📜

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส

ขุทฺทกนิกาเย

เปตวตฺถุ-อฏฺกถา

คนฺถารมฺภกถา

มหาการุณิกํ นาถํ, เยฺยสาครปารคุํ;

วนฺเท นิปุณคมฺภีร-วิจิตฺรนยเทสนํ.

วิชฺชาจรณสมฺปนฺนา, เยน นิยฺยนฺติ โลกโต;

วนฺเท ตมุตฺตมํ ธมฺมํ, สมฺมาสมฺพุทฺธปูชิตํ.

สีลาทิคุณสมฺปนฺโน, ิโต มคฺคผเลสุ โย;

วนฺเท อริยสงฺฆํ ตํ, ปุฺกฺเขตฺตํ อนุตฺตรํ.

วนฺทนาชนิตํ ปุฺํ, อิติ ยํ รตนตฺตเย;

หตนฺตราโย สพฺพตฺถ, หุตฺวาหํ ตสฺส เตชสา.

เปเตหิ จ กตํ กมฺมํ, ยํ ยํ ปุริมชาติสุ;

เปตภาวาวหํ ตํ ตํ, เตสฺหิ ผลเภทโต.

ปกาสยนฺตี พุทฺธานํ, เทสนา ยา วิเสสโต;

สํเวคชนนี กมฺม-ผลปจฺจกฺขการินี.

เปตวตฺถูติ นาเมน, สุปริฺาตวตฺถุกา;

ยํ ขุทฺทกนิกายสฺมึ, สงฺคายึสุ มเหสโย.

ตสฺส สมฺมาวลมฺพิตฺวา, โปราณฏฺกถานยํ;

ตตฺถ ตตฺถ นิทานานิ, วิภาเวนฺโต วิเสสโต.

สุวิสุทฺธํ อสํกิณฺณํ, นิปุณตฺถวินิจฺฉยํ;

มหาวิหารวาสีนํ, สมยํ อวิโลมยํ.

ยถาพลํ กริสฺสามิ, อตฺถสํวณฺณนํ สุภํ;

สกฺกจฺจํ ภาสโต ตํ เม, นิสามยถ สาธโวติ.

ตตฺถ เปตวตฺถูติ เสฏฺิปุตฺตาทิกสฺส ตสฺส ตสฺส สตฺตสฺส เปตภาวเหตุภูตํ กมฺมํ, ตสฺส ปน ปกาสนวเสน ปวตฺโต ‘‘เขตฺตูปมา อรหนฺโต’’ติอาทิกา ปริยตฺติธมฺโม อิธ ‘‘เปตวตฺถู’’ติ อธิปฺเปโต.

ตยิทํ เปตวตฺถุ เกน ภาสิตํ, กตฺถ ภาสิตํ, กทา ภาสิตํ, กสฺมา จ ภาสิตนฺติ? วุจฺจเต – อิทฺหิ เปตวตฺถุ ทุวิเธน ปวตฺตํ อฏฺุปฺปตฺติวเสน, ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนวเสน จ. ตตฺถ ยํ อฏฺุปฺปตฺติวเสน ปวตฺตํ, ตํ ภควตา ภาสิตํ, อิตรํ นารทตฺเถราทีหิ ปุจฺฉิตํ เตหิ เตหิ เปเตหิ ภาสิตํ. สตฺถา ปน ยสฺมา นารทตฺเถราทีหิ ตสฺมึ ตสฺมึ ปุจฺฉาวิสฺสชฺชเน อาโรจิเต ตํ ตํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา สมฺปตฺตปริสาย ธมฺมํ เทเสสิ, ตสฺมา สพฺพมฺเปตํ เปตวตฺถุ สตฺถารา ภาสิตเมว นาม ชาตํ. ปวตฺติตวรธมฺมจกฺเก หิ สตฺถริ ตตฺถ ตตฺถ ราชคหาทีสุ วิหรนฺเต เยภุยฺเยน ตาย ตาย อฏฺุปฺปตฺติยา ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนวเสน สตฺตานํ กมฺมผลปจฺจกฺขกรณาย ตํ ตํ เปตวตฺถุ เทสนารุฬฺหนฺติ อยํ ตาเวตฺถ ‘‘เกน ภาสิต’’นฺติอาทีนํ ปทานํ สาธารณโต วิสฺสชฺชนา. อสาธารณโต ปน ตสฺส ตสฺส วตฺถุสฺส อตฺถวณฺณนายเมว อาคมิสฺสติ.

ตํ ปเนตํ เปตวตฺถุ วินยปิฏกํ สุตฺตนฺตปิฏกํ อภิธมฺมปิฏกนฺติ ตีสุ ปิฏเกสุ สุตฺตนฺตปิฏกปริยาปนฺนํ, ทีฆนิกาโย มชฺฌิมนิกาโย สํยุตฺตนิกาโย องฺคุตฺตรนิกาโย ขุทฺทกนิกาโยติ ปฺจสุ นิกาเยสุ ขุทฺทกนิกายปริยาปนฺนํ, สุตฺตํ เคยฺยํ เวยฺยากรณํ คาถา อุทานํ อิติวุตฺตกํ ชาตกํ อพฺภุตธมฺมํ เวทลฺลนฺติ นวสุ สาสนงฺเคสุ คาถาสงฺคหํ.

‘‘ทฺวาสีติ พุทฺธโต คณฺหึ, ทฺเว สหสฺสานิ ภิกฺขุโต;

จตุราสีติ สหสฺสานิ, เย เม ธมฺมา ปวตฺติโน’’ติ. (เถรคา. ๑๐๒๗) –

เอวํ ธมฺมภณฺฑาคาริเกน ปฏิฺาเตสุ จตุราสีติยา ธมฺมกฺขนฺธสหสฺเสสุ กติปยธมฺมกฺขนฺธสงฺคหํ, ภาณวารโต จตุภาณวารมตฺตํ, วคฺคโต – อุรควคฺโค อุพฺพริวคฺโค จูฬวคฺโค มหาวคฺโคติ จตุวคฺคสงฺคหํ. เตสุ ปมวคฺเค ทฺวาทส วตฺถูนิ, ทุติยวคฺเค เตรส วตฺถูนิ, ตติยวคฺเค ทส วตฺถูนิ, จตุตฺถวคฺเค โสฬส วตฺถูนีติ วตฺถุโต เอกปฺาสวตฺถุปฏิมณฺฑิตํ. ตสฺส วคฺเคสุ อุรควคฺโค อาทิ, วตฺถูสุ เขตฺตูปมเปตวตฺถุ อาทิ, ตสฺสาปิ ‘‘เขตฺตูปมา อรหนฺโต’’ติ อยํ คาถา อาทิ.

๑. อุรควคฺโค

๑. เขตฺตูปมเปตวตฺถุวณฺณนา

ตํ ปเนตํ วตฺถุํ ภควา ราชคเห วิหรนฺโต เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเป อฺตรํ เสฏฺิปุตฺตเปตํ อารพฺภ กเถสิ. ราชคเห กิร อฺตโร อฑฺโฒ มหทฺธโน มหาโภโค ปหูตวิตฺตูปกรโณ อเนกโกฏิธนสนฺนิจโย เสฏฺิ อโหสิ. ตสฺส มหาธนสมฺปนฺนตาย ‘‘มหาธนเสฏฺิ’’ตฺเวว สมฺา อโหสิ. เอโกว ปุตฺโต อโหสิ, ปิโย มนาโป. ตสฺมึ วิฺุตํ ปตฺเต มาตาปิตโร เอวํ จินฺเตสุํ – ‘‘อมฺหากํ ปุตฺตสฺส ทิวเส ทิวเส สหสฺสํ สหสฺสํ ปริพฺพยํ กโรนฺตสฺส วสฺสสเตนาปิ อยํ ธนสนฺนิจโย ปริกฺขยํ น คมิสฺสติ, กึ อิมสฺส สิปฺปุคฺคหณปริสฺสเมน, อกิลนฺตกายจิตฺโต ยถาสุขํ โภเค ปริภุฺชตู’’ติ สิปฺปํ น สิกฺขาเปสุํ. วยปฺปตฺเต ปน กุลรูปโยพฺพนวิลาสสมฺปนฺนํ กามาภิมุขํ ธมฺมสฺาวิมุขํ กฺํ อาเนสุํ. โส ตาย สทฺธึ อภิรมนฺโต ธมฺเม จิตฺตมตฺตมฺปิ อนุปฺปาเทตฺวา, สมณพฺราหฺมณคุรุชเนสุ อนาทโร หุตฺวา, ธุตฺตชนปริวุโต รชฺชมาโน ปฺจกามคุเณ รโต คิทฺโธ โมเหน อนฺโธ หุตฺวา กาลํ วีตินาเมตฺวา, มาตาปิตูสุ กาลกเตสุ นฏนาฏกคายกาทีนํ ยถิจฺฉิตํ เทนฺโต ธนํ วินาเสตฺวา นจิรสฺเสว ปาริชุฺปฺปตฺโต หุตฺวา, อิณํ คเหตฺวา ชีวิกํ กปฺเปนฺโต ปุน อิณมฺปิ อลภิตฺวา อิณายิเกหิ โจทิยมาโน เตสํ อตฺตโน เขตฺตวตฺถุฆราทีนิ ทตฺวา, กปาลหตฺโถ ภิกฺขํ จริตฺวา ภุฺชนฺโต ตสฺมึเยว นคเร อนาถสาลายํ วสติ.

อถ นํ เอกทิวสํ โจรา สมาคตา เอวมาหํสุ – ‘‘อมฺโภ ปุริส, กึ ตุยฺหํ อิมินา ทุชฺชีวิเตน, ตรุโณ ตฺวมสิ ถามชวพลสมฺปนฺโน, กสฺมา หตฺถปาทวิกโล วิย อจฺฉสิ? เอหิ อมฺเหหิ สห โจริกาย ปเรสํ สนฺตกํ คเหตฺวา สุเขน ชีวิกํ กปฺเปหี’’ติ. โส ‘‘นาหํ โจริกํ กาตุํ ชานามี’’ติ อาห. โจรา ‘‘มยํ ตํ สิกฺขาเปม, เกวลํ ตฺวํ อมฺหากํ วจนํ กโรหี’’ติ อาหํสุ. โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา เตหิ สทฺธึ อคมาสิ. อถ เต โจรา ตสฺส หตฺเถ มหนฺตํ มุคฺครํ ทตฺวา สนฺธึ ฉินฺทิตฺวา ฆรํ ปวิสนฺโต ตํ สนฺธิมุเข เปตฺวา อาหํสุ – ‘‘สเจ อิธ อฺโ โกจิ อาคจฺฉติ, ตํ อิมินา มุคฺคเรน ปหริตฺวา เอกปฺปหาเรเนว มาเรหี’’ติ. โส อนฺธพาโล หิตาหิตํ อชานนฺโต ปเรสํ อาคมนเมว โอโลเกนฺโต ตตฺถ อฏฺาสิ. โจรา ปน ฆรํ ปวิสิตฺวา คยฺหูปคํ ภณฺฑํ คเหตฺวา ฆรมนุสฺเสหิ าตมตฺตาว อิโต จิโต จ ปลายึสุ. ฆรมนุสฺสา อุฏฺหิตฺวา สีฆํ สีฆํ ธาวนฺตา อิโต จิโต จ โอโลเกนฺตา ตํ ปุริสํ สนฺธิทฺวาเร ิตํ ทิสฺวา ‘‘หเร ทุฏฺโจรา’’ติ คเหตฺวา หตฺถปาเท มุคฺคราทีหิ โปเถตฺวา รฺโ ทสฺเสสุํ – ‘‘อยํ, เทว, โจโร สนฺธิสุเข คหิโต’’ติ. ราชา ‘‘อิมสฺส สีสํ ฉินฺทาเปหี’’ติ นครคุตฺติกํ อาณาเปสิ. ‘‘สาธุ, เทวา’’ติ นครคุตฺติโก ตํ คาหาเปตฺวา ปจฺฉาพาหํ คาฬฺหพนฺธนํ พนฺธาเปตฺวา รตฺตวณฺณวิรฬมาลาพนฺธกณฺํ อิฏฺกจุณฺณมกฺขิตสีสํ วชฺฌปหฏเภริเทสิตมคฺคํ รถิกาย รถิกํ สิงฺฆาฏเกน สิงฺฆาฏกํ วิจราเปตฺวา กสาหิ ตาเฬนฺโต อาฆาตนาภิมุขํ เนติ. ‘‘อยํ อิมสฺมึ นคเร วิลุมฺปมานกโจโร คหิโต’’ติ โกลาหลํ อโหสิ.

เตน จ สมเยน ตสฺมึ นคเร สุลสา นาม นครโสภินี ปาสาเท ิตา วาตปานนฺตเรน โอโลเกนฺตี ตํ ตถา นียมานํ ทิสฺวา ปุพฺเพ เตน กตปริจยา ‘‘อยํ ปุริโส อิมสฺมึเยว นคเร มหตึ สมฺปตฺตึ อนุภวิตฺวา อิทานิ เอวรูปํ อนตฺถํ อนยพฺยสนํ ปตฺโต’’ติ ตสฺส การุฺํ อุปฺปาเทตฺวา จตฺตาโร โมทเก ปานียฺจ เปเสสิ. นครคุตฺติกสฺส จ อาโรจาเปสิ – ‘‘ตาว อยฺโย อาคเมตุ, ยาวายํ ปุริโส อิเม โมทเก ขาทิตฺวา ปานียํ ปิวิสฺสตี’’ติ.

อเถตสฺมึ อนฺตเร อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ทิพฺเพน จกฺขุนา โอโลเกนฺโต ตสฺส พฺยสนปฺปตฺตึ ทิสฺวา กรุณาย สฺโจทิตมานโส – ‘‘อยํ ปุริโส อกตปุฺโ กตปาโป, เตนายํ นิรเย นิพฺพตฺติสฺสติ, มยิ ปน คเต โมทเก จ ปานียฺจ ทตฺวา ภุมฺมเทเวสุ อุปฺปชฺชิสฺสติ, ยํนูนาหํ อิมสฺส อวสฺสโย ภเวยฺย’’นฺติ จินฺเตตฺวา ปานียโมทเกสุ อุปนียมาเนสุ ตสฺส ปุริสสฺส ปุรโต ปาตุรโหสิ. โส เถรํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส ‘‘กึ เม อิทาเนว อิเมหิ มาริยมานสฺส โมทเกหิ ขาทิเตหิ, อิทํ ปน ปรโลกํ คจฺฉนฺตสฺส ปาเถยฺยํ ภวิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา โมทเก จ ปานียฺจ เถรสฺส ทาเปสิ. เถโร ตสฺส ปสาทสํวฑฺฒนตฺถํ ตสฺส ปสฺสนฺตสฺเสว ตถารูเป าเน นิสีทิตฺวา โมทเก ปริภุฺชิตฺวา ปานียฺจ ปิวิตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกามิ. โส ปน ปุริโส โจรฆาตเกหิ อาฆาตนํ เนตฺวา สีสจฺเฉทํ ปาปิโต อนุตฺตเร ปุฺกฺเขตฺเต มหาโมคฺคลฺลานตฺเถเร กเตน ปุฺเน อุฬาเร เทวโลเก นิพฺพตฺตนารโหปิ ยสฺมา ‘‘สุลสํ อาคมฺม มยา อยํ เทยฺยธมฺโม ลทฺโธ’’ติ สุลสาย คเตน สิเนเหน มรณกาเล จิตฺตํ อุปกฺกิลิฏฺํ อโหสิ. ตสฺมา หีนกายํ อุปปชฺชนฺโต ปพฺพตคหนสมฺภูเต สนฺทจฺฉาเย มหานิคฺโรธรุกฺเข รุกฺขเทวตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ.

โส กิร สเจ ปมวเย กุลวํสฏฺปเน อุสฺสุกฺกํ อกริสฺส, ตสฺมึเยว นคเร เสฏฺีนํ อคฺโค อภวิสฺส, มชฺฌิมวเย มชฺฌิโม, ปจฺฉิมวเย ปจฺฉิโม. สเจ ปน ปมวเย ปพฺพชิโต อภวิสฺส, อรหา อภวิสฺส, มชฺฌิมวเย สกทาคามี อนาคามี วา อภวิสฺส, ปจฺฉิมวเย โสตาปนฺโน อภวิสฺส. ปาปมิตฺตสํสคฺเคน ปน อิตฺถิธุตฺโต สุราธุตฺโต ทุจฺจริตนิรโต อนาทริโก หุตฺวา อนุกฺกเมน สพฺพสมฺปตฺติโต ปริหายิตฺวา มหาพฺยสนํ ปตฺโตติ วทนฺติ.

อถ โส อปเรน สมเยน สุลสํ อุยฺยานคตํ ทิสฺวา สฺชาตกามราโค อนฺธการํ มาเปตฺวา ตํ อตฺตโน ภวนํ เนตฺวา สตฺตาหํ ตาย สทฺธึ สํวาสํ กปฺเปสิ, อตฺตานฺจสฺสา อาโรเจสิ. ตสฺสา มาตา ตํ อปสฺสนฺตี โรทมานา อิโต จิโต จ ปริพฺภมติ. ตํ ทิสฺวา มหาชโน ‘‘อยฺโย มหาโมคฺคลฺลาโน มหิทฺธิโก มหานุภาโว ตสฺสา คตึ ชาเนยฺย, ตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺเฉยฺยาสี’’ติ อาห. สา ‘‘สาธุ อยฺโย’’ติ เถรํ อุปสงฺกมิตฺวา ตมตฺถํ ปุจฺฉิ. เถโร ‘‘อิโต สตฺตเม ทิวเส เวฬุวนมหาวิหาเร ภควติ ธมฺมํ เทเสนฺเต ปริสปริยนฺเต ปสฺสิสฺสสี’’ติ อาห. อถ สุลสา ตํ เทวปุตฺตํ อโวจ – ‘‘อยุตฺตํ มยฺหํ ตว ภวเน วสนฺติยา, อชฺช สตฺตโม ทิวโส, มม มาตา มํ อปสฺสนฺตี ปริเทวโสกสมาปนฺนา ภวิสฺสติ, สาธุ มํ, เทว, ตตฺเถว เนหี’’ติ. โส ตํ เนตฺวา เวฬุวเน ภควติ ธมฺมํ เทเสนฺเต ปริสปริยนฺเต เปนฺตฺวา อทิสฺสมานรูโป อฏฺาสิ.

ตโต มหาชโน สุลสํ ทิสฺวา เอวมาห – ‘‘อมฺม สุลเส, ตฺวํ เอตฺตกํ ทิวสํ กุหึ คตา? ตว มาตา ตฺวํ อปสฺสนฺตี ปริเทวโสกสมาปนฺนา อุมฺมาทปฺปตฺตา วิย ชาตา’’ติ. สา ตํ ปวตฺตึ มหาชนสฺส อาจิกฺขิ. มหาชเนน จ ‘‘กถํ โส ปุริโส ตถาปาปปสุโต อกตกุสโล เทวูปปตฺตึ ปฏิลภตี’’ติ วุตฺเต สุลสา ‘‘มยา ทาปิเต โมทเก ปานียฺจ อยฺยสฺส มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรสฺส ทตฺวา เตน ปุฺเน เทวูปปตฺตึ ปฏิลภตี’’ติ อาห. ตํ สุตฺวา มหาชโน อจฺฉริยพฺภุตจิตฺตชาโต อโหสิ – ‘‘อรหนฺโต นาม อนุตฺตรํ ปุฺกฺเขตฺตํ โลกสฺส, เยสุ อปฺปโกปิ กโต กาโร สตฺตานํ เทวูปปตฺตึ อาวหตี’’ติ อุฬารํ ปีติโสมนสฺสํ ปฏิสํเวเทสิ. ภิกฺขู ตมตฺถํ ภควโต อาโรเจสุํ. ตโต ภควา อิมิสฺสา อฏฺุปฺปตฺติยา –

.

‘‘เขตฺตูปมา อรหนฺโต, ทายกา กสฺสกูปมา;

พีชูปมํ เทยฺยธมฺมํ, เอตฺโต นิพฺพตฺตเต ผลํ.

.

‘‘เอตํ พีชํ กสี เขตฺตํ, เปตานํ ทายกสฺส จ;

ตํ เปตา ปริภุฺชนฺติ, ทาตา ปุฺเน วฑฺฒติ.

.

‘‘อิเธว กุสลํ กตฺวา, เปเต จ ปฏิปูชิย;

สคฺคฺจ กมติฏฺานํ, กมฺมํ กตฺวาน ภทฺทก’’นฺติ. – อิมา คาถา อภาสิ;

. ตตฺถ เขตฺตูปมาติ ขิตฺตํ วุตฺตํ พีชํ ตายติ มหปฺผลภาวกรเณน รกฺขตีติ เขตฺตํ, สาลิพีชาทีนํ วิรุหนฏฺานํ. ตํ อุปมา เอเตสนฺติ เขตฺตูปมา, เกทารสทิสาติ อตฺโถ. อรหนฺโตติ ขีณาสวา. เต หิ กิเลสารีนํ สํสารจกฺกสฺส อรานฺจ หตตฺตา, ตโต เอว อารกตฺตา, ปจฺจยาทีนํ อรหตฺตา, ปาปกรเณ รหาภาวา จ ‘‘อรหนฺโต’’ติ วุจฺจนฺติ. ตตฺถ ยถา เขตฺหิ ติณาทิโทสรหิตํ สฺวาภิสงฺขตพีชมฺหิ วุตฺเต อุตุสลิลาทิปจฺจยนฺตรูเปตํ กสฺสกสฺส มหปฺผลํ โหติ, เอวํ ขีณาสวสนฺตาโน โลภาทิโทสรหิโต สฺวาภิสงฺขเต เทยฺยธมฺมพีเช วุตฺเต กาลาทิปจฺจยนฺตรสหิโต ทายกสฺส มหปฺผโล โหติ. เตนาห ภควา ‘‘เขตฺตูปมา อรหนฺโต’’ติ. อุกฺกฏฺนิทฺเทโส อยํ ตสฺส เสขาทีนมฺปิ เขตฺตภาวาปฏิกฺเขปโต.

ทายกาติ จีวราทีนํ ปจฺจยานํ ทาตาโร ปริจฺจชนกา, เตสํ ปริจฺจาเคน อตฺตโน สนฺตาเน โลภาทีนํ ปริจฺจชนกา เฉทนกา, ตโต วา อตฺตโน สนฺตานสฺส โสธกา, รกฺขกา จาติ อตฺโถ. กสฺสกูปมาติ กสฺสกสทิสา. ยถา กสฺสโก สาลิเขตฺตาทีนิ กสิตฺวา ยถากาลฺจ วุตฺตุทกทานนีหรณนิธานรกฺขณาทีหิ อปฺปมชฺชนฺโต อุฬารํ วิปุลฺจ สสฺสผลํ ปฏิลภติ, เอวํ ทายโกปิ อรหนฺเตสุ เทยฺยธมฺมปริจฺจาเคน ปาริจริยาย จ อปฺปมชฺชนฺโต อุฬารํ วิปุลฺจ ทานผลํ ปฏิลภติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ทายกา กสฺสกูปมา’’ติ.

พีชูปมํ เทยฺยธมฺมนฺติ ลิงฺควิปลฺลาเสน วุตฺตํ, พีชสทิโส เทยฺยธมฺโมติ อตฺโถ. อนฺนปานาทิกสฺส หิ ทสวิธสฺส ทาตพฺพวตฺถุโน เอตํ นามํ. เอตฺโต นิพฺพตฺตเต ผลนฺติ เอตสฺมา ทายกปฏิคฺคาหกเทยฺยธมฺมปริจฺจาคโต ทานผลํ นิพฺพตฺตติ เจว อุปฺปชฺชติ จ, จิรตรปพนฺธวเสน ปวตฺตติ จาติ อตฺโถ. เอตฺถ จ ยสฺมา ปริจฺจาคเจตนาภิสงฺขตสฺส อนฺนปานาทิวตฺถุโน ภาโว, น อิตรสฺส, ตสฺมา ‘‘พีชูปมํ เทยฺยธมฺม’’นฺติ เทยฺยธมฺมคฺคหณํ กตํ. เตน เทยฺยธมฺมาปเทเสน เทยฺยธมฺมวตฺถุวิสยาย ปริจฺจาคเจตนายเยว พีชภาโว ทฏฺพฺโพ. สา หิ ปฏิสนฺธิอาทิปฺปเภทสฺส ตสฺส นิสฺสยารมฺมณปฺปเภทสฺส จ ผลสฺส นิปฺผาทิกา, น เทยฺยธมฺโมติ.

. เอตํ พีชํ กสี เขตฺตนฺติ ยถาวุตฺตํ พีชํ, ยถาวุตฺตฺจ เขตฺตํ, ตสฺส พีชสฺส ตสฺมึ เขตฺเต วปนปโยคสงฺขาตา กสิ จาติ อตฺโถ. เอตํ ตยํ เกสํ อิจฺฉิตพฺพนฺติ อาห ‘‘เปตานํ ทายกสฺส จา’’ติ. ยทิ ทายโก เปเต อุทฺทิสฺส ทานํ เทติ, เปตานฺจ ทายกสฺส จ, ยทิ น เปเต อุทฺทิสฺส ทานํ เทติ, ทายกสฺเสว เอตํ พีชํ เอสา กสิ เอตํ เขตฺตํ อุปการาย โหตีติ อธิปฺปาโย. อิทานิ ตํ อุปการํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตํ เปตา ปริภุฺชนฺติ, ทาตา ปุฺเน วฑฺฒตี’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ ตํ เปตา ปริภุฺชนฺตีติ ทายเกน เปเต อุทฺทิสฺส ทาเน ทินฺเน ยถาวุตฺตเขตฺตกสิพีชสมฺปตฺติยา อนุโมทนาย จ ยํ เปตานํ อุปกปฺปติ, ตํ ทานผลํ เปตา ปริภุฺชนฺติ. ทาตา ปุฺเน วฑฺฒตีติ ทาตา ปน อตฺตโน ทานมยปุฺนิมิตฺตํ เทวมนุสฺเสสุ โภคสมฺปตฺติอาทินา ปุฺผเลน อภิวฑฺฒติ. ปุฺผลมฺปิ หิ ‘‘กุสลานํ, ภิกฺขเว, ธมฺมานํ สมาทานเหตุ เอวมิทํ ปุฺํ ปวฑฺฒตี’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๘๐) ปุฺนฺติ วุจฺจติ.

. อิเธว กุสลํ กตฺวาติ อนวชฺชสุขวิปากฏฺเน กุสลํ เปตานํ อุทฺทิสนวเสน ทานมยํ ปุฺํ อุปจินิตฺวา อิเธว อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว. เปเต จ ปฏิปูชิยาติ เปเต อุทฺทิสฺส ทาเนน สมฺมาเนตฺวา อนุภุยฺยมานทุกฺขโต เต โมเจตฺวา. เปเต หิ อุทฺทิสฺส ทิยฺยมานํ ทานํ เตสํ ปูชา นาม โหติ. เตนาห – ‘‘อมฺหากฺจ กตา ปูชา’’ติ (เป. ว. ๑๘), ‘‘เปตานํ ปูชา จ กตา อุฬารา’’ติ (เป. ว. ๒๕) จ. ‘‘เปเต จา’’ติ จ-สทฺเทน ‘‘ปิโย จ โหติ มนาโป, อภิคมนีโย จ โหติ วิสฺสาสนีโย, ภาวนีโย จ โหติ ครุกาตพฺโพ, ปาสํโส จ โหติ กิตฺตนีโย วิฺูน’’นฺติ เอวมาทิเก ทิฏฺธมฺมิเก ทานานิสํเส สงฺคณฺหาติ. สคฺคฺจ กมติ านํ, กมฺมํ กตฺวาน ภทฺทกนฺติ กลฺยาณํ กุสลกมฺมํ กตฺวา ทิพฺเพหิ อายุอาทีหิ ทสหิ าเนหิ สุฏฺุ อคฺคตฺตา ‘‘สคฺค’’นฺติ ลทฺธนามํ กตปุฺานํ นิพฺพตฺตนฏฺานํ เทวโลกํ กมติ อุปปชฺชนวเสน อุปคจฺฉติ.

เอตฺถ จ ‘‘กุสลํ กตฺวา’’ติ วตฺวา ปุน ‘‘กมฺมํ กตฺวาน ภทฺทก’’นฺติ วจนํ ‘‘เทยฺยธมฺมปริจฺจาโค วิย ปตฺติทานวเสน ทานธมฺมปริจฺจาโคปิ ทานมยกุสลกมฺมเมวา’’ติ ทสฺสนตฺถนฺติ ทฏฺพฺพํ. เกจิ ปเนตฺถ ‘‘เปตาติ อรหนฺโต อธิปฺเปตา’’ติ วทนฺติ, ตํ เตสํ มติมตฺตํ ‘‘เปตา’’ติ ขีณาสวานํ อาคตฏฺานสฺเสว อภาวโต, พีชาทิภาวสฺส จ ทายกสฺส วิย เตสํ อยุชฺชมานตฺตา, เปตโยนิกานํ ยุชฺชมานตฺตา จ. เทสนาปริโยสาเน เทวปุตฺตํ สุลสฺจ อาทึ กตฺวา จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสีติ.

เขตฺตูปมเปตวตฺถุวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. สูกรมุขเปตวตฺถุวณฺณนา

กาโย เต สพฺพโสวณฺโณติ อิทํ สตฺถริ ราชคหํ อุปนิสฺสาย เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเป วิหรนฺเต อฺตรํ สูกรมุขเปตํ อารพฺภ วุตฺตํ. อตีเต กิร กสฺสปสฺส ภควโต สาสเน เอโก ภิกฺขุ กาเยน สฺโต อโหสิ, วาจาย อสฺโต, ภิกฺขู อกฺโกสติ ปริภาสติ. โส กาลํ กตฺวา นิรเย นิพฺพตฺโต, เอกํ พุทฺธนฺตรํ ตตฺถ ปจฺจิตฺวา ตโต จวิตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคหสมีเป คิชฺฌกูฏปพฺพตปาเท ตสฺเสว กมฺมสฺส วิปากาวเสเสน ขุปฺปิปาสาภิภูโต เปโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ตสฺส กาโย สุวณฺณวณฺโณ อโหสิ, มุขํ สูกรมุขสทิสํ. อถายสฺมา นารโท คิชฺฌกูเฏ ปพฺพเต วสนฺโต ปาโตว สรีรปฏิชคฺคนํ กตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ราชคหํ ปิณฺฑาย คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค ตํ เปตํ ทิสฺวา เตน กตกมฺมํ ปุจฺฉนฺโต –

.

‘‘กาโย เต สพฺพโสวณฺโณ, สพฺพา โอภาสเต ทิสา;

มุขํ เต สูกรสฺเสว, กึ กมฺมมกรี ปุเร’’ติ. –

คาถมาห. ตตฺถ กาโย เต สพฺพโสวณฺโณติ ตว กาโย เทโห สพฺโพ สุวณฺณวณฺโณ อุตฺตตฺตกนกสนฺนิโภ. สพฺพา โอภาสเต ทิสาติ ตสฺส ปภาย สพฺพาปิ ทิสา สมนฺตนฺโต โอภาสติ วิชฺโชตติ. โอภาสเตติ วา อนฺโตคธโหตุอตฺถมิทํ ปทนฺติ ‘‘เต กาโย สพฺพโสวณฺโณ สพฺพา ทิสา โอภาเสติ วิชฺโชเตตี’’ติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. มุขํ เต สูกรสฺเสวาติ มุขํ ปน เต สูกรสฺส วิย, สูกรมุขสทิสํ ตว มุขนฺติ อตฺโถ. กึ กมฺมมกรี ปุเรติ ‘‘ตฺวํ ปุพฺเพ อตีตชาติยํ กีทิสํ กมฺมํ อกาสี’’ติ ปุจฺฉติ.

เอวํ เถเรน โส เปโต กตกมฺมํ ปุฏฺโ คาถาย วิสฺสชฺเชนฺโต –

.

‘‘กาเยน สฺโต อาสึ, วาจายาสิมสฺโต;

เตน เมตาทิโส วณฺโณ, ยถา ปสฺสสิ นารทา’’ติ. –

อาห. ตตฺถ กาเยน สฺโต อาสินฺติ กายิเกน สํยเมน สํยโต กายทฺวาริเกน สํวเรน สํวุโต อโหสึ. วาจายาสิมสฺโตติ วาจาย อสฺโต วาจสิเกน อสํวเรน สมนฺนาคโต อโหสึ. เตนาติ เตน อุภเยน สํยเมน อสํยเมน จ. เมติ มยฺหํ. เอตาทิโส วณฺโณติ เอทิโส. ยถา ตฺวํ, นารท, ปจฺจกฺขโต ปสฺสสิ, เอวรูโป, กาเยน มนุสฺสสณฺาโน สุวณฺณวณฺโณ, มุเขน สูกรสทิโส อาสินฺติ โยชนา. วณฺณสทฺโท หิ อิธ ฉวิยํ สณฺาเน จ ทฏฺพฺโพ.

เอวํ เปโต เถเรน ปุจฺฉิโต ตมตฺถํ วิสฺสชฺเชตฺวา ตเมว การณํ กตฺวา เถรสฺส โอวาทํ เทนฺโต –

.

‘‘ตํ ตฺยาหํ นารท พฺรูมิ, สามํ ทิฏฺมิทํ ตยา;

มากาสิ มุขสา ปาปํ, มา โข สูกรมุโข อหู’’ติ. –

คาถมาห. ตตฺถ นฺติ ตสฺมา. ตฺยาหนฺติ เต อหํ. นารทาติ เถรํ อาลปติ. พฺรูมีติ กเถมิ. สามนฺติ สยเมว. อิทนฺติ อตฺตโน สรีรํ สนฺธาย วทติ. อยฺเหตฺถ อตฺโถ – ยสฺมา, ภนฺเต นารท, อิทํ มม สรีรํ คลโต ปฏฺาย เหฏฺา มนุสฺสสณฺานํ, อุปริ สูกรสณฺานํ, ตยา ปจฺจกฺขโตว ทิฏฺํ, ตสฺมา เต อหํ โอวาทวเสน วทามีติ. กินฺติ เจติ อาห ‘‘มากาสิ มุขสา ปาปํ, มา โข สูกรมุโข อหู’’ติ. ตตฺถ มาติ ปฏิเสเธ นิปาโต. มุขสาติ มุเขน. โขติ อวธารเณ, วาจาย ปาปกมฺมํ มากาสิ มา กโรหิ. มา โข สูกรมุโข อหูติ อหํ วิย สูกรมุโข มา อโหสิเยว. สเจ ปน ตฺวํ มุขโร หุตฺวา วาจาย ปาปํ กเรยฺยาสิ, เอกํเสน สูกรมุโข ภเวยฺยาสิ, ตสฺมา มากาสิ มุขสา ปาปนฺติ ผลปฏิเสธนมุเขนปิ เหตุเมว ปฏิเสเธติ.

อถายสฺมา นารโท ราชคเห ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต จตุปริสมชฺเฌ นิสินฺนสฺส สตฺถุโน ตมตฺถํ อาโรเจสิ. สตฺถา, ‘‘นารท, ปุพฺเพว มยา โส สตฺโถ ทิฏฺโ’’ติ วตฺวา อเนกาการโวการํ วจีทุจฺจริตสนฺนิสฺสิตํ อาทีนวํ, วจีสุจริตปฏิสํยุตฺตฺจ อานิสํสํ ปกาเสนฺโต ธมฺมํ เทเสสิ. สา เทสนา สมฺปตฺตปริสาย สาตฺถิกา อโหสีติ.

สูกรมุขเปตวตฺถุวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. ปูติมุขเปตวตฺถุวณฺณนา

ทิพฺพํ สุภํ ธาเรสิ วณฺณธาตุนฺติ อิทํ สตฺถริ เวฬุวเน วิหรนฺเต กลนฺทกนิวาเป อฺตรํ ปูติมุขเปตํ อารพฺภ วุตฺตํ. อตีเต กิร กสฺสปสฺส ภควโต กาเล ทฺเว กุลปุตฺตา ตสฺส สาสเน ปพฺพชิตฺวา สีลาจารสมฺปนฺนา สลฺเลขวุตฺติโน อฺตรสฺมึ คามกาวาเส สมคฺควาสํ วสึสุ. อถ อฺตโร ปาปชฺฌาสโย เปสุฺาภิรโต ภิกฺขุ เตสํ วสนฏฺานํ อุปคฺฉิ. เถรา เตน สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กตฺวา วสนฏฺานํ ทตฺวา ทุติยทิวเส ตํ คเหตฺวา คามํ ปิณฺฑาย ปวิสึสุ. มนุสฺสา เต ทิสฺวา เตสุ เถเรสุ อติวิย ปรมนิปจฺจการํ กตฺวา ยาคุภตฺตาทีหิ ปฏิมาเนสุํ. โส วิหารํ ปวิสิตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘สุนฺทโร วตายํ โคจรคาโม, มนุสฺสา จ สทฺธา ปสนฺนา, ปณีตปณีตํ ปิณฺฑปาตํ เทนฺติ, อยฺจ วิหาโร ฉายูทกสมฺปนฺโน, สกฺกา เม อิธ สุเขน วสิตุํ. อิเมสุ ปน ภิกฺขูสุ อิธ วสนฺเตสุ มยฺหํ ผาสุวิหาโร น ภวิสฺสติ, อนฺเตวาสิกวาโส วิย ภวิสฺสติ. หนฺทาหํ อิเม อฺมฺํ ภินฺทิตฺวา ยถา น ปุน อิธ วสิสฺสนฺติ, ตถา กริสฺสามี’’ติ.

อเถกทิวสํ มหาเถเร ทฺวินฺนมฺปิ โอวาทํ ทตฺวา อตฺตโน วสนฏฺานํ ปวิฏฺเ เปสุณิโก ภิกฺขุ โถกํ กาลํ วีตินาเมตฺวา มหาเถรํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เถเรน ‘‘กึ, อาวุโส, วิกาเล อาคโตสี’’ติ จ วุตฺเต, ‘‘อาม, ภนฺเต กิฺจิ วตฺตพฺพํ อตฺถี’’ติ วตฺวา ‘‘กเถหิ, อาวุโส’’ติ เถเรน อนุฺาโต อาห – ‘‘เอโส, ภนฺเต, ตุมฺหากํ สหายกตฺเถโร สมฺมุขา มิตฺโต วิย อตฺตานํ ทสฺเสตฺวา ปรมฺมุขา สปตฺโต วิย อุปวทตี’’ติ. ‘‘กึ กเถตี’’ติ ปุจฺฉิโต ‘‘สุณาถ, ภนฺเต, ‘เอโส มหาเถโร สโ มายาวี กุหโก มิจฺฉาชีเวน ชีวิกํ กปฺเปตี’ติ ตุมฺหากํ อคุณํ กเถตี’’ติ อาห. ‘‘มา, อาวุโส, เอวํ ภณิ, น โส ภิกฺขุ เอวํ มํ อุปวทิสฺสติ, คิหิกาลโต ปฏฺาย มม สภาวํ ชานาติ ‘เปสโล กลฺยาณสีโล’’’ติ. ‘‘สเจ, ภนฺเต, ตุมฺเห อตฺตโน วิสุทฺธจิตฺตตาย เอวํ จินฺเตถ, ตํ ตุมฺหากํเยว อนุจฺฉวิกํ, มยฺหํ ปน เตน สทฺธึ เวรํ นตฺถิ, กสฺมา อหํ เตน อวุตฺตํ ‘วุตฺต’นฺติ วทามิ. โหตุ, กาลนฺตเรน สยเมว ชานิสฺสถา’’ติ อาห. เถโรปิ ปุถุชฺชนภาวโทเสน ทฺเวฬฺหกจิตฺโต ‘‘เอวมฺปิ สิยา’’ติ สาสงฺกหทโย หุตฺวา โถกํ สิถิลวิสฺสาโส อโหสิ. โส พาโล ปมํ มหาเถรํ ปริภินฺทิตฺวา อิตรมฺปิ เถนํ วุตฺตนเยเนว ปริภินฺทิ. อถ เต อุโภปิ เถรา ทุติยทิวเส อฺมฺํ อนาลปิตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย คาเม ปิณฺฑาย จริตฺวา ปิณฺฑปาตมาทาย อตฺตโน วสนฏฺาเนเยว ปริภุฺชิตฺวา สามีจิมตฺตมฺปิ อกตฺวา ตํ ทิวสํ ตตฺเถว วสิตฺวา วิภาตาย จ รตฺติยา อฺมฺํ อนาโรเจตฺวาว ยถาผาสุกฏฺานํ อคมํสุ.

เปสุณิกํ ปน ภิกฺขุํ ปริปุณฺณมโนรถํ คามํ ปิณฺฑาย ปวิฏฺํ มนุสฺสา ทิสฺวา อาหํสุ – ‘‘ภนฺเต, เถรา กุหึ คตา’’ติ? โส อาห – ‘‘สพฺพรตฺตึ อฺมฺํ กลหํ กตฺวา มยา ‘มา กลหํ กโรถ, สมคฺคา โหถ, กลโห นาม อนตฺถาวโห อายติทุกฺขุปฺปาทโก อกุสลสํวตฺตนิโก, ปุริมกาปิ กลเหน มหตา หิตา ปริภฏฺา’ติอาทีนิ วุจฺจมานาปิ มม วจนํ อนาทิยิตฺวา ปกฺกนฺตา’’ติ. ตโต มนุสฺสา ‘‘เถรา ตาว คจฺฉนฺตุ, ตุมฺเห ปน อมฺหากํ อนุกมฺปาย อิเธว อนุกฺกณฺิตฺวา วสถา’’ติ ยาจึสุ. โส ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา ตตฺเถว วสนฺโต กติปาเหน จินฺเตสิ – ‘‘มยา สีลวนฺโต กลฺยาณธมฺมา ภิกฺขู อาวาสโลเภน ปริภินฺนา, พหุํ วต มยา ปาปกมฺมํ ปสุต’’นฺติ พลววิปฺปฏิสาราภิภูโต โสกเวเคน คิลาโน หุตฺวา นจิเรเนว กาลํ กตฺวา อวีจิมฺหิ นิพฺพตฺติ.

อิตเร ทฺเว สหายกตฺเถรา ชนปทจาริกํ จรนฺตา อฺตรสฺมึ อาวาเส สมาคนฺตฺวา อฺมฺํ สมฺโมทิตฺวา เตน ภิกฺขุนา วุตฺตํ เภทวจนํ อฺมฺสฺส อาโรเจตฺวา ตสฺส อภูตภาวํ ตฺวา สมคฺคา หุตฺวา อนุกฺกเมน ตเมว อาวาสํ ปจฺจาคมึสุ. มนุสฺสา ทฺเว เถเร ทิสฺวา หฏฺตุฏฺา สฺชาตโสมนสฺสา หุตฺวา จตูหิ ปจฺจเยหิ อุปฏฺหึสุ. เถรา จ ตตฺเถว วสนฺตา สปฺปายอาหารลาเภน สมาหิตจิตฺตา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา นจิเรเนว อรหตฺตํ ปาปุณึสุ.

เปสุณิโก ภิกฺขุ เอกํ พุทฺธนฺตรํ นิรเย ปจฺจิตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคหสฺส อวิทูเร ปูติมุขเปโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ตสฺส กาโย สุวณฺณวณฺโณ อโหสิ, มุขโต ปน ปุฬวกา นิกฺขมิตฺวา อิโต จิโต จ มุขํ ขาทนฺติ, ตสฺส ทูรมฺปิ โอกาสํ ผริตฺวา ทุคฺคนฺธํ วายติ. อถายสฺมา นารโท คิชฺฌกูฏปพฺพตา โอโรหนฺโต ตํ ทิสฺวา –

.

‘‘ทิพฺพํ สุภํ ธาเรสิ วณฺณธาตุํ, เวหายสํ ติฏฺสิ อนฺตลิกฺเข;

มุขฺจ เต กิมโย ปูติคนฺธํ, ขาทนฺติ กึ กมฺมมกาสิ ปุพฺเพ’’ติ. –

อิมาย คาถาย กตกมฺมํ ปุจฺฉิ. ตตฺถ ทิพฺพนฺติ ทิวิ ภวํ เทวตฺตภาวปริยาปนฺนํ. อิธ ปน ทิพฺพํ วิยาติ ทิพฺพํ. สุภนฺติ โสภนํ, สุนฺทรภาวํ วา. วณฺณธาตุนฺติ ฉวิวณฺณํ. ธาเรสีติ วหสิ. เวหายสํ ติฏฺสิ อนฺตลิกฺเขติ เวหายสสฺิเต อนฺตลิกฺเข ติฏฺสิ. เกจิ ปน ‘‘วิหายสํ ติฏฺสิ อนฺตลิกฺเข’’ติ ปาํ วตฺวา วิหายสํ โอภาเสนฺโต อนฺตลิกฺเข ติฏฺสีติ วจนเสเสน อตฺถํ วทนฺติ. ปูติคนฺธนฺติ กุณปคนฺธํ, ทุคฺคนฺธนฺติ อตฺโถ. กึ กมฺมมกาสิ ปุพฺเพติ ปรมทุคฺคนฺธํ เต มุขํ กิมโย ขาทนฺติ, กาโย จ สุวณฺณวณฺโณ, กีทิสํ นาม กมฺมํ เอวรูปสฺส อตฺตภาวสฺส การณภูตํ ปุพฺเพ ตฺวํ อกาสีติ ปุจฺฉิ.

เอวํ เถเรน โส เปโต อตฺตนา กตกมฺมํ ปุฏฺโ ตมตฺถํ วิสฺสชฺเชนฺโต –

.

‘‘สมโณ อหํ ปาโปติทุฏฺวาโจ, ตปสฺสิรูโป มุขสา อสฺโต;

ลทฺธา จ เม ตมสา วณฺณธาตุ, มุขฺจ เม เปสุณิเยน ปูตี’’ติ. –

คาถมาห. ตตฺถ สมโณ อหํ ปาโปติ อหํ ลามโก สมโณ ปาปภิกฺขุ อโหสึ. อติทุฏฺวาโจติ อติทุฏฺวจโน, ปเร อติกฺกมิตฺวา ลงฺฆิตฺวา วตฺตา, ปเรสํ คุณปริธํสกวจโนติ อตฺโถ. ‘‘อติทุกฺขวาโจ’’ติ วา ปาโ, อติวิย ผรุสวจโน มุสาวาทเปสุฺาทิวจีทุจฺจริตนิรโต. ตปสฺสิรูโปติ สมณปติรูปโก. มุขสาติ มุเขน. ลทฺธาติ ปฏิลทฺธา. จ-กาโร สมฺปิณฺฑนตฺโถ. เมติ มยา. ตปสาติ พฺรหฺมจริเยน. เปสุณิเยนาติ ปิสุณวาจาย. ปุตีติ ปูติคนฺธํ.

เอวํ โส เปโต อตฺตนา กตกมฺมํ อาจิกฺขิตฺวา อิทานิ เถรสฺส โอวาทํ เทนฺโต –

.

‘‘ตยิทํ ตยา นารท สามํ ทิฏฺํ,

อนุกมฺปกา เย กุสลา วเทยฺยุํ;

มา เปสุณํ มา จ มุสา อภาณิ,

ยกฺโข ตุวํ โหหิสิ กามกามี’’ติ. –

โอสานคาถมาห. ตตฺถ ตยิทนฺติ ตํ อิทํ มม รูปํ. อนุกมฺปกา เย กุสลา วเทยฺยุนฺติ เย อนุกมฺปนสีลา การุณิกา ปรหิตปฏิปตฺติยํ กุสลา นิปุณา พุทฺธาทโย ยํ วเทยฺยุํ, ตเทว วทามีติ อธิปฺปาโย. อิทานิ ตํ โอวาทํ ทสฺเสนฺโต ‘‘มา เปสุณํ มา จ มุสา อภาณิ, ยกฺโข ตุวํ โหหิสิ กามกามี’’ติ อาห. ตสฺสตฺโถ – เปสุณํ ปิสุณวจนํ มุสา จ มา อภาณิ มา กเถหิ. ยทิ หิ ตฺวํ มุสาวาทํ ปิสุณวาจฺจ ปหาย วาจาย สฺโต ภเวยฺยาสิ, ยกฺโข วา เทโว วา เทวฺตโร วา ตฺวํ ภวิสฺสสิ, กามํ กามิตพฺพํ อุฬารํ ทิพฺพสมฺปตฺตึ ปฏิลภิตฺวา ตตฺถ กามนสีโล ยถาสุขํ อินฺทฺริยานํ ปริจรเณน อภิรมณสีโลติ.

ตํ สุตฺวา เถโร ตโต ราชคหํ คนฺตฺวา ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต สตฺถุ ตมตฺถํ อาโรเจสิ. สตฺถา ตํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา ธมฺมํ เทเสสิ. สา เทสนา สมฺปตฺตปริสาย สาตฺถิกา อโหสีติ.

ปูติมุขเปตวตฺถุวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. ปิฏฺธีตลิกเปตวตฺถุวณฺณนา

ยํ กิฺจารมฺมณํ กตฺวาติ อิทํ สตฺถา สาวตฺถิยํ เชตวเน วิหรนฺโต อนาถปิณฺฑิกสฺส คหปติโน ทานํ อารพฺภ กเถสิ. อนาถปิณฺฑิกสฺส กิร คหปติโน ธีตุ ธีตาย ทาริกาย ธาติ ปิฏฺธีตลิกํ อทาสิ ‘‘อยํ เต ธีตา, อิมํ คเหตฺวา กีฬสฺสู’’ติ. สา ตตฺถ ธีตุสฺํ อุปฺปาเทสิ. อถสฺสา เอกทิวสํ ตํ คเหตฺวา กีฬนฺติยา ปมาเทน ปติตฺวา ภิชฺชิ. ตโต ทาริกา ‘‘มม ธีตา มตา’’ติ ปโรทิ. ตํ โรทนฺตึ โกจิปิ เคหชโน สฺาเปตุํ นาสกฺขิ. ตสฺมิฺจ สมเย สตฺถา อนาถปิณฺฑิกสฺส คหปติโน เคเห ปฺตฺเต อาสเน นิสินฺโน โหติ, มหาเสฏฺิ จ ภควโต สมีเป นิสินฺโน อโหสิ. ธาติ ตํ ทาริกํ คเหตฺวา เสฏฺิสฺส สนฺติกํ อคมาสิ. เสฏฺิ ตํ ทิสฺวา ‘‘กิสฺสายํ ทาริกา โรทตี’’ติ อาห. ธาติ ตํ ปวตฺตึ เสฏฺิสฺส อาโรเจสิ. เสฏฺิ ตํ ทาริกํ องฺเก นิสีทาเปตฺวา ‘‘ตว ธีตุทานํ ทสฺสามี’’ติ สฺาเปตฺวา สตฺถุ อาโรเจสิ – ‘‘ภนฺเต, มม นตฺตุธีตรํ ปิฏฺธีตลิกํ อุทฺทิสฺส ทานํ ทาตุกาโม, ตํ เม ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ สฺวาตนาย อธิวาเสถา’’ติ. อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวน.

อถ ภควา ทุติยทิวเส ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ เสฏฺิสฺส ฆรํ คนฺตฺวา ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา อนุโมทนํ กโรนฺโต –

๑๐.

‘‘ยํ กิฺจารมฺมณํ กตฺวา, ทชฺชา ทานํ อมจฺฉรี;

ปุพฺพเปเต จ อารพฺภ, อถ วา วตฺถุเทวตา.

๑๑.

‘‘จตฺตาโร จ มหาราเช, โลกปาเล ยสสฺสิเน;

กุเวรํ ธตรฏฺฺจ, วิรูปกฺขํ วิรูฬฺหกํ;

เต เจว ปูชิตา โหนฺติ, ทายกา จ อนิปฺผลา.

๑๒.

‘‘น หิ รุณฺณํ วา โสโก วา, ยา จฺา ปริเทวนา;

น ตํ เปตสฺส อตฺถาย, เอวํ ติฏฺนฺติ าตโย.

๑๓.

‘‘อยฺจ โข ทกฺขิณา ทินฺนา, สงฺฆมฺหิ สุปฺปติฏฺิตา;

ทีฆรตฺตํ หิตายสฺส, านโส อุปกปฺปตี’’ติ. – อิมา คาถา อภาสิ;

๑๐. ตตฺถ ยํ กิฺจารมฺมณํ กตฺวาติ มงฺคลาทีสุ อฺตรํ ยํ กิฺจิ อารพฺภ อุทฺทิสฺส. ทชฺชาติ ทเทยฺย. อมจฺฉรีติ อตฺตโน สมฺปตฺติยา ปเรหิ สาธารณภาวาสหนลกฺขณสฺส มจฺเฉรสฺส อภาวโต อมจฺฉรี, ปริจฺจาคสีโล มจฺฉริยโลภาทิจิตฺตมลํ ทูรโต กตฺวา ทานํ ทเทยฺยาติ อธิปฺปาโย. ปุพฺพเปเต จ อารพฺภาติ ปุพฺพเกปิ เปเต อุทฺทิสฺส. วตฺถุเทวตาติ ฆรวตฺถุอาทีสุ อธิวตฺถา เทวตา อารพฺภาติ โยชนา. อถ วาติ อิมินา อฺเปิ เทวมนุสฺสาทิเก เย เกจิ อารพฺภ ทานํ ทเทยฺยาติ ทสฺเสติ.

๑๑. ตตฺถ เทเวสุ ตาว เอกจฺเจ ปากเฏ เทเว ทสฺเสนฺโต ‘‘จตฺตาโร จ มหาราเช’’ติ วตฺวา ปุน เต นามโต คณฺหนฺโต ‘‘กุเวร’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ กุเวรนฺติ เวสฺสวณํ. ธตรฏฺนฺติอาทีนิ เสสานํ ติณฺณํ โลกปาลานํ นามานิ. เต เจว ปูชิตา โหนฺตีติ เต จ มหาราชาโน ปุพฺพเปตวตฺถุเทวตาโย จ อุทฺทิสนกิริยาย ปฏิมานิกา โหนฺติ. ทายกา จ อนิปฺผลาติ เย ทานํ เทนฺติ, เต ทายกา จ ปเรสํ อุทฺทิสนมตฺเตน น นิปฺผลา, อตฺตโน ทานผลสฺส ภาคิโน เอว โหนฺติ.

๑๒. อิทานิ ‘‘เย อตฺตโน าตีนํ มรเณน โรทนฺติ ปริเทวนฺติ โสจนฺติ, เตสํ ตํ นิรตฺถกํ, อตฺตปริตาปนมตฺตเมวา’’ติ ทสฺเสตุํ ‘‘น หิ รุณฺณํ วา’’ติ คาถมาห. ตตฺถ รุณฺณนฺติ รุทิตํ อสฺสุโมจนํ น หิ กาตพฺพนฺติ วจนเสโส. โสโกติ โสจนํ จิตฺตสนฺตาโป, อนฺโตนิชฺฌานนฺติ อตฺโถ. ยา จฺา ปริเทวนาติ ยา จ รุณฺณโสกโต อฺา ปริเทวนา, ‘‘กหํ เอกปุตฺตกา’’ติอาทิวาจาวิปฺปลาโป, โสปิ น กาตพฺโพติ อตฺโถ. สพฺพตฺถ วา-สทฺโท วิกปฺปนตฺโถ. น ตํ เปตสฺส อตฺถายาติ ยสฺมา รุณฺณํ วา โสโก วา ปริเทวนา วาติ สพฺพมฺปิ ตํ เปตสฺส กาลกตสฺส อตฺถาย อุปการาย น โหติ, ตสฺมา น หิ ตํ กาตพฺพํ, ตถาปิ เอวํ ติฏฺนฺติ าตโย อวิทฺทสุโนติ อธิปฺปาโย.

๑๓. เอวํ รุณฺณาทีนํ นิรตฺถกภาวํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ยา ปุพฺพเปตาทิเก อารพฺภ ทายเกน สงฺฆสฺส ทกฺขิณา ทินฺนา, ตสฺสา สาตฺถกภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อยฺจ โข ทกฺขิณา’’ติ คาถมาห. ตตฺถ อยนฺติ ทายเกน ตํ ทินฺนํ ทานํ ปจฺจกฺขโต ทสฺเสนฺโต วทติ. จ-สทฺโท พฺยติเรกตฺโถ, เตน ยถา รุณฺณาทิ เปตสฺส น กสฺสจิ อตฺถาย โหติ, น เอวมยํ, อยํ ปน ทกฺขิณา ทีฆรตฺตํ หิตายสฺส โหตีติ วกฺขมานเมว วิเสสํ โชเตติ. โขติ อวธารเณ. ทกฺขิณาติ ทานํ. สงฺฆมฺหิ สุปฺปติฏฺิตาติ อนุตฺตเร ปุฺกฺเขตฺเต สงฺเฆ สุฏฺุ ปติฏฺิตา. ทีฆรตฺตํ หิตายสฺสาติ อสฺส เปตสฺส จิรกาลํ หิตาย อตฺถาย. านโส อุปกปฺปตีติ ตงฺขณฺเว นิปฺผชฺชติ, น กาลนฺตเรติ อตฺโถ. อยฺหิ ตตฺถ ธมฺมตา – ยํ เปเต อุทฺทิสฺส ทาเน ทินฺเน เปตา เจ อนุโมทนฺติ, ตาวเทว ตสฺส ผเลน เปตา ปริมุจฺจนฺตีติ.

เอวํ ภควา ธมฺมํ เทเสตฺวา มหาชนํ เปเต อุทฺทิสฺส ทานาภิรตมานสํ กตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกามิ. ปุนทิวเส เสฏฺิภริยา อวเสสา จ าตกา เสฏฺึ อนุวตฺตนฺตา เอวํ เตมาสมตฺตํ มหาทานํ ปวตฺเตสุํ. อถ ราชา ปเสนทิ โกสโล ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘กสฺมา, ภนฺเต, ภิกฺขู มาสมตฺตํ มม ฆรํ นาคมึสู’’ติ ปุจฺฉิ. สตฺถารา ตสฺมึ การเณ กถิเต ราชาปิ เสฏฺึ อนุวตฺตนฺโต พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ ปวตฺเตสิ, ตํ ทิสฺวา นาครา ราชานํ อนุวตฺตนฺตา มาสมตฺตํ มหาทานํ ปวตฺเตสุํ. เอวํ มาสทฺวยํ ปิฏฺธีตลิกมูลกํ มหาทานํ ปวตฺเตสุนฺติ.

ปิฏฺธีตลิกเปตวตฺถุวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. ติโรกุฏฺฏเปตวตฺถุวณฺณนา

ติโรกุฏฺเฏสุ ติฏฺนฺตีติ อิทํ สตฺถา ราชคเห วิหรนฺโต สมฺพหุเล เปเต อารพฺภ กเถสิ.

ตตฺรายํ วิตฺถารกถา – อิโต ทฺวานวุติกปฺเป กาสิ นาม นครํ อโหสิ. ตตฺถ ชยเสโน นาม ราชา รชฺชํ กาเรสิ. ตสฺส สิริมา นาม เทวี. ตสฺสา กุจฺฉิยํ ผุสฺโส นาม โพธิสตฺโต นิพฺพตฺติตฺวา อนุปุพฺเพน สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุชฺฌิ. ชยเสโน ราชา ‘‘มม ปุตฺโต มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิตฺวา พุทฺโธ ชาโต, มยฺหเมว พุทฺโธ, มยฺหํ ธมฺโม, มยฺหํ สงฺโฆ’’ติ มมตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา สพฺพกาลํ สยเมว อุปฏฺหติ, น อฺเสํ โอกาสํ เทติ.

ภควโต กนิฏฺภาตโร เวมาติกา ตโย ภาตโร จินฺเตสุํ – ‘‘พุทฺธา นาม สพฺพโลก หิตตฺถาย อุปฺปชฺชนฺติ, น เอกสฺเสว อตฺถาย. อมฺหากฺจ ปิตา อฺเสํ โอกาสํ น เทติ. กถํ นุ โข มยํ ลเภยฺยาม ภควนฺตํ อุปฏฺาตุํ ภิกฺขุสงฺฆฺจา’’ติ? เตสํ เอตทโหสิ – ‘‘หนฺท มยํ กิฺจิ อุปายํ กโรมา’’ติ. เต ปจฺจนฺตํ กุปิตํ วิย การาเปสุํ. ตโต ราชา ‘‘ปจฺจนฺโต กุปิโต’’ติ สุตฺวา ตโยปิ ปุตฺเต ปจฺจนฺตํ วูปสเมตุํ เปเสสิ. เต คนฺตฺวา วูปสเมตฺวา อาคตา. ราชา ตุฏฺโ วรํ อทาสิ ‘‘ยํ อิจฺฉถ, ตํ คณฺหถา’’ติ. เต ‘‘มยํ ภควนฺตํ อุปฏฺาตุํ อิจฺฉามา’’ติ อาหํสุ. ราชา ‘‘เอตํ เปตฺวา อฺํ คณฺหถา’’ติ อาห. เต ‘‘มยํ อฺเน อนตฺถิกา’’ติ อาหํสุ. เตน หิ ปริจฺเฉทํ กตฺวา คณฺหถาติ. เต สตฺต วสฺสานิ ยาจึสุ. ราชา น อทาสิ. เอวํ ‘‘ฉ, ปฺจ, จตฺตาริ, ตีณิ, ทฺเว, เอกํ, สตฺต มาเส, ฉ, ปฺจ, จตฺตาโร’’ติ วตฺวา ยาว เตมาสํ ยาจึสุ. ตทา ราชา ‘‘คณฺหถา’’ติ อทาสิ.

เต ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา อาหํสุ – ‘‘อิจฺฉาม มยํ, ภนฺเต, ภควนฺตํ เตมาสํ อุปฏฺาตุํ, อธิวาเสตุ โน, ภนฺเต, ภควา อิมํ เตมาสํ วสฺสาวาส’’นฺติ. อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวน. เต ตโย อตฺตโน ชนปเท นิยุตฺตกปุริสสฺส เลขํ เปเสสุํ ‘‘อิมํ เตมาสํ อมฺเหหิ ภควา อุปฏฺาตพฺโพ, วิหารํ อาทึ กตฺวา สพฺพํ ภควโต อุปฏฺานสมฺภารํ สมฺปาเทหี’’ติ. โส สพฺพํ สมฺปาเทตฺวา ปฏิเปเสสิ. เต กาสายวตฺถนิวตฺถา หุตฺวา ปุริสสหสฺเสหิ เวยฺยาวจฺจกเรหิ ภควนฺตํ ภิกฺขุสงฺฆฺจ สกฺกจฺจํ อุปฏฺหมานา ชนปทํ เนตฺวา วิหารํ นิยฺยาเตตฺวา วสฺสํ วสาเปสุํ.

เตสํ ภณฺฑาคาริโก เอโก คหปติปุตฺโต สปชาปติโก สทฺโธ อโหสิ ปสนฺโน. โส พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทานวตฺตํ สกฺกจฺจํ อทาสิ. ชนปเท นิยุตฺตกปุริโส ตํ คเหตฺวา ชานปเทหิ เอกาทสมตฺเตหิ ปุริสสหสฺเสหิ สทฺธึ สกฺกจฺจเมว ทานํ ปวตฺตาเปสิ. ตตฺถ เกจิ ชานปทา ปฏิหตจิตฺตา อเหสุํ. เต ทานสฺส อนฺตรายํ กตฺวา เทยฺยธมฺมํ อตฺตนา ขาทึสุ, ภตฺตสาลฺจ อคฺคินา ทหึสุ. ปวาริตา ราชปุตฺตา ภควโต สกฺการํ กตฺวา ภควนฺตํ ปุรกฺขตฺวา ปิตุ สนฺติกเมว ปจฺจาคมึสุ. ตตฺถ คนฺตฺวา ภควา ปรินิพฺพายิ. ราชปุตฺตา จ ชนปเท นิยุตฺตกปุริโส จ ภณฺฑาคาริโก จ อนุปุพฺเพน กาลํ กตฺวา สทฺธึ ปริสาย สคฺเค อุปฺปชฺชึสุ, ปฏิหตจิตฺตา ชนา นิรเย อุปฺปชฺชึสุ. เอวํ เตสํ อุภเยสํ ชนานํ สคฺคโต สคฺคํ นิรยโต นิรยํ อุปปชฺชนฺตานํ ทฺวานวุติกปฺปา วีติวตฺตา.

อถ อิมสฺมึ ภทฺทกปฺเป กสฺสปสฺส ภควโต กาเล เต ปฏิหตจิตฺตา ชนา เปเตสุ อุปฺปนฺนา. ตทา มนุสฺสา อตฺตโน อตฺตโน าตกานํ เปตานํ อตฺถาย ทานํ ทตฺวา อุทฺทิสนฺติ ‘‘อิทํ โน าตีนํ โหตู’’ติ, เต สมฺปตฺตึ ลภนฺติ. อถ อิเมปิ เปตา ตํ ทิสฺวา กสฺสปํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉึสุ – ‘‘กึ นุ โข, ภนฺเต, มยมฺปิ เอวรูปํ สมฺปตฺตึ ลเภยฺยามา’’ติ? ภควา อาห – ‘‘อิทานิ น ลภถ, อนาคเต ปน โคตโม นาม สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภวิสฺสติ, ตสฺส ภควโต กาเล พิมฺพิสาโร นาม ราชา ภวิสฺสติ, โส ตุมฺหากํ อิโต ทฺวานวุติกปฺเป าติ อโหสิ, โส พุทฺธสฺส ทานํ ทตฺวา ตุมฺหากํ อุทฺทิสิสฺสติ, ตทา ลภิสฺสถา’’ติ. เอวํ วุตฺเต กิร เตสํ เปตานํ ตํ วจนํ ‘‘สฺเว ลภิสฺสถา’’ติ วุตฺตํ วิย อโหสิ.

ตโต เอกสฺมึ พุทฺธนฺตเร วีติวตฺเต อมฺหากํ ภควา อุปฺปชฺชิ. เตปิ ตโย ราชปุตฺตา ปุริสสหสฺเสน สทฺธึ เทวโลกโต จวิตฺวา มคธรฏฺเ พฺราหฺมณกุเล อุปฺปชฺชิตฺวา อนุปุพฺเพน ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา คยาสีเส ตโย ชฏิลา อเหสุํ, ชนปเท นิยุตฺตกปุริโส ราชา พิมฺพิสาโร อโหสิ, ภณฺฑาคาริโก คหปติปุตฺโต วิสาโข นาม เสฏฺิ อโหสิ, ตสฺส ปชาปติ ธมฺมทินฺนา นาม เสฏฺิธีตา อโหสิ, อวเสสา ปน ปริสา รฺโ เอว ปริวารา หุตฺวา นิพฺพตฺตึสุ.

อมฺหากมฺปิ ภควา โลเก อุปฺปชฺชิตฺวา สตฺตสตฺตาหํ อติกฺกมิตฺวา อนุปุพฺเพน พาราณสึ อาคมฺม ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตตฺวา ปฺจวคฺคิเย อาทึ กตฺวา ยาว สหสฺสปริวาเร ตโย ชฏิเล วิเนตฺวา ราชคหํ อคมาสิ. ตตฺถ จ ตทหุปสงฺกมนฺตํเยว ราชานํ พิมฺพิสารํ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาเปสิ สทฺธึ เอกาทสนหุเตหิ องฺคมคธวาสีหิ พฺราหฺมณคหปติเกหิ. อถ รฺา สฺวาตนาย ภตฺเตน นิมนฺติโต อธิวาเสตฺวา ทุติยทิวเส มาณวกวณฺเณน สกฺเกน เทวานมินฺเทน ปุรโต คจฺฉนฺเตน –

‘‘ทนฺโต ทนฺเตหิ สห ปุราณชฏิเลหิ, วิปฺปมุตฺโต วิปฺปมุตฺเตหิ;

สิงฺคีนิกฺขสวณฺโณ, ราชคหํ ปาวิสิ ภควา’’ติ. (มหาว. ๕๘) –

เอวมาทีหิ คาถาหิ อภิตฺถวิยมาโน ราชคหํ ปวิสิตฺวา รฺโ นิเวสเน มหาทานํ สมฺปฏิจฺฉิ. เต ปน เปตา ‘‘อิทานิ ราชา ทานํ อมฺหากํ อุทฺทิสิสฺสติ, อิทานิ อุทฺทิสิสฺสตี’’ติ อาสาย สมฺปริวาเรตฺวา อฏฺํสุ.

ราชา ทานํ ทตฺวา ‘‘กตฺถ นุ โข ภควา วิหเรยฺยา’’ติ ภควโต วิหารฏฺานเมว จินฺเตสิ, น ตํ ทานํ กสฺสจิ อุทฺทิสิ. ตถา ตํ ทานํ อลภนฺตา เปตา ฉินฺนาสา หุตฺวา รตฺติยํ รฺโ นิเวสเน อติวิย ภึสนกํ วิสฺสรมกํสุ. ราชา ภยสนฺตาสสํเวคํ อาปชฺชิตฺวา วิภาตาย รตฺติยา ภควโต อาโรเจหิ – ‘‘เอวรูปํ สทฺทํ อสฺโสสึ, กึ นุ โข เม, ภนฺเต, ภวิสฺสตี’’ติ? ภควา ‘‘มา ภายิ, มหาราช, น เต กิฺจิ ปาปกํ ภวิสฺสติ, อปิจ โข สนฺติ เต ปุราณาตกา เปเตสุ อุปฺปนฺนา. เต เอกํ พุทฺธนฺตรํ ตเมว ปจฺจาสีสนฺตา ‘พุทฺธสฺส ทานํ ทตฺวา อมฺหากํ อุทฺทิสิสฺสตี’ติ วิจรนฺตา ตยา หิยฺโย ทานํ ทตฺวา น อุทฺทิสิตตฺตา ฉินฺนาสา หุตฺวา ตถารูปํ วิสฺสรมกํสู’’ติ อาห. ‘‘กึ อิทานิปิ, ภนฺเต, ทินฺเน เต ลเภยฺยุ’’นฺติ? ‘‘อาม, มหาราชา’’ติ. ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, อธิวาเสตุ เม ภควา อชฺชตนาย ทานํ, เตสํ อุทฺทิสิสฺสามี’’ติ. อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวน.

ราชา นิเวสนํ คนฺตฺวา มหาทานํ ปฏิยาทาเปตฺวา ภควโต กาลํ อาโรจาเปสิ. ภควา ราชนฺเตปุรํ คนฺตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆน. เต เปตา ‘‘อปิ นาม อชฺช ลเภยฺยามา’’ติ คนฺตฺวา ติโรกุฏฺฏาทีสุ อฏฺํสุ. ภควา ตถา อกาสิ, ยถา เต สพฺเพว รฺโ อาปาถํ คตา อเหสุํ. ราชา ทกฺขิโณทกํ เทนฺโต ‘‘อิทํ เม าตีนํ โหตู’’ติ อุทฺทิสิ. ตาวเทว เปตานํ กมลกุวลยสฺฉนฺนา โปกฺขรณิโย นิพฺพตฺตึสุ. เต ตตฺถ นฺหตฺวา จ ปิวิตฺวา จ ปฏิปฺปสฺสทฺธทรถกิลมถปิปาสา สุวณฺณวณฺณา อเหสุํ. ราชา ยาคุขชฺชโภชฺชานิ ทตฺวา อุทฺทิสิ. เตสํ ตงฺขณฺเว ทิพฺพยาคุขชฺชโภชฺชานิ นิพฺพตฺตึสุ. เต ตานิ ปริภุฺชิตฺวา ปีณินฺทฺริยา อเหสุํ. อถ วตฺถเสนาสนานิ ทตฺวา อุทฺทิสิ. เตสํ ทิพฺพวตฺถปาสาทปจฺจตฺถรณเสยฺยาทิอลงฺการวิธโย นิพฺพตฺตึสุ. สา จ เตสํ สมฺปตฺติ สพฺพาปิ ยถา รฺโ ปากฏา โหติ, ตถา ภควา อธิฏฺาสิ. ราชา ตํ ทิสฺวา อติวิย อตฺตมโน อโหสิ. ตโต ภควา ภุตฺตาวี ปวาริโต รฺโ พิมฺพิสารสฺส อนุโมทนตฺถํ ติโรกุฏฺฏเปตวตฺถุํ อภาสิ –

๑๔.

‘‘ติโรกุฏฺเฏสุ ติฏฺนฺติ, สนฺธิสิงฺฆาฏเกสุ จ;

ทฺวารพาหาสุ ติฏฺนฺติ, อาคนฺตฺวาน สกํ ฆรํ.

๑๕.

‘‘ปหูเต อนฺนปานมฺหิ, ขชฺชโภชฺเช อุปฏฺิเต;

น เตสํ โกจิ สรติ, สตฺตานํ กมฺมปจฺจยา.

๑๖.

‘‘เอวํ ททนฺติ าตีนํ, เย โหนฺติ อนุกมฺปกา;

สุจึ ปณีตํ กาเลน, กปฺปิยํ ปานโภชนํ.

๑๗.

‘‘อิทํ โว าตีนํ โหตุ, สุขิตา โหนฺตุ าตโย;

เต จ ตตฺถ สมาคนฺตฺวา, าติเปตา สมาคตา;

ปหูเต อนฺนปานมฺหิ, สกฺกจฺจํ อนุโมทเร.

๑๘.

‘‘จิรํ ชีวนฺตุ โน าตี, เยสํ เหตุ ลภามเส;

อมฺหากฺจ กตา ปูชา, ทายกา จ อนิปฺผลา.

๑๙.

‘‘น หิ ตตฺถ กสิ อตฺถิ, โครกฺเขตฺถ น วิชฺชติ;

วณิชฺชา ตาทิสี นตฺถิ, หิรฺเน กยากยํ;

อิโต ทินฺเนน ยาเปนฺติ, เปตา กาลคตา ตหึ.

๒๐.

‘‘อุนฺนเม อุทกํ วุฏฺํ, ยถา นินฺนํ ปวตฺตติ;

เอวเมว อิโต ทินฺนํ, เปตานํ อุปกปฺปติ.

๒๑.

‘‘ยถา วาริวหา ปูรา, ปริปูเรนฺติ สาครํ;

เอวเมว อิโต ทินฺนํ, เปตานํ อุปกปฺปติ.

๒๒.

‘‘อทาสิ เม อกาสิ เม, าติมิตฺตา สขา จ เม;

เปตานํ ทกฺขิณํ ทชฺชา, ปุพฺเพ กตมนุสฺสรํ.

๒๓.

‘‘น หิ รุณฺณํ วา โสโก วา, ยา จฺา ปริเทวนา;

น ตํ เปตานมตฺถาย, เอวํ ติฏฺนฺติ าตโย.

๒๔.

‘‘อยฺจ โข ทกฺขิณา ทินฺนา, สงฺฆมฺหิ สุปฺปติฏฺิตา;

ทีฆรตฺตํ หิตายสฺส, านโส อุปกปฺปติ.

๒๕.

‘‘โส าติธมฺโม จ อยํ นิทสฺสิโต, เปตาน ปูชา จ กตา อุฬารา;

พลฺจ ภิกฺขูนมนุปฺปทินฺนํ, ตุมฺเหหิ ปุฺํ ปหุตํ อนปฺปก’’นฺติ.

๑๔. ตตฺถ ติโรกุฏฺเฏสูติ กุฏฺฏานํ ปรภาเคสุ. ติฏฺนฺตีติ นิสชฺชาทิปฏิกฺเขปโต านกปฺปนวจนเมตํ, เคหปาการกุฏฺฏานํ ทฺวารโต พหิ เอว ติฏฺนฺตีติ อตฺโถ. สนฺธิสิงฺฆาฏเกสุ จาติ สนฺธีสุ จ สิงฺฆาฏเกสุ จ. สนฺธีติ จตุกฺโกณรจฺฉา, ฆรสนฺธิภิตฺติสนฺธิอาโลกสนฺธิโยปิ วุจฺจนฺติ. สิงฺฆาฏกาติ ติโกณรจฺฉา. ทฺวารพาหาสุ ติฏฺนฺตีติ นครทฺวารฆรทฺวารานํ พาหา นิสฺสาย ติฏฺนฺติ. อาคนฺตฺวาน สกํ ฆรนฺติ สกฆรํ นาม ปุพฺพาติฆรมฺปิ อตฺตนา สามิภาเวน อชฺฌาวุตฺถฆรมฺปิ, ตทุภยมฺปิ เต ยสฺมา สกฆรสฺาย อาคจฺฉนฺติ, ตสฺมา ‘‘อาคนฺตฺวาน สกํ ฆร’’นฺติ อาห.

๑๕. เอวํ ภควา ปุพฺเพ อนชฺฌาวุตฺถปุพฺพมฺปิ ปุพฺพาติฆรตฺตา พิมฺพิสารนิเวสนํ สกฆรสฺาย อาคนฺตฺวา ติโรกุฏฺฏาทีสุ ิเต อิสฺสามจฺฉริยผลํ อนุภวนฺเต อติวิย ทุทฺทสิกวิรูปภยานกทสฺสเน พหู เปเต รฺโ ทสฺเสนฺโต ‘‘ติโรกุฏฺเฏสุ ติฏฺนฺตี’’ติ คาถํ วตฺวา ปุน เตหิ กตสฺส กมฺมสฺส ทารุณภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปหูเต อนฺนปานมฺหี’’ติ ทุติยคาถมาห.

ตตฺถ ปหูเตติ อนปฺปเก พหุมฺหิ, ยาวทตฺเถติ อตฺโถ. พ-การสฺส หิ ป-กาโร ลพฺภติ ‘‘ปหุ สนฺโต น ภรตี’’ติอาทีสุ (สุ. นิ. ๙๘) วิย. เกจิ ปน ‘‘พหุเก’’ติ ปนฺติ, โส ปน ปมาทปาโ. อนฺนปานมฺหีติ อนฺเน จ ปาเน จ. ขชฺชโภชฺเชติ ขชฺเช จ โภชฺเช จ. เอเตน อสิตปีตขายิตสายิตวเสน จตุพฺพิธมฺปิ อาหารํ ทสฺเสติ. อุปฏฺิเตติ อุปคมฺม ิเต สชฺชิเต, ปฏิยตฺเตติ อตฺโถ. น เตสํ โกจิ สรติ สตฺตานนฺติ เตสํ เปตฺติวิสเย อุปฺปนฺนานํ สตฺตานํ โกจิ มาตา วา ปิตา วา ปุตฺโต วา นตฺตา วา น สรติ. กึ การณา? กมฺมปจฺจยาติ, อตฺตนา กตสฺส อทานทานปฏิเสธนาทิเภทสฺส กทริยกมฺมสฺส การณภาวโต. ตฺหิ กมฺมํ เตสํ าตีนํ สริตุํ น เทติ.

๑๖. เอวํ ภควา อนปฺปเกปิ อนฺนปานาทิมฺหิ วิชฺชมาเน าตีนํ ปจฺจาสีสนฺตานํ เปตานํ กมฺมผเลน าตกานํ อนุสฺสรณมตฺตสฺสาปิ อภาวํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ เปตฺติวิสยุปปนฺเน าตเก อุทฺทิสฺส รฺา ทินฺนทานํ ปสํสนฺโต ‘‘เอวํ ททนฺติ าตีน’’นฺติ ตติยคาถมาห.

ตตฺถ เอวนฺติ อุปมาวจนํ. ตสฺส ทฺวิธา สมฺพนฺโธ – เตสํ สตฺตานํ กมฺมปจฺจยา อสรนฺเตสุปิ เกสุจิ เกจิ ททนฺติ าตีนํ, เย เอวํ อนุกมฺปกา โหนฺตีติ จ, มหาราช, ยถา ตยา ทินฺนํ, เอวํ สุจึ ปณีตํ กาเลน กปฺปิยํ ปานโภชนํ ททนฺติ าตีนํ, เย โหนฺติ อนุกมฺปกาติ จ. ตตฺถ ททนฺตีติ เทนฺติ อุทฺทิสนฺติ นิยฺยาเตนฺติ. าตีนนฺติ มาติโต จ ปิติโต จ สมฺพนฺธานํ. เยติ เย เกจิ ปุตฺตาทโย. โหนฺตีติ ภวนฺติ. อนุกมฺปกาติ อตฺถกามา หิเตสิโน. สุจินฺติ สุทฺธํ มโนหรํ ธมฺมิกฺจ. ปณีตนฺติ อุฬารํ. กาเลนาติ ทกฺขิเณยฺยานํ ปริโภคโยคฺคกาเลน, าติเปตานํ วา ติโรกุฏฺฏาทีสุ อาคนฺตฺวา ิตกาเลน. กปฺปิยนฺติ อนุจฺฉวิกํ ปติรูปํ อริยานํ ปริโภคารหํ. ปานโภชนนฺติ ปานฺจ โภชนฺจ, ตทุปเทเสน เจตฺถ สพฺพํ เทยฺยธมฺมํ วทติ.

๑๗. อิทานิ เยน ปกาเรน เตสํ เปตานํ ทินฺนํ นาม โหติ, ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิทํ โว าตีนํ โหตุ, สุขิตา โหนฺตุ าตโย’’ติ จตุตฺถคาถาย ปุพฺพฑฺฒํ อาห. ตํ ตติยคาถาย ปุพฺพฑฺเฒน สมฺพนฺธิตพฺพํ –

‘‘เอวํ ททนฺติ าตีนํ, เย โหนฺติ อนุกมฺปกา;

อิทํ โว าตีนํ โหตุ, สุขิตา โหนฺตุ าตโย’’ติ.

เตน ‘‘อิทํ โว าตีนํ โหตูติ เอวํ ปกาเรน ททนฺติ, โน อฺถา’’ติ อาการตฺเถน เอวํสทฺเทน ทาตพฺพาการนิทสฺสนํ กตํ โหติ.

ตตฺถ อิทนฺติ เทยฺยธมฺมนิทสฺสนํ. โวติ นิปาตมตฺตํ ‘‘เยหิ โว อริยา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๖) วิย. าตีนํ โหตูติ เปตฺติวิสเย อุปฺปนฺนานํ าตกานํ โหตุ. ‘‘โน าตีน’’นฺติ จ ปนฺติ, อมฺหากํ าตีนนฺติ อตฺโถ. สุขิตา โหนฺตุ าตโยติ เต เปตฺติวิสยูปปนฺนา าตโย อิทํ ผลํ ปจฺจนุภวนฺตา สุขิตา สุขปฺปตฺตา โหนฺตุ.

ยสฺมา ‘‘อิทํ โว าตีนํ โหตู’’ติ วุตฺเตปิ อฺเน กตกมฺมํ น อฺสฺส ผลทํ โหติ, เกวลํ ปน ตถา อุทฺทิสฺส ทียมานํ ตํ วตฺถุ าติเปตานํ กุสลกมฺมสฺส ปจฺจโย โหติ, ตสฺมา ยถา เตสํ ตสฺมึ วตฺถุสฺมึ ตสฺมึเยว ขเณ ผลนิพฺพตฺตกํ กุสลกมฺมํ โหติ, ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เต จ ตตฺโถ’’ติอาทิมาห.

ตตฺถ เตติ าติเปตา. ตตฺถาติ ยตฺถ ทานํ ทียติ, ตตฺถ. สมาคนฺตฺวาติ ‘‘อิเม โน าตโย อมฺหากํ อตฺถาย ทานํ อุทฺทิสนฺตี’’ติ อนุโมทนตฺถํ ตตฺถ สมาคตา หุตฺวา. ปหูเต อนฺนปานมฺหีติ อตฺตโน อุทฺทิสฺส ทียมาเน ตสฺมึ วตฺถุสฺมึ. สกฺกจฺจํ อนุโมทเรติ กมฺมผลํ อภิสทฺทหนฺตา จิตฺตีการํ อวิชหนฺตา อวิกฺขิตฺตจิตฺตา หุตฺวา ‘‘อิทํ โน ทานํ หิตาย สุขาย โหตู’’ติ โมทนฺติ อนุโมทนฺติ ปีติโสมนสฺสชาตา โหนฺติ.

๑๘. จิรํ ชีวนฺตูติ จิรํ ชีวิโน ทีฆายุกา โหนฺตุ. โน าตีติ อมฺหากํ าตกา. เยสํ เหตูติ เยสํ การณา เย นิสฺสาย. ลภามเสติ อีทิสํ สมฺปตฺตึ ปฏิลภาม. อิทฺหิ อุทฺทิสเนน ลทฺธสมฺปตฺตึ อนุภวนฺตานํ เปตานํ อตฺตโน าตีนํ โถมนาการทสฺสนํ. เปตานฺหิ อตฺตโน อนุโมทเนน, ทายกานํ อุทฺทิสเนน, อุกฺขิเณยฺยสมฺปตฺติยา จาติ ตีหิ องฺเคหิ ทกฺขิณา ตงฺขณฺเว ผลนิพฺพตฺติกา โหติ. ตตฺถ ทายกา วิเสสเหตุ. เตนาห ‘‘เยสํ เหตุ ลภามเส’’ติ. อมฺหากฺจ กตา ปูชาติ ‘‘อิทํ โว าตีนํ โหตู’’ติ เอวํ อุทฺทิสนฺเตหิ ทายเกหิ อมฺหากฺจ ปูชา กตา, เต ทายกา จ อนิปฺผลา ยสฺมึ สนฺตาเน ปริจฺจาคมยํ กมฺมํ นิพฺพตฺตํ ตสฺส ตตฺเถว ผลทานโต.

เอตฺถาห – ‘‘กึ ปน เปตฺติวิสยูปปนฺนา เอว าตี เหตุสมฺปตฺติโย ลภนฺติ, อุทาหุ อฺเปี’’ติ? น เจตฺถ อมฺเหหิ วตฺตพฺพํ, อตฺถิ ภควตา เอวํ พฺยากตตฺตา. วุตฺตฺเหตํ –-

‘‘มยมสฺสุ, โภ โคตม, พฺราหฺมณา นาม ทานานิ เทม, ปุฺานิ กโรม ‘อิทํ ทานํ เปตานํ าติสาโลหิตานํ อุปกปฺปตุ, อิทํ ทานํ เปตา าติสาโลหิตา ปริภุฺชนฺตู’ติ. กจฺจิ ตํ, โภ โคตม, ทานํ เปตานํ าติสาโลหิตานํ อุปกปฺปติ, กจฺจิ เต เปตา าติสาโลหิตา ตํ ทานํ ปริภุฺชนฺตีติ? าเน โข, พฺราหฺมณ, อุปกปฺปติ, โน อฏฺาเนติ.

‘‘กตมํ ปน, โภ โคตม, านํ, กตมํ อฏฺานนฺติ? อิธ, พฺราหฺมณ, เอกจฺโจ ปาณาติปาตี โหติ…เป… มิจฺฉาทิฏฺิโก โหติ, โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา นิรยํ อุปปชฺชติ. โย เนรยิกานํ สตฺตานํ อาหาโร, เตน โส ตตฺถ ยาเปติ, เตน โส ตตฺถ ติฏฺติ. อิทํ โข, พฺราหฺมณ, อฏฺานํ, ยตฺถ ิตสฺส ตํ ทานํ น อุปกปฺปติ.

‘‘อิธ ปน, พฺราหฺมณ, เอกจฺโจ ปาณาติปาตี โหติ…เป… มิจฺฉาทิฏฺิโก โหติ, โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ติรจฺฉานโยนึ อุปปชฺชติ. โย ติรจฺฉานโยนิกานํ สตฺตานํ อาหาโร, เตน โส ตตฺถ ยาเปติ, เตน โส ตตฺถ ติฏฺติ. อิทมฺปิ โข, พฺราหฺมณ, อฏฺานํ, ยตฺถ ิตสฺส ตํ ทานํ น อุปกปฺปติ.

‘‘อิธ ปน, พฺราหฺมณ, เอกจฺโจ ปาณาติปาตา ปฏิวิรโต โหติ…เป… สมฺมาทิฏฺิโก โหติ, โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา มนุสฺสานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชติ…เป… เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชติ. โย เทวานํ อาหาโร, เตน โส ตตฺถ ยาเปติ, เตน โส ตตฺถ ติฏฺติ. อิทมฺปิ โข, พฺราหฺมณ, อฏฺานํ, ยตฺถ ิตสฺส ตํ ทานํ น อุปกปฺปติ.

‘‘อิธ ปน, พฺราหฺมณ, เอกจฺโจ ปาณาติปาตี โหติ…เป… มิจฺฉาทิฏฺิโก โหติ, โส กายสฺส เภทา ปรํ มรณา เปตฺติวิสยํ อุปปชฺชติ. โย เปตฺติวิสยิกานํ สตฺตานํ อาหาโร, เตน โส ตตฺถ ยาเปติ, เตน โส ตตฺถ ติฏฺติ. ยํ วา ปนสฺส อิโต อนุปเวจฺเฉนฺติ มิตฺตามจฺจา วา าติสาโลหิตา วา, เตน โส ตตฺถ ยาเปติ, เตน โส ตตฺถ ติฏฺติ. อิทํ โข, พฺราหฺมณ, านํ, ยตฺถ ิตสฺส ตํ ทานํ อุปกปฺปตี’’ติ.

‘‘สเจ ปน, โภ โคตม, โส เปโต าติสาโลหิโต ตํ านํ อนุปปนฺโน โหติ, โก ตํ ทานํ ปริภุฺชตี’’ติ? ‘‘อฺเปิสฺส, พฺราหฺมณ, เปตา าติสาโลหิตา ตํ านํ อุปปนฺนา โหนฺติ, เต ตํ ทานํ ปริภุฺชนฺตี’’ติ.

‘‘สเจ ปน, โภ โคตม, โส เจว เปโต าติสาโลหิโต ตํ านํ อนุปปนฺโน โหติ, อฺเปิสฺส เปตา าติสาโลหิตา ตํ านํ อนุปปนฺนา โหนฺติ, โก ตํ ทานํ ปริภุฺชตี’’ติ? ‘‘อฏฺานํ โข เอตํ, พฺราหฺมณ, อนวกาโส, ยํ ตํ านํ วิวิตฺตํ อสฺส อิมินา ทีเฆน อทฺธุนา ยทิทํ เปเตหิ าติสาโลหิเตหิ, อปิจ, พฺราหฺมณ, ทายโกปิ อนิปฺผโล’’ติ (อ. นิ. ๑๐.๑๗๗).

๑๙. อิทานิ เปตฺติวิสยูปปนฺนานํ ตตฺถ อฺสฺส กสิโครกฺขาทิโน สมฺปตฺติปฏิลาภการณสฺส อภาวํ อิโต ทินฺเนน ยาปนฺจ ทสฺเสตุํ ‘‘น หี’’ติอาทิ วุตฺตํ.

ตตฺถ น หิ ตตฺถ กสิ อตฺถีติ ตสฺมึ เปตฺติวิสเย กสิ น หิ อตฺถิ, ยํ นิสฺสาย เปตา สุเขน ชีเวยฺยุํ. โครกฺเขตฺถ น วิชฺชตีติ เอตฺถ เปตฺติวิสเย น เกวลํ กสิเยว นตฺถิ, อถ โข โครกฺขาปิ น วิชฺชติ, ยํ นิสฺสาย เต สุเขน ชีเวยฺยุํ. วณิชฺชา ตาทิสี นตฺถีติ วณิชฺชาปิ ตาทิสี นตฺถิ, ยา เตสํ สมฺปตฺติปฏิลาภเหตุ ภเวยฺย. หิรฺเน กยากยนฺติ หิรฺเน กยวิกฺกยมฺปิ ตตฺถ ตาทิสํ นตฺถิ, ยํ เตสํ สมฺปตฺติปฏิลาภเหตุ ภเวยฺย. อิเต ทินฺเนน ยาเปนฺติ, เปตา กาลคตา ตหินฺติ เกวลํ ปน อิโต าตีหิ วา มิตฺตามจฺเจหิ วา ทินฺเนน ยาเปนฺติ, อตฺตภาวํ ปวตฺเตนฺติ. เปตาติ เปตฺติวิสยูปปนฺนา สตฺตา. กาลคตาติ อตฺตโน มรณกาเลน คตา. ‘‘กาลกตา’’ติ วา ปาโ, กตกาลา กตมรณา มรณํ สมฺปตฺตา. ตหินฺติ ตสฺมึ เปตฺติวิสเย.

๒๐-๒๑. อิทานิ ยถาวุตฺตมตฺถํ อุปมาหิ ปกาเสตุํ ‘‘อุนฺนเม อุทกํ วุฏฺ’’นฺติ คาถาทฺวยมาห. ตสฺสตฺโถ – ยถา อุนฺนเม ถเล อุนฺนตปฺปเทเส เมเฆหิ อภิวุฏฺํ อุทกํ ยถา นินฺนํ ปวตฺตติ, โย ภูมิภาโค นินฺโน โอณโต, ตํ อุปคจฺฉติ; เอวเมว อิโต ทินฺนํ ทานํ เปตานํ อุปกปฺปติ, ผลุปฺปตฺติยา วินิยุชฺชติ. นินฺนมิว หิ อุทกปฺปวตฺติยา านํ เปตโลโก ทานูปกปฺปนาย. ยถาห – ‘‘อิทํ โข, พฺราหฺมณ, านํ, ยตฺถ ิตสฺส ตํ ทานํ อุปกปฺปตี’’ติ (อ. นิ. ๑๐.๑๗๗). ยถา จ กนฺทรปทรสาขปสาขกุโสพฺภมหาโสพฺเภ หิ โอคลิเตน อุทเกน วาริวหา มหานชฺโช ปูรา หุตฺวา สาครํ ปริปูเรนฺติ, เอวํ อิโต ทินฺนทานํ ปุพฺเพ วุตฺตนเยน เปตานํ อุปกปฺปตีติ.

๒๒. ยสฺมา เปตา ‘‘อิโต กิฺจิ ลภามา’’ติ อาสาภิภูตา าติฆรํ อาคนฺตฺวาปิ ‘‘อิทํ นาม โน เทถา’’ติ ยาจิตุํ น สกฺโกนฺติ, ตสฺมา เตสํ อิมานิ อนุสฺสรณวตฺถูนิ อนุสฺสรนฺโต กุลปุตฺโต ทกฺขิณํ ทชฺชาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อทาสิ เม’’ติ คาถมาห.

ตสฺสตฺโถ – อิทํ นาม เม ธนํ วา ธฺํ วา อทาสิ, อิทํ นาม เม กิจฺจํ อตฺตนาเยว โยคํ อาปชฺชนฺโต อกาสิ, ‘‘อสุโก เม มาติโต วา ปิติโต วา สมฺพนฺธตฺตา าติ, สิเนหวเสน ตาณสมตฺถตาย มิตฺโต, อสุโก เม สหปํสุกีฬกสหาโย สขา’’ติ จ เอตํ สพฺพมนุสฺสรนฺโต เปตานํ ทกฺขิณํ ทชฺชา ทานํ นิยฺยาเตยฺย. ‘‘ทกฺขิณา ทชฺชา’’ติ วา ปาโ, เปตานํ ทกฺขิณา ทาตพฺพา, เตน ‘‘อทาสิ เม’’ติอาทินา นเยน ปุพฺเพ กตมนุสฺสรํ อนุสฺสรตาติ วุตฺตํ โหติ. กรณตฺเถ หิ อิทํ ปจฺจตฺตวจนํ.

๒๓-๒๔. เย ปน สตฺตา าติมรเณน รุณฺณโสกาทิปรา เอว หุตฺวา ติฏฺนฺติ, น เตสํ อตฺถาย กิฺจิ เทนฺติ, เตสํ ตํ รุณฺณโสกาทิ เกวลํ อตฺตปริตาปนมตฺตเมว โหติ, ตํ น เปตานํ กฺจิ อตฺถํ สาเธตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘น หิ รุณฺณํ วา’’ติ คาถํ วตฺวา ปุน มคธราเชน ทินฺนทกฺขิณาย สาตฺถกภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘อยฺจ โข’’ติ คาถมาห. เตสํ อตฺโถ เหฏฺา วุตฺโตเยว.

๒๕. อิทานิ ยสฺมา อิมํ ทกฺขิณํ เทนฺเตน รฺา าตีนํ าตีหิ กตฺตพฺพกิจฺจกรเณน าติธมฺโม นิทสฺสิโต, พหุชนสฺส ปากโฏ กโต, นิทสฺสนํ ปากฏํ กตํ ‘‘ตุมฺเหหิปิ เอวเมว าตีสุ าติธมฺโม ปริปูเรตพฺโพ’’ติ. เต จ เปเต ทิพฺพสมฺปตฺตึ อธิคเมนฺเตน เปตานํ ปูชา กตา อุฬารา, พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ อนฺนปานาทีหิ สนฺตปฺเปนฺเตน ภิกฺขูนํ พลํ อนุปฺปทินฺนํ, อนุกมฺปาทิคุณปริวารฺจ จาคเจตนํ นิพฺพตฺเตนฺเตน อนปฺปกํ ปุฺํ ปสุตํ, ตสฺมา ภควา อิเมหิ ยถาภุจฺจคุเณหิ ราชานํ สมฺปหํเสนฺโต ‘‘โส าติธมฺโม’’ติ โอสานคาถมาห.

ตตฺถ าติธมฺโมติ าตีหิ าตีนํ กตฺตพฺพกรณํ. อุฬาราติ ผีตา สมิทฺธา. พลนฺติ กายพลํ. ปสุตนฺติ อุปจิตํ. เอตฺถ จ ‘‘โส าติธมฺโม จ อยํ นิทสฺสิโต’’ติ เอเตน ภควา ราชานํ ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสสิ. าติธมฺมทสฺสนฺเหตฺถ สนฺทสฺสนํ. ‘‘เปตาน ปูชา จ กตา อุฬารา’’ติ อิมินา สมาทเปสิ. ‘‘อุฬารา’’ติ ปสํสนฺเหตฺถ ปุนปฺปุนํ ปูชากรเณ สมาทปนํ. ‘‘พลฺจ ภิกฺขูนมนุปฺปทินฺน’’นฺติ อิมินา สมุตฺเตเชสิ. ภิกฺขูนํ พลานุปฺปทานฺเหตฺถ เอวํวิธานํ พลานุปฺปทาเน อุสฺสาหวฑฺฒเนน สมุตฺเตชนํ. ‘‘ตุมฺเหหิ ปุฺํ ปสุตํ อนปฺปก’’นฺติ อิมินา สมฺปหํเสสิ. ปุฺปสวนกิตฺตนฺเหตฺถ ตสฺส ยถาภุจฺจคุณสํวณฺณนภาเวน สมฺปหํสนนฺติ เอวเมตฺถ โยชนา เวทิตพฺพา.

เทสนาปริโยสาเน จ เปตฺติวิสยูปปตฺติอาทีนวสํวณฺณเนน สํวิคฺคหทยานํ โยนิโส ปทหตํ จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. ทุติยทิวเสปิ เทวมนุสฺสานํ อิทเมว ติโรกุฏฺฏเทสนํ เทเสสิ. เอวํ ยาว สตฺต ทิวสา ตาทิโสว ธมฺมาภิสมโย อโหสีติ.

ติโรกุฏฺฏเปตวตฺถุวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. ปฺจปุตฺตขาทกเปติวตฺถุวณฺณนา

นคฺคา ทุพฺพณฺณรูปาสีติ อิทํ สตฺถริ สาวตฺถิยํ วิหรนฺเต ปฺจปุตฺตขาทกเปตึ อารพฺภ วุตฺตํ. สาวตฺถิยา กิร อวิทูเร คามเก อฺตรสฺส กุฏุมฺพิกสฺส ภริยา วฺฌา อโหสิ. ตสฺส าตกา เอตทโวจุํ – ‘‘ตว ปชาปติ วฺฌา, อฺํ เต กฺํ อาเนมา’’ติ. โส ตสฺโส ภริยาย สิเนเหน น อิจฺฉิ. อถสฺส ภริยา ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา สามิกํ เอวมาห – ‘‘สามิ, อหํ วฺฌา, อฺา กฺา อาเนตพฺพา, มา เต กุลวํโส อุปจฺฉิชฺชี’’ติ. โส ตาย นิปฺปีฬิยมาโน อฺํ กฺํ อาเนสิ. สา อปเรน สมเยน คพฺภินี อโหสิ. วฺฌิตฺถี – ‘‘อยํ ปุตฺตํ ลภิตฺวา อิมสฺส เคหสฺส อิสฺสรา ภวิสฺสตี’’ติ อิสฺสาปกตา ตสฺสา คพฺภปาตนูปายํ ปริเยสนฺตี อฺตรํ ปริพฺพาชิกํ อนฺนปานาทีหิ สงฺคณฺหิตฺวา ตาย ตสฺสา คพฺภปาตนํ ทาเปสิ. สา คพฺเภ ปติเต อตฺตโน มาตุยา อาโรเจสิ, มาตา อตฺตโน าตเก สโมธาเนตฺวา ตมตฺถํ นิเวเทสิ. เต วฺฌิตฺถึ เอตทโวจุํ – ‘‘ตยา อิมิสฺสา คพฺโภ ปาติโต’’ติ? ‘‘นาหํ ปาเตมี’’ติ. ‘‘สเจ ตยา คพฺโภ น ปาติโต, สปถํ กโรหี’’ติ. ‘‘สเจ มยา คพฺโภ ปาติโต, ทุคฺคติปรายณา ขุปฺปิปาสาภิภูตา สายํ ปาตํ ปฺจ ปฺจ ปุตฺเต วิชายิตฺวา ขาทิตฺวา ติตฺตึ น คจฺเฉยฺยํ, นิจฺจํ ทุคฺคนฺธา มกฺขิกาปริกิณฺณา จ ภเวยฺย’’นฺติ มุสา วตฺวา สปถํ อกาสิ. สา นจิรสฺเสว กาลํ กตฺวา ตสฺเสว คามสฺส อวิทูเร ทุพฺพณฺณรูปา เปตี หุตฺวา นิพฺพตฺติ.

ตทา ชนปเท วุตฺถวสฺสา อฏฺ เถรา สตฺถุ ทสฺสนตฺถํ สาวตฺถึ อาคจฺฉนฺตา ตสฺส คามสฺส อวิทูเร ฉายูทกสมฺปนฺเน อรฺฏฺาเน วาสํ อุปคจฺฉึสุ. อถ สา เปตี เถรานํ อตฺตานํ ทสฺเสสิ. เตสุ สงฺฆตฺเถโร ตํ เปตึ –

๒๖.

‘‘นคฺคา ทุพฺพณฺณรูปาสิ, ทุคฺคนฺธา ปูติ วายสิ;

มกฺขิกาหิ ปริกิณฺณา, กา นุ ตฺวํ อิธ ติฏฺสี’’ติ. –

คาถาย ปฏิปุจฺฉิ. ตตฺถ นคฺคาติ นิจฺโจฬา. ทุพฺพณฺณรูปาสีติ ณวิรูปา อติวิย พีภจฺฉรูเปน สมนฺนาคตา อสิ. ทุคฺคนฺธาติ อนิฏฺคนฺธา. ปูติ วายสีติ สรีรโต กุณปคนฺธํ วายสิ. มกฺขิกาหิ ปริกิณฺณาติ นีลมกฺขิกาหิ สมนฺตโต อากิณฺณา. กา นุ ตฺวํ อิธ ติฏฺสีติ กา นาม เอวรูปา อิมสฺมึ าเน ติฏฺสิ, อิโต จิโต จ วิจรสีติ อตฺโถ.

อถ สา เปตี มหาเถเรน เอวํ ปุฏฺา อตฺตานํ ปกาเสนฺตี สตฺตานํ สํเวคํ ชเนนฺตี –

๒๗.

‘‘อหํ ภทนฺเต เปตีมฺหิ, ทุคฺคตา ยมโลกิกา;

ปาปกมฺมํ กริตฺวาน, เปตโลกํ อิโต คตา.

๒๘.

‘‘กาเลน ปฺจ ปุตฺตานิ, สายํ ปฺจ ปุนาปเร;

วิชายิตฺวาน ขาทามิ, เตปิ นา โหนฺติ เม อลํ.

๒๙.

‘‘ปริฑยฺหติ ธูมายติ, ขุทาย หทยํ มม;

ปานียํ น ลเภ ปาตุํ, ปสฺส มํ พฺยสนํ คต’’นฺติ. –

อิมา ติสฺโส คาถา อภาสิ.

๒๗. ตตฺถ ภทนฺเตติ เถรํ คารเวน อาลปติ. ทุคฺคตาติ ทุคฺคตึ คตา. ยมโลกิกาติ ‘‘ยมโลโก’’ติ ลทฺธนาเม เปตโลเก ตตฺถ ปริยาปนฺนภาเวน วิทิตา. อิโต คตาติ อิโต มนุสฺสโลกโต เปตโลกํ อุปปชฺชนวเสน คตา, อุปปนฺนาติ อตฺโถ.

๒๘. กาเลนาติ รตฺติยา วิภาตกาเล. ภุมฺมตฺเถ หิ เอตํ กรณวจนํ. ปฺจ ปุตฺตานีติ ปฺจ ปุตฺเต. ลิงฺควิปลฺลาเสน เหตํ วุตฺตํ. สายํ ปฺจ ปุนาปเรติ สายนฺหกาเล ปุน อปเร ปฺจ ปุตฺเต ขาทามีติ โยชนา. วิชายิตฺวานาติ ทิวเส ทิวเส ทส ทส ปุตฺเต วิชายิตฺวา. เตปิ นา โหนฺติ เม อลนฺติ เตปิ ทสปุตฺตา เอกทิวสํ มยฺหํ ขุทาย ปฏิฆาตาย อหํ ปริยตฺตา น โหนฺติ. คาถาสุขตฺถฺเหตฺถ นา-อิติ ทีฆํ กตฺวา วุตฺตํ.

๒๙. ปริฑยฺหติ ธูมายติ ขุทาย หทยํ มมาติ ขุทาย ชิฆจฺฉาย พาธิยมานาย มม หทยปเทโส อุทรคฺคินา ปริสมนฺตโต ฌายติ ธูมายติ สนฺตปฺปติ. ปานียํ น ลเภ ปาตุนฺติ ปิปาสาภิภูตา ตตฺถ ตตฺถ วิจรนฺตี ปานียมฺปิ ปาตุํ น ลภามิ. ปสฺส มํ พฺยสนํ คตนฺติ เปตูปปตฺติยา สาธารณํ อสาธารณฺจ อิมํ อีทิสํ พฺยสนํ อุปคตํ มํ ปสฺส, ภนฺเตติ อตฺตนา อนุภวิยมานํ ทุกฺขํ เถรสฺส ปเวเทสิ.

ตํ สุตฺวา เถโร ตาย กตกมฺมํ ปุจฺฉนฺโต –

๓๐.

‘‘กึ นุ กาเยน วาจาย, มนสา ทุกฺกฏํ กตํ;

กิสฺส กมฺมวิปาเกน, ปุตฺตมํสานิ ขาทสี’’ติ. –

คาถมาห. ตตฺถ ทุกฺกฏนฺติ ทุจฺจริตํ. กิสฺส กมฺมวิปาเกนาติ กีทิสสฺส กมฺมสฺส วิปาเกน, กึ ปาณาติปาตสฺส, อุทาหุ อทินฺนาทานาทีสุ อฺตรสฺสาติ อตฺโถ. ‘‘เกน กมฺมวิปาเกนา’’ติ เกจิ ปนฺติ.

อถ สา เปตี อตฺตนา กตกมฺมํ เถรสฺส กเถนฺตี –

๓๑.

‘‘สปตี เม คพฺภินี อาสิ, ตสฺสา ปาปํ อเจตยึ;

สาหํ ปทุฏฺมนสา, อกรึ คพฺภปาตนํ.

๓๒.

‘‘ตสฺส ทฺเวมาสิโก คพฺโภ, โลหิตฺเว ปคฺฆริ;

ตทสฺสา มาตา กุปิตา, มยฺหํ าตี สมานยิ;

สปถฺจ มํ อกาเรสิ, ปริภาสาปยี จ มํ.

๓๓.

‘‘สาหํ โฆรฺจ สปถํ, มุสาวาทํ อภาสิสํ;

‘ปุตฺตมํสานิ ขาทามิ, สเจ ตํ ปกตํ มยา’.

๓๔.

‘‘ตสฺส กมฺมสฺส วิปาเกน, มุสาวาทสฺส จูภยํ;

ปุตฺตมํสานิ ขาทามิ, ปุพฺพโลหิตมกฺขิตา’’ติ. – คาถาโย อภาสิ;

๓๑-๓๒. ตตฺถ สปตีติ สมานปติกา อิตฺถี วุจฺจติ. ตสฺสา ปาปํ อเจตยินฺติ ตสฺส สปติยา ปาปํ ลุทฺทกํ กมฺมํ อเจตยึ. ปทุฏฺมนสาติ ปทุฏฺจิตฺตา, ปทุฏฺเน วา มนสา. ทฺเวมาสิโกติ ทฺเวมาสชาโต ปติฏฺิโต หุตฺวา ทฺเวมาสิกา. โลหิตฺเว ปคฺฆรีติ วิปชฺชมาโน รุหิรฺเว หุตฺวา วิสฺสนฺทิ. ตทสฺสา มาตา กุปิตา, มยฺหํ าตี สมานยีติ ตทา อสฺสา สปติยา มาตา มยฺหํ กุปิตา อตฺตโน าตเก สโมธาเนสิ. ‘‘ตตสฺสา’’ติ วา ปาโ, ตโต อสฺสาติ ปทวิภาโค.

๓๓-๓๔. สปถนฺติ สปนํ. ปริภาสาปยีติ ภเยน ตชฺชาเปสิ. สปถํ มุสาวาทํ อภาสิสนฺติ ‘‘สเจ ตํ มยา กตํ, อีทิสี ภเวยฺย’’นฺติ กตเมว ปาปํ อกตํ กตฺวา ทสฺเสนฺตี มุสาวาทํ อภูตํ สปถํ อภาสึ. มุตฺตมํสานิ ขาทามิ, สเจตํ ปกตํ มยาติ อิทํ ตทา สปถสฺส กตาการทสฺสนํ. ยทิ เอตํ คพฺภปาตนปาปํ มยา กตํ, อายตึ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติยํ มยฺหํ ปุตฺตมํสานิเยว ขาเทยฺยนฺติ อตฺโถ. ตสฺส กมฺมสฺสาติ ตสฺส คพฺภปาตนวเสน ปกตสฺส ปาณาติปาตกมฺมสฺส. มุสาวาทสฺส จาติ มุสาวาทกมฺมสฺส จ. อุภยนฺติ อุภยสฺสปิ กมฺมสฺส อุภเยน วิปาเกน. กรณตฺเถ หิ อิทํ ปจฺจตฺตวจนํ. ปุพฺพโลหิตมกฺขิตาติ ปสวนวเสน ปริภิชฺชนวเสน จ ปุพฺเพน จ โลหิเตน จ มกฺขิตา หุตฺวา ปุตฺตมํสานิ ขาทามีติ โยชนา.

เอวํ สา เปตี อตฺตโน กมฺมวิปากํ ปเวเทตฺวา ปุน เถเร เอวมาห – ‘‘อหํ, ภนฺเต, อิมสฺมึเยว คาเม อสุกสฺส กุฏุมฺพิกสฺส ภริยา อิสฺสาปกตา หุตฺวา ปาปกมฺมํ กตฺวา เอวํ เปตโยนิยํ นิพฺพตฺตา. สาธุ, ภนฺเต, ตสฺส กุฏุมฺพิกสฺส เคหํ คจฺฉถ, โส ตุมฺหากํ ทานํ ทสฺสติ, ตํ ทกฺขิณํ มยฺหํ อุทฺทิสาเปยฺยาถ, เอวํ เม อิโต เปตโลกโต มุตฺติ ภวิสฺสตี’’ติ. เถรา ตํ สุตฺวา ตํ อนุกมฺปมานา อุลฺลุมฺปนสภาวสณฺิตา ตสฺส กุฏุมฺพิกสฺส เคหํ ปิณฺฑาย ปวิสึสุ. กุฏมฺพิโก เถเร ทิสฺวา สฺชาตปฺปสาโท ปจฺจุคฺคนฺตฺวา ปตฺตานิ คเหตฺวา เถเร อาสเนสุ นิสีทาเปตฺวา ปณีเตน อาหาเรน โภเชตุํ อารภิ. เถรา ตํ ปวตฺตึ กุฏุมฺพิกสฺส อาโรเจตฺวา ตํ ทานํ ตสฺสา เปติยา อุทฺทิสาเปสุํ. ตงฺขณฺเว จ สา เปตี ตโต ทุกฺขโต อเปตา อุฬารสมฺปตฺตึ ปฏิลภิตฺวา รตฺติยํ กุฏุมฺพิกสฺส อตฺตานํ ทสฺเสสิ. อถ เถรา อนุกฺกเมน สาวตฺถึ คนฺตฺวา ภควโต ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. ภควา จ ตมตฺถํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา สมฺปตฺตปริสาย ธมฺมํ เทเสสิ. เทสนาวสาเน มหาชโน ปฏิลทฺธสํเวโค อิสฺสามจฺเฉรโต ปฏิวิรมิ. เอวํ สา เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา อโหสีติ.

ปฺจปุตฺตขาทกเปติวตฺถุวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. สตฺตปุตฺตขาทกเปติวตฺถุวณฺณนา

นคฺคา ทุพฺพณฺณรูปาสีติ อิทํ สตฺถริ สาวตฺถิยํ วิหรนฺเต สตฺตปุตฺตขาทกเปตึ อารพฺภ วุตฺตํ. สาวตฺถิยา กิร อวิทูเร อฺตรสฺมึ คามเก อฺตรสฺส อุปาสกสฺส ทฺเว ปุตฺตา อเหสุํ – ปมวเย ิตา รูปสมฺปนฺนา สีลาจาเรน สมนฺนาคตา. เตสํ มาตา ‘‘ปุตฺตวตี อห’’นฺติ ปุตฺตพเลน ภตฺตารํ อติมฺติ. โส ภริยาย อวมานิโต นิพฺพินฺนมานโส อฺํ กฺํ อาเนสิ. สา นจิรสฺเสว คพฺภินี อโหสิ. อถสฺส เชฏฺภริยา อิสฺสาปกตา อฺตรํ เวชฺชํ อามิเสน อุปลาเปตฺวา เตน ตสฺสา เตมาสิกํ คพฺภํ ปาเตสิ. อถ สา าตีหิ จ ภตฺตารา จ ‘‘ตยา อิมิสฺสา คพฺโภ ปาติโต’’ติ ปุฏฺา ‘‘นาหํ ปาเตมี’’ติ มุสา วตฺวา เตหิ อสทฺทหนฺเตหิ ‘‘สปถํ กโรหี’’ติ วุตฺตา ‘‘สายํ ปาตํ สตฺต สตฺต ปุตฺเต วิชายิตฺวา ปุตฺตมํสานิ ขาทามิ, นิจฺจํ ทุคฺคนฺธา จ มกฺขิกาปริกิณฺณา จ ภเวยฺย’’นฺติ สปถํ อกาสิ.

สา อปเรน สมเยน กาลํ กตฺวา ตสฺส คพฺภปาตนสฺส มุสาวาทสฺส จ ผเลเนว เปตโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา ปุตฺตนเยน ปุตฺตมํสานิ ขาทนฺตี ตสฺเสว คามสฺส อวิทูเร วิจรติ. เตน จ สมเยน สมฺพหุลา เถรา คามกาวาเส วุตฺถวสฺสา ภควนฺตํ ทสฺสนาย สาวตฺถึ อาคจฺฉนฺตา ตสฺส คามสฺส อวิทูเร เอกสฺมึ ปเทเส รตฺติยํ วาสํ กปฺเปสุํ. อถ สา เปตี เตสํ เถรานํ อตฺตานํ ทสฺเสสิ. ตํ มหาเถโร คาถาย ปุจฺฉิ –

๓๕.

‘‘นคฺคา ทุพฺพณฺณรูปาสิ, ทุคฺคนฺธา ปูติ วายสิ;

มกฺขิกาหิ ปริกิณฺณา, กา นุ ตฺวํ อิธ ติฏฺสี’’ติ.

สา เถเรน ปุฏฺา ตีหิ คาถาหิ ปฏิวจนํ อทาสิ –

๓๖.

‘‘อหํ ภทนฺเต เปตีมฺหิ, ทุคฺคตา ยมโลกิกา;

ปาปกมฺมํ กริตฺวาน, เปตโลกํ อิโต คตา.

๓๗.

‘‘กาเลน สตฺต ปุตฺตานิ, สายํ สตฺต ปุนาปเร;

วิชายิตฺวาน ขาทามิ, เตปิ นา โหนฺติ เม อลํ.

๓๘.

‘‘ปริฑยฺหติ ธูมายติ, ขุทาย หทยํ มม;

นิพฺพุตึ นาธิคจฺฉามิ, อคฺคิทฑฺฒาว อาตเป’’ติ.

๓๘. ตตฺถ นิพฺพุตินฺติ ขุปฺปิปาสาทุกฺขสฺส วูปสมํ. นาธิคจฺฉามีติ น ลภามิ. อคฺคิทฑฺฒาว อาตเปติ อติอุณฺหอาตเป อคฺคินา ฑยฺหมานา วิย นิพฺพุตึ นาธิคจฺฉามีติ โยชนา.

ตํ สุตฺวา มหาเถโร ตาย กตกมฺมํ ปุจฺฉนฺโต –

๓๙.

‘‘กึ นุ กาเยน วาจาย, มนสา ทุกฺกฏํ กตํ;

กิสฺสกมฺมวิปาเกน, ปุตฺตมํสานิ ขาทสี’’ติ. – คาถมาห;

อถ สา เปตี อตฺตโน เปตโลกูปปตฺติฺจ ปุตฺตมํสขาทนการณฺจ กเถนฺตี –

๔๐.

‘‘อหู มยฺหํ ทุเว ปุตฺตา, อุโภ สมฺปตฺตโยพฺพนา;

สาหํ ปุตฺตพลูเปตา, สามิกํ อติมฺิสํ.

๔๑.

‘‘ตโต เม สามิโก กุทฺโธ, สปตึ มยฺหมานยิ;

สา จ คพฺภํ อลภิตฺถ, ตสฺสา ปาปํ อเจตยึ.

๔๒.

‘‘สาหํ ปทุฏฺมนสา, อกรึ คพฺภปาตนํ;

ตสฺส เตมาสิโก คพฺโภ, ปูติโลหิตโก ปติ.

๔๓.

‘‘ตทสฺสา มาตา กุปิตา, มยฺหํ าตี สมานยิ;

สปถฺจ มํ กาเรสิ, ปริภาสาปยี จ มํ.

๔๔.

‘‘สาหํ โฆรฺจ สปถํ, มุสาวาทํ อภาสิสํ;

‘ปุตฺตมํสานิ ขาทามิ, สเจ ตํ ปกตํ มยา’.

๔๕.

‘‘ตสฺส กมฺมสฺส วิปาเกน, มุสาวาทสฺส จูภยํ;

ปุตฺตมํสานิ ขาทามิ, ปุพฺพโลหิตมกฺขิตา’’ติ. – อิมา คาถา อภาสิ;

๔๐-๔๕. ตตฺถ ปุตฺตพลูเปตาติ ปุตฺตพเลน อุเปตา, ปุตฺตานํ วเสน ลทฺธพลา. อติมฺิสนฺติ อติกฺกมิตฺวา มฺึ อวมฺึ. ปูติโลหิตโก ปตีติ กุณปโลหิตํ หุตฺวา คพฺโภ ปริปติ. เสสํ สพฺพํ อนนฺตรสทิสเมว. ตตฺถ อฏฺ เถรา, อิธ สมฺพหุลา. ตตฺถ ปฺจ ปุตฺตา, อิธ สตฺตาติ อยเมว วิเสโสติ.

สตฺตปุตฺตขาทกเปติวตฺถุวณฺณานา นิฏฺิตา.

๘. โคณเปตวตฺถุวณฺณนา

กึ นุ อุมฺมตฺตรูโป วาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ มตปิติกํ กุฏุมฺพิกํ อารพฺภ กเถสิ. สาวตฺถิยํ กิร อฺตรสฺส กุฏุมฺพิกสฺส ปิตา กาลมกาสิ. โส ปิตุ มรเณน โสกสนฺตตฺตหทโย โรทมาโน อุมฺมตฺตโก ปิย วิจรนฺโต ยํ ยํ ปสฺสติ, ตํ ตํ ปุจฺฉติ – ‘‘อปิ เม ปิตรํ ปสฺสิตฺถา’’ติ? น โกจิ ตสฺส โสกํ วิโนเทตุํ อสกฺขิ. ตสฺส ปน หทเย ฆเฏ ปทีโป วิย โสตาปตฺติผลสฺส อุปนิสฺสโย ปชฺชลติ.

สตฺถา ปจฺจูสสมเย โลกํ โอโลเกนฺโต ตสฺส โสตาปตฺติผลสฺส อุปนิสฺสยํ ทิสฺวา ‘‘อิมสฺส อตีตการณํ อาหริตฺวา โสกํ วูปสเมตฺวา โสตาปตฺติผลํ ทาตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา ปุนทิวเส ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต ปจฺฉาสมณํ อนาทาย ตสฺส ฆรทฺวารํ อคมาสิ. โส ‘‘สตฺถา อาคโต’’ติ สุตฺวา ปจฺจุคฺคนฺตฺวา สตฺถารํ เคหํ ปเวเสตฺวา สตฺถริ ปฺตฺเต อาสเน นิสินฺเน สยํ ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺโน ‘‘กึ, ภนฺเต, มยฺหํ ปิตุ คตฏฺานํ ชานาถา’’ติ อาห. อถ นํ สตฺถา, ‘‘อุปาสก, กึ อิมสฺมึ อตฺตภาเว ปิตรํ ปุจฺฉสิ, อุทาหุ อตีเต’’ติ อาห. โส ตํ วจนํ สุตฺวา ‘‘พหู กิร มยฺหํ ปิตโร’’ติ ตนุภูตโสโก โถกํ มชฺฌตฺตตํ ปฏิลภิ. อถสฺส สตฺถา โสกวิโนทนํ ธมฺมกถํ กตฺวา อปคตโสกํ กลฺลจิตฺตํ วิทิตฺวา สามุกฺกํสิกาย ธมฺมเทสนาย โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาเปตฺวา วิหารํ อคมาสิ.

อถ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘ปสฺสถ, อาวุโส, พุทฺธานุภาวํ, ตถา โสกปริเทวสมาปนฺโน อุปาสโก ขเณเนว ภควตา โสตาปตฺติผเล วินีโต’’ติ. สตฺถา ตตฺถ คนฺตฺวา ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสินฺโน ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิ. ภิกฺขู ตมตฺถํ ภควโต อาโรเจสุํ. สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว มยา อิมสฺส โสโก อปนีโต, ปุพฺเพปิ อปนีโตเยวา’’ติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ อฺตรสฺส คหปติกสฺส ปิตา กาลมกาสิ. โส ปิตุ มรเณน โสกปริเทวสมาปนฺโน อสฺสุมุโข รตฺตกฺโข กนฺทนฺโต จิตกํ ปทกฺขิณํ กโรติ. ตสฺส ปุตฺโต สุชาโต นาม กุมาโร ปณฺฑิโต พฺยตฺโต พุทฺธิสมฺปนฺโน ปิตุโสกวินยนูปายํ จินฺเตนฺโต เอกทิวสํ พหินคเร เอกํ มตโคณํ ทิสฺวา ติณฺจ ปานียฺจ อาหริตฺวา ตสฺส ปุรโต เปตฺวา ‘‘ขาท, ขาท, ปิว, ปิวา’’ติ วทนฺโต อฏฺาสิ. อาคตาคตา ตํ ทิสฺวา ‘‘สมฺม สุชาต, กึ อุมฺมตฺตโกสิ, โย ตฺวํ มตสฺส โคณสฺส ติโณทกํ อุปเนสี’’ติ วทนฺติ? โส น กิฺจิ ปฏิวทติ. มนุสฺสา ตสฺส ปิตุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘ปุตฺโต เต อุมฺมตฺตโก ชาโต, มตโคณสฺส ติโณทกํ เทตี’’ติ อาหํสุ. ตํ สุตฺวา จ กุฏุมฺพิกสฺส ปิตรํ อารพฺภ ิโต โสโก อปคโต. โส ‘‘มยฺหํ กิร ปุตฺโต อุมฺมตฺตโก ชาโต’’ติ สํเวคปฺปตฺโต เวเคน คนฺตฺวา ‘‘นนุ ตฺวํ, ตาต สุชาต, ปณฺฑิโต พฺยตฺโต พุทฺธิสมฺปนฺโน, กสฺมา มตโคณสฺส ติโณทกํ เทสี’’ติ โจเทนฺโต –

๔๖.

‘‘กึ นุ อุมฺมตฺตรูโปว, ลายิตฺวา หริตํ ติณํ;

ขาท ขาทาติ ลปสิ, คตสตฺตํ ชรคฺควํ.

๔๗.

‘‘น หิ อนฺเนน ปาเนน, มโต โคโณ สมุฏฺเห;

ตฺวํสิ พาโล จ ทุมฺเมโธ, ยถา ตฺโว ทุมฺมตี’’ติ. –

คาถาทฺวยมาห. ตตฺถ กึ นูติ ปุจฺฉาวจนํ. อุมฺมตฺตรูโปวาติ อุมฺมตฺตกสภาโว วิย จิตฺตกฺเขปํ ปตฺโต วิย. ลายิตฺวาติ ลวิตฺวา. หริตํ ติณนฺติ อลฺลติณํ. ลปสิ วิลปสิ. คตสตฺตนฺติ วิคตชีวิตํ. ชรคฺควนฺติ พลิพทฺทํ ชิณฺณโคณํ. อนฺเนน ปาเนนาติ ตยา ทินฺเนน หริตติเณน วา ปานีเยน วา. มโต โคโณ สมุฏฺเหติ กาลกโต โคโณ ลทฺธชีวิโต หุตฺวา น หิ สมุฏฺเหยฺย. ตฺวํสิ พาโล จ ทุมฺเมโธติ ตฺวํ พาลฺยโยคโต พาโล, เมธาสงฺขาตาย ปฺาย อภาวโต ทุมฺเมโธ อสิ. ยถา ตฺโว ทุมฺมตีติ ยถา ตํ อฺโปิ นิปฺปฺโ วิปฺปลเปยฺย, เอวํ ตฺวํ นิรตฺถกํ วิปฺปลปสีติ อตฺโถ. ยถา ตนฺติ นิปาตมตฺตํ.

ตํ สุตฺวา สุชาโต ปิตรํ สฺาเปตุํ อตฺตโน อธิปฺปายํ ปกาเสนฺโต –

๔๘.

‘‘อิเม ปาทา อิทํ สีสํ, อยํ กาโย สวาลธิ;

เนตฺตา ตเถว ติฏฺนฺติ, อยํ โคโณ สมุฏฺเห.

๔๙.

‘‘นายฺยกสฺส หตฺถปาทา, กาโย สีสฺจ ทิสฺสติ;

รุทํ มตฺติกถูปสฺมึ, นนุ ตฺวฺเว ทุมฺมตี’’ติ. –

คาถาทฺวยํ อภาสิ. ตสฺสตฺโถ – อิมสฺส โคณสฺส อิเม จตฺตาโร ปาทา, อิทํ สีสํ, สห วาลธินา วตฺตตีติ สวาลธิ อยํ กาโย. อิมานิ จ เนตฺตา นยนานิ ยถา มรณโต ปุพฺเพ, ตเถว อภินฺนสณฺานานิ ติฏฺนฺติ. อยํ โคโณ สมุฏฺเหติ อิมสฺมา การณา อยํ โคโณ สมุฏฺเหยฺย สมุตฺติฏฺเยฺยาติ มม จิตฺตํ ภเวยฺย. ‘‘มฺเ โคโณ สมุฏฺเห’’ติ เกจิ ปนฺติ, เตน การเณน อยํ โคโณ สหสาปิ กายํ สมุฏฺเหยฺยาติ อหํ มฺเยฺยํ, เอวํ เม มฺนา สมฺภเวยฺยาติ อธิปฺปาโย. อยฺยกสฺส ปน มยฺหํ ปิตามหสฺส น หตฺถปาทา กาโย สีสํ ทิสฺสติ, เกวลํ ปน ตสฺส อฏฺิกานิ ปกฺขิปิตฺวา กเต มตฺติกามเย ถูเป รุทนฺโต สตคุเณน สหสฺสคุเณน, ตาต, ตฺวฺเว ทุมฺมติ นิปฺปฺโ, ภิชฺชนธมฺมา สงฺขารา ภิชฺชนฺติ, ตตฺถ วิชานตํ กา ปริเทวนาติ ปิตุ ธมฺมํ กเถสิ.

ตํ สุตฺวา โพธิสตฺตสฺส ปิตา ‘‘มม มุตฺโต ปณฺฑิโต มํ สฺาเปตุํ อิมํ กมฺมํ อกาสี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘ตาต สุชาต, ‘สพฺเพปิ สตฺตา มรณธมฺมา’ติ อฺาตเมตํ, อิโต ปฏฺาย น โสจิสฺสามิ, โสกหรณสมตฺเถน นาม เมธาวินา ตาทิเสเนว ภวิตพฺพ’’นฺติ ปุตฺตํ ปสํสนฺโต –

๕๐.

‘‘อาทิตฺตํ วต มํ สนฺตํ, ฆตสิตฺตํว ปาวกํ;

วารินา วิย โอสิฺจํ, สพฺพํ นิพฺพาปเย ทรํ.

๕๑.

‘‘อพฺพหี วต เม สลฺลํ, โสกํ หทยนิสฺสิตํ;

โย เม โสกปเรตสฺส, ปิตุโสกํ อปานุทิ.

๕๒.

‘‘สฺวาหํ อพฺพูฬฺหสลฺโลสฺมิ, สีติภูโตสฺมิ นิพฺพุโต;

น โสจามิ น โรทามิ, ตว สุตฺวาน มาณว.

๕๓.

‘‘เอวํ กโรนฺติ สปฺปฺา, เย โหนฺติ อนุกมฺปกา;

วินิวตฺตยนฺติ โสกมฺหา, สุชาโต ปิตรํ ยถา’’ติ. –

จตสฺโส คาถา อภาสิ. ตตฺถ อาทิตฺตนฺติ โสกคฺคินา อาทิตฺตํ ชลิตํ. สนฺตนฺติ สมานํ. ปาวกนฺติ อคฺคิ. วารินา วิย โอสิฺจนฺติ อุทเกน อวสิฺจนฺโต วิย. สพฺพํ นิพฺพาปเย ทรนฺติ สพฺพํ เม จิตฺตทรถํ นิพฺพาเปสิ. อพฺพหี วตาติ นีหริ วต. สลฺลนฺติ โสกสลฺลํ. หทยนิสฺสิตนฺติ จิตฺตสนฺนิสฺสิตสลฺลภูตํ. โสกปเรตสฺสาติ โสเกน อภิภูตสฺส. ปิตุโสกนฺติ ปิตรํ อารพฺภ อุปฺปนฺนํ โสกํ. อปานุทีติ อปเนสิ. ตว สุตฺวาน มาณวาติ, กุมาร, ตว วจนํ สุตฺวา อิทานิ ปน น โสจามิ น โรทามิ. สุชาโต ปิตรํ ยถาติ ยถา อยํ สุชาโต อตฺตโน ปิตรํ โสกโต วินิวตฺเตสิ, เอวํ อฺเปิ เย อนุกมฺปกา อนุคฺคณฺหสีลา โหนฺติ, เต สปฺปฺา เอวํ กโรนฺติ ปิตูนํ อฺเสฺจ อุปการํ กโรนฺตีติ อตฺโถ.

มาณวสฺส วจนํ สุตฺวา ปิตา อปคตโสโก หุตฺวา สีสํ นหายิตฺวา ภุฺชิตฺวา กมฺมนฺเต ปวตฺเตตฺวา กาลํ กตฺวา สคฺคปรายโณ อโหสิ. สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา เตสํ ภิกฺขูนํ สจฺจานิ ปกาเสสิ, สจฺจปริโยสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีสุ ปติฏฺหึสุ. ตทา สุชาโต โลกนาโถ อโหสีติ.

โคณเปตวตฺถุวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. มหาเปสการเปติวตฺถุวณฺณนา

คูถฺจ มุตฺตํ รุหิรฺจ ปุพฺพนฺติ อิทํ สตฺถริ สาวตฺถิยํ วิหรนฺเต อฺตรํ เปสการเปตึ อารพฺภ วุตฺตํ. ทฺวาทสมตฺตา กิร ภิกฺขู สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา วสนโยคฺคฏฺานํ วีมํสนฺตา อุปกฏฺาย วสฺสูปนายิกาย อฺตรํ ฉายูทกสมฺปนฺนํ รมณียํ อรฺายตนํ ตสฺส จ นาติทูเร นาจฺจาสนฺเน โคจรคามํ ทิสฺวา ตตฺถ เอกรตฺตึ วสิตฺวา ทุติยทิวเส คามํ ปิณฺฑาย ปวิสึสุ. ตตฺถ เอกาทส เปสการา ปฏิวสนฺติ, เต เต ภิกฺขู ทิสฺวา สฺชาตโสมนสฺสา หุตฺวา อตฺตโน อตฺตโน เคหํ เนตฺวา ปณีเตน อาหาเรน ปริวิสิตฺวา อาหํสุ ‘‘กุหึ, ภนฺเต, คจฺฉถา’’ติ? ‘‘ยตฺถ อมฺหากํ ผาสุกํ, ตตฺถ คมิสฺสามา’’ติ. ‘‘ยทิ เอวํ, ภนฺเต, อิเธว วสิตพฺพ’’นฺติ วสฺสูปคมนํ ยาจึสุ. ภิกฺขู สมฺปฏิจฺฉึสุ. อุปาสกา เตสํ ตตฺถ อรฺกุฏิกาโย กาเรตฺวา อทํสุ. ภิกฺขู ตตฺถ วสฺสํ อุปคจฺฉึสุ.

ตตฺถ เชฏฺกเปสกาโร ทฺเว ภิกฺขู จตูหิ ปจฺจเยหิ สกฺกจฺจํ อุปฏฺหิ, อิตเร เอเกกํ ภิกฺขุํ อุปฏฺหึสุ. เชฏฺกเปสการสฺส ภริยา อสฺสทฺธา อปฺปสนฺนา มิจฺฉาทิฏฺิกา มจฺฉรินี ภิกฺขู น สกฺกจฺจํ อุปฏฺาติ. โส ตํ ทิสฺวา ตสฺสาเยว กนิฏฺภคินึ อาเนตฺวา อตฺตโน เคเห อิสฺสริยํ นิยฺยาเทสิ. สา สทฺธา ปสนฺนา หุตฺวา สกฺกจฺจํ ภิกฺขู ปฏิชคฺคิ. เต สพฺเพ เปสกาโร วสฺสํ วุตฺถานํ ภิกฺขูนํ เอเกกสฺส เอเกกํ สาฏกมทํสุ. ตตฺถ มจฺฉรินี เชฏฺเปสการสฺส ภริยา ปทุฏฺจิตฺตา อตฺตโน สามิกํ ปริภาสิ – ‘‘ยํ ตยา สมณานํ สกฺยปุตฺติยานํ ทานํ ทินฺนํ อนฺนปานํ, ตํ เต ปรโลเก คูถมุตฺตํ ปุพฺพโลหิตฺจ หุตฺวา นิพฺพตฺตตุ, สาฏกา จ ชลิตา อโยมยปฏฺฏา โหนฺตู’’ติ.

ตตฺถ เชฏฺเปสกาโร อปเรน สมเยน กาลํ กตฺวา วิฺฌาฏวิยํ อานุภาวสมฺปนฺนา รุกฺขเทวตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ตสฺส ปน กทริยา ภริยา กาลํ กตฺวา ตสฺเสว วสนฏฺานสฺส อวิทูเร เปตี หุตฺวา นิพฺพตฺติ. สา นคฺคา ทุพฺพณฺณรูปา ชิฆจฺฉาปิปาสาภิภูตา ตสฺส ภูมเทวสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา อาห – ‘‘อหํ, สามิ, นิจฺโจฬา อติวิย ชิฆจฺฉาปิปาสาภิภูตา วิจรามิ, เทหิ เม วตฺถํ อนฺนปานฺจา’’ติ. โส ตสฺสา ทิพฺพํ อุฬารํ อนฺนปานํ อุปเนสิ. ตํ ตาย คหิตมตฺตเมว คูถมุตฺตํ ปุพฺพโลหิตฺจ สมฺปชฺชติ, สาฏกฺจ ทินฺนํ ตาย ปริทหิตํ ปชฺชลิตํ อโยมยปฏฺฏํ โหติ. สา มหาทุกฺขํ อนุภวนฺตี ตํ ฉฑฺเฑตฺวา กนฺทนฺตี วิจรติ.

เตน จ สมเยน อฺตโร ภิกฺขุ วุตฺถวสฺโส สตฺถารํ วนฺทิตุํ คจฺฉนฺโต มหตา สตฺเถน สทฺธึ วิฺฌาฏวึ ปฏิปชฺชิ. สตฺถิกา รตฺตึ มคฺคํ คนฺตฺวา ทิวา วเน สนฺทจฺฉายูทกสมฺปนฺนํ ปเทสํ ทิสฺวา ยานานิ มุฺจิตฺวา มุหุตฺตํ วิสฺสมึสุ. ภิกฺขุ ปน วิเวกกามตาย โถกํ อปกฺกมิตฺวา อฺตรสฺส สนฺทจฺฉายสฺส วนคหนปฏิจฺฉนฺนสฺส รุกฺขสฺส มูเล สงฺฆาฏึ ปฺเปตฺวา นิปนฺโน รตฺติยํ มคฺคคมนปริสฺสเมน กิลนฺตกาโย นิทฺทํ อุปคฺฉิ. สตฺถิกา วิสฺสมิตฺวา มคฺคํ ปฏิปชฺชึสุ, โส ภิกฺขุ น ปฏิพุชฺฌิ. อถ สายนฺหสมเย อุฏฺหิตฺวา เต อปสฺสนฺโต อฺตรํ กุมฺมคฺคํ ปฏิปชฺชิตฺวา อนุกฺกเมน ตสฺสา เทวตาย วสนฏฺานํ สมฺปาปุณิ. อถ นํ โส เทวปุตฺโต ทิสฺวา มนุสฺสรูเปน อุปคนฺตฺวา ปฏิสนฺถารํ กตฺวา อตฺตโน วิมานํ ปเวเสตฺวา ปาทพฺภฺชนาทีนิ ทตฺวา ปยิรุปาสนฺโต นิสีทิ. ตสฺมิฺจ สมเย สา เปตี อาคนฺตฺวา ‘‘เทหิ เม, สามิ, อนฺนปานํ สาฏกฺจา’’ติ อาห. โส ตสฺสา ตานิ อทาสิ. ตานิ จ ตาย คหิตมตฺตานิ คูถมุตฺตปุพฺพโลหิตปชฺชลิตอโยปฏฺฏาเยว อเหสุํ. โส ภิกฺขุ ตํ ทิสฺวา สฺชาตสํเวโค ตํ เทวปุตฺตํ –

๕๔.

‘‘คูถฺจ มุตฺตํ รุหิรฺจ ปุพฺพํ, ปริภุฺชติ กิสฺส อยํ วิปาโก;

อยํ นุ กึ กมฺมมกาสิ นารี, ยา สพฺพทา โลหิตปุพฺพภกฺขา.

๕๕.

‘‘นวานิ วตฺถานิ สุภานิ เจว, มุทูนิ สุทฺธานิ จ โลมสานิ;

ทินฺนานิ มิสฺสา กิตกา ภวนฺติ, อยํ นุ กึ กมฺมมกาสิ นารี’’ติ. –

ทฺวีหิ คาถาหิ ปฏิปุจฺฉิ. ตตฺถ กิสฺส อยํ วิปาโกติ กีทิสสฺส กมฺมสฺส อยํ วิปาโก, ยํ เอสา อิทานิ ปจฺจนุภวตีติ. อยํ นุ กึ กมฺมมกาสิ นารีติ อยํ อิตฺถี กึ นุ โข กมฺมํ ปุพฺเพ อกาสิ. ยา สพฺพทา โลหิตปุพฺพภกฺขาติ ยา สพฺพกาลํ รุหิรปุพฺพเมว ภกฺขติ ปริภุฺชติ. นวานีติ ปจฺจคฺฆานิ ตาวเทว ปาตุภูตานิ. สุภานีติ สุนฺทรานิ ทสฺสนียานิ. มุทูนีติ สุขสมฺผสฺสานิ. สุทฺธานีติ ปริสุทฺธวณฺณานิ. โลมสานีติ สโลมกานิ สุขสมฺผสฺสานิ, สุนฺทรานีติ อตฺโถ. ทินฺนานิ มิสฺสา กิตกา ภวนฺตีติ กิตกกณฺฏกสทิสานิ โลหปฏฺฏสทิสานิ ภวนฺติ. ‘‘กีฏกา ภวนฺตี’’ติ วา ปาโ, ขาทกปาณกวณฺณานิ ภวนฺตีติ อตฺโถ.

เอวํ โส เทวปุตฺโต เตน ภิกฺขุนา ปุฏฺโ ตาย ปุริมชาติยา กตกมฺมํ ปกาเสนฺโต –

๕๖.

‘‘ภริยา มเมสา อหุ ภทนฺเต, อทายิกา มจฺฉรินี กทริยา;

สา มํ ททนฺตํ สมณพฺราหฺมณานํ, อกฺโกสติ จ ปริภาสติ จ.

๕๗.

‘‘คูถฺจ มุตฺตํ รุหิรฺจ ปุพฺพํ, ปริภุฺช ตฺวํ อสุจึ สพฺพกาลํ;

เอตํ เต ปรโลกสฺมึ โหตุ, วตฺถา จ เต กิตกสมา ภวนฺตุ;

เอตาทิสํ ทุจฺจริตํ จริตฺวา, อิธาคตา จิรรตฺตาย ขาทตี’’ติ. –

ทฺเว คาถา อภาสิ. ตตฺถ อทายิกาติ กสฺสจิ กิฺจิปิ อทานสีลา. มจฺฉรินี กทริยาติ ปมํ มจฺเฉรมลสฺส สภาเวน มจฺฉรินี, ตาย จ ปุนปฺปุนํ อาเสวนตาย ถทฺธมจฺฉรินี, ตาย กทริยา อหูติ โยชนา. อิทานิ ตสฺสา ตเมว กทริยตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘สา มํ ททนฺต’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ เอตาทิสนฺติ เอวรูปํ ยถาวุตฺตวจีทุจฺจริตาทึ จริตฺวา. อิธาคตาติ อิมํ เปตโลกํ อาคตา, เปตตฺตภาวํ อุปคตา. จิรรตฺตาย ขาทตีติ จิรกาลํ คูถาทิเมว ขาทติ. ตสฺสา หิ เยนากาเรน อกฺกุฏฺํ, เตเนวากาเรน ปวตฺตมานมฺปิ ผลํ. ยํ อุทฺทิสฺส อกฺกุฏฺํ, ตโต อฺตฺถ ปถวิยํ กมนฺตกสงฺขาเต มตฺถเก อสนิปาโต วิย อตฺตโน อุปริ ปตติ.

เอวํ โส เทวปุตฺโต ตาย ปุพฺเพ กตกมฺมํ กเถตฺวา ปุน ตํ ภิกฺขุํ อาห – ‘‘อตฺถิ ปน, ภนฺเต, โกจิ อุปาโย อิมํ เปตโลกโต โมเจตุ’’นฺติ? ‘‘อตฺถี’’ติ จ วุตฺเต ‘‘กเถถ, ภนฺเต’’ติ. ยทิ ภควโต อริยสงฺฆสฺส จ เอกสฺเสว วา ภิกฺขุโน ทานํ ทตฺวา อิมิสฺสา อุทฺทิสิยติ, อยฺจ ตํ อนุโมทติ, เอวเมติสฺสา อิโต ทุกฺขโต มุตฺติ ภวิสฺสตีติ. ตํ สุตฺวา เทวปุตฺโต ตสฺส ภิกฺขุโน ปณีตํ อนฺนปานํ ทตฺวา ตํ ทกฺขิณํ ตสฺสา เปติยา อาทิสิ. ตาวเทว สา เปตี สุหิตา ปีณินฺทฺริยา ทิพฺพาหารสฺส ติตฺตา อโหสิ. ปุน ตสฺเสว ภิกฺขุโน หตฺเถ ทิพฺพสาฏกยุคํ ภควนฺตํ อุทฺทิสฺส ทตฺวา ตฺจ ทกฺขิณํ เปติยา อาทิสิ. ตาวเทว จ สา ทิพฺพวตฺถนิวตฺถา ทิพฺพาลงฺการวิภูสิตา สพฺพกามสมิทฺธา เทวจฺฉราปฏิภาคา อโหสิ. โส จ ภิกฺขุ ตสฺส เทวปุตฺตสฺส อิทฺธิยา ตทเหว สาวตฺถึ ปตฺวา เชตวนํ ปวิสิตฺวา ภควโต สนฺติกํ อุปคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา ตํ สาฏกยุคํ ทตฺวา ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ. ภควาปิ ตมตฺถํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา สมฺปตฺตปริสาย ธมฺมํ เทเสสิ. สา เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา อโหสีติ.

มหาเปสการเปติวตฺถุวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. ขลฺลาฏิยเปติวตฺถุวณฺณนา

กา นุ อนฺโตวิมานสฺมินฺติ อิทํ สตฺถริ สาวตฺถิยํ วิหรนฺเต อฺตรํ ขลฺลาฏิยเปตึ อารพฺภ วุตฺตํ. อตีเต กิร พาราณสิยํ อฺตรา รูปูปชีวินี อิตฺถี อภิรูปา ทสฺสนียา ปาสาทิกา ปรมาย วณฺณโปกฺขรตาย สมนฺนาคตา อติมโนหรเกสกลาปี อโหสิ. ตสฺสา หิ เกสา นีลา ทีฆา ตนู มุทู สินิทฺธา เวลฺลิตคฺคา ทฺวิหตฺถคยฺหา วิสฏฺา ยาว เมขลา กลาปา โอลมฺพนฺติ. ตํ ตสฺสา เกสโสภํ ทิสฺวา ตรุณชโน เยภุยฺเยน ตสฺสํ ปฏิพทฺธจิตฺโต อโหสิ. อถสฺสา ตํ เกสโสภํ อสหมานา อิสฺสาปกตา กติปยา อิตฺถิโย มนฺเตตฺวา ตสฺสา เอว ปริจาริกทาสึ อามิเสน อุปลาเปตฺวา ตาย ตสฺสา เกสูปปาตนํ เภสชฺชํ ทาเปสุํ. สา กิร ทาสี ตํ เภสชฺชํ นฺหานิยจุณฺเณน สทฺธึ ปโยเชตฺวา คงฺคาย นทิยา นฺหานกาเล ตสฺสา อทาสิ. สา เตน เกสมูเลสุ เตเมตฺวา อุทเก นิมุชฺชิ, นิมุชฺชนมตฺเตเยว เกสา สมูลา ปริปตึสุ, สีสํ จสฺสา ติตฺตกลาพุสทิสํ อโหสิ. อถ สา สพฺพโส วิลูนเกสา ลุฺจิตมตฺถกา กโปตี วิย วิรูปา หุตฺวา ลชฺชาย อนฺโตนครํ ปวิสิตุํ อสกฺโกนฺตี วตฺเถน สีสํ เวเตฺวา พหินคเร อฺตรสฺมึ ปเทเส วาสํ กปฺเปนฺตี กติปาหจฺจเยน อปคตลชฺชา ตโต นิวตฺเตตฺวา ติลานิ ปีเฬตฺวา เตลวณิชฺชํ สุราวณิชฺชฺจ กโรนฺตี ชีวิกํ กปฺเปสิ. สา เอกทิวสํ ทฺวีสุ ตีสุ มนุสฺเสสุ สุรามตฺเตสุ มหานิทฺทํ โอกฺกมนฺเตสุ สิถิลภูตานิ เตสํ นิวตฺถวตฺถานิ อวหริ.

อเถกทิวสํ สา เอกํ ขีณาสวตฺเถรํ ปิณฺฑาย จรนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺตา อตฺตโน ฆรํ เนตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทาเปตฺวา เตลสํสฏฺํ โทณินิมฺมชฺชนึ ปิฺากมทาสิ. โส ตสฺสา อนุกมฺปาย ตํ ปฏิคฺคเหตฺวา ปริภุฺชิ. สา ปสนฺนมานสา อุปริ ฉตฺตํ ธารยมานา อฏฺาสิ. โส จ เถโร ตสฺสา จิตฺตํ ปหํเสนฺโต อนุโมทนํ กตฺวา ปกฺกามิ. สา จ อิตฺถี อนุโมทนกาเลเยว ‘‘มยฺหํ เกสา ทีฆา ตนู สินิทฺธา มุทู เวลฺลิตคฺคา โหนฺตู’’ติ ปตฺถนมกาสิ.

สา อปเรน สมเยน กาลํ กตฺวา มิสฺสกกมฺมสฺส ผเลน สมุทฺทมชฺเฌ กนกวิมาเน เอกิกา หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ตสฺสา เกสา ปตฺถิตาการาเยว สมฺปชฺชึสุ. มนุสฺสานํ สาฏกาวหรเณน ปน นคฺคา อโหสิ. สา ตสฺมึ กนกวิมาเน ปุนปฺปุนํ อุปฺปชฺชิตฺวา เอกํ พุทฺธนฺตรํ นคฺคาว หุตฺวา วีตินาเมสิ. อถ อมฺหากํ ภควติ โลเก อุปฺปชฺชิตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺเก อนุปุพฺเพน สาวตฺถิยํ วิหรนฺเต สาวตฺถิวาสิโน สตฺตสตา วาณิชา สุวณฺณภูมึ อุทฺทิสฺส นาวาย มหาสมุทฺทํ โอตรึสุ. เตหิ อารุฬฺหา นาวา วิสมวาตเวคุกฺขิตฺตา อิโต จิโต จ ปริพฺภมนฺตี ตํ ปเทสํ อคมาสิ. อถ สา วิมานเปตี สห วิมาเนน เตสํ อตฺตานํ ทสฺเสสิ. ตํ ทิสฺวา เชฏฺวาณิโช ปุจฺฉนฺโต –

๕๘.

‘‘กา นุ อนฺโตวิมานสฺมึ, ติฏฺนฺตี นูปนิกฺขมิ;

อุปนิกฺขมสฺสุ ภทฺเท, ปสฺสาม ตํ พหิฏฺิต’’นฺติ. –

คาถมาห. ตตฺถ กา นุ อนฺโตวิมานสฺมึ ติฏฺนฺตีติ วิมานสฺส อนฺโต อพฺภนฺตเร ติฏฺนฺตี กา นุ ตฺวํ, กึ มนุสฺสิตฺถี, อุทาหุ อมนุสฺสิตฺถีติ ปุจฺฉติ. นูปนิกฺขมีติ วิมานโต น นิกฺขมิ. อุปนิกฺขมสฺสุ, ภทฺเท, ปสฺสาม ตํ พหิฏฺิตนฺติ, ภทฺเท, ตํ มยํ พหิ ิตํ ปสฺสาม ทฏฺุกามมฺหา, ตสฺมา วิมานโต นิกฺขมสฺสุ. ‘‘อุปนิกฺขมสฺสุ ภทฺทนฺเต’’ติ วา ปาโ, ภทฺทํ เต อตฺถูติ อตฺโถ.

อถสฺส สา อตฺตโน พหิ นิกฺขมิสุํ อสกฺกุเณยฺยตํ ปกาเสนฺตี –

๕๙.

‘‘อฏฺฏียามิ หรายามิ, นคฺคา นิกฺขมิตุํ พหิ;

เกเสหมฺหิ ปฏิจฺฉนฺนา, ปุฺํ เม อปฺปกํ กต’’นฺติ. –

คาถมาห. ตตฺถ อฏฺฏียามีติ นคฺคา หุตฺวา พหิ นิกฺขมิตุํ อฏฺฏิกา ทุกฺขิตา อมฺหิ. หรายามีติ ลชฺชามิ. เกเสหมฺหิ ปฏิจฺฉนฺนาติ เกเสหิ อมฺหิ อหํ ปฏิจฺฉาทิตา ปารุตสรีรา. ปุฺํ เม อปฺปกํ กตนฺติ อปฺปกํ ปริตฺตํ มยา กุสลกมฺมํ กตํ, ปิฺากทานมตฺตนฺติ อธิปฺปาโย.

อถสฺสา วาณิโช อตฺตโน อุตฺตริสาฏกํ ทาตุกาโม –-

๖๐.

‘‘หนฺทุตฺตรียํ ททามิ เต, อิทํ ทุสฺสํ นิวาสย;

อิทํ ทุสฺสํ นิวาเสตฺวา, เอหิ นิกฺขม โสภเน;

อุปนิกฺขมสฺสุ ภทฺเท, ปสฺสาม ตํ พหิฏฺิต’’นฺติ. –

คาถมาห. ตตฺถ หนฺทาติ คณฺห. อุตฺตรียนฺติ อุปสํพฺยานํ อุตฺตริสาฏกนฺติ อตฺโถ. ททามิ เตติ ตุยฺหํ ททามิ. อิทํ ทุสฺสํ นิวาสยาติ อิทํ มม อุตฺตริสาฏกํ ตฺวํ นิวาเสหิ. โสภเนติ สุนฺทรรูเป.

เอวฺจ ปน วตฺวา อตฺตโน อุตฺตริสาฏกํ ตสฺสา อุปเนสิ, สา ตถา ทิยฺยมานสฺส อตฺตโน อนุปกปฺปนียตฺจ, ยถา ทิยฺยมานํ อุปกปฺปติ, ตฺจ ทสฺเสนฺตี –

๖๑.

‘‘หตฺเถน หตฺเถ เต ทินฺนํ, น มยฺหํ อุปกปฺปติ;

เอเสตฺถุปาสโก สทฺโธ, สมฺมาสมฺพุทฺธสาวโก.

๖๒.

‘‘เอตํ อจฺฉาทยิตฺวาน, มม ทกฺขิณมาทิส;

ตถาหํ สุขิตา เหสฺสํ, สพฺพกามสมิทฺธินี’’ติ. –

คาถาทฺวยมาห. ตตฺถ หตฺเถน หตฺเถ เต ทินฺนํ, น มยฺหํ อุปกปฺปตีติ, มาริส, ตว หตฺเถน มม หตฺเถ ตยา ทินฺนํ น มยฺหํ อุปกปฺปติ น วินิยุชฺชติ, อุปโภคโยคฺคํ น โหตีติ อตฺโถ. เอเสตฺถุปาสโก สทฺโธติ เอโส รตนตฺตยํ อุทฺทิสฺส สรณคมเนน อุปาสโก กมฺมผลสทฺธาย จ สมนฺนาคตตฺตา สทฺโธ เอตฺถ เอตสฺมึ ชนสมูเห อตฺถิ. เอตํ อจฺฉาทยิตฺวาน, มม ทกฺขิณมาทิสาติ เอตํ อุปาสกํ มม ทิยฺยมานํ สาฏกํ ปริทหาเปตฺวา ตํ ทกฺขิณํ มยฺหํ อาทิส ปตฺติทานํ เทหิ. ตถาหํ สุขิตา เหสฺสนฺติ ตถา กเต อหํ สุขิตา ทิพฺพวตฺถนิวตฺถา สุขปฺปตฺตา ภวิสฺสามีติ.

ตํ สุตฺวา วาณิชา ตํ อุปาสกํ นฺหาเปตฺวา วิลิมฺเปตฺวา วตฺถยุเคน อจฺฉาเทสุํ. ตมตฺถํ ปกาเสนฺตา สงฺคีติการา –

๖๓.

‘‘ตฺจ เต นฺหาปยิตฺวาน, วิลิมฺเปตฺวาน วาณิชา;

วตฺเถหจฺฉาทยิตฺวาน, ตสฺสา ทกฺขิณมาทิสุํ.

๖๔.

‘‘สมนนฺตรานุทฺทิฏฺเ, วิปาโก อุทปชฺชถ;

โภชนจฺฉาทนปานียํ, ทกฺขิณาย อิทํ ผลํ.

๖๕.

‘‘ตโต สุทฺธา สุจิวสนา, กาสิกุตฺตมธารินี;

หสนฺตี วิมานา นิกฺขมิ, ทกฺขิณาย อิทํ ผล’’นฺติ. –

ติสฺโส คาถาโย อโวจุํ.

๖๓. ตตฺถ นฺติ ตํ อุปาสกํ. จ-สทฺโท นิปาตมตฺตํ. เตติ เต วาณิชาติ โยชนา. วิลิมฺเปตฺวานาติ อุตฺตเมน คนฺเธน วิลิมฺเปตฺวา. วตฺเถหจฺฉาทยิตฺวานาติ วณฺณคนฺธรสสมฺปนฺนํ สพฺยฺชนํ โภชนํ โภเชตฺวา นิวาสนํ อุตฺตรียนฺติ ทฺวีหิ วตฺเถหิ อจฺฉาเทสุํ, ทฺเว วตฺถานิ อทํสูติ อตฺโถ. ตสฺสา ทกฺขิณมาทิสุนฺติ ตสฺสา เปติยา ตํ ทกฺขิณํ อาทิสึสุ.

๖๔. สมนนฺตรานุทฺทิฏฺเติ อนู-ติ นิปาตมตฺตํ, ตสฺสา ทกฺขิณาย อุทฺทิฏฺสมนนฺตรเมว. วิปาโก อุทปชฺชถาติ ตสฺสา เปติยา วิปาโก ทกฺขิณาย ผลํ อุปฺปชฺชิ. กีทิโสติ เปตี อาห โภชนจฺฉาทนปานียนฺติ. นานปฺปการํ ทิพฺพโภชนสทิสํ โภชนฺจ นานาวิราควณฺณสมุชฺชลํ ทิพฺพวตฺถสทิสํ วตฺถฺจ อเนกวิธํ ปานกฺจ ทกฺขิณาย อิทํ อีทิสํ ผลํ อุทปชฺชถาติ โยชนา.

๖๕. ตโตติ ยถาวุตฺตโภชนาทิปฏิลาภโต ปจฺฉา. สุทฺธาติ นฺหาเนน สุทฺธสรีรา. สุจิวสนาติ สุวิสุทฺธวตฺถนิวตฺถา. กาสิกุตฺตมธารินีติ กาสิกวตฺถโตปิ อุตฺตมวตฺถธารินี. หสนฺตีติ ‘‘ปสฺสถ ตาว ตุมฺหากํ ทกฺขิณาย อิทํ ผลวิเสส’’นฺติ ปกาสนวเสน หสมานา วิมานโต นิกฺขมิ.

อถ เต วาณิชา เอวํ ปจฺจกฺขโต ปุฺผลํ ทิสฺวา อจฺฉริยพฺภุตจิตฺตชาตา ตสฺมึ อุปาสเก สฺชาตคารวพหุมานา กตฺชลี ตํ ปยิรุปาสึสุ. โสปิ เต ธมฺมกถาย ภิยฺโยโสมตฺตาย ปสาเทตฺวา สรเณสุ จ สีเลสุ จ ปติฏฺาเปสิ. เต ตาย วิมานเปติยา กตกมฺมํ –

๖๖.

‘‘สุจิตฺตรูปํ รุจิรํ, วิมานํ เต ปภาสติ;

เทวเต ปุจฺฉิตาจิกฺข, กิสฺส กมฺมสฺสิทํ ผล’’นฺติ. –

อิมาย คาถาย ปุจฺฉึสุ. ตตฺถ สุจิตฺตรูปนฺติ หตฺถิอสฺสอิตฺถิปุริสาทิวเสน เจว มาลากมฺมลตากมฺมาทิวเสน จ สุฏฺุ วิหิตจิตฺตรูปํ. รุจิรนฺติ รมณียํ ทสฺสนียํ. กิสฺส กมฺมสฺสิทํ ผลนฺติ กีทิสสฺส กมฺมสฺส, กึ ทานมยสฺส อุทาหุ สีลมยสฺส อิทํ ผลนฺติ อตฺโถ.

สา เตหิ เอวํ ปุฏฺา ‘‘มยา กตสฺส ปริตฺตกสฺส กุสลกมฺมสฺส ตาว อิทํ ผลํ, อกุสลกมฺมสฺส ปน อายตึ นิรเย เอทิสํ ภวิสฺสตี’’ติ ตทุภยํ อาจิกฺขนฺตี –

๖๗.

‘‘ภิกฺขุโน จรมานสฺส, โทณินิมฺมชฺชนึ อหํ;

อทาสึ อุชุภูตสฺส, วิปฺปสนฺเนน เจตสา.

๖๘.

‘‘ตสฺส กมฺมสฺส กุสลสฺส, วิปากํ ทีฆมนฺตรํ;

อนุโภมิ วิมานสฺมึ, ตฺจ ทานิ ปริตฺตกํ.

๖๙.

‘‘อุทฺธํ จตูหิ มาเสหิ, กาลํกิริยา ภวิสฺสติ;

เอกนฺตกฏุกํ โฆรํ, นิรยํ ปปติสฺสหํ.

๗๐.

‘‘จตุกฺกณฺณํ จตุทฺวารํ, วิภตฺตํ ภาคโส มิตํ;

อโยปาการปริยนฺตํ, อยสา ปฏิกุชฺชิตํ.

๗๑.

‘‘ตสฺส อโยมยา ภูมิ, ชลิตา เตชสา ยุตา;

สมนฺตา โยชนสตํ, ผริตฺวา ติฏฺติ สพฺพทา.

๗๒.

‘‘ตตฺถาหํ ทีฆมทฺธานํ, ทุกฺขํ เวทิสฺส เวทนํ;

ผลฺจ ปาปกมฺมสฺส, ตสฺมา โสจามหํ ภุส’’นฺติ. – คาถาโย อภาสิ;

๖๗. ตตฺถ ภิกฺขุโน จรมานสฺสาติ อฺตรสฺส ภินฺนกิเลสสฺส ภิกฺขุโน ภิกฺขาย จรนฺตสฺส. โทณินิมฺมชฺชนินฺติ วิสฺสนฺทมานเตลํ ปิฺากํ. อุชุภูตสฺสาติ จิตฺตชิมฺหวงฺกกุฏิลภาวกรานํ กิเลสานํ อภาเวน อุชุภาวปฺปตฺตสฺส. วิปฺปสนฺเนน เจตสาติ กมฺมผลสทฺธาย สุฏฺุ ปสนฺเนน จิตฺเตน.

๖๘-๖๙. ทีฆมนฺตรนฺติ ม-กาโร ปทสนฺธิกโร, ทีฆอนฺตรํ ทีฆกาลนฺติ อตฺโถ. ตฺจ ทานิ ปริตฺตกนฺติ ตฺจ ปุฺผลํ วิปกฺกวิปากตฺตา กมฺมสฺส อิทานิ ปริตฺตกํ อปฺปาวเสสํ, น จิเรเนว อิโต จวิสฺสามีติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘อุทฺธํ จตูหิ มาเสหิ, กาลํกิริยา ภวิสฺสตี’’ติ จตูหิ มาเสหิ อุทฺธํ จตุนฺนํ มาสานํ อุปริ ปฺจเม มาเส มม กาลํกิริยา ภวิสฺสตีติ ทสฺเสติ. เอกนฺตกฏุกนฺติ เอกนฺเตเนว อนิฏฺฉผสฺสายตนิกภาวโต เอกนฺตทุกฺขนฺติ อตฺโถ. โฆรนฺติ ทารุณํ. นิรยนฺติ นตฺถิ เอตฺถ อโย สุขนฺติ กตฺวา ‘‘นิรย’’นฺติ ลทฺธนามํ นรกํ. ปปติสฺสหนฺติ ปปหิสฺสามิ อหํ.

๗๐. ‘‘นิรย’’นฺติ เจตฺถ อวีจิมหานิรยสฺส อธิปฺเปตตฺตา ตํ สรูปโต ทสฺเสตุํ ‘‘จตุกฺกณฺณ’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ จตุกฺกณฺณนฺติ จตุกฺโกณํ. จตุทฺวารนฺติ จตูสุ ทิสาสุ จตูหิ ทฺวาเรหิ ยุตฺตํ. วิภตฺตนฺติ สุฏฺุ วิภตฺตํ.

ภาคโสติ ภาคโต. มิตนฺติ ตุลิตํ. อโยปาการปริยนฺตนฺติ อโยมเยน ปากาเรน ปริกฺขิตฺตํ. อยสา ปฏิกุชฺชิตนฺติ อโยปฏเลเนว อุปริ ปิหิตํ.

๗๑-๗๒. เตชสา ยุตาติ สมนฺตโต สมุฏฺิตชาเลน มหตา อคฺคินา นิรนฺตรํ สมายุตชาลา. สมนฺตา โยชนสตนฺติ เอวํ ปน สมนฺตา พหิ สพฺพทิสาสุ โยชนสตํ โยชนานํ สตํ. สพฺพทาติ สพฺพกาลํ. ผริตฺวา ติฏฺตีติ พฺยาเปตฺวา ติฏฺติ. ตตฺถาติ ตสฺมึ มหานิรเย. เวทิสฺสนฺติ เวทิสฺสามิ อนุภวิสฺสามิ. ผลฺจ ปาปกมฺมสฺสาติ อิทํ อีทิสํ ทุกฺขานุภวนํ มหา เอวํ กตสฺส ปาปสฺส กมฺมสฺส ผลนฺติ อตฺโถ.

เอวํ ตาย อตฺตนา กตกมฺมผเล อายตึ เนรยิกภเย จ ปกาสิเต โส อุปาสโก กรุณาสฺโจทิตมานโส ‘‘หนฺทสฺสาหํ ปติฏฺา ภเวยฺย’’นฺติ จินฺเตตฺวา อาห – ‘‘เทวเต, ตฺวํ มยฺหํ เอกสฺส ทานวเสน สพฺพกามสมิทฺธา อุฏฺารสมฺปตฺติยุตฺตา ชาตา, อิทานิ ปน อิเมสํ อุปาสกานํ ทานํ ทตฺวา สตฺถุ จ คุเณ อนุสฺสริตฺวา นิรยูปปตฺติโต มุจฺจิสฺสสี’’ติ. สา เปตี หฏฺตุฏฺา ‘‘สาธู’’ติ วตฺวา เต ทิพฺเพน อนฺนปาเนน สนฺตปฺเปตฺวา ทิพฺพานิ วตฺถานิ นานาวิธานิ รตนานิ จ อทาสิ, ภควนฺตฺจ อุทฺทิสฺส ทิพฺพํ ทุสฺสยุคํ เตสํ หตฺเถ ทตฺวา ‘‘อฺตรา, ภนฺเต, วิมานเปตี ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทตีติ สาวตฺถึ คนฺตฺวา สตฺถารํ มม วจเนน วนฺทถา’’ติ วนฺทนฺจ เปเสสิ, ตฺจ นาวํ อตฺตโน อิทฺธานุภาเวน เตหิ อิจฺฉิตปฏฺฏนํ ตํ ทิวสเมว อุปเนสิ.

อถ เต วาณิชา ตโต ปฏฺฏนโต อนุกฺกเมน สาวตฺถึ ปตฺวา เชตวนํ ปวิสิตฺวา สตฺถุ ตํ ทุสฺสยุคํ ทตฺวา วนฺทนฺจ นิเวเทตฺวา อาทิโต ปฏฺาย ตํ ปวตฺตึ ภควโต อาโรเจสุํ. สตฺถา ตมตฺถํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา สมฺปตฺตปริสาย วิตฺถาเรน ธมฺมํ เทเสสิ, สา เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา ชาตา. เต ปน อุปาสกา ทุติยทิวเส พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ ทตฺวา ตสฺสา ทกฺขิณมาทิสึสุ. สา จ ตโต เปตโลกโต จวิตฺวา วิวิธรตนวิชฺโชติเต ตาวตึสภวเน กนกวิมาเน อจฺฉราสหสฺสปริวารา นิพฺพตฺตีติ.

ขลฺลาฏิยเปติวตฺถุวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๑. นาคเปตวตฺถุวณฺณนา

ปุรโตว เสเตน ปเลติ หตฺถินาติ อิทํ สตฺถริ เชตวเน วิหรนฺเต ทฺเว พฺราหฺมณเปเต อารมฺภ วุตฺตํ. อายสฺมา กิร สํกิจฺโจ สตฺตวสฺสิโก ขุรคฺเคเยว อรหตฺตํ ปตฺวา สามเณรภูมิยํ ิโต ตึสมตฺเตหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ อรฺายตเน วสนฺโต เตสํ ภิกฺขูนํ ปฺจนฺนํ โจรสตานํ หตฺถโต อาคตํ มรณมฺปิ พาหิตฺวา เต จ โจเร ทเมตฺวา ปพฺพาเชตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ อคมาสิ. สตฺถา เตสํ ภิกฺขูนํ ธมฺมํ เทเสสิ, เทสนาวสาเน เต ภิกฺขู อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. อถายสฺมา สํกิจฺโจ ปริปุณฺณวสฺโส ลทฺธูปสมฺปโท เตหิ ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ พาราณสึ คนฺตฺวา อิสิปตเน วิหาสิ. มนุสฺสา เถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ปสนฺนมานสา วีถิปฏิปาฏิยา วคฺควคฺคา หุตฺวา อาคนฺตุกทานํ อทํสุ. ตตฺถ อฺตโร อุปาสโก มนุสฺเส นิจฺจภตฺเต สมาทเปสิ, เต ยถาพลํ นิจฺจภตฺตํ ปฏฺเปสุํ.

เตน จ สมเยน พาราณสิยํ อฺตรสฺส มิจฺฉาทิฏฺิกสฺส พฺราหฺมณสฺส ทฺเว ปุตฺตา เอกา จ ธีตา อเหสุํ. เตสุ เชฏฺปุตฺโต ตสฺส อุปาสกสฺส มิตฺโต อโหสิ. โส ตํ คเหตฺวา อายสฺมโต สํกิจฺจสฺส สนฺติกํ อคมาสิ. อายสฺมา สํกิจฺโจ ตสฺส ธมฺมํ เทเสสิ. โส มุทุจิตฺโต อโหสิ. อถ นํ โส อุปาสโก อาห – ‘‘ตฺวํ เอกสฺส ภิกฺขุโน นิจฺจภตฺตํ เทหี’’ติ. ‘‘อนาจิณฺณํ อมฺหากํ พฺราหฺมณานํ สมณานํ สกฺยปุตฺติยานํ นิจฺจภตฺตทานํ, ตสฺมา นาหํ ทสฺสามี’’ติ. ‘‘กึ มยฺหมฺปิ ภตฺตํ น ทสฺสสี’’ติ? ‘‘กถํ น ทสฺสามี’’ติ อาห. ‘‘ยทิ เอวํ ยํ มยฺหํ เทสิ, ตํ เอกสฺส ภิกฺขุสฺส เทหี’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา ทุติยทิวเส ปาโตว วิหารํ คนฺตฺวา เอกํ ภิกฺขุํ อาเนตฺวา โภเชสิ.

เอวํ คจฺฉนฺเต กาเล ภิกฺขูนํ ปฏิปตฺตึ ทิสฺวา ธมฺมฺจ สุณิตฺวา ตสฺส กนิฏฺภาตา จ ภคินี จ สาสเน อภิปฺปสนฺนา ปุฺกมฺมรตา จ อเหสุํ. เอวํ เต ตโย ชนา ยถาวิภวํ ทานานิ เทนฺตา สมณพฺราหฺมเณ สกฺกรึสุ ครุํ กรึสุ มาเนสุํ ปูเชสุํ. มาตาปิตโร ปน เนสํ อสฺสทฺธา อปฺปสนฺนา สมณพฺราหฺมเณสุ อคารวา ปุฺกิริยาย อนาทรา อจฺฉนฺทิกา อเหสุํ. เตสํ ธีตรํ ทาริกํ มาตุลปุตฺตสฺสตฺถาย าตกา วาเรสุํ. โส จ อายสฺมโต สํกิจฺจสฺส สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา สํเวคชาโต ปพฺพชิตฺวา นิจฺจํ อตฺตโน มาตุ-เคหํ ภุฺชิตุํ คจฺฉติ. ตํ มาตา อตฺตโน ภาตุ-ธีตาย ทาริกาย ปโลเภติ. เตน โส อุกฺกณฺิโต หุตฺวา อุปชฺฌายํ อุปสงฺคมิตฺวา อาห – ‘‘อุปฺปพฺพชิสฺสามหํ, ภนฺเต, อนุชานาถ ม’’นฺติ. อุปชฺฌาโย ตสฺส อุปนิสฺสยสมฺปตฺตึ ทิสฺวา อาห – ‘‘สามเณร, มาสมตฺตํ อาคเมหี’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา มาเส อติกฺกนฺเต ตเถว อาโรเจสิ. อุปชฺฌาโย ปุน ‘‘อฑฺฒมาสํ อาคเมหี’’ติ อาห. อฑฺฒมาเส อติกฺกนฺเต ตเถว วุตฺเต ปุน ‘‘สตฺตาหํ อาคเมหี’’ติ อาห. โส ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิ. อถ ตสฺมึ อนฺโตสตฺตาเห สามเณรสฺส มาตุลานิยา เคหํ วินฏฺจฺฉทนํ ชิณฺณํ ทุพฺพลกุฏฺฏํ วาตวสฺสาภิหตํ ปริปติ. ตตฺถ พฺราหฺมโณ พฺราหฺมณี ทฺเว ปุตฺตา ฆีตา จ เคเหน อชฺโฌตฺถฏา กาลมกํสุ. เตสุ พฺราหฺมโณ พฺราหฺมณี จ เปตโยนิยํ นิพฺพตฺตึสุ, ทฺเว ปุตฺตา ธีตา จ ภุมฺมเทเวสุ. เตสุ เชฏฺปุตฺตสฺส หตฺถิยานํ นิพฺพตฺติ, กนิฏฺสฺส อสฺสตรีรโถ, ธีตาย สุวณฺณสิวิกา. พฺราหฺมโณ จ พฺราหฺมณี จ มหนฺเต มหนฺเต อโยมุคฺคเร คเหตฺวา อฺมฺํ อาโกเฏนฺติ, อภิหตฏฺาเนสุ มหนฺตา มหนฺตา ฆฏปฺปมาณา คณฺฑา อุฏฺหิตฺวา มุหุตฺเตเนว ปจิตฺวา ปริเภทปฺปตฺตา โหนฺติ. เต อฺมฺสฺส คณฺเฑ ผาเลตฺวา โกธาภิภูตา นิกฺกรุณา ผรุสวจเนหิ ตชฺเชนฺตา ปุพฺพโลหิตํ ปิวนฺติ, น จ ติตฺตึ ปฏิลภนฺติ.

อถ สามเณโร อุกฺกณฺาภิภูโต อุปชฺฌายํ อุปสงฺกมิตฺวา อาห – ‘‘ภนฺเต, มยา ปฏิฺาตทิวสา วีติวตฺตา, เคหํ คมิสฺสามิ, อนุชานาถ ม’’นฺติ. อถ นํ อุปชฺฌาโย ‘‘อตฺถงฺคเต สูริเย กาลปกฺขจาตุทฺทสิยา ปวตฺตมานาย เอหี’’ติ วตฺวา อิสิปตนวิหารสฺส ปิฏฺิปสฺเสน โถกํ คนฺตฺวา อฏฺาสิ. เตน จ สมเยน เต ทฺเว เทวปุตฺตา สทฺธึ ภคินิยา เตเนว มคฺเคน ยกฺขสมาคมํ สมฺภาเวตุํ คจฺฉนฺติ, เตสํ ปน มาตาปิตโร มุคฺครหตฺถา ผรุสวาจา กาฬรูปา อากุลากุลลูขปติตเกสภารา อคฺคิทฑฺฒตาลกฺขนฺธสทิสา วิคลิตปุพฺพโลหิตา วลิตคตฺตา อติวิย เชคุจฺฉพีภจฺฉทสฺสนา เต อนุพนฺธนฺติ.

อถายสฺมา สํกิจฺโจ ยถา โส สามเณโร เต สพฺเพ คจฺฉนฺเต ปสฺสติ, ตถารูปํ อิทฺธาภิสงฺขารํ อภิสงฺขริตฺวา สามเณรํ อาห – ‘‘ปสฺสสิ ตฺวํ, สามเณร, อิเม คจฺฉนฺเต’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, ปสฺสามี’’ติ. ‘‘เตน หิ อิเมหิ กตกมฺมํ ปฏิปุจฺฉา’’ติ. โส หตฺถิยานาทีหิ คจฺฉนฺเต อนุกฺกเมน ปฏิปุจฺฉิ. เต อาหํสุ – ‘‘เย ปจฺฉโต เปตา อาคจฺฉนฺติ, เต ปฏิปุจฺฉา’’ติ. สามเณโร เต เปเต คาถาหิ อชฺฌภาสิ –

๗๓.

‘‘ปุรโตว เสเตน ปเลติ หตฺถินา, มชฺเฌ ปน อสฺสตรีรเถน;

ปจฺฉา จ กฺา สิวิกาย นียติ, โอภาสยนฺตี ทส สพฺพโส ทิสา.

๗๔.

‘‘ตุมฺเห ปน มุคฺครหตฺถปาณิโน, รุทํมุขา ฉินฺนปภินฺนคตฺตา;

มนุสฺสภูตา กิมกตฺถ ปาปํ, เยนฺมฺสฺส ปิวาถ โลหิต’’นฺติ.

ตตฺถ ปุรโตติ สพฺพปมํ. เสเตนาติ ปณฺฑเรน. ปเลตีติ คจฺฉติ. มชฺเฌ ปนาติ หตฺถึ อารุฬฺหสฺส สิวิกํ อารุฬฺหาย จ อนฺตเร. อสฺสตรีรเถนาติ อสฺสตรียุตฺเตน รเถน ปเลตีติ โยชนา. นียตีติ วหียติ. โอภาสยนฺตี ทส สพฺพโส ทิสาติ สพฺพโต สมนฺตโต สพฺพา ทส ทิสา อตฺตโน สรีรปฺปภาหิ วตฺถาภรณาทิปฺปภาหิ จ วิชฺโชตยมานา. มุคฺครหตฺถปาณิโนติ มุคฺครา หตฺถสงฺขาเตสุ ปาณีสุ เยสํ เต มุคฺครหตฺถปาณิโน, ภูมิสณฺหกรณียาทีสุ ปาณิโวหารสฺส ลพฺภมานตฺตา หตฺถสทฺเทน ปาณิ เอว วิเสสิโต. ฉินฺนปภินฺนคตฺตาติ มุคฺครปฺปหาเรน ตตฺถ ตตฺถ ฉินฺนปภินฺนสรีรา. ปิวาถาติ ปิวถ.

เอวํ สามเณเรน ปุฏฺา เต เปตา สพฺพํ ตํ

ปวตฺตึ จตูหิ คาถาหิ ปจฺจภาสึสุ –

๗๕.

‘‘ปุรโตว โย คจฺฉติ กุฺชเรน, เสเตน นาเคน จตุกฺกเมน;

อมฺหาก ปุตฺโต อหุ เชฏฺโก โส, ทานานิ ทตฺวาน สุขี ปโมทติ.

๗๖.

‘‘โย โย มชฺเฌ อสฺสตรีรเถน, จตุพฺภิ ยุตฺเตน สุวคฺคิเตน;

อมฺหาก ปุตฺโต อหุ มชฺฌิโม โส, อมจฺฉรี ทานปตี วิโรจติ.

๗๗.

‘‘ยา สา จ ปจฺฉา สิวิกาย นียติ, นารี สปฺา มิคมนฺทโลจนา;

อมฺหาก ธีตา อหุ สา กนิฏฺิกา, ภาคฑฺฒภาเคน สุขี ปโมทติ.

๗๘.

‘‘เอเต จ ทานานิ อทํสุ ปุพฺเพ, ปสนฺนจิตฺตา สมณพฺราหฺมณานํ;

มยํ ปน มจฺฉรีโน อหุมฺห, ปริภาสกา สมณพฺราหฺมณานํ;

เอเต จ ทตฺวา ปริจารยนฺติ, มยฺจ สุสฺสาม นโฬว ฉินฺโน’’ติ.

๗๕. ตตฺถ ปุรโตว โย คจฺฉตีติ อิเมสํ คจฺฉนฺตานํ โย ปุรโต คจฺฉติ. ‘‘โยโส ปุรโต คจฺฉตี’’ติ วา ปาโ, ตสฺส โย เอโส ปุรโต คจฺฉตีติ อตฺโถ. กุฺชเรนาติ กุํ ปถวึ ชีรยติ, กุฺเชสุ วา รมติ จรตีติ ‘‘กุฺชโร’’ติ ลทฺธนาเมน หตฺถินา. นาเคนาติ, นาสฺส อคมนียํ อนภิภวนียํ อตฺถีติ นาคา, เตน นาเคน. จตุกฺกเมนาติ จตุปฺปเทน. เชฏฺโกติ ปุพฺพโช.

๗๖-๗๗. จตุพฺภีติ จตูหิ อสฺสตรีหิ. สุวคฺคิเตนาติ สุนฺทรคมเนน จาตุรคมเนน. มิคมนฺทโลจนาติ มิคี วิย มนฺทกฺขิกา. ภาคฑฺฒภาเคนาติ ภาคสฺส อฑฺฒภาเคน, อตฺตนา ลทฺธโกฏฺาสโต อฑฺฒภาคทาเนน เหตุภูเตน. สุขีติ สุขินี. ลิงฺควิปลฺลาเสน เหตํ วุตฺตํ.

๗๘. ปริภาสกาติ อกฺโกสกา. ปริจารยนฺตีติ ทิพฺเพสุ กามคุเณสุ อตฺตโน อินฺทฺริยานิ อิโต จิโต จ ยถาสุขํ จาเรนฺติ, ปริชเนหิ วา อตฺตโน ปุฺานุภาวนิสฺสนฺเทน ปริจริยํ กาเรนฺติ. มยฺจ สุสฺสาม นโฬว ฉินฺโนติ มยํ ปน ฉินฺโน อาตเป ขิตฺโต นโฬ วิย สุสฺสาม, ขุปฺปิปาสาหิ อฺมฺํ ทณฺฑาภิฆาเตหิ จ สุกฺขา วิสุกฺขา ภวามาติ.

เอวํ อตฺตโน ปาปํ สมฺปเวเทตฺวา ‘‘มยํ ตุยฺหํ มาตุลมาตุลานิโย’’ติ อาจิกฺขึสุ. ตํ สุตฺวา สามเณโร สฺชาตสํเวโค ‘‘เอวรูปานํ กิพฺพิสการีนํ กถํ นุ โข โภชนานิ สิชฺฌนฺตี’’ติ ปุจฺฉนฺโต –

๗๙.

‘‘กึ ตุมฺหากํ โภชนํ กึ สยานํ, กถฺจ ยาเปถ สุปาปธมฺมิโน;

ปหูตโภเคสุ อนปฺปเกสุ, สุขํ วิราธาย ทุกฺขชฺช ปตฺตา’’ติ. –

อิมํ คาถมาห. ตตฺถ กึ ตุมฺหากํ โภชนนฺติ กีทิสํ ตุมฺหากํ โภชนํ? กึ สยานนฺติ กีทิสํ สยนํ? ‘‘กึ สยานา’’ติ เกจิ ปนฺติ, กีทิสา สยนา, กีทิเส สยเน สยถาติ อตฺโถ. กถฺจ ยาเปถาติ เกน ปกาเรน ยาเปถ, ‘‘กถํ โว ยาเปถา’’ติปิ ปาโ, กถํ ตุมฺเห ยาเปถาติ อตฺโถ. สุปาปธมฺมิโนติ สุฏฺุ อติวิย ปาปธมฺมา. ปหูตโภเคสูติ อปริยนฺเตสุ อุฬาเรสุ โภเคสุ สนฺเตสุ. อนปฺปเกสูติ น อปฺปเกสุ พหูสุ. สุขํ วิราธายาติ สุขเหตุโน ปุฺสฺส อกรเณน สุขํ วิรชฺฌิตฺวา วิราเธตฺวา. ‘‘สุขสฺส วิราเธนา’’ติ เกจิ ปนฺติ. ทุกฺขชฺช ปตฺตาติ อชฺช อิทานิ อิทํ เปตโยนิปริยาปนฺนํ ทุกฺขํ อนุปฺปตฺตาติ.

เอวํ สามเณเรน ปุฏฺา เปตา เตน ปุจฺฉิตมตฺถํ วิสฺสชฺเชนฺตา –

๘๐.

‘‘อฺมฺํ วธิตฺวาน, ปิวาม ปุพฺพโลหิตํ;

พหุํ วิตฺวา น ธาตา โหม, นจฺฉาทิมฺหเส มยํ.

๘๑.

‘‘อิจฺเจว มจฺจา ปริเทวยนฺติ, อทายกา เปจฺจ ยมสฺส ายิโน;

เย เต วิทิจฺจ อธิคมฺม โภเค, น ภุฺชเร นาปิ กโรนฺติ ปุฺํ.

๘๒.

‘‘เต ขุปฺปิปาสูปคตา ปรตฺถ, ปจฺฉา จิรํ ฌายเร ฑยฺหมานา;

กมฺมานิ กตฺวาน ทุขุทฺรานิ, อนุโภนฺติ ทุกฺขํ กฏุกปฺผลานิ.

๘๓.

‘‘อิตฺตรฺหิ ธนํ ธฺํ, อิตฺตรํ อิธ ชีวิตํ;

อิตฺตรํ อิตฺตรโต ตฺวา, ทีปํ กยิราถ ปณฺฑิโต.

๘๔.

‘‘เย เต เอวํ ปชานนฺติ, นรา ธมฺมสฺส โกวิทา;

เต ทาเน นปฺปมชฺชนฺติ, สุตฺวา อรหตํ วโจ’’ติ. –

ปฺจ คาถา อภาสึสุ.

๘๐-๘๑. ตตฺถ น ธาตา โหมาติ ธาตา สุหิตา ติตฺตา น โหม. นจฺฉาทิมฺหเสติ น รุจฺจาม, น รุจึ อุปฺปาเทม, น ตํ มยํ อตฺตโน รุจิยา ปิวิสฺสามาติ อตฺโถ. อิจฺเจวาติ เอวเมว. มจฺจา ปริเทวยนฺตีติ มยํ วิย อฺเปิ มนุสฺสา กตกิพฺพิสา ปริเทวนฺติ กนฺทนฺติ. อทายกาติ อทานสีลา มจฺฉริโน. ยมสฺส ายิโนติ ยมโลกสฺิเต ยมสฺส าเน เปตฺติวิสเย านสีลา. เย เต วิทิจฺจ อธิคมฺมโภเคติ เย เต สมฺปติ อายติฺจ สุขวิเสสวิธายเก โภเค วินฺทิตฺวา ปฏิลภิตฺวา. น ภุฺชเร นาปิ กโรนฺติ ปุฺนฺติ อมฺเห วิย สยมฺปิ น ภุฺชนฺติ, ปเรสํ เทนฺตา ทานมยํ ปุฺมฺปิ น กโรนฺติ.

๘๒. เต ขุปฺปิปาสูปคตา ปรตฺถาติ เต สตฺตา ปรตฺถ ปรโลเก เปตฺติวิสเย ชิฆจฺฉาปิปาสาภิภูตา หุตฺวา. จิรํ ฌายเร ฑยฺหมานาติ ขุทาทิเหตุเกน ทุกฺขคฺคินา ‘‘อกตํ วต อมฺเหหิ กุสลํ, กตํ ปาป’’นฺติอาทินา วตฺตมาเนน วิปฺปฏิสารคฺคินา ปริฑยฺหมานา ฌายนฺติ, อนุตฺถุนนฺตีติ อตฺโถ. ทุขุทฺรานีติ ทุกฺขวิปากานิ. อนุโภนฺติ ทุกฺขํ กฏุกปฺผลานีติ อนิฏฺผลานิ ปาปกมฺมานิ กตฺวา จิรกาลํ ทุกฺขํ อาปายิกทุกฺขํ อนุภวนฺติ.

๘๓-๘๔. อิตฺตรนฺติ น จิรกาลฏฺายี, อนิจฺจํ วิปริณามธมฺมํ. อิตฺตรํ อิธ ชีวิตนฺติ อิธ มนุสฺสโลเก สตฺตานํ ชีวิตมฺปิ อิตฺตรํ ปริตฺตํ อปฺปกํ. เตนาห ภควา – ‘‘โย จิรํ ชีวติ, โส วสฺสสตํ อปฺปํ วา ภิยฺโย’’ติ (ที. นิ. ๒.๙๑; สํ. นิ. ๑.๑๔๕; อ. นิ. ๗.๗๔). อิตฺตรํ อิตฺตรโต ตฺวาติ ธนธฺาทิอุปกรณํ มนุสฺสานํ ชีวิตฺจ อิตฺตรํ ปริตฺตํ ขณิกํ น จิรสฺสนฺติ ปฺาย อุปปริกฺขิตฺวา. ทีปํ กยิราถ ปณฺฑิโตติ สปฺโ ปุริโส ทีปํ อตฺตโน ปติฏฺํ ปรโลเก หิตสุขาธิฏฺานํ กเรยฺย. เย เต เอวํ ปชานนฺตีติ เย เต มนุสฺสา มนุสฺสานํ โภคานํ ชีวิตสฺส จ อิตฺตรภาวํ ยาถาวโต ชานนฺติ, เต ทาเน สพฺพกาลํ นปฺปมชฺชนฺติ. สุตฺวา อรหตํ วโจติ อรหตํ พุทฺธาทีนํ อริยานํ วจนํ สุตฺวา, สุตตฺตาติ อตฺโถ. เสสํ ปากฏเมว.

เอวํ เต เปตา สามเณเรน ปุฏฺา ตมตฺถํ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘มยํ ตุยฺหํ มาตุลมาตุลานิโย’’ติ ปเวเทสุํ. ตํ สุตฺวา สามเณโร สฺชาตสํเวโค อุกฺกณฺํ ปฏิวิโนเทตฺวา อุปชฺฌายสฺส ปาเทสุ สิรสา นิปติตฺวา เอวมาห – ‘‘ยํ, ภนฺเต, อนุกมฺปเกน กรณียํ อนุกมฺปํ อุปาทาย, ตํ เม ตุมฺเหหิ กตํ, มหตา วตมฺหิ อนตฺถปาตโต รกฺขิโต, น ทานิ เม ฆราวาเสน อตฺโถ, อภิรมิสฺสามิ พฺรหฺมจริยวาเส’’ติ. อถายสฺมา สํกิจฺโจ ตสฺส อชฺฌาสยานุรูปํ กมฺมฏฺานํ อาจิกฺขิ. โส กมฺมฏฺานํ อนุยุฺชนฺโต นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. อายสฺมา ปน สํกิจฺโจ ตํ ปวตฺตึ ภควโต อาโรเจสิ. สตฺถา ตมตฺถํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา สมฺปตฺตปริสาย วิตฺถาเรน ธมฺมํ เทเสสิ, สา เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา อโหสีติ.

นาคเปตวตฺถุวณณนา นิฏฺิตา.

๑๒. อุรคเปตวตฺถุวณฺณนา

อุรโคว ตจํ ชิณฺณนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ อุปาสกํ อารพฺภ กเถสิ. สาวตฺถิยํ กิร อฺตรสฺส อุปาสกสฺส ปุตฺโต กาลมกาสิ. โส ปุตฺตมรณเหตุ ปริเทวโสกสมาปนฺโน พหิ นิกฺขมิตฺวา กิฺจิ กมฺมํ กาตุํ อสกฺโกนฺโต เคเหเยว อฏฺาสิ. อถ สตฺถา ปจฺจูสเวลายํ มหากรุณาสมาปตฺติโต วุฏฺาย พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกนฺโต ตํ อุปาสกํ ทิสฺวา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ตสฺส เคหํ คนฺตฺวา ทฺวาเร อฏฺาสิ. อุปาสโก จ สตฺถุ อาคตภาวํ สุตฺวา สีฆํ อุฏฺาย คนฺตฺวา ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา หตฺถโต ปตฺตํ คเหตฺวา เคหํ ปเวเสตฺวา อาสนํ ปฺเปตฺวา อทาสิ. นิสีทิ ภควา ปฺตฺเต อาสเน. อุปาสโกปิ ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. ตํ ภควา ‘‘กึ, อุปาสก, โสกปเรโต วิย ทิสฺสตี’’ติ อาห. ‘‘อาม, ภควา, ปิโย เม ปุตฺโต กาลกโต, เตนาหํ โสจามี’’ติ. อถสฺส ภควา โสกวิโนทนํ กโรนฺโต อุรคชาตกํ (ชา. ๑.๕.๑๙ อาทโย) กเถสิ.

อตีเต กิร กาสิรฏฺเ พาราณสิยํ ธมฺมปาลํ นาม พฺราหฺมณกุลํ อโหสิ. ตตฺถ พฺราหฺมโณ พฺราหฺมณี ปุตฺโต ธีตา สุณิสา ทาสีติ อิเม สพฺเพปิ มรณานุสฺสติภาวนาภิรตา อเหสุํ. เตสุ โย เคหโต นิกฺขมติ, โส เสสชเน โอวทิตฺวา นิรเปกฺโขว นิกฺขมติ. อเถกทิวสํ พฺราหฺมโณ ปุตฺเตน สทฺธึ ฆรโต นิกฺขมิตฺวา เขตฺตํ คนฺตฺวา กสติ. ปุตฺโต สุกฺขติณปณฺณกฏฺานิ อาลิมฺเปติ. ตตฺเถโก กณฺหสปฺโป ฑาหภเยน รุกฺขสุสิรโต นิกฺขมิตฺวา อิมํ พฺราหฺมณสฺส ปุตฺตํ ฑํสิ. โส วิสเวเคน มุจฺฉิโต ตตฺเถว ปริปติตฺวา กาลกโต, สกฺโก เทวราชา หุตฺวา นิพฺพตฺติ. พฺราหฺมโณ ปุตฺตํ มตํ ทิสฺวา กมฺมนฺตสมีเปน คจฺฉนฺตํ เอกํ ปุริสํ เอวมาห – ‘‘สมฺม, มม ฆรํ คนฺตฺวา พฺราหฺมณึ เอวํ วเทหิ ‘นฺหายิตฺวา สุทฺธวตฺถนิวตฺถา เอกสฺส ภตฺตํ มาลาคนฺธาทีนิ จ คเหตฺวา ตุริตํ อาคจฺฉตู’ติ’’. โส ตตฺถ คนฺตฺวา ตถา อาโรเจสิ, เคหชโนปิ ตถา อกาสิ. พฺราหฺมโณ นฺหตฺวา ภุฺชิตฺวา วิลิมฺปิตฺวา ปริชนปริวุโต ปุตฺตสฺส สรีรํ จิตกํ อาโรเปตฺวา อคฺคึ ทตฺวา ทารุกฺขนฺธํ ฑหนฺโต วิย นิสฺโสโก นิสฺสนฺตาโป อนิจฺจสฺํ มนสิ กโรนฺโต อฏฺาสิ.

อถ พฺราหฺมณสฺส ปุตฺโต สกฺโก หุตฺวา นิพฺพตฺติ, โส จ อมฺหากํ โพธิสตฺโต อโหสิ. โส อตฺตโน ปุริมชาตึ กตปุฺฺจ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปิตรํ าตเก จ อนุกมฺปมาโน พฺราหฺมณเวเสน ตตฺถ อาคนฺตฺวา าตเก อโสจนฺเต ทิสฺวา ‘‘อมฺโภ, มิคํ ฌาเปถ, อมฺหากํ มํสํ เทถ, ฉาโตมฺหี’’ติ อาห. ‘‘น มิโค, มนุสฺโส พฺราหฺมณา’’ติ อาห. ‘‘กึ ตุมฺหากํ ปจฺจตฺถิโก เอโส’’ติ? ‘‘น ปจฺจตฺถิโก, อุเร ชาโต โอรโส มหาคุณวนฺโต ตรุณปุตฺโต’’ติ อาห. ‘‘กิมตฺถํ ตุมฺเห ตถารูเป คุณวติ ตรุณปุตฺเต มเต น โสจถา’’ติ? ตํ สุตฺวา พฺราหฺมโณ อโสจนการณํ กเถนฺโต –

๘๕.

‘‘อุรโคว ตจํ ชิณฺณํ, หิตฺวา คจฺฉติ สํ ตนุํ;

เอวํ สรีเร นิพฺโภเค, เปเต กาลกเต สติ.

๘๖.

‘‘ฑยฺหมาโน น ชานาติ, าตีนํ ปริเทวิตํ;

ตสฺมา เอตํ น โรทามิ, คโต โส ตสฺส ยา คตี’’ติ. –

ทฺเว คาถา อภาสิ.

๘๕-๘๖. ตตฺถ อุรโคติ อุเรน คจฺฉตีติ อุรโค. สปฺปสฺเสตํ อธิวจนํ. ตจํ ชิณฺณนฺติ ชชฺชรภาเวน ชิณฺณํ ปุราณํ อตฺตโน ตจํ นิมฺโมกํ. หิตฺวา คจฺฉติ สํ ตนุนฺติ ยถา อุรโค อตฺตโน ชิณฺณตจํ รุกฺขนฺตเร วา กฏฺนฺตเร วา มูลนฺตเร วา ปาสาณนฺตเร วา กฺจุกํ โอมุฺจนฺโต วิย สรีรโต โอมุฺจิตฺวา ปหาย ฉฑฺเฑตฺวา ยถากามํ คจฺฉติ, เอวเมว สํสาเร ปริพฺภมนฺโต สตฺโต โปราณสฺส กมฺมสฺส ปริกฺขีณตฺตา ชชฺชรีภูตํ สํ ตนุํ อตฺตโน สรีรํ หิตฺวา คจฺฉติ, ยถากมฺมํ คจฺฉติ, ปุนพฺภววเสน อุปปชฺชตีติ อตฺโถ. เอวนฺติ ฑยฺหมานํ ปุตฺตสฺส สรีรํ ทสฺเสนฺโต อาห. สรีเร นิพฺโภเคติ อสฺส วิย อฺเสมฺปิ กาเย เอวํ โภควิรหิเต นิรตฺถเก ชาเต. เปเตติ อายุอุสฺมาวิฺาณโต อปคเต. กาลกเต สตีติ มเต ชาเต. ตสฺมาติ ยสฺมา ฑยฺหมาโน กาโย อเปตวิฺาณตฺตา ฑาหทุกฺขํ วิย าตีนํ รุทิตํ ปริเทวิตมฺปิ น ชานาติ, ตสฺมา เอตํ มม ปุตฺตํ นิมิตฺตํ กตฺวา น โรทามิ. คโต โส ตสฺส ยา คตีติ ยทิ มตสตฺตา น อุจฺฉิชฺชนฺติ, มตสฺส ปน กโตกาสสฺส กมฺมสฺส วเสน ยา คติ ปาฏิกงฺขา, ตํ จุติอนนฺตรเมว คโต, โส น ปุริมาตีนํ รุทิตํ ปริเทวิตํ วา ปจฺจาสีสติ, นาปิ เยภุยฺเยน ปุริมาตีนํ รุทิเตน กาจิ อตฺถสิทฺธีติ อธิปฺปาโย.

เอวํ พฺราหฺมเณน อตฺตโน อโสจนการเณ กถิเต ปริยายมนสิการโกสลฺเล ปกาสิเต พฺราหฺมณรูโป สกฺโก พฺราหฺมณึ อาห – ‘‘อมฺม, ตุยฺหํ โส มโต กึ โหตี’’ติ? ‘‘ทส มาเส กุจฺฉินา ปริหริตฺวา ถฺํ ปาเยตฺวา หตฺถปาเท สณฺเปตฺวา สํวฑฺฒิโต ปุตฺโต เม, สามี’’ติ. ‘‘ยทิ เอวํ ปิตา ตาว ปุริสภาเวน มา โรทตุ, มาตุ นาม หทยํ มุทุกํ, ตฺวํ กสฺมา น โรทสี’’ติ? ตํ สุตฺวา สา อโรทนการณํ กเถนฺตี –

๘๗.

‘‘อนพฺภิโต ตโต อาคา, นานุฺาโต อิโต คโต;

ยถาคโต ตถา คโต, ตตฺถ กา ปริเทวนา.

๘๘.

‘‘ฑยฺหมาโน น ชานาติ, าตีนํ ปริเทวิตํ;

ตสฺมา เอตํ น โรทามิ, คโต โส ตสฺส ยา คตี’’ติ. –

คาถาทฺวยมาห. ตตฺถ อนพฺภิโตติ อนวฺหาโต, ‘‘เอหิ มยฺหํ ปุตฺตภาวํ อุปคจฺฉา’’ติ เอวํ อปกฺโกสิโต. ตโตติ ยตฺถ ปุพฺเพ ิโต, ตโต ปรโลกโต. อาคาติ อาคฺฉิ. นานุฺาโตติ อนนุมโต, ‘‘คจฺฉ, ตาต, ปรโลก’’นฺติ เอวํ อมฺเหหิ อวิสฺสฏฺโ. อิโตติ อิธโลกโต. คโตติ อปคโต. ยถาคโตติ เยนากาเรน อาคโต, อมฺเหหิ อนพฺภิโต เอว อาคโตติ อตฺโถ. ตถา คโตติ เตเนวากาเรน คโต. ยถา สเกเนว กมฺมุนา อาคโต, ตถา สเกเนว กมฺมุนา คโตติ. เอเตน กมฺมสฺสกตํ ทสฺเสติ. ตตฺถ กา ปริเทวนาติ เอวํ อวสวตฺติเก สํสารปวตฺเต มรณํ ปฏิจฺจ กา นาม ปริเทวนา, อยุตฺตา สา ปฺวตา อกรณียาติ ทสฺเสติ.

เอวํ พฺราหฺมณิยา วจนํ สุตฺวา ตสฺส ภคินึ ปุจฺฉิ – ‘‘อมฺม, ตุยฺหํ โส กึ โหตี’’ติ? ‘‘ภาตา เม, สามี’’ติ. ‘‘อมฺม, ภคินิโย นาม ภาตูสุ สิเนหา, ตฺวํ กสฺมา น โรทสี’’ติ? สาปิ อโรทนการณํ กเถนฺตี –

๘๙.

‘‘สเจ โรเท กิสฺส อสฺสํ, ตตฺถ เม กึ ผลํ สิยา;

าติมิตฺตสุหชฺชานํ, ภิยฺโย โน อรตี สิยา.

๙๐.

‘‘ฑยฺหมาโน น ชานาติ, าตีนํ ปริเทวิตํ;

ตสฺมา เอตํ น โรทามิ, คโต โส ตสฺส ยา คตี’’ติ. –

คาถาทฺวยมาห. ตตฺถ สเจ โรเท กิสา อสฺสนฺติ ยทิ อหํ โรเทยฺยํ, กิสา ปริสุกฺขสรีรา ภเวยฺยํ. ตตฺถ เม กึ ผลํ สิยาติ ตสฺมึ มยฺหํ ภาตุ มรณนิมิตฺเต โรทเน กึ นาม ผลํ, โก อานิสํโส ภเวยฺย? น เตน มยฺหํ ภาติโก อาคจฺเฉยฺย, นาปิ โส เตน สุคตึ คจฺเฉยฺยาติ อธิปฺปาโย. าติมิตฺตสุหชฺชานํ, ภิยฺโย โน อรตี สิยาติ อมฺหากํ าตีนํ มิตฺตานํ สุหทยานฺจ มม โสจเนน ภาตุมรณทุกฺขโต ภิยฺโยปิ อรติ ทุกฺขเมว สิยาติ.

เอวํ ภคินิยา วจนํ สุตฺวา ตสฺส ภริยํ ปุจฺฉิ – ‘‘ตุยฺหํ โส กึ โหตี’’ติ? ‘‘ภตฺตา เม, สามี’’ติ. ‘‘ภทฺเท, อิตฺถิโย นาม ภตฺตริ สิเนหา โหนฺติ, ตสฺมิฺจ มเต วิธวา อนาถา โหนฺติ, กสฺมา ตฺวํ น โรทสี’’ติ? สาปิ อตฺตโน อโรทนการณํ กเถนฺตี –

๙๑.

‘‘ยถาปิ ทารโก จนฺทํ, คจฺฉนฺตมนุโรทติ;

เอวํสมฺปทเมเวตํ, โย เปตมนุโสจติ.

๙๒.

‘‘ฑยฺหมาโน น ชานาติ, าตีนํ ปริเทวิตํ;

ตสฺมา เอตํ น โรทามิ, คโต โส ตสฺส ยา คตี’’ติ. – คาถาทฺวยมาห;

ตตฺถ ทารโกติ พาลทารโก. จนฺทนฺติ จนฺทมณฺฑลํ. คจฺฉนฺตนฺติ นภํ อพฺภุสฺสุกฺกมานํ. อนุโรทตีติ ‘‘มยฺหํ รถจกฺกํ คเหตฺวา เทหี’’ติ อนุโรทติ. เอวํสมฺปทเมเวตนฺติ โย เปตํ มตํ อนุโสจติ, ตสฺเสตํ อนุโสจนํ เอวํสมฺปทํ เอวรูปํ, อากาเสน คจฺฉนฺตสฺส จนฺทสฺส คเหตุกามตาสทิสํ อลพฺภเนยฺยวตฺถุสฺมึ อิจฺฉาภาวโตติ อธิปฺปาโย.

เอวํ ตสฺส ภริยาย วจนํ สุตฺวา ทาสึ ปุจฺฉิ – ‘‘อมฺม, ตุยฺหํ โส กึ โหตี’’ติ? ‘‘อยฺโย เม, สามี’’ติ. ‘‘ยทิ เอวํ เตน ตฺวํ โปเถตฺวา เวยฺยาวจฺจํ การิตา ภวิสฺสสิ, ตสฺมา มฺเ ‘สุมุตฺตาหํ เตนา’ติ น โรทสี’’ติ? ‘‘สามิ, มา มํ เอวํ อวจ, น เจตํ อนุจฺฉวิกํ, อติวิย ขนฺติเมตฺตานุทฺทยาสมฺปนฺโน ยุตฺตวาที มยฺหํ อยฺยปุตฺโต อุเร สํวฑฺฒปุตฺโต วิย อโหสี’’ติ. อถ ‘‘กสฺมา น โรทสี’’ติ? สาปิ อตฺตโน อโรทนการณํ กเถนฺตี –

๙๓.

‘‘ยถาปิ พฺรหฺเม อุทกุมฺโภ, ภินฺโน อปฺปฏิสนฺธิโย;

เอวํสมฺปทเมเวตํ, โย เปตมนุโสจติ.

๙๔.

‘‘ฑยฺหมาโน น ชานาติ, าตีนํ ปริเทวิตํ;

ตสฺมา เอตํ น โรทามิ, คโต โส ตสฺส ยา คตี’’ติ. –

คาถาทฺวยมาห. ตตฺถ ยถาปิ พฺรหฺเม อุทกุพฺโภ, ภินฺโน อปฺปฏิสนฺธิโยติ พฺราหฺมณ เสยฺยถาปิ อุทกฆโฏ มุคฺครปฺปหาราทินา ภินฺโน อปฺปฏิสนฺธิโย ปุน ปากติโก น โหติ. เสสเมตฺถ วุตฺตนยตฺตา อุตฺตานตฺถเมว.

สกฺโก เตสํ กถํ สุตฺวา ปสนฺนมานโส ‘‘สมฺมเทว ตุมฺเหหิ มรณสฺสติ ภาวิตา, อิโต ปฏฺาย น ตุมฺเหหิ กสิอาทิกรณกิจฺจํ อตฺถี’’ติ เตสํ เคหํ สตฺตรตนภริตํ กตฺวา ‘‘อปฺปมตฺตา ทานํ เทถ, สีลํ รกฺขถ, อุโปสถกมฺมํ กโรถา’’ติ โอวทิตฺวา อตฺตานฺจ เตสํ นิเวเทตฺวา สกฏฺานเมว คโต. เตปิ พฺราหฺมณาทโย ทานาทีนิ ปุฺานิ กโรนฺตา ยาวตายุกํ ตฺวา เทวโลเก อุปฺปชฺชึสุ.

สตฺถา อิมํ ชาตกํ อาหริตฺวา ตสฺส อุปาสกสฺส โสกสลฺลํ สมุทฺธริตฺวา อุปริ สจฺจานิ ปกาเสสิ, สจฺจปริโยสาเน อุปาสโก โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหีติ.

อุรคเปตวตฺถุวณฺณนา นิฏฺิตา.

อิติ ขุทฺทก-อฏฺกถาย เปตวตฺถุสฺมึ

ทฺวาทสวตฺถุปฏิมณฺฑิตสฺส

ปมสฺส อุรควคฺคสฺส อตฺถสํวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. อุพฺพริวคฺโค

๑. สํสารโมจกเปติวตฺถุวณฺณนา

นคฺคา ทุพฺพณฺณรูปาสีติ อิทํ สตฺถริ เวฬุวเน วิหรนฺเต มคธรฏฺเ อิฏฺกวตีนามเก คาเม อฺตรํ เปตึ อารพฺภ วุตฺตํ. มคธรฏฺเ กิร อิฏฺกวตี จ ทีฆราชิ จาติ ทฺเว คามกา อเหสุํ, ตตฺถ พหู สํสารโมจกา มิจฺฉาทิฏฺิกา ปฏิวสนฺติ. อตีเต จ กาเล ปฺจนฺนํ วสฺสสตานํ มตฺถเก อฺตรา อิตฺถี ตตฺเถว อิฏฺกวติยํ อฺตรสฺมึ สํสารโมจกกุเล นิพฺพตฺติตฺวา มิจฺฉาทิฏฺิวเสน พหู กีฏปฏงฺเค ชีวิตา โวโรเปตฺวา เปเตสุ นิพฺพตฺติ.

สา ปฺจ วสฺสสตานิ ขุปฺปิปาสาทิทุกฺขํ อนุภวิตฺวา อมฺหากํ ภควติ โลเก อุปฺปชฺชิตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺเก อนุกฺกเมน ราชคหํ อุปนิสฺสาย เวฬุวเน วิหรนฺเต ปุนปิ อิฏฺกวติยํเยว อฺตรสฺมึ สํสารโมจกกุเลเยว นิพฺพตฺติตฺวา ยทา สตฺตฏฺวสฺสุทฺเทสิกกาเล อฺาหิ ทาริกาหิ สทฺธึ รถิกาย กีฬนสมตฺถา อโหสิ, ตทา อายสฺมา สาริปุตฺตตฺเถโร ตเมว คามํ อุปนิสฺสาย อรุณวตีวิหาเร วิหรนฺโต เอกทิวสํ ทฺวาทสหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ ตสฺส คามสฺส ทฺวารสมีเปน มคฺเคน อติกฺกมติ. ตสฺมึ ขเณ พหู คามทาริกา คามโต นิกฺขมิตฺวา ทฺวารสมีเป กีฬนฺติโย ปสนฺนมานสา มาตาปิตูนํ ปฏิปตฺติทสฺสเนน เวเคนาคนฺตฺวา เถรํ อฺเ จ ภิกฺขู ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทึสุ. สา ปเนสา อสฺสทฺธกุลสฺส ธีตา จิรกาลํ อปริจิตกุสลตาย สาธุชนาจารวิรหิตา อนาทรา อลกฺขิกา วิย อฏฺาสิ. เถโร ตสฺสา ปุพฺพจริตํ อิทานิ จ สํสารโมจกกุเล นิพฺพตฺตนํ อายติฺจ นิรเย นิพฺพตฺตนารหตํ ทิสฺวา ‘‘สจายํ มํ วนฺทิสฺสติ, นิรเย น อุปฺปชฺชิสฺสติ, เปเตสุ นิพฺพตฺติตฺวาปิ มมํเยว นิสฺสาย สมฺปตฺตึ ปฏิลภิสฺสตี’’ติ ตฺวา กรุณาสฺโจทิตมานโส ตา ทาริกาโย อาห – ‘‘ตุมฺเห ภิกฺขู วนฺทถ, อยํ ปน ทาริกา อลกฺขิกา วิย ิตา’’ติ. อถ นํ ตา ทาริกา หตฺเถสุ ปริคฺคเหตฺวา อากฑฺฒิตฺวา พลกฺกาเรน เถรสฺส ปาเท วนฺทาเปสุํ.

สา อปเรน สมเยน วยปฺปตฺตา ทีฆราชิยํ สํสารโมจกกุเล อฺตรสฺส กุมารสฺส ทินฺนา ปริปุณฺณคพฺภา หุตฺวา กาลกตา เปเตสุ อุปฺปชฺชิตฺวา นคฺคา ทุพฺพณฺณรูปา ขุปฺปิปาสาภิภูตา อติวิย พีภจฺฉทสฺสนา วิจรนฺตี รตฺติยํ อายสฺมโต สาริปุตฺตตฺเถรสฺส อตฺตานํ ทสฺเสตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. ตํ ทิสฺวา เถโร –

๙๕.

‘‘นคฺคา ทุพฺพณฺณรูปาสิ, กิสา ธมนิสนฺถตา;

อุปฺผาสุลิเก กิสิเก, กา นุ ตฺวํ อิธ ติฏฺสี’’ติ. –

คาถาย ปุจฺฉิ. ตตฺถ ธมนิสนฺถตาติ นิมฺมํสโลหิตตาย สิราชาเลหิ ปตฺถตคตฺตา. อุปฺผาสุลิเกติ อุคฺคตผาสุลิเก. กิสิเกติ กิสสรีเร. ปุพฺเพปิ ‘‘กิสา’’ติ วตฺวา ปุน ‘‘กิสิเก’’ติ วจนํ อฏฺิจมฺมนฺหารุมตฺตสรีรตาย อติวิย กิสภาวทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ตํ สุตฺวา เปตี อตฺตานํ ปเวเทนฺตี –

๙๖.

‘‘อหํ ภทนฺเต เปตีมฺหิ, ทุคฺคตา ยมโลกิกา;

ปาปกมฺมํ กริตฺวาน, เปตโลกํ อิโต คตา’’ติ. – คาถํ วตฺวา ปุน เถเรน –

๙๗.

‘‘กึ นุ กาเยน วาจาย, มนสา ทุกฺกฏํ กตํ;

กิสฺสกมฺมวิปาเกน, เปตโลกํ อิโต คตา’’ติ. –

กตกมฺมํ ปุฏฺา ‘‘อทานสีลา มจฺฉรินี หุตฺวา เปตโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา เอวํ มหาทุกฺขํ อนุภวามี’’ติ ทสฺเสนฺตี ติสฺโส คาถา อภาสิ –

๙๘.

‘‘อนุกมฺปกา มยฺหํ นาเหสุํ ภนฺเต, ปิตา จ มาตา อถวาปิ าตกา;

เย มํ นิโยเชยฺยุํ ททาหิ ทานํ, ปสนฺนจิตฺตา สมณพฺราหฺมณานํ.

๙๙.

‘‘อิโต อหํ วสฺสสตานิ ปฺจ, ยํ เอวรูปา วิจรามิ นคฺคา;

ขุทาย ตณฺหาย จ ขชฺชมานา, ปาปสฺส กมฺมสฺส ผลํ มเมทํ.

๑๐๐.

‘‘วนฺทามิ ตํ อยฺย ปสนฺนจิตฺตา, อนุกมฺป มํ วีร มหานุภาว;

ทตฺวา จ เม อาทิส ยฺหิ กิฺจิ, โมเจหิ มํ ทุคฺคติยา ภทนฺเต’’ติ.

๙๘. ตตฺถ อนุกมฺปกาติ สมฺปรายิเกน อตฺเถน อนุคฺคณฺหกา. ภนฺเตติ เถรํ อาลปติ. เย มํ นิโยเชยฺยุนฺติ มาตา วา ปิตา วา อถ วา าตกา เอทิสา ปสนฺนจิตฺตา หุตฺวา ‘‘สมณพฺราหฺมณานํ ททาหิ ทาน’’นฺติ เย มํ นิโยเชยฺยุํ, ตาทิสา อนุกมฺปกา มยฺหํ นาเหสุนฺติ โยชนา.

๙๙. อิโต อหํ วสฺสสตานิ ปฺจ, ยํ เอวรูปา วิจรามิ นคฺคาติ อิทํ สา เปตี อิโต ตติยาย ชาติยา อตฺตโน เปตตฺตภาวํ อนุสฺสริตฺวา อิทานิปิ ตถา ปฺจวสฺสสตานิ วิจรามีติ อธิปฺปาเยนาห. ตตฺถ นฺติ ยสฺมา, ทานาทีนํ ปุฺานํ อกตตฺตา เอวรูปา นคฺคา เปตี หุตฺวา อิโต ปฏฺาย วสฺสสตานิ ปฺจ วิจรามีติ โยชนา. ตณฺหายาติ ปิปาสาย. ขชฺชมานาติ ขาทิยมานา, พาธิยมานาติ อตฺโถ.

๑๐๐. วนฺทามิ ตํ อยฺย ปสนฺนจิตฺตาติ อยฺย, ตมหํ ปสนฺนจิตฺตา หุตฺวา วนฺทามิ, เอตฺตกเมว ปุฺํ อิทานิ มยา กาตุํ สกฺกาติ ทสฺเสติ. อนุกมฺป มนฺติ อนุคฺคณฺห มมํ อุทฺทิสฺส อนุทฺทยํ กโรหิ. ทตฺวา จ เม อาทิส ยฺหิ กิฺจีติ กิฺจิเทว เทยฺยธมฺมํ สมณพฺราหฺมณานํ ทตฺวา ตํ ทกฺขิณํ มยฺหํ อาทิส, เตน เม อิโต เปตโยนิโต โมกฺโข ภวิสฺสตีติ อธิปฺปาเยน วทติ. เตเนวาห ‘‘โมเจหิ มํ ทุคฺคติยา ภทนฺเต’’ติ.

เอวํ เปติยา วุตฺเต ยถา โส เถโร ปฏิปชฺชิ, ตํ ทสฺเสตุํ สงฺคีติกาเรหิ ติสฺโส คาถา วุตฺตา –

๑๐๑.

‘‘สาธูติ โส ปฏิสฺสุตฺวา, สาริปุตฺโตนุกมฺปโก;

ภิกฺขูนํ อาโลปํ ทตฺวา, ปาณิมตฺตฺจ โจฬกํ;

ถาลกสฺส จ ปานียํ, ตสฺสา ทกฺขิณมาทิสิ.

๑๐๒.

‘‘สมนนฺตรานุทฺทิฏฺเ, วิปาโก อุทปชฺชถ;

โภชนจฺฉาทนปานียํ, ทกฺขิณาย อิทํ ผลํ.

๑๐๓.

‘‘ตโต สุทฺธา สุจิวสนา, กาสิกุตฺตมธารินี;

วิจิตฺตวตฺถาภรณา, สาริปุตฺตํ อุปสงฺกมี’’ติ.

๑๐๑-๑๐๓. ตตฺถ ภิกฺขูนนฺติ ภิกฺขุโน, วจนวิปลฺลาเสน เหตํ วุตฺตํ. ‘‘อาโลปํ ภิกฺขุโน ทตฺวา’’ติ เกจิ ปนฺติ. อาโลปนฺติ กพฬํ, เอกาโลปมตฺตํ โภชนนฺติ อตฺโถ. ปาณิมตฺตฺจ โจฬกนฺติ เอกหตฺถปฺปมาณํ โจฬขณฺฑนฺติ อตฺโถ. ถาลกสฺส จ ปานียนฺติ เอกถาลกปูรณมตฺตํ อุทกํ. เสสํ ขลฺลาฏิยเปตวตฺถุสฺมึ วุตฺตนยเมว.

อถายสฺมา สาริปุตฺโต ตํ เปตึ ปีณินฺทฺริยํ ปริสุทฺธฉวิวณฺณํ ทิพฺพวตฺถาภรณาลงฺการํ สมนฺตโต อตฺตโน ปภาย โอภาเสนฺตึ อตฺตโน สนฺติกํ อุปคนฺตฺวา ิตํ ทิสฺวา ปจฺจกฺขโต กมฺมผลํ ตาย วิภาเวตุกาโม หุตฺวา ติสฺโส คาถา อภาสิ –

๑๐๔.

‘‘อภิกฺกนฺเตน วณฺเณน, ยา ตฺวํ ติฏฺสิ เทวเต;

โอภาเสนฺตี ทิสา สพฺพา, โอสธี วิย ตารกา.

๑๐๕.

‘‘เกน เตตาทิโส วณฺโณ, เกน เต อิธ มิชฺฌติ;

อุปฺปชฺชนฺติ จ เต โภคา, เย เกจิ มนโส ปิยา.

๑๐๖.

‘‘ปุจฺฉามิ ตํ เทวิ มหานุภาเว, มนุสฺสภูตา กิมกาสิ ปุฺํ;

เกนาสิ เอวํ ชลิตานุภาวา, วณฺโณ จ เต สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ.

๑๐๔. ตตฺถ อภิกฺกนฺเตนาติ อติมนาเปน, อภิรูเปนาติ อตฺโถ. วณฺเณนาติ ฉวิวณฺเณน. โอภาเสนฺตี ทิสา สพฺพาติ สพฺพาปิ ทส ทิสา โชเตนฺตี เอกาโลกํ กโรนฺตี. ยถา กินฺติ อาห ‘‘โอสธี วิย ตารกา’’ติ. อุสฺสนฺนา ปภา เอตาย ธียติ, โอสธานํ วา อนุพลปฺปทายิกาติ กตฺวา ‘‘โอสธี’’ติ ลทฺธนามา ตารกา ยถา สมนฺตโต อาโลกํ กุรุมานา ติฏฺติ, เอวเมว ตฺวํ สพฺพทิสา โอภาเสนฺตีติ อตฺโถ.

๑๐๕. เกนาติ กึ-สทฺโท ปุจฺฉายํ. เหตุอตฺเถ เจตํ กรณวจนํ, เกน เหตุนาติ อตฺโถ. เตติ ตว. เอตาทิโสติ เอทิโส, เอตรหิ ยถาทิสฺสมาโนติ วุตฺตํ โหติ. เกน เต อิธ มิชฺฌตีติ เกน ปุฺวิเสเสน อิธ อิมสฺมึ าเน อิทานิ ตยา ลพฺภมานํ สุจริตผลํ อิชฺฌติ นิปฺผชฺชติ. อุปฺปชฺชนฺตีติ นิพฺพตฺตนฺติ. โภคาติ ปริภุฺชิตพฺพฏฺเน ‘‘โภคา’’ติ ลทฺธนามา วตฺถาภรณาทิวิตฺตูปกรณวิเสสา. เย เกจีติ โภเค อนวเสสโต พฺยาเปตฺวา สงฺคณฺหาติ. อนวเสสพฺยาปโก หิ อยํ นิทฺเทโส ยถา ‘‘เย เกจิ สงฺขารา’’ติ. มนโส ปิยาติ มนสา ปิยายิตพฺพา, มนาปิยาติ อตฺโถ.

๑๐๖. ปุจฺฉามีติ ปุจฺฉํ กโรมิ, าตุํ อิจฺฉามีติ อตฺโถ. นฺติ ตฺวํ. เทวีติ ทิพฺพานภาวสมงฺคิตาย, เทวิ. เตนาห ‘‘มหานุภาเว’’ติ. มนุสฺสภูตาติ มนุสฺเสสุ ชาตา มนุสฺสภาวํ ปตฺตา. อิทํ เยภุยฺเยน สตฺตา มนุสฺสตฺตภาเว ิตา ปุฺานิ กโรนฺตีติ กตฺวา วุตฺตํ. อยเมตายํ คาถานํ สงฺเขปโต อตฺโถ, วิตฺถารโต ปน ปรมตฺถทีปนิยํ วิมานวตฺถุอฏฺกถายํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ.

เอวํ ปุน เถเรน ปุฏฺา เปตี ตสฺสา สมฺปตฺติยา ลทฺธการณํ ปกาเสนฺตี เสสคาถา อภาสิ –

๑๐๗.

‘‘อุปฺปณฺฑุกึ กิสํ ฉาตํ, นคฺคํ สมฺปติตจฺฉวึ;

มุนิ การุณิโก โลเก, ตํ มํ อทฺทกฺขิ ทุคฺคตํ.

๑๐๘.

‘‘ภิกฺขูนํ อาโลปํ ทตฺวา, ปาณิมตฺตฺจ โจฬกํ;

ถาลกสฺส จ ปานียํ, มม ทกฺขิณมาทิสิ.

๑๐๙.

‘‘อาโลปสฺส ผลํ ปสฺส, ภตฺตํ วสฺสสตํ ทส;

ภุฺชามิ กามกามินี, อเนกรสพฺยฺชนํ.

๑๑๐.

‘‘ปาณิมตฺตสฺส โจฬสฺส, วิปากํ ปสฺส ยาทิสํ;

ยาวตา นนฺทราชสฺส, วิชิตสฺมึ ปฏิจฺฉทา.

๑๑๑.

‘‘ตโต พหุตรา ภนฺเต, วตฺถานจฺฉาทนานิ เม;

โกเสยฺยกมฺพลียานิ, โขมกปฺปาสิกานิ จ.

๑๑๒.

‘‘วิปุลา จ มหคฺฆา จ, เตปากาเสวลมฺพเร;

สาหํ ตํ ปริทหามิ, ยํ ยฺหิ มนโส ปิยํ.

๑๑๓.

‘‘ถาลกสฺส จ ปานียํ, วิปากํ ปสฺส ยาทิสํ;

คมฺภีรา จตุรสฺสา จ, โปกฺขรฺโ สุนิมฺมิตา.

๑๑๔.

‘‘เสโตทกา สุปฺปติตฺถา, สีตา อปฺปฏิคนฺธิยา;

ปทุมุปฺปลสฺฉนฺนา, วาริกิฺชกฺขปูริตา.

๑๑๕.

‘‘สาหํ รมามิ กีฬามิ, โมทามิ อกุโตภยา;

มุนึ การุณิกํ โลเก, ภนฺเต วนฺทิตุมาคตา’’ติ.

๑๐๗. ตตฺถ อุปฺปณฺฑุกินฺติ อุปฺปณฺฑุกชาตํ. ฉาตนฺติ พุภุกฺขิตํ ขุทาย อภิภูตํ. สมฺปติตจฺฉวินฺติ ฉินฺนภินฺนสรีรจฺฉวึ. โลเกติ อิทํ ‘‘การุณิโก’’ติ เอตฺถ วุตฺตกรุณาย วิสยทสฺสนํ. ตํ มนฺติ ตาทิสํ มมํ, วุตฺตนเยน เอกนฺตโต กรุณฏฺานิยํ มํ. ทุคฺคตนฺติ ทุคฺคตึ คตํ.

๑๐๘-๑๐๙. ภิกฺขูนํ อาโลปํ ทตฺวาติอาทิ เถเรน อตฺตโน กรุณาย กตาการทสฺสนํ. ตตฺถ ภตฺตนฺติ โอทนํ, ทิพฺพโภชนนฺติ อตฺโถ. วสฺสสตํ ทสาติ ทส วสฺสสตานิ, วสฺสสหสฺสนฺติ วุตฺตํ โหติ. อจฺจนฺตสํโยเค เจตํ อุปโยควจนํ. ภุฺชามิ กามกามินี, อเนกรสพฺยฺชนนฺติ อฺเหิปิ กาเมตพฺพกาเมหิ สมนฺนาคตา อเนกรสพฺยฺชนํ ภตฺตํ ภุฺชามีติ โยชนา.

๑๑๐. โจฬสฺสาติ เทยฺยธมฺมสีเสน ตพฺพิสยํ ทานมยํ ปุฺเมว ทสฺเสติ. วิปากํ ปสฺส ยาทิสนฺติ ตสฺส โจฬทานสฺส วิปากสงฺขาตํ ผลํ ปสฺส, ภนฺเต. ตํ ปน ยาทิสํ ยถารูปํ, กินฺติ เจติ อาห ‘‘ยาวตา นนฺทราชสฺสา’’ติอาทิ.

ตตฺถ โกยํ นนฺทราชา นาม? อตีเต กิร ทสวสฺสสหสฺสายุเกสุ มนุสฺเสสุ พาราณสิวาสี เอโก กุฏุมฺพิโก อรฺเ ชงฺฆาวิหารํ วิจรนฺโต อรฺฏฺาเน อฺตรํ ปจฺเจกพุทฺธํ อทฺทส. โส ปจฺเจกพุทฺโธ ตตฺถ จีวรกมฺมํ กโรนฺโต อนุวาเต อปฺปโหนฺเต สํหริตฺวาว เปตุํ อารทฺโธ. โส กุฏุมฺพิโก ตํ ทิสฺวา, ‘‘ภนฺเต, กึ กโรถา’’ติ วตฺวา เตน อปฺปิจฺฉตาย กิฺจิ อวุตฺเตปิ ‘‘จีวรทุสฺสํ นปฺปโหตี’’ติ ตฺวา อตฺตโน อุตฺตราสงฺคํ ปจฺเจกพุทฺธสฺส ปาทมูเล เปตฺวา อคมาสิ. ปจฺเจกพุทฺโธ ตํ คเหตฺวา อนุวาตํ อาโรเปนฺโต จีวรํ กตฺวา ปารุปิ. โส กุฏุมฺพิกา ชีวิตปริโยสาเน กาลํ กตฺวา ตาวตึสภวเน นิพฺพตฺติตฺวา ตตฺถ ยาวตายุกํ ทิพฺพสมฺปตฺตึ อนุภวิตฺวา ตโต จวิตฺวา พาราณสิโต โยชนมตฺเต าเน อฺตรสฺมึ คาเม อมจฺจกุเล นิพฺพตฺติ.

ตสฺส วยปฺปตฺตกาเล ตสฺมึ คาเม นกฺขตฺตํ สงฺฆุฏฺํ อโหสิ. โส มาตรํ อาห – ‘‘อมฺม, สาฏกํ เม เทหิ, นกฺขตฺตํ กีฬิสฺสามี’’ติ. สา สุโธตวตฺถํ นีหริตฺวา อทาสิ. ‘‘อมฺม, ถูลํ อิท’’นฺติ. อฺํ นีหริตฺวา อทาสิ, ตมฺปิ ปฏิกฺขิปิ. อถ นํ มาตา อาห – ‘‘ตาต, ยาทิเส เคเห มยํ ชาตา, นตฺถิ โน อิโต สุขุมตรสฺส วตฺถสฺส ปฏิลาภาย ปุฺ’’นฺติ. ‘‘ลภนฏฺานํ คจฺฉามิ, อมฺมา’’ติ. ‘‘คจฺฉ, ปุตฺต, อหํ อชฺเชว ตุยฺหํ พาราณสินคเร รชฺชปฏิลาภํ อิจฺฉามี’’ติ. โส ‘‘สาธุ, อมฺมา’’ติ มาตรํ วนฺทิตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา อาห – ‘‘คจฺฉามิ, อมฺมา’’ติ. ‘‘คจฺฉ, ตาตา’’ติ. เอวํ กิรสฺสา จิตฺตํ อโหสิ – ‘‘กหํ คมิสฺสติ, อิธ วา เอตฺถ วา เคเห นิสีทิสฺสตี’’ติ. โส ปน ปุฺนิยาเมน โจทิยมาโน คามโต นิกฺขมิตฺวา พาราณสึ คนฺตฺวา มงฺคลสิลาปฏฺเฏ สสีสํ ปารุปิตฺวา นิปชฺชิ. โส จ พาราณสิรฺโ กาลกตสฺส สตฺตโม ทิวโส โหติ.

อมจฺจา จ ปุโรหิโต จ รฺโ สรีรกิจฺจํ กตฺวา ราชงฺคเณ นิสีทิตฺวา มนฺตยึสุ – ‘‘รฺโ เอกา ธีตา อตฺถิ, ปุตฺโต นตฺถิ, อราชกํ รชฺชํ น ติฏฺติ, ผุสฺสรถํ วิสฺสชฺเชมา’’ติ. เต กุมุทวณฺเณ จตฺตาโร สินฺธเว โยเชตฺวา เสตจฺฉตฺตปฺปมุขํ ปฺจวิธํ ราชกกุธภณฺฑํ รถสฺมึเยว เปตฺวา รถํ วิสฺสชฺเชตฺวา ปจฺฉโต ตูริยานิ ปคฺคณฺหาเปสุํ. รโถ ปาจีนทฺวาเรน นิกฺขมิตฺวา อุยฺยานาภิมุกฺโข อโหสิ. ‘‘ปริจเยน อุยฺยานาภิมุโข คจฺฉติ, นิวตฺเตมา’’ติ เกจิ อาหํสุ. ปุโรหิโต ‘‘มา นิวตฺตยิตฺถา’’ติ อาห. รโถ กุมารํ ปทกฺขิณํ กตฺวา อาโรหนสชฺโช หุตฺวา อฏฺาสิ, ปุโรหิโต ปารุปนกณฺณํ อปเนตฺวา ปาทตลานิ โอโลเกนฺโต ‘‘ติฏฺตุ อยํ ทีโป, ทฺวิสหสฺสทีปปริวาเรสุ จตูสุ มหาทีเปสุ เอกรชฺชํ กาเรตุํ ยุตฺโต’’ติ วตฺวา ‘‘ตูริยานิ ปคฺคณฺหถ, ปุนปิ ปคฺคณฺหถา’’ติ ติกฺขตฺตุํ ตูริยานิ ปคฺคณฺหาเปสิ.

อถ กุมาโร มุขํ วิวริตฺวา โอโลเกตฺวา ‘‘เกน กมฺเมน อาคตตฺถ, ตาตา’’ติ อาห. ‘‘เทว, ตุมฺหากํ รชฺชํ ปาปุณาตี’’ติ. ‘‘ตุมฺหากํ ราชา กห’’นฺติ? ‘‘ทิวงฺคโต, สามี’’ติ. ‘‘กติ ทิวสา อติกฺกนฺตา’’ติ? ‘‘อชฺช สตฺตโม ทิวโส’’ติ. ‘‘ปุตฺโต วา ธีตา วา นตฺถี’’ติ? ‘‘ธีตา อตฺถิ, เทว, ปุตฺโต นตฺถี’’ติ. ‘‘เตน หิ กริสฺสามิ รชฺช’’นฺติ. เต ตาวเทว อภิเสกมณฺฑปํ กตฺวา ราชธีตรํ สพฺพาลงฺกาเรหิ อลงฺกริตฺวา อุยฺยานํ อาเนตฺวา กุมารสฺส อภิเสกํ อกํสุ.

อถสฺส กตาภิเสกสฺส สตสหสฺสคฺฆนิกํ วตฺถํ อุปเนสุํ. โส ‘‘กิมิทํ, ตาตา’’ติ อาห. ‘‘นิวาสนวตฺถํ, เทวา’’ติ. ‘‘นนุ, ตาตา, ถูล’’นฺติ? ‘‘มนุสฺสานํ ปริโภควตฺเถสุ อิโต สุขุมตรํ นตฺถิ, เทวา’’ติ. ‘‘ตุมฺหากํ ราชา เอวรูปํ นิวาเสสี’’ติ? ‘‘อาม, เทวา’’ติ. ‘‘น มฺเ ปุฺวา ตุมฺหากํ ราชา (อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๑๙๑) สุวณฺณภิงฺการํ อาหรถ, ลภิสฺสามิ วตฺถ’’นฺติ. สุวณฺณภิงฺการํ อาหรึสุ. โส อุฏฺาย หตฺเถ โธวิตฺวา มุขํ วิกฺขาเลตฺวา หตฺเถน อุทกํ อาทาย ปุรตฺถิมทิสายํ อพฺภุกฺกิริ. ตทา ฆนปถวึ ภินฺทิตฺวา อฏฺ กปฺปรุกฺขา อุฏฺหึสุ. ปุน อุทกํ คเหตฺวา ทกฺขิณาย ปจฺฉิมาย อุตฺตรายาติ เอวํ จตูสุ ทิสาสุ อพฺภุกฺกิริ. สพฺพทิสาสุ อฏฺ อฏฺ กตฺวา ทฺวตฺตึส กปฺปรุกฺขา อุฏฺหึสุ. เอเกกาย ทิสาย โสฬส โสฬส กตฺวา จตุสฏฺิ กมฺมรุกฺขาติ เกจิ วทนฺติ. โส เอกํ ทิพฺพทุสฺสํ นิวาเสตฺวา เอกํ ปารุปิตฺวา ‘‘นนฺทรฺโ วิชิเต สุตฺตกนฺติกา อิตฺถิโย มา สุตฺตํ กนฺตึสูติ เภรึ จราเปถา’’ติ วตฺวา ฉตฺตํ อุสฺสาเปตฺวา อลงฺกตปฏิยตฺโต หตฺถิกฺขนฺธวรคโต นครํ ปวิสิตฺวา ปาสาทํ อารุยฺห มหาสมฺปตฺตึ อนุภวิ.

เอวํ คจฺฉนฺเต กาเล เอกทิวสํ เทวี รฺโ สมฺปตฺตึ ทิสฺวา ‘‘อโห ตปสฺสี’’ติ การุฺาการํ ทสฺเสสิ. ‘‘กิมิทํ, เทวี’’ติ จ ปุฏฺา ‘‘อติมหตี เต, เทว, สมฺปตฺติ. อตีเต อทฺธนิ กลฺยาณํ อกตฺถ, อิทานิ อนาคตสฺส อตฺถาย กุสลํ น กโรถา’’ติ อาห. ‘‘กสฺส เทม? สีลวนฺโต นตฺถี’’ติ. ‘‘อสุฺโ, เทว, ชมฺพุทีโป อรหนฺเตหิ, ตุมฺเห ทานเมว สชฺเชถ, อหํ อรหนฺเต ลจฺฉามี’’ติ อาห. ปุนทิวเส ราชา มหารหํ ทานํ สชฺชาเปสิ. เทวี ‘‘สเจ อิมิสฺสาย ทิสาย อรหนฺโต อตฺถิ, อิธาคนฺตฺวา อมฺหากํ ภิกฺขํ คณฺหนฺตู’’ติ อธิฏฺหิตฺวา อุตฺตรทิสาภิมุขา อุเรน นิปชฺชิ. นิปนฺนมตฺตาย เอว เทวิยา หิมวนฺเต วสนฺตานํ ปทุมวติยา ปุตฺตานํ ปฺจสตานํ ปจฺเจกพุทฺธานํ เชฏฺโก มหาปทุมปจฺเจกพุทฺโธ ภาติเก อามนฺเตสิ – ‘‘มาริสา นนฺทราชา ตุมฺเห นิมนฺเตติ, อธิวาเสถ ตสฺสา’’ติ. เต อธิวาเสตฺวา ตาวเทว อากาเสนาคนฺตฺวา อุตฺตรทฺวาเร โอตรึสุ. มนุสฺสา ‘‘ปฺจสตา, เทว, ปจฺเจกพุทฺธา อาคตา’’ติ รฺโ อาโรเจสุํ. ราชา สทฺธึ เทวิยา อาคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา ปตฺตํ คเหตฺวา ปจฺเจกพุทฺเธ ปาสาทํ อาโรเปตฺวา ตตฺถ เตสํ ทานํ ทตฺวา ภตฺตกิจฺจาวสาเน ราชา สงฺฆตฺเถรสฺส, เทวี สงฺฆนวกสฺส ปาทมูเล นิปชฺชิตฺวา ‘‘อยฺยา, ปจฺจเยหิ น กิลมิสฺสนฺติ, มยํ ปุฺเน น หายิสฺสาม, อมฺหากํ อิธ นิวาสาย ปฏิฺํ เทถา’’ติ ปฏิฺํ กาเรตฺวา อุยฺยาเน นิวาสฏฺานานิ กาเรตฺวา ยาวชีวํ ปจฺเจกพุทฺเธ อุปฏฺหิตฺวา เตสุ ปรินิพฺพุเตสุ สาธุกีฬิตํ กาเรตฺวา คนฺธทารุอาทีหิ สรีรกิจฺจํ กาเรตฺวา ธาตุโย คเหตฺวา เจติยํ ปติฏฺาเปตฺวา ‘‘เอวรูปานมฺปิ นาม มหานุภาวานํ มเหสีนํ มรณํ ภวิสฺสติ, กิมงฺคํ ปน มาทิสาน’’นฺติ สํเวคชาโต เชฏฺปุตฺตํ รชฺเช ปติฏฺาเปตฺวา สยํ ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิ. เทวีปิ ‘‘รฺเ ปพฺพชิเต อหํ กึ กริสฺสามี’’ติ ปพฺพชิ. ทฺเวปิ อุยฺยาเน วสนฺตา ฌานานิ นิพฺพตฺเตตฺวา ฌานสุเขน วีตินาเมตฺวา อายุปริโยสาเน พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺตึสุ. โส กิร นนฺทราชา อมฺหากํ สตฺถุ มหาสาวโก มหากสฺสปตฺเถโร อโหสี, ตสฺส อคฺคมเหสี ภทฺทา กาปิลานี นาม.

อยํ ปน นนฺทราชา ทส วสฺสสหสฺสานิ สยํ ทิพฺพวตฺถานิ ปริทหนฺโต สพฺพเมว อตฺตโน วิชิตํ อุตฺตรกุรุสทิสํ กโรนฺโต อาคตาคตานํ มนุสฺสานํ ทิพฺพทุสฺสานิ อทาสิ. ตยิทํ ทิพฺพวตฺถสมิทฺธึ สนฺธาย สา เปตี อาห ‘‘ยาวตา นนฺทราชสฺส, วิชิตสฺมึ ปฏิจฺฉทา’’ติ. ตตฺถ วิชิตสฺมินฺติ รฏฺเ. ปฏิจฺฉทาติ วตฺถานิ. ตานิ หิ ปฏิจฺฉาเทนฺติ เอเตหีติ ‘‘ปฏิจฺฉทา’’ติ วุจฺจนฺติ.

๑๑๑. อิทานิ สา เปตี ‘‘นนฺทราชสมิทฺธิโตปิ เอตรหิ มยฺหํ สมิทฺธิ วิปุลตรา’’ติ ทสฺเสนฺตี ‘‘ตโต พหุตรา, ภนฺเต, วตฺถานจฺฉาทนานิ เม’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ตโตติ นนฺทราชสฺส ปริคฺคหภูตวตฺถโตปิ พหุตรานิ มยฺหํ วตฺถจฺฉาทนานีติ อตฺโถ. วตฺถานจฺฉาทนานีติ นิวาสนวตฺถานิ เจว ปารุปนวตฺถานิ จ. โกเสยฺยกมฺพลียานีติ โกเสยฺยานิ เจว กมฺพลานิ จ. โขมกปฺปาสิกานีติ โขมวตฺถานิ เจว กปฺปาสมยวตฺถานิ จ.

๑๑๒. วิปุลาติ อายามโต จ วิตฺถารโต จ วิปุลา. มหคฺฆาติ มหคฺฆวเสน มหนฺตา มหารหา. อากาเสวลมฺพเรติ อากาเสเยว โอลมฺพมานา ติฏฺนฺติ. ยํ ยฺหิ มนโส ปิยนฺติ ยํ ยํ มยฺหํ มนโส ปิยํ, ตํ ตํ คเหตฺวา ปริทหามิ ปารุปามิ จาติ โยชนา.

๑๑๓. ถาลกสฺส จ ปานียํ, วิปากํ ปสฺส ยาทิสนฺติ ถาลกปูรณมตฺตํ ปานียํ ทินฺนํ อนุโมทิตํ, ตสฺส ปน วิปากํ ยาทิสํ ยาว มหนฺตํ ปสฺสาติ ทสฺเสนฺตี ‘‘คมฺภีรา จตุรสฺสา จา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ คมฺภีราติ อคาธา. จตุรสฺสาติ จตุรสฺสสณฺานา. โปกฺขรฺโติ โปกฺขรณิโย. สุนิมฺมิตาติ กมฺมานุภาเวเนว สุฏฺุ นิมฺมิตา.

๑๑๔. เสโตทกาติ เสตอุทกา เสตวาลุกสมฺปริกิณฺณา. สุปฺปติตฺถาติ สุนฺทรติตฺถา. สีตาติ สีตโลทกา. อปฺปฏิคนฺธิยาติ ปฏิกูลคนฺธรหิตา สุรภิคนฺธา. วาริกิฺชกฺขปูริตาติ กมลกุวลยาทีนํ เกสรสฺฉนฺเนน วารินา ปริปุณฺณา.

๑๑๕. สาหนฺติ สา อหํ. รมามีติ รตึ วินฺทามิ. กีฬามีติ อินฺทฺริยานิ ปริจาเรมิ. โมทามีติ โภคสมฺปตฺติยา ปมุทิตา โหมิ. อกุโตภยาติ กุโตจิปิ อสฺชาตภยา, เสรี สุขวิหารินี โหมิ. ภนฺเต, วนฺทิตุมาคตาติ, ภนฺเต, อิมิสฺสา ทิพฺพสมฺปตฺติยา ปฏิลาภสฺส การณภูตํ ตฺวํ วนฺทิตุํ อาคตา อุปคตาติ อตฺโถ. ยํ ปเนตฺถ อตฺถโต อวิภตฺตํ, ตํ ตตฺถ ตตฺถ วุตฺตเมว.

เอวํ ตาย เปติยา วุตฺเต อายสฺมา สาริปุตฺโต อิฏฺกวติยํ ทีฆราชิยนฺติ คามทฺวยวาสิเกสุ อตฺตโน สนฺติกํ อุปคเตสุ มนุสฺเสสุ อิมมตฺถํ วิตฺถารโต กเถนฺโต สํเวเชตฺวา สํสารโมจนปาปกมฺมโต โมเจตฺวา อุปาสกภาเว ปติฏฺาเปสิ. สา ปวตฺติ ภิกฺขูสุ ปากฏา ชาตา. ตํ ภิกฺขู ภควโต อาโรเจสุํ. ภควา ตมตฺถํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา สมฺปตฺตปริสาย ธมฺมํ เทเสสิ, สา เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา อโหสีติ.

สํสารโมจกเปติวตฺถุวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. สาริปุตฺตตฺเถรมาตุเปติวตฺถุวณฺณนา

นคฺคา ทุพฺพณฺณรูปาสีติ อิทํ สตฺถริ เวฬุวเน วิหรนฺเต อายสฺมโต สาริปุตฺตตฺเถรสฺส อิโต ปฺจมาย ชาติยา มาตุภูตํ เปตึ อารพฺภ วุตฺตํ. เอกทิวสํ อายสฺมา จ สาริปุตฺโต อายสฺมา จ มหาโมคฺคลฺลาโน อายสฺมา จ อนุรุทฺโธ อายสฺมา จ กปฺปิโน ราชคหสฺส อวิทูเร อฺตรสฺมึ อรฺายตเน วิหรนฺติ. เตน จ สมเยน พาราณสิยํ อฺตโร พฺราหฺมโณ อฑฺโฒ มหทฺธโน มหาโภโค สมณพฺราหฺมณกปณทฺธิกวนิพฺพกยาจกานํ โอปานภูโต อนฺนปานวตฺถสยนาทีนิ เทติ. เทนฺโต จ อาคตาคตานํ ยถากาลํ ยถารหฺจ ปาโททกปาทพฺภฺชนาทิทานานุปุพฺพกํ สพฺพาภิเทยฺยํ ปฏิปนฺโน โหติ, ปุเรภตฺตํ ภิกฺขู อนฺนปานาทินา สกฺกจฺจํ ปริวิสติ. โส เทสนฺตรํ คจฺฉนฺโต ภริยํ อาห – ‘‘โภติ, ยถาปฺตฺตํ อิมํ ทานวิธึ อปริหาเปนฺตี สกฺกจฺจํ อนุปติฏฺาหี’’ติ. สา ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา ตสฺมึ ปกฺกนฺเต เอว ตาว ภิกฺขูนํ ปฺตฺตํ ทานวิธึ ปจฺฉินฺทิ, อทฺธิกานํ ปน นิวาสตฺถาย อุปคตานํ เคหปิฏฺิโต ฉฑฺฑิตํ ชรสาลํ ทสฺเสสิ ‘‘เอตฺถ วสถา’’ติ. อนฺนปานาทีนํ อตฺถาย ตตฺถ อทฺธิเกสุ อาคเตสุ ‘‘คูถํ ขาทถ, มุตฺตํ ปิวถ, โลหิตํ ปิวถ, ตุมฺหากํ มาตุ มตฺถลุงฺคํ ขาทถา’’ติ ยํ ยํ อสุจิ เชคุจฺฉํ, ตสฺส ตสฺส นามํ คเหตฺวา นิฏฺุรํ วทติ.

สา อปเรน สมเยน กาลํ กตฺวา กมฺมานุภาวุกฺขิตฺตา เปตโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา อตฺตโน วจีทุจฺจริตานุรูปํ ทุกฺขํ อนุภวนฺตี ปุริมชาติสมฺพนฺธํ อนุสฺสริตฺวา อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส สนฺติกํ อุปสงฺกมิตุกามา ตสฺส วิหารทฺวารํ สมฺปาปุณิ, ตสฺส วิหารทฺวารเทวตาโย วิหารปฺปเวสนํ นิวาเรสุํ. สา กิร อิโต ปฺจมาย ชาติยา เถรสฺส มาตุภูตปุพฺพา, ตสฺมา เอวมาห – ‘‘อหํ อยฺยสฺส สาริปุตฺตตฺเถรสฺส อิโต ปฺจมาย ชาตียา มาตา, เทถ เม ทฺวารปฺปเวสนํ เถรํ ทฏฺุ’’นฺติ. ตํ สุตฺวา เทวตา ตสฺสา ปเวสนํ อนุชานึสุ. สา ปวิสิตฺวา จงฺกมนโกฏิยํ ตฺวา เถรสฺส อตฺตานํ ทสฺเสสิ. เถโร ตํ ทิสฺวา กรุณาย สฺโจทิตมานโส หุตฺวา –

๑๑๖.

‘‘นคฺคา ทุพฺพณฺณรูปาสิ, กิสา ธมนิสนฺถตา;

อุปฺผาสุลิเก กิสิเก, กา นุ ตฺวํ อิธ ติฏฺสี’’ติ. –

คาถาย ปุจฺฉิ. สา เถเรน ปุฏฺา ปฏิวจนํ เทนฺตี –

๑๑๗.

‘‘อหํ เต สกิยา มาตา, ปุพฺเพ อฺาสุ ชาตีสุ;

อุปปนฺนา เปตฺติวิสยํ, ขุปฺปิปาสสมปฺปิตา.

๑๑๘.

‘‘ฉฑฺฑิตํ ขิปิตํ เขฬํ, สิงฺฆาณิกํ สิเลสุมํ;

วสฺจ ฑยฺหมานานํ, วิชาตานฺจ โลหิตํ.

๑๑๙.

‘‘วณิกานฺจ ยํ ฆาน-สีสจฺฉินฺนาน โลหิตํ;

ขุทาปเรตา ภุฺชามิ, อิจฺฉิปุริสนิสฺสิตํ.

๑๒๐.

‘‘ปุพฺพโลหิตํ ภกฺขามิ, ปสูนํ มานุสาน จ;

อเลณา อนคารา จ, นีลมฺจปรายณา.

๑๒๑.

‘‘เทหิ ปุตฺตก เม ทานํ, ทตฺวา อนฺวาทิสาหิ เม;

อปฺเปว นาม มุจฺเจยฺยํ, ปุพฺพโลหิตโภชนา’’ติ. – ปฺจคาถา อภาสิ;

๑๑๗. ตตฺถ อหํ เต สกิยา มาตาติ อหํ ตุยฺหํ ชนนิภาวโต สกิยา มาตา. ปุพฺเพ อฺาสุ ชาตีสูติ มาตา โหนฺตีปิ น อิมิสฺสํ ชาติยํ, อถ โข ปุพฺเพ อฺาสุ ชาตีสุ, อิโต ปฺจมิยนฺติ ทฏฺพฺพํ. อุปปนฺนา เปตฺติวิสยนฺติ ปฏิสนฺธิวเสน เปตโลกํ อุปคตา. ขุปฺปิปาสสมปฺปิตาติ ขุทาย จ ปิปาสาย จ อภิภูตา, นิรนฺตรํ ชิฆจฺฉาปิปาสาหิ อภิภุยฺยมานาติ อตฺโถ.

๑๑๘-๑๑๙. ฉฑฺฑิตนฺติ อุจฺฉิฏฺกํ, วนฺตนฺติ อตฺโถ. ขิปิตนฺติ ขิปิเตน สทฺธึ มุขโต นิกฺขนฺตมลํ. เขฬนฺติ นิฏฺุภํ. สิงฺฆาณิกนฺติ มตฺถลุงฺคโต วิสฺสนฺทิตฺวา นาสิกาย นิกฺขนฺตมลํ. สิเลสุมนฺติ เสมฺหํ. วสฺจ ฑยฺหมานานนฺติ จิตกสฺมึ ฑยฺหมานานํ กเฬวรานํ วสาเตลฺจ. วิชาตานฺจ โลหิตนฺติ ปสูตานํ อิตฺถีนํ โลหิตํ, คพฺภมลํ จ-สทฺเทน สงฺคณฺหาติ. วณิกานนฺติ สฺชาตวณานํ. นฺติ ยํ โลหิตนฺติ สมฺพนฺโธ. ฆานสีสจฺฉินฺนานนฺติ ฆานจฺฉินฺนานํ สีสจฺฉินฺนานฺจ ยํ โลหิตํ, ตํ ภุฺชามีติ โยชนา. เทสนาสีสเมตํ ‘‘ฆานสีสจฺฉินฺนาน’’นฺติ, ยสฺมา หตฺถปาทาทิจฺฉินฺนานมฺปิ โลหิตํ ภุฺชามิเยว. ตถา ‘‘วณิกาน’’นฺติ อิมินา เตสมฺปิ โลหิตํ สงฺคหิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. ขุทาปเรตาติ ชิฆจฺฉาภิภูตา หุตฺวา. อิตฺถิปุริสนิสฺสิตนฺติ อิตฺถิปุริสสรีรนิสฺสิตํ ยถาวุตฺตํ อฺฺจ จมฺมมํสนฺหารุปุพฺพาทิกํ ปริภุฺชามีติ ทสฺเสติ.

๑๒๐-๑๒๑. ปสูนนฺติ อชโคมหึสาทีนํ. อเลณาติ อสรณา. อนคาราติ อนาวาสา. นีลมฺจปรายณาติ สุสาเน ฉฑฺฑิตมลมฺจสยนา. อถ วา นีลาติ ฉาริกงฺคารพหุลา สุสานภูมิ อธิปฺเปตา, ตํเยว มฺจํ วิย อธิสยนาติ อตฺโถ. อนฺวาทิสาหิ เมติ ยถา ทินฺนํ ทกฺขิณํ มยฺหํ อุปกปฺปติ, ตถา อุทฺทิส ปตฺติทานํ เทหิ. อปฺเปว นาม มุจฺเจยฺยํ, ปุพฺพโลหิตโภชนาติ ตว อุทฺทิสเนน เอตสฺมา ปุพฺพโลหิตโภชนา เปตชีวิกา อปิ นาม มุจฺเจยฺยํ.

ตํ สุตฺวา อายสฺมา สาริปุตฺตตฺเถโร ทุติยทิวเส มหาโมคฺคลฺลานตฺเถราทิเก ตโย เถเร อามนฺเตตฺวา เตหิ สทฺธึ ราชคเห ปิณฺฑาย จรนฺโต รฺโ พิมฺพิสารสฺส นิเวสนํ อคมาสิ. ราชา เถเร ทิสฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘กึ, ภนฺเต, อาคตตฺถา’’ติ อาคมนการณํ ปุจฺฉิ. อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ตํ ปวตฺตึ รฺโ อาโรเจสิ. ราชา ‘‘อฺาตํ, ภนฺเต’’ติ วตฺวา เถเร วิสฺสชฺเชตฺวา สพฺพกมฺมิกํ อมจฺจํ ปกฺโกสาเปตฺวา อาณาเปสิ ‘‘นครสฺส อวิทูเร วิวิตฺเต ฉายูทกสมฺปนฺเน าเน จตสฺโส กุฏิโย กาเรหี’’ติ. อนฺเตปุเร จ ปโหนกวิเสสวเสน ติธา วิภชิตฺวา จตสฺโส กุฏิโย ปฏิจฺฉาเปสิ, สยฺจ ตตฺถ คนฺตฺวา กาตพฺพยุตฺตกํ อกาสิ. นิฏฺิตาสุ กุฏิกาสุ สพฺพํ พลิกรณํ สชฺชาเปตฺวา อนฺนปานวตฺถาทีนิ พุทฺธปฺปมุขสฺส จาตุทฺทิสสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส อนุจฺฉวิเก สพฺพปริกฺขาเร จ อุปฏฺาเปตฺวา อายสฺมโต สาริปุตฺตตฺเถรสฺส ตํ สพฺพํ นิยฺยาเทสิ. อถ เถโร ตํ เปตึ อุทฺทิสฺส ตํ สพฺพํ พุทฺธปฺปมุขสฺส จาตุทฺทิสสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส อทาสิ. สา เปตี ตํ อนุโมทิตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา สพฺพกามสมิทฺธา จ หุตฺวา อปรทิวเส อายสฺมโต มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรสฺส สนฺติกํ อุปคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา อฏฺาสิ. ตํ เถโร ปฏิปุจฺฉิ, สา อตฺตโน เปตูปปตฺตึ ปุน เทวูปปตฺติฺจ วิตฺถารโต กเถสิ. เตน วุตฺตํ –

๑๒๒.

‘‘มาตุยา วจนํ สุตฺวา, อุปติสฺโสนุกมฺปโก;

อามนฺตยิ โมคฺคลฺลานํ, อนุรุทฺธฺจ กปฺปินํ.

๑๒๓.

‘‘จตสฺโส กุฏิโย กตฺวา, สงฺเฆ จาตุทฺทิเส อทา;

กุฏิโย อนฺนปานฺจ, มาตุ ทกฺขิณมาทิสี.

๑๒๔.

‘‘สมนนฺตรานุทฺทิฏฺเ, วิปาโก อุทปชฺชถ;

โภชนํ ปานียํ วตฺถํ, ทกฺขิณาย อิทํ ผลํ.

๑๒๕.

‘‘ตโต สุทฺธา สุจิวสนา, กาสิกุตฺตมธารินี;

วิจิตฺตวตฺถาภรณา, โกลิกํ อุปสงฺกมี’’ติ.

๑๒๓. ตตฺถ สงฺเฆ จาตุทฺทิเส อทาติ จาตุทฺทิสสฺส สงฺฆสฺส อทาสิ, นิยฺยาเทสีติ อตฺโถ. เสสํ วุตฺตตฺถเมว.

อถายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ตํ เปตึ –

๑๒๖.

‘‘อภิกฺกนฺเตน วณฺเณน, ยา ตฺวํ ติฏฺสิ เทวเต;

โอภาเสนฺตี ทิสา สพฺพา, โอสธี วิย ตารกา.

๑๒๗.

‘‘เกน เตตาทิโส วณฺโณ, เตน เต อิธ มิชฺฌติ;

อุปฺปชฺชนฺติ จ เต โภคา, เย เกจิ มนโส ปิยา.

๑๒๘.

‘‘ปุจฺฉามิ ตํ เทวิ มหานุภาเว, มนุสฺสภูตา กิมกาสิ ปุฺํ;

เกนาสิ เอวํ ชลิตานุภาวา,

วณฺโณ จ เต สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ. – ปุจฺฉิ;

๑๒๙-๑๓๓. อถ สา ‘‘สาริปุตฺตสฺสาหํ มาตา’’ติอาทินา วิสฺสชฺเชสิ. เสสํ วุตฺตตฺถเมว. อถายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ตํ ปวตฺตึ ภควโต อาโรเจสิ. ภควา ตมตฺถํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา สมฺปตฺตปริสาย ธมฺมํ เทเสสิ, สา เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา อโหสีติ.

สาริปุตฺตตฺเถรมาตุเปติวตฺถุวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. มตฺตาเปติวตฺถุวณฺณนา

นคฺคา ทุพฺพณฺณรูปาสีติ อิทํ สตฺถริ เชตวเน วิหรนฺเต มตฺตํ นาม เปตึ อารพฺภ วุตฺตํ. สาวตฺถิยํ กิร อฺตโร กุฏุมฺพิโก สทฺโธ ปสนฺโน อโหสิ. ตสฺส ภริยา อสฺสทฺธา อปฺปสนฺนา โกธนา วฺฌา จ อโหสิ นาเมน มตฺตา นาม. อถ โส กุฏุมฺพิโก กุลวํสูปจฺเฉทนภเยน สทิสกุลโต ติสฺสํ นาม อฺํ กฺํ อาเนสิ. สา อโหสิ สทฺธา ปสนฺนา สามิโน จ ปิยา มนาปา, สา นจิรสฺเสว คพฺภินี หุตฺวา ทสมาสจฺจเยน ปุตฺตํ วิชายิ, ‘‘ภูโต’’ติสฺส นามํ อโหสิ. สา เคหสฺสามินี หุตฺวา จตฺตาโร ภิกฺขู สกฺกจฺจํ อุปฏฺหิ, วฺฌา ปน ตํ อุสูยติ.

ตา อุโภปิ เอกสฺมึ ทิวเส สีสํ นฺหตฺวา อลฺลเกสา อฏฺํสุ, กุฏุมฺพิโก คุณวเสน ติสฺสาย อาพทฺธสิเนโห มนุฺเน หทเยน ตาย สทฺธึ พหุํ สลฺลปนฺโต อฏฺาสิ. ตํ อสหมานา มตฺตา อิสฺสาปกตา เคเห สมฺมชฺชิตฺวา ปิตํ สงฺการํ ติสฺสาย มตฺถเก โอกิริ. สา อปเรน สมเยน กาลํ กตฺวา เปตโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา อตฺตโน กมฺมพเลน ปฺจวิธํ ทุกฺขํ อนุภวติ. ตํ ปน ทุกฺขํ ปาฬิโต เอว วิฺายติ. อเถกทิวสํ สา เปตี สฺฌาย วีติวตฺตาย เคหสฺส ปิฏฺิปสฺเส นฺหายนฺติยา ติสฺสาย อตฺตานํ ทสฺเสสิ. ตํ ทิสฺวา ติสฺสา –

๑๓๔.

‘‘นคฺคา ทุพฺพณฺณรูปาสิ, กิสา ธมนิสนฺถตา;

อุปฺผาสุลิเก กิสิเก, กา นุ ตฺวํ อิธ ติฏฺสี’’ติ. –

คาถาย ปฏิปุจฺฉิ. อิตรา –

๑๓๕.

‘‘อหํ มตฺตา ตุวํ ติสฺสา, สปตฺตี เต ปุเร อหุํ;

ปาปกมฺมํ กริตฺวาน, เปตโลกํ อิโต คตา’’ติ. –

คาถาย ปฏิวจนํ อทาสิ. ตตฺถ อหํ มตฺตา ตุวํ ติสฺสาติ อหํ มตฺตา นาม, ตุวํ ติสฺสา นาม. ปุเรติ ปุริมตฺตภาเว. เตติ ตุยฺหํ สปตฺตี อหุํ, อโหสินฺติ อตฺโถ. ปุน ติสฺสา –

๑๓๖.

‘‘กึ นุ กาเยน วาจาย, มนสา ทุกฺกฏํ กตํ;

กิสฺสกมฺมวิปาเกน, เปตโลกํ อิโต คตา’’ติ. –

คาถาย กตกมฺมํ ปุจฺฉิ. ปุน อิตรา –

๑๓๗.

‘‘จณฺฑี จ ผรุสา จาสึ, อิสฺสุกี มจฺฉรี สา;

ตาหํ ทุรุตฺตํ วตฺวาน, เปตโลกํ อิโต คตา’’ติ. –

คาถาย อตฺตนา กตกมฺมํ อาจิกฺขิ. ตตฺถ จณฺฑีติ โกธนา. ผรุสาติ ผรุสวจนา. อาสินฺติ อโหสึ. ตาหนฺติ ตํ อหํ. ทุรุตฺตนฺติ ทุพฺภาสิตํ นิรตฺถกวจนํ. อิโต ปรมฺปิ ตาสํ วจนปฏิวจนวเสเนว คาถา ปวตฺตา –

๑๓๘.

‘‘สพฺพํ อหมฺปิ ชานามิ, ยถา ตฺวํ จณฺฑิกา อหุ;

อฺฺจ โข ตํ ปุจฺฉามิ, เกนาสิ ปํสุกุนฺถิตา.

๑๓๙.

‘‘สีสํนฺหาตา ตุวํ อาสิ, สุจิวตฺถา อลงฺกตา;

อหฺจ โข อธิมตฺตํ, สมลงฺกตตรา ตยา.

๑๔๐.

‘‘ตสฺสา เม เปกฺขมานาย, สามิเกน สมนฺตยิ;

ตโต เม อิสฺสา วิปุลา, โกโธ เม สมชายถ.

๑๔๑.

‘‘ตโต ปํสุํ คเหตฺวาน, ปํสุนา ตฺหิ โอกิรึ;

ตสฺสกมฺมวิปาเกน, เตนมฺหิ ปํสุกุนฺถิตา.

๑๔๒.

‘‘สพฺพํ อหมฺปิ ชานามิ, ปํสุนา มํ ตฺวโมกิริ;

อฺฺจ โข ตํ ปุจฺฉามิ, เกน ขชฺชสิ กจฺฉุยา.

๑๔๓.

‘‘เภสชฺชหารี อุภโย, วนนฺตํ อคมิมฺหเส;

ตฺวฺจ เภสชฺชมาหริ, อหฺจ กปิกจฺฉุโน.

๑๔๔.

‘‘ตสฺสา ตฺยาชานมานาย, เสยฺยํ ตฺยาหํ สโมกิรึ;

ตสฺสกมฺมวิปาเกน, เตน ขชฺชามิ กจฺฉุยา.

๑๔๕.

‘‘สพฺพํ อหมฺปิ ชานามิ, เสยฺยํ เม ตฺวํ สโมกิริ;

อฺฺจ โข ตํ ปุจฺฉามิ, เกนาสิ นคฺคิยา ตุวํ.

๑๔๖.

‘‘สหายานํ สมโย อาสิ, าตีนํ สมิตี อหุ;

ตฺวฺจ อามนฺติตา อาสิ, สสามินี โน จ โขหํ.

๑๔๗.

‘‘ตสฺสา ตฺยาชานมานาย, ทุสฺสํ ตฺยาหํ อปานุทึ;

ตสฺสกมฺมวิปาเกน, เตนมฺหิ นคฺคิยา อหํ.

๑๔๘.

‘‘สพฺพํ อหมฺปิ ชานามิ, ทุสฺสํ เม ตฺวํ อปานุทิ;

อฺฺจ โข ตํ ปุจฺฉามิ, เกนาสิ คูถคนฺธินี.

๑๔๙.

‘‘ตว คนฺธฺจ มาลฺจ, ปจฺจคฺฆฺจ วิเลปนํ;

คูถกูเป อตาเรสึ, ตํ ปาปํ ปกตํ มยา;

ตสฺสกมฺมวิปาเกน, เตนมฺหิ คูถคนฺธินี.

๑๕๐.

‘‘สพฺพํ อหมฺปิ ชานามิ, ตํ ปาปํ ปกตํ ตยา;

อฺฺจ โข ตํ ปุจฺฉามิ, เกนาสิ ทุคฺคตา ตุวํ.

๑๕๑.

‘‘อุภินฺนํ สมกํ อาสิ, ยํ เคเห วิชฺชเต ธนํ;

สนฺเตสุ เทยฺยธมฺเมสุ, ทีปํ นากาสิมตฺตโน;

ตสฺสกมฺมวิปาเกน, เตนมฺหิ ทุคฺคตา อหํ.

๑๕๒.

‘‘ตเทว มํ ตฺวํ อวจ, ปาปกมฺมํ นิเสวสิ;

น หิ ปาเปหิ กมฺเมหิ, สุลภา โหติ สุคฺคติ.

๑๕๓.

‘‘วามโต มํ ตฺวํ ปจฺเจสิ, อโถปิ มํ อุสูยสิ;

ปสฺส ปาปานํ กมฺมานํ, วิปาโก โหติ ยาทิโส.

๑๕๔.

‘‘เต ฆรา ตา จ ทาสิโย, ตาเนวาภรณานิเม;

เต อฺเ ปริจาเรนฺติ, น โภคา โหนฺติ สสฺสตา.

๑๕๕.

‘‘อิทานิ ภูตสฺส ปิตา, อาปณา เคหเมหิติ;

อปฺเปว เต ทเท กิฺจิ, มา สุ ตาว อิโต อคา.

๑๕๖.

‘‘นคฺคา ทุพฺพณฺณรูปามฺหิ, กิสา ธมนิสนฺถตา;

โกปีนเมตํ อิตฺถีนํ, มา มํ ภูตปิตาทฺทส.

๑๕๗.

‘‘หนฺท กึ วา ตฺยาหํ ทมฺมิ, กึ วา เตจ กโรมหํ;

เยน ตฺวํ สุขิตา อสฺส, สพฺพกามสมิทฺธินี.

๑๕๘.

‘‘จตฺตาโร ภิกฺขู สงฺฆโต, จตฺตาโร ปน ปุคฺคเล;

อฏฺ ภิกฺขู โภชยิตฺวา, มม ทกฺขิณมาทิส;

ตทาหํ สุขิตา เหสฺสํ, สพฺพกามสมิทฺธินี.

๑๕๙.

‘‘สาธูติ สา ปฏิสฺสุตฺวา, โภชยิตฺวาฏฺ ภิกฺขโว;

วตฺเถหจฺฉาทยิตฺวาน, ตสฺสา ทกฺขิณมาทิสี.

๑๖๐.

‘‘สมนนฺตรานุทฺทิฏฺเ, วิปาโก อุทปชฺชถ;

โภชนจฺฉาทนปานียํ, ทกฺขิณาย อิทํ ผลํ.

๑๖๑.

‘‘ตโต สุทฺธา สุจิวสนา, กาสิกุตฺตมธารินี;

วิจิตฺตวตฺถาภรณา, สปตฺตึ อุปสงฺกมิ.

๑๖๒.

‘‘อภิกฺกนฺเตน วณฺเณน, ยา ตฺวํ ติฏฺสิ เทวเต;

โอภาเสนฺตี ทิสา สพฺพา, โอสธี วิย ตารกา.

๑๖๓.

‘‘เกน เตตาทิโส วณฺโณ, เกน เต อิธ มิชฺฌติ;

อุปฺปชฺชนฺติ จ เต โภคา, เย เกจิ มนโส ปิยา.

๑๖๔.

‘‘ปุจฺฉามิ ตํ เทวิ มหานุภาเว, มนุสฺสภูตา กิมกาสี ปุฺํ;

เกนาสิ เอวํ ชลิตานุภาวา, วณฺโณ จ เต สพฺพทิสา ปภาสตีติ.

๑๖๕.

‘‘อหํ มตฺตา ตุวํ ติสฺสา, สปตฺตี เต ปุเร อหุํ;

ปาปกมฺมํ กริตฺวาน, เปตโลกํ อิโต คตา.

๑๖๖.

‘‘ตว ทินฺเนน ทาเนน, โมทามิ อกุโตภยา;

จิรํ ชีวาหิ ภคินิ, สห สพฺเพหิ าติภิ;

อโสกํ วิรชํ านํ, อาวาสํ วสวตฺตินํ.

๑๖๗.

‘‘อิธ ธมฺมํ จริตฺวาน, ทานํ ทตฺวาน โสภเน;

วิเนยฺย มจฺเฉรมลํ สมูลํ, อนินฺทิตา สคฺคมุเปหิ าน’’นฺติ.

๑๓๘. ตตฺถ สพฺพํ อหมฺปิ ชานามิ, ยถา ตฺวํ จณฺฑิกา อหูติ ‘‘จณฺฑี จ ผรุสา จาสิ’’นฺติ ยํ ตยา วุตฺตํ, ตํ สพฺพํ อหมฺปิ ชานามิ, ยถา ตฺวํ จณฺฑิกา โกธนา ผรุสวจนา อิสฺสุกี มจฺฉรี สา จ อโหสิ. อฺฺจ โข ตํ ปุจฺฉามีติ อฺํ ปุน ตํ อิทานิ ปุจฺฉามิ. เกนาสิ ปํสุกุนฺถิตาติ เกน กมฺเมน สงฺการปํสูติ โอคุณฺิตา สพฺพโส โอกิณฺณสรีรา อหูติ อตฺโถ.

๑๓๙-๔๐. สีสํนฺหาตาติ สสีสํ นฺหาตา. อธิมตฺตนฺติ อธิกตรํ. สมลงฺกตตราติ สมฺมา อติสเยน อลงฺกตา. ‘‘อธิมตฺตา’’ติ วา ปาโ, อติวิย มตฺตา มานมทมตฺตา, มานนิสฺสิตาติ อตฺโถ. ตยาติ โภติยา. สามิเกน สมนฺตยีติ สามิเกน สทฺธึ อลฺโลปสลฺลาปวเสน กเถสิ.

๑๔๒-๑๔๔. ขชฺชสิ กจฺฉุยาติ กจฺฉุโรเคน ขาทียสิ, พาธียสีติ อตฺโถ. เภสชฺชหารีติ เภสชฺชหารินิโย โอสธหาริกาโย. อุภโยติ ทุเว, ตฺวฺจ อหฺจาติ อตฺโถ. วนนฺตนฺติ วนํ. ตฺวฺจ เภสชฺชมาหรีติ ตฺวํ เวชฺเชหิ วุตฺตํ อตฺตโน อุปการาวหํ เภสชฺชํ อาหริ. อหฺจ กปิกจฺฉุโนติ อหํ ปน กปิกจฺฉุผลานิ ทุผสฺสผลานิ อาหรึ. กปิกจฺฉูติ วา สยํภูตา วุจฺจติ, ตสฺมา สยํภูตาย ปตฺตผลานิ อาหรินฺติ อตฺโถ. เสยฺยํ ตฺยาหํ สโมกิรินฺติ ตว เสยฺยํ อหํ กปิกจฺฉุผลปตฺเตหิ สมนฺตโต อวกิรึ.

๑๔๖-๑๔๗. สหายานนฺติ มิตฺตานํ. สมโยติ สมาคโม. าตีนนฺติ พนฺธูนํ. สมิตีติ สนฺนิปาโต. อามนฺติตาติ มงฺคลกิริยาวเสน นิมนฺติตา. สสามินีติ สภตฺติกา, สห ภตฺตุนาติ อตฺโถ. โน จ โขหนฺติ โน จ โข อหํ อามนฺติตา อาสินฺติ โยชนา. ทุสฺสํ ตฺยาหนฺติ ทุสฺสํ เต อหํ. อปานุทินฺติ โจริกาย อวหรึ อคฺคโหสึ.

๑๔๙. ปจฺจคฺฆนฺติ อภินวํ, มหคฺฆํ วา. อตาเรสินฺติ ขิปึ. คูถคนฺธินีติ คูถคนฺธคนฺธินี กรีสวายินี.

๑๕๑. ยํ เคเห วิชฺชเต ธนนฺติ ยํ เคเห ธนํ อุปลพฺภติ, ตํ ตุยฺหํ มยฺหฺจาติ อมฺหากํ อุภินฺน สมกํ ตุลฺยเมว อาสิ. สนฺเตสูติ วิชฺชมาเนสุ. ทีปนฺติ ปติฏฺํ, ปุฺกมฺมํ สนฺธาย วทติ.

๑๕๒. เอวํ สา เปตี ติสฺสาย ปุจฺฉิตมตฺถํ กตฺเถตฺวา ปุน ปุพฺเพ ตสฺสา วจนํ อกตฺวา อตฺตนา กตํ อปราธํ ปกาเสนฺตี ‘‘ตเทว มํ ตฺว’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ ตเทวาติ ตทา เอว, มยฺหํ มนุสฺสตฺตภาเว ิตกาเลเยว. ตเถวาติ วา ปาโ, ยถา เอตรหิ ชาตํ, ตํ ตถา เอวาติ อตฺโถ. นฺติ อตฺตานํ นิทฺทิสติ, ตฺวนฺติ ติสฺสํ. อวจาติ อภณิ. ยถา ปน อวจ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปาปกมฺม’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ‘‘ปาปกมฺมานี’’ติ ปาฬิ. ‘‘ตฺวํ ปาปกมฺมานิเยว กโรสิ, ปาเปหิ ปน กมฺเมหิ สุคติ สุลภา น โหติ, อถ โข ทุคฺคติ เอว สุลภา’’ติ ยถา มํ ตฺวํ ปุพฺเพ อวจ โอวทิ, ตํ ตเถวาติ วทติ.

๑๕๓. ตํ สุตฺวา ติสฺสา ‘‘วามโต มํ ตฺวํ ปจฺเจสี’’ติอาทินา ติสฺโส คาถา อาห. ตตฺถ วามโต มํ ตฺวํ ปจฺเจสีติ วิโลมโต มํ ตฺวํ อธิคจฺฉสิ, ตุยฺหํ หิเตสิมฺปิ วิปจฺจนีกการินึ กตฺวา มํ คณฺหาสิ. มํ อุสูยสีติ มยฺหํ อุสูยสิ, มยิ อิสฺสํ กโรสิ. ปสฺส ปาปานํ กมฺมานํ, วิปาโก โหติ ยาทิโสติ ปาปกานํ นาม กมฺมานํ วิปาโก ยาทิโส ยถา โฆรตโร, ตํ ปจฺจกฺขโต ปสฺสาติ วทติ.

๑๕๔. เต อฺเ ปริจาเรนฺตีติ เต ฆเร ทาสิโย อาภรณานิ จ อิมานิ ตยา ปุพฺเพ ปริคฺคหิตานิ อิทานิ อฺเ ปริจาเรนฺติ ปริภุฺชนฺติ. ‘‘อิเม’’ติ หิ ลิงฺควิปลฺลาเสน วุตฺตํ. น โภคา โหนฺติ สสฺสตาติ โภคา นาเมเต น สสฺสตา อนวฏฺิตา ตาวกาลิกา มหายคมนียา, ตสฺมา ตทตฺถํ อิสฺสามจฺฉริยาทีนิ น กตฺตพฺพานีติ อธิปฺปาโย.

๑๕๕. อิทานิ ภูตสฺส ปิตาติ อิทาเนว ภูตสฺส มยฺหํ ปุตฺตสฺส ปิตา กุฏุมฺพิโก. อาปณาติ อาปณโต อิมํ เคหํ เอหิติ อาคมิสฺสติ. อปฺเปว เต ทเท กิฺจีติ เคหํ อาคโต กุฏุมฺพิโก ตุยฺหํ ทาตพฺพยุตฺตกํ กิฺจิ เทยฺยธมฺมํ อปิ นาม ทเทยฺย. มา สุ ตาว อิโต อคาติ อิโต เคหสฺส ปจฺฉา วตฺถุโต มา ตาว อคมาสีติ ตํ อนุกมฺปมานา อาห.

๑๕๖. ตํ สุตฺวา เปตี อตฺตโน อชฺฌาสยํ ปกาเสนฺตี ‘‘นคฺคา ทุพฺพณฺณรูปามฺหี’’ติ คาถมาห. ตตฺถ โกปีนเมตํ อิตฺถีนนฺติ เอตํ นคฺคทุพฺพณฺณตาทิกํ ปฏิจฺฉาเทตพฺพตาย อิตฺถีนํ โกปีนํ รุนฺธนียํ. มา มํ ภูตปิตาทฺทสาติ ตสฺมา ภูตสฺส ปิตา กุฏุมฺพิโก มํ มา อทฺทกฺขีติ ลชฺชมานา วทติ.

๑๕๗. ตํ สุตฺวา ติสฺสา สฺชาตนุทฺทยา ‘‘หนฺท กึ วา ตฺยาหํ ทมฺมี’’ติ คาถมาห. ตตฺถ หนฺทาติ โจทนตฺเถ นิปาโต. กึ วา ตฺยาหํ ทมฺมีติ กึ เต อหํ ทมฺมิ, กึ วตฺถํ ทสฺสามิ, อุทาหุ ภตฺตนฺติ. กึ วา เตธ กโรมหนฺติ กึ วา อฺํ เต อิธ อิมสฺมึ กาเล อุปการํ กริสฺสามิ.

๑๕๘. ตํ สุตฺวา เปตี ‘‘จตฺตาโร ภิกฺขู สงฺฆโต’’ติ คาถมาห. ตตฺถ จตฺตาโร ภิกฺขู สงฺฆโต, จตฺตาโร ปน ปุคฺคเลติ ภิกฺขุสงฺฆโต สงฺฆวเสน จตฺตาโร ภิกฺขู, ปุคฺคลวเสน จตฺตาโร ภิกฺขูติ เอวํ อฏฺ ภิกฺขู ยถารุจึ โภเชตฺวา ตํ ทกฺขิณํ มม อาทิส, มยฺหํ ปตฺติทานํ เทหิ. ตทาหํ สุขิตา เหสฺสนฺติ ยทา ตฺวํ ทกฺขิณํ มม อุทฺทิสิสฺสสิ, ตทา อหํ สุขิตา สุขปฺปตฺตา สพฺพกามสมิทฺธินี ภวิสฺสามีติ อตฺโถ.

๑๕๙-๑๖๑. ตํ สุตฺวา ติสฺสา ตมตฺถํ อตฺตโน สามิกสฺส อาโรเจตฺวา ทุติยทิวเส อฏฺ ภิกฺขู โภเชตฺวา ตสฺสา ทกฺขิณมาทิสิ, สา ตาวเทว ปฏิลทฺธทิพฺพสมฺปตฺติกา ปุน ติสฺสาย สนฺติกํ อุปสงฺกมิ. ตมตฺถํ ทสฺเสตุํ สงฺคีติกาเรหิ ‘‘สาธูติ สา ปฏิสฺสุตฺวา’’ติอาทิกา ติสฺโส คาถา ปิตา.

๑๖๒-๑๖๗. อุปสงฺกมิตฺวา ิตํ ปน นํ ติสฺสา ‘‘อภิกฺกนฺเตน วณฺเณนา’’ติอาทีหิ ตีหิ คาถาหิ ปฏิปุจฺฉิ. อิตรา ‘‘อหํ มตฺตา’’ติ คาถาย อตฺตานํ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘จิรํ ชีวาหี’’ติ คาถาย ตสฺสา อนุโมทนํ ทตฺวา ‘‘อิธ ธมฺมํ จริตฺวานา’’ติ คาถาย โอวาทํ อทาสิ. ตตฺถ ตว ทินฺเนนาติ ตยา ทินฺเนน. อโสกํ วิรชํ านนฺติ โสกาภาเวน อโสกํ, เสทชลฺลิกานํ ปน อภาเวน วิรชํ ทิพฺพฏฺานํ, สพฺพเมตํ เทวโลกํ สนฺธาย วทติ. อาวาสนฺติ านํ. วสวตฺตินนฺติ ทิพฺเพน อาธิปเตยฺเยน อตฺตโน วสํ วตฺเตนฺตานํ. สมูลนฺติ สโลภโทสํ. โลภโทสา หิ มจฺฉริยสฺส มูลํ นาม. อนินฺทิตาติ อครหิตา ปาสํสา, สคฺคมุเปหิ านนฺติ รูปาทีหิ วิสเยหิ สุฏฺุ อคฺคตฺตา ‘‘สคฺค’’นฺติ ลทฺธนามํ ทิพฺพฏฺานํ อุเปหิ, สุคติปรายณา โหหีติ อตฺโถ. เสสํ อุตฺตานเมว.

อถ ติสฺสา ตํ ปวตฺตึ กุฏุมฺพิกสฺส อาโรเจสิ, กุฏุมฺพิโก ภิกฺขูนํ อาโรเจสิ, ภิกฺขู ภควโต อาโรเจสุํ. ภควา ตมตฺถํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา สมฺปตฺตปริสาย ธมฺมํ เทเสสิ, ตํ สุตฺวา มหาชโน ปฏิลทฺธสํเวโค วิเนยฺย มจฺเฉราทิมลํ ทานสีลาทิรโต สุคติปรายโณ อโหสีติ.

มตฺตาเปติวตฺถุวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. นนฺทาเปติวตฺถุวณฺณนา

กาฬี ทุพฺพณฺณรูปาสีติ อิทํ สตฺถริ เชตวเน วิหรนฺเต นนฺทํ นาม เปตึ อารพฺภ วุตฺตํ. สาวตฺถิยา กิร อวิทูเร อฺตรสฺมึ คามเก นนฺทิเสโน นาม อุปาสโก อโหสิ สทฺโธ ปสนฺโน. ภริยา ปนสฺส นนฺทา นาม อสฺสทฺธา อปฺปสนฺนา มจฺฉรินี จณฺฑี ผรุสวจนา สามิเก อคารวา อคฺคติสฺสา สสฺสุํ โจริวาเทน อกฺโกสติ ปริภาสติ. สา อปเรน สมเยน กาลํ กตฺวา เปตโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา ตสฺเสว คามสฺส อวิทูเร วิจรนฺตี เอกทิวสํ นนฺทิเสนสฺส อุปาสกสฺส คามโต นิกฺขมนฺตสฺส อวิทูเร อตฺตานํ ทสฺเสสิ. โส ตํ ทิสฺวา –

๑๖๘.

‘‘กาฬี ทุพฺพณฺณรูปาสิ, ผรุสา ภีรุทสฺสนา;

ปิงฺคลาสิ กฬาราสิ, น ตํ มฺามิ มานุสิ’’นฺติ. –

คาถาย อชฺฌภาสิ. ตตฺถ กาฬีติ กาฬวณฺณา, ฌามงฺคารสทิโส หิสฺสา วณฺโณ อโหสิ. ผรุสาติ ขรคตฺตา. ภีรุทสฺสนาติ ภยานกทสฺสนา สปฺปฏิภยาการา. ‘‘ภารุทสฺสนา’’ติ วา ปาโ, ภาริยทสฺสนา, ทุพฺพณฺณตาทินา ทุทฺทสิกาติ อตฺโถ. ปิงฺคลาติ ปิงฺคลโลจนา. กฬาราติ กฬารทนฺตา. น ตํ มฺามิ มานุสินฺติ อหํ ตํ มานุสินฺติ น มฺามิ, เปติเมว จ ตํ มฺามีติ อธิปฺปาโย. ตํ สุตฺวา เปตี อตฺตานํ ปกาเสนฺตี –

๑๖๙.

‘‘อหํ นนฺทา นนฺทิเสน, ภริยา เต ปุเร อหุํ;

ปาปกมฺมํ กริตฺวาน, เปตโลกํ อิโต คตา’’ติ. –

คาถมาห. ตตฺถ อหํ นนฺทา นนฺทิเสนาติ สามิ นนฺทิเสน อหํ นนฺทา นาม. ภริยา เต ปุเร อหุนฺติ ปุริมชาติยํ ตุยฺหํ ภริยา อโหสึ. อิโต ปรํ –

๑๗๐.

‘‘กึ นุ กาเยน วาจาย, มนสา ทุกฺกฏํ กตํ;

กิสฺส กมฺมวิปาเกน, เปตโลกํ อิโต คตา’’ติ. –

ตสฺส อุปาสกสฺส ปุจฺฉา. อถสฺส สา –

๑๗๑.

‘‘จณฺฑี จ ผรุสา จาสึ, ตยิ จาปิ อคารวา;

ตาหํ ทุรุตฺตํ วตฺวาน, เปตโลกํ อิโต คตา’’ติ. –

วิสฺสชฺเชสิ. ปุน โส –

๑๗๒.

‘‘หนฺทุตฺตรียํ ททามิ เต, อิมํ ทุสฺสํ นิวาสย;

อิมํ ทุสฺสํ นิวาเสตฺวา, เอหิ เนสฺสามิ ตํ ฆรํ.

๑๗๓.

‘‘วตฺถฺจ อนฺนปานฺจ, ลจฺฉสิ ตฺวํ ฆรํ คตา;

ปุตฺเต จ เต ปสฺสิสฺสสิ, สุณิสาโย จ ทกฺขสี’’ติ. – อถสฺส สา –

๑๗๔.

‘‘หตฺเถน หตฺเถ เต ทินฺนํ, น มยฺหํ อุปกปฺปติ;

ภิกฺขู จ สีลสมฺปนฺเน, วีตราเค พหุสฺสุเต.

๑๗๕.

‘‘ตปฺเปหิ อนฺนปาเนน, มม ทกฺขิณมาทิส;

ตทาหํ สุขิตา เหสฺสํ, สพฺพกามสมิทฺธินี’’ติ. –

ทฺเว คาถา อภาสิ. ตโต –

๑๗๖.

‘‘สาธูติ โส ปฏิสฺสุตฺวา, ทานํ วิปุลมากิริ;

อนฺนํ ปานํ ขาทนียํ, วตฺถเสนาสนานิ จ;

ฉตฺตํ คนฺธฺจ มาลฺจ, วิวิธา จ อุปาหนา.

๑๗๗.

‘‘ภิกฺขู จ สีลสมฺปนฺเน, วีตราเค พหุสฺสุเต;

ตปฺเปตฺวา อนฺนปาเนน, ตสฺสา ทกฺขิณมาทิสี.

๑๗๘.

‘‘สมนนฺตรานุทฺทิฏฺเ, วิปาโก อุทปชฺชถ;

โภชนจฺฉาทนปานียํ, ทกฺขิณาย อิทํ ผลํ.

๑๗๙.

‘‘ตโต สุทฺธา สุจิวสนา, กาสิกุตฺตมธารินี;

วิจิตฺตวตฺถาภรณา, สามิกํ อุปสงฺกมี’’ติ. –

จตสฺโส คาถา สงฺคีติกาเรหิ วุตฺตา. ตโต ปรํ –

๑๘๐.

‘‘อภิกฺกนฺเตน วณฺเณน, ยา ตฺวํ ติฏฺสิ เทวเต;

โอภาเสนฺตี ทิสา สพฺพา, โอสธี วิย ตารกา.

๑๘๑.

‘‘เกน เตตาทิโส วณฺโณ, เกน เต อิธ มิชฺฌติ;

อุปฺปชฺชนฺติ จ เต โภคา, เย เกจิ มนโส ปิยา.

๑๘๒.

‘‘ปุจฺฉามิ ตํ เทวิ มหานุภาเว, มนุสฺสภูตา กิมกาสิ ปุฺํ;

เกนาสิ เอวํ ชลิตานุภาวา, วณฺโณ จ เต สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ.

๑๘๓.

‘‘อหํ นนฺทา นนฺทิเสน, ภริยา เต ปุเร อหุํ;

ปาปกมฺมํ กริตฺวาน, เปตโลกํ อิโต คตา.

๑๘๔.

‘‘ตว ทินฺเนน ทาเนน, โมทามิ อกุโตภยา;

จิรํ ชีว คหปติ, สห สพฺเพหิ าติภิ;

อโสกํ วิรชํ เขมํ, อาวาสํ วสวตฺตินํ.

๑๘๕.

‘‘อิธ ธมฺมํ จริตฺวาน, ทานํ ทตฺวา คหปติ;

วิเนยฺย มจฺเฉรมลํ สมูลํ, อนินฺทิโต สคฺคมุเปหิ าน’’นฺติ. –

อุปาสกสฺส จ เปติยา จ วจนปฏิวจนคาถา.

๑๗๖. ตตฺถ ทานํ วิปุลมากิรีติ อุกฺขิเณยฺยเขตฺเต เทยฺยธมฺมพีชํ วิปฺปกิรนฺโต วิย มหาทานํ ปวตฺเตสิ. เสสํ อนนฺตรวตฺถุสทิสเมว.

เอวํ สา อตฺตโน ทิพฺพสมฺปตฺตึ ตสฺสา จ การณํ นนฺทิเสนสฺส วิภาเวตฺวา อตฺตโน วสนฏฺานเมว คตา. อุปาสโก ตํ ปวตฺตึ ภิกฺขูนํ อาโรเจสิ, ภิกฺขู ภควโต อาโรเจสุํ. ภควา ตมตฺถํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา สมฺปตฺตปริสาย ธมฺมํ เทเสสิ. สา เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา อโหสีติ.

นนฺทาเปติวตฺถุวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. มฏฺกุณฺฑลีเปตวตฺถุวณฺณนา

อลงฺกโต มฏฺกุณฺฑลีติ อิทํ สตฺถริ เชตวเน วิหรนฺเต มฏฺกุณฺฑลิเทวปุตฺตํ อารพฺภ วุตฺตํ. ตตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ ปรมตฺถทีปนิยํ วิมานวตฺถุวณฺณนายํ มฏฺกุณฺฑลีวิมานวตฺถุวณฺณนาย (วิ. ว. อฏฺ. ๑๒๐๖ มฏฺกุณฺฑลีวิมานวณฺณนา) วุตฺตเมว, ตสฺมา ตตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.

เอตฺถ จ มฏฺกุณฺฑลีเทวปุตฺตสฺส วิมานเทวตาภาวโต ตสฺส วตฺถุ ยทิปิ วิมานวตฺถุปาฬิยํ สงฺคหํ อาโรปิตํ, ยสฺมา ปน โส เทวปุตฺโต อทินฺนปุพฺพกพฺราหฺมณสฺส ปุตฺตโสเกน สุสานํ คนฺตฺวา อาฬาหนํ อนุปริยายิตฺวา โรทนฺตสฺส โสกหรณตฺถํ อตฺตโน เทวรูปํ ปฏิสํหริตฺวา หริจนฺทนุสฺสโท พาหา ปคฺคยฺห กนฺทนฺโต ทุกฺขาภิภูตากาเรน เปโต วิย อตฺตานํ ทสฺเสสิ. มนุสฺสตฺตภาวโต อเปตตฺตา เปตปริยาโยปิ ลพฺภติ เอวาติ ตสฺส วตฺถุ เปตวตฺถุปาฬิยมฺปิ สงฺคหํ อาโรปิตนฺติ ทฏฺพฺพํ.

มฏฺกุณฺฑลีเปตวตฺถุวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. กณฺหเปตวตฺถุวณฺณนา

อุฏฺเหิ กณฺห กึ เสสีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ มตปุตฺตํ อุปาสกํ อารพฺภ กเถสิ. สาวตฺถิยํ กิร อฺตรสฺส อุปาสกสฺส ปุตฺโต กาลมกาสิ. โส เตน โสกสลฺลสมปฺปิโต น นฺหายติ, น ภุฺชติ, น กมฺมนฺเต วิจาเรติ, น พุทฺธุปฏฺานํ คจฺฉติ, เกวลํ, ‘‘ตาต ปิยปุตฺตก, มํ โอหาย กหํ ปมตรํ คโตสี’’ติอาทีนิ วทนฺโต วิปฺปลปติ. สตฺถา ปจฺจูสสมเย โลกํ โอโลเกนฺโต ตสฺส โสตาปตฺติผลูปนิสฺสยํ ทิสฺวา ปุนทิวเส ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา กตภตฺตกิจฺโจ ภิกฺขู อุยฺโยเชตฺวา อานนฺทตฺเถเรน ปจฺฉาสมเณน ตสฺส ฆรทฺวารํ อคมาสิ. สตฺถุ อาคตภาวํ อุปาสกสฺส อาโรเจสุํ. อถสฺส เคหชโน เคหทฺวาเร อาสนํ ปฺาเปตฺวา สตฺถารํ นิสีทาเปตฺวา อุปาสกํ ปริคฺคเหตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ อุปเนสิ. เอกมนฺตํ นิสินฺนํ ตํ ทิสฺวา ‘‘กึ, อุปาสก, โสจสี’’ติ วตฺวา ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต, ‘‘อุปาสก, โปราณกปณฺฑิตา ปณฺฑิตานํ กถํ สุตฺวา มตปุตฺตํ นานุโสจึสู’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต ทฺวารวตีนคเร ทส ภาติกราชาโน อเหสุํ – วาสุเทโว พลเทโว จนฺทเทวา สูริยเทโว อคฺคิเทโว วรุณเทโว อชฺชุโน ปชฺชุโน ฆฏปณฺฑิโต องฺกุโร จาติ. เตสุ วาสุเทวมหาราชสฺส ปิยปุตฺโต กาลมกาสิ. เตน ราชา โสกปเรโต สพฺพกิจฺจานิ ปหาย มฺจสฺส อฏนึ ปริคฺคเหตฺวา วิปฺปลปนฺโต นิปชฺชิ. ตสฺมึ กาเล ฆฏปณฺฑิโต จินฺเตสิ – ‘‘เปตฺวา มํ อฺโ โกจิ มม ภาตุ โสกํ ปริหริตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ, อุปาเยนสฺส โสกํ หริสฺสามี’’ติ. โส อุมฺมตฺตกเวสํ คเหตฺวา ‘‘สสํ เม เทถ, สสํ เม เทถา’’ติ อากาสํ โอโลเกนฺโต สกลนครํ วิจริ. ‘‘ฆฏปณฺฑิโต อุมฺมตฺตโก ชาโต’’ติ สกลนครํ สงฺขุภิ.

ตสฺมึ กาเล โรหิเณยฺโย นาม อมจฺโจ วาสุเทวรฺโ สนฺติกํ คนฺตฺวา เตน สทฺธึ กถํ สมุฏฺาเปนฺโต –

๒๐๗.

‘‘อุฏฺเหิ กณฺห กึ เสสิ, โก อตฺโถ สุปเนน เต;

โย จ ตุยฺหํ สโก ภาตา, หทยํ จกฺขุ จ ทกฺขิณํ;

ตสฺส วาตา พลียนฺติ, สสํ ชปฺปติ เกสวา’’ติ. – อิมํ คาถมาห;

๒๐๗. ตตฺถ กณฺหาติ วาสุเทวํ โคตฺเตนาลปติ. โก อตฺโถ สุปเนน เตติ สุปเนน ตุยฺหํ กา นาม วฑฺฒิ. สโก ภาตาติ โสทริโย ภาตา. หทยํ จกฺขุ จ ทกฺขิณนฺติ หทเยน เจว ทกฺขิณจกฺขุนา จ สทิโสติ อตฺโถ. ตสฺส วาตา พลียนฺตีติ ตสฺส อปราปรํ อุปฺปชฺชมานา อุมฺมาทวาตา พลวนฺโต โหนฺติ วฑฺฒนฺติ อภิภวนฺติ. สสํ ชปฺปตีติ ‘‘สสํ เม เทถา’’ติ วิปฺปลปติ. เกสวาติ โส กิร เกสานํ โสภนานํ อตฺถิตาย ‘‘เกสโว’’ติ โวหรียติ. เตน นํ นาเมน อาลปติ.

ตสฺส วจนํ สุตฺวา สยนโต อุฏฺิตภาวํ ทีเปนฺโต สตฺถา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา –

๒๐๘.

‘‘ตสฺส ตํ วจนํ สุตฺวา, โรหิเณยฺยสฺส เกสโว;

ตรมานรูโป วุฏฺาสิ, ภาตุ โสเกน อฏฺฏิโต’’ติ. – อิมํ คาถมาห;

ราชา อุฏฺาย สีฆํ ปาสาทา โอตริตฺวา ฆฏปณฺฑิตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา อุโภสุ หตฺเถสุ นํ ทฬฺหํ คเหตฺวา เตน สทฺธึ สลฺลปนฺโต –

๒๐๙.

‘‘กึ นุ อุมฺมตฺตรูโปว, เกวลํ ทฺวารกํ อิมํ;

สโส สโสติ ลปสิ, กีทิสํ สสมิจฺฉสิ.

๒๑๐.

‘‘โสวณฺณมยํ มณิมยํ, โลหมยํ อถ รูปิยมยํ;

สงฺขสิลาปวาฬมยํ, การยิสฺสามิ เต สสํ.

๒๑๑.

‘‘สนฺติ อฺเปิ สสกา, อรฺวนโคจรา;

เตปิ เต อานยิสฺสามิ, กีทิสํ สสมิจฺฉสี’’ติ. –

ติสฺโส คาถาโย อภาสิ.

๒๐๙-๒๑๑. ตตฺถ อุมฺมตฺตรูโปวาติ อุมฺมตฺตโก วิย. เกวลนฺติ สกลํ. ทฺวารกนฺติ ทฺวารวตีนครํ วิจรนฺโต. สโส สโสติ ลปสีติ สโส สโสติ วิลปสิ. โสวณฺณมยนฺติ สุวณฺณมยํ. โลหมยนฺติ ตมฺพโลหมยํ. รูปิยมยนฺติ รชตมยํ. ยํ อิจฺฉสิ ตํ วเทหิ, อถ เกน โสจสิ. อฺเปิ อรฺเ วนโคจรา สสกา อตฺถิ, เต เต อานยิสฺสามิ, วท, ภทฺรมุข, กีทิสํ สสมิจฺฉสีติ ฆฏปณฺฑิตํ ‘‘สเสน อตฺถิโก’’ติ อธิปฺปาเยน สเสน นิมนฺเตสิ. ตํ สุตฺวา ฆฏปณฺฑิโต –

๒๑๒.

‘‘นาหเมเต สเส อิจฺเฉ, เย สสา ปถวิสฺสิตา;

จนฺทโต สสมิจฺฉามิ, ตํ เม โอหร เกสวา’’ติ. –

คาถมาห. ตตฺถ โอหราติ โอหาเรหิ. ตํ สุตฺวา ราชา ‘‘นิสฺสํสยํ เม ภาตา อุมฺมตฺตโก ชาโต’’ติ โทมนสฺสปฺปตฺโต –

๒๑๓.

‘‘โส นูน มธุรํ าติ, ชีวิตํ วิชหิสฺสสิ;

อปตฺถิยํ ปตฺถยสิ, จนฺทโต สสมิจฺฉสี’’ติ. –

คาถมาห. ตตฺถ าตีติ กนิฏฺํ อาลปติ. อยเมตฺถ อตฺโถ – มยฺหํ ปิยาติ ยํ อติมธุรํ อตฺตโน ชีวิตํ, ตํ วิชหิสฺสสิ มฺเ, โย อปตฺถยิตพฺพํ ปตฺเถสีติ.

ฆฏปณฺฑิโต รฺโ วจนํ สุตฺวา นิจฺจโลว ตฺวา ‘‘ภาติก, ตฺวํ จนฺทโต สสํ ปตฺเถนฺตสฺส ตํ อลภิตฺวา ชีวิตกฺขโย ภวิสฺสตีติ ชานนฺโต กสฺมา มตํ ปุตฺตํ อลภิตฺวา อนุโสจสี’’ติ อิมมตฺถํ ทีเปนฺโต –

๒๑๔.

‘‘เอวํ เจ กณฺห ชานาสิ, ยถฺมนุสาสสิ;

กสฺมา ปุเร มตํ ปุตฺตํ, อชฺชาปิ มนุโสจสี’’ติ. –

คาถมาห. ตตฺถ เอวํ เจ, กณฺห, ชานาสีติ, ภาติก, กณฺหนามก มหาราช, ‘‘อลพฺภเนยฺยวตฺถุ นาม น ปตฺเถตพฺพ’’นฺติ ยทิ เอวํ ชานาสิ. ยถฺนฺติ เอวํ ชานนฺโตว ยถา อฺํ อนุสาสสิ, ตถา อกตฺวา. กสฺมา ปุเร มตํ ปุตฺตนฺติ อถ กสฺมา อิโต จตุมาสมตฺถเก มตํ ปุตฺตํ อชฺชาปิ อนุโสจสีติ.

เอวํ โส อนฺตรวีถิยํ ิตโกว ‘‘อหํ ตาว เอวํ ปฺายมานํ ปตฺเถมิ, ตฺวํ ปน อปฺายมานสฺสตฺถาย โสจสี’’ติ วตฺวา ตสฺส ธมฺมํ เทเสนฺโต –

๒๑๕.

‘‘น ยํ ลพฺภา มนุสฺเสน, อมนุสฺเสน วา ปน;

ชาโต เม มา มริ ปุตฺโต, กุโต ลพฺภา อลพฺภิยํ.

๒๑๖.

‘‘น มนฺตา มูลเภสชฺชา, โอสเธหิ ธเนน วา;

สกฺกา อานยิตุํ กณฺห, ยํ เปตมนุโสจสี’’ติ. – คาถาทฺวยมาห;

๒๑๕. ตตฺถ นฺติ, ภาติก, ยํ ‘‘เอวํ ชาโต เม ปุตฺโต มา มรี’’ติ มนุสฺเสน วา เทเวน วา ปน น ลพฺภา น สกฺกา ลทฺธุํ, ตํ ตฺวํ ปตฺเถสิ, ตํ ปเนตํ กุโต ลพฺภา, เกน การเณน ลทฺธุํ สกฺกา. ยสฺมา อลพฺภิยํ อลพฺภเนยฺยวตฺถุ นาเมตนฺติ อตฺโถ.

๒๑๖. มนฺตาติ มนฺตปฺปโยเคน. มูลเภสชฺชาติ มูลเภสชฺเชน. โอสเธหีติ นานาวิเธหิ โอสเธหิ. ธเนน วาติ โกฏิสตสงฺเขน ธเนน วาปิ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยํ เปตมนุโสจสิ, ตํ เอเตหิ มนฺตปฺปโยคาทีหิปิ อาเนตุํ น สกฺกาติ.

ปุน ฆฏปณฺฑิโต ‘‘ภาติก, อิทํ มรณํ นาม ธเนน วา ชาติยา วา วิชฺชาย วา สีเลน วา ภาวนาย วา น สกฺกา ปฏิพาหิตุ’’นฺติ ทสฺเสนฺโต –

๒๑๗.

‘‘มหทฺธนา มหาโภคา, รฏฺวนฺโตปิ ขตฺติยา;

ปหูตธนธฺาเส, เตปิ โน อชรามรา.

๒๑๘.

‘‘ขตฺติยา พฺราหฺมณา เวสฺสา, สุทฺทา จณฺฑาลปุกฺกุสฺสา;

เอเต จฺเ จ ชาติยา, เตปิ โน อชรามรา.

๒๑๙.

‘‘เย มนฺตํ ปริวตฺเตนฺติ, ฉฬงฺคํ พฺรหฺมจินฺติตํ;

เอเต จฺเ จ วิชฺชาย, เตปิ โน อชรามรา.

๒๒๐.

‘‘อิสโย วาปิ เย สนฺตา, สฺตตฺตา ตปสฺสิโน;

สรีรํ เตปิ กาเลน, วิชหนฺติ ตปสฺสิโน.

๒๒๑.

‘‘ภาวิตตฺตา อรหนฺโต, กตกิจฺจา อนาสวา;

นิกฺขิปนฺติ อิมํ เทหํ, ปุฺปาปปริกฺขยา’’ติ. –

ปฺจหิ คาถาหิ รฺโ ธมฺมํ เทเสสิ.

๒๑๗. ตตฺถ มหทฺธนาติ นิธานคตสฺเสว มหโต ธนสฺส อตฺถิตาย พหุธนา. มหาโภคาติ เทวโภคสทิสาย มหติยา โภคสมฺปตฺติยา สมนฺนาคตา. รฏฺวนฺโตติ สกลรฏฺวนฺโต. ปหูตธนธฺาเสติ ติณฺณํ จตุนฺนํ วา สํวจฺฉรานํ อตฺถาย นิทหิตฺวา เปตพฺพสฺส นิจฺจปริพฺพยภูตสฺส ธนธฺสฺส วเสน อปริยนฺตธนธฺา. เตปิ โน อชรามราติ เตปิ เอวํ มหาวิภวา มนฺธาตุมหาสุทสฺสนาทโย ขตฺติยา อชรามรา นาเหสุํ, อฺทตฺถุ มรณมุขเมว อนุปวิฏฺาติ อตฺโถ.

๒๑๘. เอเตติ ยถาวุตฺตขตฺติยาทโย. อฺเติ อฺตรา เอวํภูตา อมฺพฏฺาทโย. ชาติยาติ อตฺตโน ชาตินิมิตฺตํ อชรามรา นาเหสุนฺติ อตฺโถ.

๒๑๙. มนฺตนฺติ เวทํ. ปริวตฺเตนฺตีติ สชฺฌายนฺติ วาเจนฺติ จ. อถ วา ปริวตฺเตนฺตีติ เวทํ อนุปริวตฺเตนฺตา โหมํ กโรนฺตา ชปนฺติ. ฉฬงฺคนฺติ สิกฺขากปฺปนิรุตฺติพฺยากรณโชติสตฺถฉนฺโทวิจิติสงฺขาเตหิ ฉหิ องฺเคหิ ยุตฺตํ. พฺรหฺมจินฺติตนฺติ พฺราหฺมณานมตฺถาย พฺรหฺมนา จินฺติตํ กถิตํ. วิชฺชายาติ พฺรหฺมสทิสวิชฺชาย สมนฺนาคตา, เตปิ โน อชรามราติ อตฺโถ.

๒๒๐-๒๒๑. อิสโยติ ยมนิยมาทีนํ ปฏิกูลสฺาทีนฺจ เอสนฏฺเน อิสโย. สนฺตาติ กายวาจาหิ สนฺตสภาวา. สฺตตฺตาติ ราคาทีนํ สํยเมน สํยตจิตฺตา. กายตปนสงฺขาโต ตโป เอเตสํ อตฺถีติ ตปสฺสิโน. ปุน ตปสฺสิโนติ สํวรกา. เตน เอวํ ตปนิสฺสิตกา หุตฺวา สรีเรน จ วิโมกฺขํ ปตฺตุกามาปิ สํวรกา สรีรํ วิชหนฺติ เอวาติ ทสฺเสติ. อถ วา อิสโยติ อธิสีลสิกฺขาทีนํ เอสนฏฺเน อิสโย, ตทตฺถํ ตปฺปฏิปกฺขานํ ปาปธมฺมานํ วูปสเมน สนฺตา, เอการมฺมเณ จิตฺตสฺส สํยเมน สฺตตฺตา, สมฺมปฺปธานโยคโต วีริยตาเปน ตปสฺสิโน, สปฺปโยคา ราคาทีนํ สนฺตปเนน ตปสฺสิโนติ โยเชตพฺพํ. ภาวิตตฺตาติ จตุสจฺจกมฺมฏฺานภาวนาย ภาวิตจิตฺตา.

เอวํ ฆฏปณฺฑิเตน ธมฺเม กถิเต ตํ สุตฺวา ราชา อปคตโสกสลฺโล ปสนฺนมานโส ฆฏปณฺฑิตํ ปสํสนฺโต –

๒๒๒.

‘‘อาทิตฺตํ วต มํ สนฺตํ, ฆฏสิตฺตํว ปาวกํ;

วารินา วิย โอสิฺจํ, สพฺพํ นิพฺพาปเย ทรํ.

๒๒๓.

‘‘อพฺพหี วต เม สลฺลํ, โสกํ หทยนิสฺสิตํ;

โย เม โสกปเรตสฺส, ปุตฺตโสกํ อปานุทิ.

๒๒๔.

‘‘สฺวาหํ อพฺพูฬฺหสลฺโลสฺมิ, สีติภูโตสฺมิ นิพฺพุโต;

น โสจามิ น โรทามิ, ตว สุตฺวาน ภาติก.

๒๒๕.

‘‘เอวํ กโรนฺติ สปฺปฺา, เย โหนฺติ อนุกมฺปกา;

นิวตฺตยนฺติ โสกมฺหา, ฆโฏ เชฏฺํว ภาตรํ.

๒๒๖.

‘‘ยสฺส เอตาทิสา โหนฺติ, อมจฺจา ปริจารกา;

สุภาสิเตน อนฺเวนฺติ, ฆโฏ เชฏฺํว ภาตร’’นฺติ. – เสสคาถา อภาสิ;

๒๒๕. ตตฺถ ฆโฏ เชฏฺํว ภาตรนฺติ ยถา ฆฏปณฺฑิโต อตฺตโน เชฏฺภาตรํ มตปุตฺตโสกาภิภูตํ อตฺตโน อุปายโกสลฺเลน เจว ธมฺมกถาย จ ตโต ปุตฺตโสกโต วินิวตฺตยิ, เอวํ อฺเปิ สปฺปฺา เย โหนฺติ อนุกมฺปกา, เต าตีนํ อุปการํ กโรนฺตีติ อตฺโถ.

๒๒๖. ยสฺส เอตาทิสา โหนฺตีติ อยํ อภิสมฺพุทฺธคาถา. ตสฺสตฺโถ – ยถา เยน การเณน ปุตฺตโสกปเรตํ ราชานํ วาสุเทวํ ฆฏปณฺฑิโต โสกหรณตฺถาย สุภาสิเตน อนฺเวสิ อนุเอสิ, ยสฺส อฺสฺสาปิ เอตาทิสา ปณฺฑิตา อมจฺจา ปฏิลทฺธา อสฺสุ, ตสฺส กุโต โสโกติ! เสสคาถา เหฏฺา วุตฺตตฺถา เอวาติ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘เอวํ, อุปาสก, โปราณกปณฺฑิตา ปณฺฑิตานํ กถํ สุตฺวา ปุตฺตโสกํ หรึสู’’ติ วตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ. สจฺจปริโยสาเน อุปาสโก โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหีติ.

กณฺหเปตวตฺถุวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. ธนปาลเสฏฺิเปตวตฺถุวณฺณนา

นคฺโค ทุพฺพณฺณรูโปสีติ อิทํ สตฺถริ เชตวเน วิหรนฺเต ธนปาลเปตํ อารพฺภ วุตฺตํ. อนุปฺปนฺเน กิร พุทฺเธ ปณฺณรฏฺเ เอรกจฺฉนคเร ธนปาลโก นาม เสฏฺิ อโหสิ อสฺสทฺโธ อปฺปสนฺโน กทริโย นตฺถิกทิฏฺิโก. ตสฺส กิริยา ปาฬิโต เอว วิฺายติ. โส กาลํ กตฺวา มรุกนฺตาเร เปโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ตสฺส ตาลกฺขนฺธปฺปมาโณ กาโย อโหสิ, สมุฏฺิตจฺฉวิ ผรุโส, วิรูปเกโส, ภยานโก, ทุพฺพณฺโณ อติวิย วิรูโป พีภจฺฉทสฺสโน. โส ปฺจปณฺณาส วสฺสานิ ภตฺตสิตฺถํ วา อุทกพินฺทุํ วา อลภนฺโต วิสุกฺขกณฺโฏฺชิวฺโห ชิฆจฺฉาปิปาสาภิภูโต อิโต จิโต จ ปริพฺภมติ.

อถ อมฺหากํ ภควติ โลเก อุปฺปชฺชิตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺเก อนุกฺกเมน สาวตฺถิยํ วิหรนฺเต สาวตฺถิวาสิโน วาณิชา ปฺจมตฺตานิ สกฏสตานิ ภณฺฑสฺส ปูเรตฺวา อุตฺตราปถํ คนฺตฺวา ภณฺฑํ วิกฺกิณิตฺวา ปฏิลทฺธภณฺฑํ สกเฏสุ อาโรเปตฺวา ปฏินิวตฺตมานา สายนฺหสมเย อฺตรํ สุกฺขนทึ ปาปุณิตฺวา ตตฺถ ยานํ มุฺจิตฺวา รตฺติยํ วาสํ กปฺเปสุํ. อถ โส เปโต ปิปาสาภิภูโต ปานียสฺสตฺถาย อาคนฺตฺวา ตตฺถ พินฺทุมตฺตมฺปิ ปานียํ อลภิตฺวา วิคตาโส ฉินฺนมูโล วิย ตาโล ฉินฺนปาโท ปติ. ตํ ทิสฺวา วาณิชา –

๒๒๗.

‘‘นคฺโค ทุพฺพณฺณรูโปสิ, กิโส ธมนิสนฺถโต;

อุปฺผาสุลิโก กิสิโก, โก นุ ตฺวมสิ มาริสา’’ติ. –

อิมาย คาถาย ปุจฺฉึสุ. ตโต เปโต –

๒๒๘.

‘‘อหํ ภทนฺเต เปโตมฺหิ, ทุคฺคโต ยมโลกิโก;

ปาปกมฺมํ กริตฺวาน, เปตโลกํ อิโต คโต’’ติ. –

อตฺตานํ อาวิกตฺวา ปุน เตหิ –

๒๒๙.

‘‘กึ นุ กาเยน วาจาย, มนสา ทุกฺกฏํ กตํ;

กิสฺสกมฺมวิปาเกน, เปตโลกํ อิโต คโต’’ติ. –

กตกมฺมํ ปุจฺฉิโต ปุพฺเพ นิพฺพตฺตฏฺานโต ปฏฺาย อตีตํ ปจฺจุปฺปนฺนํ อนาคตฺจ อตฺตโน ปวตฺตึ ทสฺเสนฺโต เตสฺจ โอวาทํ เทนฺโต –

๒๓๐.

‘‘นครํ อตฺถิ ปณฺณานํ, เอรกจฺฉนฺติ วิสฺสุตํ;

ตตฺถ เสฏฺิ ปุเร อาสึ, ธนปาโลติ มํ วิทู.

๒๓๑.

‘‘อสีติ สกฏวาหานํ, หิรฺสฺส อโหสิ เม;

ปหูตํ เม ชาตรูปํ, มุตฺตา เวฬุริยา พหู.

๒๓๒.

‘‘ตาว มหทฺธนสฺสาปิ, น เม ทาตุํ ปิยํ อหุ;

ปิทหิตฺวา ทฺวารํ ภุฺชึ, มา มํ ยาจนกาทฺทสุํ.

๒๓๓.

‘‘อสฺสทฺโธ มจฺฉรี จาสึ, กทริโย ปริภาสโก;

ททนฺตานํ กโรนฺตานํ, วารยิสฺสํ พหู ชเน.

๒๓๔.

‘‘วิปาโก นตฺถิ ทานสฺส, สํยมสฺส กุโต ผลํ;

โปกฺขรฺโทปานานิ, อารามานิ จ โรปิเต;

ปปาโย จ วินาเสสึ, ทุคฺเค สงฺกมนานิ จ.

๒๓๕.

‘‘สฺวาหํ อกตกลฺยาโณ, กตปาโป ตโต จุโต;

อุปปนฺโน เปตฺติวิสยํ, ขุปฺปิปาสสมปฺปิโต.

๒๓๖.

‘‘ปฺจปณฺณาส วสฺสานิ, ยโต กาลงฺกโต อหํ;

นาภิชานามิ ภุตฺตํ วา, ปีตํ วา ปน ปานิยํ.

๒๓๗.

‘‘โย สํยโม โส วินาโส, โย วินาโส โส สํยโม;

เปตา หิ กิร ชานนฺติ, โย สํยโม โส วินาโส.

๒๓๘.

‘‘อหํ ปุเร สํยมิสฺสํ, นาทาสึ พหุเก ธเน;

สนฺเตสุ เทยฺยธมฺเมสุ, ทีปํ นากาสิมตฺตโน;

สฺวาหํ ปจฺฉานุตปฺปามิ, อตฺตกมฺมผลูปโค.

๒๓๙.

‘‘อุทฺธํ จตูหิ มาเสหิ, กาลกิริยา ภวิสฺสติ;

เอกนฺตกฏุกํ โฆรํ, นิรยํ ปปติสฺสหํ.

๒๔๐.

‘‘จตุกฺกณฺณํ จตุทฺวารํ, วิภตฺตํ ภาคโส มิตํ;

อโยปาการปริยนฺตํ, อยสา ปฏิกุชฺชิตํ.

๒๔๑.

‘‘ตสฺส อโยมยา ภูมิ, ชลิตา เตชสา ยุตา;

สมนฺตา โยชนสตํ, ผริตฺวา ติฏฺติ สพฺพทา.

๒๔๒.

‘‘ตตฺถาหํ ทีฆมทฺธานํ, ทุกฺขํ เวทิสฺส เวทนํ;

ผลํ ปาปสฺส กมฺมสฺส, ตสฺมา โสจามหํ ภุสํ.

๒๔๓.

‘‘ตํ วา วทามิ ภทฺทํ โว, ยาวนฺเตตฺถ สมาคตา;

มากตฺถ ปาปกํ กมฺมํ, อาวิ วา ยทิ วา รโห.

๒๔๔.

‘‘สเจ ตํ ปาปกํ กมฺมํ, กริสฺสถ กโรถ วา;

น โว ทุกฺขา ปมุตฺยตฺถิ, อุปฺปจฺจาปิ ปลายตํ.

๒๔๕.

‘‘มตฺเตยฺยา โหถ เปตฺเตยฺยา, กุเล เชฏฺาปจายิกา;

สามฺา โหถ พฺรหฺมฺา, เอวํ สคฺคํ คมิสฺสถา’’ติ. –

อิมา คาถา อภาสิ.

๒๓๐-๒๓๑. ตตฺถ ปณฺณานนฺติ ปณฺณานามรฏฺสฺส เอวํนามกานํ ราชูนํ. เอรกจฺฉนฺติ ตสฺส นครสฺส นามํ. ตตฺถาติ ตสฺมึ นคเร. ปุเรติ ปุพฺเพ อตีตตฺตภาเว. ธนปาโลติ มํ วิทูติ ‘‘ธนปาลเสฏฺี’’ติ มํ ชานนฺติ. ตยิทํ นามํ ตทา มยฺหํ อตฺถานุคตเมวาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อสีตี’’ติ คาถมาห. ตตฺถ อสีติ สกฏวาหานนฺติ วีสติขาริโก วาโห, โย สกฏนฺติ วุจฺจติ. เตสํ สกฏวาหานํ อสีติ หิรฺสฺส ตถา กหาปณสฺส จ เม อโหสีติ โยชนา. ปหูตํ เม ชาตรูปนฺติ สุวณฺณมฺปิ ปหูตํ อเนกภารปริมาณํ อโหสีติ สมฺพนฺโธ.

๒๓๒-๒๓๓. เม ทาตุํ ปิยํ อหูติ ทานํ ทาตุํ มยฺหํ ปิยํ นาโหสิ. มา มํ ยาจนกาทฺทสุนฺติ ‘‘ยาจกา มา มํ ปสฺสึสู’’ติ ปิทหิตฺวา เคหทฺวารํ ภุฺชามิ. กทริโยติ ถทฺธมจฺฉรี. ปริภาสโกติ ทานํ เทนฺเต ทิสฺวา ภเยน สนฺตชฺชโก. ททนฺตานํ กโรนฺตานนฺติ อุปโยคตฺเถ สามิวจนํ, ทานานิ ททนฺเต ปุฺานิ กโรนฺเต. พหู ชเนติ พหู สตฺเต. ททนฺตานํ วา กโรนฺตานํ วา สมุทายภูตํ พหุํ ชนํ ปุฺกมฺมโต วารยิสฺสํ นิวาเรสึ.

๒๓๔-๒๓๖. วิปาโก นตฺถิ ทานสฺสาติอาทิ ทานาทีนํ นิวารเณ การณทสฺสนํ. ตตฺถ วิปาโก นตฺถิ ทานสฺสาติ ทานกมฺมสฺส ผลํ นาม นตฺถิ, เกวลํ ปุฺํ ปุฺนฺติ ธนวินาโส เอวาติ ทีเปติ. สํยมสฺสาติ สีลสํยมสฺส. กุโต ผลนฺติ กุโต นาม ผลํ ลพฺภติ, นิรตฺถกเมว สีลรกฺขณนฺติ อธิปฺปาโย. อารามานีติ อารามูปวนานีติ อตฺโถ. ปปาโยติ ปานียสาลา. ทุคฺเคติ อุทกจิกฺขลฺลานํ วเสน ทุคฺคมฏฺานานิ. สงฺกมนานีติ เสตุโย. ตโต จุโตติ ตโต มนุสฺสโลกโต จุโต. ปฺจปณฺณาสาติ ปฺจปฺาส. ยโต กาลงฺกโต อหนฺติ ยทา กาลกตา อหํ, ตโต ปฏฺาย. นาภิชานามีติ เอตฺตกํ กาลํ ภุตฺตํ วา ปีตํ วา กิฺจิ น ชานามิ.

๒๓๗-๓๘. โย สํยโม โส วินาโสติ โลภาทิวเสน ยํ สํยมนํ กสฺสจิ อทานํ, โส อิเมสํ สตฺตานํ วินาโส นาม เปตโยนิยํ นิพฺพตฺตเปตานํ มหาพฺยสนสฺส เหตุภาวโต. ‘‘โย วินาโส โส สํยโม’’ติ อิมินา ยถาวุตฺตสฺส อตฺถสฺส เอกนฺติกภาวํ วทติ. เปตา หิ กิร ชานนฺตีติ เอตฺถ หิ-สทฺโท อวธารเณ, กิร-สทฺโท อรุจิสูจเน. ‘‘สํยโม เทยฺยธมฺมสฺส อปริจฺจาโค วินาสเหตู’’ติ อิมมตฺถํ เปตา เอว กิร ชานนฺติ ปจฺจกฺขโต อนุภุยฺยมานตฺตา, น มนุสฺสาติ. นยิทํ ยุตฺตํ มนุสฺสานมฺปิ เปตานํ วิย ขุปฺปิปาสาทีหิ อภิภุยฺยมานานํ ทิสฺสมานตฺตา. เปตา ปน ปุริมตฺตภาเว กตกมฺมสฺส ปากฏภาวโต ตมตฺถํ สุฏฺุตรํ ชานนฺติ. เตนาห ‘‘อหํ ปุเร สํยมิสฺส’’นฺติอาทิ. ตตฺถ สํยมิสฺสนฺติ สยมฺปิ ทานาทิปุฺกิริยโต สํยมนํ สงฺโกจํ อกาสึ. พหุเก ธเนติ มหนฺเต ธเน วิชฺชมาเน.

๒๔๓. นฺติ ตสฺมา. โวติ ตุมฺเห. ภทฺทํ โวติ ภทฺทํ กลฺยาณํ สุนฺทรํ ตุมฺหากํ โหตูติ วจนเสโส. ยาวนฺเตตฺถ สมาคตาติ ยาวนฺโต ยาวตกา เอตฺถ สมาคตา, เต สพฺเพ มม วจนํ สุณาถาติ อธิปฺปาโย. อาวีติ ปกาสนํ ปเรสํ ปากฏวเสน. รโหติ ปฏิจฺฉนฺนํ อปากฏวเสน. อาวิ วา ปาณาติปาตาทิมุสาวาทาทิกายวจีปโยควเสน, ยทิ วา รโห อภิชฺฌาทิวเสน ปาปกํ ลามกํ อกุสลกมฺมํ มากตฺถ มา กริตฺถ.

๒๔๔. สเจ ตํ ปาปกํ กมฺมนฺติ อถ ปน ตํ ปาปกมฺมํ อายตึ กริสฺสถ, เอตรหิ วา กโรถ, นิรยาทีสุ จตูสุ อปาเยสุ มนุสฺเสสุ จ อปฺปายุกตาทิวเสน ตสฺส ผลภูตา ทุกฺขโต ปมุตฺติ ปโมกฺโข นาม นตฺถิ. อุปฺปจฺจาปิ ปลายตนฺติ อุปฺปติตฺวา อากาเสน คจฺฉนฺตานมฺปิ โมกฺโข นตฺถิเยวาติ อตฺโถ. ‘‘อุเปจฺจา’’ติปิ ปาฬิ, อิโต วา เอตฺโต วา ปลายนฺเต ตุมฺเห อนุพนฺธิสฺสตีติ อธิปฺปาเยน อุเปจฺจ สฺจิจฺจ ปลายนฺตานมฺปิ ตุมฺหากํ ตโต โมกฺโข นตฺถิ, คติกาลาทิปจฺจยนฺตรสมวาเย ปน สติ วิปจฺจติเยวาติ อตฺโถ. อยฺจ อตฺโถ –

‘‘น อนฺตลิกฺเข น สมุทฺทมชฺเฌ, น ปพฺพตานํ วิวรํ ปวิสฺส;

น วิชฺชตี โส ชคติปฺปเทโส, ยตฺถฏฺิโต มุจฺเจยฺย ปาปกมฺมา’’ติ. (ธ. ป. ๑๒๗; มิ. ป. ๔.๒.๔) –

อิมาย คาถาย ทีเปตพฺโพ.

๒๔๕. มตฺเตยฺยาติ มาตุหิตา. โหถาติ เตสํ อุปฏฺานาทีนิ กโรถ. ตถา เปตฺเตยฺยาติ เวทิตพฺพา. กุเล เชฏฺาปจายิกาติ กุเล เชฏฺกานํ อปจายนกรา. สามฺาติ สมณปูชกา. ตถา พฺรหฺมฺาติ พาหิตปาปปูชกาติ อตฺโถ. เอวํ สคฺคํ คมิสฺสถาติ อิมินา มยา วุตฺตนเยน ปุฺานิ กตฺวา เทวโลกํ อุปปชฺชิสฺสถาติ อตฺโถ. ยํ ปเนตฺถ อตฺถโต น วิภตฺตํ, ตํ เหฏฺา ขลฺลาฏิยเปตวตฺถุอาทีสุ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.

เต วาณิชา ตสฺส วจนํ สุตฺวา สํเวคชาตา ตํ อนุกมฺปมานา ภาชเนหิ ปานียํ คเหตฺวา ตํ สยาเปตฺวา มุเข อาสิฺจึสุ. ตโต มหาชเนน พหุเวลํ อาสิตฺตํ อุทกํ ตสฺส เปตสฺส ปาปพเลน อโธคฬํ น โอติณฺณํ, กุโต ปิปาสํ ปฏิวิเนสฺสติ. เต ตํ ปุจฺฉึสุ – ‘‘อปิ เต กาจิ อสฺสาสมตฺตา ลทฺธา’’ติ. โส อาห – ‘‘ยทิ เม เอตฺตเกหิ ชเนหิ เอตฺตกํ เวลํ อาสิฺจมานํ อุทกํ เอกพินฺทุมตฺตมฺปิ ปรคฬํ ปวิฏฺํ, อิโต เปตโยนิโต โมกฺโข มา โหตู’’ติ. อถ เต วาณิชา ตํ สุตฺวา อติวิย สํเวคชาตา ‘‘อตฺถิ ปน โกจิ อุปาโย ปิปาสาวูปสมายา’’ติ อาหํสุ. โส อาห – ‘‘อิมสฺมึ ปาปกมฺเม ขีเณ ตถาคตสฺส วา ตถาคตสาวกานํ วา ทาเน ทินฺเน มม ทานมุทฺทิสิสฺสติ, อหํ อิโต เปตตฺตโต มุจฺจิสฺสามี’’ติ. ตํ สุตฺวา วาณิชา สาวตฺถึ คนฺตฺวา ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ตํ ปวตฺตึ อาโรเจตฺวา สรณานิ สีลานิ จ คเหตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส สตฺตาหํ ทานํ ทตฺวา ตสฺส เปตสฺส ทกฺขิณํ อาทิสึสุ. ภควา ตมตฺถํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา จตุนฺนํ ปริสานํ ธมฺมํ เทเสสิ. มหาชโน จ โลภาทิมจฺเฉรมลํ ปหาย ทานาทิปุฺาภิรโต อโหสีติ.

ธนปาลเสฏฺิเปตวตฺถุวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. จูฬเสฏฺิเปตวตฺถุวณฺณนา

นคฺโค กิโส ปพฺพชิโตสิ, ภนฺเตติ อิทํ สตฺถริ เวฬุวเน วิหรนฺเต จูฬเสฏฺิเปตํ อารพฺภ วุตฺตํ. พาราณสิยํ กิร เอโก คหปติ อสฺสทฺโธ อปฺปสนฺโน มจฺฉรี กทริโย ปุฺกิริยาย อนาทโร จูฬเสฏฺิ นาม อโหสิ. โส กาลํ กตฺวา เปเตสุ นิพฺพตฺติ, ตสฺส กาโย อปคตมํสโลหิโต อฏฺินฺหารุจมฺมมตฺโต มุณฺโฑ อเปตวตฺโถ อโหสิ. ธีตา ปนสฺส อนุลา อนฺธกวินฺเท สามิกสฺส เคเห วสนฺตี ปิตรํ อุทฺทิสฺส พฺราหฺมเณ โภเชตุกามา ตณฺฑุลาทีนิ ทานูปกรณานิ สชฺเชสิ. ตํ ตฺวา เปโต อาสาย อากาเสน ตตฺถ คจฺฉนฺโต ราชคหํ สมฺปาปุณิ. เตน จ สมเยน ราชา อชาตสตฺตุ เทวทตฺเตน อุยฺโยชิโต ปิตรํ ชีวิตา โวโรเปตฺวา เตน วิปฺปฏิสาเรน ทุสฺสุปิเนน จ นิทฺทํ อนุปคจฺฉนฺโต อุปริปาสาทวรคโต จงฺกมนฺโต ตํ เปตํ อากาเสน คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา อิมาย คาถาย ปุจฺฉิ –

๒๔๖.

‘‘นคฺโค กิโส ปพฺพชิโตสิ ภนฺเต, รตฺตึ กุหึ คจฺฉสิ กิสฺสเหตุ;

อาจิกฺข เม ตํ อปิ สกฺกุเณมุ, สพฺเพน วิตฺตํ ปฏิปาทเย ตุว’’นฺติ.

ตตฺถ ปพฺพชิโตติ สมโณ. ราชา กิร ตํ นคฺคตฺตา มุณฺฑตฺตา จ ‘‘นคฺโค สมโณ อย’’นฺติ สฺาย ‘‘นคฺโค กิโส ปพฺพชิโตสี’’ติอาทิมาห. กิสฺสเหตูติ กินฺนิมิตฺตํ. สพฺเพน วิตฺตํ ปฏิปาทเย ตุวนฺติ วิตฺติยา อุปกรณภูตํ วิตฺตํ สพฺเพน โภเคน ตุยฺหํ อชฺฌาสยานุรูปํ, สพฺเพน วา อุสฺสาเหน ปฏิปาเทยฺยํ สมฺปาเทยฺยํ. ตถา กาตุํ มยํ อปฺเปว นาม สกฺกุเณยฺยาม, ตสฺมา อาจิกฺข เม ตํ, เอตํ ตว อาคมนการณํ มยฺหํ กเถหีติ อตฺโถ.

เอวํ รฺา ปุฏฺโ เปโต อตฺตโน ปวตฺตึ กเถนฺโต ติสฺโส คาถา อภาสิ –

๒๔๗.

‘‘พาราณสี นครํ ทูรฆุฏฺํ, ตตฺถาหํ คหปติ อฑฺฒโก อหุ ทีโน;

อทาตา เคธิตมโน อามิสสฺมึ, ทุสฺสีลฺเยน ยมวิสยมฺหิ ปตฺโต.

๒๔๘.

‘‘โส สูจิกาย กิลมิโต เตหิ,

เตเนว าตีสุ ยามิ อามิสกิฺจิกฺขเหตุ;

อทานสีลา น จ สทฺทหนฺติ,

‘ทานผลํ โหติ ปรมฺหิ โลเก’.

๒๔๙.

‘‘ธีตา จ มยฺหํ ลปเต อภิกฺขณํ, ทสฺสามิ ทานํ ปิตูนํ ปิตามหานํ;

ตมุปกฺขฏํ ปริวิสยนฺติ พฺราหฺมณา, ยามิ อหํ อนฺธกวินฺทํ ภุตฺตุ’’นฺติ.

๒๔๗. ตตฺถ ทูรฆุฏฺนฺติ ทูรโต เอว คุณกิตฺตนวเสน โฆสิตํ, สพฺพตฺถ วิสฺสุตํ ปากฏนฺติ อตฺโถ. อฑฺฒโกติ อฑฺโฒ มหาวิภโว. ทีโนติ นิหีนจิตฺโต อทานชฺฌาสโย. เตนาห ‘‘อทาตา’’ติ. เคธิตมโน อามิสสฺมินฺติ กามามิเส ลคฺคจิตฺโต เคธํ อาปนฺโน. ทุสฺสีลฺเยน ยมวิสยมฺหิ ปตฺโตติ อตฺตนา กเตน ทุสฺสีลกมฺมุนา ยมวิสยํ เปตโลกํ ปตฺโต อมฺหิ.

๒๔๘. โส สูจิกาย กิลมิโตติ โส อหํ วิชฺฌนฏฺเน สูจิสทิสตาย ‘‘สูจิกา’’ติ ลทฺธนามาย ชิฆจฺฉาย กิลมิโต นิรนฺตรํ วิชฺฌมาโน. ‘‘กิลมโถ’’ติ อิจฺเจว วา ปาโ. เตหีติ ‘‘ทีโน’’ติอาทินา วุตฺเตหิ ปาปกมฺเมหิ การณภูเตหิ. ตสฺส หิ เปตสฺส ตานิ ปาปกมฺมานิ อนุสฺสรนฺตสฺส อติวิย โทมนสฺสํ อุปฺปชฺชิ, ตสฺมา เอวมาห. เตเนวาติ เตเนว ชิฆจฺฉาทุกฺเขน. าตีสุ ยามีติ าตีนํ สมีปํ ยามิ คจฺฉามิ. อามิสกิฺจิกฺขเหตูติ อามิสสฺส กิฺจิกฺขนิมิตฺตํ, กิฺจิ อามิสํ ปตฺเถนฺโตติ อตฺโถ. อทานสีลา น จ สทฺทหนฺติ, ‘ทานผลํ โหติ ปรมฺหิ โลเก’ติ ยถา อหํ, ตถา เอวํ อฺเปิ มนุสฺสา อทานสีลา ‘‘ทานสฺส ผลํ เอกํเสน ปรโลเก โหตี’’ติ น จ สทฺทหนฺติ. ยโต อหํ วิย เตปิ เปตา หุตฺวา มหาทุกฺขํ ปจฺจนุภวนฺตีติ อธิปฺปาโย.

๒๔๙. ลปเตติ กเถติ. อภิกฺขณนฺติ อภิณฺหํ พหุโส. กินฺติ ลปตีติ อาห ‘‘ทสฺสามิ ทานํ ปิตูนํ ปิตามหาน’’นฺติ. ตตฺถ ปิตูนนฺติ มาตาปิตูนํ, จูฬปิตุมหาปิตูนํ วา. ปิตามหานนฺติ อยฺยกปยฺยกานํ. อุปกฺขฏนฺติ สชฺชิตํ. ปริวิสยนฺตีติ โภชยนฺติ. อนฺธกวินฺทนฺติ เอวํนามกํ นครํ. ภุตฺตุนฺติ ภุฺชิตุํ. ตโต ปรา สงฺคีติการเกหิ วุตฺตา –

๒๕๐.

‘‘ตมโวจ ราชา ‘อนุภวิยาน ตมฺปิ,

เอยฺยาสิ ขิปฺปํ อหมปิ กสฺสํ ปูชํ;

อาจิกฺข เม ตํ ยทิ อตฺถิ เหตุ,

สทฺธายิตํ เหตุวโจ สุโณม’.

๒๕๑.

‘‘ตถาติ วตฺวา อคมาสิ ตตฺถ, ภุฺชึสุ ภตฺตํ น จ ทกฺขิณารหา;

ปจฺจาคมิ ราชคหํ ปุนาปรํ, ปาตุรโหสิ ปุรโต ชนาธิปสฺส.

๒๕๒.

‘‘ทิสฺวาน เปตํ ปุนเทว อาคตํ, ราชา อโวจ ‘อหมปิ กึ ททามิ;

อาจิกฺข เม ตํ ยทิ อตฺถิ เหตุ, เยน ตุวํ จิรตรํ ปีณิโต สิยา’.

๒๕๓.

‘‘พุทฺธฺจ สงฺฆํ ปริวิสิยาน ราช, อนฺเนน ปาเนน จ จีวเรน;

ตํ ทกฺขิณํ อาทิส เม หิตาย, เอวํ อหํ จิรตรํ ปีณิโต สิยา.

๒๕๔.

‘‘ตโต จ ราชา นิปติตฺวา ตาวเท, ทานํ สหตฺถา อตุลํ ททิตฺวา สงฺเฆ;

อาโรเจสิ ปกตํ ตถาคตสฺส, ตสฺส จ เปตสฺส ทกฺขิณํ อาทิสิตฺถ.

๒๕๕.

‘‘โส ปูชิโต อติวิย โสภมาโน, ปาตุรโหสิ ปุรโต ชนาธิปสฺส;

ยกฺโขหมสฺมิ ปรมิทฺธิปตฺโต, น มยฺหมตฺถิ สมา สทิสา มานุสา.

๒๕๖.

‘‘ปสฺสานุภาวํ อปริมิตํ มมยิทํ, ตยานุทิฏฺํ อตุลํ ทตฺวา สงฺเฆ;

สนฺตปฺปิโต สตตํ สทา พหูหิ, ยามิ อหํ สุขิโต มนุสฺสเทวา’’ติ.

๒๕๐. ตตฺถ ตมโวจ ราชาติ ตํ เปตํ ตถา วตฺวา ิตํ ราชา อชาตสตฺตุ อโวจ. อนุภวิยาน ตมฺปีติ ตํ ตว ธีตุยา อุปกฺขฏํ ทานมฺปิ อนุภวิตฺวา. เอยฺยาสีติ อาคจฺเฉยฺยาสิ. กสฺสนฺติ กริสฺสามิ. อาจิกฺข เม ตํ ยทิ อตฺถิ เหตูติ สเจ กิฺจิ การณํ อตฺถิ, ตํ การณํ มยฺหํ อาจิกฺข กเถหิ. สทฺธายิตนฺติ สทฺธายิตพฺพํ. เหตุวโจติ เหตุยุตฺตวจนํ, ‘‘อมุกสฺมึ าเน อสุเกน ปกาเรน ทาเน กเต มยฺหํ อุปกปฺปตี’’ติ สการณํ วจนํ วทาติ อตฺโถ.

๒๕๑. ตถาติ วตฺวาติ สาธูติ วตฺวา. ตตฺถาติ ตสฺมึ อนฺธกวินฺเท ปริเวสนฏฺาเน. ภุฺชึสุ ภตฺตํ น จ ทกฺขิณารหาติ ภตฺตํ ภุฺชึสุ ทุสฺสีลพฺราหฺมณา, น จ ปน ทกฺขิณารหา สีลวนฺโต ภุฺชึสูติ อตฺโถ. ปุนาปรนฺติ ปุน อปรํ วารํ ราชคหํ ปจฺจาคมิ.

๒๕๒. กึ ททามีติ ‘‘กีทิสํ เต ทานํ ทสฺสามี’’ติ ราชา เปตํ ปุจฺฉิ. เยน ตุวนฺติ เยน การเณน ตฺวํ. จิรตรนฺติ จิรกาลํ. ปีณิโตติ ติตฺโต สิยา, ตํ กเถหีติ อตฺโถ.

๒๕๓. ปริวิสิยานาติ โภเชตฺวา. ราชาติ อชาตสตฺตุํ อาลปติ. เม หิตายาติ มยฺหํ หิตตฺถาย เปตตฺตภาวโต ปริมุตฺติยา.

๒๕๔. ตโตติ ตสฺมา เตน วจเนน, ตโต วา ปาสาทโต. นิปติตฺวาติ นิกฺขมิตฺวา. ตาวเทติ ตทา เอว อรุณุคฺคมนเวลาย. ยมฺหิ เปโต ปจฺจาคนฺตฺวา รฺโ อตฺตานํ ทสฺเสสิ, ตสฺมึ ปุเรภตฺเต เอว ทานํ อทาสิ. สหตฺถาติ สหตฺเถน. อตุลนฺติ อปฺปมาณํ อุฬารํ ปณีตํ. ทตฺวา สงฺเฆติ สงฺฆสฺส ทตฺวา. อาโรเจสิ ปกตํ ตถาคตสฺสาติ ‘‘อิทํ, ภนฺเต, ทานํ อฺตรํ เปตํ สนฺธาย ปกต’’นฺติ ตํ ปวตฺตึ ภควโต อาโรเจสิ. อาโรเจตฺวา จ ยถา ตํ ทานํ ตสฺส อุปกปฺปติ, เอวํ ตสฺส จ เปตสฺส ทกฺขิณํ อาทิสิตฺถ อาทิสิ.

๒๕๕. โสติ โส เปโต. ปูชิโตติ ทกฺขิณาย ทิยฺยมานาย ปูชิโต. อติวิย โสภมาโนติ ทิพฺพานุภาเวน อติวิย วิโรจมาโน. ปาตุรโหสีติ ปาตุภวิ, รฺโ ปุรโต อตฺตานํ ทสฺเสสิ. ยกฺโขหมสฺมีติ เปตตฺตภาวโต มุตฺโต ยกฺโข อหํ ชาโต เทวภาวํ ปตฺโตสฺมิ. น มยฺหมตฺถิ สมา สทิสา มานุสาติ มยฺหํ อานุภาวสมฺปตฺติยา สมา วา โภคสมฺปตฺติยา สทิสา วา มนุสฺสา น สนฺติ.

๒๕๖. ปสฺสานุภาวํ อปริมิตํ มมยิทนฺติ ‘‘มม อิทํ อปริมาณํ ทิพฺพานุภาวํ ปสฺสา’’ติ อตฺตโน สมฺปตฺตึ ปจฺจกฺขโต รฺโ ทสฺเสนฺโต วทติ. ตยานุทิฏฺํ อตุลํ ทตฺวา สงฺเฆติ อริยสงฺฆสฺส อตุลํ อุฬารํ ทานํ ทตฺวา มยฺหํ อนุกมฺปาย ตยา อนุทิฏฺํ. สนฺตปฺปิโต สตตํ สทา พหูหีติ อนฺนปานวตฺถาทีหิ พหูหิ เทยฺยธมฺเมหิ อริยสงฺฆํ สนฺตปฺเปนฺเตน ตยา สทา สพฺพกาลํ ยาวชีวํ ตตฺถาปิ สตตํ นิรนฺตรํ อหํ สนฺตปฺปิโต ปีณิโต. ยามิ อหํ สุขิโต มนุสฺสเทวาติ ‘‘ตสฺมา อหํ อิทานิ สุขิโต มนุสฺสเทว มหาราช ยถิจฺฉิตฏฺานํ ยามี’’ติ ราชานํ อาปุจฺฉิ.

เอวํ เปเต อาปุจฺฉิตฺวา คเต ราชา อชาตสตฺตุ ตมตฺถํ ภิกฺขูนํ อาโรเจสิ, ภิกฺขู ภควโต สนฺติกํ อุปสงฺกมิตฺวา อาโรเจสุํ. ภควา ตมตฺถํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา สมฺปตฺตปริสาย ธมฺมํ เทเสสิ. ตํ สุตฺวา มหาชโน มจฺเฉรมลํ ปหาย ทานาทิปุฺาภิรโต อโหสีติ.

จูฬาเสฏฺิเปตวตฺถุวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. องฺกุรเปตวตฺถุวณฺณนา

ยสฺส อตฺถาย คจฺฉามาติ อิทํ สตฺถา สาวตฺถิยํ วิหรนฺโต องฺกุรเปตํ อารพฺภ กเถสิ. กามฺเจตฺถ องฺกุโร เปโต น โหติ, ตสฺส ปน จริตํ ยสฺมา เปตสมฺพนฺธํ, ตสฺมา ตํ ‘‘องฺกุรเปตวตฺถู’’ติ วุตฺตํ.

ตตฺรายํ สงฺเขปกถา – เย เต อุตฺตรมธุราธิปติโน รฺโ มหาสาครสฺส ปุตฺตํ อุปสาครํ ปฏิจฺจ อุตฺตราปเถ กํสโภเค อสิตฺชนนคเร มหากํสสฺส ธีตุยา เทวคพฺภาย กุจฺฉิยํ อุปฺปนฺนา อฺชนเทวี วาสุเทโว พลเทโว จนฺทเทโว สูริยเทโว อคฺคิเทโว วรุณเทโว อชฺชุโน ปชฺชุโน ฆฏปณฺฑิโต องฺกุโร จาติ วาสุเทวาทโย ทส ภาติกาติ เอกาทส ขตฺติยา อเหสุํ, เตสุ วาสุเทวาทโย ภาตโร อสิตฺชนนครํ อาทึ กตฺวา ทฺวารวตีปริโยสาเนสุ สกลชมฺพุทีเป เตสฏฺิยา นครสหสฺเสสุ สพฺเพ ราชาโน จกฺเกน ชีวิตกฺขยํ ปาเปตฺวา ทฺวารวติยํ วสมานา รชฺชํ ทส โกฏฺาเส กตฺวา วิภชึสุ. ภคินึ ปน อฺชนเทวึ น สรึสุ. ปุน สริตฺวา ‘‘เอกาทส โกฏฺาเส กโรมา’’ติ วุตฺเต เตสํ สพฺพกนิฏฺโ องฺกุโร ‘‘มม โกฏฺาสํ ตสฺสา เทถ, อหํ โวหารํ กตฺวา ชีวิสฺสามิ, ตุมฺเห อตฺตโน อตฺตโน ชนปเทสุ สุงฺกํ มยฺหํ วิสฺสชฺเชถา’’ติ อาห. เต ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตสฺส โกฏฺายํ ภคินิยา ทตฺวา นว ราชาโน ทฺวารวติยํ วสึสุ.

องฺกุโร ปน วณิชฺชํ กโรนฺโต นิจฺจกาลํ มหาทานํ เทติ. ตสฺส ปเนโก ทาโส ภณฺฑาคาริโก อตฺถกาโม อโหสิ. องฺกุโร ปสนฺนมานโส ตสฺส เอกํ กุลธีตรํ คเหตฺวา อทาสิ. โส ปุตฺเต คพฺภคเตเยว กาลมกาสิ. องฺกุโร ตสฺมึ ชาเต ตสฺส ปิตุโน ทินฺนํ ภตฺตเวตนํ ตสฺส อทาสิ. อถ ตสฺมึ ทารเก วยปฺปตฺเต ‘‘ทาโส น ทาโส’’ติ ราชกุเล วินิจฺฉโย อุปฺปชฺชิ. ตํ สุตฺวา อฺชนเทวี เธนูปมํ วตฺวา ‘‘มาตุ ภุชิสฺสาย ปุตฺโตปิ ภุชิสฺโส เอวา’’ติ ทาสพฺยโต โมเจสิ.

ทารโก ปน ลชฺชาย ตตฺถ วสิตุํ อวิสหนฺโต โรรุวนครํ คนฺตฺวา ตตฺถ อฺตรสฺส ตุนฺนวายสฺส ธีตรํ คเหตฺวา ตุนฺนวายสิปฺเปน ชีวิกํ กปฺเปสิ. เตน สมเยน โรรุวนคเร อสยฺหมหาเสฏฺิ นาม อโหสิ. โส สมณพฺราหฺมณกปณทฺธิกวนิพฺพกยาจกานํ มหาทานํ เทติ. โส ตุนฺนวาโย เสฏฺิโน ฆรํ อชานนฺตานํ ปีติโสมนสฺสชาโต หุตฺวา อสยฺหเสฏฺิโน นิเวสนํ ทกฺขิณพาหุํ ปสาเรตฺวา ทสฺเสสิ ‘‘เอตฺถ คนฺตฺวา ลทฺธพฺพํ ลภนฺตู’’ติ. ตสฺส กมฺมํ ปาฬิยํเยว อาคตํ.

โส อปเรน สมเยน กาลํ กตฺวา มรุภูมิยํ อฺตรสฺมึ นิคฺโรธรุกฺเข ภุมฺมเทวตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ, ตสฺส ทกฺขิณหตฺโถ สพฺพกามทโท อโหสิ. ตสฺมึเยว จ โรรุเว อฺตโร ปุริโส อสยฺหเสฏฺิโน ทาเน พฺยาวโฏ อสฺสทฺโธ อปฺปสนฺโน มิจฺฉาทิฏฺิโก ปุฺกิริยาย อนาทโร กาลํ กตฺวา ตสฺส เทวปุตฺตสฺส วสนฏฺานสฺส อวิทูเร เปโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ. เตน จ กตกมฺมํ ปาฬิยํเยว อาคตํ. อสยฺหมหาเสฏฺิ ปน กาลํ กตฺวา ตาวตึสภวเน สกฺกสฺส เทวรฺโ สหพฺยตํ อุปคโต.

อถ อปเรน สมเยน องฺกุโร ปฺจหิ สกฏสเตหิ, อฺตโร จ พฺราหฺมโณ ปฺจหิ สกฏสเตหีติ ทฺเวปิ ชนา สกฏสหสฺเสน ภณฺฑํ อาทาย มรุกนฺตารมคฺคํ ปฏิปนฺนา มคฺคมูฬฺหา หุตฺวา พหุํ ทิวสํ ตตฺเถว วิจรนฺตา ปริกฺขีณติโณทกาหารา อเหสุํ. องฺกุโร อสฺสทูเตหิ จตูสุ ทิสาสุ ปานิยํ มคฺคาเปสิ. อถ โส กามททหตฺโถ ยกฺโข ตํ เตสํ พฺยสนปฺปตฺตึ ทิสฺวา องฺกุเรน ปุพฺเพ อตฺตโน กตํ อุปการํ จินฺเตตฺวา ‘‘หนฺท ทานิ อิมสฺส มยา อวสฺสเยน ภวิตพฺพ’’นฺติ อตฺตโน วสนวฏรุกฺขํ ทสฺเสสิ. โส กิร วฏรุกฺโข สาขาวิฏปสมฺปนฺโน ฆนปลาโส สนฺทจฺฉาโย อเนกสหสฺสปาโรโห อายาเมน วิตฺถาเรน อุพฺเพเธน จ โยชนปริมาโณ อโหสิ. ตํ ทิสฺวา องฺกุโร หฏฺตุฏฺโ ตสฺส เหฏฺา ขนฺธาวารํ พนฺธาเปสิ. ยกฺโข อตฺตโน ทกฺขิณหตฺถํ ปสาเรตฺวา ปมํ ตาว ปานีเยน สพฺพํ ชนํ สนฺตปฺเปสิ. ตโต โย โย ยํ ยํ อิจฺฉติ, ตสฺส ตสฺส ตํ ตํ อทาสิ.

เอวํ ตสฺมึ มหาชเน นานาวิเธน อนฺนปานาทินา ยถากามํ สนฺตปฺปิเต ปจฺฉา วูปสนฺเต มคฺคปริสฺสเม โส พฺราหฺมณวาณิโช อโยนิโส มนสิกโรนฺโต เอวํ จินฺเตสิ – ‘‘ธนลาภาย อิโต กมฺโพชํ คนฺตฺวา มยํ กึ กริสฺสาม, อิมเมว ปน ยกฺขํ เยน เกนจิ อุปาเยน คเหตฺวา ยานํ อาโรเปตฺวา อมฺหากํ นครเมว คมิสฺสามา’’ติ. เอวํ จินฺเตตฺวา ตมตฺถํ องฺกุรสฺส กเถนฺโต –

๒๕๗.

‘‘ยสฺส อตฺถาย คจฺฉาม, กมฺโพชํ ธนหารกา;

อยํ กามทโท ยกฺโข, อิมํ ยกฺขํ นยามเส.

๒๕๘.

‘‘อิมํ ยกฺขํ คเหตฺวาน, สาธุเกน ปสยฺห วา;

ยานํ อาโรปยิตฺวาน, ขิปฺปํ คจฺฉาม ทฺวารก’’นฺติ. –

คาถาทฺวยมาห. ตตฺถ ยสฺส อตฺถายาติ ยสฺส การณา. กมฺโพชนฺติ กมฺโพชรฏฺํ. ธนหารกาติ ภณฺฑวิกฺกเยน ลทฺธธนหาริโน. กามทโทติ อิจฺฉิติจฺฉิตทายโก. ยกฺโขติ เทวปุตฺโต. นยามเสติ นยิสฺสาม. สาธุเกนาติ ยาจเนน. ปสยฺหาติ อภิภวิตฺวา พลกฺกาเรน, ยานนฺติ สุขยานํ. ทฺวารกนฺติ ทฺวารวตีนครํ. อยํ เหตฺถาธิปฺปาโย – ยทตฺถํ มยํ อิโต กมฺโพชํ คนฺตุกามา, เตน คมเนน สาเธตพฺโพ อตฺโถ อิเธว สิชฺฌติ. อยฺหิ ยกฺโข กามทโท, ตสฺมา อิมํ ยกฺขํ ยาจิตฺวา ตสฺส อนุมติยา วา, สเจ สฺตฺตึ น คจฺฉติ, พลกฺกาเรน วา ยานํ อาโรเปตฺวา ยาเน ปจฺฉาพาหํ พนฺธิตฺวา ตํ คเหตฺวา อิโตเยว ขิปฺปํ ทฺวารวตีนครํ คจฺฉามาติ.

เอวํ ปน พฺราหฺมเณน วุตฺโต องฺกุโร สปฺปุริสธมฺเม ตฺวา ตสฺส วจนํ ปฏิกฺขิปนฺโต –

๒๕๙.

‘‘ยสฺส รุกฺขสฺส ฉายาย, นิสีเทยฺย สเยยฺย วา;

น ตสฺส สาขํ ภฺเชยฺย, มิตฺตทุพฺโภ หิ ปาปโก’’ติ. –

คาถมาห. ตตฺถ น ภฺเชยฺยาติ น ฉินฺเทยฺย. มิตฺตทุพฺโภติ มิตฺเตสุ ทุพฺภนํ เตสํ อนตฺถุปฺปาทนํ. ปาปโกติ อภทฺทโก มิตฺตทุพฺโภ. โย หิ สีตจฺฉาโย รุกฺโข ฆมฺมาภิตตฺตสฺส ปุริสสฺส ปริสฺสมวิโนทโก, ตสฺสาปิ นาม ปาปกํ น จินฺเตตพฺพํ, กิมงฺกํ ปน สตฺตภูเตสุ. อยํ เทวปุตฺโต สปฺปุริโส ปุพฺพการี อมฺหากํ ทุกฺขปนูทโก พหูปกาโร, น ตสฺส กิฺจิ อนตฺถํ จินฺเตตพฺพํ, อฺทตฺถุ โส ปูเชตพฺโพ เอวาติ ทสฺเสติ.

ตํ สุตฺวา พฺราหฺมณา ‘‘อตฺถสฺส มูลํ นิกติวินโย’’ติ นีติมคฺคํ นิสฺสาย องฺกุรสฺส ปฏิโลมปกฺเข ตฺวา –

๒๖๐.

‘‘ยสฺส รุกฺขสฺส ฉายาย, นิสีเทยฺย สเยยฺย วา;

ขนฺธมฺปิ ตสฺส ฉินฺเทยฺย, อตฺโถ เจ ตาทิโส สิยา’’ติ. –

คาถมาห. ตตฺถ อตฺโถ เจ ตาทิโส สิยาติ ตาทิเสน ทพฺพสมฺภาเรน สเจ อตฺโถ ภเวยฺย, ตสฺส รุกฺขสฺส ขนฺธมฺปิ ฉินฺเทยฺย, กิมงฺคํ ปน สาขาทโยติ อธิปฺปาโย.

เอวํ พฺราหฺมเณน วุตฺเต องฺกุโร สปฺปุริสธมฺมํเยว ปคฺคณฺหนฺโต –

๒๖๑.

‘‘ยสฺส รุกฺขสฺส ฉายาย, นิสีเทยฺย สเยยฺย วา;

น ตสฺส ปตฺตํ ภินฺเทยฺย, มิตฺตทุพฺโภ หิ ปาปโก’’ติ. –

อิมํ คาถมาห. ตตฺถ น ตสฺส ปตฺตํ ภินฺเทยฺยาติ ตสฺส รุกฺขสฺส เอกปณฺณมตฺตมฺปิ น ปาเตยฺย, ปเคว สาขาทิเกติ อธิปฺปาโย.

ปุนปิ พฺราหฺมโณ อตฺตโน วาทํ ปคฺคณฺหนฺโต –

๒๖๒.

‘‘ยสฺส รุกฺขสฺส ฉายาย, นิสีเทยฺย สเยยฺย วา;

สมูลมฺปิ ตํ อพฺพุเห, อตฺโถ เจ ตาทิโส สิยา’’ติ. –

คาถมาห. ตตฺถ สมูลมฺปิ ตํ อพฺพุเหติ ตํ ตตฺถ สมูลมฺปิ สห มูเลนปิ อพฺพุเหยฺย, อุทฺธเรยฺยาติ อตฺโถ.

เอวํ พฺราหฺมเณน วุตฺเต ปุน องฺกุโร ตํ นีตึ นิรตฺถกํ กาตุกาโม –

๒๖๓.

‘‘ยสฺเสกรตฺติมฺปิ ฆเร วเสยฺย, ยตฺถนฺนปานํ ปุริโส ลเภถ;

น ตสฺส ปาปํ มนสาปิ จินฺตเย, กตฺุตา สปฺปุริเสหิ วณฺณิตา.

๒๖๔.

‘‘ยสฺเสกรตฺติมฺปิ ฆเร วเสยฺย, อนฺเนน ปาเนน อุปฏฺิโต สิยา;

น ตสฺส ปาปํ มนสาปิ จินฺตเย, อทุพฺภปาณี ทหเต มิตฺตทุพฺภึ.

๒๖๕.

‘‘โย ปุพฺเพ กตกลฺยาโณ, ปจฺฉา ปาเปน หึสติ;

อลฺลปาณิหโต โปโส, น โส ภทฺรานิ ปสฺสตี’’ติ. –

อิมา ติสฺโส คาถา อภาสิ.

๒๖๓. ตตฺถ ยสฺสาติ ยสฺส ปุคฺคลสฺส. เอกรตฺติมฺปีติ เอกรตฺติมตฺตมฺปิ เกวลํ เคเห วเสยฺย. ยตฺถนฺนปานํ ปุริโส ลเภถาติ ยสฺส สนฺติเก โกจิ ปุริโส อนฺนปานํ วา ยํกิฺจิ โภชนํ วา ลเภยฺย. น ตสฺส ปาปํ มนสาปิ จินฺตเยติ ตสฺส ปุคฺคลสฺส อภทฺทกํ อนตฺถํ มนสาปิ น จินฺเตยฺย น ปิเหยฺย, ปเคว กายวาจาหิ. กสฺมาติ เจ? กตฺุตา สปฺปุริเสหิ วณฺณิตาติ กตฺุตา นาม พุทฺธาทีหิ อุตฺตมปุริเสหิ ปสํสิตา.

๒๖๔. อุปฏฺิโตติ ปยิรุปาสิโต ‘‘อิทํ คณฺห อิทํ ภุฺชา’’ติ อนฺนปานาทินา อุปฏฺิโต. อทุพฺภปาณีติ อหึสกหตฺโถ หตฺถสํยโต. ทหเต มิตฺตทุพฺภินฺติ ตํ มิตฺตทุพฺภึ ปุคฺคลํ ทหติ วินาเสติ, อปฺปทุฏฺเ หิตชฺฌาสยสมฺปนฺเน ปุคฺคเล ปเรน กโต อปราโธ อวิเสเสน ตสฺเสว อนตฺถาวโห, อปฺปทุฏฺโ ปุคฺคโล อตฺถโต ตํ ทหติ นาม. เตนาห ภควา –

‘‘โย อปฺปทุฏฺสฺส นรสฺส ทุสฺสติ, สุทฺธสฺส โปสสฺส อนงฺคณสฺส;

ตเมว พาลํ ปจฺเจติ ปาปํ, สุขุโม รโช ปฏิวาตํว ขิตฺโต’’ติ. (ธ. ป. ๑๒๕; ชา. ๑.๕.๙๔; สํ. นิ. ๑.๒๒);

๒๖๕. โย ปุพฺเพ กตกลฺยาโณติ โย ปุคฺคโล เกนจิ สาธุนา กตภทฺทโก กตูปกาโร. ปจฺฉา ปาเปน หึสตีติ ตํ ปุพฺพการินํ อปรภาเค ปาเปน อภทฺทเกน อนตฺถเกน พาธติ. อลฺลปาณิหโต โปโสติ อลฺลปาณินา อุปการกิริยาย อลฺลปาณินา โธตหตฺเถน ปุพฺพการินา เหฏฺา วุตฺตนเยน หโต พาธิโต, ตสฺส วา ปุพฺพการิโน พาธเนน หโต อลฺลปาณิหโต นาม, อกตฺุปุคฺคโล. น โส ภทฺรานิ ปสฺสตีติ โส ยถาวุตฺตปุคฺคโล อิธโลเก จ ปรโลเก จ อิฏฺานิ น ปสฺสติ, น วินฺทติ, น ลภตีติ อตฺโถ.

เอวํ สปฺปุริสธมฺมํ ปคฺคณฺหนฺเตน องฺกุเรน อภิภวิตฺวา วุตฺโต โส พฺราหฺมโณ นิรุตฺตโร ตุณฺหี อโหสิ. ยกฺโข ปน เตสํ ทฺวินฺนํ วจนปฏิวจนานิ สุตฺวา พฺราหฺมณสฺส กุชฺฌิตฺวาปิ ‘‘โหตุ อิมสฺส ทุฏฺพฺราหฺมณสฺส กตฺตพฺพํ ปจฺฉา ชานิสฺสามี’’ติ อตฺตโน เกนจิ อนภิภวนียตเมว ตาว ทสฺเสนฺโต –

๒๖๖.

‘‘นาหํ เทเวน วา มนุสฺเสน วา, อิสฺสริเยน วา หํ สุปฺปสยฺโห;

ยกฺโขหมสฺมิ ปรมิทฺธิปตฺโต, ทูรงฺคโม วณฺณพลูปปนฺโน’’ติ. –

คาถมาห. ตตฺถ เทเวน วาติ เยน เกนจิ เทเวน วา. มนุสฺเสน วาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. อิสฺสริเยน วาติ เทวิสฺสริเยน วา มนุสฺสิสฺสริเยน วา. ตตฺถ เทวิสฺสริยํ นาม จตุมหาราชิกสกฺกสุยามาทีนํ เทวิทฺธิ, มนุสฺสิสฺสริยํ นาม จกฺกวตฺติอาทีนํ ปุฺิทฺธิ. ตสฺมา อิสฺสริยคฺคหเณน มหานุภาเว เทวมนุสฺเส สงฺคณฺหาติ. มหานุภาวาปิ หิ เทวา อตฺตโน ปุฺผลูปตฺถมฺภิเต มนุสฺเสปิ อสติ ปโยควิปตฺติยํ อภิภวิตุํ น สกฺโกนฺติ, ปเคว อิตเร. นฺติ อสหเน นิปาโต. น สุปฺปสยฺโหติ อปฺปธํสิโย. ยกฺโขหมสฺมิ ปรมิทฺธิปตฺโตติ อตฺตโน ปุฺผเลน อหํ ยกฺขตฺตํ อุปคโต อสฺมิ, ยกฺโขว สมาโน น โย วา โส วา, อถ โข ปรมิทฺธิปตฺโต ปรมาย อุตฺตมาย ยกฺขิทฺธิยา สมนฺนาคโต. ทูรงฺคโมติ ขเณเนว ทูรมฺปิ านํ คนฺตุํ สมตฺโถ. วณฺณพลูปปนฺโนติ รูปสมฺปตฺติยา สรีรพเลน จ อุปปนฺโน สมนฺนาคโตติ ตีหิปิ ปเทหิ มนฺตปฺปโยคาทีหิ อตฺตโน อนภิภวนียตํเยว ทสฺเสติ. รูปสมฺปนฺโน หิ ปเรสํ พหุมานิโต โหติ, รูปสมฺปทํ นิสฺสาย วิสภาควตฺถุนาปิ อนากฑฺฒนิโยวาติ วณฺณสมฺปทา อนภิภวนียการณนฺติ วุตฺตา.

อิโต ปรํ องฺกุรสฺส จ เทวปุตฺตสฺส จ วจนปฏิวจนกถา โหติ –

๒๖๗.

‘‘ปาณิ เต สพฺพโสวณฺโณ, ปฺจธาโร มธุสฺสโว;

นานารสา ปคฺฆรนฺติ, มฺเหํ ตํ ปุรินฺททํ.

๒๖๘.

‘‘นามฺหิ เทโว น คนฺธพฺโพ, นาปิ สกฺโก ปุรินฺทโท;

เปตํ มํ องฺกุร ชานาหิ, โรรุวมฺหา อิธาคตํ.

๒๖๙.

‘‘กึสีโล กึสมาจาโร, โรรุวสฺมึ ปุเร ตุวํ;

เกน เต พฺรหฺมจริเยน, ปุฺํ ปาณิมฺหิ อิชฺฌติ.

๒๗๐.

‘‘ตุนฺนวาโย ปุเร อาสึ, โรรุวสฺมึ ตทา อหํ;

สุกิจฺฉวุตฺติ กปโณ, น เม วิชฺชติ ทาตเว.

๒๗๑.

‘‘นิเวสนฺจ เม อาสิ, อสยฺหสฺส อุปนฺติเก;

สทฺธสฺส ทานปติโน, กตปุฺสฺส ลชฺชิโน.

๒๗๒.

‘‘ตตฺถ ยาจนกายนฺติ, นานาโคตฺตา วนิพฺพกา;

เต จ มํ ตตฺถ ปุจฺฉนฺติ, อสยฺหสฺส นิเวสนํ.

๒๗๓.

‘‘กตฺถ คจฺฉาม ภทฺทํ โว, กตฺถ ทานํ ปทียติ;

เตสาหํ ปุฏฺโ อกฺขามิ, อสยฺหสฺส นิเวสนํ.

๒๗๔.

‘‘ปคฺคยฺห ทกฺขิณํ พาหุํ, เอตฺถ คจฺฉถ ภทฺทํ โว;

เอตฺถ ทานํ ปทียติ, อสยฺหสฺส นิเวสเน.

๒๗๕.

‘‘เตน ปาณิ กามทโท, เตน ปาณิ มธุสฺสโว;

เตน เม พฺรหฺมจริเยน, ปุฺํ ปาณิมฺหิ อิชฺฌติ.

๒๗๖.

‘‘น กิร ตฺวํ อทา ทานํ, สกปาณีหิ กสฺสจิ;

ปรสฺส ทานํ อนุโมทมาโน, ปาณึ ปคฺคยฺห ปาวทิ.

๒๗๗.

‘‘เตน ปาณิ กามทโท, เตน ปาณิ มธุสฺสโว;

เตน เต พฺรหฺมจริเยน, ปุฺํ ปาณิมฺหิ อิชฺฌติ.

๒๗๘.

‘‘โย โส ทานมทา ภนฺเต, ปสนฺโน สกปาณิภิ;

โส หิตฺวา มานุสํ เทหํ, กึ นุ โส ทิสตํ คโต.

๒๗๙.

‘‘นาหํ ปชานามิ อสยฺหสาหิโน, องฺคีรสสฺส คตึ อาคตึ วา;

สุตฺจ เม เวสฺสวณสฺส สนฺติเก, สกฺกสฺส สหพฺยตํ คโต อสยฺโห.

๒๘๐.

‘‘อลเมว กาตุํ กลฺยาณํ, ทานํ ทาตุํ ยถารหํ;

ปาณึ กามททํ ทิสฺวา, โก ปุฺํ น กริสฺสติ.

๒๘๑.

‘‘โส หิ นูน อิโต คนฺตฺวา, อนุปฺปตฺวาน ทฺวารกํ;

ทานํ ปฏฺปยิสฺสามิ, ยํ มมสฺส สุขาวหํ.

๒๘๒.

‘‘ทสฺสามนฺนฺจ ปานฺจ, วตฺถเสนาสนานิ จ;

ปปฺจ อุทปานฺจ, ทุคฺเค สงฺกมนานิ จา’’ติ. –

ปนฺนรส วจนปฏิวจนคาถา โหนฺติ.

๒๖๗. ตตฺถ ปาณิ เตติ ตว ทกฺขิณหตฺโถ. สพฺพโสวณฺโณติ สพฺพโส สุวณฺณวณฺโณ. ปฺจธาโรติ ปฺจหิ องฺคุลีหิ ปเรหิ กามิตวตฺถูนํ ธารา เอตสฺส สนฺตีติ ปฺจธาโร. มธุสฺสโวติ มธุรรสวิสฺสนฺทโก. เตนาห ‘‘นานารสา ปคฺฆรนฺตี’’ติ, มธุรกฏุกกสาวาทิเภทา นานาวิธา รสา วิสฺสนฺทนฺตีติ อตฺโถ. ยกฺขสฺส หิ กามทเท มธุราทิรสสมฺปนฺนานิ วิวิธานิ ขาทนียโภชนียานิ หตฺเถ วิสฺสชฺชนฺเต มธุราทิรสา ปคฺฆรนฺตีติ วุตฺตํ. มฺเหํ ตํ ปุรินฺททนฺติ มฺเ อหํ ตํ ปุรินฺททํ สกฺกํ, ‘‘เอวํมหานุภาโว สกฺโก เทวราชา’’ติ ตํ อหํ มฺามีติ อตฺโถ.

๒๖๘. นามฺหิ เทโวติ เวสฺสวณาทิโก ปากฏเทโว น โหมิ. น คนฺธพฺโพติ คนฺธพฺพกายิกเทโวปิ น โหมิ. นาปิ สกฺโก ปุรินฺทโทติ ปุริมตฺตภาเว ปุเร ทานสฺส ปฏฺปิตตฺตา ‘‘ปุรินฺทโท’’ติ ลทฺธนาโม สกฺโก เทวราชาปิ น โหมิ. กตโร ปน อโหสีติ อาห ‘‘เปตํ มํ องฺกุร ชานาหี’’ติอาทิ. องฺกุรเปตูปปตฺติกํ มํ ชานาหิ, ‘‘อฺตโร เปตมหิทฺธิโก’’ติ มํ อุปธาเรหิ. โรรุวมฺหา อิธาคตนฺติ โรรุวนครโต จวิตฺวา มรุกนฺตาเร อิธ อิมสฺมึ นิคฺโรธรุกฺเข อุปปชฺชนวเสน อาคตํ, เอตฺถ นิพฺพตฺตนฺติ อตฺโถ.

๒๖๙. กึสีโล กึสมาจาโร, โรรุวสฺมึ ปุเร ตุวนฺติ ปุพฺเพ ปุริมตฺตภาเว โรรุวนคเร วสนฺโต ตฺวํ กึสีโล กึสมาจาโร อโหสิ, ปาปโต นิวตฺตนลกฺขณํ กีทิสํ สีลํ สมาทาย สํวตฺติตปุฺกิริยาลกฺขเณน สมาจาเรน กึสมาจาโร, ทานาทีสุ กุสลสมาจาเรสุ กีทิโส สมาจาโร อโหสีติ อตฺโถ. เกน เต พฺรหฺมจริเยน, ปุฺํ ปาณิมฺหิ อิชฺฌตีติ กีทิเสน เสฏฺจริเยน อิทํ เอวรูปํ ตว หตฺเถสุ ปุฺผลํ อิทานิ สมิชฺฌติ นิปฺผชฺชติ, ตํ กเถหีติ อตฺโถ. ปุฺผลฺหิ อิธ อุตฺตรปทโลเปน ‘‘ปุฺ’’นฺติ อธิปฺเปตํ. ตตฺถา หิ ตํ ‘‘กุสลานํ, ภิกฺขเว, ธมฺมานํ สมาทานเหตุ เอวมิทํ ปุฺํ ปวฑฺฒตี’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๘๐) ปุฺนฺติ วุตฺตํ.

๒๗๐. ตุนฺนวาโยติ ตุนฺนกาโร. สุกิจฺฉวุตฺตีติ สุฏฺุ กิจฺฉปุตฺติโก อติวิย ทุกฺขชีวิโก. กปโณติ วราโก, ทีโนติ อตฺโถ. น เม วิชฺชติ ทาตเวติ อทฺธิกานํ สมณพฺราหฺมณานํ ทาตุํ กิฺจิ ทาตพฺพยุตฺตกํ มยฺหํ นตฺถิ, จิตฺตํ ปน เม ทานํ ทินฺนนฺติ อธิปฺปาโย.

๒๗๑. นิเวสนนฺติ ฆรํ, กมฺมกรณสาลา วา. อสยฺหสฺส อุปนฺติเกติ อสยฺหสฺส มหาเสฏฺิโน เคหสฺส สมีเป. สทฺธสฺสาติ กมฺมผลสทฺธาย สมนฺนาคตสฺส. ทานปติโนติ ทาเน นิรนฺตรปฺปวตฺตาย ปริจฺจาคสมฺปตฺติยา โลภสฺส จ อภิภเวน ปติภูตสฺส. กตปุฺสฺสาติ ปุพฺเพ กตสุจริตกมฺมสฺส. ลชฺชิโนติ ปาปชิคุจฺฉนสภาวสฺส.

๒๗๒. ตตฺถาติ ตสฺมึ มม นิเวสเน. ยาจนกายนฺตีติ ยาจนกา ชนา อสยฺหเสฏฺึ กิฺจิ ยาจิตุกามา อาคจฺฉนฺติ. นานาโคตฺตาติ นานาวิธโคตฺตาปเทสา. วนิพฺพกาติ วณฺณทีปกา, เย ทายกสฺส ปุฺผลาทิฺจ คุณกิตฺตนาทิมุเขน อตฺตโน อตฺถิกภาวํ ปเวเทนฺตา วิจรนฺติ. เต จ มํ ตตฺถ ปุจฺฉนฺตีติ ตตฺถาติ นิปาตมตฺตํ, เต ยาจกาทโย มํ อสยฺหเสฏฺิโน นิเวสนํ ปุจฺฉนฺติ. อกฺขรจินฺตกา หิ อีทิเสสุ าเนสุ กมฺมทฺวยํ อิจฺฉนฺติ.

๒๗๓. กตฺถ คจฺฉาม ภทฺทํ โว, กตฺถ ทานํ ปทียตีติ เตสํ ปุจฺฉนาการทสฺสนํ. อยํ เปตฺถ อตฺโถ – ภทฺทํ ตุมฺหากํ โหตุ, มยํ ‘‘อสยฺหมหาเสฏฺินา ทานํ ปทียตี’’ติ สุตฺวา อาคตา, กตฺถ ทานํ ปทียติ, กตฺถ วา มยํ คจฺฉาม, กตฺถ คเตน ทานํ สกฺกา ลทฺธุนฺติ. เตสาหํ ปุฏฺโ อกฺขามีติ เอวํ เตหิ อทฺธิกชเนหิ ลภนฏฺานํ ปุฏฺโ ‘‘อหํ ปุพฺเพ อกตปุฺตาย อิทานิ อีทิสานํ กิฺจิ ทาตุํ อสมตฺโถ ชาโต, ทานคฺคํ ปน อิเมสํ ทสฺเสนฺโต ลาภสฺส อุปายาจิกฺขเณน ปีตึ อุปฺปาเทนฺโต เอตฺตเกนปิ พหุํ ปุฺํ ปสวามี’’ติ คารวํ อุปฺปาเทตฺวา ทกฺขิณํ พาหุํ ปสาเรตฺวา เตสํ อสยฺหเสฏฺิสฺส นิเวสนํ อกฺขามิ. เตนาห ‘‘ปคฺคยฺห ทกฺขิณํ พาหุ’’นฺติอาทิ.

๒๗๔. เตน ปาณิ กามทโทติ เตน ปรทานปกาสเนน ปเรน กตสฺส ทานสฺส สกฺกจฺจํ อนุโมทนมตฺเตน เหตุนา อิทานิ มยฺหํ หตฺโถ กปฺปรุกฺโข วิย สนฺตานกลตา วิย จ กามทุโห อิจฺฉิติจฺฉิตทายี กามทโท โหติ. กามทโท จ โหนฺโต เตน ปาณิ มธุสฺสโว อิฏฺวตฺถุวิสฺสชฺชนโก ชาโต.

๒๗๖. กิร ตฺวํ อทา ทานนฺติ กิราติ อนุสฺสวนตฺเถ นิปาโต, ตฺวํ กิร อตฺตโน สนฺตกํ น ปริจฺจชิ, สกปาณีหิ สหตฺเถหิ ยสฺส กสฺสจิ สมณสฺส วา พฺราหฺมณสฺส วา กิฺจิ ทานํ น อทาสิ. ปรสฺส ทานํ อนุโมทมาโนติ เกวลํ ปน ปเรน กตํ ปรสฺส ทานํ ‘‘อโห ทานํ ปวตฺเตสี’’ติ อนุโมทมาโนเยว วิหาสิ.

๒๗๗. เตน ปาณิ กามทโทติ เตน ตุยฺหํ ปาณิ เอวํ กามทโท, อโห อจฺฉริยา วต ปุฺานํ คตีติ อธิปฺปาโย.

๒๗๘. โย โส ทานมทา, ภนฺเต, ปสนฺโน สกปาณิภีติ เทวปุตฺตํ คารเวน อาลปติ. ภนฺเต, ปเรน กตสฺส ทานานุโมทกสฺส ตาว ตุยฺหํ อีทิสํ ผลํ เอวรูโป อานุภาโว, โย ปน โส อสยฺหมหาเสฏฺิ มหาทานํ อทาสิ, ปสนฺนจิตฺโต หุตฺวา สหตฺเถหิ ตทา มหาทานํ ปวตฺเตสิ. โส หิตฺวา มานุสํ เทหนฺติ โส อิธ มนุสฺสตฺตภาวํ ปหาย. กินฺติ กตรํ. นุ โสติ นูติ นิปาตมตฺตํ. ทิสตํ คโตติ ทิสํ านํ คโต, กีทิสี ตสฺส คโต นิปฺผตฺตีติ อสยฺหเสฏฺิโน อภิสมฺปรายํ ปุจฺฉิ.

๒๗๙. อสยฺหสาหิโนติ อฺเหิ มจฺฉรีหิ โลภาภิภูเตหิ สหิตุํ วหิตุํ อสกฺกุเณยฺยสฺส ปริจฺจาคาทิวิภาคสฺส สปฺปุริสธุรสฺส สหนโต อสยฺหสาหิโน. องฺคีรสสฺสาติ องฺคโต นิกฺขมนกชุติสฺส. รโสติ หิ ชุติยา อธิวจนํ. ตสฺส กิร ยาจเก อาคจฺฉนฺเต ทิสฺวา อุฬารํ ปีติโสมนสฺสํ อุปฺปชฺชติ, มุขวณฺโณ วิปฺปสีทติ, ตํ อตฺตโน ปจฺจกฺขํ กตฺวา เอวมาห. คตึ อาคตึ วาติ ตสฺส ‘‘อสุกํ นาม คตึ, อิโต คโต’’ติ คตึ วา ‘‘ตโต วา ปน อสุกสฺมึ กาเล อิธาคมิสฺสตี’’ติ อาคตึ วา นาหํ ชานามิ, อวิสโย เอส มยฺหํ. สุตฺจ เม เวสฺสวณสฺส สนฺติเกติ อปิจ โข อุปฏฺานํ คเตน เวสฺสวณสฺส มหาราชสฺส สนฺติเก สุตเมตํ มยา. สกฺกสฺส สหพฺยตํ คโต อสยฺโหติ อสยฺหเสฏฺิ สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส สหพฺยตํ คโต อโหสิ, ตาวตึสภวเน นิพฺพตฺโตติ อตฺโถ.

๒๘๐. อลเมว กาตุํ กลฺยาณนฺติ ยํกิฺจิ กลฺยาณํ กุสลํ ปุฺํ กาตุํ ยุตฺตเมว ปติรูปเมว. ตตฺถ ปน ยํ สพฺพสาธารณํ สุกตตรํ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ทานํ ทาตุํ ยถารห’’นฺติ วุตฺตํ, อตฺตโน วิภวพลานุรูปํ ทานํ ทาตุํ อลเมว. ตตฺถ การณมาห ‘‘ปาณึ กามททํ ทิสฺวา’’ติ. ยตฺร หิ นาม ปรกตปุฺานุโมทนปุพฺพเกน ทานปตินิเวสนมคฺคาจิกฺขณมตฺเตน อยํ หตฺโถ กามทโท ทิฏฺโ, อิมํ ทิสฺวา. โก ปุฺํ น กริสฺสตีติ มาทิโส โก นาม อตฺตโน ปติฏฺานภูตํ ปุฺํ น กริสฺสตีติ.

๒๘๑. เอวํ อนิยมวเสน ปุฺกิริยาย อาทรํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อตฺตนิ ตํ นิยเมตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘โส หิ นูนา’’ติอาทิคาถาทฺวยมาห. ตตฺถ โสติ โส อหํ. หีติ อวธารเณ นิปาโต, นูนาติ ปริวิตกฺเก. อิโต คนฺตฺวาติ อิโต มรุภูมิโต อปคนฺตฺวา. อนุปฺปตฺวาน ทฺวารกนฺติ ทฺวารวตีนครํ อนุปาปุณิตฺวา. ปฏฺปยิสฺสามีติ ปวตฺตยิสฺสามิ.

เอวํ องฺกุเรน ‘‘ทานํ ทสฺสามี’’ติ ปฏิฺาย กตาย ยกฺโข ตุฏฺมานโส ‘‘มาริส, ตฺวํ วิสฺสตฺโถ ทานํ เทหิ, อหํ ปน เต สหายกิจฺจํ กริสฺสามิ, เยน เต เทยฺยธมฺโม น ปริกฺขยํ คมิสฺสติ, เตน ปกาเรน กริสฺสามี’’ติ ตํ ทานกิริยาย สมุตฺเตเชตฺวา ‘‘พฺราหฺมณ วาณิช, ตฺวํ กิร มาทิเส พลกฺกาเรน เนตุกาโม อตฺตโน ปมาณํ น ชานาสี’’ติ ตสฺส ภณฺฑมนฺตรธาเปตฺวา ตํ ยกฺขวิภึสกาย ภึสาเปนฺโต สนฺตชฺเชสิ. อถ นํ องฺกุโร นานปฺปการํ ยาจิตฺวา พฺราหฺมเณน ขมาเปนฺโต ปสาเทตฺวา สพฺพภณฺฑํ ปากติกํ การาเปตฺวา รตฺติยา อุปคตาย ยกฺขํ วิสฺสชฺเชตฺวา คจฺฉนฺโต ตสฺส อวิทูเร อฺตรํ อติวิย พีภจฺฉทสฺสนํ เปตํ ทิสฺวา เตน กตกมฺมํ ปุจฺฉนฺโต –

๒๘๓.

‘‘เกน เต องฺคุลี กุณา, มุขฺจ กุณลีกตํ;

อกฺขีนิ จ ปคฺฆรนฺติ, กึ ปาปํ ปกตํ ตยา’’ติ. –

คาถมาห. ตตฺถ กุณาติ กุณิกา ปฏิกุณิกา อนุชุภูตา. กุณลีกตนฺติ มุขวิกาเรน วิกุณิตํ สํกุณิตํ. ปคฺฆรนฺตีติ อสุจึ วิสฺสนฺทนฺติ.

อถสฺส เปโต –

๒๘๔.

‘‘องฺคีรสสฺส คหปติโน, สทฺธสฺส ฆรเมสิโน;

ตสฺสาหํ ทานวิสฺสคฺเค, ทาเน อธิกโต อหุํ.

๒๘๕.

‘‘ตตฺถ ยาจนเก ทิสฺวา, อาคเต โภชนตฺถิเก;

เอกมนฺตํ อปกฺกมฺม, อกาสึ กุณลึ มุขํ.

๒๘๖.

‘‘เตน เม องฺคุลี กุณา, มุขฺจ กุณลีกตํ;

อกฺขีนิ เม ปคฺฆรนฺติ, ตํ ปาปํ ปกตํ มยา’’ติ. –

ติสฺโส คาถา อภาสิ.

๒๘๔. ตตฺถ ‘‘องฺคีรสสฺสา’’ติอาทินา อสยฺหเสฏฺึ กิตฺเตติ. ฆรเมสิโนติ ฆรมาวสนฺตสฺส คหฏฺสฺส. ทานวิสฺสคฺเคติ ทานคฺเค ปริจฺจาคฏฺาเน. ทาเน อธิกโต อหุนฺติ เทยฺยธมฺมสฺส ปริจฺจชเน ทานาธิกาเร อธิกโต ปิโต อโหสึ.

๒๘๕. เอกมนฺตํ อปกฺกมฺมาติ ยาจนเก โภชนตฺถิเก อาคเต ทิสฺวา ทานพฺยาวเฏน ทานคฺคโต อนปกฺกมฺม ยถาาเนเยว ตฺวา สฺชาตปีติโสมนสฺเสน วิปฺปสนฺนมุขวณฺเณน สหตฺเถน ทานํ ทาตพฺพํ, ปเรหิ วา ปติรูเปหิ ทาเปตพฺพํ, อหํ ปน ตถา อกตฺวา ยาจนเก อาคจฺฉนฺเต ทูรโตว ทิสฺวา อตฺตานํ อทสฺเสนฺโต เอกมนฺตํ อปกฺกมฺม อปกฺกมิตฺวา. อกาสึ กุณลึ มุขนฺติ วิกุณิตํ สงฺกุจิตํ มุขํ อกาสึ.

๒๘๖. เตนาติ ยสฺมา ตทาหํ สามินา ทานาธิกาเร นิยุตฺโต สมาโน ทานกาเล อุปฏฺิเต มจฺฉริยาปกโต ทานคฺคโต อปกฺกมนฺโต ปาเทหิ สงฺโกจํ อาปชฺชึ, สหตฺเถหิ ทาตพฺเพ ตถา อกตฺวา หตฺถสงฺโกจํ อาปชฺชึ, ปสนฺนมุเขน ภวิตพฺเพ มุขสงฺโกจํ อาปชฺชึ, ปิยจกฺขูหิ โอโลเกตพฺเพ จกฺขุกาลุสิยํ อุปฺปาเทสึ, ตสฺมา หตฺถงฺคุลิโย จ ปาทงฺคุลิโย จ กุณิตา ชาตา, มุขฺจ กุณลีกตํ วิรูปรูปํ สงฺกุจิตํ, อกฺขีนิ อสุจีทุคฺคนฺธเชคุจฺฉานิ อสฺสูนิ ปคฺฆรนฺตีติ อตฺโถ. เตน วุตฺตํ –

‘‘เตน เม องฺคุลี กุณา, มุขฺจ กุณลีกตํ;

อกฺขีนิ เม ปคฺฆรนฺติ, ตํ ปาปํ ปกตํ มยา’’ติ.

ตํ สุตฺวา องฺกุโร เปตํ ครหนฺโต –

๒๘๗.

‘‘ธมฺเมน เต กาปุริส, มุขฺจ กุณลีกตํ;

อกฺขีนิ จ ปคฺฆรนฺติ, ยํ ตํ ปรสฺส ทานสฺส;

อกาสิ กุณลึ มุข’’นฺติ. –

คาถมาห. ตตฺถ ธมฺเมนาติ ยุตฺเตเนว การเณน. เตติ ตว. กาปุริสาติ ลามกปุริส. นฺติ ยสฺมา. ปรสฺส ทานสฺสาติ ปรสฺส ทานสฺมึ. อยเมว วา ปาโ.

ปุน องฺกุโร ตํ ทานปตึ เสฏฺึ ครหนฺโต –

๒๘๘.

‘‘กถฺหิ ทานํ ททมาโน, กเรยฺย ปรปตฺติยํ;

อนฺนปานํ ขาทนียํ, วตฺถเสนาสนานิ จา’’ติ. –

คาถมาห. ตสฺสตฺโถ – ทานํ ททนฺโต ปุริโส กถฺหิ นาม ตํ ปรปตฺติยํ ปเรน ปาเปตพฺพํ สาเธตพฺพํ กเรยฺย, อตฺตปจฺจกฺขเมว กตฺวา สหตฺเถเนว ทเทยฺย, สยํ วา ตตฺถ พฺยาวโฏ ภเวยฺย, อฺถา อตฺตโน เทยฺยธมฺโม อฏฺาเน วิทฺธํสิเยถ, ทกฺขิเณยฺยา จ ทาเนน ปริหาเยยฺยุนฺติ.

เอวํ ตํ ครหิตฺวา อิทานิ อตฺตนา ปฏิปชฺชิตพฺพวิธึ ทสฺเสนฺโต –

๒๘๙.

‘‘โส หิ นูน อิโต คนฺตฺวา, อนุปฺปตฺวาน ทฺวารกํ;

ทานํ ปฏฺปยิสฺสามิ, ยํ มมสฺส สุขาวหํ.

๒๙๐.

‘‘ทสฺสามนฺนฺจ ปานฺจ, วตฺถเสนาสนานิ จ;

ปปฺจ อุทปานฺจ, ทุคฺเค สงฺกมนานิ จา’’ติ. –

คาถาทฺวยมาห, ตํ วุตฺตตฺถเมว.

๒๙๑.

‘‘ตโต หิ โส นิวตฺติตฺวา, อนุปฺปตฺวาน ทฺวารกํ;

ทานํ ปฏฺปยิ องฺกุโร, ยํตุมสฺส สุขาวหํ.

๒๙๒.

‘‘อทา อนฺนฺจ ปานฺจ, วตฺถเสนาสนานิ จ;

ปปฺจ อุทปานฺจ, วิปฺปสนฺเนน เจตสา.

๒๙๓.

‘‘โก ฉาโต โก จ ตสิโต, โก วตฺถํ ปริทหิสฺสติ;

กสฺส สนฺตานิ โยคฺคานิ, อิโต โยเชนฺตุ วาหนํ.

๒๙๔.

‘‘โก ฉตฺติจฺฉติ คนฺธฺจ, โก มาลํ โก อุปาหนํ;

อิติสฺสุ ตตฺถ โฆเสนฺติ, กปฺปกา สูทมาคธา;

สทา สายฺจ ปาโต จ, องฺคุรสฺส นิเวสเน’’ติ. –

จตสฺโส คาถา องฺคุรสฺส ปฏิปตฺตึ ทสฺเสตุํ สงฺคีติกาเรหิ ปิตา.

๒๙๑. ตตฺถ ตโตติ มรุกนฺตารโต. นิวตฺติตฺวาติ ปฏินิวตฺติตฺวา. อนุปฺปตฺวาน ทฺวารกนฺติ ทฺวารวตีนครํ อนุปาปุณิตฺวา. ทานํ ปฏฺปยิ องฺคุโรติ ยกฺเขน ปริปูริตสกลโกฏฺาคาโร สพฺพปาเถยฺยกํ มหาทานํ โส องฺคุโร ปฏฺเปสิ. ยํตุมสฺส สุขาวหนฺติ ยํ อตฺตโน สมฺปติ อายติฺจ สุขนิพฺพตฺตกํ.

๒๙๓. โก ฉาโตติ โก ชิฆจฺฉิโต, โส อาคนฺตฺวา ยถารุจิ ภุฺชตูติ อธิปฺปาโย. เอเสว นโย เสเสสุปิ. ตสิโตติ ปิปาสิโต. ปริทหิสฺสตีติ นิวาเสสฺสติ ปารุปิสฺสติ จาติ อตฺโถ. สนฺตานีติ ปริสฺสมปฺปตฺตานิ. โยคฺคานีติ รถวาหนานิ. อิโต โยเชนฺตุ วาหนนฺติ อิโต โยคฺคสมูหโต ยถารุจิตํ คเหตฺวา วาหนํ โยเชนฺตุ.

๒๙๔. โก ฉตฺติจฺฉตีติ โก กิลฺชฉตฺตาทิเภทํ ฉตฺตํ อิจฺฉติ, โส คณฺหาตูติ อธิปฺปาโย. เสเสสุปิ เอเสว นโย. คนฺธนฺติ จตุชฺชาติยคนฺธาทิกํ คนฺธํ. มาลนฺติ คนฺถิตาคนฺถิตเภทํ ปุปฺผํ. อุปาหนนฺติ ขลฺลพทฺธาทิเภทํ อุปาหนํ. อิติสฺสูติ เอตฺถ สูติ นิปาตมตฺตํ, อิติ เอวํ ‘‘โก ฉาโต, โก ตสิโต’’ติอาทินาติ อตฺโถ. กปฺปกาติ นฺหาปิตกา. สูทาติ ภตฺตการกา. มาคธาติ คนฺธิโน. สทาติ สพฺพกาลํ ทิวเส ทิวเส สายฺจ ปาโต จ ตตฺถ องฺคุรสฺส นิเวสเน โฆเสนฺติ อุคฺโฆเสนฺตีติ โยชนา.

เอวํ มหาทานํ ปวตฺเตนฺตสฺส คจฺฉนฺเต กาเล ติตฺติภาวโต อตฺถิกชเนหิ ปวิวิตฺตํ วิรฬํ ทานคฺคํ อโหสิ. ตํ ทิสฺวา องฺกุโร ทาเน อุฬารชฺฌาสยตาย อตุฏฺมานโส หุตฺวา อตฺตโน ทาเน นิยุตฺตํ สินฺธกํ นาม มาณวํ อามนฺเตตฺวา –

๒๙๕.

‘‘สุขํ สุปติ องฺกุโร, อิติ ชานาติ มํ ชโน;

ทุกฺขํ สุปามิ สินฺธก, ยํ น ปสฺสามิ ยาจเก.

๒๙๖.

‘‘สุขํ สุปติ องฺกุโร, อิติ ชานาติ มํ ชโน;

ทุกฺขํ สุปามิ สินฺธก, อปฺปเก สุ วนิพฺพเก’’ติ. –

คาถาทฺวยมาห. ตตฺถ สุขํ สุปติ องฺกุโร, อิติ ชานาติ มํ ชโนติ ‘‘องฺกุโร ราชา ยสโภคสมปฺปิโต ทานปติ อตฺตโน โภคสมฺปตฺติยา ทานสมฺปตฺติยา จ สุขํ สุปติ, สุเขเนว นิทฺทํ อุปคจฺฉติ, สุขํ ปฏิพุชฺฌตี’’ติ เอวํ มํ ชโน สมฺภาเวติ. ทุกฺขํ สุปามิ สินฺธกาติ อหํ ปน สินฺธก ทุกฺขเมว สุปามิ. กสฺมา? ยํ น ปสฺสามิ ยาจเกติ, ยสฺมา มม อชฺฌาสยานุรูปํ เทยฺยธมฺมปฏิคฺคาหเก พหู ยาจเก น ปสฺสามิ, ตสฺมาติ อตฺโถ. อปฺปเก สุ วนิพฺพเกติ วนิพฺพกชเน อปฺปเก กติปเย ชาเต ทุกฺขํ สุปามีติ โยชนา. สูติ จ นิปาตมตฺตํ, อปฺปเก วนิพฺพกชเน สตีติ อตฺโถ.

ตํ สุตฺวา สินฺธโก ตสฺส อุฬารํ ทานาธิมุตฺตึ ปากฏตรํ กาตุกาโม –

๒๙๗.

‘‘สกฺโก เจ เต วรํ ทชฺชา, ตาวตึสานมิสฺสโร;

กิสฺส สพฺพสฺส โลกสฺส, วรมาโน วรํ วเร’’ติ. –

คาถมาห. ตสฺสตฺโถ – ตาวตึสานํ เทวานํ สพฺพสฺสโลกสฺส อิสฺสโร สกฺโก ‘‘วรํ วรสฺสุ, องฺกุร, ยํกิฺจิ มนสิจฺฉิต’’นฺติ ตุยฺหํ วรํ ทชฺชา ทเทยฺย เจ, วรมาโน ปตฺถยมาโน กิสฺส กีทิสํ วรํ วเรยฺยาสีติ อตฺโถ.

อถ องฺกุโร อตฺตโน อชฺฌาสยํ ยาถาวโต ปเวเทนฺโต –

๒๙๘.

‘‘สกฺโก เจ เม วรํ ทชฺชา, ตาวตึสานมิสฺสโร;

กาลุฏฺิตสฺส เม สโต, สูริยุคฺคมนํ ปติ;

ทิพฺพา ภกฺขา ปาตุภเวยฺยุํ, สีลวนฺโต จ ยาจกา.

๒๙๙.

‘‘ททโต เม น ขีเยถ, ทตฺวา นานุตเปยฺยหํ;

ททํ จิตฺตํ ปสาเทยฺยํ, เอตํ สกฺกํ วรํ วเร’’ติ. – ทฺเว คาถา อภาสิ;

๒๙๘. ตตฺถ กาลุฏฺิตสฺส เม สโตติ กาเล ปาโต วุฏฺิตสฺส อตฺถิกานํ ทกฺขิเณยฺยานํ อปจายนปาริจริยาทิวเสน อุฏฺานวีริยสมฺปนฺนสฺส เม สมานสฺส. สูริยุคฺคมนํ ปตีติ สูริยุคฺคมนเวลายํ. ทิพฺพา ภกฺขา ปาตุภเวยฺยุนฺติ เทวโลกปริยาปนฺนา อาหารา อุปฺปชฺเชยฺยุํ. สีลวนฺโต จ ยาจกาติ ยาจกา จ สีลวนฺโต กลฺยาณธมฺมา ภเวยฺยุํ.

๒๙๙. ททโต เม น ขีเยถาติ อาคตาคตานํ ทานํ ททโต จ เม เทยฺยธมฺโม น ขีเยถ, น ปริกฺขยํ คจฺเฉยฺย. ทตฺวา นานุตเปยฺยหนฺติ ตฺจ ทานํ ทตฺวา กิฺจิเทว อปฺปสาทกํ ทิสฺวา เตน อหํ ปจฺฉา นานุตเปยฺยํ. ททํ จิตฺตํ ปสาเทยฺยนฺติ ททมาโน จิตฺตํ ปสาเทยฺยํ, ปสนฺนจิตฺโตเยว หุตฺวา ทเทยฺยํ. เอตํ สกฺกํ วรํ วเรติ สกฺกํ เทวานมินฺทํ อาโรคฺยสมฺปทา, เทยฺยธมฺมสมฺปทา, ทกฺขิเณยฺยสมฺปทา, เทยฺยธมฺมสฺส อปริมิตสมฺปทา, ทายกสมฺปทาติ เอตํ ปฺจวิธํ วรํ วเรยฺยํ. เอตฺถ จ ‘‘กาลุฏฺิตสฺส เม สโต’’ติ เอเตน อาโรคฺยสมฺปทา, ‘‘ทิพฺพา ภกฺขา ปาตุภเวยฺยุ’’นฺติ เอเตน เทยฺยธมฺมสมฺปทา, ‘‘สีลวนฺโต จ ยาจกา’’ติ เอเตน ทกฺขิเณยฺยสมฺปทา, ‘‘ททโต เม น ขีเยถา’’ติ เอเตน เทยฺยธมฺมสฺส อปริมิตสมฺปทา, ‘‘ทตฺวา นานุตเปยฺยหํ, ททํ จิตฺตํ ปสาเทยฺย’’นฺติ เอเตหิ ทายกสมฺปทาติ อิเม ปฺจ อตฺถา วรภาเวน อิจฺฉิตา. เต จ โข ทานมยปุฺสฺส ยาวเทว อุฬารภาวายาติ เวทิตพฺพา.

เอวํ องฺกุเรน อตฺตโน อชฺฌาสเย ปเวทิเต ตตฺถ นิสินฺโน นีติสตฺเถ กตปริจโย โสนโก นาม เอโก ปุริโส ตํ อติทานโต วิจฺฉินฺทิตุกาโม –

๓๐๐.

‘‘น สพฺพวิตฺตานิ ปเร ปเวจฺเฉ, ทเทยฺย ทานฺจ ธนฺจ รกฺเข;

ตสฺมา หิ ทานา ธนเมว เสยฺโย, อติปฺปทาเนน กุลา น โหนฺติ.

๓๐๑.

‘‘อทานมติทานฺจ นปฺปสํสนฺติ ปณฺฑิตา,

ตสฺมา หิ ทานา ธนเมว เสยฺโย,

สเมน วตฺเตยฺย ส ธีรธมฺโม’’ติ. –

ทฺเว คาถา อภาสิ. สินฺธโก เอวํ ปุนปิ วีมํสิตุกาโม ‘‘น สพฺพวิตฺตานี’’ติอาทิมาหาติ อปเร.

๓๐๐. ตตฺถ สพฺพวิตฺตานีติ สวิฺาณกอวิฺาณกปฺปเภทานิ สพฺพานิ วิตฺตูปกรณานิ, ธนานีติ อตฺโถ. ปเรติ ปรมฺหิ, ปรสฺสาติ อตฺโถ. น ปเวจฺเฉติ น ทเทยฺย, ‘‘ทกฺขิเณยฺยา ลทฺธา’’ติ กตฺวา กิฺจิ อเสเสตฺวา สพฺพสาปเตยฺยปริจฺจาโค น กาตพฺโพติ อตฺโถ. ทเทยฺย ทานฺจาติ สพฺเพน สพฺพํ ทานธมฺโม น กาตพฺโพ, อถ โข อตฺตโน อายฺจ วยฺจ ชานิตฺวา วิภวานุรูปํ ทานฺจ ทเทยฺย. ธนฺจ รกฺเขติ อลทฺธลาภลทฺธปริรกฺขณรกฺขิตสมฺพนฺธวเสน ธนํ ปริปาเลยฺย.

‘‘เอเกน โภเค ภุฺเชยฺย, ทฺวีหิ กมฺมํ ปโยชเย;

จตุตฺถฺจ นิธาเปยฺย, อาปทาสุ ภวิสฺสตี’’ติ. (ที. นิ. ๓.๒๖๕) –

วุตฺตวิธินา วา ธนํ รกฺเขยฺย ตมฺมูลกตฺตา ทานสฺส. ตโยปิ มคฺคา อฺมฺวิโสธเนน ปฏิเสวิตพฺพาติ หิ นีติจินฺตกา. ตสฺมา หีติ ยสฺมา ธนฺจ รกฺขนฺโต ทานฺจ กโรนฺโต อุภยโลกหิตาย ปฏิปนฺโน โหติ ธนมูลกฺจ ทานํ, ตสฺมา ทานโต ธนเมว เสยฺโย สุนฺทรตโรติ อติทานํ น กาตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘อติปฺปทาเนน กุลา น โหนฺตี’’ติ, ธนสฺส ปมาณํ อชานิตฺวา ทานสฺส ตํ นิสฺสาย อติปฺปทานปสงฺเคน กุลานิ น โหนฺติ นปฺปวตฺตนฺติ, อุจฺฉิชฺชนฺตีติ อตฺโถ.

๓๐๑. อิทานิ วิฺูนํ ปสํสิตเมวตฺถํ ปติฏฺเปนฺโต ‘‘อทานมติทานฺจา’’ติ คาถมาห. ตตฺถ อทานมติทานฺจาติ สพฺเพน สพฺพํ กฏจฺฉุภิกฺขายปิ ตณฺฑุลมุฏฺิยาปิ อทานํ, ปมาณํ อติกฺกมิตฺวา ปริจฺจาคสงฺขาตํ อติทานฺจ ปณฺฑิตา พุทฺธิมนฺโต สปฺชาติกา นปฺปสํสนฺติ น วณฺณยนฺติ. สพฺเพน สพฺพํ อทาเนน หิ สมฺปรายิกโต อตฺถโต ปริพาหิโร โหติ. อติทาเนน ทิฏฺธมฺมิกปเวณี น ปวตฺตติ. สเมน วตฺเตยฺยาติ อวิสเมน โลกิยสริกฺขเกน สมาหิเตน มชฺฌิเมน าเยน ปวตฺเตยฺย. ส ธีรธมฺโมติ ยา ยถาวุตฺตา ทานาทานปฺปวตฺติ, โส ธีรานํ ธิติสมฺปนฺนานํ นีตินยกุสลานํ ธมฺโม, เตหิ คตมคฺโคติ ทีเปติ.

ตํ สุตฺวา องฺกุโร ตสฺส อธิปฺปายํ ปริวตฺเตนฺโต –

๓๐๒.

‘‘อโห วต เร อหเมว ทชฺชํ, สนฺโต จ มํ สปฺปุริสา ภเชยฺยุํ;

เมโฆว นินฺนานิ ปริปูรยนฺโต, สนฺตปฺปเย สพฺพวนิพฺพกานํ.

๓๐๓.

‘‘ยสฺส ยาจนเก ทิสฺวา, มุขวณฺโณ ปสีทติ;

ทตฺวา อตฺตมโน โหติ, ตํ ฆรํ วสโต สุขํ.

๓๐๔.

‘‘ยสฺส ยาจนเก ทิสฺวา, มุขวณฺโณ ปสีทติ;

ทตฺวา อตฺตมโน โหติ, เอสา ยฺสฺส สมฺปทา.

๓๐๕.

‘‘ปุพฺเพว ทานา สุมโน, ททํ จิตฺตํ ปสาทเย;

ทตฺวา อตฺตมโน โหติ, เอสา ยฺสฺส สมฺปทา’’ติ. –

จตูหิ คาถาหิ อตฺตนา ปฏิปชฺชิตพฺพวิธึ ปกาเสสิ.

๓๐๒. ตตฺถ อโห วตาติ สาธุ วต. เรติ อาลปนํ. อหเมว ทชฺชนฺติ อหํ ทชฺชเมว. อยฺเหตฺถ สงฺเขปตฺโถ – มาณว, ‘‘ทานา ธนเมว เสยฺโย’’ติ ยทิ อยํ นีติกุสลานํ วาโท ตว โหตุ, กามํ อหํ ทชฺชเมว. สนฺโต จ มํ สปฺปุริสา ภเชยฺยุนฺติ ตสฺมิฺจ ทาเน สนฺโต อุปสนฺตกายวจีมโนสมาจารา สปฺปุริสา สาธโว มํ ภเชยฺยุํ อุปคจฺเฉยฺยุํ. เมโฆว นินฺนานิ ปริปูรยนฺโตติ อหํ อภิปฺปวสฺสนฺโต มหาเมโฆ วิย นินฺนานิ นินฺนฏฺานานิ สพฺเพสํ วนิพฺพกานํ อธิปฺปาเย ปริปูรยนฺโต อโห วต เต สนฺตปฺเปยฺยนฺติ.

๓๐๓. ยสฺส ยาจนเก ทิสฺวาติ ยสฺส ปุคฺคลสฺส ฆรเมสิโน ยาจนเก ทิสฺวา ‘‘ปมํ ตาว อุปฏฺิตํ วต เม ปุฺกฺเขตฺต’’นฺติ สทฺธาชาตสฺส มุขวณฺโณ ปสีทติ, ยถาวิภวํ ปน เตสํ ทานํ ทตฺวา อตฺตมโน ปีติโสมนสฺเสหิ คหิตจิตฺโต โหติ. นฺติ ยเทตฺถ ยาจกานํ ทสฺสนํ, เตน จ ทิสฺวา จิตฺตสฺส ปสาทนํ, ยถารหํ ทานํ ทตฺวา จ อตฺตมนตา.

๓๐๔. เอสา ยฺสฺส สมฺปทาติ เอสา ยฺสฺส สมฺปตฺติ ปาริปูริ, นิปฺผตฺตีติ อตฺโถ.

๓๐๕. ปุพฺเพว ทานา สุมโนติ ‘‘สมฺปตฺตีนํ นิทานํ อนุคามิกํ นิธานํ นิเธสฺสามี’’ติ มุฺจนเจตนาย ปุพฺเพ เอว ทานูปกรณสฺส สมฺปาทนโต ปฏฺาย สุมโน โสมนสฺสชาโต ภเวยฺย. ททํ จิตฺตํ ปสาทเยติ ททนฺโต เทยฺยธมฺมํ ทกฺขิเณยฺยหตฺเถ ปติฏฺาเปนฺโต ‘‘อสารโต ธนโต สาราทานํ กโรมี’’ติ อตฺตโน จิตฺตํ ปสาเทยฺย. ทตฺวา อตฺตมโน โหตีติ ทกฺขิเณยฺยานํ เทยฺยธมฺมํ ปริจฺจชิตฺวา ‘‘ปณฺฑิตปฺตฺตํ นาม มยา อนุฏฺิตํ, อโห สาธุ สุฏฺู’’ติ อตฺตมโน ปมุทิตมโน ปีติโสมนสฺสชาโต โหติ. เอสา ยฺสฺส สมฺปทาติ ยา อยํ ปุพฺพเจตนา มุฺชเจตนา อปรเจตนาติ อิเมสํ กมฺมผลสทฺธานุคตานํ โสมนสฺสปริคฺคหิตานํ ติสฺสนฺนํ เจตนานํ ปาริปูริ, เอสา ยฺสฺส สมฺปทา ทานสฺส สมฺปตฺติ, น อิโต อฺถาติ อธิปฺปาโย.

เอวํ องฺกุโร อตฺตโน ปฏิปชฺชนวิธึ ปกาเสตฺวา ภิยฺโยโสมตฺตาย อภิวฑฺฒมานทานชฺฌาสโย ทิวเส ทิวเส มหาทานํ ปวตฺเตสิ. เตน ตทา สพฺพรชฺชานิ อุนฺนงฺคลานิ กตฺวา มหาทาเน ทิยฺยมาเน ปฏิลทฺธสพฺพูปกรณา มนุสฺสา อตฺตโน อตฺตโน กมฺมนฺเต ปหาย ยถาสุขํ วิจรึสุ, เตน ราชูนํ โกฏฺาคารานิ ปริกฺขยํ อคมํสุ. ตโต ราชาโน องฺกุรสฺส ทูตํ ปาเหสุํ – ‘‘โภโต ทานํ นิสฺสาย อมฺหากํ อายสฺส วินาโส อโหสิ, โกฏฺาคารานิ ปริกฺขยํ คตานิ, ตตฺถ ยุตฺตมตฺตํ าตพฺพ’’นฺติ.

ตํ สุตฺวา องฺกุโร ทกฺขิณาปถํ คนฺตฺวา ทมิฬวิสเย สมุทฺทสฺส อวิทูรฏฺาเน มหติโย อเนกทานสาลาโย การาเปตฺวา มหาทานานิ ปวตฺเตนฺโต ยาวตายุกํ ตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา ตาวตึสภวเน นิพฺพตฺติ. ตสฺส ทานวิภูติฺจ สคฺคูปปตฺติฺจ ทสฺเสนฺโต สงฺคีติการา –

๓๐๖.

‘‘สฏฺิ วาหสหสฺสานิ, องฺกุรสฺส นิเวสเน;

โภชนํ ทียเต นิจฺจํ, ปุฺเปกฺขสฺส ชนฺตุโน.

๓๐๗.

‘‘ติสหสฺสานิ สูทา หิ, อามุตฺตมณิกุณฺฑลา;

องฺกุรํ อุปชีวนฺติ, ทาเน ยฺสฺส วาวฏา.

๓๐๘.

‘‘สฏฺิ ปุริสสหสฺสานิ, อามุตฺตมณิกุณฺฑลา;

องฺกุรสฺส มหาทาเน, กฏฺํ ผาเลนฺติ มาณวา.

๓๐๙.

‘‘โสฬสิตฺถิสหสฺสานิ, สพฺพาลงฺการภูสิตา;

องฺกุรสฺส มหาทาเน, วิธา ปิณฺเฑนฺติ นาริโย.

๓๑๐.

‘‘โสฬสิตฺถิสหสฺสานิ, สพฺพาลงฺการภูสิตา;

องฺกุรสฺส มหาทาเน, ทพฺพิคาหา อุปฏฺิตา.

๓๑๑.

‘‘พหุํ พหูนํ ปาทาสิ, จิรํ ปาทาสิ ขตฺติโย;

สกฺกจฺจฺจ สหตฺถา จ, จิตฺตีกตฺวา ปุนปฺปุนํ.

๓๑๒.

‘‘พหู มาเส จ ปกฺเข จ, อุตุสํวจฺฉรานิ จ;

มหาทานํ ปวตฺเตสิ, องฺกุโร ทีฆมนฺตรํ.

๓๑๓.

‘‘เอวํ ทตฺวา ยชิตฺวา จ, องฺกุโร ทีฆมนฺตรํ;

โส หิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวตึสูปโค อหู’’ติ. – คาถา อาหํสุ;

๓๐๖. ตถ สฏฺิ วาหสหสฺสานีติ วาหานํ สฏฺิสหสฺสานิ คนฺธสาลิตณฺฑุลาทิปูริตวาหานํ สฏฺิสหสฺสานิ. ปุฺเปกฺขสฺส ทานชฺฌาสยสฺส ทานาธิมุตฺตสฺส องฺกุรสฺส นิเวสเน นิจฺจํ ทิวเส ทิวเส ชนฺตุโน สตฺตกายสฺส โภชนํ ทียเตติ โยชนา.

๓๐๗-๘. ติสหสฺสานิ สูทา หีติ ติสหสฺสมตฺตา สูทา ภตฺตการกา. เต จ โข ปน ปธานภูตา อธิปฺเปตา, เตสุ เอกเมกสฺส ปน วจนกรา อเนกาติ เวทิตพฺพา. ‘‘ติสหสฺสานิ สูทาน’’นฺติ จ ปนฺติ. อามุตฺตมณิกุณฺฑลาติ นานามณิวิจิตฺตกุณฺฑลธรา. นิทสฺสนมตฺตฺเจตํ, อามุตฺตกฏกกฏิสุตฺตาทิอาภรณาปิ เต อเหสุํ. องฺกุรํ อุปชีวนฺตีติ ตํ อุปนิสฺสาย ชีวนฺติ, ตปฺปฏิพทฺธชีวิกา โหนฺตีติ อตฺโถ. ทาเน ยฺสฺส วาวฏาติ มหายาคสฺิตสฺส ยฺสฺส ทาเน ยชเน วาวฏา อุสฺสุกฺกํ อาปนฺนา. กฏฺํ ผาเลนฺติ มาณวาติ นานปฺปการานํ ขชฺชโภชฺชาทิอาหารวิเสสานํ ปจนาย อลงฺกตปฏิยตฺตา ตรุณมนุสฺสา กฏฺานิ ผาเลนฺติ วิทาเลนฺติ.

๓๐๙. วิธาติ วิธาตพฺพานิ โภชนโยคฺคานิ กฏุกภณฺฑานิ. ปิณฺเฑนฺตีติ ปิสนวเสน ปโยเชนฺติ.

๓๑๐. ทพฺพิคาหาติ กฏจฺฉุคาหิกา. อุปฏฺิตาติ ปริเวสนฏฺานํ อุปคนฺตฺวา ิตา โหนฺติ.

๓๑๑. พหุนฺติ มหนฺตํ ปหูติกํ. พหูนนฺติ อเนเกสํ. ปาทาสีติ ปกาเรหิ อทาสิ. จีรนฺติ จิรกาลํ. วีสติวสฺสสหสฺสายุเกสุ หิ มนุสฺเสสุ โส อุปฺปนฺโน. พหุํ พหูนํ จิรกาลฺจ เทนฺโต ยถา อทาสิ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘สกฺกจฺจฺจา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สกฺกจฺจนฺติ สาทรํ, อนปวิทฺธํ อนวฺาตํ กตฺวา. สหตฺถาติ สหตฺเถน, น อาณาปนมตฺเตน. จิตฺตีกตฺวาติ คารวพหุมานโยเคน จิตฺเตน กริตฺวา ปูเชตฺวา. ปุนปฺปุนนฺติ พหุโส น เอกวารํ, กติปยวาเร วา อกตฺวา อเนกวารํ ปาทาสีติ โยชนา.

๓๑๒. อิทานิ ตเมว ปุนปฺปุนํ กรณํ วิภาเวตุํ ‘‘พหู มาเส จา’’ติ คาถมาหํสุ. ตตฺถ พหู มาเสติ จิตฺตมาสาทิเก พหู อเนเก มาเส. ปกฺเขติ กณฺหสุกฺกเภเท พหู ปกฺเข. อุตุสํวจฺฉรานิ จาติ วสนฺตคิมฺหาทิเก พหู อุตู จ สํวจฺฉรานิ จ, สพฺพตฺถ อจฺจนฺตสํโยเค อุปโยควจนํ. ทีฆมนฺตรนฺติ ทีฆกาลมนฺตรํ. เอตฺถ จ ‘‘จิรํ ปาทาสี’’ติ จิรกาลํ ทานสฺส ปวตฺติตภาวํ วตฺวา ปุน ตสฺส นิรนฺตรเมว ปวตฺติตภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘พหู มาเส’’ติอาทิ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.

๓๑๓. เอวนฺติ วุตฺตปฺปกาเรน. ทตฺวา ยชิตฺวา จาติ อตฺถโต เอกเมว, เกสฺจิ ทกฺขิเณยฺยานํ เอกจฺจสฺส เทยฺยธมฺมสฺส ปริจฺจชนวเสน ทตฺวา, ปุน ‘‘พหุํ พหูนํ ปาทาสี’’ติ วุตฺตนเยน อตฺถิกานํ สพฺเพสํ ยถากามํ เทนฺโต มหายาควเสน ยชิตฺวา. โส หิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวตึสูปโค อหูติ โส องฺกุโร อายุปริโยสาเน มนุสฺสตฺถภาวํ ปหาย ปฏิสนฺธิคฺคหณวเสน ตาวตึสเทวนิกายูปโค อโหสิ.

เอวํ ตสฺมึ ตาวตึเสสุ นิพฺพตฺติตฺวา ทิพฺพสมฺปตฺตึ อนุภวนฺเต อมฺหากํ ภควโต กาเล อินฺทโก นาม มาณโว อายสฺมโต อนุรุทฺธตฺเถรสฺส ปิณฺฑาย จรนฺตสฺส ปสนฺนมานโส กฏจฺฉุภิกฺขํ ทาเปสิ. โส อปเรน สมเยน กาลํ กตฺวา เขตฺตคตสฺส ปุฺสฺส อานุภาเวน ตาวตึเสสุ มหิทฺธิโก มหานุภาโว เทวปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺโต ทิพฺเพหิ รูปาทีหิ ทสหิ าเนหิ องฺกุรํ เทวปุตฺตํ อภิภวิตฺวา วิโรจติ. เตน วุตฺตํ –

๓๑๔.

‘‘กฏจฺฉุภิกฺขํ ทตฺวาน, อนุรุทฺธสฺส อินฺทโก;

โส หิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวตึสูปโค อหุ.

๓๑๕.

‘‘ทสหิ าเนหิ องฺกุรํ, อินฺทโก อติโรจติ;

รูเป สทฺเท รเส คนฺเธ, โผฏฺพฺเพ จ มโนรเม.

๓๑๖.

‘‘อายุนา ยสสา เจว, วณฺเณน จ สุเขน จ;

อาธิปจฺเจน องฺกุรํ, อินฺทโก อติโรจตี’’ติ.

๓๑๔-๕. ตตฺถ รูเปติ รูปเหตุ, อตฺตโน รูปสมฺปตฺตินิมิตฺตนฺติ อตฺโถ. สทฺเทติอาทีสุปิ เอเสว นโย. อายุนาติ ชีวิเตน. นนุ จ เทวานํ ชีวิตํ ปริจฺฉินฺนปฺปมาณํ วุตฺตํ. สจฺจํ วุตฺตํ, ตํ ปน เยภุยฺยวเสน. ตถา หิ เอกจฺจานํ เทวานํ โยควิปตฺติอาทินา อนฺตรามรณํ โหติเยว. อินฺทโก ปน ติสฺโส วสฺสโกฏิโย สฏฺิ จ วสฺสสหสฺสานิ ปริปูเรติเยว. เตน วุตฺตํ ‘‘อายุนา อติโรจตี’’ติ. ยสสาติ มหติยา ปริวารสมฺปตฺติยา. วณฺเณนาติ สณฺานสมฺปตฺติยา. วณฺณธาตุสมฺปทา ปน ‘‘รูเป’’ติ อิมินา วุตฺตาเยว. อาธิปจฺเจนาติ อิสฺสริเยน.

เอวํ องฺกุเร จ อินฺทเก จ ตาวตึเสสุ นิพฺพตฺติตฺวา ทิพฺพสมฺปตฺตึ อนุภวนฺเตสุ อมฺหากํ ภควา อภิสมฺโพธิโต สตฺตเม สํวจฺฉเร อาสาฬฺหิปุณฺณมายํ สาวตฺถินครทฺวาเร กณฺฑมฺพรุกฺขมูเล ยมกปาฏิหาริยํ กตฺวา อนุกฺกเมน ติปทวิกฺกเมน ตาวตึสภวนํ คนฺตฺวา ปาริจฺฉตฺตกมูเล ปณฺฑุกมฺพลสิลายํ ยุคนฺธรปพฺพเต พาลสูริโย วิย วิโรจมาโน ทสหิ โลกธาตูหิ สนฺนิปติตาย เทวพฺรหฺมปริสาย ชุตึ อตฺตโน สรีรปฺปภาย อภิภวนฺโต อภิธมฺมํ เทเสตุํ นิสินฺโน อวิทูเร นิสินฺนํ อินฺทกํ, ทฺวาทสโยชนนฺตเร นิสินฺนํ องฺกุรฺจ ทิสฺวา ทกฺขิเณยฺยสมฺปตฺติวิภาวนตฺถํ –

‘‘มหาทานํ ตยา ทินฺนํ, องฺกุร ทีฆมนฺตรํ;

อติทูเร นิสินฺโนสิ, อาคจฺฉ มม สนฺติเก’’ติ. –

คาถมาห. ตํ สุตฺวา องฺกุโร ‘‘ภควา มยา จิรกาลํ พหุํ เทยฺยธมฺมํ ปริจฺจชิตฺวา ปวตฺติตมฺปิ มหาทานํ ทกฺขิเณยฺยสมฺปตฺติวิรเหน อเขตฺเต วุตฺตพีชํ วิย น อุฬารผลํ อโหสิ, อินฺทกสฺส ปน กฏจฺฉุภิกฺขาทานมฺปิ ทกฺขิเณยฺยสมฺปตฺติยา สุเขตฺเต วุตฺตพีชํ วิย อติวิย อุฬารผลํ ชาต’’นฺติ อาห. ตมตฺถํ ทสฺเสนฺเต สงฺคีติการา –

๓๑๗.

‘‘ตาวตึเส ยทา พุทฺโธ, สิลายํ ปณฺฑุกมฺพเล;

ปาริจฺฉตฺตยมูลมฺหิ, วิหาสิ ปุริสุตฺตโม.

๓๑๘.

‘‘ทสสุ โลกธาตูสุ, สนฺนิปติตฺวาน เทวตา;

ปยิรุปาสนฺติ สมฺพุทฺธํ, วสนฺตํ นคมุทฺธนิ.

๓๑๙.

‘‘น โกจิ เทโว วณฺเณน, สมฺพุทฺธํ อติโรจติ;

สพฺเพ เทเว อติกฺกมฺม, สมฺพุทฺโธว วิโรจติ.

๓๒๐.

‘‘โยชนานิ ทส ทฺเว จ, องฺกุโรยํ ตทา อหุ;

อวิทูเรว พุทฺธสฺส, อินฺทโก อติโรจติ.

๓๒๑.

‘‘โอโลเกตฺวาน สมฺพุทฺโธ, องฺกุรฺจาปิ อินฺทกํ;

ทกฺขิเณยฺยํ สมฺภาเวนฺโต, อิทํ วจนมพฺรวิ.

๓๒๒.

‘‘มหาทานํ ตยา ทินฺนํ, องฺกุรํ ทีฆมนฺตรํ;

อติทูเร นิสินฺโนสิ, อาคจฺฉ มม สนฺติเก.

๓๒๓.

‘‘โจทิโต ภาวิตตฺเตน, องฺกุโร อิทมพฺรวิ;

กึ มยฺหํ เตน ทาเนน, ทกฺขิเณยฺเยน สุฺตํ.

๓๒๔.

‘‘อยํ โส อินฺทโก ยกฺโข, ทชฺชา ทานํ ปริตฺตกํ;

อติโรจติ อมฺเหหิ, จนฺโท ตารคเณ ยถา.

๓๒๕.

‘‘อุชฺชงฺคเล ยถา เขตฺเต, พีชํ พหุมฺปิ โรปิตํ;

น วิปุลํ ผลํ โหติ, นปิ โตเสติ กสฺสกํ.

๓๒๖.

‘‘ตเถว ทานํ พหุกํ, ทุสฺสีเลสุ ปติฏฺิตํ;

น วิปุลํ ผลํ โหติ, นปิ โตเสติ ทายกํ.

๓๒๗.

‘‘ยถาปิ ภทฺทเก เขตฺเต, พีชํ อปฺปมฺปิ โรปิตํ;

สมฺมา ธารํ ปเวจฺฉนฺเต, ผลํ โตเสสิ กสฺสกํ.

๓๒๘.

‘‘ตเถว สีลวนฺเตสุ, คุณวนฺเตสุ ตาทิสุ;

อปฺปกมฺปิ กตํ การํ, ปุฺํ โหติ มหปฺผล’’นฺติ. – คาถาโย อโวจุํ;

๓๑๗. ตตฺถ ตาวตึเสติ ตาวตึสภวเน. สิลายํ ปณฺฑุกมฺพเลติ ปณฺฑุกมฺพลนามเก สิลาสเน ปุริสุตฺตโม พุทฺโธ ยทา วิหาสีติ โยชนา.

๓๑๘. ทสสุ โลกธาตูสุ, สนฺนิปติตฺวาน เทวตาติ ชาติเขตฺตสฺิเตสุ ทสสุ จกฺกวาฬสหสฺเสสุ กามาวจรเทวตา พฺรหฺมเทวตา จ พุทฺธสฺส ภควโต ปยิรุปาสนาย ธมฺมสฺสวนตฺถฺจ เอกโต สนฺนิปติตฺวา. เตนาห ‘‘ปยิรุปาสนฺติ สมฺพุทฺธํ, วสนฺตํ นคมุทฺธนี’’ติ, สิเนรุมุทฺธนีติ อตฺโถ.

๓๒๐. โยชนานิ ทส ทฺเว จ, องฺกุโรยํ ตทา อหูติ อยํ ยถาวุตฺตจริโต องฺกุโร ตทา สตฺถุ สมฺมุขกาเล ทส ทฺเว โยชนานิ อนฺตรํ กตฺวา อหุ. สตฺถุ นิสินฺนฏฺานโต ทฺวาทสโยชนนฺตเร าเน นิสินฺโน อโหสีติ อตฺโถ.

๓๒๓. โจทิโต ภาวิตตฺเตนาติ ปารมิปริภาวิตาย อริยมคฺคภาวนาย ภาวิตตฺเตน สมฺมาสมฺพุทฺเธน โจทิโต. กึ มยฺหํ เตนาติอาทิกา สตฺถุ ปฏิวจนวเสน องฺกุเรน วุตฺตคาถา. ทกฺขิเณยฺเยน สุฺตนฺติ ยํ ทกฺขิเณยฺเยน สุฺตํ ริตฺตกํ วิรหิตํ ตทา มม ทานํ, ตสฺมา ‘‘กึ มยฺหํ เตนา’’ติ อตฺตโน ทานปุฺํ หีเฬนฺโต วทติ.

๓๒๔. ยกฺโขติ เทวปุตฺโต. ทชฺชาติ ทตฺวา. อติโรจติ อมฺเหหีติ อตฺตนา มาทิเสหิ อติวิย วิโรจติ. หีติ วา นิปาตมตฺตํ, อมฺเห อติกฺกมิตฺวา อภิภวิตฺวา วิโรจตีติ อตฺโถ. ยถา กินฺติ อาห ‘‘จนฺโท ตารคเณ ยถา’’ติ.

๓๒๕-๖. อุชฺชงฺคเลติ อติวิย ถทฺธภูมิภาเค. ‘‘อูสเร’’ติ เกจิ วทนฺติ. โรปิตนฺติ วุตฺตํ, วปิตฺวา วา อุทฺธริตฺวา วา ปุน โรปิตํ. นปิ โตเสตีติ น นนฺทยติ, อปฺปผลตาย วา ตุฏฺึ น ชเนติ. ตเถวาติ ยถา อุชฺชงฺคเล เขตฺเต พหุมฺปิ พีชํ โรปิตํ วิปุลผลํ อุฬารผลํ น โหติ, ตโต เอว กสฺสกํ น โตเสติ, ตถา ทุสฺสีเลสุ สีลวิรหิเตสุ พหุกมฺปิ ทานํ ปติฏฺาปิตํ วิปุลผลํ มหปฺผลํ น โหติ, ตโต เอว ทายกํ น โตเสตีติ อตฺโถ.

๓๒๗-๘. ยถาปิ ภทฺทเกติ คาถาทฺวยสฺส วตฺตวิปริยาเยน อตฺถโยชนา เวทิตพฺพา. ตตฺถ สมฺมา ธารํ ปเวจฺฉนฺเตติ วุฏฺิธารํ สมฺมเทว ปวตฺเตนฺเต, อนฺวฑฺฒมาสํ อนุทสาหํ อนุปฺจาหํ เทเว วสฺสนฺเตติ อตฺโถ. คุณวนฺเตสูติ ฌานาทิคุณยุตฺเตสุ. ตาทิสูติ อิฏฺาทีสุ ตาทิลกฺขณปฺปตฺเตสุ. การนฺติ ลิงฺควิปลฺลาเสน วุตฺตํ, อุปกาโรติ อตฺโถ. กีทิโส อุปกาโรติ อาห ‘‘ปุฺ’’นฺติ.

๓๒๙.

‘‘วิเจยฺย ทานํ ทาตพฺพํ, ยตฺถ ทินฺนํ มหปฺผลํ;

วิเจยฺย ทานํ ทตฺวาน, สคฺคํ คจฺฉนฺติ ทายกา.

๓๓๐.

‘‘วิเจยฺย ทานํ สุคตปฺปสฏฺํ, เย ทกฺขิเณยฺยา อิธ ชีวโลเก;

เอเตสุ ทินฺนานิ มหปฺผลานิ, พีชานิ วุตฺตานิ ยถา สุเขตฺเต’’ติ. –

อยํ สงฺคีติกาเรหิ ปิตา คาถา.

๓๒๙. ตตฺถ วิเจยฺยาติ วิจินิตฺวา, ปุฺกฺเขตฺตํ ปฺาย อุปปริกฺขิตฺวา. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติ.

ตยิทํ องฺกุรเปตวตฺถุ สตฺถารา ตาวตึสภวเน ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตานํ ปุรโต ทกฺขิเณยฺยสมฺปตฺติวิภาวนตฺถํ ‘‘มหาทานํ ตยา ทินฺน’’นฺติอาทินา อตฺตนา สมุฏฺาปิตํ, ตตฺถ ตโย มาเส อภิธมฺมํ เทเสตฺวา มหาปวารณาย เทวคณปริวุโต เทวเทโว เทวโลกโต สงฺกสฺสนครํ โอตริตฺวา อนุกฺกเมน สาวตฺถึ ปตฺวา เชตวเน วิหรนฺโต จตุปริสมชฺเฌ ทกฺขิเณยฺยสมฺปตฺติวิภาวนตฺถเมว ‘‘ยสฺส อตฺถาย คจฺฉามา’’ติอาทินา วิตฺถารโต เทเสตฺวา จตุสจฺจกถาย เทสนาย กูฏํ คณฺหิ. เทสนาวสาเน เตสํ อเนกโกฏิปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสีติ.

องฺกุรเปตวตฺถุวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. อุตฺตรมาตุเปติวตฺถุวณฺณนา

ทิวาวิหารคตํ ภิกฺขุนฺติ อิทํ อุตฺตรมาตุเปติวตฺถุ. ตตฺรายํ อตฺถวิภาวนา – สตฺถริ ปรินิพฺพุเต ปมมหาสงฺคีติยา ปวตฺติตาย อายสฺมา มหากจฺจายโน ทฺวาทสหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ โกสมฺพิยา อวิทูเร อฺตรสฺมึ อรฺายตเน วิหาสิ. เตน จ สมเยน รฺโ อุเทนสฺส อฺตโร อมจฺโจ กาลมกาสิ, เตน จ ปุพฺเพ นคเร กมฺมนฺตา อธิฏฺิตา อเหสุํ. อถ ราชา ตสฺส ปุตฺตํ อุตฺตรํ นาม มาณวํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘ตฺวฺจ ปิตรา อธิฏฺิเต กมฺมนฺเต สมนุสาสา’’ติ เตน ิตฏฺาเน เปสิ.

โส จ สาธูติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา เอกทิวสํ นครปฏิสงฺขรณิยานํ ทารูนํ อตฺถาย วฑฺฒกิโย คเหตฺวา อรฺํ คโต. ตตฺถ อายสฺมโต มหากจฺจายนตฺเถรสฺส วสนฏฺานํ อุปคนฺตฺวา เถรํ ตตฺถ ปํสุกูลจีวรธรํ วิวิตฺตํ นิสินฺนํ ทิสฺวา อิริยาปเถเยว ปสีทิตฺวา กตปฏิสนฺถาโร วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เถโร ตสฺส ธมฺมํ กเถสิ. โส ธมฺมํ สุตฺวา รตนตฺตเย สฺชาตปฺปสาโท สรเณสุ ปติฏฺาย เถรํ นิมนฺเตสิ – ‘‘อธิวาเสถ เม, ภนฺเต, สฺวาตนาย ภตฺตํ สทฺธึ ภิกฺขูหิ อนุกมฺปํ อุปาทายา’’ติ. อธิวาเสสิ เถโร ตุณฺหีภาเวน. โส ตโต นิกฺขมิตฺวา นครํ คนฺตฺวา อฺเสํ อุปาสกานํ อาจิกฺขิ – ‘‘เถโร มยา สฺวาตนาย นิมนฺติโต, ตุมฺเหหิปิ มม ทานคฺคํ อาคนฺตพฺพ’’นฺติ.

โส ทุติยทิวเส กาลสฺเสว ปณีตํ ขาทนียํ โภชนียํ ปฏิยาทาเปตฺวา กาลํ อาโรจาเปตฺวา สทฺธึ ภิกฺขูหิ อาคจฺฉนฺตสฺส เถรสฺส ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา วนฺทิตฺวา ปุรกฺขตฺวา เคหํ ปเวเสสิ. อถ มหารหกปฺปิยปจฺจตฺถรณอตฺถเตสุ อาสเนสุ เถเร จ ภิกฺขูสุ จ นิสินฺเนสุ คนฺธปุปฺผธูเปหิ ปูชํ กตฺวา ปณีเตน อนฺนปาเนน เต สนฺตปฺเปตฺวา สฺชาตปฺปสาโท กตฺชลี อนุโมทนํ สุณิตฺวา กตภตฺตานุโมทเน เถเร คจฺฉนฺเต ปตฺตํ คเหตฺวา อนุคจฺฉนฺโต นครโต นิกฺขมิตฺวา ปฏินิวตฺตนฺโต ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเหหิ นิจฺจํ มม เคหํ ปวิสิตพฺพ’’นฺติ ยาจิตฺวา เถรสฺส อธิวาสนํ ตฺวา นิวตฺติ. เอวํ โส เถรํ อุปฏฺหนฺโต ตสฺส โอวาเท ปติฏฺาย โสตาปตฺติผลํ ปาปุณิ, วิหารฺจ กาเรสิ, สพฺเพ จ อตฺตโน าตเก สาสเน อภิปฺปสนฺเน อกาสิ.

มาตา ปนสฺส มจฺเฉรมลปริยุฏฺิตจิตฺตา หุตฺวา เอวํ ปริภาสิ – ‘‘ยํ ตฺวํ มม อนิจฺฉนฺติยา เอว สมณานํ อนฺนปานํ เทสิ, ตํ เต ปรโลเก โลหิตํ สมฺปชฺชตู’’ติ. เอกํ ปน โมรปิฺฉกลาปํ วิหารมหทิวเส ทิยฺยมานํ อนุชานิ. สา กาลํ กตฺวา เปตโยนิยํ อุปฺปชฺชิ, โมรปิฺฉกลาปทานานุโมทเนน ปนสฺสา เกสา นีลา สินิทฺธา เวลฺลิตคฺคา สุขุมา ทีฆา จ อเหสุํ. สา ยทา คงฺคานทึ ‘‘ปานียํ ปิวิสฺสามี’’ติ โอตรติ, ตทา นที โลหิตปูรา โหติ. สา ปฺจปณฺณาส วสฺสานิ ขุปฺปิปาสาภิภูตา วิจริตฺวา เอกทิวสํ กงฺขาเรวตตฺเถรํ คงฺคาย ตีเร ทิวาวิหารํ นิสินฺนํ ทิสฺวา อตฺตานํ อตฺตโน เกเสหิ ปฏิจฺฉาเทตฺวา อุปสงฺกมิตฺวา ปานียํ ยาจิ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ –

๓๓๑.

‘‘ทิวาวิหารคตํ ภิกฺขุํ, คงฺคาตีเร นิสินฺนกํ;

ตํ เปตี อุปสงฺกมฺม, ทุพฺพณฺณา ภีรุทสฺสนา.

๓๓๒.

‘‘เกสา จสฺสา อติทีฆา, ยาวภูมาวลมฺพเร;

เกเสหิ สา ปฏิจฺฉนฺนา, สมณํ เอตทพฺรวี’’ติ. –

อิมา ทฺเว คาถา สงฺคีติการเกหิ อิธ อาทิโต ปิตา.

ตตฺถ ภีรุทสฺสนาติ ภยานกทสฺสนา. ‘‘รุทฺททสฺสนา’’ติ วา ปาโ, พีภจฺฉภาริยทสฺสนาติ อตฺโถ. ยาวภูมาวลมฺพเรติ ยาว ภูมิ, ตาว โอลมฺพนฺติ. ปุพฺเพ ‘‘ภิกฺขุ’’นฺติ จ ปจฺฉา ‘‘สมณ’’นฺติ จ กงฺขาเรวตตฺเถรเมว สนฺธาย วุตฺตํ.

สา ปน เปตี เถรํ อุปสงฺกมิตฺวา ปานียํ ยาจนฺตี –

๓๓๓.

‘‘ปฺจปณฺณาส วสฺสานิ, ยโต กาลกตา อหํ;

นาภิชานามิ ภุตฺตํ วา, ปีตํ วา ปน ปานิยํ;

เทหิ ตฺวํ ปานิยํ ภนฺเต, ตสิตา ปานิยาย เม’’ติ. – อิมํ คาถมาห;

๓๓๓. ตตฺถ นาภิชานามิ ภุตฺตํ วาติ เอวํ ทีฆมนฺตเร กาเล โภชนํ ภุตฺตํ วา ปานียํ ปีตํ วา นาภิชานามิ, น ภุตฺตํ น ปีตนฺติ อตฺโถ. ตสิตาติ ปิปาสิตา. ปานิยายาติ ปานียตฺถาย อาหิณฺฑนฺติยา เม ปานียํ เทหิ, ภนฺเตติ โยชนา.

อิโต ปรํ –

๓๓๔.

‘‘อยํ สีโตทิกา คงฺคา, หิมวนฺตโต สนฺทติ;

ปิว เอตฺโต คเหตฺวาน, กึ มํ ยาจสิ ปานิยํ.

๓๓๕.

‘‘สจาหํ ภนฺเต คงฺคาย, สยํ คณฺหามิ ปานิยํ;

โลหิตํ เม ปริวตฺตติ, ตสฺมา ยาจามิ ปานิยํ.

๓๓๖.

‘‘กึ นุ กาเยน วาจาย, มนสา ทุกฺกฏํ กตํ;

กิสฺสกมฺมวิปาเกน, คงฺคา เต โหติ โลหิตํ.

๓๓๗.

‘‘ปุตฺโต เม อุตฺตโร นาม, สทฺโธ อาสิ อุปาสโก;

โส จ มยฺหํ อกามาย, สมณานํ ปเวจฺฉติ.

๓๓๘.

‘‘จีวรํ ปิณฺฑปาตฺจ, ปจฺจยํ สยนาสนํ;

ตมหํ ปริภาสามิ, มจฺเฉเรน อุปทฺทุตา.

๓๓๙.

‘‘ยํ ตฺวํ มยฺหํ อกามาย, สมณานํ ปเวจฺฉสิ;

จีวรํ ปิณฺฑปาตฺจ, ปจฺจยํ สยนาสนํ.

๓๔๐.

‘‘เอตํ เต ปรโลกสฺมึ, โลหิตํ โหตุ อุตฺตร;

ตสฺสกมฺมวิปาเกน, คงฺคา เม โหติ โลหิต’’นฺติ. –

อิมา เถรสฺส จ เปติยา จ วจนปฏิวจนคาถา.

๓๓๔. ตตฺถ หิมวนฺตโตติ มหโต หิมสฺส อตฺถิตาย ‘‘หิมวา’’ติ ลทฺธนามโต ปพฺพตราชโต. สนฺทตีติ ปวตฺตติ. เอตฺโตติ อิโต มหาคงฺคาโต. กินฺติ กสฺมา มํ ยาจสิ ปานียํ, คงฺคานทึ โอตริตฺวา ยถารุจิ ปิวาติ ทสฺเสติ.

๓๓๕. โลหิตํ เม ปริวตฺตตีติ อุทกํ สนฺทมานํ มยฺหํ ปาปกมฺมผเลน โลหิตํ หุตฺวา ปริวตฺตติ ปริณมติ, ตาย คหิตมตฺตํ อุทกํ โลหิตํ ชายติ.

๓๓๗-๔๐. มยฺหํ อกามายาติ มม อนิจฺฉนฺติยา. ปเวจฺฉตีติ เทติ. ปจฺจยนฺติ คิลานปจฺจยํ. เอตนฺติ ยํ เอตํ จีวราทิกํ ปจฺจยชาตํ สมณานํ ปเวจฺฉสิ เทสิ, เอตํ เต ปรโลกสฺมึ โลหิตํ โหตุ อุตฺตราติ อภิสปนวเสน กตํ ปาปกมฺมํ, ตสฺส วิปาเกนาติ โยชนา.

อถายสฺมา เรวโต ตํ เปตึ อุทฺทิสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ปานียํ อทาสิ, ปิณฺฑาย จริตฺวา ภตฺตํ คเหตฺวา ภิกฺขูนมทาสิ, สงฺการกูฏาทิโต ปํสุกูลํ คเหตฺวา โธวิตฺวา ภิสิฺจ จิมิลิกฺจ กตฺวา ภิกฺขูนํ อทาสิ, เตน จสฺสา เปติยา ทิพฺพสมฺปตฺติโย อเหสุํ. สา เถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา อตฺตนา ลทฺธทิพฺพสมฺปตฺตึ เถรสฺส ทสฺเสสิ. เถโร ตํ ปวตฺตึ อตฺตโน สนฺติกํ อุปคตานํ จตุนฺนํ ปริสานํ ปกาเสตฺวา ธมฺมกถํ กเถสิ. เตน มหาชโน สฺชาตสํเวโค วิคตมลมจฺเฉโร หุตฺวา ทานสีลาทิกุสลธมฺมาภิรโต อโหสีติ. อิทํ ปน เปตวตฺถุ ทุติยสงฺคีติยํ สงฺคหํ อารุฬฺหนฺติ ทฏฺพฺพํ.

อุตฺตรมาตุเปติวตฺถุวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๑. สุตฺตเปตวตฺถุวณฺณนา

อหํ ปุเร ปพฺพชิตสฺส ภิกฺขุโนติ อิทํ สุตฺตเปตวตฺถุ. ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? สาวตฺถิยา กิร อวิทูเร อฺตรสฺมึ คามเก อมฺหากํ สตฺถริ อนุปฺปนฺเนเยว สตฺตนฺนํ วสฺสสตานํ อุปริ อฺตโร ทารโก เอกํ ปจฺเจกพุทฺธํ อุปฏฺหิ. ตสฺส มาตา ตสฺมึ วยปฺปตฺเต ตสฺสตฺถาย สมานกุลโต อฺตรํ กุลธีตรํ อาเนสิ. วิวาหทิวเสเยว จ โส กุมาโร สหาเยหิ สทฺธึ นฺหายิตุํ คโต อหินา ทฏฺโ กาลมกาสิ, ‘‘ยกฺขคาเหนา’’ติปิ วทนฺติ. โส ปจฺเจกพุทฺธสฺส อุปฏฺาเนน พหุํ กุสลกมฺมํ กตฺวา ิโตปิ ตสฺสา ทาริกาย ปฏิพทฺธจิตฺตตาย วิมานเปโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, มหิทฺธิโก ปน อโหสิ มหานุภาโว.

อถ โส ตํ ทาริกํ อตฺตโน วิมานํ เนตุกาโม ‘‘เกน นุ โข อุปาเยน เอสา ทิฏฺธมฺมเวทนียกมฺมํ กตฺวา มยา สทฺธึ อิธ อภิรเมยฺยา’’ติ ตสฺสา ทิพฺพโภคสมฺปตฺติยา อนุภวนเหตุํ วีมํสนฺโต ปจฺเจกพุทฺธํ จีวรกมฺมํ กโรนฺตํ ทิสฺวา มนุสฺสรูเปน คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘กึ, ภนฺเต, สุตฺตเกน อตฺโถ อตฺถี’’ติ อาห. ‘‘จีวรกมฺมํ กโรมิ, อุปาสกา’’ติ. ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, อสุกสฺมึ าเน สุตฺตภิกฺขํ จรถา’’ติ ตสฺสา ทาริกาย เคหํ ทสฺเสสิ. ปจฺเจกพุทฺโธ ตตฺถ คนฺตฺวา ฆรทฺวาเร อฏฺาสิ. อถ สา ปจฺเจกพุทฺธํ ตตฺถ ิตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานสา ‘‘สุตฺตเกน เม อยฺโย อตฺถิโก’’ติ ตฺวา เอกํ สุตฺตคุฬํ อทาสิ. อถ โส อมนุสฺโส มนุสฺสรูเปน ตสฺส ทาริกาย ฆรํ คนฺตฺวา ตสฺสา มาตรํ ยาจิตฺวา ตาย สทฺธึ กติปาหํ วสิตฺวา ตสฺสา มาตุยา อนุคฺคหตฺถํ ตสฺมึ เคเห สพฺพภาชนานิ หิรฺสุวณฺณสฺส ปูเรตฺวา สพฺพตฺถ อุปริ นามํ ลิขิ ‘‘อิทํ เทวทตฺติยํ ธนํ น เกนจิ คเหตพฺพ’’นฺติ, ตฺจ ทาริกํ คเหตฺวา อตฺตโน วิมานํ อคมาสิ. ตสฺสา มาตา ปหูตํ ธนํ ลภิตฺวา อตฺตโน าตกานํ กปณทฺธิกาทินฺจ ทตฺวา อตฺตนา จ ปริภุฺชิตฺวา กาลํ กโรนฺตี ‘‘มม ธีตา อาคจฺฉติ เจ, อิทํ ธนํ ทสฺเสถา’’ติ าตกานํ กเถตฺวา กาลมกาสิ.

ตโต สตฺตนฺนํ วสฺสสตานํ อจฺจเยน อมฺหากํ ภควติ โลเก อุปฺปชฺชิตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺเก อนุกฺกเมน สาวตฺถิยํ วิหรนฺเต ตสฺสา อิตฺถิยา เตน อมนุสฺเสน สทฺธึ วสนฺติยา อุกฺกณฺา อุปฺปชฺชิ. สา ตํ ‘‘สาธุ, อยฺยปุตฺต, มํ สกฺเว เคหํ ปฏิเนหี’’ติ วทนฺตี –

๓๔๑.

‘‘อหํ ปุเร ปพฺพชิตสฺส ภิกฺขุโน,

สุตฺตํ อทาสึ อุปสงฺกมฺม ยาจิตา;

ตสฺส วิปาโก วิปุลผลูปลพฺภติ,

พหุกา จ เม อุปฺปชฺชเร วตฺถโกฏิโย.

๓๔๒.

‘‘ปุปฺผาภิกิณฺณํ รมิตํ วิมานํ, อเนกจิตฺตํ นรนาริเสวิตํ;

สาหํ ภุฺชามิ จ ปารุปามิ จ, ปหูตวิตฺตา น จ ตาว ขียติ.

๓๔๓.

‘‘ตสฺเสว กมฺมสฺส วิปากมนฺวยา, สุขฺจ สาตฺจ อิธูปลพฺภติ;

สาหํ คนฺตฺวา ปุนเทว มานุสํ, กาหามิ ปุฺานิ นยยฺยปุตฺต ม’’นฺติ. –

อิมา คาถา อภาสิ.

๓๔๑. ตตฺถ ‘‘ปพฺพชิตสฺส ภิกฺขุโน’’ติ อิทํ ปจฺเจกพุทฺธํ สทฺธาย วุตฺตํ. โส หิ กามาทิมลานํ อตฺตโน สนฺตานโต อนวเสสโต ปพฺพาชิตตฺตา ปหีนตฺตา ปรมตฺถโต ‘‘ปพฺพชิโต’’ติ, ภินฺนกิเลสตฺตา ‘‘ภิกฺขู’’ติ จ วตฺตพฺพตํ อรหติ. สุตฺตนฺติ กปฺปาสิยสุตฺตํ. อุปสงฺกมฺมาติ มยฺหํ เคหํ อุปสงฺกมิตฺวา. ยาจิตาติ ‘‘อุทฺทิสฺส อริยา ติฏฺนฺติ, เอสา อริยาน ยาจนา’’ติ (ชา. ๑.๗.๕๙) เอวํ วุตฺตาย กายวิฺตฺติปโยคสงฺขาตาย ภิกฺขาจริยาย ยาจิตา. ตสฺสาติ ตสฺส สุตฺตทานสฺส. วิปาโก วิปุลผลูปลพฺภตีติ วิปุลผโล อุฬารอุทโย มหาอุทโย วิปาโก เอตรหิ อุปลพฺภติ ปจฺจนุภวียติ. พหุกาติ อเนกา. วตฺถโกฏิโยติ วตฺถานํ โกฏิโย, อเนกสตสหสฺสปเภทานิ วตฺถานีติ อตฺโถ.

๓๔๒. อเนกจิตฺตนฺติ นานาวิธจิตฺตกมฺมํ, อเนเกหิ วา มุตฺตามณิอาทีหิ รตเนหิ วิจิตฺตรูปํ. นรนาริเสวิตนฺติ ปริจารกภูเตหิ นเรหิ นารีหิ จ อุปเสวิตํ. สาหํ ภุฺชามีติ สา อหํ ตํ วิมานํ ปริภุฺชามิ. ปารุปามีติ อเนกาสุ วตฺถโกฏีสุ อิจฺฉิติจฺฉิตํ นิวาเสมิ เจว ปริทหามิ จ. ปหูตวิตฺตาติ ปหูตวิตฺตูปกรณา มหทฺธนา มหาโภคา. น จ ตาว ขียตีติ ตฺจ วิตฺตํ น ขียติ, น ปริกฺขยํ ปริยาทานํ คจฺฉติ.

๓๔๓. ตสฺเสว กมฺมสฺส วิปากมนฺวยาติ ตสฺเสว สุตฺตทานมยปุฺกมฺมสฺส อนฺวยา ปจฺจยา เหตุภาเวน วิปากภูตํ สุขํ, อิฏฺมธุรสงฺขาตํ สาตฺจ อิธ อิมสฺมึ วิมาเน อุปลพฺภติ. คนฺตฺวา ปุนเทว มานุสนฺติ ปุน เอว มนุสฺสโลกํ อุปคนฺตฺวา. กาหามิ ปุฺานีติ มยฺหํ สุขวิเสสนิปฺผาทกานิ ปุฺานิ กริสฺสามิ, เยสํ วา มยา อยํ สมฺปตฺติ ลทฺธาติ อธิปฺปาโย. นยยฺยปุตฺต มนฺติ, อยฺยปุตฺต, มํ มนุสฺสโลกํ นย, เนหีติ อตฺโถ.

ตํ สุตฺวา โส อมนุสฺโส ตสฺสา ปฏิพทฺธจิตฺตตาย อนุกมฺปาย คมนํ อนิจฺฉนฺโต –

๓๔๔.

‘‘สตฺต ตุวํ วสฺสสตา อิธาคตา,

ชิณฺณา จ วุฑฺฒา จ ตหึ ภวิสฺสสิ;

สพฺเพว เต กาลกตา จ าตกา,

กึ ตตฺถ คนฺตฺวาน อิโต กริสฺสสี’’ติ. –

คาถมาห. ตตฺถ สตฺตาติ วิภตฺติโลเปน นิทฺเทโส, นิสฺสกฺเก วา เอตํ ปจฺจตฺตวจนํ. วสฺสสตาติ วสฺสสตโต, สตฺตหิ วสฺสสเตหิ อุทฺธํ ตุวํ อิธาคตา อิมํ วิมานํ อาคตา, อิธาคตาย ตุยฺหํ สตฺต วสฺสสตานิ โหนฺตีติ อตฺโถ. ชิณฺณา จ วุฑฺฒา จ ตหึ ภวิสฺสสีติ อิธ ทิพฺเพหิ อุตุอาหาเรหิ อุปถมฺภิตตฺตภาวา กมฺมานุภาเวน เอตฺตกํ กาลํ ทหรากาเรเนว ิตา. อิโต ปน คตา กมฺมสฺส จ ปริกฺขีณตฺตา มนุสฺสานฺจ อุตุอาหารวเสน ชราชิณฺณา วโยวุฑฺฒา จ ตหึ มนุสฺสโลเก ภวิสฺสสิ. กินฺติ? สพฺเพว เต กาลกตา จ าตกาติ ทีฆสฺส อทฺธุโน คตตฺตา ตว าตโยปิ สพฺเพ เอว มตา, ตสฺมา อิโต เทวโลกโต ตตฺถ มนุสฺสโลกํ คนฺตฺวา กึ กริสฺสสิ, อวเสสมฺปิ อายุฺจ อิเธว เขเปหิ, อิธ วสาหีติ อธิปฺปาโย.

เอวํ เตน วุตฺตา สา ตสฺส วจนํ อสทฺทหนฺตี ปุนเทว –

๓๔๕.

‘‘สตฺเตว วสฺสานิ อิธาคตาย เม, ทิพฺพฺจ สุขฺจ สมปฺปิตาย;

สาหํ คนฺตฺวา ปุนเทว มานุสํ, กาหามิ ปุฺานิ นยยฺยปุตฺต ม’’นฺติ. –

คาถมาห. ตตฺถ สตฺเตว วสฺสานิ อิธาคตาย เมติ, อยฺยปุตฺต, มยฺหํ อิธาคตาย สตฺเตว วสฺสานิ มฺเ วีติวตฺตานิ. สตฺต วสฺสสตานิ ทิพฺพสุขสมปฺปิตาย พหุมฺปิ กาลํ คตํ อสลฺลกฺเขนฺตี เอวมาห.

เอวํ ปน ตาย วุตฺโต โส วิมานเปโต นานปฺปการํ ตํ อนุสาสิตฺวา ‘‘ตฺวํ อิทานิ สตฺตาหโต อุตฺตริ ตตฺถ น ชีวิสฺสสิ, มาตุยา เต นิกฺขิตฺตํ มยา ทินฺนํ ธนํ อตฺถิ, ตํ สมณพฺราหฺมณานํ ทตฺวา อิเธว อุปฺปตฺตึ ปตฺเถหี’’ติ วตฺวา ตํ พาหายํ คเหตฺวา คามมชฺเฌ เปตฺวา ‘‘อิธาคเต อฺเปิ ชเน ‘ยถาพลํ ปุฺานิ กโรถา’ติ โอวเทยฺยาสี’’ติ วตฺวา คโต. เตน วุตฺตํ –

๓๔๖.

‘‘โส ตํ คเหตฺวาน ปสยฺห พาหายํ, ปจฺจานยิตฺวาน เถรึ สุทุพฺพลํ;

วชฺเชสิ ‘อฺมฺปิ ชนํ อิธาคตํ, กโรถ ปุฺานิ สุขูปลพฺภตี’’’ติ.

ตตฺถ โสติ โส วิมานเปโต. นฺติ ตํ อิตฺถึ. คเหตฺวาน ปสยฺห พาหายนฺติ ปสยฺห เนตา วิย พาหายํ ตํ คเหตฺวา. ปจฺจานยิตฺวานาติ ตสฺสา ชาตสํวุฑฺฒคามํ ปุนเทว อานยิตฺวา. เถรินฺติ ถาวรึ, ชิณฺณํ วุฑฺฒนฺติ อตฺโถ. สุทุพฺพลนฺติ ชราชิณฺณตาย เอว สุฏฺุ ทุพฺพลํ. สา กิร ตโต วิมานโต อปคมนสมนนฺตรเมว ชิณฺณา วุฑฺฒา มหลฺลิกา อทฺธคตา วโยอนุปฺปตฺตา อโหสิ. วชฺเชสีติ วเทยฺยาสิ. วตฺตพฺพวจนาการฺจ ทสฺเสตุํ ‘‘อฺมฺปิ ชน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตสฺสตฺโถ – ภทฺเท, ตฺวมฺปิ ปุฺํ กเรยฺยาสิ, อฺมฺปิ ชนํ อิธ ตว ทสฺสนตฺถาย อาคตํ ‘‘ภทฺรมุขา, อาทิตฺตํ สีสํ วา เจลํ วา อชฺฌุเปกฺขิตฺวาปิ ทานสีลาทีนิ ปุฺานิ กโรถาติ, กเต จ ปุฺเ เอกํเสเนว ตสฺส ผลภูตํ สุขํ อุปลพฺภติ, น เอตฺถ สํสโย กาตพฺโพ’’ติ วเทยฺยาสิ โอวเทยฺยาสีติ.

เอวฺจ วตฺวา ตสฺมึ คเต สา อิตฺถี อตฺตโน าตกานํ วสนฏฺานํ คนฺตฺวา เตสํ อตฺตานํ ชานาเปตฺวา เตหิ นิยฺยาทิตธนํ คเหตฺวา สมณพฺราหฺมณานํ ทานํ เทนฺตี อตฺตโน สนฺติกํ อาคตาคตานํ –

๓๔๗.

‘‘ทิฏฺา มยา อกเตน สาธุนา, เปตา วิหฺนฺติ ตเถว มนุสฺสา;

กมฺมฺจ กตฺวา สุขเวทนียํ, เทวา มนุสฺสา จ สุเข ิตา ปชา’’ติ. –

คาถาย โอวาทมทาสิ.

ตตฺถ อกเตนาติ อนิพฺพตฺติเตน อตฺตนา อนุปจิเตน. สาธุนาติ กุสลกมฺเมน, อิตฺถมฺภูตลกฺขเณ กรณวจนํ. วิหฺนฺตีติ วิฆาตํ อาปชฺชนฺติ. สุขเวทนียนฺติ สุขวิปากํ ปุฺกมฺมํ. สุเข ิตาติ สุเข ปติฏฺิตา. ‘‘สุเขธิตา’’ติ วา ปาโ, สุเขน อภิวุฑฺฒา ผีตาติ อตฺโถ. อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย – ยถา เปตา ตเถว มนุสฺสา อกเตน กุสเลน, กเตน จ อกุสเลน วิหฺมานา ขุปฺปิปาสาทินา วิฆาตํ อาปชฺชนฺตา มหาทุกฺขํ อนุภวนฺตา ทิฏฺา มยา. สุขเวทนียํ ปน กมฺมํ กตฺวา เตน กเตน กุสลกมฺเมน, อกเตน จ อกุสลกมฺเมน เทวมนุสฺสปริยาปนฺนา ปชา สุเข ิตา ทิฏฺา มยา, อตฺตปจฺจกฺขเมตํ, ตสฺมา ปาปํ ทูรโตว ปริวชฺเชนฺตา ปุฺกิริยาย ยุตฺตปยุตฺตา โหถาติ.

เอวํ ปน โอวาทํ เทนฺตี สมณพฺราหฺมณาทีนํ สตฺตาหํ มหาทานํ ปวตฺเตตฺวา สตฺตเม ทิวเส กาลํ กตฺวา ตาวตึเสสุ นิพฺพตฺติ. ภิกฺขู ตํ ปวตฺตึ ภควโต อาโรเจสุํ. ภควา ตมตฺถํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา สมฺปตฺตปริสาย ธมฺมํ เทเสสิ, วิเสสโต จ ปจฺเจกพุทฺเธสุ ปวตฺติตทานสฺส มหปฺผลตํ มหานิสํสตฺจ ปกาเสสิ. ตํ สุตฺวา มหาชโน วิคตมลมจฺเฉโร ทานาทิปุฺาภิรโต อโหสีติ.

สุตฺตเปตวตฺถุวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๒. กณฺณมุณฺฑเปติวตฺถุวณฺณนา

โสณฺณโสปานผลกาติ อิทํ สตฺถริ สาวตฺถิยํ วิหรนฺเต กณฺณมุณฺฑเปตึ อารพฺภ วุตฺตํ. อตีเต กิร กสฺสปพุทฺธกาเล กิมิลนคเร อฺตโร อุปาสโก โสตาปนฺโน ปฺจหิ อุปาสกสเตหิ สทฺธึ สมานจฺฉนฺโท หุตฺวา อารามโรปนเสตุพนฺธนจงฺกมนกรณาทีสุ ปุฺกมฺเมสุ ปสุโต หุตฺวา วิหรนฺโต สงฺฆสฺส วิหารํ กาเรตฺวา เตหิ สทฺธึ กาเลน กาลํ วิหารํ คจฺฉติ. เตสํ ภริยาโยปิ อุปาสิกา หุตฺวา อฺมฺํ สมคฺคา มาลาคนฺธวิเลปนาทิหตฺถา กาเลน กาลํ วิหารํ คจฺฉนฺติโย อนฺตรามคฺเค อารามสภาทีสุ วิสฺสมิตฺวา คจฺฉนฺติ.

อเถกทิวสํ กติปยา ธุตฺตา เอกิสฺสา สภาย สนฺนิสินฺนา ตาสุ ตตฺถ วิสฺสมิตฺวา คตาสุ ตาสํ รูปสมฺปตฺตึ ทิสฺวา ปฏิพทฺธจิตฺตา หุตฺวา ตาสํ สีลาจารคุณสมฺปนฺนตํ ตฺวา กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘โก เอตาสุ เอกิสฺสาปิ สีลเภทํ กาตุํ สมตฺโถ’’ติ. ตตฺถ อฺตโร ‘‘อหํ สมตฺโถ’’ติ อาห. เต เตน ‘‘สหสฺเสน อพฺภุตํ กโรมา’’ติ อพฺภุตํ อกํสุ. โส อเนเกหิ อุปาเยหิ วายมมาโน ตาสุ สภํ อาคตาสุ สุมุฺจิตํ สตฺตตนฺตึ มธุรสฺสรํ วีณํ วาเทนฺโต มธุเรเนว สเรน กามปฏิสํยุตฺตคีตานิ คายนฺโต คีตสทฺเทน ตาสุ อฺตรํ อิตฺถึ สีลเภทํ ปาเปนฺโต อติจารินึ กตฺวา เต ธุตฺเต สหสฺสํ ปราเชสิ. เต สหสฺสปราชิตา ตสฺสา สามิกสฺส อาโรเจสุํ. สามิโก ตํ ปุจฺฉิ – ‘‘กึ ตฺวํ เอวรูปา, ยถา เต ปุริสา อโวจุ’’นฺติ. สา ‘‘นาหํ อีทิสํ ชานามี’’ติ ปฏิกฺขิปิตฺวา ตสฺมึ อสทฺทหนฺเต สมีเป ิตํ สุนขํ ทสฺเสตฺวา สปถํ อกาสิ ‘‘สเจ มยา ตาทิสํ ปาปกมฺมํ กตํ, อยํ ฉินฺนกณฺโณ กาฬสุนโข ตตฺถ ตตฺถ ภเว ชาตํ มํ ขาทตู’’ติ. อิตราปิ ปฺจสตา อิตฺถิโย ตํ อิตฺถึ อติจารินึ ชานนฺตี กึ อยํ ตถารูปํ ปาปํ อกาสิ, อุทาหุ นากาสี’’ติ โจทิตา ‘‘น มยํ เอวรูปํ ชานามา’’ติ มุสา วตฺวา ‘‘สเจ มยํ ชานาม, ภเว ภเว เอติสฺสาเยว ทาสิโย ภเวยฺยามา’’ติ สปถํ อกํสุ.

อถ สา อติจารินี อิตฺถี เตเนว วิปฺปฏิสาเรน ฑยฺหมานหทยา สุสฺสิตฺวา น จิเรเนว กาลํ กตฺวา หิมวติ ปพฺพตราเช สตฺตนฺนํ มหาสรานํ อฺตรสฺส กณฺณมุณฺฑทหสฺส ตีเร วิมานเปตี หุตฺวา นิพฺพตฺติ. วิมานสามนฺตา จสฺสา กมฺมวิปากานุภวนโยคฺคา เอกา โปกฺขรณี นิพฺพตฺติ. เสสา จ ปฺจสตา อิตฺถิโย กาลํ กตฺวา สปถกมฺมวเสน ตสฺสาเยว ทาสิโย หุตฺวา นิพฺพตฺตึสุ. สา ตตฺถ ปุพฺเพ กตสฺส ปุฺกมฺมสฺส ผเลน ทิวสภาคํ ทิพฺพสมฺปตฺตึ อนุภวิตฺวา อฑฺฒรตฺเต ปาปกมฺมพลสฺโจทิตา สยนโต อุฏฺหิตฺวา โปกฺขรณิตีรํ คจฺฉติ. ตตฺถ คตํ คชโปตกปฺปมาโณ เอโก กาฬสุนโข เภรวรูโป ฉินฺนกณฺโณ ติขิณายตกถินทาโ สุวิปฺผุลิตขทิรงฺคารปุฺชสทิสนยโน นิรนฺตรปฺปวตฺตวิชฺชุลตาสงฺฆาตสทิสชิวฺโห กถินติขิณนโข ขรายตทุพฺพณฺณโลโม ตโต อาคนฺตฺวา ตํ ภูมิยํ นิปาเตตฺวา อติสยชิฆจฺฉาภิภูโต วิย ปสยฺห ขาทนฺโต อฏฺิสงฺขลิกมตฺตํ กตฺวา ทนฺเตหิ คเหตฺวา โปกฺขรณิยํ ขิปิตฺวา อนฺตรธายติ. สา จ ตตฺถ ปกฺขิตฺตสมนนฺตรเมว ปกติรูปธารินี หุตฺวา วิมานํ อภิรุยฺห สยเน นิปชฺชติ. อิตรา ปน ตสฺสา ทาสพฺยเมว ทุกฺขํ อนุภวนฺติ. เอวํ ตาสํ ตตฺถ วสนฺตีนํ ปฺาสาธิกานิ ปฺจ วสฺสสตานิ วีติวตฺตานิ.

อถ ตาสํ ปุริเสหิ วินา ทิพฺพสมฺปตฺตึ อนุภวนฺตีนํ อุกฺกณฺา อเหสุํ. ตตฺถ จ กณฺณมุณฺฑทหโต นิคฺคตา ปพฺพตวิวเรน อาคนฺตฺวา คงฺคํ นทึ อนุปวิฏฺา เอกา นที อตฺถิ. ตาสฺจ วสนฏฺานสมีเป เอโก ทิพฺพผเลหิ อมฺพรุกฺเขหิ ปนสลพุชาทีหิ จ อุปโสภิโต อารามสทิโส อรฺปฺปเทโส อตฺถิ. ตา เอวํ สมจินฺเตสุํ – ‘‘หนฺท, มยํ อิมานิ อมฺพผลานิ อิมิสฺสา นทิยา ปกฺขิปิสฺสาม, อปฺเปว นาม อิมํ ผลํ ทิสฺวา ผลโลเภน โกจิเทว ปุริโส อิธาคจฺเฉยฺย, เตน สทฺธึ รมิสฺสามาติ. ตา ตถา อกํสุ. ตาหิ ปน ปกฺขิตฺตานิ อมฺพผลานิ กานิจิ ตาปสา คณฺหึสุ, กานิจิ วนจรกา, กานิจิ กากา วิลุชฺชึสุ, กานิจิ ตีเร ลคฺคึสุ. เอกํ ปน คงฺคาย โสตํ ปตฺวา อนุกฺกเมน พาราณสึ สมฺปาปุณิ.

เตน จ สมเยน พาราณสิราชา โลหชาลปริกฺขิตฺเต คงฺคาชเล นฺหายติ. อถ ตํ ผลํ นทิโสเตน วุยฺหมานํ อนุกฺกเมน อาคนฺตฺวา โลหชาเล ลคฺคิ. ตํ วณฺณคนฺธรสสมฺปนฺนํ มหนฺตํ ทิพฺพํ อมฺพผลํ ทิสฺวา ราชปุริสา รฺโ อุปเนสุํ. ราชา ตสฺส เอกเทสํ คเหตฺวา วีมํสนตฺถาย เอกสฺส พนฺธนาคาเร ปิตสฺส วชฺฌโจรสฺส ขาทิตุํ อทาสิ. โส ตํ ขาทิตฺวา ‘‘เทว, มยา เอวรูปํ น ขาทิตปุพฺพํ, ทิพฺพมิทํ มฺเ อมฺพผล’’นฺติ อาห. ราชา ปุนปิ ตสฺส เอกํ ขณฺฑํ อทาสิ. โส ตํ ขาทิตฺวา วิคตวลิตปลิโต อติวิย มโนหรรูโป โยพฺพเน ิโต วิย อโหสิ. ตํ ทิสฺวา ราชา อจฺฉริยพฺภุตชาโต ตํ อมฺพผลํ ปริภุฺชิตฺวา สรีเร วิเสสํ ลภิตฺวา มนุสฺเส ปุจฺฉิ – ‘‘กตฺถ เอวรูปานิ ทิพฺพอมฺพผลานิ สํวิชฺชนฺตี’’ติ? มนุสฺสา เอวมาหํสุ – ‘‘หิมวนฺเต กิร, เทว, ปพฺพตราเช’’ติ. ‘‘สกฺกา ปน ตานิ อาเนตุ’’นฺติ? ‘‘วนจรกา, เทว, ชานนฺตี’’ติ.

ราชา วนจรเก ปกฺโกสาเปตฺวา เตสํ ตมตฺถํ อาจิกฺขิตฺวา เตหิ สมฺมนฺเตตฺวา ทินฺนสฺส เอกสฺส วนจรกสฺส สหสฺสํ ทตฺวา ตํ วิสฺสชฺเชสิ – ‘‘คจฺฉ, สีฆํ ตํ เม อมฺพผลํ อาเนหี’’ติ. โส ตํ กหาปณสหสฺสํ ปุตฺตทารสฺส ทตฺวา ปาเถยฺยํ คเหตฺวา ปฏิคงฺคํ กณฺณมุณฺฑทหาภิมุโข คนฺตฺวา มนุสฺสปถํ อติกฺกมิตฺวา กณฺณมุณฺฑทหโต โอรํ สฏฺิโยชนปฺปมาเณ ปเทเส เอกํ ตาปสํ ทิสฺวา เตน อาจิกฺขิตมคฺเคน คจฺฉนฺโต ปุน ตึสโยชนปฺปมาเณ ปเทเส เอกํ ตาปสํ ทิสฺวา, เตน อาจิกฺขิตมคฺเคน คจฺฉนฺโต ปุน ปนฺนรสโยชนปฺปมาเณ าเน อฺํ ตาปสํ ทิสฺวา, ตสฺส อตฺตโน อาคมนการณํ กเถสิ. ตาปโส ตํ อนุสาสิ – ‘‘อิโต ปฏฺาย อิมํ มหาคงฺคํ ปหาย อิมํ ขุทฺทกนทึ นิสฺสาย ปฏิโสตํ คจฺฉนฺโต ยทา ปพฺพตวิวรํ ปสฺสสิ, ตทา รตฺติยํ อุกฺกํ คเหตฺวา ปวิเสยฺยาสิ. อยฺจ นที รตฺติยํ นปฺปวตฺตติ, เตน เต คมนโยคฺคา โหติ, กติปยโยชนาติกฺกเมน เต อมฺเพ ปสฺสิสฺสสี’’ติ. โส ตถา กตฺวา อุทยนฺเต สูริเย วิวิธรตนรํสิชาลปชฺโชติตภูมิภาคํ ผลภาราวนตสาขาวิตานตรุคโณปโสภิตํ นานาวิธวิหงฺคคณูปกูชิตํ อติวิย มโนหรํ อมฺพวนํ สมฺปาปุณิ.

อถ นํ ตา อมนุสฺสิตฺถิโย ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘เอส มม ปริคฺคโห, เอส มม ปริคฺคโห’’ติ อุปธาวึสุ. โส ปน ตาหิ สทฺธึ ตตฺถ ทิพฺพสมฺปตฺตึ อนุภวิตุํ โยคฺคสฺส ปุฺกมฺมสฺส อกตตฺตา ตา ทิสฺวาว ภีโต วิรวนฺโต ปลายิตฺวา อนุกฺกเมน พาราณสึ ปตฺวา ตํ ปวตฺตึ รฺโ อาโรเจสิ. ราชา ตํ สุตฺวา ตา อิตฺถิโย ทฏฺุํ อมฺพผลานิ จ ปริภุฺชิตุํ สฺชาตาภิลาโส รชฺชภารํ อมจฺเจสุ อาโรเปตฺวา มิควาปเทเสน สนฺนทฺธธนุกลาโป ขคฺคํ พนฺธิตฺวา กติปยมนุสฺสปริวาโร เตเนว วนจรเกน ทสฺสิตมคฺเคน คนฺตฺวา กติปยโยชนนฺตเร าเน มนุสฺเสปิ เปตฺวา วนจรกเมว คเหตฺวา อนุกฺกเมน คนฺตฺวา ตมฺปิ ตโต นิวตฺตาเปตฺวา อุทยนฺเต ทิวากเร อมฺพวนํ ปาวิสิ. อถ นํ ตา อิตฺถิโย อภินวอุปฺปนฺนมิว เทวปุตฺตํ ทิสฺวา ปจฺจุคฺคนฺตฺวา ‘‘ราชา’’ติ ตฺวา สฺชาตสิเนหพหุมานา สกฺกจฺจํ นฺหาเปตฺวา ทิพฺเพหิ วตฺถาลงฺการมาลาคนฺธวิเลปเนหิ สุมณฺฑิตปสาธิตํ กตฺวา วิมานํ อาโรเปตฺวา นานคฺครสํ ทิพฺพโภชนํ โภเชตฺวา ตสฺส อิจฺฉานุรูปํ ปยิรุปาสึสุ.

อถ ทิยฑฺฒวสฺสสเต อติกฺกนฺเต ราชา อฑฺฒรตฺติสมเย อุฏฺหิตฺวา นิสินฺโน ตํ อติจารินึ เปตึ โปกฺขรณิตีรํ คจฺฉนฺตึ ทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข เอสา อิมาย เวลาย คจฺฉตี’’ติ วีมํสิตุกาโม อนุพนฺธิ. อถ นํ ตตฺถ คตํ สุนเขน ขชฺชมานํ ทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข อิท’’นฺติ อชานนฺโต ตโย จ ทิวเส วีมํสิตฺวา ‘‘เอโส เอติสฺสา ปจฺจามิตฺโต ภวิสฺสตี’’ติ นิสิเตน อุสุนา วิชฺฌิตฺวา ชีวิตา โวโรเปตฺวา ตฺจ อิตฺถึ โปเถตฺวา โปกฺขรณึ โอตาเรตฺวา ปฏิลทฺธปุริมรูปํ ทิสฺวา –

๓๔๘.

‘‘โสณฺณโสปานผลกา, โสณฺณวาลุกสนฺถตา;

ตตฺถ โสคนฺธิยา วคฺคู, สุจิคนฺธา มโนรมา.

๓๔๙.

‘‘นานารุกฺเขหิ สฺฉนฺนา, นานาคนฺธสเมริตา;

นานาปทุมสฺฉนฺนา, ปุณฺฑรีกสโมตตา.

๓๕๐.

‘‘สุรภึ สมฺปวายนฺติ, มนุฺา มาลุเตริตา;

หํสโกฺจาภิรุทา จ, จกฺกวกฺกาภิกูชิตา.

๓๕๑.

‘‘นานาทิชคณากิณฺณา, นานาสรคณายุตา;

นานาผลธรา รุกฺขา, นานาปุปฺผธรา วนา.

๓๕๒.

‘‘น มนุสฺเสสุ อีทิสํ, นครํ ยาทิสํ อิทํ;

ปาสาทา พหุกา ตุยฺหํ, โสวณฺณรูปิยามยา;

ททฺทลฺลมานา อาเภนฺติ, สมนฺตา จตุโร ทิสา.

๓๕๓.

‘‘ปฺจ ทาสิสตา ตุยฺหํ, ยา เตมา ปริจาริกา;

ตา กมฺพุกายูรธรา, กฺจนาเวฬภูสิตา.

๓๕๔.

‘‘ปลฺลงฺกา พหุกา ตุยฺหํ, โสวณฺณรูปิยามยา;

กทลิมิคสฺฉนฺนา, สชฺชา โคนกสนฺถตา.

๓๕๕.

‘‘ยตฺถ ตุวํ วาสูปคตา, สพฺพกามสมิทฺธินี;

สมฺปตฺตายฑฺฒรตฺตาย, ตโต อุฏฺาย คจฺฉสิ.

๓๕๖.

‘‘อุยฺยานภูมึ คนฺตฺวาน, โปกฺขรฺา สมนฺตโต;

ตสฺสา ตีเร ตุวํ าสิ, หริเต สทฺทเล สุเภ.

๓๕๗.

‘‘ตโต เต กณฺณมุณฺโฑ สุนโข, องฺคมงฺคานิ ขาทติ;

ยทา จ ขายิตา อาสิ, อฏฺิสงฺขลิกา กตา;

โอคาหสิ โปกฺขรณึ, โหติ กาโย ยถา ปุเร.

๓๕๘.

‘‘ตโต ตฺวํ องฺคปจฺจงฺคี, สุจารุ ปิยทสฺสนา;

วตฺเถน ปารุปิตฺวาน, อายาสิ มม สนฺติกํ.

๓๕๙.

‘‘กึ นุ กาเยน วาจาย, มนสา ทุกฺกฏํ กตํ;

กิสฺสกมฺมวิปาเกน, กณฺณมุณฺโฑ สุนโข ตว;

องฺคมงฺคานิ ขาทตี’’ติ. –

ทฺวาทสหิ คาถาหิ ตํ ตสฺส ปวตฺตึ ปฏิปุจฺฉิ.

๓๔๘. ตตฺถ โสณฺณโสปานผลกาติ สุวณฺณมยโสปานผลกา. โสณฺณวาลุกสนฺถตาติ สมนฺตโต สุวณฺณมยาหิ วาลุกาหิ สนฺถตา. ตตฺถาติ โปกฺขรณิยํ. โสคนฺธิยาติ โสคนฺธิกา. วคฺคูติ สุนฺทรา รุจิรา. สุจิคนฺธาติ มนุฺคนฺธา.

๓๔๙. นานาคนฺธสเมริตาติ นานาวิธสุรภิคนฺธวเสน คนฺธวายุนา สมนฺตโต เอริตา. นานาปทุมสฺฉนฺนาติ นานาวิธรตฺตปทุมสฺฉาทิตสลิลตลา. ปุณฺฑรีกสโมตตาติ เสตปทุเมหิ จ สโมกิณฺณา.

๓๕๐. สุรภึ สมฺปวายนฺตีติ สมฺมเทว สุคนฺธํ วายติ โปกฺขรณีติ อธิปฺปาโย. หํสโกฺจาภิรุทาติ หํเสหิ จ โกฺเจหิ จ อภินาทิตา.

๓๕๑. นานาทิชคณากิณฺณาติ นานาทิชคณากิณฺณา. นานาสรคณายุตาติ นานาวิธวิหงฺคมาภิรุทสมูหยุตฺตา. นานาผลธราติ นานาวิธผลธาริโน สพฺพกาลํ วิวิธผลภารนมิตสาขตฺตา. นานาปุปฺผธรา วนาติ นานาวิธสุรภิกุสุมทายิกานิ วนานีติ อตฺโถ. ลิงฺควิปลฺลาเสน หิ ‘‘วนา’’ติ วุตฺตํ.

๓๕๒. น มนุสฺเสสุ อีทิสํ นครนฺติ ยาทิสํ ตว อิทํ นครํ, อีทิสํ มนุสฺเสสุ นตฺถิ, มนุสฺสโลเก น อุปลพฺภตีติ อตฺโถ. รูปิยมยาติ รชตมยา. ททฺทลฺลมานาติ อติวิย วิโรจมานา. อาเภนฺตีติ โสภยนฺติ. สมนฺตา จตุโร ทิสาติ สมนฺตโต จตสฺโสปิ ทิสาโย.

๓๕๓. ยา เตมาติ ยา เต อิมา. ปริจาริกาติ เวยฺยาวจฺจการินิโย. ตาติ ตา ปริจาริกาโย. กมฺพุกายูรธราติ สงฺขวลยกายูรวิภูสิตา. กฺจนาเวฬภูสิตาติ สุวณฺณวฏํสกสมลงฺกตเกสหตฺถา.

๓๕๔. กทลิมิคสฺฉนฺนาติ กทลิมิคจมฺมปจฺจตฺถรณตฺถตา. สชฺชาติ สชฺชิตา สยิตุํ ยุตฺตรูปา. โคนกสนฺถตาติ ทีฆโลมเกน โกชเวน สนฺถตา.

๓๕๕. ยตฺถาติ ยสฺมึ ปลฺลงฺเก. วาสูปคตาติ วาสํ อุปคตา, สยิตาติ อตฺโถ. สมฺปตฺตายฑฺฒรตฺตายาติ อฑฺฒรตฺติยา อุปคตาย. ตโตติ ปลฺลงฺกโต.

๓๕๖. โปกฺขรฺาติ โปกฺขรณิยา. หริเตติ นีเล. สทฺทเลติ ตรุณติณสฺฉนฺเน. สุเภติ สุทฺเธ. สุเภติ วา ตสฺสา อาลปนํ. ภทฺเท, สมนฺตโต หริเต สทฺทเล ตสฺสา โปกฺขรณิยา ตีเร ตฺวํ คนฺตฺวาน าสิ ติฏฺสีติ โยชนา.

๓๕๗. กณฺณมุณฺโฑติ ขณฺฑิตกณฺโณ ฉินฺนกณฺโณ. ขายิตา อาสีติ ขาทิตา อโหสิ. อฏฺิสงฺขลิกา กตาติ อฏฺิสงฺขลิกมตฺตา กตา. ยถา ปุเรติ สุนเขน ขาทนโต ปุพฺเพ วิย.

๓๕๘. ตโตติ โปกฺขรณึ โอคาหนโต ปจฺฉา. องฺคปจฺจงฺคีติ ปริปุณฺณสพฺพงฺคปจฺจงฺควตี. สุจารูติ สุฏฺุ มโนรมา. ปิยทสฺสนาติ ทสฺสนียา. อายาสีติ อาคจฺฉสิ.

เอวํ เตน รฺา ปุจฺฉิตา สา เปตี อาทิโต ปฏฺาย อตฺตโน ปวตฺตึ ตสฺส กเถนฺตี –

๓๖๐.

‘‘กิมิลายํ คหปติ, สทฺโธ อาสิ อุปาสโก;

ตสฺสาหํ ภริยา อาสึ, ทุสฺสีลา อติจารินี.

๓๖๑.

‘‘โส มํ อติจรมานาย, สามิโก เอตทพฺรวิ;

‘เนตํ ตํ ฉนฺนํ ปติรูปํ, ยํ ตฺวํ อติจราสิ มํ’.

๓๖๒.

‘‘สาหํ โฆรฺจ สปถํ, มุสาวาทฺจ ภาสิสํ;

‘นาหํ ตํ อติจรามิ, กาเยน อุท เจตสา.

๓๖๓.

‘‘‘สจาหํ ตํ อติจรามิ, กาเยน อุท เจตสา;

กณฺณมุณฺโฑยํ สุนโข, องฺคมงฺคานิ ขาทตุ’.

๓๖๔.

‘‘ตสฺส กมฺมสฺส วิปากํ, มุสาวาทสฺส จูภยํ;

สตฺเตว วสฺสสตานิ, อนุภูตํ ยโต หิ เม;

กณฺณมุณฺโฑ จ สุนโข, องฺคมงฺคานิ ขาทตี’’ติ. – ปฺจ คาถา อาห;

๓๖๐-๑. ตตฺถ กิมิลายนฺติ เอวํนามเก นคเร. อติจารินีติ ภริยา หิ ปตึ อติกฺกมฺม จรณโต ‘‘อติจารินี’’ติ วุจฺจติ. อติจรมานาย มยิ โส สามิโก มํ เอตทพฺรวีติ โยชนา. เนตํ ฉนฺนนฺติอาทิ วุตฺตาการทสฺสนํ. ตตฺถ เนตํ ฉนฺนนฺติ น เอตํ ยุตฺตํ. น ปติรูปนฺติ ตสฺเสว เววจนํ. นฺติ กิริยาปรามสนํ. อติจราสีติ อติจรสิ, อยเมว วา ปาโ. ยํ มํ ตฺวํ อติจรสิ, ตตฺถ ยํ อติจรณํ, เนตํ ฉนฺนํ เนตํ ปติรูปนฺติ อตฺโถ.

๓๖๒-๔. โฆรนฺติ ทารุณํ. สปถนฺติ สปนํ. ภาสิสนฺติ อภาสึ. สจาหนฺติ สเจ อหํ. นฺติ ตฺวํ. ตสฺส กมฺมสฺสาติ ตสฺส ปาปกมฺมสฺส ทุสฺสีลฺยกมฺมสฺส. มุสาวาทสฺส จาติ ‘‘นาหํ ตํ อติจรามี’’ติ วุตฺตมุสาวาทสฺส จ. อุภยนฺติ อุภยสฺส วิปากํ. อนุภูตนฺติ อนุภูยมานํ มยาติ อตฺโถ. ยโตติ ยโต ปาปกมฺมโต.

เอวฺจ ปน วตฺวา เตน อตฺตโน กตํ อุปการํ กิตฺเตนฺตี –

๓๖๕.

‘‘ตฺวฺจ เทว พหุกาโร, อตฺถาย เม อิธาคโต;

สุมุตฺตาหํ กณฺณมุณฺฑสฺส, อโสกา อกุโตภยา.

๓๖๖.

‘‘ตาหํ เทว นมสฺสามิ, ยาจามิ ปฺชลีกตา;

ภุฺช อมานุเส กาเม, รม เทว มยา สหา’’ติ. –

ทฺเว คาถา อาห. ตตฺถ เทวาติ ราชานํ อาลปติ. กณฺณมุณฺฑสฺสาติ กณฺณมุณฺฑโต. นิสฺสกฺเก หิ อิทํ สามิวจนํ. อถ ราชา ตตฺถ วาเสน นิพฺพินฺนมานโส คมนชฺฌาสยํ ปกาเสสิ. ตํ สุตฺวา เปตี รฺโ ปฏิพทฺธจิตฺตา ตตฺเถวสฺส วาสํ ยาจนฺตี ‘‘ตาหํ, เทว, นมสฺสามี’’ติ คาถมาห.

ปุน ราชา เอกํเสน นครํ คนฺตุกาโมว หุตฺวา อตฺตโน อชฺฌาสยํ ปเวเทนฺโต –

๓๖๗.

‘‘ภุตฺตา อมานุสา กามา, รมิโตมฺหิ ตยา สห;

ตาหํ สุภเค ยาจามิ, ขิปฺปํ ปฏินยาหิ ม’’นฺติ. –

โอสานคาถมาห. ตตฺถ ตาหนฺติ ตํ อหํ. สุภเคติ สุภคยุตฺเต. ปฏินยาหิ มนฺติ มยฺหํ นครเมว มํ ปฏิเนหิ. เสสํ สพฺพตฺถ ปากฏเมว.

อถ สา วิมานเปตี รฺโ วจนํ สุตฺวา วิโยคํ อสหมานา โสกาตุรตาย พฺยากุลหทยา เวธมานสรีรา นานาวิเธหิ อุปาเยหิ อายาจิตฺวาปิ ตํ ตตฺถ วาเสตุํ อสกฺโกนฺตี พหูหิ มหารเหหิ รตเนหิ สทฺธึ ราชานํ นครํ เนตฺวา ปาสาทํ อาโรเปตฺวา กนฺทิตฺวา ปริเทวิตฺวา อตฺตโน วสนฏฺานเมว คตา. ราชา ปน ตํ ทิสฺวา สฺชาตสํเวโค ทานาทีนิ ปุฺกมฺมานิ กตฺวา สคฺคปรายโณ อโหสิ. อถ อมฺหากํ ภควติ โลเก อุปฺปชฺชิตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺเก อนุกฺกเมน สาวตฺถิยํ วิหรนฺเต เอกทิวสํ อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ปพฺพตจาริกํ จรมาโน ตํ อิตฺถึ สปริวารํ ทิสฺวา ตาย กตกมฺมํ ปุจฺฉิ. สา อาทิโต ปฏฺาย สพฺพํ เถรสฺส กเถสิ. เถโร ตาสํ ธมฺมํ เทเสสิ. ตํ ปวตฺตึ เถโร ภควโต อาโรเจสิ. ภควา ตมตฺถํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา สมฺปตฺตปริสาย ธมฺมํ เทเสสิ. มหาชโน ปฏิลทฺธสํเวโค ปาปโต โอรมิตฺวา ทานาทีนิ ปุฺกมฺมานิ กตฺวา สคฺคปรายโณ อโหสีติ.

กณฺณมุณฺฑเปติวตฺถุวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๓. ฒุพฺพริเปตวตฺถุวณฺณนา

อหุ ราชา พฺรหฺมทตฺโตติ อิทํ อุพฺพริเปตวตฺถุํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ อุปาสิกํ อารพฺภ กเถสิ. สาวตฺถิยํ กิร อฺตราย อุปาสิกาย สามิโก กาลมกาสิ. สา ปติวิโยคทุกฺขาตุรา โสจนฺตี อาฬาหนํ คนฺตฺวา โรทติ. ภควา ตสฺสา โสตาปตฺติผลสฺส อุปนิสฺสยสมฺปตฺตึ ทิสฺวา กรุณาย สฺโจทิตมานโส หุตฺวา ตสฺสา เคหํ คนฺตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ. อุปาสิกา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. อถ นํ สตฺถา ‘‘กึ, อุปาสิเก, โสจสี’’ติ วตฺวา ‘‘อาม, ภควา, ปิยวิปฺปโยเคน โสจามี’’ติ วุตฺเต ตสฺสา โสกํ อปเนตุกาโม อตีตํ อาหริ.

อตีเต ปฺจาลรฏฺเ กปิลนคเร จูฬนีพฺรหฺมทตฺโต นาม ราชา อโหสิ. โส อคติคมนํ ปหาย อตฺตโน วิชิเต ปชาย หิตกรณนิรโต ทส ราชธมฺเม อโกเปตฺวา รชฺชํ อนุสาสมาโน กทาจิ ‘‘อตฺตโน รชฺเช กึ วทนฺตี’’ติ โสตุกาโม ตุนฺนวายเวสํ คเหตฺวา เอโก อทุติโย นครโต นิกฺขมิตฺวา คามโต คามํ ชนปทโต ชนปทํ วิจริตฺวา สพฺพรชฺชํ อกณฺฏกํ อนุปปีฬํ มนุสฺเส สมฺโมทมาเน อปารุตฆเร มฺเ วิหรนฺเต ทิสฺวา โสมนสฺสชาโต นิวตฺติตฺวา นคราภิมุโข อาคจฺฉนฺโต อฺตรสฺมึ คาเม เอกิสฺสา วิธวาย ทุคฺคติตฺถิยา เคหํ ปาวิสิ. สา ตํ ทิสฺวา อาห – ‘‘โก นุ ตฺวํ, อยฺโย, กุโต วา อาคโตสี’’ติ? ‘‘อหํ ตุนฺนวาโย, ภทฺเท, ภติยา ตุนฺนวายกมฺมํ กโรนฺโต วิจรามิ. ยทิ ตุมฺหากํ ตุนฺนวายกมฺมํ อตฺถิ, ภตฺตฺจ เวตนฺจ เทถ, ตุมฺหากมฺปิ กมฺมํ กโรมี’’ติ. ‘‘นตฺถมฺหากํ กมฺมํ ภตฺตเวตนํ วา, อฺเสํ กโรหิ, อยฺยา’’ติ. โส ตตฺถ กติปาหํ วสนฺโต ธฺปุฺลกฺขณสมฺปนฺนํ ตสฺสา ธีตรํ ทิสฺวา มาตรํ อาห – ‘‘อยํ ทาริกา กึ เกนจิ กตปริคฺคหา, อุทาหุ อกตปริคฺคหา. สเจ ปน เกนจิ อกตปริคฺคหา, อิมํ มยฺหํ เทถ, อหํ ตุมฺหากํ สุเขน ชีวนูปายํ กาตุํ สมตฺโถ’’ติ. ‘‘สาธุ, อยฺยา’’ติ สา ตสฺส ตํ อทาสิ.

โส ตาย สทฺธึ กติปาหํ วสิตฺวา ตสฺสา กหาปณสหสฺสํ ทตฺวา ‘‘อหํ กติปาเหเนว นิวตฺติสฺสามิ. ภทฺเท, ตฺวํ มา อุกฺกณฺสี’’ติ วตฺวา อตฺตโน นครํ คนฺตฺวา, นครสฺส จ ตสฺส คามสฺส จ อนฺตเร มคฺคํ สมํ การาเปตฺวา อลงฺการาเปตฺวา มหตา ราชานุภาเวน ตตฺถ คนฺตฺวา ตํ ทาริกํ กหาปณราสิมฺหิ เปตฺวา สุวณฺณรชตกลเสหิ นฺหาเปตฺวา ‘‘อุพฺพรี’’ติ นามํ การาเปตฺวา อคฺคมเหสิฏฺาเน เปตฺวา ตฺจ คามํ ตสฺสา าตีนํ ทตฺวา มหตา ราชานุภาเวน ตํ นครํ อาเนตฺวา ตาย สทฺธึ อภิรมมาโน ยาวชีวํ รชฺชสุขํ อนุภวิตฺวา อายุปริโยสาเน กาลมกาสิ. กาลกเต จ ตสฺมึ, กเต จ สรีรกิจฺเจ อุพฺพรี ปติวิโยเคน โสกสลฺลสมปฺปิตหทยา อาฬาหนํ คนฺตฺวา พหู ทิวเส คนฺธปุปฺผาทีหิ ปูเชตฺวา รฺโ คุเณ กิตฺเตตฺวา อุมฺมาทปฺปตฺตา วิย กนฺทนฺตี ปริเทวนฺตี อาฬาหนํ ปทกฺขิณํ กโรติ.

เตน จ สมเยน อมฺหากํ ภควา โพธิสตฺตภูโต อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อธิคตชฺฌานาภิฺโ หิมวนฺตสฺส สามนฺตา อฺตรสฺมึ อรฺายตเน วิหรนฺโต โสกสลฺลสมปฺปิตํ อุพฺพรึ ทิพฺเพน จกฺขุนา ทิสฺวา อากาเสน อาคนฺตฺวา ทิสฺสมานรูโป อากาเส ตฺวา ตตฺถ ิเต มนุสฺเส ปุจฺฉิ – ‘‘กสฺสิทํ อาฬาหนํ, กสฺสตฺถาย จายํ อิตฺถี ‘พฺรหฺมทตฺต, พฺรหฺมทตฺตา’ติ กนฺทนฺตี ปริเทวตี’’ติ. ตํ สุตฺวา มนุสฺสา ‘‘พฺรหฺมทตฺโต นาม ปฺจาลานํ ราชา, โส อายุปริโยสาเน กาลมกาสิ, ตสฺสิทํ อาฬาหนํ, ตสฺส อยํ อคฺคมเหสี อุพฺพรี นาม ‘พฺรหฺมทตฺต, พฺรหฺมทตฺตา’ติ ตสฺส นามํ คเหตฺวา กนฺทนฺตี ปริเทวตี’’ติ อาหํสุ. ตมตฺถํ ทีเปนฺตา สงฺคีติการา –

๓๖๘.

‘‘อหุ ราชา พฺรหฺมทตฺโต, ปฺจาลานํ รเถสโภ;

อโหรตฺตานมจฺจยา, ราชา กาลมกฺรุพฺพถ.

๓๖๙.

‘‘ตสฺส อาฬาหนํ คนฺตฺวา, ภริยา กนฺทติ อุพฺพริ;

พฺรหฺมทตฺตํ อปสฺสนฺตี, พฺรหฺมทตฺตาติ กนฺทติ.

๓๗๐.

‘‘อิสิ จ ตตฺถ อาคจฺฉิ, สมฺปนฺนจรโณ มุนิ;

โส จ ตตฺถ อปุจฺฉิตฺถ, เย ตตฺถ สุ สมาคตา.

๓๗๑.

‘‘‘กสฺส อิทํ อาฬาหนํ, นานาคนฺธสเมริตํ;

กสฺสายํ กนฺทติ ภริยา, อิโต ทูรคตํ ปตึ;

พฺรหฺมทตฺตํ อปสฺสนฺตี, พฺรหฺมทตฺตาติ กนฺทติ’.

๓๗๒.

‘‘เต จ ตตฺถ วิยากํสุ, เย ตตฺถ สุ สมาคตา;

พฺรหฺมทตฺตสฺส ภทฺทนฺเต, พฺรหฺมทตฺตสฺส มาริส.

๓๗๓.

‘‘ตสฺส อิทํ อาฬาหนํ, นานาคนฺธสเมริตํ;

ตสฺสายํ กนฺทติ ภริยา, อิโต ทูรคตํ ปตึ;

พฺรหฺมทตฺตํ อปสฺสนฺตี, พฺรหฺมทตฺตาติ กนฺทตี’’ติ. – ฉ คาถา เปสุํ;

๓๖๘-๙. ตตฺถ อหูติ อโหสิ. ปฺจาลานนฺติ ปฺจาลรฏฺวาสีนํ, ปฺจาลรฏฺสฺเสว วา. เอโกปิ หิ ชนปโท ชนปทิกานํ ราชกุมารานํ วเสน รุฬฺหิยา ‘‘ปฺจาลาน’’นฺติ พหุวจเนน นิทฺทิสียติ. รเถสโภติ รเถสุ อุสภสทิโส, มหารโถติ อตฺโถ. ตสฺส อาฬาหนนฺติ ตสฺส รฺโ สรีรสฺส ทฑฺฒฏฺานํ.

๓๗๐. อิสีติ ฌานาทีนํ คุณานํ เอสนฏฺเน อิสิ. ตตฺถาติ ตสฺมึ อุพฺพริยา ิตฏฺาเน, สุสาเนติ อตฺโถ. อาคจฺฉีติ อคมาสิ. สมฺปนฺนจรโณติ สีลสมฺปทา, อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารตา, โภชเน มตฺตฺุตา, ชาคริยานุโยโค, สทฺธาทโย สตฺต สทฺธมฺมา, จตฺตาริ รูปาวจรฌานานีติ อิเมหิ ปนฺนรสหิ จรณสงฺขาเตหิ คุเณหิ สมฺปนฺโน สมนฺนาคโต, จรณสมฺปนฺโนติ อตฺโถ. มุนีติ อตฺตหิตฺจ ปรหิตฺจ มุนาติ ชานาตีติ มุนิ. โส จ ตตฺถ อปุจฺฉิตฺถาติ โส ตสฺมึ าเน ิเต ชเน ปฏิปุจฺฉิ. เย ตตฺถ สุ สมาคตาติ เย มนุสฺสา ตตฺถ สุสาเน สมาคตา. สูติ นิปาตมตฺตํ. ‘‘เย ตตฺถาสุํ สมาคตา’’ติ วา ปาโ. อาสุนฺติ อเหสุนฺติ อตฺโถ.

๓๗๑. นานาคนฺธสเมริตนฺติ นานาวิเธหิ คนฺเธหิ สมนฺตโต เอริตํ อุปวาสิตํ. อิโตติ มนุสฺสโลกโต. ทูรคตนฺติ ปรโลกํ คตตฺตา วทติ. พฺรหฺมทตฺตาติ กนฺทตีติ พฺรหฺมทตฺตาติ เอวํ นามสํกิตฺตนํ กตฺวา ปริเทวนวเสน อวฺหายติ.

๓๗๒-๓. พฺรหฺมทตฺตสฺส ภทฺทนฺเต, พฺรหฺมทตฺตสฺส มาริสาติ มาริส, นิรามยกายจิตฺต มหามุนิ พฺรหฺมทตฺตสฺส รฺโ อิทํ อาฬาหนํ, ตสฺเสว พฺรหฺมทตฺตสฺส รฺโ อยํ ภริยา, ภทฺทํ เต ตสฺส จ พฺรหฺมทตฺตสฺส ภทฺทํ โหตุ, ตาทิสานํ มเหสีนํ หิตานุจินฺตเนน ปรโลเก ิตานมฺปิ หิตสุขํ โหติเยวาติ อธิปฺปาโย.

อถ โส ตาปโส เตสํ วจนํ สุตฺวา อนุกมฺปํ อุปาทาย อุพฺพริยา สนฺติกํ คนฺตฺวา ตสฺสา โสกวิโนทนตฺถํ –

๓๗๔.

‘‘ฉฬาสีติสหสฺสานิ, พฺรหฺมทตฺตสฺสนามกา;

อิมสฺมึ อาฬาหเน ทฑฺฒา, เตสํ กมนุโสจสี’’ติ. –

คาถมาห. ตตฺถ ฉฬาสีติสหสฺสานีติ ฉสหสฺสาธิกอสีติสหสฺสสงฺขา. พฺรหฺมทตฺตสฺสนามกาติ พฺรหฺมทตฺโตติ เอวํนามกา. เตสํ กมนุโสจสีติ เตสํ ฉฬาสีติสหสฺสสงฺขาตานํ พฺรหฺมทตฺตานํ กตมํ พฺรหฺมทตฺตํ ตฺวํ อนุโสจสิ, กตมํ ปฏิจฺจ เต โสโก อุปฺปนฺโนติ ปุจฺฉิ.

เอวํ ปน เตน อิสินา ปุจฺฉิตา อุพฺพรี อตฺตนา อธิปฺเปตํ พฺรหฺมทตฺตํ อาจิกฺขนฺตี –

๓๗๕.

‘‘โย ราชา จูฬนีปุตฺโต, ปฺจาลานํ รเถสโภ;

ตํ ภนฺเต อนุโสจามิ, ภตฺตารํ สพฺพกามท’’นฺติ. –

คาถมาห. ตตฺถ จูฬนีปุตฺโตติ เอวํนามสฺส รฺโ ปุตฺโต. สพฺพกามทนฺติ มยฺหํ สพฺพสฺส อิจฺฉิติจฺฉิตสฺส ทาตารํ, สพฺเพสํ วา สตฺตานํ อิจฺฉิตทายกํ.

เอวํ อุพฺพริยา วุตฺเต ปุน ตาปโส –

๓๗๖.

‘‘สพฺเพวาเหสุํ ราชาโน, พฺรหฺมทตฺตสฺสนามกา;

สพฺเพว จูฬนีปุตฺตา, ปฺจาลานํ รเถสภา.

๓๗๗.

‘‘สพฺเพสํ อนุปุพฺเพน, มเหสิตฺตมการยิ;

กสฺมา ปุริมเก หิตฺวา, ปจฺฉิมํ อนุโสจสี’’ติ. – คาถาทฺวยมาห;

๓๗๖. ตตฺถ สพฺเพวาเหสุนฺติ สพฺเพว เต ฉฬาสีติสหสฺสสงฺขา ราชาโน พฺรหฺมทตฺตสฺส นามกา จูฬนีปุตฺตา ปฺจาลานํ รเถสภาว อเหสุํ. อิเม ราชภาวาทโย วิเสสา เตสุ เอกสฺสาปิ นาเหสุํ.

๓๗๗. มเหสิตฺตมการยีติ ตฺวฺจ เตสํ สพฺเพสมฺปิ อนุปุพฺเพน อคฺคมเหสิภาวํ อกาสิ, อนุปฺปตฺตาติ อตฺโถ. กสฺมาติ คุณโต จ สามิกภาวโต จ อวิสิฏฺเสุ เอตฺตเกสุ ชเนสุ ปุริมเก ราชาโน ปหาย ปจฺฉิมํ เอกํเมว กสฺมา เกน การเณน อนุโสจสีติ ปุจฺฉิ.

ตํ สุตฺวา อุพฺพรี สํเวคชาตา ปุน ตาปสํ –

๓๗๘.

‘‘อาตุเม อิตฺถิภูตาย, ทีฆรตฺตาย มาริส;

ยสฺสา เม อิตฺถิภูตาย, สํสาเร พหุภาสสี’’ติ. –

คาถมาห. ตตฺถ อาตุเมติ อตฺตนิ. อิตฺถิภูตายาติ อิตฺถิภาวํ อุปคตาย. ทีฆรตฺตายาติ ทีฆรตฺตํ. อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย – อิตฺถิภูตาย อตฺตนิ สพฺพกาลํ อิตฺถีเยว โหติ, อุทาหุ ปุริสภาวมฺปิ อุปคจฺฉตีติ. ยสฺสา เม อิตฺถิภูตายาติ ยสฺสา มยฺหํ อิตฺถิภูตาย เอวํ ตาว พหุสํสาเร มเหสิภาวํ มหามุนิ ตฺวํ ภาสสิ กเถสีติ อตฺโถ. ‘‘อาหุ เม อิตฺถิภูตายา’’ติ วา ปาโ. ตตฺถ อาติ อนุสฺสรณตฺเถ นิปาโต. อาหุ เมติ สยํ อนุสฺสริตํ อฺาตมิทํ มยา, อิตฺถิภูตาย อิตฺถิภาวํ อุปคตาย เอวํ มยฺหํ เอตฺตกํ กาลํ อปราปรุปฺปตฺติ อโหสิ. กสฺมา? ยสฺมา ยสฺสา เม อิตฺถิภูตาย สพฺเพสํ อนุปุพฺเพน มเหสิตฺตมการยิ, กึ ตฺวํ, มหามุนิ, สํสาเร พหุํ ภาสสีติ โยชนา.

ตํ สุตฺวา ตาปโส อยํ นิยโม สํสาเร นตฺถิ ‘‘อิตฺถี อิตฺถีเยว โหติ, ปุริโส ปุริโส เอวา’’ติ ทสฺเสนฺโต –

๓๗๙.

‘‘อหุ อิตฺถี อหุ ปุริโส, ปสุโยนิมฺปิ อาคมา;

เอวเมตํ อตีตานํ, ปริยนฺโต น ทิสฺสตี’’ติ. –

คาถมาห. ตตฺถ อหุ อิตฺถี อหุ ปุริโสติ ตฺวํ กทาจิ อิตฺถีปิ อโหสิ, กทาจิ ปุริโสปิ อโหสิ. น เกวลํ อิตฺถิปุริสภาวเมว, อถ โข ปสุ โยนิมฺปิ อคมาสิ, กทาจิ ปสุภาวมฺปิ อคมาสิ, ติรจฺฉานโยนิมฺปิ อุปคตา อโหสิ. เอวเมตํ อตีตานํ, ปริยนฺโต น ทิสฺสตีติ เอวํ ยถาวุตฺตํ เอตํ อิตฺถิภาวํ ปุริสภาวํ ติรจฺฉานาทิภาวฺจ อุปคตานํ อตีตานํ อตฺตภาวานํ ปริยนฺโต าณจกฺขุนา มหตา อุสฺสาเหน ปสฺสนฺตานมฺปิ น ทิสฺสติ. น เกวลํ ตเวว, อถ โข สพฺเพสมฺปิ สํสาเร ปริพฺภมนฺตานํ สตฺตานํ อตฺตภาวสฺส ปริยนฺโต น ทิสฺสเตว น ปฺายเตว. เตนาห ภควา –

‘‘อนมตคฺโคยํ, ภิกฺขเว, สํสาโร, ปุพฺพา โกฏิ น ปฺายติ อวิชฺชานีวรณานํ สตฺตานํ ตณฺหาสํโยชนานํ สนฺธาวตํ สํสรต’’นฺติ (สํ. นิ. ๒.๑๒๔).

เอวํ เตน ตาปเสน สํสารสฺส อปริยนฺตตํ กมฺมสฺสกตฺจ วิภาเวนฺเตน เทสิตํ ธมฺมํ สุตฺวา สํสาเร สํวิคฺคหทยา ธมฺเม จ ปสนฺนมานสา วิคตโสกสลฺลา หุตฺวา อตฺตโน ปสาทํ โสกวิคมนฺจ ปกาเสนฺตี –

๓๘๐.

‘‘อาทิตฺตํ วต มํ สนฺตํ, ฆตสิตฺตํว ปาวกํ;

วารินา วิย โอสิฺจํ, สพฺพํ นิพฺพาปเย ทรํ.

๓๘๑.

‘‘อพฺพหี วต เม สลฺลํ, โสกํ หทยนิสฺสิตํ;

โย เม โสกปเรตาย, ปติโสกํ อปานุทิ.

๓๘๒.

‘‘สาหํ อพฺพูฬฺหสลฺลาสฺมิ, สีติภูตาสฺมิ นิพฺพุตา;

น โสจามิ น โรทามิ, ตว สุตฺวา มหามุนี’’ติ. –

ติสฺโส คาถา อภาสิ. ตาสํ อตฺโถ เหฏฺา วุตฺโตเยว.

อิทานิ สํวิคฺคหทยาย อุพฺพริยา ปฏิปตฺตึ ทสฺเสนฺโต สตฺถา –

๓๘๓.

‘‘ตสฺส ตํ วจนํ สุตฺวา, สมณสฺส สุภาสิตํ;

ปตฺตจีวรมาทาย, ปพฺพชิ อนคาริยํ.

๓๘๔.

‘‘สา จ ปพฺพชิตา สนฺตา, อคารสฺมา อนคาริยํ;

เมตฺตจิตฺตํ อาภาเวสิ, พฺรหฺมโลกูปปตฺติยา.

๓๘๕.

‘‘คามา คามํ วิจรนฺตี, นิคเม ราชธานิโย;

อุรุเวฬา นาม โส คาโม, ยตฺถ กาลมกฺรุพฺพถ.

๓๘๖.

‘‘เมตฺตจิตฺตํ อาภาเวตฺวา, พฺรหฺมโลกูปปตฺติยา;

อิตฺถิจิตฺตํ วิราเชตฺวา, พฺรหฺมโลกูปคา อหู’’ติ. – จตสฺโส คาถา อภาสิ;

๓๘๓-๔. ตตฺถ ตสฺสาติ ตสฺส ตาปสสฺส. สุภาสิตนฺติ สุฏฺุ ภาสิตํ, ธมฺมนฺติ อตฺโถ. ปพฺพชิตา สนฺตาติ ปพฺพชฺชํ อุปคตา สมานา, ปพฺพชิตฺวา วา หุตฺวา สนฺตกายวาจา. เมตฺตจิตฺตนฺติ เมตฺตาสหคตํ จิตฺตํ. จิตฺตสีเสน เมตฺตชฺฌานํ วทติ. พฺรหฺมโลกูปปตฺติยาติ ตฺจ สา เมตฺตจิตฺตํ ภาเวนฺตี พฺรหฺมโลกูปปตฺติยา อภาเวสิ, น วิปสฺสนาปาทกาทิอตฺถํ. อนุปฺปนฺเน หิ พุทฺเธ พฺรหฺมวิหาราทิเก ภาเวนฺตา ตาปสปริพฺพาชกา ยาวเทว ภวสมฺปตฺติอตฺถเมว ภาเวสุํ.

๓๘๕-๖. คามา คามนฺติ คามโต อฺํ คามํ. อาภาเวตฺวาติ วฑฺเฒตฺวา พฺรูเหตฺวา. ‘‘อภาเวตฺวา’’ติ เกจิ ปนฺติ, เตสํ อ-กาโร นิปาตมตฺตํ. อิตฺถิจิตฺตํ วิราเชตฺวาติ อิตฺถิภาเว จิตฺตํ อชฺฌาสยํ อภิรุจึ วิราเชตฺวา อิตฺถิภาเว วิรตฺตจิตฺตา หุตฺวา. พฺรหฺมโลกูปคาติ ปฏิสนฺธิคฺคหณวเสน พฺรหฺมโลกํ อุปคมนกา อโหสิ. เสสํ เหฏฺา วุตฺตนยตฺตา อุตฺตานเมว.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ตสฺสา อุปาสิกาย โสกํ วิโนเทตฺวา อุปริ จตุสจฺจเทสนํ อกาสิ. สจฺจปริโยสาเน สา อุปาสิกา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. สมฺปตฺตปริสาย จ เทสนา สาตฺถิกา อโหสีติ.

อุพฺพริเปตวตฺถุวณฺณนา นิฏฺิตา.

อิติ ขุทฺทก-อฏฺกถาย เปตวตฺถุสฺมึ

เตรสวตฺถุปฏิมณฺฑิตสฺส

ทุติยสฺส อุพฺพริวคฺคสฺส อตฺถสํวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. จูฬวคฺโค

๑. อภิชฺชมานเปตวตฺถุวณฺณนา

อภิชฺชมาเน วาริมฺหีติ อิทํ สตฺถริ เวฬุวเน วิหรนฺเต อฺตรํ ลุทฺทเปตํ อารพฺภ วุตฺตํ. พาราณสิยํ กิร อปรทิสาภาเค ปารคงฺคาย วาสภคามํ อติกฺกมิตฺวา จุนฺทฏฺิลนามเก คาเม เอโก ลุทฺทโก อโหสิ. โส อรฺเ มิเค วธิตฺวา วรมํสํ องฺคาเร ปจิตฺวา ขาทิตฺวา อวเสสํ ปณฺณปุเฏ พนฺธิตฺวา กาเชน คเหตฺวา คามํ อาคจฺฉติ. ตํ พาลทารกา คามทฺวาเร ทิสฺวา ‘‘มํสํ เม เทหิ, มํสํ เม เทหี’’ติ หตฺเถ ปสาเรตฺวา อุปธาวนฺติ. โส เตสํ โถกํ โถกํ มํสํ เทติ. อเถกทิวสํ มํสํ อลภิตฺวา อุทฺทาลกปุปฺผํ ปิฬนฺธิตฺวา พหุฺจ หตฺเถน คเหตฺวา คามํ คจฺฉนฺตํ ตํ ทารกา คามทฺวาเร ทิสฺวา ‘‘มํสํ เม เทหิ, มํสํ เม เทหี’’ติ หตฺเถ ปสาเรตฺวา อุปธาวึสุ. โส เตสํ เอเกกํ ปุปฺผมฺชรึ อทาสิ.

อถ อปเรน สมเยน กาลํ กตฺวา เปเตสุ นิพฺพตฺโต นคฺโค วิรูปรูโป ภยานกทสฺสโน สุปิเนปิ อนฺนปานํ อชานนฺโต สีเส อาพนฺธิตอุทฺทาลกกุสุมมาลากลาโป ‘‘จุนฺทฏฺิลายํ าตกานํ สนฺติเก กิฺจิ ลภิสฺสามี’’ติ คงฺคาย อุทเก อภิชฺชมาเน ปฏิโสตํ ปทสา คจฺฉติ. เตน จ สมเยน โกลิโย นาม รฺโ พิมฺพิสารสฺส มหามตฺโต กุปิตํ ปจฺจนฺตํ วูปสเมตฺวา ปฏินิวตฺเตนฺโต หตฺถิอสฺสาทิปริวารพลํ ถลปเถน เปเสตฺวา สยํ คงฺคาย นทิยา อนุโสตํ นาวาย อาคจฺฉนฺโต ตํ เปตํ ตถา คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ปุจฺฉนฺโต –

๓๘๗.

‘‘อภิชฺชมาเน วาริมฺหิ, คงฺคาย อิธ คจฺฉสิ;

นคฺโค ปุพฺพทฺธเปโตว, มาลธารี อลงฺกโต;

กุหึ คมิสฺสสิ เปต, กตฺถ วาโส ภวิสฺสตี’’ติ. –

คาถมาห. ตตฺถ อภิชฺชมาเนติ ปทนิกฺเขเปน อภิชฺชมาเน สงฺฆาเต, วาริมฺหิ คงฺคายาติ คงฺคาย นทิยา อุทเก. อิธาติ อิมสฺมึ าเน. ปุพฺพทฺธเปโตวาติ กายสฺส ปุริมทฺเธน อเปโต วิย อเปตโยนิโก เทวปุตฺโต วิย. กถํ? มาลธารี อลงฺกโตติ, มาลาหิ ปิฬนฺธิตฺวา อลงฺกตสีสคฺโคติ อตฺโถ. กตฺถ วาโส ภวิสฺสตีติ กตรสฺมึ คาเม เทเส วา ตุยฺหํ นิวาโส ภวิสฺสติ, ตํ กเถหีติ อตฺโถ.

อิทานิ ยํ ตทา เตน เปเตน โกลิเยน จ วุตฺตํ, ตํ ทสฺเสตุํ สงฺคีติการา –

๓๘๘.

‘‘จุนฺทฏฺิลํ คมิสฺสามิ, เปโต โส อิติ ภาสติ;

อนฺตเร วาสภคามํ, พาราณสิฺจ สนฺติเก.

๓๘๙.

‘‘ตฺจ ทิสฺวา มหามตฺโต, โกลิโย อิติ วิสฺสุโต;

สตฺตุํ ภตฺตฺจ เปตสฺส, ปีตกฺจ ยุคํ อทา.

๓๙๐.

‘‘นาวาย ติฏฺมานาย, กปฺปกสฺส อทาปยิ;

กปฺปกสฺส ปทินฺนมฺหิ, าเน เปตสฺส ทิสฺสถ.

๓๙๑.

‘‘ตโต สุวตฺถวสโน, มาลธารี อลงฺกโต;

าเน ิตสฺส เปตสฺส, ทกฺขิณา อุปกปฺปถ;

ตสฺมา ทชฺเชถ เปตานํ, อนุกมฺปาย ปุนปฺปุน’’นฺติ. – คาถาโย อโวจุํ;

๓๘๘. ตตฺถ จุนฺทฏฺิลนฺติ เอวํนามกํ คามํ. อนฺตเร วาสภคามํ, พาราณสิฺจ สนฺติเกติ วาสภคามสฺส จ พาราณสิยา จ เวมชฺเฌ. อนฺตรา-สทฺทโยเคน เหตํ สามฺยตฺเถ อุปโยควจนํ. พาราณสิยา สนฺติเก หิ โส คาโมติ. อยฺเหตฺถ อตฺโถ – อนฺตเร วาสภคามสฺส จ พาราณสิยา จ โย จุนฺทฏฺิลนามโก คาโม พาราณสิยา อวิทูเร, ตํ คามํ คมิสฺสามีติ.

๓๘๙. โกลิโย อิติ วิสฺสุโตติ โกลิโยติ เอวํปกาสิตนาโม. สตฺตุํ ภตฺตฺจาติ สตฺตุฺเจว ภตฺตฺจ. ปีตกฺจ ยุคํ อทาติ ปีตกํ สุวณฺณวณฺณํ เอกํ วตฺถยุคฺจ อทาสิ.

๓๙๐. กทา อทาสีติ เจ อาห นาวาย ติฏฺมานาย. กปฺปกสฺส อทาปยีติ คจฺฉนฺตึ นาวํ เปตฺวา ตตฺถ เอกสฺส นฺหาปิตสฺส อุปาสกสฺส ทาเปสิ, ทินฺนมฺหิ วตฺถยุเคติ โยชนา. าเนติ านโส ตงฺขณฺเว. เปตสฺส ทิสฺสถาติ เปตสฺส สรีเร ปฺายิตฺถ, ตสฺส นิวาสนปารุปนวตฺถํ สมฺปชฺชิ. เตนาห ‘‘ตโต สุวตฺถวสโน, มาลธารี อลงฺกโต’’ติ, สุวตฺถวสโน มาลาภรเณหิ สุมณฺฑิตปสาธิโต. าเน ิตสฺส เปตสฺส, ทกฺขิณา อุปกปฺปถาติ ทกฺขิเณยฺยฏฺาเน ิตา ปเนสา ทกฺขิณา ตสฺส เปตสฺส ยสฺมา อุปกปฺปติ, วินิโยคํ อคมาสิ. ตสฺมา ทชฺเชถ เปตานํ, อนุกมฺปาย ปุนปฺปุนนฺติ เปตานํ อนุกมฺปาย เปเต อุทฺทิสฺส ปุนปฺปุนํ ทกฺขิณํ ทเทยฺยาติ อตฺโถ.

อถ โส โกลิยมหามตฺโต ตํ เปตํ อนุกมฺปมาโน ทานวิธึ สมฺปาเทตฺวา อนุโสตํ อาคนฺตฺวา สูริเย อุคฺคจฺฉนฺเต พาราณสึ สมฺปาปุณิ. ภควา จ เตสํ อนุคฺคหตฺถํ อากาเสน อาคนฺตฺวา คงฺคาตีเร อฏฺาสิ. โกลิยมหามตฺโตปิ นาวาโต โอตริตฺวา หฏฺปหฏฺโ ภควนฺตํ นิมนฺเตสิ – ‘‘อธิวาเสถ เม, ภนฺเต, ภควา อชฺชตนาย ภตฺตํ อนุกมฺปํ อุปาทายา’’ติ. อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวน. โส ภควโต อธิวาสนํ วิทิตฺวา ตาวเทว รมณีเย ภูมิภาเค มหนฺตํ สาขามณฺฑปํ อุปริ จตูสุ จ ปสฺเสสุ นานาวิราควณฺณวิจิตฺตวิวิธวสนสมลงฺกตํ กาเรตฺวา ตตฺถ ภควโต อาสนํ ปฺาเปตฺวา อทาสิ. นิสีทิ ภควา ปฺตฺเต อาสเน.

อถ โส มหามตฺโต ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา คนฺธปุปฺผาทีหิ ปูเชตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺโน เหฏฺา อตฺตโน วุตฺตวจนํ เปตสฺส จ ปฏิวจนํ ภควโต อาโรเจสิ. ภควา ‘‘ภิกฺขุสงฺโฆ อาคจฺฉตู’’ติ จินฺเตสิ. จินฺติตสมนนฺตรเมว พุทฺธานุภาวสฺโจทิโต สุวณฺณหํสคโณ วิย ธตรฏฺหํสราชํ ภิกฺขุสงฺโฆ ธมฺมราชํ สมฺปริวาเรสิ. ตาวเทว มหาชโน สนฺนิปติ ‘‘อุฬารา ธมฺมเทสนา ภวิสฺสตี’’ติ. ตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส มหามตฺโต พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน สนฺตปฺเปสิ. ภควา กตภตฺตกิจฺโจ มหาชนสฺส อนุกมฺปาย ‘‘พาราณสิสมีปคามวาสิโน สนฺนิปตนฺตู’’ติ อธิฏฺาสิ. สพฺเพ จ เต อิทฺธิพเลน มหาชนา สนฺนิปตึสุ, อุฬาเร จสฺส เปเต ปากเฏ อกาสิ. เตสุ เกจิ ฉินฺนภินฺนปิโลติกขณฺฑธรา, เกจิ อตฺตโน เกเสเหว ปฏิจฺฉาทิตโกปินา, เกจิ นคฺคา ยถาชาตรูปา ขุปฺปิปาสาภิภูตา ตจปริโยนทฺธา อฏฺิมตฺตสรีรา อิโต จิโต จ ปริพฺภมนฺตา มหาชนสฺส ปจฺจกฺขโต ปฺายึสุ.

อถ ภควา ตถารูปํ อิทฺธาภิสงฺขารํ อภิสงฺขาสิ, ยถา เต เอกชฺฌํ สนฺนิปติตฺวา อตฺตนา กตํ ปาปกมฺมํ มหาชนสฺส ปเวเทสุํ. ตมตฺถํ ทีเปนฺตา สงฺคีติการา –

๓๙๒.

‘‘สาตุนฺนวสนา เอเก, อฺเ เกสนิวาสนา;

เปตา ภตฺตาย คจฺฉนฺติ, ปกฺกมนฺติ ทิโสทิสํ.

๓๙๓.

‘‘ทูเร เอเก ปธาวิตฺวา, อลทฺธาว นิวตฺตเร;

ฉาตา ปมุจฺฉิตา ภนฺตา, ภูมิยํ ปฏิสุมฺภิตา.

๓๙๔.

‘‘เกจิ ตตฺถ ปปติตฺวา, ภูมิยํ ปฏิสุมฺภิตา;

ปุพฺเพ อกตกลฺยาณา, อคฺคิทฑฺฒาว อาตเป.

๓๙๕.

‘‘มยํ ปุพฺเพ ปาปธมฺมา, ฆรณี กุลมาตโร;

สนฺเตสุ เทยฺยธมฺเมสุ, ทีปํ นากมฺห อตฺตโน.

๓๙๖.

‘‘ปหูตํ อนฺนปานมฺปิ, อปิสฺสุ อวกิรียติ;

สมฺมคฺคเต ปพฺพชิเต, น จ กิฺจิ อทมฺหเส.

๓๙๗.

‘‘อกมฺมกามา อลสา, สาทุกามา มหคฺฆสา;

อาโลปปิณฺฑทาตาโร, ปฏิคฺคเห ปริภาสิมฺหเส.

๓๙๘.

‘‘เต ฆรา ตา จ ทาสิโย, ตาเนวาภรณานิ โน;

เต อฺเ ปริจาเรนฺติ, มยํ ทุกฺขสฺส ภาคิโน.

๓๙๙.

‘‘เวณี วา อวฺา โหนฺติ, รถการี จ ทุพฺภิกา;

จณฺฑาลี กปณา โหนฺติ, กปฺปกา จ ปุนปฺปุนํ.

๔๐๐.

‘‘ยานิ ยานิ นิหีนานิ, กุลานิ กปณานิ จ;

เตสุ เตสฺเวว ชายนฺติ, เอสา มจฺฉริโน คติ.

๔๐๑.

‘‘ปุพฺเพ จ กตกลฺยาณา, ทายกา วีตมจฺฉรา;

สคฺคํ เต ปริปูเรนฺติ, โอภาเสนฺติ จ นนฺทนํ.

๔๐๒.

‘‘เวชยนฺเต จ ปาสาเท, รมิตฺวา กามกามิโน;

อุจฺจากุเลสุ ชายนฺติ, สโภเคสุ ตโต จุตา.

๔๐๓.

‘‘กูฏาคาเร จ ปาสาเท, ปลฺลงฺเก โปนกตฺถเต;

พีชิตงฺคา โมรหตฺเถหิ, กุเล ชาตา ยสสฺสิโน.

๔๐๔.

‘‘องฺกโต องฺกํ คจฺฉนฺติ, มาลธารี อลงฺกตา;

ธาติโย อุปติฏฺนฺติ, สายํ ปาตํ สุเขสิโน.

๔๐๕.

‘‘นยิทํ อกตปุฺานํ, กตปุฺานเมวิทํ;

อโสกํ นนฺทนํ รมฺมํ, ติทสานํ มหาวนํ.

๔๐๖.

‘‘สุขํ อกตปุฺานํ, อิธ นตฺถิ ปรตฺถ จ;

สุขฺจ กตปุฺานํ, อิธ เจว ปรตฺถ จ.

๔๐๗.

‘‘เตสํ สหพฺยกามานํ, กตฺตพฺพํ กุสลํ พหุํ;

กตปุฺา หิ โมทนฺติ, สคฺเค โภคสมงฺคิโน’’ติ. – คาถาโย อโวจุํ;

๓๙๒. ตตฺถ สาตุนฺนวสนาติ ฉินฺนภินฺนปิโลติกขณฺฑนิวาสนา. เอเกติ เอกจฺเจ. เกสนิวาสนาติ เกเสเหว ปฏิจฺฉาทิตโกปินา. ภตฺตาย คจฺฉนฺตีติ ‘‘อปฺเปว นาม อิโต คตา ยตฺถ วา ตตฺถ วา กิฺจิ อุจฺฉิฏฺภตฺตํ วา วมิตภตฺตํ วา คพฺภมลาทิกํ วา ลเภยฺยามา’’ติ กตฺถจิเทว อฏฺตฺวา ฆาสตฺถาย คจฺฉนฺติ. ปกฺกมนฺติ ทิโสทิสนฺติ ทิสโต ทิสํ อเนกโยชนนฺตริกํ านํ ปกฺกมนฺติ.

๓๙๓. ทูเรติ ทูเรว าเน. เอเกติ เอกจฺเจ เปตา. ปธาวิตฺวาติ ฆาสตฺถาย อุปธาวิตฺวา. อลทฺธาว นิวตฺตเรติ กิฺจิ ฆาสํ วา ปานียํ วา อลภิตฺวา เอว นิวตฺตนฺติ. ปมุจฺฉิตาติ ขุปฺปิปาสาทิทุกฺเขน สฺชาตมุจฺฉา. ภนฺตาติ ปริพฺภมนฺตา. ภูมิยํ ปฏิสุมฺภิตาติ ตาย เอว มุจฺฉาย อุปฺปตฺติยา ตฺวา อวกฺขิตฺตมตฺติกาปิณฺฑา วิย วิสฺสุสฺสิตฺวา ปถวิยํ ปติตา.

๓๙๔. ตตฺถาติ คตฏฺาเน. ภูมิยํ ปฏิสุมฺภิตาติ ปปาเต ปติตา วิย ชิฆจฺฉาทิทุกฺเขน าตุํ อสมตฺถภาเวน ภูมิยํ ปติตา, ตตฺถ วา คตฏฺาเน ฆาสาทีนํ อลาเภน ฉินฺนาสา หุตฺวา เกนจิ ปฏิมุขํ สุมฺภิตา โปถิตา วิย ภูมิยํ ปติตา โหนฺตีติ อตฺโถ. ปุพฺเพ อกตกลฺยาณาติ ปุริมภเว อกตกุสลา. อคฺคิทฑฺฒาว อาตเปติ นิทาฆกาเล อาตปฏฺาเน อคฺคินา ทฑฺฒา วิย, ขุปฺปิปาสคฺคินา ฑยฺหมานา มหาทุกฺขํ อนุภวนฺตีติ อตฺโถ.

๓๙๕. ปุพฺเพติ อตีตภเว. ปาปธมฺมาติ อิสฺสุกีมจฺฉรีอาทิภาเวน ลามกสภาวา. ฆรณีติ ฆรสามินิโย. กุลมาตโรติ กุลทารกานํ มาตโร, กุลปุริสานํ วา มาตโร. ทีปนฺติ ปติฏฺํ, ปุฺนฺติ อตฺโถ. ตฺหิ สตฺตานํ สุคตีสุ ปติฏฺาภาวโต ‘‘ปติฏฺา’’ติ วุจฺจติ. นากมฺหาติ น กริมฺห.

๓๙๖. ปหูตนฺติ พหุํ. อนฺนปานมฺปีติ อนฺนฺจ ปานฺจ. อปิสฺสุ อวกิรียตีติ สูติ นิปาตมตฺตํ, อปิ อวกิรียติ ฉฏฺฏียติ. สมฺมคฺคเตติ สมฺมา คเต สมฺมา ปฏิปนฺเน สมฺมา ปฏิปนฺนาย. ปพฺพชิเตติ ปพฺพชิตาย. สมฺปทาเน หิ อิทํ ภุมฺมวจนํ. สมฺมคฺคเต วา ปพฺพชิเต สติ ลพฺภมาเนติ อตฺโถ. น จ กิฺจิ อทมฺหเสติ ‘‘กิฺจิมตฺตมฺปิ เทยฺยธมฺมํ นาทมฺหา’’ติ วิปฺปฏิสาราภิภูตา วทนฺติ.

๓๙๗. อกมฺมกามาติ สาธูติ อกตฺตพฺพํ กมฺมํ อกุสลํ กาเมนฺตีติ อกมฺมกามา, สาธูหิ วา กตฺตพฺพํ กุสลํ กาเมนฺตีติ กมฺมกามา, น กมฺมกามาติ อกมฺมกามา, กุสลธมฺเมสุ อจฺฉนฺทิกาติ อตฺโถ. อลสาติ กุสีตา กุสลกมฺมกรเณ นิพฺพีริยา. สาทุกามาติ สาตมธุรวตฺถุปิยา. มหคฺฆสาติ มหาโภชนา, อุภเยนาปิ สุนฺทรฺจ มธุรฺจ โภชนํ ลภิตฺวา อตฺถิกานํ กิฺจิ อทตฺวา สยเมว ภุฺชิตาโรติ ทสฺเสติ. อาโลปปิณฺฑทาตาโรติ อาโลปมตฺตสฺสปิ โภชนปิณฺฑสฺส ทายกา. ปฏิคฺคเหติ ตสฺส ปฏิคฺคณฺหนเก. ปริภาสิมฺหเสติ ปริภวํ กโรนฺตา ภาสิมฺห, อวมฺิมฺห อุปฺปณฺฑิมฺหา จาติ อตฺโถ.

๓๙๘. เต ฆราติ ยตฺถ มยํ ปุพฺเพ ‘‘อมฺหากํ ฆร’’นฺติ มมตฺตํ อกริมฺหา, ตานิ ฆรานิ ยถาิตานิ, อิทานิ โน น กิฺจิ อุปกปฺปตีติ อธิปฺปาโย. ตา จ ทาสิโย ตาเนวาภรณานิ โนติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. ตตฺถ โนติ อมฺหากํ. เตติ เต ฆราทิเก. อฺเ ปริจาเรนฺติ, ปริโภคาทิวเสน วินิโยคํ กโรนฺตีติ อตฺโถ. มยํ ทุกฺขสฺส ภาคิโนติ มยํ ปน ปุพฺเพ เกวลํ กีฬนปฺปสุตา หุตฺวา สาปเตยฺยํ ปหาย คมนียํ อนุคามิกํ กาตุํ อชานนฺตา อิทานิ ขุปฺปิปาสาทิทุกฺขสฺส ภาคิโน ภวามาติ อตฺตานํ ครหนฺตา วทนฺติ.

๓๙๙. อิทานิ ยสฺมา เปตโยนิโต จวิตฺวา มนุสฺเสสุ อุปฺปชฺชนฺตาปิ สตฺตา เยภุยฺเยน ตสฺเสว กมฺมสฺส วิปากาวเสเสน หีนชาติกา กปณวุตฺติโนว โหนฺติ, ตสฺมา ตมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘เวณิวา’’ติอาทินา ทฺเว คาถา วุตฺตา. ตตฺถ เวณิวาติ เวนชาติกา, วิลีวการา นฬการา โหนฺตีติ อตฺโถ. วา-สทฺโท อนิยมตฺโถ. อวฺาติ อวฺเยฺยา, อวชานิตพฺพาติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘วมฺภนา’’ติ วา ปาโ, ปเรหิ พาธนียาติ อตฺโถ. รถการีติ จมฺมการิโน. ทุพฺภิกาติ มิตฺตทุพฺภิกา มิตฺตานํ พาธิกา. จณฺฑาลีติ จณฺฑาลชาติกา. กปณาติ วนิพฺพกา อติวิย การุฺปฺปตฺตา. กปฺปกาติ กปฺปกชาติกา, สพฺพตฺถ ‘‘โหนฺติ ปุนปฺปุน’’นฺติ โยชนา, อปราปรมฺปิ อิเมสุ นิหีนกุเลสุ อุปฺปชฺชนฺตีติ วุตฺตํ โหติ.

๔๐๐. เตสุ เตสฺเวว ชายนฺตีติ ยานิ ยานิ อฺานิปิ เนสาทปุกฺกุสกุลาทีนิ กปณานิ อติวิย วมฺภนิยานิ ปรมทุคฺคตานิ จ, เตสุ เตสุ เอว นิหีนกุเลสุ มจฺฉริยมเลน เปเตสุ นิพฺพตฺติตฺวา ตโต จุตา นิพฺพตฺตนฺติ. เตนาห ‘‘เอสา มจฺฉริโน คตี’’ติ.

๔๐๑. เอวํ อกตปุฺานํ สตฺตานํ คตึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ กตปุฺานํ คตึ ทสฺเสตุํ ‘‘ปุพฺเพ จ กตกลฺยาณา’’ติ สตฺต คาถา วุตฺตา. ตตฺถ สคฺคํ เต ปริปูเรนฺตีติ เย ปุพฺเพ ปุริมชาติยํ กตกลฺยาณา ทายกา ทานปุฺาภิรตา วิคตมลมจฺเฉรา, เต อตฺตโน รูปสมฺปตฺติยา เจว ปริวารสมฺปตฺติยา จ สคฺคํ เทวโลกํ ปริปูเรนฺติ ปริปุณฺณํ กโรนฺติ. โอภาเสนฺติ จ นนฺทนนฺติ น เกวลํ ปริปูเรนฺติเยว, อถ โข กปฺปรุกฺขาทีนํ ปภาหิ สภาเวเนว โอภาสมานมฺปิ นนฺทนวนํ อตฺตโน วตฺถาภรณชุตีหิ สรีรปฺปภาย จ อภิภวิตฺวา เจว โอภาเสตฺวา จ โชเตนฺติ.

๔๐๒. กามกามิโนติ ยถิจฺฉิเตสุ กามคุเณสุ ยถากามํ ปริโภควนฺโต. อุจฺจากุเลสูติ อุจฺเจสุ ขตฺติยกุลาทีสุ กุเลสุ. สโภเคสูติ มหาวิภเวสุ. ตโต จุตาติ ตโต เทวโลกโต จุตา.

๔๐๓. กูฏาคาเร จ ปาสาเทติ กูฏาคาเร จ ปาสาเท จ. พีชิตงฺคาติ พีชิยมานเทหา. โมรหตฺเถหีติ โมรปิฺฉปฏิมณฺฑิตพีชนีหตฺเถหิ. ยสสฺสิโนติ ปริวารวนฺโต รมนฺตีติ อธิปฺปาโย.

๔๐๔. องฺกโต องฺกํ คจฺฉนฺตีติ ทารกกาเลปิ าตีนํ ธาตีนฺจ องฺกฏฺานโต องฺกฏฺานเมว คจฺฉนฺติ, น ภูมิตลนฺติ อธิปฺปาโย. อุปติฏฺนฺตีติ อุปฏฺานํ กโรนฺติ. สุเขสิโนติ สุขมิจฺฉนฺตา, ‘‘มา สีตํ วา อุณฺหํ วา’’ติ อปฺปกมฺปิ ทุกฺขํ ปริหรนฺตา อุปติฏฺนฺตีติ อธิปฺปาโย.

๔๐๕. นยิทํ อกตปุฺานนฺติ อิทํ โสกวตฺถุอภาวโต อโสกํ รมฺมํ รมณียํ ติทสานํ ตาวตึสเทวานํ มหาวนํ มหาอุปวนภูตํ นนฺทนํ นนฺทนวนํ อกตปุฺานํ น โหติ, เตหิ ลทฺธุํ น สกฺกาติ อตฺโถ.

๔๐๖. อิธาติ อิมสฺมึ มนุสฺสโลเก วิเสสโต ปุฺํ กรียติ, ตํ สนฺธายาห. อิธาติ วา ทิฏฺธมฺเม. ปรตฺถาติ สมฺปราเย.

๔๐๗. เตสนฺติ เตหิ ยถาวุตฺเตหิ เทเวหิ. สหพฺยกามานนฺติ สหภาวํ อิจฺฉนฺเตหิ. โภคสมงฺคิโนติ โภเคหิ สมนฺนาคตา, ทิพฺเพหิ ปฺจกามคุเณหิ สมปฺปิตา โมทนฺตีติ อตฺโถ. เสสํ อุตฺตานตฺถเมว.

เอวํ เตหิ เปเตหิ สาธารณโต อตฺตนา กตกมฺมสฺส จ คติยา ปุฺกมฺมสฺส จ คติยา ปเวทิตาย สํวิคฺคมนสฺส โกฬิยามจฺจปมุขสฺส ตตฺถ สนฺนิปติตสฺส มหาชนสฺส อชฺฌาสยานุรูปํ ภควา วิตฺถาเรน ธมฺมํ เทเสสิ. เทสนาปริโยสาเน จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสีติ.

อภิชฺชมานเปตวตฺถุวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. สาณวาสิตฺเถรเปตวตฺถุวณฺณนา

กุณฺฑินาคริโย เถโรติ อิทํ สตฺถริ เวฬุวเน วิหรนฺเต อายสฺมโต สาณวาสิตฺเถรสฺส าติเปเต อารพฺภ วุตฺตํ. อตีเต กิร พาราณสิยํ กิตวสฺส นาม รฺโ ปุตฺโต อุยฺยานกีฬํ กีฬิตฺวา นิวตฺตนฺโต สุเนตฺตํ นาม ปจฺเจกพุทฺธํ ปิณฺฑาย จริตฺวา นครโต นิกฺขมนฺตํ ทิสฺวา อิสฺสริยมทมตฺโต หุตฺวา ‘‘กถฺหิ นาม มยฺหํ อฺชลึ อกตฺวา อยํ มุณฺฑโก คจฺฉตี’’ติ ปทุฏฺจิตฺโต หตฺถิกฺขนฺธโต โอตริตฺวา ‘‘กจฺจิ เต ปิณฺฑปาโต ลทฺโธ’’ติ อาลปนฺโต หตฺถโต ปตฺตํ คเหตฺวา ปถวิยํ ปาเตตฺวา ภินฺทิ. อถ นํ สพฺพตฺถ ตาทิภาวปฺปตฺติยา นิพฺพิการํ กรุณาวิปฺผารโสมนสฺสนิปาตปสนฺนจิตฺตเมว โอโลเกนฺตํ อฏฺานาฆาเตน ทูสิตจิตฺโต ‘‘กึ มํ กิตวสฺส รฺโ ปุตฺตํ น ชานาสิ, ตฺวํ โอโลกยนฺโต มยฺหํ กึ กริสฺสสี’’ติ วตฺวา อวหสนฺโต ปกฺกามิ. ปกฺกนฺตมตฺตสฺเสว จสฺส นรกคฺคิทาหปฏิภาโค พลวสรีรทาโห อุปฺปชฺชิ. โส เตน มหาสนฺตาเปนาภิภูตกาโย อติพาฬฺหํ ทุกฺขเวทนาภิตุนฺโน กาลํ กตฺวา อวีจีมหานิรเย นิพฺพตฺติ.

โส ตตฺถ ทกฺขิณปสฺเสน วามปสฺเสน อุตฺตาโน อวกุชฺโชติ พหูหิ ปกาเรหิ ปริวตฺติตฺวา จตุราสีติ วสฺสสหสฺสานิ ปจฺจิตฺวา ตโต จุโต เปเตสุ อปิริมิตกาลํ ขุปฺปิปาสาทิทุกฺขํ อนุภวิตฺวา ตโต จุโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท กุณฺฑินครสฺส สมีเป เกวฏฺฏคาเม นิพฺพตฺติ. ตสฺส ชาติสฺสราณํ อุปฺปชฺชิ, เตน โส ปุพฺเพ อตฺตนา อนุภูตปุพฺพํ ทุกฺขํ อนุสฺสรนฺโต วยปฺปตฺโตปิ ปาปภเยน าตเกหิปิ สทฺธึ มจฺฉพนฺธนตฺถํ น คจฺฉติ. เตสุ คจฺฉนฺเตสุ มจฺเฉ ฆาเตตุํ อนิจฺฉนฺโต นิลียติ, คโต จ ชาลํ ภินฺทติ, ชีวนฺเต วา มจฺเฉ คเหตฺวา อุทเก วิสฺสชฺเชติ, ตสฺส ตํ กิริยํ อโรจนฺตา าตกา เคหโต ตํ นีหรึสุ. เอโก ปนสฺส ภาตา สิเนหพทฺธหทโย อโหสิ.

เตน จ สมเยน อายสฺมา อานนฺโท กุณฺฑินครํ อุปนิสฺสาย สาณปพฺพเต วิหรติ. อถ โส เกวฏฺฏปุตฺโต าตเกหิ ปริจฺจตฺโต หุตฺวา อิโต จิโต จ ปริพฺภมนฺโต ตํ ปเทสํ ปตฺโต โภชนเวลาย เถรสฺส สนฺติกํ อุปสงฺกมิ. เถโร ตํ ปุจฺฉิตฺวา โภชเนน อตฺถิกภาวํ ตฺวา ตสฺส ภตฺตํ ทตฺวา กตภตฺตกิจฺโจ สพฺพํ ตํ ปวตฺตึ ตฺวา ธมฺมกถาย ปสนฺนมานสํ ตฺวา ‘‘ปพฺพชิสฺสสิ, อาวุโส’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. เถโร ตํ ปพฺพาเชตฺวา เตน สทฺธึ ภควโต สนฺติกํ อคมาสิ. อถ นํ สตฺถา อาห – ‘‘อานนฺท, อิมํ สามเณรํ อนุกมฺเปยฺยาสี’’ติ. โส จ อกตกุสลตฺตา อปฺปลาโภ อโหสิ. อถ นํ สตฺถา อนุคฺคณฺหนฺโต ภิกฺขูนํ ปริโภคตฺถาย ปานียฆฏานํ ปริปูรเณ นิโยเชสิ. ตํ ทิสฺวา อุปาสกา ตสฺส พหูนิ นิจฺจภตฺตานิ ปฏฺเปสุํ.

โส อปเรน สมเยน ลทฺธูปสมฺปโท อรหตฺตํ ปตฺวา เถโร หุตฺวา ทฺวาทสหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ สาณปพฺพเต วสิ. ตสฺส ปน าตกา ปฺจสตมตฺตา อนุปจิตกุสลกมฺมา อุปจิตมจฺเฉราทิปาปธมฺมา กาลํ กตฺวา เปเตสุ นิพฺพตฺตึสุ. ตสฺส ปน มาตาปิตโร ‘‘เอส อมฺเหหิ ปุพฺเพ เคหโต นิกฺกฑฺฒิโต’’ติ สารชฺชมานา ตํ อนุปสงฺกมิตฺวา ตสฺมึ พทฺธสิเนหํ ภาติกํ เปเสสุํ. โส เถรสฺส คามํ ปิณฺฑาย ปวิฏฺสมเย ทกฺขิณชาณุมณฺฑลํ ปถวิยํ ปติฏฺาเปตฺวา กตฺชลี อตฺตานํ ทสฺเสตฺวา ‘‘มาตา ปิตา จ เต, ภนฺเต’’ติอาทิคาถา อโวจ. กุณฺฑินาคริโย เถโรติอาทโย ปน อาทิโต ปฺจ คาถา ตาสํ สมฺพนฺธทสฺสนตฺถํ ธมฺมสงฺคาหเกหิ ปิตา.

๔๐๘.

‘‘กุณฺฑินาคริโย เถโร, สาณวาสินิวาสิโก;

โปฏฺปาโทติ นาเมน, สมโณ ภาวิตินฺทฺริโย.

๔๐๙.

‘‘ตสฺส มาตา ปิตา ภาตา, ทุคฺคตา ยมโลกิกา;

ปาปกมฺมํ กริตฺวาน, เปตโลกํ อิโต คตา.

๔๑๐.

‘‘เต ทุคฺคตา สูจิกฏฺฏา, กิลนฺตา นคฺคิโน กิสา;

อุตฺตสนฺตา มหตฺตาสา, น ทสฺเสนฺติ กุรูริโน.

๔๑๑.

‘‘ตสฺส ภาตา วิตริตฺวา, นคฺโค เอกปเถกโก;

จตุกุณฺฑิโก ภวิตฺวาน, เถรสฺส ทสฺสยีตุมํ.

๔๑๒.

‘‘เถโร จามนสิกตฺวา, ตุณฺหีภูโต อติกฺกมิ;

โส จ วิฺาปยี เถรํ, ‘ภาตา เปตคโต อหํ’.

๔๑๓.

‘‘มาตา ปิตา จ เต ภนฺเต, ทุคฺคตา ยมโลกิกา;

ปาปกมฺมํ กริตฺวาน, เปตโลกํ อิโต คตา.

๔๑๔.

‘‘เตน ทุคฺคตา สูจิกฏฺฏา, กิลนฺตา นคฺคิโน กิสา;

อุตฺตสนฺตา มหตฺตาสา, น ทสฺเสนฺติ กุรูริโน.

๔๑๕.

‘‘อนุกมฺปสฺสุ การุณิโก, ทตฺวา อนฺวาทิสาหิ โน;

ตว ทินฺเนน ทาเนน, ยาเปสฺสนฺติ กุรูริโน’’ติ.

๔๐๘-๙. ตตฺถ กุณฺฑินาคริโย เถโรติ เอวํนามเก นคเร ชาตสํวฑฺฒตฺเถโร, ‘‘กุณฺฑิกนคโร เถโร’’ติปิ ปาโ, โส เอวตฺโถ. สาณวาสินิวาสิโกติ สาณปพฺพตวาสี. โปฏฺปาโทติ นาเมนาติ นาเมน โปฏฺปาโท นาม. สมโณติ สมิตปาโป. ภาวิตินฺทฺริโยติ อริยมคฺคภาวนาย ภาวิตสทฺธาทิอินฺทฺริโย, อรหาติ อตฺโถ. ตสฺสาติ ตสฺส สาณวาสิตฺเถรสฺส. ทุคฺคตาติ ทุคฺคติคตา.

๔๑๐. สูจิกฏฺฏาติ ปูตินา ลูขคตฺตา อฏฺฏกา, สูจิกาติ ลทฺธนามาย ขุปฺปิปาสาย อฏฺฏา ปีฬิตา. ‘‘สูจิกณฺา’’ติ เกจิ ปนฺติ, สูจิฉิทฺทสทิสมุขทฺวาราติ อตฺโถ. กิลนฺตาติ กิลนฺตกายจิตฺตา. นคฺคิโนติ นคฺครูปา นิจฺโจฬา. กิสาติ อฏฺิตฺตจมตฺตสรีรตาย กิสเทหา. อุตฺตสนฺตาติ ‘‘อยํ สมโณ อมฺหากํ ปุตฺโต’’ติ โอตฺตปฺเปน อุตฺราสํ อาปชฺชนฺตา. มหตฺตาสาติ อตฺตนา ปุพฺเพ กตกมฺมํ ปฏิจฺจ สฺชาตมหาภยา. น ทสฺเสนฺตีติ อตฺตานํ น ทสฺเสนฺติ, สมฺมุขีภาวํ น คจฺฉนฺติ. กุรูริโนติ ทารุณกมฺมนฺตา.

๔๑๑. ตสฺส ภาตาติ สาณวาสิตฺเถรสฺส ภาตา. วิตริตฺวาติ วิติณฺโณ หุตฺวา, โอตฺตปฺปสนฺตาสภยาติ อตฺโถ. วิตุริตฺวาติ วา ปาโ, ตุริโต หุตฺวา, ตรมานรูโป หุตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. เอกปเถติ เอกปทิกมคฺเค. เอกโกติ เอกิโก อทุติโย. จตุกุณฺฑิโก ภวิตฺวานาติ จตูหิ องฺเคหิ กุณฺเฑติ อตฺตภาวํ ปวตฺเตตีติ จตุกุณฺฑิโก, ทฺวีหิ ชาณูหิ ทฺวีหิ หตฺเถหิ คจฺฉนฺโต ติฏฺนฺโต จ, เอวํภูโต หุตฺวาติ อตฺโถ. โส หิ เอวํ ปุรโต โกปีนปฏิจฺฉาทนา โหตีติ ตถา อกาสิ. เถรสฺส ทสฺสยีตุมนฺติ เถรสฺส อตฺตานํ อุทฺทิสยิ ทสฺเสสิ.

๔๑๒. อมนสิกตฺวาติ ‘‘อยํ นาม เอโส’’ติ เอวํ มนสิ อกริตฺวา อนาวชฺเชตฺวา. โส จาติ โส เปโต. ภาตา เปตคโต อหนฺติ ‘‘อหํ อตีตตฺตภาเว ภาตา, อิทานิ เปตภูโต อิธาคโต’’ติ วตฺวา วิฺาปยิ เถรนฺติ โยชนา.

๔๑๓-๕. ยถา ปน วิฺาปยิ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘มาตา ปิตา จา’’ติอาทินา ติสฺโส คาถา วุตฺตา. ตตฺถ มาตา ปิตา จ เตติ ตว มาตา จ ปิตา จ. อนุกมฺปสฺสูติ อนุคฺคณฺห อนุทยํ กโรหิ. อนฺวาทิสาหีติ อาทิส. โนติ อมฺหากํ. ตว ทินฺเนนาติ ตยา ทินฺเนน.

ตํ สุตฺวา เถโร ยถา ปฏิปชฺชิ, ตํ ทสฺเสตุํ –

๔๑๖.

‘‘เถโร จริตฺวา ปิณฺฑาย, ภิกฺขู อฺเ จ ทฺวาทส;

เอกชฺฌํ สนฺนิปตึสุ, ภตฺตวิสฺสคฺคการณา.

๔๑๗.

‘‘เถโร สพฺเพว เต อาห, ยถาลทฺธํ ททาถ เม;

สงฺฆภตฺตํ กริสฺสามิ, อนุกมฺปาย าตินํ.

๔๑๘.

‘‘นิยฺยาทยึสุ เถรสฺส, เถโร สงฺฆํ นิมนฺตยิ;

ทตฺวา อนฺวาทิสิ เถโร, มาตุ ปิตุ จ ภาตุโน;

‘อิทํ เม าตีนํ โหตุ, สุขิตา โหนฺตุ าตโย’.

๔๑๙.

‘‘สมนนฺตรานุทฺทิฏฺเ, โภชนํ อุทปชฺชถ;

สุจึ ปณีตํ สมฺปนฺนํ, อเนกรสพฺยฺชนํ.

๔๒๐.

‘‘ตโต อุทฺทสฺสยี ภาตา, วณฺณวา พลวา สุขี;

ปหูตํ โภชนํ ภนฺเต, ปสฺส นคฺคามฺหเส มยํ;

ตถา ภนฺเต ปรกฺกม, ยถา วตฺถํ ลภามเส.

๔๒๑.

‘‘เถโร สงฺการกูฏมฺหา, อุจฺจินิตฺวาน นนฺตเก;

ปิโลติกํ ปฏํ กตฺวา, สงฺเฆ จาตุทฺทิเส อทา.

๔๒๒.

‘‘ทตฺวา อนฺวาทิสี เถโร, มาตุ ปิตุ จ ภาตุโน;

‘อิทํ เม าตีนํ โหตุ, สุขิตา โหนฺตุ าตโย’.

๔๒๓.

‘‘สมนนฺตรานุทฺทิฏฺเ, วตฺถานิ อุทปชฺชิสุํ;

ตโต สุวตฺถวสโน, เถรสฺส ทสฺสยีตุมํ.

๔๒๔.

‘‘ยาวตา นนฺทราชสฺส, วิชิตสฺมึ ปฏิจฺฉทา;

ตโต พหุตรา ภนฺเต, วตฺถานจฺฉาทนานิ โน.

๔๒๕.

‘‘โกเสยฺยกมฺพลียานิ, โขมกปฺปาสิกานิ จ;

วิปุลา จ มหคฺฆา จ, เตปากาเสวลมฺพเร.

๔๒๖.

‘‘เต มยํ ปริทหาม, ยํ ยฺหิ มนโส ปิยํ;

ตถา ภนฺเต ปรกฺกม, ยถา เคหํ ลภามเส.

๔๒๗.

‘‘เถโร ปณฺณกุฏึ กตฺวา, สงฺเฆ จาตุทฺทิเส อทา;

ทตฺวา จ อนฺวาทิสี เถโร, มาตุ ปิตุ จ ภาตุโน;

‘อิทํ เม าตีนํ โหตุ, สุขิตา โหนฺตุ าตโย’.

๔๒๘.

‘‘สมนนฺตรานุทฺทิฏฺเ, ฆรานิ อุทปชฺชิสุํ;

กูฏาคารนิเวสนา, วิภตฺตา ภาคโส มิตา.

๔๒๙.

‘‘น มนุสฺเสสุ อีทิสา, ยาทิสา โน ฆรา อิธ;

อปิ ทิพฺเพสุ ยาทิสา, ตาทิสา โน ฆรา อิธ.

๔๓๐.

‘‘ททฺทลฺลมานา อาเภนฺติ, สมนฺตา จตุโร ทิสา;

ตถา ภนฺเต ปรกฺกม, ยถา ปานียํ ลภามเส.

๔๓๑.

‘‘เถโร กรณํ ปูเรตฺวา, สงฺเฆ จาตุทฺทิเส อทา;

ทตฺวา อนฺวาทิสี เถโร, มาตุ ปิตุ จ ภาตุโน;

‘อิทํ เม าตีนํ โหตุ, สุขิตา โหนฺตุ าตโย’.

๔๓๒.

‘‘สมนนฺตรานุทฺทิฏฺเ, ปานียํ อุทปชฺชถ;

คมฺภีรา จตุรสฺสา จ, โปกฺขรฺโ สุนิมฺมิตา.

๔๓๓.

‘‘สีโตทิกา สุปฺปติตฺถา, สีตา อปฺปฏิคนฺธิยา;

ปทุมุปฺปลสฺฉนฺนา, วาริกิฺชกฺขปูริตา.

๔๓๔.

‘‘ตตฺถ นฺหตฺวา ปิวิตฺวา จ, เถรสฺส ปฏิทสฺสยุํ;

ปหูตํ ปานียํ ภนฺเต, ปาทา ทุกฺขา ผลนฺติ โน.

๔๓๕.

‘‘อาหิณฺฑมานา ขฺชาม, สกฺขเร กุสกณฺฏเก;

ตถา ภนฺเต ปรกฺกม, ยถา ยานํ ลภามเส.

๔๓๖.

‘‘เถโร สิปาฏิกํ ลทฺธา, สงฺเฆ จาตุทฺทิเส อทา;

ทตฺวา อนฺวาทิสี เถโร, มาตุ ปิตุ จ ภาตุโน;

‘อิทํ เม าตีนํ โหตุ, สุขิตา โหนฺตุ าตโย’.

๔๓๗.

‘‘สมนนฺตรานุทฺทิฏฺเ, เปตา รเถน มาคมุํ;

อนุกมฺปิตมฺห ภทนฺเต, ภตฺเตนจฺฉาทเนน จ.

๔๓๘.

‘‘ฆเรน ปานียทาเนน, ยานทาเนน จูภยํ;

มุนึ การุณิกํ โลเก, ภนฺเต วนฺทิตุมาคตา’’ติ. – คาถาโย อาหํสุ;

๔๑๖-๗. ตตฺถ เถโร จริตฺวา ปิณฺฑายาติ เถโร ปิณฺฑาปาตจาริกาย จริตฺวา. ภิกฺขู อฺเ จ ทฺวาทสาติ เถเรน สห วสนฺตา อฺเ จ ทฺวาทส ภิกฺขู เอกชฺฌํ เอกโต สนฺนิปตึสุ. กสฺมาติ เจ? ภตฺตวิสฺสคฺคการณาติ ภตฺตกิจฺจการณา ภุฺชนนิมิตฺตํ. เตติ เต ภิกฺขู. ยถาลทฺธนฺติ ยํ ยํ ลทฺธํ. ททาถาติ เทถ.

๔๑๘. นิยฺยาทยึสูติ อทํสุ. สงฺฆํ นิมนฺตยีติ เต เอว ทฺวาทส ภิกฺขู สงฺฆุทฺเทสวเสน ตํ ภตฺตํ ทาตุํ นิมนฺเตสิ. อนฺวาทิสีติ อาทิสิ. ตตฺถ เยสํ อนฺวาทิสิ, เต ทสฺเสตุํ ‘‘มาตุ ปิตุ จ ภาตุโน, อิทํ เม าตีนํ โหตุ, สุขิตา โหนฺตุ าตโย’’ติ วุตฺตํ.

๔๑๙. สมนนฺตรานุทฺทิฏฺเติ อุทฺทิฏฺสมนนฺตรเมว. โภชนํ อุทปชฺชถาติ เตสํ เปตานํ โภชนํ อุปฺปชฺชิ. กีทิสนฺติ อาห ‘‘สุจิ’’นฺติอาทิ. ตตฺถ อเนกรสพฺยฺชนนฺติ นานารเสหิ พฺยฺชเนหิ ยุตฺตํ, อถ วา อเนกรสํ อเนกพฺยฺชนฺจ. ตโตติ โภชนลาภโต ปจฺฉา.

๔๒๐. อุทฺทสฺสยี ภาตาติ ภาติกภูโต เปโต เถรสฺส อตฺตานํ ทสฺเสสิ. วณฺณวา พลวา สุขีติ เตน โภชนลาเภน ตาวเทว รูปสมฺปนฺโน พลสมฺปนฺโน สุขิโตว หุตฺวา. ปหูตํ โภชนํ, ภนฺเตติ, ภนฺเต, ตว ทานานุภาเวน ปหูตํ อนปฺปกํ โภชนํ อมฺเหหิ ลทฺธํ. ปสฺส นคฺคามฺหเสติ โอโลเกหิ, นคฺคิกา ปน อมฺห, ตสฺมา ตถา, ภนฺเต, ปรกฺกม ปโยคํ กโรหิ. ยถา วตฺถํ ลภามเสติ เยน ปกาเรน ยาทิเสน ปโยเคน สพฺเพว มยํ วตฺถานิ ลเภยฺยาม, ตถา วายมถาติ อตฺโถ.

๔๒๑. สงฺการกูฏมฺหาติ ตตฺถ ตตฺถ สงฺการฏฺานโต. อุจฺจินิตฺวานาติ คเวสนวเสน คเหตฺวา. นนฺตเกติ ฉินฺนปริยนฺเต ฉฑฺฑิตทุสฺสขณฺเฑ. เต ปน ยสฺมา ขณฺฑภูตา ปิโลติกา นาม โหนฺติ, ตาหิ จ เถโร จีวรํ กตฺวา สงฺฆสฺส อทาสิ, ตสฺมา อาห ‘‘ปิโลติกํ ปฏํ กตฺวา, สงฺเฆ จาตุทฺทิเส อทา’’ติ. ตตฺถ สงฺเฆ จาตุทฺทิเส อทาติ จตูหิปิ ทิสาหิ อาคตภิกฺขุสงฺฆสฺส อทาสิ. สมฺปทานตฺเถ หิ อิทํ ภุมฺมวจนํ.

๔๒๓-๔. สุวตฺถวสโนติ สุนฺทรวตฺถวสโน. เถรสฺส ทสฺสยีตุมนฺติ เถรสฺส อตฺตานํ ทสฺสยิ ทสฺเสสิ, ปากโฏ อโหสิ. ปฏิจฺฉาทยติ เอตฺถาติ ปฏิจฺฉทา.

๔๒๘-๙. กูฏาคารนิเวสนาติ กูฏาคารภูตา ตทฺนิเวสนสงฺขาตา จ ฆรา. ลิงฺควิปลฺลาสวเสน เหตํ วุตฺตํ. วิภตฺตาติ สมจตุรสฺสอายตวฏฺฏสณฺานาทิวเสน วิภตฺตา. ภาคโส มิตาติ ภาเคน ปริจฺฉินฺนา. โนติ อมฺหากํ. อิธาติ อิมสฺมึ เปตโลเก. อปิ ทิพฺเพสูติ อปีติ นิปาตมตฺตํ, เทวโลเกสูติ อตฺโถ.

๔๓๑. กรณนฺติ ธมกรณํ. ปูเรตฺวาติ อุทกสฺส ปูเรตฺวา. วาริกิฺชกฺขปูริตาติ ตตฺถ ตตฺถ วาริมตฺถเก ปทุมุปฺปลาทีนํ เกสรภาเรหิ สฺฉาทิตวเสน ปูริตา. ผลนฺตีติ ปุปฺผนฺติ, ปณฺหิกปริยนฺตาทีสุ วิทาเลนฺตีติ อตฺโถ.

๔๓๕-๖. อาหิณฺฑมานาติ วิจรมานา. ขฺชามาติ ขฺชนวเสน คจฺฉาม. สกฺขเร กุสกณฺฏเกติ สกฺขรวติ กุสกณฺฏกวติ จ ภูมิภาเค, สกฺขเร กุสกณฺฏเก จ อกฺกมนฺตาติ อตฺโถ. ยานนฺติ รถวยฺหาทิกํ ยํกิฺจิ ยานํ. สิปาฏิกนฺติ เอกปฏลอุปาหนํ.

๔๓๗-๘. รเถน มาคมุนฺติ มกาโร ปทสนฺธิกโร, รเถน อาคมํสุ. อุภยนฺติ อุภเยน ทาเนน, ยานทาเนน เจว ภตฺตาทิจตุปจฺจยทาเนน จ. ปานียทาเนน เหตฺถ เภสชฺชทานมฺปิ สงฺคหิตํ. เสสํ เหฏฺา วุตฺตนยตฺตา อุตฺตานเมวาติ.

เถโร ตํ ปวตฺตึ ภควโต อาโรเจสิ. ภควา ตมตฺถํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา ‘‘ยถา อิเม เอตรหิ, เอวํ ตฺวมฺปิ อิโต อนนฺตราตีเต อตฺตภาเว เปโต หุตฺวา มหาทุกฺขํ อนุภวี’’ติ วตฺวา เถเรน ยาจิโต สุตฺตเปตวตฺถุํ กเถตฺวา สมฺปตฺตปริสาย ธมฺมํ เทเสสิ. ตํ สุตฺวา มหาชโน สฺชาตสํเวโค ทานสีลาทิปุฺกมฺมนิรโต อโหสีติ.

สาณวาสิตฺเถรเปตวตฺถุวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. รถการเปติวตฺถุวณฺณนา

เวฬุริยถมฺภํ รุจิรํ ปภสฺสรนฺติ อิทํ สตฺถริ สาวตฺถิยํ วิหรนฺเต อฺตรํ เปตึ อารพฺภ วุตฺตํ. อตีเต กิร กสฺสปสฺส ภควโต กาเล อฺตรา อิตฺถี สีลาจารสมฺปนฺนา กลฺยาณมิตฺตสนฺนิสฺสเยน สาสเน อภิปฺปสนฺนา สุวิภตฺตวิจิตฺรภิตฺติถมฺภโสปานภูมิตลํ อติวิย ทสฺสนียํ เอกํ อาวาสํ กตฺวา ตตฺถ ภิกฺขู นิสีทาเปตฺวา ปณีเตน อาหาเรน ปริวิสิตฺวา ภิกฺขุสงฺฆสฺส นิยฺยาเทสิ. สา อปเรน สมเยน กาลํ กตฺวา อฺสฺส ปาปกมฺมสฺส วเสน หิมวติ ปพฺพตราเช รถการทหํ นิสฺสาย วิมานเปตี หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ตสฺสา สงฺฆสฺส อาวาสทานปุฺานุภาเวน สพฺพรตนมยํ อุฬารํ อติวิย สมนฺตโต ปาสาทิกํ มโนหรํ รมณียํ โปกฺขรณิยํ นนฺทนวนสทิสํ อุปโสภิตํ วิมานํ นิพฺพตฺติ, สยฺจ สุวณฺณวณฺณา อภิรูปา ทสฺสนียา ปาสาทิกา อโหสิ.

สา ตตฺถ ปุริเสหิ วินาว ทิพฺพสมฺปตฺตึ อนุภวนฺตี วิหรติ. ตสฺสา ตตฺถ ทีฆรตฺตํ นิปฺปุริสาย วสนฺติยา อนภิรติ อุปฺปนฺนา. สา อุกฺกณฺิตา หุตฺวา ‘‘อตฺเถโส อุปาโย’’ติ จินฺเตตฺวา ทิพฺพานิ อมฺพปกฺกานิ นทิยํ ปกฺขิปติ. สพฺพํ กณฺณมุณฺฑเปติวตฺถุสฺมึ อาคตนเยเนว เวทิตพฺพํ. อิธ ปน พาราณสิวาสี เอโก มาณโว คงฺคาย เตสุ เอกํ อมฺพผลํ ทิสฺวา ตสฺส ปภวํ คเวสนฺโต อนุกฺกเมน ตํ านํ คนฺตฺวา นทึ ทิสฺวา ตทนุสาเรน ตสฺสา วสนฏฺานํ คโต. สา ตํ ทิสฺวา อตฺตโน วสนฏฺานํ เนตฺวา ปฏิสนฺถารํ กโรนฺตี นิสีทิ. โส ตสฺสา วสนฏฺานสมฺปตฺตึ ทิสฺวา ปุจฺฉนฺโต –

๔๓๙.

‘‘เวฬุริยถมฺภํ รุจิรํ ปภสฺสรํ, วิมานมารุยฺห อเนกจิตฺตํ;

ตตฺถจฺฉสิ เทวิ มหานุภาเว, ปถทฺธนิ ปนฺนรเสว จนฺโท.

๔๔๐.

‘‘วณฺโณ จ เต กนกสฺส สนฺนิโภ, อุตฺตตฺตรูโป ภุส ทสฺสเนยฺโย;

ปลฺลงฺกเสฏฺเ อตุเล นิสินฺนา, เอกา ตุวํ นตฺถิ จ ตุยฺห สามิโก.

๔๔๑.

‘‘อิมา จ เต โปกฺขรณี สมนฺตา, ปหูตมลฺยา พหุปุณฺฑรีกา;

สุวณฺณจุณฺเณหิ สมนฺตโมตฺถตา, น ตตฺถ ปงฺโก ปณโก จ วิชฺชติ.

๔๔๒.

‘‘หํสา จิเม ทสฺสนียา มโนรมา, อุทกสฺมิมนุปริยนฺติ สพฺพทา;

สมยฺย วคฺคูปนทนฺติ สพฺเพ, พินฺทุสฺสรา ทุนฺทุภีนํว โฆโส.

๔๔๓.

‘‘ททฺทลฺลมานา ยสสา ยสสฺสินี, นาวาย จ ตฺวํ อวลมฺพ ติฏฺสิ;

อาฬารปมฺเห หสิเต ปิยํวเท, สพฺพงฺคกลฺยาณิ ภุสํ วิโรจสิ.

๔๔๔.

‘‘อิทํ วิมานํ วิรชํ สเม ิตํ, อุยฺยานวนฺตํ รตินนฺทิวฑฺฒนํ;

อิจฺฉามหํ นาริ อโนมทสฺสเน, ตยา สห นนฺทเน อิธ โมทิตุ’’นฺติ. –

อิมา คาถา อภาสิ.

๔๓๙. ตตฺถ ตตฺถาติ ตสฺมึ วิมาเน. อจฺฉสีติ อิจฺฉิติจฺฉิตกาเล นิสีทสิ. เทวีติ ตํ อาลปติ. มหานุภาเวติ มหตา ทิพฺพานุภาเวน สมนฺนาคเต. ปถทฺธนีติ อตฺตโน ปถภูเต อทฺธนิ, คคนตลมคฺเคติ อตฺโถ. ปนฺนรเสว จนฺโทติ ปุณฺณมาสิยํ ปริปุณฺณมณฺฑโล จนฺโท วิย วิชฺโชตมานาติ อตฺโถ.

๔๔๐. วณฺโณ จ เต กนกสฺส สนฺนิโภติ ตว วณฺโณ จ อุตฺตตฺตสิงฺคีสุวณฺเณน สทิโส อติวิย มโนหโร. เตนาห ‘‘อุตฺตตฺตรูโป ภุส ทสฺสเนยฺโย’’ติ. อตุเลติ มหารเห. อตุเลติ วา เทวตาย อาลปนํ, อสทิสรูเปติ อตฺโถ. นตฺถิ จ ตุยฺห สามิโกติ ตุยฺหํ สามิโก จ นตฺถิ.

๔๔๑. ปหูตมลฺยาติ กมลกุวลยาทิพหุวิธกุสุมวติโย. สุวณฺณจุณฺเณหีติ สุวณฺณวาลุกาหิ. สมนฺตโมตฺถตาติ สมนฺตโต โอกิณฺณา. ตตฺถาติ ตาสุ โปกฺขรณีสุ. ปงฺโก ปณโก จาติ กทฺทโม วา อุทกปิจฺฉิลฺโล วา น วิชฺชติ.

๔๔๒. หํสา จิเม ทสฺสนียา มโนรมาติ อิเม หํสา จ ทสฺสนสุขา มโนรมา จ. อนุปริยนฺตีติ อนุวิจรนฺติ. สพฺพทาติ สพฺเพสุ อุตูสุ. สมยฺยาติ สงฺคมฺม. วคฺคูติ มธุรํ. อุปนทนฺตีติ วิกูชนฺติ. พินฺทุสฺสราติ อวิสฏสฺสรา สมฺปิณฺฑิตสฺสรา. ทุนฺทุภีนํว โฆโสติ วคฺคุพินฺทุสฺสรภาเวน ทุนฺทุภีนํ วิย ตว โปกฺขรณิยํ หํสานํ โฆโสติ อตฺโถ.

๔๔๓. ททฺทลฺลมานาติ อติวิย อภิชลนฺตี. ยสสาติ เทวิทฺธิยา. นาวายาติ โทณิยํ. โปกฺขรณิยฺหิ ปทุมินิยํ สุวณฺณนาวาย มหารเห ปลฺลงฺเก นิสีทิตฺวา อุทกกีฬํ กีฬนฺตึ เปตึ ทิสฺวา เอวมาห. อวลมฺพาติ อวลมฺพิตฺวา อปสฺเสนํ อปสฺสาย. ติฏฺสีติ อิทํ านสทฺทสฺส คตินิวตฺติ อตฺถตฺตา คติยา ปฏิกฺเขปวจนํ. ‘‘นิสชฺชสี’’ติ วา ปาโ, นิสีทสิจฺเจวสฺส อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อาฬารปมฺเหติ เวลฺลิตทีฆนีลปขุเม. หสิเตติ หสิตมหาหสิตมุเข. ปิยํวเทติ ปิยภาณินี. สพฺพงฺคกลฺยาณีติ สพฺเพหิ องฺเคหิ สุนฺทเร, โสภนสพฺพงฺคปจฺจงฺคีติ อตฺโถ. วิโรจสีติ วิราเชสิ.

๔๔๔. วิรชนฺติ วิคตรชํ นิทฺโทสํ. สเม ิตนฺติ สเม ภูมิภาเค ิตํ, จตุรสฺสโสภิตตาย วา สมภาเค ิตํ, สมนฺตภทฺทกนฺติ อตฺโถ. อุยฺยานวนฺตนฺติ นนฺทนวนสหิตํ. รตินนฺทิวฑฺฒนนฺติ รติฺจ นนฺทิฺจ วฑฺเฒตีติ รตินนฺทิวฑฺฒนํ, สุขสฺส จ ปีติยา จ สํวฑฺฒนนฺติ อตฺโถ. นารีติ ตสฺสา อาลปนํ. อโนมทสฺสเนติ ปริปุณฺณองฺคปจฺจงฺคตาย อนินฺทิตทสฺสเน. นนฺทเนติ นนฺทนกเร. อิธาติ นนฺทนวเน, วิมาเน วา. โมทิตุนฺติ อภิรมิตุํ อิจฺฉามีติ โยชนา.

เอวํ เตน มาณเวน วุตฺเต สา วิมานเปติเทวตา ตสฺส ปฏิวจนํ เทนฺตี –

๔๔๕.

‘‘กโรหิ กมฺมํ อิธ เวทนียํ, จิตฺตฺจ เต อิธ นิหิตํ ภวตุ;

กตฺวาน กมฺมํ อิธ เวทนียํ, เอวํ มมํ ลจฺฉสิ กามกามินิ’’นฺติ. –

คาถมาห. ตตฺถ กโรหิ กมฺมํ อิธ เวทนียนฺติ อิธ อิมสฺมึ ทิพฺพฏฺาเน วิปจฺจนกํ วิปากทายกํ กุสลกมฺมํ กโรหิ ปสเวยฺยาสิ. อิธ นิหิตนฺติ อิธูปนีตํ, ‘‘อิธ นินฺน’’นฺติ วา ปาโ, อิมสฺมึ าเน นินฺนํ โปณํ ปพฺภารํ ตว จิตฺตํ ภวตุ โหตุ. มมนฺติ มํ. ลจฺฉสีติ ลภิสฺสสิ.

โส มาณโว ตสฺสา วิมานเปติยา วจนํ สุตฺวา ตโต มนุสฺสปถํ คโต ตตฺถ จิตฺตํ ปณิธาย ตชฺชํ ปุฺกมฺมํ กตฺวา นจิรสฺเสว กาลํ กตฺวา ตตฺถ นิพฺพตฺติ ตสฺสา เปติยา สหพฺยตํ. ตมตฺถํ ปกาเสนฺตา สงฺคีติการา –

๔๔๖.

‘‘สาธูติ โส ตสฺสา ปฏิสฺสุณิตฺวา,

อกาสิ กมฺมํ ตหึ เวทนียํ;

กตฺวาน กมฺมํ ตหึ เวทนียํ,

อุปปชฺชิ โส มาณโว ตสฺสา สหพฺยต’’นฺติ. –

โอสานคาถมาหํสุ. ตตฺถ สาธูติ สมฺปฏิจฺฉเน นิปาโต. ตสฺสาติ ตสฺสา วิมานเปติยา. ปฏิสฺสุณิตฺวาติ ตสฺสา วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา. ตหึ เวทนียนฺติ ตสฺมึ วิมาเน ตาย สทฺธึ เวทิตพฺพสุขวิปากํ กุสลกมฺมํ. สหพฺยตนฺติ สหภาวํ. โส มาณโว ตสฺสา สหพฺยตํ อุปปชฺชีติ โยชนา. เสสํ อุตฺตานเมว.

เอวํ เตสุ ตตฺถ จิรกาลํ ทิพฺพสมฺปตฺตึ อนุภวนฺเตสุ ปุริโส กมฺมสฺส ปริกฺขเยน กาลมกาสิ, อิตฺถี ปน อตฺตโน ปุฺกมฺมสฺส เขตฺตงฺคตภาเวน เอกํ พุทฺธนฺตรํ ตตฺถ ปริปุณฺณํ กตฺวา วสิ. อถ อมฺหากํ ภควติ โลเก อุปฺปชฺชิตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺเก อนุกฺกเมน เชตวเน วิหรนฺเต อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เอกทิวสํ ปพฺพตจาริกํ จรมาโน ตํ วิมานฺจ วิมานเปติฺจ ทิสฺวา ‘‘เวฬุริยถมฺภํ รุจิรํ ปภสฺสร’’นฺติอาทิกาหิ คาถาหิ ปุจฺฉิ. สา จสฺส อาทิโต ปฏฺาย สพฺพํ อตฺตโน ปวตฺตึ อาโรเจสิ. ตํ สุตฺวา เถโร สาวตฺถึ อาคนฺตฺวา ภควโต อาโรเจสิ. ภควา ตมตฺถํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา สมฺปตฺตปริสาย ธมฺมํ เทเสสิ. ตํ สุตฺวา มหาชโน ทานาทิปุฺธมฺมนิรโต อโหสีติ.

รถการเปติวตฺถุวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. ภุสเปตวตฺถุวณฺณนา

ภุสานิ เอโก สาลึ ปุนาปโรติ อิทํ สตฺถริ สาวตฺถิยํ วิหรนฺเต จตฺตาโร เปเต อารพฺภ วุตฺตํ. สาวตฺถิยา กิร อวิทูเร อฺตรสฺมึ คามเก เอโก กูฏวาณิโช กูฏมานาทีหิ ชีวิกํ กปฺเปสิ. โส สาลิปลาเป คเหตฺวา ตมฺพมตฺติกาย ปริภาเวตฺวา ครุตเร กตฺวา รตฺตสาลิหิ สทฺธึ มิสฺเสตฺวา วิกฺกิณิ. ตสฺส ปุตฺโต ‘‘ฆรํ อาคตานํ มม มิตฺตสุหชฺชานํ สมฺมานํ น กโรตี’’ติ กุปิโต ยุคจมฺมํ คเหตฺวา มาตุสีเส ปหารมทาสิ. ตสฺส สุณิสา สพฺเพสํ อตฺถาย ปิตมํสํ โจริกาย ขาทิตฺวา ปุน เตหิ อนุยุฺชิยมานา ‘‘สเจ มยา ตํ มํสํ ขาทิตํ, ภเว ภเว อตฺตโน ปิฏฺิมํสํ กนฺติตฺวา ขาเทยฺย’’นฺติ สปถมกาสิ. ภริยา ปนสฺส กิฺจิเทว อุปกรณํ ยาจนฺตานํ ‘‘นตฺถี’’ติ วตฺวา เตหิ นิปฺปีฬิยมานา ‘‘สเจ สนฺตํ นตฺถีติ วทามิ, ชาตชาตฏฺาเน คูถภกฺขา ภเวยฺย’’นฺติ มุสาวาเทน สปถมกาสิ.

เต จตฺตาโรปิ ชนา อปเรน สมเยน กาลํ กตฺวา วิฺฌาฏวิยํ เปตา หุตฺวา นิพฺพตฺตึสุ. ตตฺถ กูฏวาณิโช กมฺมผเลน ปชฺชลนฺตํ ภุสํ อุโภหิ หตฺเถหิ คเหตฺวา อตฺตโน มตฺถเก อากิริตฺวา มหาทุกฺขํ อนุภวติ, ตสฺส ปุตฺโต อโยมเยหิ มุคฺคเรหิ สยเมว อตฺตโน สีสํ ภินฺทิตฺวา อนปฺปกํ ทุกฺขํ ปจฺจนุโภติ. ตสฺส สุณิสา กมฺมผเลน สุนิสิเตหิ อติวิย วิปุลายเตหิ นเขหิ อตฺตโน ปิฏฺิมํสานิ กนฺติตฺวา ขาทนฺตี อปริมิตํ ทุกฺขํ อนุภวติ, ตสฺส ภริยาย สุคนฺธํ สุวิสุทฺธํ อปคตกาฬกํ สาลิภตฺตํ อุปนีตมตฺตเมว นานาวิธกิมิกุลากุลํ ปรมทุคฺคนฺธเชคุจฺฉํ คูถํ สมฺปชฺชติ, ตํ สา อุโภหิ หตฺเถหิ ปริคฺคเหตฺวา ภุฺชนฺตี มหาทุกฺขํ ปฏิสํเวเทติ.

เอวํ เตสุ จตูสุ ชเนสุ เปเตสุ นิพฺพตฺติตฺวา มหาทุกฺขํ อนุภวนฺเตสุ อายสฺมา มหาโมคฺคลาโน ปพฺพตจาริกํ จรนฺโต เอกทิวสํ ตํ านํ คโต. เต เปเต ทิสฺวา –

๔๔๗.

‘‘ภุสานิ เอโก สาลึ ปุนาปโร, อยฺจ นารี สกมํสโลหิตํ;

ตุวฺจ คูถํ อสุจึ อกนฺตํ, ปริภุฺชสิ กิสฺส อยํ วิปาโก’’ติ. –

อิมาย คาถาย เตหิ กตกมฺมํ ปุจฺฉิ. ตตฺถ ภุสานีติ ปลาปานิ. เอโกติ เอกโก. สาลินฺติ สาลิโน. สามิอตฺเถ เหตํ อุปโยควจนํ, สาลิโน ปลาปานิ ปชฺชลนฺตานิ อตฺตโน สีเส อวกิรตีติ อธิปฺปาโย. ปุนาปโรติ ปุน อปโร. โย หิ โส มาตุสีสํ ปหริ, โส อโยมุคฺคเรหิ อตฺตโน สีสํ ปหริตฺวา สีสเภทํ ปาปุณาติ, ตํ สนฺธาย วทติ. สกมํสโลหิตนฺติ อตฺตโน ปิฏฺิมํสํ โลหิตฺจ ปริภุฺชตีติ โยชนา. อกนฺตนฺติ อมนาปํ เชคุจฺฉํ. กิสฺส อยํ วิปาโกติ กตมสฺส ปาปกมฺมสฺส อิทํ ผลํ, ยํ อิทานิ ตุมฺเหหิ ปจฺจนุภวียตีติ อตฺโถ.

เอวํ เถเรน เตหิ กตกมฺเม ปุจฺฉิเต กูฏวาณิชสฺส ภริยา สพฺเพหิ เตหิ กตกมฺมํ อาจิกฺขนฺตี –

๔๔๘.

‘‘อยํ ปุเร มาตรํ หึสติ, อยํ ปน กูฏวาณิโช;

อยํ มํสานิ ขาทิตฺวา, มุสาวาเทน วฺเจติ.

๔๔๙.

‘‘อหํ มนุสฺเสสุ มนุสฺสภูตา, อคารินี สพฺพกุลสฺส อิสฺสรา;

สนฺเตสุ ปริคุหามิ, มา จ กิฺจิ อิโต อทํ.

๔๕๐.

‘‘มุสาวาเทน ฉาเทมิ, นตฺถิ เอตํ มม เคเห;

สเจ สนฺตํ นิคุหามิ, คูโถ เม โหตุ โภชนํ.

๔๕๑.

‘‘ตสฺส กมฺมสฺส วิปาเกน, มุสาวาทสฺส จูภยํ;

สุคนฺธํ สาลิโน ภตฺตํ, คูถํ เม ปริวตฺตติ.

๔๕๒.

‘‘อวฺฌานิ จ กมฺมานิ, น หิ กมฺมํ วินสฺสติ;

ทุคฺคนฺธํ กิมินํ มีฬฺหํ, ภุฺชามิ จ ปิวามิ จา’’ติ. – คาถา อภาสิ;

๔๔๘. ตตฺถ อยนฺติ ปุตฺตํ ทสฺเสนฺติ วทติ. หึสตีติ ถาเมน ปริพาเธติ, มุคฺคเรน ปหรตีติ อตฺโถ. กูฏวาณิโชติ ขลวาณิโช, วฺจนาย วณิชฺชการโกติ อตฺโถ. มํสานิ ขาทิตฺวาติ ปเรหิ สาธารณมํสํ ขาทิตฺวา ‘‘น ขาทามี’’ติ มุสาวาเทน เต วฺเจติ.

๔๔๙-๕๐. อคารินีติ เคหสามินี. สนฺเตสูติ วิชฺชมาเนสฺเวว ปเรหิ ยาจิตอุปกรเณสุ. ปริคุหามีติ ปฏิจฺฉาเทสึ. กาลวิปลฺลาเสน เหตํ วุตฺตํ. มา จ กิฺจิ อิโต อทนฺติ อิโต มม สนฺตกโต กิฺจิมตฺตมฺปิ อตฺถิกสฺส ปรสฺส น อทาสึ. ฉาเทมิติ ‘‘นตฺถิ เอตํ มม เคเห’’ติ มุสาวาเทน ฉาเทสึ.

๔๕๑-๒. คูถํ เม ปริวตฺตตีติ สุคนฺธํ สาลิภตฺตํ มยฺหํ กมฺมวเสน คูถภาเวน ปริวตฺตติ ปริณมติ. อวฺฌานีติ อโมฆานิ อนิปฺผลานิ. น หิ กมฺมํ วินสฺสตีติ ยถูปจิตํ กมฺมํ ผลํ อทตฺวา น หิ วินสฺสติ. กิมินนฺติ กิมิวนฺตํ สฺชาตกิมิกุลํ. มีฬฺหนฺติ คูถํ. เสสํ เหฏฺา วุตฺตนยตฺตา อุตฺตานเมว.

เอวํ เถโร ตสฺสา เปติยา วจนํ สุตฺวา ตํ ปวตฺตึ ภควโต อาโรเจสิ. ภควา ตมตฺถํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา สมฺปตฺตปริสาย ธมฺมํ เทเสสิ. สา เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา อโหสีติ.

ภุสเปตวตฺถุวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. กุมารเปตวตฺถุวณฺณนา

อจฺเฉรรูปํ สุคตสฺส าณนฺติ อิทํ กุมารเปตวตฺถุ. ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? สาวตฺถิยํ กิร พหู อุปาสกา ธมฺมคณา หุตฺวา นคเร มหนฺตํ มณฺฑปํ กาเรตฺวา ตํ นานาวณฺเณหิ วตฺเถหิ อลงฺกริตฺวา กาลสฺเสว สตฺถารํ ภิกฺขุสงฺฆฺจ นิมนฺเตตฺวา มหารหวรปจฺจตฺถรณตฺถเตสุ อาสเนสุ พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิสีทาเปตฺวา คนฺธปุปฺผาทีหิ ปูเชตฺวา มหาทานํ ปวตฺเตนฺติ. ตํ ทิสฺวา อฺตโร มจฺเฉรมลปริยุฏฺิตจิตฺโต ปุริโส ตํ สกฺการํ อสหมาโน เอวมาห – ‘‘วรเมตํ สพฺพํ สงฺการกูเฏ ฉฑฺฑิตํ, น ตฺเวว อิเมสํ มุณฺฑกานํ ทินฺน’’นฺติ. ตํ สุตฺวา อุปาสกา สํวิคฺคมานสา ‘‘ภาริยํ วต อิมินา ปุริเสน ปาปํ ปสุตํ, เยน เอวํ พุทฺธปฺปมุเข ภิกฺขุสงฺเฆ อปรทฺธ’’นฺติ ตมตฺถํ ตสฺส มาตุยา อาโรเจตฺวา ‘‘คจฺฉ, ตฺวํ สสาวกสงฺฆํ ภควนฺตํ ขมาเปหี’’ติ อาหํสุ. สา ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา ปุตฺตํ สนฺตชฺเชนฺตี สฺาเปตฺวา ภควนฺตํ ภิกฺขุสงฺฆฺจ อุปสงฺกมิตฺวา ปุตฺเตน กตอจฺจยํ เทเสนฺตี ขมาเปตฺวา ภควโต ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ สตฺตาหํ ยาคุทาเนน ปูชํ อกาสิ. ตสฺสา ปุตฺโต นจิรสฺเสว กาลํ กตฺวา กิลิฏฺกมฺมูปชีวินิยา คณิกาย กุจฺฉิยํ นิพฺพตฺติ. สา จ นํ ชาตมตฺตํเยว ‘‘ทารโก’’ติ ตฺวา สุสาเน ฉฑฺฑาเปสิ. โส ตตฺถ อตฺตโน ปุฺพเลเนว คหิตารกฺโข เกนจิ อนุปทฺทุโต มาตุ-องฺเก วิย สุขํ สุปิ. เทวตา ตสฺส อารกฺขํ คณฺหึสูติ จ วทนฺติ.

อถ ภควา ปจฺจูสสมเย มหากรุณาสมาปตฺติโต วุฏฺาย พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกนฺโต ตํ ทารกํ สิวถิกาย ฉฑฺฑิตํ ทิสฺวา สูริยุคฺคมนเวลาย สิวถิกํ อคมาสิ. ‘‘สตฺถา อิธาคโต, การเณเนตฺถ ภวิตพฺพ’’นฺติ มหาชโน สนฺนิปติ. ภควา สนฺนิปติตปริสาย ‘‘นายํ ทารโก โอฺาตพฺโพ, ยทิปิ อิทานิ สุสาเน ฉฑฺฑิโต อนาโถ ิโต, อายตึ ปน ทิฏฺเว ธมฺเม อภิสมฺปรายฺจ อุฬารสมฺปตฺตึ ปฏิลภิสฺสตี’’ติ วตฺวา เตหิ มนุสฺเสหิ ‘‘กึ นุ โข, ภนฺเต, อิมินา ปุริมชาติยํ กตํ กมฺม’’นฺติ ปุฏฺโ –

‘‘พุทฺธปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส, ปูชํ อกาสิ ชนตา อุฬารํ;

ตตฺรสฺส จิตฺตสฺสหุ อฺถตฺตํ, วาจํ อภาสิ ผรุสํ อสพฺภ’’นฺติ. –

อาทินา นเยน ทารเกน กตกมฺมํ อายตึ ปตฺตพฺพํ สมฺปตฺติฺจ ปกาเสตฺวา สนฺนิปติตาย ปริสาย อชฺฌาสยานุรูปํ ธมฺมํ กเถตฺวา อุปริ สามุกฺกํสิกํ ธมฺมเทสนํ อกาสิ. สจฺจปริโยสาเน จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ, ตฺจ ทารกํ อสีติโกฏิวิภโว เอโก กุฏุมฺพิโก ภควโต สมฺมุขาว ‘‘มยฺหํ ปุตฺโต’’ติ อคฺคเหสิ. ภควา ‘‘เอตฺตเกน อยํ ทารโก รกฺขิโต, มหาชนสฺส จ อนุคฺคโห กโต’’ติ วิหารํ อคมาสิ.

โส อปเรน สมเยน ตสฺมึ กุฏุมฺพิเก กาลกเต เตน นิยฺยาทิตํ ธนํ ปฏิปชฺชิตฺวา กุฏุมฺพํ สณฺเปนฺโต ตสฺมึ นคเรเยว มหาวิภโว คหปติ หุตฺวา ทานาทินิรโต อโหสิ. อเถกทิวสํ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อโห นูน สตฺถา สตฺเตสุ อนุกมฺปโก, โสปิ นาม ทารโก ตทา อนาโถ ิโต เอตรหิ มหตึ สมฺปตฺตึ ปจฺจนุภวติ, อุฬารานิ จ ปุฺานิ กโรตี’’ติ. ตํ สุตฺวา สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, ตสฺส เอตฺตกาว สมฺปตฺติ, อถ โข อายุปริโยสาเน ตาวตึสภวเน สกฺกสฺส เทวรฺโ ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติสฺสติ, มหตึ ทิพฺพสมฺปตฺติฺจ ปฏิลภิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิ. ตํ สุตฺวา ภิกฺขู จ มหาชโน จ ‘‘อิทํ กิร การณํ ทิสฺวา ทีฆทสฺสี ภควา ชาตมตฺตสฺเสวสฺส อามกสุสาเน ฉฑฺฑิตสฺส ตตฺถ คนฺตฺวา สงฺคหํ อกาสี’’ติ สตฺถุ าณวิเสสํ โถเมตฺวา ตสฺมึ อตฺตภาเว ตสฺส ปวตฺตึ กเถสุํ. ตมตฺถํ ทีเปนฺตา สงฺคีติการา –

๔๕๓.

‘‘อจฺเฉรรูปํ สุคตสฺส าณํ, สตฺถา ยถา ปุคฺคลํ พฺยากาสิ;

อุสฺสนฺนปุฺาปิ ภวนฺติ เหเก, ปริตฺตปุฺาปิ ภวนฺติ เหเก.

๔๕๔.

‘‘อยํ กุมาโร สีวถิกาย ฉฑฺฑิโต, องฺคุฏฺสฺเนเหน ยาเปติ รตฺตึ;

น ยกฺขภูตา น สรีสปา วา, วิเหเยยฺยุํ กตปุฺํ กุมารํ.

๔๕๕.

‘‘สุนขาปิมสฺส ปลิหึสุ ปาเท, ธงฺกา สิงฺคาลา ปริวตฺตยนฺติ;

คพฺภาสยํ ปกฺขิคณา หรนฺติ, กากา ปน อกฺขิมลํ หรนฺติ.

๔๕๖.

‘‘นยิมสฺส รกฺขํ วิทหึสุ เกจิ, น โอสธํ สาสปธูปนํ วา;

นกฺขตฺตโยคมฺปิ น อคฺคเหสุํ, น สพฺพธฺานิปิ อากิรึสุ.

๔๕๗.

‘‘เอตาทิสํ อุตฺตมกิจฺฉปตฺตํ, รตฺตาภตํ สีวถิกาย ฉฑฺฑิตํ;

โนนีตปิณฺฑํว ปเวธมานํ, สสํสยํ ชีวิตสาวเสสํ.

๔๕๘.

‘‘ตมทฺทสา เทวมนุสฺสปูชิโต, ทิสฺวา จ ตํ พฺยากริ ภูริปฺโ;

‘อยํ กุมาโร นครสฺสิมสฺส, อคฺคกุลิโก ภวิสฺสติ โภคโต จ’.

๔๕๙.

‘‘กิสฺส วตํ กึ ปน พฺรหฺมจริยํ, กิสฺส สุจิณฺณสฺส อยํ วิปาโก;

เอตาทิสํ พฺยสนํ ปาปุณิตฺวา, ตํ ตาทิสํ ปจฺจนุโภสฺสติทฺธิ’’นฺติ. –

ฉ คาถา อโวจุํ.

๔๕๓. ตตฺถ อจฺเฉรรูปนฺติ อจฺฉริยสภาวํ. สุคตสฺส าณนฺติ อฺเหิ อสาธารณํ สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส าณํ, อาสยานุสยาณาทิสพฺพฺุตฺาณเมว สนฺธาย วุตฺตํ. ตยิทํ อฺเสํ อวิสยภูตํ กถํ าณนฺติ อาห ‘‘สตฺถา ยถา ปุคฺคลํ พฺยากาสี’’ติ. เตน สตฺถุ เทสนาย เอว าณสฺส อจฺฉริยภาโว วิฺายตีติ ทสฺเสติ.

อิทานิ พฺยากรณํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อุสฺสนฺนปุฺาปิ ภวนฺติ เหเก, ปริตฺตปุฺาปิ ภวนฺติ เหเก’’ติ อาห. ตสฺสตฺโถ – อุสฺสนฺนกุสลธมฺมาปิ อิเธกจฺเจ ปุคฺคลา ลทฺธปจฺจยสฺส อปุฺสฺส วเสน ชาติอาทินา นิหีนา ภวนฺติ, ปริตฺตปุฺาปิ อปฺปตรปุฺธมฺมาปิ เอเก สตฺตา เขตฺตสมฺปตฺติอาทินา ตสฺส ปุฺสฺส มหาชุติกตาย อุฬารา ภวนฺตีติ.

๔๕๔. สีวถิกายาติ สุสาเน. องฺคุฏฺสฺเนเหนาติ องฺคุฏฺโต ปวตฺตสฺเนเหน, เทวตาย องฺคุฏฺโต ปคฺฆริตขีเรนาติ อตฺโถ. น ยกฺขภูตา น สรีสปา วาติ ปิสาจภูตา วา ยกฺขภูตา วา สรีสปา วา เย เกจิ สรนฺตา คจฺฉนฺตา วา น วิเหเยยฺยุํ น พาเธยฺยุํ.

๔๕๕. ปลิหึสุ ปาเทติ อตฺตโน ชิวฺหาย ปาเท ลิหิสุํ. ธงฺกาติ กากา. ปริวตฺตยนฺตีติ ‘‘มา นํ กุมารํ เกจิ วิเหเยฺยุ’’นฺติ รกฺขนฺตา นิโรคภาวชานนตฺถํ อปราปรํ ปริวตฺตนฺติ. คพฺภาสยนฺติ คพฺภมลํ. ปกฺขิคณาติ คิชฺฌกุลลาทโย สกุณคณา. หรนฺตีติ อปเนนฺติ. อกฺขิมลนฺติ อกฺขิคูถํ.

๔๕๖. เกจีติ เกจิ มนุสฺสา, อมนุสฺสา ปน รกฺขํ สํวิทหึสุ. โอสธนฺติ ตทา อายติฺจ อาโรคฺยาวหํ อคทํ. สาสปธูปนํ วาติ ยํ ชาตสฺส ทารกสฺส รกฺขณตฺถํ สาสเปน ธูปนํ กโรนฺติ, ตมฺปิ ตสฺส กโรนฺตา นาเหสุนฺติ ทีเปนฺติ. นกฺขตฺตโยคมฺปิ น อคฺคเหสุนฺติ นกฺขตฺตยุตฺตมฺปิ น คณฺหึสุ. ‘‘อสุกมฺหิ นกฺขตฺเต ติถิมฺหิ มุหุตฺเต อยํ ชาโต’’ติ เอวํ ชาตกมฺมมฺปิสฺส น เกจิ อกํสูติ อตฺโถ. น สพฺพธฺานิปิ อากิรึสูติ มงฺคลํ กโรนฺตา อคทวเสน ยํ สาสปเตลมิสฺสิตํ สาลิอาทิธฺํ อากิรนฺติ, ตมฺปิสฺส นากํสูติ อตฺโถ.

๔๕๗. เอตาทิสนฺติ เอวรูปํ. อุตฺตมกิจฺฉปตฺตนฺติ ปรมกิจฺฉํ อาปนฺนํ อติวิย ทุกฺขปฺปตฺตํ. รตฺตาภตนฺติ รตฺติยํ อาภตํ. โนนีตปิณฺฑํ วิยาติ นวนีตปิณฺฑสทิสํ, มํสเปสิมตฺตตา เอวํ วุตฺตํ. ปเวธมานนฺติ ทุพฺพลภาเวน ปกมฺปมานํ. สสํสยนฺติ ‘‘ชีวติ นุ โข น นุ โข ชีวตี’’ติ สํสยิตตาย สํสยวนฺตํ. ชีวิตสาวเสสนฺติ ชีวิตฏฺิติยา เหตุภูตานํ สาธนานํ อภาเวน เกวลํ ชีวิตมตฺตาวเสสกํ.

๔๕๘. อคฺคกุลิโก ภวิสฺสติ โภคโต จาติ โภคนิมิตฺตํ โภคสฺส วเสน อคฺคกุลิโก เสฏฺกุลิโก ภวิสฺสตีติ อตฺโถ.

๔๕๙. ‘‘กิสฺส วต’’นฺติ อยํ คาถา สตฺถุ สนฺติเก ิเตหิ อุปาสเกหิ เตน กตกมฺมสฺส ปุจฺฉาวเสน วุตฺตา. สา จ โข สิวถิกาย สนฺนิปติเตหีติ เวทิตพฺพา. ตตฺถ กิสฺสาติ กึ อสฺส. วตนฺติ วตสมาทานํ. ปุน กิสฺสาติ กีทิสสฺส สุจิณฺณสฺส วตสฺส พฺรหฺมจริยสฺส จาติ วิภตฺตึ วิปริณาเมตฺวา โยชนา. เอตาทิสนฺติ คณิกาย กุจฺฉิยา นิพฺพตฺตนํ, สุสาเน ฉฑฺฑนนฺติ เอวรูปํ. พฺยสนนฺติ อนตฺถํ. ตาทิสนฺติ ตถารูปํ, ‘‘องฺคุฏฺสฺเนเหน ยาเปติ รตฺติ’’นฺติอาทินา, ‘‘อยํ กุมาโร นครสฺสิมสฺส อคฺคกุลิโก ภวิสฺสตี’’ติอาทินา จ วุตฺตปฺปการนฺติ อตฺโถ. อิทฺธินฺติ เทวิทฺธึ, ทิพฺพสมฺปตฺตินฺติ วุตฺตํ โหติ.

อิทานิ เตหิ อุปาสเกหิ ปุฏฺโ ภควา ยถา ตทา พฺยากาสิ, ตํ ทสฺเสนฺตา สงฺคีติการา –

๔๖๐.

‘‘พุทฺธปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส, ปูชํ อกาสิ ชนตา อุฬารํ;

ตตฺรสฺส จิตฺตสฺสหุ อฺถตฺตํ, วาจํ อภาสิ ผรุสํ อสพฺภํ.

๔๖๑.

‘‘โส ตํ วิตกฺกํ ปวิโนทยิตฺวา, ปีตึ ปสาทํ ปฏิลทฺธา ปจฺฉา;

ตถาคตํ เชตวเน วสนฺตํ, ยาคุยา อุปฏฺาสิ สตฺตรตฺตํ.

๔๖๒.

‘‘ตสฺส วตํ ตํ ปน พฺรหฺมจริยํ, ตสฺส สุจิณฺณสฺส อยํ วิปาโก;

เอตาทิสํ พฺยสนํ ปาปุณิตฺวา, ตํ ตาทิสํ ปจฺจนุโภสฺสติทฺธึ.

๔๖๓.

‘‘ตฺวาน โส วสฺสสตํ อิเธว, สพฺเพหิ กาเมหิ สมงฺคิภูโต;

กายสฺส เภทา อภิสมฺปรายํ, สหพฺยตํ คจฺฉติ วาสวสฺสา’’ติ. –

จตสฺโส คาถา อโวจุํ.

๔๖๐. ตตฺถ ชนตาติ ชนสมูโห, อุปาสกคโณติ อธิปฺปาโย. ตตฺราติ ตสฺสํ ปูชายํ. อสฺสาติ ตสฺส ทารกสฺส. จิตฺตสฺสหุ อฺถตฺตนฺติ ปุริมภวสฺมึ จิตฺตสฺส อฺถาภาโว อนาทโร อคารโว อปจฺจโย อโหสิ. อสพฺภนฺติ สาธุสภาย สาเวตุํ อยุตฺตํ ผรุสํ วาจํ อภาสิ.

๔๖๑. โสติ โส อยํ. ตํ วิตกฺกนฺติ ตํ ปาปกํ วิตกฺกํ. ปวิโนทยิตฺวาติ มาตรา กตาย สฺตฺติยา วูปสเมตฺวา. ปีตึ ปสาทํ ปฏิลทฺธาติ ปีตึ ปสาทฺจ ปฏิลภิตฺวา อุปฺปาเทตฺวา. ยาคุยา อุปฏฺาสีติ ยาคุทาเนน อุปฏฺหิ. สตฺตรตฺตนฺติ สตฺตทิวสํ.

๔๖๒. ตสฺส วตํ ตํ ปน พฺรหฺมจริยนฺติ ตํ มยา เหฏฺา วุตฺตปฺปการํ อตฺตโน จิตฺตสฺส ปสาทนํ ทานฺจ อิมสฺส ปุคฺคลสฺส วตํ ตํ พฺรหฺมจริยฺจ, อฺํ กิฺจิ นตฺถีติ อตฺโถ.

๔๖๓. ตฺวานาติ ยาว อายุปริโยสานา อิเธว มนุสฺสโลเก ตฺวา. อภิสมฺปรายนฺติ ปุนพฺภเว. สหพฺยตํ คจฺฉติ วาสวสฺสาติ สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส ปุตฺตภาเวน สหภาวํ คมิสฺสติ. อนาคตตฺเถ หิ อิทํ ปจฺจุปฺปนฺนกาลวจนํ. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติ.

กุมารเปตวตฺถุวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. เสริณีเปติวตฺถุวณฺณนา

นคฺคา ทุพฺพณฺณรูปาสีติ อิทํ สตฺถริ เชตวเน วิหรนฺเต เสริณีเปตึ อารพฺภ วุตฺตํ. กุรุรฏฺเ กิร หตฺถินิปุเร เสริณี นาม เอกา รูปูปชีวินี อโหสิ. ตตฺถ จ อุโปสถกรณตฺถาย ตโต ตโต ภิกฺขู สนฺนิปตึสุ. ปุน มหาภิกฺขุสนฺนิปาโต อโหสิ. ตํ ทิสฺวา มนุสฺสา ติลตณฺฑุลาทึ สปฺปินวนีตมธุอาทิฺจ พหุํ ทานูปกรณํ สชฺเชตฺวา มหาทานํ ปวตฺเตสุํ. เตน จ สมเยน สา คณิกา อสฺสทฺธา อปฺปสนฺนา มจฺเฉรมลปริยุฏฺิตจิตฺตา เตหิ มนุสฺเสหิ ‘‘เอหิ ตาว อิทํ ทานํ อนุโมทาหี’’ติ อุสฺสาหิตาปิ ‘‘กึ เตน มุณฺฑกานํ สมณานํ ทินฺเนนา’’ติ อปฺปสาทเมว เนสํ สมฺปเวเทสิ, กุโต อปฺปมตฺตกสฺส ปริจฺจาโค.

สา อปเรน สมเยน กาลํ กตฺวา อฺตรสฺส ปจฺจนฺตนครสฺส ปริขาปิฏฺเ เปตี หุตฺวา นิพฺพตฺติ. อถ หตฺถินิปุรวาสี อฺตโร อุปาสโก วณิชฺชาย ตํ นครํ คนฺตฺวา รตฺติยา ปจฺจูสสมเย ปริขาปิฏฺํ คโต ตาทิเสน ปโยชเนน. สา ตตฺถ ตํ ทิสฺวา สฺชานิตฺวา นคฺคา อฏฺิตฺตจมตฺตาวเสสสรีรา อติวิย พีภจฺฉทสฺสนา อวิทูเร ตฺวา อตฺตานํ ทสฺเสสิ. โส ตํ ทิสฺวา –

๔๖๔.

‘‘นคฺคา ทุพฺพณฺณรูปาสิ, กิสา ธมนิสนฺถตา;

อุปฺผาสุลิเก กิสิเก, กา นุ ตฺวํ อิธ ติฏฺสี’’ติ. –

คาถาย ปุจฺฉิ. สาปิสฺส –

๔๖๕.

‘‘อหํ ภทนฺเต เปตีมฺหิ, ทุคฺคตา ยมโลกิกา;

ปาปกมฺมํ กริตฺวาน, เปตโลกํ อิโต คตา’’ติ. –

คาถาย อตฺตานํ ปกาเสสิ. ปุน เตน –

๔๖๖.

‘‘กึ นุ กาเยน วาจาย, มนสา ทุกฺกฏํ กตํ;

กิสฺสกมฺมวิปาเกน, เปตโลกํ อิโต คตา’’ติ. –

คาถาย กตกมฺมํ ปุจฺฉิตา –

๔๖๗.

‘‘อนาวเฏสุ ติตฺเถสุ, วิจินึ อฑฺฒมาสกํ;

สนฺเตสุ เทยฺยธมฺเมสุ, ทีปํ นากาสิมตฺตโน.

๔๖๘.

‘‘นทึ อุเปมิ ตสิตา, ริตฺตกา ปริวตฺตติ;

ฉายํ อุเปมิ อุณฺเหสุ, อาตโป ปริวตฺตติ.

๔๖๙.

‘‘อคฺคิวณฺโณ จ เม วาโต, ฑหนฺโต อุปวายติ;

เอตฺจ ภนฺเต อรหามิ, อฺฺจ ปาปกํ ตโต.

๔๗๐.

‘‘คนฺตฺวาน หตฺถินึ ปุรํ, วชฺเชสิ มยฺห มาตรํ;

‘ธีตา จ เต มยา ทิฏฺา, ทุคฺคตา ยมโลกิกา;

ปาปกมฺมํ กริตฺวาน, เปตโลกํ อิโต คตา’.

๔๗๑.

‘‘อตฺถิ เม เอตฺถ นิกฺขิตฺตํ, อนกฺขาตฺจ ตํ มยา;

จตฺตาริ สตสหสฺสานิ, ปลฺลงฺกสฺส จ เหฏฺโต.

๔๗๒.

‘‘ตโต เม ทานํ ททตุ, ตสฺสา จ โหตุ ชีวิกา;

ทานํ ทตฺวา จ เม มาตา, ทกฺขิณํ อนุทิจฺฉตุ;

ตทาหํ สุขิตา เหสฺสํ, สพฺพกามสมิทฺธินี’’ติ. –

อิมาหิ ฉหิ คาถาหิ อตฺตนา กตกมฺมฺเจว ปุน เตน อตฺตโน กาตพฺพํ อตฺถฺจ อาจิกฺขิ.

๔๖๗. ตตฺถ อนาวเฏสุ ติตฺเถสูติ เกนจิ อนิวาริเตสุ นทีตฬากาทีนํ ติตฺถปเทเสสุ, ยตฺถ มนุสฺสา นฺหายนฺติ, อุทกกิจฺจํ กโรนฺติ, ตาทิเสสุ าเนสุ. วิจินึ อฑฺฒมาสกนฺติ ‘‘มนุสฺเสหิ เปตฺวา วิสฺสริตํ อปินาเมตฺถ กิฺจิ ลเภยฺย’’นฺติ โลภาภิภูตา อฑฺฒมาสกมตฺตมฺปิ วิจินึ คเวสึ. อถ วา อนาวเฏสุ ติตฺเถสูติ อุปสงฺกมเนน เกนจิ อนิวาริเตสุ สตฺตานํ ปโยคาสยสุทฺธิยา การณภาเวน ติตฺถภูเตสุ สมณพฺราหฺมเณสุ วิชฺชมาเนสุ. วิจินึ อฑฺฒมาสกนฺติ มจฺเฉรมลปริยุฏฺิตจิตฺตา กสฺสจิ กิฺจิ อเทนฺตี อฑฺฒมาสกมฺปิ วิเสเสน จินึ, น สฺจินึ ปุฺํ. เตนาห ‘‘สนฺเตสุ เทยฺยธมฺเมสุ, ทีปํ นากาสิมตฺตโน’’ติ.

๔๖๘. ตสิตาติ ปิปาสิตา. ริตฺตกาติ กากเปยฺยา สนฺทมานาปิ นที มม ปาปกมฺเมน อุทเกน ริตฺตา ตุจฺฉา วาลิกมตฺตา หุตฺวา ปริวตฺตติ. อุณฺเหสูติ อุณฺหสมเยสุ. อาตโป ปริวตฺตตีติ ฉายาฏฺานํ มยิ อุปคตาย อาตโป สมฺปชฺชติ.

๔๖๙-๗๐. อคฺคิวณฺโณติ สมฺผสฺเสน อคฺคิสทิโส. เตน วุตฺตํ ‘‘ฑหนฺโต อุปวายตี’’ติ. เอตฺจ, ภนฺเต, อรหามีติ, ภนฺเตติ ตํ อุปาสกํ ครุกาเรน วทติ. ภนฺเต, เอตฺจ ยถาวุตฺตํ ปิปาสาทิทุกฺขํ, อฺฺจ ตโต ปาปกํ ทารุณํ ทุกฺขํ อนุภวิตุํ อรหามิ ตชฺชสฺส ปาปสฺส กตตฺตาติ อธิปฺปาโย. วชฺเชสีติ วเทยฺยาสิ.

๔๗๑-๗๒. เอตฺถ นิกฺขิตฺตํ, อนกฺขาตนฺติ ‘‘เอตฺตกํ เอตฺถ นิกฺขิตฺต’’นฺติ อนาจิกฺขิตํ. อิทานิ ตสฺส ปริมาณํ ปิตฏฺานฺจ ทสฺเสนฺตี ‘‘จตฺตาริ สตสหสฺสานิ, ปลฺลงฺกสฺส จ เหฏฺโต’’ติ อาห. ตตฺถ ปลฺลงฺกสฺสาติ ปุพฺเพ อตฺตโน สยนปลฺลงฺกสฺส. ตโตติ นิหิตธนโต เอกเทสํ คเหตฺวา มมํ อุทฺทิสฺส ทานํ เทตุ. ตสฺสาติ มยฺหํ มาตุยา.

เอวํ ตาย เปติยา วุตฺเต โส อุปาสโก ตสฺสา วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตตฺถ อตฺตโน กรณียํ ตีเรตฺวา หตฺถินิปุรํ คนฺตฺวา ตสฺสา มาตุยา ตมตฺถํ อาโรเจสิ. ตมตฺถํ ทสฺเสตุํ –

๔๗๓.

สาธูติ โส ปฏิสฺสุตฺวา, คนฺตฺวาน หตฺถินึ ปุรํ;

อโวจ ตสฺสา มาตรํ –

‘‘ธีตา จ เต มยา ทิฏฺา, ทุคฺคตา ยมโลกิกา;

ปาปกมฺมํ กริตฺวาน, เปตโลกํ อิโต คตา.

๔๗๔.

‘‘สา มํ ตตฺถ สมาทเปสิ, วชฺเชสิ มยฺห มาตรํ;

‘ธีตา จ เต มยา ทิฏฺา, ทุคฺคตา ยมโลกิกา;

ปาปกมฺมํ กริตฺวาน, เปตโลกํ อิโต คตา.

๔๗๕.

‘‘‘อตฺถิ จ เม เอตฺถ นิกฺขิตฺตํ, อนกฺขาตฺจ ตํ มยา;

จตฺตาริ สตสหสฺสานิ, ปลฺลงฺกสฺส จ เหฏฺโต.

๔๗๖.

‘‘‘ตโต เม ทานํ ททตุ, ตสฺสา จ โหตุ ชีวิกา;

ทานํ ทตฺวา จ เม มาตา, ทกฺขิณํ อนุทิจฺฉตุ;

ตทาหํ สุขิตา เหสฺสํ, สพฺพกามสมิทฺธินี’.

๔๗๗.

‘‘ตโต หิ สา ทานมทา, ตสฺสา ทกฺขิณมาทิสี;

เปตี จ สุขิตา อาสิ, ตสฺสา จาสิ สุชีวิกา’’ติ. –

สงฺคีติการา อาหํสุ. ตา สุวิฺเยฺยาว.

ตํ สุตฺวา ตสฺสา มาตา ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทานํ ทตฺวา ตสฺสา อาทิสิ. เตน สา ปฏิลทฺธูปกรณสมฺปตฺติยํ ิตา มาตุ อตฺตานํ ทสฺเสตฺวา ตํ การณํ อาจิกฺขิ, มาตา ภิกฺขูนํ อาโรเจสิ, ภิกฺขู ตํ ปวตฺตึ ภควโต อาโรเจสุํ. ภควา ตมตฺถํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา สมฺปตฺตปริสาย ธมฺมํ เทเสสิ. สา เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา อโหสีติ.

เสริณีเปติวตฺถุวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. มิคลุทฺทกเปตวตฺถุวณฺณนา

นรนาริปุรกฺขโต ยุวาติ อิทํ ภควติ เวฬุวเน วิหรนฺเต มิคลุทฺทกเปตํ อารพฺภ วุตฺตํ. ราชคเห กิร อฺตโร ลุทฺทโก รตฺตินฺทิวํ มิเค วธิตฺวา ชีวิกํ กปฺเปสิ. ตสฺเสโก อุปาสโก มิตฺโต อโหสิ, โส ตํ สพฺพกาลํ ปาปโต นิวตฺเตตุํ อสกฺโกนฺโต ‘‘เอหิ, สมฺม, รตฺติยํ ปาณาติปาตา วิรมาหี’’ติ รตฺติยํ ปุฺเ สมาทเปสิ. โส รตฺติยํ วิรมิตฺวา ทิวา เอว ปาณาติปาตํ กโรติ.

โส อปเรน สมเยน กาลํ กตฺวา ราชคหสมีเป เวมานิกเปโต หุตฺวา นิพฺพตฺโต, ทิวสภาคํ มหาทุกฺขํ อนุภวิตฺวา รตฺติยํ ปฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิตา สมงฺคีภูโต ปริจาเรสิ. ตํ ทิสฺวา อายสฺมา นารโท –

๔๗๘.

‘‘นรนาริปุรกฺขโต ยุวา, รชนีเยหิ กามคุเณหิ โสภสิ;

ทิวสํ อนุโภสิ การณํ, กิมกาสิ ปุริมาย ชาติยา’’ติ. –

อิมาย คาถาย ปฏิปุจฺฉิ. ตตฺถ นรนาริปุรกฺขโตติ ปริจารกภูเตหิ เทวปุตฺเตหิ เทวธีตาหิ จ ปุรกฺขโต ปยิรุปาสิโต. ยุวาติ ตรุโณ. รชนีเยหีติ กมนีเยหิ ราคุปฺปตฺติเหตุภูเตหิ. กามคุเณหีติ กามโกฏฺาเสหิ. โสภสีติ สมงฺคิภาเวน วิโรจสิ รตฺติยนฺติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘ทิวสํ อนุโภสิ การณ’’นฺติ, ทิวสภาเค ปน นานปฺปการํ การณํ ฆาตนํ ปจฺจนุภวสิ. รชนีติ วา รตฺตีสุ. เยหีติ นิปาตมตฺตํ. กิมกาสิ ปุริมาย ชาติยาติ เอวํ สุขทุกฺขสํวตฺตนิยํ กึ นาม กมฺมํ อิโต ปุริมาย ชาติยา ตฺวํ อกตฺถ, ตํ กเถหีติ อตฺโถ.

ตํ สุตฺวา เปโต เถรสฺส อตฺตนา กตกมฺมํ อาจิกฺขนฺโต –

๔๗๙.

‘‘อหํ ราชคเห รมฺเม, รมณีเย คิริพฺพเช;

มิคลุทฺโท ปุเร อาสึ, โลหิตปาณิ ทารุโณ.

๔๘๐.

‘‘อวิโรธกเรสุ ปาณิสุ, ปุถุสตฺเตสุ ปทุฏฺมานโส;

วิจรึ อติทารุโณ สทา, ปรหึสาย รโต อสฺโต.

๔๘๑.

‘‘ตสฺส เม สหาโย สุหทโย, สทฺโธ อาสิ อุปาสโก;

โสปิ มํ อนุกมฺปนฺโต, นิวาเรสิ ปุนปฺปุนํ.

๔๘๒.

‘‘‘มากาสิ ปาปกํ กมฺมํ, มา ตาต ทุคฺคตึ อคา;

สเจ อิจฺฉสิ เปจฺจ สุขํ, วิรม ปาณวธา อสํยมา.

๔๘๓.

‘‘ตสฺสาหํ วจนํ สุตฺวา, สุขกามสฺส หิตานุกมฺปิโน;

นากาสึ สกลานุสาสนึ, จิรปาปาภิรโต อพุทฺธิมา.

๔๘๔.

‘‘โส มํ ปุน ภูริสุเมธโส, อนุกมฺปาย สํยเม นิเวสยิ;

สเจ ทิวา หนสิ ปาณิโน, อถ เต รตฺตึ ภวตุ สํยโม.

๔๘๕.

‘‘สฺวาหํ ทิวา หนิตฺวา ปาณิโน, วิรโต รตฺติมโหสิ สฺโต;

รตฺตาหํ ปริจาเรมิ, ทิวา ขชฺชามิ ทุคฺคโต.

๔๘๖.

‘‘ตสฺส กมฺมสฺส กุสลสฺส, อนุโภมิ รตฺตึ อมานุสึ;

ทิวา ปฏิหตาว กุกฺกุรา, อุปธาวนฺติ สมนฺตา ขาทิตุํ.

๔๘๗.

‘‘เย จ เต สตตานุโยคิโน, ธุวํ ปยุตฺตา สุคตสฺส สาสเน;

มฺามิ เต อมตเมว เกวลํ, อธิคจฺฉนฺติ ปทํ อสงฺขต’’นฺติ. –

อิมา คาถา อภาสิ.

๔๗๙-๘๐. ตตฺถ ลุทฺโทติ ทารุโณ. โลหิตปาณีติ อภิณฺหํ ปาณฆาเตน โลหิตมกฺขิตปาณี. ทารุโณติ ขโร, สตฺตานํ หึสนโกติ อตฺโถ. อวิโรธกเรสูติ เกนจิ วิโรธํ อกโรนฺเตสุ มิคสกุณาทีสุ.

๔๘๒-๘๓. อสํยมาติ อสํวรา ทุสฺสีลฺยา. สกลานุสาสนินฺติ สพฺพํ อนุสาสนึ, สพฺพกาลํ ปาณาติปาตโต ปฏิวิรตินฺติ อตฺโถ. จิรปาปาภิรโตติ จิรกาลํ ปาเป อภิรโต.

๔๘๔. สํยเมติ สุจริเต. นิเวสยีหิ นิเวเสสิ. สเจ ทิวา หนสิ ปาณิโน, อถ เต รตฺตึ ภวตุ สํยโมติ นิเวสิตาการทสฺสนํ. โส กิร สลฺลปาสสชฺชนาทินา รตฺติยมฺปิ ปาณวธํ อนุยุตฺโต อโหสิ.

๔๘๕. ทิวา ขชฺชามิ ทุคฺคโตติ อิทานิ ทุคฺคตึ คโต มหาทุกฺขปฺปตฺโต ทิวสภาเค ขาทิยามิ. ตสฺส กิร ทิวา สุนเขหิ มิคานํ ขาทาปิตตฺตา กมฺมสริกฺขกํ ผลํ โหติ, ทิวสภาเค มหนฺตา สุนขา อุปธาวิตฺวา อฏฺิสงฺฆาตมตฺตาวเสสํ สรีรํ กโรนฺติ. รตฺติยา ปน อุปคตาย ตํ ปากติกเมว โหติ, ทิพฺพสมฺปตฺตึ อนุภวติ. เตน วุตฺตํ –

๔๘๖.

‘‘ตสฺส กมฺมสฺส กุสลสฺส, อนุโภมิ รตฺตึ อมานุสึ;

ทิวา ปฏิหตาว กุกฺกุรา, อุปธาวนฺติ สมนฺตา ขาทิตุ’’นฺติ.

ตตฺถ ปฏิหตาติ ปฏิหตจิตฺตา พทฺธาฆาตา วิย หุตฺวา. สมนฺตา ขาทิตุนฺติ มม สรีรํ สมนฺตโต ขาทิตุํ อุปธาวนฺติ. อิทฺจ เนสํ อติวิย อตฺตโน ภยาวหํ อุปคมนกาลํ คเหตฺวา วุตฺตํ. เต ปน อุปธาวิตฺวา อฏฺิมตฺตาวเสสํ สรีรํ กตฺวา คจฺฉนฺติ.

๔๘๗. เย จ เต สตตานุโยคิโนติ โอสานคาถาย อยํ สงฺเขปตฺโถ – อหมฺปิ นาม รตฺติยํ ปาณวธมตฺตโต วิรโต เอวรูปํ สมฺปตฺตึ อนุภวามิ. เย ปน เต ปุริสา สุคตสฺส พุทฺธสฺส ภควโต สาสเน อธิสีลาทิเก ธุวํ ปยุตฺตา ทฬฺหํ ปยุตฺตา สตตํ สพฺพกาลํ อนุโยควนฺตา, เต ปุฺวนฺโต เกวลํ โลกิยสุเขน อสมฺมิสฺสํ ‘‘อสงฺขตํ ปท’’นฺติ ลทฺธนามํ อมตเมว อธิคจฺฉนฺติ มฺเ, นตฺถิ เตสํ ตทธิคเม โกจิ วิพนฺโธติ.

เอวํ เตน เปเตน วุตฺเต เถโร ตํ ปวตฺตึ สตฺถุ อาโรเจสิ. สตฺถา ตมตฺถํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา สมฺปตฺตปริสาย ธมฺมํ เทเสสิ. สพฺพมฺปิ วุตฺตนยเมว.

มิคลุทฺทกเปตวตฺถุวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. ทุติยมิคลุทฺทกเปตวตฺถุวณฺณนา

กูฏาคาเร จ ปาสาเทติ อิทํ ภควติ เวฬุวเน วิหรนฺเต อปรํ มิคลุทฺทกเปตํ อารพฺภ วุตฺตํ. ราชคเห กิร อฺตโร มาควิโก มาณโว วิภวสมฺปนฺโนปิ สมาโน โภคสุขํ ปหาย รตฺตินฺทิวํ มิเค หนนฺโต วิจรติ. ตสฺส สหายภูโต เอโก อุปาสโก อนุทฺทยํ ปฏิจฺจ – ‘‘สาธุ, สมฺม, ปาณาติปาตโต วิรมาหิ, มา เต อโหสิ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขายา’’ติ โอวาทํ อทาสิ. โส ตํ อนาทิยิ. อถ โส อุปาสโก อฺตรํ อตฺตโน มโนภาวนียํ ขีณาสวตฺเถรํ ยาจิ – ‘‘สาธุ, ภนฺเต, อสุกปุริสสฺส ตถา ธมฺมํ เทเสถ, ยถา โส ปาณาติปาตโต วิรเมยฺยา’’ติ.

อเถกทิวสํ โส เถโร ราชคเห ปิณฺฑาย จรนฺโต ตสฺส เคหทฺวาเร อฏฺาสิ. ตํ ทิสฺวา โส มาควิโก สฺชาตพหุมาโน ปจฺจุคฺคนฺตฺวา เคหํ ปเวเสตฺวา อาสนํ ปฺาเปตฺวา อทาสิ. นิสีทิ เถโร ปฺตฺเต อาสเน, โสปิ เถรํ อุปสงฺกมิตฺวา นิสีทิ. ตสฺส เถโร ปาณาติปาเต อาทีนวํ, ตโต วิรติยา อานิสํสฺจ ปกาเสสิ. โส ตํ สุตฺวาปิ ตโต วิรมิตุํ น อิจฺฉิ. อถ นํ เถโร อาห – ‘‘สเจ, ตฺวํ อาวุโส, สพฺเพน สพฺพํ วิรมิตุํ น สกฺโกสิ, รตฺติมฺปิ ตาว วิรมสฺสู’’ติ, โส ‘‘สาธุ, ภนฺเต, วิรมามิ รตฺติ’’นฺติ ตโต วิรมิ. เสสํ อนนฺตรวตฺถุสทิสํ. คาถาสุ ปน –

๔๘๘.

‘‘กูฏาคาเร จ ปาสาเท, ปลฺลงฺเก โคนกตฺถเต;

ปฺจงฺคิเกน ตุริเยน, รมสิ สุปฺปวาทิเต.

๔๘๙.

‘‘ตโต รตฺยา วิวสาเน, สูริยุคฺคมนํ ปติ;

อปวิทฺโธ สุสานสฺมึ, พหุทุกฺขํ นิคจฺฉสิ.

๔๙๐.

‘‘กึ นุ กาเยน วาจาย, มนสา ทุกฺกฏํ กตํ;

กิสฺสกมฺมวิปาเกน, อิทํ ทุกฺขํ นิคจฺฉสี’’ติ. –

ตีหิ คาถาหิ นารทตฺเถโร นํ ปฏิปุจฺฉิ. อถสฺส เปโต –

๔๙๑.

‘‘อหํ ราชคเห รมฺเม, รมณีเย คิริพฺพเช;

มิคลุทฺโท ปุเร อาสึ, ลุทฺโท จาสิมสฺโต.

๔๙๒.

‘‘ตสฺส เม สหาโย สุหทโย, สทฺโธ อาสิ อุปาสโก;

ตสฺส กุลูปโก ภิกฺขุ, อาสิ โคตมสาวโก;

โสปิ มํ อนุกมฺปนฺโต, นิวาเรสิ ปุนปฺปุนํ.

๔๙๓.

‘‘‘มากาสิ ปาปกํ กมฺมํ, มา ตาต ทุคฺคตึ อคา;

สเจ อิจฺฉสิ เปจฺจ สุขํ, วิรม ปาณวธา อสํยมา’.

๔๙๔.

‘‘ตสฺสาหํ วจนํ สุตฺวา, สุขกามสฺส หิตานุกมฺปิโน;

นากาสึ สกลานุสาสนึ, จิรปาปาภิรโต อพุทฺธิมา.

๔๙๕.

‘‘โส มํ ปุน ภูริสุเมธโส, อนุกมฺปาย สํยเม นิเวสยิ;

‘สเจ ทิวา หนสิ ปาณิโน, อถ เต รตฺตึ ภวตุ สํยโม’.

๔๙๖.

‘‘สฺวาหํ ทิวา หนิตฺวา ปาณิโน, วิรโต รตฺติมโหสิ สฺโต;

รตฺตาหํ ปริจาเรมิ, ทิวา ขชฺชามิ ทุคฺคโต.

๔๙๗.

‘‘ตสฺส กมฺมสฺส กุสลสฺส, อนุโภมิ รตฺตึ อมานุสึ;

ทิวา ปฏิหตาว กุกฺกุรา, อุปธาวนฺติ สมนฺตา ขาทิตุํ.

๔๙๘.

‘‘เย จ เต สตตานุโยคิโน, ธุวํ ปยุตฺตา สุคตสฺส สาสเน;

มฺามิ เต อมตเมว เกวลํ, อธิคจฺฉนฺติ ปทํ อสงฺขต’’นฺติ. –

ตมตฺถํ อาจิกฺขิ. ตาสํ อตฺโถ เหฏฺา วุตฺตนโยว.

ทุติยมิคลุทฺทกเปตวตฺถุวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. กูฏวินิจฺฉยิกเปตวตฺถุวณฺณนา

มาลี กิริฏี กายูรีติ อิทํ สตฺถริ เวฬุวเน วิหรนฺเต กูฏวินิจฺฉยิกเปตํ อารพฺภ วุตฺตํ. ตทา พิมฺพิสาโร ราชา มาสสฺส ฉสุ ทิวเสสุ อุโปสถํ อุปวสติ, ตํ อนุวตฺตนฺตา พหู มนุสฺสา อุโปสถํ อุปวสนฺติ. ราชา อตฺตโน สนฺติกํ อาคตาคเต มนุสฺเส ปุจฺฉติ – ‘‘กึ ตุมฺเหหิ อุโปสโถ อุปวุตฺโถ, อุทาหุ น อุปวุตฺโถ’’ติ? ตตฺเรโก อธิกรเณ นิยุตฺตกปุริโส ปิสุณวาโจ เนกติโก ลฺชคาหโก ‘‘น อุปวุตฺโถมฺหี’’ติ วตฺตุํ อสหนฺโต ‘‘อุปวุตฺโถมฺหิ, เทวา’’ติ อาห. อถ นํ ราชสมีปโต นิกฺขนฺตํ สหาโย อาห – ‘‘กึ, สมฺม, อชฺช ตยา อุปวุตฺโถ’’ติ? ‘‘ภเยนาหํ, สมฺม, รฺโ สมฺมุขา เอวํ อโวจํ, นาหํ อุโปสถิโก’’ติ.

อถ นํ สหาโย อาห – ‘‘ยทิ เอวํ อุปฑฺฒุโปสโถปิ ตาว เต อชฺช โหตุ, อุโปสถงฺคานิ สมาทิยาหี’’ติ. โส ตสฺส วจนํ ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา เคหํ คนฺตฺวา อภุตฺวาว มุขํ วิกฺขาเลตฺวา อุโปสถํ อธิฏฺาย รตฺติยํ วาสูปคโต ริตฺตาสยสมฺภูเตน พลววาตเหตุเกน สูเลน อุปจฺฉินฺนายุสงฺขาโร จุติอนนฺตรํ ปพฺพตกุจฺฉิยํ เวมานิกเปโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ. โส หิ เอกรตฺตึ อุโปสถรกฺขณมตฺเตน วิมานํ ปฏิลภิ ทสกฺาสหสฺสปริวารํ มหติฺจ ทิพฺพสมฺปตฺตึ. กูฏวินิจฺฉยิกตาย ปน เปสุณิกตาย จ อตฺตโน ปิฏฺิมํสานิ สยเมว โอกฺกนฺติตฺวา ขาทติ. ตํ อายสฺมา นารโท คิชฺชกูฏโต โอตรนฺโต ทิสฺวา –

๔๙๙.

‘‘มาลี กิริฏี กายูรี, คตฺตา เต จนฺทนุสฺสทา;

ปสนฺนมุขวณฺโณสิ, สูริยวณฺโณว โสภสิ.

๕๐๐.

‘‘อมานุสา ปาริสชฺชา, เย เตเม ปริจารกา;

ทส กฺาสหสฺสานิ, ยา เตมา ปริจาริกา;

ตา กมฺพุกายูรธรา, กฺจนาเวฬภูสิตา.

๕๐๑.

‘‘มหานุภาโวสิ ตุวํ, โลมหํสนรูปวา;

ปิฏฺิมํสานิ อตฺตโน, สามํ อุกฺกจฺจ ขาทสิ.

๕๐๒.

‘‘กึ นุ กาเยน วาจาย, มนสา ทุกฺกฏํ กตํ;

กิสฺสกมฺมวิปาเกน, ปิฏฺิมํสานิ อตฺตโน;

สามํ อุกฺกจฺจ ขาทสีติ.

๕๐๓.

‘‘อตฺตโนหํ อนตฺถาย, ชีวโลเก อจาริสํ;

เปสุฺมุสาวาเทน, นิกติวฺจนาย จ.

๕๐๔.

‘‘ตตฺถาหํ ปริสํ คนฺตฺวา, สจฺจกาเล อุปฏฺิเต;

อตฺถํ ธมฺมํ นิรากตฺวา, อธมฺมมนุวตฺติสํ.

๕๐๕.

‘‘เอวํ โส ขาทตตฺตานํ, โย โหติ ปิฏฺิมํสิโก;

ยถาหํ อชฺช ขาทามิ, ปิฏฺิมํสานิ อตฺตโน.

๕๐๖.

‘‘ตยิทํ ตยา นารท สามํ ทิฏฺํ, อนุกมฺปกา เย กุสลา วเทยฺยุํ;

มา เปสุณํ มา จ มุสา อภาณิ, มา โขสิ ปิฏฺิมํสิโก ตุว’’นฺติ. –

เถโร จตูหิ คาถาหิ ปุจฺฉิ, โสปิ ตสฺส จตูหิ คาถาหิ เอตมตฺถํ วิสฺสชฺเชสิ.

๔๙๙. ตตฺถ มาลีติ มาลธารี, ทิพฺพปุปฺเผหิ ปฏิมณฺฑิโตติ อธิปฺปาโย. กิริฏีติ เวิตสีโส. กายูรีติ เกยูรวา, พาหาลงฺการปฏิมณฺฑิโตติ อตฺโถ. คตฺตาติ สรีราวยวา. จนฺทนุสฺสทาติ จนฺทนสารานุลิตฺตา. สูริยวณฺโณว โสภสีติ พาลสูริยสทิสวณฺโณ เอว หุตฺวา วิโรจสิ. ‘‘อรณวณฺณี ปภาสสี’’ติปิ ปาฬิ, อรณนฺติ อรณิเยหิ เทเวหิ สทิสวณฺโณ อริยาวกาโสติ อตฺโถ.

๕๐๐. ปาริสชฺชาติ ปริสปริยาปนฺนา, อุปฏฺากาติ อตฺโถ. ตุวนฺติ ตฺวํ. โลมหํสนรูปวาติ ปสฺสนฺตานํ โลมหํสชนนรูปยุตฺโต. มหานุภาวตาสมงฺคิตาย เหตํ วุตฺตํ. อุกฺกจฺจาติ อุกฺกนฺติตฺวา, ฉินฺทิตฺวาติ อตฺโถ.

๕๐๓. อจาริสนฺติ อจรึ ปฏิปชฺชึ. เปสุฺมุสาวาเทนาติ เปสุฺเน เจว มุสาวาเทน จ. นิกติวฺจนาย จาติ นิกติยา วฺจนาย จ ปติรูปทสฺสเนน ปเรสํ วิกาเรน วฺจนาย จ.

๕๐๔. สจฺจกาเลติ สจฺจํ วตฺตุํ ยุตฺตกาเล. อตฺถนฺติ ทิฏฺธมฺมิกาทิเภทํ หิตํ. ธมฺมนฺติ การณํ ายํ. นิรากตฺวาติ ฉฑฺเฑตฺวา ปหาย. โสติ โย เปสุฺาทึ อาจรติ, โส สตฺโต. เสสํ สพฺพํ เหฏฺา วุตฺตนยเมว.

กูฏวินิจฺฉยิกเปตวตฺถุวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. ธาตุวิวณฺณเปตวตฺถุวณฺณนา

อนฺตลิกฺขสฺมึ ติฏฺนฺโตติ อิทํ ธาตุวิวณฺณเปตวตฺถุ. ภควติ กุสินารายํ อุปวตฺตเน มลฺลานํ สาลวเน ยมกสาลานมนฺตเร ปรินิพฺพุเต ธาตุวิภาเค จ กเต ราชา อชาตสตฺตุ อตฺตนา ลทฺธธาตุภาคํ คเหตฺวา สตฺต วสฺสานิ สตฺต จ มาเส สตฺต จ ทิวเส พุทฺธคุเณ อนุสฺสรนฺโต อุฬารปูชํ ปวตฺเตสิ. ตตฺถ อสงฺเขยฺยา อปฺปเมยฺยา มนุสฺสา จิตฺตานิ ปสาเทตฺวา สคฺคูปคา อเหสุํ, ฉฬาสีติมตฺตานิ ปน ปุริสสหสฺสานิ จิรกาลภาวิเตน อสฺสทฺธิเยน มิจฺฉาทสฺสเนน จ วิปลฺลตฺถจิตฺตา ปสาทนีเยปิ าเน อตฺตโน จิตฺตานิ ปโทเสตฺวา เปเตสุ อุปฺปชฺชึสุ. ตสฺมึเยว ราชคเห อฺตรสฺส วิภวสมฺปนฺนสฺส กุฏุมฺพิกสฺส ภริยา ธีตา สุณิสา จ ปสนฺนจิตฺตา ‘‘ธาตุปูชํ กริสฺสามา’’ติ คนฺธปุปฺผาทีนิ คเหตฺวา ธาตุฏฺานํ คนฺตุํ อารทฺธา. โส กุฏุมฺพิโก ‘‘กึ อฏฺิกานํ ปูชเนนา’’ติ ตา ปริภาเสตฺวา ธาตุปูชํ วิวณฺเณสิ. ตาปิ ตสฺส วจนํ อนาทิยิตฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา ธาตุปูชํ กตฺวา เคหํ อาคตา ตาทิเสน โรเคน อภิภูตา นจิรสฺเสว กาลํ กตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺตึสุ. โส ปน โกเธน อภิภูโต นจิรสฺเสว กาลํ กตฺวา เตน ปาปกมฺเมน เปเตสุ นิพฺพตฺติ.

อเถกทิวสํ อายสฺมา มหากสฺสโป สตฺเตสุ อนุกมฺปาย ตถารูปํ อิทฺธาภิสงฺขารํ อภิสงฺขาสิ, ยถา มนุสฺสา เต เปเต ตา จ เทวตาโย ปสฺสนฺติ. ตถา ปน กตฺวา เจติยงฺคเณ ิโต ตํ ธาตุวิวณฺณกํ เปตํ ตีหิ คาถาหิ ปุจฺฉิ. ตสฺส โส เปโต พฺยากาสิ –

๕๐๗.

‘‘อนฺตลิกฺขสฺมึ ติฏฺนฺโต, ทุคฺคนฺโธ ปูติ วายสิ;

มุขฺจ เต กิมโย ปูติคนฺธํ, ขาทนฺติ กึ กมฺมมกาสิ ปุพฺเพ.

๕๐๘.

‘‘ตโต สตฺถํ คเหตฺวาน, โอกฺกนฺตนฺติ ปุนปฺปุนํ;

ขาเรน ปริปฺโผสิตฺวา, โอกฺกนฺตนฺติ ปุนปฺปุนํ.

๕๐๙.

‘‘กึ นุ กาเยน วาจาย, มนสา ทุกฺกฏํ กตํ;

กิสฺสกมฺมวิปาเกน, อิทํ ทุกฺขํ นิคจฺฉสี’’ติ.

๕๑๐.

‘‘อหํ ราชคเห รมฺเม, รมณีเย คิริพฺพเช;

อิสฺสโร ธนธฺสฺส, สุปหูตสฺส มาริส.

๕๑๑.

‘‘ตสฺสายํ เม ภริยา จ, ธีตา จ สุณิสา จ เม;

ตา มาลํ อุปฺปลฺจาปิ, ปจฺจคฺฆฺจ วิเลปนํ;

ถูปํ หรนฺติโย วาเรสึ, ตํ ปาปํ ปกตํ มยา.

๕๑๒.

‘‘ฉฬาสีติสหสฺสานิ, มยํ ปจฺจตฺตเวทนา;

ถูปปูชํ วิวณฺเณตฺวา, ปจฺจาม นิรเย ภุสํ.

๕๑๓.

‘‘เย จ โข ถูปปูชาย, วตฺตนฺเต อรหโต มเห;

อาทีนวํ ปกาเสนฺติ, วิเวจเยถ เน ตโต.

๕๑๔.

‘‘อิมา จ ปสฺส อยนฺติโย, มาลธารี อลงฺกตา;

มาลาวิปากํนุโภนฺติโย, สมิทฺธา จ ตา ยสสฺสินิโย.

๕๑๕.

‘‘ตฺจ ทิสฺวาน อจฺเฉรํ, อพฺภุตํ โลมหํสนํ;

นโม กโรนฺติ สปฺปฺา, วนฺทนฺติ ตํ มหามุนึ.

๕๑๖.

‘‘โสหํ นูน อิโต คนฺตฺวา, โยนึ ลทฺธาน มานุสึ;

ถูปปูชํ กริสฺสามิ, อปฺปมตฺโต ปุนปฺปุน’’นฺติ.

๕๐๗-๘. ตตฺถ ทุคฺคนฺโธติ อนิฏฺคนฺโธ, กุณปคนฺธคนฺธีติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘ปูติ วายสี’’ติ. ตโตติ ทุคฺคนฺธวายนโต กิมีหิ ขายิตพฺพโต จ อุปริ. สตฺตํ คเหตฺวาน, โอกฺกนฺตนฺติ ปุนปฺปุนนฺติ กมฺมสฺโจทิตา สตฺตา นิสิตธารํ สตฺถํ คเหตฺวา ปุนปฺปุนํ ตํ วณมุขํ อวกนฺตนฺติ. ขาเรน ปริปฺโผสิตฺวา, โอกฺกนฺตนฺติ ปุนปฺปุนนฺติ อวกนฺติตฏฺาเน ขาโรทเกน อาสิฺจิตฺวา ปุนปฺปุนมฺปิ อวกนฺตนฺติ.

๕๑๐. อิสฺสโร ธนธฺสฺส, สุปหูตสฺสาติ อติวิย ปหูตสฺส ธนสฺส ธฺสฺส จ อิสฺสโร สามี, อฑฺโฒ มหทฺธโนติ อตฺโถ.

๕๑๑. ตสฺสายํ เม ภริยา จ, ธีตา จ สุณิสา จาติ ตสฺส มยฺหํ อยํ ปุริมตฺตภาเว ภริยา, อยํ ธีตา, อยํ สุณิสา. ตา เทวภูตา อากาเส ิตาติ ทสฺเสนฺโต วทติ. ปจฺจคฺฆนฺติ อภินวํ. ถูปํ หรนฺติโย วาเรสินฺติ ถูปํ ปูเชตุํ อุปเนนฺติโย ธาตุํ วิวณฺเณนฺโต ปฏิกฺขิปึ. ตํ ปาปํ ปกตํ มยาติ ตํ ธาตุวิวณฺณนปาปํ กตํ สมาจริตํ มยาติ วิปฺปฏิสารปฺปตฺโต วทติ.

๕๑๒. ฉฬาสีติสหสฺสานีติ ฉสหสฺสาธิกา อสีติสหสฺสมตฺตา. มยนฺติ เต เปเต อตฺตนา สทฺธึ สงฺคเหตฺวา วทติ. ปจฺจตฺตเวทนาติ วิสุํ วิสุํ อนุภุยฺยมานทุกฺขเวทนา. นิรเยติ พลทุกฺขตาย เปตฺติวิสยํ นิรยสทิสํ กตฺวา อาห.

๕๑๓. เย จ โข ถูปปูชาย, วตฺตนฺเต อรหโต มเหติ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ถูปํ อุทฺทิสฺส ปูชามเห ปวตฺตมาเน อหํ วิย เย ถูปปูชาย อาทีนวํ โทสํ ปกาเสนฺติ. เต ปุคฺคเล ตโต ปุฺโต วิเวจเยถ วิเวจาปเยถ, ปริพาหิเร ชนเยถาติ อฺาปเทเสน อตฺตโน มหาชานิยตํ วิภาเวติ.

๕๑๔. อายนฺติโยติ อากาเสน อาคจฺฉนฺติโย. มาลาวิปากนฺติ ถูเป กตมาลาปูชาย วิปากํ ผลํ. สมิทฺธาติ ทิพฺพสมฺปตฺติยา สมิทฺธา. ตา ยสสฺสินิโยติ ตา ปริวารวนฺติโย.

๕๑๕. ตฺจ ทิสฺวานาติ ตสฺส อติปริตฺตสฺส ปูชาปุฺสฺส อจฺฉริยํ อพฺภุตํ โลมหํสนํ อติอุฬารํ วิปากวิเสสํ ทิสฺวา. นโม กโรนฺติ สปฺปฺา, วนฺทนฺติ ตํ มหามุนินฺติ, ภนฺเต กสฺสป, อิมา อิตฺถิโย ตํ อุตฺตมปุฺกฺเขตฺตภูตํ วนฺทนฺติ อภิวาเทนฺติ, นโม กโรนฺติ นมกