📜

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส

ขุทฺทกนิกาเย

วิมานวตฺถุ-อฏฺกถา

คนฺถารมฺภกถา

มหาการุณิกํ นาถํ, เยฺยสาครปารคุํ;

วนฺเท นิปุณคมฺภีร-วิจิตฺรนยเทสนํ.

วิชฺชาจรณสมฺปนฺนา, เยน นิยฺยนฺติ โลกโต;

วนฺเท ตมุตฺตมํ ธมฺมํ, สมฺมาสมฺพุทฺธปูชิตํ.

สีลาทิคุณสมฺปนฺโน, ิโต มคฺคผเลสุ โย;

วนฺเท อริยสงฺฆํ ตํ, ปุฺกฺเขตฺตํ อนุตฺตรํ.

วนฺทนาชนิตํ ปุฺํ, อิติ ยํ รตนตฺตเย;

หตนฺตราโย สพฺพตฺถ, หุตฺวาหํ ตสฺส เตชสา.

เทวตาหิ กตํ ปุฺํ, ยํ ยํ ปุริมชาติสุ;

ตสฺส ตสฺส วิมานาทิ-ผลสมฺปตฺติเภทโต.

ปุจฺฉาวเสน ยา ตาสํ, วิสฺสชฺชนวเสน จ;

ปวตฺตา เทสนา กมฺม-ผลปจฺจกฺขการินี.

วิมานวตฺถุ อิจฺเจว, นาเมน วสิโน ปุเร;

ยํ ขุทฺทกนิกายสฺมึ, สงฺคายึสุ มเหสโย.

ตสฺสาหมวลมฺพิตฺวา, โปราณฏฺกถานยํ;

ตตฺถ ตตฺถ นิทานานิ, วิภาเวนฺโต วิเสสโต.

สุวิสุทฺธํ อสํกิณฺณํ, นิปุณตฺถวินิจฺฉยํ;

มหาวิหารวาสีนํ, สมยํ อวิโลมยํ.

ยถาพลํ กริสฺสามิ, อตฺถสํวณฺณนํ สุภํ;

สกฺกจฺจํ ภาสโต ตํ เม, นิสามยถ สาธโวติ.

ตตฺถ วิมานานีติ วิสิฏฺมานานิ เทวตานํ กีฬานิวาสฏฺานานิ. ตานิ หิ ตาสํ สุจริตกมฺมานุภาวนิพฺพตฺตานิ โยชนิกทฺวิโยชนิกาทิปมาณวิเสสยุตฺตตาย, นานารตนสมุชฺชลานิ วิจิตฺตวณฺณสณฺานานิ โสภาติสยโยเคน วิเสสโต มานนียตาย จ ‘‘วิมานานี’’ติ วุจฺจนฺติ. วิมานานํ วตฺถุ การณํ เอติสฺสาติ วิมานวตฺถุ, ‘‘ปีํ เต โสวณฺณมย’’นฺติอาทินยปฺปวตฺตา เทสนา. นิทสฺสนมตฺตฺเจตํ ตาสํ เทวตานํ รูปโภคปริวาราทิสมฺปตฺติโย ตํนิพฺพตฺตกกมฺมฺจ นิสฺสาย อิมิสฺสา เทสนาย ปวตฺตตฺตา. วิปากมุเขน วา กมฺมนฺตรมานสฺส การณภาวโต วิมานวตฺถูติ เวทิตพฺพํ.

ตยิทํ เกน ภาสิตํ, กตฺถ ภาสิตํ, กทา ภาสิตํ, กสฺมา จ ภาสิตนฺติ? วุจฺจเต – อิทฺหิ วิมานวตฺถุ ทุวิเธน ปวตฺตํ – ปุจฺฉาวเสน วิสฺสชฺชนวเสน จ. ตตฺถ วิสฺสชฺชนคาถา ตาหิ ตาหิ เทวตาหิ ภาสิตา, ปุจฺฉาคาถา ปน กาจิ ภควตา ภาสิตา, กาจิ สกฺกาทีหิ, กาจิ สาวเกหิ เถเรหิ. ตตฺถาปิ เยภุยฺเยน โย โส กปฺปานํ สตสหสฺสาธิกํ เอกํ อสงฺขฺเยยฺยํ พุทฺธสฺส ภควโต อคฺคสาวกภาวาย ปุฺาณสมฺภาเร สมฺภรนฺโต อนุกฺกเมน สาวกปารมิโย ปูเรตฺวา, ฉฬภิฺาจตุปฏิสมฺภิทาทิคุณวิเสสปริวารสฺส, สกลสฺส สาวกปารมิาณสฺส มตฺถกํ ปตฺโต ทุติเย อคฺคสาวกฏฺาเน ิโต อิทฺธิมนฺเตสุ จ ภควตา เอตทคฺเค ปิโต อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน, เตน ภาสิตา.

ภาสนฺเตน จ ปมํ ตาว โลกหิตาย เทวจาริกํ จรนฺเตน เทวโลเก เทวตานํ ปุจฺฉาวเสน ปุน ตโต มนุสฺสโลกํ อาคนฺตฺวา มนุสฺสานํ ปุฺผลสฺส ปจฺจกฺขกรณตฺถํ ปุจฺฉํ วิสฺสชฺชนฺจ เอกชฺฌํ กตฺวา ภควโต ปเวเทตฺวา ภิกฺขูนํ ภาสิตา, สกฺเกน ปุจฺฉาวเสน, เทวตาหิ ตสฺส วิสฺสชฺชนวเสน ภาสิตาปิ มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรสฺส ภาสิตา เอว. เอวํ ภควตา เถเรหิ จ เทวตาหิ จ ปุจฺฉาวเสน, เทวตาหิ ตสฺสา วิสฺสชฺชนวเสน จ ตตฺถ ตตฺถ ภาสิตา ปจฺฉา ธมฺมวินยํ สงฺคายนฺเตหิ ธมฺมสงฺคาหเกหิ เอกโต กตฺวา ‘‘วิมานวตฺถุ’’อิจฺเจว สงฺคหํ อาโรปิตา. อยํ ตาเวตฺถ ‘‘เกน ภาสิต’’นฺติอาทีนํ ปทานํ สงฺเขปโต สาธารณโต จ วิสฺสชฺชนา.

วิตฺถารโต ปน ‘‘เกน ภาสิต’’นฺติ ปทสฺส อโนมทสฺสิสฺส ภควโต ปาทมูเล กตปณิธานโต ปฏฺาย มหาเถรสฺส อาคมนียปฏิปทา กเถตพฺพา, สา ปน อาคมฏฺกถาสุ ตตฺถ ตตฺถ วิตฺถาริตาติ ตตฺถ อาคตนเยเนว เวทิตพฺพา. อสาธารณโต ‘‘กตฺถ ภาสิต’’นฺติอาทีนํ ปทานํ วิสฺสชฺชนา ตสฺส ตสฺส วิมานสฺส อตฺถวณฺณนานเยเนว อาคมิสฺสติ.

อปเร ปน ภณนฺติ – เอกทิวสํ อายสฺมโต มหาโมคฺคลฺลานสฺส รโหคตสฺส ปฏิสลฺลีนสฺส เอวํ เจตโส ปริวิตกฺโก อุทปาทิ ‘‘เอตรหิ โข มนุสฺสา อสติปิ วตฺถุสมฺปตฺติยา เขตฺตสมฺปตฺติยา อตฺตโน จ จิตฺตปสาทสมฺปตฺติยา ตานิ ตานิ ปุฺานิ กตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺตา อุฬารสมฺปตฺตึ ปจฺจนุโภนฺติ, ยํนูนาหํ เทวจาริกํ จรนฺโต ตา เทวตา กายสกฺขึ กตฺวา ตาหิ ยถูปจิตํ ปุฺํ ยถาธิคตฺจ ปุฺผลํ กถาเปตฺวา ตมตฺถํ ภควโต อาโรเจยฺยํ. เอวํ เม สตฺถา คคนตเล ปุณฺณจนฺทํ อุฏฺาเปนฺโต วิย มนุสฺสานํ กมฺมผลํ ปจฺจกฺขโต ทสฺเสนฺโต อปฺปกานมฺปิ การานํ อายตนคตาย สทฺธาย วเสน อุฬารผลตํ วิภาเวนฺโต ตํ ตํ วิมานวตฺถุํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา มหตึ ธมฺมเทสนํ ปวตฺเตสฺสติ, สา โหติ พหุชนสฺส อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสาน’’นฺติ. โส อาสนา วุฏฺหิตฺวา รตฺตทุปฏฺฏํ นิวาเสตฺวา อปรํ รตฺตทุปฏฺฏํ เอกํสํ กตฺวา สมนฺตโต ชาติหิงฺคุลิกธารา วิชฺชุลตา วิย สฺฌาปภานุรฺชิโต วิย จ ชงฺคโม อฺชนคิริสิขโร, ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺโน อตฺตโน อธิปฺปายํ อาโรเจตฺวา ภควตา อนุฺาโต อุฏฺายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา อภิฺาปาทกํ จตุตฺถชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา, ตโต วุฏฺาย อิทฺธิพเลน ตงฺขณฺเว ตาวตึสภวนํ คนฺตฺวา ตตฺถ ตตฺถ ตาหิ ตาหิ เทวตาหิ ยถูปจิตํ ปุฺกมฺมํ ปุจฺฉิ, ตสฺส ตา กเถสุํ. ตโต มนุสฺสโลกํ อาคนฺตฺวา ตํ สพฺพํ ตตฺถ ปวตฺติตนิยาเมเนว ภควโต อาโรเจสิ, ตํ สมนุฺโ สตฺถา อโหสิ. อิจฺเจตํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา สมฺปตฺตปริสาย วิตฺถาเรน ธมฺมํ เทเสสีติ.

ตํ ปเนตํ วิมานวตฺถุ วินยปิฏกํ สุตฺตนฺตปิฏกํ อภิธมฺมปิฏกนฺติ ตีสุ ปิฏเกสุ สุตฺตนฺตปิฏกปริยาปนฺนํ, ทีฆนิกาโย มชฺฌิมนิกาโย สํยุตฺตนิกาโย องฺคุตฺตรนิกาโย ขุทฺทกนิกาโยติ ปฺจสุ นิกาเยสุ ขุทฺทกนิกายปริยาปนฺนํ, สุตฺตํ เคยฺยํ เวยฺยากรณํ คาถา อุทานํ อิติวุตฺตกํ ชาตกํ อพฺภุตธมฺมํ เวทลฺลนฺติ นวสุ สาสนงฺเคสุ คาถาสงฺคหํ.

‘‘ทฺวาสีติ พุทฺธโต คณฺหึ, ทฺเว สหสฺสานิ ภิกฺขุโต;

จตุราสีติ สหสฺสานิ, เย เม ธมฺมา ปวตฺติโน’’ติ. (เถรคา. ๑๐๒๗) –

เอวํ ธมฺมภณฺฑาคาริเกน ปฏิฺาเตสุ จตุราสีติยา ธมฺมกฺขนฺธสหสฺเสสุ กติปยธมฺมกฺขนฺธสงฺคหํ. วคฺคโต ปีวคฺโค จิตฺตลตาวคฺโค ปาริจฺฉตฺตกวคฺโค มฺชิฏฺกวคฺโค มหารถวคฺโค ปายาสิวคฺโค สุนิกฺขิตฺตวคฺโคติ สตฺต วคฺคา. วตฺถุโต ปเม วคฺเค สตฺตรส วตฺถูนิ, ทุติเย เอกาทส, ตติเย ทส, จตุตฺเถ ทฺวาทส, ปฺจเม จตุทฺทส, ฉฏฺเ ทส, สตฺตเม เอกาทสาติ อนฺตรวิมานานํ อคฺคหเณ ปฺจาสีติ, คหเณ ปน เตวีสสตํ วตฺถูนิ, คาถาโต ปน ทิยฑฺฒสหสฺสคาถา. ตสฺส วคฺเคสุ ปีวคฺโค อาทิ, วตฺถูสุ โสวณฺณปีวตฺถุ อาทิ, ตสฺสาปิ ‘‘ปีํ เต โสวณฺณมย’’นฺติ คาถา อาทิ.

๑. อิตฺถิวิมานํ

๑. ปีวคฺโค

๑. ปมปีวิมานวณฺณนา

ตตฺถ ปมวตฺถุสฺส อยํ อฏฺุปฺปตฺติ – ภควติ สาวตฺถิยํ วิหรนฺเต เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม รฺา ปเสนทินา โกสเลน พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส สตฺตาหํ อสทิสทาเน ปวตฺติเต ตทนุรูเปน อนาถปิณฺฑิเกน มหาเสฏฺินา ตโย ทิวเส, ตถา วิสาขาย มหาอุปาสิกาย มหาทาเน ทินฺเน อสทิสทานสฺส ปวตฺติ สกลชมฺพุทีเป ปากฏา อโหสิ. อถ มหาชโน ตตฺถ ตตฺถ กถํ สมุฏฺาเปสิ ‘‘กึ นุ โข เอวํ อุฬารวิภวปริจฺจาเคเนว ทานํ มหปฺผลตรํ ภวิสฺสติ, อุทาหุ อตฺตโน วิภวานุรูปปริจฺจาเคนาปี’’ติ. ภิกฺขู ตํ กถํ สุตฺวา ภควโต อาโรเจสุํ. ภควา ‘‘น, ภิกฺขเว, เทยฺยธมฺมสมฺปตฺติยาว ทานํ มหปฺผลตรํ ภวิสฺสติ, อถ โข จิตฺตปสาทสมฺปตฺติยา จ เขตฺตสมฺปตฺติยา จ, ตสฺมา กุณฺฑกมุฏฺิมตฺตมฺปิ ปิโลติกามตฺตมฺปิ ติณปณฺณสนฺถารมตฺตมฺปิ ปูติมุตฺตหรีตกมตฺตมฺปิ วิปฺปสนฺเนน เจตสา ทกฺขิเณยฺยปุคฺคเล ปติฏฺาปิตํ, ตมฺปิ มหปฺผลตรํ ภวิสฺสติ มหาชุติกํ มหาวิปฺผาร’’นฺติ อาห. ตถา หิ วุตฺตํ สกฺเกน เทวานมินฺเทน –

‘‘นตฺถิ จิตฺเต ปสนฺนมฺหิ, อปฺปิกา นาม ทกฺขิณา;

ตถาคเต วา สมฺพุทฺเธ, อถ วา ตสฺส สาวเก’’ติ. (วิ. ว. ๘๐๔);

สา ปเนสา กถา สกลชมฺพุทีเป วิตฺถาริกา อโหสิ. มนุสฺสา สมณพฺราหฺมณกปณทฺธิกวณิพฺพกยาจกานํ ยถาวิภวํ ทานานิ เทนฺติ, เคหงฺคเณ ปานียํ อุปฏฺเปนฺติ, ทฺวารโกฏฺเกสุ อาสนานิ เปนฺติ. เตน จ สมเยน อฺตโร ปิณฺฑปาตจาริโก เถโร ปาสาทิเกน อภิกฺกนฺเตน ปฏิกฺกนฺเตน อาโลกิเตน วิโลกิเตน สมิฺชิเตน ปสาริเตน โอกฺขิตฺตจกฺขุ อิริยาปถสมฺปนฺโน ปิณฺฑาย จรนฺโต อุปกฏฺเ กาเล อฺตรํ เคหํ สมฺปาปุณิ. ตตฺเถกา กุลธีตา สทฺธา ปสนฺนา เถรํ ปสฺสิตฺวา สฺชาตคารวพหุมานา อุฬารปีติโสมนสฺสํ อุปฺปาเทตฺวา เคหํ ปเวเสตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา อตฺตโน ปีํ ปฺาเปตฺวา ตสฺส อุปริ ปีตกํ มฏฺวตฺถํ อตฺถริตฺวา อทาสิ. อถ เถเร ตตฺถ นิสินฺเน ‘‘อิทํ มยฺหํ อุตฺตมํ ปุฺกฺเขตฺตํ อุปฏฺิต’’นฺติ ปสนฺนจิตฺตา ยถาวิภวํ อาหาเรน ปริวิสิ, พีชนิฺจ คเหตฺวา พีชิ. โส เถโร กตภตฺตกิจฺโจ อาสนทานโภชนทานาทิปฏิสํยุตฺตํ ธมฺมึ กถํ กเถตฺวา ปกฺกามิ. สา อิตฺถี ตํ อตฺตโน ทานํ ตฺจ ธมฺมกถํ ปจฺจเวกฺขนฺตี ปีติยา นิรนฺตรํ ผุฏฺสรีรา หุตฺวา ตํ ปีมฺปิ เถรสฺส อทาสิ.

ตโต อปเรน สมเยน อฺตเรน โรเคน ผุฏฺา กาลํ กตฺวา ตาวตึสภวเน ทฺวาทสโยชนิเก กนกวิมาเน นิพฺพตฺติ. อจฺฉราสหสฺสํ จสฺสา ปริวาโร อโหสิ, ปีทานานุภาเวน จสฺสา โยชนิโก กนกปลฺลงฺโก นิพฺพตฺติ อากาสจารี สีฆชโว อุปริ กูฏาคารสณฺาโน, เตน ตํ ‘‘ปีวิมาน’’นฺติ วุจฺจติ. ตฺหิ สุวณฺณวณฺณํ วตฺถํ อตฺถริตฺวา ทินฺนตฺตา กมฺมสริกฺขตํ วิภาเวนฺตํ สุวณฺณมยํ อโหสิ, ปีติเวคสฺส พลวภาเวน สีฆชวํ, ทกฺขิเณยฺยสฺส จิตฺตรุจิวเสน ทินฺนตฺตา ยถารุจิคามี, ปสาทสมฺปตฺติยา อุฬารตาย สพฺพโสว ปาสาทิกํ โสภาติสยยุตฺตฺจ อโหสิ.

อเถกสฺมึ อุสฺสวทิวเส เทวตาสุ ยถาสกํ ทิพฺพานุภาเวน อุยฺยานกีฬนตฺถํ นนฺทนวนํ คจฺฉนฺตีสุ สา เทวตา ทิพฺพวตฺถนิวตฺถา ทิพฺพาภรณวิภูสิตา อจฺฉราสหสฺสปริวารา สกภวนา นิกฺขมิตฺวา ตํ ปีวิมานํ อภิรุยฺห มหติยา เทวิทฺธิยา มหนฺเตน สิริโสภคฺเคน สมนฺตโต จนฺโท วิย สูริโย วิย จ โอภาเสนฺตี อุยฺยานํ คจฺฉติ. เตน จ สมเยน อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เหฏฺา วุตฺตนเยเนว เทวจาริกํ จรนฺโต ตาวตึสภวนํ อุปคโต ตสฺสา เทวตาย อวิทูเร อตฺตานํ ทสฺเสสิ. อถ สา เทวตา ตํ ทิสฺวา สมุปฺปนฺนพลวปสาทคารวา สหสา ปลฺลงฺกโต โอรุยฺห เถรํ อุปสงฺกมิตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา ทสนขสโมธานสมุชฺชลํ อฺชลึ ปคฺคยฺห นมสฺสมานา อฏฺาสิ. เถโร กิฺจาปิ ตาย อฺเหิ จ สตฺเตหิ ยถูปจิตํ กุสลากุสลํ อตฺตโน ยถากมฺมูปคาณานุภาเวน หตฺถตเล ปิตอามลกํ วิย ปฺาพลเภเทน ปจฺจกฺขโต ปสฺสติ, ตถาปิ ยสฺมา เทวตานํ อุปปตฺติสมนนฺตรเมว ‘‘กุโต นุ โข อหํ จวิตฺวา อิธูปปนฺนา, กึ นุ โข กุสลกมฺมํ กตฺวา อิมํ สมฺปตฺตึ ปฏิลภามี’’ติ อตีตภวํ ยถูปจิตฺจ กมฺมํ อุทฺทิสฺส เยภุยฺเยน ธมฺมตาสิทฺธา อุปธารณา, ตสฺสา จ ยาถาวโต าณํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺมา ตาย เทวตาย กตกมฺมํ กถาเปตฺวา สเทวกสฺส โลกสฺส กมฺมผลํ ปจฺจกฺขํ กาตุกาโม –

.

‘‘ปีํ เต โสวณฺณมยํ อุฬารํ, มโนชวํ คจฺฉติ เยนกามํ;

อลงฺกเต มลฺยธเร สุวตฺเถ, โอภาสสิ วิชฺชุริวพฺภ กูฏํ.

.

‘‘เกน เตตาทิโส วณฺโณ, เกน เต อิธ มิชฺฌติ;

อุปฺปชฺชนฺติ จ เต โภคา, เย เกจิ มนโส ปิยา.

.

‘‘ปุจฺฉามิ ตํ เทวิ มหานุภาเว,

มนุสฺสภูตา กิมกาสิ ปุฺํ;

เกนาสิ เอวํ ชลิตานุภาวา,

วณฺโณ จ เต สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ. อาห –

.

‘‘สา เทวตา อตฺตมนา, โมคฺคลฺลาเนน ปุจฺฉิตา;

ปฺหํ ปุฏฺา วิยากาสิ, ยสฺส กมฺมสฺสิทํ ผลํ’’.

.

‘‘อหํ มนุสฺเสสุ มนุสฺสภูตา, อพฺภาคตานาสนกํ อทาสึ;

อภิวาทยึ อฺชลิกํ อกาสึ, ยถานุภาวฺจ อทาสิ ทานํ.

.

‘‘เตน เมตาทิโส วณฺโณ, เตน เม อิธ มิชฺฌติ;

อุปฺปชฺชนฺติ จ เม โภคา, เย เกจิ มนโส ปิยา.

.

‘‘อกฺขามิ เต ภิกฺขุ มหานุภาว, มนุสฺสภูตา ยมกาสิ ปุฺํ;

เตนมฺหิ เอวํ ชลิตานุภาวา, วณฺโณ จ เม สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ.

. ตตฺถ ปีนฺติ ยํกิฺจิ ตาทิสํ ทารุกฺขนฺธมฺปิ อาปณมฺปิ พลิกรณปีมฺปิ เวตฺตาสนมฺปิ มสารกาทิวิเสสนามํ ทารุมยาทิอาสนมฺปิ วุจฺจติ. ตถา หิ ‘‘ปาทปีํ ปาทกถลิก’’นฺติ (มหาว. ๒๐๙; จูฬว. ๗๕) เอตฺถ ปาทปนโยคฺคํ ปีาทิกํ ทารุกฺขนฺธํ วุจฺจติ, ‘‘ปีสปฺปี’’ติ (มิ. ป. ๕.๓.๑) เอตฺถ หตฺเถน คหณโยคฺคํ. ‘‘ปีิกา’’ติ ปน เอกจฺเจสุ ชนปเทสุ เทสโวหาเรน อาปณํ. ‘‘ภูตปีิกา เทวกุลปีิกา’’ติ เอตฺถ เทวตานํ พลิกรณฏฺานภูตํ ปีํ. ‘‘ภทฺทปี’’นฺติ เอตฺถ เวตฺตลตาทีหิ อุปริ วีตํ อาสนํ, ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ภทฺทปีํ อุปานยี’’ติ. ‘‘สุปฺตฺตํ มฺจปีํ. มฺจํ วา ปีํ วา การยมาเนนา’’ติ (ปาจิ. ๕๒๒) จ อาทีสุ มสารกาทิเภทํ ทารุมยาทิอาสนํ. อิธ ปน ปลฺลงฺกาการสณฺิตํ เทวตาย ปุฺานุภาวาภินิพฺพตฺตํ โยชนิกํ กนกวิมานํ เวทิตพฺพํ.

เตติ เต-สทฺโท ‘‘น เต สุขํ ปชานนฺติ, เย น ปสฺสนฺติ นนฺทน’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๑๑, ๒๒๖) ต-สทฺทสฺส วเสน ปจฺจตฺตพหุวจเน อาคโต. ‘‘นโม เต ปุริสาชฺ, นโม เต ปุริสุตฺตม (ที. นิ. ๓.๒๗๘; สุ. นิ. ๕๔๙). นโม เต พุทฺธ วีรตฺถู’’ติ (สํ. นิ. ๑.๙๐) จ อาทีสุ ตุมฺห-สทฺทสฺส วเสน สมฺปทาเน, ตุยฺหนฺติ อตฺโถ. ‘‘กึ เต ทิฏฺํ กินฺติ เต สุตํ. อุปธี เต สมติกฺกนฺตา, อาสวา เต ปทาลิตา’’ติ (ม. นิ. ๒.๔๐๐; สุ. นิ. ๕๕๑) จ อาทีสุ กรเณ. ‘‘กึ เต วตํ กึ ปน พฺรหฺมจริย’’นฺติอาทีสุ (วิ. ว. ๑๒๕๑; ชา. ๑.๑๐.๙๒) สามิอตฺเถ. อิธาปิ สามิอตฺเถ ทฏฺพฺโพ. ตวาติ หิ อตฺโถ.

โสวณฺณมยนฺติ เอตฺถ สุวณฺณ-สทฺโท ‘‘สุวณฺเณ ทุพฺพณฺเณ สุคเต ทุคฺคเต’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๔๘) จ ‘‘สุวณฺณตา สุสรตา’’ติ (ขุ. ปา. ๘.๑๑) จ เอวมาทีสุ ฉวิสมฺปตฺติยํ อาคโต. ‘‘กากํ สุวณฺณา ปริวารยนฺตี’’ติอาทีสุ (ชา. ๑.๑.๗๗) ครุเฬ. ‘‘สุวณฺณวณฺโณ กฺจนสนฺนิภตฺตโจ’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๒๐๐) ชาตรูเป. อิธาปิ ชาตรูเป เอว ทฏฺพฺโพ. ตฺหิ พุทฺธานํ สมานวณฺณตาย โสภโน วณฺโณ เอตสฺสาติ สุวณฺณนฺติ วุจฺจติ. สุวณฺณเมว โสวณฺณํ ยถา ‘‘เวกตํ เวสม’’นฺติ จ. มย-สทฺโท จ ‘‘อนุฺาตปฏิฺาตา, เตวิชฺชา มยมสฺมุโภ’’ติอาทีสุ (สุ. นิ. ๕๙๙; ม. นิ. ๒.๔๕๕) อสฺมทตฺเถ อาคโต. ‘‘มยํ นิสฺสาย เหมาย, ชาตมณฺโฑ ทรี สุภา’’ติ เอตฺถ ปฺตฺติยํ. ‘‘มโนมยา ปีติภกฺขา สยํปภา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๓๙; ๓.๓๘) นิพฺพตฺติอตฺเถ, พาหิเรน ปจฺจเยน วินา มนสาว นิพฺพตฺตาติ มโนมยาติ วุตฺตา. ‘‘ยํนูนาหํ สามํ จิกฺขลฺลํ มทฺทิตฺวา สพฺพมตฺติกามยํ กุฏิกํ กเรยฺย’’นฺติอาทีสุ (ปารา. ๘๔) วิการตฺเถ. ‘‘ทานมยํ สีลมย’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๓๐๕) ปทปูรณมตฺเต. อิธาปิ วิการตฺเถ, ปทปูรณมตฺเต วา ทฏฺพฺโพ. ยทา หิ สุวณฺเณน นิพฺพตฺตํ โสวณฺณมยนฺติ อยมตฺโถ, ตทา สุวณฺณสฺส วิกาโร โสวณฺณมยนฺติ วิการตฺเถ มย-สทฺโท ทฏฺพฺโพ, ‘‘นิพฺพตฺติอตฺเถ’’ติปิ วตฺตุํ วฏฺฏติเยว. ยทา ปน สุวณฺเณน นิพฺพตฺตํ โสวณฺณนฺติ อยมตฺโถ, ตทา โสวณฺณเมว โสวณฺณมยนฺติ ปทปูรณมตฺเต มย-สทฺโท ทฏฺพฺโพ.

อุฬารนฺติ ปณีตมฺปิ เสฏฺมฺปิ มหนฺตมฺปิ. อุฬาร-สทฺโท หิ ‘‘ปุพฺเพนาปรํ อุฬารํ วิเสสํ อธิคจฺฉตี’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๕.๓๗๖) ปณีเต อาคโต. ‘‘อุฬาราย ขลุ ภวํ วจฺฉายโน สมณํ โคตมํ ปสํสาย ปสํสตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๘๘) เสฏฺเ. ‘‘อุฬารโภคา อุฬารยสา โอฬาริก’’นฺติ จ อาทีสุ (ธ. ส. ๘๙๔, ๘๙๖; ม. นิ. ๑.๒๔๔) มหนฺเต. ตมฺปิ จ วิมานํ มนุฺภาเวน อุปภุฺชนฺตานํ อติตฺติกรณตฺเถน ปณีตํ, สมนฺตปาสาทิกตาทินา ปสํสิตตาย เสฏฺํ, ปมาณมหนฺตตาย จ มหคฺฆตาย จ มหนฺตํ, ตีหิปิ อตฺเถหิ อุฬารเมวาติ วุตฺตํ อุฬารนฺติ.

มโนชวนฺติ เอตฺถ มโนติ จิตฺตํ. ยทิปิ มโน-สทฺโท สพฺเพสมฺปิ กุสลากุสลาพฺยากตจิตฺตานํ สาธารณวาจี, ‘‘มโนชว’’นฺติ ปน วุตฺตตฺตา ยตฺถ กตฺถจิ อารมฺมเณ ปวตฺตนกสฺส กิริยมยจิตฺตสฺส วเสน เวทิตพฺพํ. ตสฺมา มนโส วิย ชโว เอตสฺสาติ มโนชวํ ยถา โอฏฺมุโขติ, อติวิย สีฆคมนนฺติ อตฺโถ. มโน หิ ลหุปริวตฺติตาย อติทูเรปิ วิสเย ขเณเนว นิปตติ, เตนาห ภควา – ‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, อฺํ เอกธมฺมมฺปิ สมนุปสฺสามิ ยํ เอวํ ลหุปริวตฺตํ, ยถยิทํ, ภิกฺขเว, จิตฺต’’นฺติ (อ. นิ. ๑.๔๘) ‘‘ทูรงฺคมํ เอกจร’’นฺติ (ธ. ป. ๓๗) จ. คจฺฉตีติ ตสฺสา เทวตาย วสนวิมานโต อุยฺยานํ อุทฺทิสฺส อากาเสน คจฺฉติ.

เยนกามนฺติ เอตฺถ กาม-สทฺโท ‘‘กามา หิ จิตฺรา มธุรา มโนรมา, วิรูปรูเปน มเถนฺติ จิตฺต’’นฺติอาทีสุ (สุ. นิ. ๕๐; เถรคา. ๗๘๗) มนาปิเย รูปาทิวิสเย อาคโต. ‘‘ฉนฺโท กาโม ราโค กาโม’’ติอาทีสุ (วิภ. ๕๖๔; มหานิ. ๑; จูฬนิ. ๘ อชิตมาณวปุจฺฉานิทฺเทส) ฉนฺทราเค. ‘‘กิเลสกาโม กามุปาทาน’’นฺติอาทีสุ (ธ. ส. ๑๒๑๙; มหานิ. ๒) สพฺพสฺมึ โลเภ. ‘‘อตฺตกามปาริจริยาย วณฺณํ ภาเสยฺยา’’ติอาทีสุ (ปารา. ๒๙๑) คามธมฺเม. ‘‘สนฺเตตฺถ ตโย กุลปุตฺตา อตฺตกามรูปา วิหรนฺตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๒๕; มหาว. ๔๖๖) หิตจฺฉนฺเท. ‘‘อตฺตาธีโน อปราธีโน ภุชิสฺโส เยนกามํคโม’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๒๑; ม. นิ. ๑.๔๒๖) เสริภาเว. อิธาปิ เสริภาเว เอว ทฏฺพฺโพ, ตสฺมา เยนกามนฺติ ยถารุจิ, เทวตาย อิจฺฉานุรูปนฺติ อตฺโถ.

อลงฺกเตติ อลงฺกตคตฺเต, นานาวิธรํสิชาลสมุชฺชลวิวิธรตนวิชฺโชติเตหิ หตฺถูปคปาทูปคาทิเภเทหิ สฏฺิสกฏภารปริมาเณหิ ทิพฺพาลงฺกาเรหิ วิภูสิตสรีเรติ อตฺโถ. สมฺโพธเน เจตํ เอกวจนํ. มลฺยธเรติ กปฺปรุกฺขปาริจฺฉตฺตกสนฺตานกลตาทิสมฺภเวหิ, สุวิสุทฺธจามีกรวิวิธรตนมยปตฺตกิฺชกฺขเกสเรหิ, สมนฺตโต วิชฺโชตมานวิปฺผุรนฺตกิรณนิกรรุจิเรหิ ทิพฺพกุสุเมหิ สุมณฺฑิตเกสหตฺถาทิตาย มาลาภารินี. สุวตฺเถติ กปฺปลตานิพฺพตฺตานํ, นานาวิราควณฺณวิเสสานํ สุปริสุทฺธภาสุรปฺปภานํ นิวาสนุตฺตริยปฏิจฺฉทาทีนํ ทิพฺพวตฺถานํ วเสน สุนฺทรวตฺเถ. โอภาสสีติ วิชฺโชตสิ. วิชฺชุริวาติ วิชฺชุลตา วิย. อพฺภกูฏนฺติ วลาหกสิขเร. ภุมฺมตฺเถ หิ เอตํ อุปโยควจนํ. โอภาสสีติ วา อนฺโตคธเหตุอตฺถวจนํ, โอภาเสสีติ อตฺโถ. อิมสฺมึ ปกฺเข ‘‘อพฺภกูฏ’’นฺติ อุปโยคตฺเถ เอว อุปโยควจนํ ทฏฺพฺพํ.

อยฺเหตฺถ อตฺโถ – ยถา นาม สฺฌาปภานุรฺชิตํ รตฺตวลาหกสิขรํ ปกติยาปิ โอภาสมานํ สมนฺตโต วิชฺโชตมานา วิชฺชุลตา นิจฺฉรนฺตี วิเสสโต โอภาเสติ, เอวเมวํ สุปริสุทฺธตปนียมยํ นานารตนสมุชฺชลํ ปกติปภสฺสรํ อิมํ วิมานํ ตฺวํ สพฺพาลงฺกาเรหิ วิภูสิตา สพฺพโส วิชฺโชตยนฺตีหิ อตฺตโน สรีรปฺปภาหิ วตฺถาภรโณภาเสหิ จ วิเสสโต โอภาเสสีติ.

เอตฺถ หิ ‘‘ปี’’นฺติ นิทสฺเสตพฺพวจนเมตํ, ‘‘อพฺภกูฏ’’นฺติ นิทสฺสนวจนํ. ตถา ‘‘เต’’ติ นิทสฺเสตพฺพวจนํ. ตฺหิ ‘‘ปี’’นฺติ อิทํ อเปกฺขิตฺวา สามิวจเนน วุตฺตมฺปิ ‘‘อลงฺกเต มลฺยธเร สุวตฺเถ โอภาสสี’’ติ อิมานิ ปทานิ อเปกฺขิตฺวา ปจฺจตฺตวเสน ปริณมติ, ตสฺมา ‘‘ตฺว’’นฺติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘วิชฺชุริวา’’ติ นิทสฺสนวจนํ. ‘‘โอภาสสี’’ติ อิทํ ทฺวินฺนมฺปิ อุปเมยฺยุปมานานํ สมฺพนฺธทสฺสนํ. ‘‘โอภาสสี’’ติ หิ อิทํ ‘‘ตฺว’’นฺติ ปทํ อเปกฺขิตฺวา มชฺฌิมปุริสวเสน วุตฺตํ, ‘‘ปี’’นฺติ อิทํ อเปกฺขิตฺวา ปมปุริสวเสน ปริณมติ. จ-สทฺโท เจตฺถ ลุตฺตนิทฺทิฏฺโ ทฏฺพฺโพ. ‘‘คจฺฉติ เยนกามํ โอภาสสี’’ติ จ ‘‘วิชฺชุลโตภาสิตํ อพฺภกูฏํ วิยา’’ติ ปจฺจตฺตวเสน เจตํ อุปโยควจนํ ปริณมติ. ตถา ‘‘ปี’’นฺติ วิเสสิตพฺพวจนเมตํ, ‘‘เต โสวณฺณมยํ อุฬาร’’นฺติอาทิ ตสฺส วิเสสนํ.

นนุ จ ‘‘โสวณฺณมย’’นฺติ วตฺวา สุวณฺณสฺส อคฺคโลหตาย เสฏฺภาวโต ทิพฺพสฺส จ อิธาธิปฺเปตตฺตา ‘‘อุฬาร’’นฺติ น วตฺตพฺพนฺติ? น, กิฺจิ วิเสสสพฺภาวโต. ยเถว หิ มนุสฺสปริโภคสุวณฺณวิกติโต รสวิทฺธํ เสฏฺํ สุวิสุทฺธํ, ตโต อากรุปฺปนฺนํ, ตโต ยํกิฺจิ ทิพฺพํ เสฏฺํ, เอวํ ทิพฺพสุวณฺเณปิ จามีกรํ, จามีกรโต สาตกุมฺภํ, สาตกุมฺภโต ชมฺพุนทํ, ชมฺพุนทโต สิงฺคีสุวณฺณํ. ตฺหิ สพฺพเสฏฺํ. เตนาห สกฺโก เทวานมินฺโท –

‘‘มุตฺโต มุตฺเตหิ สห ปุราณชฏิเลหิ, วิปฺปมุตฺโต วิปฺปมุตฺเตหิ;

สิงฺคีนิกฺขสวณฺโณ, ราชคหํ ปาวิสิ ภควา’’ติ. (มหาว. ๕๘);

ตสฺมา ‘‘โสวณฺณมย’’นฺติ วตฺวาปิ ‘‘อุฬาร’’นฺติ วุตฺตํ. อถ วา ‘‘อุฬาร’’นฺติ อิทํ น ตสฺส เสฏฺปณีตภาวเมว สนฺธาย วุตฺตํ, อถ โข มหนฺตภาวมฺปีติ วุตฺโตวายมตฺโถ. เอตฺถ จ ‘‘ปี’’นฺติอาทิ ผลสฺส กมฺมสริกฺขตาทสฺสนํ. ตตฺถาปิ ‘‘โสวณฺณมย’’นฺติ อิมินา ตสฺส วิมานสฺส วตฺถุสมฺปทํ ทสฺเสติ, ‘‘อุฬาร’’นฺติ อิมินา โสภาติสยสมฺปทํ, ‘‘มโนชว’’นฺติ อิมินา คมนสมฺปทํ. ‘‘คจฺฉติ เยนกาม’’นฺติ อิมินา สีฆชวตาย ปีสมฺปตฺติภาวสมฺปทํ ทสฺเสติ.

อถ วา ‘‘โสวณฺณมย’’นฺติ อิมินา ตสฺส ปณีตภาวํ ทสฺเสติ, ‘‘อุฬาร’’นฺติ อิมินา เวปุลฺลมหตฺตํ. ‘‘มโนชว’’นฺติ อิมินา อานุภาวมหตฺตํ. ‘‘คจฺฉติ เยนกาม’’นฺติ อิมินา วิหารสุขตฺตํ ทสฺเสติ. ‘‘โสวณฺณมย’’นฺติ วา อิมินา ตสฺส อภิรูปตํ วณฺณโปกฺขรตฺจ ทสฺเสติ, ‘‘อุฬาร’’นฺติ อิมินา ทสฺสนียตํ ปาสาทิกตฺจ ทสฺเสติ, ‘‘มโนชว’’นฺติ อิมินา สีฆสมฺปทํ, ‘‘คจฺฉติ เยนกาม’’นฺติ อิมินา กตฺถจิ อปฺปฏิหตจารตํ ทสฺเสติ.

อถ วา ตํ วิมานํ ยสฺส ปุฺกมฺมสฺส นิสฺสนฺทผลํ, ตสฺส อโลภนิสฺสนฺทตาย โสวณฺณมยํ, อโทสนิสฺสนฺทตาย อุฬารํ, อโมหนิสฺสนฺทตาย มโนชวํ คจฺฉติ เยนกามํ. ตถา ตสฺส กมฺมสฺส สทฺธานิสฺสนฺทภาเวน โสวณฺณมยํ, ปฺานิสฺสนฺทภาเวน อุฬารํ, วีริยนิสฺสนฺทภาเวน มโนชวํ, สมาธินิสฺสนฺทภาเวน คจฺฉติ เยนกามํ. สทฺธาสมาธินิสฺสนฺทภาเวน วา โสวณฺณมยํ, สมาธิปฺานิสฺสนฺทภาเวน อุฬารํ, สมาธิวีริยนิสฺสนฺทภาเวน มโนชวํ, สมาธิสตินิสฺสนฺทภาเวน คจฺฉติ เยนกามนฺติ เวทิตพฺพํ.

ตตฺถ ยถา ‘‘ปี’’นฺติอาทิ วิมานสมฺปตฺติทสฺสนวเสน ตสฺสา เทวตาย ปุฺผลวิภวสมฺปตฺติกิตฺตนํ, เอวํ ‘‘อลงฺกเต’’ติอาทิ อตฺตภาวสมฺปตฺติทสฺสนวเสน ปุฺผลวิภวสมฺปตฺติกิตฺตนํ. ยถา หิ สุสิกฺขิตสิปฺปาจริยวิรจิโตปิ รตฺตสุวณฺณาลงฺกาโร วิวิธรํสิชาลสมุชฺชลมณิรตนขจิโต เอว โสภติ, น เกวโล, เอวํ สพฺพงฺคสมฺปนฺโน จตุรสฺสโสภโนปิ อตฺตภาโว สุมณฺฑิตปสาธิโตว โสภติ, น เกวโล. เตนสฺสา ‘‘อลงฺกเต’’ติอาทินา อาหริมํ โสภาวิเสสํ ทสฺเสติ, ‘‘โอภาสสี’’ติ อิมินา อนาหริมํ. ตถา ปุริเมน วตฺตมานปจฺจยนิมิตฺตํ โสภาติสยํ ทสฺเสติ, ปจฺฉิเมน อตีตปจฺจยนิมิตฺตํ. ปุริเมน วา ตสฺสา อุปโภควตฺถุสมฺปทํ ทสฺเสติ, ปจฺฉิเมน อุปภุฺชนกวตฺถุสมฺปทํ.

เอตฺถาห ‘‘กึ ปน ตํ วิมานํ ยุตฺตวาหํ, อุทาหุ อยุตฺตวาห’’นฺติ? ยทิปิ เทวโลเก รถวิมานานิ ยุตฺตวาหานิปิ โหนฺติ ‘‘สหสฺสยุตฺตํ อาชฺรถ’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๒๖๔) อาทิวจนโต, เต ปน เทวปุตฺตา เอว กิจฺจกรณกาเล วาหรูเปน อตฺตานํ ทสฺเสนฺติ ยถา เอราวโณ เทวปุตฺโต กีฬนกาเล หตฺถิรูเปน. อิทํ ปน อฺฺจ เอทิสํ อยุตฺตวาหํ ทฏฺพฺพํ.

ยทิ เอวํ กึ ตสฺส วิมานสฺส อพฺภนฺตรา วาโยธาตุ คมเน วิเสสปจฺจโย, อุทาหุ พาหิราติ? อพฺภนฺตราติ คเหตพฺพํ. ยถา หิ จนฺทวิมานสูริยวิมานาทีนํ เทสนฺตรคมเน ตทุปชีวีนํ สตฺตานํ สาธารณกมฺมนิพฺพตฺตํ อติวิย สีฆชวํ มหนฺตํ วายุมณฺฑลํ ตานิ เปเลนฺตํ ปวตฺเตติ, น เอวํ ตํ เปเลตฺวา ปวตฺเตนฺตี พาหิรา วาโยธาตุ อตฺถิ. ยถา จ ปน จกฺกรตนํ อนฺโตสมุฏฺิตาย วาโยธาตุยา วเสน ปวตฺตติ. น หิ ตสฺส จนฺทวิมานาทีนํ วิย พาหิรา วาโยธาตุ เปเลตฺวา ปวตฺติกา อตฺถิ รฺโ จกฺกวตฺติสฺส จิตฺตวเสน ‘‘ปวตฺตตุ ภวํ จกฺกรตน’’นฺติอาทิวจนสมนนนฺตรเมว ปวตฺตนโต, เอวํ ตสฺสา เทวตาย จิตฺตวเสน อตฺตสนฺนิสฺสิตาย วาโยธาตุยา คจฺฉตีติ เวทิตพฺพํ. เตน วุตฺตํ ‘‘มโนชวํ คจฺฉติ เยนกาม’’นฺติ.

. เอวํ ปมคาถาย ตสฺสา เทวตาย ปุฺผลสมฺปตฺตึ กิตฺเตตฺวา อิทานิ ตสฺสา การณภูตํ ปุฺสมฺปทํ วิภาเวตุํ ‘‘เกน เตตาทิโส วณฺโณ’’ติอาทิ คาถาทฺวยํ วุตฺตํ. ตตฺถ เกนาติ กึ-สทฺโท ‘‘กึ ราชา โย โลกํ น รกฺขติ, กึ นุ โข นาม ตุมฺเห มํ วตฺตพฺพํ มฺถา’’ติอาทีสุ (ปารา. ๔๒๔) ครหเณ อาคโต. ‘‘ยํกิฺจิ รูปํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺน’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๔๔; สํ. นิ. ๓.๕๙) อนิยเม. ‘‘กึ สูธ วิตฺตํ ปุริสสฺส เสฏฺ’’นฺติอาทีสุ (สุ. นิ. ๑๘๓; สํ. นิ. ๑.๗๓) ปุจฺฉายํ. อิธาปิ ปุจฺฉายเมว ทฏฺพฺโพ. ‘‘เกนา’’ติ จ เหตุอตฺเถ กรณวจนํ, เกน เหตุนาติ อตฺโถ. เตติ ตว. เอตาทิโสติ เอทิโส, เอตรหิ ยถาทิสฺสมาโนติ อตฺโถ. วณฺโณติ วณฺณ-สทฺโท ‘‘กทา สฺูฬฺหา ปน เต, คหปติ, อิเม สมณสฺส โคตมสฺส วณฺณา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๗๗) คุเณ อาคโต. ‘‘อเนกปริยาเยน พุทฺธสฺส วณฺณํ ภาสติ, ธมฺมสฺส วณฺณํ ภาสติ, สงฺฆสฺส วณฺณํ ภาสตี’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๔) ถุติยํ. ‘‘อถ เกน นุ วณฺเณน, คนฺธเถโนติ วุจฺจตี’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๒๓๔; ชา. ๑.๖.๑๑๖) การเณ. ‘‘ตโย ปตฺตสฺส วณฺณา’’ติอาทีสุ (ปารา. ๖๐๒) ปมาเณ. ‘‘จตฺตาโรเม, โภ โคตม, วณฺณา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๑๑๕; ม. นิ. ๒.๓๗๙-๓๘๐) ชาติยํ. ‘‘มหนฺตํ หตฺถิราชวณฺณํ อภินิมฺมินิตฺวา’’ติอาทีสุ สณฺาเน. ‘‘สุวณฺณวณฺโณสิ ภควา, สุสุกฺกทาโสิ วีริยวา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๓๙๙; สุ. นิ. ๕๕๓) ฉวิวณฺเณ. อิธาปิ ฉวิวณฺเณ เอว ทฏฺพฺโพ. อยฺเหตฺถ อตฺโถ – เกน กีทิเสน ปุฺวิเสเสน เหตุภูเตน เทวเต, ตว เอตาทิโส เอวํวิโธ ทฺวาทสโยชนานิ ผรณกปฺปโภ สรีรวณฺโณ ชาโตติ?

เกน เต อิธ มิชฺฌตีติ เกน ปุฺาติสเยน เต อิธ อิมสฺมึ าเน อิทานิ ตยิ ลพฺภมานํ อุฬารํ สุจริตผลํ อิชฺฌติ นิปฺผชฺชติ. อุปฺปชฺชนฺตีติ นิพฺพตฺตนฺติ, อวิจฺเฉทวเสน อุปรูปริ วตฺตนฺตีติ อตฺโถ. โภคาติ ปริภุฺชิตพฺพฏฺเน ‘‘โภคา’’ติ ลทฺธนามา วตฺถาภรณาทิวิตฺตูปกรณวิเสสา. เยติ สามฺเน อนิยมนิทฺเทโส, เกจีติ ปการเภทํ อามสิตฺวา อนิยมนิทฺเทโส, อุภเยนาปิ ปณีตปณีตตราทิเภเท ตตฺถ ลพฺภมาเน ตาทิเส โภเค อนวเสสโต พฺยาเปตฺวา สงฺคณฺหาติ. อนวเสสพฺยาปโก หิ อยํ นิทฺเทโส ยถา ‘‘เย เกจิ สงฺขารา’’ติ. มนโส ปิยาติ มนสา ปิยายิตพฺพา, มนาปิยาติ อตฺโถ.

เอตฺถ จ ‘‘เอตาทิโส วณฺโณ’’ติ อิมินา เหฏฺา วุตฺตวิเสสา ตสฺสา เทวตาย อตฺตภาวปริยาปนฺนา วณฺณสมฺปทา ทสฺสิตา. ‘‘โภคา’’ติ อิมินา อุปโภคปริโภควตฺถุภูตา ทิพฺพรูปสทฺทคนฺธรสโผฏฺพฺพเภทา กามคุณสมฺปทา. ‘‘มนโส ปิยา’’ติ อิมินา เตสํ รูปาทีนํ อิฏฺกนฺตมนาปตา. ‘‘อิธ มิชฺฌตี’’ติ อิมินา ปน ทิพฺพอายุวณฺณยสสุขอาธิปเตยฺยสมฺปทา ทสฺสิตา. ‘‘เย เกจิ มนโส ปิยา’’ติ อิมินา ยานิ ‘‘โส อฺเ เทเว ทสหิ าเนหิ อธิคฺคณฺหาติ ทิพฺเพน อายุนา ทิพฺเพน วณฺเณน ทิพฺเพน สุเขน ทิพฺเพน ยเสน ทิพฺเพน อาธิปเตยฺเยน ทิพฺเพหิ รูเปหิ ทิพฺเพหิ สทฺเทหิ ทิพฺเพหิ คนฺเธหิ ทิพฺเพหิ รเสหิ ทิพฺเพหิ โผฏฺพฺเพหี’’ติ (สํ. นิ. ๔.๓๔๑) สุตฺเต อาคตานิ ทส านานิ. เตสํ อิธ อนวเสสโต สงฺคโห ทสฺสิโตติ เวทิตพฺโพ.

. ปุจฺฉามีติ ปฺหํ กโรมิ, าตุมิจฺฉามีติ อตฺโถ. กามฺเจตํ ‘‘เกน เตตาทิโส วณฺโณ, เกน เต อิธ มิชฺฌติ. กิมกาสิ ปุฺํ, เกนาสิ เอวํ ชลิตานุภาวา’’ติ จ กึ-สทฺทคฺคหเณเนว อตฺถนฺตรสฺส อสมฺภวโต ปุจฺฉาวเสน คาถาตฺตยํ วุตฺตนฺติ วิฺายติ. ปุจฺฉาวิเสสภาวาปนตฺถํ ปน ‘‘ปุจฺฉามี’’ติ วุตฺตํ. อยฺหิ ปุจฺฉา อทิฏฺโชตนา ตาว น โหติ เอทิสสฺส อตฺถสฺส มหาเถรสฺส อทิฏฺภาวาภาวโต, วิมติจฺเฉทนาปิ น โหติ สพฺพโส สมุคฺฆาติตสํสยตฺตา, อนุมติปุจฺฉาปิ น โหติ ‘‘ตํ กึ มฺสิ ราชฺา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๔๑๓) วิย อนุมติคหณากาเรน อปฺปวตฺตตฺตา, กเถตุกมฺยตาปุจฺฉาปิ น โหติ ตสฺสา เทวตาย กเถตุกมฺยตาวเสน เถเรน อปุจฺฉิตตฺตา. วิเสเสน ปน ทิฏฺสํสนฺทนาติ เวทิตพฺพา. สฺวายมตฺโถ เหฏฺา อฏฺุปฺปตฺติกถายํ ‘‘เถโร กิฺจาปี’’ติอาทินา วิภาวิโต เอว. นฺติ ตฺวํ. ตยิทํ ปุพฺพาปราเปกฺขํ, ปุพฺพาเปกฺขตาย อุปโยเคกวจนํ, ปราเปกฺขตาย ปน ปจฺจตฺเตกวจนํ ทฏฺพฺพํ.

เทวีติ เอตฺถ เทว-สทฺโท ‘‘อิมานิ เต เทว จตุราสีติ นครสหสฺสานิ กุสวตีราชธานิปมุขานิ, เอตฺถ, เทว, ฉนฺทํ กโรหิ ชีวิเต อเปกฺข’’นฺติ จ อาทีสุ (ที. นิ. ๒.๒๖๖) สมฺมุติเทววเสน อาคโต, ‘‘ตสฺส เทวาติเทวสฺส, สาสนํ สพฺพทสฺสิโน’’ติอาทีสุ วิสุทฺธิเทววเสน. วิสุทฺธิเทวานฺหิ ภควโต อติเทวภาเว วุตฺเต อิตเรสํ วุตฺโต เอว โหตีติ. ‘‘จาตุมหาราชิกา เทวา ทีฆายุกา วณฺณวนฺโต สุขพหุลา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๓๓๗) อุปปตฺติเทววเสน. อิธาปิ อุปปตฺติเทววเสเนว เวทิตพฺโพ. ปทตฺถโต ปน – ทิพฺพติ อตฺตโน ปุฺิทฺธิยา กีฬติ ลฬติ ปฺจหิ กามคุเณหิ รมติ, อถ วา เหฏฺา วุตฺตนเยน โชตติ โอภาสติ, อากาเสน วิมาเนน จ คจฺฉตีติ เทวี. ‘‘ตฺวํ เทวี’’ติ สมฺโพธเน เจตํ เอกวจนํ. มหานุภาเวติ อุฬารปฺปภาเว, โส ปนสฺสานุภาโว เหฏฺา ทฺวีหิ คาถาหิ ทสฺสิโตเยว.

มนุสฺสภูตาติ เอตฺถ มนสฺส อุสฺสนฺนตาย มนุสฺสา, สติสูรภาวพฺรหฺมจริยโยคฺยตาทิคุณวเสน อุปจิตมานสา อุกฺกฏฺคุณจิตฺตา. เก ปน เต? ชมฺพุทีปวาสิโน สตฺตวิเสสา. เตนาห ภควา –

‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว, าเนหิ ชมฺพุทีปกา มนุสฺสา อุตฺตรกุรุเก มนุสฺเส อธิคฺคณฺหนฺติ เทเว จ ตาวตึเส. กตเมหิ ตีหิ? สูรา, สติมนฺโต, อิธ พฺรหฺมจริยวาโส’’ติ (อ. นิ. ๙.๒๑).

ตถา หิ พุทฺธา ภควนฺโต ปจฺเจกพุทฺธา อคฺคสาวกา มหาสาวกา จกฺกวตฺติโน อฺเ จ มหานุภาวา สตฺตา เอตฺเถว อุปฺปชฺชนฺติ. เตหิ สมานรูปาทิตาย ปน สทฺธึ ปริตฺตทีปวาสีหิ อิตรมหาทีปวาสิโนปิ ‘‘มนุสฺสา’’ตฺเวว ปฺายึสูติ เอเก.

อปเร ปน ภณนฺติ – โลภาทีหิ อโลภาทีหิ จ สหิตสฺส มนสฺส อุสฺสนฺนตาย มนุสฺสา. เย หิ สตฺตา มนุสฺสชาติกา, เตสุ วิเสสโต โลภาทโย อโลภาทโย จ อุสฺสนฺนา, เต โลภาทิอุสฺสนฺนตาย อปายมคฺคํ, อโลภาทิอุสฺสนฺนตาย สุคติมคฺคํ นิพฺพานคามิมคฺคฺจ ปูเรนฺติ, ตสฺมา โลภาทีหิ อโลภาทีหิ จ สหิตสฺส มนสฺส อุสฺสนฺนตาย ปริตฺตทีปวาสีหิ สทฺธึ จตุมหาทีปวาสิโน สตฺตวิเสสา ‘‘มนุสฺสา’’ติ วุจฺจนฺตีติ.

โลกิยา ปน ‘‘มนุโน อปจฺจภาเวน มนุสฺสา’’ติ วทนฺติ. มนุ นาม ปมกปฺปิโก โลกมริยาทาย อาทิภูโต หิตาหิตวิธายโก สตฺตานํ ปิตุฏฺานิโย, โย สาสเน ‘‘มหาสมฺมโต’’ติ วุจฺจติ. ปจฺจกฺขโต ปรมฺปราย จ ตสฺส โอวาทานุสาสนิยํ ิตา สตฺตา ปุตฺตสทิสตาย ‘‘มนุสฺสา’’ติ วุจฺจนฺติ. ตโต เอว หิ เต มาณวา ‘‘มนุชา’’ติ จ โวหรียนฺติ. มนุสฺเสสุ ภูตา ชาตา, มนุสฺสภาวํ วา ปตฺตาติ มนุสฺสภูตา.

กิมกาสิ ปุฺนฺติ กึ ทานสีลาทิปฺปเภเทสุ กีทิสํ ปุชฺชภาวผลนิพฺพตฺตนโต, ยตฺถ สยํ อุปฺปนฺนํ, ตํ สนฺตานํ ปุนาติ วิโสเธตีติ จ ‘‘ปุฺ’’นฺติ ลทฺธนามํ สุจริตํ กุสลกมฺมํ อกาสิ, อุปจินิ นิพฺพตฺเตสีติ อตฺโถ. ชลิตานุภาวาติ สพฺพโส วิชฺโชตมานปุฺิทฺธิกา.

กสฺมา ปเนตฺถ ‘‘มนุสฺสภูตา กิมกาสิ ปุฺ’’นฺติ วุตฺตํ, กึ อฺาสุ คตีสุ ปุฺกิริยา นตฺถีติ? โน นตฺถิ. ยสฺมา นิรเยปิ นาม กามาวจรกุสลจิตฺตปวตฺติ กทาจิ ลพฺภเตว, กิมงฺคํ ปนฺตฺถ, นนุ อโวจุมฺหา ‘‘ทิฏฺสํสนฺทนา ปุจฺฉา’’ติ. ตสฺมา มหาเถโร มนุสฺสตฺตภาเว ตฺวา ปุฺกมฺมํ กตฺวา อุปฺปนฺนํ ตํ ทิสฺวา ภูตตฺถวเสน ปุจฺฉนฺโต ‘‘มนุสฺสภูตา กิมกาสิ ปุฺ’’นฺติ อโวจ.

อถ วา อฺาสุ คตีสุ เอกนฺตสุขตาย เอกนฺตทุกฺขตาย ทุกฺขพหุลตาย จ ปุฺกิริยาย โอกาโส น สุลภรูโป สปฺปุริสูปนิสฺสยาทิปจฺจยสมวายสฺส สุทุลฺลภภาวโต. กทาจิ อุปฺปชฺชมาโนปิ ยถาวุตฺตการเณน อุฬาโร วิปุโล น จ โหติ, มนุสฺสคติยํ ปน สุขพหุลตาย ปุฺกิริยาย โอกาโส สุลภรูโป สปฺปุริสูปนิสฺสยาทิปจฺจยสมวายสฺส เยภุยฺเยน สุลภภาวโต. ยฺจ ตตฺถ ทุกฺขํ อุปฺปชฺชติ, ตมฺปิ วิเสสโต ปุฺกิริยาย อุปนิสฺสโย โหติ. ทุกฺขูปนิสฺสยา หิ สทฺธาติ. ยถา หิ อโยฆเนน สตฺถเก นิปฺผาทิยมาเน ตสฺส เอกนฺตโต น อคฺคิมฺหิ ตาปนํ อุทเกน วา เตมนํ เฉทนกิริยาสมตฺถตาย วิเสสปจฺจโย, ตาเปตฺวา ปน ปมาณโยคโต อุทกเตมนํ ตสฺสา วิเสสปจฺจโย, เอวเมว สตฺตสนฺตานสฺส เอกนฺตทุกฺขสมงฺคิตา ทุกฺขพหุลตา เอกนฺตสุขสมงฺคิตา จ ปุฺกิริยาย น วิเสสปจฺจโย โหติ. สติ ปน ทุกฺขสนฺตาปเน ปมาณโยคโต สุขูปพฺรูหเน จ ลทฺธูปนิสฺสยา ปุฺกิริยา อุปฺปชฺชติ, อุปฺปชฺชมานา จ มหาชุติกา มหาวิปฺผารา ปฏิปกฺขเฉทนสมตฺถา จ โหติ, ตสฺมา มนุสฺสภาโว ปุฺกิริยาย วิเสสปจฺจโย. เตน วุตฺตํ ‘‘มนุสฺสภูตา กิมกาสิ ปุฺ’’นฺติ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.

. เอวํ ปน เถเรน ปุจฺฉิตา สา เทวตา ปฺหํ วิสฺสชฺเชสิ. ตมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘สา เทวตา อตฺตมนา’’ติ คาถา วุตฺตา. เกน ปนายํ คาถา วุตฺตา? ธมฺมสงฺคาหเกหิ. ตตฺถ สาติ ยา ปุพฺเพ ‘‘ปุจฺฉามิ ตํ เทวิ มหานุภาเว’’ติ วุตฺตา, สา. เทวตาติ เทวปุตฺโตปิ พฺรหฺมาปิ เทวธีตาปิ วุจฺจติ. ‘‘อถ โข อฺตรา เทวตา อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺณา’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๑; ขุ. ปา. ๕.๑) หิ เทวปุตฺโต ‘‘เทวตา’’ติ วุตฺโต เทโวเยว เทวตาติ กตฺวา. ตถา ‘‘ตา เทวตา สตฺตสตา อุฬารา, พฺรหฺมวิมานา อภินิกฺขมิตฺวา’’ติอาทีสุ พฺรหฺมาโน.

‘‘อภิกฺกนฺเตน วณฺเณน, ยา ตฺวํ ติฏฺสิ เทวเต;

โอภาเสนฺตี ทิสา สพฺพา, โอสธี วิย ตารกา’’ติ. (วิ. ว. ๗๕) –

อาทีสุ เทวธีตา. อิธาปิ เทวธีตา เอว ทฏฺพฺพา. อตฺตมนาติ ตุฏฺมนา ปีติโสมนสฺเสหิ คหิตมนา. ปีติโสมนสฺสสหคตฺหิ จิตฺตํ โทมนสฺสสฺส อโนกาสโต เตหิ ตํ สกํ กตฺวา คหิตํ วิย โหติ. อตฺตมนาติ วา สกมนา. อนวชฺชปีติโสมนสฺสสมฺปยุตฺตฺหิ จิตฺตํ สมฺปติ อายติฺจ ตํสมงฺคิโน หิตสุขาวหโต ‘‘สก’’นฺติ วตฺตพฺพตํ ลภติ, น อิตรํ.

โมคฺคลฺลาเนนาติ โมคฺคลฺลานโคตฺตสฺส พฺราหฺมณมหาสาลสฺส ปุตฺตภาวโต โส มหาเถโร โคตฺตวเสน ‘‘โมคฺคลฺลาโน’’ติ ปฺาโต, เตน โมคฺคลฺลาเนน. ปุจฺฉิตาติ ทิฏฺสํสนฺทนวเสน ปุจฺฉิตา, อตฺตมนา สา เทวตา ปฺหํ พฺยากาสีติ โยชนา. อตฺตมนตา จสฺสา ‘‘ตมฺปิ นาม ปริตฺตกมฺปิ กมฺมํ เอวํ มหติยา ทิพฺพสมฺปตฺติยา การณํ อโหสี’’ติ ปุพฺเพปิ สา อตฺตโน ปุฺผลํ ปฏิจฺจ อนฺตรนฺตรา โสมนสฺสํ ปฏิสํเวเทติ, อิทานิ ปน ‘‘อฺตรสฺส เถรสฺส กโตปิ นาม กาโร เอวํ อุฬารผโล, อยํ ปน พุทฺธานํ อคฺคสาวโก อุฬารคุโณ มหานุภาโว, อิมมฺปิ ปสฺสิตุํ นิปจฺจการฺจ กาตุํ ลภามิ, มม ปุฺผลปฏิสํยุตฺตเมว จ ปุจฺฉํ กโรตี’’ติ ทฺวีหิ การเณหิ อุปฺปนฺนา. เอวํ สฺชาตพลวปีติโสมนสฺสา สา เถรสฺส วจนํ สิรสา สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ปฺหํ ปุฏฺา พฺยากาสิ.

ปฺหนฺติ าตุํ อิจฺฉิตํ ตํ อตฺถํ วิยากาสิ กเถสิ วิสฺสชฺเชสิ. กถํ ปน พฺยากาสิ? ปุฏฺาติ ปุฏฺาการโต, ปุจฺฉิตากาเรเนวาติ อตฺโถ. เอตฺถ หิ ‘‘ปุจฺฉิตา’’ติ วตฺวา ปุน ‘‘ปุฏฺา’’ติ วจนํ วิเสสตฺถนิยมนํ ทฏฺพฺพํ. สิทฺเธ หิ สติ อารมฺโภ วิเสสตฺถาปโกว โหติ. โก ปเนโส วิเสสตฺโถ? พฺยากรณสฺส ปุจฺฉานุรูปตา. ยฺหิ กมฺมผลํ ทสฺเสตฺวา ตสฺส การณภูตํ กมฺมํ ปุจฺฉิตํ, ตทุภยสฺส อฺมฺานุรูปภาววิภาวนา. เยน จ อากาเรน ปุจฺฉา ปวตฺตา อตฺถโต จ พฺยฺชนโต จ, ตทาการสฺส พฺยากรณสฺส ปุจฺฉานุรูปตา, ตถา เจว วิสฺสชฺชนํ ปวตฺตํ. อิติ อิมสฺส วิเสสสฺส าปนตฺถํ ‘‘ปุจฺฉิตา’’ติ วตฺวา ปุน ‘‘ปุฏฺา’’ติ วุตฺตํ.

‘‘ปุจฺฉิตา’’ติ วา ตาย เทวตาย วิเสสนมุเขน ปุฏฺภาวสฺส ปฺหพฺยากรณสฺส จ การณกิตฺตนํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘เกน เตตาทิโส วณฺโณ’’ติอาทินา เถเรน ปุจฺฉียตีติ ปุจฺฉา, ตาย เทวตาย กตกมฺมํ, ตสฺสา ปุจฺฉาย การิตา อาจิกฺขิตา วาติ สา เทวตา ‘‘ปุจฺฉิตา’’ติ วุตฺตา. ยสฺมา ปุจฺฉิตา ปุจฺฉิยมานสฺส กมฺมสฺส การิตา, ตสฺมา ปฺหํ ปุฏฺา. ยสฺมา จ ปุจฺฉิตา ปุจฺฉิยมานสฺส กมฺมสฺส อาจิกฺขนสภาวา, ตสฺมา ปฺหํ พฺยากาสีติ. ยสฺส กมฺมสฺสิทํ ผลนฺติ อิทํ ‘‘ปฺห’’นฺติ วุตฺตสฺส อตฺถสฺส สรูปทสฺสนํ. อยํ เจตฺถ อตฺโถ – อิทํ ปุจฺฉนฺตสฺส ปุจฺฉิยมานาย จ ปจฺจกฺขภูตํ อนนฺตรํ วุตฺตปฺปการํ ปุฺผลํ, ยสฺส กมฺมสฺส ตํ าตุํ อิจฺฉิตตฺตา ปฺหนฺติ วุตฺตํ ปุฺกมฺมํ พฺยากาสีติ.

. อหํ มนุสฺเสสูติอาทิ ปฺหสฺส พฺยากรณากาโร. ตตฺถ อหนฺติ เทวตา อตฺตานํ นิทฺทิสติ. ‘‘มนุสฺเสสู’’ติ วตฺวา ปุน ‘‘มนุสฺสภูตา’’ติ วจนํ ตทา อตฺตนิ มนุสฺสคุณานํ วิชฺชมานตาทสฺสนตฺถํ. โย หิ มนุสฺสชาติโกว สมาโน ปาณาติปาตาทึ อกตฺตพฺพํ กตฺวา ทณฺฑารโห ตตฺถ ตตฺถ ราชาทิโต หตฺถจฺเฉทาทิกมฺมการณํ ปาปุณนฺโต มหาทุกฺขํ อนุภวติ, อยํ มนุสฺสเนรยิโก นาม. อปโร มนุสฺสชาติโกว สมาโน ปุพฺเพกตกมฺมุนา ฆาสจฺฉาทนมฺปิ น ลภติ, ขุปฺปิปาสาภิภูโต ทุกฺขพหุโล กตฺถจิ ปติฏฺํ อลภมาโน วิจรติ, อยํ มนุสฺสเปโต นาม. อปโร มนุสฺสชาติโกว สมาโน ปราธีนวุตฺติ ปเรสํ ภารํ วหนฺโต ภินฺนมริยาโท วา อนาจารํ อาจริตฺวา ปเรหิ สนฺตชฺชิโต มรณภยภีโต คหนนิสฺสิโต ทุกฺขพหุโล วิจรติ หิตาหิตํ อชานนฺโต นิทฺทาชิฆจฺฉาทุกฺขวิโนทนาทิปโร, อยํ มนุสฺสติรจฺฉาโน นาม. โย ปน อตฺตโน หิตาหิตํ ชานนฺโต กมฺมผลํ สทฺทหนฺโต หิโรตฺตปฺปสมฺปนฺโน ทยาปนฺโน สพฺพสตฺเตสุ สํเวคพหุโล อกุสลกมฺมปเถ ปริวชฺเชนฺโต กุสลกมฺมปเถ สมาจรนฺโต ปุฺกิริยวตฺถูนิ ปริปูเรติ, อยํ มนุสฺสธมฺเม ปติฏฺิโต ปรมตฺถโต มนุสฺโส นาม. อยมฺปิ ตาทิสา อโหสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘มนุสฺเสสุ มนุสฺสภูตา’’ติ. มนุสฺเส สตฺตนิกาเย มนุสฺสภาวํ ปตฺตา มนุสฺสธมฺมฺจ อปฺปหาย ิตาติ อตฺโถ.

อพฺภาคตานนฺติ อภิอาคตานํ, สมฺปตฺตอาคนฺตุกานนฺติ อตฺโถ. ทุวิธา หิ อาคนฺตุกา อติถิ อพฺภาคโตติ. เตสุ กตปริจโย อาคนฺตุโก อติถิ, อกตปริจโย อพฺภาคโต. กตปริจโย อกตปริจโยปิ วา ปุเรตรํ อาคโต อติถิ, โภชนเวลายํ อุปฏฺิโต สมฺปติ อาคโต อพฺภาคโต. นิมนฺติโต วา ภตฺเตน อติถิ, อนิมนฺติโต อพฺภาคโต. อยํ ปน อกตปริจโย อนิมนฺติโต สมฺปติ อาคโต จ, ตํ สนฺธายาห ‘‘อพฺภาคตาน’’นฺติ, ครุกาเรน ปเนตฺถ พหุวจนํ วุตฺตํ. อาสติ นิสีทติ เอตฺถาติ อาสนํ. ยํกิฺจิ นิสีทนโยคฺคํ, อิธ ปน ปีํ อธิปฺเปตํ, ตสฺส จ อปฺปกตฺตา อนุฬารตฺตา จ ‘‘อาสนก’’นฺติ อาห. อทาสินฺติ ‘‘อิทมสฺส เถรสฺส ทินฺนํ มยฺหํ มหปฺผลํ ภวิสฺสติ มหานิสํส’’นฺติ สฺชาตโสมนสฺสา กมฺมํ กมฺมผลฺจ สทฺทหิตฺวา ตสฺส เถรสฺส ปริโภคตฺถาย อทาสึ, นิรเปกฺขปริจฺจาควเสน ปริจฺจชินฺติ อตฺโถ.

อภิวาทยินฺติ อภิวาทนมกาสึ, ปฺจปติฏฺิเตน ทกฺขิเณยฺยปุคฺคเล วนฺทินฺติ อนฺโต. วนฺทมานา หิ ตํ ตาเยว วนฺทนกิริยาย วนฺทิยมานํ ‘‘สุขินี โหหิ, อโรคา โหหี’’ติอาทินา อาสิวาทํ อตฺถโต วทาเปสิ นาม. อฺชลิกํ อกาสินฺติ ทสนขสโมธานสมุชฺชลํ อฺชลึ สิรสิ ปคฺคณฺหนฺตี คุณวิสิฏฺานํ อปจายนํ อกาสินฺติ อตฺโถ. ยถานุภาวนฺติ ยถาพลํ, ตทา มม วิชฺชมานวิภวานุรูปนฺติ อตฺโถ. อทาสิ ทานนฺติ อนฺนปานาทิเทยฺยธมฺมปริจฺจาเคน ทกฺขิเณยฺยํ โภเชนฺตี ทานมยํ ปุฺํ ปสวึ.

เอตฺถ จ ‘‘อห’’นฺติ อิทํ กมฺมสฺส ผลสฺส จ เอกสนฺตติปติตตาทสฺสเนน สมฺพนฺธภาวทสฺสนํ, ‘‘มนุสฺเสสุ มนุสฺสภูตา’’ติ อิทํ ตสฺสา ปุฺกิริยาย อธิฏฺานภูตสนฺตานวิเสสทสฺสนํ, ‘‘อพฺภาคตาน’’นฺติ อิทํ จิตฺตสมฺปตฺติทสฺสนฺเจว เขตฺตสมฺปตฺติทสฺสนฺจ ทานสฺส วิย ปฏิคฺคหณสฺส จ กิฺจิ อนเปกฺขิตฺวา ปวตฺติตภาวทีปนโต. ‘‘อาสนกํ อทาสึ ยถานุภาวฺจ อทาสิ ทาน’’นฺติ อิทํ โภคสารทานทสฺสนํ, ‘‘อภิวาทยึ อฺชลิกํ อกาสิ’’นฺติ อิทํ กายสารทานทสฺสนํ.

. เตนาติ เตน ยถาวุตฺเตน ปุฺเน เหตุภูเตน. เมติ อยํ เม-สทฺโท ‘‘กิจฺเฉน เม อธิคตํ, หลํ ทานิ ปกาสิตุ’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๖๕; ม. นิ. ๑.๒๘๑; สํ. นิ. ๑.๑๗๒) กรเณ อาคโต, มยาติ อตฺโถ. ‘‘สาธุ เม, ภนฺเต, ภควา สํขิตฺเตน ธมฺมํ เทเสตู’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๓.๑๘๒; อ. นิ. ๔.๒๕๗) สมฺปทาเน, มยฺหนฺติ อตฺโถ. ‘‘ปุพฺเพว เม, ภิกฺขเว, สมฺโพธา อนภิสมฺพุทฺธสฺส โพธิสตฺตสฺเสว สโต’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๐๖; สํ. นิ. ๔.๑๔; อ. นิ. ๓.๑๐๔) สามิอตฺเถ อาคโต, อิธาปิ สามิอตฺเถ เอว, มมาติ อตฺโถ. สฺวายํ เม-สทฺโท เตน เม ปุฺเนาติ จ เม เอตาทิโสติ จ อุภยตฺถ สมฺพนฺธิตพฺโพ. เสสํ วุตฺตนยเมว.

เอวํ ตาย เทวตาย ปฺเห พฺยากเต อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน วิตฺถาเรน ธมฺมํ เทเสสิ. สา เทสนา สปริวาราย ตสฺสา เทวตาย สาตฺถิกา อโหสิ. เถโร ตโต มนุสฺสโลกํ อาคนฺตฺวา สพฺพํ ตํ ปวตฺตึ ภควโต อาโรเจสิ. ภควา ตํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา สมฺปตฺตปริสาย ธมฺมํ เทเสสิ. คาถา เอว ปน สงฺคหํ อารุฬฺหาติ.

ปมปีวิมานวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. ทุติยปีวิมานวณฺณนา

ปีํ เต เวฬุริยมยนฺติ ทุติยปีวิมานํ. ตสฺส อฏฺุปฺปตฺติ จ อตฺถวณฺณนา จ ปเม วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพา. อยํ ปน วิเสโส – สาวตฺถิวาสินี กิร เอกา อิตฺถี อตฺตโน เคหํ ปิณฺฑาย ปวิฏฺํ เอกํ เถรํ ปสฺสิตฺวา ปสนฺนจิตฺตา ตสฺส อาสนํ เทนฺตี อตฺตโน ปีํ อุปริ นีลวตฺเถน อตฺถริตฺวา อทาสิ. เตน ตสฺสา เทวโลเก นิพฺพตฺตาย เวฬุริยมยํ ปลฺลงฺกวิมานํ นิพฺพตฺตํ. เตน วุตฺตํ –

.

‘‘ปีํ เต เวฬุริยมยํ อุฬารํ, มโนชวํ คจฺฉติ เยนกามํ;

อลงฺกเต มลฺยธเร สุวตฺเถ, โอภาสสิ วิชฺชุริวพฺภ กูฏํ.

.

‘‘เกน เตตาทิโส วณฺโณ, เกน เต อิธ มิชฺฌติ;

อุปฺปชฺชนฺติ จ เต โภคา, เย เกจิ มนโส ปิยา.

๑๐.

‘‘ปุจฺฉามิ ตํ เทวิ มหานุภาเว, มนุสฺสภูตา กิมกาสิ ปุฺํ;

เกนาสิ เอวํ ชลิตานุภาวา, วณฺโณ จ เต สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ.

๑๑.

‘‘สา เทวตา อตฺตมนา, โมคฺคลฺลาเนน ปุจฺฉิตา;

ปฺหํ ปุฏฺา วิยากาสิ, ยสฺส กมฺมสฺสิทํ ผลํ’’.

๑๒.

‘‘อหํ มนุสฺเสสุ มนุสฺสภูตา, อพฺภาคตานาสนกํ อทาสึ;

อภิวาทยึ อฺชลิกํ อกาสึ, ยถานุภาวฺจ อทาสิ ทานํ.

๑๓.

‘‘เตน เมตาทิโส วณฺโณ, เตน เม อิธ มิชฺฌติ;

อุปฺปชฺชนฺติ จ เม โภคา, เย เกจิ มนโส ปิยา.

๑๔.

‘‘อกฺขามิ เต ภิกฺขุ มหานุภาว, มนุสฺสภูตา ยมกาสิ ปุฺํ;

เตนมฺหิ เอวํ ชลิตานุภาวา, วณฺโณ จ เม สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ.

. ตตฺถ เวฬุริยมยนฺติ เวฬุริยมณิมยํ. เวฬุริยมณิ นาม วิฬูรปพฺพตสฺส วิฬูรคามสฺส จ อวิทูเร อุปฺปชฺชนกมณิ. ตสฺส กิร วิฬูรคามฏฺาเน อากโร, วิฬูรสฺส ปน อวิทูเร ภวตฺตา เวฬุริยนฺเตว ปฺายิตฺถ. ตํสทิสวณฺณนิภตาย เทวโลเกปิสฺส ตเถว นามํ ชาตํ ยถา ตํ มนุสฺสโลเก ลทฺธนามวเสเนว เทวโลเก เทวปุตฺตานํ. ตํ ปน มยูรคีววณฺณํ วา โหติ, วายสปตฺตวณฺณํ วา, สินิทฺธเวณุปตฺตวณฺณํ วา. อิธ ปน มยูรคีววณฺณํ เวทิตพฺพํ. เสสํ สพฺพํ ปมปีวิมาเน วุตฺตสทิสเมวาติ.

ทุติยปีวิมานวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. ตติยปีวิมานวณฺณนา

ปีํ เต โสวณฺณมยนฺติ ตติยปีวิมานํ. ตสฺส วตฺถุ ราชคเห สมุฏฺิตํ. อฺตโร กิร ขีณาสวตฺเถโร ราชคเห ปิณฺฑาย จริตฺวา ภตฺตํ คเหตฺวา อุปกฏฺเ กาเล ภตฺตกิจฺจํ กาตุกาโม เอกํ วิวฏทฺวารเคหํ อุปสงฺกมิ. ตสฺมึ ปน เคเห เคหสามินี อิตฺถี สทฺธา ปสนฺนา เถรสฺส อาการํ สลฺลกฺเขตฺวา ‘‘เอถ, ภนฺเต, อิธ นิสีทิตฺวา ภตฺตกิจฺจํ กโรถา’’ติ อตฺตโน ภทฺทปีํ ปฺาเปตฺวา อุปริ ปีตวตฺถํ อตฺถริตฺวา นิรเปกฺขปริจฺจาควเสน อทาสิ, ‘‘อิทํ เม ปุฺํ อายตึ โสวณฺณปีปฏิลาภาย โหตู’’ติ ปตฺถนฺจ ปฏฺเปสิ. อถ เถเร ตตฺถ นิสีทิตฺวา ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา ปตฺตํ โธวิตฺวา อุฏฺาย คจฺฉนฺเต ‘‘ภนฺเต, อิทมาสนํ ตุมฺหากํเยว ปริจฺจตฺตํ, มยฺหํ อนุคฺคหตฺถํ ปริภุฺชถา’’ติ อาห. เถโร ตสฺสา อนุกมฺปาย ตํ ปีํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา สงฺฆสฺส ทาเปสิ. สา อปเรน สมเยน อฺตเรน โรเคน ผุฏฺา กาลํ กตฺวา ตาวตึสภวเน นิพฺพตฺตีติอาทิ สพฺพํ ปมวิมานวณฺณนายํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. เตน วุตฺตํ –

๑๕.

‘‘ปีํ เต โสวณฺณมยํ อุฬารํ, มโนชวํ คจฺฉติ เยนกามํ;

อลงฺกเต มลฺยธเร สุวตฺเถ,โอภาสสิ วิชฺชุริวพฺภกูฏํ.

๑๖.

‘‘เกน เตตาทิโส วณฺโณ, เกน เต อิธ มิชฺฌติ;

อุปฺปชฺชนฺติ จ เต โภคา, เย เกจิ มนโส ปิยา.

๑๗.

‘‘ปุจฺฉามิ ตํ เทวิ มหานุภาเว, มนุสฺสภูตา กิมกาสิ ปุฺํ;

เกนาสิ เอวํ ชลิตานุภาวา, วณฺโณ จ เต สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ.

๑๘.

‘‘สา เทวตา อตฺตมนา, โมคฺคลฺลาเนน ปุจฺฉิตา;

ปฺหํ ปุฏฺา วิยากาสิ, ยสฺส กมฺมสฺสิทํ ผลํ’’.

๑๙.

‘‘อปฺปสฺส กมฺมสฺส ผลํ มเมทํ, เยนมฺหิ เอวํ ชลิตานุภาวา;

อหํ มนุสฺเสสุ มนุสฺสภูตา, ปุริมาย ชาติยา มนุสฺสโลเก.

๒๐.

‘‘อทฺทสํ วิรชํ ภิกฺขุํ, วิปฺปสนฺนมนาวิลํ;

ตสฺส อทาสหํ ปีํ, ปสนฺนา เสหิ ปาณิภิ.

๒๑.

‘‘เตน เมตาทิโส วณฺโณ, เตน เม อิธ มิชฺฌติ;

อุปฺปชฺชนฺตี จ เม โภคา, เย เกจิ มนโส ปิยา.

๒๒.

‘‘อกฺขามิ เต ภิกฺขุ มหานุภาว, มนุสฺสภูตา ยมกาสิ ปุฺํ;

เตนมฺหิ เอวํ ชลิตานุภาวา, วณฺโณ จ เม สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ.

๑๙. ยฺจ ปน ปฺจมคาถายํ ปุริมาย ชาติยา มนุสฺสโลเกติอาทิ, เอตฺถ ชาติ-สทฺโท อตฺเถว สงฺขตลกฺขเณ ‘‘ชาติ ทฺวีหิ ขนฺเธหิ สงฺคหิตา’’ติอาทีสุ (ธาตุ. ๗๑). อตฺถิ นิกาเย ‘‘นิคณฺา นาม สมณชาตี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๓.๗๑). อตฺถิ ปฏิสนฺธิยํ ‘‘ยํ มาตุกุจฺฉิสฺมึ ปมํ จิตฺตํ อุปฺปนฺนํ, ปมํ วิฺาณํ ปาตุภูตํ, ตทุปาทาย สาวสฺส ชาตี’’ติอาทีสุ (มหาว. ๑๒๔). อตฺถิ กุเล ‘‘อกฺขิตฺโต อนุปกุฏฺโ ชาติวาเทนา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๓๐๓). อตฺถิ ปสุติยํ ‘‘สมฺปติชาโต, อานนฺท, โพธิสตฺโต’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๓๑; ม. นิ. ๓.๒๐๗). อตฺถิ ภเว ‘‘เอกมฺปิ ชาตึ ทฺเวปิ ชาติโย’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๔๔; ม. นิ. ๑.๕๓). อิธาปิ ภเว เอว ทฏฺพฺโพ. ตสฺมา ปุริมาย ชาติยา ปุริมสฺมึ ภเว อนนฺตราตีเต ปุริเม อตฺตภาเวติ อตฺโถ. ภุมฺมตฺเถ หิทํ กรณวจนํ. มนุสฺสโลเกติ มนุสฺสโลกภเว, ราชคหํ สนฺธาย วทติ. โอกาสโลโก หิ อิธ อธิปฺเปโต, สตฺตโลโก ปน ‘‘มนุสฺเสสู’’ติ อิมินา วุตฺโตเยว.

๒๐. อทฺทสนฺติ อทฺทกฺขึ. วิรชนฺติ วิคตราคาทิรชตฺตา วิรชํ. ภิกฺขุนฺติ ภินฺนกิเลสตฺตา ภิกฺขุํ, สพฺพโส กิเลสกาลุสฺสิยาภาเวน วิปฺปสนฺนจิตฺตตาย วิปฺปสนฺนํ, อนาวิลสงฺกปฺปตาย อนาวิลํ. ปุริมํ ปุริมฺเจตฺถ ปทํ ปจฺฉิมสฺส ปจฺฉิมสฺส การณวจนํ, วิคตราคาทิรชตฺตา ภินฺนกิเลสตาย ภิกฺขุํ, ภินฺนกิเลสตฺตา กิเลสกาลุสฺสิยาภาเวน วิปฺปสนฺนํ, วิปฺปสนฺนมนตฺตา อนาวิลนฺติ. ปจฺฉิมํ ปจฺฉิมํ วา ปทํ ปุริมสฺส ปุริมสฺส การณวจนํ, วิรชํ ภิกฺขุคุณโยคโต. ภินฺนกิเลโส หิ ภิกฺขุ. ภิกฺขุํ วิปฺปสนฺนภาวโต. กิเลสกาลุสฺสิยาภาเวน วิปฺปสนฺนมานโส หิ ภิกฺขุ. วิปฺปสนฺนํ อนาวิลสงฺกปฺปภาวโตติ. ราครชาภาเวน วา ‘‘วิรช’’นฺติ วุตฺตํ, โทสกาลุสฺสิยาภาเวน ‘‘วิปฺปสนฺน’’นฺติ, โมหพฺยากุลาภาเวน ‘‘อนาวิล’’นฺติ. เอวํภูโต ปรมตฺถโต ภิกฺขุ นาม โหตีติ ‘‘ภิกฺขุ’’นฺติ วุตฺตํ. อทาสหนฺติ อทาสึ อหํ. ปีนฺติ ตทา มม สนฺติเก วิชฺชมานํ ภทฺทปีํ. ปสนฺนาติ กมฺมผลสทฺธาย รตนตฺตยสทฺธาย จ ปสนฺนจิตฺตา. เสหิ ปาณิภีติ อฺํ อนาณาเปตฺวา อตฺตโน หตฺเถหิ อุปนีย ปีํ ปฺาเปตฺวา อทาสินฺติ อตฺโถ.

เอตฺถ จ ‘‘วิรชํ ภิกฺขุํ วิปฺปสนฺนมนาวิล’’นฺติ อิมินา เขตฺตสมฺปตฺตึ ทสฺเสติ, ‘‘ปสนฺนา’’ติ อิมินา จิตฺตสมฺปตฺตึ, ‘‘เสหิ ปาณิภี’’ติ อิมินา ปโยคสมฺปตฺตึ. ตถา ‘‘ปสนฺนา’’ติ อิมินา สกฺกจฺจทานํ อนุปหจฺจทานนฺติ จ อิเม ทฺเว ทานคุณา ทสฺสิตา, ‘‘เสหิ ปาณิภี’’ติ อิมินา สหตฺเถน ทานํ อนุปวิทฺธทานนฺติ อิเม ทฺเว ทานคุณา ทสฺสิตา, ปีตวตฺถสฺส อตฺถรเณน นิสีทนกาลฺุตาย จิตฺตึ กตฺวา ทานํ กาเลน ทานนฺติ อิเม ทฺเว ทานคุณา ทสฺสิตาติ เวทิตพฺพา. เสสํ เหฏฺา วุตฺตนยเมว.

ตติยปีวิมานวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. จตุตฺถปีวิมานวณฺณนา

ปีํ เต เวฬุริยมยนฺติ จตุตฺถปีวิมานํ. อิมสฺสาปิ วตฺถุ ราชคเห สมุฏฺิตํ, ตํ ทุติยวิมาเน วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. นีลวตฺเถน หิ อตฺถริตฺวา ปีสฺส ทินฺนตฺตา อิมิสฺสาปิ วิมานํ เวฬุริยมยํ นิพฺพตฺตํ. เสสํ ปมวิมาเน วุตฺตสทิสํ. เตน วุตฺตํ –

๒๓.

‘‘ปีํ เต เวฬุริยมยํ อุฬารํ, มโนชวํ คจฺฉติ เยนกามํ;

อลงฺกเต มลฺยธเร สุวตฺเถ, โอภาสสิ วิชฺชุริวพฺภกูฏํ.

๒๔.

‘‘เกน เตตาทิโส วณฺโณ, เกน เต อิธ มิชฺฌติ;

อุปฺปชฺชนฺติ จ เต โภคา, เย เกจิ มนโส ปิยา.

๒๕.

‘‘ปุจฺฉามิ ตํ เทวิ มหานุภาเว, มนุสฺสภูตา กิมกาสิ ปุฺํ;

เกนาสิ เอวํ ชลิตานุภาวา, วณฺโณ จ เต สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ.

๒๖.

‘‘สา เทวตา อตฺตมนา, โมคฺคลฺลาเนน ปุจฺฉิตา;

ปฺหํ ปุฏฺา วิยากาสิ, ยสฺส กมฺมสฺสิทํ ผลํ’’.

๒๗.

‘‘อปฺปสฺส กมฺมสฺส ผลํ มเมทํ, เยนมฺหิ เอวํ ชลิตานุภาวา;

อหํ มนุสฺเสสุ มนุสฺสภูตา, ปุริมาย ชาติยา มนุสฺสโลเก.

๒๘.

‘‘อทฺทสํ วิรชํ ภิกฺขุํ, วิปฺปสนฺนมนาวิลํ;

ตสฺส อทาสหํ ปีํ, ปสนฺนา เสหิ ปาณิภิ.

๒๙.

