📜
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
ขุทฺทกนิกาเย
สุตฺตนิปาต-อฏฺกถา
(ทุติโย ภาโค)
๒. จูฬวคฺโค
๔. มงฺคลสุตฺตวณฺณนา
เอวํ ¶ ¶ ¶ เม สุตนฺติ มงฺคลสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? ชมฺพุทีเป กิร ตตฺถ ตตฺถ นครทฺวารสนฺถาคารสภาทีสุ มหาชนา สนฺนิปติตฺวา หิรฺสุวณฺณํ ทตฺวา นานปฺปการํ สีตาหรณาทิพาหิรกกถํ กถาเปนฺติ, เอเกกา กถา จตุมาสจฺจเยน นิฏฺาติ. ตตฺถ เอกทิวสํ มงฺคลกถา สมุฏฺาสิ – ‘‘กึ นุ โข มงฺคลํ, กึ ทิฏฺํ มงฺคลํ, สุตํ มงฺคลํ, มุตํ มงฺคลํ, โก มงฺคลํ ชานาตี’’ติ?
อถ ¶ ทิฏฺมงฺคลิโก นาเมโก ปุริโส อาห – ‘‘อหํ มงฺคลํ ชานามิ, ทิฏฺํ โลเก มงฺคลํ, ทิฏฺํ นาม อภิมงฺคลสมฺมตํ รูปํ. เสยฺยถิทํ – อิเธกจฺโจ กาลสฺเสว วุฏฺาย จาตกสกุณํ วา ปสฺสติ, เพลุวลฏฺึ วา คพฺภินึ วา กุมารเก วา อลงฺกตปฏิยตฺเต ปุณฺณฆฏํ วา อลฺลโรหิตมจฺฉํ วา อาชฺํ วา อาชฺรถํ วา อุสภํ วา คาวึ วา กปิลํ วา, ยํ วา ปนฺมฺปิ กิฺจิ เอวรูปํ อภิมงฺคลสมฺมตํ รูปํ ปสฺสติ, อิทํ วุจฺจติ ทิฏฺมงฺคล’’นฺติ. ตสฺส วจนํ เอกจฺเจ อคฺคเหสุํ, เอกจฺเจ นาคฺคเหสุํ. เย นาคฺคเหสุํ, เต เตน สห วิวทึสุ.
อถ ¶ สุตมงฺคลิโก นาเมโก ปุริโส อาห – ‘‘จกฺขุ นาเมตํ, โภ, สุจิมฺปิ อสุจิมฺปิ ปสฺสติ, ตถา สุนฺทรมฺปิ อสุนฺทรมฺปิ, มนาปมฺปิ อมนาปมฺปิ. ยทิ เตน ทิฏฺํ มงฺคลํ สิยา, สพฺพมฺปิ มงฺคลํ สิยา, ตสฺมา น ทิฏฺํ มงฺคลํ, อปิจ โข ปน สุตํ มงฺคลํ, สุตํ นาม อภิมงฺคลสมฺมโต สทฺโท. เสยฺยถิทํ – อิเธกจฺโจ กาลสฺเสว วุฏฺาย วฑฺฒาติ วา วฑฺฒมานาติ วา ปุณฺณาติ วา ผุสฺสาติ วา สุมนาติ วา สิรีติ วา สิริวฑฺฒาติ วา อชฺช สุนกฺขตฺตํ สุมุหุตฺตํ สุทิวสํ สุมงฺคลนฺติ เอวรูปํ วา ยํกิฺจิ อภิมงฺคลสมฺมตํ สทฺทํ สุณาติ, อิทํ วุจฺจติ สุตมงฺคล’’นฺติ. ตสฺสปิ วจนํ เอกจฺเจ อคฺคเหสุํ, เอกจฺเจ นาคฺคเหสุํ. เย นาคฺคเหสุํ, เต เตน สห วิวทึสุ.
อถ มุตมงฺคลิโก นาเมโก ปุริโส อาห – ‘‘โสตมฺปิ หิ นาเมตํ โภ สาธุมฺปิ อสาธุมฺปิ มนาปมฺปิ อมนาปมฺปิ สุณาติ. ยทิ เตน สุตํ มงฺคลํ สิยา, สพฺพมฺปิ มงฺคลํ สิยา, ตสฺมา น สุตํ มงฺคลํ, อปิจ โข ปน มุตํ มงฺคลํ, มุตํ นาม อภิมงฺคลสมฺมตํ คนฺธรสโผฏฺพฺพํ. เสยฺยถิทํ – อิเธกจฺโจ กาลสฺเสว วุฏฺาย ปทุมคนฺธาทิปุปฺผคนฺธํ วา ฆายติ, ผุสฺสทนฺตกฏฺํ วา ขาทติ, ปถวึ วา อามสติ, หริตสสฺสํ วา อลฺลโคมยํ วา กจฺฉปํ วา ติลวาหํ วา ปุปฺผํ วา ผลํ วา อามสติ, ผุสฺสมตฺติกาย วา สมฺมา ลิมฺปติ, ผุสฺสสาฏกํ วา นิวาเสติ, ผุสฺสเวนํ วา ธาเรติ, ยํ วา ปนฺมฺปิ กิฺจิ เอวรูปํ อภิมงฺคลสมฺมตํ คนฺธํ วา ฆายติ, รสํ วา สายติ, โผฏฺพฺพํ วา ผุสติ, อิทํ วุจฺจติ มุตมงฺคล’’นฺติ. ตสฺสปิ วจนํ เอกจฺเจ อคฺคเหสุํ, เอกจฺเจ นาคฺคเหสุํ.
ตตฺถ น ทิฏฺมงฺคลิโก สุตมุตมงฺคลิเก อสกฺขิ สฺาเปตุํ. น เตสํ อฺตโร อิตเร ทฺเว. เตสุ จ มนุสฺเสสุ เย ทิฏฺมงฺคลิกสฺส วจนํ คณฺหึสุ, เต ‘‘ทิฏฺํเยว มงฺคล’’นฺติ คตา. เย สุตมุตมงฺคลิกานํ วจนํ คณฺหึสุ, เต ‘‘สุตํเยว มุตํเยว มงฺคล’’นฺติ คตา. เอวมยํ มงฺคลกถา สกลชมฺพุทีเป ปากฏา ชาตา.
อถ สกลชมฺพุทีเป มนุสฺสา คุมฺพคุมฺพา หุตฺวา ‘‘กึ นุ โข มงฺคล’’นฺติ มงฺคลานิ จินฺตยึสุ ¶ . เตสํ มนุสฺสานํ อารกฺขเทวตา ตํ กถํ สุตฺวา ตเถว มงฺคลานิ จินฺตยึสุ. ตาสํ เทวตานํ ภุมฺมเทวตา มิตฺตา โหนฺติ, อถ ตโต สุตฺวา ภุมฺมเทวตาปิ ตเถว มงฺคลานิ จินฺตยึสุ. ตาสมฺปิ เทวตานํ อากาสฏฺเทวตา มิตฺตา โหนฺติ, อากาสฏฺเทวตานํ จาตุมหาราชิกเทวตา. เอเตเนว อุปาเยน ยาว สุทสฺสีเทวตานํ ¶ อกนิฏฺเทวตา มิตฺตา โหนฺติ, อถ ตโต สุตฺวา อกนิฏฺเทวตาปิ ตเถว คุมฺพคุมฺพา หุตฺวา มงฺคลานิ จินฺตยึสุ. เอวํ ทสสหสฺสจกฺกวาเฬสุ สพฺพตฺถ มงฺคลจินฺตา อุทปาทิ. อุปฺปนฺนา จ สา ‘‘อิทํ มงฺคลํ อิทํ มงฺคล’’นฺติ วินิจฺฉิยมานาปิ อปฺปตฺตา เอว วินิจฺฉยํ ทฺวาทส วสฺสานิ อฏฺาสิ. สพฺเพ มนุสฺสา จ เทวา จ พฺรหฺมาโน จ เปตฺวา อริยสาวเก ทิฏฺสุตมุตวเสน ติธา ภินฺนา. เอโกปิ ‘‘อิทเมว มงฺคล’’นฺติ ยถาภุจฺจโต นิฏฺงฺคโต นาโหสิ, มงฺคลโกลาหลํ โลเก อุปฺปชฺชิ.
โกลาหลํ นาม ปฺจวิธํ – กปฺปโกลาหลํ, จกฺกวตฺติโกลาหลํ, พุทฺธโกลาหลํ, มงฺคลโกลาหลํ, โมเนยฺยโกลาหลนฺติ. ตตฺถ กามาวจรเทวา มุตฺตสิรา วิกิณฺณเกสา รุทมฺมุขา อสฺสูนิ หตฺเถหิ ปฺุฉมานา รตฺตวตฺถนิวตฺถา อติวิย วิรูปเวสธาริโน หุตฺวา, ‘‘วสฺสสตสหสฺสสฺส อจฺจเยน กปฺปุฏฺานํ ภวิสฺสติ. อยํ โลโก วินสฺสิสฺสติ, มหาสมุทฺโท สุสฺสิสฺสติ, อยฺจ มหาปถวี สิเนรุ จ ปพฺพตราชา อุฑฺฒยฺหิสฺสติ วินสฺสิสฺสติ, ยาว พฺรหฺมโลกา โลกวินาโส ภวิสฺสติ. เมตฺตํ, มาริสา, ภาเวถ, กรุณํ มุทิตํ อุเปกฺขํ, มาริสา, ภาเวถ, มาตรํ อุปฏฺหถ, ปิตรํ อุปฏฺหถ, กุเล เชฏฺาปจายิโน โหถ, ชาครถ มา ปมาทตฺถา’’ติ มนุสฺสปเถ วิจริตฺวา อาโรเจนฺติ. อิทํ กปฺปโกลาหลํ นาม.
กามาวจรเทวาเยว ‘‘วสฺสสตสฺสจฺจเยน จกฺกวตฺติราชา โลเก อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ มนุสฺสปเถ วิจริตฺวา อาโรเจนฺติ. อิทํ จกฺกวตฺติโกลาหลํ นาม.
สุทฺธาวาสา ปน เทวา พฺรหฺมาภรเณน อลงฺกริตฺวา พฺรหฺมเวนํ สีเส กตฺวา ปีติโสมนสฺสชาตา พุทฺธคุณวาทิโน ‘‘วสฺสสหสฺสสฺส อจฺจเยน พุทฺโธ โลเก อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ มนุสฺสปเถ วิจริตฺวา อาโรเจนฺติ. อิทํ พุทฺธโกลาหลํ นาม.
สุทฺธาวาสา เอว เทวา มนุสฺสานํ จิตฺตํ ตฺวา ‘‘ทฺวาทสนฺนํ วสฺสานํ อจฺจเยน สมฺมาสมฺพุทฺโธ มงฺคลํ กเถสฺสตี’’ติ มนุสฺสปเถ วิจริตฺวา อาโรเจนฺติ. อิทํ มงฺคลโกลาหลํ นาม.
สุทฺธาวาสา ¶ เอว เทวา ‘‘สตฺตนฺนํ วสฺสานํ อจฺจเยน อฺตโร ภิกฺขุ ภควตา สทฺธึ สมาคมฺม โมเนยฺยปฏิปทํ ปุจฺฉิสฺสตี’’ติ มนุสฺสปเถ วิจริตฺวา อาโรเจนฺติ. อิทํ โมเนยฺยโกลาหลํ ¶ นาม. อิเมสุ ปฺจสุ โกลาหเลสุ ทิฏฺมงฺคลาทิวเสน ติธา ภินฺเนสุ เทวมนุสฺเสสุ อิทํ มงฺคลโกลาหลํ โลเก อุปฺปชฺชิ.
อถ เทเวสุ จ มนุสฺเสสุ จ วิจินิตฺวา วิจินิตฺวา มงฺคลานิ อลภมาเนสุ ทฺวาทสนฺนํ วสฺสานํ อจฺจเยน ตาวตึสกายิกา เทวตา สงฺคมฺม สมาคมฺม เอวํ สมจินฺเตสุํ – ‘‘เสยฺยถาปิ นาม, มาริสา, ฆรสามิโก อนฺโตฆรชนานํ, คามสามิโก คามวาสีนํ, ราชา สพฺพมนุสฺสานํ, เอวเมวํ อยํ สกฺโก เทวานมินฺโท อมฺหากํ อคฺโค จ เสฏฺโ จ ยทิทํ ปฺุเน เตเชน อิสฺสริเยน ปฺาย ทฺวินฺนํ เทวโลกานํ อธิปติ. ยํนูน มยํ สกฺกํ เทวานมินฺทํ เอตมตฺถํ ปุจฺเฉยฺยามา’’ติ. ตา สกฺกสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา สกฺกํ เทวานมินฺทํ ตงฺขณานุรูปนิวาสนาภรณสสฺสิริกสรีรํ อฑฺฒเตยฺยโกฏิอจฺฉราคณปริวุตํ ปาริจฺฉตฺตกมูเล ปณฺฑุกมฺพลวราสเน นิสินฺนํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ ตฺวา เอตทโวจุํ – ‘‘ยคฺเฆ, มาริส, ชาเนยฺยาสิ, เอตรหิ มงฺคลปฺหา สมุฏฺิตา, เอเก ทิฏฺํ มงฺคลนฺติ วทนฺติ, เอเก สุตํ มงฺคลนฺติ วทนฺติ, เอเก มุตํ มงฺคลนฺติ วทนฺติ. ตตฺถ มยฺจ อฺเ จ อนิฏฺงฺคตา, สาธุ วต โน ตฺวํ ยาถาวโต พฺยากโรหี’’ติ. เทวราชา ปกติยาปิ ปฺวา ‘‘อยํ มงฺคลกถา กตฺถ ปมํ สมุฏฺิตา’’ติ อาห. ‘‘มยํ เทว จาตุมหาราชิกานํ อสฺสุมฺหา’’ติ อาหํสุ. ตโต จาตุมหาราชิกา อากาสฏฺเทวตานํ, อากาสฏฺเทวตา ภุมฺมเทวตานํ, ภุมฺมเทวตา มนุสฺสารกฺขเทวตานํ, มนุสฺสารกฺขเทวตา ‘‘มนุสฺสโลเก สมุฏฺิตา’’ติ อาหํสุ.
อถ เทวานมินฺโท ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ กตฺถ วสตี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘มนุสฺสโลเก, เทวา’’ติ อาหํสุ. ‘‘ตํ ภควนฺตํ โกจิ ปุจฺฉี’’ติ อาห. ‘‘น โกจิ เทวา’’ติ. ‘‘กึ นุ โข นาม ตุมฺเห มาริสา อคฺคึ ฉฑฺเฑตฺวา ขชฺโชปนกํ อุชฺชาเลถ, เย อนวเสสมงฺคลเทสกํ ตํ ภควนฺตํ อติกฺกมิตฺวา มํ ปุจฺฉิตพฺพํ มฺถ? อาคจฺฉถ, มาริสา, ตํ ภควนฺตํ ปุจฺฉาม, อทฺธา สสฺสิริกํ ปฺหพฺยากรณํ ลภิสฺสามา’’ติ เอกํ เทวปุตฺตํ อาณาเปสิ – ‘‘ตฺวํ ภควนฺตํ ปุจฺฉา’’ติ. โส เทวปุตฺโต ตงฺขณานุรูเปน ¶ อลงฺกาเรน อตฺตานํ อลงฺกริตฺวา วิชฺชุริว วิชฺโชตมาโน เทวคณปริวุโต เชตวนมหาวิหารํ อาคนฺตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ ตฺวา มงฺคลปฺหํ ปุจฺฉนฺโต คาถาย อชฺฌภาสิ. ภควา ตสฺส ตํ ปฺหํ วิสฺสชฺเชนฺโต อิมํ สุตฺตมภาสิ.
ตตฺถ เอวํ เม สุตนฺติอาทีนมตฺโถ สงฺเขปโต กสิภารทฺวาชสุตฺตวณฺณนายํ วุตฺโต, วิตฺถารํ ปน อิจฺฉนฺเตหิ ปปฺจสูทนิยา มชฺฌิมฏฺกถายํ วุตฺตนเยน คเหตพฺโพ. กสิภารทฺวาชสุตฺเต จ ‘‘มคเธสุ วิหรติ ทกฺขิณาคิริสฺมึ เอกนาฬายํ พฺราหฺมณคาเม’’ติ วุตฺตํ, อิธ ‘‘สาวตฺถิยํ วิหรติ ¶ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม’’ติ. ตสฺมา ‘‘สาวตฺถิย’’นฺติ อิมํ ปทํ อาทึ กตฺวา อิธ อปุพฺพปทวณฺณนํ กริสฺสาม.
เสยฺยถิทํ, สาวตฺถิยนฺติ เอวํนามเก นคเร. ตํ กิร สวตฺถสฺส นาม อิสิโน นิวาสฏฺานํ อโหสิ. ตสฺมา ยถา กุสมฺพสฺส นิวาโส โกสมฺพี, กากณฺฑสฺส นิวาโส กากณฺฑีติ, เอวํ อิตฺถิลิงฺควเสน ‘‘สาวตฺถี’’ติ วุจฺจติ. โปราณา ปน วณฺณยนฺติ – ยสฺมา ตสฺมึ าเน สตฺถสมาโยเค ‘‘กึภณฺฑมตฺถี’’ติ ปุจฺฉิเต ‘‘สพฺพมตฺถี’’ติ อาหํสุ, ตสฺมา ตํ วจนมุปาทาย ‘‘สาวตฺถี’’ติ วุจฺจติ. ตสฺสํ สาวตฺถิยํ. เอเตนสฺส โคจรคาโม ทีปิโต โหติ. เชโต นาม ราชกุมาโร, เตน โรปิตสํวฑฺฒิตตฺตา ตสฺส เชตสฺส วนนฺติ เชตวนํ, ตสฺมึ เชตวเน. อนาถานํ ปิณฺโฑ เอตสฺมึ อตฺถีติ อนาถปิณฺฑิโก, ตสฺส อนาถปิณฺฑิกสฺส. อนาถปิณฺฑิเกน คหปตินา จตุปณฺณาสโกฏิปริจฺจาเคน นิฏฺาปิตาราเมติ อตฺโถ. เอเตนสฺส ปพฺพชิตานุรูปนิวาโสกาโส ทีปิโต โหติ.
อถาติ อวิจฺเฉทตฺเถ, โขติ อธิการนฺตรนิทสฺสนตฺเถ นิปาโต. เตน อวิจฺฉินฺเนเยว ตตฺถ ภควโต วิหาเร ‘‘อิทมธิการนฺตรํ อุทปาที’’ติ ทสฺเสติ. กึ ตนฺติ? อฺตรา เทวตาติอาทิ. ตตฺถ อฺตราติ อนิยมิตนิทฺเทโส. สา หิ นามโคตฺตโต อปากฏา, ตสฺมา ‘‘อฺตรา’’ติ วุตฺตา. เทโว เอว เทวตา, อิตฺถิปุริสสาธารณเมตํ. อิธ ปน ปุริโส เอว โส เทวปุตฺโต, กินฺตุ สาธารณนามวเสน ‘‘เทวตา’’ติ วุตฺโต.
อภิกฺกนฺตาย ¶ รตฺติยาติ เอตฺถ อภิกฺกนฺตสทฺโท ขยสุนฺทราภิรูปอพฺภนุโมทนาทีสุ ทิสฺสติ. ตตฺถ ‘‘อภิกฺกนฺตา, ภนฺเต, รตฺติ, นิกฺขนฺโต ปโม ยาโม, จิรนิสินฺโน ภิกฺขุสงฺโฆ. อุทฺทิสตุ, ภควา ภิกฺขูนํ ปาติโมกฺข’’นฺติ เอวมาทีสุ (จูฬว. ๓๘๓; อ. นิ. ๘.๒๐; อุทา. ๔๕) ขเย ทิสฺสติ. ‘‘อยํ อิเมสํ จตุนฺนํ ปุคฺคลานํ อภิกฺกนฺตตโร จ ปณีตตโร จา’’ติ เอวมาทีสุ (อ. นิ. ๔.๑๐๐) สุนฺทเร.
‘‘โก เม วนฺทติ ปาทานิ, อิทฺธิยา ยสสา ชลํ;
อภิกฺกนฺเตน วณฺเณน, สพฺพา โอภาสยํ ทิสา’’ติ. (วิ. ว. ๘๕๗) –
เอวมาทีสุ อภิรูเป. ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม, อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตมา’’ติ เอวมาทีสุ (อ. นิ. ๒.๑๖; ปารา. ๑๕) อพฺภนุโมทเน. อิธ ปน ขเย. เตน อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา, ปริกฺขีณาย รตฺติยาติ วุตฺตํ โหติ.
อภิกฺกนฺตวณฺณาติ ¶ เอตฺถ อภิกฺกนฺตสทฺโท อภิรูเป, วณฺณสทฺโท ปน ฉวิถุติกุลวคฺคการณสณฺานปฺปมาณรูปายตนาทีสุ ทิสฺสติ. ตตฺถ ‘‘สุวณฺณวณฺโณสิ ภควา’’ติ เอวมาทีสุ (ม. นิ. ๒.๓๙๙; สุ. นิ. ๕๕๓) ฉวิยํ. ‘‘กทา สฺูฬฺหา ปน เต, คหปติ, อิเม สมณสฺส โคตมสฺส วณฺณา’’ติ เอวมาทีสุ (ม. นิ. ๒.๗๗) ถุติยํ. ‘‘จตฺตาโรเม, โภ โคตม, วณฺณา’’ติ เอวมาทีสุ (ที. นิ. ๓.๑๑๕) กุลวคฺเค. ‘‘อถ เกน นุ วณฺเณน, คนฺธตฺเถโนติ วุจฺจตี’’ติ เอวมาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๒๓๔) การเณ. ‘‘มหนฺตํ หตฺถิราชวณฺณํ อภินิมฺมินิตฺวา’’ติ เอวมาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๑๓๘) สณฺาเน. ‘‘ตโย ปตฺตสฺส วณฺณา’’ติ เอวมาทีสุ ปมาเณ. ‘‘วณฺโณ คนฺโธ รโส โอชา’’ติ เอวมาทีสุ รูปายตเน. โส อิธ ฉวิยํ ทฏฺพฺโพ. เตน อภิกฺกนฺตวณฺณา อภิรูปจฺฉวีติ วุตฺตํ โหติ.
เกวลกปฺปนฺติ เอตฺถ เกวลสทฺโท อนวเสสเยภุยฺยอพฺยามิสฺสอนติเรกทฬฺหตฺถวิสํโยคาทิอเนกตฺโถ. ตถา หิสฺส ‘‘เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริย’’นฺติ เอวมาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๕๕; ปารา. ๑) อนวเสสตา อตฺโถ. ‘‘เกวลกปฺปา จ องฺคมาคธา ปหูตํ ขาทนียํ โภชนียํ อาทาย อุปสงฺกมิสฺสนฺตี’’ติ ¶ เอวมาทีสุ (มหาว. ๔๓) เยภุยฺยตา. ‘‘เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุทโย โหตี’’ติ เอวมาทีสุ (วิภ. ๒๒๕) อพฺยามิสฺสตา. ‘‘เกวลํ สทฺธามตฺตกํ นูน อยมายสฺมา’’ติ เอวมาทีสุ (มหาว. ๒๔๔) อนติเรกตา. ‘‘อายสฺมโต ภนฺเต อนุรุทฺธสฺส พาหิโก นาม สทฺธิวิหาริโก เกวลกปฺปํ สงฺฆเภทาย ิโต’’ติ เอวมาทีสุ (อ. นิ. ๔.๒๔๓) ทฬฺหตฺถตา. ‘‘เกวลี วุสิตวา อุตฺตมปุริโสติ วุจฺจตี’’ติ เอวมาทีสุ (สํ. นิ. ๓.๕๗) วิสํโยโค. อิธ ปนสฺส อนวเสสโต อตฺโถ อธิปฺเปโต.
กปฺปสทฺโท ปนายํ อภิสทฺทหนโวหารกาลปฺตฺติเฉทนวิกปฺปเลสสมนฺตภาวาทิอเนกตฺโถ. ตถา หิสฺส ‘‘โอกปฺปนิยเมตํ โภโต โคตมสฺส, ยตา ตํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสา’’ติ เอวมาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๘๗) อภิสทฺทหนมตฺโถ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปฺจหิ สมณกปฺเปหิ ผลํ ปริภฺุชิตุ’’นฺติ เอวมาทีสุ (จูฬว. ๒๕๐) โวหาโร. ‘‘เยน สุทํ นิจฺจกปฺปํ วิหรามี’’ติ เอวมาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๘๗) กาโล. ‘‘อิจฺจายสฺมา กปฺโป’’ติ เอวมาทีสุ (สุ. นิ. ๑๐๙๘; จูฬนิ. กปฺปมาณวปุจฺฉา ๑๑๗) ปฺตฺติ. ‘‘อลงฺกโต กปฺปิตเกสมสฺสู’’ติ เอวมาทีสุ (ชา. ๒.๒๒.๑๓๖๘) เฉทนํ. ‘‘กปฺปติ ทฺวงฺคุลกปฺโป’’ติ เอวมาทีสุ (จูฬว. ๔๔๖) วิกปฺโป. ‘‘อตฺถิ กปฺโป นิปชฺชิตุ’’นฺติ เอวมาทีสุ (อ. นิ. ๘.๘๐) เลโส. ‘‘เกวลกปฺปํ เวฬุวนํ โอภาเสตฺวา’’ติ เอวมาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๙๔) สมนฺตภาโว. อิธ ปนสฺส สมนฺตภาโว อตฺโถติ อธิปฺเปโต. ยโต เกวลกปฺปํ เชตวนนฺติ เอตฺถ อนวเสสํ สมนฺตโต เชตวนนฺติ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
โอภาเสตฺวาติ ¶ อาภาย ผริตฺวา, จนฺทิมา วิย สูริโย วิย จ เอโกภาสํ เอกปชฺโชตํ กริตฺวาติ อตฺโถ.
เยน ภควา เตนุปสงฺกมีติ ภุมฺมตฺเถ กรณวจนํ, ยโต ยตฺถ ภควา, ตตฺถ อุปสงฺกมีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เยน วา การเณน ภควา เทวมนุสฺเสหิ อุปสงฺกมิตพฺโพ, เตเนว การเณน อุปสงฺกมีติ เอวมฺเปตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เกน จ การเณน ภควา อุปสงฺกมิตพฺโพ? นานปฺปการคุณวิเสสาธิคมาธิปฺปาเยน สาทุผลูปโภคาธิปฺปาเยน ทิชคเณหิ นิจฺจผลิตมหารุกฺโข วิย. อุปสงฺกมีติ จ คตาติ ¶ วุตฺตํ โหติ. อุปสงฺกมิตฺวาติ อุปสงฺกมนปริโยสานทีปนํ. อถ วา เอวํ คตา ตโต อาสนฺนตรํ านํ ภควโต สมีปสงฺขาตํ คนฺตฺวาติปิ วุตฺตํ โหติ. ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวาติ ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ปณมิตฺวา นมสฺสิตฺวา.
เอกมนฺตนฺติ ภาวนปุํสกนิทฺเทโส, เอโกกาสํ เอกปสฺสนฺติ วุตฺตํ โหติ. ภุมฺมตฺเถ วา อุปโยควจนํ. อฏฺาสีติ นิสชฺชาทิปฏิกฺเขโป, านํ กปฺเปสิ, ิตา อโหสีติ อตฺโถ.
กถํ ิตา ปน สา เอกมนฺตํ ิตา อหูติ?
‘‘น ปจฺฉโต น ปุรโต, นาปิ อาสนฺนทูรโต;
น กจฺเฉ โนปิ ปฏิวาเต, น จาปิ โอณตุณฺณเต;
อิเม โทเส วิวชฺเชตฺวา, เอกมนฺตํ ิตา อหู’’ติ.
กสฺมา ปนายํ อฏฺาสิ เอว, น นิสีทีติ? ลหุํ นิวตฺติตุกามตาย. เทวตา หิ กฺจิเทว อตฺถวสํ ปฏิจฺจ สุจิปุริโส วิย วจฺจฏฺานํ มนุสฺสโลกํ อาคจฺฉนฺติ. ปกติยา ปเนตาสํ โยชนสตโต ปภุติ มนุสฺสโลโก ทุคฺคนฺธตาย ปฏิกูโล โหติ, น ตตฺถ อภิรมนฺติ. เตน สา อาคตกิจฺจํ กตฺวา ลหุํ นิวตฺติตุกามตาย น นิสีทิ. ยสฺส จ คมนาทิอิริยาปถปริสฺสมสฺส วิโนทนตฺถํ นิสีทนฺติ, โส เทวานํ ปริสฺสโม นตฺถิ, ตสฺมาปิ น นิสีทิ. เย จ มหาสาวกา ภควนฺตํ ปริวาเรตฺวา ิตา, เต ปติมาเนสิ, ตสฺมาปิ น นิสีทิ. อปิจ ภควติ คารเวเนว น นิสีทิ. เทวานฺหิ นิสีทิตุกามานํ อาสนํ นิพฺพตฺตติ, ตํ อนิจฺฉมานา นิสชฺชาย จิตฺตมฺปิ อกตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ.
เอกมนฺตํ ิตา โข สา เทวตาติ เอวํ อิเมหิ การเณหิ เอกมนฺตํ ิตา โข สา เทวตา. ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสีติ ภควนฺตํ คาถาย อกฺขรปทนิยมิตคนฺถิเตน วจเนน อภาสีติ อตฺโถ.
๒๖๑. ตตฺถ ¶ พหูติ อนิยมิตสงฺขฺยานิทฺเทโส. เตน อเนกสตา อเนกสหสฺสา อเนกสตสหสฺสาติ วุตฺตํ โหติ. ทิพฺพนฺตีติ เทวา, ปฺจหิ กามคุเณหิ กีฬนฺติ, อตฺตโน วา สิริยา โชตนฺตีติ อตฺโถ. อปิจ ติวิธา เทวา สมฺมุติอุปปตฺติวิสุทฺธิวเสน. ยถาห –
‘‘เทวาติ ¶ ตโย เทวา สมฺมุติเทวา, อุปปตฺติเทวา, วิสุทฺธิเทวา. ตตฺถ สมฺมุติเทวา นาม ราชาโน, เทวิโย, ราชกุมารา. อุปปตฺติเทวา นาม จาตุมหาราชิเก เทเว อุปาทาย ตทุตฺตริเทวา. วิสุทฺธิเทวา นาม อรหนฺโต วุจฺจนฺตี’’ติ (จูฬนิ. โธตกมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๓๒, ปารายนานุคีติคาถานิทฺเทส ๑๑๙).
เตสุ อิธ อุปปตฺติเทวา อธิปฺเปตา. มนุโน อปจฺจาติ มนุสฺสา. โปราณา ปน ภณนฺติ – มนสฺส อุสฺสนฺนตาย มนุสฺสา. เต ชมฺพุทีปกา, อปรโคยานกา, อุตฺตรกุรุกา, ปุพฺพวิเทหกาติ จตุพฺพิธา. อิธ ชมฺพุทีปกา อธิปฺเปตา. มงฺคลนฺติ อิเมหิ สตฺตาติ มงฺคลานิ, อิทฺธึ วุทฺธิฺจ ปาปุณนฺตีติ อตฺโถ. อจินฺตยุนฺติ จินฺเตสุํ. อากงฺขมานาติ อิจฺฉมานา ปตฺถยมานา ปิหยมานา. โสตฺถานนฺติ โสตฺถิภาวํ, สพฺเพสํ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกานํ โสภนานํ สุนฺทรานํ กลฺยาณานํ ธมฺมานมตฺถิตนฺติ วุตฺตํ โหติ. พฺรูหีติ เทเสหิ ปกาเสหิ อาจิกฺข วิวร วิภช อุตฺตานีกโรหิ. มงฺคลนฺติ อิทฺธิการณํ วุทฺธิการณํ สพฺพสมฺปตฺติการณํ. อุตฺตมนฺติ วิสิฏฺํ ปวรํ สพฺพโลกหิตสุขาวหนฺติ อยํ คาถาย อนุปุพฺพปทวณฺณนา.
อยํ ปน ปิณฺฑตฺโถ – โส เทวปุตฺโต ทสสหสฺสจกฺกวาเฬสุ เทวตา มงฺคลปฺหํ โสตุกามตาย อิมสฺมึ เอกจกฺกวาเฬ สนฺนิปติตฺวา เอกวาลคฺคโกฏิโอกาสมตฺเต ทสปิ วีสมฺปิ ตึสมฺปิ จตฺตาลีสมฺปิ ปฺาสมฺปิ สฏฺิปิ สตฺตติปิ อสีติปิ สุขุมตฺตภาเว นิมฺมินิตฺวา สพฺพเทวมารพฺรหฺมาโน สิริยา จ เตชสา จ อธิคยฺห วิโรจมานํ ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสินฺนํ ภควนฺตํ ปริวาเรตฺวา ิตา ทิสฺวา ตสฺมึ จ สมเย อนาคตานมฺปิ สกลชมฺพุทีปกานํ มนุสฺสานํ เจตสา เจโตปริวิตกฺกมฺาย สพฺพเทวมนุสฺสานํ วิจิกิจฺฉาสลฺลสมุทฺธรณตฺถํ อาห – ‘‘พหู เทวา มนุสฺสา จ, มงฺคลานิ อจินฺตยุํ, อากงฺขมานา โสตฺถานํ อตฺตโน โสตฺถิภาวํ อิจฺฉนฺตา, พฺรูหิ มงฺคลมุตฺตมํ, เตสํ เทวานํ อนุมติยา มนุสฺสานฺจ อนุคฺคเหน มยา ปุฏฺโ สมาโน ยํ สพฺเพสเมว อมฺหากํ เอกนฺตหิตสุขาวหนโต อุตฺตมํ มงฺคลํ, ตํ โน อนุกมฺปํ อุปาทาย พฺรูหิ ภควา’’ติ.
๒๖๒. เอวเมตํ ¶ เทวปุตฺตสฺส วจนํ สุตฺวา ภควา ‘‘อเสวนา จ พาลาน’’นฺติ คาถมาห. ตตฺถ อเสวนาติ อภชนา อปยิรุปาสนา. พาลานนฺติ พลนฺติ อสฺสสนฺตีติ พาลา, อสฺสสิตปสฺสสิตมตฺเตน ชีวนฺติ, น ปฺาชีวิเตนาติ อธิปฺปาโย. เตสํ พาลานํ ปณฺฑิตานนฺติ ¶ ปณฺฑนฺตีติ ปณฺฑิตา, สนฺทิฏฺิกสมฺปรายิเกสุ อตฺเถสุ าณคติยา คจฺฉนฺตีติ อธิปฺปาโย. เตสํ ปณฺฑิตานํ. เสวนาติ ภชนา ปยิรุปาสนา ตํสหายตา ตํสมฺปวงฺกตา. ปูชาติ สกฺการครุการมานนวนฺทนา. ปูชเนยฺยานนฺติ ปูชารหานํ. เอตํ มงฺคลมุตฺตมนฺติ ยา จ พาลานํ อเสวนา, ยา จ ปณฺฑิตานํ เสวนา, ยา จ ปูชเนยฺยานํ ปูชา, ตํ สพฺพํ สมฺปิณฺเฑตฺวา อาห เอตํ มงฺคลมุตฺตมนฺติ. ยํ ตยา ปุฏฺํ ‘‘พฺรูหิ มงฺคลมุตฺตม’’นฺติ, เอตฺถ ตาว เอตํ มงฺคลมุตฺตมนฺติ คณฺหาหีติ วุตฺตํ โหติ. อยเมติสฺสา คาถาย ปทวณฺณนา.
อตฺถวณฺณนา ปนสฺสา เอวํ เวทิตพฺพา – เอวเมตํ เทวปุตฺตสฺส วจนํ สุตฺวา ภควา อิมํ คาถมาห. ตตฺถ ยสฺมา จตุพฺพิธา กถา ปุจฺฉิตกถา, อปุจฺฉิตกถา, สานุสนฺธิกถา, อนนุสนฺธิกถาติ. ตตฺถ ‘‘ปุจฺฉามิ ตํ, โคตม, ภูริปฺํ, กถํกโร สาวโก สาธุ โหตี’’ติ (สุ. นิ. ๓๗๘) จ, ‘‘กถํ นุ ตฺวํ, มาริส, โอฆมตรี’’ติ (สํ. นิ. ๑.๑) จ เอวมาทีสุ ปุจฺฉิเตน กถิกา ปุจฺฉิตกถา. ‘‘ยํ ปเร สุขโต อาหุ, ตทริยา อาหุ ทุกฺขโต’’ติ เอวมาทีสุ (สุ. นิ. ๗๖๗) อปุจฺฉิเตน อตฺตชฺฌาสยวเสเนว กถิตา อปุจฺฉิตกถา. สพฺพาปิ พุทฺธานํ กถา ‘‘สนิทานาหํ, ภิกฺขเว, ธมฺมํ เทเสมี’’ติ (อ. นิ. ๓.๑๒๖; กถา. ๘๐๖) วจนโต สานุสนฺธิกถา. อนนุสนฺธิกถา อิมสฺมึ สาสเน นตฺถิ. เอวเมตาสุ กถาสุ อยํ เทวปุตฺเตน ปุจฺฉิเตน ภควตา กถิตตฺตา ปุจฺฉิตกถา. ปุจฺฉิตกถายฺจ ยถา เฉโก ปุริโส กุสโล มคฺคสฺส, กุสโล อมคฺคสฺส, มคฺคํ ปุฏฺโ ปมํ วิชหิตพฺพํ อาจิกฺขิตฺวา ปจฺฉา คเหตพฺพํ อาจิกฺขติ – ‘‘อสุกสฺมึ นาม าเน ทฺเวธาปโถ โหติ, ตตฺถ วามํ มฺุจิตฺวา ทกฺขิณํ คณฺหถา’’ติ, เอวํ เสวิตพฺพาเสวิตพฺเพสุ อเสวิตพฺพํ อาจิกฺขิตฺวา เสวิตพฺพํ อาจิกฺขติ. ภควา จ มคฺคกุสลปุริสสทิโส. ยถาห –
‘‘ปุริโส มคฺคกุสโลติ โข, ติสฺส, ตถาคตสฺเสตํ อธิวจนํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสา’’ติ (สํ. นิ. ๓.๘๔).
โส ¶ หิ กุสโล อิมสฺส โลกสฺส, กุสโล ปรสฺส โลกสฺส, กุสโล มจฺจุเธยฺยสฺส, กุสโล อมจฺจุเธยฺยสฺส, กุสโล มารเธยฺยสฺส, กุสโล อมารเธยฺยสฺสาติ. ตสฺมา ปมํ อเสวิตพฺพํ อาจิกฺขิตฺวา เสวิตพฺพํ อาจิกฺขนฺโต อาห – ‘‘อเสวนา จ พาลานํ, ปณฺฑิตานฺจ เสวนา’’ติ. วิชหิตพฺพมคฺโค วิย หิ ปมํ พาลา น เสวิตพฺพา น ปยิรุปาสิตพฺพา, ตโต คเหตพฺพมคฺโค วิย ปณฺฑิตา เสวิตพฺพา ปยิรุปาสิตพฺพาติ.
กสฺมา ปน ภควตา มงฺคลํ กเถนฺเตน ปมํ พาลานํ อเสวนา ปณฺฑิตานฺจ เสวนา กถิตาติ? วุจฺจเต – ยสฺมา อิมํ ทิฏฺาทีสุ มงฺคลทิฏฺึ พาลเสวนาย เทวมนุสฺสา คณฺหึสุ, สา ¶ จ อมงฺคลํ, ตสฺมา เนสํ ตํ อิธโลกตฺถปรโลกตฺถภฺชกํ อกลฺยาณมิตฺตสํสคฺคํ ครหนฺเตน อุภยโลกตฺถสาธกฺจ กลฺยาณมิตฺตสํสคฺคํ ปสํสนฺเตน ภควตา ปมํ พาลานํ อเสวนา ปณฺฑิตานฺจ เสวนา กถิตาติ.
ตตฺถ พาลา นาม เย เกจิ ปาณาติปาตาทิอกุสลกมฺมปถสมนฺนาคตา สตฺตา. เต ตีหากาเรหิ ชานิตพฺพา. ยถาห – ‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, พาลสฺส พาลลกฺขณานี’’ติ (อ. นิ. ๓.๓; ม. นิ. ๓.๒๔๖) สุตฺตํ. อปิจ ปูรณกสฺสปาทโย ฉ สตฺถาโร เทวทตฺตโกกาลิกกฏโมทกติสฺสขณฺฑเทวิยาปุตฺตสมุทฺททตฺตจิฺจมาณวิกาทโย อตีตกาเล จ ทีฆวิทสฺส ภาตาติ อิเม อฺเ จ เอวรูปา สตฺตา พาลาติ เวทิตพฺพา.
เต อคฺคิปทิตฺตมิว องฺคารํ อตฺตนา ทุคฺคหิเตน อตฺตานฺจ อตฺตโน วจนการเก จ วินาเสนฺติ, ยถา ทีฆวิทสฺส ภาตา จตุพุทฺธนฺตรํ สฏฺิโยชนมตฺเตน อตฺตภาเวน อุตฺตาโน ปติโต มหานิรเย ปจฺจติ, ยถา จ ตสฺส ทิฏฺึ อภิรุจิกานิ ปฺจ กุลสตานิ ตสฺเสว สหพฺยตํ อุปปนฺนานิ นิรเย ปจฺจนฺติ. วุตฺตํ เหตํ –
‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, นฬาคารา วา ติณาคารา วา อคฺคิ มุตฺโต กูฏาคารานิปิ ฑหติ อุลฺลิตฺตาวลิตฺตานิ นิวาตานิ ผุสิตคฺคฬานิ ปิหิตวาตปานานิ, เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ยานิ กานิจิ ¶ ภยานิ อุปฺปชฺชนฺติ, สพฺพานิ ตานิ พาลโต อุปฺปชฺชนฺติ, โน ปณฺฑิตโต. เย เกจิ อุปทฺทวา อุปฺปชฺชนฺติ…เป… เย เกจิ อุปสคฺคา…เป… โน ปณฺฑิตโต. อิติ โข, ภิกฺขเว, สปฺปฏิภโย พาโล, อปฺปฏิภโย ปณฺฑิโต. สอุปทฺทโว พาโล, อนุปทฺทโว ปณฺฑิโต, สอุปสคฺโค พาโล, อนุปสคฺโค ปณฺฑิโต’’ติ (อ. นิ. ๓.๑).
อปิจ ปูติมจฺฉสทิโส พาโล, ปูติมจฺฉพนฺธปตฺตปุฏสทิโส โหติ ตทุปเสวี, ฉฑฺฑนียตํ ชิคุจฺฉนียตฺจ อาปชฺชติ วิฺูนํ. วุตฺตฺเจตํ –
‘‘ปูติมจฺฉํ กุสคฺเคน, โย นโร อุปนยฺหติ;
กุสาปิ ปูตี วายนฺติ, เอวํ พาลูปเสวนา’’ติ. (อิติวุ. ๗๖; ชา. ๑.๑๕.๑๘๓; ๒.๒๒.๑๒๕๗);
อกิตฺติปณฺฑิโต จาปิ สกฺเกน เทวานมินฺเทน วเร ทิยฺยมาเน เอวมาห –
‘‘พาลํ ¶ น ปสฺเส น สุเณ, น จ พาเลน สํวเส;
พาเลนลฺลาปสลฺลาปํ, น กเร น จ โรจเย.
‘‘กินฺนุ เต อกรํ พาโล, วท กสฺสป การณํ;
เกน กสฺสป พาลสฺส, ทสฺสนํ นาภิกงฺขสิ.
‘‘อนยํ นยติ ทุมฺเมโธ, อธุรายํ นิยฺุชติ;
ทุนฺนโย เสยฺยโส โหติ, สมฺมา วุตฺโต ปกุปฺปติ;
วินยํ โส น ชานาติ, สาธุ ตสฺส อทสฺสน’’นฺติ. (ชา. ๑.๑๓.๙๐-๙๒);
เอวํ ภควา สพฺพากาเรน พาลูปเสวนํ ครหนฺโต พาลานํ อเสวนํ ‘‘มงฺคล’’นฺติ วตฺวา อิทานิ ปณฺฑิตเสวนํ ปสํสนฺโต ‘‘ปณฺฑิตานฺจ เสวนา มงฺคล’’นฺติ อาห. ตตฺถ ปณฺฑิตา นาม เย เกจิ ปาณาติปาตาเวรมณิอาทิทสกุสลกมฺมปถสมนฺนาคตา สตฺตา, เต ตีหากาเรหิ ชานิตพฺพา. ยถาห – ‘‘ตีณิมานิ, ภิกฺขเว, ปณฺฑิตสฺส ปณฺฑิตลกฺขณานี’’ติ (อ. นิ. ๓.๓; ม. นิ. ๓.๒๕๓) วุตฺตํ. อปิจ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธอสีติมหาสาวกา อฺเ จ ตถาคตสฺส สาวกา สุเนตฺตมหาโควินฺทวิธุรสรภงฺคมโหสธสุตโสมนิมิราช- อโยฆรกุมารอกิตฺติปณฺฑิตาทโย จ ปณฺฑิตาติ เวทิตพฺพา.
เต ¶ ภเย วิย รกฺขา, อนฺธกาเร วิย ปทีโป, ขุปฺปิปาสาทิทุกฺขาภิภเว วิย อนฺนปานาทิปฏิลาโภ, อตฺตโน วจนกรานํ สพฺพภยอุปทฺทวูปสคฺควิทฺธํสนสมตฺถา โหนฺติ. ตถา หิ ตถาคตํ อาคมฺม อสงฺขฺเยยฺยา อปริมาณา เทวมนุสฺสา อาสวกฺขยํ ปตฺตา, พฺรหฺมโลเก ปติฏฺิตา, เทวโลเก ปติฏฺิตา, สุคติโลเก อุปฺปนฺนา. สาริปุตฺตตฺเถเร จิตฺตํ ปสาเทตฺวา จตูหิ ปจฺจเยหิ เถรํ อุปฏฺหิตฺวา อสีติ กุลสหสฺสานิ สคฺเค นิพฺพตฺตานิ. ตถา มหาโมคฺคลฺลานมหากสฺสปปฺปภุตีสุ สพฺพมหาสาวเกสุ, สุเนตฺตสฺส สตฺถุโน สาวกา อปฺเปกจฺเจ พฺรหฺมโลเก อุปฺปชฺชึสุ, อปฺเปกจฺเจ ปรนิมฺมิตวสวตฺตีนํ เทวานํ สหพฺยตํ…เป… อปฺเปกจฺเจ คหปติมหาสาลกุลานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชึสุ. วุตฺตฺเจตํ –
‘‘นตฺถิ, ภิกฺขเว, ปณฺฑิตโต ภยํ, นตฺถิ ปณฺฑิตโต อุปทฺทโว, นตฺถิ ปณฺฑิตโต อุปสคฺโค’’ติ (อ. นิ. ๓.๑).
อปิจ ¶ ตครมาลาทิคนฺธภณฺฑสทิโส ปณฺฑิโต, ตครมาลาทิคนฺธภณฺฑปลิเวนปตฺตสทิโส โหติ ตทุปเสวี, ภาวนียตํ มนฺุตฺจ อาปชฺชติ วิฺูนํ. วุตฺตฺเจตํ –
‘‘ตครฺจ ปลาเสน, โย นโร อุปนยฺหติ;
ปตฺตาปิ สุรภี วายนฺติ, เอวํ ธีรูปเสวนา’’ติ. (อิติวุ. ๗๖; ชา. ๑.๑๕.๑๘๔; ๒.๒๒.๑๒๕๘);
อกิตฺติปณฺฑิโต จาปิ สกฺเกน เทวานมินฺเทน วเร ทิยฺยมาเน เอวมาห –
‘‘ธีรํ ปสฺเส สุเณ ธีรํ, ธีเรน สห สํวเส;
ธีเรนลฺลาปสลฺลาปํ, ตํ กเร ตฺจ โรจเย.
‘‘กินฺนุ เต อกรํ ธีโร, วท กสฺสป การณํ;
เกน กสฺสป ธีรสฺส, ทสฺสนํ อภิกงฺขสิ.
‘‘นยํ นยติ เมธาวี, อธุรายํ น ยฺุชติ;
สุนโย เสยฺยโส โหติ, สมฺมา วุตฺโต น กุปฺปติ;
วินยํ โส ปชานาติ, สาธุ เตน สมาคโม’’ติ. (ชา. ๑.๑๓.๙๔-๙๖);
เอวํ ภควา สพฺพากาเรน ปณฺฑิตเสวนํ ปสํสนฺโต, ปณฺฑิตานํ เสวนํ ‘‘มงฺคล’’นฺติ วตฺวา อิทานิ ตาย พาลานํ อเสวนาย ปณฺฑิตานํ ¶ เสวนาย จ อนุปุพฺเพน ปูชเนยฺยภาวํ อุปคตานํ ปูชํ ปสํสนฺโต ‘‘ปูชา จ ปูชเนยฺยานํ เอตํ มงฺคลมุตฺตม’’นฺติ อาห. ตตฺถ ปูชเนยฺยา นาม สพฺพโทสวิรหิตตฺตา สพฺพคุณสมนฺนาคตตฺตา จ พุทฺธา ภควนฺโต, ตโต ปจฺฉา ปจฺเจกพุทฺธา อริยสาวกา จ. เตสฺหิ ปูชา อปฺปกาปิ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย โหติ, สุมนมาลาการมลฺลิกาทโย เจตฺถ นิทสฺสนํ.
ตตฺเถกํ นิทสฺสนมตฺตํ ภณาม. ภควา กิร เอกทิวสํ ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ราชคหํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. อถ โข สุมนมาลากาโร รฺโ มาคธสฺส เสนิยสฺส พิมฺพิสารสฺส ปุปฺผานิ คเหตฺวา คจฺฉนฺโต อทฺทส ภควนฺตํ นครทฺวารํ อนุปฺปตฺตํ ปาสาทิกํ ปสาทนียํ ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณาสีตานุพฺยฺชนปฏิมณฺฑิตํ พุทฺธสิริยา ชลนฺตํ. ทิสฺวานสฺส เอตทโหสิ – ‘‘ราชา ปุปฺผานิ คเหตฺวา สตํ วา สหสฺสํ วา ทเทยฺย, ตฺจ อิธโลกมตฺตเมว สุขํ ภเวยฺย, ภควโต ปน ปูชา อปฺปเมยฺยอสงฺขฺเยยฺยผลา ทีฆรตฺตํ หิตสุขาวหา ¶ โหติ. หนฺทาหํ อิเมหิ ปุปฺเผหิ ภควนฺตํ ปูเชมี’’ติ ปสนฺนจิตฺโต เอกํ ปุปฺผมุฏฺึ คเหตฺวา ภควโต ปฏิมุขํ ขิปิ, ปุปฺผานิ อากาเสน คนฺตฺวา ภควโต อุปริ มาลาวิตานํ หุตฺวา อฏฺํสุ. มาลากาโร ตํ อานุภาวํ ทิสฺวา ปสนฺนตรจิตฺโต ปุน เอกํ ปุปฺผมุฏฺึ ขิปิ, ตานิ คนฺตฺวา มาลากฺจุโก หุตฺวา อฏฺํสุ. เอวํ อฏฺ ปุปฺผมุฏฺิโย ขิปิ, ตานิ คนฺตฺวา ปุปฺผกูฏาคารํ หุตฺวา อฏฺํสุ. ภควา อนฺโตกูฏาคาเร วิย อโหสิ, มหาชนกาโย สนฺนิปติ. ภควา มาลาการํ ปสฺสนฺโต สิตํ ปาตฺวากาสิ. อานนฺทตฺเถโร ‘‘น พุทฺธา อเหตุ อปฺปจฺจยา สิตํ ปาตุกโรนฺตี’’ติ สิตการณํ ปุจฺฉิ. ภควา อาห – ‘‘เอโส, อานนฺท, มาลากาโร อิมิสฺสา ปูชาย อานุภาเวน สตสหสฺสกปฺเป เทเวสุ จ มนุสฺเสสุ จ สํสริตฺวา ปริโยสาเน สุมนิสฺสโร นาม ปจฺเจกพุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ. วจนปริโยสาเน จ ธมฺมเทสนตฺถํ อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘ตฺจ กมฺมํ กตํ สาธุ, ยํ กตฺวา นานุตปฺปติ;
ยสฺส ปตีโต สุมโน, วิปากํ ปฏิเสวตี’’ติ. (ธ. ป. ๖๘);
คาถาปริโยสาเน จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ, เอวํ อปฺปกาปิ เตสํ ปูชา ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย ¶ โหตีติ เวทิตพฺพา. สา จ อามิสปูชาว โก ปน วาโท ปฏิปตฺติปูชาย. ยโต เย กุลปุตฺตา สรณคมเนน สิกฺขาปทปฏิคฺคหเณน อุโปสถงฺคสมาทาเนน จตุปาริสุทฺธิสีลาทีหิ จ อตฺตโน คุเณหิ ภควนฺตํ ปูเชนฺติ, โก เตสํ ปูชาย ผลํ วณฺณยิสฺสติ. เต หิ ตถาคตํ ปรมาย ปูชาย ปูเชนฺตีติ วุตฺตา. ยถาห –
‘‘โย โข, อานนฺท, ภิกฺขุ วา ภิกฺขุนี วา อุปาสโก วา อุปาสิกา วา ธมฺมานุธมฺมปฏิปนฺโน วิหรติ สามีจิปฺปฏิปนฺโน อนุธมฺมจารี, โส ตถาคตํ สกฺกโรติ ครุํ กโรติ มาเนติ ปูเชติ อปจิยติ ปรมาย ปูชายา’’ติ.
เอเตนานุสาเรน ปจฺเจกพุทฺธอริยสาวกานมฺปิ ปูชาย หิตสุขาวหตา เวทิตพฺพา.
อปิจ คหฏฺานํ กนิฏฺสฺส เชฏฺโ ภาตาปิ ภคินีปิ ปูชเนยฺยา, ปุตฺตสฺส มาตาปิตโร, กุลวธูนํ สามิกสสฺสุสสุราติ เอวมฺเปตฺถ ปูชเนยฺยา เวทิตพฺพา. เอเตสมฺปิ หิ ปูชา กุสลธมฺมสงฺขาตตฺตา อายุอาทิวฑฺฒิเหตุตฺตา จ มงฺคลเมว. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘เต มตฺเตยฺยา ภวิสฺสนฺติ เปตฺเตยฺยา สามฺา พฺรหฺมฺา กุเล เชฏฺาปจายิโน, อิทํ กุสลํ ¶ ธมฺมํ สมาทาย วตฺติสฺสนฺติ. เต เตสํ กุสลานํ ธมฺมานํ สมาทานเหตุ อายุนาปิ วฑฺฒิสฺสนฺติ, วณฺเณนปิ วฑฺฒิสฺสนฺตี’’ติอาทิ.
เอวเมติสฺสา คาถาย พาลานํ อเสวนา ปณฺฑิตานํ เสวนา ปูชเนยฺยานํ ปูชาติ ตีณิ มงฺคลานิ วุตฺตานิ. ตตฺถ พาลานํ อเสวนา พาลเสวนปจฺจยภยาทิปริตฺตาเณน อุภยโลกหิตเหตุตฺตา ปณฺฑิตานํ เสวนา ปูชเนยฺยานํ ปูชา จ ตาสํ ผลวิภูติวณฺณนายํ วุตฺตนเยเนว นิพฺพานสุคติเหตุตฺตา ‘‘มงฺคล’’นฺติ เวทิตพฺพา. อิโต ปรํ ตุ มาติกํ อทสฺเสตฺวา เอว ยํ ยตฺถ มงฺคลํ, ตํ ววตฺถเปสฺสาม, ตสฺส จ มงฺคลตฺตํ วิภาวยิสฺสามาติ.
นิฏฺิตา อเสวนา จ พาลานนฺติ อิมิสฺสา คาถาย อตฺถวณฺณนา.
๒๖๓. เอวํ ¶ ภควา ‘‘พฺรูหิ มงฺคลมุตฺตม’’นฺติ เอกํ อชฺเฌสิโตปิ อปฺปํ ยาจิโต พหุทายโก อุฬารปุริโส วิย เอกาย คาถาย ตีณิ มงฺคลานิ วตฺวา ตโต อุตฺตริปิ เทวตานํ โสตุกามตาย มงฺคลานฺจ อตฺถิตาย เยสํ เยสํ ยํ ยํ อนุกูลํ, เต เต สตฺเต ตตฺถ ตตฺถ มงฺคเล นิโยเชตุกามตาย จ ‘‘ปติรูปเทสวาโส จา’’ติอาทีหิ คาถาหิ ปุนปิ อเนกานิ มงฺคลานิ วตฺตุมารทฺโธ.
ตตฺถ ปมคาถาย ตาว ปติรูโปติ อนุจฺฉวิโก. เทโสติ คาโมปิ นิคโมปิ นครมฺปิ ชนปโทปิ โย โกจิ สตฺตานํ นิวาโสกาโส. วาโสติ ตตฺถ นิวาโส. ปุพฺเพติ ปุรา อตีตาสุ ชาตีสุ. กตปฺุตาติ อุปจิตกุสลตา. อตฺตาติ จิตฺตํ วุจฺจติ, สกโล วา อตฺตภาโว. สมฺมาปณิธีติ ตสฺส อตฺตโน สมฺมา ปณิธานํ นิยฺุชนํ, ปนนฺติ วุตฺตํ โหติ. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ อยเมตฺถ ปทวณฺณนา.
อตฺถวณฺณนา ปน เอวํ เวทิตพฺพา ปติรูปเทโส นาม ยตฺถ จตสฺโส ปริสา วิหรนฺติ, ทานาทีนิ ปฺุกิริยาวตฺถูนิ วตฺตนฺติ, นวงฺคํ สตฺถุ สาสนํ ทิปฺปติ. ตตฺถ นิวาโส สตฺตานํ ปฺุกิริยาย ปจฺจยตฺตา ‘‘มงฺคล’’นฺติ วุจฺจติ. สีหฬทีปปวิฏฺเกวฏฺฏาทโย เจตฺถ นิทสฺสนํ.
อปโร นโย – ปติรูปเทโส นาม ภควโต โพธิมณฺฑปฺปเทโส, ธมฺมจกฺกปฺปวตฺติตปฺปเทโส, ทฺวาทสโยชนาย ปริสาย มชฺเฌ สพฺพติตฺถิยมตํ ภินฺทิตฺวา ยมกปาฏิหาริยทสฺสิตกณฺฑมฺพรุกฺขมูลปฺปเทโส, เทโวโรหนปฺปเทโส, โย วา ปนฺโปิ สาวตฺถิราชคหาทิพุทฺธาทิวาสปฺปเทโส. ตตฺถ นิวาโส สตฺตานํ ฉอนุตฺตริยปฏิลาภปจฺจยโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ วุจฺจติ.
อปโร ¶ นโย – ปุรตฺถิมาย ทิสาย กชงฺคลํ นาม นิคโม, ตสฺส อปเรน มหาสาลา, ตโต ปรํ ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ. ทกฺขิณปุรตฺถิมาย ทิสาย สลฺลวตี นาม นที, ตโต ปรํ ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ. ทกฺขิณาย ทิสาย เสตกณฺณิกํ นาม นิคโม, ตโต ปรํ ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ. ปจฺฉิมาย ทิสาย ถูณํ นาม พฺราหฺมณคาโม, ตโต ปรํ ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ. อุตฺตราย ทิสาย อุสิรทฺธโช นาม ปพฺพโต, ตโต ปรํ ปจฺจนฺติมา ชนปทา ¶ , โอรโต มชฺเฌ (มหาว. ๒๕๙). อยํ มชฺฌิมปฺปเทโส อายาเมน ตีณิ โยชนสตานิ, วิตฺถาเรน อฑฺฒเตยฺยานิ, ปริกฺเขเปน นวโยชนสตานิ โหนฺติ, เอโส ปติรูปเทโส นาม.
เอตฺถ จตุนฺนํ มหาทีปานํ ทฺวิสหสฺสานํ ปริตฺตทีปานฺจ อิสฺสริยาธิปจฺจการกา จกฺกวตฺตี อุปฺปชฺชนฺติ, เอกํ อสงฺขฺเยยฺยํ กปฺปสตสหสฺสฺจ ปารมิโย ปูเรตฺวา สาริปุตฺตมหาโมคฺคลฺลานาทโย มหาสาวกา อุปฺปชฺชนฺติ, ทฺเว อสงฺขฺเยยฺยานิ กปฺปสตสหสฺสฺจ ปารมิโย ปูเรตฺวา ปจฺเจกพุทฺธา, จตฺตาริ อฏฺ โสฬส วา อสงฺขฺเยยฺยานิ กปฺปสตสหสฺสฺจ ปารมิโย ปูเรตฺวา สมฺมาสมฺพุทฺธา จ อุปฺปชฺชนฺติ. ตตฺถ สตฺตา จกฺกวตฺติรฺโ โอวาทํ คเหตฺวา ปฺจสุ สีเลสุ ปติฏฺาย สคฺคปรายณา โหนฺติ, ตถา ปจฺเจกพุทฺธานํ โอวาเท ปติฏฺาย. สมฺมาสมฺพุทฺธสาวกานํ ปน โอวาเท ปติฏฺาย สคฺคปรายณา นิพฺพานปรายณา จ โหนฺติ. ตสฺมา ตตฺถ วาโส อิมาสํ สมฺปตฺตีนํ ปจฺจยโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ วุจฺจติ.
ปุพฺเพ กตปฺุตา นาม อตีตชาติยํ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธขีณาสเว อารพฺภ อุปจิตกุสลตา, สาปิ มงฺคลํ. กสฺมา? พุทฺธปจฺเจกพุทฺเธ สมฺมุขโต ทสฺเสตฺวา พุทฺธานํ วา พุทฺธสาวกานํ วา สมฺมุขา สุตาย จตุปฺปทิกายปิ คาถาย ปริโยสาเน อรหตฺตํ ปาเปตีติ กตฺวา. โย จ มนุสฺโส ปุพฺเพ กตาธิกาโร อุสฺสนฺนกุสลมูโล โหติ, โส เตเนว กุสลมูเลน วิปสฺสนํ อุปฺปาเทตฺวา อาสวกฺขยํ ปาปุณาติ ยถา ราชา มหากปฺปิโน อคฺคมเหสี จ. เตน วุตฺตํ ‘‘ปุพฺเพ จ กตปฺุตา มงฺคล’’นฺติ.
อตฺตสมฺมาปณิธิ นาม อิเธกจฺโจ อตฺตานํ ทุสฺสีลํ สีเล ปติฏฺาเปติ, อสฺสทฺธํ สทฺธาสมฺปทาย ปติฏฺาเปติ, มจฺฉรึ จาคสมฺปทาย ปติฏฺาเปติ. อยํ วุจฺจติ ‘‘อตฺตสมฺมาปณิธี’’ติ. เอโส จ มงฺคลํ. กสฺมา? ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกเวรปฺปหานวิวิธานิสํสาธิคมเหตุโตติ.
เอวํ ¶ อิมิสฺสาปิ คาถาย ปติรูปเทสวาโส, ปุพฺเพ จ กตปฺุตา, อตฺตสมฺมาปณิธีติ ตีณิเยว มงฺคลานิ วุตฺตานิ, มงฺคลตฺตฺจ เนสํ ตตฺถ ตตฺถ วิภาวิตเมวาติ.
นิฏฺิตา ¶ ปติรูปเทสวาโส จาติ อิมิสฺสา คาถาย อตฺถวณฺณนา.
๒๖๔. อิทานิ พาหุสจฺจฺจาติ เอตฺถ พาหุสจฺจนฺติ พหุสฺสุตภาโว. สิปฺปนฺติ ยํกิฺจิ หตฺถโกสลฺลํ. วินโยติ กายวาจาจิตฺตวินยนํ. สุสิกฺขิโตติ สุฏฺุ สิกฺขิโต. สุภาสิตาติ สุฏฺุ ภาสิตา. ยาติ อนิยมนิทฺเทโส. วาจาติ คิรา พฺยปฺปโถ. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ. อยเมตฺถ ปทวณฺณนา.
อตฺถวณฺณนา ปน เอวํ เวทิตพฺพา – พาหุสจฺจํ นาม ยํ ตํ ‘‘สุตธโร โหติ สุตสนฺนิจโย’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๓๙; อ. นิ. ๔.๒๒) จ ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, เอกจฺจสฺส ปุคฺคลสฺส พหุกํ สุตํ โหติ สุตฺตํ เคยฺยํ เวยฺยากรณ’’นฺติ (อ. นิ. ๔.๖) จ เอวมาทินา นเยน สตฺถุสาสนธรตฺตํ วณฺณิตํ, ตํ อกุสลปฺปหานกุสลาธิคมเหตุโต อนุปุพฺเพน ปรมตฺถสจฺจสจฺฉิกิริยเหตุโต จ ‘‘มงฺคล’’นฺติ วุจฺจติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –
‘‘สุตวา จ โข, ภิกฺขเว, อริยสาวโก อกุสลํ ปชหติ, กุสลํ ภาเวติ, สาวชฺชํ ปชหติ, อนวชฺชํ ภาเวติ, สุทฺธมตฺตานํ ปริหรตี’’ติ (อ. นิ. ๗.๖๗).
อปรมฺปิ วุตฺตํ –
‘‘ธตานํ ธมฺมานํ อตฺถมุปปริกฺขติ, อตฺถํ อุปปริกฺขโต ธมฺมา นิชฺฌานํ ขมนฺติ, ธมฺมนิชฺฌานกฺขนฺติยา สติ ฉนฺโท ชายติ, ฉนฺทชาโต อุสฺสหติ, อุสฺสหนฺโต ตุลยติ, ตุลยนฺโต ปทหติ, ปทหนฺโต กาเยน เจว ปรมตฺถสจฺจํ สจฺฉิกโรติ, ปฺาย จ อติวิชฺฌ ปสฺสตี’’ติ (ม. นิ. ๒.๔๓๒).
อปิจ อคาริกพาหุสจฺจมฺปิ ยํ อนวชฺชํ, ตํ อุภยโลกหิตสุขาวหนโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ เวทิตพฺพํ.
สิปฺปํ ¶ นาม อคาริกสิปฺปฺจ อนคาริกสิปฺปฺจ. ตตฺถ อคาริกสิปฺปํ นาม ยํ ปรูปโรธวิรหิตํ อกุสลวิวชฺชิตํ มณิการสุวณฺณการกมฺมาทิ, ตํ อิธโลกตฺถาวหนโต มงฺคลํ. อนคาริกสิปฺปํ นาม จีวรวิจารณสิพฺพนาทิ สมณปริกฺขาราภิสงฺขรณํ, ยํ ตํ ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ยานิ ตานิ สพฺรหฺมจารีนํ อุจฺจาวจานิ กึกรณียานิ, ตตฺถ ทกฺโข โหตี’’ติอาทินา นเยน ตตฺถ ตตฺถ สํวณฺณิตํ, ยํ ‘‘นาถกรโณ ธมฺโม’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๔๕; อ. นิ. ๑๐.๑๗) จ ¶ วุตฺตํ, ตํ อตฺตโน จ ปเรสฺจ อุภยโลกหิตสุขาวหนโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ เวทิตพฺพํ.
วินโย นาม อคาริกวินโย จ อนคาริกวินโย จ. ตตฺถ อคาริกวินโย นาม ทสอกุสลกมฺมปถวิรมณํ, โส ตตฺถ อสํกิเลสาปชฺชเนน อาจารคุณววตฺถาเนน จ สุสิกฺขิโต อุภยโลกหิตสุขาวหนโต มงฺคลํ. อนคาริกวินโย นาม สตฺตาปตฺติกฺขนฺเธ อนาปชฺชนํ, โสปิ วุตฺตนเยเนว สุสิกฺขิโต. จตุปาริสุทฺธิสีลํ วา อนคาริกวินโย. โส ยถา ตตฺถ ปติฏฺาย อรหตฺตํ ปาปุณาติ, เอวํ สิกฺขเนน สุสิกฺขิโต โลกิยโลกุตฺตรสุขาธิคมเหตุโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ เวทิตพฺโพ.
สุภาสิตา วาจา นาม มุสาวาทาทิโทสวิรหิตา วาจา. ยถาห – ‘‘จตูหิ, ภิกฺขเว, องฺเคหิ สมนฺนาคตา วาจา สุภาสิตา โหตี’’ติ. อสมฺผปฺปลาปา วาจา เอว วา สุภาสิตา. ยถาห –
‘‘สุภาสิตํ อุตฺตมมาหุ สนฺโต,
ธมฺมํ ภเณ นาธมฺมํ ตํ ทุติยํ;
ปิยํ ภเณ นาปฺปิยํ ตํ ตติยํ,
สจฺจํ ภเณ นาลิกํ ตํ จตุตฺถ’’นฺติ. (สํ. นิ. ๑.๒๑๓; สุ. นิ. ๔๕๒);
อยมฺปิ อุภยโลกหิตสุขาวหนโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ เวทิตพฺพา. ยสฺมา จ อยํ วินยปริยาปนฺนา เอว, ตสฺมา วินยคฺคหเณน เอตํ อสงฺคณฺหิตฺวา วินโย สงฺคเหตพฺโพ. อถวา กึ อิมินา ปริสฺสเมน ปเรสํ ธมฺมเทสนาวาจา อิธ ‘‘สุภาสิตา วาจา’’ติ เวทิตพฺพา. สา ¶ หิ ยถา ปติรูปเทสวาโส, เอวํ สตฺตานํ อุภยโลกหิตสุขนิพฺพานาธิคมปจฺจยโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ วุจฺจติ. อาห จ –
‘‘ยํ พุทฺโธ ภาสติ วาจํ, เขมํ นิพฺพานปตฺติยา;
ทุกฺขสฺสนฺตกิริยาย, สา เว วาจานมุตฺตมา’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๒๑๓; สุ. นิ. ๔๕๖);
เอวํ อิมิสฺสา คาถาย พาหุสจฺจํ, สิปฺปํ, วินโย สุสิกฺขิโต, สุภาสิตา วาจาติ จตฺตาริ มงฺคลานิ วุตฺตานิ, มงฺคลตฺตฺจ เนสํ ตตฺถ ตตฺถ วิภาวิตเมวาติ.
นิฏฺิตา ¶ พาหุสจฺจฺจาติ อิมิสฺสา คาถาย อตฺถวณฺณนา.
๒๖๕. อิทานิ มาตาปิตุอุปฏฺานนฺติ เอตฺถ มาตุ จ ปิตุ จาติ มาตาปิตุ. อุปฏฺานนฺติ อุปฏฺหนํ. ปุตฺตานฺจ ทารานฺจาติ ปุตฺตทารสฺส. สงฺคณฺหนํ สงฺคโห. น อากุลา อนากุลา. กมฺมานิ เอว กมฺมนฺตา. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ อยํ ปทวณฺณนา.
อตฺถวณฺณนา ปน เอวํ เวทิตพฺพา – มาตา นาม ชนิกา วุจฺจติ, ตถา ปิตา. อุปฏฺานํ นาม ปาทโธวนสมฺพาหนอุจฺฉาทนนฺหาปเนหิ จตุปจฺจยสมฺปทาเนน จ อุปการกรณํ. ตตฺถ ยสฺมา มาตาปิตโร พหูปการา ปุตฺตานํ อตฺถกามา อนุกมฺปกา, ยํ ปุตฺตเก พหิ กีฬิตฺวา ปํสุมกฺขิตสรีรเก อาคเต ทิสฺวา ปํสุกํ ปฺุฉิตฺวา มตฺถกํ อุปสิงฺฆายนฺตา ปริจุมฺพนฺตา จ สิเนหํ อุปฺปาเทนฺติ, วสฺสสตมฺปิ มาตาปิตโร สีเสน ปริหรนฺตา ปุตฺตา เตสํ ปฏิการํ กาตุํ อสมตฺถา. ยสฺมา จ เต อาปาทกา โปสกา อิมสฺส โลกสฺส ทสฺเสตาโร พฺรหฺมสมฺมตา ปุพฺพาจริยสมฺมตา, ตสฺมา เตสํ อุปฏฺานํ อิธ ปสํสํ เปจฺจ สคฺคสุขฺจ อาวหติ, เตน ‘‘มงฺคล’’นฺติ วุจฺจติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –
‘‘พฺรหฺมาติ มาตาปิตโร, ปุพฺพาจริยาติ วุจฺจเร;
อาหุเนยฺยา จ ปุตฺตานํ, ปชาย อนุกมฺปกา.
‘‘ตสฺมา หิ เน นมสฺเสยฺย, สกฺกเรยฺย จ ปณฺฑิโต;
อนฺเนน อถ ปาเนน, วตฺเถน สยเนน จ.
‘‘อุจฺฉาทเนน ¶ นฺหาปเนน, ปาทานํ โธวเนน จ;
ตาย นํ ปาริจริยาย, มาตาปิตูสุ ปณฺฑิตา;
อิเธว นํ ปสํสนฺติ, เปจฺจ สคฺเค ปโมทตี’’ติ. (อ. นิ. ๓.๓๑; อิติวุ. ๑๐๖; ชา. ๒.๒๐.๑๘๑-๑๘๓);
อปโร นโย – อุปฏฺานํ นาม ภรณกิจฺจกรณกุลวํสฏฺปนาทิปฺจวิธํ, ตํ ปาปนิวารณาทิปฺจวิธทิฏฺธมฺมิกหิตเหตุโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ เวทิตพฺพํ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –
‘‘ปฺจหิ โข, คหปติปุตฺต, าเนหิ ปุตฺเตน ปุรตฺถิมา ทิสา มาตาปิตโร ปจฺจุปฏฺาตพฺพา ‘ภโต เน ภริสฺสามิ, กิจฺจํ เนสํ กริสฺสามิ, กุลวํสํ เปสฺสามิ, ทายชฺชํ ปฏิปชฺชิสฺสามิ, อถ วา ปน เปตานํ กาลกตานํ ทกฺขิณํ อนุปฺปทสฺสามี’ติ ¶ . อิเมหิ โข, คหปติปุตฺต, ปฺจหิ าเนหิ ปุตฺเตน ปุรตฺถิมา ทิสา มาตาปิตโร ปจฺจุปฏฺิตา ปฺจหิ าเนหิ ปุตฺตํ อนุกมฺปนฺติ, ปาปา นิวาเรนฺติ, กลฺยาเณ นิเวเสนฺติ, สิปฺปํ สิกฺขาเปนฺติ, ปติรูเปน ทาเรน สํโยเชนฺติ, สมเย ทายชฺชํ นิยฺยาเทนฺตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๒๖๗).
อปิจ โย มาตาปิตโร ตีสุ วตฺถูสุ ปสาทุปฺปาทเนน สีลสมาทาปเนน ปพฺพชฺชาย วา อุปฏฺหติ, อยํ มาตาปิตุอุปฏฺากานํ อคฺโค, ตสฺส ตํ มาตาปิตุอุปฏฺานํ มาตาปิตูหิ กตสฺส อุปการสฺส ปจฺจุปการภูตํ อเนเกสํ ทิฏฺธมฺมิกานํ สมฺปรายิกานฺจ อตฺถานํ ปทฏฺานโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ วุจฺจติ.
ปุตฺตทารสฺสาติ เอตฺถ อตฺตนา ชนิตา ปุตฺตาปิ ธีตโรปิ ‘‘ปุตฺตา’’ ตฺเวว สงฺขฺยํ คจฺฉนฺติ. ทาราติ วีสติยา ภริยานํ ยา กาจิ ภริยา. ปุตฺตา จ ทารา จ ปุตฺตทารํ, ตสฺส ปุตฺตทารสฺส. สงฺคโหติ สมฺมานนาทีหิ อุปการกรณํ. ตํ สุสํวิหิตกมฺมนฺตตาทิทิฏฺธมฺมิกหิตเหตุโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ เวทิตพฺพํ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา – ‘‘ปจฺฉิมา ทิสา ปุตฺตทารา เวทิตพฺพา’’ติ (ที. นิ. ๓.๒๖๖) เอตฺถ อุทฺทิฏฺํ ปุตฺตทารํ ภริยาสทฺเทน สงฺคณฺหิตฺวา –
‘‘ปฺจหิ ¶ โข, คหปติปุตฺต, าเนหิ สามิเกน ปจฺฉิมา ทิสา ภริยา ปจฺจุปฏฺาตพฺพา, สมฺมานนาย อนวมานนาย อนติจริยาย อิสฺสริยโวสฺสคฺเคน อลงฺการานุปฺปทาเนน. อิเมหิ โข, คหปติปุตฺต, ปฺจหิ าเนหิ สามิเกน ปจฺฉิมา ทิสา ภริยา ปจฺจุปฏฺิตา ปฺจหิ าเนหิ สามิกํ อนุกมฺปติ, สุสํวิหิตกมฺมนฺตา จ โหติ, สงฺคหิตปริชนา จ, อนติจารินี จ, สมฺภตฺจ อนุรกฺขติ, ทกฺขา จ โหติ อนลสา สพฺพกิจฺเจสู’’ติ (ที. นิ. ๓.๒๖๙).
อยํ วา อปโร นโย – สงฺคโหติ ธมฺมิกาหิ ทานปิยวาจอตฺถจริยาหิ สงฺคณฺหนํ. เสยฺยถิทํ – อุโปสถทิวเสสุ ปริพฺพยทานํ, นกฺขตฺตทิวเสสุ นกฺขตฺตทสฺสาปนํ, มงฺคลทิวเสสุ มงฺคลกรณํ, ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิเกสุ อตฺเถสุ โอวาทานุสาสนนฺติ. ตํ วุตฺตนเยเนว ทิฏฺธมฺมิกหิตเหตุโต สมฺปรายิกหิตเหตุโต เทวตาหิปิ นมสฺสนียภาวเหตุโต จ ‘‘มงฺคล’’นฺติ เวทิตพฺพํ. ยถาห สกฺโก เทวานมินฺโท –
‘‘เย คหฏฺา ปฺุกรา, สีลวนฺโต อุปาสกา;
ธมฺเมน ทารํ โปเสนฺติ, เต นมสฺสามิ มาตลี’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๒๖๔);
อนากุลา ¶ กมฺมนฺตา นาม กาลฺุตาย ปติรูปการิตาย อนลสตาย อุฏฺานวีริยสมฺปทาย อพฺยสนียตาย จ กาลาติกฺกมนอปฺปติรูปกรณากรณสิถิลกรณาทิอากุลภาววิรหิตา กสิโครกฺขวณิชฺชาทโย กมฺมนฺตา. เอเต อตฺตโน วา ปุตฺตทารสฺส วา ทาสกมฺมกรานํ วา พฺยตฺตตาย เอวํ ปโยชิตา ทิฏฺเว ธมฺเม ธนธฺวุฑฺฒิปฏิลาภเหตุโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ วุตฺตา. วุตฺตฺเจตํ ภควตา –
‘‘ปติรูปการี ธุรวา, อุฏฺาตา วินฺทเต ธน’’นฺติ. (สุ. นิ. ๑๘๙; สํ. นิ. ๑.๒๔๖) จ;
‘‘น ทิวา โสปฺปสีเลน, รตฺติมุฏฺานเทสฺสินา;
นิจฺจํ มตฺเตน โสณฺเฑน, สกฺกา อาวสิตุํ ฆรํ.
‘‘อติสีตํ อติอุณฺหํ, อติสายมิทํ อหุ;
อิติ วิสฺสฏฺกมฺมนฺเต, อตฺถา อจฺเจนฺติ มาณเว.
‘‘โยธ ¶ สีตฺจ อุณฺหฺจ, ติณา ภิยฺโย น มฺติ;
กรํ ปุริสกิจฺจานิ, โส สุขา น วิหายตี’’ติ. จ (ที. นิ. ๓.๒๕๓);
‘‘โภเค สํหรมานสฺส, ภมรสฺเสว อิรียโต;
โภคา สนฺนิจยํ ยนฺติ, วมฺมิโกวูปจียตี’’ติ. (ที. นิ. ๓.๒๖๕) –
จ เอวมาทิ.
เอวํ อิมิสฺสาปิ คาถาย มาตุปฏฺานํ, ปิตุปฏฺานํ, ปุตฺตทารสฺส สงฺคโห, อนากุลา จ กมฺมนฺตาติ จตฺตาริ มงฺคลานิ วุตฺตานิ, ปุตฺตทารสฺส สงฺคหํ วา ทฺวิธา กตฺวา ปฺจ, มาตาปิตุอุปฏฺานํ วา เอกเมว กตฺวา ตีณิ. มงฺคลตฺตฺจ เนสํ ตตฺถ ตตฺถ วิภาวิตเมวาติ.
นิฏฺิตา มาตาปิตุอุปฏฺานนฺติ อิมิสฺสา คาถาย อตฺถวณฺณนา.
๒๖๖. อิทานิ ทานฺจาติ เอตฺถ ทียเต อิมินาติ ทานํ, อตฺตโน สนฺตกํ ปรสฺส ปฏิปาทียตีติ วุตฺตํ โหติ. ธมฺมสฺส จริยา, ธมฺมา วา อนเปตา จริยา ธมฺมจริยา. ายนฺเต ¶ ‘‘อมฺหากํ อิเม’’ติ าตกา. น อวชฺชานิ อนวชฺชานิ, อนินฺทิตานิ อครหิตานีติ วุตฺตํ โหติ. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ อยํ ปทวณฺณนา.
อตฺถวณฺณนา ปน เอวํ เวทิตพฺพา – ทานํ นาม ปรํ อุทฺทิสฺส สุพุทฺธิปุพฺพิกา อนฺนาทิทสทานวตฺถุปริจฺจาคเจตนา ตํสมฺปยุตฺโต วา อโลโภ. อโลเภน หิ ตํ วตฺถุํ ปรสฺส ปฏิปาเทติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ทียเต อิมินาติ ทาน’’นฺติ. ตํ พหุชนปิยมนาปตาทีนํ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกานํ ผลวิเสสานํ อธิคมเหตุโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘ทายโก สีห ทานปติ พหุโน ชนสฺส ปิโย โหติ มนาโป’’ติ เอวมาทีนิ เจตฺถ สุตฺตานิ (อ. นิ. ๕.๓๔) อนุสฺสริตพฺพานิ.
อปโร นโย – ทานํ นาม ทุวิธํ อามิสทานฺจ, ธมฺมทานฺจ. ตตฺถ อามิสทานํ วุตฺตปฺปการเมว. อิธโลกปรโลกทุกฺขกฺขยสุขาวหสฺส ปน สมฺมาสมฺพุทฺธปฺปเวทิตสฺส ธมฺมสฺส ปเรสํ หิตกามตาย เทสนา ธมฺมทานํ. อิเมสฺจ ทฺวินฺนํ ทานานํ เอตเทว อคฺคํ. ยถาห –
‘‘สพฺพทานํ ¶ ธมฺมทานํ ชินาติ,
สพฺพรสํ ธมฺมรโส ชินาติ;
สพฺพรตึ ธมฺมรตี ชินาติ,
ตณฺหกฺขโย สพฺพทุกฺขํ ชินาตี’’ติ. (ธ. ป. ๓๕๔);
ตตฺถ อามิสทานสฺส มงฺคลตฺตํ วุตฺตเมว. ธมฺมทานํ ปน ยสฺมา อตฺถปฏิสํเวทิตาทีนํ คุณานํ ปทฏฺานํ, ตสฺมา ‘‘มงฺคล’’นฺติ วุจฺจติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –
‘‘ยถา ยถา, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ วิตฺถาเรน ปเรสํ เทเสติ, ตถา ตถา โส ตสฺมึ ธมฺเม อตฺถปฏิสํเวที จ โหติ ธมฺมปฏิสํเวที จา’’ติ เอวมาทิ (ที. นิ. ๓.๓๕๕; อ. นิ. ๕.๒๖).
ธมฺมจริยา นาม ทสกุสลกมฺมปถจริยา. ยถาห – ‘‘ติวิธํ โข, คหปตโย, กาเยน ธมฺมจริยาสมจริยา โหตี’’ติ เอวมาทิ. สา ปเนสา ธมฺมจริยา สคฺคโลกูปปตฺติเหตุโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ เวทิตพฺพา. วุตฺตฺเหตํ ภควตา – ‘‘ธมฺมจริยาสมจริยาเหตุ โข, คหปตโย, เอวมิเธกจฺเจ สตฺตา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชนฺตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๔๑).
าตกา ¶ นาม มาติโต วา ปิติโต วา ยาว สตฺตมา ปิตามหยุคา สมฺพนฺธา. เตสํ โภคปาริชฺุเน วา พฺยาธิปาริชฺุเน วา อภิหตานํ อตฺตโน สมีปํ อาคตานํ ยถาพลํ ฆาสจฺฉาทนธนธฺาทีหิ สงฺคโห ปสํสาทีนํ ทิฏฺธมฺมิกานํ สุคติคมนาทีนฺจ สมฺปรายิกานํ วิเสสาธิคมานํ เหตุโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ วุจฺจติ.
อนวชฺชานิ กมฺมานิ นาม อุโปสถงฺคสมาทานเวยฺยาวจฺจกรณอารามวนโรปนเสตุกรณาทีนิ กายวจีมโนสุจริตกมฺมานิ. ตานิ หิ นานปฺปการหิตสุขาธิคมเหตุโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ วุจฺจติ. ‘‘านํ โข ปเนตํ, วิสาเข, วิชฺชติ ยํ อิเธกจฺโจ อิตฺถี วา ปุริโส วา อฏฺงฺคสมนฺนาคตํ อุโปสถํ อุปวสิตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา จาตุมหาราชิกานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺเชยฺยา’’ติ เอวมาทีนิ เจตฺถ สุตฺตานิ (อ. นิ. ๘.๔๓) อนุสฺสริตพฺพานิ.
เอวํ ¶ อิมิสฺสา คาถาย ทานํ, ธมฺมจริยา, าตกานํ สงฺคโห, อนวชฺชานิ กมฺมานีติ จตฺตาริ มงฺคลานิ วุตฺตานิ, มงฺคลตฺตฺจ เนสํ ตตฺถ ตตฺถ วิภาวิตเมวาติ.
นิฏฺิตา ทานฺจาติ อิมิสฺสา คาถาย อตฺถวณฺณนา.
๒๖๗. อิทานิ อารตี วิรตีติ เอตฺถ อารตีติ อารมณํ. วิรตีติ วิรมณํ, วิรมนฺติ วา เอตาย สตฺตาติ วิรติ. ปาปาติ อกุสลา. มทนียฏฺเน มชฺชํ, มชฺชสฺส ปานํ มชฺชปานํ, ตโต มชฺชปานา. สํยมนํ สํยโม. อปฺปมชฺชนํ อปฺปมาโท. ธมฺเมสูติ กุสเลสุ. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ อยํ ปทวณฺณนา.
อตฺถวณฺณนา ปน เอวํ เวทิตพฺพา – อารติ นาม ปาเป อาทีนวทสฺสาวิโน มนสา เอว อนภิรติ. วิรติ นาม กมฺมทฺวารวเสน กายวาจาหิ วิรมณํ. สา เจสา วิรติ นาม สมฺปตฺตวิรติ สมาทานวิรติ สมุจฺเฉทวิรตีติ ติวิธา โหติ. ตตฺถ ยา กุลปุตฺตสฺส อตฺตโน ชาตึ วา กุลํ วา โคตฺตํ วา ปฏิจฺจ ‘‘น เม เอตํ ปติรูปํ, ยฺวาหํ อิมํ ปาณํ หเนยฺยํ, อทินฺนํ อาทิเยยฺย’’นฺติอาทินา นเยน สมฺปตฺตวตฺถุโต วิรติ, อยํ สมฺปตฺตวิรติ นาม. สิกฺขาปทสมาทานวเสน ปน ปวตฺตา สมาทานวิรติ นาม, ยสฺสา ปวตฺติโต ปภุติ กุลปุตฺโต ปาณาติปาตาทีนิ น สมาจรติ. อริยมคฺคสมฺปยุตฺตา สมุจฺเฉทวิรติ นาม, ยสฺสา ปวตฺติโต ปภุติ อริยสาวกสฺส ปฺจ ภยานิ เวรานิ วูปสนฺตานิ โหนฺติ. ปาปํ นาม ยํ ตํ ‘‘ปาณาติปาโต โข, คหปติปุตฺต, กมฺมกิเลโส อทินฺนาทานํ…เป… กาเมสุมิจฺฉาจาโร…เป… มุสาวาโท’’ติ เอวํ วิตฺถาเรตฺวา –
‘‘ปาณาติปาโต ¶ อทินฺนาทานํ, มุสาวาโท จ วุจฺจติ;
ปรทารคมนฺเจว, นปฺปสํสนฺติ ปณฺฑิตา’’ติ. (ที. นิ. ๓.๒๔๕) –
เอวํ คาถาย สงฺคหิตํ กมฺมกิเลสสงฺขาตํ จตุพฺพิธํ อกุสลํ, ตโต ปาปา. สพฺพาเปสา อารติ จ วิรติ จ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกภยเวรปฺปหานาทินานปฺปการวิเสสาธิคมเหตุโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ วุจฺจติ. ‘‘ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โข, คหปติปุตฺต, อริยสาวโก’’ติอาทีนิ เจตฺถ สุตฺตานิ อนุสฺสริตพฺพานิ.
มชฺชปานา ¶ จ สํยโม นาม ปุพฺเพ วุตฺตสุราเมรยมชฺชปมาทฏฺานา เวรมณิยาเวตํ อธิวจนํ. ยสฺมา ปน มชฺชปายี อตฺถํ น ชานาติ, ธมฺมํ น ชานาติ, มาตุปิ อนฺตรายํ กโรติ, ปิตุ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธตถาคตสาวกานมฺปิ อนฺตรายํ กโรติ, ทิฏฺเว ธมฺเม ครหํ, สมฺปราเย ทุคฺคตึ, อปราปริยาเย อุมฺมาทฺจ ปาปุณาติ. มชฺชปานา ปน สํยโต เตสํ โทสานํ วูปสมํ ตพฺพิปรีตคุณสมฺปทฺจ ปาปุณาติ. ตสฺมา อยํ มชฺชปานา สํยโม ‘‘มงฺคล’’นฺติ เวทิตพฺโพ.
กุสเลสุ ธมฺเมสุ อปฺปมาโท นาม ‘‘กุสลานํ วา ธมฺมานํ ภาวนาย อสกฺกจฺจกิริยตา อสาตจฺจกิริยตา อนฏฺิตกิริยตา โอลีนวุตฺติตา นิกฺขิตฺตฉนฺทตา นิกฺขิตฺตธุรตา อนาเสวนา อภาวนา อพหุลีกมฺมํ อนธิฏฺานํ อนนุโยโค ปมาโท. โย เอวรูโป ปมาโท ปมชฺชนา ปมชฺชิตตฺตํ, อยํ วุจฺจติ ปมาโท’’ติ (วิภ. ๘๔๖) เอตฺถ วุตฺตสฺส ปมาทสฺส ปฏิปกฺขนเยน อตฺถโต กุสเลสุ ธมฺเมสุ สติยา อวิปฺปวาโส เวทิตพฺโพ. โส นานปฺปการกุสลาธิคมเหตุโต อมตาธิคมเหตุโต จ ‘‘มงฺคล’’นฺติ วุจฺจติ. ตตฺถ ‘‘อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน’’ติ (ม. นิ. ๒.๑๘-๑๙; อ. นิ. ๕.๒๖) จ ‘‘อปฺปมาโท อมตปท’’นฺติ (ธ. ป. ๒๑) จ เอวมาทิ สตฺถุสาสนํ อนุสฺสริตพฺพํ.
เอวํ อิมิสฺสา คาถาย ปาปา วิรติ, มชฺชปานา สํยโม, กุสเลสุ ธมฺเมสุ อปฺปมาโทติ ตีณิ มงฺคลานิ วุตฺตานิ, มงฺคลตฺตฺจ เนสํ ตตฺถ ตตฺถ วิภาวิตเมวาติ.
นิฏฺิตา อารตี วิรตีติ อิมิสฺสา คาถาย อตฺถวณฺณนา.
๒๖๘. อิทานิ คารโว จาติ เอตฺถ คารโวติ ครุภาโว. นิวาโตติ นีจวุตฺติตา. สนฺตุฏฺีติ สนฺโตโส. กตสฺส ชานนตา กตฺุตา. กาเลนาติ ขเณน สมเยน. ธมฺมสฺส สวนํ ธมฺมสฺสวนํ. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ อยํ ปทวณฺณนา.
อตฺถวณฺณนา ¶ ปน เอวํ เวทิตพฺพา – คารโว นาม ครุการปโยคารเหสุ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธตถาคตสาวกอาจริยุปชฺฌายมาตาปิตุเชฏฺภาติกภคินิอาทีสุ ยถานุรูปํ ครุกาโร ครุกรณํ สคารวตา. สฺวายํ คารโว ยสฺมา สุคติคมนาทีนํ เหตุ. ยถาห –
‘‘ครุกาตพฺพํ ¶ ครุํ กโรติ, มาเนตพฺพํ มาเนติ, ปูเชตพฺพํ ปูเชติ. โส เตน กมฺเมน เอวํ สมตฺเตน เอวํ สมาทินฺเนน กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชติ. โน เจ กายสฺส เภทา…เป… อุปปชฺชติ, สเจ มนุสฺสตฺตํ อาคจฺฉติ, ยตฺถ ยตฺถ ปจฺจาชายติ, อุจฺจากุลีโน โหตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๒๙๕).
ยถา จาห – ‘‘สตฺติเม, ภิกฺขเว, อปริหานิยา ธมฺมา. กตเม สตฺต? สตฺถุคารวตา’’ติอาทิ (อ. นิ. ๗.๓๒-๓๓). ตสฺมา ‘‘มงฺคล’’นฺติ วุจฺจติ.
นิวาโต นาม นีจมนตา นิวาตวุตฺติตา, ยาย สมนฺนาคโต ปุคฺคโล นิหตมาโน นิหตทปฺโป ปาทปฺุฉนโจฬกสโม ฉินฺนวิสาณุสภสโม อุทฺธฏทาสปฺปสโม จ หุตฺวา สณฺโห สขิโล สุขสมฺภาโส โหติ, อยํ นิวาโต. สฺวายํ ยสาทิคุณปฏิลาภเหตุโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ วุจฺจติ. อาห จ – ‘‘นิวาตวุตฺติ อตฺถทฺโธ, ตาทิโส ลภเต ยส’’นฺติ เอวมาทิ (ที. นิ. ๓.๒๗๓).
สนฺตุฏฺิ นาม อิตรีตรปจฺจยสนฺโตโส, โส ทฺวาทสวิโธ โหติ. เสยฺยถิทํ – จีวเร ยถาลาภสนฺโตโส, ยถาพลสนฺโตโส, ยถาสารุปฺปสนฺโตโสติ ติวิโธ. เอวํ ปิณฺฑปาตาทีสุ.
ตสฺสายํ ปเภทวณฺณนา – อิธ ภิกฺขุ จีวรํ ลภติ สุนฺทรํ วา อสุนฺทรํ วา, โส เตเนว ยาเปติ, อฺํ น ปตฺเถติ, ลภนฺโตปิ น คณฺหาติ, อยมสฺส จีวเร ยถาลาภสนฺโตโส. อถ ปน อาพาธิโก โหติ, ครุํ จีวรํ ปารุปนฺโต โอณมติ วา กิลมติ วา. โส สภาเคน ภิกฺขุนา สทฺธึ ตํ ปริวตฺเตตฺวา ลหุเกน ยาเปนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส จีวเร ยถาพลสนฺโตโส. อปโร ภิกฺขุ ปณีตปจฺจยลาภี โหติ, โส ปฏฺฏจีวราทีนํ อฺตรํ มหคฺฆํ จีวรํ ลภิตฺวา ‘‘อิทํ เถรานํ จิรปพฺพชิตานํ พหุสฺสุตานฺจ อนุรูป’’นฺติ เตสํ ทตฺวา อตฺตนา สงฺการกูฏา วา อฺโต วา กุโตจิ นนฺตกานิ อุจฺจินิตฺวา สงฺฆาฏึ กตฺวา ธาเรนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส จีวเร ยถาสารุปฺปสนฺโตโส.
อิธ ¶ ปน ภิกฺขุ ปิณฺฑปาตํ ลภติ ลูขํ วา ปณีตํ วา, โส เตเนว ยาเปติ, อฺํ น ปตฺเถติ, ลภนฺโตปิ น คณฺหาติ, อยมสฺส ปิณฺฑปาเต ยถาลาภสนฺโตโส. อถ ปน อาพาธิโก ¶ โหติ, ลูขํ ปิณฺฑปาตํ ภฺุชิตฺวา พาฬฺหํ โรคาตงฺกํ ปาปุณาติ, โส สภาคสฺส ภิกฺขุโน ตํ ทตฺวา ตสฺส หตฺถโต สปฺปิมธุขีราทีนิ ภฺุชิตฺวา สมณธมฺมํ กโรนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส ปิณฺฑปาเต ยถาพลสนฺโตโส. อปโร ภิกฺขุ ปณีตํ ปิณฺฑปาตํ ลภติ, โส ‘‘อยํ ปิณฺฑปาโต เถรานํ จิรปพฺพชิตานํ อฺเสฺจ ปณีตปิณฺฑปาตํ วินา อยาเปนฺตานํ สพฺรหฺมจารีนํ อนุรูโป’’ติ เตสํ ทตฺวา อตฺตนา ปิณฺฑาย จริตฺวา มิสฺสกาหารํ ภฺุชนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส ปิณฺฑปาเต ยถาสารุปฺปสนฺโตโส.
อิธ ปน ภิกฺขุโน เสนาสนํ ปาปุณาติ, โส เตเนว สนฺตุสฺสติ, ปุน อฺํ สุนฺทรตรมฺปิ ปาปุณนฺตํ น คณฺหาติ, อยมสฺส เสนาสเน ยถาลาภสนฺโตโส. อถ ปน อาพาธิโก โหติ, นิวาตเสนาสเน วสนฺโต อติวิย ปิตฺตโรคาทีหิ อาตุรียติ, โส สภาคสฺส ภิกฺขุโน ตํ ทตฺวา ตสฺส ปาปุณนเก สวาตสีตลเสนาสเน วสิตฺวา สมณธมฺมํ กโรนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส เสนาสเน ยถาพลสนฺโตโส. อปโร ภิกฺขุ สุนฺทรํ เสนาสนํ ปตฺตมฺปิ น สมฺปฏิจฺฉติ ‘‘สุนฺทรเสนาสนํ ปมาทฏฺานํ, ตตฺร นิสินฺนสฺส ถินมิทฺธํ โอกฺกมติ, นิทฺทาภิภูตสฺส จ ปุน ปฏิพุชฺฌโต กามวิตกฺกา สมุทาจรนฺตี’’ติ, โส ตํ ปฏิกฺขิปิตฺวา อพฺโภกาสรุกฺขมูลปณฺณกุฏีสุ ยตฺถ กตฺถจิ นิวสนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส เสนาสเน ยถาสารุปฺปสนฺโตโส.
