมจฺฉํ พนฺธึสุ, วุฑฺฒิ เนสํ ทารกานํ, อิทานิ จ โน ราชา ปหูตํ ธนํ ทสฺสตี’’ติ. อถ เต ปฺจสตาปิ ทารกสหายกา มจฺฉํ นาวาย ปกฺขิปิตฺวา นาวํ อุกฺขิปิตฺวา รฺโ สนฺติกํ อคมํสุ. ราชา ทิสฺวา ‘‘กึ เอตํ ภเณ’’ติ อาห. ‘‘มจฺโฉ เทวา’’ติ. ราชา สุวณฺณวณฺณํ มจฺฉํ ทิสฺวา ‘‘ภควา เอตสฺส วณฺณการณํ ชานิสฺสตี’’ติ มจฺฉํ คาหาเปตฺวา ภควโต สนฺติกํ อคมาสิ. มจฺฉสฺส มุขวิวรณกาเล เชตวนํ อติวิย ทุคฺคนฺธํ โหติ.

ราชา ภควนฺตํ ปุจฺฉิ – ‘‘กสฺมา, ภนฺเต, มจฺโฉ สุวณฺณวณฺโณ ชาโต, กสฺมา จสฺส มุขโต ทุคฺคนฺโธ วายตี’’ติ? อยํ, มหาราช, กสฺสปสฺส ภควโต ปาวจเน กปิโล นาม ภิกฺขุ อโหสิ, พหุสฺสุโต อาคตาคโม. อตฺตโน วจนํ อคณฺหนฺตานํ ภิกฺขูนํ อกฺโกสกปริภาสโก. ตสฺส จ ภควโต สาสนวินาสโก. ยํ โส ตสฺส ภควโต สาสนํ วินาเสสิ, เตน กมฺเมน อวีจิมหานิรเย นิพฺพตฺติ, วิปากาวเสเสน จ อิทานิ มจฺโฉ ชาโต. ยํ ทีฆรตฺตํ พุทฺธวจนํ วาเจสิ, พุทฺธสฺส วณฺณํ กเถสิ, ตสฺส นิสฺสนฺเทน อีทิสํ วณฺณํ ปฏิลภิ. ยํ ภิกฺขูนํ อกฺโกสกปริภาสโก อโหสิ, เตนสฺส มุขโต ทุคฺคนฺโธ วายติ. ‘‘อุลฺลปาเปมิ นํ มหาราชา’’ติ? ‘‘อาม ภควา’’ติ. อถ ภควา มจฺฉํ อาลปิ – ‘‘ตฺวํสิ กปิโล’’ติ? ‘‘อาม ภควา, อหํ กปิโล’’ติ. ‘‘กุโต อาคโตสี’’ติ? ‘‘อวีจิมหานิรยโต ภควา’’ติ. ‘‘โสธโน กุหึ คโต’’ติ? ‘‘ปรินิพฺพุโต ภควา’’ติ. ‘‘สาธนี กุหึ คตา’’ติ? ‘‘มหานิรเย นิพฺพตฺตา ภควา’’ติ. ‘‘ตาปนา กุหึ คตา’’ติ? ‘‘มหานิรเย นิพฺพตฺตา ภควา’’ติ. ‘‘อิทานิ ตฺวํ กุหึ คมิสฺสสี’’ติ? ‘‘มหานิรยํ ภควา’’ติ. ตาวเทว วิปฺปฏิสาราภิภูโต นาวํ สีเสน ปหริตฺวา กาลกโต มหานิรเย นิพฺพตฺติ. มหาชโน สํวิคฺโค อโหสิ โลมหฏฺชาโต. อถ ภควา ตตฺถ สมฺปตฺตคหฏฺปพฺพชิตปริสาย ตงฺขณานุรูปํ ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ สุตฺตมภาสิ.

๒๗๗-๘. ตตฺถ ธมฺมจริยนฺติ กายสุจริตาทิ ธมฺมจริยํ. พฺรหฺมจริยนฺติ มคฺคพฺรหฺมจริยํ. เอตทาหุ วสุตฺตมนฺติ เอตํ อุภยมฺปิ โลกิยโลกุตฺตรํ สุจริตํ สคฺคโมกฺขสุขสมฺปาปกตฺตา วสุตฺตมนฺติ อาหุ อริยา. วสุตฺตมํ นาม อุตฺตมรตนํ, อนุคามิกํ อตฺตาธีนํ ราชาทีนํ อสาธารณนฺติ อธิปฺปาโย.

เอตฺตาวตา ‘‘คหฏฺสฺส วา ปพฺพชิตสฺส วา สมฺมาปฏิปตฺติเยว ปฏิสรณ’’นฺติ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ปฏิปตฺติวิรหิตาย ปพฺพชฺชาย อสารกตฺตทสฺสเนน กปิลํ อฺเ จ ตถารูเป ครหนฺโต ‘‘ปพฺพชิโตปิ เจ โหตี’’ติ เอวมาทิมาห.

ตตฺรายํ อตฺถวณฺณนา – โย หิ โกจิ คิหิพฺยฺชนานิ อปเนตฺวา ภณฺฑุกาสาวาทิคหณมตฺตํ อุปสงฺกมเนน ปพฺพชิโตปิ เจ โหติ ปุพฺเพ วุตฺตตฺถํ อคารสฺมา อนคาริยํ, โส เจ มุขรชาติโก โหติ ผรุสวจโน, นานปฺปการาย วิเหสาย อภิรตตฺตา วิเหสาภิรโต, หิโรตฺตปฺปาภาเวน มคสทิสตฺตา มโค, ชีวิตํ ตสฺส ปาปิโย, ตสฺส เอวรูปสฺส ชีวิตํ อติปาปํ อติหีนํ. กสฺมา? ยสฺมา อิมาย มิจฺฉาปฏิปตฺติยา ราคาทิมเนกปฺปการํ รชํ วฑฺเฒติ อตฺตโน.

๒๗๙. น เกวลฺจ อิมินาว การเณนสฺส ชีวิตํ ปาปิโย, อปิจ โข ปน อยํ เอวรูโป มุขรชาติกตฺตา กลหาภิรโต ภิกฺขุ สุภาสิตสฺส อตฺถวิชานนสมฺโมหเนน โมหธมฺเมน อาวุโต, ‘‘มา, อาวุโส กปิล, เอวํ อวจ, อิมินาปิ ปริยาเยน ตํ คณฺหาหี’’ติ เอวมาทินา นเยน เปสเลหิ ภิกฺขูหิ อกฺขาตมฺปิ น ชานาติ ธมฺมํ พุทฺเธน เทสิตํ. โย ธมฺโม พุทฺเธน เทสิโต, ตํ นานปฺปกาเรน อตฺตโน วุจฺจมานมฺปิ น ชานาติ. เอวมฺปิสฺส ชีวิตํ ปาปิโย.

๒๘๐. ตถา โส เอวรูโป วิเหสาภิรตตฺตา วิเหสํ ภาวิตตฺตานํ ภาวิตตฺเต ขีณาสวภิกฺขู โสธนตฺเถรปภุติเก ‘‘น ตุมฺเห วินยํ ชานาถ, น สุตฺตํ น อภิธมฺมํ, วุฑฺฒปพฺพชิตา’’ติอาทินา นเยน วิเหสนฺโต. อุปโยคปฺปวตฺติยฺหิ อิทํ สามิวจนํ. อถ วา ยถาวุตฺเตเนว นเยน ‘‘วิเหสํ ภาวิตตฺตานํ กโรนฺโต’’ติ ปาเสโส เวทิตพฺโพ. เอวํ นิปฺปริยายเมว สามิวจนํ สิชฺฌติ. อวิชฺชาย ปุรกฺขโตติ ภาวิตตฺตวิเหสเน อาทีนวทสฺสนปฏิจฺฉาทิกาย อวิชฺชาย ปุรกฺขโต เปสิโต ปโยชิโต เสสปพฺพชิตานํ ภาวิตตฺตานํ วิเหสภาเวน ปวตฺตํ ทิฏฺเว ธมฺเม จิตฺตวิพาธเนน สงฺกิเลสํ, อายติฺจ นิรยสมฺปาปเนน มคฺคํ นิรยคามินํ น ชานาติ.

๒๘๑. อชานนฺโต จ เตน มคฺเคน จตุพฺพิธาปายเภทํ วินิปาตํ สมาปนฺโน. ตตฺถ จ วินิปาเต คพฺภา คพฺภํ ตมา ตมํ เอเกกนิกาเย สตกฺขตฺตุํ สหสฺสกฺขตฺตุมฺปิ มาตุกุจฺฉิโต มาตุกุจฺฉึ จนฺทิมสูริเยหิปิ อวิทฺธํสนียา อสุรกายตมา ตมฺจ สมาปนฺโน. ส เว ตาทิสโก ภิกฺขุ เปจฺจ อิโต ปรโลกํ คนฺตฺวา อยํ กปิลมจฺโฉ วิย นานปฺปการํ ทุกฺขํ นิคจฺฉติ.

๒๘๒. กึ การณา? คูถกูโป ยถา อสฺส, สมฺปุณฺโณ คณวสฺสิโก,ยถา วจฺจกุฏิคูถกูโป คณวสฺสิโก อเนกวสฺสิโก พหูนิ วสฺสานิ มุขโต คูเถน ปูริยมาโน สมฺปุณฺโณ อสฺส, โส อุทกกุมฺภสเตหิ อุทกกุมฺภสหสฺเสหิ โธวิยมาโนปิ ทุคฺคนฺธทุพฺพณฺณิยานปคมา ทุพฺพิโสโธ โหติ, เอวเมว โย เอวรูโป อสฺส ทีฆรตฺตํ สํกิลิฏฺกมฺมนฺโต คูถกูโป วิย คูเถน ปาเปน สมฺปุณฺณตฺตา สมฺปุณฺโณ ปุคฺคโล, โส ทุพฺพิโสโธ หิ สางฺคโณ, จิรกาลํ ตสฺส องฺคณสฺส วิปากํ ปจฺจนุโภนฺโตปิ น สุชฺฌติ. ตสฺมา วสฺสคณนาย อปริมาณมฺปิ กาลํ ส เว ตาทิสโก ภิกฺขุ เปจฺจ ทุกฺขํ นิคจฺฉตีติ. อถ วา อยํ อิมิสฺสา คาถาย สมฺพนฺโธ – ยํ วุตฺตํ ‘‘ส เว ตาทิสโก ภิกฺขุ, เปจฺจ ทุกฺขํ นิคจฺฉตี’’ติ, ตตฺร สิยา ตุมฺหากํ ‘‘สกฺกา ปนายํ ตถา กาตุํ, ยถา เปจฺจ ทุกฺขํ น นิคจฺเฉยฺยา’’ติ. น สกฺกา. กสฺมา? ยสฺมา คูถกูโป…เป… สางฺคโณติ.

๒๘๓-๔. ยโต ปฏิกจฺเจว ยํ เอวรูปํ ชานาถ, ภิกฺขโว เคหนิสฺสิตํ, ยํ เอวรูปํ ปฺจกามคุณนิสฺสิตํ ชาเนยฺยาถ อภูตคุณปตฺถนาการปฺปวตฺตาย ปาปิกาย อิจฺฉาย สมนฺนาคตตฺตา ปาปิจฺฉํ, กามวิตกฺกาทีหิ สมนฺนาคตตฺตา ปาปสงฺกปฺปํ, กายิกวีติกฺกมาทินา เวฬุทานาทิเภเทน จ ปาปาจาเรน สมนฺนาคตตฺตา ปาปาจารํ, เวสิยาทิปาปโคจรโต ปาปโคจรํ, สพฺเพ สมคฺคา หุตฺวาน อภินิพฺพชฺชิยาถ นํ. ตตฺถ อภินิพฺพชฺชิยาถาติ วิวชฺเชยฺยาถ มา ภเชยฺยาถ, มา จสฺส อภินิพฺพชฺชนมตฺเตเนว อปฺโปสฺสุกฺกตํ อาปชฺเชยฺยาถ, อปิจ โข ปน การณฺฑวํ นิทฺธมถ, กสมฺพุํ อปกสฺสถ, ตํ กจวรภูตํ ปุคฺคลํ กจวรมิว อนเปกฺขา นิทฺธมถ, กสฏภูตฺจ นํ ขตฺติยาทีนํ มชฺเฌ ปวิฏฺํ ปภินฺนปคฺฆริตกุฏฺํ จณฺฑาลํ วิย อปกสฺสถ, หตฺเถ วา สีเส วา คเหตฺวา นิกฺกฑฺฒถ. เสยฺยถาปิ อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ตํ ปุคฺคลํ ปาปธมฺมํ พาหาย คเหตฺวา พหิทฺวารโกฏฺกา นิกฺขาเมตฺวา สูจิฆฏิกํ อทาสิ, เอวํ อปกสฺสถาติ ทสฺเสติ. กึ การณา? สงฺฆาราโม นาม สีลวนฺตานํ กโต, น ทุสฺสีลานํ.

๒๘๕-๖. ยโต เอตเทว ตโต ปลาเป วาเหถ, อสฺสมเณ สมณมานิเน, ยถา หิ ปลาปา อนฺโต ตณฺฑุลรหิตาปิ พหิ ถุเสหิ วีหี วิย ทิสฺสนฺติ, เอวํ ปาปภิกฺขู อนฺโต สีลาทิวิรหิตาปิ พหิ กาสาวาทิปริกฺขาเรน ภิกฺขู วิย ทิสฺสนฺติ. ตสฺมา ‘‘ปลาปา’’ติ วุจฺจนฺติ. เต ปลาเป วาเหถ, โอปุนาถ, วิธมถ ปรมตฺถโต อสฺสมเณ เวสมตฺเตน สมณมานิเน. เอวํ นิทฺธมิตฺวาน…เป… ปติสฺสตา. ตตฺถ กปฺปยวฺโหติ กปฺเปถ, กโรถาติ วุตฺตํ โหติ. ปติสฺสตาติ อฺมฺํ สคารวา สปฺปติสฺสา. ตโต สมคฺคา นิปกา, ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสถาติ อเถวํ ตุมฺเห สุทฺธา สุทฺเธหิ สํวาสํ กปฺเปนฺตา, ทิฏฺิสีลสามฺตาย สมคฺคา, อนุปุพฺเพน ปริปากคตาย ปฺาย นิปกา, สพฺพสฺเสวิมสฺส วฏฺฏทุกฺขาทิโน ทุกฺขสฺส อนฺตํ กริสฺสถาติ อรหตฺตนิกูเฏเนว เทสนํ นิฏฺเปสิ.

เทสนาปริโยสาเน เต ปฺจสตา เกวฏฺฏปุตฺตา สํเวคมาปชฺชิตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตกิริยํ ปตฺถยมานา ภควโต สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา นจิรสฺเสว ทุกฺขสฺสนฺตํ กตฺวา ภควตา สทฺธึ อาเนฺชวิหารสมาปตฺติธมฺมปริโภเคน เอกปริโภคา อเหสุํ. สา จ เนสํ เอวํ ภควตา สทฺธึ เอกปริโภคตา อุทาเน วุตฺตยโสชสุตฺตวเสเนว เวทิตพฺพาติ.

ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย

สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย กปิลสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. พฺราหฺมณธมฺมิกสุตฺตวณฺณนา

เอวํ เม สุตนฺติ พฺราหฺมณธมฺมิกสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? อยเมว ยาสฺส นิทาเน ‘‘อถ โข สมฺพหุลา’’ติอาทินา นเยน วุตฺตา. ตตฺถ สมฺพหุลาติ พหู อเนเก. โกสลกาติ โกสลรฏฺวาสิโน. พฺราหฺมณมหาสาลาติ ชาติยา พฺราหฺมณา มหาสารตาย มหาสาลา. เยสํ กิร นิทหิตฺวา ปิตํเยว อสีติโกฏิสงฺขฺยํ ธนมตฺถิ, เต ‘‘พฺราหฺมณมหาสาลา’’ติ วุจฺจนฺติ. อิเม จ ตาทิสา, เตน วุตฺตํ ‘‘พฺราหฺมณมหาสาลา’’ติ. ชิณฺณาติ ชชฺชรีภูตา ชราย ขณฺฑิจฺจาทิภาวมาปาทิตา. วุฑฺฒาติ องฺคปจฺจงฺคานํ วุฑฺฒิมริยาทํ ปตฺตา. มหลฺลกาติ ชาติมหลฺลกตาย สมนฺนาคตา, จิรกาลปฺปสุตาติ วุตฺตํ โหติ. อทฺธคตาติ อทฺธานํ คตา, ทฺเว ตโย ราชปริวฏฺเฏ อตีตาติ อธิปฺปาโย. วโย อนุปฺปตฺตาติ ปจฺฉิมวยํ สมฺปตฺตา. อปิจ ชิณฺณาติ โปราณา, จิรกาลปฺปวตฺตกุลนฺวยาติ วุตฺตํ โหติ. วุฑฺฒาติ สีลาจาราทิคุณวุฑฺฒิยุตฺตา. มหลฺลกาติ วิภวมหนฺตตาย สมนฺนาคตา มหทฺธนา มหาโภคา. อทฺธคตาติ มคฺคปฏิปนฺนา พฺราหฺมณานํ วตจริยาทิมริยาทํ อวีติกฺกมฺม จรมานา. วโย อนุปฺปตฺตาติ ชาติวุฑฺฒภาวมฺปิ อนฺติมวยํ อนุปฺปตฺตาติ เอวมฺเปตฺถ โยชนา เวทิตพฺพา. เสสเมตฺถ ปากฏเมว.

ภควตา สทฺธึ สมฺโมทึสูติ ขมนียาทีนิ ปุจฺฉนฺตา อฺมฺํ สมปฺปวตฺตโมทา อเหสุํ. ยาย จ ‘‘กจฺจิ โภโต โคตมสฺส ขมนียํ, กจฺจิ ยาปนียํ, อปฺปาพาธํ, อปฺปาตงฺกํ, พลํ, ลหุฏฺานํ, ผาสุวิหาโร’’ติอาทิกาย กถาย สมฺโมทึสุ, ตํ ปีติปาโมชฺชสงฺขาตสมฺโมทชนนโต สมฺโมทิตุํ อรหโต จ สมฺโมทนียํ, อตฺถพฺยฺชนมธุรตาย สุจิรมฺปิ กาลํ สาเรตุํ นิรนฺตรํ ปวตฺเตตุํ อรหโต สริตพฺพภาวโต จ สารณียํ. สุยฺยมานสุขโต จ สมฺโมทนียํ, อนุสฺสริยมานสุขโต สารณียํ, ตถา พฺยฺชนปริสุทฺธตาย สมฺโมทนียํ, อตฺถปริสุทฺธตาย สารณียนฺติ เอวํ อเนเกหิ ปริยาเยหิ สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา ปริโยสาเปตฺวา นิฏฺาเปตฺวา เยนตฺเถน อาคตา, ตํ ปุจฺฉิตุกามา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. ตํ –

‘‘น ปจฺฉโต น ปุรโต, นาปิ อาสนฺนทูรโต;

น ปสฺเส นาปิ ปฏิวาเต, น จาปิ โอณตุณฺณเต’’ติ. –

อาทินา นเยน มงฺคลสุตฺตวณฺณนายํ วุตฺตเมว.

เอวํ เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เต พฺราหฺมณมหาสาลา ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘กึ ต’’นฺติ? ‘‘สนฺทิสฺสนฺติ นุ โข’’ติอาทิ. ตํ สพฺพํ อุตฺตานตฺถเมว. เกวลฺเหตฺถ พฺราหฺมณานํ พฺราหฺมณธมฺเมติ เทสกาลาทิธมฺเม ฉฑฺเฑตฺวา โย พฺราหฺมณธมฺโม, ตสฺมึเยว. เตน หิ พฺราหฺมณาติ ยสฺมา มํ ตุมฺเห ยาจิตฺถ, ตสฺมา พฺราหฺมณา สุณาถ, โสตํ โอทหถ, สาธุกํ มนสิ กโรถ, โยนิโส มนสิ กโรถ. ตถา ปโยคสุทฺธิยา สุณาถ, อาสยสุทฺธิยา สาธุกํ มนสิ กโรถ. อวิกฺเขเปน สุณาถ, ปคฺคเหน สาธุกํ มนสิ กโรถาติอาทินา นเยน เอเตสํ ปทานํ ปุพฺเพ อวุตฺโตปิ อธิปฺปาโย เวทิตพฺโพ. อถ ภควตา วุตฺตํ ตํ วจนํ สมฺปฏิจฺฉนฺตา ‘‘เอวํ โภ’’ติ โข เต พฺราหฺมณมหาสาลา ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ, ภควโต วจนํ อภิมุขา หุตฺวา อสฺโสสุํ. อถ วา ปฏิสฺสุณึสุ. ‘‘สุณาถ สาธุกํ มนสิ กโรถา’’ติ วุตฺตมตฺถํ กตฺตุกามตาย ปฏิชานึสูติ วุตฺตํ โหติ. อถ เตสํ เอวํ ปฏิสฺสุตวตํ ภควา เอตทโวจ – ‘‘กึ ต’’นฺติ? ‘‘อิสโย ปุพฺพกา’’ติอาทิ.

๒๘๗. ตตฺถ ปมคาถาย ตาว สฺตตฺตาติ สีลสํยเมน สํยตจิตฺตา. ตปสฺสิโนติ อินฺทฺริยสํวรตปยุตฺตา. อตฺตทตฺถมจาริสุนฺติ มนฺตชฺเฌนพฺรหฺมวิหารภาวนาทึ อตฺตโน อตฺถํ อกํสุ. เสสํ ปากฏเมว.

๒๘๘. ทุติยคาถาทีสุปิ อยํ สงฺเขปวณฺณนา – น ปสู พฺราหฺมณานาสุนฺติ โปราณานํ พฺราหฺมณานํ ปสู น อาสุํ, น เต ปสุปริคฺคหมกํสุ. น หิรฺํ น ธานิยนฺติ หิรฺฺจ พฺราหฺมณานํ อนฺตมโส ชตุมาสโกปิ นาโหสิ, ตถา วีหิสาลิยวโคธูมาทิ ปุพฺพณฺณาปรณฺณเภทํ ธานิยมฺปิ เตสํ นาโหสิ. เต หิ นิกฺขิตฺตชาตรูปรชตา อสนฺนิธิการกาว หุตฺวา เกวลํ สชฺฌายธนธฺา อตฺตโน มนฺตชฺเฌนสงฺขาเตเนว ธเนน ธฺเน จ สมนฺนาคตา อเหสุํ. โย จายํ เมตฺตาทิวิหาโร เสฏฺตฺตา อนุคามิกตฺตา จ พฺรหฺมนิธีติ วุจฺจติ, ตฺจ พฺรหฺมํ นิธิมปาลยุํ สทา ตสฺส ภาวนานุโยเคน.

๒๘๙. เอวํ วิหารีนํ ยํ เนสํ ปกตํ อาสิ, ยํ เอเตสํ ปกตํ เอเต พฺราหฺมเณ อุทฺทิสฺส กตํ อโหสิ. ทฺวารภตฺตํ อุปฏฺิตนฺติ ‘‘พฺราหฺมณานํ ทสฺสามา’’ติ สชฺเชตฺวา เตหิ เตหิ ทายเกหิ อตฺตโน อตฺตโน ฆรทฺวาเร ปิตภตฺตํ. สทฺธาปกตนฺติ สทฺธาย ปกตํ, สทฺธาเทยฺยนฺติ วุตฺตํ โหติ. เอสานนฺติ เอสนฺตีติ เอสา, เตสํ เอสานํ, เอสมานานํ ปริเยสมานานนฺติ วุตฺตํ โหติ. ทาตเวติ ทาตพฺพํ. ตทมฺิสุนฺติ ตํ อมฺึสุ, ตํ ทฺวาเร สชฺเชตฺวา ปิตํ ภตฺตํ สทฺธาเทยฺยํ ปริเยสมานานํ เอเตสํ พฺราหฺมณานํ ทาตพฺพํ อมฺึสุ ทายกา ชนา, น ตโต ปรํ. อนตฺถิกา หิ เต อฺเน อเหสุํ, เกวลํ ฆาสจฺฉาทนปรมตาย สนฺตุฏฺาติ อธิปฺปาโย.

๒๙๐. นานารตฺเตหีติ นานาวิธราครตฺเตหิ วตฺเถหิ วิจิตฺรตฺถรณตฺถเตหิ, สยเนหิ เอกภูมิกทฺวิภูมิกาทิปาสาทวเรหิ. อาวสเถหีติ เอวรูเปหิ อุปกรเณหิ. ผีตา ชนปทา รฏฺา เอเกกปฺปเทสภูตา ชนปทา จ เกจิ เกจิ สกลรฏฺา จ ‘‘นโม พฺราหฺมณาน’’นฺติ สายํ ปาตํ พฺราหฺมเณ เทเว วิย นมสฺสึสุ.

๒๙๑. เต เอวํ นมสฺสิยมานา โลเกน อวชฺฌา พฺราหฺมณา อาสุํ, น เกวลฺจ อวชฺฌา, อเชยฺยา วิหึสิตุมฺปิ อนภิภวนียตฺตา อเชยฺยา จ อเหสุํ. กึ การณา? ธมฺมรกฺขิตา, ยสฺมา ธมฺเมน รกฺขิตา. เต หิ ปฺจ วรสีลธมฺเม รกฺขึสุ, ‘‘ธมฺโม หเว รกฺขติ ธมฺมจาริ’’นฺติ (ชา. ๑.๑๐.๑๐๒; ๑.๑๕.๓๘๕) ธมฺมรกฺขิตา หุตฺวา อวชฺฌา อเชยฺยา จ อเหสุนฺติ อธิปฺปาโย. น เน โกจิ นิวาเรสีติ เต พฺราหฺมเณ กุลานํ ทฺวาเรสุ สพฺพโส พาหิเรสุ จ อพฺภนฺตเรสุ จ สพฺพทฺวาเรสุ ยสฺมา เตสุ ปิยสมฺมเตสุ วรสีลสมนฺนาคเตสุ มาตาปิตูสุ วิย อติวิสฺสตฺถา มนุสฺสา อเหสุํ, ตสฺมา ‘‘อิทํ นาม านํ ตยา น ปวิสิตพฺพ’’นฺติ น โกจิ นิวาเรสิ.

๒๙๒. เอวํ ธมฺมรกฺขิตา กุลทฺวาเรสุ อนิวาริตา จรนฺตา อฏฺ จ จตฺตาลีสฺจาติ อฏฺจตฺตาลีสํ วสฺสานิ กุมารภาวโต ปภุติ จรเณน โกมารํ พฺรหฺมจริยํ จรึสุ เต. เยปิ พฺราหฺมณจณฺฑาลา อเหสุํ, โก ปน วาโท พฺรหฺมสมาทีสูติ เอวเมตฺถ อธิปฺปาโย เวทิตพฺโพ. เอวํ พฺรหฺมจริยํ จรนฺตา เอว หิ วิชฺชาจรณปริเยฏฺึ อจรุํ พฺราหฺมณา ปุเร, น อพฺรหฺมจาริโน หุตฺวา. ตตฺถ วิชฺชาปริเยฏฺีติ มนฺตชฺเฌนํ. วุตฺตฺเจตํ ‘‘โส อฏฺจตฺตาลีส วสฺสานิ โกมารํ พฺรหฺมจริยํ จรติ มนฺเต อธียมาโน’’ติ (อ. นิ. ๕.๑๙๒). จรณปริเยฏฺีติ สีลรกฺขณํ. ‘‘วิชฺชาจรณปริเยฏฺุ’’นฺติปิ ปาโ, วิชฺชาจรณํ ปริเยสิตุํ อจรุนฺติ อตฺโถ.

๒๙๓. ยถาวุตฺตฺจ กาลํ พฺรหฺมจริยํ จริตฺวา ตโต ปรํ ฆราวาสํ กปฺเปนฺตาปิ น พฺราหฺมณา อฺมคมุํ ขตฺติยํ วา เวสฺสาทีสุ อฺตรํ วา, เย อเหสุํ เทวสมา วา มริยาทา วาติ อธิปฺปาโย. ตถา สตํ วา สหสฺสํ วา ทตฺวา นปิ ภริยํ กิณึสุ เต, เสยฺยถาปิ เอตรหิ เอกจฺเจ กิณนฺติ. เต หิ ธมฺเมน ทารํ ปริเยสนฺติ. กถํ? อฏฺจตฺตาลีสํ วสฺสานิ พฺรหฺมจริยํ จริตฺวา พฺราหฺมณา กฺาภิกฺขํ อาหิณฺฑนฺติ – ‘‘อหํ อฏฺจตฺตาลีส วสฺสานิ จิณฺณพฺรหฺมจริโย, ยทิ วยปฺปตฺตา ทาริกา อตฺถิ, เทถ เม’’ติ. ตโต ยสฺส วยปฺปตฺตา ทาริกา โหติ, โส ตํ อลงฺกริตฺวา นีหริตฺวา ทฺวาเร ิตสฺเสว พฺราหฺมณสฺส หตฺเถ อุทกํ อาสิฺจนฺโต ‘‘อิมํ เต, พฺราหฺมณ, ภริยํ โปสาวนตฺถาย ทมฺมี’’ติ วตฺวา เทติ.

กสฺมา ปน เต เอวํ จิรํ พฺรหฺมจริยํ จริตฺวาปิ ทารํ ปริเยสนฺติ, น ยาวชีวํ พฺรหฺมจาริโน โหนฺตีติ? มิจฺฉาทิฏฺิวเสน. เตสฺหิ เอวํทิฏฺิ โหติ – ‘‘โย ปุตฺตํ น อุปฺปาเทติ, โส กุลวํสจฺเฉทกโร โหติ, ตโต นิรเย ปจฺจตี’’ติ. จตฺตาโร กิร อภายิตพฺพํ ภายนฺติ คณฺฑุปฺปาโท กิกี กุนฺตนี พฺราหฺมณาติ. คณฺฑุปฺปาทา กิร มหาปถวิยา ขยภเยน มตฺตโภชิโน โหนฺติ, น พหุํ มตฺติกํ ขาทนฺติ. กิกี สกุณิกา อากาสปตนภเยน อณฺฑสฺส อุปริ อุตฺตานา เสติ. กุนฺตนี สกุณิกา ปถวิกมฺปนภเยน ปาเทหิ ภูมึ น สุฏฺุ อกฺกมติ. พฺราหฺมณา กุลวํสูปจฺเฉทภเยน ทารํ ปริเยสนฺติ. อาห เจตฺถ –

‘‘คณฺฑุปฺปาโท กิกี เจว, กุนฺตี พฺราหฺมณธมฺมิโก;

เอเต อภยํ ภายนฺติ, สมฺมูฬฺหา จตุโร ชนา’’ติ.

เอวํ ธมฺเมน ทารํ ปริเยสิตฺวาปิ จ สมฺปิเยเนว สํวาสํ สงฺคนฺตฺวา สมโรจยุํ, สมฺปิเยเนว อฺมฺํ เปเมเนว กาเยน จ จิตฺเตน จ มิสฺสีภูตา สงฺฆฏิตา สํสฏฺา หุตฺวา สํวาสํ สมโรจยุํ, น อปฺปิเยน น นิคฺคเหน จาติ วุตฺตํ โหติ.

๒๙๔. เอวํ สมฺปิเยเนว สํวาสํ กโรนฺตาปิ จ อฺตฺร ตมฺหาติ, โย โส อุตุสมโย, ยมฺหิ สมเย พฺราหฺมณี พฺราหฺมเณน อุปคนฺตพฺพา, อฺตฺร ตมฺหา สมยา เปตฺวา ตํ สมยํ อุตุโต วิรตํ อุตุเวรมณึ ปติ ภริยํ, ยาว ปุน โส สมโย อาคจฺฉติ, ตาว อฏฺตฺวา อนฺตราเยว. เมถุนํ ธมฺมนฺติ เมถุนาย ธมฺมาย. สมฺปทานวจนปตฺติยา กิเรตํ อุปโยควจนํ. นาสฺสุ คจฺฉนฺตีติ เนว คจฺฉนฺติ. พฺราหฺมณาติ เย โหนฺติ เทวสมา จ มริยาทา จาติ อธิปฺปาโย.

๒๙๕. อวิเสเสน ปน สพฺเพปิ พฺรหฺมจริยฺจ…เป… อวณฺณยุํ. ตตฺถ พฺรหฺมจริยนฺติ เมถุนวิรติ. สีลนฺติ เสสานิ จตฺตาริ สิกฺขาปทานิ. อชฺชวนฺติ อุชุภาโว, อตฺถโต อสตา อมายาวิตา จ. มทฺทวนฺติ มุทุภาโว, อตฺถโต อตฺถทฺธตา อนติมานิตา จ. ตโปติ อินฺทฺริยสํวโร. โสรจฺจนฺติ สุรตภาโว สุขสีลตา อปฺปฏิกูลสมาจารตา. อวิหึสาติ ปาณิอาทีหิ อวิเหสิกชาติกตา สกรุณภาโว. ขนฺตีติ อธิวาสนกฺขนฺติ. อิจฺเจเต คุเณ อวณฺณยุํ. เยปิ นาสกฺขึสุ สพฺพโส ปฏิปตฺติยา อาราเธตุํ, เตปิ ตตฺถ สารทสฺสิโน หุตฺวา วาจาย วณฺณยึสุ ปสํสึสุ.

๒๙๖. เอวํ วณฺเณนฺตานฺจ โย เนสํ…เป… นาคมา, โย เอเตสํ พฺราหฺมณานํ ปรโม พฺรหฺมา อโหสิ, พฺรหฺมสโม นาม อุตฺตโม พฺราหฺมโณ อโหสิ, ทฬฺเหน ปรกฺกเมน สมนฺนาคตตฺตา ทฬฺหปรกฺกโม. ส วาติ วิภาวเน วา-สทฺโท, เตน โส เอวรูโป พฺราหฺมโณติ ตเมว วิภาเวติ. เมถุนํ ธมฺมนฺติ เมถุนสมาปตฺตึ. สุปินนฺเตปิ นาคมาติ สุปิเนปิ น อคมาสิ.

๒๙๗. ตโต ตสฺส วตฺตํ…เป… อวณฺณยุํ. อิมาย คาถาย นวมคาถาย วุตฺตคุเณเยว อาทิอนฺตวเสน นิทฺทิสนฺโต เทวสเม พฺราหฺมเณ ปกาเสติ. เต หิ วิฺุชาติกา ปณฺฑิตา ตสฺส พฺรหฺมสมสฺส พฺราหฺมณสฺส วตฺตํ อนุสิกฺขนฺติ ปพฺพชฺชาย ฌานภาวนาย จ, เต จ อิเม พฺรหฺมจริยาทิคุเณ ปฏิปตฺติยา เอว วณฺณยนฺตีติ. เต สพฺเพปิ พฺราหฺมณา ปฺจกนิปาเต โทณสุตฺเต (อ. นิ. ๕.๑๙๒) วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพา.

๒๙๘. อิทานิ มริยาเท พฺราหฺมเณ ทสฺเสนฺโต อาห – ‘‘ตณฺฑุลํ สยน’’นฺติ. ตสฺสตฺโถ – เตสุ เย โหนฺติ มริยาทา, เต พฺราหฺมณา สเจ ยฺํ กปฺเปตุกามา โหนฺติ, อถ อามกธฺปฏิคฺคหณา ปฏิวิรตตฺตา นานปฺปการกํ ตณฺฑุลฺจ, มฺจปีาทิเภทํ สยนฺจ, โขมาทิเภทํ วตฺถฺจ, โคสปฺปิติลเตลาทิเภทํ สปฺปิเตลฺจ ยาจิย ธมฺเมน, ‘‘อุทฺทิสฺส อริยา ติฏฺนฺติ, เอสา อริยาน ยาจนา’’ติ เอวํ วุตฺเตน อุทฺทิสฺสานสงฺขาเตน ธมฺเมน ยาจิตฺวา, อถ โย ยํ อิจฺฉติ ทาตุํ, เตน ตํ ทินฺนตณฺฑุลาทึ สโมธาเนตฺวา สํกฑฺฒิตฺวา. ‘‘สมุทาเนตฺวา’’ติปิ ปาโ, เอโกเยวตฺโถ. ตโต ยฺมกปฺปยุนฺติ ตโต คเหตฺวา ทานมกํสุ.

๒๙๙. กโรนฺตา จ เอวเมตสฺมึ อุปฏฺิตสฺมึ ทานสงฺขาเต ยฺสฺมึ นาสฺสุ คาโว หนึสุ เต, น เต คาวิโย หนึสุ. คาวีมุเขน เจตฺถ สพฺพปาณา วุตฺตาติ เวทิตพฺพา. กึการณา น หนึสูติ? พฺรหฺมจริยาทิคุณยุตฺตตฺตา. อปิจ วิเสสโต ยถา มาตา…เป… นาสฺสุ คาโว หนึสุ เต. ตตฺถ ยาสุ ชายนฺติ โอสธาติ ยาสุ ปิตฺตาทีนํ เภสชฺชภูตา ปฺจ โครสา ชายนฺติ.

๓๐๐. อนฺนทาติอาทีสุ ยสฺมา ปฺจ โครเส ปริภุฺชนฺตานํ ขุทา วูปสมฺมติ, พลํ วฑฺฒติ, ฉวิวณฺโณ วิปฺปสีทติ, กายิกมานสิกํ สุขํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺมา อนฺนทา พลทา วณฺณทา สุขทา เจตาติ เวทิตพฺพา. เสสเมตฺถ อุตฺตานตฺถเมว.

๓๐๑. เอวํ เต ยฺเสุ คาโว อหนนฺตา ปุฺปฺปภาวานุคฺคหิตสรีรา สุขุมาลา…เป… สุขเมธิตฺถ ยํ ปชา. ตตฺถ สุขุมาลา มุทุตลุณหตฺถปาทาทิตาย, มหากายา อาโรหปริณาหสมฺปตฺติยา, วณฺณวนฺโต สุวณฺณวณฺณตาย สณฺานยุตฺตตาย จ, ยสสฺสิโน ลาภปริวารสมฺปทาย. เสหิ ธมฺเมหีติ สเกหิ จาริตฺเตหิ. กิจฺจากิจฺเจสุ อุสฺสุกาติ กิจฺเจสุ ‘‘อิทํ กาตพฺพํ’’, อกิจฺเจสุ ‘‘อิทํ น กาตพฺพ’’นฺติ อุสฺสุกฺกมาปนฺนา หุตฺวาติ อตฺโถ. เอวํ เต โปราณา พฺราหฺมณา เอวรูปา หุตฺวา ทสฺสนียา ปสาทนียา โลกสฺส ปรมทกฺขิเณยฺยา อิมาย ปฏิปตฺติยา ยาว โลเก อวตฺตึสุ, ตาว วิคตอีติภยุปทฺทวา หุตฺวา นานปฺปการกํ สุขํ เอธิตฺถ ปาปุณิ, สุขํ วา เอธิตฺถ สุขํ วุฑฺฒึ อคมาสิ. อยํ ปชาติ สตฺตโลกํ นิทสฺเสติ.

๓๐๒-๓. กาลจฺจเยน ปน สมฺภินฺนมริยาทภาวํ อาปชฺชิตุกามานํ เตสํ อาสิ วิปลฺลาโส…เป… ภาคโส มิเต. ตตฺถ วิปลฺลาโสติ วิปรีตสฺา. อณุโต อณุนฺติ ลามกฏฺเน ปริตฺตฏฺเน อปฺปสฺสาทฏฺเน อณุภูตโต กามคุณโต อุปฺปนฺนํ ฌานสามฺนิพฺพานสุขานิ อุปนิธาย สงฺขฺยมฺปิ อนุปคมเนน อณุํ กามสุขํ, โลกุตฺตรสุขํ วา อุปนิธาย อณุภูตโต อตฺตนา ปฏิลทฺธโลกิยสมาปตฺติสุขโต อณุํ อปฺปกโตปิ อปฺปกํ กามสุขํ ทิสฺวาติ อธิปฺปาโย. ราชิโน จาติ รฺโ จ. วิยาการนฺติ สมฺปตฺตึ. อาชฺสํยุตฺเตติ อสฺสาชานียสํยุตฺเต. สุกเตติ ทารุกมฺมโลหกมฺเมน สุนิฏฺิเต. จิตฺตสิพฺพเนติ สีหจมฺมาทีหิ อลงฺกรณวเสน จิตฺรสิพฺพเน. นิเวสเนติ ฆรวตฺถูนิ. นิเวเสติ ตตฺถ ปติฏฺาปิตฆรานิ. วิภตฺเตติ อายามวิตฺถารวเสน วิภตฺตานิ. ภาคโส มิเตติ องฺคณทฺวารปาสาทกูฏาคาราทิวเสน โกฏฺาสํ โกฏฺาสํ กตฺวา มิตานิ. กึ วุตฺตํ โหติ? เตสํ พฺราหฺมณานํ อณุโต อณุสฺิตํ กามสุขฺจ รฺโ พฺยาการฺจ อลงฺกตนาริโย จ วุตฺตปฺปกาเร รเถ จ นิเวสเน นิเวเส จ ทิสฺวา ทุกฺเขสุเยว เอเตสุ วตฺถูสุ ‘‘สุข’’นฺติ ปวตฺตตฺตา ปุพฺเพ ปวตฺตเนกฺขมฺมสฺาวิปลฺลาสสงฺขาตา วิปรีตสฺา อาสิ.

๓๐๔. เต เอวํ วิปรีตสฺา หุตฺวา โคมณฺฑลปริพฺยูฬฺหํ…เป… พฺราหฺมณา. ตตฺถ โคมณฺฑลปริพฺยูฬฺหนฺติ โคยูเถหิ ปริกิณฺณํ. นารีวรคณายุตนฺติ วรนารีคณสํยุตฺตํ. อุฬารนฺติ วิปุลํ. มานุสํ โภคนฺติ มนุสฺสานํ นิเวสนาทิโภควตฺถุํ. อภิชฺฌายึสูติ ‘‘อโห วติทํ อมฺหากํ อสฺสา’’ติ ตณฺหํ วฑฺเฒตฺวา อภิปตฺถยมานา ฌายึสุ.

๓๐๕. เอวํ อภิชฺฌายนฺตา จ ‘‘เอเต มนุสฺสา สุนฺหาตา สุวิลิตฺตา กปฺปิตเกสมสฺสู อามุตฺตมณิอาภรณา ปฺจหิ กามคุเณหิ ปริจาเรนฺติ, มยํ ปน เอวํ เตหิ นมสฺสิยมานาปิ เสทมลกิลิฏฺคตฺตา ปรูฬฺหกจฺฉนขโลมา โภครหิตา ปรมการุฺตํ ปตฺตา วิหราม. เอเต จ หตฺถิกฺขนฺธอสฺสปิฏฺิสิวิกาสุวณฺณรถาทีหิ วิจรนฺติ, มยํ ปาเทหิ. เอเต ทฺวิภูมิกาทิปาสาทตเลสุ วสนฺติ, มยํ อรฺรุกฺขมูลาทีสุ. เอเต จ โคนกาทีหิ อตฺถรเณหิ อตฺถตาสุ วรเสยฺยาสุ สยนฺติ, มยํ ตฏฺฏิกาจมฺมขณฺฑาทีนิ อตฺถริตฺวา ภูมิยํ. เอเต นานารสานิ โภชนานิ ภุฺชนฺติ, มยํ อุฺฉาจริยาย ยาเปม. กถํ นุ โข มยมฺปิ เอเตหิ สทิสา ภเวยฺยามา’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘ธนํ อิจฺฉิตพฺพํ, น สกฺกา ธนรหิเตหิ อยํ สมฺปตฺติ ปาปุณิตุ’’นฺติ จ อวธาเรตฺวา เวเท ภินฺทิตฺวา ธมฺมยุตฺเต ปุราณมนฺเต นาเสตฺวา อธมฺมยุตฺเต กูฏมนฺเต คนฺเถตฺวา ธนตฺถิกา โอกฺกากราชานมุปสงฺกมฺม โสตฺถิวจนาทีนิ ปยุฺชิตฺวา ‘‘อมฺหากํ, มหาราช, พฺราหฺมณวํเส ปเวณิยา อาคตํ โปราณมนฺตปทํ อตฺถิ, ตํ มยํ อาจริยมุฏฺิตาย น กสฺสจิ ภณิมฺหา, ตํ มหาราชา โสตุมรหตี’’ติ จ วตฺวา อสฺสเมธาทิยฺํ วณฺณยึสุ. วณฺณยิตฺวา จ ราชานํ อุสฺสาเหนฺตา ‘‘ยช, มหาราช, เอวํ ปหูตธนธฺโ ตฺวํ, นตฺถิ เต ยฺสมฺภารเวกลฺลํ, เอวฺหิ เต ยชโต สตฺตกุลปริวฏฺฏา สคฺเค อุปฺปชฺชิสฺสนฺตี’’ติ อโวจุํ. เตน เนสํ ตํ ปวตฺตึ ทสฺเสนฺโต อาห ภควา ‘‘เต ตตฺถ มนฺเต…เป… พหุ เต ธน’’นฺติ.

ตตฺถ ตตฺถาติ ตสฺมึ, ยํ โภคมภิชฺฌายึสุ, ตนฺนิมิตฺตนฺติ วุตฺตํ โหติ. นิมิตฺตตฺเถ หิ เอตํ ภุมฺมวจนํ. ตทุปาคมุนฺติ ตทา อุปาคมุํ. ปหูตธนธฺโสีติ ปหูตธนธฺโ ภวิสฺสสิ, อภิสมฺปรายนฺติ อธิปฺปาโย. อาสํสายฺหิ อนาคเตปิ วตฺตมานวจนํ อิจฺฉนฺติ สทฺทโกวิทา. ยชสฺสูติ ยชาหิ. วิตฺตํ ธนนฺติ ชาตรูปาทิรตนเมว วิตฺติการณโต วิตฺตํ, สมิทฺธิการณโต ธนนฺติ วุตฺตํ. อถ วา วิตฺตนฺติ วิตฺติการณภูตเมว อาภรณาทิ อุปกรณํ, ยํ ‘‘ปหูตวิตฺตูปกรโณ’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๓๓๑) อาคจฺฉติ. ธนนฺติ หิรฺสุวณฺณาทิ. กึ วุตฺตํ โหติ? เต พฺราหฺมณา มนฺเต คนฺเถตฺวา ตทา โอกฺกากํ อุปาคมุํ. กินฺติ? ‘‘มหาราช, พหู เต วิตฺตฺจ ธนฺจ, ยชสฺสุ, อายติมฺปิ ปหูตธนธฺโ ภวิสฺสสี’’ติ.

๓๐๖. เอวํ การณํ วตฺวา สฺาเปนฺเตหิ ตโต จ ราชา…เป… อทา ธนํ. ตตฺถ สฺตฺโตติ าปิโต. รเถสโภติ มหารเถสุ ขตฺติเยสุ อกมฺปิยฏฺเน อุสภสทิโส. ‘‘อสฺสเมธ’’นฺติอาทีสุ อสฺสเมตฺถ เมธนฺตีติ อสฺสเมโธ, ทฺวีหิ ปริยฺเหิ ยชิตพฺพสฺส เอกวีสติยูปสฺส เปตฺวา ภูมิฺจ ปุริเส จ อวเสสสพฺพวิภวทกฺขิณสฺส ยฺสฺเสตํ อธิวจนํ. ปุริสเมตฺถ เมธนฺตีติ ปุริสเมโธ, จตูหิ ปริยฺเหิ ยชิตพฺพสฺส สทฺธึ ภูมิยา อสฺสเมเธ วุตฺตวิภวทกฺขิณสฺส ยฺสฺเสตํ อธิวจนํ. สมฺมเมตฺถ ปาสนฺตีติ สมฺมาปาโส, ทิวเส ทิวเส สมฺมํ ขิปิตฺวา ตสฺส ปติโตกาเส เวทึ กตฺวา สํหาริเมหิ ยูปาทีหิ สรสฺสตินทิยา นิมุคฺโคกาสโต ปภุติ ปฏิโลมํ คจฺฉนฺเตน ยชิตพฺพสฺส สตฺรยาคสฺเสตํ อธิวจนํ. วาชเมตฺถ ปิวนฺตีติ วาชเปยฺโย. เอเกน ปริยฺเน สตฺตรสหิ ปสูหิ ยชิตพฺพสฺส เพลุวยูปสฺส สตฺตรสกทกฺขิณสฺส ยฺสฺเสตํ อธิวจนํ. นตฺถิ เอตฺถ อคฺคฬาติ นิรคฺคโฬ, นวหิ ปริยฺเหิ ยชิตพฺพสฺส สทฺธึ ภูมิยา จ ปุริเสหิ จ อสฺสเมเธ วุตฺตวิภวทกฺขิณสฺส สพฺพเมธปริยายนามสฺส อสฺสเมธวิกปฺปสฺเสตํ อธิวจนํ. เสสเมตฺถ ปากฏเมว.

๓๐๗-๘. อิทานิ ยํ วุตฺตํ ‘‘พฺราหฺมณานมทา ธน’’นฺติ, ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘คาโว สยนฺจา’’ติ คาถาทฺวยมาห. โส หิ ราชา ‘‘ทีฆรตฺตํ ลูขาหาเรน กิลนฺตา ปฺจ โครเส ปริภุฺชนฺตู’’ติ เนสํ สปุงฺควานิ โคยูถาเนว อทาสิ, ตถา ‘‘ทีฆรตฺตํ ถณฺฑิลสายิตาย ถูลสาฏกนิวาสเนน เอกเสยฺยาย ปาทจาเรน รุกฺขมูลาทิวาเสน จ กิลนฺตา โคนกาทิอตฺถตวรสยนาทีสุ สุขํ อนุโภนฺตู’’ติ เนสํ มหคฺฆานิ สยนาทีนิ จ อทาสิ. เอวเมตํ นานปฺปการกํ อฺฺจ หิรฺสุวณฺณาทิธนํ อทาสิ. เตนาห ภควา – ‘‘คาโว สยนฺจ วตฺถฺจ…เป… พฺราหฺมณานมทา ธน’’นฺติ.

๓๐๙-๑๐. เอวํ ตสฺส รฺโ สนฺติกา เต จ ตตฺถ…เป… ปุน มุปาคมุํ. กึ วุตฺตํ โหติ? ตสฺส รฺโ สนฺติกา เต พฺราหฺมณา เตสุ ยาเคสุ ธนํ ลภิตฺวา ทีฆรตฺตํ ทิวเส ทิวเส เอวเมว ฆาสจฺฉาทนํ ปริเยสิตฺวา นานปฺปการกํ วตฺถุกาม สนฺนิธึ สมโรจยุํ. ตโต เตสํ อิจฺฉาวติณฺณานํ ขีราทิปฺจโครสสฺสาทวเสน รสตณฺหาย โอติณฺณจิตฺตานํ ‘‘ขีราทีนิปิ ตาว คุนฺนํ สาทูนิ, อทฺธา อิมาสํ มํสํ สาทุตรํ ภวิสฺสตี’’ติ เอวํ มํสํ ปฏิจฺจ ภิยฺโย ตณฺหา ปวฑฺฒถ. ตโต จินฺเตสุํ – ‘‘สเจ มยํ มาเรตฺวา ขาทิสฺสาม, คารยฺหา ภวิสฺสาม, ยํนูน มนฺเต คนฺเถยฺยามา’’ติ. อถ ปุนปิ เวทํ ภินฺทิตฺวา ตทนุรูเป เต ตตฺถ มนฺเต คนฺเถตฺวา เต พฺราหฺมณา ตนฺนิมิตฺตํ กูฏมนฺเต คนฺเถตฺวา โอกฺกากราชานํ ปุน อุปาคมึสุ. อิมมตฺถํ ภาสมานา ‘‘ยถา อาโป จ…เป… พหุ เต ธน’’นฺติ.

กึ วุตฺตํ โหติ? อมฺหากํ, มหาราช, มนฺเตสุ เอตทาคตํ ยถา อาโป หตฺถโธวนาทิสพฺพกิจฺเจสุ ปาณีนํ อุปโยคํ คจฺฉติ, นตฺถิ เตสํ ตโตนิทานํ ปาปํ. กสฺมา? ยสฺมา ปริกฺขาโร โส หิ ปาณินํ, อุปกรณตฺถาย อุปฺปนฺโนติ อธิปฺปาโย. ยถา จายํ มหาปถวี คมนฏฺานาทิสพฺพกิจฺเจสุ กหาปณสงฺขาตํ หิรฺํ สุวณฺณรชตาทิเภทํ ธนํ, ยวโคธูมาทิเภทํ ธานิยฺจ, สํโวหาราทิสพฺพกิจฺเจสุ อุปโยคํ คจฺฉติ, เอวํ คาโว มนุสฺสานํ สพฺพกิจฺเจสุ อุปโยคคมนตฺถาย อุปฺปนฺนา. ตสฺมา เอตา หนิตฺวา นานปฺปการเก ยาเค ยชสฺสุ พหุ เต วิตฺตํ, ยชสฺสุ พหุ เต ธนนฺติ.

๓๑๑-๑๒. เอวํ ปุริมนเยเนว ตโต จ ราชา…เป… อฆาตยิ, ยํ ตโต ปุพฺเพ กฺจิ สตฺตํ น ปาทา…เป… ฆาตยิ. ตทา กิร พฺราหฺมณา ยฺาวาฏํ คาวีนํ ปูเรตฺวา มงฺคลอุสภํ พนฺธิตฺวา รฺโ มูลํ เนตฺวา ‘‘มหาราช, โคเมธยฺํ ยชสฺสุ, เอวํ เต พฺรหฺมโลกสฺส มคฺโค วิสุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ อาหํสุ. ราชา กตมงฺคลกิจฺโจ ขคฺคํ คเหตฺวา ปุงฺคเวน สห อเนกสตสหสฺสา คาโว มาเรสิ. พฺราหฺมณา ยฺาวาเฏ มํสานิ ฉินฺทิตฺวา ขาทึสุ, ปีตโกทาตรตฺตกมฺพเล จ ปารุปิตฺวา มาเรสุํ. ตทุปาทาย กิร คาโว ปารุเต ทิสฺวา อุพฺพิชฺชนฺติ. เตนาห ภควา – ‘‘น ปาทา…เป… ฆาตยี’’ติ.

๓๑๓. ตโต เทวาติ เอวํ ตสฺมึ ราชินิ คาวิโย ฆาเตตุมารทฺเธ อถ ตทนนฺตรเมว ตํ โคฆาตกํ ทิสฺวา เอเต จาตุมหาราชิกาทโย เทวา จ, ปิตโรติ พฺราหฺมเณสุ ลทฺธโวหารา พฺรหฺมาโน จ, สกฺโก เทวานมินฺโท จ, ปพฺพตปาทนิวาสิโน ทานวยกฺขสฺิตา อสุรรกฺขสา‘‘อธมฺโม อธมฺโม’’ติ เอวํ วาจํ นิจฺฉาเรนฺตา ‘‘ธิ มนุสฺสา, ธิ มนุสฺสา’’ติ จ วทนฺตา ปกฺกนฺทุํ. เอวํ ภูมิโต ปภุติ โส สทฺโท มุหุตฺเตน ยาว พฺรหฺมโลกา อคมาสิ, เอกธิกฺการปริปุณฺโณ โลโก อโหสิ. กึ การณํ? ยํ สตฺถํ นิปตี คเว, ยสฺมา คาวิมฺหิ สตฺถํ นิปตีติ วุตฺตํ โหติ.

๓๑๔. น เกวลฺจ เทวาทโย ปกฺกนฺทุํ, อยมฺโปิ โลเก อนตฺโถ อุทปาทิ – เย หิ เต ตโย โรคา ปุเร อาสุํ, อิจฺฉา อนสนํ ชรา, กิฺจิ กิฺจิเทว ปตฺถนตณฺหา จ ขุทา จ ปริปากชรา จาติ วุตฺตํ โหติ. เต ปสูนฺจ สมารมฺภา, อฏฺานวุติมาคมุํ, จกฺขุโรคาทินา เภเทน อฏฺนวุติภาวํ ปาปุณึสูติ อตฺโถ.

๓๑๕. อิทานิ ภควา ตํ ปสุสมารมฺภํ นินฺทนฺโต อาห ‘‘เอโส อธมฺโม’’ติ. ตสฺสตฺโถ เอโส ปสุสมารมฺภสงฺขาโต กายทณฺฑาทีนํ ติณฺณํ ทณฺฑานํ อฺตรทณฺฑภูโต ธมฺมโต อเปตตฺตา อธมฺโม โอกฺกนฺโต อหุ, ปวตฺโต อาสิ, โส จ โข ตโต ปภุติ ปวตฺตตฺตา ปุราโณ, ยสฺส โอกฺกมนโต ปภุติ เกนจิ ปาทาทินา อหึสนโต อทูสิกาโย คาโว หฺนฺติ. ยา ฆาเตนฺตา ธมฺมา ธํสนฺติ จวนฺติ ปริหายนฺติ ยาชกา ยฺยาชิโน ชนาติ.

๓๑๖. เอวเมโส อณุธมฺโมติ เอวํ เอโส ลามกธมฺโม หีนธมฺโม, อธมฺโมติ วุตฺตํ โหติ. ยสฺมา วา เอตฺถ ทานธมฺโมปิ อปฺปโก อตฺถิ, ตสฺมา ตํ สนฺธายาห ‘‘อณุธมฺโม’’ติ. โปราโณติ ตาว จิรกาลโต ปภุติ ปวตฺตตฺตา โปราโณ. วิฺูหิ ปน ครหิตตฺตา วิฺูครหิโตติ เวทิตพฺโพ. ยสฺมา จ วิฺุครหิโต, ตสฺมา ยตฺถ เอทิสกํ ปสฺสติ, ยาชกํ ครหตี ชโน. กถํ? ‘‘อพฺพุทํ พฺราหฺมเณหิ อุปฺปาทิตํ, คาโว วธิตฺวา มํสํ ขาทนฺตี’’ติ เอวมาทีนิ วตฺวาติ อยเมตฺถ อนุสฺสโว.

๓๑๗. เอวํ ธมฺเม วิยาปนฺเนติ เอวํ โปราเณ พฺราหฺมณธมฺเม นฏฺเ. ‘‘วิยาวตฺเต’’ติปิ ปาโ, วิปริวตฺติตฺวา อฺถา ภูเตติ อตฺโถ. วิภินฺนา สุทฺทเวสฺสิกาติ ปุพฺเพ สมคฺคา วิหรนฺตา สุทฺทา จ เวสฺสา จ เต วิภินฺนา. ปุถู วิภินฺนา ขตฺติยาติ ขตฺติยาปิ พหู อฺมฺํ ภินฺนา. ปตึ ภริยาวมฺถาติ ภริยา จ ฆราวาสตฺถํ อิสฺสริยพเล ปิตา ปุตฺตพลาทีหิ อุเปตา หุตฺวา ปตึ อวมฺถ, ปริภวิ อวมฺิ น สกฺกจฺจํ อุปฏฺาสิ.

๓๑๘. เอวํ อฺมฺํ วิภินฺนา สมานา ขตฺติยา พฺรหฺมพนฺธู จ…เป… กามานํ วสมนฺวคุนฺติ. ขตฺติยา จ พฺราหฺมณา จ เย จฺเ เวสฺสสุทฺทา ยถา สงฺกรํ นาปชฺชนฺติ, เอวํ อตฺตโน อตฺตโน โคตฺเตน รกฺขิตตฺตา โคตฺตรกฺขิตา. เต สพฺเพปิ ตํ ชาติวาทํ นิรํกตฺวา, ‘‘อหํ ขตฺติโย, อหํ พฺราหฺมโณ’’ติ เอตํ สพฺพมฺปิ นาเสตฺวา ปฺจกามคุณสงฺขาตานํ กามานํ วสํ อนฺวคุํ อาสตฺตํ ปาปุณึสุ, กามเหตุ น กิฺจิ อกตฺตพฺพํ นากํสูติ วุตฺตํ โหติ.

เอวเมตฺถ ภควา ‘‘อิสโย ปุพฺพกา’’ติอาทีหิ นวหิ คาถาหิ โปราณานํ พฺราหฺมณานํ วณฺณํ ภาสิตฺวา ‘‘โย เนสํ ปรโม’’ติ คาถาย พฺรหฺมสมํ, ‘‘ตสฺส วตฺตมนุสิกฺขนฺตา’’ติ คาถาย เทวสมํ, ‘‘ตณฺฑุลํ สยน’’นฺติอาทิกาหิ จตูหิ คาถาหิ มริยาทํ, ‘‘เตสํ อาสิ วิปลฺลาโส’’ติอาทีหิ สตฺตรสหิ คาถาหิ สมฺภินฺนมริยาทํ, ตสฺส วิปฺปฏิปตฺติยา เทวาทีนํ ปกฺกนฺทนาทิทีปนตฺถฺจ ทสฺเสตฺวา เทสนํ นิฏฺาเปสิ. พฺราหฺมณจณฺฑาโล ปน อิธ อวุตฺโตเยว. กสฺมา? ยสฺมา วิปตฺติยา อการณํ. พฺราหฺมณธมฺมสมฺปตฺติยา หิ พฺรหฺมสมเทวสมมริยาทา การณํ โหนฺติ, วิปตฺติยา สมฺภินฺนมริยาโท. อยํ ปน โทณสุตฺเต (อ. นิ. ๕.๑๙๒) วุตฺตปฺปกาโร พฺราหฺมณจณฺฑาโล พฺราหฺมณธมฺมวิปตฺติยาปิ อการณํ. กสฺมา? วิปนฺเน ธมฺเม อุปฺปนฺนตฺตา. ตสฺมา ตํ อทสฺเสตฺวาว เทสนํ นิฏฺาเปสิ. เอตรหิ ปน โสปิ พฺราหฺมณจณฺฑาโล ทุลฺลโภ. เอวมยํ พฺราหฺมณานํ ธมฺโม วินฏฺโ. เตเนวาห โทโณ พฺราหฺมโณ – ‘‘เอวํ สนฺเต มยํ, โภ โคตม, พฺราหฺมณจณฺฑาลมฺปิ น ปูเรมา’’ติ. เสสเมตฺถ วุตฺตนยเมว.

ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย

สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย พฺราหฺมณธมฺมิกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. ธมฺมสุตฺต-(นาวาสุตฺต)-วณฺณนา

๓๑๙. ยสฺมา หิ ธมฺมนฺติ ธมฺมสุตฺตํ, ‘‘นาวาสุตฺต’’นฺติปิ วุจฺจติ. กา อุปฺปตฺติ? อิทํ สุตฺตํ อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตตฺเถรํ อารพฺภ วุตฺตํ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน ทฺวินฺนํ อคฺคสาวกานํ อุปฺปตฺติโต ปภุติ เวทิตพฺโพ. เสยฺยถิทํ – อนุปฺปนฺเน กิร ภควติ ทฺเว อคฺคสาวกา เอกํ อสงฺขฺเยยฺยํ กปฺปสตสหสฺสฺจ ปารมิโย ปูเรตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺตา. เตสํ ปโม จวิตฺวา ราชคหสฺส อวิทูเร อุปติสฺสคาโม นาม พฺราหฺมณานํ โภคคาโม อตฺถิ, ตตฺถ สฏฺิอธิกปฺจโกฏิสตธนวิภวสฺส คามสามิโน พฺราหฺมณสฺส รูปสารี นาม พฺราหฺมณี, ตสฺสา กุจฺฉิยํ ปฏิสนฺธึ อคฺคเหสิ. ทุติโย ตสฺเสวาวิทูเร โกลิตคาโม นาม พฺราหฺมณานํ โภคคาโม อตฺถิ. ตตฺถ ตถารูปวิภวสฺเสว คามสามิโน พฺราหฺมณสฺส โมคฺคลฺลานี นาม พฺราหฺมณี, ตสฺสา กุจฺฉิยํ ตํ ทิวสเมว ปฏิสนฺธึ อคฺคเหสิ. เอวํ เตสํ เอกทิวสเมว ปฏิสนฺธิคฺคหณฺจ คพฺภวุฏฺานฺจ อโหสิ. เอกทิวเสเยว จ เนสํ เอกสฺส อุปติสฺสคาเม ชาตตฺตา อุปติสฺโส, เอกสฺส โกลิตคาเม ชาตตฺตา โกลิโตติ นามมกํสุ.

เต สหปํสุํ กีฬนฺตา สหายกา อนุปุพฺเพน วุฑฺฒึ ปาปุณึสุ, เอกเมกสฺส จ ปฺจปฺจมาณวกสตานิ ปริวารา อเหสุํ. เต อุยฺยานํ วา นทีติตฺถํ วา คจฺฉนฺตา สปริวาราเยว คจฺฉนฺติ. เอโก ปฺจหิ สุวณฺณสิวิกาสเตหิ, ทุติโย ปฺจหิ อาชฺรถสเตหิ. ตทา จ ราชคเห กาลานุกาลํ คิรคฺคสมชฺโช นาม โหติ. สายนฺหสมเย นครเวมชฺเฌ ยตฺถ สกลองฺคมคธวาสิโน อภิฺาตา ขตฺติยกุมาราทโย สนฺนิปติตฺวา สุปฺตฺเตสุ มฺจปีาทีสุ นิสินฺนา สมชฺชวิภูตึ ปสฺสนฺติ. อถ เต สหายกา เตน ปริวาเรน สทฺธึ ตตฺถ คนฺตฺวา ปฺตฺตาสเนสุ นิสีทึสุ. ตโต อุปติสฺโส สมชฺชวิภูตึ ปสฺสนฺโต มหาชนกายํ สนฺนิปติตํ ทิสฺวา ‘‘เอตฺตโก ชนกาโย วสฺสสตํ อปฺปตฺวาว มริสฺสตี’’ติ จินฺเตสิ. ตสฺส มรณํ อาคนฺตฺวา นลาฏนฺเต ปติฏฺิตํ วิย อโหสิ, ตถา โกลิตสฺส. เตสํ อเนกปฺปกาเรสุ นเฏสุ นจฺจนฺเตสุ ทสฺสนมตฺเตปิ จิตฺตํ น นมิ, อฺทตฺถุ สํเวโคเยว อุทปาทิ.

อถ วุฏฺิเต สมชฺเช ปกฺกนฺตาย ปริสาย สกปริวาเรน ปกฺกนฺเตสุ เตสุ สหาเยสุ โกลิโต อุปติสฺสํ ปุจฺฉิ – ‘‘กึ, สมฺม, นาฏกาทิทสฺสเนน ตว ปโมทนมตฺตมฺปิ นาโหสี’’ติ? โส ตสฺส ตํ ปวตฺตึ อาโรเจตฺวา ตมฺปิ ตเถว ปฏิปุจฺฉิ. โสปิ ตสฺส อตฺตโน ปวตฺตึ อาโรเจตฺวา ‘‘เอหิ, สมฺม, ปพฺพชิตฺวา อมตํ คเวสามา’’ติ อาห. ‘‘สาธุ สมฺมา’’ติ อุปติสฺโส ตํ สมฺปฏิจฺฉิ. ตโต ทฺเวปิ ชนา ตํ สมฺปตฺตึ ฉฑฺเฑตฺวา ปุนเทว ราชคหมนุปฺปตฺตา. เตน จ สมเยน ราชคเห สฺจโย นาม ปริพฺพาชโก ปฏิวสติ. เต ตสฺส สนฺติเก ปฺจหิ มาณวกสเตหิ สทฺธึ ปพฺพชิตฺวา กติปาเหเนว ตโย เวเท สพฺพฺจ ปริพฺพาชกสมยํ อุคฺคเหสุํ. เต เตสํ สตฺถานํ อาทิมชฺฌปริโยสานํ อุปปริกฺขนฺตา ปริโยสานํ อทิสฺวา อาจริยํ ปุจฺฉึสุ – ‘‘อิเมสํ สตฺถานํ อาทิมชฺฌํ ทิสฺสติ, ปริโยสานํ ปน น ทิสฺสติ ‘อิทํ นาม อิเมหิ สตฺเถหิ ปาปุเณยฺยาติ, ยโต อุตฺตริ ปาปุณิตพฺพํ นตฺถี’’’ติ. โสปิ อาห – ‘‘อหมฺปิ เตสํ ตถาวิธํ ปริโยสานํ น ปสฺสามี’’ติ. เต อาหํสุ – ‘‘เตน หิ มยํ อิเมสํ ปริโยสานํ คเวสามา’’ติ. เต อาจริโย ‘‘ยถาสุขํ คเวสถา’’ติ อาห. เอวํ เต เตน อนุฺาตา อมตํ คเวสมานา อาหิณฺฑนฺตา ชมฺพุทีเป ปากฏา อเหสุํ. เตหิ ขตฺติยปณฺฑิตาทโย ปฺหํ ปุฏฺา อุตฺตรุตฺตรึ น สมฺปายนฺติ. ‘‘อุปติสฺโส โกลิโต’’ติ วุตฺเต ปน ‘‘เก เอเต, น โข มยํ ชานามา’’ติ ภณนฺตา นตฺถิ, เอวํ วิสฺสุตา อเหสุํ.

เอวํ เตสุ อมตปริเยสนํ จรมาเนสุ อมฺหากํ ภควา โลเก อุปฺปชฺชิตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺโก อนุปุพฺเพน ราชคหมนุปฺปตฺโต. เต จ ปริพฺพาชกา สกลชมฺพุทีปํ จริตฺวา ติฏฺตุ อมตํ, อนฺตมโส ปริโยสานปฺหวิสฺสชฺชนมตฺตมฺปิ อลภนฺตา ปุนเทว ราชคหํ อคมํสุ. อถ โข อายสฺมา อสฺสชิ ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวาติ ยาว เตสํ ปพฺพชฺชา, ตาว สพฺพํ ปพฺพชฺชากฺขนฺธเก (มหาว. ๖๐) อาคตนเยเนว วิตฺถารโต ทฏฺพฺพํ.

เอวํ ปพฺพชิเตสุ เตสุ ทฺวีสุ สหายเกสุ อายสฺมา สาริปุตฺโต อฑฺฒมาเสน สาวกปารมีาณํ สจฺฉากาสิ. โส ยทา อสฺสชิตฺเถเรน สทฺธึ เอกวิหาเร วสติ, ตทา ภควโต อุปฏฺานํ คนฺตฺวา อนนฺตรํ เถรสฺส อุปฏฺานํ คจฺฉติ ‘‘ปุพฺพาจริโย เม อยมายสฺมา, เอตมหํ นิสฺสาย ภควโต สาสนํ อฺาสิ’’นฺติ คารเวน. ยทา ปน อสฺสชิตฺเถเรน สทฺธึ เอกวิหาเร น วสติ, ตทา ยสฺสํ ทิสายํ เถโร วสติ, ตํ ทิสํ โอโลเกตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา อฺชลึ ปคฺคยฺห นมสฺสติ. ตํ ทิสฺวา เกจิ ภิกฺขู กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘สาริปุตฺโต อคฺคสาวโก หุตฺวา ทิสํ นมสฺสติ, อชฺชาปิ มฺเ พฺราหฺมณทิฏฺิ อปฺปหีนา’’ติ. อถ ภควา ทิพฺพาย โสตธาตุยา ตํ กถาสลฺลาปํ สุตฺวา ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสินฺนํเยว อตฺตานํ ทสฺเสนฺโต ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ? เต ตํ ปวตฺตึ อาจิกฺขึสุ. ตโต ภควา ‘‘น, ภิกฺขเว, สาริปุตฺโต ทิสํ นมสฺสติ, ยํ นิสฺสาย สาสนํ อฺาสิ, ตํ อตฺตโน อาจริยํ วนฺทติ นมสฺสติ สมฺมาเนติ, อาจริยปูชโก, ภิกฺขเว, สาริปุตฺโต’’ติ วตฺวา ตตฺถ สนฺนิปติตานํ ธมฺมเทสนตฺถํ อิมํ สุตฺตมภาสิ.

ตตฺถ ยสฺมา หิ ธมฺมํ ปุริโส วิชฺาติ ยโต ปุคฺคลา ปิฏกตฺตยปฺปเภทํ ปริยตฺติธมฺมํ วา, ปริยตฺตึ สุตฺวา อธิคนฺตพฺพํ นวโลกุตฺตรปฺปเภทํ ปฏิเวธธมฺมํ วา ปุริโส วิชฺา ชาเนยฺย เวเทยฺย. ‘‘ยสฺสา’’ติปิ ปาโ, โส เอวตฺโถ. อินฺทํว นํ เทวตา ปูชเยยฺยาติ ยถา สกฺกํ เทวานมินฺทํ ทฺวีสุ เทวโลเกสุ เทวตา ปูเชนฺติ, เอวํ โส ปุคฺคโล ตํ ปุคฺคลํ กาลสฺเสว วุฏฺาย อุปาหนโอมุฺจนาทึ สพฺพํ วตฺตปฏิวตฺตํ กโรนฺโต ปูเชยฺย สกฺกเรยฺย ครุกเรยฺย. กึ การณํ? โส ปูชิโต…เป… ปาตุกโรติ ธมฺมํ, โส อาจริโย เอวํ ปูชิโต ตสฺมึ อนฺเตวาสิมฺหิ ปสนฺนจิตฺโต ปริยตฺติปฏิเวธวเสน พหุสฺสุโต เทสนาวเสเนว ปริยตฺติธมฺมฺจ, เทสนํ สุตฺวา ยถานุสิฏฺํ ปฏิปตฺติยา อธิคนฺตพฺพํ ปฏิเวธธมฺมฺจ ปาตุกโรติ เทเสติ, เทสนาย วา ปริยตฺติธมฺมํ, อุปมาวเสน อตฺตนา อธิคตปฏิเวธธมฺมํ ปาตุกโรติ.

๓๒๐. ตทฏฺิกตฺวาน นิสมฺม ธีโรติ เอวํ ปสนฺเนน อาจริเยน ปาตุกตํ ธมฺมํ อฏฺิกตฺวาน สุณิตฺวา อุปธารณสมตฺถตาย ธีโร ปุริโส. ธมฺมานุธมฺมํ ปฏิปชฺชมาโนติ โลกุตฺตรธมฺมสฺส อนุโลมตฺตา อนุธมฺมภูตํ วิปสฺสนํ ภาวยมาโน. วิฺู วิภาวี นิปุโณ จ โหตีติ วิฺุตาสงฺขาตาย ปฺาย อธิคเมน วิฺู, วิภาเวตฺวา ปเรสมฺปิ ปากฏํ กตฺวา าปนสมตฺถตาย วิภาวี, ปรมสุขุมตฺถปฏิเวธตาย นิปุโณ จ โหติ. โย ตาทิสํ ภชติ อปฺปมตฺโตติ โย ตาทิสํ ปุพฺเพ วุตฺตปฺปการํ พหุสฺสุตํ อปฺปมตฺโต ตปฺปสาทนปโร หุตฺวา ภชติ.

๓๒๑. เอวํ ปณฺฑิตาจริยเสวนํ ปสํสิตฺวา อิทานิ พาลาจริยเสวนํ นินฺทนฺโต ‘‘ขุทฺทฺจ พาล’’นฺติ อิมํ คาถมาห. ตตฺถ ขุทฺทนฺติ ขุทฺเทน กายกมฺมาทินา สมนฺนาคตํ, ปฺาภาวโต พาลํ. อนาคตตฺถนฺติ อนธิคตปริยตฺติปฏิเวธตฺถํ. อุสูยกนฺติ อิสฺสามนกตาย อนฺเตวาสิกสฺส วุฑฺฒึ อสหมานํ. เสสเมตฺถ ปากฏเมว ปทโต. อธิปฺปายโต ปน โย พหุจีวราทิลาภี อาจริโย อนฺเตวาสิกานํ จีวราทีนิ น สกฺโกติ ทาตุํ, ธมฺมทาเน ปน อนิจฺจทุกฺขานตฺตวจนมตฺตมฺปิ น สกฺโกติ. เอเตหิ ขุทฺทตาทิธมฺเมหิ สมนฺนาคตตฺตา ตํ ขุทฺทํ พาลํ อนาคตตฺถํ อุสูยกํ อาจริยํ อุปเสวมาโน ‘‘ปูติมจฺฉํ กุสคฺเคนา’’ติ (อิติวุ. ๗๖; ชา. ๑.๑๕.๑๘๓) วุตฺตนเยน สยมฺปิ พาโล โหติ. ตสฺมา อิธ สาสเน กิฺจิ อปฺปมตฺตกมฺปิ ปริยตฺติธมฺมํ ปฏิเวธธมฺมํ วา อวิภาวยิตฺวา จ อวิชานิตฺวา จ ยสฺส ธมฺเมสุ กงฺขา, ตํ อตริตฺวา มรณํ อุเปตีติ เอวมสฺส อตฺโถ เวทิตพฺโพ.

๓๒๒-๓. อิทานิ ตสฺเสวตฺถสฺส ปากฏกรณตฺถํ ‘‘ยถา นโร’’ติ คาถาทฺวยมาห. ตตฺถ อาปคนฺติ นทึ. มโหทกนฺติ พหุอุทกํ. สลิลนฺติ อิโต จิโต จ คตํ, วิตฺถิณฺณนฺติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘สริต’’นฺติปิ ปาโ, โส เอวตฺโถ. สีฆโสตนฺติ หารหาริกํ, เวควตินฺติ วุตฺตํ โหติ. กึ โสติ เอตฺถ ‘‘โส วุยฺหมาโน’’ติ อิมินา จ โสกาเรน ตสฺส นรสฺส นิทฺทิฏฺตฺตา นิปาตมตฺโต โสกาโร. กึ สูติ วุตฺตํ โหติ ยถา ‘‘น ภวิสฺสามิ นาม โส, วินสฺสิสฺสามิ นาม โส’’ติ. ธมฺมนฺติ ปุพฺเพ วุตฺตํ ทุวิธเมว. อนิสามยตฺถนฺติ อนิสาเมตฺวา อตฺถํ. เสสเมตฺถ ปากฏเมว ปทโต.

อธิปฺปายโต ปน ยถา โย โกจิเทว นโร วุตฺตปฺปการํ นทึ โอตริตฺวา ตาย นทิยา วุยฺหมาโน อนุโสตคามี โสตเมว อนุคจฺฉนฺโต ปเร ปารตฺถิเก กึ สกฺขติ ปารํ เนตุํ. ‘‘สกฺกตี’’ติปิ ปาโ. ตเถว ทุวิธมฺปิ ธมฺมํ อตฺตโน ปฺาย อวิภาวยิตฺวา พหุสฺสุตานฺจ สนฺติเก อตฺถํ อนิสาเมตฺวา สยํ อวิภาวิตตฺตา อชานนฺโต อนิสามิตตฺตา จ อวิติณฺณกงฺโข ปเร กึ สกฺขติ นิชฺฌาเปตุํ เปกฺขาเปตุนฺติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ‘‘โส วต, จุนฺท, อตฺตนา ปลิปปลิปนฺโน’’ติอาทิกฺเจตฺถ (ม. นิ. ๑.๘๗) สุตฺตปทํ อนุสฺสริตพฺพํ.

๓๒๔-๕. เอวํ พาลเสวนาย พาลสฺส ปรํ นิชฺฌาเปตุํ อสมตฺถตาย ปากฏกรณตฺถํ อุปมํ วตฺวา อิทานิ ‘‘โย ตาทิสํ ภชติ อปฺปมตฺโต’’ติ เอตฺถ วุตฺตสฺส ปณฺฑิตสฺส ปเร นิชฺฌาเปตุํ สมตฺถตาย ปากฏกรณตฺถํ ‘‘ยถาปิ นาว’’นฺติ คาถาทฺวยมาห. ตตฺถ ผิเยนาติ ทพฺพิปทเรน. ริตฺเตนาติ เวฬุทณฺเฑน. ตตฺถาติ ตสฺสํ นาวายํ. ตตฺรูปยฺูติ ตสฺสา นาวาย อาหรณปฏิหรณาทิอุปายชานเนน มคฺคปฏิปาทเนน อุปายฺู. สิกฺขิตสิกฺขตาย สุกุสลหตฺถตาย จ กุสโล. อุปฺปนฺนุปทฺทวปฏิการสมตฺถตาย มุตีมา. เวทคูติ เวทสงฺขาเตหิ จตูหิ มคฺคาเณหิ คโต. ภาวิตตฺโตติ ตาเยว มคฺคภาวนาย ภาวิตจิตฺโต. พหุสฺสุโตติ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว. อเวธธมฺโมติ อฏฺหิ โลกธมฺเมหิ อกมฺปนิยสภาโว. โสตาวธานูปนิสูปปนฺเนติ โสตโอทหเนน จ มคฺคผลานํ อุปนิสฺสเยน จ อุปปนฺเน. เสสํ อุตฺตานปทตฺถเมว. อธิปฺปายโยชนาปิ สกฺกา ปุริมนเยเนว ชานิตุนฺติ น วิตฺถาริตา.

๓๒๖. เอวํ ปณฺฑิตสฺส ปเร นิชฺฌาเปตุํ สมตฺถภาวปากฏกรณตฺถํ อุปมํ วตฺวา ตสฺสา ปณฺฑิตเสวนาย นิโยเชนฺโต ‘‘ตสฺมา หเว’’ติ อิมํ อวสานคาถมาห. ตตฺรายํ สงฺเขปตฺโถ – ยสฺมา อุปนิสฺสยสมฺปนฺนา ปณฺฑิตเสวเนน วิเสสํ ปาปุณนฺติ, ตสฺมา หเว สปฺปุริสํ ภเชถ. กีทิสํ สปฺปุริสํ ภเชถ? เมธาวินฺเจว พหุสฺสุตฺจ, ปฺาสมฺปตฺติยา จ เมธาวินํ วุตฺตปฺปการสุตทฺวเยน จ พหุสฺสุตํ. ตาทิสฺหิ ภชมาโน เตน ภาสิตสฺส ธมฺมสฺส อฺาย อตฺถํ เอวํ ตฺวา จ ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชมาโน ตาย ปฏิปตฺติยา ปฏิเวธวเสน วิฺาตธมฺโม โส มคฺคผลนิพฺพานปฺปเภทํ โลกุตฺตรสุขํ ลเภถ อธิคจฺเฉยฺย ปาปุเณยฺยาติ อรหตฺตนิกูเฏน เทสนํ สมาเปสีติ.

ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย

สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย ธมฺมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. กึสีลสุตฺตวณฺณนา

๓๒๗. กึสีโลติ กึสีลสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส คิหิสหายโก เอโก เถรสฺเสว ปิตุโน วงฺคนฺตพฺราหฺมณสฺส สหายสฺส พฺราหฺมณสฺส ปุตฺโต สฏฺิโกฏิอธิกํ ปฺจสตโกฏิธนํ ปริจฺจชิตฺวา อายสฺมโต สาริปุตฺตตฺเถรสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา สพฺพํ พุทฺธวจนํ ปริยาปุณิ. ตสฺส เถโร พหุโส โอวทิตฺวา กมฺมฏฺานมทาสิ, โส เตน วิเสสํ นาธิคจฺฉติ. ตโต เถโร ‘‘พุทฺธเวเนยฺโย เอโส’’ติ ตฺวา ตํ อาทาย ภควโต สนฺติกํ คนฺตฺวา ตํ ภิกฺขุํ อารพฺภ ปุคฺคลํ อนิยเมตฺวา ‘‘กึสีโล’’ติ ปุจฺฉิ. อถสฺส ภควา ตโต ปรํ อภาสิ. ตตฺถ กึสีโลติ กีทิเสน วาริตฺตสีเลน สมนฺนาคโต, กีทิสปกติโก วา. กึสมาจาโรติ กีทิเสน จาริตฺเตน ยุตฺโต. กานิ กมฺมานิ พฺรูหยนฺติ กานิ กายกมฺมาทีนิ วฑฺเฒนฺโต. นโร สมฺมา นิวิฏฺสฺสาติ อภิรโต นโร สาสเน สมฺมา ปติฏฺิโต ภเวยฺย. อุตฺตมตฺถฺจ ปาปุเณติ สพฺพตฺถานํ อุตฺตมํ อรหตฺตฺจ ปาปุเณยฺยาติ วุตฺตํ โหติ.

๓๒๘. ตโต ภควา ‘‘สาริปุตฺโต อฑฺฒมาสูปสมฺปนฺโน สาวกปารมิปฺปตฺโต, กสฺมา อาทิกมฺมิกปุถุชฺชนปฺหํ ปุจฺฉตี’’ติ อาวชฺเชนฺโต ‘‘สทฺธิวิหาริกํ อารพฺภา’’ติ ตฺวา ปุจฺฉาย วุตฺตํ จาริตฺตสีลํ อวิภชิตฺวาว ตสฺส สปฺปายวเสน ธมฺมํ เทเสนฺโต ‘‘วุฑฺฒาปจายี’’ติอาทิมาห.

ตตฺถ ปฺาวุฑฺโฒ, คุณวุฑฺโฒ, ชาติวุฑฺโฒ, วโยวุฑฺโฒติ จตฺตาโร วุฑฺฒา. ชาติยา หิ ทหโรปิ พหุสฺสุโต ภิกฺขุ อปฺปสฺสุตมหลฺลกภิกฺขูนมนฺตเร พาหุสจฺจปฺาย วุฑฺฒตฺตา ปฺาวุฑฺโฒ. ตสฺส หิ สนฺติเก มหลฺลกภิกฺขูปิ พุทฺธวจนํ ปริยาปุณนฺติ, โอวาทวินิจฺฉยปฺหวิสฺสชฺชนานิ จ ปจฺจาสีสนฺติ. ตถา ทหโรปิ ภิกฺขุ อธิคมสมฺปนฺโน คุณวุฑฺโฒ นาม. ตสฺส หิ โอวาเท ปติฏฺาย มหลฺลกาปิ วิปสฺสนาคพฺภํ คเหตฺวา อรหตฺตผลํ ปาปุณนฺติ. ตถา ทหโรปิ ราชา ขตฺติโย มุทฺธาวสิตฺโต พฺราหฺมโณ วา เสสชนสฺส วนฺทนารหโต ชาติวุฑฺโฒ นาม. สพฺโพ ปน ปมชาโต วโยวุฑฺโฒ นาม. ตตฺถ ยสฺมา ปฺาย สาริปุตฺตตฺเถรสฺส สทิโส นตฺถิ เปตฺวา ภควนฺตํ, ตถา คุเณนปิ อฑฺฒมาเสน สพฺพสาวกปารมีาณสฺส ปฏิวิทฺธตฺตา. ชาติยาปิ โส พฺราหฺมณมหาสาลกุเล อุปฺปนฺโน, ตสฺมา ตสฺส ภิกฺขุโน วเยน สมาโนปิ โส อิเมหิ ตีหิ การเณหิ วุฑฺโฒ. อิมสฺมึ ปนตฺเถ ปฺาคุเณหิ เอว วุฑฺฒภาวํ สนฺธาย ภควา อาห – ‘‘วุฑฺฒาปจายี’’ติ. ตสฺมา ตาทิสานํ วุฑฺฒานํ อปจิติกรเณน วุฑฺฒาปจายี, เตสเมว วุฑฺฒานํ ลาภาทีสุ อุสูยวิคเมน อนุสูยโก จ สิยาติ อยมาทิปาทสฺส อตฺโถ.

กาลฺู จสฺสาติ เอตฺถ ปน ราเค อุปฺปนฺเน ตสฺส วิโนทนตฺถาย ครูนํ ทสฺสนํ คจฺฉนฺโตปิ กาลฺู, โทเส… โมเห… โกสชฺเช อุปฺปนฺเน ตสฺส วิโนทนตฺถาย ครูนํ ทสฺสนํ คจฺฉนฺโตปิ กาลฺู, ยโต เอวํ กาลฺู จ อสฺส ครูนํ ทสฺสนาย. ธมฺมึ กถนฺติ สมถวิปสฺสนายุตฺตํ. เอรยิตนฺติ วุตฺตํ. ขณฺูติ ตสฺสา กถาย ขณเวที, ทุลฺลโภ วา อยํ อีทิสาย กถาย สวนกฺขโณติ ชานนฺโต. สุเณยฺย สกฺกจฺจาติ ตํ กถํ สกฺกจฺจํ สุเณยฺย. น เกวลฺจ ตเมว, อฺานิปิ พุทฺธคุณาทิปฏิสํยุตฺตานิ สุภาสิตานิ สกฺกจฺจเมว สุเณยฺยาติ อตฺโถ.

๓๒๙. ‘‘กาลฺู จสฺส ครูนํ ทสฺสนายา’’ติ เอตฺถ วุตฺตนยฺจ อตฺตโน อุปฺปนฺนราคาทิวิโนทนกาลํ ตฺวาปิ ครูนํ สนฺติกํ คจฺฉนฺโต กาเลน คจฺเฉ ครูนํ สกาสํ, ‘‘อหํ กมฺมฏฺานิโก ธุตงฺคธโร จา’’ติ กตฺวา น เจติยวนฺทนโพธิยงฺคณภิกฺขาจารมคฺคอติมชฺฌนฺหิกเวลาทีสุ ยตฺถ กตฺถจิ ิตมาจริยํ ทิสฺวา ปริปุจฺฉนตฺถาย อุปสงฺกเมยฺย, สกเสนาสเน ปน อตฺตโน อาสเน นิสินฺนํ วูปสนฺตทรถํ สลฺลกฺเขตฺวา กมฺมฏฺานาทิวิธิปุจฺฉนตฺถํ อุปสงฺกเมยฺยาติ อตฺโถ. เอวํ อุปสงฺกมนฺโตปิ จ ถมฺภํ นิรํกตฺวา นิวาตวุตฺติ ถทฺธภาวกรํ มานํ วินาเสตฺวา นีจวุตฺติ ปาทปุฺฉนโจฬกฉินฺนวิสาณุสภอุทฺธตทาสปฺปสทิโส หุตฺวา อุปสงฺกเมยฺย. อถ เตน ครุนา วุตฺตํ อตฺถํ ธมฺมํ…เป… สมาจเร จ. อตฺถนฺติ ภาสิตตฺถํ. ธมฺมนฺติ ปาฬิธมฺมํ. สํยมนฺติ สีลํ. พฺรหฺมจริยนฺติ อวเสสสาสนพฺรหฺมจริยํ. อนุสฺสเร เจว สมาจเร จาติ อตฺถํ กถิโตกาเส อนุสฺสเรยฺย, ธมฺมํ สํยมํ พฺรหฺมจริยํ กถิโตกาเส อนุสฺสเรยฺย, อนุสฺสรณมตฺเตเนว จ อตุสฺสนฺโต ตํ สพฺพมฺปิ สมาจเร สมาจเรยฺย สมาทาย วตฺเตยฺย. ตาสํ กถานํ อตฺตนิ ปวตฺตเน อุสฺสุกฺกํ กเรยฺยาติ อตฺโถ. เอวํ กโรนฺโต หิ กิจฺจกโร โหติ.

๓๓๐. ตโต ปรฺจ ธมฺมาราโม ธมฺมรโต ธมฺเม ิโต ธมฺมวินิจฺฉยฺู ภเวยฺย. สพฺพปเทสุ เจตฺถ ธมฺโมติ สมถวิปสฺสนา, อาราโม รตีติ เอโกว อตฺโถ, ธมฺเม อาราโม อสฺสาติ ธมฺมาราโม. ธมฺเม รโต, น อฺํ ปิเหตีติ ธมฺมรโต. ธมฺเม ิโต ธมฺมํ วตฺตนโต. ธมฺมวินิจฺฉยํ ชานาติ ‘‘อิทํ อุทยาณํ อิทํ วยาณ’’นฺติ ธมฺมวินิจฺฉยฺู, เอวรูโป อสฺส. อถ ยายํ ราชกถาทิติรจฺฉานกถา ตรุณวิปสฺสกสฺส พหิทฺธารูปาทีสุ อภินนฺทนุปฺปาทเนน ตํ สมถวิปสฺสนาธมฺมํ สนฺทูเสติ, ตสฺมา ‘‘ธมฺมสนฺโทสวาโท’’ติ วุจฺจติ, ตํ เนวาจเร ธมฺมสนฺโทสวาทํ, อฺทตฺถุ อาวาสโคจราทิสปฺปายานิ เสวนฺโต ตจฺเฉหิ นีเยถ สุภาสิเตหิ. สมถวิปสฺสนาปฏิสํยุตฺตาเนเวตฺถ ตจฺฉานิ, ตถารูเปหิ สุภาสิเตหิ นีเยถ นีเยยฺย, กาลํ เขเปยฺยาติ อตฺโถ.

๓๓๑. อิทานิ ‘‘ธมฺมสนฺโทสวาท’’นฺติ เอตฺถ อติสงฺเขเปน วุตฺตํ สมถวิปสฺสนายุตฺตสฺส ภิกฺขุโน อุปกฺกิเลสํ ปากฏํ กโรนฺโต ตทฺเนปิ อุปกฺกิเลเสน สทฺธึ ‘‘หสฺสํ ชปฺป’’นฺติ อิมํ คาถมาห. หาสนฺติปิ ปาโ. วิปสฺสเกน หิ ภิกฺขุนา หสนียสฺมึ วตฺถุสฺมึ สิตมตฺตเมว กาตพฺพํ, นิรตฺถกกถาชปฺโป น ภาสิตพฺโพ, าติพฺยสนาทีสุ ปริเทโว น กาตพฺโพ, ขาณุกณฺฏกาทิมฺหิ มโนปโทโส น อุปฺปาเทตพฺโพ. มายากตนฺติ วุตฺตา มายา, ติวิธํ กุหนํ, ปจฺจเยสุ คิทฺธิ, ชาติอาทีหิ มาโน, ปจฺจนีกสาตตาสงฺขาโต สารมฺโภ, ผรุสวจนลกฺขณํ กกฺกสํ, ราคาทโย กสาวา, อธิมตฺตตณฺหาลกฺขณา มุจฺฉาติ อิเม จ โทสา สุขกาเมน องฺคารกาสุ วิย, สุจิกาเมน คูถานํ วิย, ชีวิตุกาเมน อาสิวิสาทโย วิย จ ปหาตพฺพา. หิตฺวา จ อาโรคฺยมทาทิวิคมา วีตมเทน จิตฺตวิกฺเขปาภาวา ิตตฺเตน จริตพฺพํ. เอวํ ปฏิปนฺโน หิ สพฺพุปกฺกิเลสปริสุทฺธาย ภาวนาย น จิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณาติ. เตนาห ภควา – ‘‘หสฺสํ ชปฺปํ…เป… ิตตฺโต’’ติ.

๓๓๒. อิทานิ ยฺวายํ ‘‘หสฺสํ ชปฺป’’นฺติอาทินา นเยน อุปกฺกิเลโส วุตฺโต, เตน สมนฺนาคโต ภิกฺขุ ยสฺมา สาหโส โหติ อวีมํสการี, รตฺโต ราควเสน ทุฏฺโ โทสวเสน คจฺฉติ, ปมตฺโต จ โหติ กุสลานํ ธมฺมานํ ภาวนาย อสาตจฺจการี, ตถารูปสฺส จ ‘‘สุเณยฺย สกฺกจฺจ สุภาสิตานี’’ติอาทินา นเยน วุตฺโต โอวาโท นิรตฺถโก, ตสฺมา อิมสฺส สํกิเลสสฺส ปุคฺคลาธิฏฺานาย เทสนาย สุตาทิวุทฺธิปฏิปกฺขภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘วิฺาตสารานี’’ติ อิมํ คาถมาห.

ตสฺสตฺโถ – ยานิ เหตานิ สมถวิปสฺสนาปฏิสํยุตฺตานิ สุภาสิตานิ, เตสํ วิชานนํ สาโร. ยทิ วิฺาตานิ สาธุ, อถ สทฺทมตฺตเมว คหิตํ, น กิฺจิ กตํ โหติ, เยน เอตานิ สุตมเยน าเณน วิฺายนฺติ, ตํ สุตํ, เอตฺจ สุตมยาณํ วิฺาตสมาธิสารํ, เตสุ วิฺาเตสุ ธมฺเมสุ โย สมาธิ จิตฺตสฺสาวิกฺเขโป ตถตฺตาย ปฏิปตฺติ, อยมสฺส สาโร. น หิ วิชานนมตฺเตเนว โกจิ อตฺโถ สิชฺฌติ. โย ปนายํ นโร ราคาทิวเสน วตฺตนโต สาหโส, กุสลานํ ธมฺมานํ ภาวนาย อสาตจฺจการิตาย ปมตฺโต, โส สทฺทมตฺตคฺคาหีเยว โหติ. เตน ตสฺส อตฺถวิชานนาภาวโต สา สุภาสิตวิชานนปฺา จ, ตถตฺตาย ปฏิปตฺติยา อภาวโต สุตฺจ น วฑฺฒตีติ.

๓๓๓. เอวํ ปมตฺตานํ สตฺตานํ ปฺาปริหานึ สุตปริหานิฺจ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อปฺปมตฺตานํ ตทุภยสาราธิคมํ ทสฺเสนฺโต อาห – ‘‘ธมฺเม จ เย…เป… สารมชฺฌคู’’ติ. ตตฺถ อริยปฺปเวทิโต ธมฺโม นาม สมถวิปสฺสนาธมฺโม. เอโกปิ หิ พุทฺโธ สมถวิปสฺสนาธมฺมํ อเทเสตฺวา ปรินิพฺพุโต นาม นตฺถิ. ตสฺมา เอตสฺมึ ธมฺเม จ เย อริยปฺปเวทิเต รตา นิรตา อปฺปมตฺตา สาตจฺจานุโยคิโน, อนุตฺตรา เต วจสา มนสา กมฺมุนา จ, เต จตุพฺพิเธน วจีสุจริเตน ติวิเธน มโนสุจริเตน ติวิเธน กายสุจริเตน จ สมนฺนาคตตฺตา วจสา มนสา กมฺมุนา จ อนุตฺตรา, อวเสสสตฺเตหิ อสมา อคฺคาวิสิฏฺา. เอตฺตาวตา สทฺธึ ปุพฺพภาคสีเลน อริยมคฺคสมฺปยุตฺตํ สีลํ ทสฺเสติ. เอวํ ปริสุทฺธสีลา เต สนฺติโสรจฺจสมาธิสณฺิตา, สุตสฺส ปฺาย จ สารมชฺฌคู, เย อริยปฺปเวทิเต ธมฺเม รตา, เต น เกวลํ วาจาทีหิ อนุตฺตรา โหนฺติ, อปิจ โข ปน สนฺติโสรจฺเจ สมาธิมฺหิ จ สณฺิตา หุตฺวา สุตสฺส ปฺาย จ สารมชฺฌคู อธิคตา อิจฺเจว เวทิตพฺพา. อาสํสายํ ภูตวจนํ. ตตฺถ สนฺตีติ นิพฺพานํ, โสรจฺจนฺติ สุนฺทเร รตภาเวน ยถาภูตปฏิเวธิกา ปฺา, สนฺติยา โสรจฺจนฺติ สนฺติโสรจฺจํ, นิพฺพานารมฺมณาย มคฺคปฺาเยตํ อธิวจนํ. สมาธีติ ตํสมฺปยุตฺโตว มคฺคสมาธิ. สณฺิตาติ ตทุภเย ปติฏฺิตา. สุตปฺานํ สารํ นาม อรหตฺตผลวิมุตฺติ. วิมุตฺติสารฺหิ อิทํ พฺรหฺมจริยํ.

เอวเมตฺถ ภควา ธมฺเมน ปุพฺพภาคปฏิปทํ, ‘‘อนุตฺตรา วจสา’’ติอาทีหิ สีลกฺขนฺธํ, สนฺติโสรจฺจสมาธีหิ ปฺากฺขนฺธสมาธิกฺขนฺเธติ ตีหิปิ อิเมหิ ขนฺเธหิ อปรภาคปฏิปทฺจ ทสฺเสตฺวา สุตปฺาสาเรน อกุปฺปวิมุตฺตึ ทสฺเสนฺโต อรหตฺตนิกูเฏน เทสนํ สมาเปสิ. เทสนาปริโยสาเน จ โส ภิกฺขุ โสตาปตฺติผลํ ปตฺวา ปุน น จิรสฺเสว อคฺคผเล อรหตฺเต ปติฏฺาสีติ.

ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย

สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย กึสีลสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. อุฏฺานสุตฺตวณฺณนา

๓๓๔. อุฏฺหถาติ อุฏฺานสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรนฺโต รตฺตึ เชตวนวิหาเร วสิตฺวา ปุพฺพณฺหสมยํ ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปาจีนทฺวาเรน นครา นิกฺขมิตฺวา มิคารมาตุปาสาทํ อคมาสิ ทิวาวิหารตฺถาย. อาจิณฺณํ กิเรตํ ภควโต รตฺตึ เชตวนวิหาเร วสิตฺวา มิคารมาตุปาสาเท ทิวาวิหารูปคมนํ, รตฺติฺจ มิคารมาตุปาสาเท วสิตฺวา เชตวเน ทิวาวิหารูปคมนํ. กสฺมา? ทฺวินฺนํ กุลานํ อนุคฺคหตฺถาย มหาปริจฺจาคคุณปริทีปนตฺถาย จ. มิคารมาตุปาสาทสฺส จ เหฏฺา ปฺจ กูฏาคารคพฺภสตานิ โหนฺติ, เยสุ ปฺจสตา ภิกฺขู วสนฺติ. ตตฺถ ยทา ภควา เหฏฺาปาสาเท วสติ, ตทา ภิกฺขู ภควโต คารเวน อุปริปาสาทํ นารุหนฺติ. ตํ ทิวสํ ปน ภควา อุปริปาสาเท กูฏาคารคพฺภํ ปาวิสิ, เตน เหฏฺาปาสาเท ปฺจปิ คพฺภสตานิ ปฺจสตา ภิกฺขู ปวิสึสุ. เต จ สพฺเพว นวา โหนฺติ อธุนาคตา อิมํ ธมฺมวินยํ อุทฺธตา อุนฺนฬา ปากตินฺทฺริยา. เต ปวิสิตฺวา ทิวาเสยฺยํ สุปิตฺวา สายํ อุฏฺาย มหาตเล สนฺนิปติตฺวา ‘‘อชฺช ภตฺตคฺเค ตุยฺหํ กึ อโหสิ, ตฺวํ กตฺถ อคมาสิ, อหํ อาวุโส โกสลรฺโ ฆรํ, อหํ อนาถปิณฺฑิกสฺส, ตตฺถ เอวรูโป จ เอวรูโป จ โภชนวิธิ อโหสี’’ติ นานปฺปการํ อามิสกถํ กเถนฺตา อุจฺจาสทฺทมหาสทฺทา อเหสุํ.

ภควา ตํ สทฺทํ สุตฺวา ‘‘อิเม มยา สทฺธึ วสนฺตาปิ เอวํ ปมตฺตา, อโห อยุตฺตการิโน’’ติ มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรสฺส อาคมนํ จินฺเตสิ. ตาวเทว อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ภควโต จิตฺตํ ตฺวา อิทฺธิยา อาคมฺม ปาทมูเล วนฺทมาโนเยว อโหสิ. ตโต นํ ภควา อามนฺเตสิ – ‘‘เอเต เต, โมคฺคลฺลาน, สพฺรหฺมจาริโน ปมตฺตา, สาธุ เน สํเวเชหี’’ติ. ‘‘เอวํ ภนฺเต’’ติ โข โส อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ภควโต ปฏิสฺสุณิตฺวา ตาวเทว อาโปกสิณํ สมาปชฺชิตฺวา กรีสภูมิยํ ิตํ มหาปาสาทํ นาวํ วิย มหาวาโต ปาทงฺคุฏฺเกน กมฺเปสิ สทฺธึ ปติฏฺิตปถวิปฺปเทเสน. อถ เต ภิกฺขู ภีตา วิสฺสรํ กโรนฺตา สกสกจีวรานิ ฉฑฺเฑตฺวา จตูหิ ทฺวาเรหิ นิกฺขมึสุ. ภควา เตสํ อตฺตานํ ทสฺเสนฺโต อฺเน ทฺวาเรน คนฺธกุฏึ ปวิสนฺโต วิย อโหสิ, เต ภควนฺตํ ทิสฺวา วนฺทิตฺวา อฏฺํสุ. ภควา ‘‘กึ, ภิกฺขเว, ภีตตฺถา’’ติ ปุจฺฉิ, เต ‘‘อยํ, ภนฺเต, มิคารมาตุปาสาโท กมฺปิโต’’ติ อาหํสุ. ‘‘ชานาถ, ภิกฺขเว, เกนา’’ติ? ‘‘น ชานาม, ภนฺเต’’ติ. อถ ภควา ‘‘ตุมฺหาทิสานํ, ภิกฺขเว, มุฏฺสฺสตีนํ อสมฺปชานานํ ปมาทวิหารีนํ สํเวคชนนตฺถํ โมคฺคลฺลาเนน กมฺปิโต’’ติ วตฺวา เตสํ ภิกฺขูนํ ธมฺมเทสนตฺถํ อิมํ สุตฺตมภาสิ.

ตตฺถ อุฏฺหถาติ อาสนา อุฏฺหถ ฆฏถ วายมถ, มา กุสีตา โหถ. นิสีทถาติ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา กมฺมฏฺานานุโยคตฺถาย นิสีทถ. โก อตฺโถ สุปิเตน โวติ โก ตุมฺหากํ อนุปาทาปรินิพฺพานตฺถาย ปพฺพชิตานํ สุปิเตน อตฺโถ. น หิ สกฺกา สุปนฺเตน โกจิ อตฺโถ ปาปุณิตุํ. อาตุรานฺหิ กา นิทฺทา, สลฺลวิทฺธาน รุปฺปตนฺติ ยตฺร จ นาม อปฺปเกปิ สรีรปฺปเทเส อุฏฺิเตน จกฺขุโรคาทินา โรเคน อาตุรานํ เอกทฺวงฺคุลมตฺตมฺปิ ปวิฏฺเน อยสลฺลอฏฺิสลฺลทนฺตสลฺลวิสาณสลฺลกฏฺสลฺลานํ อฺตเรน สลฺเลน รุปฺปมานานํ มนุสฺสานํ นิทฺทา นตฺถิ, ตตฺถ ตุมฺหากํ สกลจิตฺตสรีรสนฺตานํ ภฺชิตฺวา อุปฺปนฺเนหิ นานปฺปการกิเลสโรเคหิ อาตุรานฺหิ กา นิทฺทา ราคสลฺลาทีหิ จ ปฺจหิ สลฺเลหิ อนฺโตหทยํ ปวิสิย วิทฺธตฺตา สลฺลวิทฺธานํ รุปฺปตํ.

๓๓๕. เอวํ วตฺวา ปุน ภควา ภิยฺโยโสมตฺตาย เต ภิกฺขู อุสฺสาเหนฺโต สํเวเชนฺโต จ อาห – ‘‘อุฏฺหถ…เป… วสานุเค’’ติ. ตตฺรายํ สาธิปฺปายโยชนา อตฺถวณฺณนา – เอวํ กิเลสสลฺลวิทฺธานฺหิ โว, ภิกฺขเว, กาโล ปพุชฺฌิตุํ. กึ การณํ? มณฺฑเปยฺยมิทํ, ภิกฺขเว, พฺรหฺมจริยํ, สตฺถา สมฺมุขีภูโต, อิโต ปุพฺเพ ปน โว ทีฆรตฺตํ สุตฺตํ, คิรีสุ สุตฺตํ, นทีสุ สุตฺตํ, สเมสุ สุตฺตํ, วิสเมสุ สุตฺตํ, รุกฺขคฺเคสุปิ สุตฺตํ อทสฺสนา อริยสจฺจานํ, ตสฺมา ตสฺสา นิทฺทาย อนฺตกิริยตฺถํ อุฏฺหถ นิสีทถ ทฬฺหํ สิกฺขถ สนฺติยา.

ตตฺถ ปุริมปาทสฺสตฺโถ วุตฺตนโย เอว. ทุติยปาเท ปน สนฺตีติ ติสฺโส สนฺติโย – อจฺจนฺตสนฺติ, ตทงฺคสนฺติ, สมฺมุติสนฺตีติ, นิพฺพานวิปสฺสนาทิฏฺิคตานเมตํ อธิวจนํ. อิธ ปน อจฺจนฺตสนฺติ นิพฺพานมธิปฺเปตํ, ตสฺมา นิพฺพานตฺถํ ทฬฺหํ สิกฺขถ, อสิถิลปรกฺกมา หุตฺวา สิกฺขถาติ วุตฺตํ โหติ. กึ การณํ? มา โว ปมตฺเต วิฺาย, มจฺจุราชา อโมหยิตฺถ วสานุเค, มา ตุมฺเห ‘‘ปมตฺตา เอเต’’ติ เอวํ ตฺวา มจฺจุราชปริยายนาโม มาโร วสานุเค อโมหยิตฺถ, ยถา ตสฺส วสํ คจฺฉถ, เอวํ วสานุเค กโรนฺโต มา อโมหยิตฺถาติ วุตฺตํ โหติ.

๓๓๖. ยโต ตสฺส วสํ อนุปคจฺฉนฺตา ยาย เทวา มนุสฺสา จ…เป… สมปฺปิตา, ยาย เทวา จ มนุสฺสา จ อตฺถิกา รูปสทฺทคนฺธรสโผฏฺพฺพตฺถิกา, ตํ รูปาทึ สิตา นิสฺสิตา อลฺลีนา หุตฺวา ติฏฺนฺติ, ตรถ สมติกฺกมถ เอตํ นานปฺปกาเรสุ วิสเยสุ วิสฏวิตฺถิณฺณวิสาลตฺตา วิสตฺติกํ ภวโภคตณฺหํ. ขโณ โว มา อุปจฺจคา, อยํ ตุมฺหากํ สมณธมฺมกรณกฺขโณ มา อติกฺกมิ. เยสฺหิ อยเมวรูโป ขโณ อติกฺกมติ, เย จ อิมํ ขณํ อติกฺกมนฺติ, เต ขณาตีตา หิ โสจนฺติ นิรยมฺหิ สมปฺปิตา, นิรสฺสาทฏฺเน นิรยสฺิเต จตุพฺพิเธปิ อปาเย ปติฏฺิตา ‘‘อกตํ วต โน กลฺยาณ’’นฺติอาทินา นเยน โสจนฺติ.

๓๓๗. เอวํ ภควา เต ภิกฺขู อุสฺสาเหตฺวา สํเวเชตฺวา จ อิทานิ เตสํ ตํ ปมาทวิหารํ วิครหิตฺวา สพฺเพว เต อปฺปมาเท นิโยเชนฺโต ‘‘ปมาโท รโช’’ติ อิมํ คาถมาห. ตตฺถ ปมาโทติ สงฺเขปโต สติวิปฺปวาโส, โส จิตฺตมลินฏฺเน รโช. ตํ ปมาทมนุปติโต ปมาทานุปติโต, ปมาทานุปติตตฺตา อปราปรุปฺปนฺโน ปมาโท เอว, โสปิ รโช. น หิ กทาจิ ปมาโท นาม อรโช อตฺถิ. เตน กึ ทีเปติ? มา ตุมฺเห ‘‘ทหรา ตาว มยํ ปจฺฉา ชานิสฺสามา’’ติ วิสฺสาสมาปชฺชิตฺถ. ทหรกาเลปิ หิ ปมาโท รโช, มชฺฌิมกาเลปิ เถรกาเลปิ ปมาทานุปติตตฺตา มหารโช สงฺการกูโฏ เอว โหติ, ยถา ฆเร เอกทฺเวทิวสิโก รโช รโช เอว, วฑฺฒมาโน ปน คณวสฺสิโก สงฺการกูโฏ เอว โหติ. เอวํ สนฺเตปิ ปน ปมวเย พุทฺธวจนํ ปริยาปุณิตฺวา อิตรวเยสุ สมณธมฺมํ กโรนฺโต, ปมวเย วา ปริยาปุณิตฺวา มชฺฌิมวเย สุณิตฺวา ปจฺฉิมวเย สมณธมฺมํ กโรนฺโตปิ ภิกฺขุ ปมาทวิหารี น โหติ อปฺปมาทานุโลมปฏิปทํ ปฏิปนฺนตฺตา. โย ปน สพฺพวเยสุ ปมาทวิหารี ทิวาเสยฺยํ อามิสกถฺจ อนุยุตฺโต, เสยฺยถาปิ ตุมฺเห, ตสฺเสว โส ปมวเย ปมาโท รโช, อิตรวเยสุ ปมาทานุปติโต มหาปมาโท จ มหารโช เอวาติ.

เอวํ เตสํ ปมาทวิหารํ วิครหิตฺวา อปฺปมาเท นิโยเชนฺโต อาห – ‘‘อปฺปมาเทน วิชฺชาย, อพฺพเห สลฺลมตฺตโน’’ติ, ตสฺสตฺโถ – ยสฺมา เอวเมโส สพฺพทาปิ ปมาโท รโช, ตสฺมา สติอวิปฺปวาสสงฺขาเตน อปฺปมาเทน อาสวานํ ขยาณสงฺขาตาย จ วิชฺชาย ปณฺฑิโต กุลปุตฺโต อุทฺธเร อตฺตโน หทยนิสฺสิตํ ราคาทิปฺจวิธํ สลฺลนฺติ อรหตฺตนิกูเฏน เทสนํ สมาเปสิ. เทสนาปริโยสาเน สํเวคมาปชฺชิตฺวา ตเมว ธมฺมเทสนํ มนสิ กริตฺวา ปจฺจเวกฺขมานา วิปสฺสนํ อารภิตฺวา ปฺจสตาปิ เต ภิกฺขู อรหตฺเต ปติฏฺหึสูติ.

ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย

สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย อุฏฺานสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๑. ราหุลสุตฺตวณฺณนา

๓๓๘. กจฺจิ อภิณฺหสํวาสาติ ราหุลสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? ภควา สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุชฺฌิตฺวา โพธิมณฺฑโต อนุปุพฺเพน กปิลวตฺถุํ คนฺตฺวา ตตฺถ ราหุลกุมาเรน ‘‘ทายชฺชํ เม สมณ เทหี’’ติ ทายชฺชํ ยาจิโต สาริปุตฺตตฺเถรํ อาณาเปสิ – ‘‘ราหุลกุมารํ ปพฺพาเชหี’’ติ. ตํ สพฺพํ ขนฺธกฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๑๐๕) วุตฺตนเยเนว คเหตพฺพํ. เอวํ ปพฺพชิตํ ปน ราหุลกุมารํ วุฑฺฒิปฺปตฺตํ สาริปุตฺตตฺเถโรว อุปสมฺปาเทสิ, มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร อสฺส กมฺมวาจาจริโย อโหสิ. ตํ ภควา ‘‘อยํ กุมาโร ชาติอาทิสมฺปนฺโน, โส ชาติโคตฺตกุลวณฺณโปกฺขรตาทีนิ นิสฺสาย มานํ วา มทํ วา มา อกาสี’’ติ ทหรกาลโต ปภุติ ยาว น อริยภูมึ ปาปุณิ, ตาว โอวทนฺโต อภิณฺหํ อิมํ สุตฺตมภาสิ. ตสฺมา เจตํ สุตฺตปริโยสาเนปิ วุตฺตํ ‘‘อิตฺถํ สุทํ ภควา อายสฺมนฺตํ ราหุลํ อิมาหิ คาถาหิ อภิณฺหํ โอวทตี’’ติ. ตตฺถ ปมคาถายํ อยํ สงฺเขปตฺโถ ‘‘กจฺจิ ตฺวํ, ราหุล, อภิณฺหํ สํวาสเหตุ ชาติอาทีนํ อฺตเรน วตฺถุนา น ปริภวสิ ปณฺฑิตํ, าณปทีปสฺส ธมฺมเทสนาปทีปสฺส จ ธารณโต อุกฺกาธาโร มนุสฺสานํ กจฺจิ อปจิโต ตยา, กจฺจิ นิจฺจํ ปูชิโต ตยา’’ติ อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ สนฺธาย ภณติ.

๓๓๙. เอวํ วุตฺเต อายสฺมา ราหุโล ‘‘นาหํ ภควา นีจปุริโส วิย สํวาสเหตุ มานํ วา มทํ วา กโรมี’’ติ ทีเปนฺโต อิมํ ปฏิคาถมาห ‘‘นาหํ อภิณฺหสํวาสา’’ติ. สา อุตฺตานตฺถา เอว.

๓๔๐. ตโต นํ ภควา อุตฺตรึ โอวทนฺโต ปฺจ กามคุเณติอาทิกา อวเสสคาถาโย อาห. ตตฺถ ยสฺมา ปฺจ กามคุณา สตฺตานํ ปิยรูปา ปิยชาติกา อติวิย สตฺเตหิ อิจฺฉิตา ปตฺถิตา, มโน จ เนสํ รมยนฺติ, เต จายสฺมา ราหุโล หิตฺวา สทฺธาย ฆรา นิกฺขนฺโต, น ราชาภินีโต, น โจราภินีโต, น อิณฏฺโฏ, น ภยฏฺโฏ, น ชีวิกาปกโต, ตสฺมา นํ ภควา ‘‘ปฺจ กามคุเณ หิตฺวา, ปิยรูเป มโนรเม, สทฺธาย ฆรา นิกฺขมฺมา’’ติ สมุตฺเตเชตฺวา อิมสฺส เนกฺขมฺมสฺส ปติรูปาย ปฏิปตฺติยา นิโยเชนฺโต อาห – ‘‘ทุกฺขสฺสนฺตกโร ภวา’’ติ.

ตตฺถ สิยา ‘‘นนุ จายสฺมา ทายชฺชํ ปตฺเถนฺโต พลกฺกาเรน ปพฺพาชิโต, อถ กสฺมา ภควา อาห – ‘สทฺธาย ฆรา นิกฺขมฺมา’’’ติ วุจฺจเต – เนกฺขมฺมาธิมุตฺตตฺตา. อยฺหิ อายสฺมา ทีฆรตฺตํ เนกฺขมฺมาธิมุตฺโต ปทุมุตฺตรสมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปุตฺตํ อุปเรวตํ นาม สามเณรํ ทิสฺวา สงฺโข นาม นาคราชา หุตฺวา สตฺต ทิวเส ทานํ ทตฺวา ตถาภาวํ ปตฺเถตฺวา ตโต ปภุติ ปตฺถนาสมฺปนฺโน อภินีหารสมฺปนฺโน สตสหสฺสกปฺเป ปารมิโย ปูเรตฺวา อนฺติมภวํ อุปปนฺโน. เอวํ เนกฺขมฺมาธิมุตฺตตฺจสฺส ภควา ชานาติ. ตถาคตพลฺตรฺหิ เอตํ าณํ. ตสฺมา อาห – ‘‘สทฺธาย ฆรา นิกฺขมฺมา’’ติ. อถ วา ทีฆรตฺตํ สทฺธาเยว ฆรา นิกฺขมฺม อิทานิ ทุกฺขสฺสนฺตกโร ภวาติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโย.

๓๔๑. อิทานิสฺส อาทิโต ปภุติ วฏฺฏทุกฺขสฺส อนฺตกิริยาย ปฏิปตฺตึ ทสฺเสตุํ ‘‘มิตฺเต ภชสฺสุ กลฺยาเณ’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สีลาทีหิ อธิกา กลฺยาณมิตฺตา นาม, เต ภชนฺโต หิมวนฺตํ นิสฺสาย มหาสาลา มูลาทีหิ วิย สีลาทีหิ วฑฺฒติ. เตนาห – ‘‘มิตฺเต ภชสฺสุ กลฺยาเณ’’ติ. ปนฺตฺจ สยนาสนํ, วิวิตฺตํ อปฺปนิคฺโฆสนฺติ ยฺจ สยนาสนํ ปนฺตํ ทูรํ วิวิตฺตํ อปฺปากิณฺณํ อปฺปนิคฺโฆสํ, ยตฺถ มิคสูกราทิสทฺเทน อรฺสฺา อุปฺปชฺชติ, ตถารูปํ สยนาสนฺจ ภชสฺสุ. มตฺตฺู โหหิ โภชเนติ ปมาณฺู โหหิ, ปฏิคฺคหณมตฺตํ ปริโภคมตฺตฺจ ชานาหีติ อตฺโถ. ตตฺถ ปฏิคฺคหณมตฺตฺุนา เทยฺยธมฺเมปิ อปฺเป ทายเกปิ อปฺปํ ทาตุกาเม อปฺปเมว คเหตพฺพํ, เทยฺยธมฺเม อปฺเป ทายเก ปน พหุํ ทาตุกาเมปิ อปฺปเมว คเหตพฺพํ, เทยฺยธมฺเม ปน พหุตเร ทายเกปิ อปฺปํ ทาตุกาเม อปฺปเมว คเหตพฺพํ, เทยฺยธมฺเมปิ พหุตเร ทายเกปิ พหุํ ทาตุกาเม อตฺตโน พลํ ชานิตฺวา คเหตพฺพํ. อปิจ มตฺตาเยว วณฺณิตา ภควตาติ ปริโภคมตฺตฺุนา ปุตฺตมํสํ วิย อกฺขพฺภฺชนมิว จ โยนิโส มนสิ กริตฺวา โภชนํ ปริภุฺชิตพฺพนฺติ.

๓๔๒. เอวมิมาย คาถาย พฺรหฺมจริยสฺส อุปการภูตาย กลฺยาณมิตฺตเสวนาย นิโยเชตฺวา เสนาสนโภชนมุเขน จ ปจฺจยปริโภคปาริสุทฺธิสีเล สมาทเปตฺวา อิทานิ ยสฺมา จีวราทีสุ ตณฺหาย มิจฺฉาอาชีโว โหติ, ตสฺมา ตํ ปฏิเสเธตฺวา อาชีวปาริสุทฺธิสีเล สมาทเปนฺโต ‘‘จีวเร ปิณฺฑปาเต จา’’ติ อิมํ คาถมาห. ตตฺถ ปจฺจเยติ คิลานปฺปจฺจเย. เอเตสูติ เอเตสุ จตูสุ จีวราทีสุ ภิกฺขูนํ ตณฺหุปฺปาทวตฺถูสุ. ตณฺหํ มากาสีติ ‘‘หิริโกปีนปฏิจฺฉาทนาทิอตฺถเมว เต จตฺตาโร ปจฺจยา นิจฺจาตุรานํ ปุริสานํ ปฏิการภูตา ชชฺชรฆรสฺเสวิมสฺส อติทุพฺพลสฺส กายสฺส อุปตฺถมฺภภูตา’’ติอาทินา นเยน อาทีนวํ ปสฺสนฺโต ตณฺหํ มา ชเนสิ, อชเนนฺโต อนุปฺปาเทนฺโต วิหราหีติ วุตฺตํ โหติ. กึ การณํ? มา โลกํ ปุนราคมิ. เอเตสุ หิ ตณฺหํ กโรนฺโต ตณฺหาย อากฑฺฒิยมาโน ปุนปิ อิมํ โลกํ อาคจฺฉติ. โส ตฺวํ เอเตสุ ตณฺหํ มากาสิ, เอวํ สนฺเต น ปุน อิมํ โลกํ อาคมิสฺสสีติ.

เอวํ วุตฺเต อายสฺมา ราหุโล ‘‘จีวเร ตณฺหํ มากาสีติ มํ ภควา อาหา’’ติ จีวรปฏิสํยุตฺตานิ ทฺเว ธุตงฺคานิ สมาทิยิ ปํสุกูลิกงฺคฺจ, เตจีวริกงฺคฺจ. ‘‘ปิณฺฑปาเต ตณฺหํ มากาสีติ มํ ภควา อาหา’’ติ ปิณฺฑปาตปฏิสํยุตฺตานิ ปฺจ ธุตงฺคานิ สมาทิยิ – ปิณฺฑปาติกงฺคํ, สปทานจาริกงฺคํ, เอกาสนิกงฺคํ, ปตฺตปิณฺฑิกงฺคํ, ขลุปจฺฉาภตฺติกงฺคนฺติ. ‘‘เสนาสเน ตณฺหํ มากาสีติ มํ ภควา อาหา’’ติ เสนาสนปฏิสํยุตฺตานิ ฉ ธุตงฺคานิ สมาทิยิ – อารฺิกงฺคํ, อพฺโภกาสิกงฺคํ, รุกฺขมูลิกงฺคํ, ยถาสนฺถติกงฺคํ, โสสานิกงฺคํ, เนสชฺชิกงฺคนฺติ. ‘‘คิลานปฺปจฺจเย ตณฺหํ มากาสีติ มํ ภควา อาหา’’ติ สพฺพปฺปจฺจเยสุ ยถาลาภํ ยถาพลํ ยถาสารุปฺปนฺติ ตีหิ สนฺโตเสหิ สนฺตุฏฺโ อโหสิ, ยถา ตํ สุพฺพโจ กุลปุตฺโต ปทกฺขิณคฺคาหี อนุสาสนินฺติ.

๓๔๓. เอวํ ภควา อายสฺมนฺตํ ราหุลํ อาชีวปาริสุทฺธิสีเล สมาทเปตฺวา อิทานิ อวเสสสีเล สมถวิปสฺสนาสุ จ สมาทเปตุํ ‘‘สํวุโต ปาติโมกฺขสฺมิ’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ สํวุโต ปาติโมกฺขสฺมินฺติ เอตฺถ ภวสฺสูติ ปาเสโส. ภวาติ อนฺติมปเทน วา สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ, ตถา ทุติยปเท. เอวเมเตหิ ทฺวีหิ วจเนหิ ปาติโมกฺขสํวรสีเล, อินฺทฺริยสํวรสีเล จ สมาทเปสิ. ปากฏวเสน เจตฺถ ปฺจินฺทฺริยานิ วุตฺตานิ. ลกฺขณโต ปน ฉฏฺมฺปิ วุตฺตํเยว โหตีติ เวทิตพฺพํ. สติ กายคตา ตฺยตฺถูติ เอวํ จตุปาริสุทฺธิสีเล ปติฏฺิตสฺส ตุยฺหํ จตุธาตุววตฺถานจตุพฺพิธสมฺปชฺานาปานสฺสติอาหาเรปฏิกูลสฺาภาวนาทิเภทา กายคตา สติ อตฺถุ ภวตุ, ภาเวหิ นนฺติ อตฺโถ. นิพฺพิทาพหุโล ภวาติ สํสารวฏฺเฏ อุกฺกณฺนพหุโล สพฺพโลเก อนภิรตสฺี โหหีติ อตฺโถ.

๓๔๔. เอตฺตาวตา นิพฺเพธภาคิยํ อุปจารภูมึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อปฺปนาภูมึ ทสฺเสนฺโต ‘‘นิมิตฺตํ ปริวชฺเชหี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ นิมิตฺตนฺติ ราคฏฺานิยํ สุภนิมิตฺตํ. เตเนว นํ ปรโต วิเสเสนฺโต อาห – ‘‘สุภํ ราคูปสฺหิต’’นฺติ. ปริวชฺเชหีติ อมนสิกาเรน ปริจฺจชาหิ. อสุภาย จิตฺตํ ภาเวหีติ ยถา สวิฺาณเก อวิฺาณเก วา กาเย อสุภภาวนา สมฺปชฺชติ, เอวํ จิตฺตํ ภาเวหิ. เอกคฺคํ สุสมาหิตนฺติ อุปจารสมาธินา เอกคฺคํ, อปฺปนาสมาธินา สุสมาหิตํ. ยถา เต อีทิสํ จิตฺตํ โหติ, ตถา นํ ภาเวหีติ อตฺโถ.

๓๔๕. เอวมสฺส อปฺปนาภูมึ ทสฺเสตฺวา วิปสฺสนํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อนิมิตฺต’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ อนิมิตฺตฺจ ภาเวหีติ เอวํ นิพฺเพธภาคิเยน สมาธินา สมาหิตจิตฺโต วิปสฺสนํ ภาเวหีติ วุตฺตํ โหติ. วิปสฺสนา หิ ‘‘อนิจฺจานุปสฺสนาาณํ นิจฺจนิมิตฺตโต วิมุจฺจตีติ อนิมิตฺโต วิโมกฺโข’’ติอาทินา นเยน ราคนิมิตฺตาทีนํ วา อคฺคหเณน อนิมิตฺตโวหารํ ลภติ. ยถาห –

‘‘โส ขฺวาหํ, อาวุโส, สพฺพนิมิตฺตานํ อมนสิการา อนิมิตฺตํ เจโตสมาธึ อุปสมฺปชฺช วิหรามิ. ตสฺส มยฺหํ, อาวุโส, อิมินา วิหาเรน วิหรโต นิมิตฺตานุสาริ วิฺาณํ โหตี’’ติ (สํ. นิ. ๔.๓๔๐).

มานานุสยมุชฺชหาติ อิมาย อนิมิตฺตภาวนาย อนิจฺจสฺํ ปฏิลภิตฺวา ‘‘อนิจฺจสฺิโน, เมฆิย, อนตฺตสฺา สณฺาติ, อนตฺตสฺี อสฺมิมานสมุคฺฆาตํ ปาปุณาตี’’ติ เอวมาทินา (อ. นิ. ๙.๓; อุทา. ๓๑) อนุกฺกเมน มานานุสยํ อุชฺชห ปชห ปริจฺจชาหีติ อตฺโถ. ตโต มานาภิสมยา, อุปสนฺโต จริสฺสสีติ อเถวํ อริยมคฺเคน มานสฺส อภิสมยา ขยา วยา ปหานา ปฏินิสฺสคฺคา อุปสนฺโต นิพฺพุโต สีติภูโต สพฺพทรถปริฬาหวิรหิโต ยาว อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพาสิ, ตาว สุฺตานิมิตฺตาปฺปณิหิตานํ อฺตรฺตเรน ผลสมาปตฺติวิหาเรน จริสฺสสิ วิหริสฺสสีติ อรหตฺตนิกูเฏน เทสนํ นิฏฺาเปสิ.

ตโต ปรํ ‘‘อิตฺถํ สุทํ ภควา’’ติอาทิ สงฺคีติการกานํ วจนํ. ตตฺถ อิตฺถํ สุทนฺติ อิตฺถํ สุ อิทํ, เอวเมวาติ วุตฺตํ โหติ. เสสเมตฺถ อุตฺตานตฺถเมว. เอวํ โอวทิยมาโน จายสฺมา ราหุโล ปริปากคเตสุ วิมุตฺติปริปาจนิเยสุ ธมฺเมสุ จูฬราหุโลวาทสุตฺตปริโยสาเน อเนเกหิ เทวตาสหสฺเสหิ สทฺธึ อรหตฺเต ปติฏฺาสีติ.

ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย

สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย ราหุลสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๒. นิคฺโรธกปฺปสุตฺต-(วงฺคีสสุตฺต)-วณฺณนา

เอวํ เม สุตนฺติ นิคฺโรธกปฺปสุตฺตํ, ‘‘วงฺคีสสุตฺต’’นฺติปิ วุจฺจติ. กา อุปฺปตฺติ? อยเมว ยาสฺส นิทาเน วุตฺตา. ตตฺถ เอวํ เมติอาทีนิ วุตฺตตฺถาเนว, ยโต ตานิ อฺานิ จ ตถาวิธานิ ฉฑฺเฑตฺวา อวุตฺตนยเมว วณฺณยิสฺสาม. อคฺคาฬเว เจติเยติ อาฬวิยํ อคฺคเจติเย. อนุปฺปนฺเน หิ ภควติ อคฺคาฬวโคตมกาทีนิ อเนกานิ เจติยานิ อเหสุํ ยกฺขนาคาทีนํ ภวนานิ. ตานิ อุปฺปนฺเน ภควติ มนุสฺสา วินาเสตฺวา วิหาเร อกํสุ, เตเนว จ นาเมน โวหรึสุ. ตโต อคฺคาฬวเจติยสงฺขาเต วิหาเร วิหรตีติ วุตฺตํ โหติ. อายสฺมโต วงฺคีสสฺสาติ เอตฺถ อายสฺมาติ ปิยวจนํ, วงฺคีโสติ ตสฺส เถรสฺส นามํ. โส ชาติโต ปภุติ เอวํ เวทิตพฺโพ – โส กิร ปริพฺพาชกสฺส ปุตฺโต ปริพฺพาชิกาย กุจฺฉิมฺหิ ชาโต อฺตรํ วิชฺชํ ชานาติ, ยสฺสานุภาเวน ฉวสีสํ อาโกเฏตฺวา สตฺตานํ คตึ ชานาติ. มนุสฺสาปิ สุทํ อตฺตโน าตีนํ กาลกตานํ สุสานโต สีสานิ อาเนตฺวา ตํ เตสํ คตึ ปุจฺฉนฺติ. โส ‘‘อสุกนิรเย นิพฺพตฺโต, อสุกมนุสฺสโลเก’’ติ วทติ. เต เตน วิมฺหิตา ตสฺส พหุํ ธนํ เทนฺติ. เอวํ โส สกลชมฺพุทีเป ปากโฏ อโหสิ.

โส สตสหสฺสกปฺปํ ปูริตปารมี อภินีหารสมฺปนฺโน ปฺจหิ ปุริสสหสฺเสหิ ปริวุโต คามนิคมชนปทราชธานีสุ วิจรนฺโต สาวตฺถึ อนุปฺปตฺโต. เตน จ สมเยน ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ, สาวตฺถิวาสิโน ปุเรภตฺตํ ทานํ ทตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ สุนิวตฺถา สุปารุตา ปุปฺผคนฺธาทีนิ คเหตฺวา ธมฺมสฺสวนตฺถาย เชตวนํ คจฺฉนฺติ. โส เต ทิสฺวา ‘‘มหาชนกาโย กุหึ คจฺฉตี’’ติ ปุจฺฉิ. อถสฺส เต อาจิกฺขึสุ – ‘‘พุทฺโธ โลเก อุปฺปนฺโน, โส พหุชนหิตาย ธมฺมํ เทเสติ, ตตฺถ คจฺฉามา’’ติ. โสปิ เตหิ สทฺธึ สปริวาโร คนฺตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. อถ นํ ภควา อามนฺเตสิ – ‘‘กึ, วงฺคีส, ชานาสิ กิร ตาทิสํ วิชฺชํ, ยาย สตฺตานํ ฉวสีสานิ อาโกเฏตฺวา คตึ ปเวเทสี’’ติ? ‘‘เอวํ, โภ โคตม, ชานามี’’ติ. ภควา นิรเย นิพฺพตฺตสฺส สีสํ อาหราเปตฺวา ทสฺเสสิ, โส นเขน อาโกเฏตฺวา ‘‘นิรเย นิพฺพตฺตสฺส สีสํ โภ โคตมา’’ติ อาห. เอวํ สพฺพคตินิพฺพตฺตานํ สีสานิ ทสฺเสสิ, โสปิ ตเถว ตฺวา อาโรเจสิ. อถสฺส ภควา ขีณาสวสีสํ ทสฺเสสิ, โส ปุนปฺปุนํ อาโกเฏตฺวา น อฺาสิ. ตโต ภควา ‘‘อวิสโย เต เอตฺถ วงฺคีส, มเมเวโส วิสโย, ขีณาสวสีส’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมภาสิ –

‘‘คตี มิคานํ ปวนํ, อากาโส ปกฺขินํ คติ;

วิภโว คติ ธมฺมานํ, นิพฺพานํ อรหโต คตี’’ติ. (ปริ. ๓๓๙);

วงฺคีโส คาถํ สุตฺวา ‘‘อิมํ เม, โภ โคตม, วิชฺชํ เทหี’’ติ อาห. ภควา ‘‘นายํ วิชฺชา อปพฺพชิตานํ สมฺปชฺชตี’’ติ อาห. โส ‘‘ปพฺพาเชตฺวา วา มํ, โภ โคตม, ยํ วา อิจฺฉสิ, ตํ กตฺวา อิมํ วิชฺชํ เทหี’’ติ อาห. ตทา จ ภควโต นิคฺโรธกปฺปตฺเถโร สมีเป โหติ, ตํ ภควา อาณาเปสิ – ‘‘เตน หิ, นิคฺโรธกปฺป, อิมํ ปพฺพาเชหี’’ติ. โส ตํ ปพฺพาเชตฺวา ตจปฺจกกมฺมฏฺานํ อาจิกฺขิ. วงฺคีโส อนุปุพฺเพน ปฏิสมฺภิทาปฺปตฺโต อรหา อโหสิ. เอตทคฺเค จ ภควตา นิทฺทิฏฺโ ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ ปฏิภานวนฺตานํ ยทิทํ วงฺคีโส’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๑๒).

เอวํ สมุทาคตสฺส อายสฺมโต วงฺคีสสฺส อุปชฺฌาโย วชฺชาวชฺชาทิอุปนิชฺฌายเนน เอวํ ลทฺธโวหาโร นิคฺโรธกปฺโป นาม เถโร. กปฺโปติ ตสฺส เถรสฺส นามํ, นิคฺโรธมูเล ปน อรหตฺตํ อธิคตตฺตา ‘‘นิคฺโรธกปฺโป’’ติ ภควตา วุตฺโต. ตโต นํ ภิกฺขูปิ เอวํ โวหรนฺติ. สาสเน ถิรภาวํ ปตฺโตติ เถโร. อคฺคาฬเว เจติเย อจิรปรินิพฺพุโต โหตีติ ตสฺมึ เจติเย อจิรปรินิพฺพุโต โหติ. รโหคตสฺส ปฏิสลฺลีนสฺสาติ คณมฺหา วูปกฏฺตฺตา รโหคตสฺส กาเยน, ปฏิสลฺลีนสฺส จิตฺเตน เตหิ เตหิ วิสเยหิ ปฏินิวตฺติตฺวา สลฺลีนสฺส. เอวํ เจตโส ปริวิตกฺโก อุทปาทีติ อิมินา อากาเรน วิตกฺโก อุปฺปชฺชิ. กสฺมา ปน อุทปาทีติ. อสมฺมุขตฺตา ทิฏฺาเสวนตฺตา จ. อยฺหิ ตสฺส ปรินิพฺพานกาเล น สมฺมุขา อโหสิ, ทิฏฺปุพฺพฺจาเนน อสฺส หตฺถกุกฺกุจฺจาทิปุพฺพาเสวนํ, ตาทิสฺจ อขีณาสวานมฺปิ โหติ ขีณาสวานมฺปิ ปุพฺพปริจเยน.

ตถา หิ ปิณฺโฑลภารทฺวาโช ปจฺฉาภตฺตํ ทิวาวิหารตฺถาย อุเทนสฺส อุยฺยานเมว คจฺฉติ ปุพฺเพ ราชา หุตฺวา ตตฺถ ปริจาเรสีติ อิมินา ปุพฺพปริจเยน, ควมฺปติตฺเถโร ตาวตึสภวเน สุฺํ เทววิมานํ คจฺฉติ เทวปุตฺโต หุตฺวา ตตฺถ ปริจาเรสีติ อิมินา ปุพฺพปริจเยน. ปิลินฺทวจฺโฉ ภิกฺขู วสลวาเทน สมุทาจรติ อพฺโพกิณฺณานิ ปฺจ ชาติสตานิ พฺราหฺมโณ หุตฺวา ตถา อภาสีติ อิมินา ปุพฺพปริจเยน. ตสฺมา อสมฺมุขตฺตา ทิฏฺาเสวนตฺตา จสฺส เอวํ เจตโส ปริวิตกฺโก อุทปาทิ ‘‘ปรินิพฺพุโต นุ โข เม อุปชฺฌาโย, อุทาหุ โน ปรินิพฺพุโต’’ติ. ตโต ปรํ อุตฺตานตฺถเมว. เอกํสํ จีวรํ กตฺวาติ เอตฺถ ปน ปุน สณฺาปเนน เอวํ วุตฺตํ. เอกํสนฺติ จ วามํสํ ปารุปิตฺวา ิตสฺเสตํ อธิวจนํ. ยโต ยถา วามํสํ ปารุปิตฺวา ิตํ โหติ, ตถา จีวรํ กตฺวาติ เอวมสฺสตฺโถ เวทิตพฺโพ. เสสํ ปากฏเมว.

๓๔๖. อโนมปฺนฺติ โอมํ วุจฺจติ ปริตฺตํ ลามกํ, น โอมปฺํ, อโนมปฺํ, มหาปฺนฺติ อตฺโถ. ทิฏฺเว ธมฺเมติ ปจฺจกฺขเมว, อิมสฺมึเยว อตฺตภาเวติ วา อตฺโถ. วิจิกิจฺฉานนฺติ เอวรูปานํ ปริวิตกฺกานํ. าโตติ ปากโฏ. ยสสฺสีติ ลาภปริวารสมฺปนฺโน อภินิพฺพุตตฺโตติ คุตฺตจิตฺโต อปริฑยฺหมานจิตฺโต วา.

๓๔๗. ตยา กตนฺติ นิคฺโรธมูเล นิสินฺนตฺตา ‘‘นิคฺโรธกปฺโป’’ติ วทตา ตยา กตนฺติ ยถา อตฺตนา อุปลกฺเขติ, ตถา ภณติ. ภควา ปน น นิสินฺนตฺตา เอว ตํ ตถา อาลปิ, อปิจ โข ตตฺถ อรหตฺตํ ปตฺตตฺตา. พฺราหฺมณสฺสาติ ชาตึ สนฺธาย ภณติ. โส กิร พฺราหฺมณมหาสาลกุลา ปพฺพชิโต. นมสฺสํ อจรีติ นมสฺสมาโน วิหาสิ. มุตฺยเปกฺโขติ นิพฺพานสงฺขาตํ วิมุตฺตึ อเปกฺขมาโน, นิพฺพานํ ปตฺเถนฺโตติ วุตฺตํ โหติ. ทฬฺหธมฺมทสฺสีติ ภควนฺตํ อาลปติ. ทฬฺหธมฺโม หิ นิพฺพานํ อภิชฺชนฏฺเน, ตฺจ ภควา ทสฺเสติ. ตสฺมา ตํ ‘‘ทฬฺหธมฺมทสฺสี’’ติ อาห.

๓๔๘. สกฺยาติปิ ภควนฺตเมว กุลนาเมน อาลปติ. มยมฺปิ สพฺเพติ นิรวเสสปริสํ สงฺคณฺหิตฺวา อตฺตานํ ทสฺเสนฺโต ภณติ. สมนฺตจกฺขูติปิ ภควนฺตเมว สพฺพฺุตฺาเณน อาลปติ. สมวฏฺิตาติ สมฺมา อวฏฺิตา อาโภคํ กตฺวา ิตา. โนติ อมฺหากํ. สวนายาติ อิมสฺส ปฺหสฺส เวยฺยากรณสฺสวนตฺถาย. โสตาติ โสตินฺทฺริยานิ. ตุวํ โน สตฺถา ตฺวมนุตฺตโรสีติ ถุติวจนมตฺตเมเวตํ.

๓๔๙. ฉินฺเทว โน วิจิกิจฺฉนฺติ อกุสลวิจิกิจฺฉาย นิพฺพิจิกิจฺโฉ โส, วิจิกิจฺฉาปติรูปกํ ปน ตํ ปริวิตกฺกํ สนฺธาเยวมาห. พฺรูหิ เมตนฺติ พฺรูหิ เม เอตํ, ยํ มยา ยาจิโตสิ ‘‘ตํ สาวกํ สกฺย, มยมฺปิ สพฺเพ อฺาตุมิจฺฉามา’’ติ, พฺรูวนฺโต จ ตํ พฺราหฺมณํ ปรินิพฺพุตํ เวทย ภูริปฺ มชฺเฌว โน ภาส, ปรินิพฺพุตํ ตฺวา มหาปฺํ ภควา มชฺเฌว อมฺหากํ สพฺเพสํ ภาส, ยถา สพฺเพว มยํ ชาเนยฺยาม. สกฺโกว เทวาน สหสฺสเนตฺโตติ อิทํ ปน ถุติวจนเมว. อปิจสฺส อยํ อธิปฺปาโย – ยถา สกฺโก สหสฺสเนตฺโต เทวานํ มชฺเฌ เตหิ สกฺกจฺจํ สมฺปฏิจฺฉิตวจโน ภาสติ, เอวํ อมฺหากํ มชฺเฌ อมฺเหหิ สมฺปฏิจฺฉิตวจโน ภาสาติ.

๓๕๐. เย เกจีติ อิมมฺปิ คาถํ ภควนฺตํ ถุนนฺโตเยว วตฺตุกามตํ ชเนตุํ ภณติ. ตสฺสตฺโถ เย เกจิ อภิชฺฌาทโย คนฺถา เตสํ อปฺปหาเน โมหวิจิกิจฺฉานํ ปหานาภาวโต ‘‘โมหมคฺคา’’ติ จ ‘‘อฺาณปกฺขา’’ติ จ ‘‘วิจิกิจฺฉฏฺานา’’ติ จ วุจฺจนฺติ. สพฺเพ เต ตถาคตํ ปตฺวา ตถาคตสฺส เทสนาพเลน วิทฺธํสิตา น ภวนฺติ นสฺสนฺติ. กึ การณํ? จกฺขุฺหิ เอตํ ปรมํ นรานํ, ยสฺมา ตถาคโต สพฺพคนฺถวิธมนปฺาจกฺขุชนนโต นรานํ ปรมํ จกฺขุนฺติ วุตฺตํ โหติ.

๓๕๑. โน เจ หิ ชาตูติ อิมมฺปิ คาถํ ถุนนฺโตเยว วตฺตุกามตํ ชเนนฺโตว ภณติ. ตตฺถ ชาตูติ เอกํสวจนํ. ปุริโสติ ภควนฺตํ สนฺธายาห. โชติมนฺโตติ ปฺาโชติสมนฺนาคตา สาริปุตฺตาทโย. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยทิ ภควา ยถา ปุรตฺถิมาทิเภโท วาโต อพฺภฆนํ วิหนติ, เอวํ เทสนาเวเคน กิเลเส น วิหเนยฺย. ตถา ยถา อพฺภฆเนน นิวุโต โลโก ตโมว โหติ เอกนฺธกาโร, เอวํ อฺาณนิวุโตปิ ตโมวสฺส. เยปิ อิเม ทานิ โชติมนฺโต ขายนฺติ สาริปุตฺตาทโย, เตปิ นรา น ตเปยฺยุนฺติ.

๓๕๒. ธีรา จาติ อิมมฺปิ คาถํ ปุริมนเยเนว ภณติ. ตสฺสตฺโถ ธีรา จ ปณฺฑิตา ปุริสา ปชฺโชตกรา ภวนฺติ, ปฺาปชฺโชตํ อุปฺปาเทนฺติ. ตสฺมา อหํ ตํ วีร ปธานวีริยสมนฺนาคโต ภควา ตเถว มฺเ ธีโรติ จ ปชฺโชตกโรตฺเวว จ มฺามิ. มยฺหิ วิปสฺสินํ สพฺพธมฺเม ยถาภูตํ ปสฺสนฺตํ ภควนฺตํ ชานนฺตา เอว อุปาคมุมฺหา, ตสฺมา ปริสาสุ โน อาวิกโรหิ กปฺปํ, นิคฺโรธกปฺปํ อาจิกฺข ปกาเสหีติ.

๓๕๓. ขิปฺปนฺติ อิมมฺปิ คาถํ ปุริมนเยเนว ภณติ. ตสฺสตฺโถ ขิปฺปํ คิรํ เอรย ลหุํ อจิรายมาโน วจนํ ภาส, วคฺคุํ มโนรมํ ภควา. ยถา สุวณฺณหํโส โคจรปฏิกฺกนฺโต ชาตสฺสรวนสณฺฑํ ทิสฺวา คีวํ ปคฺคยฺห อุจฺจาเรตฺวา รตฺตตุณฺเฑน สณิกํ อตรมาโน วคฺคุํ คิรํ นิกูชติ นิจฺฉาเรติ, เอวเมว ตฺวมฺปิ สณิกํ นิกูช, อิมินา มหาปุริสลกฺขณฺตเรน พินฺทุสฺสเรน สุวิกปฺปิเตน สุฏฺุวิกปฺปิเตน อภิสงฺขเตน. เอเต มยํ สพฺเพว อุชุคตา อวิกฺขิตฺตมานสา หุตฺวา ตว นิกูชิตํ สุโณมาติ.

๓๕๔. ปหีนชาติมรณนฺติ อิมมฺปิ คาถํ ปุริมนเยเนว ภณติ. ตตฺถ น เสเสตีติ อเสโส, ตํ อเสสํ. โสตาปนฺนาทโย วิย กิฺจิ อเสเสตฺวา ปหีนชาติมรณนฺติ วุตฺตํ โหติ. นิคฺคยฺหาติ สุฏฺุ ยาจิตฺวา นิพนฺธิตฺวา. โธนนฺติ ธุตสพฺพปาปํ. วเทสฺสามีติ กถาเปสฺสามิ ธมฺมํ. น กามกาโร หิ ปุถุชฺชนานนฺติ ปุถุชฺชนานเมว หิ กามกาโร นตฺถิ, ยํ ปตฺเถนฺติ าตุํ วา วตฺตุํ วา, ตํ น สกฺโกนฺติ. สงฺเขยฺยกาโร จ ตถาคตานนฺติ ตถาคตานํ ปน วีมํสกาโร ปฺาปุพฺพงฺคมา กิริยา. เต ยํ ปตฺเถนฺติ าตุํ วา วตฺตุํ วา, ตํ สกฺโกนฺตีติ อธิปฺปาโย.

๓๕๕. อิทานิ ตํ สงฺเขยฺยการํ ปกาเสนฺโต ‘‘สมฺปนฺนเวยฺยากรณ’’นฺติ คาถมาห. ตสฺสตฺโถ – ตถา หิ ตว ภควา อิทํ สมุชฺชุปฺสฺส ตตฺถ ตตฺถ สมุคฺคหีตํ วุตฺตํ ปวตฺติตํ สมฺปนฺนเวยฺยากรณํ, ‘‘สนฺตติมหามตฺโต สตฺตตาลมตฺตํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ปรินิพฺพายิสฺสติ, สุปฺปพุทฺโธ สกฺโก สตฺตเม ทิวเส ปถวึ ปวิสิสฺสตี’’ติ เอวมาทีสุ อวิปรีตํ ทิฏฺํ. ตโต ปน สุฏฺุตรํ อฺชลึ ปณาเมตฺวา อาห – อยมฺชลี ปจฺฉิโม สุปฺปณามิโต, อยมปโรปิ อฺชลี สุฏฺุตรํ ปณามิโต. มา โมหยีติ มา โน อกถเนน โมหยิ ชานํ ชานนฺโต กปฺปสฺส คตึ. อโนมปฺาติ ภควนฺตํ อาลปติ.

๓๕๖. ปโรวรนฺติ อิมํ ปน คาถํ อปเรนปิ ปริยาเยน อโมหนเมว ยาจนฺโต อาห. ตตฺถ ปโรวรนฺติ โลกิยโลกุตฺตรวเสน สุนฺทราสุนฺทรํ ทูเรสนฺติกํ วา. อริยธมฺมนฺติ จตุสจฺจธมฺมํ. วิทิตฺวาติ ปฏิวิชฺฌิตฺวา. ชานนฺติ สพฺพํ เยฺยธมฺมํ ชานนฺโต. วาจาภิกงฺขามีติ ยถา ฆมฺมนิ ฆมฺมตตฺโต ปุริโส กิลนฺโต ตสิโต วารึ, เอวํ เต วาจํ อภิกงฺขามิ. สุตํ ปวสฺสาติ สุตสงฺขาตํ สทฺทายตนํ ปวสฺส ปคฺฆร มุฺจ ปวตฺเตหิ. ‘‘สุตสฺส วสฺสา’’ติปิ ปาโ, วุตฺตปฺปการสฺส สทฺทายตนสฺส วุฏฺึ วสฺสาติ อตฺโถ.

๓๕๗. อิทานิ ยาทิสํ วาจํ อภิกงฺขติ, ตํ ปกาเสนฺโต –

‘‘ยทตฺถิกํ พฺรหฺมจริยํ อจรี,

กปฺปายโน กจฺจิสฺส ตํ อโมฆํ;

นิพฺพายิ โส อาทุ สอุปาทิเสโส,

ยถา วิมุตฺโต อหุ ตํ สุโณมา’’ติ. –

คาถมาห. ตตฺถ กปฺปายโนติ กปฺปเมว ปูชาวเสน ภณติ. ยถา วิมุตฺโตติ ‘‘กึ อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ยถา อเสกฺขา, อุทาหุ อุปาทิเสสาย ยถา เสกฺขา’’ติ ปุจฺฉติ. เสสเมตฺถ ปากฏเมว.

๓๕๘. เอวํ ทฺวาทสหิ คาถาหิ ยาจิโต ภควา ตํ วิยากโรนฺโต –

‘‘อจฺเฉจฺฉิ ตณฺหํ อิธ นามรูเป, (อิติ ภควา)

กณฺหสฺส โสตํ ทีฆรตฺตานุสยิตํ;

อตาริ ชาตึ มรณํ อเสสํ,

อิจฺจพฺรวี ภควา ปฺจเสฏฺโ’’ติ. –

คาถมาห. ตตฺถ ปุริมปทสฺส ตาว อตฺโถ – ยาปิ อิมสฺมึ นามรูเป กามตณฺหาทิเภทา ตณฺหาทีฆรตฺตํ อปฺปหีนฏฺเน อนุสยิตา กณฺหนามกสฺส มารสฺส ‘‘โสต’’นฺติปิ วุจฺจติ, ตํ กณฺหสฺส โสตภูตํ ทีฆรตฺตานุสยิตํ อิธ นามรูเป ตณฺหํ กปฺปายโน ฉินฺทีติ. อิติ ภควาติ อิทํ ปเนตฺถ สงฺคีติการานํ วจนํ. อตาริ ชาตึ มรณํ อเสสนฺติ โส ตํ ตณฺหํ เฉตฺวา อเสสํ ชาติมรณํ อตาริ, อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายีติ ทสฺเสติ. อิจฺจพฺรวี ภควา ปฺจเสฏฺโติ วงฺคีเสน ปุฏฺโ ภควา เอตทโวจ ปฺจนฺนํ ปมสิสฺสานํ ปฺจวคฺคิยานํ เสฏฺโ, ปฺจหิ วา สทฺธาทีหิ อินฺทฺริเยหิ, สีลาทีหิ วา ธมฺมกฺขนฺเธหิ อติวิสิฏฺเหิ จกฺขูหิ จ เสฏฺโติ สงฺคีติการานเมวิทํ วจนํ.

๓๕๙. เอวํ วุตฺเต ภควโต ภาสิตมภินนฺทมานโส วงฺคีโส ‘‘เอส สุตฺวา’’ติอาทิคาถาโย อาห. ตตฺถ ปมคาถาย อิสิสตฺตมาติ ภควา อิสิ จ สตฺตโม จ อุตฺตมฏฺเน วิปสฺสีสิขีเวสฺสภูกกุสนฺธโกณาคมนกสฺสปนามเก ฉ อิสโย อตฺตนา สห สตฺต กโรนฺโต ปาตุภูโตติปิ อิสิสตฺตโม, ตํ อาลปนฺโต อาห. น มํ วฺเจสีติ ยสฺมา ปรินิพฺพุโต, ตสฺมา ตสฺส ปรินิพฺพุตภาวํ อิจฺฉนฺตํ มํ น วฺเจสิ, น วิสํวาเทสีติ อตฺโถ. เสสเมตฺถ ปากฏเมว.

๓๖๐. ทุติยคาถาย ยสฺมา มุตฺยเปกฺโข วิหาสิ, ตสฺมา ตํ สนฺธายาห ‘‘ยถาวาที ตถาการี, อหุ พุทฺธสฺส สาวโก’’ติ. มจฺจุโน ชาลํ ตตนฺติ เตภูมกวฏฺเฏ วิตฺถตํ มารสฺส ตณฺหาชาลํ. มายาวิโนติ พหุมายสฺส. ‘‘ตถา มายาวิโน’’ติปิ เกจิ ปนฺติ, เตสํ โย อเนกาหิ มายาหิ อเนกกฺขตฺตุมฺปิ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิ, ตสฺส ตถา มายาวิโนติ อธิปฺปาโย.

๓๖๑. ตติยคาถาย อาทีติ การณํ. อุปาทานสฺสาติ วฏฺฏสฺส. วฏฺฏฺหิ อุปาทาตพฺพฏฺเน อิธ ‘‘อุปาทาน’’นฺติ วุตฺตํ, ตสฺเสว อุปาทานสฺส อาทึ อวิชฺชาตณฺหาทิเภทํ การณํ อทฺทส กปฺโปติ เอวํ วตฺตุํ วฏฺฏติ ภควาติ อธิปฺปาเยน วทติ. อจฺจคา วตาติ อติกฺกนฺโต วต. มจฺจุเธยฺยนฺติ มจฺจุ เอตฺถ ธิยตีติ มจฺจุเธยฺยํ, เตภูมกวฏฺฏสฺเสตํ อธิวจนํ. ตํ สุทุตฺตรํ มจฺจุเธยฺยํ อจฺจคา วตาติ เวทชาโต ภณติ. เสสเมตฺถ ปากฏเมวาติ.

ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย

สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย นิคฺโรธกปฺปสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๓. สมฺมาปริพฺพาชนียสุตฺต-(มหาสมยสุตฺต)-วณฺณนา

๓๖๒. ปุจฺฉามิ มุนึ ปหูตปฺนฺติ สมฺมาปริพฺพาชนียสุตฺตํ, ‘‘มหาสมยสุตฺต’’นฺติปิ วุจฺจติ มหาสมยทิวเส กถิตตฺตา. กา อุปฺปตฺติ? ปุจฺฉาวสิกา อุปฺปตฺติ. นิมฺมิตพุทฺเธน หิ ปุฏฺโ ภควา อิมํ สุตฺตมภาสิ, ตํ สทฺธึ ปุจฺฉาย ‘‘สมฺมาปริพฺพาชนียสุตฺต’’นฺติ วุจฺจติ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถารโต ปน สากิยโกลิยานํ อุปฺปตฺติโต ปภุติ โปราเณหิ วณฺณียติ.

ตตฺรายํ อุทฺเทสมคฺควณฺณนา – ปมกปฺปิกานํ กิร รฺโ มหาสมฺมตสฺส โรโช นาม ปุตฺโต อโหสิ. โรชสฺส วรโรโช, วรโรชสฺส กลฺยาโณ, กลฺยาณสฺส วรกลฺยาโณ, วรกลฺยาณสฺส มนฺธาตา, มนฺธาตุสฺส วรมนฺธาตา, วรมนฺธาตุสฺส อุโปสโถ, อุโปสถสฺส วโร, วรสฺส อุปวโร, อุปวรสฺส มฆเทโว, มฆเทวสฺส ปรมฺปรา จตุราสีติ ขตฺติยสหสฺสานิ อเหสุํ. เตสํ ปรโต ตโย โอกฺกากวํสา อเหสุํ. เตสุ ตติยโอกฺกากสฺส ปฺจ มเหสิโย อเหสุํ – หตฺถา, จิตฺตา, ชนฺตุ, ชาลินี, วิสาขาติ. เอเกกิสฺสา ปฺจ ปฺจ อิตฺถิสตานิ ปริวารา. สพฺพเชฏฺาย จตฺตาโร ปุตฺตา – โอกฺกามุโข, กรกณฺฑุ, หตฺถินิโก, สินิปุโรติ; ปฺจ ธีตโร – ปิยา, สุปฺปิยา, อานนฺทา, วิชิตา, วิชิตเสนาติ. เอวํ สา นว ปุตฺเต ลภิตฺวา กาลมกาสิ.

อถ ราชา อฺํ ทหรํ อภิรูปํ ราชธีตรํ อาเนตฺวา อคฺคมเหสิฏฺาเน เปสิ. สาปิ ชนฺตุํ นาม เอกํ ปุตฺตํ วิชายิ. ตํ ชนฺตุกุมารํ ปฺจมทิวเส อลงฺกริตฺวา รฺโ ทสฺเสสิ. ราชา ตุฏฺโ มเหสิยา วรํ อทาสิ. สา าตเกหิ สทฺธึ มนฺเตตฺวา ปุตฺตสฺส รชฺชํ ยาจิ. ราชา ‘‘นสฺส วสลิ, มม ปุตฺตานํ อนฺตรายมิจฺฉสี’’ติ นาทาสิ. สา ปุนปฺปุนํ รโห ราชานํ ปริโตเสตฺวา ‘‘น, มหาราช, มุสาวาโท วฏฺฏตี’’ติอาทีนิ วตฺวา ยาจติ เอว. อถ ราชา ปุตฺเต อามนฺเตสิ – ‘‘อหํ, ตาตา, ตุมฺหากํ กนิฏฺํ ชนฺตุกุมารํ ทิสฺวา ตสฺส มาตุยา สหสา วรํ อทาสึ. สา ปุตฺตสฺส รชฺชํ ปริณาเมตุํ อิจฺฉติ. ตุมฺเห มมจฺจเยน อาคนฺตฺวา รชฺชํ กาเรยฺยาถา’’ติ อฏฺหิ อมจฺเจหิ สทฺธึ อุยฺโยเชสิ. เต ภคินิโย อาทาย จตุรงฺคินิยา เสนาย นครา นิกฺขมึสุ. ‘‘กุมารา ปิตุอจฺจเยน อาคนฺตฺวา รชฺชํ กาเรสฺสนฺติ, คจฺฉาม เน อุปฏฺหามา’’ติ จินฺเตตฺวา พหู มนุสฺสา อนุพนฺธึสุ. ปมทิวเส โยชนมตฺตา เสนา อโหสิ, ทุติยทิวเส ทฺวิโยชนมตฺตา, ตติยทิวเส ติโยชนมตฺตา. กุมารา จินฺเตสุํ – ‘‘มหา อยํ พลกาโย, สเจ มยํ กฺจิ สามนฺตราชานํ อกฺกมิตฺวา ชนปทํ คณฺหิสฺสาม, โสปิ โน น ปโหสฺสติ, กึ ปเรสํ ปีฬํ กตฺวา ลทฺธรชฺเชน, มหา ชมฺพุทีโป, อรฺเ นครํ มาเปสฺสามา’’ติ หิมวนฺตาภิมุขา อคมึสุ.

ตตฺถ นครมาปโนกาสํ ปริเยสมานา หิมวติ กปิโล นาม โฆรตโป ตาปโส ปฏิวสติ โปกฺขรณิตีเร มหาสากสณฺเฑ, ตสฺส วสโนกาสํ คตา. โส เต ทิสฺวา ปุจฺฉิตฺวา สพฺพํ ปวตฺตึ สุตฺวา เตสุ อนุกมฺปํ อกาสิ. โส กิร ภุมฺมชาลํ นาม วิชฺชํ ชานาติ, ยาย อุทฺธํ อสีติหตฺเถ อากาเส จ เหฏฺา ภูมิยฺจ คุณโทเส ปสฺสติ. อเถกสฺมึ ปเทเส สูกรมิคา สีหพฺยคฺฆาทโย ตาเสตฺวา ปริปาเตนฺติ, มณฺฑูกมูสิกา สปฺเป ภึสาเปนฺติ. โส เต ทิสฺวา ‘‘อยํ ภูมิปฺปเทโส ปถวีอคฺค’’นฺติ ตสฺมึ ปเทเส อสฺสมํ มาเปสิ. ตโต โส ราชกุมาเร อาห – ‘‘สเจ มม นาเมน นครํ กโรถ, เทมิ โว อิมํ โอกาส’’นฺติ. เต ตถา ปฏิชานึสุ. ตาปโส ‘‘อิมสฺมึ โอกาเส ตฺวา จณฺฑาลปุตฺโตปิ จกฺกวตฺตึ พเลน อติเสตี’’ติ วตฺวา ‘‘อสฺสเม รฺโ ฆรํ มาเปตฺวา นครํ มาเปถา’’ติ ตํ โอกาสํ ทตฺวา สยํ อวิทูเร ปพฺพตปาเท อสฺสมํ กตฺวา วสิ. ตโต กุมารา ตตฺถ นครํ มาเปตฺวา กปิลสฺส วุตฺโถกาเส กตตฺตา ‘‘กปิลวตฺถู’’ติ นามํ อาโรเปตฺวา ตตฺถ นิวาสํ กปฺเปสุํ.

อถ อมจฺจา ‘‘อิเม กุมารา วยปฺปตฺตา, ยทิ เนสํ ปิตา สนฺติเก ภเวยฺย, โส อาวาหวิวาหํ กาเรยฺย. อิทานิ ปน อมฺหากํ ภาโร’’ติ จินฺเตตฺวา กุมาเรหิ สทฺธึ มนฺเตสุํ. กุมารา ‘‘อมฺหากํ สทิสา ขตฺติยธีตโร น ปสฺสาม, ตาสมฺปิ ภคินีนํ สทิเส ขตฺติยกุมาเร, ชาติสมฺเภทฺจ น กโรมา’’ติ. เต ชาติสมฺเภทภเยน เชฏฺภคินึ มาตุฏฺาเน เปตฺวา อวเสสาหิ สํวาสํ กปฺเปสุํ. เตสํ ปิตา ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา ‘‘สกฺยา วต, โภ กุมารา, ปรมสกฺยา วต, โภ กุมารา’’ติ อุทานํ อุทาเนสิ. อยํ ตาว สกฺยานํ อุปฺปตฺติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ ภควตา –

‘‘อถ โข, อมฺพฏฺ, ราชา โอกฺกาโก อมจฺเจ ปาริสชฺเช อามนฺเตสิ – ‘กหํ นุ โข, โภ, เอตรหิ กุมารา สมฺมนฺตี’ติ. อตฺถิ, เทว, หิมวนฺตปสฺเส โปกฺขรณิยา ตีเร มหาสากสณฺโฑ, ตตฺเถตรหิ กุมารา สมฺมนฺติ. เต ชาติสมฺเภทภยา สกาหิ ภคินีหิ สทฺธึ สํวาสํ กปฺเปนฺตีติ. อถ โข, อมฺพฏฺ, ราชา โอกฺกาโก อุทานํ อุทาเนสิ – ‘สกฺยา วต, โภ กุมารา, ปรมสกฺยา วต, โภ กุมารา’ติ, ตทคฺเค โข ปน, อมฺพฏฺ, สกฺยา ปฺายนฺติ, โส จ สกฺยานํ ปุพฺพปุริโส’’ติ (ที. นิ. ๑.๒๖๗).

ตโต เนสํ เชฏฺภคินิยา กุฏฺโรโค อุทปาทิ, โกวิฬารปุปฺผสทิสานิ คตฺตานิ อเหสุํ. ราชกุมารา ‘‘อิมาย สทฺธึ เอกโต นิสชฺชฏฺานโภชนาทีนิ กโรนฺตานมฺปิ อุปริ เอส โรโค สงฺกมตี’’ติ จินฺเตตฺวา อุยฺยานกีฬํ คจฺฉนฺตา วิย ตํ ยาเน อาโรเปตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา โปกฺขรณึ ขณาเปตฺวา ตํ ตตฺถ ขาทนียโภชนีเยหิ สทฺธึ ปกฺขิปิตฺวา อุปริ ปทรํ ปฏิจฺฉาทาเปตฺวา ปํสุํ ทตฺวา ปกฺกมึสุ. เตน จ สมเยน ราโม นาม ราชา กุฏฺโรคี โอโรเธหิ จ นาฏเกหิ จ ชิคุจฺฉิยมาโน เตน สํเวเคน เชฏฺปุตฺตสฺส รชฺชํ ทตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา ตตฺถ ปณฺณมูลผลานิ ปริภุฺชนฺโต นจิรสฺเสว อโรโค สุวณฺณวณฺโณ หุตฺวา, อิโต จิโต จ วิจรนฺโต มหนฺตํ สุสิรรุกฺขํ ทิสฺวา ตสฺสพฺภนฺตเร โสฬสหตฺถปฺปมาณํ ตํ โกลาปํ โสเธตฺวา, ทฺวารฺจ วาตปานฺจ กตฺวา นิสฺเสณึ พนฺธิตฺวา ตตฺถ วาสํ กปฺเปสิ. โส องฺคารกฏาเห อคฺคึ กตฺวา รตฺตึ วิสฺสรฺจ สุสฺสรฺจ สุณนฺโต สยติ. โส ‘‘อสุกสฺมึ ปเทเส สีโห สทฺทมกาสิ, อสุกสฺมึ พฺยคฺโฆ’’ติ สลฺลกฺเขตฺวา ปภาเต ตตฺถ คนฺตฺวา วิฆาสมํสํ อาทาย ปจิตฺวา ขาทติ.

อเถกทิวสํ โส ปจฺจูสสมเย อคฺคึ ชาเลตฺวา นิสีทิ. เตน จ สมเยน ตสฺสา ราชธีตาย คนฺธํ ฆายิตฺวา พฺยคฺโฆ ตํ ปเทสํ ขณิตฺวา ปทรตฺถเร วิวรมกาสิ. เตน วิวเรน สา พฺยคฺฆํ ทิสฺวา ภีตา วิสฺสรมกาสิ. โส ตํ สทฺทํ สุตฺวา ‘‘อิตฺถิสทฺโท เอโส’’ติ จ สลฺลกฺเขตฺวา ปาโตว ตตฺถ คนฺตฺวา ‘‘โก เอตฺถา’’ติ อาห. ‘‘มาตุคาโม สามี’’ติ. ‘‘นิกฺขมา’’ติ. ‘‘น นิกฺขมามี’’ติ. ‘‘กึ การณา’’ติ? ‘‘ขตฺติยกฺา อห’’นฺติ. เอวํ โสพฺเภ นิขาตาปิ มานเมว กโรติ. โส สพฺพํ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อหมฺปิ ขตฺติโย’’ติ ชาตึ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘เอหิ ทานิ ขีเร ปกฺขิตฺตสปฺปิ วิย ชาต’’นฺติ อาห. สา ‘‘กุฏฺโรคินีมฺหิ สามิ, น สกฺกา นิกฺขมิตุ’’นฺติ อาห. โส ‘‘กตกมฺโม ทานิ อหํ สกฺกา ติกิจฺฉิตุ’’นฺติ นิสฺเสณึ ทตฺวา ตํ อุทฺธริตฺวา อตฺตโน วสโนกาสํ เนตฺวา สยํ ปริภุตฺตเภสชฺชานิ เอว ทตฺวา นจิรสฺเสว อโรคํ สุวณฺณวณฺณมกาสิ. โส ตาย สทฺธึ สํวาสํ กปฺเปสิ. สา ปมสํวาเสเนว คพฺภํ คณฺหิตฺวา ทฺเว ปุตฺเต วิชายิ, ปุนปิ ทฺเวติ เอวํ โสฬสกฺขตฺตุํ วิชายิ. เอวํ เต ทฺวตฺตึส ภาตโร อเหสุํ. เต อนุปุพฺเพน วุฑฺฒิปฺปตฺเต ปิตา สพฺพสิปฺปานิ สิกฺขาเปสิ.

อเถกทิวสํ เอโก รามรฺโ นครวาสี ปพฺพเต รตนานิ คเวสนฺโต ตํ ปเทสํ อาคโต ราชานํ ทิสฺวา อฺาสิ. ‘‘ชานามหํ, เทว, ตุมฺเห’’ติ อาห. ‘‘กุโต ตฺวํ อาคโตสี’’ติ จ เตน ปุฏฺโ ‘‘นครโต เทวา’’ติ อาห. ตโต นํ ราชา สพฺพํ ปวตฺตึ ปุจฺฉิ. เอวํ เตสุ สมุลฺลปมาเนสุ เต ทารกา อาคมึสุ. โส เต ทิสฺวา ‘‘อิเม เก เทวา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ปุตฺตา เม ภเณ’’ติ. ‘‘อิเมหิ ทานิ, เทว, ทฺวตฺตึสกุมาเรหิ ปริวุโต วเน กึ กริสฺสสิ, เอหิ รชฺชมนุสาสา’’ติ? ‘‘อลํ, ภเณ, อิเธว สุข’’นฺติ. โส ‘‘ลทฺธํ ทานิ เม กถาปาภต’’นฺติ นครํ คนฺตฺวา รฺโ ปุตฺตสฺสาโรเจสิ. รฺโ ปุตฺโต ‘‘ปิตรํ อาเนสฺสามี’’ติ จตุรงฺคินิยา เสนาย ตตฺถ คนฺตฺวา นานปฺปกาเรหิ ปิตรํ ยาจิ. โสปิ ‘‘อลํ, ตาต กุมาร, อิเธว สุข’’นฺติ เนว อิจฺฉิ. ตโต ราชปุตฺโต ‘‘น ทานิ ราชา อาคนฺตุํ อิจฺฉติ, หนฺทสฺส อิเธว นครํ มาเปมี’’ติ จินฺเตตฺวา ตํ โกลรุกฺขํ อุทฺธริตฺวา ฆรํ กตฺวา นครํ มาเปตฺวา โกลรุกฺขํ อปเนตฺวา กตตฺตา ‘‘โกลนคร’’นฺติ จ พฺยคฺฆปเถ กตตฺตา ‘‘พฺยคฺฆปชฺช’’นฺติ จาติ ทฺเว นามานิ อาโรเปตฺวา อคมาสิ.

ตโต วยปฺปตฺเต กุมาเร มาตา อาณาเปสิ – ‘‘ตาตา, ตุมฺหากํ กปิลวตฺถุวาสิโน สกฺยา มาตุลา โหนฺติ, ธีตโร เนสํ คณฺหถา’’ติ. เต ยํ ทิวสํ ขตฺติยกฺาโย นทีกีฬนํ คจฺฉนฺติ, ตํ ทิวสํ คนฺตฺวา นทีติตฺถํ อุปรุนฺธิตฺวา นามานิ สาเวตฺวา ปตฺถิตา ปตฺถิตา ราชธีตโร คเหตฺวา อคมํสุ. สกฺยราชาโน สุตฺวา ‘‘โหตุ ภเณ, อมฺหากํ าตกา เอวา’’ติ ตุณฺหี อเหสุํ. อยํ โกลิยานํ อุปฺปตฺติ.

เอวํ เตสํ สากิยโกลิยานํ อฺมฺํ อาวาหวิวาหํ กโรนฺตานํ อาคโต วํโส ยาว สีหหนุราชา, ตาว วิตฺถารโต เวทิตพฺโพ – สีหหนุรฺโ กิร ปฺจ ปุตฺตา อเหสุํ – สุทฺโธทโน, อมิโตทโน, โธโตทโน, สกฺโกทโน, สุกฺโกทโนติ. เตสุ สุทฺโธทเน รชฺชํ การยมาเน ตสฺส ปชาปติยา อฺชนรฺโ ธีตาย มหามายาเทวิยา กุจฺฉิมฺหิ ปูริตปารมี มหาปุริโส ชาตกนิทาเน วุตฺตนเยน ตุสิตปุรา จวิตฺวา ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา อนุปุพฺเพน กตมหาภินิกฺขมโน สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุชฺฌิตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺโก อนุกฺกเมน กปิลวตฺถุํ คนฺตฺวา สุทฺโธทนมหาราชาทโย อริยผเล ปติฏฺาเปตฺวา ชนปทจาริกํ ปกฺกมิตฺวา ปุนปิ อปเรน สมเยน ปจฺจาคนฺตฺวา ปนฺนรสหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ กปิลวตฺถุสฺมึ วิหรติ นิคฺโรธาราเม.

ตตฺถ วิหรนฺเต จ ภควติ สากิยโกลิยานํ อุทกํ ปฏิจฺจ กลโห อโหสิ. กถํ? เนสํ กิร อุภินฺนมฺปิ กปิลปุรโกลิยปุรานํ อนฺตเร โรหิณี นาม นที ปวตฺตติ. สา กทาจิ อปฺโปทกา โหติ, กทาจิ มโหทกา. อปฺโปทกกาเล เสตุํ กตฺวา สากิยาปิ โกลิยาปิ อตฺตโน อตฺตโน สสฺสปายนตฺถํ อุทกํ อาเนนฺติ. เตสํ มนุสฺสา เอกทิวสํ เสตุํ กโรนฺตา อฺมฺํ ภณฺฑนฺตา ‘‘อเร ตุมฺหากํ ราชกุลํ ภคินีหิ สทฺธึ สํวาสํ กปฺเปสิ กุกฺกุฏโสณสิงฺคาลาทิติรจฺฉานา วิย, ตุมฺหากํ ราชกุลํ สุสิรรุกฺเข วาสํ กปฺเปสิ ปิสาจิลฺลิกา วิยา’’ติ เอวํ ชาติวาเทน ขุํเสตฺวา อตฺตโน อตฺตโน ราชูนํ อาโรเจสุํ. เต กุทฺธา ยุทฺธสชฺชา หุตฺวา โรหิณีนทีตีรํ สมฺปตฺตา. เอวํ สาครสทิสํ พลํ อฏฺาสิ.

อถ ภควา ‘‘าตกา กลหํ กโรนฺติ, หนฺท, เน วาเรสฺสามี’’ติ อากาเสนาคนฺตฺวา ทฺวินฺนํ เสนานํ มชฺเฌ อฏฺาสิ. ตมฺปิ อาวชฺเชตฺวา สาวตฺถิโต อาคโตติ เอเก. เอวํ ตฺวา จ ปน อตฺตทณฺฑสุตฺตํ (สุ. นิ. ๙๔๑ อาทโย) อภาสิ. ตํ สุตฺวา สพฺเพ สํเวคปฺปตฺตา อาวุธานิ ฉฑฺเฑตฺวา ภควนฺตํ นมสฺสมานา อฏฺํสุ, มหคฺฆฺจ อาสนํ ปฺาเปสุํ. ภควา โอรุยฺห ปฺตฺตาสเน นิสีทิตฺวา ‘‘กุารีหตฺโถ ปุริโส’’ติอาทิกํ ผนฺทนชาตกํ (ชา. ๑.๑๓.๑๔), ‘‘วนฺทามิ ตํ กุฺชรา’’ติอาทิกํ ลฏุกิกชาตกํ (ชา. ๑.๕.๓๙).

‘‘สมฺโมทมานา คจฺฉนฺติ, ชาลมาทาย ปกฺขิโน;

ยทา เต วิวทิสฺสนฺติ, ตทา เอหินฺติ เม วส’’นฺติ. (ชา. ๑.๑.๓๓) –

อิมํ วฏฺฏกชาตกฺจ กเถตฺวา ปุน เตสํ จิรกาลปฺปวตฺตํ าติภาวํ ทสฺเสนฺโต อิมํ มหาวํสํ กเถสิ. เต ‘‘ปุพฺเพ กิร มยํ าตกา เอวา’’ติ อติวิย ปสีทึสุ. ตโต สกฺยา อฑฺฒเตยฺยกุมารสเต, โกลิยา อฑฺฒเตยฺยกุมารสเตติ ปฺจ กุมารสเต ภควโต ปริวารตฺถาย อทํสุ. ภควา เตสํ ปุพฺพเหตุํ ทิสฺวา ‘‘เอถ ภิกฺขโว’’ติ อาห. เต สพฺเพ อิทฺธิยา นิพฺพตฺตอฏฺปริกฺขารยุตฺตา อากาเส อพฺภุคฺคนฺตฺวา อาคมฺม ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา อฏฺํสุ. ภควา เต อาทาย มหาวนํ อคมาสิ. เตสํ ปชาปติโย ทูเต ปาเหสุํ, เต ตาหิ นานปฺปกาเรหิ ปโลภิยมานา อุกฺกณฺึสุ. ภควา เตสํ อุกฺกณฺิตภาวํ ตฺวา หิมวนฺตํ ทสฺเสตฺวา ตตฺถ กุณาลชาตกกถาย (ชา. ๒.๒๑.๒๘๙ กุณาลชาตกํ) เตสํ อนภิรตึ วิโนเทตุกาโม อาห – ‘‘ทิฏฺปุพฺโพ โว, ภิกฺขเว, หิมวา’’ติ? ‘‘น ภควา’’ติ. ‘‘เอถ, ภิกฺขเว, เปกฺขถา’’ติ อตฺตโน อิทฺธิยา เต อากาเสน เนนฺโต ‘‘อยํ สุวณฺณปพฺพโต, อยํ รชตปพฺพโต, อยํ มณิปพฺพโต’’ติ นานปฺปกาเร ปพฺพเต ทสฺเสตฺวา กุณาลทเห มโนสิลาตเล ปจฺจุฏฺาสิ. ตโต ‘‘หิมวนฺเต สพฺเพ จตุปฺปทพหุปฺปทาทิเภทา ติรจฺฉานคตา ปาณา อาคจฺฉนฺตุ, สพฺเพสฺจ ปจฺฉโต กุณาลสกุโณ’’ติ อธิฏฺาสิ. อาคจฺฉนฺเต จ เต ชาตินามนิรุตฺติวเสน วณฺเณนฺโต ‘‘เอเต, ภิกฺขเว, หํสา, เอเต โกฺจา, เอเต จกฺกวากา, กรวีกา, หตฺถิโสณฺฑกา, โปกฺขรสาตกา’’ติ เตสํ ทสฺเสสิ.

เต วิมฺหิตหทยา ปสฺสนฺตา สพฺพปจฺฉโต อาคจฺฉนฺตํ ทฺวีหิ ทิชกฺาหิ มุขตุณฺฑเกน ฑํสิตฺวา คหิตกฏฺเวมชฺเฌ นิสินฺนํ สหสฺสทิชกฺาปริวารํ กุณาลสกุณํ ทิสฺวา อจฺฉริยพฺภุตจิตฺตชาตา ภควนฺตํ อาหํสุ – ‘‘กจฺจิ, ภนฺเต, ภควาปิ อิธ กุณาลราชา ภูตปุพฺโพ’’ติ? ‘‘อาม, ภิกฺขเว, มยาเวส กุณาลวํโส กโต. อตีเต หิ มยํ จตฺตาโร ชนา อิธ วสิมฺหา – นารโท เทวิโล อิสิ, อานนฺโท คิชฺฌราชา, ปุณฺณมุโข ผุสฺสโกกิโล, อหํ กุณาโล สกุโณ’’ติ สพฺพํ มหากุณาลชาตกํ กเถสิ. ตํ สุตฺวา เตสํ ภิกฺขูนํ ปุราณทุติยิกาโย อารพฺภ อุปฺปนฺนา อนภิรติ วูปสนฺตา. ตโต เตสํ ภควา สจฺจกถํ กเถสิ, กถาปริโยสาเน สพฺพปจฺฉิมโก โสตาปนฺโน, สพฺพอุปริโม อนาคามี อโหสิ, เอโกปิ ปุถุชฺชโน วา อรหา วา นตฺถิ. ตโต ภควา เต อาทาย ปุนเทว มหาวเน โอรุหิ. อาคจฺฉมานา จ เต ภิกฺขู อตฺตโนว อิทฺธิยา อาคจฺฉึสุ.

อถ เนสํ ภควา อุปริมคฺคตฺถาย ปุน ธมฺมํ เทเสสิ. เต ปฺจสตาปิ วิปสฺสนํ อารภิตฺวา อรหตฺเต ปติฏฺหึสุ. ปมํ ปตฺโต ปมเมว อคมาสิ ‘‘ภควโต อาโรเจสฺสามี’’ติ. อาคนฺตฺวา จ ‘‘อภิรมามหํ ภควา, น อุกฺกณฺามี’’ติ วตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอวํ เต สพฺเพปิ อนุกฺกเมน อาคนฺตฺวา ภควนฺตํ ปริวาเรตฺวา นิสีทึสุ เชฏฺมาสอุโปสถทิวเส สายนฺหสมเย. ตโต ปฺจสตขีณาสวปริวุตํ วรพุทฺธาสเน นิสินฺนํ ภควนฺตํ เปตฺวา อสฺสตฺเต จ อรูปพฺรหฺมาโน จ สกลทสสหสฺสจกฺกวาเฬ อวเสสเทวตาทโย มงฺคลสุตฺตวณฺณนายํ วุตฺตนเยน สุขุมตฺตภาเว นิมฺมินิตฺวา สมฺปริวาเรสุํ ‘‘วิจิตฺรปฏิภานํ ธมฺมเทสนํ โสสฺสามา’’ติ. ตตฺถ จตฺตาโร ขีณาสวพฺรหฺมาโน สมาปตฺติโต วุฏฺาย พฺรหฺมคณํ อปสฺสนฺตา ‘‘กุหึ คตา’’ติ อาวชฺเชตฺวา ตมตฺถํ ตฺวา ปจฺฉา อาคนฺตฺวา โอกาสํ อลภมานา จกฺกวาฬมุทฺธนิ ตฺวา ปจฺเจกคาถาโย อภาสึสุ. ยถาห –

‘‘อถ โข จตุนฺนํ สุทฺธาวาสกายิกานํ เทวตานํ เอตทโหสิ – ‘อยํ, โข, ภควา สกฺเกสุ วิหรติ กปิลวตฺถุสฺมึ มหาวเน มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ ปฺจมตฺเตหิ ภิกฺขุสเตหิ สพฺเพเหว อรหนฺเตหิ. ทสหิ จ โลกธาตูหิ เทวตา เยภุยฺเยน สนฺนิปติตา โหนฺติ ภควนฺตํ ทสฺสนาย ภิกฺขุสงฺฆฺจ. ยํนูน มยมฺปิ เยน ภควา เตนุปสงฺกเมยฺยาม, อุปสงฺกมิตฺวา ภควโต สนฺติเก ปจฺเจกํ คาถํ ภาเสยฺยามา’’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๓๑; สํ. นิ. ๑.๓๗).

สพฺพํ สคาถาวคฺเค วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. เอวํ คนฺตฺวา จ ตตฺถ เอโก พฺรหฺมา ปุรตฺถิมจกฺกวาฬมุทฺธนิ โอกาสํ ลภิตฺวา ตตฺถ ิโต อิมํ คาถํ อภาสิ –

‘‘มหาสมโย ปวนสฺมึ…เป…

ทกฺขิตาเย อปราชิตสงฺฆ’’นฺติ. (ที. นิ. ๒.๓๓๒; สํ. นิ. ๑.๓๗);

อิมฺจสฺส คาถํ ภาสมานสฺส ปจฺฉิมจกฺกวาฬปพฺพเต ิโต สทฺทํ อสฺโสสิ.

ทุติโย ปจฺฉิมจกฺกวาฬมุทฺธนิ โอกาสํ ลภิตฺวา ตตฺถ ิโต ตํ คาถํ สุตฺวา อิมํ คาถํ อภาสิ –

‘‘ตตฺร ภิกฺขโว สมาทหํสุ…เป…

อินฺทฺริยานิ รกฺขนฺติ ปณฺฑิตา’’ติ. (ที. นิ. ๒.๓๓๒; สํ. นิ. ๑.๓๗);

ตติโย ทกฺขิณจกฺกวาฬมุทฺธนิ โอกาสํ ลภิตฺวา ตตฺถ ิโต ตํ คาถํ สุตฺวา อิมํ คาถํ อภาสิ –

‘‘เฉตฺวา ขีลํ เฉตฺวา ปลิฆํ…เป… สุสุนาคา’’ติ. (ที. นิ. ๒.๓๓๒; สํ. นิ. ๑.๓๗);

จตุตฺโถ อุตฺตรจกฺกวาฬมุทฺธนิ โอกาสํ ลภิตฺวา ตตฺถ ิโต ตํ คาถํ สุตฺวา อิมํ คาถมภาสิ –

‘‘เย เกจิ พุทฺธํ สรณํ คตาเส…เป…

เทวกายํ ปริปูเรสฺสนฺตี’’ติ. (ที. นิ. ๒.๓๓๒; สํ. นิ. ๑.๓๗);

ตสฺสปิ ตํ สทฺทํ ทกฺขิณจกฺกวาฬมุทฺธนิ ิโต อสฺโสสิ. เอวํ ตทา อิเม จตฺตาโร พฺรหฺมาโน ปริสํ โถเมตฺวา ิตา อเหสุํ, มหาพฺรหฺมาโน เอกจกฺกวาฬํ ฉาเทตฺวา อฏฺํสุ.

อถ ภควา เทวปริสํ โอโลเกตฺวา ภิกฺขูนํ อาโรเจสิ – ‘‘เยปิ เต, ภิกฺขเว, อเหสุํ อตีตมทฺธานํ อรหนฺโต สมฺมาสมฺพุทฺธา, เตสมฺปิ ภควนฺตานํ เอตปฺปรมาเยว เทวตา สนฺนิปติตา อเหสุํ. เสยฺยถาปิ มยฺหํ เอตรหิ, เยปิ เต, ภิกฺขเว, ภวิสฺสนฺติ อนาคตมทฺธานํ อรหนฺโต สมฺมาสมฺพุทฺธา, เตสมฺปิ ภควนฺตานํ เอตปฺปรมาเยว เทวตา สนฺนิปติตา ภวิสฺสนฺติ เสยฺยถาปิ มยฺหํ เอตรหี’’ติ. ตโต ตํ เทวปริสํ ภพฺพาภพฺพวเสน ทฺวิธา วิภชิ ‘‘เอตฺตกา ภพฺพา, เอตฺตกา อภพฺพา’’ติ. ตตฺถ ‘‘อภพฺพปริสา พุทฺธสเตปิ ธมฺมํ เทเสนฺเต น พุชฺฌติ, ภพฺพปริสา สกฺกา โพเธตุ’’นฺติ ตฺวา ปุน ภพฺพปุคฺคเล จริยวเสน ฉธา วิภชิ ‘‘เอตฺตกา ราคจริตา, เอตฺตกา โทส-โมห-วิตกฺก-สทฺธา-พุทฺธิจริตา’’ติ. เอวํ จริยวเสน ปริคฺคเหตฺวา ‘‘อสฺสา ปริสาย กีทิสา ธมฺมเทสนา สปฺปายา’’ติ ธมฺมกถํ วิจินิตฺวา ปุน ตํ ปริสํ มนสากาสิ – ‘‘อตฺตชฺฌาสเยน นุ โข ชาเนยฺย, ปรชฺฌาสเยน, อฏฺุปฺปตฺติวเสน, ปุจฺฉาวเสนา’’ติ. ตโต ‘‘ปุจฺฉาวเสน ชาเนยฺยา’’ติ ตฺวา ‘‘ปฺหํ ปุจฺฉิตุํ สมตฺโถ อตฺถิ, นตฺถี’’ติ ปุน สกลปริสํ อาวชฺเชตฺวา ‘‘นตฺถิ โกจี’’ติ ตฺวา ‘‘สเจ อหเมว ปุจฺฉิตฺวา อหเมว วิสฺสชฺเชยฺยํ, เอวมสฺสา ปริสาย สปฺปายํ น โหติ. ยํนูนาหํ นิมฺมิตพุทฺธํ มาเปยฺยนฺติ ปาทกชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย มโนมยิทฺธิยา อภิสงฺขริตฺวา นิมฺมิตพุทฺธํ มาเปสิ. สพฺพงฺคปจฺจงฺคี ลกฺขณสมฺปนฺโน ปตฺตจีวรธโร อาโลกิตวิโลกิตาทิสมฺปนฺโน โหตู’’ติ อธิฏฺานจิตฺเตน สห ปาตุรโหสิ. โส ปาจีนโลกธาตุโต อาคนฺตฺวา ภควโต สมสเม อาสเน นิสินฺโน เอวํ อาคนฺตฺวา ยานิ ภควตา อิมมฺหิ สมาคเม จริยวเสน ฉ สุตฺตานิ (สุ. นิ. ๘๕๔ อาทโย, ๘๖๘ อาทโย, ๘๘๔ อาทโย, ๙๐๑ อาทโย, ๙๒๑ อาทโย) กถิตานิ. เสยฺยถิทํ – ปุราเภทสุตฺตํ กลหวิวาทสุตฺตํ จูฬพฺยูหํ มหาพฺยูหํ ตุวฏกํ อิทเมว สมฺมาปริพฺพาชนียนฺติ. เตสุ ราคจริตเทวตานํ สปฺปายวเสน กเถตพฺพสฺส อิมสฺส สุตฺตสฺส ปวตฺตนตฺถํ ปฺหํ ปุจฺฉนฺโต ‘‘ปุจฺฉามิ มุนึ ปหูตปฺ’’นฺติ อิมํ คาถมาห.

ตตฺถ ปหูตปฺนฺติ มหาปฺํ. ติณฺณนฺติ จตุโรฆติณฺณํ. ปารงฺคตนฺติ นิพฺพานปฺปตฺตํ. ปรินิพฺพุตนฺติ สอุปาทิเสสนิพฺพานวเสน ปรินิพฺพุตํ. ิตตฺตนฺติ โลกธมฺเมหิ อกมฺปนียจิตฺตํ. นิกฺขมฺม ฆรา ปนุชฺช กาเมติ วตฺถุกาเม ปนุทิตฺวา ฆราวาสา นิกฺขมฺม. กถํ ภิกฺขุ สมฺมา โส โลเก ปริพฺพเชยฺยาติ โส ภิกฺขุ กถํ โลเก สมฺมา ปริพฺพเชยฺย วิหเรยฺย อนุปลิตฺโต โลเกน หุตฺวา, โลกํ อติกฺกเมยฺยาติ วุตฺตํ โหติ. เสสเมตฺถ วุตฺตนยเมว.

๓๖๓. อถ ภควา ยสฺมา อาสวกฺขยํ อปฺปตฺวา โลเก สมฺมา ปริพฺพชนฺโต นาม นตฺถิ, ตสฺมา ตสฺมึ ราคจริตาทิวเสน ปริคฺคหิเต สพฺพปุคฺคลสมูเห ตํ ตํ เตสํ เตสํ สมานโทสานํ เทวตาคณานํ อาจิณฺณโทสปฺปหานตฺถํ ‘‘ยสฺส มงฺคลา’’ติ อารภิตฺวา อรหตฺตนิกูเฏเนว ขีณาสวปฏิปทํ ปกาเสนฺโต ปนฺนรส คาถาโย อภาสิ.

ตตฺถ ปมคาถาย ตาว มงฺคลาติ มงฺคลสุตฺเต วุตฺตานํ ทิฏฺมงฺคลาทีนเมตํ อธิวจนํ. สมูหตาติ สุฏฺุ อูหตา ปฺาสตฺเถน สมุจฺฉินฺนา. อุปฺปาตาติ ‘‘อุกฺกาปาตทิสาฑาหาทโย เอวํ วิปากา โหนฺตี’’ติ เอวํ ปวตฺตา อุปฺปาตาภินิเวสา. สุปินาติ ‘‘ปุพฺพณฺหสมเย สุปินํ ทิสฺวา อิทํ นาม โหติ, มชฺฌนฺหิกาทีสุ อิทํ, วามปสฺเสน สยตา ทิฏฺเ อิทํ นาม โหติ, ทกฺขิณปสฺสาทีหิ อิทํ, สุปินนฺเต จนฺทํ ทิสฺวา อิทํ นาม โหติ, สูริยาทโย ทิสฺวา อิท’’นฺติ เอวํ ปวตฺตา สุปินาภินิเวสา. ลกฺขณาติ ทณฺฑลกฺขณวตฺถลกฺขณาทิปาํ ปิตฺวา ‘‘อิมินา อิทํ นาม โหตี’’ติ เอวํ ปวตฺตา ลกฺขณาภินิเวสา. เต สพฺเพปิ พฺรหฺมชาเล วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพา. โส มงฺคลโทสวิปฺปหีโนติ อฏฺตึส มหามงฺคลานิ เปตฺวา อวเสสา มงฺคลโทสา นาม. ยสฺส ปเนเต มงฺคลาทโย สมูหตา, โส มงฺคลโทสวิปฺปหีโน โหติ. อถ วา มงฺคลานฺจ อุปฺปาตาทิโทสานฺจ ปหีนตฺตา มงฺคลโทสวิปฺปหีโน โหติ, น มงฺคลาทีหิ สุทฺธึ ปจฺเจติ อริยมคฺคสฺส อธิคตตฺตา. ตสฺมา สมฺมา โส โลเก ปริพฺพเชยฺย, โส ขีณาสโว สมฺมา โลเก ปริพฺพเชยฺย อนุปลิตฺโต โลเกนาติ.

๓๖๔. ทุติยคาถาย ราคํ วินเยถ มานุเสสุ, ทิพฺเพสุ กาเมสุ จาปิ ภิกฺขูติ มานุเสสุ จ ทิพฺเพสุ จ กามคุเณสุ อนาคามิมคฺเคน อนุปฺปตฺติธมฺมตํ เนนฺโต ราคํ วินเยถ. อติกฺกมฺม ภวํ สเมจฺจ ธมฺมนฺติ เอวํ ราคํ วิเนตฺวา ตโต ปรํ อรหตฺตมคฺเคน สพฺพปฺปการโต ปริฺาภิสมยาทโย สาเธนฺโต จตุสจฺจเภทมฺปิ สเมจฺจ ธมฺมํ อิมาย ปฏิปทาย ติวิธมฺปิ อติกฺกมฺม ภวํ. สมฺมา โสติ โสปิ ภิกฺขุ สมฺมา โลเก ปริพฺพเชยฺย.

๓๖๕. ตติยคาถาย ‘‘อนุโรธวิโรธวิปฺปหีโน’’ติ สพฺพวตฺถูสุ ปหีนราคโทโส. เสสํ วุตฺตนยเมว สพฺพคาถาสุ จ ‘‘โสปิ ภิกฺขุ สมฺมา โลเก ปริพฺพเชยฺยา’’ติ โยเชตพฺพํ. อิโต ปรฺหิ โยชนมฺปิ อวตฺวา อวุตฺตนยเมว วณฺณยิสฺสาม.

๓๖๖. จตุตฺถคาถาย สตฺตสงฺขารวเสน ทุวิธํ ปิยฺจ อปฺปิยฺจ เวทิตพฺพํ, ตตฺถ ฉนฺทราคปฏิฆปฺปหาเนน หิตฺวา. อนุปาทายาติ จตูหิ อุปาทาเนหิ กฺจิ ธมฺมํ อคฺคเหตฺวา. อนิสฺสิโต กุหิฺจีติ อฏฺสตเภเทน ตณฺหานิสฺสเยน ทฺวาสฏฺิเภเทน ทิฏฺินิสฺสเยน จ กุหิฺจิ รูปาทิธมฺเม ภเว วา อนิสฺสิโต. สํโยชนิเยหิ วิปฺปมุตฺโตติ สพฺเพปิ เตภูมกธมฺมา ทสวิธสํโยชนสฺส วิสยตฺตา สํโยชนิยา, เตหิ สพฺพปฺปการโต มคฺคภาวนาย ปริฺาตตฺตา จ วิปฺปมุตฺโตติ อตฺโถ. ปมปาเทน เจตฺถ ราคโทสปฺปหานํ วุตฺตํ, ทุติเยน อุปาทานนิสฺสยาภาโว, ตติเยน เสสากุสเลหิ อกุสลวตฺถูหิ จ วิปฺปโมกฺโข. ปเมน วา ราคโทสปฺปหานํ, ทุติเยน ตทุปาโย, ตติเยน เตสํ ปหีนตฺตา สํโยชนิเยหิ วิปฺปโมกฺโขติ เวทิตพฺโพ.

๓๖๗. ปฺจมคาถาย อุปธีสูติ ขนฺธุปธีสุ. อาทานนฺติ อาทาตพฺพฏฺเน เตเยว วุจฺจนฺติ. อนฺเนยฺโยติ อนิจฺจาทีนํ สุทิฏฺตฺตา ‘‘อิทํ เสยฺโย’’ติ เกนจิ อเนตพฺโพ. เสสํ อุตฺตานปทตฺถเมว. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อาทาเนสุ จตุตฺถมคฺเคน สพฺพโส ฉนฺทราคํ วิเนตฺวา โส วินีตฉนฺทราโค, เตสุ อุปธีสุ น สารเมติ, สพฺเพ อุปธี อสารกตฺเตเนว ปสฺสติ. ตโต เตสุ ทุวิเธนปิ นิสฺสเยน อนิสฺสิโต อฺเน วา เกนจิ ‘‘อิทํ เสยฺโย’’ติ อเนตพฺโพ ขีณาสโว ภิกฺขุ สมฺมา โส โลเก ปริพฺพเชยฺย.

๓๖๘. ฉฏฺคาถาย อวิรุทฺโธติ เอเตสํ ติณฺณํ ทุจฺจริตานํ ปหีนตฺตา สุจริเตหิ สทฺธึ อวิรุทฺโธ. วิทิตฺวา ธมฺมนฺติ มคฺเคน จตุสจฺจธมฺมํ ตฺวา. นิพฺพานปทาภิปตฺถยาโนติ อนุปาทิเสสํ ขนฺธปรินิพฺพานปทํ ปตฺถยมาโน. เสสํ อุตฺตานตฺถเมว.

๓๖๙. สตฺตมคาถาย อกฺกุฏฺโติ ทสหิ อกฺโกสวตฺถูหิ อภิสตฺโต. น สนฺธิเยถาติ น อุปนยฺเหถ น กุปฺเปยฺย. ลทฺธา ปรโภชนํ น มชฺเชติ ปเรหิ ทินฺนํ สทฺธาเทยฺยํ ลภิตฺวา ‘‘อหํ าโต ยสสฺสี ลาภี’’ติ น มชฺเชยฺย. เสสํ อุตฺตานตฺถเมว.

๓๗๐. อฏฺมคาถาย โลภนฺติ วิสมโลภํ. ภวนฺติ กามภวาทิภวํ. เอวํ ทฺวีหิ ปเทหิ ภวโภคตณฺหา วุตฺตา. ปุริเมน วา สพฺพาปิ ตณฺหา, ปจฺฉิเมน กมฺมภโว. วิรโต เฉทนพนฺธนา จาติ เอวเมเตสํ กมฺมกิเลสานํ ปหีนตฺตา ปรสตฺตเฉทนพนฺธนา จ วิรโตติ. เสสํ วุตฺตนยเมว.

๓๗๑. นวมคาถาย สารุปฺปํ อตฺตโน วิทิตฺวาติ อตฺตโน ภิกฺขุภาวสฺส ปติรูปํ อเนสนาทึ ปหาย สมฺมาเอสนาทิอาชีวสุทฺธึ อฺฺจ สมฺมาปฏิปตฺตึ ตตฺถ ปติฏฺหเนน วิทิตฺวา. น หิ าตมตฺเตเนว กิฺจิ โหติ. ยถาตถิยนฺติ ยถาตถํ ยถาภูตํ. ธมฺมนฺติ ขนฺธายตนาทิเภทํ ยถาภูตาเณน, จตุสจฺจธมฺมํ วา มคฺเคน วิทิตฺวา. เสสํ อุตฺตานตฺถเมว.

๓๗๒. ทสมคาถาย โส นิราโส อนาสิสาโนติ ยสฺส อริยมคฺเคน วินาสิตตฺตา อนุสยา จ น สนฺติ, อกุสลมูลา จ สมูหตา, โส นิราโส นิตฺตณฺโห โหติ. ตโต อาสาย อภาเวน กฺจิ รูปาทิธมฺมํ นาสีสติ. เตนาห ‘‘นิราโส อนาสิสาโน’’ติ. เสสํ วุตฺตนยเมว.

๓๗๓. เอกาทสมคาถาย อาสวขีโณติ ขีณจตุราสโว. ปหีนมาโนติ ปหีนนววิธมาโน. ราคปถนฺติ ราควิสยภูตํ เตภูมกธมฺมชาตํ. อุปาติวตฺโตติ ปริฺาปหาเนหิ อติกฺกนฺโต. ทนฺโตติ สพฺพทฺวารวิเสวนํ หิตฺวา อริเยน ทมเถน ทนฺตภูมึ ปตฺโต. ปรินิพฺพุโตติ กิเลสคฺคิวูปสเมน สีติภูโต. เสสํ วุตฺตนยเมว.

๓๗๔. ทฺวาทสมคาถาย สทฺโธติ พุทฺธาทิคุเณสุ ปรปฺปจฺจยวิรหิตตฺตา สพฺพาการสมฺปนฺเนน อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต, น ปรสฺส สทฺธาย ปฏิปตฺติยํ คมนภาเวน. ยถาห – ‘‘น ขฺวาหํ เอตฺถ ภนฺเต ภควโต สทฺธาย คจฺฉามี’’ติ (อ. นิ. ๕.๓๔). สุตวาติ โวสิตสุตกิจฺจตฺตา ปรมตฺถิกสุตสมนฺนาคโต. นิยามทสฺสีติ สํสารกนฺตารมูฬฺเห โลเก อมตปุรคามิโน สมฺมตฺตนิยามภูตสฺส มคฺคสฺส ทสฺสาวี, ทิฏฺมคฺโคติ วุตฺตํ โหติ. วคฺคคเตสุ น วคฺคสารีติ วคฺคคตา นาม ทฺวาสฏฺิทิฏฺิคติกา อฺมฺํ ปฏิโลมตฺตา, เอวํ วคฺคาหิ ทิฏฺีหิ คเตสุ สตฺเตสุ น วคฺคสารี – ‘‘อิทํ อุจฺฉิชฺชิสฺสติ, อิทํ ตเถว ภวิสฺสตี’’ติ เอวํ ทิฏฺิวเสน อคมนโต. ปฏิฆนฺติ ปฏิฆาตกํ, จิตฺตวิฆาตกนฺติ วุตฺตํ โหติ. โทสวิเสสนเมเวตํ. วิเนยฺยาติ วิเนตฺวา. เสสํ วุตฺตนยเมว.

๓๗๕. เตรสมคาถาย สํสุทฺธชิโนติ สํสุทฺเธน อรหตฺตมคฺเคน วิชิตกิเลโส. วิวฏฺฏจฺฉโทติ วิวฏราคโทสโมหฉทโน. ธมฺเมสุ วสีติ จตุสจฺจธมฺเมสุ วสิปฺปตฺโต. น หิสฺส สกฺกา เต ธมฺมา ยถา าตา เกนจิ อฺถา กาตุํ, เตน ขีณาสโว ‘‘ธมฺเมสุ วสี’’ติ วุจฺจติ. ปารคูติ ปารํ วุจฺจติ นิพฺพานํ, ตํ คโต, สอุปาทิเสสวเสน อธิคโตติ วุตฺตํ โหติ. อเนโชติ อปคตตณฺหาจลโน. สงฺขารนิโรธาณกุสโลติ สงฺขารนิโรโธ วุจฺจติ นิพฺพานํ, ตมฺหิ าณํ อริยมคฺคปฺา, ตตฺถ กุสโล, จตุกฺขตฺตุํ ภาวิตตฺตา เฉโกติ วุตฺตํ โหติ.

๓๗๖. จุทฺทสมคาถาย อตีเตสูติ ปวตฺตึ ปตฺวา อติกฺกนฺเตสุ ปฺจกฺขนฺเธสุ. อนาคเตสูติ ปวตฺตึ อปฺปตฺเตสุ ปฺจกฺขนฺเธสุ เอว. กปฺปาตีโตติ ‘‘อหํ มม’’นฺติ กปฺปนํ สพฺพมฺปิ วา ตณฺหาทิฏฺิกปฺปํ อตีโต. อติจฺจ สุทฺธิปฺโติ อตีว สุทฺธิปฺโ, อติกฺกมิตฺวา วา สุทฺธิปฺโ. กึ อติกฺกมิตฺวา? อทฺธตฺตยํ. อรหา หิ ยฺวายํ อวิชฺชาสงฺขารสงฺขาโต อตีโต อทฺธา, ชาติชรามรณสงฺขาโต อนาคโต อทฺธา, วิฺาณาทิภวปริยนฺโต ปจฺจุปฺปนฺโน จ อทฺธา, ตํ สพฺพมฺปิ อติกฺกมฺม กงฺขํ วิตริตฺวา ปรมสุทฺธิปฺปตฺตปฺโ หุตฺวา ิโต. เตน วุจฺจติ ‘‘อติจฺจ สุทฺธิปฺโ’’ติ. สพฺพายตเนหีติ ทฺวาทสหายตเนหิ. อรหา หิ เอวํ กปฺปาตีโต. กปฺปาตีตตฺตา อติจฺจ สุทฺธิปฺตฺตา จ อายตึ น กิฺจิ อายตนํ อุเปติ. เตนาห – ‘‘สพฺพายตเนหิ วิปฺปมุตฺโต’’ติ.

๓๗๗. ปนฺนรสมคาถาย อฺาย ปทนฺติ เย เต ‘‘สจฺจานํ จตุโร ปทา’’ติ วุตฺตา, เตสุ เอเกกปทํ ปุพฺพภาคสจฺจววตฺถาปนปฺาย ตฺวา. สเมจฺจ ธมฺมนฺติ ตโต ปรํ จตูหิ อริยมคฺเคหิ จตุสจฺจธมฺมํ สเมจฺจ. วิวฏํ ทิสฺวาน ปหานมาสวานนฺติ อถ ปจฺจเวกฺขณาเณน อาสวกฺขยสฺิตํ นิพฺพานํ วิวฏํ ปากฏมนาวฏํ ทิสฺวา. สพฺพุปธีนํ ปริกฺขยาติ สพฺเพสํ ขนฺธกามคุณกิเลสาภิสงฺขารเภทานํ อุปธีนํ ปริกฺขีณตฺตา กตฺถจิ อสชฺชมาโน ภิกฺขุ สมฺมา โส โลเก ปริพฺพเชยฺย วิหเรยฺย, อนลฺลียนฺโต โลกํ คจฺเฉยฺยาติ เทสนํ นิฏฺาเปสิ.

๓๗๘. ตโต โส นิมฺมิโต ธมฺมเทสนํ โถเมนฺโต ‘‘อทฺธา หิ ภควา’’ติ อิมํ คาถมาห. ตตฺถ โย โส เอวํ วิหารีติ โย โส มงฺคลาทีนิ สมูหนิตฺวา สพฺพมงฺคลโทสปฺปหานวิหารี, โยปิ โส ทิพฺพมานุสเกสุ กาเมสุ ราคํ วิเนยฺย ภวาติกฺกมฺม ธมฺมาภิสมยวิหารีติ เอวํ ตาย ตาย คาถาย นิทฺทิฏฺภิกฺขุํ ทสฺเสนฺโต อาห. เสสํ อุตฺตานเมว. อยํ ปน โยชนา – อทฺธา หิ ภควา ตเถว เอตํ ยํ ตฺวํ ‘‘ยสฺส มงฺคลา สมูหตา’’ติอาทีนิ วตฺวา ตสฺสา ตสฺสา คาถาย ปริโยสาเน ‘‘สมฺมา โส โลเก ปริพฺพเชยฺยา’’ติ อวจ. กึ การณํ? โย โส เอวํวิหารี ภิกฺขุ, โส อุตฺตเมน ทมเถน ทนฺโต, สพฺพานิ จ ทสปิ สํโยชนานิ จตุโร จ โยเค วีติวตฺโต โหติ. ตสฺมา สมฺมา โส โลเก ปริพฺพเชยฺย, นตฺถิ เม เอตฺถ วิจิกิจฺฉาติ อิติ เทสนาโถมนคาถมฺปิ วตฺวา อรหตฺตนิกูเฏเนว เทสนํ นิฏฺาเปสิ. สุตฺตปริโยสาเน โกฏิสตสหสฺสเทวตานํ อคฺคผลปฺปตฺติ อโหสิ, โสตาปตฺติสกทาคามิอนาคามิผลปฺปตฺตา ปน คณนโต อสงฺขฺเยยฺยาติ.

ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย

สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย สมฺมาปริพฺพาชนียสุตฺตวณฺณนา

นิฏฺิตา.

๑๔. ธมฺมิกสุตฺตวณฺณนา

เอวํ เม สุตนฺติ ธมฺมิกสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? ติฏฺมาเน กิร ภควติ โลกนาเถ ธมฺมิโก นาม อุปาสโก อโหสิ นาเมน จ ปฏิปตฺติยา จ. โส กิร สรณสมฺปนฺโน สีลสมฺปนฺโน พหุสฺสุโต ปิฏกตฺตยธโร อนาคามี อภิฺาลาภี อากาสจารี อโหสิ. ตสฺส ปริวารา ปฺจสตา อุปาสกา, เตปิ ตาทิสา เอว อเหสุํ. ตสฺเสกทิวสํ อุโปสถิกสฺส รโหคตสฺส ปฏิสลฺลีนสฺส มชฺฌิมยามาวสานสมเย เอวํ ปริวิตกฺโก อุทปาทิ – ‘‘ยํนูนาหํ อคาริยอนคาริยานํ ปฏิปทํ ปุจฺเฉยฺย’’นฺติ. โส ปฺจหิ อุปาสกสเตหิ ปริวุโต ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ตมตฺถํ ปุจฺฉิ, ภควา จสฺส พฺยากาสิ. ตตฺถ ปุพฺเพ วณฺณิตสทิสํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ, อปุพฺพํ วณฺณยิสฺสาม.

๓๗๙. ตตฺถ ปมคาถาย ตาว กถํกโรติ กถํ กโรนฺโต กถํ ปฏิปชฺชนฺโต. สาธุ โหตีติ สุนฺทโร อนวชฺโช อตฺถสาธโน โหติ. อุปาสกาเสติ อุปาสกาอิจฺเจว วุตฺตํ โหติ. เสสมตฺถโต ปากฏเมว. อยํ ปน โยชนา – โย วา อคารา อนคารเมติ ปพฺพชติ, เย วา อคาริโน อุปาสกา, เอเตสุ ทุวิเธสุ สาวเกสุ กถํกโร สาวโก สาธุ โหตีติ.

๓๘๐-๑. อิทานิ เอวํ ปุฏฺสฺส ภควโต พฺยากรณสมตฺถตํ ทีเปนฺโต ‘‘ตุวฺหี’’ติ คาถาทฺวยมาห. ตตฺถ คตินฺติ อชฺฌาสยคตึ. ปรายณนฺติ นิปฺผตฺตึ. อถ วา คตินฺติ นิรยาทิปฺจปฺปเภทํ. ปรายณนฺติ คติโต ปรํ อยนํ คติวิปฺปโมกฺขํ ปรินิพฺพานํ, น จตฺถิ ตุลฺโยติ ตยา สทิโส นตฺถิ. สพฺพํ ตุวํ าณมเวจฺจ ธมฺมํ, ปกาเสสิ สตฺเต อนุกมฺปมาโนติ ตฺวํ ภควา ยทตฺถิ เยฺยํ นาม, ตํ อนวเสสํ อเวจฺจ ปฏิวิชฺฌิตฺวา สตฺเต อนุกมฺปมาโน สพฺพํ าณฺจ ธมฺมฺจ ปกาเสสิ. ยํ ยํ ยสฺส หิตํ โหติ, ตํ ตํ ตสฺส อาวิกาสิเยว เทเสสิเยว, น เต อตฺถิ อาจริยมุฏฺีติ วุตฺตํ โหติ. วิโรจสิ วิมโลติ ธูมรชาทิวิรหิโต วิย จนฺโท, ราคาทิมลาภาเวน วิมโล วิโรจสิ. เสสเมตฺถ อุตฺตานตฺถเมว.

๓๘๒. อิทานิ เยสํ ตทา ภควา ธมฺมํ เทเสสิ, เต เทวปุตฺเต กิตฺเตตฺวา ภควนฺตํ ปสํสนฺโต ‘‘อาคฺฉี เต สนฺติเก’’ติ คาถาทฺวยมาห. ตตฺถ นาคราชา เอราวโณ นามาติ อยํ กิร เอราวโณ นาม เทวปุตฺโต กามรูปี ทิพฺเพ วิมาเน วสติ. โส ยทา สกฺโก อุยฺยานกีฬํ คจฺฉติ, ตทา ทิยฑฺฒสตโยชนํ กายํ อภินิมฺมินิตฺวา เตตฺตึส กุมฺเภ มาเปตฺวา เอราวโณ นาม หตฺถี โหติ. ตสฺส เอเกกสฺมึ กุมฺเภ ทฺเว ทฺเว ทนฺตา โหนฺติ, เอเกกสฺมึ ทนฺเต สตฺต สตฺต โปกฺขรณิโย, เอเกกิสฺสา โปกฺขรณิยา สตฺต สตฺต ปทุมินิโย, เอเกกิสฺสา ปทุมินิยา สตฺต สตฺต ปุปฺผานิ, เอเกกสฺมึ ปุปฺเผ สตฺต สตฺต ปตฺตานิ, เอเกกสฺมึ ปตฺเต สตฺต สตฺต อจฺฉราโย นจฺจนฺติ ปทุมจฺฉราโยตฺเวว วิสฺสุตา สกฺกสฺส นาฏกิตฺถิโย, ยา จ วิมานวตฺถุสฺมิมฺปิ ‘‘ภมนฺติ กฺา ปทุเมสุ สิกฺขิตา’’ติ (วิ. ว. ๑๐๓๔) อาคตา. เตสํ ปน เตตฺติสํกุมฺภานํ มชฺเฌ สุทสฺสนกุมฺโภ นาม ตึสโยชนมตฺโต โหติ, ตตฺถ โยชนปฺปมาโณ มณิปลฺลงฺโก ติโยชนุพฺเพเธ ปุปฺผมณฺฑเป อตฺถรียติ. ตตฺถ สกฺโก เทวานมินฺโท อจฺฉราสงฺฆปริวุโต ทิพฺพสมฺปตฺตึ ปจฺจนุโภติ. สกฺเก ปน เทวานมินฺเท อุยฺยานกีฬาโต ปฏินิวตฺเต ปุน ตํ รูปํ สํหริตฺวาน เทวปุตฺโตว โหติ. ตํ สนฺธายาห – ‘‘อาคฺฉิ เต สนฺติเก นาคราชา เอราวโณ นามา’’ติ. ชิโนติ สุตฺวาติ ‘‘วิชิตปาปธมฺโม เอส ภควา’’ติ เอวํ สุตฺวา. โสปิ ตยา มนฺตยิตฺวาติ ตยา สทฺธึ มนฺตยิตฺวา, ปฺหํ ปุจฺฉิตฺวาติ อธิปฺปาโย. อชฺฌคมาติ อธิอคมา, คโตติ วุตฺตํ โหติ. สาธูติ สุตฺวาน ปตีตรูโปติ ตํ ปฺหํ สุตฺวา ‘‘สาธุ ภนฺเต’’ติ อภินนฺทิตฺวา ตุฏฺรูโป คโตติ อตฺโถ.

๓๘๓. ราชาปิ ตํ เวสฺสวโณ กุเวโรติ เอตฺถ โส ยกฺโข รฺชนฏฺเน ราชา, วิสาณาย ราชธานิยา รชฺชํ กาเรตีติ เวสฺสวโณ, ปุริมนาเมน กุเวโรติ เวทิตพฺโพ. โส กิร กุเวโร นาม พฺราหฺมณมหาสาโล หุตฺวา ทานาทีนิ ปุฺานิ กตฺวา วิสาณาย ราชธานิยา อธิปติ หุตฺวา นิพฺพตฺโต. ตสฺมา ‘‘กุเวโร เวสฺสวโณ’’ติ วุจฺจติ. วุตฺตฺเจตํ อาฏานาฏิยสุตฺเต –

‘‘กุเวรสฺส โข ปน, มาริส, มหาราชสฺส วิสาณา นาม ราชธานี, ตสฺมา กุเวโร มหาราชา ‘เวสฺสวโณ’ติ ปวุจฺจตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๒๙๑) –

เสสเมตฺถ ปากฏเมว.

ตตฺถ สิยา – กสฺมา ปน ทูรตเร ตาวตึสภวเน วสนฺโต เอราวโณ ปมํ อาคโต, เวสฺสวโณ ปจฺฉา, เอกนคเรว วสนฺโต อยํ อุปาสโก สพฺพปจฺฉา, กถฺจ โส เตสํ อาคมนํ อฺาสิ, เยน เอวมาหาติ? วุจฺจเต – เวสฺสวโณ กิร ตทา อเนกสหสฺสปวาฬปลฺลงฺกํ ทฺวาทสโยชนํ นาริวาหนํ อภิรุยฺห ปวาฬกุนฺตํ อุจฺจาเรตฺวา ทสสหสฺสโกฏิยกฺเขหิ ปริวุโต ‘‘ภควนฺตํ ปฺหํ ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ อากาสฏฺกวิมานานิ ปริหริตฺวา มคฺเคน มคฺคํ อาคจฺฉนฺโต เวฬุกณฺฑกนคเร นนฺทมาตาย อุปาสิกาย นิเวสนสฺส อุปริภาคํ สมฺปตฺโต. อุปาสิกาย อยมานุภาโว – ปริสุทฺธสีลา โหติ, นิจฺจํ วิกาลโภชนา ปฏิวิรตา, ปิฏกตฺตยธารินี, อนาคามิผเล ปติฏฺิตา. สา ตมฺหิ สมเย สีหปฺชรํ อุคฺฆาเฏตฺวา อุตุคฺคหณตฺถาย มาลุเตริโตกาเส ตฺวา อฏฺกปารายนวคฺเค ปริมณฺฑเลหิ ปทพฺยฺชเนหิ มธุเรน สเรน ภาสติ. เวสฺสวโณ ตตฺเถว ยานานิ เปตฺวา ยาว อุปาสิกา ‘‘อิทมโวจ ภควา มคเธสุ วิหรนฺโต ปาสาณเก เจติเย ปริจารกโสฬสนฺนํ พฺราหฺมณาน’’นฺติ นิคมนํ อภาสิ, ตาว สพฺพํ สุตฺวา วคฺคปริโยสาเน สุวณฺณมุรชสทิสํ มหนฺตํ คีวํ ปคฺคเหตฺวา ‘‘สาธุ สาธุ ภคินี’’ติ สาธุการมทาสิ. สา ‘‘โก เอตฺถา’’ติ อาห. ‘‘อหํ ภคินิ เวสฺสวโณ’’ติ. อุปาสิกา กิร ปมํ โสตาปนฺนา อโหสิ, ปจฺฉา เวสฺสวโณ. ตํ โส ธมฺมโต สโหทรภาวํ สนฺธาย อุปาสิกํ ภคินิวาเทน สมุทาจรติ. อุปาสิกาย จ ‘‘วิกาโล, ภาติก ภทฺรมุข, ยสฺส ทานิ กาลํ มฺสี’’ติ วุตฺโต ‘‘อหํ ภคินิ ตยิ ปสนฺโน ปสนฺนาการํ กโรมี’’ติ อาห. เตน หิ ภทฺรมุข, มม เขตฺเต นิปฺผนฺนํ สาลึ กมฺมกรา อาหริตุํ น สกฺโกนฺติ, ตํ ตว ปริสาย อาณาเปหีติ. โส ‘‘สาธุ ภคินี’’ติ ยกฺเข อาณาเปสิ. เต อฑฺฒเตรส โกฏฺาคารสตานิ ปูเรสุํ. ตโต ปภุติ โกฏฺาคารํ อูนํ นาม นาโหสิ, ‘‘นนฺทมาตุ โกฏฺาคารํ วิยา’’ติ โลเก นิทสฺสนํ อโหสิ. เวสฺสวโณ โกฏฺาคารานิ ปูเรตฺวา ภควนฺตํ อุปสงฺกมิ. ภควา ‘‘วิกาเล อาคโตสี’’ติ อาห. อถ ภควโต สพฺพํ อาโรเจสิ. อิมินา การเณน อาสนฺนตเรปิ จาตุมหาราชิกภวเน วสนฺโต เวสฺสวโณ ปจฺฉา อาคโต. เอราวณสฺส ปน น กิฺจิ อนฺตรา กรณียํ อโหสิ, เตน โส ปมตรํ อาคโต.

อยํ ปน อุปาสโก กิฺจาปิ อนาคามี ปกติยาว เอกภตฺติโก, ตถาปิ ตทา อุโปสถทิวโสติ กตฺวา อุโปสถงฺคานิ อธิฏฺาย สายนฺหสมยํ สุนิวตฺโถ สุปารุโต ปฺจสตอุปาสกปริวุโต เชตวนํ คนฺตฺวา ธมฺมเทสนํ สุตฺวา อตฺตโน ฆรํ อาคมฺม เตสํ อุปาสกานํ สรณสีลอุโปสถานิสํสาทิเภทํ อุปาสกธมฺมํ กเถตฺวา เต อุปาสเก อุยฺโยเชสิ. เตสฺจ ตสฺเสว ฆเร มุฏฺิหตฺถปฺปมาณปาทกานิ ปฺจ กปฺปิยมฺจสตานิ ปาเฏกฺโกวรเกสุ ปฺตฺตานิ โหนฺติ. เต อตฺตโน อตฺตโน โอวรกํ ปวิสิตฺวา สมาปตฺตึ อปฺเปตฺวา นิสีทึสุ, อุปาสโกปิ ตเถวากาสิ. เตน จ สมเยน สาวตฺถินคเร สตฺตปฺาส กุลสตสหสฺสานิ วสนฺติ, มนุสฺสคณนาย อฏฺารสโกฏิมนุสฺสา. เตน ปมยาเม หตฺถิอสฺสมนุสฺสเภริสทฺทาทีหิ สาวตฺถินครํ มหาสมุทฺโท วิย เอกสทฺทํ โหติ. มชฺฌิมยามสมนนฺตเร โส สทฺโท ปฏิปฺปสฺสมฺภติ. ตมฺหิ กาเล อุปาสโก สมาปตฺติโต วุฏฺาย อตฺตโน คุเณ อาวชฺเชตฺวา ‘‘เยนาหํ มคฺคสุเขน ผลสุเขน สุขิโต วิหรามิ, อิทํ สุขํ กํ นิสฺสาย ลทฺธ’’นฺติ จินฺเตตฺวา ‘‘ภควนฺตํ นิสฺสายา’’ติ ภควติ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา ‘‘ภควา เอตรหิ กตเมน วิหาเรน วิหรตี’’ติ อาวชฺเชนฺโต ทิพฺเพน จกฺขุนา เอราวณเวสฺสวเณ ทิสฺวา ทิพฺพาย โสตธาตุยา ธมฺมเทสนํ สุตฺวา เจโตปริยาเณน เตสํ ปสนฺนจิตฺตตํ ตฺวา ‘‘ยํนูนาหมฺปิ ภควนฺตํ อุภยหิตํ ปฏิปทํ ปุจฺเฉยฺย’’นฺติ จินฺเตสิ. ตสฺมา โส เอกนคเร วสนฺโตปิ สพฺพปจฺฉา อาคโต, เอวฺจ เนสํ อาคมนํ อฺาสิ. เตนาห – ‘‘อาคฺฉิ เต สนฺติเก นาคราชา…เป… โส จาปิ สุตฺวาน ปตีตรูโป’’ติ.

๓๘๔. อิทานิ อิโต พหิทฺธา โลกสมฺมเตหิ สมณพฺราหฺมเณหิ อุกฺกฏฺภาเวน ภควนฺตํ ปสํสนฺโต ‘‘เย เกจิเม’’ติ คาถาทฺวยมาห. ตตฺถ ติตฺถิยาติ นนฺทวจฺฉสํกิจฺเจหิ อาทิปุคฺคเลหิ ตีหิ ติตฺถกเรหิ กเต ทิฏฺิติตฺเถ ชาตา, เตสํ สาสเน ปพฺพชิตา ปูรณาทโย ฉ สตฺถาโร. ตตฺถ นาฏปุตฺโต นิคณฺโ, อวเสสา อาชีวกาติ เต สพฺเพ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘เย เกจิเม ติตฺถิยา วาทสีลา’’ติ, ‘‘มยํ สมฺมา ปฏิปนฺนา, อฺเ มิจฺฉา ปฏิปนฺนา’’ติ เอวํ วาทกรณสีลา โลกํ มุขสตฺตีหิ วิตุทนฺตา วิจรนฺติ. อาชีวกา วาติ เต เอกชฺฌมุทฺทิฏฺเ ภินฺทิตฺวา ทสฺเสติ. นาติตรนฺตีติ นาติกฺกมนฺติ. สพฺเพติ อฺเปิ เย เกจิ ติตฺถิยสาวกาทโย, เตปิ ปริคฺคณฺหนฺโต อาห. ‘‘ิโต วชนฺตํ วิยา’’ติ ยถา โกจิ ิโต คติวิกโล สีฆคามินํ ปุริสํ คจฺฉนฺตํ นาติตเรยฺย, เอวํ เต ปฺาคติยา อภาเวน เต เต อตฺถปฺปเภเท พุชฺฌิตุํ อสกฺโกนฺตา ิตา, อติชวนปฺํ ภควนฺตํ นาติตรนฺตีติ อตฺโถ.

๓๘๕. พฺราหฺมณา วาทสีลา วุทฺธา จาติ เอตฺตาวตา จงฺกีตารุกฺขโปกฺขรสาติชาณุสฺโสณิอาทโย ทสฺเสติ, อปิ พฺราหฺมณา สนฺติ เกจีติ อิมินา มชฺฌิมาปิ ทหราปิ เกวลํ พฺราหฺมณา สนฺติ อตฺถิ อุปลพฺภนฺติ เกจีติ เอวํ อสฺสลายนวาเสฏฺอมฺพฏฺอุตฺตรมาณวกาทโย ทสฺเสติ. อตฺถพทฺธาติ ‘‘อปิ นุ โข อิมํ ปฺหํ พฺยากเรยฺย, อิมํ กงฺขํ ฉินฺเทยฺยา’’ติ เอวํ อตฺถพทฺธา ภวนฺติ. เย จาปิ อฺเติ อฺเปิ เย ‘‘มยํ วาทิโน’’ติ เอวํ มฺมานา วิจรนฺติ ขตฺติยปณฺฑิตพฺราหฺมณพฺรหฺมเทวยกฺขาทโย อปริมาณา. เตปิ สพฺเพ ตยิ อตฺถพทฺธา ภวนฺตีติ ทสฺเสติ.

๓๘๖-๗. เอวํ นานปฺปกาเรหิ ภควนฺตํ ปสํสิตฺวา อิทานิ ธมฺเมเนว ตํ ปสํสิตฺวา ธมฺมกถํ ยาจนฺโต ‘‘อยฺหิ ธมฺโม’’ติ คาถาทฺวยมาห. ตตฺถ อยฺหิ ธมฺโมติ สตฺตตึส โพธิปกฺขิยธมฺเม สนฺธายาห. นิปุโณติ สณฺโห ทุปฺปฏิวิชฺโฌ. สุโขติ ปฏิวิทฺโธ สมาโน โลกุตฺตรสุขมาวหติ, ตสฺมา สุขาวหตฺตา ‘‘สุโข’’ติ วุจฺจติ. สุปฺปวุตฺโตติ สุเทสิโต. สุสฺสูสมานาติ โสตุกามมฺหาติ อตฺโถ. ตํ โน วทาติ ตํ ธมฺมํ อมฺหากํ วท. ‘‘ตฺวํ โน’’ติปิ ปาโ, ตฺวํ อมฺหากํ วทาติ อตฺโถ. สพฺเพปิเม ภิกฺขโวติ ตงฺขณํ นิสินฺนานิ กิร ปฺจ ภิกฺขุสตานิ โหนฺติ, ตานิ ทสฺเสนฺโต ยาจติ. อุปาสกา จาปีติ อตฺตโน ปริวาเร อฺเ จ ทสฺเสติ. เสสเมตฺถ ปากฏเมว.

๓๘๘. อถ ภควา อนคาริยปฏิปทํ ตาว ทสฺเสตุํ ภิกฺขู อามนฺเตตฺวา ‘‘สุณาถ เม ภิกฺขโว’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ธมฺมํ ธุตํ ตฺจ จราถ สพฺเพติ กิเลเส ธุนาตีติ ธุโต, เอวรูปํ กิเลสธุนนกํ ปฏิปทาธมฺมํ สาวยามิ โว, ตฺจ มยา สาวิตํ สพฺเพ จรถ ปฏิปชฺชถ, มา ปมาทิตฺถาติ วุตฺตํ โหติ. อิริยาปถนฺติ คมนาทิจตุพฺพิธํ. ปพฺพชิตานุโลมิกนฺติ สมณสารุปฺปํ สติสมฺปชฺยุตฺตํ. อรฺเ กมฺมฏฺานานุโยควเสน ปวตฺตเมวาติ อปเร. เสเวถ นนฺติ ตํ อิริยาปถํ ภเชยฺย. อตฺถทโสติ หิตานุปสฺสี. มุตีมาติ พุทฺธิมา. เสสเมตฺถ คาถาย ปากฏเมว.

๓๘๙. โน เว วิกาเลติ เอวํ ปพฺพชิตานุโลมิกํ อิริยาปถํ เสวมาโน จ ทิวามชฺฌนฺหิกวีติกฺกมํ อุปาทาย วิกาเล น จเรยฺย ภิกฺขุ, ยุตฺตกาเล เอว ปน คามํ ปิณฺฑาย จเรยฺย. กึ การณํ? อกาลจาริฺหิ สชนฺติ สงฺคา, อกาลจารึ ปุคฺคลํ ราคสงฺคาทโย อเนเก สงฺคา สชนฺติ ปริสฺสชนฺติ อุปคุหนฺติ อลฺลียนฺติ. ตสฺมา วิกาเล น จรนฺติ พุทฺธา, ตสฺมา เย จตุสจฺจพุทฺธา อริยปุคฺคลา, น เต วิกาเล ปิณฺฑาย จรนฺตีติ. เตน กิร สมเยน วิกาลโภชนสิกฺขาปทํ อปฺปฺตฺตํ โหติ, ตสฺมา ธมฺมเทสนาวเสเนเวตฺถ ปุถุชฺชนานํ อาทีนวํ ทสฺเสนฺโต อิมํ คาถมาห. อริยา ปน สห มคฺคปฏิลาภา เอว ตโต ปฏิวิรตา โหนฺติ, เอสา ธมฺมตา.

๓๙๐. เอวํ วิกาลจริยํ ปฏิเสเธตฺวา ‘‘กาเล จรนฺเตนปิ เอวํ จริตพฺพ’’นฺติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘รูปา จ สทฺทา จา’’ติ. ตสฺสตฺโถ – เย เต รูปาทโย นานปฺปการกํ มทํ ชเนนฺตา สตฺเต สมฺมทยนฺติ, เตสุ ปิณฺฑปาตปาริสุทฺธิสุตฺตาทีสุ (ม. นิ. ๓.๔๓๘ อาทโย) วุตฺตนเยน ฉนฺทํ วิโนเทตฺวา ยุตฺตกาเลเนว ปาตราสํ ปวิเสยฺยาติ. เอตฺถ จ ปาโต อสิตพฺโพติ ปาตราโส, ปิณฺฑปาตสฺเสตํ นามํ. โย ยตฺถ ลพฺภติ, โส ปเทโสปิ ตํ โยเคน ‘‘ปาตราโส’’ติ อิธ วุตฺโต. ยโต ปิณฺฑปาตํ ลภติ, ตํ โอกาสํ คจฺเฉยฺยาติ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.

๓๙๑. เอวํ ปวิฏฺโ –

‘‘ปิณฺฑฺจ ภิกฺขุ สมเยน ลทฺธา,

เอโก ปฏิกฺกมฺม รโห นิสีเท;

อชฺฌตฺตจินฺตี น มโน พหิทฺธา,

นิจฺฉารเย สงฺคหิตตฺตภาโว’’.

ตตฺถ ปิณฺฑนฺติ มิสฺสกภิกฺขํ, สา หิ ตโต ตโต สโมธาเนตฺวา สมฺปิณฺฑิตฏฺเน ‘‘ปิณฺโฑ’’ติ วุจฺจติ. สมเยนาติ อนฺโตมชฺฌนฺหิกกาเล. เอโก ปฏิกฺกมฺมาติ กายวิเวกํ สมฺปาเทนฺโต อทุติโย นิวตฺติตฺวา. อชฺฌตฺตจินฺตีติ ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา ขนฺธสนฺตานํ จินฺเตนฺโต. น มโน พหิทฺธา นิจฺฉารเยติ พหิทฺธา รูปาทีสุ ราควเสน จิตฺตํ น นีหเร. สงฺคหิตตฺตภาโวติ สุฏฺุ คหิตจิตฺโต.

๓๙๒. เอวํ วิหรนฺโต จ –

‘‘สเจปิ โส สลฺลเป สาวเกน,

อฺเน วา เกนจิ ภิกฺขุนา วา;

ธมฺมํ ปณีตํ ตมุทาหเรยฺย,

น เปสุณํ โนปิ ปรูปวาทํ’’.

กึ วุตฺตํ โหติ? โส โยคาวจโร กิฺจิเทว โสตุกามตาย อุปคเตน สาวเกน วา เกนจิ อฺติตฺถิยคหฏฺาทินา วา อิเธว ปพฺพชิเตน ภิกฺขุนา วา สทฺธึ สเจปิ สลฺลเป, อถ ยฺวายํ มคฺคผลาทิปฏิสํยุตฺโต ทสกถาวตฺถุเภโท วา อตปฺปกฏฺเน ปณีโต ธมฺโม. ตํ ธมฺมํ ปณีตํ อุทาหเรยฺย, อฺํ ปน ปิสุณวจนํ วา ปรูปวาทํ วา อปฺปมตฺตกมฺปิ น อุทาหเรยฺยาติ.

๓๙๓. อิทานิ ตสฺมึ ปรูปวาเท โทสํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘วาทฺหิ เอเก’’ติ. ตสฺสตฺโถ – อิเธกจฺเจ โมฆปุริสา ปรูปวาทสฺหิตํ นานปฺปการํ วิคฺคาหิกกถาเภทํ วาทํ ปฏิเสนิยนฺติ วิรุชฺฌนฺติ, ยุชฺฌิตุกามา หุตฺวา เสนาย ปฏิมุขํ คจฺฉนฺตา วิย โหนฺติ, เต มยํ ลามกปฺเ น ปสํสาม. กึ การณํ? ตโต ตโต เน ปสชนฺติ สงฺคา, ยสฺมา เต ตาทิสเก ปุคฺคเล ตโต ตโต วจนปถโต สมุฏฺาย วิวาทสงฺคา สชนฺติ อลฺลียนฺติ. กึ การณา สชนฺตีติ? จิตฺตฺหิ เต ตตฺถ คเมนฺติ ทูเร, ยสฺมา เต ปฏิเสนิยนฺตา จิตฺตํ ตตฺถ คเมนฺติ, ยตฺถ คตํ สมถวิปสฺสนานํ ทูเร โหตีติ.

๓๙๔-๕. เอวํ ปริตฺตปฺานํ ปวตฺตึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ มหาปฺานํ ปวตฺตึ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ปิณฺฑํ วิหารํ…เป… สาวโก’’ติ. ตตฺถ วิหาเรน ปติสฺสโย, สยนาสเนน มฺจปีนฺติ ตีหิปิ ปเทหิ เสนาสนเมว วุตฺตํ. อาปนฺติ อุทกํ. สงฺฆาฏิรชูปวาหนนฺติ ปํสุมลาทิโน สงฺฆาฏิรชสฺส โธวนํ. สุตฺวาน ธมฺมํ สุคเตน เทสิตนฺติ สพฺพาสวสํวราทีสุ ‘‘ปฏิสงฺขา โยนิโส จีวรํ ปฏิเสวติ สีตสฺส ปฏิฆาตายา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๓; อ. นิ. ๖.๕๘) นเยน ภควตา เทสิตํ ธมฺมํ สุตฺวา. สงฺขาย เสเว วรปฺสาวโกติ เอตํ อิธ ปิณฺฑนฺติ วุตฺตํ ปิณฺฑปาตํ, วิหาราทีหิ วุตฺตํ เสนาสนํ, อาปมุเขน ทสฺสิตํ คิลานปจฺจยํ, สงฺฆาฏิยา จีวรนฺติ จตุพฺพิธมฺปิ ปจฺจยํ สงฺขาย ‘‘ยาวเทว อิมสฺส กายสฺส ิติยา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๓; อ. นิ. ๖.๕๘) นเยน ปจฺจเวกฺขิตฺวา เสเว วรปฺสาวโก, เสวิตุํ สกฺกุเณยฺย วรปฺสฺส ตถาคตสฺส สาวโก เสกฺโข วา ปุถุชฺชโน วา, นิปฺปริยาเยน จ อรหา. โส หิ จตุราปสฺเสโน ‘‘สงฺขาเยกํ ปฏิเสวติ, สงฺขาเยกํ อธิวาเสติ, สงฺขาเยกํ ปริวชฺเชติ, สงฺขาเยกํ วิโนเทตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๐๘; ม. นิ. ๒.๑๖๘; อ. นิ. ๑๐.๒๐) วุตฺโต. ยสฺสา จ สงฺขาย เสเว วรปฺสาวโก, ตสฺมา หิ ปิณฺเฑ…เป… ยถา โปกฺขเร วาริพินฺทุ, ตถา โหตีติ เวทิตพฺโพ.

๓๙๖. เอวํ ขีณาสวปฏิปตฺตึ ทสฺเสนฺโต อรหตฺตนิกูเฏน อนคาริยปฏิปทํ นิฏฺาเปตฺวา อิทานิ อคาริยปฏิปทํ ทสฺเสตุํ ‘‘คหฏฺวตฺตํ ปน โว’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ปมคาถาย ตาว สาวโกติ อคาริยสาวโก. เสสํ อุตฺตานตฺถเมว. อยํ ปน โยชนา – โย มยา อิโต ปุพฺเพ เกวโล อพฺยามิสฺโส สกโล ปริปุณฺโณ ภิกฺขุธมฺโม กถิโต. เอส เขตฺตวตฺถุอาทิปริคฺคเหหิ สปริคฺคเหน น ลพฺภา ผสฺเสตุํ น สกฺกา อธิคนฺตุนฺติ.

๓๙๗. เอวํ ตสฺส ภิกฺขุธมฺมํ ปฏิเสเธตฺวา คหฏฺธมฺมเมว ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ปาณํ น หเน’’ติ. ตตฺถ ปุริมฑฺเฒน ติโกฏิปริสุทฺธา ปาณาติปาตาเวรมณิ วุตฺตา, ปจฺฉิมฑฺเฒน สตฺเตสุ หิตปฏิปตฺติ. ตติยปาโท เจตฺถ ขคฺควิสาณสุตฺเต (สุ. นิ. ๓๕ อาทโย) จตุตฺถปาเท ถาวรตสเภโท เมตฺตสุตฺตวณฺณนายํ (สุ. นิ. ๑๔๓ อาทโย) สพฺพปฺปการโต วณฺณิโต. เสสํ อุตฺตานตฺถเมว. อุปฺปฏิปาฏิยา ปน โยชนา กาตพฺพา – ตสถาวเรสุ สพฺเพสุ ภูเตสุ นิธาย ทณฺฑํ น หเน น ฆาตเยยฺย นานุชฺาติ. ‘‘นิธาย ทณฺฑ’’นฺติ อิโต วา ปรํ ‘‘วตฺเตยฺยา’’ติ ปาเสโส อาหริตพฺโพ. อิตรถา หิ น ปุพฺเพนาปรํ สนฺธิยติ.

๓๙๘. เอวํ ปมสิกฺขาปทํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ทุติยสิกฺขาปทํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ตโต อทินฺน’’นฺติ. ตตฺถ กิฺจีติ อปฺปํ วา พหุํ วา. กฺวจีติ คาเม วา อรฺเ วา. สาวโกติ อคาริยสาวโก. พุชฺฌมาโนติ ‘‘ปรสนฺตกมิท’’นฺติ ชานมาโน. สพฺพํ อทินฺนํ ปริวชฺชเยยฺยาติ เอวฺหิ ปฏิปชฺชมาโน สพฺพํ อทินฺนํ ปริวชฺเชยฺย, โน อฺถาติ ทีเปติ. เสสเมตฺถ วุตฺตนยฺจ ปากฏฺจาติ.

๓๙๙. เอวํ ทุติยสิกฺขาปทมฺปิ ติโกฏิปริสุทฺธํ ทสฺเสตฺวา อุกฺกฏฺปริจฺเฉทโต ปภุติ ตติยํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อพฺรหฺมจริย’’นฺติ. ตตฺถ อสมฺภุณนฺโตติ อสกฺโกนฺโต.

๔๐๐. อิทานิ จตุตฺถสิกฺขาปทํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘สภคฺคโต วา’’ติ. ตตฺถ สภคฺคโตติ สนฺถาคาราทิคโต. ปริสคฺคโตติ ปูคมชฺชคโต. เสสเมตฺถ วุตฺตนยฺจ ปากฏฺจาติ.

๔๐๑. เอวํ จตุตฺถสิกฺขาปทมฺปิ ติโกฏิปริสุทฺธํ ทสฺเสตฺวา ปฺจมํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘มชฺชฺจ ปาน’’นฺติ. ตตฺถ มชฺชฺจ ปานนฺติ คาถาพนฺธสุขตฺถํ เอวํ วุตฺตํ. อยํ ปนตฺโถ ‘‘มชฺชปานฺจ น สมาจเรยฺยา’’ติ. ธมฺมํ อิมนฺติ อิมํ มชฺชปานเวรมณีธมฺมํ. อุมฺมาทนนฺตนฺติ อุมฺมาทนปริโยสานํ. โย หิ สพฺพลหุโก มชฺชปานสฺส วิปาโก, โส มนุสฺสภูตสฺส อุมฺมตฺตกสํวตฺตนิโก โหติ. อิติ นํ วิทิตฺวาติ อิติ นํ มชฺชปานํ ตฺวา. เสสเมตฺถ วุตฺตนยฺจ ปากฏฺจาติ.

๔๐๒. เอวํ ปฺจมสิกฺขาปทมฺปิ ติโกฏิปริสุทฺธํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ปุริมสิกฺขาปทานมฺปิ มชฺชปานเมว สํกิเลสกรฺจ เภทกรฺจ ทสฺเสตฺวา ทฬฺหตรํ ตโต เวรมณิยํ นิโยเชนฺโต อาห ‘‘มทา หิ ปาปานิ กโรนฺตี’’ติ. ตตฺถ มทาติ มทเหตุ. หิกาโร ปทปูรณมตฺเต นิปาโต. ปาปานิ กโรนฺตีติ ปาณาติปาตาทีนิ สพฺพากุสลานิ กโรนฺติ. อุมฺมาทนํ โมหนนฺติ ปรโลเก อุมฺมาทนํ อิหโลเก โมหนํ. เสสํ อุตฺตานตฺถเมว.

๔๐๓-๔. เอตฺตาวตา อคาริยสาวกสฺส นิจฺจสีลํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อุโปสถงฺคานิ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปาณํ น หเน’’ติ คาถาทฺวยมาห. ตตฺถ อพฺรหฺมจริยาติ อเสฏฺจริยภูตา. เมถุนาติ เมถุนธมฺมสมาปตฺติโต. รตฺตึ น ภุฺเชยฺย วิกาลโภชนนฺติ รตฺติมฺปิ น ภุฺเชยฺย, ทิวาปิ กาลาติกฺกนฺตโภชนํ น ภุฺเชยฺย. น จ คนฺธนฺติ เอตฺถ คนฺธคฺคหเณน วิเลปนจุณฺณาทีนิปิ คหิตาเนวาติ เวทิตพฺพานิ. มฺเจติ กปฺปิยมฺเจ. สนฺถเตติ ตฏฺฏิกาทีหิ กปฺปิยตฺถรเณหิ อตฺถเต. ฉมายํ ปน โคนกาทิสนฺถตายปิ วฏฺฏติ. อฏฺงฺคิกนฺติ ปฺจงฺคิกํ วิย ตูริยํ, น องฺควินิมุตฺตํ. ทุกฺขนฺตคุนาติ วฏฺฏทุกฺขสฺส อนฺตคเตน. เสสเมตฺถ ปากฏเมว. ปจฺฉิมฑฺฒุํ ปน สงฺคีติการเกหิ วุตฺตนฺติปิ อาหุ.

๔๐๕. เอวํ อุโปสถงฺคานิ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อุโปสถกาลํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ตโต จ ปกฺขสฺสา’’ติ. ตตฺถ ตโตติ ปทปูรณมตฺเต นิปาโต. ปกฺขสฺสุปวสฺสุโปสถนฺติ เอวํ ปรปเทน โยเชตพฺพํ ‘‘ปกฺขสฺส จาตุทฺทสึ ปฺจทสึ อฏฺมินฺติ เอเต ตโย ทิวเส อุปวสฺส อุโปสถํ, เอตํ อฏฺงฺคิกอุโปสถํ อุปคมฺม วสิตฺวา’’ติ. ปาฏิหาริยปกฺขฺจาติ เอตฺถ ปน วสฺสูปนายิกาย ปุริมภาเค อาสาฬฺหมาโส, อนฺโตวสฺสํ ตโย มาสา, กตฺติกมาโสติ อิเม ปฺจ มาสา ‘‘ปาฏิหาริยปกฺโข’’ติ วุจฺจนฺติ. อาสาฬฺหกตฺติกผคฺคุณมาสา ตโย เอวาติ อปเร. ปกฺขุโปสถทิวสานํ ปุริมปจฺฉิมทิวสวเสน ปกฺเข ปกฺเข เตรสีปาฏิปทสตฺตมีนวมีสงฺขาตา จตฺตาโร จตฺตาโร ทิวสาติ อปเร. ยํ รุจฺจติ, ตํ คเหตพฺพํ. สพฺพํ วา ปน ปุฺกามีนํ ภาสิตพฺพํ. เอวเมตํ ปาฏิหาริยปกฺขฺจ ปสนฺนมานโส สุสมตฺตรูปํ สุปริปุณฺณรูปํ เอกมฺปิ ทิวสํ อปริจฺจชนฺโต อฏฺงฺคุเปตํ อุโปสถํ อุปวสฺสาติ สมฺพนฺธิตพฺพํ.

๔๐๖. เอวํ อุโปสถกาลํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ เตสุ กาเลสุ เอตํ อุโปสถํ อุปวสฺส ยํ กาตพฺพํ, ตํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ตโต จ ปาโต’’ติ. เอตฺถาปิ ตโตติ ปทปูรณมตฺเต นิปาโต, อนนฺตรตฺเถ วา, อถาติ วุตฺตํ โหติ. ปาโตติ อปรชฺชุทิวสปุพฺพภาเค. อุปวุตฺถุโปสโถติ อุปวสิตอุโปสโถ. อนฺเนนาติ ยาคุภตฺตาทินา. ปาเนนาติ อฏฺวิธปาเนน. อนุโมทมาโนติ อนุปโมทมาโน, นิรนฺตรํ โมทมาโนติ อตฺโถ. ยถารหนฺติ อตฺตโน อนุรูเปน, ยถาสตฺติ ยถาพลนฺติ วุตฺตํ โหติ. สํวิภเชถาติ ภาเชยฺย ปติมาเนยฺย. เสสํ ปากฏเมว.

๔๐๗. เอวํ อุปวุตฺถุโปสถสฺส กิจฺจํ วตฺวา อิทานิ ยาวชีวิกํ ครุวตฺตํ อาชีวปาริสุทฺธิฺจ กเถตฺวา ตาย ปฏิปทาย อธิคนฺตพฺพฏฺานํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ธมฺเมน มาตาปิตโร’’ติ. ตตฺถ ธมฺเมนาติ ธมฺมลทฺเธน โภเคน. ภเรยฺยาติ โปเสยฺย. ธมฺมิกํ โส วณิชฺชนฺติ สตฺตวณิชฺชา, สตฺถวณิชฺชา, วิสวณิชฺชา, มํสวณิชฺชา, สุราวณิชฺชาติ อิมา ปฺจ อธมฺมวณิชฺชา วชฺเชตฺวา อวเสสา ธมฺมิกวณิชฺชา. วณิชฺชามุเขน เจตฺถ กสิโครกฺขาทิ อปโรปิ ธมฺมิโก โวหาโร สงฺคหิโต. เสสมุตฺตานตฺถเมว. อยํ ปน โยชนา – โส นิจฺจสีลอุโปสถสีลทานธมฺมสมนฺนาคโต อริยสาวโก ปโยชเย ธมฺมิกํ วณิชฺชํ, ตโต ลทฺเธน จ ธมฺมโต อนเปตตฺตา ธมฺเมน โภเคน มาตาปิตโร ภเรยฺย. อถ โส คิหี เอวํ อปฺปมตฺโต อาทิโต ปภุติ วุตฺตํ อิมํ วตฺตํ วตฺตยนฺโต กายสฺส เภทา เย เต อตฺตโน อาภาย อนฺธการํ วิธเมตฺวา อาโลกกรเณน สยมฺปภาติ ลทฺธนามา ฉ กามาวจรเทวา, เต สยมฺปเภ นาม เทเว อุเปติ ภชติ อลฺลียติ, เตสํ นิพฺพตฺตฏฺาเน นิพฺพตฺตตีติ.

ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย

สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย ธมฺมิกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

นิฏฺิโต จ ทุติโย วคฺโค อตฺถวณฺณนานยโต, นาเมน

จูฬวคฺโคติ.

๓. มหาวคฺโค

๑. ปพฺพชฺชาสุตฺตวณฺณนา

๔๐๘. ปพฺพชฺชํ กิตฺตยิสฺสามีติ ปพฺพชฺชาสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? ภควติ กิร สาวตฺถิยํ วิหรนฺเต อายสฺมโต อานนฺทสฺส ปริวิตกฺโก อุทปาทิ – ‘‘สาริปุตฺตาทีนํ มหาสาวกานํ ปพฺพชฺชา กิตฺติตา, ตํ ภิกฺขู จ อุปาสกา จ ชานนฺติ. ภควโต ปน อกิตฺติตา, ยํนูนาหํ กิตฺเตยฺย’’นฺติ. โส เชตวนวิหาเร อาสเน นิสีทิตฺวา จิตฺตพีชนึ คเหตฺวา ภิกฺขูนํ ภควโต ปพฺพชฺชํ กิตฺเตนฺโต อิมํ สุตฺตมภาสิ.

ตตฺถ ยสฺมา ปพฺพชฺชํ กิตฺเตนฺเตน ยถา ปพฺพชิ, ตํ กิตฺเตตพฺพํ. ยถา จ ปพฺพชิ, ตํ กิตฺเตนฺเตน ยถา วีมํสมาโน ปพฺพชฺชํ โรเจสิ, ตํ กิตฺเตตพฺพํ. ตสฺมา ‘‘ปพฺพชฺชํ กิตฺตยิสฺสามี’’ติ วตฺวา ‘‘ยถา ปพฺพชี’’ติอาทิมาห. จกฺขุมาติ ปฺจหิ จกฺขูหิ จกฺขุมา จกฺขุสมฺปนฺโนติ อตฺโถ. เสสมาทิคาถาย อุตฺตานเมว.

๔๐๙. อิทานิ ‘‘ยถา วีมํสมาโน’’ติ ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต อาห ‘‘สมฺพาโธย’’นฺติ. ตตฺถ สมฺพาโธติ ปุตฺตทาราทิสมฺปีฬเนน กิเลสสมฺปีฬเนน จ กุสลกิริยาย โอกาสรหิโต. รชสฺสายตนนฺติ กมฺโพชาทโย วิย อสฺสาทีนํ, ราคาทิรชสฺส อุปฺปตฺติเทโส. อพฺโภกาโสติ วุตฺตสมฺพาธปฏิปกฺขภาเวน อากาโส วิย วิวฏา. อิติ ทิสฺวาน ปพฺพชีติ อิติ ฆราวาสปพฺพชฺชาสุ พฺยาธิชรามรเณหิ สุฏฺุตรํ โจทิยมานหทโย อาทีนวมานิสํสฺจ วีมํสิตฺวา, มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิตฺวา, อโนมานทีตีเร ขคฺเคน เกเส ฉินฺทิตฺวา, ตาวเทว จ ทฺวงฺคุลมตฺตสณฺิตสมณสารุปฺปเกสมสฺสุ หุตฺวา ฆฏิกาเรน พฺรหฺมุนา อุปนีเต อฏฺ ปริกฺขาเร คเหตฺวา ‘‘เอวํ นิวาเสตพฺพํ ปารุปิตพฺพ’’นฺติ เกนจิ อนนุสิฏฺโ อเนกชาติสหสฺสปวตฺติเตน อตฺตโน ปพฺพชฺชาจิณฺเณเนว สิกฺขาปิยมาโน ปพฺพชิ. เอกํ กาสาวํ นิวาเสตฺวา เอกํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา เอกํ จีวรํ ขนฺเธ กริตฺวา มตฺติกาปตฺตํ อํเส อาลคฺเคตฺวา ปพฺพชิตเวสํ อธิฏฺาสีติ วุตฺตํ โหติ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.

๔๑๐. เอวํ ภควโต ปพฺพชฺชํ กิตฺเตตฺวา ตโต ปรํ ปพฺพชิตปฏิปตฺตึ อโนมานทีตีรํ หิตฺวา ปธานาย คมนฺจ ปกาเสตุํ ‘‘ปพฺพชิตฺวาน กาเยนา’’ติอาทึ สพฺพมภาสิ. ตตฺถ กาเยน ปาปกมฺมํ วิวชฺชยีติ ติวิธํ กายทุจฺจริตํ วชฺเชสิ. วจีทุจฺจริตนฺติ จตุพฺพิธํ วจีทุจฺจริตํ. อาชีวํ ปริโสธยีติ มิจฺฉาชีวํ หิตฺวา สมฺมาชีวเมว ปวตฺตยิ.

๔๑๑. เอวํ อาชีวฏฺมกสีลํ โสเธตฺวา อโนมานทีตีรโต ตึสโยชนปฺปมาณํ สตฺตาเหน อคมา ราชคหํ พุทฺโธ. ตตฺถ กิฺจาปิ ยทา ราชคหํ อคมาสิ, ตทา พุทฺโธ น โหติ, ตถาปิ พุทฺธสฺส ปุพฺพจริยาติ กตฺวา เอวํ วตฺตุํ ลพฺภติ – ‘‘อิธ ราชา ชาโต, อิธ รชฺชํ อคฺคเหสี’’ติอาทิ โลกิยโวหารวจนํ วิย. มคธานนฺติ มคธานํ ชนปทสฺส นครนฺติ วุตฺตํ โหติ. คิริพฺพชนฺติ อิทมฺปิ ตสฺส นามํ. ตฺหิ ปณฺฑวคิชฺฌกูฏเวภารอิสิคิลิเวปุลฺลนามกานํ ปฺจนฺนํ คิรีนํ มชฺเฌ วโช วิย ิตํ, ตสฺมา ‘‘คิริพฺพช’’นฺติ วุจฺจติ. ปิณฺฑาย อภิหาเรสีติ ภิกฺขตฺถาย ตสฺมึ นคเร จริ. โส กิร นครทฺวาเร ตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘สจาหํ รฺโ พิมฺพิสารสฺส อตฺตโน อาคมนํ นิเวเทยฺยํ, ‘สุทฺโธทนสฺส ปุตฺโต สิทฺธตฺโถ นาม กุมาโร อาคโต’ติ พหุมฺปิ เม ปจฺจยํ อภิหเรยฺย. น โข ปน เม ตํ ปติรูปํ ปพฺพชิตสฺส อาโรเจตฺวา ปจฺจยคหณํ, หนฺทาหํ ปิณฺฑาย จรามี’’ติ เทวทตฺติยํ ปํสุกูลจีวรํ ปารุปิตฺวา มตฺติกาปตฺตํ คเหตฺวา ปาจีนทฺวาเรน นครํ ปวิสิตฺวา อนุฆรํ ปิณฺฑาย อจริ. เตนาห อายสฺมา อานนฺโท – ‘‘ปิณฺฑาย อภิหาเรสี’’ติ. อากิณฺณวรลกฺขโณติ สรีเร อากิริตฺวา วิย ปิตวรลกฺขโณ วิปุลวรลกฺขโณ วา. วิปุลมฺปิ หิ ‘‘อากิณฺณ’’นฺติ วุจฺจติ. ยถาห – ‘‘อากิณฺณลุทฺโท ปุริโส, ธาติเจลํว มกฺขิโต’’ติ (ชา. ๑.๖.๑๑๘; ๑.๙.๑๐๖). วิปุลลุทฺโทติ อตฺโถ.

๔๑๒. ตมทฺทสาติ ตโต กิร ปุริมานิ สตฺต ทิวสานิ นคเร นกฺขตฺตํ โฆสิตํ อโหสิ. ตํ ทิวสํ ปน ‘‘นกฺขตฺตํ วีติวตฺตํ, กมฺมนฺตา ปโยเชตพฺพา’’ติ เภริ จริ. อถ มหาชโน ราชงฺคเณ สนฺนิปติ. ราชาปิ ‘‘กมฺมนฺตํ สํวิทหิสฺสามี’’ติ สีหปฺชรํ วิวริตฺวา พลกายํ ปสฺสนฺโต ตํ ปิณฺฑาย อภิหาเรนฺตํ มหาสตฺตํ อทฺทส. เตนาห อายสฺมา อานนฺโท – ‘‘ตมทฺทสา พิมฺพิสาโร, ปาสาทสฺมึ ปติฏฺิโต’’ติ. อิมมตฺถํ อภาสถาติ อิมํ อตฺถํ อมจฺจานํ อภาสิ.

๔๑๓. อิทานิ ตํ เตสํ อมจฺจานํ ภาสิตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต อาห – ‘‘อิมํ โภนฺโต’’ติ. ตตฺถ อิมนฺติ โส ราชา โพธิสตฺตํ ทสฺเสติ, โภนฺโตติ อมจฺเจ อาลปติ. นิสาเมถาติ ปสฺสถ. อภิรูโปติ ทสฺสนียงฺคปจฺจงฺโค. พฺรหฺมาติ อาโรหปริณาหสมฺปนฺโน. สุจีติ ปริสุทฺธฉวิวณฺโณ. จรเณนาติ คมเนน.

๔๑๔-๕. นีจกุลามิวาติ นีจกุลา อิว ปพฺพชิโต น โหตีติ อตฺโถ. มกาโร ปทสนฺธิกโร. กุหึ ภิกฺขุ คมิสฺสตีติ อยํ ภิกฺขุ กุหึ คมิสฺสติ, อชฺช กตฺถ วสิสฺสตีติ ชานิตุํ ราชทูตา สีฆํ คจฺฉนฺตุ. ทสฺสนกามา หิ มยํ อสฺสาติ อิมินา อธิปฺปาเยน อาห. คุตฺตทฺวาโร โอกฺขิตฺตจกฺขุตาย, สุสํวุโต สติยา. คุตฺตทฺวาโร วา สติยา, สุสํวุโต ปาสาทิเกน สงฺฆาฏิจีวรธารเณน.

๔๑๖. ขิปฺปํ ปตฺตํ อปูเรสีติ สมฺปชานตฺตา ปติสฺสตตฺตา จ อธิกํ อคณฺหนฺโต ‘‘อลํ เอตฺตาวตา’’ติ อชฺฌาสยปูรเณน ขิปฺปํ ปตฺตํ อปูเรสิ. มุนีติ โมนตฺถาย ปฏิปนฺนตฺตา อปฺปตฺตมุนิภาโวปิ มุนิอิจฺเจว วุตฺโต, โลกโวหาเรน วา. โลกิยา หิ อโมนสมฺปตฺตมฺปิ ปพฺพชิตํ ‘‘มุนี’’ติ ภณนฺติ. ปณฺฑวํ อภิหาเรสีติ ตํ ปพฺพตํ อภิรุหิ. โส กิร มนุสฺเส ปุจฺฉิ ‘‘อิมสฺมึ นคเร ปพฺพชิตา กตฺถ วสนฺตี’’ติ. อถสฺส เต ‘‘ปณฺฑวสฺส อุปริ ปุรตฺถาภิมุขปพฺภาเร’’ติ อาโรเจสุํ. ตสฺมา ตเมว ปณฺฑวํ อภิหาเรสิ ‘‘เอตฺถ วาโส ภวิสฺสตี’’ติ เอวํ จินฺเตตฺวา.

๔๑๙-๒๓. พฺยคฺฆุสโภว สีโหว คิริคพฺภเรติ คิริคุหายํ พฺยคฺโฆ วิย อุสโภ วิย สีโห วิย จ นิสินฺโนติ อตฺโถ. เอเต หิ ตโย เสฏฺา วิคตภยเภรวา คิริคพฺภเร นิสีทนฺติ, ตสฺมา เอวํ อุปมํ อกาสิ. ภทฺทยาเนนาติ หตฺถิอสฺสรถสิวิกาทินา อุตฺตมยาเนน. สยานภูมึ ยายิตฺวาติ ยาวติกา ภูมิ หตฺถิอสฺสาทินา ยาเนน สกฺกา คนฺตุํ, ตํ คนฺตฺวา. อาสชฺชาติ ปตฺวา, สมีปมสฺส คนฺตฺวาติ อตฺโถ. อุปาวิสีติ นิสีทิ. ยุวาติ โยพฺพนสมฺปนฺโน. ทหโรติ ชาติยา ตรุโณ. ปมุปฺปตฺติโก สุสูติ ตทุภยวิเสสนเมว. ยุวา สุสูติ อติโยพฺพโน. ปมุปฺปตฺติโกติ ปเมเนว โยพฺพนเวเสน อุฏฺิโต. ทหโร จาสีติ สติ จ ทหรตฺเต สุสุ พาลโก วิย ขายสีติ.

๔๒๔-๕. อนีกคฺคนฺติ พลกายํ เสนามุขํ. ททามิ โภเค ภุฺชสฺสูติ เอตฺถ ‘‘อหํ เต องฺคมคเธสุ ยาวิจฺฉสิ, ตาว ททามิ โภเค. ตํ ตฺวํ โสภยนฺโต อนีกคฺคํ นาคสงฺฆปุรกฺขโต ภุฺชสฺสู’’ติ เอวํ สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ. อุชุํ ชนปโท ราชาติ ‘‘ททามิ โภเค ภุฺชสฺสุ, ชาตึ อกฺขาหิ ปุจฺฉิโต’’ติ เอวํ กิร วุตฺโต มหาปุริโส จินฺเตสิ – ‘‘สเจ อหํ รชฺเชน อตฺถิโก อสฺสํ, จาตุมหาราชิกาทโยปิ มํ อตฺตโน อตฺตโน รชฺเชน นิมนฺเตยฺยุํ, เคเห ิโต เอว วา จกฺกวตฺติรชฺชํ กาเรยฺยํ. อยํ ปน ราชา อชานนฺโต เอวมาห – ‘หนฺทาหํ, ตํ ชานาเปมี’’’ติ พาหํ อุจฺจาเรตฺวา อตฺตโน อาคตทิสาภาคํ นิทฺทิสนฺโต ‘‘อุชุํ ชนปโท ราชา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ หิมวนฺตสฺส ปสฺสโตติ ภณนฺโต สสฺสสมฺปตฺติเวกลฺลาภาวํ ทสฺเสติ. หิมวนฺตฺหิ นิสฺสาย ปาสาณวิวรสมฺภวา มหาสาลาปิ ปฺจหิ วุทฺธีหิ วฑฺฒนฺติ, กิมงฺคํ ปน เขตฺเต วุตฺตานิ สสฺสานิ. ธนวีริเยน สมฺปนฺโนติ ภณนฺโต สตฺตหิ รตเนหิ อเวกลฺลตฺตํ, ปรราชูหิ อตกฺกนียํ วีรปุริสาธิฏฺิตภาวฺจสฺส ทสฺเสติ. โกสเลสุ นิเกติโนติ ภณนฺโต นวกราชภาวํ ปฏิกฺขิปติ. นวกราชา หิ นิเกตีติ น วุจฺจติ. ยสฺส ปน อาทิกาลโต ปภุติ อนฺวยวเสน โส เอว ชนปโท นิวาโส, โส นิเกตีติ วุจฺจติ. ตถารูโป จ ราชา สุทฺโธทโน, ยํ สนฺธายาห ‘‘โกสเลสุ นิเกติโน’’ติ. เตน อนฺวยาคตมฺปิ โภคสมฺปตฺตึ ทีเปติ.

๔๒๖. เอตฺตาวตา อตฺตโน โภคสมฺปตฺตึ ทีเปตฺวา ‘‘อาทิจฺจา นาม โคตฺเตน, สากิยา นาม ชาติยา’’ติ อิมินา ชาติสมฺปตฺติฺจ อาจิกฺขิตฺวา ยํ วุตฺตํ รฺา ‘‘ททามิ โภเค ภุฺชสฺสู’’ติ, ตํ ปฏิกฺขิปนฺโต อาห – ‘‘ตมฺหา กุลา ปพฺพชิโตมฺหิ, น กาเม อภิปตฺถย’’นฺติ. ยทิ หิ อหํ กาเม อภิปตฺถเยยฺยํ, น อีทิสํ ธนวีริยสมฺปนฺนํ ทฺวาสีติสหสฺสวีรปุริสสมากุลํ กุลํ ฉฑฺเฑตฺวา ปพฺพเชยฺยนฺติ อยํ กิเรตฺถ อธิปฺปาโย.

๔๒๗. เอวํ รฺโ วจนํ ปฏิกฺขิปิตฺวา ตโต ปรํ อตฺตโน ปพฺพชฺชาเหตุํ ทสฺเสนฺโต อาห – ‘‘กาเมสฺวาทีนวํ ทิสฺวา, เนกฺขมฺมํ ทฏฺุ เขมโต’’ติ. เอตํ ‘‘ปพฺพชิโตมฺหี’’ติ อิมินา สมฺพนฺธิตพฺพํ. ตตฺถ ทฏฺูติ ทิสฺวา. เสสเมตฺถ อิโต ปุริมคาถาสุ จ ยํ ยํ น วิจาริตํ, ตํ ตํ สพฺพํ อุตฺตานตฺถตฺตา เอว น วิจาริตนฺติ เวทิตพฺพํ. เอวํ อตฺตโน ปพฺพชฺชาเหตุํ วตฺวา ปธานตฺถาย คนฺตุกาโม ราชานํ อามนฺเตนฺโต อาห – ‘‘ปธานาย คมิสฺสามิ, เอตฺถ เม รฺชตี มโน’’ติ. ตสฺสตฺโถ – ยสฺมาหํ, มหาราช, เนกฺขมฺมํ ทฏฺุ เขมโต ปพฺพชิโต, ตสฺมา ตํ ปรมตฺถเนกฺขมฺมํ นิพฺพานามตํ สพฺพธมฺมานํ อคฺคฏฺเน ปธานํ ปตฺเถนฺโต ปธานตฺถาย คมิสฺสามิ, เอตฺถ เม ปธาเน รฺชติ มโน, น กาเมสูติ. เอวํ วุตฺเต กิร ราชา โพธิสตฺตํ อาห – ‘‘ปุพฺเพว เมตํ, ภนฺเต, สุตํ ‘สุทฺโธทนรฺโ กิร ปุตฺโต สิทฺธตฺถกุมาโร จตฺตาริ ปุพฺพนิมิตฺตานิ ทิสฺวา ปพฺพชิตฺวา พุทฺโธ ภวิสฺสตี’ติ, โสหํ, ภนฺเต, ตุมฺหากํ อธิมุตฺตึ ทิสฺวา เอวํปสนฺโน ‘อทฺธา พุทฺธตฺตํ ปาปุณิสฺสถา’ติ. สาธุ, ภนฺเต, พุทฺธตฺตํ ปตฺวา ปมํ มม วิชิตํ โอกฺกเมยฺยาถา’’ติ.

ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย

สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย ปพฺพชฺชาสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. ปธานสุตฺตวณฺณนา

๔๒๘. ตํ มํ ปธานปหิตตฺตนฺติ ปธานสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? ‘‘ปธานาย คมิสฺสามิ, เอตฺถ เม รฺชตี มโน’’ติ อายสฺมา อานนฺโท ปพฺพชฺชาสุตฺตํ นิฏฺาเปสิ. ภควา คนฺธกุฏิยํ นิสินฺโน จินฺเตสิ – ‘‘มยา ฉพฺพสฺสานิ ปธานํ ปตฺถยมาเนน ทุกฺกรการิกา กตา, ตํ อชฺช ภิกฺขูนํ กเถสฺสามี’’ติ. อถ คนฺธกุฏิโต นิกฺขมิตฺวา พุทฺธาสเน นิสินฺโน ‘‘ตํ มํ ปธานปหิตตฺต’’นฺติ อารภิตฺวา อิมํ สุตฺตมภาสิ.

ตตฺถ ตํ มนฺติ ทฺวีหิปิ วจเนหิ อตฺตานเมว นิทฺทิสติ. ปธานปหิตตฺตนฺติ นิพฺพานตฺถาย เปสิตจิตฺตํ ปริจฺจตฺตอตฺตภาวํ วา. นทึ เนรฺชรํ ปตีติ ลกฺขณํ นิทฺทิสติ. ลกฺขณฺหิ ปธานปหิตตฺตาย เนรฺชรา นที. เตเนว เจตฺถ อุปโยควจนํ. อยํ ปนตฺโถ ‘‘นทิยา เนรฺชรายา’’ติ, เนรฺชราย ตีเรติ วุตฺตํ โหติ. วิปรกฺกมฺมาติ อตีว ปรกฺกมิตฺวา. ฌายนฺตนฺติ อปฺปาณกชฺฌานมนุยุฺชนฺตํ. โยคกฺเขมสฺส ปตฺติยาติ จตูหิ โยเคหิ เขมสฺส นิพฺพานสฺส อธิคมตฺถํ.

๔๒๙. นมุจีติ มาโร. โส หิ อตฺตโน วิสยา นิกฺขมิตุกาเม เทวมนุสฺเส น มุฺจติ, อนฺตรายํ เนสํ กโรติ, ตสฺมา ‘‘นมุจี’’ติ วุจฺจติ. กรุณํ วาจนฺติ อนุทฺทยายุตฺตํ วาจํ. ภาสมาโน อุปาคมีติ อิทํ อุตฺตานเมว. กสฺมา ปน อุปาคโต? มหาปุริโส กิร เอกทิวสํ จินฺเตสิ – ‘‘สพฺพทา อาหารํ ปริเยสมาโน ชีวิเต สาเปกฺโข โหติ, น จ สกฺกา ชีวิเต สาเปกฺเขน อมตํ อธิคนฺตุ’’นฺติ. ตโต อาหารุปจฺเฉทาย ปฏิปชฺชิ, เตน กิโส ทุพฺพณฺโณ จ อโหสิ. อถ มาโร ‘‘อยํ สมฺโพธาย มคฺโค โหติ, น โหตีติ อชานนฺโต อติโฆรํ ตปํ กโรติ, กทาจิ มม วิสยํ อติกฺกเมยฺยา’’ติ ภีโต ‘‘อิทฺจิทฺจ วตฺวา วาเรสฺสามี’’ติ อาคโต. เตเนวาห – ‘‘กิโส ตฺวมสิ ทุพฺพณฺโณ, สนฺติเก มรณํ ตวา’’ติ.

๔๓๐. เอวฺจ ปน วตฺวา อถสฺส มรณสนฺติกภาวํ สาเวนฺโต อาห – ‘‘สหสฺสภาโค มรณสฺส, เอกํโส ตว ชีวิต’’นฺติ. ตสฺสตฺโถ – สหสฺสํ ภาคานํ อสฺสาติ สหสฺสภาโค. โก โส? มรณสฺส ปจฺจโยติ ปาเสโส. เอโก อํโสติ เอกํโส. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อยํ อปฺปาณกชฺฌานาทิสหสฺสภาโค ตว มรณสฺส ปจฺจโย, ตโต ปน เต เอโก เอว ภาโค ชีวิตํ, เอวํ สนฺติเก มรณํ ตวาติ. เอวํ มรณสฺส สนฺติกภาวํ สาเวตฺวา อถ นํ ชีวิเต สมุสฺสาเหนฺโต อาห ‘‘ชีว โภ ชีวิตํ เสยฺโย’’ติ. กถํ เสยฺโยติ เจ. ชีวํ ปุฺานิ กาหสีติ.

๔๓๑. อถ อตฺตนา สมฺมตานิ ปุฺานิ ทสฺเสนฺโต อาห – ‘‘จรโต จ เต พฺรหฺมจริย’’นฺติ. ตตฺถ พฺรหฺมจริยนฺติ กาเลน กาลํ เมถุนวิรตึ สนฺธายาห, ยํ ตาปสา กโรนฺติ. ชูหโตติ ชุหนฺตสฺส. เสสเมตฺถ ปากฏเมว.

๔๓๒. ทุคฺโค มคฺโคติ อิมํ ปน อฑฺฒคาถํ ปธานวิจฺฉนฺทํ ชเนนฺโต อาห. ตตฺถ อปฺปาณกชฺฌานาทิคหนตฺตา ทุกฺเขน คนฺตพฺโพติ ทุคฺโค, ทุกฺขิตกายจิตฺเตน กตฺตพฺพตฺตา ทุกฺกโร, สนฺติกมรเณน ตาทิเสนาปิ ปาปุณิตุํ อสกฺกุเณยฺยโต ทุรภิสมฺภโวติ เอวมตฺโถ เวทิตพฺโพ. อิโต ปรํ อิมา คาถา ภณํ มาโร, อฏฺา พุทฺธสฺส สนฺติเกติ อยมุปฑฺฒคาถา สงฺคีติกาเรหิ วุตฺตา. สกลคาถาปีติ เอเก. ภควตา เอว ปน ปรํ วิย อตฺตานํ นิทฺทิสนฺเตน สพฺพเมตฺถ เอวํชาติกํ วุตฺตนฺติ อยมมฺหากํ ขนฺติ. ตตฺถ อฏฺาติ อฏฺาสิ. เสสํ อุตฺตานเมว.

๔๓๓. ฉฏฺคาถาย เยนตฺเถนาติ เอตฺถ ปเรสํ อนฺตรายกรเณน อตฺตโน อตฺเถน ตฺวํ, ปาปิม, อาคโตสีติ อยมธิปฺปาโย. เสสํ อุตฺตานเมว.

๔๓๔. ‘‘ชีวํ ปุฺานิ กาหสี’’ติ อิทํ ปน วจนํ ปฏิกฺขิปนฺโต ‘‘อณุมตฺโตปี’’ติ อิมํ คาถมาห. ตตฺถ ปุฺเนาติ วฏฺฏคามึ มาเรน วุตฺตํ ปุฺํ สนฺธาย ภณติ. เสสํ อุตฺตานเมว.

๔๓๕. อิทานิ ‘‘เอกํโส ตว ชีวิต’’นฺติ อิทํ วจนํ อารพฺภ มารํ สนฺตชฺเชนฺโต ‘‘อตฺถิ สทฺธา’’ติ อิมํ คาถมาห. ตตฺรายมธิปฺปาโย – อเร, มาร, โย อนุตฺตเร สนฺติวรปเท อสฺสทฺโธ ภเวยฺย, สทฺโธปิ วา กุสีโต, สทฺโธ อารทฺธวีริโย สมาโนปิ วา ทุปฺปฺโ, ตํ ตฺวํ ชีวิตมนุปุจฺฉมาโน โสเภยฺยาสิ, มยฺหํ ปน อนุตฺตเร สนฺติวรปเท โอกปฺปนสทฺธา อตฺถิ, ตถา กายิกเจตสิกมสิถิลปรกฺกมตาสงฺขาตํ วีริยํ, วชิรูปมา ปฺา จ มม วิชฺชติ, โส ตฺวํ เอวํ มํ ปหิตตฺตํ อุตฺตมชฺฌาสยํ กึ ชีวมนุปุจฺฉสิ, กสฺมา ชีวิตํ ปุจฺฉสิ. ปฺา จ มมาติ เอตฺถ จ สทฺเทน สติ สมาธิ จ. เอวํ สนฺเต เยหิ ปฺจหิ อินฺทฺริเยหิ สมนฺนาคตา นิพฺพานํ ปาปุณนฺติ, เตสุ เอเกนาปิ อวิรหิตํ เอวํ มํ ปหิตตฺตํ กึ ชีวมนุปุจฺฉสิ? นนุ – เอกาหํ ชีวิตํ เสยฺโย, วีริยมารภโต ทฬฺหํ (ธ. ป. ๑๑๒). ปฺวนฺตสฺส ฌายิโน, ปสฺสโต อุทยพฺพยนฺติ (ธ. ป. ๑๑๑, ๑๑๓).

๔๓๖-๘. เอวํ มารํ สนฺตชฺเชตฺวา อตฺตโน เทหจิตฺตปฺปวตฺตึ ทสฺเสนฺโต ‘‘นทีนมปี’’ปิ คาถาตฺตยมาห. ตมตฺถโต ปากฏเมว. อยํ ปน อธิปฺปายวณฺณนา – ยฺวายํ มม สรีเร อปฺปาณกชฺฌานวีริยเวคสมุฏฺิโต วาโต วตฺตติ, โลเก คงฺคายมุนาทีนํ นทีนมฺปิ โสตานิ อยํ วิโสสเย, กิฺจ เม เอวํ ปหิตตฺตสฺส จตุนาฬิมตฺตํ โลหิตํ น อุปโสเสยฺย. น เกวลฺจ เม โลหิตเมว สุสฺสติ, อปิจ โข ปน ตมฺหิ โลหิเต สุสฺสมานมฺหิ พทฺธาพทฺธเภทํ สรีรานุคตํ ปิตฺตํ, อสิตปีตาทิปฏิจฺฉาทกํ จตุนาฬิมตฺตเมว เสมฺหฺจ, กิฺจาปรํ ตตฺตกเมว มุตฺตฺจ โอชฺจ สุสฺสติ, เตสุ จ สุสฺสมาเนสุ มํสานิปิ ขียนฺติ, ตสฺส เม เอวํ อนุปุพฺเพน มํเสสุ ขียมาเนสุ ภิยฺโย จิตฺตํ ปสีทติ, น ตฺเวว ตปฺปจฺจยา สํสีทติ. โส ตฺวํ อีทิสํ จิตฺตมชานนฺโต สรีรมตฺตเมว ทิสฺวา ภณสิ ‘‘กิโส ตฺวมสิ ทุพฺพณฺโณ, สนฺติเก มรณํ ตวา’’ติ. น เกวลฺจ เม จิตฺตเมว ปสีทติ, อปิจ โข ปน ภิยฺโย สติ จ ปฺา จ สมาธิ มม ติฏฺติ, อณุมตฺโตปิ ปมาโท วา สมฺโมโห วา จิตฺตวิกฺเขโป วา นตฺถิ, ตสฺส มยฺหํ เอวํ วิหรโต เย เกจิ สมณพฺราหฺมณา อตีตํ วา อทฺธานํ อนาคตํ วา เอตรหิ วา โอปกฺกมิกา เวทนา เวทยนฺติ, ตาสํ นิทสฺสนภูตํ ปตฺตสฺส อุตฺตมเวทนํ. ยถา อฺเสํ ทุกฺเขน ผุฏฺานํ สุขํ, สีเตน อุณฺหํ, อุณฺเหน สีตํ, ขุทาย โภชนํ, ปิปาสาย ผุฏฺานํ อุทกํ อเปกฺขเต จิตฺตํ, เอวํ ปฺจสุ กามคุเณสุ เอกกามมฺปิ นาเปกฺขเก จิตฺตํ. ‘‘อโห วตาหํ สุโภชนํ ภุฺชิตฺวา สุขเสยฺยํ สเยยฺย’’นฺติ อีทิเสนากาเรน มม จิตฺตํ น อุปฺปนฺนํ, ปสฺส, ตฺวํ มาร, สตฺตสฺส สุทฺธตนฺติ.

๔๓๙-๔๑. เอวํ อตฺตโน สุทฺธตํ ทสฺเสตฺวา ‘‘นิวาเรสฺสามิ ต’’นฺติ อาคตสฺส มารสฺส มโนรถภฺชนตฺถํ มารเสนํ กิตฺเตตฺวา ตาย อปราชิตภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘กามา เต ปมา เสนา’’ติอาทิกา ฉ คาถาโย อาห.

ตตฺถ ยสฺมา อาทิโตว อคาริยภูเต สตฺเต วตฺถุกาเมสุ กิเลสกามา โมหยนฺติ, เต อภิภุยฺย อนคาริยภาวํ อุปคตานํ ปนฺเตสุ วา เสนาสเนสุ อฺตรฺตเรสุ วา อธิกุสเลสุ ธมฺเมสุ อรติ อุปฺปชฺชติ. วุตฺตฺเจตํ ‘‘ปพฺพชิเตน โข, อาวุโส, อภิรติ ทุกฺกรา’’ติ (สํ. นิ. ๔.๓๓๑). ตโต เต ปรปฏิพทฺธชีวิกตฺตา ขุปฺปิปาสา พาเธติ, ตาย พาธิตานํ ปริเยสนตณฺหา จิตฺตํ กิลมยติ, อถ เนสํ กิลนฺตจิตฺตานํ ถินมิทฺธํ โอกฺกมติ. ตโต วิเสสมนธิคจฺฉนฺตานํ ทุรภิสมฺภเวสุ อรฺวนปตฺเถสุ เสนาสเนสุ วิหรตํ อุตฺราสสฺิตา ภีรุ ชายติ, เตสํ อุสฺสงฺกิตปริสงฺกิตานํ ทีฆรตฺตํ วิเวกรสมนสฺสาทยมานานํ วิหรตํ ‘‘น สิยา นุ โข เอส มคฺโค’’ติ ปฏิปตฺติยํ วิจิกิจฺฉา อุปฺปชฺชติ, ตํ วิโนเทตฺวา วิหรตํ อปฺปมตฺตเกน วิเสสาธิคเมน มานมกฺขถมฺภา ชายนฺติ, เตปิ วิโนเทตฺวา วิหรตํ ตโต อธิกตรํ วิเสสาธิคมํ นิสฺสาย ลาภสกฺการสิโลกา อุปฺปชฺชนฺติ, ลาภาทิมุจฺฉิตา ธมฺมปติรูปกานิ ปกาเสนฺตา มิจฺฉายสํ อธิคนฺตฺวา ตตฺถ ิตา ชาติอาทีหิ อตฺตานํ อุกฺกํเสนฺติ, ปรํ วมฺเภนฺติ, ตสฺมา กามาทีนํ ปมเสนาทิภาโว เวทิตพฺโพ.

๔๔๒-๓. เอวเมตํ ทสวิธํ เสนํ อุทฺทิสิตฺวา ยสฺมา สา กณฺหธมฺมสมนฺนาคตตฺตา กณฺหสฺส นมุจิโน อุปการาย สํวตฺตติ, ตสฺมา นํ ตว เสนาติ นิทฺทิสนฺโต อาห – ‘‘เอสา นมุจิ เต เสนา, กณฺหสฺสาภิปฺปหารินี’’ติ. ตตฺถ อภิปฺปหารินีติ สมณพฺราหฺมณานํ ฆาตนี นิปฺโปถนี, อนฺตรายกรีติ อตฺโถ. น นํ อสูโร ชินาติ, เชตฺวา จ ลภเต สุขนฺติ เอวํ ตว เสนํ อสูโร กาเย จ ชีวิเต จ สาเปกฺโข ปุริโส น ชินาติ, สูโร ปน ชินาติ, เชตฺวา จ มคฺคสุขํ ผลสุขฺจ อธิคจฺฉติ. ยสฺมา จ ลภเต สุขํ, ตสฺมา สุขํ ปตฺถยมาโน อหมฺปิ เอส มุฺชํ ปริหเรติ. สงฺคามาวจรา อนิวตฺติโน ปุริสา อตฺตโน อนิวตฺตนกภาววิฺาปนตฺถํ สีเส วา ธเช วา อาวุเธ วา มุฺชติณํ พนฺธนฺติ, ตํ อยมฺปิ ปริหรติจฺเจว มํ ธาเรหิ. ตว เสนาย ปราชิตสฺส ธิรตฺถุ มม ชีวิตํ, ตสฺมา เอวํ ธาเรหิ – สงฺคาเม เม มตํ เสยฺโย, ยฺเจ ชีเว ปราชิโต, เยน ชีวิเตน ปราชิโต ชีเว, ตสฺมา ชีวิตา ตยา สมฺมาปฏิปนฺนานํ อนฺตรายกเรน สทฺธึ สงฺคาเม มตํ มม เสยฺโยติ อตฺโถ.

๔๔๔. กสฺมา มตํ เสยฺโยติ เจ? ยสฺมา ปคาฬฺเหตฺถ…เป… สุพฺพตา, เอตฺถ กามาทิกาย อตฺตุกฺกํสนปรวมฺภนปริโยสานาย ตว เสนาย ปคาฬฺหา นิมุคฺคา อนุปวิฏฺา เอเก สมณพฺราหฺมณา น ทิสฺสนฺติ, สีลาทีหิ คุเณหิ นปฺปกาสนฺติ, อนฺธการํ ปวิฏฺา วิย โหนฺติ. เอเต เอวํ ปคาฬฺหา สมานา สเจปิ กทาจิ อุมฺมุชฺชิตฺวา นิมุชฺชนปุริโส วิย ‘‘สาหุ สทฺธา’’ติอาทินา นเยน อุมฺมุชฺชนฺติ, ตถาปิ ตาย เสนาย อชฺโฌตฺถฏตฺตา ตฺจ มคฺคํ น ชานนฺติ เขมํ นิพฺพานคามีนํ, สพฺเพปิ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธาทโย เยน คจฺฉนฺติ สุพฺพตาติ. อิมํ ปน คาถํ สุตฺวา มาโร ปุน กิฺจิ อวตฺวา เอว ปกฺกามิ.

๔๔๕-๖. ปกฺกนฺเต ปน ตสฺมึ มหาสตฺโต ตาย ทุกฺกรการิกาย กิฺจิปิ วิเสสํ อนธิคจฺฉนฺโต อนุกฺกเมน ‘‘สิยา นุ โข อฺโ มคฺโค โพธายา’’ติอาทีนิ จินฺเตตฺวา โอฬาริกาหารํ อาหาเรตฺวา, พลํ คเหตฺวา, วิสาขปุณฺณมทิวเส ปเคว สุชาตาย ปายาสํ ปริภุฺชิตฺวา, ภทฺรวนสณฺเฑ ทิวาวิหารํ นิสีทิตฺวา, ตตฺถ อฏฺ สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตนฺโต ทิวสํ วีตินาเมตฺวา สายนฺหสมเย มหาโพธิมณฺฑาภิมุโข คนฺตฺวา โสตฺถิเยน ทินฺนา อฏฺ ติณมุฏฺิโย โพธิมูเล วิกิริตฺวา ทสสหสฺสโลกธาตุเทวตาหิ กตสกฺการพหุมาโน –

‘‘กามํ ตโจ จ นฺหารุ จ, อฏฺิ จ อวสิสฺสตุ;

อุปสุสฺสตุ นิสฺเสสํ, สรีเร มํสโลหิต’’นฺติ. –

จตุรงฺควีริยํ อธิฏฺหิตฺวา ‘‘น ทานิ พุทฺธตฺตํ อปาปุณิตฺวา ปลฺลงฺกํ ภินฺทิสฺสามี’’ติ ปฏิฺํ กตฺวา อปราชิตปลฺลงฺเก นิสีทิ. ตํ ตฺวา มาโร ปาปิมา ‘‘อชฺช สิทฺธตฺโถ ปฏิฺํ กตฺวา นิสินฺโน, อชฺเชว ทานิสฺส สา ปฏิฺา ปฏิพาหิตพฺพา’’ติ โพธิมณฺฑโต ยาว จกฺกวาฬมายตํ ทฺวาทสโยชนวิตฺถารํ อุทฺธํ นวโยชนมุคฺคตํ มารเสนํ สมุฏฺาเปตฺวา ทิยฑฺฒโยชนสตปฺปมาณํ คิริเมขลํ หตฺถิราชานํ อารุยฺห พาหุสหสฺสํ มาเปตฺวา นานาวุธานิ คเหตฺวา ‘‘คณฺหถ, หนถ, ปหรถา’’ติ ภณนฺโต อาฬวกสุตฺเต วุตฺตปฺปการา วุฏฺิโย มาเปสิ, ตา มหาปุริสํ ปตฺวา ตตฺถ วุตฺตปฺปการา เอว สมฺปชฺชึสุ. ตโต วชิรงฺกุเสน หตฺถึ กุมฺเภ ปหริตฺวา มหาปุริสสฺส สมีปํ เนตฺวา ‘‘อุฏฺเหิ, โภ สิทฺธตฺถ, ปลฺลงฺกา’’ติ อาห. มหาปุริโส ‘‘น อุฏฺหามิ มารา’’ติ วตฺวา ตํ ธชินึ สมนฺตา วิโลเกนฺโต อิมา คาถาโย อภาสิ ‘‘สมนฺตา ธชินิ’’นฺติ.

ตตฺถ ธชินินฺติ เสนํ. ยุตฺตนฺติ อุยฺยุตฺตํ. สวาหนนฺติ คิริเมขลนาคราชสหิตํ. ปจฺจุคฺคจฺฉามีติ อภิมุโข อุปริ คมิสฺสามิ, โส จ โข เตเชเนว, น กาเยน. กสฺมา? มา มํ านา อจาวยิ, มํ เอตสฺมา านา อปราชิตปลฺลงฺกา มาโร มา จาเลสีติ วุตฺตํ โหติ. นปฺปสหตีติ สหิตุํ น สกฺโกติ, นาภิภวติ วา. อามํ ปตฺตนฺติ กาจชาตํ มตฺติกาภาชนํ. อสฺมนาติ ปาสาเณน. เสสเมตฺถ ปากฏเมว.

๔๔๗-๘. อิทานิ ‘‘เอตํ เต มารเสนํ ภินฺทิตฺวา ตโต ปรํ วิชิตสงฺคาโม สมฺปตฺตธมฺมราชาภิเสโก อิทํ กริสฺสามี’’ติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘วสีกริตฺวา’’ติ. ตตฺถ วสีกริตฺวา สงฺกปฺปนฺติ มคฺคภาวนาย สพฺพํ มิจฺฉาสงฺกปฺปํ ปหาย สมฺมาสงฺกปฺปสฺเสว ปวตฺตเนน วสีกริตฺวา สงฺกปฺปํ. สติฺจ สูปติฏฺิตนฺติ กายาทีสุ จตูสุ าเนสุ อตฺตโน สติฺจ สุฏฺุ อุปฏฺิตํ กริตฺวา เอวํ วสีกตสงฺกปฺโป สุปฺปติฏฺิตสฺสติ รฏฺา รฏฺํ วิจริสฺสามิ เทวมนุสฺสเภเท ปุถู สาวเก วินยนฺโต. อถ มยา วินียมานา เต อปฺปมตฺตา…เป… น โสจเร, ตํ นิพฺพานามตเมวาติ อธิปฺปาโย.

๔๔๙-๕๑. อถ มาโร อิมา คาถาโย สุตฺวา อาห – ‘‘เอวรูปํ ปกฺขํ ทิสฺวา น ภายสิ ภิกฺขู’’ติ? ‘‘อาม, มาร, น ภายามี’’ติ. ‘‘กสฺมา น ภายสี’’ติ? ‘‘ทานาทีนํ ปารมิปุฺานํ กตตฺตา’’ติ. ‘‘โก เอตํ ชานาติ ทานาทีนิ ตฺวมกาสี’’ติ? ‘‘กึ เอตฺถ ปาปิม สกฺขิกิจฺเจน, อปิจ เอกสฺมึเยว ภเว เวสฺสนฺตโร หุตฺวา ยํ ทานมทาสึ, ตสฺสานุภาเวน สตฺตกฺขตฺตุํ ฉหิ ปกาเรหิ สฺชาตกมฺปา อยํ มหาปถวีเยว สกฺขี’’ติ. เอวํ วุตฺเต อุทกปริยนฺตํ กตฺวา มหาปถวี กมฺปิ เภรวสทฺทํ มุฺจมานา, ยํ สุตฺวา มาโร อสนิหโต วิย ภีโต ธชํ ปณาเมตฺวา ปลายิ สทฺธึ ปริสาย. อถ มหาปุริโส ตีหิ ยาเมหิ ติสฺโส วิชฺชา สจฺฉิกตฺวา อรุณุคฺคมเน ‘‘อเนกชาติสํสารํ…เป… ตณฺหานํ ขยมชฺฌคา’’ติ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ. มาโร อุทานสทฺเทน อาคนฺตฺวา ‘‘อยํ‘พุทฺโธ อห’นฺติ ปฏิชานาติ, หนฺท นํ อนุพนฺธามิ อาภิสมาจาริกํ ปสฺสิตุํ. สจสฺส กิฺจิ กาเยน วา วาจาย วา ขลิตํ ภวิสฺสติ, วิเหเสฺสามิ น’’นฺติ ปุพฺเพ โพธิสตฺตภูมิยํ ฉพฺพสฺสานิ อนุพนฺธิตฺวา พุทฺธตฺตํ ปตฺตํ เอกํ วสฺสํ อนุพนฺธิ. ตโต ภควโต กิฺจิ ขลิตํ อปสฺสนฺโต ‘‘สตฺต วสฺสานี’’ติ อิมา นิพฺเพชนียคาถาโย อภาสิ.

ตตฺถ โอตารนฺติ รนฺธํ วิวรํ. นาธิคจฺฉิสฺสนฺติ นาธิคมึ. เมทวณฺณนฺติ เมทปิณฺฑสทิสํ. อนุปริยคาติ ปริโต ปริโต อคมาสิ. มุทุนฺติ มุทุกํ. วินฺเทมาติ อธิคจฺเฉยฺยาม. อสฺสาทนาติ สาทุภาโว. วายเสตฺโตติ วายโส เอตฺโต. เสสเมตฺถ ปากฏเมว.

อยํ ปน โยชนา – สตฺต วสฺสานิ ภควนฺตํ โอตาราเปกฺโข อนุพนฺธึ กตฺถจิ อวิชหนฺโต ปทาปทํ, เอวํ อนุพนฺธิตฺวาปิ จ โอตารํ นาธิคมึ. โสหํ ยถา นาม เมทวณฺณํ ปาสาณํ เมทสฺี วายโส เอกสฺมึ ปสฺเส มุขตุณฺฑเกน วิชฺฌิตฺวา อสฺสาทํ อวินฺทมาโน ‘‘อปฺเปว นาม เอตฺถ มุทุ วินฺเทม, อปิ อิโต อสฺสาทนา สิยา’’ติ สมนฺตา ตเถว วิชฺฌนฺโต อนุปริยายิตฺวา กตฺถจิ อสฺสาทํ อลทฺธา ‘‘ปาสาโณวาย’’นฺติ นิพฺพิชฺช ปกฺกเมยฺย, เอวเมวาหํ ภควนฺตํ กายกมฺมาทีสุ อตฺตโน ปริตฺตปฺามุขตุณฺฑเกน วิชฺฌนฺโต สมนฺตา อนุปริยคา ‘‘อปฺเปว นาม กตฺถจิ อปริสุทฺธกายสมาจาราทิมุทุภาวํ วินฺเทม, กุโตจิ อสฺสาทนา สิยา’’ติ, เต ทานิ มยํ อสฺสาทํ อลภมานา กาโกว เสลมาสชฺช นิพฺพิชฺชาเปม โคตมํ อาสชฺช ตโต โคตมา นิพฺพิชฺช อเปมาติ. เอวํ วทโต กิร มารสฺส สตฺต วสฺสานิ นิปฺผลปริสฺสมํ นิสฺสาย พลวโสโก อุทปาทิ. เตนสฺส วิสีทมานงฺคปจฺจงฺคสฺส เพลุวปณฺฑุ นาม วีณา กจฺฉโต ปติตา. ยา สกึ กุสเลหิ วาทิตา จตฺตาโร มาเส มธุรสฺสรํ มุฺจติ, ยํ คเหตฺวา สกฺโก ปฺจสิขสฺส อทาสิ. ตํ โส ปตมานมฺปิ น พุชฺฌิ. เตนาห ภควา –

๔๕๒.

‘‘ตสฺส โสกปเรตสฺส, วีณา กจฺฉา อภสฺสถ;

ตโต โส ทุมฺมโน ยกฺโข, ตตฺเถวนฺตรธายถา’’ติ.

สงฺคีติการกา อาหํสูติ เอเก, อมฺหากํ ปเนตํ นกฺขมตีติ.

ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย

สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย ปธานสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. สุภาสิตสุตฺตวณฺณนา

เอวํ เม สุตนฺติ สุภาสิตสุตฺตํ. อตฺตชฺฌาสยโต จสฺส อุปฺปตฺติ. ภควา หิ สุภาสิตปฺปิโย, โส อตฺตโน สุภาสิตสมุทาจารปฺปกาสเนน สตฺตานํ ทุพฺภาสิตสมุทาจารํ ปฏิเสเธนฺโต อิมํ สุตฺตมภาสิ. ตตฺถ เอวํ เม สุตนฺติอาทิ สงฺคีติการวจนํ. ตตฺถ ตตฺร โข ภควา…เป… ภทนฺเตติ เต ภิกฺขูติ เอตํ อปุพฺพํ, เสสํ วุตฺตนยเมว. ตสฺมา อปุพฺพปทวณฺณนตฺถมิทํ วุจฺจติ – ตตฺราติ เทสกาลปริทีปนํ. ตฺหิ ยํ สมยํ วิหรติ, ตตฺร สมเย, ยสฺมิฺจ อาราเม วิหรติ, ตตฺร อาราเมติ ทีเปติ. ภาสิตพฺพยุตฺเต วา เทสกาเล ทีเปติ. น หิ ภควา อยุตฺเต เทเส กาเล วา ธมฺมํ ภาสติ. ‘‘อกาโล โข, ตาว, พาหิยา’’ติอาทิ (อุทา. ๑๐) เจตฺถ สาธกํ. โขติ ปทปูรณมตฺเต อวธารณาทิกาลตฺเถ วา นิปาโต. ภควาติ โลกครุปริทีปนํ. ภิกฺขูติ กถาสวนยุตฺตปุคฺคลปริทีปนํ. อามนฺเตสีติ อาลปิ อภาสิ สมฺโพเธสิ.

ภิกฺขโวติ อามนฺตนาการปริทีปนํ. ตฺจ ภิกฺขนสีลตาทิคุณโยคสิทฺธตฺตา วุตฺตํ. เตน เนสํ หีนาธิกชนเสวิตํ วุตฺตึ ปกาเสนฺโต อุทฺธตทีนภาวนิคฺคหํ กโรติ. ‘‘ภิกฺขโว’’ติ อิมินา จ กรุณาวิปฺผารโสมฺมหทยนยนนิปาตปุพฺพงฺคเมน วจเนน เต อตฺตโน มุขาภิมุเข กริตฺวา เตเนว กเถตุกมฺยตาทีปเกน วจเนน เตสํ โสตุกมฺยตํ ชเนติ, เตเนว จ สมฺโพธนตฺเถน วจเนน สาธุกสวนมนสิกาเรปิ เต นิโยเชติ. สาธุกสวนมนสิการายตฺตา หิ สาสนสมฺปตฺติ. อปเรสุปิ เทวมนุสฺเสสุ วิชฺชมาเนสุ กสฺมา ภิกฺขู เอว อามนฺเตสีติ เจ? เชฏฺเสฏฺาสนฺนสทาสนฺนิหิตภาวโต. สพฺพปริสสาธารณา หิ อยํ ธมฺมเทสนา, น ปาฏิปุคฺคลิกา. ปริสาย จ เชฏฺา ภิกฺขู ปมุปฺปนฺนตฺตา, เสฏฺา อนคาริยภาวํ อาทึ กตฺวา สตฺถุ จริยานุวิธายกตฺตา สกลสาสนปฏิคฺคาหกตฺตา จ. อาสนฺนา ตตฺถ นิสินฺเนสุ สตฺถุ สนฺติกตฺตา, สทา สนฺนิหิตา สตฺถุ สนฺติกาวจรตฺตา. เตน ภควา สพฺพปริสสาธารณํ ธมฺมํ เทเสนฺโต ภิกฺขู เอว อามนฺเตสิ. อปิจ ภาชนํ เต อิมาย กถาย ยถานุสิฏฺํ ปฏิปตฺติสพฺภาวโตติปิ เต เอว อามนฺเตสิ. ภทนฺเตติ คารวาธิวจนเมตํ. เต ภิกฺขูติ เย ภควา อามนฺเตสิ, เต เอวํ ภควนฺตํ อาลปนฺตา ภควโต ปจฺจสฺโสสุนฺติ.

จตูหิ องฺเคหีติ จตูหิ การเณหิ อวยเวหิ วา. มุสาวาทาเวรมณิอาทีนิ หิ จตฺตาริ สุภาสิตวาจาย การณานิ. สจฺจวจนาทโย จตฺตาโร อวยวา, การณตฺเถ จ องฺคสทฺโท. จตูหีติ นิสฺสกฺกวจนํ โหติ, อวยวตฺเถ กรณวจนํ. สมนฺนาคตาติ สมนุอาคตา ปวตฺตา ยุตฺตา จ. วาจาติ สมุลฺลปนวาจา. ยา สา ‘‘วาจา คิรา พฺยปฺปโถ’’ติ (ธ. ส. ๖๓๖) จ, ‘‘เนลา กณฺณสุขา’’ติ (ที. นิ. ๑.๙; ม. นิ. ๓.๑๔) จ เอวมาทีสุ อาคจฺฉติ. ยา ปน ‘‘วาจาย เจ กตํ กมฺม’’นฺติ (ธ. ส. อฏฺ. ๑ กายกมฺมทฺวาร) เอวํ วิฺตฺติ จ, ‘‘ยา จตูหิ วจีทุจฺจริเตหิ อารติ วิรติ…เป… อยํ วุจฺจติ สมฺมาวาจา’’ติ (ธ. ส. ๒๙๙; วิภ. ๒๐๖) เอวํ วิรติ จ, ‘‘ผรุสวาจา, ภิกฺขเว, อาเสวิตา ภาวิตา พหุลีกตา นิรยสํวตฺตนิกา โหตี’’ติ (อ. นิ. ๘.๔๐) เอวํ เจตนา จ วาจาติ อาคจฺฉติ, สา อิธ น อธิปฺเปตา. กสฺมา? อภาสิตพฺพโต. สุภาสิตา โหตีติ สุฏฺุ ภาสิตา โหติ. เตนสฺสา อตฺถาวหนตํ ทีเปติ. น ทุพฺภาสิตาติ น ทุฏฺุ ภาสิตา. เตนสฺสา อนตฺถานาวหนตํ ทีเปติ. อนวชฺชาติ วชฺชสงฺขาตราคาทิโทสวิรหิตา. เตนสฺสา การณสุทฺธึ วุตฺตโทสาภาวฺจ ทีเปติ. อนนุวชฺชา จาติ อนุวาทวิมุตฺตา. เตนสฺสา สพฺพาการสมฺปตฺตึ ทีเปติ. วิฺูนนฺติ ปณฺฑิตานํ. เตน นินฺทาปสํสาสุ พาลา อปฺปมาณาติ ทีเปติ.

กตเมหิ จตูหีติ กเถตุกมฺยตาปุจฺฉา. อิธาติ อิมสฺมึ สาสเน. ภิกฺขเวติ เยสํ กเถตุกาโม, ตทาลปนํ. ภิกฺขูติ วุตฺตปฺปการวาจาภาสนกปุคฺคลนิทสฺสนํ. สุภาสิตํเยว ภาสตีติ ปุคฺคลาธิฏฺานาย เทสนาย จตูสุ วาจงฺเคสุ อฺตรงฺคนิทฺเทสวจนํ. โน ทุพฺภาสิตนฺติ ตสฺเสว วาจงฺคสฺส ปฏิปกฺขภาสนนิวารณํ. เตน ‘‘มุสาวาทาทโยปิ กทาจิ วตฺตพฺพา’’ติ ทิฏฺึ นิเสเธติ. ‘‘โน ทุพฺภาสิต’’นฺติ อิมินา วา มิจฺฉาวาจปฺปหานํ ทีเปติ, ‘‘สุภาสิต’’นฺติ อิมินา ปหีนมิจฺฉาวาเจน สตา ภาสิตพฺพวจนลกฺขณํ. ตถา ปาปสฺส อกรณํ, กุสลสฺส อุปสมฺปทํ. องฺคปริทีปนตฺถํ ปน อภาสิตพฺพํ ปุพฺเพ อวตฺวา ภาสิตพฺพเมวาห. เอส นโย ธมฺมํเยวาติอาทีสุปิ.

เอตฺถ จ ‘‘สุภาสิตํเยว ภาสติ โน ทุพฺภาสิต’’นฺติ อิมินา ปิสุณโทสรหิตํ สมคฺคกรณวจนํ วุตฺตํ, ‘‘ธมฺมํเยว ภาสติ โน อธมฺม’’นฺติ อิมินา สมฺผโทสรหิตํ ธมฺมโต อนเปตํ มนฺตาวจนํ วุตฺตํ, อิตเรหิ ทฺวีหิ ผรุสาลิกรหิตานิ ปิยสจฺจวจนานิ วุตฺตานิ. อิเมหิ โขติอาทินา ปน ตานิ องฺคานิ ปจฺจกฺขโต ทสฺเสนฺโต ตํ วาจํ นิคเมติ. วิเสสโต เจตฺถ ‘‘อิเมหิ โข, ภิกฺขเว, จตูหิ องฺเคหิ สมนฺนาคตา วาจา สุภาสิตา โหตี’’ติ ภณนฺโต ยทฺเ ปฏิฺาทีหิ อวยเวหิ นามาทีหิ ปเทหิ ลิงฺควจนวิภตฺติกาลการกาทีหิ สมฺปตฺตีหิ จ สมนฺนาคตํ วาจํ ‘‘สุภาสิต’’นฺติ มฺนฺติ, ตํ ธมฺมโต ปฏิเสเธติ. อวยวาทิสมฺปนฺนาปิ หิ เปสุฺาทิสมนฺนาคตา วาจา ทุพฺภาสิตาว โหติ อตฺตโน ปเรสฺจ อนตฺถาวหตฺตา. อิเมหิ ปน จตูหิ องฺเคหิ สมนฺนาคตา สเจปิ มิลกฺขุภาสาปริยาปนฺนา ฆฏเจฏิกาคีติกปริยาปนฺนา วา โหติ, ตถาปิ สุภาสิตา เอว โลกิยโลกุตฺตรหิตสุขาวหตฺตา. สีหฬทีเป มคฺคปสฺเส สสฺสํ รกฺขนฺติยา สีหฬเจฏิกาย สีหฬเกเนว ชาติชรามรณปฏิสํยุตฺตํ คีตํ คายนฺติยา สุตฺวา มคฺคํ คจฺฉนฺตา สฏฺิมตฺตา วิปสฺสกภิกฺขู เจตฺถ อรหตฺตํ ปตฺตา นิทสฺสนํ. ตถา ติสฺโส นาม อารทฺธวิปสฺสโก ภิกฺขุ ปทุมสรสมีเปน คจฺฉนฺโต ปทุมสเร ปทุมานิ ภฺชิตฺวา ภฺชิตฺวา –

‘‘ปาโต ผุลฺลํ โกกนทํ, สูริยาโลเกน ภชฺชิยเต;

เอวํ มนุสฺสตฺตคตา สตฺตา, ชราภิเวเคน มทฺทียนฺตี’’ติ. –

อิมํ คีตํ คายนฺติยา เจฏิกาย สุตฺวา อรหตฺตํ ปตฺโต, พุทฺธนฺตเร จ อฺตโร ปุริโส สตฺตหิ ปุตฺเตหิ สทฺธึ วนา อาคมฺม อฺตราย อิตฺถิยา มุสเลน ตณฺฑุเล โกฏฺเฏนฺติยา –

‘‘ชราย ปริมทฺทิตํ เอตํ, มิลาตฉวิจมฺมนิสฺสิตํ;

มรเณน ภิชฺชติ เอตํ, มจฺจุสฺส ฆสมามิสํ.

‘‘กิมีนํ อาลยํ เอตํ, นานากุณเปน ปูริตํ;

อสุจิสฺส ภาชนํ เอตํ, กทลิกฺขนฺธสมํ อิท’’นฺติ. –

อิมํ คีติกํ สุตฺวา สห ปุตฺเตหิ ปจฺเจกโพธึ ปตฺโต, อฺเ จ อีทิเสหิ อุปาเยหิ อริยภูมึ ปตฺตา นิทสฺสนํ. อนจฺฉริยํ ปเนตํ, ยํ ภควตา อาสยานุสยกุสเลน ‘‘สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา’’ติอาทินา นเยน วุตฺตา คาถาโย สุตฺวา ปฺจสตา ภิกฺขู อรหตฺตํ ปาปุณึสุ, อฺเ จ ขนฺธายตนาทิปฏิสํยุตฺตา กถา สุตฺวา อเนเก เทวมนุสฺสาติ. เอวํ อิเมหิ จตูหิ องฺเคหิ สมนฺนาคตา วาจา สเจปิ มิลกฺขุภาสาปริยาปนฺนา, ฆฏเจฏิกาคีติกปริยาปนฺนา วา โหติ, ตถาปิ ‘‘สุภาสิตา’’ติ เวทิตพฺพา. สุภาสิตตฺตา เอว จ อนวชฺชา จ อนนุวชฺชา จ วิฺูนํ อตฺถตฺถิกานํ กุลปุตฺตานํ อตฺถปฏิสรณานํ, โน พฺยฺชนปฏิสรณานนฺติ.

อิทมโวจ ภควาติ อิทํ สุภาสิตลกฺขณํ ภควา อโวจ. อิทํ วตฺวาน สุคโต, อถาปรํ เอตทโวจ สตฺถาติ อิทฺจ ลกฺขณํ วตฺวา อถ อฺมฺปิ เอตํ อโวจ สตฺถา. อิทานิ วตฺตพฺพคาถํ ทสฺเสตฺวา สพฺพเมตํ สงฺคีติการกา อาหํสุ. ตตฺถ อปรนฺติ คาถาพนฺธวจนํ สนฺธาย วุจฺจติ. ตํ ทุวิธํ โหติ – ปจฺฉา อาคตปริสํ อสฺสวนสุสฺสวนอาธารณทฬฺหีกรณาทีนิ วา สนฺธาย ตทตฺถทีปกเมว จ. ปุพฺเพ เกนจิ การเณน ปริหาปิตสฺส อตฺถสฺส ทีปเนน อตฺถวิเสสทีปกฺจ ‘‘ปุริสสฺส หิ ชาตสฺส, กุารี ชายเต มุเข’’ติอาทีสุ (สุ. นิ. ๖๖๒) วิย. อิธ ปน ตทตฺถทีปกเมว.

๔๕๓. ตตฺถ สนฺโตติ พุทฺธาทโย. เต หิ สุภาสิตํ ‘‘อุตฺตมํ เสฏฺ’’นฺติ วณฺณยนฺติ. ทุติยํ ตติยํ จตุตฺถนฺติ อิทํ ปน ปุพฺเพ นิทฺทิฏฺกฺกมํ อุปาทาย วุตฺตํ. คาถาปริโยสาเน ปน วงฺคีสตฺเถโร ภควโต สุภาสิเต ปสีทิ.

โส ยํ ปสนฺนาการํ อกาสิ, ยฺจ วจนํ ภควา อภาสิ, ตํ ทสฺเสนฺตา สงฺคีติการกา ‘‘อถ โข อายสฺมา’’ติอาทิมาหํสุ. ตตฺถ ปฏิภาติ มนฺติ มม ภาโค ปกาสติ. ปฏิภาตุ ตนฺติ ตว ภาโค ปกาสตุ. สารุปฺปาหีติ อนุจฺฉวิกาหิ. อภิตฺถวีติ ปสํสิ.

๔๕๔. น ตาปเยติ วิปฺปฏิสาเรน น ตาเปยฺย. น วิหึเสยฺยาติ อฺมฺํ ภินฺทนฺโต น พาเธยฺย. สา เว วาจาติ สา วาจา เอกํเสเนว สุภาสิตา. เอตฺตาวตา อปิสุณวาจาย ภควนฺตํ โถเมติ.

๔๕๕. ปฏินนฺทิตาติ หฏฺเน หทเยน ปฏิมุขํ คนฺตฺวา นนฺทิตา สมฺปิยายิตา. ยํ อนาทาย ปาปานิ, ปเรสํ ภาสเต ปิยนฺติ ยํ วาจํ ภาสนฺโต ปเรสํ ปาปานิ อปฺปิยานิ ปฏิกฺกูลานิ ผรุสวจนานิ อนาทาย อตฺถพฺยฺชนมธุรํ ปิยเมว วจนํ ภาสติ, ตํ ปิยวาจเมว ภาเสยฺยาติ วุตฺตํ โหติ. อิมาย คาถาย ปิยวจเนน ภควนฺตํ อภิตฺถวิ.

๔๕๖. อมตาติ อมตสทิสา สาทุภาเวน. วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘สจฺจํ หเว สาทุตรํ รสาน’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๗๓; สุ. นิ. ๑๘๔). นิพฺพานามตปจฺจยตฺตา วา อมตา. เอส ธมฺโม สนนฺตโนติ ยายํ สจฺจวาจา นาม, เอส โปราโณ ธมฺโม จริยา ปเวณี, อิทเมว หิ โปราณานํ อาจิณฺณํ, น เต อลิกํ ภาสึสุ. เตเนวาห – ‘‘สจฺเจ อตฺเถ จ ธมฺเม จ, อหุ สนฺโต ปติฏฺิตา’’ติ. ตตฺถ สจฺเจ ปติฏฺิตตฺตา เอว อตฺตโน จ ปเรสฺจ อตฺเถ ปติฏฺิตา. อตฺเถ ปติฏฺิตตฺตา เอว จ ธมฺเม ปติฏฺิตา โหนฺตีติ เวทิตพฺพา. ปรํ วา ทฺวยํ สจฺจวิเสสนมิจฺเจว เวทิตพฺพํ. สจฺเจ ปติฏฺิตา. กีทิเส? อตฺเถ จ ธมฺเม จ, ยํ ปเรสํ อตฺถโต อนเปตตฺตา อตฺถํ อนุปโรธํ กโรตีติ วุตฺตํ โหติ. สติปิ จ อนุปโรธกรตฺเต ธมฺมโต อนเปตตฺตา ธมฺมํ, ยํ ธมฺมิกเมว อตฺถํ สาเธตีติ วุตฺตํ โหติ. อิมาย คาถาย สจฺจวจเนน ภควนฺตํ อภิตฺถวิ.

๔๕๗. เขมนฺติ อภยํ นิรุปทฺทวํ. เกน การเณนาติ เจ? นิพฺพานปฺปตฺติยา ทุกฺขสฺสนฺตกิริยาย, ยสฺมา กิเลสนิพฺพานํ ปาเปติ, วฏฺฏทุกฺขสฺส จ อนฺตกิริยาย สํวตฺตตีติ อตฺโถ. อถ วา ยํ พุทฺโธ นิพฺพานปฺปตฺติยา ทุกฺขสฺสนฺตกิริยายาติ ทฺวินฺนํ นิพฺพานธาตูนมตฺถาย เขมมคฺคปฺปกาสนโต เขมํ วาจํ ภาสติ, สา เว วาจานมุตฺตมาติ สา วาจา สพฺพวาจานํ เสฏฺาติ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อิมาย คาถาย มนฺตาวจเนน ภควนฺตํ อภิตฺถวนฺโต อรหตฺตนิกูเฏน เทสนํ นิฏฺาเปสีติ อยเมตฺถ อปุพฺพปทวณฺณนา. เสสํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพนฺติ.

ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย

สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย สุภาสิตสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. ปูรฬาสสุตฺต-(สุนฺทริกภารทฺวาชสุตฺต)-วณฺณนา

เอวํ เม สุตนฺติ ปูรฬาสสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? ภควา ปจฺฉาภตฺตกิจฺจาวสาเน พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกนฺโต สุนฺทริกภารทฺวาชพฺราหฺมณํ อรหตฺตสฺส อุปนิสฺสยสมฺปนฺนํ ทิสฺวา ‘‘ตตฺถ มยิ คเต กถา ปวตฺติสฺสติ, ตโต กถาวสาเน ธมฺมเทสนํ สุตฺวา เอส พฺราหฺมโณ ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสตี’’ติ จ ตฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา กถํ สมุฏฺาเปตฺวา อิมํ สุตฺตมภาสิ.

ตตฺถ เอวํ เม สุตนฺติอาทิ สงฺคีติการกานํ วจนํ. กึชจฺโจ ภวนฺติอาทิ ตสฺส พฺราหฺมณสฺส, น พฺราหฺมโณ โนมฺหีติอาทิ ภควโต. ตํ สพฺพมฺปิ สโมธาเนตฺวา ‘‘ปูรฬาสสุตฺต’’นฺติ วุจฺจติ. ตตฺถ วุตฺตสทิสํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ, อวุตฺตํ วณฺณยิสฺสาม, ตฺจ โข อุตฺตานตฺถานิ ปทานิ อนามสนฺตา. โกสเลสูติ โกสลา นาม ชานปทิโน ราชกุมารา. เตสํ นิวาโส เอโกปิ ชนปโท รุฬฺหิสทฺเทน ‘‘โกสลา’’ติ วุจฺจติ. ตสฺมึ โกสเลสุ ชนปเท. เกจิ ปน ‘‘ยสฺมา ปุพฺเพ มหาปนาทํ ราชกุมารํ นานานาฏกาทีนิ ทิสฺวา สิตมตฺตมฺปิ อกโรนฺตํ สุตฺวา ราชา อาณาเปสิ ‘โย มม ปุตฺตํ หสาเปติ, สพฺพาภรเณหิ นํ อลงฺกโรมี’ติ. ตโต นงฺคลานิ ฉฑฺเฑตฺวา มหาชนกาโย สนฺนิปติ. เต จ มนุสฺสา อติเรกสตฺตวสฺสานิ นานากีฬิกาทโย ทสฺเสนฺตาปิ ตํ นาสกฺขึสุ หสาเปตุํ. ตโต สกฺโก เทวนฏํ เปเสสิ, โส ทิพฺพนาฏกํ ทสฺเสตฺวา หสาเปสิ. อถ เต มนุสฺสา อตฺตโน อตฺตโน วสโนกาสาภิมุขา ปกฺกมึสุ. เต ปฏิปเถ มิตฺตสุหชฺชาทโย ทิสฺวา ปฏิสนฺถารมกํสุ ‘กจฺจิ โภ กุสลํ, กจฺจิ โภ กุสล’นฺติ. ตสฺมา ตํ ‘กุสล’นฺติ สทฺทํ อุปาทาย โส ปเทโส ‘โกสโล’ติ วุจฺจตี’’ติ วณฺณยนฺติ. สุนฺทริกาย นทิยา ตีเรติ สุนฺทริกาติ เอวํนามิกาย นทิยา ตีเร.

เตน โข ปนาติ เยน สมเยน ภควา ตํ พฺราหฺมณํ วิเนตุกาโม คนฺตฺวา ตสฺสา นทิยา ตีเร สสีสํ ปารุปิตฺวา รุกฺขมูเล นิสชฺชาสงฺขาเตน อิริยาปถวิหาเรน วิหรติ. สุนฺทริกภารทฺวาโชติ โส พฺราหฺมโณ ตสฺสา นทิยา ตีเร วสติ อคฺคิฺจ ชุหติ, ภารทฺวาโชติ จสฺส โคตฺตํ, ตสฺมา เอวํ วุจฺจติ. อคฺคึ ชุหตีติ อาหุติปกฺขิปเนน ชาเลติ. อคฺคิหุตฺตํ ปริจรตีติ อคฺยายตนํ สมฺมชฺชนูปเลปนพลิกมฺมาทินา ปยิรุปาสติ. โก นุ โข อิมํ หพฺยเสสํ ภุฺเชยฺยาติ โส กิร พฺราหฺมโณ อคฺคิมฺหิ ชุหิตฺวา อวเสสํ ปายาสํ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อคฺคิมฺหิ ตาว ปกฺขิตฺตปายาโส มหาพฺรหฺมุนา ภุตฺโต, อยํ ปน อวเสโส อตฺถิ. ตํ ยทิ พฺรหฺมุโน มุขโต ชาตสฺส พฺราหฺมณสฺเสว ทเทยฺยํ, เอวํ เม ปิตรา สห ปุตฺโตปิ สนฺตปฺปิโต ภเวยฺย, สุวิโสธิโต จ พฺรหฺมโลกคามิมคฺโค อสฺส, หนฺทาหํ พฺราหฺมณํ คเวสามี’’ติ. ตโต พฺราหฺมณทสฺสนตฺถํ อุฏฺายาสนา จตุทฺทิสา อนุวิโลเกสิ – ‘‘โก นุ โข อิมํ หพฺยเสสํ ภุฺเชยฺยา’’ติ.

อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเลติ ตสฺมึ วนสณฺเฑ เสฏฺรุกฺขมูเล. สสีสํ ปารุตนฺติ สห สีเสน ปารุตกายํ. กสฺมา ปน ภควา เอวมกาสิ, กึ นารายนสงฺขาตพโลปิ หุตฺวา นาสกฺขิ หิมปาตํ สีตวาตฺจ ปฏิพาหิตุนฺติ? อตฺเถตํ การณํ. น หิ พุทฺธา สพฺพโส กายปฏิชคฺคนํ กโรนฺติ เอว, อปิจ ภควา ‘‘อาคเต พฺราหฺมเณ สีสํ วิวริสฺสามิ, มํ ทิสฺวา พฺราหฺมโณ กถํ ปวตฺเตสฺสติ, อถสฺส กถานุสาเรน ธมฺมํ เทเสสฺสามี’’ติ กถาปวตฺตนตฺถํ เอวมกาสิ. ทิสฺวาน วาเมน…เป… เตนุปสงฺกมีติ โส กิร ภควนฺตํ ทิสฺวา พฺราหฺมโณ ‘‘อยํ สสีสํ ปารุปิตฺวา สพฺพรตฺตึ ปธานมนุยุตฺโต, อิมสฺส ทกฺขิโณทกํ ทตฺวา อิมํ หพฺยเสสํ ทสฺสามี’’ติ พฺราหฺมณสฺี หุตฺวา เอว อุปสงฺกมิ. มุณฺโฑ อยํ ภวํ, มุณฺฑโก อยํ ภวนฺติ สีเส วิวริตมตฺเตว เกสนฺตํ ทิสฺวา ‘‘มุณฺโฑ’’ติ อาห. ตโต สุฏฺุตรํ โอโลเกนฺโต ปริตฺตมฺปิ สิขํ อทิสฺวา หีเฬนฺโต ‘‘มุณฺฑโก’’ติ อาห. เอวรูปา หิ เนสํ พฺราหฺมณานํ ทิฏฺิ. ตโต วาติ ยตฺถ ิโต อทฺทส, ตมฺหา ปเทสา มุณฺฑาปีติ เกนจิ การเณน มุณฺฑิตสีสาปิ โหนฺติ.

๔๕๘. น พฺราหฺมโณ โนมฺหีติ เอตฺถ กาโร ปฏิเสเธ, โนกาโร อวธารเณ ‘‘น โน สม’’นฺติอาทีสุ (ขุ. ปา. ๖.๓; สุ. นิ. ๒๒๖) วิย. เตน เนวมฺหิ พฺราหฺมโณติ ทสฺเสติ. น ราชปุตฺโตติ ขตฺติโย นมฺหิ. น เวสฺสายโนติ เวสฺโสปิ นมฺหิ. อุทโกจิ โนมฺหีติ อฺโปิ สุทฺโท วา จณฺฑาโล วา โกจิ น โหมีติ เอวํ เอกํเสเนว ชาติวาทสมุทาจารํ ปฏิกฺขิปติ. กสฺมา? มหาสมุทฺทํ ปตฺตา วิย หิ นทิโย ปพฺพชฺชูปคตา กุลปุตฺตา ชหนฺติ ปุริมานิ นามโคตฺตานิ. ปหาราทสุตฺตฺเจตฺถ (อ. นิ. ๘.๑๙) สาธกํ. เอวํ ชาติวาทํ ปฏิกฺขิปิตฺวา ยถาภูตมตฺตานํ อาวิกโรนฺโต อาห – ‘‘โคตฺตํ ปริฺาย ปุถุชฺชนานํ, อกิฺจโน มนฺต จรามิ โลเก’’ติ. กถํ โคตฺตํ ปริฺาสีติ เจ? ภควา หิ ตีหิ ปริฺาหิ ปฺจกฺขนฺเธ ปริฺาสิ, เตสุ จ ปริฺาเตสุ โคตฺตํ ปริฺาตเมว โหติ. ราคาทิกิฺจนานํ ปน อภาเวน โส อกิฺจโน มนฺตา ชานิตฺวา าณานุปริวตฺตีหิ กายกมฺมาทีหิ จรติ. เตนาห – ‘‘โคตฺตํ…เป… โลเก’’ติ. มนฺตา วุจฺจติ ปฺา, ตาย เจส จรติ. เตเนวาห – ‘‘มนฺตํ จรามิ โลเก’’ติ ฉนฺทวเสน รสฺสํ กตฺวา.

๔๕๙-๖๐. เอวํ อตฺตานํ อาวิกตฺวา อิทานิ ‘‘เอวํ โอฬาริกํ ลิงฺคมฺปิ ทิสฺวา ปุจฺฉิตพฺพาปุจฺฉิตพฺพํ น ชานาสี’’ติ พฺราหฺมณสฺส อุปารมฺภํ อาโรเปนฺโต อาห – ‘‘สงฺฆาฏิวาสี…เป… โคตฺตปฺห’’นฺติ. เอตฺถ จ ฉินฺนสงฺฆฏิตฏฺเน ตีณิปิ จีวรานิ ‘‘สงฺฆาฏี’’ติ อธิปฺเปตานิ, ตานิ นิวาเสติ ปริทหตีติ สงฺฆาฏิวาสี. อคโหติ อเคโห, นิตฺตณฺโหติ อธิปฺปาโย. นิวาสาคารํ ปน ภควโต เชตวเน มหาคนฺธกุฏิกเรริมณฺฑลมาฬโกสมฺพกุฏิจนฺทนมาลาทิอเนกปฺปการํ, ตํ สนฺธาย น ยุชฺชติ. นิวุตฺตเกโสติ อปนีตเกโส, โอหาริตเกสมสฺสูติ วุตฺตํ โหติ. อภินิพฺพุตตฺโตติ อตีว วูปสนฺตปริฬาหจิตฺโต, คุตฺตจิตฺโต วา. อลิปฺปมาโน อิธ มาณเวหีติ อุปกรณสิเนหสฺส ปหีนตฺตา มนุสฺเสหิ อลิตฺโต อสํสฏฺโ เอกนฺตวิวิตฺโต. อกลฺลํ มํ พฺราหฺมณาติ ยฺวาหํ เอวํ สงฺฆาฏิวาสี…เป… อลิปฺปมาโน อิธ มาณเวหิ, ตํ มํ ตฺวํ, พฺราหฺมณ, ปากติกานิ นามโคตฺตานิ อตีตํ ปพฺพชิตํ สมานํ อปฺปติรูปํ โคตฺตปฺหํ ปุจฺฉสีติ.

เอวํ วุตฺเต อุปารมฺภํ โมเจนฺโต พฺราหฺมโณ อาห – ปุจฺฉนฺติ เว, โภ พฺราหฺมณา, พฺราหฺมเณภิ สห ‘‘พฺราหฺมโณ โน ภว’’นฺติ. ตตฺถ พฺราหฺมโณ โนติ พฺราหฺมโณ นูติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – นาหํ โภ อกลฺลํ ปุจฺฉามิ. อมฺหากฺหิ พฺราหฺมณสมเย พฺราหฺมณา พฺราหฺมเณหิ สห สมาคนฺตฺวา ‘‘พฺราหฺมโณ นุ ภวํ, ภารทฺวาโช นุ ภว’’นฺติ เอวํ ชาติมฺปิ โคตฺตมฺปิ ปุจฺฉนฺติ เอวาติ.

๔๖๑-๒. เอวํ วุตฺเต ภควา พฺราหฺมณสฺส จิตฺตมุทุภาวกรณตฺถํ มนฺเตสุ อตฺตโน ปกตฺุตํ ปกาเสนฺโต อาห – ‘‘พฺราหฺมโณ หิ เจ ตฺวํ พฺรูสิ…เป… จตุวีสตกฺขร’’นฺติ. ตสฺสตฺโถ – สเจ ตฺวํ ‘‘พฺราหฺมโณ อหํ’’ติ พฺรูสิ, มฺจ อพฺราหฺมณํ พฺรูสิ, ตสฺมา ภวนฺตํ สาวิตฺตึ ปุจฺฉามิ ติปทํ จตุวีสตกฺขรํ, ตํ เม พฺรูหีติ. เอตฺถ จ ภควา ปรมตฺถเวทานํ ติณฺณํ ปิฏกานํ อาทิภูตํ ปรมตฺถพฺราหฺมเณหิ สพฺพพุทฺเธหิ ปกาสิตํ อตฺถสมฺปนฺนํ พฺยฺชนสมฺปนฺนฺจ ‘‘พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ, ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ, สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามี’’ติ อิมํ อริยสาวิตฺตึ สนฺธาย ปุจฺฉติ. ยทิปิ หิ พฺราหฺมโณ อฺํ วเทยฺย, อทฺธา นํ ภควา ‘‘นายํ, พฺราหฺมณ, อริยสฺส วินเย สาวิตฺตีติ วุจฺจตี’’ติ ตสฺส อสารกตฺตํ ทสฺเสตฺวา อิเธว ปติฏฺาเปยฺย. พฺราหฺมโณ ปน ‘‘สาวิตฺตึ ปุจฺฉามิ ติปทํ จตุวีสตกฺขร’’นฺติ อิทํ อตฺตโน สมยสิทฺธํ สาวิตฺติลกฺขณพฺยฺชนกํ พฺรหฺมสฺสเรน นิจฺฉาริตวจนํ สุตฺวาว ‘‘อทฺธายํ สมโณ พฺราหฺมณสมเย นิฏฺํ คโต, อหํ ปน อฺาเณน ‘อพฺราหฺมโณ อย’นฺติ ปริภวึ, สาธุรูโป มนฺตปารคู พฺราหฺมโณว เอโส’’ติ นิฏฺํ คนฺตฺวา ‘‘หนฺท นํ ยฺวิธึ ทกฺขิเณยฺยวิธิฺจ ปุจฺฉามี’’ติ ตมตฺถํ ปุจฺฉนฺโต ‘‘กึนิสฺสิตา…เป… โลเก’’ติ อิมํ วิสมคาถาปทตฺตยมาห. ตสฺสตฺโถ – กึนิสฺสิตา กิมธิปฺปายา กึ ปตฺเถนฺตา อิสโย จ ขตฺติยา จ พฺราหฺมณา จ อฺเ จ มนุชา เทวตานํ อตฺถาย ยฺํ อกปฺปยึสุ. ยฺมกปฺปยึสูติ มกาโร ปทสนฺธิกโร. อกปฺปยึสูติ สํวิทหึสุ อกํสุ. ปุถูติ พหู อนฺนปานทานาทินา เภเทน อเนกปฺปกาเร ปุถู วา อิสโย มนุชา ขตฺติยา พฺราหฺมณา จ กึนิสฺสิตา ยฺมกปฺปยึสุ. กถํ เนสํ ตํ กมฺมํ สมิชฺฌตีติ อิมินาธิปฺปาเยน ปุจฺฉติ.

๔๖๓. อถสฺส ภควา ตมตฺถํ พฺยากโรนฺโต ‘‘ยทนฺตคู เวทคู ยฺกาเล. ยสฺสาหุตึ ลเภ ตสฺสิชฺเฌติ พฺรูมี’’ติ อิทํ เสสปททฺวยมาห. ตตฺถ ยทนฺตคูติ โย อนฺตคู, โอการสฺส อกาโร, ทกาโร จ ปทสนฺธิกโร ‘‘อสาธารณมฺเส’’นฺติอาทีสุ (ขุ. ปา. ๘.๙) มกาโร วิย. อยํ ปน อตฺโถ – โย วฏฺฏทุกฺขสฺส ตีหิ ปริฺาหิ อนฺตคตตฺตา อนฺตคู, จตูหิ จ มคฺคาณเวเทหิ กิเลเส วิชฺฌิตฺวา คตตฺตา เวทคู, โส ยสฺส อิสิมนุชขตฺติยพฺราหฺมณานํ อฺตรสฺส ยฺกาเล ยสฺมึ กิสฺมิฺจิ อาหาเร ปจฺจุปฏฺิเต อนฺตมโส วนปณฺณมูลผลาทิมฺหิปิ อาหุตึ ลเภ, ตโต กิฺจิ เทยฺยธมฺมํ ลเภยฺย, ตสฺส ตํ ยฺกมฺมํ อิชฺเฌ สมิชฺเฌยฺย, มหปฺผลํ ภเวยฺยาติ พฺรูมีติ.

๔๖๔. อถ พฺราหฺมโณ ตํ ภควโต ปรมตฺถโยคคมฺภีรํ อติมธุรคิรนิพฺพิการสรสมฺปนฺนํ เทสนํ สุตฺวา สรีรสมฺปตฺติสูจิตฺจสฺส สพฺพคุณสมฺปตฺตึ สมฺภาวยมาโน ปีติโสมนสฺสชาโต ‘‘อทฺธา หิ ตสฺสา’’ติ คาถมาห. ตตฺถ อิติ พฺราหฺมโณติ สงฺคีติการานํ วจนํ, เสสํ พฺราหฺมณสฺส. ตสฺสตฺโถ – อทฺธา หิ ตสฺส มยฺหํ หุตมิชฺเฌ, อยํ อชฺช เทยฺยธมฺโม อิชฺฌิสฺสติ สมิชฺฌิสฺสติ มหปฺผโล ภวิสฺสติ ยํ ตาทิสํ เวทคุมทฺทสาม, ยสฺมา ตาทิสํ ภวนฺตรูปํ เวทคุํ อทฺทสาม. ตฺวฺเว หิ โส เวทคู, น อฺโ. อิโต ปุพฺเพ ปน ตุมฺหาทิสานํ เวทคูนํ อนฺตคูนฺจ อทสฺสเนน อมฺหาทิสานํ ยฺเ ปฏิยตฺตํ อฺโ ชโน ภุฺชติ ปูรฬาสํ จรุกฺจ ปูวฺจาติ.

๔๖๕. ตโต ภควา อตฺตนิ ปสนฺนํ วจนปฏิคฺคหณสชฺชํ พฺราหฺมณํ วิทิตฺวา ยถาสฺส สุฏฺุ ปากฏา โหนฺติ, เอวํ นานปฺปกาเรหิ ทกฺขิเณยฺเย ปกาเสตุกาโม ‘‘ตสฺมาติห ตฺว’’นฺติ คาถมาห. ตสฺสตฺโถ – ยสฺมา มยิ ปสนฺโนสิ, ตสฺมา ปน อิห ตฺวํ, พฺราหฺมณ, อุปสงฺกมฺม ปุจฺฉาติ อตฺตานํ ทสฺเสนฺโต อาห. อิทานิ อิโต ปุพฺพํ อตฺเถนอตฺถิกปทํ ปรปเทน สมฺพนฺธิตพฺพํ – อตฺเถน อตฺถิโก ตสฺส อตฺถตฺถิกภาวสฺส อนุรูปํ กิเลสคฺคิวูปสเมน สนฺตํ, โกธธูมวิคเมน วิธูมํ, ทุกฺขาภาเวน อนีฆํ, อเนกวิธอาสาภาเวน นิราสํ อปฺเปวิธ เอกํเสน อิธ ิโตว อิธ วา สาสเน อภิวินฺเท ลจฺฉสิ อธิคจฺฉิสฺสสิ สุเมธํ วรปฺํ ขีณาสวทกฺขิเณยฺยนฺติ. อถ วา ยสฺมา มยิ ปสนฺโนสิ, ตสฺมาติห, ตฺวํ พฺราหฺมณ, อตฺเถน อตฺถิโก สมาโน อุปสงฺกมฺม ปุจฺฉ สนฺตํ วิธูมํ อนีฆํ นิราสนฺติ อตฺตานํ ทสฺเสนฺโต อาห. เอวํ ปุจฺฉนฺโต อปฺเปวิธ อภิวินฺเท สุเมธํ ขีณาสวทกฺขิเณยฺยนฺติ เอวมฺเปตฺถ โยชนา เวทิตพฺพา.

๔๖๖. อถ พฺราหฺมโณ ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชมาโน ภควนฺตํ อาห – ‘‘ยฺเ รโตหํ…เป… พฺรูหิ เมต’’นฺติ. ตตฺถ ยฺโ ยาโค ทานนฺติ อตฺถโต เอกํ. ตสฺมา ทานรโต อหํ, ตาย เอว ทานารามตาย ทานํ ทาตุกาโม, น ปน ชานามิ, เอวํ อชานนฺตํ อนุสาสตุ มํ ภวํ. อนุสาสนฺโต จ อุตฺตาเนเนว นเยน ยตฺถ หุตํ อิชฺฌเต พฺรูหิ เมตนฺติ เอวเมตฺถ อตฺถโยชนา เวทิตพฺพา. ‘‘ยถาหุต’’นฺติปิ ปาโ.

๔๖๗. อถสฺส ภควา วตฺตุกาโม อาห – ‘‘เตน หิ…เป… เทเสสฺสามี’’ติ. โอหิตโสตสฺส จสฺส อนุสาสนตฺถํ ตาว ‘‘มา ชาตึ ปุจฺฉี’’ติ คาถมาห. ตตฺถ มา ชาตึ ปุจฺฉีติ ยทิ หุตสมิทฺธึ ทานมหปฺผลตํ ปจฺจาสีสสิ, ชาตึ มา ปุจฺฉ. อการณฺหิ ทกฺขิเณยฺยวิจารณาย ชาติ. จรณฺจ ปุจฺฉาติ อปิจ โข สีลาทิคุณเภทํ จรณํ ปุจฺฉ. เอตฺหิ ทกฺขิเณยฺยวิจารณาย การณํ.

อิทานิสฺส ตมตฺถํ วิภาเวนฺโต นิทสฺสนมาห – ‘‘กฏฺา หเว ชายติ ชาตเวโท’’ติอาทิ. ตตฺรายมธิปฺปาโย – อิธ กฏฺา อคฺคิ ชายติ, น จ โส สาลาทิกฏฺา ชาโต เอว อคฺคิกิจฺจํ กโรติ, สาปานโทณิอาทิกฏฺา ชาโต น กโรติ, อปิจ โข อตฺตโน อจฺจิอาทิคุณสมฺปนฺนตฺตา เอว กโรติ. เอวํ น พฺราหฺมณกุลาทีสุ ชาโต เอว ทกฺขิเณยฺโย โหติ, จณฺฑาลกุลาทีสุ ชาโต น โหติ, อปิจ โข นีจากุลีโนปิ อุจฺจากุลีโนปิ ขีณาสวมุนิ ธิติมา หิรีนิเสโธ อาชานิโย โหติ, อิมาย ธิติหิริปมุขาย คุณสมฺปตฺติยา ชาติมา อุตฺตมทกฺขิเณยฺโย โหติ. โส หิ ธิติยา คุเณ ธารยติ, หิริยา โทเส นิเสเธติ. วุตฺตฺเจตํ ‘‘หิริยา หิ สนฺโต น กโรนฺติ ปาป’’นฺติ. เตน เต พฺรูมิ –

‘‘มา ชาตึ ปุจฺฉี จรณฺจ ปุจฺฉ,

กฏฺา หเว ชายติ ชาตเวโท;

นีจากุลีโนปิ มุนี ธิตีมา,

อาชานิโย โหติ หิรีนิเสโธ’’ติ. –

เอส สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน อสฺสลายนสุตฺตานุสาเรน (ม. นิ. ๒.๔๐๑ อาทโย) เวทิตพฺโพ.

๔๖๘. เอวเมตํ ภควา จาตุวณฺณิสุทฺธิยา อนุสาสิตฺวา อิทานิ ยตฺถ หุตํ อิชฺฌเต, ยถา จ หุตํ อิชฺฌเต, ตมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘สจฺเจน ทนฺโต’’ติอาทิคาถมาห. ตตฺถ สจฺเจนาติ ปรมตฺถสจฺเจน. ตฺหิ ปตฺโต ทนฺโต โหติ. เตนาห – ‘‘สจฺเจน ทนฺโต’’ติ. ทมสา อุเปโตติ อินฺทฺริยทเมน สมนฺนาคโต. เวทนฺตคูติ เวเทหิ วา กิเลสานํ อนฺตํ คโต, เวทานํ วา อนฺตํ จตุตฺถมคฺคาณํ คโต. วูสิตพฺรหฺมจริโยติ ปุน วสิตพฺพาภาวโต วุตฺถมคฺคพฺรหฺมจริโย. กาเลน ตมฺหิ หพฺยํ ปเวจฺเฉติ อตฺตโน เทยฺยธมฺมฏฺิตกาลํ ตสฺส สมฺมุขีภาวกาลฺจ อุปลกฺเขตฺวา เตน กาเลน ตาทิเส ทกฺขิเณยฺเย เทยฺยธมฺมํ ปเวจฺเฉยฺย, ปเวเสยฺย ปฏิปาเทยฺย.

๔๖๙-๗๑. กาเมติ วตฺถุกาเม จ กิเลสกาเม จ. สุสมาหิตินฺทฺริยาติ สุฏฺุ สมาหิตอินฺทฺริยา, อวิกฺขิตฺตอินฺทฺริยาติ วุตฺตํ โหติ. จนฺโทว ราหุคฺคหณา ปมุตฺตาติ ยถา จนฺโท ราหุคฺคหณา, เอวํ กิเลสคฺคหณา ปมุตฺตา เย อตีว ภาสนฺติ เจว ตปนฺติ จ. สตาติ สติสมฺปนฺนา. มมายิตานีติ ตณฺหาทิฏฺิมมายิตานิ.

๔๗๒. โย กาเม หิตฺวาติ อิโต ปภุติ อตฺตานํ สนฺธาย วทติ. ตตฺถ กาเม หิตฺวาติ กิเลสกาเม ปหาย. อภิภุยฺยจารีติ เตสํ ปหีนตฺตา วตฺถุกาเม อภิภุยฺยจารี. ชาติมรณสฺส อนฺตํ นาม นิพฺพานํ วุจฺจติ, ตฺจ โย เวทิ อตฺตโน ปฺาพเลน อฺาสิ. อุทกรหโท วาติ เย อิเม อโนตตฺตทโห กณฺณมุณฺฑทโห รถการทโห ฉทฺทนฺตทโห กุณาลทโห มนฺทากินิทโห สีหปฺปปาตทโหติ หิมวติ สตฺต มหารหทา อคฺคิสูริยสนฺตาเปหิ อสมฺผุฏฺตฺตา นิจฺจํ สีตลา, เตสํ อฺตโร อุทกรหโทว สีโต ปรินิพฺพุตกิเลสปริฬาหตฺตา.

๔๗๓. สโมติ ตุลฺโย. สเมหีติ วิปสฺสิอาทีหิ พุทฺเธหิ. เต หิ ปฏิเวธสมตฺตา ‘‘สมา’’ติ วุจฺจนฺติ. นตฺถิ เตสํ ปฏิเวเธนาธิคนฺตพฺเพสุ คุเณสุ, ปหาตพฺเพสุ วา โทเสสุ เวมตฺตตา, อทฺธานอายุกุลปฺปมาณาภินิกฺขมนปธานโพธิรสฺมีหิ ปน เนสํ เวมตฺตตา โหติ. ตถา หิ เต เหฏฺิมปริจฺเฉเทน จตูหิ อสงฺขฺเยยฺเยหิ กปฺปสตสหสฺเสน จ ปารมิโย ปูเรนฺติ, อุปริมปริจฺเฉเทน โสฬสหิ อสงฺขฺเยยฺเยหิ กปฺปสตสหสฺเสน จ. อยํ เนสํ อทฺธานเวมตฺตตา. เหฏฺิมปริจฺเฉเทน จ วสฺสสตายุกกาเล อุปฺปชฺชนฺติ, อุปริมปริจฺเฉเทน วสฺสสตสหสฺสายุกกาเล. อยํ เนสํ อายุเวมตฺตตา. ขตฺติยกุเล วา พฺราหฺมณกุเล วา อุปฺปชฺชนฺติ. อยํ กุลเวมตฺตตา. อุจฺจา วา โหนฺติ อฏฺาสีติหตฺถปฺปมาณา, นีจา วา ปนฺนรสอฏฺารสหตฺถปฺปมาณา. อยํ ปมาณเวมตฺตตา. หตฺถิอสฺสรถสิวิกาทีหิ นิกฺขมนฺติ เวหาเสน วา. ตถา หิ วิปสฺสิกกุสนฺธา อสฺสรเถน นิกฺขมึสุ, สิขีโกณาคมนา หตฺถิกฺขนฺเธน, เวสฺสภู สิวิกาย, กสฺสโป เวหาเสน, สกฺยมุนิ อสฺสปิฏฺิยา. อยํ เนกฺขมฺมเวมตฺตตา. สตฺตาหํ วา ปธานมนุยุฺชนฺติ, อฑฺฒมาสํ, มาสํ, ทฺเวมาสํ, เตมาสํ, จตุมาสํ, ปฺจมาสํ, ฉมาสํ, เอกวสฺสํ ทฺวิติจตุปฺจฉวสฺสานิ วา. อยํ ปธานเวมตฺตตา. อสฺสตฺโถ วา โพธิรุกฺโข โหติ นิคฺโรธาทีนํ วา อฺตโร. อยํ โพธิเวมตฺตตา. พฺยามาสีติอนนฺตปภายุตฺตา โหนฺติ. ตตฺถ พฺยามปฺปภา วา อสีติปฺปภา วา สพฺเพสํ สมานา, อนนฺตปฺปภา ปน ทูรมฺปิ คจฺฉติ อาสนฺนมฺปิ, เอกคาวุตํ ทฺวิคาวุตํ โยชนํ อเนกโยชนํ จกฺกวาฬปริยนฺตมฺปิ, มงฺคลสฺส พุทฺธสฺส สรีรปฺปภา ทสสหสฺสจกฺกวาฬํ อคมาสิ. เอวํ สนฺเตปิ มนสา จินฺตายตฺตาว สพฺพพุทฺธานํ, โย ยตฺตกมิจฺฉติ, ตสฺส ตตฺตกํ คจฺฉติ. อยํ รสฺมิเวมตฺตตา. อิมา อฏฺ เวมตฺตตา เปตฺวา อวเสเสสุ ปฏิเวเธนาธิคนฺตพฺเพสุ คุเณสุ, ปหาตพฺเพสุ วา โทเสสุ นตฺถิ เนสํ วิเสโส, ตสฺมา ‘‘สมา’’ติ วุจฺจนฺติ. เอวเมเตหิ สโม สเมหิ.

วิสเมหิ ทูเรติ น สมา วิสมา, ปจฺเจกพุทฺธาทโย อวเสสสพฺพสตฺตา. เตหิ วิสเมหิ อสทิสตาย ทูเร. สกลชมฺพุทีปํ ปูเรตฺวา ปลฺลงฺเกน ปลฺลงฺกํ สงฺฆฏฺเฏตฺวา นิสินฺนา ปจฺเจกพุทฺธาปิ หิ คุเณหิ เอกสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส กลํ นาคฺฆนฺติ โสฬสึ, โก ปน วาโท สาวกาทีสุ. เตนาห – ‘‘วิสเมหิ ทูเร’’ติ. ตถาคโต โหตีติ อุภยปเทหิ ทูเรติ โยเชตพฺพํ. อนนฺตปฺโติ อปริมิตปฺโ. โลกิยมนุสฺสานฺหิ ปฺํ อุปนิธาย อฏฺมกสฺส ปฺา อธิกา, ตสฺส ปฺํ อุปนิธาย โสตาปนฺนสฺส. เอวํ ยาว อรหโต ปฺํ อุปนิธาย ปจฺเจกพุทฺธสฺส ปฺา อธิกา, ปจฺเจกพุทฺธสฺส ปฺํ ปน อุปนิธาย ตถาคตสฺส ปฺา อธิกาติ น วตฺตพฺพา, อนนฺตา อิจฺเจว ปน วตฺตพฺพา. เตนาห – ‘‘อนนฺตปฺโ’’ติ. อนูปลิตฺโตติ ตณฺหาทิฏฺิเลเปหิ อลิตฺโต. อิธ วา หุรํ วาติ อิธโลเก วา ปรโลเก วา. โยชนา ปเนตฺถ – สโม สเมหิ วิสเมหิ ทูเร ตถาคโต โหติ. กสฺมา? ยสฺมา อนนฺตปฺโ อนุปลิตฺโต อิธ วา หุรํ วา, เตน ตถาคโต อรหติ ปูรฬาสนฺติ.

๔๗๔. ยมฺหิ น มายาติ อยํ ปน คาถา อฺา จ อีทิสา มายาทิโทสยุตฺเตสุ พฺราหฺมเณสุ ทกฺขิเณยฺยสฺาปหานตฺถํ วุตฺตาติ เวทิตพฺพา. ตตฺถ อมโมติ สตฺตสงฺขาเรสุ ‘‘อิทํ มมา’’ติ ปหีนมมายิตภาโว.

๔๗๕. นิเวสนนฺติ ตณฺหาทิฏฺินิเวสนํ. เตน หิ มโน ตีสุ ภเวสุ นิวิสติ, เตน ตํ ‘‘นิเวสนํ มนโส’’ติ วุจฺจติ. ตตฺเถว วา นิวิสติ ตํ หิตฺวา คนฺตุํ อสมตฺถตาย. เตนปิ ‘‘นิเวสน’’นฺติ วุจฺจติ. ปริคฺคหาติ ตณฺหาทิฏฺิโย เอว, ตาหิ ปริคฺคหิตธมฺมา วา. เกจีติ อปฺปมตฺตกาปิ. อนุปาทิยาโนติ เตสํ นิเวสนปริคฺคหานํ อภาวา กฺจิ ธมฺมํ อนุปาทิยมาโน.

๔๗๖. สมาหิโต มคฺคสมาธินา. อุทตารีติ อุตฺติณฺโณ. ธมฺมํ จฺาสีติ สพฺพฺจ เยฺยธมฺมํ อฺาสิ. ปรมาย ทิฏฺิยาติ สพฺพฺุตฺาเณน.

๔๗๗. ภวาสวาติ ภวตณฺหาฌานนิกนฺติสสฺสตทิฏฺิสหคตา ราคา. วจีติ วาจา. ขราติ กกฺขฬา ผรุสา. วิธูปิตาติ ทฑฺฒา. อตฺถคตาติ อตฺถงฺคตา. น สนฺตีติ วิธูปิตตฺตา อตฺถงฺคตตฺตา จ. อุภเยหิ ปน อุภยํ โยเชตพฺพํ สพฺพธีติ สพฺเพสุ ขนฺธายตนาทีสุ.

๔๗๘. มานสตฺเตสูติ มาเนน ลคฺเคสุ. ทุกฺขํ ปริฺายาติ วฏฺฏทุกฺขํ ตีหิ ปริฺาหิ ปริชานิตฺวา. สเขตฺตวตฺถุนฺติ สเหตุปจฺจยํ, สทฺธึ กมฺมกิเลเสหีติ วุตฺตํ โหติ.

๔๗๙. อาสํ อนิสฺสายาติ ตณฺหํ อนลฺลียิตฺวา. วิเวกทสฺสีติ นิพฺพานทสฺสี. ปรเวทิยนฺติ ปเรหิ าเปตพฺพํ. ทิฏฺิมุปาติวตฺโตติ ทฺวาสฏฺิเภทมฺปิ มิจฺฉาทิฏฺึ อติกฺกนฺโต. อารมฺมณาติ ปจฺจยา, ปุนพฺภวการณานีติ วุตฺตํ โหติ.

๔๘๐. ปโรปราติ วราวรา สุนฺทราสุนฺทรา. ปรา วา พาหิรา, อปรา อชฺฌตฺติกา. สเมจฺจาติ าเณน ปฏิวิชฺฌิตฺวา. ธมฺมาติ ขนฺธายตนาทโย ธมฺมา. อุปาทานขเย วิมุตฺโตติ นิพฺพาเน นิพฺพานารมฺมณโต วิมุตฺโต, นิพฺพานารมฺมณวิมุตฺติลาภีติ อตฺโถ.

๔๘๑. สํโยชนํชาติขยนฺตทสฺสีติ สํโยชนกฺขยนฺตทสฺสี ชาติกฺขยนฺตทสฺสี จ. สํโยชนกฺขยนฺเตน เจตฺถ สอุปาทิเสสา นิพฺพานธาตุ, ชาติกฺขยนฺเตน อนุปาทิเสสา วุตฺตา. ขยนฺโตติ หิ อจฺจนฺตขยสฺส สมุจฺเฉทปฺปหานสฺเสตํ อธิวจนํ. อนุนาสิกโลโป เจตฺถ ‘‘วิเวกชํ ปีติสุข’’นฺติอาทีสุ วิย น กโต. โยปานุทีติ โย อปนุทิ. ราคปถนฺติ ราคารมฺมณํ, ราคเมว วา. ราโคปิ หิ ทุคฺคตีนํ ปถตฺตา ‘‘ราคปโถ’’ติ วุจฺจติ กมฺมปโถ วิย. สุทฺโธ นิโทโส วิมโล อกาโจติ ปริสุทฺธกายสมาจาราทิตาย สุทฺโธ. เยหิ ‘‘ราคโทสา อยํ ปชา, โทสโทสา, โมหโทสา’’ติ วุจฺจติ. เตสํ อภาวา นิโทโส. อฏฺปุริสมลวิคมา วิมโล, อุปกฺกิเลสาภาวโต อกาโจ. อุปกฺกิลิฏฺโ หิ อุปกฺกิเลเสน ‘‘สกาโจ’’ติ วุจฺจติ. สุทฺโธ วา ยสฺมา นิทฺโทโส, นิทฺโทสตาย วิมโล, พาหิรมลาภาเวน วิมลตฺตา อกาโจ. สมโล หิ ‘‘สกาโจ’’ติ วุจฺจติ. วิมลตฺตา วา อาคุํ น กโรติ, เตน อกาโจ. อาคุกิริยา หิ อุปฆาตกรณโต ‘‘กาโจ’’ติ วุจฺจติ.

๔๘๒. อตฺตโน อตฺตานํ นานุปสฺสตีติ าณสมฺปยุตฺเตน จิตฺเตน วิปสฺสนฺโต อตฺตโน ขนฺเธสุ อฺํ อตฺตานํ นาม น ปสฺสติ, ขนฺธมตฺตเมว ปสฺสติ. ยา จายํ ‘‘อตฺตนาว อตฺตานํ สฺชานามี’’ติ ตสฺส สจฺจโต เถตโต ทิฏฺิ อุปฺปชฺชติ, ตสฺสา อภาวา อตฺตโน อตฺตานํ นานุปสฺสติ, อฺทตฺถุ ปฺาย ขนฺเธ ปสฺสติ. มคฺคสมาธินา สมาหิโต, กายวงฺกาทีนํ อภาวา อุชฺชุคโต, โลกธมฺเมหิ อกมฺปนียโต ิตตฺโต, ตณฺหาสงฺขาตาย เอชาย ปฺจนฺนํ เจโตขิลานฺจ อฏฺฏฺานาย กงฺขาย จ อภาวา อเนโช อขิโล อกงฺโข.

๔๘๓. โมหนฺตราติ โมหการณา โมหปจฺจยา, สพฺพกิเลสานเมตํ อธิวจนํ. สพฺเพสุ ธมฺเมสุ จ าณทสฺสีติ สจฺฉิกตสพฺพฺุตฺาโณ. ตฺหิ สพฺเพสุ ธมฺเมสุ าณํ, ตฺจ ภควา ปสฺสิ, ‘‘อธิคตํ เม’’ติ สจฺฉิกตฺวา วิหาสิ. เตน วุจฺจติ ‘‘สพฺเพสุ ธมฺเมสุ จ าณทสฺสี’’ติ. สมฺโพธินฺติ อรหตฺตํ. อนุตฺตรนฺติ ปจฺเจกพุทฺธสาวเกหิ อสาธารณํ. สิวนฺติ เขมํ นิรุปทฺทวํ สสฺสิริกํ วา. ยกฺขสฺสาติ ปุริสสฺส. สุทฺธีติ โวทานตา. เอตฺถ หิ โมหนฺตราภาเวน สพฺพโทสาภาโว, เตน สํสารการณสมุจฺเฉโท อนฺติมสรีรธาริตา, าณทสฺสิตาย สพฺพคุณสมฺภโว. เตน อนุตฺตรา สมฺโพธิปตฺติ, อิโต ปรฺจ ปหาตพฺพมธิคนฺตพฺพํ วา นตฺถิ. เตนาห – ‘‘เอตฺตาวตา ยกฺขสฺส สุทฺธี’’ติ.

๔๘๔. เอวํ วุตฺเต พฺราหฺมโณ ภิยฺโยโสมตฺตาย ภควติ ปสนฺโน ปสนฺนาการํ กโรนฺโต อาห ‘‘หุตฺจ มยฺห’’นฺติ. ตสฺสตฺโถ – ยมหํ อิโต ปุพฺเพ พฺรหฺมานํ อารพฺภ อคฺคิมฺหิ อชุหํ, ตํ เม หุตํ สจฺจํ วา โหติ, อลิกํ วาติ น ชานามิ. อชฺช ปน อิทํ หุตฺจ มยฺหํ หุตมตฺถุ สจฺจํ, สจฺจหุตเมว อตฺถูติ ยาจนฺโต ภณติ. ยํ ตาทิสํ เวทคุนํ อลตฺถํ, ยสฺมา อิเธว ิโต ภวนฺตรูปํ เวทคุํ อลตฺถํ. พฺรหฺมา หิ สกฺขิ, ปจฺจกฺขเมว หิ ตฺวํ พฺรหฺมา, ยโต ปฏิคฺคณฺหาตุ เม ภควา, ปฏิคฺคเหตฺวา ภุฺชตุ เม ภควา ปูรฬาสนฺติ ตํ หพฺยเสสํ อุปนาเมนฺโต อาห.

๔๘๗. อถ ภควา กสิภารทฺวาชสุตฺเต วุตฺตนเยน คาถาทฺวยมภาสิ. ตโต พฺราหฺมโณ ‘‘อยํ อตฺตนา น อิจฺฉติ, กมฺปิ จฺํ สนฺธาย ‘เกวลินํ มเหสึ ขีณาสวํ กุกฺกุจฺจวูปสนฺตํ อนฺเนน ปาเนน อุปฏฺหสฺสู’ติ ภณตี’’ติ เอวํ คาถาย อตฺถํ อสลฺลกฺเขตฺวา ตํ าตุกาโม อาห ‘‘สาธาหํ ภควา’’ติ. ตตฺถ สาธูติ อายาจนตฺเถ นิปาโต. ตถาติ เยน ตฺวมาห, เตน ปกาเรน. วิชฺนฺติ ชาเนยฺยํ. นฺติ ยํ ทกฺขิเณยฺยํ ยฺกาเล ปริเยสมาโน อุปฏฺเหยฺยนฺติ ปาเสโส. ปปฺปุยฺยาติ ปตฺวา. ตว สาสนนฺติ ตว โอวาทํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ. สาธาหํ ภควา ตว โอวาทํ อาคมฺม ตถา วิชฺํ อาโรเจหิ เม ตํ เกวลินนฺติ อธิปฺปาโย. โย ทกฺขิณํ ภุฺเชยฺย มาทิสสฺส, ยํ จาหํ ยฺกาเล ปริเยสมาโน อุปฏฺเหยฺยํ, ตถารูปํ เม ทกฺขิเณยฺยํ ทสฺเสหิ, สเจ ตฺวํ น ภุฺชสีติ.

๔๘๘-๙๐. อถสฺส ภควา ปากเฏน นเยน ตถารูปํ ทกฺขิเณยฺยํ ทสฺเสนฺโต ‘‘สารมฺภา ยสฺสา’’ติ คาถาตฺตยมาห. ตตฺถ สีมนฺตานํ วิเนตารนฺติ สีมาติ มริยาทา สาธุชนวุตฺติ, ตสฺสา อนฺตา ปริโยสานา อปรภาคาติ กตฺวา สีมนฺตา วุจฺจนฺติ กิเลสา, เตสํ วิเนตารนฺติ อตฺโถ. สีมนฺตาติ พุทฺธเวเนยฺยา เสกฺขา จ ปุถุชฺชนา จ, เตสํ วิเนตารนฺติปิ เอเก. ชาติมรณโกวิทนฺติ ‘‘เอวํ ชาติ เอวํ มรณ’’นฺติ เอตฺถ กุสลํ. โมเนยฺยสมฺปนฺนนฺติ ปฺาสมฺปนฺนํ, กายโมเนยฺยาทิสมฺปนฺนํ วา. ภกุฏึ วินยิตฺวานาติ ยํ เอกจฺเจ ทุพฺพุทฺธิโน ยาจกํ ทิสฺวา ภกุฏึ กโรนฺติ, ตํ วินยิตฺวา, ปสนฺนมุขา หุตฺวาติ อตฺโถ. ปฺชลิกาติ ปคฺคหิตอฺชลิโน หุตฺวา.

๔๙๑. อถ พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ โถมยมาโน ‘‘พุทฺโธ ภว’’นฺติ คาถมาห. ตตฺถ อายาโคติ อายชิตพฺโพ, ตโต ตโต อาคมฺม วา ยชิตพฺพเมตฺถาติปิ อายาโค, เทยฺยธมฺมานํ อธิฏฺานภูโตติ วุตฺตํ โหติ. เสสเมตฺถ อิโต ปุริมคาถาสุ จ ยํ น วณฺณิตํ, ตํ สกฺกา อวณฺณิตมฺปิ ชานิตุนฺติ อุตฺตานตฺถตฺตาเยว น วณฺณิตํ. อิโต ปรํ ปน กสิภารทฺวาชสุตฺเต วุตฺตนยเมวาติ.

ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย

สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย ปูรฬาสสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. มาฆสุตฺตวณฺณนา

เอวํ เม สุตนฺติ มาฆสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? อยเมว ยาสฺส นิทาเน วุตฺตา. อยฺหิ มาโฆ มาณโว ทายโก อโหสิ ทานปติ. ตสฺเสตทโหสิ – ‘‘สมฺปตฺตกปณทฺธิกาทีนํ ทานํ ทินฺนํ มหปฺผลํ โหติ, อุทาหุ โนติ สมณํ โคตมํ เอตมตฺถํ ปุจฺฉิสฺสามิ, สมโณ กิร โคตโม อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ ชานาตี’’ติ. โส ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิ. ภควา จสฺส ปุจฺฉานุรูปํ พฺยากาสิ. ตยิทํ สงฺคีติการานํ พฺราหฺมณสฺส ภควโตติ ติณฺณมฺปิ วจนํ สโมธาเนตฺวา ‘‘มาฆสุตฺต’’นฺติ วุจฺจติ.

ตตฺถ ราชคเหติ เอวํนามเก นคเร. ตฺหิ มนฺธาตุมหาโควินฺทาทีหิ ปริคฺคหิตตฺตา ‘‘ราชคห’’นฺติ วุจฺจติ. อฺเเปตฺถ ปกาเร วณฺณยนฺติ. กึ เตหิ, นามเมตํ ตสฺส นครสฺส? ตํ ปเนตํ พุทฺธกาเล จ จกฺกวตฺติกาเล จ นครํ โหติ, เสสกาเล สุฺํ โหติ ยกฺขปริคฺคหิตํ, เตสํ วสนฺตวนํ หุตฺวา ติฏฺติ. เอวํ โคจรคามํ ทสฺเสตฺวา นิวาสฏฺานมาห – ‘‘คิชฺฌกูเฏ ปพฺพเต’’ติ. โส จ คิชฺฌา ตสฺส กูเฏสุ วสึสุ, คิชฺฌสทิสานิ วาสฺส กูฏานิ, ตสฺมา ‘‘คิชฺฌกูโฏ’’ติ วุจฺจตีติ เวทิตพฺโพ.

อถ โข…เป… อโวจาติ เอตฺถ มาโฆติ ตสฺส พฺราหฺมณสฺส นามํ. มาณโวติ อนฺเตวาสิวาสํ อนตีตภาเวน วุจฺจติ, ชาติยา ปน มหลฺลโก. ‘‘ปุพฺพาจิณฺณวเสนา’’ติ เอเก ปิงฺคิโย มาณโว วิย. โส หิ วีสวสฺสสติโกปิ ปุพฺพาจิณฺณวเสน ‘‘ปิงฺคิโย มาณโว’’ ตฺเวว สงฺขํ อคมาสิ. เสสํ วุตฺตนยเมว.

อหฺหิ, โภ โคตม…เป… ปสวามีติ เอตฺถ ทายโก ทานปตีติ ทายโก เจว ทานปติ จ. โย หิ อฺสฺส สนฺตกํ เตนาณตฺโต เทติ, โสปิ ทายโก โหติ, ตสฺมึ ปน ทาเน อิสฺสริยาภาวโต น ทานปติ. อยํ ปน อตฺตโน สนฺตกํเยว เทติ. เตนาห – ‘‘อหฺหิ, โภ โคตม, ทายโก ทานปตี’’ติ. อยเมว หิ เอตฺถ อตฺโถ, อฺตฺร ปน อนฺตรนฺตรา มจฺเฉเรน อภิภุยฺยมาโน ทายโก อนภิภูโต ทานปตีติอาทินาปิ นเยน วตฺตุํ วฏฺฏติ. วทฺูติ ยาจกานํ วจนํ ชานามิ วุตฺตมตฺเตเยว ‘‘อยมิทมรหติ อยมิท’’นฺติ ปุริสวิเสสาวธารเณน พหูปการภาวคหเณน วา. ยาจโยโคติ ยาจิตุํ ยุตฺโต. โย หิ ยาจเก ทิสฺวาว ภกุฏึ กตฺวา ผรุสวจนาทีนิ ภณติ, โส น ยาจโยโค โหติ. อหํ ปน น ตาทิโสติ ทีเปติ. ธมฺเมนาติ อทินฺนาทานนิกติวฺจนาทีนิ วชฺเชตฺวา ภิกฺขาจริยาย, ยาจนายาติ อตฺโถ. ยาจนา หิ พฺราหฺมณานํ โภคปริเยสเน ธมฺโม, ยาจมานานฺจ เนสํ ปเรหิ อนุคฺคหกาเมหิ ทินฺนา โภคา ธมฺมลทฺธา นาม ธมฺมาธิคตา จ โหนฺติ, โส จ ตถา ปริเยสิตฺวา ลภิ. เตนาห – ‘‘ธมฺเมน โภเค ปริเยสามิ…เป… ธมฺมาธิคเตหี’’ติ. ภิยฺโยปิ ททามีติ ตโต อุตฺตริปิ ททามิ, ปมาณํ นตฺถิ, เอตฺถ ลทฺธโภคปฺปมาเณน ททามีติ ทสฺเสติ.

ตคฺฆาติ เอกํสวจเน นิปาโต. เอกํเสเนว หิ สพฺพพุทฺธปจฺเจกพุทฺธสาวเกหิ ปสตฺถํ ทานํ อนฺตมโส ติรจฺฉานคตานมฺปิ ทียมานํ. วุตฺตฺเจตํ ‘‘สพฺพตฺถ วณฺณิตํ ทานํ, น ทานํ ครหิตํ กฺวจี’’ติ. ตสฺมา ภควาปิ เอกํเสเนว ตํ ปสํสนฺโต อาห – ‘‘ตคฺฆ ตฺวํ มาณว…เป… ปสวสี’’ติ. เสสํ อุตฺตานตฺถเมว. เอวํ ภควตา ‘‘พหุํ โส ปุฺํ ปสวตี’’ติ วุตฺเตปิ ทกฺขิเณยฺยโต ทกฺขิณาวิสุทฺธึ โสตุกาโม พฺราหฺมโณ อุตฺตริ ภควนฺตํ ปุจฺฉิ. เตนาหุ สงฺคีติการา – ‘‘อถ โข มาโฆ มาณโว ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสี’’ติ. ตํ อตฺถโต วุตฺตนยเมว.

๔๙๒. ปุจฺฉามหนฺติอาทิคาถาสุ ปน วทฺุนฺติ วจนวิทุํ, สพฺพากาเรน สตฺตานํ วุตฺตวจนาธิปฺปายฺุนฺติ วุตฺตํ โหติ. สุชฺเฌติ ทกฺขิเณยฺยวเสน สุทฺธํ มหปฺผลํ ภเวยฺย. โยชนา ปเนตฺถ – โย ยาจโยโค ทานปติ คหฏฺโ ปุฺตฺถิโก หุตฺวา ปเรสํ อนฺนปานํ ททํ ยชติ, น อคฺคิมฺหิ อาหุติมตฺตํ ปกฺขิปนฺโต, ตฺจ โข ปุฺเปกฺโขว น ปจฺจุปการกลฺยาณกิตฺติสทฺทาทิอเปกฺโข, ตสฺส เอวรูปสฺส ยชมานสฺส หุตํ กถํ สุชฺเฌยฺยาติ?

๔๙๓. อาราธเย ทกฺขิเณยฺเยภิ ตาทีติ ตาทิโส ยาจโยโค ทกฺขิเณยฺเยหิ อาราธเย สมฺปาทเย โสธเย, มหปฺผลํ ตํ หุตํ กเรยฺย, น อฺถาติ อตฺโถ. อิมินาสฺส ‘‘กถํ หุตํ ยชมานสฺส สุชฺเฌ’’ อิจฺเจตํ พฺยากตํ โหติ.

๔๙๔. อกฺขาหิ เม ภควา ทกฺขิเณยฺเยติ เอตฺถ โย ยาจโยโค ททํ ปเรสํ ยชติ, ตสฺส เม ภควา ทกฺขิเณยฺเย อกฺขาหีติ เอวํ โยชนา เวทิตพฺพา.

๔๙๕. อถสฺส ภควา นานปฺปกาเรหิ นเยหิ ทกฺขิเณยฺเย ปกาเสนฺโต ‘‘เย เว อสตฺตา’’ติอาทิกา คาถาโย อภาสิ. ตตฺถ อสตฺตาติ ราคาทิสงฺควเสน อลคฺคา. เกวลิโนติ ปรินิฏฺิตกิจฺจา. ยตตฺตาติ คุตฺตจิตฺตา.

๔๙๖-๗. ทนฺตา อนุตฺตเรน ทมเถน, วิมุตฺตา ปฺาเจโตวิมุตฺตีหิ, อนีฆา อายตึ วฏฺฏทุกฺขาภาเวน, นิราสา สมฺปติ กิเลสาภาเวน. อิมิสฺสา ปน คาถาย ทุติยคาถา ภาวนานุภาวปฺปกาสนนเยน วุตฺตาติ เวทิตพฺพา. ‘‘ภาวนานุโยคมนุยุตฺตสฺส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน วิหรโต กิฺจาปิ น เอวํ อิจฺฉา อุปฺปชฺเชยฺย ‘อโห วต เม อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุจฺเจยฺยา’ติ (อ. นิ. ๗.๗๑), อถ ขฺวาสฺส อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุจฺจตี’’ติ อิทํ เจตฺถ สุตฺตํ สาธกํ.

๔๙๘-๕๐๒. ราคฺจ…เป… เยสุ น มายา…เป… น ตณฺหาสุ อุปาติปนฺนาติ กามตณฺหาทีสุ นาธิมุตฺตา. วิตเรยฺยาติ วิตริตฺวา. ตณฺหาติ รูปตณฺหาทิฉพฺพิธา. ภวาภวายาติ สสฺสตาย วา อุจฺเฉทาย วา. อถ วา ภวสฺส อภวาย ภวาภวาย, ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติยาติ วุตฺตํ โหติ. อิธ วา หุรํ วาติ อิทํ ปน ‘‘กุหิฺจิ โลเก’’ติ อิมสฺส วิตฺถารวจนํ.

๕๐๔. เย วีตราคา…เป… สมิตาวิโนติ สมิตวนฺโต, กิเลสวูปสมการิโนติ อตฺโถ. สมิตาวิตตฺตา จ วีตราคา อโกปา. อิธ วิปฺปหายาติ อิธโลเก วตฺตมาเน ขนฺเธ วิหาย, ตโต ปรํ เยสํ คมนํ นตฺถีติ วุตฺตํ โหติ. อิโต ปรํ ‘‘เย กาเม หิตฺวา อคหา จรนฺติ, สุสฺตตฺตา ตสรํว อุชฺชุ’’นฺติ อิมมฺปิ คาถํ เกจิ ปนฺติ.

๕๐๖-๘. ชหิตฺวาติ หิตฺวา. ‘‘ชหิตฺวานา’’ติปิ ปาโ, อยเมวตฺโถ. อตฺตทีปาติ อตฺตโน คุเณ เอว อตฺตโน ทีปํ กตฺวา วิจรนฺตา ขีณาสวา วุจฺจนฺติ. เย เหตฺถาติ หกาโร นิปาโต ปทปูรณมตฺเต. อยํ ปนตฺโถ – เย เอตฺถ ขนฺธายตนาทิสนฺตาเน ยถา อิทํ ขนฺธายตนาทิ ตถา ชานนฺติ, ยํสภาวํ ตํสภาวํเยว สฺชานนฺติ อนิจฺจาทิวเสน ชานนฺตา. อยมนฺติมา นตฺถิ ปุนพฺภโวติ อยํ โน อนฺติมา ชาติ, อิทานิ นตฺถิ ปุนพฺภโวติ เอวฺจ เย ชานนฺตีติ.

๕๐๙. โย เวทคูติ อิทานิ อตฺตานํ สนฺธาย ภควา อิมํ คาถมาห. ตตฺถ สติมาติ ฉสตตวิหารสติยา สมนฺนาคโต. สมฺโพธิปตฺโตติ สพฺพฺุตํ ปตฺโต. สรณํ พหูนนฺติ พหูนํ เทวมนุสฺสานํ ภยวิหึสเนน สรณภูโต.

๕๑๐. เอวํ ทกฺขิเณยฺเย สุตฺวา อตฺตมโน พฺราหฺมโณ อาห – ‘‘อทฺธา อโมฆา’’ติ. ตตฺถ ตฺวฺเหตฺถ ชานาสิ ยถา ตถา อิทนฺติ ตฺวฺหิ เอตฺถ โลเก อิทํ สพฺพมฺปิ เยฺยํ ยถา ตถา ชานาสิ ยาถาวโต ชานาสิ, ยาทิสํ ตํ ตาทิสเมว ชานาสีติ วุตฺตํ โหติ. ตถา หิ เต วิทิโต เอส ธมฺโมติ ตถา หิ เต เอสา ธมฺมธาตุ สุปฺปฏิวิทฺธา, ยสฺสา สุปฺปฏิวิทฺธตา ยํ ยํ อิจฺฉสิ, ตํ ตํ ชานาสีติ อธิปฺปาโย.

๕๑๑. เอวํ โส พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ ปสํสิตฺวา ทกฺขิเณยฺยสมฺปทาย ยฺสมฺปทํ ตฺวา ทายกสมฺปทายปิ ตํ ฉฬงฺคปริปูรํ ยฺสมฺปทํ โสตุกาโม ‘‘โย ยาจโยโค’’ติ อุตฺตริปฺหํ ปุจฺฉิ. ตตฺรายํ โยชนา – โย ยาจโยโค ททํ ปเรสํ ยชติ, ตสฺส อกฺขาหิ เม ภควา ยฺสมฺปทนฺติ.

๕๑๒. อถสฺส ภควา ทฺวีหิ คาถาหิ อกฺขาสิ. ตตฺถายํ อตฺถโยชนา – ยชสฺสุ มาฆ, ยชมาโน จ สพฺพตฺถ วิปฺปสาเทหิ จิตฺตํ, ตีสุปิ กาเลสุ จิตฺตํ ปสาเทหิ. เอวํ เต ยายํ –

‘‘ปุพฺเพว ทานา สุมโน, ททํ จิตฺตํ ปสาทเย;

ทตฺวา อตฺตมโน โหติ, เอสา ยฺสฺส สมฺปทา’’ติ. (อ. นิ. ๖.๓๗; เป. ว. ๓๐๕) –

ยฺสมฺปทา วุตฺตา, ตาย สมฺปนฺโน ยฺโ ภวิสฺสติ. ตตฺถ สิยา ‘‘กถํ จิตฺตํ ปสาเทตพฺพ’’นฺติ? โทสปฺปหาเนน. กถํ โทสปฺปหานํ โหติ? ยฺารมฺมณตาย. อยฺหิ อารมฺมณํ ยชมานสฺส ยฺโ เอตฺถ ปติฏฺาย ชหาติ โทสํ, อยฺหิ สตฺเตสุ เมตฺตาปุพฺพงฺคเมน สมฺมาทิฏฺิปทีปวิหตโมหนฺธกาเรน จิตฺเตน ยชมานสฺส เทยฺยธมฺมสงฺขาโต ยฺโ อารมฺมณํ โหติ, โส เอตฺถ ยฺเ อารมฺมณวเสน ปวตฺติยา ปติฏฺาย เทยฺยธมฺมปจฺจยํ โลภํ, ปฏิคฺคาหกปจฺจยํ โกธํ, ตทุภยนิทานํ โมหนฺติ เอวํ ติวิธมฺปิ ชหาติ โทสํ. โส เอวํ โภเคสุ วีตราโค, สตฺเตสุ จ ปวิเนยฺย โทสํ ตปฺปหาเนเนว ปหีนปฺจนีวรโณ อนุกฺกเมน อุปจารปฺปนาเภทํ อปริมาณสตฺตผรเณน เอกสตฺเต วา อนวเสสผรเณน อปฺปมาณํ เมตฺตํ จิตฺตํ ภาเวนฺโต ปุน ภาวนาเวปุลฺลตฺถํ, รตฺตินฺทิวํ สตตํ สพฺพอิริยาปเถสุ อปฺปมตฺโต หุตฺวา ตเมว เมตฺตชฺฌานสงฺขาตํ สพฺพา ทิสา ผรเต อปฺปมฺนฺติ.

๕๑๔. อถ พฺราหฺมโณ ตํ เมตฺตํ ‘‘พฺรหฺมโลกมคฺโค อย’’นฺติ อชานนฺโต เกวลํ อตฺตโน วิสยาตีตํ เมตฺตาภาวนํ สุตฺวา สุฏฺุตรํ สฺชาตสพฺพฺุสมฺภาวโน ภควติ อตฺตนา พฺรหฺมโลกาธิมุตฺตตฺตา พฺรหฺมโลกูปปตฺติเมว จ สุทฺธึ มุตฺติฺจ มฺมาโน พฺรหฺมโลกมคฺคํ ปุจฺฉนฺโต ‘‘โก สุชฺฌตี’’ติ คาถมาห. ตตฺร จ พฺรหฺมโลกคามึ ปุฺํ กโรนฺตํ สนฺธายาห – ‘‘โก สุชฺฌติ มุจฺจตี’’ติ, อกโรนฺตํ สนฺธาย ‘‘พชฺฌตี จา’’ติ. เกนตฺตนาติ เกน การเณน. สกฺขิ พฺรหฺมชฺชทิฏฺโติ พฺรหฺมา อชฺช สกฺขิ ทิฏฺโ. สจฺจนฺติ ภควโต พฺรหฺมสมตฺตํ อารพฺภ อจฺจาทเรน สปถํ กโรติ. กถํ อุปปชฺชตีติ อจฺจาทเรเนว ปุนปิ ปุจฺฉติ. ชุติมาติ ภควนฺตํ อาลปติ.

ตตฺถ ยสฺมา โย ภิกฺขุ เมตฺตาย ติกจตุกฺกชฺฌานํ อุปฺปาเทตฺวา ตเมว ปาทกํ กตฺวา วิปสฺสนฺโต อรหตฺตํ ปาปุณาติ, โส สุชฺฌติ มุจฺจติ จ, ตถารูโป จ พฺรหฺมโลกํ น คจฺฉติ. โย ปน เมตฺตาย ติกจตุกฺกชฺฌานํ อุปฺปาเทตฺวา ‘‘สนฺตา เอสา สมาปตฺตี’’ติอาทินา นเยน ตํ อสฺสาเทติ, โส พชฺฌติ. อปริหีนชฺฌาโน จ เตเนว ฌาเนน พฺรหฺมโลกํ คจฺฉติ, ตสฺมา ภควา โย สุชฺฌติ มุจฺจติ จ, ตสฺส พฺรหฺมโลกคมนํ อนนุชานนฺโต อนามสิตฺวาว ตํ ปุคฺคลํ โย พชฺฌติ. ตสฺส เตน ฌาเนน พฺรหฺมโลกคมนํ ทสฺเสนฺโต พฺราหฺมณสฺส สปฺปาเยน นเยน ‘‘โย ยชตี’’ติ อิมํ คาถมาห.

๕๑๕. ตตฺถ ติวิธนฺติ ติกาลปฺปสาทํ สนฺธายาห. เตน ทายกโต องฺคตฺตยํ ทสฺเสติ. อาราธเย ทกฺขิเณยฺเยภิ ตาทีติ ตฺจ โส ตาทิโส ติวิธสมฺปตฺติสาธโก ปุคฺคโล ติวิธํ ยฺสมฺปทํ ทกฺขิเณยฺเยหิ ขีณาสเวหิ สาเธยฺย สมฺปาเทยฺย. อิมินา ปฏิคฺคาหกโต องฺคตฺตยํ ทสฺเสติ. เอวํ ยชิตฺวา สมฺมา ยาจโยโคติ เอวํ เมตฺตชฺฌานปทฏฺานภาเวน ฉฬงฺคสมนฺนาคตํ ยฺํ สมฺมา ยชิตฺวา โส ยาจโยโค เตน ฉฬงฺคยฺูปนิสฺสเยน เมตฺตชฺฌาเนน อุปปชฺชติ พฺรหฺมโลกนฺติ พฺรูมีติ พฺราหฺมณํ สมุสฺสาเหนฺโต เทสนํ สมาเปสิ. เสสํ สพฺพคาถาสุ อุตฺตานตฺถเมว. อิโต ปรฺจ ปุพฺเพ วุตฺตนยเมวาติ.

ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย

สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย มาฆสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. สภิยสุตฺตวณฺณนา

เอวํ เม สุตนฺติ สภิยสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? อยเมว ยาสฺส นิทาเน วุตฺตา. อตฺถวณฺณนากฺกเมปิ จสฺส ปุพฺพสทิสํ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. ยํ ปน อปุพฺพํ, ตํ อุตฺตานตฺถานิ ปทานิ ปริหรนฺตา วณฺณยิสฺสาม. เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเปติ เวฬุวนนฺติ ตสฺส อุยฺยานสฺส นามํ. ตํ กิร เวฬูหิ จ ปริกฺขิตฺตํ อโหสิ อฏฺารสหตฺเถน จ ปากาเรน, โคปุรทฺวารฏฺฏาลกยุตฺตํ นีโลภาสํ มโนรมํ, เตน ‘‘เวฬุวน’’นฺติ วุจฺจติ. กลนฺทกานฺเจตฺถ นิวาปํ อทํสุ, เตน ‘‘กลนฺทกนิวาโป’’ติ วุจฺจติ. กลนฺทกา นาม กาฬกา วุจฺจนฺติ. ปุพฺเพ กิร อฺตโร ราชา ตตฺถ อุยฺยานกีฬนตฺถํ อาคโต สุรามเทน มตฺโต ทิวาเสยฺยํ สุปิ. ปริชโนปิสฺส ‘‘สุตฺโต ราชา’’ติ ปุปฺผผลาทีหิ ปโลภิยมาโน อิโต จิโต จ ปกฺกามิ. อถ สุราคนฺเธน อฺตรสฺมา สุสิรรุกฺขา กณฺหสปฺโป นิกฺขมิตฺวา รฺโ อภิมุโข อาคจฺฉติ. ตํ ทิสฺวา รุกฺขเทวตา ‘‘รฺโ ชีวิตํ ทสฺสามี’’ติ กาฬกเวเสน อาคนฺตฺวา กณฺณมูเล สทฺทมกาสิ. ราชา ปฏิพุชฺฌิ, กณฺหสปฺโป นิวตฺโต. โส ตํ ทิสฺวา ‘‘อิมาย มม กาฬกาย ชีวิตํ ทินฺน’’นฺติ กาฬกานํ ตตฺถ นิวาปํ ปฏฺเปสิ, อภยโฆสนฺจ โฆสาเปสิ. ตสฺมา ตํ ตโต ปภุติ ‘‘กลนฺทกนิวาโป’’ติ สงฺขํ คตํ.

สภิยสฺส ปริพฺพาชกสฺสาติ สภิโยติ ตสฺส นามํ, ปริพฺพาชโกติ พาหิร ปพฺพชฺชํ อุปาทาย วุจฺจติ. ปุราณสาโลหิตาย เทวตายาติ น มาตา น ปิตา, อปิจ โข ปนสฺส มาตา วิย ปิตา วิย จ หิตชฺฌาสยตฺตา โส เทวปุตฺโต ‘‘ปุราณสาโลหิตา เทวตา’’ติ วุตฺโต. ปรินิพฺพุเต กิร กสฺสเป ภควติ ปติฏฺิเต สุวณฺณเจติเย ตโย กุลปุตฺตา สมฺมุขสาวกานํ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา จริยานุรูปานิ กมฺมฏฺานานิ คเหตฺวา ปจฺจนฺตชนปทํ คนฺตฺวา อรฺายตเน สมณธมฺมํ กโรนฺติ, อนฺตรนฺตรา จ เจติยวนฺทนตฺถาย ธมฺมสฺสวนตฺถาย จ นครํ คจฺฉนฺติ. อปเรน จ สมเยน ตาวตกมฺปิ อรฺเ วิปฺปวาสํ อโรจยมานา ตตฺเถว อปฺปมตฺตา วิหรึสุ, เอวํ วิหรนฺตาปิ น จ กิฺจิ วิเสสํ อธิคมึสุ. ตโต เนสํ อโหสิ – ‘‘มยํ ปิณฺฑาย คจฺฉนฺตา ชีวิเต สาเปกฺขา โหม, ชีวิเต สาเปกฺเขน จ น สกฺกา โลกุตฺตรธมฺโม อธิคนฺตุํ, ปุถุชฺชนกาลกิริยาปิ ทุกฺขา, หนฺท มยํ นิสฺเสณึ พนฺธิตฺวา ปพฺพตํ อภิรุยฺห กาเย จ ชีวิเต จ อนเปกฺขา สมณธมฺมํ กโรมา’’ติ. เต ตถา อกํสุ.

อถ เนสํ มหาเถโร อุปนิสฺสยสมฺปนฺนตฺตา ตทเหว ฉฬภิฺาปริวารํ อรหตฺตํ สจฺฉากาสิ. โส อิทฺธิยา หิมวนฺตํ คนฺตฺวา อโนตตฺเต มุขํ โธวิตฺวา อุตฺตรกุรูสุ ปิณฺฑาย จริตฺวา กตภตฺตกิจฺโจ ปุน อฺมฺปิ ปเทสํ คนฺตฺวา ปตฺตํ ปูเรตฺวา อโนตตฺตอุทกฺจ นาคลตาทนฺตโปณฺจ คเหตฺวา เตสํ สนฺติกํ อาคนฺตฺวา อาห – ‘‘ปสฺสถาวุโส มมานุภาวํ, อยํ อุตฺตรกุรุโต ปิณฺฑปาโต, อิทํ หิมวนฺตโต อุทกทนฺตโปณํ อาภตํ, อิมํ ภุฺชิตฺวา สมณธมฺมํ กโรถ, เอวาหํ ตุมฺเห สทา อุปฏฺหิสฺสามี’’ติ. เต ตํ สุตฺวา อาหํสุ – ‘‘ตุมฺเห, ภนฺเต, กตกิจฺจา, ตุมฺเหหิ สห สลฺลาปมตฺตมฺปิ อมฺหากํ ปปฺโจ, มา ทานิ ตุมฺเห ปุน อมฺหากํ สนฺติกํ อาคมิตฺถา’’ติ. โส เกนจิ ปริยาเยน เต สมฺปฏิจฺฉาเปตุํ อสกฺโกนฺโต ปกฺกามิ.

ตโต เตสํ เอโก ทฺวีหตีหจฺจเยน ปฺจาภิฺโ อนาคามี อโหสิ. โสปิ ตเถว อกาสิ, อิตเรน จ ปฏิกฺขิตฺโต ตเถว อคมาสิ. โส ตํ ปฏิกฺขิปิตฺวา วายมนฺโต ปพฺพตํ อารุหนทิวสโต สตฺตเม ทิวเส กิฺจิ วิเสสํ อนธิคนฺตฺวาว กาลกโต เทวโลเก นิพฺพตฺติ. ขีณาสวตฺเถโรปิ ตํ ทิวสเมว ปรินิพฺพายิ, อนาคามี สุทฺธาวาเสสุ อุปฺปชฺชิ. เทวปุตฺโต ฉสุ กามาวจรเทวโลเกสุ อนุโลมปฏิโลเมน ทิพฺพสมฺปตฺตึ อนุภวิตฺวา อมฺหากํ ภควโต กาเล เทวโลกา จวิตฺวา อฺตริสฺสา ปริพฺพาชิกาย กุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ อคฺคเหสิ. สา กิร อฺตรสฺส ขตฺติยสฺส ธีตา, ตํ มาตาปิตโร ‘‘อมฺหากํ ธีตา สมยนฺตรํ ชานาตู’’ติ เอกสฺส ปริพฺพาชกสฺส นิยฺยาเตสุํ. ตสฺเสโก อนฺเตวาสิโก ปริพฺพาชโก ตาย สทฺธึ วิปฺปฏิปชฺชิ. สา เตน คพฺภํ คณฺหิ. ตํ คพฺภินึ ทิสฺวา ปริพฺพาชิกา นิกฺกฑฺฒึสุ. สา อฺตฺถ คจฺฉนฺตี อนฺตรามคฺเค สภายํ วิชายิ, เตนสฺส ‘‘สภิโย’’ตฺเวว นามํ อกาสิ. โสปิ สภิโย วฑฺฒิตฺวา ปริพฺพาชกปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา นานาสตฺถานิ อุคฺคเหตฺวา มหาวาที หุตฺวา วาทกฺขิตฺตตาย สกลชมฺพุทีเป วิจรนฺโต อตฺตโน สทิสํ วาทึ อทิสฺวา นครทฺวาเร อสฺสมํ การาเปตฺวา ขตฺติยกุมาราทโย สิปฺปํ สิกฺขาเปนฺโต ตตฺถ วสติ.

อถ ภควา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺโก อนุปุพฺเพน ราชคหํ อาคนฺตฺวา เวฬุวเน วิหรติ กลนฺทกนิวาเป. สภิโย ปน พุทฺธุปฺปาทํ น ชานาติ. อถ โส สุทฺธาวาสพฺรหฺมา สมาปตฺติโต วุฏฺาย ‘‘อิมาหํ วิเสสํ กสฺสานุภาเวน ปตฺโต’’ติ อาวชฺเชนฺโต กสฺสปสฺส ภควโต สาสเน สมณธมฺมกิริยํ เต จ สหาเย อนุสฺสริตฺวา ‘‘เตสุ เอโก ปรินิพฺพุโต, เอโก อิทานิ กตฺถา’’ติ อาวชฺเชนฺโต ‘‘เทวโลกา จวิตฺวา ชมฺพุทีเป อุปฺปนฺโน พุทฺธุปฺปาทมฺปิ น ชานาตี’’ติ ตฺวา ‘‘หนฺท นํ พุทฺธุปเสวนาย นิโยเชมี’’ติ วีสติ ปฺเห อภิสงฺขริตฺวา รตฺติภาเค ตสฺส อสฺสมมาคมฺม อากาเส ตฺวา ‘‘สภิย, สภิยา’’ติ ปกฺโกสิ. โส นิทฺทายมาโน ติกฺขตฺตุํ ตํ สทฺทํ สุตฺวา นิกฺขมฺม โอภาสํ ทิสฺวา ปฺชลิโก อฏฺาสิ. ตโต ตํ พฺรหฺมา อาห – ‘‘อหํ สภิย ตวตฺถาย วีสติ ปฺเห อาหรึ, เต ตฺวํ อุคฺคณฺห. โย จ เต สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา อิเม ปฺเห ปุฏฺโ พฺยากโรติ, ตสฺส สนฺติเก พฺรหฺมจริยํ จเรยฺยาสี’’ติ. อิมํ เทวปุตฺตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ ‘‘ปุราณสาโลหิตาย เทวตาย ปฺหา อุทฺทิฏฺา โหนฺตี’’ติ. อุทฺทิฏฺาติ อุทฺเทสมตฺเตเนว วุตฺตา, น วิภงฺเคน.

เอวํ วุตฺเต จ เน สภิโย เอกวจเนเนว ปทปฏิปาฏิยา อุคฺคเหสิ. อถ โส พฺรหฺมา ชานนฺโตปิ ตสฺส พุทฺธุปฺปาทํ นาจิกฺขิ. ‘‘อตฺถํ คเวสมาโน ปริพฺพาชโก สยเมว สตฺถารํ สฺสติ. อิโต พหิทฺธา จ สมณพฺราหฺมณานํ ตุจฺฉภาว’’นฺติ อิมินา ปนาธิปฺปาเยน เอวมาห – ‘‘โย เต สภิย…เป… จเรยฺยาสี’’ติ. เถรคาถาสุ ปน จตุกฺกนิปาเต สภิยตฺเถราปทานํ วณฺเณนฺตา ภณนฺติ ‘‘สา จสฺส มาตา อตฺตโน วิปฺปฏิปตฺตึ จินฺเตตฺวา ตํ ชิคุจฺฉมานา ฌานํ อุปฺปาเทตฺวา พฺรหฺมโลเก อุปฺปนฺนา, ตาย พฺรหฺมเทวตาย เต ปฺหา อุทฺทิฏฺา’’ติ.

เย เตติ อิทานิ วตฺตพฺพานํ อุทฺเทสปจฺจุทฺเทโส. สมณพฺราหฺมณาติ ปพฺพชฺชูปคมเนน โลกสมฺมุติยา จ สมณา เจว พฺราหฺมณา จ. สงฺฆิโนติ คณวนฺโต. คณิโนติ สตฺถาโร, ‘‘สพฺพฺุโน มย’’นฺติ เอวํ ปฏิฺาตาโร. คณาจริยาติ อุทฺเทสปริปุจฺฉาทิวเสน ปพฺพชิตคหฏฺคณสฺส อาจริยา. าตาติ อภิฺาตา, วิสฺสุตา ปากฏาติ วุตฺตํ โหติ. ยสสฺสิโนติ ลาภปริวารสมฺปนฺนา. ติตฺถกราติ เตสํ ทิฏฺานุคตึ อาปชฺชนฺเตหิ โอตริตพฺพานํ โอคาหิตพฺพานํ ทิฏฺิติตฺถานํ กตฺตาโร. สาธุสมฺมตา พหุชนสฺสาติ ‘‘สาธโว เอเต สนฺโต สปฺปุริสา’’ติ เอวํ พหุชนสฺส สมฺมตา.

เสยฺยถิทนฺติ กตเม เตติ เจ-อิจฺเจตสฺมึ อตฺเถ นิปาโต. ปูรโณติ นามํ, กสฺสโปติ โคตฺตํ. โส กิร ชาติยา ทาโส, ทาสสตํ ปูเรนฺโต ชาโต. เตนสฺส ‘‘ปูรโณ’’ติ นามมกํสุ. ปลายิตฺวา ปน นคฺเคสุ ปพฺพชิตฺวา ‘‘กสฺสโป อห’’นฺติ โคตฺตํ อุทฺทิสิ, สพฺพฺุตฺจ ปจฺจฺาสิ. มกฺขลีติ นามํ, โคสาลาย ชาตตฺตา โคสาโลติปิ วุจฺจติ. โสปิ กิร ชาติยา ทาโส เอว, ปลายิตฺวา ปพฺพชิ, สพฺพฺุตฺจ ปจฺจฺาสิ. อชิโตติ นามํ, อปฺปิจฺฉตาย เกสกมฺพลํ ธาเรติ, เตน เกสกมฺพโลติปิ วุจฺจติ, โสปิ สพฺพฺุตํ ปจฺจฺาสิ. ปกุโธติ นามํ, กจฺจายโนติ โคตฺตํ. อปฺปิจฺฉวเสน อุทเก ชีวสฺาย จ นฺหานมุขโธวนาทิ ปฏิกฺขิตฺโต, โสปิ สพฺพฺุตํ ปจฺจฺาสิ. สฺจโยติ นามํ, เพลฏฺโ ปนสฺส ปิตา, ตสฺมา เพลฏฺปุตฺโตติ วุจฺจติ, โสปิ สพฺพฺุตํ ปจฺจฺาสิ. นิคณฺโติ ปพฺพชฺชานาเมน, นาฏปุตฺโตติ ปิตุนาเมน วุจฺจติ. นาโฏติ กิร นามสฺส ปิตา, ตสฺส ปุตฺโตติ นาฏปุตฺโต, โสปิ สพฺพฺุตํ ปจฺจฺาสิ. สพฺเพปิ ปฺจสตปฺจสตสิสฺสปริวารา อเหสุํ. เตติ เต ฉ สตฺถาโร. เต ปฺเหติ เต วีสติ ปฺเห. เตติ เต ฉ สตฺถาโร. น สมฺปายนฺตีติ น สมฺปาเทนฺติ. โกปนฺติ จิตฺตเจตสิกานํ อาวิลภาวํ. โทสนฺติ ปทุฏฺจิตฺตตํ, ตทุภยมฺเปตํ มนฺทติกฺขเภทสฺส โกธสฺเสวาธิวจนํ. อปฺปจฺจยนฺติ อปฺปตีตตา, โทมนสฺสนฺติ วุตฺตํ โหติ. ปาตุกโรนฺตีติ กายวจีวิกาเรน ปกาเสนฺติ, ปากฏํ กโรนฺติ.

หีนายาติ คหฏฺภาวาย. คหฏฺภาโว หิ ปพฺพชฺชํ อุปนิธาย สีลาทิคุณหีนโต หีนกามสุขปฏิเสวนโต วา ‘‘หีโน’’ติ วุจฺจติ. อุจฺจา ปพฺพชฺชา. อาวตฺติตฺวาติ โอสกฺกิตฺวา. กาเม ปริภุฺเชยฺยนฺติ กาเม ปฏิเสเวยฺยํ. อิติ กิรสฺส สพฺพฺุปฏิฺานมฺปิ ปพฺพชิตานํ ตุจฺฉกตฺตํ ทิสฺวา อโหสิ. อุปฺปนฺนปริวิตกฺกวเสเนว จ อาคนฺตฺวา ปุนปฺปุนํ วีมํสมานสฺส อถ โข สภิยสฺส ปริพฺพาชกสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อยมฺปิ โข สมโณ’’ติ จ ‘‘เยปิ โข เต โภนฺโต’’ติ จ ‘‘สมโณ โข ทหโรติ น อุฺาตพฺโพ’’ติ จาติ เอวมาทิ. ตตฺถ ชิณฺณาติอาทีนิ ปทานิ วุตฺตนยาเนว. เถราติ อตฺตโน สมณธมฺเม ถิรภาวปฺปตฺตา. รตฺตฺูติ รตนฺู, ‘‘นิพฺพานรตนํ ชานาม มย’’นฺติ เอวํ สกาย ปฏิฺาย โลเกนาปิ สมฺมตา, พหุรตฺติวิทู วา. จิรํ ปพฺพชิตานํ เอเตสนฺติ จิรปพฺพชิตา. น อุฺาตพฺโพติ น อวชานิตพฺโพ, น นีจํ กตฺวา ชานิตพฺโพติ วุตฺตํ โหติ. น ปริโภตพฺโพติ น ปริภวิตพฺโพ, ‘‘กิเมส สฺสตี’’ติ เอวํ น คเหตพฺโพติ วุตฺตํ โหติ.

๕๑๖. กงฺขี เวจิกิจฺฉีติ สภิโย ภควตา สทฺธึ สมฺโมทมาโน เอวํ ภควโต รูปสมฺปตฺติทมูปสมสูจิตํ สพฺพฺุตํ สมฺภาวยมาโน วิคตุทฺธจฺโจ หุตฺวา อาห – ‘‘กงฺขี เวจิกิจฺฉี’’ติ. ตตฺถ ‘‘ลเภยฺยํ นุ โข อิเมสํ พฺยากรณ’’นฺติ เอวํ ปฺหานํ พฺยากรณกงฺขาย กงฺขี. ‘‘โก นุ โข อิมสฺสิมสฺส จ ปฺหสฺส อตฺโถ’’ติ เอวํ วิจิกิจฺฉาย เวจิกิจฺฉี. ทุพฺพลวิจิกิจฺฉาย วา เตสํ ปฺหานํ อตฺเถ กงฺขนโต กงฺขี, พลวติยา วิจินนฺโต กิจฺฉติเยว, น สกฺโกติ สนฺนิฏฺาตุนฺติ เวจิกิจฺฉี. อภิกงฺขมาโนติ อติวิย ปตฺถยมาโน. เตสนฺตกโรติ เตสํ ปฺหานํ อนฺตกโร. ภวนฺโตว เอวํ ภวาหีติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ปฺเห เม ปุฏฺโ…เป… พฺยากโรหิ เม’’ติ. ตตฺถ ปฺเห เมติ ปฺเห มยา. ปุฏฺโติ ปุจฺฉิโต. อนุปุพฺพนฺติ ปฺหปฏิปาฏิยา อนุธมฺมนฺติ อตฺถานุรูปํ ปาฬึ อาโรเปนฺโต. พฺยากโรหิ เมติ มยฺหํ พฺยากโรหิ.

๕๑๗. ทูรโตติ โส กิร อิโต จิโต จาหิณฺฑนฺโต สตฺตโยชนสตมคฺคโต อาคโต. เตนาห – ภควา ‘‘ทูรโต อาคโตสี’’ติ, กสฺสปสฺส ภควโต วา สาสนโต อาคตตฺตา ‘‘ทูรโต อาคโตสี’’ติ นํ อาห.

๕๑๘. ปุจฺฉ มนฺติ อิมาย ปนสฺส คาถาย สพฺพฺุปวารณํ ปวาเรติ. ตตฺถ มนสิจฺฉสีติ มนสา อิจฺฉสิ.

ยํ วตาหนฺติ ยํ วต อหํ. อตฺตมโนติ ปีติปาโมชฺชโสมนสฺเสหิ ผุฏจิตฺโต. อุทคฺโคติ กาเยน จิตฺเตน จ อพฺภุนฺนโต. อิทํ ปน ปทํ น สพฺพปาเสุ อตฺถิ. อิทานิ เยหิ ธมฺเมหิ อตฺตมโน, เต ทสฺเสนฺโต อาห – ‘‘ปมุทิโต ปีติโสมนสฺสชาโต’’ติ.

๕๑๙. กึ ปตฺตินนฺติ กึ ปตฺตํ กิมธิคตํ. โสรตนฺติ สุวูปสนฺตํ. ‘‘สุรต’’นฺติปิ ปาโ, สุฏฺุ อุปรตนฺติ อตฺโถ. ทนฺตนฺติ ทมิตํ. พุทฺโธติ วิพุทฺโธ, พุทฺธโพทฺธพฺโพ วา. เอวํ สภิโย เอเกกาย คาถาย จตฺตาโร จตฺตาโร กตฺวา ปฺจหิ คาถาหิ วีสติ ปฺเห ปุจฺฉิ. ภควา ปนสฺส เอกเมกํ ปฺหํ เอกเมกาย คาถาย กตฺวา อรหตฺตนิกูเฏเนว วีสติยา คาถาหิ พฺยากาสิ.

๕๒๐. ตตฺถ ยสฺมา ภินฺนกิเลโส ปรมตฺถภิกฺขุ, โส จ นิพฺพานปฺปตฺโต โหติ, ตสฺมา อสฺส ‘‘กึ ปตฺตินมาหุ ภิกฺขุน’’นฺติ อิมํ ปฺหํ พฺยากโรนฺโต ‘‘ปชฺเชนา’’ติอาทิมาห. ตสฺสตฺโถ – โย อตฺตนา ภาวิเตน มคฺเคน ปรินิพฺพานคโต กิเลสปรินิพฺพานํ ปตฺโต, ปรินิพฺพานคตตฺตา เอว จ วิติณฺณกงฺโข วิปตฺติสมฺปตฺติหานิพุทฺธิอุจฺเฉทสสฺสตอปุฺปุฺเภทํ วิภวฺจ ภวฺจ วิปฺปหาย, มคฺควาสํ วุสิตวา ขีณปุนพฺภโวติ จ เอเตสํ ถุติวจนานํ อรโห, โส ภิกฺขูติ.

๕๒๑. ยสฺมา ปน วิปฺปฏิปตฺติโต สุฏฺุ อุปรตภาเวน นานปฺปการกิเลสวูปสเมน จ โสรโต โหติ, ตสฺมา ตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘สพฺพตฺถ อุเปกฺขโก’’ติอาทินา นเยน ทุติยปฺหพฺยากรณมาห. ตสฺสตฺโถ – โย สพฺพตฺถ รูปาทีสุ อารมฺมเณสุ ‘‘จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา เนว สุมโน โหติ, น ทุมฺมโน’’ติ เอวํ ปวตฺตาย ฉฬงฺคุเปกฺขาย อุเปกฺขโก, เวปุลฺลปฺปตฺตาย สติยา สติมา, น โส หึสติ เนว หึสติ กฺจิ ตสถาวราทิเภทํ สตฺตํ สพฺพโลเก สพฺพสฺมิมฺปิ โลเก, ติณฺโณฆตฺตา ติณฺโณ, สมิตปาปตฺตา สมโณ, อาวิลสงฺกปฺปปฺปหานา อนาวิโล. ยสฺส จิเม ราคโทสโมหมานทิฏฺิกิเลสทุจฺจริตสงฺขาตา สตฺตุสฺสทา เกจิ โอฬาริกา วา สุขุมา วา น สนฺติ, โส อิมาย อุเปกฺขาวิหาริตาย สติเวปุลฺลตาย อหึสกตาย จ วิปฺปฏิปตฺติโต สุฏฺุ อุปรตภาเวน อิมินา โอฆาทินานปฺปการกิเลสวูปสเมน โสรโตติ.

๕๒๒. ยสฺมา จ ภาวิตินฺทฺริโย นิพฺภโย นิพฺพิกาโร ทนฺโต โหติ, ตสฺมา ตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยสฺสินฺทฺริยานี’’ติ คาถาย ตติยปฺหํ พฺยากาสิ. ตสฺสตฺโถ – ยสฺส จกฺขาทีนิ ฉฬินฺทฺริยานิ โคจรภาวนาย อนิจฺจาทิติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา วาสนาภาวนาย สติสมฺปชฺคนฺธํ คาหาเปตฺวา จ ภาวิตานิ, ตานิ จ โข ยถา อชฺฌตฺตํ โคจรภาวนาย, เอวํ ปน พหิทฺธา จ สพฺพโลเกติ ยตฺถ ยตฺถ อินฺทฺริยานํ เวกลฺลตา เวกลฺลตาย วา สมฺภโว, ตตฺถ ตตฺถ นาภิชฺฌาทิวเสน ภาวิตานีติ เอวํ นิพฺพิชฺฌ ตฺวา ปฏิวิชฺฌิตฺวา อิมํ ปรฺจ โลกํ สกสนฺตติกฺขนฺธโลกํ ปรสนฺตติกฺขนฺธโลกฺจ อทนฺธมรณํ มริตุกาโม กาลํ กงฺขติ, ชีวิตกฺขยกาลํ อาคเมติ ปติมาเนติ, น ภายติ มรณสฺส. ยถาห เถโร –

‘‘มรเณ เม ภยํ นตฺถิ, นิกนฺติ นตฺถิ ชีวิเต’’; (เถรคา. ๒๐);

‘‘นาภิกงฺขามิ มรณํ, นาภิกงฺขามิ ชีวิตํ;

กาลฺจ ปฏิกงฺขามิ, นิพฺพิสํ ภตโก ยถา’’ติ. (เถรคา. ๖๐๖);

ภาวิโต ส ทนฺโตติ เอวํ ภาวิตินฺทฺริโย โส ทนฺโตติ.

๕๒๓. ยสฺมา ปน พุทฺโธ นาม พุทฺธิสมฺปนฺโน กิเลสนิทฺทา วิพุทฺโธ จ, ตสฺมา ตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘กปฺปานี’’ติ คาถาย จตุตฺถปฺหํ พฺยากาสิ. ตตฺถ กปฺปานีติ ตณฺหาทิฏฺิโย. ตา หิ ตถา ตถา วิกปฺปนโต ‘‘กปฺปานี’’ติ วุจฺจนฺติ. วิเจยฺยาติ อนิจฺจาทิภาเวน สมฺมสิตฺวา. เกวลานีติ สกลานิ. สํสารนฺติ โย จายํ –

‘‘ขนฺธานฺจ ปฏิปาฏิ, ธาตุอายตนาน จ;

อพฺโพจฺฉินฺนํ วตฺตมานา, สํสาโรติ ปวุจฺจตี’’ติ. –

เอวํ ขนฺธาทิปฏิปาฏิสงฺขาโต สํสาโร, ตํ สํสารฺจ เกวลํ วิเจยฺย. เอตฺตาวตา ขนฺธานํ มูลภูเตสุ กมฺมกิเลเสสุ ขนฺเธสุ จาติ เอวํ ตีสุปิ วฏฺเฏสุ วิปสฺสนํ อาห. ทุภยํ จุตูปปาตนฺติ สตฺตานํ จุตึ อุปปาตนฺติ อิมฺจ อุภยํ วิเจยฺย ตฺวาติ อตฺโถ. เอเตน จุตูปปาตาณํ อาห. วิคตรชมนงฺคณํ วิสุทฺธนฺติ ราคาทิรชานํ วิคมา องฺคณานํ อภาวา มลานฺจ วิคมา วิคตรชมนงฺคณํ วิสุทฺธํ. ปตฺตํ ชาติขยนฺติ นิพฺพานํ ปตฺตํ. ตมาหุ พุทฺธนฺติ ตํ อิมาย โลกุตฺตรวิปสฺสนาย จุตูปปาตาณเภทาย พุทฺธิยา สมฺปนฺนตฺตา อิมาย จ วิคตรชาทิตาย กิเลสนิทฺทา วิพุทฺธตฺตา ตาย ปฏิปทาย ชาติกฺขยํ ปตฺตํ พุทฺธมาหุ.

อถ วา กปฺปานิ วิเจยฺย เกวลานีติ ‘‘อเนเกปิ สํวฏฺฏวิวฏฺฏกปฺเป อมุตฺราสิ’’นฺติอาทินา (อิติวุ. ๙๙; ปารา. ๑๒) นเยน วิจินิตฺวาติ อตฺโถ. เอเตน ปมวิชฺชมาห. สํสารํ ทุภยํ จุตูปปาตนฺติ สตฺตานํ จุตึ อุปปาตนฺติ อิมฺจ อุภยํ สํสารํ ‘‘อิเม วต โภนฺโต สตฺตา’’ติอาทินา นเยน วิจินิตฺวาติ อตฺโถ. เอเตน ทุติยวิชฺชมาห. อวเสเสน ตติยวิชฺชมาห. อาสวกฺขยาเณน หิ วิคตรชาทิตา จ นิพฺพานปฺปตฺติ จ โหตีติ. ตมาหุ พุทฺธนฺติ เอวํ วิชฺชตฺตยเภทพุทฺธิสมฺปนฺนํ ตํ พุทฺธมาหูติ.

๕๒๕. เอวํ ปมคาถาย วุตฺตปฺเห วิสฺสชฺเชตฺวา ทุติยคาถาย วุตฺตปฺเหสุปิ ยสฺมา พฺรหฺมภาวํ เสฏฺภาวํ ปตฺโต ปรมตฺถพฺราหฺมโณ พาหิตสพฺพปาโป โหติ, ตสฺมา ตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘พาหิตฺวา’’ติ คาถาย ปมํ ปฺหํ พฺยากาสิ. ตสฺสตฺโถ – โย จตุตฺถมคฺเคน พาหิตฺวา สพฺพปาปกานิ ิตตฺโต, ิโต อิจฺเจว วุตฺตํ โหติ. พาหิตปาปตฺตา เอว จ วิมโล, วิมลภาวํ พฺรหฺมภาวํ เสฏฺภาวํ ปตฺโต, ปฏิปฺปสฺสทฺธสมาธิวิกฺเขปกรกิเลสมเลน อคฺคผลสมาธินา สาธุสมาหิโต, สํสารเหตุสมติกฺกเมน สํสารมติจฺจ ปรินิฏฺิตกิจฺจตาย เกวลี, โส ตณฺหาทิฏฺีหิ อนิสฺสิตตฺตา อสิโต, โลกธมฺเมหิ นิพฺพิการตฺตา ‘‘ตาที’’ติ จ ปวุจฺจติ. เอวํ ถุติรโห ส พฺรหฺมา โส พฺราหฺมโณติ.

๕๒๖. ยสฺมา ปน สมิตปาปตาย สมโณ, นฺหาตปาปตาย นฺหาตโก, อาคูนํ อกรเณน จ นาโคติ ปวุจฺจติ, ตสฺมา ตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ตโต อปราหิ ตีหิ คาถาหิ ตโย ปฺเห พฺยากาสิ. ตตฺถ สมิตาวีติ อริยมคฺเคน กิเลเส สเมตฺวา ิโต. สมโณ ปวุจฺจเต ตถตฺตาติ ตถารูโป สมโณ ปวุจฺจตีติ. เอตฺตาวตา ปฺโห พฺยากโต โหติ, เสสํ ตสฺมึ สมเณ สภิยสฺส พหุมานชนนตฺถํ ถุติวจนํ. โย หิ สมิตาวี, โส ปุฺปาปานํ อปฏิสนฺธิกรเณน ปหาย ปุฺปาปํ รชานํ วิคเมน วิรโช, อนิจฺจาทิวเสน ตฺวา อิมํ ปรฺจ โลกํ ชาติมรณํ อุปาติวตฺโต ตาทิ จ โหติ.

๕๒๗. นินฺหาย…เป… นฺหาตโกติ เอตฺถ ปน โย อชฺฌตฺตพหิทฺธาสงฺขาเต สพฺพสฺมิมฺปิ อายตนโลเก อชฺฌตฺตพหิทฺธารมฺมณวเสน อุปฺปตฺติรหานิ สพฺพปาปกานิ มคฺคาเณน นินฺหาย โธวิตฺวา ตาย นินฺหาตปาปกตาย ตณฺหาทิฏฺิกปฺเปหิ กปฺปิเยสุ เทวมนุสฺเสสุ กปฺปํ น เอติ, ตํ นฺหาตกมาหูติ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ.

๕๒๘. จตุตฺถคาถายปิ อาคุํ น กโรติ กิฺจิ โลเกติ โย โลเก อปฺปมตฺตกมฺปิ ปาปสงฺขาตํ อาคุํ น กโรติ, นาโค ปวุจฺจเต ตถตฺตาติ. เอตฺตาวตา ปฺโห พฺยากโต โหติ, เสสํ ปุพฺพนเยเนว ถุติวจนํ. โย หิ มคฺเคน ปหีนอาคุตฺตา อาคุํ น กโรติ, โส กามโยคาทิเก สพฺพโยเค ทสสฺโชนเภทานิ จ สพฺพพนฺธนานิ วิสชฺช ชหิตฺวา สพฺพตฺถ ขนฺธาทีสุ เกนจิ สงฺเคน น สชฺชติ, ทฺวีหิ จ วิมุตฺตีหิ วิมุตฺโต, ตาทิ จ โหตีติ.

๕๓๐. เอวํ ทุติยคาถาย วุตฺตปฺเห วิสฺสชฺเชตฺวา ตติยคาถาย วุตฺตปฺเหสุปิ ยสฺมา ‘‘เขตฺตานี’’ติ อายตนานิ วุจฺจนฺติ. ยถาห – ‘‘จกฺขุเปตํ จกฺขายตนํเปตํ…เป… เขตฺตมฺเปตํ วตฺถุเปต’’นฺติ (ธ. ส. ๕๙๖-๕๙๘). ตานิ วิเชยฺย วิเชตฺวา อภิภวิตฺวา, วิเจยฺย วา อนิจฺจาทิภาเวน วิจินิตฺวา อุปปริกฺขิตฺวา เกวลานิ อนวเสสานิ, วิเสสโต ปน สงฺคเหตุภูตํ ทิพฺพํ มานุสกฺจ พฺรหฺมเขตฺตํ, ยํ ทิพฺพํ ทฺวาทสายตนเภทํ ตถา มานุสกฺจ, ยฺจ พฺรหฺมเขตฺตํ ฉฬายตเน จกฺขายตนาทิทฺวาทสายตนเภทํ, ตํ สพฺพมฺปิ วิเชยฺย วิเจยฺย วา. ยโต ยเทตํ สพฺเพสํ เขตฺตานํ มูลพนฺธนํ อวิชฺชาภวตณฺหาทิ, ตสฺมา สพฺพเขตฺตมูลพนฺธนา ปมุตฺโต. เอวเมเตสํ เขตฺตานํ วิชิตตฺตา วิจินิตตฺตา วา เขตฺตชิโน นาม โหติ, ตสฺมา ‘‘เขตฺตานี’’ติ อิมาย คาถาย ปมปฺหํ พฺยากาสิ. ตตฺถ เกจิ ‘‘กมฺมํ เขตฺตํ, วิฺาณํ พีชํ, ตณฺหา สฺเนโห’’ติ (อ. นิ. ๓.๗๗) วจนโต กมฺมานิ เขตฺตานีติ วทนฺติ. ทิพฺพํ มานุสกฺจ พฺรหฺมเขตฺตนฺติ เอตฺถ จ เทวูปคํ กมฺมํ ทิพฺพํ, มนุสฺสูปคํ กมฺมํ มานุสกํ, พฺรหฺมูปคํ กมฺมํ พฺรหฺมเขตฺตนฺติ วณฺณยนฺติ. เสสํ วุตฺตนยเมว.

๕๓๑. ยสฺมา ปน สกฏฺเน โกสสทิสตฺตา ‘‘โกสานี’’ติ กมฺมานิ วุจฺจนฺติ, เตสฺจ ลุนนา สมุจฺเฉทนา กุสโล โหติ, ตสฺมา ตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘โกสานี’’ติ คาถาย ทุติยปฺหํ พฺยากาสิ. ตสฺสตฺโถ – โลกิยโลกุตฺตรวิปสฺสนาย วิสยโต กิจฺจโต จ อนิจฺจาทิภาเวน กุสลากุสลกมฺมสงฺขาตานิ โกสานิ วิเจยฺย เกวลานิ, วิเสสโต ปน สงฺคเหตุภูตํ อฏฺกามาวจรกุสลเจตนาเภทํ ทิพฺพํ มานุสกฺจ นวมหคฺคตกุสลเจตนาเภทฺจ พฺรหฺมโกสํ วิเจยฺย. ตโต อิมาย มคฺคภาวนาย อวิชฺชาภวตณฺหาทิเภทา สพฺพโกสานํ มูลพนฺธนา ปมุตฺโต, เอวเมเตสํ โกสานํ ลุนนา ‘‘กุสโล’’ติ ปวุจฺจติ, ตถตฺตา ตาที จ โหตีติ. อถ วา สตฺตานํ ธมฺมานฺจ นิวาสฏฺเน อสิโกสสทิสตฺตา ‘‘โกสานี’’ติ ตโย ภวา ทฺวาทสายตนานิ จ เวทิตพฺพานิ. เอวเมตฺถ โยชนา กาตพฺพา.

๕๓๒. ยสฺมา จ น เกวลํ ปณฺฑตีติ อิมินาว ‘‘ปณฺฑิโต’’ติ วุจฺจติ, อปิจ โข ปน ปณฺฑรานิ อิโต อุปคโต ปวิจยปฺาย อลฺลีโนติปิ ‘‘ปณฺฑิโต’’ติ วุจฺจติ, ตสฺมา ตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ทุภยานี’’ติ คาถาย ตติยปฺหํ พฺยากาสิ. ตสฺสตฺโถ – อชฺฌตฺตํ พหิทฺธา จาติ เอวํ อุภยานิ อนิจฺจาทิภาเวน วิเจยฺย. ปณฺฑรานีติ อายตนานิ. ตานิ หิ ปกติปริสุทฺธตฺตา รุฬฺหิยา จ เอวํ วุจฺจนฺติ, ตานิ วิเจยฺย อิมาย ปฏิปตฺติยา นิทฺธนฺตมลตฺตา สุทฺธิปฺโ ปณฺฑิโตติ ปวุจฺจติ ตถตฺตา, ยสฺมา ตานิ ปณฺฑรานิ ปฺาย อิโต โหติ, เสสมสฺส ถุติวจนํ. โส หิ ปาปปุฺสงฺขาตํ กณฺหสุกฺกํ อุปาติวตฺโต ตาที จ โหติ, ตสฺมา เอวํ ถุโต.

๕๓๓. ยสฺมา ปน ‘‘โมนํ วุจฺจติ าณํ, ยา ปฺา ปชานนา…เป… สมฺมาทิฏฺิ, เตน าเณน สมนฺนาคโต มุนี’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา ตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อสตฺจา’’ติ คาถาย จตุตฺถปฺหํ พฺยากาสิ. ตสฺสตฺโถ – ยฺวายํ อกุสลกุสลปฺปเภโท อสตฺจ สตฺจ ธมฺโม, ตํ อชฺฌตฺตํ พหิทฺธาติ อิมสฺมึ สพฺพโลเก ปวิจยาเณน อสตฺจ สตฺจ ตฺวา ธมฺมํ ตสฺส าตตฺตา เอว ราคาทิเภทโต สตฺตวิธํ สงฺคํ ตณฺหาทิฏฺิเภทโต ทุวิธํ ชาลฺจ อติจฺจ อติกฺกมิตฺวา ิโต. โส เตน โมนสงฺขาเตน ปวิจยาเณน สมนฺนาคตตฺตา มุนิ. เทวมนุสฺเสหิ ปูชนีโยติ อิทํ ปนสฺส ถุติวจนํ. โส หิ ขีณาสวมุนิตฺตา เทวมนุสฺสานํ ปูชารโห โหติ, ตสฺมา เอวํ ถุโต.

๕๓๕. เอวํ ตติยคาถาย วุตฺตปฺเห วิสฺสชฺเชตฺวา จตุตฺถคาถาย วุตฺตปฺเหสุปิ ยสฺมา โย จตูหิ มคฺคาณเวเทหิ กิเลสกฺขยํ กโรนฺโต คโต, โส ปรมตฺถโต เวทคู นาม โหติ. โย จ สพฺพสมณพฺราหฺมณานํ สตฺถสฺิตานิ เวทานิ, ตาเยว มคฺคภาวนาย กิจฺจโต อนิจฺจาทิวเสน วิเจยฺย. ตตฺถ ฉนฺทราคปฺปหาเนน ตเมว สพฺพํ เวทมติจฺจ ยา เวทปจฺจยา วา อฺถา วา อุปฺปชฺชนฺติ เวทนา, ตาสุ สพฺพเวทนาสุ วีตราโค โหติ, ตสฺมา ตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิทํ ปตฺติน’’นฺติ อวตฺวา ‘‘เวทานี’’ติ คาถาย ปมปฺหํ พฺยากาสิ. ยสฺมา วา โย ปวิจยปฺาย เวทานิ วิเจยฺย, ตตฺถ ฉนฺทราคปฺปหาเนน สพฺพํ เวทมติจฺจ วตฺตติ, โส สตฺถสฺิตานิ เวทานิ คโต าโต อติกฺกนฺโต จ โหติ. โย เวทนาสุ วีตราโค, โสปิ เวทนาสฺิตานิ เวทานิ คโต อติกฺกนฺโต จ โหติ. เวทานิ คโตติปิ เวทคู, ตสฺมา ตมฺปิ อตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิทํ ปตฺติน’’นฺติ อวตฺวา อิมาย คาถาย ปมปฺหํ พฺยากาสิ.

๕๓๖. ยสฺมา ปน ทุติยปฺเห ‘‘อนุวิทิโต’’ติ อนุพุทฺโธ วุจฺจติ, โส จ อนุวิจฺจ ปปฺจนามรูปํ อชฺฌตฺตํ อตฺตโน สนฺตาเน ตณฺหามานทิฏฺิเภทํ ปปฺจํ ตปฺปจฺจยา นามรูปฺจ อนิจฺจานุปสฺสนาทีหิ อนุวิจฺจ อนุวิทิตฺวา, น เกวลฺจ อชฺฌตฺตํ, พหิทฺธา จ โรคมูลํ, ปรสนฺตาเน จ อิมสฺส นามรูปโรคสฺส มูลํ อวิชฺชาภวตณฺหาทึ, ตเมว วา ปปฺจํ อนุวิจฺจ ตาย ภาวนาย สพฺเพสํ โรคานํ มูลพนฺธนา, สพฺพสฺมา วา โรคานํ มูลพนฺธนา, อวิชฺชาภวตณฺหาทิเภทา, ตสฺมา เอว วา ปปฺจา ปมุตฺโต โหติ, ตสฺมา ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อนุวิจฺจา’’ติ คาถาย ทุติยปฺหํ พฺยากาสิ.

๕๓๗. ‘‘กถฺจ วีริยวา’’ติ เอตฺถ ปน ยสฺมา โย อริยมคฺเคน สพฺพปาปเกหิ วิรโต, ตถา วิรตตฺตา จ อายตึ อปฏิสนฺธิตาย นิรยทุกฺขํ อติจฺจ ิโต วีริยวาโส วีริยนิเกโต, โส ขีณาสโว ‘‘วีริยวา’’ติ วตฺตพฺพตํ อรหติ, ตสฺมา ตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘วิรโต’’ติ คาถาย ตติยปฺหํ พฺยากาสิ. ปธานวา ธีโร ตาทีติ อิมานิ ปนสฺส ถุติวจนานิ. โส หิ ปธานวา มคฺคฌานปธาเนน, ธีโร กิเลสาริวิทฺธํสนสมตฺถตาย, ตาที นิพฺพิการตาย, ตสฺมา เอวํ ถุโต. เสสํ โยเชตฺวา วตฺตพฺพํ.

๕๓๘. ‘‘อาชานิโย กินฺติ นาม โหตี’’ติ เอตฺถ ปน ยสฺมา ปหีนสพฺพวงฺกโทโส การณาการณฺู อสฺโส วา หตฺถี วา ‘‘อาชานิโย โหตี’’ติ โลเก วุจฺจติ, น จ ตสฺส สพฺพโส เต โทสา ปหีนา เอว, ขีณาสวสฺส ปน เต ปหีนา, ตสฺมา โส ‘‘อาชานิโย’’ติ ปรมตฺถโต วตฺตพฺพตํ อรหตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยสฺสา’’ติ คาถาย จตุตฺถปฺหํ พฺยากาสิ. ตสฺสตฺโถ – อชฺฌตฺตํ พหิทฺธา จาติ เอวํ อชฺฌตฺตพหิทฺธาสฺโชนสงฺขาตานิ ยสฺส อสฺสุ ลุนานิ พนฺธนานิ ปฺาสตฺเถน ฉินฺนานิ ปทาลิตานิ. สงฺคมูลนฺติ ยานิ เตสุ เตสุ วตฺถูสุ สงฺคสฺส สชฺชนาย อนติกฺกมนาย มูลํ โหนฺติ, อถ วา ยสฺส อสฺสุ ลุนานิ ราคาทีนิ พนฺธนานิ ยานิ อชฺฌตฺตํ พหิทฺธา จ สงฺคมูลานิ โหนฺติ, โส สพฺพสฺมา สงฺคานํ มูลภูตา สพฺพสงฺคานํ วา มูลภูตา พนฺธนา ปมุตฺโต ‘‘อาชานิโย’’ติ วุจฺจติ, ตถตฺตา ตาทิ จ โหตีติ.

๕๔๐. เอวํ จตุตฺถคาถาย วุตฺตปฺเห วิสฺสชฺเชตฺวา ปฺจมคาถาย วุตฺตปฺเหสุปิ ยสฺมา ยํ ฉนฺทชฺเฌนมตฺเตน อกฺขรจินฺตกา โสตฺติยํ วณฺณยนฺติ, โวหารมตฺตโสตฺติโย โส. อริโย ปน พาหุสจฺเจน นิสฺสุตปาปตาย จ ปรมตฺถโสตฺติโย โหติ, ตสฺมา ตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิทํ ปตฺติน’’นฺติ อวตฺวา ‘‘สุตฺวา’’ติ คาถาย ปมปฺหํ พฺยากาสิ. ตสฺสตฺโถ – โย อิมสฺมึ โลเก สุตมยปฺากิจฺจวเสน สุตฺวา กาตพฺพกิจฺจวเสน วา สุตฺวา วิปสฺสนูปคํ สพฺพธมฺมํ อนิจฺจาทิวเสน อภิฺาย สาวชฺชานวชฺชํ ยทตฺถิ กิฺจิ, อิมาย ปฏิปทาย กิเลเส กิเลสฏฺานิเย จ ธมฺเม อภิภวิตฺวา อภิภูติ สงฺขํ คโต, ตํ สุตฺวา สพฺพธมฺมํ อภิฺาย โลเก สาวชฺชานวชฺชํ ยทตฺถิ กิฺจิ, อภิภุํ สุตวตฺตา โสตฺติโยติ อาหุ. ยสฺมา จ โย อกถํกถี กิเลสพนฺธเนหิ วิมุตฺโต, ราคาทีหิ อีเฆหิ อนีโฆ จ โหติ สพฺพธิ สพฺเพสุ ธมฺเมสุ ขนฺธายตนาทีสุ, ตสฺมา ตํ อกถํกถึ วิมุตฺตํ อนีฆํ สพฺพธิ นิสฺสุตปาปกตฺตาปิ ‘‘โสตฺติโย’’ติ อาหูติ.

๕๔๑. ยสฺมา ปน หิตกาเมน ชเนน อรณียโต อริโย โหติ, อภิคมนียโตติ อตฺโถ. ตสฺมา เยหิ คุเณหิ โส อรณีโย โหติ, เต ทสฺเสนฺตา ‘‘เฉตฺวา’’ติ คาถาย ทุติยปฺหํ พฺยากาสิ. ตสฺสตฺโถ – จตฺตาริ อาสวานิ ทฺเว จ อาลยานิ ปฺาสตฺเถน เฉตฺวา วิทฺวา วิฺู วิภาวี จตุมคฺคาณี โส ปุนพฺภววเสน น อุเปติ คพฺภเสยฺยํ, กฺจิ โยนึ น อุปคจฺฉติ, กามาทิเภทฺจ สฺํ ติวิธํ. กามคุณสงฺขาตฺจ ปงฺกํ ปนุชฺช ปนุทิตฺวา ตณฺหาทิฏฺิกปฺปานํ อฺตรมฺปิ กปฺปํ น เอติ, เอวํ อาสวจฺเฉทาทิคุณสมนฺนาคตํ ตมาหุ อริโยติ. ยสฺมา วา ปาปเกหิ อารกตฺตา อริโย โหติ อนเย จ อนิรียนา, ตสฺมา ตมฺปิ อตฺถํ ทสฺเสนฺโต อิมาย คาถาย ทุติยปฺหํ พฺยากาสิ. อาสวาทโย หิ ปาปกา ธมฺมา อนยสมฺมตา, เต จาเนน ฉินฺนา ปนุนฺนา, น จ เตหิ กมฺปติ, อิจฺจสฺส เต อารกา โหนฺติ, น จ เตสุ อิรียติ ตสฺมา อารกาสฺส โหนฺติ ปาปกา ธมฺมาติ อิมินาปตฺเถน. อนเย น อิรียตีติ อิมินาปตฺเถน ตมาหุ อริโยติ จ เอวมฺเปตฺถ โยชนา เวทิตพฺพา. ‘‘วิทฺวา โส น อุเปติ คพฺภเสยฺย’’นฺติ อิทํ ปน อิมสฺมึ อตฺถวิกปฺเป ถุติวจนเมว โหติ.

๕๔๒. ‘‘กถํ จรณวา’’ติ เอตฺถ ปน ยสฺมา จรเณหิ ปตฺตพฺพํ ปตฺโต ‘‘จรณวา’’ติ วตฺตพฺพตํ อรหติ, ตสฺมา ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘โย อิธา’’ติ คาถาย ตติยปฺหํ พฺยากาสิ. ตตฺถ โย อิธาติ โย อิมสฺมึ สาสเน. จรเณสูติ สีลาทีสุ เหมวตสุตฺเต (สุ. นิ. ๑๕๓ อาทโย) วุตฺตปนฺนรสธมฺเมสุ. นิมิตฺตตฺเถ ภุมฺมวจนํ. ปตฺติปตฺโตติ ปตฺตพฺพํ ปตฺโต. โย จรณนิมิตฺตํ จรณเหตุ จรณปจฺจยา ปตฺตพฺพํ อรหตฺตํ ปตฺโตติ วุตฺตํ โหติ. จรณวา โสติ โส อิมาย จรเณหิ ปตฺตพฺพปตฺติยา จรณวา โหตีติ. เอตฺตาวตา ปฺโห พฺยากโต โหติ, เสสมสฺส ถุติวจนํ. โย หิ จรเณหิ ปตฺติปตฺโต, โส กุสโล จ โหติ เฉโก, สพฺพทาอาชานาติ นิพฺพานธมฺมํ, นิจฺจํ นิพฺพานนินฺนจิตฺตตาย สพฺพตฺถ จ ขนฺธาทีสุ น สชฺชติ. ทฺวีหิ จ วิมุตฺตีหิ วิมุตฺตจิตฺโต โหติ, ปฏิฆา ยสฺส น สนฺตีติ.

๕๔๓. ยสฺมา ปน กมฺมาทีนํ ปริพฺพาชเนน ปริพฺพาชโก นาม โหติ, ตสฺมา ตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ทุกฺขเวปกฺก’’นฺติ คาถาย จตุตฺถปฺหํ พฺยากาสิ. ตตฺถ วิปาโก เอว เวปกฺกํ, ทุกฺขํ เวปกฺกมสฺสาติ ทุกฺขเวปกฺกํ. ปวตฺติทุกฺขชนนโต สพฺพมฺปิ เตธาตุกกมฺมํ วุจฺจติ. อุทฺธนฺติ อตีตํ. อโธติ อนาคตํ. ติริยํ วาปิ มชฺเฌติ ปจฺจุปฺปนฺนํ. ตฺหิ น อุทฺธํ น อโธ, ติริยํ อุภินฺนฺจ อนฺตรา, เตน ‘‘มชฺเฌ’’ติ วุตฺตํ. ปริพฺพาชยิตฺวาติ นิกฺขาเมตฺวา นิทฺธเมตฺวา. ปริฺจารีติ ปฺาย ปริจฺฉินฺทิตฺวา จรนฺโต. อยํ ตาว อปุพฺพปทวณฺณนา. อยํ ปน อธิปฺปายโยชนา – โย ติยทฺธปริยาปนฺนมฺปิ ทุกฺขชนกํ ยทตฺถิ กิฺจิ กมฺมํ, ตํ สพฺพมฺปิ อริยมคฺเคน ตณฺหาวิชฺชาสิเนเห โสเสนฺโต อปฏิสนฺธิชนกภาวกรเณน ปริพฺพาชยิตฺวา ตถา ปริพฺพาชิตตฺตา เอว จ ตํ กมฺมํ ปริฺาย จรณโต ปริฺจารี. น เกวลฺจ กมฺมเมว, มายํ มานมโถปิ โลภโกธํ อิเมปิ ธมฺเม ปหานปริฺาย ปริฺจารี, ปริยนฺตมกาสิ นามรูปํ, นามรูปสฺส จ ปริยนฺตมกาสิ ปริพฺพาเชสิ อิจฺเจวตฺโถ. อิเมสํ กมฺมาทีนํ ปริพฺพาชเนน ตํ ปริพฺพาชกมาหุ. ปตฺติปตฺตนฺติ อิทํ ปนสฺส ถุติวจนํ.

๕๔๔. เอวํ ปฺหพฺยากรเณน ตุฏฺสฺส ปน สภิยสฺส ‘‘ยานิ จ ตีณี’’ติอาทีสุ อภิตฺถวนคาถาสุ โอสรณานีติ โอคหณานิ ติตฺถานิ, ทิฏฺิโยติ อตฺโถ. ตานิ ยสฺมา สกฺกายทิฏฺิยา สห พฺรหฺมชาเล วุตฺตทฺวาสฏฺิทิฏฺิคตานิ คเหตฺวา เตสฏฺิ โหนฺติ, ยสฺมา จ ตานิ อฺติตฺถิยสมณานํ ปวาทภูตานิ สตฺถานิ สิตานิ อุปทิสิตพฺพวเสน, น อุปฺปตฺติวเสน. อุปฺปตฺติวเสน ปน ยเทตํ ‘‘อิตฺถี ปุริโส’’ติ สฺกฺขรํ โวหารนามํ, ยา จายํ มิจฺฉาปริวิตกฺกานุสฺสวาทิวเสน ‘‘เอวรูเปน อตฺตนา ภวิตพฺพ’’นฺติ พาลานํ วิปรีตสฺา อุปฺปชฺชติ, ตทุภยนิสฺสิตานิ เตสํ วเสน อุปฺปชฺชนฺติ, น อตฺตปจฺจกฺขานิ. ตานิ จ ภควา วิเนยฺย วินยิตฺวา โอฆตมคา โอฆตมํ โอฆนฺธการํ อคา อติกฺกนฺโต. ‘‘โอฆนฺตมคา’’ติปิ ปาโ, โอฆานํ อนฺตํ อคา, ตสฺมา อาห ‘‘ยานิ จ ตีณิ…เป… ตมคา’’ติ.

๕๔๕. ตโต ปรํ วฏฺฏทุกฺขสฺส อนฺตํ ปารฺจ นิพฺพานํ ตปฺปตฺติยา ทุกฺขาภาวโต ตปฺปฏิปกฺขโต จ ตํ สนฺธายาห, ‘‘อนฺตคูสิ ปารคู ทุกฺขสฺสา’’ติ. อถ วา ปารคู ภควา นิพฺพานํ คตตฺตา, ตํ อาลปนฺโต อาห, ‘‘ปารคู อนฺตคูสิ ทุกฺขสฺสา’’ติ อยเมตฺถ สมฺพนฺโธ. สมฺมา จ พุทฺโธ สามฺจ พุทฺโธติ สมฺมาสมฺพุทฺโธ. ตํ มฺเติ ตเมว มฺามิ, น อฺนฺติ อจฺจาทเรน ภณติ. ชุติมาติ ปเรสมฺปิ อนฺธการวิธมเนน ชุติสมฺปนฺโน. มุติมาติ อปรปฺปจฺจยเยฺยาณสมตฺถาย มุติยา ปฺาย สมฺปนฺโน. ปหูตปฺโติ อนนฺตปฺโ. อิธ สพฺพฺุตฺาณมธิปฺเปตํ. ทุกฺขสฺสนฺตกราติ อามนฺเตนฺโต อาห. อตาเรสิ มนฺติ กงฺขาโต มํ ตาเรสิ.

๕๔๖-๙. ยํ เมติอาทิคาถาย นมกฺการกรณํ ภณติ. ตตฺถ กงฺขิตฺตนฺติ วีสติปฺหนิสฺสิตํ อตฺถํ สนฺธายาห. โส หิ เตน กงฺขิโต อโหสิ. โมนปเถสูติ าณปเถสุ. วินฬีกตาติ วิคตนฬา กตา, อุจฺฉินฺนาติ วุตฺตํ โหติ. นาค นาคสฺสาติ เอกํ อามนฺตนวจนํ, เอกสฺส ‘‘ภาสโต อนุโมทนฺตี’’ติ อิมินา สมฺพนฺโธ. ‘‘ธมฺมเทสน’’นฺติ ปาเสโส. สพฺเพ เทวาติ อากาสฏฺา จ ภูมฏฺา จ. นารทปพฺพตาติ เตปิ กิร ทฺเว เทวคณา ปฺวนฺโต, เตปิ อนุโมทนฺตีติ สพฺพํ ปสาเทน จ นมกฺการกรณํ ภณติ.

๕๕๐-๕๓. อนุโมทนารหํ พฺยากรณสมฺปทํ สุตฺวา ‘‘นโม เต’’ติ อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา อาห. ปุริสาชฺาติ ปุริเสสุ ชาติสมฺปนฺนํ. ปฏิปุคฺคโลติ ปฏิภาโค ปุคฺคโล ตุวํ พุทฺโธ จตุสจฺจปฏิเวเธน, สตฺถา อนุสาสนิยา สตฺถวาหตาย จ, มาราภิภู จตุมาราภิภเวน, มุนิ พุทฺธมุนิ. อุปธีติ ขนฺธกิเลสกามคุณาภิสงฺขารเภทา จตฺตาโร. วคฺคูติ อภิรูปํ. ปุฺเ จาติ โลกิเย น ลิมฺปสิ เตสํ อกรเณน, ปุพฺเพ กตานมฺปิ วา อายตึ ผลูปโภคาภาเวน. ตํนิมิตฺเตน วา ตณฺหาทิฏฺิเลเปน. วนฺทติ สตฺถุโนติ เอวํ ภณนฺโต โคปฺผเกสุ ปริคฺคเหตฺวา ปฺจปติฏฺิตํ วนฺทิ.

อฺติตฺถิยปุพฺโพติ อฺติตฺถิโย เอว. อากงฺขตีติ อิจฺฉติ. อารทฺธจิตฺตาติ อภิราธิตจิตฺตา. อปิจ เมตฺถ ปุคฺคลเวมตฺตตา วิทิตาติ อปิจ มยา เอตฺถ อฺติตฺถิยานํ ปริวาเส ปุคฺคลนานตฺตํ วิทิตํ, น สพฺเพเนว ปริวสิตพฺพนฺติ. เกน ปน น ปริวสิตพฺพํ? อคฺคิเยหิ ชฏิเลหิ, สากิเยน ชาติยา, ลิงฺคํ วิชหิตฺวา อาคเตน. อวิชหิตฺวา อาคโตปิ จ โย มคฺคผลปฏิลาภาย เหตุสมฺปนฺโน โหติ, ตาทิโสว สภิโย ปริพฺพาชโก. ตสฺมา ภควา ‘‘ตว ปน, สภิย, ติตฺถิยวตฺตปูรณตฺถาย ปริวาสการณํ นตฺถิ, อตฺถตฺถิโก ตฺวํ ‘มคฺคผลปฏิลาภาย เหตุสมฺปนฺโน’ติ วิทิตเมตํ มยา’’ติ ตสฺส ปพฺพชฺชํ อนุชานนฺโต อาห – ‘‘อปิจ เมตฺถ ปุคฺคลเวมตฺตตา วิทิตา’’ติ. สภิโย ปน อตฺตโน อาทรํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘สเจ ภนฺเต’’ติ. ตํ สพฺพํ อฺฺจ ตถารูปํ อุตฺตานตฺถตฺตา ปุพฺเพ วุตฺตนยตฺตา จ อิธ น วณฺณิตํ, ยโต ปุพฺเพ วณฺณิตานุสาเรน เวทิตพฺพนฺติ.

ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย

สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย สภิยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. เสลสุตฺตวณฺณนา

เอวํ เม สุตนฺติ เสลสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? อยเมว ยาสฺส นิทาเน วุตฺตา. อตฺถวณฺณนากฺกเมปิ จสฺส ปุพฺพสทิสํ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. ยํ ปน อปุพฺพํ, ตํ อุตฺตานตฺถานิ ปทานิ ปริหรนฺตา วณฺณยิสฺสาม. องฺคุตฺตราเปสูติ องฺคา เอว โส ชนปโท, คงฺคาย ปน ยา อุตฺตเรน อาโป, ตาสํ อวิทูรตฺตา ‘‘อุตฺตราโป’’ติปิ วุจฺจติ. กตรคงฺคาย อุตฺตเรน ยา อาโปติ? มหามหีคงฺคาย.

ตตฺรายํ ตสฺสา นทิยา อาวิภาวตฺถํ อาทิโต ปภุติ วณฺณนา – อยํ กิร ชมฺพุทีโป ทสสหสฺสโยชนปริมาโณ. ตตฺถ จตุสหสฺสโยชนปริมาโณ ปเทโส อุทเกน อชฺโฌตฺถโฏ ‘‘สมุทฺโท’’ติ สงฺขํ คโต. ติสหสฺสโยชนปมาเณ มนุสฺสา วสนฺติ. ติสหสฺสโยชนปมาเณ หิมวา ปติฏฺิโต อุพฺเพเธน ปฺจโยชนสติโก จตุราสีติสหสฺสกูเฏหิ ปฏิมณฺฑิโต สมนฺตโต สนฺทมานปฺจสตนทีวิจิตฺโต. ยตฺถ อายามวิตฺถาเรน คมฺภีรตาย จ ปฺาสปฺาสโยชนา ทิยฑฺฒโยชนสตปริมณฺฑลา ปูรฬาสสุตฺตวณฺณนายํ วุตฺตา อโนตตฺตาทโย สตฺต มหาสรา ปติฏฺิตา.

เตสุ อโนตตฺโต สุทสฺสนกูฏํ, จิตฺรกูฏํ, กาฬกูฏํ, คนฺธมาทนกูฏํ, เกลาสกูฏนฺติ อิเมหิ ปฺจหิ ปพฺพเตหิ ปริกฺขิตฺโต. ตตฺถ สุทสฺสนกูฏํ สุวณฺณมยํ ทฺวิโยชนสตุพฺเพธํ อนฺโตวงฺกํ กากมุขสณฺานํ ตเมว สรํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา ิตํ, จิตฺรกูฏํ สพฺพรตนมยํ, กาฬกูฏํ อฺชนมยํ, คนฺธมาทนกูฏํ สานุมยํ อพฺภนฺตเร มุคฺควณฺณํ นานปฺปการโอสธสฺฉนฺนํ กาฬปกฺขุโปสถทิวเส อาทิตฺตมิว องฺคารํ ชลนฺตํ ติฏฺติ, เกลาสกูฏํ รชตมยํ. สพฺพานิ สุทสฺสเนน สมานุพฺเพธสณฺานานิ ตเมว สรํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา ิตานิ. สพฺพานิ เทวานุภาเวน นาคานุภาเวน จ วสฺสนฺติ, นทิโย จ เตสุ สนฺทนฺติ. ตํ สพฺพมฺปิ อุทกํ อโนตตฺตเมว ปวิสติ. จนฺทิมสูริยา ทกฺขิเณน วา อุตฺตเรน วา คจฺฉนฺตา ปพฺพตนฺตเรน ตํ โอภาเสนฺติ, อุชุํ คจฺฉนฺตา น โอภาเสนฺติ. เตเนวสฺส ‘‘อโนตตฺต’’นฺติ สงฺขา อุทปาทิ.

ตตฺถ มโนหรสิลาตลานิ นิมฺมจฺฉกจฺฉปานิ ผลิกสทิสนิมฺมลูทกานิ นหานติตฺถานิ สุปฺปฏิยตฺตานิ โหนฺติ, เยสุ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธขีณาสวา อิสิคณา จ นฺหายนฺติ, เทวยกฺขาทโย จ อุยฺยานกีฬิกํ กีฬนฺติ.

จตูสุ จสฺส ปสฺเสสุ สีหมุขํ, หตฺถิมุขํ, อสฺสมุขํ, อุสภมุขนฺติ จตฺตาริ มุขานิ โหนฺติ, เยหิ จตสฺโส นทิโย สนฺทนฺติ. สีหมุเขน นิกฺขนฺตนทีตีเร สีหา พหุตรา โหนฺติ, หตฺถิมุขาทีหิ หตฺถิอสฺสอุสภา. ปุรตฺถิมทิสโต นิกฺขนฺตนที อโนตตฺตํ ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา อิตรา ติสฺโส นทิโย อนุปคมฺม ปาจีนหิมวนฺเตเนว อมนุสฺสปถํ คนฺตฺวา มหาสมุทฺทํ ปวิสติ. ปจฺฉิมทิสโต จ อุตฺตรทิสโต จ นิกฺขนฺตนทิโยปิ ตเถว ปทกฺขิณํ กตฺวา ปจฺฉิมหิมวนฺเตเนว อุตฺตรหิมวนฺเตเนว จ อมนุสฺสปถํ คนฺตฺวา มหาสมุทฺทํ ปวิสนฺติ. ทกฺขิณทิสโต นิกฺขนฺตนที ปน ตํ ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา ทกฺขิเณน อุชุกํ ปาสาณปิฏฺเเนว สฏฺิโยชนานิ คนฺตฺวา ปพฺพตํ ปหริตฺวา วุฏฺาย ปริณาเหน ติคาวุตปมาณา อุทกธารา หุตฺวา อากาเสน สฏฺิ โยชนานิ คนฺตฺวา ติยคฺคเฬ นาม ปาสาเณ ปติตา, ปาสาโณ อุทกธาราเวเคน ภินฺโน. ตตฺร ปฺาสโยชนปมาณา ติยคฺคฬา นาม โปกฺขรณี ชาตา. โปกฺขรณิยา กูลํ ภินฺทิตฺวา ปาสาณํ ปวิสิย สฏฺิ โยชนานิ คตา. ตโต ฆนปถวึ ภินฺทิตฺวา อุมงฺเคน สฏฺิ โยชนานิ คนฺตฺวา วิฺฌํ นาม ติรจฺฉานปพฺพตํ ปหริตฺวา หตฺถตเล ปฺจงฺคุลิสทิสา ปฺจธารา หุตฺวา ปวตฺตติ. สา ติกฺขตฺตุํ อโนตตฺตํ ปทกฺขิณํ กตฺวา คตฏฺาเน ‘‘อาวฏฺฏคงฺคา’’ติ วุจฺจติ. อุชุกํ ปาสาณปิฏฺเน สฏฺิ โยชนานิ คตฏฺาเน ‘‘กณฺหคงฺคา’’ติ วุจฺจติ. อากาเสน สฏฺิ โยชนานิ คตฏฺาเน ‘‘อากาสคงฺคา’’ติ วุจฺจติ. ติยคฺคฬปาสาเณ ปฺาสโยชโนกาเส ‘‘ติยคฺคฬโปกฺขรณี’’ติ วุจฺจติ. กูลํ ภินฺทิตฺวา ปาสาณํ ปวิสิย สฏฺิ โยชนานิ คตฏฺาเน ‘‘พหลคงฺคา’’ติ วุจฺจติ. ปถวึ ภินฺทิตฺวา อุมงฺเคน สฏฺิ โยชนานิ คตฏฺาเน ‘‘อุมงฺคคงฺคา’’ติ วุจฺจติ. วิฺฌํ นาม ติรจฺฉานปพฺพตํ ปหริตฺวา ปฺจธารา หุตฺวา ปวตฺตฏฺาเน ‘‘คงฺคา, ยมุนา, อจิรวตี, สรภู, มหี’’ติ ปฺจธา วุจฺจติ. เอวเมตา ปฺจ มหาคงฺคา หิมวตา สมฺภวนฺติ. ตาสุ ยา อยํ ปฺจมี มหี นาม, สา อิธ ‘‘มหามหีคงฺคา’’ติ อธิปฺเปตา. ตสฺสา คงฺคาย อุตฺตเรน ยา อาโป, ตาสํ อวิทูรตฺตา โส ชนปโท ‘‘องฺคุตฺตราโป’’ติ เวทิตพฺโพ. ตสฺมึ ชนปเท องฺคุตฺตราเปสุ.

จาริกํ จรมาโนติ อทฺธานคมนํ กุรุมาโน. ตตฺถ ภควโต ทุวิธา จาริกา ตุริตจาริกา, อตุริตจาริกา จ. ตตฺถ ทูเรปิ ภพฺพปุคฺคเล ทิสฺวา สหสา คมนํ ตุริตจาริกา. สา มหากสฺสปปจฺจุคฺคมนาทีสุ ทฏฺพฺพา. ตํ ปจฺจุคฺคจฺฉนฺโต หิ ภควา มุหุตฺเตเนว ติคาวุตํ อคมาสิ, อาฬวกทมนตฺถํ ตึสโยชนํ, ตถา องฺคุลิมาลสฺสตฺถาย. ปุกฺกุสาติสฺส ปน ปฺจตฺตาลีสโยชนํ, มหากปฺปินสฺส วีสโยชนสตํ, ธนิยสฺสตฺถาย สตฺตโยชนสตํ อทฺธานํ อคมาสิ. อยํ ตุริตจาริกา นาม. คามนิคมนครปฏิปาฏิยา ปน ปิณฺฑปาตจริยาทีหิ โลกํ อนุคฺคณฺหนฺตสฺส คมนํ อตุริตจาริกา นาม. อยํ อิธ อธิปฺเปตา. เอวํ จาริกํ จรมาโน. มหตาติ สงฺขฺยามหตา คุณมหตา จ. ภิกฺขุสงฺเฆนาติ สมณคเณน. อฑฺฒเตฬเสหีติ อฑฺเฒน เตฬสหิ, ทฺวาทสหิ สเตหิ ปฺาสาย จ ภิกฺขูหิ สทฺธินฺติ วุตฺตํ โหติ. เยน…เป… ตทวสรีติ อาปณพหุลตาย โส นิคโม ‘‘อาปโณ’’ ตฺเวว นามํ ลภิ. ตสฺมึ กิร วีสติอาปณมุขสหสฺสานิ วิภตฺตานิ อเหสุํ. เยน ทิสาภาเคน มคฺเคน วา โส องฺคุตฺตราปานํ รฏฺสฺส นิคโม โอสริตพฺโพ, เตน อวสริ ตทวสริ อคมาสิ, ตํ นิคมํ อนุปาปุณีติ วุตฺตํ โหติ.

เกณิโย ชฏิโลติ เกณิโยติ นาเมน, ชฏิโลติ ตาปโส. โส กิร พฺราหฺมณมหาสาโล, ธนรกฺขณตฺถาย ปน ตาปสปพฺพชฺชํ สมาทาย รฺโ ปณฺณาการํ ทตฺวา ภูมิภาคํ คเหตฺวา ตตฺถ อสฺสมํ กาเรตฺวา วสติ กุลสหสฺสสฺส นิสฺสโย หุตฺวา. อสฺสเมปิ จสฺส เอโก ตาลรุกฺโข ทิวเส ทิวเส เอกํ สุวณฺณผลํ มุฺจตีติ วทนฺติ. โส ทิวา กาสายานิ ธาเรติ ชฏา จ พนฺธติ, รตฺตึ ยถาสุขํ ปฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิโต สมงฺคีภูโต ปริจาเรติ. สกฺยปุตฺโตติ อุจฺจากุลปริทีปนํ. สกฺยกุลา ปพฺพชิโตติ สทฺธาย ปพฺพชิตภาวปริทีปนํ, เกนจิ ปาริชุฺเน อนภิภูโต อปริกฺขีณํเยว ตํ กุลํ ปหาย สทฺธาย ปพฺพชิโตติ วุตฺตํ โหติ. ตํ โข ปนาติ อิตฺถมฺภูตาขฺยานตฺเถ อุปโยควจนํ, ตสฺส โข ปน โภโต โคตมสฺสาติ อตฺโถ. กลฺยาโณติ กลฺยาณคุณสมนฺนาคโต, เสฏฺโติ วุตฺตํ โหติ. กิตฺติสทฺโทติ กิตฺติเยว ถุติโฆโส วา.

อิติปิ โส ภควาติ อาทิมฺหิ ปน อยํ ตาว โยชนา – โส ภควา อิติปิ อรหํ, อิติปิ สมฺมาสมฺพุทฺโธ…เป… อิติปิ ภควาติ, อิมินา จ อิมินา จ การเณนาติ วุตฺตํ โหติ. ตตฺถ อารกตฺตา, อรีนํ อรานฺจ หตตฺตา ปจฺจยาทีนํ อรหตฺตา, ปาปกรเณ รหาภาวาติ อิเมหิ ตาว การเณหิ โส ภควา อรหนฺติ เวทิตพฺโพ. อารกา หิ โส สพฺพกิเลเสหิ มคฺเคน สวาสนานํ กิเลสานํ วิทฺธํสิตตฺตาติ อารกตฺตา อรหํ. เต จาเนน กิเลสารโย มคฺเคน หตาติ อรีนํ หตตฺตาปิ อรหํ. ยฺเจตํ อวิชฺชาภวตณฺหามยนาภิ, ปุฺาทิอภิสงฺขารานํ ชรามรณเนมิ, อาสวสมุทยมเยน อกฺเขน วิชฺฌิตฺวา ติภวรเถ สมาโยชิตํ อนาทิกาลปวตฺตํ สํสารจกฺกํ. ตสฺสาเนน โพธิมณฺเฑ วีริยปาเทหิ สีลปถวิยํ ปติฏฺาย สทฺธาหตฺเถน กมฺมกฺขยกราณผรสุํ คเหตฺวา สพฺเพ อรา หตาติ อรานํ หตตฺตาติปิ อรหํ. อคฺคทกฺขิเณยฺยตฺตา จ จีวราทิปจฺจเย สกฺการครุการาทีนิ จ อรหตีติ ปจฺจยาทีนํ อรหตฺตาปิ อรหํ. ยถา จ โลเก เกจิ ปณฺฑิตมานิโน พาลา อสิโลกภเยน รโห ปาปํ กโรนฺติ, เอวํ นายํ กทาจิ กโรตีติ ปาปกรเณ รหาภาวโตปิ อรหํ. โหติ เจตฺถ –

‘‘อารกตฺตา หตตฺตา จ, กิเลสารีน โส มุนิ;

หตสํสารจกฺกาโร, ปจฺจยาทีน จารโห;

น รโห กโรติ ปาปานิ, อรหํ เตน ปวุจฺจตี’’ติ.

สมฺมา สามฺจ สจฺจานํ พุทฺธตฺตา สมฺมาสมฺพุทฺโธ. อติสยวิสุทฺธาหิ วิชฺชาหิ อพฺภุตฺตเมน จรเณน จ สมนฺนาคตตฺตา วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน. โสภนคมนตฺตา สุนฺทรํ านํ คตตฺตา สุฏฺุ คตตฺตา สมฺมา คทตฺตา จ สุคโต. สพฺพถาปิ วิทิตโลกตฺตา โลกวิทู. โส หิ ภควา สภาวโต สมุทยโต นิโรธโต นิโรธูปายโตติ สพฺพถา ขนฺธายตนาทิเภทํ สงฺขารโลกํ อเวทิ, ‘‘เอโก โลโก สพฺเพ สตฺตา อาหารฏฺิติกา. ทฺเว โลกา นามฺจ รูปฺจ. ตโย โลกา ติสฺโส เวทนา. จตฺตาโร โลกา จตฺตาโร อาหารา. ปฺจ โลกา ปฺจุปาทานกฺขนฺธา. ฉ โลกา ฉ อชฺฌตฺติกานิ อายตนานิ. สตฺต โลกา สตฺต วิฺาณฏฺิติโย. อฏฺ โลกา อฏฺ โลกธมฺมา. นว โลกา นว สตฺตาวาสา. ทส โลกา ทสายตนานิ. ทฺวาทส โลกา ทฺวาทสายตนานิ. อฏฺารส โลกา อฏฺารส ธาตุโย’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๒) เอวํ สพฺพถา สงฺขารโลกํ อเวทิ. สตฺตานํ อาสยํ ชานาติ, อนุสยํ ชานาติ, จริตํ ชานาติ, อธิมุตฺตึ ชานาติ, อปฺปรชกฺเข มหารชกฺเข ติกฺขินฺทฺริเย มุทินฺทฺริเย สฺวากาเร ทฺวากาเร สุวิฺาปเย ทุวิฺาปเย ภพฺเพ อภพฺเพ สตฺเต ชานาตีติ สพฺพถา สตฺตโลกํ อเวทิ. ตถา เอกํ จกฺกวาฬํ อายามโต วิตฺถารโต จ โยชนานํ ทฺวาทส สตสหสฺสานิ ตีณิ สหสฺสานิ อฑฺฒปฺจมานิ จ สตานิ, ปริกฺเขปโต ฉตฺตึส สตสหสฺสานิ ทส สหสฺสานิ อฑฺฒุฑฺฒานิ จ สตานิ.

ตตฺถ –

ทุเว สตสหสฺสานิ, จตฺตาริ นหุตานิ จ;

เอตฺตกํ พหลตฺเตน, สงฺขาตายํ วสุนฺธรา.

จตฺตาริ สตสหสฺสานิ, อฏฺเว นหุตานิ จ;

เอตฺตกํ พหลตฺเตน, ชลํ วาเต ปติฏฺิตํ.

นว สตสหสฺสานิ, มาลุโต นภมุคฺคโต;

สฏฺิ เจว สหสฺสานิ, เอสา โลกสฺส สณฺิติ’’.

เอวํ สณฺิเต เจตฺถ โยชนานํ –

จตุราสีติ สหสฺสานิ, อชฺโฌคาฬฺโห มหณฺณเว;

อจฺจุคฺคโต ตาวเทว, สิเนรุ ปพฺพตุตฺตโม.

ตโต อุปฑฺฒุปฑฺเฒน, ปมาเณน ยถากฺกมํ;

อชฺโฌคาฬฺหุคฺคตา ทิพฺพา, นานารตนจิตฺติตา.

ยุคนฺธโร อีสธโร, กรวีโก สุทสฺสโน;

เนมินฺธโร วินตโก, อสฺสกณฺโณ คิริ พฺรหา.

เอเต สตฺต มหาเสลา, สิเนรุสฺส สมนฺตโต;

มหาราชานมาวาสา, เทวยกฺขนิเสวิตา.

โยชนานํ สตานุจฺโจ, หิมวา ปฺจ ปพฺพโต;

โยชนานํ สหสฺสานิ, ตีณิ อายตวิตฺถโต.

จตุราสีติสหสฺเสหิ, กูเฏหิ ปฏิมณฺฑิโต;

ติปฺจโยชนกฺขนฺธ-ปริกฺเขปา นควฺหยา.

ปฺาสโยชนกฺขนฺธ-สาขายามา สมนฺตโต;

สตฺตโยชนวิตฺถิณฺณา, ตาวเทว จ อุคฺคตา.

ชมฺพู ยสฺสานุภาเวน, ชมฺพุทีโป ปกาสิโต;

ทฺเว อสีติสหสฺสานิ, อชฺโฌคาฬฺโห มหณฺณเว.

อจฺจุคฺคโต ตาวเทว, จกฺกวาฬสิลุจฺจโย;

ปริกฺขิปิตฺวา ตํ สพฺพํ, จกฺกวาฬมยํ ิโต’’.

ตตฺถ จนฺทมณฺฑลํ เอกูนปฺาสโยชนํ, สูริยมณฺฑลํ ปฺาสโยชนํ, ตาวตึสภวนํ ทสสหสฺสโยชนํ, ตถา อสุรภวนํ อวีจิมหานิรโย ชมฺพุทีโป จ. อปรโคยานํ สตฺตสหสฺสโยชนํ, ตถา ปุพฺพวิเทโห, อุตฺตรกุรุ อฏฺสหสฺสโยชโน. เอกเมโก เจตฺถ มหาทีโป ปฺจสตปฺจสตปริตฺตทีปปริวาโร. ตํ สพฺพมฺปิ เอกํ จกฺกวาฬํ เอกา โลกธาตุ. จกฺกวาฬนฺตเรสุ โลกนฺตริกนิรยา. เอวํ อนนฺตานิ จกฺกวาฬานิ อนนฺตา โลกธาตุโย, อนนฺเตน พุทฺธาเณน อฺาสีติ สพฺพถา โอกาสโลกํ อเวทิ. เอวํ โส ภควา สพฺพถา. วิทิตโลกตฺตา โลกวิทูติ เวทิตพฺโพ.

อตฺตโน ปน คุเณหิ วิสิฏฺตรสฺส กสฺสจิ อภาวา อนุตฺตโร. วิจิตฺเตหิ วินยนูปาเยหิ ปุริสทมฺเม สาเรตีติ ปุริสทมฺมสารถิ. ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺเถหิ ยถารหํ อนุสาสติ นิตฺถาเรติ จาติ สตฺถา. เทวมนุสฺสคฺคหณํ อุกฺกฏฺปริจฺเฉทวเสน ภพฺพปุคฺคลปริคฺคหวเสน จ กตํ, นาคาทิเกปิ ปน เอส โลกิยตฺเถน อนุสาสติ. ยทตฺถิ เนยฺยํ นาม, สพฺพสฺส พุทฺธตฺตา วิโมกฺขนฺติกาณวเสน พุทฺโธ. ยโต ปน โส –

‘‘ภคฺยวา ภคฺควา ยุตฺโต, ภเคหิ จ วิภตฺตวา;

ภตฺตวา วนฺตคมโน, ภเวสุ ภควา ตโต’’ติ.

อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถารโต ปเนตานิ ปทานิ วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๑๒๔-๑๒๕) วุตฺตานิ.

โส อิมํ โลกนฺติ โส ภควา อิมํ โลกํ. อิทานิ วตฺตพฺพํ นิทสฺเสติ. สเทวกนฺติอาทีนิ กสิภารทฺวาชอาฬวกสุตฺเตสุ วุตฺตนยาเนว. สยนฺติ สามํ อปรเนยฺโย หุตฺวา. อภิฺาติ อภิฺาย. สจฺฉิกตฺวาติ ปจฺจกฺขํ กตฺวา. ปเวเทตีติ โพเธติ าเปติ ปกาเสติ. โส ธมฺมํ เทเสติ…เป… ปริโยสานกลฺยาณนฺติ โส ภควา สตฺเตสุ การุฺตํ ปฏิจฺจ อนุตฺตรํ วิเวกสุขํ หิตฺวาปิ ธมฺมํ เทเสติ. ตฺจ โข อปฺปํ วา พหุํ วา เทเสนฺโต อาทิกลฺยาณาทิปฺปการเมว เทเสติ. กถํ? เอกคาถาปิ หิ สมนฺตภทฺทกตฺตา ธมฺมสฺส ปมปาเทน อาทิกลฺยาณา, ทุติยตติยปาเทหิ มชฺเฌกลฺยาณา, ปจฺฉิมปาเทน ปริโยสานกลฺยาณา. เอกานุสนฺธิกํ สุตฺตํ นิทาเนน อาทิกลฺยาณํ, นิคมเนน ปริโยสานกลฺยาณํ, เสเสน มชฺเฌกลฺยาณํ. นานานุสนฺธิกํ ปมานุสนฺธินา อาทิกลฺยาณํ, ปจฺฉิเมน ปริโยสานกลฺยาณํ, เสเสหิ มชฺเฌกลฺยาณํ. สกโลปิ สาสนธมฺโม อตฺตโน อตฺถภูเตน สีเลน อาทิกลฺยาโณ, สมถวิปสฺสนามคฺคผเลหิ มชฺเฌกลฺยาโณ, นิพฺพาเนน ปริโยสานกลฺยาโณ. สีลสมาธีหิ วา อาทิกลฺยาโณ, วิปสฺสนามคฺเคหิ มชฺเฌกลฺยาโณ, ผลนิพฺพาเนหิ ปริโยสานกลฺยาโณ. พุทฺธสุโพธิตาย วา อาทิกลฺยาโณ, ธมฺมสุธมฺมตาย มชฺเฌกลฺยาโณ, สงฺฆสุปฺปฏิปตฺติยา ปริโยสานกลฺยาโณ. ตํ สุตฺวา ตถตฺตาย ปฏิปนฺเนน อธิคนฺตพฺพาย อภิสมฺโพธิยา วา อาทิกลฺยาโณ, ปจฺเจกโพธิยา มชฺเฌกลฺยาโณ, สาวกโพธิยา ปริโยสานกลฺยาโณ. สุยฺยมาโน เจส นีวรณาทิวิกฺขมฺภนโต สวเนนปิ กลฺยาณเมว อาวหตีติ อาทิกลฺยาโณ, ปฏิปชฺชมาโน สมถวิปสฺสนาสุขาวหนโต ปฏิปตฺติยาปิ กลฺยาณเมว อาวหตีติ มชฺเฌกลฺยาโณ, ตถา ปฏิปนฺโน จ ปฏิปตฺติผเล นิฏฺิเต ตาทิภาวาวหนโต ปฏิปตฺติผเลนปิ กลฺยาณเมว อาวหตีติ ปริโยสานกลฺยาโณ. นาถปฺปภวตฺตา จ ปภวสุทฺธิยา อาทิกลฺยาโณ, อตฺถสุทฺธิยา มชฺเฌกลฺยาโณ, กิจฺจสุทฺธิยา ปริโยสานกลฺยาโณ. ยโต อปฺปํ วา พหุํ วา เทเสนฺโต อาทิกลฺยาณาทิปฺปการเมว เทเสตีติ เวทิตพฺโพ.

สาตฺถํ สพฺยฺชนนฺติ เอวมาทีสุ ปน ยสฺมา อิมํ ธมฺมํ เทเสนฺโต สาสนพฺรหฺมจริยํ มคฺคพฺรหฺมจริยฺจ ปกาเสติ, นานานเยหิ ทีเปติ, ตฺจ ยถาสมฺภวํ อตฺถสมฺปตฺติยา สาตฺถํ, พฺยฺชนสมฺปตฺติยา สพฺยฺชนํ. สงฺกาสนปกาสนวิวรณวิภชนอุตฺตานีกรณปฺตฺติอตฺถปทสมาโยคโต สาตฺถํ, อกฺขรปทพฺยฺชนาการนิรุตฺตินิทฺเทสสมฺปตฺติยา สพฺยฺชนํ. อตฺถคมฺภีรตาปฏิเวธคมฺภีรตาหิ สาตฺถํ, ธมฺมคมฺภีรตาเทสนาคมฺภีรตาหิ สพฺยฺชนํ. อตฺถปฏิภานปฏิสมฺภิทาวิสยโต สาตฺถํ, ธมฺมนิรุตฺติปฏิสมฺภิทาวิสยโต สพฺยฺชนํ. ปณฺฑิตเวทนียโต สริกฺขกชนปฺปสาทกนฺติ สาตฺถํ, สทฺเธยฺยโต โลกิยชนปฺปสาทกนฺติ สพฺยฺชนํ. คมฺภีราธิปฺปายโต สาตฺถํ, อุตฺตานปทโต สพฺยฺชนํ. อุปเนตพฺพสฺสาภาวโต สกลปริปุณฺณภาเวน เกวลปริปุณฺณํ, อปเนตพฺพสฺส อภาวโต นิทฺโทสภาเวน ปริสุทฺธํ. สิกฺขตฺตยปริคฺคหิตตฺตา พฺรหฺมภูเตหิ เสฏฺเหิ จริตพฺพโต เตสฺจ จริยภาวโต พฺรหฺมจริยํ. ตสฺมา ‘‘สาตฺถํ สพฺยฺชนํ…เป… พฺรหฺมจริยํ ปกาเสตี’’ติ วุจฺจติ.

อปิจ ยสฺมา สนิทานํ สอุปฺปตฺติกฺจ เทเสนฺโต อาทิกลฺยาณํ เทเสติ, วิเนยฺยานํ อนุรูปโต อตฺถสฺส อวิปรีตตาย เหตุทาหรณโยคโต จ มชฺเฌกลฺยาณํ, โสตูนํ สทฺธาปฏิลาเภน นิคมเนน จ ปริโยสานกลฺยาณํ. เอวํ เทเสนฺโต จ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสติ. ตฺจ ปฏิปตฺติยา อธิคมพฺยตฺติโต สาตฺถํ, ปริยตฺติยา อาคมพฺยตฺติโต สพฺยฺชนํ, สีลาทิปฺจธมฺมกฺขนฺธยุตฺตโต เกวลปริปุณฺณํ, นิรุปกฺกิเลสโต นิตฺถรณตฺถาย ปวตฺติโต โลกามิสนิรเปกฺขโต จ ปริสุทฺธํ, เสฏฺฏฺเน พฺรหฺมภูตานํ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธสาวกานํ จริยโต พฺรหฺมจริยนฺติ วุจฺจติ, ตสฺมาปิ ‘‘โส ธมฺมํ เทเสติ…เป… พฺรหฺมจริยํ ปกาเสตี’’ติ วุจฺจติ.

สาธุ โข ปนาติ สุนฺทรํ โข ปน, อตฺถาวหํ สุขาวหนฺติ วุตฺตํ โหติ. ธมฺมิยา กถายาติ ปานกานิสํสปฏิสํยุตฺตาย. อยฺหิ เกณิโย สายนฺหสมเย ภควโต อาคมนํ อสฺโสสิ. ‘‘ตุจฺฉหตฺโถ ภควนฺตํ ทสฺสนาย คนฺตุํ ลชฺชมาโน วิกาลโภชนา วิรตานมฺปิ ปานกํ กปฺปตี’’ติ จินฺเตตฺวา ปฺจหิ กาชสเตหิ สุสงฺขตํ พทรปานํ คาหาเปตฺวา อคมาสิ. ยถาห เภสชฺชกฺขนฺธเก ‘‘อถ โข เกณิยสฺส ชฏิลสฺส เอตทโหสิ, กึ นุ โข อหํ สมณสฺส โคตมสฺส หราเปยฺย’’นฺติ (มหาว. ๓๐๐) สพฺพํ เวทิตพฺพํ. ตโต นํ ภควา ยถา เสกฺขสุตฺเต (ม. นิ. ๒.๒๒ อาทโย) สากิเย อาวสถานิสํสปฏิสํยุตฺตาย กถาย, โคสิงฺคสาลวเน (ม. นิ. ๑.๓๒๕ อาทโย) ตโย กุลปุตฺเต สามคฺคิรสานิสํสปฏิสํยุตฺตาย, รถวินีเต (ม. นิ. ๑.๒๕๒ อาทโย) ชาติภูมเก ภิกฺขู ทสกถาวตฺถุปฏิสํยุตฺตาย, เอวํ ตงฺขณานุรูปาย ปานกานิสํสปฏิสํยุตฺตาย กถาย ปานกทานานิสํสํ สนฺทสฺเสสิ, ตถารูปานํ ปุฺานํ ปุนปิ กตฺตพฺพตาย นิโยเชนฺโต สมาทเปสิ, อพฺภุสฺสาหํ ชเนนฺโต สมุตฺเตเชสิ, สนฺทิฏฺิกสมฺปรายิเกน ผลวิเสเสน ปหํเสนฺโต สมฺปหํเสสิ. เตนาห ‘‘ธมฺมิยา กถาย…เป… สมฺปหํเสสี’’ติ. โส ภิยฺโยโสมตฺตาย ภควติ ปสนฺโน ภควนฺตํ นิมนฺเตสิ, ภควา จสฺส ติกฺขตฺตุํ ปฏิกฺขิปิตฺวา อธิวาเสสิ. เตนาห ‘‘อถ โข เกณิโย ชฏิโล…เป… อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวนา’’ติ.

กิมตฺถํ ปน ปฏิกฺขิปิ ภควาติ? ปุนปฺปุนํ ยาจนาย จสฺส ปุฺวุฑฺฒิ ภวิสฺสติ, พหุตรฺจ ปฏิยาเทสฺสติ, ตโต อฑฺฒเตลสานํ ภิกฺขุสตานํ ปฏิยตฺตํ อฑฺฒโสฬสนฺนํ ปาปุณิสฺสตีติ. กุโต อปรานิ ตีณิ สตานีติ เจ? อปฺปฏิยตฺเตเยว หิ ภตฺเต เสโล พฺราหฺมโณ ตีหิ มาณวกสเตหิ สทฺธึ ปพฺพชิสฺสติ, ตํ ทิสฺวา ภควา เอวมาหาติ. มิตฺตามจฺเจติ มิตฺเต จ กมฺมกเร จ. าติสาโลหิเตติ สมานโลหิเต เอกโยนิสมฺพนฺเธ ปุตฺตธีตาทโย อวเสสพนฺธเว จ. เยนาติ ยสฺมา. เมติ มยฺหํ. กายเวยฺยาวฏิกนฺติ กาเยน เวยฺยาวจฺจํ. มณฺฑลมาฬํ ปฏิยาเทตีติ เสตวิตานมณฺฑปํ กโรติ.

ติณฺณํ เวทานนฺติ อิรุพฺเพทยชุพฺเพทสามเวทานํ. สห นิฆณฺฑุนา จ เกฏุเภน จ สนิฆณฺฑุเกฏุภานํ. นิฆณฺฑูติ นามนิฆณฺฑุรุกฺขาทีนํ เววจนปฺปกาสกํ สตฺถํ. เกฏุภนฺติ กิริยากปฺปวิกปฺโป กวีนํ อุปการาย สตฺถํ. สห อกฺขรปฺปเภเทน สากฺขรปฺปเภทานํ. อกฺขรปฺปเภโทติ สิกฺขา จ นิรุตฺติ จ. อิติหาสปฺจมานนฺติ อถพฺพนเวทํ จตุตฺถํ กตฺวา ‘‘อิติห อาส อิติห อาสา’’ติ อีทิสวจนปฏิสํยุตฺโต ปุราณกถาสงฺขาโต อิติหาโส ปฺจโม เอเตสนฺติ อิติหาสปฺจมา. เตสํ อิติหาสปฺจมานํ. ปทํ ตทวเสสฺจ พฺยากรณํ อชฺเฌติ เวเทติ จาติ ปทโก เวยฺยากรโณ. โลกายเต วิตณฺฑวาทสตฺเถ มหาปุริสลกฺขณาธิกาเร จ ทฺวาทสสหสฺเส มหาปุริสลกฺขณสตฺเถ อนูโน ปริปูรการีติ โลกายตมหาปุริสลกฺขเณสุ อนวโย, อวโย น โหตีติ วุตฺตํ โหติ. อวโย นาม โย ตานิ อตฺถโต จ คนฺถโต จ สนฺธาเรตุํ น สกฺโกติ.

ชงฺฆาย หิตํ วิหารํ ชงฺฆาวิหารํ, จิราสนาทิชนิตํ ปริสฺสมํ วิโนเทตุํ ชงฺฆาปสารณตฺถํ อทีฆจาริกนฺติ วุตฺตํ โหติ. อนุจงฺกมมาโนติ จงฺกมมาโน เอว. อนุวิจรมาโนติ อิโต จิโต จ จรมาโน. เกณิยสฺส ชฏิลสฺส อสฺสโมติ เกณิยสฺส อสฺสมํ นิเวสนํ. อาวาโหติ กฺาคหณํ. วิวาโหติ กฺาทานํ. มหายฺโติ มหายชนํ. มาคโธติ มคธานํ อิสฺสโร. มหติยา เสนาย สมนฺนาคตตฺตา เสนิโย. พิมฺพีติ สุวณฺณํ, ตสฺมา สารสุวณฺณสทิสวณฺณตาย พิมฺพิสาโร. โส เม นิมนฺติโตติ โส มยา นิมนฺติโต.

อถ พฺราหฺมโณ ปุพฺเพ กตาธิการตฺตา พุทฺธสทฺทํ สุตฺวาว อมเตเนวาภิสิตฺโต วิมฺหยรูปตฺตา อาห – ‘‘พุทฺโธติ, โภ เกณิย, วเทสี’’ติ. อิตโร ยถาภูตํ อาจิกฺขนฺโต อาห – ‘‘พุทฺโธติ, โภ เสล, วทามี’’ติ. ตโต นํ ปุนปิ ทฬฺหีกรณตฺถํ ปุจฺฉิ, อิตโรปิ ตเถว อาโรเจสิ. อถ กปฺปสตสหสฺเสหิปิ พุทฺธสทฺทสฺส ทุลฺลภภาวํ ทสฺเสนฺโต อาห – ‘‘โฆโสปิ โข เอโส ทุลฺลโภ โลกสฺมึ ยทิทํ พุทฺโธ’’ติ. ตตฺถ ยทิทนฺติ นิปาโต, โย เอโสติ วุตฺตํ โหติ.

อถ พฺราหฺมโณ พุทฺธสทฺทํ สุตฺวา ‘‘กึ นุ โข โส สจฺจเมว พุทฺโธ, อุทาหุ นามมตฺตเมวสฺส พุทฺโธ’’ติ วีมํสิตุกาโม จินฺเตสิ, อภาสิ เอว วา ‘‘อาคตานิ โข ปน…เป… วิวฏฺฏจฺฉโท’’ติ. ตตฺถ ‘‘มนฺเตสู’’ติ เวเทสุ. ‘‘ตถาคโต กิร อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ ปฏิกจฺเจว สุทฺธาวาสเทวา พฺราหฺมณเวเสน ลกฺขณานิ ปกฺขิปิตฺวา เวเท วาเจนฺติ ‘‘ตทนุสาเรน มเหสกฺขา สตฺตา ตถาคตํ ชานิสฺสนฺตี’’ติ. เตน ปุพฺเพ เวเทสุ มหาปุริสลกฺขณานิ อาคจฺฉนฺติ. ปรินิพฺพุเต ปน ตถาคเต กเมน อนฺตรธายนฺติ, เตน เอตรหิ นตฺถิ. มหาปุริสสฺสาติ ปณิธิสมาทานาณสมาทานกรุณาทิคุณมหโต ปุริสสฺส. ทฺเวว คติโยติ ทฺเว เอว นิฏฺา. กามฺจายํ คติสทฺโท ‘‘ปฺจ โข อิมา, สาริปุตฺต, คติโย’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑๕๓) ภวเภเท, ‘‘คตี มิคานํ ปวน’’นฺติอาทีสุ (ปริ. ๓๓๙) นิวาสฏฺาเน, ‘‘เอวํ อธิมตฺตคติมนฺโต’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑๖๑) ปฺายํ, ‘‘คติคต’’นฺติอาทีสุ (จูฬว. ๒๐๔) วิสฏภาเว วตฺตติ, อิธ ปน นิฏฺายํ เวทิตพฺโพ. ตตฺถ กิฺจาปิ เยหิ ลกฺขเณหิ สมนฺนาคโต ราชา โหติ จกฺกวตฺติ, น เตหิ เอว พุทฺโธ. ชาติสามฺโต ปน ตานิเยว ตานีติ วุจฺจนฺติ. ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘เยหิ สมนฺนาคตสฺสา’’ติ.

สเจ อคารํ อชฺฌาวสตีติ ยทิ อคาเร วสติ. ราชา โหติ จกฺกวตฺตีติ จตูหิ อจฺฉริยธมฺเมหิ สงฺคหวตฺถูหิ จ โลกํ รฺชนโต ราชา. จกฺกรตนํ วตฺเตติ, จตูหิ สมฺปตฺติจกฺเกหิ, วตฺตติ, เตหิ จ ปรํ วตฺเตติ, ปรหิตาย จ อิริยาปถจกฺกานํ วตฺโต เอตสฺมึ อตฺถีติ จกฺกวตฺติ. เอตฺถ จ ราชาติ สามฺํ, จกฺกวตฺตีติ วิเสสนํ. ธมฺเมน จรตีติ ธมฺมิโก, าเยน สเมน วตฺตตีติ อตฺโถ. ธมฺเมน รชฺชํ ลภิตฺวา ราชา ชาโตติ ธมฺมราชา. ปรหิตธมฺมกรเณน วา ธมฺมิโก, อตฺตหิตธมฺมกรเณน ธมฺมราชา. จตุรนฺตาย อิสฺสโรติ จาตุรนฺโต, จตุสมุทฺทนฺตาย จตฺตุพฺพิธทีปวิภูสิตาย จ ปถวิยา อิสฺสโรติ อตฺโถ. อชฺฌตฺตํ โกธาทิปจฺจตฺถิเก พหิทฺธา จ สพฺพราชาโน วิเชสีติ วิชิตาวี. ชนปทตฺถาวริยปฺปตฺโตติ ชนปเท ธุวภาวํ ถาวรภาวํ ปตฺโต, น สกฺกา เกนจิ จาเลตุํ, ชนปโท วา ตมฺหิ ถาวริยปฺปตฺโต อนุสฺสุกฺโก สกมฺมนิรโต อจโล อสมฺปเวธีติปิ ชนปทตฺถาวริยปฺปตฺโต.

เสยฺยถิทนฺติ นิปาโต, ตสฺส เอตานิ กตมานีติ อตฺโถ. จกฺกรตนํ…เป… ปริณายกรตนเมว สตฺตมนฺติ ตานิ สพฺพปฺปการโต รตนสุตฺตวณฺณนายํ วุตฺตานิ. เตสุ อยํ จกฺกวตฺติราชา จกฺกรตเนน อชิตํ ชินาติ, หตฺถิอสฺสรตเนหิ วิชิเต ยถาสุขมนุวิจรติ, ปริณายกรตเนน วิชิตมนุรกฺขติ, เสเสหิ อุปโภคสุขมนุภวติ. ปเมน จสฺส อุสฺสาหสตฺติโยโค, หตฺถิอสฺสคหปติรตเนหิ ปภุสตฺติโยโค, ปริณายกรตเนน มนฺตสตฺติโยโค สุปริปุณฺโณ โหติ, อิตฺถิมณิรตเนหิ จ ติวิธสตฺติโยคผลํ. โส อิตฺถิมณิรตเนหิ โภคสุขมนุโภติ, เสเสหิ อิสฺสริยสุขํ. วิเสสโต จสฺส ปุริมานิ ตีณิ อโทสกุสลมูลชนิตกมฺมานุภาเวน สมฺปชฺชนฺติ, มชฺฌิมานิ อโลภกุสลมูลชนิตกมฺมานุภาเวน, ปจฺฉิมเมกํ อโมหกุสลมูลชนิตกมฺมานุภาเวนาติ เวทิตพฺพํ.

ปโรสหสฺสนฺติ อติเรกสหสฺสํ. สูราติ อภีรุกชาติกา. วีรงฺครูปาติ เทวปุตฺตสทิสกายา, เอวํ ตาเวเก. อยํ ปเนตฺถ สภาโว วีราติ อุตฺตมสูรา วุจฺจนฺติ, วีรานํ องฺคํ วีรงฺคํ, วีรการณํ วีริยนฺติ วุตฺตํ โหติ. วีรงฺคํ รูปํ เอเตสนฺติ วีรงฺครูปา, วีริยมยสรีรา วิยาติ วุตฺตํ โหติ. ปรเสนปฺปมทฺทนาติ สเจ ปฏิมุขํ ติฏฺเยฺย ปรเสนา, ตํ ปมทฺทิตุํ สมตฺถาติ อธิปฺปาโย. ธมฺเมนาติ ‘‘ปาโณ น หนฺตพฺโพ’’ติอาทินา (ที. นิ. ๒.๒๔๔; ม. นิ. ๓.๒๕๗) ปฺจสีลธมฺเมน. อรหํ โหติ สมฺมาสมฺพุทฺโธ โลเก วิวฏฺฏจฺฉโทติ เอตฺถ ราคโทสโมหมานทิฏฺิอวิชฺชาทุจฺจริตฉทเนหิ สตฺตหิ ปฏิจฺฉนฺเน กิเลสนฺธกาเร โลเก ตํ ฉทนํ วิวฏฺเฏตฺวา สมนฺตโต สฺชาตาโลโก หุตฺวา ิโตติ วิวฏฺฏจฺฉโท. ตตฺถ ปเมน ปเทน ปูชารหตา, ทุติเยน ตสฺสา เหตุ ยสฺมา สมฺมาสมฺพุทฺโธติ. ตติเยน พุทฺธตฺตเหตุ วิวฏฺฏจฺฉทตา วุตฺตาติ เวทิตพฺพา. อถ วา วิวฏฺโฏ จ วิจฺฉโท จาติ วิวฏฺฏจฺฉโท, วฏฺฏรหิโต ฉทนรหิโต จาติ วุตฺตํ โหติ. เตน อรหํ วฏฺฏาภาเวน สมฺมาสมฺพุทฺโธ ฉทนาภาเวนาติ เอวํ ปุริมปททฺวยสฺเสว เหตุทฺวยํ วุตฺตํ โหติ. ทุติเยน เวสารชฺเชน เจตฺถ ปุริมสิทฺธิ, ปเมน ทุติยสิทฺธิ, ตติยจตุตฺเถหิ ตติยสิทฺธิ โหติ. ปุริมฺจ ธมฺมจกฺขุํ, ทุติยํ พุทฺธจกฺขุํ, ตติยํ สมนฺตจกฺขุํ สาเธตีติ เวทิตพฺพํ.

อิทานิ ภควโต สนฺติกํ คนฺตุกาโม อาห – ‘‘กหํ ปน โภ…เป… สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ. เอวํ วุตฺเตติอาทีสุ เยเนสาติ เยน ทิสาภาเคน เอสา. นีลวนราชีติ นีลวณฺณรุกฺขปนฺติ. วนํ กิร เมฆปนฺติสทิสํ. ยตฺถ ภควา ตทา วิหาสิ, ตํ นิทฺทิสนฺโต อาห – ‘‘เยเนสา โภ, เสล, นีลวนราชี’’ติ. ตตฺถ ‘‘โส วิหรตี’’ติ อยํ ปเนตฺถ ปาเสโส, ภุมฺมตฺเถ วา กรณวจนํ. ปเท ปทนฺติ ปทสมีเป ปทํ. เตน ตุริตคมนํ ปฏิเสเธติ. ทุราสทา หีติ การณํ อาห, ยสฺมา เต ทุราสทา, ตสฺมา เอวํ โภนฺโต อาคจฺฉนฺตูติ. กึ ปน การณา ทุราสทาติ เจ? สีหาว เอกจรา. ยถา หิ สีหา สหายกิจฺจาภาวโต เอกจรา, เอวํ เตปิ วิเวกกามตาย. ‘‘ยทา จาห’’นฺติอาทินา ปน เต มาณวเก อุปจารํ สิกฺขาเปติ. ตตฺถ มา โอปาเตถาติ มา ปเวเสถ, มา กเถถาติ วุตฺตํ โหติ. อาคเมนฺตูติ ปฏิมาเนนฺตุ, ยาว กถา ปริโยสานํ คจฺฉติ, ตาว ตุณฺหี ภวนฺตูติ อตฺโถ.

สมนฺเนสีติ คเวสิ. เยภุยฺเยนาติ พหุกานิ อทฺทส, อปฺปกานิ นาทฺทส. ตโต ยานิ น อทฺทส, ตานิ ทีเปนฺโต อาห ‘‘เปตฺวา ทฺเว’’ติ. กงฺขตีติ กงฺขํ อุปฺปาเทติ ปตฺถนํ ‘‘อโห วต ปสฺเสยฺย’’นฺติ. วิจิกิจฺฉตีติ ตโต ตโต ตานิ วิจินนฺโต กิจฺฉติ น สกฺโกติ ทฏฺุํ. นาธิมุจฺจตีติ ตาย วิจิกิจฺฉาย สนฺนิฏฺานํ น คจฺฉติ. น สมฺปสีทตีติ ตโต ‘‘ปริปุณฺณลกฺขโณ อย’’นฺติ ภควติ ปสาทํ นาปชฺชติ. กงฺขาย วา สุทุพฺพลวิมติ วุตฺตา, วิจิกิจฺฉาย มชฺฌิมา, อนธิมุจฺจนตาย พลวตี, อสมฺปสาเทน เตหิ ตีหิ ธมฺเมหิ จิตฺตสฺส กาลุสฺสิยภาโว.

โกโสหิเตติ วตฺถิโกเสน ปฏิจฺฉนฺเน. วตฺถคุยฺเหติ องฺคชาเต. ภควโต หิ วรวารณสฺเสว โกโสหิตํ วตฺถคุยฺหํ สุวณฺณวณฺณํ ปทุมคพฺภสมานํ. ตํ โส วตฺถปฏิจฺฉนฺนตฺตา อปสฺสนฺโต อนฺโตมุขคตาย จ ชิวฺหาย ปหูตภาวํ อสลฺลกฺเขนฺโต เตสุ ทฺวีสุ ลกฺขเณสุ กงฺขี อโหสิ วิจิกิจฺฉี. ตถารูปนฺติ กถํ รูปํ? กิเมตฺถ อมฺเหหิ วตฺตพฺพํ, วุตฺตเมตํ นาคเสนตฺเถเรเนว มิลินฺทรฺา ปุฏฺเน (มิ. ป. ๔.๓.๓) –

‘‘ทุกฺกรํ, ภนฺเต นาคเสน, ภควตา กตนฺติ. กึ, มหาราชาติ? มหาชเนน หิริกรโณกาสํ พฺรหฺมายุพฺราหฺมณสฺส จ อนฺเตวาสิอุตฺตรสฺส จ พาวริสฺส อนฺเตวาสีนํ โสฬสนฺนํ พฺราหฺมณานฺจ เสลสฺส พฺราหฺมณสฺส อนฺเตวาสีนํ ติสตมาณวานฺจ ทสฺเสสิ, ภนฺเตติ. น, มหาราช, ภควา คุยฺหํ ทสฺเสติ, ฉายํ ภควา ทสฺเสติ, อิทฺธิยา อภิสงฺขริตฺวา นิวาสนนิวตฺถํ กายพนฺธนพทฺธํ จีวรปารุตํ ฉายารูปกมตฺตํ ทสฺเสติ, มหาราชาติ. ฉายารูเป ทิฏฺเ สติ ทิฏฺโ เอว นนุ, ภนฺเตติ. ติฏฺเตตํ, มหาราช, หทยรูปํ ทิสฺวา พุชฺฌนกสตฺโต ภเวยฺย, หทยมํสํ นีหริตฺวา ทสฺเสยฺย สมฺมาสมฺพุทฺโธติ. กลฺโลสิ, ภนฺเต, นาคเสนา’’ติ (มิ. ป. ๔.๓.๓).

นินฺนาเมตฺวาติ นีหริตฺวา. กณฺณโสตานุมสเนน เจตฺถ ทีฆภาโว, นาสิกาโสตานุมสเนน ตนุภาโว, นลาฏจฺฉาทเนน ปุถุลภาโว ปกาสิโตติ เวทิตพฺโพ. อาจริยปาจริยานนฺติ อาจริยานฺเจว อาจริยาจริยานฺจ. สเก วณฺเณติ อตฺตโน คุเณ.

๕๕๔. ปริปุณฺณกาโยติ ลกฺขเณหิ ปริปุณฺณตาย อหีนงฺคปจฺจงฺคตาย จ ปริปุณฺณสรีโร. สุรุจีติ สุนฺทรสรีรปฺปโภ. สุชาโตติ อาโรหปริณาหสมฺปตฺติยา สณฺานสมฺปตฺติยา จ สุนิพฺพตฺโต. จารุทสฺสโนติ สุจิรมฺปิ ปสฺสนฺตานํ อติตฺติชนกํ อปฺปฏิกูลํ รมณียํ จารุ เอว ทสฺสนํ อสฺสาติ จารุทสฺสโน. เกจิ ปน ภณนฺติ ‘‘จารุทสฺสโนติ สุนฺทรเนตฺโต’’ติ. สุวณฺณวณฺโณติ สุวณฺณสทิสวณฺโณ. อสีติ ภวสิ. เอตํ สพฺพปเทหิ โยเชตพฺพํ. สุสุกฺกทาโติ สุฏฺุ สุกฺกทาโ. ภควโต หิ ทาาหิ จนฺทกิรณา วิย อติวิย ปณฺฑรรํสิโย นิจฺฉรนฺติ. เตนาห – ‘‘สุสุกฺกทาโสี’’ติ.

๕๕๕. มหาปุริสลกฺขณาติ ปุพฺเพ วุตฺตพฺยฺชนาเนว วจนนฺตเรน นิคเมนฺโต อาห.

๕๕๖. อิทานิ เตสุ ลกฺขเณสุ อตฺตโน อภิรุจิเตหิ ลกฺขเณหิ ภควนฺตํ ถุนนฺโต อาห – ‘‘ปสนฺนเนตฺโต’’ติอาทิ. ภควา หิ ปฺจวณฺณปสาทสมฺปตฺติยา ปสนฺนเนตฺโต, ปริปุณฺณจนฺทมณฺฑลสทิสมุขตฺตา สุมุโข, อาโรหปริณาหสมฺปตฺติยา พฺรหา, พหฺมุชุคตฺตตาย อุชุ, ชุติมนฺตตาย ปตาปวา. ยมฺปิ เจตฺถ ปุพฺเพ วุตฺตํ, ตํ ‘‘มชฺเฌ สมณสงฺฆสฺสา’’ติ อิมินา ปริยาเยน ถุนตา ปุน วุตฺตํ. อีทิโส หิ เอวํ วิโรจติ. เอส นโย อุตฺตรคาถายปิ.

๕๕๗-๘. อุตฺตมวณฺณิโนติ อุตฺตมวณฺณสมฺปนฺนสฺส. ชมฺพุสณฺฑสฺสาติ ชมฺพุทีปสฺส. ปากเฏน อิสฺสริยํ วณฺณยนฺโต อาห, อปิจ จกฺกวตฺติ จตุนฺนมฺปิ ทีปานํ อิสฺสโร โหติ.

๕๕๙. ขตฺติยาติ ชาติขตฺติยา. โภชาติ โภคิยา. ราชาโนติ เย เกจิ รชฺชํ กาเรนฺตา. อนุยนฺตาติ อนุคามิโน เสวกา. ราชาภิราชาติ ราชูนํ ปูชนิโย ราชา หุตฺวา, จกฺกวตฺตีติ อธิปฺปาโย. มนุชินฺโทติ มนุสฺสาธิปติ ปรมิสฺสโร หุตฺวา.

๕๖๐. เอวํ วุตฺเต ภควา ‘‘เย เต ภวนฺติ อรหนฺโต สมฺมาสมฺพุทฺธา, เต สเก วณฺเณ ภฺมาเน อตฺตานํ ปาตุกโรนฺตี’’ติ อิมํ เสลสฺส มโนรถํ ปูเรนฺโต อาห ‘‘ราชาหมสฺมี’’ติ. ตตฺรายมธิปฺปาโย – ยํ โข มํ ตฺวํ เสล ยาจสิ ‘‘ราชา อรหสิ ภวิตุํ จกฺกวตฺตี’’ติ, เอตฺถ อปฺโปสฺสุกฺโก โหติ, ราชาหมสฺมิ, สติ จ ราชตฺเต ยถา อฺโ ราชา สมาโนปิ โยชนสตํ วา อนุสาสติ, ทฺเว ตีณิ วา จตฺตาริ วา ปฺจ วา โยชนสตานิ โยชนสหสฺสํ วา จกฺกวตฺติ หุตฺวาปิ จตุทีปปริยนฺตมตฺตํ วา, นาหเมวํ ปริจฺฉินฺนวิสโย. อหฺหิ ธมฺมราชา อนุตฺตโร ภวคฺคโต อวีจิปริยนฺตํ กตฺวา ติริยํ อปฺปเมยฺยา โลกธาตุโย อนุสาสามิ. ยาวตา หิ อปททฺวิปทาทิเภทา สตฺตา, อหํ เตสํ อคฺโค. น หิ เม โกจิ สีเลน วา…เป… วิมุตฺติาณทสฺสเนน วา ปฏิภาโค อตฺถิ. สฺวาหํ เอวํ ธมฺมราชา อนุตฺตโร อนุตฺตเรเนว จตุสติปฏฺานาทิเภทโพธิปกฺขิยสงฺขาเตน ธมฺเมน จกฺกํ วตฺเตมิ ‘‘อิทํ ปชหถ, อิทํ อุปสมฺปชฺช วิหรถา’’ติอาทินา อาณาจกฺกํ, ‘‘อิทํ โข ปน, ภิกฺขเว, ทุกฺขํ อริยสจฺจ’’นฺติอาทินา (สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑; มหาว. ๑๔) ปริยตฺติธมฺเมน ธมฺมจกฺกเมว วา. จกฺกํ อปฺปฏิวตฺติยนฺติ ยํ จกฺกํ อปฺปฏิวตฺติยํ โหติ สมเณน วา…เป… เกนจิ โลกสฺมินฺติ.

๕๖๑-๒. เอวํ อตฺตานํ อาวิกโรนฺตํ ภควนฺตํ ทิสฺวา ปีติโสมนสฺสชาโต เสโล ทฬฺหิกรณตฺถํ ‘‘สมฺพุทฺโธ ปฏิชานาสี’’ติ คาถาทฺวยมาห. ตตฺถ โก นุ เสนาปตีติ ธมฺมรฺโ โภโต, ธมฺเมน ปวตฺติตสฺส ธมฺมจกฺกสฺส อนุปฺปวตฺตโก เสนาปติ โกติ ปุจฺฉิ.

๕๖๓. เตน จ สมเยน ภควโต ทกฺขิณปสฺเส อายสฺมา สาริปุตฺโต นิสินฺโน โหติ สุวณฺณปุฺโช วิย สิริยา โสภมาโน, ตํ ทสฺเสนฺโต ภควา ‘‘มยา ปวตฺติต’’นฺติ คาถมาห. ตตฺถ อนุชาโต ตถาคตนฺติ ตถาคตเหตุ อนุชาโต, ตถาคเตน เหตุนา ชาโตติ อตฺโถ.

๕๖๔. เอวํ ‘‘โก นุ เสนาปตี’’ติ ปฺหํ พฺยากริตฺวา ยํ เสโล อาห – ‘‘สมฺพุทฺโธ ปฏิชานาสี’’ติ, ตตฺร นํ นิกฺกงฺขํ กาตุกาโม ‘‘นาหํ ปฏิฺามตฺเตเนว ปฏิชานามิ, อปิจาหํ อิมินา การเณน พุทฺโธ’’ติ าเปตุํ ‘‘อภิฺเยฺย’’นฺติ คาถมาห. ตตฺถ อภิฺเยฺยนฺติ วิชฺชา จ วิมุตฺติ จ. มคฺคสจฺจสมุทยสจฺจานิ ปน ภาเวตพฺพปหาตพฺพานิ, เหตุวจเนน ปน ผลสิทฺธิโต เตสํ ผลานิ นิโรธสจฺจทุกฺขสจฺจานิปิ วุตฺตาเนว ภวนฺติ. ยโต สจฺฉิกาตพฺพํ สจฺฉิกตํ, ปริฺเยฺยํ ปริฺาตนฺติ เอวมฺเปตฺถ วุตฺตเมว โหติ. เอวํ จตุสจฺจภาวนาผลฺจ วิชฺชาวิมุตฺตึ ทสฺเสนฺโต ‘‘พุชฺฌิตพฺพํ พุชฺฌิตฺวา พุทฺโธ ชาโตสฺมี’’ติ ยุตฺเตน เหตุนา พุทฺธตฺตํ สาเธติ.

๕๖๕-๗. เอวํ นิปฺปริยาเยน อตฺตานํ ปาตุกตฺวา อตฺตนิ กงฺขาวิตรณตฺถํ พฺราหฺมณํ อภิตฺถรยมาโน ‘‘วินยสฺสู’’ติ คาถาตฺตยมาห. ตตฺถ สลฺลกตฺโตติ ราคสลฺลาทิสตฺตสลฺลกตฺตโน. พฺรหฺมภูโตติ เสฏฺภูโต. อติตุโลติ ตุลํ อตีโต อุปมํ อตีโต, นิรูปโมติ อตฺโถ. มารเสนปฺปมทฺทโนติ ‘‘กามา เต ปมา เสนา’’ติอาทิกาย ‘‘ปเร จ อวชานาตี’’ติ (สุ. นิ. ๔๔๐; มหานิ. ๒๘; จูฬนิ. นนฺทมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๔๗) เอวํ วุตฺตาย มารปริสสงฺขาตาย มารเสนาย ปมทฺทโน. สพฺพามิตฺเตติ ขนฺธกิเลสาภิสงฺขารมจฺจุเทวปุตฺตมาราทิเก สพฺพปจฺจตฺถิเก. วสีกตฺวาติ อตฺตโน วเส วตฺเตตฺวา. อกุโตภโยติ กุโตจิ อภโย.

๕๖๘-๗๐. เอวํ วุตฺเต เสโล พฺราหฺมโณ ตาวเทว ภควติ สฺชาตปฺปสาโท ปพฺพชฺชาเปกฺโข หุตฺวา ‘‘อิมํ ภวนฺโต’’ติ คาถาตฺตยมาห ยถา ตํ ปริปากคตาย อุปนิสฺสยสมฺปตฺติยา สมฺมา โจทิยมาโน. ตตฺถ กณฺหาภิชาติโกติ จณฺฑาลาทินีจกุเล ชาโต.

๕๗๑. ตโต เตปิ มาณวกา ตเถว ปพฺพชฺชาเปกฺขา หุตฺวา ‘‘เอตฺเจ รุจฺจติ โภโต’’ติ คาถมาหํสุ ยถา ตํ เตน สทฺธึ กตาธิการา กุลปุตฺตา.

๕๗๒. อถ เสโล เตสุ มาณวเกสุ ตุฏฺจิตฺโต เต ทสฺเสนฺโต ปพฺพชฺชํ ยาจมาโน ‘‘พฺราหฺมณา’’ติ คาถมาห.

๕๗๓. ตโต ภควา ยสฺมา เสโล อตีเต ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต สาสเน เตสํเยว ติณฺณํ ปุริสสตานํ คณเสฏฺโ หุตฺวา เตหิ สทฺธึ ปริเวณํ การาเปตฺวา ทานาทีนิ ปุฺานิ จ กตฺวา กเมน เทวมนุสฺสสมฺปตฺตึ อนุภวมาโน ปจฺฉิเม ภเว เตสํเยว อาจริโย หุตฺวา นิพฺพตฺโต, ตฺจ เนสํ กมฺมํ วิมุตฺติปริปากาย ปริปกฺกํ เอหิภิกฺขุภาวสฺส จ อุปนิสฺสยภูตํ, ตสฺมา เต สพฺเพว เอหิภิกฺขุปพฺพชฺชาย ปพฺพาเชนฺโต ‘‘สฺวากฺขาต’’นฺติ คาถมาห. ตตฺถ สนฺทิฏฺิกนฺติ ปจฺจกฺขํ. อกาลิกนฺติ มคฺคานนฺตรผลุปฺปตฺติโต น กาลนฺตเร ปตฺตพฺพผลํ. ยตฺถาติ ยนฺนิมิตฺตา. มคฺคพฺรหฺมจริยนิมิตฺตา หิ ปพฺพชฺชา อปฺปมตฺตสฺส สติวิปฺปวาสวิรหิตสฺส ตีสุ สิกฺขาสุ สิกฺขโต อโมฆา โหติ. เตนาห – ‘‘สฺวากฺขาตํ…เป… สิกฺขโต’’ติ.

เอวฺจ วตฺวา ‘‘เอถ ภิกฺขโว’’ติ ภควา อโวจ. เต สพฺเพ ปตฺตจีวรธรา หุตฺวา อากาเสนาคมฺม ภควนฺตํ อภิวาเทสุํ. เอวมิมํ เตสํ เอหิภิกฺขุภาวํ สนฺธาย สงฺคีติการา ‘‘อลตฺถ โข เสโล…เป… อุปสมฺปท’’นฺติ อาหํสุ.

ภุตฺตาวินฺติ ภุตฺตวนฺตํ. โอนีตปตฺตปาณินฺติ ปตฺตโต โอนีตปาณึ, อปนีตหตฺถนฺติ วุตฺตํ โหติ. ตตฺถ ‘‘อุปคนฺตฺวา’’ติ ปาเสโส ทฏฺพฺโพ. อิตรถา หิ ภควนฺตํ เอกมนฺตํ นิสีทีติ น ยุชฺชติ.

๕๗๔. อคฺคิหุตฺตมุขาติ ภควา เกณิยสฺส จิตฺตานุกูลวเสน อนุโมทนฺโต เอวมาห. ตตฺถ อคฺคิปริจริยํ วินา พฺราหฺมณานํ ยฺาภาวโต ‘‘อคฺคิหุตฺตมุขา ยฺา’’ติ วุตฺตํ. อคฺคิหุตฺตเสฏฺา อคฺคิหุตฺตปธานาติ อตฺโถ. เวเท สชฺฌายนฺเตหิ ปมํ สชฺฌายิตพฺพโต สาวิตฺตี ‘‘ฉนฺทโส มุข’’นฺติ วุตฺตา. มนุสฺสานํ เสฏฺโต ราชา ‘‘มุข’’นฺติ วุตฺโต. นทีนํ อาธารโต ปฏิสรณโต จ สาคโร ‘‘มุข’’นฺติ วุตฺโต. จนฺทโยควเสน ‘‘อชฺช กตฺติกา อชฺช โรหินี’’ติ สฺชานนโต อาโลกกรณโต โสมฺมภาวโต จ ‘‘นกฺขตฺตานํ มุขํ จนฺโท’’ติ วุตฺโต. ตปนฺตานํ อคฺคตฺตา อาทิจฺโจ ‘‘ตปตํ มุข’’นฺติ วุตฺโต. ทกฺขิเณยฺยานํ ปน อคฺคตฺตา วิเสเสน ตสฺมึ สมเย พุทฺธปฺปมุขํ สงฺฆํ สนฺธาย ‘‘ปุฺํ อากงฺขมานานํ, สงฺโฆ เว ยชตํ มุข’’นฺติ วุตฺโต. เตน สงฺโฆ ปุฺสฺส อายมุขนฺติ ทสฺเสติ.

๕๗๖. ยํ ตํ สรณนฺติ อฺพฺยากรณคาถมาห. ตสฺสตฺโถ – ปฺจหิ จกฺขูหิ จกฺขุมา ภควา, ยสฺมา มยํ อิโต อฏฺเม ทิวเส ตํ สรณํ อคมมฺห, ตสฺมา สตฺตรตฺเตน ตว สาสเน อนุตฺตเรน ทมเถน ทนฺตมฺห. อโห เต สรณสฺส อานุภาโวติ.

๕๗๗-๘. ตโต ปรํ ภควนฺตํ ทฺวีหิ คาถาหิ ถุนิตฺวา ตติยาย วนฺทนํ ยาจติ –

๕๗๙.

‘‘ภิกฺขโว ติสตา อิเม, ติฏฺนฺติ ปฺชลีกตา;

ปาเท วีร ปสาเรหิ, นาคา วนฺทนฺตุ สตฺถุโน’’ติ.

ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย

สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย เสลสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. สลฺลสุตฺตวณฺณนา

๕๘๐. อนิมิตฺตนฺติ สลฺลสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? ภควโต กิร อุปฏฺาโก เอโก อุปาสโก, ตสฺส ปุตฺโต กาลมกาสิ. โส ปุตฺตโสกาภิภูโต สตฺตาหํ นิราหาโร อโหสิ. ตํ อนุกมฺปนฺโต ภควา ตสฺส ฆรํ คนฺตฺวา โสกวิโนทนตฺถํ อิมํ สุตฺตมภาสิ.

ตตฺถ อนิมตฺตนฺติ กิริยาการนิมิตฺตวิรหิตํ. ยถา หิ ‘‘ยทาหํ อกฺขึ วา นิขณิสฺสามิ, ภมุกํ วา อุกฺขิปิสฺสามิ, เตน นิมิตฺเตน ตํ ภณฺฑํ อวหรา’’ติอาทีสุ กิริยาการนิมิตฺตมตฺถิ, น เอวํ ชีวิเต. น หิ สกฺกา ลทฺธุํ ‘‘ยาวาหํ อิทํ วา อิทํ วา กโรมิ, ตาว ตฺวํ ชีว, มา มียา’’ติ. อนฺาตนฺติ อโต เอว น สกฺกา เอกํเสน อฺาตุํ ‘‘เอตฺตกํ วา เอตฺตกํ วา กาลํ อิมินา ชีวิตพฺพ’’นฺติ คติยา อายุปริยนฺตวเสน วา. ยถา หิ จาตุมหาราชิกาทีนํ ปริมิตํ อายุ, น ตถา มจฺจานํ, เอวมฺปิ เอกํเสน อนฺาตํ.

กสิรนฺติ อเนกปจฺจยปฏิพทฺธวุตฺติภาวโต กิจฺฉํ น สุขยาปนียํ. ตถา หิ ตํ อสฺสาสปฏิพทฺธฺจ, ปสฺสาสปฏิพทฺธฺจ, มหาภูตปฏิพทฺธฺจ, กพฬีการาหารปฏิพทฺธฺจ, อุสฺมาปฏิพทฺธฺจ, วิฺาณปฏิพทฺธฺจ. อนสฺสสนฺโตปิ หิ น ชีวติ อปสฺสสนฺโตปิ. จตูสุ จ ธาตูสุ กฏฺมุขาทิอาสีวิสทฏฺโ วิย กาโย ปถวีธาตุปฺปโกเปน ตาว ถทฺโธ โหติ กลิงฺครสทิโส. ยถาห –

‘‘ปตฺถทฺโธ ภวตี กาโย, ทฏฺโ กฏฺมุเขน วา;

ปถวีธาตุปฺปโกเปน, โหติ กฏฺมุเขว โส’’ติ. (ธ. ส. อฏฺ. ๕๘๔);

อาโปธาตุปฺปโกเปน ปูติภาวํ อาปชฺชิตฺวา ปคฺฆริตปุพฺพมํสโลหิโต อฏฺิจมฺมาวเสโส โหติ. ยถาห –

‘‘ปูติโก ภวตี กาโย, ทฏฺโ ปูติมุเขน วา;

อาโปธาตุปฺปโกเปน, โหติ ปูติมุเขว โส’’ติ. (ธ. ส. อฏฺ. ๕๘๔);

เตโชธาตุปฺปโกเปน องฺคารกาสุยํ ปกฺขิตฺโต วิย สมนฺตา ปริฑยฺหติ. ยถาห –

‘‘สนฺตตฺโต ภวตี กาโย, ทฏฺโ อคฺคิมุเขน วา;

เตโชธาตุปฺปโกเปน, โหติ อคฺคิมุเขว โส’’ติ. (ธ. ส. อฏฺ. ๕๘๔);

วาโยธาตุปฺปโกเปน สฺฉิชฺชมานสนฺธิพนฺธโน ปาสาเณหิ โกฏฺเฏตฺวา สฺจุณฺณิยมานฏฺิโก วิย จ โหติ. ยถาห –

‘‘สฺฉินฺโน ภวตี กาโย, ทฏฺโ สตฺถมุเขน วา;

วาโยธาตุปฺปโกเปน, โหติ สตฺถมุเขว โส’’ติ. (ธ. ส. อฏฺ. ๕๘๔);

ธาตุปฺปโกปพฺยาปนฺนกาโยปิ จ น ชีวติ. ยทา ปน ตา ธาตุโย อฺมฺํ ปติฏฺานาทิกิจฺจํ สาเธนฺตาปิ สมํ วหนฺติ, ตทา ชีวิตํ ปวตฺตติ. เอวํ มหาภูตปฏิพทฺธฺจ ชีวิตํ. ทุพฺภิกฺขาทีสุ ปน อาหารุปจฺเฉเทน สตฺตานํ ชีวิตกฺขโย ปากโฏ เอว. เอวํ กพฬีการาหารปฏิพทฺธฺจ ชีวิตํ. ตถา อสิตปีตาทิปริปาเก กมฺมชเตเช ขีเณ สตฺตา ชีวิตกฺขยํ ปาปุณนฺตาปิ ปากฏา เอว. เอวํ อุสฺมาปฏิพทฺธฺจ ชีวิตํ. วิฺาเณ ปน นิรุทฺเธ นิรุทฺธโต ปภุติ สตฺตานํ น โหติ ชีวิตนฺติ เอวมฺปิ โลเก ปากฏเมว. เอวํ วิฺาณปฏิพทฺธฺจ ชีวิตํ. เอวํ อเนกปจฺจยปฏิพทฺธวุตฺติภาวโต กสิรํ เวทิตพฺพํ.

ปริตฺตฺจาติ อปฺปกํ, เทวานํ ชีวิตํ อุปนิธาย ติณคฺเค อุสฺสาวพินฺทุสทิสํ, จิตฺตกฺขณโต อุทฺธํ อภาเวน วา ปริตฺตํ. อติทีฆายุโกปิ หิ สตฺโต อตีเตน จิตฺเตน ชีวิตฺถ น ชีวติ น ชีวิสฺสติ, อนาคเตน ชีวิสฺสติ น ชีวติ น ชีวิตฺถ, ปจฺจุปฺปนฺเนน ชีวติ น ชีวิตฺถ น ชีวิสฺสติ. วุตฺตฺเจตํ –

‘‘ชีวิตํ อตฺตภาโว จ, สุขทุกฺขา จ เกวลา;

เอกจิตฺตสมายุตฺตา, ลหุโส วตฺตเต ขโณ.

‘‘จุลฺลาสีติสหสฺสานิ, กปฺปา ติฏฺนฺติ เย มรู;

นตฺเวว เตปิ ชีวนฺติ, ทฺวีหิ จิตฺเตหิ สํยุตา’’ติ. (มหานิ. ๑๐);

ตฺจ ทุกฺเขน สํยุตนฺติ ตฺจ ชีวิตํ เอวํ อนิมิตฺตมนฺาตํ กสิรํ ปริตฺตฺจ สมานมฺปิ สีตุณฺหฑํสมกสาทิสมฺผสฺสขุปฺปิปาสาสงฺขารทุกฺขวิปริณามทุกฺขทุกฺขทุกฺเขหิ สํยุตํ. กึ วุตฺตํ โหติ? ยสฺมา อีทิสํ มจฺจานํ ชีวิตํ, ตสฺมา ตฺวํ ยาว ตํ ปริกฺขยํ น คจฺฉติ, ตาว ธมฺมจริยเมว พฺรูหย, มา ปุตฺตมนุโสจาติ.

๕๘๑. อถาปิ มฺเยฺยาสิ ‘‘สพฺพูปกรเณหิ ปุตฺตํ อนุรกฺขนฺตสฺสาปิ เม โส มโต, เตน โสจามี’’ติ, เอวมฺปิ มา โสจิ. น หิ โส อุปกฺกโม อตฺถิ, เยน ชาตา น มิยฺยเร, น หิ สกฺกา เกนจิ อุปกฺกเมน ชาตา สตฺตา มา มรนฺตูติ รกฺขิตุนฺติ วุตฺตํ โหติ. ตโต ยสฺมา โส ‘‘ชรํ ปตฺวา นาม, ภนฺเต, มรณํ อนุรูปํ, อติทหโร เม ปุตฺโต มโต’’ติ จินฺเตสิ, ตสฺมา อาห ‘‘ชรมฺปิ ปตฺวา มรณํ, เอวํธมฺมา หิ ปาณิโน’’ติ, ชรํ ปตฺวาปิ อปฺปตฺวาปิ มรณํ, นตฺถิ เอตฺถ นิยโมติ วุตฺตํ โหติ.

๕๘๒. อิทานิ ตมตฺถํ นิทสฺสเนน สาเธนฺโต ‘‘ผลานมิว ปกฺกาน’’นฺติอาทิมาห. ตสฺสตฺโถ – ยถา ผลานํ ปกฺกานํ ยสฺมา สูริยุคฺคมนโต ปภุติ สูริยาตเปน สนฺตปฺปมาเน รุกฺเข ปถวิรโส จ อาโปรโส จ ปตฺตโต สาขํ สาขโต ขนฺธํ ขนฺธโต มูลนฺติ เอวํ อนุกฺกเมน มูลโต ปถวิเมว ปวิสติ, โอคมนโต ปภุติ ปน ปถวิโต มูลํ มูลโต ขนฺธนฺติ เอวํ อนุกฺกเมน สาขาปตฺตปลฺลวาทีนิ ปุน อาโรหติ, เอวํ อาโรหนฺโต จ ปริปากคเต ผเล วณฺฏมูลํ น ปวิสติ. อถ สูริยาตเปน ตปฺปมาเน วณฺฏมูเล ปริฬาโห อุปฺปชฺชติ. เตน ตานิ ผลานิ ปาโต ปาโต นิจฺจกาลํ ปตนฺติ, เนสํ ปาโต ปตนโต ภยํ โหติ, ปตนา ภยํ โหตีติ อตฺโถ. เอวํ ชาตานํ มจฺจานํ นิจฺจํ มรณโต ภยํ. ปกฺกผลสทิสา หิ สตฺตาติ.

๕๘๓-๖. กิฺจ ภิยฺโย ‘‘ยถาปิ กุมฺภการสฺส…เป… ชีวิต’’นฺติ. ตสฺมา ‘‘ทหรา จ…เป… ปรายณา’’ติ เอวํ คณฺห, เอวฺจ คเหตฺวา ‘‘เตสํ มจฺจุ…เป… าตี วา ปน าตเก’’ติ เอวมฺปิ คณฺห. ยสฺมา จ น ปิตา ตายเต ปุตฺตํ, าตี วา ปน าตเก, ตสฺมา เปกฺขตํเยว…เป… นียติ.

ตตฺถ อยํ โยชนา – ปสฺสมานานํเยว าตีนํ ‘‘อมฺม, ตาตา’’ติอาทินา นเยน ปุถุ อเนกปฺปการกํ ลาลปตํเยว มจฺจานํ เอกเมโก มจฺโจ ยถา โค วชฺโฌ เอวํ นียติ, เอวํ ปสฺส, อุปาสก, ยาว อตาโณ โลโกติ.

๕๘๗. ตตฺถ เย พุทฺธปจฺเจกพุทฺธาทโย ธิติสมฺปนฺนา, เต ‘‘เอวมพฺภาหโต โลโก มจฺจุนา จ ชราย จ, โส น สกฺกา เกนจิ ปริตฺตาณํ กาตุ’’นฺติ ยสฺมา ชานนฺติ, ตสฺมา ธีรา น โสจนฺติ วิทิตฺวา โลกปริยายํ. อิมํ โลกสภาวํ ตฺวา น โสจนฺตีติ วุตฺตํ โหติ.

๕๘๘. ตฺวํ ปน ยสฺส มคฺคํ…เป… ปริเทวสิ. กึ วุตฺตํ โหติ? ยสฺส มาตุกุจฺฉึ อาคตสฺส อาคตมคฺคํ วา อิโต จวิตฺวา อฺตฺถ คตสฺส คตมคฺคํ วา น ชานาสิ, ตสฺส อิเม อุโภ อนฺเต อสมฺปสฺสํ นิรตฺถํ ปริเทวสิ. ธีรา ปน เต ปสฺสนฺตา วิทิตฺวา โลกปริยายํ น โสจนฺตีติ.

๕๘๙. อิทานิ ‘‘นิรตฺถํ ปริเทวสี’’ติ เอตฺถ วุตฺตปริเทวนาย นิรตฺถกภาวํ สาเธนฺโต ‘‘ปริเทวยมาโน เจ’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อุทพฺพเหติ อุพฺพเหยฺย ธาเรยฺย, อตฺตนิ สฺชเนยฺยาติ อตฺโถ. สมฺมูฬฺโห หึสมตฺตานนฺติ สมฺมูฬฺโห หุตฺวา อตฺตานํ พาเธนฺโต. กยิรา เจ นํ วิจกฺขโณติ ยทิ ตาทิโส กฺจิ อตฺถํ อุทพฺพเห, วิจกฺขโณปิ นํ ปริเทวํ กเรยฺย.

๕๙๐. น หิ รุณฺเณนาติ เอตฺถายํ โยชนา – น ปน โกจิ รุณฺเณน วา โสเกน วา เจตโส สนฺตึ ปปฺโปติ, อปิจ โข ปน โรทโต โสจโต จ ภิยฺโย อสฺส อุปฺปชฺชเต ทุกฺขํ, สรีรฺจ ทุพฺพณฺณิยาทีหิ อุปหฺตีติ.

๕๙๑. น เตน เปตาติ เตน ปริเทวเนน กาลกตา น ปาเลนฺติ น ยาเปนฺติ, น ตํ เตสํ อุปการาย โหติ. ตสฺมา นิรตฺถา ปริเทวนาติ.

๕๙๒. น เกวลฺจ นิรตฺถา, อนตฺถมฺปิ อาวหติ. กสฺมา? ยสฺมา โสกมปฺปชหํ …เป… วสมนฺวคู. ตตฺถ อนุตฺถุนนฺโตติ อนุโสจนฺโต. วสมนฺวคูติ วสํ คโต.

๕๙๓. เอวมฺปิ นิรตฺถกตฺตํ อนตฺถาวหตฺตฺจ โสกสฺส ทสฺเสตฺวา อิทานิ โสกวินยตฺถํ โอวทนฺโต ‘‘อฺเปิ ปสฺสา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ คมิเนติ คมิเก, ปรโลกคมนสชฺเช ิเตติ วุตฺตํ โหติ. ผนฺทนฺเตวิธ ปาณิโนติ มรณภเยน ผนฺทมาเนเยว อิธ สตฺเต.

๕๙๔. เยน เยนาติ เยนากาเรน มฺนฺติ ‘‘ทีฆายุโก ภวิสฺสติ, อโรโค ภวิสฺสตี’’ติ. ตโต ตํ อฺถาเยว โหติ, โส เอวํ มฺิโต มรติปิ, โรคีปิ โหติ. เอตาทิโส อยํ วินาภาโว มฺิตปฺปจฺจนีเกน โหติ, ปสฺส, อุปาสก, โลกสภาวนฺติ เอวเมตฺถ อธิปฺปายโยชนา เวทิตพฺพา.

๕๙๖. อรหโต สุตฺวาติ อิมํ เอวรูปํ อรหโต ธมฺมเทสนํ สุตฺวา. เนโส ลพฺภา มยา อิตีติ โส เปโต ‘‘อิทานิ มยา ปุน ชีวตู’’ติ น ลพฺภา อิติ ปริชานนฺโต, วิเนยฺย ปริเทวิตนฺติ วุตฺตํ โหติ.

๕๙๗. กิฺจ ภิยฺโย – ‘‘ยถา สรณมาทิตฺตํ…เป… ธํสเย’’ติ. ตตฺถ ธีโร ธิติสมฺปทาย, สปฺโ สาภาวิกปฺาย, ปณฺฑิโต พาหุสจฺจปฺาย, กุสโล จินฺตกชาติกตาย เวทิตพฺโพ. จินฺตามยสุตมยภาวนามยปฺาหิ วา โยเชตพฺพํ.

๕๙๘-๙. น เกวลฺจ โสกเมว, ปริเทวํ…เป… สลฺลมตฺตโน. ตตฺถ ปชปฺปนฺติ ตณฺหํ. โทมนสฺสนฺติ เจตสิกทุกฺขํ. อพฺพเหติ อุทฺธเร. สลฺลนฺติ เอตเมว ติปฺปการํ ทุนฺนีหรณฏฺเน อนฺโตวิชฺฌนฏฺเน จ สลฺลํ. ปุพฺเพ วุตฺตํ สตฺตวิธํ ราคาทิสลฺลํ วา. เอตสฺมิฺหิ อพฺพูฬฺเห สลฺเล อพฺพูฬฺหสลฺโล…เป… นิพฺพุโตติ อรหตฺตนิกูเฏน เทสนํ นิฏฺาเปสิ. ตตฺถ อสิโตติ ตณฺหาทิฏฺีหิ อนิสฺสิโต. ปปฺปุยฺยาติ ปาปุณิตฺวา. เสสํ อิธ อิโต ปุพฺเพ วุตฺตตฺตา อุตฺตานตฺถเมว, ตสฺมา น วณฺณิตํ.

ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย

สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย สลฺลสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. วาเสฏฺสุตฺตวณฺณนา

เอวํ เม สุตนฺติ วาเสฏฺสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? อยเมว ยาสฺส นิทาเน วุตฺตา อตฺถวณฺณนํ ปนสฺส วุตฺตนยานิ อุตฺตานตฺถานิ จ ปทานิ ปริหรนฺตา กริสฺสาม. อิจฺฉานงฺคโลติ คามสฺส นามํ. พฺราหฺมณมหาสาลานํ จงฺกี ตารุกฺโข โตเทยฺโยติ โวหารนามเมตํ. โปกฺขรสาติ ชาณุสฺโสณีติ เนมิตฺติกํ. เตสุ กิร เอโก หิมวนฺตปสฺเส โปกฺขรณิยา ปทุเม นิพฺพตฺโต, อฺตโร ตาปโส ตํ ปทุมํ คเหตฺวา ตตฺถ สยิตํ ทารกํ ทิสฺวา สํวฑฺเฒตฺวา รฺโ ทสฺเสสิ. โปกฺขเร สยิตตฺตา ‘‘โปกฺขรสาตี’’ติ จสฺส นามมกาสิ. เอกสฺส านนฺตเร เนมิตฺติกํ. เตน กิร ชาณุสฺโสณินามกํ ปุโรหิตฏฺานํ ลทฺธํ, โส เตเนว ปฺายิ.

เต สพฺเพปิ อฺเ จ อภิฺาตา อภิฺาตา พฺราหฺมณมหาสาลา กสฺมา อิจฺฉานงฺคเล ปฏิวสนฺตีติ? เวทสชฺฌายนปริวีมํสนตฺถํ. เตน กิร สมเยน โกสลชนปเท เวทกา พฺราหฺมณา เวทานํ สชฺฌายกรณตฺถฺจ อตฺถูปปริกฺขณตฺถฺจ ตสฺมึเยว คาเม สนฺนิปตนฺติ. เตน เตปิ อนฺตรนฺตรา อตฺตโน โภคคามโต อาคมฺม ตตฺถ ปฏิวสนฺติ.

วาเสฏฺภารทฺวาชานนฺติ วาเสฏฺสฺส จ ภารทฺวาชสฺส จ. อยมนฺตรากถาติ ยํ อตฺตโน สหายกภาวานุรูปํ กถํ กเถนฺตา อนุวิจรึสุ, ตสฺสา กถาย อนฺตรา เวมชฺเฌเยว อยํ อฺา กถา อุทปาทีติ วุตฺตํ โหติ. สํสุทฺธคหณิโกติ สํสุทฺธกุจฺฉิโก, สํสุทฺธาย พฺราหฺมณิยา เอว กุจฺฉิสฺมึ นิพฺพตฺโตติ อธิปฺปาโย. ‘‘สมเวปากินิยา คหณิยา’’ติอาทีสุ หิ อุทรคฺคิ ‘‘คหณี’’ติ วุจฺจติ. อิธ ปน มาตุกุจฺฉิ. ยาว สตฺตมาติ มาตุ มาตา, ปิตุ ปิตาติ เอวํ ปฏิโลเมน ยาว สตฺต ชาติโย. เอตฺถ จ ปิตามโห จ ปิตามหี จ ปิตามหา, ตถา มาตามโห จ มาตามหี จ มาตามหา, ปิตามหา จ มาตามหา จ ปิตามหาเยว. ปิตามหานํ ยุคํ ปิตามหยุคํ. ยุคนฺติ อายุปฺปมาณํ. อภิลาปมตฺตเมว เจตํ, อตฺถโต ปน ปิตามหาเยว ปิตามหยุคํ. อกฺขิตฺโตติ ชาตึ อารพฺภ ‘‘กึ โส’’ติ เกนจิ อนวฺาโต. อนุปกฺกุฏฺโติ ชาติสนฺโทสวาเทน อนุปกฺกุฏฺปุพฺโพ. วตสมฺปนฺโนติ อาจารสมฺปนฺโน. สฺาเปตุนฺติ าเปตุํ โพเธตุํ, นิรนฺตรํ กาตุนฺติ วุตฺตํ โหติ. อายามาติ คจฺฉาม.

๖๐๐. อนุฺาตปฏิฺาตาติ ‘‘เตวิชฺชา ตุมฺเห’’ติ เอวํ มยํ อาจริเยหิ จ อนุฺาตา อตฺตนา จ ปฏิชานิมฺหาติ อตฺโถ. อสฺมาติ ภวาม. อุโภติ ทฺเวปิ ชนา. อหํ โปกฺขรสาติสฺส, ตารุกฺขสฺสายํ มาณโวติ อหํ โปกฺขรสาติสฺส เชฏฺนฺเตวาสี อคฺคสิสฺโส, อยํ ตารุกฺขสฺสาติ อธิปฺปาเยน ภณติ อาจริยสมฺปตฺตึ อตฺตโน สมฺปตฺติฺจ ทีเปนฺโต.

๖๐๑. เตวิชฺชานนฺติ ติเวทานํ. เกวลิโนติ นิฏฺงฺคตา. อสฺมเสติ อมฺห ภวาม. อิทานิ ตํ เกวลิภาวํ วิตฺถาเรนฺโต อาห – ‘‘ปทกสฺมา…เป… สาทิสา’’ติ. ตตฺถ ชปฺเปติ เวเท. กมฺมุนาติ ทสวิเธน กุสลกมฺมปถกมฺมุนา. อยฺหิ ปุพฺเพ สตฺตวิธํ กายวจีกมฺมํ สนฺธาย ‘‘ยโต โข โภ สีลวา โหตี’’ติ อาห. ติวิธํ มโนกมฺมํ สนฺธาย ‘‘วตสมฺปนฺโน’’ติ อาห. เตน สมนฺนาคโต หิ อาจารสมฺปนฺโน โหติ.

๖๐๒-๕. อิทานิ ตํ วจนนฺตเรน ทสฺเสนฺโต อาห – ‘‘อหฺจ กมฺมุนา พฺรูมี’’ติ. ขยาตีตนฺติ อูนภาวํ อตีตํ, ปริปุณฺณนฺติ อตฺโถ. เปจฺจาติ อุปคนฺตฺวา. นมสฺสนฺตีติ นโม กโรนฺติ. จกฺขุํ โลเก สมุปฺปนฺนนฺติ อวิชฺชนฺธกาเร โลเก, ตํ อนฺธการํ วิธมิตฺวา โลกสฺส ทิฏฺธมฺมิกาทิอตฺถสนฺทสฺสเนน จกฺขุ หุตฺวา สมุปฺปนฺนํ.

๖๐๖. เอวํ อภิตฺถวิตฺวา วาเสฏฺเน ยาจิโต ภควา ทฺเวปิ ชเน สงฺคณฺหนฺโต อาห – ‘‘เตสํ โว อหํ พฺยกฺขิสฺส’’นฺติอาทิ. ตตฺถ พฺยกฺขิสฺสนฺติ พฺยากริสฺสามิ. อนุปุพฺพนฺติ ติฏฺตุ ตาว พฺราหฺมณจินฺตา, กีฏปฏงฺคติณรุกฺขโต ปภุติ โว อนุปุพฺพํ พฺยกฺขิสฺสนฺติ เอวเมตฺถ อธิปฺปาโย เวทิตพฺโพ, เอวํ วิตฺถารกถาย วิเนตพฺพา หิ เต มาณวกา. ชาติวิภงฺคนฺติ ชาติวิตฺถารํ. อฺมฺา หิ ชาติโยติ เตสํ เตสฺหิ ปาณานํ ชาติโย อฺา อฺา นานปฺปการาติ อตฺโถ.

๖๐๗. ตโต ปาณานํ ชาติวิภงฺเค กเถตพฺเพ ‘‘ติณรุกฺเขปิ ชานาถา’’ติ อนุปาทินฺนกานํ ตาว กเถตุํ อารทฺโธ. ตํ กิมตฺถมิติ เจ? อุปาทินฺเนสุ สุขาปนตฺถํ. อนุปาทินฺเนสุ หิ ชาติเภเท คหิเต อุปาทินฺเนสุ โส ปากฏตโร โหติ. ตตฺถ ติณานิ นาม อนฺโตเผคฺคูนิ พหิสารานิ. ตสฺมา ตาลนาฬิเกราทโยปิ ติณสงฺคหํ คจฺฉนฺติ. รุกฺขา นาม พหิเผคฺคู อนฺโตสารา. ติณานิ จ รุกฺขา จ ติณรุกฺขา. เต อุปโยคพหุวจเนน ทสฺเสนฺโต อาห – ‘‘ติณรุกฺเขปิ ชานาถา’’ติ. น จาปิ ปฏิชานเรติ ‘‘มยํ ติณา, มยํ รุกฺขา’’ติ เอวมฺปิ น ปฏิชานนฺติ. ลิงฺคํ ชาติมยนฺติ อปฏิชานนฺตานมฺปิ จ เตสํ ชาติมยเมว สณฺานํ อตฺตโน มูลภูตติณาทิสทิสเมว โหติ. กึ การณํ? อฺมฺา หิ ชาติโย, ยสฺมา อฺา ติณชาติ, อฺา รุกฺขชาติ; ติเณสุปิ อฺา ตาลชาติ, อฺา นาฬิเกรชาตีติ เอวํ วิตฺถาเรตพฺพํ.

เตน กึ ทีเปติ? ยํ ชาติวเสน นานา โหติ, ตํ อตฺตโน ปฏิฺํ ปเรสํ วา อุปเทสํ วินาปิ อฺชาติโต วิเสเสน คยฺหติ. ยทิ จ ชาติยา พฺราหฺมโณ ภเวยฺย, โสปิ อตฺตโน ปฏิฺํ ปเรสํ วา อุปเทสํ วินา ขตฺติยโต เวสฺสสุทฺทโต วา วิเสเสน คยฺเหยฺย, น จ คยฺหติ, ตสฺมา น ชาติยา พฺราหฺมโณติ. ปรโต ปน ‘‘ยถา เอตาสุ ชาตีสู’’ติ อิมาย คาถาย เอตมตฺถํ วจีเภเทเนว อาวิกริสฺสติ.

๖๐๘. เอวํ อนุปาทินฺเนสุ ชาติเภทํ ทสฺเสตฺวา อุปาทินฺเนสุ ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตโต กีเฏ’’ติ เอวมาทิมาห. ตตฺถ กีฏาติ กิมโย. ปฏงฺคาติ ปฏงฺคาเยว. ยาว กุนฺถกิปิลฺลิเกติ กุนฺถกิปิลฺลิกํ ปริยนฺตํ กตฺวาติ อตฺโถ.

๖๐๙. ขุทฺทเกติ กาฬกกณฺฑกาทโย. มหลฺลเกติ สสพิฬาราทโย. สพฺเพ หิ เต อเนกวณฺณา.

๖๑๐. ปาทูทเรติ อุทรปาเท, อุทรํเยว เยสํ ปาทาติ วุตฺตํ โหติ. ทีฆปิฏฺิเกติ สปฺปานฺหิ สีสโต ยาว นงฺคุฏฺา ปิฏฺิ เอว โหติ, เตน เต ‘‘ทีฆปิฏฺิกา’’ติ วุจฺจนฺติ. เตปิ อเนกปฺปการา อาสีวิสาทิเภเทน.

๖๑๑. โอทเกติ อุทกมฺหิ ชาเต. มจฺฉาปิ อเนกปฺปการา โรหิตมจฺฉาทิเภเทน.

๖๑๒. ปกฺขีติ สกุเณ. เต หิ ปกฺขานํ อตฺถิตาย ‘‘ปกฺขี’’ติ วุจฺจนฺติ. ปตฺเตหิ ยนฺตีติ ปตฺตยานา. เวหาเส คจฺฉนฺตีติ วิหงฺคมา. เตปิ อเนกปฺปการา กากาทิเภเทน.

๖๑๓. เอวํ ถลชลากาสโคจรานํ ปาณานํ ชาติเภทํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ เยนาธิปฺปาเยน ตํ ทสฺเสสิ, ตํ อาวิกโรนฺโต ‘‘ยถา เอตาสู’’ติ คาถมาห. ตสฺสตฺโถ สงฺเขปโต ปุพฺเพ วุตฺตาธิปฺปายวณฺณนาวเสเนว เวทิตพฺโพ.

๖๑๔-๖. วิตฺถารโต ปเนตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ สยเมว ทสฺเสนฺโต ‘‘น เกเสหี’’ติอาทิมาห. ตตฺรายํ โยชนา – ยํ วุตฺตํ ‘‘นตฺถิ มนุสฺเสสุ ลิงฺคํ ชาติมยํ ปุถู’’ติ, ตํ เอวํ นตฺถีติ เวทิตพฺพํ. เสยฺยถิทํ, น เกเสหีติ. น หิ ‘‘พฺราหฺมณานํ อีทิสา เกสา โหนฺติ, ขตฺติยานํ อีทิสา’’ติ นิยโม อตฺถิ ยถา หตฺถิอสฺสมิคาทีนนฺติ อิมินา นเยน สพฺพํ โยเชตพฺพํ. ลิงฺคํ ชาติมยํ เนว, ยถา อฺาสุ ชาติสูติ อิทํ ปน วุตฺตสฺเสวตฺถสฺส นิคมนนฺติ เวทิตพฺพํ. ตสฺส โยชนา – ตเทว ยสฺมา อิเมหิ เกสาทีหิ นตฺถิ มนุสฺเสสุ ลิงฺคํ ชาติมยํ ปุถุ, ตสฺมา เวทิตพฺพเมตํ ‘‘พฺราหฺมณาทิเภเทสุ มนุสฺเสสุ ลิงฺคํ ชาติมยํ เนว ยถา อฺาสุ ชาตีสู’’ติ.

๖๑๗. อิทานิ เอวํ ชาติเภเท อสนฺเตปิ พฺราหฺมโณ ขตฺติโยติ อิทํ นานตฺตํ ยถา ชาตํ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปจฺจตฺต’’นฺติ คาถมาห. ตสฺสตฺโถ – เอตํ ติรจฺฉานานํ วิย โยนิสิทฺธเมว เกสาทิสณฺานานตฺตํ มนุสฺเสสุ พฺราหฺมณาทีนํ อตฺตโน อตฺตโน สรีเรสุ น วิชฺชติ. อวิชฺชมาเนปิ ปน เอตสฺมึ ยเทตํ พฺราหฺมโณ ขตฺติโยติ นานตฺตวิธานปริยายํ โวการํ, ตํ โวการฺจ มนุสฺเสสุ สมฺาย ปวุจฺจติ, โวหารมตฺเตน วุจฺจตีติ.

๖๑๙-๖๒๕. เอตฺตาวตา ภควา ภารทฺวาชสฺส วาทํ นิคฺคเหตฺวา อิทานิ ยทิ ชาติยา พฺราหฺมโณ ภเวยฺย, อาชีวสีลาจารวิปนฺโนปิ พฺราหฺมโณ ภเวยฺย. ยสฺมา ปน โปราณา พฺราหฺมณา ตสฺส พฺราหฺมณภาวํ น อิจฺฉนฺติ โลเก จ อฺเปิ ปณฺฑิตมนุสฺสา, ตสฺมา วาเสฏฺสฺส วาทปคฺคหณตฺถํ ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘โย หิ โกจิ มนุสฺเสสู’’ติอาทิกา อฏฺ คาถาโย อาห. ตตฺถ โครกฺขนฺติ เขตฺตรกฺขํ, กสิกมฺมนฺติ วุตฺตํ โหติ. ปถวี หิ ‘‘โค’’ติ วุจฺจติ, ตปฺปเภโท จ เขตฺตํ. ปุถุสิปฺเปนาติ ตนฺตวายกมฺมาทินานาสิปฺเปน. โวหารนฺติ วณิชฺชํ. ปรเปสฺเสนาติ ปเรสํ เวยฺยาวจฺเจน. อิสฺสตฺถนฺติ อาวุธชีวิกํ, อุสุฺจ สตฺติฺจาติ วุตฺตํ โหติ. โปโรหิจฺเจนาติ ปุโรหิตกมฺเมน.

๖๒๖. เอวํ พฺราหฺมณสมเยน จ โลกโวหาเรน จ อาชีวสีลาจารวิปนฺนสฺส อพฺราหฺมณภาวํ สาเธตฺวา เอวํ สนฺเต น ชาติยา พฺราหฺมโณ, คุเณหิ ปน พฺราหฺมโณ โหติ. ตสฺมา ยตฺถ ยตฺถ กุเล ชาโต โย คุณวา, โส พฺราหฺมโณ, อยเมตฺถ าโยติ เอวเมตํ ายํ อตฺถโต อาปาเทตฺวา ปุน ตเทว ายํ วจีเภเทน ปกาเสนฺโต อาห ‘‘น จาหํ พฺราหฺมณํ พฺรูมี’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – อหํ ปน ยฺวายํ จตูสุ โยนีสุ ยตฺถ กตฺถจิ ชาโต, ตตฺราปิ วา วิเสเสน โย พฺราหฺมณสมฺิตาย มาตริ สมฺภูโต, ตํ โยนิชํ มตฺติสมฺภวํ ยา จายํ ‘‘อุภโต สุชาโต’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๓๐๓; ม. นิ. ๒.๔๒๔) นเยน พฺราหฺมเณหิ พฺราหฺมณสฺส ปริสุทฺธอุปฺปตฺติมคฺคสงฺขาตา โยนิ กถียติ, ‘‘สํสุทฺธคหณิโก’’ติ อิมินา จ มาตุสมฺปตฺติ, ตโตปิ ชาตสมฺภูตตฺตา ‘‘โยนิโช มตฺติสมฺภโว’’ติ จ วุจฺจติ, ตมฺปิ โยนิชํ มตฺติสมฺภวํ อิมินา จ โยนิชมตฺติสมฺภวมตฺเตน พฺราหฺมณํ น พฺรูมิ. กสฺมา? ยสฺมา ‘‘โภ โภ’’ติ วจนมตฺเตน อฺเหิ สกิฺจเนหิ วิสิฏฺตฺตา โภวาที นาม โส โหติ, สเจ โหติ สกิฺจโน. โย ปนายํ ยตฺถ กตฺถจิ กุเล ชาโตปิ ราคาทิกิฺจนาภาเวน อกิฺจโน, สพฺพคหณปฏินิสฺสคฺเคน จ อนาทาโน, อกิฺจนํ อนาทานํ ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ. กสฺมา? ยสฺมา พาหิตปาโปติ.

๖๒๗. กิฺจ ภิยฺโย – ‘‘สพฺพสํโยชนํ เฉตฺวา’’ติอาทิกา สตฺตวีสติ คาถา. ตตฺถ สพฺพสํโยชนนฺติ ทสวิธํ สํโยชนํ. น ปริตสฺสตีติ ตณฺหาย น ตสฺสติ. ตมหนฺติ ตํ อหํ ราคาทีนํ สงฺคานํ อติกฺกนฺตตฺตา สงฺคาติคํ, จตุนฺนมฺปิ โยคานํ อภาเวน วิสํยุตฺตํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.

๖๒๘. นทฺธินฺติ นยฺหนภาเวน ปวตฺตํ โกธํ. วรตฺตนฺติ พนฺธนภาเวน ปวตฺตํ ตณฺหํ. สนฺทานํ สหนุกฺกมนฺติ อนุสยานุกฺกมสหิตํ ทฺวาสฏฺิทิฏฺิสนฺทานํ, อิทํ สพฺพมฺปิ ฉินฺทิตฺวา ิตํ อวิชฺชาปลิฆสฺส อุกฺขิตฺตตฺตา อุกฺขิตฺตปลิฆํ จตุนฺนํ สจฺจานฺนํ พุทฺธตฺตา พุทฺธํ อหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.

๖๒๙. อทุฏฺโติ เอวํ ทสหิ อกฺโกสวตฺถูหิ อกฺโกสฺจ ปาณิอาทีหิ โปถนฺจ อนฺทุพนฺธนาทีหิ พนฺธนฺจ โย อกุทฺธมานโส หุตฺวา อธิวาเสสิ, ขนฺติพเลน สมนฺนาคตตฺตา ขนฺตีพลํ, ปุนปฺปุนํ อุปฺปตฺติยา อนีกภูเตน เตเนว ขนฺตีพลานีเกน สมนฺนาคตตฺตา พลานีกํ ตํ เอวรูปํ อหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.

๖๓๐. วตนฺตนฺติ ธุตวเตน สมนฺนาคตํ, จตุปาริสุทฺธิสีเลน สีลวนฺตํ, ตณฺหาอุสฺสทาภาเวน อนุสฺสทํ, ฉฬินฺทฺริยทมเนน ทนฺตํ, โกฏิยํ ิเตน อตฺตภาเวน อนฺติมสารีรํ ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.

๖๓๑. โย น ลิมฺปตีติ เอวเมว โย อพฺภนฺตเร ทุวิเธปิ กาเม น ลิมฺปติ, ตสฺมึ กาเม น สณฺาติ, ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.

๖๓๒. ทุกฺขสฺสาติ ขนฺธทุกฺขสฺส. ปนฺนภารนฺติ โอหิตกฺขนฺธภารํ จตูหิ โยเคหิ สพฺพกิเลเสหิ วา วิสํยุตฺตํ ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.

๖๓๓. คมฺภีรปฺนฺติ คมฺภีเรสุ ขนฺธาทีสุ ปวตฺตาย ปฺาย สมนฺนาคตํ, ธมฺโมชปฺาย เมธาวึ, ‘‘อยํ ทุคฺคติยา, อยํ สุคติยา, อยํ นิพฺพานสฺส มคฺโค, อยํ อมคฺโค’’ติ เอวํ มคฺเค อมคฺเค จ เฉกตาย มคฺคามคฺคสฺส โกวิทํ, อรหตฺตสงฺขาตํ อุตฺตมตฺถมนุปฺปตฺตํ ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.

๖๓๔. อสํสฏฺนฺติ ทสฺสนสวนสมุลฺลาปปริโภคกายสํสคฺคานํ อภาเวน อสํสฏฺํ. อุภยนฺติ คิหีหิ จ อนคาเรหิ จาติ อุภเยหิปิ อสํสฏฺํ. อโนกสารินฺติ อนาลยจารึ, ตํ เอวรูปํ อหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.

๖๓๕. นิธายาติ นิกฺขิปิตฺวา โอโรเปตฺวา. ตเสสุ ถาวเรสุ จาติ ตณฺหาตาเสน ตเสสุ ตณฺหาภาเวน ถิรตาย ถาวเรสุ. โย น หนฺตีติ โย เอวํ สพฺพสตฺเตสุ วิคตปฏิฆตาย นิกฺขิตฺตทณฺโฑ เนว กฺจิ สยํ หนติ, น อฺเน ฆาเตติ, ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.

๖๓๖. อวิรุทฺธนฺติ อาฆาตวเสน วิรุทฺเธสุปิ โลกิยมหาชเนสุ อาฆาตาภาเวน อวิรุทฺธํ, หตฺถคเต ทณฺเฑ วา สตฺเถ วา อวิชฺชมาเนปิ ปเรสํ ปหารทานโต อวิรตตฺตา อตฺตทณฺเฑสุ ชเนสุ นิพฺพุตํ นิกฺขิตฺตทณฺฑํ, ปฺจนฺนํ ขนฺธานํ ‘‘อหํ มม’’นฺติ คหิตตฺตา สาทาเนสุ, ตสฺส คหณสฺส อภาเวน อนาทานํ ตํ เอวรูปํ อหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.

๖๓๗. อารคฺคาติ ยสฺเสเต ราคาทโย อยฺจ ปรคุณมกฺขณลกฺขโณ มกฺโข อารคฺคา สาสโป วิย ปปติโต, ยถา สาสโป อารคฺเค น สนฺติฏฺติ, เอวํ จิตฺเต น ติฏฺติ, ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.

๖๓๘. อกกฺกสนฺติ อผรุสํ. วิฺาปนินฺติ อตฺถวิฺาปนึ. สจฺจนฺติ ภูตํ. นาภิสเชติ ยาย คิราย อฺํ กุชฺฌาปนวเสน น ลคฺคาเปยฺย. ขีณาสโว นาม เอวรูปเมว คิรํ ภาเสยฺย. ตสฺมา ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.

๖๓๙. สาฏกาภรณาทีสุ ทีฆํ วา รสฺสํ วา, มณิมุตฺตาทีสุ อณุํ วา ถูลํ วา มหคฺฆอปฺปคฺฆวเสน สุภํ วา อสุภํ วา โย ปุคฺคโล อิมสฺมึ โลเก ปรปริคฺคหิตํ นาทิยติ, ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.

๖๔๐. นิราสาสนฺติ นิตฺตณฺหํ. วิสํยุตฺตนฺติ สพฺพกิเลเสหิ วิยุตฺตํ ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.

๖๔๑. อาลยาติ ตณฺหา. อฺาย อกถํกถีติ อฏฺ วตฺถูนิ ยถาภูตํ ชานิตฺวา อฏฺวตฺถุกาย วิจิกิจฺฉาย นิพฺพิจิกิจฺโฉ. อมโตคธมนุปฺปตฺตนฺติ อมตํ นิพฺพานํ โอคเหตฺวา อนุปฺปตฺตํ ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.

๖๔๒. อุโภติ ทฺเวปิ ปุฺานิ ปาปานิ จ ฉฑฺเฑตฺวาติ อตฺโถ. สงฺคนฺติ ราคาทิเภทํ สงฺคํ. อุปจฺจคาติ อติกฺกนฺโต. ตมหํ วฏฺฏมูลโสเกน อโสกํ, อพฺภนฺตเร ราครชาทีนํ อภาเวน วิรชํ, นิรุปกฺกิเลสตาย สุทฺธํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.

๖๔๓. วิมลนฺติ อพฺภาทิมลวิรหิตํ. สุทฺธนฺติ นิรุปกฺกิเลสํ. วิปฺปสนฺนนฺติ ปสนฺนจิตฺตํ. อนาวิลนฺติ กิเลสาวิลตฺตวิรหิตํ. นนฺทีภวปริกฺขีณนฺติ ตีสุ ภเวสุ ปริกฺขีณตณฺหํ ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.

๖๔๔. โย ภิกฺขุ อิมํ ราคปลิปถฺเจว กิเลสทุคฺคฺจ สํสารวฏฺฏฺจ จตุนฺนํ สจฺจานํ อปฺปฏิวิชฺฌนกโมหฺจ อตีโต, จตฺตาโร โอเฆ ติณฺโณ หุตฺวา ปารํ อนุปฺปตฺโต, ทุวิเธน ฌาเนน ฌายี, ตณฺหาย อภาเวน อเนโช, กถํกถาย อภาเวน อกถํกถี, อุปาทานานํ อภาเวน อนุปาทิยิตฺวา กิเลสนิพฺพาเนน นิพฺพุโต, ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.

๖๔๕. โย ปุคฺคโล, อิธ โลเก, อุโภปิ กาเม หิตฺวา อนาคาโร หุตฺวา ปริพฺพชติ, ตํ ปริกฺขีณกามฺเจว ปริกฺขีณภวฺจ อหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.

๖๔๖. โย อิธ โลเก ฉทฺวาริกํ ตณฺหํ ชหิตฺวา ฆราวาเสน อนตฺถิโก อนาคาโร หุตฺวา ปริพฺพชติ, ตณฺหาย เจว ภวสฺส จ ปริกฺขีณตฺตา ตณฺหาภวปริกฺขีณํ ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.

๖๔๗. มานุสกํ โยคนฺติ มานุสกํ อายุฺเจว ปฺจวิธกามคุเณ จ. ทิพฺพโยเคปิ เอเสว นโย. อุปจฺจคาติ โย มานุสกํ โยคํ หิตฺวา ทิพฺพํ อติกฺกนฺโต, ตํ สพฺเพหิ จตูหิ โยเคหิ วิสํยุตฺตํ อหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.

๖๔๘. รตินฺติ ปฺจกามคุณรตึ. อรตินฺติ อรฺวาเส อุกฺกณฺิตตฺตํ. สีติภูตนฺติ นิพฺพุตํ, นิรุปธินฺติ นิรุปกฺกิเลสํ, วีรนฺติ ตํ เอวรูปํ สพฺพํ ขนฺธโลกํ อภิภวิตฺวา ิตํ วีริยวนฺตํ อหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.

๖๔๙. โย เวทีติ โย สตฺตานํ สพฺพากาเรน จุติฺจ ปฏิสนฺธิฺจ ปากฏํ กตฺวา ชานาติ, ตมหํ อลคฺคตาย อสตฺตํ, ปฏิปตฺติยา สุฏฺุ คตตฺตา สุคตํ, จตุนฺนํ สจฺจานํ พุทฺธตาย พุทฺธํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.

๖๕๐. ยสฺสาติ ยสฺเสเต เทวาทโย คตึ น ชานนฺติ, ตมหํ อาสวานํ ขีณตาย ขีณาสวํ, กิเลเสหิ อารกตฺตา อรหนฺตํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.

๖๕๑. ปุเรติ อตีตกฺขนฺเธสุ. ปจฺฉาติ อนาคเตสุ. มชฺเฌติ ปจฺจุปฺปนฺเนสุ. กิฺจนนฺติ ยสฺเสเตสุ าเนสุ ตณฺหาคาหสงฺขาตํ กิฺจนํ นตฺถิ. ตมหํ ราคกิฺจนาทีหิ อกิฺจนํ. กสฺสจิ คหณสฺส อภาเวน อนาทานํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.

๖๕๒. อจฺฉมฺภิตตฺเตน อุสภสทิสตาย อุสภํ, อุตฺตมฏฺเน ปวรํ, วีริยสมฺปตฺติยา วีรํ, มหนฺตานํ สีลกฺขนฺธาทีนํ เอสิตตฺตา มเหสึ, ติณฺณํ มารานํ วิชิตตฺตา วิชิตาวินํ, นินฺหาตกิเลสตาย นฺหาตกํ, จตุสจฺจพุทฺธตาย พุทฺธํ ตํ เอวรูปํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.

๖๕๓. โย ปุพฺเพนิวาสํ ปากฏํ กตฺวา ชานาติ, ฉพฺพีสติเทวโลกเภทํ สคฺคํ, จตุพฺพิธํ อปายฺจ ทิพฺพจกฺขุนา ปสฺสติ, อโถ ชาติกฺขยสงฺขาตํ อรหตฺตํ ปตฺโต, ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.

๖๕๔. เอวํ ภควา คุณโต พฺราหฺมณํ วตฺวา ‘‘เย ‘ชาติโต พฺราหฺมโณ’ติ อภินิเวสํ กโรนฺติ, เต อิทํ โวหารมตฺตํ อชานนฺตา, สา จ เนสํ ทิฏฺิ ทุทฺทิฏฺี’’ติ ทสฺเสนฺโต ‘‘สมฺา เหสา’’ติ คาถาทฺวยมาห. ตสฺสตฺโถ – ‘‘ยทิทํ พฺราหฺมโณ ขตฺติโย ภารทฺวาโช วาเสฏฺโ’’ติ นามโคตฺตํ ปกปฺปิตํ, สมฺา เหสา โลกสฺมึ, ปฺตฺติโวหารมตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. กสฺมา? ยสฺมา สมฺมุจฺจา สมุทาคตํ สมนุฺาย อาคตํ. ตฺหิ ตตฺถ ตตฺถ ชาตกาเลเยวสฺส าติสาโลหิเตหิ ปกปฺปิตํ กตํ. โน เจตํ เอวํ ปกปฺเปยฺยุํ, น โกจิ กฺจิ ทิสฺวา ‘‘อยํ พฺราหฺมโณ’’ติ วา ‘‘ภารทฺวาโช’’ติ วา ชาเนยฺย.

๖๕๕. เอวํ ปกปฺปิตฺเจตํ ทีฆรตฺตมนุสยิตํ ทิฏฺิคตมชานตํ, ‘‘ปกปฺปิตํ นามโคตฺตํ, นามโคตฺตมตฺตเมตํ สํโวหารตฺถํ ปกปฺปิต’’นฺติ อชานนฺตานํ สตฺตานํ หทเย ทีฆรตฺตํ ทิฏฺิคตมนุสยิตํ, ตสฺส อนุสยิตตฺตา ตํ นามโคตฺตํ อชานนฺตา เต ปพฺรุวนฺติ ‘‘ชาติยา โหติ พฺราหฺมโณ’’ติ, อชานนฺตาเยว เอวํ วทนฺตีติ วุตฺตํ โหติ.

๖๕๖-๗. เอวํ ‘‘เย ‘ชาติโต พฺราหฺมโณ’ติ อภินิเวสํ กโรนฺติ, เต อิทํ โวหารมตฺตมชานนฺตา, สา จ เนสํ ทิฏฺิ ทุทฺทิฏฺี’’ติ ทสฺเสตฺวา อิทานิ นิปฺปริยายเมว ชาติวาทํ ปฏิกฺขิปนฺโต กมฺมวาทฺจ นิโรเปนฺโต ‘‘น ชจฺจา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ‘‘กมฺมุนา พฺราหฺมโณ โหติ, กมฺมุนา โหติ อพฺราหฺมโณ’’ติ อิมิสฺสา อุปฑฺฒคาถาย อตฺถวิตฺถารณตฺถํ ‘‘กสฺสโก กมฺมุนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ กมฺมุนาติ ปจฺจุปฺปนฺเนน กสิกมฺมาทินิพฺพตฺตกเจตนากมฺมุนา.

๖๕๙. ปฏิจฺจสมุปฺปาททสฺสาติ ‘‘อิมินา ปจฺจเยน เอวํ โหตี’’ติ เอวํ ปฏิจฺจสมุปฺปาททสฺสาวิโน. กมฺมวิปากโกวิทาติ สมฺมานาวมานารเห กุเล กมฺมวเสน อุปฺปตฺติ โหติ, อฺาปิ หีนปณีตตา หีนปณีเต กมฺเม วิปจฺจมาเน โหตีติ เอวํ กมฺมวิปากกุสลา.

๖๖๐. ‘‘กมฺมุนาวตฺตตี’’ติ คาถาย ปน ‘‘โลโก’’ติ วา ‘‘ปชา’’ติ วา ‘‘สตฺตา’’ติ วา เอโกเยว อตฺโถ, วจนมตฺตเมว นานํ. ปุริมปเทน เจตฺถ ‘‘อตฺถิ พฺรหฺมา มหาพฺรหฺมา…เป… เสฏฺโ สชิตา วสี ปิตา ภูตภพฺยาน’’นฺติ (ที. นิ. ๑.๔๒) อิมิสฺสา ทิฏฺิยา นิเสโธ เวทิตพฺโพ. กมฺมุนา หิ วตฺตติ ตาสุ ตาสุ คตีสุ อุปฺปชฺชติ โลโก, ตสฺส โก สชิตาติ? ทุติเยน ‘‘เอวํ กมฺมุนา อุปฺปนฺโนปิ จ ปวตฺติยมฺปิ อตีตปจฺจุปฺปนฺนเภเทน กมฺมุนา เอว ปวตฺตติ, สุขทุกฺขานิ ปจฺจนุโภนฺโต หีนปณีตาทิภาวํ อาปชฺชนฺโต ปวตฺตตี’’ติ ทสฺเสติ. ตติเยน ตเมวตฺถํ นิคเมติ ‘‘เอวํ สพฺพถาปิ กมฺมนิพนฺธนา สตฺตา กมฺเมเนว พทฺธา หุตฺวา ปวตฺตนฺติ, น อฺถา’’ติ. จตุตฺเถน ตมตฺถํ อุปมาย วิภาเวติ รถสฺสาณีว ยายโตติ. ยถา รถสฺส ยายโต อาณิ นิพนฺธนํ โหติ, น ตาย อนิพทฺโธ ยาติ, เอวํ โลกสฺส อุปฺปชฺชโต จ ปวตฺตโต จ กมฺมํ นิพนฺธนํ, น เตน อนิพทฺโธ อุปฺปชฺชติ นปฺปวตฺตติ.

๖๖๑. อิทานิ ยสฺมา เอวํ กมฺมนิพนฺธโน โลโก, ตสฺมา เสฏฺเน กมฺมุนา เสฏฺภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตเปนา’’ติ คาถาทฺวยมาห. ตตฺถ ตเปนาติ อินฺทฺริยสํวเรน. พฺรหฺมจริเยนาติ สิกฺขานิสฺสิเตน วุตฺตาวเสสเสฏฺจริเยน. สํยเมนาติ สีเลน. ทเมนาติ ปฺาย. เอเตน เสฏฺฏฺเน พฺรหฺมภูเตน กมฺมุนา พฺราหฺมโณ โหติ. กสฺมา? ยสฺมา เอตํ พฺราหฺมณมุตฺตมํ, ยสฺมา เอตํ กมฺมํ อุตฺตโม พฺราหฺมณภาโวติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘พฺรหฺมาน’’นฺติปิ ปาโ, ตสฺสตฺโถ – พฺรหฺมํ อาเนตีติ พฺรหฺมานํ, พฺรหฺมภาวํ อาเนติ อาวหติ เทตีติ วุตฺตํ โหติ.

๖๖๒. ทุติยคาถาย สนฺโตติ สนฺตกิเลโส. พฺรหฺมา สกฺโกติ พฺรหฺมา จ สกฺโก จ. โย เอวรูโป, โส น เกวลํ พฺราหฺมโณ, อปิจ โข พฺรหฺมา จ สกฺโก จ โส วิชานตํ ปณฺฑิตานํ, เอวํ วาเสฏฺ ชานาหีติ วุตฺตํ โหติ. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ.

ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย

สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย วาเสฏฺสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. โกกาลิกสุตฺตวณฺณนา

เอวํ เม สุตนฺติ โกกาลิกสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? อิมสฺส สุตฺตสฺส อุปฺปตฺติ อตฺถวณฺณนายเมว อาวิ ภวิสฺสติ. อตฺถวณฺณนาย จสฺส เอวํ เม สุตนฺติอาทิ วุตฺตนยเมว. อถ โข โกกาลิโกติ เอตฺถ ปน โก อยํ โกกาลิโก, กสฺมา จ อุปสงฺกมีติ? วุจฺจเต – อยํ กิร โกกาลิกรฏฺเ โกกาลิกนคเร โกกาลิกเสฏฺิสฺส ปุตฺโต ปพฺพชิตฺวา ปิตรา การาปิเต วิหาเรเยว ปฏิวสติ ‘‘จูฬโกกาลิโก’’ติ นาเมน, น เทวทตฺตสฺส สิสฺโส. โส หิ พฺราหฺมณปุตฺโต ‘‘มหาโกกาลิโก’’ติ ปฺายิ.

ภควติ กิร สาวตฺถิยํ วิหรนฺเต ทฺเว อคฺคสาวกา ปฺจมตฺเตหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ ชนปทจาริกํ จรมานา อุปกฏฺาย วสฺสูปนายิกาย วิเวกวาสํ วสิตุกามา เต ภิกฺขู อุยฺโยเชตฺวา อตฺตโน ปตฺตจีวรมาทาย ตสฺมึ ชนปเท ตํ นครํ ปตฺวา ตํ วิหารํ อคมํสุ. ตตฺถ เต โกกาลิเกน สทฺธึ สมฺโมทิตฺวา ตํ อาหํสุ – ‘‘อาวุโส, มยํ อิธ เตมาสํ วสิสฺสาม, มา กสฺสจิ อาโรเจยฺยาสี’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา เตมาเส อตีเต อิตรทิวสํ ปเคว นครํ ปวิสิตฺวา อาโรเจสิ – ‘‘ตุมฺเห อคฺคสาวเก อิธาคนฺตฺวา วสมาเน น ชานิตฺถ, น เต โกจิ ปจฺจเยนาปิ นิมนฺเตตี’’ติ. นครวาสิโน ‘‘กสฺมา โน, ภนฺเต, นาโรจยิตฺถา’’ติ. กึ อาโรจิเตน, กึ นาทฺทสถ ทฺเว ภิกฺขู วสนฺเต, นนุ เอเต อคฺคสาวกาติ. เต ขิปฺปํ สนฺนิปติตฺวา สปฺปิคุฬวตฺถาทีนิ อาเนตฺวา โกกาลิกสฺส ปุรโต นิกฺขิปึสุ. โส จินฺเตสิ – ‘‘ปรมปฺปิจฺฉา อคฺคสาวกา ‘ปยุตฺตวาจาย อุปฺปนฺโน ลาโภ’ติ ตฺวา น สาทิยิสฺสนฺติ, อสาทิยนฺตา อทฺธา ‘อาวาสิกสฺส เทถา’ติ ภณิสฺสนฺติ, หนฺทาหํ อิมํ ลาภํ คาหาเปตฺวา คจฺฉามี’’ติ. โส ตถา อกาสิ, เถรา ทิสฺวาว ปยุตฺตวาจาย อุปฺปนฺนภาวํ ตฺวา ‘‘อิเม ปจฺจยา เนว อมฺหากํ น โกกาลิกสฺส วฏฺฏนฺตี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘อาวาสิกสฺส เทถา’’ติ อวตฺวา ปฏิกฺขิปิตฺวา ปกฺกมึสุ. เตน โกกาลิโก ‘‘กถฺหิ นาม อตฺตนา อคฺคณฺหนฺตา มยฺหมฺปิ น ทาเปสุ’’นฺติ โทมนสฺสํ อุปฺปาเทสิ.

เต ภควโต สนฺติกํ อคมํสุ. ภควา จ ปวาเรตฺวา สเจ อตฺตนา ชนปทจาริกํ น คจฺฉติ, อคฺคสาวเก เปเสติ – ‘‘จรถ, ภิกฺขเว, จาริกํ พหุชนหิตายา’’ติอาทีนิ (มหาว. ๓๒) วตฺวา. อิทมาจิณฺณํ ตถาคตานํ. เตน โข ปน สมเยน อตฺตนา อคนฺตุกาโม โหติ. อถ โข อิเม ปุนเทว อุยฺโยเชสิ – ‘‘คจฺฉถ, ภิกฺขเว, จรถ จาริก’’นฺติ. เต ปฺจมตฺเตหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ จาริกํ จรมานา อนุปุพฺเพน ตสฺมึ รฏฺเ ตเมว นครํ อคมํสุ. นาครา เถเร สฺชานิตฺวา สห ปริกฺขาเรหิ ทานํ สชฺเชตฺวา นครมชฺเฌ มณฺฑปํ กตฺวา ทานํ อทํสุ, เถรานฺจ ปริกฺขาเร อุปนาเมสุํ. เถรา คเหตฺวา ภิกฺขุสงฺฆสฺส อทํสุ. ตํ ทิสฺวา โกกาลิโก จินฺเตสิ – ‘‘อิเม ปุพฺเพ อปฺปิจฺฉา อเหสุํ, อิทานิ โลภาภิภูตา ปาปิจฺฉา ชาตา, ปุพฺเพปิ อปฺปิจฺฉสนฺตุฏฺปวิวิตฺตสทิสา มฺเ, อิเม ปาปิจฺฉา อสนฺตคุณปริทีปกา ปาปภิกฺขู’’ติ. โส เถเร อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘อาวุโส, ตุมฺเห ปุพฺเพ อปฺปิจฺฉา สนฺตุฏฺา ปวิวิตฺตา วิย อหุวตฺถ, อิทานิ ปนตฺถ ปาปภิกฺขู ชาตา’’ติ วตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ตาวเทว ตรมานรูโป นิกฺขมิตฺวา คนฺตฺวา ‘‘ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสฺสามี’’ติ สาวตฺถาภิมุโข คนฺตฺวา อนุปุพฺเพน ภควนฺตํ อุปสงฺกมิ. อยเมตฺถ โกกาลิโก, อิมินา การเณน อุปสงฺกมิ. เตน วุตฺตํ ‘‘อถ โข โกกาลิโก ภิกฺขุ เยน ภควา เตนุปสงฺกมี’’ติอาทิ.

ภควา ตํ ตุริตตุริตํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวาว อาวชฺเชตฺวา อฺาสิ – ‘‘อคฺคสาวเก อกฺโกสิตุกาโม อาคโต’’ติ. ‘‘สกฺกา นุ โข ปฏิเสเธตุ’’นฺติ จ อาวชฺเชนฺโต ‘‘น สกฺกา, เถเรสุ อปรชฺฌิตฺวา อาคโต, เอกํเสน ปทุมนิรเย อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ อทฺทส. เอวํ ทิสฺวาปิ ปน ‘‘สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเนปิ นาม ครหนฺตํ สุตฺวา น นิเสเธตี’’ติ ปรูปวาทโมจนตฺถํ อริยูปวาทสฺส มหาสาวชฺชภาวทสฺสนตฺถฺจ ‘‘มา เหว’’นฺติอาทินา นเยน ติกฺขตฺตุํ ปฏิเสเธสิ. ตตฺถ มา เหวนฺติ มา เอวมาห, มา เอวํ อภณีติ อตฺโถ. เปสลาติ ปิยสีลา. สทฺธายิโกติ สทฺธาคมกโร, ปสาทาวโหติ วุตฺตํ โหติ. ปจฺจยิโกติ ปจฺจยกโร, ‘‘เอวเมต’’นฺติ สนฺนิฏฺาวโหติ วุตฺตํ โหติ.

อจิรปกฺกนฺตสฺสาติ ปกฺกนฺตสฺส สโต น จิเรเนว สพฺโพ กาโย ผุโฏ อโหสีติ เกสคฺคมตฺตมฺปิ โอกาสํ อวชฺเชตฺวา สกลสรีรํ อฏฺีนิ ภินฺทิตฺวา อุคฺคตาหิ ปีฬกาหิ อชฺโฌตฺถฏํ อโหสิ. ตตฺถ ยสฺมา พุทฺธานุภาเวน ตถารูปํ กมฺมํ พุทฺธานํ สมฺมุขีภาเว วิปากํ น เทติ, ทสฺสนูปจาเร ปน วิชหิตมตฺเต เทติ, ตสฺมา ตสฺส อจิรปกฺกนฺตสฺส ปีฬกา อุฏฺหึสุ. เตเนว วุตฺตํ ‘‘อจิรปกฺกนฺตสฺส จ โกกาลิกสฺสา’’ติ. อถ กสฺมา ตตฺเถว น อฏฺาสีติ เจ? กมฺมานุภาเวน. โอกาสกตฺหิ กมฺมํ อวสฺสํ วิปจฺจติ, ตํ ตสฺส ตตฺถ าตุํ น เทติ. โส กมฺมานุภาเวน โจทิยมาโน อุฏฺายาสนา ปกฺกามิ. กฬายมตฺติโยติ จณกมตฺติโย. เพลุวสลาฏุกมตฺติโยติ ตรุณเพลุวมตฺติโย. ปภิชฺชึสูติ ภิชฺชึสุ. ตาสุ ภินฺนาสุ สกลสรีรํ ปนสปกฺกํ วิย อโหสิ. โส ปกฺเกน คตฺเตน อนยพฺยสนํ ปตฺวา ทุกฺขาภิภูโต เชตวนทฺวารโกฏฺเก สยิ. อถ ธมฺมสฺสวนตฺถํ อาคตาคตา มนุสฺสา ตํ ทิสฺวา ‘‘ธิ โกกาลิก, ธิ โกกาลิก, อยุตฺตมกาสิ, อตฺตโนเยว มุขํ นิสฺสาย อนยพฺยสนํ ปตฺโตสี’’ติ อาหํสุ. เตสํ สุตฺวา อารกฺขเทวตา ธิกฺการํ อกํสุ, อารกฺขเทวตานํ อากาสฏฺเทวตาติ อิมินา อุปาเยน ยาว อกนิฏฺภวนา เอกธิกฺกาโร อุทปาทิ.

ตทา จ ตุรู นาม ภิกฺขุ โกกาลิกสฺส อุปชฺฌาโย อนาคามิผลํ ปตฺวา สุทฺธาวาเสสุ นิพฺพตฺโต โหติ. โสปิ สมาปตฺติยา วุฏฺิโต ตํ ธิกฺการํ สุตฺวา อาคมฺม โกกาลิกํ โอวทิ สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเนสุ จิตฺตปฺปสาทชนนตฺถํ. โส ตสฺสาปิ วจนํ อคฺคเหตฺวา อฺทตฺถุ ตเมว อปราเธตฺวา กาลํ กตฺวา ปทุมนิรเย อุปฺปชฺชิ. เตนาห – ‘‘อถ โข โกกาลิโก ภิกฺขุ เตเนวาพาเธน…เป… อาฆาเตตฺวา’’ติ.

อถ โข พฺรหฺมา สหมฺปตีติ โก อยํ พฺรหฺมา, กสฺมา จ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอตทโวจาติ? อยํ กสฺสปสฺส ภควโต สาสเน สหโก นาม ภิกฺขุ อนาคามี หุตฺวา สุทฺธาวาเสสุ อุปฺปนฺโน, ตตฺถ นํ ‘‘สหมฺปติ พฺรหฺมา’’ติ สฺชานนฺติ. โส ปน ‘‘อหํ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปทุมนิรยํ กิตฺเตสฺสามิ, ตโต ภควา ภิกฺขูนํ อาโรเจสฺสติ. กถานุสนฺธิกุสลา ภิกฺขู ตตฺถายุปฺปมาณํ ปุจฺฉิสฺสนฺติ, ภควา อาจิกฺขนฺโต อริยูปวาเท อาทีนวํ ปกาเสสฺสตี’’ติ อิมินา การเณน ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอตทโวจ. ภควา ตเถว อกาสิ, อฺตโรปิ ภิกฺขุ ปุจฺฉิ. เตน จ ปุฏฺโ ‘‘เสยฺยถาปิ ภิกฺขู’’ติอาทิมาห.

ตตฺถ วีสติขาริโกติ มาคธเกน ปตฺเถน จตฺตาโร ปตฺถา โกสลรฏฺเ เอโก ปตฺโถ โหติ, เตน ปตฺเถน จตฺตาโร ปตฺถา อาฬฺหกํ, จตฺตาริ อาฬฺหกานิ โทณํ, จตุโทณา มานิกา, จตุมานิกา ขารี, ตาย ขาริยา วีสติขาริโก. ติลวาโหติ ติลสกฏํ. อพฺพุโท นิรโยติ อพฺพุโท นาม โกจิ ปจฺเจกนิรโย นตฺถิ, อวีจิมฺหิเยว อพฺพุทคณนาย ปจฺจโนกาโส ปน ‘‘อพฺพุโท นิรโย’’ติ วุตฺโต. เอส นโย นิรพฺพุทาทีสุ.

ตตฺถ วสฺสคณนาปิ เอวํ เวทิตพฺพา – ยเถว หิ สตํ สตสหสฺสานิ โกฏิ โหติ, เอวํ สตํ สตสหสฺสโกฏิโย ปโกฏิ นาม โหติ, สตํ สตสหสฺสปโกฏิโย โกฏิปฺปโกฏิ นาม, สตํ สตสหสฺสโกฏิปฺปโกฏิโย นหุตํ, สตํ สตสหสฺสนหุตานิ นินฺนหุตํ, สตํ สตสหสฺสนินฺนหุตานิ เอกํ อพฺพุทํ, ตโต วีสติคุณํ นิรพฺพุทํ. เอส นโย สพฺพตฺถ. เกจิ ปน ‘‘ตตฺถ ตตฺถ ปริเทวนานตฺเตนปิ กมฺมกรณนานตฺเตนปิ อิมานิ นามานิ ลทฺธานี’’ติ วทนฺติ, อปเร ‘‘สีตนรกา เอว เอเต’’ติ.

อถาปรนฺติ ตทตฺถวิเสสตฺถทีปกํ คาถาพนฺธํ สนฺธาย วุตฺตํ. ปาวเสน วุตฺตวีสติคาถาสุ หิ เอตฺถ ‘‘สตํ สหสฺสาน’’นฺติ อยเมกา เอว คาถา วุตฺตตฺถทีปิกา, เสสา วิเสสตฺถทีปิกา เอว, อวสาเน คาถาทฺวยเมว ปน มหาอฏฺกถายํ วินิจฺฉิตปาเ นตฺถิ. เตนาโวจุมฺห ‘‘วีสติคาถาสู’’ติ.

๖๖๓. ตตฺถ กุารีติ อตฺตจฺเฉทกฏฺเน กุาริสทิสา ผรุสวาจา. ฉินฺทตีติ กุสลมูลสงฺขาตํ อตฺตโน มูลํเยว นิกนฺตติ.

๖๖๔. นินฺทิยนฺติ นินฺทิตพฺพํ. ตํ วา นินฺทติ โย ปสํสิโยติ โย อุตฺตมฏฺเน ปสํสารโห ปุคฺคโล, ตํ วา โส ปาปิจฺฉตาทีนิ อาโรเปตฺวา ครหติ. วิจินาตีติ อุปจินาติ. กลินฺติ อปราธํ.

๖๖๕. อยํ กลีติ อยํ อปราโธ. อกฺเขสูติ ชูตกีฬนอกฺเขสุ. สพฺพสฺสาปิ สหาปิ อตฺตนาติ สพฺเพน อตฺตโน ธเนนปิ อตฺตนาปิ สทฺธึ. สุคเตสูปิ สุฏฺุ คตตฺตา, สุนฺทรฺจ านํ คตตฺตา สุคตนามเกสุ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธสาวเกสุ. มนํ ปโทสเยติ โย มนํ ปทูเสยฺย. ตสฺสายํ มโนปโทโส เอว มหตฺตโร กลีติ วุตฺตํ โหติ.

๖๖๖. กสฺมา? ยสฺมา สตํ สหสฺสานํ…เป… ปาปกํ, ยสฺมา วสฺสคณนาย เอตฺตโก โส กาโล, ยํ กาลํ อริยครหี วาจํ มนฺจ ปณิธาย ปาปกํ นิรยํ อุเปติ, ตตฺถ ปจฺจตีติ วุตฺตํ โหติ. อิทฺหิ สงฺเขเปน ปทุมนิรเย อายุปฺปมาณํ.

๖๖๗. อิทานิ อปเรนปิ นเยน ‘‘อยเมว มหตฺตโร กลิ, โย สุคเตสุ มนํ ปทูสเย’’ติ อิมมตฺถํ วิภาเวนฺโต ‘‘อภูตวาที’’ติ อาทิมาห. ตตฺถ อภูตวาทีติ อริยูปวาทวเสน อลิกวาที. นิรยนฺติ ปทุมาทึ. เปจฺจ สมา ภวนฺตีติ อิโต ปฏิคนฺตฺวา นิรยูปปตฺติยา สมา ภวนฺติ. ปรตฺถาติ ปรโลเก.

๖๖๘. กิฺจ ภิยฺโย – โย อปฺปทุฏฺสฺสาติ. ตตฺถ มโนปโทสาภาเวน อปฺปทุฏฺโ, อวิชฺชามลาภาเวน สุทฺโธ, ปาปิจฺฉาภาเวน อนงฺคโณติ เวทิตพฺโพ. อปฺปทุฏฺตฺตา วา สุทฺธสฺส, สุทฺธตฺตา อนงฺคณสฺสาติ เอวมฺเปตฺถ โยเชตพฺพํ.

๖๖๙. เอวํ สุคเตสุ มโนปโทสสฺส มหตฺตรกลิภาวํ สาเธตฺวา อิทานิ วาริตวตฺถุคาถา นาม จุทฺทส คาถา อาห. อิมา กิร โกกาลิกํ มียมานเมว โอวทนฺเตนายสฺมตา มหาโมคฺคลฺลาเนน วุตฺตา, ‘‘มหาพฺรหฺมุนา’’ติ เอเก. ตาสํ อิมินา สุตฺเตน สทฺธึ เอกสงฺคหตฺถํ อยมุทฺเทโส ‘‘โย โลภคุเณ อนุยุตฺโต’’ติอาทิ. ตตฺถ ปมคาถาย ตาว ‘‘คุโณ’’ติ นิทฺทิฏฺตฺตา อเนกกฺขตฺตุํ ปวตฺตตฺตา วา โลโภเยว โลภคุโณ, ตณฺหาเยตํ อธิวจนํ. อวทฺูติ อวจนฺู พุทฺธานมฺปิ โอวาทํ อคฺคหเณน. มจฺฉรีติ ปฺจวิธมจฺฉริเยน. เปสุณิยํ อนุยุตฺโตติ อคฺคสาวกานํ เภทกามตาย. เสสํ ปากฏเมว. อิทํ วุตฺตํ โหติ – โย, อาวุโส โกกาลิก, ตุมฺหาทิโส อนุยุตฺตโลภตณฺหาย โลภคุเณ อนุยุตฺโต อสฺสทฺโธ กทริโย อวทฺู มจฺฉรี เปสุณิยํ อนุยุตฺโต, โส วจสา ปริภาสติ อฺํ อภาสเนยฺยมฺปิ ปุคฺคลํ. เตน ตํ วทามิ ‘‘มุขทุคฺคา’’ติ คาถาตฺตยํ.

๖๗๐. ตสฺสายํ อนุตฺตานปทตฺโถ – มุขทุคฺค มุขวิสม, วิภูต วิคตภูต, อลิกวาทิ, อนริย อสปฺปุริส, ภูนหุ ภูติหนก, วุฑฺฒินาสก, ปุริสนฺต อนฺติมปุริส, กลิ อลกฺขิปุริส, อวชาต พุทฺธสฺส อวชาตปุตฺต.

๖๗๑. รชมากิรสีติ กิเลสรชํ อตฺตนิ ปกฺขิปสิ. ปปตนฺติ โสพฺภํ. ‘‘ปปาต’’นฺติปิ ปาโ, โส เอวตฺโถ. ‘‘ปปท’’นฺติปิ ปาโ, มหานิรยนฺติ อตฺโถ.

๖๗๒. เอติ หตนฺติ เอตฺถ -อิติ นิปาโต, นฺติ ตํ กุสลากุสลกมฺมํ. อถ วา หตนฺติ คตํ ปฏิปนฺนํ, อุปจิตนฺติ อตฺโถ. สุวามีติ สามิ ตสฺส กมฺมสฺส กตตฺตา. โส หิ ตํ กมฺมํ ลภเตว, นาสฺส ตํ นสฺสตีติ วุตฺตํ โหติ. ยสฺมา จ ลภติ, ตสฺมา ทุกฺขํ มนฺโท…เป… กิพฺพิสการี.

๖๗๓. อิทานิ ยํ ทุกฺขํ มนฺโท ปสฺสติ, ตํ ปกาเสนฺโต ‘‘อโยสงฺกุสมาหตฏฺาน’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ ปุริมอุปฑฺฒคาถาย ตาว อตฺโถ – ยํ ตํ อโยสงฺกุสมาหตฏฺานํ สนฺธาย ภควตา ‘‘ตเมนํ, ภิกฺขเว, นิรยปาลา ปฺจวิธพนฺธนํ นาม การณํ กโรนฺตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๒๕๐; อ. นิ. ๓.๓๖) วุตฺตํ, ตํ อุเปติ, เอวํ อุเปนฺโต จ ตตฺเถว อาทิตฺตาย โลหปถวิยา นิปชฺชาเปตฺวา นิรยปาเลหิ ปฺจสุ าเนสุ อาโกฏิยมานํ ตตฺตํ ขิลสงฺขาตํ ติณฺหธารมยสูลมุเปติ, ยํ สนฺธาย ภควตา วุตฺตํ ‘‘ตตฺตํ อโยขิลํ หตฺเถ คเมนฺตี’’ติอาทิ. ตโต ปรา อุปฑฺฒคาถา อเนกานิ วสฺสสหสฺสานิ ตตฺถ ปจฺจิตฺวา ปกฺกาวเสสานุภวนตฺถํ อนุปุพฺเพน ขาโรทกนทีตีรํ คตสฺส ยํ ตํ ‘‘ตตฺตํ อโยคุฬํ มุเข ปกฺขิปนฺติ, ตตฺตํ ตมฺพโลหํ มุเข อาสิฺจนฺตี’’ติ วุตฺตํ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตตฺถ อโยติ โลหํ. คุฬสนฺนิภนฺติ เพลุวสณฺานํ. อโยคหเณน เจตฺถ ตมฺพโลหํ, อิตเรน อโยคุฬํ เวทิตพฺพํ. ปติรูปนฺติ กตกมฺมานุรูปํ.

๖๗๔. ตโต ปราสุ คาถาสุ น หิ วคฺคูติ ‘‘คณฺหถ, ปหรถา’’ติอาทีนิ วทนฺตา นิรยปาลา มธุรวาจํ น วทนฺติ. นาภิชวนฺตีติ น สุมุขภาเวน อภิมุขา ชวนฺติ, น สุมุขา อุปสงฺกมนฺติ, อนยพฺยสนมาวหนฺตา เอว อุปสงฺกมนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. น ตาณมุเปนฺตีติ ตาณํ เลณํ ปฏิสรณํ หุตฺวา น อุปคจฺฉนฺติ, คณฺหนฺตา หนนฺตา เอว อุเปนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. องฺคาเร สนฺถเต สยนฺตีติ องฺคารปพฺพตํ อาโรปิตา สมานา อเนกานิ วสฺสสหสฺสานิ สนฺถเต องฺคาเร เสนฺติ. คินิสมฺปชฺชลิตนฺติ สมนฺตโต ชลิตํ สพฺพทิสาสุ จ สมฺปชฺชลิตํ อคฺคึ. ปวิสนฺตีติ มหานิรเย ปกฺขิตฺตา สมานา โอคาหนฺติ. มหานิรโย นาม โย โส ‘‘จตุกฺกณฺโณ’’ติ (อ. นิ. ๓.๓๖) วุตฺโต, นํ โยชนสเต ตฺวา ปสฺสตํ อกฺขีนิ ภิชฺชนฺติ.

๖๗๕. ชาเลน จ โอนหิยานาติ อโยชาเลน ปลิเวเตฺวา มิคลุทฺทกา มิคํ วิย หนนฺติ. อิทํ เทวทูเต อวุตฺตกมฺมการณํ. อนฺธํว ติมิสมายนฺตีติ อนฺธกรเณน อนฺธเมว พหลนฺธการตฺตา ‘‘ติมิส’’นฺติ สฺิตํ ธูมโรรุวํ นาม นรกํ คจฺฉนฺติ. ตตฺร กิร เนสํ ขรธูมํ ฆายิตฺวา อกฺขีนิ ภิชฺชนฺติ, เตน ‘‘อนฺธํวา’’ติ วุตฺตํ. ตํ วิตตฺหิ ยถา มหิกาโยติ ตฺจ อนฺธติมิสํ มหิกาโย วิย วิตตํ โหตีติ อตฺโถ. ‘‘วิตฺถต’’นฺติปิ ปาโ. อิทมฺปิ เทวทูเต อวุตฺตกมฺมการณเมว.

๖๗๖. อถ โลหมยนฺติ อยํ ปน โลหกุมฺภี ปถวิปริยนฺติกา จตุนหุตาธิกานิ ทฺเวโยชนสตสหสฺสานิ คมฺภีรา สมติตฺติกา ตตฺรโลหปูรา โหติ. ปจฺจนฺติ หิ ตาสุ จิรรตฺตนฺติ ตาสุ กุมฺภีสุ ทีฆรตฺตํ ปจฺจนฺติ. อคฺคินิสมาสูติ อคฺคิสมาสุ. สมุปฺปิลวาเตติ สมุปฺปิลวนฺตา, สกิมฺปิ อุทฺธํ สกิมฺปิ อโธ คจฺฉมานา เผณุทฺเทหกํ ปจฺจนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. เทวทูเต วุตฺตนเยเนว ตํ เวทิตพฺพํ.

๖๗๗. ปุพฺพโลหิตมิสฺเสติ ปุพฺพโลหิตมิสฺสาย โลหกุมฺภิยา. ตตฺถ กินฺติ ตตฺถ. ยํ ยํ ทิสกนฺติ ทิสํ วิทิสํ. อธิเสตีติ คจฺฉติ. ‘‘อภิเสตี’’ติปิ ปาโ, ตตฺถ ยํ ยํ ทิสํ อลฺลียติ อปสฺสยตีติ อตฺโถ. กิลิสฺสตีติ พาธียติ. ‘‘กิลิชฺชตี’’ติปิ ปาโ, ปูติ โหตีติ อตฺโถ. สมฺผุสมาโนติ เตน ปุพฺพโลหิเตน ผุฏฺโ สมาโน. อิทมฺปิ เทวทูเต อวุตฺตกมฺมการณํ.

๖๗๘. ปุฬวาวสเถติ ปุฬวานํ อาวาเส. อยมฺปิ โลหกุมฺภีเยว เทวทูเต ‘‘คูถนิรโย’’ติ วุตฺตา, ตตฺถ ปติตสฺส สูจิมุขปาณา ฉวิอาทีนิ ฉินฺทิตฺวา อฏฺิมิฺชํ ขาทนฺติ. คนฺตุํ น หิ ตีรมปตฺถีติ อปคนฺตุํ น หิ ตีรํ อตฺถิ. ‘‘ตีรวมตฺถี’’ติปิ ปาโ, โสเยวตฺโถ. ตีรเมว เอตฺถ ‘‘ตีรว’’นฺติ วุตฺตํ. สพฺพสมา หิ สมนฺตกปลฺลาติ ยสฺมา ตสฺสา กุมฺภิยา อุปริภาเคปิ นิกุชฺชิตตฺตา สพฺพตฺถ สมา สมนฺตโต กฏาหา, ตสฺมา อปคนฺตุํ ตีรํ นตฺถีติ วุตฺตํ โหติ.

๖๗๙. อสิปตฺตวนํ เทวทูเต วุตฺตนยเมว. ตฺหิ ทูรโต รมณียํ อมฺพวนํ วิย ทิสฺสติ, อเถตฺถ โลเภน เนรยิกา ปวิสนฺติ, ตโต เนสํ วาเตริตานิ ปตฺตานิ ปติตฺวา องฺคปจฺจงฺคานิ ฉินฺทนฺติ. เตนาห – ‘‘ตํ ปวิสนฺติ สมุจฺฉิทคตฺตา’’ติ. ตํ ปวิสนฺติ ตโต สุฏฺุ ฉินฺนคตฺตา โหนฺตีติ. ชิวฺหํ พฬิเสน คเหตฺวา อารชยารชยา วิหนนฺตีติ ตตฺถ อสิปตฺตวเน เวเคน ธาวิตฺวา ปติตานํ มุสาวาทีนํ เนรยิกานํ นิรยปาลา ชิวฺหํ พฬิเสน นิกฺกฑฺฒิตฺวา ยถา มนุสฺสา อลฺลจมฺมํ ภูมิยํ ปตฺถริตฺวา ขิเลหิ อาโกเฏนฺติ, เอวํ อาโกเฏตฺวา ผรสูหิ ผาเลตฺวา ผาเลตฺวา เอกเมกํ โกฏึ ฉินฺเทตฺวา วิหนนฺติ, ฉินฺนฉินฺนา โกฏิ ปุนปฺปุนํ สมุฏฺาติ. ‘‘อารจยารจยา’’ติปิ ปาโ, อาวิฺฉิตฺวา อาวิฺฉิตฺวาติ อตฺโถ. เอตมฺปิ เทวทูเต อวุตฺตกมฺมการณํ.

๖๘๐. เวตรณินฺติ เทวทูเต ‘‘มหตี ขาโรทกา นที’’ติ (ม. นิ. ๓.๒๖๙) วุตฺตนทึ. สา กิร คงฺคา วิย อุทกภริตา ทิสฺสติ. อเถตฺถ นฺหายิสฺสาม ปิวิสฺสามาติ เนรยิกา ปตนฺติ. ติณฺหธารขุรธารนฺติ ติณฺหธารํ ขุรธารํ, ติกฺขธารขุรธารวตินฺติ วุตฺตํ โหติ. ตสฺสา กิร นทิยา อุทฺธมโธ อุภยตีเรสุ จ ติณฺหธารา ขุรา ปฏิปาฏิยา ปิตา วิย ติฏฺนฺติ, เตน สา ‘‘ติณฺหธารา ขุรธารา’’ติ วุจฺจติ. ตํ ติณฺหธารขุรธารํ อุทกาสาย อุเปนฺติ อลฺลียนฺตีติ อตฺโถ. เอวํ อุเปนฺตา จ ปาปกมฺเมน โจทิตา ตตฺถ มนฺทา ปปตนฺติ พาลาติ อตฺโถ.

๖๘๑. สามา สพลาติ เอตํ ปรโต ‘‘โสณา’’ติ อิมินา โยเชตพฺพํ. สามวณฺณา กมฺมาสวณฺณา จ โสณา ขาทนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. กาโกลคณาติ กณฺหกากคณา. ปฏิคิทฺธาติ สุฏฺุ สฺชาตเคธา หุตฺวา, ‘‘มหาคิชฺฌา’’ติ เอเก. กุลลาติ กุลลปกฺขิโน, ‘‘เสนานเมตํ นาม’’นฺติ เอเก. วายสาติ อกณฺหกากา. อิทมฺปิ เทวทูเต อวุตฺตกมฺมการณํ. ตตฺถ วุตฺตานิปิ ปน กานิจิ อิธ น วุตฺตานิ, ตานิ เอเตสํ ปุริมปจฺฉิมภาคตฺตา วุตฺตาเนว โหนฺตีติ เวทิตพฺพานิ.

๖๘๒. อิทานิ สพฺพเมเวตํ นรกวุตฺตึ ทสฺเสตฺวา โอวทนฺโต ‘‘กิจฺฉา วตาย’’นฺติ คาถมาห. ตสฺสตฺโถ – กิจฺฉา วต อยํ อิธ นรเก นานปฺปการกมฺมกรณเภทา วุตฺติ, ยํ ชโน ผุสติ กิพฺพิสการี. ตสฺมา อิธ ชีวิตเสเส ชีวิตสนฺตติยา วิชฺชมานาย อิธ โลเก ิโตเยว สมาโน สรณคมนาทิกุสลธมฺมานุฏฺาเนน กิจฺจกโร นโร สิยา ภเวยฺย. กิจฺจกโร ภวนฺโตปิ จ สาตจฺจการิตาวเสเนว ภเวยฺย, น ปมชฺเช มุหุตฺตมฺปิ น ปมาทมาปชฺเชยฺยาติ อยเมตฺถ สมุจฺจยวณฺณนา. ยสฺมา ปน วุตฺตาวเสสานิ ปทานิ ปุพฺเพ วุตฺตนยตฺตา อุตฺตานตฺถตฺตา จ สุวิฺเยฺยาเนว, ตสฺมา อนุปทวณฺณนา น กตาติ.

ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย

สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย โกกาลิกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๑. นาลกสุตฺตวณฺณนา

๖๘๕. อานนฺทชาเตติ นาลกสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? ปทุมุตฺตรสฺส กิร ภควโต สาวกํ โมเนยฺยปฏิปทํ ปฏิปนฺนํ ทิสฺวา ตถตฺตํ อภิกงฺขมาโน ตโต ปภุติ กปฺปสตสหสฺสํ ปารมิโย ปูเรตฺวา อสิตสฺส อิสิโน ภาคิเนยฺโย นาลโก นาม ตาปโส ภควนฺตํ ธมฺมจกฺกปฺปวตฺติตทิวสโต สตฺตเม ทิวเส ‘‘อฺาตเมต’’นฺติอาทีหิ ทฺวีหิ คาถาหิ โมเนยฺยปฏิปทํ ปุจฺฉิ. ตสฺส ภควา ‘‘โมเนยฺยํ เต อุปฺิสฺส’’นฺติอาทินา นเยน ตํ พฺยากาสิ. ปรินิพฺพุเต ปน ภควติ สงฺคีตึ กโรนฺเตนายสฺมตา มหากสฺสเปน อายสฺมา อานนฺโท ตเมว โมเนยฺยปฏิปทํ ปุฏฺโ เยน ยทา จ สมาทปิโต นาลโก ภควนฺตํ ปุจฺฉิ. ตํ สพฺพํ ปากฏํ กตฺวา ทสฺเสตุกาโม ‘‘อานนฺทชาเต’’ติอาทิกา วีสติ วตฺถุคาถาโย วตฺวา อภาสิ. ตํ สพฺพมฺปิ ‘‘นาลกสุตฺต’’นฺติ วุจฺจติ.

ตตฺถ อานนฺทชาเตติ สมิทฺธิชาเต วุทฺธิปฺปตฺเต. ปตีเตติ ตุฏฺเ. อถ วา อานนฺทชาเตติ ปมุทิเต. ปตีเตติ โสมนสฺสชาเต. สุจิวสเนติ อกิลิฏฺวสเน. เทวานฺหิ กปฺปรุกฺขนิพฺพตฺตานิ วสนานิ รชํ วา มลํ วา น คณฺหนฺติ. ทุสฺสํ คเหตฺวาติ อิธ ทุสฺสสทิสตฺตา ‘‘ทุสฺส’’นฺติ ลทฺธโวหารํ ทิพฺพวตฺถํ อุกฺขิปิตฺวา. อสิโต อิสีติ กณฺหสรีรวณฺณตฺตา เอวํลทฺธนาโม อิสิ. ทิวาวิหาเรติ ทิวาวิหารฏฺาเน. เสสํ ปทโต อุตฺตานเมว.

สมฺพนฺธโต ปน – อยํ กิร สุทฺโธทนสฺส ปิตุ สีหหนุรฺโ ปุโรหิโต สุทฺโธทนสฺสปิ อนภิสิตฺตกาเล สิปฺปาจริโย หุตฺวา อภิสิตฺตกาเล ปุโรหิโตเยว อโหสิ. ตสฺส สายํ ปาตํ ราชุปฏฺานํ อาคตสฺส ราชา ทหรกาเล วิย นิปจฺจการํ อกตฺวา อฺชลิกมฺมมตฺตเมว กโรติ. ธมฺมตา กิเรสา ปตฺตาภิเสกานํ สกฺยราชูนํ. ปุโรหิโต เตน นิพฺพิชฺชิตฺวา ‘‘ปพฺพชฺชามหํ มหาราชา’’ติ อาห. ราชา ตสฺส นิจฺฉยํ ตฺวา ‘‘เตน หิ, อาจริย, มเมว อุยฺยาเน วสิตพฺพํ, ยถา เต อหํ อภิณฺหํ ปสฺเสยฺย’’นฺติ ยาจิ. โส ‘‘เอวํ โหตู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา รฺา อุปฏฺหิยมาโน อุยฺยาเนเยว วสนฺโต กสิณปริกมฺมํ กตฺวา อฏฺ สมาปตฺติโย ปฺจาภิฺาโย จ นิพฺพตฺเตสิ. โส ตโต ปภุติ ราชกุเล ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา หิมวนฺตจาตุมหาราชิกภวนาทีนํ อฺตรํ คนฺตฺวา ทิวาวิหารํ กโรติ. อเถกทิวสํ ตาวตึสภวนํ คนฺตฺวา รตนวิมานํ ปวิสิตฺวา ทิพฺพรตนปลฺลงฺเก นิสินฺโน สมาธิสุขํ อนุภวิตฺวา สายนฺหสมยํ วุฏฺาย วิมานทฺวาเร ตฺวา อิโต จิโต จ วิโลเกนฺโต สฏฺิโยชนาย มหาวีถิยา เจลุกฺเขปํ กตฺวา โพธิสตฺตคุณปสํสิตานิ ถุติวจนานิ วตฺวา กีฬนฺเต สกฺกปฺปมุเข เทเว อทฺทส. เตนาห อายสฺมา อานนฺโท – ‘‘อานนฺทชาเต…เป… ทิวาวิหาเร’’ติ.

๖๘๖. ตโต โส เอวํ ทิสฺวาน เทเว…เป… กึ ปฏิจฺจ. ตตฺถ อุทคฺเคติ อพฺภุนฺนตกาเย. จิตฺตึ กริตฺวานาติ อาทรํ กตฺวา. กลฺยรูโปติ ตุฏฺรูโป. เสสํ อุตฺตานตฺถเมว.

๖๘๗. อิทานิ ‘‘ยทาปิ อาสี’’ติอาทิคาถา อุตฺตานสมฺพนฺธา เอว. ปทตฺโถ ปน ปมคาถาย ตาว สงฺคโมติ สงฺคาโม. ชโย สุรานนฺติ เทวานํ ชโย.

ตสฺสาวิภาวตฺถํ อยมนุปุพฺพิกถา เวทิตพฺพา – สกฺโก กิร มคธรฏฺเ มจลคามวาสี เตตฺตึสมนุสฺสเสฏฺโ มโฆ นาม มาณโว หุตฺวา สตฺต วตฺตปทานิ ปูเรตฺวา ตาวตึสภวเน นิพฺพตฺติ สทฺธึ ปริสาย. ตโต ปุพฺพเทวา ‘‘อาคนฺตุกเทวปุตฺตา อาคตา, สกฺการํ เนสํ กริสฺสามา’’ติ วตฺวา ทิพฺพปทุมานิ อุปนาเมสุํ, อุปฑฺฒรชฺเชน จ นิมนฺเตสุํ. สกฺโก อุปฑฺฒรชฺเชน อสนฺตุฏฺโ สกปริสํ สฺาเปตฺวา เอกทิวสํ สุรามทมตฺเต เต ปาเท คเหตฺวา สิเนรุปพฺพตปาเท ขิปิ. เตสํ สิเนรุสฺส เหฏฺิมตเล ทสสหสฺสโยชนํ อสุรภวนํ นิพฺพตฺติ ปาริจฺฉตฺตกปฏิจฺฉนฺนภูตาย จิตฺรปาฏลิยา อุปโสภิตํ. ตโต เต สตึ ปฏิลภิตฺวา ตาวตึสภวนํ อปสฺสนฺตา ‘‘อโห เร นฏฺา มยํ ปานมทโทเสน, น ทานิ มยํ สุรํ ปิวิมฺหา, อสุรํ ปิวิมฺหา, น ทานิมฺหา สุรา, อสุรา ทานิ ชาตมฺหา’’ติ. ตโต ปภุติ ‘‘อสุรา’’อิจฺเจว อุปฺปนฺนสมฺา หุตฺวา ‘‘หนฺท ทานิ เทเวหิ สทฺธึ สงฺคาเมมา’’ติ สิเนรุํ ปริโต อาโรหึสุ. ตโต สกฺโก อสุเร ยุทฺเธน อพฺภุคฺคนฺตฺวา ปุนปิ สมุทฺเท ปกฺขิปิตฺวา จตูสุ ทฺวาเรสุ อตฺตนา สทิสํ อินฺทปฏิมํ มาเปตฺวา เปสิ. ตโต อสุรา ‘‘อปฺปมตฺโต วตายํ สกฺโก นิจฺจํ รกฺขนฺโต ติฏฺตี’’ติ จินฺเตตฺวา ปุนเทว นครํ อคมึสุ. ตโต เทวา อตฺตโน ชยํ โฆเสนฺตา มหาวีถิยํ เจลุกฺเขปํ กโรนฺตา นกฺขตฺตํ กีฬึสุ. อถ อสิโต อตีตานาคเต จตฺตาลีสกปฺเป อนุสฺสริตุํ สมตฺถตาย ‘‘กึ นุ โข อิเมหิ ปุพฺเพปิ เอวํ กีฬิตปุพฺพ’’นฺติ อาวชฺเชนฺโต ตํ เทวาสุรสงฺคาเม เทววิชยํ ทิสฺวา อาห –

‘‘ยทาปิ อาสี อสุเรหิ สงฺคโม,

ชโย สุรานํ อสุรา ปราชิตา;

ตทาปิ เนตาทิโส โลมหํสโน’’ติ.

ตสฺมิมฺปิ กาเล เอตาทิโส โลมหํสโน ปโมโท น อาสิ. กิมพฺภุตํ ทฏฺุ มรู ปโมทิตาติ อชฺช ปน กึ อพฺภุตํ ทิสฺวา เอวํ เทวา ปมุทิตาติ.

๖๘๘. ทุติยคาถาย เสเฬนฺตีติ มุเขน อุสฺเสฬนสทฺทํ มุฺจนฺติ. คายนฺติ นานาวิธานิ คีตานิ, วาทยนฺติ อฏฺสฏฺิ ตูริยสหสฺสานิ, โผเฏนฺตีติ อปฺโผเฏนฺติ. ปุจฺฉามิ โวหนฺติ อตฺตนา อาวชฺเชตฺวา าตุํ สมตฺโถปิ เตสํ วจนํ โสตุกามตาย ปุจฺฉติ. เมรุมุทฺธวาสิเนติ สิเนรุมุทฺธนิ วสนฺเต. สิเนรุสฺส หิ เหฏฺิมตเล ทสโยชนสหสฺสํ อสุรภวนํ, มชฺฌิมตเล ทฺวิสหสฺสปริตฺตทีปปริวารา จตฺตาโร มหาทีปา, อุปริมตเล ทสโยชนสหสฺสํ ตาวตึสภวนํ. ตสฺมา เทวา ‘‘เมรุมุทฺธวาสิโน’’ติ วุจฺจนฺติ. มาริสาติ เทเว อามนฺเตติ, นิทุกฺขา นิราพาธาติ วุตฺตํ โหติ.

๖๘๙. อถสฺส ตมตฺถํ อาโรเจนฺเตหิ เทเวหิ วุตฺตาย ตติยคาถาย โพธิสตฺโตติ พุชฺฌนกสตฺโต, สมฺมาสมฺโพธึ คนฺตุํ อรโห สตฺโต รตนวโรติ วรรตนภูโต. เตนมฺห ตุฏฺาติ เตน การเณน มยํ ตุฏฺา. โส หิ พุทฺธตฺตํ ปตฺวา ตถา ธมฺมํ เทเสสฺสติ, ยถา มยฺจ อฺเ จ เทวคณา เสกฺขาเสกฺขภูมึ ปาปุณิสฺสาม. มนุสฺสาปิสฺส ธมฺมํ สุตฺวา เย น สกฺขิสฺสนฺติ ปรินิพฺพาตุํ, เต ทานาทีนิ กตฺวา เทวโลเก ปริปูเรสฺสนฺตีติ อยํ กิร เนสํ อธิปฺปาโย. ตตฺถ ‘‘ตุฏฺา กลฺยรูปา’’ติ กิฺจาปิ อิทํ ปททฺวยํ อตฺถโต อภินฺนํ, ตถาปิ ‘‘กิมพฺภุตํ ทฏฺุ มรู ปโมทิตา, กึ เทวสงฺโฆ อติริว กลฺยรูโป’’ติ อิมสฺส ปฺหทฺวยสฺส วิสฺสชฺชนตฺถํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.

๖๙๐. อิทานิ เยน อธิปฺปาเยน โพธิสตฺเต ชาเต ตุฏฺา อเหสุํ, ตํ อาวิกโรนฺเตหิ วุตฺตาย จตุตฺถคาถาย สตฺตคฺคหเณน เทวมนุสฺสคฺคหณํ, ปชาคหเณน เสสคติคฺคหณํ. เอวํ ทฺวีหิ ปเทหิ ปฺจสุปิ คตีสุ เสฏฺภาวํ ทสฺเสติ. ติรจฺฉานาปิ หิ สีหาทโย อสนฺตาสาทิคุณยุตฺตา, เตปิ อยเมว อติเสติ. ตสฺมา ‘‘ปชานมุตฺตโม’’ติ วุตฺโต. เทวมนุสฺเสสุ ปน เย อตฺตหิตาย ปฏิปนฺนาทโย จตฺตาโร ปุคฺคลา, เตสุ อุภยหิตปฏิปนฺโน อคฺคปุคฺคโล อยํ, นเรสุ จ อุสภสทิสตฺตา นราสโภ. เตนสฺส ถุตึ ภณนฺตา อิทมฺปิ ปททฺวยมาหํสุ.

๖๙๑. ปฺจมคาถาย ตํ สทฺทนฺติ ตํ เทเวหิ วุตฺตวจนสทฺทํ. อวสรีติ โอตริ. ตท ภวนนฺติ ตทา ภวนํ.

๖๙๒. ฉฏฺคาถาย ตโตติ อสิตสฺส วจนโต อนนฺตรํ. อุกฺกามุเขวาติ อุกฺกามุเข เอว, มูสามุเขติ วุตฺตํ โหติ. สุกุสลสมฺปหฏฺนฺติ สุกุสเลน สุวณฺณกาเรน สงฺฆฏฺฏิตํ, สงฺฆฏฺเฏนฺเตน ตาปิตนฺติ อธิปฺปาโย. ททฺทลฺลมานนฺติ วิชฺโชตมานํ. อสิตวฺหยสฺสาติ อสิตนามสฺส ทุติเยน นาเมน กณฺหเทวิลสฺส อิสิโน.

๖๙๓. สตฺตมคาถาย ตาราสภํ วาติ ตารานํ อุสภสทิสํ, จนฺทนฺติ อธิปฺปาโย. วิสุทฺธนฺติ อพฺภาทิอุปกฺกิเลสรหิตํ. สรทริวาติ สรเท อิว. อานนฺทชาโตติ สวนมตฺเตเนว อุปฺปนฺนาย ปีติยา ปีติชาโต. อลตฺถ ปีตินฺติ ทิสฺวา ปุนปิ ปีตึ ลภิ.

๖๙๔. ตโต ปรํ โพธิสตฺตสฺส เทเวหิ สทา ปยุชฺชมานสกฺการทีปนตฺถํ วุตฺตอฏฺมคาถาย อเนกสาขนฺติ อเนกสลากํ. สหสฺสมณฺฑลนฺติ รตฺตสุวณฺณมยสหสฺสมณฺฑลยุตฺตํ. ฉตฺตนฺติ ทิพฺพเสตจฺฉตฺตํ. วีติปตนฺตีติ สรีรํ พีชมานา ปตนุปฺปตนํ กโรนฺติ.

๖๙๕. นวมคาถาย ชฏีติ ชฏิโล. กณฺหสิริวฺหโยติ กณฺหสทฺเทน จ สิริสทฺเทน จ อวฺหยมาโน. ตํ กิร ‘‘สิริกณฺโห’’ติปิ อวฺหยนฺติ อามนฺเตนฺติ, อาลปนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. ปณฺฑุกมฺพเลติ รตฺตกมฺพเล. อธิการโต เจตฺถ ‘‘กุมาร’’นฺติ วตฺตพฺพํ, ปาเสโส วา กาตพฺโพ. ปุริมคาถาย จ อหตฺถปาสคตํ สนฺธาย ‘‘ทิสฺวา’’ติ วุตฺตํ. อิธ ปน หตฺถปาสคตํ ปฏิคฺคหณตฺถํ อุปนีตํ, ตสฺมา ปุน วจนํ ‘‘ทิสฺวา’’ติ. ปุริมํ วา ทสฺสนปีติลาภาเปกฺขํ คาถาวสาเน ‘‘วิปุลมลตฺถ ปีติ’’นฺติ วจนโต, อิทํ ปฏิคฺคหาเปกฺขํ อวสาเน ‘‘สุมโน ปฏิคฺคเห’’ติ วจนโต. ปุริมฺจ กุมารสมฺพนฺธเมว, อิทํ เสตจฺฉตฺตสมฺพนฺธมฺปิ. ทิสฺวาติ สตสหสฺสคฺฆนเก คนฺธารรตฺตกมฺพเล สุวณฺณนิกฺขํ วิย กุมารํ ‘‘ฉตฺตํ มรู’’ติ เอตฺถ วุตฺตปฺปการํ เสตจฺฉตฺตํ ธาริยนฺตํ มุทฺธนิ ทิสฺวา. เกจิ ปน ‘‘อิทํ มานุสกํ ฉตฺตํ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ ภณนฺติ. ยเถว หิ เทวา, เอวํ มนุสฺสาปิ ฉตฺตจามรโมรหตฺถตาลวณฺฏวาฬพีชนิหตฺถา มหาปุริสํ อุปคจฺฉนฺตีติ. เอวํ สนฺเตปิ น ตสฺส วจเนน โกจิปิ อติสโย อตฺถิ, ตสฺมา ยถาวุตฺตเมว สุนฺทรํ. ปฏิคฺคเหติ อุโภหิ หตฺเถหิ ปฏิคฺคเหสิ. อิสึ กิร วนฺทาเปตุํ กุมารํ อุปเนสุํ. อถสฺส ปาทา ปริวตฺติตฺวา อิสิสฺส มตฺถเก ปติฏฺหึสุ. โส ตมฺปิ อจฺฉริยํ ทิสฺวา อุทคฺคจิตฺโต สุมโน ปฏิคฺคเหสิ.

๖๙๖. ทสมคาถายํ ชิคีสโกติ ชิคีสนฺโต มคฺคนฺโต ปริเยสนฺโต, อุปปริกฺขนฺโตติ วุตฺตํ โหติ. ลกฺขณมนฺตปารคูติ ลกฺขณานํ เวทานฺจ ปารํ คโต. อนุตฺตรายนฺติ อนุตฺตโร อยํ. โส กิร อตฺตโน อภิมุขาคเตสุ มหาสตฺตสฺส ปาทตเลสุ จกฺกานิ ทิสฺวา ตทนุสาเรน เสสลกฺขณานิ ชิคีสนฺโต สพฺพํ ลกฺขณสมฺปตฺตึ ทิสฺวา ‘‘อทฺธายํ พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ ตฺวา เอวมาห.

๖๙๗. เอกาทสายํ อถตฺตโน คมนนฺติ ปฏิสนฺธิวเสน อรูปคมนํ. อกลฺยรูโป คฬยติ อสฺสุกานีติ ตํ อตฺตโน อรูปูปปตฺตึ อนุสฺสริตฺวา ‘‘น ทานาหํ อสฺส ธมฺมเทสนํ โสตุํ ลจฺฉามี’’ติ อตุฏฺรูโป พลวโสกาภิภเวน โทมนสฺสชาโต หุตฺวา อสฺสูนิ ปาเตติ คฬยติ. ‘‘ครยตี’’ติปิ ปาโ. ยทิ ปเนส รูปภเว จิตฺตํ นเมยฺย, กึ ตตฺถ น อุปฺปชฺเชยฺย, เยเนวํ โรทตีติ? น น อุปฺปชฺเชยฺย, อกุสลตาย ปเนตํ วิธึ น ชานาติ. เอวํ สนฺเตปิ โทมนสฺสุปฺปตฺติเยวสฺส อยุตฺตา สมาปตฺติลาเภน วิกฺขมฺภิตตฺตาติ เจ? น, วิกฺขมฺภิตตฺตา เอว. มคฺคภาวนาย สมุจฺฉินฺนา หิ กิเลสา น อุปฺปชฺชนฺติ, สมาปตฺติลาภีนํ ปน พลวปจฺจเยน อุปฺปชฺชนฺติ. อุปฺปนฺเน กิเลเส ปริหีนชฺฌานตฺตา กุตสฺส อรูปคมนนฺติ เจ? อปฺปกสิเรน ปุนาธิคมโต. สมาปตฺติลาภิโน หิ อุปฺปนฺเน กิเลเส พลววีติกฺกมํ อนาปชฺชนฺตา วูปสนฺตมตฺเตเยว กิเลสเวเค ปุน ตํ วิเสสํ อปฺปกสิเรเนวาธิคจฺฉนฺติ, ‘‘ปริหีนวิเสสา อิเม’’ติปิ ทุวิฺเยฺยา โหนฺติ, ตาทิโส จ เอโส. โน เจ กุมาเร ภวิสฺสติ อนฺตราโยติ น ภวิสฺสติ นุ โข อิมสฺมึ กุมาเร อนฺตราโย.

๖๙๘. ทฺวาทสายํ น โอรกายนฺติ อยํ โอรโก ปริตฺโต น โหติ. อุตฺตรคาถาย วตฺตพฺพํ พุทฺธภาวํ สนฺธายาห.

๖๙๙. เตรสายํ สมฺโพธิยคฺคนฺติ สพฺพฺุตฺาณํ. ตฺหิ อวิปรีตภาเวน สมฺมา พุชฺฌนโต สมฺโพธิ, กตฺถจิ อาวรณาภาเวน สพฺพาณุตฺตมโต ‘‘อคฺค’’นฺติ วุจฺจติ. ผุสิสฺสตีติ ปาปุณิสฺสติ. ปรมวิสุทฺธทสฺสีติ นิพฺพานทสฺสี. ตฺหิ เอกนฺตวิสุทฺธตฺตา ปรมวิสุทฺธํ. วิตฺถาริกสฺสาติ วิตฺถาริกํ อสฺส. พฺรหฺมจริยนฺติ สาสนํ.

๗๐๐. จุทฺทสายํ อถนฺตราติ อนฺตราเยว อสฺส, สมฺโพธิปฺปตฺติโต โอรโต เอวาติ วุตฺตํ โหติ. น โสสฺสนฺติ น สุณิสฺสํ. อสมธุรสฺสาติ อสมวีริยสฺส. อฏฺโฏติ อาตุโร. พฺยสนํ คโตติ สุขวินาสํ ปตฺโต. อฆาวีติ ทุกฺขิโต, สพฺพํ โทมนสฺสุปฺปาทเมว สนฺธายาห. โทมนสฺเสน หิ โส อาตุโร. ตฺจสฺส สุขพฺยสนโต พฺยสนํ, สุขวินาสนโตติ วุตฺตํ โหติ. เตน จ โส เจตสิกอฆภูเตน อฆาวี.

๗๐๑. ปนฺนรสายํ วิปุลํ ชเนตฺวานาติ วิปุลํ ชเนตฺวา. อยเมว วา ปาโ. นิคฺคมาติ นิคฺคโต. เอวํ นิคฺคโต จ โส ภาคิเนยฺยํ สยนฺติ สกํ ภาคิเนยฺยํ, อตฺตโน ภคินิยา ปุตฺตนฺติ วุตฺตํ โหติ. สมาทเปสีติ อตฺตโน อปฺปายุกภาวํ ตฺวา กนิฏฺภคินิยา จ ปุตฺตสฺส นาลกสฺส มาณวกสฺส อุปจิตปุฺตํ อตฺตโน พเลน ตฺวา ‘‘วุฑฺฒิปฺปตฺโต ปมาทมฺปิ อาปชฺเชยฺยา’’ติ นํ อนุกมฺปมาโน ภคินิยา ฆรํ คนฺตฺวา ‘‘กหํ นาลโก’’ติ. ‘‘พหิ, ภนฺเต, กีฬตี’’ติ. ‘‘อาเนถ น’’นฺติ อาณาเปตฺวา ตงฺขณํเยว ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพาเชตฺวา สมาทเปสิ โอวทิ อนุสาสิ. กถํ? ‘‘พุทฺโธติ โฆสํ…เป… พฺรหฺมจริย’’นฺติ โสฬสมคาถมาห.

๗๐๒. ตตฺถ ยท ปรโตติ ยทา ปรโต. ธมฺมมคฺคนฺติ ปรมธมฺมสฺส นิพฺพานสฺส มคฺคํ, ธมฺมํ วา อคฺคํ สห ปฏิปทาย นิพฺพานํ. ตสฺมินฺติ ตสฺส สนฺติเก. พฺรหฺมจริยนฺติ สมณธมฺมํ.

๗๐๓. สตฺตรสายํ ตาทินาติ ตสฺสณฺิเตน, ตสฺมึ สมเย กิเลสวิกฺขมฺภเน สมาธิลาเภ จ สติ วิกฺขมฺภิตกิเลเสน สมาหิตจิตฺเตน จาติ อธิปฺปาโย. อนาคเต ปรมวิสุทฺธทสฺสินาติ ‘‘อยํ นาลโก อนาคเต กาเล ภควโต สนฺติเก ปรมวิสุทฺธํ นิพฺพานํ ปสฺสิสฺสตี’’ติ เอวํ ทิฏฺตฺตา โส อิสิ อิมินา ปริยาเยน ‘‘อนาคเต ปรมวิสุทฺธทสฺสี’’ติ วุตฺโต. เตน อนาคเต ปรมวิสุทฺธทสฺสินา. อุปจิตปุฺสฺจโยติ ปทุมุตฺตรโต ปภุติ กตปุฺสฺจโย. ปติกฺขนฺติ อาคมยมาโน. ปริวสีติ ปพฺพชิตฺวา ตาปสเวเสน วสิ. รกฺขิตินฺทฺริโยติ รกฺขิตโสตินฺทฺริโย หุตฺวา. โส กิร ตโต ปภุติ อุทเก น นิมุชฺชิ ‘‘อุทกํ ปวิสิตฺวา โสตินฺทฺริยํ วินาเสยฺย, ตโต ธมฺมสฺสวนพาหิโร ภเวยฺย’’นฺติ จินฺเตตฺวา.

๗๐๔. อฏฺารสายํ สุตฺวาน โฆสนฺติ โส นาลโก เอวํ ปริวสนฺโต อนุปุพฺเพน ภควตา สมฺโพธึ ปตฺวา พาราณสิยํ ธมฺมจกฺเก ปวตฺติเต ตํ ‘‘ภควตา ธมฺมจกฺกํ ปวตฺติตํ, สมฺมาสมฺพุทฺโธ วต โส ภควา อุปฺปนฺโน’’ติอาทินา นเยน ชินวรจกฺกวตฺตเน ปวตฺตโฆสํ อตฺตโน อตฺถกามาหิ เทวตาหิ อาคนฺตฺวา อาโรจิตํ สุตฺวา. คนฺตฺวาน ทิสฺวา อิสินิสภนฺติ สตฺตาหํ เทวตาหิ โมเนยฺยโกลาหเล กยิรมาเน สตฺตเม ทิวเส อิสิปตนํ คนฺตฺวา ‘‘นาลโก อาคมิสฺสติ, ตสฺส ธมฺมํ เทเสสฺสามี’’ติ อิมินา จ อภิสนฺธินา วรพุทฺธาสเน นิสินฺนํ ทิสฺวา นิสภสทิสํ อิสินิสภํ ภควนฺตํ. ปสนฺโนติ สห ทสฺสเนเนว ปสนฺนจิตฺโต หุตฺวา. โมเนยฺยเสฏฺนฺติ าณุตฺตมํ, มคฺคาณนฺติ วุตฺตํ โหติ. สมาคเต อสิตาวฺหยสฺส สาสเนติ อสิตสฺส อิสิโน โอวาทกาเล อนุปฺปตฺเต. เตน หิ – ‘‘ยทา วิวรติ ธมฺมมคฺคํ, ตทา คนฺตฺวา สมยํ ปริปุจฺฉมาโน จรสฺสุ ตสฺมึ ภควติ พฺรหฺมจริย’’นฺติ อนุสิฏฺโ, อยฺจ โส กาโล. เตน วุตฺตํ – ‘‘สมาคเต อสิตาวฺหยสฺส สาสเน’’ติ. เสสเมตฺถ ปากฏเมว.

อยํ ตาว วตฺถุคาถาวณฺณนา.

๗๐๕. ปุจฺฉาคาถาทฺวเย อฺาตเมตนฺติ วิทิตํ มยา เอตํ. ยถาตถนฺติ อวิปรีตํ. โก อธิปฺปาโย? ยํ อสิโต ‘‘สมฺโพธิยคฺคํ ผุสิสฺสตายํ กุมาโร’’ติ ตฺวา ‘‘พุทฺโธติ โฆสํ ยท ปรโต สุโณสิ, สมฺโพธิปฺปตฺโต วิวรติ ธมฺมมคฺค’’นฺติ มํ อวจ, ตเทตํ มยา อสิตสฺส วจนํ อชฺช ภควนฺตํ สกฺขึ ทิสฺวา ‘‘ยถาตถเมวา’’ติ อฺาตนฺติ. ตํ ตนฺติ ตสฺมา ตํ. สพฺพธมฺมาน ปารคุนฺติ เหมวตสุตฺเต วุตฺตนเยน ฉหิ อากาเรหิ. สพฺพธมฺมานํ ปารคตํ.

๗๐๖. อนคาริยุเปตสฺสาติ อนคาริยํ อุเปตสฺส, ปพฺพชิตสฺสาติ อตฺโถ. ภิกฺขาจริยํ ชิคีสโตติ อริเยหิ อาจิณฺณํ อนุปกฺกิลิฏฺํ ภิกฺขาจริยํ ปริเยสมานสฺส. โมเนยฺยนฺติ มุนีนํ สนฺตกํ. อุตฺตมํ ปทนฺติ อุตฺตมปฏิปทํ. เสสเมตฺถ ปากฏเมว.

๗๐๗. อถสฺส เอวํ ปุฏฺโ ภควา ‘‘โมเนยฺยํ เต อุปฺิสฺส’’นฺติอาทินา นเยน โมเนยฺยปฏิปทํ พฺยากาสิ. ตตฺถ อุปฺิสฺสนฺติ อุปฺาเปยฺยํ, วิวเรยฺยํ ปฺาเปยฺยนฺติ อตฺโถ. ทุกฺกรํ ทุรภิสมฺภวนฺติ กาตุฺจ ทุกฺขํ กยิรมานฺจ สมฺภวิตุํ สหิตุํ ทุกฺขนฺติ วุตฺตํ โหติ. อยํ ปเนตฺถ อธิปฺปาโย – อหํ เต โมเนยฺยํ ปฺาเปยฺยํ, ยทิ นํ กาตุํ วา อภิสมฺโภตุํ วา สุขํ ภเวยฺย, เอวํ ปน ทุกฺกรํ ทุรภิสมฺภวํ ปุถุชฺชนกาลโต ปภุติ กิลิฏฺจิตฺตํ อนุปฺปาเทตฺวา ปฏิปชฺชิตพฺพโต. ตถา หิ นํ เอกสฺส พุทฺธสฺส เอโกว สาวโก กโรติ จ สมฺโภติ จาติ.

เอวํ ภควา โมเนยฺยสฺส ทุกฺกรภาวํ ทุรภิสมฺภวตฺจ ทสฺเสนฺโต นาลกสฺส อุสฺสาหํ ชเนตฺวา ตมสฺส วตฺตุกาโม อาห ‘‘หนฺท เต นํ ปวกฺขามิ, สนฺถมฺภสฺสุ ทฬฺโห ภวา’’ติ. ตตฺถ หนฺทาติ พฺยวสายตฺเถ นิปาโต. เต นํ ปวกฺขามีติ ตุยฺหํ ตํ โมเนยฺยํ ปวกฺขามิ. สนฺถมฺภสฺสูติ ทุกฺกรกรณสมตฺเถน วีริยูปตฺถมฺเภน อตฺตานํ อุปตฺถมฺภย. ทฬฺโห ภวาติ ทุรภิสมฺภวสหนสมตฺถาย อสิถิลปรกฺกมตาย ถิโร โหติ. กึ วุตฺตํ โหติ? ยสฺมา ตฺวํ อุปจิตปุฺสมฺภาโร, ตสฺมาหํ เอกนฺตพฺยวสิโตว หุตฺวา เอวํ ทุกฺกรํ ทุรภิสมฺภวมฺปิ สมานํ ตุยฺหํ ตํ โมเนยฺยํ ปวกฺขามิ, สนฺถมฺภสฺสุ ทฬฺโห ภวาติ.

๗๐๘. เอวํ ปรมสลฺเลขํ โมเนยฺยวตฺตํ วตฺตุกาโม นาลกํ สนฺถมฺภเน ทฬฺหีภาเว จ นิโยเชตฺวา ปมํ ตาว คามูปนิพทฺธกิเลสปฺปหานํ ทสฺเสนฺโต ‘‘สมานภาค’’นฺติ อุปฑฺฒคาถมาห. ตตฺถ สมานภาคนฺติ สมภาคํ เอกสทิสํ นินฺนานากรณํ. อกฺกุฏฺวนฺทิตนฺติ อกฺโกสฺจ วนฺทนฺจ.

อิทานิ ยถา ตํ สมานภาคํ กยิรติ, ตํ อุปายํ ทสฺเสนฺโต ‘‘มโนปโทส’’นฺติ อุปฑฺฒคาถมาห. ตสฺสตฺโถ – อกฺกุฏฺโ มโนปโทสํ รกฺเขยฺย, วนฺทิโต สนฺโต อนุณฺณโต จเร, รฺาปิ วนฺทิโต สมาโน ‘‘มํ วนฺทตี’’ติ อุทฺธจฺจํ นาปชฺเชยฺย.

๗๐๙. อิทานิ อรฺูปนิพทฺธกิเลสปฺปหานํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อุจฺจาวจา’’ติ คาถมาห. ตสฺสตฺโถ – อรฺสฺิเต ทาเยปิ อิฏฺานิฏฺวเสน อุจฺจาวจา นานปฺปการา อารมฺมณา นิจฺฉรนฺติ, จกฺขาทีนํ อาปาถมาคจฺฉนฺติ, เต จ โข อคฺคิสิขูปมา ปริฬาหชนกฏฺเน. ยถา วา ฑยฺหมาเน วเน อคฺคิสิขา นานปฺปการตาย อุจฺจาวจา นิจฺฉรนฺติ, สธูมาปิ, วิธูมาปิ, นีลาปิ, ปีตาปิ, รตฺตาปิ, ขุทฺทกาปิ, มหนฺตาปิ, เอวํ สีหพฺยคฺฆมนุสฺสามนุสฺสวิวิธวิหงฺควิรุตปุปฺผผลปลฺลวาทิเภทวเสน นานปฺปการตาย ทาเย อุจฺจาวจา อารมฺมณา นิจฺฉรนฺติ ภึสนกาปิ, รชนียาปิ, โทสนียาปิ, โมหนียาปิ. เตนาห – ‘‘อุจฺจาวจา นิจฺฉรนฺติ, ทาเย อคฺคิสิขูปมา’’ติ. เอวํ นิจฺฉรนฺเตสุ จ อุจฺจาวเจสุ อารมฺมเณสุ ยา กาจิ อุยฺยานวนจาริกํ คตา สมานา ปกติยา วา วนจารินิโย กฏฺหาริกาทโย รโหคตํ ทิสฺวา หสิตลปิตรุทิตทุนฺนิวตฺถาทีหิ นาริโย มุนึ ปโลเภนฺติ, ตา สุ ตํ มา ปโลภยุํ, ตา นาริโย ตํ มา ปโลภยุํ. ยถา น ปโลเภนฺติ, ตถา กโรหีติ วุตฺตํ โหติ.

๗๑๐-๑๑. เอวมสฺส ภควา คาเม จ อรฺเ จ ปฏิปตฺติวิธึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ สีลสํวรํ ทสฺเสนฺโต ‘‘วิรโต เมถุนา ธมฺมา’’ติ คาถาทฺวยมาห. ตตฺถ หิตฺวา กาเม ปโรปเรติ เมถุนธมฺมโต อวเสเสปิ สุนฺทเร จ อสุนฺทเร จ ปฺจ กามคุเณ หิตฺวา. ตปฺปหาเนน หิ เมถุนวิรติ สุสมฺปนฺนา โหติ. เตนาห – ‘‘หิตฺวา กาเม ปโรปเร’’ติ. อยเมตฺถ อธิปฺปาโย. ‘‘อวิรุทฺโธ’’ติอาทีนิ ปน ปทานิ ‘‘น หเนยฺย, น ฆาตเย’’ติ เอตฺถ วุตฺตาย ปาณาติปาตาเวรมณิยา สมฺปตฺติทสฺสนตฺถํ วุตฺตานิ. ตตฺรายํ สงฺเขปวณฺณนา – ปรปกฺขิเยสุ ปาเณสุ อวิรุทฺโธ, อตฺตปกฺขิเยสุ อสารตฺโต, สพฺเพปิ สตณฺหนิตฺตณฺหตาย ตสถาวเร ปาเณ ชีวิตุกามตาย อมริตุกามตาย สุขกามตาย ทุกฺขปฏิกูลตาย จ ‘‘ยถา อหํ ตถา เอเต’’ติ อตฺตสมานตาย เตสุ วิโรธํ วิเนนฺโต เตเนว ปกาเรน ‘‘ยถา เอเต ตถา อห’’นฺติ ปเรสํ สมานตาย จ อตฺตนิ อนุโรธํ วิเนนฺโต เอวํ อุภยถาปิ อนุโรธวิโรธวิปฺปหีโน หุตฺวา มรณปฏิกูลตาย อตฺตานํ อุปมํ กตฺวา ปาเณสุ เย เกจิ ตเส วา ถาวเร วา ปาเณ น หเนยฺย สาหตฺถิกาทีหิ ปโยเคหิ, น ฆาตเย อาณตฺติกาทีหีติ.

๗๑๒. เอวมสฺส เมถุนวิรติปาณาติปาตวิรติมุเขน สงฺเขปโต ปาติโมกฺขสํวรสีลํ วตฺวา ‘‘หิตฺวา กาเม’’ติอาทีหิ อินฺทฺริยสํวรฺจ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อาชีวปาริสุทฺธึ ทสฺเสนฺโต ‘‘หิตฺวา อิจฺฉฺจา’’ติอาทิมาห. ตสฺสตฺโถ – ยายํ ตณฺหา เอกํ ลทฺธา ทุติยํ อิจฺฉติ, ทฺเว ลทฺธา ตติยํ, สตสหสฺสํ ลทฺธา ตทุตฺตริมฺปิ อิจฺฉตีติ เอวํ อปฺปฏิลทฺธวิสยํ อิจฺฉนโต ‘‘อิจฺฉา’’ติ วุจฺจติ, โย จายํ ปฏิลทฺธวิสยลุพฺภโน โลโภ. ตํ หิตฺวา อิจฺฉฺจ โลภฺจ ยตฺถ สตฺโต ปุถุชฺชโน, ยสฺมึ จีวราทิปจฺจเย เตหิ อิจฺฉาโลเภหิ ปุถุชฺชโน สตฺโต ลคฺโค ปฏิพทฺโธ ติฏฺติ, ตตฺถ ตํ อุภยมฺปิ หิตฺวา ปจฺจยตฺถํ อาชีวปาริสุทฺธึ อวิโรเธนฺโต าณจกฺขุนา จกฺขุมา หุตฺวา อิมํ โมเนยฺยปฏิปทํ ปฏิปชฺเชยฺย. เอวฺหิ ปฏิปนฺโน ตเรยฺย นรกํ อิมํ, ทุปฺปูรณฏฺเน นรกสฺิตํ มิจฺฉาชีวเหตุภูตํ อิมํ ปจฺจยตณฺหํ ตเรยฺย, อิมาย วา ปฏิปทาย ตเรยฺยาติ วุตฺตํ โหติ.

๗๑๓. เอวํ ปจฺจยตณฺหาปหานมุเขน อาชีวปาริสุทฺธึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ โภชเน มตฺตฺุตามุเขน ปจฺจยปริโภคสีลํ ตทนุสาเรน จ ยาว อรหตฺตปฺปตฺติ, ตาว ปฏิปทํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อูนูทโร’’ติ คาถมาห. ตสฺสตฺโถ – ธมฺเมน สเมน ลทฺเธสุ อิตรีตรจีวราทีสุ ปจฺจเยสุ อาหารํ ตาว อาหาเรนฺโต –

‘‘จตฺตาโร ปฺจ อาโลเป, อภุตฺวา อุทกํ ปิเว;

อลํ ผาสุวิหาราย, ปหิตตฺตสฺส ภิกฺขุโน’’ติ. (เถรคา. ๙๘๓) –

วุตฺตนเยน อูนอุทโร อสฺส, น วาตภริตภสฺตา วิย อุทฺธุมาตุทโร, ภตฺตสมฺมทปจฺจยา ถินมิทฺธํ ปริหเรยฺยาติ วุตฺตํ โหติ. อูนูทโร โหนฺโตปิ จ มิตาหาโร อสฺส โภชเน มตฺตฺู, ‘‘เนว ทวายา’’ติอาทินา ปจฺจเวกฺขเณน คุณโต โทสโต จ ปริจฺฉินฺนาหาโร. เอวํ มิตาหาโร สมาโนปิ ปจฺจยธุตงฺคปริยตฺติอธิคมวเสน จตุพฺพิธาย อปฺปิจฺฉตาย อปฺปิจฺโฉ อสฺส. เอกํเสน หิ โมเนยฺยปฏิปทํ ปฏิปนฺเนน ภิกฺขุนา เอวํ อปฺปิจฺเฉน ภวิตพฺพํ. ตตฺถ เอเกกสฺมึ ปจฺจเย ตีหิ สนฺโตเสหิ สนฺตุสฺสนา ปจฺจยปฺปิจฺฉตา. ธุตงฺคธรสฺเสว สโต ‘‘ธุตวาติ มํ ปเร ชานนฺตู’’ติ อนิจฺฉนตา ธุตงฺคปฺปิจฺฉตา. พหุสฺสุตสฺเสว สโต ‘‘พหุสฺสุโตติ มํ ปเร ชานนฺตู’’ติ อนิจฺฉนตา ปริยตฺติอปฺปิจฺฉตา มชฺฌนฺติกตฺเถรสฺส วิย. อธิคมสมฺปนฺนสฺเสว สโต ‘‘อธิคโต อยํ กุสลํ ธมฺมนฺติ มํ ปเร ชานนฺตู’’ติ อนิจฺฉนตา อธิคมปฺปิจฺฉตา. สา จ อรหตฺตาธิคมโต โอรํ เวทิตพฺพา. อรหตฺตาธิคมตฺถฺหิ อยํ ปฏิปทาติ. เอวํ อปฺปิจฺโฉปิ จ อรหตฺตมคฺเคน ตณฺหาโลลุปฺปํ หิตฺวา อโลลุโป อสฺส. เอวํ อโลลุโป หิ สทา อิจฺฉาย นิจฺฉาโต อนิจฺโฉ โหติ นิพฺพุโต, ยาย อิจฺฉาย ฉาตา โหนฺติ สตฺตา ขุปฺปิปาสาตุรา วิย อติตฺตา, ตาย อิจฺฉาย อนิจฺโฉ โหติ อนิจฺฉตฺตา จ นิจฺฉาโต โหติ อนาตุโร ปรมติตฺติปฺปตฺโต. เอวํ นิจฺฉาตตฺตา นิพฺพุโต โหติ วูปสนฺตสพฺพกิเลสปริฬาโหติ เอวเมตฺถ อุปฺปฏิปาฏิยา โยชนา เวทิตพฺพา.

๗๑๔. เอวํ ยาว อรหตฺตปฺปตฺติ, ตาวปฏิปทํ กเถตฺวา อิทานิ ตํ ปฏิปทํ ปฏิปนฺนสฺส ภิกฺขุโน อรหตฺตปฺปตฺตินิฏฺํ ธุตงฺคสมาทานํ เสนาสนวตฺตฺจ กเถนฺโต ‘‘ส ปิณฺฑจาร’’นฺติ คาถาทฺวยมาห. ตตฺถ ส ปิณฺฑจารํ จริตฺวาติ โส ภิกฺขุ ภิกฺขํ จริตฺวา ภตฺตกิจฺจํ วา กตฺวา. วนนฺตมภิหารเยติ อปปฺจิโต คิหิปปฺเจน วนํ เอว คจฺเฉยฺย. อุปฏฺิโต รุกฺขมูลสฺมินฺติ รุกฺขมูเล ิโต วา หุตฺวา. อาสนูปคโตติ อาสนํ อุปคโต วา หุตฺวา, นิสินฺโนติ วุตฺตํ โหติ. มุนีติ โมเนยฺยปฏิปทํ ปฏิปนฺโน. เอตฺถ จ ‘‘ปิณฺฑจารํ จริตฺวา’’ติ อิมินา ปิณฺฑปาติกงฺคํ วุตฺตํ. ยสฺมา ปน อุกฺกฏฺปิณฺฑปาติโก สปทานจารี เอกาสนิโก ปตฺตปิณฺฑิโก ขลุปจฺฉาภตฺติโก จ โหติเยว, เตจีวริกปํสุกูลมฺปิ จ สมาทิยเตว, ตสฺมา อิมานิปิ ฉ วุตฺตาเนว โหนฺติ. ‘‘วนนฺตมภิหารเย’’ติ อิมินา ปน อารฺิกงฺคํ วุตฺตํ, ‘‘อุปฏฺิโต รุกฺขมูลสฺมิ’’นฺติ อิมินา รุกฺขมูลิกงฺคํ, ‘‘อาสนูปคโต’’ติ อิมินา เนสชฺชิกงฺคํ. ยถากฺกมํ ปน เอเตสํ อนุโลมตฺตา อพฺโภกาสิกยถาสนฺถติกโสสานิกงฺคานิ วุตฺตานิเยว โหนฺตีติ เอวเมตาย คาถาย เตรส ธุตงฺคานิ นาลกตฺเถรสฺส กเถสิ.

๗๑๕. ส ฌานปสุโต ธีโรติ โส อนุปฺปนฺนสฺส ฌานสฺส อุปฺปาทเนน อุปฺปนฺนสฺส อาวชฺชนสมาปชฺชนาธิฏฺานวุฏฺานปจฺจเวกฺขเณหิ จ ฌาเนสุ ปสุโต อนุยุตฺโต. ธีโรติ ธิติสมฺปนฺโน. วนนฺเต รมิโต สิยาติ วเน อภิรโต สิยา, คามนฺตเสนาสเน นาภิรเมยฺยาติ วุตฺตํ โหติ. ฌาเยถ รุกฺขมูลสฺมึ, อตฺตานมภิโตสยนฺติ น เกวลํ โลกิยชฺฌานปสุโตเยว สิยา, อปิจ โข ตสฺมึเยว รุกฺขมูเล โสตาปตฺติมคฺคาทิสมฺปยุตฺเตน โลกุตฺตรชฺฌาเนนาปิ อตฺตานํ อตีว โตเสนฺโต ฌาเยถ. ปรมสฺสาสปฺปตฺติยา หิ โลกุตฺตรชฺฌาเนเนว จิตฺตํ อตีว ตุสฺสติ, น อฺเน. เตนาห – ‘‘อตฺตานมภิโตสย’’นฺติ. เอวมิมาย คาถาย ฌานปสุตตาย วนนฺตเสนาสนาภิรตึ อรหตฺตฺจ กเถสิ.

๗๑๖. อิทานิ ยสฺมา อิมํ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา นาลกตฺเถโร วนนฺตมภิหาเรตฺวา นิราหาโรปิ ปฏิปทาปูรเณ อตีว อุสฺสุกฺโก อโหสิ, นิราหาเรน จ สมณธมฺมํ กาตุํ น สกฺกา. ตถา กโรนฺตสฺส หิ ชีวิตํ นปฺปวตฺตติ, กิเลเส ปน อนุปฺปาเทนฺเตน อาหาโร ปริเยสิตพฺโพ, อยเมตฺถ าโย. ตสฺมา ตสฺส ภควา อปราปเรสุปิ ทิวเสสุ ปิณฺฑาย จริตพฺพํ, กิเลสา ปน น อุปฺปาเทตพฺพาติ ทสฺสนตฺถํ อรหตฺตปฺปตฺตินิฏฺํเยว ภิกฺขาจารวตฺตํ กเถนฺโต ‘‘ตโต รตฺยา วิวสาเน’’ติอาทิกา ฉ คาถาโย อภาสิ. ตตฺถ ตโตติ ‘‘ส ปิณฺฑจารํ จริตฺวา, วนนฺตมภิหารเย’’ติ เอตฺถ วุตฺตปิณฺฑจารวนนฺตาภิหารโต อุตฺตริปิ. รตฺยา วิวสาเนติ รตฺติสมติกฺกเม, ทุติยทิวเสติ วุตฺตํ โหติ. คามนฺตมภิหารเยติ อาภิสมาจาริกวตฺตํ กตฺวา ยาว ภิกฺขาจารเวลา, ตาว วิเวกมนุพฺรูเหตฺวา คตปจฺจาคตวตฺเต วุตฺตนเยน กมฺมฏฺานํ มนสิ กโรนฺโต คามํ คจฺเฉยฺย. อวฺหานํ นาภินนฺเทยฺยาติ ‘‘ภนฺเต, อมฺหากํ ฆเร ภุฺชิตพฺพ’’นฺติ นิมนฺตนํ, ‘‘เทติ นุ โข น เทติ นุ โข สุนฺทรํ นุ โข เทติ อสุนฺทรํ นุ โข เทตี’’ติ เอวรูปํ วิตกฺกํ โภชนฺจ ปฏิปทาปูรโก ภิกฺขุ นาภินนฺเทยฺย, นปฺปฏิคฺคณฺเหยฺยาติ วุตฺตํ โหติ. ยทิ ปน พลกฺกาเรน ปตฺตํ คเหตฺวา ปูเรตฺวา เทนฺติ, ปริภุฺชิตฺวา สมณธมฺโม กาตพฺโพ, ธุตงฺคํ น กุปฺปติ, ตทุปาทาย ปน ตํ คามํ น ปวิสิตพฺพํ. อภิหารฺจ คามโตติ สเจ คามํ ปวิฏฺสฺส ปาติสเตหิปิ ภตฺตํ อภิหรนฺติ, ตมฺปิ นาภินนฺเทยฺย, ตโต เอกสิตฺถมฺปิ นปฺปฏิคฺคณฺเหยฺย, อฺทตฺถุ ฆรปฏิปาฏิยา ปิณฺฑปาตเมว จเรยฺยาติ.

๗๑๗. มุนี คามมาคมฺม, กุเลสุ สหสา จเรติ โส จ โมนตฺถาย ปฏิปนฺนโก มุนิ คามํ คโต สมาโน กุเลสุ สหสา น จเร, สหโสกิตาทิอนนุโลมิกํ คิหิสํสคฺคํ น อาปชฺเชยฺยาติ วุตฺตํ โหติ. ฆาเสสนํ ฉินฺนกโถ, น วาจํ ปยุตํ ภเณติ ฉินฺนกโถ วิย หุตฺวา โอภาสปริกถานิมิตฺตวิฺตฺติปยุตฺตํ ฆาเสสนวาจํ น ภเณยฺย. สเจ อากงฺเขยฺย, คิลาโน สมาโน เคลฺปฏิพาหนตฺถาย ภเณยฺย. เสนาสนตฺถาย วา วิฺตฺตึ เปตฺวา โอภาสปริกถานิมิตฺตปยุตฺตํ, อวเสสปจฺจยตฺถาย ปน อคิลาโน เนว กิฺจิ ภเณยฺยาติ.

๗๑๘-๙. อลตฺถํ ยทิทนฺติ อิมิสฺสา ปน คาถาย อยมตฺโถ – คามํ ปิณฺฑาย ปวิฏฺโ อปฺปมตฺตเกปิ กิสฺมิฺจิ ลทฺเธ ‘‘อลตฺถํ ยํ อิทํ สาธู’’ติ จินฺเตตฺวา อลทฺเธ ‘‘นาลตฺถํ กุสล’’นฺติ ตมฺปิ ‘‘สุนฺทร’’นฺติ จินฺเตตฺวา อุภเยเนว ลาภาลาเภน โส ตาที นิพฺพิกาโร หุตฺวา รุกฺขํวุปนิวตฺตติ, ยถาปิ ปุริโส ผลคเวสี รุกฺขํ อุปคมฺม ผลํ ลทฺธาปิ อลทฺธาปิ อนนุนีโต อปฺปฏิหโต มชฺฌตฺโตเยว หุตฺวา คจฺฉติ, เอวํ กุลํ อุปคมฺม ลาภํ ลทฺธาปิ อลทฺธาปิ มชฺฌตฺโตว หุตฺวา คจฺฉตีติ. ส ปตฺตปาณี ติ คาถา อุตฺตานตฺถาว.

๗๒๐. อุจฺจาวจาติ อิมิสฺสา คาถาย สมฺพนฺโธ – เอวํ ภิกฺขาจารวตฺตสมฺปนฺโน หุตฺวาปิ ตาวตเกเนว ตุฏฺึ อนาปชฺชิตฺวา ปฏิปทํ อาโรเธยฺย. ปฏิปตฺติสารฺหิ สาสนํ. สา จายํ อุจฺจาวจา…เป… มุตนฺติ. ตสฺสตฺโถ – สา จายํ มคฺคปฏิปทา อุตฺตมนิหีนเภทโต อุจฺจาวจา พุทฺธสมเณน ปกาสิตา. สุขาปฏิปทา หิ ขิปฺปาภิฺา อุจฺจา, ทุกฺขาปฏิปทา ทนฺธาภิฺา อวจา. อิตรา ทฺเว เอเกนงฺเคน อุจฺจา, เอเกน อวจา. ปมา เอว วา อุจฺจา, อิตรา ติสฺโสปิ อวจา. ตาย เจตาย อุจฺจาย อวจาย วา ปฏิปทาย น ปารํ ทิคุณํ ยนฺติ. ‘‘ทุคุณ’’นฺติ วา ปาโ, เอกมคฺเคน ทฺวิกฺขตฺตุํ นิพฺพานํ น ยนฺตีติ อตฺโถ. กสฺมา? เยน มคฺเคน เย กิเลสา ปหีนา, เตสํ ปุน อปฺปหาตพฺพโต. เอเตน ปริหานธมฺมาภาวํ ทีเปติ. นยิทํ เอกคุณํ มุตนฺติ ตฺจ อิทํ ปารํ เอกกฺขตฺตุํเยว ผุสนารหมฺปิ น โหติ. กสฺมา? เอเกน มคฺเคน สพฺพกิเลสปฺปหานาภาวโต. เอเตน เอกมคฺเคเนว อรหตฺตาภาวํ ทีเปติ.

๗๒๑. อิทานิ ปฏิปทานิสํสํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยสฺส จ วิสตา’’ติ คาถมาห. ตสฺสตฺโถ – ยสฺส จ เอวํ ปฏิปนฺนสฺส ภิกฺขุโน ตาย ปฏิปทาย ปหีนตฺตา อฏฺสตตณฺหาวิจริตภาเวน วิสตตฺตา วิสตา ตณฺหา นตฺถิ, ตสฺส กิเลสโสตจฺเฉเทน ฉินฺนโสตสฺส กุสลากุสลปฺปหาเนน กิจฺจากิจฺจปฺปหีนสฺส ราคโช วา โทสโช วา อปฺปมตฺตโกปิ ปริฬาโห น วิชฺชตีติ.

๗๒๒. อิทานิ ยสฺมา อิมา คาถาโย สุตฺวา นาลกตฺเถรสฺส จิตฺตํ อุทปาทิ – ‘‘ยทิ เอตฺตกํ โมเนยฺยํ สุกรํ น ทุกฺกรํ, สกฺกา อปฺปกสิเรน ปูเรตุ’’นฺติ, ตสฺมาสฺส ภควา ‘‘ทุกฺกรเมว โมเนยฺย’’นฺติ ทสฺเสนฺโต ปุน ‘‘โมเนยฺยํ เต อุปฺิสฺส’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ อุปฺิสฺสนฺติ อุปฺาเปยฺยํ, กถยิสฺสนฺติ วุตฺตํ โหติ. ขุรธารา อุปมา อสฺสาติ ขุรธารูปโม. ภเวติ ภเวยฺย. โก อธิปฺปาโย? โมเนยฺยํ ปฏิปนฺโน ภิกฺขุ ขุรธารํ อุปมํ กตฺวา ปจฺจเยสุ วตฺเตยฺย. ยถา มธุทิทฺธํ ขุรธารํ ลิหนฺโต, เฉทโต, ชิวฺหํ รกฺขติ, เอวํ ธมฺเมน ลทฺเธ ปจฺจเย ปริภุฺชนฺโต จิตฺตํ กิเลสุปฺปตฺติโต รกฺเขยฺยาติ วุตฺตํ โหติ. ปจฺจยา หิ ปริสุทฺเธน าเยน ลทฺธุฺจ อนวชฺชปริโภเคน ปริภุฺชิตุฺจ น สุเขน สกฺกาติ ภควา ปจฺจยนิสฺสิตเมว พหุโส ภณติ. ชิวฺหาย ตาลุมาหจฺจ, อุทเร สฺโต สิยาติ ชิวฺหาย ตาลุํ อุปฺปีเฬตฺวาปิ รสตณฺหํ วิโนเทนฺโต กิลิฏฺเน มคฺเคน อุปฺปนฺนปจฺจเย อเสวนฺโต อุทเร สํยโต สิยา.

๗๒๓. อลีนจิตฺโต จ สิยาติ นิจฺจํ กุสลานํ ธมฺมานํ ภาวนาย อฏฺิตการิตาย อกุสีตจิตฺโต จ ภเวยฺย. น จาปิ พหุ จินฺตเยติ าติชนปทามรวิตกฺกวเสน จ พหุํ น จินฺเตยฺย. นิรามคนฺโธ อสิโต, พฺรหฺมจริยปรายโณติ นิกฺกิเลโส จ หุตฺวา ตณฺหาทิฏฺีหิ กิสฺมิฺจิ ภเว อนิสฺสิโต สิกฺขาตฺตยสกลสาสนพฺรหฺมจริยปรายโณ เอว ภเวยฺย.

๗๒๔-๕. เอกาสนสฺสาติ วิวิตฺตาสนสฺส. อาสนมุเขน เจตฺถ สพฺพอิริยาปถา วุตฺตา. ยโต สพฺพอิริยาปเถสุ เอกีภาวสฺส สิกฺเขยฺยาติ วุตฺตํ โหตีติ เวทิตพฺพํ. เอกาสนสฺสาติ จ สมฺปทานวจนเมตํ. สมณูปาสนสฺส จาติ สมเณหิ อุปาสิตพฺพสฺส อฏฺตึสารมฺมณภาวนานุโยคสฺส, สมณานํ วา อุปาสนภูตสฺส อฏฺตึสารมฺมณเภทสฺเสว. อิทมฺปิ สมฺปทานวจนเมว, อุปาสนตฺถนฺติ วุตฺตํ โหติ. เอตฺถ จ เอกาสเนน กายวิเวโก, สมณูปาสเนน จิตฺตวิเวโก วุตฺโต โหตีติ เวทิตพฺโพ. เอกตฺตํ โมนมกฺขาตนฺติ เอวมิทํ กายจิตฺตวิเวกวเสน ‘‘เอกตฺตํ โมน’’นฺติ อกฺขาตํ. เอโก เจ อภิรมิสฺสสีติ อิทํ ปน อุตฺตรคาถาเปกฺขํ ปทํ, ‘‘อถ ภาหิสิ ทสทิสา’’ติ อิมินา อสฺส สมฺพนฺโธ.

ภาหิสีติ ภาสิสฺสสิ ปกาเสสฺสสิ. อิมํ ปฏิปทํ ภาเวนฺโต สพฺพทิสาสุ กิตฺติยา ปากโฏ ภวิสฺสสีติ วุตฺตํ โหติ. สุตฺวา ธีรานนฺติอาทีนํ ปน จตุนฺนํ ปทานํ อยมตฺโถ – เยน จ กิตฺติโฆเสน ภาหิสิ ทสทิสา ตํ ธีรานํ ฌายีนํ กามจาคินํ นิโฆสํ สุตฺวา อถ ตฺวํ เตน อุทฺธจฺจํ อนาปชฺชิตฺวา ภิยฺโย หิริฺจ สทฺธฺจ กเรยฺยาสิ, เตน โฆเสน หรายมาโน ‘‘นิยฺยานิกปฏิปทา อย’’นฺติ สทฺธํ อุปฺปาเทตฺวา อุตฺตริ ปฏิปตฺติเมว พฺรูเหยฺยาสิ. มามโกติ เอวฺหิ สนฺเต มม สาวโก โหตีติ.

๗๒๖. ตํ นทีหีติ ยํ ตํ มยา ‘‘หิริฺจ สทฺธฺจ ภิยฺโย กุพฺเพถา’’ติ วทตา ‘‘อุทฺธจฺจํ น กาตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ, ตํ อิมินา นทีนิทสฺสเนนาปิ ชานาถ, ตพฺพิปริยายฺจ โสพฺเภสุปทเรสุจ ชานาถ. โสพฺเภสูติ มาติกาสุ. ปทเรสูติ ทรีสุ. กถํ? สณนฺตา ยนฺติ กุโสพฺภา, ตุณฺหี ยนฺติ มโหทธีติ. กุโสพฺภา หิ โสพฺภปทราทิเภทา สพฺพาปิ กุนฺนทิโย สณนฺตา สทฺทํ กโรนฺตา อุทฺธตา หุตฺวา ยนฺติ, คงฺคาทิเภทา ปน มหานทิโย ตุณฺหี ยนฺติ, เอวํ ‘‘โมเนยฺยํ ปูเรมี’’ติ อุทฺธโต โหติ อมามโก, มามโก ปน หิริฺจ สทฺธฺจ อุปฺปาเทตฺวา นีจจิตฺโตว โหติ.

๗๒๗-๙. กิฺจ ภิยฺโย – ยทูนกํ…เป… ปณฺฑิโตติ. ตตฺถ สิยา – สเจ อฑฺฒกุมฺภูปโม พาโล สณนฺตตาย, รหโท ปูโรว ปณฺฑิโต สนฺตตาย, อถ กสฺมา พุทฺธสมโณ เอวํ ธมฺมเทสนาพฺยาวโฏ หุตฺวา พหุํ ภาสตีติ อิมินา สมฺพนฺเธน ‘‘ยํ สมโณ’’ติ คาถมาห. ตสฺสตฺโถ – ยํ พุทฺธสมโณ พหุํ ภาสติ อุเปตํ อตฺถสฺหิตํ, อตฺถุเปตํ ธมฺมุเปตฺจ หิเตน จ สํหิตํ, ตํ น อุทฺธจฺเจน, อปิจ โข ชานํ โส ธมฺมํ เทเสติ ทิวสมฺปิ เทเสนฺโต นิปฺปปฺโจว หุตฺวา. ตสฺส หิ สพฺพํ วจีกมฺมํ าณานุปริวตฺติ. เอวํ เทเสนฺโต จ ‘‘อิทมสฺส หิตํ อิทมสฺส หิต’’นฺติ นานปฺปการโต ชานํ โส พหุ ภาสติ, น เกวลํ พหุภาณิตาย. อวสานคาถาย สมฺพนฺโธ – เอวํ ตาว สพฺพฺุตฺาเณน สมนฺนาคโต พุทฺธสมโณ ชานํ โส ธมฺมํ เทเสติ, ชานํ โส พหุ ภาสติ. เตน เทสิตํ ปน ธมฺมํ นิพฺเพธภาคิเยเนว าเณน โย จ ชานํ สํยตตฺโต, ชานํ น พหุ ภาสติ, ส มุนิ โมนมรหติ, ส มุนิ โมนมชฺฌคาติ. ตสฺสตฺโถ – ตํ ธมฺมํ ชานนฺโต สํยตตฺโต คุตฺตจิตฺโต หุตฺวา ยํ ภาสิตํ สตฺตานํ หิตสุขาวหํ น โหติ, ตํ ชานํ น พหุ ภาสติ. โส เอวํวิโธ โมนตฺถํ ปฏิปนฺนโก มุนิ โมเนยฺยปฏิปทาสงฺขาตํ โมนํ อรหติ. น เกวลฺจ อรหติเยว, อปิจ โข ปน ส มุนิ อรหตฺตมคฺคาณสงฺขาตํ โมนํ อชฺฌคา อิจฺเจว เวทิตพฺโพติ อรหตฺตนิกูเฏน เทสนํ นิฏฺาเปสิ.

ตํ สุตฺวา นาลกตฺเถโร ตีสุ าเนสุ อปฺปิจฺโฉ อโหสิ ทสฺสเน สวเน ปุจฺฉายาติ. โส หิ เทสนาปริโยสาเน ปสนฺนจิตฺโต ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา วนํ ปวิฏฺโ, ปุน ‘‘อโห วตาหํ ภควนฺตํ ปสฺเสยฺย’’นฺติ โลลภาวํ น ชเนสิ. อยมสฺส ทสฺสเน อปฺปิจฺฉตา. ตถา ‘‘อโห วตาหํ ปุน ธมฺมเทสนํ สุเณยฺย’’นฺติ โลลภาวํ น ชเนสิ. อยมสฺส สวเน อปฺปิจฺฉตา. ตถา ‘‘อโห วตาหํ ปุน โมเนยฺยปฏิปทํ ปุจฺเฉยฺย’’นฺติ โลลภาวํ น ชเนสิ. อยมสฺส ปุจฺฉาย อปฺปิจฺฉตา.

โส เอวํ อปฺปิจฺโฉ สมาโน ปพฺพตปาทํ ปวิสิตฺวา เอกวนสณฺเฑ ทฺเว ทิวสานิ น วสิ, เอกรุกฺขมูเล ทฺเว ทิวสานิ น นิสีทิ, เอกคาเม ทฺเว ทิวสานิ ปิณฺฑาย น ปาวิสิ. อิติ วนโต วนํ, รุกฺขโต รุกฺขํ, คามโต คามํ อาหิณฺฑนฺโต อนุรูปปฏิปทํ ปฏิปชฺชิตฺวา อคฺคผเล ปติฏฺาสิ. อถ ยสฺมา โมเนยฺยปฏิปทํ อุกฺกฏฺํ กตฺวา ปูเรนฺโต ภิกฺขุ สตฺเตว มาสานิ ชีวติ, มชฺฌิมํ กตฺวา ปูเรนฺโต สตฺต วสฺสานิ, มนฺทํ กตฺวา ปูเรนฺโต โสฬส วสฺสานิ. อยฺจ อุกฺกฏฺํ กตฺวา ปูเรสิ, ตสฺมา สตฺต มาเส ตฺวา อตฺตโน อายุสงฺขารปริกฺขยํ ตฺวา นฺหายิตฺวา นิวาเสตฺวา กายพนฺธนํ พนฺธิตฺวา ทิคุณํ สงฺฆาฏึ ปารุปิตฺวา ทสพลาภิมุโข ปฺจปติฏฺิตํ วนฺทิตฺวา อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา หิงฺคุลกปพฺพตํ นิสฺสาย ิตโกว อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายิ. ตสฺส ปรินิพฺพุตภาวํ ตฺวา ภควา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ ตตฺถ คนฺตฺวา สรีรกิจฺจํ กตฺวา ธาตุโย คาหาเปตฺวา เจติยํ ปติฏฺาเปตฺวา อคมาสีติ.

ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย

สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย นาลกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๒. ทฺวยตานุปสฺสนาสุตฺตวณฺณนา

เอวํ เม สุตนฺติ ทฺวยตานุปสฺสนาสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? อิมสฺส สุตฺตสฺส อตฺตชฺฌาสยโต อุปฺปตฺติ. อตฺตชฺฌาสเยน หิ ภควา อิมํ สุตฺตํ เทเสสิ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปนสฺส อตฺถวณฺณนายเมว อาวิ ภวิสฺสติ. ตตฺถ เอวํ เม สุตนฺติอาทีนิ วุตฺตนยาเนว. ปุพฺพาราเมติ สาวตฺถินครสฺส ปุรตฺถิมทิสายํ อาราเม. มิคารมาตุ ปาสาเทติ เอตฺถ วิสาขา อุปาสิกา อตฺตโน สสุเรน มิคาเรน เสฏฺินา มาตุฏฺาเน ปิตตฺตา ‘‘มิคารมาตา’’ติ วุจฺจติ. ตาย มิคารมาตุยา นวโกฏิอคฺฆนกํ มหาลตาปิฬนฺธนํ วิสฺสชฺเชตฺวา การาปิโต ปาสาโท เหฏฺา จ อุปริ จ ปฺจ ปฺจ คพฺภสตานิ กตฺวา สหสฺสกูฏาคารคพฺโภ, โส ‘‘มิคารมาตุปาสาโท’’ติ วุจฺจติ. ตสฺมึ มิคารมาตุ ปาสาเท.

เตน โข ปน สมเยน ภควาติ ยํ สมยํ ภควา สาวตฺถึ นิสฺสาย ปุพฺพาราเม มิคารมาตุ ปาสาเท วิหรติ, เตน สมเยน. ตทหุโปสเถติ ตสฺมึ อหุ อุโปสเถ, อุโปสถทิวเสติ วุตฺตํ โหติ. ปนฺนรเสติ อิทํ อุโปสถคฺคหเณน สมฺปตฺตาวเสสุโปสถปฏิกฺเขปวจนํ. ปุณฺณาย ปุณฺณมาย รตฺติยาติ ปนฺนรสทิวสตฺตา ทิวสคณนาย อพฺภาทิอุปกฺกิเลสวิรหตฺตา รตฺติคุณสมฺปตฺติยา จ ปุณฺณตฺตา ปุณฺณาย, ปริปุณฺณจนฺทตฺตา ปุณฺณมาย จ รตฺติยา. ภิกฺขุสงฺฆปริวุโตติ ภิกฺขุสงฺเฆน ปริวุโต. อพฺโภกาเส นิสินฺโน โหตีติ มิคารมาตุ รตนปาสาทปริเวเณ อพฺโภกาเส อุปริ อปฺปฏิจฺฉนฺเน โอกาเส ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสินฺโน โหติ. ตุณฺหีภูตํ ตุณฺหีภูตนฺติ อตีว ตุณฺหีภูตํ, ยโต ยโต วา อนุวิโลเกติ, ตโต ตโต ตุณฺหีภูตํ, ตุณฺหีภูตํ วาจาย, ปุน ตุณฺหีภูตํ กาเยน. ภิกฺขุสงฺฆํ อนุวิโลเกตฺวาติ ตํ ปริวาเรตฺวา นิสินฺนํ อเนกสหสฺสภิกฺขุปริมาณํ ตุณฺหีภูตํ ตุณฺหีภูตํ ภิกฺขุสงฺฆํ ‘‘เอตฺตกา เอตฺถ โสตาปนฺนา, เอตฺตกา สกทาคามิโน, เอตฺตกา อนาคามิโน เอตฺตกา อารทฺธวิปสฺสกา กลฺยาณปุถุชฺชนา, อิมสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส กีทิสี ธมฺมเทสนา สปฺปายา’’ติ สปฺปายธมฺมเทสนาปริจฺเฉทนตฺถํ อิโต จิโต จ วิโลเกตฺวา.

เย เต, ภิกฺขเว, กุสลา ธมฺมาติ เย เต อาโรคฺยฏฺเน อนวชฺชฏฺเน อิฏฺผลฏฺเน โกสลฺลสมฺภูตฏฺเน จ กุสลา สตฺตตึสโพธิปกฺขิยธมฺมา, ตชฺโชตกา วา ปริยตฺติธมฺมา. อริยา นิยฺยานิกา สมฺโพธคามิโนติ อุปคนฺตพฺพฏฺเน อริยา, โลกโต นิยฺยานฏฺเน นิยฺยานิกา, สมฺโพธสงฺขาตํ อรหตฺตํ คมนฏฺเน สมฺโพธคามิโน. เตสํ โว ภิกฺขเว…เป… สวนาย, เตสํ ภิกฺขเว กุสลานํ…เป… สมฺโพธคามีนํ กา อุปนิสา, กึ การณํ, กึ ปโยชนํ ตุมฺหากํ สวนาย, กิมตฺถํ ตุมฺเห เต ธมฺเม สุณาถาติ วุตฺตํ โหติ. ยาวเทว ทฺวยตานํ ธมฺมานํ ยถาภูตํ าณายาติ เอตฺถ ยาวเทวาติ ปริจฺเฉทาวธารณวจนํ. ทฺเว อวยวา เอเตสนฺติ ทฺวยา, ทฺวยา เอว ทฺวยตา, เตสํ ทฺวยตานํ. ‘‘ทฺวยาน’’นฺติปิ ปาโ. ยถาภูตํ าณายาติ อวิปรีตาณาย. กึ วุตฺตํ โหติ? ยเทตํ โลกิยโลกุตฺตราทิเภเทน ทฺวิธา ววตฺถิตานํ ธมฺมานํ วิปสฺสนาสงฺขาตํ ยถาภูตาณํ, เอตทตฺถาย น อิโต ภิยฺโยติ, สวเนน หิ เอตฺตกํ โหติ, ตทุตฺตริ วิเสสาธิคโม ภาวนายาติ. กิฺจ ทฺวยตํ วเทถาติ เอตฺถ ปน สเจ, โว ภิกฺขเว, สิยา, กิฺจ ตุมฺเห, ภนฺเต, ทฺวยตํ วเทถาติ อยมธิปฺปาโย. ปทตฺโถ ปน ‘‘กิฺจ ทฺวยตาภาวํ วเทถา’’ติ.

(๑) ตโต ภควา ทฺวยตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิทํ ทุกฺข’’นฺติ เอวมาทิมาห. ตตฺถ ทฺวยตานํ จตุสจฺจธมฺมานํ ‘‘อิทํ ทุกฺขํ, อยํ ทุกฺขสมุทโย’’ติ เอวํ โลกิยสฺส เอกสฺส อวยวสฺส สเหตุกสฺส วา ทุกฺขสฺส ทสฺสเนน อยํ เอกานุปสฺสนา, อิตรา โลกุตฺตรสฺส ทุติยสฺส อวยวสฺส สอุปายสฺส วา นิโรธสฺส ทสฺสเนน ทุติยานุปสฺสนา. ปมา เจตฺถ ตติยจตุตฺถวิสุทฺธีหิ โหติ, ทุติยา ปฺจมวิสุทฺธิยา. เอวํ สมฺมา ทฺวยตานุปสฺสิโนติ อิมินา วุตฺตนเยน สมฺมา ทฺวยธมฺเม อนุปสฺสนฺตสฺส สติยา อวิปฺปวาเสน อปฺปมตฺตสฺส, กายิกเจตสิกวีริยาตาเปน อาตาปิโน กาเย จ ชีวิเต จ นิรเปกฺขตฺตา, ปหิตตฺตสฺส. ปาฏิกงฺขนฺติ อิจฺฉิตพฺพํ. ทิฏฺเว ธมฺเม อฺาติ อสฺมึเยว อตฺตภาเว อรหตฺตํ. สติ วา อุปาทิเสเส อนาคามิตาติ ‘‘อุปาทิเสส’’นฺติ ปุนพฺภววเสน อุปาทาตพฺพกฺขนฺธเสสํ วุจฺจติ, ตสฺมึ วา สติ อนาคามิภาโว ปฏิกงฺโขติ ทสฺเสติ. ตตฺถ กิฺจาปิ เหฏฺิมผลานิปิ เอวํ ทฺวยตานุปสฺสิโนว โหนฺติ, อุปริมผเลสุ ปน อุสฺสาหํ ชเนนฺโต เอวมาห.

อิทมโวจาติอาทิ สงฺคีติการานํ วจนํ. ตตฺถ อิทนฺติ ‘‘เย เต, ภิกฺขเว’’ติอาทิวุตฺตนิทสฺสนํ. เอตนฺติ อิทานิ ‘‘เย ทุกฺข’’นฺติ เอวมาทิวตฺตพฺพคาถาพนฺธนิทสฺสนํ. อิมา จ คาถา จตุสจฺจทีปกตฺตา วุตฺตตฺถทีปิกา เอว, เอวํ สนฺเตปิ คาถารุจิกานํ ปจฺฉา อาคตานํ ปุพฺเพ วุตฺตํ อสมตฺถตาย อนุคฺคเหตฺวา ‘‘อิทานิ ยทิ วเทยฺย สุนฺทร’’นฺติ อากงฺขนฺตานํ วิกฺขิตฺตจิตฺตานฺจ อตฺถาย วุตฺตา. วิเสสตฺถทีปิกา วาติ อวิปสฺสเก วิปสฺสเก จ ทสฺเสตฺวา เตสํ วฏฺฏวิวฏฺฏทสฺสนโต, ตสฺมา วิเสสตฺถทสฺสนตฺถเมว วุตฺตา. เอส นโย อิโต ปรมฺปิ คาถาวจเนสุ.

๗๓๐. ตตฺถ ยตฺถ จาติ นิพฺพานํ ทสฺเสติ. นิพฺพาเน หิ ทุกฺขํ สพฺพโส อุปรุชฺฌติ, สพฺพปฺปการํ อุปรุชฺฌติ, สเหตุกํ อุปรุชฺฌติ, อเสสฺจ อุปรุชฺฌติ. ตฺจ มคฺคนฺติ ตฺจ อฏฺงฺคิกํ มคฺคํ.

๗๓๑-๓. เจโตวิมุตฺติหีนา เต, อโถ ปฺาวิมุตฺติยาติ เอตฺถ อรหตฺตผลสมาธิ ราควิราคา เจโตวิมุตฺติ, อรหตฺตผลปฺา อวิชฺชาวิราคา ปฺาวิมุตฺตีติ เวทิตพฺพา. ตณฺหาจริเตน วา อปฺปนาฌานพเลน กิเลเส วิกฺขมฺเภตฺวา อธิคตํ อรหตฺตผลํ ราควิราคา เจโตวิมุตฺติ, ทิฏฺิจริเตน อุปจารชฺฌานมตฺตํ นิพฺพตฺเตตฺวา วิปสฺสิตฺวา อธิคตํ อรหตฺตผลํ อวิชฺชาวิราคา ปฺาวิมุตฺติ. อนาคามิผลํ วา กามราคํ สนฺธาย ราควิราคา เจโตวิมุตฺติ, อรหตฺตผลํ สพฺพปฺปการโต อวิชฺชาวิราคา ปฺาวิมุตฺตีติ. อนฺตกิริยายาติ วฏฺฏทุกฺขสฺส อนฺตกรณตฺถาย. ชาติชรูปคาติ ชาติชรํ อุปคตา, ชาติชราย วา อุปคตา, น ปริมุจฺจนฺติ ชาติชรายาติ เอวํ เวทิตพฺพา. เสสเมตฺถ อาทิโต ปภุติ ปากฏเมว. คาถาปริโยสาเน จ สฏฺิมตฺตา ภิกฺขู ตํ เทสนํ อุคฺคเหตฺวา วิปสฺสิตฺวา ตสฺมึเยว อาสเน อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. ยถา เจตฺถ, เอวํ สพฺพวาเรสุ.

(๒) อโต เอว ภควา ‘‘สิยา อฺเนปิ ปริยาเยนา’’ติอาทินา นเยน นานปฺปการโต ทฺวยตานุปสฺสนํ อาห. ตตฺถ ทุติยวาเร อุปธิปจฺจยาติ สาสวกมฺมปจฺจยา. สาสวกมฺมฺหิ อิธ ‘‘อุปธี’’ติ อธิปฺเปตํ. อเสสวิราคนิโรธาติ อเสสํ วิราเคน นิโรธา, อเสสวิราคสงฺขาตา วา นิโรธา.

๗๓๔. อุปธินิทานาติ กมฺมปจฺจยา. ทุกฺขสฺส ชาติปฺปภวานุปสฺสีติ วฏฺฏทุกฺขสฺส ชาติการณํ ‘‘อุปธี’’ติ อนุปสฺสนฺโต. เสสเมตฺถ ปากฏเมว. เอวํ อยมฺปิ วาโร จตฺตาริ สจฺจานิ ทีเปตฺวา อรหตฺตนิกูเฏเนว วุตฺโต. ยถา จายํ, เอวํ สพฺพวารา.

(๓) ตตฺถ ตติยวาเร อวิชฺชาปจฺจยาติ ภวคามิกมฺมสมฺภารอวิชฺชาปจฺจยา. ทุกฺขํ ปน สพฺพตฺถ วฏฺฏทุกฺขเมว.

๗๓๕. ชาติมรณสํสารนฺติ ขนฺธนิพฺพตฺตึ ชาตึ ขนฺธเภทํ มรณํ ขนฺธปฏิปาฏึ สํสารฺจ. วชนฺตีติ คจฺฉนฺติ อุเปนฺติ. อิตฺถภาวฺถาภาวนฺติ อิมํ มนุสฺสภาวํ อิโต อวเสสอฺนิกายภาวฺจ. คตีติ ปจฺจยภาโว.

๗๓๖. อวิชฺชา หายนฺติ อวิชฺชา หิ อยํ. วิชฺชาคตา จ เย สตฺตาติ เย จ อรหตฺตมคฺควิชฺชาย กิเลเส วิชฺฌิตฺวา คตา ขีณาสวสตฺตา. เสสมุตฺตานตฺถเมว.

(๔) จตุตฺถวาเร สงฺขารปจฺจยาติ ปุฺาปุฺาเนฺชาภิสงฺขารปจฺจยา.

๗๓๘-๙. เอตมาทีนวํ ตฺวาติ ยทิทํ ทุกฺขํ สงฺขารปจฺจยา, เอตํ อาทีนวนฺติ ตฺวา. สพฺพสงฺขารสมถาติ สพฺเพสํ วุตฺตปฺปการานํ สงฺขารานํ มคฺคาเณน สมถา, อุปหตตาย ผลสมตฺถตายาติ วุตฺตํ โหติ. สฺานนฺติ กามสฺาทีนํ มคฺเคเนว อุปโรธนา. เอตํ ตฺวา ยถาตถนฺติ เอตํ ทุกฺขกฺขยํ อวิปรีตํ ตฺวา. สมฺมทฺทสาติ สมฺมาทสฺสนา. สมฺมทฺายาติ สงฺขตํ อนิจฺจาทิโต, อสงฺขตฺจ นิจฺจาทิโต ตฺวา. มารสํโยคนฺติ เตภูมกวฏฺฏํ. เสสมุตฺตานตฺถเมว.

(๕) ปฺจมวาเร วิฺาณปจฺจยาติ กมฺมสหชาตอภิสงฺขารวิฺาณปจฺจยา.

๗๔๑. นิจฺฉาโตติ นิตฺตณฺโห. ปรินิพฺพุโตติ กิเลสปรินิพฺพาเนน ปรินิพฺพุโต โหติ. เสสํ ปากฏเมว.

(๖) ฉฏฺวาเร ผสฺสปจฺจยาติ อภิสงฺขารวิฺาณสมฺปยุตฺตผสฺสปจฺจยาติ อตฺโถ. เอวํ เอตฺถ ปทปฏิปาฏิยา วตฺตพฺพานิ นามรูปสฬายตนานิ อวตฺวา ผสฺโส วุตฺโต. ตานิ หิ รูปมิสฺสกตฺตา กมฺมสมฺปยุตฺตาเนว น โหนฺติ, อิทฺจ วฏฺฏทุกฺขํ กมฺมโต วา สมฺภเวยฺย กมฺมสมฺปยุตฺตธมฺมโต วาติ.

๗๔๒-๓. ภวโสตานุสารินนฺติ ตณฺหานุสารินํ. ปริฺายาติ ตีหิ ปริฺาหิ ปริชานิตฺวา. อฺายาติ อรหตฺตมคฺคปฺาย ตฺวา. อุปสเม รตาติ ผลสมาปตฺติวเสน นิพฺพาเน รตา. ผสฺสาภิสมยาติ ผสฺสนิโรธา. เสสํ ปากฏเมว.

(๗) สตฺตมวาเร เวทนาปจฺจยาติ กมฺมสมฺปยุตฺตเวทนาปจฺจยา.

๗๔๔-๕. อทุกฺขมสุขํ สหาติ อทุกฺขมสุเขน สห. เอตํ ทุกฺขนฺติ ตฺวานาติ เอตํ สพฺพํ เวทยิตํ ‘‘ทุกฺขการณ’’นฺติ ตฺวา, วิปริณามฏฺิติอฺาณทุกฺขตาหิ วา ทุกฺขํ ตฺวา. โมสธมฺมนฺติ นสฺสนธมฺมํ. ปโลกินนฺติ ชรามรเณหิ ปลุชฺชนธมฺมํ. ผุสฺส ผุสฺสาติ อุทยพฺพยาเณน ผุสิตฺวา ผุสิตฺวา. วยํ ปสฺสนฺติ อนฺเต ภงฺคเมว ปสฺสนฺโต. เอวํ ตตฺถ วิชานตีติ เอวํ ตา เวทนา วิชานาติ, ตตฺถ วา ทุกฺขภาวํ วิชานาติ. เวทนานํ ขยาติ ตโต ปรํ มคฺคาเณน กมฺมสมฺปยุตฺตานํ เวทนานํ ขยา. เสสมุตฺตานเมว.

(๘) อฏฺมวาเร ตณฺหาปจฺจยาติ กมฺมสมฺภารตณฺหาปจฺจยา.

๗๔๗. เอตมาทีนวํ ตฺวา, ตณฺหํ ทุกฺขสฺส สมฺภวนฺติ เอตํ ทุกฺขสฺส สมฺภวํ ตณฺหาย อาทีนวํ ตฺวา. เสสมุตฺตานเมว.

(๙) นวมวาเร อุปาทานปจฺจยาติ กมฺมสมฺภารอุปาทานปจฺจยา.

๗๔๘-๙. ภโวติ วิปากภโว ขนฺธปาตุภาโว. ภูโต ทุกฺขนฺติ ภูโต สมฺภูโต วฏฺฏทุกฺขํ นิคจฺฉติ. ชาตสฺส มรณนฺติ ยตฺราปิ ‘‘ภูโต สุขํ นิคจฺฉตี’’ติ พาลา มฺนฺติ, ตตฺราปิ ทุกฺขเมว ทสฺเสนฺโต อาห – ‘‘ชาตสฺส มรณํ โหตี’’ติ. ทุติยคาถาย โยชนา – อนิจฺจาทีหิ สมฺมทฺาย ปณฺฑิตา อุปาทานกฺขยา ชาติกฺขยํ นิพฺพานํ อภิฺาย น คจฺฉนฺติ ปุนพฺภวนฺติ.

(๑๐) ทสมวาเร อารมฺภปจฺจยาติ กมฺมสมฺปยุตฺตวีริยปจฺจยา.

๗๕๑. อนารมฺเภ วิมุตฺติโนติ อนารมฺเภ นิพฺพาเน วิมุตฺตสฺส. เสสมุตฺตานเมว.

(๑๑) เอกาทสมวาเร อาหารปจฺจยาติ กมฺมสมฺปยุตฺตาหารปจฺจยา. อปโร นโย – จตุพฺพิธา สตฺตา รูปูปคา, เวทนูปคา, สฺูปคา, สงฺขารูปคาติ. ตตฺถ เอกาทสวิธาย กามธาตุยา สตฺตา รูปูปคา กพฬีการาหารเสวนโต. รูปธาตุยา สตฺตา อฺตฺร อสฺเหิ เวทนูปคา ผสฺสาหารเสวนโต. เหฏฺา ติวิธาย อรูปธาตุยา สตฺตา สฺูปคา สฺาภินิพฺพตฺตมโนสฺเจตนาหารเสวนโต. ภวคฺเค สตฺตา สงฺขารูปคา สงฺขาราภินิพฺพตฺตวิฺาณาหารเสวนโตติ. เอวมฺปิ ยํ กิฺจิ ทุกฺขํ สมฺโภติ, สพฺพํ อาหารปจฺจยาติ เวทิตพฺพํ.

๗๕๕. อาโรคฺยนฺติ นิพฺพานํ. สงฺขาย เสวีติ จตฺตาโร ปจฺจเย ปจฺจเวกฺขิตฺวา เสวมาโน, ‘‘ปฺจกฺขนฺธา ทฺวาทสายตนานิ อฏฺารสธาตุโย’’ติ เอวํ วา โลกํ สงฺขาย ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา’’ติ าเณน เสวมาโน. ธมฺมฏฺโติ จตุสจฺจธมฺเม ิโต. สงฺขฺยํ โนเปตีติ ‘‘เทโว’’ติ วา ‘‘มนุสฺโส’’ติ วา อาทิกํ สงฺขฺยํ น คจฺฉติ. เสสมุตฺตานเมว.

(๑๒) ทฺวาทสมวาเร อิฺชิตปจฺจยาติ ตณฺหามานทิฏฺิกมฺมกิเลสอิฺชิเตสุ ยโต กุโตจิ กมฺมสมฺภาริฺชิตปจฺจยา.

๗๕๗. เอชํ โวสฺสชฺชาติ ตณฺหํ จชิตฺวา. สงฺขาเร อุปรุนฺธิยาติ กมฺมํ กมฺมสมฺปยุตฺเต จ สงฺขาเร นิโรเธตฺวา. เสสมุตฺตานเมว.

(๑๓) เตรสมวาเร นิสฺสิตสฺส จลิตนฺติ ตณฺหาย ตณฺหาทิฏฺิมาเนหิ วา ขนฺเธ นิสฺสิตสฺส สีหสุตฺเต (สํ. นิ. ๓.๗๘) เทวานํ วิย ภยจลนํ โหติ. เสสมุตฺตานเมว.

(๑๔) จุทฺทสมวาเร รูเปหีติ รูปภเวหิ รูปสมาปตฺตีหิ วา. อรูปาติ อรูปภวา อรูปสมาปตฺติโย วา. นิโรโธติ นิพฺพานํ.

๗๖๑. มจฺจุหายิโนติ มรณมจฺจุ กิเลสมจฺจุ เทวปุตฺตมจฺจุหายิโน, ติวิธมฺปิ ตํ มจฺจุํ หิตฺวา คามิโนติ วุตฺตํ โหติ. เสสมุตฺตานเมว.

(๑๕) ปนฺนรสมวาเร นฺติ นามรูปํ สนฺธายาห. ตฺหิ โลเกน ธุวสุภสุขตฺตวเสน ‘‘อิทํ สจฺจ’’นฺติ อุปนิชฺฌายิตํ ทิฏฺมาโลกิตํ. ตทมริยานนฺติ อิทํ อริยานํ, อนุนาสิกอิการโลปํ กตฺวา วุตฺตํ. เอตํ มุสาติ เอตํ ธุวาทิวเสน คหิตมฺปิ มุสา, น ตาทิสํ โหตีติ. ปุน นฺติ นิพฺพานํ สนฺธายาห. ตฺหิ โลเกน รูปเวทนาทีนมภาวโต ‘‘อิทํ มุสา นตฺถิ กิฺจี’’ติ อุปนิชฺฌายิตํ. ตทมริยานํ เอตํ สจฺจนฺติ ตํ อิทํ อริยานํ เอตํ นิกฺกิเลสสงฺขาตา สุภภาวา, ปวตฺติทุกฺขปฏิปกฺขสงฺขาตา สุขภาวา, อจฺจนฺตสนฺติสงฺขาตา นิจฺจภาวา จ อนปคมเนน ปรมตฺถโต ‘‘สจฺจ’’นฺติ ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย สุทิฏฺํ.

๗๖๒-๓. อนตฺตนิ อตฺตมานินฺติ อนตฺตนิ นามรูเป อตฺตมานึ. อิทํ สจฺจนฺติ มฺตีติ อิทํ นามรูปํ ธุวาทิวเสน ‘‘สจฺจ’’นฺติ มฺติ. เยน เยน หีติ เยน เยน รูเป วา เวทนาย วา ‘‘มม รูปํ, มม เวทนา’’ติอาทินา นเยน มฺนฺติ. ตโต ตนฺติ ตโต มฺิตาการา ตํ นามรูปํ โหติ อฺถา. กึ การณํ? ตฺหิ ตสฺส มุสา โหติ, ยสฺมา ตํ ยถามฺิตาการา มุสา โหติ, ตสฺมา อฺถา โหตีติ อตฺโถ. กสฺมา ปน มุสา โหตีติ? โมสธมฺมฺหิ อิตฺตรํ, ยสฺมา ยํ อิตฺตรํ ปริตฺตปจฺจุปฏฺานํ, ตํ โมสธมฺมํ นสฺสนธมฺมํ โหติ, ตถารูปฺจ นามรูปนฺติ. สจฺจาภิสมยาติ สจฺจาวโพธา. เสสมุตฺตานเมว.

(๑๖) โสฬสมวาเร นฺติ ฉพฺพิธมิฏฺารมฺมณํ สนฺธายาห. ตฺหิ โลเกน สลภมจฺฉมกฺกฏาทีหิ ปทีปพฬิสเลปาทโย วิย ‘‘อิทํ สุข’’นฺติ อุปนิชฺฌายิตํ. ตทมริยานํ เอตํ ทุกฺขนฺติ ตํ อิทํ อริยานํ ‘‘กามา หิ จิตฺรา มธุรา มโนรมา, วิรูปรูเปน มเถนฺติ จิตฺต’’นฺติอาทินา (สุ. นิ. ๕๐; จูฬนิ. ขคฺควิสาณสุตฺตนิทฺเทส ๑๓๖) นเยน ‘‘เอตํ ทุกฺข’’นฺติ ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย สุทิฏฺํ. ปุน นฺติ นิพฺพานเมว สนฺธายาห. ตฺหิ โลเกน กามคุณาภาวา ‘‘ทุกฺข’’นฺติ อุปนิชฺฌายิตํ. ตทมริยานนฺติ ตํ อิทํ อริยานํ ปรมตฺถสุขโต ‘‘เอตํ สุข’’นฺติ ยถาภูตํ สมฺมปฺปฺาย สุทิฏฺํ.

๗๖๕-๖. เกวลาติ อนวเสสา. อิฏฺาติ อิจฺฉิตา ปตฺถิตา. กนฺตาติ ปิยา. มนาปาติ มนวุฑฺฒิกรา. ยาวตตฺถีติ วุจฺจตีติ ยาวตา เอเต ฉ อารมฺมณา อตฺถีติ วุจฺจนฺติ. วจนพฺยตฺตโย เวทิตพฺโพ. เอเต โวติ เอตฺถ โวติ นิปาตมตฺตํ.

๗๖๗-๘. สุขนฺติ ทิฏฺมริเยหิ, สกฺกายสฺสุปโรธนนฺติ ‘‘สุข’’มิติ อริเยหิ ปฺจกฺขนฺธนิโรโธ ทิฏฺโ, นิพฺพานนฺติ วุตฺตํ โหติ. ปจฺจนีกมิทํ โหตีติ ปฏิโลมมิทํ ทสฺสนํ โหติ. ปสฺสตนฺติ ปสฺสนฺตานํ, ปณฺฑิตานนฺติ วุตฺตํ โหติ. ยํ ปเรติ เอตฺถ นฺติ วตฺถุกาเม สนฺธายาห. ปุน ยํ ปเรติ เอตฺถ นิพฺพานํ.

๗๖๙-๗๑. ปสฺสาติ โสตารํ อาลปติ. ธมฺมนฺติ นิพฺพานธมฺมํ. สมฺปมูฬฺเหตฺถวิทฺทสูติ สมฺปมูฬฺหา เอตฺถ อวิทฺทสู พาลา. กึการณํ สมฺปมูฬฺหา? นิวุตานํ ตโม โหติ , อนฺธกาโร อปสฺสตํ, พาลานํ อวิชฺชาย นิวุตานํ โอตฺถฏานํ อนฺธภาวกรโณ ตโม โหติ, เยน นิพฺพานธมฺมํ ทฏฺุํ น สกฺโกนฺติ. สตฺจ วิวฏํ โหติ, อาโลโก ปสฺสตามิวาติ สตฺจ สปฺปุริสานํ ปฺาทสฺสเนน ปสฺสตํ อาโลโกว วิวฏํ โหติ นิพฺพานํ. สนฺติเก น วิชานนฺติ, มคา ธมฺมสฺสโกวิทาติ ยํ อตฺตโน สรีเร ตจปฺจกมตฺตํ ปริจฺฉินฺทิตฺวา อนนฺตรเมว อธิคนฺตพฺพโต, อตฺตโน ขนฺธานํ วา นิโรธมตฺตโต สนฺติเก นิพฺพานํ, ตํ เอวํ สนฺติเก สนฺตมฺปิ น วิชานนฺติ มคภูตา ชนา มคฺคามคฺคธมฺมสฺส สจฺจธมฺมสฺส วา อโกวิทา, สพฺพถา ภวราค…เป… สุสมฺพุโธ. ตตฺถ มารเธยฺยานุปนฺเนหีติ เตภูมกวฏฺฏํ อนุปนฺเนหิ.

๗๗๒. ปจฺฉิมคาถาย สมฺพนฺโธ ‘‘เอวํ อสุสมฺพุธํ โก นุ อฺตฺร มริเยหี’’ติ. ตสฺสตฺโถ – เปตฺวา อริเย โก นุ อฺโ นิพฺพานปทํ ชานิตุํ อรหติ, ยํ ปทํ จตุตฺเถน อริยมคฺเคน สมฺมทฺาย อนนฺตรเมว อนาสวา หุตฺวา กิเลสปรินิพฺพาเนน ปรินิพฺพนฺติ, สมฺมทฺาย วา อนาสวา หุตฺวา อนฺเต อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพนฺตีติ อรหตฺตนิกูเฏน เทสนํ นิฏฺาเปสิ.

อตฺตมนาติ ตุฏฺมนา. อภินนฺทุนฺติ อภินนฺทึสุ. อิมสฺมิฺจ ปน เวยฺยากรณสฺมินฺติ อิมสฺมึ โสฬสเม เวยฺยากรเณ. ภฺมาเนติ ภณิยมาเน. เสสํ ปากฏเมว.

เอวํ สพฺเพสุปิ โสฬสสุ เวยฺยากรเณสุ สฏฺิมตฺเต สฏฺิมตฺเต กตฺวา สฏฺิอธิกานํ นวนฺนํ ภิกฺขุสตานํ อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตานิ วิมุจฺจึสุ, โสฬสกฺขตฺตุํ จตฺตาริ จตฺตาริ กตฺวา จตุสฏฺิ สจฺจาเนตฺถ เวเนยฺยวเสน นานปฺปการโต เทสิตานีติ.

ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย

สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย ทฺวยตานุปสฺสนาสุตฺตวณฺณนา

นิฏฺิตฺตา.

นิฏฺิโต จ ตติโย วคฺโค อตฺถวณฺณนานยโต, นาเมน

มหาวคฺโคติ.

๔. อฏฺกวคฺโค

๑. กามสุตฺตวณฺณนา

๗๗๓. กามํ กามยมานสฺสาติ กามสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? ภควติ กิร สาวตฺถิยํ วิหรนฺเต อฺตโร พฺราหฺมโณ สาวตฺถิยา เชตวนสฺส จ อนฺตเร อจิรวตีนทีตีเร ‘‘ยวํ วปิสฺสามี’’ติ เขตฺตํ กสติ. ภควา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ปิณฺฑาย ปวิสนฺโต ตํ ทิสฺวา อาวชฺเชนฺโต อทฺทส – ‘‘อสฺส พฺราหฺมณสฺส ยวา วินสฺสิสฺสนฺตี’’ติ, ปุน อุปนิสฺสยสมฺปตฺตึ อาวชฺเชนฺโต จสฺส โสตาปตฺติผลสฺส อุปนิสฺสยํ อทฺทส. ‘‘กทา ปาปุเณยฺยา’’ติ อาวชฺเชนฺโต ‘‘สสฺเส วินฏฺเ โสกาภิภูโต ธมฺมเทสนํ สุตฺวา’’ติ อทฺทส. ตโต จินฺเตสิ – ‘‘สจาหํ ตทา เอว พฺราหฺมณํ อุปสงฺกมิสฺสามิ, น เม โอวาทํ โสตพฺพํ มฺิสฺสติ. นานารุจิกา หิ พฺราหฺมณา, หนฺท, นํ อิโต ปภุติเยว สงฺคณฺหามิ, เอวํ มยิ มุทุจิตฺโต หุตฺวา ตทา โอวาทํ โสสฺสตี’’ติ พฺราหฺมณํ อุปสงฺกมิตฺวา อาห – ‘‘กึ, พฺราหฺมณ, กโรสี’’ติ. พฺราหฺมโณ ‘‘เอวํ อุจฺจากุลีโน สมโณ โคตโม มยา สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กโรตี’’ติ ตาวตเกเนว ภควติ ปสนฺนจิตฺโต หุตฺวา ‘‘เขตฺตํ, โภ โคตม, กสามิ ยวํ วปิสฺสามี’’ติ อาห. อถ สาริปุตฺตตฺเถโร จินฺเตสิ – ‘‘ภควา พฺราหฺมเณน สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ อกาสิ, น จ อเหตุ อปฺปจฺจยา ตถาคตา เอวํ กโรนฺติ, หนฺทาหมฺปิ เตน สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กโรมี’’ติ พฺราหฺมณํ อุปสงฺกมิตฺวา ตเถว ปฏิสนฺถารมกาสิ. เอวํ มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร เสสา จ อสีติ มหาสาวกา. พฺราหฺมโณ อตีว อตฺตมโน อโหสิ.

อถ ภควา สมฺปชฺชมาเนปิ สสฺเส เอกทิวสํ กตภตฺตกิจฺโจ สาวตฺถิโต เชตวนํ คจฺฉนฺโต มคฺคา โอกฺกมฺม พฺราหฺมณสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา อาห – ‘‘สุนฺทรํ เต, พฺราหฺมณ, ยวกฺเขตฺต’’นฺติ. ‘‘เอวํ, โภ โคตม, สุนฺทรํ, สเจ สมฺปชฺชิสฺสติ, ตุมฺหากมฺปิ สํวิภาคํ กริสฺสามี’’ติ. อถสฺส จตุมาสจฺจเยน ยวา นิปฺผชฺชึสุ. ตสฺส ‘‘อชฺช วา สฺเว วา ลายิสฺสามี’’ติ อุสฺสุกฺกํ กุรุมานสฺเสว มหาเมโฆ อุฏฺหิตฺวา สพฺพรตฺตึ วสฺสิ. อจิรวตี นที ปูรา อาคนฺตฺวา สพฺพํ ยวํ วหิ. พฺราหฺมโณ สพฺพรตฺตึ อนตฺตมโน หุตฺวา ปภาเต นทีตีรํ คโต สพฺพํ สสฺสวิปตฺตึ ทิสฺวา ‘‘วินฏฺโมฺหิ, กถํ ทานิ ชีวิสฺสามี’’ติ พลวโสกํ อุปฺปาเทสิ. ภควาปิ ตเมว รตฺตึ ปจฺจูสสมเย พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกนฺโต ‘‘อชฺช พฺราหฺมณสฺส ธมฺมเทสนากาโล’’ติ ตฺวา ภิกฺขาจารวตฺเตน สาวตฺถึ ปวิสิตฺวา พฺราหฺมณสฺส ฆรทฺวาเร อฏฺาสิ. พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ ทิสฺวา ‘‘โสกาภิภูตํ มํ อสฺสาเสตุกาโม สมโณ โคตโม อาคโต’’ติ จินฺเตตฺวา อาสนํ ปฺาเปตฺวา ปตฺตํ คเหตฺวา ภควนฺตํ นิสีทาเปสิ. ภควา ชานนฺโตว พฺราหฺมณํ ปุจฺฉิ – ‘‘กึ พฺราหฺมณ ปทุฏฺจิตฺโต วิหาสี’’ติ? อาม, โภ โคตม, สพฺพํ เม ยวกฺเขตฺตํ อุทเกน วูฬฺหนฺติ. อถ ภควา ‘‘น, พฺราหฺมณ, วิปนฺเน โทมนสฺสํ, สมฺปนฺเน จ โสมนสฺสํ กาตพฺพํ. กามา หิ นาม สมฺปชฺชนฺติปิ วิปชฺชนฺติปี’’ติ วตฺวา ตสฺส พฺราหฺมณสฺส สปฺปายํ ตฺวา ธมฺมเทสนาวเสน อิมํ สุตฺตมภาสิ. ตตฺถ สงฺเขปโต ปทตฺถสมฺพนฺธมตฺตเมว วณฺณยิสฺสาม, วิตฺถาโร ปน นิทฺเทเส (มหานิ. ๑) วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. ยถา จ อิมสฺมึ สุตฺเต, เอวํ อิโต ปรํ สพฺพสุตฺเตสุ.

ตตฺถ กามนฺติ มนาปิยรูปาทิเตภูมกธมฺมสงฺขาตํ วตฺถุกามํ, กามยมานสฺสาติ อิจฺฉมานสฺส. ตสฺส เจ ตํ สมิชฺฌตีติ ตสฺส กามยมานสฺส สตฺตสฺส ตํ กามสงฺขาตํ วตฺถุ สมิชฺฌติ เจ, สเจ โส ตํ ลภตีติ วุตฺตํ โหติ. อทฺธา ปีติมโน โหตีติ เอกํสํ ตุฏฺจิตฺโต โหติ. ลทฺธาติ ลภิตฺวา. มจฺโจติ สตฺโต. ยทิจฺฉตีติ ยํ อิจฺฉติ.

๗๗๔. ตสฺส เจ กามยานสฺสาติ ตสฺส ปุคฺคลสฺส กาเม อิจฺฉมานสฺส, กาเมน วา ยายมานสฺส. ฉนฺทชาตสฺสาติ ชาตตณฺหสฺส. ชนฺตุโนติ สตฺตสฺส. เต กามา ปริหายนฺตีติ เต กามา ปริหายนฺติ เจ. สลฺลวิทฺโธว รุปฺปตีติ อถ อโยมยาทินา สลฺเลน วิทฺโธ วิย ปีฬียติ.

๗๗๕. ตติยคาถาย สงฺเขปตฺโถ – โย ปน อิเม กาเม ตตฺถ ฉนฺทราควิกฺขมฺภเนน วา สมุจฺเฉเทน วา อตฺตโน ปาเทน สปฺปสฺส สิรํ อิว ปริวชฺเชติ. โส ภิกฺขุ สพฺพํ โลกํ วิสริตฺวา ิตตฺตา โลเก วิสตฺติกาสงฺขาตํ ตณฺหํ สโต หุตฺวา สมติวตฺตตีติ.

๗๗๖-๘. ตโต ปราสํ ติสฺสนฺนํ คาถานํ อยํ สงฺเขปตฺโถ – โย เอตํ สาลิกฺเขตฺตาทึ เขตฺตํ วา ฆรวตฺถาทึ วตฺถุํ วา กหาปณสงฺขาตํ หิรฺํ วา โคอสฺสเภทํ ควาสฺสํ วา อิตฺถิสฺิกา ถิโย วา าติพนฺธวาที พนฺธู วา อฺเ วา มนาปิยรูปาที ปุถุ กาเม อนุคิชฺฌติ, ตํ ปุคฺคลํ อพลสงฺขาตา กิเลสา พลียนฺติ สหนฺติ มทฺทนฺติ, สทฺธาพลาทิวิรเหน วา อพลํ ตํ ปุคฺคลํ อพลา กิเลสา พลียนฺติ, อพลตฺตา พลียนฺตีติ อตฺโถ. อถ ตํ กามคิทฺธํ กาเม รกฺขนฺตํ ปริเยสนฺตฺจ สีหาทโย จ ปากฏปริสฺสยา กายทุจฺจริตาทโย จ อปากฏปริสฺสยา มทฺทนฺติ, ตโต อปากฏปริสฺสเยหิ อภิภูตํ ตํ ปุคฺคลํ ชาติอาทิทุกฺขํ ภินฺนํ นาวํ อุทกํ วิย อนฺเวติ. ตสฺมา กายคตาสติอาทิภาวนาย ชนฺตุ สทา สโต หุตฺวา วิกฺขมฺภนสมุจฺเฉทวเสน รูปาทีสุ วตฺถุกาเมสุ สพฺพปฺปการมฺปิ กิเลสกามํ ปริวชฺเชนฺโต กามานิ ปริวชฺชเย. เอวํ เต กาเม ปหาย ตปฺปหานกรมคฺเคเนว จตุพฺพิธมฺปิ ตเร โอฆํ ตเรยฺย ตริตุํ สกฺกุเณยฺย. ตโต ยถา ปุริโส อุทกครุกํ นาวํ สิฺจิตฺวา ลหุกาย นาวาย อปฺปกสิเรเนว ปารคู ภเวยฺย, ปารํ คจฺเฉยฺย, เอวเมว อตฺตภาวนาวํ กิเลสูทกครุกํ สิฺจิตฺวา ลหุเกน อตฺตภาเวน ปารคู ภเวยฺย, สพฺพธมฺมปารํ นิพฺพานํ คโต ภเวยฺย, อรหตฺตปฺปตฺติยา คจฺเฉยฺย จ, อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพาตีติ อรหตฺตนิกูเฏน เทสนํ นิฏฺาเปสิ. เทสนาปริโยสาเน พฺราหฺมโณ จ พฺราหฺมณี จ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสูติ.

ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย

สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย กามสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. คุหฏฺกสุตฺตวณฺณนา

๗๗๙. สตฺโต คุหายนฺติ คุหฏฺกสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? ภควติ กิร สาวตฺถิยํ วิหรนฺเต อายสฺมา ปิณฺโฑลภารทฺวาโช โกสมฺพิยํ คํงฺคาตีเร อาวฏฺฏกํ นาม อุเตนสฺส อุยฺยานํ, ตตฺถ อคมาสิ สีตเล ปเทเส ทิวาวิหารํ นิสีทิตุกาโม. อฺทาปิ จายํ คจฺฉเตว ตตฺถ ปุพฺพาเสวเนน ยถา ควมฺปติตฺเถโร ตาวตึสภวนนฺติ วุตฺตนยเมตํ วงฺคีสสุตฺตวณฺณนายํ. โส ตตฺถ คงฺคาตีเร สีตเล รุกฺขมูเล สมาปตฺตึ อปฺเปตฺวา ทิวาวิหารํ นิสีทิ. ราชาปิ โข อุเตโน ตํ ทิวสํเยว อุยฺยานกีฬิกํ คนฺตฺวา พหุเทว ทิวสภาคํ นจฺจคีตาทีหิ อุยฺยาเน กีฬิตฺวา ปานมทมตฺโต เอกิสฺสา อิตฺถิยา องฺเก สีสํ กตฺวา สยิ. เสสิตฺถิโย ‘‘สุตฺโต ราชา’’ติ อุฏฺหิตฺวา อุยฺยาเน ปุปฺผผลาทีนิ คณฺหนฺติโย เถรํ ทิสฺวา หิโรตฺตปฺปํ อุปฏฺาเปตฺวา ‘‘มา สทฺทํ อกตฺถา’’ติ อฺมฺํ นิวาเรตฺวา อปฺปสทฺทา อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เถรํ สมฺปริวาเรตฺวา นิสีทึสุ. เถโร สมาปตฺติโต วุฏฺาย ตาสํ ธมฺมํ เทเสสิ, ตา ตุฏฺา ‘‘สาธุ สาธู’’ติ วตฺวา สุณนฺติ.

รฺโ สีสํ องฺเกนาทาย นิสินฺนิตฺถี ‘‘อิมา มํ โอหาย กีฬนฺตี’’ติ ตาสุ อิสฺสาปกตา อูรุํ จาเลตฺวา ราชานํ ปโพเธสิ. ราชา ปฏิพุชฺฌิตฺวา อิตฺถาคารํ อปสฺสนฺโต ‘‘กุหึ อิมา วสลิโย’’ติ อาห. สา อาห – ‘‘ตุมฺเหสุ อพหุกตา ‘สมณํ รมยิสฺสามา’ติ คตา’’ติ. โส กุทฺโธ เถราภิมุโข อคมาสิ. ตา อิตฺถิโย ราชานํ ทิสฺวา เอกจฺจา อุฏฺหึสุ, เอกจฺจา ‘‘มหาราช, ปพฺพชิตสฺส สนฺติเก ธมฺมํ สุณามา’’ติ น อุฏฺหึสุ. โส เตน ภิยฺโยโสมตฺตาย กุทฺโธ เถรํ อวนฺทิตฺวาว ‘‘กิมตฺถํ อาคโตสี’’ติ อาห. ‘‘วิเวกตฺถํ มหาราชา’’ติ. โส ‘‘วิเวกตฺถาย อาคตา เอวํ อิตฺถาคารปริวุตา นิสีทนฺตี’’ติ วตฺวา ‘‘ตว วิเวกํ กเถหี’’ติ อาห. เถโร วิสารโทปิ วิเวกกถาย ‘‘นายํ อฺาตุกาโม ปุจฺฉตี’’ติ ตุณฺหี อโหสิ. ราชา ‘‘สเจ น กเถสิ, ตมฺพกิปิลฺลิเกหิ ตํ ขาทาเปสฺสามี’’ติ อฺตรสฺมึ อโสกรุกฺเข ตมฺพกิปิลฺลิกปุฏํ คณฺหนฺโต อตฺตโนว อุปริ วิกิริ. โส สรีรํ ปุฺฉิตฺวา อฺํ ปุฏํ คเหตฺวา เถราภิมุโข อคมาสิ. เถโร ‘‘สจายํ ราชา มยิ อปรชฺเฌยฺย, อปายาภิมุโข ภเวยฺยา’’ติ ตํ อนุกมฺปมาโน อิทฺธิยา อากาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา คโต.

ตโต อิตฺถิโย อาหํสุ – ‘‘มหาราช, อฺเ ราชาโน อีทิสํ ปพฺพชิตํ ทิสฺวา ปุปฺผคนฺธาทีหิ ปูเชนฺติ, ตฺวํ ตมฺพกิปิลฺลิกปุเฏน อาสาเทตุํ อารทฺโธ อโหสิ, กุลวํสํ นาเสตุํ อุฏฺิโต’’ติ. โส อตฺตโน โทสํ ตฺวา ตุณฺหี หุตฺวา อุยฺยานปาลํ ปุจฺฉิ – ‘‘อฺมฺปิ ทิวสํ เถโร อิธาคจฺฉตี’’ติ? ‘‘อาม, มหาราชา’’ติ. เตน หิ ยทา อาคจฺฉติ, ตทา เม อาโรเจยฺยาสีติ. โส เอกทิวสํ เถเร อาคเต อาโรเจสิ. ราชาปิ เถรํ อุปสงฺกมิตฺวา ปฺหํ ปุจฺฉิตฺวา ปาเณหิ สรณํ คโต อโหสิ. ตมฺพกิปิลฺลิกปุเฏน อาสาทิตทิวเส ปน เถโร อากาเสนาคนฺตฺวา ปุน ปถวิยํ นิมุชฺชิตฺวา ภควโต คนฺธกุฏิยํ อุมฺมุชฺชิ. ภควาปิ โข ทกฺขิเณน ปสฺเสน สโต สมฺปชาโน สีหเสยฺยํ กปฺปยมาโน เถรํ ทิสฺวา ‘‘กึ, ภารทฺวาช, อกาเล อาคโตสี’’ติ อาห. เถโร ‘‘อาม ภควา’’ติ วตฺวา สพฺพํ ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ. ตํ สุตฺวา ภควา ‘‘กึ กริสฺสติ ตสฺส วิเวกกถา กามคุณคิทฺธสฺสา’’ติ วตฺวา ทกฺขิเณน ปสฺเสน นิปนฺโน เอว เถรสฺส ธมฺมเทสนตฺถํ อิมํ สุตฺตมภาสิ.

ตตฺถ สตฺโตติ ลคฺโค. คุหายนฺติ กาเย. กาโย หิ ราคาทีนํ วาฬานํ วสโนกาสโต ‘‘คุหา’’ติ วุจฺจติ. พหุนาภิฉนฺโนติ พหุนา ราคาทิกิเลสชาเลน อภิจฺฉนฺโน. เอเตน อชฺฌตฺตพนฺธนํ วุตฺตํ. ติฏฺนฺติ ราคาทิวเสน ติฏฺนฺโต. นโรติ สตฺโต. โมหนสฺมึ ปคาฬฺโหติ โมหนํ วุจฺจติ กามคุณา. เอตฺถ หิ เทวมนุสฺสา มุยฺหนฺติ, เตสุ อชฺโฌคาฬฺโห หุตฺวา. เอเตน พหิทฺธาพนฺธนํ วุตฺตํ. ทูเร วิเวกา หิ ตถาวิโธ โสติ โส ตถารูโป นโร ติวิธาปิ กายวิเวกาทิกา วิเวกา ทูเร อนาสนฺเน. กึการณา? กามา หิ โลเก น หิ สุปฺปหายา, ยสฺมา โลเก กามา สุปฺปหายา น โหนฺตีติ วุตฺตํ โหติ.

๗๘๐. เอวํ ปมคาถาย ‘‘ทูเร วิเวกา ตถาวิโธ’’ติ สาเธตฺวา ปุน ตถาวิธานํ สตฺตานํ ธมฺมตํ อาวิกโรนฺโต ‘‘อิจฺฉานิทานา’’ติ คาถมาห. ตตฺถ อิจฺฉานิทานาติ ตณฺหาเหตุกา. ภวสาตพทฺธาติ สุขเวทนาทิมฺหิ ภวสาเต พทฺธา. เต ทุปฺปมุฺจาติ เต ภวสาตวตฺถุภูตา ธมฺมา, เต วา ตตฺถ พทฺธา อิจฺฉานิทานา สตฺตา ทุปฺปโมจยา. น หิ อฺโมกฺขาติ อฺเน จ โมเจตุํ น สกฺโกนฺติ. การณวจนํ วา เอตํ, เต สตฺตา ทุปฺปมุฺจา. กสฺมา? ยสฺมา อฺเน โมเจตพฺพา น โหนฺติ. ยทิ ปน มุฺเจยฺยุํ, สเกน ถาเมน มุฺเจยฺยุนฺติ อยมสฺส อตฺโถ. ปจฺฉา ปุเร วาปิ อเปกฺขมานาติ อนาคเต อตีเต วา กาเม อเปกฺขมานา. อิเมว กาเม ปุริเมว ชปฺปนฺติ อิเม วา ปจฺจุปฺปนฺเน กาเม ปุริเม วา ทุวิเธปิ อตีตานาคเต พลวตณฺหาย ปตฺถยมานา. อิเมสฺจ ทฺวินฺนํ ปทานํ ‘‘เต ทุปฺปมุฺจา น หิ อฺโมกฺขา’’ติ อิมินา สห สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ, อิตรถา ‘‘อเปกฺขมานา ชปฺปํ กึ กโรนฺติ กึ วา กตา’’ติ น ปฺาเยยฺยุํ.

๗๘๑-๒. เอวํ ปมคาถาย ‘‘ทูเร วิเวกา ตถาวิโธ’’ติ สาเธตฺวา ทุติยคาถาย จ ตถาวิธานํ สตฺตานํ ธมฺมตํ อาวิกตฺวา อิทานิ เนสํ ปาปกมฺมกรณํ อาวิกโรนฺโต ‘‘กาเมสุ คิทฺธา’’ติ คาถมาห. ตสฺสตฺโถ – เต สตฺตา กาเมสุ ปริโภคตณฺหาย คิทฺธา ปริเยสนาทิมนุยุตฺตตฺตา ปสุตา สมฺโมหมาปนฺนตฺตา ปมูฬฺหา อวคมนตาย มจฺฉริตาย พุทฺธาทีนํ วจนํ อนาทิยนตาย จ อวทานิยา. กายวิสมาทิมฺหิ วิสเม นิวิฏฺา อนฺตกาเล มรณทุกฺขูปนีตา ‘‘กึสู ภวิสฺสาม อิโต จุตาเส’’ติ ปริเทวยนฺตีติ. ยสฺมา เอตเทว, ตสฺมา หิ สิกฺเขถ…เป… มาหุ ธีราติ. ตตฺถ สิกฺเขถาติ ติสฺโส สิกฺขา อาปชฺเชยฺย. อิเธวาติ อิมสฺมึเยว สาสเน. เสสมุตฺตานเมว.

๗๘๓. อิทานิ เย ตถา น กโรนฺติ, เตสํ พฺยสนปฺปตฺตึ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปสฺสามี’’ติ คาถมาห. ตตฺถ ปสฺสามีติ มํสจกฺขุอาทีหิ เปกฺขามิ. โลเกติ อปายาทิมฺหิ. ปริผนฺทมานนฺติ อิโต จิโต จ ผนฺทมานํ. ปชํ อิมนฺติ อิมํ สตฺตกายํ. ตณฺหคตนฺติ ตณฺหาย คตํ อภิภูตํ, นิปาติตนฺติ อธิปฺปาโย. ภเวสูติ กามภวาทีสุ. หีนา นราติ หีนกมฺมนฺตา นรา. มจฺจุมุเข ลปนฺตีติ อนฺตกาเล สมฺปตฺเต มรณมุเข ปริเทวนฺติ. อวีตตณฺหาเสติ อวิคตตณฺหา. ภวาภเวสูติ กามภวาทีสุ. อถ วา ภวาภเวสูติ ภวภเวสุ, ปุนปฺปุนภเวสูติ วุตฺตํ โหติ.

๗๘๔. อิทานิ ยสฺมา อวีตตณฺหา เอวํ ผนฺทนฺติ จ ลปนฺติ จ, ตสฺมา ตณฺหาวินเย สมาทเปนฺโต ‘‘มมายิเต’’ติ คาถมาห. ตตฺถ มมายิเตติ ตณฺหาทิฏฺิมมตฺเตหิ ‘‘มม’’นฺติ ปริคฺคหิเต วตฺถุสฺมึ. ปสฺสถาติ โสตาเร อาลปนฺโต อาห. เอตมฺปีติ เอตมฺปิ อาทีนวํ. เสสํ ปากฏเมว.

๗๘๕. เอวเมตฺถ ปมคาถาย อสฺสาทํ, ตโต ปราหิ จตูหิ อาทีนวฺจ ทสฺเสตฺวา อิทานิ สอุปายํ นิสฺสรณํ นิสฺสรณานิสํสฺจ ทสฺเสตุํ สพฺพาหิ วา เอตาหิ กามานํ อาทีนวํ โอการํ สํกิเลสฺจ ทสฺเสตฺวา อิทานิ เนกฺขมฺเม อานิสํสํ ทสฺเสตุํ ‘‘อุโภสุ อนฺเตสู’’ติ คาถาทฺวยมาห. ตตฺถ อุโภสุ อนฺเตสูติ ผสฺสผสฺสสมุทยาทีสุ ทฺวีสุ ปริจฺเฉเทสุ. วิเนยฺย ฉนฺทนฺติ ฉนฺทราคํ วิเนตฺวา. ผสฺสํ ปริฺายาติ จกฺขุสมฺผสฺสาทิผสฺสํ, ผสฺสานุสาเรน วา ตํสมฺปยุตฺเต สพฺเพปิ อรูปธมฺเม, เตสํ วตฺถุทฺวารารมฺมณวเสน รูปธมฺเม จาติ สกลมฺปิ นามรูปํ ตีหิ ปริฺาหิ ปริชานิตฺวา. อนานุคิทฺโธติ รูปาทีสุ สพฺพธมฺเมสุ อคิทฺโธ. ยทตฺตครหี ตทกุพฺพมาโนติ ยํ อตฺตนา ครหติ, ตํ อกุรุมาโน. นลิปฺปตี ทิฏฺสุเตสุ ธีโรติ โส เอวรูโป ธิติสมฺปนฺโน ธีโร ทิฏฺเสุ จ สุเตสุ จ ธมฺเมสุ ทฺวินฺนํ เลปานํ เอเกนปิ เลเปน น ลิปฺปติ. อากาสมิว นิรุปลิตฺโต อจฺจนฺตโวทานปฺปตฺโต โหติ.

๗๘๖. สฺํ ปริฺาติ คาถาย ปน อยํ สงฺเขปตฺโถ – น เกวลฺจ ผสฺสเมว, อปิจ โข ปน กามสฺาทิเภทํ สฺมฺปิ, สฺานุสาเรน วา ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว นามรูปํ ตีหิ ปริฺาหิ ปริชานิตฺวา อิมาย ปฏิปทาย จตุพฺพิธมฺปิ วิตเรยฺย โอฆํ, ตโต โส ติณฺโณโฆ ตณฺหาทิฏฺิปริคฺคเหสุ ตณฺหาทิฏฺิเลปปฺปหาเนน โนปลิตฺโต ขีณาสวมุนิ ราคาทิสลฺลานํ อพฺพูฬฺหตฺตา อพฺพูฬฺหสลฺโล สติเวปุลฺลปฺปตฺติยา อปฺปมตฺโต จรํ, ปุพฺพภาเค วา อปฺปมตฺโต จรํ เตน อปฺปมาทจาเรน อพฺพูฬฺหสลฺโล หุตฺวา สกปรตฺตภาวาทิเภทํ นาสีสตี โลกมิมํ ปรฺจ, อฺทตฺถุ จริมจิตฺตนิโรธา นิรุปาทาโน ชาตเวโทว ปรินิพฺพาตีติ อรหตฺตนิกูเฏน เทสนํ นิฏฺาเปสิ ธมฺมเนตฺติฏฺปนเมว กโรนฺโต, น อุตฺตรึ อิมาย เทสนาย มคฺคํ วา ผลํ วา อุปฺปาเทสิ ขีณาสวสฺส เทสิตตฺตาติ.

ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย

สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย คุหฏฺกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. ทุฏฺฏฺกสุตฺตวณฺณนา

๗๘๗. วทนฺติ เว ทุฏฺมนาปีติ ทุฏฺฏฺกสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? อาทิคาถาย ตาว อุปฺปตฺติ – มุนิสุตฺตนเยน ภควโต ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ อุปฺปนฺนลาภสกฺการํ อสหมานา ติตฺถิยา สุนฺทรึ ปริพฺพาชิกํ อุยฺโยเชสุํ. สา กิร ชนปทกลฺยาณี เสตวตฺถปริพฺพาชิกาว อโหสิ. สา สุนฺหาตา สุนิวตฺถา มาลาคนฺธวิเลปนวิภูสิตา ภควโต ธมฺมํ สุตฺวา สาวตฺถิวาสีนํ เชตวนโต นิกฺขมนเวลาย สาวตฺถิโต นิกฺขมิตฺวา เชตวนาภิมุขี คจฺฉติ. มนุสฺเสหิ จ ‘‘กุหึ คจฺฉสี’’ติ ปุจฺฉิตา ‘‘สมณํ โคตมํ สาวเก จสฺส รมยิตุํ คจฺฉามี’’ติ วตฺวา เชตวนทฺวารโกฏฺเก วิจริตฺวา เชตวนทฺวารโกฏฺเก ปิทหิเต นครํ ปวิสิตฺวา ปภาเต ปุน เชตวนํ คนฺตฺวา คนฺธกุฏิสมีเป ปุปฺผานิ วิจินนฺตี วิย จรติ. พุทฺธุปฏฺานํ อาคเตหิ จ มนุสฺเสหิ ‘‘กิมตฺถํ อาคตาสี’’ติ ปุจฺฉิตา ยํกิฺจิเทว ภณติ. เอวํ อฑฺฒมาสมตฺเต วีติกฺกนฺเต ติตฺถิยา ตํ ชีวิตา โวโรเปตฺวา ปริขาตเฏ นิกฺขิปิตฺวา ปภาเต ‘‘สุนฺทรึ น ปสฺสามา’’ติ โกลาหลํ กตฺวา รฺโ จ อาโรเจตฺวา เตน อนุฺาตา เชตวนํ ปวิสิตฺวา วิจินนฺตา วิย ตํ นิกฺขิตฺตฏฺานา อุทฺธริตฺวา มฺจกํ อาโรเปตฺวา นครํ อภิหริตฺวา อุปกฺโกสํ อกํสุ. สพฺพํ ปาฬิยํ (อุทา. ๓๘) อาคตนเยเนว เวทิตพฺพํ.

ภควา ตํ ทิวสํ ปจฺจูสสมเย พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกนฺโต ‘‘ติตฺถิยา อชฺช อยสํ อุปฺปาเทสฺสนฺตี’’ติ ตฺวา ‘‘เตสํ สทฺทหิตฺวา มาทิเส จิตฺตํ ปโกเปตฺวา มหาชโน อปายาภิมุโข มา อโหสี’’ติ คนฺธกุฏิทฺวารํ ปิทหิตฺวา อนฺโตคนฺธกุฏิยํเยว อจฺฉิ, น นครํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. ภิกฺขู ปน ทฺวารํ ปิทหิตํ ทิสฺวา ปุพฺพสทิสเมว ปวิสึสุ. มนุสฺสา ภิกฺขู ทิสฺวา นานปฺปกาเรหิ อกฺโกสึสุ. อถ อายสฺมา อานนฺโท ภควโต ตํ ปวตฺตึ อาโรเจตฺวา ‘‘ติตฺถิเยหิ, ภนฺเต, มหาอยโส อุปฺปาทิโต, น สกฺกา อิธ วสิตุํ, วิปุโล ชมฺพุทีโป, อฺตฺถ คจฺฉามา’’ติ อาห. ตตฺถปิ อยเส อุฏฺิเต กุหึ คมิสฺสสิ อานนฺทาติ? ‘‘อฺํ นครํ ภควา’’ติ. อถ ภควา ‘‘อาคเมหิ, อานนฺท, สตฺตาหเมวายํ สทฺโท ภวิสฺสติ, สตฺตาหจฺจเยน เยหิ อยโส กโต, เตสํเยว อุปริ ปติสฺสตี’’ติ วตฺวา อานนฺทตฺเถรสฺส ธมฺมเทสนตฺถํ ‘‘วทนฺติ เว’’ติ อิมํ คาถมภาสิ.

ตตฺถ วทนฺตีติ ภควนฺตํ ภิกฺขุสงฺฆฺจ อุปวทนฺติ. ทุฏฺมนาปิ เอเก อโถปิ เว สจฺจมนาติ เอกจฺเจ ทุฏฺจิตฺตา, เอกจฺเจ ตถสฺิโนปิ หุตฺวา, ติตฺถิยา ทุฏฺจิตฺตา, เย เตสํ วจนํ สุตฺวา สทฺทหึสุ, เต สจฺจมนาติ อธิปฺปาโย. วาทฺจ ชาตนฺติ เอตํ อกฺโกสวาทํ อุปฺปนฺนํ. มุนิ โน อุเปตีติ อการกตาย จ อกุปฺปนตาย จ พุทฺธมุนิ น อุเปติ. ตสฺมา มุนี นตฺถิ ขิโล กุหิฺจีติ เตน การเณน อยํ มุนิ ราคาทิขิเลหิ นตฺถิ ขิโล กุหิฺจีติ เวทิตพฺโพ.

๗๘๘. อิมฺจ คาถํ วตฺวา ภควา อานนฺทตฺเถรํ ปุจฺฉิ, ‘‘เอวํ ขุํเสตฺวา วมฺเภตฺวา วุจฺจมานา ภิกฺขู, อานนฺท, กึ วทนฺตี’’ติ. น กิฺจิ ภควาติ. ‘‘น, อานนฺท, ‘อหํ สีลวา’ติ สพฺพตฺถ ตุณฺหี ภวิตพฺพํ, โลเก หิ นาภาสมานํ ชานนฺติ มิสฺสํ พาเลหิ ปณฺฑิต’’นฺติ วตฺวา, ‘‘ภิกฺขู, อานนฺท, เต มนุสฺเส เอวํ ปฏิโจเทนฺตู’’ติ ธมฺมเทสนตฺถาย ‘‘อภูตวาที นิรยํ อุเปตี’’ติ อิมํ คาถมภาสิ. เถโร ตํ อุคฺคเหตฺวา ภิกฺขู อาห – ‘‘มนุสฺสา ตุมฺเหหิ อิมาย คาถาย ปฏิโจเทตพฺพา’’ติ. ภิกฺขู ตถา อกํสุ. ปณฺฑิตมนุสฺสา ตุณฺหี อเหสุํ. ราชาปิ ราชปุริเส สพฺพโต เปเสตฺวา เยสํ ธุตฺตานํ ลฺชํ ทตฺวา ติตฺถิยา ตํ มาราเปสุํ, เต คเหตฺวา นิคฺคยฺห ตํ ปวตฺตึ ตฺวา ติตฺถิเย ปริภาสิ. มนุสฺสาปิ ติตฺถิเย ทิสฺวา เลฑฺฑุนา ปหรนฺติ, ปํสุนา โอกิรนฺติ ‘‘ภควโต อยสํ อุปฺปาเทสุ’’นฺติ. อานนฺทตฺเถโร ตํ ทิสฺวา ภควโต อาโรเจสิ, ภควา เถรสฺส อิมํ คาถมภาสิ ‘‘สกฺหิ ทิฏฺึ…เป… วเทยฺยา’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – ยายํ ทิฏฺิ ติตฺถิยชนสฺส ‘‘สุนฺทรึ มาเรตฺวา สมณานํ สกฺยปุตฺติยานํ อวณฺณํ ปกาเสตฺวา เอเตนุปาเยน ลทฺธํ สกฺการํ สาทิยิสฺสามา’’ติ, โส ตํ ทิฏฺึ กถํ อติกฺกเมยฺย, อถ โข โส อยโส ตเมว ติตฺถิยชนํ ปจฺจาคโต ตํ ทิฏฺึ อจฺเจตุํ อสกฺโกนฺตํ. โย วา สสฺสตาทิวาที, โสปิ สกํ ทิฏฺึ กถํ อจฺจเยยฺย เตน ทิฏฺิจฺฉนฺเทน อนุนีโต ตาย จ ทิฏฺิรุจิยา นิวิฏฺโ, อปิจ โข ปน สยํ สมตฺตานิ ปกุพฺพมาโน อตฺตนาว ปริปุณฺณานิ ตานิ ทิฏฺิคตานิ กโรนฺโต ยถา ชาเนยฺย, ตเถว วเทยฺยาติ.

๗๘๙. อถ ราชา สตฺตาหจฺจเยน ตํ กุณปํ ฉฑฺฑาเปตฺวา สายนฺหสมยํ วิหารํ คนฺตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา อาห – ‘‘นนุ, ภนฺเต, อีทิเส อยเส อุปฺปนฺเน มยฺหมฺปิ อาโรเจตพฺพํ สิยา’’ติ. เอวํ วุตฺเต ภควา, ‘‘น, มหาราช, ‘อหํ สีลวา คุณสมฺปนฺโน’ติ ปเรสํ อาโรเจตุํ อริยานํ ปติรูป’’นฺติ วตฺวา ตสฺสา อฏฺุปฺปตฺติยํ ‘‘โย อตฺตโน สีลวตานี’’ติ อวเสสคาถาโย อภาสิ.

ตตฺถ สีลวตานีติ ปาติโมกฺขาทีนิ สีลานิ อารฺิกาทีนิ ธุตงฺควตานิ จ. อนานุปุฏฺโติ อปุจฺฉิโต. ปาวาติ วทติ. อนริยธมฺมํ กุสลา ตมาหุ, โย อาตุมานํ สยเมว ปาวาติ โย เอวํ อตฺตานํ สยเมว วทติ, ตสฺส ตํ วาทํ ‘‘อนริยธมฺโม เอโส’’ติ กุสลา เอวํ กเถนฺติ.

๗๙๐. สนฺโตติ ราคาทิกิเลสวูปสเมน สนฺโต, ตถา อภินิพฺพุตตฺโต. อิติหนฺติ สีเลสุ อกตฺถมาโนติ ‘‘อหมสฺมิ สีลสมฺปนฺโน’’ติอาทินา นเยน อิติ สีเลสุ อกตฺถมาโน, สีลนิมิตฺตํ อตฺตูปนายิกํ วาจํ อภาสมาโนติ วุตฺตํ โหติ. ตมริยธมฺมํ กุสลา วทนฺตีติ ตสฺส ตํ อกตฺถนํ ‘‘อริยธมฺโม เอโส’’ติ พุทฺธาทโย ขนฺธาทิกุสลา วทนฺติ. ยสฺสุสฺสทา นตฺถิ กุหิฺจิ โลเกติ ยสฺส ขีณาสวสฺส ราคาทโย สตฺต อุสฺสทา กุหิฺจิ โลเก นตฺถิ, ตสฺส ตํ อกตฺถนํ ‘‘อริยธมฺโม เอโส’’ติ เอวํ กุสลา วทนฺตีติ สมฺพนฺโธ.

๗๙๑. เอวํ ขีณาสวปฏิปตฺตึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ทิฏฺิคติกานํ ติตฺถิยานํ ปฏิปตฺตึ รฺโ ทสฺเสนฺโต อาห – ‘‘ปกปฺปิตา สงฺขตา’’ติ. ตตฺถ ปกปฺปิตาติ ปริกปฺปิตา. สงฺขตาติ ปจฺจยาภิสงฺขตา. ยสฺสาติ ยสฺส กสฺสจิ ทิฏฺิคติกสฺส. ธมฺมาติ ทิฏฺิโย. ปุรกฺขตาติ ปุรโต กตา. สนฺตีติ สํวิชฺชนฺติ. อวีวทาตาติ อโวทาตา. ยทตฺตนิ ปสฺสติ อานิสํสํ, ตํ นิสฺสิโต กุปฺปปฏิจฺจสนฺตินฺติ ยสฺเสเต ทิฏฺิธมฺมา ปุรกฺขตา อโวทาตา สนฺติ, โส เอวํวิโธ ยสฺมา อตฺตนิ ตสฺสา ทิฏฺิยา ทิฏฺิธมฺมิกฺจ สกฺการาทึ, สมฺปรายิกฺจ คติวิเสสาทึ อานิสํสํ ปสฺสติ, ตสฺมา ตฺจ อานิสํสํ, ตฺจ กุปฺปตาย จ ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนตาย จ สมฺมุติสนฺติตาย จ กุปฺปปฏิจฺจสนฺติสงฺขาตํ ทิฏฺึ นิสฺสิโตว โหติ, โส ตนฺนิสฺสิตตฺตา อตฺตานํ วา อุกฺกํเสยฺย ปเร วา วมฺเภยฺย อภูเตหิปิ คุณโทเสหิ.

๗๙๒. เอวํ นิสฺสิเตน จ ทิฏฺีนิเวสา…เป… อาทิยตี จ ธมฺมนฺติ. ตตฺถ ทิฏฺีนิเวสาติ อิทํสจฺจาภินิเวสสงฺขาตานิ ทิฏฺินิเวสนานิ. น หิ สฺวาติวตฺตาติ สุเขน อติวตฺติตพฺพา น โหนฺติ. ธมฺเมสุ นิจฺเฉยฺย สมุคฺคหีตนฺติ ทฺวาสฏฺิทิฏฺิธมฺเมสุ ตํ ตํ สมุคฺคหิตํ อภินิวิฏฺํ ธมฺมํ นิจฺฉินิตฺวา ปวตฺตตฺตา ทิฏฺินิเวสา น หิ สฺวาติวตฺตาติ วุตฺตํ โหติ. ตสฺมา นโร เตสุ นิเวสเนสุ, นิรสฺสตี อาทิยตี จ ธมฺมนฺติ ยสฺมา น หิ สฺวาติวตฺตา, ตสฺมา นโร เตสุเยว ทิฏฺินิเวสเนสุ อชสีลโคสีลกุกฺกุรสีลปฺจาตปมรุปฺปปาตอุกฺกุฏิกปฺปธานกณฺฏกาปสฺสยาทิเภทํ สตฺถารธมฺมกฺขานคณาทิเภทฺจ ตํ ตํ ธมฺมํ นิรสฺสติ จ อาทิยติ จ ชหติ จ คณฺหาติ จ วนมกฺกโฏ วิย ตํ ตํ สาขนฺติ วุตฺตํ โหติ. เอวํ นิรสฺสนฺโต จ อาทิยนฺโต จ อนวฏฺิตจิตฺตตฺตา อสนฺเตหิปิ คุณโทเสหิ อตฺตโน วา ปรสฺส วา ยสายสํ อุปฺปาเทยฺย.

๗๙๓. โย ปนายํ สพฺพทิฏฺิคตาทิโทสธุนนาย ปฺาย สมนฺนาคตตฺตา โธโน, ตสฺส โธนสฺส หิ…เป… อนูปโย โส. กึ วุตฺตํ โหติ? โธนธมฺมสมนฺนาคมา โธนสฺส ธุตสพฺพปาปสฺส อรหโต กตฺถจิ โลเก เตสุ เตสุ ภเวสุ ปกปฺปิตา ทิฏฺิ นตฺถิ, โส ตสฺสา ทิฏฺิยา อภาเวน, ยาย จ อตฺตนา กตํ ปาปกมฺมํ ปฏิจฺฉาเทนฺตา ติตฺถิยา มายาย มาเนน วา เอตํ อคตึ คจฺฉนฺติ, ตมฺปิ มายฺจ มานฺจ ปหาย โธโน ราคาทีนํ โทสานํ เกน คจฺเฉยฺย, ทิฏฺธมฺเม สมฺปราเย วา นิรยาทีสุ คติวิเสเสสุ เกน สงฺขํ คจฺเฉยฺย, อนูปโย โส, โส หิ ตณฺหาทิฏฺิอุปยานํ ทฺวินฺนํ อภาเวน อนูปโยติ.

๗๙๔. โย ปน เตสํ ทฺวินฺนํ ภาเวน อุปโย โหติ, โส อุปโย หิ…เป… ทิฏฺิมิเธว สพฺพนฺติ. ตตฺถ อุปโยติ ตณฺหาทิฏฺินิสฺสิโต. ธมฺเมสุ อุเปติ วาทนฺติ ‘‘รตฺโต’’ติ วา ‘‘ทุฏฺโ’’ติ วา เอวํ เตสุ เตสุ ธมฺเมสุ อุเปติ วาทํ. อนูปยํ เกน กถํ วเทยฺยาติ ตณฺหาทิฏฺิปหาเนน อนูปยํ ขีณาสวํ เกน ราเคน วา โทเสน วา กถํ ‘‘รตฺโต’’ติ วา ‘‘ทุฏฺโ’’ติ วา วเทยฺย, เอวํ อนุปวชฺโช จ โส กึ ติตฺถิยา วิย กตปฏิจฺฉาทโก ภวิสฺสตีติ อธิปฺปาโย. อตฺตา นิรตฺตา น หิ ตสฺส อตฺถีติ ตสฺส หิ อตฺตทิฏฺิ วา อุจฺเฉททิฏฺิ วา นตฺถิ, คหณํ มุฺจนํ วาปิ อตฺตนิรตฺตสฺิตํ นตฺถิ. กึการณา นตฺถีติ เจ? อโธสิ โส ทิฏฺิมิเธว สพฺพํ, ยสฺมา โส อิเธว อตฺตภาเว าณวาเตน สพฺพํ ทิฏฺิคตํ อโธสิ, ปชหิ, วิโนเทสีติ อรหตฺตนิกูเฏน เทสนํ นิฏฺาเปสิ. ตํ สุตฺวา ราชา อตฺตมโน ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปกฺกามีติ.

ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย

สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย ทุฏฺฏฺกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. สุทฺธฏฺกสุตฺตวณฺณนา

๗๙๕. ปสฺสามิ สุทฺธนฺติ สุทฺธฏฺกสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? อตีเต กิร กสฺสปสฺส ภควโต กาเล พาราณสิวาสี อฺตโร กุฏุมฺพิโก ปฺจหิ สกฏสเตหิ ปจฺจนฺตชนปทํ อคมาสิ ภณฺฑคฺคหณตฺถํ. ตตฺถ วนจรเกน สทฺธึ มิตฺตํ กตฺวา ตสฺส ปณฺณาการํ ทตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘กจฺจิ, เต สมฺม, จนฺทนสารํ ทิฏฺปุพฺพ’’นฺติ? ‘‘อาม สามี’’ติ จ วุตฺเต เตเนว สทฺธึ จนฺทนวนํ ปวิสิตฺวา สพฺพสกฏานิ จนฺทนสารสฺส ปูเรตฺวา ตมฺปิ วนจรกํ ‘‘ยทา, สมฺม, พาราณสึ อาคจฺฉสิ, ตทา จนฺทนสารํ คเหตฺวา อาคจฺเฉยฺยาสี’’ติ วตฺวา พาราณสึเยว อคมาสิ. อถาปเรน สมเยน โสปิ วนจรโก จนฺทนสารํ คเหตฺวา ตสฺส ฆรํ อคมาสิ. โส ตํ ทิสฺวา สพฺพํ ปฏิสนฺถารํ กตฺวา สายนฺหสมเย จนฺทนสารํ ปิสาเปตฺวา สมุคฺคํ ปูเรตฺวา ‘‘คจฺฉ, สมฺม, นฺหายิตฺวา อาคจฺฉา’’ติ อตฺตโน ปุริเสน สทฺธึ นฺหานติตฺถํ เปเสสิ. เตน จ สมเยน พาราณสิยํ อุสฺสโว โหติ. อถ พาราณสิวาสิโน ปาโตว ทานํ ทตฺวา สายํ สุทฺธวตฺถนิวตฺถา มาลาคนฺธาทีนิ คเหตฺวา กสฺสปสฺส ภควโต มหาเจติยํ วนฺทิตุํ คจฺฉนฺติ. โส วนจรโก เต ทิสฺวา ‘‘มหาชโน กุหึ คจฺฉตี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘วิหารํ เจติยวนฺทนตฺถายา’’ติ จ สุตฺวา สยมฺปิ อคมาสิ. ตตฺถ มนุสฺเส หริตาลมโนสิลาทีหิ นานปฺปกาเรหิ เจติเย ปูชํ กโรนฺเต ทิสฺวา กิฺจิ จิตฺรํ กาตุํ อชานนฺโต ตํ จนฺทนํ คเหตฺวา มหาเจติเย สุวณฺณิฏฺกานํ. อุปริ กํสปาติมตฺตํ มณฺฑลํ อกาสิ. อถ ตตฺถ สูริยุคฺคมนเวลายํ สูริยรสฺมิโย อุฏฺหึสุ. โส ตํ ทิสฺวา ปสีทิ, ปตฺถนฺจ อกาสิ ‘‘ยตฺถ ยตฺถ นิพฺพตฺตามิ, อีทิสา เม รสฺมิโย อุเร อุฏฺหนฺตู’’ติ. โส กาลํ กตฺวา ตาวตึเสสุ นิพฺพตฺติ. ตสฺส อุเร รสฺมิโย อุฏฺหึสุ, จนฺทมณฺฑลํ วิยสฺส อุรมณฺฑลํ วิโรจติ, ‘‘จนฺทาโภ เทวปุตฺโต’’ตฺเวว จ นํ สฺชานึสุ.

โส ตาย สมฺปตฺติยา ฉสุ เทวโลเกสุ อนุโลมปฏิโลมโต เอกํ พุทฺธนฺตรํ เขเปตฺวา อมฺหากํ ภควติ อุปฺปนฺเน สาวตฺถิยํ พฺราหฺมณมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติ, ตเถวสฺส อุเร จนฺทมณฺฑลสทิสํ รสฺมิมณฺฑลํ อโหสิ. นามกรณทิวเส จสฺส มงฺคลํ กตฺวา พฺราหฺมณา ตํ มณฺฑลํ ทิสฺวา ‘‘ธฺปุฺลกฺขโณ อยํ กุมาโร’’ติ วิมฺหิตา ‘‘จนฺทาโภ’’ ตฺเวว นามํ อกํสุ. ตํ วยปฺปตฺตํ พฺราหฺมณา คเหตฺวา อลงฺกริตฺวา รตฺตกฺจุกํ ปารุปาเปตฺวา รเถ อาโรเปตฺวา ‘‘มหาพฺรหฺมา อย’’นฺติ ปูเชตฺวา ‘‘โย จนฺทาภํ ปสฺสติ, โส ยสธนาทีนิ ลภติ, สมฺปรายฺจ สคฺคํ คจฺฉตี’’ติ อุคฺโฆเสนฺตา คามนิคมราชธานีสุ อาหิณฺฑนฺติ. คตคตฏฺาเน มนุสฺสา ‘‘เอส กิร โภ จนฺทาโภ นาม, โย เอตํ ปสฺสติ, โส ยสธนสคฺคาทีนิ ลภตี’’ติ อุปรูปริ อาคจฺฉนฺติ, สกลชมฺพุทีโป จลิ. พฺราหฺมณา ตุจฺฉหตฺถกานํ อาคตานํ น ทสฺเสนฺติ, สตํ วา สหสฺสํ วา คเหตฺวา อาคตานเมว ทสฺเสนฺติ. เอวํ จนฺทาภํ คเหตฺวา อนุวิจรนฺตา พฺราหฺมณา กเมน สาวตฺถึ อนุปฺปตฺตา.

เตน จ สมเยน ภควา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺโก อนุปุพฺเพน สาวตฺถึ อาคนฺตฺวา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน พหุชนหิตาย ธมฺมํ เทเสนฺโต. อถ จนฺทาโภ สาวตฺถึ ปตฺวา สมุทฺทปกฺขนฺตกุนฺนที วิย อปากโฏ อโหสิ, จนฺทาโภติ ภณนฺโตปิ นตฺถิ. โส สายนฺหสมเย มหาชนกายํ มาลาคนฺธาทีนิ อาทาย เชตวนาภิมุขํ คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘กุหึ คจฺฉถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘พุทฺโธ โลเก อุปฺปนฺโน, โส พหุชนหิตาย ธมฺมํ เทเสติ, ตํ โสตุํ เชตวนํ คจฺฉามา’’ติ จ เตสํ วจนํ สุตฺวา โสปิ พฺราหฺมณคณปริวุโต ตตฺเถว อคมาสิ. ภควา จ ตสฺมึ สมเย ธมฺมสภายํ วรพุทฺธาสเน นิสินฺโนว โหติ. จนฺทาโภ ภควนฺตํ อุปสงฺกมฺม มธุรปฏิสนฺถารํ กตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ, ตาวเทว จสฺส โส อาโลโก อนฺตรหิโต. พุทฺธาโลกสฺส หิ สมีเป อสีติหตฺถพฺภนฺตเร อฺโ อาโลโก นาภิโภติ. โส ‘‘อาโลโก เม นฏฺโ’’ติ นิสีทิตฺวาว อุฏฺาสิ, อุฏฺหิตฺวา จ คนฺตุมารทฺโธ. อถ นํ อฺตโร ปุริโส อาห – ‘‘กึ โภ จนฺทาภ, สมณสฺส โคตมสฺส ภีโต คจฺฉสี’’ติ. นาหํ ภีโต คจฺฉามิ, อปิจ เม อิมสฺส เตเชน อาโลโก น สมฺปชฺชตีติ ปุนเทว ภควโต ปุรโต นิสีทิตฺวา ปาทตลา ปฏฺาย ยาว เกสคฺคา รูปรํสิลกฺขณาทิสมฺปตฺตึ ทิสฺวา ‘‘มเหสกฺโข สมโณ โคตโม, มม อุเร อปฺปมตฺตโก อาโลโก อุฏฺิโต, ตาวตเกนปิ มํ คเหตฺวา พฺราหฺมณา สกลชมฺพุทีปํ วิจรนฺติ. เอวํ วรลกฺขณสมฺปตฺติสมนฺนาคตสฺส สมณสฺส โคตมสฺส เนว มาโน อุปฺปนฺโน, อทฺธา อยํ อโนมคุณสมนฺนาคโต ภวิสฺสติ สตฺถา เทวมนุสฺสาน’’นฺติ อติวิย ปสนฺนจิตฺโต ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิ. ภควา อฺตรํ เถรํ อาณาเปสิ – ‘‘ปพฺพาเชหิ น’’นฺติ. โส ตํ ปพฺพาเชตฺวา ตจปฺจกกมฺมฏฺานํ อาจิกฺขิ. โส วิปสฺสนํ อารภิตฺวา น จิเรเนว อรหตฺตํ ปตฺวา ‘‘จนฺทาภตฺเถโร’’ติ วิสฺสุโต อโหสิ. ตํ อารพฺภ ภิกฺขู กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘กึ นุ โข, อาวุโส, เย จนฺทาภํ อทฺทสํสุ. เต ยสํ วา ธนํ วา ลภึสุ, สคฺคํ วา คจฺฉึสุ, วิสุทฺธึ วา ปาปุณึสุ เตน จกฺขุทฺวาริกรูปทสฺสเนนา’’ติ. ภควา ตสฺสํ อฏฺุปฺปตฺติยํ อิมํ สุตฺตมภาสิ.

ตตฺถ ปมคาถาย ตาวตฺโถ – น, ภิกฺขเว, เอวรูเปน ทสฺสเนน สุทฺธิ โหติ. อปิจ โข กิเลสมลินตฺตา อสุทฺธํ, กิเลสโรคานํ อวิคมา สโรคเมว จนฺทาภํ พฺราหฺมณํ อฺํ วา เอวรูปํ ทิสฺวา ทิฏฺิคติโก พาโล อภิชานาติ ‘‘ปสฺสามิ สุทฺธํ ปรมํ อโรคํ, เตน จ ทิฏฺิสงฺขาเตน ทสฺสเนน สํสุทฺธิ นรสฺส โหตี’’ติ, โส เอวํ อภิชานนฺโต ตํ ทสฺสนํ ‘‘ปรม’’นฺติ ตฺวา ตสฺมึ ทสฺสเน สุทฺธานุปสฺสี สมาโน ตํ ทสฺสนํ ‘‘มคฺคาณ’’นฺติ ปจฺเจติ. ตํ ปน มคฺคาณํ น โหติ. เตนาห – ‘‘ทิฏฺเน เจ สุทฺธี’’ติ ทุติยคาถํ.

๗๙๖. ตสฺสตฺโถ – เตน รูปทสฺสนสงฺขาเตน ทิฏฺเน ยทิ กิเลสสุทฺธิ นรสฺส โหติ. เตน วา าเณน โส ยทิ ชาติอาทิทุกฺขํ ปชหาติ. เอวํ สนฺเต อริยมคฺคโต อฺเน อสุทฺธิมคฺเคเนว โส สุชฺฌติ, ราคาทีหิ อุปธีหิ สอุปธิโก เอว สมาโน สุชฺฌตีติ อาปนฺนํ โหติ, น จ เอวํวิโธ สุชฺฌติ. ตสฺมา ทิฏฺี หิ นํ ปาว ตถา วทานํ, สา นํ ทิฏฺิเยว ‘‘มิจฺฉาทิฏฺิโก อย’’นฺติ กเถติ ทิฏฺิอนุรูปํ ‘‘สสฺสโต โลโก’’ติอาทินา นเยน ตถา ตถา วทนฺติ.

๗๙๗. น พฺราหฺมโณติ ตติยคาถา. ตสฺสตฺโถ – โย ปน พาหิตปาปตฺตา พฺราหฺมโณ โหติ, โส มคฺเคน อธิคตาสวกฺขโย ขีณาสวพฺราหฺมโณ อริยมคฺคาณโต อฺเน อภิมงฺคลสมฺมตรูปสงฺขาเต ทิฏฺเ ตถาวิธสทฺทสงฺขาเต สุเต อวีติกฺกมสงฺขาเต สีเล หตฺถิวตาทิเภเท วเต ปถวิอาทิเภเท มุเต จ อุปฺปนฺเนน มิจฺฉาาเณน สุทฺธึ น อาห. เสสมสฺส พฺราหฺมณสฺส วณฺณภณนตฺถํ วุตฺตํ. โส หิ เตธาตุกปุฺเ สพฺพสฺมิฺจ ปาเป อนูปลิตฺโต, ตสฺส ปหีนตฺตา อตฺตทิฏฺิยา ยสฺส กสฺสจิ วา คหณสฺส ปหีนตฺตา อตฺตฺชโห, ปุฺาภิสงฺขาราทีนํ อกรณโต นยิธ ปกุพฺพมาโนติ วุจฺจติ. ตสฺมา นํ เอวํ ปสํสนฺโต อาห. สพฺพสฺเสว จสฺส ปุริมปาเทน สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ – ปุฺเ จ ปาเป จ อนูปลิตฺโต, อตฺตฺชโห นยิธ ปกุพฺพมาโน, น พฺราหฺมโณ อฺโต สุทฺธิมาหาติ.

๗๙๘. เอวํ น พฺราหฺมโณ อฺโต สุทฺธิมาหาติ วตฺวา อิทานิ เย ทิฏฺิคติกา อฺโต สุทฺธึ พฺรุวนฺติ, เตสํ ตสฺสา ทิฏฺิยา อนิพฺพาหกภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปุริมํ ปหายา’’ติ คาถมาห. ตสฺสตฺโถ – เต หิ อฺโต สุทฺธิวาทา สมานาปิ ยสฺสา ทิฏฺิยา อปฺปหีนตฺตา คหณมุฺจนํ โหติ. ตาย ปุริมํ สตฺถาราทึ ปหาย อปรํ นิสฺสิตา เอชาสงฺขาตาย ตณฺหาย อนุคตา อภิภูตา ราคาทิเภทํ น ตรนฺติ สงฺคํ, ตฺจ อตรนฺตา ตํ ตํ ธมฺมํ อุคฺคณฺหนฺติ จ นิรสฺสชนฺติ จ มกฺกโฏว สาขนฺติ.

๗๙๙. ปฺจมคาถาย สมฺพนฺโธ – โย จ โส ‘‘ทิฏฺี หิ นํ ปาว ตถา วทาน’’นฺติ วุตฺโต, โส สยํ สมาทายาติ. ตตฺถ สยนฺติ สามํ. สมาทายาติ คเหตฺวา. วตานีติ หตฺถิวตาทีนิ. อุจฺจาวจนฺติ อปราปรํ หีนปณีตํ วา สตฺถารโต สตฺถาราทึ. สฺสตฺโตติ กามสฺาทีสุ ลคฺโค. วิทฺวา จ เวเทหิ สเมจฺจ ธมฺมนฺติ ปรมตฺถวิทฺวา จ อรหา จตูหิ มคฺคาณเวเทหิ จตุสจฺจธมฺมํ อภิสเมจฺจาติ. เสสํ ปากฏเมว.

๘๐๐. ส สพฺพธมฺเมสุ วิเสนิภูโต, ยํ กิฺจิ ทิฏฺํว สุตํ มุตํ วาติ โส ภูริปฺโ ขีณาสโว ยํ กิฺจิ ทิฏฺํ วา สุตํ วา มุตํ วา เตสุ สพฺพธมฺเมสุ มารเสนํ วินาเสตฺวา ิตภาเวน วิเสนิภูโต. ตเมวทสฺสินฺติ ตํ เอวํ วิสุทฺธทสฺสึ. วิวฏํ จรนฺตนฺติ ตณฺหจฺฉทนาทิวิคเมน วิวฏํ หุตฺวา จรนฺตํ. เกนีธ โลกสฺมึ วิกปฺปเยยฺยาติ เกน อิธ โลเก ตณฺหากปฺเปน วา ทิฏฺิกปฺเปน วา โกจิ วิกปฺเปยฺย, เตสํ วา ปหีนตฺตา ราคาทินา ปุพฺเพ วุตฺเตนาติ.

๘๐๑. น กปฺปยนฺตีติ คาถาย สมฺพนฺโธ อตฺโถ จ – กิฺจ ภิยฺโย? เต หิ ตาทิสา สนฺโต ทฺวินฺนํ กปฺปานํ ปุเรกฺขารานฺจ เกนจิ น กปฺปยนฺติ น ปุเรกฺขโรนฺติ, ปรมตฺถอจฺจนฺตสุทฺธิอธิคตตฺตา อนจฺจนฺตสุทฺธึเยว อกิริยสสฺสตทิฏฺึ อจฺจนฺต สุทฺธีติ น เต วทนฺติ. อาทานคนฺถํ คถิตํ วิสชฺชาติ จตุพฺพิธมฺปิ รูปาทีนํ อาทายกตฺตา อาทานคนฺถํ อตฺตโน จิตฺตสนฺตาเน คถิตํ พทฺธํ อริยมคฺคสตฺเถน วิสชฺช ฉินฺทิตฺวา. เสสํ ปากฏเมว.

๘๐๒. สีมาติโคติ คาถา เอกปุคฺคลาธิฏฺานาย เทสนาย วุตฺตา. ปุพฺพสทิโส เอว ปนสฺสา สมฺพนฺโธ, โส เอวํ อตฺถวณฺณนาย สทฺธึ เวทิตพฺโพ – กิฺจ ภิยฺโย โส อีทิโส ภูริปฺโ จตุนฺนํ กิเลสสีมานํ อตีตตฺตา สีมาติโค พาหิตปาปตฺตา จ พฺราหฺมโณ, อิตฺถมฺภูตสฺส จ ตสฺส นตฺถิ ปรจิตฺตปุพฺเพนิวาสาเณหิ ตฺวา วา มํสจกฺขุทิพฺพจกฺขูหิ ทิสฺวา วา กิฺจิ สมุคฺคหีตํ, อภินิวิฏฺนฺติ วุตฺตํ โหติ. โส จ กามราคาภาวโต น ราคราคี, รูปารูปราคาภาวโต น วิราครตฺโต. ยโต เอวํวิธสฺส ‘‘อิทํ ปร’’นฺติ กิฺจิ อิธ อุคฺคหิตํ นตฺถีติ อรหตฺตนิกูเฏน เทสนํ นิฏฺาเปสิ.

ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย

สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย สุทฺธฏฺกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. ปรมฏฺกสุตฺตวณฺณนา

๘๐๓. ปรมนฺติ ทิฏฺีสูติ ปรมฏฺกสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? ภควติ กิร สาวตฺถิยํ วิหรนฺเต นานาติตฺถิยา สนฺนิปติตฺวา อตฺตโน อตฺตโน ทิฏฺึ ทีเปนฺตา ‘‘อิทํ ปรมํ, อิทํ ปรม’’นฺติ กลหํ กตฺวา รฺโ อาโรเจสุํ. ราชา สมฺพหุเล ชจฺจนฺเธ สนฺนิปาตาเปตฺวา ‘‘อิเมสํ หตฺถึ ทสฺเสถา’’ติ อาณาเปสิ. ราชปุริสา อนฺเธ สนฺนิปาตาเปตฺวา หตฺถึ ปุรโต สยาเปตฺวา ‘‘ปสฺสถา’’ติ อาหํสุ. เต หตฺถิสฺส เอกเมกํ องฺคํ ปรามสึสุ. ตโต รฺา ‘‘กีทิโส, ภเณ, หตฺถี’’ติ ปุฏฺโ โย โสณฺฑํ ปรามสิ, โส ‘‘เสยฺยถาปิ, มหาราช, นงฺคลีสา’’ติ ภณิ. เย ทนฺตาทีนิ ปรามสึสุ, เต อิตรํ ‘‘มา โภ รฺโ ปุรโต มุสา ภณี’’ติ ปริภาสิตฺวา ‘‘เสยฺยถาปิ, มหาราช, ภิตฺติขิโล’’ติอาทีนิ อาหํสุ. ราชา ตํ สพฺพํ สุตฺวา ‘‘อีทิโส ตุมฺหากํ สมโย’’ติ ติตฺถิเย อุยฺโยเชสิ. อฺตโร ปิณฺฑจาริโก ตํ ปวตฺตึ ตฺวา ภควโต อาโรเจสิ. ภควา ตสฺสํ อฏฺุปฺปตฺติยํ ภิกฺขู อามนฺเตตฺวา ‘‘ยถา, ภิกฺขเว, ชจฺจนฺธา หตฺถึ อชานนฺตา ตํ ตํ องฺคํ ปรามสิตฺวา วิวทึสุ, เอวํ ติตฺถิยา วิโมกฺขนฺติกธมฺมํ อชานนฺตา ตํ ตํ ทิฏฺึ ปรามสิตฺวา วิวทนฺตี’’ติ วตฺวา ธมฺมเทสนตฺถํ อิมํ สุตฺตมภาสิ.

ตตฺถ ปรมนฺติ ทิฏฺีสุ ปริพฺพสาโนติ ‘‘อิทํ ปรม’’นฺติ คเหตฺวา สกาย สกาย ทิฏฺิยา วสมาโน. ยทุตฺตริ กุรุเตติ ยํ อตฺตโน สตฺถาราทึ เสฏฺํ กโรติ. หีนาติ อฺเ ตโต สพฺพมาหาติ ตํ อตฺตโน สตฺถาราทึ เปตฺวา ตโต อฺเ สพฺเพ ‘‘หีนา อิเม’’ติ อาห. ตสฺมา วิวาทานิ อวีติวตฺโตติ เตน การเณน โส ทิฏฺิกลเห อวีติวตฺโตว โหติ.

๘๐๔. ทุติยคาถาย อตฺโถ – เอวํ อวีติวตฺโต จ ยํ ทิฏฺเ สุเต สีลวเต มุเตติ เอเตสุ วตฺถูสุ อุปฺปนฺนทิฏฺิสงฺขาเต อตฺตนิ ปุพฺเพ วุตฺตปฺปการํ อานิสํสํ ปสฺสติ. ตเทว โส ตตฺถ สกาย ทิฏฺิยา อานิสํสํ ‘‘อิทํ เสฏฺ’’นฺติ อภินิวิสิตฺวา อฺํ สพฺพํ ปรสตฺถาราทิกํ นิหีนโต ปสฺสติ.

๘๐๕. ตติยคาถาย อตฺโถ – เอวํ ปสฺสโต จสฺส ยํ อตฺตโน สตฺถาราทึ นิสฺสิโต อฺํ ปรสตฺถาราทึ หีนํ ปสฺสติ ตํ ปน ทสฺสนํ คนฺถเมว กุสลา วทนฺติ, พนฺธนนฺติ วุตฺตํ โหติ. ยสฺมา เอตเทว, ตสฺมา หิ ทิฏฺํว สุตํ มุตํ วา สีลพฺพตํ ภิกฺขุ น นิสฺสเยยฺย, นาภินิเวเสยฺยาติ วุตฺตํ โหติ.

๘๐๖. จตุตฺถคาถาย อตฺโถ – น เกวลํ ทิฏฺสุตาทึ น นิสฺสเยยฺย, อปิจ โข ปน อสฺชาตํ อุปรูปริ ทิฏฺิมฺปิ โลกสฺมึ น กปฺปเยยฺย, น ชเนยฺยาติ วุตฺตํ โหติ. กีทิสํ? าเณน วา สีลวเตน วาปิ, สมาปตฺติาณาทินา าเณน วา สีลวเตน วา ยา กปฺปิยติ, เอตํ ทิฏฺึ น กปฺเปยฺย. น เกวลฺจ ทิฏฺึ น กปฺปเยยฺย, อปิจ โข ปน มาเนนปิ ชาติอาทีหิ วตฺถูหิ สโมติ อตฺตานมนูปเนยฺย, หีโน น มฺเถ วิเสสิ วาปีติ.

๘๐๗. ปฺจมคาถาย อตฺโถ – เอวฺหิ ทิฏฺึ อกปฺเปนฺโต อมฺมาโน จ อตฺตํ ปหาย อนุปาทิยาโน อิธ วา ยํ ปุพฺเพ คหิตํ, ตํ ปหาย อปรํ อคฺคณฺหนฺโต ตสฺมิมฺปิ วุตฺตปฺปกาเร าเณ ทุวิธํ นิสฺสยํ โน กโรติ. อกโรนฺโต จ ส เว วิยตฺเตสุ นานาทิฏฺิวเสน ภินฺเนสุ สตฺเตสุ น วคฺคสารี ฉนฺทาทิวเสน อคจฺฉนธมฺโม หุตฺวา ทฺวาสฏฺิยา ทิฏฺีสุ กิฺจิปิ ทิฏฺึ น ปจฺเจติ, น ปจฺจาคจฺฉตีติ วุตฺตํ โหติ.

๘๐๘-๑๐. อิทานิ โย โส อิมาย คาถาย วุตฺโต ขีณาสโว, ตสฺส วณฺณภณนตฺถํ ‘‘ยสฺสูภยนฺเต’’ติอาทิกา ติสฺโส คาถาโย อาห. ตตฺถ อุภยนฺเตติ ปุพฺเพ วุตฺตผสฺสาทิเภเท. ปณิธีติ ตณฺหา. ภวาภวายาติ ปุนปฺปุนภวาย. อิธ วา หุรํ วาติ สกตฺตภาวาทิเภเท อิธ วา ปรตฺตภาวาทิเภเท ปรตฺถ วา. ทิฏฺเ วาติ ทิฏฺสุทฺธิยา วา. เอส นโย สุตาทีสุ. สฺาติ สฺาสมุฏฺาปิกา ทิฏฺิ. ธมฺมาปิ เตสํ น ปฏิจฺฉิตาเสติ ทฺวาสฏฺิทิฏฺิคตธมฺมาปิ เตสํ ‘‘อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺ’’นฺติ เอวํ น ปฏิจฺฉิตา. ปารงฺคโต น ปจฺเจติ ตาทีติ นิพฺพานปารํ คโต เตน เตน มคฺเคน ปหีเน กิเลเส ปุน นาคจฺฉติ, ปฺจหิ จ อากาเรหิ ตาที โหตีติ. เสสํ ปากฏเมวาติ.

ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย

สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย ปรมฏฺกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. ชราสุตฺตวณฺณนา

๘๑๑. อปฺปํ วต ชีวิตนฺติ ชราสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วสฺสํ วสิตฺวา ยานิ ตานิ พุทฺธานํ สรีราโรคฺยสมฺปาทนํ อนุปฺปนฺนสิกฺขาปทปฺาปนํ เวเนยฺยทมนํ ตถารูปาย อฏฺุปฺปตฺติยา ชาตกาทิกถนนฺติอาทีนิ ชนปทจาริกานิมิตฺตานิ, ตานิ สมเวกฺขิตฺวา ชนปทจาริกํ ปกฺกามิ. อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน สายํ สาเกตํ อนุปฺปตฺโต อฺชนวนํ ปาวิสิ. สาเกตวาสิโน สุตฺวา ‘‘อกาโล อิทานิ ภควนฺตํ ทสฺสนายา’’ติ วิภาตาย รตฺติยา มาลาคนฺธาทีนิ คเหตฺวา ภควโต สนฺติกํ คนฺตฺวา ปูชนวนฺทนสมฺโมทนาทีนิ กตฺวา ปริวาเรตฺวา อฏฺํสุ ยาว ภควโต คามปฺปเวสนเวลา, อถ ภควา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ปิณฺฑาย ปาวิสิ. ตํ อฺตโร สาเกตโก พฺราหฺมณมหาสาโล นครา นิกฺขนฺโต นครทฺวาเร อทฺทส. ทิสฺวา ปุตฺตสิเนหํ อุปฺปาเทตฺวา ‘‘จิรทิฏฺโสิ, ปุตฺต, มยา’’ติ ปริเทวยมาโน อภิมุโข อคมาสิ. ภควา ภิกฺขู สฺาเปสิ – ‘‘อยํ, ภิกฺขเว, พฺราหฺมโณ ยํ อิจฺฉติ, ตํ กโรตุ, น วาเรตพฺโพ’’ติ.

พฺราหฺมโณปิ วจฺฉคิทฺธินีว คาวี อาคนฺตฺวา ภควโต กายํ ปุรโต จ ปจฺฉโต จ ทกฺขิณโต จ วามโต จาติ สมนฺตา อาลิงฺคิ ‘‘จิรทิฏฺโสิ, ปุตฺต, จิรํ วินา อโหสี’’ติ ภณนฺโต. ยทิ ปน โส ตถา กาตุํ น ลเภยฺย, หทยํ ผาเลตฺวา มเรยฺย. โส ภควนฺตํ อโวจ – ‘‘ภควา ตุมฺเหหิ สทฺธึ อาคตภิกฺขูนํ อหเมว ภิกฺขํ ทาตุํ สมตฺโถ, มเมว อนุคฺคหํ กโรถา’’ติ. อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวน. พฺราหฺมโณ ภควโต ปตฺตํ คเหตฺวา ปุรโต คจฺฉนฺโต พฺราหฺมณิยา เปเสสิ – ‘‘ปุตฺโต เม อาคโต, อาสนํ ปฺาเปตพฺพ’’นฺติ. สา ตถา กตฺวา อาคมนํ ปสฺสนฺตี ิตา ภควนฺตํ อนฺตรวีถิยํเยว ทิสฺวา ปุตฺตสิเนหํ อุปฺปาเทตฺวา ‘‘จิรทิฏฺโสิ, ปุตฺต, มยา’’ติ ปาเทสุ คเหตฺวา โรทิตฺวา ฆรํ อติเนตฺวา สกฺกจฺจํ โภเชสิ. ภุตฺตาวิโน พฺราหฺมโณ ปตฺตํ อปนาเมสิ. ภควา เตสํ สปฺปายํ วิทิตฺวา ธมฺมํ เทเสสิ, เทสนาปริโยสาเน อุโภปิ โสตาปนฺนา อเหสุํ. อถ ภควนฺตํ ยาจึสุ – ‘‘ยาว, ภนฺเต, ภควา อิมํ นครํ อุปนิสฺสาย วิหรติ, อมฺหากํเยว ฆเร ภิกฺขา คเหตพฺพา’’ติ. ภควา ‘‘น พุทฺธา เอวํ เอกํ นิพทฺธฏฺานํเยว คจฺฉนฺตี’’ติ ปฏิกฺขิปิ. เต อาหํสุ – ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ ปิณฺฑาย จริตฺวาปิ ตุมฺเห อิเธว ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา ธมฺมํ เทเสตฺวา วิหารํ คจฺฉถา’’ติ. ภควา เตสํ อนุคฺคหตฺถาย ตถา อกาสิ. มนุสฺสา พฺราหฺมณฺจ พฺราหฺมณิฺจ ‘‘พุทฺธปิตา พุทฺธมาตา’’ ตฺเวว โวหรึสุ. ตมฺปิ กุลํ ‘‘พุทฺธกุล’’นฺติ นามํ ลภิ.

อานนฺทตฺเถโร ภควนฺตํ ปุจฺฉิ – ‘‘อหํ ภควโต มาตาปิตโร ชานามิ, อิเม ปน กสฺมา วทนฺติ ‘อหํ พุทฺธมาตา อหํ พุทฺธปิตา’’’ติ. ภควา อาห – ‘‘นิรนฺตรํ เม, อานนฺท, พฺราหฺมณี จ พฺราหฺมโณ จ ปฺจ ชาติสตานิ มาตาปิตโร อเหสุํ, ปฺจ ชาติสตานิ มาตาปิตูนํ เชฏฺกา, ปฺจ ชาติสตานิ กนิฏฺกา. เต ปุพฺพสิเนเหเนว กเถนฺตี’’ติ อิมฺจ คาถมภาสิ –

‘‘ปุพฺเพว สนฺนิวาเสน, ปจฺจุปฺปนฺนหิเตน วา;

เอวํ ตํ ชายเต เปมํ, อุปฺปลํว ยโถทเก’’ติ. (ชา. ๑.๒.๑๗๔);

ตโต ภควา สาเกเต ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวา ปุน จาริกํ จรมาโน สาวตฺถิเมว อคมาสิ. โสปิ พฺราหฺมโณ จ พฺราหฺมณี จ ภิกฺขู อุปสงฺกมิตฺวา ปติรูปํ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา เสสมคฺเค ปาปุณิตฺวา อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายึสุ. นคเร พฺราหฺมณา สนฺนิปตึสุ ‘‘อมฺหากํ าตเก สกฺกริสฺสามา’’ติ. โสตาปนฺนสกทาคามิอนาคามิโน อุปาสกาปิ สนฺนิปตึสุ อุปาสิกาโย จ ‘‘อมฺหากํ สหธมฺมิเก สกฺกริสฺสามา’’ติ. เต สพฺเพปิ กมฺพลกูฏาคารํ อาโรเปตฺวา มาลาคนฺธาทีหิ ปูเชนฺตา นครา นิกฺขาเมสุํ.

ภควาปิ ตํ ทิวสํ ปจฺจูสสมเย พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกนฺโต เตสํ ปรินิพฺพานภาวํ ตฺวา ‘‘ตตฺถ มยิ คเต ธมฺมเทสนํ สุตฺวา พหุชนสฺส ธมฺมาภิสมโย ภวิสฺสตี’’ติ ตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สาวตฺถิโต อาคนฺตฺวา อาฬาหนเมว ปาวิสิ. มนุสฺสา ทิสฺวา ‘‘มาตาปิตูนํ สรีรกิจฺจํ กาตุกาโม ภควา อาคโต’’ติ วนฺทิตฺวา อฏฺํสุ. นาคราปิ กูฏาคารํ ปูเชนฺตา อาฬาหนํ อาเนตฺวา ภควนฺตํ ปุจฺฉึสุ – ‘‘คหฏฺอริยสาวกา กถํ ปูเชตพฺพา’’ติ. ภควา ‘‘ยถา อเสกฺขา ปูชิยนฺติ, ตถา ปูเชตพฺพา อิเม’’ติ อธิปฺปาเยน เตสํ อเสกฺขมุนิภาวํ ทีเปนฺโต อิมํ คาถมาห –

‘‘อหึสกา เย มุนโย, นิจฺจํ กาเยน สํวุตา;

เต ยนฺติ อจฺจุตํ านํ, ยตฺถ คนฺตฺวา น โสจเร’’ติ. (ธ. ป. ๒๒๕);

ตฺจ ปริสํ โอโลเกตฺวา ตงฺขณานุรูปํ ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ สุตฺตมภาสิ.

ตตฺถ อปฺปํ วต ชีวิตํ อิทนฺติ ‘‘อิทํ วต มนุสฺสานํ ชีวิตํ อปฺปํ ปริตฺตํ ิติปริตฺตตาย สรสปริตฺตตายา’’ติ สลฺลสุตฺเตปิ วุตฺตนยเมตํ. โอรํ วสฺสสตาปิ มิยฺยตีติ วสฺสสตา โอรํ กลลาทิกาเลปิ มิยฺยติ. อติจฺจาติ วสฺสสตํ อติกฺกมิตฺวา. ชรสาปิ มิยฺยตีติ ชรายปิ มิยฺยติ.

๘๑๒-๖. มมายิเตติ มมายิตวตฺถุการณา. วินาภาวสนฺตเมวิทนฺติ สนฺตวินาภาวํ วิชฺชมานวินาภาวเมว อิทํ, น สกฺกา อวินาภาเวน ภวิตุนฺติ วุตฺตํ โหติ. มามโกติ มม อุปาสโก ภิกฺขุ วาติ สงฺขํ คโต, พุทฺธาทีนิ วา วตฺถูนิ มมายมาโน. สงฺคตนฺติ สมาคตํ ทิฏฺปุพฺพํ วา. ปิยายิตนฺติ ปิยํ กตํ. นามํเยวาวสิสฺสติ อกฺเขยฺยนฺติ สพฺพํ รูปาทิธมฺมชาตํ ปหียติ, นามมตฺตเมว ตุ อวสิสฺสติ ‘‘พุทฺธรกฺขิโต, ธมฺมรกฺขิโต’’ติ เอวํ สงฺขาตุํ กเถตุํ. มุนโยติ ขีณาสวมุนโย. เขมทสฺสิโนติ นิพฺพานทสฺสิโน.

๘๑๗. สตฺตมคาถา เอวํ มรณพฺภาหเต โลเก อนุรูปปฏิปตฺติทสฺสนตฺถํ วุตฺตา. ตตฺถ ปติลีนจรสฺสาติ ตโต ตโต ปติลีนํ จิตฺตํ กตฺวา จรนฺตสฺส. ภิกฺขุโนติ กลฺยาณปุถุชฺชนสฺส เสกฺขสฺส วา. สามคฺคิยมาหุ ตสฺส ตํ, โย อตฺตานํ ภวเน น ทสฺสเยติ ตสฺเสตํ ปติรูปมาหุ, โย เอวํปฏิปนฺโน นิรยาทิเภเท ภวเน อตฺตานํ น ทสฺเสยฺย. เอวฺหิ โส อิมมฺหา มรณา มุจฺเจยฺยาติ อธิปฺปาโย.

๘๑๘-๒๐. อิทานิ โย ‘‘อตฺตานํ ภวเน น ทสฺสเย’’ติ เอวํ ขีณาสโว วิภาวิโต, ตสฺส วณฺณภณนตฺถํ อิโต ปรา ติสฺโส คาถาโย อาห. ตตฺถ สพฺพตฺถาติ ทฺวาทสสุ อายตเนสุ. ยทิทํ ทิฏฺสุตํ มุเตสุ วาติ เอตฺถ ปน ยทิทํ ทิฏฺสุตํ, เอตฺถ วา มุเตสุ วา ธมฺเมสุ เอวํ มุนิ น อุปลิมฺปตีติ เอวํ สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ. โธโน น หิ เตน มฺติ, ยทิทํ ทิฏฺสุตํ มุเตสุ วาติ อตฺราปิ ยทิทํ ทิฏฺสุตฺตํ, เตน วตฺถุนา น มฺติ, มุเตสุ วา ธมฺเมสุ น มฺตีติ เอวเมว สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ. น หิ โส รชฺชติ โน วิรชฺชตีติ. พาลปุถุชฺชนา วิย น รชฺชติ, กลฺยาณปุถุชฺชนเสกฺขา วิย น วิรชฺชติ, ราคสฺส ปน ขีณตฺตา ‘‘วิราโค’’ตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ. เสสํ สพฺพตฺถ ปากฏเมวาติ. เทสนาปริโยสาเน จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสีติ.

ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย

สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย ชราสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. ติสฺสเมตฺเตยฺยสุตฺตวณฺณนา

๘๒๑. เมถุนมนุยุตฺตสฺสาติ ติสฺสเมตฺเตยฺยสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? ภควติ กิร สาวตฺถิยํ วิหรนฺเต ติสฺสเมตฺเตยฺยา นาม ทฺเว สหายา สาวตฺถึ อคมํสุ. เต สายนฺหสมยํ มหาชนํ เชตวนาภิมุขํ คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘กุหึ คจฺฉถา’’ติ ปุจฺฉึสุ. ตโต เตหิ ‘‘พุทฺโธ โลเก อุปฺปนฺโน, พหุชนหิตาย ธมฺมํ เทเสติ, ตํ โสตุํ เชตวนํ คจฺฉามา’’ติ วุตฺเต ‘‘มยมฺปิ โสสฺสามา’’ติ อคมํสุ. เต อวฺฌธมฺมเทสกสฺส ภควโต ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปริสนฺตเร นิสินฺนาว จินฺเตสุํ – ‘‘น สกฺกา อคารมชฺเฌ ิเตนายํ ธมฺโม ปริปูเรตุ’’นฺติ. อถ ปกฺกนฺเต มหาชเน ภควนฺตํ ปพฺพชฺชํ ยาจึสุ. ภควา ‘‘อิเม ปพฺพาเชหี’’ติ อฺตรํ ภิกฺขุํ อาณาเปสิ. โส เต ปพฺพาเชตฺวา ตจปฺจกกมฺมฏฺานํ ทตฺวา อรฺวาสํ คนฺตุมารทฺโธ. เมตฺเตยฺโย ติสฺสํ อาห – ‘‘อาวุโส, อุปชฺฌาโย อรฺํ คจฺฉติ, มยมฺปิ คจฺฉามา’’ติ. ติสฺโส ‘‘อลํ อาวุโส, ภควโต ทสฺสนํ ธมฺมสฺสวนฺจ อหํ ปิเหมิ, คจฺฉ ตฺว’’นฺติ วตฺวา น อคมาสิ. เมตฺเตยฺโย อุปชฺฌาเยน สห คนฺตฺวา อรฺเ สมณธมฺมํ กโรนฺโต น จิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ สทฺธึ อาจริยุปชฺฌาเยหิ. ติสฺสสฺสาปิ เชฏฺภาตา พฺยาธินา กาลมกาสิ. โส ตํ สุตฺวา อตฺตโน คามํ อคมาสิ, ตตฺร นํ าตกา ปโลเภตฺวา อุปฺปพฺพาเชสุํ. เมตฺเตยฺโยปิ อาจริยุปชฺฌาเยหิ สทฺธึ สาวตฺถึ อาคโต. อถ ภควา วุตฺถวสฺโส ชนปทจาริกํ จรมาโน อนุปุพฺเพน ตํ คามํ ปาปุณิ. ตตฺถ เมตฺเตยฺโย ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ‘‘อิมสฺมึ, ภนฺเต, คาเม มม คิหิสหาโย อตฺถิ, มุหุตฺตํ ตาว อาคเมถ อนุกมฺปํ อุปาทายา’’ติ วตฺวา คามํ ปวิสิตฺวา ตํ ภควโต สนฺติกํ อาเนตฺวา เอกมนฺตํ ิโต ตสฺสตฺถาย อาทิคาถาย ภควนฺตํ ปฺหํ ปุจฺฉิ. ตสฺส ภควา พฺยากโรนฺโต อวเสสคาถาโย อภาสิ. อยมสฺส สุตฺตสฺส อุปฺปตฺติ.

ตตฺถ เมถุนมนุยุตฺตสฺสาติ เมถุนธมฺมสมายุตฺตสฺส. อิตีติ เอวมาห. อายสฺมาติ ปิยวจนเมตํ, ติสฺโสติ นามํ ตสฺส เถรสฺส. โส หิ ติสฺโสติ นาเมน. เมตฺเตยฺโยติ โคตฺตํ, โคตฺตวเสเนว เจส ปากโฏ อโหสิ. ตสฺมา อฏฺุปฺปตฺติยํ วุตฺตํ ‘‘ติสฺสเมตฺเตยฺยา นาม ทฺเว สหายา’’ติ. วิฆาตนฺติ อุปฆาตํ. พฺรูหีติ อาจิกฺข. มาริสาติ ปิยวจนเมตํ, นิทุกฺขาติ วุตฺตํ โหติ. สุตฺวาน ตว สาสนนฺติ ตว วจนํ สุตฺวา. วิเวเก สิกฺขิสฺสามเสติ สหายํ อารพฺภ ธมฺมเทสนํ ยาจนฺโต ภณติ. โส ปน สิกฺขิตสิกฺโขเยว.

๘๒๒. มุสฺสเต วาปิ สาสนนฺติ ปริยตฺติปฏิปตฺติโต ทุวิธมฺปิ สาสนํ นสฺสติ. วาปีติ ปทปูรณมตฺตํ. เอตํ ตสฺมึ อนาริยนฺติ ตสฺมึ ปุคฺคเล เอตํ อนริยํ, ยทิทํ มิจฺฉาปฏิปทา.

๘๒๓. เอโก ปุพฺเพ จริตฺวานาติ ปพฺพชฺชาสงฺขาเตน วา คณโวสฺสคฺคฏฺเน วา ปุพฺเพ เอโก วิหริตฺวา. ยานํ ภนฺตํว ตํ โลเก, หีนมาหุ ปุถุชฺชนนฺติ ตํ วิพฺภนฺตกํ ปุคฺคลํ ยถา หตฺถิยานาทิยานํ อทนฺตํ วิสมํ อาโรหติ, อาโรหกมฺปิ ภฺชติ, ปปาเตปิ ปปตติ. เอวํ กายทุจฺจริตาทิวิสมาโรหเนน นรกาทีสุ, อตฺถภฺชเนน ชาติปปาตาทีสุ ปปตเนน จ ยานํ ภนฺตํว อาหุ หีนํ ปุถุชฺชนฺจ อาหูติ.

๘๒๔-๕. ยโส กิตฺติ จาติ ลาภสกฺกาโร ปสํสา จ. ปุพฺเพติ ปพฺพชิตภาเว. หายเต วาปิ ตสฺส สาติ ตสฺส วิพฺภนฺตกสฺส สโต โส จ ยโส สา จ กิตฺติ หายติ. เอตมฺปิ ทิสฺวาติ เอตมฺปิ ปุพฺเพ ยสกิตฺตีนํ ภาวํ ปจฺฉา จ หานึ ทิสฺวา. สิกฺเขถ เมถุนํ วิปฺปหาตเวติ ติสฺโส สิกฺขา สิกฺเขถ. กึ การณํ? เมถุนํ วิปฺปหาตเว, เมถุนปฺปหานตฺถายาติ วุตฺตํ โหติ. โย หิ เมถุนํ น วิปฺปชหติ, สงฺกปฺเปหิ…เป… ตถาวิโธ. ตตฺถ ปเรโตติ สมนฺนาคโต. ปเรสํ นิคฺโฆสนฺติ อุปชฺฌายาทีนํ นินฺทาวจนํ. มงฺกุ โหตีติ ทุมฺมโน โหติ.

๘๒๖. อิโต ปรา คาถา ปากฏสมฺพนฺธา เอว. ตาสุ สตฺถานีติ กายทุจฺจริตาทีนิ. ตานิ หิ อตฺตโน ปเรสฺจ เฉทนฏฺเน ‘‘สตฺถานี’’ติ วุจฺจนฺติ. เตสุ จายํ วิเสสโต โจทิโต มุสาวจนสตฺถาเนว กโรติ – ‘‘อิมินา การเณนาหํ วิพฺภนฺโต’’ติ ภณนฺโต. เตเนวาห – ‘‘เอส ขฺวสฺส มหาเคโธ, โมสวชฺชํ ปคาหตี’’ติ. ตตฺถ เอส ขฺวสฺสาติ เอส โข อสฺส. มหาเคโธติ มหาพนฺธนํ. กตโมติ เจ? ยทิทํ โมสวชฺชํ ปคาหติ, สฺวาสฺส มุสาวาทชฺโฌคาโห มหาเคโธติ เวทิตพฺโพ.

๘๒๗. มนฺโทว ปริกิสฺสตีติ ปาณวธาทีนิ กโรนฺโต ตโตนิทานฺจ ทุกฺขมนุโภนฺโต โภคปริเยสนรกฺขนานิ จ กโรนฺโต โมมูโห วิย ปริกิลิสฺสติ.

๘๒๘-๙. ‘‘เอตมาทีนวํ ตฺวา, มุนิ ปุพฺพาปเร อิธา’’ติ เอตํ ‘‘ยโส กิตฺติ จ ยา ปุพฺเพ, หายเตวาปิ ตสฺส สา’’ติ อิโต ปภุติ วุตฺเต ปุพฺพาปเร อิธ อิมสฺมึ สาสเน ปุพฺพโต อปเร สมณภาวโต วิพฺภนฺตกภาเว อาทีนวํ มุนิ ตฺวา. เอตทริยานมุตฺตมนฺติ ยทิทํ วิเวกจริยา, เอตํ พุทฺธาทีนํ อริยานํ อุตฺตมํ, ตสฺมา วิเวกฺเว สิกฺเขถาติ อธิปฺปาโย. น เตน เสฏฺโ มฺเถาติ เตน จ วิเวเกน น อตฺตานํ ‘‘เสฏฺโ อห’’นฺติ มฺเยฺย, เตน ถทฺโธ น ภเวยฺยาติ วุตฺตํ โหติ.

๘๓๐. ริตฺตสฺสาติ วิวิตฺตสฺส กายทุจฺจริตาทีหิ วิรหิตสฺส. โอฆติณฺณสฺส ปิหยนฺติ, กาเมสุ คธิตา ปชาติ วตฺถุกาเมสุ ลคฺคา สตฺตา ตสฺส จตุโรฆติณฺณสฺส ปิหยนฺติ อิณายิกา วิย อาณณฺยสฺสาติ อรหตฺตนิกูเฏน เทสนํ นิฏฺาเปสิ. เทสนาปริโยสาเน ติสฺโส โสตาปตฺติผลํ ปตฺวา ปจฺฉา ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ สจฺฉากาสีติ.

ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย

สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย ติสฺสเมตฺเตยฺยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. ปสูรสุตฺตวณฺณนา

๘๓๑. อิเธว สุทฺธีติ ปสูรสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? ภควติ กิร สาวตฺถิยํ วิหรนฺเต ปสูโร นาม ปริพฺพาชโก มหาวาที, โส ‘‘อหมสฺมิ สกลชมฺพุทีเป วาเทน อคฺโค, ตสฺมา ยถา ชมฺพุทีปสฺส ชมฺพุปฺาณํ, เอวํ มมาปิ ภวิตุํ อรหตี’’ติ ชมฺพุสาขํ ธชํ กตฺวา สกลชมฺพุทีเป ปฏิวาทํ อนาสาเทนฺโต อนุปุพฺเพน สาวตฺถึ อาคนฺตฺวา นครทฺวาเร วาลิกตฺถลํ กตฺวา ตตฺถ สาขํ อุสฺสาเปตฺวา ‘‘โย มยา สทฺธึ วาทํ กาตุํ สมตฺโถ, โส อิมํ สาขํ ภฺชตู’’ติ วตฺวา นครํ ปาวิสิ. ตํ านํ มหาชโน ปริวาเรตฺวา อฏฺาสิ. เตน จ สมเยน อายสฺมา สาริปุตฺโต ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา สาวตฺถิโต นิกฺขมติ. โส ตํ ทิสฺวา สมฺพหุเล คามทารเก ปุจฺฉิ – ‘‘กึ เอตํ ทารกา’’ติ, เต สพฺพํ อาจิกฺขึสุ. ‘‘เตน หิ นํ ตุมฺเห อุทฺธริตฺวา ปาเทหิ ภฺชถ, ‘วาทตฺถิโก วิหารํ อาคจฺฉตู’ติ จ ภณถา’’ติ วตฺวา ปกฺกามิ.

ปริพฺพาชโก ปิณฺฑาย จริตฺวา กตภตฺตกิจฺโจ อาคนฺตฺวา อุทฺธริตฺวา ภคฺคํ สาขํ ทิสฺวา ‘‘เกนิทํ การิต’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘พุทฺธสาวเกน สาริปุตฺเตนา’’ติ จ วุตฺเต ปมุทิโต หุตฺวา ‘‘อชฺช มม ชยํ สมณสฺส จ ปราชยํ ปณฺฑิตา ปสฺสนฺตู’’ติ ปฺหวีมํสเก การณิเก อาเนตุํ สาวตฺถึ ปวิสิตฺวา วีถิสิงฺฆาฏกจจฺจเรสุ วิจรนฺโต ‘‘สมณสฺส โคตมสฺส อคฺคสาวเกน สห วาเท ปฺาปฏิภานํ โสตุกามา โภนฺโต นิกฺขมนฺตู’’ติ อุคฺโฆเสสิ. ‘‘ปณฺฑิตานํ วจนํ โสสฺสามา’’ติ สาสเน ปสนฺนาปิ อปฺปสนฺนาปิ พหู มนุสฺสา นิกฺขมึสุ. ตโต ปสูโร มหาชนปริวุโต ‘‘เอวํ วุตฺเต เอวํ ภณิสฺสามี’’ติอาทีนิ วิตกฺเกนฺโต วิหารํ อคมาสิ. เถโร ‘‘วิหาเร อุจฺจาสทฺทมหาสทฺโท ชนพฺยากุลฺจ มา อโหสี’’ติ เชตวนทฺวารโกฏฺเก อาสนํ ปฺาเปตฺวา นิสีทิ.

ปริพฺพาชโก เถรํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ตฺวํ, โภ, ปพฺพชิต, มยฺหํ ชมฺพุธชํ ภฺชาเปสี’’ติ อาห. ‘‘อาม ปริพฺพาชกา’’ติ จ วุตฺเต ‘‘โหตุ โน, โภ, กาจิ กถาปวตฺตี’’ติ อาห. ‘‘โหตุ ปริพฺพาชกา’’ติ จ เถเรน สมฺปฏิจฺฉิเต ‘‘ตฺวํ, สมณ, ปุจฺฉ, อหํ วิสฺสชฺเชสฺสามี’’ติ อาห. ตโต นํ เถโร อวจ ‘‘กึ, ปริพฺพาชก, ทุกฺกรํ ปุจฺฉา, อุทาหุ วิสฺสชฺชน’’นฺติ. วิสฺสชฺชนํ โภ, ปพฺพชิต, ปุจฺฉาย กึ ทุกฺกรํ. ตํ โย หิ โกจิ ยํกิฺจิ ปุจฺฉตีติ. ‘‘เตน หิ, ปริพฺพาชก, ตฺวํ ปุจฺฉ, อหํ วิสฺสชฺเชสฺสามี’’ติ เอวํ วุตฺเต ปริพฺพาชโก ‘‘สาธุรูโป ภิกฺขุ าเน สาขํ ภฺชาเปสี’’ติ วิมฺหิตจิตฺโต หุตฺวา เถรํ ปุจฺฉิ – ‘‘โก ปุริสสฺส กาโม’’ติ. ‘‘สงฺกปฺปราโค ปุริสสฺส กาโม’’ติ (อ. นิ. ๖.๖๓) เถโร อาห. โส ตํ สุตฺวา เถเร วิรุทฺธสฺี หุตฺวา ปราชยํ อาโรเปตุกาโม อาห – ‘‘จิตฺรวิจิตฺรารมฺมณํ ปน โภ, ปพฺพชิต, ปุริสสฺส กามํ น วเทสี’’ติ? ‘‘อาม, ปริพฺพาชก, น วเทมี’’ติ. ตโต นํ ปริพฺพาชโก ยาว ติกฺขตฺตุํ ปฏิฺํ การาเปตฺวา ‘‘สุณนฺตุ โภนฺโต สมณสฺส วาเท โทส’’นฺติ ปฺหวีมํสเก อาลปิตฺวา อาห – ‘‘โภ, ปพฺพชิต, ตุมฺหากํ สพฺรหฺมจาริโน อรฺเ วิหรนฺตี’’ติ? ‘‘อาม, ปริพฺพาชก, วิหรนฺตี’’ติ. ‘‘เต ตตฺถ วิหรนฺตา กามวิตกฺกาทโย วิตกฺเก วิตกฺเกนฺตี’’ติ? ‘‘อาม, ปริพฺพาชก, ปุถุชฺชนา สหสา วิตกฺเกนฺตี’’ติ. ‘‘ยทิ เอวํ เตสํ สมณภาโว กุโต? นนุ เต อคาริกา กามโภคิโน โหนฺตี’’ติ เอวฺจ ปน วตฺวา อถาปรํ เอตทโวจ –

‘‘น เต เว กามา ยานิ จิตฺรานิ โลเก,

สงฺกปฺปราคฺจ วเทสิ กามํ;

สงฺกปฺปยํ อกุสเล วิตกฺเก,

ภิกฺขุปิ เต เหสฺสติ กามโภคี’’ติ. (สํ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๓๔);

อถ เถโร ปริพฺพาชกสฺส วาเท โทสํ ทสฺเสนฺโต อาห – ‘‘กึ, ปริพฺพาชก, สงฺกปฺปราคํ ปุริสสฺส กามํ น วเทสิ, จิตฺรวิจิตฺรารมฺมณํ วเทสี’’ติ? ‘‘อาม, โภ, ปพฺพชิตา’’ติ. ตโต นํ เถโร ยาว ติกฺขตฺตุํ ปฏิฺํ การาเปตฺวา ‘‘สุณาถ, อาวุโส, ปริพฺพาชกสฺส วาเท โทส’’นฺติ ปฺหวีมํสเก อาลปิตฺวา อาห – ‘‘อาวุโส ปสูร, ตว สตฺถา อตฺถี’’ติ? ‘‘อาม, ปพฺพชิต, อตฺถี’’ติ. ‘‘โส จกฺขุวิฺเยฺยํ รูปารมฺมณํ ปสฺสติ สทฺทารมฺมณาทีนิ วา เสวตี’’ติ? ‘‘อาม, ปพฺพชิต, เสวตี’’ติ. ‘‘ยทิ เอวํ ตสฺส สตฺถุภาโว กุโต, นนุ โส อคาริโก กามโภคี โหตี’’ติ เอวฺจ ปน วตฺวา อถาปรํ เอตทโวจ –

‘‘เต เว กามา ยานิ จิตฺรานิ โลเก,

สงฺกปฺปราคํ น วเทสิ กามํ;

ปสฺสนฺโต รูปานิ มโนรมานิ,

สุณนฺโต สทฺทานิ มโนรมานิ.

‘‘ฆายนฺโต คนฺธานิ มโนรมานิ,

สายนฺโต รสานิ มโนรมานิ;

ผุสนฺโต ผสฺสานิ มโนรมานิ,

สตฺถาปิ เต เหสฺสติ กามโภคี’’ติ.

เอวํ วุตฺเต นิปฺปฏิภาโน ปริพฺพาชโก ‘‘อยํ ปพฺพชิโต มหาวาที, อิมสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา วาทสตฺถํ สิกฺขิสฺสามี’’ติ สาวตฺถึ ปวิสิตฺวา ปตฺตจีวรํ ปริเยสิตฺวา เชตวนํ ปวิฏฺโ ตตฺถ ลาลุทายึ สุวณฺณวณฺณํ กายูปปนฺนํ สรีราการากปฺเปสุ สมนฺตปาสาทิกํ ทิสฺวา ‘‘อยํ ภิกฺขุ มหาปฺโ มหาวาที’’ติ มนฺตฺวา ตสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ตํ วาเทน นิคฺคเหตฺวา สลิงฺเคน ตํเยว ติตฺถายตนํ ปกฺกมิตฺวา ปุน ‘‘สมเณน โคตเมน สทฺธึ วาทํ กริสฺสามี’’ติ สาวตฺถิยํ ปุริมนเยเนว อุคฺโฆเสตฺวา มหาชนปริวุโต ‘‘เอวํ สมณํ โคตมํ นิคฺคเหสฺสามี’’ติอาทีนิ วทนฺโต เชตวนํ อคมาสิ. เชตวนทฺวารโกฏฺเก อธิวตฺถา เทวตา ‘‘อยํ อภาชนภูโต’’ติ มุขพนฺธมสฺส อกาสิ. โส ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา มูโค วิย นิสีทิ. มนุสฺสา ‘‘อิทานิ ปุจฺฉิสฺสติ, อิทานิ ปุจฺฉิสฺสตี’’ติ ตสฺส มุขํ อุลฺโลเกตฺวา ‘‘วเทหิ, โภ ปสูร, วเทหิ, โภ ปสูรา’’ติ อุจฺจาสทฺทมหาสทฺทา อเหสุํ. อถ ภควา ‘‘กึ ปสูโร วทิสฺสตี’’ติ วตฺวา ตตฺถ สมฺปตฺตปริสาย ธมฺมเทสนตฺถํ อิมํ สุตฺตํ อภาสิ.

ตตฺถ ปมคาถาย ตาว อยํ สงฺเขโป – อิเม ทิฏฺิคติกา อตฺตโน ทิฏฺึ สนฺธาย อิเธว สุทฺธี อิติ วาทยนฺติ นาฺเสุ ธมฺเมสุ วิสุทฺธิมาหุ. เอวํ สนฺเต อตฺตโน สตฺถาราทีนิ นิสฺสิตา ตตฺเถว ‘‘เอส วาโท สุโภ’’ติ เอวํ สุภํ วทานา หุตฺวา ปุถู สมณพฺราหฺมณา ‘‘สสฺสโต โลโก’’ติอาทีสุ ปจฺเจกสจฺเจสุ นิวิฏฺา.

๘๓๒. เอวํ นิวิฏฺา จ – เต วาทกามาติ คาถา. ตตฺถ พาลํ ทหนฺตี มิถุ อฺมฺนฺติ ‘‘อยํ พาโล อยํ พาโล’’ติ เอวํ ทฺเวปิ ชนา อฺมฺํ พาลํ ทหนฺติ, พาลโต ปสฺสนฺติ. วทนฺติ เต อฺสิตา กโถชฺชนฺติ เต อฺมฺํ สตฺถาราทึ นิสฺสิตา กลหํ วทนฺติ. ปสํสกามา กุสลา วทานาติ ปสํสตฺถิกา อุโภปิ ‘‘มยํ กุสลวาทา ปณฺฑิตวาทา’’ติ เอวํสฺิโน หุตฺวา.

๘๓๓. เอวํ วทาเนสุ จ เตสุ เอโก นิยมโต เอว – ยุตฺโต กถายนฺติ คาถา. ตตฺถ ยุตฺโต กถายนฺติ วิวาทกถาย อุสฺสุกฺโก. ปสํสมิจฺฉํ วินิฆาติ โหตีติ อตฺตโน ปสํสํ อิจฺฉนฺโต ‘‘กถํ นุ โข นิคฺคเหสฺสามี’’ติอาทินา นเยน ปุพฺเพว สลฺลาปา กถํกถี วินิฆาตี โหติ. อปาหตสฺมินฺติ ปฺหวีมํสเกหิ ‘‘อตฺถาปคตํ เต ภณิตํ, พฺยฺชนาปคตํ เต ภณิต’’นฺติอาทินา นเยน อปหาริเต วาเท. นินฺทาย โส กุปฺปตีติ เอวํ อปาหตสฺมิฺจ วาเท อุปฺปนฺนาย นินฺทาย โส กุปฺปติ. รนฺธเมสีติ ปรสฺส รนฺธเมว คเวสนฺโต.

๘๓๔. น เกวลฺจ กุปฺปติ, อปิจ โข ปน ยมสฺส วาทนฺติ คาถา. ตตฺถ ปริหีนมาหุ อปาหตนฺติ อตฺถพฺยฺชนาทิโต อปาหตํ ปริหีนํ วทนฺติ. ปริเทวตีติ ตโต นิมิตฺตํ โส ‘‘อฺํ มยา อาวชฺชิต’’นฺติอาทีหิ วิปฺปลปติ. โสจตีติ ‘‘ตสฺส ชโย’’ติอาทีนิ อารพฺภ โสจติ. อุปจฺจคา มนฺติ อนุตฺถุนาตีติ ‘‘โส มํ วาเทน วาทํ อติกฺกนฺโต’’ติอาทินา นเยน สุฏฺุตรํ วิปฺปลปติ.

๘๓๕. เอเต วิวาทา สมเณสูติ เอตฺถ ปน สมณา วุจฺจนฺติ พาหิรปริพฺพาชกา. เอเตสุ อุคฺฆาติ นิฆาติ โหตีติ เอเตสุ วาเทสุ ชยปราชยาทิวเสน จิตฺตสฺส อุคฺฆาตํ นิฆาตฺจ ปาปุณนฺโต อุคฺฆาตี นิฆาตี จ โหติ. วิรเม กโถชฺชนฺติ ปชเหยฺย กลหํ. น หฺทตฺถตฺถิ ปสํสลาภาติ น หิ เอตฺถ ปสํสลาภโต อฺโ อตฺโถ อตฺถิ.

๘๓๖-๗. ฉฏฺคาถาย อตฺโถ – ยสฺมา จ น หฺทตฺถตฺถิ ปสํสลาภา, ตสฺมา ปรมํ ลาภํ ลภนฺโตปิ ‘‘สุนฺทโร อย’’นฺติ ตตฺถ ทิฏฺิยา ปสํสิโต วา ปน โหติ ตํ วาทํ ปริสาย มชฺเฌ ทีเปตฺวา, ตโต โส เตน ชยตฺเถน ตุฏฺึ วา ทนฺตวิทํสกํ วา อาปชฺชนฺโต หสติ, มาเนน จ อุณฺณมติ. กึ การณํ? ยสฺมา ตํ ชยตฺถํ ปปฺปุยฺย ยถามาโน ชาโต, เอวํ อุณฺณมโต จ ยา อุณฺณตีติ คาถา. ตตฺถ มานาติมานํ วทเต ปเนโสติ เอโส ปน ตํ อุณฺณตึ ‘‘วิฆาตภูมี’’ติ อพุชฺฌมาโน มานฺจ อติมานฺจ วทติเยว.

๘๓๘. เอวํ วาเท โทสํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตสฺส วาทํ อสมฺปฏิจฺฉนฺโต ‘‘สูโร’’ติ คาถมาห. ตตฺถ ราชขาทายาติ ราชขาทนีเยน, ภตฺตเวตเนนาติ วุตฺตํ โหติ. อภิคชฺชเมติ ปฏิสูรมิจฺฉนฺติ ยถา โส ปฏิสูรํ อิจฺฉนฺโต อภิคชฺชนฺโต เอติ, เอวํ ทิฏฺิคติโก ทิฏฺิคติกนฺติ ทสฺเสติ. เยเนว โส, เตน ปเลหีติ เยน โส ตุยฺหํ ปฏิสูโร, เตน คจฺฉ. ปุพฺเพว นตฺถิ ยทิทํ ยุธายาติ ยํ ปน อิทํ กิเลสชาตํ ยุทฺธาย สิยา, ตํ เอตํ ปุพฺเพว นตฺถิ, โพธิมูเลเยว ปหีนนฺติ ทสฺเสติ. เสสคาถา ปากฏสมฺพนฺธาเยว.

๘๓๙-๔๐. ตตฺถ วิวาทยนฺตีติ วิวทนฺติ. ปฏิเสนิกตฺตาติ ปฏิโลมการโก. วิเสนิกตฺวาติ กิเลสเสนํ วินาเสตฺวา. กึ ลเภโถติ ปฏิมลฺลํ กึ ลภิสฺสสิ. ปสูราติ ตํ ปริพฺพาชกํ อาลปติ. เยสีธ นตฺถีติ เยสํ อิธ นตฺถิ.

๘๔๑. ปวิตกฺกนฺติ ‘‘ชโย นุ โข เม ภวิสฺสตี’’ติ อาทีนิ วิตกฺเกนฺโต. โธเนน ยุคํ สมาคมาติ ธุตกิเลเสน พุทฺเธน สทฺธึ ยุคคฺคาหํ สมาปนฺโน. น หิ ตฺวํ สกฺขสิ สมฺปยาตเวติ โกตฺถุกาทโย วิย สีหาทีหิ, โธเนน สห ยุคํ คเหตฺวา เอกปทมฺปิ สมฺปยาตุํ ยุคคฺคาหเมว วา สมฺปาเทตุํ น สกฺขิสฺสสีติ. เสสํ สพฺพตฺถ ปากฏเมวาติ.

ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย

สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย ปสูรสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. มาคณฺฑิยสุตฺตวณฺณนา

๘๔๒. ทิสฺวาน ตณฺหนฺติ มาคณฺฑิยสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรนฺโต ปจฺจูสสมเย พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกนฺโต กุรูสุ กมฺมาสธมฺมนิคมวาสิโน มาคณฺฑิยสฺส นาม พฺราหฺมณสฺส สปชาปติกสฺส อรหตฺตูปนิสฺสยํ ทิสฺวา ตาวเทว สาวตฺถิโต ตตฺถ คนฺตฺวา กมฺมาสธมฺมสฺส อวิทูเร อฺตรสฺมึ วนสณฺเฑ นิสีทิ สุวณฺโณภาสํ มุฺจมาโน. มาคณฺฑิโยปิ ตงฺขณํ ตตฺถ มุขโธวนตฺถํ คโต สุวณฺโณภาสํ ทิสฺวา ‘‘กึ อิท’’นฺติ อิโต จิโต จ เปกฺขมาโน ภควนฺตํ ทิสฺวา อตฺตมโน อโหสิ. ตสฺส กิร ธีตา สุวณฺณวณฺณา, ตํ พหู ขตฺติยกุมาราทโย วารยนฺตา น ลภนฺติ. พฺราหฺมโณ เอวํลทฺธิโก โหติ ‘‘สมณสฺเสว นํ สุวณฺณวณฺณสฺส ทสฺสามี’’ติ. โส ภควนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ เม ธีตาย สมานวณฺโณ, อิมสฺส นํ ทสฺสามี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทสิ. ตสฺมา ทิสฺวาว อตฺตมโน อโหสิ. โส เวเคน ฆรํ คนฺตฺวา พฺราหฺมณึ อาห – ‘‘โภติ โภติ มยา ธีตาย สมานวณฺโณ ปุริโส ทิฏฺโ, อลงฺกโรหิ ทาริกํ, ตสฺส นํ ทสฺสามา’’ติ. พฺราหฺมณิยา ทาริกํ คนฺโธทเกน นฺหาเปตฺวา วตฺถปุปฺผาลงฺการาทีหิ อลงฺกโรนฺติยา เอว ภควโต ภิกฺขาจารเวลา สมฺปตฺตา. อถ ภควา กมฺมาสธมฺมํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ.

เตปิ โข ธีตรํ คเหตฺวา ภควโต นิสินฺโนกาสํ อคมํสุ. ตตฺถ ภควนฺตํ อทิสฺวา พฺราหฺมณี อิโต จิโต จ วิโลเกนฺตี ภควโต นิสชฺชฏฺานํ ติณสนฺถารกํ อทฺทส. พุทฺธานฺจ อธิฏฺานพเลน นิสินฺโนกาโส ปทนิกฺเขโป จ อพฺยากุลา โหนฺติ. สา พฺราหฺมณํ อาห – ‘‘เอส, พฺราหฺมณ, ตสฺส ติณสนฺถาโร’’ติ? ‘‘อาม, โภตี’’ติ. ‘‘เตน หิ, พฺราหฺมณ, อมฺหากํ อาคมนกมฺมํ น สมฺปชฺชิสฺสตี’’ติ. ‘‘กสฺมา โภตี’’ติ? ‘‘ปสฺส, พฺราหฺมณ, อพฺยากุโล ติณสนฺถาโร, เนโส กามโภคิโน ปริภุตฺโต’’ติ. พฺราหฺมโณ ‘‘มา, โภติ มงฺคเล ปริเยสิยมาเน อวมงฺคลํ อภณี’’ติ อาห. ปุนปิ พฺราหฺมณี อิโต จิโต จ วิจรนฺตี ภควโต ปทนิกฺเขปํ ทิสฺวา พฺราหฺมณํ อาห ‘‘อยํ ตสฺส ปทนิกฺเขโป’’ติ? ‘‘อาม, โภตี’’ติ. ‘‘ปสฺส, พฺราหฺมณ, ปทนิกฺเขปํ, นายํ สตฺโต กาเมสุ คธิโต’’ติ. ‘‘กถํ ตฺวํ โภติ ชานาสี’’ติ จ วุตฺตา อตฺตโน าณพลํ ทสฺเสนฺตี อาห –

‘‘รตฺตสฺส หิ อุกฺกุฏิกํ ปทํ ภเว,

ทุฏฺสฺส โหติ อนุกฑฺฒิตํ ปทํ;

มูฬฺหสฺส โหติ สหสานุปีฬิตํ,

วิวฏฺฏจฺฉทสฺส อิทมีทิสํ ปท’’นฺติ. (อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๒๖๐-๒๖๑; ธ. ป. อฏฺ. ๑.๒ สามาวตีวตฺถุ; วิสุทฺธิ. ๑.๔๕);

อยฺจรหิ เตสํ กถา วิปฺปกตา, อถ ภควา กตภตฺตกิจฺโจ ตเมว วนสณฺฑํ อาคโต. พฺราหฺมณี ภควโต วรลกฺขณขจิตํ พฺยามปฺปภาปริกฺขิตฺตํ รูปํ ทิสฺวา พฺราหฺมณํ อาห – ‘‘เอส ตยา, พฺราหฺมณ, ทิฏฺโ’’ติ? ‘‘อาม โภตี’’ติ. ‘‘อาคตกมฺมํ น สมฺปชฺชิสฺสเตว, เอวรูโป นาม กาเม ปริภุฺชิสฺสตีติ เนตํ านํ วิชฺชตี’’ติ. เตสํ เอวํ วทนฺตานฺเว ภควา ติณสนฺถารเก นิสีทิ. อถ พฺราหฺมโณ ธีตรํ วาเมน หตฺเถน คเหตฺวา กมณฺฑลุํ ทกฺขิเณน หตฺเถน คเหตฺวา ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘โภ, ปพฺพชิต, ตฺวฺจ สุวณฺณวณฺโณ อยฺจ ทาริกา, อนุจฺฉวิกา เอสา ตว, อิมาหํ โภโต ภริยํ โปสาวนตฺถาย ทมฺมี’’ติ วตฺวา ภควโต สนฺติกํ คนฺตฺวา ทาตุกาโม อฏฺาสิ. ภควา พฺราหฺมณํ อนาลปิตฺวา อฺเน สทฺธึ สลฺลปมาโน วิย ‘‘ทิสฺวาน ตณฺห’’นฺติ อิมํ คาถํ อภาสิ.

ตสฺสตฺโถ – อชปาลนิคฺโรธมูเล นานารูปานิ นิมฺมินิตฺวา อภิกามมาคตํ มารธีตรํ ทิสฺวาน ตณฺหํ อรตึ รคฺจ ฉนฺทมตฺตมฺปิ เม เมถุนสฺมึ นาโหสิ, กิเมวิทํ อิมิสฺสา ทาริกาย มุตฺตกรีสปุณฺณํ รูปํ ทิสฺวา ภวิสฺสติ สพฺพถา ปาทาปิ นํ สมฺผุสิตุํ น อิจฺเฉ, กุโตเนน สํวสิตุนฺติ.

๘๔๓. ตโต มาคณฺฑิโย ‘‘ปพฺพชิตา นาม มานุสเก กาเม ปหาย ทิพฺพกามตฺถาย ปพฺพชนฺติ, อยฺจ ทิพฺเพปิ กาเม น อิจฺฉติ, อิทมฺปิ อิตฺถิรตนํ, กา นุ อสฺส ทิฏฺี’’ติ ปุจฺฉิตุํ ทุติยํ คาถมาห. ตตฺถ เอตาทิสํ เจ รตนนฺติ ทิพฺพิตฺถิรตนํ สนฺธาย ภณติ, นารินฺติ อตฺตโน ธีตรํ สนฺธาย. ทิฏฺิคตํ สีลวตํ นุ ชีวิตนฺติ ทิฏฺิฺจ สีลฺจ วตฺจ ชีวิตฺจ. ภวูปปตฺติฺจ วเทสิ กีทิสนฺติ อตฺตโน ภวูปปตฺติฺจ กีทิสํ วทสีติ.

๘๔๔. อิโต ปรา ทฺเว คาถา วิสชฺชนปุจฺฉานเยน ปวตฺตตฺตา ปากฏสมฺพนฺธาเยว. ตาสุ ปมคาถาย สงฺเขปตฺโถ – ตสฺส มยฺหํ, มาคณฺฑิย, ทฺวาสฏฺิทิฏฺิคตธมฺเมสุ นิจฺฉินิตฺวา ‘‘อิทเมว สจฺจํ, โมฆมฺ’’นฺติ เอวํ อิทํ วทามีติ สมุคฺคหิตํ น โหติ นตฺถิ น วิชฺชติ. กึการณา? อหฺหิ ปสฺสนฺโต ทิฏฺีสุ อาทีนวํ กฺจิ ทิฏฺึ อคฺคเหตฺวา สจฺจานิ ปวิจินนฺโต อชฺฌตฺตํ ราคาทีนํ สนฺติภาเวน อชฺฌตฺตสนฺติสงฺขาตํ นิพฺพานเมว อทฺทสนฺติ.

๘๔๕. ทุติยคาถาย สงฺเขปตฺโถ – ยานิมานิ ทิฏฺิคตานิ เตหิ เตหิ สตฺเตหิ วินิจฺฉินิตฺวา คหิตตฺตา วินิจฺฉยาติ จ อตฺตโน ปจฺจเยหิ อภิสงฺขตภาวาทินา นเยน ปกปฺปิตานิ จาติ วุจฺจนฺติ. เต ตฺวํ มุนิ ทิฏฺิคตธมฺเม อคฺคเหตฺวา อชฺฌตฺตสนฺตีติ ยเมตมตฺถํ พฺรูสิ, อาจิกฺข เม, กถํ นุ ธีเรหิ ปเวทิตํ กถํ ปกาสิตํ ธีเรหิ ตํ ปทนฺติ.

๘๔๖. อถสฺส ภควา ยถา เยน อุปาเยน ตํ ปทํ ธีเรหิ ปกาสิตํ, ตํ อุปายํ สปฏิปกฺขํ ทสฺเสนฺโต ‘‘น ทิฏฺิยา’’ติ คาถมาห. ตตฺถ ‘‘น ทิฏฺิยา’’ติอาทีหิ ทิฏฺิสุติอฏฺสมาปตฺติาณพาหิรสีลพฺพตานิ ปฏิกฺขิปติ. ‘‘สุทฺธิมาหา’’ติ เอตฺถ วุตฺตํ อาห-สทฺทํ สพฺพตฺถ นกาเรน สทฺธึ โยเชตฺวา ปุริสพฺยตฺตยํ กตฺวา ‘‘ทิฏฺิยา สุทฺธึ นาหํ กเถมี’’ติ เอวมตฺโถ เวทิตพฺโพ. ยถา เจตฺถ, เอวํ อุตฺตรปเทสุปิ. ตตฺถ จ อทิฏฺิยา นาหาติ ทสวตฺถุกํ สมฺมาทิฏฺึ วินา น กเถมิ. ตถา อสฺสุติยาติ นวงฺคํ สวนํ วินา. อาณาติ กมฺมสฺส กตสจฺจานุโลมิกาณํ วินา. อสีลตาติ ปาติโมกฺขสํวรํ วินา. อพฺพตาติ ธุตงฺควตํ วินา. โนปิ เตนาติ เตสุ เอกเมเกน ทิฏฺิอาทิมตฺเตนาปิ โน กเถมีติ เอวมตฺโถ เวทิตพฺโพ. เอเต จ นิสฺสชฺช อนุคฺคหายาติ เอเต จ ปุริเม ทิฏฺิอาทิเภเท กณฺหปกฺขิเย ธมฺเม สมุคฺฆาตกรเณน นิสฺสชฺช, ปจฺฉิเม อทิฏฺิอาทิเภเท สุกฺกปกฺขิเย อตมฺมยตาปชฺชเนน อนุคฺคหาย. สนฺโต อนิสฺสาย ภวํ น ชปฺเปติ อิมาย ปฏิปตฺติยา ราคาทิวูปสเมน สนฺโต จกฺขาทีสุ กฺจิ ธมฺมํ อนิสฺสาย เอกมฺปิ ภวํ อปิเหตุํ อปตฺเถตุํ สมตฺโถ สิยา, อยมสฺส อชฺฌตฺตสนฺตีติ อธิปฺปาโย.

๘๔๗. เอวํ วุตฺเต วจนตฺถํ อสลฺลกฺเขนฺโต มาคณฺฑิโย ‘‘โน เจ กิรา’’ติ คาถมาห. ตตฺถ ทิฏฺาทีนิ วุตฺตนยาเนว. กณฺหปกฺขิยานิเยว ปน สนฺธาย อุภยตฺราปิ อาห. อาห-สทฺทํ ปน โนเจกิร-สทฺเทน โยเชตฺวา ‘‘โน เจ กิราห โน เจ กิร กเถสี’’ติ เอวํ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. โมมุหนฺติ อติมูฬฺหํ, โมหนํ วา. ปจฺเจนฺตีติ ชานนฺติ.

๘๔๘. อถสฺส ภควา ตํ ทิฏฺึ นิสฺสาย ปุจฺฉํ ปฏิกฺขิปนฺโต ‘‘ทิฏฺิฺจ นิสฺสายา’’ติ คาถมาห. ตสฺสตฺโถ – ตฺวํ, มาคณฺฑิย, ทิฏฺึ นิสฺสาย ปุนปฺปุนํ ปุจฺฉมาโน ยานิ เต ทิฏฺิคตานิ สมุคฺคหิตานิ, เตสฺเวว สมุคฺคหีเตสุ เอวํ ปโมหํ อาคโต, อิโต จ มยา วุตฺตอชฺฌตฺตสนฺติโต ปฏิปตฺติโต ธมฺมเทสนโต วา อณุมฺปิ ยุตฺตสฺํ น ปสฺสสิ, เตน การเณน ตฺวํ อิมํ ธมฺมํ โมมุหโต ปสฺสสีติ.

๘๔๙. เอวํ สมุคฺคหิเตสุ ปโมเหน มาคณฺฑิยสฺส วิวาทาปตฺตึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ เตสุ อฺเสุ จ ธมฺเมสุ วิคตปฺปโมหสฺส อตฺตโน นิพฺพิวาทตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘สโม วิเสสี’’ติ คาถมาห. ตสฺสตฺโถ โย เอวํ ติวิธมาเนน วา ทิฏฺิยา วา มฺติ, โส เตน มาเนน ตาย ทิฏฺิยา เตน วา ปุคฺคเลน วิวเทยฺย. โย ปน อมฺหาทิโส อิมาสุ ตีสุ วิธาสุ อวิกมฺปมาโน, สโม วิเสสีติ น ตสฺส โหติ, น จ หีโนติ ปาเสโส.

๘๕๐. กิฺจ ภิยฺโย – สจฺจนฺติ โสติ คาถา. ตสฺสตฺโถ – โส เอวรูโป ปหีนมานทิฏฺิโก มาทิโส พาหิตปาปตฺตาทินา นเยน พฺราหฺมโณ ‘‘อิทเมว สจฺจ’’นฺติ กึ วเทยฺย กึ วตฺถุํ ภเณยฺย, เกน วา การเณน ภเณยฺย, ‘‘มยฺหํ สจฺจํ, ตุยฺหํ มุสา’’ติ วา เกน มาเนน ทิฏฺิยา ปุคฺคเลน วา วิวเทยฺย? ยสฺมึ มาทิเส ขีณาสเว ‘‘สทิโสหมสฺมี’’ติ ปวตฺติยา สมํ วา, อิตรทฺวยภาเวน ปวตฺติยา วิสมํ วา มฺิตํ นตฺถิ, โส สมานาทีสุ เกน วาทํ ปฏิสํยุเชยฺย ปฏิปฺผเรยฺยาติ. นนุ เอกํเสเนว เอวรูโป ปุคฺคโล – โอกํ ปหายาติ คาถา?

๘๕๑. ตตฺถ โอกํ ปหายาติ รูปวตฺถาทิวิฺาณสฺส โอกาสํ ตตฺร ฉนฺทราคปฺปหาเนน ฉฑฺเฑตฺวา. อนิเกตสารีติ รูปนิมิตฺตนิเกตาทีนิ ตณฺหาวเสน อสรนฺโต. คาเม อกุพฺพํ มุนิ สนฺถวานีติ คาเม คิหิสนฺถวานิ อกโรนฺโต. กาเมหิ ริตฺโตติ กาเมสุ ฉนฺทราคาภาเวน สพฺพกาเมหิ ปุถุภูโต. อปุเรกฺขราโนติ อายตึ อตฺตภาวํ อนภินิพฺพตฺเตนฺโต. กถํ น วิคฺคยฺห ชเนน กยิราติ ชเนน สทฺธึ วิคฺคาหิกกถํ น กเถยฺย. โส เอวรูโป – เยหิ วิวิตฺโตติ คาถา.

๘๕๒. ตตฺถ เยหีติ เยหิ ทิฏฺิคเตหิ. วิวิตฺโต วิจเรยฺยาติ ริตฺโต จเรยฺย. น ตานิ อุคฺคยฺห วเทยฺย นาโคติ ‘‘อาคุํ น กโรตี’’ติอาทินา (จูฬนิ. ภทฺราวุธมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๗๐; ปารายนานุคีติคาถานิทฺเทส ๑๐๒) นเยน นาโค ตานิ ทิฏฺิคตานิ อุคฺคเหตฺวา น วเทยฺย. ชลมฺพุชนฺติ ชลสฺิเต อมฺพุมฺหิ ชาตํ กณฺฏกนาฬํ วาริชํ, ปทุมนฺติ วุตฺตํ โหติ. ยถา ชเลน ปงฺเกน จ นูปลิตฺตนฺติ ตํ ปทุมํ ยถา ชเลน จ ปงฺเกน จ อนุปลิตฺตํ โหติ, เอวํ มุนิ สนฺติวาโท อคิทฺโธติ เอวํ อชฺฌตฺตสนฺติวาโท มุนิ เคธาภาเวน อคิทฺโธ. กาเม จ โลเก จ อนูปลิตฺโตติ ทุวิเธปิ กาเม อปายาทิเก จ โลเก ทฺวีหิปิ เลเปหิ อนุปลิตฺโต โหติ.

๘๕๓. กิฺจ ภิยฺโย – น เวทคูติ คาถา. ตตฺถ น เวทคู ทิฏฺิยายโกติ จตุมคฺคเวทคู มาทิโส ทิฏฺิยายโก น โหติ, ทิฏฺิยา คจฺฉนฺโต วา, ตํ สารโต ปจฺเจนฺโต วา น โหติ. ตตฺถ วจนตฺโถ – ยายตีติ ยายโก, กรณวจเนน ทิฏฺิยา ยาตีติ ทิฏฺิยายโก. อุปโยคตฺเถ สามิวจเนน ทิฏฺิยา ยาตีติปิ ทิฏฺิยายโก. น มุติยา ส มานเมตีติ มุตรูปาทิเภทาย มุติยาปิ โส มานํ น เอติ. น หิ ตมฺมโย โสติ ตณฺหาทิฏฺิวเสน ตมฺมโย โหติ ตปฺปรายโณ, อยํ ปน น ตาทิโส. น กมฺมุนา โนปิ สุเตน เนยฺโยติ ปุฺาภิสงฺขาราทินา กมฺมุนา วา สุตสุทฺธิอาทินา สุเตน วา โส เนตพฺโพ น โหติ. อนูปนีโต ส นิเวสเนสูติ โส ทฺวินฺนมฺปิ อุปยานํ ปหีนตฺตา สพฺเพสุ ตณฺหาทิฏฺินิเวสเนสุ อนูปนีโต. ตสฺส จ เอวํวิธสฺส – สฺาวิรตฺตสฺสาติ คาถา.

๘๕๔. ตตฺถ สฺาวิรตฺตสฺสาติ เนกฺขมฺมสฺาปุพฺพงฺคมาย ภาวนาย ปหีนกามาทิสฺสฺส. อิมินา ปเทน อุภโตภาควิมุตฺโต สมถยานิโก อธิปฺเปโต. ปฺาวิมุตฺตสฺสาติ วิปสฺสนาปุพฺพงฺคมาย ภาวนาย สพฺพกิเลเสหิ วิมุตฺตสฺส. อิมินา สุกฺขวิปสฺสโก อธิปฺเปโต. สฺฺจ ทิฏฺิฺจ เย อคฺคเหสุํ, เต ฆฏฺฏยนฺตา วิจรนฺติ โลเกติ เย กามสฺาทิกํ สฺํ อคฺคเหสุํ, เต วิเสสโต คหฏฺา กามาธิกรณํ, เย จ ทิฏฺึ อคฺคเหสุํ, เต วิเสสโต ปพฺพชิตา ธมฺมาธิกรณํ อฺมฺํ ฆฏฺเฏนฺตา วิจรนฺตีติ. เสสเมตฺถ ยํ อวุตฺตํ, ตํ วุตฺตานุสาเรเนว เวทิตพฺพํ. เทสนาปริโยสาเน พฺราหฺมโณ จ พฺราหฺมณี จ ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณึสูติ.

ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย

สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย มาคณฺฑิยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. ปุราเภทสุตฺตวณฺณนา

๘๕๕. กถํทสฺสีติ ปุราเภทสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? อิมสฺส สุตฺตสฺส อิโต ปเรสฺจ ปฺจนฺนํ กลหวิวาทจูฬพฺยูหมหาพฺยูหตุวฏกอตฺตทณฺฑสุตฺตานํ สมฺมาปริพฺพาชนียสฺส อุปฺปตฺติยํ วุตฺตนเยเนว สามฺโต อุปฺปตฺติ วุตฺตา. วิเสสโต ปน ยเถว ตสฺมึ มหาสมเย ราคจริตเทวตานํ สปฺปายวเสน ธมฺมํ เทเสตุํ นิมฺมิตพุทฺเธน อตฺตานํ ปุจฺฉาเปตฺวา สมฺมาปริพฺพาชนียสุตฺตมภาสิ, เอวํ ตสฺมึเยว มหาสมเย ‘‘กึ นุ โข ปุรา สรีรเภทา กตฺตพฺพ’’นฺติ อุปฺปนฺนจิตฺตานํ เทวตานํ จิตฺตํ ตฺวา ตาสํ อนุคฺคหตฺถํ อฑฺฒเตฬสภิกฺขุสตปริวารํ นิมฺมิตพุทฺธํ อากาเสน อาเนตฺวา เตน อตฺตานํ ปุจฺฉาเปตฺวา อิมํ สุตฺตมภาสิ.

ตตฺถ ปุจฺฉาย ตาว โส นิมฺมิโต กถํทสฺสีติ อธิปฺํ กถํสีโลติ อธิสีลํ, อุปสนฺโตติ อธิจิตฺตํ ปุจฺฉติ. เสสํ ปากฏเมว.

๘๕๖. วิสฺสชฺชเน ปน ภควา สรูเปน อธิปฺาทีนิ อวิสฺสชฺเชตฺวาว อธิปฺาทิปฺปภาเวน เยสํ กิเลสานํ อุปสมา ‘‘อุปสนฺโต’’ติ วุจฺจติ, นานาเทวตานํ อาสยานุโลเมน เตสํ อุปสมเมว ทีเปนฺโต ‘‘วีตตณฺโห’’ติอาทิกา คาถาโย อภาสิ. ตตฺถ อาทิโต อฏฺนฺนํ คาถานํ ‘‘ตํ พฺรูมิ อุปสนฺโต’’ติ อิมาย คาถาย สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ. ตโต ปราสํ ‘‘ส เว สนฺโตติ วุจฺจตี’’ติ อิมินา สพฺพปจฺฉิเมน ปเทน.

อนุปทวณฺณนานเยน จ – วีตตณฺโห ปุรา เภทาติ โย สรีรเภทา ปุพฺพเมว ปหีนตณฺโห. ปุพฺพมนฺตมนิสฺสิโตติ อตีตทฺธาทิเภทํ ปุพฺพนฺตมนิสฺสิโต. เวมชฺเฌนุปสงฺเขยฺโยติ ปจฺจุปฺปนฺเนปิ อทฺธนิ ‘‘รตฺโต’’ติอาทินา นเยน น อุปสงฺขาตพฺโพ. ตสฺส นตฺถิ ปุรกฺขตนฺติ ตสฺส อรหโต ทฺวินฺนํ ปุเรกฺขารานํ อภาวา อนาคเต อทฺธนิ ปุรกฺขตมฺปิ นตฺถิ, ตํ พฺรูมิ อุปสนฺโตติ เอวเมตฺถ โยชนา เวทิตพฺพา. เอส นโย สพฺพตฺถ. อิโต ปรํ ปน โยชนํ อทสฺเสตฺวา อนุตฺตานปทวณฺณนํเยว กริสฺสาม.

๘๕๗. อสนฺตาสีติ เตน เตน อลาภเกน อสนฺตสนฺโต. อวิกตฺถีติ สีลาทีหิ อวิกตฺถนสีโล. อกุกฺกุโจติ หตฺถกุกฺกุจาทิวิรหิโต. มนฺตภาณีติ มนฺตาย ปริคฺคเหตฺวา วาจํ ภาสิตา. อนุทฺธโตติ อุทฺธจฺจวิรหิโต. ส เว วาจายโตติ โส วาจาย ยโต สํยโต จตุโทสวิรหิตํ วาจํ ภาสิตา โหติ.

๘๕๘. นิราสตฺตีติ นิตฺตณฺโห. วิเวกทสฺสี ผสฺเสสูติ ปจฺจุปฺปนฺเนสุ จกฺขุสมฺผสฺสาทีสุ อตฺตาทิภาววิเวกํ ปสฺสติ. ทิฏฺีสุ จ น นียตีติ ทฺวาสฏฺิทิฏฺีสุ กายจิ ทิฏฺิยา น นียติ.

๘๕๙. ปติลีโนติ ราคาทีนํ ปหีนตฺตา ตโต อปคโต. อกุหโกติ อวิมฺหาปโก ตีหิ กุหนวตฺถูหิ. อปิหาลูติ อปิหนสีโล, ปตฺถนาตณฺหาย รหิโตติ วุตฺตํ โหติ. อมจฺฉรีติ ปฺจมจฺเฉรวิรหิโต. อปฺปคพฺโภติ กายปาคพฺภิยาทิวิรหิโต. อเชคุจฺโฉติ สมฺปนฺนสีลาทิตาย อเชคุจฺฉนีโย อเสจนโก มนาโป. เปสุเณยฺเย จ โน ยุโตติ ทฺวีหิ อากาเรหิ อุปสํหริตพฺเพ ปิสุณกมฺเม อยุตฺโต.

๘๖๐. สาติเยสุ อนสฺสาวีติ สาตวตฺถูสุ กามคุเณสุ ตณฺหาสนฺถววิรหิโต. สณฺโหติ สณฺเหหิ กายกมฺมาทีหิ สมนฺนาคโต. ปฏิภานวาติ ปริยตฺติปริปุจฺฉาธิคมปฏิภาเนหิ สมนฺนาคโต. น สทฺโธติ สามํ อธิคตธมฺมํ น กสฺสจิ สทฺทหติ. น วิรชฺชตีติ ขยา ราคสฺส วิรตฺตตฺตา อิทานิ น วิรชฺชติ.

๘๖๑. ลาภกมฺยา น สิกฺขตีติ น ลาภปตฺถนาย สุตฺตนฺตาทีนิ สิกฺขติ. อวิรุทฺโธ จ ตณฺหาย, รเสสุ นานุคิชฺฌตีติ วิโรธาภาเวน จ อวิรุทฺโธ หุตฺวา ตณฺหาย มูลรสาทีสุ เคธํ นาปชฺชติ.

๘๖๒. อุเปกฺขโกติ ฉฬงฺคุเปกฺขาย สมนฺนาคโต. สโตติ กายานุปสฺสนาทิสติยุตฺโต.

๘๖๓. นิสฺสยนาติ ตณฺหาทิฏฺินิสฺสยา. ตฺวา ธมฺมนฺติ อนิจฺจาทีหิ อากาเรหิ ธมฺมํ ชานิตฺวา. อนิสฺสิโตติ เอวํ เตหิ นิสฺสเยหิ อนิสฺสิโต. เตน อฺตฺร ธมฺมาณา นตฺถิ นิสฺสยานํ อภาโวติ ทีเปติ ภวาย วิภวาย วาติ สสฺสตาย อุจฺเฉทาย วา.

๘๖๔. ตํ พฺรูมิ อุปสนฺโตติ ตํ เอวรูปํ เอเกกคาถาย วุตฺตํ อุปสนฺโตติ กเถมิ. อตรี โส วิสตฺติกนฺติ โส อิมํ วิสตาทิภาเวน วิสตฺติกาสงฺขาตํ มหาตณฺหํ อตริ.

๘๖๕. อิทานิ ตเมว อุปสนฺตํ ปสํสนฺโต อาห ‘‘น ตสฺส ปุตฺตา’’ติ เอวมาทิ. ตตฺถ ปุตฺตา อตฺรชาทโย จตฺตาโร. เอตฺถ จ ปุตฺตปริคฺคหาทโย ปุตฺตาทินาเมน วุตฺตาติ เวทิตพฺพา. เต หิสฺส น วิชฺชนฺติ, เตสํ วา อภาเวน ปุตฺตาทโย น วิชฺชนฺตีติ.

๘๖๖. เยน นํ วชฺชุํ ปุถุชฺชนา, อโถ สมณพฺราหฺมณาติ เยน ตํ ราคาทินา วชฺเชน ปุถุชฺชนา สพฺเพปิ เทวมนุสฺสา อิโต พหิทฺธา สมณพฺราหฺมณา จ รตฺโต วา ทุฏฺโ วาติ, วเทยฺยุํ. ตํ ตสฺส อปุรกฺขตนฺติ ตํ ราคาทิวชฺชํ ตสฺส อรหโต อปุรกฺขตํ ตสฺมา วาเทสุ เนชตีติ ตํ การณา นินฺทาวจเนสุ น กมฺปติ.

๘๖๗. น อุสฺเสสุ วทเตติ วิสิฏฺเสุ อตฺตานํ อนฺโตกตฺวา ‘‘อหํ วิสิฏฺโ’’ติ อติมานวเสน น วทติ. เอส นโย อิตเรสุ ทฺวีสุ. กปฺปํ เนติ อกปฺปิโยติ โส เอวรูโป ทุวิธมฺปิ กปฺปํ น เอติ. กสฺมา? ยสฺมา อกปฺปิโย, ปหีนกปฺโปติ วุตฺตํ โหติ.

๘๖๘. สกนฺติ มยฺหนฺติ ปริคฺคหิตํ. อสตา จ น โสจตีติ อวิชฺชมานาทินา อสตา จ น โสจติ. ธมฺเมสุ จ น คจฺฉตีติ สพฺเพสุ ธมฺเมสุ ฉนฺทาทิวเสน น คจฺฉติ. ส เว สนฺโตติ วุจฺจตีติ โส เอวรูโป นรุตฺตโม ‘‘สนฺโต’’ติ วุจฺจตีติ อรหตฺตนิกูเฏน เทสนํ นิฏฺาเปสิ. เทสนาปริโยสาเน โกฏิสตสหสฺสเทวตานํ อรหตฺตปฺปตฺติ อโหสิ, โสตาปนฺนาทีนํ คณนา นตฺถีติ.

ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย

สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย ปุราเภทสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๑. กลหวิวาทสุตฺตวณฺณนา

๘๖๙. กุโต ปหูตา กลหา วิวาทาติ กลหวิวาทสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? อิทมฺปิ ตสฺมึเยว มหาสมเย ‘‘กุโต นุ, โข, กลหาทโย อฏฺ ธมฺมา ปวตฺตนฺตี’’ติ อุปฺปนฺนจิตฺตานํ เอกจฺจานํ เทวตานํ เต ธมฺเม อาวิกาตุํ ปุริมนเยเนว นิมฺมิตพุทฺเธน อตฺตานํ ปุจฺฉาเปตฺวา วุตฺตํ ตตฺถ ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนกฺกเมน ิตตฺตา สพฺพคาถา ปากฏสมฺพนฺธาเยว.

อนุตฺตานปทวณฺณนา ปเนตาสํ เอวํ เวทิตพฺพา – กุโตปหูตา กลหา วิวาทาติ กลโห จ ตสฺส ปุพฺพภาโค วิวาโท จาติ อิเม กุโต ชาตา. ปริเทวโสกา สหมจฺฉรา จาติ ปริเทวโสกา จ มจฺฉรา จ กุโตปหูตา. มานาติมานา สหเปสุณา จาติ มานา จ อติมานา จ เปสุณา จ กุโตปหูตา. เตติ เต สพฺเพปิ อฏฺ กิเลสธมฺมา. ตทิงฺฆ พฺรูหีติ ตํ มยา ปุจฺฉิตมตฺถํ พฺรูหิ ยาจามิ ตํ อหนฺติ. ยาจนตฺโถ หิ อิงฺฆาติ นิปาโต.

๘๗๐. ปิยปฺปหูตาติ ปิยวตฺถุโต ชาตา. ยุตฺติ ปเนตฺถ นิทฺเทเส (มหานิ. ๙๘) วุตฺตา เอว. มจฺเฉรยุตฺตา กลหา วิวาทาติ อิมินา กลหวิวาทาทีนํ น เกวลํ ปิยวตฺถุเมว, มจฺฉริยมฺปิ ปจฺจยํ ทสฺเสติ. กลหวิวาทสีเสน เจตฺถ สพฺเพปิ เต ธมฺมา วุตฺตาติ เวทิตพฺพา. ยถา จ เอเตสํ มจฺฉริยํ, ตถา เปสุณานฺจ วิวาทํ. เตนาห – ‘‘วิวาทชาเตสุ จ เปสุณานี’’ติ.

๘๗๑. ปิยาสุ โลกสฺมึ กุโตนิทานา เย จาปิ โลภา วิจรนฺติ โลเกติ ‘‘ปิยา ปหูตา กลหา’’ติ เย เอตฺถ วุตฺตา. เต ปิยา โลกสฺมึ กุโตนิทานา, น เกวลฺจ ปิยา, เย จาปิ ขตฺติยาทโย โลภา วิจรนฺติ โลภเหตุกา โลเภนาภิภูตา วิจรนฺติ, เตสํ โส โลโภ จ กุโตนิทาโนติ ทฺเว อตฺเถ เอกาย ปุจฺฉาย ปุจฺฉติ. อาสา จ นิฏฺา จาติ อาสา จ ตสฺสา อาสาย สมิทฺธิ จ. เย สมฺปรายาย นรสฺส โหนฺตีติ เย นรสฺส สมฺปรายาย โหนฺติ, ปรายนา โหนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. เอกา เอวายมฺปิ ปุจฺฉา.

๘๗๒. ฉนฺทานิทานานีติ กามจฺฉนฺทาทิฉนฺทนิทานานิ. เย จาปิ โลภา วิจรนฺตีติ เย จาปิ ขตฺติยาทโย โลภา วิจรนฺติ เตสํ โลโภปิ ฉนฺทนิทาโนติ ทฺเวปิ อตฺเถ เอกโต วิสฺสชฺเชติ. อิโตนิทานาติ ฉนฺทนิทานา เอวาติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘กุโตนิทานา กุโตนิทานา’’ติ (สุ. นิ. ๒๗๓) เอเตสุ จ สทฺทสิทฺธิ สูจิโลมสุตฺเต วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพา.

๘๗๓. วินิจฺฉยาติ ตณฺหาทิฏฺิวินิจฺฉยา. เย วาปิ ธมฺมา สมเณน วุตฺตาติ เย จ อฺเปิ โกธาทีหิ สมฺปยุตฺตา, ตถารูปา วา อกุสลา ธมฺมา พุทฺธสมเณน วุตฺตา, เต กุโตปหูตาติ.

๘๗๔. ตมูปนิสฺสาย ปโหติ ฉนฺโทติ ตํ สุขทุกฺขเวทนํ. ตทุภยวตฺถุสงฺขาตํ สาตาสาตํ อุปนิสฺสาย สํโยควิโยคปตฺถนาวเสน ฉนฺโท ปโหติ. เอตฺตาวตา ‘‘ฉนฺโท นุ โลกสฺมึ กุโตนิทาโน’’ติ อยํ ปฺโห วิสฺสชฺชิโต โหติ. รูเปสุ ทิสฺวา วิภวํ ภวฺจาติ รูเปสุ วยฺจ อุปฺปาทฺจ ทิสฺวา. วินิจฺฉยํ กุพฺพติ ชนฺตุ โลเกติ อปายาทิเก โลเก อยํ ชนฺตุ โภคาธิคมนตฺถํ ตณฺหาวินิจฺฉยํ ‘‘อตฺตา เม อุปฺปนฺโน’’ติอาทินา นเยน ทิฏฺิวินิจฺฉยฺจ กุรุเต. ยุตฺติ ปเนตฺถ นิทฺเทเส (มหานิ. ๑๐๒) วุตฺตา เอว. เอตฺตาวตา ‘‘วินิจฺฉยา จาปิ กุโตปหูตา’’ติ อยํ ปฺโห วิสฺสชฺชิโต โหติ.

๘๗๕. เอเตปิ ธมฺมา ทฺวยเมว สนฺเตติ เอเตปิ โกธาทโย ธมฺมา สาตาสาตทฺวเย สนฺเต เอว ปโหนฺติ อุปฺปชฺชนฺติ. อุปฺปตฺติ จ เนสํ นิทฺเทเส (มหานิ. ๑๐๓) วุตฺตาเยว. เอตฺตาวตา ตติยปฺโหปิ วิสฺสชฺชิโต โหติ. อิทานิ โย เอวํ วิสฺสชฺชิเตสุ เอเตสุ ปฺเหสุ กถํกถี ภเวยฺย, ตสฺส กถํกถาปหานูปายํ ทสฺเสนฺโต อาห – ‘‘กถํกถี าณปถาย สิกฺเข’’ติ, าณทสฺสนาณาธิคมนตฺถํ ติสฺโส สิกฺขา สิกฺเขยฺยาติ วุตฺตํ โหติ. กึ การณํ? ตฺวา ปวุตฺตา สมเณน ธมฺมา. พุทฺธสมเณน หิ ตฺวาว ธมฺมา วุตฺตา, นตฺถิ ตสฺส ธมฺเมสุ อฺาณํ. อตฺตโน ปน าณาภาเวน เต อชานนฺโต น ชาเนยฺย, น เทสนา โทเสน, ตสฺมา กถํกถี าณปถาย สิกฺเข, ตฺวา ปวุตฺตา สมเณน ธมฺมาติ.

๘๗๖-๗. สาตํ อสาตฺจ กุโตนิทานาติ เอตฺถ สาตํ อสาตนฺติ สุขทุกฺขเวทนา เอว อธิปฺเปตา. น ภวนฺติ เหเตติ น ภวนฺติ เอเต. วิภวํ ภวฺจาปิ ยเมตมตฺถํ เอตํ เม ปพฺรูหิ ยโตนิทานนฺติ สาตาสาตานํ วิภวํ ภวฺจ เอตมฺปิ ยํ อตฺถํ. ลิงฺคพฺยตฺตโย เอตฺถ กโต. อิทํ ปน วุตฺตํ โหติ – สาตาสาตานํ วิภโว ภโว จาติ โย เอส อตฺโถ, เอวํ เม ปพฺรูหิ ยโตนิทานนฺติ. เอตฺถ จ สาตาสาตานํ วิภวภววตฺถุกา วิภวภวทิฏฺิโย เอว วิภวภวาติ อตฺถโต เวทิตพฺพา. ตถา หิ อิมสฺส ปฺหสฺส วิสฺสชฺชนปกฺเข ‘‘ภวทิฏฺิปิ ผสฺสนิทานา, วิภวทิฏฺิปิ ผสฺสนิทานา’’ติ นิทฺเทเส (มหานิ. ๑๐๕) วุตฺตํ. อิโตนิทานนฺติ ผสฺสนิทานํ.

๘๗๘. กิสฺมึ วิภูเต น ผุสนฺติ ผสฺสาติ กิสฺมึ วีติวตฺเต จกฺขุสมฺผสฺสาทโย ปฺจ ผสฺสา น ผุสนฺติ.

๘๗๙. นามฺจ รูปฺจ ปฏิจฺจาติ สมฺปยุตฺตกนามํ วตฺถารมฺมณรูปฺจ ปฏิจฺจ. รูเป วิภูเต น ผุสนฺติ ผสฺสาติ รูเป วีติวตฺเต ปฺจ ผสฺสา น ผุสนฺติ.

๘๘๐. กถํ สเมตสฺสาติ กถํ ปฏิปนฺนสฺส. วิโภติ รูปนฺติ รูป วิภวติ, น ภเวยฺย วา. สุขํ ทุขฺจาติ อิฏฺานิฏฺํ รูปเมว ปุจฺฉติ.

๘๘๑. น สฺสฺีติ ยถา สเมตสฺส วิโภติ รูปํ, โส ปกติสฺาย สฺีปิ น โหติ. น วิสฺสฺีติ วิสฺายปิ วิรูปาย สฺาย สฺี น โหติ อุมฺมตฺตโก วา ขิตฺตจิตฺโต วา. โนปิ อสฺีติ สฺาวิรหิโตปิ น โหติ นิโรธสมาปนฺโน วา อสฺสตฺโต วา. น วิภูตสฺีติ ‘‘สพฺพโส รูปสฺาน’’นฺติอาทินา (ธ ส. ๒๖๕; วิภ. ๖๐๒) นเยน สมติกฺกนฺตสฺีปิ น โหติ อรูปชฺฌานลาภี. เอวํ สเมตสฺส วิโภติ รูปนฺติ เอตสฺมึ สฺสฺิตาทิภาเว อฏฺตฺวา ยเทตํ วุตฺตํ ‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต…เป… อากาสานฺจายตนสมาปตฺติปฏิลาภตฺถาย จิตฺตํ อภินีหรตี’’ติ. เอวํ สเมตสฺส อรูปมคฺคสมงฺคิโน วิโภติ รูปํ. สฺานิทานา หิ ปปฺจสงฺขาติ เอวํ ปฏิปนฺนสฺสาปิ ยา สฺา, ตนฺนิทานา ตณฺหาทิฏฺิปปฺจา อปฺปหีนา เอว โหนฺตีติ ทสฺเสติ.

๘๘๒-๓. เอตฺตาวตคฺคํ นุ วทนฺติ, เหเก ยกฺขสฺส สุทฺธึ อิธ ปณฺฑิตาเส. อุทาหุ อฺมฺปิ วทนฺติ เอตฺโตติ เอตฺตาวตา นุ อิธ ปณฺฑิตา สมณพฺราหฺมณา อคฺคํ สุทฺธึ สตฺตสฺส วทนฺติ, อุทาหุ อฺมฺปิ เอตฺโต อรูปสมาปตฺติโต อธิกํ วทนฺตีติ ปุจฺฉติ. เอตฺตาวตคฺคมฺปิ วทนฺติ เหเกติ เอเก สสฺสตวาทา สมณพฺราหฺมณา ปณฺฑิตมานิโน เอตฺตาวตาปิ อคฺคํ สุทฺธึ วทนฺติ. เตสํ ปเนเก สมยํ วทนฺตีติ เตสํเยว เอเก อุจฺเฉทวาทา สมยํ อุจฺเฉทํ วทนฺติ. อนุปาทิเสเส กุสลา วทานาติ อนุปาทิเสเส กุสลวาทา สมานา.

๘๘๔. เอเต จ ตฺวา อุปนิสฺสิตาติ เอเต จ ทิฏฺิคติเก สสฺสตุจฺเฉททิฏฺิโย นิสฺสิตาติ ตฺวา. ตฺวา มุนี นิสฺสเย โส วิมํสีติ นิสฺสเย จ ตฺวา โส วีมํสี ปณฺฑิโต พุทฺธมุนิ. ตฺวา วิมุตฺโตติ ทุกฺขานิจฺจาทิโต ธมฺเม ตฺวา วิมุตฺโต. ภวาภวาย น สเมตีติ ปุนปฺปุนํ อุปปตฺติยา น สมาคจฺฉตีติ อรหตฺตนิกูเฏน เทสนํ นิฏฺาเปสิ. เทสนาปริโยสาเน ปุราเภทสุตฺเต วุตฺตสทิโสเยวาภิสมโย อโหสีติ.

ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย

สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย กลหวิวาทสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๒. จูฬพฺยูหสุตฺตวณฺณนา

๘๘๕-๖. สกํสกํทิฏฺิปริพฺพสานาติ จูฬพฺยูหสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? อิทมฺปิ ตสฺมึเยว มหาสมเย ‘‘สพฺเพปิ อิเม ทิฏฺิคติกา ‘สาธุรูปมฺหา’ติ ภณนฺติ, กึ นุ โข สาธุรูปาว อิเม อตฺตโนเยว ทิฏฺิยา ปติฏฺหนฺติ, อุทาหุ อฺมฺปิ ทิฏฺึ คณฺหนฺตี’’ติ อุปฺปนฺนจิตฺตานํ เอกจฺจานํ เทวตานํ ตมตฺถํ ปกาเสตุํ ปุริมนเยเนว นิมฺมิตพุทฺเธน อตฺตานํ ปุจฺฉาเปตฺวา วุตฺตํ.

ตตฺถ อาทิโต ทฺเวปิ คาถา ปุจฺฉาคาถาเยว. ตาสุ สกํสกํทิฏฺิปริพฺพสานาติ อตฺตโน อตฺตโน ทิฏฺิยา วสมานา. วิคฺคยฺห นานา กุสลา วทนฺตีติ ทิฏฺิพลคฺคาหํ คเหตฺวา, ตตฺถ ‘‘กุสลามฺหา’’ติ ปฏิชานมานา ปุถุ ปุถุ วทนฺติ เอกํ น วทนฺติ. โย เอวํ ชานาติ ส เวทิ ธมฺมํ อิทํ ปฏิโกสมเกวลี โสติ ตฺจ ทิฏฺึ สนฺธาย โย เอวํ ชานาติ, โส ธมฺมํ เวทิ. อิทํ ปน ปฏิกฺโกสนฺโต หีโน โหตีติ วทนฺติ. พาโลติ หีโน. อกฺกุสโลติ อวิทฺวา.

๘๘๗-๘. อิทานิ ติสฺโส วิสฺสชฺชนคาถา โหนฺติ. ตา ปุริมฑฺเฒน วุตฺตมตฺถํ ปจฺฉิมฑฺเฒน ปฏิพฺยูหิตฺวา ิตา. เตน พฺยูเหน อุตฺตรสุตฺตโต จ อปฺปกตฺตา อิทํ สุตฺตํ ‘‘จูฬพฺยูห’’นฺติ นามํ ลภติ. ตตฺถ ปรสฺส เจ ธมฺมนฺติ ปรสฺส ทิฏฺึ. สพฺเพว พาลาติ เอวํ สนฺเต สพฺเพว อิเม พาลา โหนฺตีติ อธิปฺปาโย. กึ การณํ? สพฺเพวิเม ทิฏฺิปริพฺพสานาติ สนฺทิฏฺิยา เจว น วีวทาตา. สํสุทฺธปฺา กุสลา มุตีมาติ สกาย ทิฏฺิยา น วิวทาตา น โวทาตา สํกิลิฏฺาว สมานา สํสุทฺธปฺา จ กุสลา จ มุติมนฺโต จ เต โหนฺติ เจ. อถ วา ‘‘สนฺทิฏฺิยา เจ ปน วีวทาตา’’ ติปิ ปาโ. ตสฺสตฺโถ – สกาย ปน ทิฏฺิยา โวทาตา สํสุทฺธปฺา กุสลา มุติมนฺโต โหนฺติ เจ. น เตสํ โกจีติ เอวํ สนฺเต เตสํ เอโกปิ หีนปฺโ น โหติ. กึการณา? ทิฏฺี หิ เตสมฺปิ ตถา สมตฺตา, ยถา อิตเรสนฺติ.

๘๘๙. น วาหเมตนฺติ คาถาย สงฺเขปตฺโถ – ยํ เต มิถุ ทฺเว ทฺเว ชนา อฺมฺํ ‘‘พาโล’’ติ อาหุ, อหํ เอตํ ตถิยํ ตจฺฉนฺติ เนว พฺรูมิ. กึการณา? ยสฺมา สพฺเพ เต สกํ สกํ ทิฏฺึ ‘‘อิทเมว สจฺจํ โมฆมฺ’’นฺติ อกํสุ. เตน จ การเณน ปรํ ‘‘พาโล’’ติ ทหนฺติ. เอตฺถ จ ‘‘ตถิย’’นฺติ ‘‘กถิว’’นฺติ ทฺเวปิ ปาา.

๘๙๐. ยมาหูติ ปุจฺฉาคาถาย ยํ ทิฏฺิสจฺจํ ตถิยนฺติ เอเก อาหุ.

๘๙๑. เอกฺหิ สจฺจนฺติ วิสฺสชฺชนคาถาย เอกํ สจฺจํ นิโรโธ มคฺโค วา. ยสฺมึ ปชา โน วิวเท ปชานนฺติ ยมฺหิ สจฺเจ ปชานนฺโต ปชา โน วิวเทยฺย. สยํ ถุนนฺตีติ อตฺตนา วทนฺติ.

๘๙๒. กสฺมา นูติ ปุจฺฉาคาถาย ปวาทิยาเสติ วาทิโน. อุทาหุ เต ตกฺกมนุสฺสรนฺตีติ เต วาทิโน อุทาหุ อตฺตโน ตกฺกมตฺตํ อนุคจฺฉนฺติ.

๘๙๓. เหวาติ วิสฺสชฺชนคาถาย อฺตฺร สฺาย นิจฺจานีติ เปตฺวา สฺามตฺเตน นิจฺจนฺติ คหิตคฺคหณานิ. ตกฺกฺจ ทิฏฺีสุ ปกปฺปยิตฺวาติ อตฺตโน มิจฺฉาสงฺกปฺปมตฺตํ ทิฏฺีสุ ชเนตฺวา. ยสฺมา ปน ทิฏฺีสุ วิตกฺกํ ชเนนฺตา ทิฏฺิโยปิ ชเนนฺติ, ตสฺมา นิทฺเทเส วุตฺตํ ‘‘ทิฏฺิคตานิ ชเนนฺติ สฺชเนนฺตี’’ติอาทิ (มหานิ. ๑๒๑).

๘๙๔-๕. อิทานิ เอวํ นานาสจฺเจสุ อสนฺเตสุ ตกฺกมตฺตมนุสฺสรนฺตานํ ทิฏฺิคติกานํ วิปฺปฏิปตฺตึ ทสฺเสตุํ ‘‘ทิฏฺเ สุเต’’ติอาทิกา คาถาโย อภาสิ. ตตฺถ ทิฏฺเติ ทิฏฺํ, ทิฏฺสุทฺธินฺติ อธิปฺปาโย. เอส นโย สุตาทีสุ. เอเต จ นิสฺสาย วิมานทสฺสีติ เอเต ทิฏฺิธมฺเม นิสฺสยิตฺวา สุทฺธิภาวสงฺขาตํ วิมานํ อสมฺมานํ ปสฺสนฺโตปิ. วินิจฺฉเย ตฺวา ปหสฺสมาโน, พาโล ปโร อกฺกุสโลติ จาหาติ เอวํ วิมานทสฺสีปิ ตสฺมึ ทิฏฺิวินิจฺฉเย ตฺวา ตุฏฺิชาโต หาสชาโต หุตฺวา ‘‘ปโร หีโน จ อวิทฺวา จา’’ติ เอวํ วทติเยว. เอวํ สนฺเต เยเนวาติ คาถา. ตตฺถ สยมตฺตนาติ สยเมว อตฺตานํ. วิมาเนตีติ ครหติ. ตเทว ปาวาติ ตเทว วจนํ ทิฏฺึ วทติ, ตํ วา ปุคฺคลํ.

๘๙๖. อติสารทิฏฺิยาติ คาถายตฺโถ – โส เอวํ ตาย ลกฺขณาติสารินิยา อติสารทิฏฺิยา สมตฺโต ปุณฺโณ อุทฺธุมาโต, เตน จ ทิฏฺิมาเนน มตฺโต ‘‘ปริปุณฺโณ อหํ เกวลี’’ติ เอวํ ปริปุณฺณมานี สยเมว อตฺตานํ มนสา ‘‘อหํ ปณฺฑิโต’’ติ อภิสิฺจติ. กึการณา? ทิฏฺี หิ สา ตสฺส ตถา สมตฺตาติ.

๘๙๗. ปรสฺส เจติ คาถาย สมฺพนฺโธ อตฺโถ จ – กิฺจ ภิยฺโย? โย โส วินิจฺฉเย ตฺวา ปหสฺสมาโน ‘‘พาโล ปโร อกฺกุสโล’’ติ จาห. ตสฺส ปรสฺส เจ หิ วจสา โส เตน วุจฺจมาโน นิหีโน โหติ. ตุโม สหา โหติ นิหีนปฺโ, โสปิ เตเนว สห นิหีนปฺโ โหติ. โสปิ หิ นํ ‘‘พาโล’’ติ วทติ. อถสฺส วจนํ อปฺปมาณํ, โส ปน สยเมว เวทคู จ ธีโร จ โหติ. เอวํ สนฺเต น โกจิ พาโล สมเณสุ อตฺถิ. สพฺเพปิ หิ เต อตฺตโน อิจฺฉาย ปณฺฑิตา.

๘๙๘. อฺํ อิโตติ คาถาย สมฺพนฺโธ อตฺโถ จ – ‘‘อถ เจ สยํ เวทคู โหติ ธีโร, น โกจิ พาโล สมเณสุ อตฺถี’’ติ เอวฺหิ วุตฺเตปิ สิยา กสฺสจิ ‘‘กสฺมา’’ติ. ตตฺถ วุจฺจเต – ยสฺมา อฺํ อิโต ยาภิวทนฺติ ธมฺมํ อปรทฺธา สุทฺธิมเกวลี เต, เอวมฺปิ ติตฺถิยา ปุถุโส วทนฺติ, เย อิโต อฺํ ทิฏฺึ อภิวทนฺติ, เย อปรทฺธา วิรทฺธา สุทฺธิมคฺคํ, อเกวลิโน จ เตติ เอวํ ปุถุติตฺถิยา ยสฺมา วทนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. กสฺมา ปเนวํ วทนฺตีติ เจ? สนฺทิฏฺิราเคน หิ เต ภิรตฺตา, ยสฺมา สเกน ทิฏฺิราเคน อภิรตฺตาติ วุตฺตํ โหติ.

๘๙๙-๙๐๐. เอวํ อภิรตฺตา จ – อิเธว สุทฺธินฺติ คาถา. ตตฺถ สกายเนติ สกมคฺเค ทฬฺหํ วทานาติ ทฬฺหวาทา. เอวฺจ ทฬฺหวาเทสุ เตสุ โย โกจิ ติตฺถิโย สกายเน วาปิ ทฬฺหํ วทาโน กเมตฺถ พาโลติ ปรํ ทเหยฺย, สงฺเขปโต ตตฺถ สสฺสตุจฺเฉทสงฺขาเต วิตฺถารโต วา นตฺถิกอิสฺสรการณนิยตาทิเภเท สเก อายตเน ‘‘อิทเมว สจฺจ’’นฺติ ทฬฺหํ วทาโน กํ ปรํ เอตฺถ ทิฏฺิคเต ‘‘พาโล’’ติ สห ธมฺเมน ปสฺเสยฺย, นนุ สพฺโพปิ ตสฺส มเตน ปณฺฑิโต เอว สุปฺปฏิปนฺโน เอว จ. เอวํ สนฺเต จ สยเมว โส เมธคมาวเหยฺย ปรํ วทํ พาลมสุทฺธิธมฺมํ, โสปิ ปรํ ‘‘พาโล จ อสุทฺธิธมฺโม จ อย’’นฺติ วทนฺโต อตฺตนาว กลหํ อาวเหยฺย. กสฺมา? ยสฺมา สพฺโพปิ ตสฺส มเตน ปณฺฑิโต เอว สุปฺปฏิปนฺโน เอว จ.

๙๐๑. เอวํ สพฺพถาปิ วินิจฺฉเย ตฺวา สยํ ปมาย อุทฺธํส โลกสฺมึ วิวาทเมติ, ทิฏฺิยํ ตฺวา สยฺจ สตฺถาราทีนิ มินิตฺวา โส ภิยฺโย วิวาทเมตีติ. เอวํ ปน วินิจฺฉเยสุ อาทีนวํ ตฺวา อริยมคฺเคน หิตฺวาน สพฺพานิ วินิจฺฉยานิ น เมธคํ กุพฺพติ ชนฺตุ โลเกติ อรหตฺตนิกูเฏน เทสนํ นิฏฺาเปสิ. เทสนาปริโยสาเน ปุราเภทสุตฺเต วุตฺตสทิโส เอวาภิสมโย อโหสีติ.

ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย

สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย จูฬพฺยูหสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๓. มหาพฺยูหสุตฺตวณฺณนา

๙๐๒. เย เกจิเมติ มหาพฺยูหสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? อิทมฺปิ ตสฺมึเยว มหาสมเย ‘‘กึ นุ โข อิเม ทิฏฺิปริพฺพสานา วิฺูนํ สนฺติกา นินฺทเมว ลภนฺติ, อุทาหุ ปสํสมฺปี’’ติ อุปฺปนฺนจิตฺตานํ เอกจฺจานํ เทวตานํ ตมตฺถํ อาวิกาตุํ ปุริมนเยน นิมฺมิตพุทฺเธน อตฺตานํ ปุจฺฉาเปตฺวา วุตฺตํ. ตตฺถ อนฺวานยนฺตีติ อนุ อานยนฺติ, ปุนปฺปุนํ อาหรนฺติ.

๙๐๓. อิทานิ ยสฺมา เต ‘‘อิทเมว สจฺจ’’นฺติ วทนฺตา ทิฏฺิคติกา วาทิโน กทาจิ กตฺถจิ ปสํสมฺปิ ลภนฺติ, ยํ เอตํ ปสํสาสงฺขาตํ วาทผลํ, ตํ อปฺปํ ราคาทีนํ สมาย สมตฺถํ น โหติ, โก ปน วาโท ทุติเย นินฺทาผเล, ตสฺมา เอตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต อิมํ ตาว วิสฺสชฺชนคาถมาห. ‘‘อปฺปฺหิ เอตํ น อลํ สมาย, ทุเว วิวาทสฺส ผลานิ พฺรูมี’’ติอาทิ. ตตฺถ ทุเว วิวาทสฺส ผลานีติ นินฺทา ปสํสา จ, ชยปราชยาทีนิ วา ตํสภาคานิ. เอตมฺปิ ทิสฺวาติ ‘‘นินฺทา อนิฏฺา เอว, ปสํสา นาลํ สมายา’’ติ เอตมฺปิ วิวาทผเล อาทีนวํ ทิสฺวา. เขมาภิปสฺสํ อวิวาทภูมินฺติ อวิวาทภูมึ นิพฺพานํ ‘‘เขม’’นฺติ ปสฺสมาโน.

๙๐๔. เอวฺหิ อวิวทมาโน – ยา กาจิมาติ คาถา. ตตฺถ สมฺมุติโยติ ทิฏฺิโย. ปุถุชฺชาติ ปุถุชฺชนสมฺภวา. โส อุปยํ กิเมยฺยาติ โส อุปคนฺตพฺพฏฺเน อุปยํ รูปาทีสุ เอกมฺปิ ธมฺมํ กึ อุเปยฺย, เกน วา การเณน อุเปยฺย. ทิฏฺเ สุเต ขนฺติมกุพฺพมาโนติ ทิฏฺสุตสุทฺธีสุ เปมํ อกโรนฺโต.

๙๐๕. อิโต พาหิรา ปน – สีลุตฺตมาติ คาถา. ตสฺสตฺโถ – สีลํเยว ‘‘อุตฺตม’’นฺติ มฺมานา สีลุตฺตมา เอเก โภนฺโต สํยมมตฺเตน สุทฺธึ วทนฺติ, หตฺถิวตาทิฺจ วตํ สมาทาย อุปฏฺิตา, อิเธว ทิฏฺิยํ อสฺส สตฺถุโน สุทฺธินฺติ ภวูปนีตา ภวชฺโฌสิตา สมานา วทนฺติ, อปิจ เต กุสลา วทานา ‘‘กุสลา มย’’นฺติ เอวํ วาทา.

๙๐๖. เอวํ สีลุตฺตเมสุ จ เตสุ ตถา ปฏิปนฺโน โย โกจิ – สเจ จุโตติ คาถา. ตสฺสตฺโถ – สเจ ตโต สีลวตโต ปรวิจฺฉนฺทเนน วา อนภิสมฺภุณนฺโต วา จุโต โหติ, โส ตํ สีลพฺพตาทิกมฺมํ ปุฺาภิสงฺขาราทิกมฺมํ วา วิราธยิตฺวา ปเวธตี. น เกวลฺจ เวธติ, อปิจ โข ตํ สีลพฺพตสุทฺธึ ปชปฺปตี จ วิปฺปลปติ ปตฺถยตี จ. กิมิว? สตฺถาว หีโน ปวสํ ฆรมฺหา. ฆรมฺหา ปวสนฺโต สตฺถโต หีโน ยถา ตํ ฆรํ วา สตฺถํ วา ปตฺเถยฺยาติ.

๙๐๗. เอวํ ปน สีลุตฺตมานํ เวธการณํ อริยสาวโก – สีลพฺพตํ วาปิ ปหาย สพฺพนฺติ คาถา. ตตฺถ สาวชฺชนวชฺชนฺติ สพฺพากุสลํ โลกิยกุสลฺจ. เอตํ สุทฺธึ อสุทฺธินฺติ อปตฺถยาโนติ ปฺจกามคุณาทิเภทํ เอตํ สุทฺธึ, อกุสลาทิเภทํ อสุทฺธิฺจ อปตฺถยมาโน. วิรโต จเรติ สุทฺธิยา อสุทฺธิยา จ วิรโต จเรยฺย. สนฺติมนุคฺคหายาติ ทิฏฺึ อคเหตฺวา.

๙๐๘. เอวํ อิโต พาหิรเก สีลุตฺตเม สํยเมน วิสุทฺธิวาเท เตสํ วิฆาตํ สีลพฺพตปฺปหายิโน อรหโต จ ปฏิปตฺตึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อฺถาปิ สุทฺธิวาเท พาหิรเก ทสฺเสนฺโต ‘‘ตมูปนิสฺสายา’’ติ คาถมาห. ตสฺสตฺโถ – สนฺตฺเปิ สมณพฺราหฺมณา, เต ชิคุจฺฉิตํ อมรนฺตปํ วา ทิฏฺสุทฺธิอาทีสุ วา อฺตรฺตรํ อุปนิสฺสาย อกิริยทิฏฺิยา วา อุทฺธํสรา หุตฺวา ภวาภเวสุ อวีตตณฺหาเส สุทฺธิมนุตฺถุนนฺติ วทนฺติ กเถนฺตีติ.

๙๐๙. เอวํ เตสํ อวีตตณฺหานํ สุทฺธึ อนุตฺถุนนฺตานํ โยปิ สุทฺธิปฺปตฺตเมว อตฺตานํ มฺเยฺย, ตสฺสปิ อวีตตณฺหตฺตา ภวาภเวสุ ตํ ตํ วตฺถุํ ปตฺถยมานสฺส หิ ชปฺปิตานิ ปุนปฺปุนํ โหนฺติเยวาติ อธิปฺปาโย. ตณฺหา หิ อาเสวิตา ตณฺหํ วฑฺฒยเตว. น เกวลฺจ ชปฺปิตานิ, ปเวธิตํ วาปิ ปกปฺปิเตสุ, ตณฺหาทิฏฺีหิ จสฺส ปกปฺปิเตสุ วตฺถูสุ ปเวธิตมฺปิ โหตีติ วุตฺตํ โหติ. ภวาภเวสุ ปน วีตตณฺหตฺตา อายตึ จุตูปปาโต อิธ ยสฺส นตฺถิ, สเกน เวเธยฺย กุหึว ชปฺเปติ อยเมติสฺสา คาถาย สมฺพนฺโธ. เสสํ นิทฺเทเส วุตฺตนยเมว.

๙๑๐-๑๑. ยมาหูติ ปุจฺฉาคาถา. อิทานิ ยสฺมา เอโกปิ เอตฺถ วาโท สจฺโจ นตฺถิ, เกวลํ ทิฏฺิมตฺตเกน หิ เต วทนฺติ, ตสฺมา ตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘สกฺหี’’ติ อิมํ ตาว วิสฺสชฺชนคาถมาห. ตตฺถ สมฺมุตินฺติ ทิฏฺึ.

๙๑๒. เอวเมเตสุ สกํ ธมฺมํ ปริปุณฺณํ พฺรุวนฺเตสุ อฺสฺส ปน ธมฺมํ ‘‘หีน’’นฺติ วทนฺเตสุ ยสฺส กสฺสจิ – ปรสฺส เจ วมฺภยิเตน หีโนติ คาถา. ตสฺสตฺโถ – ยทิ ปรสฺส นินฺทิตการณา หีโน ภเวยฺย, น โกจิ ธมฺเมสุ วิเสสิ อคฺโค ภเวยฺย. กึ การณํ? ปุถู หิ อฺสฺส วทนฺติ ธมฺมํ, นิหีนโต สพฺเพว เต สมฺหิ ทฬฺหํ วทานา สกธมฺเม ทฬฺหวาทา เอว.

๙๑๓. กิฺจ ภิยฺโย – สทฺธมฺมปูชาติ คาถา. ตสฺสตฺโถ – เต จ ติตฺถิยา ยถา ปสํสนฺติ สกายนานิ, สทฺธมฺมปูชาปิ เนสํ ตเถว วตฺตติ. เต หิ อติวิย สตฺถาราทีนิ สกฺกโรนฺติ. ตตฺถ ยทิ เต ปมาณา สิยุํ, เอวํ สนฺเต สพฺเพว วาทา ตถิยา ภเวยฺยุํ. กึ การณํ? สุทฺธี หิ เนสํ ปจฺจตฺตเมว, น สา อฺตฺร สิชฺฌติ, นาปิ ปรมตฺถโต. อตฺตนิ ทิฏฺิคาหมตฺตเมว หิ ตํ เตสํ ปรปจฺจยเนยฺยพุทฺธีนํ.

๙๑๔. โย วา ปน วิปรีโต พาหิตปาปตฺตา พฺราหฺมโณ, ตสฺส – น พฺราหฺมณสฺส ปรเนยฺยมตฺถีติ คาถา. ตสฺสตฺโถ – พฺราหฺมณสฺส หิ ‘‘สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา’’ติอาทินา (ธ. ป. ๒๗๗; เนตฺติ. ๕) นเยน สุทิฏฺตฺตา ปเรน เนตพฺพํ าณํ นตฺถิ, ทิฏฺิธมฺเมสุ ‘‘อิทเมว สจฺจ’’นฺติ นิจฺฉินิตฺวา สมุคฺคหีตมฺปิ นตฺถิ. ตํการณา โส ทิฏฺิกลหานิ อตีโต, น จ โส เสฏฺโต ปสฺสติ ธมฺมมฺํ อฺตฺร สติปฏฺานาทีหิ.

๙๑๕. ชานามีติ คาถาย สมฺพนฺโธ อตฺโถ จ – เอวํ ตาว ปรมตฺถพฺราหฺมโณ น หิ เสฏฺโต ปสฺสติ ธมฺมมฺํ, อฺเ ปน ติตฺถิยา ปรจิตฺตาณาทีหิ ชานนฺตา ปสฺสนฺตาปิ ‘‘ชานามิ ปสฺสามิ ตเถว เอต’’นฺติ เอวํ วทนฺตาปิ จ ทิฏฺิยา สุทฺธึ ปจฺเจนฺติ. กสฺมา? ยสฺมา เตสุ เอโกปิ อทฺทกฺขิ เจ อทฺทส เจปิ เตน ปรจิตฺตาณาทินา ยถาภูตํ อตฺถํ, กิฺหิ ตุมสฺส เตน ตสฺส เตน ทสฺสเนน กึ กตํ, กึ ทุกฺขปริฺา สาธิตา, อุทาหุ สมุทยปหานาทีนํ อฺตรํ, ยโต สพฺพถาปิ อติกฺกมิตฺวา อริยมคฺคํ เต ติตฺถิยา อฺเเนว วทนฺติ สุทฺธึ, อติกฺกมิตฺวา วา เต ติตฺถิเย พุทฺธาทโย อฺเเนว วทนฺติ สุทฺธินฺติ.

๙๑๖. ปสฺสํ นโรติ คาถาย สมฺพนฺโธ อตฺโถ จ. กิฺจ ภิยฺโย? ยฺวายํ ปรจิตฺตาณาทีหิ อทฺทกฺขิ, โส ปสฺสํ นโร ทกฺขติ นามรูปํ, น ตโต ปรํ ทิสฺวาน วา สฺสติ ตานิเมว นามรูปานิ นิจฺจโต สุขโต วา น อฺถา. โส เอวํ ปสฺสนฺโต กามํ พหุํ ปสฺสตุ อปฺปกํ วา นามรูปํ นิจฺจโต สุขโต จ, อถสฺส เอวรูเปน ทสฺสเนน น หิ เตน สุทฺธึ กุสลา วทนฺตีติ.

๙๑๗. นิวิสฺสวาทีติ คาถาย สมฺพนฺโธ อตฺโถ จ – เตน จ ทสฺสเนน สุทฺธิยา อสติยาปิ โย ‘‘ชานามิ ปสฺสามิ ตเถว เอต’’นฺติ เอวํ นิวิสฺสวาที, เอตํ วา ทสฺสนํ ปฏิจฺจ ทิฏฺิยา สุทฺธึ ปจฺเจนฺโต ‘‘อิทเมว สจฺจ’’นฺติ เอวํ นิวิสฺสวาที, โส สุพฺพินโย น โหติ ตํ ตถา ปกปฺปิตํ อภิสงฺขตํ ทิฏฺึ ปุเรกฺขราโน. โส หิ ยํ สตฺถาราทึ นิสฺสิโต, ตตฺเถว สุภํ วทาโน สุทฺธึ วโท, ‘‘ปริสุทฺธวาโท ปริสุทฺธทสฺสโน วา อห’’นฺติ อตฺตานํ มฺมาโน ตตฺถ ตถทฺทสา โส, ตตฺถ สกาย ทิฏฺิยา อวิปรีตเมว โส อทฺทส. ยถา สา ทิฏฺิ ปวตฺตติ, ตเถว นํ อทฺทส, น อฺถา ปสฺสิตุํ อิจฺฉตีติ อธิปฺปาโย.

๙๑๘. เอวํ ปกปฺปิตํ ทิฏฺึ ปุเรกฺขราเนสุ ติตฺถิเยสุ – น พฺราหฺมโณ กปฺปมุเปติ สงฺขาติ คาถา. ตตฺถ สงฺขาติ สงฺขาย, ชานิตฺวาติ อตฺโถ. นปิ าณพนฺธูติ สมาปตฺติาณาทินา อกตตณฺหาทิฏฺิพนฺธุ. ตตฺถ วิคฺคโห – นาปิ อสฺส าเณน กโต พนฺธุ อตฺถีติ นปิ าณพนฺธุ. สมฺมุติโยติ ทิฏฺิสมฺมุติโย. ปุถุชฺชาติ ปุถุชฺชนสมฺภวา. อุคฺคหณนฺติ มฺเติ อุคฺคหณนฺติ อฺเ, อฺเ ตา สมฺมุติโย อุคฺคณฺหนฺตีติ วุตฺตํ โหติ.

๙๑๙. กิฺจ ภิยฺโย – วิสฺสชฺช คนฺถานีติ คาถา. ตตฺถ อนุคฺคโหติ อุคฺคหณวิรหิโต, โสปิ นาสฺส อุคฺคโหติ อนุคฺคโห, น วา อุคฺคณฺหาตีติ อนุคฺคโห.

๙๒๐. กิฺจ ภิยฺโย – โส เอวรูโป – ปุพฺพาสเวติ คาถา. ตตฺถ ปุพฺพาสเวติ อตีตรูปาทีนิ อารพฺภ อุปฺปชฺชมานธมฺเม กิเลเส. นเวติ ปจฺจุปฺปนฺนรูปาทีนิ อารพฺภ อุปฺปชฺชมานธมฺเม. น ฉนฺทคูติ ฉนฺทาทิวเสน น คจฺฉติ. อนตฺตครหีติ กตากตวเสน อตฺตานํ อครหนฺโต.

๙๒๑. เอวํ อนตฺตครหี จ – ส สพฺพธมฺเมสูติ คาถา. ตตฺถ สพฺพธมฺเมสูติ ทฺวาสฏฺิทิฏฺิธมฺเมสุ ‘‘ยํ กิฺจิ ทิฏฺํ วา’’ติ เอวํปเภเทสุ. ปนฺนภาโรติ ปติตภาโร. น กปฺเปตีติ น กปฺปิโย, ทุวิธมฺปิ กปฺปํ น กโรตีติ อตฺโถ. นูปรโตติ ปุถุชฺชนกลฺยาณกเสกฺขา วิย อุปรติสมงฺคีปิ น โหติ. น ปตฺถิโยติ นิตฺตณฺโห. ตณฺหา หิ ปตฺถิยตีติ ปตฺถิยา, นาสฺส ปตฺถิยาติ น ปตฺถิโยติ. เสสํ ตตฺถ ตตฺถ ปากฏเมวาติ น วุตฺตํ. เอวํ อรหตฺตนิกูเฏน เทสนํ นิฏฺาเปสิ, เทสนาปริโยสาเน ปุราเภทสุตฺเต วุตฺตสทิโส เอวาภิสมโย อโหสีติ.

ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย

สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย มหาพฺยูหสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๔. ตุวฏกสุตฺตวณฺณนา

๙๒๒. ปุจฺฉามิ นฺติ ตุวฏกสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? อิทมฺปิ ตสฺมึเยว มหาสมเย ‘‘กา นุ โข อรหตฺตปฺปตฺติยา ปฏิปตฺตี’’ติ อุปฺปนฺนจิตฺตานํ เอกจฺจานํ เทวตานํ ตมตฺถํ ปกาเสตุํ ปุริมนเยเนว นิมฺมิตพุทฺเธน อตฺตานํ ปุจฺฉาเปตฺวา วุตฺตํ.

ตตฺถ อาทิคาถาย ตาว ปุจฺฉามีติ เอตฺถ อทิฏฺโชตนาทิวเสน ปุจฺฉา วิภชิตา. อาทิจฺจพนฺธุนฺติ อาทิจฺจสฺส โคตฺตพนฺธุํ. วิเวกํ สนฺติปทฺจาติ วิเวกฺจ สนฺติปทฺจ. กถํ ทิสฺวาติ เกน การเณน ทิสฺวา, กถํ ปวตฺตทสฺสโน หุตฺวาติ วุตฺตํ โหติ.

๙๒๓. อถ ภควา ยสฺมา ยถา ปสฺสนฺโต กิเลเส อุปรุนฺธติ, ตถา ปวตฺตทสฺสโน หุตฺวา ปรินิพฺพาติ, ตสฺมา ตมตฺถํ อาวิกโรนฺโต นานปฺปกาเรน ตํ เทวปริสํ กิเลสปฺปหาเน นิโยเชนฺโต ‘‘มูลํ ปปฺจสงฺขายา’’ติ อารภิตฺวา ปฺจ คาถา อภาสิ.

ตตฺถ อาทิคาถาย ตาว สงฺเขปตฺโถ – ปปฺจาติ สงฺขาตตฺตา ปปฺจา เอว ปปฺจสงฺขา. ตสฺสา อวิชฺชาทโย กิเลสา มูลํ, ตํ ปปฺจสงฺขาย มูลํ อสฺมีติ ปวตฺตมานฺจ สพฺพํ มนฺตาย อุปรุนฺเธ. ยา กาจิ อชฺฌตฺตํ ตณฺหา อุปชฺเชยฺยุํ, ตาสํ วินยา สทา สโต สิกฺเข อุปฏฺิตสฺสติ หุตฺวา สิกฺเขยฺยาติ.

๙๒๔. เอวํ ตาว ปมคาถาย เอว ติสิกฺขายุตฺตํ เทสนํ อรหตฺตนิกูเฏน เทเสตฺวา ปุน มานปฺปหานวเสน เทเสตุํ ‘‘ยํ กิฺจี’’ติ คาถมาห. ตตฺถ ยํ กิฺจิ ธมฺมมภิชฺา อชฺฌตฺตนฺติ ยํ กิฺจิ อุจฺจากุลีนตาทิกํ อตฺตโน คุณํ ชาเนยฺย อถ วาปิ พหิทฺธาติ อถ วา พหิทฺธาปิ อาจริยุปชฺฌายานํ วา คุณํ ชาเนยฺย. น เตน ถามํ กุพฺเพถาติ เตน คุเณน ถามํ น กเรยฺย.

๙๒๕. อิทานิสฺส อกรณวิธึ ทสฺเสนฺโต ‘‘เสยฺโย น เตนา’’ติ คาถมาห. ตสฺสตฺโถ – เตน จ มาเนน ‘‘เสยฺโยห’’นฺติ วา ‘‘นีโจห’’นฺติ วา ‘‘สริกฺโขห’’นฺติ วาปิ น มฺเยฺย, เตหิ จ อุจฺจากุลีนตาทีหิ คุเณหิ ผุฏฺโ อเนกรูเปหิ ‘‘อหํ อุจฺจากุลา ปพฺพชิโต’’ติอาทินา นเยน อตฺตานํ วิกปฺเปนฺโต น ติฏฺเยฺย.

๙๒๖. เอวํ มานปฺปหานวเสนปิ เทเสตฺวา อิทานิ สพฺพกิเลสูปสมวเสนปิ เทเสตุํ ‘‘อชฺฌตฺตเมวา’’ติ คาถมาห. ตตฺถ อชฺฌตฺตเมวุปสเมติ อตฺตนิ เอว ราคาทิสพฺพกิเลเส อุปสเมยฺย. น อฺโต ภิกฺขุ สนฺติเมเสยฺยาติ เปตฺวา จ สติปฏฺานาทีนิ อฺเน อุปาเยน สนฺตึ น ปริเยเสยฺย. กุโต นิรตฺตา วาติ นิรตฺตา กุโต เอว.

๙๒๗. อิทานิ อชฺฌตฺตํ อุปสนฺตสฺส ขีณาสวสฺส ตาทิภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘มชฺเฌ ยถา’’ติ คาถมาห. ตสฺสตฺโถ – ยถา มหาสมุทฺทสฺส อุปริมเหฏฺิมภาคานํ เวมชฺฌสงฺขาเต จตุโยชนสหสฺสปฺปมาเณ มชฺเฌ ปพฺพตนฺตเร ิตสฺส วา มชฺเฌ สมุทฺทสฺส อูมิ น ชายติ, ิโตว โส โหติ อวิกมฺปมาโน, เอวํ อเนโช ขีณาสโว ลาภาทีสุ ิโต อสฺส อวิกมฺปมาโน, โส ตาทิโส ราคาทิอุสฺสทํ ภิกฺขุ น กเรยฺย กุหิฺจีติ.

๙๒๘. อิทานิ เอตํ อรหตฺตนิกูเฏน เทสิตํ ธมฺมเทสนํ อพฺภนุโมทนฺโต ตสฺส จ อรหตฺตสฺส อาทิปฏิปทํ ปุจฺฉนฺโต นิมฺมิตพุทฺโธ ‘‘อกิตฺตยี’’ติ คาถมาห. ตตฺถ อกิตฺตยีติ อาจิกฺขิ. วิวฏจกฺขูติ วิวเฏหิ อนาวรเณหิ ปฺจหิ จกฺขูหิ สมนฺนาคโต. สกฺขิธมฺมนฺติ สยํ อภิฺาตํ อตฺตปจฺจกฺขํ ธมฺมํ. ปริสฺสยวินยนฺติ ปริสฺสยวินยนํ. ปฏิปทํ วเทหีติ อิทานิ ปฏิปตฺตึ วเทหิ. ภทฺทนฺเตติ ‘‘ภทฺทํ ตว อตฺถู’’ติ ภควนฺตํ อาลปนฺโต อาห. อถ วา ภทฺทํ สุนฺทรํ ตว ปฏิปทํ วเทหีติ วุตฺตํ โหติ. ปาติโมกฺขํ อถ วาปิ สมาธินฺติ ตเมว ปฏิปทํ ภินฺทิตฺวา ปุจฺฉติ. ปฏิปทนฺติ เอเตน วา มคฺคํ ปุจฺฉติ. อิตเรหิ สีลํ สมาธิฺจ ปุจฺฉติ.

๙๒๙-๓๐. อถสฺส ภควา ยสฺมา อินฺทฺริยสํวโร สีลสฺส รกฺขา, ยสฺมา วา อิมินา อนุกฺกเมน เทสิยมานา อยํ เทสนา ตาสํ เทวตานํ สปฺปายา, ตสฺมา อินฺทฺริยสํวรโต ปภุติ ปฏิปทํ ทสฺเสนฺโต ‘‘จกฺขูหี’’ติอาทิมารทฺโธ. ตตฺถ จกฺขูหิ เนว โลลสฺสาติ อทิฏฺทกฺขิตพฺพาทิวเสน จกฺขูหิ โลโล เนวสฺส. คามกถาย อาวรเย โสตนฺติ ติรจฺฉานกถาโต โสตํ อาวเรยฺย. ผสฺเสนาติ โรคผสฺเสน. ภวฺจ นาภิชปฺเปยฺยาติ ตสฺส ผสฺสสฺส วิโนทนตฺถาย กามภวาทิภวฺจ น ปตฺเถยฺย. เภรเวสุ จ น สมฺปเวเธยฺยาติ ตสฺส ผสฺสสฺส ปจฺจยภูเตสุ สีหพฺยคฺฆาทีสุ เภรเวสุ จ น สมฺปเวเธยฺย, อวเสเสสุ วา ฆานินฺทฺริยมนินฺทฺริยวิสเยสุ นปฺปเวเธยฺย. เอวํ ปริปูโร อินฺทฺริยสํวโร วุตฺโต โหติ. ปุริเมหิ วา อินฺทฺริยสํวรํ ทสฺเสตฺวา อิมินา ‘‘อรฺเ วสตา เภรวํ ทิสฺวา วา สุตฺวา วา น เวธิตพฺพ’’นฺติ ทสฺเสติ.

๙๓๑. ลทฺธา น สนฺนิธึ กยิราติ เอเตสํ อนฺนาทีนํ ยํกิฺจิ ธมฺเมน ลภิตฺวา ‘‘อรฺเ จ เสนาสเน วสตา สทา ทุลฺลภ’’นฺติ จินฺเตตฺวา สนฺนิธึ น กเรยฺย.

๙๓๒. ฌายี น ปาทโลลสฺสาติ ฌานาภิรโต จ น ปาทโลโล อสฺส. วิรเม กุกฺกุจฺจา นปฺปมชฺเชยฺยาติ หตฺถกุกฺกุจฺจาทิกุกฺกุจฺจํ วิโนเทยฺย. สกฺกจฺจการิตาย เจตฺถ นปฺปมชฺเชยฺย.

๙๓๓. ตนฺทึ มายํ หสฺสํ ขิฑฺฑนฺติ อาลสิยฺจ มายฺจ หสฺสฺจ กายิกเจตสิกขิฑฺฑฺจ. สวิภูสนฺติ สทฺธึ วิภูสาย.

๙๓๔-๗. อาถพฺพณนฺติ อาถพฺพณิกมนฺตปฺปโยคํ. สุปินนฺติ สุปินสตฺถํ. ลกฺขณนฺติ มณิลกฺขณาทึ. โน วิทเหติ นปฺปโยเชยฺย. วิรุตนฺติ มิคาทีนํ วสฺสิตํ. เปสุณิยนฺติ เปสุฺํ. กยวิกฺกเยติ ปฺจหิ สหธมฺมิเกหิ สทฺธึ วฺจนาวเสน วา อุทยปตฺถนาวเสน วา น ติฏฺเยฺย. อุปวาทํ ภิกฺขุ น กเรยฺยาติ อุปวาทกเร กิเลเส อนิพฺพตฺเตนฺโต อตฺตนิ ปเรหิ สมณพฺราหฺมเณหิ อุปวาทํ น ชเนยฺย. คาเม จ นาภิสชฺเชยฺยาติ คาเม จ คิหิสํสคฺคาทีหิ นาภิสชฺเชยฺย. ลาภกมฺยา ชนํ น ลปเยยฺยาติ ลาภกามตาย ชนํ นาลปเยยฺย. ปยุตฺตนฺติ จีวราทีหิ สมฺปยุตฺตํ, ตทตฺถํ วา ปโยชิตํ.

๙๓๘-๙. โมสวชฺเช น นีเยถาติ มุสาวาเท น นีเยถ. ชีวิเตนาติ ชีวิกาย. สุตฺวา รุสิโต พหุํ วาจํ, สมณานํ วา ปุถุชนานนฺติ รุสิโต ฆฏฺฏิโต ปเรหิ เตส สมณานํ วา ขตฺติยาทิเภทานํ วา อฺเสํ ปุถุชนานํ พหุมฺปิ อนิฏฺวาจํ สุตฺวา. น ปฏิวชฺชาติ น ปฏิวเทยฺย. กึ การณํ? น หิ สนฺโต ปฏิเสนิกโรนฺติ.

๙๔๐. เอตฺจ ธมฺมมฺายาติ สพฺพเมตํ ยถาวุตฺตํ ธมฺมํ ตฺวา. วิจินนฺติ วิจินนฺโต. สนฺตีติ นิพฺพุตึ ตฺวาติ นิพฺพุตึ ราคาทีนํ สนฺตีติ ตฺวา.

๙๔๑. กึการณา นปฺปมชฺเชอิติ เจ – อภิภู หิ โสติ คาถา. ตตฺถ อภิภูติ รูปาทีนํ อภิภวิตา. อนภิภูโตติ เตหิ อนภิภูโต. สกฺขิธมฺมมนีติหมทสฺสีติ ปจฺจกฺขเมว อนีติหํ ธมฺมมทฺทกฺขิ. สทา นมสฺสมนุสิกฺเขติ สทา นมสฺสนฺโต ติสฺโส สิกฺขาโย สิกฺเขยฺย. เสสํ สพฺพตฺถ ปากฏเมว.

เกวลํ ปน เอตฺถ ‘‘จกฺขูหิ เนว โลโล’’ติอาทีหิ อินฺทฺริยสํวโร, ‘‘อนฺนานมโถ ปานาน’’นฺติอาทีหิ สนฺนิธิปฏิกฺเขปมุเขน ปจฺจยปฏิเสวนสีลํ, เมถุนโมสวชฺชเปสุณิยาทีหิ ปาติโมกฺขสํวรสีลํ, ‘‘อาถพฺพณํ สุปินํ ลกฺขณ’’นฺติอาทีหิ อาชีวปาริสุทฺธิสีลํ, ‘‘ฌายี อสฺสา’’ติ อิมินา สมาธิ, ‘‘วิจินํ ภิกฺขู’’ติ อิมินา ปฺา, ‘‘สทา สโต สิกฺเข’’ติ อิมินา ปุน สงฺเขปโต ติสฺโสปิ สิกฺขา, ‘‘อถ อาสเนสุ สยเนสุ, อปฺปสทฺเทสุ ภิกฺขุ วิหเรยฺย, นิทฺทํ น พหุลีกเรยฺยา’’ติอาทีหิ สีลสมาธิปฺานํ อุปการาปการสงฺคณฺหนวิโนทนานิ วุตฺตานีติ. เอวํ ภควา นิมฺมิตสฺส ปริปุณฺณปฏิปทํ วตฺวา อรหตฺตนิกูเฏน เทสนํ นิฏฺาเปสิ, เทสนาปริโยสาเน ปุราเภทสุตฺเต วุตฺตสทิโสเยวาภิสมโย อโหสีติ.

ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย

สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย ตุวฏกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๕. อตฺตทณฺฑสุตฺตวณฺณนา

๙๔๒. อตฺตทณฺฑา ภยํ ชาตนฺติ อตฺตทณฺฑสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? โย โส สมฺมาปริพฺพาชนียสุตฺตสฺส อุปฺปตฺติยํ วุจฺจมานาย สากิยโกลิยานํ อุทกํ ปฏิจฺจ กลโห วณฺณิโต, ตํ ตฺวา ภควา ‘‘าตกา กลหํ กโรนฺติ, หนฺท เน วาเรสฺสามี’’ติ ทฺวินฺนํ เสนานํ มชฺเฌ ตฺวา อิมํ สุตฺตมภาสิ.

ตตฺถ ปมคาถายตฺโถ – ยํ โลกสฺส ทิฏฺธมฺมิกํ วา สมฺปรายิกํ วา ภยํ ชาตํ, ตํ สพฺพํ อตฺตทณฺฑา ภยํ ชาตํ อตฺตโน ทุจฺจริตการณา ชาตํ, เอวํ สนฺเตปิ ชนํ ปสฺสถ เมธคํ, อิมํ สากิยาทิชนํ ปสฺสถ อฺมฺํ เมธคํ หึสกํ พาธกนฺติ. เอวํ ตํ ปฏิวิรุทฺธํ วิปฺปฏิปนฺนํ ชนํ ปริภาสิตฺวา อตฺตโน สมฺมาปฏิปตฺติทสฺสเนน ตสฺส สํเวคํ ชเนตุํ อาห ‘‘สํเวคํ กิตฺตยิสฺสามิ, ยถา สํวิชิตํ มยา’’ติ, ปุพฺเพ โพธิสตฺเตเนว สตาติ อธิปฺปาโย.

๙๔๓. อิทานิ ยถาเนน สํวิชิตํ, ตํ ปการํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ผนฺทมาน’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ ผนฺทมานนฺติ ตณฺหาทีหิ กมฺปมานํ. อปฺโปทเกติ อปฺปอุทเก. อฺมฺเหิ พฺยารุทฺเธ ทิสฺวาติ นานาสตฺเต จ อฺมฺเหิ สทฺธึ วิรุทฺเธ ทิสฺวา. มํ ภยมาวิสีติ มํ ภยํ ปวิฏฺํ.

๙๔๔. สมนฺตมสาโร โลโกติ นิรยํ อาทึ กตฺวา สมนฺตโต โลโก อสาโร นิจฺจสาราทิรหิโต. ทิสา สพฺพา สเมริตาติ สพฺพา ทิสา อนิจฺจตาย กมฺปิตา. อิจฺฉํ ภวนมตฺตโนติ อตฺตโน ตาณํ อิจฺฉนฺโต. นาทฺทสาสึ อโนสิตนฺติ กิฺจิ านํ ชราทีหิ อนชฺฌาวุตฺถํ นาทฺทกฺขึ.

๙๔๕. โอสาเนตฺเวว พฺยารุทฺเธ, ทิสฺวา เม อรตี อหูติ โยพฺพฺาทีนํ โอสาเน เอว อนฺตคมเก เอว วินาสเก เอว ชราทีหิ พฺยารุทฺเธ อาหตจิตฺเต สตฺเต ทิสฺวา อรติ เม อโหสิ. อเถตฺถ สลฺลนฺติ อถ เอเตสุ สตฺเตสุ ราคาทิสลฺลํ. หทยนิสฺสิตนฺติ จิตฺตนิสฺสิตํ.

๙๔๖. ‘‘กถํอานุภาวํ สลฺล’’นฺติ เจ – เยน สลฺเลน โอติณฺโณติ คาถา. ตตฺถ ทิสา สพฺพา วิธาวตีติ สพฺพา ทุจฺจริตทิสาปิ ปุรตฺถิมาทิทิสาวิทิสาปิ ธาวติ. ตเมว สลฺลมพฺพุยฺห, น ธาวติ น สีทตีติ ตเมว สลฺลํ อุทฺธริตฺวา ตา จ ทิสา น ธาวติ, จตุโรเฆ จ น สีทตีติ.

๙๔๗. เอวํมหานุภาเวน สลฺเลน โอติณฺเณสฺวปิ จ สตฺเตสุ – ตตฺถ สิกฺขานุคียนฺติ, ยานิ โลเก คธิตานีติ คาถา. ตสฺสตฺโถ – เย โลเก ปฺจ กามคุณา ปฏิลาภาย คิชฺฌนฺตีติ กตฺวา ‘‘คธิตานี’’ติ วุจฺจนฺติ, จิรกาลาเสวิตตฺตา วา ‘‘คธิตานี’’ติ วุจฺจนฺติ, ตตฺถ ตํ นิมิตฺตํ หตฺถิสิกฺขาทิกา อเนกา สิกฺขา กถียนฺติ อุคฺคยฺหนฺติ วา. ปสฺสถ ยาว ปมตฺโต วายํ โลโก, ยโต ปณฺฑิโต กุลปุตฺโต เตสุ วา คธิเตสุ ตาสุ วา สิกฺขาสุ อธิมุตฺโต น สิยา, อฺทตฺถุ อนิจฺจาทิทสฺสเนน นิพฺพิชฺฌ สพฺพโส กาเม อตฺตโน นิพฺพานเมว สิกฺเขติ.

๙๔๘. อิทานิ ยถา นิพฺพานาย สิกฺขิตพฺพํ, ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘สจฺโจ สิยา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สจฺโจติ วาจาสจฺเจน าณสจฺเจน มคฺคสจฺเจน จ สมนฺนาคโต. ริตฺตเปสุโณติ ปหีนเปสุโณ. เววิจฺฉนฺติ มจฺฉริยํ.

๙๔๙. นิทฺทํ ตนฺทึ สเห ถีนนฺติ ปจลายิกฺจ กายาลสิยฺจ จิตฺตาลสิยฺจาติ อิเม ตโย ธมฺเม อภิภเวยฺย. นิพฺพานมนโสติ นิพฺพานนินฺนจิตฺโต.

๙๕๐-๕๑. สาหสาติ รตฺตสฺส ราคจริยาทิเภทา สาหสกรณา. ปุราณํ นาภินนฺเทยฺยาติ อตีตรูปาทึ นาภินนฺเทยฺย. นเวติ ปจฺจุปฺปนฺเน. หิยฺยมาเนติ วินสฺสมาเน. อากาสํ น สิโต สิยาติ ตณฺหานิสฺสิโต น ภเวยฺย. ตณฺหา หิ รูปาทีนํ อากาสนโต ‘‘อากาโส’’ติ วุจฺจติ.

๙๕๒. ‘‘กึการณา อากาสํ น สิโต สิยา’’ติ เจ – ‘‘เคธํ พฺรูมี’’ติ คาถา. ตสฺสตฺโถ – อหฺหิ อิมํ อากาสสงฺขาตํ ตณฺหํ รูปาทีสุ คิชฺฌนโต เคธํ พฺรูมิ ‘‘เคโธ’’ติ วทามิ. กิฺจ ภิยฺโย – อวหนนฏฺเน ‘‘โอโฆ’’ติ จ อาชวนฏฺเน ‘‘อาชว’’นฺติ จ ‘‘อิทํ มยฺหํ, อิทํ มยฺห’’นฺติ ชปฺปการณโต ‘‘ชปฺปน’’นฺติ จ ทุมฺมุฺจนฏฺเน ‘‘อารมฺมณ’’นฺติ จ กมฺปกรเณน ‘‘ปกมฺปน’’นฺติ จ พฺรูมิ, เอสา จ โลกสฺส ปลิโพธฏฺเน ทุรติกฺกมนียฏฺเน จ กามปงฺโก ทุรจฺจโยติ. ‘‘อากาสํ น สิโต สิยา’’ติ เอวํ วุตฺเต วา ‘‘กิเมตํ อากาส’’นฺติ เจ? เคธํ พฺรูมีติ. เอวมฺปิ ตสฺสา คาถาย สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ. ตตฺถ ปทโยชนา – อากาสนฺติ เคธํ พฺรูมีติ. ตถา ยฺวายํ มโหโฆติ วุจฺจติ. ตํ พฺรูมิ, อาชวํ พฺรูมิ, ชปฺปนํ พฺรูมิ, ปกมฺปนํ พฺรูมิ, ยฺวายํ สเทวเก โลเก กามปงฺโก ทุรจฺจโย, ตํ พฺรูมีติ.

๙๕๓. เอวเมตํ เคธาทิปริยายํ อากาสํ อนิสฺสิโต – สจฺจา อโวกฺกมฺมาติ คาถา. ตสฺสตฺโถ – ปุพฺเพ วุตฺตา ติวิธาปิ สจฺจา อโวกฺกมฺม โมเนยฺยปฺปตฺติยา มุนีติ สงฺขฺยํ คโต นิพฺพานตฺถเล ติฏฺติ พฺราหฺมโณ, ส เว เอวรูโป สพฺพานิ อายตนานิ นิสฺสชฺชิตฺวา ‘‘สนฺโต’’ติ วุจฺจตีติ.

๙๕๔. กิฺจ ภิยฺโย – ส เว วิทฺวาติ คาถา. ตตฺถ ตฺวา ธมฺมนฺติ อนิจฺจาทินเยน สงฺขตธมฺมํ ตฺวา. สมฺมา โส โลเก อิริยาโนติ อสมฺมาอิริยนกรานํ กิเลสานํ ปหานา สมฺมา โส โลเก อิริยมาโน.

๙๕๕. เอวํ อปิเหนฺโต จ – โยธ กาเมติ คาถา. ตตฺถ สงฺคนฺติ สตฺตวิธํ สงฺคฺจ โย อจฺจตริ นาชฺเฌตีติ นาภิชฺฌายติ.

๙๕๖. ตสฺมา ตุมฺเหสุปิ โย เอวรูโป โหตุมิจฺฉติ, ตํ วทามิ – ยํ ปุพฺเพติ คาถา. ตตฺถ ยํ ปุพฺเพติ อตีเต สงฺขาเร อารพฺภ อุปฺปชฺชนธมฺมํ กิเลสชาตํ อตีตกมฺมฺจ. ปจฺฉา เต มาหุ กิฺจนนฺติ อนาคเตปิ สงฺขาเร อารพฺภ อุปฺปชฺชนธมฺมํ ราคาทิกิฺจนํ มาหุ. มชฺเฌ เจ โน คเหสฺสสีติ ปจฺจุปฺปนฺเน รูปาทิธมฺเมปิ น คเหสฺสสิ เจ.

๙๕๗. เอวํ ‘‘อุปสนฺโต จริสฺสสี’’ติ อรหตฺตปฺปตฺตึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อรหโต ถุติวเสน อิโต ปรา คาถาโย อภาสิ. ตตฺถ สพฺพโสติ คาถาย มมายิตนฺติ มมตฺตกรณํ, ‘‘มม อิท’’นฺติ คหิตํ วา วตฺถุ. อสตา จ น โสจตีติ อวิชฺชมานการณา อสนฺตการณา น โสจติ. น ชียตีติ ชานิมฺปิ น คจฺฉติ.

๙๕๘-๙. กิฺจ ภิยฺโย – ยสฺส นตฺถีติ คาถา. ตตฺถ กิฺจนนฺติ กิฺจิ รูปาทิธมฺมชาตํ. กิฺจ ภิยฺโย – อนิฏฺุรีติ คาถา. ตตฺถ อนิฏฺุรีติ อนิสฺสุกี. ‘‘อนิทฺธุรี’’ติปิ เกจิ ปนฺติ. สพฺพธี สโมติ สพฺพตฺถ สโม, อุเปกฺขโกติ อธิปฺปาโย. กึ วุตฺตํ โหติ? โย โส ‘‘นตฺถิ เม’’ติ น โสจติ, ตมหํ อวิกมฺปินํ ปุคฺคลํ ปุฏฺโ สมาโน อนิฏฺุรี อนนุคิทฺโธ อเนโช สพฺพธิ สโมติ อิมํ ตสฺมึ ปุคฺคเล จตุพฺพิธมานิสํสํ พฺรูมีติ.

๙๖๐. กิฺจ ภิยฺโย – อเนชสฺสาติ คาถา. ตตฺถ นิสงฺขตีติ ปุฺาภิสงฺขาราทีสุ โย โกจิ สงฺขาโร. โส หิ ยสฺมา นิสงฺขริยติ นิสงฺขโรติ วา, ตสฺมา ‘‘นิสงฺขตี’’ติ วุจฺจติ. วิยารมฺภาติ วิวิธา ปุฺาภิสงฺขาราทิกา อารมฺภา. เขมํ ปสฺสติ สพฺพธีติ สพฺพตฺถ อภยเมว ปสฺสติ.

๙๖๑. เอวํ ปสฺสนฺโต น สเมสูติ คาถา. ตตฺถ น วทเตติ ‘‘สทิโสหมสฺมี’’ติอาทินา มานวเสน สเมสุปิ อตฺตานํ น วทติ โอเมสุปิ อุสฺเสสุปิ. นาเทติ น นิรสฺสตีติ รูปาทีสุ กฺจิ ธมฺมํ น คณฺหาติ; น นิสฺสชฺชติ. เสสํ สพฺพตฺถ ปากฏเมว. เอวํ อรหตฺตนิกูเฏน เทสนํ นิฏฺาเปสิ, เทสนาปริโยสาเน ปฺจสตา สากิยกุมารา จ โกลิยกุมารา จ เอหิภิกฺขุปพฺพชฺชาย ปพฺพชิตา, เต คเหตฺวา ภควา มหาวนํ ปาวิสีติ.

ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย

สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย อตฺตทณฺฑสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๖. สาริปุตฺตสุตฺตวณฺณนา

๙๖๒. เม ทิฏฺโติ สาริปุตฺตสุตฺตํ, ‘‘เถรปฺหสุตฺต’’นฺติปิ วุจฺจติ. กา อุปฺปตฺติ? อิมสฺส สุตฺตสฺส อุปฺปตฺติ – ราชคหกสฺส เสฏฺิสฺส จนฺทนฆฏิกาย ปฏิลาภํ อาทึ กตฺวา ตาย จนฺทนฆฏิกาย กตสฺส ปตฺตสฺส อากาเส อุสฺสาปนํ อายสฺมโต ปิณฺโฑลภารทฺวาชสฺส อิทฺธิยา ปตฺตคฺคหณํ, ตสฺมึ วตฺถุสฺมึ สาวกานํ อิทฺธิปฏิกฺเขโป, ติตฺถิยานํ ภควตา สทฺธึ ปาฏิหาริยํ กตฺตุกามตา, ปาฏิหาริยกรณํ, ภควโต สาวตฺถิคมนํ, ติตฺถิยานุพนฺธนํ, สาวตฺถิยํ ปเสนทิโน พุทฺธูปคมนํ กณฺฑมฺพปาตุภาโว, จตุนฺนํ ปริสานํ ติตฺถิยชยตฺถํ ปาฏิหาริยกรณุสฺสุกฺกนิวารณํ, ยมกปาฏิหาริยกรณํ, กตปาฏิหาริยสฺส ภควโต ตาวตึสภวนคมนํ, ตตฺถ เตมาสํ ธมฺมเทสนา, อายสฺมตา มหาโมคฺคลฺลานตฺเถเรน ยาจิตสฺส เทวโลกโต สงฺกสฺสนคเร โอโรหณนฺติ อิมานิ วตฺถูนิ อนฺตรนฺตเร จ ชาตกานิ วิตฺถาเรตฺวา ยาว ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตาหิ ปูชิยมาโน ภควา มชฺเฌ มณิมเยน โสปาเนน สงฺกสฺสนคเร โอรุยฺห โสปานกเฬวเร อฏฺาสิ –

‘‘เย ฌานปฺปสุตา ธีรา, เนกฺขมฺมูปสเม รตา;

เทวาปิ เตสํ ปิหยนฺติ, สมฺพุทฺธานํ สตีมต’’นฺติ. (ธ. ป. ๑๘๑) –

อิมิสฺสา ธมฺมปทคาถาย วุจฺจมานาย วุตฺตา. โสปานกเฬวเร ิตํ ปน ภควนฺตํ สพฺพปมํ อายสฺมา สาริปุตฺโต วนฺทิ, ตโต อุปฺปลวณฺณา ภิกฺขุนี, อถาปโร ชนกาโย. ตตฺร ภควา จินฺเตสิ – ‘‘อิมิสฺสํ ปริสติ โมคฺคลฺลาโน อิทฺธิยา อคฺโคติ ปากโฏ, อนุรุทฺโธ ทิพฺพจกฺขุนา, ปุณฺโณ ธมฺมกถิกตฺเตน, สาริปุตฺตํ ปนายํ ปริสา น เกนจิ คุเณน เอวํ อคฺโคติ ชานาติ, ยํนูนาหํ สาริปุตฺตํ ปฺาคุเณน ปกาเสยฺย’’นฺติ. อถ เถรํ ปฺหํ ปุจฺฉิ. เถโร ภควตา ปุจฺฉิตํ ปุจฺฉิตํ ปุถุชฺชนปฺหํ, เสกฺขปฺหํ, อเสกฺขปฺหฺจ, สพฺพํ วิสฺสชฺเชสิ. ตทา นํ ชโน ‘‘ปฺาย อคฺโค’’ติ อฺาสิ. อถ ภควา ‘‘สาริปุตฺโต น อิทาเนว ปฺาย อคฺโค, อตีเตปิ ปฺาย อคฺโค’’ติ ชาตกํ อาเนสิ.

อตีเต ปโรสหสฺสา อิสโย วนมูลผลาหารา ปพฺพตปาเท วสนฺติ. เตสํ อาจริยสฺส อาพาโธ อุปฺปชฺชิ, อุปฏฺานานิ วตฺตนฺติ. เชฏฺนฺเตวาสี ‘‘สปฺปายเภสชฺชํ อาหริสฺสามิ, อาจริยํ อปฺปมตฺตา อุปฏฺหถา’’ติ วตฺวา มนุสฺสปถํ อคมาสิ. ตสฺมึ อนาคเตเยว อาจริโย กาลมกาสิ. ตํ ‘‘อิทานิ กาลํ กริสฺสตี’’ติ อนฺเตวาสิกา สมาปตฺติมารพฺภ ปุจฺฉึสุ. โส อากิฺจฺายตนสมาปตฺตึ สนฺธายาห – ‘‘นตฺถิ กิฺจี’’ติ, อนฺเตวาสิโน ‘‘นตฺถิ อาจริยสฺส อธิคโม’’ติ อคฺคเหสุํ. อถ เชฏฺนฺเตวาสี เภสชฺชํ อาทาย อาคนฺตฺวา ตํ กาลกตํ ทิสฺวา อาจริยํ ‘‘กิฺจิ ปุจฺฉิตฺถา’’ติ อาห. อาม ปุจฺฉิมฺหา, ‘‘นตฺถิ กิฺจี’’ติ อาห, น กิฺจิ อาจริเยน อธิคตนฺติ. นตฺถิ กิฺจีติ วทนฺโต อาจริโย อากิฺจฺายตนํ ปเวเทสิ, สกฺกาตพฺโพ อาจริโยติ.

‘‘ปโรสหสฺสมฺปิ สมาคตานํ,

กนฺเทยฺยุํ เต วสฺสสตํ อปฺา;

เอโกปิ เสยฺโย ปุริโส สปฺโ,

โย ภาสิตสฺส วิชานาติ อตฺถ’’นฺติ. (ชา. ๑.๑.๙๙);

กถิเต จ ปน ภควตา ชาตเก อายสฺมา สาริปุตฺโต อตฺตโน สทฺธิวิหาริกานํ ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานมตฺถาย สปฺปายเสนาสนโคจรสีลวตาทีนิ ปุจฺฉิตุํ ‘‘น เม ทิฏฺโ อิโต ปุพฺเพ’’ติ อิมํ ถุติคาถํ อาทึ กตฺวา อฏฺ คาถาโย อภาสิ. ตมตฺถํ วิสฺสชฺเชนฺโต ภควา ตโต ปรา เสสคาถาติ.

ตตฺถ อิโต ปุพฺเพติ อิโต สงฺกสฺสนคเร โอตรณโต ปุพฺเพ. วคฺคุวโทติ สุนฺทรวโท. ตุสิตา คณิมาคโตติ ตุสิตกายา จวิตฺวา มาตุกุจฺฉึ อาคตตฺตา ตุสิตา อาคโต, คณาจริยตฺตา คณี. สนฺตุฏฺฏฺเน วา ตุสิตสงฺขาตา เทวโลกา คณึ อาคโต ตุสิตานํ วา อรหนฺตานํ คณึ อาคโตติ.

๙๖๓. ทุติยคาถาย สเทวกสฺส โลกสฺส ยถา ทิสฺสตีติ สเทวกสฺส โลกสฺส วิย มนุสฺสานมฺปิ ทิสฺสติ. ยถา วา ทิสฺสตีติ ตจฺฉโต อวิปรีตโต ทิสฺสติ จกฺขุมาติ อุตฺตมจกฺขุ. เอโกติ ปพฺพชฺชาสงฺขาตาทีหิ เอโก. รตินฺติ เนกฺขมฺมรติอาทึ.

๙๖๔. ตติยคาถาย พหูนมิธ พทฺธานนฺติ อิธ พหูนํ ขตฺติยาทีนํ สิสฺสานํ. สิสฺสา หิ อาจริเย ปฏิพทฺธวุตฺติตฺตา ‘‘พทฺธา’’ติ วุจฺจนฺติ อตฺถิ ปฺเหน อาคมนฺติ อตฺถิโก ปฺเหน อาคโตมฺหิ, อตฺถิกานํ วา ปฺเหน อาคมนํ, ปฺเหน อตฺถิ อาคมนํ วาติ.

๙๖๕. จตุตฺถคาถาย วิชิคุจฺฉโตติ ชาติอาทีหิ อฏฺฏียโต ริตฺตมาสนนฺติ วิวิตฺตํ มฺจปีํ. ปพฺพตานํ คุหาสุ วาติ ปพฺพตคุหาสุ วา ริตฺตมาสนํ ภชโตติ สมฺพนฺธิตพฺพํ.

๙๖๖. ปฺจมคาถาย อุจฺจาวเจสูติ หีนปณีเตสุ. สยเนสูติ วิหาราทีสุ เสนาสเนสุ. กีวนฺโต ตตฺถ เภรวาติ กิตฺตกา ตตฺถ ภยการณา. ‘‘กุวนฺโต’’ติปิ ปาโ, กูชนฺโตติ จสฺส อตฺโถ. น ปน ปุพฺเพนาปรํ สนฺธิยติ.

๙๖๗. ฉฏฺคาถาย กตี ปริสฺสยาติ กิตฺตกา อุปทฺทวา. อคตํ ทิสนฺติ นิพฺพานํ. ตฺหิ อคตปุพฺพตฺตา อคตํ ตถา นิทฺทิสิตพฺพโต ทิสา จาติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อคตํ ทิส’’นฺติ. อภิสมฺภเวติ อภิภเวยฺย. ปนฺตมฺหีติ ปริยนฺเต.

๙๖๘-๙. สตฺตมคาถาย กฺยาสฺส พฺยปฺปถโย อสฺสูติ กีทิสานิ ตสฺส วจนานิ อสฺสุ. อฏฺมคาถาย เอโกทิ นิปโกติ เอกคฺคจิตฺโต ปณฺฑิโต.

๙๗๐. เอวํ อายสฺมตา สาริปุตฺเตน ตีหิ คาถาหิ ภควนฺตํ โถเมตฺวา ปฺจหิ คาถาหิ – ปฺจสตานํ สิสฺสานมตฺถาย เสนาสนโคจรสีลวตาทีนิ ปุจฺฉิโต ภควา ตมตฺถํ ปกาเสตุํ ‘‘วิชิคุจฺฉมานสฺสา’’ติอาทินา นเยน วิสฺสชฺชนมารทฺโธ. ตตฺถ ปมคาถาย ตาวตฺโถ – ชาติอาทีหิ วิชิคุจฺฉมานสฺส ริตฺตาสนํ สยนํ เสวโต เจ สมฺโพธิกามสฺส สาริปุตฺต, ภิกฺขุโน ยทิทํ ผาสุ โย ผาสุวิหาโร ยถานุธมฺมํ โย จ อนุธมฺโม, ตํ เต ปวกฺขามิ ยถา ปชานํ ยถา ปชานนฺโต วเทยฺย, เอวํ วทามีติ.

๙๗๑. ทุติยคาถาย ปริยนฺตจารีติ สีลาทีสุ จตูสุ ปริยนฺเตสุ จรมาโน. ฑํสาธิปาตานนฺติ ปิงฺคลมกฺขิกานฺจ เสสมกฺขิกานฺจ. เสสมกฺขิกา หิ ตโต ตโต อธิปติตฺวา ขาทนฺติ, ตสฺมา ‘‘อธิปาตา’’ติ วุจฺจนฺติ. มนุสฺสผสฺสานนฺติ โจราทิผสฺสานํ.

๙๗๒. ตติยคาถาย ปรธมฺมิกา นาม สตฺต สหธมฺมิกวชฺชา สพฺเพปิ พาหิรกา. กุสลานุเอสีติ กุสลธมฺเม อนฺเวสมาโน.

๙๗๓. จตุตฺถคาถาย อาตงฺกผสฺเสนาติ โรคผสฺเสน. สีตํ อตุณฺหนฺติ สีตฺจ อุณฺหฺจ. โส เตหิ ผุฏฺโ พหุธาติ โส เตหิ อาตงฺกาทีหิ อเนเกหิ อากาเรหิ ผุฏฺโ สมาโนปิ. อโนโกติ อภิสงฺขารวิฺาณาทีนํ อโนกาสภูโต.

๙๗๔. เอวํ ‘‘ภิกฺขุโน วิชิคุจฺฉโต’’ติอาทีหิ ตีหิ คาถาหิ ปุฏฺมตฺถํ วิสฺสชฺเชตฺวา อิทานิ ‘‘กฺยาสฺส พฺยปฺปถโย’’ติอาทินา นเยน ปุฏฺํ วิสฺสชฺเชนฺโต ‘‘เถยฺยํ น กาเร’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ผสฺเสติ ผเรยฺย. ยทาวิลตฺตํ มนโส วิชฺาติ ยํ จิตฺตสฺส อาวิลตฺตํ วิชาเนยฺย, ตํ สพฺพํ ‘‘กณฺหสฺส ปกฺโข’’ติ วิโนทเยยฺย.

๙๗๕. มูลมฺปิ เตสํ ปลิขฺ ติฏฺเติ เตสํ โกธาติมานานํ ยํ อวิชฺชาทิกํ มูลํ, ตมฺปิ ปลิขณิตฺวา ติฏฺเยฺย. อทฺธา ภวนฺโต อภิสมฺภเวยฺยาติ เอวํ ปิยปฺปิยํ อภิภวนฺโต เอกํเสเนว อภิภเวยฺย, น ตตฺร สิถิลํ ปรกฺกเมยฺยาติ อธิปฺปาโย.

๙๗๖. ปฺํ ปุรกฺขตฺวาติ ปฺํ ปุพฺพงฺคมํ กตฺวา. กลฺยาณปีตีติ กลฺยาณาย ปีติยา สมนฺนาคโต. จตุโร สเหถ ปริเทวธมฺเมติ อนนฺตรคาถาย วุจฺจมาเน ปริเทวนียธมฺเม สเหยฺย.

๙๗๗. กึสู อสิสฺสามีติ กึ ภุฺชิสฺสามิ. กุวํ วา อสิสฺสนฺติ กุหึ วา อสิสฺสามิ. ทุกฺขํ วต เสตฺถ กฺวชฺช เสสฺสนฺติ อิมํ รตฺตึ ทุกฺขํ สยึ, อชฺช อาคมนรตฺตึ กตฺถ สยิสฺสํ. เอเต วิตกฺเกติ เอเต ปิณฺฑปาตนิสฺสิเต ทฺเว, เสนาสนนิสฺสิเต ทฺเวติ จตฺตาโร วิตกฺเก. อนิเกตจารีติ อปลิโพธจารี นิตฺตณฺหจารี.

๙๗๘. กาเลติ ปิณฺฑปาตกาเล ปิณฺฑปาตสงฺขาตํ อนฺนํ วา จีวรกาเล จีวรสงฺขาตํ วสนํ วา ลทฺธา ธมฺเมน สเมนาติ อธิปฺปาโย. มตฺตํ โส ชฺาติ ปฏิคฺคหเณ จ ปริโภเค จ โส ปมาณํ ชาเนยฺย. อิธาติ สาสเน, นิปาตมตฺตเมว วา เอตํ. โตสนตฺถนฺติ สนฺโตสตฺถํ, เอตทตฺถํ มตฺตํ ชาเนยฺยาติ วุตฺตํ โหติ. โส เตสุ คุตฺโตติ โส ภิกฺขุ เตสุ ปจฺจเยสุ คุตฺโต. ยตจารีติ สํยตวิหาโร, รกฺขิติริยาปโถ รกฺขิตกายวจีมโนทฺวาโร จาติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘ยติจารี’’ติปิ ปาโ, โสเยวตฺโถ. รุสิโตติ โรสิโต, ฆฏฺฏิโตติ วุตฺตํ โหติ.

๙๗๙. ฌานานุยุตฺโตติ อนุปนฺนุปฺปาทเนน อุปฺปนฺนาเสวเนน จ ฌาเน อนุยุตฺโต. อุเปกฺขมารพฺภ สมาหิตตฺโตติ จตุตฺถชฺฌานุเปกฺขํ อุปฺปาเทตฺวา สมาหิตจิตฺโต. ตกฺกาสยํ กุกฺกุจฺจิยูปฉินฺเทติ กามวิตกฺกาทึ ตกฺกฺจ, กามสฺาทึ ตสฺส ตกฺกสฺส อาสยฺจ, หตฺถกุกฺกุจฺจาทึ กุกฺกุจฺจิยฺจ อุปจฺฉินฺเทยฺย.

๙๘๐. จุทิโต วจีภิ สติมาภินนฺเทติ อุปชฺฌายาทีหิ วาจาหิ โจทิโต สมาโน สติมา หุตฺวา ตํ โจทนํ อภินนฺเทยฺย. วาจํ ปมุฺเจ กุสลนฺติ าณสมุฏฺิตํ วาจํ ปมุฺเจยฺย. นาติเวลนฺติ อติเวลํ ปน วาจํ กาลเวลฺจ สีลเวลฺจ อติกฺกนฺตํ นปฺปมุฺเจยฺย. ชนวาทธมฺมายาติ ชนวาทกถาย. น เจตเยยฺยาติ เจตนํ น อุปฺปาเทยฺย.

๙๘๑. อถาปรนฺติ อถ อิทานิ อิโต ปรมฺปิ. ปฺจ รชานีติ รูปราคาทีนิ ปฺจ รชานิ. เยสํ สตีมา วินยาย สิกฺเขติ เยสํ อุปฏฺิตสฺสติ หุตฺวา วินยนตฺถํ ติสฺโส สิกฺขา สิกฺเขยฺย. เอวํ สิกฺขนฺโต หิ รูเปสุ…เป… ผสฺเสสุ สเหถ ราคํ, น อฺเติ.

๙๘๒. ตโต โส เตสํ วินยาย สิกฺขนฺโต อนุกฺกเมน – เอเตสุ ธมฺเมสูติ คาถา. ตตฺถ เอเตสูติ รูปาทีสุ. กาเลน โส สมฺมา ธมฺมํ ปริวีมํสมาโนติ โส ภิกฺขุ ยฺวายํ ‘‘อุทฺธเต จิตฺเต สมาธิสฺส กาโล’’ติอาทินา นเยน กาโล วุตฺโต, เตน กาเลน สพฺพํ สงฺขตธมฺมํ อนิจฺจาทินเยน ปริวีมํสมาโน. เอโกทิภูโต วิหเน ตมํ โสติ โส เอกคฺคจิตฺโต สพฺพํ โมหาทิตมํ วิหเนยฺย. นตฺถิ เอตฺถ สํสโย. เสสํ สพฺพตฺถ ปากฏเมว.

เอวํ ภควา อรหตฺตนิกูเฏน เทสนํ นิฏฺาเปสิ. เทสนาปริโยสาเน ปฺจสตา ภิกฺขู อรหตฺตํ ปตฺตา, ตึสโกฏิสงฺขฺยานฺจ เทวมนุสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสีติ.

ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย

สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย สาริปุตฺตสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

นิฏฺิโต จ จตุตฺโถ วคฺโค อตฺถวณฺณนานยโต, นาเมน

อฏฺกวคฺโคติ.

๕. ปารายนวคฺโค

วตฺถุคาถาวณฺณนา

๙๘๓. โกสลานํ ปุรา รมฺมาติ ปารายนวคฺคสฺส วตฺถุคาถา. ตาสํ อุปฺปตฺติ – อตีเต กิร พาราณสิวาสี เอโก รุกฺขวฑฺฒกี สเก อาจริยเก อทุติโย, ตสฺส โสฬส สิสฺสา, เอกเมกสฺส สหสฺสํ อนฺเตวาสิกา. เอวํ เต สตฺตรสาธิกโสฬสสหสฺสา อาจริยนฺเตวาสิโน สพฺเพปิ พาราณสึ อุปนิสฺสาย ชีวิกํ กปฺเปนฺตา ปพฺพตสมีปํ คนฺตฺวา รุกฺเข คเหตฺวา ตตฺเถว นานาปาสาทวิกติโย นิฏฺาเปตฺวา กุลฺลํ พนฺธิตฺวา คงฺคาย พาราณสึ อาเนตฺวา สเจ ราชา อตฺถิโก โหติ, รฺโ, เอกภูมิกํ วา…เป… สตฺตภูมิกํ วา ปาสาทํ โยเชตฺวา เทนฺติ. โน เจ, อฺเสมฺปิ วิกิณิตฺวา ปุตฺตทารํ โปเสนฺติ. อถ เนสํ เอกทิวสํ อาจริโย ‘‘น สกฺกา วฑฺฒกิกมฺเมน นิจฺจํ ชีวิกํ กปฺเปตุํ, ทุกฺกรฺหิ ชรากาเล เอตํ กมฺม’’นฺติ จินฺเตตฺวา อนฺเตวาสิเก อามนฺเตสิ – ‘‘ตาตา, อุทุมฺพราทโย, อปฺปสารรุกฺเข อาเนถา’’ติ. เต ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา อานยึสุ. โส เตหิ กฏฺสกุณํ กตฺวา ตสฺส อพฺภนฺตรํ ปวิสิตฺวา ยนฺตํ ปูเรสิ. กฏฺสกุโณ สุปณฺณราชา วิย อากาสํ ลงฺฆิตฺวา วนสฺส อุปริ จริตฺวา อนฺเตวาสีนํ ปุรโต โอรุหิ. อถ อาจริโย สิสฺเส อาห – ‘‘ตาตา, อีทิสานิ กฏฺวาหนานิ กตฺวา สกฺกา สกลชมฺพุทีเป รชฺชํ คเหตุํ, ตุมฺเหปิ, ตาตา, เอตานิ กโรถ, รชฺชํ คเหตฺวา ชีวิสฺสาม, ทุกฺขํ วฑฺฒกิสิปฺเปน ชีวิตุ’’นฺติ. เต ตถา กตฺวา อาจริยสฺส ปฏิเวเทสุํ. ตโต เน อาจริโย อาห – ‘‘กตมํ, ตาตา, รชฺชํ คณฺหามา’’ติ? ‘‘พาราณสิรชฺชํ อาจริยา’’ติ. ‘‘อลํ, ตาตา, มา เอตํ รุจฺจิ, มยฺหิ ตํ คเหตฺวาปิ ‘วฑฺฒกิราชา วฑฺฒกิยุวราชา’ติ วฑฺฒกิวาทา น มุจฺจิสฺสาม, มหนฺโต ชมฺพุทีโป, อฺตฺถ คจฺฉามา’’ติ.

ตโต สปุตฺตทารา กฏฺวาหนานิ, อภิรุหิตฺวา สชฺชาวุธา หุตฺวา หิมวนฺตาภิมุขา คนฺตฺวา หิมวติ อฺตรํ นครํ ปวิสิตฺวา รฺโ นิเวสเนเยว ปจฺจุฏฺหํสุ. เต ตตฺถ รชฺชํ คเหตฺวา อาจริยํ รชฺเช อภิสิฺจึสุ. โส ‘‘กฏฺวาหโน ราชา’’ติ ปากโฏ อโหสิ. ตมฺปิ นครํ เตน คหิตตฺตา ‘‘กฏฺวาหนนคร’’นฺตฺเวว นามํ ลภิ, ตถา สกลรฏฺมฺปิ. กฏฺวาหโน ราชา ธมฺมิโก อโหสิ, ตถา ยุวราชา อมจฺจฏฺาเนสุ จ ปิตา โสฬส สิสฺสา. ตํ รฏฺํ รฺา จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ สงฺคยฺหมานํ อติวิย อิทฺธํ ผีตํ นิรุปทฺทวฺจ อโหสิ. นาครา ชานปทา ราชานฺจ ราชปริสฺจ อติวิย มมายึสุ ‘‘ภทฺทโก โน ราชา ลทฺโธ, ภทฺทิกา ราชปริสา’’ติ.

อเถกทิวสํ มชฺฌิมเทสโต วาณิชา ภณฺฑํ คเหตฺวา กฏฺวาหนนครํ อาคมํสุ ปณฺณาการฺจ คเหตฺวา ราชานํ ปสฺสึสุ. ราชา ‘‘กุโต อาคตตฺถา’’ติ สพฺพํ ปุจฺฉิ. ‘‘พาราณสิโต เทวา’’ติ. โส ตตฺถ สพฺพํ ปวตฺตึ ปุจฺฉิตฺวา – ‘‘ตุมฺหากํ รฺา สทฺธึ มม มิตฺตภาวํ กโรถา’’ติ อาห. เต ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉึสุ. โส เตสํ ปริพฺพยํ ทตฺวา คมนกาเล สมฺปตฺเต ปุน อาทเรน วตฺวา วิสฺสชฺเชสิ. เต พาราณสึ คนฺตฺวา ตสฺส รฺโ อาโรเจสุํ. ราชา ‘‘กฏฺวาหนรฏฺา อาคตานํ วาณิชกานํ อชฺชตคฺเค สุงฺกํ มุฺจามี’’ติ เภรึ จราเปตฺวา ‘‘อตฺถุ เม กฏฺวาหโน มิตฺโต’’ติ ทฺเวปิ อทิฏฺมิตฺตา อเหสุํ. กฏฺวาหโนปิ จ สกนคเร เภรึ จราเปสิ – ‘‘อชฺชตคฺเค พาราณสิโต อาคตานํ วาณิชกานํ สุงฺกํ มุฺจามิ, ปริพฺพโย จ เนสํ ทาตพฺโพ’’ติ. ตโต พาราณสิราชา กฏฺวาหนสฺส เลขํ เปเสสิ ‘‘สเจ ตสฺมึ ชนปเท ทฏฺุํ วา โสตุํ วา อรหรูปํ กิฺจิ อจฺฉริยํ อุปฺปชฺชติ, อมฺเหปิ ทกฺขาเปตุ จ สาเวตุ จา’’ติ. โสปิสฺส ตเถว ปฏิเลขํ เปเสสิ. เอวํ เตสํ กติกํ กตฺวา วสนฺตานํ กทาจิ กฏฺวาหนสฺส อติมหคฺฆา อจฺจนฺตสุขุมา กมฺพลา อุปฺปชฺชึสุ พาลสูริยรสฺมิสทิสา วณฺเณน. เต ทิสฺวา ราชา ‘‘มม สหายสฺส เปเสมี’’ติ ทนฺตกาเรหิ อฏฺ ทนฺตกรณฺฑเก ลิขาเปตฺวา เตสุ กรณฺฑเกสุ เต กมฺพเล ปกฺขิปิตฺวา ลาขาจริเยหิ พหิ ลาขาโคฬกสทิเส การาเปตฺวา อฏฺปิ ลาขาโคฬเก สมุคฺเค ปกฺขิปิตฺวา วตฺเถน เวเตฺวา ราชมุทฺทิกาย ลฺเฉตฺวา ‘‘พาราณสิรฺโ เทถา’’ติ อมจฺเจ เปเสสิ. เลขฺจ อทาสิ ‘‘อยํ ปณฺณากาโร นครมชฺเฌ อมจฺจปริวุเตน เปกฺขิตพฺโพ’’ติ.

เต คนฺตฺวา พาราณสิรฺโ อทํสุ. โส เลขํ วาเจตฺวา อมจฺเจ สนฺนิปาเตตฺวา นครมชฺเฌ ราชงฺคเณ ลฺฉนํ ภินฺทิตฺวา ปลิเวนํ อปเนตฺวา สมุคฺคํ วิวริตฺวา อฏฺ ลาขาโคฬเก ทิสฺวา ‘‘มม สหาโย ลาขาโคฬเกหิ กีฬนกพาลกานํ วิย มยฺหํ ลาขาโคฬเก เปเสสี’’ติ มงฺกุ หุตฺวา เอกํ ลาขาโคฬกํ อตฺตโน นิสินฺนาสเน ปหริ. ตาวเทว ลาขา ปริปติ, ทนฺตกรณฺฑโก วิวรํ ทตฺวา ทฺเวภาโค อโหสิ. โส อพฺภนฺตเร กมฺพลํ ทิสฺวา อิตเรปิ วิวริ สพฺพตฺถ ตเถว อโหสิ. เอกเมโก กมฺพโล ทีฆโต โสฬสหตฺโถ วิตฺถารโต อฏฺหตฺโถ. ปสาริเต กมฺพเล ราชงฺคณํ สูริยปฺปภาย โอภาสิตมิว อโหสิ. ตํ ทิสฺวา มหาชโน องฺคุลิโย วิธุนิ, เจลุกฺเขปฺจ อกาสิ, ‘‘อมฺหากํ รฺโ อทิฏฺสหาโย กฏฺวาหนราชา เอวรูปํ ปณฺณาการํ เปเสสิ, ยุตฺตํ เอวรูปํ มิตฺตํ กาตุ’’นฺติ อตฺตมโน อโหสิ. ราชา โวหาริเก ปกฺโกสาเปตฺวา เอกเมกํ กมฺพลํ อคฺฆาเปสิ, สพฺเพปิ อนคฺฆา อเหสุํ. ตโต จินฺเตสิ – ‘‘ปจฺฉา เปเสนฺเตน ปมํ เปสิตปณฺณาการโต อติเรกํ เปเสตุํ วฏฺฏติ, สหาเยน จ เม อนคฺโฆ ปณฺณากาโร เปสิโต, กึ นุ, โข, อหํ สหายสฺส เปเสยฺย’’นฺติ? เตน จ สมเยน กสฺสโป ภควา อุปฺปชฺชิตฺวา พาราณสิยํ วิหรติ. อถ รฺโ เอตทโหสิ – ‘‘วตฺถุตฺตยรตนโต อฺํ อุตฺตมรตนํ นตฺถิ, หนฺทาหํ วตฺถุตฺตยรตนสฺส อุปฺปนฺนภาวํ สหายสฺส เปเสมี’’ติ. โส –

‘‘พุทฺโธ โลเก สมุปฺปนฺโน, หิตาย สพฺพปาณินํ;

ธมฺโม โลเก สมุปฺปนฺโน, สุขาย สพฺพปาณินํ;

สงฺโฆ โลเก สมุปฺปนฺโน, ปุฺกฺเขตฺตํ อนุตฺตร’’นฺติ. –

อิมํ คาถํ, ยาว อรหตฺตํ, ตาว เอกภิกฺขุสฺส ปฏิปตฺติฺจ สุวณฺณปฏฺเฏ ชาติหิงฺคุลเกน ลิขาเปตฺวา สตฺตรตนมเย สมุคฺเค ปกฺขิปิตฺวา ตํ สมุคฺคํ มณิมเย สมุคฺเค, มณิมยํ มสารคลฺลมเย, มสารคลฺลมยํ โลหิตงฺคมเย, โลหิตงฺคมยํ, สุวณฺณมเย, สุวณฺณมยํ รชตมเย, รชตมยํ ทนฺตมเย, ทนฺตมยํ สารมเย, สารมยํ สมุคฺคํ เปฬาย ปกฺขิปิตฺวา เปฬํ ทุสฺเสน เวเตฺวา ลฺเฉตฺวา มตฺตวรวารณํ โสวณฺณทฺธชํ โสวณฺณาลงฺการ เหมชาลสฺฉนฺนํ กาเรตฺวา ตสฺสุปริ ปลฺลงฺกํ ปฺาเปตฺวา ปลฺลงฺเก เปฬํ อาโรเปตฺวา เสตจฺฉตฺเตน ธาริยมาเนน สพฺพคนฺธปุปฺผาทีหิ ปูชาย กริยมานาย สพฺพตาฬาวจเรหิ ถุติสตานิ คายมาเนหิ ยาว อตฺตโน รชฺชสีมา, ตาว มคฺคํ อลงฺการาเปตฺวา สยเมว เนสิ. ตตฺร จ ตฺวา สามนฺตราชูนํ ปณฺณาการํ เปเสสิ – ‘‘เอวํ สกฺกโรนฺเตหิ อยํ ปณฺณากาโร เปเสตพฺโพ’’ติ. ตํ สุตฺวา เต เต ราชาโน ปฏิมคฺคํ อาคนฺตฺวา ยาว กฏฺวาหนสฺส รชฺชสีมา, ตาว นยึสุ.

กฏฺวาหโนปิ สุตฺวา ปฏิมคฺคํ อาคนฺตฺวา ตเถว ปูเชนฺโต นครํ ปเวเสตฺวา อมจฺเจ จ นาคเร จ สนฺนิปาตาเปตฺวา ราชงฺคเณ ปลิเวนทุสฺสํ อปเนตฺวา เปฬํ วิวริตฺวา เปฬาย สมุคฺคํ ปสฺสิตฺวา อนุปุพฺเพน สพฺพสมุคฺเค วิวริตฺวา สุวณฺณปฏฺเฏ เลขํ ปสฺสิตฺวา ‘‘กปฺปสตสหสฺเสหิ อติทุลฺลภํ มม สหาโย ปณฺณาการรตนํ เปเสสี’’ติ อตฺตมโน หุตฺวา ‘‘อสุตปุพฺพํ วต สุณิมฺหา ‘พุทฺโธ โลเก อุปฺปนฺโน’ติ, ยํนูนาหํ คนฺตฺวา พุทฺธฺจ ปสฺเสยฺยํ ธมฺมฺจ สุเณยฺย’’นฺติ จินฺเตตฺวา อมจฺเจ อามนฺเตสิ – ‘‘พุทฺธธมฺมสงฺฆรตนานิ กิร โลเก อุปฺปนฺนานิ, กึ กาตพฺพํ มฺถา’’ติ. เต อาหํสุ – ‘‘อิเธว ตุมฺเห, มหาราช, โหถ, มยํ คนฺตฺวา ปวตฺตึ ชานิสฺสามา’’ติ.

ตโต โสฬสสหสฺสปริวารา โสฬส อมจฺจา ราชานํ อภิวาเทตฺวา ‘‘ยทิ พุทฺโธ โลเก อุปฺปนฺโน ปุน ทสฺสนํ นตฺถิ, ยทิ น อุปฺปนฺโน, อาคมิสฺสามา’’ติ นิคฺคตา. รฺโ ปน ภาคิเนยฺโย ปจฺฉา ราชานํ วนฺทิตฺวา ‘‘อหมฺปิ คจฺฉามี’’ติ อาห. ตาต, ตฺวํ ตตฺถ พุทฺธุปฺปาทํ ตฺวา ปุน อาคนฺตฺวา มม อาโรเจหีติ. โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา อคมาสิ. เต สพฺเพปิ สพฺพตฺถ เอกรตฺติวาเสน คนฺตฺวา พาราณสึ ปตฺตา. อสมฺปตฺเตสฺเวว จ เตสุ ภควา ปรินิพฺพายิ. เต ‘‘โก พุทฺโธ, กุหึ พุทฺโธ’’ติ สกลวิหารํ อาหิณฺฑนฺตา สมฺมุขสาวเก ทิสฺวา ปุจฺฉึสุ. เต เนสํ ‘‘พุทฺโธ ปรินิพฺพุโต’’ติ อาจิกฺขึสุ. เต ‘‘อโห ทูรทฺธานํ อาคนฺตฺวา ทสฺสนมตฺตมฺปิ น ลภิมฺหา’’ติ ปริเทวมานา ‘‘กึ, ภนฺเต, โกจิ ภควตา ทินฺนโอวาโท อตฺถี’’ติ ปุจฺฉึสุ. อาม, อุปาสกา อตฺถิ, สรณตฺตเย ปติฏฺาตพฺพํ, ปฺจสีลานิ สมาทาตพฺพานิ, อฏฺงฺคสมนฺนาคโต อุโปสโถ อุปวสิตพฺโพ, ทานํ ทาตพฺพํ, ปพฺพชิตพฺพนฺติ. เต สุตฺวา ตํ ภาคิเนยฺยํ อมจฺจํ เปตฺวา สพฺเพ ปพฺพชึสุ. ภาคิเนยฺโย ปริโภคธาตุํ คเหตฺวา กฏฺวาหนรฏฺาภิมุโข ปกฺกามิ. ปริโภคธาตุ นาม โพธิรุกฺขปตฺตจีวราทีนิ. อยํ ปน ภควโต ธมฺมกรณํ ธมฺมธรํ วินยธรเมกํ เถรฺจ คเหตฺวา ปกฺกามิ, อนุปุพฺเพน จ นครํ คนฺตฺวา ‘‘พุทฺโธ โลเก อุปฺปนฺโน จ ปรินิพฺพุตฺโต จา’’ติ รฺโ อาโรเจตฺวา ภควตา ทินฺโนวาทํ อาจิกฺขิ. ราชา เถรํ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา วิหารํ การาเปตฺวา เจติยํ ปติฏฺาเปตฺวา โพธิรุกฺขํ โรเปตฺวา สรณตฺตเย ปฺจสุ จ นิจฺจสีเลสุ ปติฏฺาย อฏฺงฺคุเปตํ อุโปสถํ อุปวสนฺโต ทานาทีนิ เทนฺโต ยาวตายุกํ ตฺวา กามาวจรเทวโลเก นิพฺพตฺติ. เตปิ โสฬสสหสฺสา ปพฺพชิตฺวา ปุถุชฺชนกาลกิริยํ กตฺวา ตสฺเสว รฺโ ปริวารา สมฺปชฺชึสุ.

เต เอกํ พุทฺธนฺตรํ เทวโลเก เขเปตฺวา อมฺหากํ ภควติ อนุปฺปนฺเนเยว เทวโลกโต จวิตฺวา อาจริโย ปเสนทิรฺโ ปิตุ ปุโรหิตสฺส ปุตฺโต ชาโต นาเมน ‘‘พาวรี’’ติ, ตีหิ มหาปุริสลกฺขเณหิ สมนฺนาคโต ติณฺณํ เวทานํ ปารคู, ปิตุโน จ อจฺจเยน ปุโรหิตฏฺาเน อฏฺาสิ. อวเสสาปิ โสฬสาธิกโสฬสสหสฺสา ตตฺเถว สาวตฺถิยา พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺตา. เตสุ โสฬส เชฏฺนฺเตวาสิโน พาวริสฺส สนฺติเก สิปฺปํ อุคฺคเหสุํ, อิตเร โสฬสสหสฺสา เตสํเยว สนฺติเกติ เอวํ เต ปุนปิ สพฺเพ สมาคจฺฉึสุ. มหาโกสลราชาปิ กาลมกาสิ, ตโต ปเสนทึ รชฺเช อภิสิฺจึสุ. พาวรี ตสฺสาปิ ปุโรหิโต อโหสิ. ราชา ปิตรา ทินฺนฺจ อฺฺจ โภคํ พาวริสฺส อทาสิ. โส หิ ทหรกาเล ตสฺเสว สนฺติเก สิปฺปํ อุคฺคเหสิ. ตโต พาวรี รฺโ อาโรเจสิ – ‘‘ปพฺพชิสฺสามหํ, มหาราชา’’ติ. ‘‘อาจริย, ตุมฺเหสุ ิเตสุ มม ปิตา ิโต วิย โหติ, มา ปพฺพชิตฺถา’’ติ. ‘‘อลํ, มหาราช, ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. ราชา วาเรตุํ อสกฺโกนฺโต ‘‘สายํ ปาตํ มม ทสฺสนฏฺาเน ราชุยฺยาเน ปพฺพชถา’’ติ ยาจิ. อาจริโย โสฬสสหสฺสปริวาเรหิ โสฬสหิ สิสฺเสหิ สทฺธึ ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ราชุยฺยาเน วสิ, ราชา จตูหิ ปจฺจเยหิ อุปฏฺหติ. สายํ ปาตฺจสฺส อุปฏฺานํ คจฺฉติ.

อเถกทิวสํ อนฺเตวาสิโน อาจริยํ อาหํสุ – ‘‘นครสมีเป วาโส นาม มหาปลิโพโธ, วิชนสมฺปาตํ อาจริย โอกาสํ คจฺฉาม, ปนฺตเสนาสนวาโส นาม พหูปกาโร ปพฺพชิตาน’’นฺติ. อาจริโย ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา รฺโ อาโรเจสิ. ราชา ติกฺขตฺตุํ วาเรตฺวา วาเรตุํ อสกฺโกนฺโต ทฺเวสตสหสฺสานิ กหาปณานิ ทตฺวา ทฺเว อมจฺเจ อาณาเปสิ ‘‘ยตฺถ อิสิคโณ วาสํ อิจฺฉติ, ตตฺถ อสฺสมํ กตฺวา เทถา’’ติ. ตโต อาจริโย โสฬสาธิกโสฬสสหสฺสชฏิลปริวุโต อมจฺเจหิ อนุคฺคหมาโน อุตฺตรชนปทา ทกฺขิณชนปทาภิมุโข อคมาสิ. ตมตฺถํ คเหตฺวา อายสฺมา อานนฺโท สงฺคีติกาเล ปารายนวคฺคสฺส นิทานํ อาโรเปนฺโต อิมา คาถาโย อภาสิ.

ตตฺถ โกสลานํ ปุราติ โกสลรฏฺสฺส นครา, สาวตฺถิโตติ วุตฺตํ โหติ. อากิฺจฺนฺติ อกิฺจนภาวํ, ปริคฺคหูปกรณวิเวกนฺติ วุตฺตํ โหติ.

๙๘๔. โส อสฺสกสฺส วิสเย, อฬกสฺส สมาสเนติ โส พฺราหฺมโณ อสฺสกสฺส จ อฬกสฺส จาติ ทฺวินฺนมฺปิ ราชูนํ สมาสนฺเน วิสเย อาสนฺเน รฏฺเ, ทฺวินฺนมฺปิ รฏฺานํ มชฺเฌติ อธิปฺปาโย. โคธาวรี กูเลติ โคธาวริยา นทิยา กูเล. ยตฺถ โคธาวรี ทฺวิธา ภิชฺชิตฺวา ติโยชนปฺปมาณํ อนฺตรทีปมกาสิ สพฺพํ กปิฏฺวนสฺฉนฺนํ, ยตฺถ ปุพฺเพสรภงฺคาทโย วสึสุ, ตสฺมึ เทเสติ อธิปฺปาโย. โส กิร ตํ ปเทสํ ทิสฺวา ‘‘อยํ ปุพฺพสมณาลโย ปพฺพชิตสารุปฺป’’นฺติ อมจฺจานํ นิเวเทสิ. อมจฺจา ภูมิคฺคหณตฺถํ อสฺสกรฺโ สตสหสฺสํ, อฬกรฺโ สตสหสฺสํ อทํสุ. เต ตฺจ ปเทสํ อฺฺจ ทฺวิโยชนมตฺตนฺติ สพฺพมฺปิ ปฺจโยชนมตฺตํ ปเทสํ อทํสุ. เตสํ กิร รชฺชสีมนฺตเร โส ปเทโส โหติ. อมจฺจา ตตฺถ อสฺสมํ กาเรตฺวา สาวตฺถิโต จ อฺมฺปิ ธนํ อาหราเปตฺวา โคจรคามํ นิเวเสตฺวา อคมํสุ. อุฺเฉ น จ ผเลน จาติ อุฺฉาจริยาย จ วนมูลผเลน จ. ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ตสฺเสว อุปนิสฺสาย, คาโม จ วิปุโล อหู’’ติ.

๙๘๕. ตตฺถ ตสฺสาติ ตสฺส โคธาวรีกูลสฺส, ตสฺส วา พฺราหฺมณสฺส อุปโยคตฺเถ เจตํ สามิวจนํ, ตํ อุปนิสฺสายาติ อตฺโถ. ตโต ชาเตน อาเยน, มหายฺมกปฺปยีติ ตสฺมึ คาเม กสิกมฺมาทินา สตสหสฺสํ อาโย อุปฺปชฺชิ, ตํ คเหตฺวา กุฏุมฺพิกา รฺโ อสฺสกสฺส สนฺติกํ อคมํสุ ‘‘สาทิยตุ เทโว อาย’’นฺติ. โส ‘‘นาหํ สาทิยามิ, อาจริยสฺเสว อุปเนถา’’ติ อาห. อาจริโยปิ ตํ อตฺตโน อคฺคเหตฺวา ทานยฺํ อกปฺปยิ. เอวํ โส สํวจฺฉเร สํวจฺฉเร ทานมทาสิ.

๙๘๖. มหายฺนฺติ คาถายตฺโถ – โส เอวํ สํวจฺฉเร สํวจฺฉเร ทานยฺํ ยชนฺโต เอกสฺมึ สํวจฺฉเร ตํ มหายฺํ ยชิตฺวา ตโต คามา นิกฺขมฺม ปุน ปาวิสิ อสฺสมํ. ปวิฏฺโ จ ปณฺณสาลํ ปวิสิตฺวา ‘‘สุฏฺุ ทินฺน’’นฺติ ทานํ อนุมชฺชนฺโต นิสีทิ. เอวํ ตสฺมึ ปฏิปวิฏฺมฺหิ ตรุณาย พฺราหฺมณิยา ฆเร กมฺมํ อกาตุกามาย ‘‘เอโส, พฺราหฺมณ, พาวรี โคธาวรีตีเร อนุสํวจฺฉรํ สตสหสฺสํ วิสฺสชฺเชติ, คจฺฉ ตโต ปฺจสตานิ ยาจิตฺวา ทาสึ เม อาเนหี’’ติ เปสิโต อฺโ อาคฺฉิ พฺราหฺมโณติ.

๙๘๗-๘. อุคฺฆฏฺฏปาโทติ มคฺคคมเนน ฆฏฺฏปาทตโล, ปณฺหิกาย วา ปณฺหิกํ, โคปฺผเกน วา โคปฺผกํ, ชณฺณุเกน วา ชณฺณุกํ อาหจฺจ ฆฏฺฏปาโท. สุขฺจ กุสลํ ปุจฺฉีติ สุขฺจ กุสลฺจ ปุจฺฉิ ‘‘กจฺจิ เต, พฺราหฺมณ, สุขํ, กจฺจิ กุสล’’นฺติ.

๙๘๙-๙๑. อนุชานาหีติ อนุมฺาหิ สทฺทหาหิ. สตฺตธาติ สตฺตวิเธน. อภิสงฺขริตฺวาติ โคมยวนปุปฺผกุสติณาทีนิ อาทาย สีฆํ สีฆํ พาวริสฺส อสฺสมทฺวารํ คนฺตฺวา โคมเยน ภูมึ อุปลิมฺปิตฺวา ปุปฺผานิ วิกิริตฺวา ติณานิ สนฺถริตฺวา วามปาทํ กมณฺฑลูทเกน โธวิตฺวา สตฺตปาทมตฺตํ คนฺตฺวา อตฺตโน ปาทตเล ปรามสนฺโต เอวรูปํ กุหนํ กตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. เภรวํ โส อกิตฺตยีติ ภยชนกํ วจนํ อกิตฺตยิ, ‘‘สเจ เม ยาจมานสฺสา’’ติ อิมํ คาถมภาสีติ อธิปฺปาโย. ทุกฺขิโตติ โทมนสฺสชาโต.

๙๙๒-๔. อุสฺสุสฺสตีติ ตสฺส ตํ วจนํ กทาจิ สจฺจํ ภเวยฺยาติ มฺมาโน สุสฺสติ. เทวตาติ อสฺสเม อธิวตฺถา เทวตา เอว. มุทฺธนิ มุทฺธปาเต วาติ มุทฺเธ วา มุทฺธปาเต วา.

๙๙๕-๖. โภตี จรหิ ชานาตีติ โภตี เจ ชานาติ. มุทฺธาธิปาตฺจาติ มุทฺธปาตฺจ. าณเมตฺถาติ าณํ เม เอตฺถ.

๙๙๘. ปุราติ เอกูนตึสวสฺสวยกาเล. พาวริพฺราหฺมเณ ปน โคธาวรีตีเร วสมาเน อฏฺนฺนํ วสฺสานํ อจฺจเยน พุทฺโธ โลเก อุทปาทิ. อปจฺโจติ อนุวํโส.

๙๙๙. สพฺพาภิฺาพลปฺปตฺโตติ สพฺพาภิฺาย พลปฺปตฺโต, สพฺพา วา อภิฺาโย จ พลานิ จ ปตฺโต. วิมุตฺโตติ อารมฺมณํ กตฺวา ปวตฺติยา วิมุตฺตจิตฺโต.

๑๐๐๑-๓. โสกสฺสาติ โสโก อสฺส. ปหูตปฺโติ มหาปฺโ. วรภูริเมธโสติ อุตฺตมวิปุลปฺโ ภูเต อภิรตวรปฺโ วา. วิธุโรติ วิคตธุโร, อปฺปฏิโมติ วุตฺตํ โหติ.

๑๐๐๔-๙. มนฺตปารเคติ เวทปารเค. ปสฺสวฺโหติ ปสฺสถ อชานตนฺติ อชานนฺตานํ. ลกฺขณาติ ลกฺขณานิ. พฺยากฺขาตาติ กถิตานิ, วิตฺถาริตานีติ วุตฺตํ โหติ. สมตฺตาติ สมตฺตานิ, ปริปุณฺณานีติ วุตฺตํ โหติ. ธมฺเมน มนุสาสตีติ ธมฺเมน อนุสาสติ.

๑๐๑๑. ชาตึ โคตฺตฺจ ลกฺขณนฺติ ‘‘กีว จิรํ ชาโต’’ติ มม ชาติฺจ โคตฺตฺจ ลกฺขณฺจ. มนฺเต สิสฺเสติ มยา ปริจิตเวเท จ มม สิสฺเส จ. มนสาเยว ปุจฺฉถาติ อิเม สตฺต ปฺเห จิตฺเตเนว ปุจฺฉถ.

๑๐๑๓-๘. ติสฺสเมตฺเตยฺโยติ เอโกเยว เอส นามโคตฺตวเสน วุตฺโต. ทุภโยติ อุโภ. ปจฺเจกคณิโนติ วิสุํ วิสุํ คณวนฺโต. ปุพฺพวาสนวาสิตาติ ปุพฺเพ กสฺสปสฺส ภควโต สาสเน ปพฺพชิตฺวา. คตปจฺจาคตวตฺตปุฺวาสนาย วาสิตจิตฺตา. ปุรมาหิสฺสตินฺติ มาหิสฺสตินามิกํ ปุรํ, นครนฺติ วุตฺตํ โหติ. ตฺจ นครํ ปวิฏฺาติ อธิปฺปาโย, เอวํ สพฺพตฺถ. โคนทฺธนฺติ โคธปุรสฺส นามํ. วนสวฺหยนฺติ ปวนนครํ วุจฺจติ, ‘‘วนสาวตฺถิ’’นฺติ เอเก. เอวํ วนสาวตฺถิโต โกสมฺพึ, โกสมฺพิโต จ สาเกตํ อนุปฺปตฺตานํ กิร เตสํ โสฬสนฺนํ ชฏิลานํ ฉโยชนมตฺตา ปริสา อโหสิ.

๑๐๑๙. อถ ภควา ‘‘พาวริสฺส ชฏิลา มหาชนํ สํวฑฺเฒนฺตา อาคจฺฉนฺติ, น จ ตาว เนสํ อินฺทฺริยานิ ปริปากํ คจฺฉนฺติ, นาปิ อยํ เทโส สปฺปาโย, มคธเขตฺเต ปน เตสํ ปาสาณกเจติยํ สปฺปายํ. ตตฺร หิ มยิ ธมฺมํ เทเสนฺเต มหาชนสฺส ธมฺมาภิสมโย ภวิสฺสติ, สพฺพนครานิ จ ปวิสิตฺวา อาคจฺฉนฺตา พหุตเรน ชเนน อาคมิสฺสนฺตี’’ติ ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต สาวตฺถิโต ราชคหาภิมุโข อคมาสิ. เตปิ ชฏิลา สาวตฺถึ อาคนฺตฺวา วิหารํ ปวิสิตฺวา ‘‘โก พุทฺโธ, กุหึ พุทฺโธ’’ติ วิจินนฺตา คนฺธกุฏิมูลํ คนฺตฺวา ภควโต ปทนิกฺเขปํ ทิสฺวา ‘‘รตฺตสฺส หิ อุกฺกุฏิกํ ปทํ ภเว…เป… วิวฏฺฏจฺฉทสฺส อิทมีทิสํ ปท’’นฺติ (อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๒๖๐-๒๖๑; ธ. ป. อฏฺ. ๑.๒๐ สามาวตีวตฺถุ; วิสุทฺธิ. ๑.๔๕) ‘‘สพฺพฺุ พุทฺโธ’’ติ นิฏฺํ คตา. ภควาปิ อนุปุพฺเพน เสตพฺยกปิลวตฺถุอาทีนิ นครานิ ปวิสิตฺวา มหาชนํ สํวฑฺเฒนฺโต ปาสาณกเจติยํ คโต. ชฏิลาปิ ตาวเทว สาวตฺถิโต นิกฺขมิตฺวา สพฺพานิ ตานิ นครานิ ปวิสิตฺวา ปาสาณกเจติยเมว อคมํสุ. เตน วุตฺตํ ‘‘โกสมฺพิฺจาปิ สาเกตํ, สาวตฺถิฺจ ปุรุตฺตมํ. เสตพฺยํ กปิลวตฺถุ’’นฺติอาทิ.

๑๐๒๐. ตตฺถ มาคธํ ปุรนฺติ มคธปุรํ ราชคหนฺติ อธิปฺปาโย. ปาสาณกํ เจติยนฺติ มหโต ปาสาณสฺส อุปริ ปุพฺเพ เทวฏฺานํ อโหสิ. อุปฺปนฺเน ปน ภควติ วิหาโร ชาโต. โส เตเนว ปุริมโวหาเรน ‘‘ปาสาณกํ เจติย’’นฺติ วุจฺจติ.

๑๐๒๑. ตสิโตวุทกนฺติ เต หิ ชฏิลา เวคสา ภควนฺตํ อนุพนฺธมานา สายํ คตมคฺคํ ปาโต, ปาโต คตมคฺคฺจ สายํ คจฺฉนฺตา ‘‘เอตฺถ ภควา’’ติ สุตฺวา อติวิย ปีติปาโมชฺชชาตา ตํ เจติยํ อภิรุหึสุ. เตน วุตฺตํ ‘‘ตุริตา ปพฺพตมารุหุ’’นฺติ.

๑๐๒๔. เอกมนฺตํ ิโต หฏฺโติ ตสฺมึ ปาสาณเก เจติเย สกฺเกน มาปิตมหามณฺฑเป นิสินฺนํ ภควนฺตํ ทิสฺวา ‘‘กจฺจิ อิสโย ขมนีย’’นฺติอาทินา นเยน ภควตา ปฏิสมฺโมทนีเย กเต ‘‘ขมนียํ โภ โคตมา’’ติอาทีหิ สยมฺปิ ปฏิสนฺถารํ กตฺวา อชิโต เชฏฺนฺเตวาสี เอกมนฺตํ ิโต หฏฺจิตฺโต หุตฺวา มโนปฺเห ปุจฺฉิ.

๑๐๒๕. ตตฺถ อาทิสฺสาติ ‘‘กติวสฺโส’’ติ เอวํ อุทฺทิสฺส. ชมฺมนนฺติ ‘‘อมฺหากํ อาจริยสฺส ชาตึ พฺรูหี’’ติ ปุจฺฉติ. ปารมินฺติ นิฏฺาคมนํ.

๑๐๒๖-๗. วีสํ วสฺสสตนฺติ วีสติวสฺสาธิกํ วสฺสสตํ. ลกฺขเณติ มหาปุริสลกฺขเณ. เอตสฺมึ อิโต ปเรสุ จ อิติหาสาทีสุ อนวโยติ อธิปฺปาโย ปรปทํ วา อาเนตฺวา เตสุ ปารมึ คโตติ โยเชตพฺพํ. ปฺจสตานิ วาเจตีติ ปกติอลสทุมฺเมธมาณวกานํ ปฺจสตานิ สยํ มนฺเต วาเจติ. สธมฺเมติ เอเก พฺราหฺมณธมฺเม, เตวิชฺชเก ปาวจเนติ วุตฺตํ โหติ.

๑๐๒๘. ลกฺขณานํ ปวิจยนฺติ ลกฺขณานํ วิตฺถารํ, ‘‘กตมานิ ตานิสฺส คตฺเต ตีณิ ลกฺขณานี’’ติ ปุจฺฉติ.

๑๐๓๐-๓๑. ปุจฺฉฺหีติ ปุจฺฉมานํ กเมตํ ปฏิภาสตีติ เทวาทีสุ กํ ปุคฺคลํ เอตํ ปฺหวจนํ ปฏิภาสตีติ.

๑๐๓๒-๓๓. เอวํ พฺราหฺมโณ ปฺจนฺนํ ปฺหานํ เวยฺยากรณํ สุตฺวา อวเสเส ทฺเว ปุจฺฉนฺโต ‘‘มุทฺธํ มุทฺธาธิปาตฺจา’’ติ อาห. อถสฺส ภควา เต พฺยากโรนฺโต ‘‘อวิชฺชา มุทฺธา’’ติ คาถมาห. ตตฺถ ยสฺมา จตูสุ สจฺเจสุ อฺาณภูตา อวิชฺชา สํสารสฺส สีสํ, ตสฺมา ‘‘อวิชฺชา มุทฺธา’’ติ อาห. ยสฺมา จ อรหตฺตมคฺควิชฺชา อตฺตนา สหชาเตหิ สทฺธาสติสมาธิกตฺตุกมฺยตาฉนฺทวีริเยหิ สมนฺนาคตา อินฺทฺริยานํ เอกรสฏฺภาวมุปคตตฺตา ตํ มุทฺธํ อธิปาเตติ, ตสฺมา ‘‘ธิชฺชา มุทฺธาธิปาตินี’’ติอาทิมาห.

๑๐๓๔-๘. ตโต เวเทน มหตาติ อถ อิมํ ปฺหเวยฺยากรณํ สุตฺวา อุปฺปนฺนาย มหาปีติยา สนฺถมฺภิตฺวา อลีนภาวํ, กายจิตฺตานํ อุทคฺคํ ปตฺวาติ อตฺโถ. ปติตฺวา จ ‘‘พาวรี’’ติ อิมํ คาถมาห. อถ นํ อนุกมฺปมาโน ภควา ‘‘สุขิโต’’ติ คาถมาห. วตฺวา จ ‘‘พาวริสฺส จา’’ติ สพฺพฺุปวารณํ ปวาเรสิ. ตตฺถ สพฺเพสนฺติ อนวเสสานํ โสฬสสหสฺสานํ. ตตฺถ ปุจฺฉิ ตถาคตนฺติ ตตฺถ ปาสาณเก เจติเย, ตตฺถ วา ปริสาย, เตสุ วา ปวาริเตสุ อชิโต ปมํ ปฺหํ ปุจฺฉีติ. เสสํ สพฺพคาถาสุ ปากฏเมวาติ.

ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย

สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย วตฺถุคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑. อชิตสุตฺตวณฺณนา

๑๐๓๙. ตสฺมึ ปน ปฺเห นิวุโตติ ปฏิจฺฉาทิโต. กิสฺสาภิเลปนํ พฺรูสีติ กึ อสฺส โลกสฺส อภิเลปนํ วเทสิ.

๑๐๔๐. เววิจฺฉา ปมาทา นปฺปกาสตีติ มจฺฉริยเหตุ จ ปมาทเหตุ จ นปฺปกาสติ. มจฺฉริยํ หิสฺส ทานาทิคุเณหิ ปกาสิตุํ น เทติ, ปมาโท สีลาทีหิ. ชปฺปาภิเลปนนฺติ ตณฺหา อสฺส โลกสฺส มกฺกฏเลโป วิย มกฺกฏสฺส อภิเลปนํ. ทุกฺขนฺติ ชาติอาทิกํ ทุกฺขํ.

๑๐๔๑. สวนฺติ สพฺพธิ โสตาติ สพฺเพสุ รูปาทิอายตเนสุ ตณฺหาทิกา โสตา สนฺทนฺติ. กึ นิวารณนฺติ เตสํ กึ อาวรณํ กา รกฺขาติ? สํวรํ พฺรูหีติ ตํ เตสํ นิวารณสงฺขาตํ สํวรํ พฺรูหิ. เอเตน สาวเสสปฺปหานํ ปุจฺฉติ. เกน โสตา ปิธิยฺยเรติ เกน ธมฺเมน เอเต โสตา ปิธิยฺยนฺติ ปจฺฉิชฺชนฺติ. เอเตน อนวเสสปฺปหานํ ปุจฺฉติ.

๑๐๔๒. สติ เตสํ นิวารณนฺติ วิปสฺสนายุตฺตา. กุสลานํ ธมฺมานํ คติโย สมนฺเนสมานา สติ เตสํ โสตานํ นิวารณํ. โสตานํ สํวรํ พฺรูมีติ ตเมวาหํ สตึ โสตานํ สํวรํ พฺรูมีติ อธิปฺปาโย. ปฺาเยเต ปิธิยฺยเรติ รูปาทีสุ ปน อนิจฺจตาทิปฏิเวธสาธิกาย มคฺคปฺาย เอเต โสตา สพฺพโส ปิธิยฺยนฺตีติ.

๑๐๔๓. ปฺา เจวาติ ปฺหคาถาย, ยา จายํ ตยา วุตฺตา ปฺา ยา จ สติ, ยฺจ ตทวเสสํ นามรูปํ, เอตํ สพฺพมฺปิ กตฺถ นิรุชฺฌติ, เอตํ เม ปฺหํ ปุฏฺโ พฺรูหีติ เอวํ สงฺเขปตฺโถ เวทิตพฺโพ.

๑๐๔๔. วิสฺสชฺชนคาถาย ปนสฺส ยสฺมา ปฺาสติโย นาเมเนว สงฺคหํ คจฺฉนฺติ, ตสฺมา ตา วิสุํ น วุตฺตา. อยเมตฺถ สงฺเขปตฺโถ – ยํ มํ ตฺวํ, อชิต, เอตํ ปฺหํ อปุจฺฉิ ‘‘กตฺเถตํ อุปรุชฺฌตี’’ติ, ตํ เต ยตฺถ นามฺจ รูปฺจ อเสสํ อุปรุชฺฌติ, ตํ วทนฺโต วทามิ, ตสฺส, ตสฺส หิ วิฺาณสฺส นิโรเธน สเหว อปุพฺพํ อจริมํ เอตฺเถตํ อุปรุชฺฌติ. เอตฺเถว วิฺาณนิโรเธ นิรุชฺฌติ เอตํ, วิฺาณนิโรธา ตสฺส นิโรโธ โหติ. ตํ นาติวตฺตตีติ วุตฺตํ โหติ.

๑๐๔๕. เอตฺตาวตา จ ‘‘ทุกฺขมสฺส มหพฺภย’’นฺติ อิมินา ปกาสิตํ ทุกฺขสจฺจํ, ‘‘ยานิ โสตานี’’ติ อิมินา สมุทยสจฺจํ ปฺาเยเต ปิธิยฺยเรติ อิมินา มคฺคสจฺจํ, ‘‘อเสสํ อุปรุชฺฌตี’’ติ อิมินา นิโรธสจฺจนฺติ เอวํ จตฺตาริ สจฺจานิ สุตฺวาปิ อริยภูมึ อนธิคโต ปุน เสขาเสขปฏิปทํ ปุจฺฉนฺโต ‘‘เย จ สงฺขาตธมฺมาเส’’ติ คาถมาห. ตตฺถ สงฺขาตธมฺมาติ อนิจฺจาทิวเสน ปริวีมํสิตธมฺมา, อรหตํ เอตํ อธิวจนํ. เสขาติ สีลาทีนิ สิกฺขมานา อวเสสา อริยปุคฺคลา. ปุถูติ พหู สตฺตชนา. เตสํ เม นิปโก อิริยํ ปุฏฺโ ปพฺรูหีติ เตสํ เม เสขาเสขานํ นิปโก ปณฺฑิโต ตฺวํ ปุฏฺโ ปฏิปตฺตึ พฺรูหีติ.

๑๐๔๖. อถสฺส ภควา ยสฺมา เสเขน กามจฺฉนฺทนีวรณํ อาทึ กตฺวา สพฺพกิเลสา ปหาตพฺพา เอว, ตสฺมา ‘‘กาเมสู’’ติ อุปฑฺฒคาถาย เสขปฏิปทํ ทสฺเสติ. ตสฺสตฺโถ – วตฺถุ ‘‘กาเมสุ’’ กิเลสกาเมน นาภิคิชฺเฌยฺย กายทุจฺจริตาทโย จ มนโส อาวิลภาวกเร ธมฺเม ปชหนฺโต มนสา นาวิโล สิยาติ. ยสฺมา ปน อเสโข อนิจฺจาทิวเสน สพฺพสงฺขาราทีนํ ปริตุลิตตฺตา กุสโล สพฺพธมฺเมสุ กายานุปสฺสนาสติอาทีหิ จ สโต สกฺกายทิฏฺิอาทีนํ ภินฺนตฺตา ภิกฺขุภาวํ ปตฺโต จ หุตฺวา สพฺพิริยาปเถสุ ปริพฺพชติ, ตสฺมา ‘‘กุสโล’’ติ อุปฑฺฒคาถาย อเสขปฏิปทํ ทสฺเสติ. เสสํ สพฺพตฺถ ปากฏเมว.

เอวํ ภควา อรหตฺตนิกูเฏน เทสนํ นิฏฺาเปสิ, เทสนาปริโยสาเน อชิโต อรหตฺเต ปติฏฺาสิ สทฺธึ อนฺเตวาสิสหสฺเสน, อฺเสฺจ อเนกสหสฺสานํ ธมฺมจกฺขุํ อุทปาทิ. สห อรหตฺตปฺปตฺติยา จ อายสฺมโต อชิตสฺส อนฺเตวาสิสหสฺสสฺส จ อชินชฏาวากจีราทีนิ อนฺตรธายึสุ. สพฺเพว อิทฺธิมยปตฺตจีวรธรา, ทฺวงฺคุลเกสา เอหิภิกฺขู หุตฺวา ภควนฺตํ นมสฺสมานา ปฺชลิกา นิสีทึสูติ.

ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย

สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย อชิตสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. ติสฺสเมตฺเตยฺยสุตฺตวณฺณนา

๑๐๔๗. โกธ สนฺตุสฺสิโตติ ติสฺสเมตฺเตยฺยสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? สพฺพสุตฺตานํ ปุจฺฉาวสิกา เอว อุปฺปตฺติ. เต หิ พฺราหฺมณา ‘‘กตาวกาสา ปุจฺฉวฺโห’’ติ ภควตา ปวาริตตฺตา อตฺตโน อตฺตโน สํสยํ ปุจฺฉึสุ. ปุฏฺโ ปุฏฺโ จ เตสํ ภควา พฺยากาสิ. เอวํ ปุจฺฉาวสิกาเนเวตานิ สุตฺตานีติ เวทิตพฺพานิ.

นิฏฺิเต ปน อชิตปฺเห ‘‘กถํ โลกํ อเวกฺขนฺตํ, มจฺจุราชา น ปสฺสตี’’ติ (สุ. นิ. ๑๑๒๔; จูฬนิ. ปิงฺคิยมาณวปุจฺฉา ๑๔๔) เอวํ โมฆราชา ปุจฺฉิตุํ อารภิ. ตํ ‘‘น ตาวสฺส อินฺทฺริยานิ ปริปากํ คตานี’’ติ ตฺวา ภควา ‘‘ติฏฺ ตฺวํ, โมฆราช, อฺโ ปุจฺฉตู’’ติ ปฏิกฺขิปิ. ตโต ติสฺสเมตฺเตยฺโย อตฺตโน สํสยํ ปุจฺฉนฺโต ‘‘โกธา’’ติ คาถมาห. ตตฺถ โกธ สนฺตุสฺสิโตติ โก อิธ ตุฏฺโ. อิฺชิตาติ ตณฺหาทิฏฺิวิปฺผนฺทิตานิ. อุภนฺตมภิฺายาติ อุโภ อนฺเต อภิชานิตฺวา. มนฺตา น ลิปฺปตีติ ปฺาย น ลิปฺปติ.

๑๐๔๘-๙. ตสฺเสตมตฺถํ พฺยากโรนฺโต ภควา ‘‘กาเมสู’’ติ คาถาทฺวยมาห. ตตฺถ กาเมสุ พฺรหฺมจริยวาติ กามนิมิตฺตํ พฺรหฺมจริยวา, กาเมสุ อาทีนวํ ทิสฺวา มคฺคพฺรหฺมจริเยน สมนฺนาคโตติ วุตฺตํ โหติ. เอตฺตาวตา สนฺตุสิตํ ทสฺเสติ, ‘‘วีตตณฺโห’’ติอาทีหิ อนิฺชิตํ. ตตฺถ สงฺขาย นิพฺพุโตติ อนิจฺจาทิวเสน ธมฺเม วีมํสิตฺวา ราคาทินิพฺพาเนน นิพฺพุโต. เสสํ ตตฺถ ตตฺถ วุตฺตนยตฺตา ปากฏเมว.

เอวํ ภควา อิมมฺปิ สุตฺตํ อรหตฺตนิกูเฏเนว เทเสสิ. เทสนาปริโยสาเน อยมฺปิ พฺราหฺมโณ อรหตฺเต ปติฏฺาสิ สทฺธึ อนฺเตวาสิสหสฺเสน, อฺเสฺจ อเนกสหสฺสานํ ธมฺมจกฺขุํ อุทปาทิ. เสสํ ปุพฺพสทิสเมวาติ.

ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย

สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย ติสฺสเมตฺเตยฺยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. ปุณฺณกสุตฺตวณฺณนา

๑๐๕๐. อเนชนฺติ ปุณฺณกสุตฺตํ. อิมมฺปิ ปุริมนเยเนว โมฆราชานํ ปฏิกฺขิปิตฺวา วุตฺตํ. ตตฺถ มูลทสฺสาวินฺติ อกุสลมูลาทิทสฺสาวึ. อิสโยติ อิสินามกา ชฏิลา. ยฺนฺติ เทยฺยธมฺมํ. อกปฺปยึสูติ ปริเยสนฺติ.

๑๐๕๑. อาสีสมานาติ รูปาทีนิ ปตฺถยมานา. อิตฺถตฺตนฺติ อิตฺถภาวฺจ ปตฺถยมานา, มนุสฺสาทิภาวํ อิจฺฉนฺตาติ วุตฺตํ โหติ. ชรํ สิตาติ ชรํ นิสฺสิตา. ชรามุเขน เจตฺถ สพฺพวฏฺฏทุกฺขํ วุตฺตํ. เตน วฏฺฏทุกฺขนิสฺสิตา ตโต อปริมุจฺจมานา เอว กปฺปยึสูติ ทีเปติ.

๑๐๕๒. กจฺจิสฺสุ เต ภควา ยฺปเถ อปฺปมตฺตา, อตารุํ ชาติฺจ ชรฺจ มาริสาติ เอตฺถ ยฺโเยว ยฺปโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – กจฺจิ เต ยฺเ อปฺปมตฺตา หุตฺวา ยฺํ กปฺปยนฺตา วฏฺฏทุกฺขมตรึสูติ.

๑๐๕๓. อาสีสนฺตีติ รูปปฏิลาภาทโย ปตฺเถนฺติ. โถมยนฺตีติ ‘‘สุยิฏฺํ สุจิ ทินฺน’’นฺติอาทินา นเยน ยฺาทีนิ ปสํสนฺติ. อภิชปฺปนฺตีติ รูปาทิปฏิลาภาย วาจํ ภินฺทนฺติ. ชุหนฺตีติ เทนฺติ. กามาภิชปฺปนฺติ ปฏิจฺจ ลาภนฺติ รูปาทิปฏิลาภํ ปฏิจฺจ ปุนปฺปุนํ กาเม เอว อภิชปฺปนฺติ, ‘‘อโห วต อมฺหากํ สิยุ’’นฺติ วทนฺติ, ตณฺหฺจ ตตฺถ วฑฺเฒนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. ยาชโยคาติ ยาคาธิมุตฺตา. ภวราครตฺตาติ เอวมิเมหิ อาสีสนาทีหิ ภวราเคเนว รตฺตา, ภวราครตฺตา วา หุตฺวา เอตานิ อาสีสนาทีนิ กโรนฺตา นาตรึสุ ชาติอาทิวฏฺฏทุกฺขํ น อุตฺตรึสูติ.

๑๐๕๔-๕. อถโกจรหีติ อถ อิทานิ โก อฺโ อตารีติ. สงฺขายาติ าเณน วีมํสิตฺวา. ปโรปรานีติ ปรานิ จ โอรานิ จ, ปรตฺตภาวสกตฺตภาวาทีนิ ปรานิ จ โอรานิ จาติ วุตฺตํ โหติ. วิธูโมติ กายทุจฺจริตาทิธูมวิรหิโต. อนีโฆติ ราคาทิอีฆวิรหิโต. อตาริ โสติ โส เอวรูโป อรหา ชาติชรํ อตาริ. เสสเมตฺถ ปากฏเมว.

เอวํ ภควา อิมมฺปิ สุตฺตํ อรหตฺตนิกูเฏเนว เทเสสิ. เทสนาปริโยสาเน อยมฺปิ พฺราหฺมโณ อรหตฺเต ปติฏฺาสิ สทฺธึ อนฺเตวาสิสหสฺเสน, อฺเสฺจ อเนกสตานํ ธมฺมจกฺขุํ อุทปาทิ. เสสํ วุตฺตสทิสเมวาติ.

ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย

สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย ปุณฺณกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. เมตฺตคูสุตฺตวณฺณนา

๑๐๕๖. ปุจฺฉามิ นฺติ เมตฺตคุสุตฺตํ. ตตฺถ มฺามิ ตํ เวทคุํ ภาวิตตฺตนฺติ ‘‘อยํ เวทคู’’ติ จ ‘‘ภาวิตตฺโต’’ติ จ เอวํ ตํ มฺามิ.

๑๐๕๗. อปุจฺฉสีติ เอตฺถ -อิติ ปทปูรณมตฺเต นิปาโต, ปุจฺฉสิจฺเจว อตฺโถ. ปวกฺขามิ ยถา ปชานนฺติ ยถา ปชานนฺโต อาจิกฺขติ, เอวํ อาจิกฺขิสฺสามิ. อุปธินิทานา ปภวนฺติ ทุกฺขาติ ตณฺหาทิอุปธินิทานา ชาติอาทิทุกฺขวิเสสา ปภวนฺติ.

๑๐๕๘. เอวํ อุปธินิทานโต ปภวนฺเตสุ ทุกฺเขสุ – โย เว อวิทฺวาติ คาถา. ตตฺถ ปชานนฺติ สงฺขาเร อนิจฺจาทิวเสน ชานนฺโต. ทุกฺขสฺส ชาติปฺปภวานุปสฺสีติ วฏฺฏทุกฺขสฺส ชาติการณํ ‘‘อุปธี’’ติ อนุปสฺสนฺโต.

๑๐๕๙. โสกปริทฺทวฺจาติ โสกฺจ ปริเทวฺจ. ตถา หิ เต วิทิโต เอส ธมฺโมติ ยถา ยถา สตฺตา ชานนฺติ, ตถา ตถา ปฺาปนวเสน วิทิโต เอส ธมฺโมติ.

๑๐๖๐-๖๑. กิตฺตยิสฺสามิ เต ธมฺมนฺติ นิพฺพานธมฺมํ นิพฺพานคามินิปฏิปทาธมฺมฺจ เต เทสยิสฺสามิ. ทิฏฺเ ธมฺเมติ ทิฏฺเ ทุกฺขาทิธมฺเม, อิมสฺมึเยว วา อตฺตภาเว. อนีติหนฺติ อตฺตปจฺจกฺขํ. ยํ วิทิตฺวาติ ยํ ธมฺมํ ‘‘สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา’’ติอาทินา นเยน สมฺมสนฺโต วิทิตฺวา. ตฺจาหํ อภินนฺทามีติ ตํ วุตฺตปการธมฺมโชตกํ ตว วจนํ อหํ ปตฺถยามิ. ธมฺมมุตฺตมนฺติ ตฺจ ธมฺมมุตฺตมํ อภินนฺทามีติ.

๑๐๖๒. อุทฺธํ อโธ ติริยฺจาปิ มชฺเฌติ เอตฺถ อุทฺธนฺติ อนาคตทฺธา วุจฺจติ, อโธติ อตีตทฺธา, ติริยฺจาปิ มชฺเฌติ ปจฺจุปฺปนฺนทฺธา. เอเตสุ นนฺทิฺจ นิเวสนฺจ, ปนุชฺช วิฺาณนฺติ เอเตสุ อุทฺธาทีสุ ตณฺหฺจ ทิฏฺินิเวสนฺจ อภิสงฺขารวิฺาณฺจ ปนุเทหิ, ปนุทิตฺวา จ ภเว น ติฏฺเ, เอวํ สนฺเต ทุวิเธปิ ภเว น ติฏฺเยฺย. เอวํ ตาว ปนุชฺชสทฺทสฺส ปนุเทหีติ อิมสฺมึ อตฺถวิกปฺเป สมฺพนฺโธ, ปนุทิตฺวาติ เอตสฺมึ ปน อตฺถวิกปฺเป ภเว น ติฏฺเติ อยเมว สมฺพนฺโธ. เอตานิ นนฺทินิเวสนวิฺาณานิ ปนุทิตฺวา ทุวิเธปิ ภเว น ติฏฺเยฺยาติ วุตฺตํ โหติ.

๑๐๖๓-๔. เอตานิ วิโนเทตฺวา ภเว อติฏฺนฺโต เอโส – เอวํวิหารีติ คาถา. ตตฺถ อิเธวาติ อิมสฺมึเยว สาสเน, อิมสฺมึเยว วา อตฺตภาเว. สุกิตฺติตํ โคตมนูปธีกนฺติ เอตฺถ อนุปธิกนฺติ นิพฺพานํ. ตํ สนฺธาย ภควนฺตํ อาลปนฺโต อาห – ‘‘สุกิตฺติตํ โคตมนูปธีก’’นฺติ.

๑๐๖๕. น เกวลํ ทุกฺขเมว ปหาสิ – เต จาปีติ คาถา. ตตฺถ อฏฺิตนฺติ สกฺกจฺจํ, สทา วา. ตํ ตํ นมสฺสามีติ ตสฺมา ตํ นมสฺสามิ. สเมจฺจาติ อุปคนฺตฺวา. นาคาติ ภควนฺตํ อาลปนฺโต อาห.

๑๐๖๖. อิทานิ ตํ ภควา ‘‘อทฺธา หิ ภควา ปหาสิ ทุกฺข’’นฺติ เอวํ เตน พฺราหฺมเณน วิทิโตปิ อตฺตานํ อนุปเนตฺวาว ปหีนทุกฺเขน ปุคฺคเลน โอวทนฺโต ‘‘ยํ พฺราหฺมณ’’นฺติ คาถมาห. ตสฺสตฺโถ – ยํ ตฺวํ อภิชานนฺโต ‘‘อยํ พาหิตปาปตฺตา พฺราหฺมโณ, เวเทหิ คตตฺตา เวทคู, กิฺจนาภาเวน อกิฺจโน, กาเมสุ จ ภเวสุ จ อสตฺตตฺตา กามภเว อสตฺโต’’ติ ชฺา ชาเนยฺยาสิ. อทฺธา หิ โส อิมํ โอฆํ อตาริ, ติณฺโณ จ ปารํ อขิโล อกงฺโข.

๑๐๖๗. กิฺจ ภิยฺโย – วิทฺวา จ โยติ คาถา. ตตฺถ อิธาติ อิมสฺมึ สาสเน, อตฺตภาเว วา. วิสชฺชาติ โวสฺสชฺชิตฺวา. เสสํ สพฺพตฺถ ปากฏเมว.

เอวํ ภควา อิมมฺปิ สุตฺตํ อรหตฺตนิกูเฏเนว เทเสสิ. เทสนาปริโยสาเน จ วุตฺตสทิโส เอว ธมฺมาภิสมโย อโหสีติ.

ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย

สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย เมตฺตคูสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. โธตกสุตฺตวณฺณนา

๑๐๖๘-๙. ปุจฺฉามิ นฺติ โธตกสุตฺตํ. ตตฺถ วาจาภิกงฺขามีติ วาจํ อภิกงฺขามิ. สิกฺเข นิพฺพานมตฺตโนติ อตฺตโน ราคาทีนํ นิพฺพานตฺถาย อธิสีลาทีนิ สิกฺเขยฺย. อิโตติ มม มุขโต.

๑๐๗๐. เอวํ วุตฺเต อตฺตมโน โธตโก ภควนฺตํ อภิตฺถวมาโน กถํกถาปโมกฺขํ ยาจนฺโต ‘‘ปสฺสามห’’นฺติ คาถมาห. ตตฺถ ปสฺสามหํ เทวมนุสฺสโลเกติ ปสฺสามิ อหํ เทวมนุสฺสโลเก. ตํ ตํ นมสฺสามีติ ตํ เอวรูปํ นมสฺสามิ. ปมุฺจาติ ปโมเจหิ.

๑๐๗๑. อถสฺส ภควา อตฺตาธีนเมว กถํกถาปโมกฺขํ โอฆตรณมุเขน ทสฺเสนฺโต ‘‘นาห’’นฺติ คาถมาห. ตตฺถ นาหํ สหิสฺสามีติ อหํ น สหิสฺสามิ น สกฺขิสฺสามิ, น วายมิสฺสามีติ วุตฺตํ โหติ. ปโมจนายาติ ปมาเจตุํ. กถํกถินฺติ สกงฺขํ. ตเรสีติ ตเรยฺยาสิ.

๑๐๗๒-๕. เอวํ วุตฺเต อตฺตมนตโร โธตโก ภควนฺตํ อภิตฺถวมาโน อนุสาสนึ ยาจนฺโต ‘‘อนุสาส พฺรหฺเม’’ติ คาถมาห. ตตฺถ พฺรหฺมาติ เสฏฺวจนเมตํ. เตน ภควนฺตํ อามนฺตยมาโน อาห – ‘‘อนุสาส พฺรหฺเม’’ติ. วิเวกธมฺมนฺติ สพฺพสงฺขารวิเวกนิพฺพานธมฺมํ. อพฺยาปชฺชมาโนติ นานปฺปการตํ อนาปชฺชมาโน. อิเธว สนฺโตติ อิเธว สมาโน. อสิโตติ อนิสฺสิโต. อิโต ปรา ทฺเว คาถา เมตฺตคุสุตฺเต วุตฺตนยา เอว. เกวลฺหิ ตตฺถ ธมฺมํ, อิธ สนฺตินฺติ อยํ วิเสโส. ตติยคาถายปิ ปุพฺพฑฺฒํ ตตฺถ วุตนยเมว อปรฑฺเฒ สงฺโคติ สชฺชนฏฺานํ, ลคฺคนนฺติ วุตฺตํ โหติ. เสสํ สพฺพตฺถ ปากฏเมว.

เอวํ ภควา อิมมฺปิ สุตฺตํ อรหตฺตนิกูเฏเนว เทเสสิ. เทสนาปริโยสาเน จ วุตฺตสทิโส เอว ธมฺมาภิสมโย อโหสีติ.

ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย

สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย โธตกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. อุปสีวสุตฺตวณฺณนา

๑๐๗๖. เอโก อหนฺติ อุปสีวสุตฺตํ. ตตฺถ มหนฺตโมฆนฺติ มหนฺตํ โอฆํ. อนิสฺสิโตติ ปุคฺคลํ วา ธมฺมํ วา อนิสฺสิโต. โน วิสหามีติ น สกฺโกมิ. อารมฺมณนฺติ นิสฺสยํ. ยํ นิสฺสิโตติ ยํ ปุคฺคลํ วา ธมฺมํ วา นิสฺสิโต.

๑๐๗๗. อิทานิ ยสฺมา โส พฺราหฺมโณ อากิฺจฺายตนลาภี ตฺจ สนฺตมฺปิ นิสฺสยํ น ชานาติ, เตนสฺส ภควา ตฺจ นิสฺสยํ อุตฺตริ จ นิยฺยานปถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อากิฺจฺ’’นฺติ คาถมาห. ตตฺถ เปกฺขมาโนติ ตํ อากิฺจฺายตนสมาปตฺตึ สโต สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺหิตฺวา จ อนิจฺจาทิวเสน ปสฺสมาโน. นตฺถีติ นิสฺสายาติ ตํ ‘‘นตฺถิ กิฺจี’’ติ ปวตฺตสมาปตฺตึ อารมฺมณํ กตฺวา. ตรสฺสุ โอฆนฺติ ตโต ปภุติ ปวตฺตาย วิปสฺสนาย ยถานุรูปํ จตุพฺพิธมฺปิ โอฆํ ตรสฺสุ. กถาหีติ กถํกถาหิ. ตณฺหกฺขยํ นตฺตมหาภิปสฺสาติ รตฺตินฺทิวํ นิพฺพานํ วิภูตํ กตฺวา ปสฺส. เอเตนสฺส ทิฏฺธมฺมสุขวิหารํ กเถติ.

๑๐๗๘-๙. อิทานิ ‘‘กาเม ปหายา’’ติ สุตฺวา วิกฺขมฺภนวเสน อตฺตนา ปหีเน กาเม สมฺปสฺสมาโน ‘‘สพฺเพสู’’ติ คาถมาห. ตตฺถ หิตฺวา มฺนฺติ อฺํ ตโต เหฏฺา ฉพฺพิธมฺปิ สมาปตฺตึ หิตฺวา. สฺาวิโมกฺเข ปรเมติ สตฺตสุ สฺาวิโมกฺเขสุ อุตฺตเม อากิฺจฺายตเน. ติฏฺเ นุ โส ตตฺถ อนานุยายีติ โส ปุคฺคโล ตตฺถ อากิฺจฺายตนพฺรหฺมโลเก อวิคจฺฉมาโน ติฏฺเยฺย นูติ ปุจฺฉติ. อถสฺส ภควา สฏฺิกปฺปสหสฺสมตฺตํเยว านํ อนุชานนฺโต ตติยคาถมาห.

๑๐๘๐. เอวํ ตสฺส ตตฺถ านํ สุตฺวา อิทานิสฺส สสฺสตุจฺเฉทภาวํ ปุจฺฉนฺโต ‘‘ติฏฺเ เจ’’ติ คาถมาห. ตตฺถ ปูคมฺปิ วสฺสานนฺติ อเนกสงฺขฺยมฺปิ วสฺสานํ, คณราสินฺติ อตฺโถ. ‘‘ปูคมฺปิ วสฺสานี’’ติปิ ปาโ, ตตฺถ วิภตฺติพฺยตฺตเยน สามิวจนสฺส ปจฺจตฺตวจนํ กตฺตพฺพํ, ปูคนฺติ วา เอตสฺส พหูนีติ อตฺโถ วตฺตพฺโพ. ‘‘ปูคานี’’ติ วาปิ ปนฺติ, ปุริมปาโเยว สพฺพสุนฺทโร. ตตฺเถว โส สีติ สิยา วิมุตฺโตติ โส ปุคฺคโล ตตฺเถวากิฺจฺายตเน นานาทุกฺเขหิ วิมุตฺโต สีติภาวปฺปตฺโต ภเวยฺย, นิพฺพานปฺปตฺโต สสฺสโต หุตฺวา ติฏฺเยฺยาติ อธิปฺปาโย. จเวถ วิฺาณํ ตถาวิธสฺสาติ อุทาหุ ตถาวิธสฺส วิฺาณํ อนุปาทาย ปรินิพฺพาเยยฺยาติ อุจฺเฉทํ ปุจฺฉติ, ปฏิสนฺธิคฺคหณตฺถํ วาปิ ภเวยฺยาติ ปฏิสนฺธิมฺปิ ตสฺส ปุจฺฉติ.

๑๐๘๑. อถสฺส ภควา อุจฺเฉทสสฺสตํ อนุปคมฺม ตตฺถ อุปฺปนฺนสฺส อริยสาวกสฺส อนุปาทาย ปรินิพฺพานํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อจฺจี ยถา’’ติ คาถมาห. ตตฺถ อตฺถํ ปเลตีติ อตฺถํ คจฺฉติ. น อุเปติ สงฺขนฺติ ‘‘อสุกํ นาม ทิสํ คโต’’ติ โวหารํ น คจฺฉติ. เอวํ มุนี นามกายา วิมุตฺโตติ เอวํ ตตฺถ อุปฺปนฺโน เสกฺขมุนิ ปกติยา ปุพฺเพว รูปกายา วิมุตฺโต ตตฺถ จตุตฺถมคฺคํ นิพฺพตฺเตตฺวา ธมฺมกายสฺส ปริฺาตตฺตา ปุน นามกายาปิ วิมุตฺโต อุภโตภาควิมุตฺโต ขีณาสโว หุตฺวา อนุปาทาปรินิพฺพานสงฺขาตํ อตฺถํ ปเลติ, น อุเปติ สงฺขํ ‘‘ขตฺติโย วา พฺราหฺมโณ วา’’ติ เอวมาทิกํ.

๑๐๘๒. อิทานิ ‘‘อตฺถํ ปเลตี’’ติ สุตฺวา ตสฺส โยนิโส อตฺถํ อสลฺลกฺเขนฺโต ‘‘อตฺถงฺคโต โส’’ติ คาถมาห. ตสฺสตฺโถ – โส อตฺถงฺคโต อุทาหุ นตฺถิ, อุทาหุ เว สสฺสติยา สสฺสตภาเวน อโรโค อวิปริณามธมฺโม โสติ เอวํ ตํ เม มุนี สาธุ วิยากโรหิ. กึ การณํ? ตถา หิ เต วิทิโต เอส ธมฺโมติ.

๑๐๘๓. อถสฺส ภควา ตถา อวตฺตพฺพตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อตฺถงฺคตสฺสา’’ติ คาถมาห. ตตฺถ อตฺถงฺคตสฺสาติ อนุปาทาปรินิพฺพุตสฺส. น ปมาณมตฺถีติ รูปาทิปฺปมาณํ นตฺถิ. เยน นํ วชฺชุนฺติ เยน ราคาทินา นํ วเทยฺยุํ. สพฺเพสุ ธมฺเมสูติ สพฺเพสุ ขนฺธาทิธมฺเมสุ. เสสํ สพฺพตฺถ ปากฏเมว.

เอวํ ภควา อิมํ สุตฺตํ อรหตฺตนิกูเฏเนว เทเสสิ. เทสนาปริโยสาเน จ วุตฺตสทิโส เอว ธมฺมาภิสมโย อโหสีติ.

ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย

สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย อุปสีวสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. นนฺทสุตฺตวณฺณนา

๑๐๘๔-๕. สนฺติ โลเกติ นนฺทสุตฺตํ. ตตฺถ ปมคาถาย อตฺโถ – โลเก ขตฺติยาทโย ชนา อาชีวกนิคณฺาทิเก สนฺธาย ‘‘สนฺติ มุนโย’’ติ วทนฺติ, ตยิทํ กถํสูติ กึ นุ โข เต สมาปตฺติาณาทินา าเณน อุปฺปนฺนตฺตา าณูปปนฺนํ โน มุนึ วทนฺติ, เอวํวิธํ นุ วทนฺติ, อุทาหุ เว นานปฺปการเกน ลูขชีวิตสงฺขาเตน ชีวิเตนูปปนฺนนฺติ อถสฺส ภควา ตทุภยํ ปฏิกฺขิปิตฺวา มุนึ ทสฺเสนฺโต ‘‘น ทิฏฺิยา’’ติ คาถมาห.

๑๐๘๖-๗. อิทานิ ‘‘ทิฏฺาทีหิ สุทฺธี’’ติ วทนฺตานํ วาเท กงฺขาปหานตฺถํ ‘‘เย เกจิเม’’ติ ปุจฺฉติ. ตตฺถ อเนกรูเปนาติ โกตูหลมงฺคลาทินา. ตตฺถ ยตา จรนฺตาติ ตตฺถ สกาย ทิฏฺิยา คุตฺตา วิหรนฺตา. อถสฺส ตถา สุทฺธิอภาวํ ทีเปนฺโต ภควา ทุติยํ คาถมาห.

๑๐๘๘-๙๐. เอวํ ‘‘นาตรึสู’’ติ สุตฺวา อิทานิ โย อตริ, ตํ โสตุกาโม ‘‘เย เกจิเม’’ติ ปุจฺฉติ. อถสฺส ภควา โอฆติณฺณมุเขน ชาติชราติณฺเณ ทสฺเสนฺโต ตติยํ คาถมาห. ตตฺถ นิวุตาติ โอวุฏา ปริโยนทฺธา. เยสีธาติ เยสุ อิธ. เอตฺถ จ สุ-อิติ นิปาตมตฺตํ. ตณฺหํ ปริฺายาติ ตีหิ ปริฺาหิ ตณฺหํ ปริชานิตฺวา. เสสํ สพฺพตฺถ ปุพฺเพ วุตฺตนยตฺตา ปากฏเมว.

เอวํ ภควา อรหตฺตนิกูเฏเนว เทสนํ นิฏฺาเปสิ, เทสนาปริโยสาเน ปน นนฺโท ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทมาโน ‘‘เอตาภินนฺทามี’’ติ คาถมาห. อิธาปิ จ ปุพฺเพ วุตฺตสทิโส เอว ธมฺมาภิสมโย อโหสีติ.

ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย

สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย นนฺทสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. เหมกสุตฺตวณฺณนา

๑๐๙๑-๔. เย เม ปุพฺเพติ เหมกสุตฺตํ. ตตฺถ เย เม ปุพฺเพ วิยากํสูติ เย พาวริอาทโย ปุพฺเพ มยฺหํ สกํ ลทฺธึ วิยากํสุ. หุรํ โคตมสาสนาติ โคตมสาสนา ปุพฺพตรํ. สพฺพํ ตํ ตกฺกวฑฺฒนนฺติ สพฺพํ ตํ กามวิตกฺกาทิวฑฺฒนํ. ตณฺหานิคฺฆาตนนฺติ ตณฺหาวินาสนํ. อถสฺส ภควา ตํ ธมฺมํ อาจิกฺขนฺโต ‘‘อิธา’’ติ คาถาทฺวยมาห. ตตฺถ เอตทฺาย เย สตาติ เอตํ นิพฺพานปทมจฺจุตํ ‘‘สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา’’ติอาทินา นเยน วิปสฺสนฺตา อนุปุพฺเพน ชานิตฺวา เย กายานุปสฺสนาสติอาทีหิ สตา. ทิฏฺธมฺมาภินิพฺพุตาติ วิทิตธมฺมตฺตา, ทิฏฺธมฺมตฺตา, ราคาทินิพฺพาเนน จ อภินิพฺพุตา. เสสํ สพฺพตฺถ ปากฏเมว.

เอวํ ภควา อิมมฺปิ สุตฺตํ อรหตฺตนิกูเฏเนว เทเสสิ. เทสนาปริโยสาเน จ ปุพฺพสทิโส เอว ธมฺมาภิสมโย อโหสีติ.

ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย

สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย เหมกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. โตเทยฺยสุตฺตวณฺณนา

๑๐๙๕. ยสฺมึ กามาติ โตเทยฺยสุตฺตํ. ตตฺถ วิโมกฺโข ตสฺส กีทิโสติ ตสฺส กีทิโส วิโมกฺโข อิจฺฉิตพฺโพติ ปุจฺฉติ. อิทานิ ตสฺส อฺวิโมกฺขาภาวํ ทสฺเสนฺโต ภควา ทุติยํ คาถมาห. ตตฺถ วิโมกฺโข ตสฺส นาปโรติ ตสฺส อฺโ วิโมกฺโข นตฺถิ.

๑๐๙๗-๘. เอวํ ‘‘ตณฺหกฺขโย เอว วิโมกฺโข’’ติ วุตฺเตปิ ตมตฺถํ อสลฺลกฺเขนฺโต ‘‘นิราสโส โส อุท อาสสาโน’’ติ ปุน ปุจฺฉติ. ตตฺถ อุท ปฺกปฺปีติ อุทาหุ สมาปตฺติาณาทินา าเณน ตณฺหากปฺปํ วา ทิฏฺิกปฺปํ วา กปฺปยติ. อถสฺส ภควา ตํ อาจิกฺขนฺโต ทุติยํ คาถมาห. ตตฺถ กามภเวติ กาเม จ ภเว จ. เสสํ สพฺพตฺถ ปากฏเมว.

เอวํ ภควา อิมมฺปิ สุตฺตํ อรหตฺตนิกูเฏเนว เทเสสิ. เทสนาปริโยสาเน จ ปุพฺพสทิโส เอว ธมฺมาภิสมโย อโหสีติ.

ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย

สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย โตเทยฺยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. กปฺปสุตฺตวณฺณนา

๑๐๙๙. มชฺเฌ สรสฺมินฺติ กปฺปสุตฺตํ. ตตฺถ มชฺเฌ สรสฺมินฺติ ปุริมปจฺฉิมโกฏิปฺาณาภาวโต มชฺฌภูเต สํสาเรติ วุตฺตํ โหติ. ติฏฺตนฺติ ติฏฺมานานํ. ยถายิทํ นาปรํ สิยาติ ยถา อิทํ ทุกฺขํ ปุน น ภเวยฺย.

๑๑๐๑-๒. อถสฺส ภควา ตมตฺถํ พฺยากโรนฺโต ติสฺโส คาถาโย อภาสิ. ตตฺถ อกิฺจนนฺติ กิฺจนปฏิปกฺขํ. อนาทานนฺติ อาทานปฏิปกฺขํ, กิฺจนาทานวูปสมนฺติ วุตฺตํ โหติ. อนาปรนฺติ อปรปฏิภาคทีปวิรหิตํ, เสฏฺนฺติ วุตฺตํ โหติ. น เต มารสฺส ปทฺธคูติ เต มารสฺส ปทฺธจรา ปริจารกา สิสฺสา น โหนฺติ. เสสํ สพฺพตฺถ ปากฏเมว.

เอวํ ภควา อิมมฺปิ สุตฺตํ อรหตฺตนิกูเฏเนว เทเสสิ เทสนาปริโยสาเน จ ปุพฺพสทิโส เอว ธมฺมาภิสมโย อโหสีติ.

ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย

สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย กปฺปสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๑. ชตุกณฺณิสุตฺตวณฺณนา

๑๑๐๓-๔. สุตฺวานหนฺติ ชตุกณฺณิสุตฺตํ. ตตฺถ สุตฺวานหํ วีรมกามกามินฺติ อหํ ‘‘อิติปิ โส ภควา’’ติอาทินา นเยน วีรํ กามานํ อกามนโต อกามกามึ พุทฺธํ สุตฺวา. อกามมาคมนฺติ นิกฺกามํ ภควนฺตํ ปุจฺฉิตุํ อาคโตมฺหิ. สหชเนตฺตาติ สหชาตสพฺพฺุตฺาณจกฺขุ. ยถาตจฺฉนฺติ ยถาตถํ. พฺรูหิ เมติ ปุน ยาจนฺโต ภณติ. ยาจนฺโต หิ สหสฺสกฺขตฺตุมฺปิ ภเณยฺย, โก ปน วาโท ทฺวิกฺขตฺตุํ. เตชี เตชสาติ เตเชน สมนฺนาคโต เตชสา อภิภุยฺย. ยมหํ วิชฺํ ชาติชราย อิธ วิปฺปหานนฺติ ยมหํ ชาติชรานํ ปหานภูตํ ธมฺมํ อิเธว ชาเนยฺยํ.

๑๑๐๕-๗. อถสฺส ภควา ตํ ธมฺมมาจิกฺขนฺโต ติสฺโส คาถาโย อภาสิ. ตตฺถ เนกฺขมฺมํ ทฏฺุ เขมโตติ นิพฺพานฺจ นิพฺพานคามินิฺจ ปฏิปทํ ‘‘เขม’’นฺติ ทิสฺวา. อุคฺคหิตนฺติ ตณฺหาทิฏฺิวเสน คหิตํ. นิรตฺตํ วาติ นิรสฺสิตพฺพํ วา, มุฺจิตพฺพนฺติ วุตฺตํ โหติ. มา เต วิชฺชิตฺถาติ มา เต อโหสิ. กิฺจนนฺติ ราคาทิกิฺจนํ วาปิ เต มา วิชฺชิตฺถ. ปุพฺเพติ อตีเต สงฺขาเร อารพฺภ อุปฺปนฺนกิเลสา. พฺราหฺมณาติ ภควา ชตุกณฺณึ อาลปติ. เสสํ สพฺพตฺถ ปากฏเมว.

เอวํ ภควา อิมมฺปิ สุตฺตํ อรหตฺตนิกูเฏเนว เทเสสิ. เทสนาปริโยสาเน จ ปุพฺพสทิโส เอว ธมฺมาภิสมโย อโหสีติ.

ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย

สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย ชตุกณฺณิสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๒. ภทฺราวุธสุตฺตวณฺณนา

๑๑๐๘-๙. โอกฺชหนฺติ ภทฺราวุธสุตฺตํ. ตตฺถ โอกฺชหนฺติ อาลยํ ชหํ. ตณฺหจฺฉิทนฺติ ฉตณฺหากายจฺฉิทํ. อเนชนฺติ โลกธมฺเมสุ นิกฺกมฺปํ. นนฺทิฺชหนฺติ อนาคตรูปาทิปตฺถนาชหํ. เอกา เอว หิ ตณฺหา ถุติวเสน อิธ นานปฺปการโต วุตฺตา. กปฺปฺชหนฺติ ทุวิธกปฺปชหํ. อภิยาเจติ อติวิย ยาจามิ. สุตฺวาน นาคสฺส อปนมิสฺสนฺติ อิโตติ นาคสฺส ตว ภควา วจนํ สุตฺวา อิโต ปาสาณกเจติยโต พหู ชนา ปกฺกมิสฺสนฺตีติ อธิปฺปาโย. ชนปเทหิ สงฺคตาติ องฺคาทีหิ ชนปเทหิ อิธ สมาคตา. วิยากโรหีติ ธมฺมํ เทเสหิ.

๑๑๑๐. อถสฺส อาสยานุโลเมน ธมฺมํ เทเสนฺโต ภควา ทฺเว คาถาโย อภาสิ. ตตฺถ อาทานตณฺหนฺติ รูปาทีนํ อาทายิกํ คหณตณฺหํ, ตณฺหุปาทานนฺติ วุตฺตํ โหติ. ยํ ยฺหิ โลกสฺมิมุปาทิยนฺตีติ เอเตสุ อุทฺธาทิเภเทสุ ยํ ยํ คณฺหนฺติ. เตเนว มาโร อนฺเวติ ชนฺตุนฺติ เตเนว อุปาทานปจฺจยนิพฺพตฺตกมฺมาภิสงฺขารนิพฺพตฺตวเสน ปฏิสนฺธิกฺขนฺธมาโร ตํ สตฺตํ อนุคจฺฉติ.

๑๑๑๑. ตสฺมา ปชานนฺติ ตสฺมา เอตมาทีนวํ อนิจฺจาทิวเสน วา สงฺขาเร ชานนฺโต. อาทานสตฺเต อิติ เปกฺขมาโน, ปชํ อิมํ มจฺจุเธยฺเย วิสตฺตนฺติ อาทาตพฺพฏฺเน อาทาเนสุ รูปาทีสุ สตฺเต สพฺพโลเก อิมํ ปชํ มจฺจุเธยฺเย ลคฺคํ เปกฺขมาโน. อาทานสตฺเต วา อาทานาภินิวิฏฺเ ปุคฺคเล อาทานสงฺคเหตุฺจ อิมํ ปชํ มจฺจุเธยฺเย ลคฺคํ ตโต วีติกฺกมิตุํ อสมตฺถํ อิติ เปกฺขมาโน กิฺจนํ สพฺพโลเก น อุปฺปาทิเยถาติ เสสํ สพฺพตฺถ ปากฏเมว.

เอวํ ภควา อิมมฺปิ สุตฺตํ อรหตฺตนิกูเฏเนว เทเสสิ. เทสนาปริโยสาเน จ ปุพฺพสทิโส เอว ธมฺมาภิสมโย อโหสีติ.

ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย

สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย ภทฺราวุธสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๓. อุทยสุตฺตวณฺณนา

๑๑๑๒-๓. ฌายินฺติ อุทยสุตฺตํ. ตตฺถ อฺาวิโมกฺขนฺติ ปฺานุภาวนิชฺฌาตํ วิโมกฺขํ ปุจฺฉติ. อถ ภควา ยสฺมา อุทโย จตุตฺถชฺฌานลาภี, ตสฺมาสฺส ปฏิลทฺธชฺฌานวเสน นานปฺปการโต อฺาวิโมกฺขํ ทสฺเสนฺโต คาถาทฺวยมาห. ตตฺถ ปหานํ กามจฺฉนฺทานนฺติ ยมิทํ ปมชฺฌานํ นิพฺพตฺเตนฺตสฺส กามจฺฉนฺทปฺปหานํ, ตมฺปิ อฺาวิโมกฺขํ ปพฺรูมิ. เอวํ สพฺพปทานิ โยเชตพฺพานิ.

๑๑๑๔. อุเปกฺขาสติสํสุทฺธนฺติ จตุตฺถชฺฌานอุเปกฺขาสตีหิ สํสุทฺธํ. ธมฺมตกฺกปุเรชวนฺติ อิมินา ตสฺมึ จตุตฺถชฺฌานวิโมกฺเข ตฺวา ฌานงฺคานิ วิปสฺสิตฺวา อธิคตํ อรหตฺตวิโมกฺขํ วทติ. อรหตฺตวิโมกฺขสฺส หิ มคฺคสมฺปยุตฺตสมฺมาสงฺกปฺปาทิเภโท ธมฺมตกฺโก ปุเรชโว โหติ. เตนาห – ‘‘ธมฺมตกฺกปุเรชว’’นฺติ. อวิชฺชาย ปเภทนนฺติ เอตเมว จ อฺาวิโมกฺขํ อวิชฺชาปเภทนสงฺขาตํ นิพฺพานํ นิสฺสาย ชาตตฺตา การโณปจาเรน ‘‘อวิชฺชาย ปเภทน’’นฺติ ปพฺรูมีติ.

๑๑๑๕-๖. เอวํ อวิชฺชาปเภทนวจเนน วุตฺตํ นิพฺพานํ สุตฺวา ‘‘ตํ กิสฺส วิปฺปหาเนน วุจฺจตี’’ติ ปุจฺฉนฺโต ‘‘กึสุ สํโยชโน’’ติ คาถมาห. ตตฺถ กึสุ สํโยชโนติ กึ สํโยชโน. วิจารณนฺติ วิจรณการณํ. กิสฺสสฺส วิปฺปหาเนนาติ กึ นามกสฺส อสฺส ธมฺมสฺส วิปฺปหาเนน. อถสฺส ภควา ตมตฺถํ พฺยากโรนฺโต ‘‘นนฺทิสํโยชโน’’ติ คาถมาห. ตตฺถ วิตกฺกสฺสาติ กามวิตกฺกาทิโก วิตกฺโก อสฺส.

๑๑๑๗-๘. อิทานิ ตสฺส นิพฺพานสฺส มคฺคํ ปุจฺฉนฺโต ‘‘กถํ สตสฺสา’’ติ คาถมาห. ตตฺถ วิฺาณนฺติ อภิสงฺขารวิฺาณํ. อถสฺส มคฺคํ กเถนฺโต ภควา ‘‘อชฺฌตฺตฺจา’’ติ คาถมาห. ตตฺถ เอวํ สตสฺสาติ เอวํ สตสฺส สมฺปชานสฺส. เสสํ สพฺพตฺถ ปากฏเมว.

เอวํ ภควา อิมมฺปิ สุตฺตํ อรหตฺตนิกูเฏเนว เทเสสิ. เทสนาปริโยสาเน จ ปุพฺพสทิโส เอว ธมฺมาภิสมโย อโหสีติ.

ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย

สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย อุทยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๔. โปสาลสุตฺตวณฺณนา

๑๑๑๙-๒๐. โย อตีตนฺติ โปสาลสุตฺตํ. ตตฺถ โย อตีตํ อาทิสตีติ โย ภควา อตฺตโน จ ปเรสฺจ ‘‘เอกมฺปิ ชาติ’’นฺติอาทิเภทํ อตีตํ อาทิสติ. วิภูตรูปสฺิสฺสาติ สมติกฺกนฺตรูปสฺิสฺส. สพฺพกายปฺปหายิโนติ ตทงฺควิกฺขมฺภนวเสน สพฺพรูปกายปฺปหายิโน, ปหีนรูปภวปฏิสนฺธิกสฺสาติ อธิปฺปาโย. นตฺถิ กิฺจีติ ปสฺสโตติ วิฺาณาภาววิปสฺสเนน ‘‘นตฺถิ กิฺจี’’ติ ปสฺสโต, อากิฺจฺายตนลาภิโนติ วุตฺตํ โหติ. าณํ สกฺกานุปุจฺฉามีติ สกฺกาติ ภควนฺตํ อาลปนฺโต อาห. ตสฺส ปุคฺคลสฺส าณํ ปุจฺฉามิ, กีทิสํ ปุจฺฉิตพฺพนฺติ. กถํ เนยฺโยติ กถํ โส เนตพฺโพ, กถมสฺส อุตฺตริาณํ อุปฺปาเทตพฺพนฺติ.

๑๑๒๑. อถสฺส ภควา ตาทิเส ปุคฺคเล อตฺตโน อปฺปฏิหตาณตํ ปกาเสตฺวา ตํ าณํ พฺยากาตุํ คาถาทฺวยมาห. ตตฺถ วิฺาณฏฺิติโย สพฺพา, อภิชานํ ตถาคโตติ อภิสงฺขารวเสน จตสฺโส ปฏิสนฺธิวเสน สตฺตาติ เอวํ สพฺพา วิฺาณฏฺิติโย อภิชานนฺโต ตถาคโต. ติฏฺนฺตเมนํ ชานาตีติ กมฺมาภิสงฺขารวเสน ติฏฺนฺตํ เอตํ ปุคฺคลํ ชานาติ ‘‘อายตึ อยํ เอวํคติโก ภวิสฺสตี’’ติ. วิมุตฺตนฺติ อากิฺจฺายตนาทีสุ อธิมุตฺตํ. ตปฺปรายณนฺติ ตมฺมยํ.

๑๑๒๒. อากิฺจฺสมฺภวํ ตฺวาติ อากิฺจฺายตนชนกํ กมฺมาภิสงฺขารํ ตฺวา ‘‘กินฺติ ปลิโพโธ อย’’นฺติ. นนฺที สํโยชนํ อิตีติ ยา จ ตตฺถ อรูปราคสงฺขาตา นนฺที, ตฺจ สํโยชนํ อิติ ตฺวา. ตโต ตตฺถ วิปสฺสตีติ ตโต อากิฺจฺายตนสมาปตฺติโต วุฏฺหิตฺวา ตํ สมาปตฺตึ อนิจฺจาทิวเสน วิปสฺสติ. เอตํ าณํ ตถํ ตสฺสาติ เอตํ ตสฺส ปุคฺคลสฺส เอวํ วิปสฺสโต อนุกฺกเมเนว อุปฺปนฺนํ อรหตฺตาณํ อวิปรีตํ. วุสีมโตติ วุสิตวนฺตสฺส. เสสํ สพฺพตฺถ ปากฏเมว.

เอวํ ภควา อิมมฺปิ สุตฺตํ อรหตฺตนิกูเฏเนว เทเสสิ. เทสนาปริโยสาเน จ ปุพฺพสทิโส เอว ธมฺมาภิสมโย อโหสีติ.

ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย

สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย โปสาลสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๕. โมฆราชสุตฺตวณฺณนา

๑๑๒๓. ทฺวาหํ สกฺกนฺติ โมฆราชสุตฺตํ. ตตฺถ ทฺวาหนฺติ ทฺเว วาเร อหํ. โส หิ ปุพฺเพ อชิตสุตฺตสฺส จ ติสฺสเมตฺเตยฺยสุตฺตสฺส จ อวสาเน ทฺวิกฺขตฺตุํ ภควนฺตํ ปุจฺฉิ. ภควา ปนสฺส อินฺทฺริยปริปากํ อาคมยมาโน น พฺยากาสิ. เตนาห – ‘‘ทฺวาหํ สกฺกํ อปุจฺฉิสฺส’’นฺติ. ยาวตติยฺจ เทวีสิ, พฺยากโรตีติ เม สุตนฺติ ยาวตติยฺจ สหธมฺมิกํ ปุฏฺโ วิสุทฺธิเทวภูโต อิสิ ภควา สมฺมาสมฺพุทฺโธ พฺยากโรตีติ เอวํ เม สุตํ. โคธาวรีตีเรเยว กิร โส เอวมสฺโสสิ. เตนาห – ‘‘พฺยากโรตีติ เม สุต’’นฺติ.

๑๑๒๔. อยํ โลโกติ มนุสฺสโลโก. ปโร โลโกติ ตํ เปตฺวา อวเสโส. สเทวโกติ พฺรหฺมโลกํ เปตฺวา อวเสโส อุปปตฺติเทวสมฺมุติเทวยุตฺโต, ‘‘พฺรหฺมโลโก สเทวโก’’ติ เอตํ วา ‘‘สเทวเก โลเก’’ติอาทินยนิทสฺสนมตฺตํ, เตน สพฺโพปิ ตถาวุตฺตปฺปกาโร โลโก เวทิตพฺโพ.

๑๑๒๕. เอวํ อภิกฺกนฺตทสฺสาวินฺติ เอวํ อคฺคทสฺสาวึ, สเทวกสฺส โลกสฺส อชฺฌาสยาธิมุตฺติคติปรายณาทีนิ ปสฺสิตุํ สมตฺถนฺติ ทสฺเสติ.

๑๑๒๖. สุฺโต โลกํ อเวกฺขสฺสูติ อวสิยปวตฺตสลฺลกฺขณวเสน วา ตุจฺฉสงฺขารสมนุปสฺสนาวเสน วาติ ทฺวีหิ การเณหิ สุฺโต โลกํ ปสฺส. อตฺตานุทิฏฺึ อูหจฺจาติ สกฺกายทิฏฺึ อุทฺธริตฺวา. เสสํ สพฺพตฺถ ปากฏเมว.

เอวํ ภควา อิมมฺปิ สุตฺตํ อรหตฺตนิกูเฏเนว เทเสสิ. เทสนาปริโยสาเน จ วุตฺตสทิโส เอว ธมฺมาภิสมโย อโหสีติ.

ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย

สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย โมฆราชสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๖. ปิงฺคิยสุตฺตวณฺณนา

๑๑๒๗. ชิณฺโณหมสฺมีติ ปิงฺคิยสุตฺตํ. ตตฺถ ชิณฺโณหมสฺมิ อพโล วีตวณฺโณติ โส กิร พฺราหฺมโณ ชราภิภูโต วีสวสฺสสติโก ชาติยา, ทุพฺพโล จ ‘‘อิธ ปทํ กริสฺสามี’’ติ อฺตฺเถว กโรติ, วินฏฺปุริมจฺฉวิวณฺโณ จ. เตนาห – ‘‘ชิณฺโณหมสฺมิ อพโล วีตวณฺโณ’’ติ. มาหํ นสฺสํ โมมุโห อนฺตราวาติ มาหํ ตุยฺหํ ธมฺมํ อสจฺฉิกตฺวา อนฺตราเยว อวิทฺวา หุตฺวา อนสฺสึ. ชาติชราย อิธ วิปฺปหานนฺติ อิเธว ตว ปาทมูเล ปาสาณเก วา เจติย ชาติชราย วิปฺปหานํ นิพฺพานธมฺมํ ยมหํ วิชฺํ, ตํ เม อาจิกฺข.

๑๑๒๘. อิทานิ ยสฺมา ปิงฺคิโย กาเย สาเปกฺขตาย ‘‘ชิณฺโณหมสฺมี’’ติ คาถมาห เตนสฺส ภควา กาเย สิเนหปฺปหานตฺถํ ‘‘ทิสฺวาน รูเปสุ วิหฺมาเน’’ติ คาถมาห. ตตฺถ รูเปสูติ รูปเหตุ รูปปจฺจยา. วิหฺมาเนติ กมฺมการณาทีหิ อุปหฺมาเน. รุปฺปนฺติ รูเปสูติ จกฺขุโรคาทีหิ จ รูปเหตุเยว ชนา รุปฺปนฺติ พาธียนฺติ.

๑๑๒๙-๓๐. เอวํ ภควตา ยาว อรหตฺตํ ตาว กถิตํ ปฏิปตฺตึ สุตฺวาปิ ปิงฺคิโย ชราทุพฺพลตาย วิเสสํ อนธิคนฺตฺวาว ปุน ‘‘ทิสา จตสฺโส’’ติ อิมาย คาถาย ภควนฺตํ โถเมนฺโต เทสนํ ยาจติ. อถสฺส ภควา ปุนปิ ยาว อรหตฺตํ, ตาว ปฏิปทํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตณฺหาธิปนฺเน’’ติ คาถมาห. เสสํ สพฺพตฺถ ปากฏเมว.

อิมมฺปิ สุตฺตํ ภควา อรหตฺตนิกูเฏเนว เทเสสิ. เทสนาปริโยสาเน จ ปิงฺคิโย อนาคามิผเล ปติฏฺาสิ. โส กิร อนฺตรนฺตรา จินฺเตสิ – ‘‘เอวํ วิจิตฺรปฏิภานํ นาม เทสนํ น ลภิ มยฺหํ มาตุโล พาวรี สวนายา’’ติ. เตน สิเนหวิกฺเขเปน อรหตฺตํ ปาปุณิตุํ นาสกฺขิ. อนฺเตวาสิโน ปนสฺส สหสฺสชฏิลา อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. สพฺเพว อิทฺธิมยปตฺตจีวรธรา เอหิภิกฺขโว อเหสุนฺติ.

ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย

สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย ปิงฺคิยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

ปารายนตฺถุติคาถาวณฺณนา

อิโต ปรํ สงฺคีติการา เทสนํ โถเมนฺตา ‘‘อิทมโวจ ภควา’’ติอาทิมาหํสุ. ตตฺถ อิทมโวจาติ อิทํ ปรายนํ อโวจ. ปริจารกโสฬสานนฺติ พาวริสฺส ปริจารเกน ปิงฺคิเยน สห โสฬสนฺนํ พุทฺธสฺส วา ภควโต ปริจารกานํ โสฬสนฺนนฺติ ปริจารกโสฬสนฺนํ. เต เอว พฺราหฺมณา. ตตฺถ โสฬสปริสา ปน ปุรโต จ ปจฺฉโต จ วามปสฺสโต จ ทกฺขิณปสฺสโต จ ฉ ฉ โยชนานิ นิสินฺนา อุชุเกน ทฺวาทสโยชนิกา อโหสิ. อชฺฌิฏฺโติ ยาจิโต อตฺถมฺายาติ ปาฬิอตฺถมฺาย. ธมฺมมฺายาติ ปาฬิมฺาย. ปารายนนฺติ เอวํ อิมสฺส ธมฺมปริยายสฺส อธิวจนํ อาโรเปตฺวา เตสํ พฺราหฺมณานํ นามานิ กิตฺตยนฺตา ‘‘อชิโต ติสฺสเมตฺเตยฺโย…เป… พุทฺธเสฏฺํ อุปาคมุ’’นฺติ อาหํสุ.

๑๑๓๑-๗. ตตฺถ สมฺปนฺนจรณนฺติ นิพฺพานปทฏฺานภูเตน ปาติโมกฺขสีลาทินา สมฺปนฺนํ. อิสินฺติ มเหสึ. เสสํ ปากฏเมว. ตโต ปรํ พฺรหฺมจริยมจรึสูติ มคฺคพฺรหฺมจริยํ อจรึสุ. ตสฺมา ปารายนนฺติ ตสฺส ปารภูตสฺส นิพฺพานสฺส อยนนฺติ วุตฺตํ โหติ.

ปารายนานุคีติคาถาวณฺณนา

๑๑๓๘. ปารายนมนุคายิสฺสนฺติ อสฺส อยํ สมฺพนฺโธ – ภควตา หิ ปารายเน เทสิเต โสฬสสหสฺสา ชฏิลา อรหตฺตํ ปาปุณึสุ, อวเสสานฺจ จุทฺทสโกฏิสงฺขานํ เทวมนุสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. วุตฺตฺเหตํ โปราเณหิ –

‘‘ตโต ปาสาณเก รมฺเม, ปารายนสมาคเม;

อมตํ ปาปยี พุทฺโธ, จุทฺทส ปาณโกฏิโย’’ติ.

นิฏฺิตาย ปน ธมฺมเทสนาย ตโต ตโต อาคตา มนุสฺสา ภควโต อานุภาเวน อตฺตโน อตฺตโน คามนิคมาทีสฺเวว ปาตุรเหสุํ. ภควาปิ สาวตฺถิเมว อคมาสิ ปริจารกโสฬสาทีหิ อเนเกหิ ภิกฺขุสหสฺเสหิ ปริวุโต. ตตฺถ ปิงฺคิโย ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา อาห – ‘‘คจฺฉามหํ, ภนฺเต, พาวริสฺส พุทฺธุปฺปาทํ อาโรเจตุํ, ปฏิสฺสุตฺหิ ตสฺส มยา’’ติ. อถ ภควตา อนุฺาโต าณคมเนเนว โคธาวรีตีรํ คนฺตฺวา ปาทคมเนน อสฺสมาภิมุโข อคมาสิ. ตเมนํ พาวรี พฺราหฺมโณ มคฺคํ โอโลเกนฺโต นิสินฺโน ทูรโตว ขาริชฏาทิวิรหิตํ ภิกฺขุเวเสน อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘พุทฺโธ โลเก อุปฺปนฺโน’’ติ นิฏฺํ อคมาสิ. สมฺปตฺตฺจาปิ นํ ปุจฺฉิ – ‘‘กึ, ปิงฺคิย, พุทฺโธ โลเก อุปฺปนฺโน’’ติ. ‘‘อาม, พฺราหฺมณ, อุปฺปนฺโน, ปาสาณเก เจติเย นิสินฺโน อมฺหากํ ธมฺมํ เทเสสิ, ตมหํ ตุยฺหํ เทเสสฺสามี’’ติ. ตโต พาวรี มหตา สกฺกาเรน สปริโส ตํ ปูเชตฺวา อาสนํ ปฺาเปสิ. ตตฺถ นิสีทิตฺวา ปิงฺคิโย ‘‘ปารายนมนุคายิสฺส’’นฺติอาทิมาห.

ตตฺถ อนุคายิสฺสนฺติ ภควตา คีตํ อนุคายิสฺสํ. ยถาทฺทกฺขีติ ยถา สามํ สจฺจาภิสมฺโพเธน อสาธารณาเณน จ อทฺทกฺขิ. นิกฺกาโมติ ปหีนกาโม. ‘‘นิกฺกโม’’ติปิ ปาโ, วีริยวาติ อตฺโถ นิกฺขนฺโต วา อกุสลปกฺขา. นิพฺพโนติ กิเลสวนวิรหิโต, ตณฺหาวิรหิโต เอว วา. กิสฺส เหตุ มุสา ภเณติ เยหิ กิเลเสหิ มุสา ภเณยฺย, เอเต ตสฺส ปหีนาติ ทสฺเสติ. เอเตน พฺราหฺมณสฺส สวเน อุสฺสาหํ ชเนติ.

๑๑๓๙-๔๑. วณฺณูปสฺหิตนฺติ คุณูปสฺหิตํ. สจฺจวฺหโยติ ‘‘พุทฺโธ’’ติ สจฺเจเนว อวฺหาเนน นาเมน ยุตฺโต. พฺรหฺเมติ ตํ พฺราหฺมณํ อาลปติ. กุพฺพนกนฺติ ปริตฺตวนํ. พหุปฺผลํ กานนมาวเสยฺยาติ อเนกผลาทิวิกติภริตํ กานนํ อาคมฺม วเสยฺย. อปฺปทสฺเสติ พาวริปภุติเก ปริตฺตปฺเ. มโหทธินฺติ อโนตตฺตาทึ มหนฺตํ อุทกราสึ.

๑๑๔๒-๔. เยเม ปุพฺเพติ เย อิเม ปุพฺเพ. ตมนุทาสิโนติ ตโมนุโท อาสิโน. ภูริปฺาโณติ าณธโช. ภูริเมธโสติ วิปุลปฺโ. สนฺทิฏฺิกมกาลิกนฺติ สามํ ปสฺสิตพฺพผลํ, น จ กาลนฺตเร ปตฺตพฺพผลํ. อนีติกนฺติ กิเลสอีติวิรหิตํ.

๑๑๔๕-๕๐. อถ นํ พาวรี อาห ‘‘กึ นุ ตมฺหา’’ติ ทฺเว คาถา. ตโต ปิงฺคิโย ภควโต สนฺติกา อวิปฺปวาสเมว ทีเปนฺโต ‘‘นาหํ ตมฺหา’’ติอาทิมาห. ปสฺสามิ นํ มนสา จกฺขุนาวาติ ตํ พุทฺธํ อหํ จกฺขุนา วิย มนสา ปสฺสามิ. นมสฺสมาโน วิวเสมิ รตฺตินฺติ นมสฺสมาโนว รตฺตึ อตินาเมมิ. เตน เตเนว นโตติ เยน ทิสาภาเคน พุทฺโธ, เตน เตเนวาหมฺปิ นโต ตนฺนินฺโน ตปฺโปโณติ ทสฺเสติ.

๑๑๕๑. ทุพฺพลถามกสฺสาติ อปฺปถามกสฺส, อถ วา ทุพฺพลสฺส ทุตฺถามกสฺส จ พลวีริยหีนสฺสาติ วุตฺตํ โหติ. เตเนว กาโย น ปเลตีติ เตเนว ทุพฺพลถามกตฺเตน กาโย น คจฺฉติ, เยน วา พุทฺโธ, เตน น คจฺฉติ. ‘‘น ปเรตี’’ติปิ ปาโ, โส เอวตฺโถ. ตตฺถาติ พุทฺธสฺส สนฺติเก. สงฺกปฺปยนฺตายาติ สงฺกปฺปคมเนน. เตน ยุตฺโตติ เยน พุทฺโธ, เตน ยุตฺโต ปยุตฺโต อนุยุตฺโตติ ทสฺเสติ.

๑๑๕๒. ปงฺเก สยาโนติ กามกทฺทเม สยมาโน. ทีปา ทีปํ อุปปฺลวินฺติ สตฺถาราทิโต สตฺถาราทึ อภิคจฺฉึ. อถทฺทสาสึ สมฺพุทฺธนฺติ โสหํ เอวํ ทุทฺทิฏฺึ คเหตฺวา อนฺวาหิณฺฑนฺโต อถ ปาสาณเก เจติเย พุทฺธมทฺทกฺขึ.

๑๑๕๓. อิมิสฺสา คาถาย อวสาเน ปิงฺคิยสฺส จ พาวริสฺส จ อินฺทฺริยปริปากํ วิทิตฺวา ภควา สาวตฺถิยํ ิโตเยว สุวณฺโณภาสํ มุฺจิ. ปิงฺคิโย พาวริสฺส พุทฺธคุเณ วณฺณยนฺโต นิสินฺโน เอว ตํ โอภาสํ ทิสฺวา ‘‘กึ อิท’’นฺติ วิโลเกนฺโต ภควนฺตํ อตฺตโน ปุรโต ิตํ วิย ทิสฺวา พาวริพฺราหฺมณสฺส ‘‘พุทฺโธ อาคโต’’ติ อาโรเจสิ, พฺราหฺมโณ อุฏฺายาสนา อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา อฏฺาสิ. ภควาปิ โอภาสํ ผริตฺวา พฺราหฺมณสฺส อตฺตานํ ทสฺเสนฺโต อุภินฺนมฺปิ สปฺปายํ วิทิตฺวา ปิงฺคิยเมว อาลปมาโน ‘‘ยถา อหู วกฺกลี’’ติ อิมํ คาถมภาสิ.

ตสฺสตฺโถ – ยถา วกฺกลิตฺเถโร สทฺธาธิมุตฺโต อโหสิ, สทฺธาธุเรน จ อรหตฺตํ ปาปุณิ. ยถา จ โสฬสนฺนํ เอโก ภทฺราวุโธ นาม ยถา จ อาฬวิ โคตโม, เอวเมว ตฺวมฺปิ ปมุฺจสฺสุ สทฺธํ. ตโต สทฺธาย อธิมุจฺจนฺโต ‘‘สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา’’ติอาทินา นเยน วิปสฺสนํ อารภิตฺวา มจฺจุเธยฺยสฺส ปารํ นิพฺพานํ คมิสฺสสีติ อรหตฺตนิกูเฏเนว เทสนํ นิฏฺาเปสิ. เทสนาปริโยสาเน ปิงฺคิโย อรหตฺเต พาวรี อนาคามิผเล ปติฏฺหิ. พาวริพฺราหฺมณสฺส สิสฺสา ปน ปฺจสตา โสตาปนฺนา อเหสุํ.

๑๑๕๔-๕. อิทานิ ปิงฺคิโย อตฺตโน ปสาทํ ปเวเทนฺโต ‘‘เอส ภิยฺโย’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ปฏิภานวาติ ปฏิภานปฏิสมฺภิทาย อุเปโต. อธิเทเว อภิฺายาติ อธิเทวกเร ธมฺเม ตฺวา. ปโรวรนฺติ หีนปณีตํ, อตฺตโน จ ปรสฺส จ อธิเทวตฺตกรํ สพฺพํ ธมฺมชาตํ เวทีติ วุตฺตํ โหติ. กงฺขีนํ ปฏิชานตนฺติ กงฺขีนํเยว สตํ ‘‘นิกฺกงฺขมฺหา’’ติ ปฏิชานนฺตานํ.

๑๑๕๖. อสํหีรนฺติ ราคาทีหิ อสํหาริยํ. อสํกุปฺปนฺติ อกุปฺปํ อวิปริณามธมฺมํ. ทฺวีหิปิ ปเทหิ นิพฺพานํ ภณติ. อทฺธา คมิสฺสามีติ เอกํเสเนว ตํ อนุปาทิเสสํ นิพฺพานธาตุํ คมิสฺสามิ. น เมตฺถ กงฺขาติ นตฺถิ เม เอตฺถ นิพฺพาเน กงฺขา. เอวํ มํ ธาเรหิ อธิมุตฺตจิตฺตนฺติ ปิงฺคิโย ‘‘เอวเมว ตฺวมฺปิ ปมุฺจสฺสุ สทฺธ’’นฺติ. อิมินา ภควโต โอวาเทน อตฺตนิ สทฺธํ อุปฺปาเทตฺวา สทฺธาธุเรเนว จ วิมุฺจิตฺวา ตํ สทฺธาธิมุตฺตตํ ปกาเสนฺโต ภควนฺตํ อาห – ‘‘เอวํ มํ ธาเรหิ อธิมุตฺตจิตฺต’’นฺติ. อยเมตฺถ อธิปฺปาโย ‘‘ยถา มํ ตฺวํ อวจ, เอวเมว อธิมุตฺตํ ธาเรหี’’ติ.

อิติ ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย

สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย โสฬสพฺราหฺมณสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.

นิฏฺิโต จ ปฺจโม วคฺโค อตฺถวณฺณนานยโต, นาเมน

ปารายนวคฺโคติ.

นิคมนกถา

เอตฺตาวตา จ ยํ วุตฺตํ –

‘‘อุตฺตมํ วนฺทเนยฺยานํ, วนฺทิตฺวา รตนตฺตยํ;

โย ขุทฺทกนิกายมฺหิ, ขุทฺทาจารปฺปหายินา.

‘‘เทสิโต โลกนาเถน, โลกนิตฺถรเณสินา;

ตสฺส สุตฺตนิปาตสฺส, กริสฺสามตฺถวณฺณน’’นฺติ.

เอตฺถ อุรควคฺคาทิปฺจวคฺคสงฺคหิตสฺส อุรคสุตฺตาทิสตฺตติสุตฺตปฺปเภทสฺส สุตฺตนิปาตสฺส อตฺถวณฺณนา กตา โหติ. เตเนตํ วุจฺจติ –

‘‘อิมํ สุตฺตนิปาตสฺส, กโรนฺเตนตฺถวณฺณนํ;

สทฺธมฺมฏฺิติกาเมน, ยํ ปตฺตํ กุสลํ มยา.

‘‘ตสฺสานุภาวโต ขิปฺปํ, ธมฺเม อริยปฺปเวทิเต;

วุฑฺฒึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ, ปาปุณาตุ อยํ ชโน’’ติ.

(ปริยตฺติปฺปมาณโต จตุจตฺตาลีสมตฺตา ภาณวารา.)

ปรมวิสุทฺธสทฺธาพุทฺธิวีริยปฺปฏิมณฺฑิเตน สีลาจารชฺชวมทฺทวาทิคุณสมุทยสมุทิเตน สกสมยสมยนฺตรคหนชฺโฌคาหณสมตฺเถน ปฺาเวยฺยตฺติยสมนฺนาคเตน ติปิฏกปริยตฺติปฺปเภเท สาฏฺกเถ สตฺถุสาสเน อปฺปฏิหตาณปฺปภาเวน มหาเวยฺยากรเณน กรณสมฺปตฺติชนิตสุขวินิคฺคตมธุโรทารวจนลาวณฺณยุตฺเตน ยุตฺตมุตฺตวาทินา วาทีวเรน มหากวินา ฉฬภิฺาปฏิสมฺภิทาทิปฺปเภทคุณปฏิมณฺฑิเต อุตฺตริมนุสฺสธมฺเม สุปฺปติฏฺิตพุทฺธีนํ เถรวํสปฺปทีปานํ เถรานํ มหาวิหารวาสีนํ วํสาลงฺการภูเตน วิปุลวิสุทฺธพุทฺธินา พุทฺธโฆโสติ ครูหิ คหิตนามเธยฺเยน เถเรน กตา อยํ ปรมตฺถโชติกา นาม สุตฺตนิปาต-อฏฺกถา –

ตาว ติฏฺตุ โลกสฺมึ, โลกนิตฺถรเณสินํ;

ทสฺเสนฺตี กุลปุตฺตานํ, นยํ ปฺาวิสุทฺธิยา.

ยาว พุทฺโธติ นามมฺปิ, สุทฺธจิตฺตสฺส ตาทิโน;

โลกมฺหิ โลกเชฏฺสฺส, ปวตฺตติ มเหสิโนติ.

สุตฺตนิปาต-อตฺถวณฺณนา นิฏฺิตา.