‘‘เตน เมตาทิโส วณฺโณ, เตน เม อิธ มิชฺฌติ;

อุปฺปชฺชนฺติ จ เม โภคา, เย เกจิ มนโส ปิยา.

๓๐.

‘‘อกฺขามิ เต ภิกฺขุ มหานุภาว, มนุสฺสภูตา ยมกาสิ ปุฺํ;

เตนมฺหิ เอวํ ชลิตานุภาวา, วณฺโณ จ เม สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ.

เอตฺถาปิ หิ นีลวตฺเถน อตฺถริตฺวา ปีสฺส ทินฺนตฺตา อิมิสฺสาปิ วิมานํ เวฬุริยมยํ นิพฺพตฺตํ. เตเนเวตฺถ ‘‘ปีํ เต เวฬุริยมย’’นฺติ อาทิโต อาคตํ. เสสํ ตติยสทิสเมวาติ ตตฺถ วุตฺตนเยเนว อตฺโถ เวทิตพฺโพ.

จตุตฺถปีวิมานวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. กุฺชรวิมานวณฺณนา

กุฺชโร เต วราโรโหติ กุฺชรวิมานํ. ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเป. อเถกทิวสํ ราชคหนคเร นกฺขตฺตํ โฆสิตํ. นาครา วีถิโย โสเธตฺวา วาลุกํ โอกิริตฺวา ลาชปฺจมกานิ ปุปฺผานิ วิปฺปกิรึสุ, เคหทฺวาเร เคหทฺวาเร กทลิโย จ ปุณฺณฆเฏ จ เปสุํ, ยถาวิภวํ นานาวิราควณฺณวิจิตฺตา ธชปฏากาทโย อุสฺสาเปสุํ, สพฺโพ ชโน อตฺตโน อตฺตโน วิภวานุรูปํ สุมณฺฑิตปสาธิโต นกฺขตฺตกีฬํ กีฬิ, สกลนครํ เทวนครํ วิย อลงฺกตปฏิยตฺตํ อโหสิ. อถ พิมฺพิสารมหาราชา ปุพฺพจาริตฺตวเสน มหาชนสฺส จิตฺตานุรกฺขณตฺถฺจ อตฺตโน ราชภวนโต นิกฺขมิตฺวา มหนฺเตน ปริวาเรน มหตา ราชานุภาเวน อุฬาเรน สิริโสภคฺเคน นครํ ปทกฺขิณํ กโรติ.

เตน จ สมเยน ราชคหวาสินี เอกา กุลธีตา รฺโ ตํ วิภวสมฺปตฺตึ สิริโสภคฺคํ ราชานุภาวฺจ ปสฺสิตฺวา อจฺฉริยพฺภุตจิตฺตชาตา ‘‘อยํ เทวิทฺธิสทิสา วิภวสมฺปตฺติ กีทิเสน นุ โข กมฺมุนา ลพฺภตี’’ติ ปณฺฑิตสมฺมเต ปุจฺฉิ. เต ตสฺสา กเถสุํ ‘‘ภทฺเท, ปุฺกมฺมํ นาม จินฺตามณิสทิสํ กปฺปรุกฺขสทิสํ, เขตฺตสมฺปตฺติยา จิตฺตสมฺปตฺติยา จ สติ ยํ ยํ ปตฺเถตฺวา กโรติ, ตํ ตํ นิปฺผาเทติเยว. อปิจ อาสนทาเนน อุจฺจากุลีนตา โหติ, อนฺนทาเนน พลสมฺปตฺติปฏิลาโภ, วตฺถทาเนน วณฺณสมฺปตฺติปฏิลาโภ, ยานทาเนน สุขวิเสสปฏิลาโภ, ทีปทาเนน จกฺขุสมฺปตฺติปฏิลาโภ, อาวาสทาเนน สพฺพสมฺปตฺติปฏิลาโภ โหตี’’ติ. สา ตํ สุตฺวา ‘‘เทวสมฺปตฺติ อิโต อุฬารา โหติ มฺเ’’ติ ตตฺถ จิตฺตํ เปตฺวา ปุฺกิริยาย อติวิย อุสฺสาหชาตา อโหสิ.

มาตาปิตโร จสฺสา อหตํ วตฺถยุคํ นวปีํ เอกํ ปทุมกลาปํ สปฺปิมธุสกฺขรา ตณฺฑุลขีรานิ จ ปริโภคตฺถาย เปเสสุํ. สา ตานิ ทิสฺวา ‘‘อหฺจ ทานํ ทาตุกามา, อยฺจ เม เทยฺยธมฺโม ลทฺโธ’’ติ ตุฏฺมานสา ทุติยทิวเส ทานํ สชฺเชนฺตี อปฺโปทกมธุปายาสํ สมฺปาเทตฺวา, ตสฺส ปริวารภาเวน อฺมฺปิ พหุํ ขาทนียโภชนียํ ปฏิยาเทตฺวา ทานคฺเค คนฺธปริภณฺฑํ กตฺวา วิกสิตปทุมปตฺตกิฺชกฺขเกสโรปโสภิเตสุ ปทุเมสุ อาสนํ ปฺาเปตฺวา, อหเตน เสตวตฺเถน อตฺถริตฺวา อาสนสฺส จตุนฺนํ ปาทานํ อุปริ จตฺตาริ ปทุมานิ มาลาคุฬฺจ เปตฺวา, อาสนสฺส อุปริ วิตานํ พนฺธิตฺวา มาลาทามโอลมฺพกทามานิ โอลมฺพิตฺวา, อาสนสฺส สมนฺตโต ภูมึ สเกสเรหิ ปทุมปตฺเตหิ สพฺพสนฺถรํ สนฺถริตฺวา ‘‘ทกฺขิเณยฺเย อาคเต ปูเชสฺสามี’’ติ ปุปฺผปูริตํ จงฺโกฏกํ เอกมนฺเต เปสิ.

อเถวํ กตทานูปกรณสํวิธานา สีสํนฺหาตา สุทฺธวตฺถนิวตฺถา สุทฺธุตฺตราสงฺคา เวลํ สลฺลกฺเขตฺวา เอกํ ทาสึ อาณาเปสิ ‘‘คจฺฉ เช, อมฺหากํ ตาทิสํ ทกฺขิเณยฺยํ ปริเยสาหี’’ติ. เตน จ สมเยน อายสฺมา สาริปุตฺโต สหสฺสถวิกํ นิกฺขิปนฺโต วิย ราชคเห ปิณฺฑาย จรนฺโต อนฺตรวีถึ ปฏิปนฺโน โหติ. อถ สา ทาสี เถรํ วนฺทิตฺวา อาห ‘‘ภนฺเต, ตุมฺหากํ ปตฺตํ เม เทถา’’ติ. ‘‘เอกิสฺสา อุปาสิกาย อนุคฺคหตฺถํ อิโต เอถา’’ติ จ อาห. เถโร ตสฺสา ปตฺตํ อทาสิ. สา เถรํ เคหํ ปเวเสสิ. อถ สา อิตฺถี เถรสฺส ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา อาสนํ ทสฺเสตฺวา ‘‘นิสีทถ, ภนฺเต, อิทมาสนํ ปฺตฺต’’นฺติ วตฺวา เถเร ตตฺถ นิสินฺเน สเกสเรหิ ปทุมปตฺเตหิ เถรํ ปูชยมานา อาสนสฺส สมนฺตโต โอกิริตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา สปฺปิมธุสกฺขราสมฺมิสฺเสน อปฺโปทกมธุปายาเสน ปริวิสิ. ปริวิสนฺตี จ ‘‘อิมสฺส เม ปุฺสฺสานุภาเวน ทิพฺพคชกูฏาคารปลฺลงฺกโสภิตา ทิพฺพสมฺปตฺติโย โหนฺตุ, สพฺพาสุ ปวตฺตีสุ ปทุมา นาม มา วิคตา โหนฺตู’’ติ ปตฺถนํ อกาสิ. ปุน เถเร กตภตฺตกิจฺเจ ปตฺตํ โธวิตฺวา สปฺปิมธุสกฺขราหิ ปูเรตฺวา ปลฺลงฺเก อตฺถตํ สาฏกํ จุมฺพฏกํ กตฺวา เถรสฺส หตฺเถ เปตฺวา เถเร จ อนุโมทนํ กตฺวา ปกฺกมนฺเต ทฺเว ปุริเส อาณาเปสิ ‘‘เถรสฺส หตฺเถ ปตฺตํ อิมฺจ ปลฺลงฺกํ วิหารํ เนตฺวา เถรสฺส นิยฺยาเตตฺวา อาคจฺฉถา’’ติ. เต ตถา อกํสุ.

สา อปรภาเค กาลํ กตฺวา ตาวตึสภวเน โยชนสตุพฺเพเธ กนกวิมาเน นิพฺพตฺติ อจฺฉราสหสฺสปริวารา. ปตฺถนาวเสน จสฺสา ปฺจโยชนุพฺเพโธ ปทุมมาลาลงฺกโต สมนฺตโต ปทุมปตฺตกิฺชกฺขเกสโรปโสภิโต มนุฺทสฺสโน สุขสมฺผสฺโส วิวิธรตนรํสิชาลสมุชฺชลเหมาภรณวิภูสิโต คชวโร นิพฺพตฺติ. ตสฺสูปริ ยถาวุตฺตโสภาติสยยุตฺโต โยชนิโก กนกปลฺลงฺโก นิพฺพตฺติ. สา ทิพฺพสมฺปตฺตึ อนุภวนฺตี อนฺตรนฺตรา ตํ กุฺชรวิมานสฺส อุปริ รตนวิจิตฺตํ ปลฺลงฺกํ อภิรุยฺห มหตา เทวตานุภาเวน นนฺทนวนํ คจฺฉติ. อเถกสฺมึ อุสฺสวทิวเส เทวตาสุ ยถาสกํ ทิพฺพานุภาเวน อุยฺยานกีฬนตฺถํ นนฺทนวนํ คจฺฉนฺตีสูติอาทินา สพฺพํ ปมปีวิมานวณฺณนายํ อาคตสทิสํ, ตสฺมา ตตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. อิธ ปน เถโร –

๓๑.

‘‘กุฺชโร เต วราโรโห, นานารตนกปฺปโน;

รุจิโร ถามวา ชวสมฺปนฺโน, อากาสมฺหิ สมีหติ.

๓๒.

‘‘ปทุมิ ปทฺมปตฺตกฺขิ, ปทฺมุปฺปลชุตินฺธโร;

ปทฺมจุณฺณาภิกิณฺณงฺโค, โสณฺณโปกฺขรมาลธา.

๓๓.

‘‘ปทุมานุสฏํ มคฺคํ, ปทฺมปตฺตวิภูสิตํ;

ิตํ วคฺคุ มนุคฺฆาตี, มิตํ คจฺฉติ วารโณ.

๓๔.

‘‘ตสฺส ปกฺกมมานสฺส, โสณฺณกํสา รติสฺสรา;

เตสํ สุยฺยติ นิคฺโฆโส, ตูริเย ปฺจงฺคิเก ยถา.

๓๕.

‘‘ตสฺส นาคสฺส ขนฺธมฺหิ, สุจิวตฺถา อลงฺกตา;

มหนฺตํ อจฺฉราสงฺฆํ, วณฺเณน อติโรจสิ.

๓๖.

‘‘ทานสฺส เต อิทํ ผลํ, อโถ สีลสฺส วา ปน;

อโถ อฺชลิกมฺมสฺส, ตํ เม อกฺขาหิ ปุจฺฉิตา’’ติ. – อาห;

๓๑. ตตฺถ กุฺชโร เต วราโรโหติ กุฺเช คิริตเฏ รมติ อภิรมติ, ตตฺถ วา รวติ โกฺจนาทํ นทนฺโต วิจรติ. กุํ วา ปถวึ ตทภิฆาเตน ชรยตีติ กุฺชโร, คิริจราทิเภโท มนุสฺสโลเก หตฺถี, อยํ ปน กีฬนกาเล กุฺชรสทิสตาย เอวํ วุตฺโต. อารุยฺหตีติ อาโรโห, อาโรหนีโยติ อตฺโถ. วโร อคฺโค เสฏฺโ อาโรโหติ วราโรโห, อุตฺตมยานนฺติ วุตฺตํ โหติ. นานารตนกปฺปโนติ นานาวิธานิ รตนานิ เอเตสนฺติ นานารตนา, กุมฺภาลงฺการาทิหตฺถาลงฺการา. เตหิ วิหิโต กปฺปนฺโน สนฺนาโห ยสฺส โส นานารตนกปฺปโน. รุจึ อภิรตึ เทตีติ รุจิโร, มนุฺโติ อตฺโถ. ถามวาติ ถิโร, พลวาติ อตฺโถ. ชวสมฺปนฺโนติ สมฺปนฺนชโว, สีฆชโวติ วุตฺตํ โหติ. อากาสมฺหิ สมีหตีติ อากาเส อนฺตลิกฺเข สมฺมา อีหติ, อารุฬฺหานํ โขภํ อกโรนฺโต จรติ คจฺฉตีติ อตฺโถ.

๓๒. ปทุมีติ ปทุมสมานวณฺณตาย ‘‘ปทุม’’นฺติ ลทฺธนาเมน กุมฺภวณฺเณน สมนฺนาคตตฺตา ปทุมี. ปทฺมปตฺตกฺขีติ กมลทลสทิสนยเน, อาลปนเมตํ ตสฺสา เทวตาย. ปทฺมุปฺปลชุตินฺธโรติ ทิพฺพปทุมุปฺปลมาลาลงฺกตสรีรตาย ตหํ ตหํ วิปฺผุรนฺตํ วิชฺโชตมานํ ปทุมุปฺปลชุตึ ธาเรตีติ ปทุมุปฺปลชุตินฺธโร. ปทฺมจุณฺณาภิกิณฺณงฺโคติ ปทุมปตฺตกิฺชกฺขเกสเรหิ สมนฺตโต โอกิณฺณคตฺโต. โสณฺณโปกฺขรมาลธาติ เหมมยกมลมาลาภารี.

๓๓. ปทุมานุสฏํ มคฺคํ ปทฺมปตฺตวิภูสิตนฺติ หตฺถิโน ปทนิกฺเขเป ปทนิกฺเขเป ตสฺส ปาทํ สนฺธาเรนฺเตหิ มหนฺเตหิ ปทุเมหิ อนุสฏํ วิปฺปกิณฺณํ, นานาวิราควณฺเณหิ เตสํเยว จ ปตฺเตหิ อิโต จิโต จ ปริพฺภมนฺเตหิ วิเสสโต มณฺฑิตตาย วิภูสิตํ มคฺคํ คจฺฉตีติ โยชนา. ิตนฺติ อิทํ มคฺควิเสสนํ, ปทุมปตฺตวิภูสิตํ หุตฺวา ิตํ มคฺคนฺติ อตฺโถ. วคฺคูติ จารุ, กิริยาวิเสสนฺเจตํ, ม-กาโร ปทสนฺธิกโร. อนุคฺฆาตีติ น อุคฺฆาติ, อตฺตโน อุปริ นิสินฺนานํ อีสกมฺปิ โขภํ อกโรนฺโตติ อตฺโถ. มิตนฺติ นิมฺมิตํ, นิกฺเขปปทํ วีติกฺกมนฺติ อตฺโถ. อยฺเหตฺถ อตฺโถ ‘‘วคฺคุ จารุ ปทนิกฺเขปํ กตฺวา คจฺฉตี’’ติ. มิตนฺติ วา ปริมิตํ ปมาณยุตฺตํ, นาติสีฆํ, นาติสณิกนฺติ วุตฺตํ โหติ. วารโณติ หตฺถี. โส หิ ปจฺจตฺถิกวารณโต คมนปริกฺกิเลสวารณโต จ ‘‘วารโณ’’ติ วุจฺจติ.

๓๔. ตสฺส ปกฺกมมานสฺส, โสณฺณสํกา รติสฺสราติ ตสฺส ยถาวุตฺตสฺส กุฺชรสฺส คจฺฉนฺตสฺส โสณฺณกํสา สุวณฺณมยา ฆณฺฏา รติสฺสรา รมณียสทฺทา มนุฺนิคฺโฆสา โอลมฺพนฺตีติ อธิปฺปาโย. ตสฺส หิ กุฺชรสฺส อุโภสุ ปสฺเสสุ มหาโกลมฺพปฺปมาณา มณิมุตฺตาทิขจิตา เหมมยา อเนกสตา มหนฺติโย ฆณฺฏา ตหํ ตหํ โอลมฺพมานา ปจลนฺติ, ยโต เฉเกน คนฺธพฺพเกน ปยุตฺตวาทิตโต อติวิย มโนหรสทฺโท นิจฺฉรติ. เตนาห ‘‘เตสํ สุยฺยติ นิคฺโฆโส, ตูริเย ปฺจงฺคิเก ยถา’’ติ. ตสฺสตฺโถ – ยถา นาม อาตตํ วิตตํ อาตตวิตตํ ฆนํ สุสิรนฺติ เอวํ ปฺจงฺคิเก ตูริเย กุสเลหิ วาทิยมาเน านุปฺปตฺติยา มนฺทตารวิภาคํ ทสฺเสนฺเตน คายนฺเตน สมีริโต วาทิตสโร วคฺคุ รชนีโย นิคฺโฆโส สุยฺยติ, เอวํ เตสํ โสวณฺณกํสานํ ตปนียฆณฺฏานํ นิคฺโฆโส สุยฺยตีติ.

๓๕. นาคสฺสาติ หตฺถินาคสฺส. มหนฺตนฺติ สมฺปตฺติมหตฺเตนาปิ สงฺขฺยามหตฺเตนาปิ มหนฺตํ. อจฺฉราสงฺฆนฺติ เทวกฺาสมูหํ. วณฺเณนาติ รูเปน.

๓๖. ทานสฺสาติ ทานมยปุฺสฺส. สีลสฺสาติ กายิกสํวราทิสํวรสีลสฺส. วา-สทฺโท อวุตฺตวิกปฺปนตฺโถ. เตน อภิวาทนาทึ อวุตฺตํ จาริตฺตสีลํ สงฺคณฺหาติ.

เอวํ เถเรน ปุจฺฉิตา สา เทวตา ปฺหํ วิสฺสชฺเชสิ, ตมตฺถํ ทสฺเสตุํ –

๓๗.

‘‘สา เทวตา อตฺตมนา, โมคฺคลฺลาเนน ปุจฺฉิตา;

ปฺหํ ปุฏฺา วิยากาสิ, ยสฺส กมฺมสฺสิทํ ผล’’นฺติ. –

อยํ คาถา ธมฺมสงฺคาหเกหิ วุตฺตา, ตสฺสา อตฺโถ เหฏฺา วุตฺโต เอว.

๓๘.

‘‘ทิสฺวาน คุณสมฺปนฺนํ, ฌายึ ฌานรตํ สตํ;

อทาสึ ปุปฺผาภิกิณฺณํ, อาสนํ ทุสฺสสนฺถตํ.

๓๙.

‘‘อุปฑฺฒํ ปทฺมมาลาหํ, อาสนสฺส สมนฺตโต;

อพฺโภกิริสฺสํ ปตฺเตหิ, ปสนฺนา เสหิ ปาณิภิ.

๔๐.

‘‘ตสฺส กมฺมกุสลสฺส, อิทํ เม อีทิสํ ผลํ;

สกฺกาโร ครุกาโร จ, เทวานํ อปจิตา อหํ.

๔๑.

‘‘โย เว สมฺมาวิมุตฺตานํ, สนฺตานํ พฺรหฺมจารินํ;

ปสนฺโน อาสนํ ทชฺชา, เอวํ นนฺเท ยถา อหํ.

๔๒.

‘‘ตสฺมา หิ อตฺตกาเมน, มหตฺตมภิกงฺขตา;

อาสนํ ทาตพฺพํ โหติ, สรีรนฺติมธาริน’’นฺติ. – เทวตาย วุตฺตคาถา;

๓๘. ตตฺถ คุณสมฺปนฺนนฺติ สพฺเพหิ สาวกคุเณหิ สมนฺนาคตํ, เตหิ วา ปริปุณฺณํ. เอเตน สาวกปารมิาณสฺส มตฺถกปฺปตฺตึ ทสฺเสติ. ฌายินฺติ อารมฺมณูปนิชฺฌานํ ลกฺขณูปนิชฺฌานนฺติ ทุวิเธนาปิ ฌาเนน ฌายนสีลํ, เตน วา ฌาเปตพฺพํ สพฺพสํกิเลสปกฺขํ ฌาเปตฺวา ิตํ. ตโต เอว ฌาเน รตนฺติ ฌานรตํ. สตนฺติ สมานํ, สนฺตํ วา, สปฺปุริสนฺติ อตฺโถ. ปุปฺผาภิกิณฺณนฺติ ปุปฺเผหิ อภิกิณฺณํ, กมลทเลหิ อภิปฺปกิณฺณนฺติ อตฺโถ. ทุสฺสสนฺถตนฺติ วตฺเถน อุปริ อตฺถตํ.

๓๙. อุปฑฺฒํ ปทฺมมาลาหนฺติ อุปฑฺฒํ ปทุมปุปฺผํ อหํ. อาสนสฺส สมนฺตโตติ เถเรน นิสินฺนสฺส อาสนสฺส สมนฺตา ภูมิยํ. อพฺโภกิริสฺสนฺติ อภิโอกิรึ อภิปฺปกิรึ. กถํ? ปตฺเตหีติ, ตสฺส อุปฑฺฒปทุมสฺส วิสุํ วิสุํ กเตหิ ปตฺเตหิ ปุปฺผวสฺสาภิวสฺสนกนิยาเมน โอกิรินฺติ อตฺโถ.

๔๐. อิทํ เม อีทิสํ ผลนฺติ อิมินา ‘‘กุฺชโร เต วราโรโห’’ติอาทินา เถเรน คหิตํ อคฺคหิตฺจ อายุยสสุขรูปาทิเภทํ อตฺตโน ทิพฺพสมฺปตฺตึ เอกโต ทสฺเสตฺวา ปุนปิ เถเรน อคฺคหิตเมว อตฺตโน อานุภาวสมฺปตฺตึ ทสฺเสตุํ ‘‘สกฺกาโร ครุกาโร’’ติอาทิมาห. เตน ‘‘น เกวลํ ภนฺเต ตุมฺเหหิ ยถาวุตฺตเมว อิธ มยฺหํ ปุฺผลํ, อปิจ โข อิทํ ทิพฺพํ อาธิปเตยฺยมฺปี’’ติ ทสฺเสติ. ตตฺถ สกฺกาโรติ อาทรกิริยา, เทเวหิ อตฺตโน สกฺกาตพฺพตาติ อตฺโถ. ตถา ครุกาโรติ ครุกาตพฺพตา. เทวานนฺติ เทเวหิ. อปจิตาติ ปูชิตา.

๔๑. สมฺมาวิมุตฺตานนฺติ สุฏฺุ วิมุตฺตานํ สพฺพสํกิเลสปฺปหายีนํ. สนฺตานนฺติ สนฺตกายวจีมโนกมฺมานํ สาธูนํ. มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส จ สาสนพฺรหฺมจริยสฺส จ จิณฺณตฺตา พฺรหฺมจารินํ. ปสนฺโน อาสนํ ทชฺชาติ กมฺมผลสทฺธาย รตนตฺตยสทฺธาย จ ปสนฺนมานโส หุตฺวา ยทิ อาสนมตฺตมฺปิ ทเทยฺย. เอวํ นนฺเท ยถา อหนฺติ ยถา อหํ เตน อาสนทาเนน เอตรหิ นนฺทามิ โมทามิ, เอวเมว อฺโปิ นนฺเทยฺย โมเทยฺย.

๔๒. ตสฺมาติ เตน การเณน. หิ-สทฺโท นิปาตมตฺตํ. อตฺตกาเมนาติ อตฺตโน หิตกาเมน. โย หิ อตฺตโน หิตาวหํ กมฺมํ กโรติ, น อหิตาวหํ, โส อตฺตกาโม. มหตฺตนฺติ วิปากมหตฺตํ. สรีรนฺติมธารินนฺติ อนฺติมํ เทหํ ธาเรนฺตานํ, ขีณาสวานนฺติ อตฺโถ. อยฺเหตฺถ อตฺโถ – ยสฺมา อรหตํ อาสนทาเนน อหํ เอวํ ทิพฺพสมฺปตฺติยา โมทามิ, ตสฺมา อฺเนาปิ อตฺตโน อภิวุทฺธึ ปตฺถยมาเนน อนฺติมสมุสฺสเย ิตานํ อาสนํ ทาตพฺพํ, นตฺถิ ตาทิสํ ปุฺนฺติ ทสฺเสติ. เตสํ วุตฺตสทิสเมวาติ.

กุฺชรวิมานวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. ปมนาวาวิมานวณฺณนา

สุวณฺณจฺฉทนํ นาวนฺติ นาวาวิมานํ. ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควติ สาวตฺถิยํ วิหรนฺเต โสฬสมตฺตา ภิกฺขู อฺตรสฺมึ คามกาวาเส วสิตฺวา วุตฺถวสฺสา ‘‘ภควนฺตํ ปสฺสิสฺสาม, ธมฺมฺจ สุณิสฺสามา’’ติ สาวตฺถึ อุทฺทิสฺส คิมฺหสมเย อทฺธานมคฺคํ ปฏิปนฺนา, อนฺตรามคฺเค จ นิรุทโก กนฺตาโร, เต จ ตตฺถ ฆมฺมาภิตตฺตา กิลนฺตา ตสิตา ปานียํ อลภมานา อฺตรสฺส คามสฺส อวิทูเรน คจฺฉนฺติ. ตตฺถ อฺตรา อิตฺถี อุทกภาชนํ คเหตฺวา อุทกตฺถาย อุทปานาภิมุขี คจฺฉติ. อถ เต ภิกฺขู ตํ ทิสฺวา ‘‘ยตฺถายํ อิตฺถี คจฺฉติ, ตตฺถ คเต ปานียํ ลทฺธุํ สกฺกา’’ติ ปิปาสาปเรตา ตํทิสาภิมุขา คนฺตฺวา อุทปานํ ทิสฺวา ตสฺสา อวิทูเร อฏฺํสุ. สา อิตฺถี ตโต อุทกํ คเหตฺวา นิวตฺติตุกามา เต ภิกฺขู ทิสฺวา ‘‘อิเม อยฺยา อุทเกน อตฺถิกา ปิปาสิตา’’ติ ตฺวา ครุจิตฺตีการํ อุปฏฺเปตฺวา อุทเกน นิมนฺเตสิ. เต ปตฺตถวิกโต ปริสฺสาวนํ นีหริตฺวา ปริสฺสาเวตฺวา ยาวทตฺถํ ปานียํ ปิวิตฺวา หตฺถปาเท สีตเล กตฺวา ตสฺสา อิตฺถิยา ปานียทาเน อนุโมทนํ วตฺวา อคมํสุ.

สา ตํ ปุฺํ หทเย เปตฺวา อนฺตรนฺตรา อนุสฺสรนฺตี อปรภาเค กาลํ กตฺวา ตาวตึสภวเน นิพฺพตฺติ. ตสฺสา ปุฺานุภาเวน กปฺปรุกฺโขปโสภิตํ มหนฺตํ วิมานํ อุปฺปชฺชิ. ตํ วิมานํ ปริกฺขิปิตฺวา มุตฺตชาลรชตวิภูสิตา วิย สิกตาวกิณฺณปณฺฑรปุลินตฏา มณิกฺขนฺธนิมฺมลสลิลวาหินี สริตา. ตสฺสา อุโภสุ ตีเรสุ อุยฺยานวิมานทฺวาเร จ มหตี โปกฺขรณี ปฺจวณฺณปทุมสณฺฑมณฺฑิตา สห สุวณฺณนาวาย นิพฺพตฺติ. สา ตตฺถ ทิพฺพสมฺปตฺตึ อนุภวนฺตี นาวาย กีฬนฺตี ลฬนฺตี วิจรติ. อเถกทิวสํ อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เทวจาริกํ จรนฺโต ตํ เทวธีตรํ นาวาย กีฬนฺตึ ทิสฺวา ตาย กตปุฺกมฺมํ ปุจฺฉนฺโต –

๔๓.

‘‘สุวณฺณจฺฉทนํ นาวํ, นาริ อารุยฺห ติฏฺสิ;

โอคาหสิ โปกฺขรณึ, ปทฺมํ ฉินฺทสิ ปาณินา.

๔๔.

‘‘เกน เตตาทิโส วณฺโณ, เกน เต อิธ มิชฺฌติ;

อุปฺปชฺชนฺติ จ เต โภคา, เย เกจิ มนโส ปิยา.

๔๕.

‘‘ปุจฺฉามิ ตํ เทวิ มหานุภาเว,

มนุสฺสภูตา กิมกาสิ ปุฺํ;

เกนาสิ เอวํ ชลิตานุภาวา,

วณฺโณ จ เต สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ. – อาห;

ตโต เถเรน ปุฏฺาย เทวตาย วิสฺสชฺชิตาการํ ทสฺเสตุํ สงฺคีติกาเรหิ –

๔๖.

‘‘สา เทวตา อตฺตมนา, โมคฺคลฺลาเนน ปุจฺฉิตา;

ปฺหํ ปุฏฺา วิยากาสิ, ยสฺส กมฺมสฺสิทํ ผล’’นฺติ. –

อยํ คาถา วุตฺตา.

๔๗.

‘‘อหํ มนุสฺเสสุ มนุสฺสภูตา, ปุริมาย ชาติยา มนุสฺสโลเก;

ทิสฺวาน ภิกฺขู ตสิเต กิลนฺเต, อุฏฺาย ปาตุํ อุทกํ อทาสึ.

๔๘.

‘‘โย เว กิลนฺตาน ปิปาสิตานํ, อุฏฺาย ปาตุํ อุทกํ ททาติ;

สีโตทกา ตสฺส ภวนฺติ นชฺโช, ปหูตมลฺยา พหุปุณฺฑรีกา.

๔๙.

‘‘ตํ อาปคา อนุปริยนฺติ สพฺพทา, สีโตทกา วาลุกสนฺถตา นที;

อมฺพา จ สาลา ติลกา จ ชมฺพุโย, อุทฺทาลกา ปาฏลิโย จ ผุลฺลา.

๕๐.

‘‘ตํภูมิภาเคหิ อุเปตรูปํ, วิมานเสฏฺํ ภุส โสภมานํ;

ตสฺสีธ กมฺมสฺส อยํ วิปาโก, เอตาทิสํ ปุฺกตา ลภนฺติ.

๕๑.

‘‘เตน เมตาทิโส วณฺโณ, เตน เม อิธ มิชฺฌติ;

อุปฺปชฺชนฺติ จ เม โภคา, เย เกจิ มนโส ปิยา.

๕๒.

‘‘อกฺขามิ เต ภิกฺขุ มหานุภาว, มนุสฺสภูตา ยมกาสิ ปุฺํ;

เตนมฺหิ เอวํ ชลิตานุภาวา, วณฺโณ จ เม สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ. –

อยํ เทวตาย วิสฺสชฺชิตากาโร.

๔๓. ตตฺถ สุวณฺณจฺฉทนนฺติ วิจิตฺตภิตฺติวิรจเนหิ รตฺตสุวณฺณมเยหิ อุโภหิ ปสฺเสหิ ปฏิจฺฉาทิตพฺภนฺตรตาย เจว นานารตนสมุชฺชลิเตน กนกมยาลงฺกาเรน อุปริ ฉาทิตตาย จ สุวณฺณจฺฉทนํ. นาวนฺติ โปตํ. โส หิ โอรโต ปารํ ปวติ คจฺฉตีติ โปโต, สตฺเต เนตีติ นาวาติ จ วุจฺจติ. นารีติ ตสฺสา เทวธีตาย อาลปนํ. นรติ เนตีติ นโร, ปุริโส. ยถา หิ ปมปกติภูโต สตฺโต อิตราย ปกติยา เสฏฺตฺเถน ปุริ เสตีติ ‘‘ปุริโส’’ติ วุจฺจติ, เอวํ นยนฏฺเน ‘‘นโร’’ติ. ปุตฺตภาตุภูโตปิ หิ ปุคฺคโล มาตุเชฏฺภคินีนํ ปิตุฏฺาเน ติฏฺติ, ปเคว ภตฺตุภูโต. นรสฺส เอสาติ นารี, อยฺจ สมฺา มนุสฺสิตฺถีสุ ปวตฺตา รุฬฺหิวเสน อิตราสุปิ ตถา วุจฺจติ. โอคาหสิ โปกฺขรณินฺติ สติปิ รตฺตุปฺปลนีลุปฺปลาทิเก พหุวิเธ รตนมเย ชลชกุสุเม โปกฺขรสงฺขาตานํ ทิพฺพปทุมานํ ตตฺถ เยภุยฺเยน อตฺถิตาย ‘‘โปกฺขรณี’’ติ ลทฺธนามํ ทิพฺพสรํ ชลวิหารรติยา อนุปวิสสิ. ปทฺมํ ฉินฺทสิ ปาณินาติ รชตมยนาฬํ ปทุมราครตนมยปตฺตสงฺฆาตํ กนกมยกณฺณิกากิฺชกฺขเกสรํ ทิพฺพกมลํ ลีลารวินฺทํ กตฺตุกามตาย ตว หตฺเถน ภฺชสิ.

๔๗. ตสิเตติ ปิปาสิเต. กิลนฺเตติ ตาย ปิปาสาย อทฺธานปริสฺสเมน จ กิลนฺตกาเย. อุฏฺายาติ อุฏฺานวีริยํ กตฺวา, อาลสิยํ อนาปชฺชิตฺวาติ อตฺโถ.

๔๘. โย เวติอาทินา ยถา อหํ, เอวํ อฺเปิ อายตนคเตน อุทกทานปุฺเน เอตาทิสํ ผลํ ปฏิลภนฺตีติ ทิฏฺเน อทิฏฺสฺส อนุมานวิธึ ทสฺเสนฺตี เถเรน ปุฏฺมตฺถํ สาธารณโต วิสฺสชฺเชติ. ตตฺถ ตสฺสาติ นฺติ จ ยถาวุตฺตปุฺการินํ ปจฺจามสติ.

๔๙. อนุปริยนฺตีติ อนุรูปวเสน ปริกฺขิปนฺติ. ตสฺส วสนฏฺานปริกฺขิปเนน โสปิ ปริกฺขิตฺโต นาม โหติ. ติลกาติ พนฺธุชีวกปุปฺผสทิสปุปฺผา เอกา รุกฺขชาติ. อุทฺทาลกาติ วาตฆาตกา, เย ‘‘ราชรุกฺขา’’ติปิ วุจฺจนฺติ.

๕๐. ตํภูมิภาเคหีติ ตาทิเสหิ ภูมิภาเคหิ, ยถาวุตฺตโปกฺขรณีนทีอุยฺยานวนฺเตหิ ภูมิปเทเสหีติ อตฺโถ. อุเปตรูปนฺติ ปาสํสิยภาเวน อุเปตํ, เตสํ โปกฺขรณีอาทีนํ วเสน รมณียสนฺนิเวสนฺติ วุตฺตํ โหติ. ภุส โสภมานนฺติ ภุสํ อติวิย วิโรจมานํ วิมานเสฏฺํ ลภนฺตีติ โยชนา. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ.

ปมนาวาวิมานวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. ทุติยนาวาวิมานวณฺณนา

สุวณฺณจฺฉทนํ นาวนฺติ ทุติยนาวาวิมานํ. ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควติ สาวตฺถิยํ วิหรนฺเต อฺตโร ขีณาสวตฺเถโร อุปกฏฺาย วสฺสูปนายิกาย คามกาวาเส วสฺสํ อุปคนฺตุกาโม สาวตฺถิโต ตํ คามํ อุทฺทิสฺส ปจฺฉาภตฺตํ อทฺธานมคฺคปฏิปนฺโน, มคฺคปริสฺสเมน กิลนฺโต ตสิโต อนฺตรามคฺเค อฺตรํ คามํ สมฺปตฺโต, พหิคาเม ตาทิสํ ฉายูทกสมฺปนฺนฏฺานํ อปสฺสนฺโต ปริสฺสเมน จ อภิภุยฺยมาโน จีวรํ ปารุปิตฺวา คามํ ปวิสิตฺวา ธุรเคหสฺเสว ทฺวาเร อฏฺาสิ. ตตฺถ อฺตรา อิตฺถี เถรํ ปสฺสิตฺวา ‘‘กุโต, ภนฺเต, อาคตตฺถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา มคฺคปริสฺสมํ ปิปาสิตภาวฺจ ตฺวา ‘‘เอถ, ภนฺเต’’ติ เคหํ ปเวเสตฺวา ‘‘อิธ นิสีทถา’’ติ อาสนํ ปฺาเปตฺวา อทาสิ. ตตฺถ นิสินฺเน ปาโททกํ ปาทพฺภฺชนเตลฺจ ทตฺวา ตาลวณฺฏํ คเหตฺวา พีชิ. ปริฬาเห วูปสนฺเต มธุรํ สีตลํ สุคนฺธํ ปานกํ โยเชตฺวา อทาสิ. เถโร ตํ ปิวิตฺวา ปฏิปฺปสฺสทฺธกิลมโถ อนุโมทนํ กตฺวา ปกฺกามิ. สา อปรภาเค กาลํ กตฺวา ตาวตึสภวเน นิพฺพตฺตีติ สพฺพํ อนนฺตรวิมานสทิสนฺติ เวทิตพฺพํ. คาถาสุปิ อปุพฺพํ นตฺถิ. เตน วุตฺตํ –

๕๓.

‘‘สุวณฺณจฺฉทนํ นาวํ, นาริ อารุยฺห ติฏฺสิ;

โอคาหสิ โปกฺขรณึ, ปทฺมํ ฉินฺทสิ ปาณินา.

๕๔.

‘‘เกน เตตาทิโส วณฺโณ, เกน เต อิธ มิชฺฌติ;

อุปฺปชฺชนฺติ จ เต โภคา, เย เกจิ มนโส ปิยา.

๕๕.

‘‘ปุจฺฉามิ ตํ เทวิ มหานุภาเว, มนุสฺสภูตา กิมกาสิ ปุฺํ;

เกนาสิ เอวํ ชลิตานุภาวา, วณฺโณ จ เต สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ.

๕๖.

‘‘สา เทวตา อตฺตมนา, โมคฺคลฺลาเนน ปุจฺฉิตา;

ปฺหํ ปุฏฺา วิยากาสิ, ยสฺส กมฺมสฺสิทํ ผลํ’’.

๕๗.

‘‘อหํ มนุสฺเสสุ มนุสฺสภูตา, ปุริมาย ชาติยา มนุสฺสโลเก;

ทิสฺวาน ภิกฺขุํ ตสิตํ กิลนฺตํ, อุฏฺาย ปาตุํ อุทกํ อทาสึ.

๕๘.

‘‘โย เว กิลนฺตสฺส ปิปาสิตสฺส, ฏฺาย ปาตุํ อุทกํ ททาติ;

สีโตทกา ตสฺส ภวนฺติ นชฺโช, ปหูตมลฺยา พหุปุณฺฑรีกา.

๕๙.

‘‘ตํ อาปคา อนุปริยนฺติ สพฺพทา, สีโตทกา วาลุกสนฺถตา นที;

อมฺพา จ สาลา ติลกา จ ชมฺพุโย, อุทฺทาลกา ปาฏลิโย จ ผุลฺลา.

๖๐.

‘‘ตํภูมิภาเคหิ อุเปตรูปํ, วิมานเสฏฺํ ภุส โสภมานํ;

ตสฺสีธ กมฺมสฺส อยํ วิปาโก, เอตาทิสํ ปุฺกตา ลภนฺติ.

๖๑.

‘‘เตน เมตาทิโส วณฺโณ, เตน เม อิธ มิชฺฌติ;

อุปฺปชฺชนฺติ จ เม โภคา, เย เกจิ มนโส ปิยา.

๖๒.

‘‘อกฺขามิ เต ภิกฺขุ มหานุภาว, มนุสฺสภูตา ยมกาสิ ปุฺํ;

เตนมฺหิ เอวํ ชลิตานุภาวา, วณฺโณ จ เม สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ.

อตฺถวณฺณนาสุปิ อิธ เอโกว เถโรติ อปุพฺพํ นตฺถิ.

ทุติยนาวาวิมานวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. ตติยนาวาวิมานวณฺณนา

สุวณฺณจฺฉทนํ นาวนฺติ ตติยนาวาวิมานํ. ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควา ชนปทจาริกํ จรนฺโต มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ โกสลชนปเท เยน ถูณํ นาม พฺราหฺมณคาโม ตทวสริ. อสฺโสสุํ โข ถูเณยฺยกา พฺราหฺมณคหปติกา ‘‘สมโณ กิร โคตโม อมฺหากํ คามเขตฺตํ อนุปฺปตฺโต’’ติ. อถ ถูเณยฺยกา พฺราหฺมณคหปติกา อปฺปสนฺนา มิจฺฉาทิฏฺิกา มจฺเฉรปกตา ‘‘สเจ สมโณ โคตโม อิมํ คามํ ปวิสิตฺวา ทฺวีหตีหํ วเสยฺย, สพฺพํ อิมํ ชนํ อตฺตโน วจเน ปติฏฺเปยฺย, ตโต พฺราหฺมณธมฺโม ปติฏฺํ น ลเภยฺยา’’ติ ตตฺถ ภควโต อวาสาย ปริสกฺกนฺตา นทีติตฺเถสุ ปิตนาวาโย อปเนสุํ, เสตุสงฺกมนานิ จ อวลฺเช อกํสุ, ตถา ปปามณฺฑปาทีนิ, เอกํ อุทปานํ เปตฺวา อิตรานิ อุทปานานิ ติณาทีหิ ปูเรตฺวา ปิทหึสุ. เตน วุตฺตํ อุทาเน (อุทา. ๖๙) ‘‘อถ โข ถูเณยฺยกา พฺราหฺมณคหปติกา อุทปานํ ติณสฺส จ ภุสสฺส จ ยาว มุขโต ปูเรสุํ ‘มา เต มุณฺฑกา สมณกา ปานียํ อปํสู’’’ติ.

ภควา เตสํ ตํ วิปฺปการํ ตฺวา เต อนุกมฺปนฺโต สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆน อากาเสน นทึ อติกฺกมิตฺวา คนฺตฺวา อนุกฺกเมน ถูณํ พฺราหฺมณคามํ ปตฺวา มคฺคา โอกฺกมฺม อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ. เตน จ สมเยน สมฺพหุลา อุทกหารินิโย ภควโต อวิทูเรน อติกฺกมนฺติ. ตสฺมิฺจ คาเม ‘‘สเจ สมโณ โคตโม อิธาคมิสฺสติ, น ตสฺส ปจฺจุคฺคมนาทิกํ กาตพฺพํ, เคหํ อาคตสฺส จสฺส สาวกานฺจ ภิกฺขาปิ น ทาตพฺพา’’ติ กติกา กตา โหติ.

ตตฺถ อฺตรสฺส พฺราหฺมณสฺส ทาสี ฆเฏน ปานียํ คเหตฺวา คจฺฉนฺตี ภควนฺตํ ภิกฺขุสงฺฆปริวุตํ นิสินฺนํ ทิสฺวา ภิกฺขู จ มคฺคปริสฺสเมน กิลนฺเต ตสิเต ตฺวา ปสนฺนจิตฺตา ปานียํ ทาตุกามา หุตฺวา ‘‘ยทิปิ เม คามวาสิโน ‘สมณสฺส โคตมสฺส น กิฺจิ ทาตพฺพํ, สามีจิกมฺมมฺปิ น กาตพฺพ’นฺติ กติกํ กตฺวา ิตา, เอวํ สนฺเตปิ ยทิ อหํ อีทิเส ปุฺกฺเขตฺเต ทกฺขิเณยฺเย ลภิตฺวา ปานียทานมตฺเตนาปิ อตฺตโน ปติฏฺํ น กเรยฺยํ, กทาหํ อิโต ทุกฺขชีวิตโต มุจฺจิสฺสามิ, กามํ เม อยฺยโก สพฺเพปิเม คามวาสิโน มํ หนนฺตุ วา พนฺธนฺตุ วา, อีทิเส ปุฺกฺเขตฺเต ปานียทานํ ทสฺสามิ เอวา’’ติ สนฺนิฏฺานํ กตฺวา อฺาหิ อุทกหารินีหิ วาริยมานาปิ ชีวิเต นิรเปกฺขา สีสโต ปานียฆฏํ โอตาเรตฺวา อุโภหิ หตฺเถหิ ปริคฺคเหตฺวา เอกมนฺเต เปตฺวา สฺชาตปีติโสมนสฺสา ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา ปานีเยน นิมนฺเตสิ. ภควา ตสฺสา จิตฺตปฺปสาทํ โอโลเกตฺวา ตํ อนุคฺคณฺหนฺโต ปานียํ ปริสฺสาเวตฺวา หตฺถปาเท โธวิตฺวา ปานียํ ปิวิ, ฆเฏ อุทกํ ปริกฺขยํ น คจฺฉติ. สา ตํ ทิสฺวา ปุน ปสนฺนจิตฺตา เอกสฺส ภิกฺขุสฺส อทาสิ, ตถา อปรสฺส อปรสฺสาติ สพฺเพสมฺปิ อทาสิ, อุทกํ น ขียเตว. สา หฏฺตุฏฺา ยถาปุณฺเณน ฆเฏน เคหาภิมุขี อคมาสิ. ตสฺสา สามิโก พฺราหฺมโณ ปานียสฺส ทินฺนภาวํ สุตฺวา ‘‘อิมาย คามวตฺตํ ภินฺนํ, อหฺจ คารยฺโห กโต’’ติ โกเธน ปชฺชลนฺโต ตฏตฏายมาโน ตํ ภูมิยํ ปาเตตฺวา หตฺเถหิ จ ปาเทหิ จ ปหริ. สา เตน อุปกฺกเมน ชีวิตกฺขยํ ปตฺวา ตาวตึสภวเน นิพฺพติ, วิมานํ จสฺสา ปมนาวาวิมาเน วุตฺตสทิสํ อุปฺปชฺชิ.

อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามนฺเตสิ ‘‘อิงฺฆ เม ตฺวํ, อานนฺท, อุทปานโต ปานียํ อาหรา’’ติ. เถโร ‘‘อิทานิ, ภนฺเต, อุทปาโน ถูเณยฺยเกหิ ทูสิโต, น สกฺกา ปานียํ อาหริตุ’’นฺติ อาห. ภควา ทุติยมฺปิ ตติยมฺปิ อาณาเปสิ. ตติยวาเร เถโร ภควโต ปตฺตํ อาทาย อุทปานาภิมุโข อคมาสิ. คจฺฉนฺเต เถเร อุทปาเน อุทกํ ปริปุณฺณํ หุตฺวา อุตฺตริตฺวา สมนฺตโต สนฺทติ, สพฺพํ ติณภุสํ อุปลวิตฺวา สยเมว อปคจฺฉติ. เตน สนฺทมาเนน สลิเลน อุปรูปริ วฑฺฒนฺเตน อฺเ ชลาสเย ปูเรตฺวา ตํ คามํ ปริกฺขิปนฺเตน คามปฺปเทโส อชฺโฌตฺถรียติ. ตํ ปาฏิหาริยํ ทิสฺวา พฺราหฺมณา อจฺฉริยพฺภุตจิตฺตชาตา ภควนฺตํ ขมาเปสุํ, ตงฺขณฺเว อุทโกโฆ อนฺตรธายิ. เต ภควโต จ ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ นิวาสฏฺานํ สํวิธาย สฺวาตนาย นิมนฺเตตฺวา ทุติยทิวเส มหาทานํ สชฺเชตฺวา พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน ปริวิสิตฺวา สพฺเพ ถูเณยฺยกา พฺราหฺมณคหปติกา ภควนฺตํ ภุตฺตาวึ โอนีตปตฺตปาณึ ปยิรุปาสนฺตา นิสีทึสุ.

เตน จ สมเยน สา เทวตา อตฺตโน สมฺปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ตสฺสา การณํ อุปธาเรนฺตี ตํ ‘‘ปานียทาน’’นฺติ ตฺวา ปีติโสมนสฺสชาตา ‘‘หนฺทาหํ อิทาเนว ภควนฺตํ วนฺทิสฺสามิ, สมฺมาปฏิปนฺเนสุ กตานํ อปฺปกานมฺปิ การานํ อุฬารผลตฺจ มนุสฺสโลเก ปากฏํ กริสฺสามี’’ติ อุสฺสาหชาตา อจฺฉราสหสฺสปริวารา อุยฺยานาทิสหิเตน วิมาเนน สทฺธึเยว มหติยา เทวิทฺธิยา มหนฺเตน เทวานุภาเวน มหาชนกายสฺส ปสฺสนฺตสฺเสว อาคนฺตฺวา วิมานโต โอรุยฺห ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา อภิวาเทตฺวา อฺชลึ ปคฺคยฺห อฏฺาสิ. อถ นํ ภควา ตสฺสา ปริสาย กมฺมผลํ ปจฺจกฺขโต วิภาเวตุกาโม –

๖๓.

‘‘สุวณฺณจฺฉทนํ นาวํ, นาริ อารุยฺห ติฏฺสิ;

โอคาหสิ โปกฺขรณึ, ปทฺมํ ฉินฺทสิ ปาณินา.

๖๔.

‘‘กูฏาคารา นิเวสา เต, วิภตฺตา ภาคโส มิตา;

ททฺทลฺลมานา อาภนฺติ, สมนฺตา จตุโร ทิสา.

๖๕.

‘‘เกน เตตาทิโส วณฺโณ, เกน เต อิธ มิชฺฌติ;

อุปฺปชฺชนฺติ จ เต โภคา, เย เกจิ มนโส ปิยา.

๖๖.

‘‘ปุจฺฉามิ ตํ เทวิ มหานุภาเว, มนุสฺสภูตา กิมกาสิ ปุฺํ,

เกนาสิ เอวํ ชลิตานุภาวา, วณฺโณ จ เต สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ. –

จตูหิ คาถาหิ ปุจฺฉิ.

๖๗.

‘‘สา เทวตา อตฺตมนา, สมฺพุทฺเธเนว ปุจฺฉิตา;

ปฺหํ ปุฏฺา วิยากาสิ, ยสฺส กมฺมสฺสิทํ ผล’’นฺติ. –

สงฺคีติการา อาหํสุ.

๖๘.

‘‘อหํ มนุสฺเสสุ มนุสฺสภูตา, ปุริมาย ชาติยา มนุสฺสโลเก;

ทิสฺวาน ภิกฺขู ตสิเต กิลนฺเต, อุฏฺาย ปาตุํ อุทกํ อทาสึ.

๖๙.

‘‘โย เว กิลนฺตาน ปิปาสิตานํ, อุฏฺาย ปาตุํ อุทกํ ททาติ;

สีโตทกา ตสฺส ภวนฺติ นชฺโช, ปหูตมลฺยา พหุปุณฺฑรีกา.

๗๐.

‘‘ตํ อาปคา อนุปริยนฺติ สพฺพทา, สีโตทกา วาลุกสนฺถตา นที;

อมฺพา จ สาลา ติลกา จ ชมฺพุโย, อุทฺทาลกา ปาฏลิโย จ ผุลฺลา.

๗๑.

‘‘ตํภูมิภาเคหิ อุเปตรูปํ, วิมานเสฏฺํ ภุส โสภมานํ;

ตสฺสีธ กมฺมสฺส อยํ วิปาโก, เอตาทิสํ ปุฺกตา ลภนฺติ.

๗๒.

‘‘กูฏาคารา นิเวสา เม, วิภตฺตา ภาคโส มิตา;

ททฺทลฺลมานา อาภนฺติ, สมนฺตา จตุโร ทิสา.

๗๓.

‘‘เตน เมตาทิโส วณฺโณ, เตน เม อิธ มิชฺฌติ;

ตปฺปชฺชนฺติ จ เม โภคา, เย เกจิ มนโส ปิยา.

๗๔.

‘‘อกฺขามิ เต พุทฺธ มหานุภาว, มนุสฺสภูตา ยมกาสิ ปุฺํ;

เตนมฺหิ เอวํ ชลิตานุภาวา, วณฺโณ จ เม สพฺพทิสา ปภาสติ;

เอตสฺส กมฺมสฺส ผลํ มเมทํ, อตฺถาย พุทฺโธ อุทกํ อปายี’’ติ. –

วิสฺสชฺชนคาถาโย.

๖๓. ตตฺถ กิฺจาปิ สา เทวตา ยทา ภควา ปุจฺฉิ, ตทา ตํ นาวํ อารุยฺห น ิตา, น โปกฺขรณึ โอคาหติ, นาปิ ปทุมํ ฉินฺทติ, กมฺมานุภาวโจทิตา ปน อภิณฺหํ ชลวิหารปสุตา ตถา กโรตีติ ตํ กิริยาวิจฺเฉทํ ทสฺสนวเสเนวํ วุตฺตํ. อยฺจ อตฺโถ น เกวลมิเธว, อถ โข เหฏฺิเมสุปิ เอวเมว ทฏฺพฺโพ.

๗๒. กูฏาคาราติ สุวณฺณมยกณฺณิกาพทฺธเคหวนฺโต. นิเวสาติ นิเวสนานิ, กจฺฉรานีติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘วิภตฺตา ภาคโส มิตา’’ติ. ตานิ หิ จตุสาลภูตานิ อฺมฺสฺส ปฏิพิมฺพภูตานิ วิย ปฏิวิภตฺตรูปานิ สมปฺปมาณตาย ภาคโส มิตานิ วิย โหนฺติ. ททฺทลฺลมานาติ อติวิย วิชฺโชตมานา. อาภนฺตีติ มณิรตนกนกรํสิชาเลหิ โอภาเสนฺติ.

๗๔. มมาติ อิทํ ปุพฺพาปราเปกฺขํ, มม กมฺมสฺส มม อตฺถายาติ อยฺเหตฺถ โยชนา. อุทกํ อปายีติ ยเทตํ อุทกทานํ วุตฺตํ, เอตสฺส ปุฺกมฺมสฺส อิทํ ผลํ ยายํ ทิพฺพสมฺปตฺติ, ยสฺมา มมตฺถาย สเทวเก โลเก อคฺคทกฺขิเณยฺโย พุทฺโธ ภควา มยา ทินฺนํ อุทกํ อปายีติ. เสสํ วุตฺตนยเมว.

เอวํ ปสนฺนมานสาย เทวตาย ภควา สามุกฺกํสิกํ ธมฺมเทสนํ กโรนฺโต สจฺจานิ ปกาเสสิ. สา เทสนาปริโยสาเน โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สมฺปตฺตปริสายปิ ธมฺมเทสนา สาตฺถิกา อโหสิ.

ตติยนาวาวิมานวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. ทีปวิมานวณฺณนา

อภิกฺกนฺเตน วณฺเณนาติ ทีปวิมานํ. ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควติ สาวตฺถิยํ วิหรนฺเต อุโปสถทิวเส สมฺพหุลา อุปาสกา อุโปสถิกา หุตฺวา ปุเรภตฺตํ ยถาวิภวํ ทานํ ทตฺวา กาลสฺเสว ภุฺชิตฺวา สุทฺธวตฺถนิวตฺถา สุทฺธุตฺตราสงฺคา คนฺธมาลาทิหตฺถา ปจฺฉาภตฺตํ วิหารํ คนฺตฺวา มโนภาวนีเย ภิกฺขู ปยิรุปาสิตฺวา สายนฺเห ธมฺมํ สุณนฺติ. วิหาเรเยว วสิตุกามานํ เตสํ ธมฺมํ สุณนฺตานํเยว สูริโย อตฺถงฺคโต, อนฺธกาโร ชาโต. ตตฺเถกา อฺตรา อิตฺถี ‘‘อิทานิ ทีปาโลกํ กาตุํ ยุตฺต’’นฺติ จินฺเตตฺวา อตฺตโน เคหโต ปทีเปยฺยํ อาหราเปตฺวา ปทีปํ อุชฺชาเลตฺวา ธมฺมาสนสฺส ปุรโต เปตฺวา ธมฺมํ สุณิ. สา เตน ปทีปทาเนน อตฺตมนา ปีติโสมนสฺสชาตา หุตฺวา วนฺทิตฺวา อตฺตโน เคหํ คตา. สา อปรภาเค กาลํ กตฺวา ตาวตึสภวเน โชติรสวิมาเน นิพฺพตฺติ. สรีรโสภา ปนสฺสา อติวิย ปภสฺสรา อฺเ เทเว อภิภวิตฺวา ทส ทิสา โอภาสยมานา ติฏฺติ. อเถกทิวสํ อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เทวจาริกํ จรนฺโตติ สพฺพํ เหฏฺา อาคตนเยเนว เวทิตพฺพํ. อิธ ปน –

๗๕.

‘‘อภิกฺกนฺเตน วณฺเณน, ยา ตฺวํ ติฏฺสิ เทวเต;

โอภาเสนฺตี ทิสา สพฺพา, โอสธี วิย ตารกา.

๗๖.

‘‘เกน เตตาทิโส วณฺโณ, เกน เต อิธ มิชฺฌติ;

อุปฺปชฺชนฺติ จ เต โภคา, เย เกจิ มนโส ปิยา.

๗๗.

‘‘เกน ตฺวํ วิมโลภาสา, อติโรจสิ เทวตา;

เกน เต สพฺพคตฺเตหิ, สพฺพา โอภาสเต ทิสา.

๗๘.

‘‘ปุจฺฉามิ ตํ เทวิ มหานุภาเว, มนุสฺสภูตา กิมกาสิ ปุฺํ;

เกนาสิ เอวํ ชลิตานุภาวา, วณฺโณ จ เต สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ. –

จตูหิ คาถาหิ ปุจฺฉิ.

๗๙.

‘‘สา เทวตา อตฺตมนา, โมคฺคลฺลาเนน ปุจฺฉิตา;

ปฺหํ ปุฏฺา วิยากาสิ, ยสฺส กมฺมสฺสิทํ ผลํ’’.

๘๐.

‘‘อหํ มนุสฺเสสุ มนุสฺสภูตา, ปุริมาย ชาติยา มนุสฺสโลเก;

ตมนฺธการมฺหิ ติมีสิกายํ, ปทีปกาลมฺหิ อทาสิ ทีปํ.

๘๑.

‘‘โย อนฺธการมฺหิ ติมีสิกายํ, ปทีปกาลมฺหิ ททาติ ทีปํ;

อุปฺปชฺชติ โชติรสํ วิมานํ, ปหูตมลฺยํ พหุปุณฺฑรีกํ.

๘๒.

‘‘เตน เมตาทิโส วณฺโณ, เตน เม อิธ มิชฺฌติ;

อุปฺปชฺชนฺติ จ เม โภคา, เย เกจิ มนโส ปิยา.

๘๓.

‘‘เตนาหํ วิมโลภาสา, อติโรจามิ เทวตา;

เตน เม สพฺพคตฺเตหิ, สพฺพา โอภาสเต ทิสา.

๘๔.

‘‘อกฺขามิ เต ภิกฺขุ มหานุภาว, มนุสฺสภูตา ยมกาสิ ปุฺํ;

เตนมฺหิ เอวํ ชลิตานุภาวา, วณฺโณ จ เม สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ. –

วิสฺสชฺเชสิ.

๗๕. ตตฺถ อภิกฺกนฺเตน วณฺเณนาติ เอตฺถ อภิกฺกนฺต-สทฺโท ‘‘อภิกฺกนฺตา, ภนฺเต, รตฺติ, นิกฺขนฺโต ปโม ยาโม’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๘.๒๐; อุทา. ๔๕; จูฬว. ๓๘๓) ขเย อาคโต. ‘‘อยํ อิเมสํ จตุนฺนํ ปุคฺคลานํ อภิกฺกนฺตตโร จ ปณีตตโร จา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๑๐๐) สุนฺทเร. ‘‘อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต, อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๕๐; ปารา. ๑๕) อพฺภนุโมทเน. ‘‘อภิกฺกนฺเตน วณฺเณน, สพฺพา โอภาสยํ ทิสา’’ติอาทีสุ (วิ. ว. ๘๕๗) อภิรูเป. อิธาปิ อภิรูเป เอว ทฏฺพฺโพ. ตสฺมา อภิกฺกนฺเตนาติ อติกนฺเตน อติมนาเปน, อภิรูเปนาติ อตฺโถ. วณฺเณนาติ ฉวิวณฺเณน. โอภาเสนฺตี ทิสา สพฺพาติ สพฺพาปิ ทส ทิสา โชเตนฺตี เอกาโลกํ กโรนฺตี. กึ วิยาติ อาห ‘‘โอสธี วิย ตารกา’’ติ. อุสฺสนฺนา ปภา เอตาย ธียติ, โอสธีนํ วา อนุพลปฺปทายิกาติ กตฺวา ‘‘โอสธี’’ติ ลทฺธนามา ตารกา ยถา สมนฺตโต อาโลกํ กุรุมานา ติฏฺติ, เอวเมว ตฺวํ สพฺพา ทิสา โอภาสยนฺตี ติฏฺสีติ.

๗๗. สพฺพคตฺเตหีติ สพฺเพหิ สรีราวยเวหิ, สกเลหิ องฺคปจฺจงฺเคหิ โอภาสตีติ อธิปฺปาโย, เหตุมฺหิ เจตํ กรณวจนํ. สพฺพา โอภาสเต ทิสาติ สพฺพาปิ ทสทิสา วิชฺโชตติ. ‘‘โอภาสเร’’ติปิ ปนฺติ, เตสํ สพฺพา ทิสาติ พหุวจนเมว ทฏฺพฺพํ.

๘๑. ปทีปกาลมฺหีติ ปทีปกรณกาเล, ปทีปุชฺชลนโยคฺเค อนฺธกาเรติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘โย อนฺธการมฺหิ ติมีสิกาย’’นฺติ, พหเล มหนฺธกาเรติ อตฺโถ. ททาติ ทีปนฺติ ปทีปํ อุชฺชาเลนฺโต วา อนุชฺชาเลนฺโต วา ปทีปทานํ ททาติ, ปทีโปปกรณานิ ทกฺขิเณยฺเย อุทฺทิสฺส ปริจฺจชติ. อุปปชฺชติ โชติรสํ วิมานนฺติ ปฏิสนฺธิคฺคหณวเสน โชติรสํ วิมานํ อุปคจฺฉตีติ. เสสํ วุตฺตนยเมว.

อถ ยถาปุจฺฉิเต อตฺเถ เทวตาย กถิเต เถโร ตเมว กถํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา ทานาทิกถาย ตสฺสา กลฺลจิตฺตาทิภาวํ ตฺวา สจฺจานิ ปกาเสสิ, สจฺจปริโยสาเน สปริวารา สา เทวตา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. เถโร ตโต อาคนฺตฺวา ตํ ปวตฺตึ ภควโต อาโรเจสิ, ภควา ตสฺมึ วตฺถุสฺมึ สมฺปตฺตปริสาย วิตฺถาเรน ธมฺมํ เทเสสิ. สา เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา ชาตา, มหาชโน วิเสสโต ทีปทาเน สกฺกจฺจการี อโหสีติ.

ทีปวิมานวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. ติลทกฺขิณวิมานวณฺณนา

อภิกฺกนฺเตน วณฺเณนาติ ติลทกฺขิณวิมานํ. ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. เตน จ สมเยน ราชคเห อฺตรา อิตฺถี คพฺภินี ติเล โธวิตฺวา อาตเป สุกฺขาเปติ เตลํ กาตุกามา. สา จ ปริกฺขีณายุกา ตํ ทิวสเมว จวนธมฺมา, นิรยสํวตฺตนิกํ จสฺสา กมฺมํ โอกาสํ กตฺวา ิตํ. อถ นํ ภควา ปจฺจูสเวลายํ โลกํ โวโลเกนฺโต ทิพฺพจกฺขุนา ทิสฺวา จินฺเตสิ ‘‘อยํ อิตฺถี อชฺช กาลํ กตฺวา นิรเย นิพฺพตฺติสฺสติ, ยํนูนาหํ ติลภิกฺขาปฏิคฺคหเณน ตํ สคฺคูปคํ กเรยฺย’’นฺติ. โส สาวตฺถิโต ตงฺขเณเนว ราชคหํ คนฺตฺวา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ราชคเห ปิณฺฑาย จรนฺโต อนุปุพฺเพน ตสฺสา เคหทฺวารํ ปาปุณิ. สา อิตฺถี ภควนฺตํ ปสฺสิตฺวา สฺชาตปีติโสมนสฺสา สหสา อุฏฺหิตฺวา กตฺชลี อฺํ ทาตพฺพยุตฺตกํ อปสฺสนฺตี หตฺถปาเท โธวิตฺวา ติเล ราสึ กตฺวา อุโภหิ หตฺเถหิ ปริคฺคเหตฺวา อฺชลิปูรํ ติลํ ภควโต ปตฺเต อากิริตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิ. ตํ ภควา อนุกมฺปมาโน ‘‘สุขินี โหหี’’ติ วตฺวา ปกฺกามิ. สา ตสฺสา รตฺติยา ปจฺจูสสมเย กาลํ กตฺวา ตาวตึสภวเน ทฺวาทสโยชนิเก กนกวิมาเน สุตฺตปพุทฺธา วิย นิพฺพตฺติ.

อถายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เทวจาริกํ จรนฺโต ตํ อจฺฉราสหสฺสปริวุตํ มหติยา เทวิทฺธิยา วิโรจมานมุปคนฺตฺวา –

๘๕.

‘‘อภิกฺกนฺเตน วณฺเณน, ยา ตฺวํ ติฏฺสิ เทวเต;

โอภาเสนฺตี ทิสา สพฺพา, โอสธี วิย ตารกา.

๘๖.

‘‘เกน เตตาทิโส วณฺโณ, เกน เต อิธ มิชฺฌติ;

อุปฺปชฺชนฺติ จ เต โภคา, เย เกจิ มนโส ปิยา.

๘๗.

‘‘ปุจฺฉามิ ตํ เทวิ มหานุภาเว,

มนุสฺสภูตา กิมกาสิ ปุฺํ;

เกนาสิ เอวํ ชลิตานุภาวา,

วณฺโณ จ เต สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ. – ปุจฺฉิ;

๘๘.

‘‘สา เทวตา อตฺตมนา, โมคฺคลฺลาเนน ปุจฺฉิตา;

ปฺหํ ปุฏฺา วิยากาสิ, ยสฺส กมฺมสฺสิทํ ผลํ’’.

๘๙.

‘‘อหํ มนุสฺเสสุ มนุสฺสภูตา, ปุริมาย ชาติยา มนุสฺสโลเก.

๙๐.

‘‘อทฺทสํ วิรชํ พุทฺธํ, วิปฺปสนฺนมนาวิลํ;

อาสชฺช ทานํ อทาสึ, อกามา ติลทกฺขิณํ;

ทกฺขิเณยฺยสฺส พุทฺธสฺส, ปสนฺนา เสหิ ปาณิภิ.

๙๑.

‘‘เตน เมตาทิโส วณฺโณ, เตน เม อิธ มิชฺฌติ;

อุปฺปชฺชนฺติ จ เม โภคา, เย เกจิ มนโส ปิยา.

๙๒.

‘‘อกฺขามิ เต ภิกฺขุ มหานุภาว, มนุสฺสภูตา ยมกาสิ ปุฺํ;

เตนมฺหิ เอวํ ชลิตานุภาวา, วณฺโณ จ เม สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ. –

สา วิสฺสชฺเชสิ.

๙๐. ตตฺถ อาสชฺชาติ อยํ อาสชฺช-สทฺโท ‘‘อาสชฺช นํ ตถาคต’’นฺติอาทีสุ (จูฬว. ๓๕๐) ฆฏฺเฏน อาคโต. ‘‘อาสชฺช ทานํ เทตี’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๓๓๖; อ. นิ. ๘.๓๑) สมาคเม. อิธาปิ สมาคเมเยว ทฏฺพฺโพ. ตสฺมา อาสชฺชาติ สมาคนฺตฺวา, สมวาเยน สมฺปตฺวาติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘อกามา’’ติ. สา หิ เทยฺยธมฺมสํวิธานปุพฺพกํ ปุริมสิทฺธํ ทานสงฺกปฺปํ วินา สหสา สมฺปตฺเต ภควติ ปวตฺติตํ ติลทานํ สนฺธายาห ‘‘อาสชฺช ทานํ อทาสึ, อกามา ติลทกฺขิณ’’นฺติ. เสสํ วุตฺตนยเมว.

ติลทกฺขิณวิมานวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๑. ปมปติพฺพตาวิมานวณฺณนา

โกฺจา มยูรา ทิวิยา จ หํสาติ ปติพฺพตาวิมานํ. ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. ตตฺถ อฺตรา อิตฺถี ปติพฺพตา อโหสิ ภตฺตุ อนุกูลวตฺตินี ขมา ปทกฺขิณคฺคาหินี, น กุทฺธาปิ ปฏิปฺผรติ, อผรุสวาจา สจฺจวาทินี สทฺธา ปสนฺนา ยถาวิภวํ ทานานิ จ อทาสิ. สา เกนจิเทว โรเคน ผุฏฺา กาลํ กตฺวา ตาวตึสภวเน นิพฺพตฺติ. อถายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ปุริมนเยเนว เทวจาริกํ จรนฺโต ตํ เทวธีตรํ มหตึ สมฺปตฺตึ อนุภวนฺตึ ทิสฺวา ตสฺสา สมีปมุปคโต. สา อจฺฉราสหสฺสปริวุตา สฏฺิสกฏภาราลงฺการปฏิมณฺฑิตตฺตภาวา เถรสฺส ปาเทสุ สิรสา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เถโรปิ ตาย กตปุฺกมฺมํ ปุจฺฉนฺโต –

๙๓.

‘‘โกฺจา มยูรา ทิวิยา จ หํสา, วคฺคุสฺสรา โกกิลา สมฺปตนฺติ;

ปุปฺผาภิกิณฺณํ รมฺมมิทํ วิมานํ, อเนกจิตฺตํ นรนาริเสวิตํ.

๙๔.

‘‘ตตฺถจฺฉสิ เทวิ มหานุภาเว, อิทฺธี วิกุพฺพนฺติ อเนกรูปา;

อิมา จ เต อจฺฉราโย สมนฺตโต, นจฺจนฺติ คายนฺติ ปโมทยนฺติ จ.

๙๕.

‘‘เทวิทฺธิปตฺตาสิ มหานุภาเว,

มนุสฺสภูตา กิมกาสิ ปุฺํ;

เกนาสิ เอวํ ชลิตานุภาวา,

วณฺโณ จ เต สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ. – อาห;

๙๖.

‘‘สา เทวตา อตฺตมนา, โมคฺคลฺลาเนน ปุจฺฉิตา;

ปฺหํ ปุฏฺา วิยากาสิ, ยสฺส กมฺมสฺสิทํ ผลํ’’.

๙๗.

‘‘อหํ มนุสฺเสสุ มนุสฺสภูตา, ปติพฺพตานฺมนา อโหสึ;

มาตาว ปุตฺตํ อนุรกฺขมานา, กุทฺธาปิหํ นปฺผรุสํ อโวจํ.

๙๘.

‘‘สจฺเจ ิตา โมสวชฺชํ ปหาย, ทาเน รตา สงฺคหิตตฺตภาวา;

อนฺนฺจ ปานฺจ ปสนฺนจิตฺตา, สกฺกจฺจ ทานํ วิปุลํ อทาสึ.

๙๙.

‘‘เตน เมตาทิโส วณฺโณ, เตน เม อิธ มิชฺฌติ;

อุปฺปชฺชนฺติ จ เม โภคา, เย เกจิ มนโส ปิยา.

๑๐๐.

‘‘อกฺขามิ เต ภิกฺขุ มหานุภาว, มนุสฺสภูตา ยมกาสิ ปุฺํ;

เตนมฺหิ เอวํ ชลิตานุภาวา, วณฺโณ จ เม สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ. –

สา เทวตา วิสฺสชฺเชสิ.

๙๓. ตตฺถ โกฺจาติ โกฺจสกุณา, เย ‘‘สารสา’’ติปิ วุจฺจนฺติ. มยูราติ โมรา. ทิวิยาติ ทิพฺพานุภาวา. อิทฺหิ ปทํ ‘‘ทิวิยา โกฺจา, ทิวิยา มยูรา’’ติอาทินา จตูหิปิ ปเทหิ โยเชตพฺพํ. หํสาติ สุวณฺณหํสาทิหํสา. วคฺคุสฺสราติ มธุรสฺสรา. โกกิลาติ กาฬโกกิลา เจว สุกฺกโกกิลา จ. สมฺปตนฺตีติ เทวตาย อภิรมณตฺถํ กีฬนฺตา ลฬนฺตา สมนฺตโต ปตนฺติ วิจรนฺติ. โกฺจาทิรูเปน หิ เทวตาย รติชนนตฺถํ ปริวารภูตา เทวตา กีฬนฺตา ลฬนฺตา ‘‘โกฺจา’’ติอาทินา วุตฺตา. ปุปฺผาภิกิณฺณนฺติ คนฺถิตาคนฺถิเตหิ นานาวิธรตนกุสุเมหิ โอกิณฺณํ. รมฺมนฺติ รมณียํ, มโนรมนฺติ อตฺโถ. อเนกจิตฺตนฺติ อเนเกหิ อุยฺยานกปฺปรุกฺขโปกฺขรณิอาทีหิ วิมาเนสุ จ อเนเกหิ ภิตฺติวิเสสาทีหิ จิตฺตํ. นรนาริเสวิตนฺติ ปริวารภูเตหิ เทวปุตฺเตหิ เทวธีตาหิ จ อุปเสวิตํ.

๙๔. อิทฺธี วิกุพฺพนฺติ อเนกรูปาติ นานารูปานํ วิทํสเนน อเนกรูปา กมฺมานุภาวสิทฺธา อิทฺธี วิกุพฺพนฺตี วิกุพฺพนิทฺธิโย วลฺเชนฺตี อจฺฉสีติ โยชนา.

๙๗. อนฺมนาติ ปติพฺพตา, ปติโต อฺสฺมึ มโน เอติสฺสาติ อฺมนา, น อฺมนาติ อนฺมนา, มยฺหํ สามิกโต อฺสฺมึ ปุริเส ปาปกํ จิตฺตํ น อุปฺปาเทสินฺติ อตฺโถ. มาตาว ปุตฺตํ อนุรกฺขมานาติ ยถา มาตา ปุตฺตํ, เอวํ มยฺหํ สามิกํ, สพฺเพปิ วา สตฺเต หิเตสิตาย อหิตาปนยนกามตาย จ อนุทฺทยมานา. กุทฺธาปิหํ นปฺผรุสํ อโวจนฺติ ปเรน กตํ อผาสุกํ ปฏิจฺจ กุทฺธาปิ สมานา อหํ ผรุสวจนํ น กเถสึ, อฺทตฺถุ ปิยวจนเมว อภาสินฺติ อธิปฺปาโย.

๙๘. สจฺเจ ิตาติ สจฺเจ ปติฏฺิตา. ยสฺมา มุสาวาทา เวรมณิยา สจฺเจ ปติฏฺิตา นาม โหติ, น กทาจิ สจฺจวจนมตฺเตนาติ อาห – โมสวชฺชํ ปหายาติ มุสาวาทํ ปหาย. ทาเน รตาติ ทาเน อภิรตา, ยุตฺตปฺปยุตฺตาติ อตฺโถ. สงฺคหิตตฺตภาวาติ สงฺคหวตฺถูหิ อตฺตานํ วิย สภาเวเนว ปเรสํ สงฺคณฺหนสีลา อนฺนฺจ ปานฺจ กมฺมผลสทฺธาย ปสนฺนจิตฺตา สกฺกจฺจํ จิตฺตีกาเรน อทาสึ, อฺฺจ วตฺถาทิทานํ วิปุลํ อุฬารํ อทาสินฺติ โยชนา. เสสํ วุตฺตนยเมว.

ปติพฺพตาวิมานวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๒. ทุติยปติพฺพตาวิมานวณฺณนา

เวฬุริยถมฺภนฺติ ทุติยปติพฺพตาวิมานํ. ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? สาวตฺถิยํ กิร อฺตรา อุปาสิกา ปติพฺพตา หุตฺวา สทฺธา ปสนฺนา ปฺจ สีลานิ สุวิสุทฺธานิ กตฺวา รกฺขิ, ยถาวิภวฺจ ทานานิ อทาสิ, สา กาลํ กตฺวา ตาวตึสภวเน อุปฺปชฺชิ. เสสํ เหฏฺา วุตฺตนยเมว.

๑๐๑.

‘‘เวฬุริยถมฺภํ รุจิรํ ปภสฺสรํ, วิมานมารุยฺห อเนกจิตฺตํ;

ตตฺถจฺฉสิ เทวิ มหานุภาเว, อุจฺจาวจา อิทฺธิ วิกุพฺพมานา;

อิมา จ เต อจฺฉราโย สมนฺตโต, นจฺจนฺติ คายนฺติ ปโมทยนฺติ จ.

๑๐๒.

‘‘เทวิทฺธิปตฺตาสิ มหานุภาเว,

มนุสฺสภูตา กิมกาสิ ปุฺํ;

เกนาสิ เอวํ ชลิตานุภาวา,

วณฺโณ จ เต สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ. – ปุจฺฉิ;

๑๐๓.

‘‘สา เทวตา อตฺตมนา, โมคฺคลฺลาเนน ปุจฺฉิตา;

ปฺหํ ปุฏฺา วิยากาสิ, ยสฺส กมฺมสฺสิทํ ผลํ’’.

๑๐๔.

‘‘อหํ มนุสฺเสสุ มนุสฺสภูตา, อุปาสิกา จกฺขุมโต อโหสึ;

ปาณาติปาตา วิรตา อโหสึ, โลเก อทินฺนํ ปริวชฺชยิสฺสํ.

๑๐๕.

‘‘อมชฺชปา โน จ มุสา อภาณึ, สเกน สามินา อโหสึ ตุฏฺา;

อนฺนฺจ ปานฺจ ปสนฺนจิตฺตา, สกฺกจฺจ ทานํ วิปุลํ อทาสึ.

๑๐๖.

‘‘เตน เมตาทิโส วณฺโณ, เตน เม อิธ มิชฺฌติ;

อุปฺปชฺชนฺติ จ เม โภคา, เย เกจิ มนโส ปิยา.

๑๐๗.

‘‘อกฺขามิ เต ภิกฺขุ มหานุภาว,

มนุสฺสภูตา ยมกาสิ ปุฺํ;

เตนมฺหิ เอวํ ชลิตานุภาวา,

วณฺโณ จ เม สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ. – วิสฺสชฺเชสิ;

๑๐๑. ตตฺถ เวฬุริยถมฺภนฺติ เวฬุริยมณิมยถมฺภํ. รุจิรนฺติ รมณียํ. ปภสฺสรนฺติ อติวิย ภาสุรํ. อุจฺจาวจาติ อุจฺจา จ อวจา จ, วิวิธาติ อตฺโถ.

๑๐๔-๕. อุปาสิกาติ สรณคมเนน อุปาสิกาลกฺขเณ ิตา. วุตฺตฺหิ –

‘‘ยโต โข, มหานาม, อริยสาวโก พุทฺธํ สรณํ คโต โหติ, ธมฺมํ สรณํ คโต โหติ, สงฺฆํ สรณํ คโต โหติ, เอตฺตาวตา โข, มหานาม, อริยสาวโก อุปาสโก โหตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๓๓).

จกฺขุมโตติ ปฺจหิ จกฺขูหิ จกฺขุมโต พุทฺธสฺส ภควโต. เอวํ อุปาสิกาภาวกิตฺตเนน อาสยสุทฺธึ ทสฺเสตฺวา ปโยคสุทฺธึ ทสฺเสตุํ ‘‘ปาณาติปาตา วิรตา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สเกน สามินา อโหสึ ตุฏฺาติ มิจฺฉาจาราเวรมณิมาห. เสสํ เหฏฺา วุตฺตสทิสเมว.

ทุติยปติพฺพตาวิมานวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๓. ปมสุณิสาวิมานวณฺณนา

อภิกฺกนฺเตน วณฺเณนาติ สุณิสาวิมานํ. ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? สาวตฺถิยํ อฺตรสฺมึ เคเห เอกา กุลสุณฺหา เคหํ ปิณฺฑาย ปวิฏฺํ ขีณาสวตฺเถรํ ทิสฺวา สฺชาตปีติโสมนสฺสา ‘‘อิทํ มยฺหํ อุตฺตมํ ปุฺกฺเขตฺตํ อุปฏฺิต’’นฺติ อตฺตนา ลทฺธํ ปูวภาคํ อาทาย อาทเรน เถรสฺส อุปเนสิ, เถโร ตํ ปฏิคฺคเหตฺวา อนุโมทนํ กตฺวา คโต. สา อปรภาเค กาลํ กตฺวา ตาวตึสภวเน อุปฺปชฺชิ. เสสํ สพฺพํ เหฏฺา วุตฺตสทิสเมว. เตน วุตฺตํ –

๑๐๘.

‘‘อภิกฺกนฺเตน วณฺเณน, ยา ตฺวํ ติฏฺสิ เทวเต;

โอภาเสนฺตี ทิสา สพฺพา, โอสธี วิย ตารกา.

๑๐๙.

‘‘เกน เตตาทิโส วณฺโณ, เกน เต อิธ มิชฺฌติ;

อุปฺปชฺชนฺติ จ เต โภคา, เย เกจิ มนโส ปิยา.

๑๑๐.

‘‘ปุจฺฉามิ ตํ เทวิ มหานุภาเว, มนุสฺสภูตา กิมกาสิ ปุฺํ;

เกนาสิ เอวํ ชลิตานุภาวา, วณฺโณ จ เต สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ.

๑๑๑.

‘‘สา เทวตา อตฺตมนา, โมคฺคลฺลาเนน ปุจฺฉิตา;

ปฺหํ ปุฏฺา วิยากาสิ, ยสฺส กมฺมสฺสิทํ ผลํ’’.

๑๑๒.

‘‘อหํ มนุสฺเสสุ มนุสฺสภูตา, สุณิสา อโหสึ สสุรสฺส เคเห.

๑๑๓.

‘‘อทฺทสํ วิรชํ ภิกฺขุํ, วิปฺปสนฺนมนาวิลํ;

ตสฺส อทาสหํ ปูวํ, ปสนฺนา เสหิ ปาณิภิ;

ภาคฑฺฒภาคํ ทตฺวาน, โมทามิ นนฺทเน วเน.

๑๑๔.

‘‘เตน เมตาทิโส วณฺโณ, เตน เม อิธ มิชฺฌติ;

อุปฺปชฺชนฺติ จ เม โภคา, เย เกจิ มนโส ปิยา.

๑๑๕.

‘‘อกฺขามิ เต ภิกฺขุ มหานุภาว, มนุสฺสภูตา ยมกาสิ ปุฺํ;

เตนมฺหิ เอวํ ชลิตานุภาวา, วณฺโณ จ เม สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ.

๑๑๒. ตตฺถ สุณิสาติ ปุตฺตสฺส ภริยา. อิตฺถิยา หิ สามิกสฺส ปิตา ‘‘สสุโร’’ติ วุจฺจติ, ตสฺส จ สา ‘‘สุณิสา’’ติ. ตํ สนฺธาย ‘‘สุณิสา อโหสึ สสุรสฺส เคเห’’ติ.

๑๑๓. ภาคฑฺฒภาคนฺติ อตฺตนา ลทฺธปฏิวีสโต อุปฑฺฒภาคํ. โมทามิ นนฺทเน วเนติ เถเรน นนฺทนวเน ทิฏฺตาย อาห. เสสํ วุตฺตนยเมว.

สุณิสาวิมานวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๔. ทุติยสุณิสาวิมานวณฺณนา

อภิกฺกนฺเตน วณฺเณนาติ ทุติยสุณิสาวิมานํ. เอตฺถ ปน อปุพฺพํ นตฺถิ, อฏฺุปฺปตฺติยํ กุมฺมาสทานเมว วิเสโส. เตน วุตฺตํ –

๑๑๖.

‘‘อภิกฺกนฺเตน วณฺเณน, ยา ตฺวํ ติฏฺสิ เทวเต;

โอภาเสนฺตี ทิสา สพฺพา, โอสธี วิย ตารกา.

๑๑๗.

‘‘เกน เตตาทิโส วณฺโณ, เกน เต อิธ มิชฺฌติ;

อุปฺปชฺชนฺติ จ เต โภคา, เย เกจิ มนโส ปิยา.

๑๑๘.

‘‘ปุจฺฉามิ ตํ เทวิ มหานุภาเว, มนุสฺสภูตา กิมกาสิ ปุฺํ;

เกนาสิ เอวํ ชลิตานุภาวา, วณฺโณ จ เต สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ.

๑๑๙.

‘‘สา เทวตา อตฺตมนา, โมคฺคลฺลาเนน ปุจฺฉิตา;

ปฺหํ ปุฏฺา วิยากาสิ, ยสฺส กมฺมสฺสิทํ ผลํ’’.

๑๒๐.

‘‘อหํ มนุสฺเสสุ มนุสฺสภูตา, สุณิสา อโหสึ สสุรสฺส เคเห.

๑๒๑.

‘‘อทฺทสํ วิรชํ ภิกฺขุํ, วิปฺปสนฺนมนาวิลํ;

ตสฺส อทาสหํ ภาคํ, ปสนฺนา เสหิ ปาณิภิ;

กุมฺมาสปิณฺฑํ ทตฺวาน, โมทามิ นนฺทเน วเน.

๑๒๒.

‘‘เตน เมตาทิโส วณฺโณ, เตน เม อิธ มิชฺฌติ;

อุปฺปชฺชนฺติ จ เม โภคา, เย เกจิ มนโส ปิยา.

๑๒๓.

‘‘อกฺขามิ เต ภิกฺขุ มหานุภาว, มนุสฺสภูตา ยมกาสิ ปุฺํ;

เตนมฺหิ เอวํ ชลิตานุภาวา, วณฺโณ จ เม สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ.

๑๒๑. ตตฺถ ภาคนฺติ กุมฺมาสโกฏฺาสํ. เตนาห ‘‘กุมฺมาสปิณฺฑํ ทตฺวานา’’ติ. กุมฺมาโสติ จ ยวกุมฺมาโส วุตฺโต. เสสํ วุตฺตนยเมว.

ทุติยสุณิสาวิมานวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๕. อุตฺตราวิมานวณฺณนา

อภิกฺกนฺเตน วณฺเณนาติ อุตฺตราวิมานํ. ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเป. เตน จ สมเยน ปุณฺโณ นาม ทุคฺคตปุริโส ราชคหเสฏฺึ อุปนิสฺสาย ชีวติ, ตสฺส ภริยา อุตฺตรา, อุตฺตรา จ นาม ธีตาติ ทฺเว เอว เคหมานุสกา. อเถกทิวสํ ราชคเห ‘‘มหาชเนน สตฺตาหํ นกฺขตฺตํ กีฬิตพฺพ’’นฺติ โฆสนํ กรึสุ. ตํ สุตฺวา เสฏฺิ ปาโตว อาคตํ ปุณฺณํ ‘‘ตาต, อมฺหากํ ปริชโน นกฺขตฺตํ กีฬิตุกาโม, ตฺวํ กึ นกฺขตฺตํ กีฬิสฺสสิ, อุทาหุ ภตึ กริสฺสสี’’ติ อาห. ‘‘สามิ, นกฺขตฺตํ นาม สธนานํ โหติ, มม ปน เคเห สฺวาตนาย ยาคุตณฺฑุลานิปิ นตฺถิ, กึ เม นกฺขตฺเตน? โคเณ ลภนฺโต กสิตุํ คมิสฺสามี’ติ. ‘‘เตน หิ โคเณ คณฺหสฺสู’’ติ. โส พลวโคเณ จ ภทฺทนงฺคลฺจ คเหตฺวา ‘‘ภทฺเท, นาครา นกฺขตฺตํ กีฬนฺติ, อหํ ทลิทฺทตาย ภตึ กาตุํ คมิสฺสามิ, มยฺหมฺปิ ตาว อชฺช ทิคุณํ นิวาปํ ปจิตฺวา ภตฺตํ อาหเรยฺยาสี’’ติ ภริยํ วตฺวา เขตฺตํ อคมาสิ.

สาริปุตฺตตฺเถโรปิ สตฺตาหํ นิโรธสมาปนฺโน ตโต วุฏฺาย ‘‘กสฺส นุ โข อชฺช มยา สงฺคหํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ โอโลเกนฺโต ปุณฺณํ อตฺตโน าณชาลสฺส อนฺโต ปวิฏฺํ ทิสฺวา ‘‘สทฺโธ นุ โข เอส, สกฺขิสฺสติ วา เม สงฺคหํ กาตุ’’นฺติ โอโลเกนฺโต ตสฺส สทฺธภาวฺจ สงฺคหํ กาตุํ สมตฺถภาวฺจ ตปฺปจฺจยา จ ตสฺส มหาสมฺปตฺติปฏิลาภํ ตฺวา ปตฺตจีวรํ อาทาย ตสฺส กสนฏฺานํ คนฺตฺวา อาวาฏตีเร เอกํ คุมฺพํ โอโลเกนฺโต อฏฺาสิ. ปุณฺโณ เถรํ ทิสฺวาว กสึ เปตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน เถรํ วนฺทิตฺวา ‘‘ทนฺตกฏฺเน อตฺโถ ภวิสฺสตี’’ติ ทนฺตกฏฺํ กปฺปิยํ กตฺวา อทาสิ. อถสฺส เถโร ปตฺตฺจ ปริสฺสาวนฺจ นีหริตฺวา อทาสิ. โส ‘‘ปานีเยน อตฺโถ ภวิสฺสตี’’ติ ตํ อาทาย ปานียํ ปริสฺสาเวตฺวา อทาสิ.

เถโร จินฺเตสิ ‘‘อยํ ปเรสํ ปจฺฉิมเคเห วสติ, สจสฺส เคหทฺวารํ คมิสฺสามิ, อิมสฺส ภริยา มํ ทฏฺุํ น สกฺขิสฺสติ, ยาวสฺส ภริยา ภตฺตํ อาทาย มคฺคํ ปฏิปชฺชติ, ตาว อิเธว ภวิสฺสามี’’ติ. โส ตตฺเถว โถกํ วีตินาเมตฺวา ตสฺสา มคฺคารุฬฺหภาวํ ตฺวา อนฺโตนคราภิมุโข ปายาสิ. สา อนฺตรามคฺเค เถรํ ทิสฺวา จินฺเตสิ ‘‘อปฺเปกทาหํ เทยฺยธมฺเม สติ อยฺยํ น ปสฺสามิ, อปฺเปกทา เม อยฺยํ ปสฺสนฺติยา เทยฺยธมฺโม น โหติ, อชฺช ปน เม อยฺโย จ ทิฏฺโ, เทยฺยธมฺโม จายํ อตฺถิ, กริสฺสติ นุ โข เม สงฺคห’’นฺติ. สา ภตฺตภาชนํ โอตาเรตฺวา เถรํ ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา ‘‘ภนฺเต, อิทํ ลูขํ วา ปณีตํ วาติ อจินฺเตตฺวา ทาสสฺส โว สงฺคหํ กโรถา’’ติ อาห. อถ เถโร ปตฺตํ อุปนาเมตฺวา ตาย เอเกน หตฺเถน ภาชนํ ธาเรตฺวา เอเกน หตฺเถน ตโต ภตฺตํ ททมานาย อุปฑฺฒภตฺเต ทินฺเน ‘‘อล’’นฺติ หตฺเถน ปตฺตํ ปิทหิ. สา ‘‘ภนฺเต, เอโกว ปฏิวีโส, น สกฺกา ทฺวิธา กาตุํ, ตุมฺหากํ ทาสสฺส อิธโลกสงฺคหํ อกตฺวา ปรโลกสงฺคหํ กโรถ, นิรวเสสเมว ทาตุกามามฺหี’’ติ วตฺวา สพฺพเมวสฺส ปตฺเต ปติฏฺาเปตฺวา ‘‘ตุมฺเหหิ ทิฏฺธมฺมสฺส ภาคินี อสฺส’’นฺติ ปตฺถนํ อกาสิ. เถโร ‘‘เอวํ โหตู’’ติ วตฺวา ิตโกว อนุโมทนํ กตฺวา เอกสฺมึ อุทกผาสุกฏฺาเน นิสีทิตฺวา ภตฺตกิจฺจํ อกาสิ. สาปิ ปฏินิวตฺติตฺวา ตณฺฑุเล ปริเยสิตฺวา ภตฺตํ ปจิ.

ปุณฺโณปิ อฑฺฒกรีสมตฺตํ านํ กสิตฺวา ชิฆจฺฉํ สหิตุํ อสกฺโกนฺโต โคเณ วิสฺสชฺเชตฺวา เอกํ รุกฺขฉายํ ปวิสิตฺวา มคฺคํ โอโลเกนฺโต นิสีทิ. อถสฺส ภริยา ภตฺตมาทาย คจฺฉมานา ตํ ทิสฺวาว ‘‘เอส ชิฆจฺฉาปีฬิโต มํ โอโลเกนฺโต นิสินฺโน, สเจ มํ ‘อติวิย จิรายี’ติ ตชฺเชตฺวา ปโตทลฏฺิยา ปหริสฺสติ, มยา กตกมฺมํ นิรตฺถกํ ภวิสฺสติ, ปฏิกจฺเจวสฺส อาโรเจสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา เอวมาห ‘‘สามิ, อชฺเชกทิวสํ จิตฺตํ ปสาเทหิ, มา มยา กตกมฺมํ นิรตฺถกํ กริ, อหํ ปาโตว เต ภตฺตํ อาหรนฺตี อนฺตรามคฺเค ธมฺมเสนาปตึ ทิสฺวา ตว ภตฺตํ ตสฺส ทตฺวา ปุน เคหํ คนฺตฺวา ภตฺตํ ปจิตฺวา อาคตา, ปสาเทหิ, สามิ, จิตฺต’’นฺติ. โส ‘‘กึ วเทสิ, ภทฺเท’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ปุน ตมตฺถํ สุตฺวา ‘‘ภทฺเท, สาธุ วต เต กตํ มม ภตฺตํ อยฺยสฺส ททมานาย, มยาปิสฺส อชฺช ปาโตว ทนฺตกฏฺฺจ มุโขทกฺจ ทินฺน’’นฺติ ปสนฺนมานโส ตํ วจนํ อภินนฺทิตฺวา อุสฺสูเร ลทฺธภตฺตตาย กิลนฺตกาโย ตสฺสา องฺเก สีสํ กตฺวา นิทฺทํ โอกฺกมิ.

อถสฺส ปาโตว กสิตฏฺานํ ปํสุจุณฺณํ อุปาทาย สพฺพํ รตฺตสุวณฺณํ หุตฺวา กณิการปุปฺผราสิ วิย โสภมานํ อฏฺาสิ. โส ปพุทฺโธ โอโลเกตฺวา ภริยํ อาห ‘‘ภทฺเท, เอตํ มยา กสิตฏฺานํ สพฺพํ มม สุวณฺณํ หุตฺวา ปฺายติ, กึ นุ โข เม อติอุสฺสูเร ลทฺธภตฺตตาย อกฺขีนิ ภมนฺตี’’ติ. ‘‘สามิ, มยฺหมฺปิ เอวเมว ปฺายตี’’ติ. โส อุฏฺาย ตตฺถ คนฺตฺวา เอกํ ปิณฺฑํ คเหตฺวา นงฺคลสีเส ปหริตฺวา สุวณฺณภาวํ ตฺวา ‘‘อโห อยฺยสฺส ธมฺมเสนาปติสฺส ทินฺนทาเน อชฺเชว วิปาโก ทสฺสิโต, น โข ปน สกฺกา เอตฺตกํ ธนํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา ปริภุฺชิตุ’’นฺติ ภริยาย อาภตํ ภตฺตปาตึ สุวณฺณสฺส ปูเรตฺวา ราชกุลํ คนฺตฺวา รฺา กโตกาโส ปวิสิตฺวา ราชานํ อภิวาเทตฺวา ‘‘กึ ตาตา’’ติ วุตฺเต ‘‘เทว, อชฺช มยา กสิตฏฺานํ สพฺพํ สุวณฺณราสิเมว หุตฺวา ิตํ, สุวณฺณํ อาหราเปตุํ วฏฺฏตี’’ติ อาห. ‘‘โกสิ ตฺว’’นฺติ? ‘‘ปุณฺโณ นามาห’’นฺติ. ‘‘กึ ปน เต อชฺช กต’’นฺติ? ‘‘ธมฺมเสนาปติสฺส เม ปาโตว ทนฺตกฏฺฺจ มุโขทกฺจ ทินฺนํ, ภริยายปิ เม มยฺหํ อาหฏภตฺตํ ตสฺเสว ทินฺน’’นฺติ.

ตํ สุตฺวา ราชา ‘‘อชฺเชว กิร โภ ธมฺมเสนาปติสฺส ทินฺนทาเน วิปาโก ทสฺสิโต’’ติ วตฺวา ‘‘ตาต, กึ กโรมี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘พหูนิ สกฏสหสฺสานิ ปหิณิตฺวา สุวณฺณํ อาหราเปถา’’ติ. ราชา สกฏานิ ปหิณิ. ราชปุริเสสุ ‘‘รฺโ สนฺตก’’นฺติ คณฺหนฺเตสุ คหิตํ คหิตํ มตฺติกาว โหติ. เตหิ คนฺตฺวา รฺโ อาโรจิเต ‘‘ตาตา, ตุมฺเหหิ กินฺติ วตฺวา คหิต’’นฺติ ปุฏฺา ‘‘ตุมฺหากํ สนฺตก’’นฺติ อาหํสุ. เตน หิ, ตาตา, ปุน คจฺฉถ, ‘‘ปุณฺณสฺส สนฺตก’’นฺติ วตฺวา คณฺหถาติ. เต ตถา กรึสุ คหิตํ คหิตํ สุวณฺณเมว อโหสิ. ตํ สพฺพํ อาหริตฺวา ราชงฺคเณ ราสึ อกํสุ, อสีติหตฺถุพฺเพโธ ราสิ อโหสิ. ราชา นาคเร สนฺนิปาตาเปตฺวา อาห ‘‘อิมสฺมึ นคเร อตฺถิ กสฺสจิ เอตฺตกํ สุวณฺณ’’นฺติ? ‘‘นตฺถิ, เทวา’’ติ. ‘‘กึ ปนสฺส ทาตุํ วฏฺฏตี’’ติ? ‘‘เสฏฺิจฺฉตฺตํ, เทวา’’ติ. ราชา ‘‘พหุธนเสฏฺิ นาม โหตู’’ติ มหนฺเตน โภเคน สทฺธึ ตสฺส เสฏฺิจฺฉตฺตํ อทาสิ.

อถ นํ โส อาห ‘‘มยํ, เทว, เอตฺตกํ กาลํ ปรกุเล วสิมฺหา, วสนฏฺานํ โน เทถา’’ติ. เตน หิ ปสฺส, เอส คุมฺโพ ปฺายติ, เอตํ หราเปตฺวา เคหํ กาเรหีติ ปุราณเสฏฺิสฺส เคหฏฺานํ อาจิกฺขิ. โส ตสฺมึ าเน กติปาเหเนว เคหํ การาเปตฺวา เคหปเวสนมงฺคลฺจ ฉตฺตมงฺคลฺจ เอกโตว กโรนฺโต สตฺตาหํ พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทานํ อทาสิ. อถสฺส สตฺถา ทานานุโมทนํ กโรนฺโต อนุปุพฺพึ กถํ กเถสิ. ธมฺมกถาวสาเน ปุณฺณเสฏฺิ จ ภริยา จสฺส ธีตา จ อุตฺตราติ ตโยปิ ชนา โสตาปนฺนา อเหสุํ.

อปรภาเค ราชคหเสฏฺิ ปุณฺณเสฏฺิโน ธีตรํ อตฺตโน ปุตฺตสฺส วาเรสิ. โส ‘‘นาหํ ทสฺสามี’’ติ วุตฺโต ‘‘มา เอวํ กโรตุ, เอตฺตกํ กาลํ อมฺเห นิสฺสาย วสนฺเตเนว เต สมฺปตฺติ ลทฺธา, เทตุ เม ปุตฺตสฺส เต ธีตร’’นฺติ อาห. โส ‘‘มิจฺฉาทิฏฺิกา ตุมฺเห, มม ธีตา ตีหิ รตเนหิ วินา วสิตุํ น สกฺโกติ, เนวสฺส ธีตรํ ทสฺสามี’’ติ อาห. อถ นํ พหู เสฏฺิคหปติกาทโย กุลปุตฺตา ‘‘มา เตน สทฺธึ วิสฺสาสํ ภินฺทิ, เทหิสฺส ธีตร’’นฺติ ยาจึสุ. โส เตสํ วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา อาสาฬฺหิปุณฺณมาย ธีตรํ อทาสิ. สา ปติกุลํ คตกาลโต ปฏฺาย ภิกฺขุํ วา ภิกฺขุนึ วา อุปสงฺกมิตุํ ทานํ วา ทาตุํ ธมฺมํ วา โสตุํ นาลตฺถ, เอวํ อฑฺฒติเยสุ มาเสสุ วีติวตฺเตสุ อตฺตโน สนฺติเก ิเต ปริจาริเก ปุจฺฉิ ‘‘อิทานิ กิตฺตกํ อนฺโตวสฺสํ อวสิฏฺ’’นฺติ? ‘‘อฑฺฒมาโส, อยฺเย’’ติ. สา มาตาปิตูนํ สาสนํ ปหิณิ ‘‘กสฺมา มํ เอวรูเป พนฺธนาคาเร ปกฺขิปึสุ, วรํ ตุมฺเหหิ มํ ลกฺขณาหตํ กตฺวา ปเรสํ ทาสึ สาเวตุํ, น เอวรูปสฺส มิจฺฉาทิฏฺิกสฺส กุลสฺส ทาตุํ, อาคตกาลโต ปฏฺาย ภิกฺขุทสฺสนาทีสุ เอกมฺปิ ปุฺํ กาตุํ น ลภามี’’ติ. อถสฺสา ปิตา ‘‘ทุกฺขิตา วต เม ธีตา’’ติ อนตฺตมนตํ ปเวเทตฺวา ปฺจทส กหาปณสหสฺสานิ เปเสสิ, ‘‘อิมสฺมึ นคเร สิริมา นาม คณิกา อตฺถิ, เทวสิกํ สหสฺสํ คณฺหาติ, อิเมหิ กหาปเณหิ ตํ อาเนตฺวา สามิกสฺส นิยฺยาเทตฺวา สยํ ยถารุจิ ปุฺานิ กโรตู’’ติ สาสนฺจ ปหิณิ. อุตฺตรา ตถา กตฺวา สามิเกน สิริมํ ทิสฺวา ‘‘กิมิท’’นฺติ วุตฺเต ‘‘สามิ, อิมํ อฑฺฒมาสํ มม สหายิกา ตุมฺเห ปริจรตุ, อหํ ปน อิมํ อฑฺฒมาสํ ทานฺเจว ทาตุกามา ธมฺมฺจ โสตุกามา’’ติ อาห. โส ตํ อภิรูปํ อิตฺถึ ทิสฺวา อุปฺปนฺนสิเนโห ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ.

อุตฺตราปิ โข พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิมนฺเตตฺวา ‘‘ภนฺเต, อิมํ อฑฺฒมาสํ อฺตฺถ อคนฺตฺวา อิเธว ภิกฺขา คเหตพฺพา’’ติ สตฺถุ ปฏิฺํ คเหตฺวา ‘‘อิโต ทานิ ปฏฺาย ยาว มหาปวารณา, ตาว สตฺถารํ อุปฏฺาตุํ ธมฺมฺจ โสตุํ ลภิสฺสามี’’ติ ตุฏฺมานสา ‘‘เอวํ ยาคุํ ปจถ, เอวํ ภตฺตํ ปจถ, เอวํ ปูวํ ปจถา’’ติ มหานเส สพฺพกิจฺจานิ สํวิทหนฺตี วิจรติ. อถสฺสา สามิโก ‘‘สฺเว มหาปวารณา ภวิสฺสตี’’ติ มหานสาภิมุโข วาตปาเน ตฺวา ‘‘กึ นุ โข กโรนฺตี สา อนฺธพาลา วิจรตี’’ติ โอโลเกตฺวา ตํ เสทกิลินฺนํ ฉาริกาย โอกิณฺณํ องฺคารมสิมกฺขิตํ ตถา สํวิทหิตฺวา วิจรมานํ ทิสฺวา ‘‘อโห อนฺธพาลา เอวรูเป าเน อิมํ สิริสมฺปตฺตึ นานุภวติ, ‘‘มุณฺฑกสมเณ อุปฏฺหิสฺสามี’ติ ตุฏฺจิตฺตา วิจรตี’’ติ หสิตฺวา อปคฺฉิ.

ตสฺมึ อปคเต ตสฺส สนฺติเก ิตา สิริมา ‘‘กึ นุ โข โอโลเกตฺวา เอส หสตี’’ติ เตเนว วาตปาเนน โอโลเกนฺตี อุตฺตรํ ทิสฺวา ‘‘อิมํ โอโลเกตฺวา อิมินา หสิตํ, อทฺธา อิมสฺส เอตาย สทฺธึ สนฺถโว อตฺถี’’ติ จินฺเตสิ. สา กิร อฑฺฒมาสํ ตสฺมึ เคเห พาหิรกอิตฺถี หุตฺวา วสมานาปิ ตํ สมฺปตฺตึ อนุภวมานา อตฺตโน พาหิรกอิตฺถิภาวํ อชานิตฺวา ‘‘อหํ ฆรสามินี’’ติ สฺมกาสิ. สา อุตฺตราย อาฆาตํ พนฺธิตฺวา ‘‘ทุกฺขมสฺสา อุปฺปาเทสฺสามี’’ติ ปาสาทา โอรุยฺห มหานสํ ปวิสิตฺวา ปูวปจนฏฺาเน ปกฺกุถิตํ สปฺปึ กฏจฺฉุนา อาทาย อุตฺตราภิมุขํ ปายาสิ. อุตฺตรา ตํ อาคจฺฉนฺตึ ทิสฺวา ‘‘มม สหายิกาย มยฺหํ อุปกาโร กโต, จกฺกวาฬํ อติสมฺพาธํ, พฺรหฺมโลโก อตินีจโก, มม ปน สหายิกาย คุโณว มหนฺโต, อหมฺปิ เอตํ นิสฺสาย ทานฺจ ทาตุํ ธมฺมฺจ โสตุํ ลภึ, สเจ มม เอติสฺสาย อุปริ โกโธ อตฺถิ, อิทํ สปฺปิ มํ ทหตุ, สเจ นตฺถิ, มา มํ ทหตู’’ติ ตํ เมตฺตาย ผริ. ตาย ตสฺสา มตฺถเก อาสิฺจิตมฺปิ ปกฺกุถิตสปฺปิ สีโตทกํ วิย อโหสิ. อถ นํ ‘‘อิทํ สีตลํ ภวิสฺสตี’’ติ ปุน กฏจฺฉุกํ ปูเรตฺวา อาทาย อาคจฺฉนฺตึ อุตฺตราย ทาสิโย ทิสฺวา ‘‘อเร ทุพฺพินีเต น ตฺวํ อมฺหากํ อยฺยาย อุปริ ปกฺกสปฺปึ อาสิฺจิตุํ อนุจฺฉวิกา’’ติ สนฺตชฺเชนฺติโย อิโต จิโต จ อุฏฺาย หตฺเถหิ จ ปาเทหิ จ โปเถตฺวา ภูมิยํ ปาเตสุํ, อุตฺตรา วาเรนฺตีปิ วาเรตุํ นาสกฺขิ. อถ สา อุปริ ตฺวา สพฺพา ทาสิโย ปฏิพาหิตฺวา ‘‘กิสฺส เต เอวรูปํ ภาริยํ กมฺมํ กต’’นฺติ สิริมํ โอวทิตฺวา อุณฺโหทเกน นฺหาเปตฺวา สตปากเตเลน อพฺภฺชิ.

ตสฺมึ ขเณ สา อตฺตโน พาหิรกิตฺถิภาวํ ตฺวา จินฺเตสิ ‘‘มยา ภาริยํ กมฺมํ กตํ สามิกสฺส หสิตมตฺตการณา อิมิสฺสา อุปริ ปกฺกสปฺปึ อาสิฺจนฺติยา, อยํ ‘คณฺหถ น’นฺติ ทาสิโย น อาณาเปตฺวา มํ วิเหนกาเลปิ สพฺพา ทาสิโย ปฏิพาหิตฺวา มยฺหํ กตฺตพฺพเมว อกาสิ. สจาหํ อิมํ น ขมาเปสฺสามิ, มุทฺธา เม สตฺตธา ผเลยฺยา’’ติ ตสฺสา ปาทมูเล นิปชฺชิตฺวา ‘‘อยฺเย, ขมาหิ เม โทส’’นฺติ อาห. ‘‘อหํ สปฺปิติกา ธีตา, ปิตริ เม ขมาปิเต ขมิสฺสามี’’ติ. ‘‘โหตุ, อยฺเย, ปิตรมฺปิ เต ปุณฺณเสฏฺึ ขมาเปสฺสามี’’ติ. ‘‘ปุณฺโณ มม วฏฺเฏ ชนกปิตา, วิวฏฺเฏ ชนกปิตริ ขมาปิเต ปน อหํ ขมิสฺสามี’’ติ. ‘‘โก ปน เต วิวฏฺเฏ ชนกปิตา’’ติ? ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ. ‘‘มยฺหํ เตน สทฺธึ วิสฺสาโส นตฺถิ, อหํ กึ กริสฺสามี’’ติ? ‘‘สตฺถา สฺเว ภิกฺขุสงฺฆํ อาทาย อิธาคมิสฺสติ, ตฺวํ ยถาลทฺธํ สกฺการํ คเหตฺวา อิเธว อาคนฺตฺวา ตํ ขมาเปหี’’ติ. สา ‘‘สาธุ, อยฺเย’’ติ อุฏฺาย อตฺตโน เคหํ คนฺตฺวา ปฺจสตปริจาริกิตฺถิโย อาณาเปตฺวา นานาวิธานิ ขาทนียโภชนียานิ เจว สูเปยฺยานิ จ สมฺปาเทตฺวา ปุนทิวเส ตํ สกฺการํ อาทาย อุตฺตราย เคหํ อาคนฺตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ปตฺเต ปติฏฺาเปตุํ อวิสหนฺตี อฏฺาสิ, ตํ สพฺพํ คเหตฺวา อุตฺตราว สํวิทหิ.

สิริมาปิ สตฺถุ ภตฺตกิจฺจาวสาเน สทฺธึ ปริวาเรน สตฺถุ ปาทมูเล นิปชฺชิ. อถ นํ สตฺถา ปุจฺฉิ ‘‘โก เต อปราโธ’’ติ. ‘‘ภนฺเต มยา หิยฺโย อิทํ นาม กตํ, อถ เม สหายิกา มํ วิเหยมานา ทาสิโย นิวาเรตฺวา มยฺหํ อุปการเมว อกาสิ. สาหํ อิมิสฺสา คุณํ ชานิตฺวา อิมํ ขมาเปสึ, อถ มํ เอสา ‘ตุมฺเหสุ ขมาปิเตสุ ขมิสฺสามี’ติ อาหา’’ติ. ‘‘เอวํ กิร อุตฺตเร’’ติ. ‘‘อาม, ภนฺเต, สีเส เม สหายิกาย ปกฺกสปฺปิ อาสิตฺต’’นฺติ. ‘‘อถ ตยา กึ จินฺติต’’นฺติ? ‘‘จกฺกวาฬํ อติสมฺพาธํ, พฺรหฺมโลโก อตินีจโก, มม สหายิกาย คุโณว มหนฺโต, อหฺหิ เอตํ นิสฺสาย ทานฺจ ทาตุํ ธมฺมฺจ โสตุํ อลตฺถํ, สเจ เม อิมิสฺสา อุปริ โกโธ อตฺถิ, อิทํ มํ ทหตุ, โน เจ, มา ทหตู’’ติ เอวํ จินฺเตตฺวา อิมํ เมตฺตาย ผรึ, ภนฺเตติ. สตฺถา ‘‘สาธุ สาธุ, อุตฺตเร, เอวํ โกธํ ชินิตุํ วฏฺฏติ. โกธโน หิ นาม อกฺโกเธน, อกฺโกสโก อนกฺโกสนฺเตน, ปริภาสโก อปริภาสนฺเตน, ถทฺธมจฺฉรี อตฺตโน สนฺตกสฺส ทาเนน, มุสาวาที สจฺจวจเนน ชินิตพฺโพ’’ติ อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺโต –

‘‘อกฺโกเธน ชิเน โกธํ, อสาธุํ สาธุนา ชิเน;

ชิเน กทริยํ ทาเนน, สจฺเจนาลิกวาทิน’’นฺติ. (ธ. ป. ๒๒๓) –

อิมํ คาถํ วตฺวา คาถาปริโยสาเน จตุสจฺจกถํ อภาสิ. สจฺจปริโยสาเน อุตฺตรา สกทาคามิผเล ปติฏฺหิ, สามิโก จ สสุโร จ สสฺสุ จ โสตาปตฺติผลํ สจฺฉิกรึสุ, สิริมาปิ ปฺจสตปริวารา โสตาปนฺนา อโหสิ. อปรภาเค อุตฺตรา กาลํ กตฺวา ตาวตึสภวเน อุปฺปชฺชิ. อถายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เหฏฺา วุตฺตนเยเนว เทวจาริกํ จรนฺโต อุตฺตรํ เทวธีตรํ ทิสฺวา –

๑๒๔.

‘‘อภิกฺกนฺเตน วณฺเณน, ยา ตฺวํ ติฏฺสิ เทวเต;

โอภาเสนฺตี ทิสา สพฺพา, โอสธี วิย ตารกา.

๑๒๕.

‘‘เกน เตตาทิโส วณฺโณ, เกน เต อิธ มิชฺฌติ;

อุปฺปชฺชนฺติ จ เต โภคา, เย เกจิ มนโส ปิยา.

๑๒๖.

‘‘ปุจฺฉามิ ตํ เทวิ มหานุภาเว,

มนุสฺสภูตา กิมกาสิ ปุฺํ;

เกนาสิ เอวํ ชลิตานุภาวา,

วณฺโณ จ เต สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ. – ปฏิปุจฺฉิ;

๑๒๗.

‘‘สา เทวตา อตฺตมนา, โมคฺคลฺลาเนน ปุจฺฉิตา;

ปฺหํ ปุฏฺา วิยากาสิ, ยสฺส กมฺมสฺสิทํ ผลํ’’.

๑๒๘.

‘‘อิสฺสา จ มจฺเฉรมโถ ปฬาโส, นาโหสิ มยฺหํ ฆรมาวสนฺติยา;

อกฺโกธนา ภตฺตุ วสานุวตฺตินี, อุโปสเถ นิจฺจหมปฺปมตฺตา.

๑๒๙.

‘‘จาตุทฺทสึ ปฺจทสึ, ยา จ ปกฺขสฺส อฏฺมี;

ปาฏิหาริยปกฺขฺจ, อฏฺงฺคสุสมาคตํ.

๑๓๐.

‘‘อุโปสถํ อุปวสิสฺสํ, สทา สีเลสุ สํวุตา;

สฺมา สํวิภาคา จ, วิมานํ อาวสามหํ.

๑๓๑.

‘‘ปาณาติปาตา วิรตา, มุสาวาทา จ สฺตา;

เถยฺยา จ อติจารา จ, มชฺชปานา จ อารกา.

๑๓๒.

‘‘ปฺจสิกฺขาปเท รตา, อริยสจฺจาน โกวิทา;

อุปาสิกา จกฺขุมโต, โคตมสฺส ยสสฺสิโน.

๑๓๓.

‘‘สาหํ สเกน สีเลน, ยสสา จ ยสสฺสินี;

อนุโภมิ สกํ ปุฺํ, สุขิตา จมฺหินามยา.

๑๓๔.

‘‘เตน เมตาทิโส วณฺโณ, เตน เม อิธ มิชฺฌติ;

อุปฺปชฺชนฺติ จ เม โภคา, เย เกจิ มนโส ปิยา.

๑๓๕.

‘‘อกฺขามิ เต ภิกฺขุ มหานุภาว, มนุสฺสภูตา ยมหํ อกาสึ;

เตนมฺหิ เอวํ ชลิตานุภาวา, วณฺโณ จ เม สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ. –

เทวตาปิสฺส วิสฺสชฺเชสิ.

๑๒๖. มม จ, ภนฺเต, วจเนน ภควโต ปาเท สิรสา วนฺเทยฺยาสิ ‘‘อุตฺตรา นาม ภนฺเต, อุปาสิกา ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทตี’’ติ. อนจฺฉริยํ โข ปเนตํ, ภนฺเต, ยํ มํ ภควา อฺตรสฺมึ สามฺผเล พฺยากเรยฺย, ตํ ภควา สกทาคามิผเล พฺยากาสีติ.

๑๒๘. ตตฺถ อิสฺสา จ มจฺเฉรมโถ ปฬาโส, นาโหสิ มยฺหํ ฆรมาวสนฺติยาติ ยา จ อคารมชฺเฌ วสนฺตีนํ อฺาสํ อิตฺถีนํ สมฺปตฺติอาทิวิสยา ปรสมฺปตฺติอุสูยนลกฺขณา อิสฺสา, ยฺจ ตาวกาลิกาทิวเสนาปิ กิฺจิ ยาจนฺตานํ อทาตุกามตาย อตฺตสมฺปตฺตินิคูหนลกฺขณํ มจฺฉริยํ, โย จ กุลปเทสาทินา ปเรหิ ยุคคฺคาหลกฺขโณ ปฬาโส อุปฺปชฺชติ, โส ติวิโธปิ ปาปธมฺโม เคเห ิตาย มยฺหํ สติปิ ปจฺจยสมวาเย นาโหสิ น อุปฺปชฺชิ. อกฺโกธนาติ ขนฺติเมตฺตานุทฺทยสมฺปนฺนตาย อกุชฺฌนสภาวา. ภตฺตุ วสานุวตฺตินีติ ปุพฺพุฏฺานปจฺฉานิปาตนาทินา สามิกสฺส อนุกูลภาเวน วเส วตฺตนสีลา, มนาปจารินีติ อตฺโถ. อุโปสเถ นิจฺจหมปฺปมตฺตาติ อหํ อุโปสถสีลรกฺขเณ นิจฺจํ อปฺปมตฺตา อปฺปมาทวิหารินี.

๑๒๙. ตเมว อุโปสเถ อปฺปมาทํ ทสฺเสนฺตี เยสุ ทิวเสสุ ตํ รกฺขิตพฺพํ, ยาทิสํ ยถา จ รกฺขิตพฺพํ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘จาตุทฺทสิ’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ จาตุทฺทสึ ปฺจทสินฺติ ปกฺขสฺสาติ สมฺพนฺโธ, อจฺจนฺตสํโยเค เจตํ อุปโยควจนํ. ยา จ ปกฺขสฺส อฏฺมีติ เอตฺถ จาติ วจนเสโส. ปาฏิหาริยปกฺขฺจาติ ปฏิหรณกปกฺขฺจ, จาตุทฺทสีปฺจทสีอฏฺมีนํ ยถากฺกมํ อาทิโต อนฺตโต จาติ ปเวสนนิกฺขมนวเสน อุโปสถสีลสฺส ปฏิหริตพฺพํ ปกฺขฺจ, เตรสี ปาฏิปทา สตฺตมี นวมี จาติ อตฺโถ. อฏฺงฺคสุสมาคตนฺติ ปาณาติปาตาเวรมณีอาทีหิ อฏฺหงฺเคหิ เอว สุฏฺุ สมาคตํ สมนฺนาคตํ.

๑๓๐. อุปวสิสฺสนฺติ อุปวสึ. อตีตตฺเถ หิ อิทํ อนาคตวจนํ. เกจิ ปน ‘‘อุปวสึ’’อิจฺเจว ปนฺติ. สทาติ สปฺปฏิหาริเกสุ สพฺเพสุ อุโปสถทิวเสสุ. สีเลสูติ อุโปสถสีเลสุ สาเธตพฺเพสุ. นิปฺผาเทตพฺเพ หิ อิทํ ภุมฺมํ. สํวุตาติ กายวาจาจิตฺเตหิ สํวุตา. สทาติ วา สพฺพกาลํ. สีเลสูติ นิจฺจสีเลสุ. สํวุตาติ กายวาจาหิ สํวุตา.

๑๓๑. อิทานิ ตํ นิจฺจสีลํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปาณาติปาตา วิรตา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ปาโณติ โวหารโต สตฺโต, ปรมตฺถโต ชีวิตินฺทฺริยํ. ปาณสฺส อติปาโต ปาณวโธ ปาณฆาโต ปาณาติปาโต, อตฺถโต ปาเณ ปาณสฺิโน ชีวิตินฺทฺริยุปจฺเฉทกอุปกฺกมสมุฏฺาปิกา กายวจีทฺวารานํ อฺตรทฺวารปวตฺตา วธกเจตนา. ตโต ปาณาติปาตา. วิรตาติ โอรตา, นิวตฺตาติ อตฺโถ.

มุสาวาทาติ มุสา นาม วิสํวาทนปุเรกฺขารสฺส อตฺถภฺชนโก วจีปโยโค วา กายปโยโค วา, วิสํวาทนาธิปฺปาเยน ปรสฺส วิสํวาทกกายวจีปโยคสมุฏฺาปิกา เจตนา มุสาวาโท. อถ วา มุสาติ อภูตํ อตจฺฉํ วตฺถุ, วาโทติ ตสฺส ภูตโต ตจฺฉโต วิฺาเปตุกามสฺส ตถา วิฺตฺติสมุฏฺาปิกา เจตนา. ตโต มุสาวาทา สฺตา โอรตา, วิรตาติ อตฺโถ. จ-สทฺโท สมฺปิณฺฑนตฺโถ.

เถยฺยาติ เถยฺยํ วุจฺจติ เถนภาโว, โจริกาย ปรสฺสหรณนฺติ อตฺโถ. อตฺถโต ปรปริคฺคหิเต ปรปริคฺคหิตสฺิโน ตทาทายกอุปกฺกมสมุฏฺาปิกา เถยฺยเจตนา เถยฺยํ. ตโต เถยฺยา สฺตา, อารกาติ วา สมฺพนฺโธ.

อติจาราติ อติจฺจ จาโร อติจาโร, โลกมริยาทํ อติกฺกมิตฺวา อคมนียฏฺาเน กามวเสน จาโร มิจฺฉาจาโรติ อตฺโถ. อคมนียฏฺานํ นาม – ปุริสานํ มาตุรกฺขิตา ปิตุรกฺขิตา มาตาปิตุรกฺขิตา ภาตุรกฺขิตา ภคินิรกฺขิตา าติรกฺขิตา โคตฺตรกฺขิตา ธมฺมรกฺขิตา สารกฺขา สปริทณฺฑาติ ทส, ธนกฺกีตา ฉนฺทวาสินี โภควาสินี ปฏวาสินี โอทปตฺตกินี โอภฏจุมฺพฏา ทาสี จ ภริยา กมฺมการี จ ภริยา ธชาหฏา มุหุตฺติกาติ ทสาติ วีสติ อิตฺถิโย. อิตฺถีสุ ปน ทฺวินฺนํ สารกฺขสปริทณฺฑานํ ทสนฺนฺจ ธนกฺกีตาทีนนฺติ ทฺวาทสนฺนํ อฺปุริสา อคมนียฏฺานํ, อิทเมว อิธ อธิปฺเปตํ. ลกฺขณโต ปน อสทฺธมฺมาธิปฺปาเยน กายทฺวารปวตฺตา อคมนียฏฺานวีติกฺกมเจตนา อติจาโร. ตสฺมา อติจารา.

มชฺชปานาติ มชฺชํ วุจฺจติมทนียฏฺเน สุรา จ เมรยฺจ, ปิวนฺติ เตนาติ ปานํ, มชฺชสฺส ปานํ มชฺชปานํ. ยาย ทุสฺสีลฺยเจตนาย มชฺชสงฺขาตํ ปิฏฺสุรา, ปูวสุรา, โอทนิยสุรา, กิณฺณปกฺขิตฺตา, สมฺภารสํยุตฺตาติ ปฺจเภทํ สุรํ วา, ปุปฺผาสโว, ผลาสโว, มธฺวาสโว, คุฬาสโว, สมฺภารสํยุตฺโตติ ปฺจเภทํ เมรยํ วา พีชโต ปฏฺาย กุสคฺเคนาปิ ปิวติ, สา เจตนา มชฺชปานํ. ตสฺมา มชฺชปานา อารกา วิรตา.

๑๓๒. เอวํ ‘‘ปาณาติปาตา วิรตา’’ติอาทินา ปหาตพฺพธมฺมวเสน วิภชิตฺวา ทสฺสิตํ นิจฺจสีลํ ปุน สมาทาตพฺพตาวเสน เอกโต กตฺวา ทสฺเสนฺตี ‘‘ปฺจสิกฺขาปเท รตา’’ติ อาห. ตตฺถ สิกฺขาปทนฺติ สิกฺขิตพฺพปทํ, สิกฺขาโกฏฺาเสติ อตฺโถ. อถ วา ฌานาทโย สพฺเพปิ กุสลา ธมฺมา สิกฺขิตพฺพโต สิกฺขา, ปฺจสุ ปน สีลงฺเคสุ ยํกิฺจิ องฺคํ ตาสํ สิกฺขานํ ปติฏฺานฏฺเน ปทนฺติ สิกฺขานํ ปทตฺตา สิกฺขาปทํ, ปฺจ สีลงฺคานิ. ตสฺมึ ปฺจวิเธ สิกฺขาปเท รตา อภิรตาติ ปฺจสิกฺขาปเท รตา. อริยสจฺจาน โกวิทาติ ปริฺาปหานสจฺฉิกิริยาภาวนาภิสมยวเสน ทุกฺขสมุทยนิโรธมคฺคสงฺขาเตสุ จตูสุ อริยสจฺเจสุ กุสลา นิปุณา, ปฏิวิทฺธจตุสจฺจาติ อตฺโถ. โคตมสฺสาติ ภควนฺตํ โคตฺเตน กิตฺเตติ. ยสสฺสิโนติ กิตฺติมโต, ปริวารวโต วา.

๑๓๓. สาหนฺติ สา ยถาวุตฺตคุณา อหํ. สเกน สีเลนาติ อนุสฺสุกิตาทินา อตฺตโน สภาวสีเลน จ อุโปสถสีลาทิสมาทานสีเลน จ การณภูเตน. ตฺหิ สตฺตานํ กมฺมสฺสกตาย หิตสุขาวหตาย จ วิเสสโต ‘‘สก’’นฺติ วุจฺจติ. เตเนวาห –

‘‘ตฺหิ ตสฺส สกํ โหติ, ตฺจ อาทาย คจฺฉติ;

ตฺจสฺส อนุคํ โหติ, ฉายาว อนปายินี’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๑๑๕);

ยสสา จ ยสสฺสินีติ ‘‘อุตฺตรา อุปาสิกา สีลาจารสมฺปนฺนา อนุสฺสุกี อมจฺฉรี อกฺโกธนา’’ติอาทินา ‘‘อาคตผลา วิฺาตสาสนา’’ติอาทินา จ ยถาภูตคุณาธิคเตน ชลตเล เตเลน วิย สมนฺตโต ปตฺถเฏน กิตฺติสทฺเทน ยสสฺสินี กิตฺติมตี, เตน วา สีลคุเณน อิธ อธิคเตน ยสปริวาเรน ยสสฺสินี สมฺปนฺนปริวารา. อนุโภมิ สกํ ปุฺนฺติ ยถูปจิตํ อตฺตโน ปุฺํ ปจฺจนุโภมิ. ยสฺส หิ ปุฺผลํ อนุภูยติ, ผลูปจาเรน ตํ ปุฺมฺปิ อนุภูยตีติ วุจฺจติ. อถ วา ปุถุชฺชนภาวโต สุจริตผลมฺปิ ‘‘ปุฺ’’นฺติ วุจฺจติ. ยถาห ‘‘กุสลานํ, ภิกฺขเว, ธมฺมานํ สมาทานเหตุ เอวมิทํ ปุฺํ ปวฑฺฒตี’’ติ. สุขิตา จมฺหินามยาติ ทิพฺพสุเขน จ ผลสุเขน จ สุขิตา จมฺหิ ภวามิ, กายิกเจตสิกทุกฺขาภาวโต อนามยา อโรคา.

๑๓๖. มม จาติ จ-สทฺโท สมุจฺจยตฺโถ. เตน ‘‘มม วจเนน จ วนฺเทยฺยาสิ, น ตว สภาเวเนวา’’ติ วนฺทนํ สมุจฺจิโนติ. อนจฺฉริยนฺติอาทินา อตฺตโน อริยสาวิกาภาวสฺส ปากฏภาวํ ทสฺเสติ. ตํ ภควาติอาทิ สงฺคีติการวจนํ. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ.

อุตฺตราวิมานวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๖. สิริมาวิมานวณฺณนา

ยุตฺตา จ เต ปรมอลงฺกตา หยาติ สิริมาวิมานํ. ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเป. เตน จ สมเยน เหฏฺา อนนฺตรวตฺถุมฺหิ วุตฺตา สิริมา คณิกา โสตาปตฺติผลสฺส อธิคตตฺตา วิสฺสชฺชิตกิลิฏฺกมฺมนฺตา หุตฺวา สงฺฆสฺส อฏฺ สลากภตฺตานิ ปฏฺเปสิ. อาทิโต ปฏฺาย นิพทฺธํ อฏฺ ภิกฺขู เคหํ อาคจฺฉนฺติ. สา ‘‘สปฺปึ คณฺหถ ขีรํ คณฺหถา’’ติอาทีนิ วตฺวา เตสํ ปตฺเต ปูเรติ, เอเกน ลทฺธํ ติณฺณมฺปิ จตุนฺนมฺปิ ปโหติ, เทวสิกํ โสฬสกหาปณปริพฺพเยน ปิณฺฑปาโต ทียติ. อเถกทิวสํ เอโก ภิกฺขุ ตสฺสา เคเห อฏฺกภตฺตํ ภุฺชิตฺวา ติโยชนมตฺถเก เอกํ วิหารํ อคมาสิ. อถ นํ สายํ เถรุปฏฺาเน นิสินฺนํ ปุจฺฉึสุ, ‘‘อาวุโส, กหํ ภิกฺขํ คเหตฺวา อิธาคโตสี’’ติ? ‘‘สิริมาย อฏฺกภตฺตํ เม ภุตฺต’’นฺติ. ‘‘ตํ มนาปํ กตฺวา เทติ, อาวุโส’’ติ. ‘‘น สกฺกา ตสฺสา ภตฺตํ วณฺเณตุํ, อติปณีตํ กตฺวา เทติ, เอเกน ลทฺธํ ติณฺณมฺปิ จตุนฺนมฺปิ ปโหติ, ตสฺสา ปน เทยฺยธมฺมโตปิ ทสฺสนเมว อุตฺตริตรํ’’. สา หิ อิตฺถี เอวรูปา จ เอวรูปา จาติ ตสฺสา คุเณ กเถสิ.

อเถโก ภิกฺขุ ตสฺสา คุณกถํ สุตฺวา อทิสฺวาปิ สวเนเนว สิเนหํ อุปฺปาเทตฺวา ‘‘มยา ตตฺถ คนฺตฺวา ตํ ทฏฺุํ วฏฺฏตี’’ติ อตฺตโน วสฺสคฺคํ กเถตฺวา ตํ ภิกฺขุํ ิติกํ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สฺเว, อาวุโส, ตสฺมึ เคเห ตฺวํ สงฺฆตฺเถโร หุตฺวา อฏฺกภตฺตํ ลภิสฺสสี’’ติ สุตฺวา ตงฺขณฺเว ปตฺตจีวรมาทาย ปกฺกนฺโต ปาโตว อรุเณ อุคฺคจฺฉนฺเต สลากคฺคํ ปวิสิตฺวา ิโต สงฺฆตฺเถโร หุตฺวา ตสฺสา เคเห อฏฺกภตฺตํ ลภิ. โย ปน โส ภิกฺขุ หิยฺโย ภุฺชิตฺวา ปกฺกามิ, ตสฺส คตเวลายเมวสฺสา สรีเร โรโค อุปฺปชฺชิ. ตสฺมา อาภรณานิ โอมุฺจิตฺวา นิปชฺชิ. อถสฺสา ทาสิโย อฏฺกภตฺตํ ลภิตุํ อาคเต ภิกฺขู ทิสฺวา อาโรเจสุํ. สา คนฺตฺวา สหตฺถา ปตฺเต คเหตุํ วา นิสีทาเปตุํ วา อสกฺโกนฺตี ทาสิโย อาณาเปสิ ‘‘อมฺมา ปตฺเต คเหตฺวา อยฺเย นิสีทาเปตฺวา ยาคุํ ปาเยตฺวา ขชฺชกํ ทตฺวา ภตฺตเวลาย ปตฺเต ปูเรตฺวา เทถา’’ติ. ตา ‘‘สาธุ, อยฺเย’’ติ ภิกฺขู ปเวเสตฺวา ยาคุํ ปาเยตฺวา ขชฺชกํ ทตฺวา ภตฺตเวลาย ภตฺตสฺส ปตฺเต ปูเรตฺวา ตสฺสา อาโรจยึสุ. สา ‘‘มํ ปริคฺคเหตฺวา เนถ, อยฺเย วนฺทิสฺสามี’’ติ วตฺวา ตาหิ ปริคฺคเหตฺวา ภิกฺขูนํ สนฺติกํ นีตา เวธมาเนน สรีเรน ภิกฺขู วนฺทิ. โส ภิกฺขุ ตํ โอโลเกตฺวา จินฺเตสิ ‘‘คิลานาย ตาว อยํ เอติสฺสา รูปโสภา, อโรคกาเล ปน สพฺพาภรณปฏิมณฺฑิตาย อิมิสฺสา กีทิสี รูปสมฺปตฺตี’’ติ. อถสฺส อเนกวสฺสโกฏิสนฺนิจิโต กิเลโส สมุทาจริ. โส อฺาณี หุตฺวา ภตฺตํ ภุฺชิตุํ อสกฺโกนฺโต ปตฺตํ อาทาย วิหารํ คนฺตฺวา ปตฺตํ ปิธาย เอกมนฺเต เปตฺวา จีวรกณฺณํ ปตฺถริตฺวา นิปชฺชิ. อถ นํ เอโก สหายโก ภิกฺขุ ยาจนฺโตปิ โภเชตุํ นาสกฺขิ, โส ฉินฺนภตฺโต อโหสิ.

ตํ ทิวสเมว สายนฺหสมเย สิริมา กาลมกาสิ. ราชา สตฺถุ สาสนํ เปเสสิ ‘‘ภนฺเต, ชีวกสฺส กนิฏฺภคินี สิริมา กาลมกาสี’’ติ. สตฺถา ตํ สุตฺวา รฺโ สาสนํ ปหิณิ ‘‘สิริมาย สรีรฌาปนกิจฺจํ นตฺถิ, อามกสุสาเน ตํ ยถา กากาทโย น ขาทนฺติ, ตถา นิปชฺชาเปตฺวา รกฺขาเปถา’’ติ. ราชา ตถา อกาสิ. ปฏิปาฏิยา ตโย ทิวสา อติกฺกนฺตา, จตุตฺเถ ทิวเส สรีรํ อุทฺธุมายิ, นวหิ วณมุเขหิ ปุฬวกา ปคฺฆรึสุ, สกลสรีรํ ภินฺนสาลิภตฺตจาฏิ วิย อโหสิ. ราชา นคเร เภรึ จราเปสิ ‘‘เปตฺวา เคหรกฺขณกทารเก สิริมาย ทสฺสนตฺถํ อนาคจฺฉนฺตานํ อฏฺ กหาปณา ทณฺโฑ’’ติ. สตฺถุ สนฺติกฺจ เปเสสิ ‘‘พุทฺธปฺปมุโข กิร สงฺโฆ สิริมาย ทสฺสนตฺถํ อาคจฺฉตู’’ติ. สตฺถา ภิกฺขูนํ อาโรจาเปสิ ‘‘สิริมาย ทสฺสนตฺถํ คมิสฺสามา’’ติ.

โสปิ ทหรภิกฺขุ จตฺตาโร ทิวเส กสฺสจิ วจนํ อคฺคเหตฺวา ฉินฺนภตฺโตว นิปชฺชิ. ปตฺเต ภตฺตํ ปูติกํ ชาตํ, ปตฺเต มลมฺปิ อุฏฺหิ. อถ โส สหายกภิกฺขุนา อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘อาวุโส สตฺถา สิริมาย ทสฺสนตฺถํ คจฺฉตี’’ติ วุจฺจมาโน ตถา ฉาตชฺฌตฺโตปิ ‘‘สิริมา’’ติ วุตฺตปเทเยว สหสา อุฏฺหิตฺวา ‘‘สตฺถา สิริมํ ทฏฺุํ คจฺฉติ, ตฺวมฺปิ คมิสฺสสี’’ติ? ‘‘อาม คมิสฺสามี’’ติ ภตฺตํ ฉฑฺเฑตฺวา ปตฺตํ โธวิตฺวา ถวิกาย ปกฺขิปิตฺวา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ อคมาสิ. สตฺถา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต เอกปสฺเส อฏฺาสิ, ภิกฺขุนิสงฺโฆปิ ราชปริสาปิ อุปาสกปริสาปิ อุปาสิกาปริสาปิ เอเกกปสฺเส อฏฺํสุ.

สตฺถา ราชานํ ปุจฺฉิ ‘‘กา เอสา, มหาราชา’’ติ? ‘‘ภนฺเต, ชีวกสฺส กนิฏฺภคินี สิริมา นามา’’ติ. ‘‘สิริมา เอสา’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ. เตน หิ นคเร เภรึ จราเปหิ ‘‘สหสฺสํ ทตฺวา สิริมํ คณฺหนฺตู’’ติ. ราชา ตถา กาเรสิ, เอโกปิ ‘‘ห’’นฺติ วา ‘‘หุ’’นฺติ วา วทนฺโต นาม นาโหสิ. ราชา สตฺถุ อาโรเจสิ ‘‘น คณฺหนฺติ ภนฺเต’’ติ, เตน หิ มหาราช อคฺฆํ โอหาเปหีติ. ราชา ‘‘ปฺจสตานิ ทตฺวา คณฺหนฺตู’’ติ เภรึ จราเปตฺวา กฺจิ คณฺหนกํ อทิสฺวา ‘‘อฑฺฒเตยฺยสตานิ, ทฺเวสตานิ, สตํ, ปฺาสํ, ปฺจวีสติ, วีสติ กหาปเณ, ทส กหาปเณ, ปฺจ กหาปเณ, เอกํ กหาปณํ, อฑฺฒํ, ปาทํ, มาสกํ, กากณิกํ ทตฺวา สิริมํ คณฺหนฺตู’’ติ เภรึ จราเปตฺวา ‘‘มุธาปิ คณฺหนฺตู’’ติ เภรึ จราเปสิ, ตถาปิ ‘‘ห’’นฺติ วา ‘‘หุ’’นฺติ วา วทนฺโต นาม นาโหสิ. ราชา ‘‘มุธาปิ, ภนฺเต, คณฺหนฺโต นตฺถี’’ติ อาห. สตฺถา ‘‘ปสฺสถ, ภิกฺขเว, มหาชนสฺส ปิยมาตุคามํ, อิมสฺมึเยว นคเร สหสฺสํ ทตฺวา ปุพฺเพ เอกทิวสํ ลภึสุ, อิทานิ มุธาปิ คณฺหนฺโต นตฺถิ เอวรูปํ นาม รูปํ ขยวยปฺปตฺตํ อาหริเมหิ อลงฺกาเรหิ วิจิตฺตกตํ นวนฺนํ วณฺณมุขานํ วเสน อรุภูตํ ตีหิ อฏฺิสเตหิ สมุสฺสิตํ นิจฺจาตุรํ เกวลํ พาลมหาชเนน พหุธา สงฺกปฺปิตตาย พหุสงฺกปฺปํ อทฺธุวํ อตฺตภาว’’นฺติ ทสฺเสนฺโต –

‘‘ปสฺส จิตฺตกตํ พิมฺพํ, อรุกายํ สมุสฺสิตํ;

อาตุรํ พหุสงฺกปฺปํ, ยสฺส นตฺถิ ธุวํ ิตี’’ติ. (เถรคา. ๑๑๖๐) –

คาถมาห. เทสนาปริโยสาเน สิริมาย ปฏิพทฺธจิตฺโต ภิกฺขุ วิคตฉนฺทราโค หุตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ, จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ.

เตน จ สมเยน สิริมา เทวกฺา อตฺตโน วิภวสมิทฺธึ โอโลเกตฺวา อาคตฏฺานํ โอโลเกนฺตี ปุริมตฺตภาเว อตฺตโน สรีรสมีเป ภิกฺขุสงฺฆปริวุตํ ภควนฺตํ ิตํ มหาชนกายฺจ สนฺนิปติตํ ทิสฺวา ปฺจหิ เทวกฺาสเตหิ ปริวุตา ปฺจหิ รถสเตหิ ทิสฺสมานกายา อาคนฺตฺวา รถโต โอตริตฺวา สปริวารา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา กตฺชลี อฏฺาสิ. เตน จ สมเยน อายสฺมา วงฺคีโส ภควโต อวิทูเร ิโต โหติ. โส ภควนฺตํ เอตทโวจ ‘‘ปฏิภาติ มํ ภควา เอกํ ปฺหํ ปุจฺฉิตุ’’นฺติ. ‘‘ปฏิภาตุ ตํ วงฺคีสา’’ติ ภควา อโวจ. อายสฺมา วงฺคีโส ตํ สิริมํ เทวธีตรํ –

๑๓๗.

‘‘ยุตฺตา จ เต ปรมอลงฺกตา หยา, อโธมุขา อฆสิคมา พลี ชวา;

อภินิมฺมิตา ปฺจรถาสตา จ เต, อนฺเวนฺติ ตํ สารถิโจทิตา หยา.

๑๓๘.

‘‘สา ติฏฺสิ รถวเร อลงฺกตา,

โอภาสยํ ชลมิว โชติ โปวโก;

ปุจฺฉามิ ตํ วรตนุ อโนมทสฺสเน,

กสฺมา นุ กายา อนธิวรํ อุปาคมี’’ติ. – ปฏิปุจฺฉิ;

๑๓๗. ตตฺถ ยุตฺตา จ เต ปรมอลงฺกตา หยาติ ปรมํ อติวิย วิเสสโต อลงฺกตา, ปรเมหิ วา อุตฺตเมหิ ทิพฺเพหิ อสฺสาลงฺกาเรหิ อลงฺกตา, ปรมา วา อคฺคา เสฏฺา อาชานียา สพฺพาลงฺกาเรหิ อลงฺกตา หยา อสฺสา เต ตว รเถ โยชิตา, ยุตฺตา วา เต รถสฺส จ อนุจฺฉวิกา, อฺมฺํ วา สทิสตาย ยุตฺตา สํสฏฺาติ อตฺโถ. เอตฺถ จ ‘‘ปรมอลงฺกตา’’ติ ปุริมสฺมึ ปกฺเข สนฺธึ อกตฺวา ทุติยสฺมึ ปกฺเข อวิภตฺติกนิทฺเทโส ทฏฺพฺโพ. อโธมุขาติ เหฏฺามุขา. ยทิปิ เต ตทา ปกติยาว ิตา, เทวโลกโต โอโรหณวเสน ‘‘อโธมุขา’’ติ วุตฺตา. อฆสิคมาติ เวหาสํคมา. พลีติ พลวนฺโต. ชวาติ ชวนกา, พลวนฺโต เจว เวควนฺโต จาติ อตฺโถ. อภินิมฺมิตาติ ตว ปุฺกมฺเมน นิมฺมิตา นิพฺพตฺตา. สยํ นิมฺมิตเมว วา สนฺธาย ‘‘อภินิมฺมิตา’’ติ วุตฺตํ นิมฺมานรติภาวโต สิริมาย เทวธีตาย. ปฺจรถาสตาติ คาถาสุขตฺถํ ถการสฺส ทีฆํ ลิงฺควิปลฺลาสฺจ กตฺวา วุตฺตํ, วิภตฺติอโลโป วา ทฏฺพฺโพ, ปฺจ รถสตานีติ อตฺโถ. อนฺเวนฺติ ตํ สารถิโจทิตา หยาติ สารถีหิ โจทิตา วิย รเถสุ ยุตฺตา อิเม หยา ภทฺเท, เทวเต, ตํ อนุคจฺฉนฺติ. ‘‘สารถิอโจทิตา’’ติ เกจิ ปนฺติ, สารถีหิ อโจทิตา เอว อนุคจฺฉนฺตีติ อตฺโถ. ‘‘สารถิโจทิตา หยา’’ติ เอกํเยว วา ปทํ คาถาสุขตฺถํ ทีฆํ กตฺวา วุตฺตํ, สารถิโจทิตหยา ปฺจ รถสตาติ โยชนา.

๑๓๘. สา ติฏฺสีติ สา ตฺวํ ติฏฺสิ. รถวเรติ รถุตฺตเม. อลงฺกตาติ สฏฺิสกฏภาเรหิ ทิพฺพาลงฺกาเรหิ อลงฺกตสรีรา. โอภาสยํ ชลมิว โชติ ปาวโกติ โอภาเสนฺตี โชติริว ชลนฺตี ปาวโก วิย จ ติฏฺสิ, สมนฺตโต โอภาเสนฺตี ชลนฺตี ติฏฺสีติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘โชตี’’ติ จ จนฺทิมสูริยนกฺขตฺตตารกรูปานํ สาธารณนามํ. วรตนูติ อุตฺตมรูปธเร สพฺพงฺคโสภเน. ตโต เอว อโนมทสฺสเน อลามกทสฺสเน, ทสฺสนีเย ปาสาทิเกติ อตฺโถ. กสฺมา นุ กายา อนธิวรํ อุปาคมีติ กุโต นาม เทวกายโต อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ ปยิรุปาสนาย อุปคฺฉิ อุปคตาสิ.

เอวํ เถเรน ปุจฺฉิตา สา เทวตา อตฺตานํ อาวิกโรนฺตี –

๑๓๙.

‘‘กามคฺคปตฺตานํ ยมาหุนุตฺตรํ, นิมฺมาย นิมฺมาย รมนฺติ เทวตา;

ตสฺมา กายา อจฺฉรา กามวณฺณินี, อิธาคตา อนธิวรํ นมสฺสิตุ’’นฺติ. –

คาถมาห.

๑๓๙. ตตฺถ กามคฺคปตฺตานํ ยมาหุนุตฺตรนฺติ กามูปโภเคหิ อคฺคภาวํ ปตฺตานํ ปรนิมฺมิตวสวตฺตีนํ เทวานํ ยํ เทวกายํ ยเสน โภคาทิวเสน จ อนุตฺตรนฺติ วทนฺติ, ตโต กายา. นิมฺมาย นิมฺมาย รมนฺติ เทวตาติ นิมฺมานรติเทวตา อตฺตนา ยถารุจิเต กาเม สยํ นิมฺมินิตฺวา นิมฺมินิตฺวา รมนฺติ กีฬนฺติ ลฬนฺตา อภิรมนฺติ. ตสฺมา กายาติ ตสฺมา นิมฺมานรติเทวนิกายา. กามวณฺณินีติ กามรูปธรา ยถิจฺฉิตรูปธารินี. อิธาคตาติ อิธ อิมสฺมึ มนุสฺสโลเก, อิมํ วา มนุสฺสโลกํ อาคตา.

เอวํ เทวตาย อตฺตโน นิมฺมานรติเทวตาภาเว กถิเต ปุน เถโร ตสฺสา ปุริมภวํ ตตฺถ กตปุฺกมฺมํ ลทฺธิฺจ กถาเปตุกาโม –

๑๔๐.

‘‘กึ ตฺวํ ปุเร สุจริตมาจรีธ, เกนจฺฉสิ ตฺวํ อมิตยสา สุเขธิตา;

อิทฺธี จ เต อนธิวรา วิหงฺคมา, วณฺโณ จ เต ทส ทิสา วิโรจติ.

๑๔๑.

‘‘เทเวหิ ตฺวํ ปริวุตา สกฺกตา จสิ,

กุโต จุตา สุคติคตาสิ เทวเต;

กสฺส วา ตฺวํ วจนกรานุสาสนึ,

อาจิกฺข เม ตฺวํ ยทิ พุทฺธสาวิกา’’ติ. – ทฺเว คาถา อภาสิ;

๑๔๐. ตตฺถ อาจรีติ ทีฆํ กตฺวา วุตฺตํ, อุปจินีติ อตฺโถ. อิธาติ นิปาตมตฺตํ, อิธ วา อิมสฺมึ เทวตฺตภาเว. เกนจฺฉสีติ เกน ปุฺกมฺเมน อสฺสตฺถา อจฺฉสิ. ‘‘เกนาสิ ตฺว’’นฺติ เกจิ ปนฺติ. อมิตยสาติ น มิตยสา อนปฺปกปริวารา. สุเขธิตาติ สุเขน วฑฺฒิตา, สุปริพฺรูหิตทิพฺพสุขาติ อตฺโถ. อิทฺธีติ ทิพฺพานุภาโว. อนธิวราติ อธิกา วิสิฏฺา อฺา เอติสฺสา นตฺถีติ อนธิวรา, อติอุตฺตมาติ อตฺโถ. วิหงฺคมาติ เวหาสคามินี. ทส ทิสาติ ทสปิ ทิสา. วิโรจตีติ โอภาเสติ.

๑๔๑. ปริวุตา สกฺกตา จสีติ สมนฺตโต ปริวาริตา สมฺภาวิตา จ อสิ. กุโต จุตา สุคติคตาสีติ ปฺจสุ คตีสุ กตรคติโต จุตา หุตฺวา สุคตึ อิมํ เทวคตึ ปฏิสนฺธิวเสน อุปคตา อสิ. กสฺส วา ตฺวํ วจนกรานุสาสนินฺติ กสฺส นุ วา สตฺถุ สาสเน ปาวจเน โอวาทานุสาสนิสมฺปฏิจฺฉเนน ตฺวํ วจนกรา อสีติ โยชนา. กสฺส วา ตฺวํ สตฺถุ วจนกรา อนุสาสกสฺส อนุสิฏฺิยํ ปติฏฺาเนนาติ เอวํ วา เอตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เอวํ อนุทฺเทสิกวเสน ตสฺสา ลทฺธึ ปุจฺฉิตฺวา ปุน อุทฺเทสิกวเสน ‘‘อาจิกฺข เม ตฺวํ ยทิ พุทฺธสาวิกา’’ติ ปุจฺฉติ. ตตฺถ พุทฺธสาวิกาติ สพฺพมฺปิ เยฺยธมฺมํ สยมฺภุาเณน หตฺถตเล อามลกํ วิย ปจฺจกฺขโต พุทฺธตฺตา พุทฺธสฺส ภควโต ธมฺมสฺสวนนฺเต ชาตาติ พุทฺธสาวิกา.

เอวํ เถเรน ปุจฺฉิตมตฺถํ กเถนฺตี เทวตา อิมา คาถา อภาสิ –

๑๔๒.

‘‘นคนฺตเร นครวเร สุมาปิเต, ปริจาริกา ราชวรสฺส สิริมโต;

นจฺเจ คีเต ปรมสุสิกฺขิตา อหุํ, สิริมาติ มํ ราชคเห อเวทึสุ.

๑๔๓.

‘‘พุทฺโธ จ เม อิสินิสโภ วินายโก, อเทสยี สมุทยทุกฺขนิจฺจตํ;

อสงฺขตํ ทุกฺขนิโรธ สสฺสตํ, มคฺคฺจิมํ อกุฏิลมฺชสํ สิวํ.

๑๔๔.

‘‘สุตฺวานหํ อมตปทํ อสงฺขตํ, ตถาคตสฺสนธิวรสฺส สาสนํ;

สีเลสฺวหํ ปรมสุสํวุตา อหุํ, ธมฺเม ิตา นรวรพุทฺธเทสิเต.

๑๔๕.

‘‘ตฺวานหํ วิรชปทํ อสงฺขตํ, ตถาคเตนนธิวเรน เทสิตํ;

ตตฺเถวหํ สมถสมาธิมาผุสึ, สาเยว เม ปรมนิยามตา อหุ.

๑๔๖.

‘‘ลทฺธานหํ อมตวรํ วิเสสนํ, เอกํสิกา อภิสมเย วิเสสิย;

อสํสยา พหุชนปูชิตา อหํ, ขิฑฺฑารตึ ปจฺจนุโภมนปฺปกํ.

๑๔๗.

‘‘เอวํ อหํ อมตทสมฺหิ เทวตา, ตถาคตสฺสนธิวรสฺส สาวิกา;

ธมฺมทฺทสา ปมผเล ปติฏฺิตา, โสตาปนฺนา น จ ปน มตฺถิ ทุคฺคติ.

๑๔๘.

‘‘สา วนฺทิตุํ อนธิวรํ อุปาคมึ, ปาสาทิเก กุสลรเต จ ภิกฺขโว;

นมสฺสิตุํ สมณสมาคมํ สิวํ, สคารวา สิริมโต ธมฺมราชิโน.

๑๔๙.

‘‘ทิสฺวา มุนึ มุทิตมนมฺหิ ปีณิตา, ตถาคตํ นรวรทมฺมสารถึ;

ตณฺหจฺฉิทํ กุสลรตํ วินายกํ, วนฺทามหํ ปรมหิตานุกมฺปก’’นฺติ.

๑๔๒. ตตฺถ นคนฺตเรติ อิสิคิลิเวปุลฺลเวภารปณฺฑวคิชฺฌกูฏสงฺขาตานํ ปฺจนฺนํ ปพฺพตานํ อนฺตเร เวมชฺเฌ, ยโต ตํ นครํ ‘‘คิริพฺพช’’นฺติ วุจฺจติ. นครวเรติ อุตฺตมนคเร, ราชคหํ สนฺธายาห. สุมาปิเตติ มหาโควินฺทปณฺฑิเตน วตฺถุวิชฺชาวิธินา สมฺมเทว นิเวสิเต. ปริจาริกาติ สํคีตปริจริยาย อุปฏฺายิกา. ราชวรสฺสาติ พิมฺพิสารมหาราชสฺส. สิริมโตติ เอตฺถ ‘‘สิรีติ พุทฺธิปุฺานํ อธิวจน’’นฺติ วทนฺติ. อถ วา ปุฺนิพฺพตฺตา สรีรโสภคฺคาทิสมฺปตฺติ กตปุฺํ นิสฺสยติ, กตปุฺเหิ วา นิสฺสียตีติ ‘‘สิรี’’ติ วุจฺจติ, สา เอตสฺส อตฺถีติ สิริมา, ตสฺส สิริมโต. ปรมสุสิกฺขิตาติ อติวิย สมฺมเทว จ สิกฺขิตา. อหุนฺติ อโหสึ. อเวทึสูติ อฺาสุํ.

๑๔๓. อิสินิสโภติ ควสตเชฏฺโก อุสโภ, ควสหสฺสเชฏฺโก วสโภ, วชสตเชฏฺโก วา อุสโภ, วชสหสฺสเชฏฺโก วสโภ, สพฺพควเสฏฺโ สพฺพปริสฺสยสโห เสโต ปาสาทิโก มหาภารวโห อสนิสตสทฺเทหิปิ อสมฺปกมฺปิโย นิสโภ. รถา โส อตฺตโน นิสภพเลน สมนฺนาคโต จตูหิ ปาเทหิ ปถวึ อุปฺปีเฬตฺวา เกนจิ ปริสฺสเยน อกมฺปิโย อจลฏฺาเนน ติฏฺติ, เอวํ ภควา ทสหิ ตถาคตพเลหิ สมนฺนาคโต จตูหิ เวสารชฺชปาเทหิ อฏฺปริสปถวึ อุปฺปีเฬตฺวา สเทวเก โลเก เกนจิ ปจฺจตฺถิเกน ปจฺจามิตฺเตน อกมฺปิโย อจลฏฺาเนน ติฏฺติ, ตสฺมา นิสโภ วิยาติ นิสโภ. สีลาทีนํ ธมฺมกฺขนฺธานํ เอสนฏฺเน ‘‘อิสี’’ติ ลทฺธโวหาเรสุ เสกฺขาเสกฺขอิสีสุ นิสโภ, อิสีนํ วา นิสโภ, อิสิ จ โส นิสโภ จาติ วา อิสินิสโภ. เวเนยฺยสตฺเต วิเนตีติ วินายโก, นายกวิรหิโตติ วา วินายโก, สยมฺภูติ อตฺโถ.

อเทสยี สมุทยทุกฺขนิจฺจตนฺติ สมุทยสจฺจสฺส จ ทุกฺขสจฺจสฺส จ อนิจฺจตํ วยธมฺมตํ อภาสิ. เตน ‘‘ยํกิฺจิ สมุทยธมฺมํ, สพฺพํ ตํ นิโรธธมฺม’’นฺติ อตฺตโน อภิสมยาณสฺส ปวตฺติอาการํ ทสฺเสติ. สมุทยทุกฺขนิจฺจตนฺติ วา สมุทยสจฺจฺจ ทุกฺขสจฺจฺจ อนิจฺจตฺจ. ตตฺถ สมุทยสจฺจทุกฺขสจฺจคฺคหเณน วิปสฺสนาย ภูมึ ทสฺเสติ, อนิจฺจตาคหเณน ตสฺสา ปวตฺติอาการํ ทสฺเสติ. สงฺขารานฺหิ อนิจฺจากาเร วิภาวิเต ทุกฺขากาโร อนตฺตากาโรปิ วิภาวิโตเยว โหติ ตํนิพนฺธนตฺตา เตสํ. เตนาห ‘‘ยทนิจฺจํ, ตํ ทุกฺขํ, ยํ ทุกฺขํ, ตทนตฺตา’’ติ (สํ. นิ. ๓.๑๕). อสงฺขตํ ทุกฺขนิโรธสสฺสตนฺติ เกนจิ ปจฺจเยน น สงฺขตนฺติ อสงฺขตํ, สพฺพกาลํ ตถภาเวน สสฺสตํ, สกลวฏฺฏทุกฺขนิโรธภาวโต ทุกฺขนิโรธํ อริยสจฺจฺจ เม อเทสยีติ โยชนา. มคฺคฺจิมํ อกุฏิลมฺชสํ สิวนฺติ อนฺตทฺวยปริวชฺชเนน กุฏิลภาวกรานํ มายาทีนํ กายวงฺกาทีนฺจ ปหาเนน อกุฏิลํ, ตโต เอว อฺชสํ, อสิวภาวกรานํ กามราคาทีนํ สมุจฺฉินฺทเนน สิวํ นิพฺพานํ. มคฺคนฺติ นิพฺพานตฺถิเกหิ มคฺคียติ, กิเลเส วา มาเรนฺโต คจฺฉตีติ ‘‘มคฺโค’’ติ ลทฺธนามํ อิทํ ตุมฺหากฺจ มมฺจ ปจฺจกฺขภูตํ ทุกฺขนิโรธคามินิปฏิปทาสงฺขาตํ อริยสจฺจฺจ เม อเทสยีติ โยชนา.

๑๔๔. สุตฺวานหํ อมตปทํ อสงฺขตํ, ตถาคตสฺสนธิวรสฺส สาสนนฺติ เอตฺถ อยํ สงฺเขปตฺโถ – ตถา อาคมนาทิอตฺเถน ตถาคตสฺส, สเทวเก โลเก อคฺคภาวโต อนธิวรสฺส, สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อมตปทํ อสงฺขตํ นิพฺพานํ อุทฺทิสฺส เทสิตตฺตา, อมตสฺส วา นิพฺพานสฺส ปฏิปชฺชนุปายตฺตา เกนจิปิ อสงฺขรณียตฺตา จ อมตปทํ อสงฺขตํ สาสนํ สทฺธมฺมํ อหํ สุตฺวานาติ. สีเลสฺวหนฺติ สีเลสุ นิปฺผาเทตพฺเพสุ อหํ. ปรมสุสํวุตาติ อติวิย สมฺมเทว สํวุตา. อหุนฺติ อโหสึ. ธมฺเม ิตาติ ปฏิปตฺติธมฺเม ปติฏฺิตา.

๑๔๕. ตฺวานาติ สจฺฉิกิริยาภิสมยวเสน ชานิตฺวา. ตตฺเถวาติ ตสฺมึเยว ขเณ, ตสฺมึเยว วา อตฺตภาเว. สมถสมาธิมาผุสินฺติ ปจฺจนีกธมฺมานํ สมุจฺเฉทวเสน สมนโต วูปสมนโต ปรมตฺถสมถภูตํ โลกุตฺตรสมาธึ อาผุสึ อธิคจฺฉึ. ยทิปิ ยสฺมึ ขเณ นิโรธสฺส สจฺฉิกิริยาภิสมโย, ตสฺมึเยว ขเณ มคฺคสฺส ภาวนาภิสมโย, อารมฺมณปฏิเวธํ ปน ภาวนาปฏิเวธสฺเสว ปุริมสิทฺธิการณํ วิย กตฺวา ทสฺเสตุํ –

‘‘ตฺวานหํ วิรชปทํ อสงฺขตํ, ตถาคเตนนธิวเรน เทสิตํ’’.

ตตฺเถวหํ ‘สมถสมาธิมาผุสิ’นฺติ วุตฺตํ ยถา ‘‘จกฺขุฺจ ปฏิจฺจ รูเป จ อุปฺปชฺชติ จกฺขุวิฺาณ’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๔๐๐; ๓.๔๒๑; สํ. นิ. ๔.๖๐). ตฺวานาติ วา สมานกาลวเสน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ ยถา ‘‘นิหนฺตฺวาน ตมํ สพฺพํ, อาทิจฺโจ นภมุคฺคโต’’ติ. สาเยวาติ ยา โลกุตฺตรสมาธิผุสนา ลทฺธา, สาเยว. ปรมนิยามตาติ ปรมา อุตฺตมา มคฺคนิยามตา.

๑๔๖. วิเสสนนฺติ ปุถุชฺชเนหิ วิเสสกํ วิสิฏฺภาวสาธกํ. เอกํสิกาติ ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา, สฺวากฺขาโต ธมฺโม, สุปฺปฏิปนฺโน สงฺโฆ’’ติ เอกํสคาหวตี รตนตฺตเย นิพฺพิจิกิจฺฉา. อภิสมเย วิเสสิยาติ สจฺจปฏิเวธวเสน วิเสสํ ปตฺวา. ‘‘วิเสสินี’’ติปิ ปนฺติ, อภิสมยเหตุ วิเสสวตีติ อตฺโถ. อสํสยาติ โสฬสวตฺถุกาย อฏฺวตฺถุกาย จ วิจิกิจฺฉาย ปหีนตฺตา อปคตสํสยา. ‘‘อสํสิยา’’ติ เกจิ ปนฺติ. พหุชนปูชิตาติ สุคตีหิ ปเรหิ ปตฺถนียคุณาติ อตฺโถ. ขิฑฺฑารตินฺติ ขิฑฺฑาภูตํ รตึ, อถ วา ขิฑฺฑฺจ รติฺจ ขิฑฺฑาวิหารฺจ รติสุขฺจ.

๑๔๗. อมตทสมฺหีติ อมตทสา นิพฺพานทสฺสาวินี อมฺหิ. ธมฺมทฺทสาติ จตุสจฺจธมฺมํ ทิฏฺวตี. โสตาปนฺนาติ อริยมคฺคโสตํ อาทิโต ปตฺตา. น จ ปน มตฺถิ ทุคฺคตีติ น จ ปน เม อตฺถิ ทุคฺคติ อวินิปาตธมฺมตฺตา.

๑๔๘. ปาสาทิเกติ ปสาทาวเห. กุสลรเตติ กุสเล อนวชฺชธมฺเม นิพฺพาเน รเต. ภิกฺขโวติ ภิกฺขู นมสฺสิตุํ อุปาคมินฺติ โยชนา. สมณสมาคมํ สิวนฺติ สมณานํ สมิตปาปานํ พุทฺธพุทฺธสาวกานํ สิวฺจ ธมฺมํ เขมํ สมาคมํ สงฺคมํ ปยิรุปาสิตุํ อุปาคมินฺติ สมฺพนฺโธ. สิริมโต ธมฺมราชิโนติ ภุมฺมตฺเถ สามิวจนํ. สิริมติ ธมฺมราชินีติ อตฺโถ. เอวเมว จ เกจิ ปนฺติ.

๑๔๙. มุทิตมนมฺหีติ โมทิตมนา อมฺหิ. ปีณิตาติ ตุฏฺา, ปีติรสวเสน วา ติตฺตา. นรวรทมฺมสารถินฺติ นรวโร จ โส อคฺคปุคฺคลตฺตา, ทมฺมานํ ทเมตพฺพานํ เวเนยฺยานํ นิพฺพานาภิมุขํ สารณโต ทมฺมสารถิ จาติ นรวรทมฺมสารถิ, ตํ. ปรมหิตานุกมฺปกนฺติ ปรเมน อุตฺตเมน หิเตน สพฺพสตฺตานํ อนุกมฺปกํ.

เอวํ สิริมา เทวธีตา อตฺตโน ลทฺธิปเวทนมุเขน รตนตฺตเย ปสาทํ ปเวเทตฺวา ภควนฺตํ ภิกฺขุสงฺฆฺจ วนฺทิตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา เทวโลกเมว คตา. ภควา ตเมว โอติณฺณวตฺถุํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา ธมฺมํ เทเสสิ, เทสนาปริโยสาเน อุกฺกณฺิตภิกฺขุ อรหตฺตํ ปาปุณิ, สมฺปตฺตปริสายปิ สา ธมฺมเทสนา สาตฺถิกา ชาตาติ.

สิริมาวิมานวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๗. เกสการีวิมานวณฺณนา

อิทํ วิมานํ รุจิรํ ปภสฺสรนฺติ เกสการีวิมานํ. ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควา พาราณสิยํ วิหรติ อิสิปตเน มิคทาเย. เตน โข ปน สมเยน สมฺพหุลา ภิกฺขู ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย พาราณสึ ปิณฺฑาย ปวิสึสุ. เต อฺตรสฺส พฺราหฺมณสฺส เคหทฺวารสมีเปน คจฺฉนฺติ. ตสฺมิฺจ เคเห พฺราหฺมณสฺส ธีตา เกสการี นาม เคหทฺวารสมีเป มาตุ สีสโต อูกา คณฺหนฺตี เต ภิกฺขู คจฺฉนฺเต ทิสฺวา มาตรํ อาห ‘‘อมฺม, อิเม ปพฺพชิตา ปเมน โยพฺพเนน สมนฺนาคตา อภิรูปา ทสฺสนียา ปาสาทิกา สุขุมาลา เกนจิ ปาริชุฺเน อนภิภูตา มฺเ, กสฺมา นุ โข อิเม อิมสฺมึเยว วเย ปพฺพชนฺตี’’ติ? ตํ มาตา อาห ‘‘อตฺถิ, อมฺม, สกฺยปุตฺโต สกฺยกุลา ปพฺพชิโต พุทฺโธ โลเก อุปฺปนฺโน, โส ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ มชฺเฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยฺชนํ เกวลปริปุณฺณํ, ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสติ, ตสฺส อิเม ธมฺมํ สุตฺวา ปพฺพชนฺตี’’ติ.

เตน จ สมเยน อาคตผโล วิฺาตสาสโน อฺตโร อุปาสโก ตาย วีถิยา คจฺฉนฺโต ตํ กถํ สุตฺวา ตาสํ สนฺติกํ อุปสงฺกมิ. อถ นํ พฺราหฺมณี อาห ‘‘เอตรหิ โข อุปาสก พหู กุลปุตฺตา มหนฺตํ โภคกฺขนฺธํ มหนฺตํ าติปริวฏฺฏํ ปหาย สกฺยสมเย ปพฺพชนฺติ, เต กึ นุ โข อตฺถวสํ สมฺปสฺสนฺตา ปพฺพชนฺตี’’ติ? ตํ สุตฺวา อุปาสโก ‘‘กาเมสุ อาทีนวํ, เนกฺขมฺเม จ อานิสํสํ สมฺปสฺสนฺตา’’ติ วตฺวา อตฺตโน าณพลานุรูปํ ตมตฺถํ วิตฺถารโต กเถสิ, ติณฺณฺจ รตนานํ คุเณ ปกาเสสิ, ปฺจนฺนํ สีลานํ ทิฏฺธมฺมิกํ สมฺปรายิกฺจ คุณานิสํสํ ปเวเทสิ. อถ พฺราหฺมณธีตา ตํ ‘‘กึ อมฺเหหิปิ สรเณสุ จ สีเลสุ จ ปติฏฺาย ตยา วุตฺเต คุณานิสํเส อธิคนฺตุํ สกฺกา’’ติ ปุจฺฉิ. โส ‘‘สพฺพสาธารณา อิเม ธมฺมา ภควตา ภาสิตา, กสฺมา น สกฺกา’’ติ วตฺวา ตสฺสา สรณานิ จ สีลานิ จ อทาสิ. สา คหิตสรณา สมาทินฺนสีลา จ หุตฺวา ปุน อาห ‘‘กึ อิโต อุตฺตริ อฺมฺปิ กรณียํ อตฺถี’’ติ. โส ตสฺสา วิฺุภาวํ สลฺลกฺเขนฺโต ‘‘อุปนิสฺสยสมฺปนฺนา ภวิสฺสตี’’ติ ตฺวา สรีรสภาวํ วิภาเวนฺโต ทฺวตฺตึสาการกมฺมฏฺานํ กเถตฺวา กาเย วิราคํ อุปฺปาเทตฺวา อุปริ อนิจฺจตาทิปฏิสํยุตฺตาย ธมฺมิยา กถาย สํเวเชตฺวา วิปสฺสนามคฺคํ อาจิกฺขิตฺวา คโต. สา เตน วุตฺตนยํ สพฺพํ มนสิ กตฺวา ปฏิกูลมนสิกาเร สมาหิตจิตฺตา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา อุปนิสฺสยสมฺปตฺติยา น จิรสฺเสว โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. อถาปเรน สมเยน กาลํ กตฺวา สกฺกสฺส เทวรฺโ ปริจาริกา หุตฺวา นิพฺพตฺติ, สตสหสฺสฺจสฺสา อจฺฉราปริวาโร อโหสิ. ตํ สกฺโก เทวราชา ทิสฺวา อจฺฉริยพฺภุตจิตฺตชาโต ปมุทิตหทโย –

๑๕๐.

‘‘อิทํ วิมานํ รุจิรํ ปภสฺสรํ, เวฬุริยถมฺภํ สตตํ สุนิมฺมิตํ;

สุวณฺณรุกฺเขหิ สมนฺตโมตฺถตํ, านํ มมํ กมฺมวิปากสมฺภวํ.

๑๕๑.

‘‘ตตฺรูปปนฺนา ปุริมจฺฉรา อิมา, สตํ สหสฺสานิ สเกน กมฺมุนา;

ตุวํสิ อชฺฌุปคตา ยสสฺสินี, โอภาสยํ ติฏฺสิ ปุพฺพเทวตา.

๑๕๒.

‘‘สสี อธิคฺคยฺห ยถา วิโรจติ, นกฺขตฺตราชาริว ตารกาคณํ;

ตเถว ตฺวํ อจฺฉราสงฺคณํ อิมํ, ททฺทลฺลมานา ยสสา วิโรจสิ.

๑๕๓.

‘‘กุโต นุ อาคมฺม อโนมทสฺสเน, อุปปนฺนา ตฺวํ ภวนํ มมํ อิทํ;

พฺรหฺมํว เทวา ติทสา สหินฺทกา, สพฺเพ น ตปฺปามเส ทสฺสเนน ต’’นฺติ. –

จตูหิ คาถาหิ ตาย กตกมฺมํ ปุจฺฉิ.

๑๕๐. ตตฺถ อิทํ วิมานนฺติ ยสฺมึ วิมาเน สา เทวตา อุปฺปนฺนา, ตํ อตฺตโน วิมานํ สนฺธายาห. สตตนฺติ สพฺพกาลํ รุจิรํ ปภสฺสรนฺติ โยชนา. สตตนฺติ วา สมฺมาตตํ, อติวิย วิตฺถิณฺณนฺติ อตฺโถ. สมนฺตโมตฺถตนฺติ สมนฺตโต อวตฺถตํ ฉาทิตํ. านนฺติ วิมานเมว สนฺธาย วทติ. ตฺหิ ติฏฺนฺติ เอตฺถ กตปุฺาติ านนฺติ วุจฺจติ. กมฺมวิปากสมฺภวนฺติ กมฺมวิปากภาเวน สมฺภูตํ, กมฺมวิปาเกน วา สห สมฺภูตํ. มมนฺติ อิทํ มม านํ มม กมฺมวิปากสมฺภวนฺติ ทฺวีหิปิ ปเทหิ โยเชตพฺพํ.

๑๕๑. ตตฺรูปปนฺนาติ คาถาย อยํ สงฺเขปตฺโถ – ตตฺร ตสฺมึ ยถาวุตฺเต วิมาเน อุปปนฺนาติ นิพฺพตฺตา ปเคว อุปฺปนฺนตฺตา ปุพฺพเทวตา อิมา ปุริมา อจฺฉราโย ปริมาณโต สตํ สหสฺสานิ. ตุวํสีติ ตฺวํ อสิ สเกน กมฺมุนา อชฺฌุปคตา อุปปนฺนา. ยสสฺสินีติ ปริวารสมฺปนฺนา, เตเนว สเกน กมฺมุนา กมฺมานุภาเวน โอภาสยนฺตี วิโรจมานา ติฏฺสีติ.

๑๕๒. อิทานิ ตเมว โอภาสนํ อุปมาย วิภาเวนฺโต ‘‘สสี’’ติ คาถมาห. ตสฺสตฺโถ – ยถา สสลฺฉนโยเคน ‘‘สสี’’ติ, นกฺขตฺเตหิ อธิกคุณตาย ‘‘นกฺขตฺตราชา’’ติ จ ลทฺธนาโม จนฺโท สพฺพํ ตารกาคณํ อธิคฺคยฺห อภิภวิตฺวา วิโรจติ วิราชติ, ตเถว ตฺวํ อิมํ อจฺฉรานํ เทวกฺานํ คณํ สมูหํ อตฺตโน ยสสา ททฺทลฺลมานา อติวิย วิชฺโชตมานา วิโรจสีติ. เอตฺถ จ ‘‘อิมา’’ติ ‘‘อิม’’นฺติ จ นิปาตมตฺตํ. เกจิ ปน ‘‘นกฺขตฺตราชาริว ตาราคณํ ตเถว ตฺว’’นฺติ ปนฺติ.

๑๕๓. อิทานิ ตสฺสา เทวตาย ปุริมภวํ ตตฺถ กตปุฺฺจ ปุจฺฉนฺโต ‘‘กุโต นุ อาคมฺมา’’ติ คาถมาห. ตตฺถ กุโต นุ อาคมฺมาติ กุโต นุ ภวโต กุโต นุ ปุฺกมฺมโต การณภูตโต อิทํ มม ภวนํ อาคมฺม ภทฺเท อโนมทสฺสเน สพฺพงฺคโสภเน ตฺวํ อุปปนฺนา อุปฺปตฺติคหณวเสน อุปคตา. ‘‘อโนมทสฺสเน’’ติ วุตฺตเมวตฺถํ อุปมาย ปกาเสนฺโต ‘‘พฺรหฺมํว เทวา ติทสา สหินฺทกา, สพฺเพ น ตปฺปามเส ทสฺสเนน ต’’นฺติ อาห. ตตฺถ ยถา พฺรหฺมานํ สหมฺปตึ สนงฺกุมารํ วา อุปคตํ สห อินฺเทนาติ สหินฺทกา ตาวตึสา เทวา ปสฺสนฺตา ทสฺสเนน น ตปฺปนฺติ, เอวํ ตว ทสฺสเนน มยํ สพฺเพ เทวา น ตปฺปามเสติ อตฺโถ.

เอวํ ปน สกฺเกน เทวานมินฺเทน ปุจฺฉิตา สา เทวตา ตมตฺถํ ปกาเสนฺตี –

๑๕๔.

‘‘ยเมตํ สกฺก อนุปุจฺฉเส มมํ, กุโต จุตา ตฺวํ อิธ อาคตาติ;

พาราณสี นาม ปุรตฺถิ กาสินํ, ตตฺถ อโหสึ ปุเร เกสการิกา.

๑๕๕.

‘‘พุทฺเธ จ ธมฺเม จ ปสนฺนมานสา, สงฺเฆ จ เอกนฺตคตา อสํสยา;

อขณฺฑสิกฺขาปทา อาคตปฺผลา, สมฺโพธิธมฺเม นิยตา อนามยา’’ติ. –

คาถทฺวยมาห.

๑๕๔-๕. ตตฺถ ยเมตนฺติ ยํ เอตํ ปฺหนฺติ อตฺโถ. อนุปุจฺฉเสติ อนุกูลภาเวน ปุจฺฉสิ. มมนฺติ มํ. ปุรตฺถีติ ปุรํ อตฺถิ. กาสินนฺติ กาสิรฏฺสฺส. เกสการิกาติ ปุริมตฺตภาเว อตฺตโน นามํ วทติ. พุทฺเธ จ ธมฺเม จาติอาทินา อตฺตโน ปุฺํ วิภาเวติ.

ปุน สกฺโก ตสฺสา ตํ ปุฺสมฺปตฺติฺจ ทิพฺพสมฺปตฺติฺจ อนุโมทมาโน –

๑๕๖.

‘‘ตนฺตฺยาภินนฺทามเส สฺวาคตฺจ เต,

ธมฺเมน จ ตฺวํ ยสสา วิโรจสิ;

พุทฺเธ จ ธมฺเม จ ปสนฺนมานเส,

สงฺเฆ จ เอกนฺตคเต อสํสเย;

อขณฺฑสิกฺขาปเท อาคตปฺผเล,

สมฺโพธิธมฺเม นิยเต อนามเย’’ติ. – อาห;

๑๕๖. ตตฺถ ตนฺตฺยาภินนฺทามเสติ ตํ เต ทุวิธมฺปิ สมฺปตฺตึ อภินนฺทาม อนุโมทาม. สฺวาคตฺจ เตติ ตุยฺหฺจ อิธาคมนํ สฺวาคตํ, อมฺหากํ ปีติโสมนสฺสสํวทฺธนเมว. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ.

ตํ ปน ปวตฺตึ สกฺโก เทวราชา อายสฺมโต มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรสฺส กเถสิ, เถโร ภควโต นิเวเทสิ. ภควา ตมตฺถํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา สมฺปตฺตปริสาย ธมฺมํ เทเสสิ. สา เทสนา สเทวกสฺส โลกสฺส สาตฺถิกา ชาตาติ.

เกสการีวิมานวณฺณนา นิฏฺิตา.

อิติ ปรมตฺถทีปนิยา ขุทฺทก-อฏฺกถาย วิมานวตฺถุสฺมึ

สตฺตรสวตฺถุปฏิมณฺฑิตสฺส ปมสฺส ปีวคฺคสฺส

อตฺถวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. จิตฺตลตาวคฺโค

๑. ทาสิวิมานวณฺณนา

ทุติยวคฺเค อปิ สกฺโกว เทวินฺโทติ ทาสิวิมานํ. ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควติ เชตวเน วิหรนฺเต สาวตฺถิวาสี อฺตโร อุปาสโก สมฺพหุเลหิ อุปาสเกหิ สทฺธึ สายนฺหสมยํ วิหารํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ปริสาย วุฏฺิตาย ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘อิโต ปฏฺาย อหํ, ภนฺเต, สงฺฆสฺส จตฺตาริ นิจฺจภตฺตานิ ทสฺสามี’’ติ อาห. อถ นํ ภควา ตทนุจฺฉวิกํ ธมฺมกถํ กเถตฺวา วิสฺสชฺเชสิ. โส ‘‘มยา, ภนฺเต, สงฺฆสฺส จตฺตาริ นิจฺจภตฺตานิ ปฺตฺตานิ. สฺเว ปฏฺาย อยฺยา มม เคหํ อาคจฺฉนฺตู’’ติ ภตฺตุทฺเทสกสฺส อาโรเจตฺวา อตฺตโน เคหํ คนฺตฺวา ทาสิยา ตมตฺถํ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘ตตฺถ ตยา นิจฺจกาลํ อปฺปมตฺตาย ภวิตพฺพ’’นฺติ อาห. สา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ. ปกติยาว สา สทฺธาสมฺปนฺนา ปุฺกามา สีลวตี, ตสฺมา ทิวเส ทิวเส กาลสฺเสว อุฏฺาย ปณีตํ อนฺนปานํ ปฏิยาเทตฺวา ภิกฺขูนํ นิสีทนฏฺานํ สุสมฺมฏฺํ สุปริภณฺฑกํ กตฺวา อาสนานิ ปฺาเปตฺวา ภิกฺขู อุปคเต ตตฺถ นิสีทาเปตฺวา วนฺทิตฺวา คนฺธปุปฺผธูปทีเปหิ ปูเชตฺวา สกฺกจฺจํ ปริวิสติ.

อเถกทิวสํ ภิกฺขู กตภตฺตกิจฺเจ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอวมาห ‘‘กถํ นุ โข, ภนฺเต, อิโต ชาติอาทิทุกฺขโต ปริมุตฺติ โหตี’’ติ. ภิกฺขู ตสฺสา สรณานิ จ ปฺจ สีลานิ จ ทตฺวา กายสภาวํ ปกาเสตฺวา ปฏิกูลมนสิกาเร นิโยเชสุํ, อปเร อนิจฺจตาปฏิสํยุตฺตํ ธมฺมกถํ กเถสุํ. สา โสฬส วสฺสานิ สีลํ รกฺขนฺตี อนฺตรนฺตรา โยนิโส มนสิกโรนฺตี เอกทิวสํ ธมฺมสฺสวนสปฺปายํ ลภิตฺวา าณสฺส จ ปริปกฺกตฺตา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา โสตาปตฺติผลํ สจฺฉากาสิ. สา อปเรน สมเยน กาลํ กตฺวา สกฺกสฺส เทวรฺโ วลฺลภา ปริจาริกา หุตฺวา นิพฺพตฺติ. สา สฏฺิตูริยสหสฺเสหิ ปริจริยมานา อจฺฉราสตสหสฺสปริวุตา มหนฺตํ ทิพฺพสมฺปตฺตึ อนุภวนฺตี ปมุทา โมทมานา สปริวารา อุยฺยานาทีสุ วิจรติ. ตํ อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เหฏฺา วุตฺตนเยเนว ทิสฺวา –

๑๕๗.

‘‘อปิ สกฺโกว เทวินฺโท, รมฺเม จิตฺตลตาวเน;

สมนฺตา อนุปริยาสิ, นารีคณปุรกฺขตา;

โอภาเสนฺตี ทิสา สพฺพา, โอสธี วิย ตารกา.

๑๕๘.

‘‘เกน เตตาทิโส วณฺโณ, เกน เต อิธ มิชฺฌติ;

อุปฺปชฺชนฺติ จ เต โภคา, เย เกจิ มนโส ปิยา.

๑๕๙.

‘‘ปุจฺฉามิ ตํ เทวิ มหานุภาเว,

มนุสฺสภูตา กิมกาสิ ปุฺํ;

เกนาสิ เอวํ ชลิตานุภาวา,

วณฺโณ จ เต สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ. – ปุจฺฉิ;

๑๖๐.

‘‘สา เทวตา อตฺตมนา, โมคฺคลฺลาเนน ปุจฺฉิตา;

ปฺหํ ปุฏฺา วิยากาสิ, ยสฺส กมฺมสฺสิทํ ผลํ’’.

๑๖๑.

‘‘อหํ มนุสฺเสสุ มนุสฺสภูตา, ทาสี อโหสึ ปรเปสฺสิยา กุเล.

๑๖๒.

‘‘อุปาสิกา จกฺขุมโต, โคตมสฺส ยสสฺสิโน;

ตสฺสา เม นิกฺกโม อาสิ, สาสเน ตสฺส ตาทิโน.

๑๖๓.

‘‘กามํ ภิชฺชตุยํ กาโย, เนว อตฺเถตฺถ สณฺนํ;

สิกฺขาปทานํ ปฺจนฺนํ, มคฺโค โสวตฺถิโก สิโว.

๑๖๔.

‘‘อกณฺฏโก อคหโน, อุชุ สพฺภิ ปเวทิโต;

นิกฺกมสฺส ผลํ ปสฺส, ยถิทํ ปาปุณิตฺถิกา.

๑๖๕.

‘‘อามนฺตนิกา รฺโมฺหิ, สกฺกสฺส วสวตฺติโน;

สฏฺิ ตูริยสหสฺสานิ, ปฏิโพธํ กโรนฺติ เม.

๑๖๖.

‘‘อาลมฺโพ คคฺคโร ภีโม, สาธุวาที จ สํสโย;

โปกฺขโร จ สุผสฺโส จ, วีณาโมกฺขา จ นาริโย.

๑๖๗.

‘‘นนฺทา เจว สุนนฺทา จ, โสณทินฺนา สุจิมฺหิตา;

อลมฺพุสา มิสฺสเกสี จ, ปุณฺฑรีกาติ ทารุณี.

๑๖๘.

‘‘เอณีผสฺสา สุผสฺสา จ, สุภทฺทา มุทุวาทินี;

เอตา จฺา จ เสยฺยาเส, อจฺฉรานํ ปโพธิกา.

๑๖๙.

‘‘ตา มํ กาเลนุปาคนฺตฺวา, อภิภาสนฺติ เทวตา;

หนฺท นจฺจาม คายาม, หนฺท ตํ รมยามเส.

๑๗๐.

‘‘นยิทํ อกตปุฺานํ, กตปุฺานเมวิทํ;

อโสกํ นนฺทนํ รมฺมํ, ติทสานํ มหาวนํ.

๑๗๑.

‘‘สุขํ อกตปุฺานํ, อิธ นตฺถิ ปรตฺถ จ;

สุขฺจ กตปุฺานํ, อิธ เจว ปรตฺถ จ.

๑๗๒.

‘‘เตสํ สหพฺยกามานํ, กตฺตพฺพํ กุสลํ พหุํ;

กตปุฺา หิ โมทนฺติ, สคฺเค โภคสมงฺคิโน’’ติ. – เทวตา วิสฺสชฺเชสิ;

๑๕๗. ตตฺถ อปิ สกฺโกว เทวินฺโทติ อปิสทฺโท สมฺภาวนายํ, อิวสทฺโท อิการโลปํ กตฺวา วุตฺโต อุปมายํ, ตสฺมา ยถา นาม สกฺโก เทวานมินฺโทติ อตฺโถ. สกฺกสมภาโว ติสฺสา เทวตาย ปริวารสมฺปตฺติทสฺสนตฺถํ วุตฺโต. เกจิ ‘‘อปีติ นิปาตมตฺต’’นฺติ วทนฺติ. จิตฺตลตาวเนติ จิตฺตาย นาม เทวธีตาย ปุฺานุภาเวน นิพฺพตฺเต, จิตฺตานํ วา วิจิตฺตปุปฺผผลาทิวิเสสยุตฺตานํ สนฺตานกวลฺลิอาทีนํ ตตฺถ เยภุยฺยตาย จิตฺตลตาวนนฺติ ลทฺธนาเม เทวุยฺยาเน.

๑๖๑. ปรเปสฺสิยาติ ปเรสํ กุเล ตสฺมึ ตสฺมึ กิจฺเจ เปสนิยา, ปเรสํ เวยฺยาวจฺจการีติ อตฺโถ.

๑๖๒. ตสฺสา เม นิกฺกโม อาสิ, สาสเน ตสฺส ตาทิโนติ ตสฺสา ทาสิยาปิ สมานาย ปฺจหิ จกฺขูหิ จกฺขุมโต พุทฺธสฺส ภควโต อุปาสิกา หุตฺวา โสฬส วสฺสานิ สีลํ รกฺขนฺติยา กมฺมฏฺานฺจ มนสิ กโรนฺติยา มนสิการานุภาเวน เม มยฺหํ อุปฺปชฺชมาเน สตฺตตึสโพธิปกฺขิยธมฺมสงฺขาเต อิฏฺาทีสุ ตาทิลกฺขณสมฺปตฺติยา ตาทิโน สตฺถุ สาสเน ตปฺปริยาปนฺโนเยว สํกิเลสปกฺขโต นิกฺกมเนน ‘‘นิกฺกโม’’ติ ลทฺธนาโม สมฺมาวายาโม อาสิ อโหสิ อุปฺปชฺชิ.

๑๖๓-๔. ตสฺส ปน นิกฺกมสฺส ปุพฺพภาคสฺส ปวตฺตาการํ ทสฺเสตุํ ‘‘กามํ ภิชฺชตุยํ กาโย, เนว อตฺเถตฺถ สณฺนนฺติ วุตฺตํ. ตสฺสตฺโถ – ยทิปิ เม อยํ กาโย ภิชฺชตุ วินสฺสตุ, ตตฺถ กิฺจิมตฺตมฺปิ อเปกฺขํ อกโรนฺตี เอตฺถ เอตสฺมึ กมฺมฏฺานานุโยเค เนว อตฺถิ, เม วีริยสฺส สณฺนํ สิถิลีกรณนฺติ วีริยํ สมุตฺเตเชนฺตี วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปสินฺติ.

อิทานิ ตถา วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา ปฏิลทฺธคุณํ ทสฺเสนฺตี –

‘‘สิกฺขาปทานํ ปฺจนฺนํ, มคฺโค โสวตฺถิโก สิโว;

อกณฺฏโก อคหโน, อุชุ สพฺภิ ปเวทิโต;

นิกฺกมสฺส ผลํ ปสฺส, ยถิทํ ปาปุณิตฺถิกา’’ติ. – อาห;

ตตฺรายํ สงฺเขปตฺโถ – โย นิจฺจสีลวเสน สมาทินฺนานํ ปฺจนฺนํ สิกฺขาปทานํ สิกฺขาโกฏฺาสานํ อุปนิสฺสยภาเวน ลทฺธตฺตา เตสํ ปริปูริตตฺตา จ สิกฺขาปทานํ ปฺจนฺนํ สมฺพนฺธีภูโต, ยสฺมึ สนฺตาเน อุปฺปนฺโน, ตสฺส สพฺพากาเรน โสตฺถิภาวสมฺปาทนโต สุนฺทรตฺถภาวโต จ โสวตฺถิโก โสตฺถิโก, สํกิเลสธมฺเมหิ อนุปทฺทุตตฺตา เขมปฺปตฺติเหตุตาย จ สิโว, ราคกณฺฏกาทีนํ อภาเวน อกณฺฏโก, กิเลสทิฏฺิทุจฺจริตคหนสมุจฺเฉทนโต อคหโน, สพฺพชิมฺหวงฺกกุฏิลภาวาปคมเหตุตาย อุชุ, พุทฺธาทีหิ สปฺปุริเสหิ ปกาสิตตฺตา สพฺภิ ปเวทิโต อริยมคฺโค, ตํ ยถา เยน อุปายภูเตน อิตฺถิกา ทฺวงฺคุลพหลพุทฺธิกาปิ สมานา ปาปุณึ, ตสฺส นิกฺกมสฺส ยถาวุตฺตวีริยสฺส อิทํ ผลํ ปสฺสาติ สกฺกํ อาลปติ.

๑๖๕. อามนฺตนิกา รฺโมฺหิ, สกฺกสฺส วสวตฺติโนติ สยํวสีภาเวน วตฺตนโต, ทฺวีสุ เทวโลเกสุ อตฺตโน วสํ อิสฺสริยํ วตฺเตตีติ วา วสวตฺตี, ตสฺส วสวตฺติโน สกฺกสฺส เทวรฺโ อามนฺตนิกา อาลาปสลฺลาปโยคฺคา, กีฬนกาเล วา เตน อามนฺเตตพฺพา อมฺหิ, นิกฺกมสฺส วีริยสฺส ผลํ ปสฺสาติ โยชนา. อาตตวิตตาทิเภเทน ปฺจ ตูริยงฺคานิ ทฺวาทสหิ ปาณิภาเคหิ เอกโต ปวชฺชมานานิ สฏฺิ โหนฺติ, ตานิ ปน สหสฺสมตฺตานิ ปยิรุปาสนวเสน อุปฏฺิตานิ สนฺธายาห ‘‘สฏฺิ ตูริยสหสฺสานิ, ปฏิโพธํ กโรนฺติ เม’’ติ. ตตฺถ ปฏิโพธนฺติ ปีติโสมนสฺสานํ ปโพธนํ.

๑๖๖-๘. อาลมฺโพติอาทิ ตูริยวาทกานํ เทวปุตฺตานํ เอกเทสโต นามคฺคหณนฺติ วทนฺติ, ตูริยานํ ปเนตํ นามคฺคหณํ. วีณาโมกฺขาทิกา เทวธีตา. สุจิมฺหิตาติ สุทฺธมิหิตา, นามเมว วา เอตํ. มุทุวาทินีติ มุทุนาว วทตีติ มุทุวาทินี, มุทุกํ อติวิย วาทนสีลา, นามเมว วา. เสยฺยาเสติ เสยฺยตรา. อจฺฉรานนฺติ อจฺฉราสุ สงฺคีเต ปาสํสตรา. ปโพธิกาติ ปโพธนกรา.

๑๖๙. กาเลนาติ ยุตฺตปฺปตฺตกาเลน. อภิภาสนฺตีติ อภิมุขา, อภิรตา วา หุตฺวา ภาสนฺติ. ยถา จ ภาสนฺติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘หนฺท นจฺจาม คายาม, หนฺท ตํ รมยามเส’’ติ วุตฺตํ.

๑๗๐. อิทนฺติ อิทํ มยา ลทฺธฏฺานํ. อโสกนฺติ อิฏฺกนฺตปิยมนาปานํเยว รูปาทีนํ สมฺภวโต วิโสกํ. ตโต เอว สพฺพกาลํ ปโมทสํวทฺธนโต นนฺทนํ. ติทสานํ มหาวนนฺติ ตาวตึสเทวานํ มหนฺตํ มหนียฺจ อุยฺยานํ.

๑๗๑. เอวรูปา ทิพฺพสมฺปตฺติ นาม ปุฺกมฺมวเสเนวาติ โอทิสฺสกนเยน วตฺวา ปนุ อโนทิสฺสกนเยน ทสฺเสนฺตี ‘‘สุขํ อกตปุฺาน’’นฺติ คาถมาห.

๑๗๒. ปุน อตฺตนา ลทฺธสฺส ทิพฺพฏฺานสฺส ปเรหิ สาธารณกามตาวเสน ธมฺมํ กเถนฺตี ‘‘เตสํ สหพฺยกามาน’’นฺติ โอสานคาถมาห. เตสนฺติ ตาวตึสเทวานํ. สหพฺยกามานนฺติ สหภาวํ อิจฺฉนฺเตหิ, กตฺตุอตฺเถ หิ อิทํ สามิวจนํ. สห วาติ ปวตฺตตีติ สหโว, ตสฺส ภาโว สหพฺยํ ยถา วีรสฺส ภาโว วีริยนฺติ.

เอวํ เถโร เทวตาย อตฺตโน ปุฺกมฺเม อาวิกเต ตสฺสา สปริวาราย ธมฺมํ เทเสตฺวา เทวโลกโต อาคนฺตฺวา ตํ ปวตฺตึ ภควโต อาโรเจสิ. ภควา ตมตฺถํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา สมฺปตฺตปริสาย ธมฺมํ เทเสสิ. สา เทสนา สเทวกสฺส โลกสฺส สาตฺถิกา อโหสีติ.

ทาสิวิมานวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. ลขุมาวิมานวณฺณนา

อภิกฺกนฺเตน วณฺเณนาติ ลขุมาวิมานํ. ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควติ พาราณสิยํ วิหรนฺเต เกวฏฺฏทฺวารํ นาม พาราณสินครสฺส เอกํ ทฺวารํ, ตสฺส อวิทูเร นิวิฏฺคาโมปิ ‘‘เกวฏฺฏทฺวาร’’นฺตฺเวว ปฺายิตฺถ. ตตฺถ ลขุมา นาม เอกา อิตฺถี สทฺธา ปสนฺนา พุทฺธิสมฺปนฺนา เตน ทฺวาเรน ปวิสนฺเต ภิกฺขู ทิสฺวา วนฺทิตฺวา อตฺตโน เคหํ เนตฺวา กฏจฺฉุภิกฺขํ ทตฺวา เตเนว ปริจเยน สทฺธาย วฑฺฒมานาย อาสนสาลํ กาเรตฺวา ตตฺถ ปวิฏฺานํ ภิกฺขูนํ อาสนํ อุปเนติ, ปานียํ ปริโภชนียํ อุปฏฺเปติ. ยฺจ โอทนกุมฺมาสฑากาทิ อตฺตโน เคเห วิชฺชติ, ตํ ภิกฺขูนํ เทติ. สา ภิกฺขูนํ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา สรเณสุ จ สีเลสุ จ ปติฏฺาย สมาหิตา หุตฺวา วิปสฺสนากมฺมฏฺานํ อุคฺคเหตฺวา วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปนฺตี อุปนิสฺสยสมฺปนฺนตาย น จิรสฺเสว โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. สา อปรภาเค กาลํ กตฺวา ตาวตึสภวเน มหติ วิมาเน นิพฺพตฺติ, อจฺฉราสหสฺสฺจสฺสา ปริวาโร อโหสิ. สา ตตฺถ ทิพฺพสมฺปตฺตึ อนุภวนฺตี ปโมทมานา วิจรติ. ตํ อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เทวจาริกํ จรนฺโต ‘‘อภิกฺกนฺเตน วณฺเณนา’’ติอาทิคาถาหิ ปุจฺฉีติ สพฺพํ วุตฺตนยเมว. เตน วุตฺตํ –

๑๗๓.

‘‘อภิกฺกนฺเตน วณฺเณน, ยา ตฺวํ ติฏฺสิ เทวเต;

โอภาเสนฺตี ทิสา สพฺพา, โอสธี วิย ตารกา.

๑๗๔.

‘‘เกน เตตาทิโส วณฺโณ, เกน เต อิธ มิชฺฌติ;

อุปฺปชฺชนฺติ จ เต โภคา, เย เกจิ มนโส ปิยา.

๑๗๕.

‘‘ปุจฺฉามิ ตํ เทวิ มหานุภาเว, มนุสฺสภูตา กิมกาสิ ปุฺํ;

เกนาสิ เอวํ ชลิตานุภาวา, วณฺโณ จ เต สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ.

๑๗๖.

‘‘สา เทวตา อตฺตมนา, โมคฺคลฺลาเนน ปุจฺฉิตา;

ปฺหํ ปุฏฺา วิยากาสิ, ยสฺส กมฺมสฺสิทํ ผลํ’’.

๑๗๗.

‘‘เกวฏฺฏทฺวารา นิกฺขมฺม, อหุ มยฺหํ นิเวสนํ;

ตตฺถ สฺจรมานานํ, สาวกานํ มเหสินํ.

๑๗๘.

‘‘โอทนํ กุมฺมาสํ ฑากํ, โลณโสวีรกฺจหํ;

อทาสึ อุชุภูเตสุ, วิปฺปสนฺเนน เจตสา.

๑๗๙.

‘‘จาตุทฺทสึ ปฺจทสึ, ยา จ ปกฺขสฺส อฏฺมี;

ปาฏิหาริยปกฺขฺจ, อฏฺงฺคสุสมาคตํ.

๑๘๐.

‘‘อุโปสถํ อุปวสิสฺสํ, สทา สีเลสุ สํวุตา;

สฺมา สํวิภาคา จ, วิมานํ อาวสามหํ.

๑๘๑.

‘‘ปาณาติปาตา วิรตา, มุสาวาทา จ สฺตา;

เถยฺยา จ อติจารา จ, มชฺชปานา จ อารกา.

๑๘๒.

‘‘ปฺจสิกฺขาปเท รตา, อริยสจฺจาน โกวิทา;

อุปาสิกา จกฺขุมโต, โคตมสฺส ยสสฺสิโน.

๑๘๓.

‘‘เตน เมตาทิโส วณฺโณ…เป… วณฺโณ จ เม สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ.

มม จ, ภนฺเต, วจเนน ภควโต ปาเท สิรสา วนฺเทยฺยาสิ ‘‘ลขุมา นาม, ภนฺเต, อุปาสิกา ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทตี’’ติ. อนจฺฉริยํ โข ปเนตํ, ภนฺเต, ยํ มํ ภควา อฺตรสฺมึ สามฺผเล พฺยากเรยฺย. ตํ ภควา สกทาคามิผเล พฺยากาสีติ.

๑๗๗. ตตฺถ เกวฏฺฏทฺวารา นิกฺขมฺมาติ เกวฏฺฏทฺวารโต นิกฺขมนฏฺาเน.

๑๗๘. ฑากนฺติ ตณฺฑุเลยฺยกาทิสากพฺยฺชนํ. โลณโสวีรกนฺติ ธฺรสาทีหิ พหูหิ สมฺภาเรหิ สมฺปาเทตพฺพํ เอกํ ปานกํ. ‘‘อาจามกฺชิกโลณูทก’’นฺติปิ วทนฺติ.

ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนาวสาเน สา เถรสฺส ธมฺมเทสนาย สกทาคามิผลํ ปาปุณิ. เสสํ อุตฺตราวิธาเน วุตฺตนยานุสาเรน เอว เวทิตพฺพํ.

ลขุมาวิมานวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. อาจามทายิกาวิมานวณฺณนา

ปิณฺฑาย เต จรนฺตสฺสาติ อาจามทายิกาวิมานํ. ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเป. เตน โข ปน สมเยน ราชคเห อฺตรํ กุลํ อหิวาตโรเคน อุปทฺทุตํ อโหสิ. ตตฺถ สพฺเพ ชนา มตา เปตฺวา เอกํ อิตฺถึ. สา เคหํ เคหคตฺจ สพฺพํ ธนธฺํ ฉฑฺเฑตฺวา มรณภยภีตา ภิตฺติฉิทฺเทน ปลาตา อนาถา หุตฺวา ปรเคหํ คนฺตฺวา ตสฺส ปิฏฺิปสฺเส วสติ. ตสฺมึ เคเห มนุสฺสา กรุณายนฺตา อุกฺขลิอาทีสุ อวสิฏฺํ ยาคุภตฺตอาจามาทึ ตสฺสา เทนฺติ. สา ตํ ภุฺชิตฺวา ชีวิกํ กปฺเปติ.

เตน จ สมเยน อายสฺมา มหากสฺสโป สตฺตาหํ นิโรธสมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา ตโต วุฏฺิโต ‘‘กํ นุ โข อหํ อชฺช อาหารปฏิคฺคหเณน อนุคฺคเหสฺสามิ, ทุคฺคติโต จ ทุกฺขโต จ โมเจสฺสามี’’ติ จินฺเตนฺโต ตํ อิตฺถึ อาสนฺนมรณํ นิรยสํวตฺตนิกฺจสฺสา กมฺมํ กโตกาสํ ทิสฺวา ‘‘อยํ มยิ คเต อตฺตนา ลทฺธํ อาจามํ ทสฺสติ, เตเนว นิมฺมานรติเทวโลเก อุปฺปชฺชิสฺสติ, เอวํ นิรยูปปตฺติโต โมเจตฺวา หนฺทาหํ อิมิสฺสา สคฺคสมฺปตฺตึ นิปฺผาเทสฺสามี’’ติ ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรํ อาทาย ตสฺสา นิเวสนฏฺานาภิมุโข คจฺฉติ. อถ สกฺโก เทวานมินฺโท อฺาตกเวเสน อเนกรสํ อเนกสูปพฺยฺชนํ ทิพฺพาหารํ อุปเนสิ. ตํ ตฺวา เถโร ‘‘โกสิย, ตฺวํ กตกุสโล, กสฺมา เอวํ กโรสิ, มา ทุคฺคตานํ กปณานํ สมฺปตฺตึ วิลุมฺปี’’ติ ปฏิกฺขิปิตฺวา ตสฺสา อิตฺถิยา ปุรโต อฏฺาสิ.

สา เถรํ ทิสฺวา ‘‘อยํ มหานุภาโว เถโร, อิมสฺส ทาตพฺพยุตฺตกํ ขาทนียํ วา โภชนียํ วา อิธ นตฺถิ, อิทฺจ กิลิฏฺภาชนคตํ ติณจุณฺณรชานุกิณฺณํ อโลณํ สีตลํ อปฺปรสํ อาจามกฺชิยมตฺตํ เอทิสสฺส ทาตุํ น อุสฺสหามี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘อติจฺฉถา’’ติ อาห. เถโร เอกปทนิกฺเขปมตฺตํ อปสกฺกิตฺวา อฏฺาสิ. เคหวาสิโน มนุสฺสา ภิกฺขํ อุปเนสุํ, เถโร น สมฺปฏิจฺฉติ. สา ทุคฺคติตฺถี ‘‘มเมว อนุคฺคหตฺถาย อิธาคโต, มม สนฺตกเมว ปฏิคฺคเหตุกาโม’’ติ ตฺวา ปสนฺนมานสา อาทรชาตา ตํ อาจามํ เถรสฺส ปตฺเต อากิริ. เถโร ตสฺสา ปสาทสํวทฺธนตฺถํ ภุฺชนาการํ ทสฺเสสิ, มนุสฺสา อาสนํ ปฺาเปสุํ. เถโร ตตฺถ นิสีทิตฺวา ตํ อาจามํ ภุฺชิตฺวา ปิวิตฺวา โอนีตปตฺตปาณี อนุโมทนํ กตฺวา ตํ ทุคฺคติตฺถึ ‘‘ตฺวํ อิโต ตติเย อตฺตภาเว มม มาตา อโหสี’’ติ วตฺวา คโต. สา เตน เถเร อติปสาทฺจ อุปฺปาเทตฺวา ตสฺสา รตฺติยา ปมยาเม กาลํ กตฺวา นิมฺมานรตีนํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชิ. อถ สกฺโก เทวราชา ตสฺสา กาลกตภาวํ ตฺวา ‘‘กตฺถ นุ โข อุปฺปนฺนา’’ติ อาวชฺเชนฺโต ตาวตึเสสุ อทิสฺวา รตฺติยา มชฺฌิมยาเม อายสฺมนฺตํ มหากสฺสปํ อุปสงฺกมิตฺวา ตสฺสา นิพฺพตฺตฏฺานํ ปุจฺฉนฺโต –

๑๘๕.

‘‘ปิณฺฑาย เต จรนฺตสฺส, ตุณฺหีภูตสฺส ติฏฺโต;

ทลิทฺทา กปณา นารี, ปราคารํ อปสฺสิตา.

๑๘๖.

‘‘ยา เต อทาสิ อาจามํ, ปสนฺนา เสหิ ปาณิภิ;

สา หิตฺวา มานุสํ เทหํ, กํ นุ สา ทิสตํ คตา’’ติ. –

ทฺเว คาถา อภาสิ.

๑๘๕. ตตฺถ ปิณฺฑายาติ ปิณฺฑปาตตฺถาย. ตุณฺหีภูตสฺส ติฏฺโตติ อิทํ ปิณฺฑาย จรณาการทสฺสนํ, อุทฺทิสฺส ติฏฺโตติ อตฺโถ. ทลิทฺทาติ ทุคฺคตา. กปณาติ วรากี. ‘‘ทลิทฺทา’’ติ อิมินา ตสฺสา โภคปาริชุฺํ ทสฺเสติ, ‘‘กปณา’’ติ อิมินา าติปาริชุฺํ. ปราคารํ อปสฺสิตาติ ปรเคหํ นิสฺสิตา, ปเรสํ ฆเร พหิปิฏฺิฉทนํ นิสฺสาย วสนฺตี.

๑๘๖. กํ นุ สา ทิสตํ คตาติ ฉสุ กามเทวโลเกสุ อุปฺปชฺชนวเสน กํ นาม ทิสํ คตา. อิติ สกฺโก ‘‘เถเรน ตถา กตานุคฺคหา อุฬาราย ทิพฺพสมฺปตฺติยา ภาคินี, น จ ทิสฺสตี’’ติ เหฏฺา ทฺวีสุ เทวโลเกสุ อปสฺสนฺโต สํสยาปนฺโน ปุจฺฉติ.

อถสฺส เถโร –

๑๘๗.

‘‘ปิณฺฑาย เม จรนฺตสฺส, ตุณฺหีภูตสฺส ติฏฺโต;

ทลิทฺทา กปณา นารี, ปราคารํ อปสฺสิตา.

๑๘๘.

‘‘ยา เม อทาสิ อาจามํ, ปสนฺนา เสหิ ปาณิภิ;

สา หิตฺวา มานุสํ เทหํ, วิปฺปมุตฺตา อิโต จุตา.

๑๘๙.

‘‘นิมฺมานรติโน นาม, สนฺติ เทวา มหิทฺธิกา;

ตตฺถ สา สุขิตา นารี, โมทตาจามทายิกา’’ติ. –

ปุจฺฉิตนิยาเมเนว ปฏิวจนํ เทนฺโต ตสฺสา นิพฺพตฺตฏฺานํ กเถสิ.

๑๘๘. ตตฺถ วิปฺปมุตฺตาติ ตโต มนุสฺสโทภคฺคิยโต ปรมการุฺวุตฺติโต วิปฺปมุตฺตา อปคตา.

๑๘๙. โมทตาจามทายิกาติ อาจามมตฺตทายิกา, สาปิ นาม ปฺจเม กามสคฺเค ทิพฺพสมฺปตฺติยา โมทติ, ปสฺส ตาว เขตฺตสมฺปตฺติผลนฺติ ทสฺเสติ.

ปุน สกฺโก ตสฺสา ทานสฺส มหปฺผลตํ มหานิสํสตฺจ สุตฺวา ตํ โถเมนฺโต –

๑๙๐.

‘‘อโห ทานํ วรากิยา, กสฺสเป สุปฺปติฏฺิตํ;

ปราภเตน ทาเนน, อิชฺฌิตฺถ วต ทกฺขิณา.

๑๙๑.

‘‘ยา มเหสิตฺตํ กาเรยฺย, จกฺกวตฺติสฺส ราชิโน;

นารี สพฺพงฺคกลฺยาณี, ภตฺตุ จาโนมทสฺสิกา;

เอตสฺสาจามทานสฺส, กลํ นาคฺฆติ โสฬสึ.

๑๙๒.

‘‘สุตํ นิกฺขา สตํ อสฺสา, สตํ อสฺสตรีรถา;

สตํ กฺาสหสฺสานิ, อามุตฺตมณิกุณฺฑลา;

เอตสฺสาจามทานสฺส, กลํ นาคฺฆนฺติ โสฬสึ.

๑๙๓.

‘‘สตํ เหมวตา นาคา, อีสาทนฺตา อุรูฬฺหวา;

สุวณฺณกจฺฉา มิตงฺคา, เหมกปฺปนวาสสา;

เอตสฺสาจามทานสฺส, กลํ นาคจฺฉนฺติ โสฬสึ.

๑๙๔.

‘‘จตุนฺนมปิ ทีปานํ, อิสฺสรํ โยธ การเย;

เอตสฺสาจามทานสฺส, กลํ นาคฺฆติ โสฬสิ’’นฺติ. – อาห;

๑๙๐. ตตฺถ อโหติ อจฺฉริยตฺเถ นิปาโต. วรากิยาติ กปณิยา. ปราภเตนาติ ปรโต อานีเตน, ปเรสํ ฆรโต อุจฺฉาจริยาย ลทฺเธนาติ อตฺโถ. ทาเนนาติ ทาตพฺเพน อาจามมตฺเตน เทยฺยธมฺเมน. อิชฺฌิตฺถ วต ทกฺขิณาติ ทกฺขิณา ทานํ อโห นิปฺผชฺชิตฺถ, อโห มหปฺผลา มหาชุติกา มหาวิปฺผารา อหุวตฺถาติ อตฺโถ.

๑๙๑. อิทานิ ‘‘อิตฺถิรตนาทีนิปิ ตสฺส ทานสฺส สตภาคมฺปิ สหสฺสภาคมฺปิ น อุเปนฺตี’’ติ ทสฺเสตุํ ‘‘ยา มเหสิตฺตํ กาเรยฺยา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สพฺพงฺคกลฺยาณีติ ‘‘นาติทีฆา นาติรสฺสา นาติกิสา นาติถูลา นาติกาฬี นาจฺโจทาตา อติกฺกนฺตา มานุสวณฺณํ อปฺปตฺตา ทิพฺพวณฺณ’’นฺติ เอวํ วุตฺเตหิ สพฺเพหิ องฺเคหิ การเณหิ, สพฺเพหิ วา องฺคปจฺจงฺเคหิ กลฺยาณี โสภนา สุนฺทรา. ภตฺตุ จาโนมทสฺสิกาติ สามิกสฺส อลามกทสฺสนา สาติสยํ ทสฺสนียา ปาสาทิกา. เอตสฺสาจามทานสฺส, กลํ นาคฺฆติ โสฬสินฺติ เอตสฺส เอตาย ทินฺนสฺส อาจามทานสฺส ผลํ โสฬสภาคํ กตฺวา ตโต เอกํ ภาคํ ปุน โสฬสภาคํ กตฺวา คหิตภาคสงฺขาตํ โสฬสึ กลํ จกฺกวตฺติรฺโ อิตฺถิรตนภาโวปิ นาคฺฆติ นานุโภติ น ปาปุณาติ. ‘‘สุวณฺณสฺส ปฺจทสธรณํ นิกฺข’’นฺติ วทนฺติ, ‘‘สตธรณ’’นฺติ อปเร.

๑๙๓. เหมวตาติ หิมวติ ชาตา, เหมวตชาติกา วา. เต หิ มหนฺตา ถามชวสมฺปนฺนา จ โหนฺติ. อีสาทนฺตาติ รถีสาสทิสทนฺตา, โถกํเยว อวนตทนฺตาติ อตฺโถ. เตน วิสาลกทาีภาวํ นิวาเรติ. อุรูฬฺหวาติ ถามชวปรกฺกเมหิ พฺรูหนฺโต, มหนฺตํ ยุทฺธกิจฺจํ วหิตุํ สมตฺถาติ อตฺโถ. สุวณฺณกจฺฉาติ เหมมยคีเวยฺยกปฏิมุกฺกา. กจฺฉสีเสน หิ สพฺพํ หตฺถิโยคฺคํ วทติ. เหมกปฺปนวาสสาติ สุวณฺณขจิตคชตฺถรณกงฺกนาทิหตฺถาลงฺการสมฺปนฺนา.

๑๙๔. จตุนฺนมปิ ทีปานํ อิสฺสรนฺติ ทฺวิสหสฺสปริตฺตทีปปริวารานํ ชมฺพุทีปาทีนํ จตุนฺนํ มหาทีปานํ อิสฺสริยํ. เตน สตฺตรตนสมุชฺชลํ สกลํ จกฺกวตฺติสิรึ วทติ. ยํ ปเนตฺถ, ตํ เหฏฺา วุตฺตนยเมว.

อิธ สกฺเกน เทวราเชน อตฺตนา จ วุตฺตํ สพฺพํ อายสฺมา มหากสฺสปตฺเถโร ภควโต อาโรเจสิ. ภควา ตํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา สมฺปตฺตปริสาย วิตฺถาเรน ธมฺมํ เทเสสิ. สา เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา อโหสีติ.

อาจามทายิกาวิมานวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. จณฺฑาลิวิมานวณฺณนา

จณฺฑาลิ วนฺท ปาทานีติ จณฺฑาลิวิมานํ. ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควา ราชคเห วิหรนฺโต ปจฺจูสเวลายํ พุทฺธาจิณฺณํ มหากรุณาสมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา อุฏฺาย โลกํ โอโลเกนฺโต อทฺทส ตสฺมึเยว นคเร จณฺฑาลาวสเถ วสนฺตึ เอกํ มหลฺลิกํ จณฺฑาลึ ขีณายุกํ, นิรยสํวตฺตนิกฺจสฺสา กมฺมํ อุปฏฺิตํ. โส มหากรุณาย สมุสฺสาหิตมานโส ‘‘สคฺคสํวตฺตนิกํ กมฺมํ กาเรตฺวา เตนสฺสา นิรยูปปตฺตึ นิเสเธตฺวา สคฺเค ปติฏฺาเปสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ ราชคหํ ปิณฺฑาย ปวิสติ. เตน จ สมเยน สา จณฺฑาลี ทณฺฑํ โอลุพฺภ นครโต นิกฺขมนฺตี ภควนฺตํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา อภิมุขี หุตฺวา อฏฺาสิ. ภควาปิ ตสฺสา คมนํ นิวาเรนฺโต วิย ปุรโต อฏฺาสิ. อถายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน สตฺถุ จิตฺตํ ตฺวา ตสฺสา จ อายุปริกฺขยํ ภควโต วนฺทนาย ตํ นิโยเชนฺโต –

๑๙๕.

‘‘จณฺฑาลิ วนฺท ปาทานิ, โคตมสฺส ยสสฺสิโน;

ตเมว อนุกมฺปาย, อฏฺาสิ อิสิสตฺตโม.

๑๙๖.

‘‘อภิปฺปสาเทหิ มนํ, อรหนฺตมฺหิ ตาทินิ;

ขิปฺปํ ปฺชลิกา วนฺท, ปริตฺตํ ตว ชีวิต’’นฺติ. – คาถาทฺวยมาห;

๑๙๕. ตตฺถ จณฺฑาลีติ ชาติอาคเตน นาเมน ตํ อาลปติ. วนฺทาติ อภิวาทย. ปาทานีติ สเทวกสฺส โลกสฺส สรณานิ จรณานิ. ตเมว อนุกมฺปายาติ ตเมว อนุคฺคณฺหนตฺถํ, อปายูปปตฺติโต นิเสเธตฺวา สคฺเค นิพฺพตฺตาปนตฺถนฺติ อธิปฺปาโย. อฏฺาสีติ นครมฺปิ อปวิสิตฺวา ิโต. อิสิสตฺตโมติ โลกิยเสกฺขาเสกฺขปจฺเจกพุทฺธอิสีหิ อุตฺตโม อุกฺกฏฺตโม, อถ วา พุทฺธอิสีนํ วิปสฺสิอาทีนํ สตฺตโมติ อิสิสตฺตโม.

๑๙๖. อภิปฺปสาเทหิ มนนฺติ ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา’’ติ ตว จิตฺตํ ปสาเทหิ. อรหนฺตมฺหิ ตาทินีติ อารกตฺตา กิเลสานํ, เตสํเยว อรีนํ หตตฺตา, สํสารจกฺกสฺส อรานํ หตตฺตา, ปจฺจยานํ อรหตฺตา, ปาปกรเณ รหาภาวา จ อรหนฺเต, อิฏฺาทีสุ ตาทิภาวปฺปตฺติยา ตาทิมฺหิ. ขิปฺปํ ปฺชลิกา วนฺทาติ สีฆํเยว ปคฺคหิตอฺชลิกา หุตฺวา วนฺทสฺสุ. กสฺมาติ เจ? ปริตฺตํ ตว ชีวิตนฺติ, อิทาเนว ภิชฺชนสภาวตฺตา ปริตฺตํ อติอิตฺตรํ.

อิติ เถโร คาถาทฺวเยน ภควโต คุเณ ปกิตฺเตนฺโต อตฺตโน อานุภาเว ตฺวา ตสฺสา จ ขีณายุกตาวิภาวเนน สํเวเชนฺโต สตฺถุ วนฺทนาย นิโยเชสิ. สา จ ตํ สุตฺวา สํเวคชาตา สตฺถริ ปสนฺนมานสาว หุตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา อฺชลึ กตฺวา นมสฺสมานา พุทฺธคตาย ปีติยา เอกคฺคจิตฺตา หุตฺวา อฏฺาสิ. ภควา ‘‘อลเมตฺตกเมติสฺสา สคฺคูปปตฺติยา’’ติ นครํ ปาวิสิ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆน. อถ นํ เอกา ภนฺตา คาวี ตรุณวจฺฉา ตโต เอว อภิธาวนฺตี สิงฺเคน ปหริตฺวา ชีวิตา โวโรเปสิ. ตํ สพฺพํ ทสฺเสตุํ สงฺคีติการา –

๑๙๗.

‘‘โจทิตา ภาวิตตฺเตน, สรีรนฺติมธารินา;

จณฺฑาลี วนฺทิ ปาทานิ, โคตมสฺส ยสสฺสิโน.

๑๙๘.

‘‘ตเมนํ อวธี คาวี, จณฺฑาลึ ปฺชลึ ิตํ;

นมสฺสมานํ สมฺพุทฺธํ, อนฺธกาเร ปภงฺกร’’นฺติ. – คาถาทฺวยมาหํสุ;

๑๙๘. ตตฺถ ปฺชลึ ิตํ นมสฺสมานํ สมฺพุทฺธนฺติ คเตปิ ภควติ พุทฺธารมฺมณาย ปีติยา สมาหิตา หุตฺวา สมฺมุขา วิย อฺชลึ ปคฺคยฺห นมสฺสมานํ ิตํ. อนฺธกาเรติ อวิชฺชนฺธกาเรน สกเลน กิเลสนฺธกาเรน จ อนฺธกาเร โลเก. ปภงฺกรนฺติ าโณภาสกรํ.

สา จ ตโต จุตา ตาวตึเสสุ นิพฺพตฺติ, อจฺฉรานํ สตสหสฺสํ จสฺสา ปริวาโร อโหสิ. ตทเหว จ สา สห วิมาเนน อาคนฺตฺวา วิมานโต โอตริตฺวา อายสฺมนฺตํ มหาโมคฺคลฺลานํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิ. ตมตฺถํ ทสฺเสตุํ –

๑๙๙.

‘‘ขีณาสวํ วิคตรชํ อเนชํ, เอกํ อรฺมฺหิ รโห นิสินฺนํ;

เทวิทฺธิปตฺตา อุปสงฺกมิตฺวา, วนฺทามิ ตํ วีร มหานุภาว’’นฺติ. –

เทวตา อาห. ตํ เถโร ปุจฺฉิ –

๒๐๐.

‘‘สุวณฺณวณฺณา ชลิตา มหายสา, วิมานโมรุยฺห อเนกจิตฺตา;

ปริวาริตา อจฺฉราสงฺคเณน, กา ตฺวํ สุเภ เทวเต วนฺทเส มม’’นฺติ.

๒๐๐. ตตฺถ ชลิตาติ อตฺตโน สรีรปฺปภาย วตฺถาภรณาทีนํ โอภาเสน จ ชลนฺตี โชเตนฺตี. มหายสาติ มหาปริวารา. วิมานโมรุยฺหาติ วิมานโต โอรุยฺห. อเนกจิตฺตาติ อเนกวิธจิตฺตตายุตฺตา. สุเภติ สุภคุเณ. มมนฺติ มํ.

เอวํ เถเรน ปุจฺฉิตา ปุน สา –

๒๐๑.

‘‘อหํ ภทฺทนฺเต จณฺฑาลี, ตยา วีเรน เปสิตา;

วนฺทึ อรหโต ปาเท, โคตมสฺส ยสสฺสิโน.

๒๐๒.

‘‘สาหํ วนฺทิตฺวา ปาทานิ, จุตา จณฺฑาลโยนิยา;

วิมานํ สพฺพโต ภทฺทํ, อุปปนฺนมฺหิ นนฺทเน.

๒๐๓.

‘‘อจฺฉรานํ สตสหสฺสํ, ปุรกฺขตฺวาน ติฏฺติ;

ตาสาหํ ปวรา เสฏฺา, วณฺเณน ยสสายุนา.

๒๐๔.

‘‘ปหูตกตกลฺยาณา, สมฺปชานา ปฏิสฺสตา;

มุนึ การุณิกํ โลเก, ตํ ภนฺเต วนฺทิตุมาคตา’’ติ. –

จตสฺโส คาถาโย อาห.

๒๐๑-๔. ตตฺถ เปสิตาติ ‘‘จณฺฑาลิ, วนฺท ปาทานี’’ติอาทินา วนฺทนาย อุยฺโยชิตา. ยทิปิ ตํ วนฺทนามยํ ปุฺํ ปวตฺติกฺขณวเสน ปริตฺตํ, เขตฺตมหนฺตตาย ปน ผลมหนฺตตาย จ อติวิย มหนฺตเมวาติ อาห ‘‘ปหูตกตกลฺยาณา’’ติ. ตถา พุทฺธารมฺมณาย ปีติยา ปวตฺติกฺขเณ ปฺาย สติยา จ วิสทภาวํ สนฺธายาห ‘‘สมฺปชานา ปฏิสฺสตา’’ติ. ปุน –

๒๐๕.

‘‘อิทํ วตฺวาน จณฺฑาลี, กตฺู กตเวทินี;

วนฺทิตฺวา อรหโต ปาเท, ตตฺเถวนฺตรธายถา’’ติ. –

คาถา สงฺคีติกาเรหิ ปิตา.

๒๐๕. ตตฺถ จณฺฑาลีติ จณฺฑาลีภูตปุพฺพาติ กตฺวา วุตฺตํ, เทวโลเก จ อิทมาจิณฺณํ, ยํ มนุสฺสโลเก นิรุฬฺหสมฺาย โวหาโร. เสสํ วุตฺตนยเมว.

อายสฺมา ปน มหาโมคฺคลฺลาโน อิมํ ปวตฺตึ ภควโต อาโรเจสิ. ภควา ตมตฺถํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา สมฺปตฺตปริสาย ธมฺมํ เทเสสิ, สา เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา อโหสีติ.

จณฺฑาลิวิมานวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. ภทฺทิตฺถิวิมานวณฺณนา

นีลา ปีตา จ กาฬา จาติ ภทฺทิตฺถิวิมานํ. ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. เตน จ สมเยน กิมิลนคเร โรหโก นาม คหปติปุตฺโต อโหสิ สทฺโธ ปสนฺโน สีลาจารสมฺปนฺโน. ตสฺมึเยว จ นคเร เตน สมานมหาโภเค กุเล เอกา ทาริกา อโหสิ สทฺธา ปสนฺนา ปกติยาปิ ภทฺทตาย ภทฺทาติ นาเมน. อถ โรหกสฺส มาตาปิตโร ตํ กุมารึ วาเรตฺวา ตาทิเส กาเล ตํ อาเนตฺวา อาวาหวิวาหํ อกํสุ. เต อุโภปิ สมคฺควาสํ วสนฺติ. สา อตฺตโน อาจารสมฺปตฺติยา ‘‘ภทฺทิตฺถี’’ติ ตสฺมึ นคเร ปากฏา ปฺาตา อโหสิ.

เตน จ สมเยน ทฺเว อคฺคสาวกา ปฺจสตปฺจสตภิกฺขุปริวารา ชนปทจาริกํ จรนฺตา กิมิลนครํ ปาปุณึสุ. โรหโก เตสํ ตตฺถ คตภาวํ ตฺวา โสมนสฺสชาโต เถเร อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา สฺวาตนาย นิมนฺเตตฺวา ทุติยทิวเส ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน สปริวาเร เต สนฺตปฺเปตฺวา สปุตฺตทาโร เตหิ เทสิตํ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา เตสํ โอวาเท ปติฏฺหนฺโต สรณานิ คณฺหิ, ปฺจ สีลานิ สมาทิยิ. ภริยา ปนสฺส อฏฺมีจาตุทฺทสีปนฺนรสีปาฏิหาริยปกฺเขสุ อุโปสถํ อุปวสิ, วิเสสโต สีลาจารสมฺปนฺนา อโหสิ เทวตาหิ จ อนุกมฺปิตา. ตาย เอว จ เทวตานุกมฺปาย อตฺตโน อุปริ ปติตํ มิจฺฉาปวาทํ นิรํกตฺวา สุวิสุทฺธสีลาจารตาย อติวิย โลเก ปตฺถฏยสา อโหสิ.

สา หิ สยํ กิมิลนคเร ิตา อตฺตโน สามิกสฺส วณิชฺชาวเสน ตกฺกสิลายํ วสนฺตสฺส, อุสฺสวทิวเส สหาเยหิ อุสฺสาหิตสฺส นกฺขตฺตกีฬาจิตฺเต อุปฺปนฺเน ฆรเทวตาย อตฺตโน ทิพฺพานุภาเวน ตํ ตตฺถ เนตฺวา สามิเกน สห โยชิตา เตเนว สมาคเมน ปติฏฺิตคพฺภา หุตฺวา เทวตาย กิมิลนครํ ปฏินีตา, อนุกฺกเมน คพฺภินิภาเว ปากเฏ ชาเต สสฺสุอาทีหิ ‘‘อติจารินี’’ติ อาสงฺกิตา, ตาย เอว เทวตาย อตฺตโน อานุภาเวน คงฺคามโหเฆ กิมิลนครํ โอตฺถรนฺเต วิย อุปฏฺาปิเต อตฺตโน ปติพฺพตาภาวสํสูจเกน สจฺจาธิฏฺานปุพฺพเกน สปเถน วาตเวคสมุฏฺิตวีจิชาลํ คงฺคามโหฆํ อตฺตโน อุปริ อาปติตํ อายสฺสฺจ นิวตฺเตตฺวา, สามิเกน สมาคตาปิ เตน ปุพฺเพ สสฺสุอาทีหิ วิย อาสงฺกิตา ตกฺกสิลายํ เตน ทินฺนํ นามมุทฺทิตํ สฺาณฺจ อปฺเปนฺตี, ตํ อาสงฺกํ นิรํกตฺวา ภตฺตุโน าติชนสฺส จ มหาชนสฺส จ สมฺภาวนียา ชาตา. เตน วุตฺตํ ‘‘สุวิสุทฺธสีลาจารตาย อติวิย โลเก ปตฺถฏยสา อโหสี’’ติ.

สา อปเรน สมเยน กาลํ กตฺวา ตาวตึสภวเน อุปฺปนฺนา. อถ ภควติ สาวตฺถิโต ตาวตึสภวนํ คนฺตฺวา ปาริจฺฉตฺตกมูเล ปณฺฑุกมฺพลสิลายํ นิสินฺเน, เทวปริสาย จ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺนาย ภทฺทิตฺถีปิ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. อถ ภควา ทสสหสฺสิโลกธาตูสุ สนฺนิปติตาย เทวพฺรหฺมปริสาย มชฺเฌ ตาย เทวตาย กตปุฺกมฺมํ ปุจฺฉนฺโต –

๒๐๖.

‘‘นีลา ปีตา จ กาฬา จ, มฺชิฏฺา อถ โลหิตา;

อุจฺจาวจานํ วณฺณานํ, กิฺชกฺขปริวาริตา.

๒๐๗.

‘‘มนฺทารวานํ ปุปฺผานํ, มาลํ ธาเรสิ มุทฺธนิ;

นยิเม อฺเสุ กาเยส, รุกฺขา สนฺติ สุเมธเส.

๒๐๘.

‘‘เกน กายํ อุปปนฺนา, ตาวตึสํ ยสสฺสินี;

เทวเต ปุจฺฉิตาจิกฺข, กิสฺส กมฺมสฺสิทํ ผล’’นฺติ. – อาห;

๒๐๖-๗. ตตฺถ นีลา ปีตา จ กาฬา จ, มฺชิฏฺา อถ โลหิตาติ เอตฺถ จ-สทฺโท วุตฺตตฺถสมุจฺจโย, โส นีลา จ ปีตา จาติอาทินา ปจฺเจกํ โยเชตพฺโพ. อถาติ อฺตฺเถ นิปาโต. เตน โอทาตาทิเก อวุตฺตวณฺเณ สงฺคณฺหาติ. อิติ-สทฺโท ลุตฺตนิทฺทิฏฺโ เวทิตพฺโพ. -สทฺโท วา อวุตฺตตฺถสมุจฺจโย. อถาติ อิติ-สทฺทตฺเถ นิปาโต. อุจฺจาวจานํ วณฺณานนฺติ เอตฺถ อุจฺจาวจานนฺติ วิภตฺติยา อโลโป ทฏฺพฺโพ, อุจฺจาวจวณฺณานํ นานาวิธวณฺณานนฺติ อตฺโถ. วณฺณานนฺติ วา วณฺณวนฺตานํ. กิฺชกฺขปริวาริตาติ กิฺชกฺเขหิ ปริวาริตานํ. สามิอตฺเถ หิ เอตํ ปจฺจตฺตวจนํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – นีลา จ ปีตา จ กาฬา จ มฺชิฏฺา จ โลหิตา จ อถ อฺเ โอทาตาทโย จาติ อิเมสํ วเสน อุจฺจาวจวณฺณานํ ตถาภูเตหิเยว กิฺชกฺเขหิ เกสเรหิ ปริวาริตานํ วิจิตฺตสณฺานาทิตาย วา อุจฺจาวจานํ ยถาวุตฺตวณฺณวนฺตานํ มนฺทารวรุกฺขสมฺภูตตาย มนฺทารวานํ ปุปฺผานํ มาลํ เตหิ กตํ มาลาคุณํ ตฺวํ เทวเต อตฺตโน สีเส ธาเรสิ ปิฬนฺธสีติ.

ยโต รุกฺขโต ตานิ ปุปฺผานิ, เตสํ วิเสสวณฺณตาย อนฺสาธารณตํ ทสฺเสตุํ ‘‘นยิเม อฺเสุ กาเยสุ, รุกฺขา สนฺติ สุเมธเส’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ อิเมติ ยถาวุตฺตวณฺณสณฺานาทิยุตฺตา ปุปฺผวนฺโต รุกฺขา น สนฺตีติ โยชนา. กาเยสูติ เทวนิกาเยสุ. สุเมธเสติ สุนฺทรปฺเ.

ตตฺถ นีลาติ อินฺทนีลมหานีลาทิมณิรตนานํ วเสน นีโลภาสา. ปีตาติ ปุปฺผราคกกฺเกตนปุลกาทิมณิรตนานฺเจว สิงฺคีสุวณฺณสฺส จ วเสน ปีโตภาสา. กาฬาติ อสฺมกอุปลกาทิมณิรตนานํ วเสน กณฺโหภาสา. มฺชิฏฺาติ โชติรสโคมุตฺตกโคเมทกาทิมณิรตนานํ วเสน มฺชิฏฺโภาสา. โลหิตาติ ปทุมราคโลหิตงฺกปวาฬรตนาทีนํ วเสน โลหิโตภาสา. เกจิ ปน นีลาทิปทานิ ‘‘รุกฺขา’’ติ อิมินา ‘‘นีลา รุกฺขา’’ติอาทินา โยเชตฺวา วทนฺติ. รุกฺขาปิ หิ นีลาทิวณฺเณหิ ปุปฺเผหิ สฺฉนฺนตฺตา นีลาทิโยคโต นีลาทิโวหารํ ลภนฺตีติ เตหิ ‘‘นีลา…เป… โลหิตา…เป… นยิเม อฺเสุ กาเยสุ รุกฺขา สนฺติ สุเมธเสติ, ยโต ตฺวํ อุจฺจาวจานํ วณฺณานํ กิฺชกฺขปริวาริตานํ มนฺทารวานํ ปุปฺผานํ มาลํ ธาเรสี’’ติ โยชนา กาตพฺพา. ตตฺถ ยถาทิฏฺเ วณฺณวิเสสยุตฺเต ปุปฺเผ กิตฺเตตฺวา เตสํ อสาธารณภาวทสฺสเนน รุกฺขานํ อาเวนิกภาวทสฺสนํ ปมนโย, รุกฺขานํ อสาธารณภาวทสฺสเนน ปุปฺผานํ อาเวนิกภาวทสฺสนํ ทุติยนโย. ปมนเย วณฺณาทโย สรูเปน คหิตา, ทุติยนเย นิสฺสยมุเขนาติ อยเมเตสํ วิเสโส.

๒๐๘. เกนาติ เกน ปุฺกมฺเมน, กายํ ตาวตึสนฺติ โยชนา. ปุจฺฉิตาจิกฺขาติ ปุจฺฉิตา ตฺวํ อาจิกฺข กเถหิ.

เอวํ ภควตา ปุจฺฉิตา สา เทวตา อิมาหิ คาถาหิ พฺยากาสิ –

๒๐๙.

‘‘ภทฺทิตฺถิกาติ มํ อฺํสุ, กิมิลายํ อุปาสิกา;

สทฺธา สีเลน สมฺปนฺนา, สํวิภาครตา สทา.

๒๑๐.

‘‘อจฺฉาทนฺจ ภตฺตฺจ, เสนาสนํ ปทีปิยํ;

อทาสึ อุชุภูเตสุ, วิปฺปสนฺเนน เจตสา.

๒๑๑.

‘‘จาตุทฺทสึ ปฺจทสึ, ยา จ ปกฺขสฺส อฏฺมี;

ปาฏิหาริยปกฺขฺจ, อฏฺงฺคสุสมาคตํ.

๒๑๒.

‘‘อุโปสถํ อุปวสิสฺสํ, สทา สีเลสุ สํวุตา;

สฺมา สํวิภาคา จ, วิมานํ อาวสามหํ.

๒๑๓.

‘‘ปาณาติปาตา วิรตา, มุสาวาทา จ สฺตา;

เถยฺยา จ อติจารา จ, มชฺชปานา จ อารกา.

๒๑๔.

‘‘ปฺจสิกฺขาปเท รตา, อริยสจฺจาน โกวิทา;

อุปาสิกา จกฺขุมโต, อปฺปมาทวิหารินี;

กตาวาสา กตกุสลา ตโต จุตา, สยํปภา อนุวิจรามิ นนฺทนํ.

๒๑๕.

‘‘ภิกฺขู จาหํ ปรมหิตานุกมฺปเก, อโภชยึ ตปสฺสิยุคํ มหามุนึ;

กตาวาสา กตกุสลา ตโต จุตา, สยํปภา อนุวิจรามิ นนฺทนํ.

๒๑๖.

‘‘อฏฺงฺคิกํ อปริมิตํ สุขาวหํ, อุโปสถํ สตตมุปาวสึ อหํ;

กตาวาสา กตกุสลา ตโต จุตา, สยํปภา อนุวิจรามิ นนฺทน’’นฺติ.

๒๐๙-๒๑๔. ตตฺถ ภทฺทิตฺถิกาติ มํ อฺํสุ, กิมิลายํ อุปาสิกาติ อาจารสมฺปตฺติยา สจฺจกิริยาย อุพฺพตฺตมานมโหฆนิวตฺตเนน อขณฺฑสีลาติ สฺชาตนิจฺฉยา ภทฺทา สุนฺทรา อยํ อิตฺถี, ตสฺมา ‘‘ภทฺทิตฺถิกา อุปาสิกา’’ติ จ มํ กิมิลนครวาสิโน ชานึสุ. สทฺธา สีเลน สมฺปนฺนาติอาทิ เหฏฺา วุตฺตนยตฺตา อุตฺตานตฺถเมว.

อปิจ ‘‘สทฺธา’’ติ อิมินา สทฺธาธนํ, ‘‘สํวิภาครตา, อจฺฉาทนฺจ ภตฺตฺจ, เสนาสนํ ปทีปิยํ. อทาสึ อุชุภูเตสุ, วิปฺปสนฺเนน เจตสา’’ติ อิมินา จาคธนํ, ‘‘สีเลน สมฺปนฺนา, จตุทฺทสึ ปฺจทสึ…เป… ปฺจสิกฺขาปเท รตา’’ติ อิมินา สีลธนํ หิริธนํ โอตฺตปฺปธนฺจ, ‘‘อริยสจฺจาน โกวิทา’’ติ อิมินา สุตธนํ ปฺาธนฺจ ทสฺสิตนฺติ สา อตฺตโน สตฺตวิธอริยธนปฏิลาภํ. ‘‘อุปาสิกา จกฺขุมโต…เป… อนุวิจรามิ นนฺทน’’นฺติ อิมินา ตสฺส ทิฏฺธมฺมิกํ สมฺปรายิกฺจ อานิสํสํ วิภาเวติ. ตตฺถ กตาวาสาติ นิปฺผาทิตสุจริตาวาสา. สุจริตกมฺมฺหิ ตทตฺเต อายติฺจ สุขาวาสเหตุตาย ‘‘สุขวิหารสฺส อาวาโส’’ติ วุจฺจติ. เตนาห ‘‘กตกุสลา’’ติ.

๒๑๕. ปุพฺเพ อนามสิตเขตฺตวิเสสํ อตฺตโน ทานมยํ ปุฺํ วตฺวา อิทานิ ตสฺส อายตนคตตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ภิกฺขู จา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ภิกฺขูติ อนวเสสภินฺนกิเลสตาย ภิกฺขู. ปรมหิตานุกมฺปเกติ ปรมํ อติวิย ทิฏฺธมฺมิกาทินา หิเตน อนุคฺคาหเก. อโภชยินฺติ ปณีเตน โภชเนน โภเชสึ. ตปสฺสิยุคนฺติ อุตฺตเมน ตปสา สพฺพกิเลสมลํ ตาเปตฺวา สมุจฺฉินฺทิตฺวา ิตตฺตา ตปสฺสิภูตํ ยุคํ. มหามุนินฺติ ตโต เอว มหาอิสิภูตํ, มหโต วา อตฺตโน วิสยสฺส มหนฺเตเนว าเณน มุนนโต ปริจฺฉินฺทนโต มหามุนึ. สพฺพเมตํ ทฺเว อคฺคสาวเก สนฺธาย วทติ.

๒๑๖. อปริมิตํ สุขาวหนฺติ อนุนาสิกโลปํ อกตฺวา วุตฺตํ. ‘‘ยาวฺจิทํ, ภิกฺขเว, น สุกรํ อกฺขาเนน ปาปุณิตุํ ยาว สุขา สคฺคา’’ติ (ม. นิ. ๓.๒๕๕) วจนโต ภควโตปิ วจนปถาตีตปริมาณรหิตสุขนิพฺพตฺตกํ อตฺตโน วา อานุภาเวน อปริมิตสุขาวหํ สุขสฺส อาวหนกํ. สตตนฺติ สพฺพกาลํ. ตํ ตํ อุโปสถรกฺขณทิวสํ อหาเปตฺวา, ตํ ตํ วา อุโปสถรกฺขณทิวสํ อขณฺฑํ กตฺวา ปริปุณฺณํ กตฺวา สตตํ วา สพฺพกาลํ สุขาวหนฺติ โยชนา. เสสํ เหฏฺา วุตฺตนยเมว.

อถ ภควา มาตุเทวปุตฺตปฺปมุขานํ ทสสหสฺสิโลกธาตุวาสีนํ เทวพฺรหฺมสงฺฆานํ ตโย มาเส อภิธมฺมปิฏกํ เทเสตฺวา มนุสฺสโลกํ อาคนฺตฺวา ภทฺทิตฺถิวิมานํ ภิกฺขูนํ เทเสสิ. สา เทสนา สมฺปตฺตปริสาย สาตฺถิกา อโหสีติ.

ภทฺทิตฺถิวิมานวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. โสณทินฺนาวิมานวณฺณนา

อภิกฺกนฺเตน วณฺเณนาติ โสณทินฺนาวิมานํ. ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน. เตน จ สมเยน นาฬนฺทายํ โสณทินฺนา นาม เอกา อุปาสิกา สทฺธา ปสนฺนา ภิกฺขูนํ จตูหิ ปจฺจเยหิ สกฺกจฺจํ อุปฏฺหนฺตี สุวิสุทฺธนิจฺจสีลา อฏฺงฺคสมนฺนาคตํ อุโปสถมฺปิ อุปวสติ. สา ธมฺมสวนสปฺปายํ ปฏิลภิตฺวา อุปนิสฺสยสมฺปนฺนตาย จตุสจฺจกมฺมฏฺานํ ปริพฺรูหนฺตี โสตาปนฺนา อโหสิ. อถ อฺตเรน โรเคน ผุฏฺา กาลํ กตฺวา ตาวตึเสสุ อุปฺปชฺชิ. ตํ อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน –

๒๑๗.

‘‘อภิกฺกนฺเตน วณฺเณน, ยา ตฺวํ ติฏฺสิ เทวเต;

โอภาเสนฺตี ทิสา สพฺพา, โอสธี วิย ตารกา.

๒๑๘.

‘‘เกน เตตาทิโส วณฺโณ, เกน เต อิธ มิชฺฌติ;

อุปฺปชฺชนฺติ จ เต โภคา, เย เกจิ มนโส ปิยา.

๒๑๙.

‘‘ปุจฺฉามิ ตํ เทวิ มหานุภาเว, มนุสฺสภูตา กิมกาสิ ปุฺํ;

เกนาสิ เอวํ ชลิตานุภาวา, วณฺโณ จ เต สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ. –

อิมาหิ ตีหิ คาถาหิ ปฏิปุจฺฉิ.

๒๒๐.

‘‘สา เทวตา อตฺตมนา, โมคฺคลฺลาเนน ปุจฺฉิตา;

ปฺหํ ปุฏฺา วิยากาสิ, ยสฺส กมฺมสฺสิทํ ผลํ’’.

๒๒๑-๒๒๖.

‘‘โสณทินฺนาติ มํ อฺํสุ…เป… โคตมสฺส ยสสฺสิโน.

๒๒๗.

‘‘เตน เมตาทิโส วณฺโณ…เป… วณฺโณ จ เม สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ. –

เทวตา พฺยากาสิ. ตํ สพฺพํ เหฏฺา วุตฺตนยเมว.

โสณทินฺนาวิมานวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗.อุโปสถาวิมานวณฺณนา

อภิกฺกนฺเตน วณฺเณนาติ อุโปสถาวิมานํ. อิธ อฏฺุปฺปตฺติยํ สาเกเต อุโปสถา นาม เอกา อุปาสิกาติ อยเมว วิเสโส, เสสํ อนนฺตรวิมานสทิสํ. เตน วุตฺตํ –

๒๒๙-๒๓๑.

‘‘อภิกฺกนฺเตน วณฺเณน…เป…

วณฺโณ จ เต สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ.

๒๓๒.

‘‘สา เทวตา อตฺตมนา…เป… ยสฺส กมฺมสฺสิทํ ผลํ’’.

๒๓๓-๒๓๘.

‘‘อุโปสถาติ มํ อฺํสุ, สาเกตายํ อุปาสิกา…เป…

อุปาสิกา จกฺขุมโต, โคตมสฺส ยสสฺสิโน.

๒๓๙.

‘‘เตน เมตาทิโส วณฺโณ…เป…

วณฺโณ จ เม สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ. –

เทวตา พฺยากาสิ. ปุน อตฺตโน เอกํ โทสํ ทสฺเสนฺตี –

๒๔๑.

‘‘อภิกฺขณํ นนฺทนํ สุตฺวา, ฉนฺโท เม อุทปชฺชถ;

ตตฺถ จิตฺตํ ปณิธาย, อุปปนฺนามฺหิ นนฺทนํ.

๒๔๒.

‘‘นากาสึ สตฺถุ วจนํ, พุทฺธสฺสาทิจฺจพนฺธุโน;

หีเน จิตฺตํ ปณิธาย, สามฺหิ ปจฺฉานุตาปินี’’ติ. – ทฺเว คาถา อภาสิ;

๒๓๓. ตตฺถ อุโปสถาติ มํ อฺํสูติ ‘‘อุโปสถา’’ติ อิมินา นาเมน มํ มนุสฺสา ชานึสุ. สาเกตายนฺติ สาเกตนคเร.

๒๔๑. อภิกฺขณนฺติ อภิณฺหํ. นนฺทนํ สุตฺวาติ ‘‘ตาวตึสภวเน นนฺทนวนํ นาม เอทิสฺจ เอทิสฺจา’’ติ ตตฺถ นานาวิธํ ทิพฺพสมฺปตฺตึ สุตฺวา. ฉนฺโทติ ตนฺนิพฺพตฺตกปุฺกมฺมสฺส การณภูโต กุสลจฺฉนฺโท, ตตฺรูปปตฺติยา ปตฺถนาภูโต ตณฺหาฉนฺโท วา. อุทปชฺชถาติ อุปฺปชฺชิตฺถ. ตตฺถาติ ตาวตึสภวเน, นนฺทนาปเทเสนปิ หิ ตํ เทวโลกํ วทติ. อุปปนฺนามฺหีติ อุปฺปนฺนา นิพฺพตฺตา อมฺหิ.

๒๔๒. นากาสึ สตฺถุ วจนนฺติ ‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, อปฺปมตฺตกมฺปิ ภวํ วณฺเณมี’’ติอาทินา (อ. นิ. ๑.๓๒๐-๓๒๑) สตฺถารา วุตฺตวจนํ น กรึ, ภเวสุ ฉนฺทราคํ น ปชหินฺติ อตฺโถ. อาทิจฺโจ โคตมโคตฺโต, ภควาปิ โคตมโคตฺโตติ สโคตฺตตาย วุตฺตํ ‘‘พุทฺธสฺสาทิจฺจพนฺธุโน’’ติ. อถ วา อาทิจฺจสฺส พนฺธุ อาทิจฺจพนฺธุ, ภควา. ตํ ปฏิจฺจ ตสฺส อริยาย ชาติยา ชาตตฺตา อาทิจฺโจ วา พนฺธุ เอตสฺส โอรสปุตฺตภาวโตติ อาทิจฺจพนฺธุ, ภควา. ตถา หิ วุตฺตํ –

‘‘โย อนฺธกาเร ตมสี ปภงฺกโร, เวโรจโน มณฺฑลี อุคฺคเตโช;

มา ราหุ คิลี จรมนฺตลิกฺเข, ปชํ มมํ ราหุ ปมุฺจ สูริย’’นฺติ. (สํ. นิ. ๑.๙๑);

หีเนติ ลามเก. อตฺตโน ภวาภิรตึ สนฺธาย วทติ. สามฺหีติ สา อมฺหิ.

เอวํ ตาย เทวตาย ภวาภิรตินิมิตฺเต อุปฺปนฺนวิปฺปฏิสาเร ปเวทิเต เถโร ภวสฺส ปริจฺฉินฺนายุภาววิภาวนมุเขน อายตึ มนุสฺสตฺตภาเว ตฺวา วฏฺฏทุกฺขสฺส สมติกฺกโม กาตุํ สุกโร, สพฺพโส ขีณาสวภาโว นาม มหานิสํโสติ จ สมสฺสาเสตุํ –

๒๔๓.

‘‘กีว จิรํ วิมานมฺหิ, อิธ วจฺฉสุโปสเถ;

เทวเต ปุจฺฉิตาจิกฺข, ยทิ ชานาสิ อายุโน’’ติ. –

คาถมาห. ปุน สา –

๒๔๔.

‘‘สฏฺิ วสฺสสหสฺสานิ, ติสฺโส จ วสฺสโกฏิโย;

อิธ ตฺวา มหามุนิ, อิโต จุตา คมิสฺสามิ;

มนุสฺสานํ สหพฺยต’’นฺติ. – อาห;

ปุน เถโร –

๒๔๕.

‘‘มา ตฺวํ อุโปสเถ ภายิ, สมฺพุทฺเธนาสิ พฺยากตา;

โสตาปนฺนา วิเสสยิ, ปหีนา ตว ทุคฺคตี’’ติ. –

อิมาย คาถาย สมุตฺเตเชสิ.

๒๔๓-๔. ตตฺถ กีว จิรนฺติ กิตฺตกํ อทฺธานํ. อิธาติ อิมสฺมึ เทวโลเก, อิธ วา วิมานสฺมึ. อายุ โนติ อายุ, โนติ นิปาตมตฺตํ. อายุโน วา จิราจิรภาวํ, อถ วา ยทิ ชานาสิ อายุโนติ อตฺโถ. มหามุนีติ เถรํ อาลปติ.

๒๔๕. มา ตฺวํ อุโปสเถ ภายีติ ภทฺเท อุโปสเถ ตฺวํ มา ภายิ. กสฺมา? ยสฺมา สมฺพุทฺเธนาสิ พฺยากตา. กินฺติ? โสตาปนฺนา วิเสสยีติ. มคฺคผลสฺิตํ วิเสสํ ยาตา อธิคตา, ตสฺมา ปหีนา ตว สพฺพาปิ ทุคฺคตีติ อิมมฺปิ วิเสสํ ยาตาติ วิเสสยิ. เสสํ วุตฺตนยเมว.

อุโปสถาวิมานวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘-๙. นิทฺทา-สุนิทฺทาวิมานวณฺณนา

อฏฺมนวมวิมานานิ ราชคหนิทานานิ. อฏฺุปฺปตฺติยํ ยถากฺกมํ ‘‘นิทฺทา นาม อุปาสิกา…เป… โคตมสฺส ยสสฺสิโน. เตน เมตาทิโส วณฺโณ…เป… สุนิทฺทา นาม อุปาสิกา’’ติ วตฺตพฺพํ. เสสํ วุตฺตนยเมว. คาถาสุปิ อปุพฺพํ นตฺถิ. ตถา หิ เอกจฺเจสุ โปตฺถเกสุ ปาฬิ เปยฺยาลวเสน ปิตาติ. เตน วุตฺตํ –

๒๔๖.

‘‘อภิกฺกนฺเตน วณฺเณน…เป…

วณฺโณ จ เต สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ.

๒๔๗.

‘‘สา เทวตา อตฺตมนา…เป… ยสฺส กมฺมสฺสิทํ ผลํ’’.

๒๔๘.

‘‘นิทฺทาติ มมํ อฺํสุ, ราชคหสฺมึ อุปาสิกา…เป…

โคตมสฺส ยสสฺสิโน.

๒๕๖.

‘‘เตน เมตาทิโส วณฺโณ…เป…วณฺโณ จ เม สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ.

๒๕๘.

‘‘อภิกฺกนฺเตน วณฺเณน…เป… สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ.

๒๖๑.

‘‘สา เทวตา อตฺตมนา…เป….

๒๖๒.

‘‘สุนิทฺทาติ มํ อฺํสุ, ราชคหสฺมึ อุปาสิกา…เป…

โคตมสฺส ยสสฺสิโน.

๒๖๘.

‘‘เตน เมตาทิโส วณฺโณ…เป…

วณฺโณ จ เม สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ.

นิทฺทา-สุนิทฺทาวิมานวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. ปมภิกฺขาทายิกาวิมานวณฺณนา

อภิกฺกนฺเตน วณฺเณนาติ ภิกฺขาทายิกาวิมานํ. ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน. เตน จ สมเยน อุตฺตรมธุรายํ อฺตรา อิตฺถี ขีณายุกา โหติ อปาเย อุปฺปชฺชนารหา. ภควา ปจฺจูสเวลายํ มหากรุณาสมาปตฺติโต วุฏฺาย โลกํ โวโลเกนฺโต ตํ อิตฺถึ อปาเย อุปฺปชฺชนารหํ ทิสฺวา มหากรุณาย สฺโจทิตมานโส ตํ สุคติยํ ปติฏฺาเปตุกาโม เอโก อทุติโย มธุรํ อคมาสิ. คนฺตฺวา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรํ อาทาย พหินครํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. เตน สมเยน สา อิตฺถี เคเห อาหารํ สมฺปาเทตฺวา เอกมนฺเต ปฏิสาเมตฺวา ฆฏํ คเหตฺวา อุทกติตฺถํ คนฺตฺวา นฺหายิตฺวา ฆเฏน อุทกํ คเหตฺวา อตฺตโน เคหํ คจฺฉนฺตี อนฺตรามคฺเค ภควนฺตํ ปสฺสิตฺวา ‘‘อปิ, ภนฺเต, ปิณฺโฑ ลทฺโธ’’ติ วตฺวา ‘‘ลภิสฺสามี’’ติ จ ภควตา วุตฺเต อลทฺธภาวํ ตฺวา ฆฏํ เปตฺวา ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘อหํ, ภนฺเต, ปิณฺฑปาตํ ทสฺสามิ, อธิวาเสถา’’ติ อาห. อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวน. สา ภควโต อธิวาสนํ วิทิตฺวา ปมตรํ คนฺตฺวา สิตฺตสมฺมฏฺเ ปเทเส อาสนํ ปฺาเปตฺวา ภควโต ปเวสนํ อุทิกฺขมานา อฏฺาสิ. ภควา เคหํ ปวิสิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ. อถ สา ภควนฺตํ โภเชสิ. ภควา กตภตฺตกิจฺโจ โอนีตปตฺตปาณี ตสฺสา อนุโมทนํ กตฺวา ปกฺกามิ. สา อนุโมทนํ สุตฺวา อนปฺปกํ ปีติโสมนสฺสํ ปฏิสํเวเทนฺตี ยาว จกฺขุปถสมติกฺกมา พุทฺธารมฺมณํ ปีตึ อวิชหนฺตี นมสฺสมานา อฏฺาสิ. สา กติปยทิวสาติกฺกเมเนว กาลํ กตฺวา ตาวตึสภวเน นิพฺพตฺติ, อจฺฉราสหสฺสฺจสฺสา ปริวาโร อโหสิ. ตํ อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน –

๒๗๐.

‘‘อภิกฺกนฺเตน วณฺเณน…เป… โอสธี วิย ตารกา.

๒๗๑.

‘‘เกน เตตาทิโส วณฺโณ…เป…

วณฺโณ จ เต สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ. – คาถาหิ ปุจฺฉิ;

๒๗๓.

‘‘สา เทวตา อตฺตมนา…เป… ยสฺส กมฺมสฺสิทํ ผลํ’’.

๒๗๔.

‘‘อหํ มนุสฺเสสุ มนุสฺสภูตา,

ปุริมาย ชาติยา มนุสฺสโลเก.

๒๗๕.

‘‘อทฺทสํ วิรชํ พุทฺธํ, วิปฺปสนฺนมนาวิลํ;

ตสฺส อทาสหํ ภิกฺขํ, ปสนฺนา เสหิ ปาณิภิ.

๒๗๖.

‘‘เตน เมตาทิโส วณฺโณ…เป…

วณฺโณ จ เม สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ. –

เทวตา พฺยากาสิ. เสสํ สพฺพํ เหฏฺา วุตฺตนยตฺตา อุตฺตานตฺถเมว.

ปมภิกฺขาทายิกาวิมานวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๑. ทุติยภิกฺขาทายิกาวิมานวณฺณนา

อภิกฺกนฺเตน วณฺเณนาติ ทุติยภิกฺขาทายิกาวิมานํ. ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควา ราชคเห วิหรติ. ตตฺถ อฺตรา อิตฺถี สทฺธา ปสนฺนา อฺตรํ ขีณาสวตฺเถรํ ปิณฺฑาย จรนฺตํ ทิสฺวา อตฺตโน เคหํ ปเวเสตฺวา โภชนํ อทาสิ. สา อปเรน สมเยน กาลํ กตฺวา ตาวตึสภวเน นิพฺพตฺติ. เสสํ อนนฺตรวิมานสทิสเมว.

๒๗๘.

‘‘อภิกฺกนฺเตน วณฺเณน…เป… สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ.

๒๘๑.

‘‘สา เทวตา อตฺตมนา…เป… ยสฺส กมฺมสฺสิทํ ผลํ’’.

๒๘๒.

‘‘อหํ มนุสฺเสสุ มนุสฺสภูตา…เป…

วณฺโณ จ เม สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ.

ทุติยภิกฺขาทายิกาวิมานวณฺณนา นิฏฺิตา.

อิติ ปรมตฺถทีปนิยา ขุทฺทก-อฏฺกถาย วิมานวตฺถุสฺมึ

เอกาทสวตฺถุปฏิมณฺฑิตสฺส ทุติยสฺส จิตฺตลตาวคฺคสฺส

อตฺถวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. ปาริจฺฉตฺตกวคฺโค

๑. อุฬารวิมานวณฺณนา

ปาริจฺฉตฺตกวคฺเค อุฬาโร เต ยโส วณฺโณติ อุฬารวิมานํ. ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเป. เตน สมเยน ราชคเห อายสฺมโต มหาโมคฺคลฺลานสฺส อุปฏฺากกุเล เอกา ทาริกา ทานชฺฌาสยา ทานสํวิภาครตา อโหสิ. สา ยํ ตสฺมึ เคเห ปุเรภตฺตํ ขาทนียโภชนียํ อุปฺปชฺชติ, ตตฺถ อตฺตนา ลทฺธปฏิวีสโต อุปฑฺฒํ เทติ, อุปฑฺฒํ อตฺตนา ปริภุฺชติ, อทตฺวา ปน น ภุฺชติ, ทกฺขิเณยฺเย อปสฺสนฺตีปิ เปตฺวา ทิฏฺกาเล เทติ, ยาจกานมฺปิ เทติเยว. อถสฺสา มาตา ‘‘มม ธีตา ทานชฺฌาสยา ทานสํวิภาครตา’’ติ หฏฺตุฏฺา ตสฺสา ทิคุณํ ภาคํ เทติ. เทนฺตี จ เอกสฺมึ ภาเค ตาย สํวิภาเค กเต ปุน อปรํ เทติ, สา ตโตปิ สํวิภาคํ กโรติเยว.

เอวํ คจฺฉนฺเต กาเล ตํ วยปฺปตฺตํ มาตาปิตโร ตสฺมึเยว นคเร อฺตรสฺมึ กุเล กุมารสฺส อทํสุ. ตํ ปน กุลํ มิจฺฉาทิฏฺิกํ โหติ อสฺสทฺธํ อปฺปสนฺนํ. อถายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ราชคเห สปทานํ ปิณฺฑาย จรมาโน ตสฺสา ทาริกาย สสุรสฺส เคหทฺวาเร อฏฺาสิ. ตํ ทิสฺวา สา ทาริกา ปสนฺนจิตฺตา ‘‘ปวิสถ ภนฺเต’’ติ ปเวเสตฺวา วนฺทิตฺวา สสฺสุยา ปิตํ ปูวํ ตํ อปสฺสนฺตี ‘‘ตสฺสา กเถตฺวา อนุโมทาเปสฺสามี’’ติ วิสฺสาเสน คเหตฺวา เถรสฺส อทาสิ, เถโร อนุโมทนํ กตฺวา ปกฺกามิ. ทาริกา ‘‘ตุมฺเหหิ ปิตํ ปูวํ มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรสฺส อทาสิ’’นฺติ สสฺสุยา กเถสิ. สา ตํ สุตฺวา ‘‘กินฺนามิทํ ปาคพฺภิยํ, อยํ มม สนฺตกํ อนาปุจฺฉิตฺวาว สมณสฺส อทาสี’’ติ ตํ กฏตฏายมานา โกธาภิภูตา ยุตฺตายุตฺตํ อจินฺเตนฺตี ปุรโต ิตํ มุสลขณฺฑํ คเหตฺวา อํสกูเฏ ปหริ. สา สุขุมาลตาย ปริกฺขีณายุกตาย จ เตเนว ปหาเรน พลวทุกฺขาภิภูตา หุตฺวา กติปาเหเนว กาลํ กตฺวา ตาวตึเสสุ นิพฺพตฺติ. ตสฺสา สติปิ อฺสฺมึ สุจริตกมฺเม เถรสฺส กตทานเมว สาติสยํ หุตฺวา อุปฏฺาสิ. ตํ อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เหฏฺา วุตฺตนเยเนว คนฺตฺวา –

๒๘๖.

‘‘อุฬาโร เต ยโส วณฺโณ, สพฺพา โอภาสเต ทิสา;

นาริโย นจฺจนฺติ คายนฺติ, เทวปุตฺตา อลงฺกตา.

๒๘๗.

‘‘โมเทนฺติ ปริวาเรนฺติ, ตว ปูชาย เทวเต;

โสวณฺณานิ วิมานานิ, ตวิมานิ สุทสฺสเน.

๒๘๘.

‘‘ตุวํสิ อิสฺสรา เตสํ, สพฺพกามสมิทฺธินี;

อภิชาตา มหนฺตาสิ, เทวกาเย ปโมทสิ;

เทวเต ปุจฺฉิตาจิกฺข, กิสฺส กมฺมสฺสิทํ ผล’’นฺติ. –

ตีหิ คาถาหิ ปุจฺฉิ.

๒๘๖. ตตฺถ ยโสติ ปริวาโร. วณฺโณติ วณฺณนิภา สรีโรภาโส. ‘‘อุฬาโร’’ติ ปน วิเสเสตฺวา วุตฺตตฺตา ตสฺสา เทวตาย ปริวารสมฺปตฺติ จ วณฺณสมฺปตฺติ จ วุตฺตา โหติ. ตาสุ ‘‘อุฬาโร เต วณฺโณ’’ติ สงฺเขปโต วุตฺตํ วณฺณสมฺปตฺตึ วิสยวเสน วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ ‘‘สพฺพา โอภาสเต ทิสา’’ติ วตฺวา ‘‘อุฬาโร เต ยโส’’ติ วุตฺตํ ปริวารสมฺปตฺตึ วตฺถุวเสน วิตฺถารโต ทสฺเสตุํ ‘‘นาริโย นจฺจนฺตี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สพฺพา โอภาสเต ทิสาติ สพฺพาสุ ทิสาสุ วิชฺโชตเต, สพฺพา วา ทิสา โอภาสยเต, วิชฺโชตยตีติ อตฺโถ. ‘‘โอภาสเต’’ติ ปทสฺส ‘‘โอภาสนฺเต’’ติ เกจิ วจนวิปลฺลาเสน อตฺถํ วทนฺติ, เตหิ ‘‘วณฺเณนา’’ติ วิภตฺติ วิปริณาเมตพฺพา. วณฺเณนาติ จ เหตุมฺหิ กรณวจนํ, วณฺเณน เหตุภูเตนาติ อตฺโถ. ‘‘สพฺพา ทิสา’’ติ จ ชาติวเสน ทิสาสามฺเ อเปกฺขิเต วจนวิปลฺลาเสนปิ ปโยชนํ นตฺถิ. นาริโยติ เอตฺถาปิ ‘‘อลงฺกตา’’ติ ปทํ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. เทวปุตฺตาติ เอตฺถ จ-สทฺโท ลุตฺตนิทฺทิฏฺโ. เตน นาริโย เทวปุตฺตา จาติ สมุจฺจโย เวทิตพฺโพ.

๒๘๗. โมเทนฺตีติ ปโมทยนฺติ. ปูชายาติ ปูชนตฺถํ ปูชานิมิตฺตํ วา, นจฺจนฺติ คายนฺตีติ โยชนา. ตวิมานีติ ตว อิมานิ.

๒๘๘. สพฺพกามสมิทฺธินีติ สพฺเพหิ ปฺจหิ กามคุเณหิ, สพฺเพหิ วา ตยา กามิเตหิ อิจฺฉิเตหิ วตฺถูหิ สมิทฺธา. อภิชาตาติ สุชาตา. มหนฺตาสีติ มหตี มหานุภาวา อสิ. เทวกาเย ปโมทสีติ อิมสฺมึ เทวนิกาเย ทิพฺพสมฺปตฺติเหตุเกน ปรเมน ปโมทเนน ปโมทสิ.

เอวํ เถเรน ปุจฺฉิตา สา เทวตา ตมตฺถํ วิสฺสชฺเชสิ –

๒๘๙.

‘‘อหํ มนุสฺเสสุ มนุสฺสภูตา, ปุริมาย ชาติยา มนุสฺสโลเก;

ทุสฺสีลกุเล สุณิสา อโหสึ, อสฺสทฺเธสุ กทริเยสุ อหํ.

๒๙๐.

‘‘สทฺธา สีเลน สมฺปนฺนา, สํวิภาครตา สทา;

ปิณฺฑาย จรมานสฺส, อปูวํ เต อทาสหํ.

๒๙๑.

‘‘ตทาหํ สสฺสุยาจิกฺขึ, ‘สมโณ อาคโต อิธ;

ตสฺส อทาสหํ ปูวํ, ปสนฺนา เสหิ ปาณิภิ’.

๒๙๒.

‘‘อิติสฺสา สสฺสุ ปริภาสิ, อวินีตาสิ ตฺวํ วธุ;

น มํ สมฺปุจฺฉิตุํ อิจฺฉิ, ‘สมณสฺส ททามหํ’.

๒๙๓.

‘‘ตโต เม สสฺสุ กุปิตา, ปหาสิ มุสเลน มํ;

กูฏงฺคจฺฉิ อวธิ มํ, นาสกฺขึ ชีวิตุํ จิรํ.

๒๙๔.

‘‘อหํ กายสฺส เภทา, วิปฺปมุตฺตา ตโต จุตา;

เทวานํ ตาวตึสานํ, อุปปนฺนา สหพฺยตํ.

๒๙๕.

‘‘เตน เมตาทิโส วณฺโณ…เป…

วณฺโณ จ เม สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ.

๒๘๙. ตตฺถ อสฺสทฺเธสูติ รตนตฺตยสทฺธาย กมฺมผลสทฺธาย จ อภาเวน อสฺสทฺเธสุ, ถทฺธมจฺฉริยตาย กทริเยสุ สสฺสุอาทีสุ อหํ สทฺธา สีเลน สมฺปนฺนา อโหสินฺติ โยชนา.

๒๙๐-๑. อปูวนฺติ กปลฺลปูวํ. เตติ นิปาตมตฺตํ. สสฺสุยา อาจิกฺขึ คหิตภาวาปนตฺถฺจ อนุโมทนตฺถฺจาติ อธิปฺปาโย.

๒๙๒. อิติสฺสาติ เอตฺถ อสฺสาติ นิปาตมตฺตํ. สมณสฺส ททามหนฺติ อหํ สมณสฺส อปูวํ ททามีติ. ยสฺมา น มํ สมฺปุจฺฉิตุํ อิจฺฉิ, ตสฺมา ตฺวํ วธุ อวินีตาสีติ สสฺสุ ปริภาสีติ โยชนา.

๒๙๓. ปหาสีติ ปหริ. กูฏงฺคจฺฉิ อวธิ มนฺติ เอตฺถ กูฏนฺติ อํสกูฏํ วุตฺตํ ปุริมปทโลเปน, กูฏเมว องฺคนฺติ กูฏงฺคํ, ตํ ฉินฺทตีติ กูฏงฺคจฺฉิ. เอวํ โกธาภิภูตา หุตฺวา มํ อวธิ, มม อํสกูฏํ ฉินฺทิ, เตเนว อุปกฺกเมน มตตฺตา มํ มาเรสีติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘นาสกฺขึ ชีวิตุํ จิร’’นฺติ.

๒๙๔. วิปฺปมุตฺตาติ ตโต ทุกฺขโต สุฏฺุ มุตฺตา. เสสํ วุตฺตนยเมว.

อุฬารวิมานวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. อุจฺฉุทายิกาวิมานวณฺณนา

โอภาสยิตฺวา ปถวึ สเทวกนฺติ อุจฺฉุทายิกาวิมานํ. ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควา ราชคเห วิหรตีติอาทิ สพฺพํ อนนฺตรวิมาเน วุตฺตสทิสํ. อยํ ปน วิเสโส – อิธ อุจฺฉุ ทินฺนา, สสฺสุยา จ ปีเกน ปหฏา, ตงฺขณฺเว มตา ตาวตึเสสุ อุปฺปนฺนา, ตสฺสํเยว รตฺติยํ เถรสฺส อุปฏฺานํ อาคตา, เกวลกปฺปํ คิชฺฌกูฏํ จนฺโท วิย สูริโย วิย จ โอภาเสนฺตี เถรํ วนฺทิตฺวา ปฺชลิกา นมสฺสมานา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. อถ นํ เถโร –

๒๙๖.

‘‘โอภาสยิตฺวา ปถวึ สเทวกํ, อติโรจสิ จนฺทิมสูริยา วิย;

สิริยา จ วณฺเณน ยเสน เตชสา, พฺรหฺมาว เทเว ติทเส สหินฺทเก.

๒๙๗.

‘‘ปุจฺฉามิ ตํ อุปฺปลมาลธารินี, อาเวฬินี กฺจนสนฺนิภตฺตเจ;

อลงฺกเต อุตฺตมวตฺถธารินี, กา ตฺวํ สุเภ เทวเต วนฺทเส มมํ.

๒๙๘.

‘‘กึ ตฺวํ ปุเร กมฺมมกาสิ อตฺตนา, มนุสฺสภูตา ปุริมาย ชาติยา;

ทานํ สุจิณฺณํ อถ สีลสํยมํ, เกนูปปนฺนา สุคตึ ยสสฺสินี;

เทวเต ปุจฺฉิตาจิกฺข, กิสฺส กมฺมสฺสิทํ ผล’’นฺติ. –

อิมาหิ คาถาหิ ปุจฺฉิ.

๒๙๖-๗. ตตฺถ โอภาสยิตฺวา ปถวึ สเทวกนฺติ จนฺทิมสูริยรสฺมิสมฺมิสฺเสหิ สิเนรุปสฺสวินิคฺคเตหิ ปภาวิสเรหิ วิชฺโชตยมานตาย เทเวน อากาเสน สหาติ สเทวกํ อุปคตภูมิภาคภูตํ อิมํ ปถวึ วิชฺโชเตตฺวา, เอโกภาสํ เอกปชฺโชตํ กตฺวาติ อตฺโถ. โอภาสยิตฺวา ปถวึ จนฺทิมสูริยา วิยาติ โยชนา. อติโรจสีติ อติกฺกมิตฺวา โรจสิ. ตํ ปน อติโรจนํ เกน กึ วิย เกน วาติ อาห ‘‘สิริยา’’ติอาทิ. ตตฺถ สิริยาติ โสภคฺคาทิโสภาวิเสเสน. เตชสาติ อตฺตโน อานุภาเวน. อาเวฬินีติ รตนมยปุปฺผาเวฬวตี.

เอวํ เถเรน ปุจฺฉิตา เทวตา อิมาหิ คาถาหิ วิสฺสชฺเชสิ –

๒๙๙.

‘‘อิทานิ ภนฺเต อิมเมว คามํ, ปิณฺฑาย อมฺหากํ ฆรํ อุปาคมิ;

ตโต เต อุจฺฉุสฺส อทาสิ ขณฺฑิกํ, ปสนฺนจิตฺตา อตุลาย ปีติยา.

๓๐๐.

‘‘สสฺสุ จ ปจฺฉา อนุยุฺชเต มมํ, กหํ นุ อุจฺฉุํ วธุเก อวากิริ;

น ฉฑฺฑิตํ โน ปน ขาทิตํ มยา, สนฺตสฺส ภิกฺขุสฺส สยํ อทาสหํ.

๓๐๑.

‘‘ตุยฺหํ นฺวิทํ อิสฺสริยํ อโถ มม, อิติสฺสา สสฺสุ ปริภาสเต มมํ;

ปีํ คเหตฺวา ปหารํ อทาสิ เม, ตโต จุตา กาลกตามฺหิ เทวตา.

๓๐๒.

‘‘ตเทว กมฺมํ กุสลํ กตํ มยา, สุขฺจ กมฺมํ อนุโภมิ อตฺตนา;

เทเวหิ สทฺธึ ปริจารยามหํ, โมทามหํ กามคุเณหิ ปฺจหิ.

๓๐๓.

‘‘ตเทว กมฺมํ กุสลํ กตํ มยา, สุขฺจ กมฺมํ อนุโภมิ อตฺตนา;

เทวินฺทคุตฺตา ติทเสหิ รกฺขิตา, สมปฺปิตา กามคุเณหิ ปฺจหิ.

๓๐๔.

‘‘เอตาทิสํ ปุฺผลํ อนปฺปกํ, มหาวิปากา มม อุจฺฉุทกฺขิณา;

เทเวหิ สทฺธึ ปริจารยามหํ, โมทามหํ กามคุเณหิ ปฺจหิ.

๓๐๕.

‘‘เอตาทิสํ ปุฺผลํ อนปฺปกํ, มหาชุติกา มม อุจฺฉุทกฺขิณา;

เทวินฺทคุตฺตา ติทเสหิ รกฺขิตา, สหสฺสเนตฺโตริว นนฺทเน วเน.

๓๐๖.

‘‘ตุวฺจ ภนฺเต อนุกมฺปกํ วิทุํ, อุเปจฺจ วนฺทึ กุสลฺจ ปุจฺฉิสํ;

ตโต เต อุจฺฉุสฺส อทาสิ ขณฺฑิกํ, ปสนฺนจิตฺตา อตุลาย ปีติยา’’ติ.

๒๙๙. ตตฺถ อิทานีติ อนนฺตราตีตทิวสตฺตา อาห, อธุนาติ อตฺโถ. อิมเมว คามนฺติ อิมสฺมึเยว คาเม, ราชคหํ สนฺธาย วทติ. วุตฺตฺหิ ‘‘คาโมปิ นิคโมปิ นครมฺปิ ‘คาโม’ อิจฺเจว วุจฺจตี’’ติ. ภุมฺมตฺเถ เจตํ อุปโยควจนํ. อุปาคมีติ อุปคโต อโหสิ. อตุลายาติ อนุปมาย, อปฺปมาณาย วา.

๓๐๐. อวากิรีติ อปเนสิ ฉฑฺเฑสิ, วินาเสสิ วา. สนฺตสฺสาติ สาธุรูปสฺส สนฺตกิเลสสฺส ปริสฺสมมปฺปตฺตสฺส วา.

๓๐๑. ตุยฺหํ นูติ นุ-สทฺโท อนตฺตมนตาสูจเน นิปาโต, โส ‘‘มมา’’ติ เอตฺถาปิ อาเนตฺวา โยเชตพฺโพ ‘‘มม นู’’ติ. อิทํ อิสฺสริยนฺติ เคเห อาธิปจฺจํ สนฺธายาห. ตโต จุตาติ ตโต มนุสฺสโลกโต จุตา. ยสฺมา ิตฏฺานโต อปคตาปิ ‘‘จุตา’’ติ วุจฺจติ, ตสฺมา จุตึ วิเสเสตุํ ‘‘กาลกตา’’ติ วุตฺตํ. กาลกตาปิ จ น ยตฺถ กตฺถจิ นิพฺพตฺตา, อปิจ โข เทวตฺตํ อุปคตาติ ทสฺเสนฺตี อาห ‘‘อมฺหิ เทวตา’’ติ.

๓๐๒. ตเทว กมฺมํ กุสลํ กตํ มยาติ ตเทว อุจฺฉุขณฺฑทานมตฺตํ กุสลํ กมฺมํ กตํ มยา, อฺํ น ชานามีติ อตฺโถ. สุขฺจ กมฺมนฺติ สุขฺจ กมฺมผลํ. กมฺมผลฺหิ อิธ ‘‘กมฺม’’นฺติ วุตฺตํ อุตฺตรปทโลเปน, การโณปจาเรน วา ‘‘กุสลานํ, ภิกฺขเว, ธมฺมานํ สมาทานเหตุ เอวมิทํ ปุฺํ ปวฑฺฒติ (ที. นิ. ๓.๘๐). อนุโภมิ สกํ ปุฺ’’นฺติ (วิ. ว. ๑๓๓) จ อาทีสุ วิย. กมฺมนฺติ วา กรณตฺเถ อุปโยควจนํ, กมฺเมนาติ อตฺโถ. กมฺเม วา ภวํ กมฺมํ ยถา กมฺมนฺติ. อถ วา กาเมตพฺพตาย กมฺมํ. ตฺหิ สุขรชนียภาวโต กามูปสํหิตํ กาเมตพฺพนฺติ กมนียํ. อตฺตนาติ อตฺตนา เอว, สยํวสิตาย เสริภาเวน สยเมวาติ อตฺโถ. ปริจารยามหํ อตฺตานนฺติ ปุริมคาถาย ‘‘อตฺตนา’’ติ วุตฺตํ ปทํ วิภตฺติวิปริณาเมน ‘‘อตฺตาน’’นฺติ โยเชตพฺพํ.

๓๐๓-๕. เทวินฺทคุตฺตาติ เทวินฺเทน สกฺเกน คุตฺตา, เทวินฺโท วิย วา คุตฺตา มหาปริวารตาย. สมปฺปิตาติ สุฏฺุ อปฺปิตา สมนฺนาคตา. มหาวิปากาติ วิปุลผลา. มหาชุติกาติ มหาเตชา, มหานุภาวาติ อตฺโถ.

๓๐๖. ตุวนฺติ ตํ. อนุกมฺปกนฺติ การุณิกํ. วิทุนฺติ สปฺปฺํ, สาวกปารมิยา มตฺถกํ ปตฺตนฺติ อตฺโถ. อุเปจฺจาติ อุปคนฺตฺวา. วนฺทินฺติ ปฺจปติฏฺิเตน อภิวาทยึ. กุสลฺจ อาโรคฺย ปุจฺฉิสํ อปุจฺฉึ, อตุลาย ปีติยา อิทฺจ กุสลํ อนุสฺสรามีติ อธิปฺปาโย. เสสํ เหฏฺา วุตฺตนยเมว.

อุจฺฉุทายิกาวิมานวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. ปลฺลงฺกวิมานวณฺณนา

ปลฺลงฺกเสฏฺเ มณิโสณฺณจิตฺเตติ ปลฺลงฺกวิมานํ. ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน. เตน จ สมเยน สาวตฺถิยํ อฺตรสฺส อุปาสกสฺส ธีตา กุลปเทสาทินา สทิสสฺส ตตฺเถว อฺตรสฺส กุลปุตฺตสฺส ทินฺนา, สา จ โหติ อกฺโกธนา สีลาจารสมฺปนฺนา ปติเทวตา สมาทินฺนปฺจสีลา, อุโปสเถ สกฺกจฺจํ อุโปสถสีลานิ จ รกฺขติ. สา อปรภาเค กาลํ กตฺวา ตาวตึเสสุ อุปฺปชฺชิ. ตํ อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร เหฏฺา วุตฺตนเยเนว คนฺตฺวา –

๓๐๗.

‘‘ปลฺลงฺกเสฏฺเ มณิโสณฺณจิตฺเต, ปุปฺผาภิกิณฺเณ สยเน อุฬาเร;

ตตฺถจฺฉสิ เทวิ มหานุภาเว, อุจฺจาวจา อิทฺธิ วิกุพฺพมานา.

๓๐๘.

‘‘อิมา จ เต อจฺฉราโย สมนฺตโต, นจฺจนฺติ คายนฺติ ปโมทยนฺติ;

เทวิทฺธิปตฺตาสิ มหานุภาเว, มนุสฺสภูตา กิมกาสิ ปุฺํ;

เกนาสิ เอวํ ชลิตานุภาวา, วณฺโณ จ เต สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ. –

คาถาหิ ปุจฺฉิ.

สาปิสฺส อิมาหิ คาถาหิ พฺยากาสิ –

๓๐๙.

‘‘อหํ มนุสฺเสสุ มนุสฺสภูตา, อฑฺเฒ กุเล สุณิสา อโหสึ;

อกฺโกธนา ภตฺตุ วสานุวตฺตินี, อุโปสเถ อปฺปมตฺตา อโหสึ.

๓๑๐.

‘‘มนุสฺสภูตา ทหรา อปาปิกา, ปสนฺนจิตฺตา ปติมาภิราธยึ;

ทิวา จ รตฺโต จ มนาปจารินี, อหํ ปุเร สีลวตี อโหสึ.

๓๑๑.

‘‘ปาณาติปาตา วิรตา อโจริกา, สํสุทฺธกายา สุจิพฺรหฺมจารินี;

อมชฺชปา โน จ มุสา อภาณึ, สิกฺขาปเทสุ ปริปูรการินี.

๓๑๒.

‘‘จาตุทฺทสึ ปฺจทสึ, ยา จ ปกฺขสฺส อฏฺมี;

ปาฏิหาริยปกฺขฺจ, ปสนฺนมานสา อหํ.

๓๑๓.

‘‘อฏฺงฺคุเปตํ อนุธมฺมจารินี, อุโปสถํ ปีติมนา อุปาวสึ;

อิมฺจ อริยํ อฏฺงฺควเรหุเปตํ, สมาทิยิตฺวา กุสลํ สุขุทฺรยํ;

ปติมฺหิ กลฺยาณี วสานุวตฺตินี, อโหสึ ปุพฺเพ สุคตสฺส สาวิกา.

๓๑๔.

‘‘เอตาทิสํ กุสลํ ชีวโลเก, กมฺมํ กริตฺวาน วิเสสภาคินี;

กายสฺส เภทา อภิสมฺปรายํ, เทวิทฺธิปตฺตา สุคติมฺหิ อาคตา.

๓๑๕.

‘‘วิมานปาสาทวเร มโนรเม, ปริวาริตา อจฺฉราสงฺคเณน;

สยํปภา เทวคณา รเมนฺติ มํ, ทีฆายุกึ เทววิมานมาคต’’นฺติ.

๓๐๗. ตตฺถ ปลฺลงฺกเสฏฺเติ ปลฺลงฺกวเร อุตฺตมปลฺลงฺเก. ตํเยวสฺส เสฏฺตํ ทสฺเสตุํ ‘‘มณิโสณฺณจิตฺเต’’ติ วุตฺตํ, วิวิธรตนรํสิชาลสมุชฺชเลหิ มณีหิ เจว สุวณฺเณน จ วิจิตฺเต ‘‘ตตฺถา’’ติ ‘‘สยเน’’ติ จ วุตฺเต สยิตพฺพฏฺานภูเต ปลฺลงฺกเสฏฺเ.

๓๐๘. เตติ ตุยฺหํ สมนฺตโต. ‘‘ปโมทยนฺตี’’ติ ปทํ ปน อเปกฺขิตฺวา ‘‘ต’’นฺติ วิภตฺติ วิปริณาเมตพฺพา. ปโมทยนฺตีติ วา ปโมทนํ กโรนฺติ, ปโมทนํ ตุยฺหํ อุปฺปาเทนฺตีติ อตฺโถ.

๓๑๐. ทหรา อปาปิกาติ ทหราปิ อปาปิกา. ‘‘ทหราสุ ปาปิกา’’ติ วา ปาโ, โสเยวตฺโถ. ‘‘ทหรสฺสาปาปิกา’’ติปิ ปนฺติ, ทหรสฺส สามิกสฺส อปาปิกา, สกฺกจฺจํ อุปฏฺาเนน อนติจริยาย จ ภทฺทิกาติ อตฺโถ. เตน วุตฺตํ ‘‘ปสนฺนจิตฺตา’’ติอาทิ. อภิราธยินฺติ อาราเธสึ. รตฺโตติ รตฺติยํ.

๓๑๑. อโจริกาติ โจริยรหิตา, อทินฺนาทานา ปฏิวิรตาติ อตฺโถ. ‘‘วิรตา จ โจริยา’’ติปิ ปาโ, เถยฺยโต จ วิรตาติ อตฺโถ. สํสุทฺธกายาติ ปริสุทฺธกายกมฺมนฺตตาย สมฺมเทว สุทฺธกายา, ตโต เอว สุจิพฺรหฺมจารินี สามิกโต อฺตฺถ อพฺรหฺมจริยาสมฺภวโต. ตถา หิ วุตฺตํ –

‘‘มยฺจ ภริยา นาติกฺกมาม,

อมฺเหปิ ภริยา นาติกฺกมนฺติ;

อฺตฺร ตาหิ พฺรหฺมจริยํ จราม,

ตสฺมา หิ อมฺหํ ทหรา นิ มิยฺยเร’’ติ. (ชา. ๑.๑๐.๙๗);

อถ วา สุจิพฺรหฺมจารินีติ สุจิโน สุทฺธสฺส พฺรหฺมสฺส เสฏฺสฺส อุโปสถสีลสฺส, มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส วา อนุรูปสฺส ปุพฺพภาคพฺรหฺมจริยสฺส วเสน สุจิพฺรหฺมจารินี.

๓๑๓. อนุธมฺมจารินีติ อริยานํ ธมฺมสฺส อนุธมฺมํ จรณสีลา. อิมฺจ อนนฺตรํ วุตฺตํ นิทฺโทสตาย อริยํ, อฏฺงฺควเรหิ อฏฺหิ อุตฺตมงฺเคหิ อริยตฺตา เอว วา อริยฏฺงฺควเรหิ อุเปตํ อาโรคฺยฏฺเน อนวชฺชฏฺเน จ กุสลํ สุขวิปากตาย สุขานิสํสตาย จ สุขุทฺรยํ อุปาวสินฺติ โยชนา.

๓๑๔. วิเสสภาคินีติ วิเสสสฺส ทิพฺพสฺส สมฺปตฺติภวสฺส ภาคินี. สุคติมฺหิ อาคตาติ สุคตึ อาคตา อุปคตา, สุคติมฺหิ วา สุคติยํ ทิพฺพสมฺปตฺติยํ อาคตา. ‘‘สุคติฺหิ อาคตา’’ติปิ ปาโ. ตตฺถ หีติ นิปาตมตฺตํ, เหตุอตฺโถ วา, ยสฺมา สุคตึ อาคตา, ตสฺมา วิเสสภาคินีติ โยชนา.

๓๑๕. วิมานปาสาทวเรติ วิมาเนสุ อุตฺตมปาสาเท, วิมานสงฺขาเต วา อคฺคปาสาเท, วิมาเน วา วิคตมาเน อปฺปมาเณ มหนฺเต วรปาสาเท ปริวาริตา อจฺฉราสงฺคเณน สยํปภา ปโมทามิ, ‘‘อมฺหี’’ติ วา ปทํ อาเนตฺวา โยเชตพฺพํ. ทีฆายุกินฺติ เหฏฺิเมหิ เทเวหิ ทีฆตรายุกตาย ตตฺรูปปนฺเนหิ อนปฺปายุกตาย จ ทีฆายุกึ มํ ยถาวุตฺตํ เทววิมานมาคตํ อุปคตํ เทวคณา รเมนฺตีติ โยชนา. เสสํ วุตฺตนยเมว.

ปลฺลงฺกวิมานวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. ลตาวิมานวณฺณนา

ลตา จ สชฺชา ปวรา จ เทวตาติ ลตาวิมานํ. ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน. เตน จ สมเยน สาวตฺถิวาสิโน อฺตรสฺส อุปาสกสฺส ธีตา ลตา นาม ปณฺฑิตา พฺยตฺตา เมธาวินี ปติกุลํ คตา ภตฺตุ สสฺสุสสุรานฺจ มนาปจารินี ปิยวาทินี ปริชนสฺส สงฺคหกุสลา เคเห กุฏุมฺพภารสฺส นิตฺถรณสมตฺถา อกฺโกธนา สีลาจารสมฺปนฺนา ทานสํวิภาครตา อขณฺฑปฺจสีลา อุโปสถรกฺขเณ จ อปฺปมตฺตา อโหสิ. สา อปรภาเค กาลํ กตฺวา เวสฺสวณสฺส มหาราชสฺส ธีตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ ลตาตฺเวว นาเมน. อฺาปิ ตสฺสา สชฺชา, ปวรา, อจฺจิมตี, สุตาติ จตสฺโส ภคินิโย อเหสุํ. ตา ปฺจปิ สกฺเกน เทวราเชน อาเนตฺวา นาฏกิตฺถิภาเวน ปริจาริกฏฺาเน ปิตา. ลตา ปนสฺส นจฺจคีตาทีสุ เฉกตาย อิฏฺตรา อโหสิ.

ตาสํ เอกโต สมาคนฺตฺวา สุขนิสชฺชาย นิสินฺนานํ สงฺคีตเนปุฺํ ปฏิจฺจ วิวาโท อุปฺปนฺโน. ตา สพฺพาปิ เวสฺสวณสฺส มหาราชสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ปุจฺฉึสุ ‘‘ตาต, กตมา อมฺหากํ นจฺจาทีสุ กุสลา’’ติ? โส เอวมาห ‘‘คจฺฉถ ธีตโร อโนตตฺตทหตีเร เทวสมาคเม สงฺคีตํ ปวตฺเตถ, ตตฺถ โว วิเสโส ปากโฏ ภวิสฺสตี’’ติ. ตา ตถา อกํสุ. ตตฺถ เทวปุตฺตา ลตาย นจฺจมานาย อตฺตโน สภาเวน าตุํ นาสกฺขึสุ, สฺชาตปหาสา อจฺฉริยพฺภุตจิตฺตชาตา นิรนฺตรํ สาธุการํ เทนฺตา อุกฺกุฏฺิสทฺเท เจลุกฺเขเป จ ปวตฺเตนฺตา หิมวนฺตํ กมฺปยมานา วิย มหนฺตํ โกลาหลมกํสุ. อิตราสุ ปน นจฺจนฺตีสุ สิสิรกาเล โกกิลา วิย ตุณฺหีภูตา นิสีทึสุ. เอวํ ตตฺถ สงฺคีเต ลตาย วิเสโส ปากโฏ อโหสิ.

อถ ตาสํ เทวธีตานํ สุตาย เทวธีตาย เอตทโหสิ ‘‘กึ นุ โข กมฺมํ กตฺวา อยํ ลตา อมฺเห อภิภุยฺย ติฏฺติ วณฺเณน เจว ยสสา จ, ยํนูนาหํ ลตาย กตกมฺมํ ปุจฺเฉยฺย’’นฺติ. สา ตํ ปุจฺฉิ. อิตราปิ ตสฺสา เอตมตฺถํ วิสฺสชฺเชสิ. ตยิทํ สพฺพํ เวสฺสวณมหาราชา เทวจาริกวเสน อุปคตสฺส อายสฺมโต มหาโมคฺคลฺลานสฺส อาจิกฺขิ. เถโร ตมตฺถํ ปุจฺฉาย มูลการณโต ปฏฺาย ภควโต อาโรเจนฺโต –

๓๑๖.

‘‘ลตา จ สชฺชา ปวรา จ เทวตา, อจฺจิมตี ราชวรสฺส สิรีมโต;

สุตา จ รฺโ เวสฺสวณสฺส ธีตา, ราชีมตี ธมฺมคุเณหิ โสภถ.

๓๑๗.

‘‘ปฺเจตฺถ นาริโย อาคมํสุ นฺหายิตุํ, สีโตทกํ อุปฺปลินึ สิวํ นทึ;

ตา ตตฺถ นฺหายิตฺวา รเมตฺวา เทวตา, นจฺจิตฺวา คายิตฺวา สุตา ลตํ พฺรวิ.

๓๑๘.

‘‘ปุจฺฉามิ ตํ อุปฺปลมาลธารินิ, อาเวฬินิ กฺจนสนฺนิภตฺตเจ;

ติมิรตมฺพกฺขิ นเภว โสภเน, ทีฆายุกี เกน กโต ยโส ตว.

๓๑๙.

‘‘เกนาสิ ภทฺเท ปติโน ปิยตรา, วิสิฏฺกลฺยาณิตรสฺสุ รูปโต;

ปทกฺขิณา นจฺจนคีตวาทิเต, อาจิกฺข โน ตฺวํ นรนาริปุจฺฉิตา’’ติ. –

สุตาย ปุจฺฉา.

๓๒๐.

‘‘อหํ มนุสฺเสสุ มนุสฺสภูตา, อุฬารโภเค กุเล สุณิสา อโหสึ;

อกฺโกธนา ภตฺตุ วสานุวตฺตินี, อุโปสเถ อปฺปมตฺตา อโหสึ.

๓๒๑.

‘‘มนุสฺสภูตา ทหรา อปาปิกา, ปสนฺนจิตฺตา ปติมาภิราธยึ;

สเทวรํ สสฺสสุรํ สทาสกํ, อภิราธยึ ตมฺหิ กโต ยโส มม.

๓๒๒.

‘‘สาหํ เตน กุสเลน กมฺมุนา, จตุพฺภิ าเนหิ วิเสสมชฺฌคา;

อายุฺจ วณฺณฺจ สุขํ พลฺจ, ขิฑฺฑารตึ ปจฺจนุโภมนปฺปกํ.

๓๒๓.

‘‘สุตํ นุ ตํ ภาสติ ยํ อยํ ลตา, ยํ โน อปุจฺฉิมฺห อกิตฺตยี โน;

ปติโน กิรมฺหากํ วิสิฏฺ นารีนํ, คตี จ ตาสํ ปวรา จ เทวตา.

๓๒๔.

‘‘ปตีสุ ธมฺมํ ปจราม สพฺพา, ปติพฺพตา ยตฺถ ภวนฺติ อิตฺถิโย;

ปตีสุ ธมฺมํ ปจริตฺวา สพฺพา, ลจฺฉามเส ภาสติ ยํ อยํ ลตา.

๓๒๕.

‘‘สีโห ยถา ปพฺพตสานุโคจโร, มหินฺธรํ ปพฺพตมาวสิตฺวา;

ปสยฺห หนฺตฺวา อิตเร จตุปฺปเท, ขุทฺเท มิเค ขาทติ มํสโภชโน.

๓๒๖.

‘‘ตเถว สทฺธา อิธ อริยสาวิกา, ภตฺตารํ นิสฺสาย ปตึ อนุพฺพตา;

โกธํ วธิตฺวา อภิภุยฺย มจฺฉรํ, สคฺคมฺหิ สา โมทติ ธมฺมจารินี’’ติ. –

ลตาย วิสฺสชฺชนนฺติ อาห.

๓๑๖. ตตฺถ ลตา จ สชฺชา ปวรา อจฺจิมตี สุตาติ ตาสํ นามํ. -สทฺโท สมุจฺจยตฺโถ. ราชวรสฺสาติ จตุนฺนํ มหาราชานํ วรสฺส เสฏฺสฺส เทวราชสฺส. สกฺกสฺส ปริจาริกาติ อธิปฺปาโย. รฺโติ มหาราชสฺส. เตนาห ‘‘เวสฺสวณสฺส ธีตา’’ติ, อิทํ ปจฺเจกํ โยเชตพฺพํ, วจนวิปลฺลาโส วา, ธีตโรติ อตฺโถ. ราชติ วิชฺโชตตีติ ราชี, ราชีติ มตา ปฺาตา ราชีมตี, อิทํ ตาสํ สพฺพาสํ วิเสสนํ. นามเมว เอตํ เอกิสฺสา เทวตายาติ เกจิ, เตสํ มเตน ‘‘ปวรา’’ติ สพฺพาสํ วิเสสนเมว. ธมฺมคุเณหีติ ธมฺมิเยหิ ธมฺมโต อนเปเตหิ คุเณหิ, ยถาภุจฺจคุเณหีติ อตฺโถ. โสภถาติ วิโรจถ.

๓๑๗. ปฺเจตฺถ นาริโยติ ปฺจ ยถาวุตฺตนามา เทวธีตโร เอตฺถ อิมสฺมึ หิมวนฺตปเทเส. สีโตทกํ อุปฺปลินึ สิวํ นทินฺติ อโนตตฺตทหโต นิกฺขนฺตนทิมุขํ สนฺธาย วทติ. นจฺจิตฺวา คายิตฺวาติ ปิตุ เวสฺสวณสฺส อาณาย เทวสมาคเม ตาหิ กตสฺส นจฺจคีตสฺส วเสน วุตฺตํ. สุตา ลตํ พฺรวีติ สุตา เทวธีตา ลตํ อตฺตโน ภคินึ กเถสิ. ‘‘สุตา ลตํ พฺรวุ’’นฺติปิ ปนฺติ, สุตา ธีตโร เวสฺสวณสฺส มหาราชสฺส ลตํ กเถสุนฺติ อตฺโถ.

๓๑๘. ติมิรตมฺพกฺขีติ นิจุลเกสรภาสสทิเสหิ ตมฺพราชีหิ สมนฺนาคตกฺขิ. นเภว โสภเนติ นภํ วิย โสภมาเน, สรทสมเย อพฺภมหิกาทิอุปกฺกิเลสวิมุตฺตํ นภํ วิย สุวิสุทฺธงฺคปจฺจงฺคตาย วิราชมาเนติ อตฺโถ. อถ วา นเภวาติ นเภ เอว, สมุจฺจยตฺโถ เอว-สทฺโท, อากาสฏฺวิมาเนสุ หิมวนฺตยุคนฺธราทิภูมิปฏิพทฺธฏฺาเนสุ จาติ สพฺพตฺเถว โสภมาเนติ อตฺโถ. เกน กโตติ เกน กีทิเสน ปุฺเน นิพฺพตฺติโต. ยโสติ ปริวารสมฺปตฺติ กิตฺติสทฺโท จ. กิตฺติสทฺทคฺคหเณน จ กิตฺติสทฺทเหตุภูตา คุณา คยฺหนฺติ.

๓๑๙. ปติโน ปิยตราติ สามิโน ปิยตรา สามิวลฺลภา. เตนสฺสา สุภคตํ ทสฺเสติ. วิสิฏฺกลฺยาณิตรสฺสู รูปโตติ รูปสมฺปตฺติยา วิสิฏฺา อุตฺตมา กลฺยาณิตรา สุนฺทรตรา, อสฺสูติ นิปาตมตฺตํ. ‘‘วิสิฏฺกลฺยาณิตราสิ รูปโต’’ติ จ ปนฺติ. ปทกฺขิณาติ ปกาเรหิ, วิเสเสน วา ทกฺขิณา กุสลา. นจฺจนคีตวาทิเตติ เอตฺถ นจฺจนาติ วิภตฺติโลโป กโต, นจฺเจ จ คีเต จ วาทิเต จาติ อตฺโถ. นรนาริปุจฺฉิตาติ เทวปุตฺเตหิ เทวธีตาหิ จ ‘‘กหํ ลตา, กึ กโรติ ลตา’’ติ รูปทสฺสนตฺถฺเจว สิปฺปทสฺสนตฺถฺจ ปุจฺฉิตา.

๓๒๑. นิจฺจํ กาเยน อสํสฏฺตาย เทโว วิย รเมติ, ทุติโย วโรติ วา เทวโร, ภตฺตุ กนิฏฺภาตา, สห เทวเรนาติ สเทวรํ. สสฺสุ จ สสุโร จ สสุรา, สห สสุเรหีติ สสฺสสุรํ. สห ทาเสหิ ทาสีหิ จาติ สทาสกํ ปติมาภิราธยินฺติ สมฺพนฺโธ. ตมฺหิ กโตติ ตมฺหิ กุเล, กาเล วา สุณิสากาเล กโต ยโส ตนฺนิพฺพตฺตกปุฺสฺส นิพฺพตฺตเนนาติ อธิปฺปาโย. มมาติ อิทํ ‘‘กโต’’ติ ปทํ อเปกฺขิตฺวา ‘‘มยา’’ติ ปริณาเมตพฺพํ.

๓๒๒. จตุพฺภิ าเนหีติ จตูหิ การเณหิ, จตูสุ วา าเนสุ นิมิตฺตภูเตสุ. วิเสสมชฺฌคาติ อฺาหิ อติสยํ อธิคตา. อายุฺจ วณฺณฺจ สุขํ พลฺจาติ ‘‘จตูหิ าเนหี’’ติ วุตฺตานํ สรูปโต ทสฺสนํ. อายุอาทโย เอว หิสฺสา อฺาหิ วิสิฏฺสภาวตาย วิเสสา ตสฺสา ตถา สมฺภาวนาวเสน คเหตพฺพตาย เหตุภาวโต ‘‘าน’’นฺติ จ วุตฺตํ. วิเสสมชฺฌคา. กีทิสํ? อายุฺจ วณฺณฺจ สุขฺจ พลฺจาติ โยชนา.

๓๒๓. สุตํ นุ ตํ ภาสติ ยํ อยํ ลตาติ อยํ ลตา อมฺหากํ เชฏฺภคินี ยํ ภาสติ, ตํ ตุมฺเหหิ สุตํ นุ กึ อสุต’’นฺติ อิตรา ติสฺโส ภคินิโย ปุจฺฉติ. ยํ โนติ ยํ อมฺหากํ สํสยิตํ. โนติ นิปาตมตฺตํ, ปุน โนติ อมฺหากํ, อวธารเณ วา ‘‘น โน สมํ อตฺถี’’ติอาทีสุ (ขุ. ปา. ๖.๓; สุ. นิ. ๒๒๖) วิย, เตน อกิตฺตยิเยว, อวิปรีตํ พฺยากาสิเยวาติ อตฺโถ. ปติโน กิรมฺหากํ วิสิฏฺ นารีนํ, คตี จ ตาสํ ปวรา จ เทวตาติ อนตฺถโต ปาลนโต ปติโน สามิกา นา อมฺหากํ นารีนํ อิตฺถีนํ วิสิฏฺา คติ จ ตาสํ ปฏิสรณฺจ, ตาสํ มาตุคามานํ สรณโต ปวรา อุตฺตมา เทวตา จ สมฺมเทว อาราธิตา สมฺปติ อายติฺจ หิตสุขาวหาติ อตฺโถ.

๓๒๔. ปตีสุ ธมฺมํ ปจราม สพฺพาติ สพฺพาว มยํ ปตีสุ อตฺตโน สามิเกสุ ปุพฺพุฏฺานาทิกํ จริตพฺพธมฺมํ ปจราม. ยตฺถาติ ยํ นิมิตฺตํ, ยสฺมึ วา ปตีสุ จริตพฺพธมฺเม จริยมาเน อิตฺถิโย ปติพฺพตา นาม ภวนฺติ. ลจฺฉามเส ภาสติ ยํ อยํ ลตาติ อยํ ลตา ยํ สมฺปตฺตึ เอตรหิ ลภตีติ ภาสติ, ตํ สมฺปตฺตึ ปตีสุ ธมฺมํ ปจริตฺวาติ ลภิสฺสาม.

๓๒๕. ปพฺพตสานุโคจโรติ ปพฺพตวนสณฺฑจารี. มหินฺธรํ ปพฺพตมาวสิตฺวาติ มหึ ธาเรตีติ มหินฺธรนามกํ ปพฺพตํ อจลํ อาวสิตฺวา อธิวสิตฺวา, ตตฺถ วสนฺโตติ อตฺโถ. ‘‘อาวสิตฺวา’’ติ หิ ปทํ อเปกฺขิตฺวา ภุมฺมตฺเถ เจตํ อุปโยควจนํ. ปสยฺหาติ อภิภวิตฺวา. ขุทฺเทติ พลวเสนนิหีเน ปมาณโต ปน มหนฺเต หตฺถิอาทิเกปิ มิเค โส หนฺติเยว.

๓๒๖. ตเถวาติ คาถาย อยํ อุปมาสํสนฺทเนน สทฺธึ อตฺถโยชนา – ยถา สีโห อตฺตโน นิวาสโคจรฏฺานภูตํ ปพฺพตํ นิสฺสาย วสนฺโต อตฺตโน ยถิจฺฉิตมตฺถํ สาเธติ, เอวเมว สา สทฺธา ปสนฺนา อริยสาวิกา ฆาสจฺฉาทนาทีหิ ภรณโต โปสนโต ภตฺตารํ ปตึ สามิกํ นิสฺสาย วสนฺตี สพฺพตฺถาปิ ปติอนุกูลตาสงฺขาเตน วเตน ตํ อนุพฺพตา ปริชนาทีสุ อุปฺปชฺชนกํ โกธํ วธิตฺวา ปชหิตฺวา ปริคฺคหวตฺถูสุ อุปฺปชฺชนกํ มจฺเฉรํ อภิภุยฺย อภิภวิตฺวา อนุปฺปาเทตฺวา ปติพฺพตาธมฺมสฺส จ อุปาสิกาธมฺมสฺส จ สมฺมเทว จรณโต ธมฺมจารินี สา สคฺคมฺหิ เทวโลเก โมทติ, ปโมทํ อาปชฺชตีติ. เสสํ วุตฺตนยเมว.

ลตาวิมานวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. คุตฺติลวิมานวณฺณนา

สตฺตตนฺตึ สุมธุรนฺติ คุตฺติลวิมานํ. ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควติ ราชคเห วิหรนฺเต อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เหฏฺา วุตฺตนเยเนว เทวจาริกํ จรนฺโต ตาวตึสภวนํ คนฺตฺวา ตตฺถ ปฏิปาฏิยา ิเตสุ ฉตฺตึสาย วิมาเนสุ ฉตฺตึส เทวธีตโร ปจฺเจกํ อจฺฉราสหสฺสปริวารา มหตึ ทิพฺพสมฺปตฺตึ อนุภวนฺติโย ทิสฺวา ตาหิ ปุพฺเพ กตกมฺมํ ‘‘อภิกฺกนฺเตน วณฺเณนา’’ติอาทีหิ ตีหิ คาถาหิ ปฏิปาฏิยา ปุจฺฉิ. ตาปิ ตสฺส ปุจฺฉานนฺตรํ ‘‘วตฺถุตฺตมทายิกา นารี’’ติอาทินา พฺยากรึสุ. อถ เถโร ตโต มนุสฺสโลกํ อาคนฺตฺวา ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสิ. ตํ สุตฺวา ภควา ‘‘โมคฺคลฺลาน, ตา เทวตา น เกวลํ ตยา เอว ปุจฺฉิตา เอวํ พฺยากรึสุ, อถ โข ปุพฺเพ มยาปิ ปุจฺฉิตา เอวเมว พฺยากรึสู’’ติ วตฺวา เถเรน ยาจิโต อตีตํ อตฺตโน คุตฺติลาจริยํ กเถสิ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต คนฺธพฺพกุเล นิพฺพตฺติตฺวา คนฺธพฺพสิปฺเป ปริโยทาตสิปฺปตาย ติมฺพรุนารทสทิโส สพฺพทิสาสุ ปากโฏ ปฺาตา อาจริโย อโหสิ นาเมน คุตฺติโล นาม. โส อนฺเธ ชิณฺเณ มาตาปิตโร โปเสสิ. ตสฺส สิปฺปนิปฺผตฺตึ สุตฺวา อุชฺเชนิวาสี มุสิโล นาม คนฺธพฺโพ อุปคนฺตฺวา ตํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ ิโต ‘‘กสฺมา อาคโตสี’’ติ จ วุตฺเต ‘‘ตุมฺหากํ สนฺติเก สิปฺปํ อุคฺคณฺหิตุ’’นฺติ อาห. คุตฺติลาจริโย ตํ โอโลเกตฺวา ลกฺขณกุสลตาย ‘‘อยํ ปุริโส วิสมชฺฌาสโย กกฺขโฬ ผรุโส อกตฺู ภวิสฺสติ, น สงฺคเหตพฺโพ’’ติ สิปฺปุคฺคหณตฺถํ โอกาสํ นากาสิ. โส ตสฺส มาตาปิตโร ปยิรุปาสิตฺวา เตหิ ยาจาเปสิ. คุตฺติลาจริโย มาตาปิตูหิ นิปฺปีฬิยมาโน ‘‘ครุวจนํ อลงฺฆนีย’’นฺติ ตสฺส สิปฺปํ ปฏฺเปตฺวา วิคตมจฺฉริยตาย การุณิกตาย จ อาจริยมุฏฺึ อกตฺวา อนวเสสโต สิปฺปํ สิกฺขาเปสิ.

โสปิ เมธาวิตาย ปุพฺเพกตปริจยตาย อกุสีตตาย จ น จิรสฺเสว ปริโยทาตสิปฺโป หุตฺวา จินฺเตสิ ‘‘อยํ พาราณสี ชมฺพุทีเป อคฺคนครํ, ยํนูนาหํ อิธ สราชิกาย ปริสาย สิปฺปํ ทสฺเสยฺยํ, เอวาหํ อาจริยโตปิ ชมฺพุทีเป ปากโฏ ปฺาโต ภวิสฺสามี’’ติ. โส อาจริยสฺส อาโรเจสิ ‘‘อหํ รฺโ ปุรโต สิปฺปํ ทสฺเสตุกาโม, ราชานํ มํ ทสฺเสถา’’ติ. มหาสตฺโต ‘‘อยํ มม สนฺติเก อุคฺคหิตสิปฺโป ปติฏฺํ ลภตู’’ติ กรุณายมาโน ตํ รฺโ สนฺติกํ เนตฺวา ‘‘มหาราช อิมสฺส เม อนฺเตวาสิกสฺส วีณาย ปคุณตํ ปสฺสถา’’ติ อาห. ราชา ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา ตสฺส วีณาวาทนํ สุตฺวา ปริตุฏฺโ ตํ คนฺตุกามํ นิวาเรตฺวา ‘‘มเมว สนฺติเก วส, อาจริยสฺส ทินฺนโกฏฺาสโต อุปฑฺฒํ ทสฺสามี’’ติ อาห. มุสิโล ‘‘นาหํ อาจริยโต หายามิ, สมเมว เทถา’’ติ วตฺวา รฺา ‘‘มา เอวํ ภณิ, อาจริโย นาม มหนฺโต, อุปฑฺฒเมว ตุยฺหํ ทสฺสามี’’ติ วุตฺเต ‘‘มม จ อาจริยสฺส จ สิปฺปํ ปสฺสถา’’ติ วตฺวา ราชเคหโต นิกฺขมิตฺวา ‘‘อิโต สตฺตเม ทิวเส มม จ คุตฺติลาจริยสฺส จ ราชงฺคเณ สิปฺปทสฺสนํ ภวิสฺสติ, ตํ ปสฺสิตุกามา ปสฺสนฺตู’’ติ ตตฺถ ตตฺถ อาหิณฺฑนฺโต อุคฺโฆเสสิ.

มหาสตฺโต ตํ สุตฺวา ‘‘อยํ ตรุโณ ถามวา, อหํ ปน ชิณฺโณ ทุพฺพโล, ยทิ ปน เม ปราชโย ภเวยฺย, มตํ เม ชีวิตา เสยฺยํ, ตสฺมา อรฺํ ปวิสิตฺวา อุพฺพนฺธิตฺวา มริสฺสามี’’ติ อรฺํ คโต มรณภยตชฺชิโต ปฏินิวตฺติ. ปุน มริตุกาโม หุตฺวา คนฺตฺวา ปุนปิ มรณภเยน ปฏินิวตฺติ. เอวํ คมนาคมนํ กโรนฺตสฺส ตํ านํ วิคตติณํ อโหสิ. อถ เทวราชา มหาสตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ทิสฺสมานรูโป อากาเส ตฺวา เอวมาห ‘‘อาจริย, กึ กโรสี’’ติ. มหาสตฺโต –

๓๒๗.

‘‘สตฺตตนฺตึ สุมธุรํ, รามเณยฺยํ อวาจยึ;

โส มํ รงฺคมฺหิ อวฺเหติ, สรณํ เม โหหิ โกสิยา’’ติ. –

อตฺตโน จิตฺตทุกฺขํ ปเวเทสิ.

ตสฺสตฺโถ – อหํ เทวราช มุสิลํ นาม อนฺเตวาสิกํ สตฺตนฺนํ ตนฺตีนํ อตฺถิตาย ฉชฺชาทิสตฺตวิธสรทีปนโต จ สตฺตตนฺตึ, ตํ วิสยํ กตฺวา ยถารหํ ทฺวาวีสติยา สุติเภทานํ อหาปนโต สุฏฺุ มธุรนฺติ สุมธุรํ, ยถาธิคตานํ สมปฺาสาย มุจฺฉนานํ ปริพฺยตฺตตาย สรสฺส จ วีณาย จ อฺมฺสํสนฺทเนน สุณนฺตานํ อติวิย มโนรมภาวโต รามเณยฺยํ, สรคตาทิวิภาคโต ฉชฺชาทิจตุพฺพิธํ คนฺธพฺพํ อหาเปตฺวา คนฺธพฺพสิปฺปํ อวาจยินฺติ วาเจสึ อุคฺคณฺหาเปสึ สิกฺขาเปสึ. โส มุสิโล อนฺเตวาสี สมาโน มํ อตฺตโน อาจริยํ รงฺคมฺหิ รงฺคมณฺฑเล อวฺเหติ สารมฺภวเสน อตฺตโน วิเสสํ ทสฺเสตุํ สงฺฆฏฺฏิยติ, ‘‘เอหิ สิปฺปํ ทสฺเสหี’’ติ มํ อาจิกฺขิ, ตสฺส เม ตฺวํ โกสิย เทวราช สรณํ อวสฺสโย โหหีติ.

ตํ สุตฺวา สกฺโก เทวราชา ‘‘มา ภายิ อาจริย, อหํ เต สรณํ ปรายณ’’นฺติ ทสฺเสนฺโต –

๓๒๘.

‘‘อหํ เต สรณํ โหมิ, อหมาจริยปูชโก;

น ตํ ชยิสฺสติ สิสฺโส, สิสฺสมาจริย เชสฺสสี’’ติ. –

อาห. สกฺกสฺส กิร เทวรฺโ ปุริมตฺตภาเว มหาสตฺโต อาจริโย อโหสิ. เตนาห ‘‘อหมาจริยปูชโก’’ติ. อหํ อาจริยานํ ปูชโก, น มุสิโล วิย ยุคคฺคาหี, มาทิเสสุ อนฺเตวาสิเกสุ ิเตสุ ตาทิสสฺส อาจริยสฺส กถํ ปราชโย, ตสฺมา น ตํ ชยิสฺสติ สิสฺโส, อฺทตฺถุ สิสฺสํ มุสิลํ อาจริย ตฺวเมว ชยิสฺสสิ, โส ปน ปราชิโต วินาสํ ปาปุณิสฺสตีติ อธิปฺปาโย. เอวฺจ ปน วตฺวา ‘‘อหํ สตฺตเม ทิวเส สากจฺฉามณฺฑลํ อาคมิสฺสามิ, ตุมฺเห วิสฺสตฺถา วาเทถา’’ติ สมสฺสาเสตฺวา คโต.

สตฺตเม ปน ทิวเส ราชา สปริวาโร ราชสภายํ นิสีทิ. คุตฺติลาจริโย จ มุสิโล จ สิปฺปทสฺสนตฺถํ สชฺชา หุตฺวา อุปสงฺกมิตฺวา ราชานํ วนฺทิตฺวา อตฺตโน อตฺตโน ลทฺธาสเน นิสีทิตฺวา วีณา วาทยึสุ. สกฺโก อาคนฺตฺวา อนฺตลิกฺเข อฏฺาสิ. ตํ มหาสตฺโตว ปสฺสติ, อิตเร ปน น ปสฺสนฺติ. ปริสา ทฺวินฺนมฺปิ วาทเน สมจิตฺตา อโหสิ. สกฺโก คุตฺติลํ ‘‘เอกํ ตนฺตึ ฉินฺทา’’ติ อาห. ฉินฺนายปิ ตนฺติยา วีณา ตเถว มธุรนิคฺโฆสา อโหสิ. เอวํ ‘‘ทุติยํ, ตติยํ, จตุตฺถํ, ปฺจมํ, ฉฏฺํ, สตฺตมํ ฉินฺทา’’ติ อาห, ตาสุ ฉินฺนาสุปิ วีณา มธุรนิคฺโฆสาว อโหสิ. ตํ ทิสฺวา มุสิโล ปราชิตภูตรูโป ปตฺตกฺขนฺโธ อโหสิ, ปริสา หฏฺตุฏฺา เจลุกฺเขเป กโรนฺตี คุตฺติลสฺส สาธุการมทาสิ. ราชา มุสิลํ สภาย นีหราเปสิ, มหาชโน เลฑฺฑุทณฺฑาทีหิ ปหรนฺโต มุสิลํ ตตฺเถว ชีวิตกฺขยํ ปาเปสิ.

สกฺโก เทวานมินฺโท มหาปุริเสน สทฺธึ สมฺโมทนียํ กตฺวา เทวโลกเมว คโต. ตํ เทวตา ‘‘มหาราช, กุหึ คตตฺถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา ‘‘มหาราช, มยํ คุตฺติลาจริยํ ปสฺสิสฺสาม, สาธุ โน ตํ อิธาเนตฺวา ทสฺเสหี’’ติ อาหํสุ. สกฺโก เทวานํ วจนํ สุตฺวา มาตลึ อาณาเปสิ ‘‘คจฺฉ เวชยนฺตรเถน อมฺหากํ คุตฺติลาจริยํ อาเนหิ, เทวตา ตํ ทสฺสนกามา’’ติ, โส ตถา อกาสิ. สกฺโก มหาสตฺเตน สทฺธึ สมฺโมทนียํ กตฺวา เอวมาห ‘‘อาจริย, วีณํ วาทย, เทวตา โสตุกามา’’ติ. ‘‘มยํ สิปฺปูปชีวิโน, เวตเนน วินา สิปฺปํ น ทสฺเสมา’’ติ. ‘‘กีทิสํ ปน เวตนํ อิจฺฉสี’’ติ. ‘‘นาฺเน เม เวตเนน กิจฺจํ อตฺถิ, อิมาสํ ปน เทวตานํ อตฺตนา อตฺตนา ปุพฺเพกตกุสลกถนเมว เม เวตนํ โหตู’’ติ อาห. ตา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉึสุ. อถ มหาสตฺโต ปาเฏกฺกํ ตาหิ ตทา ปฏิลทฺธสมฺปตฺติกิตฺตนมุเขน ตสฺสา เหตุภูตํ ปุริมตฺตภาเว กตํ สุจริตํ อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน วิย ปุจฺฉนฺโต ‘‘อภิกฺกนฺเตน วณฺเณนา’’ติอาทิคาถาหิ ปุจฺฉิ. ตาปิ ‘‘วตฺถุตฺตมทายิกา นารี’’ติอาทินา ยถา เอตรหิ เถรสฺส, เอวเมว ตสฺส พฺยากรึสุ. เตน วุตฺตํ ‘‘โมคฺคลฺลาน ตา เทวตา น เกวลํ ตยา เอว ปุจฺฉิตา เอวํ พฺยากรึสุ, อถ โข ปุพฺเพ มยาปิ ปุจฺฉิตา เอวเมว พฺยากรึสู’’ติ.

ตา กิร อิตฺถิโย กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล มนุสฺสตฺตภาเว ิตา ตํ ตํ ปุฺํ อกํสุ. ตตฺถ เอกา อิตฺถี วตฺถํ อทาสิ, เอกา สุมนมาลํ, เอกา คนฺธํ, เอกา อุฬารานิ ผลานิ, เอกา อุจฺฉุรสํ, เอกา ภควโต เจติเย คนฺธปฺจงฺคุลิกํ อทาสิ, เอกา อุโปสถํ อุปวสิ, เอกา อุปกฏฺาย เวลาย นาวาย ภุฺชนฺตสฺส ภิกฺขุโน อุทกํ อทาสิ, เอกา โกธนานํ สสฺสุสสุรานํ อกฺโกธนา อุปฏฺานํ อกาสิ, เอกา ทาสี หุตฺวา อตนฺทิตาจารา อโหสิ, เอโก ปิณฺฑจาริกสฺส ภิกฺขุโน ขีรภตฺตํ อทาสิ, เอกา ผาณิตํ อทาสิ, เอกา อุจฺฉุขณฺฑํ อทาสิ, เอกา ติมฺพรุสกํ อทาสิ, เอกา กกฺการิกํ อทาสิ, เอกา เอฬาลุกํ อทาสิ, เอกา วลฺลิผลํ อทาสิ, เอกา ผารุสกํ อทาสิ, เอกา องฺคารกปลฺลํ อทาสิ, เอกา สากมุฏฺึ อทาสิ, เอกา ปุปฺผกมุฏฺึ อทาสิ, เอกา มูลกลาปํ อทาสิ, เอกา นิมฺพมุฏฺึ อทาสิ, เอกา กฺชิกํ อทาสิ, เอกา ติลปิฺากํ อทาสิ, เอกา กายพนฺธนํ อทาสิ, เอกา อํสพทฺธกํ อทาสิ, เอกา อาโยคปฏฺฏํ อทาสิ, เอกา วิธูปนํ, เอกา ตาลวณฺฏํ, เอกา โมรหตฺถํ, เอกา ฉตฺตํ, เอกา อุปาหนํ, เอกา ปูวํ, เอกา โมทกํ, เอกา สกฺขลิกํ อทาสิ. ตา เอเกกา อจฺฉราสหสฺสปริวารา ปหติยา เทวิทฺธิยา วิราชมานา ตาวตึสภวเน สกฺกสฺส เทวราชสฺส ปริจาริกา หุตฺวา นิพฺพตฺตา คุตฺติลาจริเยน ปุจฺฉิตา ‘‘วตฺถุตฺตมทายิกา นารี’’ติอาทินา อตฺตนา อตฺตนา กตกุสลํ ปฏิปาฏิยา พฺยากรึสุ.

๓๒๙.

‘‘อภิกฺกนฺเตน วณฺเณน, ยา ตฺวํ ติฏฺสิ เทวเต;

โอภาเสนฺตี ทิสา สพฺพา, โอสธี วิย ตารกา.

๓๓๐.

‘‘เกน เตตาทิโส วณฺโณ, เกน เต อิธ มิชฺฌติ;

อุปฺปชฺชนฺติ จ เต โภคา, เย เกจิ มนโส ปิยา.

๓๓๑.

‘‘ปุจฺฉามิ ตํ เทวิ มหานุภาเว, มนุสฺสภูตา กิมกาสิ ปุฺํ;

เกนาสิ เอวํ ชลิตานุภาวา, วณฺโณ จ เต สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ.

๓๓๒.

‘‘สา เทวตา อตฺตมนา, โมคฺคลฺลาเนน ปุจฺฉิตา;

ปฺหํ ปุฏฺา วิยากาสิ, ยสฺส กมฺมสฺสิทํ ผลํ’’.

๓๓๓.

‘‘วตฺถุตฺตมทายิกา นารี, ปวรา โหติ นเรสุ นารีสุ;

เอวํ ปิยรูปทายิกา มนาปํ, ทิพฺพํ สา ลภเต อุเปจฺจ านํ.

๓๓๔.

‘‘ตสฺสา เม ปสฺส วิมานํ, อจฺฉรา กามวณฺณินีหมสฺมิ;

อจฺฉราสหสฺสสฺสาหํ, ปวรา ปสฺส ปุฺานํ วิปากํ.

๓๓๕.

‘‘เตน เมตาทิโส วณฺโณ, เตน เม อิธ มิชฺฌติ;

อุปฺปชฺชนฺติ จ เม โภคา, เย เกจิ มนโส ปิยา.

๓๓๖.

‘‘อกฺขามิ เต ภิกฺขุ มหานุภาว, มนุสฺสภูตา ยมกาสิ ปุฺํ;

เตนมฺหิ เอวํ ชลิตานุภาวา, วณฺโณ จ เม สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ.

(ยถา จ เอตฺถ, เอวํ อุปริ สพฺพวิมาเนสุ วิตฺถาเรตพฺพํ.)

๓๔๑.

‘‘ปุปฺผุตฺตมทายิกา นารี, ปวรา โหติ นเรสุ นารีสุ…เป….

๓๔๙.

‘‘คนฺธุตฺตมทายิกา นารี, ปวรา โหติ นเรสุ นารีสุ…เป….

๓๕๗.

‘‘ผลุตฺตมทายิกา นารี…เป….

๓๖๕.

‘‘รสุตฺตมทายิกา นารี…เป….

๓๗๓.

‘‘คนฺธปฺจงฺคุลิกํ อหมทาสึ,กสฺสปสฺส ภควโต ถูปมฺหิ…เป….

๓๘๑.

‘‘ภิกฺขู จ อหํ ภิกฺขุนิโย จ, อทฺทสาสึ ปนฺถปฏิปนฺเน;

เตสาหํ ธมฺมํ สุตฺวาน, เอกูโปสถํ อุปวสิสฺสํ.

๓๘๒.

‘‘ตสฺสา เม ปสฺส วิมานํ…เป….

๓๘๙.

‘‘อุทเก ิตา อุทกมทาสึ, ภิกฺขุโน จิตฺเตน วิปฺปสนฺเนน…เป….

๓๙๗.

‘‘สสฺสุฺจาหํ สสุรฺจ, จณฺฑิเก โกธเน จ ผรุเส จ;

อนุสูยิกา อุปฏฺาสึ, อปฺปมตฺตา สเกน สีเลน…เป….

๔๐๕.

‘‘ปรกมฺมกรี อาสึ, อตฺเถนาตนฺทิตา ทาสี;

อกฺโกธนานติมานินี, สํวิภาคินี กกสฺส ภาคสฺส…เป….

๔๑๓.

‘‘ขีโรทนํ อหมทาสึ, ภิกฺขุโน ปิณฺฑาย จรนฺตสฺส;

เอวํ กริตฺวา กมฺมํ, สุคตึ อุปปชฺช โมทามิ…เป….

๔๒๑.

‘‘ผาณิตํ อหมทาสึ…เป….

๔๒๙.

‘‘อุจฺฉุขณฺฑิกํ อหมทาสึ…เป….

๔๓๗.

‘‘ติมฺพรุสกํ อหมทาสึ…เป….

๔๔๕.

‘‘กกฺการิกํ อหมทาสึ…เป….

๔๕๓.

‘‘เอฬาลุกํ อหมทาสึ…เป….

๔๖๑.

‘‘วลฺลิผลํ อหมทาสึ…เป….

๔๖๙.

‘‘ผารุสกํ อหมทาสึ…เป….

๔๗๗.

‘‘หตฺถปฺปตาปกํ อหมทาสึ…เป….

๔๘๕.

‘‘สากมุฏฺึ อหมทาสึ…เป….

๔๙๓.

‘‘ปุปฺผกมุฏฺึ อหมทาสึ…เป….

๕๐๑.

‘‘มูลกํ อหมทาสึ…เป….

๕๐๙. ‘‘นิมฺพมุฏฺึ อหมทาสึ…เป….

๕๑๗. ‘‘อมฺพกฺชิกํ อหมทาสึ…เป….

๕๒๕. ‘‘โทณินิมฺมชฺชนึ อหมทาสึ…เป….

๕๓๓. ‘‘กายพนฺธนํ อหมทาสึ…เป….

๕๔๑. ‘‘อํสพทฺธกํ อหมทาสึ…เป….

๕๔๙. ‘‘อาโยคปฏฺฏํ อหมทาสึ…เป….

๕๕๗. ‘‘วิธูปนํ อหมทาสึ…เป….

๕๖๕. ‘‘ตาลวณฺฏํ อหมทาสึ…เป….

๕๗๓. ‘‘โมรหตฺถํ อหมทาสึ…เป….

๕๘๑. ‘‘ฉตฺตํ อหมทาสึ…เป….

๕๘๙. ‘‘อุปาหนํ อหมทาสึ…เป….

๕๙๗. ‘‘ปูวํ อหมทาสึ…เป….

๖๐๕. ‘‘โมทกํ อหมทาสึ…เป….

๖๑๓. ‘‘สกฺขลิกํ อหมทาสึ, ภิกฺขุโน ปิณฺฑาย จรนฺตสฺส…เป….

๖๑๔.

‘‘ตสฺสา เม ปสฺส วิมานํ, อจฺฉรา กามวณฺณินีหมสฺมึ;

อจฺฉราสหสฺสสฺสาหํ, ปวรา ปสฺส ปุฺานํ วิปากํ.

๖๑๕. ‘‘เตน เมตาทิโส วณฺโณ…เป… วณฺโณ จ เม สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ.

เอวํ มหาสตฺโต ตาหิ เทวตาหิ กตสุจริเต พฺยากเต ตุฏฺมานโส สมฺโมทนํ กโรนฺโต อตฺตโน จ สุจริตจรเณ ยุตฺตปยุตฺตตํ วิวฏฺฏชฺฌาสยตฺจ ปเวเทนฺโต อาห –

๖๑๗.

‘‘สฺวาคตํ วต เม อชฺช, สุปฺปภาตํ สุหุฏฺิตํ;

ยํ อทฺทสามิ เทวตาโย, อจฺฉรา กามวณฺณินิโย.

๖๑๘.

‘‘อิมาสาหํ ธมฺมํ สุตฺวา, กาหามิ กุสลํ พหุํ;

ทาเนน สมจริยาย, สฺเมน ทเมน จ;

สฺวาหํ ตตฺถ คมิสฺสามิ, ยตฺถ คนฺตฺวา น โสจเร’’ติ.

๓๓๓. ตตฺถ วตฺถุตฺตมทายิกาติ วตฺถานํ อุตฺตมํ เสฏฺํ, วตฺเถสุ วา พหูสุ อุจฺจินิตฺวา คหิตํ อุกฺกํสคตํ ปวรํ โกฏิภูตํ วตฺถํ วตฺถุตฺตมํ, ตสฺส ทายิกา. ‘‘ปุปฺผุตฺตมทายิกา’’ติอาทีสุปิ เอเสว นโย. ปิยรูปทายิกาติ ปิยสภาวสฺส ปิยชาติกสฺส จ วตฺถุโน ทายิกา. มนาปนฺติ มนวฑฺฒนกํ. ทิพฺพนฺติ ทิวิ ภวตฺตา ทิพฺพํ. อุเปจฺจาติ อุปคนฺตฺวา เจเตตฺวา, ‘‘เอทิสํ ลเภยฺย’’นฺติ ปกปฺเปตฺวาติ อตฺโถ. านนฺติ วิมานาทิกํ านํ, อิสฺสริยํ วา. ‘‘มนาปา’’ติปิ ปาโ, อฺเสํ มนวฑฺฒนกา หุตฺวาติ อตฺโถ.

๓๓๔. ปสฺส ปุฺานํ วิปากนฺติ วตฺถุตฺตมทานสฺส นาม อิทมีทิสํ ผลํ ปสฺสาติ อตฺตนา ลทฺธสมฺปตฺตึ สมฺภาเวนฺตี วทติ.

๓๔๑. ปุปฺผุตฺตมทายิกาติ รตนตฺตยปูชาวเสน ปุปฺผุตฺตมทายิกา, ตถา คนฺธุตฺตมทายิกาติ ทฏฺพฺพา. ตตฺถ ปุปฺผุตฺตมํ สุมนปุปฺผาทิ, คนฺธุตฺตมํ จนฺทนคนฺธาทิ, ผลุตฺตมํ ปนสผลาทิ, รสุตฺตมํ โครสสปฺปิอาทิ เวทิตพฺพํ.

๓๗๓. คนฺธปฺจงฺคุลิกนฺติ คนฺเธน ปฺจงฺคุลิกทานํ. กสฺสปสฺส ภควโต ถูปมฺหีติ กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธสฺส โยชนิเก กนกถูเป.

๓๘๑. ปนฺถปฏิปนฺเนติ มคฺคํ คจฺฉนฺเต. เอกูโปสถนฺติ เอกทิวสํ อุโปสถวาสํ.

๓๘๙. อุทกมทาสินฺติ มุขวิกฺขาลนตฺถํ ปิวนตฺถฺจ อุทกํ ปานียํ อทาสึ.

๓๙๗. จณฺฑิเกติ จณฺเฑ. อนุสูยิกาติ อุสูยา รหิตา.

๔๐๕. ปรกมฺมกรีติ ปเรสํ เวยฺยาวจฺจการินี. อตฺเถนาติ อตฺถกิจฺเจน. สํวิภาคินี สกสฺส ภาคสฺสาติ อตฺถิกานํ อตฺตนา ปฏิลทฺธภาคสฺส สํวิภชนสีลา.

๔๑๓. ขีโรทนนฺติ ขีรสมฺมิสฺสํ โอทนํ, ขีเรน สทฺธึ โอทนํ วา.

๔๓๗. ติมฺพรุสกนฺติ ติณฺฑุกผลํ. ติปุสสทิสา เอกา วลฺลิชาติ ติมฺพรุสํ, ตสฺส ผลํ ติมฺพรุสกนฺติ วทนฺติ.

๔๔๕. กกฺการิกนฺติ ขุทฺทเกฬาลุกํ, ติปุสนฺติ จ วทนฺติ.

๔๗๗. หตฺถปฺปตาปกนฺติ มนฺทามุขึ.

๕๑๗. อมฺพกฺชิกนฺติ อมฺพิลกฺชิกํ.

๕๒๕. โทณินิมฺมชฺชนินฺติ สเตลํ ติลปิฺากํ.

๕๕๗. วิธูปนนฺติ จตุรสฺสพีชนึ.

๕๖๕. ตาลวณฺฏนฺติ ตาลปตฺเตหิ กตมณฺฑลพีชนึ.

๕๗๓. โมรหตฺถนฺติ มยูรปิฺเฉ หิ กตํ มกสพีชนึ.

๖๑๗. สฺวาคตํ วต เมติ มยฺหํ อิธาคมนํ โสภนํ วต อโห สุนฺทรํ. อชฺช สุปฺปภาตํ สุหุฏฺิตนฺติ อชฺช มยฺหํ รตฺติยา สุฏฺุ ปภาตํ สมฺมเทว วิภายนํ ชาตํ, สยนโต อุฏฺานมฺปิ สุหุฏฺิตํ สุฏฺุ อุฏฺิตํ. กึ การณาติ อาห ‘‘ยํ อทฺทสามิ เทวตาโย’’ติอาทิ.

๖๑๘. ธมฺมํ สุตฺวาติ กมฺมผลสฺส ปจฺจกฺขกรณวเสน ตุมฺเหหิ กตํ กุสลํ ธมฺมํ สุตฺวา. กาหามีติ กริสฺสามิ. สมจริยายาติ กายสมาจาริกสฺส สุจริตสฺส จรเณน. สฺเมนาติ สีลสํวเรน. ทเมนาติ มนจฺฉฏฺานํ อินฺทฺริยานํ ทเมน. อิทานิ ตสฺส กุสลสฺส อตฺตโน โลกสฺส จ วิวฏฺฏูปนิสฺสยตํ ทสฺเสตุํ ‘‘สฺวาหํ ตตฺถ คมิสฺสามิ, ยตฺถ คนฺตฺวา น โสจเร’’ติ วุตฺตํ.

เอวมยํ ยทิปิ วตฺถุตฺตมทายิกาวิมานาทิวเสน ฉตฺตึสวิมานสงฺคหา เทสนา อายสฺมโต มหาโมคฺคลฺลานสฺส วิย คุตฺติลาจริยสฺสาปิ วิภาวนวเสน ปวตฺตาติ ‘‘คุตฺติลวิมาน’’นฺตฺเวว สงฺคหํ อารุฬฺหา, วิมานานิ ปน อิตฺถิปฏิพทฺธานีติ อิตฺถิวิมาเนเยว สงฺคหิตานิ. ตา ปน อิตฺถิโย กสฺสปสฺส ทสพลสฺส กาเล ยถาวุตฺตธมฺมจรเณ อปราปรุปฺปนฺนเจตนาวเสน ทุติยตฺตภาวโต ปฏฺาย เอกํ พุทฺธนฺตรํ เทวโลเก เอว สํสรนฺติโย อมฺหากมฺปิ ภควโต กาเล ตาวตึสภวเนเยว นิพฺพตฺตา, อายสฺมตา มหาโมคฺคลฺลาเนน ปุจฺฉิตา กมฺมสริกฺขตาย คุตฺติลาจริเยน ปุจฺฉิตกาเล วิย พฺยากรึสูติ ทฏฺพฺพา.

คุตฺติลวิมานวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. ททฺทลฺลวิมานวณฺณนา

ททฺทลฺลมานา วณฺเณนาติ ททฺทลฺลวิมานํ. ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน. เตน จ สมเยน นาลกคามเก อายสฺมโต เรวตตฺเถรสฺส อุปฏฺากสฺส อฺตรสฺส กุฏุมฺพิกสฺส ทฺเว ธีตโร อเหสุํ, เอกา ภทฺทา นาม, อิตรา สุภทฺทา นาม. ตาสุ ภทฺทา ปติกุลํ คตา สทฺธา ปสนฺนา พุทฺธิสมฺปนฺนา วฺฌา จ อโหสิ. สา สามิกํ อาห ‘‘มม กนิฏฺา สุภทฺทา นาม อตฺถิ, ตํ อาเนหิ, สจสฺสา ปุตฺโต ภเวยฺย, โส มมปิ ปุตฺโต สิยา, อยฺจ กุลวํโส น นสฺเสยฺยา’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตถา อกาสิ.

อถ ภทฺทา สุภทฺทํ โอวทิ ‘‘สุภทฺเท, ทานสํวิภาครตา ธมฺมจริยาย อปฺปมตฺตา โหหิ, เอวํ เต ทิฏฺธมฺมิโก สมฺปรายิโก จ อตฺโถ หตฺถคโต เอว โหตี’’ติ. สา ตสฺสา โอวาเท ตฺวา วุตฺตนเยน ปฏิปชฺชมานา เอกทิวสํ อายสฺมนฺตํ เรวตตฺเถรํ อตฺตฏฺมํ นิมนฺเตสิ. เถโร สุภทฺทาย ปุฺูปจยํ อากงฺขนฺโต สงฺฆุทฺเทสวเสน สตฺต ภิกฺขู คเหตฺวา ตสฺสา เคหํ อคมาสิ. สา ปสนฺนจิตฺตา อายสฺมนฺตํ เรวตตฺเถรํ เต จ ภิกฺขู ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน สหตฺถา สนฺตปฺเปสิ, เถโร อนุโมทนํ กตฺวา ปกฺกามิ. สา อปรภาเค กาลํ กตฺวา นิมฺมานรตีนํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชิ. ภทฺทา ปน ปุคฺคเลสุ ทานานิ ทตฺวา สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส ปริจาริกา หุตฺวา นิพฺพตฺติ.

อถ สุภทฺทา อตฺตโน สมฺปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ‘‘เกน นุ โข อหํ ปุฺเน อิธูปปนฺนา’’ติ อาวชฺเชนฺตี ‘‘ภทฺทาย โอวาเท ตฺวา สงฺฆคตาย ทกฺขิณาย อิมํ สมฺปตฺตึ สมฺปตฺตา, ภทฺทา นุ โข กหํ นิพฺพตฺตา’’ติ โอโลเกนฺตี ตํ สกฺกสฺส ปริจาริกาภาเวน นิพฺพตฺตํ ทิสฺวา อนุกมฺปมานา ตสฺสา วิมานํ ปาวิสิ. อถ นํ ภทฺทา –

๖๑๙.

‘‘ททฺทลฺลมานา วณฺเณน, ยสสา จ ยสสฺสินี;

สพฺเพ เทเว ตาวตึเส, วณฺเณน อติโรจสิ.

๖๒๐.

‘‘ทสฺสนํ นาภิชานามิ, อิทํ ปมทสฺสนํ;

กสฺมา กายา นุ อาคมฺม, นาเมน ภาสเส มม’’นฺติ. –

ทฺวีหิ คาถาหิ ปุจฺฉิ. สาปิ ตสฺสา –

๖๒๑.

‘‘อหํ ภทฺเท สุภทฺทาสึ, ปุพฺเพ มานุสเก ภเว;

สหภริยา จ เต อาสึ, ภคินี จ กนิฏฺิกา.

๖๒๒.

‘‘สา อหํ กายสฺส เภทา, วิปฺปมุตฺตา ตโต จุตา;

นิมฺมานรตีนํ เทวานํ, อุปปนฺนา สหพฺยต’’นฺติ. – ทฺวีหิ คาถาหิ พฺยากาสิ;

๖๑๙-๒๐. ตตฺถ วณฺเณนาติ วณฺณาทิสมฺปตฺติยา. ทสฺสนํ นาภิชานามีติ อิโต ปุพฺเพ ตว ทสฺสนํ นาภิชานามิ, ตฺวํ มยา น ทิฏฺปุพฺพาติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘อิทํ ปมทสฺสน’’นฺติ. กสฺมา กายา นุ อาคมฺม, นาเมน ภาสเส มมนฺติ กตรเทวนิกายโต อาคนฺตฺวา ‘‘ภทฺเท’’ติ นาเมน มํ อาลปสิ.

๖๒๑. อหํ ภทฺเทติ เอตฺถ ภทฺเทติ อาลปนํ. สุภทฺทาสินฺติ อหํ สุภทฺทา นาม ตว ภคินี กนิฏฺิกา อาสึ อโหสึ, ตตฺถ ปุพฺเพ มานุสเก ภเว สหภริยา สมานภริยา เต ตยา เอกสฺเสว ภริยา, ตว ปติโน เอว ภริยา, อาสินฺติ อตฺโถ. ปุน ภทฺทา –

๖๒๓.

‘‘ปหูตกตกลฺยาณา, เต เทเว ยนฺติ ปาณิโน;

เยสํ ตฺวํ กิตฺตยิสฺสสิ, สุภทฺเท ชาติมตฺตโน.

๖๒๔.

‘‘อถ ตฺวํ เกน วณฺเณน, เกน วา อนุสาสิตา;

กีทิเสเนว ทาเนน, สุพฺพเตน ยสสฺสินี.

๖๒๕.

‘‘ยสํ เอตาทิสํ ปตฺตา, วิเสสํ วิปุลมชฺฌคา;

เทวเต ปุจฺฉิตาจิกฺข, กิสฺส กมฺมสฺสิทํ ผล’’นฺติ. –

ตีหิ คาถาหิ ปุจฺฉิ. ปุน สุภทฺทา –

๖๒๖.

‘‘อฏฺเว ปิณฺฑปาตานิ, ยํ ทานํ อททํ ปุเร;

ทกฺขิเณยฺยสฺส สงฺฆสฺส, ปสนฺนา เสหิ ปาณิภิ.

๖๒๗.

‘‘เตน เมตาทิโส วณฺโณ…เป…

วณฺโณ จ เม สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ. –

พฺยากาสิ.

๖๒๓. ตตฺถ ปหูตกตกลฺยาณา เต เทเว ยนฺตีติ ปหูตกตกลฺยาณา มหาปุฺา เต นิมฺมานรติโน เทเว ยนฺติ อุปฺปชฺชนวเสน คจฺฉนฺติ ปาณิโน สตฺตา, เยสํ นิมฺมานรตีนํ เทวานํ อนฺตเร ตฺวํ อตฺตโน ชาตึ กิตฺตยิสฺสสิ กเถสีติ โยชนา.

๖๒๔. เกน วณฺเณนาติ เกน การเณน. กีทิเสเนวาติ เอวสทฺโท สมุจฺจยตฺโถ, กีทิเสน จาติ อตฺโถ, อยเมว วา ปาโ. สุพฺพเตนาติ สุนฺทเรน วเตน, สุวิสุทฺเธน สีเลนาติ อตฺโถ.

๖๒๖. อฏฺเว ปิณฺฑปาตานีติ อฏฺนฺนํ ภิกฺขูนํ ทินฺนปิณฺฑปาเต สนฺธาย วทติ. อททนฺติ อทาสึ.

เอวํ สุภทฺทาย กถิเต ปุน ภทฺทา –

๖๒๙.

‘‘อหํ ตยา พหุตเร ภิกฺขู, สฺเต พฺรหฺมจารโย;

ตปฺเปสึ อนฺนปาเนน, ปสนฺนา เสหิ ปาณิภิ.

๖๓๐.

‘‘ตยา พหุตรํ ทตฺวา, หีนกายูปคา อหํ;

กถํ ตฺวํ อปฺปตรํ ทตฺวา, วิเสสํ วิปุลมชฺฌคา;

เทวเต ปุจฺฉิตาจิกฺข, กิสฺส กมฺมสฺสิทํ ผล’’นฺติ. –

ปุจฺฉิ. ตตฺถ ตยาติ นิสฺสกฺเก กรณวจนํ. ปุน สุภทฺทา –

๖๓๑.

‘‘มโนภาวนีโย ภิกฺขุ, สนฺทิฏฺโ เม ปุเร อหุ;

ตาหํ ภตฺเตน นิมนฺเตสึ, เรวตํ อตฺตนฏฺมํ.

๖๓๒.

‘‘โส เม อตฺถปุเรกฺขาโร, อนุกมฺปาย เรวโต;

สงฺเฆ เทหีติ มํโวจ, ตสฺสาหํ วจนํ กรึ.

๖๓๓.

‘‘สา ทกฺขิณา สงฺฆคตา, อปฺปเมยฺเย ปติฏฺิตา;

ปุคฺคเลสุ ตยา ทินฺนํ, น ตํ ตว มหปฺผล’’นฺติ. –

อตฺตนา กตกมฺมํ กเถสิ.

๖๓๑. ตตฺถ มโนภาวนีโยติ มนวฑฺฒนโก อุฬารคุณตาย สมฺภาวนีโย. สนฺทิฏฺโติ นิมนฺตนวเสน โพธิโต กถิโต. เตนาห ‘‘ตาหํ ภตฺเตน นิมนฺเตสึ, เรวตํ อตฺตนฏฺม’’นฺติ, ตํ มโนภาวนียํ อยฺยํ เรวตํ อตฺตนฏฺมํ ภตฺเตน อหํ นิมนฺเตสึ.

๖๓๒-๓. โส เม อตฺถปุเรกฺขาโรติ โส อยฺโย เรวโต ทานสฺส มหปฺผลภาวกรเณน มม อตฺถปุเรกฺขาโร หิเตสี. สงฺเฆ เทหีติ มํโวจาติ ‘‘ยทิ ตฺวํ สุภทฺเท อฏฺนฺนํ ภิกฺขูนํ ทาตุกามา, ยสฺมา ปุคฺคลคตาย ทกฺขิณาย สงฺฆคตา เอว ทกฺขิณา มหปฺผลตรา, ตสฺมา สงฺเฆ เทหิ, สงฺฆํ อุทฺทิสฺส ทานํ เทหี’’ติ มํ อภาสิ. นฺติ ตํ ทานํ.

เอวํ สุภทฺทาย วุตฺเต ภทฺทา ตมตฺถํ สมฺปฏิจฺฉนฺตี อุตฺตริ จ ตถา ปฏิปชฺชิตุกามา –

๖๓๔.

‘‘อิทาเนวาหํ ชานามิ, สงฺเฆ ทินฺนํ มหปฺผลํ;

สาหํ คนฺตฺวา มนุสฺสตฺตํ, วทฺู วีตมจฺฉรา;

สงฺเฆ ทานานิ ทสฺสามิ, อปฺปมตฺตา ปุนปฺปุน’’นฺติ. –

คาถมาห. สุภทฺทา ปน อตฺตโน เทวโลกเมว คตา. อถ สกฺโก เทวานมินฺโท สพฺเพ เทเว ตาวตึเส อตฺตโน สรีโรภาเสน อภิภุยฺย วิโรจมานํ สุภทฺทํ เทวธีตรํ ทิสฺวา ตฺจ ตาสํ กถาสลฺลาปํ สุตฺวา ตาวเทว จ สุภทฺทาย อนฺตรหิตาย ตํ ‘‘อยํ นามา’’ติ อชานนฺโต –

๖๓๕.

‘‘กา เอสา เทวตา ภทฺเท, ตยา มนฺตยเต สห;

สพฺเพ เทเว ตาวตึเส, วณฺเณน อติโรจตี’’ติ. –

ภทฺทํ ปุจฺฉิ. สาปิสฺส –

๖๓๖.

‘‘มนุสฺสภูตา เทวินฺท, ปุพฺเพ มานุสเก ภเว;

สหภริยา จ เม อาสิ, ภคินี จ กนิฏฺิกา,

สงฺเฆ ทานานิ ทตฺวาน, กตปุฺา วิโรจตี’’ติ. –

กเถสิ. อถ สกฺโก ตสฺสา สงฺฆคตาย ทกฺขิณาย มหปฺผลภาวํ ทสฺเสนฺโต ธมฺมํ กเถสิ. เตน วุตฺตํ –

๖๓๗.

‘‘ธมฺเมน ปุพฺเพ ภคินี, ตยา ภทฺเท วิโรจติ;

ยํ สงฺฆมฺหิ อปฺปเมยฺเย, ปติฏฺาเปสิ ทกฺขิณํ.

๖๓๘.

‘‘ปุจฺฉิโต หิ มยา พุทฺโธ, คิชฺฌกูฏมฺหิ ปพฺพเต;

วิปากํ สํวิภาคสฺส, ยตฺถ ทินฺนํ มหปฺผลํ.

๖๓๙.

‘‘ยชมานานํ มนุสฺสานํ, ปุฺเปกฺขาน ปาณินํ;

กโรตํ โอปธิกํ ปุฺํ, ยตฺถ ทินฺนํ มหปฺผลํ.

๖๔๐.

‘‘ตํ เม พุทฺโธ วิยากาสิ, ชานํ กมฺมผลํ สกํ;

วิปากํ สํวิภาคสฺส, ยตฺถ ทินฺนํ มหปฺผลํ.

๖๔๑.

‘‘จตฺตาโร จ ปฏิปนฺนา, จตฺตาโร จ ผเล ิตา;

เอส สงฺโฆ อุชุภูโต, ปฺาสีลสมาหิโต.

๖๔๒.

‘‘ยชมานานํ มนุสฺสานํ, ปุฺเปกฺขาน ปาณินํ;

กโรตํ โอปธิกํ ปุฺํ, สงฺเฆ ทินฺนํ มหปฺผลํ.

๖๔๓.

‘‘เอโส หิ สงฺโฆ วิปุโล มหคฺคโต, เอสปฺปเมยฺโย อุทธีว สาคโร;

เอเต หิ เสฏฺา นรวีรสาวกา, ปภงฺกรา ธมฺมมุทีรยนฺติ.

๖๔๔.

‘‘เตสํ สุทินฺนํ สุหุตํ สุยิฏฺํ, เย สงฺฆมุทฺทิสฺส ททนฺติ ทานํ;

สา ทกฺขิณา สงฺฆคตา ปติฏฺิตา, มหปฺผลา โลกวิทูน วณฺณิตา.

๖๔๕.

‘‘เอตาทิสํ ยฺมนุสฺสรนฺตา, เย เวทชาตา วิจรนฺติ โลเก;

วิเนยฺย มจฺเฉรมลํ สมูลํ, อนินฺทิตา สคฺคมุเปนฺติ าน’’นฺติ.

๖๓๗. ตตฺถ ธมฺเมนาติ การเณน าเยน วา. ตยาติ นิสฺสกฺเก กรณวจนํ. อิทานิ ตํ ‘‘ธมฺเมนา’’ติ วุตฺตการณํ ทสฺเสตุํ ยํ สงฺฆมฺหิ อปฺปเมยฺเย, ปติฏฺาเปสิ ทกฺขิณ’’นฺติ วุตฺตํ. อปฺปเมยฺเยติ คุณานุภาวสฺส อตฺตนิ กตานํ การานํ ผลวิเสสสฺส จ วเสน ปมินิตุํ อสกฺกุเณยฺเย.

๖๓๘-๙. อยฺจ อตฺโถ ภควโต สมฺมุขา จ สุโต, สมฺมุขา จ ปฏิคฺคหิโตติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปุจฺฉิโต’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ยชมานานนฺติ ททนฺตานํ. ปุฺเปกฺขาน ปาณินนฺติ อนุนาสิกโลปํ กตฺวา นิทฺเทโส, ปุฺผลํ อากงฺขนฺตานํ สตฺตานํ. โอปธิกนฺติ อุปธิ นาม ขนฺธา, อุปธิสฺส กรณสีลํ, อุปธิปโยชนนฺติ วา โอปธิกํ, อตฺตภาวชนกํ ปฏิสนฺธิปวตฺติวิปากทายกํ.

๖๔๐. ชานํ กมฺมผลํ สกนฺติ สตฺตานํ สกํ สกํ ยถาสกํ ปุฺํ ปุฺผลฺจ หตฺถตเล อามลกํ วิย ชานนฺโต. สกนฺติ วา ยการสฺส กการํ กตฺวา วุตฺตํ, สยํ อตฺตนาติ อตฺโถ.

๖๔๑. ปฏิปนฺนาติ ปฏิปชฺชมานา, มคฺคฏฺาติ อตฺโถ. อุชุภูโตติ อุชุปฏิปตฺติยา อุชุภาวํ ปตฺโต ทกฺขิเณยฺโย ชาโต. ปฺาสีลสมาหิโตติ ปฺาย สีเลน จ สมาหิโต, ทิฏฺิสีลสมฺปนฺโน อริยาย ทิฏฺิยา อริเยน สีเลน จ สมนฺนาคโต. เตนาปิสฺส ปรมตฺถสงฺฆภาวเมว วิภาเวติ. ทิฏฺิสีลสามฺเน สงฺฆฏิตตฺตา หิ สงฺโฆ. อถ วา สมาหิตํ สมาธิ, ปฺา สีลํ สมาหิตฺจ อสฺส อตฺถีติ ปฺาสีลสมาหิโต. เตนสฺส สีลาทิธมฺมกฺขนฺธตฺตยสมฺปนฺนตาย อคฺคทกฺขิเณยฺยภาวํ วิภาเวติ.

๖๔๓. วิปุโล มหคฺคโตติ คุเณหิ มหตฺตํ คโตติ มหคฺคโต, ตโต เอว อตฺตนิ กตานํ การานํ ผลเวปุลฺลเหตุตาย วิปุโล. อุทธีว สาคโรติ ยถา อุทกํ เอตฺถ ธียตีติ ‘‘อุทธี’’ติ ลทฺธนาโม สาคโร, ‘‘เอตฺตกานิ อุทกาฬฺหกานี’’ติอาทินา อุทกโต อปฺปเมยฺโย, เอวเมส คุณโตติ อตฺโถ. เอเต หีติ หิ-สทฺโท อวธารเณ นิปาโต, เอเต เอว เสฏฺาติ อตฺโถ. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, สงฺฆา วา คณา วา, ตถาคตสาวกสงฺโฆ เตสํ อคฺคมกฺขายตี’’ติ (อิติวุ. ๙๐; อ. นิ. ๔.๓๔; ๕.๓๒).

นรวีรสาวกาติ นเรสุ วีริยสมฺปนฺนสฺส นรสฺส สาวกา. ปภงฺกราติ โลกสฺส าณาโลกกรา. ธมฺมมุทีรยนฺตีติ ธมฺมํ อุทฺทิสนฺติ. กถํ? ธมฺมสามินา หิ ธมฺมปชฺโชโต อริยสงฺเฆ ปิโต.

๖๔๔. เย สงฺฆมุทฺทิสฺส ททนฺติ ทานนฺติ เย สตฺตา อริยสงฺฆํ อุทฺทิสฺส สมฺมุติสงฺเฆ อนฺตมโส โคตฺรภุปุคฺคเลสุปิ ทานํ ททนฺติ, ตํ ทานํ สํวิภาควเสน ทินฺนมฺปิ สุทินฺนํ, อาหุนปาหุนวเสน หุตมฺปิ สุหุตํ, มหายาควเสน ยิฏฺมฺปิ สุยิฏฺเมว โหติ. กสฺมา? ยสฺมา สา ทกฺขิณา สงฺฆคตา ปติฏฺิตา มหปฺผลา โลกวิทูน วณฺณิตาติ, โลกวิทูหิ สมฺมาสมฺพุทฺเธหิ ‘‘น ตฺเววาหํ, อานนฺท, เกนจิ ปริยาเยน สงฺฆคตาย ทกฺขิณาย ปาฏิปุคฺคลิกํ ทกฺขิณํ มหปฺผลตรํ วทามิ (ม. นิ. ๓.๓๘๐). ปุฺํ อากงฺขมานานํ, สงฺโฆ เว ยชตํ มุขํ (ม. นิ. ๒.๔๐๐; สุ. นิ. ๕๗๔; มหาว. ๓๐๐). อนุตฺตรํ ปุฺกฺเขตฺตํ โลกสฺสา’’ติ (ม. นิ. ๑.๗๔; สํ. นิ. ๕.๙๙๗) จ อาทินา มหปฺผลตา วณฺณิตา ปสตฺถา โถมิตาติ อตฺโถ.

๖๔๕. อีทิสํ ยฺมนุสฺสรนฺตาติ เอตาทิสํ สงฺฆํ อุทฺทิสฺส อตฺตนา กตํ ทานํ อนุสฺสรนฺตา. เวทชาตาติ ชาตโสมนสฺสา. วิเนยฺย มจฺเฉรมลํ สมูลนฺติ มจฺเฉรเมว จิตฺตสฺส มลินภาวกรณโต มจฺเฉรมลํ, อถ วา มจฺเฉรฺจ อฺํ อิสฺสาโลภโทสาทิมลฺจาติ มจฺเฉรมลํ. ตฺจ อวิชฺชาวิจิกิจฺฉาวิปลฺลาสาทีหิ สห มูเลหีติ สมูลํ วิเนยฺย วินยิตฺวา วิกฺขมฺเภตฺวา อนินฺทิตฺวา สคฺคมุเปนฺติ านนฺติ โยชนา. เสสํ วุตฺตนยเมว.

อิมํ ปน สพฺพํ ปวตฺตึ สกฺโก เทวานมินฺโท ‘‘ททฺทลฺลมานา วณฺเณนา’’ติอาทินา อายสฺมโต มหาโมคฺคลฺลานสฺส อาจิกฺขิ, อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ภควโต อาโรเจสิ, ภควา ตมตฺถํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา สมฺปตฺตปริสาย ธมฺมํ เทเสสิ. สา เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา อโหสิ.

ททฺทลฺลวิมานวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. เปสวตีวิมานวณฺณนา

ผลิกรชตเหมชาลฉนฺนนฺติ เปสวตีวิมานํ. ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน. เตน สมเยน มคเธสุ นาลกคาเม เอกสฺมึ คหปติมหาสารกุเล เปสวตี นาม กุลสุณฺหา อโหสิ. สา กิร กสฺสปสฺส ภควโต โยชนิเก กนกถูเป กยิรมาเน ทาริกา หุตฺวา มาตรา สทฺธึ เจติยฏฺานํ คนฺตฺวา มาตรํ ปุจฺฉิ ‘‘กึ อิเม, อมฺม, กโรนฺตี’’ติ? ‘‘เจติยํ กาตุํ สุวณฺณิฏฺกา กโรนฺตี’’ติ. ตํ สุตฺวา ทาริกา ปสนฺนมานสา มาตรํ อาห – ‘‘อมฺม, มม คีวาย อิทํ โสวณฺณมยํ ขุทฺทกปิฬนฺธนํ อตฺถิ, อิมาหํ เจติยตฺถาย เทมี’’ติ. มาตา ‘‘สาธุ เทหี’’ติ วตฺวา ตํ คีวโต โอมุฺจิตฺวา สุวณฺณการสฺส หตฺเถ อทาสิ ‘‘อิทํ อิมาย ทาริกาย ปริจฺจชิตํ, อิมมฺปิ ปกฺขิปิตฺวา อิฏฺกํ กโรหี’’ติ. สุวณฺณกาโร ตถา อกาสิ. สา ทาริกา อปรภาเค กาลํ กตฺวา เตเนว ปุฺกมฺเมน เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา สุคติยํเยว อปราปรํ สํสรนฺตี อมฺหากํ ภควโต กาเล นาลกคาเม นิพฺพตฺตา อนุกฺกเมน ทฺวาทสวสฺสิกา ชาตา.

สา เอกทิวสํ มาตรา เปสิตํ มูลํ คเหตฺวา เตลตฺถาย อฺตรํ อาปณํ อคมาสิ. ตสฺมิฺจ อาปเณ อฺตโร กุฏุมฺพิยปุตฺโต ปิตรา นิทหิตฺวา ปิตํ พหุํ หิรฺสุวณฺณํ มุตฺตามณิรตนานิ จ คเหตุํ อุทฺธรนฺโต อาปณิโก กมฺมพเลน กถลปาสาณสกฺขรรูเปน อุปฏฺหนฺตานิ ทิสฺวา ตโต เอกเทสํ ‘‘ปุฺวนฺตานํ วเสน หิรฺสุวณฺณาทิ ภวิสฺสตี’’ติ วีมํสิตุํ ราสึ กตฺวา เปสิ. อถ นํ สา ทาริกา ทิสฺวา ‘‘กสฺมา อาปเณ รตนานิ เอวํ ปิตานิ, นนุ นาม สมฺมเทว ปฏิสาเมตพฺพานี’’ติ อาห. อาปณิโก ตํ สุตฺวา ‘‘มหาปุฺา อยํ ทาริกา, อิมิสฺสา วเสน สพฺพมิทํ หิรฺาทิ เอว หุตฺวา อมฺหากํ วินิโยคํ คมิสฺสติ, สงฺคณฺหิสฺสามิ น’’นฺติ จินฺเตตฺวา ตสฺสา มาตุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘อิมํ ทาริกํ มยฺหํ ปุตฺตสฺสตฺถาย เทหี’’ติ วาเรตฺวา พหุธนํ ทตฺวา อาวาหวิวาหํ กตฺวา ตํ อตฺตโน เคหํ อาเนสิ. อถสฺสา สีลาจารํ ตฺวา ภณฺฑาคารํ วิวริตฺวา ‘‘กึ เอตฺถ ปสฺสสี’’ติ วตฺวา ตาย ‘‘หิรฺสุวณฺณมณิเมว ราสิกตํ ปสฺสามี’’ติ วุตฺเต ‘‘เอตานิ อมฺหากํ กมฺมพเลน อนฺตรธายนฺตานิ ตว ปุฺวิเสเสน ปุน วิเสสานิ ชาตานิ, ตสฺมา อิโต ปฏฺาย อิมสฺมึ เคเห สพฺพํ ตฺวํเยว วิจาเรหิ, ตยา ทินฺนเมว มยํ ปริภุฺชิสฺสามา’’ติ วตฺวา ตโต ปภุติ ตํ ‘‘เปสวตี’’ติ โวหรึสุ.

เตน จ สมเยน อายสฺมา ธมฺมเสนาปติ อตฺตโน อายุสงฺขารานํ ปริกฺขีณภาวํ ตฺวา ‘‘มยฺหํ มาตุยา รูปสาริพฺราหฺมณิยา โปสาวนิกมูลํ ทตฺวา ปรินิพฺพายิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปรินิพฺพานํ อนุชานาเปตฺวา สตฺถุ อาณาย มหนฺตํ ปาฏิหาริยํ ทสฺเสตฺวา อเนเกหิ ถุติสหสฺเสหิ ภควนฺตํ โถเมตฺวา ยาว ทสฺสนวิสยาติกฺกมา อภิมุโขว อปกฺกมิตฺวา ปุน วนฺทิตฺวา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต วิหารา นิกฺขมฺม ภิกฺขุสงฺฆสฺส โอวาทํ ทตฺวา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ สมสฺสาเสตฺวา จตสฺโสปิ ปริสา นิวตฺเตตฺวา อนุกฺกเมน นาลกคามํ ปตฺวา มาตรํ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาเปตฺวา ปจฺจูสสมเย ชาโตวรเก ปรินิพฺพายิ. ปรินิพฺพุตสฺส จสฺส สรีรสกฺการกรณวเสน เทวา เจว มนุสฺสา จ สตฺตาหํ วีตินาเมสุํ, อครุจนฺทนาทีหิ หตฺถสตุพฺเพธํ จิตกมกํสุ.

เปสวตีปิ เถรสฺส ปรินิพฺพานํ สุตฺวา ‘‘คนฺตา ปูเชสฺสามี’’ติ สุวณฺณปุปฺเผหิ คนฺธชาเตหิ จ ปูริตานิ จงฺโกฏกานิ คาหาเปตฺวา คนฺตุกามา สสุรํ อาปุจฺฉิตฺวา เตน ‘‘ตฺวํ ครุภารา, ตตฺถ จ มหาชนสมฺมทฺโท, ปุปฺผคนฺธานิ เปเสตฺวา อิเธว โหหี’’ติ วุตฺตาปิ สทฺธาชาตา ‘‘ยทิปิ เม ตตฺถ ชีวิตนฺตราโย สิยา, คนฺตาว ปูชาสกฺการํ กริสฺสามี’’ติ ตํ วจนํ อคฺคเหตฺวา สปริวารา ตตฺถ คนฺตฺวา คนฺธปุปฺผาทีหิ ปูเชตฺวา กตฺชลี อฏฺาสิ. ตสฺมิฺจ สมเย เถรํ ปูเชตุํ อาคตานํ ราชปริสานํ หตฺถี มตฺโต หุตฺวา ตํ ปเทสํ อุปคฺฉิ. ตํ ทิสฺวา มรณภยภีเตสุ มนุสฺเสสุ ปลายนฺเตสุ ชนสมฺมทฺเทน ปติตํ เปสวตึ มหาชโน อกฺกมิตฺวา มาเรสิ. สา ปูชาสกฺการํ กตฺวา เถรคตาย สทฺธาย สมฺปนฺนจิตฺตา เอว กาลํ กตฺวา ตาวตึสภวเน นิพฺพตฺติ, อจฺฉราสหสฺสฺจสฺสา ปริวาโร อโหสิ.

สา ตาวเทว อตฺตโน ทิพฺพสมฺปตฺตึ โอโลเกตฺวา ‘‘กีทิเสน นุ โข ปุฺเน มยา เอสา ลทฺธา’’ติ, ตสฺสา เหตุํ อุปธาเรนฺตี เถรํ อุทฺทิสฺส กตํ ปูชาสกฺการํ ทิสฺวา, รตนตฺตเย อภิปฺปสนฺนมานสา สตฺถารํ วนฺทิตุํ อจฺฉราสหสฺสปริวุตา สฏฺิสกฏภาราลงฺการปฏิมณฺฑิตตฺตภาวา สุมหติยา เทวิทฺธิยา จนฺโท วิย จ สูริโย วิย จ ทส ทิสา โอภาสยมานา สห วิมาเนน อาคนฺตฺวา วิมานโต โอรุยฺห ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา อฺชลึ ปคฺคยฺห อฏฺาสิ. เตน จ สมเยน อายสฺมา วงฺคีโส ภควโต สมีเป นิสินฺโน ภควนฺตํ เอวมาห ‘‘ปฏิภาติ มํ ภควา อิมิสฺสา เทวตาย กตกมฺมํ ปุจฺฉิตุ’’นฺติ. ‘‘ปฏิภาตุ ตํ, วงฺคีสา’’ติ ภควา อโวจ. อถ อายสฺมา วงฺคีโส ตาย เทวตาย กตกมฺมํ ปุจฺฉิตุกาโม ปมํ ตาวสฺสา วิมานํ สํวณฺเณนฺโต อาห –

๖๔๖.

‘‘ผลิกรชตเหมชาลฉนฺนํ, วิวิธจิตฺรตลมทฺทสํ สุรมฺมํ;

พฺยมฺหํ สุนิมฺมิตํ โตรณูปปนฺนํ, รุจกุปกิณฺณมิทํ สุภํ วิมานํ.

๖๔๗.

‘‘ภาติ จ ทส ทิสา นเภว สุริโย, สรเท ตโมนุโท สหสฺสรํสี;

ตถา ตปติ มิทํ ตว วิมานํ, ชลมิว ธูมสิโข นิเส นภคฺเค.

๖๔๘.

‘‘มุสตีว นยนํ สเตรตาว, อากาเส ปิตมิทํ มนุฺํ;

วีณามุรชสมฺมตาฬฆุฏฺํ, อิทฺธํ อินฺทปุรํ ยถา ตเวทํ.

๖๔๙.

‘‘ปทุมกุมุทุปฺปลกุวลยํ, โยธิกพนฺธุกโนชกา จ สนฺติ;

สาลกุสุมิตปุปฺผิตา อโสกา, วิวิธทุมคฺคสุคนฺธเสวิตมิทํ.

๖๕๐.

‘‘สฬลลพุชภุชกสํยุตฺตา, กุสกสุผุลฺลิตลตาวลมฺพินีหิ;

มณิชาลสทิสา ยสสฺสินี, รมฺมา โปกฺขรณี อุปฏฺิตา เต.

๖๕๑.

‘‘อุทกรุหา จ เยตฺถิ ปุปฺผชาตา, ถลชา เย จ สนฺติ รุกฺขชาตา;

มานุสกามานุสฺสกา จ ทิพฺพา, สพฺเพ ตุยฺหํ นิเวสนมฺหิ ชาตา.

๖๕๒.

‘‘กิสฺส สํยมทมสฺสยํ วิปาโก, เกนาสิ กมฺมผเลนิธูปปนฺนา;

ยถา จ เต อธิคตมิทํ วิมานํ, ตทนุปทํ อวจาสิฬารปมฺเห’’ติ.

๖๔๖. ตตฺถ ผลิกรชตเหมชาลฉนฺนนฺติ ผลิกมณีหิ รชตเหมชาเลหิ จ ฉาทิตํ, ผลิกมณิมยาหิ ภิตฺตีหิ รชตเหมมเยหิ ชาเลหิ จ สมนฺตโต เหฏฺา จ อุปริ จ ฉาทิตํ, วิวิธวณฺณานํ วิจิตฺตสนฺนิเวสานฺจ ตลานํ ภูมีนํ วเสน วิวิธจิตฺรตลํ อทฺทสํ ปสฺสึ. สุรมฺมนฺติ สุฏฺุ รมณียํ. วิหริตุกามา วสนฺติ เอตฺถาติ พฺยมฺหํ, ภวนํ. โตรณูปปนฺนนฺติ วิวิธมาลากมฺมาทิวิจิตฺเตน สตฺตรตนมเยน โตรเณน อุเปตํ. โตรณนฺติ วา ทฺวารโกฏฺกปาสาทสฺส นามํ, เตน จ อเนกภูมเกน วิจิตฺตากาเรน ตํ วิมานํ อุเปตํ. รุจกุปติณฺณนฺติ สุวณฺณวาลิกาหิ โอกิณฺณงฺคณํ. วาลิกสทิสา หิ สุวณฺณขณฺฑา รุจา นาม, รุจเมว รุจกนฺติ วุตฺตํ. สุภนฺติ โสภติ, สุฏฺุ ภาตีติ วา สุภํ. วิมานนฺติ วิสิฏฺมานํ, ปมาณโต มหนฺตนฺติ อตฺโถ.

๖๔๗. ภาตีติ โชตติ อุชฺชลติ. นเภว สุริโยติ อากาเส อาทิจฺโจ วิย. สรเทติ สรทสมเย. ตโมนุโทติ อนฺธการวิทฺธํสโน. ตถา ตปติ มิทนฺติ ยถา สรทกาเล สหสฺสรํสี สูริโย, ตถา ตปติ ทิพฺพติ อิทํ ตว วิมานํ, ม-กาโร ปทสนฺธิกโร. ชลมิว ธูมสิโขติ ชลนฺโต อคฺคิ วิย. อคฺคิ หิ ตสฺส อคฺคโต ธูโม ปฺายตีติ ‘‘ธูมสิโข ธูมเกตู’’ติ จ วุจฺจติ. นิเสติ นิสติ, รตฺติยนฺติ อตฺโถ. นภคฺเคติ นภโกฏฺาเส, อากาสปเทเสติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘นคคฺเค’’ติ วา ปาโ, ปพฺพตสิขเรติ อตฺโถ. อิทํ ตว วิมานนฺติ โยชนา.

๖๔๘. มุสตีว นยนนฺติ อติวิย อตฺตโน ปภสฺสรตาย ปฏิหนนฺตํ ทสฺสนกิจฺจํ กาตุํ อเทนฺตํ โอโลเกนฺตานํ จกฺขุํ มุสติ วิย. เตนาห ‘‘สเตรตาวา’’ติ, วิชฺชุลตา วิยาติ อตฺโถ. วีณามุรชสมฺมตาฬฆุฏฺนฺติ มหตีอาทิวีณานํ เภริอาทิปฏหานํ หตฺถตาฬกํสตาฬานฺจ สทฺเทหิ โฆสิตํ เอกนินฺนาทํ. อิทฺธนฺติ เทวปุตฺเตหิ เทวธีตาหิ ทิพฺพสมฺปตฺติยา จ สมิทฺธํ. อินฺทปุรํ ยถาติ สุทสฺสนนครํ วิย.

๖๔๙. ปทุมานิ จ กุมุทานิ จ อุปฺปลานิ จ กุวลยานิ จ ปทุมกุมุทุปฺปลกุวลยนฺติ เอกตฺตวเสน วุตฺตํ. อตฺถีติ วจนํ ปริณาเมตฺวา โยเชตพฺพํ. ตตฺถ ปทุมคฺคหเณน ปุณฺฑรีกมฺปิ คหิตํ, กุมุทคฺคหเณน เสตรตฺตเภทานิ สพฺพานิ กุมุทานิ, อุปฺปลคฺคหเณน รตฺตอุปฺปลํ สพฺพา วา อุปฺปลชาติ, กุวลยคฺคหเณน นีลุปฺปลเมว คหิตนฺติ เวทิตพฺพํ. โยธิกพนฺธุกโนชกา จ สนฺตีติ จ-กาโร นิปาตมตฺตํ, โยธิกพนฺธุชีวกอโนชกรุกฺขา จ สนฺตีติ อตฺโถ. เกจิ ‘‘อโนชกาปิ สนฺตี’’ติ ปาํ วตฺวา ‘‘อโนชกาปีติ วุตฺตํ โหตี’’ติ อตฺถํ วทนฺติ. สาลกุสุมิตปุปฺผิตา อโสกาติ สาลา กุสุมิตา ปุปฺผิตา อโสกาติ โยเชตพฺพํ. วิวิธทุมคฺคสุคนฺธเสวิตมิทนฺติ นานาวิธานํ อุตฺตมรุกฺขานํ โสภเนหิ คนฺเธหิ เสวิตํ ปริภาวิตํ อิทํ เต วิมานนฺติ อตฺโถ.

๖๕๐. สฬลลพุชภุชกสํยุตฺตาติ ตีเร ิเตหิ สฬเลหิ ลพุเชหิ ภุชกรุกฺเขหิ จ สหิตา. ภุชโก นาม เอโก สุคนฺธรุกฺโข เทวโลเก จ คนฺธมาทเน จ อตฺถิ, อฺตฺถ นตฺถีติ วทนฺติ. กุสกสุผุลฺลิตลตาวลมฺพินีหีติ กุสเกหิ ตาลนาฬิเกราทีหิ ติณชาตีหิ โอลมฺพมานาหิ สนฺตานกวลฺลิอาทีหิ สุฏฺุ กุสุมิตลตาหิ จ สํยุตฺตาติ โยชนา. มณิชาลสทิสาติ มณิชาลสทิสชลา. ‘‘มณิชลสทิสา’’ติปิ ปาฬิ, มณิสทิสชลาติ อตฺโถ. ยสสฺสินีติ เทวตาย อาลปนํ. อุปฏฺิตา เตติ ยถาวุตฺตคุณา รมณียา โปกฺขรณี ตว วิมานสมีเป ิตา.

๖๕๑. อุทกรุหาติ ยถาวุตฺเต ปทุมาทิเก สนฺธาย วทติ. เยตฺถีติ เย อตฺถิ. ถลชาติ โยธิกาทิกา. เย จ สนฺตีติ เย อฺเปิ รุกฺขชาตา ปุปฺผูปคา จ ผลูปคา จ, เตปิ ตว วิมานสมีเป สนฺติเยว.

๖๕๒. กิสฺส สํยมทมสฺสยํ วิปาโกติ กายสํยมาทีสุ กีทิสสฺส สํยมสฺส, อินฺทฺริยทมนาทีสุ กีทิสสฺส ทมสฺส อยํ วิปาโก. เกนาสีติ อฺเมว อุปปตฺตินิพฺพตฺตกํ, อฺํ อุปโภคสุขนิพฺพตฺตกํ โหตีติ ‘‘เกนาสิ กมฺมผเลนิธูปปนฺนา’’ติ วตฺวา ปุน ‘‘ยถา จ เต อธิคตมิทํ วิมาน’’นฺติ อาห. ตตฺถ กมฺมผเลนาติ กมฺมผเลน วิปจฺจิตุํ อารทฺเธนาติ วจนเสโส, อิตฺถมฺภูตลกฺขเณ เจตํ กรณวจนํ. ตทนุปทํ อวจาสีติ ตํ กมฺมํ มยา วุตฺตปทสฺส อนุปทํ อนุรูปปทํ กตฺวา กเถยฺยาสิ. อฬารปมฺเหติ พหลสํหตปขุเม, โคปขุเมติ อธิปฺปาโย.

อถ เทวตา อาห –

๖๕๓.

‘‘ยถา จ เม อธิคตมิทํ วิมานํ, โกฺจมยูรจโกร สงฺฆจริตํ;

ทิพฺยปิลวหํสราชจิณฺณํ, ทิชการณฺฑวโกกิลาภินทิตํ.

๖๕๔.

‘‘นานาสนฺตานกปุปฺผรุกฺขวิวิธา, ปาฏลิชมฺพุอโสกรุกฺขวนฺตํ;

ยถา จ เม อธิคตมิทํ วิมานํ, ตํ เต ปเวทยามิ สุโณหิ ภนฺเต.

๖๕๕.

‘‘มคธวรปุรตฺถิเมน, นาลกคาโม นาม อตฺถิ ภนฺเต;

ตตฺถ อโหสึ ปุเร สุณิสา, เปสวตีติ ตตฺถ ชานึสุ มมํ.

๖๕๖.

‘‘สาหมปจิตตฺถธมฺมกุสลํ, เทวมนุสฺสปูชิตํ มหนฺตํ;

อุปติสฺสํ นิพฺพุตมปฺปเมยฺยํ, มุทิตมนา กุสุเมหิ อพฺภุกิรึ.

๖๕๗.

‘‘ปรมคติคตฺจ ปูชยิตฺวา, อนฺติมเทหธรํ อิสึ อุฬารํ;

ปหาย มานุสกํ สมุสฺสยํ, ติทสคตา อิธ มาวสามิ าน’’นฺติ.

๖๕๓. ตตฺถ โกฺจมยูรจโกรสงฺฆจริตนฺติ สารสสิขณฺฑิกุมฺภการกุกฺกุฏคเณหิ ตตฺถ ตตฺถ วิจริตํ. ทิพฺยปิลวหํสราชจิณฺณนฺติ อุทเก ปิลวิตฺวา วิจรณโต ‘‘ปิลวา’’ติ ลทฺธนาเมหิ อุทกสกุเณหิ หํสราเชหิ จ ตหึ ตหึ วิจริตํ. ทิชการณฺฑวโกกิลาภินทิตนฺติ การณฺฑเวหิ กาทมฺเพหิ โกกิเลหิ อฺเหิ จ ทิเชหิ อภินาทิตํ.

๖๕๔. นานาสนฺตานกปุปฺผรุกฺขวิวิธาติ นานาวิธสาขาปสาขวนฺตา นานาปุปฺผรุกฺขา นานาสนฺตานกปุปฺผรุกฺขา, เตหิ วิวิธํ จิตฺตาการํ วิจิตฺตสนฺนิเวสํ นานาสนฺตานกปุปฺผรุกฺขวิวิธา. ‘‘วิวิธ’’นฺติ หิ วตฺตพฺเพ ‘‘วิวิธา’’ติ วุตฺตํ. สนฺตานกาติ หิ กามวลฺลิโย, นานาวิธปุปฺผรุกฺขา จ วิวิธา เอตฺถ สนฺติ, เตหิ วา วิวิธนฺติ นานาสนฺตานกปุปฺผรุกฺขวิวิธา. ‘‘นานาสนฺตานกปุปฺผรุกฺขวิวิธํ, ปาฏลิชมฺพุอโสกรุกฺขวนฺต’’นฺติ จ เกจิ ปนฺติ. เตหิ ‘‘ปุปฺผรุกฺขา สนฺตี’’ติ ปทํ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. ‘‘ปุปฺผรุกฺขา’’ติ วา อวิภตฺติกนิทฺเทโส, ปุปฺผรกฺขนฺติ วุตฺตํ โหติ.

๖๕๕. มคธวรปุรตฺถิเมนาติ มคธวเร ปุรตฺถิเมน, อภิสมฺโพธิฏฺานตาย อุตฺตเม มคธรฏฺเ ปุรตฺถิมทิสาย. ตตฺถ อโหสึ ปุเร สุณิสาติ ปุพฺเพ อหํ ตสฺมึ นาลกคาเม เอกสฺมึ คหปติกุเล สุณิสา สุณฺหา อโหสึ.

๖๕๖. สาติ สยํ. อตฺเถ จ ธมฺเม จ กุสโลติ อตฺถธมฺมกุสโล, ภควา. อปจิโต อตฺถธมฺมกุสโล เอเตนาติ อปจิตตฺถธมฺมกุสโล, ธมฺมเสนาปติ, ตํ. อปจิตํ วา อปจโย, นิพฺพานํ, ตสฺมึ อวสิฏฺอตฺถธมฺเม จ กุสลํ, อปจิเต วา ปูชนีเย อตฺเถ ธมฺเม นิโรเธ มคฺเค จ กุสลํ. มหนฺเตหิ อุฬาเรหิ สีลกฺขนฺธาทีหิ สมนฺนาคตตฺตา มหนฺตํ. กุสุเมหีติ รตนมเยหิ อิตเรหิ จ กุสุเมหิ.

๖๕๗. ปรมคติคตนฺติ อนุปาทิเสสนิพฺพานํ ปตฺตํ. สมุสฺสยนฺติ สรีรํ. ติทสคตาติ ติทสภวนํ คตา, ตาวตึสํ เทวนิกายํ อุปปนฺนา. อิธาติ อิมสฺมึ เทวโลเก. อาวสามิ านนฺติ อิมํ วิมานํ อธิวสามิ. เสสํ วุตฺตนยเมว.

เอวํ อายสฺมตา วงฺคีเสน เทวตาย จ กถิตกถามคฺคํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา ภควา สมฺปตฺตปริสาย วิตฺถาเรน ธมฺมํ เทเสสิ. สา เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา อโหสีติ.

เปสวตีวิมานวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. มลฺลิกาวิมานวณฺณนา

ปีตวตฺเถ ปีตธเชติ มลฺลิกาวิมานํ. ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนมาทึ กตฺวา ยาว สุภทฺทปริพฺพาชกวินยนา กตพุทฺธกิจฺเจ กุสินารายํ อุปวตฺตเน มลฺลราชูนํ สาลวเน ยมกสาลานมนฺตเร วิสาขปุณฺณมายํ ปจฺจูสเวลายํ อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพุเต ภควติ โลกนาเถ เทวมนุสฺเสหิ ตสฺส สรีรปูชาย กยิรมานาย ตทา กุสินารายํ วสมานา พนฺธุลมลฺลสฺส ภริยา มลฺลราชปุตฺตี มลฺลิกา นาม อุปาสิกา สทฺธา ปสนฺนา วิสาขาย มหาอุปาสิกาย ปสาธนสทิสํ อตฺตโน มหาลตาปสาธนํ คนฺโธทเกน โธวิตฺวา ทุกูลจุมฺพฏเกน มชฺชิตฺวา อฺฺจ พหุํ คนฺธมาลาทึ คเหตฺวา ภควโต สรีรํ ปูเชสิ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถารโต ปน มลฺลิกาวตฺถุ ธมฺมปทวณฺณนายํ อาคตเมว.

สา อปรภาเค กาลํ กตฺวา ตาวตึเสสุ นิพฺพตฺติ, เตน ปูชานุภาเวน อสฺสา อฺเหิ อสาธารณา อุฬารา ทิพฺพสมฺปตฺติ อโหสิ. วตฺถาลงฺการวิมานานิ สตฺตรตนสมุชฺชลานิ วิเสสโต สิงฺคีสุวณฺโณภาสานิ อติวิย ปภสฺสรานิ สพฺพา ทิสา อาสิฺจมานาว สุวณฺณรสธาราปิฺชรา กโรนฺติ. อถายสฺมา นารโท เทวจาริกํ จรนฺโต ตํ ทิสฺวา อุปคฺฉิ. สา ตํ ทิสฺวา วนฺทิตฺวา อฺชลึ ปคฺคยฺห อฏฺาสิ. โส ตํ –

๖๕๘.

‘‘ปีตวตฺเถ ปีตธเช, ปีตาลงฺการภูสิเต;

ปีตนฺตราหิ วคฺคูหิ, อปิฬนฺธาว โสภสิ.

๖๕๙.

‘‘กา กมฺพุกายูรธเร, กฺจนาเวฬภูสิเต;

เหมชาลกสฺฉนฺเน, นานารตนมาลินี.

๖๖๐.

‘‘โสวณฺณมยา โลหิตงฺคมยา จ, มุตฺตามยา เวฬุริยมยา จ;

มสารคลฺลา สหโลหิตงฺคา, ปาเรวตกฺขีหิ มณีหิ จิตฺตตา.

๖๖๑.

‘‘โกจิ โกจิ เอตฺถ มยูรสุสฺสโร, หํสสฺสรฺโ กรวีกสุสฺสโร;

เตสํ สโร สุยฺยติ วคฺคุรูโป, ปฺจงฺคิกํ ตูริยมิวปฺปวาทิตํ.

๖๖๒.

‘‘รโถ จ เต สุโภ วคฺคุ, นานารตนจิตฺติโต;

นานาวณฺณาหิ ธาตูหิ, สุวิภตฺโตว โสภติ.

๖๖๓.

‘‘ตสฺมึ รเถ กฺจนพิมฺพวณฺเณ, ยา ตฺวํ ิตา ภาสสิมํ ปเทสํ;

เทวเต ปุจฺฉิตาจิกฺข, กิสฺส กมฺมสฺสิทํ ผล’’นฺติ. – ปุจฺฉิ;

๖๕๘. ตตฺถ ปีตวตฺเถติ ปริสุทฺธจามีกรปภสฺสรตาย ปีโตภาสนิวาสเน. ปีตธเชติ วิมานทฺวาเร รเถ จ สมุสฺสิตเหมมยวิปุลเกตุภาวโต ปีโตภาสธเช. ปีตาลงฺการภูสิเตติ ปีโตภาเสหิ อาภรเณหิ อลงฺกเต. สติปิ อลงฺการานํ นานาวิธรํสิชาลสมุชฺชลวิวิธรตนวิจิตฺตภาเว ตาทิสสุจริตวิเสสนิพฺพตฺตตาย ปน สุปริสุทฺธจามีกรมรีจิชาลวิชฺโชติตตฺตา วิเสสโต ปีตนิภาสานิ ตสฺสา อาภรณานิ อเหสุํ. ปีตนฺตราหีติ ปีตวณฺเณหิ อุตฺตริเยหิ. ‘‘สนฺตรุตฺตรปรมํ เตน ภิกฺขุนา ตโต จีวรํ สาทิตพฺพ’’นฺติอาทีสุ (ปารา. ๕๒๓-๕๒๔) นิวาสเน อนฺตรสทฺโท อาคโต, อิธ ปน ‘‘อนฺตรสาฏกา’’ติอาทีสุ วิย อุตฺตริเย ทฏฺพฺโพ. อนฺตรา อุตฺตริยํ อุตฺตราสงฺโค อุปสํพฺยานนฺติ ปริยายสทฺทา เอเต. วคฺคูหีติ โสภเนหิ สณฺหมฏฺเหิ. อปิฬนฺธาว โสภสีติ ตฺวํ อิเมหิ อลงฺกาเรหิ อนลงฺกตาปิ อตฺตโน รูปสมฺปตฺติยาว โสภสิ. เต ปน อลงฺการา ตว สรีรํ ปตฺวา โสภนฺติ, ตสฺมา อนลงฺกตาปิ ตฺวํ อลงฺกตสทิสีติ อธิปฺปาโย.

๖๕๙. กา กมฺพุกายูรธเรติ กา ตฺวํ กตรเทวนิกายปริยาปนฺนา สุวณฺณมยปริหารกธเร, สุวณฺณมยเกยูรธเร วา. กมฺพุปริหารกนฺติ จ หตฺถาลงฺการวิเสโส วุจฺจติ, กายูรนฺติ ภุชาลงฺการวิเสโส. อถ วา กมฺพูติ สุวณฺณํ, ตสฺมา กมฺพุกายูรธเร สุวณฺณมยพาหาภรณธเรติ อตฺโถ. กฺจนาเวฬภูสิเตติ กฺจนมยาเวฬปิฬนฺธนภูสิเต. เหมชาลกสฺฉนฺเนติ รตนปริสิพฺพิเตน เหมมเยน ชาลเกน ฉาทิตสรีเร. นานารตนมาลินีติ นกฺขตฺตมาลาย วิย กาฬปกฺขรตฺติยํ สีเส ปฏิมุกฺกาหิ วิวิธาหิ รตนาวลีหิ นานารตนมาลินี กา ตฺวนฺติ ปุจฺฉติ.

๖๖๐. โสวณฺณมยาติอาทิ ยาหิ รตนมาลาหิ สา เทวตา นานารตนมาลินีติ วุตฺตา, ตาสํ ทสฺสนํ. ตตฺถ โสวณฺณมยาติ สิงฺคีสุวณฺณมยา มาลา. โลหิตงฺคมยาติ ปทุมราคาทิรตฺตมณิมยา. มสารคลฺลาติ มสารคลฺลมณิมยา. สหโลหิตงฺคาติ โลหิตงฺคมณิมยาหิ สทฺธึ กพรมณิมยา เจว โลหิตงฺคสงฺขาตรตฺตมณิมยา จาติ อตฺโถ. ปาเรวตกฺขีหิ มณีหิ จิตฺตตาติ ปาเรวตกฺขิสทิเสหิ มณีหิ ยถาวุตฺตมณีหิ จ สงฺขตจิตฺตภาวา อิมา ตว เกสหตฺเถ รตนมาลาติ อธิปฺปาโย.

๖๖๑. โกจิ โกจีติ เอกจฺโจ เอกจฺโจ. เอตฺถาติ เอเตสุ มาลาทาเมสุ. มยูรสุสฺสโรติ มยูโร วิย สุนฺทรนาโท. หํสสฺสรฺโติ หํสสฺสโร อฺโ, หํสสทิสสฺสโร อปโร. กรวีกสุสฺสโรติ กรวีโก วิย โสภนสฺสโร. เตสํ มาลาทามานํ ยถา มยูรสฺสโร, หํสสฺสโร, กรวีกสฺสโร, เอวํ วคฺคุรูโป มธุรากาโร สโร สุยฺยติ. กิมิว? ปฺจงฺคิกํ ตูริยมิวปฺปวาทิตํ. ยถา กุสเลน วาทิเต ปฺจงฺคิเก ตูริเย, เอวํ เตสํ สโร สุยฺยติ, วคฺคุรูโปติ อตฺโถ. ภุมฺมตฺเถ หิ อิทํ อุปโยควจนํ.

๖๖๒. นานาวณฺณาหิ ธาตูหีติ อเนกรูปาหิ อกฺขจกฺกอีสาทิอวยวธาตูหิ. สุวิภตฺโตว โสภตีติ อวยวานํ อฺมฺํ ยุตฺตปฺปมาณตาย วิภตฺติวิภาคสมฺปตฺติยา จ สุวิภตฺโตว หุตฺวา วิราชติ. อถ วา สุวิภตฺโตวาติ เกวลํ กมฺมนิพฺพตฺโตปิ สุสิกฺขิเตน สิปฺปาจริเยน วิภตฺโตว วิรจิโต วิย โสภตีติ อตฺโถ.

๖๖๓. กฺจนพิมฺพวณฺเณติ สาติสยํ ปีโตภาสตาย กฺจนพิมฺพกสทิเส ตสฺมึ รเถ. กฺจนพิมฺพวณฺเณติ วา ตสฺสา เทวตาย อาลปนํ, คนฺโธทเกน โธวิตฺวา ชาติหิงฺคุลกรเสน มชฺชิตฺวา ทุกูลจุมฺพฏเกน มชฺชิตกฺจนปฏิมาสทิเสติ อตฺโถ. ภาสสิมํ ปเทสนฺติ อิมํ สกลมฺปิ ภูมิปเทสํ ภาสยสิ วิชฺโชตยสิ.

เอวํ เถเรน ปุจฺฉิตา สาปิ เทวตา อิมาหิ คาถาหิ พฺยากาสิ –

๖๖๔.

‘‘โสวณฺณชาลํ มณิโสณฺณจิตฺติตํ, มุตฺตาจิตํ เหมชาเลน ฉนฺนํ;

ปรินิพฺพุเต โคตเม อปฺปเมยฺเย, ปสนฺนจิตฺตา อหมาภิโรปยึ.

๖๖๕.

‘‘ตาหํ กมฺมํ กริตฺวาน, กุสลํ พุทฺธวณฺณิตํ;

อเปตโสกา สุขิตา, สมฺปโมทามนามยา’’ติ.

๖๖๔. ตตฺถ โสวณฺณชาลนฺติ สรีรปฺปมาเณน กตํ สุวณฺณมยํ ชาลํ. มณิโสณฺณจิตฺติตนฺติ สีสาทิฏฺาเนสุ สีสูปคคีวูปคาทิอาภรณวเสน นานาวิเธหิ มณีหิ จ สุวณฺเณน จ จิตฺติตํ. มุตฺตาจิตนฺติ อนฺตรนฺตรา อาพทฺธาหิ มุตฺตาวลีหิ อาจิตํ. เหมชาเลน ฉนฺนนฺติ เหมมเยน ปภาชาเลน ฉนฺนํ. ตฺหิ นานาวิเธหิ มณีหิ เจว สุวณฺเณน จ จิตฺติตํ มุตฺตาวลีหิ อาจิตมฺปิ สุปริสุทฺธสฺส รตฺตสุวณฺณสฺเสว เยภุยฺยตาย ทิวากรกิรณสมฺผสฺสโต อติวิย ปภสฺสเรน เหมมเยน ปภาชาเลน สฺฉาทิตํ เอโกภาสํ หุตฺวา กฺจนาทาสํ วิย ติฏฺติ. ปรินิพฺพุเตติ อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพุเต. โคตเมติ ภควนฺตํ โคตฺเตน นิทฺทิสติ. อปฺปเมยฺเยติ คุณานุภาวโต ปมินิตุํ อสกฺกุเณยฺเย. ปสนฺนจิตฺตาติ กมฺมผลวิสยาย พุทฺธารมฺมณาย จ สทฺธาย ปสนฺนมานสา. อภิโรปยินฺติ ปูชาวเสน สรีเร โรเปสึ ปฏิมุฺจึ.

๖๖๕. ตาหนฺติ ตํ อหํ. กุสลนฺติ กุจฺฉิตสลนาทิอตฺเถน กุสลํ. พุทฺธวณฺณิตนฺติ ‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, สตฺตา อปทา วา ทฺวิปทา วา’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๕.๑๓๙; อ. นิ. ๔.๓๔) สมฺมาสมฺพุทฺเธน ปสตฺถํ. อเปตโสกาติ โสกเหตูนํ โภคพฺยสนาทีนํ อภาเวน อปคตโสกา. เตน จิตฺตทุกฺขาภาวมาห. สุขิตาติ สฺชาตสุขา สุขปฺปตฺตา. เอเตน สรีรทุกฺขาภาวํ วทติ. จิตฺตทุกฺขาภาเวน จสฺสา ปโมทาปตฺติ, สรีรทุกฺขาภาเวน อโรคตา. เตนาห ‘‘สมฺปโมทามนามยา’’ติ. เสสํ วุตฺตนยเมว. อยฺจ อตฺโถ ตทา อตฺตนา เทวตาย จ กถิตนิยาเมเนว สงฺคีติกาเล อายสฺมตา นารเทน ธมฺมสงฺคาหกานํ อาโรจิโต, เต จ ตํ ตเถว สงฺคหํ อาโรปยึสูติ.

มลฺลิกาวิมานวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. วิสาลกฺขิวิมานวณฺณนา

กา นาม ตฺวํ วิสาลกฺขีติ วิสาลกฺขิวิมานํ. ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควติ ปรินิพฺพุเต รฺา อชาตสตฺตุนา อตฺตนา ปฏิลทฺธา ภควตา สรีรธาตุโย คเหตฺวา ราชคเห ถูเป จ มเห จ กเต ราชคหวาสินี เอกา มาลาการธีตา สุนนฺทา นาม อุปาสิกา อริยสาวิกา โสตาปนฺนา ปิตุํ เคหโต เปสิตํ พหุํ มาลฺจ คนฺธฺจ เปเสตฺวา เทวสิกํ เจติเย ปูชํ กาเรสิ, อุโปสถทิวเสสุ ปน สยเมว คนฺตฺวา ปูชํ อกาสิ. สา อปรภาเค อฺตเรน โรเคน ผุฏฺา กาลํ กตฺวา สกฺกสฺส เทวรฺโ ปริจาริกา หุตฺวา นิพฺพตฺติ. อเถกทิวสํ สา สกฺเกน เทวานมินฺเทน สห จิตฺตลตาวนํ ปาวิสิ. ตตฺถ จ อฺาสํ เทวตานํ ปภา ปุปฺผาทีนํ ปภาหิ ปฏิหตา หุตฺวา วิจิตฺตวณฺณา โหติ, สุนนฺทาย ปน ปภา ตาหิ อนภิภูตา สภาเวเนว อฏฺาสิ. ตํ ทิสฺวา สกฺโก เทวราชา ตาย กตสุจริตํ าตุกาโม อิมาหิ คาถาหิ ปุจฺฉิ –

๖๖๖.

‘‘กา นาม ตฺวํ วิสาลกฺขิ, รมฺเม จิตฺตลตาวเน;

สมนฺตา อนุปริยาสิ, นารีคณปุรกฺขตา.

๖๖๗.

‘‘ยทา เทวา ตาวตึสา, ปวิสนฺติ อิมํ วนํ;

สโยคฺคา สรถา สพฺเพ, จิตฺรา โหนฺติ อิธาคตา.

๖๖๘.

‘‘ตุยฺหฺจ อิธ ปตฺตาย, อุยฺยาเน วิจรนฺติยา;

กาเย น ทิสฺสตี จิตฺตํ, เกน รูปํ ตเวทิสํ;

เทวเต ปุจฺฉิตาจิกฺข, กิสฺส กมฺมสฺสิทํ ผล’’นฺติ.

๖๖๖. ตตฺถ กา นาม ตฺวนฺติ ปุริมตฺตภาเว กา นาม กีทิสี นาม ตฺวํ, ยตฺถ กเตน สุจริเตน อยํ เต อีทิสี อานุภาวสมฺปตฺติ อโหสีติ อธิปฺปาโย. วิสาลกฺขีติ วิปุลโลจเน.

๖๖๗. ยทาติ ยสฺมึ กาเล. อิมํ วนนฺติ อิมํ จิตฺตลตานามกํ อุปวนํ. จิตฺรา โหนฺตีติ อิมสฺมึ จิตฺตลตาวเน วิจิตฺตปภาสํสคฺเคน อตฺตโน สรีรวตฺถาลงฺการาทีนํ ปกติโอภาสโตปิ วิสิฏฺภาวปฺปตฺติยา วิจิตฺราการา โหนฺติ. อิธาคตาติ อิธ อาคตา สมฺปตฺตา, อิธ วา อาคมนเหตุ.

๖๖๘. อิธ ปตฺตายาติ อิมํ านํ สมฺปตฺตาย อุปคตาย. เกน รูปํ ตเวทิสนฺติ เกน การเณน ตว รูปํ สรีรํ เอทิสํ เอวรูปํ, จิตฺตลตาวนสฺส ปภํ อภิภวนฺตํ ติฏฺตีติ อธิปฺปาโย.

เอวํ สกฺเกน ปุฏฺา สา เทวตา อิมาหิ คาถาหิ พฺยากาสิ –

๖๖๙.

‘‘เยน กมฺเมน เทวินฺท, รูปํ มยฺหํ คตี จ เม;

อิทฺธิ จ อานุภาโว จ, ตํ สุโณหิ ปุรินฺทท.

๖๗๐.

‘‘อหํ ราชคเห รมฺเม, สุนนฺทา นามุปาสิกา;

สทฺธา สีเลน สมฺปนฺนา, สํวิภาครตา สทา.

๖๗๑.

‘‘อจฺฉาทนฺจ ภตฺตฺจ, เสนาสนํ ปทีปิยํ;

อทาสึ อุชุภูเตสุ, วิปฺปสนฺเนน เจตสา.

๖๗๒.

‘‘จาตุทฺทสึ ปฺจทสึ, ยา จ ปกฺขสฺส อฏฺมี;

ปาฏิหาริยปกฺขฺจ, อฏฺงฺคสุสมาคตํ.

๖๗๓.

‘‘อุโปสถํ อุปวสิสฺสํ, สทา สีเลสุ สํวุตา;

สฺมา สํวิภาคา จ, วิมานํ อาวสามหํ.

๖๗๔.

‘‘ปาณาติปาตา วิรตา, มุสาวาทา จ สฺตา;

เถยฺยา จ อติจารา จ, มชฺชปานา จ อารกา.

๖๗๕.

‘‘ปฺจสิกฺขาปเท รตา, อริยสจฺจาน โกวิทา;

อุปาสิกา จกฺขุมโต, โคตมสฺส ยสสฺสิโน.

๖๗๖.

‘‘ตสฺสา เม าติกุลา ทาสี, สทา มาลาภิหารติ;

ตาหํ ภควโต ถูเป, สพฺพเมวาภิโรปยึ.

๖๗๗.

‘‘อุโปสเถ จหํ คนฺตฺวา, มาลาคนฺธวิเลปนํ;

ถูปสฺมึ อภิโรเปสึ, ปสนฺนา เสหิ ปาณิภิ.

๖๗๘.

‘‘เตน กมฺเมน เทวินฺท, รูปํ มยฺหํ คตี จ เม;

อิทฺธิ จ อานุภาโว จ, ยํ มาลํ อภิโรปยึ.

๖๗๙.

‘‘ยฺจ สีลวตี อาสึ, น ตํ ตาว วิปจฺจติ;

อาสา จ ปน เม เทวินฺท, สกทาคามินี สิย’’นฺติ.

๖๖๙. ตตฺถ คตีติ อยํ เทวคติ, นิพฺพตฺติ วา. อิทฺธีติ อยํ เทวิทฺธิ, อธิปฺปายสมิชฺฌนํ วา. อานุภาโวติ ปภาโว. ปุรินฺททาติ สกฺกํ อาลปติ. โส หิ ปุเร ทานํ อทาสีติ ‘‘ปุรินฺทโท’’ติ วุจฺจติ.

๖๗๖. าติกุลาติ ปิตุ เคหํ สนฺธาย วทติ. สทา มาลาภิหารตีติ สทา สพฺพกาลํ ทิวเส ทิวเส าติกุลโต ทาสิยา ปุปฺผํ มยฺหํ อภิหรียติ. สพฺพเมวาภิโรปยินฺติ มยฺหํ ปิฬนฺธนตฺถาย ปิตุเคหโต อาหฏํ มาลํ อฺฺจ คนฺธาทึ สพฺพเมว อตฺตนา อปริภุฺชิตฺวา ภควโต ถูเป ปูชนวเสน อภิโรปยึ ปูชํ กาเรสึ.

๖๗๗-๘. อุโปสเถ จหํ คนฺตฺวาติ อุโปสถทิวเส อหเมว ถูปฏฺานํ คนฺตฺวา. ยํ มาลํ อภิโรปยินฺติ ยํ ตทา ภควโต ถูเป มาลาคนฺธาภิโรปนํ กตํ, เตน กมฺเมนาติ โยชนา.

๖๗๙. น ตํ ตาว วิปจฺจตีติ ยํ สีลวตี อาสึ, ตํ สีลรกฺขณํ ตํ รกฺขิตํ สีลํ ปูชามยปุฺสฺส พลวภาเวน อลทฺโธกาสํ น ตาว วิปจฺจติ, น วิปจฺจิตุํ อารทฺธํ, อปรสฺมึเยว อตฺตภาเว ตสฺส วิปาโกติ อตฺโถ. อาสา จ ปน เม เทวินฺท, สกทาคามินี สิยนฺติ ‘‘กถํ นุ โข อหํ สกทาคามินี ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนา จ เม เทวินฺท, อริยธมฺมวิสยาว, น ภววิเสสวิสยา. สา ปน สปฺปิมณฺฑํ อิจฺฉโต ทธิโต ปจิตํ วิย อนิปฺผาทินีติ ทสฺเสติ. เสสํ วุตฺตนยเมว.

อิมํ ปน อตฺถํ สกฺโก เทวานมินฺโท อตฺตนา จ ตาย เทวธีตาย จ วุตฺตนิยาเมเนว อายสฺมโต วงฺคีสตฺเถรสฺส อาโรเจสิ. อายสฺมา วงฺคีโส สงฺคีติกาเล ธมฺมสงฺคาหกานํ มหาเถรานํ อาโรเจสิ, เต จ ตํ ตเถว สงฺคีตึ อาโรปยึสูติ.

วิสาลกฺขิวิมานวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. ปาริจฺฉตฺตกวิมานวณฺณนา

ปาริจฺฉตฺตเก โกวิฬาเรติ ปาริจฺฉตฺตกวิมานํ. ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน. เตน สมเยน สาวตฺถิวาสี อฺตโร อุปาสโก ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา, สฺวาตนาย นิมนฺเตตฺวา, อตฺตโน เคหทฺวาเร มหนฺตํ มณฺฑปํ สชฺเชตฺวา สาณิปาการํ ปริกฺขิปิตฺวา อุปริ วิตานํ พนฺธิตฺวา ธชปฏากาทโย อุสฺสาเปตฺวา นานาวิราควณฺณานิ วตฺถานิ คนฺธทามมาลาทามานิ จ โอลมฺเพตฺวา สิตฺตสมฺมฏฺเ ปเทเส อาสนานิ ปฺาเปตฺวา ภควโต กาลํ อาโรเจสิ. อถ ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เทววิมานํ วิย อลงฺกตปฏิยตฺตํ มณฺฑปํ ปวิสิตฺวา สหสฺสรํสี วิย อณฺณวกุจฺฉึ โอภาสยมาโน ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ. อุปาสโก คนฺธปุปฺผธูมทีเปหิ ภควนฺตํ ปูเชสิ.

เตน จ สมเยน อฺตรา กฏฺหาริกา อิตฺถี อนฺธวเน สุปุปฺผิตํ อโสกรุกฺขํ ทิสฺวา สปลฺลวงฺกุรานิ ปิณฺฑีกตานิ พหูนิ อโสกปุปฺผานิ คเหตฺวา อาคจฺฉนฺตี, ภควนฺตํ ตตฺถ นิสินฺนํ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺตา อาสนสฺส สมนฺตโต เตหิ ปุปฺเผหิ ปุปฺผสนฺถรํ สนฺถรนฺตี, ภควโต ปูชํ กตฺวา วนฺทิตฺวา ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา นมสฺสมานา อคมาสิ. สา อปเรน สมเยน กาลํ กตฺวา ตาวตึเสสุ นิพฺพตฺติ, อจฺฉราสหสฺสปริวารา เยภุยฺเยน นนฺทนวเน นจฺจนฺตี คายนฺตี ปาริจฺฉตฺตกมาลา คนฺเถนฺตี ปโมทมานา กีฬนฺตี สุขํ อนุภวติ. อถายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เหฏฺา วุตฺตนเยน เทวจาริกํ จรนฺโต ตาวตึสภวนํ คนฺตฺวา ตํ ทิสฺวา ตาย กตกมฺมํ อิมาหิ คาถาหิ ปุจฺฉิ –

๖๘๐.

‘‘ปาริจฺฉตฺตเก โกวิฬาเร, รมณีเย มโนรเม;

ทิพฺพมาลํ คนฺถมานา, คายนฺตี สมฺปโมทสิ.

๖๘๑.

‘‘ตสฺสา เต นจฺจมานาย, องฺคมงฺเคหิ สพฺพโส;

ทิพฺพา สทฺทา นิจฺฉรนฺติ, สวนียา มโนรมา.

๖๘๒.

‘‘ตสฺสา เต นจฺจมานาย, องฺคมงฺเคหิ สพฺพโส;

ทิพฺพา คนฺธา ปวายนฺติ, สุจิคนฺธา มโนรมา.

๖๘๓.

‘‘วิวตฺตมานา กาเยน, ยา เวณีสุ ปิฬนฺธนา;

เตสํ สุยฺยติ นิคฺโฆโส, ตูริเย ปฺจงฺคิเก ยถา.

๖๘๔.

‘‘วฏํสกา วาตธุตา, วาเตน สมฺปกมฺปิตา;

เตสํ สุยฺยติ นิคฺโฆโส, ตูริเย ปฺจงฺคิเก ยถา.

๖๘๕.

‘‘ยาปิ เต สิรสฺมึ มาลา, สุจิคนฺธา มโนรมา;

วาติ คนฺโธ ทิสา สพฺพา, รุกฺโข มฺชูสโก ยถา.

๖๘๖.

‘‘ฆายเส ตํ สุจิคนฺธํ, รูปํ ปสฺสสิ อมานุสํ;

เทวเต ปุจฺฉิตาจิกฺข, กิสฺส กมฺมสฺสิทํ ผล’’นฺติ.

๖๘๐. ตตฺถ ปาริจฺฉตฺตเก โกวิฬาเรติ ปาริจฺฉตฺตกนามเก โกวิฬารปุปฺเผ อาทาย ทิพฺพมาลํ คนฺถมานาติ โยชนา. ยฺหิ โลกิยา ‘‘ปาริชาต’’นฺติ วทนฺติ, ตํ มาคธภาสาย ‘‘ปาริจฺฉตฺตก’’นฺติ วุจฺจติ. โกวิฬาโรติ จ โกวิฬารชาติโก, โส จ มนุสฺสโลเกปิ เทวโลเกปิ โกวิฬาโร, ตสฺสาปิ ชาตีติ วทนฺติ.

๖๘๑. ตสฺสา ปน เทวตาย นจฺจนกาเล องฺคภารวเสน สรีรโต จ ปิฬนฺธนโต จ อติวิย มธุโร สทฺโท นิจฺฉรติ, คนฺโธ สทา สพฺพา ทิสาปิ ผริตฺวา ติฏฺติ. เตนาห ‘‘ตสฺสา เต นจฺจมานายา’’ติอาทิ. ตตฺถ สวนียาติ โสตุํ ยุตฺตา, สวนสฺส วา หิตา, กณฺณสุขาติ อตฺโถ.

๖๘๓. วิวตฺตมานา กาเยนาติ ตว กาเยน สรีเรน ปริวตฺตมาเนน, อิตฺถมฺภูตลกฺขเณ เจตํ กรณวจนํ. ยา เวณีสุ ปิฬนฺธนาติ ยานิ เต เกสเวณีสุ ปิฬนฺธนานิ, วิภตฺติโลโป เจตฺถ ทฏฺพฺโพ, ลิงฺควิปลฺลาโส วา.

๖๘๔. วฏํสกาติ รตนมยา กณฺณิกา วฏํสกาติ อตฺโถ. วาตธุตาติ มนฺเทน มาลุเตน ธูปยมานา. วาเตน สมฺปกมฺปิตาติ วาเตน สมนฺตโต วิเสสโต กมฺปิตา จลิตา. อถ วา วฏํสกา วาตธุตา, วาเตน สมฺปกมฺปิตาติ อวาเตริตาปิ วาเตริตาปิ เย เต วฏํสกา กมฺปิตา, เตสํ สุยฺยติ นิคฺโฆโสติ อตฺถโยชนา.

๖๘๕. วาติ คนฺโธ ทิสา สพฺพาติ ตสฺสา เต สิรสฺมึ ทิพฺพมาลาย คนฺโธ วายติ สพฺพา ทิสา. ยถา กึ? รุกฺโข มฺชูสโก ยถาติ, ยถา นาม มฺชูสโก รุกฺโข สุปุปฺผิโต อตฺตโน คนฺเธน พหูนิ โยชนานิ ผรมาโน สพฺพา ทิสา วายติ, เอวํ ตว สิรสฺมึ ปิฬนฺธนมาลาย คนฺโธติ อตฺโถ. โส กิร รุกฺโข คนฺธมาทเน ปจฺเจกพุทฺธานํ อุโปสถกรณมณฺฑลมาฬกมชฺเฌ ติฏฺติ. ยตฺตกานิ เทวโลเก จ มนุสฺสโลเก จ สุรภิกุสุมานิ, ตานิ ตสฺส สาขคฺเคสุ นิพฺพตฺตนฺติ. เตน โส อติวิย สุคนฺโธ โหติ. เอวํ ตาย เทวตาย ปิฬนฺธนมาลาย คนฺโธติ. เตน วุตฺตํ ‘‘รุกฺโข มฺชูสโก ยถา’’ติ.

๖๘๖. ยทิปิ ตสฺส สคฺคสฺส ฉผสฺสายตนิกภาวโต สพฺพานิปิ ตตฺถ อารมฺมณานิ ปิยรูปานิเยว, คนฺธรูปานํ ปน สวิเสสานํ ตสฺสา เทวตาย ลาภิภาวโต ‘‘ฆายเส ตํ สุจิคนฺธํ, รูปํ ปสฺสสิ อมานุส’’นฺติ วุตฺตํ.

อถ เทวตา ทฺวีหิ คาถาหิ พฺยากาสิ –

๖๘๗.

‘‘ปภสฺสรํ อจฺจิมนฺตํ, วณฺณคนฺเธน สํยุตํ;

อโสกปุปฺผมาลาหํ, พุทฺธสฺส อุปนามยึ.

๖๘๘.

‘‘ตาหํ กมฺมํ กริตฺวาน, กุสลํ พุทฺธวณฺณิตํ;

อเปตโสกา สุขิตา, สมฺปโมทามนามยา’’ติ.

๖๘๗. ตตฺถ สุโธตปวาฬสงฺฆาตสนฺนิภสฺส กิฺชกฺขเกสรสมุทาเยน ภาณุรํสิชาลสฺส วิย อโสกปุปฺผุตฺตมสฺส ตทา อุปฏฺิตตํ สนฺธายาห ‘‘ปภสฺสรํ อจฺจิมนฺต’’นฺติ. เสสํ วุตฺตนยเมว.

อถายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ตาย เทวตาย อตฺตโน สุจริตกมฺเม กถิเต สปริวาราย ตสฺสา ธมฺมํ เทเสตฺวา ตโต มนุสฺสโลกํ อาคนฺตฺวา ภควโต ตํ ปวตฺตึ กเถสิ. ภควา ตํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา สมฺปตฺตมหาชนสฺส ธมฺมํ เทเสสิ, สา เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา อโหสีติ.

ปาริจฺฉตฺตกวิมานวณฺณนา นิฏฺิตา.

อิติ ปรมตฺถทีปนิยา ขุทฺทก-อฏฺกถาย วิมานวตฺถุสฺมึ

ทสวตฺถุปฏิมณฺฑิตสฺส ตติยสฺส ปาริจฺฉตฺตกวคฺคสฺส

อตฺถวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. มฺชิฏฺกวคฺโค

๑. มฺชิฏฺกวิมานวณฺณนา

มฺชิฏฺกวคฺเค มฺชิฏฺเก วิมานสฺมินฺติ มฺชิฏฺกวิมานํ. ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน. ตตฺถ อฺตโร อุปาสโก ภควนฺตํ นิมนฺเตตฺวา อนนฺตรวิมาเน วุตฺตนเยเนว มณฺฑปํ สชฺเชตฺวา ตตฺถ นิสินฺนํ สตฺถารํ ปูเชตฺวา ทานํ เทติ. เตน จ สมเยน อฺตรา กุลทาสี อนฺธวเน สุปุปฺผิตํ สาลรุกฺขํ ทิสฺวา ตตฺถ ปุปฺผานิ คเหตฺวา หีเรหิ อาวุณิตฺวา วฏํสเก กตฺวา ปุน พหูนิ มุตฺตปุปฺผานิ อคฺคปุปฺผานิ จ คเหตฺวา นครํ ปวิฏฺา. ตสฺมึ มณฺฑเป ยุคนฺธรปพฺพตกุจฺฉึ โอภาสยมานํ พาลสูริยํ วิย ฉพฺพณฺณพุทฺธรํสิโย วิสฺสชฺเชตฺวา นิสินฺนํ, ภควนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺตา เตหิ ปุปฺเผหิ ปูเชนฺตี วฏํสกานิ อาสนสฺส สมนฺตโต เปตฺวา อิตรานิ จ ปุปฺผานิ โอกิริตฺวา สกฺกจฺจํ วนฺทิตฺวา ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา อคมาสิ. สา อปรภาเค กาลํ กตฺวา ตาวตึสภวเน นิพฺพตฺติ, ตตฺถ ตสฺสา รตฺตผลิกมยํ วิมานํ, ตสฺส จ ปุรโต สุวณฺณวาลุกาสนฺถตภูมิภาคํ มหนฺตํ สาลวนํ ปาตุรโหสิ. สา ยทา วิมานโต นิกฺขมิตฺวา สาลวนํ ปวิสติ, ตทา สาลสาขา โอนมิตฺวา ตสฺสา อุปริ กุสุมานิ โอกิรนฺติ. ตํ อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เหฏฺา วุตฺตนเยน อุปคนฺตฺวา อิมาหิ คาถาหิ กตกมฺมํ ปุจฺฉิ –

๖๘๙.

‘‘มฺชิฏฺเก วิมานสฺมึ, โสณฺณวาลุกสนฺถเต;

ปฺจงฺคิเกน ตูริเยน, รมสิ สุปฺปวาทิเต.

๖๙๐.

‘‘ตมฺหา วิมานา โอรุยฺห, นิมฺมิตา รตนามยา;

โอคาหสิ สาลวนํ, ปุปฺผิตํ สพฺพกาลิกํ.

๖๙๑.

‘‘ยสฺส ยสฺเสว สาลสฺส, มูเล ติฏฺสิ เทวเต;

โส โส มุฺจติ ปุปฺผานิ, โอนมิตฺวา ทุมุตฺตโม.

๖๙๒.

‘‘วาเตริตํ สาลวนํ, อาธุตํ ทิชเสวิตํ;

วาติ คนฺโธ ทิสา สพฺพา, รุกฺโข มฺชูสโก ยถา.

๖๙๓.

‘‘ฆายเส ตํ สุจิคนฺธํ, รูปํ ปสฺสสิ อมานุสํ;

เทวเต ปุจฺฉิตาจิกฺข, กิสฺส กมฺมสฺสิทํ ผล’’นฺติ.

๖๘๙. ตตฺถ มฺชิฏฺเก วิมานสฺมินฺติ รตฺตผลิกมเย วิมาเน. สินฺทุวารกณวีรมกุลสทิสวณฺณฺหิ ‘‘มฺชิฏฺก’’นฺติ วุจฺจติ. โสณฺณวาลุกสนฺถเตติ สมนฺตโต วิปฺปกิณฺณาหิ สุวณฺณวาลุกาหิ สนฺถตภูมิภาเค. รมสิ สุปฺปวาทิเตติ สุฏฺุ ปวาทิเตน ปฺจงฺคิเกน ตูริเยน อภิรมสิ.

๖๙๐. นิมิตฺตา รตนามยาติ ตว สุจริตสิปฺปินา อภินิมฺมิตา รตนมยา วิมานา. โอคาหสีติ ปวิสสิ. สพฺพกาลิกนฺติ สพฺพกาเล สุขํ สพฺพอุตุสปฺปายํ, สพฺพกาเล ปุปฺผนกํ วา.

๖๙๒. วาเตริตนฺติ ยถา ปุปฺผานิ โอกิรนฺติ, เอวํ วาเตน อีริตํ จลิตํ. อาธุตนฺติ มนฺเทน มาลุเตน สณิกสณิกํ วิธูปยมานํ. ทิชเสวิตนฺติ มยูรโกกิลาทิสกุณสงฺเฆหิ อุปเสวิตํ.

เอวํ เถเรน ปุฏฺา สา เทวตา อิมาหิ คาถาหิ พฺยากาสิ –

๖๙๔.

‘‘อหํ มนุสฺเสสุ มนุสฺสภูตา, ทาสี อยิรกุเล อหุํ;

พุทฺธํ นิสินฺนํ ทิสฺวาน, สาลปุปฺเผหิ โอกิรึ.

๖๙๕.

‘‘วฏํสกฺจ สุกตํ, สาลปุปฺผมยํ อหํ;

พุทฺธสฺส อุปนาเมสึ, ปสนฺนา เสหิ ปาณิภิ.

๖๙๖.

‘‘ตาหํ กมฺมํ กริตฺวาน, กุสลํ พุทฺธวณฺณิตํ;

อเปตโสกา สุขิตา, สมฺปโมทามนามยา’’ติ.

๖๙๔-๕. ตตฺถ อยิรกุเลติ อยฺยกุเล, สามิกเคเหติ อตฺโถ. อหุนฺติ อโหสึ. โอกิรินฺติ ปุปฺเผหิ วิปฺปกิรึ. อุปนาเมสินฺติ ปูชาวเสน อุปนาเมสึ. เสสํ วุตฺตนยเมว.

อถายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน สปริวาราย ตสฺสา เทวตาย ธมฺมํ เทเสตฺวา มนุสฺสโลกํ อาคนฺตฺวา ภควโต ตมตฺถํ นิเวเทสิ. ภควา ตํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา สมฺปตฺตมหาชนสฺส ธมฺมํ เทเสสิ. เทสนา สเทวกสฺส โลกสฺส สาตฺถิกา อโหสีติ.

มฺชิฏฺกวิมานวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. ปภสฺสรวิมานวณฺณนา

ปภสฺสรวรวณฺณนิเภติ ปภสฺสรวิมานํ. ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควา ราชคเห วิหรติ. เตน จ สมเยน ราชคเห อฺตโร อุปาสโก มหาโมคฺคลฺลานตฺเถเร อภิปฺปสนฺโน โหติ. ตสฺเสกา ธีตา สทฺธา ปสนฺนา, สาปิ เถเร ครุจิตฺตีการพหุลา โหติ. อเถกทิวสํ อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ราชคเห ปิณฺฑาย จรนฺโต ตํ กุลํ อุปสงฺกมิ. สา เถรํ ทิสฺวา โสมนสฺสชาตา อาสนํ ปฺาเปตฺวา เถเร ตตฺถ นิสินฺเน สุมนมาลาย ปูเชตฺวา มธุรํ คุฬผาณิตํ เถรสฺส ปตฺเต อากิริ, เถโร อนุโมทิตุกาโม นิสีทิ. สา ฆราวาสสฺส พหุกิจฺจตาย อโนกาสตํ ปเวเทตฺวา ‘‘อฺสฺมึ ทิวเส ธมฺมํ โสสฺสามี’’ติ เถรํ วนฺทิตฺวา อุยฺโยเชสิ. ตทเหว จ สา กาลํ กตฺวา ตาวตึเสสุ นิพฺพตฺติ. ตํ อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน อุปสงฺกมิตฺวา อิมาหิ คาถาหิ ปุจฺฉิ –

๖๙๗.

‘‘ปภสฺสรวรวณฺณนิเภ, สุรตฺตวตฺถวสเน;

มหิทฺธิเก จนฺทนรุจิรคตฺเต,

กา ตฺวํ สุเภ เทวเต วนฺทเส มมํ.

๖๙๘.

‘‘ปลฺลงฺโก จ เต มหคฺโฆ, นานารตนจิตฺติโต รุจิโร;

ยตฺถ ตฺวํ นิสินฺนา วิโรจสิ, เทวราชาริว นนฺทเน วเน.

๖๙๙.

‘‘กึ ตฺวํ ปุเร สุจริตมาจรี ภทฺเท, กิสฺส กมฺมสฺส วิปากํ;

อนุโภสิ เทวโลกสฺมึ, เทวเต ปุจฺฉิตาจิกฺข;

กิสฺส กมฺมสฺสิทํ ผล’’นฺติ.

๖๙๗. ตตฺถ ปภสฺสรวรวณฺณนิเภติ นิภาติ ทิพฺพตีติ นิภา, วณฺโณว นิภา วณฺณนิภา, อติวิย โอภาสนโต ปภสฺสรา ฉวิโทสาภาเวน วรา อุตฺตมา วณฺณนิภา เอติสฺสาติ ปภสฺสรวรวณฺณนิภา. อามนฺตนวเสน ‘‘ปภสฺสรวรวณฺณนิเภ’’ติ วุตฺตํ. สุรตฺตวตฺถวสเนติ สุฏฺุ รตฺตวตฺถนิวตฺเถ. จนฺทนรุจิรคตฺเตติ จนฺทนานุลิตฺตํ วิย รุจิรคตฺเต, โคสีตจนฺทเนน พหลตรานุลิตฺตํ วิย สุรตฺตมนุฺสรีราวยเวติ อตฺโถ, จนฺทนานุเลเปน วา รุจิรคตฺเต.

เอวํ เถเรน ปุฏฺา เทวตา อิมาหิ คาถาหิ พฺยากาสิ –

๗๐๐.

‘‘ปิณฺฑาย เต จรนฺตสฺส, มาลํ ผาณิตฺจ อททํ ภนฺเต;

ตสฺส กมฺมสฺสิทํ วิปากํ, อนุโภมิ เทวโลกสฺมึ.

๗๐๑.

‘‘โหติ จ เม อนุตาโป, อปรทฺธํ ทุกฺขิตฺจ เม ภนฺเต;

สาหํ ธมฺมํ นาสฺโสสึ, สุเทสิตํ ธมฺมราเชน.

๗๐๒.

‘‘ตํ ตํ วทามิ ภทฺทนฺเต, ยสฺส เม อนุกมฺปิโย โกจิ;

ธมฺเมสุ ตํ สมาทเปถ, สุเทสิตํ ธมฺมราเชน.

๗๐๓.

‘‘เยสํ อตฺถิ สทฺธา พุทฺเธ, ธมฺเม จ สงฺฆรตเน;

เต มํ อติวิโรจนฺติ, อายุนา ยสสา สิริยา.

๗๐๔.

‘‘ปตาเปน วณฺเณน อุตฺตริตรา, อฺเ มหิทฺธิกตรา มยา เทวา’’ติ.

๗๐๐. ตตฺถ มาลนฺติ สุมนปุปฺผํ. ผาณิตนฺติ อุจฺฉุรสํ คเหตฺวา กตผาณิตํ.

๗๐๑. อนุตาโปติ วิปฺปฏิสาโร. ตสฺส การณมาห ‘‘อปรทฺธํ ทุกฺขตฺจ เม ภนฺเต’’ติ. อิทานิ ตํ สรูปโต ทสฺเสติ ‘‘สาหํ ธมฺมํ นาสฺโสสิ’’นฺติ, สา อหํ ตทา ตว เทเสตุกามสฺส ธมฺมํ น สุณึ. กีทิสํ? สุเทสิตํ ธมฺมราเชนาติ, สมฺมาสมฺพุทฺเธน อาทิกลฺยาณาทิตาย เอกนฺตนิยฺยานิกตาย จ สฺวาขาตนฺติ อตฺโถ.

๗๐๒. นฺติ ตสฺมา ธมฺมราเชน สุเทสิตตฺตา อสวนสฺส จ มาทิสานํ อนุตาปเหตุภาวโต. นฺติ ตุวํ, ตุยฺหนฺติ อตฺโถ. ยสฺสาติ โย อสฺส. อนุกมฺปิโยติ อนุกมฺปิตพฺโพ. โกจีติ โย โกจิ. ธมฺเมสูติ สีลาทิธมฺเมสุ. ‘‘ธมฺเม หี’’ติ วา ปาโ, สาสนธมฺเมติ อตฺโถ. หีติ นิปาตมตฺตํ, วจนวิปลฺลาโส วา. นฺติ อนุกมฺปิตพฺพปุคฺคลํ. สุเทสิตนฺติ สุฏฺุ เทสิตํ.

๗๐๓-๔. เต มํ อติวิโรจนฺตีติ เต รตนตฺตเย ปสนฺนา เทวปุตฺตา มํ อติกฺกมิตฺวา วิโรจนฺติ. ปตาเปนาติ เตชสา อานุภาเวน. อฺเติ เย อฺเ. มยาติ นิสฺสกฺเก กรณวจนํ. วณฺเณน อุตฺตริตรา มหิทฺธิกตรา จ เทวา, เต รตนตฺตเย อภิปฺปสนฺนาเยวาติ ทสฺเสติ. เสสํ วุตฺตนยเมว.

ปภสฺสรวิมานวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. นาควิมานวณฺณนา

อลงฺกตา มณิกฺจนาจิตนฺติ นาควิมานํ. ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควา พาราณสิยํ วิหรติ อิสิปตเน มิคทาเย. เตน สมเยน พาราณสิวาสินี เอกา อุปาสิกา สทฺธา ปสนฺนา สีลาจารสมฺปนฺนา ภควนฺตํ อุทฺทิสฺส วตฺถยุคํ วายาเปตฺวา สุปริโธตํ การาเปตฺวา อุปสงฺกมิตฺวา ภควโต ปาทมูเล เปตฺวา เอวมาห ‘‘ปฏิคฺคณฺหาตุ, ภนฺเต ภควา, อิมํ วตฺถยุคํ อนุกมฺปํ อุปาทาย ยํ มม อสฺส ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’’ติ. ภควา ตํ ปฏิคฺคเหตฺวา ตสฺสา อุปนิสฺสยสมฺปตฺตึ ทิสฺวา ธมฺมํ เทเสสิ, สา เทสนาวสาเน โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา เคหํ อคมาสิ. สา น จิรสฺเสว กาลํ กตฺวา ตาวตึเสสุ อุปฺปนฺนา สกฺกสฺส เทวราชสฺส ปิยา อโหสิ วลฺลภา ยสุตฺตรา นาม นาเมน. ตสฺสา ปุฺานุภาเวน เหมชาลสฺฉนฺโน กุฺชรวโร นิพฺพตฺติ, ตสฺส จ ขนฺเธ มณิมโย มณฺฑโป, มชฺเฌ สุปฺตฺตรตนปลฺลงฺโก นิพฺพตฺติ, ทฺวีสุ ทนฺเตสุ จสฺส กมลกุวลยุชฺชลา รมณียา ทฺเว โปกฺขรณิโย ปาตุรเหสุํ. ตตฺถ ปทุมกณฺณิกาสุ ิตา เทวธีตา ปคฺคหิตปฺจงฺคิกตูริยา นจฺจนฺติ เจว คายนฺติ จ.

สตฺถา พาราณสิยํ ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวา เยน สาวตฺถิ เตน จาริกํ ปกฺกามิ. อนุปุพฺเพน สาวตฺถึ ปตฺวา ตตฺร สุทํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. อถ สา เทวตา อตฺตนา อนุภุยฺยมานํ ทิพฺพสมฺปตฺตึ โอโลเกตฺวา ตสฺสา การณํ อุปธาเรนฺตี ‘‘สตฺถุ วตฺถยุคทานการณ’’นฺติ ตฺวา สฺชาตโสมนสฺสา ภควติ ปสาทพหุมานา วนฺทิตุกามา อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา หตฺถิกฺขนฺธวรคตา อากาเสน อาคนฺตฺวา ตโต โอตริตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา อฺชลึ ปคฺคยฺห เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. ตํ อายสฺมา วงฺคีโส ภควโต อนุฺาย อิมาหิ คาถาหิ ปุจฺฉิ –

๗๐๕.

‘‘อลงฺกตา มณิกฺจนาจิตํ, โสวณฺณชาลจิตํ มหนฺตํ;

อภิรุยฺห คชวรํ สุกปฺปิตํ, อิธาคมา เวหายสํ อนฺตลิกฺเข.

๗๐๖.

‘‘นาคสฺส ทนฺเตสุ ทุเวสุ นิมฺมิตา, อจฺโฉทกา ปทุมินิโย สุผุลฺลา;

ปทุเมสุ จ ตูริยคณา ปภิชฺชเร, อิมา จ นจฺจนฺติ มโนหราโย.

๗๐๗.

‘‘เทวิทฺธิปตฺตาสิ มหานุภาเว, มนุสฺสภูตา กิมกาสิ ปุฺํ;

เกนาสิ เอวํ ชลิตานุภาวา, วณฺโณ จ เต สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ.

๗๐๕. ตตฺถ อลงฺกตาติ สพฺพาภรณวิภูสิตา. มณิกฺจนาจิตนฺติ เตหิ ทิพฺพมาเนหิ มณิสุวณฺเณหิ อาจิตํ. โสวณฺณชาลจิตนฺติ เหมชาลสฺฉนฺนํ. มหนฺตนฺติ วิปุลํ. สุกปฺปิตนฺติ คมนสนฺนาหวเสน สุฏฺุ สนฺนทฺธํ. เวหายสนฺติ เวหายสภูเต หตฺถิปิฏฺเ. อนฺตลิกฺเขติ อากาเส, ‘‘อลงฺกตมณิกฺจนาจิต’’นฺติปิ ปาโ. อยฺเหตฺถ สงฺเขปตฺโถ – เทวเต, ตฺวํ สพฺพาลงฺกาเรหิ อลงฺกตา อลงฺกตมณิกฺจนาจิตํ, อติวิย ทิพฺพมาเนหิ มณีหิ กฺจเนหิ จ อลงฺกรณวเสน ขจิตํ, เหมชาเลหิ กุมฺภาลงฺการาทิเภเทหิ หตฺถาลงฺกาเรหิ จิตํ อามุตฺตํ มหนฺตํ อติวิย พฺรหนฺตํ อุตฺตมํ คชํ อารุยฺห หตฺถิปิฏฺิยา นิสินฺนา อากาเสเนว อิธ อมฺหากํ สนฺติกํ อาคตาติ.

๗๐๖. นาคสฺส ทนฺเตสุ ทุเวสุ นิมฺมิตาติ เอราวณสฺส วิย นาคราชสฺส อิมสฺส ทฺวีสุ ทนฺเตสุ ทฺเว โปกฺขรณิโย สุจริตสิปฺปินา สุฏฺุ วิรจิตา. ตูริยคณาติ ปฺจงฺคิกตูริยสมูหา. ปภิชฺชเรติ ทฺวาทสนฺนํ ลยเภทานํ วเสน ปเภทํ คจฺฉนฺติ. ‘‘ปวชฺชเร’’ติ จ ปนฺติ, ปกาเรหิ วาทียนฺตีติ อตฺโถ.

เอวํ เถเรน ปุฏฺา เทวตา อิมาหิ คาถาหิ วิสฺสชฺเชสิ –

๗๐๘.

‘‘พาราณสิยํ อุปสงฺกมิตฺวา, พุทฺธสฺสหํ วตฺถยุคํ อทาสึ;

ปาทานิ วนฺทิตฺวา ฉมา นิสีทึ, วิตฺตา จหํ อฺชลิกํ อกาสึ.

๗๐๙.

‘‘พุทฺโธ จ เม กฺจนสนฺนิภตฺตโจ, อเทสยิ สมุทยทุกฺขนิจฺจตํ;

อสงฺขตํ ทุกฺขนิโรธสสฺสตํ, มคฺคํ อเทสยิ ยโต วิชานิสํ.

๗๑๐.

‘‘อปฺปายุกี กาลกตา ตโต จุตา, อุปปนฺนา ติทสคณํ ยสสฺสินี;

สกฺกสฺสหํ อฺตรา ปชาปติ, ยสุตฺตรา นาม ทิสาสุ วิสฺสุตา’’ติ.

๗๐๘-๙. ตตฺถ ฉมาติ ภูมิยํ. ภุมฺมตฺเถ หิ อิทํ ปจฺจตฺตวจนํ. วิตฺตาติ ตุฏฺา. ยโตติ ยโต สตฺถุ สามุกฺกํสิกธมฺมเทสนโต. วิชานิสนฺติ จตฺตาริ อริยสจฺจานิ ปฏิวิชฺฌึ.

๗๑๐. อปฺปายุกีติ ‘‘อีทิสํ นาม อุฬารํ ปุฺํ กตฺวา น ตยา เอตสฺมึ ทุกฺขพหุเล มนุสฺสตฺตภาเว เอวํ าตพฺพ’’นฺติ สฺชาตาภิสนฺธินา วิย ปริกฺขยํ คเตน กมฺมุนา อปฺปายุกา สมานา. อฺตรา ปชาปตีติ โสฬสสหสฺสานํ มเหสีนํ อฺตรา. ทิสาสุ วิสฺสุตาติ ทฺวีสุ เทวโลเกสุ สพฺพทิสาสุ ปากฏา ปฺาตา. เสสํ วุตฺตนยเมว.

นาควิมานวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. อโลมวิมานวณฺณนา

อภิกฺกนฺเตน วณฺเณนาติ อโลมวิมานํ. ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควา พาราณสิยํ อิสิปตเน มิคทาเย วิหรนฺโต ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย พาราณสึ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. ตตฺเถกา อโลมา นาม ทุคฺคติตฺถี ภควนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺตา อฺํ ทาตพฺพํ อปสฺสนฺตี ‘‘อีทิสมฺปิ ภควโต ทินฺนํ มยฺหํ มหปฺผลํ ภวิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา ปริภินฺนวณฺณํ อโลณํ สุกฺขกุมฺมาสํ อุปเนสิ, ภควา ปฏิคฺคเหสิ. สา ตํ ทานํ อารมฺมณํ กตฺวา โสมนสฺสํ ปเวเทสิ, สา อปรภาเค กาลํ กตฺวา ตาวตึเสสุ นิพฺพตฺติ. ตํ อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน –

๗๑๑.

‘‘อภิกฺกนฺเตน วณฺเณน…เป… วณฺโณ จ เต สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ. –

ปุจฺฉิ. สาปิ ตสฺส พฺยากาสิ, ตํ ทสฺเสตุํ –

๗๑๔.

‘‘สา เทวตา อตฺตมนา…เป… ยสฺส กมฺมสฺสิทํ ผล’’นฺติ. – วุตฺตํ;

๗๑๕.

‘‘อหฺจ พาราณสิยํ, พุทฺธสฺสาทิจฺจพนฺธุโน;

อทาสึ สุกฺขกุมฺมาสํ, ปสนฺนา เสหิ ปาณิภิ.

๗๑๖.

‘‘สุกฺขาย อโลณิกาย จ, ปสฺส ผลํ กุมฺมาสปิณฺฑิยา;

อโลมํ สุขิตํ ทิสฺวา, โก ปุฺํ น กริสฺสติ.

๗๑๗.

‘‘เตน เมตาทิโส วณฺโณ…เป… วณฺโณ จ เม สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ.

๗๑๖. ตตฺถ อโลมํ สุขิตํ ทิสฺวาติ อโลมมฺปิ นาม สุกฺขกุมฺมาสมตฺตํ ทตฺวา เอวํ ทิพฺพสุเขน สุขิตํ ทิสฺวา. โก ปุฺํ น กริสฺสตีติ โก นาม อตฺตโน หิตสุขํ อิจฺฉนฺโต ปุฺํ น กริสฺสตีติ. เสสํ วุตฺตนยเมว.

อโลมวิมานวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. กฺชิกทายิกาวิมานวณฺณนา

อภิกฺกนฺเตน วณฺเณนาติ กฺชิกทายิกาวิมานํ. ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควา อนฺธกวินฺเท วิหรติ. เตน จ สมเยน ภควโต กุจฺฉิยํ วาตโรโค อุปฺปชฺชิ. ภควา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามนฺเตสิ ‘‘คจฺฉ ตฺวํ อานนฺท, ปิณฺฑาย จริตฺวา มยฺหํ เภสชฺชตฺถํ กฺชิกํ อาหรา’’ติ. ‘‘เอวํ ภนฺเต’’ติ โข อายสฺมา อานนฺโท ภควโต ปฏิสฺสุณิตฺวา มหาราชทตฺติยํ ปตฺตํ คเหตฺวา อตฺตโน อุปฏฺากเวชฺชสฺส นิเวสนทฺวาเร อฏฺาสิ. ตํ ทิสฺวา เวชฺชสฺส ภริยา ปจฺจุคฺคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา ปตฺตํ คเหตฺวา เถรํ ปุจฺฉิ ‘‘กีทิเสน โว, ภนฺเต, เภสชฺเชน อตฺโถ’’ติ. สา กิร พุทฺธิสมฺปนฺนา ‘‘เภสชฺเชน ปโยชเน สติ เถโร อิธาคจฺฉติ, น ภิกฺขตฺถ’’นฺติ สลฺลกฺเขสิ. ‘‘กฺชิเกนา’’ติ จ วุตฺเต ‘‘น ยิทํ เภสชฺชํ มยฺหํ อยฺยสฺส, ตถา เหส ภควโต ปตฺโต, หนฺทาหํ โลกนาถสฺส อนุจฺฉวิกํ กฺชิกํ สมฺปาเทมี’’ติ โสมนสฺสชาตา สฺชาตพหุมานา พทรยูเสน ยาคุํ สมฺปาเทตฺวา ปตฺตํ ปูเรตฺวา ตสฺส ปริวารภาเวน อฺฺจ โภชนํ ปฏิยาเทตฺวา เปเสสิ. ตํ ปริภุตฺตมตฺตสฺเสว ภควโต โส อาพาโธ วูปสมิ. สา อปเรน สมเยน กาลํ กตฺวา ตาวตึเสสุ อุปฺปชฺชิตฺวา มหตึ ทิพฺพสมฺปตฺตึ อนุภวนฺตี โมทติ. อถายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เทวจาริกํ จรนฺโต ตํ อจฺฉราสหสฺสปริวาเรน วิจรนฺตึ ทิสฺวา ตาย กตกมฺมํ อิมาหิ คาถาหิ ปุจฺฉิ –

๗๑๙.

‘‘อภิกฺกนฺเตน วณฺเณน …เป… วณฺโณ จ เต สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ. –

สาปิ พฺยากาสิ.

๗๒๑.

‘‘สา เทวตา อตฺตมนา…เป… ยสฺส กมฺมสฺสิทํ ผลํ’’.

๗๒๓.

‘‘อหํ อนฺธกวินฺทมฺหิ, พุทฺธสฺสาทิจฺจพนฺธุโน;

อทาสึ โกลสมฺปากํ, กฺชิกํ เตลธูปิตํ.

๗๒๔.

‘‘ปิปฺผลฺยา ลสุเณน จ, มิสฺสํ ลามฺชเกน จ;

อทาสึ อุชุภูตสฺมึ, วิปฺปสนฺเนน เจตสา.

๗๒๕.

‘‘ยา มเหสิตฺตํ กาเรยฺย, จกฺกวตฺติสฺส ราชิโน;

นารี สพฺพงฺคกลฺยาณี, ภตฺตุ จาโนมทสฺสิกา;

เอกสฺส กฺชิกทานสฺส, กลํ นาคฺฆติ โสฬสึ.

๗๒๖.

‘‘สตํ นิกฺขา สตํ อสฺสา, สตํ อสฺสตรีรถา;

สตํ กฺาสหสฺสานิ, อามุตฺตมณิกุณฺฑลา;

เอกสฺส กฺชิกทานสฺส, กลํ นาคฺฆนฺติ โสฬสึ.

๗๒๗.

‘‘สตํ เหมวตา นาคา, อีสาทนฺตา อุรูฬฺหวา;

สุวณฺณกจฺฉา มาตงฺคา, เหมกปฺปนวาสสา,

เอกสฺส กฺชิกทานสฺส, กลํ นาคฺฆนฺติ โสฬสึ.

๗๒๘.

‘‘จตุนฺนมปิ ทีปานํ, อิสฺสรํ โยธ การเย;

เอกสฺส กฺชิกทานสฺส, กลํ นาคฺฆติ โสฬสิ’’นฺติ.

๗๒๓-๔. ตตฺถ อทาสึ โกลสมฺปาปกํ, กฺชิกํ เตลธูปิตนฺติ พทรโมทกกสาเว จตุคุโณทกสโมทิเต ปาเกน จตุตฺถภาคาวสิฏฺํ ยาคุํ ปจิตฺวา ตํ ติกฏุกอชโมทหิงฺคุชีรกลสุณาทีหิ กฏุกภณฺเฑหิ อภิสงฺขริตฺวา สุธูปิตํ กตฺวา ลามฺชคนฺธํ คาหาเปตฺวา ปสนฺนจิตฺเตน ภควโต ปตฺเต อากิริตฺวา สตฺถารํ อุทฺทิสิตฺวา อทาสึ, เถรสฺส หตฺเถ ปติฏฺเปสินฺติ ทสฺเสติ. เตนาห –

‘‘ปิปฺผลฺยา ลสุเณน จ, มิสฺสํ ลามฺชเกน จ;

อทาสึ อุชุภูตสฺมึ, วิปฺปสนฺเนน เจตสา’’ติ.

เสสํ วุตฺตนยเมว.

เอวํ อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ตาย เทวตาย อตฺตนา สมุปจิตสุจริตกมฺเม อาวิกเต สปริวาราย ตสฺสา ธมฺมํ เทเสตฺวา มนุสฺสโลกํ อาคนฺตฺวา ตํ ปวตฺตึ ภควโต อาโรเจสิ. ภควา ตมตฺถํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา จตุปริสมชฺเฌ ธมฺมํ เทเสสิ. สา เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา อโหสีติ.

กฺชิกทายิกาวิมานวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. วิหารวิมานวณฺณนา

อภิกฺกนฺเตน วณฺเณนาติ วิหารวิมานํ. ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน. เตน สมเยน วิสาขา มหาอุปาสิกา อฺตรสฺมึ อุสฺสวทิวเส อุยฺยาเน วิจรณตฺถํ สหายิกาหิ ปริชเนน จ อุสฺสาหิตา สุนฺหาตานุลิตฺตา สุโภชนํ ภุฺชิตฺวา มหาลตาปสาธนํ ปิฬนฺธิตฺวา ปฺจมตฺเตหิ สหายิกาสเตหิ ปริวาริตา มหนฺเตน อิสฺสริเยน มหตา ปริจฺเฉเทน เคหโต นิกฺขมฺม อุยฺยานํ อุทฺทิสฺส คจฺฉนฺตี จินฺเตสิ ‘‘พาลทาริกาย วิย กึ เม โมฆกีฬิเตน, หนฺทาหํ วิหารํ คนฺตฺวา ภควนฺตํ มโนภาวนีเย จ อยฺเย วนฺทิสฺสามิ, ธมฺมฺจ โสสฺสามี’’ติ วิหารํ คนฺตฺวา เอกมนฺเต ตฺวา มหาลตาปิฬนฺธนํ โอมุฺจิตฺวา ตํ ทาสิยา หตฺเถ ทตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. ตสฺสา ภควา ธมฺมํ เทเสสิ.

สา ธมฺมํ สุตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา มโนภาวนีเย จ ภิกฺขู วนฺทิตฺวา วิหารโต นิกฺขมิตฺวา โถกํ คนฺตฺวา ทาสึ อาห ‘‘หนฺท เช อาภรณํ ปิฬนฺธิสฺสามี’’ติ. สา ตํ ภณฺฑิกํ กตฺวา พนฺธิตฺวา วิหาเร เปตฺวา ตหํ ตหํ วิจริตฺวา คมนกาเล วิสฺสริตฺวา คตตฺตา ‘‘วิสฺสริตํ มยา, ติฏฺ อยฺเย อาหริสฺสามี’’ติ นิวตฺติตุกามา อโหสิ. วิสาขา ‘‘สเจ เช วิหาเร เปตฺวา วิสฺสริตํ, ตสฺส วิหารสฺเสว อตฺถาย ตํ ปริจฺจชิสฺสามี’’ติ วิหารํ คนฺตฺวา ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา อตฺตโน อธิปฺปายํ ปเวเทนฺตี ‘‘วิหารํ, ภนฺเต, กาเรสฺสามิ, อธิวาเสตุ เม ภควา อนุกมฺปํ อุปาทายา’’ติ อาห. อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวน.

สา ตํ ปิฬนฺธนํ สตสหสฺสาธิกนวโกฏิอคฺฆนกํ วิสฺสชฺเชตฺวา อายสฺมตา มหาโมคฺคลฺลาเนน นวกมฺมาธิฏฺายเกน สุวิภตฺตภิตฺติถมฺภตุลาโคปานสิกณฺณิกทฺวารพาหวาตปาน โสปานาทิเคหาวยวํ มโนหรํ สุวิกปฺปิตกฏฺกมฺมรมณียํ สุปริกมฺมกตสุธากมฺมํ มนุฺํ สุวิรจิตมาลากมฺมลตากมฺมาทิจิตฺตกมฺมวิจิตฺตํ สุปรินิฏฺิตมณิกุฏฺฏิม สทิสภูมิตลํ เทววิมานสทิสํ เหฏฺาภูมิยํ ปฺจ คพฺภสตานิ, อุปริภูมิยํ ปฺจ คพฺภสตานีติ คพฺภสหสฺสปฏิมณฺฑิตํ พุทฺธสฺส ภควโต ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ วสนานุจฺฉวิกํ มหนฺตํ ปาสาทํ ตสฺส ปริวารปาสาทสหสฺสฺจ เตสํ ปริวารภาเวน กุฏิมณฺฑปจงฺกมนาทีนิ จ กาเรนฺตี นวหิ มาเสหิ วิหารํ นิฏฺาเปสิ. ปรินิฏฺิเต จ วิหาเร นวเหว หิรฺโกฏีหิ วิหารมหํ กาเรนฺตี ปฺจมตฺเตหิ สหายิกาสเตหิ สทฺธึ ปาสาทํ อภิรุหิตฺวา ตสฺส สมฺปตฺตึ ทิสฺวา โสมนสฺสชาตา สหายิกา อาห ‘‘อิมํ เอวรูปํ ปาสาทํ กาเรนฺติยา ยํ มยา ปุฺํ ปสุตํ, ตํ อนุโมทถ, ปตฺติทานํ โว ทมฺมี’’ติ. ‘‘อโห สาธุ อโห สาธู’’ติ ปสนฺนจิตฺตา สพฺพาปิ อนุโมทึสุ.

ตตฺถ อฺตรา อุปาสิกา วิเสสโต ตํ ปตฺติทานํ มนสากาสิ. สา น จิรสฺเสว กาลํ กตฺวา ตาวตึเสสุ นิพฺพตฺติ. ตสฺสา ปุฺานุภาเวน อเนกกูฏาคารปาการอุยฺยานโปกฺขรณิอาทิปฏิมณฺฑิตํ โสฬสโยชนายามวิตฺถารพฺเพธํ อตฺตโน ปภาย โยชนสตํ ผรนฺตํ อากาสจารึ มหนฺตํ วิมานํ ปาตุรโหสิ. สา คจฺฉนฺตีปิ อจฺฉราสหสฺสปริวารา สห วิมาเนน คจฺฉติ. วิสาขา ปน มหาอุปาสิกา วิปุลปริจฺจาคตาย สทฺธาสมฺปตฺติยา จ นิมฺมานรตีสุ นิพฺพตฺติตฺวา สุนิมฺมิตเทวราชสฺส อคฺคมเหสิภาวํ สมฺปาปุณิ. อถายสฺมา อนุรุทฺโธ เทวจาริกํ จรนฺโต ตํ วิสาขาย สหายิกํ ตาวตึสภวเน อุปฺปนฺนํ ทิสฺวา –

๗๒๙.

‘‘อภิกฺกนฺเตน วณฺเณน, ยา ตฺวํ ติฏฺสิ เทวเต;

โอภาเสนฺตี ทิสา สพฺพา, โอสธี วิย ตารกา.

๗๓๐.

‘‘ตสฺสา เต นจฺจมานาย, องฺคมงฺเคหิ สพฺพโส;

ทิพฺพา สทฺทา นิจฺฉรนฺติ, สวนียา มโนรมา.

๗๓๑.

‘‘ตสฺสา เต นจฺจมานาย, องฺคมงฺเคหิ สพฺพโส;

ทิพฺพา คนฺธา ปวายนฺติ, สุจิคนฺธา มโนรมา.

๗๓๒.

‘‘วิวตฺตมานา กาเยน, ยา เวณีสุ ปิฬนฺธนา;

เตสํ สุยฺยติ นิคฺโฆโส, ตูริเย ปฺจงฺคิเก ยถา.

๗๓๓.

‘‘วฏํสกา วาตธุตา, วาเตน สมฺปกมฺปิตา;

เตสํ สุยฺยติ นิคฺโฆโส, ตูริเย ปฺจงฺคิเก ยถา.

๗๓๔.

‘‘ยาปิ เต สิรสฺมึ มาลา, สุจิคนฺธา มโนรมา;

วาติ คนฺโธ ทิสา สพฺพา, รุกฺโข มฺชูสโก ยถา.

๗๓๕.

‘‘ฆายเส ตํ สุจิคนฺธํ, รูปํ ปสฺสสิ อมานุสํ;

เทวเต ปุจฺฉิตาจิกฺข, กิสฺส กมฺมสฺสิทํ ผล’’นฺติ. –

อิมาหิ คาถาหิ ปุจฺฉิ. สาปิ ตสฺส เอวํ พฺยากาสิ –

๗๓๖.

‘‘สาวตฺถิยํ มยฺหํ สขี ภทนฺเต, สงฺฆสฺส กาเรสิ มหาวิหารํ;

ตตฺถปฺปสนฺนา อหมานุโมทึ, ทิสฺวา อคารฺจ ปิยฺจ เมตํ.

๗๓๗.

‘‘ตาเยว เม สุทฺธนุโมทนาย, ลทฺธํ วิมานพฺภุตทสฺสเนยฺยํ;

สมนฺตโต โสฬสโยชนานิ, เวหายสํ คจฺฉติ อิทฺธิยา มม.

๗๓๘.

‘‘กูฏาคารา นิเวสา เม, วิภตฺตา ภาคโส มิตา;

ททฺทลฺลมานา อาภนฺติ, สมนฺตา สตโยชนํ.

๗๓๙.

‘‘โปกฺขรฺโ จ เม เอตฺถ, ปุถุโลมนิเสวิตา;

อจฺโฉทกา วิปฺปสนฺนา, โสณฺณวาลุกสนฺถตา.

๗๔๐.

‘‘นานาปทุมสฺฉนฺนา, ปุณฺฑรีกสโมตตา;

สุรภี สมฺปวายนฺติ, มนุฺา มาลุเตริตา.

๗๔๑.

‘‘ชมฺพุโย ปนสา ตาลา, นาฬิเกรวนานิ จ;

อนฺโตนิเวสเน ชาตา, นานารุกฺขา อโรปิมา.

๗๔๒.

‘‘นานาตูริยสงฺฆุฏฺํ, อจฺฉราคณโฆสิตํ;

โยปิ มํ สุปิเน ปสฺเส, โสปิ วิตฺโต สิยา นโร.

๗๔๓.

‘‘เอตาทิสํ อพฺภุตทสฺสเนยฺยํ, วิมานํ สพฺพโส ปภํ;

มม กมฺเม หิ นิพฺพตฺตํ, อลํ ปุฺานิ กาตเว’’ติ.

๗๓๖. ตตฺถ สาวตฺถิยํ มยฺหํ สขี ภทนฺเต, สงฺฆสฺส กาเรสิ มหาวิหารนฺติ ภนฺเต อนุรุทฺธ, สาวตฺถิยา สมีเป ปาจีนปสฺเส มยฺหํ มม สกฺขี สหายิกา วิสาขา มหาอุปาสิกา อาคตาคตํ จาตุทฺทิสํ ภิกฺขุสงฺฆํ อุทฺทิสฺส นวหิรฺโกฏิปริจฺจาเคน ปุพฺพารามํ นาม มหนฺตํ วิหารํ กาเรสิ. ตตฺถปฺปสนฺนา อหมานุโมทินฺติ ตสฺมึ วิหาเร กตปริโยสิเต สงฺฆสฺส นิยฺยาทิยมาเน ตาย กเต ปตฺติทาเน ‘‘อโห าเน วต ปริจฺจาโค กโต’’ติ ปสนฺนา รตนตฺตเย กมฺมผเล จ สฺชาตปสาทา อหํ อนุโมทึ. วตฺถุวเสน ตสฺสา อนุโมทนาย อุฬารภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘ทิสฺวา อคารฺจ ปิยฺจ เมต’’นฺติ อาห. สหสฺสคพฺภํ อติวิย รมณียํ เทววิมานสทิสํ ตฺจ อคารํ มหนฺตํ ปาสาทํ ปิยฺจ เม พุทฺธปฺปมุขํ สงฺฆํ อุทฺทิสฺส ตาทิสํ มหนฺตํ ธนปริจฺจาคํ ทิสฺวา อนุโมทินฺติ โยชนา.

๗๓๗. ตาเยว เม สุทฺธนุโมทนายาติ ยถาวุตฺตาย เทยฺยธมฺมปริจฺจาคาภาเวน สุทฺธาย เกวลาย อนุโมทนาเยว. ลทฺธํ วิมานพฺภุตทสฺสเนยฺยนฺติ มยฺหํ ปุพฺเพ อีทิสสฺส อภูตปุพฺพตาย อพฺภุตํ สมนฺตภทฺทกภาเวน อติวิย สุรูปตาย จ ทสฺสเนยฺยํ อิมํ วิมานํ ลทฺธํ อธิคตํ. เอวํ ตสฺส วิมานสฺส อภิรูปตํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ปมาณมหตฺตํ ปภาวมหตฺตํ อุปโภควตฺถุมหตฺตฺจ ทสฺเสตุํ ‘‘สมนฺตโต โสฬสโยชนานี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อิทฺธิยา มมาติ มม ปุฺิทฺธิยา.

๗๓๙. โปกฺขรฺโติ โปกฺขรณิโย. ปุถุโลมนิเสวิตาติ ทิพฺพมจฺเฉหิ อุปเสวิตา.

๗๔๐. นานาปทุมสฺฉนฺนาติ สตปตฺตสหสฺสปตฺตาทิเภเทหิ นานาวิเธหิ รตฺตปทุเมหิ รตฺตกมเลหิ จ สฺฉาทิตา. ปุณฺฑรีกสโมตตาติ นานาวิเธหิ เสตกมเลหิ สมนฺตโต อวตตา, นานารุกฺขา อโรปิมา สุรภี สมฺปวายนฺตีติ โยชนา.

๗๔๒. โสปีติ โส สุปินทสฺสาวีปิ. วิตฺโตติ ตุฏฺโ.

๗๔๓. สพฺพโส ปภนฺติ สมนฺตโต โอภาสมานํ. กมฺเม หีติ กมฺมนิมิตฺตํ. หีติ นิปาตมตฺตํ. เจตนานํ วา อปราปรุปฺปตฺติยา พหุภาวโต ‘‘กมฺเมหี’’ติ วุตฺตํ. อลนฺติ ยุตฺตํ. กาตเวติ กาตุํ.

อิทานิ เถโร วิสาขาย นิพฺพตฺตฏฺานํ กถาเปตุกาโม อิมํ คาถมาห –

๗๔๔.

‘‘ตาเยว เต สุทฺธนุโมทนาย,

ลทฺธํ วิมานพฺภุตทสฺสเนยฺยํ;

ยา เจว สา ทานมทาสิ นารี,

ตสฺสา คตึ พฺรูหิ กุหึ อุปฺปนฺนา สา’’ติ.

๗๔๔. ตตฺถ ยา เจว สา ทานมทาสิ นารีติ ยสฺส ทานสฺส อนุโมทนาย ตฺวํ อีทิสํ สมฺปตฺตึ ปฏิลภิ, ตํ ทานํ ยา เจว สา นารี อทาสีติ วิสาขํ มหาอุปาสิกํ สนฺธาย วทติ. ตาย เอว เทวตาย ตสฺสา สมฺปตฺตึ กถาเปตุกาโม อาห ‘‘ตสฺสา คตึ พฺรูหิ กุหึ อุปฺปนฺนา สา’’ติ. ตสฺสา คตินฺติ ตาย นิพฺพตฺตเทวคตึ.

อิทานิ เถเรน ปุจฺฉิตมตฺถํ ทสฺเสนฺตี อาห –

๗๔๕.

‘‘ยา สา อหุ มยฺหํ สขี ภทนฺเต, สงฺฆสฺส กาเรสิ มหาวิหารํ;

วิฺาตธมฺมา สา อทาสิ ทานํ, อุปฺปนฺนา นิมฺมานรตีสุ เทเวสุ.

๗๔๖.

‘‘ปชาปตี ตสฺส สุนิมฺมิตสฺส,

อจินฺติโย กมฺมวิปาก ตสฺสา;

ยเมตํ ปุจฺฉสิ ‘กุหึ อุปฺปนฺนา สา’ติ,

ตํ เต วิยากาสึ อนฺถา อห’’นฺติ.

๗๔๕. ตตฺถ วิฺาตธมฺมาติ วิฺาตสาสนธมฺมา, ปฏิวิทฺธจตุสจฺจธมฺมาติ อตฺโถ.

๗๔๖. สุนิมฺมิตสฺสาติ สุนิมฺมิตสฺส เทวราชสฺส. อจินฺติโย กมฺมวิปาก ตสฺสาติ วิภตฺติโลปํ กตฺวา นิทฺเทโส, ตสฺสา มม สขิยา นิพฺพานรตีสุ นิพฺพตฺตาย กมฺมวิปาโก ปุฺกมฺมสฺส วิปากภูตา ทิพฺพสมฺปตฺติ อจินฺติยา อปฺปเมยฺยาติ อตฺโถ. อนฺถาติ อวิปรีตํ ยถาสภาวโต. กถํ ปนายํ ตสฺสา สมฺปตฺตึ อฺาสีติ? สุภทฺทา วิย ภทฺทาย, วิสาขาปิ เทวธีตา อิมิสฺสา สนฺติกํ อคมาสิ.

อิทานิ เทวธีตา เถรํ อฺเสมฺปิ ทานสมาทปเน นิโยเชนฺตี อิมาหิ คาถาหิ ธมฺมํ เทเสสิ –

๗๔๗.

‘‘เตนหฺเปิ สมาทเปถ, สงฺฆสฺส ทานานิ ททาถ วิตฺตา;

ธมฺมฺจ สุณาถ ปสนฺนมานสา, สุทุลฺลโภ ลทฺโธ มนุสฺสลาโภ.

๗๔๘.

‘‘ยํ มคฺคํ มคฺคาธิปตี อเทสยิ, พฺรหฺมสฺสโร กฺจนสนฺนิภตฺตโจ;

สงฺฆสฺส ทานานิ ททาถ วิตฺตา, มหปฺผลา ยตฺถ ภวนฺติ ทกฺขิณา.

๗๔๙.

‘‘เย ปุคฺคลา อฏฺ สตํ ปสตฺถา, จตฺตาริ เอตานิ ยุคานิ โหนฺติ;

เต ทกฺขิเณยฺยา สุคตสฺส สาวกา, เอเตสุ ทินฺนานิ มหปฺผลานิ.

๗๕๐.

‘‘จตฺตาโร จ ปฏิปนฺนา, จตฺตาโร จ ผเล ิตา;

เอส สงฺโฆ อุชุภูโต, ปฺาสีลสมาหิโต.

๗๕๑.

‘‘ยชมานานํ มนุสฺสานํ, ปุฺเปกฺขาน ปาณินํ;

กโรตํ โอปธิกํ ปุฺํ, สงฺเฆ ทินฺนํ มหปฺผลํ.

๗๕๒.

‘‘เอโส หิ สงฺโฆ วิปุโล มหคฺคโต, เอสปฺปเมยฺโย อุทธีว สาคโร;

เอเต หิ เสฏฺา นรวีรสาวกา, ปภงฺกรา ธมฺมมุทีรยนฺติ.

๗๕๓.

‘‘เตสํ สุทินฺนํ สุหุตํ สุยิฏฺํ, เย สงฺฆมุทฺทิสฺส ททนฺติ ทานํ;

สา ทกฺขิณา สงฺฆคตา ปติฏฺิตา, มหปฺผลา โลกวิทูน วณฺณิตา.

๗๕๔.

‘‘เอตาทิสํ ยฺมนุสฺสรนฺตา, เย เวทชาตา วิจรนฺติ โลเก;

วิเนยฺย มจฺเฉรมลํ สมูลํ, อนินฺทิตา สคฺคมุเปนฺติ าน’’นฺติ.

๗๔๗. ตตฺถ เตนหฺเปีติ เตนหิ อฺเปิ. เตนาติ จ เตน การเณน, หีติ นิปาตมตฺตํ. ‘‘สมาทเปถา’’ติ วตฺวา สมาทปนาการํ ทสฺเสตุํ ‘‘สงฺฆสฺส ทานานิ ททาถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อฏฺหิ อกฺขเณหิ วชฺชิตํ มนุสฺสภาวํ สนฺธายาห ‘‘สุทุลฺลโภ ลทฺโธ มนุสฺสลาโภ’’ติ. ตตฺถ อฏฺ อกฺขณา นาม ตโย อปายา อรูปา อสฺสตฺตา ปจฺจนฺตเทโส อินฺทฺริยานํ เวกลฺลํ นิยตมิจฺฉาทิฏฺิกตา อปาตุภาโว พุทฺธสฺสาติ.

๗๔๘. ยํ มคฺคนฺติ ยํ เขตฺตวิเสเส กตํ ทานํ, ตํ เอกนฺเตน สุคติสมฺปาปนโต สุคติคามิมคฺคํ อปายมคฺคโต ชคฺฆมคฺคาทิโต จ อติวิย เสฏฺภาเวน มคฺคาธิปนฺติ กตฺวา. ทานมฺปิ หิ สทฺธาหิริโย วิย ‘‘เทวโลกคามิมคฺโค’’ติ วุจฺจติ. ยถาห –

‘‘สทฺธา หิริยํ กุสลฺจ ทานํ, ธมฺมา เอเต สปฺปุริสานุยาตา;

เอตฺหิ มคฺคํ ทิวิยํ วทนฺติ, เอเตน หิ คจฺฉติ เทวโลก’’นฺติ.(อ. นิ. ๘.๓๒; กถา. ๔๘๐);

‘‘มคฺคาธิปตี’’ติ วา ปาโ, ตสฺส อริยมคฺเคน สเทวกสฺส โลกสฺส อธิปติภูโต สตฺถาติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. สงฺฆสฺส ทานานิ ททาถาติอาทินา ปุนปิ ทกฺขิเณยฺเยสุ ทานสํวิภาเค นิโยเชนฺตี อาห.

๗๔๙. อิทานิ ตํ ทกฺขิเณยฺยํ อริยสงฺฆํ สรูปโต ทสฺเสนฺตี ‘‘เย ปุคฺคลา อฏฺ สตํ ปสตฺถา’’ติ คาถมาห. ตตฺถ เยติ อนิยมิตนิทฺเทโส. ปุคฺคลาติ สตฺตา. อฏฺาติ เตสํ คณนปริจฺเฉโท. เต หิ จตฺตาโร จ ปฏิปนฺนา จตฺตาโร จ ผเล ิตาติ อฏฺ โหนฺติ. สตํ ปสตฺถาติ สปฺปุริเสหิ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธสาวเกหิ อฺเหิ จ เทวมนุสฺเสหิ ปสฺสตฺถา. กสฺมา? สหชาตสีลาทิคุณโยคโต. เตสฺหิ จมฺปกพกุลกุสุมาทีนํ วิย สหชาตวณฺณคนฺธาทโย สหชาตสีลสมาธิอาทโย คุณา, เตน เต วณฺณคนฺธาทิสมฺปนฺนานิ วิย ปุปฺผานิ เทวมนุสฺสานํ สตํ ปิยา มนาปา ปาสํสิยา จ โหนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘เย ปุคฺคลา อฏฺ สตํ ปสตฺถา’’ติ. เต ปน สงฺเขปโต โสตาปตฺติมคฺคฏฺโ ผลฏฺโติ เอกํ ยุคํ, เอวํ ยาว อรหตฺตมคฺคฏฺโ ผลฏฺโติ เอกํ ยุคนฺติ จตฺตาริ ยุคานิ โหนฺติ. เตนาห ‘‘จตฺตาริ เอตานิ ยุคานิ โหนฺติ เต ทกฺขิเณยฺยา’’ติ. เตติ ปุพฺเพ อนิยมโต อุทฺทิฏฺานํ นิยเมตฺวา ทสฺสนํ. เต หิ สพฺเพปิ กมฺมํ กมฺมผลฺจ สทฺทหิตฺวา ทาตพฺพเทยฺยธมฺมสงฺขาตํ ทกฺขิณํ อรหนฺตีติ ทกฺขิเณยฺยา คุณวิเสสโยเคน ทานสฺส มหปฺผลภาวสาธนโต. สุคตสฺส สาวกาติ สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ธมฺมสวนนฺเต อริยาย ชาติยา ชาตตาย ตํ ธมฺมํ สุณนฺตีติ สาวกา. เอเตสุ ทินฺนานิ มหปฺผลานีติ เอเตสุ สุคตสฺส สาวเกสุ อปฺปกานิปิ ทานานิ ทินฺนานิ ปฏิคฺคาหกโต ทกฺขิณาวิสุทฺธิยา มหปฺผลานิ โหนฺติ. เตนาห ภควา ‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, สงฺฆา วา คณา วา, ตถาคตสาวกสงฺโฆ เตสํ อคฺคมกฺขายตี’’ติอาทิ (อ. นิ. ๔.๓๔; ๕.๓๒; อิติวุ. ๙๐).

๗๕๐. จตฺตาโร จ ปฏิปนฺนาติอาทิ เหฏฺา วุตฺตตฺถเมว.

อิธ ปน อายสฺมา อนุรุทฺโธ อตฺตนา เทวตาย จ วุตฺตมตฺถํ มนุสฺสโลกํ อาคนฺตฺวา ภควโต อาโรเจสิ. ภควา ตมตฺถํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา สมฺปตฺตปริสาย ธมฺมํ เทเสสิ. สา เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา อโหสีติ.

วิหารวิมานวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. จตุริตฺถิวิมานวณฺณนา

อภิกฺกนฺเตน วณฺเณนาติ จตุริตฺถิวิมานํ. ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควติ สาวตฺถิยํ วิหรนฺเต อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เหฏฺา วุตฺตนเยน เทวจาริกํ จรนฺโต ตาวตึสภวนํ คโต. โส ตตฺถ ปฏิปาฏิยา ิเตสุ จตูสุ วิมาเนสุ จตสฺโส เทวธีตโร ปจฺเจกํ อจฺฉราสหสฺสปริวารา ทิพฺพสมฺปตฺตึ อนุภวนฺติโย ทิสฺวา ตาหิ ปุพฺเพ กตกมฺมํ ปุจฺฉนฺโต –

๗๕๕. ‘‘อภิกฺกนฺเตน วณฺเณน…เป…วณฺโณ จ เต สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ. –

อิมาหิ คาถาหิ ปฏิปาฏิยา ปุจฺฉิ. ตาปิ ตสฺส ปุจฺฉานนฺตรํ ปฏิปาฏิยา พฺยากรึสุ. ตํ ทสฺเสตุํ –

๗๕๘. ‘‘สา เทวตา อตฺตมนา…เป…ยสฺส กมฺมสฺสิทํ ผล’’นฺติ. –

อยํ คาถา วุตฺตา.

ตา กิร กสฺสปสฺส ภควโต กาเล เอสิกานามเก รฏฺเ ปณฺณกเต นาม นคเร กุลเคเห นิพฺพตฺตา วยปฺปตฺตา ตสฺมึเยว นคเร ปติกุลํ คตา สมคฺควาสํ วสนฺติ. ตาสุ เอกา อฺตรํ ปิณฺฑจาริกํ ภิกฺขุํ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺตา อินฺทีวรกลาปํ อทาสิ, อปรา อฺสฺส นีลุปฺปลหตฺถกํ อทาสิ, อปรา ปทุมหตฺถกํ อทาสิ, อปรา สุมนมกุฬานิ อทาสิ. ตา อปเรน สมเยน กาลํ กตฺวา ตาวตึสภวเน นิพฺพตฺตึสุ, ตาสํ อจฺฉราสหสฺสํ ปริวาโร อโหสิ. ตา ตตฺถ ยาวตายุกํ ทิพฺพสมฺปตฺตึ อนุภวิตฺวา ตโต จุตา ตสฺเสว กมฺมสฺส วิปากาวเสเสน อปราปรํ ตตฺเถว สํสรนฺติโย อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ตตฺเถว อุปฺปนฺนา วุตฺตนเยน อายสฺมตา มหาโมคฺคลฺลาเนน ปุจฺฉิตา. ตาสุ เอกา อตฺตนา กตํ ปุพฺพกมฺมํ เถรสฺส กเถนฺตี –

๗๕๙.

‘‘อินฺทีวรานํ หตฺถกํ อหมทาสึ, ภิกฺขุโน ปิณฺฑาย จรนฺตสฺส;

เอสิกานํ อุณฺณตสฺมึ, นครวเร ปณฺณกเต รมฺเม.

๗๖๐.

‘‘เตน เมตาทิโส วณฺโณ…เป…วณฺโณ จ เม สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ. –

อาห. อปรา –

๗๖๖.

‘‘นีลุปฺปลหตฺถกํ อหมทาสึ, ภิกฺขุโน ปิณฺฑาย จรนฺตสฺส;

เอสิกานํ อุณฺณตสฺมึ, นครวเร ปณฺณกเต รมฺเม.

๗๖๗. ‘‘เตน เมตาทิโส วณฺโณ…เป…วณฺโณ จ เม สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ. –

อาห. อปรา –

๗๗๓.

‘‘โอทาตมูลกํ หริตปตฺตํ, อุทกสฺมึ สเร ชาตํ อหมทาสึ;

ภิกฺขุโน ปิณฺฑาย จรนฺตสฺส, เอสิกานํ อุณฺณตสฺมึ;

นครวเร ปณฺณกเต รมฺเม.

๗๗๔. ‘‘เตน เมตาทิโส วณฺโณ…เป…วณฺโณ จ เม สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ. –

อาห. อปรา

๗๘๐.

‘‘อหํ สุมนา สุมนสฺส สุมนมกุฬานิ, ทนฺตวณฺณานิ อหมทาสึ;

ภิกฺขุโน ปิณฺฑาย จรนฺตสฺส, เอสิกานํ อุณฺณตสฺมึ;

นครวเร ปณฺณกเต รมฺเม.

๗๘๑. ‘‘เตน เมตาทิโส วณฺโณ…เป…วณฺโณ จ เม สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ. –

อาห.

๗๕๙. ตตฺถ อินฺทีวรานํ หตฺถกนฺติ อุทฺทาลกปุปฺผหตฺถํ วาตฆาตกปุปฺผกลาปํ. เอสิกานนฺติ เอสิการฏฺสฺส. อุณฺณตสฺมึ นครวเรติ อุณฺณเต ภูมิปเทเส นิวิฏฺเ เมโฆทรํ ลิหนฺเตหิ วิย อจฺจุคฺคเตหิ ปาสาทกูฏาคาราทีหิ อุณฺณเต อุตฺตมนคเร. ปณฺณกเตติ เอวํนามเก นคเร.

๗๖๖. นีลุปฺปลหตฺถกนฺติ กุวลยกลาปํ.

๗๗๓. โอทาตมูลกนฺติ เสตมูลํ, ภิสมูลานํ ธวลตาย วุตฺตํ, ปทุมกลาปํ สนฺธาย วทติ. เตนาห ‘‘หริตปตฺต’’นฺติอาทิ. ตตฺถ หริตปตฺตนฺติ นีลปตฺตํ. อวิชหิตมกุฬปตฺตสฺส หิ ปทุมสฺส พาหิรปตฺตานิ หริตวณฺณานิ เอว โหนฺติ. อุทกสฺมึ สเร ชาตนฺติ สเร อุทกมฺหิ ชาตํ, สโรรุหนฺติ อตฺโถ.

๗๘๐. สุมนาติ เอวํนามา. สุมนสฺสาติ สุนฺทรจิตฺตสฺส. สุมนมกุฬานีติ ชาติสุมนปุปฺผมกุฬานิ. ทนฺตวณฺณานีติ สชฺชุกํ อุลฺลิขิตหตฺถิทนฺตสทิสวณฺณานิ.

เอวํ ตาหิ อตฺตนา กตกมฺเม กถิเต เถโร ตาสํ อนุปุพฺพึ กถํ กเถตฺวา สจฺจานิ ปกาเสสิ. สจฺจปริโยสาเน สา สพฺพาปิ สหปริวารา โสตาปนฺนา อเหสุํ. เถโร ตํ ปวตฺตึ มนุสฺสโลกํ อาคนฺตฺวา ภควโต อาโรเจสิ. ภควา ตมตฺถํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา สมฺปตฺตปริสาย ธมฺมํ เทเสสิ. สา ธมฺมเทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา ชาตาติ.

จตุริตฺถิวิมานวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. อมฺพวิมานวณฺณนา

ทิพฺพํ เต อมฺพวนํ รมฺมนฺติ อมฺพวิมานํ. ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน. เตน สมเยน สาวตฺถิยํ อฺตรา อุปาสิกา อาวาสทานสฺส มหปฺผลตํ มหานิสํสตฺจ สุตฺวา ฉนฺทชาตา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอวมาห ‘‘อหํ, ภนฺเต, เอกํ อาวาสํ กาเรตุกามา, อิจฺฉามิ ตาทิสํ โอกาสํ, อาจิกฺขตู’’ติ. ภควา ภิกฺขู อาณาเปสิ, ภิกฺขู ตสฺสา โอกาสํ ทสฺเสสุํ. สา ตตฺถ รมณียํ อาวาสํ กาเรตฺวา ตสฺส สมนฺตโต อมฺพรุกฺเข โรเปสิ. โส อาวาโส สมนฺตโต อมฺพปนฺตีหิ ปริกฺขิตฺโต ฉายูทกสมฺปนฺโน มุตฺตาชาลสทิสวาลุกากิณฺณปณฺฑรภูมิภาโค อติวิย มโนหโร อโหสิ. สา ตํ วิหารํ นานาวณฺเณหิ วตฺเถหิ ปุปฺผทามคนฺธทามาทีหิ จ เทววิมานํ วิย อลงฺกริตฺวา เตลปทีปํ อาโรเปตฺวา อมฺพรุกฺเข จ อหเตหิ วตฺเถหิ เวเตฺวา สงฺฆสฺส นิยฺยาเทสิ.

สา อปรภาเค กาลํ กตฺวา ตาวตึสภวเน นิพฺพตฺติ, ตสฺสา มหนฺตํ วิมานํ ปาตุรโหสิ อมฺพวนปริกฺขิตฺตํ. สา ตตฺถ อจฺฉราคณปริวาริตา ทิพฺพสมฺปตฺตึ อนุภวติ. ตํ อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน อุปคนฺตฺวา อิมาหิ คาถาหิ ปุจฺฉิ –

๗๘๓.

‘‘ทิพฺพํ เต อมฺพวนํ รมฺมํ, ปาสาเทตฺถ มหลฺลโก;

นานาตูริยสงฺฆุฏฺโ, อจฺฉราคณโฆสิโต.

๗๘๔.

‘‘ปทีโป เจตฺถ ชลติ, นิจฺจํ โสวณฺณโย มหา;

ทุสฺสผเลหิ รุกฺเขหิ, สมนฺตา ปริวาริโต.

๗๘๕. ‘‘เกน เตตาทิโส วณฺโณ…เป…วณฺโณ จ เต สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ.

๗๘๗. ‘‘สา เทวตา อตฺตมนา…เป… ยสฺส กมฺมสฺสิทํ ผลํ’’.

๗๘๘.

‘‘อหํ มนุสฺเสสุ มนุสฺสภูตา, ปุริมาย ชาติยา มนุสฺสโลเก;

วิหารํ สงฺฆสฺส กาเรสึ, อมฺเพหิ ปริวาริตํ.

๗๘๙.

‘‘ปริโยสิเต วิหาเร, กาเรนฺเต นิฏฺิเต มเห;

อมฺเพหิ ฉาทยิตฺวาน, กตฺวา ทุสฺสมเย ผเล.

๗๙๐.

‘‘ปทีปํ ตตฺถ ชาเลตฺวา, โภชยิตฺวา คณุตฺตมํ;

นิยฺยาเทสึ ตํ สงฺฆสฺส, ปสนฺนา เสหิ ปาณิภิ.

๗๙๑.

‘‘เตน เม อมฺพวนํ รมฺมํ, ปาสาเทตฺถ มหลฺลโก;

นานาตูริยสงฺฆุฏฺโ, อจฺฉราคณโฆสิโต.

๗๙๒.

‘‘ปทีโป เจตฺถ ชลติ, นิจฺจํ โสวณฺณโย มหา;

ทุสฺสผเลหิ รุกฺเขหิ, สมนฺตา ปริวาริโต.

๗๙๓.

‘‘เตน เมตาทิโส วณฺโณ…เป…วณฺโณ จ เม สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ. –

สา เทวตา พฺยากาสิ.

๗๘๓. ตตฺถ มหลฺลโกติ มหนฺโต อายามวิตฺถาเรหิ อุพฺเพเธน จ วิปุโล, อุฬารตโมติ อตฺโถ. อจฺฉราคณโฆสิโตติ ตํ ปโมทิตุํ สงฺคีติวเสน เจว ปิยสลฺลาปวเสน จ อจฺฉราสงฺเฆน สมุคฺโฆสิโต.

๗๘๔. ปทีโป เจตฺถ ชลตีติ สูริยรสฺมิสมุชฺชลกิรณวิตาโน รตนปฺปทีโป จ เอตฺถ เอตสฺมึ ปาสาเท อภิชลติ. ทุสฺสผเลหีติ ทุสฺสานิ ผลานิ เอเตสนฺติ ทุสฺสผลา. เตหิ สมุคฺคิริยมานทิพฺพวตฺเถหีติ อตฺโถ.

๗๘๙. กาเรนฺเต นิฏฺิเต มเหติ กตปริโยสิตสฺส วิหารสฺส มเห ปูชาย กรียมานาย จ. กตฺวา ทุสฺสมเย ผเลติ ทุสฺเสเยว เตสํ อมฺพานํ ผลํ กตฺวา.

๗๙๐. คณุตฺตมนฺติ คณานํ อุตฺตมํ ภควโต สาวกสงฺฆํ. นิยฺยาเทสินฺติ สมฺปฏิจฺฉาเปสึ, อทาสินฺติ อตฺโถ. เสสํ วุตฺตนยเมว.

อมฺพวิมานวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. ปีตวิมานวณฺณนา

ปีตวตฺเถ ปีตธเชติ ปีตวิมานํ. ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควติ ปรินิพฺพุเต รฺา อชาตสตฺตุนา อตฺตนา ปฏิลทฺธา ภควโต สรีรธาตุโย คเหตฺวา ถูเป จ มเห จ กเต ราชคหวาสินี อฺตรา อุปาสิกา ปาโตว กตสรีรปฏิชคฺคนา ‘‘สตฺถุ ถูปํ ปูเชสฺสามี’’ติ ยถาลทฺธานิ จตฺตาริ โกสาตกีปุปฺผานิ คเหตฺวา สทฺธาเวเคน สมุสฺสาหิตมานสา มคฺคปริสฺสยํ อนุปธาเรตฺวาว ถูปาภิมุขี คจฺฉติ. อถ นํ ตรุณวจฺฉา คาวี อภิธาวนฺตี เวเคน อาปติตฺวา สิงฺเคน ปหริตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปสิ. สา ตาวเทว ตาวตึสภวเน นิพฺพตฺตนฺตี สกฺกสฺส เทวรฺโ อุยฺยานกีฬาย คจฺฉนฺตสฺส ปริวารภูตานํ อฑฺฒติยานํ นาฏกโกฏีนํ มชฺเฌ อตฺตโน สรีรปภาย ตา สพฺพา อภิภวนฺตี สห รเถน ปาตุรโหสิ. ตํ ทิสฺวา สกฺโก เทวราชา วิมฺหิตจิตฺโต อจฺฉริยพฺภุตชาโต ‘‘กีทิเสน นุ โข โอฬาริเกน กมฺมุนา อยํ เอทิสึ สุมหตึ เทวิทฺธิมุปาคตา’’ติ ตํ อิมาหิ คาถาหิ ปุจฺฉิ –

๗๙๕.

‘‘ปีตวตฺเถ ปีตธเช, ปีตาลงฺการภูสิเต;

ปีตจนฺทนลิตฺตงฺเค, ปีตอุปฺปลมาลินี.

๗๙๖.

‘‘ปีตปาสาทสยเน, ปีตาสเน ปีตภาชเน;

ปีตฉตฺเต ปีตรเถ, ปีตสฺเส ปีตพีชเน.

๗๙๗.

‘‘กึ กมฺมมกรี ภทฺเท, ปุพฺเพ มานุสเก ภเว;

เทวเต ปุจฺฉิตาจิกฺข, กิสฺส กมฺมสฺสิทํ ผล’’นฺติ.

สาปิสฺส อิมาหิ คาถาหิ พฺยากาสิ –

๗๙๘.

‘‘โกสาตกี นาม ลตตฺถิ ภนฺเต, ติตฺติกา อนภิจฺฉิตา;

ตสฺสา จตฺตาริ ปุปฺผานิ, ถูปํ อภิหรึ อหํ.

๗๙๙.

‘‘สตฺถุ สรีรมุทฺทิสฺส, วิปฺปสนฺเนน เจตสา;

นาสฺส มคฺคํ อเวกฺขิสฺสํ, น ตคฺคมนสา สตี.

๘๐๐.

‘‘ตโต มํ อวธี คาวี, ถูปํ อปตฺตมานสํ;

ตฺจาหํ อภิสฺเจยฺยํ, ภิยฺโย นูน อิโต สิยา.

๘๐๑.

‘‘เตน กมฺเมน เทวินฺท, มฆวา เทวกุฺชร;

ปหาย มานุสํ เทหํ, ตว สหพฺยมาคตา’’ติ.

๗๙๕-๖. ตตฺถ ปีตจนฺทนลิตฺตงฺเคติ สุวณฺณวณฺเณน จนฺทเนน อนุลิตฺตสรีเร. ปีตปาสาทสยเนติ สพฺพโสวณฺณมเยน ปาสาเทน สุวณฺณปริกฺขิตฺเตหิ สยเนหิ จ สมนฺนาคเต. เอวํ สพฺพตฺถ เหฏฺา อุปริ จ ปีตสทฺเทน สุวณฺณเมว คหิตนฺติ ทฏฺพฺพํ.

๗๙๘. ลตตฺถีติ ลตา อตฺถิ. ภนฺเตติ สกฺกํ เทวราชานํ คารเวน อาลปติ. อนภิจฺฉิตาติ น อภิกงฺขิตา.

๗๙๙. สรีรนฺติ สรีรภูตํ ธาตุํ. อวยเว จายํ สมุทายโวหาโร ยถา ‘‘ปโฏ ฑฑฺโฒ, สมุทฺโท ทิฏฺโ’’ติ จ. อสฺสาติ โครูปสฺส. มคฺคนฺติ อาคมนมคฺคํ. น อเวกฺขิสฺสนฺติ น โอโลกยึ. กสฺมา? น ตคฺคมนสา สตีติ, ตสฺสํ คาวิยํ คตมนา ปิตมนา น โหนฺตี, อฺทตฺถุ ภควโต ถูปคตมนา เอว สมานาติ อตฺโถ. ‘‘ตทงฺคมนสา สตี’’ติ จ ปาโ, ตทงฺเค ตสฺส ภควโต ธาตุยา องฺเค มโน เอติสฺสาติ ตทงฺคมนสา. เอวํภูตา อหํ ตทา ตสฺสา มคฺคํ นาเวกฺขิสฺสนฺติ ทสฺเสติ.

๘๐๐. ถูปํ อปตฺตมานสนฺติ ถูปํ เจติยํ อสมฺปตฺตอชฺฌาสยํ, มนสิ ภโวติ หิ มานโส, อชฺฌาสโย มโนรโถ. ‘‘ถูปํ อุปคนฺตฺวา ปุปฺเผหิ ปูเชสฺสามี’’ติ อุปฺปนฺนมโนรถสฺส อสมฺปุณฺณตาย เอวํ วุตฺตํ. ถูปํ เจติยํ ปน ปุปฺเผหิ ปูชนจิตฺตํ สิทฺธเมว, เยน สา เทวโลเก อุปฺปนฺน. ตฺจาหํ อภิสฺเจยฺยนฺติ ตฺเจ อหํ อภิสฺจิเนยฺยํ, ปุปฺผปูชเนน หิ ปุฺํ อหํ ถูปํ อภิคนฺตฺวา ยถาธิปฺปายํ ปูชเนน สมฺมเทว จิเนยฺยํ อุปจิเนยฺยนฺติ อตฺโถ. ภิยฺโย นูน อิโต สิยาติ อิโต ยถาลทฺธสมฺปตฺติโตปิ ภิยฺโย อุปริ อุตฺตริตรา สมฺปตฺติ สิยาติ มฺเติ อตฺโถ.

๘๐๑. มฆวา เทวกุฺชราติ อาลปนํ. ตตฺถ เทวกุฺชราติ สพฺพพลปรกฺกมาทิวิเสเสหิ เทเวสุ กุฺชรสทิโส. สหพฺยนฺติ สหภาวํ.

๘๐๒.

‘‘อิทํ สุตฺวา ติทสาธิปติ, มฆวา เทวกุฺชโร;

ตาวตึเส ปสาเทนฺโต, มาตลึ เอตทพฺรวี’’ติ. –

อิทํ ธมฺมสงฺคาหกวจนํ. ตโต สกฺโก มาตลิปมุขสฺส เทวคณสฺส อิมาหิ คาถาหิ ธมฺมํ เทเสสิ –

๘๐๓.

‘‘ปสฺส มาตลิ อจฺเฉรํ, จิตฺตํ กมฺมผลํ อิทํ;

อปฺปกมฺปิ กตํ เทยฺยํ, ปุฺํ โหติ มหปฺผลํ.

๘๐๔.

‘‘นตฺถิ จิตฺเต ปสนฺนมฺหิ, อปฺปกา นาม ทกฺขิณา;

ตถาคเต วา สมฺพุทฺเธ, อถ วา ตสฺส สาวเก.

๘๐๕.

‘‘เอหิ มาตลิ อมฺเหปิ, ภิยฺโย ภิยฺโย มเหมเส;

ตถาคตสฺส ธาตุโย, สุโข ปุฺานมุจฺจโย.

๘๐๖.

‘‘ติฏฺนฺเต นิพฺพุเต จาปิ, สเม จิตฺเต สมํ ผลํ;

เจโตปณิธิเหตุหิ, สตฺตา คจฺฉนฺติ สุคฺคตึ.

๘๐๗.

‘‘พหูนํ วต อตฺถาย, อุปฺปชฺชนฺติ ตถาคตา;

ยตฺถ การํ กริตฺวาน, สคฺคํ คจฺฉนฺติ ทายกา’’ติ.

๘๐๒. ตตฺถ ปสาเทนฺโตติ ปสนฺเน กโรนฺโต, รตนตฺตเย สทฺธํ อุปฺปาเทนฺโตติ อตฺโถ.

๘๐๓. จิตฺตนฺติ วิจิตฺตํ อจินฺเตยฺยํ. กมฺมผลนฺติ เทยฺยธมฺมสฺส อนุฬารตฺเตปิ เขตฺตสมฺปตฺติยา จ จิตฺตสมฺปตฺติยา จ อุฬารสฺส ปุฺกมฺมสฺส ผลํ ปสฺสาติ โยชนา. อปฺปกมฺปิ กตํ เทยฺยํ, ปุฺํ โหติ มหปฺผลนฺติ เอตฺถ กตนฺติ การวเสน สกฺการวเสน อายตเน วินิยุตฺตํ. เทยฺยนฺติ ทาตพฺพวตฺถุํ. ปุฺนฺติ ตถาปวตฺตํ ปุฺกมฺมํ.

๘๐๔. อิทานิ ยตฺถ อปฺปกมฺปิ กตํ ปุฺํ มหปฺผลํ โหติ, ตํ ปากฏํ กตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘นตฺถิ จิตฺเต ปสนฺนมฺหี’’ติ คาถมาห. ตํ สุวิฺเยฺยเมว.

๘๐๕-๖. อมฺเหปีติ มยมฺปิ. มเหมเสติ มหามเส ปูชามเส. เจโตปณิธิเหตุ หีติ อตฺตโน จิตฺตสฺส สมฺมเทว ปนนิมิตฺตํ, อตฺตสมฺมาปณิธาเนนาติ อตฺโถ. เตนาห ภควา –

‘‘น ตํ มาตาปิตา กยิรา, อฺเ วาปิ จ าตกา;

สมฺมา ปณิหิตํ จิตฺตํ, เสยฺยโส นํ ตโต กเร’’ติ. (ธ. ป. ๔๓);

เอวฺจ ปน วตฺวา สกฺโก เทวานมินฺโท อุยฺยานกีฬาย อุสฺสาหํ ปฏิปฺปสฺสมฺเภตฺวา ตโตว ปฏินิวตฺติตฺวา อตฺตนา อภิณฺหํ ปูชเนยฺยฏฺานภูเต จูฬามณิเจติเย สตฺตาหํ ปูชํ อกาสิ. อถ อปเรน สมเยน เทวจาริกํ คตสฺส อายสฺมโต นารทตฺเถรสฺส ตํ ปวตฺตึ คาถาเหว กเถสิ, เถโร ธมฺมสงฺคาหกานํ อาโรเจสิ, เต ตถา นํ สงฺคหํ อาโรเปสุนฺติ.

ปีตวิมานวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. อุจฺฉุวิมานวณฺณนา

โอภาสยิตฺวา ปถวึ สเทวกนฺติ อุจฺฉุวิมานํ. ตํ เหฏฺา อุจฺฉุวิมาเนน ปาฬิโต จ อฏฺุปฺปตฺติโต จ สทิสเมว. เกวลํ ตตฺถ สสฺสุ สุณิสํ ปีเกน ปหริตฺวา มาเรสิ, อิธ ปน เลฑฺฑุนาติ อยเมว วิเสโส. วตฺถุโน ปน ภินฺนตฺตา อุภยมฺปิ วิสุํเยว สงฺคหํ อารุฬฺหนฺติ เวทิตพฺพํ.

๘๐๘.

‘‘โอภาสยิตฺวา ปถวึ สเทวกํ, อติโรจสิ จนฺทิมสูริยา วิย;

สิริยา จ วณฺเณน ยเสน เตชสา, พฺรหฺมาว เทเว ติทเส สหินฺทเก.

๘๐๙.

‘‘ปุจฺฉามิ ตํ อุปฺปลมาลธารินี, อาเวฬินี กฺจนสนฺนิภตฺตเจ;

อลงฺกเต อุตฺตมวตฺถธารินี, กา ตฺวํ สุเภ เทวเต วนฺทเส มมํ.

๘๑๐.

‘‘กึ ตฺวํ ปุเร กมฺมมกาสิ อตฺตนา, มนุสฺสภูตา ปุริมาย ชาติยา;

ทานํ สุจิณฺณํ อถ สีลสฺมํ, เกนุปปนฺนา สุคตึ ยสสฺสินี;

เทวเต ปุจฺฉิตาจิกฺข, กิสฺส กมฺมสฺสิทํ ผล’’นฺติ. –

อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร ปุจฺฉิ. ตโต เทวตา อิมาหิ คาถาหิ พฺยากาสิ –

๘๑๑.

‘‘อิทานิ ภนฺเต อิมเมว คามํ, ปิณฺฑาย อมฺหากํ ฆรํ อุปาคมิ;

ตโต เต อุจฺฉุสฺส อทาสึ ขณฺฑิกํ, ปสนฺนจิตฺตา อตุลาย ปีติยา.

๘๑๒.

‘‘สสฺสุ จ ปจฺฉา อนุยุฺชเต มมํ, กหํ นุ อุจฺฉุํ วธุเก อวากิริ;

น ฉฑฺฑิตํ โน ปน ขาทิตํ มยา, สนฺตสฺส ภิกฺขุสฺส สยํ อทาสหํ.

๘๑๓.

‘‘‘ตุยฺหํ นฺวิทํ อิสฺสริยํ อโถ มม’, อิติสฺสา สสฺสุ ปริภาสเต มมํ;

เลฑฺฑุํ คเหตฺวา ปหารํ อทาสิ เม, ตโต จุตา กาลกตามฺหิ เทวตา.

๘๑๔.

‘‘ตเทว กมฺมํ กุสลํ กตํ มยา, สุขฺจ กมฺมํ อนุโภมิ อตฺตนา;

เทเวหิ สทฺธึ ปริจารยามหํ, โมทามหํ กามคุเณหิ ปฺจหิ.

๘๑๕.

‘‘ตเทว กมฺมํ กุสลํ กตํ มยา, สุขฺจ กมฺมํ อนุโภมิ อตฺตนา;

เทวินฺทคุตฺตา ติทเสหิ รกฺขิตา, สมปฺปิตา กามคุเณหิ ปฺจหิ.

๘๑๖.

‘‘เอตาทิสํ ปุฺผลํ อนปฺปกํ, มหาวิปากา มม อุจฺฉุทกฺขิณา;

เทเวหิ สทฺธึ ปริจารยามหํ, โมทามหํ กามคุเณหิ ปฺจหิ.

๘๑๗.

‘‘เอตาทิสํ ปุฺผลํ อนปฺปกํ, มหาชุติกา มม อุจฺฉุทกฺขิณา;

เทวินฺทคุตฺตา ติทเสหิ รกฺขิตา, สหสฺสเนตฺโตริว นนฺทเน วเน.

๘๑๘.

‘‘ตุวฺจ ภนฺเต อนุกมฺปกํ วิทุํ, อุเปจฺจ วนฺทึ กุสลฺจ ปุจฺฉิสํ;

ตโต เต อุจฺฉุสฺส อทาสึ ขณฺฑิกํ, ปสนฺนจิตฺตา อตุลาย ปีติยา’’ติ.

เสสํ วุตฺตสทิสเมวาติ.

อุจฺฉุวิมานวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๑. วนฺทนวิมานวณฺณนา

อภิกฺกนฺเตน วณฺเณนาติ วนฺทนวิมานํ. ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. เตน สมเยน สมฺพหุลา ภิกฺขู อฺตรสฺมึ คามกาวาเส วสฺสํ วสิตฺวา วุตฺถวสฺสา ปวาเรตฺวา เสนาสนํ ปฏิสาเมตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย สาวตฺถึ อุทฺทิสฺส ภควนฺตํ ทสฺสนตฺถาย คจฺฉนฺตา อฺตรสฺส คามสฺส มชฺเฌน อติกฺกมนฺติ. ตตฺถ อฺตรา อิตฺถี เต ภิกฺขู ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺตา สฺชาตคารวพหุมานา ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา สิรสฺมึ อฺชลึ ปคฺคยฺห ยาว ทสฺสนูปจารา ปสาทโสมฺมานิ อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา โอโลเกนฺตี อฏฺาสิ. สา อปเรน สมเยน กาลํ กตฺวา ตาวตึเสสุ นิพฺพตฺติ. อถ นํ ตตฺถ ทิพฺพสมฺปตฺตึ อนุภวนฺตึ อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน อิมาหิ คาถาหิ ปฏิปุจฺฉิ –

๘๑๙. ‘‘อภิกฺกนฺเตน วณฺเณน…เป…วณฺโณ จ เต สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ.

๘๒๒. ‘‘สา เทวตา อตฺตมนา…เป… ยสฺส กมฺมสฺสิทํ ผลํ’’.

๘๒๓.

‘‘อหํ มนุสฺเสสุ มนุสฺสภูตา, ทิสฺวาน สมเณ สีลวนฺเต;

ปาทานิ วนฺทิตฺวา มนํ ปสาทยึ, วิตฺตา จหํ อฺชลิกํ อกาสึ.

๘๒๔.

‘‘เตน เมตาทิโส วณฺโณ…เป…วณฺโณ จ เม สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ. –

อิมาหิ คาถาหิ พฺยากาสิ.

๘๒๓. ตตฺถ สมเณติ สมิตปาเป. สีลวนฺเตติ สีลคุณยุตฺเต. มนํ ปสาทยินฺติ ‘‘สาธุรูปา วติเม อยฺยา ธมฺมจาริโน สมจาริโน พฺรหฺมจาริโน’’ติ เตสํ คุเณ อารพฺภ จิตฺตํ ปสาเทสึ. วิตฺตา จหํ อฺชลิกํ อกาสินฺติ ตุฏฺา โสมนสฺสชาตา อหํ วนฺทึ. เปสลานํ ภิกฺขูนํ ปสาทวิกสิตานิ อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา ทสฺสนมตฺตมฺปิ อิเมสํ สตฺตานํ พหูปการํ, ปเคว วนฺทนาติ. เตนาห ‘‘เตน เมตาทิโส วณฺโณ’’ติอาทิ. เสสํ วุตฺตนยเมว.

วนฺทนวิมานวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๒. รชฺชุมาลาวิมานวณฺณนา

อภิกฺกนฺเตน วณฺเณนาติ รชฺชุมาลาวิมานํ. ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน. เตน สมเยน คยาคามเก อฺตรสฺส พฺราหฺมณสฺส ธีตา ตสฺมึเยว คาเม เอกสฺส พฺราหฺมณกุมารสฺส ทินฺนา ปติกุลํ คตา, ตสฺมึ เคเห อิสฺสริยํ วตฺเตนฺตี ติฏฺติ. สา ตสฺมึ เคเห ทาสิยา ธีตรํ ทิสฺวา น สหติ. ทิฏฺกาลโต ปฏฺาย โกเธน ตฏตฏายมานา อกฺโกสติ ปริภาสติ, ขฏกฺจสฺสา เทติ. ยทา ปน สา วยปฺปตฺติยา กิจฺจสมตฺถา ชาตา, ตทา นํ ชณฺณุกปฺปรมุฏฺีหิ ปหรเตว ยถา ตํ ปุริมชาตีสุ พทฺธาฆาตา.

สา กิร ทาสี กสฺสปทสพลสฺส กาเล ตสฺสา สามินี อโหสิ, อิตรา ทาสี. สา ตํ เลฑฺฑุทณฺฑาทีหิ มุฏฺิอาทีหิ จ อภิณฺหํ อภิหนติ. สา เตน นิพฺพินฺนา ยถาพลํ ทานาทีนิ ปุฺานิ กตฺวา ‘‘อนาคเต อหํ สามินี หุตฺวา อิมิสฺสา อุปริ อิสฺสริยํ วตฺเตยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ เปสิ. อถ สา ทาสี ตโต จุตา อปราปรํ สํสรนฺตี อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท วุตฺตนเยน คยาคามเก พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา ปติกุลํ คตา, อิตราปิ ตสฺสา ทาสี อโหสิ. เอวํ พทฺธาฆาตตาย สา ตํ วิเหเติ.

เอวํ วิเหเนฺตี อการเณเนว เกเสสุ คเหตฺวา หตฺเถหิ จ ปาเทหิ จ สุหตํ หนิ. สา นฺหาปิตสาลํ คนฺตฺวา ขุรมุณฺฑํ กาเรตฺวา อคมาสิ. สามินี ‘‘กึ เช ทุฏฺทาสิ มุณฺฑนมตฺเตน ตว วิปฺปโมกฺโข’’ติ รชฺชุํ สีเส พนฺธิตฺวา ตตฺถ นํ คเหตฺวา โอณเมตฺวา ฆาเตติ, ตสฺสา ตฺจ รชฺชุํ อปเนตุํ น เทติ. ตโต ปฏฺาย ทาสิยา ‘‘รชฺชุมาลา’’ติ นามํ อโหสิ.

อเถกทิวสํ สตฺถา ปจฺจูสสมเย มหากรุณาสมาปตฺติโต วุฏฺาย โลกํ โวโลเกนฺโต รชฺชุมาลาย โสตาปตฺติผลูปนิสฺสยํ, ตสฺสา จ พฺราหฺมณิยา สรเณสุ สีเลสุ จ ปติฏฺานํ ทิสฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล นิสีทิ ฉพฺพณฺณา พุทฺธรสฺมิโย วิสฺสชฺเชนฺโต. รชฺชุมาลาปิ โข ทิวเส ทิวเส ตาย ตถา วิเหิยมานา ‘‘กึ เม อิมินา ทุชฺชีวิเตนา’’ติ นิพฺพินฺนรูปา ชีวิเต มริตุกามา ฆฏํ คเหตฺวา อุทกติตฺถํ คจฺฉนฺตี วิย เคหโต นิกฺขนฺตา อนุกฺกเมน วนํ ปวิสิตฺวา ภควโต นิสินฺนรุกฺขสฺส อวิทูเร อฺตรสฺส รุกฺขสฺส สาขาย รชฺชุํ พนฺธิตฺวา ปาสํ กตฺวา อุพฺพนฺธิตุกามา อิโต จิโต จ โอโลเกนฺตี อทฺทส ภควนฺตํ ตตฺถ นิสินฺนํ ปาสาทิกํ ปสาทนียํ อุตฺตมทมถสมถมนุปฺปตฺตํ ฉพฺพณฺณพุทฺธรสฺมิโย วิสฺสชฺเชนฺตํ. ทิสฺวา พุทฺธคารเวน อากฑฺฒิยมานหทยา ‘‘กึ นุ โข ภควา มาทิสานมฺปิ ธมฺมํ เทเสติ, ยมหํ สุตฺวา อิโต ทุชฺชีวิตโต มุจฺเจยฺย’’นฺติ จินฺเตสิ.

อถ ภควา ตสฺสา จิตฺตาจารํ โอโลเกตฺวา ‘‘รชฺชุมาเล’’ติ อาห. สา ตํ สุตฺวา อมเตน วิย อภิสิตฺตา ปีติยา นิรนฺตรํ ผุฏฺา ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. ตสฺสา ภควา อนุปุพฺพิกถานุปุพฺพกํ จตุสจฺจกถํ กเถสิ, สา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. สตฺถา ‘‘วฏฺฏติ เอตฺตโก รชฺชุมาลาย อนุคฺคโห, อิทาเนสา เกนจิ อปฺปธํสิยา ชาตา’’ติ อรฺโต นิกฺขมิตฺวา คามสฺส อวิทูเร อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล นิสีทิ. รชฺชุมาลาปิ อตฺตานํ วินิปาเตตุํ อภพฺพตาย ขนฺติเมตฺตานุทฺทยสมฺปนฺนตาย จ ‘‘พฺราหฺมณี มํ หนตุ วา วิเหเตุ วา ยํ วา ตํ วา กโรตู’’ติ ฆเฏน อุทกํ คเหตฺวา เคหํ อคมาสิ. สามิโก เคหทฺวาเร ิโต ตํ ทิสฺวา ‘‘ตฺวํ อชฺช อุทกติตฺถํ คตา จิรายิตฺวา อาคตา, มุขวณฺโณ จ เต อติวิย วิปฺปสนฺโน, ตฺวฺจ อฺเน อากาเรน อุปฏฺาสิ, กึ เอต’’นฺติ ปุจฺฉิ. สา ตสฺส ตํ ปวตฺตึ อาจิกฺขิ.

พฺราหฺมโณ ตสฺสา วจนํ สุตฺวา ตุสฺสิตฺวา เคหํ คนฺตฺวา รชฺชุมาลาย อุปริ ‘‘ตยา น กิฺจิ กาตพฺพ’’นฺติ สุณิสาย วตฺวา ตุฏฺมานโส สีฆตรํ สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา สาทเรน กตปฏิสนฺถาโร สตฺถารํ นิมนฺเตตฺวา อตฺตโน เคหํ อาเนตฺวา ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน ปริวิสิตฺวา ภควนฺตํ ภุตฺตาวึ โอนีตปตฺตปาณึ อุปสงฺกมิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ, สุณิสาปิสฺส อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. คยาคามวาสิโนปิ พฺราหฺมณคหปติกา ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา อปฺเปกจฺเจ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ, อปฺเปกจฺเจ สมฺโมทนียํ กตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ.

สตฺถา รชฺชุมาลาย ตสฺสา จ พฺราหฺมณิยา ปุริมชาตีสุ กตกมฺมํ วิตฺถารโต กเถตฺวา สมฺปตฺตปริสาย อนุรูปํ ธมฺมํ เทเสสิ. ตํ สุตฺวา พฺราหฺมณี จ มหาชโน จ ตตฺถ สนฺนิปติโต สรเณสุ จ สีเลสุ จ ปติฏฺหิ. สตฺถา อาสนา อุฏฺหิตฺวา สาวตฺถิเมว อคมาสิ. พฺราหฺมโณ รชฺชุมาลํ ธีตุฏฺาเน เปสิ. ตสฺส สุณิสา รชฺชุมาลํ ปิยจกฺขูหิ โอโลเกนฺตี ยาวชีวํ มนาเปเนว สิเนเหน ปริหริ. รชฺชุมาลา อปรภาเค กาลํ กตฺวา ตาวตึเสสุ นิพฺพตฺติ, อจฺฉราสหสฺสฺจสฺสา ปริวาโร อโหสิ. สา สฏฺิสกฏภารปฺปมาเณหิ ทิพฺพาภรเณหิ ปฏิมณฺฑิตตฺตภาวา อจฺฉราสหสฺสปริวุตฺตา นนฺทนวนาทีสุ มหตึ ทิพฺพสมฺปตฺตึ อนุภวมานา ปมุทิตมนา วิจรติ. อถายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เทวจาริกํ คโต ตํ มหนฺเตน ทิพฺพานุภาเวน มหติยา เทวิทฺธิยา วิชฺโชตมานํ ทิสฺวา ตาย กตกมฺมํ อิมาหิ คาถาหิ ปุจฺฉิ.

๘๒๖.

‘‘อภิกฺกนฺเตน วณฺเณน, ยา ตฺวํ ติฏฺสิ เทวเต;

หตฺเถ ปาเท จ วิคฺคยฺห, นจฺจสิ สุปฺปวาทิเต.

๘๒๗.

‘‘ตสฺสา เต นจฺจมานาย, องฺคมงฺเคหิ สพฺพโส;

ทิพฺพา สทฺทา นิจฺฉรนฺติ, สวนียา มโนรมา.

๘๒๘.

‘‘ตสฺสา เต นจฺจมานาย, องฺคมงฺเคหิ สพฺพโส;

ทิพฺพา คนฺธา ปวายนฺติ, สุจิคนฺธา มโนรมา.

๘๒๙.

‘‘วิวตฺตมานา กาเยน, ยา เวณีสุ ปิฬนฺธนา;

เตสํ สุยฺยติ นิคฺโฆโส, ตูริเย ปฺจงฺคิเก ยถา.

๘๓๐.

‘‘วฏํสกา วาตธุตา, วาเตน สมฺปกมฺปิตา;

เตสํ สุยฺยติ นิคฺโฆโส, ตูริเย ปฺจงฺคิเก ยถา.

๘๓๑.

‘‘ยาปิ เต สิรสฺมึ มาลา, สุจิคนฺธา มโนรมา;

วาติ คนฺโธ ทิสา สพฺพา, รุกฺโข มฺชูสโก ยถา.

๘๓๒.

‘‘ฆายเส ตํ สุจิคนฺธํ, รูปํ ปสฺสสิ อมานุสํ;

เทวเต ปุจฺฉิตาจิกฺข, กิสฺส กมฺมสฺสิทํ ผล’’นฺติ.

๘๒๖. ตตฺถ หตฺเถ ปาเท จ วิคฺคยฺหาติ หตฺเถ จ ปาเท จ วิวิเธหิ อากาเรหิ คเหตฺวา, ปุปฺผมุฏฺิปุปฺผฺชลิอาทิเภทสฺส สาขาภินยสฺส ทสฺสนวเสน วิวิเธหิ อากาเรหิ หตฺเถ, จ, สมปาทาทีนมฺปิ านวิเสสานํ ทสฺสนวเสน วิวิเธหิ อากาเรหิ ปาเท จ อุปาทิยิตฺวาติ อตฺโถ. จ-สทฺเทน สาขาภินยํ สงฺคณฺหาติ. นจฺจสีติ นฏสิ. ยา ตฺวนฺติ ยา วุตฺตนยวเสน นจฺจํ กโรสีติ อตฺโถ. สุปฺปวาทิเตติ สุนฺทเร ปวชฺชเน สติ ตว นจฺจสฺส อนุรูปวเสน วีณาวํสมุทิงฺคตาฬาทิเก วาทิยมาเน, ปฺจงฺคิเก ตูริเย ปคฺคยฺหมาเนติ อตฺโถ. เสสํ เหฏฺาวิมาเน วุตฺตนยเมว.

เอวํ เถเรน ปุจฺฉิตา สา เทวตา อตฺตโน ปุริมชาติอาทึ อิมาหิ คาถาหิ พฺยากาสิ –

๘๓๓.

‘‘ทาสี อหํ ปุเร อาสึ, คยายํ พฺราหฺมณสฺสหํ;

อปฺปปุฺา อลกฺขิกา, รชฺชุมาลาติ มํ วิทุํ.

๘๓๔.

‘‘อกฺโกสานํ วธานฺจ, ตชฺชนาย จ อุคฺคตา;

กุฏํ คเหตฺวา นิกฺขมฺม, อคฺฉึ อุทหาริยา.

๘๓๕.

‘‘วิปเถ กุฏํ นิกฺขิปิตฺวา, วนสณฺฑํ อุปาคมึ;

‘อิเธวาหํ มริสฺสามิ, โก อตฺโถ ชีวิเตน เม’.

๘๓๖.

‘‘ทฬฺหํ ปาสํ กริตฺวาน, อาสุมฺภิตฺวาน ปาทเป;

ตโต ทิสา วิโลเกสึ, ‘โก นุ โข วนมสฺสิโต’.

๘๓๗.

‘‘ตตฺถทฺทสาสึ สมฺพุทฺธํ, สพฺพโลกหิตํ มุนึ;

นิสินฺนํ รุกฺขมูลสฺมึ, ฌายนฺตํ อกุโตภยํ.

๘๓๘.

‘‘ตสฺสา เม อหุ สํเวโค, อพฺภุโต โลมหํสโน;

‘โก นุ โข วนมสฺสิโต, มนุสฺโส อุทาหุ เทวตา’.

๘๓๙.

‘‘ปาสาทิกํ ปสาทนียํ, วนา นิพฺพนมาคตํ;

ทิสฺวา มโน เม ปสีทิ, นายํ ยาทิสกีทิโส.

๘๔๐.

‘‘คุตฺตินฺทฺริโย ฌานรโต, อพหิคฺคตมานโส;

หิโต สพฺพสฺส โลกสฺส, พุทฺโธ อยํ ภวิสฺสติ.

๘๔๑.

‘‘ภยเภรโว ทุราสโท, สีโหว คุหมสฺสิโต;

ทุลฺลภายํ ทสฺสนาย, ปุปฺผํ โอทุมฺพรํ ยถา.

๘๔๒.

‘‘โส มํ มุทูหิ วาจาหิ, อาลปิตฺวา ตถาคโต;

รชฺชุมาเลติ มํโวจ, สรณํ คจฺฉ ตถาคตํ.

๘๔๓.

‘‘ตาหํ คิรํ สุณิตฺวาน, เนลํ อตฺถวตึ สุจึ;

สณฺหํ มุทุฺจ วคฺคุฺจ, สพฺพโสกาปนูทนํ.

๘๔๔.

‘‘กลฺลจิตฺตฺจ มํ ตฺวา, ปสนฺนํ สุทฺธมานสํ;

หิโต สพฺพสฺส โลกสฺส, อนุสาสิ ตถาคโต.

๘๔๕.

‘‘อิทํ ทุกฺขนฺติ มํโวจ, อยํ ทุกฺขสฺส สมฺภโว;

ทุกฺขนิโรโธ มคฺโค จ, อฺชโส อมโตคโธ.

๘๔๖.

‘‘อนุกมฺปกสฺส กุสลสฺส, โอวาทมฺหิ อหํ ิตา;

อชฺฌคา อมตํ สนฺตึ, นิพฺพานํ ปทมจฺจุตํ.

๘๔๗.

‘‘สาหํ อวฏฺิตาเปมา, ทสฺสเน อวิกมฺปินี;

มูลชาตาย สทฺธาย, ธีตา พุทฺธสฺส โอรสา.

๘๔๘.

‘‘สาหํ รมามิ กีฬามิ, โมทามิ อกุโตภยา;

ทิพฺพมาลํ ธารยามิ, ปิวามิ มธุมทฺทวํ.

๘๔๙.

‘‘สฏฺิตูริยสหสฺสานิ, ปฏิโพธํ กโรนฺติ เม;

อาฬมฺโพ คคฺคโร ภีโม, สาธุวาที จ สํสโย.

๘๕๐.

‘‘โปกฺขโร จ สุผสฺโส จ, วิณาโมกฺขา จ นาริโย;

นนฺทา เจว สุนนฺทา จ, โสณทินฺนา สุจิมฺหิตา.

๘๕๑.

‘‘อลมฺพุสา มิสฺสเกสี จ, ปุณฺฑรีกาติทารุณี;

เอณีผสฺสา สุผสฺสา จ, สุภทฺทา มุทุวาทินี.

๘๕๒.

‘‘เอตา จฺา จ เสยฺยาเส, อจฺฉรานํ ปโพธิกา;

ตา มํ กาเลนุปาคนฺตฺวา, อภิภาสนฺติ เทวตา.

๘๕๓.

‘‘หนฺท นจฺจาม คายาม, หนฺท ตํ รมยามเส;

นยิทํ อกตปุฺานํ, กตปุฺานเมวิทํ.

๘๕๔.

‘‘อโสกํ นนฺทนํ รมฺมํ, ติทสานํ มหาวนํ;

สุขํ อกตปุฺานํ, อิธ นตฺถิ ปรตฺถ จ.

๘๕๕.

‘‘สุขฺจ กตปุฺานํ, อิธ เจว ปรตฺถ จ;

เตสํ สหพฺยกามานํ, กตฺตพฺพํ กุสลํ พหุํ;

กตปุฺา หิ โมทนฺติ, สคฺเค โภคสมงฺคิโน.

๘๕๖.

‘‘พหูนํ วต อตฺถาย, อุปฺปชฺชนฺติ ตถาคตา;

ทกฺขิเณยฺยา มนุสฺสานํ, ปุฺกฺเขตฺตานมากรา;

ยตฺถ การํ กริตฺวาน, สคฺเค โมทนฺติ ทายกา’’ติ.

๘๓๓. ตตฺถ ทาสี อหํ ปุเร อาสินฺติ ปุเร ปุริมชาติยํ อหํ อนฺโตชาตา ทาสี อโหสึ. ตตฺถ กสฺสาติ อาห ‘‘คยายํ พฺราหฺมณสฺสห’’นฺติ, คยานามเก คาเม อฺตรสฺส พฺราหฺมณสฺส. นฺติ นิปาตมตฺตํ. อปฺปปุฺาติ มนฺทภาคฺยา อปุฺา. อลกฺขิกาติ นิสฺสิริกา กาลกณฺณี. รชฺชุมาลาติ มํ วิทุนฺติ, เกเส คเหตฺวา อากฑฺฒนปริกฑฺฒนทุกฺเขน มุณฺฑเก กเต ปุนปิ ตทตฺถเมว สีเส ทฬฺหํ พนฺธิตฺวา ปิตรชฺชุกุณฺฑลกวเสน ‘‘รชฺชุมาลา’’ติ มํ มนุสฺสา ชานึสุ.

๘๓๔. วธานนฺติ ตาฬนานํ. ตชฺชนายาติ ภยสํตชฺชเนน. อุคฺคตาติ อุคฺคตาย โทมนสฺสุปฺปตฺติยา. อุทหาริยาติ อุทกหาริกา, อุทกํ อาหรนฺตี วิย หุตฺวาติ อธิปฺปาโย.

๘๓๕. วิปเถติ อปเถ, มคฺคโต อปกฺกมิตฺวาติ อตฺโถ. กฺวตฺโถติ โก อตฺโถ. โสเยว วา ปาโ.

๘๓๖. ทฬฺหํ ปาสํ กริตฺวานาติ พนฺธนปาสํ ถิรํ อจฺฉิชฺชนกํ กตฺวา. อาสุมฺภิตฺวาน ปาทเปติ วิฏเป ลคฺคนวเสน ปาทเป รุกฺเข ขิปิตฺวา. ตโต ทิสา วิโลเกสึ, โก นุ โข วนมสฺสิโตติ อิมํ วนํ ปวิสนวเสน อสฺสิโต นุ โข โกจิ อตฺถิ, ยโต เม มรณนฺตราโย สิยาติ อธิปฺปาโย.

๘๓๗. สมฺพุทฺธนฺติอาทิ ตทา ตสฺสา ตาทิเส นิจฺฉเย อสติปิ สภาววเสน วุตฺตํ. ตสฺสตฺโถ – สยเมว สมฺมเทว จ สพฺพสฺสาปิ พุชฺฌิตพฺพสฺส พุทฺธตฺตา สมฺพุทฺธํ, มหากรุณาโยเคน หีนาทิเภทภินฺนสฺส สพฺพสฺสาปิ โลกสฺส เอกนฺตหิตตฺตา สพฺพโลกหิตํ, อุภยโลกํ มุนนโต มุนึ, นิสชฺชาวเสน กิเลสาภิสงฺขาเรหิ านา จาวนาภาเวน จ นิสินฺนํ, อารมฺมณูปนิชฺฌาเนน ลกฺขณูปนิชฺฌาเนน จ ฌายนฺตํ, โพธิมูเลเยว ภยเหตูนํ สมุจฺฉินฺนตฺตา กุโตจิปิ ภยาภาวโต อกุโตภยนฺติ เวทิตพฺพํ.

๘๓๘. สํเวโค นาม สโหตฺตปฺปํ าณํ, โส ตสฺสา ภควโต ทสฺสเนน อุปฺปชฺชิ. เตนาห ‘‘ตสฺสา เม อหุ สํเวโค’’ติ.

๘๓๙. ปาสาทิกนฺติ ปสาทาวหํ, ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณอสีติอนุพฺยฺชนพฺยามปฺปภาเกตุมาลาลงฺกตาย สมนฺตปาสาทิกาย อตฺตโน สรีรโสภาสมฺปตฺติยา รูปกายทสฺสนพฺยาวฏสฺส ชนสฺส สาธุภาวโต ปสาทสํวฑฺฒนนฺติ อตฺโถ. ปสาทนียนฺติ ทสพล-จตุเวสารชฺชฉอสาธารณาณ-อฏฺารสาเวณิก-พุทฺธธมฺมปภุติอปริมาณคุณสมนฺนาคตาย ธมฺมกายสมฺปตฺติยา สริกฺขกชนสฺส ปสีทิตพฺพยุตฺตํ, ปาสาทิกนฺติ อตฺโถ. วนาติ กิเลสวนโต อปกฺกมิตฺวา. นิพฺพนมาคตนฺติ นิตฺตณฺหภาวํ นิพฺพานเมว อุปคตํ อธิคตํ. ยาทิสกีทิโสติ โย วา โส วา, ปจุรชโนติ อตฺโถ.

๘๔๐-๔๑. มนจฺฉฏฺานํ อินฺทฺริยานํ อคฺคมคฺคโคปนาย โคปิตตฺตา คุตฺตินฺทฺริโย. อคฺคผลชฺฌานาภิรติยา ฌานรโต. ตโต เอว พหิภูเตหิ รูปาทิอารมฺมเณหิ อปกฺกมิตฺวา วิสยชฺฌตฺเต นิพฺพาเน จ โอคาฬฺหจิตฺตตาย อพหิคฺคตมานโส. มิจฺฉาคาหโมจนภเยน วิปลฺลาสวนฺเตหิ มิจฺฉาทิฏฺิเกหิ ภายิตพฺพโต เตสฺจ ภยชนนโต ภยเภรโว. ปโยคาสยวิปนฺเนหิ อนุปคมนียโต จ เกนจิปิ อนาสาทนียโต จ ทุราสโท. ทุลฺลภายนฺติ ทุลฺลโภ อยํ. ทสฺสนายาติ ทฏฺุมฺปิ. ปุปฺผํ โอทุมฺพรํ ยถาติ ยถา นาม อุทุมฺพเร ภวํ ปุปฺผํ ทุลฺลภทสฺสนํ, กทาจิเทว ภเวยฺย, น วา ภเวยฺย, เอวํ อีทิสสฺส อุตฺตมปุคฺคลสฺสาติ อตฺโถ.

๘๔๒. โส ตถาคโต มุทูหิ วาจาหิ สณฺหาย วาจาย ‘‘รชฺชุมาเล’’ติ มํ อาลปิตฺวา อามนฺเตตฺวา สรณํ คจฺฉ ตถาคตนฺติ ‘‘ตถา อาคโต’’ติอาทินา ตถาคตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ สรณํ คจฺฉาติ มํ อโวจ อภาสีติ โยชนา.

๘๔๓-๔. ตาหนฺติ ตํ อหํ. คิรนฺติ วาจํ. เนลนฺติ นิทฺโทสํ. อตฺถวตินฺติ อตฺถยุตฺตํ สาตฺถํ, เอกนฺตหิตํ วา. วจีโสเจยฺยตาย สุจึ. อกกฺขฬตาย สณฺหํ. เวเนยฺยานํ มุทุภาวกรตฺตา มุทุ. สวนียภาเวน วคฺคุํ. สพฺพโสกาปนูทนนฺติ าติพฺยสนาทิวเสน อุปฺปชฺชนกสฺส สพฺพสฺสาปิ โสกสฺส วิโนทนํ คิรํ สุตฺวาน ปสนฺนจิตฺตา อโหสินฺติ สมฺพนฺโธ. สพฺพเมตํ ทานกถํ อาทึ กตฺวา อุสฺสกฺกิตฺวา เนกฺขมฺเม อานิสํสํ วิภาวนวเสน ปวตฺติตํ ภควโต อนุปุพฺพิกถํ สนฺธาย วทติ. เตเนวาห ‘‘กลฺลจิตฺตฺจ มํ ตฺวา’’ติอาทิ.

ตตฺถ กลฺลจิตฺตนฺติ กมฺมนิยจิตฺตํ, เหฏฺา ปวตฺติตเทสนาย อสฺสทฺธิยาทีนํ จิตฺตโทสานํ วิคตตฺตา อุปริเทสนาย ภาชนภาวูปคมเนน กมฺมกฺขมจิตฺตํ, ภาวนากมฺมสฺส โยคฺคจิตฺตนฺติ อตฺโถ. เตเนวาห ‘‘ปสนฺนํ สุทฺธมานส’’นฺติ. ตตฺถ ‘‘ปสนฺน’’นฺติ อิมินา อสฺสทฺธิยาปคมมาห, ‘‘สุทฺธมานส’’นฺติ อิมินา กามจฺฉนฺทาทิอปคมเนน มุทุจิตฺตตํ อุทคฺคจิตฺตตฺจ ทสฺเสติ. อนุสาสีติ โอวทิ, สามุกฺกํสิกาย ธมฺมเทสนาย สห อุปาเยน ปวตฺตินิวตฺติโย อุปทิสีติ อตฺโถ. เตเนวาห ‘‘อิทํ ทุกฺข’’นฺติอาทิ. อนุสาสิตาการทสฺสนฺเหตํ.

๘๔๕. ตตฺถ อิทํ ทุกฺขนฺติ มํโวจาติ อิทํ ตณฺหาวชฺชํ เตภูมกํ ธมฺมชาตํ พาธกสภาวตฺตา กุจฺฉิกํ หุตฺวา ตุจฺฉสภาวตฺตา ตถตฺตา จ ทุกฺขํ อริยสจฺจนฺติ มยฺหํ อภาสิ. อยํ ทุกฺขสฺส สมฺภโวติ อยํ อามตณฺหาทิเภทา ตณฺหา ยถาวุตฺตสฺส ทุกฺขสฺส สมฺภโว ปภโว อุปฺปตฺติ เหตุ สมุทโย อริยสจฺจนฺติ. ทุกฺขนิโรโธติ ทุกฺขสฺส สนฺติภาโว อสงฺขตธาตุ นิโรโธ อริยสจฺจนฺติ. อนฺตทฺวยสฺส ปริวชฺชนโต อฺชโส นิพฺพานคามินิปฏิปทาภาวโต อมโตคโธ มคฺโค อริยสจฺจนฺติ มํ อโวจาติ สมฺพนฺโธ.

๘๔๖. กุสลสฺสาติ โอวาททาเน เวเนยฺยทมเน เฉกสฺส, อปฺปมาทปฏิปตฺติยา วา มตฺถกปฺปตฺติยา อนวชฺชสฺส. โอวาทมฺหิ อหํ ิตาติ ยถาวุตฺเต โอวาเท อนุสิฏฺิยํ สิกฺขาตฺตยปาริปูริยา สจฺจปฏิเวเธน อหํ ปติฏฺิตา. เตนาห ‘‘อชฺฌคา อมตํ สนฺตึ, นิพฺพานํ ปทมจฺจุต’’นฺติ, อิทํ โอวาเท ปติฏฺานสฺส การณวจนํ. ยา นิจฺจตาย มรณาภาวโต อมตํ, สพฺพทุกฺขวูปสมตาย สนฺตึ, อธิคตานํ อจวนเหตุตาย อจฺจุตํ นิพฺพานํ ปทํ อชฺฌคา อธิคฺฉิ, สา เอกํเสน สตฺถุ โอวาเท ปติฏฺิตา นามาติ.

๘๔๗. อวฏฺิตาเปมาติ ทฬฺหภตฺตี รตนตฺตเย นิจฺจลปสาทสิเนหา. กสฺมา? ยสฺมา ทสฺสเน อวิกมฺปินี, ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา, สฺวากฺขาโต ธมฺโม, สุปฺปฏิปนฺโน สงฺโฆ’’ติ เอตสฺมึ สมฺมาทสฺสเน อจลา เกนจิ อจาลนียา. เกน ปเนตํ อวิกมฺปนนฺติ อาห ‘‘มูลชาตาย สทฺธายา’’ติ. อยํ ‘‘อิติปิ โส ภควา อรห’’นฺติอาทินา (ม. นิ. ๑.๗๔; สํ. นิ. ๕.๙๙๗; อ. นิ. ๙.๒๗) สมฺมาสมฺพุทฺเธ, ‘‘สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺมา’ติอาทินา ตสฺส ธมฺเม, ‘‘สุปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ’’ติอาทินา ตสฺส สงฺเฆ จ สจฺจาภิสมยสงฺขาเตน มูเลน ชาตมูลา สทฺธา, ตาย อหํ อวิกมฺปินีติ ทสฺเสติ. ตโต เอว ธีตา พุทฺธสฺส โอรสาติ สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อุเร วายามชนิตาภิชาติตาย โอรสปุตฺตี.

๘๔๘. สาหํ รมามีติ สา อหํ ตทา อริยาย ชาติยา อิทานิ เทวูปปตฺติยา อาคตา มคฺครติยา ผลรติยา จ รมามิ, กามคุณรติยา กีฬามิ, อุภเยนาปิ โมทามิ. อตฺตานุวาทภยาทีนํ อปคตตฺตา อกุโตภยา. มธุมทฺทวนฺติ มธุสงฺขาตํ มทฺทวกรํ, นจฺจนคายนกาเลสุ สรีรสฺส สรสฺส จ มุทุภาวาวหํ คนฺธปานํ สนฺธาย วทติ.‘‘มธุมาทว’’นฺติปิ ปนฺติ, อาทวํ ยาวทวํ ยาวเทว ทวตฺถํ มธุรํ ปิวามีติ อตฺโถ.

๘๔๙. ปุฺกฺเขตฺตานมากราติ สเทวกสฺส โลกสฺส ปุฺกฺเขตฺตภูตานํ อริยานํ มคฺคผลฏฺานํ อริยสงฺฆสฺส อากรา อุปฺปตฺติฏฺานํ ตถาคตา. ยถาติ ยสฺมึ ปุฺกฺเขตฺเต. เสสํ วุตฺตนยเมว.

อถายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน อตฺตนา จ เทวตาย จ ปวตฺติตํ อิมํ กถาสลฺลาปํ มนุสฺสโลกํ อาคนฺตฺวา ภควโต อาโรเจสิ. ภควา ตมตฺถํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา สมฺปตฺตปริสาย ธมฺมํ เทเสสิ. สา เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา อโหสีติ.

รชฺชุมาลาวิมานวณฺณนา นิฏฺิตา.

อิติ ปรมตฺถทีปนิยา ขุทฺทก-อฏฺกถาย วิมานวตฺถุสฺมึ

ทฺวาทสวตฺถุปฏิมณฺฑิตสฺส จตุตฺถสฺส มฺชิฏฺกวคฺคสฺส

อตฺถวณฺณนา นิฏฺิตา.

นิฏฺิตา จ อิตฺถิวิมานวณฺณนา.

๒. ปุริสวิมานํ

๕. มหารถวคฺโค

๑. มณฺฑูกเทวปุตฺตวิมานวณฺณนา

มหารถวคฺเค โก เม วนฺทติ ปาทานีติ มณฺฑูกเทวปุตฺตวิมานํ. ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควา จมฺปายํ วิหรติ คคฺคราย โปกฺขรณิยา ตีเร. โส ปจฺจูสเวลายํ พุทฺธาจิณฺณํ มหากรุณาสมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา ตโต วุฏฺาย เวเนยฺยพนฺธเว สตฺเต โวโลเกนฺโต อทฺทส ‘‘อชฺช มยิ สายนฺหสมเย ธมฺมํ เทเสนฺเต เอโก มณฺฑูโก มม สเร นิมิตฺตํ คณฺหนฺโต ปรูปกฺกเมน มริตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา มหตา เทวปริวาเรน มหาชนสฺส ปสฺสนฺตสฺเสว อาคมิสฺสติ, ตตฺถ พหูนํ ธมฺมาภิสมโย ภวิสฺสตี’’ติ ทิสฺวา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ จมฺปานครํ ปิณฺฑาย ปวิสิตฺวา, ภิกฺขูนํ สุลภปิณฺฑปาตํ กตฺวา กตภตฺตกิจฺโจ วิหารํ ปวิสิตฺวา ภิกฺขูสุ วตฺตํ ทสฺเสตฺวา, อตฺตโน อตฺตโน ทิวาฏฺานํ คเตสุ คนฺธกุฏึ ปวิสิตฺวา ผลสมาปตฺติสุเขน ทิวสภาคํ เขเปตฺวา, สายนฺหสมเย จตูสุ ปริสาสุ สนฺนิปติตาสุ สุรภิคนฺธกุฏิโต นิกฺขมิตฺวา ตงฺขณานุรูเปน ปาฏิหาริเยน โปกฺขรณิตีเร ธมฺมสภามณฺฑปํ ปวิสิตฺวา อลงฺกตวรพุทฺธาสเน นิสินฺโน มโนสิลาตเล สีหนาทํ นทนฺโต อฉมฺภีตเกสรสีโห วิย อฏฺงฺคสมนฺนาคตํ พฺรหฺมสฺสรํ นิจฺฉาเรนฺโต อจินฺเตยฺเยน พุทฺธานุภาเวน อนุปมาย พุทฺธลีลาย ธมฺมํ เทเสตุํ อารภิ.

ตสฺมิฺจ ขเณ เอโก มณฺฑูโก โปกฺขรณิโต อาคนฺตฺวา ‘‘ธมฺโม เอโส วุจฺจตี’’ติ ธมฺมสฺาย สเร นิมิตฺตํ คณฺหนฺโต ปริสปริยนฺเต นิปชฺชิ. อเถโก วจฺฉปาโล ตํ ปเทสํ อาคโต สตฺถารํ ธมฺมํ เทเสนฺตํ ปริสฺจ ปรเมน อุปสเมน ธมฺมํ สุณนฺตํ ทิสฺวา ตคฺคตมานโส ทณฺฑโมลุพฺภ ติฏฺนฺโต มณฺฑูกํ อโนโลเกตฺวา ตสฺส สีเส สนฺนิรุมฺภิตฺวา อฏฺาสิ. โส ธมฺมสฺาย ปสนฺนจิตฺโต ตาวเทว กาลํ กตฺวา ตาวตึสภวเน ทฺวาทสโยชนิเก กนกวิมาเน นิพฺพตฺติตฺวา สุตฺตปฺปพุทฺโธ วิย ตตฺถ อจฺฉราสงฺฆปริวุตํ อตฺตานํ ทิสฺวา ‘‘กุโต นุ โข อิธ อหํ นิพฺพตฺโต’’ติ อาวชฺเชนฺโต ปุริมชาตึ ทิสฺวา ‘‘อหมฺปิ นาม อิธ อุปฺปชฺชึ, อีทิสฺจ สมฺปตฺตึ ปฏิลภึ, กึ นุ โข กมฺมํ อกาสิ’’นฺติ อุปธาเรนฺโต อฺํ น อทฺทส อฺตฺร ภควโต สเร นิมิตฺตคฺคาหา. โส ตาวเทว สห วิมาเนน อาคนฺตฺวา วิมานโต โอตริตฺวา, มหาชนสฺส ปสฺสนฺตสฺเสว มหตา ปริวาเรน มหนฺเตน ทิพฺพานุภาเวน อุปสงฺกมิตฺวา, ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทิตฺวา อฺชลึ ปคฺคยฺห นมสฺสมาโน อฏฺาสิ. อถ นํ ภควา ชานนฺโตว มหาชนสฺส กมฺมผลํ พุทฺธานุภาวฺจ ปจฺจกฺขํ กาตุํ –

๘๕๗.

‘‘โก เม วนฺทติ ปาทานิ, อิทฺธิยา ยสสา ชลํ;

อภิกฺกนฺเตน วณฺเณน, สพฺพา โอภาสยํ ทิสา’’ติ. –

ปุจฺฉิ. ตตฺถ โกติ เทวนาคยกฺขมนุสฺสาทีสุ โก, กตโมติ อตฺโถ. เมติ มม. ปาทานีติ ปาเท. อิทฺธิยาติ อิมาย อีทิสาย เทวิทฺธิยา. ยสสาติ อิมินา อีทิเสน ปริวาเรน ปริจฺเฉเทน จ. ชลนฺติ วิชฺโชตมาโน. อภิกฺกนฺเตนาติ อติวิย กนฺเตน กมนีเยน สุนฺทเรน. วณฺเณนาติ ฉวิวณฺเณน, สรีรวณฺณนิภายาติ อตฺโถ.

อถ เทวปุตฺโต อตฺตโน ปุริมชาติอาทึ อาวิ กโรนฺโต อิมาหิ คาถาหิ พฺยากาสิ –

๘๕๘.

‘‘มณฺฑูโกหํ ปุเร อาสึ, อุทเก วาริโคจโร;

ตว ธมฺมํ สุณนฺตสฺส, อวธี วจฺฉปาลโก.

๘๕๙.

‘‘มุหุตฺตํ จิตฺตปสาทสฺส, อิทฺธึ ปสฺส ยสฺจ เม;

อานุภาวฺจ เม ปสฺส, วณฺณํ ปสฺส ชุติฺจ เม.

๘๖๐.

‘‘เย จ เต ทีฆมทฺธานํ, ธมฺมํ อสฺโสสุํ โคตม;

ปตฺตา เต อจลฏฺานํ, ยตฺถ คนฺตฺวา น โสจเร’’ติ.

๘๕๘. ตตฺถ ปุเรติ ปุริมชาติยํ. อุทเกติ อิทํ ตทา อตฺตโน อุปฺปตฺติฏฺานทสฺสนํ. อุทเก มณฺฑูโกติ เอเตน อุทฺธุมายิกาทิกสฺส ถเล มณฺฑูกสฺส นิวตฺตนํ กตํ โหติ. คาโว จรนฺติ เอตฺถาติ โคจโร, โคจโร วิยาติ โคจโร, ฆาเสสนฏฺานํ. วาริ อุทกํ โคจโร เอตสฺสาติ วาริโคจโร. อุทกจารีปิ หิ โกจิ กจฺฉปาทิ อวาริโคจโรปิ โหตีติ ‘‘วาริโคจโร’’ติ วิเสเสตฺวา วุตฺตํ. ตว ธมฺมํ สุณนฺตสฺสาติ พฺรหฺมสฺสเรน กรวีกรุตมฺชุนา เทเสนฺตสฺส ตว ธมฺมํ ‘‘ธมฺโม เอโส วุจฺจตี’’ติ สเร นิมิตฺตคฺคาหวเสน สุณนฺตสฺส, อนาทเร เจตํ สามิวจนํ เวทิตพฺพํ. อวธี วจฺฉปาลโกติ วจฺเฉ รกฺขนฺโต โคปาลทารโก มม สมีปํ อาคนฺตฺวา ทณฺฑโมลุพฺภิตฺวา ติฏฺนฺโต มม สีเส ทณฺฑํ สนฺนิรุมฺภิตฺวา มํ มาเรสิ.

๘๕๙. มุหุตฺตํ จิตฺตปสาทสฺสาติ ตว ธมฺเม มุหุตฺตมตฺตํ อุปฺปนฺนสฺส จิตฺตปสาทสฺส เหตุภูตสฺส อิทฺธินฺติ สมิทฺธึ, ทิพฺพวิภูตินฺติ อตฺโถ. ยสนฺติ ปริวารํ. อานุภาวนฺติ กามวณฺณิตาทิทิพฺพานุภาวํ. วณฺณนฺติ สรีรวณฺณสมฺปตฺตึ. ชุตินฺติ ทฺวาทสโยชนานิ ผรณสมตฺถํ ปภาวิเสสํ.

๘๖๐. เยติ เย สตฺตา. จ-สทฺโท พฺยติเรเก. เตติ ตว. ทีฆมทฺธานนฺติ พหุเวลํ. อสฺโสสุนฺติ สุณึสุ. โคตมาติ ภควนฺตํ โคตฺเตน อาลปติ. อจลฏฺานนฺติ นิพฺพานํ. อยฺเหตฺถ อตฺโถ – โคตม ภควา อหํ วิย อิตฺตรเมว กาลํ อสุณิตฺวา เย ปน กตปุฺา จิรํ กาลํ ตว ธมฺมํ อสฺโสสุํ โสตุํ ลภึสุ, เต ทีฆรตฺตํ สํสารพฺยสนาภิภูตา อิเม สตฺตา ยตฺถ คนฺตฺวา น โสเจยฺยุํ, ตํ อโสกํ สสฺสตภาเวน อจลํ สนฺติปทํ ปตฺตา เอว, น เตสํ ตสฺส ปตฺติยา อนฺตราโยติ.

อถสฺส ภควา สมฺปตฺตปริสาย จ อุปนิสฺสยสมฺปตฺตึ โอโลเกตฺวา วิตฺถาเรน ธมฺมํ เทเสสิ. เทสนาปริโยสาเน โส เทวปุตฺโต โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. เทวปุตฺโต ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ อฺชลึ กตฺวา สห ปริวาเรน เทวโลกเมว คโตติ.

มณฺฑูกเทวปุตฺตวิมานวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. เรวตีวิมานวณฺณนา

อุฏฺเหิ เรวเต สุปาปธมฺเมติ เรวตีวิมานํ. ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควา พาราณสิยํ วิหรติ อิสิปตเน มิคทาเย. เตน สมเยน พาราณสิยํ สทฺธาสมฺปนฺนสฺส กุลสฺส ปุตฺโต นนฺทิโย นาม อุปาสโก อโหสิ สทฺธาสมฺปนฺโน ทายโก ทานปติ สงฺฆุปฏฺาโก. อถสฺส มาตาปิตโร สมฺมุขเคหโต มาตุลธีตรํ เรวตึ นาม กฺํ อาเนตุกามา อเหสุํ. สา ปน อสฺสทฺธา อทานสีลา, นนฺทิโย ตํ น อิจฺฉิ. ตสฺส มาตา เรวตึ อาห ‘‘อมฺม, ตฺวํ อิมํ เคหํ อาคนฺตฺวา ภิกฺขุสงฺฆสฺส นิสีทนฏฺานํ หริเตน โคมเยน อุปลิมฺปิตฺวา อาสนานิ ปฺาเปหิ, อาธารเก เปหิ, ภิกฺขูนํ อาคตกาเล วนฺทิตฺวา ปตฺตํ คเหตฺวา นิสีทาเปตฺวา ธมกรเณน ปานียํ ปริสฺสาเวตฺวา ภุตฺตกาเล ปตฺตานิ โธวาหิ, เอวํ เม ปุตฺตสฺส อาราธิกา ภวิสฺสสี’’ติ. สา ตถา อกาสิ. อถ นํ ‘‘โอวาทกฺขมา ชาตา’’ติ ปุตฺตสฺส อาโรเจตฺวา เตน ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิเต ทิวสํ เปตฺวา อาวาหํ กรึสุ.

อถ นํ นนฺทิโย อาห ‘‘สเจ ภิกฺขุสงฺฆํ มาตาปิตโร จ เม อุปฏฺหิสฺสสิ, เอวํ อิมสฺมึ เคเห วสิตุํ ลภิสฺสสิ, อปฺปมตฺตา โหหี’’ติ. สา ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา กิฺจิ กาลํ สทฺธา วิย หุตฺวา ภตฺตารํ อนวตฺเตนฺตี ทฺเว ปุตฺเต วิชายิ. นนฺทิยสฺส มาตาปิตโร กาลมกํสุ. เคเห สพฺพิสฺสริยํ ตสฺสา เอว อโหสิ. นนฺทิโยปิ มหาทานปติ หุตฺวา ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทานํ ปฏฺเปสิ, กปณทฺธิกาทีนมฺปิ เคหทฺวาเร ปากวตฺตํ ปฏฺเปสิ. อิสิปตนมหาวิหาเร จตูหิ คพฺเภหิ ปฏิมณฺฑิตํ จตุสาลํ กาเรตฺวา มฺจปีาทีนิ อตฺถราเปตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ ทตฺวา ตถาคตสฺส หตฺเถ ทกฺขิโณทกํ ปาเตตฺวา นิยฺยาเทสิ, สห ทกฺขิโณทกทาเนน ตาวตึสภวเน อายามโต จ วิตฺถารโต จ สมนฺตา ทฺวาทสโยชนิโก โยชนสตุพฺเพโธ สตฺตรตนมโย อจฺฉราคณสหสฺสสงฺฆุฏฺโ ทิพฺพปาสาโท อุคฺคฺฉิ.

อถายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เทวจาริกํ จรนฺโต ตํ ปาสาทํ ทิสฺวา อตฺตานํ วนฺทิตุํ อาคเต เทวปุตฺเต ปุจฺฉิ ‘‘กสฺสายํ ปาสาโท’’ติ? ‘‘อิมสฺส, ภนฺเต, ปาสาทสฺส สามิโก มนุสฺสโลเก พาราณสิยํ นนฺทิโย นาม กุฏุมฺพิยปุตฺโต สงฺฆสฺส อิสิปตนมหาวิหาเร จตุสาลํ กาเรสิ, ตสฺสายํ นิพฺพตฺโต ปาสาโท’’ติ อาหํสุ. ปาสาเท นิพฺพตฺตเทวจฺฉราโยปิ เถรํ วนฺทิตฺวา ‘‘ภนฺเต, มยํ พาราณสิยํ นนฺทิยสฺส นาม อุปาสกสฺส ปริจาริกา ภวิตุํ อิธ นิพฺพตฺตา, ตสฺส เอวํ วเทถ ‘‘ตุยฺหํ ปริจาริกา ภวิตุํ นิพฺพตฺตา, เทวตาโย ตยิ จิรายนฺเต อุกฺกณฺิตา, เทวโลกสมฺปตฺติ นาม มตฺติกาภาชนํ ภินฺทิตฺวา สุวณฺณภาชนสฺส คหณํ วิย อติมนาป’นฺติ วตฺวา อิธาคมนตฺถาย ตสฺส วเทถา’’ติ อาหํสุ. เถโร ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา สหสา เทวโลกโต อาคนฺตฺวา จตุปริสมชฺเฌ ภควนฺตํ ปุจฺฉิ ‘‘นิพฺพตฺตติ นุ โข, ภนฺเต, กตปุฺานํ มนุสฺสโลเก ิตานํเยว ทิพฺพสมฺปตฺตี’’ติ? ‘‘นนุ เต, โมคฺคลฺลาน, นนฺทิยสฺส เทวโลเก นิพฺพตฺตา ทิพฺพสมฺปตฺติ สามํ ทิฏฺา, กสฺมา มํ ปุจฺฉสี’’ติ? ‘‘เอวํ, ภนฺเต, นิพฺพตฺตตี’’ติ. อถสฺส สตฺถา ‘‘ยถา จิรํ วิปฺปวสิตฺวา อาคตํ ปุริสํ มิตฺตพนฺธวา อภินนฺทนฺติ สมฺปฏิจฺฉนฺติ, เอวํ กตปุฺํ ปุคฺคลํ อิโต ปรโลกํ คตํ สกานิ ปุฺานิ สมฺปตฺติหตฺเถหิ สมฺปฏิจฺฉนฺติ ปฏิคฺคณฺหนฺตี’’ติ ทสฺเสนฺโต –

๘๖๑.

‘‘จิรปฺปวาสึ ปุริสํ, ทูรโต โสตฺถิมาคตํ;

าติมิตฺตา สุหชฺชา จ, อภินนฺทนฺติ อาคตํ.

๘๖๒.

‘‘ตเถว กตปุฺมฺปิ, อสฺมา โลกา ปรํ คตํ;

ปุฺานิ ปฏิคฺคณฺหนฺติ, ปิยํ าตีว อาคต’’นฺติ. – คาถา อภาสิ;

นนฺทิโย ตํ สุตฺวา ภิยฺโยโสมตฺตาย ทานานิ เทติ, ปุฺานิ กโรติ, โส วณิชฺชาย คจฺฉนฺโต เรวตึ อาห ‘‘ภทฺเท, มยา ปฏฺปิตํ สงฺฆสฺส ทานํ อนาถานํ ปากวตฺตฺจ ตฺวํ อปฺปมตฺตา ปวตฺเตยฺยาสี’’ติ. สา ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิ. โส ปวาสคโตปิ ยตฺถ ยตฺถ วาสํ กปฺเปติ, ตตฺถ ตตฺถ ภิกฺขูนํ อนาถานฺจ ยถาวิภวํ ทานํ เทติเยว. ตสฺส อนุกมฺปาย ขีณาสวา ทูรโตปิ อาคนฺตฺวา ทานํ สมฺปฏิจฺฉนฺติ. เรวตี ปน ตสฺมึ คเต กติปาหเมว ทานํ ปวตฺเตตฺวา อนาถานํ ภตฺตํ อุปจฺฉินฺทิ, ภิกฺขูนมฺปิ ภตฺตํ กณาชกํ พิลงฺคทุติยํ อทาสิ. ภิกฺขูนํ ภุตฺตฏฺาเน อตฺตนา ภุตฺตาวเสสานิ สิตฺถานิ มจฺฉมํสขณฺฑมิสฺสกานิ จลกฏฺิกานิ จ ปกิริตฺวา มนุสฺสานํ ทสฺเสติ ‘‘ปสฺสถ สมณานํ กมฺมํ, สทฺธาเทยฺยํ นาม เอวํ ฉฑฺเฑนฺตี’’ติ.

อถ นนฺทิโย โวหารกสิทฺธิ ยถาลาโภ อาคนฺตฺวา ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา เรวตึ เคหโต นีหริตฺวา เคหํ ปาวิสิ. ทุติยทิวเส พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ ปวตฺเตตฺวา นิจฺจภตฺตํ อนาถภตฺตฺจ สมฺมเทว ปวตฺเตสิ, อตฺตโน สหาเยหิ อุปนีตํ เรวตึ ฆาสจฺฉาทนปรมตาย เปสิ. โส อปเรน สมเยน กาลํ กตฺวา ตาวตึสภวเน อตฺตโน วิมาเนเยว นิพฺพตฺติ. เรวตี ปน สพฺพํ ทานํ ปจฺฉินฺทิตฺวา ‘‘อิเมสํ วเสน มยฺหํ ลาภสกฺกาโร ปริหายี’’ติ ภิกฺขุสงฺฆํ อกฺโกสนฺตี ปริภาสนฺตี วิจรติ. อถ เวสฺสวโณ ทฺเว ยกฺเข อาณาเปสิ ‘‘คจฺฉถ, ภเณ, พาราณสินคเร อุคฺโฆสถ ‘‘อิโต สตฺตเม ทิวเส เรวตี ชีวนฺตีเยว นิรเย ปกฺขิปียตี’ติ’’. ตํ สุตฺวา มหาชโน สํเวคชาโต ภีตตสิโต อโหสิ.

อถ เรวตี ปน ปาสาทํ อภิรุหิตฺวา ทฺวารํ ถเกตฺวา นิสีทิ. สตฺตเม ทิวเส ตสฺสา ปาปกมฺมสฺโจทิเตน เวสฺสวเณน รฺา อาณตฺตา ชลิตกปิลเกสมสฺสุกา จิปิฏวิรูปนาสิกา ปริณตทาา โลหิตกฺขา สชลธรสมานวณฺณา อติวิย ภยานกรูปา ทฺเว ยกฺขา อุปคนฺตฺวา ‘‘อุฏฺเหิ, เรวเต, สุปาปธมฺเม’’ติอาทีนิ วทนฺตา นานาพาหาสุ คเหตฺวา ‘‘มหาชโน ปสฺสตู’’ติ สกลนคเร วีถิโต วีถึ ปริพฺภมาเปตฺวา อากาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ตาวตึสภวนํ เนตฺวา นนฺทิยสฺส วิมานํ สมฺปตฺติฺจสฺสา ทสฺเสตฺวา ตํ วิลปนฺตึเยว อุสฺสทนิรยสมีปํ ปาเปสุํ. ตํ ยมปุริสา อุสฺสทนิรเย ขิปึสุ. เตนาห –

๘๖๓.

‘‘อุฏฺเหิ เรวเต สุปาปธมฺเม, อปารุตทฺวาเร อทานสีเล;

เนสฺสาม ตํ ยตฺถ ถุนนฺติ ทุคฺคตา, สมปฺปิตา เนรยิกา ทุเขนา’’ติ.

ตตฺถ อุฏฺเหีติ อุฏฺห, น ทาเนส ปาสาโท ตํ นิรยภยโต รกฺขิตุํ สกฺโกติ, ตสฺมา สีฆํ อุฏฺหิตฺวา อาคจฺฉาหีติ อตฺโถ. เรวเตติ ตํ นาเมน อาลปติ. สุปาปธมฺเมติอาทินา อุฏฺานสฺส การณํ วทติ. ยสฺมา ตฺวํ อริยานํ อกฺโกสนปริภาสนาทินา สุฏฺฏุ ลามกปาปธมฺมา, ยสฺมา จ อปารุตํ ทฺวารํ นิรยสฺส ตว ปเวสนตฺถํ, ตสฺมา อุฏฺเหีติ. อทานสีเลติ กสฺสจิ กิฺจิ น ทานสีเล กทริเย มจฺฉรินี, อิทมฺปิ อุฏฺานสฺเสว การณวจนํ. ยสฺมา ทานสีลานํ อมจฺฉรีนํ ตว สามิกสทิสานํ สุคติยํ นิวาโส, ตาทิสานํ ปน อทานสีลานํ มจฺฉรีนํ นิรเย นิวาโส, ตสฺมา อุฏฺเหิ, มุหุตฺตมตฺตมฺปิ ตว อิธ าตุํ น ทสฺสามีติ อธิปฺปาโย. ยตฺถ ถุนนฺติ ทุคฺคตาติ ทุกฺขคตตฺตา ทุคฺคตา. เนรยิกาติ นิรยทุกฺเขน สมปฺปิตา สมงฺคีภูตา ยสฺมึ นิรเย ถุนนฺติ, ยาว ปาปกมฺมํ น พฺยนฺติ โหติ, ตาว นิกฺขมิตุํ อลภนฺตา นิตฺถุนนฺติ, ตตฺถ ตํ เนสฺสาม นยิสฺสาม ขิปิสฺสามาติ โยชนา.

๘๖๔.

‘‘อิจฺเจว วตฺวาน ยมสฺส ทูตา, เต ทฺเว ยกฺขา โลหิตกฺขา พฺรหนฺตา;

ปจฺเจกพาหาสุ คเหตฺวา เรวตํ, ปกฺกามยุํ เทวคณสฺส สนฺติเก’’ติ. –

อิทํ สงฺคีติการวจนํ.

ตตฺถ อิจฺเจว วตฺวานาติ อิติ เอว ‘‘อุฏฺเหี’’ติอาทินา วตฺวา, วจนสมนนฺตรเมวาติ อตฺโถ. ยมสฺส ทูตาติ อปฺปฏิเสธนิยตสฺส ยมสฺส รฺโ ทูตสทิสา. เวสฺสวเณน หิ เต เปสิตา. ตถา หิ เต ตาวตึสภวนํ นยึสุ. เกจิ ‘‘น ยมสฺส ทูตา’’ติ น-การํ ‘‘ยมสฺสา’’ติ ปเทน สมฺพนฺธิตฺวา ‘‘เวสฺสวณสฺส ทูตา’’ติ อตฺถํ วทนฺติ, ตํ น ยุชฺชติ. น หิ น ยมทูตตาย เวสฺสวณสฺส ทูตาติ สิชฺฌติ. ยชนฺติ ตตฺถ พลึ อุปหรนฺตีติ ยกฺขา. โลหิตกฺขาติ รตฺตนยนา. ยกฺขานฺหิ เนตฺตานิ อติโลหิตานิ โหนฺติ. พฺรหนฺตาติ มหนฺตา. ปจฺเจกพาหาสูติ เอโก เอกพาหายํ, อิตโร อิตรพาหายนฺติ ปจฺเจกํ พาหาสุ. เรวตนฺติ เรวตึ. เรวตาติปิ ตสฺสา นามเมว. ตถา หิ ‘‘เรวเต’’ติ วุตฺตํ. ปกฺกามยุนฺติ ปกฺกาเมสุํ, อุปเนสุนฺติ อตฺโถ. เทวคณสฺสาติ ตาวตึสภวเน เทวสงฺฆสฺส.

เอวํ เตหิ ยกฺเขหิ ตาวตึสภวนํ เนตฺวา นนฺทิยวิมานสฺส อวิทูเร ปิตา เรวตี ตํ สูริยมณฺฑลสทิสํ อติวิย ปภสฺสรํ ทิสฺวา –

๘๖๕.

‘‘อาทิจฺจวณฺณํ รุจิรํ ปภสฺสรํ, พฺยมฺหํ สุภํ กฺจนชาลฉนฺนํ;

กสฺเสตมากิณฺณชนํ วิมานํ, สุริยสฺส รํสีริว โชตมานํ.

๘๖๖.

‘‘นารีคณา จนฺทนสารลิตฺตา, อุภโต วิมานํ อุปโสภยนฺติ;

ตํ ทิสฺสติ สุริยสมานวณฺณํ, โก โมทติ สคฺคปตฺโต วิมาเน’’ติ. –

เต ยกฺเข ปุจฺฉิ. เตปิ ตสฺสา –

๘๖๗.

‘‘พาราณสิยํ นนฺทิโย นามาสิ, อุปาสโก อมจฺฉรี ทานปติ วทฺู;

ตสฺเสตมากิณฺณชนํ วิมานํ, สูริยสฺส รํสีริว โชตมานํ.

๘๖๘.

‘‘นารีคณา จนฺทนสารลิตฺตา, อุภโต วิมานํ อุปโสภยนฺติ;

ตํ ทิสฺสติ สูริยสมานวณฺณํ, โส โมทติ สคฺคปตฺโต วิมาเน’’ติ. –

อาจิกฺขึสุ.

๘๖๘. ตตฺถ จนฺทนสารลิตฺตาติ สารภูเตน จนฺทนคนฺเธน อนุลิตฺตสรีรา. อุภโต วิมานนฺติ วิมานํ อุภโต อนฺโต เจว พหิ จ สงฺคีตาทีหิ อุเปจฺจ โสภยนฺติ.

อถ เรวตี –

๘๖๙.

‘‘นนฺทิยสฺสาหํ ภริยา, อคารินี สพฺพกุลสฺส อิสฺสรา;

ภตฺตุ วิมาเน รมิสฺสามิ ทานหํ, น ปตฺถเย นิรยํ ทสฺสนายา’’ติ. –

อาห. ตตฺถ อคารินีติ เคหสามินี. ‘‘ภริยา สคามินี’’ติปิ ปนฺติ, ภริยา สหคามินีติ อตฺโถ. สพฺพกุลสฺส อิสฺสรา ภตฺตูติ มม ภตฺตุ นนฺทิยสฺส สพฺพกุฏุมฺพิกสฺส อิสฺสรา สามินี อโหสึ, ตสฺมา อิทานิปิ วิมาเน อิสฺสรา ภวิสฺสามีติ อาห. วิมาเน รมิสฺสามิ ทานหนฺติ เอวํ ปโลเภตุเมว หิ ตํ เต ตตฺถ เนสุํ. น ปตฺถเย นิรยํ ทสฺสนายาติ ยํ ปน นิรยํ มํ ตุมฺเห เนตุกามา, ตํ นิรยํ ทสฺสนายปิ น ปตฺถเย, กุโต ปวิสิตุนฺติ วทติ.

เอวํ วทนฺติเมว ‘‘ตฺวํ ตํ ปตฺเถหิ วา มา วา, กึ ตว ปตฺถนายา’’ติ นิรยสมีปํ เนตฺวา –

๘๗๐.

‘‘เอโส เต นิรโย สุปาปธมฺเม, ปุฺํ ตยา อกตํ ชีวโลเก;

น หิ มจฺฉรี โรสโก ปาปธมฺโม, สคฺคูปคานํ ลภติ สหพฺยต’’นฺติ. –

คาถมาหํสุ. ตสฺสตฺโถ – เอโส ตว นิรโย, ตยา ทีฆรตฺตํ มหาทุกฺขํ อนุภวิตพฺพฏฺานภูโต. กสฺมา? ปุฺํ ตยา อกตํ ชีวโลเก, ยสฺมา มนุสฺสโลเก อปฺปมตฺตกมฺปิ ตยา ปุฺํ นาม น กตํ, เอวํ อกตปุฺโ ปน ตาทิโส สตฺโต มจฺฉรี อตฺตโน สมฺปตฺตินิคูหนลกฺขเณน มจฺฉเรน สมนฺนาคโต, ปเรสํ โรสุปฺปาทเนน โรสโก, โลภาทีหิ ปาปธมฺเมหิ สมงฺคีภาวโต ปาปธมฺโม สคฺคูปคานํ เทวานํ สหพฺยตํ สหภาวํ น ลภตีติ โยชนา.

เอวํ ปน วตฺวา เต ทฺเว ยกฺขา ตตฺเถวนฺตรธายึสุ. ตํสทิเส ปน ทฺเว นิรยปาเล สํสวเก นาม คูถนิรเย ปกฺขิปิตุํ อากฑฺฒนฺเต ปสฺสิตฺวา –

๘๗๑.

‘‘กึ นุ คูถฺจ มุตฺตฺจ, อสุจิ ปฏิทิสฺสติ;

ทุคฺคนฺธํ กิมิทํ มีฬฺหํ, กิเมตํ อุปวายตี’’ติ. –

ตํ นิรยํ ปุจฺฉิ.

๘๗๒.

‘‘เอส สํสวโก นาม, คมฺภีโร สตโปริโส;

ยตฺถ วสฺสสหสฺสานิ, ตุวํ ปจฺจสิ เรวเต’’ติ. –

ตสฺมึ กถิเต ตตฺถ อตฺตโน นิพฺพตฺติเหตุภูตํ กมฺมํ ปุจฺฉนฺตี –

๘๗๓.

‘‘กึ นุ กาเยน วาจาย, มนสา ทุกฺกฏํ กตํ;

เกน สํสวโก ลทฺโธ, คมฺภีโร สตโปริโส’’ติ. – อาห;

๘๗๔.

‘‘สมเณ พฺราหฺมเณ จาปิ, อฺเ วาปิ วนิพฺพเก;

มุสาวาเทน วฺเจสิ, ตํ ปาปํ ปกตํ ตยา’’ติ. –

ตสฺสา ตํ กมฺมํ กเถตฺวา ปุน เต –

๘๗๕.

‘‘เตน สํสวโก ลทฺโธ, คมฺภีโร สตโปริโส;

ตตฺเถ วสฺสสหสฺสานิ, ตุวํ ปจฺจสิ เรวเต’’ติ. –

อาหํสุ. ตตฺถ สํสวโก นามาติ นิจฺจกาลํ คูถมุตฺตาทิอสุจิสฺส สํสวนโต ปคฺฆรณโต สํสวโก นาม.

น เกวลํ ตุยฺหํ อิธ สํสวกลาโภ เอว, อถ โข เอตฺถ อเนกานิ วสฺสสหสฺสานิ ปจฺจิตฺวา อุตฺติณฺณาย หตฺถจฺเฉทาทิลาโภปีติ ทสฺเสตุํ –

๘๗๖.

‘‘หตฺเถปิ ฉินฺทนฺติ อโถปิ ปาเท, กณฺเณปิ ฉินฺทนฺติ อโถปิ นาสํ;

อโถปิ กาโกฬคณา สเมจฺจ, สงฺคมฺม ขาทนฺติ วิผนฺทมาน’’นฺติ. –

ตตฺถ ลทฺธพฺพการณํ อาหํสุ. ตตฺถ กาโกฬคณาติ กากสงฺฆา. เต กิรสฺสา ติคาวุตปฺปมาเณ สรีเร อเนกสตานิ อเนกสหสฺสานิ ปติตฺวา ตาลกฺขนฺธปริมาเณหิ สุนิสิตคฺเคหิ อโยมเยหิ มุขตุณฺเฑหิ วิชฺฌิตฺวา วิชฺฌิตฺวา ขาทนฺติ, มํสํ คหิตคหิตฏฺาเน กมฺมพเลน ปูรเตว. เตนาห ‘‘กาโกฬคณา สเมจฺจ, สงฺคมฺม ขาทนฺติ วิผนฺทมาน’’นฺติ.

ปุน สา มนุสฺสโลกํ ปจฺจานยนาย ยาจนาทิวเสน ตํ ตํ วิปฺปลปิ. เตน วุตฺตํ –

๘๗๗.

‘‘สาธุ โข มํ ปฏิเนถ, กาหามิ กุสลํ พหุํ;

ทาเนน สมจริยาย, สํยเมน ทเมน จ;

ยํ กตฺวา สุขิตา โหนฺติ, น จ ปจฺฉานุตปฺปเร’’ติ.

ปุน นิรยปาลา –

๘๗๘.

‘‘ปุเร ตุวํ ปมชฺชิตฺวา, อิทานิ ปริเทวสิ;

สยํ กตานํ กมฺมานํ, วิปากํ อนุโภสฺสสี’’ติ. –

อาหํสุ. ปุน สา อาห –

๘๗๙.

‘‘โก เทวโลกโต มนุสฺสโลกํ, คนฺตฺวาน ปุฏฺโ เม เอวํ วเทยฺย;

นิกฺขิตฺตทณฺเฑสุ ททาถ ทานํ, อจฺฉาทนํ เสยฺยมถนฺนปานํ;

น หิ มจฺฉรี โรสโก ปาปธมฺโม, สคฺคูปคานํ ลภติ สหพฺยตํ.

๘๘๐.

‘‘สาหํ นูน อิโต คนฺตฺวา, โยนึ ลทฺธาน มานุสึ;

วทฺู สีลสมฺปนฺนา, กาหามิ กุสลํ พหุํ;

ทาเนน สมจริยาย, สํยเมน ทเมน จ.

๘๘๑.

‘‘อารามานิ จ โรปิสฺสํ, ทุคฺเค สงฺกมานิ จ;

ปปฺจ อุทปานฺจ, วิปฺปสนฺเนน เจตสา.

๘๘๒.

‘‘จาตุทฺทสึ ปฺจทสึ, ยา จ ปกฺขสฺส อฏฺมี;

ปาฏิหาริยปกฺขฺจ, อฏฺงฺคสุสมาคตํ.

๘๘๓.

‘‘อุโปสถํ อุปวสิสฺสํ, สทา สีเลสุ สํวุตา;

น จ ทาเน ปมชฺชิสฺสํ, สามํ ทิฏฺมิทํ มยา’’ติ.

๘๘๔.

‘‘อิจฺเจวํ วิปฺปลปนฺตึ, ผนฺทมานํ ตโต ตโต;

ขิปึสุ นิรเย โฆเร, อุทฺธํปาทํ อวํสิร’’นฺติ. –

อิทํ สงฺคีติการวจนํ. ปุน สา –

๘๘๕.

‘‘อหํ ปุเร มจฺฉรินี อโหสึ, ปริภาสิกา สมณพฺราหฺมณานํ;

วิตเถน จ สามิกํ วฺจยิตฺวา, ปจฺจามหํ นิรเย โฆรรูเป’’ติ. –

โอสานคาถมาห. ตตฺถ ‘‘อหํ ปุเร มจฺฉรินี’’ติ คาถา นิรเย นิพฺพตฺตาย วุตฺตา, อิตรา อนิพฺพตฺตาย เอวาติ เวทิตพฺพา. เสสํ สุวิฺเยฺยเมวาติ.

ภิกฺขู เรวติยา ยกฺเขหิ คเหตฺวา นีตภาวํ ภควโต อาโรเจสุํ. ตํ สุตฺวา ภควา อาทิโต ปฏฺาย อิมํ วตฺถุํ กเถตฺวา อุปริ วิตฺถาเรน ธมฺมํ เทเสสิ, เทสนาปริโยสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสุ. กามฺเจตํ เรวตีปฏิพทฺธาย กถาย เยภุยฺยภาวโต ‘‘เรวตีวิมาน’’นฺติ โวหรียติ, ยสฺมา ปน เรวตี วิมานเทวตา น โหติ, นนฺทิยสฺส ปน เทวปุตฺตสฺส วิมานาทิสมฺปตฺติปฏิสํยุตฺตฺเจตํ, ตสฺมา ปุริสวิมาเนสฺเวว สงฺคหํ อาโรปิตนฺติ ทฏฺพฺพํ.

เรวตีวิมานวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. ฉตฺตมาณวกวิมานวณฺณนา

โย วทตํ ปวโร มนุเชสูติ ฉตฺตมาณวกวิมานํ. ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน. เตน สมเยน เสตพฺยายํ อฺตรสฺส พฺราหฺมณสฺส กิจฺฉาลทฺโธ ปุตฺโต ฉตฺโต นาม พฺราหฺมณมาณโว อโหสิ. โส วยปฺปตฺโต ปิตรา เปสิโต อุกฺกฏฺํ คนฺตฺวา พฺราหฺมณสฺส โปกฺขรสาติสฺส สนฺติเก เมธาวิตาย อนลสตาย จ น จิเรเนว มนฺเต วิชฺชาฏฺานานิ จ อุคฺคเหตฺวา พฺราหฺมณสิปฺเป นิปฺผตฺตึ ปตฺโต. โส อาจริยํ อภิวาเทตฺวา ‘‘มยา ตุมฺหากํ สนฺติเก สิปฺปํ สิกฺขิตํ, กึ โว ครุทกฺขิณํ เทมี’’ติ อาห. อาจริโย ‘‘ครุทกฺขิณา นาม อนฺเตวาสิกสฺส วิภวานุรูปา, กหาปณสหสฺสมาเนหี’’ติ อาห. ฉตฺตมาณโว อาจริยํ อภิวาเทตฺวา เสตพฺยํ คนฺตฺวา มาตาปิตโร วนฺทิตฺวา เตหิ อภินนฺทิยมาโน กตปฏิสนฺถาโร ตมตฺถํ ปิตุ อาโรเจตฺวา ‘‘เทถ เม ทาตพฺพยุตฺตกํ, อชฺเชว ทตฺวา อาคมิสฺสามี’’ติ อาห. ตํ มาตาปิตโร ‘‘ตาต, อชฺช วิกาโล, สฺเว คมิสฺสสี’’ติ วตฺวา กหาปเณ นีหริตฺวา ภณฺฑิกํ พนฺธาเปตฺวา เปสุํ. โจรา ตํ ปวตฺตึ ตฺวา ฉตฺตมาณวกสฺส คมนมคฺเค อฺตรสฺมึ วนคหเน นิลีนา อจฺฉึสุ ‘‘มาณวํ มาเรตฺวา กหาปเณ คณฺหิสฺสามา’’ติ.

ภควา ปจฺจูสสมเย มหากรุณาสมาปตฺติโต วุฏฺาย โลกํ โวโลเกนฺโต ฉตฺตมาณวกสฺส สรเณสุ จ สีเลสุ จ ปติฏฺานํ, โจเรหิ มาริตสฺส เทวโลเก นิพฺพตฺตึ, ตโต สห วิมาเนน อาคตสฺส ตตฺถ สนฺนิปติตปริสาย จ ธมฺมาภิสมยํ ทิสฺวา ปมตรเมว คนฺตฺวา มาณวกสฺส คมนมคฺเค อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล นิสีทิ. มาณโว อาจริยธนํ คเหตฺวา เสตพฺยโต อุกฺกฏฺาภิมุโข คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค ภควนฺตํ นิสินฺนํ ทิสฺวา อุปสงฺกมิตฺวา อฏฺาสิ. ‘‘กุหึ คมิสฺสสี’’ติ ภควตา วุตฺโต ‘‘อุกฺกฏฺํ, โภ โคตม, คมิสฺสามิ มยฺหํ อาจริยสฺส โปกฺขรสาติสฺส ครุทกฺขิณํ ทาตุ’’นฺติ อาห. อถ ภควา ‘‘ชานาสิ ปน ตฺวํ, มาณว, ตีณิ สรณานิ, ปฺจ สีลานี’’ติ วตฺวา เตน ‘‘นาหํ ชานามิ, กิมตฺถิยานิ ปเนตานิ กีทิสานิ จา’’ติ วุตฺเต ‘‘อิทมีทิส’’นฺติ สรณคมนสฺส สีลสมาทานสฺส จ ผลานิสํสํ วิภาเวตฺวา ‘‘อุคฺคณฺหาหิ ตาว, มาณวก, สรณคมนวิธิ’’นฺติ วตฺวา ‘‘สาธุ อุคฺคณฺหิสฺสามิ, กเถถ ภนฺเต ภควา’’ติ เตน ยาจิโต ตสฺส รุจิยา อนุรูปํ คาถาพนฺธวเสน สรณคมนวิธึ ทสฺเสนฺโต –

๘๘๖.

‘‘โย วทตํ ปวโร มนุเชสุ, สกฺยมุนี ภควา กตกิจฺโจ;

ปารคโต พลวีริยสมงฺคี, ตํ สุคตํ สรณตฺถมุเปหิ.

๘๘๗.

‘‘ราควิราคมเนชมโสกํ, ธมฺมมสงฺขตมปฺปฏิกูลํ;

มธุรมิมํ ปคุณํ สุวิภตฺตํ, ธมฺมมิมํ สรณตฺถมุเปหิ.

๘๘๘.

‘‘ยตฺถ จ ทินฺน มหปฺผลมาหุ, จตูสุ สุจีสุ ปุริสยุเคสุ;

อฏฺ จ ปุคฺคล ธมฺมทสา เต, สงฺฆมิมํ สรณตฺถมุเปหี’’ติ. –

ติสฺโส คาถาโย อภาสิ.

๘๘๖. ตตฺถ โยติ อนิยมิตวจนํ, ตสฺส ‘‘ต’’นฺติ อิมินา นิยมนํ เวทิตพฺพํ. วทตนฺติ วทนฺตานํ. ปวโรติ เสฏฺโ, กถิกานํ อุตฺตโม วาทีวโรติ อตฺโถ. มนุเชสูติ อุกฺกฏฺนิทฺเทโส ยถา ‘‘สตฺถา เทวมนุสฺสาน’’นฺติ. ภควา ปน เทวมนุสฺสานมฺปิ พฺรหฺมานมฺปิ สพฺเพสมฺปิ สตฺตานํ ปวโรเยว, ภควโต จ จริมภเว มนุสฺเสสุ อุปฺปนฺนตาย วุตฺตํ ‘‘มนุเชสู’’ติ. เตเนวาห ‘‘สกฺยมุนี’’ติ. สกฺยกุลปฺปสุตตาย สกฺโย, กายโมเนยฺยาทีหิ สมนฺนาคตโต อนวเสสสฺส จ เยฺยสฺส มุนนโต มุนิ จาติ สกฺยมุนิ. ภาคฺยวนฺตตาทีหิ จตูหิ การเณหิ ภควา. จตูหิ มคฺเคหิ กาตพฺพสฺส ปริฺาทิปเภทสฺส โสฬสวิธสฺส กิจฺจสฺส กตตฺตา นิปฺผาทิตตฺตา กตกิจฺโจ. ปารํ สกฺกายสฺส ปรตีรํ นิพฺพานํ คโต สยมฺภุาเณน อธิคโตติ ปารคโต. อสทิเสน กายพเลน, อนฺสาธารเณน าณพเลน, จตุพฺพิธสมฺมปฺปธานวีริเยน จ สมนฺนาคตตฺตา พลวีริยสมงฺคี. โสภนคมนตฺตา, สุนฺทรํ านํ คตตฺตา, สมฺมา คตตฺตา, สมฺมา จ คทิตตฺตา สุคโต. ตํ สุคตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ สรณตฺถํ สรณาย ปรายณาย อปายทุกฺขวฏฺฏทุกฺขปริตฺตาณาย อุเปหิ อุปคจฺฉ, อชฺช ปฏฺาย อหิตนิวตฺตเนน หิตสํวฑฺฒเนน ‘‘อยํ เม ภควา สรณํ ตาณํ เลณํ ปรายณํ คติ ปฏิสรณ’’นฺติ ภช เสว, เอวํ ชานาหิ วา พุชฺฌสฺสูติ อตฺโถ.

๘๘๗. ราควิราคนฺติ อริยมคฺคมาห. เตน หิ อริยา อนาทิกาลภาวิตมฺปิ ราคํ วิรชฺเชนฺติ. อเนชมโสกนฺติ อริยผลํ. ตฺหิ เอชาสงฺขาตาย ตณฺหาย อวสิฏฺานฺจ โสกนิมิตฺตานํ กิเลสานํ สพฺพโส ปฏิปฺปสฺสมฺภนโต ‘‘อเนชํ อโสก’’นฺติ จ วุจฺจติ. ธมฺมนฺติ สภาวธมฺมํ. สภาวโต คเหตพฺพธมฺโม เหส ยทิทํ มคฺคผลนิพฺพานานิ, น ปริยตฺติธมฺโม วิย ปฺตฺติธมฺมวเสน. ธมฺมนฺติ วา ปรมตฺถธมฺมํ, นิพฺพานนฺติ อตฺโถ. สเมจฺจ สมฺภุยฺย ปจฺจเยหิ กตํ สงฺขตํ, น สงฺขตนฺติ อสงฺขตํ. ตเทว นิพฺพานํ. นตฺถิ เอตฺถ กิฺจิปิ ปฏิกูลนฺติ อปฺปฏิกูลํ. สวนเวลายํ อุปปริกฺขณเวลายํ ปฏิปชฺชนเวลายนฺติ สพฺพทาปิ อิฏฺเมวาติ มธุรํ. สพฺพฺุตฺาณสนฺนิสฺสยาย ปฏิภานสมฺปทาย ปวตฺติตตฺตา สุปฺปวตฺติภาวโต นิปุณภาวโต จ ปคุณํ. วิภชิตพฺพสฺส อตฺถสฺส ขนฺธาทิวเสน กุสลาทิวเสน อุทฺเทสาทิวเสน จ สุฏฺุ วิภชนโต สุวิภตฺตํ. ตีหิปิ ปเทหิ ปริยตฺติธมฺมเมว วทติ. เตเนว หิสฺส อาปาถกาเล วิย วิมทฺทนกาเลปิ กเถนฺตสฺส วิย สุณนฺตสฺสาปิ สมฺมุขีภาวโต อุภโตปจฺจกฺขตาย ทสฺสนตฺถํ ‘‘อิม’’นฺติ วุตฺตํ. ธมฺมนฺติ ยถาวปฏิปชฺชนฺเต อปายทุกฺขปาตโต ธารณตฺเถน ธมฺมํ, อิทํ จตุพฺพิธสฺสาปิ ธมฺมสฺส สาธารณวจนํ. ปริยตฺติธมฺโมปิ หิ สรเณสุ จ สีเลสุ จ ปติฏฺานมตฺตายปิ ยถาวปฏิปตฺติยา อปายทุกฺขปาตโต ธาเรติ เอว. อิมสฺส จ อตฺถสฺส อิทเมว วิมานํ สาธกนฺติ ทฏฺพฺพํ. สาธารณภาเวน ยถาวุตฺตธมฺมสฺส ปจฺจกฺขํ กตฺวา ทสฺเสนฺโต ปุน ‘‘อิม’’นฺติ อาห.

๘๘๘. ยตฺถาติ ยสฺมึ อริยสงฺเฆ. ทินฺนนฺติ ปริจฺจตฺตํ อนฺนาทิเทยฺยธมฺมํ. ทินฺน มหปฺผลนฺติ คาถาสุขตฺถํ อนุนาสิกโลโป กโต. อจฺจนฺตเมว กิเลสาสุจิโต วิสุชฺฌเนน สุจีสุ ‘‘โสตาปนฺโน โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยาย ปฏิปนฺโน’’ติอาทินา (อ. นิ. ๘.๖๐) วุตฺเตสุ จตูสุ ปุริสยุเคสุ. อฏฺาติ มคฺคฏฺผลฏฺเสุ ยุคเฬ อกตฺวา วิสุํ วิสุํ คหเณน อฏฺ ปุคฺคลา. คาถาสุขตฺถเมว เจตฺถ ‘‘ปุคฺคล ธมฺมทสา’’ติ รสฺสํ กตฺวา นิทฺเทโส. ธมฺมทสาติ จตุสจฺจธมฺมสฺส นิพฺพานธมฺมสฺส จ ปจฺจกฺขโต ทสฺสนกา. ทิฏฺิสีลสามฺเน สํหตภาเวน สงฺฆํ.

เอวํ ภควตา ตีหิ คาถาหิ สรณคุณสนฺทสฺสเนน สทฺธึ สรณคมนวิธิมฺหิ วุตฺเต มาณโว ตํตํสรณคุณานุสฺสรณมุเขน สรณคมนวิธิโน อตฺตโน หทเย ปิตภาวํ วิภาเวนฺโต ตสฺสา ตสฺสา คาถาย อนนฺตรํ ‘‘โย วทตํ ปวโร’’ติอาทินา ตํ ตํ คาถํ ปจฺจนุภาสิ. เอวํ ปจฺจนุภาสิตฺวา ิตสฺส ปฺจ สิกฺขาปทานิ สรูปโต ผลานิสํสโต จ วิภาเวตฺวา เตสํ สมาทานวิธึ กเถสิ. โส ตมฺปิ สุฏฺุ อุปธาเรตฺวา ปสนฺนมานโส ‘‘หนฺทาหํ ภควา คมิสฺสามี’’ติ วตฺวา รตนตฺตยคุณํ อนุสฺสรนฺโต ตํเยว มคฺคํ ปฏิปชฺชิ. ภควาปิ ‘‘อลํ อิมสฺส เอตฺตกํ กุสลํ เทวโลกูปปตฺติยา’’ติ เชตวนเมว อคมาสิ.

มาณวสฺส ปน ปสนฺนจิตฺตสฺส รตนตฺตยคุณํ สลฺลกฺขณวเสน ‘‘สรณํ อุเปมี’’ติ ปวตฺตจิตฺตุปฺปาทตาย สรเณสุ จ, ภควตา วุตฺตนเยน ปฺจนฺนํ สีลานํ อธิฏฺาเนน สีเลสุ จ ปติฏฺิตสฺส เตเนว นเยน รตนตฺตยคุเณ อนุสฺสรนฺตสฺเสว คจฺฉนฺตสฺส โจรา มคฺเค ปริยุฏฺึสุ. โส เต อคเณตฺวา รตนตฺตยคุเณ อนุสฺสรนฺโตเยว คจฺฉติ. ตฺเจโก โจโร คุมฺพนฺตรํ อุปนิสฺสาย ิโต วิสปีเตน สเรน สหสาว วิชฺฌิตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปตฺวา กหาปณภณฺฑิกํ คเหตฺวา อตฺตโน สหาเยหิ สทฺธึ ปกฺกามิ. มาณโว ปน กาลํ กตฺวา ตาวตึสภวเน ตึสโยชนิเก กนกวิมาเน สุตฺตปฺปพุทฺโธ วิย อจฺฉราสหสฺสปริวุโต สฏฺิสกฏภาราลงฺการปฏิมณฺฑิตตฺตภาโว นิพฺพตฺติ, ตสฺส วิมานสฺส อาภา สาติเรกานิ วีสติโยชนานิ ผริตฺวา ติฏฺติ.

อถ มาณวํ กาลกตํ ทิสฺวา เสตพฺยคามวาสิโน มนุสฺสา เสตพฺยํ คนฺตฺวา ตสฺส มาตาปิตูนํ อุกฺกฏฺคามวาสิโน จ อุกฺกฏฺํ คนฺตฺวา พฺราหฺมณสฺส โปกฺขรสาติสฺส กเถสุํ. ตํ สุตฺวา ตสฺส มาตาปิตโร าติมิตฺตา พฺราหฺมโณ จ โปกฺขรสาติ สปริวารา อสฺสุมุขา โรทมานา ตํ ปเทสํ อคมํสุ, เยภุยฺเยน เสตพฺยวาสิโน จ อุกฺกฏฺวาสิโน จ อิจฺฉานงฺคลวาสิโน จ สนฺนิปตึสุ, มหาสมาคโม อโหสิ. อถ มาณวสฺส มาตาปิตโร มคฺคสฺส อวิทูเร จิตกํ สชฺเชตฺวา สรีรกิจฺจํ กาตุํ อารภึสุ.

อถ ภควา จินฺเตสิ ‘‘มยิ คเต ฉตฺตมาณโว มํ วนฺทิตุํ อาคมิสฺสติ, อาคตฺจ ตํ กตกมฺมํ กถาเปนฺโต กมฺมผลํ ปจฺจกฺขํ กาเรตฺวา ธมฺมํ เทเสสฺสามิ, เอวํ มหาชนสฺส ธมฺมาภิสมโย ภวิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ ตํ ปเทสํ อุปคนฺตฺวา อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล นิสีทิ ฉพฺพณฺณพุทฺธรํสิโย วิสฺสชฺเชนฺโต. อถ ฉตฺตมาณวเทวปุตฺโตปิ อตฺตโน สมฺปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตฺวา, ตสฺสา การณํ อุปธาเรนฺโต สรณคมนฺจ สีลสมาทานฺจ ทิสฺวา, วิมฺหยชาโต ภควติ สฺชาตปสาทพหุมาโน ‘‘อิทาเนวาหํ คนฺตฺวา ภควนฺตฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจ วนฺทิสฺสามิ, รตนตฺตยคุเณ จ มหาชนสฺส ปากเฏ กริสฺสามี’’ติ กตฺุตํ นิสฺสาย สกลํ ตํ อรฺปเทสํ เอกาโลกํ กโรนฺโต, สห วิมาเนน อาคนฺตฺวา วิมานโต โอรุยฺห มหตา ปริวาเรน สทฺธึ ทิสฺสมานรูโป อุปสงฺกมิตฺวา ภควโต ปาเทสุ สิรสา นิปตนฺโต อภิวาเทตฺวา อฺชลึ ปคฺคยฺห เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. ตํ ทิสฺวา มหาชโน ‘‘โก นุ โข อยํ เทโว วา พฺรหฺมา วา’’ติ อจฺฉริยพฺภุตชาโต อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ ปริวาเรสิ. ภควา เตน กตปุฺกมฺมํ ปากฏํ กาตุํ –

๘๘๙.

‘‘น ตถา ตปติ นเภ สูริโย, จนฺโท จ น ภาสติ น ผุสฺโส;

ยถา อตุลมิทํ มหปฺปภาสํ, โก นุ ตฺวํ ติทิวา มหึ อุปาคา.

๘๙๐.

‘‘ฉินฺทติ รํสี ปภงฺกรสฺส, สาธิกวีสติโยชนานิ อาภา;

รตฺติมปิ ยถา ทิวํ กโรติ, ปริสุทฺธํ วิมลํ สุภํ วิมานํ.

๘๙๑.

‘‘พหุปทุมวิจิตฺรปุณฺฑรีกํ, โวกิณฺณํ กุสุเมหิ เนกจิตฺตํ;

อรชวิรชเหมชาลฉนฺนํ, อากาเส ตปติ ยถาปิ สูริโย.

๘๙๒.

‘‘รตฺตมฺพรปีตวาสสาหิ, อครุปิยงฺคุจนฺทนุสฺสทาหิ;

กฺจนตนุสนฺนิภตฺตจาหิ, ปริปูรํ คคนํว ตารกาหิ.

๘๙๓.

‘‘นรนาริโย พหุเกตฺถเนกวณฺณา, กุสุมวิภูสิตาภรเณตฺถ สุมนา;

อนิลปมุฺจิตา ปวนฺติ สุรภึ, ตปนิยวิตตา สุวณฺณฉนฺนา.

๘๙๔.

‘‘กิสฺส สํยมสฺส อยํ วิปาโก, เกนาสิ กมฺมผเลนิธูปปนฺโน;

ยถา จ เต อธิคตมิทํ วิมานํ, ตทนุปทํ อวจาสิ อิคฺฆ ปุฏฺโ’’ติ. –

ตํ เทวปุตฺตํ ปฏิปุจฺฉิ.

๘๘๖. ตตฺถ ตปตีติ ทิปฺปติ. นเภติ อากาเส. ผุสฺโสติ ผุสฺสตารกา. อตุลนฺติ อนุปมํ, อปฺปมาณํ วา. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา อิทํ ตว วิมานํ อนุปมํ อปฺปมาณํ ปภสฺสรภาเวน ตโต เอว มหปฺปภาสํ อากาเส ทิปฺปติ, น ตถา ตารกรูปานิ ทิปฺปนฺติ, น จนฺโท, ตานิ ตาว ติฏฺนฺตุ, นาปิ สูริโย ทิปฺปติ, เอวํภูโต โก นุ ตฺวํ เทวโลกโต อิมํ ภูมิปเทสํ อุปคโต, ตํ ปากฏํ กตฺวา อิมสฺส มหาชนสฺส กเถหีติ.

๘๙๐. ฉินฺทตีติ วิจฺฉินฺทติ, ปวตฺติตุํ อเทนฺโต ปฏิหนตีติ อตฺโถ. รํสีติ รสฺมิโย. ปภงฺกรสฺสาติ สูริยสฺส. ตสฺส จ วิมานสฺส ปภา สมนฺตโต ปฺจวีสติ โยชนานิ ผริตฺวา ติฏฺติ. เตนาห ‘‘สาธิกวีสติโยชนานิ อาภา’’ติ. รตฺติมปิ ยถา ทิวํ กโรตีติ อตฺตโน ปภาย อนฺธการํ วิธมนฺตํ รตฺติภาคมฺปิ ทิวสภาคํ วิย กโรติ. ปริสมนฺตโต อนฺโต เจว พหิ จ สุทฺธตาย ปริสุทฺธํ. สพฺพโส มลาภาเวน วิมลํ. สุนฺทรตาย สุภํ.

๘๙๑. พหุปทุมวิจิตฺรปุณฺฑรีกนฺติ พหุวิธรตฺตกมลฺเจว วิจิตฺตวณฺณเสตกมลฺจ. เสตกมลํ ปทุมํ, รตฺตกมลํ ปุณฺฑรีกนฺติ วทนฺติ. โวกิณฺณํ กุสุเมหีติ อฺเหิ จ นานาวิเธหิ ปุปฺเผหิ สโมกิณฺณํ. เนกจิตฺตนฺติ มาลากมฺมลตากมฺมาทินานาวิธวิจิตฺตํ. อรชวิรชเหมชาลฉนฺนนฺติ สยํ อปคตรชํ วิรเชน นิทฺโทเสน กฺจนชาเลน ฉาทิตํ.

๘๙๒. รตฺตมฺพรปีตวาสสาหีติ รตฺตวตฺถาหิ เจว ปีตวตฺถาหิ จ. เอกา หิ รตฺตํ ทิพฺพวตฺถํ นิวาเสตฺวา ปีตํ อุตฺตริยํ กโรติ, อปรา ปีตํ นิวาเสตฺวา รตฺตํ อุตฺตริยํ กโรติ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘รตฺตมฺพรปีตวาสสาหี’’ติ. อครุปิยงฺคุจนฺทนุสฺสทาหีติ อครุคนฺเธน ปิยงฺคุมาลาหิ จนฺทนคนฺเธหิ จ อุสฺสทาหิ, อุสฺสนฺนทิพฺพาครุคนฺธาทิกาหีติ อตฺโถ. กฺจนตนุสนฺนิภตฺตจาหีติ กนกสทิสสุขุมจฺฉวีหิ. ปริปูรนฺติ ตหํ ตหํ วิจรนฺตีหิ สงฺคีติปสุตาหิ จ ปริปุณฺณํ.

๘๙๓. พหุเกตฺถาติ พหุกา เอตฺถ. อเนกวณฺณาติ นานารูปา. กุสมวิภูสิตาภรณาติ วิเสสโต สุรภิวายนตฺถํ ทิพฺพกุสุเมหิ อลงฺกตทิพฺพาภรณา. เอตฺถาติ เอตสฺมึ วิมาเน. สุมนาติ สุนฺทรมนา ปมุทิตจิตฺตา. อนิลปมุฺจิตา ปวนฺติ สุรภินฺติ อนิเลน ปมุฺจิตคนฺธานํ ปุปฺผานํ วายุนา วิมุตฺตปตฺตปุฏํ วิย วิพนฺธตาย วิกสิตตาย จ สุคนฺธํ ปวายนฺติ. ‘‘อนิลปธูปิตา’’ติปิ ปนฺติ, วาเตน มนฺทํ อาวุยฺหมานา เหมมยปุปฺผาติ อตฺโถ. กนกจีรกาทีหิ เวณิอาทีสุ โอตตตาย ตปนิยวิตตา. เยภุยฺเยน กฺจนาภรเณหิ อจฺฉาทิตสรีรตาย สุวณฺณฉนฺนา. นรนาริโยติ เทวปุตฺตา เทวธีตโร จ พหุกา เอตฺถ ตว วิมาเนติ ทสฺเสติ.

๘๙๔. อิงฺฆาติ โจทนตฺเถ นิปาโต ปุฏฺโติ ปุจฺฉิโต อิมสฺส มหาชนสฺส กมฺมผลปจฺจกฺขภาวายาติ อธิปฺปาโย.

ตโต เทวปุตฺโต อิมาหิ คาถาหิ พฺยากาสิ –

๘๙๕.

‘‘สยมิธ ปเถ สเมจฺจ มาณเวน, สตฺถานุสาสิ อนุกมฺปมาโน;

ตว รตนวรสฺส ธมฺมํ สุตฺวา, กริสฺสามีติ จ พฺรวิตฺถ ฉตฺโต.

๘๙๖.

‘‘ชินวรปวรํ อุเปหิ สรณํ, ธมฺมฺจาปิ ตเถว ภิกฺขุสงฺฆํ;

โนติ ปมํ อโวจหํ ภนฺเต, ปจฺฉา เต วจนํ ตเถวกาสึ.

๘๙๗.

‘‘มา จ ปาณวธํ วิวิธํ จรสฺสุ อสุจึ,

น หิ ปาเณสุ อสฺตํ อวณฺณยึสุ สปฺปฺา;

โนติ ปมํ อโวจหํ ภนฺเต, ปจฺฉา เต วจนํ ตเถวกาสึ.

๘๙๘.

‘‘มา จ ปรชนสฺส รกฺขิตมฺปิ, อาทาตพฺพมมฺิโถ อทินฺนํ;

โนติ ปมํ อโวจหํ ภนฺเต, ปจฺฉา เต วจนํ ตเถวกาสึ.

๘๙๙.

‘‘มา จ ปรชนสฺส รกฺขิตาโย, ปรภริยา อคมา อนริยเมตํ;

โนติ ปมํ อโวจหํ ภนฺเต, ปจฺฉา เต วจนํ ตเถวกาสึ.

๙๐๐.

‘‘มา จ วิตถํ อฺถา อภาณิ, น หิ มุสาวาทํ อวณฺณยึสุ สปฺปฺา;

โนติ ปมํ อโวจหํ ภนฺเต, ปจฺฉา เต วจนํ ตเถวกาสึ.

๙๐๑.

‘‘เยน จ ปุริสสฺส อเปติ สฺา, ตํ มชฺชํ ปริวชฺชยสฺสุ สพฺพํ;

โนติ ปมํ อโวจหํ ภนฺเต, ปจฺฉา เต วจนํ ตเถวกาสึ.

๙๐๒.

‘‘สฺวาหํ อิธ ปฺจ สิกฺขา กริตฺวา, ปฏิปชฺชิตฺวา ตถาคตสฺส ธมฺเม;

ทฺเวปถมคมาสึ โจรมชฺเฌ, เต มํ ตตฺถ วธึสุ โภคเหตุ.

๙๐๓.

‘‘เอตฺตกมิทํ อนุสฺสรามิ กุสลํ, ตโต ปรํ น เม วิชฺชติ อฺํ;

เตน สุจริเตน กมฺมุนาหํ, อุปฺปนฺโน ติทิเวสุ กามกามี.

๙๐๔.

‘‘ปสฺส ขณมุหุตฺตสฺมสฺส, อนุธมฺมปฺปฏิปตฺติยา วิปากํ;

ชลมิว ยสสา สเมกฺขมานา, พหุกามํ ปิหยนฺติ หีนกมฺมา.

๙๐๕.

‘‘ปสฺส กติปยาย เทสนาย, สุคติฺจมฺหิ คโต สุขฺจ ปตฺโต;

เย จ เต สตตํ สุณนฺติ ธมฺมํ, มฺเ เต อมตํ ผุสนฺติ เขมํ.

๙๐๖.

‘‘อปฺปมฺปิ กตํ มหาวิปากํ, วิปุลํ โหติ ตถาคตสฺส ธมฺเม;

ปสฺส กตปุฺตาย ฉตฺโต, โอภาเสติ ปถวึ ยถาปิ สูริโย.

๙๐๗.

‘‘กิมิทํ กุสลํ กิมาจเรม, อิจฺเจเก หิ สเมจฺจ มนฺตยนฺติ;

เต มยํ ปุนเรว ลทฺธ มานุสตฺตํ, ปฏิปนฺนา วิหเรมุ สีลวนฺโต.

๙๐๘.

‘‘พหุกาโร อนุกมฺปโก จ สตฺถา, อิติ เม สติ อคมา ทิวา ทิวสฺส;

สฺวาหํ อุปคโตมฺหิ สจฺจนามํ, อนุกมฺปสฺสุ ปุนปิ สุเณมฺห ธมฺมํ.

๙๐๙.

‘‘เย จิธ ปชหนฺติ กามราคํ, ภวราคานุสยฺจ ปหาย โมหํ;

น จ เต ปุน มุเปนฺติ คพฺภเสยฺยํ, ปรินิพฺพานคตา หิ สีติภูตา’’ติ.

๘๙๕. ตตฺถ สยมิธ ปเถ สเมจฺจ มาณเวนาติ อิธ อิมสฺมึ ปเถ มหามคฺเค สยเมว อุปคเตน มาณเวน พฺราหฺมณกุมาเรน สเมจฺจ สมาคนฺตฺวา. ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺเถหิ สตฺตานํ ยถารหมนุสาสนโต สตฺถา ภควา, ตฺวํ ยํ มาณวํ ยถาธมฺมํ อนุสาสิ อนุกมฺปมาโน อนุคฺคณฺหนฺโต, ตว รตนวรสฺส อคฺครตนสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส, ตํ ธมฺมํ สุตฺวา อิติ เอวํ กริสฺสามิ ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชิสฺสามีติ, โส ฉตฺโต ฉตฺตนามโก มาณโว พฺรวิตฺถ กเถสีติ ปทโยชนา.

๘๙๖. เอวํ ยถาปุจฺฉิตํ กมฺมํ การณโต ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตํ สรูปโต วิภาคโต จ ทสฺเสนฺโต สตฺถารา สมาทปิตภาวํ อตฺตนา จ ตตฺถ ปจฺฉา ปติฏฺิตภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘ชินวรปวร’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ โนติ ปมํ อโวจหํ ภนฺเตติ ภนฺเต ภควา ‘‘สรณคมนํ ชานาสี’’ติ ตยา วุตฺโต ‘‘โน’’ติ น ‘‘ชานามี’’ติ ปมํ อโวจํ อหํ. ปจฺฉา เต วจนํ ตเถวกาสินฺติ ปจฺฉา ตยา วุตฺตํ กถํ ปริวตฺเตนฺโต ตว วจนํ ตเถว อกาสึ ปฏิปชฺชึ, ตีณิปิ สรณานิ อุปคจฺฉินฺติ อตฺโถ.

๘๙๗. วิวิธนฺติ อุจฺจาวจํ, อปฺปสาวชฺชํ มหาสาวชฺชฺจาติ อตฺโถ. มา จรสฺสูติ มา อกาสิ. อสุจินฺติ กิเลสาสุจิมิสฺสตาย น สุจึ. ปาเณสุ อสฺตนฺติ ปาณฆาตโต อวิรตํ. น หิ อวณฺณยึสูติ น หิ วณฺณยนฺติ. ปจฺจูปฺปนฺนกาลตฺเถ หิ อิทํ อตีตกาลวจนํ. อถ วา ‘‘อวณฺณยึสู’’ติ เอกเทเสน สกลสฺส กาลสฺส อุปลกฺขณํ, ตสฺมา ยถา น วณฺณยึสุ อตีตมทฺธานํ, เอวํ เอตรหิปิ น วณฺณยนฺติ, อนาคเตปิ น วณฺณยิสฺสนฺตีติ วุตฺตํ โหติ.

๘๙๘-๙๐๐. ปรชนสฺส รกฺขิตนฺติ ปรปริคฺคหิตวตฺถุ. เตนาห ‘‘อทินฺน’’นฺติ. มา อคมาติ มา อชฺฌาจริ. วิตถนฺติ อตถํ, มุสาติ อตฺโถ. อฺถาติ อฺถาว, วิตถสฺี เอวํ วิตถนฺติ ชานนฺโต เอวํ มา ภณีติ อตฺโถ.

๙๐๑. เยนาติ เยน มชฺเชน, ปีเตนาติ อธิปฺปาโย. อเปตีติ วิคจฺฉติ. สฺาติ ธมฺมสฺา, โลกสฺา เอว วา. สพฺพนฺติ อนวเสสํ, พีชโต ปฏฺายาติ อตฺโถ.

๙๐๒. สฺวาหนฺติ โส ตทา ฉตฺตมาณวภูโต อหํ. อิธ อิมสฺมึ มคฺคปเทเส, อิมสฺมึ วา ตว สาสเน. เตนาห ‘‘ตถาคตสฺส ธมฺเม’’ติ. ปฺจ สิกฺขาติ ปฺจ สีลานิ. กริตฺวาติ อาทิยิตฺวา, อธิฏฺายาติ อตฺโถ. ทฺเวปถนฺติ ทฺวินฺนํ คามสีมานํ เวมชฺฌภูตํ ปถํ, สีมนฺตริกปถนฺติ อตฺโถ. เตติ เต โจรา. ตตฺถาติ สีมนฺตริกมคฺเค. โภคเหตูติ อามิสกิฺจิกฺขนิมิตฺตํ.

๙๐๓. ตโตติ ยถาวุตฺตกุสลโต ปรํ อุปริ อฺํ กุสลํ น วิชฺชติ น อุปลพฺภติ, ยมหํ อนุสฺสเรยฺยนฺติ อตฺโถ. กามกามีติ ยถิจฺฉิตกามคุณสมงฺคี.

๙๐๔. ขณมุหุตฺตสฺมสฺสาติ ขณมุหุตฺตมตฺตํ ปวตฺตสีลสฺส. อนุธมฺมปฺปฏิปตฺติยาติ ยถาธิคตสฺส ผลสฺส อนุรูปธมฺมํ ปฏิปชฺชมานสฺส ภควา ปสฺส, ตุยฺหํ โอวาทธมฺมสฺส วา อนุรูปาย ธมฺมปฏิปตฺติยา วุตฺตนิยาเมเนว สรณคมนสฺส สีลสมาทานสฺส จาติ อตฺโถ. ชลมิว ยสสาติ อิทฺธิยา ปริวารสมฺปตฺติยา จ ชลนฺตํ วิย. สเมกฺขมานาติ ปสฺสนฺตา. พหุกาติ พหโว. ปิหยนฺตีติ ‘‘กถํ นุ โข มยํ เอทิสา ภเวยฺยามา’’ติ ปตฺเถนฺติ. หีนกมฺมาติ มม สมฺปตฺติโต นิหีนโภคา.

๙๐๕. กติปยายาติ อปฺปิกาย. เยติ เย ภิกฺขู เจว อุปาสกาทโย จ. จ-สทฺโท พฺยติเรเก. เตติ ตว. สตตนฺติ ทิวเส ทิวเส.

๙๐๖. วิปุลนฺติ อุฬารผลํ วิปุลานุภาวํ. ตถาคตสฺส ธมฺเมติ ตถาคตสฺส สาสเน โอวาเท ตฺวา กตนฺติ โยชนา. เอวํ อนุทฺเทสิกวเสน วุตฺตเมวตฺถํ อตฺตุทฺเทสิกวเสน ทสฺเสนฺโต ‘‘ปสฺสา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ปสฺสาติ ภควนฺตํ วทติ, อตฺตานเมว วา อฺํ วิย จ กตฺวา วทติ.

๙๐๗. กิมิทํ กุสลํ กิมาจเรมาติ กุสลํ นาเมตํ กึสภาวํ กีทิสํ, กถํ วา ตํ อาจเรยฺยาม. อิจฺเจเก หิ สเมจฺจ มนฺตยนฺตีติ เอวเมเก สเมจฺจ สมาคนฺตฺวา ปถวึ ปริวตฺเตนฺตา วิย สิเนรุํ อุกฺขิปนฺตา วิย จ สุทุกฺกรํ กตฺวา มนฺตยนฺติ วิจาเรนฺติ, มยํ ปน อกิจฺเฉเนว ปุนปิ กุสลํ อาจเรยฺยามาติ อธิปฺปาโย. เตเนวาห ‘‘มย’’นฺติอาทิ.

๙๐๘. พหุกาโรติ พหูปกาโร, มหาอุปกาโร วา. อนุกมฺปโกติ การุณิโก. -กาโร ปทสนฺธิกโร. อิตีติ เอวํ, ภควโต อตฺตนิ ปฏิปนฺนาการํ สนฺธาย วทติ. เม สตีติ มยิ สติ วิชฺชมาเน, โจเรหิ อวธิเต เอวาติ อตฺโถ. ทิวา ทิวสฺสาติ ทิวสสฺสปิ ทิวา, กาลสฺเสวาติ อตฺโถ. สฺวาหนฺติ โส ฉตฺตมาณวภูโต อหํ. สจฺจนามนฺติ ‘‘ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติอาทินาเมหิ อวิตถนามํ ภูตตฺถนามํ. อนุกมฺปสฺสูติ อนุคฺคณฺหาหิ. ปุนปีติ ภิยฺโยปิ สุเณมุ, ตว ธมฺมํ สุเณยฺยามเยวาติ อตฺโถ.

เอวํ เทวปุตฺโต สพฺพเมตํ กตฺุตาภาเว ตฺวา สตฺถุ ปยิรุปาสเน จ ธมฺมสฺสวเน จ อติตฺติเมว ทีเปนฺโต วทติ. ภควา เทวปุตฺตสฺส จ ตตฺถ สนฺนิปติตปริสาย จ อชฺฌาสยํ โอโลเกตฺวา อนุปุพฺพิกถํ กเถสิ. อถ เนสํ อลฺลจิตฺตตํ ตฺวา สามุกฺกํสิกํ ธมฺมเทสนํ ปกาเสสิ. เทสนาปริโยสาเน เทวปุตฺโต เจว มาตาปิตโร จสฺส โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสุ, มหโต จ ชนกายสฺส ธมฺมาภิสมโย อโหสิ.

๙๐๙. ปมผเล ปติฏฺิโต เทวปุตฺโต อุปริมคฺเคสุ อตฺตโน ครุจิตฺตีการํ, ตทธิคมสฺส จ มหานิสํสตํ วิภาเวนฺโต ‘‘เย จิธ ปชหนฺติ กามราค’’นฺติ ปริโยสานคาถมาห. ตสฺสตฺโถ – เย อิธ อิมสฺมึ สาสเน ิตา ปชหนฺติ อนวเสสโต สมุจฺฉินฺทนฺติ กามราคํ, น จ เต ปุน อุเปนฺติ คพฺภเสยฺยํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ สมุจฺฉินฺนตฺตา. เย จ ปน ปหาย โมหํ สพฺพโส สมุคฺฆาเตตฺวา ภวราคานุสยฺจ ปชหนฺติ, เต ปุน อุเปนฺติ คพฺภเสยฺยนฺติ วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. กสฺมา? ปรินิพฺพานคตา หิ สีติภูตา, เต หิ อุตฺตมปุริสา อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพานํ คตา เอวํ อิเธว สพฺพเวทยิตานํ สพฺพปริฬาหานํ พฺยนฺติภาเวน สีติภูตา.

อิติ เทวปุตฺโต อตฺตโน อริยโสตสมาปนฺนภาวํ ปเวเทนฺโต อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา เทสนาย กูฏํ คเหตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ภิกฺขุสงฺฆสฺส อปจิตึ ทสฺเสตฺวา มาตาปิตโร อาปุจฺฉิตฺวา เทวโลกเมว คโต, สตฺถาปิ อุฏฺายาสนา คโต สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆน. มาณวสฺส ปน มาตาปิตโร พฺราหฺมโณ โปกฺขรสาติ สพฺโพ จ มหาชโน ภควนฺตํ อนุคนฺตฺวา นิวตฺติ. ภควา เชตวนํ คนฺตฺวา สนฺนิปติตาย ปริสาย อิมํ วิมานํ วิตฺถารโต กเถสิ. สา เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา อโหสีติ.

ฉตฺตมาณวกวิมานวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. กกฺกฏกรสทายกวิมานวณฺณนา

อุจฺจมิทํ มณิถูณํ วิมานนฺติ กกฺกฏกรสทายกวิมานํ. ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน. เตน สมเยน อฺตโร ภิกฺขุ อารทฺธวิปสฺสโก กณฺณสูเลน ปีฬิโต อกลฺลสรีรตาย วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตุํ นาสกฺขิ, เวชฺเชหิ วุตฺตวิธินา เภสชฺเช กเตปิ โรโค น วูปสมิ. โส ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสิ. อถสฺส ภควา ‘‘กกฺกฏกรสโภชนํ สปฺปาย’’นฺติ ตฺวา อาห ‘‘คจฺฉ ตฺวํ ภิกฺขุ มคธเขตฺเต ปิณฺฑาย จราหี’’ติ.

โส ภิกฺขุ ‘‘ทีฆทสฺสินา อทฺธา กิฺจิ ทิฏฺํ ภวิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘สาธุ ภนฺเต’’ติ ภควโต ปฏิสฺสุณิตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย มคธเขตฺตํ คนฺตฺวา อฺตรสฺส เขตฺตปาลสฺส กุฏิยา ทฺวาเร ปิณฺฑาย อฏฺาสิ. โส จ เขตฺตปาโล กกฺกฏกรสํ สมฺปาเทตฺวา ภตฺตฺจ ปจิตฺวา ‘‘โถกํ วิสฺสมิตฺวา ภุฺชิสฺสามี’’ติ นิสินฺโน เถรํ ทิสฺวา ปตฺตํ คเหตฺวา กุฏิกายํ นิสีทาเปตฺวา กกฺกฏกรสภตฺตํ อทาสิ. เถรสฺส ตํ ภตฺตํ โถกํ ภุตฺตสฺสเยว กณฺณสูลํ ปฏิปฺปสฺสมฺภิ, ฆฏสเตน นฺหาโต วิย อโหสิ. โส สปฺปายาหารวเสน จิตฺตผาสุกํ ลภิตฺวา วิปสฺสนาวเสน จิตฺตํ อภินินฺนาเมนฺโต อปริโยสิเตเยว โภชเน อนวเสสโต อาสเว เขเปตฺวา อรหตฺเต ปติฏฺาย เขตฺตปาลํ อาห ‘‘อุปาสก, ตว ปิณฺฑปาตโภชเนน มยฺหํ โรโค วูปสนฺโต, กายจิตฺตํ กลฺลํ ชาตํ, ตฺวมฺปิ อิมสฺส ปุฺสฺส ผเลน วิคตกายจิตฺตทุกฺโข ภวิสฺสสี’’ติ วตฺวา อนุโมทนํ กตฺวา ปกฺกามิ.

เขตฺตปาโล อปเรน สมเยน กาลํ กตฺวา ตาวตึสภวเน ทฺวาทสโยชนิเก มณิถมฺเภ กนกวิมาเน สตฺตสตกูฏาคารปฏิมณฺฑิเต เวฬุริยมยคพฺเภ นิพฺพตฺติ, ทฺวาเร จสฺส ยถูปจิตกมฺมสํสูจโก มุตฺตาสิกฺกาคโต สุวณฺณกกฺกฏโก โอลมฺพมาโน อฏฺาสิ. อถายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ปุพฺเพ วุตฺตนเยน ตตฺถ คโต ตํ ทิสฺวา อิมาหิ คาถาหิ ปุจฺฉิ –

๙๑๐.

‘‘อุจฺจมิทํ มณิถูณํ วิมานํ, สมนฺตโต ทฺวาทส โยชนานิ;

กูฏาคารา สตฺตสตา อุฬารา, เวฬุริยถมฺภา รุจกตฺถตา สุภา.

๙๑๑.

‘‘ตตฺถจฺฉสิ ปิวสิ ขาทสิ จ, ทิพฺพา จ วีณา ปวทนฺติ วคฺคุํ;

ทิพฺพา รสา กามคุเณตฺถ ปฺจ, นาริโย จ นจฺจนฺติ สุวณฺณฉนฺนา.

๙๑๒.

‘‘เกน เตตาทิโส วณฺโณ, เกน เต อิธ มิชฺฌติ;

อุปฺปชฺชนฺติ จ เต โภคา, เย เกจิ มนโส ปิยา.

๙๑๓.

‘‘ปุจฺฉามิ ตํ เทว มหานุภาว, มนุสฺสภูโต กิมกาสิ ปุฺํ;

เกนาสิ เอวํ ชลิตานุภาโว, วณฺโณ จ เต สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ.

โสปิสฺส พฺยากาสิ, ตํ ทสฺเสตุํ –

๙๑๔.

‘‘โส เทวปุตฺโต อตฺตมโน, โมคฺคลฺลาเนน ปุจฺฉิโต;

ปฺหํ ปุฏฺโ วิยากาสิ, ยสฺส กมฺมสฺสิทํ ผล’’นฺติ. – วุตฺตํ;

๙๑๕.

‘‘สติสมุปฺปาทกโร, ทฺวาเร กกฺกฏโก ิโต;

นิฏฺิโต ชาตรูปสฺส, โสภติ ทสปาทโก.

๙๑๖.

‘‘เตน เมตาทิโส วณฺโณ, เตน เม อิธ มิชฺฌติ;

อุปฺปชฺชนฺติ จ เม โภคา, เย เกจิ มนโส ปิยา.

๙๑๗.

‘‘อกฺขามิ เต ภิกฺขุ มหานุภาว, มนุสฺสภูโต ยมกาสิ ปุฺํ;

เตนมฺหิ เอวํ ชลิตานุภาโว, วณฺโณ จ เม สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ.

๙๑๐. ตตฺถ อุจฺจนฺติ อจฺจุคฺคตํ. มณิถูณนฺติ ปทุมราคาทิมณิมยถมฺภํ. สมนฺตโตติ จตูสุปิ ปสฺเสสุ. รุจกตฺถตาติ ตสฺสํ ตสฺสํ ภูมิยํ สุวณฺณผลเกหิ อตฺถตา.

๙๑๑. ปิวสิ ขาทสิ จาติ กาเลน กาลํ อุปยุชฺชมานํ คนฺธปานํ สุธาโภชนฺจ สนฺธาย วทติ. ปวทนฺตีติ ปวชฺชนฺติ. ทิพฺพา รสา กามคุเณตฺถ ปฺจาติ ทิพฺพา รสา อนปฺปกา ปฺจ กามคุณา เอตฺถ เอตสฺมึ ตว วิมาเน สํวิชฺชนฺตีติ อตฺโถ. สุวณฺณฉนฺนาติ เหมาภรณวิภูสิตา.

๙๑๕. สติสมุปฺปาทกโรติ สตุปฺปาทกโร, เยน ปุฺกมฺเมน อยํ ทิพฺพสมฺปตฺติ มยา ลทฺธา, ตตฺถ สตุปฺปาทสฺส การโก, ‘‘กกฺกฏกรสทาเนน อยํ ตยา สมฺปตฺติ ลทฺธา’’ติ เอวํ สตุปฺปาทํ กโรนฺโตติ อตฺโถ. นิฏฺิโต ชาตรูปสฺสาติ ชาตรูเปน สิทฺโธ ชาตรูปมโย. เอกเมกสฺมึ ปสฺเส ปฺจ ปฺจ กตฺวา ทส ปาทา เอตสฺสาติ ทสปาทโก ทฺวาเร กกฺกฏโก ิโต โสภติ. โส เอว มม ปุฺกมฺมํ ตาทิสานํ มเหสีนํ วิภาเวติ, น เอตฺถ มยา วตฺตพฺพํ อตฺถีติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘เตน เมตาทิโส วณฺโณ’’ติอาทิ. เสสํ วุตฺตนยเมว.

กกฺกฏกรสทายกวิมานวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. ทฺวารปาลกวิมานวณฺณนา

อุจฺจมิทํ มณิถูณนฺติ ทฺวารปาลกวิมานํ. ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน. เตน จ สมเยน ราชคเห อฺตโร อุปาสโก จตฺตาริ นิจฺจภตฺตานิ สงฺฆสฺส เทติ. ตสฺส ปน เคหํ ปริยนฺเต ิตํ โจรภเยน เยภุยฺเยน ปิหิตทฺวารเมว โหติ. ภิกฺขู คนฺตฺวา กทาจิ ทฺวารสฺส ปิหิตตฺตา ภตฺตํ อลทฺธาว ปฏิคจฺฉนฺติ. อุปาสโก ภริยํ อาห ‘‘กึ, ภทฺเท, อยฺยานํ สกฺกจฺจํ ภิกฺขา ทียตี’’ติ? สา อาห ‘‘เอเกสุ ทิวเสสุ อยฺยา นาคมึสู’’ติ. ‘‘กึ การณ’’นฺติ? ‘‘ทฺวารสฺส ปิหิตตฺตา มฺเ’’ติ. ตํ สุตฺวา อุปาสโก สํเวคปฺปตฺโต หุตฺวา เอกํ ปุริสํ ทฺวารปาลํ กตฺวา เปสิ ‘‘ตฺวํ อชฺชโต ปฏฺาย ทฺวารํ รกฺขนฺโต นิสีท, ยทา จ อยฺยา อาคมิสฺสนฺติ, ตทา เต ปเวเสตฺวา ปวิฏฺานํ เนสํ ปตฺตปฏิคฺคหณอาสนปฺาปนาทิ สพฺพํ ยุตฺตปยุตฺตํ ชานาหี’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ ตถา กโรนฺโต ภิกฺขูนํ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา อุปฺปนฺนสทฺโธ กมฺมผลํ สทฺทหิตฺวา สรเณสุ จ สีเลสุ จ ปติฏฺหิ, สกฺกจฺจํ ภิกฺขู อุปฏฺหิ.

อปรภาเค นิจฺจภตฺตทายโก อุปาสโก กาลํ กตฺวา ยาเมสุ นิพฺพตฺติ. ทฺวารปาโล ปน สกฺกจฺจํ ภิกฺขูนํ อุปฏฺหิตฺวา ปรสฺส ปริจฺจาเค เวยฺยาวจฺจกรเณน อนุโมทเนน จ ตาวตึเสสุ อุปฺปชฺชิ. ตสฺส ทฺวาทสโยชนิกํ กนกวิมานนฺติอาทิ สพฺพํ กกฺกฏกวิมาเน วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนคาถา เอวมาคตา –

๙๑๘.

‘‘อุจฺจมิทํ มณิถูณํ วิมานํ, สมนฺตโต ทฺวาทส โยชนานิ;

กูฏาคารา สตฺตสตา อุฬารา, เวฬุริยถมฺภา รุจกตฺถตา สุภา.

๙๑๙.

‘‘ตตฺถจฺฉสิ ปิวสิ ขาทสิ จ, ทิพฺพา จ วีณา ปวทนฺติ วคฺคุํ;

ทิพฺพา รสา กามคุเณตฺถ ปฺจ, นาริโย จ นจฺจนฺติ สุวณฺณฉนฺนา.

๙๒๐. ‘‘เกน เตตาทิโส วณฺโณ…เป… วณฺโณ จ เต สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ.

๙๒๒. ‘‘โส เทวปุตฺโต อตฺตมโน…เป… ยสฺส กมฺมสฺสิทํ ผลํ’’.

๙๒๓.

‘‘ทิพฺพํ มมํ วสฺสสหสฺสมายุ, วาจาภิคีตํ มนสา ปวตฺติตํ;

เอตฺตาวตา สฺสติ ปุฺกมฺโม, ทิพฺเพหิ กาเมหิ สมงฺคิภูโต.

๙๒๔.

‘‘เตน เมตาทิโส วณฺโณ…เป…

วณฺโณ จ เม สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ.

๙๒๓. ตตฺถ ทิพฺพํ มมํ วสฺสสหสฺสมายูติ ยสฺมึ เทวนิกาเย สยํ อุปฺปนฺโน, เตสํ ตาวตึสเทวานํ อายุปฺปมาณเมว วทติ. เตสฺหิ มนุสฺสานํ คณนาย วสฺสสตํ เอโก รตฺติทิโว, ตาย รตฺติยา ตึสรตฺติโก มาโส, เตน มาเสน ทฺวาทสมาสิโก สํวจฺฉโร, เตน สํวจฺฉเรน สหสฺสสํวจฺฉรานิ อายุ, ตํ มนุสฺสานํ คณนาย ติสฺโส วสฺสโกฏิโย สฏฺิ จ วสฺสสตสหสฺสานิ โหนฺติ. วาจาภิคีตนฺติ วาจาย อภิคีตํ, ‘‘อาคจฺฉนฺตุ อยฺยา, อิทํ อาสนํ ปฺตฺตํ, อิธ นิสีทถา’’ติอาทินา, ‘‘กึ อยฺยานํ สรีรสฺส อาโรคฺยํ, กึ วสนฏฺานํ ผาสุก’’นฺติอาทินา ปฏิสนฺถารวเสน จ วาจาย กถิตมตฺตํ. มนสา ปวตฺติตนฺติ ‘‘อิเม อยฺยา เปสลา พฺรหฺมจาริโน ธมฺมจาริโน’’ติอาทินา จิตฺเตน ปวตฺติตํ ปสาทมตฺตํ, น ปน มม สนฺตกํ กิฺจิ ปริจฺจตฺตํ อตฺถีติ ทสฺเสติ. เอตฺตาวตาติ เอตฺตเกน เอวํ กถนมตฺเตน ปสาทมตฺเตนปิ. สฺสติ ปุฺกมฺโมติ กตปุฺโ นาม หุตฺวา เทวโลเก สฺสติ จิรํ ปวตฺติสฺสติ, ติฏฺนฺโต จ ทิพฺเพหิ กาเมหิ สมงฺคีภูโต ตสฺมึ เทวนิกาเย เทวานํ วลฺชนิยาเมเนว ทิพฺเพหิ ปฺจหิ กามคุเณหิ สมงฺคีภูโต สมนฺนาคโต หุตฺวา อินฺทฺริยานิ ปริจาเรนฺโต วิหรตีติ อตฺโถ. เสสํ วุตฺตนยเมว.

ทฺวารปาลกวิมานวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. ปมกรณียวิมานวณฺณนา

อุจฺจมิทํ มณิถูณนฺติ กรณียวิมานํ. ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน. เตน สมเยน สาวตฺถิวาสี เอโก อุปาสโก นฺหาโนปกรณานิ คเหตฺวา อจิรวตึ คนฺตฺวา นฺหตฺวา อาคจฺฉนฺโต ภควนฺตํ สาวตฺถึ ปิณฺฑาย ปวิสนฺตํ ทิสฺวา อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอวมาห ‘‘ภนฺเต เกน นิมนฺติตา’’ติ. ภควา ตุณฺหี อโหสิ. โส เกนจิ อนิมนฺติตภาวํ ตฺวา อาห ‘‘อธิวาเสตุ เม, ภนฺเต, ภควา ภตฺตํ อนุกมฺปํ อุปาทายา’’ติ. อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวน. โส ภควนฺตํ อตฺตโน เคหํ เนตฺวา พุทฺธารหํ อาสนํ ปฺาเปตฺวา ตตฺถ ภควนฺตํ นิสีทาเปตฺวา ปณีเตน อนฺนปาเนน สนฺตปฺเปสิ. ภควา กตภตฺตกิจฺโจ ตสฺส อนุโมทนํ กตฺวา ปกฺกามิ. เสสํ อนนฺตรวิมานสทิสํ. เตน วุตฺตํ –

๙๒๖. ‘‘อุจฺจมิทํ มณิถูณํ วิมานํ…เป… นาริโย จ นจฺจนฺติ สุวณฺณฉนฺนา.

๙๒๘. ‘‘เกน เตตาทิโส วณฺโณ…เป… วณฺโณ จ เต สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ.

๙๓๐. ‘‘โส เทวปุตฺโต อตฺตมโน…เป… ยสฺส กมฺมสฺสิทํ ผลํ’’.

๙๓๑.

‘‘กรณียานิ ปุฺานิ, ปณฺฑิเตน วิชานตา;

สมฺมคฺคเตสุ พุทฺเธสุ, ยตฺถ ทินฺนํ มหปฺผลํ.

๙๓๑.

‘‘อตฺถาย วต เม พุทฺโธ, อรฺา คามมาคโต;

กตฺถ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, ตาวตึสูปโค อหํ.

๙๓๓. ‘‘เตน เมตาทิโส วณฺโณ…เป… วณฺโณ จ เม สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ.

๙๓๑. ตตฺถ ปณฺฑิเตนาติ สปฺปฺเน. วิชานตาติ อตฺตโน หิตาหิตํ ชานนฺเตน. สมฺมคฺคเตสูติ สมฺมาปฏิปนฺเนสุ, พุทฺเธสูติ สมฺมาสมฺพุทฺเธสุ.

๙๓๒. อตฺถายาติ หิตาย, วุฑฺฒิยา วา. อรฺาติ วิหารโต, เชตวนํ สนฺธาย วทติ. ตาวตึสูปโคติ ตาวตึสเทวกายํ, ตาวตึสภวนํ วา อุปฺปชฺชนวเสน อุปคโต. เสสํ วุตฺตนยเมว.

กรณียวิมานวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. ทุติยกรณียวิมานวณฺณนา

สตฺตมวิมานํ ฉฏฺวิมานสทิสํ. เกวลํ ตตฺถ อุปาสเกน ภควโต อาหาโร ทินฺโน, อิธ อฺตรสฺส เถรสฺส. เอสํ วุตฺตนยเมว. เตน วุตฺตํ –

๙๓๕.

‘‘อุจฺจมิทํ มณิถูณํ วิมานํ, สมนฺตโต ทฺวาทส โยชนานิ;

กูฏาคารา สตฺตสตา อุฬารา, เวฬุริยถมฺภา รุจกตฺถตา สุภา.

๙๓๖.

‘‘ตตฺถจฺฉสิ ปิวสิ ขาทสิ จ, ทิพฺพา จ วีณา ปวทนฺติ วคฺคุํ;

ทิพฺพา รสา กามคุเณตฺถ ปฺจ, นาริโย จ นจฺจนฺติ สุวณฺณฉนฺนา.

๙๓๗. ‘‘เกน เตตาทิโส วณฺโณ…เป… วณฺโณ จ เต สพฺพทิสา ปภาสตีติ.

๙๓๘.

‘‘โส เทวปุตฺโต อตฺตมโน…เป… ยสฺส กมฺมสฺสิทํ ผลํ’’.

๙๔๐.

‘‘กรณียานิ ปุฺานิ, ปณฺฑิเตน วิชานตา;

สมฺมคฺคเตสุ ภิกฺขูสุ, ยตฺถ ทินฺนํ มหปฺผลํ.

๙๔๑.

‘‘อตฺถาย วต เม ภิกฺขุ, อรฺา คามมาคโต;

ตตฺถ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, ตาวตึสูปโค อหํ.

๙๔๒. ‘‘เตน เมตาทิโส วณฺโณ…เป… วณฺโณ จ เม สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ.

ทุติยกรณียวิมานวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. ปมสูจิวิมานวณฺณนา

อุจฺจมิทํ มณิถูณํ วิมานนฺติ สูจิวิมานํ. ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน. เตน สมเยน อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส จีวรกมฺมํ กาตพฺพํ โหติ, อตฺโถ จ โหติ สูจิยา. โส ราชคเห ปิณฺฑาย จรนฺโต กมฺมารสฺส เคหทฺวาเร อฏฺาสิ. ตํ ทิสฺวา กมฺมาโร อาห ‘‘เกน, ภนฺเต, อตฺโถ’’ติ? ‘‘จีวรกมฺมํ กาตพฺพํ อตฺถิ, สูจิยา อตฺโถ’’ติ. กมฺมาโร ปสนฺนมานโส กตปริโยสิตา ทฺเว สูจิโย ทตฺวา ‘‘ปุนปิ, ภนฺเต, สูจิยา อตฺเถ สติ มม อาจิกฺเขยฺยาถา’’ติ วตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิ. เถโร ตสฺส อนุโมทนํ กตฺวา ปกฺกามิ. โส อปรภาเค กาลํ กตฺวา ตาวตึเสสุ อุปฺปชฺชิ. อถ อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เทวจาริกํ จรนฺโต ตํ เทวปุตฺตํ อิมาหิ คาถาหิ ปุจฺฉิ –

๙๔๔.

‘‘อุจฺจมิทํ มณิถูณํ วิมานํ…เป…

วณฺโณ จ เต สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ.

๙๔๘. ‘‘โส เทวปุตฺโต อตฺตมโน…เป… ยสฺส กมฺมสฺสิทํ ผลํ’’.

๙๔๙.

‘‘ยํ ททาติ น ตํ โหติ, ยฺเจว ทชฺชา ตฺเจว เสยฺโย;

สูจิ ทินฺนา สูจิเมว เสยฺโย.

๙๕๐.

‘‘เตน เมตาทิโส วณฺโณ…เป…

วณฺโณ จ เม สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ.

๙๔๙. ตตฺถ ยํ ททาตีติ ยาทิสํ เทยฺยธมฺมํ ททาติ. น ตํ โหตีติ ตสฺส ตาทิสเมว ผลํ น โหติ. อถ โข เขตฺตสมฺปตฺติยา จ จิตฺตสมฺปตฺติยา จ ตโต วิปุลตรํ อุฬารตรเมว ผลํ โหติ. ตสฺมา ยฺเจว ทชฺชา ตฺเจว เสยฺโยติ ยํกิฺจิเทว วิชฺชมานํ ทชฺชา ทเทยฺย, ตฺเจว ตเทว เสยฺโย, ยสฺส กสฺสจิ อนวชฺชสฺส เทยฺยธมฺมสฺส ทานเมว เสยฺโย, กสฺมา? มยา หิ สูจิ ทินฺนา สูจิเมว เสยฺโย, สูจิทานเมว มยฺหํ เสยฺยํ ชาตํ, ยโต อยมีทิสี สมฺปตฺติ ลทฺธาติ อธิปฺปาโย.

สูจิวิมานวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. ทุติยสูจิวิมานวณฺณนา

อุจฺจมิทํ มณิถูณนฺติ ทุติยสูจิวิมานํ. ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน. เตน สมเยน ราชคหวาสี เอโก ตุนฺนการโก วิหารเปกฺขโก หุตฺวา เวฬุวนํ คโต. ตตฺถ อฺตรํ ภิกฺขุํ เวฬุวเน กตสูจิยา จีวรํ สิพฺพนฺตํ ทิสฺวา สูจิฆเรน สทฺธึ สูจิโย อทาสิ. เสสํ สพฺพํ วุตฺตนยเมว.

๙๕๒.

‘‘อุจฺจมิทํ มณิถูณํ วิมานํ…เป…

วณฺโณ จ เต สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ. – ปุจฺฉิ;

๙๕๖.

‘‘โส เทวปุตฺโต อตฺตมโน…เป… ยสฺส กมฺมสฺสิทํ ผลํ’’.

๙๕๗.

‘‘อหํ มนุสฺเสสุ มนุสฺสภูโต, ปุริมชาติยา มนุสฺสโลเก.

๙๕๘.

‘‘อทฺทสํ วิรชํ ภิกฺขุํ, วิปฺปสนฺนมนาวิลํ;

ตสฺส อทาสหํ สูจึ, ปสนฺโน เสหิ ปาณิภิ.