อิธ ปน ภิกฺขุ เภสชฺชํ ลภติ หรีตกํ วา อามลกํ วา, โส เตเนว ยาเปติ, อฺเหิ ลทฺธํ สปฺปิมธุผาณิตาทิมฺปิ น ปตฺเถติ, ลภนฺโตปิ น คณฺหาติ, อยมสฺส คิลานปจฺจเย ยถาลาภสนฺโตโส. อถ ปน อาพาธิโก เตเลน อตฺถิโก ผาณิตํ ลภติ, โส ตํ สภาคสฺส ภิกฺขุโน ทตฺวา ตสฺส หตฺถโต เตเลน เภสชฺชํ กตฺวา สมณธมฺมํ กโรนฺโตปิ สนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส คิลานปจฺจเย ยถาพลสนฺโตโส. อปโร ภิกฺขุ เอกสฺมึ ภาชเน ปูติมุตฺตหรีตกํ ¶ เปตฺวา เอกสฺมึ จตุมธุรํ ‘‘คณฺหถ, ภนฺเต, ยทิจฺฉสี’’ติ วุจฺจมาโน สจสฺส เตสํ ทฺวินฺนํ อฺตเรนปิ พฺยาธิ วูปสมฺมติ, อถ ‘‘ปูติมุตฺตหรีตกํ นาม พุทฺธาทีหิ วณฺณิตํ, อยฺจ ปูติมุตฺตเภสชฺชํ นิสฺสาย ปพฺพชฺชา, ตตฺถ เต ยาวชีวํ อุสฺสาโห กรณีโย’’ติ (มหาว. ๑๒๘) วุตฺตนฺติ จินฺเตนฺโต จตุมธุรเภสชฺชํ ปฏิกฺขิปิตฺวา มุตฺตหรีตเกน เภสชฺชํ กโรนฺโตปิ ปรมสนฺตุฏฺโว โหติ, อยมสฺส คิลานปจฺจเย ยถาสารุปฺปสนฺโตโส.
เอวํ ปเภโท สพฺโพเปโส สนฺโตโส สนฺตุฏฺีติ วุจฺจติ. สา อตฺริจฺฉตาปาปิจฺฉตามหิจฺฉตาทีนํ ปาปธมฺมานํ ปหานาธิคมเหตุโต สุคติเหตุโต อริยมคฺคสมฺภารภาวโต จาตุทฺทิสาทิภาวเหตุโต จ ‘‘มงฺคล’’นฺติ เวทิตพฺพา. อาห จ –
‘‘จาตุทฺทิโส ¶ อปฺปฏิโฆ จ โหติ,
สนฺตุสฺสมาโน อิตรีตเรนา’’ติ. (สุ. นิ. ๔๒; จูฬนิ. ขคฺควิสาณสุตฺตนิทฺเทส ๑๒๘) เอวมาทิ;
กตฺุตา นาม อปฺปสฺส วา พหุสฺส วา เยน เกนจิ กตสฺส อุปการสฺส ปุนปฺปุนํ อนุสฺสรณภาเวน ชานนตา. อปิจ เนรยิกาทิทุกฺขปริตฺตาณโต ปฺุานิ เอว ปาณีนํ พหูปการานิ, ตโต เตสมฺปิ อุปการานุสฺสรณตา ‘‘กตฺุตา’’ติ เวทิตพฺพา. สา สปฺปุริเสหิ ปสํสนียตาทินานปฺปการวิเสสาธิคมเหตุโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ วุตฺตา. อาห จ – ‘‘ทฺเวเม, ภิกฺขเว, ปุคฺคลา ทุลฺลภา โลกสฺมึ. กตเม ทฺเว? โย จ ปุพฺพการี, โย จ กตฺู กตเวที’’ติ (อ. นิ. ๒.๑๒๐).
กาเลน ธมฺมสฺสวนํ นาม ยสฺมึ กาเล อุทฺธจฺจสหคตํ จิตฺตํ โหติ, กามวิตกฺกาทีนํ วา อฺตเรน อภิภูตํ, ตสฺมึ กาเล เตสํ วิโนทนตฺถํ ธมฺมสฺสวนํ. อปเร อาหุ – ปฺจเม ปฺจเม ทิวเส ธมฺมสฺสวนํ กาเลน ธมฺมสฺสวนํ นาม. ยถาห อายสฺมา อนุรุทฺโธ ‘‘ปฺจาหิกํ โข ปน มยํ, ภนฺเต, สพฺพรตฺตึ ธมฺมิยา กถาย สนฺนิสีทามา’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๒๗; มหาว. ๔๖๖).
อปิจ ยสฺมึ กาเล กลฺยาณมิตฺเต อุปสงฺกมิตฺวา สกฺกา โหติ อตฺตโน กงฺขาปฏิวิโนทกํ ธมฺมํ โสตุํ, ตสฺมึ กาเลปิ ธมฺมสฺสวนํ ‘‘กาเลน ธมฺมสฺสวน’’นฺติ เวทิตพฺพํ. ยถาห – ‘‘เต กาเลน กาลํ อุปสงฺกมิตฺวา ¶ ปริปุจฺฉติ ปริปฺหตี’’ติอาทิ (ที. นิ. ๓.๓๕๘). ตเทตํ กาเลน ธมฺมสฺสวนํ นีวรณปฺปหานจตุรานิสํสอาสวกฺขยาทินานปฺปการวิเสสาธิคมเหตุโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ เวทิตพฺพํ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘ยสฺมึ, ภิกฺขเว, สมเย อริยสาวโก อฏฺึ กตฺวา มนสิ กตฺวา สพฺพํ เจตโส สมนฺนาหริตฺวา โอหิตโสโต ธมฺมํ สุณาติ, ปฺจสฺส นีวรณานิ ตสฺมึ สมเย น โหนฺตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๑๙) จ.
‘‘โสตานุคตานํ, ภิกฺขเว, ธมฺมานํ…เป… สุปฺปฏิวิทฺธานํ จตฺตาโร อานิสํสา ปาฏิกงฺขา’’ติ (อ. นิ. ๔.๑๙๑) จ.
‘‘จตฺตาโรเม, ภิกฺขเว, ธมฺมา กาเลน กาลํ สมฺมา ภาวิยมานา สมฺมา อนุปริวตฺติยมานา ¶ อนุปุพฺเพน อาสวานํ ขยํ ปาเปนฺติ. กตเม จตฺตาโร? กาเลน ธมฺมสฺสวน’’นฺติ จ เอวมาทีนิ (อ. นิ. ๔.๑๔๗).
เอวํ อิมิสฺสา คาถาย คารโว, นิวาโต, สนฺตุฏฺิ, กตฺุตา, กาเลน ธมฺมสฺสวนนฺติ ปฺจ มงฺคลานิ วุตฺตานิ, มงฺคลตฺตฺจ เนสํ ตตฺถ ตตฺถ วิภาวิตเมวาติ.
นิฏฺิตา คารโว จ นิวาโต จาติ อิมิสฺสา คาถาย อตฺถวณฺณนา.
๒๖๙. อิทานิ ขนฺตี จาติ เอตฺถ ขมนํ ขนฺติ. ปทกฺขิณคฺคาหิตาย สุขํ วโจ อสฺมินฺติ สุวโจ, สุวจสฺส กมฺมํ โสวจสฺสํ, โสวจสฺสสฺส ภาโว โสวจสฺสตา. กิเลสานํ สมิตตฺตา สมณา. ทสฺสนนฺติ เปกฺขนํ. ธมฺมสฺส สากจฺฉา ธมฺมสากจฺฉา. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ อยํ ปทวณฺณนา.
อตฺถวณฺณนา ปน เอวํ เวทิตพฺพา ขนฺติ นาม อธิวาสนกฺขนฺติ, ยาย สมนฺนาคโต ภิกฺขุ ทสหิ อกฺโกสวตฺถูหิ อกฺโกสนฺเต, วธพนฺธาทีหิ วา วิหึสนฺเต ปุคฺคเล อสุณนฺโต วิย จ อปสฺสนฺโต วิย จ นิพฺพิกาโร โหติ ขนฺติวาที วิย. ยถาห –
‘‘อหู อตีตมทฺธานํ, สมโณ ขนฺติทีปโน;
ตํ ขนฺติยาเยว ิตํ, กาสิราชา อเฉทยี’’ติ. (ชา. ๑.๔.๕๑);
ภทฺทกโต ¶ วา มนสิ กโรติ ตโต อุตฺตริ อปราธาภาเวน อายสฺมา ปุณฺณตฺเถโร วิย. ยถาห –
‘‘สเจ มํ, ภนฺเต, สุนาปรนฺตกา มนุสฺสา อกฺโกสิสฺสนฺติ ปริภาสิสฺสนฺติ, ตตฺถ เม เอวํ ภวิสฺสติ ‘ภทฺทกา วติเม สุนาปรนฺตกา มนุสฺสา, สุภทฺทกา วติเม สุนาปรนฺตกา มนุสฺสา, ยํ เม นยิเม ปาณินา ปหารํ เทนฺตี’’’ติอาทิ (ม. นิ. ๓.๓๙๖; สํ. นิ. ๔.๘๘).
ยาย จ สมนฺนาคโต อิสีนมฺปิ ปสํสนีโย โหติ. ยถาห สรภงฺโค อิสิ –
‘‘โกธํ วธิตฺวา น กทาจิ โสจติ,
มกฺขปฺปหานํ อิสโย วณฺณยนฺติ;
สพฺเพสํ ¶ วุตฺตํ ผรุสํ ขเมถ,
เอตํ ขนฺตึ อุตฺตมมาหุ สนฺโต’’ติ. (ชา. ๒.๑๗.๖๔);
เทวตานมฺปิ ปสํสนีโย โหติ. ยถาห สกฺโก เทวานมินฺโท –
‘‘โย หเว พลวา สนฺโต, ทุพฺพลสฺส ติติกฺขติ;
ตมาหุ ปรมํ ขนฺตึ, นิจฺจํ ขมติ ทุพฺพโล’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๒๕๐-๒๕๑);
พุทฺธานมฺปิ ปสํสนีโย โหติ. ยถาห ภควา –
‘‘อกฺโกสํ วธพนฺธฺจ, อทุฏฺโ โย ติติกฺขติ;
ขนฺตีพลํ พลานีกํ, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ. (ธ. ป. ๓๙๙);
สา ปเนสา ขนฺติ เอเตสฺจ อิธ วณฺณิตานํ อฺเสฺจ คุณานํ อธิคมเหตุโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ เวทิตพฺพา.
โสวจสฺสตา นาม สหธมฺมิกํ วุจฺจมาเน วิกฺเขปํ วา ตุณฺหีภาวํ วา คุณโทสจินฺตนํ วา อนาปชฺชิตฺวา อติวิย อาทรฺจ คารวฺจ นีจมนตฺจ ปุรกฺขตฺวา ‘‘สาธู’’ติ วจนกรณตา. สา สพฺรหฺมจารีนํ สนฺติกา โอวาทานุสาสนีปฏิลาภเหตุโต โทสปฺปหานคุณาธิคมเหตุโต จ ‘‘มงฺคล’’นฺติ วุจฺจติ.
สมณานํ ¶ ทสฺสนํ นาม อุปสมิตกิเลสานํ ภาวิตกายวจีจิตฺตปฺานํ อุตฺตมทมถสมถสมนฺนาคตานํ ปพฺพชิตานํ อุปสงฺกมนุปฏฺานอนุสฺสรณสวนทสฺสนํ, สพฺพมฺปิ โอมกเทสนาย ‘‘ทสฺสน’’นฺติ วุตฺตํ. ตํ ‘‘มงฺคล’’นฺติ เวทิตพฺพํ. กสฺมา? พหูปการตฺตา. อาห จ – ‘‘ทสฺสนมฺปหํ, ภิกฺขเว, เตสํ ภิกฺขูนํ พหูปการํ วทามี’’ติอาทิ (อิติวุ. ๑๐๔). ยโต หิตกาเมน กุลปุตฺเตน สีลวนฺเต ภิกฺขู ฆรทฺวารํ สมฺปตฺเต ทิสฺวา ยทิ เทยฺยธมฺโม อตฺถิ, ยถาพลํ เทยฺยธมฺเมน ปติมาเนตพฺพา. ยทิ นตฺถิ, ปฺจปติฏฺิตํ กตฺวา วนฺทิตพฺพา. ตสฺมึ อสมฺปชฺชมาเน อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา นมสฺสิตพฺพา, ตสฺมิมฺปิ อสมฺปชฺชมาเน ปสนฺนจิตฺเตน ปิยจกฺขูหิ สมฺปสฺสิตพฺพา. เอวํ ทสฺสนมูลเกนาปิ หิ ปฺุเน อเนกานิ ชาติสหสฺสานิ จกฺขุมฺหิ โรโค วา ทาโห วา อุสฺสทา วา ปิฬกา วา น โหนฺติ, วิปฺปสนฺนปฺจวณฺณสสฺสิริกานิ โหนฺติ จกฺขูนิ รตนวิมาเน อุคฺฆาฏิตมณิกวาฏสทิสานิ ¶ , สตสหสฺสกปฺปมตฺตํ เทเวสุ จ มนุสฺเสสุ จ สพฺพสมฺปตฺตีนํ ลาภี โหติ. อนจฺฉริยฺเจตํ, ยํ มนุสฺสภูโต สปฺปฺชาติโก สมฺมา ปวตฺติเตน สมณทสฺสนมเยน ปฺุเน เอวรูปํ วิปากสมฺปตฺตึ อนุภเวยฺย, ยตฺถ ติรจฺฉานคตานมฺปิ เกวลํ สทฺธามตฺตกชนิตสฺส สมณทสฺสนสฺส เอวํ วิปากสมฺปตฺตึ วณฺณยนฺติ –
‘‘อุลูโก มณฺฑลกฺขิโก,
เวทิยเก จิรทีฆวาสิโก;
สุขิโต วต โกสิโย อยํ,
กาลุฏฺิตํ ปสฺสติ พุทฺธวรํ.
‘‘มยิ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, ภิกฺขุสงฺเฆ อนุตฺตเร;
กปฺปานํ สตสหสฺสานิ, ทุคฺคตึ โส น คจฺฉติ.
‘‘เทวโลกา จวิตฺวาน, กุสลกมฺเมน โจทิโต;
ภวิสฺสติ อนนฺตาโณ, โสมนสฺโสติ วิสฺสุโต’’ติ. (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๔๔; ขุ. ปา. อฏฺ. ๕.๑๐);
กาเลน ธมฺมสากจฺฉา นาม ปโทเส วา ปจฺจูเส วา ทฺเว สุตฺตนฺติกา ภิกฺขู อฺมฺํ สุตฺตนฺตํ สากจฺฉนฺติ, วินยธรา วินยํ, อาภิธมฺมิกา อภิธมฺมํ ¶ , ชาตกภาณกา ชาตกํ, อฏฺกถิกา อฏฺกถํ, ลีนุทฺธตวิจิกิจฺฉาปเรตจิตฺตวิโสธนตฺถํ วา ตมฺหิ ตมฺหิ กาเล สากจฺฉนฺติ, อยํ กาเลน ธมฺมสากจฺฉา. สา อาคมพฺยตฺติอาทีนํ คุณานํ เหตุโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ วุจฺจตีติ.
เอวํ อิมิสฺสา คาถาย ขนฺติ, โสวจสฺสตา, สมณทสฺสนํ, กาเลน ธมฺมสากจฺฉาติ จตฺตาริ มงฺคลานิ วุตฺตานิ, มงฺคลตฺตฺจ เนสํ ตตฺถ ตตฺถ วิภาวิตเมวาติ.
นิฏฺิตา ขนฺตี จาติ อิมิสฺสา คาถาย อตฺถวณฺณนา.
๒๗๐. อิทานิ ตโป จาติ เอตฺถ ปาปเก อกุสเล ธมฺเม ตปตีติ ตโป. พฺรหฺมํ จริยํ, พฺรหฺมานํ วา จริยํ พฺรหฺมจริยํ, เสฏฺจริยนฺติ วุตฺตํ โหติ. อริยสจฺจานํ ทสฺสนํ อริยสจฺจาน ทสฺสนํ. อริยสจฺจานิ ทสฺสนนฺติปิ เอเก, ตํ น สุนฺทรํ. นิกฺขนฺตํ วานโตติ นิพฺพานํ, สจฺฉิกรณํ ¶ สจฺฉิกิริยา, นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยา นิพฺพานสจฺฉิกิริยา. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ อยํ ปทวณฺณนา.
อตฺถวณฺณนา ปน เอวํ เวทิตพฺพา – ตโป นาม อภิชฺฌาโทมนสฺสาทีนํ ตปนโต อินฺทฺริยสํวโร, โกสชฺชสฺส วา ตปนโต วีริยํ. เตน หิ สมนฺนาคโต ปุคฺคโล อาตาปีติ วุจฺจติ. สฺวายํ อภิชฺฌาทิปฺปหานฌานาทิปฏิลาภเหตุโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ เวทิตพฺโพ.
พฺรหฺมจริยํ นาม เมถุนวิรติสมณธมฺมสาสนมคฺคานํ อธิวจนํ. ตถา หิ ‘‘อพฺรหฺมจริยํ ปหาย พฺรหฺมจารี โหตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๙๔; ม. นิ. ๑.๒๙๒) เอวมาทีสุ เมถุนวิรติ พฺรหฺมจริยนฺติ วุจฺจติ. ‘‘ภควติ โน, อาวุโส, พฺรหฺมจริยํ วุสฺสตี’’ติ เอวมาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๕๗) สมณธมฺโม. ‘‘น ตาวาหํ, ปาปิม, ปรินิพฺพายิสฺสามิ, ยาว เม อิทํ พฺรหฺมจริยํ น อิทฺธฺเจว ภวิสฺสติ ผีตฺจ วิตฺถาริกํ พาหุชฺ’’นฺติ เอวมาทีสุ (ที. นิ. ๒.๑๖๘; สํ. นิ. ๕.๘๒๒; อุทา. ๕๑) สาสนํ. ‘‘อยเมว โข, ภิกฺขุ, อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค พฺรหฺมจริยํ. เสยฺยถิทํ, สมฺมาทิฏฺี’’ติ เอวมาทีสุ (สํ. นิ. ๕.๖) มคฺโค. อิธ ปน อริยสจฺจทสฺสเนน ปรโต มคฺคสฺส คหิตตฺตา อวเสสํ สพฺพมฺปิ วฏฺฏติ. ตฺเจตํ อุปรูปริ นานปฺปการวิเสสาธิคมเหตุโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ เวทิตพฺพํ.
อริยสจฺจาน ¶ ทสฺสนํ นาม กุมารปฺเห วุตฺตตฺถานํ จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ อภิสมยวเสน มคฺคทสฺสนํ. ตํ สํสารทุกฺขวีติกฺกมเหตุโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ วุจฺจติ.
นิพฺพานสจฺฉิกิริยา นาม อิธ อรหตฺตผลํ ‘‘นิพฺพาน’’นฺติ อธิปฺเปตํ. ตมฺปิ หิ ปฺจคติวานเนน วานสฺิตาย ตณฺหาย นิกฺขนฺตตฺตา ‘‘นิพฺพาน’’นฺติ วุจฺจติ. ตสฺส ปตฺติ วา ปจฺจเวกฺขณา วา ‘‘สจฺฉิกิริยา’’ติ วุจฺจติ. อิตรสฺส ปน นิพฺพานสฺส อริยสจฺจานํ ทสฺสเนเนว สจฺฉิกิริยา สิทฺธา, เตเนตํ อิธ น อธิปฺเปตํ. เอวเมสา นิพฺพานสจฺฉิกิริยา ทิฏฺธมฺมสุขวิหาราทิเหตุโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ เวทิตพฺพา.
เอวํ อิมิสฺสาปิ คาถาย ตโป, พฺรหฺมจริยํ, อริยสจฺจาน ทสฺสนํ, นิพฺพานสจฺฉิกิริยาติ จตฺตาริ มงฺคลานิ วุตฺตานิ, มงฺคลตฺตฺจ เนสํ ตตฺถ ตตฺถ วิภาวิตเมวาติ.
นิฏฺิตา ตโป จาติ อิมิสฺสา คาถาย อตฺถวณฺณนา.
๒๗๑. อิทานิ ¶ ผุฏฺสฺส โลกธมฺเมหีติ เอตฺถ ผุฏฺสฺสาติ ผุสิตสฺส ฉุปิตสฺส สมฺปตฺตสฺส. โลเก ธมฺมา โลกธมฺมา, ยาว โลกปฺปวตฺติ, ตาว อนิวตฺตกา ธมฺมาติ วุตฺตํ โหติ. จิตฺตนฺติ มโน มานสํ. ยสฺสาติ นวสฺส วา มชฺฌิมสฺส วา เถรสฺส วา. น กมฺปตีติ น จลติ, น เวธติ. อโสกนฺติ นิสฺโสกํ อพฺพูฬฺหโสกสลฺลํ. วิรชนฺติ วิคตรชํ วิทฺธํสิตรชํ. เขมนฺติ อภยํ นิรุปทฺทวํ. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ อยํ ตาว ปทวณฺณนา.
อตฺถวณฺณนา ปน เอวํ เวทิตพฺพา – ผุฏฺสฺส โลกธมฺเมหิ ยสฺส จิตฺตํ น กมฺปติ, ยสฺส ลาภาลาภาทีหิ อฏฺหิ โลกธมฺเมหิ ผุฏฺสฺส อชฺโฌตฺถฏสฺส จิตฺตํ น กมฺปติ, น จลติ, น เวธติ, ตสฺส ตํ จิตฺตํ เกนจิ อกมฺปนียโลกุตฺตรภาวาวหนโต ‘‘มงฺคล’’นฺติ เวทิตพฺพํ.
กสฺส ปน เอเตหิ ผุฏฺสฺส จิตฺตํ น กมฺปติ? อรหโต ขีณาสวสฺส, น อฺสฺส กสฺสจิ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘เสโล ยถา เอกคฺฆโน, วาเตน น สมีรติ;
เอวํ รูปา รสา สทฺทา, คนฺธา ผสฺสา จ เกวลา.
‘‘อิฏฺา ¶ ธมฺมา อนิฏฺา จ, น ปเวเธนฺติ ตาทิโน;
ิตํ จิตฺตํ วิปฺปมุตฺตํ, วยฺจสฺสานุปสฺสตี’’ติ. (อ. นิ. ๖.๕๕; มหาว. ๒๔๔);
อโสกํ นาม ขีณาสวสฺเสว จิตฺตํ. ตฺหิ โย ‘‘โสโก โสจนา โสจิตตฺตํ อนฺโตโสโก อนฺโตปริโสโก เจตโส ปรินิชฺฌายิตตฺต’’นฺติอาทินา (วิภ. ๒๓๗) นเยน วุจฺจติ โสโก, ตสฺส อภาวโต อโสกํ. เกจิ นิพฺพานํ วทนฺติ, ตํ ปุริมปเทน นานุสนฺธิยติ. ยถา จ อโสกํ, เอวํ วิรชํ เขมนฺติปิ ขีณาสวสฺเสว จิตฺตํ. ตฺหิ ราคโทสโมหรชานํ วิคตตฺตา วิรชํ, จตูหิ จ โยเคหิ เขมตฺตา เขมํ. ยโต เอตํ เตน เตนากาเรน ตมฺหิ ตมฺหิ ปวตฺติกฺขเณ คเหตฺวา นิทฺทิฏฺวเสน ติวิธมฺปิ อปฺปวตฺตกฺขนฺธตาทิโลกุตฺตมภาวาวหนโต อาหุเนยฺยาทิภาวาวหนโต จ ‘‘มงฺคล’’นฺติ เวทิตพฺพํ.
เอวํ อิมิสฺสา คาถาย อฏฺโลกธมฺเมหิ อกมฺปิตจิตฺตํ, อโสกจิตฺตํ, วิรชจิตฺตํ, เขมจิตฺตนฺติ จตฺตาริ มงฺคลานิ วุตฺตานิ, มงฺคลตฺตฺจ เนสํ ตตฺถ ตตฺถ วิภาวิตเมวาติ.
นิฏฺิตา ผุฏฺสฺส โลกธมฺเมหีติ อิมิสฺสา คาถาย อตฺถวณฺณนา.
๒๗๒. เอวํ ¶ ภควา ‘‘อเสวนา จ พาลาน’’นฺติอาทีหิ ทสหิ คาถาหิ อฏฺตึส มงฺคลานิ กเถตฺวา อิทานิ เอตาเนว อตฺตนา วุตฺตมงฺคลานิ ถุนนฺโต ‘‘เอตาทิสานิ กตฺวานา’’ติ อิมํ อวสานคาถมภาสิ.
ตสฺสายํ อตฺถวณฺณนา – เอตาทิสานีติ เอตานิ อีทิสานิ มยา วุตฺตปฺปการานิ พาลานํ อเสวนาทีนิ. กตฺวานาติ กตฺวา. กตฺวาน กตฺวา กริตฺวาติ หิ อตฺถโต อนฺํ. สพฺพตฺถมปราชิตาติ สพฺพตฺถ ขนฺธกิเลสาภิสงฺขารเทวปุตฺตมารปฺปเภเทสุ จตูสุ ปจฺจตฺถิเกสุ เอเกนปิ อปราชิตา หุตฺวา, สยเมว เต จตฺตาโร มาเร ปราเชตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. มกาโร เจตฺถ ปทสนฺธิกรณมตฺโตติ วิฺาตพฺโพ.
สพฺพตฺถ โสตฺถึ คจฺฉนฺตีติ เอตาทิสานิ มงฺคลานิ กตฺวา จตูหิ มาเรหิ อปราชิตา หุตฺวา สพฺพตฺถ อิธโลกปรโลเกสุ านจงฺกมนาทีสุ จ โสตฺถึ คจฺฉนฺติ, พาลเสวนาทีหิ เย อุปฺปชฺเชยฺยุํ อาสวา วิฆาตปริฬาหา ¶ , เตสํ อภาวา โสตฺถึ คจฺฉนฺติ, อนุปทฺทุตา อนุปสฏฺา เขมิโน อปฺปฏิภยา คจฺฉนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. อนุนาสิโก เจตฺถ คาถาพนฺธสุขตฺถํ วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ.
ตํ เตสํ มงฺคลมุตฺตมนฺติ อิมินา คาถาปาเทน ภควา เทสนํ นิฏฺาเปสิ. กถํ? เอวํ เทวปุตฺต เย เอตาทิสานิ กโรนฺติ, เต ยสฺมา สพฺพตฺถ โสตฺถึ คจฺฉนฺติ, ตสฺมา ตํ พาลานํ อเสวนาทิ อฏฺตึสวิธมฺปิ เตสํ เอตาทิสการกานํ มงฺคลํ อุตฺตมํ เสฏฺํ ปวรนฺติ คณฺหาหีติ.
เอวฺจ ภควตา นิฏฺาปิตาย เทสนาย ปริโยสาเน โกฏิสตสหสฺสเทวตา อรหตฺตํ ปาปุณึสุ, โสตาปตฺติสกทาคามิอนาคามิผลปฺปตฺตานํ คณนา อสงฺขฺเยยฺยา อโหสิ. อถ ภควา ทุติยทิวเส อานนฺทตฺเถรํ อามนฺเตสิ – ‘‘อิมํ, อานนฺท, รตฺตึ อฺตรา เทวตา มํ อุปสงฺกมิตฺวา มงฺคลปฺหํ ปุจฺฉิ. อถสฺสาหํ อฏฺตึส มงฺคลานิ อภาสึ, อุคฺคณฺห, อานนฺท, อิมํ มงฺคลปริยายํ, อุคฺคเหตฺวา ภิกฺขู วาเจหี’’ติ. เถโร อุคฺคเหตฺวา ภิกฺขู วาเจสิ. ตยิทํ อาจริยปรมฺปราภตํ ยาวชฺชตนา ปวตฺตติ, เอวมิทํ พฺรหฺมจริยํ อิทฺธฺเจว ผีตฺจ วิตฺถาริกํ พาหุชฺํ ปุถุภูตํ ยาว เทวมนุสฺเสหิ สุปฺปกาสิตนฺติ เวทิตพฺพํ.
อิทานิ เอเตสฺเวว มงฺคเลสุ าณปริจยปาฏวตฺถํ อยํ อาทิโต ปภุติ โยชนา – เอวมิเม อิธโลกปรโลกโลกุตฺตรสุขกามา สตฺตา พาลชนเสวนํ ปหาย, ปณฺฑิเต นิสฺสาย, ปูชเนยฺเย ปูเชนฺตา, ปติรูปเทสวาเสน ปุพฺเพ กตปฺุตาย จ กุสลปฺปวตฺติยํ โจทิยมานา, อตฺตานํ สมฺมา ปณิธาย, พาหุสจฺจสิปฺปวินเยหิ อลงฺกตตฺตภาวา, วินยานุรูปํ สุภาสิตํ ภาสมานา ¶ , ยาว คิหิภาวํ น วิชหนฺติ, ตาว มาตาปิตุอุปฏฺาเนน โปราณํ อิณมูลํ วิโสธยมานา, ปุตฺตทารสงฺคเหน นวํ อิณมูลํ ปโยชยมานา, อนากุลกมฺมนฺตตาย ธนธฺาทิสมิทฺธึ ปาปุณนฺตา, ทาเนน โภคสารํ ธมฺมจริยาย ชีวิตสารฺจ คเหตฺวา, าติสงฺคเหน สกชนหิตํ อนวชฺชกมฺมนฺตตาย ปรชนหิตฺจ กโรนฺตา, ปาปวิรติยา ปรูปฆาตํ มชฺชปานสํยเมน อตฺตูปฆาตฺจ วิวชฺเชตฺวา, ธมฺเมสุ อปฺปมาเทน กุสลปกฺขํ วฑฺเฒตฺวา, วฑฺฒิตกุสลตาย คิหิพฺยฺชนํ โอหาย ปพฺพชิตภาเว ิตาปิ พุทฺธพุทฺธสาวกุปชฺฌาจริยาทีสุ คารเวน นิวาเตน จ วตฺตสมฺปทํ อาราเธตฺวา, สนฺตุฏฺิยา ปจฺจยเคธํ ¶ ปหาย, กตฺุตาย สปฺปุริสภูมิยํ ตฺวา, ธมฺมสฺสวเนน จิตฺตลีนตํ ปหาย, ขนฺติยา สพฺพปริสฺสเย อภิภวิตฺวา, โสวจสฺสตาย สนาถมตฺตานํ กตฺวา, สมณทสฺสเนน ปฏิปตฺติปโยคํ ปสฺสนฺตา, ธมฺมสากจฺฉาย กงฺขาฏฺานิเยสุ ธมฺเมสุ กงฺขํ ปฏิวิโนเทตฺวา, อินฺทฺริยสํวรตเปน สีลวิสุทฺธึ สมณธมฺมพฺรหฺมจริเยน จิตฺตวิสุทฺธึ ตโต ปรา จ จตสฺโส วิสุทฺธิโย สมฺปาเทนฺตา, อิมาย ปฏิปทาย อริยสจฺจทสฺสนปริยายํ าณทสฺสนวิสุทฺธึ ปตฺวา อรหตฺตผลสงฺขาตํ นิพฺพานํ สจฺฉิกโรนฺติ. ยํ สจฺฉิกตฺวา สิเนรุปพฺพโต วิย วาตวุฏฺีหิ อฏฺหิ โลกธมฺเมหิ อวิกมฺปมานจิตฺตา อโสกา วิรชา เขมิโน โหนฺติ. เย จ เขมิโน, เต สพฺพตฺถ เอเกนาปิ อปราชิตา โหนฺติ, สพฺพตฺถ จ โสตฺถึ คจฺฉนฺติ. เตนาห ภควา –
‘‘เอตาทิสานิ กตฺวาน, สพฺพตฺถมปราชิตา;
สพฺพตฺถ โสตฺถึ คจฺฉนฺติ, ตํ เตสํ มงฺคลมุตฺตม’’นฺติ.
อิติ ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย
สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย มงฺคลสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. สูจิโลมสุตฺตวณฺณนา
เอวํ ¶ ¶ เม สุตนฺติ สูจิโลมสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? อตฺถวณฺณนานเยเนวสฺส อุปฺปตฺติ อาวิ ภวิสฺสติ. อตฺถวณฺณนายฺจ ‘‘เอวํ เม สุต’’นฺติอาทิ วุตฺตตฺถเมว. คยายํ วิหรติ ฏงฺกิตมฺเจ สูจิโลมสฺส ยกฺขสฺส ภวเนติ เอตฺถ ปน กา คยา, โก ฏงฺกิตมฺโจ, กสฺมา จ ภควา ตสฺส ยกฺขสฺส ภวเน วิหรตีติ? วุจฺจเต – คยาติ คาโมปิ ติตฺถมฺปิ วุจฺจติ, ตทุภยมฺปิ อิธ วฏฺฏติ. คยาคามสฺส หิ อวิทูเร เทเส วิหรนฺโตปิ ‘‘คยายํ วิหรตี’’ติ วุจฺจติ, ตสฺส จ คามสฺส สมีเป อวิทูเร ทฺวารสนฺติเก โส ฏงฺกิตมฺโจ. คยาติตฺเถ วิหรนฺโตปิ ‘‘คยายํ วิหรตี’’ติ วุจฺจติ, คยาติตฺเถ จ โส ฏงฺกิตมฺโจ. ฏงฺกิตมฺโจติ จตุนฺนํ ปาสาณานํ อุปริ วิตฺถตํ ปาสาณํ อาโรเปตฺวา กโต ปาสาณมฺโจ ¶ . ตํ นิสฺสาย ยกฺขสฺส ภวนํ อาฬวกสฺส ภวนํ วิย. ยสฺมา วา ปน ภควา ตํ ทิวสํ ปจฺจูสสมเย มหากรุณาสมาปตฺติโต วุฏฺาย พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกนฺโต สูจิโลมสฺส จ ขรโลมสฺส จาติ ทฺวินฺนมฺปิ ยกฺขานํ โสตาปตฺติผลูปนิสฺสยํ อทฺทส, ตสฺมา ปตฺตจีวรํ อาทาย อนฺโตอรุเณเยว นานาทิสาหิ สนฺนิปติตสฺส ชนสฺส เขฬสิงฺฆาณิกาทินานปฺปการาสุจินิสฺสนฺทกิลินฺนภูมิภาคมฺปิ ตํ ติตฺถปฺปเทสํ อาคนฺตฺวา ตสฺมึ ฏงฺกิตมฺเจ นิสีทิ สูจิโลมสฺส ยกฺขสฺส ภวเน. เตน วุตฺตํ ‘‘เอกํ สมยํ ภควา คยายํ วิหรติ ฏงฺกิตมฺเจ สูจิโลมสฺส ยกฺขสฺส ภวเน’’ติ.
เตน โข ปน สมเยนาติ ยํ สมยํ ภควา ตตฺถ วิหรติ, เตน สมเยน. ขโร จ ยกฺโข สูจิโลโม จ ยกฺโข ภควโต อวิทูเร อติกฺกมนฺตีติ. เก เต ยกฺขา, กสฺมา จ อติกฺกมนฺตีติ? วุจฺจเต – เตสุ ตาว เอโก อตีเต สงฺฆสฺส เตลํ อนาปุจฺฉา คเหตฺวา อตฺตโน สรีรํ มกฺเขสิ. โส เตน กมฺเมน นิรเย ปจฺจิตฺวา คยาโปกฺขรณิตีเร ยกฺขโยนิยํ นิพฺพตฺโต. ตสฺเสว จสฺส กมฺมสฺส วิปากาวเสเสน วิรูปานิ องฺคปจฺจงฺคานิ อเหสุํ ¶ , อิฏฺกจฺฉทนสทิสฺจ ขรสมฺผสฺสํ จมฺมํ. โส กิร ยทา ปรํ ภึสาเปตุกาโม โหติ, ตทา ฉทนิฏฺกสทิสานิ จมฺมกปาลานิ อุกฺขิปิตฺวา ภึสาเปติ. เอวํ โส ขรสมฺผสฺสตฺตา ขโร ยกฺโขตฺเวว นามํ ลภิ.
อิตโร ¶ กสฺสปสฺส ภควโต กาเล อุปาสโก หุตฺวา มาสสฺส อฏฺ ทิวเส วิหารํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุณาติ. โส เอกทิวสํ ธมฺมสฺสวเน โฆสิเต สงฺฆารามทฺวาเร อตฺตโน เขตฺตํ เกลายนฺโต อุคฺโฆสนํ สุตฺวา ‘‘สเจ นฺหายามิ, จิรํ ภวิสฺสตี’’ติ กิลิฏฺคตฺโตว อุโปสถาคารํ ปวิสิตฺวา มหคฺเฆ ภุมฺมตฺถรเณ อนาทเรน นิปชฺชิตฺวา สุปิ. ภิกฺขุ เอวายํ, น อุปาสโกติ สํยุตฺตภาณกา. โส เตน จ อฺเน กมฺเมน จ นิรเย ปจฺจิตฺวา คยาโปกฺขรณิยา ตีเร ยกฺขโยนิยํ นิพฺพตฺโต. โส ตสฺส กมฺมสฺส วิปากาวเสเสน ทุทฺทสิโก อโหสิ, สรีเร จสฺส สูจิสทิสานิ โลมานิ อเหสุํ. โส หิ ภึสาเปตพฺพเก สตฺเต สูจีหิ วิชฺฌนฺโต วิย ภึสาเปติ. เอวํ โส สูจิสทิสโลมตฺตา สูจิโลโม ยกฺโขตฺเวว นามํ ลภิ. เต อตฺตโน โคจรตฺถาย ภวนโต ¶ นิกฺขมิตฺวา มุหุตฺตํ คนฺตฺวา คตมคฺเคเนว นิวตฺติตฺวา อิตรํ ทิสาภาคํ คจฺฉนฺตา ภควโต อวิทูเร อติกฺกมนฺติ.
อถ โข ขโรติ กสฺมา เต เอวมาหํสุ? ขโร สมณกปฺปํ ทิสฺวา อาห. สูจิโลโม ปน ‘‘โย ภายติ น โส สมโณ, สมณปฏิรูปกตฺตา ปน สมณโก โหตี’’ติ เอวํลทฺธิโก. ตสฺมา ตาทิสํ ภควนฺตํ มฺมาโน ‘‘เนโส สมโณ, สมณโก เอโส’’ติ สหสาว วตฺวาปิ ปุน วีมํสิตุกาโม อาห – ‘‘ยาวาหํ ชานามี’’ติ. ‘‘อถ โข’’ติ เอวํ วตฺวา ตโต. สูจิโลโม ยกฺโขติ อิโต ปภุติ ยาว อปิจ โข เต สมฺผสฺโส ปาปโกติ, ตาว อุตฺตานตฺถเมว เกวลฺเจตฺถ ภควโต กายนฺติ อตฺตโน กายํ ภควโต อุปนาเมสีติ เอวํ สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ.
ตโต อภายนฺตํ ภควนฺตํ ¶ ทิสฺวา ‘‘ปฺหํ ตํ สมณา’’ติอาทิมาห. กึ การณา? โส หิ จินฺเตสิ – ‘‘อิมินาปิ นาม เม เอวํ ขเรน อมนุสฺสสมฺผสฺเสน มนุสฺโส สมาโน อยํ น ภายติ, หนฺทาหํ เอตํ พุทฺธวิสเย ปฺหํ ปุจฺฉามิ, อทฺธา อยํ ตตฺถ น สมฺปายิสฺสติ, ตโต นํ เอวํ วิเหเสฺสามี’’ติ. ภควา ตํ สุตฺวา ‘‘น ขฺวาหํ ตํ อาวุโส’’ติอาทิมาห. ตํ สพฺพํ อาฬวกสุตฺเต วุตฺตนเยเนว สพฺพากาเรหิ เวทิตพฺพํ.
๒๗๓. อถ โข สูจิโลโม ยกฺโข ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ ‘‘ราโค จ โทโส จา’’ติ. ตตฺถ ราคโทสา วุตฺตนยา เอว. กุโตนิทานาติ กึนิทานา กึเหตุกา. กุโตติ ปจฺจตฺตวจนสฺส โต-อาเทโส เวทิตพฺโพ, สมาเส จสฺส โลปาภาโว. อถ วา นิทานาติ ชาตา อุปฺปนฺนาติ อตฺโถ, ตสฺมา กุโตนิทานา, กุโตชาตา, กุโตอุปฺปนฺนาติ วุตฺตํ โหติ. อรตี รตี โลมหํโส กุโตชาติ ยายํ ‘‘ปนฺเตสุ วา เสนาสเนสุ อฺตรฺตเรสุ วา อธิกุสเลสุ ธมฺเมสุ อรติ ¶ อรติตา อนภิรติ อนภิรมณา อุกฺกณฺิตา ปริตสฺสิตา’’ติ (วิภ. ๘๕๖) เอวํ วิภตฺตา อรติ, ยา จ ปฺจสุ กามคุเณสุ รติ, โย จ โลมหํสสมุฏฺาปนโต ‘‘โลมหํโส’’ตฺเวว สงฺขฺยํ คโต จิตฺตุตฺราโส. อิเม ตโย ธมฺมา กุโตชา กุโตชาตาติ ปุจฺฉติ ¶ . กุโต สมุฏฺายาติ กุโต อุปฺปชฺชิตฺวา. มโนติ กุสลจิตฺตํ, วิตกฺกาติ อุรคสุตฺเต วุตฺตา นว กามวิตกฺกาทโย. กุมารกา ธงฺกมิโวสฺสชนฺตีติ ยถา คามทารกา กีฬนฺตา กากํ สุตฺเตน ปาเท พนฺธิตฺวา โอสฺสชนฺติ ขิปนฺติ, เอวํ กุสลมนํ อกุสลวิตกฺกา กุโต สมุฏฺาย โอสฺสชนฺตีติ ปุจฺฉติ.
๒๗๔. อถสฺส ภควา เต ปฺเห วิสฺสชฺเชนฺโต ‘‘ราโค จา’’ติ ทุติยคาถมภาสิ. ตตฺถ อิโตติ อตฺตภาวํ สนฺธายาห. อตฺตภาวนิทานา หิ ราคโทสา. อรติรติโลมหํสา จ อตฺตภาวโต ชาตา, กามวิตกฺกาทิอกุสลวิตกฺกา จ อตฺตภาวโตเยว ¶ สมุฏฺาย กุสลมโน โอสฺสชนฺติ, เตน ตทฺํ ปกติอาทิการณํ ปฏิกฺขิปนฺโต อาห – ‘‘อิโตนิทานา อิโตชา อิโต สมุฏฺายา’’ติ. สทฺทสิทฺธิ เจตฺถ ปุริมคาถาย วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพา.
๒๗๕-๖. เอวํ เต ปฺเห วิสฺสชฺเชตฺวา อิทานิ ยฺวายํ ‘‘อิโตนิทานา’’ติอาทีสุ ‘‘อตฺตภาวนิทานา อตฺตภาวโต ชาตา อตฺตภาวโต สมุฏฺายา’’ติ อตฺโถ วุตฺโต, ตํ สาเธนฺโต อาห – ‘‘สฺเนหชา อตฺตสมฺภูตา’’ติ. เอเต หิ สพฺเพปิ ราคาทโย วิตกฺกปริโยสานา ตณฺหาสฺเนเหน ชาตา, ตถา ชายนฺตา จ ปฺจุปาทานกฺขนฺธเภเท อตฺตภาวปริยาเย อตฺตนิ สมฺภูตา. เตนาห – ‘‘สฺเนหชา อตฺตสมฺภูตา’’ติ. อิทานิ ตทตฺถโชติกํ อุปมํ กโรติ ‘‘นิคฺโรธสฺเสว ขนฺธชา’’ติ. ตตฺถ ขนฺเธสุ ชาตา ขนฺธชา, ปาโรหานเมตํ อธิวจนํ. กึ วุตฺตํ โหติ? ยถา นิคฺโรธสฺส ขนฺธชา นาม ปาโรหา อาโปรสสิเนเห สติ ชายนฺติ, ชายนฺตา จ ตสฺมึเยว นิคฺโรเธ เตสุ เตสุ สาขปฺปเภเทสุ สมฺภวนฺติ, เอวเมเตปิ ราคาทโย อชฺฌตฺตตณฺหาสฺเนเห สติ ชายนฺติ, ชายนฺตา จ ตสฺมึเยว อตฺตภาเว เตสุ เตสุ จกฺขาทิเภเทสุ ทฺวารารมฺมณวตฺถูสุ สมฺภวนฺติ. ตสฺมา เวทิตพฺพเมตํ ‘‘อตฺตภาวนิทานา อตฺตภาวชา อตฺตภาวสมุฏฺานา จ เอเต’’ติ.
อวเสสทิยฑฺฒคาถาย ปน อยํ สพฺพสงฺคาหิกา อตฺถวณฺณนา – เอวํ อตฺตสมฺภูตา จ เอเต ปุถู วิสตฺตา กาเมสุ. ราโคปิ หิ ปฺจกามคุณิกาทิวเสน, โทโสปิ อาฆาตวตฺถาทิวเสน, อรติอาทโยปิ ตสฺส ตสฺเสว เภทสฺส วเสนาติ สพฺพถา สพฺเพปิเม กิเลสา ปุถู อเนกปฺปการา ¶ หุตฺวา วตฺถุทฺวารารมฺมณาทิวเสน เตสุ เตสุ วตฺถุกาเมสุ ตถา ตถา วิสตฺตา ลคฺคา ลคฺคิตา ¶ สํสิพฺพิตฺวา ิตา. กิมิว? มาลุวาว วิตตา วเน, ยถา วเน วิตตา มาลุวา เตสุ เตสุ รุกฺขสฺส สาขปสาขาทิเภเทสุ วิสตฺตา โหติ ลคฺคา ลคฺคิตา สํสิพฺพิตฺวา ิตา, เอวํ ปุถุปฺปเภเทสุ วตฺถุกาเมสุ วิสตฺตํ กิเลสคณํ เย นํ ปชานนฺติ ยโตนิทานํ, เต นํ วิโนเทนฺติ สุโณหิ ยกฺข ¶ .
ตตฺถ ยโตนิทานนฺติ ภาวนปุํสกนิทฺเทโส, เตน กึ ทีเปติ? เย สตฺตา นํ กิเลสคณํ ‘‘ยโตนิทานํ อุปฺปชฺชตี’’ติ เอวํ ชานนฺติ, เต นํ ‘‘ตณฺหาสฺเนหสฺเนหิเต อตฺตภาเว อุปฺปชฺชตี’’ติ ตฺวา ตํ ตณฺหาสฺเนหํ อาทีนวานุปสฺสนาทิภาวนาาณคฺคินา วิโสเสนฺตา วิโนเทนฺติ ปชหนฺติ พฺยนฺตีกโรนฺติ จ, เอตํ อมฺหากํ สุภาสิตํ สุโณหิ ยกฺขาติ. เอวเมตฺถ อตฺตภาวชานเนน ทุกฺขปริฺํ ตณฺหาสฺเนหราคาทิกิเลสคณวิโนทเนน สมุทยปฺปหานฺจ ทีเปติ.
เย จ นํ วิโนเทนฺติ, เต ทุตฺตรํ โอฆมิมํ ตรนฺติ อติณฺณปุพฺพํ อปุนพฺภวาย. เอเตน มคฺคภาวนํ นิโรธสจฺฉิกิริยฺจ ทีเปติ. เย หิ นํ กิเลสคณํ วิโนเทนฺติ, เต อวสฺสํ มคฺคํ ภาเวนฺติ. น หิ มคฺคภาวนํ วินา กิเลสวิโนทนํ อตฺถิ. เย จ มคฺคํ ภาเวนฺติ, เต ทุตฺตรํ ปกติาเณน กาโมฆาทึ จตุพฺพิธมฺปิ โอฆมิมํ ตรนฺติ. มคฺคภาวนา หิ โอฆตรณํ. อติณฺณปุพฺพนฺติ อิมินา ทีเฆน อทฺธุนา สุปินนฺเตนปิ อวีติกฺกนฺตปุพฺพํ. อปุนพฺภวายาติ นิพฺพานาย. เอวมิมํ จตุสจฺจทีปิกํ คาถํ สุณนฺตา ‘‘สุตฺวา ธมฺมํ ธาเรนฺติ, ธตานํ ธมฺมานํ อตฺถมุปปริกฺขนฺตี’’ติอาทิกํ กถํ สุภาวินิยา ปฺาย อนุกฺกมมานา เต ทฺเวปิ สหายกา ยกฺขา คาถาปริโยสาเนเยว โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสุ, ปาสาทิกา จ อเหสุํ สุวณฺณวณฺณา ทิพฺพาลงฺการวิภูสิตาติ.
ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย
สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย สูจิโลมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. กปิลสุตฺต-(ธมฺมจริยสุตฺต)-วณฺณนา
ธมฺมจริยนฺติ ¶ ¶ กปิลสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? เหมวตสุตฺเต วุตฺตนเยเนว ปรินิพฺพุเต กสฺสเป ภควติ ทฺเว กุลปุตฺตา ภาตโร นิกฺขมิตฺวา สาวกานํ สนฺติเก ปพฺพชึสุ. เชฏฺโ โสธโน นาม, กนิฏฺโ กปิโล นาม. เตสํ มาตา สาธนี นาม, กนิฏฺภคินี ตาปนา นาม. ตาปิ ภิกฺขุนีสุ ¶ ปพฺพชึสุ. ตโต เต ทฺเวปิ เหมวตสุตฺเต วุตฺตนเยเนว ‘‘สาสเน กติ ธุรานี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา สุตฺวา จ เชฏฺโ ‘‘วาสธุรํ ปูเรสฺสามี’’ติ ปฺจ วสฺสานิ อาจริยุปชฺฌายานํ สนฺติเก วสิตฺวา ปฺจวสฺโส หุตฺวา ยาว อรหตฺตํ, ตาว กมฺมฏฺานํ สุตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา วายมนฺโต อรหตฺตํ ปาปุณิ. กปิโล ‘‘อหํ ตาว ตรุโณ, วุฑฺฒกาเล วาสธุรํ ปริปูเรสฺสามี’’ติ คนฺถธุรํ อารภิตฺวา เตปิฏโก อโหสิ. ตสฺส ปริยตฺตึ นิสฺสาย ปริวาโร, ปริวารํ นิสฺสาย ลาโภ จ อุทปาทิ.
โส พาหุสจฺจมเทน มตฺโต ปณฺฑิตมานี อนฺาเตปิ อฺาตมานี หุตฺวา ปเรหิ วุตฺตํ กปฺปิยมฺปิ อกปฺปิยํ, อกปฺปิยมฺปิ กปฺปิยํ, สาวชฺชมฺปิ อนวชฺชํ, อนวชฺชมฺปิ สาวชฺชนฺติ ภณติ. โส เปสเลหิ ภิกฺขูหิ, ‘‘มา, อาวุโส กปิล, เอวํ อวจา’’ติอาทินา นเยน โอวทิยมาโน ‘‘ตุมฺเห กึ ชานาถ ริตฺตมุฏฺิสทิสา’’ติอาทีหิ วจเนหิ ขุํเสนฺโต วมฺเภนฺโตเยว จรติ. ภิกฺขู ตสฺส ภาตุโน โสธนตฺเถรสฺสาปิ เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. โสปิ นํ อุปสงฺกมิตฺวา อาห – ‘‘อาวุโส กปิล, สาสนสฺส อายุ นาม ตุมฺหาทิสานํ สมฺมาปฏิปตฺติ. มา, อาวุโส กปิล, กปฺปิยมฺปิ อกปฺปิยํ, อกปฺปิยมฺปิ กปฺปิยํ, สาวชฺชมฺปิ อนวชฺชํ, อนวชฺชมฺปิ สาวชฺชนฺติ วเทหี’’ติ. โส ตสฺสปิ วจนํ นาทิยิ. ตโต นํ โสธนตฺเถโร ทฺวตฺติกฺขตฺตุํ วตฺวา –
‘‘เอกวาจมฺปิ ทฺวิวาจํ, ภเณยฺย อนุกมฺปโก;
ตตุตฺตรึ น ภาเสยฺย, ทาโสวยฺยสฺส สนฺติเก’’ติ. (ชา. ๒.๑๙.๓๔) –
ปริวชฺเชตฺวา ‘‘ตฺวเมว, อาวุโส, สเกน กมฺเมน ปฺายิสฺสสี’’ติ ปกฺกามิ. ตโต ปภุติ นํ เปสลา ภิกฺขู ฉฑฺเฑสุํ.
โส ¶ ¶ ทุราจาโร หุตฺวา ทุราจารปริวุโต วิหรนฺโต เอกทิวสํ ‘‘อุโปสถํ โอสาเรสฺสามี’’ติ สีหาสนํ อภิรุยฺห จิตฺรพีชนึ คเหตฺวา นิสินฺโน ‘‘วตฺตติ, อาวุโส, เอตฺถ ภิกฺขูนํ ปาติโมกฺโข’’ติ ติกฺขตฺตุํ อาห. อเถโก ภิกฺขุปิ ‘‘มยฺหํ ¶ วตฺตตี’’ติ น อโวจ. น จ ตสฺส เตสํ วา ปาติโมกฺโข วตฺตติ. ตโต โส ‘‘ปาติโมกฺเข สุเตปิ อสุเตปิ วินโย นาม นตฺถี’’ติ อาสนา วุฏฺาสิ. เอวํ กสฺสปสฺส ภควโต สาสนํ โอสกฺกาเปสิ วินาเสสิ. อถ โสธนตฺเถโร ตทเหว ปรินิพฺพายิ. โสปิ กปิโล เอวํ ตํ สาสนํ โอสกฺกาเปตฺวา กาลกโต อวีจิมหานิรเย นิพฺพตฺติ, สาปิสฺส มาตา จ ภคินี จ ตสฺเสว ทิฏฺานุคตึ อาปชฺชิตฺวา เปสเล ภิกฺขู อกฺโกสมานา ปริภาสมานา กาลํ กตฺวา นิรเย นิพฺพตฺตึสุ.
ตสฺมึเยว จ กาเล ปฺจสตา ปุริสา คามฆาตาทีนิ กตฺวา โจริกาย ชีวนฺตา ชนปทมนุสฺเสหิ อนุพทฺธา ปลายมานา อรฺํ ปวิสิตฺวา ตตฺถ กิฺจิ คหนํ วา ปฏิสรณํ วา อปสฺสนฺตา อวิทูเร ปาสาเณ วสนฺตํ อฺตรํ อารฺิกํ ภิกฺขุํ ทิสฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘อมฺหากํ, ภนฺเต, ปฏิสรณํ โหถา’’ติ ภณึสุ. เถโร ‘‘ตุมฺหากํ สีลสทิสํ ปฏิสรณํ นตฺถิ, สพฺเพ ปฺจ สีลานิ สมาทิยถา’’ติ อาห. เต ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา สีลานิ สมาทิยึสุ. เถโร ‘‘ตุมฺเห สีลวนฺโต, อิทานิ อตฺตโน ชีวิตํ วินาเสนฺเตสุปิ มา มโน ปทูสยิตฺถา’’ติ อาห. เต ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉึสุ. อถ เต ชานปทา สมฺปตฺตา อิโต จิโต จ มคฺคมานา เต โจเร ทิสฺวา สพฺเพว ชีวิตา โวโรเปสุํ. เต กาลํ กตฺวา กามาวจรเทวโลเก นิพฺพตฺตึสุ. เตสุ เชฏฺกโจโร เชฏฺกเทวปุตฺโต อโหสิ, อิตเร ตสฺเสว ปริวารา.
เต อนุโลมปฏิโลมํ สํสรนฺตา เอกํ พุทฺธนฺตรํ เทวโลเก เขเปตฺวา อมฺหากํ ภควโต กาเล เทวโลกโต จวิตฺวา เชฏฺกเทวปุตฺโต สาวตฺถิทฺวาเร เกวฏฺฏคาโม อตฺถิ, ตตฺถ ปฺจสตกุลเชฏฺสฺส เกวฏฺฏสฺส ปชาปติยา กุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ อคฺคเหสิ, อิตเร อวเสสเกวฏฺฏปชาปตีนํ. เอวํ เตสํ เอกทิวสํเยว ปฏิสนฺธิคฺคหณฺจ คพฺภวุฏฺานฺจ อโหสิ. อถ เกวฏฺฏเชฏฺโ ‘‘อตฺถิ นุ โข อิมสฺมึ คาเม อฺเปิ ทารกา อชฺช ชาตา’’ติ วิจินนฺโต เต ทารเก ทิสฺวา ‘‘อิเม เม ¶ ปุตฺตสฺส สหายกา ภวิสฺสนฺตี’’ติ สพฺเพสํ โปสาวนิกํ อทาสิ. เต สพฺเพ สหายกา ¶ สหปํสุํ กีฬนฺตา อนุปุพฺเพน วยปฺปตฺตา อเหสุํ. ยโสโช เตสํ อคฺโค อโหสิ.
กปิโลปิ ¶ ตทา นิรเย ปกฺกาวเสเสน อจิรวติยา สุวณฺณวณฺโณ ทุคฺคนฺธมุโข มจฺโฉ หุตฺวา นิพฺพตฺติ. อเถกทิวสํ สพฺเพปิ เกวฏฺฏทารกา ชาลานิ คเหตฺวา ‘‘มจฺเฉ พนฺธิสฺสามา’’ติ นทึ คนฺตฺวา ชาลานิ ปกฺขิปึสุ. เตสํ ชาลํ โส มจฺโฉ ปาวิสิ. ตํ ทิสฺวา สพฺโพ เกวฏฺฏคาโม อุจฺจาสทฺทมหาสทฺโท อโหสิ – ‘‘อมฺหากํ ปุตฺตา ปมํ มจฺเฉ พนฺธนฺตา สุวณฺณมจฺฉํ พนฺธึสุ, วุฑฺฒิ เนสํ ทารกานํ, อิทานิ จ โน ราชา ปหูตํ ธนํ ทสฺสตี’’ติ. อถ เต ปฺจสตาปิ ทารกสหายกา มจฺฉํ นาวาย ปกฺขิปิตฺวา นาวํ อุกฺขิปิตฺวา รฺโ สนฺติกํ อคมํสุ. ราชา ทิสฺวา ‘‘กึ เอตํ ภเณ’’ติ อาห. ‘‘มจฺโฉ เทวา’’ติ. ราชา สุวณฺณวณฺณํ มจฺฉํ ทิสฺวา ‘‘ภควา เอตสฺส วณฺณการณํ ชานิสฺสตี’’ติ มจฺฉํ คาหาเปตฺวา ภควโต สนฺติกํ อคมาสิ. มจฺฉสฺส มุขวิวรณกาเล เชตวนํ อติวิย ทุคฺคนฺธํ โหติ.
ราชา ภควนฺตํ ปุจฺฉิ – ‘‘กสฺมา, ภนฺเต, มจฺโฉ สุวณฺณวณฺโณ ชาโต, กสฺมา จสฺส มุขโต ทุคฺคนฺโธ วายตี’’ติ? อยํ, มหาราช, กสฺสปสฺส ภควโต ปาวจเน กปิโล นาม ภิกฺขุ อโหสิ, พหุสฺสุโต อาคตาคโม. อตฺตโน วจนํ อคณฺหนฺตานํ ภิกฺขูนํ อกฺโกสกปริภาสโก. ตสฺส จ ภควโต สาสนวินาสโก. ยํ โส ตสฺส ภควโต สาสนํ วินาเสสิ, เตน กมฺเมน อวีจิมหานิรเย นิพฺพตฺติ, วิปากาวเสเสน จ อิทานิ มจฺโฉ ชาโต. ยํ ทีฆรตฺตํ พุทฺธวจนํ วาเจสิ, พุทฺธสฺส วณฺณํ กเถสิ, ตสฺส นิสฺสนฺเทน อีทิสํ วณฺณํ ปฏิลภิ. ยํ ภิกฺขูนํ อกฺโกสกปริภาสโก อโหสิ, เตนสฺส มุขโต ทุคฺคนฺโธ วายติ. ‘‘อุลฺลปาเปมิ นํ มหาราชา’’ติ? ‘‘อาม ภควา’’ติ. อถ ภควา ¶ มจฺฉํ อาลปิ – ‘‘ตฺวํสิ กปิโล’’ติ? ‘‘อาม ภควา, อหํ กปิโล’’ติ. ‘‘กุโต อาคโตสี’’ติ? ‘‘อวีจิมหานิรยโต ภควา’’ติ. ‘‘โสธโน กุหึ คโต’’ติ? ‘‘ปรินิพฺพุโต ภควา’’ติ. ‘‘สาธนี กุหึ คตา’’ติ? ‘‘มหานิรเย นิพฺพตฺตา ภควา’’ติ. ‘‘ตาปนา กุหึ คตา’’ติ? ‘‘มหานิรเย นิพฺพตฺตา ภควา’’ติ. ‘‘อิทานิ ตฺวํ กุหึ คมิสฺสสี’’ติ? ‘‘มหานิรยํ ภควา’’ติ. ตาวเทว วิปฺปฏิสาราภิภูโต นาวํ สีเสน ปหริตฺวา กาลกโต มหานิรเย นิพฺพตฺติ. มหาชโน สํวิคฺโค อโหสิ โลมหฏฺชาโต. อถ ¶ ภควา ตตฺถ สมฺปตฺตคหฏฺปพฺพชิตปริสาย ตงฺขณานุรูปํ ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ สุตฺตมภาสิ.
๒๗๗-๘. ตตฺถ ธมฺมจริยนฺติ กายสุจริตาทิ ธมฺมจริยํ. พฺรหฺมจริยนฺติ มคฺคพฺรหฺมจริยํ. เอตทาหุ วสุตฺตมนฺติ เอตํ อุภยมฺปิ โลกิยโลกุตฺตรํ สุจริตํ สคฺคโมกฺขสุขสมฺปาปกตฺตา วสุตฺตมนฺติ อาหุ อริยา. วสุตฺตมํ นาม อุตฺตมรตนํ, อนุคามิกํ อตฺตาธีนํ ราชาทีนํ อสาธารณนฺติ อธิปฺปาโย.
เอตฺตาวตา ¶ ‘‘คหฏฺสฺส วา ปพฺพชิตสฺส วา สมฺมาปฏิปตฺติเยว ปฏิสรณ’’นฺติ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ปฏิปตฺติวิรหิตาย ปพฺพชฺชาย อสารกตฺตทสฺสเนน กปิลํ อฺเ จ ตถารูเป ครหนฺโต ‘‘ปพฺพชิโตปิ เจ โหตี’’ติ เอวมาทิมาห.
ตตฺรายํ อตฺถวณฺณนา – โย หิ โกจิ คิหิพฺยฺชนานิ อปเนตฺวา ภณฺฑุกาสาวาทิคหณมตฺตํ อุปสงฺกมเนน ปพฺพชิโตปิ เจ โหติ ปุพฺเพ วุตฺตตฺถํ อคารสฺมา อนคาริยํ, โส เจ มุขรชาติโก โหติ ผรุสวจโน, นานปฺปการาย วิเหสาย อภิรตตฺตา วิเหสาภิรโต, หิโรตฺตปฺปาภาเวน มคสทิสตฺตา มโค, ชีวิตํ ตสฺส ปาปิโย, ตสฺส เอวรูปสฺส ชีวิตํ อติปาปํ อติหีนํ. กสฺมา? ยสฺมา อิมาย มิจฺฉาปฏิปตฺติยา ราคาทิมเนกปฺปการํ รชํ วฑฺเฒติ อตฺตโน.
๒๗๙. น เกวลฺจ อิมินาว การเณนสฺส ชีวิตํ ปาปิโย, อปิจ โข ปน อยํ เอวรูโป มุขรชาติกตฺตา กลหาภิรโต ภิกฺขุ สุภาสิตสฺส อตฺถวิชานนสมฺโมหเนน ¶ โมหธมฺเมน อาวุโต, ‘‘มา, อาวุโส กปิล, เอวํ อวจ, อิมินาปิ ปริยาเยน ตํ คณฺหาหี’’ติ เอวมาทินา นเยน เปสเลหิ ภิกฺขูหิ อกฺขาตมฺปิ น ชานาติ ธมฺมํ พุทฺเธน เทสิตํ. โย ธมฺโม พุทฺเธน เทสิโต, ตํ นานปฺปกาเรน อตฺตโน วุจฺจมานมฺปิ น ชานาติ. เอวมฺปิสฺส ชีวิตํ ปาปิโย.
๒๘๐. ตถา โส เอวรูโป วิเหสาภิรตตฺตา วิเหสํ ภาวิตตฺตานํ ภาวิตตฺเต ขีณาสวภิกฺขู โสธนตฺเถรปภุติเก ‘‘น ตุมฺเห วินยํ ชานาถ, น สุตฺตํ น อภิธมฺมํ, วุฑฺฒปพฺพชิตา’’ติอาทินา นเยน วิเหสนฺโต ¶ . อุปโยคปฺปวตฺติยฺหิ อิทํ สามิวจนํ. อถ วา ยถาวุตฺเตเนว นเยน ‘‘วิเหสํ ภาวิตตฺตานํ กโรนฺโต’’ติ ปาเสโส เวทิตพฺโพ. เอวํ นิปฺปริยายเมว สามิวจนํ สิชฺฌติ. อวิชฺชาย ปุรกฺขโตติ ภาวิตตฺตวิเหสเน อาทีนวทสฺสนปฏิจฺฉาทิกาย อวิชฺชาย ปุรกฺขโต เปสิโต ปโยชิโต เสสปพฺพชิตานํ ภาวิตตฺตานํ วิเหสภาเวน ปวตฺตํ ทิฏฺเว ธมฺเม จิตฺตวิพาธเนน สงฺกิเลสํ, อายติฺจ นิรยสมฺปาปเนน มคฺคํ นิรยคามินํ น ชานาติ.
๒๘๑. อชานนฺโต จ เตน มคฺเคน จตุพฺพิธาปายเภทํ วินิปาตํ สมาปนฺโน. ตตฺถ จ วินิปาเต คพฺภา คพฺภํ ตมา ตมํ เอเกกนิกาเย สตกฺขตฺตุํ สหสฺสกฺขตฺตุมฺปิ มาตุกุจฺฉิโต มาตุกุจฺฉึ จนฺทิมสูริเยหิปิ อวิทฺธํสนียา อสุรกายตมา ตมฺจ สมาปนฺโน. ส เว ตาทิสโก ¶ ภิกฺขุ เปจฺจ อิโต ปรโลกํ คนฺตฺวา อยํ กปิลมจฺโฉ วิย นานปฺปการํ ทุกฺขํ นิคจฺฉติ.
๒๘๒. กึ การณา? คูถกูโป ยถา อสฺส, สมฺปุณฺโณ คณวสฺสิโก,ยถา วจฺจกุฏิคูถกูโป คณวสฺสิโก อเนกวสฺสิโก พหูนิ วสฺสานิ มุขโต คูเถน ปูริยมาโน สมฺปุณฺโณ อสฺส, โส อุทกกุมฺภสเตหิ ¶ อุทกกุมฺภสหสฺเสหิ โธวิยมาโนปิ ทุคฺคนฺธทุพฺพณฺณิยานปคมา ทุพฺพิโสโธ โหติ, เอวเมว โย เอวรูโป อสฺส ทีฆรตฺตํ สํกิลิฏฺกมฺมนฺโต คูถกูโป วิย คูเถน ปาเปน สมฺปุณฺณตฺตา สมฺปุณฺโณ ปุคฺคโล, โส ทุพฺพิโสโธ หิ สางฺคโณ, จิรกาลํ ตสฺส องฺคณสฺส วิปากํ ปจฺจนุโภนฺโตปิ น สุชฺฌติ. ตสฺมา วสฺสคณนาย อปริมาณมฺปิ กาลํ ส เว ตาทิสโก ภิกฺขุ เปจฺจ ทุกฺขํ นิคจฺฉตีติ. อถ วา อยํ อิมิสฺสา คาถาย สมฺพนฺโธ – ยํ วุตฺตํ ‘‘ส เว ตาทิสโก ภิกฺขุ, เปจฺจ ทุกฺขํ นิคจฺฉตี’’ติ, ตตฺร สิยา ตุมฺหากํ ‘‘สกฺกา ปนายํ ตถา กาตุํ, ยถา เปจฺจ ทุกฺขํ น นิคจฺเฉยฺยา’’ติ. น สกฺกา. กสฺมา? ยสฺมา คูถกูโป…เป… สางฺคโณติ.
๒๘๓-๔. ยโต ¶ ปฏิกจฺเจว ยํ เอวรูปํ ชานาถ, ภิกฺขโว เคหนิสฺสิตํ, ยํ เอวรูปํ ปฺจกามคุณนิสฺสิตํ ชาเนยฺยาถ อภูตคุณปตฺถนาการปฺปวตฺตาย ปาปิกาย อิจฺฉาย สมนฺนาคตตฺตา ปาปิจฺฉํ, กามวิตกฺกาทีหิ สมนฺนาคตตฺตา ปาปสงฺกปฺปํ, กายิกวีติกฺกมาทินา เวฬุทานาทิเภเทน จ ปาปาจาเรน สมนฺนาคตตฺตา ปาปาจารํ, เวสิยาทิปาปโคจรโต ปาปโคจรํ, สพฺเพ สมคฺคา หุตฺวาน อภินิพฺพชฺชิยาถ นํ. ตตฺถ อภินิพฺพชฺชิยาถาติ วิวชฺเชยฺยาถ มา ภเชยฺยาถ, มา จสฺส อภินิพฺพชฺชนมตฺเตเนว อปฺโปสฺสุกฺกตํ อาปชฺเชยฺยาถ, อปิจ โข ปน การณฺฑวํ นิทฺธมถ, กสมฺพุํ อปกสฺสถ, ตํ กจวรภูตํ ปุคฺคลํ กจวรมิว อนเปกฺขา นิทฺธมถ, กสฏภูตฺจ นํ ขตฺติยาทีนํ มชฺเฌ ปวิฏฺํ ปภินฺนปคฺฆริตกุฏฺํ จณฺฑาลํ วิย อปกสฺสถ, หตฺเถ วา สีเส วา คเหตฺวา นิกฺกฑฺฒถ. เสยฺยถาปิ ¶ อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ตํ ปุคฺคลํ ปาปธมฺมํ พาหาย คเหตฺวา พหิทฺวารโกฏฺกา นิกฺขาเมตฺวา สูจิฆฏิกํ อทาสิ, เอวํ อปกสฺสถาติ ทสฺเสติ. กึ การณา? สงฺฆาราโม นาม สีลวนฺตานํ กโต, น ทุสฺสีลานํ.
๒๘๕-๖. ยโต เอตเทว ตโต ปลาเป วาเหถ, อสฺสมเณ สมณมานิเน, ยถา หิ ปลาปา อนฺโต ตณฺฑุลรหิตาปิ พหิ ถุเสหิ วีหี วิย ทิสฺสนฺติ, เอวํ ปาปภิกฺขู อนฺโต สีลาทิวิรหิตาปิ พหิ กาสาวาทิปริกฺขาเรน ภิกฺขู วิย ทิสฺสนฺติ. ตสฺมา ‘‘ปลาปา’’ติ วุจฺจนฺติ. เต ปลาเป วาเหถ, โอปุนาถ, วิธมถ ปรมตฺถโต อสฺสมเณ เวสมตฺเตน สมณมานิเน ¶ . เอวํ นิทฺธมิตฺวาน…เป… ปติสฺสตา. ตตฺถ กปฺปยวฺโหติ กปฺเปถ, กโรถาติ วุตฺตํ โหติ. ปติสฺสตาติ อฺมฺํ สคารวา สปฺปติสฺสา. ตโต สมคฺคา นิปกา, ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสถาติ อเถวํ ตุมฺเห สุทฺธา สุทฺเธหิ สํวาสํ กปฺเปนฺตา, ทิฏฺิสีลสามฺตาย สมคฺคา, อนุปุพฺเพน ปริปากคตาย ปฺาย นิปกา, สพฺพสฺเสวิมสฺส วฏฺฏทุกฺขาทิโน ทุกฺขสฺส อนฺตํ กริสฺสถาติ อรหตฺตนิกูเฏเนว เทสนํ นิฏฺเปสิ.
เทสนาปริโยสาเน เต ปฺจสตา เกวฏฺฏปุตฺตา สํเวคมาปชฺชิตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตกิริยํ ปตฺถยมานา ภควโต สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา นจิรสฺเสว ทุกฺขสฺสนฺตํ ¶ กตฺวา ภควตา สทฺธึ อาเนฺชวิหารสมาปตฺติธมฺมปริโภเคน เอกปริโภคา อเหสุํ. สา จ เนสํ เอวํ ภควตา สทฺธึ เอกปริโภคตา อุทาเน วุตฺตยโสชสุตฺตวเสเนว เวทิตพฺพาติ.
ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย
สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย กปิลสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. พฺราหฺมณธมฺมิกสุตฺตวณฺณนา
เอวํ ¶ เม สุตนฺติ พฺราหฺมณธมฺมิกสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? อยเมว ยาสฺส นิทาเน ‘‘อถ โข สมฺพหุลา’’ติอาทินา นเยน วุตฺตา. ตตฺถ ¶ สมฺพหุลาติ พหู อเนเก. โกสลกาติ โกสลรฏฺวาสิโน. พฺราหฺมณมหาสาลาติ ชาติยา พฺราหฺมณา มหาสารตาย มหาสาลา. เยสํ กิร นิทหิตฺวา ปิตํเยว อสีติโกฏิสงฺขฺยํ ธนมตฺถิ, เต ‘‘พฺราหฺมณมหาสาลา’’ติ วุจฺจนฺติ. อิเม จ ตาทิสา, เตน วุตฺตํ ‘‘พฺราหฺมณมหาสาลา’’ติ. ชิณฺณาติ ชชฺชรีภูตา ชราย ขณฺฑิจฺจาทิภาวมาปาทิตา. วุฑฺฒาติ องฺคปจฺจงฺคานํ วุฑฺฒิมริยาทํ ปตฺตา. มหลฺลกาติ ชาติมหลฺลกตาย สมนฺนาคตา, จิรกาลปฺปสุตาติ วุตฺตํ โหติ. อทฺธคตาติ อทฺธานํ คตา, ทฺเว ตโย ราชปริวฏฺเฏ อตีตาติ อธิปฺปาโย. วโย อนุปฺปตฺตาติ ปจฺฉิมวยํ สมฺปตฺตา. อปิจ ชิณฺณาติ โปราณา, จิรกาลปฺปวตฺตกุลนฺวยาติ วุตฺตํ โหติ. วุฑฺฒาติ สีลาจาราทิคุณวุฑฺฒิยุตฺตา. มหลฺลกาติ วิภวมหนฺตตาย สมนฺนาคตา มหทฺธนา มหาโภคา. อทฺธคตาติ มคฺคปฏิปนฺนา พฺราหฺมณานํ วตจริยาทิมริยาทํ อวีติกฺกมฺม จรมานา. วโย อนุปฺปตฺตาติ ชาติวุฑฺฒภาวมฺปิ อนฺติมวยํ อนุปฺปตฺตาติ เอวมฺเปตฺถ โยชนา เวทิตพฺพา. เสสเมตฺถ ปากฏเมว.
ภควตา สทฺธึ สมฺโมทึสูติ ขมนียาทีนิ ปุจฺฉนฺตา อฺมฺํ สมปฺปวตฺตโมทา อเหสุํ. ยาย จ ‘‘กจฺจิ โภโต โคตมสฺส ขมนียํ, กจฺจิ ยาปนียํ, อปฺปาพาธํ, อปฺปาตงฺกํ, พลํ, ลหุฏฺานํ, ผาสุวิหาโร’’ติอาทิกาย กถาย สมฺโมทึสุ, ตํ ปีติปาโมชฺชสงฺขาตสมฺโมทชนนโต สมฺโมทิตุํ อรหโต จ สมฺโมทนียํ, อตฺถพฺยฺชนมธุรตาย สุจิรมฺปิ ¶ กาลํ สาเรตุํ นิรนฺตรํ ปวตฺเตตุํ อรหโต สริตพฺพภาวโต จ สารณียํ. สุยฺยมานสุขโต จ สมฺโมทนียํ, อนุสฺสริยมานสุขโต สารณียํ, ตถา พฺยฺชนปริสุทฺธตาย สมฺโมทนียํ, อตฺถปริสุทฺธตาย สารณียนฺติ เอวํ อเนเกหิ ปริยาเยหิ สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ ¶ วีติสาเรตฺวา ปริโยสาเปตฺวา นิฏฺาเปตฺวา เยนตฺเถน อาคตา, ตํ ปุจฺฉิตุกามา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. ตํ –
‘‘น ปจฺฉโต น ปุรโต, นาปิ อาสนฺนทูรโต;
น ปสฺเส นาปิ ปฏิวาเต, น จาปิ โอณตุณฺณเต’’ติ. –
อาทินา ¶ นเยน มงฺคลสุตฺตวณฺณนายํ วุตฺตเมว.
เอวํ เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เต พฺราหฺมณมหาสาลา ภควนฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘กึ ต’’นฺติ? ‘‘สนฺทิสฺสนฺติ นุ โข’’ติอาทิ. ตํ สพฺพํ อุตฺตานตฺถเมว. เกวลฺเหตฺถ พฺราหฺมณานํ พฺราหฺมณธมฺเมติ เทสกาลาทิธมฺเม ฉฑฺเฑตฺวา โย พฺราหฺมณธมฺโม, ตสฺมึเยว. เตน หิ พฺราหฺมณาติ ยสฺมา มํ ตุมฺเห ยาจิตฺถ, ตสฺมา พฺราหฺมณา สุณาถ, โสตํ โอทหถ, สาธุกํ มนสิ กโรถ, โยนิโส มนสิ กโรถ. ตถา ปโยคสุทฺธิยา สุณาถ, อาสยสุทฺธิยา สาธุกํ มนสิ กโรถ. อวิกฺเขเปน สุณาถ, ปคฺคเหน สาธุกํ มนสิ กโรถาติอาทินา นเยน เอเตสํ ปทานํ ปุพฺเพ อวุตฺโตปิ อธิปฺปาโย เวทิตพฺโพ. อถ ภควตา วุตฺตํ ตํ วจนํ สมฺปฏิจฺฉนฺตา ‘‘เอวํ โภ’’ติ โข เต พฺราหฺมณมหาสาลา ภควโต ปจฺจสฺโสสุํ, ภควโต วจนํ อภิมุขา หุตฺวา อสฺโสสุํ. อถ วา ปฏิสฺสุณึสุ. ‘‘สุณาถ สาธุกํ มนสิ กโรถา’’ติ วุตฺตมตฺถํ กตฺตุกามตาย ปฏิชานึสูติ วุตฺตํ โหติ. อถ เตสํ เอวํ ปฏิสฺสุตวตํ ภควา เอตทโวจ – ‘‘กึ ต’’นฺติ? ‘‘อิสโย ปุพฺพกา’’ติอาทิ.
๒๘๗. ตตฺถ ปมคาถาย ตาว สฺตตฺตาติ สีลสํยเมน สํยตจิตฺตา. ตปสฺสิโนติ อินฺทฺริยสํวรตปยุตฺตา. อตฺตทตฺถมจาริสุนฺติ มนฺตชฺเฌนพฺรหฺมวิหารภาวนาทึ อตฺตโน อตฺถํ อกํสุ. เสสํ ปากฏเมว.
๒๘๘. ทุติยคาถาทีสุปิ อยํ สงฺเขปวณฺณนา – น ปสู พฺราหฺมณานาสุนฺติ โปราณานํ พฺราหฺมณานํ ปสู น อาสุํ, น เต ปสุปริคฺคหมกํสุ. น หิรฺํ น ธานิยนฺติ หิรฺฺจ ¶ พฺราหฺมณานํ อนฺตมโส ชตุมาสโกปิ นาโหสิ ¶ , ตถา วีหิสาลิยวโคธูมาทิ ปุพฺพณฺณาปรณฺณเภทํ ธานิยมฺปิ เตสํ นาโหสิ. เต หิ นิกฺขิตฺตชาตรูปรชตา อสนฺนิธิการกาว หุตฺวา เกวลํ สชฺฌายธนธฺา อตฺตโน มนฺตชฺเฌนสงฺขาเตเนว ธเนน ธฺเน จ สมนฺนาคตา อเหสุํ. โย จายํ เมตฺตาทิวิหาโร เสฏฺตฺตา อนุคามิกตฺตา จ พฺรหฺมนิธีติ วุจฺจติ, ตฺจ พฺรหฺมํ นิธิมปาลยุํ สทา ตสฺส ภาวนานุโยเคน.
๒๘๙. เอวํ วิหารีนํ ยํ เนสํ ปกตํ อาสิ, ยํ เอเตสํ ปกตํ เอเต พฺราหฺมเณ อุทฺทิสฺส กตํ อโหสิ. ทฺวารภตฺตํ อุปฏฺิตนฺติ ‘‘พฺราหฺมณานํ ทสฺสามา’’ติ สชฺเชตฺวา เตหิ เตหิ ทายเกหิ อตฺตโน อตฺตโน ฆรทฺวาเร ปิตภตฺตํ. สทฺธาปกตนฺติ สทฺธาย ปกตํ, สทฺธาเทยฺยนฺติ วุตฺตํ โหติ. เอสานนฺติ เอสนฺตีติ เอสา, เตสํ เอสานํ, เอสมานานํ ปริเยสมานานนฺติ วุตฺตํ โหติ. ทาตเวติ ¶ ทาตพฺพํ. ตทมฺิสุนฺติ ตํ อมฺึสุ, ตํ ทฺวาเร สชฺเชตฺวา ปิตํ ภตฺตํ สทฺธาเทยฺยํ ปริเยสมานานํ เอเตสํ พฺราหฺมณานํ ทาตพฺพํ อมฺึสุ ทายกา ชนา, น ตโต ปรํ. อนตฺถิกา หิ เต อฺเน อเหสุํ, เกวลํ ฆาสจฺฉาทนปรมตาย สนฺตุฏฺาติ อธิปฺปาโย.
๒๙๐. นานารตฺเตหีติ นานาวิธราครตฺเตหิ วตฺเถหิ วิจิตฺรตฺถรณตฺถเตหิ, สยเนหิ เอกภูมิกทฺวิภูมิกาทิปาสาทวเรหิ. อาวสเถหีติ เอวรูเปหิ อุปกรเณหิ. ผีตา ชนปทา รฏฺา เอเกกปฺปเทสภูตา ชนปทา จ เกจิ เกจิ สกลรฏฺา จ ‘‘นโม พฺราหฺมณาน’’นฺติ สายํ ปาตํ พฺราหฺมเณ เทเว วิย นมสฺสึสุ.
๒๙๑. เต เอวํ นมสฺสิยมานา โลเกน อวชฺฌา พฺราหฺมณา อาสุํ, น เกวลฺจ อวชฺฌา, อเชยฺยา วิหึสิตุมฺปิ อนภิภวนียตฺตา อเชยฺยา จ อเหสุํ. กึ การณา? ธมฺมรกฺขิตา, ยสฺมา ธมฺเมน รกฺขิตา. เต หิ ปฺจ วรสีลธมฺเม รกฺขึสุ, ‘‘ธมฺโม หเว รกฺขติ ธมฺมจาริ’’นฺติ (ชา. ๑.๑๐.๑๐๒; ๑.๑๕.๓๘๕) ธมฺมรกฺขิตา หุตฺวา อวชฺฌา อเชยฺยา จ อเหสุนฺติ ¶ อธิปฺปาโย. น เน โกจิ นิวาเรสีติ เต พฺราหฺมเณ กุลานํ ทฺวาเรสุ สพฺพโส พาหิเรสุ จ อพฺภนฺตเรสุ จ สพฺพทฺวาเรสุ ยสฺมา เตสุ ปิยสมฺมเตสุ วรสีลสมนฺนาคเตสุ ¶ มาตาปิตูสุ วิย อติวิสฺสตฺถา มนุสฺสา อเหสุํ, ตสฺมา ‘‘อิทํ นาม านํ ตยา น ปวิสิตพฺพ’’นฺติ น โกจิ นิวาเรสิ.
๒๙๒. เอวํ ธมฺมรกฺขิตา กุลทฺวาเรสุ อนิวาริตา จรนฺตา อฏฺ จ จตฺตาลีสฺจาติ อฏฺจตฺตาลีสํ วสฺสานิ กุมารภาวโต ปภุติ จรเณน โกมารํ พฺรหฺมจริยํ จรึสุ เต. เยปิ พฺราหฺมณจณฺฑาลา อเหสุํ, โก ปน วาโท พฺรหฺมสมาทีสูติ เอวเมตฺถ อธิปฺปาโย เวทิตพฺโพ. เอวํ พฺรหฺมจริยํ จรนฺตา เอว หิ วิชฺชาจรณปริเยฏฺึ อจรุํ พฺราหฺมณา ปุเร, น อพฺรหฺมจาริโน หุตฺวา. ตตฺถ วิชฺชาปริเยฏฺีติ มนฺตชฺเฌนํ. วุตฺตฺเจตํ ‘‘โส อฏฺจตฺตาลีส วสฺสานิ โกมารํ พฺรหฺมจริยํ จรติ มนฺเต อธียมาโน’’ติ (อ. นิ. ๕.๑๙๒). จรณปริเยฏฺีติ สีลรกฺขณํ. ‘‘วิชฺชาจรณปริเยฏฺุ’’นฺติปิ ปาโ, วิชฺชาจรณํ ปริเยสิตุํ อจรุนฺติ อตฺโถ.
๒๙๓. ยถาวุตฺตฺจ กาลํ พฺรหฺมจริยํ จริตฺวา ตโต ปรํ ฆราวาสํ กปฺเปนฺตาปิ น พฺราหฺมณา อฺมคมุํ ขตฺติยํ วา เวสฺสาทีสุ อฺตรํ วา, เย อเหสุํ เทวสมา วา มริยาทา วาติ อธิปฺปาโย. ตถา สตํ วา สหสฺสํ วา ทตฺวา นปิ ภริยํ กิณึสุ เต, เสยฺยถาปิ เอตรหิ เอกจฺเจ กิณนฺติ. เต หิ ธมฺเมน ทารํ ปริเยสนฺติ. กถํ? อฏฺจตฺตาลีสํ วสฺสานิ พฺรหฺมจริยํ ¶ จริตฺวา พฺราหฺมณา กฺาภิกฺขํ อาหิณฺฑนฺติ – ‘‘อหํ อฏฺจตฺตาลีส วสฺสานิ จิณฺณพฺรหฺมจริโย, ยทิ วยปฺปตฺตา ทาริกา อตฺถิ, เทถ เม’’ติ. ตโต ยสฺส วยปฺปตฺตา ทาริกา โหติ, โส ตํ อลงฺกริตฺวา นีหริตฺวา ทฺวาเร ิตสฺเสว พฺราหฺมณสฺส หตฺเถ อุทกํ อาสิฺจนฺโต ‘‘อิมํ เต, พฺราหฺมณ, ภริยํ โปสาวนตฺถาย ทมฺมี’’ติ ¶ วตฺวา เทติ.
กสฺมา ปน เต เอวํ จิรํ พฺรหฺมจริยํ จริตฺวาปิ ทารํ ปริเยสนฺติ, น ยาวชีวํ พฺรหฺมจาริโน โหนฺตีติ? มิจฺฉาทิฏฺิวเสน. เตสฺหิ เอวํทิฏฺิ โหติ – ‘‘โย ปุตฺตํ น อุปฺปาเทติ, โส กุลวํสจฺเฉทกโร โหติ, ตโต นิรเย ปจฺจตี’’ติ. จตฺตาโร กิร อภายิตพฺพํ ภายนฺติ คณฺฑุปฺปาโท กิกี กุนฺตนี พฺราหฺมณาติ. คณฺฑุปฺปาทา กิร มหาปถวิยา ขยภเยน ¶ มตฺตโภชิโน โหนฺติ, น พหุํ มตฺติกํ ขาทนฺติ. กิกี สกุณิกา อากาสปตนภเยน อณฺฑสฺส อุปริ อุตฺตานา เสติ. กุนฺตนี สกุณิกา ปถวิกมฺปนภเยน ปาเทหิ ภูมึ น สุฏฺุ อกฺกมติ. พฺราหฺมณา กุลวํสูปจฺเฉทภเยน ทารํ ปริเยสนฺติ. อาห เจตฺถ –
‘‘คณฺฑุปฺปาโท กิกี เจว, กุนฺตี พฺราหฺมณธมฺมิโก;
เอเต อภยํ ภายนฺติ, สมฺมูฬฺหา จตุโร ชนา’’ติ.
เอวํ ธมฺเมน ทารํ ปริเยสิตฺวาปิ จ สมฺปิเยเนว สํวาสํ สงฺคนฺตฺวา สมโรจยุํ, สมฺปิเยเนว อฺมฺํ เปเมเนว กาเยน จ จิตฺเตน จ มิสฺสีภูตา สงฺฆฏิตา สํสฏฺา หุตฺวา สํวาสํ สมโรจยุํ, น อปฺปิเยน น นิคฺคเหน จาติ วุตฺตํ โหติ.
๒๙๔. เอวํ สมฺปิเยเนว สํวาสํ กโรนฺตาปิ จ อฺตฺร ตมฺหาติ, โย โส อุตุสมโย, ยมฺหิ สมเย พฺราหฺมณี พฺราหฺมเณน อุปคนฺตพฺพา, อฺตฺร ตมฺหา สมยา เปตฺวา ตํ สมยํ อุตุโต วิรตํ อุตุเวรมณึ ปติ ภริยํ, ยาว ปุน โส สมโย อาคจฺฉติ, ตาว อฏฺตฺวา อนฺตราเยว. เมถุนํ ธมฺมนฺติ เมถุนาย ธมฺมาย. สมฺปทานวจนปตฺติยา กิเรตํ อุปโยควจนํ. นาสฺสุ คจฺฉนฺตีติ เนว คจฺฉนฺติ. พฺราหฺมณาติ เย โหนฺติ เทวสมา จ มริยาทา จาติ อธิปฺปาโย.
๒๙๕. อวิเสเสน ปน สพฺเพปิ พฺรหฺมจริยฺจ…เป… อวณฺณยุํ. ตตฺถ พฺรหฺมจริยนฺติ เมถุนวิรติ. สีลนฺติ เสสานิ จตฺตาริ สิกฺขาปทานิ. อชฺชวนฺติ อุชุภาโว, อตฺถโต อสตา ¶ อมายาวิตา จ. มทฺทวนฺติ ¶ มุทุภาโว, อตฺถโต อตฺถทฺธตา อนติมานิตา จ. ตโปติ อินฺทฺริยสํวโร. โสรจฺจนฺติ สุรตภาโว สุขสีลตา อปฺปฏิกูลสมาจารตา. อวิหึสาติ ปาณิอาทีหิ อวิเหสิกชาติกตา สกรุณภาโว. ขนฺตีติ อธิวาสนกฺขนฺติ. อิจฺเจเต คุเณ อวณฺณยุํ. เยปิ นาสกฺขึสุ สพฺพโส ปฏิปตฺติยา อาราเธตุํ, เตปิ ตตฺถ สารทสฺสิโน หุตฺวา วาจาย วณฺณยึสุ ปสํสึสุ.
๒๙๖. เอวํ วณฺเณนฺตานฺจ โย เนสํ…เป… นาคมา, โย เอเตสํ พฺราหฺมณานํ ปรโม พฺรหฺมา อโหสิ, พฺรหฺมสโม นาม อุตฺตโม พฺราหฺมโณ ¶ อโหสิ, ทฬฺเหน ปรกฺกเมน สมนฺนาคตตฺตา ทฬฺหปรกฺกโม. ส วาติ วิภาวเน วา-สทฺโท, เตน โส เอวรูโป พฺราหฺมโณติ ตเมว วิภาเวติ. เมถุนํ ธมฺมนฺติ เมถุนสมาปตฺตึ. สุปินนฺเตปิ นาคมาติ สุปิเนปิ น อคมาสิ.
๒๙๗. ตโต ตสฺส วตฺตํ…เป… อวณฺณยุํ. อิมาย คาถาย นวมคาถาย วุตฺตคุเณเยว อาทิอนฺตวเสน นิทฺทิสนฺโต เทวสเม พฺราหฺมเณ ปกาเสติ. เต หิ วิฺุชาติกา ปณฺฑิตา ตสฺส พฺรหฺมสมสฺส พฺราหฺมณสฺส วตฺตํ อนุสิกฺขนฺติ ปพฺพชฺชาย ฌานภาวนาย จ, เต จ อิเม พฺรหฺมจริยาทิคุเณ ปฏิปตฺติยา เอว วณฺณยนฺตีติ. เต สพฺเพปิ พฺราหฺมณา ปฺจกนิปาเต โทณสุตฺเต (อ. นิ. ๕.๑๙๒) วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพา.
๒๙๘. อิทานิ มริยาเท พฺราหฺมเณ ทสฺเสนฺโต อาห – ‘‘ตณฺฑุลํ สยน’’นฺติ. ตสฺสตฺโถ – เตสุ เย โหนฺติ มริยาทา, เต พฺราหฺมณา สเจ ยฺํ กปฺเปตุกามา โหนฺติ, อถ อามกธฺปฏิคฺคหณา ปฏิวิรตตฺตา นานปฺปการกํ ตณฺฑุลฺจ, มฺจปีาทิเภทํ สยนฺจ, โขมาทิเภทํ วตฺถฺจ, โคสปฺปิติลเตลาทิเภทํ สปฺปิเตลฺจ ยาจิย ธมฺเมน, ‘‘อุทฺทิสฺส อริยา ติฏฺนฺติ, เอสา อริยาน ยาจนา’’ติ เอวํ วุตฺเตน อุทฺทิสฺสานสงฺขาเตน ธมฺเมน ยาจิตฺวา, อถ โย ยํ อิจฺฉติ ทาตุํ, เตน ตํ ทินฺนตณฺฑุลาทึ สโมธาเนตฺวา สํกฑฺฒิตฺวา. ‘‘สมุทาเนตฺวา’’ติปิ ปาโ, เอโกเยวตฺโถ. ตโต ยฺมกปฺปยุนฺติ ตโต คเหตฺวา ทานมกํสุ ¶ .
๒๙๙. กโรนฺตา จ เอวเมตสฺมึ อุปฏฺิตสฺมึ ทานสงฺขาเต ยฺสฺมึ นาสฺสุ คาโว หนึสุ เต, น เต คาวิโย หนึสุ. คาวีมุเขน เจตฺถ สพฺพปาณา วุตฺตาติ เวทิตพฺพา. กึการณา น หนึสูติ? พฺรหฺมจริยาทิคุณยุตฺตตฺตา. อปิจ วิเสสโต ยถา มาตา…เป… นาสฺสุ คาโว หนึสุ เต. ตตฺถ ยาสุ ชายนฺติ โอสธาติ ยาสุ ปิตฺตาทีนํ เภสชฺชภูตา ปฺจ โครสา ชายนฺติ.
๓๐๐. อนฺนทาติอาทีสุ ¶ ยสฺมา ปฺจ โครเส ปริภฺุชนฺตานํ ขุทา วูปสมฺมติ, พลํ วฑฺฒติ, ฉวิวณฺโณ วิปฺปสีทติ, กายิกมานสิกํ สุขํ อุปฺปชฺชติ ¶ , ตสฺมา อนฺนทา พลทา วณฺณทา สุขทา เจตาติ เวทิตพฺพา. เสสเมตฺถ อุตฺตานตฺถเมว.
๓๐๑. เอวํ เต ยฺเสุ คาโว อหนนฺตา ปฺุปฺปภาวานุคฺคหิตสรีรา สุขุมาลา…เป… สุขเมธิตฺถ ยํ ปชา. ตตฺถ สุขุมาลา มุทุตลุณหตฺถปาทาทิตาย, มหากายา อาโรหปริณาหสมฺปตฺติยา, วณฺณวนฺโต สุวณฺณวณฺณตาย สณฺานยุตฺตตาย จ, ยสสฺสิโน ลาภปริวารสมฺปทาย. เสหิ ธมฺเมหีติ สเกหิ จาริตฺเตหิ. กิจฺจากิจฺเจสุ อุสฺสุกาติ กิจฺเจสุ ‘‘อิทํ กาตพฺพํ’’, อกิจฺเจสุ ‘‘อิทํ น กาตพฺพ’’นฺติ อุสฺสุกฺกมาปนฺนา หุตฺวาติ อตฺโถ. เอวํ เต โปราณา พฺราหฺมณา เอวรูปา หุตฺวา ทสฺสนียา ปสาทนียา โลกสฺส ปรมทกฺขิเณยฺยา อิมาย ปฏิปตฺติยา ยาว โลเก อวตฺตึสุ, ตาว วิคตอีติภยุปทฺทวา หุตฺวา นานปฺปการกํ สุขํ เอธิตฺถ ปาปุณิ, สุขํ วา เอธิตฺถ สุขํ วุฑฺฒึ อคมาสิ. อยํ ปชาติ สตฺตโลกํ นิทสฺเสติ.
๓๐๒-๓. กาลจฺจเยน ปน สมฺภินฺนมริยาทภาวํ อาปชฺชิตุกามานํ เตสํ อาสิ วิปลฺลาโส…เป… ภาคโส มิเต. ตตฺถ วิปลฺลาโสติ วิปรีตสฺา. อณุโต อณุนฺติ ลามกฏฺเน ปริตฺตฏฺเน อปฺปสฺสาทฏฺเน อณุภูตโต กามคุณโต อุปฺปนฺนํ ฌานสามฺนิพฺพานสุขานิ อุปนิธาย สงฺขฺยมฺปิ อนุปคมเนน อณุํ กามสุขํ, โลกุตฺตรสุขํ วา อุปนิธาย อณุภูตโต อตฺตนา ปฏิลทฺธโลกิยสมาปตฺติสุขโต อณุํ อปฺปกโตปิ อปฺปกํ กามสุขํ ทิสฺวาติ อธิปฺปาโย. ราชิโน จาติ รฺโ จ. วิยาการนฺติ สมฺปตฺตึ. อาชฺสํยุตฺเตติ อสฺสาชานียสํยุตฺเต. สุกเตติ ทารุกมฺมโลหกมฺเมน สุนิฏฺิเต. จิตฺตสิพฺพเนติ สีหจมฺมาทีหิ อลงฺกรณวเสน ¶ จิตฺรสิพฺพเน. นิเวสเนติ ฆรวตฺถูนิ. นิเวเสติ ตตฺถ ปติฏฺาปิตฆรานิ. วิภตฺเตติ อายามวิตฺถารวเสน วิภตฺตานิ. ภาคโส มิเตติ องฺคณทฺวารปาสาทกูฏาคาราทิวเสน โกฏฺาสํ โกฏฺาสํ กตฺวา มิตานิ. กึ วุตฺตํ โหติ? เตสํ พฺราหฺมณานํ อณุโต อณุสฺิตํ กามสุขฺจ รฺโ พฺยาการฺจ อลงฺกตนาริโย จ วุตฺตปฺปกาเร รเถ จ นิเวสเน นิเวเส จ ทิสฺวา ทุกฺเขสุเยว เอเตสุ วตฺถูสุ ‘‘สุข’’นฺติ ปวตฺตตฺตา ปุพฺเพ ปวตฺตเนกฺขมฺมสฺาวิปลฺลาสสงฺขาตา วิปรีตสฺา อาสิ.
๓๐๔. เต ¶ เอวํ วิปรีตสฺา หุตฺวา โคมณฺฑลปริพฺยูฬฺหํ…เป… พฺราหฺมณา. ตตฺถ โคมณฺฑลปริพฺยูฬฺหนฺติ โคยูเถหิ ปริกิณฺณํ. นารีวรคณายุตนฺติ วรนารีคณสํยุตฺตํ. อุฬารนฺติ วิปุลํ ¶ . มานุสํ โภคนฺติ มนุสฺสานํ นิเวสนาทิโภควตฺถุํ. อภิชฺฌายึสูติ ‘‘อโห วติทํ อมฺหากํ อสฺสา’’ติ ตณฺหํ วฑฺเฒตฺวา อภิปตฺถยมานา ฌายึสุ.
๓๐๕. เอวํ อภิชฺฌายนฺตา จ ‘‘เอเต มนุสฺสา สุนฺหาตา สุวิลิตฺตา กปฺปิตเกสมสฺสู อามุตฺตมณิอาภรณา ปฺจหิ กามคุเณหิ ปริจาเรนฺติ, มยํ ปน เอวํ เตหิ นมสฺสิยมานาปิ เสทมลกิลิฏฺคตฺตา ปรูฬฺหกจฺฉนขโลมา โภครหิตา ปรมการฺุตํ ปตฺตา วิหราม. เอเต จ หตฺถิกฺขนฺธอสฺสปิฏฺิสิวิกาสุวณฺณรถาทีหิ วิจรนฺติ, มยํ ปาเทหิ. เอเต ทฺวิภูมิกาทิปาสาทตเลสุ วสนฺติ, มยํ อรฺรุกฺขมูลาทีสุ. เอเต จ โคนกาทีหิ อตฺถรเณหิ อตฺถตาสุ วรเสยฺยาสุ สยนฺติ, มยํ ตฏฺฏิกาจมฺมขณฺฑาทีนิ อตฺถริตฺวา ภูมิยํ. เอเต นานารสานิ โภชนานิ ภฺุชนฺติ, มยํ อฺุฉาจริยาย ยาเปม. กถํ นุ โข มยมฺปิ เอเตหิ สทิสา ภเวยฺยามา’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘ธนํ อิจฺฉิตพฺพํ, น สกฺกา ธนรหิเตหิ อยํ สมฺปตฺติ ปาปุณิตุ’’นฺติ จ อวธาเรตฺวา เวเท ภินฺทิตฺวา ธมฺมยุตฺเต ปุราณมนฺเต นาเสตฺวา อธมฺมยุตฺเต กูฏมนฺเต คนฺเถตฺวา ธนตฺถิกา โอกฺกากราชานมุปสงฺกมฺม โสตฺถิวจนาทีนิ ปยฺุชิตฺวา ‘‘อมฺหากํ, มหาราช, พฺราหฺมณวํเส ปเวณิยา อาคตํ โปราณมนฺตปทํ อตฺถิ, ตํ มยํ อาจริยมุฏฺิตาย ¶ น กสฺสจิ ภณิมฺหา, ตํ มหาราชา โสตุมรหตี’’ติ จ วตฺวา อสฺสเมธาทิยฺํ วณฺณยึสุ. วณฺณยิตฺวา จ ราชานํ อุสฺสาเหนฺตา ‘‘ยช, มหาราช, เอวํ ปหูตธนธฺโ ตฺวํ, นตฺถิ เต ยฺสมฺภารเวกลฺลํ, เอวฺหิ เต ยชโต สตฺตกุลปริวฏฺฏา สคฺเค อุปฺปชฺชิสฺสนฺตี’’ติ อโวจุํ. เตน เนสํ ตํ ปวตฺตึ ทสฺเสนฺโต อาห ภควา ‘‘เต ตตฺถ มนฺเต…เป… พหุ เต ธน’’นฺติ.
ตตฺถ ตตฺถาติ ตสฺมึ, ยํ โภคมภิชฺฌายึสุ, ตนฺนิมิตฺตนฺติ วุตฺตํ โหติ. นิมิตฺตตฺเถ หิ เอตํ ภุมฺมวจนํ. ตทุปาคมุนฺติ ตทา อุปาคมุํ. ปหูตธนธฺโสีติ ปหูตธนธฺโ ภวิสฺสสิ, อภิสมฺปรายนฺติ อธิปฺปาโย. อาสํสายฺหิ อนาคเตปิ วตฺตมานวจนํ อิจฺฉนฺติ สทฺทโกวิทา. ยชสฺสูติ ¶ ยชาหิ. วิตฺตํ ธนนฺติ ชาตรูปาทิรตนเมว วิตฺติการณโต วิตฺตํ, สมิทฺธิการณโต ธนนฺติ วุตฺตํ. อถ วา วิตฺตนฺติ วิตฺติการณภูตเมว อาภรณาทิ อุปกรณํ, ยํ ‘‘ปหูตวิตฺตูปกรโณ’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๓๓๑) อาคจฺฉติ. ธนนฺติ หิรฺสุวณฺณาทิ. กึ วุตฺตํ โหติ? เต พฺราหฺมณา มนฺเต คนฺเถตฺวา ตทา โอกฺกากํ อุปาคมุํ. กินฺติ? ‘‘มหาราช, พหู เต วิตฺตฺจ ธนฺจ, ยชสฺสุ, อายติมฺปิ ปหูตธนธฺโ ภวิสฺสสี’’ติ.
๓๐๖. เอวํ การณํ วตฺวา สฺาเปนฺเตหิ ตโต จ ราชา…เป… อทา ธนํ. ตตฺถ สฺตฺโตติ ¶ าปิโต. รเถสโภติ มหารเถสุ ขตฺติเยสุ อกมฺปิยฏฺเน อุสภสทิโส. ‘‘อสฺสเมธ’’นฺติอาทีสุ อสฺสเมตฺถ เมธนฺตีติ อสฺสเมโธ, ทฺวีหิ ปริยฺเหิ ยชิตพฺพสฺส เอกวีสติยูปสฺส เปตฺวา ภูมิฺจ ปุริเส จ อวเสสสพฺพวิภวทกฺขิณสฺส ยฺสฺเสตํ อธิวจนํ. ปุริสเมตฺถ เมธนฺตีติ ปุริสเมโธ, จตูหิ ปริยฺเหิ ยชิตพฺพสฺส สทฺธึ ภูมิยา อสฺสเมเธ วุตฺตวิภวทกฺขิณสฺส ยฺสฺเสตํ อธิวจนํ. สมฺมเมตฺถ ปาสนฺตีติ สมฺมาปาโส, ทิวเส ทิวเส สมฺมํ ขิปิตฺวา ตสฺส ปติโตกาเส เวทึ กตฺวา สํหาริเมหิ ยูปาทีหิ สรสฺสตินทิยา นิมุคฺโคกาสโต ปภุติ ปฏิโลมํ คจฺฉนฺเตน ¶ ยชิตพฺพสฺส สตฺรยาคสฺเสตํ อธิวจนํ. วาชเมตฺถ ปิวนฺตีติ วาชเปยฺโย. เอเกน ปริยฺเน สตฺตรสหิ ปสูหิ ยชิตพฺพสฺส เพลุวยูปสฺส สตฺตรสกทกฺขิณสฺส ยฺสฺเสตํ อธิวจนํ. นตฺถิ เอตฺถ อคฺคฬาติ นิรคฺคโฬ, นวหิ ปริยฺเหิ ยชิตพฺพสฺส สทฺธึ ภูมิยา จ ปุริเสหิ จ อสฺสเมเธ วุตฺตวิภวทกฺขิณสฺส สพฺพเมธปริยายนามสฺส อสฺสเมธวิกปฺปสฺเสตํ อธิวจนํ. เสสเมตฺถ ปากฏเมว.
๓๐๗-๘. อิทานิ ยํ วุตฺตํ ‘‘พฺราหฺมณานมทา ธน’’นฺติ, ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘คาโว สยนฺจา’’ติ คาถาทฺวยมาห. โส หิ ราชา ‘‘ทีฆรตฺตํ ลูขาหาเรน กิลนฺตา ปฺจ โครเส ปริภฺุชนฺตู’’ติ เนสํ สปุงฺควานิ โคยูถาเนว อทาสิ, ตถา ‘‘ทีฆรตฺตํ ถณฺฑิลสายิตาย ถูลสาฏกนิวาสเนน ¶ เอกเสยฺยาย ปาทจาเรน รุกฺขมูลาทิวาเสน จ กิลนฺตา โคนกาทิอตฺถตวรสยนาทีสุ สุขํ อนุโภนฺตู’’ติ เนสํ มหคฺฆานิ สยนาทีนิ จ อทาสิ. เอวเมตํ นานปฺปการกํ อฺฺจ หิรฺสุวณฺณาทิธนํ อทาสิ. เตนาห ภควา – ‘‘คาโว สยนฺจ วตฺถฺจ…เป… พฺราหฺมณานมทา ธน’’นฺติ.
๓๐๙-๑๐. เอวํ ตสฺส รฺโ สนฺติกา เต จ ตตฺถ…เป… ปุน มุปาคมุํ. กึ วุตฺตํ โหติ? ตสฺส รฺโ สนฺติกา เต พฺราหฺมณา เตสุ ยาเคสุ ธนํ ลภิตฺวา ทีฆรตฺตํ ทิวเส ทิวเส เอวเมว ฆาสจฺฉาทนํ ปริเยสิตฺวา นานปฺปการกํ วตฺถุกาม สนฺนิธึ สมโรจยุํ. ตโต เตสํ อิจฺฉาวติณฺณานํ ขีราทิปฺจโครสสฺสาทวเสน รสตณฺหาย โอติณฺณจิตฺตานํ ‘‘ขีราทีนิปิ ตาว คุนฺนํ สาทูนิ, อทฺธา อิมาสํ มํสํ สาทุตรํ ภวิสฺสตี’’ติ เอวํ มํสํ ปฏิจฺจ ภิยฺโย ตณฺหา ปวฑฺฒถ. ตโต จินฺเตสุํ – ‘‘สเจ มยํ มาเรตฺวา ขาทิสฺสาม, คารยฺหา ภวิสฺสาม, ยํนูน มนฺเต คนฺเถยฺยามา’’ติ. อถ ปุนปิ เวทํ ภินฺทิตฺวา ตทนุรูเป เต ตตฺถ มนฺเต คนฺเถตฺวา เต พฺราหฺมณา ตนฺนิมิตฺตํ ¶ กูฏมนฺเต คนฺเถตฺวา โอกฺกากราชานํ ปุน อุปาคมึสุ. อิมมตฺถํ ภาสมานา ‘‘ยถา อาโป จ…เป… พหุ เต ธน’’นฺติ.
กึ ¶ วุตฺตํ โหติ? อมฺหากํ, มหาราช, มนฺเตสุ เอตทาคตํ ยถา อาโป หตฺถโธวนาทิสพฺพกิจฺเจสุ ปาณีนํ อุปโยคํ คจฺฉติ, นตฺถิ เตสํ ตโตนิทานํ ปาปํ. กสฺมา? ยสฺมา ปริกฺขาโร โส หิ ปาณินํ, อุปกรณตฺถาย อุปฺปนฺโนติ อธิปฺปาโย. ยถา จายํ มหาปถวี คมนฏฺานาทิสพฺพกิจฺเจสุ กหาปณสงฺขาตํ หิรฺํ สุวณฺณรชตาทิเภทํ ธนํ, ยวโคธูมาทิเภทํ ธานิยฺจ, สํโวหาราทิสพฺพกิจฺเจสุ อุปโยคํ คจฺฉติ, เอวํ คาโว มนุสฺสานํ สพฺพกิจฺเจสุ อุปโยคคมนตฺถาย อุปฺปนฺนา. ตสฺมา เอตา หนิตฺวา นานปฺปการเก ยาเค ยชสฺสุ พหุ เต วิตฺตํ, ยชสฺสุ พหุ เต ธนนฺติ.
๓๑๑-๑๒. เอวํ ปุริมนเยเนว ตโต จ ราชา…เป… อฆาตยิ, ยํ ตโต ปุพฺเพ กฺจิ สตฺตํ น ปาทา…เป… ฆาตยิ. ตทา กิร พฺราหฺมณา ยฺาวาฏํ คาวีนํ ปูเรตฺวา มงฺคลอุสภํ พนฺธิตฺวา รฺโ มูลํ เนตฺวา ‘‘มหาราช, โคเมธยฺํ ยชสฺสุ, เอวํ เต พฺรหฺมโลกสฺส มคฺโค วิสุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ ¶ อาหํสุ. ราชา กตมงฺคลกิจฺโจ ขคฺคํ คเหตฺวา ปุงฺคเวน สห อเนกสตสหสฺสา คาโว มาเรสิ. พฺราหฺมณา ยฺาวาเฏ มํสานิ ฉินฺทิตฺวา ขาทึสุ, ปีตโกทาตรตฺตกมฺพเล จ ปารุปิตฺวา มาเรสุํ. ตทุปาทาย กิร คาโว ปารุเต ทิสฺวา อุพฺพิชฺชนฺติ. เตนาห ภควา – ‘‘น ปาทา…เป… ฆาตยี’’ติ.
๓๑๓. ตโต เทวาติ เอวํ ตสฺมึ ราชินิ คาวิโย ฆาเตตุมารทฺเธ อถ ตทนนฺตรเมว ตํ โคฆาตกํ ทิสฺวา เอเต จาตุมหาราชิกาทโย เทวา จ, ปิตโรติ พฺราหฺมเณสุ ลทฺธโวหารา พฺรหฺมาโน จ, สกฺโก เทวานมินฺโท จ, ปพฺพตปาทนิวาสิโน ทานวยกฺขสฺิตา อสุรรกฺขสา จ ‘‘อธมฺโม อธมฺโม’’ติ เอวํ วาจํ นิจฺฉาเรนฺตา ‘‘ธิ มนุสฺสา, ธิ มนุสฺสา’’ติ จ วทนฺตา ปกฺกนฺทุํ. เอวํ ภูมิโต ปภุติ โส สทฺโท มุหุตฺเตน ยาว พฺรหฺมโลกา อคมาสิ, เอกธิกฺการปริปุณฺโณ โลโก อโหสิ. กึ การณํ? ยํ สตฺถํ นิปตี คเว, ยสฺมา คาวิมฺหิ สตฺถํ นิปตีติ วุตฺตํ โหติ.
๓๑๔. น เกวลฺจ เทวาทโย ปกฺกนฺทุํ, อยมฺโปิ โลเก อนตฺโถ ¶ อุทปาทิ – เย หิ เต ตโย โรคา ปุเร อาสุํ, อิจฺฉา อนสนํ ชรา, กิฺจิ กิฺจิเทว ปตฺถนตณฺหา จ ขุทา จ ปริปากชรา จาติ วุตฺตํ โหติ. เต ปสูนฺจ สมารมฺภา, อฏฺานวุติมาคมุํ, จกฺขุโรคาทินา เภเทน อฏฺนวุติภาวํ ปาปุณึสูติ อตฺโถ.
๓๑๕. อิทานิ ภควา ตํ ปสุสมารมฺภํ นินฺทนฺโต อาห ‘‘เอโส อธมฺโม’’ติ. ตสฺสตฺโถ เอโส ¶ ปสุสมารมฺภสงฺขาโต กายทณฺฑาทีนํ ติณฺณํ ทณฺฑานํ อฺตรทณฺฑภูโต ธมฺมโต อเปตตฺตา อธมฺโม โอกฺกนฺโต อหุ, ปวตฺโต อาสิ, โส จ โข ตโต ปภุติ ปวตฺตตฺตา ปุราโณ, ยสฺส โอกฺกมนโต ปภุติ เกนจิ ปาทาทินา อหึสนโต อทูสิกาโย คาโว หฺนฺติ. ยา ฆาเตนฺตา ธมฺมา ธํสนฺติ จวนฺติ ปริหายนฺติ ยาชกา ยฺยาชิโน ชนาติ.
๓๑๖. เอวเมโส อณุธมฺโมติ เอวํ เอโส ลามกธมฺโม หีนธมฺโม, อธมฺโมติ วุตฺตํ โหติ. ยสฺมา วา เอตฺถ ทานธมฺโมปิ อปฺปโก อตฺถิ ¶ , ตสฺมา ตํ สนฺธายาห ‘‘อณุธมฺโม’’ติ. โปราโณติ ตาว จิรกาลโต ปภุติ ปวตฺตตฺตา โปราโณ. วิฺูหิ ปน ครหิตตฺตา วิฺูครหิโตติ เวทิตพฺโพ. ยสฺมา จ วิฺุครหิโต, ตสฺมา ยตฺถ เอทิสกํ ปสฺสติ, ยาชกํ ครหตี ชโน. กถํ? ‘‘อพฺพุทํ พฺราหฺมเณหิ อุปฺปาทิตํ, คาโว วธิตฺวา มํสํ ขาทนฺตี’’ติ เอวมาทีนิ วตฺวาติ อยเมตฺถ อนุสฺสโว.
๓๑๗. เอวํ ธมฺเม วิยาปนฺเนติ เอวํ โปราเณ พฺราหฺมณธมฺเม นฏฺเ. ‘‘วิยาวตฺเต’’ติปิ ปาโ, วิปริวตฺติตฺวา อฺถา ภูเตติ อตฺโถ. วิภินฺนา สุทฺทเวสฺสิกาติ ปุพฺเพ สมคฺคา วิหรนฺตา สุทฺทา จ เวสฺสา จ เต วิภินฺนา. ปุถู วิภินฺนา ขตฺติยาติ ขตฺติยาปิ พหู อฺมฺํ ภินฺนา. ปตึ ภริยาวมฺถาติ ภริยา จ ฆราวาสตฺถํ อิสฺสริยพเล ปิตา ปุตฺตพลาทีหิ อุเปตา หุตฺวา ปตึ อวมฺถ, ปริภวิ อวมฺิ น สกฺกจฺจํ อุปฏฺาสิ.
๓๑๘. เอวํ อฺมฺํ วิภินฺนา สมานา ขตฺติยา พฺรหฺมพนฺธู จ…เป… กามานํ วสมนฺวคุนฺติ. ขตฺติยา จ พฺราหฺมณา จ เย จฺเ เวสฺสสุทฺทา ยถา สงฺกรํ นาปชฺชนฺติ, เอวํ อตฺตโน อตฺตโน โคตฺเตน รกฺขิตตฺตา โคตฺตรกฺขิตา. เต สพฺเพปิ ตํ ชาติวาทํ นิรํกตฺวา, ‘‘อหํ ขตฺติโย, อหํ พฺราหฺมโณ’’ติ เอตํ สพฺพมฺปิ นาเสตฺวา ¶ ปฺจกามคุณสงฺขาตานํ กามานํ วสํ อนฺวคุํ อาสตฺตํ ปาปุณึสุ, กามเหตุ น กิฺจิ อกตฺตพฺพํ นากํสูติ วุตฺตํ โหติ.
เอวเมตฺถ ภควา ‘‘อิสโย ปุพฺพกา’’ติอาทีหิ นวหิ คาถาหิ โปราณานํ พฺราหฺมณานํ วณฺณํ ภาสิตฺวา ‘‘โย เนสํ ปรโม’’ติ คาถาย พฺรหฺมสมํ, ‘‘ตสฺส วตฺตมนุสิกฺขนฺตา’’ติ คาถาย เทวสมํ, ‘‘ตณฺฑุลํ สยน’’นฺติอาทิกาหิ จตูหิ คาถาหิ มริยาทํ, ‘‘เตสํ อาสิ วิปลฺลาโส’’ติอาทีหิ สตฺตรสหิ คาถาหิ สมฺภินฺนมริยาทํ, ตสฺส วิปฺปฏิปตฺติยา เทวาทีนํ ปกฺกนฺทนาทิทีปนตฺถฺจ ทสฺเสตฺวา เทสนํ นิฏฺาเปสิ. พฺราหฺมณจณฺฑาโล ปน อิธ อวุตฺโตเยว. กสฺมา? ยสฺมา วิปตฺติยา อการณํ. พฺราหฺมณธมฺมสมฺปตฺติยา หิ พฺรหฺมสมเทวสมมริยาทา การณํ ¶ ¶ โหนฺติ, วิปตฺติยา สมฺภินฺนมริยาโท. อยํ ปน โทณสุตฺเต (อ. นิ. ๕.๑๙๒) วุตฺตปฺปกาโร พฺราหฺมณจณฺฑาโล พฺราหฺมณธมฺมวิปตฺติยาปิ อการณํ. กสฺมา? วิปนฺเน ธมฺเม อุปฺปนฺนตฺตา. ตสฺมา ตํ อทสฺเสตฺวาว เทสนํ นิฏฺาเปสิ. เอตรหิ ปน โสปิ พฺราหฺมณจณฺฑาโล ทุลฺลโภ. เอวมยํ พฺราหฺมณานํ ธมฺโม วินฏฺโ. เตเนวาห โทโณ พฺราหฺมโณ – ‘‘เอวํ สนฺเต มยํ, โภ โคตม, พฺราหฺมณจณฺฑาลมฺปิ น ปูเรมา’’ติ. เสสเมตฺถ วุตฺตนยเมว.
ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย
สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย พฺราหฺมณธมฺมิกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. ธมฺมสุตฺต-(นาวาสุตฺต)-วณฺณนา
๓๑๙. ยสฺมา ¶ หิ ธมฺมนฺติ ธมฺมสุตฺตํ, ‘‘นาวาสุตฺต’’นฺติปิ วุจฺจติ. กา อุปฺปตฺติ? อิทํ สุตฺตํ อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตตฺเถรํ อารพฺภ วุตฺตํ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน ทฺวินฺนํ อคฺคสาวกานํ อุปฺปตฺติโต ปภุติ เวทิตพฺโพ. เสยฺยถิทํ – อนุปฺปนฺเน ¶ กิร ภควติ ทฺเว อคฺคสาวกา เอกํ อสงฺขฺเยยฺยํ กปฺปสตสหสฺสฺจ ปารมิโย ปูเรตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺตา. เตสํ ปโม จวิตฺวา ราชคหสฺส อวิทูเร อุปติสฺสคาโม นาม พฺราหฺมณานํ โภคคาโม อตฺถิ, ตตฺถ สฏฺิอธิกปฺจโกฏิสตธนวิภวสฺส คามสามิโน พฺราหฺมณสฺส รูปสารี นาม พฺราหฺมณี, ตสฺสา กุจฺฉิยํ ปฏิสนฺธึ อคฺคเหสิ. ทุติโย ตสฺเสวาวิทูเร โกลิตคาโม นาม พฺราหฺมณานํ โภคคาโม อตฺถิ. ตตฺถ ตถารูปวิภวสฺเสว คามสามิโน พฺราหฺมณสฺส โมคฺคลฺลานี นาม พฺราหฺมณี, ตสฺสา กุจฺฉิยํ ตํ ทิวสเมว ปฏิสนฺธึ อคฺคเหสิ. เอวํ เตสํ เอกทิวสเมว ปฏิสนฺธิคฺคหณฺจ คพฺภวุฏฺานฺจ อโหสิ. เอกทิวเสเยว จ เนสํ เอกสฺส อุปติสฺสคาเม ชาตตฺตา อุปติสฺโส, เอกสฺส โกลิตคาเม ชาตตฺตา โกลิโตติ นามมกํสุ.
เต ¶ สหปํสุํ กีฬนฺตา สหายกา อนุปุพฺเพน วุฑฺฒึ ปาปุณึสุ, เอกเมกสฺส จ ปฺจปฺจมาณวกสตานิ ปริวารา อเหสุํ. เต อุยฺยานํ วา นทีติตฺถํ วา คจฺฉนฺตา สปริวาราเยว คจฺฉนฺติ. เอโก ปฺจหิ สุวณฺณสิวิกาสเตหิ, ทุติโย ปฺจหิ อาชฺรถสเตหิ. ตทา จ ราชคเห กาลานุกาลํ คิรคฺคสมชฺโช นาม โหติ. สายนฺหสมเย นครเวมชฺเฌ ยตฺถ สกลองฺคมคธวาสิโน อภิฺาตา ขตฺติยกุมาราทโย สนฺนิปติตฺวา สุปฺตฺเตสุ มฺจปีาทีสุ นิสินฺนา สมชฺชวิภูตึ ปสฺสนฺติ. อถ เต สหายกา เตน ปริวาเรน สทฺธึ ตตฺถ คนฺตฺวา ปฺตฺตาสเนสุ นิสีทึสุ. ตโต อุปติสฺโส สมชฺชวิภูตึ ปสฺสนฺโต มหาชนกายํ สนฺนิปติตํ ทิสฺวา ‘‘เอตฺตโก ชนกาโย วสฺสสตํ อปฺปตฺวาว มริสฺสตี’’ติ จินฺเตสิ. ตสฺส มรณํ อาคนฺตฺวา นลาฏนฺเต ปติฏฺิตํ วิย อโหสิ, ตถา โกลิตสฺส. เตสํ อเนกปฺปกาเรสุ นเฏสุ นจฺจนฺเตสุ ทสฺสนมตฺเตปิ จิตฺตํ น นมิ, อฺทตฺถุ สํเวโคเยว อุทปาทิ.
อถ วุฏฺิเต สมชฺเช ปกฺกนฺตาย ปริสาย สกปริวาเรน ปกฺกนฺเตสุ เตสุ สหาเยสุ โกลิโต ¶ อุปติสฺสํ ปุจฺฉิ – ‘‘กึ, สมฺม, นาฏกาทิทสฺสเนน ตว ปโมทนมตฺตมฺปิ ¶ นาโหสี’’ติ? โส ตสฺส ตํ ปวตฺตึ อาโรเจตฺวา ตมฺปิ ตเถว ปฏิปุจฺฉิ. โสปิ ตสฺส อตฺตโน ปวตฺตึ อาโรเจตฺวา ‘‘เอหิ, สมฺม, ปพฺพชิตฺวา อมตํ คเวสามา’’ติ อาห. ‘‘สาธุ สมฺมา’’ติ อุปติสฺโส ตํ สมฺปฏิจฺฉิ. ตโต ทฺเวปิ ชนา ตํ สมฺปตฺตึ ฉฑฺเฑตฺวา ปุนเทว ราชคหมนุปฺปตฺตา. เตน จ สมเยน ราชคเห สฺจโย นาม ปริพฺพาชโก ปฏิวสติ. เต ตสฺส สนฺติเก ปฺจหิ มาณวกสเตหิ สทฺธึ ปพฺพชิตฺวา กติปาเหเนว ตโย เวเท สพฺพฺจ ปริพฺพาชกสมยํ อุคฺคเหสุํ. เต เตสํ สตฺถานํ อาทิมชฺฌปริโยสานํ อุปปริกฺขนฺตา ปริโยสานํ อทิสฺวา อาจริยํ ปุจฺฉึสุ – ‘‘อิเมสํ สตฺถานํ อาทิมชฺฌํ ทิสฺสติ, ปริโยสานํ ปน น ทิสฺสติ ‘อิทํ นาม อิเมหิ สตฺเถหิ ปาปุเณยฺยาติ, ยโต อุตฺตริ ปาปุณิตพฺพํ นตฺถี’’’ติ. โสปิ อาห – ‘‘อหมฺปิ เตสํ ตถาวิธํ ปริโยสานํ น ปสฺสามี’’ติ. เต อาหํสุ – ‘‘เตน หิ มยํ อิเมสํ ปริโยสานํ คเวสามา’’ติ. เต อาจริโย ‘‘ยถาสุขํ คเวสถา’’ติ อาห. เอวํ เต เตน อนฺุาตา อมตํ คเวสมานา อาหิณฺฑนฺตา ชมฺพุทีเป ปากฏา อเหสุํ. เตหิ ขตฺติยปณฺฑิตาทโย ปฺหํ ปุฏฺา อุตฺตรุตฺตรึ น สมฺปายนฺติ. ‘‘อุปติสฺโส ¶ โกลิโต’’ติ วุตฺเต ปน ‘‘เก เอเต, น โข มยํ ชานามา’’ติ ภณนฺตา นตฺถิ, เอวํ วิสฺสุตา อเหสุํ.
เอวํ เตสุ อมตปริเยสนํ จรมาเนสุ อมฺหากํ ภควา โลเก อุปฺปชฺชิตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺโก อนุปุพฺเพน ราชคหมนุปฺปตฺโต. เต จ ปริพฺพาชกา สกลชมฺพุทีปํ จริตฺวา ติฏฺตุ อมตํ, อนฺตมโส ปริโยสานปฺหวิสฺสชฺชนมตฺตมฺปิ อลภนฺตา ปุนเทว ราชคหํ อคมํสุ. อถ โข อายสฺมา อสฺสชิ ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวาติ ยาว เตสํ ปพฺพชฺชา, ตาว สพฺพํ ปพฺพชฺชากฺขนฺธเก (มหาว. ๖๐) อาคตนเยเนว วิตฺถารโต ทฏฺพฺพํ.
เอวํ ปพฺพชิเตสุ เตสุ ทฺวีสุ สหายเกสุ อายสฺมา สาริปุตฺโต อฑฺฒมาเสน ¶ สาวกปารมีาณํ สจฺฉากาสิ. โส ยทา อสฺสชิตฺเถเรน สทฺธึ เอกวิหาเร วสติ, ตทา ภควโต อุปฏฺานํ คนฺตฺวา อนนฺตรํ เถรสฺส อุปฏฺานํ คจฺฉติ ‘‘ปุพฺพาจริโย เม อยมายสฺมา, เอตมหํ นิสฺสาย ภควโต สาสนํ อฺาสิ’’นฺติ คารเวน. ยทา ปน อสฺสชิตฺเถเรน สทฺธึ เอกวิหาเร น วสติ, ตทา ยสฺสํ ทิสายํ เถโร วสติ, ตํ ทิสํ โอโลเกตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา อฺชลึ ปคฺคยฺห นมสฺสติ. ตํ ทิสฺวา เกจิ ภิกฺขู กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘สาริปุตฺโต อคฺคสาวโก หุตฺวา ทิสํ นมสฺสติ, อชฺชาปิ มฺเ พฺราหฺมณทิฏฺิ อปฺปหีนา’’ติ. อถ ภควา ทิพฺพาย โสตธาตุยา ตํ กถาสลฺลาปํ สุตฺวา ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสินฺนํเยว อตฺตานํ ทสฺเสนฺโต ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ¶ ? เต ตํ ปวตฺตึ อาจิกฺขึสุ. ตโต ภควา ‘‘น, ภิกฺขเว, สาริปุตฺโต ทิสํ นมสฺสติ, ยํ นิสฺสาย สาสนํ อฺาสิ, ตํ อตฺตโน อาจริยํ วนฺทติ นมสฺสติ สมฺมาเนติ, อาจริยปูชโก, ภิกฺขเว, สาริปุตฺโต’’ติ วตฺวา ตตฺถ สนฺนิปติตานํ ธมฺมเทสนตฺถํ อิมํ สุตฺตมภาสิ.
ตตฺถ ยสฺมา หิ ธมฺมํ ปุริโส วิชฺาติ ยโต ปุคฺคลา ปิฏกตฺตยปฺปเภทํ ปริยตฺติธมฺมํ วา, ปริยตฺตึ สุตฺวา อธิคนฺตพฺพํ นวโลกุตฺตรปฺปเภทํ ปฏิเวธธมฺมํ วา ปุริโส วิชฺา ชาเนยฺย เวเทยฺย. ‘‘ยสฺสา’’ติปิ ปาโ, โส เอวตฺโถ. อินฺทํว นํ เทวตา ปูชเยยฺยาติ ยถา สกฺกํ เทวานมินฺทํ ทฺวีสุ เทวโลเกสุ เทวตา ปูเชนฺติ, เอวํ โส ปุคฺคโล ตํ ปุคฺคลํ กาลสฺเสว วุฏฺาย อุปาหนโอมฺุจนาทึ สพฺพํ วตฺตปฏิวตฺตํ กโรนฺโต ¶ ปูเชยฺย สกฺกเรยฺย ครุกเรยฺย. กึ การณํ? โส ปูชิโต…เป… ปาตุกโรติ ธมฺมํ, โส อาจริโย เอวํ ปูชิโต ตสฺมึ อนฺเตวาสิมฺหิ ปสนฺนจิตฺโต ปริยตฺติปฏิเวธวเสน พหุสฺสุโต เทสนาวเสเนว ปริยตฺติธมฺมฺจ, เทสนํ สุตฺวา ยถานุสิฏฺํ ปฏิปตฺติยา อธิคนฺตพฺพํ ปฏิเวธธมฺมฺจ ¶ ปาตุกโรติ เทเสติ, เทสนาย วา ปริยตฺติธมฺมํ, อุปมาวเสน อตฺตนา อธิคตปฏิเวธธมฺมํ ปาตุกโรติ.
๓๒๐. ตทฏฺิกตฺวาน นิสมฺม ธีโรติ เอวํ ปสนฺเนน อาจริเยน ปาตุกตํ ธมฺมํ อฏฺิกตฺวาน สุณิตฺวา อุปธารณสมตฺถตาย ธีโร ปุริโส. ธมฺมานุธมฺมํ ปฏิปชฺชมาโนติ โลกุตฺตรธมฺมสฺส อนุโลมตฺตา อนุธมฺมภูตํ วิปสฺสนํ ภาวยมาโน. วิฺู วิภาวี นิปุโณ จ โหตีติ วิฺุตาสงฺขาตาย ปฺาย อธิคเมน วิฺู, วิภาเวตฺวา ปเรสมฺปิ ปากฏํ กตฺวา าปนสมตฺถตาย วิภาวี, ปรมสุขุมตฺถปฏิเวธตาย นิปุโณ จ โหติ. โย ตาทิสํ ภชติ อปฺปมตฺโตติ โย ตาทิสํ ปุพฺเพ วุตฺตปฺปการํ พหุสฺสุตํ อปฺปมตฺโต ตปฺปสาทนปโร หุตฺวา ภชติ.
๓๒๑. เอวํ ปณฺฑิตาจริยเสวนํ ปสํสิตฺวา อิทานิ พาลาจริยเสวนํ นินฺทนฺโต ‘‘ขุทฺทฺจ พาล’’นฺติ อิมํ คาถมาห. ตตฺถ ขุทฺทนฺติ ขุทฺเทน กายกมฺมาทินา สมนฺนาคตํ, ปฺาภาวโต พาลํ. อนาคตตฺถนฺติ อนธิคตปริยตฺติปฏิเวธตฺถํ. อุสูยกนฺติ อิสฺสามนกตาย อนฺเตวาสิกสฺส วุฑฺฒึ อสหมานํ. เสสเมตฺถ ปากฏเมว ปทโต. อธิปฺปายโต ปน โย พหุจีวราทิลาภี อาจริโย อนฺเตวาสิกานํ จีวราทีนิ น สกฺโกติ ทาตุํ, ธมฺมทาเน ปน อนิจฺจทุกฺขานตฺตวจนมตฺตมฺปิ น สกฺโกติ. เอเตหิ ขุทฺทตาทิธมฺเมหิ สมนฺนาคตตฺตา ตํ ขุทฺทํ พาลํ อนาคตตฺถํ อุสูยกํ อาจริยํ อุปเสวมาโน ‘‘ปูติมจฺฉํ กุสคฺเคนา’’ติ (อิติวุ. ๗๖; ชา. ๑.๑๕.๑๘๓) วุตฺตนเยน สยมฺปิ พาโล โหติ. ตสฺมา อิธ สาสเน กิฺจิ อปฺปมตฺตกมฺปิ ¶ ปริยตฺติธมฺมํ ปฏิเวธธมฺมํ วา อวิภาวยิตฺวา จ อวิชานิตฺวา จ ยสฺส ธมฺเมสุ กงฺขา, ตํ อตริตฺวา มรณํ อุเปตีติ เอวมสฺส อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
๓๒๒-๓. อิทานิ ตสฺเสวตฺถสฺส ปากฏกรณตฺถํ ‘‘ยถา นโร’’ติ คาถาทฺวยมาห. ตตฺถ อาปคนฺติ นทึ. มโหทกนฺติ พหุอุทกํ. สลิลนฺติ อิโต ¶ จิโต จ คตํ, วิตฺถิณฺณนฺติ วุตฺตํ ¶ โหติ. ‘‘สริต’’นฺติปิ ปาโ, โส เอวตฺโถ. สีฆโสตนฺติ หารหาริกํ, เวควตินฺติ วุตฺตํ โหติ. กึ โสติ เอตฺถ ‘‘โส วุยฺหมาโน’’ติ อิมินา จ โสกาเรน ตสฺส นรสฺส นิทฺทิฏฺตฺตา นิปาตมตฺโต โสกาโร. กึ สูติ วุตฺตํ โหติ ยถา ‘‘น ภวิสฺสามิ นาม โส, วินสฺสิสฺสามิ นาม โส’’ติ. ธมฺมนฺติ ปุพฺเพ วุตฺตํ ทุวิธเมว. อนิสามยตฺถนฺติ อนิสาเมตฺวา อตฺถํ. เสสเมตฺถ ปากฏเมว ปทโต.
อธิปฺปายโต ปน ยถา โย โกจิเทว นโร วุตฺตปฺปการํ นทึ โอตริตฺวา ตาย นทิยา วุยฺหมาโน อนุโสตคามี โสตเมว อนุคจฺฉนฺโต ปเร ปารตฺถิเก กึ สกฺขติ ปารํ เนตุํ. ‘‘สกฺกตี’’ติปิ ปาโ. ตเถว ทุวิธมฺปิ ธมฺมํ อตฺตโน ปฺาย อวิภาวยิตฺวา พหุสฺสุตานฺจ สนฺติเก อตฺถํ อนิสาเมตฺวา สยํ อวิภาวิตตฺตา อชานนฺโต อนิสามิตตฺตา จ อวิติณฺณกงฺโข ปเร กึ สกฺขติ นิชฺฌาเปตุํ เปกฺขาเปตุนฺติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ‘‘โส วต, จุนฺท, อตฺตนา ปลิปปลิปนฺโน’’ติอาทิกฺเจตฺถ (ม. นิ. ๑.๘๗) สุตฺตปทํ อนุสฺสริตพฺพํ.
๓๒๔-๕. เอวํ พาลเสวนาย พาลสฺส ปรํ นิชฺฌาเปตุํ อสมตฺถตาย ปากฏกรณตฺถํ อุปมํ วตฺวา อิทานิ ‘‘โย ตาทิสํ ภชติ อปฺปมตฺโต’’ติ เอตฺถ วุตฺตสฺส ปณฺฑิตสฺส ปเร นิชฺฌาเปตุํ สมตฺถตาย ปากฏกรณตฺถํ ‘‘ยถาปิ นาว’’นฺติ คาถาทฺวยมาห. ตตฺถ ผิเยนาติ ทพฺพิปทเรน. ริตฺเตนาติ เวฬุทณฺเฑน. ตตฺถาติ ตสฺสํ นาวายํ. ตตฺรูปยฺูติ ตสฺสา นาวาย อาหรณปฏิหรณาทิอุปายชานเนน มคฺคปฏิปาทเนน อุปายฺู. สิกฺขิตสิกฺขตาย สุกุสลหตฺถตาย จ กุสโล. อุปฺปนฺนุปทฺทวปฏิการสมตฺถตาย มุตีมา. เวทคูติ เวทสงฺขาเตหิ จตูหิ มคฺคาเณหิ คโต. ภาวิตตฺโตติ ตาเยว มคฺคภาวนาย ภาวิตจิตฺโต. พหุสฺสุโตติ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว. อเวธธมฺโมติ อฏฺหิ โลกธมฺเมหิ ¶ อกมฺปนิยสภาโว. โสตาวธานูปนิสูปปนฺเนติ โสตโอทหเนน จ มคฺคผลานํ อุปนิสฺสเยน จ อุปปนฺเน. เสสํ อุตฺตานปทตฺถเมว. อธิปฺปายโยชนาปิ สกฺกา ปุริมนเยเนว ชานิตุนฺติ น วิตฺถาริตา.
๓๒๖. เอวํ ¶ ¶ ปณฺฑิตสฺส ปเร นิชฺฌาเปตุํ สมตฺถภาวปากฏกรณตฺถํ อุปมํ วตฺวา ตสฺสา ปณฺฑิตเสวนาย นิโยเชนฺโต ‘‘ตสฺมา หเว’’ติ อิมํ อวสานคาถมาห. ตตฺรายํ สงฺเขปตฺโถ – ยสฺมา อุปนิสฺสยสมฺปนฺนา ปณฺฑิตเสวเนน วิเสสํ ปาปุณนฺติ, ตสฺมา หเว สปฺปุริสํ ภเชถ. กีทิสํ สปฺปุริสํ ภเชถ? เมธาวินฺเจว พหุสฺสุตฺจ, ปฺาสมฺปตฺติยา จ เมธาวินํ วุตฺตปฺปการสุตทฺวเยน จ พหุสฺสุตํ. ตาทิสฺหิ ภชมาโน เตน ภาสิตสฺส ธมฺมสฺส อฺาย อตฺถํ เอวํ ตฺวา จ ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชมาโน ตาย ปฏิปตฺติยา ปฏิเวธวเสน วิฺาตธมฺโม โส มคฺคผลนิพฺพานปฺปเภทํ โลกุตฺตรสุขํ ลเภถ อธิคจฺเฉยฺย ปาปุเณยฺยาติ อรหตฺตนิกูเฏน เทสนํ สมาเปสีติ.
ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย
สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย ธมฺมสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. กึสีลสุตฺตวณฺณนา
๓๒๗. กึสีโลติ ¶ กึสีลสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส คิหิสหายโก เอโก เถรสฺเสว ปิตุโน วงฺคนฺตพฺราหฺมณสฺส สหายสฺส พฺราหฺมณสฺส ปุตฺโต สฏฺิโกฏิอธิกํ ปฺจสตโกฏิธนํ ปริจฺจชิตฺวา อายสฺมโต สาริปุตฺตตฺเถรสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา สพฺพํ พุทฺธวจนํ ปริยาปุณิ. ตสฺส เถโร พหุโส โอวทิตฺวา กมฺมฏฺานมทาสิ, โส เตน วิเสสํ นาธิคจฺฉติ. ตโต เถโร ‘‘พุทฺธเวเนยฺโย เอโส’’ติ ตฺวา ตํ อาทาย ภควโต สนฺติกํ คนฺตฺวา ตํ ภิกฺขุํ อารพฺภ ปุคฺคลํ อนิยเมตฺวา ‘‘กึสีโล’’ติ ปุจฺฉิ. อถสฺส ภควา ตโต ปรํ อภาสิ. ตตฺถ กึสีโลติ กีทิเสน วาริตฺตสีเลน สมนฺนาคโต, กีทิสปกติโก วา. กึสมาจาโรติ กีทิเสน จาริตฺเตน ยุตฺโต. กานิ กมฺมานิ ¶ พฺรูหยนฺติ กานิ กายกมฺมาทีนิ วฑฺเฒนฺโต. นโร สมฺมา นิวิฏฺสฺสาติ อภิรโต นโร สาสเน สมฺมา ปติฏฺิโต ภเวยฺย. อุตฺตมตฺถฺจ ปาปุเณติ สพฺพตฺถานํ อุตฺตมํ อรหตฺตฺจ ปาปุเณยฺยาติ วุตฺตํ โหติ.
๓๒๘. ตโต ¶ ภควา ‘‘สาริปุตฺโต อฑฺฒมาสูปสมฺปนฺโน สาวกปารมิปฺปตฺโต, กสฺมา อาทิกมฺมิกปุถุชฺชนปฺหํ ปุจฺฉตี’’ติ อาวชฺเชนฺโต ‘‘สทฺธิวิหาริกํ อารพฺภา’’ติ ตฺวา ปุจฺฉาย วุตฺตํ จาริตฺตสีลํ อวิภชิตฺวาว ตสฺส สปฺปายวเสน ธมฺมํ เทเสนฺโต ‘‘วุฑฺฒาปจายี’’ติอาทิมาห.
ตตฺถ ปฺาวุฑฺโฒ, คุณวุฑฺโฒ, ชาติวุฑฺโฒ, วโยวุฑฺโฒติ จตฺตาโร วุฑฺฒา. ชาติยา หิ ทหโรปิ พหุสฺสุโต ภิกฺขุ อปฺปสฺสุตมหลฺลกภิกฺขูนมนฺตเร พาหุสจฺจปฺาย วุฑฺฒตฺตา ปฺาวุฑฺโฒ. ตสฺส หิ สนฺติเก มหลฺลกภิกฺขูปิ พุทฺธวจนํ ปริยาปุณนฺติ, โอวาทวินิจฺฉยปฺหวิสฺสชฺชนานิ จ ปจฺจาสีสนฺติ. ตถา ทหโรปิ ภิกฺขุ อธิคมสมฺปนฺโน คุณวุฑฺโฒ นาม. ตสฺส หิ โอวาเท ปติฏฺาย มหลฺลกาปิ วิปสฺสนาคพฺภํ คเหตฺวา อรหตฺตผลํ ปาปุณนฺติ. ตถา ทหโรปิ ราชา ขตฺติโย มุทฺธาวสิตฺโต พฺราหฺมโณ วา เสสชนสฺส วนฺทนารหโต ชาติวุฑฺโฒ นาม. สพฺโพ ปน ปมชาโต วโยวุฑฺโฒ นาม. ตตฺถ ยสฺมา ปฺาย สาริปุตฺตตฺเถรสฺส สทิโส นตฺถิ เปตฺวา ภควนฺตํ, ตถา คุเณนปิ อฑฺฒมาเสน สพฺพสาวกปารมีาณสฺส ปฏิวิทฺธตฺตา. ชาติยาปิ โส พฺราหฺมณมหาสาลกุเล อุปฺปนฺโน, ตสฺมา ตสฺส ภิกฺขุโน วเยน สมาโนปิ โส อิเมหิ ¶ ตีหิ การเณหิ วุฑฺโฒ. อิมสฺมึ ปนตฺเถ ปฺาคุเณหิ เอว วุฑฺฒภาวํ สนฺธาย ภควา อาห – ‘‘วุฑฺฒาปจายี’’ติ. ตสฺมา ตาทิสานํ วุฑฺฒานํ อปจิติกรเณน วุฑฺฒาปจายี, เตสเมว วุฑฺฒานํ ลาภาทีสุ อุสูยวิคเมน อนุสูยโก จ สิยาติ อยมาทิปาทสฺส อตฺโถ.
กาลฺู จสฺสาติ เอตฺถ ปน ราเค อุปฺปนฺเน ตสฺส วิโนทนตฺถาย ครูนํ ทสฺสนํ คจฺฉนฺโตปิ กาลฺู, โทเส… โมเห… โกสชฺเช อุปฺปนฺเน ตสฺส วิโนทนตฺถาย ครูนํ ทสฺสนํ คจฺฉนฺโตปิ กาลฺู, ยโต เอวํ กาลฺู จ อสฺส ครูนํ ¶ ทสฺสนาย. ธมฺมึ กถนฺติ สมถวิปสฺสนายุตฺตํ. เอรยิตนฺติ วุตฺตํ. ขณฺูติ ตสฺสา กถาย ขณเวที, ทุลฺลโภ วา อยํ อีทิสาย กถาย สวนกฺขโณติ ชานนฺโต. สุเณยฺย สกฺกจฺจาติ ตํ กถํ สกฺกจฺจํ สุเณยฺย. น เกวลฺจ ตเมว, อฺานิปิ พุทฺธคุณาทิปฏิสํยุตฺตานิ สุภาสิตานิ สกฺกจฺจเมว สุเณยฺยาติ อตฺโถ.
๓๒๙. ‘‘กาลฺู จสฺส ครูนํ ทสฺสนายา’’ติ เอตฺถ วุตฺตนยฺจ อตฺตโน อุปฺปนฺนราคาทิวิโนทนกาลํ ตฺวาปิ ครูนํ สนฺติกํ คจฺฉนฺโต กาเลน คจฺเฉ ครูนํ ¶ สกาสํ, ‘‘อหํ กมฺมฏฺานิโก ธุตงฺคธโร จา’’ติ กตฺวา น เจติยวนฺทนโพธิยงฺคณภิกฺขาจารมคฺคอติมชฺฌนฺหิกเวลาทีสุ ยตฺถ กตฺถจิ ิตมาจริยํ ทิสฺวา ปริปุจฺฉนตฺถาย อุปสงฺกเมยฺย, สกเสนาสเน ปน อตฺตโน อาสเน นิสินฺนํ วูปสนฺตทรถํ สลฺลกฺเขตฺวา กมฺมฏฺานาทิวิธิปุจฺฉนตฺถํ อุปสงฺกเมยฺยาติ อตฺโถ. เอวํ อุปสงฺกมนฺโตปิ จ ถมฺภํ นิรํกตฺวา นิวาตวุตฺติ ถทฺธภาวกรํ มานํ วินาเสตฺวา นีจวุตฺติ ปาทปฺุฉนโจฬกฉินฺนวิสาณุสภอุทฺธตทาสปฺปสทิโส หุตฺวา อุปสงฺกเมยฺย. อถ เตน ครุนา วุตฺตํ อตฺถํ ธมฺมํ…เป… สมาจเร จ. อตฺถนฺติ ภาสิตตฺถํ. ธมฺมนฺติ ปาฬิธมฺมํ. สํยมนฺติ สีลํ. พฺรหฺมจริยนฺติ อวเสสสาสนพฺรหฺมจริยํ. อนุสฺสเร เจว สมาจเร จาติ อตฺถํ กถิโตกาเส อนุสฺสเรยฺย, ธมฺมํ สํยมํ พฺรหฺมจริยํ กถิโตกาเส อนุสฺสเรยฺย, อนุสฺสรณมตฺเตเนว จ อตุสฺสนฺโต ตํ สพฺพมฺปิ สมาจเร สมาจเรยฺย สมาทาย วตฺเตยฺย. ตาสํ กถานํ อตฺตนิ ปวตฺตเน อุสฺสุกฺกํ กเรยฺยาติ อตฺโถ. เอวํ กโรนฺโต หิ กิจฺจกโร โหติ.
๓๓๐. ตโต ปรฺจ ธมฺมาราโม ธมฺมรโต ธมฺเม ิโต ธมฺมวินิจฺฉยฺู ภเวยฺย. สพฺพปเทสุ เจตฺถ ธมฺโมติ สมถวิปสฺสนา, อาราโม รตีติ เอโกว อตฺโถ, ธมฺเม อาราโม อสฺสาติ ธมฺมาราโม. ธมฺเม รโต, น ¶ อฺํ ปิเหตีติ ธมฺมรโต. ธมฺเม ิโต ธมฺมํ วตฺตนโต. ธมฺมวินิจฺฉยํ ชานาติ ‘‘อิทํ อุทยาณํ อิทํ วยาณ’’นฺติ ธมฺมวินิจฺฉยฺู, เอวรูโป ¶ อสฺส. อถ ยายํ ราชกถาทิติรจฺฉานกถา ตรุณวิปสฺสกสฺส พหิทฺธารูปาทีสุ อภินนฺทนุปฺปาทเนน ตํ สมถวิปสฺสนาธมฺมํ สนฺทูเสติ, ตสฺมา ‘‘ธมฺมสนฺโทสวาโท’’ติ วุจฺจติ, ตํ เนวาจเร ธมฺมสนฺโทสวาทํ, อฺทตฺถุ อาวาสโคจราทิสปฺปายานิ เสวนฺโต ตจฺเฉหิ นีเยถ สุภาสิเตหิ. สมถวิปสฺสนาปฏิสํยุตฺตาเนเวตฺถ ตจฺฉานิ, ตถารูเปหิ สุภาสิเตหิ นีเยถ นีเยยฺย, กาลํ เขเปยฺยาติ อตฺโถ.
๓๓๑. อิทานิ ‘‘ธมฺมสนฺโทสวาท’’นฺติ เอตฺถ อติสงฺเขเปน วุตฺตํ สมถวิปสฺสนายุตฺตสฺส ภิกฺขุโน อุปกฺกิเลสํ ปากฏํ กโรนฺโต ตทฺเนปิ อุปกฺกิเลเสน สทฺธึ ‘‘หสฺสํ ชปฺป’’นฺติ อิมํ คาถมาห. หาสนฺติปิ ปาโ. วิปสฺสเกน ¶ หิ ภิกฺขุนา หสนียสฺมึ วตฺถุสฺมึ สิตมตฺตเมว กาตพฺพํ, นิรตฺถกกถาชปฺโป น ภาสิตพฺโพ, าติพฺยสนาทีสุ ปริเทโว น กาตพฺโพ, ขาณุกณฺฏกาทิมฺหิ มโนปโทโส น อุปฺปาเทตพฺโพ. มายากตนฺติ วุตฺตา มายา, ติวิธํ กุหนํ, ปจฺจเยสุ คิทฺธิ, ชาติอาทีหิ มาโน, ปจฺจนีกสาตตาสงฺขาโต สารมฺโภ, ผรุสวจนลกฺขณํ กกฺกสํ, ราคาทโย กสาวา, อธิมตฺตตณฺหาลกฺขณา มุจฺฉาติ อิเม จ โทสา สุขกาเมน องฺคารกาสุ วิย, สุจิกาเมน คูถานํ วิย, ชีวิตุกาเมน อาสิวิสาทโย วิย จ ปหาตพฺพา. หิตฺวา จ อาโรคฺยมทาทิวิคมา วีตมเทน จิตฺตวิกฺเขปาภาวา ิตตฺเตน จริตพฺพํ. เอวํ ปฏิปนฺโน หิ สพฺพุปกฺกิเลสปริสุทฺธาย ภาวนาย น จิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณาติ. เตนาห ภควา – ‘‘หสฺสํ ชปฺปํ…เป… ิตตฺโต’’ติ.
๓๓๒. อิทานิ ยฺวายํ ‘‘หสฺสํ ชปฺป’’นฺติอาทินา นเยน อุปกฺกิเลโส วุตฺโต, เตน สมนฺนาคโต ภิกฺขุ ยสฺมา สาหโส โหติ อวีมํสการี, รตฺโต ราควเสน ¶ ทุฏฺโ โทสวเสน คจฺฉติ, ปมตฺโต จ โหติ กุสลานํ ธมฺมานํ ภาวนาย อสาตจฺจการี, ตถารูปสฺส จ ‘‘สุเณยฺย สกฺกจฺจ สุภาสิตานี’’ติอาทินา นเยน วุตฺโต โอวาโท นิรตฺถโก, ตสฺมา อิมสฺส สํกิเลสสฺส ปุคฺคลาธิฏฺานาย เทสนาย สุตาทิวุทฺธิปฏิปกฺขภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘วิฺาตสารานี’’ติ อิมํ คาถมาห.
ตสฺสตฺโถ – ยานิ เหตานิ สมถวิปสฺสนาปฏิสํยุตฺตานิ สุภาสิตานิ, เตสํ วิชานนํ สาโร. ยทิ วิฺาตานิ สาธุ, อถ สทฺทมตฺตเมว คหิตํ, น กิฺจิ กตํ โหติ, เยน เอตานิ สุตมเยน าเณน วิฺายนฺติ, ตํ สุตํ, เอตฺจ สุตมยาณํ วิฺาตสมาธิสารํ, เตสุ วิฺาเตสุ ธมฺเมสุ โย สมาธิ จิตฺตสฺสาวิกฺเขโป ตถตฺตาย ปฏิปตฺติ, อยมสฺส สาโร. น หิ วิชานนมตฺเตเนว โกจิ อตฺโถ สิชฺฌติ. โย ปนายํ นโร ราคาทิวเสน วตฺตนโต สาหโส ¶ , กุสลานํ ธมฺมานํ ภาวนาย อสาตจฺจการิตาย ปมตฺโต, โส สทฺทมตฺตคฺคาหีเยว โหติ. เตน ตสฺส อตฺถวิชานนาภาวโต สา สุภาสิตวิชานนปฺา จ, ตถตฺตาย ปฏิปตฺติยา อภาวโต สุตฺจ น วฑฺฒตีติ.
๓๓๓. เอวํ ¶ ปมตฺตานํ สตฺตานํ ปฺาปริหานึ สุตปริหานิฺจ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อปฺปมตฺตานํ ตทุภยสาราธิคมํ ทสฺเสนฺโต อาห – ‘‘ธมฺเม จ เย…เป… สารมชฺฌคู’’ติ. ตตฺถ อริยปฺปเวทิโต ธมฺโม นาม สมถวิปสฺสนาธมฺโม. เอโกปิ หิ พุทฺโธ สมถวิปสฺสนาธมฺมํ อเทเสตฺวา ปรินิพฺพุโต นาม นตฺถิ. ตสฺมา เอตสฺมึ ธมฺเม จ เย อริยปฺปเวทิเต รตา นิรตา อปฺปมตฺตา สาตจฺจานุโยคิโน, อนุตฺตรา เต วจสา มนสา กมฺมุนา จ, เต จตุพฺพิเธน วจีสุจริเตน ติวิเธน มโนสุจริเตน ติวิเธน กายสุจริเตน จ สมนฺนาคตตฺตา วจสา มนสา กมฺมุนา จ อนุตฺตรา, อวเสสสตฺเตหิ อสมา อคฺคาวิสิฏฺา. เอตฺตาวตา สทฺธึ ปุพฺพภาคสีเลน อริยมคฺคสมฺปยุตฺตํ สีลํ ทสฺเสติ. เอวํ ปริสุทฺธสีลา เต สนฺติโสรจฺจสมาธิสณฺิตา, สุตสฺส ปฺาย จ สารมชฺฌคู, เย อริยปฺปเวทิเต ธมฺเม รตา, เต น เกวลํ วาจาทีหิ อนุตฺตรา โหนฺติ, อปิจ โข ปน สนฺติโสรจฺเจ สมาธิมฺหิ จ สณฺิตา หุตฺวา สุตสฺส ¶ ปฺาย จ สารมชฺฌคู อธิคตา อิจฺเจว เวทิตพฺพา. อาสํสายํ ภูตวจนํ. ตตฺถ สนฺตีติ นิพฺพานํ, โสรจฺจนฺติ สุนฺทเร รตภาเวน ยถาภูตปฏิเวธิกา ปฺา, สนฺติยา โสรจฺจนฺติ สนฺติโสรจฺจํ, นิพฺพานารมฺมณาย มคฺคปฺาเยตํ อธิวจนํ. สมาธีติ ตํสมฺปยุตฺโตว มคฺคสมาธิ. สณฺิตาติ ตทุภเย ปติฏฺิตา. สุตปฺานํ สารํ นาม อรหตฺตผลวิมุตฺติ. วิมุตฺติสารฺหิ อิทํ พฺรหฺมจริยํ.
เอวเมตฺถ ภควา ธมฺเมน ปุพฺพภาคปฏิปทํ, ‘‘อนุตฺตรา วจสา’’ติอาทีหิ สีลกฺขนฺธํ, สนฺติโสรจฺจสมาธีหิ ปฺากฺขนฺธสมาธิกฺขนฺเธติ ตีหิปิ อิเมหิ ขนฺเธหิ อปรภาคปฏิปทฺจ ทสฺเสตฺวา สุตปฺาสาเรน อกุปฺปวิมุตฺตึ ทสฺเสนฺโต อรหตฺตนิกูเฏน เทสนํ สมาเปสิ. เทสนาปริโยสาเน จ โส ภิกฺขุ โสตาปตฺติผลํ ปตฺวา ปุน น จิรสฺเสว อคฺคผเล อรหตฺเต ปติฏฺาสีติ.
ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย
สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย กึสีลสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. อุฏฺานสุตฺตวณฺณนา
๓๓๔. อุฏฺหถาติ ¶ ¶ อุฏฺานสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรนฺโต รตฺตึ เชตวนวิหาเร วสิตฺวา ปุพฺพณฺหสมยํ ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปาจีนทฺวาเรน นครา นิกฺขมิตฺวา มิคารมาตุปาสาทํ อคมาสิ ทิวาวิหารตฺถาย. อาจิณฺณํ กิเรตํ ภควโต รตฺตึ เชตวนวิหาเร วสิตฺวา มิคารมาตุปาสาเท ทิวาวิหารูปคมนํ, รตฺติฺจ มิคารมาตุปาสาเท วสิตฺวา เชตวเน ทิวาวิหารูปคมนํ. กสฺมา? ทฺวินฺนํ กุลานํ อนุคฺคหตฺถาย มหาปริจฺจาคคุณปริทีปนตฺถาย จ. มิคารมาตุปาสาทสฺส จ เหฏฺา ปฺจ กูฏาคารคพฺภสตานิ โหนฺติ, เยสุ ปฺจสตา ภิกฺขู วสนฺติ. ตตฺถ ยทา ภควา เหฏฺาปาสาเท วสติ, ตทา ภิกฺขู ภควโต คารเวน อุปริปาสาทํ นารุหนฺติ. ตํ ทิวสํ ปน ภควา อุปริปาสาเท กูฏาคารคพฺภํ ปาวิสิ, เตน เหฏฺาปาสาเท ปฺจปิ คพฺภสตานิ ปฺจสตา ภิกฺขู ปวิสึสุ. เต จ สพฺเพว นวา โหนฺติ อธุนาคตา อิมํ ¶ ธมฺมวินยํ อุทฺธตา อุนฺนฬา ปากตินฺทฺริยา. เต ปวิสิตฺวา ทิวาเสยฺยํ สุปิตฺวา สายํ อุฏฺาย มหาตเล สนฺนิปติตฺวา ‘‘อชฺช ภตฺตคฺเค ตุยฺหํ กึ อโหสิ, ตฺวํ กตฺถ อคมาสิ, อหํ อาวุโส โกสลรฺโ ฆรํ, อหํ อนาถปิณฺฑิกสฺส, ตตฺถ เอวรูโป จ เอวรูโป จ โภชนวิธิ อโหสี’’ติ นานปฺปการํ อามิสกถํ กเถนฺตา อุจฺจาสทฺทมหาสทฺทา อเหสุํ.
ภควา ตํ สทฺทํ สุตฺวา ‘‘อิเม มยา สทฺธึ วสนฺตาปิ เอวํ ปมตฺตา, อโห อยุตฺตการิโน’’ติ มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรสฺส อาคมนํ จินฺเตสิ. ตาวเทว อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ภควโต จิตฺตํ ตฺวา อิทฺธิยา อาคมฺม ปาทมูเล วนฺทมาโนเยว อโหสิ. ตโต นํ ภควา อามนฺเตสิ – ‘‘เอเต เต, โมคฺคลฺลาน, สพฺรหฺมจาริโน ปมตฺตา, สาธุ เน สํเวเชหี’’ติ. ‘‘เอวํ ภนฺเต’’ติ โข โส อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ภควโต ปฏิสฺสุณิตฺวา ตาวเทว อาโปกสิณํ สมาปชฺชิตฺวา กรีสภูมิยํ ิตํ มหาปาสาทํ นาวํ วิย มหาวาโต ปาทงฺคุฏฺเกน กมฺเปสิ สทฺธึ ปติฏฺิตปถวิปฺปเทเสน. อถ เต ภิกฺขู ภีตา วิสฺสรํ กโรนฺตา สกสกจีวรานิ ฉฑฺเฑตฺวา จตูหิ ทฺวาเรหิ นิกฺขมึสุ. ภควา เตสํ อตฺตานํ ทสฺเสนฺโต อฺเน ทฺวาเรน คนฺธกุฏึ ปวิสนฺโต วิย อโหสิ, เต ภควนฺตํ ทิสฺวา วนฺทิตฺวา อฏฺํสุ ¶ . ภควา ‘‘กึ, ภิกฺขเว, ภีตตฺถา’’ติ ปุจฺฉิ, เต ‘‘อยํ, ภนฺเต, มิคารมาตุปาสาโท กมฺปิโต’’ติ อาหํสุ ¶ . ‘‘ชานาถ, ภิกฺขเว, เกนา’’ติ? ‘‘น ชานาม, ภนฺเต’’ติ. อถ ภควา ‘‘ตุมฺหาทิสานํ, ภิกฺขเว, มุฏฺสฺสตีนํ อสมฺปชานานํ ปมาทวิหารีนํ สํเวคชนนตฺถํ โมคฺคลฺลาเนน กมฺปิโต’’ติ วตฺวา เตสํ ภิกฺขูนํ ธมฺมเทสนตฺถํ อิมํ สุตฺตมภาสิ.
ตตฺถ อุฏฺหถาติ อาสนา อุฏฺหถ ฆฏถ วายมถ, มา กุสีตา โหถ. นิสีทถาติ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา กมฺมฏฺานานุโยคตฺถาย นิสีทถ. โก อตฺโถ สุปิเตน โวติ โก ตุมฺหากํ อนุปาทาปรินิพฺพานตฺถาย ปพฺพชิตานํ ¶ สุปิเตน อตฺโถ. น หิ สกฺกา สุปนฺเตน โกจิ อตฺโถ ปาปุณิตุํ. อาตุรานฺหิ กา นิทฺทา, สลฺลวิทฺธาน รุปฺปตนฺติ ยตฺร จ นาม อปฺปเกปิ สรีรปฺปเทเส อุฏฺิเตน จกฺขุโรคาทินา โรเคน อาตุรานํ เอกทฺวงฺคุลมตฺตมฺปิ ปวิฏฺเน อยสลฺลอฏฺิสลฺลทนฺตสลฺลวิสาณสลฺลกฏฺสลฺลานํ อฺตเรน สลฺเลน รุปฺปมานานํ มนุสฺสานํ นิทฺทา นตฺถิ, ตตฺถ ตุมฺหากํ สกลจิตฺตสรีรสนฺตานํ ภฺชิตฺวา อุปฺปนฺเนหิ นานปฺปการกิเลสโรเคหิ อาตุรานฺหิ กา นิทฺทา ราคสลฺลาทีหิ จ ปฺจหิ สลฺเลหิ อนฺโตหทยํ ปวิสิย วิทฺธตฺตา สลฺลวิทฺธานํ รุปฺปตํ.
๓๓๕. เอวํ วตฺวา ปุน ภควา ภิยฺโยโสมตฺตาย เต ภิกฺขู อุสฺสาเหนฺโต สํเวเชนฺโต จ อาห – ‘‘อุฏฺหถ…เป… วสานุเค’’ติ. ตตฺรายํ สาธิปฺปายโยชนา อตฺถวณฺณนา – เอวํ กิเลสสลฺลวิทฺธานฺหิ โว, ภิกฺขเว, กาโล ปพุชฺฌิตุํ. กึ การณํ? มณฺฑเปยฺยมิทํ, ภิกฺขเว, พฺรหฺมจริยํ, สตฺถา สมฺมุขีภูโต, อิโต ปุพฺเพ ปน โว ทีฆรตฺตํ สุตฺตํ, คิรีสุ สุตฺตํ, นทีสุ สุตฺตํ, สเมสุ สุตฺตํ, วิสเมสุ สุตฺตํ, รุกฺขคฺเคสุปิ สุตฺตํ อทสฺสนา อริยสจฺจานํ, ตสฺมา ตสฺสา นิทฺทาย อนฺตกิริยตฺถํ อุฏฺหถ นิสีทถ ทฬฺหํ สิกฺขถ สนฺติยา.
ตตฺถ ปุริมปาทสฺสตฺโถ วุตฺตนโย เอว. ทุติยปาเท ปน สนฺตีติ ติสฺโส สนฺติโย – อจฺจนฺตสนฺติ, ตทงฺคสนฺติ, สมฺมุติสนฺตีติ, นิพฺพานวิปสฺสนาทิฏฺิคตานเมตํ อธิวจนํ. อิธ ปน อจฺจนฺตสนฺติ นิพฺพานมธิปฺเปตํ, ตสฺมา นิพฺพานตฺถํ ทฬฺหํ สิกฺขถ, อสิถิลปรกฺกมา หุตฺวา สิกฺขถาติ วุตฺตํ โหติ. กึ การณํ? มา โว ปมตฺเต วิฺาย, มจฺจุราชา อโมหยิตฺถ วสานุเค ¶ , มา ตุมฺเห ‘‘ปมตฺตา เอเต’’ติ เอวํ ตฺวา มจฺจุราชปริยายนาโม มาโร วสานุเค อโมหยิตฺถ, ยถา ตสฺส วสํ คจฺฉถ, เอวํ วสานุเค กโรนฺโต มา อโมหยิตฺถาติ วุตฺตํ โหติ.
๓๓๖. ยโต ตสฺส วสํ อนุปคจฺฉนฺตา ยาย เทวา มนุสฺสา จ…เป… สมปฺปิตา, ยาย เทวา จ มนุสฺสา จ อตฺถิกา รูปสทฺทคนฺธรสโผฏฺพฺพตฺถิกา, ตํ รูปาทึ สิตา นิสฺสิตา อลฺลีนา ¶ หุตฺวา ติฏฺนฺติ, ตรถ สมติกฺกมถ เอตํ นานปฺปกาเรสุ วิสเยสุ วิสฏวิตฺถิณฺณวิสาลตฺตา ¶ วิสตฺติกํ ภวโภคตณฺหํ. ขโณ โว มา อุปจฺจคา, อยํ ตุมฺหากํ สมณธมฺมกรณกฺขโณ มา อติกฺกมิ. เยสฺหิ อยเมวรูโป ขโณ อติกฺกมติ, เย จ อิมํ ขณํ อติกฺกมนฺติ, เต ขณาตีตา หิ โสจนฺติ นิรยมฺหิ สมปฺปิตา, นิรสฺสาทฏฺเน นิรยสฺิเต จตุพฺพิเธปิ อปาเย ปติฏฺิตา ‘‘อกตํ วต โน กลฺยาณ’’นฺติอาทินา นเยน โสจนฺติ.
๓๓๗. เอวํ ภควา เต ภิกฺขู อุสฺสาเหตฺวา สํเวเชตฺวา จ อิทานิ เตสํ ตํ ปมาทวิหารํ วิครหิตฺวา สพฺเพว เต อปฺปมาเท นิโยเชนฺโต ‘‘ปมาโท รโช’’ติ อิมํ คาถมาห. ตตฺถ ปมาโทติ สงฺเขปโต สติวิปฺปวาโส, โส จิตฺตมลินฏฺเน รโช. ตํ ปมาทมนุปติโต ปมาทานุปติโต, ปมาทานุปติตตฺตา อปราปรุปฺปนฺโน ปมาโท เอว, โสปิ รโช. น หิ กทาจิ ปมาโท นาม อรโช อตฺถิ. เตน กึ ทีเปติ? มา ตุมฺเห ‘‘ทหรา ตาว มยํ ปจฺฉา ชานิสฺสามา’’ติ วิสฺสาสมาปชฺชิตฺถ. ทหรกาเลปิ หิ ปมาโท รโช, มชฺฌิมกาเลปิ เถรกาเลปิ ปมาทานุปติตตฺตา มหารโช สงฺการกูโฏ เอว โหติ, ยถา ฆเร เอกทฺเวทิวสิโก รโช รโช เอว, วฑฺฒมาโน ปน คณวสฺสิโก สงฺการกูโฏ เอว โหติ. เอวํ สนฺเตปิ ปน ปมวเย พุทฺธวจนํ ปริยาปุณิตฺวา อิตรวเยสุ สมณธมฺมํ กโรนฺโต, ปมวเย วา ปริยาปุณิตฺวา มชฺฌิมวเย สุณิตฺวา ปจฺฉิมวเย สมณธมฺมํ กโรนฺโตปิ ภิกฺขุ ปมาทวิหารี น โหติ อปฺปมาทานุโลมปฏิปทํ ปฏิปนฺนตฺตา. โย ปน สพฺพวเยสุ ปมาทวิหารี ทิวาเสยฺยํ อามิสกถฺจ อนุยุตฺโต, เสยฺยถาปิ ตุมฺเห, ตสฺเสว โส ปมวเย ปมาโท รโช, อิตรวเยสุ ปมาทานุปติโต มหาปมาโท จ มหารโช เอวาติ.
เอวํ ¶ เตสํ ปมาทวิหารํ วิครหิตฺวา อปฺปมาเท นิโยเชนฺโต อาห – ‘‘อปฺปมาเทน วิชฺชาย, อพฺพเห สลฺลมตฺตโน’’ติ, ตสฺสตฺโถ – ยสฺมา เอวเมโส สพฺพทาปิ ปมาโท รโช, ตสฺมา สติอวิปฺปวาสสงฺขาเตน อปฺปมาเทน อาสวานํ ขยาณสงฺขาตาย จ วิชฺชาย ปณฺฑิโต กุลปุตฺโต อุทฺธเร อตฺตโน หทยนิสฺสิตํ ราคาทิปฺจวิธํ สลฺลนฺติ อรหตฺตนิกูเฏน เทสนํ สมาเปสิ. เทสนาปริโยสาเน สํเวคมาปชฺชิตฺวา ตเมว ธมฺมเทสนํ มนสิ กริตฺวา ปจฺจเวกฺขมานา วิปสฺสนํ อารภิตฺวา ปฺจสตาปิ เต ภิกฺขู อรหตฺเต ปติฏฺหึสูติ.
ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย
สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย อุฏฺานสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๑. ราหุลสุตฺตวณฺณนา
๓๓๘. กจฺจิ ¶ ¶ อภิณฺหสํวาสาติ ราหุลสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? ภควา สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุชฺฌิตฺวา โพธิมณฺฑโต อนุปุพฺเพน กปิลวตฺถุํ คนฺตฺวา ตตฺถ ราหุลกุมาเรน ‘‘ทายชฺชํ เม สมณ เทหี’’ติ ทายชฺชํ ยาจิโต สาริปุตฺตตฺเถรํ อาณาเปสิ – ‘‘ราหุลกุมารํ ปพฺพาเชหี’’ติ. ตํ สพฺพํ ขนฺธกฏฺกถายํ (มหาว. อฏฺ. ๑๐๕) วุตฺตนเยเนว คเหตพฺพํ. เอวํ ปพฺพชิตํ ปน ราหุลกุมารํ วุฑฺฒิปฺปตฺตํ สาริปุตฺตตฺเถโรว อุปสมฺปาเทสิ, มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร อสฺส กมฺมวาจาจริโย อโหสิ. ตํ ภควา ‘‘อยํ กุมาโร ชาติอาทิสมฺปนฺโน, โส ชาติโคตฺตกุลวณฺณโปกฺขรตาทีนิ นิสฺสาย มานํ วา มทํ วา มา อกาสี’’ติ ทหรกาลโต ปภุติ ยาว น อริยภูมึ ปาปุณิ, ตาว โอวทนฺโต อภิณฺหํ อิมํ สุตฺตมภาสิ. ตสฺมา เจตํ สุตฺตปริโยสาเนปิ วุตฺตํ ‘‘อิตฺถํ สุทํ ภควา อายสฺมนฺตํ ราหุลํ อิมาหิ คาถาหิ อภิณฺหํ โอวทตี’’ติ. ตตฺถ ปมคาถายํ อยํ สงฺเขปตฺโถ ‘‘กจฺจิ ตฺวํ, ราหุล, อภิณฺหํ สํวาสเหตุ ชาติอาทีนํ อฺตเรน วตฺถุนา น ปริภวสิ ปณฺฑิตํ, าณปทีปสฺส ธมฺมเทสนาปทีปสฺส จ ธารณโต อุกฺกาธาโร มนุสฺสานํ ¶ กจฺจิ อปจิโต ตยา, กจฺจิ นิจฺจํ ปูชิโต ตยา’’ติ อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ สนฺธาย ภณติ.
๓๓๙. เอวํ วุตฺเต อายสฺมา ราหุโล ‘‘นาหํ ภควา นีจปุริโส วิย สํวาสเหตุ มานํ วา มทํ วา กโรมี’’ติ ทีเปนฺโต อิมํ ปฏิคาถมาห ‘‘นาหํ อภิณฺหสํวาสา’’ติ. สา อุตฺตานตฺถา เอว.
๓๔๐. ตโต นํ ภควา อุตฺตรึ โอวทนฺโต ปฺจ กามคุเณติอาทิกา อวเสสคาถาโย อาห. ตตฺถ ยสฺมา ปฺจ กามคุณา สตฺตานํ ปิยรูปา ปิยชาติกา อติวิย สตฺเตหิ อิจฺฉิตา ปตฺถิตา ¶ , มโน จ เนสํ รมยนฺติ, เต จายสฺมา ราหุโล หิตฺวา สทฺธาย ฆรา นิกฺขนฺโต, น ราชาภินีโต, น โจราภินีโต, น อิณฏฺโฏ, น ภยฏฺโฏ, น ชีวิกาปกโต, ตสฺมา นํ ภควา ‘‘ปฺจ กามคุเณ หิตฺวา, ปิยรูเป มโนรเม, สทฺธาย ฆรา นิกฺขมฺมา’’ติ สมุตฺเตเชตฺวา อิมสฺส เนกฺขมฺมสฺส ปติรูปาย ปฏิปตฺติยา นิโยเชนฺโต อาห – ‘‘ทุกฺขสฺสนฺตกโร ภวา’’ติ.
ตตฺถ ¶ สิยา ‘‘นนุ จายสฺมา ทายชฺชํ ปตฺเถนฺโต พลกฺกาเรน ปพฺพาชิโต, อถ กสฺมา ภควา อาห – ‘สทฺธาย ฆรา นิกฺขมฺมา’’’ติ วุจฺจเต – เนกฺขมฺมาธิมุตฺตตฺตา. อยฺหิ อายสฺมา ทีฆรตฺตํ เนกฺขมฺมาธิมุตฺโต ปทุมุตฺตรสมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปุตฺตํ อุปเรวตํ นาม สามเณรํ ทิสฺวา สงฺโข นาม นาคราชา หุตฺวา สตฺต ทิวเส ทานํ ทตฺวา ตถาภาวํ ปตฺเถตฺวา ตโต ปภุติ ปตฺถนาสมฺปนฺโน อภินีหารสมฺปนฺโน สตสหสฺสกปฺเป ปารมิโย ปูเรตฺวา อนฺติมภวํ อุปปนฺโน. เอวํ เนกฺขมฺมาธิมุตฺตตฺจสฺส ภควา ชานาติ. ตถาคตพลฺตรฺหิ เอตํ าณํ. ตสฺมา อาห – ‘‘สทฺธาย ฆรา นิกฺขมฺมา’’ติ. อถ วา ทีฆรตฺตํ สทฺธาเยว ฆรา นิกฺขมฺม อิทานิ ทุกฺขสฺสนฺตกโร ภวาติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโย.
๓๔๑. อิทานิสฺส อาทิโต ปภุติ วฏฺฏทุกฺขสฺส อนฺตกิริยาย ปฏิปตฺตึ ทสฺเสตุํ ‘‘มิตฺเต ภชสฺสุ กลฺยาเณ’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สีลาทีหิ อธิกา กลฺยาณมิตฺตา นาม, เต ภชนฺโต หิมวนฺตํ นิสฺสาย มหาสาลา มูลาทีหิ วิย สีลาทีหิ วฑฺฒติ. เตนาห – ‘‘มิตฺเต ภชสฺสุ กลฺยาเณ’’ติ. ปนฺตฺจ สยนาสนํ, วิวิตฺตํ อปฺปนิคฺโฆสนฺติ ยฺจ สยนาสนํ ปนฺตํ ทูรํ วิวิตฺตํ อปฺปากิณฺณํ อปฺปนิคฺโฆสํ, ยตฺถ มิคสูกราทิสทฺเทน อรฺสฺา ¶ อุปฺปชฺชติ, ตถารูปํ สยนาสนฺจ ภชสฺสุ. มตฺตฺู โหหิ โภชเนติ ปมาณฺู โหหิ, ปฏิคฺคหณมตฺตํ ปริโภคมตฺตฺจ ชานาหีติ อตฺโถ. ตตฺถ ปฏิคฺคหณมตฺตฺุนา เทยฺยธมฺเมปิ อปฺเป ทายเกปิ อปฺปํ ทาตุกาเม อปฺปเมว คเหตพฺพํ, เทยฺยธมฺเม อปฺเป ทายเก ปน พหุํ ทาตุกาเมปิ อปฺปเมว คเหตพฺพํ, เทยฺยธมฺเม ปน พหุตเร ¶ ทายเกปิ อปฺปํ ทาตุกาเม อปฺปเมว คเหตพฺพํ, เทยฺยธมฺเมปิ พหุตเร ทายเกปิ พหุํ ทาตุกาเม อตฺตโน พลํ ชานิตฺวา คเหตพฺพํ. อปิจ มตฺตาเยว วณฺณิตา ภควตาติ ปริโภคมตฺตฺุนา ปุตฺตมํสํ วิย อกฺขพฺภฺชนมิว จ โยนิโส มนสิ กริตฺวา โภชนํ ปริภฺุชิตพฺพนฺติ.
๓๔๒. เอวมิมาย คาถาย พฺรหฺมจริยสฺส อุปการภูตาย กลฺยาณมิตฺตเสวนาย นิโยเชตฺวา เสนาสนโภชนมุเขน จ ปจฺจยปริโภคปาริสุทฺธิสีเล สมาทเปตฺวา อิทานิ ยสฺมา จีวราทีสุ ตณฺหาย มิจฺฉาอาชีโว โหติ, ตสฺมา ตํ ปฏิเสเธตฺวา อาชีวปาริสุทฺธิสีเล สมาทเปนฺโต ‘‘จีวเร ปิณฺฑปาเต จา’’ติ อิมํ คาถมาห. ตตฺถ ปจฺจเยติ คิลานปฺปจฺจเย. เอเตสูติ เอเตสุ จตูสุ จีวราทีสุ ภิกฺขูนํ ตณฺหุปฺปาทวตฺถูสุ. ตณฺหํ มากาสีติ ‘‘หิริโกปีนปฏิจฺฉาทนาทิอตฺถเมว เต จตฺตาโร ปจฺจยา นิจฺจาตุรานํ ปุริสานํ ปฏิการภูตา ชชฺชรฆรสฺเสวิมสฺส อติทุพฺพลสฺส กายสฺส อุปตฺถมฺภภูตา’’ติอาทินา นเยน อาทีนวํ ปสฺสนฺโต ตณฺหํ มา ชเนสิ, อชเนนฺโต อนุปฺปาเทนฺโต วิหราหีติ วุตฺตํ โหติ. กึ การณํ? มา ¶ โลกํ ปุนราคมิ. เอเตสุ หิ ตณฺหํ กโรนฺโต ตณฺหาย อากฑฺฒิยมาโน ปุนปิ อิมํ โลกํ อาคจฺฉติ. โส ตฺวํ เอเตสุ ตณฺหํ มากาสิ, เอวํ สนฺเต น ปุน อิมํ โลกํ อาคมิสฺสสีติ.
เอวํ วุตฺเต อายสฺมา ราหุโล ‘‘จีวเร ตณฺหํ มากาสีติ มํ ภควา อาหา’’ติ จีวรปฏิสํยุตฺตานิ ทฺเว ธุตงฺคานิ สมาทิยิ ปํสุกูลิกงฺคฺจ, เตจีวริกงฺคฺจ. ‘‘ปิณฺฑปาเต ตณฺหํ มากาสีติ มํ ภควา อาหา’’ติ ปิณฺฑปาตปฏิสํยุตฺตานิ ปฺจ ธุตงฺคานิ สมาทิยิ – ปิณฺฑปาติกงฺคํ, สปทานจาริกงฺคํ, เอกาสนิกงฺคํ, ปตฺตปิณฺฑิกงฺคํ, ขลุปจฺฉาภตฺติกงฺคนฺติ. ‘‘เสนาสเน ตณฺหํ มากาสีติ มํ ภควา อาหา’’ติ เสนาสนปฏิสํยุตฺตานิ ¶ ฉ ธุตงฺคานิ สมาทิยิ – อารฺิกงฺคํ, อพฺโภกาสิกงฺคํ, รุกฺขมูลิกงฺคํ, ยถาสนฺถติกงฺคํ, โสสานิกงฺคํ, เนสชฺชิกงฺคนฺติ. ‘‘คิลานปฺปจฺจเย ตณฺหํ มากาสีติ มํ ภควา อาหา’’ติ สพฺพปฺปจฺจเยสุ ยถาลาภํ ยถาพลํ ยถาสารุปฺปนฺติ ตีหิ ¶ สนฺโตเสหิ สนฺตุฏฺโ อโหสิ, ยถา ตํ สุพฺพโจ กุลปุตฺโต ปทกฺขิณคฺคาหี อนุสาสนินฺติ.
๓๔๓. เอวํ ภควา อายสฺมนฺตํ ราหุลํ อาชีวปาริสุทฺธิสีเล สมาทเปตฺวา อิทานิ อวเสสสีเล สมถวิปสฺสนาสุ จ สมาทเปตุํ ‘‘สํวุโต ปาติโมกฺขสฺมิ’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ สํวุโต ปาติโมกฺขสฺมินฺติ เอตฺถ ภวสฺสูติ ปาเสโส. ภวาติ อนฺติมปเทน วา สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ, ตถา ทุติยปเท. เอวเมเตหิ ทฺวีหิ วจเนหิ ปาติโมกฺขสํวรสีเล, อินฺทฺริยสํวรสีเล จ สมาทเปสิ. ปากฏวเสน เจตฺถ ปฺจินฺทฺริยานิ วุตฺตานิ. ลกฺขณโต ปน ฉฏฺมฺปิ วุตฺตํเยว โหตีติ เวทิตพฺพํ. สติ กายคตา ตฺยตฺถูติ เอวํ จตุปาริสุทฺธิสีเล ปติฏฺิตสฺส ตุยฺหํ จตุธาตุววตฺถานจตุพฺพิธสมฺปชฺานาปานสฺสติอาหาเรปฏิกูลสฺาภาวนาทิเภทา กายคตา สติ อตฺถุ ภวตุ, ภาเวหิ นนฺติ อตฺโถ. นิพฺพิทาพหุโล ภวาติ สํสารวฏฺเฏ อุกฺกณฺนพหุโล สพฺพโลเก อนภิรตสฺี โหหีติ อตฺโถ.
๓๔๔. เอตฺตาวตา นิพฺเพธภาคิยํ อุปจารภูมึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อปฺปนาภูมึ ทสฺเสนฺโต ‘‘นิมิตฺตํ ปริวชฺเชหี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ นิมิตฺตนฺติ ราคฏฺานิยํ สุภนิมิตฺตํ. เตเนว นํ ปรโต วิเสเสนฺโต อาห – ‘‘สุภํ ราคูปสฺหิต’’นฺติ. ปริวชฺเชหีติ อมนสิกาเรน ปริจฺจชาหิ. อสุภาย จิตฺตํ ภาเวหีติ ยถา สวิฺาณเก อวิฺาณเก วา กาเย อสุภภาวนา สมฺปชฺชติ, เอวํ จิตฺตํ ภาเวหิ. เอกคฺคํ สุสมาหิตนฺติ อุปจารสมาธินา เอกคฺคํ, อปฺปนาสมาธินา สุสมาหิตํ. ยถา เต อีทิสํ จิตฺตํ โหติ, ตถา นํ ภาเวหีติ อตฺโถ.
๓๔๕. เอวมสฺส ¶ อปฺปนาภูมึ ทสฺเสตฺวา วิปสฺสนํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อนิมิตฺต’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ อนิมิตฺตฺจ ภาเวหีติ เอวํ นิพฺเพธภาคิเยน สมาธินา สมาหิตจิตฺโต วิปสฺสนํ ภาเวหีติ วุตฺตํ โหติ. วิปสฺสนา หิ ‘‘อนิจฺจานุปสฺสนาาณํ นิจฺจนิมิตฺตโต วิมุจฺจตีติ อนิมิตฺโต วิโมกฺโข’’ติอาทินา ¶ นเยน ราคนิมิตฺตาทีนํ วา อคฺคหเณน อนิมิตฺตโวหารํ ลภติ. ยถาห –
‘‘โส ขฺวาหํ, อาวุโส, สพฺพนิมิตฺตานํ อมนสิการา อนิมิตฺตํ เจโตสมาธึ อุปสมฺปชฺช ¶ วิหรามิ. ตสฺส มยฺหํ, อาวุโส, อิมินา วิหาเรน วิหรโต นิมิตฺตานุสาริ วิฺาณํ โหตี’’ติ (สํ. นิ. ๔.๓๔๐).
มานานุสยมุชฺชหาติ อิมาย อนิมิตฺตภาวนาย อนิจฺจสฺํ ปฏิลภิตฺวา ‘‘อนิจฺจสฺิโน, เมฆิย, อนตฺตสฺา สณฺาติ, อนตฺตสฺี อสฺมิมานสมุคฺฆาตํ ปาปุณาตี’’ติ เอวมาทินา (อ. นิ. ๙.๓; อุทา. ๓๑) อนุกฺกเมน มานานุสยํ อุชฺชห ปชห ปริจฺจชาหีติ อตฺโถ. ตโต มานาภิสมยา, อุปสนฺโต จริสฺสสีติ อเถวํ อริยมคฺเคน มานสฺส อภิสมยา ขยา วยา ปหานา ปฏินิสฺสคฺคา อุปสนฺโต นิพฺพุโต สีติภูโต สพฺพทรถปริฬาหวิรหิโต ยาว อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพาสิ, ตาว สฺุตานิมิตฺตาปฺปณิหิตานํ อฺตรฺตเรน ผลสมาปตฺติวิหาเรน จริสฺสสิ วิหริสฺสสีติ อรหตฺตนิกูเฏน เทสนํ นิฏฺาเปสิ.
ตโต ปรํ ‘‘อิตฺถํ สุทํ ภควา’’ติอาทิ สงฺคีติการกานํ วจนํ. ตตฺถ อิตฺถํ สุทนฺติ อิตฺถํ สุ อิทํ, เอวเมวาติ วุตฺตํ โหติ. เสสเมตฺถ อุตฺตานตฺถเมว. เอวํ โอวทิยมาโน จายสฺมา ราหุโล ปริปากคเตสุ วิมุตฺติปริปาจนิเยสุ ธมฺเมสุ จูฬราหุโลวาทสุตฺตปริโยสาเน อเนเกหิ เทวตาสหสฺเสหิ สทฺธึ อรหตฺเต ปติฏฺาสีติ.
ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย
สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย ราหุลสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๒. นิคฺโรธกปฺปสุตฺต-(วงฺคีสสุตฺต)-วณฺณนา
เอวํ ¶ เม สุตนฺติ นิคฺโรธกปฺปสุตฺตํ, ‘‘วงฺคีสสุตฺต’’นฺติปิ วุจฺจติ. กา อุปฺปตฺติ? อยเมว ยาสฺส นิทาเน วุตฺตา. ตตฺถ เอวํ เมติอาทีนิ วุตฺตตฺถาเนว, ยโต ¶ ตานิ อฺานิ จ ตถาวิธานิ ฉฑฺเฑตฺวา อวุตฺตนยเมว วณฺณยิสฺสาม. อคฺคาฬเว เจติเยติ อาฬวิยํ อคฺคเจติเย. อนุปฺปนฺเน หิ ภควติ อคฺคาฬวโคตมกาทีนิ อเนกานิ เจติยานิ อเหสุํ ยกฺขนาคาทีนํ ภวนานิ. ตานิ อุปฺปนฺเน ภควติ มนุสฺสา วินาเสตฺวา วิหาเร อกํสุ, เตเนว จ นาเมน โวหรึสุ. ตโต ¶ อคฺคาฬวเจติยสงฺขาเต วิหาเร วิหรตีติ วุตฺตํ โหติ. อายสฺมโต วงฺคีสสฺสาติ เอตฺถ อายสฺมาติ ปิยวจนํ, วงฺคีโสติ ตสฺส เถรสฺส นามํ. โส ชาติโต ปภุติ เอวํ เวทิตพฺโพ – โส กิร ปริพฺพาชกสฺส ปุตฺโต ปริพฺพาชิกาย กุจฺฉิมฺหิ ชาโต อฺตรํ วิชฺชํ ชานาติ, ยสฺสานุภาเวน ฉวสีสํ อาโกเฏตฺวา สตฺตานํ คตึ ชานาติ. มนุสฺสาปิ สุทํ อตฺตโน าตีนํ กาลกตานํ สุสานโต สีสานิ อาเนตฺวา ตํ เตสํ คตึ ปุจฺฉนฺติ. โส ‘‘อสุกนิรเย นิพฺพตฺโต, อสุกมนุสฺสโลเก’’ติ วทติ. เต เตน วิมฺหิตา ตสฺส พหุํ ธนํ เทนฺติ. เอวํ โส สกลชมฺพุทีเป ปากโฏ อโหสิ.
โส สตสหสฺสกปฺปํ ปูริตปารมี อภินีหารสมฺปนฺโน ปฺจหิ ปุริสสหสฺเสหิ ปริวุโต คามนิคมชนปทราชธานีสุ วิจรนฺโต สาวตฺถึ อนุปฺปตฺโต. เตน จ สมเยน ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ, สาวตฺถิวาสิโน ปุเรภตฺตํ ทานํ ทตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ สุนิวตฺถา สุปารุตา ปุปฺผคนฺธาทีนิ คเหตฺวา ธมฺมสฺสวนตฺถาย เชตวนํ คจฺฉนฺติ. โส เต ทิสฺวา ‘‘มหาชนกาโย กุหึ คจฺฉตี’’ติ ปุจฺฉิ. อถสฺส เต อาจิกฺขึสุ – ‘‘พุทฺโธ โลเก อุปฺปนฺโน, โส พหุชนหิตาย ธมฺมํ เทเสติ, ตตฺถ คจฺฉามา’’ติ. โสปิ เตหิ สทฺธึ สปริวาโร คนฺตฺวา ภควตา สทฺธึ สมฺโมทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. อถ นํ ภควา อามนฺเตสิ – ‘‘กึ, วงฺคีส, ชานาสิ กิร ตาทิสํ วิชฺชํ, ยาย สตฺตานํ ฉวสีสานิ อาโกเฏตฺวา คตึ ปเวเทสี’’ติ? ‘‘เอวํ, โภ โคตม, ชานามี’’ติ. ภควา นิรเย นิพฺพตฺตสฺส สีสํ อาหราเปตฺวา ทสฺเสสิ, โส นเขน อาโกเฏตฺวา ‘‘นิรเย นิพฺพตฺตสฺส สีสํ โภ โคตมา’’ติ อาห. เอวํ สพฺพคตินิพฺพตฺตานํ สีสานิ ทสฺเสสิ, โสปิ ตเถว ตฺวา อาโรเจสิ. อถสฺส ภควา ขีณาสวสีสํ ทสฺเสสิ, โส ปุนปฺปุนํ อาโกเฏตฺวา ¶ น อฺาสิ. ตโต ภควา ‘‘อวิสโย ¶ เต เอตฺถ วงฺคีส, มเมเวโส ¶ วิสโย, ขีณาสวสีส’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมภาสิ –
‘‘คตี มิคานํ ปวนํ, อากาโส ปกฺขินํ คติ;
วิภโว คติ ธมฺมานํ, นิพฺพานํ อรหโต คตี’’ติ. (ปริ. ๓๓๙);
วงฺคีโส คาถํ สุตฺวา ‘‘อิมํ เม, โภ โคตม, วิชฺชํ เทหี’’ติ อาห. ภควา ‘‘นายํ วิชฺชา อปพฺพชิตานํ สมฺปชฺชตี’’ติ อาห. โส ‘‘ปพฺพาเชตฺวา วา มํ, โภ โคตม, ยํ วา อิจฺฉสิ, ตํ กตฺวา อิมํ วิชฺชํ เทหี’’ติ อาห. ตทา จ ภควโต นิคฺโรธกปฺปตฺเถโร สมีเป โหติ, ตํ ภควา อาณาเปสิ – ‘‘เตน หิ, นิคฺโรธกปฺป, อิมํ ปพฺพาเชหี’’ติ. โส ตํ ปพฺพาเชตฺวา ตจปฺจกกมฺมฏฺานํ อาจิกฺขิ. วงฺคีโส อนุปุพฺเพน ปฏิสมฺภิทาปฺปตฺโต อรหา อโหสิ. เอตทคฺเค จ ภควตา นิทฺทิฏฺโ ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ ปฏิภานวนฺตานํ ยทิทํ วงฺคีโส’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๑๒).
เอวํ สมุทาคตสฺส อายสฺมโต วงฺคีสสฺส อุปชฺฌาโย วชฺชาวชฺชาทิอุปนิชฺฌายเนน เอวํ ลทฺธโวหาโร นิคฺโรธกปฺโป นาม เถโร. กปฺโปติ ตสฺส เถรสฺส นามํ, นิคฺโรธมูเล ปน อรหตฺตํ อธิคตตฺตา ‘‘นิคฺโรธกปฺโป’’ติ ภควตา วุตฺโต. ตโต นํ ภิกฺขูปิ เอวํ โวหรนฺติ. สาสเน ถิรภาวํ ปตฺโตติ เถโร. อคฺคาฬเว เจติเย อจิรปรินิพฺพุโต โหตีติ ตสฺมึ เจติเย อจิรปรินิพฺพุโต โหติ. รโหคตสฺส ปฏิสลฺลีนสฺสาติ คณมฺหา วูปกฏฺตฺตา รโหคตสฺส กาเยน, ปฏิสลฺลีนสฺส จิตฺเตน เตหิ เตหิ วิสเยหิ ปฏินิวตฺติตฺวา สลฺลีนสฺส. เอวํ เจตโส ปริวิตกฺโก อุทปาทีติ อิมินา อากาเรน วิตกฺโก อุปฺปชฺชิ. กสฺมา ปน อุทปาทีติ. อสมฺมุขตฺตา ทิฏฺาเสวนตฺตา จ. อยฺหิ ตสฺส ปรินิพฺพานกาเล น สมฺมุขา อโหสิ, ทิฏฺปุพฺพฺจาเนน อสฺส หตฺถกุกฺกุจฺจาทิปุพฺพาเสวนํ, ตาทิสฺจ อขีณาสวานมฺปิ โหติ ขีณาสวานมฺปิ ปุพฺพปริจเยน.
ตถา หิ ปิณฺโฑลภารทฺวาโช ปจฺฉาภตฺตํ ทิวาวิหารตฺถาย อุเทนสฺส อุยฺยานเมว คจฺฉติ ¶ ปุพฺเพ ราชา หุตฺวา ตตฺถ ปริจาเรสีติ อิมินา ปุพฺพปริจเยน, ควมฺปติตฺเถโร ตาวตึสภวเน สฺุํ เทววิมานํ คจฺฉติ เทวปุตฺโต หุตฺวา ตตฺถ ปริจาเรสีติ อิมินา ปุพฺพปริจเยน. ปิลินฺทวจฺโฉ ภิกฺขู วสลวาเทน สมุทาจรติ อพฺโพกิณฺณานิ ปฺจ ชาติสตานิ ¶ พฺราหฺมโณ หุตฺวา ตถา อภาสีติ อิมินา ปุพฺพปริจเยน. ตสฺมา อสมฺมุขตฺตา ทิฏฺาเสวนตฺตา จสฺส เอวํ เจตโส ¶ ปริวิตกฺโก อุทปาทิ ‘‘ปรินิพฺพุโต นุ โข เม อุปชฺฌาโย, อุทาหุ โน ปรินิพฺพุโต’’ติ. ตโต ปรํ อุตฺตานตฺถเมว. เอกํสํ จีวรํ กตฺวาติ เอตฺถ ปน ปุน สณฺาปเนน เอวํ วุตฺตํ. เอกํสนฺติ จ วามํสํ ปารุปิตฺวา ิตสฺเสตํ อธิวจนํ. ยโต ยถา วามํสํ ปารุปิตฺวา ิตํ โหติ, ตถา จีวรํ กตฺวาติ เอวมสฺสตฺโถ เวทิตพฺโพ. เสสํ ปากฏเมว.
๓๔๖. อโนมปฺนฺติ โอมํ วุจฺจติ ปริตฺตํ ลามกํ, น โอมปฺํ, อโนมปฺํ, มหาปฺนฺติ อตฺโถ. ทิฏฺเว ธมฺเมติ ปจฺจกฺขเมว, อิมสฺมึเยว อตฺตภาเวติ วา อตฺโถ. วิจิกิจฺฉานนฺติ เอวรูปานํ ปริวิตกฺกานํ. าโตติ ปากโฏ. ยสสฺสีติ ลาภปริวารสมฺปนฺโน อภินิพฺพุตตฺโตติ คุตฺตจิตฺโต อปริฑยฺหมานจิตฺโต วา.
๓๔๗. ตยา กตนฺติ นิคฺโรธมูเล นิสินฺนตฺตา ‘‘นิคฺโรธกปฺโป’’ติ วทตา ตยา กตนฺติ ยถา อตฺตนา อุปลกฺเขติ, ตถา ภณติ. ภควา ปน น นิสินฺนตฺตา เอว ตํ ตถา อาลปิ, อปิจ โข ตตฺถ อรหตฺตํ ปตฺตตฺตา. พฺราหฺมณสฺสาติ ชาตึ สนฺธาย ภณติ. โส กิร พฺราหฺมณมหาสาลกุลา ปพฺพชิโต. นมสฺสํ อจรีติ นมสฺสมาโน วิหาสิ. มุตฺยเปกฺโขติ นิพฺพานสงฺขาตํ วิมุตฺตึ อเปกฺขมาโน, นิพฺพานํ ปตฺเถนฺโตติ วุตฺตํ โหติ. ทฬฺหธมฺมทสฺสีติ ภควนฺตํ อาลปติ. ทฬฺหธมฺโม หิ นิพฺพานํ อภิชฺชนฏฺเน, ตฺจ ภควา ทสฺเสติ. ตสฺมา ตํ ‘‘ทฬฺหธมฺมทสฺสี’’ติ อาห.
๓๔๘. สกฺยาติปิ ภควนฺตเมว กุลนาเมน อาลปติ. มยมฺปิ สพฺเพติ นิรวเสสปริสํ สงฺคณฺหิตฺวา อตฺตานํ ทสฺเสนฺโต ภณติ. สมนฺตจกฺขูติปิ ภควนฺตเมว สพฺพฺุตฺาเณน อาลปติ. สมวฏฺิตาติ สมฺมา อวฏฺิตา อาโภคํ กตฺวา ิตา. โนติ อมฺหากํ. สวนายาติ ¶ อิมสฺส ปฺหสฺส เวยฺยากรณสฺสวนตฺถาย. โสตาติ โสตินฺทฺริยานิ. ตุวํ โน สตฺถา ตฺวมนุตฺตโรสีติ ถุติวจนมตฺตเมเวตํ.
๓๔๙. ฉินฺเทว ¶ โน วิจิกิจฺฉนฺติ อกุสลวิจิกิจฺฉาย นิพฺพิจิกิจฺโฉ โส, วิจิกิจฺฉาปติรูปกํ ปน ตํ ปริวิตกฺกํ สนฺธาเยวมาห. พฺรูหิ เมตนฺติ พฺรูหิ เม เอตํ, ยํ มยา ยาจิโตสิ ‘‘ตํ สาวกํ สกฺย, มยมฺปิ สพฺเพ อฺาตุมิจฺฉามา’’ติ, พฺรูวนฺโต จ ตํ พฺราหฺมณํ ปรินิพฺพุตํ เวทย ภูริปฺ มชฺเฌว โน ภาส, ปรินิพฺพุตํ ตฺวา มหาปฺํ ภควา มชฺเฌว อมฺหากํ สพฺเพสํ ภาส, ยถา สพฺเพว มยํ ชาเนยฺยาม. สกฺโกว เทวาน สหสฺสเนตฺโตติ อิทํ ปน ถุติวจนเมว. อปิจสฺส อยํ อธิปฺปาโย – ยถา สกฺโก สหสฺสเนตฺโต เทวานํ มชฺเฌ ¶ เตหิ สกฺกจฺจํ สมฺปฏิจฺฉิตวจโน ภาสติ, เอวํ อมฺหากํ มชฺเฌ อมฺเหหิ สมฺปฏิจฺฉิตวจโน ภาสาติ.
๓๕๐. เย เกจีติ อิมมฺปิ คาถํ ภควนฺตํ ถุนนฺโตเยว วตฺตุกามตํ ชเนตุํ ภณติ. ตสฺสตฺโถ เย เกจิ อภิชฺฌาทโย คนฺถา เตสํ อปฺปหาเน โมหวิจิกิจฺฉานํ ปหานาภาวโต ‘‘โมหมคฺคา’’ติ จ ‘‘อฺาณปกฺขา’’ติ จ ‘‘วิจิกิจฺฉฏฺานา’’ติ จ วุจฺจนฺติ. สพฺเพ เต ตถาคตํ ปตฺวา ตถาคตสฺส เทสนาพเลน วิทฺธํสิตา น ภวนฺติ นสฺสนฺติ. กึ การณํ? จกฺขฺุหิ เอตํ ปรมํ นรานํ, ยสฺมา ตถาคโต สพฺพคนฺถวิธมนปฺาจกฺขุชนนโต นรานํ ปรมํ จกฺขุนฺติ วุตฺตํ โหติ.
๓๕๑. โน เจ หิ ชาตูติ อิมมฺปิ คาถํ ถุนนฺโตเยว วตฺตุกามตํ ชเนนฺโตว ภณติ. ตตฺถ ชาตูติ เอกํสวจนํ. ปุริโสติ ภควนฺตํ สนฺธายาห. โชติมนฺโตติ ปฺาโชติสมนฺนาคตา สาริปุตฺตาทโย. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยทิ ภควา ยถา ปุรตฺถิมาทิเภโท วาโต อพฺภฆนํ วิหนติ, เอวํ เทสนาเวเคน กิเลเส น วิหเนยฺย ¶ . ตถา ยถา อพฺภฆเนน นิวุโต โลโก ตโมว โหติ เอกนฺธกาโร, เอวํ อฺาณนิวุโตปิ ตโมวสฺส. เยปิ อิเม ทานิ โชติมนฺโต ขายนฺติ สาริปุตฺตาทโย, เตปิ นรา น ตเปยฺยุนฺติ.
๓๕๒. ธีรา จาติ อิมมฺปิ คาถํ ปุริมนเยเนว ภณติ. ตสฺสตฺโถ ธีรา จ ปณฺฑิตา ปุริสา ปชฺโชตกรา ภวนฺติ, ปฺาปชฺโชตํ อุปฺปาเทนฺติ. ตสฺมา อหํ ตํ วีร ปธานวีริยสมนฺนาคโต ภควา ตเถว มฺเ ธีโรติ จ ¶ ปชฺโชตกโรตฺเวว จ มฺามิ. มยฺหิ วิปสฺสินํ สพฺพธมฺเม ยถาภูตํ ปสฺสนฺตํ ภควนฺตํ ชานนฺตา เอว อุปาคมุมฺหา, ตสฺมา ปริสาสุ โน อาวิกโรหิ กปฺปํ, นิคฺโรธกปฺปํ อาจิกฺข ปกาเสหีติ.
๓๕๓. ขิปฺปนฺติ อิมมฺปิ คาถํ ปุริมนเยเนว ภณติ. ตสฺสตฺโถ ขิปฺปํ คิรํ เอรย ลหุํ อจิรายมาโน วจนํ ภาส, วคฺคุํ มโนรมํ ภควา. ยถา สุวณฺณหํโส โคจรปฏิกฺกนฺโต ชาตสฺสรวนสณฺฑํ ทิสฺวา คีวํ ปคฺคยฺห อุจฺจาเรตฺวา รตฺตตุณฺเฑน สณิกํ อตรมาโน วคฺคุํ คิรํ นิกูชติ นิจฺฉาเรติ, เอวเมว ตฺวมฺปิ สณิกํ นิกูช, อิมินา มหาปุริสลกฺขณฺตเรน พินฺทุสฺสเรน สุวิกปฺปิเตน สุฏฺุวิกปฺปิเตน อภิสงฺขเตน. เอเต มยํ สพฺเพว อุชุคตา อวิกฺขิตฺตมานสา หุตฺวา ตว นิกูชิตํ สุโณมาติ.
๓๕๔. ปหีนชาติมรณนฺติ ¶ อิมมฺปิ คาถํ ปุริมนเยเนว ภณติ. ตตฺถ น เสเสตีติ อเสโส, ตํ อเสสํ. โสตาปนฺนาทโย วิย กิฺจิ อเสเสตฺวา ปหีนชาติมรณนฺติ วุตฺตํ โหติ. นิคฺคยฺหาติ สุฏฺุ ยาจิตฺวา นิพนฺธิตฺวา. โธนนฺติ ธุตสพฺพปาปํ. วเทสฺสามีติ กถาเปสฺสามิ ธมฺมํ. น กามกาโร หิ ปุถุชฺชนานนฺติ ปุถุชฺชนานเมว หิ กามกาโร นตฺถิ, ยํ ปตฺเถนฺติ าตุํ วา วตฺตุํ วา, ตํ น สกฺโกนฺติ. สงฺเขยฺยกาโร จ ตถาคตานนฺติ ตถาคตานํ ปน วีมํสกาโร ปฺาปุพฺพงฺคมา กิริยา. เต ยํ ปตฺเถนฺติ าตุํ วา วตฺตุํ วา, ตํ สกฺโกนฺตีติ อธิปฺปาโย.
๓๕๕. อิทานิ ตํ สงฺเขยฺยการํ ¶ ปกาเสนฺโต ‘‘สมฺปนฺนเวยฺยากรณ’’นฺติ คาถมาห. ตสฺสตฺโถ – ตถา หิ ตว ภควา อิทํ สมุชฺชุปฺสฺส ตตฺถ ตตฺถ สมุคฺคหีตํ วุตฺตํ ปวตฺติตํ สมฺปนฺนเวยฺยากรณํ, ‘‘สนฺตติมหามตฺโต สตฺตตาลมตฺตํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ปรินิพฺพายิสฺสติ, สุปฺปพุทฺโธ สกฺโก สตฺตเม ทิวเส ปถวึ ปวิสิสฺสตี’’ติ เอวมาทีสุ อวิปรีตํ ทิฏฺํ. ตโต ปน สุฏฺุตรํ อฺชลึ ปณาเมตฺวา อาห – อยมฺชลี ปจฺฉิโม สุปฺปณามิโต, อยมปโรปิ อฺชลี สุฏฺุตรํ ปณามิโต. มา โมหยีติ มา โน อกถเนน โมหยิ ชานํ ชานนฺโต กปฺปสฺส คตึ. อโนมปฺาติ ภควนฺตํ อาลปติ.
๓๕๖. ปโรวรนฺติ ¶ อิมํ ปน คาถํ อปเรนปิ ปริยาเยน อโมหนเมว ยาจนฺโต อาห. ตตฺถ ปโรวรนฺติ โลกิยโลกุตฺตรวเสน สุนฺทราสุนฺทรํ ทูเรสนฺติกํ วา. อริยธมฺมนฺติ จตุสจฺจธมฺมํ. วิทิตฺวาติ ปฏิวิชฺฌิตฺวา. ชานนฺติ สพฺพํ เยฺยธมฺมํ ชานนฺโต. วาจาภิกงฺขามีติ ยถา ฆมฺมนิ ฆมฺมตตฺโต ปุริโส กิลนฺโต ตสิโต วารึ, เอวํ เต วาจํ อภิกงฺขามิ. สุตํ ปวสฺสาติ สุตสงฺขาตํ สทฺทายตนํ ปวสฺส ปคฺฆร มฺุจ ปวตฺเตหิ. ‘‘สุตสฺส วสฺสา’’ติปิ ปาโ, วุตฺตปฺปการสฺส สทฺทายตนสฺส วุฏฺึ วสฺสาติ อตฺโถ.
๓๕๗. อิทานิ ยาทิสํ วาจํ อภิกงฺขติ, ตํ ปกาเสนฺโต –
‘‘ยทตฺถิกํ พฺรหฺมจริยํ อจรี,
กปฺปายโน กจฺจิสฺส ตํ อโมฆํ;
นิพฺพายิ โส อาทุ สอุปาทิเสโส,
ยถา วิมุตฺโต อหุ ตํ สุโณมา’’ติ. –
คาถมาห ¶ . ตตฺถ กปฺปายโนติ กปฺปเมว ปูชาวเสน ภณติ. ยถา วิมุตฺโตติ ‘‘กึ อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ยถา อเสกฺขา, อุทาหุ อุปาทิเสสาย ยถา เสกฺขา’’ติ ปุจฺฉติ. เสสเมตฺถ ปากฏเมว.
๓๕๘. เอวํ ทฺวาทสหิ คาถาหิ ยาจิโต ภควา ตํ วิยากโรนฺโต –
‘‘อจฺเฉจฺฉิ ตณฺหํ อิธ นามรูเป, (อิติ ภควา)
กณฺหสฺส โสตํ ทีฆรตฺตานุสยิตํ;
อตาริ ชาตึ มรณํ อเสสํ,
อิจฺจพฺรวี ภควา ปฺจเสฏฺโ’’ติ. –
คาถมาห. ตตฺถ ปุริมปทสฺส ตาว อตฺโถ – ยาปิ อิมสฺมึ นามรูเป กามตณฺหาทิเภทา ตณฺหาทีฆรตฺตํ อปฺปหีนฏฺเน อนุสยิตา กณฺหนามกสฺส มารสฺส ‘‘โสต’’นฺติปิ วุจฺจติ, ตํ กณฺหสฺส โสตภูตํ ทีฆรตฺตานุสยิตํ ¶ อิธ นามรูเป ตณฺหํ กปฺปายโน ฉินฺทีติ. อิติ ภควาติ อิทํ ปเนตฺถ สงฺคีติการานํ วจนํ. อตาริ ชาตึ มรณํ อเสสนฺติ โส ¶ ตํ ตณฺหํ เฉตฺวา อเสสํ ชาติมรณํ อตาริ, อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายีติ ทสฺเสติ. อิจฺจพฺรวี ภควา ปฺจเสฏฺโติ วงฺคีเสน ปุฏฺโ ภควา เอตทโวจ ปฺจนฺนํ ปมสิสฺสานํ ปฺจวคฺคิยานํ เสฏฺโ, ปฺจหิ วา สทฺธาทีหิ อินฺทฺริเยหิ, สีลาทีหิ วา ธมฺมกฺขนฺเธหิ อติวิสิฏฺเหิ จกฺขูหิ จ เสฏฺโติ สงฺคีติการานเมวิทํ วจนํ.
๓๕๙. เอวํ วุตฺเต ภควโต ภาสิตมภินนฺทมานโส วงฺคีโส ‘‘เอส สุตฺวา’’ติอาทิคาถาโย อาห. ตตฺถ ปมคาถาย อิสิสตฺตมาติ ภควา อิสิ จ สตฺตโม จ อุตฺตมฏฺเน วิปสฺสีสิขีเวสฺสภูกกุสนฺธโกณาคมนกสฺสปนามเก ฉ อิสโย อตฺตนา สห สตฺต กโรนฺโต ปาตุภูโตติปิ อิสิสตฺตโม, ตํ อาลปนฺโต อาห. น มํ วฺเจสีติ ยสฺมา ปรินิพฺพุโต, ตสฺมา ตสฺส ปรินิพฺพุตภาวํ อิจฺฉนฺตํ มํ น วฺเจสิ, น วิสํวาเทสีติ อตฺโถ. เสสเมตฺถ ปากฏเมว.
๓๖๐. ทุติยคาถาย ยสฺมา มุตฺยเปกฺโข วิหาสิ, ตสฺมา ตํ สนฺธายาห ‘‘ยถาวาที ตถาการี, อหุ พุทฺธสฺส สาวโก’’ติ. มจฺจุโน ชาลํ ตตนฺติ เตภูมกวฏฺเฏ วิตฺถตํ มารสฺส ตณฺหาชาลํ. มายาวิโนติ พหุมายสฺส. ‘‘ตถา มายาวิโน’’ติปิ เกจิ ปนฺติ, เตสํ โย อเนกาหิ ¶ มายาหิ อเนกกฺขตฺตุมฺปิ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิ, ตสฺส ตถา มายาวิโนติ อธิปฺปาโย.
๓๖๑. ตติยคาถาย อาทีติ การณํ. อุปาทานสฺสาติ วฏฺฏสฺส. วฏฺฏฺหิ อุปาทาตพฺพฏฺเน อิธ ‘‘อุปาทาน’’นฺติ วุตฺตํ, ตสฺเสว อุปาทานสฺส อาทึ อวิชฺชาตณฺหาทิเภทํ การณํ อทฺทส กปฺโปติ เอวํ วตฺตุํ วฏฺฏติ ภควาติ อธิปฺปาเยน วทติ. อจฺจคา วตาติ อติกฺกนฺโต วต. มจฺจุเธยฺยนฺติ มจฺจุ เอตฺถ ธิยตีติ มจฺจุเธยฺยํ, เตภูมกวฏฺฏสฺเสตํ อธิวจนํ. ตํ สุทุตฺตรํ มจฺจุเธยฺยํ อจฺจคา วตาติ เวทชาโต ภณติ. เสสเมตฺถ ปากฏเมวาติ.
ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย
สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย นิคฺโรธกปฺปสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๓. สมฺมาปริพฺพาชนียสุตฺต-(มหาสมยสุตฺต)-วณฺณนา
๓๖๒. ปุจฺฉามิ ¶ ¶ ¶ มุนึ ปหูตปฺนฺติ สมฺมาปริพฺพาชนียสุตฺตํ, ‘‘มหาสมยสุตฺต’’นฺติปิ วุจฺจติ มหาสมยทิวเส กถิตตฺตา. กา อุปฺปตฺติ? ปุจฺฉาวสิกา อุปฺปตฺติ. นิมฺมิตพุทฺเธน หิ ปุฏฺโ ภควา อิมํ สุตฺตมภาสิ, ตํ สทฺธึ ปุจฺฉาย ‘‘สมฺมาปริพฺพาชนียสุตฺต’’นฺติ วุจฺจติ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถารโต ปน สากิยโกลิยานํ อุปฺปตฺติโต ปภุติ โปราเณหิ วณฺณียติ.
ตตฺรายํ อุทฺเทสมคฺควณฺณนา – ปมกปฺปิกานํ กิร รฺโ มหาสมฺมตสฺส โรโช นาม ปุตฺโต อโหสิ. โรชสฺส วรโรโช, วรโรชสฺส กลฺยาโณ, กลฺยาณสฺส วรกลฺยาโณ, วรกลฺยาณสฺส มนฺธาตา, มนฺธาตุสฺส วรมนฺธาตา, วรมนฺธาตุสฺส อุโปสโถ, อุโปสถสฺส วโร, วรสฺส อุปวโร, อุปวรสฺส มฆเทโว, มฆเทวสฺส ปรมฺปรา จตุราสีติ ขตฺติยสหสฺสานิ อเหสุํ. เตสํ ปรโต ตโย โอกฺกากวํสา อเหสุํ. เตสุ ตติยโอกฺกากสฺส ปฺจ มเหสิโย อเหสุํ – หตฺถา, จิตฺตา, ชนฺตุ, ชาลินี, วิสาขาติ. เอเกกิสฺสา ปฺจ ปฺจ อิตฺถิสตานิ ปริวารา. สพฺพเชฏฺาย จตฺตาโร ปุตฺตา – โอกฺกามุโข, กรกณฺฑุ, หตฺถินิโก, สินิปุโรติ; ปฺจ ธีตโร – ปิยา, สุปฺปิยา, อานนฺทา, วิชิตา, วิชิตเสนาติ. เอวํ สา นว ปุตฺเต ลภิตฺวา กาลมกาสิ.
อถ ราชา อฺํ ทหรํ อภิรูปํ ราชธีตรํ อาเนตฺวา อคฺคมเหสิฏฺาเน เปสิ. สาปิ ชนฺตุํ นาม เอกํ ปุตฺตํ วิชายิ. ตํ ชนฺตุกุมารํ ปฺจมทิวเส อลงฺกริตฺวา รฺโ ทสฺเสสิ. ราชา ตุฏฺโ มเหสิยา วรํ อทาสิ. สา าตเกหิ สทฺธึ มนฺเตตฺวา ปุตฺตสฺส รชฺชํ ยาจิ. ราชา ‘‘นสฺส วสลิ, มม ปุตฺตานํ อนฺตรายมิจฺฉสี’’ติ นาทาสิ. สา ปุนปฺปุนํ ¶ รโห ราชานํ ปริโตเสตฺวา ‘‘น, มหาราช, มุสาวาโท วฏฺฏตี’’ติอาทีนิ วตฺวา ยาจติ เอว. อถ ราชา ปุตฺเต อามนฺเตสิ – ‘‘อหํ, ตาตา, ตุมฺหากํ กนิฏฺํ ชนฺตุกุมารํ ทิสฺวา ตสฺส มาตุยา สหสา วรํ อทาสึ. สา ¶ ปุตฺตสฺส รชฺชํ ปริณาเมตุํ อิจฺฉติ. ตุมฺเห มมจฺจเยน อาคนฺตฺวา รชฺชํ กาเรยฺยาถา’’ติ อฏฺหิ อมจฺเจหิ สทฺธึ อุยฺโยเชสิ. เต ภคินิโย อาทาย จตุรงฺคินิยา เสนาย นครา นิกฺขมึสุ. ‘‘กุมารา ปิตุอจฺจเยน อาคนฺตฺวา รชฺชํ กาเรสฺสนฺติ, คจฺฉาม เน อุปฏฺหามา’’ติ จินฺเตตฺวา พหู มนุสฺสา อนุพนฺธึสุ. ปมทิวเส โยชนมตฺตา ¶ เสนา อโหสิ, ทุติยทิวเส ทฺวิโยชนมตฺตา, ตติยทิวเส ติโยชนมตฺตา. กุมารา จินฺเตสุํ – ‘‘มหา อยํ พลกาโย, สเจ มยํ กฺจิ สามนฺตราชานํ อกฺกมิตฺวา ชนปทํ คณฺหิสฺสาม, โสปิ โน น ปโหสฺสติ, กึ ปเรสํ ปีฬํ กตฺวา ลทฺธรชฺเชน, มหา ชมฺพุทีโป, อรฺเ นครํ มาเปสฺสามา’’ติ หิมวนฺตาภิมุขา อคมึสุ.
ตตฺถ นครมาปโนกาสํ ปริเยสมานา หิมวติ กปิโล นาม โฆรตโป ตาปโส ปฏิวสติ โปกฺขรณิตีเร มหาสากสณฺเฑ, ตสฺส วสโนกาสํ คตา. โส เต ทิสฺวา ปุจฺฉิตฺวา สพฺพํ ปวตฺตึ สุตฺวา เตสุ อนุกมฺปํ อกาสิ. โส กิร ภุมฺมชาลํ นาม วิชฺชํ ชานาติ, ยาย อุทฺธํ อสีติหตฺเถ อากาเส จ เหฏฺา ภูมิยฺจ คุณโทเส ปสฺสติ. อเถกสฺมึ ปเทเส สูกรมิคา สีหพฺยคฺฆาทโย ตาเสตฺวา ปริปาเตนฺติ, มณฺฑูกมูสิกา สปฺเป ภึสาเปนฺติ. โส เต ทิสฺวา ‘‘อยํ ภูมิปฺปเทโส ปถวีอคฺค’’นฺติ ตสฺมึ ปเทเส อสฺสมํ มาเปสิ. ตโต โส ราชกุมาเร อาห – ‘‘สเจ มม นาเมน นครํ กโรถ, เทมิ โว อิมํ โอกาส’’นฺติ. เต ตถา ปฏิชานึสุ. ตาปโส ‘‘อิมสฺมึ โอกาเส ตฺวา จณฺฑาลปุตฺโตปิ จกฺกวตฺตึ พเลน อติเสตี’’ติ วตฺวา ‘‘อสฺสเม รฺโ ฆรํ มาเปตฺวา นครํ มาเปถา’’ติ ตํ โอกาสํ ทตฺวา สยํ อวิทูเร ปพฺพตปาเท อสฺสมํ กตฺวา วสิ. ตโต ¶ กุมารา ตตฺถ นครํ มาเปตฺวา กปิลสฺส วุตฺโถกาเส กตตฺตา ‘‘กปิลวตฺถู’’ติ นามํ อาโรเปตฺวา ตตฺถ นิวาสํ กปฺเปสุํ.
อถ อมจฺจา ‘‘อิเม กุมารา วยปฺปตฺตา, ยทิ เนสํ ปิตา สนฺติเก ภเวยฺย, โส อาวาหวิวาหํ กาเรยฺย. อิทานิ ปน อมฺหากํ ภาโร’’ติ จินฺเตตฺวา กุมาเรหิ สทฺธึ มนฺเตสุํ. กุมารา ‘‘อมฺหากํ สทิสา ขตฺติยธีตโร น ปสฺสาม, ตาสมฺปิ ภคินีนํ สทิเส ขตฺติยกุมาเร, ชาติสมฺเภทฺจ ¶ น กโรมา’’ติ. เต ชาติสมฺเภทภเยน เชฏฺภคินึ มาตุฏฺาเน เปตฺวา อวเสสาหิ สํวาสํ กปฺเปสุํ. เตสํ ปิตา ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา ‘‘สกฺยา วต, โภ กุมารา, ปรมสกฺยา วต, โภ กุมารา’’ติ อุทานํ อุทาเนสิ. อยํ ตาว สกฺยานํ อุปฺปตฺติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ ภควตา –
‘‘อถ โข, อมฺพฏฺ, ราชา โอกฺกาโก อมจฺเจ ปาริสชฺเช อามนฺเตสิ – ‘กหํ นุ โข, โภ, เอตรหิ กุมารา สมฺมนฺตี’ติ. อตฺถิ, เทว, หิมวนฺตปสฺเส โปกฺขรณิยา ตีเร มหาสากสณฺโฑ, ตตฺเถตรหิ กุมารา สมฺมนฺติ. เต ชาติสมฺเภทภยา สกาหิ ภคินีหิ สทฺธึ สํวาสํ กปฺเปนฺตีติ. อถ โข, อมฺพฏฺ, ราชา โอกฺกาโก อุทานํ อุทาเนสิ – ‘สกฺยา วต, โภ กุมารา, ปรมสกฺยา วต, โภ กุมารา’ติ, ตทคฺเค โข ปน ¶ , อมฺพฏฺ, สกฺยา ปฺายนฺติ, โส จ สกฺยานํ ปุพฺพปุริโส’’ติ (ที. นิ. ๑.๒๖๗).
ตโต เนสํ เชฏฺภคินิยา กุฏฺโรโค อุทปาทิ, โกวิฬารปุปฺผสทิสานิ คตฺตานิ อเหสุํ. ราชกุมารา ‘‘อิมาย สทฺธึ เอกโต นิสชฺชฏฺานโภชนาทีนิ กโรนฺตานมฺปิ อุปริ เอส โรโค สงฺกมตี’’ติ จินฺเตตฺวา อุยฺยานกีฬํ คจฺฉนฺตา วิย ตํ ยาเน อาโรเปตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา โปกฺขรณึ ขณาเปตฺวา ¶ ตํ ตตฺถ ขาทนียโภชนีเยหิ สทฺธึ ปกฺขิปิตฺวา อุปริ ปทรํ ปฏิจฺฉาทาเปตฺวา ปํสุํ ทตฺวา ปกฺกมึสุ. เตน จ สมเยน ราโม นาม ราชา กุฏฺโรคี โอโรเธหิ จ นาฏเกหิ จ ชิคุจฺฉิยมาโน เตน สํเวเคน เชฏฺปุตฺตสฺส รชฺชํ ทตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา ตตฺถ ปณฺณมูลผลานิ ปริภฺุชนฺโต นจิรสฺเสว อโรโค สุวณฺณวณฺโณ หุตฺวา, อิโต จิโต จ วิจรนฺโต มหนฺตํ สุสิรรุกฺขํ ทิสฺวา ตสฺสพฺภนฺตเร โสฬสหตฺถปฺปมาณํ ตํ โกลาปํ โสเธตฺวา, ทฺวารฺจ วาตปานฺจ กตฺวา นิสฺเสณึ พนฺธิตฺวา ตตฺถ วาสํ กปฺเปสิ. โส องฺคารกฏาเห อคฺคึ กตฺวา รตฺตึ วิสฺสรฺจ สุสฺสรฺจ สุณนฺโต สยติ. โส ‘‘อสุกสฺมึ ปเทเส สีโห สทฺทมกาสิ, อสุกสฺมึ พฺยคฺโฆ’’ติ สลฺลกฺเขตฺวา ปภาเต ตตฺถ คนฺตฺวา วิฆาสมํสํ อาทาย ปจิตฺวา ขาทติ.
อเถกทิวสํ โส ปจฺจูสสมเย อคฺคึ ชาเลตฺวา นิสีทิ. เตน จ สมเยน ตสฺสา ราชธีตาย คนฺธํ ฆายิตฺวา พฺยคฺโฆ ตํ ปเทสํ ขณิตฺวา ¶ ปทรตฺถเร วิวรมกาสิ. เตน วิวเรน สา พฺยคฺฆํ ทิสฺวา ภีตา วิสฺสรมกาสิ. โส ตํ สทฺทํ สุตฺวา ‘‘อิตฺถิสทฺโท เอโส’’ติ จ สลฺลกฺเขตฺวา ปาโตว ตตฺถ คนฺตฺวา ‘‘โก เอตฺถา’’ติ อาห. ‘‘มาตุคาโม สามี’’ติ. ‘‘นิกฺขมา’’ติ. ‘‘น นิกฺขมามี’’ติ. ‘‘กึ การณา’’ติ? ‘‘ขตฺติยกฺา อห’’นฺติ. เอวํ โสพฺเภ นิขาตาปิ มานเมว กโรติ. โส สพฺพํ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อหมฺปิ ขตฺติโย’’ติ ชาตึ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘เอหิ ทานิ ขีเร ปกฺขิตฺตสปฺปิ วิย ชาต’’นฺติ อาห. สา ‘‘กุฏฺโรคินีมฺหิ สามิ, น สกฺกา นิกฺขมิตุ’’นฺติ อาห. โส ‘‘กตกมฺโม ทานิ อหํ สกฺกา ติกิจฺฉิตุ’’นฺติ นิสฺเสณึ ทตฺวา ตํ อุทฺธริตฺวา อตฺตโน วสโนกาสํ เนตฺวา สยํ ปริภุตฺตเภสชฺชานิ เอว ทตฺวา นจิรสฺเสว อโรคํ สุวณฺณวณฺณมกาสิ. โส ตาย สทฺธึ สํวาสํ กปฺเปสิ. สา ปมสํวาเสเนว คพฺภํ คณฺหิตฺวา ทฺเว ปุตฺเต วิชายิ, ปุนปิ ทฺเวติ เอวํ โสฬสกฺขตฺตุํ วิชายิ. เอวํ เต ทฺวตฺตึส ภาตโร อเหสุํ. เต อนุปุพฺเพน วุฑฺฒิปฺปตฺเต ปิตา สพฺพสิปฺปานิ สิกฺขาเปสิ.
อเถกทิวสํ ¶ ¶ เอโก รามรฺโ นครวาสี ปพฺพเต รตนานิ คเวสนฺโต ตํ ปเทสํ อาคโต ราชานํ ทิสฺวา อฺาสิ. ‘‘ชานามหํ, เทว, ตุมฺเห’’ติ อาห. ‘‘กุโต ตฺวํ อาคโตสี’’ติ จ เตน ปุฏฺโ ‘‘นครโต เทวา’’ติ อาห. ตโต นํ ราชา สพฺพํ ปวตฺตึ ปุจฺฉิ. เอวํ เตสุ สมุลฺลปมาเนสุ เต ทารกา อาคมึสุ. โส เต ทิสฺวา ‘‘อิเม เก เทวา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ปุตฺตา เม ภเณ’’ติ. ‘‘อิเมหิ ทานิ, เทว, ทฺวตฺตึสกุมาเรหิ ปริวุโต วเน กึ กริสฺสสิ, เอหิ รชฺชมนุสาสา’’ติ? ‘‘อลํ, ภเณ, อิเธว สุข’’นฺติ. โส ‘‘ลทฺธํ ทานิ เม กถาปาภต’’นฺติ นครํ คนฺตฺวา รฺโ ปุตฺตสฺสาโรเจสิ. รฺโ ปุตฺโต ‘‘ปิตรํ อาเนสฺสามี’’ติ จตุรงฺคินิยา เสนาย ตตฺถ คนฺตฺวา นานปฺปกาเรหิ ปิตรํ ยาจิ. โสปิ ‘‘อลํ, ตาต กุมาร, อิเธว สุข’’นฺติ เนว อิจฺฉิ. ตโต ราชปุตฺโต ‘‘น ทานิ ราชา อาคนฺตุํ อิจฺฉติ, หนฺทสฺส อิเธว นครํ มาเปมี’’ติ จินฺเตตฺวา ตํ โกลรุกฺขํ อุทฺธริตฺวา ฆรํ กตฺวา นครํ มาเปตฺวา โกลรุกฺขํ อปเนตฺวา กตตฺตา ‘‘โกลนคร’’นฺติ จ พฺยคฺฆปเถ กตตฺตา ‘‘พฺยคฺฆปชฺช’’นฺติ จาติ ทฺเว นามานิ อาโรเปตฺวา อคมาสิ.
ตโต ¶ วยปฺปตฺเต กุมาเร มาตา อาณาเปสิ – ‘‘ตาตา, ตุมฺหากํ กปิลวตฺถุวาสิโน สกฺยา มาตุลา โหนฺติ, ธีตโร เนสํ คณฺหถา’’ติ. เต ยํ ทิวสํ ขตฺติยกฺาโย นทีกีฬนํ คจฺฉนฺติ, ตํ ทิวสํ คนฺตฺวา นทีติตฺถํ อุปรุนฺธิตฺวา นามานิ สาเวตฺวา ปตฺถิตา ปตฺถิตา ราชธีตโร คเหตฺวา อคมํสุ. สกฺยราชาโน สุตฺวา ‘‘โหตุ ภเณ, อมฺหากํ าตกา เอวา’’ติ ตุณฺหี อเหสุํ. อยํ โกลิยานํ อุปฺปตฺติ.
เอวํ เตสํ สากิยโกลิยานํ อฺมฺํ อาวาหวิวาหํ กโรนฺตานํ อาคโต วํโส ยาว สีหหนุราชา, ตาว วิตฺถารโต เวทิตพฺโพ – สีหหนุรฺโ กิร ปฺจ ปุตฺตา อเหสุํ ¶ – สุทฺโธทโน, อมิโตทโน, โธโตทโน, สกฺโกทโน, สุกฺโกทโนติ. เตสุ สุทฺโธทเน รชฺชํ การยมาเน ตสฺส ปชาปติยา อฺชนรฺโ ธีตาย มหามายาเทวิยา กุจฺฉิมฺหิ ปูริตปารมี มหาปุริโส ชาตกนิทาเน วุตฺตนเยน ตุสิตปุรา จวิตฺวา ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา อนุปุพฺเพน กตมหาภินิกฺขมโน สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุชฺฌิตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺโก อนุกฺกเมน กปิลวตฺถุํ คนฺตฺวา สุทฺโธทนมหาราชาทโย อริยผเล ปติฏฺาเปตฺวา ชนปทจาริกํ ปกฺกมิตฺวา ปุนปิ อปเรน สมเยน ปจฺจาคนฺตฺวา ปนฺนรสหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ กปิลวตฺถุสฺมึ วิหรติ นิคฺโรธาราเม.
ตตฺถ วิหรนฺเต จ ภควติ สากิยโกลิยานํ อุทกํ ปฏิจฺจ กลโห อโหสิ. กถํ? เนสํ ¶ กิร อุภินฺนมฺปิ กปิลปุรโกลิยปุรานํ อนฺตเร โรหิณี นาม นที ปวตฺตติ. สา กทาจิ อปฺโปทกา โหติ, กทาจิ มโหทกา. อปฺโปทกกาเล เสตุํ กตฺวา สากิยาปิ โกลิยาปิ อตฺตโน อตฺตโน สสฺสปายนตฺถํ อุทกํ อาเนนฺติ. เตสํ มนุสฺสา เอกทิวสํ เสตุํ กโรนฺตา อฺมฺํ ภณฺฑนฺตา ‘‘อเร ตุมฺหากํ ราชกุลํ ภคินีหิ สทฺธึ สํวาสํ กปฺเปสิ กุกฺกุฏโสณสิงฺคาลาทิติรจฺฉานา วิย, ตุมฺหากํ ราชกุลํ สุสิรรุกฺเข วาสํ กปฺเปสิ ปิสาจิลฺลิกา วิยา’’ติ เอวํ ชาติวาเทน ขุํเสตฺวา อตฺตโน อตฺตโน ราชูนํ อาโรเจสุํ. เต กุทฺธา ยุทฺธสชฺชา หุตฺวา โรหิณีนทีตีรํ สมฺปตฺตา. เอวํ สาครสทิสํ พลํ อฏฺาสิ.
อถ ¶ ภควา ‘‘าตกา กลหํ กโรนฺติ, หนฺท, เน วาเรสฺสามี’’ติ อากาเสนาคนฺตฺวา ทฺวินฺนํ เสนานํ มชฺเฌ อฏฺาสิ. ตมฺปิ อาวชฺเชตฺวา สาวตฺถิโต อาคโตติ เอเก. เอวํ ตฺวา จ ปน ¶ อตฺตทณฺฑสุตฺตํ (สุ. นิ. ๙๔๑ อาทโย) อภาสิ. ตํ สุตฺวา สพฺเพ สํเวคปฺปตฺตา อาวุธานิ ฉฑฺเฑตฺวา ภควนฺตํ นมสฺสมานา อฏฺํสุ, มหคฺฆฺจ อาสนํ ปฺาเปสุํ. ภควา โอรุยฺห ปฺตฺตาสเน นิสีทิตฺวา ‘‘กุารีหตฺโถ ปุริโส’’ติอาทิกํ ผนฺทนชาตกํ (ชา. ๑.๑๓.๑๔), ‘‘วนฺทามิ ตํ กฺุชรา’’ติอาทิกํ ลฏุกิกชาตกํ (ชา. ๑.๕.๓๙).
‘‘สมฺโมทมานา คจฺฉนฺติ, ชาลมาทาย ปกฺขิโน;
ยทา เต วิวทิสฺสนฺติ, ตทา เอหินฺติ เม วส’’นฺติ. (ชา. ๑.๑.๓๓) –
อิมํ วฏฺฏกชาตกฺจ กเถตฺวา ปุน เตสํ จิรกาลปฺปวตฺตํ าติภาวํ ทสฺเสนฺโต อิมํ มหาวํสํ กเถสิ. เต ‘‘ปุพฺเพ กิร มยํ าตกา เอวา’’ติ อติวิย ปสีทึสุ. ตโต สกฺยา อฑฺฒเตยฺยกุมารสเต, โกลิยา อฑฺฒเตยฺยกุมารสเตติ ปฺจ กุมารสเต ภควโต ปริวารตฺถาย อทํสุ. ภควา เตสํ ปุพฺพเหตุํ ทิสฺวา ‘‘เอถ ภิกฺขโว’’ติ อาห. เต สพฺเพ อิทฺธิยา นิพฺพตฺตอฏฺปริกฺขารยุตฺตา อากาเส อพฺภุคฺคนฺตฺวา อาคมฺม ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา อฏฺํสุ. ภควา เต อาทาย มหาวนํ อคมาสิ. เตสํ ปชาปติโย ทูเต ปาเหสุํ, เต ตาหิ นานปฺปกาเรหิ ปโลภิยมานา อุกฺกณฺึสุ. ภควา เตสํ อุกฺกณฺิตภาวํ ตฺวา หิมวนฺตํ ทสฺเสตฺวา ตตฺถ กุณาลชาตกกถาย (ชา. ๒.๒๑.๒๘๙ กุณาลชาตกํ) เตสํ อนภิรตึ วิโนเทตุกาโม อาห – ‘‘ทิฏฺปุพฺโพ โว, ภิกฺขเว, หิมวา’’ติ? ‘‘น ภควา’’ติ. ‘‘เอถ, ภิกฺขเว, เปกฺขถา’’ติ อตฺตโน อิทฺธิยา เต อากาเสน เนนฺโต ‘‘อยํ สุวณฺณปพฺพโต, อยํ รชตปพฺพโต, อยํ มณิปพฺพโต’’ติ นานปฺปกาเร ปพฺพเต ทสฺเสตฺวา กุณาลทเห มโนสิลาตเล ปจฺจุฏฺาสิ. ตโต ‘‘หิมวนฺเต สพฺเพ จตุปฺปทพหุปฺปทาทิเภทา ติรจฺฉานคตา ปาณา อาคจฺฉนฺตุ, สพฺเพสฺจ ปจฺฉโต ¶ กุณาลสกุโณ’’ติ อธิฏฺาสิ. อาคจฺฉนฺเต จ เต ชาตินามนิรุตฺติวเสน วณฺเณนฺโต ‘‘เอเต, ภิกฺขเว, หํสา, เอเต โกฺจา ¶ , เอเต จกฺกวากา, กรวีกา, หตฺถิโสณฺฑกา, โปกฺขรสาตกา’’ติ เตสํ ทสฺเสสิ.
เต ¶ วิมฺหิตหทยา ปสฺสนฺตา สพฺพปจฺฉโต อาคจฺฉนฺตํ ทฺวีหิ ทิชกฺาหิ มุขตุณฺฑเกน ฑํสิตฺวา คหิตกฏฺเวมชฺเฌ นิสินฺนํ สหสฺสทิชกฺาปริวารํ กุณาลสกุณํ ทิสฺวา อจฺฉริยพฺภุตจิตฺตชาตา ภควนฺตํ อาหํสุ – ‘‘กจฺจิ, ภนฺเต, ภควาปิ อิธ กุณาลราชา ภูตปุพฺโพ’’ติ? ‘‘อาม, ภิกฺขเว, มยาเวส กุณาลวํโส กโต. อตีเต หิ มยํ จตฺตาโร ชนา อิธ วสิมฺหา – นารโท เทวิโล อิสิ, อานนฺโท คิชฺฌราชา, ปุณฺณมุโข ผุสฺสโกกิโล, อหํ กุณาโล สกุโณ’’ติ สพฺพํ มหากุณาลชาตกํ กเถสิ. ตํ สุตฺวา เตสํ ภิกฺขูนํ ปุราณทุติยิกาโย อารพฺภ อุปฺปนฺนา อนภิรติ วูปสนฺตา. ตโต เตสํ ภควา สจฺจกถํ กเถสิ, กถาปริโยสาเน สพฺพปจฺฉิมโก โสตาปนฺโน, สพฺพอุปริโม อนาคามี อโหสิ, เอโกปิ ปุถุชฺชโน วา อรหา วา นตฺถิ. ตโต ภควา เต อาทาย ปุนเทว มหาวเน โอรุหิ. อาคจฺฉมานา จ เต ภิกฺขู อตฺตโนว อิทฺธิยา อาคจฺฉึสุ.
อถ เนสํ ภควา อุปริมคฺคตฺถาย ปุน ธมฺมํ เทเสสิ. เต ปฺจสตาปิ วิปสฺสนํ อารภิตฺวา อรหตฺเต ปติฏฺหึสุ. ปมํ ปตฺโต ปมเมว อคมาสิ ‘‘ภควโต อาโรเจสฺสามี’’ติ. อาคนฺตฺวา จ ‘‘อภิรมามหํ ภควา, น อุกฺกณฺามี’’ติ วตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เอวํ เต สพฺเพปิ อนุกฺกเมน อาคนฺตฺวา ภควนฺตํ ปริวาเรตฺวา นิสีทึสุ เชฏฺมาสอุโปสถทิวเส สายนฺหสมเย. ตโต ปฺจสตขีณาสวปริวุตํ วรพุทฺธาสเน นิสินฺนํ ภควนฺตํ เปตฺวา อสฺสตฺเต จ อรูปพฺรหฺมาโน จ สกลทสสหสฺสจกฺกวาเฬ อวเสสเทวตาทโย มงฺคลสุตฺตวณฺณนายํ วุตฺตนเยน สุขุมตฺตภาเว นิมฺมินิตฺวา สมฺปริวาเรสุํ ‘‘วิจิตฺรปฏิภานํ ธมฺมเทสนํ โสสฺสามา’’ติ. ตตฺถ จตฺตาโร ขีณาสวพฺรหฺมาโน สมาปตฺติโต ¶ วุฏฺาย พฺรหฺมคณํ อปสฺสนฺตา ‘‘กุหึ คตา’’ติ อาวชฺเชตฺวา ตมตฺถํ ตฺวา ปจฺฉา อาคนฺตฺวา โอกาสํ อลภมานา จกฺกวาฬมุทฺธนิ ตฺวา ปจฺเจกคาถาโย อภาสึสุ. ยถาห –
‘‘อถ โข จตุนฺนํ สุทฺธาวาสกายิกานํ เทวตานํ เอตทโหสิ – ‘อยํ, โข, ภควา สกฺเกสุ วิหรติ กปิลวตฺถุสฺมึ มหาวเน มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ ปฺจมตฺเตหิ ภิกฺขุสเตหิ สพฺเพเหว อรหนฺเตหิ. ทสหิ จ โลกธาตูหิ เทวตา เยภุยฺเยน สนฺนิปติตา โหนฺติ ภควนฺตํ ทสฺสนาย ภิกฺขุสงฺฆฺจ ¶ . ยํนูน มยมฺปิ เยน ภควา ¶ เตนุปสงฺกเมยฺยาม, อุปสงฺกมิตฺวา ภควโต สนฺติเก ปจฺเจกํ คาถํ ภาเสยฺยามา’’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๓๑; สํ. นิ. ๑.๓๗).
สพฺพํ สคาถาวคฺเค วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. เอวํ คนฺตฺวา จ ตตฺถ เอโก พฺรหฺมา ปุรตฺถิมจกฺกวาฬมุทฺธนิ โอกาสํ ลภิตฺวา ตตฺถ ิโต อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘มหาสมโย ปวนสฺมึ…เป…
ทกฺขิตาเย อปราชิตสงฺฆ’’นฺติ. (ที. นิ. ๒.๓๓๒; สํ. นิ. ๑.๓๗);
อิมฺจสฺส คาถํ ภาสมานสฺส ปจฺฉิมจกฺกวาฬปพฺพเต ิโต สทฺทํ อสฺโสสิ.
ทุติโย ปจฺฉิมจกฺกวาฬมุทฺธนิ โอกาสํ ลภิตฺวา ตตฺถ ิโต ตํ คาถํ สุตฺวา อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘ตตฺร ภิกฺขโว สมาทหํสุ…เป…
อินฺทฺริยานิ รกฺขนฺติ ปณฺฑิตา’’ติ. (ที. นิ. ๒.๓๓๒; สํ. นิ. ๑.๓๗);
ตติโย ทกฺขิณจกฺกวาฬมุทฺธนิ โอกาสํ ลภิตฺวา ตตฺถ ิโต ตํ คาถํ สุตฺวา อิมํ คาถํ อภาสิ –
‘‘เฉตฺวา ขีลํ เฉตฺวา ปลิฆํ…เป… สุสุนาคา’’ติ. (ที. นิ. ๒.๓๓๒; สํ. นิ. ๑.๓๗);
จตุตฺโถ อุตฺตรจกฺกวาฬมุทฺธนิ โอกาสํ ลภิตฺวา ตตฺถ ิโต ตํ คาถํ สุตฺวา อิมํ คาถมภาสิ –
‘‘เย เกจิ พุทฺธํ สรณํ คตาเส…เป…
เทวกายํ ปริปูเรสฺสนฺตี’’ติ. (ที. นิ. ๒.๓๓๒; สํ. นิ. ๑.๓๗);
ตสฺสปิ ¶ ตํ สทฺทํ ทกฺขิณจกฺกวาฬมุทฺธนิ ิโต อสฺโสสิ. เอวํ ตทา อิเม จตฺตาโร พฺรหฺมาโน ปริสํ โถเมตฺวา ิตา อเหสุํ, มหาพฺรหฺมาโน เอกจกฺกวาฬํ ฉาเทตฺวา อฏฺํสุ.
อถ ภควา เทวปริสํ โอโลเกตฺวา ภิกฺขูนํ อาโรเจสิ ¶ – ‘‘เยปิ เต, ภิกฺขเว, อเหสุํ อตีตมทฺธานํ อรหนฺโต สมฺมาสมฺพุทฺธา, เตสมฺปิ ภควนฺตานํ เอตปฺปรมาเยว เทวตา สนฺนิปติตา อเหสุํ. เสยฺยถาปิ มยฺหํ ¶ เอตรหิ, เยปิ เต, ภิกฺขเว, ภวิสฺสนฺติ อนาคตมทฺธานํ อรหนฺโต สมฺมาสมฺพุทฺธา, เตสมฺปิ ภควนฺตานํ เอตปฺปรมาเยว เทวตา สนฺนิปติตา ภวิสฺสนฺติ เสยฺยถาปิ มยฺหํ เอตรหี’’ติ. ตโต ตํ เทวปริสํ ภพฺพาภพฺพวเสน ทฺวิธา วิภชิ ‘‘เอตฺตกา ภพฺพา, เอตฺตกา อภพฺพา’’ติ. ตตฺถ ‘‘อภพฺพปริสา พุทฺธสเตปิ ธมฺมํ เทเสนฺเต น พุชฺฌติ, ภพฺพปริสา สกฺกา โพเธตุ’’นฺติ ตฺวา ปุน ภพฺพปุคฺคเล จริยวเสน ฉธา วิภชิ ‘‘เอตฺตกา ราคจริตา, เอตฺตกา โทส-โมห-วิตกฺก-สทฺธา-พุทฺธิจริตา’’ติ. เอวํ จริยวเสน ปริคฺคเหตฺวา ‘‘อสฺสา ปริสาย กีทิสา ธมฺมเทสนา สปฺปายา’’ติ ธมฺมกถํ วิจินิตฺวา ปุน ตํ ปริสํ มนสากาสิ – ‘‘อตฺตชฺฌาสเยน นุ โข ชาเนยฺย, ปรชฺฌาสเยน, อฏฺุปฺปตฺติวเสน, ปุจฺฉาวเสนา’’ติ. ตโต ‘‘ปุจฺฉาวเสน ชาเนยฺยา’’ติ ตฺวา ‘‘ปฺหํ ปุจฺฉิตุํ สมตฺโถ อตฺถิ, นตฺถี’’ติ ปุน สกลปริสํ อาวชฺเชตฺวา ‘‘นตฺถิ โกจี’’ติ ตฺวา ‘‘สเจ อหเมว ปุจฺฉิตฺวา อหเมว วิสฺสชฺเชยฺยํ, เอวมสฺสา ปริสาย สปฺปายํ น โหติ. ยํนูนาหํ นิมฺมิตพุทฺธํ มาเปยฺยนฺติ ปาทกชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย มโนมยิทฺธิยา อภิสงฺขริตฺวา นิมฺมิตพุทฺธํ มาเปสิ. สพฺพงฺคปจฺจงฺคี ลกฺขณสมฺปนฺโน ปตฺตจีวรธโร อาโลกิตวิโลกิตาทิสมฺปนฺโน โหตู’’ติ อธิฏฺานจิตฺเตน สห ปาตุรโหสิ. โส ปาจีนโลกธาตุโต อาคนฺตฺวา ภควโต สมสเม อาสเน นิสินฺโน เอวํ อาคนฺตฺวา ยานิ ภควตา อิมมฺหิ สมาคเม จริยวเสน ฉ สุตฺตานิ (สุ. นิ. ๘๕๔ อาทโย, ๘๖๘ อาทโย, ๘๘๔ อาทโย, ๙๐๑ อาทโย, ๙๒๑ อาทโย) กถิตานิ. เสยฺยถิทํ – ปุราเภทสุตฺตํ กลหวิวาทสุตฺตํ จูฬพฺยูหํ มหาพฺยูหํ ตุวฏกํ อิทเมว สมฺมาปริพฺพาชนียนฺติ. เตสุ ราคจริตเทวตานํ สปฺปายวเสน กเถตพฺพสฺส อิมสฺส สุตฺตสฺส ปวตฺตนตฺถํ ปฺหํ ปุจฺฉนฺโต ‘‘ปุจฺฉามิ มุนึ ปหูตปฺ’’นฺติ ¶ อิมํ คาถมาห.
ตตฺถ ปหูตปฺนฺติ มหาปฺํ. ติณฺณนฺติ จตุโรฆติณฺณํ. ปารงฺคตนฺติ นิพฺพานปฺปตฺตํ. ปรินิพฺพุตนฺติ สอุปาทิเสสนิพฺพานวเสน ปรินิพฺพุตํ. ิตตฺตนฺติ โลกธมฺเมหิ อกมฺปนียจิตฺตํ. นิกฺขมฺม ฆรา ปนุชฺช กาเมติ วตฺถุกาเม ปนุทิตฺวา ฆราวาสา นิกฺขมฺม. กถํ ภิกฺขุ สมฺมา โส โลเก ปริพฺพเชยฺยาติ โส ภิกฺขุ กถํ โลเก สมฺมา ปริพฺพเชยฺย วิหเรยฺย อนุปลิตฺโต โลเกน หุตฺวา, โลกํ อติกฺกเมยฺยาติ วุตฺตํ โหติ. เสสเมตฺถ วุตฺตนยเมว.
๓๖๓. อถ ¶ ¶ ภควา ยสฺมา อาสวกฺขยํ อปฺปตฺวา โลเก สมฺมา ปริพฺพชนฺโต นาม นตฺถิ, ตสฺมา ตสฺมึ ราคจริตาทิวเสน ปริคฺคหิเต สพฺพปุคฺคลสมูเห ตํ ตํ เตสํ เตสํ สมานโทสานํ เทวตาคณานํ อาจิณฺณโทสปฺปหานตฺถํ ‘‘ยสฺส มงฺคลา’’ติ อารภิตฺวา อรหตฺตนิกูเฏเนว ขีณาสวปฏิปทํ ปกาเสนฺโต ปนฺนรส คาถาโย อภาสิ.
ตตฺถ ปมคาถาย ตาว มงฺคลาติ มงฺคลสุตฺเต วุตฺตานํ ทิฏฺมงฺคลาทีนเมตํ อธิวจนํ. สมูหตาติ สุฏฺุ อูหตา ปฺาสตฺเถน สมุจฺฉินฺนา. อุปฺปาตาติ ‘‘อุกฺกาปาตทิสาฑาหาทโย เอวํ วิปากา โหนฺตี’’ติ เอวํ ปวตฺตา อุปฺปาตาภินิเวสา. สุปินาติ ‘‘ปุพฺพณฺหสมเย สุปินํ ทิสฺวา อิทํ นาม โหติ, มชฺฌนฺหิกาทีสุ อิทํ, วามปสฺเสน สยตา ทิฏฺเ อิทํ นาม โหติ, ทกฺขิณปสฺสาทีหิ อิทํ, สุปินนฺเต จนฺทํ ทิสฺวา อิทํ นาม โหติ, สูริยาทโย ทิสฺวา อิท’’นฺติ เอวํ ปวตฺตา สุปินาภินิเวสา. ลกฺขณาติ ทณฺฑลกฺขณวตฺถลกฺขณาทิปาํ ปิตฺวา ‘‘อิมินา อิทํ นาม โหตี’’ติ เอวํ ปวตฺตา ลกฺขณาภินิเวสา. เต สพฺเพปิ พฺรหฺมชาเล วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพา. โส มงฺคลโทสวิปฺปหีโนติ อฏฺตึส มหามงฺคลานิ เปตฺวา อวเสสา มงฺคลโทสา ¶ นาม. ยสฺส ปเนเต มงฺคลาทโย สมูหตา, โส มงฺคลโทสวิปฺปหีโน โหติ. อถ วา มงฺคลานฺจ อุปฺปาตาทิโทสานฺจ ปหีนตฺตา มงฺคลโทสวิปฺปหีโน โหติ, น มงฺคลาทีหิ สุทฺธึ ปจฺเจติ อริยมคฺคสฺส อธิคตตฺตา. ตสฺมา สมฺมา โส โลเก ปริพฺพเชยฺย, โส ขีณาสโว สมฺมา โลเก ปริพฺพเชยฺย อนุปลิตฺโต โลเกนาติ.
๓๖๔. ทุติยคาถาย ราคํ วินเยถ มานุเสสุ, ทิพฺเพสุ กาเมสุ จาปิ ภิกฺขูติ มานุเสสุ จ ทิพฺเพสุ จ กามคุเณสุ อนาคามิมคฺเคน อนุปฺปตฺติธมฺมตํ เนนฺโต ราคํ วินเยถ. อติกฺกมฺม ภวํ สเมจฺจ ธมฺมนฺติ เอวํ ราคํ วิเนตฺวา ตโต ปรํ อรหตฺตมคฺเคน สพฺพปฺปการโต ปริฺาภิสมยาทโย สาเธนฺโต จตุสจฺจเภทมฺปิ สเมจฺจ ธมฺมํ อิมาย ปฏิปทาย ติวิธมฺปิ อติกฺกมฺม ภวํ. สมฺมา โสติ โสปิ ภิกฺขุ สมฺมา โลเก ปริพฺพเชยฺย.
๓๖๕. ตติยคาถาย ‘‘อนุโรธวิโรธวิปฺปหีโน’’ติ สพฺพวตฺถูสุ ปหีนราคโทโส. เสสํ วุตฺตนยเมว สพฺพคาถาสุ จ ‘‘โสปิ ภิกฺขุ สมฺมา ¶ โลเก ปริพฺพเชยฺยา’’ติ โยเชตพฺพํ. อิโต ปรฺหิ โยชนมฺปิ อวตฺวา อวุตฺตนยเมว วณฺณยิสฺสาม.
๓๖๖. จตุตฺถคาถาย สตฺตสงฺขารวเสน ทุวิธํ ปิยฺจ อปฺปิยฺจ เวทิตพฺพํ, ตตฺถ ฉนฺทราคปฏิฆปฺปหาเนน หิตฺวา. อนุปาทายาติ จตูหิ อุปาทาเนหิ กฺจิ ธมฺมํ อคฺคเหตฺวา. อนิสฺสิโต ¶ กุหิฺจีติ อฏฺสตเภเทน ตณฺหานิสฺสเยน ทฺวาสฏฺิเภเทน ทิฏฺินิสฺสเยน จ กุหิฺจิ รูปาทิธมฺเม ภเว วา อนิสฺสิโต. สํโยชนิเยหิ วิปฺปมุตฺโตติ สพฺเพปิ เตภูมกธมฺมา ทสวิธสํโยชนสฺส วิสยตฺตา สํโยชนิยา, เตหิ สพฺพปฺปการโต มคฺคภาวนาย ปริฺาตตฺตา จ วิปฺปมุตฺโตติ อตฺโถ. ปมปาเทน เจตฺถ ราคโทสปฺปหานํ วุตฺตํ, ทุติเยน อุปาทานนิสฺสยาภาโว, ตติเยน เสสากุสเลหิ อกุสลวตฺถูหิ จ วิปฺปโมกฺโข. ปเมน วา ราคโทสปฺปหานํ, ทุติเยน ตทุปาโย, ตติเยน เตสํ ปหีนตฺตา สํโยชนิเยหิ วิปฺปโมกฺโขติ เวทิตพฺโพ.
๓๖๗. ปฺจมคาถาย อุปธีสูติ ขนฺธุปธีสุ. อาทานนฺติ อาทาตพฺพฏฺเน ¶ เตเยว วุจฺจนฺติ. อนฺเนยฺโยติ อนิจฺจาทีนํ สุทิฏฺตฺตา ‘‘อิทํ เสยฺโย’’ติ เกนจิ อเนตพฺโพ. เสสํ อุตฺตานปทตฺถเมว. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อาทาเนสุ จตุตฺถมคฺเคน สพฺพโส ฉนฺทราคํ วิเนตฺวา โส วินีตฉนฺทราโค, เตสุ อุปธีสุ น สารเมติ, สพฺเพ อุปธี อสารกตฺเตเนว ปสฺสติ. ตโต เตสุ ทุวิเธนปิ นิสฺสเยน อนิสฺสิโต อฺเน วา เกนจิ ‘‘อิทํ เสยฺโย’’ติ อเนตพฺโพ ขีณาสโว ภิกฺขุ สมฺมา โส โลเก ปริพฺพเชยฺย.
๓๖๘. ฉฏฺคาถาย อวิรุทฺโธติ เอเตสํ ติณฺณํ ทุจฺจริตานํ ปหีนตฺตา สุจริเตหิ สทฺธึ อวิรุทฺโธ. วิทิตฺวา ธมฺมนฺติ มคฺเคน จตุสจฺจธมฺมํ ตฺวา. นิพฺพานปทาภิปตฺถยาโนติ อนุปาทิเสสํ ขนฺธปรินิพฺพานปทํ ปตฺถยมาโน. เสสํ อุตฺตานตฺถเมว.
๓๖๙. สตฺตมคาถาย อกฺกุฏฺโติ ทสหิ อกฺโกสวตฺถูหิ อภิสตฺโต. น สนฺธิเยถาติ น อุปนยฺเหถ น กุปฺเปยฺย. ลทฺธา ปรโภชนํ ¶ น มชฺเชติ ปเรหิ ทินฺนํ สทฺธาเทยฺยํ ลภิตฺวา ‘‘อหํ าโต ยสสฺสี ลาภี’’ติ น มชฺเชยฺย. เสสํ อุตฺตานตฺถเมว.
๓๗๐. อฏฺมคาถาย โลภนฺติ วิสมโลภํ. ภวนฺติ กามภวาทิภวํ. เอวํ ทฺวีหิ ปเทหิ ภวโภคตณฺหา วุตฺตา. ปุริเมน วา สพฺพาปิ ตณฺหา, ปจฺฉิเมน กมฺมภโว. วิรโต เฉทนพนฺธนา จาติ เอวเมเตสํ กมฺมกิเลสานํ ปหีนตฺตา ปรสตฺตเฉทนพนฺธนา จ วิรโตติ. เสสํ วุตฺตนยเมว.
๓๗๑. นวมคาถาย สารุปฺปํ อตฺตโน วิทิตฺวาติ อตฺตโน ภิกฺขุภาวสฺส ปติรูปํ อเนสนาทึ ปหาย สมฺมาเอสนาทิอาชีวสุทฺธึ อฺฺจ สมฺมาปฏิปตฺตึ ตตฺถ ปติฏฺหเนน วิทิตฺวา. น หิ าตมตฺเตเนว กิฺจิ โหติ. ยถาตถิยนฺติ ยถาตถํ ยถาภูตํ. ธมฺมนฺติ ขนฺธายตนาทิเภทํ ¶ ยถาภูตาเณน, จตุสจฺจธมฺมํ วา มคฺเคน วิทิตฺวา. เสสํ อุตฺตานตฺถเมว.
๓๗๒. ทสมคาถาย ¶ โส นิราโส อนาสิสาโนติ ยสฺส อริยมคฺเคน วินาสิตตฺตา อนุสยา จ น สนฺติ, อกุสลมูลา จ สมูหตา, โส นิราโส นิตฺตณฺโห โหติ. ตโต อาสาย อภาเวน กฺจิ รูปาทิธมฺมํ นาสีสติ. เตนาห ‘‘นิราโส อนาสิสาโน’’ติ. เสสํ วุตฺตนยเมว.
๓๗๓. เอกาทสมคาถาย อาสวขีโณติ ขีณจตุราสโว. ปหีนมาโนติ ปหีนนววิธมาโน. ราคปถนฺติ ราควิสยภูตํ เตภูมกธมฺมชาตํ. อุปาติวตฺโตติ ปริฺาปหาเนหิ อติกฺกนฺโต. ทนฺโตติ สพฺพทฺวารวิเสวนํ หิตฺวา อริเยน ทมเถน ทนฺตภูมึ ปตฺโต. ปรินิพฺพุโตติ กิเลสคฺคิวูปสเมน สีติภูโต. เสสํ วุตฺตนยเมว.
๓๗๔. ทฺวาทสมคาถาย สทฺโธติ พุทฺธาทิคุเณสุ ปรปฺปจฺจยวิรหิตตฺตา สพฺพาการสมฺปนฺเนน อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคโต, น ปรสฺส สทฺธาย ปฏิปตฺติยํ คมนภาเวน. ยถาห – ‘‘น ขฺวาหํ เอตฺถ ภนฺเต ภควโต สทฺธาย ¶ คจฺฉามี’’ติ (อ. นิ. ๕.๓๔). สุตวาติ โวสิตสุตกิจฺจตฺตา ปรมตฺถิกสุตสมนฺนาคโต. นิยามทสฺสีติ สํสารกนฺตารมูฬฺเห โลเก อมตปุรคามิโน สมฺมตฺตนิยามภูตสฺส มคฺคสฺส ทสฺสาวี, ทิฏฺมคฺโคติ วุตฺตํ โหติ. วคฺคคเตสุ น วคฺคสารีติ วคฺคคตา นาม ทฺวาสฏฺิทิฏฺิคติกา อฺมฺํ ปฏิโลมตฺตา, เอวํ วคฺคาหิ ทิฏฺีหิ คเตสุ สตฺเตสุ น วคฺคสารี – ‘‘อิทํ อุจฺฉิชฺชิสฺสติ, อิทํ ตเถว ภวิสฺสตี’’ติ เอวํ ทิฏฺิวเสน อคมนโต. ปฏิฆนฺติ ปฏิฆาตกํ, จิตฺตวิฆาตกนฺติ วุตฺตํ โหติ. โทสวิเสสนเมเวตํ. วิเนยฺยาติ วิเนตฺวา. เสสํ วุตฺตนยเมว.
๓๗๕. เตรสมคาถาย สํสุทฺธชิโนติ สํสุทฺเธน อรหตฺตมคฺเคน วิชิตกิเลโส. วิวฏฺฏจฺฉโทติ วิวฏราคโทสโมหฉทโน. ธมฺเมสุ วสีติ จตุสจฺจธมฺเมสุ ¶ วสิปฺปตฺโต. น หิสฺส สกฺกา เต ธมฺมา ยถา าตา เกนจิ อฺถา กาตุํ, เตน ขีณาสโว ‘‘ธมฺเมสุ วสี’’ติ วุจฺจติ. ปารคูติ ปารํ วุจฺจติ นิพฺพานํ, ตํ คโต, สอุปาทิเสสวเสน อธิคโตติ วุตฺตํ โหติ. อเนโชติ อปคตตณฺหาจลโน. สงฺขารนิโรธาณกุสโลติ สงฺขารนิโรโธ วุจฺจติ นิพฺพานํ, ตมฺหิ าณํ อริยมคฺคปฺา, ตตฺถ กุสโล, จตุกฺขตฺตุํ ภาวิตตฺตา เฉโกติ วุตฺตํ โหติ.
๓๗๖. จุทฺทสมคาถาย อตีเตสูติ ปวตฺตึ ปตฺวา อติกฺกนฺเตสุ ปฺจกฺขนฺเธสุ. อนาคเตสูติ ปวตฺตึ อปฺปตฺเตสุ ปฺจกฺขนฺเธสุ เอว. กปฺปาตีโตติ ‘‘อหํ มม’’นฺติ กปฺปนํ สพฺพมฺปิ วา ตณฺหาทิฏฺิกปฺปํ อตีโต. อติจฺจ สุทฺธิปฺโติ อตีว สุทฺธิปฺโ, อติกฺกมิตฺวา ¶ วา สุทฺธิปฺโ. กึ อติกฺกมิตฺวา? อทฺธตฺตยํ. อรหา หิ ยฺวายํ อวิชฺชาสงฺขารสงฺขาโต อตีโต อทฺธา, ชาติชรามรณสงฺขาโต อนาคโต อทฺธา, วิฺาณาทิภวปริยนฺโต ปจฺจุปฺปนฺโน จ อทฺธา, ตํ สพฺพมฺปิ อติกฺกมฺม กงฺขํ วิตริตฺวา ปรมสุทฺธิปฺปตฺตปฺโ หุตฺวา ิโต. เตน วุจฺจติ ‘‘อติจฺจ สุทฺธิปฺโ’’ติ. สพฺพายตเนหีติ ทฺวาทสหายตเนหิ. อรหา หิ เอวํ กปฺปาตีโต. กปฺปาตีตตฺตา อติจฺจ สุทฺธิปฺตฺตา จ อายตึ น กิฺจิ อายตนํ อุเปติ. เตนาห – ‘‘สพฺพายตเนหิ วิปฺปมุตฺโต’’ติ.
๓๗๗. ปนฺนรสมคาถาย ¶ อฺาย ปทนฺติ เย เต ‘‘สจฺจานํ จตุโร ปทา’’ติ วุตฺตา, เตสุ เอเกกปทํ ปุพฺพภาคสจฺจววตฺถาปนปฺาย ตฺวา. สเมจฺจ ธมฺมนฺติ ตโต ปรํ จตูหิ อริยมคฺเคหิ จตุสจฺจธมฺมํ สเมจฺจ. วิวฏํ ทิสฺวาน ปหานมาสวานนฺติ อถ ปจฺจเวกฺขณาเณน อาสวกฺขยสฺิตํ นิพฺพานํ วิวฏํ ปากฏมนาวฏํ ทิสฺวา. สพฺพุปธีนํ ปริกฺขยาติ สพฺเพสํ ขนฺธกามคุณกิเลสาภิสงฺขารเภทานํ อุปธีนํ ปริกฺขีณตฺตา กตฺถจิ อสชฺชมาโน ภิกฺขุ สมฺมา โส โลเก ปริพฺพเชยฺย วิหเรยฺย, อนลฺลียนฺโต โลกํ คจฺเฉยฺยาติ เทสนํ นิฏฺาเปสิ.
๓๗๘. ตโต ¶ โส นิมฺมิโต ธมฺมเทสนํ โถเมนฺโต ‘‘อทฺธา หิ ภควา’’ติ อิมํ คาถมาห. ตตฺถ โย โส เอวํ วิหารีติ โย โส มงฺคลาทีนิ สมูหนิตฺวา สพฺพมงฺคลโทสปฺปหานวิหารี, โยปิ โส ทิพฺพมานุสเกสุ กาเมสุ ราคํ วิเนยฺย ภวาติกฺกมฺม ธมฺมาภิสมยวิหารีติ เอวํ ตาย ตาย คาถาย นิทฺทิฏฺภิกฺขุํ ทสฺเสนฺโต อาห. เสสํ อุตฺตานเมว. อยํ ปน โยชนา – อทฺธา หิ ภควา ตเถว เอตํ ยํ ตฺวํ ‘‘ยสฺส มงฺคลา สมูหตา’’ติอาทีนิ วตฺวา ตสฺสา ตสฺสา คาถาย ปริโยสาเน ‘‘สมฺมา โส โลเก ปริพฺพเชยฺยา’’ติ อวจ. กึ การณํ? โย โส เอวํวิหารี ภิกฺขุ, โส อุตฺตเมน ทมเถน ทนฺโต, สพฺพานิ จ ทสปิ สํโยชนานิ จตุโร จ โยเค วีติวตฺโต โหติ. ตสฺมา สมฺมา โส โลเก ปริพฺพเชยฺย, นตฺถิ เม เอตฺถ วิจิกิจฺฉาติ อิติ เทสนาโถมนคาถมฺปิ วตฺวา อรหตฺตนิกูเฏเนว เทสนํ นิฏฺาเปสิ. สุตฺตปริโยสาเน โกฏิสตสหสฺสเทวตานํ อคฺคผลปฺปตฺติ อโหสิ, โสตาปตฺติสกทาคามิอนาคามิผลปฺปตฺตา ปน คณนโต อสงฺขฺเยยฺยาติ.
ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย
สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย สมฺมาปริพฺพาชนียสุตฺตวณฺณนา
นิฏฺิตา.
๑๔. ธมฺมิกสุตฺตวณฺณนา
เอวํ ¶ ¶ เม สุตนฺติ ธมฺมิกสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? ติฏฺมาเน กิร ภควติ โลกนาเถ ธมฺมิโก นาม อุปาสโก อโหสิ นาเมน จ ปฏิปตฺติยา จ. โส กิร สรณสมฺปนฺโน สีลสมฺปนฺโน พหุสฺสุโต ปิฏกตฺตยธโร อนาคามี อภิฺาลาภี อากาสจารี อโหสิ. ตสฺส ปริวารา ปฺจสตา อุปาสกา, เตปิ ตาทิสา เอว อเหสุํ. ตสฺเสกทิวสํ อุโปสถิกสฺส รโหคตสฺส ปฏิสลฺลีนสฺส มชฺฌิมยามาวสานสมเย เอวํ ปริวิตกฺโก อุทปาทิ – ‘‘ยํนูนาหํ อคาริยอนคาริยานํ ปฏิปทํ ปุจฺเฉยฺย’’นฺติ. โส ปฺจหิ อุปาสกสเตหิ ปริวุโต ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ตมตฺถํ ปุจฺฉิ, ภควา จสฺส พฺยากาสิ. ตตฺถ ¶ ปุพฺเพ วณฺณิตสทิสํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ, อปุพฺพํ วณฺณยิสฺสาม.
๓๗๙. ตตฺถ ปมคาถาย ตาว กถํกโรติ กถํ กโรนฺโต กถํ ปฏิปชฺชนฺโต. สาธุ โหตีติ สุนฺทโร อนวชฺโช อตฺถสาธโน โหติ. อุปาสกาเสติ อุปาสกาอิจฺเจว วุตฺตํ โหติ. เสสมตฺถโต ปากฏเมว. อยํ ปน โยชนา – โย วา อคารา อนคารเมติ ปพฺพชติ, เย วา อคาริโน อุปาสกา, เอเตสุ ทุวิเธสุ สาวเกสุ กถํกโร สาวโก สาธุ โหตีติ.
๓๘๐-๑. อิทานิ เอวํ ปุฏฺสฺส ภควโต พฺยากรณสมตฺถตํ ทีเปนฺโต ‘‘ตุวฺหี’’ติ คาถาทฺวยมาห. ตตฺถ คตินฺติ อชฺฌาสยคตึ. ปรายณนฺติ นิปฺผตฺตึ. อถ วา คตินฺติ นิรยาทิปฺจปฺปเภทํ. ปรายณนฺติ คติโต ปรํ อยนํ คติวิปฺปโมกฺขํ ปรินิพฺพานํ, น จตฺถิ ตุลฺโยติ ตยา สทิโส นตฺถิ. สพฺพํ ตุวํ าณมเวจฺจ ธมฺมํ, ปกาเสสิ สตฺเต อนุกมฺปมาโนติ ตฺวํ ภควา ยทตฺถิ เยฺยํ นาม, ตํ อนวเสสํ อเวจฺจ ปฏิวิชฺฌิตฺวา สตฺเต อนุกมฺปมาโน สพฺพํ าณฺจ ธมฺมฺจ ปกาเสสิ. ยํ ยํ ยสฺส หิตํ โหติ, ตํ ตํ ตสฺส อาวิกาสิเยว เทเสสิเยว, น เต อตฺถิ อาจริยมุฏฺีติ วุตฺตํ โหติ. วิโรจสิ วิมโลติ ธูมรชาทิวิรหิโต วิย จนฺโท, ราคาทิมลาภาเวน วิมโล วิโรจสิ. เสสเมตฺถ อุตฺตานตฺถเมว.
๓๘๒. อิทานิ เยสํ ตทา ภควา ธมฺมํ เทเสสิ, เต เทวปุตฺเต กิตฺเตตฺวา ภควนฺตํ ปสํสนฺโต ‘‘อาคฺฉี เต สนฺติเก’’ติ คาถาทฺวยมาห. ตตฺถ ¶ นาคราชา เอราวโณ นามาติ อยํ กิร ¶ เอราวโณ นาม เทวปุตฺโต กามรูปี ทิพฺเพ วิมาเน วสติ. โส ยทา สกฺโก อุยฺยานกีฬํ คจฺฉติ, ตทา ทิยฑฺฒสตโยชนํ กายํ อภินิมฺมินิตฺวา เตตฺตึส กุมฺเภ มาเปตฺวา เอราวโณ นาม หตฺถี โหติ. ตสฺส เอเกกสฺมึ กุมฺเภ ทฺเว ทฺเว ทนฺตา โหนฺติ, เอเกกสฺมึ ทนฺเต สตฺต สตฺต ¶ โปกฺขรณิโย, เอเกกิสฺสา โปกฺขรณิยา สตฺต สตฺต ปทุมินิโย, เอเกกิสฺสา ปทุมินิยา สตฺต สตฺต ปุปฺผานิ, เอเกกสฺมึ ปุปฺเผ สตฺต สตฺต ปตฺตานิ, เอเกกสฺมึ ปตฺเต สตฺต สตฺต อจฺฉราโย นจฺจนฺติ ปทุมจฺฉราโยตฺเวว วิสฺสุตา สกฺกสฺส นาฏกิตฺถิโย, ยา จ วิมานวตฺถุสฺมิมฺปิ ‘‘ภมนฺติ กฺา ปทุเมสุ สิกฺขิตา’’ติ (วิ. ว. ๑๐๓๔) อาคตา. เตสํ ปน เตตฺติสํกุมฺภานํ มชฺเฌ สุทสฺสนกุมฺโภ นาม ตึสโยชนมตฺโต โหติ, ตตฺถ โยชนปฺปมาโณ มณิปลฺลงฺโก ติโยชนุพฺเพเธ ปุปฺผมณฺฑเป อตฺถรียติ. ตตฺถ สกฺโก เทวานมินฺโท อจฺฉราสงฺฆปริวุโต ทิพฺพสมฺปตฺตึ ปจฺจนุโภติ. สกฺเก ปน เทวานมินฺเท อุยฺยานกีฬาโต ปฏินิวตฺเต ปุน ตํ รูปํ สํหริตฺวาน เทวปุตฺโตว โหติ. ตํ สนฺธายาห – ‘‘อาคฺฉิ เต สนฺติเก นาคราชา เอราวโณ นามา’’ติ. ชิโนติ สุตฺวาติ ‘‘วิชิตปาปธมฺโม เอส ภควา’’ติ เอวํ สุตฺวา. โสปิ ตยา มนฺตยิตฺวาติ ตยา สทฺธึ มนฺตยิตฺวา, ปฺหํ ปุจฺฉิตฺวาติ อธิปฺปาโย. อชฺฌคมาติ อธิอคมา, คโตติ วุตฺตํ โหติ. สาธูติ สุตฺวาน ปตีตรูโปติ ตํ ปฺหํ สุตฺวา ‘‘สาธุ ภนฺเต’’ติ อภินนฺทิตฺวา ตุฏฺรูโป คโตติ อตฺโถ.
๓๘๓. ราชาปิ ตํ เวสฺสวโณ กุเวโรติ เอตฺถ โส ยกฺโข รฺชนฏฺเน ราชา, วิสาณาย ราชธานิยา รชฺชํ กาเรตีติ เวสฺสวโณ, ปุริมนาเมน กุเวโรติ เวทิตพฺโพ. โส กิร กุเวโร นาม พฺราหฺมณมหาสาโล หุตฺวา ทานาทีนิ ปฺุานิ กตฺวา วิสาณาย ราชธานิยา อธิปติ หุตฺวา นิพฺพตฺโต. ตสฺมา ‘‘กุเวโร เวสฺสวโณ’’ติ วุจฺจติ. วุตฺตฺเจตํ อาฏานาฏิยสุตฺเต –
‘‘กุเวรสฺส โข ปน, มาริส, มหาราชสฺส วิสาณา นาม ราชธานี, ตสฺมา กุเวโร มหาราชา ‘เวสฺสวโณ’ติ ปวุจฺจตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๒๙๑) –
เสสเมตฺถ ปากฏเมว.
ตตฺถ ¶ สิยา – กสฺมา ปน ทูรตเร ตาวตึสภวเน วสนฺโต เอราวโณ ปมํ อาคโต, เวสฺสวโณ ปจฺฉา, เอกนคเรว ¶ วสนฺโต อยํ อุปาสโก สพฺพปจฺฉา, กถฺจ โส เตสํ อาคมนํ อฺาสิ, เยน เอวมาหาติ? วุจฺจเต – เวสฺสวโณ กิร ตทา อเนกสหสฺสปวาฬปลฺลงฺกํ ทฺวาทสโยชนํ นาริวาหนํ อภิรุยฺห ปวาฬกุนฺตํ อุจฺจาเรตฺวา ทสสหสฺสโกฏิยกฺเขหิ ¶ ปริวุโต ‘‘ภควนฺตํ ปฺหํ ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ อากาสฏฺกวิมานานิ ปริหริตฺวา มคฺเคน มคฺคํ อาคจฺฉนฺโต เวฬุกณฺฑกนคเร นนฺทมาตาย อุปาสิกาย นิเวสนสฺส อุปริภาคํ สมฺปตฺโต. อุปาสิกาย อยมานุภาโว – ปริสุทฺธสีลา โหติ, นิจฺจํ วิกาลโภชนา ปฏิวิรตา, ปิฏกตฺตยธารินี, อนาคามิผเล ปติฏฺิตา. สา ตมฺหิ สมเย สีหปฺชรํ อุคฺฆาเฏตฺวา อุตุคฺคหณตฺถาย มาลุเตริโตกาเส ตฺวา อฏฺกปารายนวคฺเค ปริมณฺฑเลหิ ปทพฺยฺชเนหิ มธุเรน สเรน ภาสติ. เวสฺสวโณ ตตฺเถว ยานานิ เปตฺวา ยาว อุปาสิกา ‘‘อิทมโวจ ภควา มคเธสุ วิหรนฺโต ปาสาณเก เจติเย ปริจารกโสฬสนฺนํ พฺราหฺมณาน’’นฺติ นิคมนํ อภาสิ, ตาว สพฺพํ สุตฺวา วคฺคปริโยสาเน สุวณฺณมุรชสทิสํ มหนฺตํ คีวํ ปคฺคเหตฺวา ‘‘สาธุ สาธุ ภคินี’’ติ สาธุการมทาสิ. สา ‘‘โก เอตฺถา’’ติ อาห. ‘‘อหํ ภคินิ เวสฺสวโณ’’ติ. อุปาสิกา กิร ปมํ โสตาปนฺนา อโหสิ, ปจฺฉา เวสฺสวโณ. ตํ โส ธมฺมโต สโหทรภาวํ สนฺธาย อุปาสิกํ ภคินิวาเทน สมุทาจรติ. อุปาสิกาย จ ‘‘วิกาโล, ภาติก ภทฺรมุข, ยสฺส ทานิ กาลํ มฺสี’’ติ วุตฺโต ‘‘อหํ ภคินิ ตยิ ปสนฺโน ปสนฺนาการํ กโรมี’’ติ อาห. เตน หิ ภทฺรมุข, มม เขตฺเต นิปฺผนฺนํ สาลึ กมฺมกรา อาหริตุํ น สกฺโกนฺติ, ตํ ตว ปริสาย อาณาเปหีติ. โส ‘‘สาธุ ภคินี’’ติ ยกฺเข อาณาเปสิ. เต อฑฺฒเตรส โกฏฺาคารสตานิ ปูเรสุํ. ตโต ปภุติ โกฏฺาคารํ ¶ อูนํ นาม นาโหสิ, ‘‘นนฺทมาตุ โกฏฺาคารํ วิยา’’ติ โลเก นิทสฺสนํ อโหสิ. เวสฺสวโณ โกฏฺาคารานิ ปูเรตฺวา ภควนฺตํ อุปสงฺกมิ. ภควา ‘‘วิกาเล อาคโตสี’’ติ อาห. อถ ภควโต สพฺพํ อาโรเจสิ. อิมินา การเณน อาสนฺนตเรปิ จาตุมหาราชิกภวเน วสนฺโต เวสฺสวโณ ปจฺฉา อาคโต. เอราวณสฺส ปน น กิฺจิ อนฺตรา กรณียํ อโหสิ, เตน โส ปมตรํ อาคโต.
อยํ ¶ ปน อุปาสโก กิฺจาปิ อนาคามี ปกติยาว เอกภตฺติโก, ตถาปิ ตทา อุโปสถทิวโสติ กตฺวา อุโปสถงฺคานิ อธิฏฺาย สายนฺหสมยํ สุนิวตฺโถ สุปารุโต ปฺจสตอุปาสกปริวุโต เชตวนํ คนฺตฺวา ธมฺมเทสนํ สุตฺวา อตฺตโน ฆรํ อาคมฺม เตสํ อุปาสกานํ สรณสีลอุโปสถานิสํสาทิเภทํ อุปาสกธมฺมํ กเถตฺวา เต อุปาสเก อุยฺโยเชสิ. เตสฺจ ตสฺเสว ฆเร มุฏฺิหตฺถปฺปมาณปาทกานิ ปฺจ กปฺปิยมฺจสตานิ ปาเฏกฺโกวรเกสุ ปฺตฺตานิ โหนฺติ. เต อตฺตโน อตฺตโน โอวรกํ ปวิสิตฺวา สมาปตฺตึ อปฺเปตฺวา นิสีทึสุ, อุปาสโกปิ ตเถวากาสิ. เตน จ สมเยน สาวตฺถินคเร สตฺตปฺาส กุลสตสหสฺสานิ วสนฺติ, มนุสฺสคณนาย อฏฺารสโกฏิมนุสฺสา. เตน ปมยาเม หตฺถิอสฺสมนุสฺสเภริสทฺทาทีหิ สาวตฺถินครํ มหาสมุทฺโท วิย เอกสทฺทํ โหติ. มชฺฌิมยามสมนนฺตเร โส สทฺโท ปฏิปฺปสฺสมฺภติ ¶ . ตมฺหิ กาเล อุปาสโก สมาปตฺติโต วุฏฺาย อตฺตโน คุเณ อาวชฺเชตฺวา ‘‘เยนาหํ มคฺคสุเขน ผลสุเขน สุขิโต วิหรามิ, อิทํ สุขํ กํ นิสฺสาย ลทฺธ’’นฺติ จินฺเตตฺวา ‘‘ภควนฺตํ นิสฺสายา’’ติ ภควติ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา ‘‘ภควา เอตรหิ กตเมน วิหาเรน วิหรตี’’ติ อาวชฺเชนฺโต ทิพฺเพน จกฺขุนา เอราวณเวสฺสวเณ ทิสฺวา ทิพฺพาย โสตธาตุยา ธมฺมเทสนํ สุตฺวา เจโตปริยาเณน เตสํ ปสนฺนจิตฺตตํ ¶ ตฺวา ‘‘ยํนูนาหมฺปิ ภควนฺตํ อุภยหิตํ ปฏิปทํ ปุจฺเฉยฺย’’นฺติ จินฺเตสิ. ตสฺมา โส เอกนคเร วสนฺโตปิ สพฺพปจฺฉา อาคโต, เอวฺจ เนสํ อาคมนํ อฺาสิ. เตนาห – ‘‘อาคฺฉิ เต สนฺติเก นาคราชา…เป… โส จาปิ สุตฺวาน ปตีตรูโป’’ติ.
๓๘๔. อิทานิ อิโต พหิทฺธา โลกสมฺมเตหิ สมณพฺราหฺมเณหิ อุกฺกฏฺภาเวน ภควนฺตํ ปสํสนฺโต ‘‘เย เกจิเม’’ติ คาถาทฺวยมาห. ตตฺถ ติตฺถิยาติ นนฺทวจฺฉสํกิจฺเจหิ อาทิปุคฺคเลหิ ตีหิ ติตฺถกเรหิ กเต ทิฏฺิติตฺเถ ชาตา, เตสํ สาสเน ปพฺพชิตา ปูรณาทโย ฉ สตฺถาโร. ตตฺถ นาฏปุตฺโต นิคณฺโ, อวเสสา อาชีวกาติ เต สพฺเพ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘เย เกจิเม ติตฺถิยา วาทสีลา’’ติ, ‘‘มยํ สมฺมา ปฏิปนฺนา, อฺเ มิจฺฉา ปฏิปนฺนา’’ติ เอวํ วาทกรณสีลา โลกํ มุขสตฺตีหิ วิตุทนฺตา วิจรนฺติ. อาชีวกา วาติ เต เอกชฺฌมุทฺทิฏฺเ ภินฺทิตฺวา ทสฺเสติ. นาติตรนฺตีติ นาติกฺกมนฺติ. สพฺเพติ อฺเปิ เย ¶ เกจิ ติตฺถิยสาวกาทโย, เตปิ ปริคฺคณฺหนฺโต อาห. ‘‘ิโต วชนฺตํ วิยา’’ติ ยถา โกจิ ิโต คติวิกโล สีฆคามินํ ปุริสํ คจฺฉนฺตํ นาติตเรยฺย, เอวํ เต ปฺาคติยา อภาเวน เต เต อตฺถปฺปเภเท พุชฺฌิตุํ อสกฺโกนฺตา ิตา, อติชวนปฺํ ภควนฺตํ นาติตรนฺตีติ อตฺโถ.
๓๘๕. พฺราหฺมณา วาทสีลา วุทฺธา จาติ เอตฺตาวตา จงฺกีตารุกฺขโปกฺขรสาติชาณุสฺโสณิอาทโย ทสฺเสติ, อปิ พฺราหฺมณา สนฺติ เกจีติ อิมินา มชฺฌิมาปิ ทหราปิ เกวลํ พฺราหฺมณา สนฺติ อตฺถิ อุปลพฺภนฺติ เกจีติ เอวํ อสฺสลายนวาเสฏฺอมฺพฏฺอุตฺตรมาณวกาทโย ทสฺเสติ. อตฺถพทฺธาติ ‘‘อปิ นุ โข อิมํ ปฺหํ พฺยากเรยฺย, อิมํ กงฺขํ ฉินฺเทยฺยา’’ติ เอวํ อตฺถพทฺธา ภวนฺติ. เย จาปิ อฺเติ อฺเปิ เย ‘‘มยํ วาทิโน’’ติ เอวํ มฺมานา ¶ วิจรนฺติ ขตฺติยปณฺฑิตพฺราหฺมณพฺรหฺมเทวยกฺขาทโย อปริมาณา. เตปิ สพฺเพ ตยิ อตฺถพทฺธา ภวนฺตีติ ทสฺเสติ.
๓๘๖-๗. เอวํ นานปฺปกาเรหิ ภควนฺตํ ปสํสิตฺวา อิทานิ ธมฺเมเนว ตํ ปสํสิตฺวา ธมฺมกถํ ยาจนฺโต ‘‘อยฺหิ ธมฺโม’’ติ คาถาทฺวยมาห. ตตฺถ อยฺหิ ธมฺโมติ สตฺตตึส โพธิปกฺขิยธมฺเม ¶ สนฺธายาห. นิปุโณติ สณฺโห ทุปฺปฏิวิชฺโฌ. สุโขติ ปฏิวิทฺโธ สมาโน โลกุตฺตรสุขมาวหติ, ตสฺมา สุขาวหตฺตา ‘‘สุโข’’ติ วุจฺจติ. สุปฺปวุตฺโตติ สุเทสิโต. สุสฺสูสมานาติ โสตุกามมฺหาติ อตฺโถ. ตํ โน วทาติ ตํ ธมฺมํ อมฺหากํ วท. ‘‘ตฺวํ โน’’ติปิ ปาโ, ตฺวํ อมฺหากํ วทาติ อตฺโถ. สพฺเพปิเม ภิกฺขโวติ ตงฺขณํ นิสินฺนานิ กิร ปฺจ ภิกฺขุสตานิ โหนฺติ, ตานิ ทสฺเสนฺโต ยาจติ. อุปาสกา จาปีติ อตฺตโน ปริวาเร อฺเ จ ทสฺเสติ. เสสเมตฺถ ปากฏเมว.
๓๘๘. อถ ภควา อนคาริยปฏิปทํ ตาว ทสฺเสตุํ ภิกฺขู อามนฺเตตฺวา ‘‘สุณาถ เม ภิกฺขโว’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ธมฺมํ ธุตํ ตฺจ จราถ สพฺเพติ กิเลเส ธุนาตีติ ธุโต, เอวรูปํ กิเลสธุนนกํ ปฏิปทาธมฺมํ สาวยามิ โว, ตฺจ มยา สาวิตํ สพฺเพ จรถ ปฏิปชฺชถ, มา ปมาทิตฺถาติ วุตฺตํ โหติ. อิริยาปถนฺติ คมนาทิจตุพฺพิธํ. ปพฺพชิตานุโลมิกนฺติ สมณสารุปฺปํ สติสมฺปชฺยุตฺตํ. อรฺเ กมฺมฏฺานานุโยควเสน ปวตฺตเมวาติ อปเร. เสเวถ นนฺติ ตํ อิริยาปถํ ภเชยฺย ¶ . อตฺถทโสติ หิตานุปสฺสี. มุตีมาติ พุทฺธิมา. เสสเมตฺถ คาถาย ปากฏเมว.
๓๘๙. โน เว วิกาเลติ เอวํ ปพฺพชิตานุโลมิกํ อิริยาปถํ เสวมาโน จ ทิวามชฺฌนฺหิกวีติกฺกมํ อุปาทาย วิกาเล น จเรยฺย ภิกฺขุ, ยุตฺตกาเล เอว ปน คามํ ปิณฺฑาย จเรยฺย. กึ การณํ? อกาลจาริฺหิ สชนฺติ สงฺคา, อกาลจารึ ปุคฺคลํ ราคสงฺคาทโย อเนเก สงฺคา สชนฺติ ปริสฺสชนฺติ อุปคุหนฺติ อลฺลียนฺติ. ตสฺมา วิกาเล น ¶ จรนฺติ พุทฺธา, ตสฺมา เย จตุสจฺจพุทฺธา อริยปุคฺคลา, น เต วิกาเล ปิณฺฑาย จรนฺตีติ. เตน กิร สมเยน วิกาลโภชนสิกฺขาปทํ อปฺปฺตฺตํ โหติ, ตสฺมา ธมฺมเทสนาวเสเนเวตฺถ ปุถุชฺชนานํ อาทีนวํ ทสฺเสนฺโต อิมํ คาถมาห. อริยา ปน สห มคฺคปฏิลาภา เอว ตโต ปฏิวิรตา โหนฺติ, เอสา ธมฺมตา.
๓๙๐. เอวํ วิกาลจริยํ ปฏิเสเธตฺวา ‘‘กาเล จรนฺเตนปิ เอวํ จริตพฺพ’’นฺติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘รูปา จ สทฺทา จา’’ติ. ตสฺสตฺโถ – เย เต รูปาทโย นานปฺปการกํ มทํ ชเนนฺตา สตฺเต สมฺมทยนฺติ, เตสุ ปิณฺฑปาตปาริสุทฺธิสุตฺตาทีสุ (ม. นิ. ๓.๔๓๘ อาทโย) วุตฺตนเยน ฉนฺทํ วิโนเทตฺวา ยุตฺตกาเลเนว ปาตราสํ ปวิเสยฺยาติ. เอตฺถ จ ปาโต อสิตพฺโพติ ปาตราโส, ปิณฺฑปาตสฺเสตํ นามํ. โย ยตฺถ ลพฺภติ, โส ปเทโสปิ ตํ โยเคน ‘‘ปาตราโส’’ติ อิธ วุตฺโต. ยโต ปิณฺฑปาตํ ลภติ, ตํ โอกาสํ คจฺเฉยฺยาติ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
๓๙๑. เอวํ ¶ ปวิฏฺโ –
‘‘ปิณฺฑฺจ ภิกฺขุ สมเยน ลทฺธา,
เอโก ปฏิกฺกมฺม รโห นิสีเท;
อชฺฌตฺตจินฺตี น มโน พหิทฺธา,
นิจฺฉารเย สงฺคหิตตฺตภาโว’’.
ตตฺถ ปิณฺฑนฺติ มิสฺสกภิกฺขํ, สา หิ ตโต ตโต สโมธาเนตฺวา สมฺปิณฺฑิตฏฺเน ‘‘ปิณฺโฑ’’ติ วุจฺจติ. สมเยนาติ อนฺโตมชฺฌนฺหิกกาเล. เอโก ปฏิกฺกมฺมาติ กายวิเวกํ สมฺปาเทนฺโต อทุติโย นิวตฺติตฺวา. อชฺฌตฺตจินฺตีติ ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา ขนฺธสนฺตานํ จินฺเตนฺโต. น มโน พหิทฺธา ¶ นิจฺฉารเยติ พหิทฺธา รูปาทีสุ ราควเสน จิตฺตํ น นีหเร. สงฺคหิตตฺตภาโวติ สุฏฺุ คหิตจิตฺโต.
‘‘สเจปิ โส สลฺลเป สาวเกน,
อฺเน วา เกนจิ ภิกฺขุนา วา;
ธมฺมํ ปณีตํ ตมุทาหเรยฺย,
น เปสุณํ โนปิ ปรูปวาทํ’’.
กึ วุตฺตํ โหติ? โส โยคาวจโร กิฺจิเทว โสตุกามตาย อุปคเตน สาวเกน วา เกนจิ อฺติตฺถิยคหฏฺาทินา วา อิเธว ปพฺพชิเตน ภิกฺขุนา วา สทฺธึ สเจปิ สลฺลเป, อถ ยฺวายํ มคฺคผลาทิปฏิสํยุตฺโต ¶ ทสกถาวตฺถุเภโท วา อตปฺปกฏฺเน ปณีโต ธมฺโม. ตํ ธมฺมํ ปณีตํ อุทาหเรยฺย, อฺํ ปน ปิสุณวจนํ วา ปรูปวาทํ วา อปฺปมตฺตกมฺปิ น อุทาหเรยฺยาติ.
๓๙๓. อิทานิ ตสฺมึ ปรูปวาเท โทสํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘วาทฺหิ เอเก’’ติ. ตสฺสตฺโถ – อิเธกจฺเจ โมฆปุริสา ปรูปวาทสฺหิตํ นานปฺปการํ วิคฺคาหิกกถาเภทํ วาทํ ปฏิเสนิยนฺติ วิรุชฺฌนฺติ, ยุชฺฌิตุกามา หุตฺวา เสนาย ปฏิมุขํ คจฺฉนฺตา วิย โหนฺติ, เต มยํ ลามกปฺเ น ปสํสาม. กึ การณํ? ตโต ตโต เน ปสชนฺติ สงฺคา, ยสฺมา เต ตาทิสเก ปุคฺคเล ¶ ตโต ตโต วจนปถโต สมุฏฺาย วิวาทสงฺคา สชนฺติ อลฺลียนฺติ. กึ การณา สชนฺตีติ? จิตฺตฺหิ เต ตตฺถ คเมนฺติ ทูเร, ยสฺมา เต ปฏิเสนิยนฺตา จิตฺตํ ตตฺถ คเมนฺติ, ยตฺถ คตํ สมถวิปสฺสนานํ ทูเร โหตีติ.
๓๙๔-๕. เอวํ ปริตฺตปฺานํ ปวตฺตึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ มหาปฺานํ ปวตฺตึ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ปิณฺฑํ วิหารํ…เป… สาวโก’’ติ. ตตฺถ วิหาเรน ปติสฺสโย, สยนาสเนน มฺจปีนฺติ ตีหิปิ ปเทหิ เสนาสนเมว วุตฺตํ. อาปนฺติ อุทกํ. สงฺฆาฏิรชูปวาหนนฺติ ปํสุมลาทิโน สงฺฆาฏิรชสฺส โธวนํ. สุตฺวาน ธมฺมํ สุคเตน เทสิตนฺติ สพฺพาสวสํวราทีสุ ‘‘ปฏิสงฺขา โยนิโส จีวรํ ปฏิเสวติ สีตสฺส ปฏิฆาตายา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๓; อ. นิ. ๖.๕๘) นเยน ภควตา เทสิตํ ธมฺมํ สุตฺวา. สงฺขาย เสเว ¶ วรปฺสาวโกติ เอตํ อิธ ปิณฺฑนฺติ วุตฺตํ ปิณฺฑปาตํ, วิหาราทีหิ วุตฺตํ เสนาสนํ, อาปมุเขน ทสฺสิตํ คิลานปจฺจยํ, สงฺฆาฏิยา จีวรนฺติ จตุพฺพิธมฺปิ ปจฺจยํ สงฺขาย ‘‘ยาวเทว อิมสฺส กายสฺส ิติยา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๓; อ. นิ. ๖.๕๘) นเยน ปจฺจเวกฺขิตฺวา เสเว วรปฺสาวโก, เสวิตุํ สกฺกุเณยฺย วรปฺสฺส ตถาคตสฺส สาวโก เสกฺโข วา ปุถุชฺชโน วา, นิปฺปริยาเยน จ อรหา. โส หิ จตุราปสฺเสโน ‘‘สงฺขาเยกํ ปฏิเสวติ, สงฺขาเยกํ ¶ อธิวาเสติ, สงฺขาเยกํ ปริวชฺเชติ, สงฺขาเยกํ วิโนเทตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๐๘; ม. นิ. ๒.๑๖๘; อ. นิ. ๑๐.๒๐) วุตฺโต. ยสฺสา จ สงฺขาย เสเว วรปฺสาวโก, ตสฺมา หิ ปิณฺเฑ…เป… ยถา โปกฺขเร วาริพินฺทุ, ตถา โหตีติ เวทิตพฺโพ.
๓๙๖. เอวํ ขีณาสวปฏิปตฺตึ ทสฺเสนฺโต อรหตฺตนิกูเฏน อนคาริยปฏิปทํ นิฏฺาเปตฺวา อิทานิ อคาริยปฏิปทํ ทสฺเสตุํ ‘‘คหฏฺวตฺตํ ปน โว’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ปมคาถาย ตาว สาวโกติ อคาริยสาวโก. เสสํ อุตฺตานตฺถเมว. อยํ ปน โยชนา – โย มยา อิโต ปุพฺเพ เกวโล อพฺยามิสฺโส สกโล ปริปุณฺโณ ภิกฺขุธมฺโม กถิโต. เอส เขตฺตวตฺถุอาทิปริคฺคเหหิ สปริคฺคเหน น ลพฺภา ผสฺเสตุํ น สกฺกา อธิคนฺตุนฺติ.
๓๙๗. เอวํ ตสฺส ภิกฺขุธมฺมํ ปฏิเสเธตฺวา คหฏฺธมฺมเมว ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ปาณํ น หเน’’ติ. ตตฺถ ปุริมฑฺเฒน ติโกฏิปริสุทฺธา ปาณาติปาตาเวรมณิ วุตฺตา, ปจฺฉิมฑฺเฒน สตฺเตสุ หิตปฏิปตฺติ. ตติยปาโท เจตฺถ ขคฺควิสาณสุตฺเต (สุ. นิ. ๓๕ อาทโย) จตุตฺถปาเท ถาวรตสเภโท เมตฺตสุตฺตวณฺณนายํ (สุ. นิ. ๑๔๓ อาทโย) สพฺพปฺปการโต วณฺณิโต. เสสํ อุตฺตานตฺถเมว. อุปฺปฏิปาฏิยา ปน โยชนา กาตพฺพา – ตสถาวเรสุ สพฺเพสุ ภูเตสุ นิธาย ทณฺฑํ ¶ น หเน น ฆาตเยยฺย นานุชฺาติ. ‘‘นิธาย ทณฺฑ’’นฺติ อิโต วา ปรํ ‘‘วตฺเตยฺยา’’ติ ปาเสโส อาหริตพฺโพ. อิตรถา หิ น ปุพฺเพนาปรํ สนฺธิยติ.
๓๙๘. เอวํ ปมสิกฺขาปทํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ทุติยสิกฺขาปทํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ตโต อทินฺน’’นฺติ. ตตฺถ กิฺจีติ อปฺปํ วา พหุํ วา. กฺวจีติ ¶ คาเม วา อรฺเ วา. สาวโกติ อคาริยสาวโก. พุชฺฌมาโนติ ‘‘ปรสนฺตกมิท’’นฺติ ชานมาโน. สพฺพํ อทินฺนํ ปริวชฺชเยยฺยาติ เอวฺหิ ปฏิปชฺชมาโน สพฺพํ อทินฺนํ ปริวชฺเชยฺย, โน อฺถาติ ทีเปติ. เสสเมตฺถ วุตฺตนยฺจ ปากฏฺจาติ.
๓๙๙. เอวํ ทุติยสิกฺขาปทมฺปิ ติโกฏิปริสุทฺธํ ทสฺเสตฺวา อุกฺกฏฺปริจฺเฉทโต ปภุติ ตติยํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อพฺรหฺมจริย’’นฺติ. ตตฺถ อสมฺภุณนฺโตติ อสกฺโกนฺโต.
๔๐๐. อิทานิ จตุตฺถสิกฺขาปทํ ทสฺเสนฺโต ¶ อาห ‘‘สภคฺคโต วา’’ติ. ตตฺถ สภคฺคโตติ สนฺถาคาราทิคโต. ปริสคฺคโตติ ปูคมชฺชคโต. เสสเมตฺถ วุตฺตนยฺจ ปากฏฺจาติ.
๔๐๑. เอวํ จตุตฺถสิกฺขาปทมฺปิ ติโกฏิปริสุทฺธํ ทสฺเสตฺวา ปฺจมํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘มชฺชฺจ ปาน’’นฺติ. ตตฺถ มชฺชฺจ ปานนฺติ คาถาพนฺธสุขตฺถํ เอวํ วุตฺตํ. อยํ ปนตฺโถ ‘‘มชฺชปานฺจ น สมาจเรยฺยา’’ติ. ธมฺมํ อิมนฺติ อิมํ มชฺชปานเวรมณีธมฺมํ. อุมฺมาทนนฺตนฺติ อุมฺมาทนปริโยสานํ. โย หิ สพฺพลหุโก มชฺชปานสฺส วิปาโก, โส มนุสฺสภูตสฺส อุมฺมตฺตกสํวตฺตนิโก โหติ. อิติ นํ วิทิตฺวาติ อิติ นํ มชฺชปานํ ตฺวา. เสสเมตฺถ วุตฺตนยฺจ ปากฏฺจาติ.
๔๐๒. เอวํ ปฺจมสิกฺขาปทมฺปิ ติโกฏิปริสุทฺธํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ปุริมสิกฺขาปทานมฺปิ มชฺชปานเมว สํกิเลสกรฺจ เภทกรฺจ ทสฺเสตฺวา ทฬฺหตรํ ตโต เวรมณิยํ นิโยเชนฺโต อาห ‘‘มทา หิ ปาปานิ กโรนฺตี’’ติ. ตตฺถ มทาติ มทเหตุ. หิกาโร ปทปูรณมตฺเต นิปาโต. ปาปานิ กโรนฺตีติ ปาณาติปาตาทีนิ สพฺพากุสลานิ กโรนฺติ. อุมฺมาทนํ โมหนนฺติ ปรโลเก อุมฺมาทนํ อิหโลเก โมหนํ. เสสํ อุตฺตานตฺถเมว.
๔๐๓-๔. เอตฺตาวตา อคาริยสาวกสฺส นิจฺจสีลํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อุโปสถงฺคานิ ทสฺเสนฺโต ¶ ‘‘ปาณํ น หเน’’ติ คาถาทฺวยมาห. ตตฺถ อพฺรหฺมจริยาติ อเสฏฺจริยภูตา. เมถุนาติ เมถุนธมฺมสมาปตฺติโต. รตฺตึ น ภฺุเชยฺย วิกาลโภชนนฺติ รตฺติมฺปิ น ภฺุเชยฺย, ทิวาปิ กาลาติกฺกนฺตโภชนํ ¶ น ภฺุเชยฺย. น จ คนฺธนฺติ เอตฺถ คนฺธคฺคหเณน วิเลปนจุณฺณาทีนิปิ คหิตาเนวาติ เวทิตพฺพานิ. มฺเจติ กปฺปิยมฺเจ. สนฺถเตติ ตฏฺฏิกาทีหิ กปฺปิยตฺถรเณหิ อตฺถเต. ฉมายํ ปน โคนกาทิสนฺถตายปิ วฏฺฏติ. อฏฺงฺคิกนฺติ ปฺจงฺคิกํ วิย ตูริยํ, น องฺควินิมุตฺตํ. ทุกฺขนฺตคุนาติ วฏฺฏทุกฺขสฺส อนฺตคเตน. เสสเมตฺถ ปากฏเมว. ปจฺฉิมฑฺฒุํ ปน สงฺคีติการเกหิ วุตฺตนฺติปิ อาหุ.
๔๐๕. เอวํ อุโปสถงฺคานิ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อุโปสถกาลํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ตโต จ ปกฺขสฺสา’’ติ. ตตฺถ ตโตติ ¶ ปทปูรณมตฺเต นิปาโต. ปกฺขสฺสุปวสฺสุโปสถนฺติ เอวํ ปรปเทน โยเชตพฺพํ ‘‘ปกฺขสฺส จาตุทฺทสึ ปฺจทสึ อฏฺมินฺติ เอเต ตโย ทิวเส อุปวสฺส อุโปสถํ, เอตํ อฏฺงฺคิกอุโปสถํ อุปคมฺม วสิตฺวา’’ติ. ปาฏิหาริยปกฺขฺจาติ เอตฺถ ปน วสฺสูปนายิกาย ปุริมภาเค อาสาฬฺหมาโส, อนฺโตวสฺสํ ตโย มาสา, กตฺติกมาโสติ อิเม ปฺจ มาสา ‘‘ปาฏิหาริยปกฺโข’’ติ วุจฺจนฺติ. อาสาฬฺหกตฺติกผคฺคุณมาสา ตโย เอวาติ อปเร. ปกฺขุโปสถทิวสานํ ปุริมปจฺฉิมทิวสวเสน ปกฺเข ปกฺเข เตรสีปาฏิปทสตฺตมีนวมีสงฺขาตา จตฺตาโร จตฺตาโร ทิวสาติ อปเร. ยํ รุจฺจติ, ตํ คเหตพฺพํ. สพฺพํ วา ปน ปฺุกามีนํ ภาสิตพฺพํ. เอวเมตํ ปาฏิหาริยปกฺขฺจ ปสนฺนมานโส สุสมตฺตรูปํ สุปริปุณฺณรูปํ เอกมฺปิ ทิวสํ อปริจฺจชนฺโต อฏฺงฺคุเปตํ อุโปสถํ อุปวสฺสาติ สมฺพนฺธิตพฺพํ.
๔๐๖. เอวํ อุโปสถกาลํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ เตสุ กาเลสุ เอตํ อุโปสถํ อุปวสฺส ยํ กาตพฺพํ, ตํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ตโต จ ปาโต’’ติ. เอตฺถาปิ ตโตติ ปทปูรณมตฺเต นิปาโต, อนนฺตรตฺเถ วา, อถาติ วุตฺตํ โหติ. ปาโตติ อปรชฺชุทิวสปุพฺพภาเค. อุปวุตฺถุโปสโถติ อุปวสิตอุโปสโถ. อนฺเนนาติ ยาคุภตฺตาทินา. ปาเนนาติ อฏฺวิธปาเนน. อนุโมทมาโนติ อนุปโมทมาโน, นิรนฺตรํ โมทมาโนติ อตฺโถ. ยถารหนฺติ อตฺตโน อนุรูเปน, ยถาสตฺติ ยถาพลนฺติ วุตฺตํ โหติ. สํวิภเชถาติ ภาเชยฺย ปติมาเนยฺย. เสสํ ปากฏเมว.
๔๐๗. เอวํ ¶ อุปวุตฺถุโปสถสฺส กิจฺจํ วตฺวา อิทานิ ยาวชีวิกํ ครุวตฺตํ อาชีวปาริสุทฺธิฺจ กเถตฺวา ตาย ปฏิปทาย อธิคนฺตพฺพฏฺานํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ธมฺเมน มาตาปิตโร’’ติ. ตตฺถ ธมฺเมนาติ ธมฺมลทฺเธน โภเคน ¶ . ภเรยฺยาติ โปเสยฺย. ธมฺมิกํ โส วณิชฺชนฺติ สตฺตวณิชฺชา, สตฺถวณิชฺชา, วิสวณิชฺชา, มํสวณิชฺชา, สุราวณิชฺชาติ อิมา ปฺจ ¶ อธมฺมวณิชฺชา วชฺเชตฺวา อวเสสา ธมฺมิกวณิชฺชา. วณิชฺชามุเขน เจตฺถ กสิโครกฺขาทิ อปโรปิ ธมฺมิโก โวหาโร สงฺคหิโต. เสสมุตฺตานตฺถเมว. อยํ ปน โยชนา – โส นิจฺจสีลอุโปสถสีลทานธมฺมสมนฺนาคโต อริยสาวโก ปโยชเย ธมฺมิกํ วณิชฺชํ, ตโต ลทฺเธน จ ธมฺมโต อนเปตตฺตา ธมฺเมน โภเคน มาตาปิตโร ภเรยฺย. อถ โส คิหี เอวํ อปฺปมตฺโต อาทิโต ปภุติ วุตฺตํ อิมํ วตฺตํ วตฺตยนฺโต กายสฺส เภทา เย เต อตฺตโน อาภาย อนฺธการํ วิธเมตฺวา อาโลกกรเณน สยมฺปภาติ ลทฺธนามา ฉ กามาวจรเทวา, เต สยมฺปเภ นาม เทเว อุเปติ ภชติ อลฺลียติ, เตสํ นิพฺพตฺตฏฺาเน นิพฺพตฺตตีติ.
ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย
สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย ธมฺมิกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
นิฏฺิโต จ ทุติโย วคฺโค อตฺถวณฺณนานยโต, นาเมน
จูฬวคฺโคติ.
๓. มหาวคฺโค
๑. ปพฺพชฺชาสุตฺตวณฺณนา
๔๐๘. ปพฺพชฺชํ ¶ ¶ ¶ กิตฺตยิสฺสามีติ ปพฺพชฺชาสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? ภควติ กิร สาวตฺถิยํ วิหรนฺเต อายสฺมโต อานนฺทสฺส ปริวิตกฺโก อุทปาทิ – ‘‘สาริปุตฺตาทีนํ มหาสาวกานํ ปพฺพชฺชา กิตฺติตา, ตํ ภิกฺขู จ อุปาสกา จ ชานนฺติ. ภควโต ปน อกิตฺติตา, ยํนูนาหํ กิตฺเตยฺย’’นฺติ. โส เชตวนวิหาเร อาสเน นิสีทิตฺวา จิตฺตพีชนึ คเหตฺวา ภิกฺขูนํ ภควโต ปพฺพชฺชํ กิตฺเตนฺโต อิมํ สุตฺตมภาสิ.
ตตฺถ ยสฺมา ปพฺพชฺชํ กิตฺเตนฺเตน ยถา ปพฺพชิ, ตํ กิตฺเตตพฺพํ. ยถา จ ปพฺพชิ, ตํ กิตฺเตนฺเตน ยถา วีมํสมาโน ปพฺพชฺชํ โรเจสิ, ตํ กิตฺเตตพฺพํ. ตสฺมา ‘‘ปพฺพชฺชํ กิตฺตยิสฺสามี’’ติ วตฺวา ‘‘ยถา ปพฺพชี’’ติอาทิมาห. จกฺขุมาติ ปฺจหิ จกฺขูหิ จกฺขุมา จกฺขุสมฺปนฺโนติ อตฺโถ. เสสมาทิคาถาย อุตฺตานเมว.
๔๐๙. อิทานิ ‘‘ยถา วีมํสมาโน’’ติ ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต อาห ‘‘สมฺพาโธย’’นฺติ. ตตฺถ สมฺพาโธติ ปุตฺตทาราทิสมฺปีฬเนน กิเลสสมฺปีฬเนน จ กุสลกิริยาย โอกาสรหิโต. รชสฺสายตนนฺติ กมฺโพชาทโย วิย อสฺสาทีนํ, ราคาทิรชสฺส อุปฺปตฺติเทโส. อพฺโภกาโสติ วุตฺตสมฺพาธปฏิปกฺขภาเวน อากาโส วิย วิวฏา. อิติ ทิสฺวาน ปพฺพชีติ อิติ ฆราวาสปพฺพชฺชาสุ พฺยาธิชรามรเณหิ สุฏฺุตรํ โจทิยมานหทโย อาทีนวมานิสํสฺจ วีมํสิตฺวา, มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิตฺวา ¶ , อโนมานทีตีเร ขคฺเคน เกเส ฉินฺทิตฺวา, ตาวเทว จ ทฺวงฺคุลมตฺตสณฺิตสมณสารุปฺปเกสมสฺสุ หุตฺวา ฆฏิกาเรน พฺรหฺมุนา อุปนีเต อฏฺ ปริกฺขาเร คเหตฺวา ‘‘เอวํ นิวาเสตพฺพํ ปารุปิตพฺพ’’นฺติ เกนจิ อนนุสิฏฺโ อเนกชาติสหสฺสปวตฺติเตน อตฺตโน ปพฺพชฺชาจิณฺเณเนว สิกฺขาปิยมาโน ปพฺพชิ. เอกํ กาสาวํ นิวาเสตฺวา เอกํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา เอกํ จีวรํ ขนฺเธ กริตฺวา มตฺติกาปตฺตํ อํเส อาลคฺเคตฺวา ปพฺพชิตเวสํ อธิฏฺาสีติ วุตฺตํ โหติ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว.
๔๑๐. เอวํ ¶ ภควโต ปพฺพชฺชํ กิตฺเตตฺวา ตโต ปรํ ปพฺพชิตปฏิปตฺตึ อโนมานทีตีรํ หิตฺวา ปธานาย คมนฺจ ปกาเสตุํ ‘‘ปพฺพชิตฺวาน กาเยนา’’ติอาทึ ¶ สพฺพมภาสิ. ตตฺถ กาเยน ปาปกมฺมํ วิวชฺชยีติ ติวิธํ กายทุจฺจริตํ วชฺเชสิ. วจีทุจฺจริตนฺติ จตุพฺพิธํ วจีทุจฺจริตํ. อาชีวํ ปริโสธยีติ มิจฺฉาชีวํ หิตฺวา สมฺมาชีวเมว ปวตฺตยิ.
๔๑๑. เอวํ อาชีวฏฺมกสีลํ โสเธตฺวา อโนมานทีตีรโต ตึสโยชนปฺปมาณํ สตฺตาเหน อคมา ราชคหํ พุทฺโธ. ตตฺถ กิฺจาปิ ยทา ราชคหํ อคมาสิ, ตทา พุทฺโธ น โหติ, ตถาปิ พุทฺธสฺส ปุพฺพจริยาติ กตฺวา เอวํ วตฺตุํ ลพฺภติ – ‘‘อิธ ราชา ชาโต, อิธ รชฺชํ อคฺคเหสี’’ติอาทิ โลกิยโวหารวจนํ วิย. มคธานนฺติ มคธานํ ชนปทสฺส นครนฺติ วุตฺตํ โหติ. คิริพฺพชนฺติ อิทมฺปิ ตสฺส นามํ. ตฺหิ ปณฺฑวคิชฺฌกูฏเวภารอิสิคิลิเวปุลฺลนามกานํ ปฺจนฺนํ คิรีนํ มชฺเฌ วโช วิย ิตํ, ตสฺมา ‘‘คิริพฺพช’’นฺติ วุจฺจติ. ปิณฺฑาย อภิหาเรสีติ ภิกฺขตฺถาย ตสฺมึ นคเร จริ. โส กิร นครทฺวาเร ตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘สจาหํ รฺโ พิมฺพิสารสฺส อตฺตโน อาคมนํ นิเวเทยฺยํ, ‘สุทฺโธทนสฺส ปุตฺโต สิทฺธตฺโถ นาม กุมาโร อาคโต’ติ พหุมฺปิ เม ปจฺจยํ อภิหเรยฺย. น โข ปน เม ตํ ปติรูปํ ปพฺพชิตสฺส อาโรเจตฺวา ปจฺจยคหณํ, หนฺทาหํ ปิณฺฑาย จรามี’’ติ เทวทตฺติยํ ปํสุกูลจีวรํ ปารุปิตฺวา มตฺติกาปตฺตํ คเหตฺวา ปาจีนทฺวาเรน ¶ นครํ ปวิสิตฺวา อนุฆรํ ปิณฺฑาย อจริ. เตนาห อายสฺมา อานนฺโท – ‘‘ปิณฺฑาย อภิหาเรสี’’ติ. อากิณฺณวรลกฺขโณติ สรีเร อากิริตฺวา วิย ปิตวรลกฺขโณ วิปุลวรลกฺขโณ วา. วิปุลมฺปิ หิ ‘‘อากิณฺณ’’นฺติ วุจฺจติ. ยถาห – ‘‘อากิณฺณลุทฺโท ปุริโส, ธาติเจลํว มกฺขิโต’’ติ (ชา. ๑.๖.๑๑๘; ๑.๙.๑๐๖). วิปุลลุทฺโทติ อตฺโถ.
๔๑๒. ตมทฺทสาติ ตโต กิร ปุริมานิ สตฺต ทิวสานิ นคเร นกฺขตฺตํ โฆสิตํ อโหสิ. ตํ ทิวสํ ปน ‘‘นกฺขตฺตํ วีติวตฺตํ, กมฺมนฺตา ปโยเชตพฺพา’’ติ เภริ จริ. อถ มหาชโน ราชงฺคเณ สนฺนิปติ. ราชาปิ ‘‘กมฺมนฺตํ สํวิทหิสฺสามี’’ติ สีหปฺชรํ วิวริตฺวา พลกายํ ปสฺสนฺโต ตํ ปิณฺฑาย อภิหาเรนฺตํ มหาสตฺตํ อทฺทส. เตนาห อายสฺมา อานนฺโท – ‘‘ตมทฺทสา พิมฺพิสาโร, ปาสาทสฺมึ ปติฏฺิโต’’ติ. อิมมตฺถํ อภาสถาติ อิมํ อตฺถํ อมจฺจานํ อภาสิ.
๔๑๓. อิทานิ ¶ ตํ เตสํ อมจฺจานํ ภาสิตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต อาห – ‘‘อิมํ โภนฺโต’’ติ. ตตฺถ อิมนฺติ โส ราชา โพธิสตฺตํ ทสฺเสติ, โภนฺโตติ อมจฺเจ อาลปติ. นิสาเมถาติ ปสฺสถ. อภิรูโปติ ทสฺสนียงฺคปจฺจงฺโค. พฺรหฺมาติ อาโรหปริณาหสมฺปนฺโน. สุจีติ ปริสุทฺธฉวิวณฺโณ. จรเณนาติ คมเนน.
๔๑๔-๕. นีจกุลามิวาติ ¶ นีจกุลา อิว ปพฺพชิโต น โหตีติ อตฺโถ. มกาโร ปทสนฺธิกโร. กุหึ ภิกฺขุ คมิสฺสตีติ อยํ ภิกฺขุ กุหึ คมิสฺสติ, อชฺช กตฺถ วสิสฺสตีติ ชานิตุํ ราชทูตา สีฆํ คจฺฉนฺตุ. ทสฺสนกามา หิ มยํ อสฺสาติ อิมินา อธิปฺปาเยน อาห. คุตฺตทฺวาโร โอกฺขิตฺตจกฺขุตาย, สุสํวุโต สติยา. คุตฺตทฺวาโร วา สติยา, สุสํวุโต ปาสาทิเกน สงฺฆาฏิจีวรธารเณน.
๔๑๖. ขิปฺปํ ปตฺตํ อปูเรสีติ สมฺปชานตฺตา ปติสฺสตตฺตา จ อธิกํ อคณฺหนฺโต ‘‘อลํ เอตฺตาวตา’’ติ อชฺฌาสยปูรเณน ขิปฺปํ ปตฺตํ อปูเรสิ. มุนีติ โมนตฺถาย ปฏิปนฺนตฺตา อปฺปตฺตมุนิภาโวปิ มุนิอิจฺเจว วุตฺโต, โลกโวหาเรน วา. โลกิยา หิ อโมนสมฺปตฺตมฺปิ ปพฺพชิตํ ‘‘มุนี’’ติ ภณนฺติ. ปณฺฑวํ อภิหาเรสีติ ตํ ปพฺพตํ อภิรุหิ. โส กิร มนุสฺเส ปุจฺฉิ ‘‘อิมสฺมึ นคเร ปพฺพชิตา กตฺถ วสนฺตี’’ติ. อถสฺส ¶ เต ‘‘ปณฺฑวสฺส อุปริ ปุรตฺถาภิมุขปพฺภาเร’’ติ อาโรเจสุํ. ตสฺมา ตเมว ปณฺฑวํ อภิหาเรสิ ‘‘เอตฺถ วาโส ภวิสฺสตี’’ติ เอวํ จินฺเตตฺวา.
๔๑๙-๒๓. พฺยคฺฆุสโภว สีโหว คิริคพฺภเรติ คิริคุหายํ พฺยคฺโฆ วิย อุสโภ วิย สีโห วิย จ นิสินฺโนติ อตฺโถ. เอเต หิ ตโย เสฏฺา วิคตภยเภรวา คิริคพฺภเร นิสีทนฺติ, ตสฺมา เอวํ อุปมํ อกาสิ. ภทฺทยาเนนาติ หตฺถิอสฺสรถสิวิกาทินา อุตฺตมยาเนน. สยานภูมึ ยายิตฺวาติ ยาวติกา ภูมิ หตฺถิอสฺสาทินา ยาเนน สกฺกา คนฺตุํ, ตํ คนฺตฺวา. อาสชฺชาติ ปตฺวา, สมีปมสฺส คนฺตฺวาติ อตฺโถ. อุปาวิสีติ นิสีทิ. ยุวาติ โยพฺพนสมฺปนฺโน. ทหโรติ ชาติยา ตรุโณ. ปมุปฺปตฺติโก สุสูติ ตทุภยวิเสสนเมว. ยุวา สุสูติ อติโยพฺพโน. ปมุปฺปตฺติโกติ ปเมเนว โยพฺพนเวเสน อุฏฺิโต. ทหโร จาสีติ สติ จ ทหรตฺเต สุสุ พาลโก วิย ขายสีติ.
๔๒๔-๕. อนีกคฺคนฺติ ¶ พลกายํ เสนามุขํ. ททามิ โภเค ภฺุชสฺสูติ เอตฺถ ‘‘อหํ เต องฺคมคเธสุ ยาวิจฺฉสิ, ตาว ททามิ โภเค. ตํ ตฺวํ โสภยนฺโต อนีกคฺคํ นาคสงฺฆปุรกฺขโต ภฺุชสฺสู’’ติ เอวํ สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ. อุชุํ ชนปโท ราชาติ ‘‘ททามิ โภเค ภฺุชสฺสุ, ชาตึ อกฺขาหิ ปุจฺฉิโต’’ติ เอวํ กิร วุตฺโต มหาปุริโส จินฺเตสิ – ‘‘สเจ อหํ รชฺเชน อตฺถิโก อสฺสํ, จาตุมหาราชิกาทโยปิ มํ อตฺตโน อตฺตโน รชฺเชน นิมนฺเตยฺยุํ, เคเห ิโต เอว วา จกฺกวตฺติรชฺชํ กาเรยฺยํ. อยํ ปน ราชา อชานนฺโต เอวมาห – ‘หนฺทาหํ, ตํ ชานาเปมี’’’ติ พาหํ อุจฺจาเรตฺวา อตฺตโน อาคตทิสาภาคํ นิทฺทิสนฺโต ‘‘อุชุํ ชนปโท ราชา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ หิมวนฺตสฺส ¶ ปสฺสโตติ ภณนฺโต สสฺสสมฺปตฺติเวกลฺลาภาวํ ทสฺเสติ. หิมวนฺตฺหิ นิสฺสาย ปาสาณวิวรสมฺภวา มหาสาลาปิ ปฺจหิ วุทฺธีหิ วฑฺฒนฺติ, กิมงฺคํ ¶ ปน เขตฺเต วุตฺตานิ สสฺสานิ. ธนวีริเยน สมฺปนฺโนติ ภณนฺโต สตฺตหิ รตเนหิ อเวกลฺลตฺตํ, ปรราชูหิ อตกฺกนียํ วีรปุริสาธิฏฺิตภาวฺจสฺส ทสฺเสติ. โกสเลสุ นิเกติโนติ ภณนฺโต นวกราชภาวํ ปฏิกฺขิปติ. นวกราชา หิ นิเกตีติ น วุจฺจติ. ยสฺส ปน อาทิกาลโต ปภุติ อนฺวยวเสน โส เอว ชนปโท นิวาโส, โส นิเกตีติ วุจฺจติ. ตถารูโป จ ราชา สุทฺโธทโน, ยํ สนฺธายาห ‘‘โกสเลสุ นิเกติโน’’ติ. เตน อนฺวยาคตมฺปิ โภคสมฺปตฺตึ ทีเปติ.
๔๒๖. เอตฺตาวตา อตฺตโน โภคสมฺปตฺตึ ทีเปตฺวา ‘‘อาทิจฺจา นาม โคตฺเตน, สากิยา นาม ชาติยา’’ติ อิมินา ชาติสมฺปตฺติฺจ อาจิกฺขิตฺวา ยํ วุตฺตํ รฺา ‘‘ททามิ โภเค ภฺุชสฺสู’’ติ, ตํ ปฏิกฺขิปนฺโต อาห – ‘‘ตมฺหา กุลา ปพฺพชิโตมฺหิ, น กาเม อภิปตฺถย’’นฺติ. ยทิ หิ อหํ กาเม อภิปตฺถเยยฺยํ, น อีทิสํ ธนวีริยสมฺปนฺนํ ทฺวาสีติสหสฺสวีรปุริสสมากุลํ กุลํ ฉฑฺเฑตฺวา ปพฺพเชยฺยนฺติ อยํ กิเรตฺถ อธิปฺปาโย.
๔๒๗. เอวํ รฺโ วจนํ ปฏิกฺขิปิตฺวา ตโต ปรํ อตฺตโน ปพฺพชฺชาเหตุํ ทสฺเสนฺโต อาห – ‘‘กาเมสฺวาทีนวํ ทิสฺวา, เนกฺขมฺมํ ทฏฺุ เขมโต’’ติ. เอตํ ‘‘ปพฺพชิโตมฺหี’’ติ อิมินา สมฺพนฺธิตพฺพํ. ตตฺถ ทฏฺูติ ทิสฺวา ¶ . เสสเมตฺถ อิโต ปุริมคาถาสุ จ ยํ ยํ น วิจาริตํ, ตํ ตํ สพฺพํ อุตฺตานตฺถตฺตา เอว น วิจาริตนฺติ เวทิตพฺพํ. เอวํ อตฺตโน ปพฺพชฺชาเหตุํ วตฺวา ปธานตฺถาย คนฺตุกาโม ราชานํ อามนฺเตนฺโต อาห – ‘‘ปธานาย คมิสฺสามิ, เอตฺถ เม รฺชตี มโน’’ติ. ตสฺสตฺโถ – ยสฺมาหํ, มหาราช, เนกฺขมฺมํ ทฏฺุ เขมโต ปพฺพชิโต, ตสฺมา ตํ ปรมตฺถเนกฺขมฺมํ นิพฺพานามตํ สพฺพธมฺมานํ อคฺคฏฺเน ปธานํ ปตฺเถนฺโต ปธานตฺถาย คมิสฺสามิ, เอตฺถ เม ปธาเน รฺชติ มโน, น กาเมสูติ. เอวํ วุตฺเต กิร ราชา โพธิสตฺตํ อาห – ‘‘ปุพฺเพว เมตํ, ภนฺเต, สุตํ ‘สุทฺโธทนรฺโ กิร ปุตฺโต สิทฺธตฺถกุมาโร ¶ จตฺตาริ ปุพฺพนิมิตฺตานิ ทิสฺวา ปพฺพชิตฺวา พุทฺโธ ภวิสฺสตี’ติ, โสหํ, ภนฺเต, ตุมฺหากํ อธิมุตฺตึ ทิสฺวา เอวํปสนฺโน ‘อทฺธา พุทฺธตฺตํ ปาปุณิสฺสถา’ติ. สาธุ, ภนฺเต, พุทฺธตฺตํ ปตฺวา ปมํ มม วิชิตํ โอกฺกเมยฺยาถา’’ติ.
ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย
สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย ปพฺพชฺชาสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. ปธานสุตฺตวณฺณนา
๔๒๘. ตํ ¶ มํ ปธานปหิตตฺตนฺติ ปธานสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? ‘‘ปธานาย คมิสฺสามิ, เอตฺถ เม รฺชตี มโน’’ติ อายสฺมา อานนฺโท ปพฺพชฺชาสุตฺตํ นิฏฺาเปสิ. ภควา คนฺธกุฏิยํ นิสินฺโน จินฺเตสิ – ‘‘มยา ฉพฺพสฺสานิ ปธานํ ปตฺถยมาเนน ทุกฺกรการิกา กตา, ตํ อชฺช ภิกฺขูนํ กเถสฺสามี’’ติ. อถ คนฺธกุฏิโต นิกฺขมิตฺวา พุทฺธาสเน นิสินฺโน ‘‘ตํ มํ ปธานปหิตตฺต’’นฺติ อารภิตฺวา อิมํ สุตฺตมภาสิ.
ตตฺถ ตํ มนฺติ ทฺวีหิปิ วจเนหิ อตฺตานเมว นิทฺทิสติ. ปธานปหิตตฺตนฺติ นิพฺพานตฺถาย เปสิตจิตฺตํ ปริจฺจตฺตอตฺตภาวํ วา. นทึ เนรฺชรํ ปตีติ ลกฺขณํ นิทฺทิสติ. ลกฺขณฺหิ ปธานปหิตตฺตาย เนรฺชรา นที. เตเนว เจตฺถ อุปโยควจนํ. อยํ ปนตฺโถ ‘‘นทิยา เนรฺชรายา’’ติ, เนรฺชราย ตีเรติ วุตฺตํ โหติ. วิปรกฺกมฺมาติ อตีว ปรกฺกมิตฺวา. ฌายนฺตนฺติ อปฺปาณกชฺฌานมนุยฺุชนฺตํ ¶ . โยคกฺเขมสฺส ปตฺติยาติ จตูหิ โยเคหิ เขมสฺส นิพฺพานสฺส อธิคมตฺถํ.
๔๒๙. นมุจีติ มาโร. โส หิ อตฺตโน วิสยา นิกฺขมิตุกาเม เทวมนุสฺเส น มฺุจติ, อนฺตรายํ เนสํ กโรติ, ตสฺมา ‘‘นมุจี’’ติ วุจฺจติ. กรุณํ วาจนฺติ อนุทฺทยายุตฺตํ วาจํ. ภาสมาโน อุปาคมีติ อิทํ อุตฺตานเมว. กสฺมา ปน อุปาคโต? มหาปุริโส กิร เอกทิวสํ จินฺเตสิ – ‘‘สพฺพทา อาหารํ ปริเยสมาโน ชีวิเต สาเปกฺโข โหติ, น จ สกฺกา ชีวิเต สาเปกฺเขน อมตํ อธิคนฺตุ’’นฺติ ¶ . ตโต อาหารุปจฺเฉทาย ปฏิปชฺชิ, เตน กิโส ทุพฺพณฺโณ จ อโหสิ. อถ มาโร ‘‘อยํ สมฺโพธาย มคฺโค โหติ, น โหตีติ อชานนฺโต อติโฆรํ ตปํ กโรติ, กทาจิ มม วิสยํ อติกฺกเมยฺยา’’ติ ภีโต ‘‘อิทฺจิทฺจ วตฺวา วาเรสฺสามี’’ติ อาคโต. เตเนวาห – ‘‘กิโส ตฺวมสิ ทุพฺพณฺโณ, สนฺติเก มรณํ ตวา’’ติ.
๔๓๐. เอวฺจ ปน วตฺวา อถสฺส มรณสนฺติกภาวํ สาเวนฺโต อาห – ‘‘สหสฺสภาโค มรณสฺส, เอกํโส ตว ชีวิต’’นฺติ. ตสฺสตฺโถ – สหสฺสํ ภาคานํ อสฺสาติ สหสฺสภาโค. โก โส ¶ ? มรณสฺส ปจฺจโยติ ปาเสโส. เอโก อํโสติ เอกํโส. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อยํ อปฺปาณกชฺฌานาทิสหสฺสภาโค ตว มรณสฺส ปจฺจโย, ตโต ปน เต เอโก เอว ภาโค ชีวิตํ, เอวํ สนฺติเก มรณํ ตวาติ. เอวํ มรณสฺส สนฺติกภาวํ สาเวตฺวา อถ นํ ชีวิเต สมุสฺสาเหนฺโต อาห ‘‘ชีว โภ ชีวิตํ เสยฺโย’’ติ. กถํ เสยฺโยติ เจ. ชีวํ ปฺุานิ กาหสีติ.
๔๓๑. อถ อตฺตนา สมฺมตานิ ปฺุานิ ทสฺเสนฺโต อาห – ‘‘จรโต จ เต พฺรหฺมจริย’’นฺติ. ตตฺถ พฺรหฺมจริยนฺติ กาเลน กาลํ เมถุนวิรตึ สนฺธายาห, ยํ ตาปสา กโรนฺติ. ชูหโตติ ชุหนฺตสฺส. เสสเมตฺถ ปากฏเมว.
๔๓๒. ทุคฺโค มคฺโคติ อิมํ ปน อฑฺฒคาถํ ปธานวิจฺฉนฺทํ ชเนนฺโต อาห. ตตฺถ อปฺปาณกชฺฌานาทิคหนตฺตา ทุกฺเขน คนฺตพฺโพติ ทุคฺโค, ทุกฺขิตกายจิตฺเตน ¶ กตฺตพฺพตฺตา ทุกฺกโร, สนฺติกมรเณน ตาทิเสนาปิ ปาปุณิตุํ อสกฺกุเณยฺยโต ทุรภิสมฺภโวติ เอวมตฺโถ เวทิตพฺโพ. อิโต ปรํ อิมา คาถา ภณํ มาโร, อฏฺา พุทฺธสฺส สนฺติเกติ อยมุปฑฺฒคาถา สงฺคีติกาเรหิ วุตฺตา. สกลคาถาปีติ เอเก. ภควตา เอว ปน ปรํ วิย อตฺตานํ นิทฺทิสนฺเตน สพฺพเมตฺถ เอวํชาติกํ วุตฺตนฺติ อยมมฺหากํ ขนฺติ. ตตฺถ อฏฺาติ อฏฺาสิ. เสสํ อุตฺตานเมว.
๔๓๓. ฉฏฺคาถาย เยนตฺเถนาติ เอตฺถ ปเรสํ อนฺตรายกรเณน อตฺตโน อตฺเถน ตฺวํ, ปาปิม, อาคโตสีติ อยมธิปฺปาโย ¶ . เสสํ อุตฺตานเมว.
๔๓๔. ‘‘ชีวํ ปฺุานิ กาหสี’’ติ อิทํ ปน วจนํ ปฏิกฺขิปนฺโต ‘‘อณุมตฺโตปี’’ติ อิมํ คาถมาห. ตตฺถ ปฺุเนาติ วฏฺฏคามึ มาเรน วุตฺตํ ปฺุํ สนฺธาย ภณติ. เสสํ อุตฺตานเมว.
๔๓๕. อิทานิ ‘‘เอกํโส ตว ชีวิต’’นฺติ อิทํ วจนํ อารพฺภ มารํ สนฺตชฺเชนฺโต ‘‘อตฺถิ สทฺธา’’ติ อิมํ คาถมาห. ตตฺรายมธิปฺปาโย – อเร, มาร, โย อนุตฺตเร สนฺติวรปเท อสฺสทฺโธ ภเวยฺย, สทฺโธปิ วา กุสีโต, สทฺโธ อารทฺธวีริโย สมาโนปิ วา ทุปฺปฺโ, ตํ ตฺวํ ชีวิตมนุปุจฺฉมาโน โสเภยฺยาสิ, มยฺหํ ปน อนุตฺตเร สนฺติวรปเท โอกปฺปนสทฺธา อตฺถิ, ตถา กายิกเจตสิกมสิถิลปรกฺกมตาสงฺขาตํ วีริยํ, วชิรูปมา ปฺา จ มม วิชฺชติ, โส ตฺวํ เอวํ มํ ปหิตตฺตํ อุตฺตมชฺฌาสยํ กึ ชีวมนุปุจฺฉสิ, กสฺมา ชีวิตํ ปุจฺฉสิ. ปฺา ¶ จ มมาติ เอตฺถ จ สทฺเทน สติ สมาธิ จ. เอวํ สนฺเต เยหิ ปฺจหิ อินฺทฺริเยหิ สมนฺนาคตา นิพฺพานํ ปาปุณนฺติ, เตสุ เอเกนาปิ อวิรหิตํ เอวํ มํ ปหิตตฺตํ กึ ชีวมนุปุจฺฉสิ? นนุ – เอกาหํ ชีวิตํ เสยฺโย, วีริยมารภโต ทฬฺหํ (ธ. ป. ๑๑๒). ปฺวนฺตสฺส ฌายิโน, ปสฺสโต อุทยพฺพยนฺติ (ธ. ป. ๑๑๑, ๑๑๓).
๔๓๖-๘. เอวํ มารํ สนฺตชฺเชตฺวา อตฺตโน เทหจิตฺตปฺปวตฺตึ ทสฺเสนฺโต ‘‘นทีนมปี’’ปิ คาถาตฺตยมาห. ตมตฺถโต ปากฏเมว. อยํ ปน อธิปฺปายวณฺณนา ¶ – ยฺวายํ มม สรีเร อปฺปาณกชฺฌานวีริยเวคสมุฏฺิโต วาโต วตฺตติ, โลเก คงฺคายมุนาทีนํ นทีนมฺปิ โสตานิ อยํ วิโสสเย, กิฺจ เม เอวํ ปหิตตฺตสฺส จตุนาฬิมตฺตํ โลหิตํ น อุปโสเสยฺย. น เกวลฺจ เม โลหิตเมว สุสฺสติ, อปิจ โข ปน ตมฺหิ โลหิเต สุสฺสมานมฺหิ พทฺธาพทฺธเภทํ สรีรานุคตํ ¶ ปิตฺตํ, อสิตปีตาทิปฏิจฺฉาทกํ จตุนาฬิมตฺตเมว เสมฺหฺจ, กิฺจาปรํ ตตฺตกเมว มุตฺตฺจ โอชฺจ สุสฺสติ, เตสุ จ สุสฺสมาเนสุ มํสานิปิ ขียนฺติ, ตสฺส เม เอวํ อนุปุพฺเพน มํเสสุ ขียมาเนสุ ภิยฺโย จิตฺตํ ปสีทติ, น ตฺเวว ตปฺปจฺจยา สํสีทติ. โส ตฺวํ อีทิสํ จิตฺตมชานนฺโต สรีรมตฺตเมว ทิสฺวา ภณสิ ‘‘กิโส ตฺวมสิ ทุพฺพณฺโณ, สนฺติเก มรณํ ตวา’’ติ. น เกวลฺจ เม จิตฺตเมว ปสีทติ, อปิจ โข ปน ภิยฺโย สติ จ ปฺา จ สมาธิ มม ติฏฺติ, อณุมตฺโตปิ ปมาโท วา สมฺโมโห วา จิตฺตวิกฺเขโป วา นตฺถิ, ตสฺส มยฺหํ เอวํ วิหรโต เย เกจิ สมณพฺราหฺมณา อตีตํ วา อทฺธานํ อนาคตํ วา เอตรหิ วา โอปกฺกมิกา เวทนา เวทยนฺติ, ตาสํ นิทสฺสนภูตํ ปตฺตสฺส อุตฺตมเวทนํ. ยถา อฺเสํ ทุกฺเขน ผุฏฺานํ สุขํ, สีเตน อุณฺหํ, อุณฺเหน สีตํ, ขุทาย โภชนํ, ปิปาสาย ผุฏฺานํ อุทกํ อเปกฺขเต จิตฺตํ, เอวํ ปฺจสุ กามคุเณสุ เอกกามมฺปิ นาเปกฺขเก จิตฺตํ. ‘‘อโห วตาหํ สุโภชนํ ภฺุชิตฺวา สุขเสยฺยํ สเยยฺย’’นฺติ อีทิเสนากาเรน มม จิตฺตํ น อุปฺปนฺนํ, ปสฺส, ตฺวํ มาร, สตฺตสฺส สุทฺธตนฺติ.
๔๓๙-๔๑. เอวํ อตฺตโน สุทฺธตํ ทสฺเสตฺวา ‘‘นิวาเรสฺสามิ ต’’นฺติ อาคตสฺส มารสฺส มโนรถภฺชนตฺถํ มารเสนํ กิตฺเตตฺวา ตาย อปราชิตภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘กามา เต ปมา เสนา’’ติอาทิกา ฉ คาถาโย อาห.
ตตฺถ ยสฺมา อาทิโตว อคาริยภูเต สตฺเต วตฺถุกาเมสุ กิเลสกามา โมหยนฺติ, เต อภิภุยฺย อนคาริยภาวํ อุปคตานํ ปนฺเตสุ วา เสนาสเนสุ อฺตรฺตเรสุ วา อธิกุสเลสุ ธมฺเมสุ อรติ อุปฺปชฺชติ. วุตฺตฺเจตํ ‘‘ปพฺพชิเตน โข, อาวุโส, อภิรติ ทุกฺกรา’’ติ ¶ (สํ. นิ. ๔.๓๓๑). ตโต เต ปรปฏิพทฺธชีวิกตฺตา ขุปฺปิปาสา พาเธติ, ตาย พาธิตานํ ¶ ปริเยสนตณฺหา จิตฺตํ กิลมยติ, อถ เนสํ ¶ กิลนฺตจิตฺตานํ ถินมิทฺธํ โอกฺกมติ. ตโต วิเสสมนธิคจฺฉนฺตานํ ทุรภิสมฺภเวสุ อรฺวนปตฺเถสุ เสนาสเนสุ วิหรตํ อุตฺราสสฺิตา ภีรุ ชายติ, เตสํ อุสฺสงฺกิตปริสงฺกิตานํ ทีฆรตฺตํ วิเวกรสมนสฺสาทยมานานํ วิหรตํ ‘‘น สิยา นุ โข เอส มคฺโค’’ติ ปฏิปตฺติยํ วิจิกิจฺฉา อุปฺปชฺชติ, ตํ วิโนเทตฺวา วิหรตํ อปฺปมตฺตเกน วิเสสาธิคเมน มานมกฺขถมฺภา ชายนฺติ, เตปิ วิโนเทตฺวา วิหรตํ ตโต อธิกตรํ วิเสสาธิคมํ นิสฺสาย ลาภสกฺการสิโลกา อุปฺปชฺชนฺติ, ลาภาทิมุจฺฉิตา ธมฺมปติรูปกานิ ปกาเสนฺตา มิจฺฉายสํ อธิคนฺตฺวา ตตฺถ ิตา ชาติอาทีหิ อตฺตานํ อุกฺกํเสนฺติ, ปรํ วมฺเภนฺติ, ตสฺมา กามาทีนํ ปมเสนาทิภาโว เวทิตพฺโพ.
๔๔๒-๓. เอวเมตํ ทสวิธํ เสนํ อุทฺทิสิตฺวา ยสฺมา สา กณฺหธมฺมสมนฺนาคตตฺตา กณฺหสฺส นมุจิโน อุปการาย สํวตฺตติ, ตสฺมา นํ ตว เสนาติ นิทฺทิสนฺโต อาห – ‘‘เอสา นมุจิ เต เสนา, กณฺหสฺสาภิปฺปหารินี’’ติ. ตตฺถ อภิปฺปหารินีติ สมณพฺราหฺมณานํ ฆาตนี นิปฺโปถนี, อนฺตรายกรีติ อตฺโถ. น นํ อสูโร ชินาติ, เชตฺวา จ ลภเต สุขนฺติ เอวํ ตว เสนํ อสูโร กาเย จ ชีวิเต จ สาเปกฺโข ปุริโส น ชินาติ, สูโร ปน ชินาติ, เชตฺวา จ มคฺคสุขํ ผลสุขฺจ อธิคจฺฉติ. ยสฺมา จ ลภเต สุขํ, ตสฺมา สุขํ ปตฺถยมาโน อหมฺปิ เอส มฺุชํ ปริหเรติ. สงฺคามาวจรา อนิวตฺติโน ปุริสา อตฺตโน อนิวตฺตนกภาววิฺาปนตฺถํ สีเส วา ธเช วา อาวุเธ วา มฺุชติณํ พนฺธนฺติ, ตํ อยมฺปิ ปริหรติจฺเจว มํ ธาเรหิ. ตว เสนาย ปราชิตสฺส ธิรตฺถุ มม ชีวิตํ, ตสฺมา เอวํ ธาเรหิ – สงฺคาเม เม มตํ เสยฺโย, ยฺเจ ชีเว ปราชิโต, เยน ชีวิเตน ปราชิโต ชีเว, ตสฺมา ชีวิตา ตยา สมฺมาปฏิปนฺนานํ อนฺตรายกเรน สทฺธึ สงฺคาเม มตํ มม เสยฺโยติ อตฺโถ.
๔๔๔. กสฺมา มตํ เสยฺโยติ เจ? ยสฺมา ปคาฬฺเหตฺถ…เป… สุพฺพตา, เอตฺถ กามาทิกาย อตฺตุกฺกํสนปรวมฺภนปริโยสานาย ตว เสนาย ปคาฬฺหา นิมุคฺคา อนุปวิฏฺา เอเก สมณพฺราหฺมณา น ¶ ทิสฺสนฺติ, สีลาทีหิ คุเณหิ นปฺปกาสนฺติ, อนฺธการํ ปวิฏฺา วิย โหนฺติ. เอเต เอวํ ปคาฬฺหา สมานา ¶ สเจปิ กทาจิ อุมฺมุชฺชิตฺวา นิมุชฺชนปุริโส วิย ‘‘สาหุ สทฺธา’’ติอาทินา นเยน อุมฺมุชฺชนฺติ, ตถาปิ ตาย เสนาย อชฺโฌตฺถฏตฺตา ตฺจ มคฺคํ น ชานนฺติ เขมํ นิพฺพานคามีนํ, สพฺเพปิ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธาทโย เยน คจฺฉนฺติ สุพฺพตาติ. อิมํ ปน คาถํ สุตฺวา มาโร ปุน กิฺจิ อวตฺวา เอว ปกฺกามิ.
๔๔๕-๖. ปกฺกนฺเต ¶ ปน ตสฺมึ มหาสตฺโต ตาย ทุกฺกรการิกาย กิฺจิปิ วิเสสํ อนธิคจฺฉนฺโต อนุกฺกเมน ‘‘สิยา นุ โข อฺโ มคฺโค โพธายา’’ติอาทีนิ จินฺเตตฺวา โอฬาริกาหารํ อาหาเรตฺวา, พลํ คเหตฺวา, วิสาขปุณฺณมทิวเส ปเคว สุชาตาย ปายาสํ ปริภฺุชิตฺวา, ภทฺรวนสณฺเฑ ทิวาวิหารํ นิสีทิตฺวา, ตตฺถ อฏฺ สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตนฺโต ทิวสํ วีตินาเมตฺวา สายนฺหสมเย มหาโพธิมณฺฑาภิมุโข คนฺตฺวา โสตฺถิเยน ทินฺนา อฏฺ ติณมุฏฺิโย โพธิมูเล วิกิริตฺวา ทสสหสฺสโลกธาตุเทวตาหิ กตสกฺการพหุมาโน –
‘‘กามํ ตโจ จ นฺหารุ จ, อฏฺิ จ อวสิสฺสตุ;
อุปสุสฺสตุ นิสฺเสสํ, สรีเร มํสโลหิต’’นฺติ. –
จตุรงฺควีริยํ อธิฏฺหิตฺวา ‘‘น ทานิ พุทฺธตฺตํ อปาปุณิตฺวา ปลฺลงฺกํ ภินฺทิสฺสามี’’ติ ปฏิฺํ กตฺวา อปราชิตปลฺลงฺเก นิสีทิ. ตํ ตฺวา มาโร ปาปิมา ‘‘อชฺช สิทฺธตฺโถ ปฏิฺํ กตฺวา นิสินฺโน, อชฺเชว ทานิสฺส สา ปฏิฺา ปฏิพาหิตพฺพา’’ติ โพธิมณฺฑโต ยาว จกฺกวาฬมายตํ ทฺวาทสโยชนวิตฺถารํ อุทฺธํ นวโยชนมุคฺคตํ มารเสนํ สมุฏฺาเปตฺวา ทิยฑฺฒโยชนสตปฺปมาณํ คิริเมขลํ หตฺถิราชานํ อารุยฺห พาหุสหสฺสํ มาเปตฺวา นานาวุธานิ คเหตฺวา ‘‘คณฺหถ, หนถ, ปหรถา’’ติ ภณนฺโต อาฬวกสุตฺเต วุตฺตปฺปการา วุฏฺิโย มาเปสิ, ตา มหาปุริสํ ปตฺวา ตตฺถ วุตฺตปฺปการา เอว สมฺปชฺชึสุ. ตโต วชิรงฺกุเสน หตฺถึ กุมฺเภ ปหริตฺวา มหาปุริสสฺส สมีปํ เนตฺวา ‘‘อุฏฺเหิ, โภ สิทฺธตฺถ, ปลฺลงฺกา’’ติ อาห. มหาปุริโส ‘‘น อุฏฺหามิ มารา’’ติ ¶ วตฺวา ตํ ธชินึ สมนฺตา วิโลเกนฺโต อิมา คาถาโย อภาสิ ‘‘สมนฺตา ธชินิ’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ ธชินินฺติ เสนํ. ยุตฺตนฺติ อุยฺยุตฺตํ. สวาหนนฺติ คิริเมขลนาคราชสหิตํ. ปจฺจุคฺคจฺฉามีติ อภิมุโข อุปริ คมิสฺสามิ, โส จ โข เตเชเนว, น กาเยน. กสฺมา? มา มํ านา อจาวยิ, มํ เอตสฺมา านา อปราชิตปลฺลงฺกา มาโร มา จาเลสีติ วุตฺตํ โหติ. นปฺปสหตีติ สหิตุํ น สกฺโกติ, นาภิภวติ วา. อามํ ปตฺตนฺติ กาจชาตํ มตฺติกาภาชนํ. อสฺมนาติ ปาสาเณน. เสสเมตฺถ ปากฏเมว.
๔๔๗-๘. อิทานิ ‘‘เอตํ เต มารเสนํ ภินฺทิตฺวา ตโต ปรํ วิชิตสงฺคาโม สมฺปตฺตธมฺมราชาภิเสโก อิทํ กริสฺสามี’’ติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘วสีกริตฺวา’’ติ. ตตฺถ วสีกริตฺวา สงฺกปฺปนฺติ มคฺคภาวนาย สพฺพํ มิจฺฉาสงฺกปฺปํ ปหาย สมฺมาสงฺกปฺปสฺเสว ปวตฺตเนน วสีกริตฺวา ¶ สงฺกปฺปํ. สติฺจ สูปติฏฺิตนฺติ กายาทีสุ จตูสุ าเนสุ อตฺตโน สติฺจ สุฏฺุ อุปฏฺิตํ กริตฺวา เอวํ วสีกตสงฺกปฺโป สุปฺปติฏฺิตสฺสติ รฏฺา รฏฺํ วิจริสฺสามิ เทวมนุสฺสเภเท ปุถู สาวเก วินยนฺโต. อถ มยา วินียมานา เต อปฺปมตฺตา…เป… น โสจเร, ตํ นิพฺพานามตเมวาติ อธิปฺปาโย.
๔๔๙-๕๑. อถ มาโร อิมา คาถาโย สุตฺวา อาห – ‘‘เอวรูปํ ปกฺขํ ทิสฺวา น ภายสิ ภิกฺขู’’ติ? ‘‘อาม, มาร, น ภายามี’’ติ. ‘‘กสฺมา น ภายสี’’ติ? ‘‘ทานาทีนํ ปารมิปฺุานํ กตตฺตา’’ติ. ‘‘โก เอตํ ชานาติ ทานาทีนิ ตฺวมกาสี’’ติ? ‘‘กึ เอตฺถ ปาปิม สกฺขิกิจฺเจน, อปิจ เอกสฺมึเยว ภเว เวสฺสนฺตโร หุตฺวา ยํ ทานมทาสึ, ตสฺสานุภาเวน สตฺตกฺขตฺตุํ ฉหิ ปกาเรหิ สฺชาตกมฺปา อยํ มหาปถวีเยว สกฺขี’’ติ. เอวํ วุตฺเต อุทกปริยนฺตํ กตฺวา มหาปถวี กมฺปิ เภรวสทฺทํ มฺุจมานา, ยํ สุตฺวา มาโร อสนิหโต วิย ภีโต ธชํ ปณาเมตฺวา ปลายิ สทฺธึ ปริสาย. อถ มหาปุริโส ตีหิ ยาเมหิ ติสฺโส วิชฺชา สจฺฉิกตฺวา อรุณุคฺคมเน ‘‘อเนกชาติสํสารํ…เป… ตณฺหานํ ขยมชฺฌคา’’ติ ¶ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ. มาโร อุทานสทฺเทน อาคนฺตฺวา ‘‘อยํ‘พุทฺโธ อห’นฺติ ปฏิชานาติ, หนฺท นํ อนุพนฺธามิ อาภิสมาจาริกํ ปสฺสิตุํ. สจสฺส กิฺจิ กาเยน วา วาจาย วา ขลิตํ ภวิสฺสติ, วิเหเสฺสามิ น’’นฺติ ปุพฺเพ โพธิสตฺตภูมิยํ ¶ ฉพฺพสฺสานิ อนุพนฺธิตฺวา พุทฺธตฺตํ ปตฺตํ เอกํ วสฺสํ อนุพนฺธิ. ตโต ภควโต กิฺจิ ขลิตํ อปสฺสนฺโต ‘‘สตฺต วสฺสานี’’ติ อิมา นิพฺเพชนียคาถาโย อภาสิ.
ตตฺถ โอตารนฺติ รนฺธํ วิวรํ. นาธิคจฺฉิสฺสนฺติ นาธิคมึ. เมทวณฺณนฺติ เมทปิณฺฑสทิสํ. อนุปริยคาติ ปริโต ปริโต อคมาสิ. มุทุนฺติ มุทุกํ. วินฺเทมาติ อธิคจฺเฉยฺยาม. อสฺสาทนาติ สาทุภาโว. วายเสตฺโตติ วายโส เอตฺโต. เสสเมตฺถ ปากฏเมว.
อยํ ปน โยชนา – สตฺต วสฺสานิ ภควนฺตํ โอตาราเปกฺโข อนุพนฺธึ กตฺถจิ อวิชหนฺโต ปทาปทํ, เอวํ อนุพนฺธิตฺวาปิ จ โอตารํ นาธิคมึ. โสหํ ยถา นาม เมทวณฺณํ ปาสาณํ เมทสฺี วายโส เอกสฺมึ ปสฺเส มุขตุณฺฑเกน วิชฺฌิตฺวา อสฺสาทํ อวินฺทมาโน ‘‘อปฺเปว นาม เอตฺถ มุทุ วินฺเทม, อปิ อิโต อสฺสาทนา สิยา’’ติ สมนฺตา ตเถว วิชฺฌนฺโต อนุปริยายิตฺวา กตฺถจิ อสฺสาทํ อลทฺธา ‘‘ปาสาโณวาย’’นฺติ นิพฺพิชฺช ปกฺกเมยฺย, เอวเมวาหํ ภควนฺตํ กายกมฺมาทีสุ อตฺตโน ปริตฺตปฺามุขตุณฺฑเกน วิชฺฌนฺโต สมนฺตา อนุปริยคา ‘‘อปฺเปว นาม กตฺถจิ อปริสุทฺธกายสมาจาราทิมุทุภาวํ วินฺเทม, กุโตจิ อสฺสาทนา ¶ สิยา’’ติ, เต ทานิ มยํ อสฺสาทํ อลภมานา กาโกว เสลมาสชฺช นิพฺพิชฺชาเปม โคตมํ อาสชฺช ตโต โคตมา นิพฺพิชฺช อเปมาติ. เอวํ วทโต กิร มารสฺส สตฺต วสฺสานิ นิปฺผลปริสฺสมํ นิสฺสาย พลวโสโก อุทปาทิ. เตนสฺส วิสีทมานงฺคปจฺจงฺคสฺส เพลุวปณฺฑุ นาม วีณา กจฺฉโต ปติตา. ยา ¶ สกึ กุสเลหิ วาทิตา จตฺตาโร มาเส มธุรสฺสรํ มฺุจติ, ยํ คเหตฺวา สกฺโก ปฺจสิขสฺส อทาสิ. ตํ โส ปตมานมฺปิ น พุชฺฌิ. เตนาห ภควา –
‘‘ตสฺส โสกปเรตสฺส, วีณา กจฺฉา อภสฺสถ;
ตโต โส ทุมฺมโน ยกฺโข, ตตฺเถวนฺตรธายถา’’ติ.
สงฺคีติการกา อาหํสูติ เอเก, อมฺหากํ ปเนตํ นกฺขมตีติ.
ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย
สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย ปธานสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. สุภาสิตสุตฺตวณฺณนา
เอวํ ¶ ¶ เม สุตนฺติ สุภาสิตสุตฺตํ. อตฺตชฺฌาสยโต จสฺส อุปฺปตฺติ. ภควา หิ สุภาสิตปฺปิโย, โส อตฺตโน สุภาสิตสมุทาจารปฺปกาสเนน สตฺตานํ ทุพฺภาสิตสมุทาจารํ ปฏิเสเธนฺโต อิมํ สุตฺตมภาสิ. ตตฺถ เอวํ เม สุตนฺติอาทิ สงฺคีติการวจนํ. ตตฺถ ตตฺร โข ภควา…เป… ภทนฺเตติ เต ภิกฺขูติ เอตํ อปุพฺพํ, เสสํ วุตฺตนยเมว. ตสฺมา อปุพฺพปทวณฺณนตฺถมิทํ วุจฺจติ – ตตฺราติ เทสกาลปริทีปนํ. ตฺหิ ยํ สมยํ วิหรติ, ตตฺร สมเย, ยสฺมิฺจ อาราเม วิหรติ, ตตฺร อาราเมติ ทีเปติ. ภาสิตพฺพยุตฺเต วา เทสกาเล ทีเปติ. น หิ ภควา อยุตฺเต เทเส กาเล วา ธมฺมํ ภาสติ. ‘‘อกาโล โข, ตาว, พาหิยา’’ติอาทิ (อุทา. ๑๐) เจตฺถ สาธกํ. โขติ ปทปูรณมตฺเต อวธารณาทิกาลตฺเถ วา นิปาโต. ภควาติ โลกครุปริทีปนํ. ภิกฺขูติ กถาสวนยุตฺตปุคฺคลปริทีปนํ. อามนฺเตสีติ อาลปิ อภาสิ สมฺโพเธสิ.
ภิกฺขโวติ อามนฺตนาการปริทีปนํ. ตฺจ ภิกฺขนสีลตาทิคุณโยคสิทฺธตฺตา วุตฺตํ. เตน เนสํ หีนาธิกชนเสวิตํ ¶ วุตฺตึ ปกาเสนฺโต อุทฺธตทีนภาวนิคฺคหํ กโรติ. ‘‘ภิกฺขโว’’ติ อิมินา จ กรุณาวิปฺผารโสมฺมหทยนยนนิปาตปุพฺพงฺคเมน วจเนน เต อตฺตโน มุขาภิมุเข กริตฺวา เตเนว กเถตุกมฺยตาทีปเกน วจเนน เตสํ โสตุกมฺยตํ ชเนติ, เตเนว จ สมฺโพธนตฺเถน วจเนน สาธุกสวนมนสิกาเรปิ เต นิโยเชติ. สาธุกสวนมนสิการายตฺตา หิ สาสนสมฺปตฺติ. อปเรสุปิ เทวมนุสฺเสสุ วิชฺชมาเนสุ กสฺมา ภิกฺขู เอว อามนฺเตสีติ เจ? เชฏฺเสฏฺาสนฺนสทาสนฺนิหิตภาวโต. สพฺพปริสสาธารณา หิ อยํ ธมฺมเทสนา, น ปาฏิปุคฺคลิกา. ปริสาย จ เชฏฺา ภิกฺขู ปมุปฺปนฺนตฺตา, เสฏฺา อนคาริยภาวํ อาทึ กตฺวา สตฺถุ จริยานุวิธายกตฺตา สกลสาสนปฏิคฺคาหกตฺตา จ. อาสนฺนา ตตฺถ นิสินฺเนสุ สตฺถุ สนฺติกตฺตา, สทา สนฺนิหิตา สตฺถุ สนฺติกาวจรตฺตา. เตน ภควา สพฺพปริสสาธารณํ ธมฺมํ เทเสนฺโต ภิกฺขู เอว อามนฺเตสิ. อปิจ ภาชนํ เต อิมาย กถาย ยถานุสิฏฺํ ปฏิปตฺติสพฺภาวโตติปิ เต เอว ¶ อามนฺเตสิ. ภทนฺเตติ คารวาธิวจนเมตํ. เต ภิกฺขูติ เย ภควา อามนฺเตสิ, เต เอวํ ภควนฺตํ อาลปนฺตา ภควโต ปจฺจสฺโสสุนฺติ.
จตูหิ ¶ องฺเคหีติ จตูหิ การเณหิ อวยเวหิ วา. มุสาวาทาเวรมณิอาทีนิ หิ จตฺตาริ สุภาสิตวาจาย การณานิ. สจฺจวจนาทโย จตฺตาโร อวยวา, การณตฺเถ จ องฺคสทฺโท. จตูหีติ นิสฺสกฺกวจนํ โหติ, อวยวตฺเถ กรณวจนํ. สมนฺนาคตาติ สมนุอาคตา ปวตฺตา ยุตฺตา จ. วาจาติ สมุลฺลปนวาจา. ยา สา ‘‘วาจา คิรา พฺยปฺปโถ’’ติ (ธ. ส. ๖๓๖) จ, ‘‘เนลา กณฺณสุขา’’ติ (ที. นิ. ๑.๙; ม. นิ. ๓.๑๔) จ เอวมาทีสุ อาคจฺฉติ. ยา ปน ‘‘วาจาย เจ กตํ กมฺม’’นฺติ (ธ. ส. อฏฺ. ๑ กายกมฺมทฺวาร) เอวํ วิฺตฺติ จ, ‘‘ยา จตูหิ วจีทุจฺจริเตหิ อารติ วิรติ…เป… อยํ วุจฺจติ สมฺมาวาจา’’ติ ¶ (ธ. ส. ๒๙๙; วิภ. ๒๐๖) เอวํ วิรติ จ, ‘‘ผรุสวาจา, ภิกฺขเว, อาเสวิตา ภาวิตา พหุลีกตา นิรยสํวตฺตนิกา โหตี’’ติ (อ. นิ. ๘.๔๐) เอวํ เจตนา จ วาจาติ อาคจฺฉติ, สา อิธ น อธิปฺเปตา. กสฺมา? อภาสิตพฺพโต. สุภาสิตา โหตีติ สุฏฺุ ภาสิตา โหติ. เตนสฺสา อตฺถาวหนตํ ทีเปติ. น ทุพฺภาสิตาติ น ทุฏฺุ ภาสิตา. เตนสฺสา อนตฺถานาวหนตํ ทีเปติ. อนวชฺชาติ วชฺชสงฺขาตราคาทิโทสวิรหิตา. เตนสฺสา การณสุทฺธึ วุตฺตโทสาภาวฺจ ทีเปติ. อนนุวชฺชา จาติ อนุวาทวิมุตฺตา. เตนสฺสา สพฺพาการสมฺปตฺตึ ทีเปติ. วิฺูนนฺติ ปณฺฑิตานํ. เตน นินฺทาปสํสาสุ พาลา อปฺปมาณาติ ทีเปติ.
กตเมหิ จตูหีติ กเถตุกมฺยตาปุจฺฉา. อิธาติ อิมสฺมึ สาสเน. ภิกฺขเวติ เยสํ กเถตุกาโม, ตทาลปนํ. ภิกฺขูติ วุตฺตปฺปการวาจาภาสนกปุคฺคลนิทสฺสนํ. สุภาสิตํเยว ภาสตีติ ปุคฺคลาธิฏฺานาย เทสนาย จตูสุ วาจงฺเคสุ อฺตรงฺคนิทฺเทสวจนํ. โน ทุพฺภาสิตนฺติ ตสฺเสว วาจงฺคสฺส ปฏิปกฺขภาสนนิวารณํ. เตน ‘‘มุสาวาทาทโยปิ กทาจิ วตฺตพฺพา’’ติ ทิฏฺึ นิเสเธติ. ‘‘โน ทุพฺภาสิต’’นฺติ อิมินา วา มิจฺฉาวาจปฺปหานํ ทีเปติ, ‘‘สุภาสิต’’นฺติ อิมินา ปหีนมิจฺฉาวาเจน สตา ภาสิตพฺพวจนลกฺขณํ. ตถา ปาปสฺส อกรณํ, กุสลสฺส อุปสมฺปทํ ¶ . องฺคปริทีปนตฺถํ ปน อภาสิตพฺพํ ปุพฺเพ อวตฺวา ภาสิตพฺพเมวาห. เอส นโย ธมฺมํเยวาติอาทีสุปิ.
เอตฺถ จ ‘‘สุภาสิตํเยว ภาสติ โน ทุพฺภาสิต’’นฺติ อิมินา ปิสุณโทสรหิตํ สมคฺคกรณวจนํ วุตฺตํ, ‘‘ธมฺมํเยว ภาสติ โน อธมฺม’’นฺติ อิมินา สมฺผโทสรหิตํ ธมฺมโต อนเปตํ มนฺตาวจนํ วุตฺตํ, อิตเรหิ ทฺวีหิ ผรุสาลิกรหิตานิ ปิยสจฺจวจนานิ วุตฺตานิ. อิเมหิ โขติอาทินา ปน ตานิ องฺคานิ ปจฺจกฺขโต ทสฺเสนฺโต ตํ วาจํ นิคเมติ. วิเสสโต เจตฺถ ‘‘อิเมหิ โข, ภิกฺขเว ¶ , จตูหิ องฺเคหิ สมนฺนาคตา วาจา สุภาสิตา โหตี’’ติ ภณนฺโต ¶ ยทฺเ ปฏิฺาทีหิ อวยเวหิ นามาทีหิ ปเทหิ ลิงฺควจนวิภตฺติกาลการกาทีหิ สมฺปตฺตีหิ จ สมนฺนาคตํ วาจํ ‘‘สุภาสิต’’นฺติ มฺนฺติ, ตํ ธมฺมโต ปฏิเสเธติ. อวยวาทิสมฺปนฺนาปิ หิ เปสฺุาทิสมนฺนาคตา วาจา ทุพฺภาสิตาว โหติ อตฺตโน ปเรสฺจ อนตฺถาวหตฺตา. อิเมหิ ปน จตูหิ องฺเคหิ สมนฺนาคตา สเจปิ มิลกฺขุภาสาปริยาปนฺนา ฆฏเจฏิกาคีติกปริยาปนฺนา วา โหติ, ตถาปิ สุภาสิตา เอว โลกิยโลกุตฺตรหิตสุขาวหตฺตา. สีหฬทีเป มคฺคปสฺเส สสฺสํ รกฺขนฺติยา สีหฬเจฏิกาย สีหฬเกเนว ชาติชรามรณปฏิสํยุตฺตํ คีตํ คายนฺติยา สุตฺวา มคฺคํ คจฺฉนฺตา สฏฺิมตฺตา วิปสฺสกภิกฺขู เจตฺถ อรหตฺตํ ปตฺตา นิทสฺสนํ. ตถา ติสฺโส นาม อารทฺธวิปสฺสโก ภิกฺขุ ปทุมสรสมีเปน คจฺฉนฺโต ปทุมสเร ปทุมานิ ภฺชิตฺวา ภฺชิตฺวา –
‘‘ปาโต ผุลฺลํ โกกนทํ, สูริยาโลเกน ภชฺชิยเต;
เอวํ มนุสฺสตฺตคตา สตฺตา, ชราภิเวเคน มทฺทียนฺตี’’ติ. –
อิมํ คีตํ คายนฺติยา เจฏิกาย สุตฺวา อรหตฺตํ ปตฺโต, พุทฺธนฺตเร จ อฺตโร ปุริโส สตฺตหิ ปุตฺเตหิ สทฺธึ วนา อาคมฺม อฺตราย อิตฺถิยา มุสเลน ตณฺฑุเล โกฏฺเฏนฺติยา –
‘‘ชราย ¶ ปริมทฺทิตํ เอตํ, มิลาตฉวิจมฺมนิสฺสิตํ;
มรเณน ภิชฺชติ เอตํ, มจฺจุสฺส ฆสมามิสํ.
‘‘กิมีนํ อาลยํ เอตํ, นานากุณเปน ปูริตํ;
อสุจิสฺส ภาชนํ เอตํ, กทลิกฺขนฺธสมํ อิท’’นฺติ. –
อิมํ ¶ คีติกํ สุตฺวา สห ปุตฺเตหิ ปจฺเจกโพธึ ปตฺโต, อฺเ จ อีทิเสหิ อุปาเยหิ อริยภูมึ ปตฺตา นิทสฺสนํ. อนจฺฉริยํ ปเนตํ, ยํ ภควตา อาสยานุสยกุสเลน ‘‘สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา’’ติอาทินา นเยน วุตฺตา คาถาโย สุตฺวา ปฺจสตา ภิกฺขู อรหตฺตํ ปาปุณึสุ, อฺเ จ ขนฺธายตนาทิปฏิสํยุตฺตา กถา สุตฺวา อเนเก เทวมนุสฺสาติ. เอวํ อิเมหิ จตูหิ องฺเคหิ สมนฺนาคตา วาจา สเจปิ มิลกฺขุภาสาปริยาปนฺนา, ฆฏเจฏิกาคีติกปริยาปนฺนา วา โหติ, ตถาปิ ‘‘สุภาสิตา’’ติ เวทิตพฺพา. สุภาสิตตฺตา เอว จ อนวชฺชา จ อนนุวชฺชา จ วิฺูนํ อตฺถตฺถิกานํ กุลปุตฺตานํ อตฺถปฏิสรณานํ, โน พฺยฺชนปฏิสรณานนฺติ.
อิทมโวจ ¶ ภควาติ อิทํ สุภาสิตลกฺขณํ ภควา อโวจ. อิทํ วตฺวาน สุคโต, อถาปรํ เอตทโวจ สตฺถาติ อิทฺจ ลกฺขณํ วตฺวา อถ อฺมฺปิ เอตํ อโวจ สตฺถา. อิทานิ วตฺตพฺพคาถํ ทสฺเสตฺวา สพฺพเมตํ สงฺคีติการกา อาหํสุ. ตตฺถ อปรนฺติ คาถาพนฺธวจนํ สนฺธาย วุจฺจติ. ตํ ทุวิธํ โหติ – ปจฺฉา อาคตปริสํ อสฺสวนสุสฺสวนอาธารณทฬฺหีกรณาทีนิ วา สนฺธาย ตทตฺถทีปกเมว จ. ปุพฺเพ เกนจิ การเณน ปริหาปิตสฺส อตฺถสฺส ทีปเนน อตฺถวิเสสทีปกฺจ ‘‘ปุริสสฺส หิ ชาตสฺส, กุารี ชายเต มุเข’’ติอาทีสุ (สุ. นิ. ๖๖๒) วิย. อิธ ปน ตทตฺถทีปกเมว.
๔๕๓. ตตฺถ สนฺโตติ พุทฺธาทโย. เต หิ สุภาสิตํ ‘‘อุตฺตมํ เสฏฺ’’นฺติ วณฺณยนฺติ. ทุติยํ ตติยํ จตุตฺถนฺติ อิทํ ปน ปุพฺเพ นิทฺทิฏฺกฺกมํ อุปาทาย วุตฺตํ. คาถาปริโยสาเน ปน วงฺคีสตฺเถโร ภควโต สุภาสิเต ปสีทิ.
โส ยํ ปสนฺนาการํ อกาสิ, ยฺจ วจนํ ภควา อภาสิ, ตํ ทสฺเสนฺตา สงฺคีติการกา ‘‘อถ โข อายสฺมา’’ติอาทิมาหํสุ. ตตฺถ ¶ ปฏิภาติ มนฺติ มม ภาโค ปกาสติ ¶ . ปฏิภาตุ ตนฺติ ตว ภาโค ปกาสตุ. สารุปฺปาหีติ อนุจฺฉวิกาหิ. อภิตฺถวีติ ปสํสิ.
๔๕๔. น ตาปเยติ วิปฺปฏิสาเรน น ตาเปยฺย. น วิหึเสยฺยาติ อฺมฺํ ภินฺทนฺโต น พาเธยฺย. สา เว วาจาติ สา วาจา เอกํเสเนว สุภาสิตา. เอตฺตาวตา อปิสุณวาจาย ภควนฺตํ โถเมติ.
๔๕๕. ปฏินนฺทิตาติ หฏฺเน หทเยน ปฏิมุขํ คนฺตฺวา นนฺทิตา สมฺปิยายิตา. ยํ อนาทาย ปาปานิ, ปเรสํ ภาสเต ปิยนฺติ ยํ วาจํ ภาสนฺโต ปเรสํ ปาปานิ อปฺปิยานิ ปฏิกฺกูลานิ ผรุสวจนานิ อนาทาย อตฺถพฺยฺชนมธุรํ ปิยเมว วจนํ ภาสติ, ตํ ปิยวาจเมว ภาเสยฺยาติ วุตฺตํ โหติ. อิมาย คาถาย ปิยวจเนน ภควนฺตํ อภิตฺถวิ.
๔๕๖. อมตาติ อมตสทิสา สาทุภาเวน. วุตฺตมฺปิ เจตํ ‘‘สจฺจํ หเว สาทุตรํ รสาน’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๗๓; สุ. นิ. ๑๘๔). นิพฺพานามตปจฺจยตฺตา วา อมตา. เอส ธมฺโม สนนฺตโนติ ยายํ สจฺจวาจา นาม, เอส โปราโณ ธมฺโม จริยา ปเวณี, อิทเมว หิ โปราณานํ อาจิณฺณํ, น เต อลิกํ ภาสึสุ. เตเนวาห – ‘‘สจฺเจ อตฺเถ จ ธมฺเม จ, อหุ ¶ สนฺโต ปติฏฺิตา’’ติ. ตตฺถ สจฺเจ ปติฏฺิตตฺตา เอว อตฺตโน จ ปเรสฺจ อตฺเถ ปติฏฺิตา. อตฺเถ ปติฏฺิตตฺตา เอว จ ธมฺเม ปติฏฺิตา โหนฺตีติ เวทิตพฺพา. ปรํ วา ทฺวยํ สจฺจวิเสสนมิจฺเจว เวทิตพฺพํ. สจฺเจ ปติฏฺิตา. กีทิเส? อตฺเถ จ ธมฺเม จ, ยํ ปเรสํ อตฺถโต อนเปตตฺตา อตฺถํ อนุปโรธํ กโรตีติ วุตฺตํ โหติ. สติปิ จ อนุปโรธกรตฺเต ธมฺมโต อนเปตตฺตา ธมฺมํ, ยํ ธมฺมิกเมว อตฺถํ สาเธตีติ วุตฺตํ โหติ. อิมาย คาถาย สจฺจวจเนน ภควนฺตํ อภิตฺถวิ.
๔๕๗. เขมนฺติ อภยํ นิรุปทฺทวํ. เกน การเณนาติ เจ? นิพฺพานปฺปตฺติยา ทุกฺขสฺสนฺตกิริยาย, ยสฺมา กิเลสนิพฺพานํ ปาเปติ, วฏฺฏทุกฺขสฺส จ อนฺตกิริยาย สํวตฺตตีติ อตฺโถ. อถ วา ยํ พุทฺโธ นิพฺพานปฺปตฺติยา ทุกฺขสฺสนฺตกิริยายาติ ทฺวินฺนํ นิพฺพานธาตูนมตฺถาย เขมมคฺคปฺปกาสนโต เขมํ วาจํ ภาสติ, สา เว วาจานมุตฺตมาติ สา วาจา สพฺพวาจานํ ¶ เสฏฺาติ ¶ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อิมาย คาถาย มนฺตาวจเนน ภควนฺตํ อภิตฺถวนฺโต อรหตฺตนิกูเฏน เทสนํ นิฏฺาเปสีติ อยเมตฺถ อปุพฺพปทวณฺณนา. เสสํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพนฺติ.
ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย
สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย สุภาสิตสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. ปูรฬาสสุตฺต-(สุนฺทริกภารทฺวาชสุตฺต)-วณฺณนา
เอวํ ¶ เม สุตนฺติ ปูรฬาสสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? ภควา ปจฺฉาภตฺตกิจฺจาวสาเน พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกนฺโต สุนฺทริกภารทฺวาชพฺราหฺมณํ อรหตฺตสฺส อุปนิสฺสยสมฺปนฺนํ ทิสฺวา ‘‘ตตฺถ มยิ คเต กถา ปวตฺติสฺสติ, ตโต กถาวสาเน ธมฺมเทสนํ สุตฺวา เอส พฺราหฺมโณ ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสตี’’ติ จ ตฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา กถํ สมุฏฺาเปตฺวา อิมํ สุตฺตมภาสิ.
ตตฺถ เอวํ เม สุตนฺติอาทิ สงฺคีติการกานํ วจนํ. กึชจฺโจ ภวนฺติอาทิ ตสฺส พฺราหฺมณสฺส, น พฺราหฺมโณ โนมฺหีติอาทิ ภควโต. ตํ สพฺพมฺปิ สโมธาเนตฺวา ‘‘ปูรฬาสสุตฺต’’นฺติ วุจฺจติ. ตตฺถ วุตฺตสทิสํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ, อวุตฺตํ วณฺณยิสฺสาม, ตฺจ โข อุตฺตานตฺถานิ ปทานิ อนามสนฺตา. โกสเลสูติ โกสลา นาม ชานปทิโน ราชกุมารา. เตสํ นิวาโส เอโกปิ ชนปโท รุฬฺหิสทฺเทน ‘‘โกสลา’’ติ วุจฺจติ. ตสฺมึ โกสเลสุ ชนปเท. เกจิ ปน ‘‘ยสฺมา ปุพฺเพ มหาปนาทํ ราชกุมารํ นานานาฏกาทีนิ ทิสฺวา สิตมตฺตมฺปิ อกโรนฺตํ สุตฺวา ราชา อาณาเปสิ ‘โย มม ปุตฺตํ หสาเปติ, สพฺพาภรเณหิ นํ อลงฺกโรมี’ติ. ตโต นงฺคลานิ ฉฑฺเฑตฺวา มหาชนกาโย สนฺนิปติ. เต จ มนุสฺสา อติเรกสตฺตวสฺสานิ นานากีฬิกาทโย ทสฺเสนฺตาปิ ตํ นาสกฺขึสุ หสาเปตุํ. ตโต สกฺโก เทวนฏํ เปเสสิ, โส ทิพฺพนาฏกํ ¶ ทสฺเสตฺวา หสาเปสิ. อถ เต มนุสฺสา อตฺตโน อตฺตโน วสโนกาสาภิมุขา ปกฺกมึสุ. เต ปฏิปเถ มิตฺตสุหชฺชาทโย ทิสฺวา ปฏิสนฺถารมกํสุ ‘กจฺจิ โภ กุสลํ, กจฺจิ โภ กุสล’นฺติ ¶ . ตสฺมา ตํ ‘กุสล’นฺติ สทฺทํ อุปาทาย โส ปเทโส ‘โกสโล’ติ วุจฺจตี’’ติ วณฺณยนฺติ. สุนฺทริกาย นทิยา ตีเรติ สุนฺทริกาติ เอวํนามิกาย นทิยา ตีเร.
เตน โข ปนาติ เยน สมเยน ภควา ตํ พฺราหฺมณํ วิเนตุกาโม คนฺตฺวา ตสฺสา นทิยา ตีเร สสีสํ ปารุปิตฺวา รุกฺขมูเล นิสชฺชาสงฺขาเตน อิริยาปถวิหาเรน วิหรติ. สุนฺทริกภารทฺวาโชติ โส พฺราหฺมโณ ตสฺสา นทิยา ตีเร วสติ อคฺคิฺจ ชุหติ, ภารทฺวาโชติ จสฺส โคตฺตํ, ตสฺมา เอวํ วุจฺจติ. อคฺคึ ชุหตีติ อาหุติปกฺขิปเนน ชาเลติ. อคฺคิหุตฺตํ ปริจรตีติ ¶ อคฺยายตนํ สมฺมชฺชนูปเลปนพลิกมฺมาทินา ปยิรุปาสติ. โก นุ โข อิมํ หพฺยเสสํ ภฺุเชยฺยาติ โส กิร พฺราหฺมโณ อคฺคิมฺหิ ชุหิตฺวา อวเสสํ ปายาสํ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อคฺคิมฺหิ ตาว ปกฺขิตฺตปายาโส มหาพฺรหฺมุนา ภุตฺโต, อยํ ปน อวเสโส อตฺถิ. ตํ ยทิ พฺรหฺมุโน มุขโต ชาตสฺส พฺราหฺมณสฺเสว ทเทยฺยํ, เอวํ เม ปิตรา สห ปุตฺโตปิ สนฺตปฺปิโต ภเวยฺย, สุวิโสธิโต จ พฺรหฺมโลกคามิมคฺโค อสฺส, หนฺทาหํ พฺราหฺมณํ คเวสามี’’ติ. ตโต พฺราหฺมณทสฺสนตฺถํ อุฏฺายาสนา จตุทฺทิสา อนุวิโลเกสิ – ‘‘โก นุ โข อิมํ หพฺยเสสํ ภฺุเชยฺยา’’ติ.
อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเลติ ตสฺมึ วนสณฺเฑ เสฏฺรุกฺขมูเล. สสีสํ ปารุตนฺติ สห สีเสน ปารุตกายํ. กสฺมา ปน ภควา เอวมกาสิ, กึ นารายนสงฺขาตพโลปิ หุตฺวา นาสกฺขิ หิมปาตํ สีตวาตฺจ ปฏิพาหิตุนฺติ? อตฺเถตํ การณํ. น หิ พุทฺธา สพฺพโส กายปฏิชคฺคนํ กโรนฺติ เอว, อปิจ ภควา ‘‘อาคเต พฺราหฺมเณ สีสํ วิวริสฺสามิ, มํ ทิสฺวา พฺราหฺมโณ กถํ ปวตฺเตสฺสติ, อถสฺส กถานุสาเรน ธมฺมํ เทเสสฺสามี’’ติ กถาปวตฺตนตฺถํ เอวมกาสิ. ทิสฺวาน วาเมน…เป… เตนุปสงฺกมีติ ¶ โส กิร ภควนฺตํ ทิสฺวา พฺราหฺมโณ ‘‘อยํ สสีสํ ปารุปิตฺวา สพฺพรตฺตึ ปธานมนุยุตฺโต, อิมสฺส ทกฺขิโณทกํ ทตฺวา อิมํ หพฺยเสสํ ทสฺสามี’’ติ พฺราหฺมณสฺี หุตฺวา เอว อุปสงฺกมิ. มุณฺโฑ อยํ ภวํ, มุณฺฑโก อยํ ภวนฺติ สีเส วิวริตมตฺเตว เกสนฺตํ ทิสฺวา ‘‘มุณฺโฑ’’ติ อาห. ตโต สุฏฺุตรํ โอโลเกนฺโต ปริตฺตมฺปิ สิขํ อทิสฺวา ¶ หีเฬนฺโต ‘‘มุณฺฑโก’’ติ อาห. เอวรูปา หิ เนสํ พฺราหฺมณานํ ทิฏฺิ. ตโต วาติ ยตฺถ ิโต อทฺทส, ตมฺหา ปเทสา มุณฺฑาปีติ เกนจิ การเณน มุณฺฑิตสีสาปิ โหนฺติ.
๔๕๘. น พฺราหฺมโณ โนมฺหีติ เอตฺถ นกาโร ปฏิเสเธ, โนกาโร อวธารเณ ‘‘น โน สม’’นฺติอาทีสุ (ขุ. ปา. ๖.๓; สุ. นิ. ๒๒๖) วิย. เตน เนวมฺหิ พฺราหฺมโณติ ทสฺเสติ. น ราชปุตฺโตติ ขตฺติโย นมฺหิ. น เวสฺสายโนติ เวสฺโสปิ นมฺหิ. อุทโกจิ โนมฺหีติ อฺโปิ สุทฺโท วา จณฺฑาโล วา โกจิ น โหมีติ เอวํ เอกํเสเนว ชาติวาทสมุทาจารํ ปฏิกฺขิปติ. กสฺมา? มหาสมุทฺทํ ปตฺตา วิย หิ นทิโย ปพฺพชฺชูปคตา กุลปุตฺตา ชหนฺติ ปุริมานิ นามโคตฺตานิ. ปหาราทสุตฺตฺเจตฺถ (อ. นิ. ๘.๑๙) สาธกํ. เอวํ ชาติวาทํ ปฏิกฺขิปิตฺวา ยถาภูตมตฺตานํ อาวิกโรนฺโต อาห – ‘‘โคตฺตํ ปริฺาย ปุถุชฺชนานํ, อกิฺจโน มนฺต จรามิ โลเก’’ติ. กถํ โคตฺตํ ปริฺาสีติ เจ? ภควา หิ ตีหิ ปริฺาหิ ปฺจกฺขนฺเธ ปริฺาสิ, เตสุ จ ปริฺาเตสุ โคตฺตํ ปริฺาตเมว โหติ. ราคาทิกิฺจนานํ ปน อภาเวน โส อกิฺจโน มนฺตา ชานิตฺวา าณานุปริวตฺตีหิ กายกมฺมาทีหิ ¶ จรติ. เตนาห – ‘‘โคตฺตํ…เป… โลเก’’ติ. มนฺตา วุจฺจติ ปฺา, ตาย เจส จรติ. เตเนวาห – ‘‘มนฺตํ จรามิ โลเก’’ติ ฉนฺทวเสน รสฺสํ กตฺวา.
๔๕๙-๖๐. เอวํ อตฺตานํ อาวิกตฺวา อิทานิ ‘‘เอวํ โอฬาริกํ ลิงฺคมฺปิ ทิสฺวา ปุจฺฉิตพฺพาปุจฺฉิตพฺพํ น ชานาสี’’ติ พฺราหฺมณสฺส อุปารมฺภํ อาโรเปนฺโต อาห – ‘‘สงฺฆาฏิวาสี…เป… โคตฺตปฺห’’นฺติ. เอตฺถ จ ฉินฺนสงฺฆฏิตฏฺเน ตีณิปิ จีวรานิ ‘‘สงฺฆาฏี’’ติ อธิปฺเปตานิ, ตานิ นิวาเสติ ปริทหตีติ ¶ สงฺฆาฏิวาสี. อคโหติ อเคโห, นิตฺตณฺโหติ อธิปฺปาโย. นิวาสาคารํ ปน ภควโต เชตวเน มหาคนฺธกุฏิกเรริมณฺฑลมาฬโกสมฺพกุฏิจนฺทนมาลาทิอเนกปฺปการํ, ตํ สนฺธาย น ยุชฺชติ. นิวุตฺตเกโสติ อปนีตเกโส, โอหาริตเกสมสฺสูติ วุตฺตํ โหติ. อภินิพฺพุตตฺโตติ อตีว วูปสนฺตปริฬาหจิตฺโต, คุตฺตจิตฺโต วา. อลิปฺปมาโน อิธ มาณเวหีติ อุปกรณสิเนหสฺส ปหีนตฺตา มนุสฺเสหิ อลิตฺโต อสํสฏฺโ เอกนฺตวิวิตฺโต. อกลฺลํ มํ พฺราหฺมณาติ ยฺวาหํ ¶ เอวํ สงฺฆาฏิวาสี…เป… อลิปฺปมาโน อิธ มาณเวหิ, ตํ มํ ตฺวํ, พฺราหฺมณ, ปากติกานิ นามโคตฺตานิ อตีตํ ปพฺพชิตํ สมานํ อปฺปติรูปํ โคตฺตปฺหํ ปุจฺฉสีติ.
เอวํ วุตฺเต อุปารมฺภํ โมเจนฺโต พฺราหฺมโณ อาห – ปุจฺฉนฺติ เว, โภ พฺราหฺมณา, พฺราหฺมเณภิ สห ‘‘พฺราหฺมโณ โน ภว’’นฺติ. ตตฺถ พฺราหฺมโณ โนติ พฺราหฺมโณ นูติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – นาหํ โภ อกลฺลํ ปุจฺฉามิ. อมฺหากฺหิ พฺราหฺมณสมเย พฺราหฺมณา พฺราหฺมเณหิ สห สมาคนฺตฺวา ‘‘พฺราหฺมโณ นุ ภวํ, ภารทฺวาโช นุ ภว’’นฺติ เอวํ ชาติมฺปิ โคตฺตมฺปิ ปุจฺฉนฺติ เอวาติ.
๔๖๑-๒. เอวํ วุตฺเต ภควา พฺราหฺมณสฺส จิตฺตมุทุภาวกรณตฺถํ มนฺเตสุ อตฺตโน ปกตฺุตํ ปกาเสนฺโต อาห – ‘‘พฺราหฺมโณ หิ เจ ตฺวํ พฺรูสิ…เป… จตุวีสตกฺขร’’นฺติ. ตสฺสตฺโถ – สเจ ตฺวํ ‘‘พฺราหฺมโณ อหํ’’ติ พฺรูสิ, มฺจ อพฺราหฺมณํ พฺรูสิ, ตสฺมา ภวนฺตํ สาวิตฺตึ ปุจฺฉามิ ติปทํ จตุวีสตกฺขรํ, ตํ เม พฺรูหีติ. เอตฺถ จ ภควา ปรมตฺถเวทานํ ติณฺณํ ปิฏกานํ อาทิภูตํ ปรมตฺถพฺราหฺมเณหิ สพฺพพุทฺเธหิ ปกาสิตํ อตฺถสมฺปนฺนํ พฺยฺชนสมฺปนฺนฺจ ‘‘พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ, ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ, สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามี’’ติ อิมํ อริยสาวิตฺตึ สนฺธาย ปุจฺฉติ. ยทิปิ หิ พฺราหฺมโณ อฺํ วเทยฺย, อทฺธา นํ ภควา ‘‘นายํ, พฺราหฺมณ, อริยสฺส วินเย สาวิตฺตีติ วุจฺจตี’’ติ ตสฺส อสารกตฺตํ ทสฺเสตฺวา อิเธว ปติฏฺาเปยฺย. พฺราหฺมโณ ปน ‘‘สาวิตฺตึ ปุจฺฉามิ ติปทํ ¶ จตุวีสตกฺขร’’นฺติ อิทํ อตฺตโน สมยสิทฺธํ สาวิตฺติลกฺขณพฺยฺชนกํ พฺรหฺมสฺสเรน นิจฺฉาริตวจนํ สุตฺวาว ‘‘อทฺธายํ สมโณ พฺราหฺมณสมเย ¶ นิฏฺํ คโต, อหํ ปน อฺาเณน ‘อพฺราหฺมโณ อย’นฺติ ปริภวึ, สาธุรูโป มนฺตปารคู พฺราหฺมโณว เอโส’’ติ นิฏฺํ คนฺตฺวา ‘‘หนฺท นํ ยฺวิธึ ทกฺขิเณยฺยวิธิฺจ ปุจฺฉามี’’ติ ตมตฺถํ ปุจฺฉนฺโต ‘‘กึนิสฺสิตา…เป… โลเก’’ติ อิมํ วิสมคาถาปทตฺตยมาห. ตสฺสตฺโถ – กึนิสฺสิตา กิมธิปฺปายา กึ ปตฺเถนฺตา อิสโย จ ขตฺติยา จ พฺราหฺมณา จ อฺเ จ มนุชา เทวตานํ อตฺถาย ยฺํ อกปฺปยึสุ. ยฺมกปฺปยึสูติ มกาโร ปทสนฺธิกโร. อกปฺปยึสูติ สํวิทหึสุ อกํสุ. ปุถูติ พหู อนฺนปานทานาทินา เภเทน อเนกปฺปกาเร ปุถู วา อิสโย มนุชา ขตฺติยา พฺราหฺมณา จ กึนิสฺสิตา ¶ ยฺมกปฺปยึสุ. กถํ เนสํ ตํ กมฺมํ สมิชฺฌตีติ อิมินาธิปฺปาเยน ปุจฺฉติ.
๔๖๓. อถสฺส ภควา ตมตฺถํ พฺยากโรนฺโต ‘‘ยทนฺตคู เวทคู ยฺกาเล. ยสฺสาหุตึ ลเภ ตสฺสิชฺเฌติ พฺรูมี’’ติ อิทํ เสสปททฺวยมาห. ตตฺถ ยทนฺตคูติ โย อนฺตคู, โอการสฺส อกาโร, ทกาโร จ ปทสนฺธิกโร ‘‘อสาธารณมฺเส’’นฺติอาทีสุ (ขุ. ปา. ๘.๙) มกาโร วิย. อยํ ปน อตฺโถ – โย วฏฺฏทุกฺขสฺส ตีหิ ปริฺาหิ อนฺตคตตฺตา อนฺตคู, จตูหิ จ มคฺคาณเวเทหิ กิเลเส วิชฺฌิตฺวา คตตฺตา เวทคู, โส ยสฺส อิสิมนุชขตฺติยพฺราหฺมณานํ อฺตรสฺส ยฺกาเล ยสฺมึ กิสฺมิฺจิ อาหาเร ปจฺจุปฏฺิเต อนฺตมโส วนปณฺณมูลผลาทิมฺหิปิ อาหุตึ ลเภ, ตโต กิฺจิ เทยฺยธมฺมํ ลเภยฺย, ตสฺส ตํ ยฺกมฺมํ อิชฺเฌ สมิชฺเฌยฺย, มหปฺผลํ ภเวยฺยาติ พฺรูมีติ.
๔๖๔. อถ พฺราหฺมโณ ตํ ภควโต ปรมตฺถโยคคมฺภีรํ อติมธุรคิรนิพฺพิการสรสมฺปนฺนํ เทสนํ สุตฺวา ¶ สรีรสมฺปตฺติสูจิตฺจสฺส สพฺพคุณสมฺปตฺตึ สมฺภาวยมาโน ปีติโสมนสฺสชาโต ‘‘อทฺธา หิ ตสฺสา’’ติ คาถมาห. ตตฺถ อิติ พฺราหฺมโณติ สงฺคีติการานํ วจนํ, เสสํ พฺราหฺมณสฺส. ตสฺสตฺโถ – อทฺธา หิ ตสฺส มยฺหํ หุตมิชฺเฌ, อยํ อชฺช เทยฺยธมฺโม อิชฺฌิสฺสติ สมิชฺฌิสฺสติ มหปฺผโล ภวิสฺสติ ยํ ตาทิสํ เวทคุมทฺทสาม, ยสฺมา ตาทิสํ ภวนฺตรูปํ เวทคุํ อทฺทสาม. ตฺวฺเว หิ โส เวทคู, น อฺโ. อิโต ปุพฺเพ ปน ตุมฺหาทิสานํ เวทคูนํ อนฺตคูนฺจ อทสฺสเนน อมฺหาทิสานํ ยฺเ ปฏิยตฺตํ อฺโ ชโน ภฺุชติ ปูรฬาสํ จรุกฺจ ปูวฺจาติ.
๔๖๕. ตโต ภควา อตฺตนิ ปสนฺนํ วจนปฏิคฺคหณสชฺชํ พฺราหฺมณํ วิทิตฺวา ยถาสฺส สุฏฺุ ปากฏา โหนฺติ, เอวํ นานปฺปกาเรหิ ทกฺขิเณยฺเย ปกาเสตุกาโม ‘‘ตสฺมาติห ตฺว’’นฺติ คาถมาห. ตสฺสตฺโถ – ยสฺมา มยิ ปสนฺโนสิ, ตสฺมา ปน อิห ตฺวํ, พฺราหฺมณ, อุปสงฺกมฺม ปุจฺฉาติ อตฺตานํ ¶ ทสฺเสนฺโต อาห. อิทานิ อิโต ปุพฺพํ อตฺเถนอตฺถิกปทํ ปรปเทน สมฺพนฺธิตพฺพํ – อตฺเถน อตฺถิโก ตสฺส อตฺถตฺถิกภาวสฺส อนุรูปํ กิเลสคฺคิวูปสเมน สนฺตํ, โกธธูมวิคเมน วิธูมํ, ทุกฺขาภาเวน ¶ อนีฆํ, อเนกวิธอาสาภาเวน นิราสํ อปฺเปวิธ เอกํเสน อิธ ิโตว อิธ วา สาสเน อภิวินฺเท ลจฺฉสิ อธิคจฺฉิสฺสสิ สุเมธํ วรปฺํ ขีณาสวทกฺขิเณยฺยนฺติ. อถ วา ยสฺมา มยิ ปสนฺโนสิ, ตสฺมาติห, ตฺวํ พฺราหฺมณ, อตฺเถน อตฺถิโก สมาโน อุปสงฺกมฺม ปุจฺฉ สนฺตํ วิธูมํ อนีฆํ นิราสนฺติ อตฺตานํ ทสฺเสนฺโต อาห. เอวํ ปุจฺฉนฺโต อปฺเปวิธ อภิวินฺเท สุเมธํ ขีณาสวทกฺขิเณยฺยนฺติ เอวมฺเปตฺถ โยชนา เวทิตพฺพา.
๔๖๖. อถ พฺราหฺมโณ ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชมาโน ภควนฺตํ อาห – ‘‘ยฺเ รโตหํ…เป… พฺรูหิ เมต’’นฺติ. ตตฺถ ยฺโ ยาโค ทานนฺติ อตฺถโต เอกํ. ตสฺมา ¶ ทานรโต อหํ, ตาย เอว ทานารามตาย ทานํ ทาตุกาโม, น ปน ชานามิ, เอวํ อชานนฺตํ อนุสาสตุ มํ ภวํ. อนุสาสนฺโต จ อุตฺตาเนเนว นเยน ยตฺถ หุตํ อิชฺฌเต พฺรูหิ เมตนฺติ เอวเมตฺถ อตฺถโยชนา เวทิตพฺพา. ‘‘ยถาหุต’’นฺติปิ ปาโ.
๔๖๗. อถสฺส ภควา วตฺตุกาโม อาห – ‘‘เตน หิ…เป… เทเสสฺสามี’’ติ. โอหิตโสตสฺส จสฺส อนุสาสนตฺถํ ตาว ‘‘มา ชาตึ ปุจฺฉี’’ติ คาถมาห. ตตฺถ มา ชาตึ ปุจฺฉีติ ยทิ หุตสมิทฺธึ ทานมหปฺผลตํ ปจฺจาสีสสิ, ชาตึ มา ปุจฺฉ. อการณฺหิ ทกฺขิเณยฺยวิจารณาย ชาติ. จรณฺจ ปุจฺฉาติ อปิจ โข สีลาทิคุณเภทํ จรณํ ปุจฺฉ. เอตฺหิ ทกฺขิเณยฺยวิจารณาย การณํ.
อิทานิสฺส ตมตฺถํ วิภาเวนฺโต นิทสฺสนมาห – ‘‘กฏฺา หเว ชายติ ชาตเวโท’’ติอาทิ. ตตฺรายมธิปฺปาโย – อิธ กฏฺา อคฺคิ ชายติ, น จ โส สาลาทิกฏฺา ชาโต เอว อคฺคิกิจฺจํ กโรติ, สาปานโทณิอาทิกฏฺา ชาโต น กโรติ, อปิจ โข อตฺตโน อจฺจิอาทิคุณสมฺปนฺนตฺตา เอว กโรติ. เอวํ น พฺราหฺมณกุลาทีสุ ชาโต เอว ทกฺขิเณยฺโย โหติ, จณฺฑาลกุลาทีสุ ชาโต น โหติ, อปิจ โข นีจากุลีโนปิ อุจฺจากุลีโนปิ ขีณาสวมุนิ ธิติมา หิรีนิเสโธ อาชานิโย โหติ, อิมาย ธิติหิริปมุขาย คุณสมฺปตฺติยา ชาติมา อุตฺตมทกฺขิเณยฺโย โหติ. โส หิ ธิติยา คุเณ ธารยติ, หิริยา โทเส นิเสเธติ. วุตฺตฺเจตํ ‘‘หิริยา หิ สนฺโต น กโรนฺติ ปาป’’นฺติ. เตน เต พฺรูมิ –
‘‘มา ¶ ¶ ชาตึ ปุจฺฉี จรณฺจ ปุจฺฉ,
กฏฺา หเว ชายติ ชาตเวโท;
นีจากุลีโนปิ มุนี ธิตีมา,
อาชานิโย โหติ หิรีนิเสโธ’’ติ. –
เอส สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน อสฺสลายนสุตฺตานุสาเรน (ม. นิ. ๒.๔๐๑ อาทโย) เวทิตพฺโพ.
๔๖๘. เอวเมตํ ¶ ภควา จาตุวณฺณิสุทฺธิยา อนุสาสิตฺวา อิทานิ ยตฺถ หุตํ อิชฺฌเต, ยถา จ หุตํ อิชฺฌเต, ตมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘สจฺเจน ทนฺโต’’ติอาทิคาถมาห. ตตฺถ สจฺเจนาติ ปรมตฺถสจฺเจน. ตฺหิ ปตฺโต ทนฺโต โหติ. เตนาห – ‘‘สจฺเจน ทนฺโต’’ติ. ทมสา อุเปโตติ อินฺทฺริยทเมน สมนฺนาคโต. เวทนฺตคูติ เวเทหิ วา กิเลสานํ อนฺตํ คโต, เวทานํ วา อนฺตํ จตุตฺถมคฺคาณํ คโต. วูสิตพฺรหฺมจริโยติ ปุน วสิตพฺพาภาวโต วุตฺถมคฺคพฺรหฺมจริโย. กาเลน ตมฺหิ หพฺยํ ปเวจฺเฉติ อตฺตโน เทยฺยธมฺมฏฺิตกาลํ ตสฺส สมฺมุขีภาวกาลฺจ อุปลกฺเขตฺวา เตน กาเลน ตาทิเส ทกฺขิเณยฺเย เทยฺยธมฺมํ ปเวจฺเฉยฺย, ปเวเสยฺย ปฏิปาเทยฺย.
๔๖๙-๗๑. กาเมติ วตฺถุกาเม จ กิเลสกาเม จ. สุสมาหิตินฺทฺริยาติ สุฏฺุ สมาหิตอินฺทฺริยา, อวิกฺขิตฺตอินฺทฺริยาติ วุตฺตํ โหติ. จนฺโทว ราหุคฺคหณา ปมุตฺตาติ ยถา จนฺโท ราหุคฺคหณา, เอวํ กิเลสคฺคหณา ปมุตฺตา เย อตีว ภาสนฺติ เจว ตปนฺติ จ. สตาติ สติสมฺปนฺนา. มมายิตานีติ ตณฺหาทิฏฺิมมายิตานิ.
๔๗๒. โย กาเม หิตฺวาติ อิโต ปภุติ อตฺตานํ สนฺธาย วทติ. ตตฺถ กาเม หิตฺวาติ กิเลสกาเม ปหาย. อภิภุยฺยจารีติ เตสํ ปหีนตฺตา วตฺถุกาเม อภิภุยฺยจารี. ชาติมรณสฺส อนฺตํ นาม นิพฺพานํ วุจฺจติ, ตฺจ โย เวทิ อตฺตโน ปฺาพเลน อฺาสิ. อุทกรหโท วาติ เย อิเม อโนตตฺตทโห กณฺณมุณฺฑทโห รถการทโห ฉทฺทนฺตทโห กุณาลทโห มนฺทากินิทโห สีหปฺปปาตทโหติ หิมวติ สตฺต มหารหทา อคฺคิสูริยสนฺตาเปหิ อสมฺผุฏฺตฺตา ¶ นิจฺจํ สีตลา, เตสํ อฺตโร อุทกรหโทว สีโต ปรินิพฺพุตกิเลสปริฬาหตฺตา.
๔๗๓. สโมติ ตุลฺโย. สเมหีติ วิปสฺสิอาทีหิ พุทฺเธหิ. เต หิ ปฏิเวธสมตฺตา ‘‘สมา’’ติ วุจฺจนฺติ. นตฺถิ เตสํ ปฏิเวเธนาธิคนฺตพฺเพสุ คุเณสุ, ปหาตพฺเพสุ วา โทเสสุ เวมตฺตตา ¶ , อทฺธานอายุกุลปฺปมาณาภินิกฺขมนปธานโพธิรสฺมีหิ ปน เนสํ เวมตฺตตา โหติ. ตถา หิ เต เหฏฺิมปริจฺเฉเทน ¶ จตูหิ อสงฺขฺเยยฺเยหิ กปฺปสตสหสฺเสน จ ปารมิโย ปูเรนฺติ, อุปริมปริจฺเฉเทน โสฬสหิ อสงฺขฺเยยฺเยหิ กปฺปสตสหสฺเสน จ. อยํ เนสํ อทฺธานเวมตฺตตา. เหฏฺิมปริจฺเฉเทน จ วสฺสสตายุกกาเล อุปฺปชฺชนฺติ, อุปริมปริจฺเฉเทน วสฺสสตสหสฺสายุกกาเล. อยํ เนสํ อายุเวมตฺตตา. ขตฺติยกุเล วา พฺราหฺมณกุเล วา อุปฺปชฺชนฺติ. อยํ กุลเวมตฺตตา. อุจฺจา วา โหนฺติ อฏฺาสีติหตฺถปฺปมาณา, นีจา วา ปนฺนรสอฏฺารสหตฺถปฺปมาณา. อยํ ปมาณเวมตฺตตา. หตฺถิอสฺสรถสิวิกาทีหิ นิกฺขมนฺติ เวหาเสน วา. ตถา หิ วิปสฺสิกกุสนฺธา อสฺสรเถน นิกฺขมึสุ, สิขีโกณาคมนา หตฺถิกฺขนฺเธน, เวสฺสภู สิวิกาย, กสฺสโป เวหาเสน, สกฺยมุนิ อสฺสปิฏฺิยา. อยํ เนกฺขมฺมเวมตฺตตา. สตฺตาหํ วา ปธานมนุยฺุชนฺติ, อฑฺฒมาสํ, มาสํ, ทฺเวมาสํ, เตมาสํ, จตุมาสํ, ปฺจมาสํ, ฉมาสํ, เอกวสฺสํ ทฺวิติจตุปฺจฉวสฺสานิ วา. อยํ ปธานเวมตฺตตา. อสฺสตฺโถ วา โพธิรุกฺโข โหติ นิคฺโรธาทีนํ วา อฺตโร. อยํ โพธิเวมตฺตตา. พฺยามาสีติอนนฺตปภายุตฺตา โหนฺติ. ตตฺถ พฺยามปฺปภา วา อสีติปฺปภา วา สพฺเพสํ สมานา, อนนฺตปฺปภา ปน ทูรมฺปิ คจฺฉติ อาสนฺนมฺปิ, เอกคาวุตํ ทฺวิคาวุตํ โยชนํ อเนกโยชนํ จกฺกวาฬปริยนฺตมฺปิ, มงฺคลสฺส พุทฺธสฺส สรีรปฺปภา ทสสหสฺสจกฺกวาฬํ อคมาสิ. เอวํ สนฺเตปิ มนสา จินฺตายตฺตาว สพฺพพุทฺธานํ, โย ยตฺตกมิจฺฉติ, ตสฺส ตตฺตกํ คจฺฉติ. อยํ รสฺมิเวมตฺตตา. อิมา อฏฺ เวมตฺตตา เปตฺวา อวเสเสสุ ปฏิเวเธนาธิคนฺตพฺเพสุ คุเณสุ, ปหาตพฺเพสุ วา โทเสสุ นตฺถิ เนสํ วิเสโส, ตสฺมา ‘‘สมา’’ติ วุจฺจนฺติ. เอวเมเตหิ สโม สเมหิ.
วิสเมหิ ¶ ทูเรติ น สมา วิสมา, ปจฺเจกพุทฺธาทโย อวเสสสพฺพสตฺตา. เตหิ วิสเมหิ อสทิสตาย ทูเร. สกลชมฺพุทีปํ ปูเรตฺวา ปลฺลงฺเกน ปลฺลงฺกํ สงฺฆฏฺเฏตฺวา นิสินฺนา ปจฺเจกพุทฺธาปิ หิ คุเณหิ เอกสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส กลํ นาคฺฆนฺติ โสฬสึ ¶ , โก ปน วาโท สาวกาทีสุ. เตนาห – ‘‘วิสเมหิ ทูเร’’ติ. ตถาคโต โหตีติ อุภยปเทหิ ทูเรติ โยเชตพฺพํ. อนนฺตปฺโติ อปริมิตปฺโ. โลกิยมนุสฺสานฺหิ ปฺํ อุปนิธาย อฏฺมกสฺส ปฺา อธิกา, ตสฺส ปฺํ อุปนิธาย โสตาปนฺนสฺส. เอวํ ยาว อรหโต ปฺํ อุปนิธาย ปจฺเจกพุทฺธสฺส ปฺา อธิกา, ปจฺเจกพุทฺธสฺส ปฺํ ปน อุปนิธาย ตถาคตสฺส ปฺา อธิกาติ น วตฺตพฺพา, อนนฺตา อิจฺเจว ปน วตฺตพฺพา. เตนาห – ‘‘อนนฺตปฺโ’’ติ. อนูปลิตฺโตติ ตณฺหาทิฏฺิเลเปหิ อลิตฺโต. อิธ วา หุรํ วาติ อิธโลเก วา ปรโลเก วา. โยชนา ปเนตฺถ – สโม สเมหิ วิสเมหิ ทูเร ตถาคโต โหติ. กสฺมา? ยสฺมา อนนฺตปฺโ อนุปลิตฺโต อิธ วา หุรํ วา, เตน ตถาคโต อรหติ ปูรฬาสนฺติ.
๔๗๔. ยมฺหิ ¶ น มายาติ อยํ ปน คาถา อฺา จ อีทิสา มายาทิโทสยุตฺเตสุ พฺราหฺมเณสุ ทกฺขิเณยฺยสฺาปหานตฺถํ วุตฺตาติ เวทิตพฺพา. ตตฺถ อมโมติ สตฺตสงฺขาเรสุ ‘‘อิทํ มมา’’ติ ปหีนมมายิตภาโว.
๔๗๕. นิเวสนนฺติ ตณฺหาทิฏฺินิเวสนํ. เตน หิ มโน ตีสุ ภเวสุ นิวิสติ, เตน ตํ ‘‘นิเวสนํ มนโส’’ติ วุจฺจติ. ตตฺเถว วา นิวิสติ ตํ หิตฺวา คนฺตุํ อสมตฺถตาย. เตนปิ ‘‘นิเวสน’’นฺติ วุจฺจติ. ปริคฺคหาติ ตณฺหาทิฏฺิโย เอว, ตาหิ ปริคฺคหิตธมฺมา วา. เกจีติ อปฺปมตฺตกาปิ. อนุปาทิยาโนติ เตสํ นิเวสนปริคฺคหานํ อภาวา กฺจิ ธมฺมํ อนุปาทิยมาโน.
๔๗๖. สมาหิโต มคฺคสมาธินา. อุทตารีติ อุตฺติณฺโณ. ธมฺมํ จฺาสีติ สพฺพฺจ เยฺยธมฺมํ อฺาสิ. ปรมาย ทิฏฺิยาติ สพฺพฺุตฺาเณน.
๔๗๗. ภวาสวาติ ¶ ภวตณฺหาฌานนิกนฺติสสฺสตทิฏฺิสหคตา ราคา. วจีติ วาจา. ขราติ กกฺขฬา ผรุสา. วิธูปิตาติ ทฑฺฒา. อตฺถคตาติ อตฺถงฺคตา. น สนฺตีติ วิธูปิตตฺตา อตฺถงฺคตตฺตา จ. อุภเยหิ ปน อุภยํ โยเชตพฺพํ สพฺพธีติ สพฺเพสุ ขนฺธายตนาทีสุ.
๔๗๘. มานสตฺเตสูติ มาเนน ลคฺเคสุ. ทุกฺขํ ปริฺายาติ วฏฺฏทุกฺขํ ตีหิ ปริฺาหิ ปริชานิตฺวา. สเขตฺตวตฺถุนฺติ สเหตุปจฺจยํ, สทฺธึ กมฺมกิเลเสหีติ วุตฺตํ โหติ.
๔๗๙. อาสํ อนิสฺสายาติ ตณฺหํ อนลฺลียิตฺวา. วิเวกทสฺสีติ ¶ นิพฺพานทสฺสี. ปรเวทิยนฺติ ปเรหิ าเปตพฺพํ. ทิฏฺิมุปาติวตฺโตติ ทฺวาสฏฺิเภทมฺปิ มิจฺฉาทิฏฺึ อติกฺกนฺโต. อารมฺมณาติ ปจฺจยา, ปุนพฺภวการณานีติ วุตฺตํ โหติ.
๔๘๐. ปโรปราติ วราวรา สุนฺทราสุนฺทรา. ปรา วา พาหิรา, อปรา อชฺฌตฺติกา. สเมจฺจาติ าเณน ปฏิวิชฺฌิตฺวา. ธมฺมาติ ขนฺธายตนาทโย ธมฺมา. อุปาทานขเย วิมุตฺโตติ นิพฺพาเน นิพฺพานารมฺมณโต วิมุตฺโต, นิพฺพานารมฺมณวิมุตฺติลาภีติ อตฺโถ.
๔๘๑. สํโยชนํชาติขยนฺตทสฺสีติ สํโยชนกฺขยนฺตทสฺสี ชาติกฺขยนฺตทสฺสี จ. สํโยชนกฺขยนฺเตน เจตฺถ สอุปาทิเสสา นิพฺพานธาตุ, ชาติกฺขยนฺเตน อนุปาทิเสสา วุตฺตา. ขยนฺโตติ หิ อจฺจนฺตขยสฺส สมุจฺเฉทปฺปหานสฺเสตํ อธิวจนํ. อนุนาสิกโลโป เจตฺถ ‘‘วิเวกชํ ¶ ปีติสุข’’นฺติอาทีสุ วิย น กโต. โยปานุทีติ โย อปนุทิ. ราคปถนฺติ ราคารมฺมณํ, ราคเมว วา. ราโคปิ หิ ทุคฺคตีนํ ปถตฺตา ‘‘ราคปโถ’’ติ วุจฺจติ กมฺมปโถ วิย. สุทฺโธ นิโทโส วิมโล อกาโจติ ปริสุทฺธกายสมาจาราทิตาย สุทฺโธ. เยหิ ‘‘ราคโทสา อยํ ปชา, โทสโทสา, โมหโทสา’’ติ วุจฺจติ. เตสํ อภาวา นิโทโส. อฏฺปุริสมลวิคมา วิมโล, อุปกฺกิเลสาภาวโต อกาโจ. อุปกฺกิลิฏฺโ หิ อุปกฺกิเลเสน ‘‘สกาโจ’’ติ วุจฺจติ. สุทฺโธ วา ยสฺมา นิทฺโทโส, นิทฺโทสตาย วิมโล, พาหิรมลาภาเวน วิมลตฺตา อกาโจ. สมโล หิ ¶ ‘‘สกาโจ’’ติ วุจฺจติ. วิมลตฺตา วา อาคุํ น กโรติ, เตน อกาโจ. อาคุกิริยา หิ อุปฆาตกรณโต ‘‘กาโจ’’ติ วุจฺจติ.
๔๘๒. อตฺตโน อตฺตานํ นานุปสฺสตีติ าณสมฺปยุตฺเตน จิตฺเตน วิปสฺสนฺโต อตฺตโน ขนฺเธสุ อฺํ อตฺตานํ นาม น ปสฺสติ, ขนฺธมตฺตเมว ปสฺสติ. ยา จายํ ‘‘อตฺตนาว อตฺตานํ สฺชานามี’’ติ ตสฺส สจฺจโต เถตโต ทิฏฺิ อุปฺปชฺชติ, ตสฺสา อภาวา อตฺตโน อตฺตานํ นานุปสฺสติ, อฺทตฺถุ ปฺาย ¶ ขนฺเธ ปสฺสติ. มคฺคสมาธินา สมาหิโต, กายวงฺกาทีนํ อภาวา อุชฺชุคโต, โลกธมฺเมหิ อกมฺปนียโต ิตตฺโต, ตณฺหาสงฺขาตาย เอชาย ปฺจนฺนํ เจโตขิลานฺจ อฏฺฏฺานาย กงฺขาย จ อภาวา อเนโช อขิโล อกงฺโข.
๔๘๓. โมหนฺตราติ โมหการณา โมหปจฺจยา, สพฺพกิเลสานเมตํ อธิวจนํ. สพฺเพสุ ธมฺเมสุ จ าณทสฺสีติ สจฺฉิกตสพฺพฺุตฺาโณ. ตฺหิ สพฺเพสุ ธมฺเมสุ าณํ, ตฺจ ภควา ปสฺสิ, ‘‘อธิคตํ เม’’ติ สจฺฉิกตฺวา วิหาสิ. เตน วุจฺจติ ‘‘สพฺเพสุ ธมฺเมสุ จ าณทสฺสี’’ติ. สมฺโพธินฺติ อรหตฺตํ. อนุตฺตรนฺติ ปจฺเจกพุทฺธสาวเกหิ อสาธารณํ. สิวนฺติ เขมํ นิรุปทฺทวํ สสฺสิริกํ วา. ยกฺขสฺสาติ ปุริสสฺส. สุทฺธีติ โวทานตา. เอตฺถ หิ โมหนฺตราภาเวน สพฺพโทสาภาโว, เตน สํสารการณสมุจฺเฉโท อนฺติมสรีรธาริตา, าณทสฺสิตาย สพฺพคุณสมฺภโว. เตน อนุตฺตรา สมฺโพธิปตฺติ, อิโต ปรฺจ ปหาตพฺพมธิคนฺตพฺพํ วา นตฺถิ. เตนาห – ‘‘เอตฺตาวตา ยกฺขสฺส สุทฺธี’’ติ.
๔๘๔. เอวํ วุตฺเต พฺราหฺมโณ ภิยฺโยโสมตฺตาย ภควติ ปสนฺโน ปสนฺนาการํ กโรนฺโต อาห ‘‘หุตฺจ มยฺห’’นฺติ. ตสฺสตฺโถ – ยมหํ อิโต ปุพฺเพ พฺรหฺมานํ อารพฺภ อคฺคิมฺหิ อชุหํ, ตํ เม หุตํ สจฺจํ วา โหติ, อลิกํ วาติ น ชานามิ. อชฺช ปน อิทํ หุตฺจ มยฺหํ หุตมตฺถุ สจฺจํ, สจฺจหุตเมว อตฺถูติ ยาจนฺโต ภณติ. ยํ ตาทิสํ เวทคุนํ อลตฺถํ, ยสฺมา อิเธว ิโต ภวนฺตรูปํ ¶ เวทคุํ อลตฺถํ. พฺรหฺมา หิ สกฺขิ, ปจฺจกฺขเมว หิ ตฺวํ พฺรหฺมา, ยโต ปฏิคฺคณฺหาตุ เม ภควา, ปฏิคฺคเหตฺวา ¶ จ ภฺุชตุ เม ภควา ปูรฬาสนฺติ ตํ หพฺยเสสํ อุปนาเมนฺโต อาห.
๔๘๗. อถ ภควา กสิภารทฺวาชสุตฺเต วุตฺตนเยน คาถาทฺวยมภาสิ. ตโต พฺราหฺมโณ ‘‘อยํ อตฺตนา น อิจฺฉติ, กมฺปิ จฺํ สนฺธาย ‘เกวลินํ มเหสึ ขีณาสวํ กุกฺกุจฺจวูปสนฺตํ อนฺเนน ปาเนน อุปฏฺหสฺสู’ติ ภณตี’’ติ เอวํ คาถาย อตฺถํ อสลฺลกฺเขตฺวา ตํ าตุกาโม ¶ อาห ‘‘สาธาหํ ภควา’’ติ. ตตฺถ สาธูติ อายาจนตฺเถ นิปาโต. ตถาติ เยน ตฺวมาห, เตน ปกาเรน. วิชฺนฺติ ชาเนยฺยํ. ยนฺติ ยํ ทกฺขิเณยฺยํ ยฺกาเล ปริเยสมาโน อุปฏฺเหยฺยนฺติ ปาเสโส. ปปฺปุยฺยาติ ปตฺวา. ตว สาสนนฺติ ตว โอวาทํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ. สาธาหํ ภควา ตว โอวาทํ อาคมฺม ตถา วิชฺํ อาโรเจหิ เม ตํ เกวลินนฺติ อธิปฺปาโย. โย ทกฺขิณํ ภฺุเชยฺย มาทิสสฺส, ยํ จาหํ ยฺกาเล ปริเยสมาโน อุปฏฺเหยฺยํ, ตถารูปํ เม ทกฺขิเณยฺยํ ทสฺเสหิ, สเจ ตฺวํ น ภฺุชสีติ.
๔๘๘-๙๐. อถสฺส ภควา ปากเฏน นเยน ตถารูปํ ทกฺขิเณยฺยํ ทสฺเสนฺโต ‘‘สารมฺภา ยสฺสา’’ติ คาถาตฺตยมาห. ตตฺถ สีมนฺตานํ วิเนตารนฺติ สีมาติ มริยาทา สาธุชนวุตฺติ, ตสฺสา อนฺตา ปริโยสานา อปรภาคาติ กตฺวา สีมนฺตา วุจฺจนฺติ กิเลสา, เตสํ วิเนตารนฺติ อตฺโถ. สีมนฺตาติ พุทฺธเวเนยฺยา เสกฺขา จ ปุถุชฺชนา จ, เตสํ วิเนตารนฺติปิ เอเก. ชาติมรณโกวิทนฺติ ‘‘เอวํ ชาติ เอวํ มรณ’’นฺติ เอตฺถ กุสลํ. โมเนยฺยสมฺปนฺนนฺติ ปฺาสมฺปนฺนํ, กายโมเนยฺยาทิสมฺปนฺนํ วา. ภกุฏึ วินยิตฺวานาติ ยํ เอกจฺเจ ทุพฺพุทฺธิโน ยาจกํ ทิสฺวา ภกุฏึ กโรนฺติ, ตํ วินยิตฺวา, ปสนฺนมุขา หุตฺวาติ อตฺโถ. ปฺชลิกาติ ปคฺคหิตอฺชลิโน หุตฺวา.
๔๙๑. อถ พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ โถมยมาโน ‘‘พุทฺโธ ภว’’นฺติ คาถมาห. ตตฺถ อายาโคติ อายชิตพฺโพ, ตโต ตโต อาคมฺม วา ยชิตพฺพเมตฺถาติปิ อายาโค, เทยฺยธมฺมานํ อธิฏฺานภูโตติ วุตฺตํ โหติ ¶ . เสสเมตฺถ อิโต ปุริมคาถาสุ จ ยํ น วณฺณิตํ, ตํ สกฺกา อวณฺณิตมฺปิ ชานิตุนฺติ อุตฺตานตฺถตฺตาเยว น วณฺณิตํ. อิโต ปรํ ปน กสิภารทฺวาชสุตฺเต วุตฺตนยเมวาติ.
ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย
สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย ปูรฬาสสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. มาฆสุตฺตวณฺณนา
เอวํ ¶ ¶ เม สุตนฺติ มาฆสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? อยเมว ยาสฺส นิทาเน วุตฺตา. อยฺหิ มาโฆ มาณโว ทายโก อโหสิ ทานปติ. ตสฺเสตทโหสิ – ‘‘สมฺปตฺตกปณทฺธิกาทีนํ ทานํ ทินฺนํ มหปฺผลํ โหติ, อุทาหุ โนติ สมณํ โคตมํ เอตมตฺถํ ปุจฺฉิสฺสามิ, สมโณ กิร โคตโม อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ ชานาตี’’ติ. โส ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิ. ภควา จสฺส ปุจฺฉานุรูปํ พฺยากาสิ. ตยิทํ สงฺคีติการานํ พฺราหฺมณสฺส ภควโตติ ติณฺณมฺปิ วจนํ สโมธาเนตฺวา ‘‘มาฆสุตฺต’’นฺติ วุจฺจติ.
ตตฺถ ราชคเหติ เอวํนามเก นคเร. ตฺหิ มนฺธาตุมหาโควินฺทาทีหิ ปริคฺคหิตตฺตา ‘‘ราชคห’’นฺติ วุจฺจติ. อฺเเปตฺถ ปกาเร วณฺณยนฺติ. กึ เตหิ, นามเมตํ ตสฺส นครสฺส? ตํ ปเนตํ พุทฺธกาเล จ จกฺกวตฺติกาเล จ นครํ โหติ, เสสกาเล สฺุํ โหติ ยกฺขปริคฺคหิตํ, เตสํ วสนฺตวนํ หุตฺวา ติฏฺติ. เอวํ โคจรคามํ ทสฺเสตฺวา นิวาสฏฺานมาห – ‘‘คิชฺฌกูเฏ ปพฺพเต’’ติ. โส จ คิชฺฌา ตสฺส กูเฏสุ วสึสุ, คิชฺฌสทิสานิ วาสฺส กูฏานิ, ตสฺมา ‘‘คิชฺฌกูโฏ’’ติ วุจฺจตีติ เวทิตพฺโพ.
อถ โข…เป… อโวจาติ เอตฺถ มาโฆติ ตสฺส พฺราหฺมณสฺส นามํ. มาณโวติ อนฺเตวาสิวาสํ อนตีตภาเวน วุจฺจติ, ชาติยา ปน มหลฺลโก. ‘‘ปุพฺพาจิณฺณวเสนา’’ติ เอเก ปิงฺคิโย มาณโว วิย. โส หิ วีสวสฺสสติโกปิ ปุพฺพาจิณฺณวเสน ‘‘ปิงฺคิโย มาณโว’’ ตฺเวว สงฺขํ อคมาสิ. เสสํ วุตฺตนยเมว.
อหฺหิ ¶ , โภ โคตม…เป… ปสวามีติ เอตฺถ ทายโก ทานปตีติ ทายโก เจว ทานปติ จ. โย หิ อฺสฺส สนฺตกํ เตนาณตฺโต เทติ, โสปิ ทายโก โหติ, ตสฺมึ ปน ทาเน อิสฺสริยาภาวโต น ทานปติ. อยํ ปน อตฺตโน สนฺตกํเยว เทติ. เตนาห – ‘‘อหฺหิ, โภ โคตม ¶ , ทายโก ทานปตี’’ติ. อยเมว หิ เอตฺถ อตฺโถ, อฺตฺร ปน อนฺตรนฺตรา มจฺเฉเรน อภิภุยฺยมาโน ทายโก อนภิภูโต ทานปตีติอาทินาปิ นเยน วตฺตุํ วฏฺฏติ. วทฺูติ ยาจกานํ วจนํ ชานามิ วุตฺตมตฺเตเยว ‘‘อยมิทมรหติ อยมิท’’นฺติ ปุริสวิเสสาวธารเณน ¶ พหูปการภาวคหเณน วา. ยาจโยโคติ ยาจิตุํ ยุตฺโต. โย หิ ยาจเก ทิสฺวาว ภกุฏึ กตฺวา ผรุสวจนาทีนิ ภณติ, โส น ยาจโยโค โหติ. อหํ ปน น ตาทิโสติ ทีเปติ. ธมฺเมนาติ อทินฺนาทานนิกติวฺจนาทีนิ วชฺเชตฺวา ภิกฺขาจริยาย, ยาจนายาติ อตฺโถ. ยาจนา หิ พฺราหฺมณานํ โภคปริเยสเน ธมฺโม, ยาจมานานฺจ เนสํ ปเรหิ อนุคฺคหกาเมหิ ทินฺนา โภคา ธมฺมลทฺธา นาม ธมฺมาธิคตา จ โหนฺติ, โส จ ตถา ปริเยสิตฺวา ลภิ. เตนาห – ‘‘ธมฺเมน โภเค ปริเยสามิ…เป… ธมฺมาธิคเตหี’’ติ. ภิยฺโยปิ ททามีติ ตโต อุตฺตริปิ ททามิ, ปมาณํ นตฺถิ, เอตฺถ ลทฺธโภคปฺปมาเณน ททามีติ ทสฺเสติ.
ตคฺฆาติ เอกํสวจเน นิปาโต. เอกํเสเนว หิ สพฺพพุทฺธปจฺเจกพุทฺธสาวเกหิ ปสตฺถํ ทานํ อนฺตมโส ติรจฺฉานคตานมฺปิ ทียมานํ. วุตฺตฺเจตํ ‘‘สพฺพตฺถ วณฺณิตํ ทานํ, น ทานํ ครหิตํ กฺวจี’’ติ. ตสฺมา ภควาปิ เอกํเสเนว ตํ ปสํสนฺโต อาห – ‘‘ตคฺฆ ตฺวํ มาณว…เป… ปสวสี’’ติ. เสสํ อุตฺตานตฺถเมว. เอวํ ภควตา ‘‘พหุํ โส ปฺุํ ปสวตี’’ติ วุตฺเตปิ ทกฺขิเณยฺยโต ทกฺขิณาวิสุทฺธึ โสตุกาโม พฺราหฺมโณ อุตฺตริ ภควนฺตํ ปุจฺฉิ. เตนาหุ สงฺคีติการา – ‘‘อถ โข มาโฆ มาณโว ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสี’’ติ. ตํ อตฺถโต วุตฺตนยเมว.
๔๙๒. ปุจฺฉามหนฺติอาทิคาถาสุ ¶ ปน วทฺุนฺติ วจนวิทุํ, สพฺพากาเรน สตฺตานํ วุตฺตวจนาธิปฺปายฺุนฺติ วุตฺตํ โหติ. สุชฺเฌติ ทกฺขิเณยฺยวเสน สุทฺธํ มหปฺผลํ ภเวยฺย. โยชนา ปเนตฺถ – โย ยาจโยโค ทานปติ ¶ คหฏฺโ ปฺุตฺถิโก หุตฺวา ปเรสํ อนฺนปานํ ททํ ยชติ, น อคฺคิมฺหิ อาหุติมตฺตํ ปกฺขิปนฺโต, ตฺจ โข ปฺุเปกฺโขว น ปจฺจุปการกลฺยาณกิตฺติสทฺทาทิอเปกฺโข, ตสฺส เอวรูปสฺส ยชมานสฺส หุตํ กถํ สุชฺเฌยฺยาติ?
๔๙๓. อาราธเย ทกฺขิเณยฺเยภิ ตาทีติ ตาทิโส ยาจโยโค ทกฺขิเณยฺเยหิ อาราธเย สมฺปาทเย โสธเย, มหปฺผลํ ตํ หุตํ กเรยฺย, น อฺถาติ อตฺโถ. อิมินาสฺส ‘‘กถํ หุตํ ยชมานสฺส สุชฺเฌ’’ อิจฺเจตํ พฺยากตํ โหติ.
๔๙๔. อกฺขาหิ เม ภควา ทกฺขิเณยฺเยติ เอตฺถ โย ยาจโยโค ททํ ปเรสํ ยชติ, ตสฺส เม ภควา ทกฺขิเณยฺเย อกฺขาหีติ เอวํ โยชนา เวทิตพฺพา.
๔๙๕. อถสฺส ¶ ภควา นานปฺปกาเรหิ นเยหิ ทกฺขิเณยฺเย ปกาเสนฺโต ‘‘เย เว อสตฺตา’’ติอาทิกา คาถาโย อภาสิ. ตตฺถ อสตฺตาติ ราคาทิสงฺควเสน อลคฺคา. เกวลิโนติ ปรินิฏฺิตกิจฺจา. ยตตฺตาติ คุตฺตจิตฺตา.
๔๙๖-๗. ทนฺตา อนุตฺตเรน ทมเถน, วิมุตฺตา ปฺาเจโตวิมุตฺตีหิ, อนีฆา อายตึ วฏฺฏทุกฺขาภาเวน, นิราสา สมฺปติ กิเลสาภาเวน. อิมิสฺสา ปน คาถาย ทุติยคาถา ภาวนานุภาวปฺปกาสนนเยน วุตฺตาติ เวทิตพฺพา. ‘‘ภาวนานุโยคมนุยุตฺตสฺส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน วิหรโต กิฺจาปิ น เอวํ อิจฺฉา อุปฺปชฺเชยฺย ‘อโห วต เม อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุจฺเจยฺยา’ติ (อ. นิ. ๗.๗๑), อถ ขฺวาสฺส อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุจฺจตี’’ติ อิทํ เจตฺถ สุตฺตํ สาธกํ.
๔๙๘-๕๐๒. ราคฺจ…เป… เยสุ น มายา…เป… น ตณฺหาสุ อุปาติปนฺนาติ กามตณฺหาทีสุ นาธิมุตฺตา. วิตเรยฺยาติ วิตริตฺวา. ตณฺหาติ รูปตณฺหาทิฉพฺพิธา ¶ . ภวาภวายาติ สสฺสตาย วา อุจฺเฉทาย วา. อถ วา ภวสฺส อภวาย ภวาภวาย, ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติยาติ วุตฺตํ โหติ. อิธ วา หุรํ วาติ อิทํ ปน ‘‘กุหิฺจิ โลเก’’ติ อิมสฺส วิตฺถารวจนํ.
๕๐๔. เย ¶ วีตราคา…เป… สมิตาวิโนติ สมิตวนฺโต, กิเลสวูปสมการิโนติ อตฺโถ. สมิตาวิตตฺตา จ วีตราคา อโกปา. อิธ วิปฺปหายาติ อิธโลเก วตฺตมาเน ขนฺเธ วิหาย, ตโต ปรํ เยสํ คมนํ นตฺถีติ วุตฺตํ โหติ. อิโต ปรํ ‘‘เย กาเม หิตฺวา อคหา จรนฺติ, สุสฺตตฺตา ตสรํว อุชฺชุ’’นฺติ อิมมฺปิ คาถํ เกจิ ปนฺติ.
๕๐๖-๘. ชหิตฺวาติ หิตฺวา. ‘‘ชหิตฺวานา’’ติปิ ปาโ, อยเมวตฺโถ. อตฺตทีปาติ อตฺตโน คุเณ เอว อตฺตโน ทีปํ กตฺวา วิจรนฺตา ขีณาสวา วุจฺจนฺติ. เย เหตฺถาติ หกาโร นิปาโต ปทปูรณมตฺเต. อยํ ปนตฺโถ – เย เอตฺถ ขนฺธายตนาทิสนฺตาเน ยถา อิทํ ขนฺธายตนาทิ ตถา ชานนฺติ, ยํสภาวํ ตํสภาวํเยว สฺชานนฺติ อนิจฺจาทิวเสน ชานนฺตา. อยมนฺติมา นตฺถิ ปุนพฺภโวติ อยํ โน อนฺติมา ชาติ, อิทานิ นตฺถิ ปุนพฺภโวติ เอวฺจ เย ชานนฺตีติ.
๕๐๙. โย เวทคูติ อิทานิ อตฺตานํ สนฺธาย ภควา อิมํ คาถมาห. ตตฺถ สติมาติ ฉสตตวิหารสติยา ¶ สมนฺนาคโต. สมฺโพธิปตฺโตติ สพฺพฺุตํ ปตฺโต. สรณํ พหูนนฺติ พหูนํ เทวมนุสฺสานํ ภยวิหึสเนน สรณภูโต.
๕๑๐. เอวํ ทกฺขิเณยฺเย สุตฺวา อตฺตมโน พฺราหฺมโณ อาห – ‘‘อทฺธา อโมฆา’’ติ. ตตฺถ ตฺวฺเหตฺถ ชานาสิ ยถา ตถา อิทนฺติ ตฺวฺหิ เอตฺถ โลเก อิทํ สพฺพมฺปิ เยฺยํ ยถา ตถา ชานาสิ ยาถาวโต ชานาสิ, ยาทิสํ ตํ ตาทิสเมว ชานาสีติ ¶ วุตฺตํ โหติ. ตถา หิ เต วิทิโต เอส ธมฺโมติ ตถา หิ เต เอสา ธมฺมธาตุ สุปฺปฏิวิทฺธา, ยสฺสา สุปฺปฏิวิทฺธตา ยํ ยํ อิจฺฉสิ, ตํ ตํ ชานาสีติ อธิปฺปาโย.
๕๑๑. เอวํ โส พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ ปสํสิตฺวา ทกฺขิเณยฺยสมฺปทาย ยฺสมฺปทํ ตฺวา ทายกสมฺปทายปิ ตํ ฉฬงฺคปริปูรํ ยฺสมฺปทํ โสตุกาโม ‘‘โย ยาจโยโค’’ติ อุตฺตริปฺหํ ปุจฺฉิ. ตตฺรายํ โยชนา – โย ยาจโยโค ททํ ปเรสํ ยชติ, ตสฺส อกฺขาหิ เม ภควา ยฺสมฺปทนฺติ.
๕๑๒. อถสฺส ¶ ภควา ทฺวีหิ คาถาหิ อกฺขาสิ. ตตฺถายํ อตฺถโยชนา – ยชสฺสุ มาฆ, ยชมาโน จ สพฺพตฺถ วิปฺปสาเทหิ จิตฺตํ, ตีสุปิ กาเลสุ จิตฺตํ ปสาเทหิ. เอวํ เต ยายํ –
‘‘ปุพฺเพว ทานา สุมโน, ททํ จิตฺตํ ปสาทเย;
ทตฺวา อตฺตมโน โหติ, เอสา ยฺสฺส สมฺปทา’’ติ. (อ. นิ. ๖.๓๗; เป. ว. ๓๐๕) –
ยฺสมฺปทา วุตฺตา, ตาย สมฺปนฺโน ยฺโ ภวิสฺสติ. ตตฺถ สิยา ‘‘กถํ จิตฺตํ ปสาเทตพฺพ’’นฺติ? โทสปฺปหาเนน. กถํ โทสปฺปหานํ โหติ? ยฺารมฺมณตาย. อยฺหิ อารมฺมณํ ยชมานสฺส ยฺโ เอตฺถ ปติฏฺาย ชหาติ โทสํ, อยฺหิ สตฺเตสุ เมตฺตาปุพฺพงฺคเมน สมฺมาทิฏฺิปทีปวิหตโมหนฺธกาเรน จิตฺเตน ยชมานสฺส เทยฺยธมฺมสงฺขาโต ยฺโ อารมฺมณํ โหติ, โส เอตฺถ ยฺเ อารมฺมณวเสน ปวตฺติยา ปติฏฺาย เทยฺยธมฺมปจฺจยํ โลภํ, ปฏิคฺคาหกปจฺจยํ โกธํ, ตทุภยนิทานํ โมหนฺติ เอวํ ติวิธมฺปิ ชหาติ โทสํ. โส เอวํ โภเคสุ วีตราโค, สตฺเตสุ จ ปวิเนยฺย โทสํ ตปฺปหาเนเนว ปหีนปฺจนีวรโณ อนุกฺกเมน อุปจารปฺปนาเภทํ อปริมาณสตฺตผรเณน เอกสตฺเต วา อนวเสสผรเณน อปฺปมาณํ เมตฺตํ จิตฺตํ ภาเวนฺโต ¶ ปุน ภาวนาเวปุลฺลตฺถํ, รตฺตินฺทิวํ สตตํ สพฺพอิริยาปเถสุ อปฺปมตฺโต หุตฺวา ตเมว เมตฺตชฺฌานสงฺขาตํ สพฺพา ทิสา ผรเต อปฺปมฺนฺติ.
๕๑๔. อถ พฺราหฺมโณ ตํ เมตฺตํ ‘‘พฺรหฺมโลกมคฺโค อย’’นฺติ อชานนฺโต เกวลํ อตฺตโน วิสยาตีตํ เมตฺตาภาวนํ สุตฺวา ¶ สุฏฺุตรํ สฺชาตสพฺพฺุสมฺภาวโน ภควติ อตฺตนา พฺรหฺมโลกาธิมุตฺตตฺตา พฺรหฺมโลกูปปตฺติเมว จ สุทฺธึ มุตฺติฺจ มฺมาโน พฺรหฺมโลกมคฺคํ ปุจฺฉนฺโต ‘‘โก สุชฺฌตี’’ติ คาถมาห. ตตฺร จ พฺรหฺมโลกคามึ ปฺุํ กโรนฺตํ สนฺธายาห – ‘‘โก สุชฺฌติ มุจฺจตี’’ติ, อกโรนฺตํ สนฺธาย ‘‘พชฺฌตี จา’’ติ. เกนตฺตนาติ เกน การเณน. สกฺขิ พฺรหฺมชฺชทิฏฺโติ พฺรหฺมา อชฺช สกฺขิ ทิฏฺโ. สจฺจนฺติ ภควโต พฺรหฺมสมตฺตํ อารพฺภ อจฺจาทเรน สปถํ กโรติ. กถํ อุปปชฺชตีติ อจฺจาทเรเนว ปุนปิ ปุจฺฉติ. ชุติมาติ ภควนฺตํ อาลปติ.
ตตฺถ ¶ ยสฺมา โย ภิกฺขุ เมตฺตาย ติกจตุกฺกชฺฌานํ อุปฺปาเทตฺวา ตเมว ปาทกํ กตฺวา วิปสฺสนฺโต อรหตฺตํ ปาปุณาติ, โส สุชฺฌติ มุจฺจติ จ, ตถารูโป จ พฺรหฺมโลกํ น คจฺฉติ. โย ปน เมตฺตาย ติกจตุกฺกชฺฌานํ อุปฺปาเทตฺวา ‘‘สนฺตา เอสา สมาปตฺตี’’ติอาทินา นเยน ตํ อสฺสาเทติ, โส พชฺฌติ. อปริหีนชฺฌาโน จ เตเนว ฌาเนน พฺรหฺมโลกํ คจฺฉติ, ตสฺมา ภควา โย สุชฺฌติ มุจฺจติ จ, ตสฺส พฺรหฺมโลกคมนํ อนนุชานนฺโต อนามสิตฺวาว ตํ ปุคฺคลํ โย พชฺฌติ. ตสฺส เตน ฌาเนน พฺรหฺมโลกคมนํ ทสฺเสนฺโต พฺราหฺมณสฺส สปฺปาเยน นเยน ‘‘โย ยชตี’’ติ อิมํ คาถมาห.
๕๑๕. ตตฺถ ติวิธนฺติ ติกาลปฺปสาทํ สนฺธายาห. เตน ทายกโต องฺคตฺตยํ ทสฺเสติ. อาราธเย ทกฺขิเณยฺเยภิ ตาทีติ ตฺจ โส ตาทิโส ติวิธสมฺปตฺติสาธโก ปุคฺคโล ติวิธํ ยฺสมฺปทํ ทกฺขิเณยฺเยหิ ขีณาสเวหิ สาเธยฺย สมฺปาเทยฺย. อิมินา ปฏิคฺคาหกโต องฺคตฺตยํ ทสฺเสติ. เอวํ ยชิตฺวา สมฺมา ยาจโยโคติ เอวํ เมตฺตชฺฌานปทฏฺานภาเวน ฉฬงฺคสมนฺนาคตํ ยฺํ สมฺมา ยชิตฺวา โส ยาจโยโค เตน ฉฬงฺคยฺูปนิสฺสเยน เมตฺตชฺฌาเนน อุปปชฺชติ พฺรหฺมโลกนฺติ ¶ พฺรูมีติ พฺราหฺมณํ สมุสฺสาเหนฺโต เทสนํ สมาเปสิ. เสสํ สพฺพคาถาสุ อุตฺตานตฺถเมว. อิโต ปรฺจ ปุพฺเพ วุตฺตนยเมวาติ.
ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย
สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย มาฆสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. สภิยสุตฺตวณฺณนา
เอวํ ¶ เม สุตนฺติ สภิยสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? อยเมว ยาสฺส นิทาเน วุตฺตา. อตฺถวณฺณนากฺกเมปิ จสฺส ปุพฺพสทิสํ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. ยํ ปน อปุพฺพํ, ตํ อุตฺตานตฺถานิ ปทานิ ปริหรนฺตา วณฺณยิสฺสาม. เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเปติ เวฬุวนนฺติ ตสฺส อุยฺยานสฺส นามํ. ตํ กิร เวฬูหิ จ ปริกฺขิตฺตํ อโหสิ อฏฺารสหตฺเถน จ ปากาเรน, โคปุรทฺวารฏฺฏาลกยุตฺตํ ¶ นีโลภาสํ มโนรมํ, เตน ‘‘เวฬุวน’’นฺติ วุจฺจติ. กลนฺทกานฺเจตฺถ นิวาปํ อทํสุ, เตน ‘‘กลนฺทกนิวาโป’’ติ วุจฺจติ. กลนฺทกา นาม กาฬกา วุจฺจนฺติ. ปุพฺเพ กิร อฺตโร ราชา ตตฺถ อุยฺยานกีฬนตฺถํ อาคโต สุรามเทน มตฺโต ทิวาเสยฺยํ สุปิ. ปริชโนปิสฺส ‘‘สุตฺโต ราชา’’ติ ปุปฺผผลาทีหิ ปโลภิยมาโน อิโต จิโต จ ปกฺกามิ. อถ สุราคนฺเธน อฺตรสฺมา สุสิรรุกฺขา กณฺหสปฺโป นิกฺขมิตฺวา รฺโ อภิมุโข อาคจฺฉติ. ตํ ทิสฺวา รุกฺขเทวตา ‘‘รฺโ ชีวิตํ ทสฺสามี’’ติ กาฬกเวเสน อาคนฺตฺวา กณฺณมูเล สทฺทมกาสิ. ราชา ปฏิพุชฺฌิ, กณฺหสปฺโป นิวตฺโต. โส ตํ ทิสฺวา ‘‘อิมาย มม กาฬกาย ชีวิตํ ทินฺน’’นฺติ กาฬกานํ ตตฺถ นิวาปํ ปฏฺเปสิ, อภยโฆสนฺจ ¶ โฆสาเปสิ. ตสฺมา ตํ ตโต ปภุติ ‘‘กลนฺทกนิวาโป’’ติ สงฺขํ คตํ.
สภิยสฺส ปริพฺพาชกสฺสาติ สภิโยติ ตสฺส นามํ, ปริพฺพาชโกติ พาหิร ปพฺพชฺชํ อุปาทาย วุจฺจติ. ปุราณสาโลหิตาย เทวตายาติ น มาตา น ปิตา, อปิจ โข ปนสฺส มาตา วิย ปิตา วิย จ หิตชฺฌาสยตฺตา โส เทวปุตฺโต ‘‘ปุราณสาโลหิตา เทวตา’’ติ วุตฺโต. ปรินิพฺพุเต กิร กสฺสเป ภควติ ปติฏฺิเต สุวณฺณเจติเย ตโย กุลปุตฺตา สมฺมุขสาวกานํ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา จริยานุรูปานิ กมฺมฏฺานานิ คเหตฺวา ปจฺจนฺตชนปทํ คนฺตฺวา อรฺายตเน สมณธมฺมํ กโรนฺติ, อนฺตรนฺตรา จ เจติยวนฺทนตฺถาย ธมฺมสฺสวนตฺถาย จ นครํ คจฺฉนฺติ. อปเรน จ สมเยน ตาวตกมฺปิ อรฺเ วิปฺปวาสํ อโรจยมานา ตตฺเถว อปฺปมตฺตา วิหรึสุ, เอวํ วิหรนฺตาปิ น จ กิฺจิ วิเสสํ อธิคมึสุ. ตโต เนสํ อโหสิ – ‘‘มยํ ปิณฺฑาย คจฺฉนฺตา ชีวิเต สาเปกฺขา โหม, ชีวิเต สาเปกฺเขน จ น สกฺกา โลกุตฺตรธมฺโม อธิคนฺตุํ, ปุถุชฺชนกาลกิริยาปิ ทุกฺขา, หนฺท มยํ นิสฺเสณึ พนฺธิตฺวา ปพฺพตํ ¶ อภิรุยฺห กาเย จ ชีวิเต จ อนเปกฺขา สมณธมฺมํ กโรมา’’ติ. เต ตถา อกํสุ.
อถ เนสํ มหาเถโร อุปนิสฺสยสมฺปนฺนตฺตา ตทเหว ฉฬภิฺาปริวารํ อรหตฺตํ สจฺฉากาสิ. โส อิทฺธิยา หิมวนฺตํ คนฺตฺวา อโนตตฺเต มุขํ โธวิตฺวา อุตฺตรกุรูสุ ปิณฺฑาย จริตฺวา กตภตฺตกิจฺโจ ปุน อฺมฺปิ ปเทสํ คนฺตฺวา ปตฺตํ ปูเรตฺวา อโนตตฺตอุทกฺจ นาคลตาทนฺตโปณฺจ คเหตฺวา ¶ เตสํ สนฺติกํ อาคนฺตฺวา อาห – ‘‘ปสฺสถาวุโส มมานุภาวํ, อยํ อุตฺตรกุรุโต ปิณฺฑปาโต, อิทํ หิมวนฺตโต อุทกทนฺตโปณํ อาภตํ, อิมํ ภฺุชิตฺวา สมณธมฺมํ กโรถ, เอวาหํ ตุมฺเห สทา อุปฏฺหิสฺสามี’’ติ. เต ตํ สุตฺวา อาหํสุ – ‘‘ตุมฺเห, ภนฺเต, กตกิจฺจา, ตุมฺเหหิ สห สลฺลาปมตฺตมฺปิ อมฺหากํ ปปฺโจ, มา ทานิ ตุมฺเห ปุน อมฺหากํ ¶ สนฺติกํ อาคมิตฺถา’’ติ. โส เกนจิ ปริยาเยน เต สมฺปฏิจฺฉาเปตุํ อสกฺโกนฺโต ปกฺกามิ.
ตโต เตสํ เอโก ทฺวีหตีหจฺจเยน ปฺจาภิฺโ อนาคามี อโหสิ. โสปิ ตเถว อกาสิ, อิตเรน จ ปฏิกฺขิตฺโต ตเถว อคมาสิ. โส ตํ ปฏิกฺขิปิตฺวา วายมนฺโต ปพฺพตํ อารุหนทิวสโต สตฺตเม ทิวเส กิฺจิ วิเสสํ อนธิคนฺตฺวาว กาลกโต เทวโลเก นิพฺพตฺติ. ขีณาสวตฺเถโรปิ ตํ ทิวสเมว ปรินิพฺพายิ, อนาคามี สุทฺธาวาเสสุ อุปฺปชฺชิ. เทวปุตฺโต ฉสุ กามาวจรเทวโลเกสุ อนุโลมปฏิโลเมน ทิพฺพสมฺปตฺตึ อนุภวิตฺวา อมฺหากํ ภควโต กาเล เทวโลกา จวิตฺวา อฺตริสฺสา ปริพฺพาชิกาย กุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ อคฺคเหสิ. สา กิร อฺตรสฺส ขตฺติยสฺส ธีตา, ตํ มาตาปิตโร ‘‘อมฺหากํ ธีตา สมยนฺตรํ ชานาตู’’ติ เอกสฺส ปริพฺพาชกสฺส นิยฺยาเตสุํ. ตสฺเสโก อนฺเตวาสิโก ปริพฺพาชโก ตาย สทฺธึ วิปฺปฏิปชฺชิ. สา เตน คพฺภํ คณฺหิ. ตํ คพฺภินึ ทิสฺวา ปริพฺพาชิกา นิกฺกฑฺฒึสุ. สา อฺตฺถ คจฺฉนฺตี อนฺตรามคฺเค สภายํ วิชายิ, เตนสฺส ‘‘สภิโย’’ตฺเวว นามํ อกาสิ. โสปิ สภิโย วฑฺฒิตฺวา ปริพฺพาชกปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา นานาสตฺถานิ อุคฺคเหตฺวา มหาวาที หุตฺวา วาทกฺขิตฺตตาย สกลชมฺพุทีเป วิจรนฺโต อตฺตโน สทิสํ วาทึ อทิสฺวา นครทฺวาเร อสฺสมํ การาเปตฺวา ขตฺติยกุมาราทโย สิปฺปํ สิกฺขาเปนฺโต ตตฺถ วสติ.
อถ ภควา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺโก อนุปุพฺเพน ราชคหํ อาคนฺตฺวา เวฬุวเน วิหรติ กลนฺทกนิวาเป. สภิโย ปน พุทฺธุปฺปาทํ น ชานาติ. อถ โส สุทฺธาวาสพฺรหฺมา สมาปตฺติโต วุฏฺาย ‘‘อิมาหํ วิเสสํ กสฺสานุภาเวน ปตฺโต’’ติ อาวชฺเชนฺโต กสฺสปสฺส ภควโต สาสเน สมณธมฺมกิริยํ เต จ สหาเย อนุสฺสริตฺวา ‘‘เตสุ เอโก ¶ ปรินิพฺพุโต, เอโก อิทานิ กตฺถา’’ติ ¶ อาวชฺเชนฺโต ‘‘เทวโลกา จวิตฺวา ชมฺพุทีเป อุปฺปนฺโน พุทฺธุปฺปาทมฺปิ น ชานาตี’’ติ ตฺวา ‘‘หนฺท นํ พุทฺธุปเสวนาย นิโยเชมี’’ติ วีสติ ปฺเห อภิสงฺขริตฺวา รตฺติภาเค ตสฺส อสฺสมมาคมฺม ¶ อากาเส ตฺวา ‘‘สภิย, สภิยา’’ติ ปกฺโกสิ. โส นิทฺทายมาโน ติกฺขตฺตุํ ตํ สทฺทํ สุตฺวา นิกฺขมฺม โอภาสํ ทิสฺวา ปฺชลิโก อฏฺาสิ. ตโต ตํ พฺรหฺมา อาห – ‘‘อหํ สภิย ตวตฺถาย วีสติ ปฺเห อาหรึ, เต ตฺวํ อุคฺคณฺห. โย จ เต สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา อิเม ปฺเห ปุฏฺโ พฺยากโรติ, ตสฺส สนฺติเก พฺรหฺมจริยํ จเรยฺยาสี’’ติ. อิมํ เทวปุตฺตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ ‘‘ปุราณสาโลหิตาย เทวตาย ปฺหา อุทฺทิฏฺา โหนฺตี’’ติ. อุทฺทิฏฺาติ อุทฺเทสมตฺเตเนว วุตฺตา, น วิภงฺเคน.
เอวํ วุตฺเต จ เน สภิโย เอกวจเนเนว ปทปฏิปาฏิยา อุคฺคเหสิ. อถ โส พฺรหฺมา ชานนฺโตปิ ตสฺส พุทฺธุปฺปาทํ นาจิกฺขิ. ‘‘อตฺถํ คเวสมาโน ปริพฺพาชโก สยเมว สตฺถารํ สฺสติ. อิโต พหิทฺธา จ สมณพฺราหฺมณานํ ตุจฺฉภาว’’นฺติ อิมินา ปนาธิปฺปาเยน เอวมาห – ‘‘โย เต สภิย…เป… จเรยฺยาสี’’ติ. เถรคาถาสุ ปน จตุกฺกนิปาเต สภิยตฺเถราปทานํ วณฺเณนฺตา ภณนฺติ ‘‘สา จสฺส มาตา อตฺตโน วิปฺปฏิปตฺตึ จินฺเตตฺวา ตํ ชิคุจฺฉมานา ฌานํ อุปฺปาเทตฺวา พฺรหฺมโลเก อุปฺปนฺนา, ตาย พฺรหฺมเทวตาย เต ปฺหา อุทฺทิฏฺา’’ติ.
เย เตติ อิทานิ วตฺตพฺพานํ อุทฺเทสปจฺจุทฺเทโส. สมณพฺราหฺมณาติ ปพฺพชฺชูปคมเนน โลกสมฺมุติยา จ สมณา เจว พฺราหฺมณา จ. สงฺฆิโนติ คณวนฺโต. คณิโนติ สตฺถาโร, ‘‘สพฺพฺุโน มย’’นฺติ เอวํ ปฏิฺาตาโร. คณาจริยาติ อุทฺเทสปริปุจฺฉาทิวเสน ปพฺพชิตคหฏฺคณสฺส อาจริยา. าตาติ อภิฺาตา, วิสฺสุตา ปากฏาติ วุตฺตํ โหติ. ยสสฺสิโนติ ลาภปริวารสมฺปนฺนา. ติตฺถกราติ เตสํ ทิฏฺานุคตึ อาปชฺชนฺเตหิ โอตริตพฺพานํ โอคาหิตพฺพานํ ทิฏฺิติตฺถานํ กตฺตาโร. สาธุสมฺมตา พหุชนสฺสาติ ‘‘สาธโว เอเต สนฺโต สปฺปุริสา’’ติ เอวํ พหุชนสฺส สมฺมตา.
เสยฺยถิทนฺติ ¶ กตเม เตติ เจ-อิจฺเจตสฺมึ อตฺเถ นิปาโต. ปูรโณติ นามํ, กสฺสโปติ โคตฺตํ. โส กิร ชาติยา ทาโส, ทาสสตํ ¶ ปูเรนฺโต ชาโต. เตนสฺส ‘‘ปูรโณ’’ติ นามมกํสุ. ปลายิตฺวา ปน นคฺเคสุ ปพฺพชิตฺวา ‘‘กสฺสโป อห’’นฺติ โคตฺตํ อุทฺทิสิ, สพฺพฺุตฺจ ปจฺจฺาสิ. มกฺขลีติ นามํ, โคสาลาย ชาตตฺตา โคสาโลติปิ วุจฺจติ. โสปิ กิร ชาติยา ทาโส เอว, ปลายิตฺวา ปพฺพชิ, สพฺพฺุตฺจ ปจฺจฺาสิ. อชิโตติ นามํ, อปฺปิจฺฉตาย เกสกมฺพลํ ธาเรติ, เตน เกสกมฺพโลติปิ วุจฺจติ, โสปิ สพฺพฺุตํ ปจฺจฺาสิ ¶ . ปกุโธติ นามํ, กจฺจายโนติ โคตฺตํ. อปฺปิจฺฉวเสน อุทเก ชีวสฺาย จ นฺหานมุขโธวนาทิ ปฏิกฺขิตฺโต, โสปิ สพฺพฺุตํ ปจฺจฺาสิ. สฺจโยติ นามํ, เพลฏฺโ ปนสฺส ปิตา, ตสฺมา เพลฏฺปุตฺโตติ วุจฺจติ, โสปิ สพฺพฺุตํ ปจฺจฺาสิ. นิคณฺโติ ปพฺพชฺชานาเมน, นาฏปุตฺโตติ ปิตุนาเมน วุจฺจติ. นาโฏติ กิร นามสฺส ปิตา, ตสฺส ปุตฺโตติ นาฏปุตฺโต, โสปิ สพฺพฺุตํ ปจฺจฺาสิ. สพฺเพปิ ปฺจสตปฺจสตสิสฺสปริวารา อเหสุํ. เตติ เต ฉ สตฺถาโร. เต ปฺเหติ เต วีสติ ปฺเห. เตติ เต ฉ สตฺถาโร. น สมฺปายนฺตีติ น สมฺปาเทนฺติ. โกปนฺติ จิตฺตเจตสิกานํ อาวิลภาวํ. โทสนฺติ ปทุฏฺจิตฺตตํ, ตทุภยมฺเปตํ มนฺทติกฺขเภทสฺส โกธสฺเสวาธิวจนํ. อปฺปจฺจยนฺติ อปฺปตีตตา, โทมนสฺสนฺติ วุตฺตํ โหติ. ปาตุกโรนฺตีติ กายวจีวิกาเรน ปกาเสนฺติ, ปากฏํ กโรนฺติ.
หีนายาติ คหฏฺภาวาย. คหฏฺภาโว หิ ปพฺพชฺชํ อุปนิธาย สีลาทิคุณหีนโต หีนกามสุขปฏิเสวนโต วา ‘‘หีโน’’ติ วุจฺจติ. อุจฺจา ปพฺพชฺชา. อาวตฺติตฺวาติ โอสกฺกิตฺวา. กาเม ปริภฺุเชยฺยนฺติ กาเม ปฏิเสเวยฺยํ. อิติ กิรสฺส สพฺพฺุปฏิฺานมฺปิ ปพฺพชิตานํ ตุจฺฉกตฺตํ ทิสฺวา อโหสิ. อุปฺปนฺนปริวิตกฺกวเสเนว จ อาคนฺตฺวา ปุนปฺปุนํ วีมํสมานสฺส อถ โข สภิยสฺส ปริพฺพาชกสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อยมฺปิ โข สมโณ’’ติ จ ‘‘เยปิ โข เต โภนฺโต’’ติ จ ‘‘สมโณ โข ทหโรติ น อฺุาตพฺโพ’’ติ จาติ เอวมาทิ. ตตฺถ ชิณฺณาติอาทีนิ ปทานิ วุตฺตนยาเนว. เถราติ อตฺตโน สมณธมฺเม ถิรภาวปฺปตฺตา. รตฺตฺูติ ¶ รตนฺู, ‘‘นิพฺพานรตนํ ชานาม มย’’นฺติ เอวํ สกาย ปฏิฺาย โลเกนาปิ สมฺมตา, พหุรตฺติวิทู วา. จิรํ ปพฺพชิตานํ เอเตสนฺติ จิรปพฺพชิตา. น อฺุาตพฺโพติ น อวชานิตพฺโพ, น นีจํ กตฺวา ชานิตพฺโพติ วุตฺตํ ¶ โหติ. น ปริโภตพฺโพติ น ปริภวิตพฺโพ, ‘‘กิเมส สฺสตี’’ติ เอวํ น คเหตพฺโพติ วุตฺตํ โหติ.
๕๑๖. กงฺขี เวจิกิจฺฉีติ สภิโย ภควตา สทฺธึ สมฺโมทมาโน เอวํ ภควโต รูปสมฺปตฺติทมูปสมสูจิตํ สพฺพฺุตํ สมฺภาวยมาโน วิคตุทฺธจฺโจ หุตฺวา อาห – ‘‘กงฺขี เวจิกิจฺฉี’’ติ. ตตฺถ ‘‘ลเภยฺยํ นุ โข อิเมสํ พฺยากรณ’’นฺติ เอวํ ปฺหานํ พฺยากรณกงฺขาย กงฺขี. ‘‘โก นุ โข อิมสฺสิมสฺส จ ปฺหสฺส อตฺโถ’’ติ เอวํ วิจิกิจฺฉาย เวจิกิจฺฉี. ทุพฺพลวิจิกิจฺฉาย วา เตสํ ปฺหานํ อตฺเถ กงฺขนโต กงฺขี, พลวติยา วิจินนฺโต กิจฺฉติเยว, น สกฺโกติ สนฺนิฏฺาตุนฺติ เวจิกิจฺฉี. อภิกงฺขมาโนติ อติวิย ปตฺถยมาโน. เตสนฺตกโรติ เตสํ ปฺหานํ อนฺตกโร. ภวนฺโตว เอวํ ภวาหีติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ปฺเห เม ปุฏฺโ…เป… พฺยากโรหิ เม’’ติ. ตตฺถ ปฺเห เมติ ปฺเห มยา. ปุฏฺโติ ปุจฺฉิโต. อนุปุพฺพนฺติ ¶ ปฺหปฏิปาฏิยา อนุธมฺมนฺติ อตฺถานุรูปํ ปาฬึ อาโรเปนฺโต. พฺยากโรหิ เมติ มยฺหํ พฺยากโรหิ.
๕๑๗. ทูรโตติ โส กิร อิโต จิโต จาหิณฺฑนฺโต สตฺตโยชนสตมคฺคโต อาคโต. เตนาห – ภควา ‘‘ทูรโต อาคโตสี’’ติ, กสฺสปสฺส ภควโต วา สาสนโต อาคตตฺตา ‘‘ทูรโต อาคโตสี’’ติ นํ อาห.
๕๑๘. ปุจฺฉ มนฺติ อิมาย ปนสฺส คาถาย สพฺพฺุปวารณํ ปวาเรติ. ตตฺถ มนสิจฺฉสีติ มนสา อิจฺฉสิ.
ยํ วตาหนฺติ ยํ วต อหํ. อตฺตมโนติ ปีติปาโมชฺชโสมนสฺเสหิ ผุฏจิตฺโต. อุทคฺโคติ กาเยน จิตฺเตน จ อพฺภุนฺนโต ¶ . อิทํ ปน ปทํ น สพฺพปาเสุ อตฺถิ. อิทานิ เยหิ ธมฺเมหิ อตฺตมโน, เต ทสฺเสนฺโต อาห – ‘‘ปมุทิโต ปีติโสมนสฺสชาโต’’ติ.
๕๑๙. กึ ปตฺตินนฺติ กึ ปตฺตํ กิมธิคตํ. โสรตนฺติ สุวูปสนฺตํ. ‘‘สุรต’’นฺติปิ ปาโ, สุฏฺุ อุปรตนฺติ อตฺโถ. ทนฺตนฺติ ทมิตํ. พุทฺโธติ วิพุทฺโธ, พุทฺธโพทฺธพฺโพ วา. เอวํ สภิโย เอเกกาย คาถาย จตฺตาโร จตฺตาโร กตฺวา ปฺจหิ คาถาหิ วีสติ ปฺเห ปุจฺฉิ. ภควา ปนสฺส เอกเมกํ ¶ ปฺหํ เอกเมกาย คาถาย กตฺวา อรหตฺตนิกูเฏเนว วีสติยา คาถาหิ พฺยากาสิ.
๕๒๐. ตตฺถ ยสฺมา ภินฺนกิเลโส ปรมตฺถภิกฺขุ, โส จ นิพฺพานปฺปตฺโต โหติ, ตสฺมา อสฺส ‘‘กึ ปตฺตินมาหุ ภิกฺขุน’’นฺติ อิมํ ปฺหํ พฺยากโรนฺโต ‘‘ปชฺเชนา’’ติอาทิมาห. ตสฺสตฺโถ – โย อตฺตนา ภาวิเตน มคฺเคน ปรินิพฺพานคโต กิเลสปรินิพฺพานํ ปตฺโต, ปรินิพฺพานคตตฺตา เอว จ วิติณฺณกงฺโข วิปตฺติสมฺปตฺติหานิพุทฺธิอุจฺเฉทสสฺสตอปฺุปฺุเภทํ วิภวฺจ ภวฺจ วิปฺปหาย, มคฺควาสํ วุสิตวา ขีณปุนพฺภโวติ จ เอเตสํ ถุติวจนานํ อรโห, โส ภิกฺขูติ.
๕๒๑. ยสฺมา ปน วิปฺปฏิปตฺติโต สุฏฺุ อุปรตภาเวน นานปฺปการกิเลสวูปสเมน จ โสรโต โหติ, ตสฺมา ตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘สพฺพตฺถ อุเปกฺขโก’’ติอาทินา นเยน ทุติยปฺหพฺยากรณมาห. ตสฺสตฺโถ – โย สพฺพตฺถ รูปาทีสุ อารมฺมเณสุ ‘‘จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา เนว สุมโน ¶ โหติ, น ทุมฺมโน’’ติ เอวํ ปวตฺตาย ฉฬงฺคุเปกฺขาย อุเปกฺขโก, เวปุลฺลปฺปตฺตาย สติยา สติมา, น โส หึสติ เนว หึสติ กฺจิ ตสถาวราทิเภทํ สตฺตํ สพฺพโลเก สพฺพสฺมิมฺปิ โลเก, ติณฺโณฆตฺตา ติณฺโณ, สมิตปาปตฺตา สมโณ, อาวิลสงฺกปฺปปฺปหานา อนาวิโล. ยสฺส จิเม ราคโทสโมหมานทิฏฺิกิเลสทุจฺจริตสงฺขาตา สตฺตุสฺสทา เกจิ โอฬาริกา วา สุขุมา วา น สนฺติ, โส อิมาย อุเปกฺขาวิหาริตาย สติเวปุลฺลตาย อหึสกตาย จ วิปฺปฏิปตฺติโต สุฏฺุ อุปรตภาเวน อิมินา โอฆาทินานปฺปการกิเลสวูปสเมน ¶ จ โสรโตติ.
๕๒๒. ยสฺมา จ ภาวิตินฺทฺริโย นิพฺภโย นิพฺพิกาโร ทนฺโต โหติ, ตสฺมา ตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยสฺสินฺทฺริยานี’’ติ คาถาย ตติยปฺหํ พฺยากาสิ. ตสฺสตฺโถ – ยสฺส จกฺขาทีนิ ฉฬินฺทฺริยานิ โคจรภาวนาย อนิจฺจาทิติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา วาสนาภาวนาย สติสมฺปชฺคนฺธํ คาหาเปตฺวา จ ภาวิตานิ, ตานิ จ โข ยถา อชฺฌตฺตํ โคจรภาวนาย, เอวํ ปน พหิทฺธา จ สพฺพโลเกติ ยตฺถ ยตฺถ อินฺทฺริยานํ เวกลฺลตา เวกลฺลตาย วา สมฺภโว, ตตฺถ ตตฺถ นาภิชฺฌาทิวเสน ภาวิตานีติ ¶ เอวํ นิพฺพิชฺฌ ตฺวา ปฏิวิชฺฌิตฺวา อิมํ ปรฺจ โลกํ สกสนฺตติกฺขนฺธโลกํ ปรสนฺตติกฺขนฺธโลกฺจ อทนฺธมรณํ มริตุกาโม กาลํ กงฺขติ, ชีวิตกฺขยกาลํ อาคเมติ ปติมาเนติ, น ภายติ มรณสฺส. ยถาห เถโร –
‘‘มรเณ เม ภยํ นตฺถิ, นิกนฺติ นตฺถิ ชีวิเต’’; (เถรคา. ๒๐);
‘‘นาภิกงฺขามิ มรณํ, นาภิกงฺขามิ ชีวิตํ;
กาลฺจ ปฏิกงฺขามิ, นิพฺพิสํ ภตโก ยถา’’ติ. (เถรคา. ๖๐๖);
ภาวิโต ส ทนฺโตติ เอวํ ภาวิตินฺทฺริโย โส ทนฺโตติ.
๕๒๓. ยสฺมา ปน พุทฺโธ นาม พุทฺธิสมฺปนฺโน กิเลสนิทฺทา วิพุทฺโธ จ, ตสฺมา ตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘กปฺปานี’’ติ คาถาย จตุตฺถปฺหํ พฺยากาสิ. ตตฺถ กปฺปานีติ ตณฺหาทิฏฺิโย. ตา หิ ตถา ตถา วิกปฺปนโต ‘‘กปฺปานี’’ติ วุจฺจนฺติ. วิเจยฺยาติ อนิจฺจาทิภาเวน สมฺมสิตฺวา. เกวลานีติ สกลานิ. สํสารนฺติ โย จายํ –
‘‘ขนฺธานฺจ ปฏิปาฏิ, ธาตุอายตนาน จ;
อพฺโพจฺฉินฺนํ วตฺตมานา, สํสาโรติ ปวุจฺจตี’’ติ. –
เอวํ ¶ ขนฺธาทิปฏิปาฏิสงฺขาโต สํสาโร, ตํ สํสารฺจ เกวลํ วิเจยฺย. เอตฺตาวตา ขนฺธานํ มูลภูเตสุ กมฺมกิเลเสสุ ขนฺเธสุ จาติ เอวํ ตีสุปิ วฏฺเฏสุ วิปสฺสนํ อาห. ทุภยํ จุตูปปาตนฺติ สตฺตานํ จุตึ อุปปาตนฺติ อิมฺจ ¶ อุภยํ วิเจยฺย ตฺวาติ อตฺโถ. เอเตน จุตูปปาตาณํ อาห. วิคตรชมนงฺคณํ วิสุทฺธนฺติ ราคาทิรชานํ วิคมา องฺคณานํ อภาวา มลานฺจ วิคมา วิคตรชมนงฺคณํ วิสุทฺธํ. ปตฺตํ ชาติขยนฺติ นิพฺพานํ ปตฺตํ. ตมาหุ พุทฺธนฺติ ตํ อิมาย โลกุตฺตรวิปสฺสนาย จุตูปปาตาณเภทาย พุทฺธิยา สมฺปนฺนตฺตา อิมาย จ วิคตรชาทิตาย กิเลสนิทฺทา วิพุทฺธตฺตา ตาย ปฏิปทาย ชาติกฺขยํ ปตฺตํ พุทฺธมาหุ.
อถ วา กปฺปานิ วิเจยฺย เกวลานีติ ‘‘อเนเกปิ สํวฏฺฏวิวฏฺฏกปฺเป อมุตฺราสิ’’นฺติอาทินา (อิติวุ. ๙๙; ปารา. ๑๒) นเยน วิจินิตฺวาติ อตฺโถ. เอเตน ปมวิชฺชมาห. สํสารํ ทุภยํ จุตูปปาตนฺติ สตฺตานํ จุตึ อุปปาตนฺติ อิมฺจ อุภยํ สํสารํ ¶ ‘‘อิเม วต โภนฺโต สตฺตา’’ติอาทินา นเยน วิจินิตฺวาติ อตฺโถ. เอเตน ทุติยวิชฺชมาห. อวเสเสน ตติยวิชฺชมาห. อาสวกฺขยาเณน หิ วิคตรชาทิตา จ นิพฺพานปฺปตฺติ จ โหตีติ. ตมาหุ พุทฺธนฺติ เอวํ วิชฺชตฺตยเภทพุทฺธิสมฺปนฺนํ ตํ พุทฺธมาหูติ.
๕๒๕. เอวํ ปมคาถาย วุตฺตปฺเห วิสฺสชฺเชตฺวา ทุติยคาถาย วุตฺตปฺเหสุปิ ยสฺมา พฺรหฺมภาวํ เสฏฺภาวํ ปตฺโต ปรมตฺถพฺราหฺมโณ พาหิตสพฺพปาโป โหติ, ตสฺมา ตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘พาหิตฺวา’’ติ คาถาย ปมํ ปฺหํ พฺยากาสิ. ตสฺสตฺโถ – โย จตุตฺถมคฺเคน พาหิตฺวา สพฺพปาปกานิ ิตตฺโต, ิโต อิจฺเจว วุตฺตํ โหติ. พาหิตปาปตฺตา เอว จ วิมโล, วิมลภาวํ พฺรหฺมภาวํ เสฏฺภาวํ ปตฺโต, ปฏิปฺปสฺสทฺธสมาธิวิกฺเขปกรกิเลสมเลน อคฺคผลสมาธินา สาธุสมาหิโต, สํสารเหตุสมติกฺกเมน สํสารมติจฺจ ปรินิฏฺิตกิจฺจตาย เกวลี, โส ตณฺหาทิฏฺีหิ อนิสฺสิตตฺตา อสิโต, โลกธมฺเมหิ นิพฺพิการตฺตา ‘‘ตาที’’ติ จ ปวุจฺจติ. เอวํ ถุติรโห ส พฺรหฺมา โส พฺราหฺมโณติ.
๕๒๖. ยสฺมา ปน สมิตปาปตาย สมโณ, นฺหาตปาปตาย ¶ นฺหาตโก, อาคูนํ อกรเณน จ นาโคติ ปวุจฺจติ, ตสฺมา ตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ตโต อปราหิ ตีหิ คาถาหิ ตโย ปฺเห พฺยากาสิ. ตตฺถ สมิตาวีติ อริยมคฺเคน กิเลเส สเมตฺวา ิโต. สมโณ ปวุจฺจเต ตถตฺตาติ ตถารูโป สมโณ ปวุจฺจตีติ. เอตฺตาวตา ปฺโห พฺยากโต โหติ, เสสํ ตสฺมึ สมเณ สภิยสฺส พหุมานชนนตฺถํ ถุติวจนํ. โย หิ สมิตาวี, โส ปฺุปาปานํ อปฏิสนฺธิกรเณน ¶ ปหาย ปฺุปาปํ รชานํ วิคเมน วิรโช, อนิจฺจาทิวเสน ตฺวา อิมํ ปรฺจ โลกํ ชาติมรณํ อุปาติวตฺโต ตาทิ จ โหติ.
๕๒๗. นินฺหาย…เป… นฺหาตโกติ เอตฺถ ปน โย อชฺฌตฺตพหิทฺธาสงฺขาเต สพฺพสฺมิมฺปิ อายตนโลเก อชฺฌตฺตพหิทฺธารมฺมณวเสน อุปฺปตฺติรหานิ สพฺพปาปกานิ มคฺคาเณน นินฺหาย โธวิตฺวา ตาย นินฺหาตปาปกตาย ตณฺหาทิฏฺิกปฺเปหิ กปฺปิเยสุ เทวมนุสฺเสสุ กปฺปํ น เอติ, ตํ นฺหาตกมาหูติ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
๕๒๘. จตุตฺถคาถายปิ อาคุํ น กโรติ กิฺจิ โลเกติ โย โลเก อปฺปมตฺตกมฺปิ ปาปสงฺขาตํ อาคุํ น กโรติ, นาโค ปวุจฺจเต ตถตฺตาติ ¶ . เอตฺตาวตา ปฺโห พฺยากโต โหติ, เสสํ ปุพฺพนเยเนว ถุติวจนํ. โย หิ มคฺเคน ปหีนอาคุตฺตา อาคุํ น กโรติ, โส กามโยคาทิเก สพฺพโยเค ทสสฺโชนเภทานิ จ สพฺพพนฺธนานิ วิสชฺช ชหิตฺวา สพฺพตฺถ ขนฺธาทีสุ เกนจิ สงฺเคน น สชฺชติ, ทฺวีหิ จ วิมุตฺตีหิ วิมุตฺโต, ตาทิ จ โหตีติ.
๕๓๐. เอวํ ทุติยคาถาย วุตฺตปฺเห วิสฺสชฺเชตฺวา ตติยคาถาย วุตฺตปฺเหสุปิ ยสฺมา ‘‘เขตฺตานี’’ติ อายตนานิ วุจฺจนฺติ. ยถาห – ‘‘จกฺขุเปตํ จกฺขายตนํเปตํ…เป… เขตฺตมฺเปตํ วตฺถุเปต’’นฺติ (ธ. ส. ๕๙๖-๕๙๘). ตานิ วิเชยฺย วิเชตฺวา อภิภวิตฺวา, วิเจยฺย วา อนิจฺจาทิภาเวน วิจินิตฺวา อุปปริกฺขิตฺวา เกวลานิ อนวเสสานิ, วิเสสโต ปน สงฺคเหตุภูตํ ทิพฺพํ มานุสกฺจ พฺรหฺมเขตฺตํ, ยํ ทิพฺพํ ¶ ทฺวาทสายตนเภทํ ตถา มานุสกฺจ, ยฺจ พฺรหฺมเขตฺตํ ฉฬายตเน จกฺขายตนาทิทฺวาทสายตนเภทํ, ตํ สพฺพมฺปิ วิเชยฺย วิเจยฺย วา. ยโต ยเทตํ สพฺเพสํ เขตฺตานํ มูลพนฺธนํ อวิชฺชาภวตณฺหาทิ, ตสฺมา สพฺพเขตฺตมูลพนฺธนา ปมุตฺโต. เอวเมเตสํ เขตฺตานํ วิชิตตฺตา วิจินิตตฺตา วา เขตฺตชิโน นาม โหติ, ตสฺมา ‘‘เขตฺตานี’’ติ อิมาย คาถาย ปมปฺหํ พฺยากาสิ. ตตฺถ เกจิ ‘‘กมฺมํ เขตฺตํ, วิฺาณํ พีชํ, ตณฺหา สฺเนโห’’ติ (อ. นิ. ๓.๗๗) วจนโต กมฺมานิ เขตฺตานีติ วทนฺติ. ทิพฺพํ มานุสกฺจ พฺรหฺมเขตฺตนฺติ เอตฺถ จ เทวูปคํ กมฺมํ ทิพฺพํ, มนุสฺสูปคํ กมฺมํ มานุสกํ, พฺรหฺมูปคํ กมฺมํ พฺรหฺมเขตฺตนฺติ วณฺณยนฺติ. เสสํ วุตฺตนยเมว.
๕๓๑. ยสฺมา ปน สกฏฺเน โกสสทิสตฺตา ‘‘โกสานี’’ติ กมฺมานิ วุจฺจนฺติ, เตสฺจ ลุนนา สมุจฺเฉทนา กุสโล โหติ, ตสฺมา ตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘โกสานี’’ติ คาถาย ทุติยปฺหํ พฺยากาสิ. ตสฺสตฺโถ – โลกิยโลกุตฺตรวิปสฺสนาย วิสยโต กิจฺจโต จ อนิจฺจาทิภาเวน กุสลากุสลกมฺมสงฺขาตานิ ¶ โกสานิ วิเจยฺย เกวลานิ, วิเสสโต ปน สงฺคเหตุภูตํ อฏฺกามาวจรกุสลเจตนาเภทํ ทิพฺพํ มานุสกฺจ นวมหคฺคตกุสลเจตนาเภทฺจ พฺรหฺมโกสํ วิเจยฺย. ตโต อิมาย มคฺคภาวนาย อวิชฺชาภวตณฺหาทิเภทา สพฺพโกสานํ มูลพนฺธนา ปมุตฺโต, เอวเมเตสํ โกสานํ ลุนนา ‘‘กุสโล’’ติ ปวุจฺจติ, ตถตฺตา ตาที จ โหตีติ. อถ วา สตฺตานํ ¶ ธมฺมานฺจ นิวาสฏฺเน อสิโกสสทิสตฺตา ‘‘โกสานี’’ติ ตโย ภวา ทฺวาทสายตนานิ จ เวทิตพฺพานิ. เอวเมตฺถ โยชนา กาตพฺพา.
๕๓๒. ยสฺมา จ น เกวลํ ปณฺฑตีติ อิมินาว ‘‘ปณฺฑิโต’’ติ วุจฺจติ, อปิจ โข ปน ปณฺฑรานิ อิโต อุปคโต ปวิจยปฺาย อลฺลีโนติปิ ‘‘ปณฺฑิโต’’ติ วุจฺจติ, ตสฺมา ตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ทุภยานี’’ติ คาถาย ตติยปฺหํ พฺยากาสิ ¶ . ตสฺสตฺโถ – อชฺฌตฺตํ พหิทฺธา จาติ เอวํ อุภยานิ อนิจฺจาทิภาเวน วิเจยฺย. ปณฺฑรานีติ อายตนานิ. ตานิ หิ ปกติปริสุทฺธตฺตา รุฬฺหิยา จ เอวํ วุจฺจนฺติ, ตานิ วิเจยฺย อิมาย ปฏิปตฺติยา นิทฺธนฺตมลตฺตา สุทฺธิปฺโ ปณฺฑิโตติ ปวุจฺจติ ตถตฺตา, ยสฺมา ตานิ ปณฺฑรานิ ปฺาย อิโต โหติ, เสสมสฺส ถุติวจนํ. โส หิ ปาปปฺุสงฺขาตํ กณฺหสุกฺกํ อุปาติวตฺโต ตาที จ โหติ, ตสฺมา เอวํ ถุโต.
๕๓๓. ยสฺมา ปน ‘‘โมนํ วุจฺจติ าณํ, ยา ปฺา ปชานนา…เป… สมฺมาทิฏฺิ, เตน าเณน สมนฺนาคโต มุนี’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา ตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อสตฺจา’’ติ คาถาย จตุตฺถปฺหํ พฺยากาสิ. ตสฺสตฺโถ – ยฺวายํ อกุสลกุสลปฺปเภโท อสตฺจ สตฺจ ธมฺโม, ตํ อชฺฌตฺตํ พหิทฺธาติ อิมสฺมึ สพฺพโลเก ปวิจยาเณน อสตฺจ สตฺจ ตฺวา ธมฺมํ ตสฺส าตตฺตา เอว ราคาทิเภทโต สตฺตวิธํ สงฺคํ ตณฺหาทิฏฺิเภทโต ทุวิธํ ชาลฺจ อติจฺจ อติกฺกมิตฺวา ิโต. โส เตน โมนสงฺขาเตน ปวิจยาเณน สมนฺนาคตตฺตา มุนิ. เทวมนุสฺเสหิ ปูชนีโยติ อิทํ ปนสฺส ถุติวจนํ. โส หิ ขีณาสวมุนิตฺตา เทวมนุสฺสานํ ปูชารโห โหติ, ตสฺมา เอวํ ถุโต.
๕๓๕. เอวํ ตติยคาถาย วุตฺตปฺเห วิสฺสชฺเชตฺวา จตุตฺถคาถาย วุตฺตปฺเหสุปิ ยสฺมา โย จตูหิ มคฺคาณเวเทหิ กิเลสกฺขยํ กโรนฺโต คโต, โส ปรมตฺถโต เวทคู นาม โหติ. โย จ สพฺพสมณพฺราหฺมณานํ สตฺถสฺิตานิ เวทานิ, ตาเยว มคฺคภาวนาย กิจฺจโต อนิจฺจาทิวเสน วิเจยฺย. ตตฺถ ฉนฺทราคปฺปหาเนน ตเมว ¶ สพฺพํ เวทมติจฺจ ยา เวทปจฺจยา วา อฺถา วา อุปฺปชฺชนฺติ เวทนา ¶ , ตาสุ สพฺพเวทนาสุ วีตราโค โหติ, ตสฺมา ตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิทํ ¶ ปตฺติน’’นฺติ อวตฺวา ‘‘เวทานี’’ติ คาถาย ปมปฺหํ พฺยากาสิ. ยสฺมา วา โย ปวิจยปฺาย เวทานิ วิเจยฺย, ตตฺถ ฉนฺทราคปฺปหาเนน สพฺพํ เวทมติจฺจ วตฺตติ, โส สตฺถสฺิตานิ เวทานิ คโต าโต อติกฺกนฺโต จ โหติ. โย เวทนาสุ วีตราโค, โสปิ เวทนาสฺิตานิ เวทานิ คโต อติกฺกนฺโต จ โหติ. เวทานิ คโตติปิ เวทคู, ตสฺมา ตมฺปิ อตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิทํ ปตฺติน’’นฺติ อวตฺวา อิมาย คาถาย ปมปฺหํ พฺยากาสิ.
๕๓๖. ยสฺมา ปน ทุติยปฺเห ‘‘อนุวิทิโต’’ติ อนุพุทฺโธ วุจฺจติ, โส จ อนุวิจฺจ ปปฺจนามรูปํ อชฺฌตฺตํ อตฺตโน สนฺตาเน ตณฺหามานทิฏฺิเภทํ ปปฺจํ ตปฺปจฺจยา นามรูปฺจ อนิจฺจานุปสฺสนาทีหิ อนุวิจฺจ อนุวิทิตฺวา, น เกวลฺจ อชฺฌตฺตํ, พหิทฺธา จ โรคมูลํ, ปรสนฺตาเน จ อิมสฺส นามรูปโรคสฺส มูลํ อวิชฺชาภวตณฺหาทึ, ตเมว วา ปปฺจํ อนุวิจฺจ ตาย ภาวนาย สพฺเพสํ โรคานํ มูลพนฺธนา, สพฺพสฺมา วา โรคานํ มูลพนฺธนา, อวิชฺชาภวตณฺหาทิเภทา, ตสฺมา เอว วา ปปฺจา ปมุตฺโต โหติ, ตสฺมา ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อนุวิจฺจา’’ติ คาถาย ทุติยปฺหํ พฺยากาสิ.
๕๓๗. ‘‘กถฺจ วีริยวา’’ติ เอตฺถ ปน ยสฺมา โย อริยมคฺเคน สพฺพปาปเกหิ วิรโต, ตถา วิรตตฺตา จ อายตึ อปฏิสนฺธิตาย นิรยทุกฺขํ อติจฺจ ิโต วีริยวาโส วีริยนิเกโต, โส ขีณาสโว ‘‘วีริยวา’’ติ วตฺตพฺพตํ อรหติ, ตสฺมา ตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘วิรโต’’ติ คาถาย ตติยปฺหํ พฺยากาสิ. ปธานวา ธีโร ตาทีติ อิมานิ ปนสฺส ถุติวจนานิ. โส หิ ปธานวา มคฺคฌานปธาเนน, ธีโร กิเลสาริวิทฺธํสนสมตฺถตาย, ตาที นิพฺพิการตาย, ตสฺมา เอวํ ถุโต. เสสํ โยเชตฺวา วตฺตพฺพํ.
๕๓๘. ‘‘อาชานิโย กินฺติ นาม โหตี’’ติ เอตฺถ ปน ยสฺมา ¶ ปหีนสพฺพวงฺกโทโส การณาการณฺู อสฺโส วา หตฺถี วา ‘‘อาชานิโย โหตี’’ติ ¶ โลเก วุจฺจติ, น จ ตสฺส สพฺพโส เต โทสา ปหีนา เอว, ขีณาสวสฺส ปน เต ปหีนา, ตสฺมา โส ‘‘อาชานิโย’’ติ ปรมตฺถโต วตฺตพฺพตํ อรหตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยสฺสา’’ติ คาถาย จตุตฺถปฺหํ พฺยากาสิ. ตสฺสตฺโถ – อชฺฌตฺตํ พหิทฺธา จาติ เอวํ อชฺฌตฺตพหิทฺธาสฺโชนสงฺขาตานิ ยสฺส อสฺสุ ลุนานิ พนฺธนานิ ปฺาสตฺเถน ฉินฺนานิ ปทาลิตานิ. สงฺคมูลนฺติ ยานิ เตสุ เตสุ วตฺถูสุ สงฺคสฺส สชฺชนาย อนติกฺกมนาย มูลํ โหนฺติ, อถ วา ยสฺส อสฺสุ ลุนานิ ราคาทีนิ พนฺธนานิ ยานิ อชฺฌตฺตํ พหิทฺธา จ สงฺคมูลานิ โหนฺติ, โส สพฺพสฺมา สงฺคานํ มูลภูตา สพฺพสงฺคานํ วา มูลภูตา พนฺธนา ปมุตฺโต ‘‘อาชานิโย’’ติ วุจฺจติ, ตถตฺตา ตาทิ จ โหตีติ.
๕๔๐. เอวํ ¶ จตุตฺถคาถาย วุตฺตปฺเห วิสฺสชฺเชตฺวา ปฺจมคาถาย วุตฺตปฺเหสุปิ ยสฺมา ยํ ฉนฺทชฺเฌนมตฺเตน อกฺขรจินฺตกา โสตฺติยํ วณฺณยนฺติ, โวหารมตฺตโสตฺติโย โส. อริโย ปน พาหุสจฺเจน นิสฺสุตปาปตาย จ ปรมตฺถโสตฺติโย โหติ, ตสฺมา ตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิทํ ปตฺติน’’นฺติ อวตฺวา ‘‘สุตฺวา’’ติ คาถาย ปมปฺหํ พฺยากาสิ. ตสฺสตฺโถ – โย อิมสฺมึ โลเก สุตมยปฺากิจฺจวเสน สุตฺวา กาตพฺพกิจฺจวเสน วา สุตฺวา วิปสฺสนูปคํ สพฺพธมฺมํ อนิจฺจาทิวเสน อภิฺาย สาวชฺชานวชฺชํ ยทตฺถิ กิฺจิ, อิมาย ปฏิปทาย กิเลเส กิเลสฏฺานิเย จ ธมฺเม อภิภวิตฺวา อภิภูติ สงฺขํ คโต, ตํ สุตฺวา สพฺพธมฺมํ อภิฺาย โลเก สาวชฺชานวชฺชํ ยทตฺถิ กิฺจิ, อภิภุํ สุตวตฺตา โสตฺติโยติ อาหุ. ยสฺมา จ โย อกถํกถี กิเลสพนฺธเนหิ วิมุตฺโต, ราคาทีหิ อีเฆหิ อนีโฆ จ โหติ สพฺพธิ สพฺเพสุ ธมฺเมสุ ขนฺธายตนาทีสุ, ตสฺมา ตํ อกถํกถึ วิมุตฺตํ อนีฆํ สพฺพธิ นิสฺสุตปาปกตฺตาปิ ‘‘โสตฺติโย’’ติ อาหูติ.
๕๔๑. ยสฺมา ปน หิตกาเมน ชเนน ¶ อรณียโต อริโย โหติ, อภิคมนียโตติ อตฺโถ. ตสฺมา เยหิ คุเณหิ โส อรณีโย โหติ, เต ทสฺเสนฺตา ‘‘เฉตฺวา’’ติ คาถาย ทุติยปฺหํ พฺยากาสิ. ตสฺสตฺโถ – จตฺตาริ อาสวานิ ทฺเว จ อาลยานิ ปฺาสตฺเถน เฉตฺวา วิทฺวา วิฺู วิภาวี จตุมคฺคาณี โส ปุนพฺภววเสน น อุเปติ ¶ คพฺภเสยฺยํ, กฺจิ โยนึ น อุปคจฺฉติ, กามาทิเภทฺจ สฺํ ติวิธํ. กามคุณสงฺขาตฺจ ปงฺกํ ปนุชฺช ปนุทิตฺวา ตณฺหาทิฏฺิกปฺปานํ อฺตรมฺปิ กปฺปํ น เอติ, เอวํ อาสวจฺเฉทาทิคุณสมนฺนาคตํ ตมาหุ อริโยติ. ยสฺมา วา ปาปเกหิ อารกตฺตา อริโย โหติ อนเย จ อนิรียนา, ตสฺมา ตมฺปิ อตฺถํ ทสฺเสนฺโต อิมาย คาถาย ทุติยปฺหํ พฺยากาสิ. อาสวาทโย หิ ปาปกา ธมฺมา อนยสมฺมตา, เต จาเนน ฉินฺนา ปนุนฺนา, น จ เตหิ กมฺปติ, อิจฺจสฺส เต อารกา โหนฺติ, น จ เตสุ อิรียติ ตสฺมา อารกาสฺส โหนฺติ ปาปกา ธมฺมาติ อิมินาปตฺเถน. อนเย น อิรียตีติ อิมินาปตฺเถน ตมาหุ อริโยติ จ เอวมฺเปตฺถ โยชนา เวทิตพฺพา. ‘‘วิทฺวา โส น อุเปติ คพฺภเสยฺย’’นฺติ อิทํ ปน อิมสฺมึ อตฺถวิกปฺเป ถุติวจนเมว โหติ.
๕๔๒. ‘‘กถํ จรณวา’’ติ เอตฺถ ปน ยสฺมา จรเณหิ ปตฺตพฺพํ ปตฺโต ‘‘จรณวา’’ติ วตฺตพฺพตํ อรหติ, ตสฺมา ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘โย อิธา’’ติ คาถาย ตติยปฺหํ พฺยากาสิ. ตตฺถ โย อิธาติ โย อิมสฺมึ สาสเน. จรเณสูติ สีลาทีสุ เหมวตสุตฺเต (สุ. นิ. ๑๕๓ อาทโย) วุตฺตปนฺนรสธมฺเมสุ. นิมิตฺตตฺเถ ภุมฺมวจนํ. ปตฺติปตฺโตติ ปตฺตพฺพํ ปตฺโต. โย จรณนิมิตฺตํ จรณเหตุ จรณปจฺจยา ปตฺตพฺพํ อรหตฺตํ ปตฺโตติ วุตฺตํ โหติ. จรณวา โสติ โส ¶ อิมาย จรเณหิ ปตฺตพฺพปตฺติยา จรณวา โหตีติ. เอตฺตาวตา ปฺโห พฺยากโต โหติ, เสสมสฺส ถุติวจนํ. โย หิ จรเณหิ ปตฺติปตฺโต, โส กุสโล จ โหติ เฉโก, สพฺพทา จ อาชานาติ นิพฺพานธมฺมํ ¶ , นิจฺจํ นิพฺพานนินฺนจิตฺตตาย สพฺพตฺถ จ ขนฺธาทีสุ น สชฺชติ. ทฺวีหิ จ วิมุตฺตีหิ วิมุตฺตจิตฺโต โหติ, ปฏิฆา ยสฺส น สนฺตีติ.
๕๔๓. ยสฺมา ปน กมฺมาทีนํ ปริพฺพาชเนน ปริพฺพาชโก นาม โหติ, ตสฺมา ตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ทุกฺขเวปกฺก’’นฺติ คาถาย จตุตฺถปฺหํ พฺยากาสิ. ตตฺถ วิปาโก เอว เวปกฺกํ, ทุกฺขํ เวปกฺกมสฺสาติ ทุกฺขเวปกฺกํ. ปวตฺติทุกฺขชนนโต สพฺพมฺปิ เตธาตุกกมฺมํ วุจฺจติ. อุทฺธนฺติ อตีตํ. อโธติ อนาคตํ. ติริยํ วาปิ มชฺเฌติ ปจฺจุปฺปนฺนํ. ตฺหิ น อุทฺธํ น อโธ, ติริยํ อุภินฺนฺจ อนฺตรา, เตน ‘‘มชฺเฌ’’ติ วุตฺตํ. ปริพฺพาชยิตฺวาติ นิกฺขาเมตฺวา นิทฺธเมตฺวา ¶ . ปริฺจารีติ ปฺาย ปริจฺฉินฺทิตฺวา จรนฺโต. อยํ ตาว อปุพฺพปทวณฺณนา. อยํ ปน อธิปฺปายโยชนา – โย ติยทฺธปริยาปนฺนมฺปิ ทุกฺขชนกํ ยทตฺถิ กิฺจิ กมฺมํ, ตํ สพฺพมฺปิ อริยมคฺเคน ตณฺหาวิชฺชาสิเนเห โสเสนฺโต อปฏิสนฺธิชนกภาวกรเณน ปริพฺพาชยิตฺวา ตถา ปริพฺพาชิตตฺตา เอว จ ตํ กมฺมํ ปริฺาย จรณโต ปริฺจารี. น เกวลฺจ กมฺมเมว, มายํ มานมโถปิ โลภโกธํ อิเมปิ ธมฺเม ปหานปริฺาย ปริฺจารี, ปริยนฺตมกาสิ นามรูปํ, นามรูปสฺส จ ปริยนฺตมกาสิ ปริพฺพาเชสิ อิจฺเจวตฺโถ. อิเมสํ กมฺมาทีนํ ปริพฺพาชเนน ตํ ปริพฺพาชกมาหุ. ปตฺติปตฺตนฺติ อิทํ ปนสฺส ถุติวจนํ.
๕๔๔. เอวํ ปฺหพฺยากรเณน ตุฏฺสฺส ปน สภิยสฺส ‘‘ยานิ จ ตีณี’’ติอาทีสุ อภิตฺถวนคาถาสุ โอสรณานีติ โอคหณานิ ติตฺถานิ, ทิฏฺิโยติ อตฺโถ. ตานิ ยสฺมา สกฺกายทิฏฺิยา สห พฺรหฺมชาเล วุตฺตทฺวาสฏฺิทิฏฺิคตานิ คเหตฺวา เตสฏฺิ โหนฺติ, ยสฺมา จ ตานิ อฺติตฺถิยสมณานํ ปวาทภูตานิ สตฺถานิ สิตานิ อุปทิสิตพฺพวเสน, น อุปฺปตฺติวเสน. อุปฺปตฺติวเสน ปน ยเทตํ ‘‘อิตฺถี ปุริโส’’ติ สฺกฺขรํ ¶ โวหารนามํ, ยา จายํ มิจฺฉาปริวิตกฺกานุสฺสวาทิวเสน ‘‘เอวรูเปน อตฺตนา ภวิตพฺพ’’นฺติ พาลานํ วิปรีตสฺา อุปฺปชฺชติ, ตทุภยนิสฺสิตานิ เตสํ วเสน อุปฺปชฺชนฺติ, น อตฺตปจฺจกฺขานิ. ตานิ จ ภควา วิเนยฺย วินยิตฺวา โอฆตมคา โอฆตมํ โอฆนฺธการํ อคา อติกฺกนฺโต. ‘‘โอฆนฺตมคา’’ติปิ ปาโ, โอฆานํ อนฺตํ อคา, ตสฺมา อาห ‘‘ยานิ จ ตีณิ…เป… ตมคา’’ติ.
๕๔๕. ตโต ปรํ วฏฺฏทุกฺขสฺส อนฺตํ ปารฺจ นิพฺพานํ ตปฺปตฺติยา ทุกฺขาภาวโต ตปฺปฏิปกฺขโต ¶ จ ตํ สนฺธายาห, ‘‘อนฺตคูสิ ปารคู ทุกฺขสฺสา’’ติ. อถ วา ปารคู ภควา นิพฺพานํ คตตฺตา, ตํ อาลปนฺโต อาห, ‘‘ปารคู อนฺตคูสิ ทุกฺขสฺสา’’ติ อยเมตฺถ สมฺพนฺโธ. สมฺมา จ พุทฺโธ สามฺจ พุทฺโธติ สมฺมาสมฺพุทฺโธ. ตํ มฺเติ ตเมว มฺามิ, น อฺนฺติ อจฺจาทเรน ภณติ. ชุติมาติ ปเรสมฺปิ อนฺธการวิธมเนน ชุติสมฺปนฺโน. มุติมาติ อปรปฺปจฺจยเยฺยาณสมตฺถาย มุติยา ปฺาย ¶ สมฺปนฺโน. ปหูตปฺโติ อนนฺตปฺโ. อิธ สพฺพฺุตฺาณมธิปฺเปตํ. ทุกฺขสฺสนฺตกราติ อามนฺเตนฺโต อาห. อตาเรสิ มนฺติ กงฺขาโต มํ ตาเรสิ.
๕๔๖-๙. ยํ เมติอาทิคาถาย นมกฺการกรณํ ภณติ. ตตฺถ กงฺขิตฺตนฺติ วีสติปฺหนิสฺสิตํ อตฺถํ สนฺธายาห. โส หิ เตน กงฺขิโต อโหสิ. โมนปเถสูติ าณปเถสุ. วินฬีกตาติ วิคตนฬา กตา, อุจฺฉินฺนาติ วุตฺตํ โหติ. นาค นาคสฺสาติ เอกํ อามนฺตนวจนํ, เอกสฺส ‘‘ภาสโต อนุโมทนฺตี’’ติ อิมินา สมฺพนฺโธ. ‘‘ธมฺมเทสน’’นฺติ ปาเสโส. สพฺเพ เทวาติ อากาสฏฺา จ ภูมฏฺา จ. นารทปพฺพตาติ เตปิ กิร ทฺเว เทวคณา ปฺวนฺโต, เตปิ อนุโมทนฺตีติ สพฺพํ ปสาเทน จ นมกฺการกรณํ ภณติ ¶ .
๕๕๐-๕๓. อนุโมทนารหํ พฺยากรณสมฺปทํ สุตฺวา ‘‘นโม เต’’ติ อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา อาห. ปุริสาชฺาติ ปุริเสสุ ชาติสมฺปนฺนํ. ปฏิปุคฺคโลติ ปฏิภาโค ปุคฺคโล ตุวํ พุทฺโธ จตุสจฺจปฏิเวเธน, สตฺถา อนุสาสนิยา สตฺถวาหตาย จ, มาราภิภู จตุมาราภิภเวน, มุนิ พุทฺธมุนิ. อุปธีติ ขนฺธกิเลสกามคุณาภิสงฺขารเภทา จตฺตาโร. วคฺคูติ อภิรูปํ. ปฺุเ จาติ โลกิเย น ลิมฺปสิ เตสํ อกรเณน, ปุพฺเพ กตานมฺปิ วา อายตึ ผลูปโภคาภาเวน. ตํนิมิตฺเตน วา ตณฺหาทิฏฺิเลเปน. วนฺทติ สตฺถุโนติ เอวํ ภณนฺโต โคปฺผเกสุ ปริคฺคเหตฺวา ปฺจปติฏฺิตํ วนฺทิ.
อฺติตฺถิยปุพฺโพติ อฺติตฺถิโย เอว. อากงฺขตีติ อิจฺฉติ. อารทฺธจิตฺตาติ อภิราธิตจิตฺตา. อปิจ เมตฺถ ปุคฺคลเวมตฺตตา วิทิตาติ อปิจ มยา เอตฺถ อฺติตฺถิยานํ ปริวาเส ปุคฺคลนานตฺตํ วิทิตํ, น สพฺเพเนว ปริวสิตพฺพนฺติ. เกน ปน น ปริวสิตพฺพํ? อคฺคิเยหิ ชฏิเลหิ, สากิเยน ชาติยา, ลิงฺคํ วิชหิตฺวา อาคเตน. อวิชหิตฺวา อาคโตปิ จ โย มคฺคผลปฏิลาภาย เหตุสมฺปนฺโน โหติ, ตาทิโสว สภิโย ปริพฺพาชโก. ตสฺมา ภควา ‘‘ตว ปน, สภิย, ติตฺถิยวตฺตปูรณตฺถาย ปริวาสการณํ นตฺถิ, อตฺถตฺถิโก ตฺวํ ‘มคฺคผลปฏิลาภาย เหตุสมฺปนฺโน’ติ วิทิตเมตํ มยา’’ติ ตสฺส ปพฺพชฺชํ อนุชานนฺโต ¶ อาห – ‘‘อปิจ ¶ เมตฺถ ปุคฺคลเวมตฺตตา วิทิตา’’ติ. สภิโย ปน อตฺตโน อาทรํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘สเจ ภนฺเต’’ติ. ตํ สพฺพํ อฺฺจ ตถารูปํ อุตฺตานตฺถตฺตา ปุพฺเพ วุตฺตนยตฺตา จ อิธ น วณฺณิตํ, ยโต ปุพฺเพ วณฺณิตานุสาเรน เวทิตพฺพนฺติ.
ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย
สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย สภิยสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. เสลสุตฺตวณฺณนา
เอวํ ¶ ¶ เม สุตนฺติ เสลสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? อยเมว ยาสฺส นิทาเน วุตฺตา. อตฺถวณฺณนากฺกเมปิ จสฺส ปุพฺพสทิสํ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. ยํ ปน อปุพฺพํ, ตํ อุตฺตานตฺถานิ ปทานิ ปริหรนฺตา วณฺณยิสฺสาม. องฺคุตฺตราเปสูติ องฺคา เอว โส ชนปโท, คงฺคาย ปน ยา อุตฺตเรน อาโป, ตาสํ อวิทูรตฺตา ‘‘อุตฺตราโป’’ติปิ วุจฺจติ. กตรคงฺคาย อุตฺตเรน ยา อาโปติ? มหามหีคงฺคาย.
ตตฺรายํ ตสฺสา นทิยา อาวิภาวตฺถํ อาทิโต ปภุติ วณฺณนา – อยํ กิร ชมฺพุทีโป ทสสหสฺสโยชนปริมาโณ. ตตฺถ จตุสหสฺสโยชนปริมาโณ ปเทโส อุทเกน อชฺโฌตฺถโฏ ‘‘สมุทฺโท’’ติ สงฺขํ คโต. ติสหสฺสโยชนปมาเณ มนุสฺสา วสนฺติ. ติสหสฺสโยชนปมาเณ หิมวา ปติฏฺิโต อุพฺเพเธน ปฺจโยชนสติโก จตุราสีติสหสฺสกูเฏหิ ปฏิมณฺฑิโต สมนฺตโต สนฺทมานปฺจสตนทีวิจิตฺโต. ยตฺถ อายามวิตฺถาเรน คมฺภีรตาย จ ปฺาสปฺาสโยชนา ทิยฑฺฒโยชนสตปริมณฺฑลา ปูรฬาสสุตฺตวณฺณนายํ วุตฺตา อโนตตฺตาทโย สตฺต มหาสรา ปติฏฺิตา.
เตสุ อโนตตฺโต สุทสฺสนกูฏํ, จิตฺรกูฏํ, กาฬกูฏํ, คนฺธมาทนกูฏํ, เกลาสกูฏนฺติ อิเมหิ ปฺจหิ ปพฺพเตหิ ปริกฺขิตฺโต. ตตฺถ สุทสฺสนกูฏํ สุวณฺณมยํ ทฺวิโยชนสตุพฺเพธํ อนฺโตวงฺกํ กากมุขสณฺานํ ตเมว ¶ สรํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา ิตํ, จิตฺรกูฏํ สพฺพรตนมยํ, กาฬกูฏํ อฺชนมยํ, คนฺธมาทนกูฏํ สานุมยํ อพฺภนฺตเร มุคฺควณฺณํ ¶ นานปฺปการโอสธสฺฉนฺนํ กาฬปกฺขุโปสถทิวเส อาทิตฺตมิว องฺคารํ ชลนฺตํ ติฏฺติ, เกลาสกูฏํ รชตมยํ. สพฺพานิ สุทสฺสเนน สมานุพฺเพธสณฺานานิ ตเมว สรํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา ิตานิ. สพฺพานิ เทวานุภาเวน นาคานุภาเวน จ วสฺสนฺติ, นทิโย จ เตสุ สนฺทนฺติ. ตํ สพฺพมฺปิ อุทกํ อโนตตฺตเมว ปวิสติ. จนฺทิมสูริยา ทกฺขิเณน วา อุตฺตเรน วา คจฺฉนฺตา ปพฺพตนฺตเรน ตํ โอภาเสนฺติ, อุชุํ คจฺฉนฺตา น โอภาเสนฺติ. เตเนวสฺส ‘‘อโนตตฺต’’นฺติ สงฺขา อุทปาทิ.
ตตฺถ มโนหรสิลาตลานิ นิมฺมจฺฉกจฺฉปานิ ผลิกสทิสนิมฺมลูทกานิ นหานติตฺถานิ สุปฺปฏิยตฺตานิ ¶ โหนฺติ, เยสุ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธขีณาสวา อิสิคณา จ นฺหายนฺติ, เทวยกฺขาทโย จ อุยฺยานกีฬิกํ กีฬนฺติ.
จตูสุ จสฺส ปสฺเสสุ สีหมุขํ, หตฺถิมุขํ, อสฺสมุขํ, อุสภมุขนฺติ จตฺตาริ มุขานิ โหนฺติ, เยหิ จตสฺโส นทิโย สนฺทนฺติ. สีหมุเขน นิกฺขนฺตนทีตีเร สีหา พหุตรา โหนฺติ, หตฺถิมุขาทีหิ หตฺถิอสฺสอุสภา. ปุรตฺถิมทิสโต นิกฺขนฺตนที อโนตตฺตํ ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา อิตรา ติสฺโส นทิโย อนุปคมฺม ปาจีนหิมวนฺเตเนว อมนุสฺสปถํ คนฺตฺวา มหาสมุทฺทํ ปวิสติ. ปจฺฉิมทิสโต จ อุตฺตรทิสโต จ นิกฺขนฺตนทิโยปิ ตเถว ปทกฺขิณํ กตฺวา ปจฺฉิมหิมวนฺเตเนว อุตฺตรหิมวนฺเตเนว จ อมนุสฺสปถํ คนฺตฺวา มหาสมุทฺทํ ปวิสนฺติ. ทกฺขิณทิสโต นิกฺขนฺตนที ปน ตํ ติกฺขตฺตุํ ¶ ปทกฺขิณํ กตฺวา ทกฺขิเณน อุชุกํ ปาสาณปิฏฺเเนว สฏฺิโยชนานิ คนฺตฺวา ปพฺพตํ ปหริตฺวา วุฏฺาย ปริณาเหน ติคาวุตปมาณา อุทกธารา หุตฺวา อากาเสน สฏฺิ โยชนานิ คนฺตฺวา ติยคฺคเฬ นาม ปาสาเณ ปติตา, ปาสาโณ อุทกธาราเวเคน ภินฺโน. ตตฺร ปฺาสโยชนปมาณา ติยคฺคฬา นาม โปกฺขรณี ชาตา. โปกฺขรณิยา กูลํ ภินฺทิตฺวา ปาสาณํ ปวิสิย สฏฺิ โยชนานิ คตา. ตโต ฆนปถวึ ภินฺทิตฺวา อุมงฺเคน สฏฺิ โยชนานิ คนฺตฺวา วิฺฌํ นาม ติรจฺฉานปพฺพตํ ปหริตฺวา หตฺถตเล ปฺจงฺคุลิสทิสา ปฺจธารา หุตฺวา ปวตฺตติ. สา ติกฺขตฺตุํ อโนตตฺตํ ปทกฺขิณํ กตฺวา คตฏฺาเน ‘‘อาวฏฺฏคงฺคา’’ติ วุจฺจติ ¶ . อุชุกํ ปาสาณปิฏฺเน สฏฺิ โยชนานิ คตฏฺาเน ‘‘กณฺหคงฺคา’’ติ วุจฺจติ. อากาเสน สฏฺิ โยชนานิ คตฏฺาเน ‘‘อากาสคงฺคา’’ติ วุจฺจติ. ติยคฺคฬปาสาเณ ปฺาสโยชโนกาเส ‘‘ติยคฺคฬโปกฺขรณี’’ติ วุจฺจติ. กูลํ ภินฺทิตฺวา ปาสาณํ ปวิสิย สฏฺิ โยชนานิ คตฏฺาเน ‘‘พหลคงฺคา’’ติ วุจฺจติ. ปถวึ ภินฺทิตฺวา อุมงฺเคน สฏฺิ โยชนานิ คตฏฺาเน ‘‘อุมงฺคคงฺคา’’ติ วุจฺจติ. วิฺฌํ นาม ติรจฺฉานปพฺพตํ ปหริตฺวา ปฺจธารา หุตฺวา ปวตฺตฏฺาเน ‘‘คงฺคา, ยมุนา, อจิรวตี, สรภู, มหี’’ติ ปฺจธา วุจฺจติ. เอวเมตา ปฺจ มหาคงฺคา หิมวตา สมฺภวนฺติ. ตาสุ ยา อยํ ปฺจมี มหี นาม, สา อิธ ‘‘มหามหีคงฺคา’’ติ อธิปฺเปตา. ตสฺสา คงฺคาย อุตฺตเรน ยา อาโป, ตาสํ อวิทูรตฺตา โส ชนปโท ‘‘องฺคุตฺตราโป’’ติ เวทิตพฺโพ. ตสฺมึ ชนปเท องฺคุตฺตราเปสุ.
จาริกํ จรมาโนติ อทฺธานคมนํ กุรุมาโน ¶ . ตตฺถ ภควโต ทุวิธา จาริกา ตุริตจาริกา, อตุริตจาริกา จ. ตตฺถ ทูเรปิ ภพฺพปุคฺคเล ทิสฺวา สหสา คมนํ ตุริตจาริกา. สา มหากสฺสปปจฺจุคฺคมนาทีสุ ทฏฺพฺพา. ตํ ปจฺจุคฺคจฺฉนฺโต หิ ภควา มุหุตฺเตเนว ติคาวุตํ อคมาสิ, อาฬวกทมนตฺถํ ตึสโยชนํ, ตถา องฺคุลิมาลสฺสตฺถาย. ปุกฺกุสาติสฺส ¶ ปน ปฺจตฺตาลีสโยชนํ, มหากปฺปินสฺส วีสโยชนสตํ, ธนิยสฺสตฺถาย สตฺตโยชนสตํ อทฺธานํ อคมาสิ. อยํ ตุริตจาริกา นาม. คามนิคมนครปฏิปาฏิยา ปน ปิณฺฑปาตจริยาทีหิ โลกํ อนุคฺคณฺหนฺตสฺส คมนํ อตุริตจาริกา นาม. อยํ อิธ อธิปฺเปตา. เอวํ จาริกํ จรมาโน. มหตาติ สงฺขฺยามหตา คุณมหตา จ. ภิกฺขุสงฺเฆนาติ สมณคเณน. อฑฺฒเตฬเสหีติ อฑฺเฒน เตฬสหิ, ทฺวาทสหิ สเตหิ ปฺาสาย จ ภิกฺขูหิ สทฺธินฺติ วุตฺตํ โหติ. เยน…เป… ตทวสรีติ อาปณพหุลตาย โส นิคโม ‘‘อาปโณ’’ ตฺเวว นามํ ลภิ. ตสฺมึ กิร วีสติอาปณมุขสหสฺสานิ วิภตฺตานิ อเหสุํ. เยน ทิสาภาเคน มคฺเคน วา โส องฺคุตฺตราปานํ รฏฺสฺส นิคโม โอสริตพฺโพ, เตน อวสริ ตทวสริ อคมาสิ, ตํ นิคมํ อนุปาปุณีติ วุตฺตํ โหติ.
เกณิโย ชฏิโลติ เกณิโยติ นาเมน, ชฏิโลติ ตาปโส. โส กิร พฺราหฺมณมหาสาโล, ธนรกฺขณตฺถาย ปน ตาปสปพฺพชฺชํ สมาทาย รฺโ ปณฺณาการํ ทตฺวา ภูมิภาคํ คเหตฺวา ตตฺถ อสฺสมํ กาเรตฺวา วสติ กุลสหสฺสสฺส นิสฺสโย หุตฺวา. อสฺสเมปิ จสฺส เอโก ¶ ตาลรุกฺโข ทิวเส ทิวเส เอกํ สุวณฺณผลํ มฺุจตีติ วทนฺติ. โส ทิวา กาสายานิ ธาเรติ ชฏา จ พนฺธติ, รตฺตึ ยถาสุขํ ปฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิโต สมงฺคีภูโต ปริจาเรติ. สกฺยปุตฺโตติ อุจฺจากุลปริทีปนํ. สกฺยกุลา ปพฺพชิโตติ สทฺธาย ปพฺพชิตภาวปริทีปนํ, เกนจิ ปาริชฺุเน อนภิภูโต อปริกฺขีณํเยว ตํ ¶ กุลํ ปหาย สทฺธาย ปพฺพชิโตติ วุตฺตํ โหติ. ตํ โข ปนาติ อิตฺถมฺภูตาขฺยานตฺเถ อุปโยควจนํ, ตสฺส โข ปน โภโต โคตมสฺสาติ อตฺโถ. กลฺยาโณติ กลฺยาณคุณสมนฺนาคโต, เสฏฺโติ วุตฺตํ โหติ. กิตฺติสทฺโทติ กิตฺติเยว ถุติโฆโส วา.
อิติปิ โส ภควาติ อาทิมฺหิ ปน อยํ ตาว โยชนา – โส ภควา อิติปิ อรหํ, อิติปิ สมฺมาสมฺพุทฺโธ…เป… อิติปิ ภควาติ, อิมินา จ อิมินา จ การเณนาติ วุตฺตํ โหติ. ตตฺถ อารกตฺตา, อรีนํ อรานฺจ หตตฺตา ปจฺจยาทีนํ อรหตฺตา, ปาปกรเณ รหาภาวาติ อิเมหิ ตาว การเณหิ โส ภควา อรหนฺติ เวทิตพฺโพ. อารกา หิ โส สพฺพกิเลเสหิ มคฺเคน สวาสนานํ กิเลสานํ วิทฺธํสิตตฺตาติ อารกตฺตา อรหํ. เต จาเนน กิเลสารโย มคฺเคน หตาติ อรีนํ หตตฺตาปิ อรหํ. ยฺเจตํ อวิชฺชาภวตณฺหามยนาภิ, ปฺุาทิอภิสงฺขารานํ ชรามรณเนมิ, อาสวสมุทยมเยน อกฺเขน วิชฺฌิตฺวา ติภวรเถ สมาโยชิตํ อนาทิกาลปวตฺตํ สํสารจกฺกํ. ตสฺสาเนน โพธิมณฺเฑ วีริยปาเทหิ สีลปถวิยํ ปติฏฺาย สทฺธาหตฺเถน กมฺมกฺขยกราณผรสุํ คเหตฺวา สพฺเพ อรา หตาติ อรานํ หตตฺตาติปิ อรหํ ¶ . อคฺคทกฺขิเณยฺยตฺตา จ จีวราทิปจฺจเย สกฺการครุการาทีนิ จ อรหตีติ ปจฺจยาทีนํ อรหตฺตาปิ อรหํ. ยถา จ โลเก เกจิ ปณฺฑิตมานิโน พาลา อสิโลกภเยน รโห ปาปํ กโรนฺติ, เอวํ นายํ กทาจิ กโรตีติ ปาปกรเณ รหาภาวโตปิ อรหํ. โหติ เจตฺถ –
‘‘อารกตฺตา หตตฺตา จ, กิเลสารีน โส มุนิ;
หตสํสารจกฺกาโร, ปจฺจยาทีน จารโห;
น รโห กโรติ ปาปานิ, อรหํ เตน ปวุจฺจตี’’ติ.
สมฺมา สามฺจ สจฺจานํ พุทฺธตฺตา สมฺมาสมฺพุทฺโธ. อติสยวิสุทฺธาหิ วิชฺชาหิ อพฺภุตฺตเมน จรเณน จ สมนฺนาคตตฺตา ¶ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน. โสภนคมนตฺตา ¶ สุนฺทรํ านํ คตตฺตา สุฏฺุ คตตฺตา สมฺมา คทตฺตา จ สุคโต. สพฺพถาปิ วิทิตโลกตฺตา โลกวิทู. โส หิ ภควา สภาวโต สมุทยโต นิโรธโต นิโรธูปายโตติ สพฺพถา ขนฺธายตนาทิเภทํ สงฺขารโลกํ อเวทิ, ‘‘เอโก โลโก สพฺเพ สตฺตา อาหารฏฺิติกา. ทฺเว โลกา นามฺจ รูปฺจ. ตโย โลกา ติสฺโส เวทนา. จตฺตาโร โลกา จตฺตาโร อาหารา. ปฺจ โลกา ปฺจุปาทานกฺขนฺธา. ฉ โลกา ฉ อชฺฌตฺติกานิ อายตนานิ. สตฺต โลกา สตฺต วิฺาณฏฺิติโย. อฏฺ โลกา อฏฺ โลกธมฺมา. นว โลกา นว สตฺตาวาสา. ทส โลกา ทสายตนานิ. ทฺวาทส โลกา ทฺวาทสายตนานิ. อฏฺารส โลกา อฏฺารส ธาตุโย’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๒) เอวํ สพฺพถา สงฺขารโลกํ อเวทิ. สตฺตานํ อาสยํ ชานาติ, อนุสยํ ชานาติ, จริตํ ชานาติ, อธิมุตฺตึ ชานาติ, อปฺปรชกฺเข มหารชกฺเข ติกฺขินฺทฺริเย มุทินฺทฺริเย สฺวากาเร ทฺวากาเร สุวิฺาปเย ทุวิฺาปเย ภพฺเพ อภพฺเพ สตฺเต ชานาตีติ สพฺพถา สตฺตโลกํ อเวทิ. ตถา เอกํ จกฺกวาฬํ อายามโต วิตฺถารโต จ โยชนานํ ทฺวาทส สตสหสฺสานิ ตีณิ สหสฺสานิ อฑฺฒปฺจมานิ จ สตานิ, ปริกฺเขปโต ฉตฺตึส สตสหสฺสานิ ทส สหสฺสานิ อฑฺฒุฑฺฒานิ จ สตานิ.
ตตฺถ –
ทุเว สตสหสฺสานิ, จตฺตาริ นหุตานิ จ;
เอตฺตกํ พหลตฺเตน, สงฺขาตายํ วสุนฺธรา.
จตฺตาริ ¶ สตสหสฺสานิ, อฏฺเว นหุตานิ จ;
เอตฺตกํ พหลตฺเตน, ชลํ วาเต ปติฏฺิตํ.
นว สตสหสฺสานิ, มาลุโต นภมุคฺคโต;
สฏฺิ เจว สหสฺสานิ, เอสา โลกสฺส สณฺิติ’’.
เอวํ สณฺิเต เจตฺถ โยชนานํ –
จตุราสีติ สหสฺสานิ, อชฺโฌคาฬฺโห มหณฺณเว;
อจฺจุคฺคโต ¶ ตาวเทว, สิเนรุ ปพฺพตุตฺตโม.
ตโต ¶ อุปฑฺฒุปฑฺเฒน, ปมาเณน ยถากฺกมํ;
อชฺโฌคาฬฺหุคฺคตา ทิพฺพา, นานารตนจิตฺติตา.
ยุคนฺธโร อีสธโร, กรวีโก สุทสฺสโน;
เนมินฺธโร วินตโก, อสฺสกณฺโณ คิริ พฺรหา.
เอเต สตฺต มหาเสลา, สิเนรุสฺส สมนฺตโต;
มหาราชานมาวาสา, เทวยกฺขนิเสวิตา.
โยชนานํ สตานุจฺโจ, หิมวา ปฺจ ปพฺพโต;
โยชนานํ สหสฺสานิ, ตีณิ อายตวิตฺถโต.
จตุราสีติสหสฺเสหิ, กูเฏหิ ปฏิมณฺฑิโต;
ติปฺจโยชนกฺขนฺธ-ปริกฺเขปา นควฺหยา.
ปฺาสโยชนกฺขนฺธ-สาขายามา สมนฺตโต;
สตฺตโยชนวิตฺถิณฺณา, ตาวเทว จ อุคฺคตา.
ชมฺพู ¶ ยสฺสานุภาเวน, ชมฺพุทีโป ปกาสิโต;
ทฺเว อสีติสหสฺสานิ, อชฺโฌคาฬฺโห มหณฺณเว.
อจฺจุคฺคโต ตาวเทว, จกฺกวาฬสิลุจฺจโย;
ปริกฺขิปิตฺวา ตํ สพฺพํ, จกฺกวาฬมยํ ิโต’’.
ตตฺถ จนฺทมณฺฑลํ เอกูนปฺาสโยชนํ, สูริยมณฺฑลํ ปฺาสโยชนํ, ตาวตึสภวนํ ทสสหสฺสโยชนํ, ตถา อสุรภวนํ อวีจิมหานิรโย ชมฺพุทีโป จ. อปรโคยานํ สตฺตสหสฺสโยชนํ, ตถา ปุพฺพวิเทโห, อุตฺตรกุรุ อฏฺสหสฺสโยชโน. เอกเมโก เจตฺถ มหาทีโป ปฺจสตปฺจสตปริตฺตทีปปริวาโร. ตํ สพฺพมฺปิ เอกํ จกฺกวาฬํ เอกา โลกธาตุ. จกฺกวาฬนฺตเรสุ โลกนฺตริกนิรยา. เอวํ อนนฺตานิ จกฺกวาฬานิ อนนฺตา โลกธาตุโย, อนนฺเตน พุทฺธาเณน อฺาสีติ สพฺพถา โอกาสโลกํ อเวทิ. เอวํ โส ภควา สพฺพถา. วิทิตโลกตฺตา โลกวิทูติ เวทิตพฺโพ.
อตฺตโน ปน คุเณหิ วิสิฏฺตรสฺส กสฺสจิ อภาวา อนุตฺตโร. วิจิตฺเตหิ วินยนูปาเยหิ ปุริสทมฺเม สาเรตีติ ปุริสทมฺมสารถิ. ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺเถหิ ¶ ¶ ยถารหํ อนุสาสติ นิตฺถาเรติ จาติ สตฺถา. เทวมนุสฺสคฺคหณํ อุกฺกฏฺปริจฺเฉทวเสน ภพฺพปุคฺคลปริคฺคหวเสน จ กตํ, นาคาทิเกปิ ปน เอส โลกิยตฺเถน อนุสาสติ. ยทตฺถิ เนยฺยํ นาม, สพฺพสฺส พุทฺธตฺตา วิโมกฺขนฺติกาณวเสน พุทฺโธ. ยโต ปน โส –
‘‘ภคฺยวา ภคฺควา ยุตฺโต, ภเคหิ จ วิภตฺตวา;
ภตฺตวา วนฺตคมโน, ภเวสุ ภควา ตโต’’ติ.
อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถารโต ปเนตานิ ปทานิ วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๑๒๔-๑๒๕) วุตฺตานิ.
โส อิมํ โลกนฺติ โส ภควา อิมํ โลกํ. อิทานิ วตฺตพฺพํ นิทสฺเสติ. สเทวกนฺติอาทีนิ กสิภารทฺวาชอาฬวกสุตฺเตสุ วุตฺตนยาเนว. สยนฺติ สามํ อปรเนยฺโย หุตฺวา. อภิฺาติ อภิฺาย. สจฺฉิกตฺวาติ ปจฺจกฺขํ กตฺวา. ปเวเทตีติ โพเธติ าเปติ ปกาเสติ. โส ธมฺมํ เทเสติ…เป… ปริโยสานกลฺยาณนฺติ โส ภควา สตฺเตสุ การฺุตํ ปฏิจฺจ ¶ อนุตฺตรํ วิเวกสุขํ หิตฺวาปิ ธมฺมํ เทเสติ. ตฺจ โข อปฺปํ วา พหุํ วา เทเสนฺโต อาทิกลฺยาณาทิปฺปการเมว เทเสติ. กถํ? เอกคาถาปิ หิ สมนฺตภทฺทกตฺตา ธมฺมสฺส ปมปาเทน อาทิกลฺยาณา, ทุติยตติยปาเทหิ มชฺเฌกลฺยาณา, ปจฺฉิมปาเทน ปริโยสานกลฺยาณา. เอกานุสนฺธิกํ สุตฺตํ นิทาเนน อาทิกลฺยาณํ, นิคมเนน ปริโยสานกลฺยาณํ, เสเสน มชฺเฌกลฺยาณํ. นานานุสนฺธิกํ ปมานุสนฺธินา อาทิกลฺยาณํ, ปจฺฉิเมน ปริโยสานกลฺยาณํ, เสเสหิ มชฺเฌกลฺยาณํ. สกโลปิ สาสนธมฺโม อตฺตโน อตฺถภูเตน สีเลน อาทิกลฺยาโณ, สมถวิปสฺสนามคฺคผเลหิ มชฺเฌกลฺยาโณ, นิพฺพาเนน ปริโยสานกลฺยาโณ. สีลสมาธีหิ วา อาทิกลฺยาโณ, วิปสฺสนามคฺเคหิ มชฺเฌกลฺยาโณ, ผลนิพฺพาเนหิ ปริโยสานกลฺยาโณ. พุทฺธสุโพธิตาย วา อาทิกลฺยาโณ, ธมฺมสุธมฺมตาย มชฺเฌกลฺยาโณ, สงฺฆสุปฺปฏิปตฺติยา ปริโยสานกลฺยาโณ ¶ . ตํ สุตฺวา ตถตฺตาย ปฏิปนฺเนน อธิคนฺตพฺพาย อภิสมฺโพธิยา วา อาทิกลฺยาโณ, ปจฺเจกโพธิยา มชฺเฌกลฺยาโณ, สาวกโพธิยา ปริโยสานกลฺยาโณ ¶ . สุยฺยมาโน เจส นีวรณาทิวิกฺขมฺภนโต สวเนนปิ กลฺยาณเมว อาวหตีติ อาทิกลฺยาโณ, ปฏิปชฺชมาโน สมถวิปสฺสนาสุขาวหนโต ปฏิปตฺติยาปิ กลฺยาณเมว อาวหตีติ มชฺเฌกลฺยาโณ, ตถา ปฏิปนฺโน จ ปฏิปตฺติผเล นิฏฺิเต ตาทิภาวาวหนโต ปฏิปตฺติผเลนปิ กลฺยาณเมว อาวหตีติ ปริโยสานกลฺยาโณ. นาถปฺปภวตฺตา จ ปภวสุทฺธิยา อาทิกลฺยาโณ, อตฺถสุทฺธิยา มชฺเฌกลฺยาโณ, กิจฺจสุทฺธิยา ปริโยสานกลฺยาโณ. ยโต อปฺปํ วา พหุํ วา เทเสนฺโต อาทิกลฺยาณาทิปฺปการเมว เทเสตีติ เวทิตพฺโพ.
สาตฺถํ สพฺยฺชนนฺติ เอวมาทีสุ ปน ยสฺมา อิมํ ธมฺมํ เทเสนฺโต สาสนพฺรหฺมจริยํ มคฺคพฺรหฺมจริยฺจ ปกาเสติ, นานานเยหิ ทีเปติ, ตฺจ ยถาสมฺภวํ อตฺถสมฺปตฺติยา สาตฺถํ, พฺยฺชนสมฺปตฺติยา สพฺยฺชนํ. สงฺกาสนปกาสนวิวรณวิภชนอุตฺตานีกรณปฺตฺติอตฺถปทสมาโยคโต สาตฺถํ, อกฺขรปทพฺยฺชนาการนิรุตฺตินิทฺเทสสมฺปตฺติยา สพฺยฺชนํ. อตฺถคมฺภีรตาปฏิเวธคมฺภีรตาหิ สาตฺถํ, ธมฺมคมฺภีรตาเทสนาคมฺภีรตาหิ สพฺยฺชนํ. อตฺถปฏิภานปฏิสมฺภิทาวิสยโต สาตฺถํ, ธมฺมนิรุตฺติปฏิสมฺภิทาวิสยโต สพฺยฺชนํ. ปณฺฑิตเวทนียโต สริกฺขกชนปฺปสาทกนฺติ สาตฺถํ, สทฺเธยฺยโต โลกิยชนปฺปสาทกนฺติ สพฺยฺชนํ. คมฺภีราธิปฺปายโต สาตฺถํ, อุตฺตานปทโต สพฺยฺชนํ. อุปเนตพฺพสฺสาภาวโต สกลปริปุณฺณภาเวน เกวลปริปุณฺณํ, อปเนตพฺพสฺส อภาวโต นิทฺโทสภาเวน ปริสุทฺธํ. สิกฺขตฺตยปริคฺคหิตตฺตา พฺรหฺมภูเตหิ เสฏฺเหิ จริตพฺพโต เตสฺจ จริยภาวโต พฺรหฺมจริยํ. ตสฺมา ‘‘สาตฺถํ สพฺยฺชนํ…เป… พฺรหฺมจริยํ ปกาเสตี’’ติ วุจฺจติ.
อปิจ ¶ ยสฺมา สนิทานํ สอุปฺปตฺติกฺจ เทเสนฺโต อาทิกลฺยาณํ เทเสติ, วิเนยฺยานํ อนุรูปโต อตฺถสฺส อวิปรีตตาย เหตุทาหรณโยคโต จ มชฺเฌกลฺยาณํ ¶ , โสตูนํ สทฺธาปฏิลาเภน นิคมเนน จ ปริโยสานกลฺยาณํ. เอวํ เทเสนฺโต จ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสติ. ตฺจ ปฏิปตฺติยา อธิคมพฺยตฺติโต สาตฺถํ, ปริยตฺติยา อาคมพฺยตฺติโต สพฺยฺชนํ, สีลาทิปฺจธมฺมกฺขนฺธยุตฺตโต เกวลปริปุณฺณํ, นิรุปกฺกิเลสโต นิตฺถรณตฺถาย ปวตฺติโต โลกามิสนิรเปกฺขโต จ ¶ ปริสุทฺธํ, เสฏฺฏฺเน พฺรหฺมภูตานํ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธสาวกานํ จริยโต พฺรหฺมจริยนฺติ วุจฺจติ, ตสฺมาปิ ‘‘โส ธมฺมํ เทเสติ…เป… พฺรหฺมจริยํ ปกาเสตี’’ติ วุจฺจติ.
สาธุ โข ปนาติ สุนฺทรํ โข ปน, อตฺถาวหํ สุขาวหนฺติ วุตฺตํ โหติ. ธมฺมิยา กถายาติ ปานกานิสํสปฏิสํยุตฺตาย. อยฺหิ เกณิโย สายนฺหสมเย ภควโต อาคมนํ อสฺโสสิ. ‘‘ตุจฺฉหตฺโถ ภควนฺตํ ทสฺสนาย คนฺตุํ ลชฺชมาโน วิกาลโภชนา วิรตานมฺปิ ปานกํ กปฺปตี’’ติ จินฺเตตฺวา ปฺจหิ กาชสเตหิ สุสงฺขตํ พทรปานํ คาหาเปตฺวา อคมาสิ. ยถาห เภสชฺชกฺขนฺธเก ‘‘อถ โข เกณิยสฺส ชฏิลสฺส เอตทโหสิ, กึ นุ โข อหํ สมณสฺส โคตมสฺส หราเปยฺย’’นฺติ (มหาว. ๓๐๐) สพฺพํ เวทิตพฺพํ. ตโต นํ ภควา ยถา เสกฺขสุตฺเต (ม. นิ. ๒.๒๒ อาทโย) สากิเย อาวสถานิสํสปฏิสํยุตฺตาย กถาย, โคสิงฺคสาลวเน (ม. นิ. ๑.๓๒๕ อาทโย) ตโย กุลปุตฺเต สามคฺคิรสานิสํสปฏิสํยุตฺตาย, รถวินีเต (ม. นิ. ๑.๒๕๒ อาทโย) ชาติภูมเก ภิกฺขู ทสกถาวตฺถุปฏิสํยุตฺตาย, เอวํ ตงฺขณานุรูปาย ปานกานิสํสปฏิสํยุตฺตาย กถาย ปานกทานานิสํสํ สนฺทสฺเสสิ, ตถารูปานํ ปฺุานํ ปุนปิ กตฺตพฺพตาย นิโยเชนฺโต สมาทเปสิ, อพฺภุสฺสาหํ ชเนนฺโต สมุตฺเตเชสิ, สนฺทิฏฺิกสมฺปรายิเกน ผลวิเสเสน ปหํเสนฺโต สมฺปหํเสสิ. เตนาห ‘‘ธมฺมิยา กถาย…เป… สมฺปหํเสสี’’ติ. โส ภิยฺโยโสมตฺตาย ภควติ ปสนฺโน ภควนฺตํ นิมนฺเตสิ, ภควา จสฺส ติกฺขตฺตุํ ปฏิกฺขิปิตฺวา อธิวาเสสิ. เตนาห ‘‘อถ โข เกณิโย ชฏิโล…เป… อธิวาเสสิ ¶ ภควา ตุณฺหีภาเวนา’’ติ.
กิมตฺถํ ปน ปฏิกฺขิปิ ภควาติ? ปุนปฺปุนํ ยาจนาย จสฺส ปฺุวุฑฺฒิ ภวิสฺสติ, พหุตรฺจ ปฏิยาเทสฺสติ, ตโต อฑฺฒเตลสานํ ภิกฺขุสตานํ ปฏิยตฺตํ อฑฺฒโสฬสนฺนํ ปาปุณิสฺสตีติ. กุโต อปรานิ ตีณิ สตานีติ เจ? อปฺปฏิยตฺเตเยว หิ ภตฺเต เสโล พฺราหฺมโณ ตีหิ มาณวกสเตหิ สทฺธึ ปพฺพชิสฺสติ, ตํ ทิสฺวา ภควา เอวมาหาติ. มิตฺตามจฺเจติ มิตฺเต จ กมฺมกเร จ. าติสาโลหิเตติ สมานโลหิเต เอกโยนิสมฺพนฺเธ ปุตฺตธีตาทโย ¶ อวเสสพนฺธเว จ. เยนาติ ¶ ยสฺมา. เมติ มยฺหํ. กายเวยฺยาวฏิกนฺติ กาเยน เวยฺยาวจฺจํ. มณฺฑลมาฬํ ปฏิยาเทตีติ เสตวิตานมณฺฑปํ กโรติ.
ติณฺณํ เวทานนฺติ อิรุพฺเพทยชุพฺเพทสามเวทานํ. สห นิฆณฺฑุนา จ เกฏุเภน จ สนิฆณฺฑุเกฏุภานํ. นิฆณฺฑูติ นามนิฆณฺฑุรุกฺขาทีนํ เววจนปฺปกาสกํ สตฺถํ. เกฏุภนฺติ กิริยากปฺปวิกปฺโป กวีนํ อุปการาย สตฺถํ. สห อกฺขรปฺปเภเทน สากฺขรปฺปเภทานํ. อกฺขรปฺปเภโทติ สิกฺขา จ นิรุตฺติ จ. อิติหาสปฺจมานนฺติ อถพฺพนเวทํ จตุตฺถํ กตฺวา ‘‘อิติห อาส อิติห อาสา’’ติ อีทิสวจนปฏิสํยุตฺโต ปุราณกถาสงฺขาโต อิติหาโส ปฺจโม เอเตสนฺติ อิติหาสปฺจมา. เตสํ อิติหาสปฺจมานํ. ปทํ ตทวเสสฺจ พฺยากรณํ อชฺเฌติ เวเทติ จาติ ปทโก เวยฺยากรโณ. โลกายเต วิตณฺฑวาทสตฺเถ มหาปุริสลกฺขณาธิกาเร จ ทฺวาทสสหสฺเส มหาปุริสลกฺขณสตฺเถ อนูโน ปริปูรการีติ โลกายตมหาปุริสลกฺขเณสุ อนวโย, อวโย น โหตีติ วุตฺตํ โหติ. อวโย นาม โย ตานิ อตฺถโต จ คนฺถโต จ สนฺธาเรตุํ น สกฺโกติ.
ชงฺฆาย หิตํ วิหารํ ¶ ชงฺฆาวิหารํ, จิราสนาทิชนิตํ ปริสฺสมํ วิโนเทตุํ ชงฺฆาปสารณตฺถํ อทีฆจาริกนฺติ วุตฺตํ โหติ. อนุจงฺกมมาโนติ จงฺกมมาโน เอว. อนุวิจรมาโนติ อิโต จิโต จ จรมาโน. เกณิยสฺส ชฏิลสฺส อสฺสโมติ เกณิยสฺส อสฺสมํ นิเวสนํ. อาวาโหติ กฺาคหณํ. วิวาโหติ กฺาทานํ. มหายฺโติ มหายชนํ. มาคโธติ มคธานํ อิสฺสโร. มหติยา เสนาย สมนฺนาคตตฺตา เสนิโย. พิมฺพีติ สุวณฺณํ, ตสฺมา สารสุวณฺณสทิสวณฺณตาย พิมฺพิสาโร. โส เม นิมนฺติโตติ โส มยา นิมนฺติโต.
อถ พฺราหฺมโณ ปุพฺเพ กตาธิการตฺตา พุทฺธสทฺทํ สุตฺวาว อมเตเนวาภิสิตฺโต วิมฺหยรูปตฺตา อาห – ‘‘พุทฺโธติ, โภ เกณิย, วเทสี’’ติ. อิตโร ยถาภูตํ อาจิกฺขนฺโต อาห – ‘‘พุทฺโธติ, โภ เสล, วทามี’’ติ. ตโต นํ ปุนปิ ทฬฺหีกรณตฺถํ ปุจฺฉิ, อิตโรปิ ตเถว อาโรเจสิ. อถ กปฺปสตสหสฺเสหิปิ พุทฺธสทฺทสฺส ทุลฺลภภาวํ ทสฺเสนฺโต ¶ อาห – ‘‘โฆโสปิ โข เอโส ทุลฺลโภ โลกสฺมึ ยทิทํ พุทฺโธ’’ติ. ตตฺถ ยทิทนฺติ นิปาโต, โย เอโสติ วุตฺตํ โหติ.
อถ พฺราหฺมโณ พุทฺธสทฺทํ สุตฺวา ‘‘กึ นุ โข โส สจฺจเมว พุทฺโธ, อุทาหุ นามมตฺตเมวสฺส พุทฺโธ’’ติ วีมํสิตุกาโม จินฺเตสิ, อภาสิ เอว วา ‘‘อาคตานิ โข ปน…เป… วิวฏฺฏจฺฉโท’’ติ. ตตฺถ ‘‘มนฺเตสู’’ติ เวเทสุ. ‘‘ตถาคโต กิร อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ ปฏิกจฺเจว ¶ สุทฺธาวาสเทวา พฺราหฺมณเวเสน ลกฺขณานิ ปกฺขิปิตฺวา เวเท วาเจนฺติ ‘‘ตทนุสาเรน มเหสกฺขา สตฺตา ตถาคตํ ชานิสฺสนฺตี’’ติ. เตน ปุพฺเพ เวเทสุ มหาปุริสลกฺขณานิ อาคจฺฉนฺติ. ปรินิพฺพุเต ปน ตถาคเต กเมน อนฺตรธายนฺติ, เตน เอตรหิ นตฺถิ. มหาปุริสสฺสาติ ปณิธิสมาทานาณสมาทานกรุณาทิคุณมหโต ปุริสสฺส ¶ . ทฺเวว คติโยติ ทฺเว เอว นิฏฺา. กามฺจายํ คติสทฺโท ‘‘ปฺจ โข อิมา, สาริปุตฺต, คติโย’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑๕๓) ภวเภเท, ‘‘คตี มิคานํ ปวน’’นฺติอาทีสุ (ปริ. ๓๓๙) นิวาสฏฺาเน, ‘‘เอวํ อธิมตฺตคติมนฺโต’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑๖๑) ปฺายํ, ‘‘คติคต’’นฺติอาทีสุ (จูฬว. ๒๐๔) วิสฏภาเว วตฺตติ, อิธ ปน นิฏฺายํ เวทิตพฺโพ. ตตฺถ กิฺจาปิ เยหิ ลกฺขเณหิ สมนฺนาคโต ราชา โหติ จกฺกวตฺติ, น เตหิ เอว พุทฺโธ. ชาติสามฺโต ปน ตานิเยว ตานีติ วุจฺจนฺติ. ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘เยหิ สมนฺนาคตสฺสา’’ติ.
สเจ อคารํ อชฺฌาวสตีติ ยทิ อคาเร วสติ. ราชา โหติ จกฺกวตฺตีติ จตูหิ อจฺฉริยธมฺเมหิ สงฺคหวตฺถูหิ จ โลกํ รฺชนโต ราชา. จกฺกรตนํ วตฺเตติ, จตูหิ สมฺปตฺติจกฺเกหิ, วตฺตติ, เตหิ จ ปรํ วตฺเตติ, ปรหิตาย จ อิริยาปถจกฺกานํ วตฺโต เอตสฺมึ อตฺถีติ จกฺกวตฺติ. เอตฺถ จ ราชาติ สามฺํ, จกฺกวตฺตีติ วิเสสนํ. ธมฺเมน จรตีติ ธมฺมิโก, าเยน สเมน วตฺตตีติ อตฺโถ. ธมฺเมน รชฺชํ ลภิตฺวา ราชา ชาโตติ ธมฺมราชา. ปรหิตธมฺมกรเณน วา ธมฺมิโก, อตฺตหิตธมฺมกรเณน ธมฺมราชา. จตุรนฺตาย อิสฺสโรติ จาตุรนฺโต, จตุสมุทฺทนฺตาย จตฺตุพฺพิธทีปวิภูสิตาย จ ปถวิยา อิสฺสโรติ อตฺโถ. อชฺฌตฺตํ โกธาทิปจฺจตฺถิเก พหิทฺธา จ สพฺพราชาโน วิเชสีติ วิชิตาวี. ชนปทตฺถาวริยปฺปตฺโตติ ชนปเท ธุวภาวํ ถาวรภาวํ ปตฺโต, น สกฺกา เกนจิ ¶ จาเลตุํ, ชนปโท วา ตมฺหิ ถาวริยปฺปตฺโต อนุสฺสุกฺโก สกมฺมนิรโต อจโล อสมฺปเวธีติปิ ชนปทตฺถาวริยปฺปตฺโต.
เสยฺยถิทนฺติ นิปาโต, ตสฺส ¶ เอตานิ กตมานีติ อตฺโถ. จกฺกรตนํ…เป… ปริณายกรตนเมว สตฺตมนฺติ ตานิ สพฺพปฺปการโต รตนสุตฺตวณฺณนายํ วุตฺตานิ. เตสุ อยํ จกฺกวตฺติราชา จกฺกรตเนน อชิตํ ชินาติ, หตฺถิอสฺสรตเนหิ วิชิเต ยถาสุขมนุวิจรติ, ปริณายกรตเนน วิชิตมนุรกฺขติ, เสเสหิ อุปโภคสุขมนุภวติ. ปเมน จสฺส อุสฺสาหสตฺติโยโค, หตฺถิอสฺสคหปติรตเนหิ ปภุสตฺติโยโค, ปริณายกรตเนน มนฺตสตฺติโยโค สุปริปุณฺโณ โหติ, อิตฺถิมณิรตเนหิ จ ติวิธสตฺติโยคผลํ. โส อิตฺถิมณิรตเนหิ โภคสุขมนุโภติ, เสเสหิ อิสฺสริยสุขํ. วิเสสโต จสฺส ปุริมานิ ตีณิ อโทสกุสลมูลชนิตกมฺมานุภาเวน ¶ สมฺปชฺชนฺติ, มชฺฌิมานิ อโลภกุสลมูลชนิตกมฺมานุภาเวน, ปจฺฉิมเมกํ อโมหกุสลมูลชนิตกมฺมานุภาเวนาติ เวทิตพฺพํ.
ปโรสหสฺสนฺติ อติเรกสหสฺสํ. สูราติ อภีรุกชาติกา. วีรงฺครูปาติ เทวปุตฺตสทิสกายา, เอวํ ตาเวเก. อยํ ปเนตฺถ สภาโว วีราติ อุตฺตมสูรา วุจฺจนฺติ, วีรานํ องฺคํ วีรงฺคํ, วีรการณํ วีริยนฺติ วุตฺตํ โหติ. วีรงฺคํ รูปํ เอเตสนฺติ วีรงฺครูปา, วีริยมยสรีรา วิยาติ วุตฺตํ โหติ. ปรเสนปฺปมทฺทนาติ สเจ ปฏิมุขํ ติฏฺเยฺย ปรเสนา, ตํ ปมทฺทิตุํ สมตฺถาติ อธิปฺปาโย. ธมฺเมนาติ ‘‘ปาโณ น หนฺตพฺโพ’’ติอาทินา (ที. นิ. ๒.๒๔๔; ม. นิ. ๓.๒๕๗) ปฺจสีลธมฺเมน. อรหํ โหติ สมฺมาสมฺพุทฺโธ โลเก วิวฏฺฏจฺฉโทติ เอตฺถ ราคโทสโมหมานทิฏฺิอวิชฺชาทุจฺจริตฉทเนหิ สตฺตหิ ปฏิจฺฉนฺเน กิเลสนฺธกาเร โลเก ตํ ฉทนํ วิวฏฺเฏตฺวา สมนฺตโต สฺชาตาโลโก หุตฺวา ิโตติ วิวฏฺฏจฺฉโท. ตตฺถ ปเมน ปเทน ปูชารหตา, ทุติเยน ตสฺสา เหตุ ยสฺมา สมฺมาสมฺพุทฺโธติ. ตติเยน พุทฺธตฺตเหตุ วิวฏฺฏจฺฉทตา วุตฺตาติ ¶ เวทิตพฺพา. อถ วา วิวฏฺโฏ จ วิจฺฉโท จาติ วิวฏฺฏจฺฉโท, วฏฺฏรหิโต ฉทนรหิโต จาติ วุตฺตํ โหติ. เตน อรหํ วฏฺฏาภาเวน สมฺมาสมฺพุทฺโธ ฉทนาภาเวนาติ เอวํ ปุริมปททฺวยสฺเสว เหตุทฺวยํ วุตฺตํ โหติ. ทุติเยน เวสารชฺเชน เจตฺถ ปุริมสิทฺธิ, ปเมน ทุติยสิทฺธิ, ตติยจตุตฺเถหิ ¶ ตติยสิทฺธิ โหติ. ปุริมฺจ ธมฺมจกฺขุํ, ทุติยํ พุทฺธจกฺขุํ, ตติยํ สมนฺตจกฺขุํ สาเธตีติ เวทิตพฺพํ.
อิทานิ ภควโต สนฺติกํ คนฺตุกาโม อาห – ‘‘กหํ ปน โภ…เป… สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ. เอวํ วุตฺเตติอาทีสุ เยเนสาติ เยน ทิสาภาเคน เอสา. นีลวนราชีติ นีลวณฺณรุกฺขปนฺติ. วนํ กิร เมฆปนฺติสทิสํ. ยตฺถ ภควา ตทา วิหาสิ, ตํ นิทฺทิสนฺโต อาห – ‘‘เยเนสา โภ, เสล, นีลวนราชี’’ติ. ตตฺถ ‘‘โส วิหรตี’’ติ อยํ ปเนตฺถ ปาเสโส, ภุมฺมตฺเถ วา กรณวจนํ. ปเท ปทนฺติ ปทสมีเป ปทํ. เตน ตุริตคมนํ ปฏิเสเธติ. ทุราสทา หีติ การณํ อาห, ยสฺมา เต ทุราสทา, ตสฺมา เอวํ โภนฺโต อาคจฺฉนฺตูติ. กึ ปน การณา ทุราสทาติ เจ? สีหาว เอกจรา. ยถา หิ สีหา สหายกิจฺจาภาวโต เอกจรา, เอวํ เตปิ วิเวกกามตาย. ‘‘ยทา จาห’’นฺติอาทินา ปน เต มาณวเก อุปจารํ สิกฺขาเปติ. ตตฺถ มา โอปาเตถาติ มา ปเวเสถ, มา กเถถาติ วุตฺตํ โหติ. อาคเมนฺตูติ ปฏิมาเนนฺตุ, ยาว กถา ปริโยสานํ คจฺฉติ, ตาว ตุณฺหี ภวนฺตูติ อตฺโถ.
สมนฺเนสีติ คเวสิ. เยภุยฺเยนาติ พหุกานิ อทฺทส, อปฺปกานิ นาทฺทส. ตโต ยานิ น อทฺทส ¶ , ตานิ ทีเปนฺโต อาห ‘‘เปตฺวา ทฺเว’’ติ. กงฺขตีติ กงฺขํ อุปฺปาเทติ ปตฺถนํ ‘‘อโห วต ปสฺเสยฺย’’นฺติ. วิจิกิจฺฉตีติ ตโต ตโต ตานิ วิจินนฺโต กิจฺฉติ น สกฺโกติ ทฏฺุํ. นาธิมุจฺจตีติ ตาย วิจิกิจฺฉาย สนฺนิฏฺานํ น คจฺฉติ. น สมฺปสีทตีติ ตโต ‘‘ปริปุณฺณลกฺขโณ อย’’นฺติ ภควติ ปสาทํ ¶ นาปชฺชติ. กงฺขาย วา สุทุพฺพลวิมติ วุตฺตา, วิจิกิจฺฉาย มชฺฌิมา, อนธิมุจฺจนตาย พลวตี, อสมฺปสาเทน เตหิ ตีหิ ธมฺเมหิ จิตฺตสฺส กาลุสฺสิยภาโว.
โกโสหิเตติ วตฺถิโกเสน ปฏิจฺฉนฺเน. วตฺถคุยฺเหติ องฺคชาเต. ภควโต หิ วรวารณสฺเสว โกโสหิตํ วตฺถคุยฺหํ สุวณฺณวณฺณํ ปทุมคพฺภสมานํ. ตํ โส วตฺถปฏิจฺฉนฺนตฺตา อปสฺสนฺโต อนฺโตมุขคตาย จ ชิวฺหาย ปหูตภาวํ อสลฺลกฺเขนฺโต เตสุ ทฺวีสุ ลกฺขเณสุ กงฺขี อโหสิ ¶ วิจิกิจฺฉี. ตถารูปนฺติ กถํ รูปํ? กิเมตฺถ อมฺเหหิ วตฺตพฺพํ, วุตฺตเมตํ นาคเสนตฺเถเรเนว มิลินฺทรฺา ปุฏฺเน (มิ. ป. ๔.๓.๓) –
‘‘ทุกฺกรํ, ภนฺเต นาคเสน, ภควตา กตนฺติ. กึ, มหาราชาติ? มหาชเนน หิริกรโณกาสํ พฺรหฺมายุพฺราหฺมณสฺส จ อนฺเตวาสิอุตฺตรสฺส จ พาวริสฺส อนฺเตวาสีนํ โสฬสนฺนํ พฺราหฺมณานฺจ เสลสฺส พฺราหฺมณสฺส อนฺเตวาสีนํ ติสตมาณวานฺจ ทสฺเสสิ, ภนฺเตติ. น, มหาราช, ภควา คุยฺหํ ทสฺเสติ, ฉายํ ภควา ทสฺเสติ, อิทฺธิยา อภิสงฺขริตฺวา นิวาสนนิวตฺถํ กายพนฺธนพทฺธํ จีวรปารุตํ ฉายารูปกมตฺตํ ทสฺเสติ, มหาราชาติ. ฉายารูเป ทิฏฺเ สติ ทิฏฺโ เอว นนุ, ภนฺเตติ. ติฏฺเตตํ, มหาราช, หทยรูปํ ทิสฺวา พุชฺฌนกสตฺโต ภเวยฺย, หทยมํสํ นีหริตฺวา ทสฺเสยฺย สมฺมาสมฺพุทฺโธติ. กลฺโลสิ, ภนฺเต, นาคเสนา’’ติ (มิ. ป. ๔.๓.๓).
นินฺนาเมตฺวาติ นีหริตฺวา. กณฺณโสตานุมสเนน เจตฺถ ทีฆภาโว, นาสิกาโสตานุมสเนน ตนุภาโว, นลาฏจฺฉาทเนน ปุถุลภาโว ปกาสิโตติ เวทิตพฺโพ. อาจริยปาจริยานนฺติ อาจริยานฺเจว อาจริยาจริยานฺจ. สเก วณฺเณติ อตฺตโน คุเณ.
๕๕๔. ปริปุณฺณกาโยติ ลกฺขเณหิ ปริปุณฺณตาย อหีนงฺคปจฺจงฺคตาย จ ปริปุณฺณสรีโร ¶ . สุรุจีติ สุนฺทรสรีรปฺปโภ. สุชาโตติ อาโรหปริณาหสมฺปตฺติยา สณฺานสมฺปตฺติยา จ สุนิพฺพตฺโต. จารุทสฺสโนติ สุจิรมฺปิ ปสฺสนฺตานํ อติตฺติชนกํ อปฺปฏิกูลํ รมณียํ จารุ เอว ทสฺสนํ อสฺสาติ จารุทสฺสโน. เกจิ ปน ภณนฺติ ‘‘จารุทสฺสโนติ ¶ สุนฺทรเนตฺโต’’ติ. สุวณฺณวณฺโณติ สุวณฺณสทิสวณฺโณ. อสีติ ภวสิ. เอตํ สพฺพปเทหิ โยเชตพฺพํ. สุสุกฺกทาโติ สุฏฺุ สุกฺกทาโ. ภควโต หิ ทาาหิ จนฺทกิรณา วิย อติวิย ปณฺฑรรํสิโย นิจฺฉรนฺติ. เตนาห – ‘‘สุสุกฺกทาโสี’’ติ.
๕๕๕. มหาปุริสลกฺขณาติ ปุพฺเพ วุตฺตพฺยฺชนาเนว วจนนฺตเรน นิคเมนฺโต อาห.
๕๕๖. อิทานิ ¶ เตสุ ลกฺขเณสุ อตฺตโน อภิรุจิเตหิ ลกฺขเณหิ ภควนฺตํ ถุนนฺโต อาห – ‘‘ปสนฺนเนตฺโต’’ติอาทิ. ภควา หิ ปฺจวณฺณปสาทสมฺปตฺติยา ปสนฺนเนตฺโต, ปริปุณฺณจนฺทมณฺฑลสทิสมุขตฺตา สุมุโข, อาโรหปริณาหสมฺปตฺติยา พฺรหา, พหฺมุชุคตฺตตาย อุชุ, ชุติมนฺตตาย ปตาปวา. ยมฺปิ เจตฺถ ปุพฺเพ วุตฺตํ, ตํ ‘‘มชฺเฌ สมณสงฺฆสฺสา’’ติ อิมินา ปริยาเยน ถุนตา ปุน วุตฺตํ. อีทิโส หิ เอวํ วิโรจติ. เอส นโย อุตฺตรคาถายปิ.
๕๕๗-๘. อุตฺตมวณฺณิโนติ อุตฺตมวณฺณสมฺปนฺนสฺส. ชมฺพุสณฺฑสฺสาติ ชมฺพุทีปสฺส. ปากเฏน อิสฺสริยํ วณฺณยนฺโต อาห, อปิจ จกฺกวตฺติ จตุนฺนมฺปิ ทีปานํ อิสฺสโร โหติ.
๕๕๙. ขตฺติยาติ ชาติขตฺติยา. โภชาติ โภคิยา. ราชาโนติ เย เกจิ รชฺชํ กาเรนฺตา. อนุยนฺตาติ อนุคามิโน เสวกา. ราชาภิราชาติ ราชูนํ ปูชนิโย ราชา หุตฺวา, จกฺกวตฺตีติ อธิปฺปาโย. มนุชินฺโทติ มนุสฺสาธิปติ ปรมิสฺสโร หุตฺวา.
๕๖๐. เอวํ วุตฺเต ภควา ‘‘เย เต ภวนฺติ อรหนฺโต สมฺมาสมฺพุทฺธา, เต สเก วณฺเณ ภฺมาเน อตฺตานํ ปาตุกโรนฺตี’’ติ อิมํ เสลสฺส มโนรถํ ปูเรนฺโต อาห ‘‘ราชาหมสฺมี’’ติ. ตตฺรายมธิปฺปาโย – ยํ โข มํ ตฺวํ เสล ยาจสิ ‘‘ราชา อรหสิ ภวิตุํ จกฺกวตฺตี’’ติ, เอตฺถ อปฺโปสฺสุกฺโก โหติ, ราชาหมสฺมิ, สติ จ ราชตฺเต ยถา อฺโ ราชา สมาโนปิ โยชนสตํ วา อนุสาสติ, ทฺเว ตีณิ วา จตฺตาริ วา ปฺจ วา โยชนสตานิ โยชนสหสฺสํ วา จกฺกวตฺติ หุตฺวาปิ ¶ จตุทีปปริยนฺตมตฺตํ วา, นาหเมวํ ปริจฺฉินฺนวิสโย. อหฺหิ ธมฺมราชา อนุตฺตโร ภวคฺคโต อวีจิปริยนฺตํ กตฺวา ติริยํ อปฺปเมยฺยา โลกธาตุโย อนุสาสามิ. ยาวตา หิ อปททฺวิปทาทิเภทา สตฺตา, อหํ เตสํ อคฺโค. น หิ เม โกจิ สีเลน วา…เป… วิมุตฺติาณทสฺสเนน วา ปฏิภาโค อตฺถิ. สฺวาหํ เอวํ ธมฺมราชา อนุตฺตโร อนุตฺตเรเนว จตุสติปฏฺานาทิเภทโพธิปกฺขิยสงฺขาเตน ธมฺเมน จกฺกํ วตฺเตมิ ‘‘อิทํ ปชหถ, อิทํ อุปสมฺปชฺช วิหรถา’’ติอาทินา อาณาจกฺกํ, ‘‘อิทํ โข ปน, ภิกฺขเว, ทุกฺขํ อริยสจฺจ’’นฺติอาทินา ¶ (สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑; มหาว. ๑๔) ปริยตฺติธมฺเมน ธมฺมจกฺกเมว วา. จกฺกํ อปฺปฏิวตฺติยนฺติ ¶ ยํ จกฺกํ อปฺปฏิวตฺติยํ โหติ สมเณน วา…เป… เกนจิ โลกสฺมินฺติ.
๕๖๑-๒. เอวํ อตฺตานํ อาวิกโรนฺตํ ภควนฺตํ ทิสฺวา ปีติโสมนสฺสชาโต เสโล ทฬฺหิกรณตฺถํ ‘‘สมฺพุทฺโธ ปฏิชานาสี’’ติ คาถาทฺวยมาห. ตตฺถ โก นุ เสนาปตีติ ธมฺมรฺโ โภโต, ธมฺเมน ปวตฺติตสฺส ธมฺมจกฺกสฺส อนุปฺปวตฺตโก เสนาปติ โกติ ปุจฺฉิ.
๕๖๓. เตน จ สมเยน ภควโต ทกฺขิณปสฺเส อายสฺมา สาริปุตฺโต นิสินฺโน โหติ สุวณฺณปฺุโช วิย สิริยา โสภมาโน, ตํ ทสฺเสนฺโต ภควา ‘‘มยา ปวตฺติต’’นฺติ คาถมาห. ตตฺถ อนุชาโต ตถาคตนฺติ ตถาคตเหตุ อนุชาโต, ตถาคเตน เหตุนา ชาโตติ อตฺโถ.
๕๖๔. เอวํ ‘‘โก นุ เสนาปตี’’ติ ปฺหํ พฺยากริตฺวา ยํ เสโล อาห – ‘‘สมฺพุทฺโธ ปฏิชานาสี’’ติ, ตตฺร นํ นิกฺกงฺขํ กาตุกาโม ‘‘นาหํ ปฏิฺามตฺเตเนว ปฏิชานามิ, อปิจาหํ อิมินา การเณน พุทฺโธ’’ติ าเปตุํ ‘‘อภิฺเยฺย’’นฺติ คาถมาห. ตตฺถ อภิฺเยฺยนฺติ วิชฺชา จ วิมุตฺติ จ. มคฺคสจฺจสมุทยสจฺจานิ ปน ภาเวตพฺพปหาตพฺพานิ, เหตุวจเนน ปน ผลสิทฺธิโต เตสํ ผลานิ นิโรธสจฺจทุกฺขสจฺจานิปิ วุตฺตาเนว ภวนฺติ. ยโต สจฺฉิกาตพฺพํ สจฺฉิกตํ, ปริฺเยฺยํ ปริฺาตนฺติ เอวมฺเปตฺถ วุตฺตเมว โหติ. เอวํ ¶ จตุสจฺจภาวนาผลฺจ วิชฺชาวิมุตฺตึ ทสฺเสนฺโต ‘‘พุชฺฌิตพฺพํ พุชฺฌิตฺวา พุทฺโธ ชาโตสฺมี’’ติ ยุตฺเตน เหตุนา พุทฺธตฺตํ สาเธติ.
๕๖๕-๗. เอวํ นิปฺปริยาเยน อตฺตานํ ปาตุกตฺวา อตฺตนิ กงฺขาวิตรณตฺถํ พฺราหฺมณํ อภิตฺถรยมาโน ‘‘วินยสฺสู’’ติ คาถาตฺตยมาห. ตตฺถ สลฺลกตฺโตติ ราคสลฺลาทิสตฺตสลฺลกตฺตโน. พฺรหฺมภูโตติ เสฏฺภูโต. อติตุโลติ ตุลํ อตีโต อุปมํ อตีโต, นิรูปโมติ อตฺโถ. มารเสนปฺปมทฺทโนติ ‘‘กามา เต ปมา เสนา’’ติอาทิกาย ‘‘ปเร จ อวชานาตี’’ติ (สุ. นิ. ๔๔๐; มหานิ. ๒๘; จูฬนิ. นนฺทมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๔๗) เอวํ วุตฺตาย มารปริสสงฺขาตาย มารเสนาย ¶ ปมทฺทโน. สพฺพามิตฺเตติ ขนฺธกิเลสาภิสงฺขารมจฺจุเทวปุตฺตมาราทิเก สพฺพปจฺจตฺถิเก. วสีกตฺวาติ อตฺตโน วเส วตฺเตตฺวา. อกุโตภโยติ กุโตจิ อภโย.
๕๖๘-๗๐. เอวํ วุตฺเต เสโล พฺราหฺมโณ ตาวเทว ภควติ สฺชาตปฺปสาโท ปพฺพชฺชาเปกฺโข ¶ หุตฺวา ‘‘อิมํ ภวนฺโต’’ติ คาถาตฺตยมาห ยถา ตํ ปริปากคตาย อุปนิสฺสยสมฺปตฺติยา สมฺมา โจทิยมาโน. ตตฺถ กณฺหาภิชาติโกติ จณฺฑาลาทินีจกุเล ชาโต.
๕๗๑. ตโต เตปิ มาณวกา ตเถว ปพฺพชฺชาเปกฺขา หุตฺวา ‘‘เอตฺเจ รุจฺจติ โภโต’’ติ คาถมาหํสุ ยถา ตํ เตน สทฺธึ กตาธิการา กุลปุตฺตา.
๕๗๒. อถ เสโล เตสุ มาณวเกสุ ตุฏฺจิตฺโต เต ทสฺเสนฺโต ปพฺพชฺชํ ยาจมาโน ‘‘พฺราหฺมณา’’ติ คาถมาห.
๕๗๓. ตโต ภควา ยสฺมา เสโล อตีเต ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต สาสเน เตสํเยว ติณฺณํ ปุริสสตานํ คณเสฏฺโ หุตฺวา เตหิ สทฺธึ ปริเวณํ การาเปตฺวา ทานาทีนิ ปฺุานิ จ กตฺวา กเมน เทวมนุสฺสสมฺปตฺตึ อนุภวมาโน ปจฺฉิเม ภเว เตสํเยว อาจริโย หุตฺวา นิพฺพตฺโต, ตฺจ เนสํ กมฺมํ วิมุตฺติปริปากาย ปริปกฺกํ เอหิภิกฺขุภาวสฺส ¶ จ อุปนิสฺสยภูตํ, ตสฺมา เต สพฺเพว เอหิภิกฺขุปพฺพชฺชาย ปพฺพาเชนฺโต ‘‘สฺวากฺขาต’’นฺติ คาถมาห. ตตฺถ สนฺทิฏฺิกนฺติ ปจฺจกฺขํ. อกาลิกนฺติ มคฺคานนฺตรผลุปฺปตฺติโต น กาลนฺตเร ปตฺตพฺพผลํ. ยตฺถาติ ยนฺนิมิตฺตา. มคฺคพฺรหฺมจริยนิมิตฺตา หิ ปพฺพชฺชา อปฺปมตฺตสฺส สติวิปฺปวาสวิรหิตสฺส ตีสุ สิกฺขาสุ สิกฺขโต อโมฆา โหติ. เตนาห – ‘‘สฺวากฺขาตํ…เป… สิกฺขโต’’ติ.
เอวฺจ วตฺวา ‘‘เอถ ภิกฺขโว’’ติ ภควา อโวจ. เต สพฺเพ ปตฺตจีวรธรา หุตฺวา อากาเสนาคมฺม ภควนฺตํ อภิวาเทสุํ. เอวมิมํ เตสํ เอหิภิกฺขุภาวํ สนฺธาย สงฺคีติการา ‘‘อลตฺถ โข เสโล…เป… อุปสมฺปท’’นฺติ อาหํสุ.
ภุตฺตาวินฺติ ¶ ภุตฺตวนฺตํ. โอนีตปตฺตปาณินฺติ ปตฺตโต โอนีตปาณึ, อปนีตหตฺถนฺติ วุตฺตํ โหติ. ตตฺถ ‘‘อุปคนฺตฺวา’’ติ ปาเสโส ทฏฺพฺโพ. อิตรถา หิ ภควนฺตํ เอกมนฺตํ นิสีทีติ น ยุชฺชติ.
๕๗๔. อคฺคิหุตฺตมุขาติ ภควา เกณิยสฺส จิตฺตานุกูลวเสน อนุโมทนฺโต เอวมาห. ตตฺถ อคฺคิปริจริยํ วินา พฺราหฺมณานํ ยฺาภาวโต ‘‘อคฺคิหุตฺตมุขา ยฺา’’ติ วุตฺตํ. อคฺคิหุตฺตเสฏฺา ¶ อคฺคิหุตฺตปธานาติ อตฺโถ. เวเท สชฺฌายนฺเตหิ ปมํ สชฺฌายิตพฺพโต สาวิตฺตี ‘‘ฉนฺทโส มุข’’นฺติ วุตฺตา. มนุสฺสานํ เสฏฺโต ราชา ‘‘มุข’’นฺติ วุตฺโต. นทีนํ อาธารโต ปฏิสรณโต จ สาคโร ‘‘มุข’’นฺติ วุตฺโต. จนฺทโยควเสน ‘‘อชฺช กตฺติกา อชฺช โรหินี’’ติ สฺชานนโต อาโลกกรณโต โสมฺมภาวโต จ ‘‘นกฺขตฺตานํ มุขํ จนฺโท’’ติ วุตฺโต. ตปนฺตานํ อคฺคตฺตา อาทิจฺโจ ‘‘ตปตํ มุข’’นฺติ วุตฺโต. ทกฺขิเณยฺยานํ ปน อคฺคตฺตา วิเสเสน ตสฺมึ สมเย พุทฺธปฺปมุขํ สงฺฆํ สนฺธาย ‘‘ปฺุํ อากงฺขมานานํ, สงฺโฆ เว ยชตํ มุข’’นฺติ วุตฺโต. เตน สงฺโฆ ปฺุสฺส อายมุขนฺติ ทสฺเสติ.
๕๗๖. ยํ ตํ สรณนฺติ อฺพฺยากรณคาถมาห. ตสฺสตฺโถ ¶ – ปฺจหิ จกฺขูหิ จกฺขุมา ภควา, ยสฺมา มยํ อิโต อฏฺเม ทิวเส ตํ สรณํ อคมมฺห, ตสฺมา สตฺตรตฺเตน ตว สาสเน อนุตฺตเรน ทมเถน ทนฺตมฺห. อโห เต สรณสฺส อานุภาโวติ.
๕๗๗-๘. ตโต ปรํ ภควนฺตํ ทฺวีหิ คาถาหิ ถุนิตฺวา ตติยาย วนฺทนํ ยาจติ –
‘‘ภิกฺขโว ติสตา อิเม, ติฏฺนฺติ ปฺชลีกตา;
ปาเท วีร ปสาเรหิ, นาคา วนฺทนฺตุ สตฺถุโน’’ติ.
ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย
สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย เสลสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. สลฺลสุตฺตวณฺณนา
๕๘๐. อนิมิตฺตนฺติ ¶ ¶ สลฺลสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? ภควโต กิร อุปฏฺาโก เอโก อุปาสโก, ตสฺส ปุตฺโต กาลมกาสิ. โส ปุตฺตโสกาภิภูโต สตฺตาหํ นิราหาโร อโหสิ. ตํ อนุกมฺปนฺโต ภควา ตสฺส ฆรํ คนฺตฺวา โสกวิโนทนตฺถํ อิมํ สุตฺตมภาสิ.
ตตฺถ อนิมตฺตนฺติ กิริยาการนิมิตฺตวิรหิตํ. ยถา หิ ‘‘ยทาหํ อกฺขึ วา นิขณิสฺสามิ, ภมุกํ วา อุกฺขิปิสฺสามิ, เตน นิมิตฺเตน ตํ ภณฺฑํ อวหรา’’ติอาทีสุ กิริยาการนิมิตฺตมตฺถิ, น เอวํ ชีวิเต. น หิ สกฺกา ลทฺธุํ ‘‘ยาวาหํ อิทํ วา อิทํ วา กโรมิ, ตาว ตฺวํ ชีว, มา มียา’’ติ. อนฺาตนฺติ อโต เอว น สกฺกา เอกํเสน อฺาตุํ ‘‘เอตฺตกํ วา เอตฺตกํ วา กาลํ อิมินา ชีวิตพฺพ’’นฺติ คติยา อายุปริยนฺตวเสน วา. ยถา หิ จาตุมหาราชิกาทีนํ ปริมิตํ อายุ, น ตถา มจฺจานํ, เอวมฺปิ เอกํเสน อนฺาตํ.
กสิรนฺติ อเนกปจฺจยปฏิพทฺธวุตฺติภาวโต กิจฺฉํ น สุขยาปนียํ. ตถา หิ ตํ อสฺสาสปฏิพทฺธฺจ, ปสฺสาสปฏิพทฺธฺจ, มหาภูตปฏิพทฺธฺจ, กพฬีการาหารปฏิพทฺธฺจ, อุสฺมาปฏิพทฺธฺจ, วิฺาณปฏิพทฺธฺจ. อนสฺสสนฺโตปิ หิ น ชีวติ อปสฺสสนฺโตปิ. จตูสุ จ ธาตูสุ กฏฺมุขาทิอาสีวิสทฏฺโ ¶ วิย กาโย ปถวีธาตุปฺปโกเปน ตาว ถทฺโธ โหติ กลิงฺครสทิโส. ยถาห –
‘‘ปตฺถทฺโธ ภวตี กาโย, ทฏฺโ กฏฺมุเขน วา;
ปถวีธาตุปฺปโกเปน, โหติ กฏฺมุเขว โส’’ติ. (ธ. ส. อฏฺ. ๕๘๔);
อาโปธาตุปฺปโกเปน ปูติภาวํ อาปชฺชิตฺวา ปคฺฆริตปุพฺพมํสโลหิโต อฏฺิจมฺมาวเสโส โหติ. ยถาห –
‘‘ปูติโก ¶ ภวตี กาโย, ทฏฺโ ปูติมุเขน วา;
อาโปธาตุปฺปโกเปน, โหติ ปูติมุเขว โส’’ติ. (ธ. ส. อฏฺ. ๕๘๔);
เตโชธาตุปฺปโกเปน องฺคารกาสุยํ ปกฺขิตฺโต วิย สมนฺตา ปริฑยฺหติ. ยถาห –
‘‘สนฺตตฺโต ¶ ภวตี กาโย, ทฏฺโ อคฺคิมุเขน วา;
เตโชธาตุปฺปโกเปน, โหติ อคฺคิมุเขว โส’’ติ. (ธ. ส. อฏฺ. ๕๘๔);
วาโยธาตุปฺปโกเปน สฺฉิชฺชมานสนฺธิพนฺธโน ปาสาเณหิ โกฏฺเฏตฺวา สฺจุณฺณิยมานฏฺิโก วิย จ โหติ. ยถาห –
‘‘สฺฉินฺโน ภวตี กาโย, ทฏฺโ สตฺถมุเขน วา;
วาโยธาตุปฺปโกเปน, โหติ สตฺถมุเขว โส’’ติ. (ธ. ส. อฏฺ. ๕๘๔);
ธาตุปฺปโกปพฺยาปนฺนกาโยปิ จ น ชีวติ. ยทา ปน ตา ธาตุโย อฺมฺํ ปติฏฺานาทิกิจฺจํ สาเธนฺตาปิ สมํ วหนฺติ, ตทา ชีวิตํ ปวตฺตติ. เอวํ มหาภูตปฏิพทฺธฺจ ชีวิตํ. ทุพฺภิกฺขาทีสุ ปน อาหารุปจฺเฉเทน สตฺตานํ ชีวิตกฺขโย ปากโฏ เอว. เอวํ กพฬีการาหารปฏิพทฺธฺจ ชีวิตํ. ตถา อสิตปีตาทิปริปาเก กมฺมชเตเช ขีเณ สตฺตา ชีวิตกฺขยํ ปาปุณนฺตาปิ ปากฏา เอว. เอวํ อุสฺมาปฏิพทฺธฺจ ชีวิตํ. วิฺาเณ ปน นิรุทฺเธ นิรุทฺธโต ปภุติ สตฺตานํ น โหติ ชีวิตนฺติ เอวมฺปิ โลเก ปากฏเมว. เอวํ วิฺาณปฏิพทฺธฺจ ชีวิตํ. เอวํ อเนกปจฺจยปฏิพทฺธวุตฺติภาวโต กสิรํ เวทิตพฺพํ.
ปริตฺตฺจาติ อปฺปกํ, เทวานํ ชีวิตํ อุปนิธาย ติณคฺเค อุสฺสาวพินฺทุสทิสํ, จิตฺตกฺขณโต อุทฺธํ อภาเวน วา ปริตฺตํ. อติทีฆายุโกปิ หิ สตฺโต อตีเตน จิตฺเตน ชีวิตฺถ น ชีวติ น ชีวิสฺสติ, อนาคเตน ¶ ชีวิสฺสติ น ชีวติ น ชีวิตฺถ, ปจฺจุปฺปนฺเนน ชีวติ น ชีวิตฺถ น ชีวิสฺสติ. วุตฺตฺเจตํ –
‘‘ชีวิตํ อตฺตภาโว จ, สุขทุกฺขา จ เกวลา;
เอกจิตฺตสมายุตฺตา, ลหุโส วตฺตเต ขโณ.
‘‘จุลฺลาสีติสหสฺสานิ ¶ , กปฺปา ติฏฺนฺติ เย มรู;
นตฺเวว เตปิ ชีวนฺติ, ทฺวีหิ จิตฺเตหิ สํยุตา’’ติ. (มหานิ. ๑๐);
ตฺจ ทุกฺเขน สํยุตนฺติ ตฺจ ชีวิตํ เอวํ อนิมิตฺตมนฺาตํ กสิรํ ปริตฺตฺจ สมานมฺปิ สีตุณฺหฑํสมกสาทิสมฺผสฺสขุปฺปิปาสาสงฺขารทุกฺขวิปริณามทุกฺขทุกฺขทุกฺเขหิ สํยุตํ. กึ วุตฺตํ โหติ? ยสฺมา อีทิสํ มจฺจานํ ชีวิตํ, ตสฺมา ¶ ตฺวํ ยาว ตํ ปริกฺขยํ น คจฺฉติ, ตาว ธมฺมจริยเมว พฺรูหย, มา ปุตฺตมนุโสจาติ.
๕๘๑. อถาปิ มฺเยฺยาสิ ‘‘สพฺพูปกรเณหิ ปุตฺตํ อนุรกฺขนฺตสฺสาปิ เม โส มโต, เตน โสจามี’’ติ, เอวมฺปิ มา โสจิ. น หิ โส อุปกฺกโม อตฺถิ, เยน ชาตา น มิยฺยเร, น หิ สกฺกา เกนจิ อุปกฺกเมน ชาตา สตฺตา มา มรนฺตูติ รกฺขิตุนฺติ วุตฺตํ โหติ. ตโต ยสฺมา โส ‘‘ชรํ ปตฺวา นาม, ภนฺเต, มรณํ อนุรูปํ, อติทหโร เม ปุตฺโต มโต’’ติ จินฺเตสิ, ตสฺมา อาห ‘‘ชรมฺปิ ปตฺวา มรณํ, เอวํธมฺมา หิ ปาณิโน’’ติ, ชรํ ปตฺวาปิ อปฺปตฺวาปิ มรณํ, นตฺถิ เอตฺถ นิยโมติ วุตฺตํ โหติ.
๕๘๒. อิทานิ ตมตฺถํ นิทสฺสเนน สาเธนฺโต ‘‘ผลานมิว ปกฺกาน’’นฺติอาทิมาห. ตสฺสตฺโถ – ยถา ผลานํ ปกฺกานํ ยสฺมา สูริยุคฺคมนโต ปภุติ สูริยาตเปน สนฺตปฺปมาเน รุกฺเข ปถวิรโส จ อาโปรโส จ ปตฺตโต สาขํ สาขโต ขนฺธํ ขนฺธโต มูลนฺติ เอวํ อนุกฺกเมน มูลโต ปถวิเมว ปวิสติ, โอคมนโต ปภุติ ปน ปถวิโต มูลํ มูลโต ขนฺธนฺติ เอวํ อนุกฺกเมน สาขาปตฺตปลฺลวาทีนิ ปุน อาโรหติ, เอวํ อาโรหนฺโต จ ปริปากคเต ผเล วณฺฏมูลํ น ปวิสติ. อถ สูริยาตเปน ตปฺปมาเน วณฺฏมูเล ปริฬาโห อุปฺปชฺชติ. เตน ตานิ ผลานิ ปาโต ปาโต นิจฺจกาลํ ปตนฺติ, เนสํ ปาโต ปตนโต ภยํ โหติ, ปตนา ภยํ โหตีติ อตฺโถ. เอวํ ชาตานํ มจฺจานํ นิจฺจํ มรณโต ภยํ ¶ . ปกฺกผลสทิสา หิ สตฺตาติ.
๕๘๓-๖. กิฺจ ภิยฺโย ‘‘ยถาปิ กุมฺภการสฺส…เป… ชีวิต’’นฺติ. ตสฺมา ‘‘ทหรา จ…เป… ปรายณา’’ติ เอวํ คณฺห, เอวฺจ คเหตฺวา ‘‘เตสํ มจฺจุ…เป… าตี วา ปน าตเก’’ติ เอวมฺปิ คณฺห. ยสฺมา จ น ปิตา ตายเต ปุตฺตํ, าตี วา ปน าตเก, ตสฺมา เปกฺขตํเยว…เป… นียติ.
ตตฺถ ¶ อยํ โยชนา – ปสฺสมานานํเยว าตีนํ ‘‘อมฺม, ตาตา’’ติอาทินา นเยน ปุถุ อเนกปฺปการกํ ลาลปตํเยว มจฺจานํ เอกเมโก ¶ มจฺโจ ยถา โค วชฺโฌ เอวํ นียติ, เอวํ ปสฺส, อุปาสก, ยาว อตาโณ โลโกติ.
๕๘๗. ตตฺถ เย พุทฺธปจฺเจกพุทฺธาทโย ธิติสมฺปนฺนา, เต ‘‘เอวมพฺภาหโต โลโก มจฺจุนา จ ชราย จ, โส น สกฺกา เกนจิ ปริตฺตาณํ กาตุ’’นฺติ ยสฺมา ชานนฺติ, ตสฺมา ธีรา น โสจนฺติ วิทิตฺวา โลกปริยายํ. อิมํ โลกสภาวํ ตฺวา น โสจนฺตีติ วุตฺตํ โหติ.
๕๘๘. ตฺวํ ปน ยสฺส มคฺคํ…เป… ปริเทวสิ. กึ วุตฺตํ โหติ? ยสฺส มาตุกุจฺฉึ อาคตสฺส อาคตมคฺคํ วา อิโต จวิตฺวา อฺตฺถ คตสฺส คตมคฺคํ วา น ชานาสิ, ตสฺส อิเม อุโภ อนฺเต อสมฺปสฺสํ นิรตฺถํ ปริเทวสิ. ธีรา ปน เต ปสฺสนฺตา วิทิตฺวา โลกปริยายํ น โสจนฺตีติ.
๕๘๙. อิทานิ ‘‘นิรตฺถํ ปริเทวสี’’ติ เอตฺถ วุตฺตปริเทวนาย นิรตฺถกภาวํ สาเธนฺโต ‘‘ปริเทวยมาโน เจ’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อุทพฺพเหติ อุพฺพเหยฺย ธาเรยฺย, อตฺตนิ สฺชเนยฺยาติ อตฺโถ. สมฺมูฬฺโห หึสมตฺตานนฺติ สมฺมูฬฺโห หุตฺวา อตฺตานํ พาเธนฺโต. กยิรา เจ นํ วิจกฺขโณติ ยทิ ตาทิโส กฺจิ อตฺถํ อุทพฺพเห, วิจกฺขโณปิ นํ ปริเทวํ กเรยฺย.
๕๙๐. น หิ รุณฺเณนาติ เอตฺถายํ โยชนา – น ปน โกจิ รุณฺเณน วา โสเกน วา เจตโส สนฺตึ ปปฺโปติ, อปิจ โข ปน โรทโต โสจโต จ ภิยฺโย อสฺส อุปฺปชฺชเต ทุกฺขํ, สรีรฺจ ทุพฺพณฺณิยาทีหิ อุปหฺตีติ.
๕๙๑. น เตน เปตาติ เตน ปริเทวเนน กาลกตา น ปาเลนฺติ น ยาเปนฺติ, น ตํ เตสํ อุปการาย โหติ. ตสฺมา นิรตฺถา ปริเทวนาติ.
๕๙๒. น เกวลฺจ นิรตฺถา, อนตฺถมฺปิ อาวหติ. กสฺมา? ยสฺมา โสกมปฺปชหํ ¶ …เป… วสมนฺวคู. ตตฺถ อนุตฺถุนนฺโตติ อนุโสจนฺโต. วสมนฺวคูติ วสํ คโต.
๕๙๓. เอวมฺปิ ¶ นิรตฺถกตฺตํ อนตฺถาวหตฺตฺจ โสกสฺส ทสฺเสตฺวา อิทานิ โสกวินยตฺถํ โอวทนฺโต ¶ ‘‘อฺเปิ ปสฺสา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ คมิเนติ คมิเก, ปรโลกคมนสชฺเช ิเตติ วุตฺตํ โหติ. ผนฺทนฺเตวิธ ปาณิโนติ มรณภเยน ผนฺทมาเนเยว อิธ สตฺเต.
๕๙๔. เยน เยนาติ เยนากาเรน มฺนฺติ ‘‘ทีฆายุโก ภวิสฺสติ, อโรโค ภวิสฺสตี’’ติ. ตโต ตํ อฺถาเยว โหติ, โส เอวํ มฺิโต มรติปิ, โรคีปิ โหติ. เอตาทิโส อยํ วินาภาโว มฺิตปฺปจฺจนีเกน โหติ, ปสฺส, อุปาสก, โลกสภาวนฺติ เอวเมตฺถ อธิปฺปายโยชนา เวทิตพฺพา.
๕๙๖. อรหโต สุตฺวาติ อิมํ เอวรูปํ อรหโต ธมฺมเทสนํ สุตฺวา. เนโส ลพฺภา มยา อิตีติ โส เปโต ‘‘อิทานิ มยา ปุน ชีวตู’’ติ น ลพฺภา อิติ ปริชานนฺโต, วิเนยฺย ปริเทวิตนฺติ วุตฺตํ โหติ.
๕๙๗. กิฺจ ภิยฺโย – ‘‘ยถา สรณมาทิตฺตํ…เป… ธํสเย’’ติ. ตตฺถ ธีโร ธิติสมฺปทาย, สปฺโ สาภาวิกปฺาย, ปณฺฑิโต พาหุสจฺจปฺาย, กุสโล จินฺตกชาติกตาย เวทิตพฺโพ. จินฺตามยสุตมยภาวนามยปฺาหิ วา โยเชตพฺพํ.
๕๙๘-๙. น เกวลฺจ โสกเมว, ปริเทวํ…เป… สลฺลมตฺตโน. ตตฺถ ปชปฺปนฺติ ตณฺหํ. โทมนสฺสนฺติ เจตสิกทุกฺขํ. อพฺพเหติ อุทฺธเร. สลฺลนฺติ เอตเมว ติปฺปการํ ทุนฺนีหรณฏฺเน อนฺโตวิชฺฌนฏฺเน จ สลฺลํ. ปุพฺเพ วุตฺตํ สตฺตวิธํ ราคาทิสลฺลํ วา. เอตสฺมิฺหิ อพฺพูฬฺเห สลฺเล อพฺพูฬฺหสลฺโล…เป… นิพฺพุโตติ อรหตฺตนิกูเฏน เทสนํ นิฏฺาเปสิ. ตตฺถ อสิโตติ ตณฺหาทิฏฺีหิ อนิสฺสิโต. ปปฺปุยฺยาติ ปาปุณิตฺวา. เสสํ อิธ อิโต ปุพฺเพ วุตฺตตฺตา อุตฺตานตฺถเมว, ตสฺมา น วณฺณิตํ.
ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย
สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย สลฺลสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. วาเสฏฺสุตฺตวณฺณนา
เอวํ ¶ ¶ ¶ เม สุตนฺติ วาเสฏฺสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? อยเมว ยาสฺส นิทาเน วุตฺตา อตฺถวณฺณนํ ปนสฺส วุตฺตนยานิ อุตฺตานตฺถานิ จ ปทานิ ปริหรนฺตา กริสฺสาม. อิจฺฉานงฺคโลติ คามสฺส นามํ. พฺราหฺมณมหาสาลานํ จงฺกี ตารุกฺโข โตเทยฺโยติ โวหารนามเมตํ. โปกฺขรสาติ ชาณุสฺโสณีติ เนมิตฺติกํ. เตสุ กิร เอโก หิมวนฺตปสฺเส โปกฺขรณิยา ปทุเม นิพฺพตฺโต, อฺตโร ตาปโส ตํ ปทุมํ คเหตฺวา ตตฺถ สยิตํ ทารกํ ทิสฺวา สํวฑฺเฒตฺวา รฺโ ทสฺเสสิ. โปกฺขเร สยิตตฺตา ‘‘โปกฺขรสาตี’’ติ จสฺส นามมกาสิ. เอกสฺส านนฺตเร เนมิตฺติกํ. เตน กิร ชาณุสฺโสณินามกํ ปุโรหิตฏฺานํ ลทฺธํ, โส เตเนว ปฺายิ.
เต สพฺเพปิ อฺเ จ อภิฺาตา อภิฺาตา พฺราหฺมณมหาสาลา กสฺมา อิจฺฉานงฺคเล ปฏิวสนฺตีติ? เวทสชฺฌายนปริวีมํสนตฺถํ. เตน กิร สมเยน โกสลชนปเท เวทกา พฺราหฺมณา เวทานํ สชฺฌายกรณตฺถฺจ อตฺถูปปริกฺขณตฺถฺจ ตสฺมึเยว คาเม สนฺนิปตนฺติ. เตน เตปิ อนฺตรนฺตรา อตฺตโน โภคคามโต อาคมฺม ตตฺถ ปฏิวสนฺติ.
วาเสฏฺภารทฺวาชานนฺติ วาเสฏฺสฺส จ ภารทฺวาชสฺส จ. อยมนฺตรากถาติ ยํ อตฺตโน สหายกภาวานุรูปํ กถํ กเถนฺตา อนุวิจรึสุ, ตสฺสา กถาย อนฺตรา เวมชฺเฌเยว อยํ อฺา กถา อุทปาทีติ วุตฺตํ โหติ. สํสุทฺธคหณิโกติ สํสุทฺธกุจฺฉิโก, สํสุทฺธาย พฺราหฺมณิยา เอว กุจฺฉิสฺมึ นิพฺพตฺโตติ อธิปฺปาโย. ‘‘สมเวปากินิยา คหณิยา’’ติอาทีสุ หิ อุทรคฺคิ ‘‘คหณี’’ติ วุจฺจติ. อิธ ปน มาตุกุจฺฉิ. ยาว สตฺตมาติ มาตุ มาตา, ปิตุ ปิตาติ เอวํ ปฏิโลเมน ยาว สตฺต ชาติโย. เอตฺถ จ ปิตามโห จ ปิตามหี จ ปิตามหา, ตถา มาตามโห จ มาตามหี จ มาตามหา, ปิตามหา จ มาตามหา ¶ จ ปิตามหาเยว. ปิตามหานํ ยุคํ ปิตามหยุคํ. ยุคนฺติ อายุปฺปมาณํ. อภิลาปมตฺตเมว เจตํ, อตฺถโต ปน ปิตามหาเยว ปิตามหยุคํ. อกฺขิตฺโตติ ชาตึ อารพฺภ ‘‘กึ โส’’ติ เกนจิ อนวฺาโต ¶ . อนุปกฺกุฏฺโติ ชาติสนฺโทสวาเทน อนุปกฺกุฏฺปุพฺโพ. วตสมฺปนฺโนติ อาจารสมฺปนฺโน. สฺาเปตุนฺติ าเปตุํ โพเธตุํ, นิรนฺตรํ กาตุนฺติ วุตฺตํ โหติ. อายามาติ คจฺฉาม.
๖๐๐. อนฺุาตปฏิฺาตาติ ¶ ‘‘เตวิชฺชา ตุมฺเห’’ติ เอวํ มยํ อาจริเยหิ จ อนฺุาตา อตฺตนา จ ปฏิชานิมฺหาติ อตฺโถ. อสฺมาติ ภวาม. อุโภติ ทฺเวปิ ชนา. อหํ โปกฺขรสาติสฺส, ตารุกฺขสฺสายํ มาณโวติ อหํ โปกฺขรสาติสฺส เชฏฺนฺเตวาสี อคฺคสิสฺโส, อยํ ตารุกฺขสฺสาติ อธิปฺปาเยน ภณติ อาจริยสมฺปตฺตึ อตฺตโน สมฺปตฺติฺจ ทีเปนฺโต.
๖๐๑. เตวิชฺชานนฺติ ติเวทานํ. เกวลิโนติ นิฏฺงฺคตา. อสฺมเสติ อมฺห ภวาม. อิทานิ ตํ เกวลิภาวํ วิตฺถาเรนฺโต อาห – ‘‘ปทกสฺมา…เป… สาทิสา’’ติ. ตตฺถ ชปฺเปติ เวเท. กมฺมุนาติ ทสวิเธน กุสลกมฺมปถกมฺมุนา. อยฺหิ ปุพฺเพ สตฺตวิธํ กายวจีกมฺมํ สนฺธาย ‘‘ยโต โข โภ สีลวา โหตี’’ติ อาห. ติวิธํ มโนกมฺมํ สนฺธาย ‘‘วตสมฺปนฺโน’’ติ อาห. เตน สมนฺนาคโต หิ อาจารสมฺปนฺโน โหติ.
๖๐๒-๕. อิทานิ ตํ วจนนฺตเรน ทสฺเสนฺโต อาห – ‘‘อหฺจ กมฺมุนา พฺรูมี’’ติ. ขยาตีตนฺติ อูนภาวํ อตีตํ, ปริปุณฺณนฺติ อตฺโถ. เปจฺจาติ อุปคนฺตฺวา. นมสฺสนฺตีติ นโม กโรนฺติ. จกฺขุํ โลเก สมุปฺปนฺนนฺติ อวิชฺชนฺธกาเร โลเก, ตํ อนฺธการํ วิธมิตฺวา โลกสฺส ทิฏฺธมฺมิกาทิอตฺถสนฺทสฺสเนน จกฺขุ หุตฺวา สมุปฺปนฺนํ.
๖๐๖. เอวํ อภิตฺถวิตฺวา วาเสฏฺเน ยาจิโต ภควา ทฺเวปิ ¶ ชเน สงฺคณฺหนฺโต อาห – ‘‘เตสํ โว อหํ พฺยกฺขิสฺส’’นฺติอาทิ. ตตฺถ พฺยกฺขิสฺสนฺติ พฺยากริสฺสามิ. อนุปุพฺพนฺติ ติฏฺตุ ตาว พฺราหฺมณจินฺตา, กีฏปฏงฺคติณรุกฺขโต ปภุติ โว อนุปุพฺพํ พฺยกฺขิสฺสนฺติ เอวเมตฺถ อธิปฺปาโย เวทิตพฺโพ, เอวํ วิตฺถารกถาย วิเนตพฺพา หิ เต มาณวกา. ชาติวิภงฺคนฺติ ชาติวิตฺถารํ. อฺมฺา หิ ชาติโยติ เตสํ เตสฺหิ ปาณานํ ชาติโย อฺา อฺา นานปฺปการาติ อตฺโถ.
๖๐๗. ตโต ¶ ปาณานํ ชาติวิภงฺเค กเถตพฺเพ ‘‘ติณรุกฺเขปิ ชานาถา’’ติ อนุปาทินฺนกานํ ตาว กเถตุํ อารทฺโธ. ตํ กิมตฺถมิติ เจ? อุปาทินฺเนสุ สุขาปนตฺถํ. อนุปาทินฺเนสุ หิ ชาติเภเท คหิเต อุปาทินฺเนสุ โส ปากฏตโร โหติ. ตตฺถ ติณานิ นาม อนฺโตเผคฺคูนิ พหิสารานิ. ตสฺมา ตาลนาฬิเกราทโยปิ ติณสงฺคหํ คจฺฉนฺติ. รุกฺขา นาม พหิเผคฺคู อนฺโตสารา. ติณานิ จ รุกฺขา จ ติณรุกฺขา. เต อุปโยคพหุวจเนน ทสฺเสนฺโต อาห – ‘‘ติณรุกฺเขปิ ชานาถา’’ติ. น จาปิ ปฏิชานเรติ ‘‘มยํ ติณา, มยํ รุกฺขา’’ติ เอวมฺปิ น ปฏิชานนฺติ. ลิงฺคํ ชาติมยนฺติ อปฏิชานนฺตานมฺปิ จ เตสํ ชาติมยเมว สณฺานํ ¶ อตฺตโน มูลภูตติณาทิสทิสเมว โหติ. กึ การณํ? อฺมฺา หิ ชาติโย, ยสฺมา อฺา ติณชาติ, อฺา รุกฺขชาติ; ติเณสุปิ อฺา ตาลชาติ, อฺา นาฬิเกรชาตีติ เอวํ วิตฺถาเรตพฺพํ.
เตน กึ ทีเปติ? ยํ ชาติวเสน นานา โหติ, ตํ อตฺตโน ปฏิฺํ ปเรสํ วา อุปเทสํ วินาปิ อฺชาติโต วิเสเสน คยฺหติ. ยทิ จ ชาติยา พฺราหฺมโณ ภเวยฺย, โสปิ อตฺตโน ปฏิฺํ ปเรสํ วา อุปเทสํ วินา ขตฺติยโต เวสฺสสุทฺทโต วา วิเสเสน คยฺเหยฺย, น จ คยฺหติ, ตสฺมา น ชาติยา พฺราหฺมโณติ. ปรโต ปน ‘‘ยถา เอตาสุ ชาตีสู’’ติ อิมาย คาถาย เอตมตฺถํ วจีเภเทเนว อาวิกริสฺสติ.
๖๐๘. เอวํ อนุปาทินฺเนสุ ชาติเภทํ ทสฺเสตฺวา อุปาทินฺเนสุ ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตโต กีเฏ’’ติ เอวมาทิมาห. ตตฺถ กีฏาติ กิมโย. ปฏงฺคาติ ¶ ปฏงฺคาเยว. ยาว กุนฺถกิปิลฺลิเกติ กุนฺถกิปิลฺลิกํ ปริยนฺตํ กตฺวาติ อตฺโถ.
๖๐๙. ขุทฺทเกติ กาฬกกณฺฑกาทโย. มหลฺลเกติ สสพิฬาราทโย. สพฺเพ หิ เต อเนกวณฺณา.
๖๑๐. ปาทูทเรติ อุทรปาเท, อุทรํเยว เยสํ ปาทาติ วุตฺตํ โหติ. ทีฆปิฏฺิเกติ สปฺปานฺหิ สีสโต ยาว นงฺคุฏฺา ปิฏฺิ เอว โหติ, เตน เต ‘‘ทีฆปิฏฺิกา’’ติ วุจฺจนฺติ. เตปิ อเนกปฺปการา อาสีวิสาทิเภเทน.
๖๑๑. โอทเกติ ¶ อุทกมฺหิ ชาเต. มจฺฉาปิ อเนกปฺปการา โรหิตมจฺฉาทิเภเทน.
๖๑๒. ปกฺขีติ สกุเณ. เต หิ ปกฺขานํ อตฺถิตาย ‘‘ปกฺขี’’ติ วุจฺจนฺติ. ปตฺเตหิ ยนฺตีติ ปตฺตยานา. เวหาเส คจฺฉนฺตีติ วิหงฺคมา. เตปิ อเนกปฺปการา กากาทิเภเทน.
๖๑๓. เอวํ ถลชลากาสโคจรานํ ปาณานํ ชาติเภทํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ เยนาธิปฺปาเยน ตํ ทสฺเสสิ, ตํ อาวิกโรนฺโต ‘‘ยถา เอตาสู’’ติ คาถมาห. ตสฺสตฺโถ สงฺเขปโต ปุพฺเพ วุตฺตาธิปฺปายวณฺณนาวเสเนว เวทิตพฺโพ.
๖๑๔-๖. วิตฺถารโต ¶ ปเนตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ สยเมว ทสฺเสนฺโต ‘‘น เกเสหี’’ติอาทิมาห. ตตฺรายํ โยชนา – ยํ วุตฺตํ ‘‘นตฺถิ มนุสฺเสสุ ลิงฺคํ ชาติมยํ ปุถู’’ติ, ตํ เอวํ นตฺถีติ เวทิตพฺพํ. เสยฺยถิทํ, น เกเสหีติ. น หิ ‘‘พฺราหฺมณานํ อีทิสา เกสา โหนฺติ, ขตฺติยานํ อีทิสา’’ติ นิยโม อตฺถิ ยถา หตฺถิอสฺสมิคาทีนนฺติ อิมินา นเยน สพฺพํ โยเชตพฺพํ. ลิงฺคํ ชาติมยํ เนว, ยถา อฺาสุ ชาติสูติ อิทํ ปน วุตฺตสฺเสวตฺถสฺส นิคมนนฺติ เวทิตพฺพํ. ตสฺส โยชนา – ตเทว ยสฺมา อิเมหิ เกสาทีหิ นตฺถิ มนุสฺเสสุ ลิงฺคํ ชาติมยํ ปุถุ, ตสฺมา เวทิตพฺพเมตํ ‘‘พฺราหฺมณาทิเภเทสุ มนุสฺเสสุ ลิงฺคํ ชาติมยํ เนว ยถา อฺาสุ ชาตีสู’’ติ.
๖๑๗. อิทานิ เอวํ ชาติเภเท อสนฺเตปิ พฺราหฺมโณ ขตฺติโยติ อิทํ นานตฺตํ ยถา ชาตํ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปจฺจตฺต’’นฺติ คาถมาห. ตสฺสตฺโถ – เอตํ ติรจฺฉานานํ วิย โยนิสิทฺธเมว เกสาทิสณฺานานตฺตํ มนุสฺเสสุ ¶ พฺราหฺมณาทีนํ อตฺตโน อตฺตโน สรีเรสุ น วิชฺชติ. อวิชฺชมาเนปิ ปน เอตสฺมึ ยเทตํ พฺราหฺมโณ ขตฺติโยติ นานตฺตวิธานปริยายํ โวการํ, ตํ โวการฺจ มนุสฺเสสุ สมฺาย ปวุจฺจติ, โวหารมตฺเตน วุจฺจตีติ.
๖๑๙-๖๒๕. เอตฺตาวตา ¶ ภควา ภารทฺวาชสฺส วาทํ นิคฺคเหตฺวา อิทานิ ยทิ ชาติยา พฺราหฺมโณ ภเวยฺย, อาชีวสีลาจารวิปนฺโนปิ พฺราหฺมโณ ภเวยฺย. ยสฺมา ปน โปราณา พฺราหฺมณา ตสฺส พฺราหฺมณภาวํ น อิจฺฉนฺติ โลเก จ อฺเปิ ปณฺฑิตมนุสฺสา, ตสฺมา วาเสฏฺสฺส วาทปคฺคหณตฺถํ ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘โย หิ โกจิ มนุสฺเสสู’’ติอาทิกา อฏฺ คาถาโย อาห. ตตฺถ โครกฺขนฺติ เขตฺตรกฺขํ, กสิกมฺมนฺติ วุตฺตํ โหติ. ปถวี หิ ‘‘โค’’ติ วุจฺจติ, ตปฺปเภโท จ เขตฺตํ. ปุถุสิปฺเปนาติ ตนฺตวายกมฺมาทินานาสิปฺเปน. โวหารนฺติ วณิชฺชํ. ปรเปสฺเสนาติ ปเรสํ เวยฺยาวจฺเจน. อิสฺสตฺถนฺติ อาวุธชีวิกํ, อุสฺุจ สตฺติฺจาติ วุตฺตํ โหติ. โปโรหิจฺเจนาติ ปุโรหิตกมฺเมน.
๖๒๖. เอวํ พฺราหฺมณสมเยน จ โลกโวหาเรน จ อาชีวสีลาจารวิปนฺนสฺส อพฺราหฺมณภาวํ สาเธตฺวา เอวํ สนฺเต น ชาติยา พฺราหฺมโณ, คุเณหิ ปน พฺราหฺมโณ โหติ. ตสฺมา ยตฺถ ยตฺถ กุเล ชาโต โย คุณวา, โส พฺราหฺมโณ, อยเมตฺถ าโยติ เอวเมตํ ายํ อตฺถโต อาปาเทตฺวา ปุน ตเทว ายํ วจีเภเทน ปกาเสนฺโต อาห ‘‘น จาหํ พฺราหฺมณํ พฺรูมี’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – อหํ ปน ยฺวายํ จตูสุ โยนีสุ ยตฺถ กตฺถจิ ชาโต, ตตฺราปิ วา วิเสเสน โย ¶ พฺราหฺมณสมฺิตาย มาตริ สมฺภูโต, ตํ โยนิชํ มตฺติสมฺภวํ ยา จายํ ‘‘อุภโต สุชาโต’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๓๐๓; ม. นิ. ๒.๔๒๔) นเยน พฺราหฺมเณหิ พฺราหฺมณสฺส ปริสุทฺธอุปฺปตฺติมคฺคสงฺขาตา โยนิ กถียติ, ‘‘สํสุทฺธคหณิโก’’ติ อิมินา จ มาตุสมฺปตฺติ, ตโตปิ ชาตสมฺภูตตฺตา ‘‘โยนิโช มตฺติสมฺภโว’’ติ จ วุจฺจติ, ตมฺปิ โยนิชํ มตฺติสมฺภวํ อิมินา จ โยนิชมตฺติสมฺภวมตฺเตน พฺราหฺมณํ น พฺรูมิ ¶ . กสฺมา? ยสฺมา ‘‘โภ โภ’’ติ วจนมตฺเตน อฺเหิ สกิฺจเนหิ วิสิฏฺตฺตา โภวาที นาม โส โหติ, สเจ โหติ สกิฺจโน. โย ปนายํ ยตฺถ กตฺถจิ กุเล ชาโตปิ ราคาทิกิฺจนาภาเวน อกิฺจโน, สพฺพคหณปฏินิสฺสคฺเคน จ อนาทาโน, อกิฺจนํ อนาทานํ ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ. กสฺมา? ยสฺมา พาหิตปาโปติ.
๖๒๗. กิฺจ ¶ ภิยฺโย – ‘‘สพฺพสํโยชนํ เฉตฺวา’’ติอาทิกา สตฺตวีสติ คาถา. ตตฺถ สพฺพสํโยชนนฺติ ทสวิธํ สํโยชนํ. น ปริตสฺสตีติ ตณฺหาย น ตสฺสติ. ตมหนฺติ ตํ อหํ ราคาทีนํ สงฺคานํ อติกฺกนฺตตฺตา สงฺคาติคํ, จตุนฺนมฺปิ โยคานํ อภาเวน วิสํยุตฺตํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
๖๒๘. นทฺธินฺติ นยฺหนภาเวน ปวตฺตํ โกธํ. วรตฺตนฺติ พนฺธนภาเวน ปวตฺตํ ตณฺหํ. สนฺทานํ สหนุกฺกมนฺติ อนุสยานุกฺกมสหิตํ ทฺวาสฏฺิทิฏฺิสนฺทานํ, อิทํ สพฺพมฺปิ ฉินฺทิตฺวา ิตํ อวิชฺชาปลิฆสฺส อุกฺขิตฺตตฺตา อุกฺขิตฺตปลิฆํ จตุนฺนํ สจฺจานฺนํ พุทฺธตฺตา พุทฺธํ อหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
๖๒๙. อทุฏฺโติ เอวํ ทสหิ อกฺโกสวตฺถูหิ อกฺโกสฺจ ปาณิอาทีหิ โปถนฺจ อนฺทุพนฺธนาทีหิ พนฺธนฺจ โย อกุทฺธมานโส หุตฺวา อธิวาเสสิ, ขนฺติพเลน สมนฺนาคตตฺตา ขนฺตีพลํ, ปุนปฺปุนํ อุปฺปตฺติยา อนีกภูเตน เตเนว ขนฺตีพลานีเกน สมนฺนาคตตฺตา พลานีกํ ตํ เอวรูปํ อหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
๖๓๐. วตนฺตนฺติ ธุตวเตน สมนฺนาคตํ, จตุปาริสุทฺธิสีเลน สีลวนฺตํ, ตณฺหาอุสฺสทาภาเวน อนุสฺสทํ, ฉฬินฺทฺริยทมเนน ทนฺตํ, โกฏิยํ ิเตน อตฺตภาเวน อนฺติมสารีรํ ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
๖๓๑. โย ¶ น ลิมฺปตีติ เอวเมว โย อพฺภนฺตเร ทุวิเธปิ กาเม น ลิมฺปติ, ตสฺมึ กาเม น สณฺาติ, ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
๖๓๒. ทุกฺขสฺสาติ ขนฺธทุกฺขสฺส. ปนฺนภารนฺติ โอหิตกฺขนฺธภารํ จตูหิ โยเคหิ สพฺพกิเลเสหิ วา วิสํยุตฺตํ ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ ¶ อตฺโถ.
๖๓๓. คมฺภีรปฺนฺติ คมฺภีเรสุ ขนฺธาทีสุ ปวตฺตาย ปฺาย สมนฺนาคตํ, ธมฺโมชปฺาย เมธาวึ, ‘‘อยํ ทุคฺคติยา, อยํ สุคติยา, อยํ นิพฺพานสฺส มคฺโค, อยํ อมคฺโค’’ติ เอวํ มคฺเค อมคฺเค จ เฉกตาย มคฺคามคฺคสฺส ¶ โกวิทํ, อรหตฺตสงฺขาตํ อุตฺตมตฺถมนุปฺปตฺตํ ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
๖๓๔. อสํสฏฺนฺติ ทสฺสนสวนสมุลฺลาปปริโภคกายสํสคฺคานํ อภาเวน อสํสฏฺํ. อุภยนฺติ คิหีหิ จ อนคาเรหิ จาติ อุภเยหิปิ อสํสฏฺํ. อโนกสารินฺติ อนาลยจารึ, ตํ เอวรูปํ อหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
๖๓๕. นิธายาติ นิกฺขิปิตฺวา โอโรเปตฺวา. ตเสสุ ถาวเรสุ จาติ ตณฺหาตาเสน ตเสสุ ตณฺหาภาเวน ถิรตาย ถาวเรสุ. โย น หนฺตีติ โย เอวํ สพฺพสตฺเตสุ วิคตปฏิฆตาย นิกฺขิตฺตทณฺโฑ เนว กฺจิ สยํ หนติ, น อฺเน ฆาเตติ, ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
๖๓๖. อวิรุทฺธนฺติ อาฆาตวเสน วิรุทฺเธสุปิ โลกิยมหาชเนสุ อาฆาตาภาเวน อวิรุทฺธํ, หตฺถคเต ทณฺเฑ วา สตฺเถ วา อวิชฺชมาเนปิ ปเรสํ ปหารทานโต อวิรตตฺตา อตฺตทณฺเฑสุ ชเนสุ นิพฺพุตํ นิกฺขิตฺตทณฺฑํ, ปฺจนฺนํ ขนฺธานํ ‘‘อหํ มม’’นฺติ คหิตตฺตา สาทาเนสุ, ตสฺส คหณสฺส อภาเวน อนาทานํ ตํ เอวรูปํ อหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
๖๓๗. อารคฺคาติ ยสฺเสเต ราคาทโย อยฺจ ปรคุณมกฺขณลกฺขโณ มกฺโข อารคฺคา สาสโป วิย ปปติโต, ยถา สาสโป อารคฺเค น สนฺติฏฺติ, เอวํ จิตฺเต น ติฏฺติ, ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
๖๓๘. อกกฺกสนฺติ อผรุสํ. วิฺาปนินฺติ อตฺถวิฺาปนึ. สจฺจนฺติ ภูตํ. นาภิสเชติ ¶ ยาย คิราย อฺํ กุชฺฌาปนวเสน น ลคฺคาเปยฺย. ขีณาสโว นาม เอวรูปเมว คิรํ ภาเสยฺย. ตสฺมา ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
๖๓๙. สาฏกาภรณาทีสุ ทีฆํ วา รสฺสํ วา, มณิมุตฺตาทีสุ อณุํ วา ถูลํ วา มหคฺฆอปฺปคฺฆวเสน สุภํ วา อสุภํ วา โย ปุคฺคโล อิมสฺมึ ¶ โลเก ปรปริคฺคหิตํ นาทิยติ, ตมหํ พฺราหฺมณํ ¶ วทามีติ อตฺโถ.
๖๔๐. นิราสาสนฺติ นิตฺตณฺหํ. วิสํยุตฺตนฺติ สพฺพกิเลเสหิ วิยุตฺตํ ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
๖๔๑. อาลยาติ ตณฺหา. อฺาย อกถํกถีติ อฏฺ วตฺถูนิ ยถาภูตํ ชานิตฺวา อฏฺวตฺถุกาย วิจิกิจฺฉาย นิพฺพิจิกิจฺโฉ. อมโตคธมนุปฺปตฺตนฺติ อมตํ นิพฺพานํ โอคเหตฺวา อนุปฺปตฺตํ ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
๖๔๒. อุโภติ ทฺเวปิ ปฺุานิ ปาปานิ จ ฉฑฺเฑตฺวาติ อตฺโถ. สงฺคนฺติ ราคาทิเภทํ สงฺคํ. อุปจฺจคาติ อติกฺกนฺโต. ตมหํ วฏฺฏมูลโสเกน อโสกํ, อพฺภนฺตเร ราครชาทีนํ อภาเวน วิรชํ, นิรุปกฺกิเลสตาย สุทฺธํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
๖๔๓. วิมลนฺติ อพฺภาทิมลวิรหิตํ. สุทฺธนฺติ นิรุปกฺกิเลสํ. วิปฺปสนฺนนฺติ ปสนฺนจิตฺตํ. อนาวิลนฺติ กิเลสาวิลตฺตวิรหิตํ. นนฺทีภวปริกฺขีณนฺติ ตีสุ ภเวสุ ปริกฺขีณตณฺหํ ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
๖๔๔. โย ภิกฺขุ อิมํ ราคปลิปถฺเจว กิเลสทุคฺคฺจ สํสารวฏฺฏฺจ จตุนฺนํ สจฺจานํ อปฺปฏิวิชฺฌนกโมหฺจ อตีโต, จตฺตาโร โอเฆ ติณฺโณ หุตฺวา ปารํ อนุปฺปตฺโต, ทุวิเธน ฌาเนน ฌายี, ตณฺหาย อภาเวน อเนโช, กถํกถาย อภาเวน อกถํกถี, อุปาทานานํ อภาเวน อนุปาทิยิตฺวา กิเลสนิพฺพาเนน นิพฺพุโต, ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
๖๔๕. โย ปุคฺคโล, อิธ โลเก, อุโภปิ กาเม หิตฺวา อนาคาโร หุตฺวา ปริพฺพชติ, ตํ ปริกฺขีณกามฺเจว ปริกฺขีณภวฺจ อหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
๖๔๖. โย ¶ ¶ อิธ โลเก ฉทฺวาริกํ ตณฺหํ ชหิตฺวา ฆราวาเสน อนตฺถิโก อนาคาโร หุตฺวา ปริพฺพชติ, ตณฺหาย เจว ภวสฺส จ ปริกฺขีณตฺตา ตณฺหาภวปริกฺขีณํ ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
๖๔๗. มานุสกํ โยคนฺติ มานุสกํ อายฺุเจว ปฺจวิธกามคุเณ จ. ทิพฺพโยเคปิ เอเสว นโย. อุปจฺจคาติ โย มานุสกํ โยคํ หิตฺวา ทิพฺพํ อติกฺกนฺโต, ตํ สพฺเพหิ จตูหิ โยเคหิ วิสํยุตฺตํ อหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
๖๔๘. รตินฺติ ปฺจกามคุณรตึ. อรตินฺติ อรฺวาเส อุกฺกณฺิตตฺตํ. สีติภูตนฺติ ¶ นิพฺพุตํ, นิรุปธินฺติ นิรุปกฺกิเลสํ, วีรนฺติ ตํ เอวรูปํ สพฺพํ ขนฺธโลกํ อภิภวิตฺวา ิตํ วีริยวนฺตํ อหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
๖๔๙. โย เวทีติ โย สตฺตานํ สพฺพากาเรน จุติฺจ ปฏิสนฺธิฺจ ปากฏํ กตฺวา ชานาติ, ตมหํ อลคฺคตาย อสตฺตํ, ปฏิปตฺติยา สุฏฺุ คตตฺตา สุคตํ, จตุนฺนํ สจฺจานํ พุทฺธตาย พุทฺธํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
๖๕๐. ยสฺสาติ ยสฺเสเต เทวาทโย คตึ น ชานนฺติ, ตมหํ อาสวานํ ขีณตาย ขีณาสวํ, กิเลเสหิ อารกตฺตา อรหนฺตํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
๖๕๑. ปุเรติ อตีตกฺขนฺเธสุ. ปจฺฉาติ อนาคเตสุ. มชฺเฌติ ปจฺจุปฺปนฺเนสุ. กิฺจนนฺติ ยสฺเสเตสุ าเนสุ ตณฺหาคาหสงฺขาตํ กิฺจนํ นตฺถิ. ตมหํ ราคกิฺจนาทีหิ อกิฺจนํ. กสฺสจิ คหณสฺส อภาเวน อนาทานํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
๖๕๒. อจฺฉมฺภิตตฺเตน อุสภสทิสตาย อุสภํ, อุตฺตมฏฺเน ปวรํ, วีริยสมฺปตฺติยา วีรํ, มหนฺตานํ สีลกฺขนฺธาทีนํ เอสิตตฺตา มเหสึ, ติณฺณํ มารานํ วิชิตตฺตา วิชิตาวินํ, นินฺหาตกิเลสตาย นฺหาตกํ, จตุสจฺจพุทฺธตาย พุทฺธํ ตํ เอวรูปํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
๖๕๓. โย ปุพฺเพนิวาสํ ปากฏํ กตฺวา ชานาติ, ฉพฺพีสติเทวโลกเภทํ สคฺคํ, จตุพฺพิธํ อปายฺจ ทิพฺพจกฺขุนา ปสฺสติ, อโถ ชาติกฺขยสงฺขาตํ อรหตฺตํ ปตฺโต, ตมหํ พฺราหฺมณํ วทามีติ อตฺโถ.
๖๕๔. เอวํ ¶ ¶ ภควา คุณโต พฺราหฺมณํ วตฺวา ‘‘เย ‘ชาติโต พฺราหฺมโณ’ติ อภินิเวสํ กโรนฺติ, เต อิทํ โวหารมตฺตํ อชานนฺตา, สา จ เนสํ ทิฏฺิ ทุทฺทิฏฺี’’ติ ทสฺเสนฺโต ‘‘สมฺา เหสา’’ติ คาถาทฺวยมาห. ตสฺสตฺโถ – ‘‘ยทิทํ พฺราหฺมโณ ขตฺติโย ภารทฺวาโช วาเสฏฺโ’’ติ นามโคตฺตํ ปกปฺปิตํ, สมฺา เหสา โลกสฺมึ, ปฺตฺติโวหารมตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. กสฺมา? ยสฺมา สมฺมุจฺจา สมุทาคตํ สมนฺุาย ¶ อาคตํ. ตฺหิ ตตฺถ ตตฺถ ชาตกาเลเยวสฺส าติสาโลหิเตหิ ปกปฺปิตํ กตํ. โน เจตํ เอวํ ปกปฺเปยฺยุํ, น โกจิ กฺจิ ทิสฺวา ‘‘อยํ พฺราหฺมโณ’’ติ วา ‘‘ภารทฺวาโช’’ติ วา ชาเนยฺย.
๖๕๕. เอวํ ปกปฺปิตฺเจตํ ทีฆรตฺตมนุสยิตํ ทิฏฺิคตมชานตํ, ‘‘ปกปฺปิตํ นามโคตฺตํ, นามโคตฺตมตฺตเมตํ สํโวหารตฺถํ ปกปฺปิต’’นฺติ อชานนฺตานํ สตฺตานํ หทเย ทีฆรตฺตํ ทิฏฺิคตมนุสยิตํ, ตสฺส อนุสยิตตฺตา ตํ นามโคตฺตํ อชานนฺตา เต ปพฺรุวนฺติ ‘‘ชาติยา โหติ พฺราหฺมโณ’’ติ, อชานนฺตาเยว เอวํ วทนฺตีติ วุตฺตํ โหติ.
๖๕๖-๗. เอวํ ‘‘เย ‘ชาติโต พฺราหฺมโณ’ติ อภินิเวสํ กโรนฺติ, เต อิทํ โวหารมตฺตมชานนฺตา, สา จ เนสํ ทิฏฺิ ทุทฺทิฏฺี’’ติ ทสฺเสตฺวา อิทานิ นิปฺปริยายเมว ชาติวาทํ ปฏิกฺขิปนฺโต กมฺมวาทฺจ นิโรเปนฺโต ‘‘น ชจฺจา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ‘‘กมฺมุนา พฺราหฺมโณ โหติ, กมฺมุนา โหติ อพฺราหฺมโณ’’ติ อิมิสฺสา อุปฑฺฒคาถาย อตฺถวิตฺถารณตฺถํ ‘‘กสฺสโก กมฺมุนา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ กมฺมุนาติ ปจฺจุปฺปนฺเนน กสิกมฺมาทินิพฺพตฺตกเจตนากมฺมุนา.
๖๕๙. ปฏิจฺจสมุปฺปาททสฺสาติ ‘‘อิมินา ปจฺจเยน เอวํ โหตี’’ติ เอวํ ปฏิจฺจสมุปฺปาททสฺสาวิโน. กมฺมวิปากโกวิทาติ สมฺมานาวมานารเห กุเล กมฺมวเสน อุปฺปตฺติ โหติ, อฺาปิ หีนปณีตตา หีนปณีเต กมฺเม วิปจฺจมาเน โหตีติ เอวํ กมฺมวิปากกุสลา.
๖๖๐. ‘‘กมฺมุนาวตฺตตี’’ติ คาถาย ปน ‘‘โลโก’’ติ วา ‘‘ปชา’’ติ วา ‘‘สตฺตา’’ติ วา เอโกเยว อตฺโถ, วจนมตฺตเมว นานํ. ปุริมปเทน เจตฺถ ¶ ‘‘อตฺถิ พฺรหฺมา มหาพฺรหฺมา…เป… เสฏฺโ สชิตา วสี ปิตา ภูตภพฺยาน’’นฺติ (ที. นิ. ๑.๔๒) อิมิสฺสา ทิฏฺิยา ¶ นิเสโธ เวทิตพฺโพ. กมฺมุนา หิ วตฺตติ ตาสุ ตาสุ คตีสุ อุปฺปชฺชติ โลโก, ตสฺส โก สชิตาติ? ทุติเยน ‘‘เอวํ กมฺมุนา อุปฺปนฺโนปิ จ ปวตฺติยมฺปิ อตีตปจฺจุปฺปนฺนเภเทน กมฺมุนา เอว ¶ ปวตฺตติ, สุขทุกฺขานิ ปจฺจนุโภนฺโต หีนปณีตาทิภาวํ อาปชฺชนฺโต ปวตฺตตี’’ติ ทสฺเสติ. ตติเยน ตเมวตฺถํ นิคเมติ ‘‘เอวํ สพฺพถาปิ กมฺมนิพนฺธนา สตฺตา กมฺเมเนว พทฺธา หุตฺวา ปวตฺตนฺติ, น อฺถา’’ติ. จตุตฺเถน ตมตฺถํ อุปมาย วิภาเวติ รถสฺสาณีว ยายโตติ. ยถา รถสฺส ยายโต อาณิ นิพนฺธนํ โหติ, น ตาย อนิพทฺโธ ยาติ, เอวํ โลกสฺส อุปฺปชฺชโต จ ปวตฺตโต จ กมฺมํ นิพนฺธนํ, น เตน อนิพทฺโธ อุปฺปชฺชติ นปฺปวตฺตติ.
๖๖๑. อิทานิ ยสฺมา เอวํ กมฺมนิพนฺธโน โลโก, ตสฺมา เสฏฺเน กมฺมุนา เสฏฺภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตเปนา’’ติ คาถาทฺวยมาห. ตตฺถ ตเปนาติ อินฺทฺริยสํวเรน. พฺรหฺมจริเยนาติ สิกฺขานิสฺสิเตน วุตฺตาวเสสเสฏฺจริเยน. สํยเมนาติ สีเลน. ทเมนาติ ปฺาย. เอเตน เสฏฺฏฺเน พฺรหฺมภูเตน กมฺมุนา พฺราหฺมโณ โหติ. กสฺมา? ยสฺมา เอตํ พฺราหฺมณมุตฺตมํ, ยสฺมา เอตํ กมฺมํ อุตฺตโม พฺราหฺมณภาโวติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘พฺรหฺมาน’’นฺติปิ ปาโ, ตสฺสตฺโถ – พฺรหฺมํ อาเนตีติ พฺรหฺมานํ, พฺรหฺมภาวํ อาเนติ อาวหติ เทตีติ วุตฺตํ โหติ.
๖๖๒. ทุติยคาถาย สนฺโตติ สนฺตกิเลโส. พฺรหฺมา สกฺโกติ พฺรหฺมา จ สกฺโก จ. โย เอวรูโป, โส น เกวลํ พฺราหฺมโณ, อปิจ โข พฺรหฺมา จ สกฺโก จ โส วิชานตํ ปณฺฑิตานํ, เอวํ วาเสฏฺ ชานาหีติ วุตฺตํ โหติ. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ.
ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย
สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย วาเสฏฺสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. โกกาลิกสุตฺตวณฺณนา
เอวํ ¶ ¶ ¶ เม สุตนฺติ โกกาลิกสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? อิมสฺส สุตฺตสฺส อุปฺปตฺติ อตฺถวณฺณนายเมว อาวิ ภวิสฺสติ. อตฺถวณฺณนาย จสฺส เอวํ เม สุตนฺติอาทิ วุตฺตนยเมว. อถ โข โกกาลิโกติ เอตฺถ ปน โก อยํ โกกาลิโก, กสฺมา จ อุปสงฺกมีติ? วุจฺจเต – อยํ กิร โกกาลิกรฏฺเ โกกาลิกนคเร โกกาลิกเสฏฺิสฺส ปุตฺโต ปพฺพชิตฺวา ปิตรา การาปิเต วิหาเรเยว ปฏิวสติ ‘‘จูฬโกกาลิโก’’ติ นาเมน, น เทวทตฺตสฺส สิสฺโส. โส หิ พฺราหฺมณปุตฺโต ‘‘มหาโกกาลิโก’’ติ ปฺายิ.
ภควติ กิร สาวตฺถิยํ วิหรนฺเต ทฺเว อคฺคสาวกา ปฺจมตฺเตหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ ชนปทจาริกํ จรมานา อุปกฏฺาย วสฺสูปนายิกาย วิเวกวาสํ วสิตุกามา เต ภิกฺขู อุยฺโยเชตฺวา อตฺตโน ปตฺตจีวรมาทาย ตสฺมึ ชนปเท ตํ นครํ ปตฺวา ตํ วิหารํ อคมํสุ. ตตฺถ เต โกกาลิเกน สทฺธึ สมฺโมทิตฺวา ตํ อาหํสุ – ‘‘อาวุโส, มยํ อิธ เตมาสํ วสิสฺสาม, มา กสฺสจิ อาโรเจยฺยาสี’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา เตมาเส อตีเต อิตรทิวสํ ปเคว นครํ ปวิสิตฺวา อาโรเจสิ – ‘‘ตุมฺเห อคฺคสาวเก อิธาคนฺตฺวา วสมาเน น ชานิตฺถ, น เต โกจิ ปจฺจเยนาปิ นิมนฺเตตี’’ติ. นครวาสิโน ‘‘กสฺมา โน, ภนฺเต, นาโรจยิตฺถา’’ติ. กึ อาโรจิเตน, กึ นาทฺทสถ ทฺเว ภิกฺขู วสนฺเต, นนุ เอเต อคฺคสาวกาติ. เต ขิปฺปํ สนฺนิปติตฺวา สปฺปิคุฬวตฺถาทีนิ อาเนตฺวา โกกาลิกสฺส ปุรโต นิกฺขิปึสุ. โส จินฺเตสิ – ‘‘ปรมปฺปิจฺฉา อคฺคสาวกา ‘ปยุตฺตวาจาย อุปฺปนฺโน ลาโภ’ติ ตฺวา น สาทิยิสฺสนฺติ, อสาทิยนฺตา อทฺธา ‘อาวาสิกสฺส เทถา’ติ ภณิสฺสนฺติ, หนฺทาหํ อิมํ ลาภํ คาหาเปตฺวา คจฺฉามี’’ติ ¶ . โส ตถา อกาสิ, เถรา ทิสฺวาว ปยุตฺตวาจาย อุปฺปนฺนภาวํ ตฺวา ‘‘อิเม ปจฺจยา เนว อมฺหากํ น โกกาลิกสฺส วฏฺฏนฺตี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘อาวาสิกสฺส เทถา’’ติ อวตฺวา ปฏิกฺขิปิตฺวา ปกฺกมึสุ. เตน โกกาลิโก ‘‘กถฺหิ นาม อตฺตนา อคฺคณฺหนฺตา มยฺหมฺปิ น ทาเปสุ’’นฺติ โทมนสฺสํ อุปฺปาเทสิ.
เต ¶ ภควโต สนฺติกํ อคมํสุ. ภควา จ ปวาเรตฺวา สเจ อตฺตนา ชนปทจาริกํ น คจฺฉติ, อคฺคสาวเก เปเสติ – ‘‘จรถ, ภิกฺขเว, จาริกํ พหุชนหิตายา’’ติอาทีนิ (มหาว. ๓๒) วตฺวา ¶ . อิทมาจิณฺณํ ตถาคตานํ. เตน โข ปน สมเยน อตฺตนา อคนฺตุกาโม โหติ. อถ โข อิเม ปุนเทว อุยฺโยเชสิ – ‘‘คจฺฉถ, ภิกฺขเว, จรถ จาริก’’นฺติ. เต ปฺจมตฺเตหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ จาริกํ จรมานา อนุปุพฺเพน ตสฺมึ รฏฺเ ตเมว นครํ อคมํสุ. นาครา เถเร สฺชานิตฺวา สห ปริกฺขาเรหิ ทานํ สชฺเชตฺวา นครมชฺเฌ มณฺฑปํ กตฺวา ทานํ อทํสุ, เถรานฺจ ปริกฺขาเร อุปนาเมสุํ. เถรา คเหตฺวา ภิกฺขุสงฺฆสฺส อทํสุ. ตํ ทิสฺวา โกกาลิโก จินฺเตสิ – ‘‘อิเม ปุพฺเพ อปฺปิจฺฉา อเหสุํ, อิทานิ โลภาภิภูตา ปาปิจฺฉา ชาตา, ปุพฺเพปิ อปฺปิจฺฉสนฺตุฏฺปวิวิตฺตสทิสา มฺเ, อิเม ปาปิจฺฉา อสนฺตคุณปริทีปกา ปาปภิกฺขู’’ติ. โส เถเร อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘อาวุโส, ตุมฺเห ปุพฺเพ อปฺปิจฺฉา สนฺตุฏฺา ปวิวิตฺตา วิย อหุวตฺถ, อิทานิ ปนตฺถ ปาปภิกฺขู ชาตา’’ติ วตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ตาวเทว ตรมานรูโป นิกฺขมิตฺวา คนฺตฺวา ‘‘ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสฺสามี’’ติ สาวตฺถาภิมุโข คนฺตฺวา อนุปุพฺเพน ภควนฺตํ อุปสงฺกมิ. อยเมตฺถ โกกาลิโก, อิมินา การเณน อุปสงฺกมิ. เตน วุตฺตํ ‘‘อถ โข โกกาลิโก ภิกฺขุ เยน ภควา เตนุปสงฺกมี’’ติอาทิ.
ภควา ตํ ตุริตตุริตํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวาว อาวชฺเชตฺวา อฺาสิ – ‘‘อคฺคสาวเก อกฺโกสิตุกาโม อาคโต’’ติ. ‘‘สกฺกา นุ โข ปฏิเสเธตุ’’นฺติ จ อาวชฺเชนฺโต ‘‘น สกฺกา, เถเรสุ อปรชฺฌิตฺวา ¶ อาคโต, เอกํเสน ปทุมนิรเย อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ อทฺทส. เอวํ ทิสฺวาปิ ปน ‘‘สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเนปิ นาม ครหนฺตํ สุตฺวา น นิเสเธตี’’ติ ปรูปวาทโมจนตฺถํ อริยูปวาทสฺส มหาสาวชฺชภาวทสฺสนตฺถฺจ ‘‘มา เหว’’นฺติอาทินา นเยน ติกฺขตฺตุํ ปฏิเสเธสิ. ตตฺถ มา เหวนฺติ มา เอวมาห, มา เอวํ อภณีติ อตฺโถ. เปสลาติ ปิยสีลา. สทฺธายิโกติ สทฺธาคมกโร, ปสาทาวโหติ วุตฺตํ โหติ. ปจฺจยิโกติ ปจฺจยกโร, ‘‘เอวเมต’’นฺติ สนฺนิฏฺาวโหติ วุตฺตํ โหติ.
อจิรปกฺกนฺตสฺสาติ ปกฺกนฺตสฺส สโต น จิเรเนว สพฺโพ กาโย ผุโฏ อโหสีติ เกสคฺคมตฺตมฺปิ โอกาสํ อวชฺเชตฺวา สกลสรีรํ อฏฺีนิ ¶ ภินฺทิตฺวา อุคฺคตาหิ ปีฬกาหิ อชฺโฌตฺถฏํ อโหสิ. ตตฺถ ยสฺมา พุทฺธานุภาเวน ตถารูปํ กมฺมํ พุทฺธานํ สมฺมุขีภาเว วิปากํ น เทติ, ทสฺสนูปจาเร ปน วิชหิตมตฺเต เทติ, ตสฺมา ตสฺส อจิรปกฺกนฺตสฺส ปีฬกา อุฏฺหึสุ. เตเนว วุตฺตํ ‘‘อจิรปกฺกนฺตสฺส จ โกกาลิกสฺสา’’ติ. อถ กสฺมา ตตฺเถว น อฏฺาสีติ เจ? กมฺมานุภาเวน. โอกาสกตฺหิ กมฺมํ อวสฺสํ วิปจฺจติ, ตํ ตสฺส ตตฺถ าตุํ น เทติ. โส กมฺมานุภาเวน โจทิยมาโน อุฏฺายาสนา ปกฺกามิ. กฬายมตฺติโยติ จณกมตฺติโย ¶ . เพลุวสลาฏุกมตฺติโยติ ตรุณเพลุวมตฺติโย. ปภิชฺชึสูติ ภิชฺชึสุ. ตาสุ ภินฺนาสุ สกลสรีรํ ปนสปกฺกํ วิย อโหสิ. โส ปกฺเกน คตฺเตน อนยพฺยสนํ ปตฺวา ทุกฺขาภิภูโต เชตวนทฺวารโกฏฺเก สยิ. อถ ธมฺมสฺสวนตฺถํ อาคตาคตา มนุสฺสา ตํ ทิสฺวา ‘‘ธิ โกกาลิก, ธิ โกกาลิก, อยุตฺตมกาสิ, อตฺตโนเยว มุขํ นิสฺสาย อนยพฺยสนํ ปตฺโตสี’’ติ อาหํสุ. เตสํ สุตฺวา อารกฺขเทวตา ¶ ธิกฺการํ อกํสุ, อารกฺขเทวตานํ อากาสฏฺเทวตาติ อิมินา อุปาเยน ยาว อกนิฏฺภวนา เอกธิกฺกาโร อุทปาทิ.
ตทา จ ตุรู นาม ภิกฺขุ โกกาลิกสฺส อุปชฺฌาโย อนาคามิผลํ ปตฺวา สุทฺธาวาเสสุ นิพฺพตฺโต โหติ. โสปิ สมาปตฺติยา วุฏฺิโต ตํ ธิกฺการํ สุตฺวา อาคมฺม โกกาลิกํ โอวทิ สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเนสุ จิตฺตปฺปสาทชนนตฺถํ. โส ตสฺสาปิ วจนํ อคฺคเหตฺวา อฺทตฺถุ ตเมว อปราเธตฺวา กาลํ กตฺวา ปทุมนิรเย อุปฺปชฺชิ. เตนาห – ‘‘อถ โข โกกาลิโก ภิกฺขุ เตเนวาพาเธน…เป… อาฆาเตตฺวา’’ติ.
อถ โข พฺรหฺมา สหมฺปตีติ โก อยํ พฺรหฺมา, กสฺมา จ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอตทโวจาติ? อยํ กสฺสปสฺส ภควโต สาสเน สหโก นาม ภิกฺขุ อนาคามี หุตฺวา สุทฺธาวาเสสุ อุปฺปนฺโน, ตตฺถ นํ ‘‘สหมฺปติ พฺรหฺมา’’ติ สฺชานนฺติ. โส ปน ‘‘อหํ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปทุมนิรยํ กิตฺเตสฺสามิ, ตโต ภควา ภิกฺขูนํ อาโรเจสฺสติ. กถานุสนฺธิกุสลา ภิกฺขู ตตฺถายุปฺปมาณํ ปุจฺฉิสฺสนฺติ, ภควา อาจิกฺขนฺโต อริยูปวาเท อาทีนวํ ปกาเสสฺสตี’’ติ อิมินา การเณน ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ¶ เอตทโวจ. ภควา ตเถว อกาสิ, อฺตโรปิ ภิกฺขุ ปุจฺฉิ. เตน จ ปุฏฺโ ‘‘เสยฺยถาปิ ภิกฺขู’’ติอาทิมาห.
ตตฺถ วีสติขาริโกติ มาคธเกน ปตฺเถน จตฺตาโร ปตฺถา โกสลรฏฺเ เอโก ปตฺโถ โหติ, เตน ปตฺเถน จตฺตาโร ปตฺถา อาฬฺหกํ, จตฺตาริ อาฬฺหกานิ โทณํ, จตุโทณา มานิกา, จตุมานิกา ขารี, ตาย ขาริยา วีสติขาริโก. ติลวาโหติ ติลสกฏํ. อพฺพุโท นิรโยติ อพฺพุโท นาม โกจิ ปจฺเจกนิรโย นตฺถิ, อวีจิมฺหิเยว อพฺพุทคณนาย ปจฺจโนกาโส ปน ‘‘อพฺพุโท นิรโย’’ติ วุตฺโต. เอส นโย นิรพฺพุทาทีสุ.
ตตฺถ วสฺสคณนาปิ เอวํ เวทิตพฺพา ¶ – ยเถว หิ สตํ สตสหสฺสานิ โกฏิ โหติ, เอวํ สตํ สตสหสฺสโกฏิโย ปโกฏิ นาม โหติ, สตํ สตสหสฺสปโกฏิโย โกฏิปฺปโกฏิ นาม, สตํ สตสหสฺสโกฏิปฺปโกฏิโย นหุตํ, สตํ สตสหสฺสนหุตานิ นินฺนหุตํ, สตํ สตสหสฺสนินฺนหุตานิ ¶ เอกํ อพฺพุทํ, ตโต วีสติคุณํ นิรพฺพุทํ. เอส นโย สพฺพตฺถ. เกจิ ปน ‘‘ตตฺถ ตตฺถ ปริเทวนานตฺเตนปิ กมฺมกรณนานตฺเตนปิ อิมานิ นามานิ ลทฺธานี’’ติ วทนฺติ, อปเร ‘‘สีตนรกา เอว เอเต’’ติ.
อถาปรนฺติ ตทตฺถวิเสสตฺถทีปกํ คาถาพนฺธํ สนฺธาย วุตฺตํ. ปาวเสน วุตฺตวีสติคาถาสุ หิ เอตฺถ ‘‘สตํ สหสฺสาน’’นฺติ อยเมกา เอว คาถา วุตฺตตฺถทีปิกา, เสสา วิเสสตฺถทีปิกา เอว, อวสาเน คาถาทฺวยเมว ปน มหาอฏฺกถายํ วินิจฺฉิตปาเ นตฺถิ. เตนาโวจุมฺห ‘‘วีสติคาถาสู’’ติ.
๖๖๓. ตตฺถ กุารีติ อตฺตจฺเฉทกฏฺเน กุาริสทิสา ผรุสวาจา. ฉินฺทตีติ กุสลมูลสงฺขาตํ อตฺตโน มูลํเยว นิกนฺตติ.
๖๖๔. นินฺทิยนฺติ นินฺทิตพฺพํ. ตํ วา นินฺทติ โย ปสํสิโยติ โย อุตฺตมฏฺเน ปสํสารโห ปุคฺคโล, ตํ วา โส ปาปิจฺฉตาทีนิ อาโรเปตฺวา ครหติ. วิจินาตีติ อุปจินาติ. กลินฺติ อปราธํ.
๖๖๕. อยํ กลีติ อยํ อปราโธ. อกฺเขสูติ ชูตกีฬนอกฺเขสุ. สพฺพสฺสาปิ สหาปิ อตฺตนาติ สพฺเพน อตฺตโน ธเนนปิ อตฺตนาปิ สทฺธึ. สุคเตสูปิ ¶ สุฏฺุ คตตฺตา, สุนฺทรฺจ านํ คตตฺตา สุคตนามเกสุ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธสาวเกสุ. มนํ ปโทสเยติ โย มนํ ปทูเสยฺย. ตสฺสายํ มโนปโทโส เอว มหตฺตโร กลีติ วุตฺตํ โหติ.
๖๖๖. กสฺมา? ยสฺมา สตํ สหสฺสานํ…เป… ปาปกํ, ยสฺมา วสฺสคณนาย เอตฺตโก โส กาโล, ยํ กาลํ อริยครหี ¶ วาจํ มนฺจ ปณิธาย ปาปกํ นิรยํ อุเปติ, ตตฺถ ปจฺจตีติ วุตฺตํ โหติ. อิทฺหิ สงฺเขเปน ปทุมนิรเย อายุปฺปมาณํ.
๖๖๗. อิทานิ อปเรนปิ นเยน ‘‘อยเมว มหตฺตโร กลิ, โย สุคเตสุ มนํ ปทูสเย’’ติ อิมมตฺถํ วิภาเวนฺโต ‘‘อภูตวาที’’ติ อาทิมาห. ตตฺถ อภูตวาทีติ อริยูปวาทวเสน อลิกวาที. นิรยนฺติ ปทุมาทึ. เปจฺจ สมา ภวนฺตีติ อิโต ปฏิคนฺตฺวา นิรยูปปตฺติยา สมา ภวนฺติ. ปรตฺถาติ ปรโลเก.
๖๖๘. กิฺจ ¶ ภิยฺโย – โย อปฺปทุฏฺสฺสาติ. ตตฺถ มโนปโทสาภาเวน อปฺปทุฏฺโ, อวิชฺชามลาภาเวน สุทฺโธ, ปาปิจฺฉาภาเวน อนงฺคโณติ เวทิตพฺโพ. อปฺปทุฏฺตฺตา วา สุทฺธสฺส, สุทฺธตฺตา อนงฺคณสฺสาติ เอวมฺเปตฺถ โยเชตพฺพํ.
๖๖๙. เอวํ สุคเตสุ มโนปโทสสฺส มหตฺตรกลิภาวํ สาเธตฺวา อิทานิ วาริตวตฺถุคาถา นาม จุทฺทส คาถา อาห. อิมา กิร โกกาลิกํ มียมานเมว โอวทนฺเตนายสฺมตา มหาโมคฺคลฺลาเนน วุตฺตา, ‘‘มหาพฺรหฺมุนา’’ติ เอเก. ตาสํ อิมินา สุตฺเตน สทฺธึ เอกสงฺคหตฺถํ อยมุทฺเทโส ‘‘โย โลภคุเณ อนุยุตฺโต’’ติอาทิ. ตตฺถ ปมคาถาย ตาว ‘‘คุโณ’’ติ นิทฺทิฏฺตฺตา อเนกกฺขตฺตุํ ปวตฺตตฺตา วา โลโภเยว โลภคุโณ, ตณฺหาเยตํ อธิวจนํ. อวทฺูติ อวจนฺู พุทฺธานมฺปิ โอวาทํ อคฺคหเณน. มจฺฉรีติ ปฺจวิธมจฺฉริเยน. เปสุณิยํ อนุยุตฺโตติ อคฺคสาวกานํ เภทกามตาย. เสสํ ปากฏเมว. อิทํ วุตฺตํ โหติ – โย, อาวุโส โกกาลิก, ตุมฺหาทิโส อนุยุตฺตโลภตณฺหาย โลภคุเณ อนุยุตฺโต อสฺสทฺโธ กทริโย อวทฺู มจฺฉรี เปสุณิยํ อนุยุตฺโต, โส วจสา ปริภาสติ อฺํ อภาสเนยฺยมฺปิ ปุคฺคลํ. เตน ตํ วทามิ ¶ ‘‘มุขทุคฺคา’’ติ คาถาตฺตยํ.
๖๗๐. ตสฺสายํ ¶ อนุตฺตานปทตฺโถ – มุขทุคฺค มุขวิสม, วิภูต วิคตภูต, อลิกวาทิ, อนริย อสปฺปุริส, ภูนหุ ภูติหนก, วุฑฺฒินาสก, ปุริสนฺต อนฺติมปุริส, กลิ อลกฺขิปุริส, อวชาต พุทฺธสฺส อวชาตปุตฺต.
๖๗๑. รชมากิรสีติ กิเลสรชํ อตฺตนิ ปกฺขิปสิ. ปปตนฺติ โสพฺภํ. ‘‘ปปาต’’นฺติปิ ปาโ, โส เอวตฺโถ. ‘‘ปปท’’นฺติปิ ปาโ, มหานิรยนฺติ อตฺโถ.
๖๗๒. เอติ หตนฺติ เอตฺถ ห-อิติ นิปาโต, ตนฺติ ตํ กุสลากุสลกมฺมํ. อถ วา หตนฺติ คตํ ปฏิปนฺนํ, อุปจิตนฺติ อตฺโถ. สุวามีติ สามิ ตสฺส กมฺมสฺส กตตฺตา. โส หิ ตํ กมฺมํ ลภเตว, นาสฺส ตํ นสฺสตีติ วุตฺตํ โหติ. ยสฺมา จ ลภติ, ตสฺมา ทุกฺขํ มนฺโท…เป… กิพฺพิสการี.
๖๗๓. อิทานิ ยํ ทุกฺขํ มนฺโท ปสฺสติ, ตํ ปกาเสนฺโต ‘‘อโยสงฺกุสมาหตฏฺาน’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ ปุริมอุปฑฺฒคาถาย ตาว อตฺโถ – ยํ ตํ อโยสงฺกุสมาหตฏฺานํ สนฺธาย ภควตา ‘‘ตเมนํ, ภิกฺขเว, นิรยปาลา ปฺจวิธพนฺธนํ นาม การณํ ¶ กโรนฺตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๒๕๐; อ. นิ. ๓.๓๖) วุตฺตํ, ตํ อุเปติ, เอวํ อุเปนฺโต จ ตตฺเถว อาทิตฺตาย โลหปถวิยา นิปชฺชาเปตฺวา นิรยปาเลหิ ปฺจสุ าเนสุ อาโกฏิยมานํ ตตฺตํ ขิลสงฺขาตํ ติณฺหธารมยสูลมุเปติ, ยํ สนฺธาย ภควตา วุตฺตํ ‘‘ตตฺตํ อโยขิลํ หตฺเถ คเมนฺตี’’ติอาทิ. ตโต ปรา อุปฑฺฒคาถา อเนกานิ วสฺสสหสฺสานิ ตตฺถ ปจฺจิตฺวา ปกฺกาวเสสานุภวนตฺถํ อนุปุพฺเพน ขาโรทกนทีตีรํ คตสฺส ยํ ตํ ‘‘ตตฺตํ อโยคุฬํ มุเข ปกฺขิปนฺติ, ตตฺตํ ตมฺพโลหํ มุเข อาสิฺจนฺตี’’ติ วุตฺตํ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ. ตตฺถ อโยติ โลหํ. คุฬสนฺนิภนฺติ เพลุวสณฺานํ. อโยคหเณน เจตฺถ ตมฺพโลหํ, อิตเรน อโยคุฬํ ¶ เวทิตพฺพํ. ปติรูปนฺติ กตกมฺมานุรูปํ.
๖๗๔. ตโต ปราสุ คาถาสุ น หิ วคฺคูติ ‘‘คณฺหถ, ปหรถา’’ติอาทีนิ วทนฺตา นิรยปาลา มธุรวาจํ น วทนฺติ. นาภิชวนฺตีติ น ¶ สุมุขภาเวน อภิมุขา ชวนฺติ, น สุมุขา อุปสงฺกมนฺติ, อนยพฺยสนมาวหนฺตา เอว อุปสงฺกมนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. น ตาณมุเปนฺตีติ ตาณํ เลณํ ปฏิสรณํ หุตฺวา น อุปคจฺฉนฺติ, คณฺหนฺตา หนนฺตา เอว อุเปนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. องฺคาเร สนฺถเต สยนฺตีติ องฺคารปพฺพตํ อาโรปิตา สมานา อเนกานิ วสฺสสหสฺสานิ สนฺถเต องฺคาเร เสนฺติ. คินิสมฺปชฺชลิตนฺติ สมนฺตโต ชลิตํ สพฺพทิสาสุ จ สมฺปชฺชลิตํ อคฺคึ. ปวิสนฺตีติ มหานิรเย ปกฺขิตฺตา สมานา โอคาหนฺติ. มหานิรโย นาม โย โส ‘‘จตุกฺกณฺโณ’’ติ (อ. นิ. ๓.๓๖) วุตฺโต, นํ โยชนสเต ตฺวา ปสฺสตํ อกฺขีนิ ภิชฺชนฺติ.
๖๗๕. ชาเลน จ โอนหิยานาติ อโยชาเลน ปลิเวเตฺวา มิคลุทฺทกา มิคํ วิย หนนฺติ. อิทํ เทวทูเต อวุตฺตกมฺมการณํ. อนฺธํว ติมิสมายนฺตีติ อนฺธกรเณน อนฺธเมว พหลนฺธการตฺตา ‘‘ติมิส’’นฺติ สฺิตํ ธูมโรรุวํ นาม นรกํ คจฺฉนฺติ. ตตฺร กิร เนสํ ขรธูมํ ฆายิตฺวา อกฺขีนิ ภิชฺชนฺติ, เตน ‘‘อนฺธํวา’’ติ วุตฺตํ. ตํ วิตตฺหิ ยถา มหิกาโยติ ตฺจ อนฺธติมิสํ มหิกาโย วิย วิตตํ โหตีติ อตฺโถ. ‘‘วิตฺถต’’นฺติปิ ปาโ. อิทมฺปิ เทวทูเต อวุตฺตกมฺมการณเมว.
๖๗๖. อถ โลหมยนฺติ อยํ ปน โลหกุมฺภี ปถวิปริยนฺติกา จตุนหุตาธิกานิ ทฺเวโยชนสตสหสฺสานิ คมฺภีรา สมติตฺติกา ตตฺรโลหปูรา โหติ. ปจฺจนฺติ หิ ตาสุ จิรรตฺตนฺติ ตาสุ กุมฺภีสุ ทีฆรตฺตํ ปจฺจนฺติ. อคฺคินิสมาสูติ อคฺคิสมาสุ ¶ . สมุปฺปิลวาเตติ สมุปฺปิลวนฺตา ¶ , สกิมฺปิ อุทฺธํ สกิมฺปิ อโธ คจฺฉมานา เผณุทฺเทหกํ ปจฺจนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. เทวทูเต วุตฺตนเยเนว ตํ เวทิตพฺพํ.
๖๗๗. ปุพฺพโลหิตมิสฺเสติ ปุพฺพโลหิตมิสฺสาย โลหกุมฺภิยา. ตตฺถ กินฺติ ตตฺถ. ยํ ยํ ทิสกนฺติ ทิสํ วิทิสํ. อธิเสตีติ คจฺฉติ. ‘‘อภิเสตี’’ติปิ ปาโ, ตตฺถ ยํ ยํ ทิสํ อลฺลียติ อปสฺสยตีติ อตฺโถ. กิลิสฺสตีติ พาธียติ. ‘‘กิลิชฺชตี’’ติปิ ปาโ, ปูติ โหตีติ อตฺโถ. สมฺผุสมาโนติ เตน ปุพฺพโลหิเตน ผุฏฺโ สมาโน. อิทมฺปิ เทวทูเต อวุตฺตกมฺมการณํ.
๖๗๘. ปุฬวาวสเถติ ¶ ปุฬวานํ อาวาเส. อยมฺปิ โลหกุมฺภีเยว เทวทูเต ‘‘คูถนิรโย’’ติ วุตฺตา, ตตฺถ ปติตสฺส สูจิมุขปาณา ฉวิอาทีนิ ฉินฺทิตฺวา อฏฺิมิฺชํ ขาทนฺติ. คนฺตุํ น หิ ตีรมปตฺถีติ อปคนฺตุํ น หิ ตีรํ อตฺถิ. ‘‘ตีรวมตฺถี’’ติปิ ปาโ, โสเยวตฺโถ. ตีรเมว เอตฺถ ‘‘ตีรว’’นฺติ วุตฺตํ. สพฺพสมา หิ สมนฺตกปลฺลาติ ยสฺมา ตสฺสา กุมฺภิยา อุปริภาเคปิ นิกุชฺชิตตฺตา สพฺพตฺถ สมา สมนฺตโต กฏาหา, ตสฺมา อปคนฺตุํ ตีรํ นตฺถีติ วุตฺตํ โหติ.
๖๗๙. อสิปตฺตวนํ เทวทูเต วุตฺตนยเมว. ตฺหิ ทูรโต รมณียํ อมฺพวนํ วิย ทิสฺสติ, อเถตฺถ โลเภน เนรยิกา ปวิสนฺติ, ตโต เนสํ วาเตริตานิ ปตฺตานิ ปติตฺวา องฺคปจฺจงฺคานิ ฉินฺทนฺติ. เตนาห – ‘‘ตํ ปวิสนฺติ สมุจฺฉิทคตฺตา’’ติ. ตํ ปวิสนฺติ ตโต สุฏฺุ ฉินฺนคตฺตา โหนฺตีติ. ชิวฺหํ พฬิเสน คเหตฺวา อารชยารชยา วิหนนฺตีติ ตตฺถ อสิปตฺตวเน เวเคน ธาวิตฺวา ปติตานํ มุสาวาทีนํ เนรยิกานํ นิรยปาลา ชิวฺหํ พฬิเสน นิกฺกฑฺฒิตฺวา ยถา มนุสฺสา อลฺลจมฺมํ ภูมิยํ ปตฺถริตฺวา ขิเลหิ อาโกเฏนฺติ, เอวํ อาโกเฏตฺวา ผรสูหิ ผาเลตฺวา ผาเลตฺวา เอกเมกํ ¶ โกฏึ ฉินฺเทตฺวา วิหนนฺติ, ฉินฺนฉินฺนา โกฏิ ปุนปฺปุนํ สมุฏฺาติ. ‘‘อารจยารจยา’’ติปิ ปาโ, อาวิฺฉิตฺวา อาวิฺฉิตฺวาติ อตฺโถ. เอตมฺปิ เทวทูเต อวุตฺตกมฺมการณํ.
๖๘๐. เวตรณินฺติ เทวทูเต ‘‘มหตี ขาโรทกา นที’’ติ (ม. นิ. ๓.๒๖๙) วุตฺตนทึ. สา กิร คงฺคา วิย อุทกภริตา ทิสฺสติ. อเถตฺถ นฺหายิสฺสาม ปิวิสฺสามาติ เนรยิกา ปตนฺติ. ติณฺหธารขุรธารนฺติ ติณฺหธารํ ขุรธารํ, ติกฺขธารขุรธารวตินฺติ วุตฺตํ โหติ. ตสฺสา กิร นทิยา อุทฺธมโธ อุภยตีเรสุ จ ติณฺหธารา ขุรา ปฏิปาฏิยา ปิตา วิย ¶ ติฏฺนฺติ, เตน สา ‘‘ติณฺหธารา ขุรธารา’’ติ วุจฺจติ. ตํ ติณฺหธารขุรธารํ อุทกาสาย อุเปนฺติ อลฺลียนฺตีติ อตฺโถ. เอวํ อุเปนฺตา จ ปาปกมฺเมน โจทิตา ตตฺถ มนฺทา ปปตนฺติ พาลาติ อตฺโถ.
๖๘๑. สามา สพลาติ เอตํ ปรโต ‘‘โสณา’’ติ อิมินา โยเชตพฺพํ. สามวณฺณา กมฺมาสวณฺณา จ โสณา ขาทนฺตีติ วุตฺตํ โหติ ¶ . กาโกลคณาติ กณฺหกากคณา. ปฏิคิทฺธาติ สุฏฺุ สฺชาตเคธา หุตฺวา, ‘‘มหาคิชฺฌา’’ติ เอเก. กุลลาติ กุลลปกฺขิโน, ‘‘เสนานเมตํ นาม’’นฺติ เอเก. วายสาติ อกณฺหกากา. อิทมฺปิ เทวทูเต อวุตฺตกมฺมการณํ. ตตฺถ วุตฺตานิปิ ปน กานิจิ อิธ น วุตฺตานิ, ตานิ เอเตสํ ปุริมปจฺฉิมภาคตฺตา วุตฺตาเนว โหนฺตีติ เวทิตพฺพานิ.
๖๘๒. อิทานิ สพฺพเมเวตํ นรกวุตฺตึ ทสฺเสตฺวา โอวทนฺโต ‘‘กิจฺฉา วตาย’’นฺติ คาถมาห. ตสฺสตฺโถ – กิจฺฉา วต อยํ อิธ นรเก นานปฺปการกมฺมกรณเภทา วุตฺติ, ยํ ชโน ผุสติ กิพฺพิสการี. ตสฺมา อิธ ชีวิตเสเส ชีวิตสนฺตติยา วิชฺชมานาย อิธ โลเก ิโตเยว สมาโน สรณคมนาทิกุสลธมฺมานุฏฺาเนน กิจฺจกโร นโร สิยา ภเวยฺย. กิจฺจกโร ภวนฺโตปิ จ สาตจฺจการิตาวเสเนว ภเวยฺย, น ปมชฺเช มุหุตฺตมฺปิ น ปมาทมาปชฺเชยฺยาติ อยเมตฺถ ¶ สมุจฺจยวณฺณนา. ยสฺมา ปน วุตฺตาวเสสานิ ปทานิ ปุพฺเพ วุตฺตนยตฺตา อุตฺตานตฺถตฺตา จ สุวิฺเยฺยาเนว, ตสฺมา อนุปทวณฺณนา น กตาติ.
ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทก-อฏฺกถาย
สุตฺตนิปาต-อฏฺกถาย โกกาลิกสุตฺตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๑. นาลกสุตฺตวณฺณนา
๖๘๕. อานนฺทชาเตติ ¶ นาลกสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? ปทุมุตฺตรสฺส กิร ภควโต สาวกํ โมเนยฺยปฏิปทํ ปฏิปนฺนํ ทิสฺวา ตถตฺตํ อภิกงฺขมาโน ตโต ปภุติ กปฺปสตสหสฺสํ ปารมิโย ปูเรตฺวา อสิตสฺส อิสิโน ภาคิเนยฺโย นาลโก นาม ตาปโส ภควนฺตํ ธมฺมจกฺกปฺปวตฺติตทิวสโต สตฺตเม ทิวเส ‘‘อฺาตเมต’’นฺติอาทีหิ ทฺวีหิ คาถาหิ โมเนยฺยปฏิปทํ ปุจฺฉิ. ตสฺส ภควา ‘‘โมเนยฺยํ เต อุปฺิสฺส’’นฺติอาทินา นเยน ตํ พฺยากาสิ. ปรินิพฺพุเต ปน ภควติ สงฺคีตึ กโรนฺเตนายสฺมตา มหากสฺสเปน อายสฺมา อานนฺโท ตเมว โมเนยฺยปฏิปทํ ปุฏฺโ เยน ยทา จ สมาทปิโต นาลโก ภควนฺตํ ปุจฺฉิ ¶ . ตํ สพฺพํ ปากฏํ กตฺวา ทสฺเสตุกาโม ‘‘อานนฺทชาเต’’ติอาทิกา วีสติ วตฺถุคาถาโย วตฺวา อภาสิ. ตํ สพฺพมฺปิ ‘‘นาลกสุตฺต’’นฺติ วุจฺจติ.
ตตฺถ อานนฺทชาเตติ สมิทฺธิชาเต วุทฺธิปฺปตฺเต. ปตีเตติ ตุฏฺเ. อถ วา อานนฺทชาเตติ ปมุทิเต. ปตีเตติ โสมนสฺสชาเต. สุจิวสเนติ อกิลิฏฺวสเน. เทวานฺหิ กปฺปรุกฺขนิพฺพตฺตานิ วสนานิ รชํ วา มลํ วา น คณฺหนฺติ. ทุสฺสํ คเหตฺวาติ อิธ ทุสฺสสทิสตฺตา ‘‘ทุสฺส’’นฺติ ลทฺธโวหารํ ทิพฺพวตฺถํ อุกฺขิปิตฺวา. อสิโต อิสีติ กณฺหสรีรวณฺณตฺตา เอวํลทฺธนาโม อิสิ. ทิวาวิหาเรติ ทิวาวิหารฏฺาเน. เสสํ ปทโต อุตฺตานเมว.
สมฺพนฺธโต ปน – อยํ กิร สุทฺโธทนสฺส ปิตุ สีหหนุรฺโ ปุโรหิโต สุทฺโธทนสฺสปิ อนภิสิตฺตกาเล สิปฺปาจริโย หุตฺวา อภิสิตฺตกาเล ปุโรหิโตเยว อโหสิ. ตสฺส สายํ ปาตํ ราชุปฏฺานํ อาคตสฺส ราชา ทหรกาเล วิย นิปจฺจการํ อกตฺวา อฺชลิกมฺมมตฺตเมว กโรติ. ธมฺมตา กิเรสา ¶ ปตฺตาภิเสกานํ สกฺยราชูนํ. ปุโรหิโต เตน นิพฺพิชฺชิตฺวา ‘‘ปพฺพชฺชามหํ มหาราชา’’ติ อาห. ราชา ตสฺส นิจฺฉยํ ตฺวา ‘‘เตน หิ, อาจริย, มเมว อุยฺยาเน วสิตพฺพํ, ยถา เต อหํ อภิณฺหํ ปสฺเสยฺย’’นฺติ ยาจิ. โส ‘‘เอวํ โหตู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา รฺา อุปฏฺหิยมาโน อุยฺยาเนเยว วสนฺโต กสิณปริกมฺมํ กตฺวา อฏฺ สมาปตฺติโย ปฺจาภิฺาโย จ นิพฺพตฺเตสิ. โส ตโต ปภุติ ราชกุเล ¶ ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา หิมวนฺตจาตุมหาราชิกภวนาทีนํ อฺตรํ คนฺตฺวา ทิวาวิหารํ กโรติ. อเถกทิวสํ ตาวตึสภวนํ คนฺตฺวา รตนวิมานํ ปวิสิตฺวา ทิพฺพรตนปลฺลงฺเก นิสินฺโน สมาธิสุขํ อนุภวิตฺวา สายนฺหสมยํ วุฏฺาย วิมานทฺวาเร ตฺวา อิโต จิโต จ วิโลเกนฺโต สฏฺิโยชนาย มหาวีถิยา เจลุกฺเขปํ กตฺวา โพธิสตฺตคุณปสํสิตานิ ถุติวจนานิ วตฺวา กีฬนฺเต สกฺกปฺปมุเข เทเว อทฺทส. เตนาห อายสฺมา อานนฺโท – ‘‘อานนฺทชาเต…เป… ทิวาวิหาเร’’ติ.
๖๘๖. ตโต โส เอวํ ทิสฺวาน เทเว…เป… กึ ปฏิจฺจ. ตตฺถ อุทคฺเคติ อพฺภุนฺนตกาเย. จิตฺตึ กริตฺวานาติ อาทรํ กตฺวา. กลฺยรูโปติ ตุฏฺรูโป. เสสํ อุตฺตานตฺถเมว.
๖๘๗. อิทานิ ¶ ‘‘ยทาปิ อาสี’’ติอาทิคาถา อุตฺตานสมฺพนฺธา เอว. ปทตฺโถ ปน ปมคาถาย ตาว สงฺคโมติ สงฺคาโม. ชโย สุรานนฺติ เทวานํ ชโย.
ตสฺสาวิภาวตฺถํ อยมนุปุพฺพิกถา เวทิตพฺพา – สกฺโก กิร มคธรฏฺเ มจลคามวาสี เตตฺตึสมนุสฺสเสฏฺโ มโฆ นาม มาณโว หุตฺวา สตฺต วตฺตปทานิ ปูเรตฺวา ตาวตึสภวเน นิพฺพตฺติ สทฺธึ ปริสาย. ตโต ปุพฺพเทวา ‘‘อาคนฺตุกเทวปุตฺตา อาคตา, สกฺการํ เนสํ กริสฺสามา’’ติ วตฺวา ทิพฺพปทุมานิ ¶ อุปนาเมสุํ, อุปฑฺฒรชฺเชน จ นิมนฺเตสุํ. สกฺโก อุปฑฺฒรชฺเชน อสนฺตุฏฺโ สกปริสํ สฺาเปตฺวา เอกทิวสํ สุรามทมตฺเต เต ปาเท คเหตฺวา สิเนรุปพฺพตปาเท ขิปิ. เตสํ สิเนรุสฺส เหฏฺิมตเล ทสสหสฺสโยชนํ อสุรภวนํ นิพฺพตฺติ ปาริจฺฉตฺตกปฏิจฺฉนฺนภูตาย จิตฺรปาฏลิยา อุปโสภิตํ. ตโต เต สตึ ปฏิลภิตฺวา ตาวตึสภวนํ อปสฺสนฺตา ‘‘อโห เร นฏฺา มยํ ปานมทโทเสน, น ทานิ มยํ สุรํ ปิวิมฺหา, อสุรํ ปิวิมฺหา, น ทานิมฺหา สุรา, อสุรา ทานิ ชาตมฺหา’’ติ. ตโต ปภุติ ‘‘อสุรา’’อิจฺเจว อุปฺปนฺนสมฺา หุตฺวา ‘‘หนฺท ทานิ เทเวหิ สทฺธึ สงฺคาเมมา’’ติ สิเนรุํ ปริโต อาโรหึสุ. ตโต สกฺโก อสุเร ยุทฺเธน อพฺภุคฺคนฺตฺวา ปุนปิ สมุทฺเท ปกฺขิปิตฺวา จตูสุ ทฺวาเรสุ อตฺตนา สทิสํ อินฺทปฏิมํ มาเปตฺวา เปสิ. ตโต อสุรา ‘‘อปฺปมตฺโต วตายํ สกฺโก นิจฺจํ รกฺขนฺโต ติฏฺตี’’ติ จินฺเตตฺวา ปุนเทว นครํ อคมึสุ. ตโต เทวา อตฺตโน ชยํ โฆเสนฺตา มหาวีถิยํ เจลุกฺเขปํ กโรนฺตา นกฺขตฺตํ กีฬึสุ. อถ อสิโต อตีตานาคเต จตฺตาลีสกปฺเป อนุสฺสริตุํ สมตฺถตาย ‘‘กึ นุ โข อิเมหิ ปุพฺเพปิ เอวํ กีฬิตปุพฺพ’’นฺติ อาวชฺเชนฺโต ตํ เทวาสุรสงฺคาเม เทววิชยํ ทิสฺวา อาห –
‘‘ยทาปิ ¶ อาสี อสุเรหิ สงฺคโม,
ชโย สุรานํ อสุรา ปราชิตา;
ตทาปิ เนตาทิโส โลมหํสโน’’ติ.
ตสฺมิมฺปิ กาเล เอตาทิโส โลมหํสโน ปโมโท น อาสิ. กิมพฺภุตํ ทฏฺุ มรู ปโมทิตาติ อชฺช ปน กึ อพฺภุตํ ทิสฺวา เอวํ เทวา ปมุทิตาติ.
๖๘๘. ทุติยคาถาย ¶ เสเฬนฺตีติ มุเขน อุสฺเสฬนสทฺทํ มฺุจนฺติ. คายนฺติ นานาวิธานิ คีตานิ, วาทยนฺติ อฏฺสฏฺิ ตูริยสหสฺสานิ, โผเฏนฺตีติ อปฺโผเฏนฺติ. ปุจฺฉามิ โวหนฺติ อตฺตนา อาวชฺเชตฺวา าตุํ สมตฺโถปิ เตสํ วจนํ โสตุกามตาย ปุจฺฉติ. เมรุมุทฺธวาสิเนติ สิเนรุมุทฺธนิ วสนฺเต. สิเนรุสฺส หิ เหฏฺิมตเล ทสโยชนสหสฺสํ ¶ อสุรภวนํ, มชฺฌิมตเล ทฺวิสหสฺสปริตฺตทีปปริวารา จตฺตาโร มหาทีปา, อุปริมตเล ทสโยชนสหสฺสํ ตาวตึสภวนํ. ตสฺมา เทวา ‘‘เมรุมุทฺธวาสิโน’’ติ วุจฺจนฺติ. มาริสาติ เทเว อามนฺเตติ, นิทุกฺขา นิราพาธาติ วุตฺตํ โหติ.
๖๘๙. อถสฺส ตมตฺถํ อาโรเจนฺเตหิ เทเวหิ วุตฺตาย ตติยคาถาย โพธิสตฺโตติ พุชฺฌนกสตฺโต, สมฺมาสมฺโพธึ คนฺตุํ อรโห สตฺโต รตนวโรติ วรรตนภูโต. เตนมฺห ตุฏฺาติ เตน การเณน มยํ ตุฏฺา. โส หิ พุทฺธตฺตํ ปตฺวา ตถา ธมฺมํ เทเสสฺสติ, ยถา มยฺจ อฺเ จ เทวคณา เสกฺขาเสกฺขภูมึ ปาปุณิสฺสาม. มนุสฺสาปิสฺส ธมฺมํ สุตฺวา เย น สกฺขิสฺสนฺติ ปรินิพฺพาตุํ, เต ทานาทีนิ กตฺวา เทวโลเก ปริปูเรสฺสนฺตีติ อยํ กิร เนสํ อธิปฺปาโย. ตตฺถ ‘‘ตุฏฺา กลฺยรูปา’’ติ กิฺจาปิ อิทํ ปททฺวยํ อตฺถโต อภินฺนํ, ตถาปิ ‘‘กิมพฺภุตํ ทฏฺุ มรู ปโมทิตา, กึ เทวสงฺโฆ อติริว กลฺยรูโป’’ติ อิมสฺส ปฺหทฺวยสฺส วิสฺสชฺชนตฺถํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.
๖๙๐. อิทานิ เยน อธิปฺปาเยน โพธิสตฺเต ชาเต ตุฏฺา อเหสุํ, ตํ อาวิกโรนฺเตหิ วุตฺตาย จตุตฺถคาถาย สตฺตคฺคหเณน เทวมนุสฺสคฺคหณํ, ปชาคหเณน เสสคติคฺคหณํ. เอวํ ทฺวีหิ ปเทหิ ปฺจสุปิ คตีสุ เสฏฺภาวํ ทสฺเสติ. ติรจฺฉานาปิ หิ สีหาทโย อสนฺตาสาทิคุณยุตฺตา, เตปิ อยเมว อติเสติ. ตสฺมา ‘‘ปชานมุตฺตโม’’ติ วุตฺโต. เทวมนุสฺเสสุ ปน เย อตฺตหิตาย ปฏิปนฺนาทโย จตฺตาโร ปุคฺคลา, เตสุ อุภยหิตปฏิปนฺโน อคฺคปุคฺคโล ¶ อยํ, นเรสุ จ อุสภสทิสตฺตา นราสโภ. เตนสฺส ถุตึ ภณนฺตา อิทมฺปิ ปททฺวยมาหํสุ.
๖๙๑. ปฺจมคาถาย ¶ ตํ สทฺทนฺติ ตํ เทเวหิ วุตฺตวจนสทฺทํ. อวสรีติ โอตริ. ตท ภวนนฺติ ตทา ภวนํ.
๖๙๒. ฉฏฺคาถาย ตโตติ อสิตสฺส วจนโต อนนฺตรํ. อุกฺกามุเขวาติ อุกฺกามุเข เอว, มูสามุเขติ วุตฺตํ โหติ. สุกุสลสมฺปหฏฺนฺติ สุกุสเลน สุวณฺณกาเรน ¶ สงฺฆฏฺฏิตํ, สงฺฆฏฺเฏนฺเตน ตาปิตนฺติ อธิปฺปาโย. ททฺทลฺลมานนฺติ วิชฺโชตมานํ. อสิตวฺหยสฺสาติ อสิตนามสฺส ทุติเยน นาเมน กณฺหเทวิลสฺส อิสิโน.
๖๙๓. สตฺตมคาถาย ตาราสภํ วาติ ตารานํ อุสภสทิสํ, จนฺทนฺติ อธิปฺปาโย. วิสุทฺธนฺติ อพฺภาทิอุปกฺกิเลสรหิตํ. สรทริวาติ สรเท อิว. อานนฺทชาโตติ สวนมตฺเตเนว อุปฺปนฺนาย ปีติยา ปีติชาโต. อลตฺถ ปีตินฺติ ทิสฺวา ปุนปิ ปีตึ ลภิ.
๖๙๔. ตโต ปรํ โพธิสตฺตสฺส เทเวหิ สทา ปยุชฺชมานสกฺการทีปนตฺถํ วุตฺตอฏฺมคาถาย อเนกสาขนฺติ อเนกสลากํ. สหสฺสมณฺฑลนฺติ รตฺตสุวณฺณมยสหสฺสมณฺฑลยุตฺตํ. ฉตฺตนฺติ ทิพฺพเสตจฺฉตฺตํ. วีติปตนฺตีติ สรีรํ พีชมานา ปตนุปฺปตนํ กโรนฺติ.
๖๙๕. นวมคาถาย ชฏีติ ชฏิโล. กณฺหสิริวฺหโยติ กณฺหสทฺเทน จ สิริสทฺเทน จ อวฺหยมาโน. ตํ กิร ‘‘สิริกณฺโห’’ติปิ อวฺหยนฺติ อามนฺเตนฺติ, อาลปนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. ปณฺฑุกมฺพเลติ รตฺตกมฺพเล. อธิการโต เจตฺถ ‘‘กุมาร’’นฺติ วตฺตพฺพํ, ปาเสโส วา กาตพฺโพ. ปุริมคาถาย จ อหตฺถปาสคตํ สนฺธาย ‘‘ทิสฺวา’’ติ วุตฺตํ. อิธ ปน หตฺถปาสคตํ ปฏิคฺคหณตฺถํ อุปนีตํ, ตสฺมา ปุน วจนํ ‘‘ทิสฺวา’’ติ. ปุริมํ วา ทสฺสนปีติลาภาเปกฺขํ คาถาวสาเน ‘‘วิปุลมลตฺถ ปีติ’’นฺติ วจนโต, อิทํ ปฏิคฺคหาเปกฺขํ อวสาเน ‘‘สุมโน ปฏิคฺคเห’’ติ วจนโต. ปุริมฺจ กุมารสมฺพนฺธเมว, อิทํ เสตจฺฉตฺตสมฺพนฺธมฺปิ. ทิสฺวาติ สตสหสฺสคฺฆนเก คนฺธารรตฺตกมฺพเล สุวณฺณนิกฺขํ วิย กุมารํ ‘‘ฉตฺตํ มรู’’ติ เอตฺถ วุตฺตปฺปการํ เสตจฺฉตฺตํ ธาริยนฺตํ มุทฺธนิ ทิสฺวา. เกจิ ปน ‘‘อิทํ มานุสกํ ฉตฺตํ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ ภณนฺติ. ยเถว หิ เทวา, เอวํ มนุสฺสาปิ ฉตฺตจามรโมรหตฺถตาลวณฺฏวาฬพีชนิหตฺถา มหาปุริสํ อุปคจฺฉนฺตีติ. เอวํ สนฺเตปิ ¶ น ตสฺส ¶ วจเนน โกจิปิ อติสโย อตฺถิ, ตสฺมา ยถาวุตฺตเมว ¶ สุนฺทรํ. ปฏิคฺคเหติ อุโภหิ หตฺเถหิ ปฏิคฺคเหสิ. อิสึ กิร วนฺทาเปตุํ กุมารํ อุปเนสุํ. อถสฺส ปาทา ปริวตฺติตฺวา อิสิสฺส มตฺถเก ปติฏฺหึสุ. โส ตมฺปิ อจฺฉริยํ ทิสฺวา อุทคฺคจิตฺโต สุมโน ปฏิคฺคเหสิ.
๖๙๖. ทสมคาถายํ ชิคีสโกติ ชิคีสนฺโต มคฺคนฺโต ปริเยสนฺโต, อุปปริกฺขนฺโตติ วุตฺตํ โหติ. ลกฺขณมนฺตปารคูติ ลกฺขณานํ เวทานฺจ ปารํ คโต. อนุตฺตรายนฺติ อนุตฺตโร อยํ. โส กิร อตฺตโน อภิมุขาคเตสุ มหาสตฺตสฺส ปาทตเลสุ จกฺกานิ ทิสฺวา ตทนุสาเรน เสสลกฺขณานิ ชิคีสนฺโต สพฺพํ ลกฺขณสมฺปตฺตึ ทิสฺวา ‘‘อทฺธายํ พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ ตฺวา เอวมาห.
๖๙๗. เอกาทสายํ อถตฺตโน คมนนฺติ ปฏิสนฺธิวเสน อรูปคมนํ. อกลฺยรูโป คฬยติ อสฺสุกานีติ ตํ อตฺตโน อรูปูปปตฺตึ อนุสฺสริตฺวา ‘‘น ทานาหํ อสฺส ธมฺมเทสนํ โสตุํ ลจฺฉามี’’ติ อตุฏฺรูโป พลวโสกาภิภเวน โทมนสฺสชาโต หุตฺวา อสฺสูนิ ปาเตติ คฬยติ. ‘‘ครยตี’’ติปิ ปาโ. ยทิ ปเนส รูปภเว จิตฺตํ นเมยฺย, กึ ตตฺถ น อุปฺปชฺเชยฺย, เยเนวํ โรทตีติ? น น อุปฺปชฺเชยฺย, อกุสลตาย ปเนตํ วิธึ น ชานาติ. เอวํ สนฺเตปิ โทมนสฺสุปฺปตฺติเยวสฺส อยุตฺตา สมาปตฺติลาเภน วิกฺขมฺภิตตฺตาติ เจ? น, วิกฺขมฺภิตตฺตา เอว. มคฺคภาวนาย สมุจฺฉินฺนา หิ กิเลสา น อุปฺปชฺชนฺติ, สมาปตฺติลาภีนํ ปน พลวปจฺจเยน อุปฺปชฺชนฺติ. อุปฺปนฺเน กิเลเส ปริหีนชฺฌานตฺตา กุตสฺส อรูปคมนนฺติ เจ? อปฺปกสิเรน ปุนาธิคมโต. สมาปตฺติลาภิโน หิ อุปฺปนฺเน กิเลเส พลววีติกฺกมํ อนาปชฺชนฺตา วูปสนฺตมตฺเตเยว กิเลสเวเค ปุน ตํ วิเสสํ อปฺปกสิเรเนวาธิคจฺฉนฺติ, ‘‘ปริหีนวิเสสา อิเม’’ติปิ ทุวิฺเยฺยา โหนฺติ, ตาทิโส จ เอโส. โน เจ กุมาเร ภวิสฺสติ อนฺตราโยติ น ภวิสฺสติ นุ โข อิมสฺมึ กุมาเร ¶ อนฺตราโย.
๖๙๘. ทฺวาทสายํ น โอรกายนฺติ อยํ โอรโก ปริตฺโต น โหติ. อุตฺตรคาถาย วตฺตพฺพํ พุทฺธภาวํ สนฺธายาห.
๖๙๙. เตรสายํ ¶ สมฺโพธิยคฺคนฺติ สพฺพฺุตฺาณํ. ตฺหิ อวิปรีตภาเวน สมฺมา พุชฺฌนโต สมฺโพธิ, กตฺถจิ อาวรณาภาเวน สพฺพาณุตฺตมโต ‘‘อคฺค’’นฺติ วุจฺจติ. ผุสิสฺสตีติ ปาปุณิสฺสติ. ปรมวิสุทฺธทสฺสีติ นิพฺพานทสฺสี. ตฺหิ เอกนฺตวิสุทฺธตฺตา ปรมวิสุทฺธํ. วิตฺถาริกสฺสาติ วิตฺถาริกํ อสฺส. พฺรหฺมจริยนฺติ สาสนํ.
๗๐๐. จุทฺทสายํ ¶ อถนฺตราติ อนฺตราเยว อสฺส, สมฺโพธิปฺปตฺติโต โอรโต เอวาติ วุตฺตํ โหติ. น โสสฺสนฺติ น สุณิสฺสํ. อสมธุรสฺสาติ อสมวีริยสฺส. อฏฺโฏติ อาตุโร. พฺยสนํ คโตติ สุขวินาสํ ปตฺโต. อฆาวีติ ทุกฺขิโต, สพฺพํ โทมนสฺสุปฺปาทเมว สนฺธายาห. โทมนสฺเสน หิ โส อาตุโร. ตฺจสฺส สุขพฺยสนโต พฺยสนํ, สุขวินาสนโตติ วุตฺตํ โหติ. เตน จ โส เจตสิกอฆภูเตน อฆาวี.
๗๐๑. ปนฺนรสายํ วิปุลํ ชเนตฺวานาติ วิปุลํ ชเนตฺวา. อยเมว วา ปาโ. นิคฺคมาติ นิคฺคโต. เอวํ นิคฺคโต จ โส ภาคิเนยฺยํ สยนฺติ สกํ ภาคิเนยฺยํ, อตฺตโน ภคินิยา ปุตฺตนฺติ วุตฺตํ โหติ. สมาทเปสีติ อตฺตโน อปฺปายุกภาวํ ตฺวา กนิฏฺภคินิยา จ ปุตฺตสฺส นาลกสฺส มาณวกสฺส อุปจิตปฺุตํ อตฺตโน พเลน ตฺวา ‘‘วุฑฺฒิปฺปตฺโต ปมาทมฺปิ อาปชฺเชยฺยา’’ติ นํ อนุกมฺปมาโน ภคินิยา ฆรํ คนฺตฺวา ‘‘กหํ นาลโก’’ติ. ‘‘พหิ, ภนฺเต, กีฬตี’’ติ. ‘‘อาเนถ น’’นฺติ อาณาเปตฺวา ตงฺขณํเยว ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพาเชตฺวา สมาทเปสิ โอวทิ อนุสาสิ. กถํ? ‘‘พุทฺโธติ โฆสํ…เป… พฺรหฺมจริย’’นฺติ โสฬสมคาถมาห.
๗๐๒. ตตฺถ ยท ปรโตติ ยทา ปรโต. ธมฺมมคฺคนฺติ ปรมธมฺมสฺส นิพฺพานสฺส มคฺคํ, ธมฺมํ วา อคฺคํ สห ปฏิปทาย นิพฺพานํ. ตสฺมินฺติ ตสฺส สนฺติเก. พฺรหฺมจริยนฺติ สมณธมฺมํ.
๗๐๓. สตฺตรสายํ ตาทินาติ ตสฺสณฺิเตน, ตสฺมึ สมเย กิเลสวิกฺขมฺภเน ¶ สมาธิลาเภ จ สติ วิกฺขมฺภิตกิเลเสน สมาหิตจิตฺเตน จาติ อธิปฺปาโย. อนาคเต ปรมวิสุทฺธทสฺสินาติ ‘‘อยํ นาลโก อนาคเต กาเล ภควโต สนฺติเก ปรมวิสุทฺธํ นิพฺพานํ ปสฺสิสฺสตี’’ติ ¶ เอวํ ทิฏฺตฺตา โส อิสิ อิมินา ปริยาเยน ‘‘อนาคเต ปรมวิสุทฺธทสฺสี’’ติ วุตฺโต. เตน อนาคเต ปรมวิสุทฺธทสฺสินา. อุปจิตปฺุสฺจโยติ ปทุมุตฺตรโต ปภุติ กตปฺุสฺจโย. ปติกฺขนฺติ อาคมยมาโน. ปริวสีติ ปพฺพชิตฺวา ตาปสเวเสน วสิ. รกฺขิตินฺทฺริโยติ รกฺขิตโสตินฺทฺริโย หุตฺวา. โส กิร ตโต ปภุติ อุทเก น นิมุชฺชิ ‘‘อุทกํ ปวิสิตฺวา โสตินฺทฺริยํ วินาเสยฺย, ตโต ธมฺมสฺสวนพาหิโร ภเวยฺย’’นฺติ จินฺเตตฺวา.
๗๐๔. อฏฺารสายํ สุตฺวาน โฆสนฺติ โส นาลโก เอวํ ปริวสนฺโต อนุปุพฺเพน ภควตา สมฺโพธึ ปตฺวา พาราณสิยํ ธมฺมจกฺเก ปวตฺติเต ตํ ‘‘ภควตา ธมฺมจกฺกํ ปวตฺติตํ, สมฺมาสมฺพุทฺโธ ¶ วต โส ภควา อุปฺปนฺโน’’ติอาทินา นเยน ชินวรจกฺกวตฺตเน ปวตฺตโฆสํ อตฺตโน อตฺถกามาหิ เทวตาหิ อาคนฺตฺวา อาโรจิตํ สุตฺวา. คนฺตฺวาน ทิสฺวา อิสินิสภนฺติ สตฺตาหํ เทวตาหิ โมเนยฺยโกลาหเล กยิรมาเน สตฺตเม ทิวเส อิสิปตนํ คนฺตฺวา ‘‘นาลโก อาคมิสฺสติ, ตสฺส ธมฺมํ เทเสสฺสามี’’ติ อิมินา จ อภิสนฺธินา วรพุทฺธาสเน นิสินฺนํ ทิสฺวา นิสภสทิสํ อิสินิสภํ ภควนฺตํ. ปสนฺโนติ สห ทสฺสเนเนว ปสนฺนจิตฺโต หุตฺวา. โมเนยฺยเสฏฺนฺติ าณุตฺตมํ, มคฺคาณนฺติ วุตฺตํ โหติ. สมาคเต อสิตาวฺหยสฺส สาสเนติ อสิตสฺส อิสิโน โอวาทกาเล อนุปฺปตฺเต. เตน หิ – ‘‘ยทา วิวรติ ธมฺมมคฺคํ, ตทา คนฺตฺวา สมยํ ปริปุจฺฉมาโน จรสฺสุ ตสฺมึ ภควติ พฺรหฺมจริย’’นฺติ อนุสิฏฺโ, อยฺจ โส กาโล. เตน วุตฺตํ – ‘‘สมาคเต อสิตาวฺหยสฺส สาสเน’’ติ. เสสเมตฺถ ปากฏเมว.
อยํ ตาว วตฺถุคาถาวณฺณนา.
๗๐๕. ปุจฺฉาคาถาทฺวเย อฺาตเมตนฺติ วิทิตํ มยา เอตํ. ยถาตถนฺติ อวิปรีตํ. โก อธิปฺปาโย? ยํ อสิโต ‘‘สมฺโพธิยคฺคํ ผุสิสฺสตายํ กุมาโร’’ติ ตฺวา ‘‘พุทฺโธติ ¶ โฆสํ ยท ปรโต สุโณสิ, สมฺโพธิปฺปตฺโต วิวรติ ธมฺมมคฺค’’นฺติ มํ อวจ, ตเทตํ มยา อสิตสฺส วจนํ อชฺช ภควนฺตํ สกฺขึ ทิสฺวา ‘‘ยถาตถเมวา’’ติ อฺาตนฺติ. ตํ ตนฺติ ตสฺมา ตํ. สพฺพธมฺมาน ปารคุนฺติ เหมวตสุตฺเต วุตฺตนเยน ฉหิ อากาเรหิ. สพฺพธมฺมานํ ปารคตํ.
๗๐๖. อนคาริยุเปตสฺสาติ ¶ อนคาริยํ อุเปตสฺส, ปพฺพชิตสฺสาติ อตฺโถ. ภิกฺขาจริยํ ชิคีสโตติ อริเยหิ อาจิณฺณํ อนุปกฺกิลิฏฺํ ภิกฺขาจริยํ ปริเยสมานสฺส. โมเนยฺยนฺติ มุนีนํ สนฺตกํ. อุตฺตมํ ปทนฺติ อุตฺตมปฏิปทํ. เสสเมตฺถ ปากฏเมว.
๗๐๗. อถสฺส เอวํ ปุฏฺโ ภควา ‘‘โมเนยฺยํ เต อุปฺิสฺส’’นฺติอาทินา นเยน โมเนยฺยปฏิปทํ พฺยากาสิ. ตตฺถ อุปฺิสฺสนฺติ อุปฺาเปยฺยํ, วิวเรยฺยํ ปฺาเปยฺยนฺติ อตฺโถ. ทุกฺกรํ ทุรภิสมฺภวนฺติ กาตฺุจ ทุกฺขํ กยิรมานฺจ สมฺภวิตุํ สหิตุํ ทุกฺขนฺติ วุตฺตํ โหติ. อยํ ปเนตฺถ อธิปฺปาโย – อหํ เต โมเนยฺยํ ปฺาเปยฺยํ, ยทิ นํ กาตุํ วา อภิสมฺโภตุํ วา สุขํ ภเวยฺย, เอวํ ปน ทุกฺกรํ ทุรภิสมฺภวํ ปุถุชฺชนกาลโต ปภุติ กิลิฏฺจิตฺตํ อนุปฺปาเทตฺวา ปฏิปชฺชิตพฺพโต. ตถา หิ นํ เอกสฺส พุทฺธสฺส เอโกว สาวโก กโรติ จ สมฺโภติ จาติ.
เอวํ ¶ ภควา โมเนยฺยสฺส ทุกฺกรภาวํ ทุรภิสมฺภวตฺจ ทสฺเสนฺโต นาลกสฺส อุสฺสาหํ ชเนตฺวา ตมสฺส วตฺตุกาโม อาห ‘‘หนฺท เต นํ ปวกฺขามิ, สนฺถมฺภสฺสุ ทฬฺโห ภวา’’ติ. ตตฺถ หนฺทาติ พฺยวสายตฺเถ นิปาโต. เต นํ ปวกฺขามีติ ตุยฺหํ ตํ โมเนยฺยํ ปวกฺขามิ. สนฺถมฺภสฺสูติ ทุกฺกรกรณสมตฺเถน วีริยูปตฺถมฺเภน อตฺตานํ อุปตฺถมฺภย. ทฬฺโห ภวาติ ทุรภิสมฺภวสหนสมตฺถาย อสิถิลปรกฺกมตาย ถิโร โหติ. กึ วุตฺตํ ¶ โหติ? ยสฺมา ตฺวํ อุปจิตปฺุสมฺภาโร, ตสฺมาหํ เอกนฺตพฺยวสิโตว หุตฺวา เอวํ ทุกฺกรํ ทุรภิสมฺภวมฺปิ สมานํ ตุยฺหํ ตํ โมเนยฺยํ ปวกฺขามิ, สนฺถมฺภสฺสุ ทฬฺโห ภวาติ.
๗๐๘. เอวํ ปรมสลฺเลขํ โมเนยฺยวตฺตํ วตฺตุกาโม นาลกํ สนฺถมฺภเน ทฬฺหีภาเว จ นิโยเชตฺวา ปมํ ตาว คามูปนิพทฺธกิเลสปฺปหานํ ทสฺเสนฺโต ‘‘สมานภาค’’นฺติ อุปฑฺฒคาถมาห. ตตฺถ สมานภาคนฺติ สมภาคํ เอกสทิสํ นินฺนานากรณํ. อกฺกุฏฺวนฺทิตนฺติ อกฺโกสฺจ วนฺทนฺจ.
อิทานิ ยถา ตํ สมานภาคํ กยิรติ, ตํ อุปายํ ทสฺเสนฺโต ‘‘มโนปโทส’’นฺติ อุปฑฺฒคาถมาห. ตสฺสตฺโถ – อกฺกุฏฺโ มโนปโทสํ รกฺเขยฺย, วนฺทิโต สนฺโต อนุณฺณโต จเร, รฺาปิ วนฺทิโต สมาโน ‘‘มํ วนฺทตี’’ติ อุทฺธจฺจํ นาปชฺเชยฺย.
๗๐๙. อิทานิ ¶ อรฺูปนิพทฺธกิเลสปฺปหานํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อุจฺจาวจา’’ติ คาถมาห. ตสฺสตฺโถ – อรฺสฺิเต ทาเยปิ อิฏฺานิฏฺวเสน อุจฺจาวจา นานปฺปการา อารมฺมณา นิจฺฉรนฺติ, จกฺขาทีนํ อาปาถมาคจฺฉนฺติ, เต จ โข อคฺคิสิขูปมา ปริฬาหชนกฏฺเน. ยถา วา ฑยฺหมาเน วเน อคฺคิสิขา นานปฺปการตาย อุจฺจาวจา นิจฺฉรนฺติ, สธูมาปิ, วิธูมาปิ, นีลาปิ, ปีตาปิ, รตฺตาปิ, ขุทฺทกาปิ, มหนฺตาปิ, เอวํ สีหพฺยคฺฆมนุสฺสามนุสฺสวิวิธวิหงฺควิรุตปุปฺผผลปลฺลวาทิเภทวเสน นานปฺปการตาย ทาเย อุจฺจาวจา อารมฺมณา นิจฺฉรนฺติ ภึสนกาปิ, รชนียาปิ, โทสนียาปิ, โมหนียาปิ. เตนาห – ‘‘อุจฺจาวจา นิจฺฉรนฺติ, ทาเย อคฺคิสิขูปมา’’ติ. เอวํ นิจฺฉรนฺเตสุ จ อุจฺจาวเจสุ อารมฺมเณสุ ยา กาจิ อุยฺยานวนจาริกํ คตา สมานา ปกติยา วา วนจารินิโย กฏฺหาริกาทโย รโหคตํ ทิสฺวา หสิตลปิตรุทิตทุนฺนิวตฺถาทีหิ นาริโย มุนึ ปโลเภนฺติ, ตา สุ ตํ มา ปโลภยุํ, ตา นาริโย ตํ มา ปโลภยุํ. ยถา น ปโลเภนฺติ, ตถา กโรหีติ วุตฺตํ โหติ.
๗๑๐-๑๑. เอวมสฺส ¶ ภควา คาเม จ อรฺเ จ ปฏิปตฺติวิธึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ สีลสํวรํ ¶ ทสฺเสนฺโต ‘‘วิรโต เมถุนา ธมฺมา’’ติ คาถาทฺวยมาห. ตตฺถ หิตฺวา กาเม ปโรปเรติ เมถุนธมฺมโต อวเสเสปิ สุนฺทเร จ อสุนฺทเร จ ปฺจ กามคุเณ หิตฺวา. ตปฺปหาเนน หิ เมถุนวิรติ สุสมฺปนฺนา โหติ. เตนาห – ‘‘หิตฺวา กาเม ปโรปเร’’ติ. อยเมตฺถ อธิปฺปาโย. ‘‘อวิรุทฺโธ’’ติอาทีนิ ปน ปทานิ ‘‘น หเนยฺย, น ฆาตเย’’ติ เอตฺถ วุตฺตาย ปาณาติปาตาเวรมณิยา สมฺปตฺติทสฺสนตฺถํ วุตฺตานิ. ตตฺรายํ สงฺเขปวณฺณนา – ปรปกฺขิเยสุ ปาเณสุ อวิรุทฺโธ, อตฺตปกฺขิเยสุ อสารตฺโต, สพฺเพปิ สตณ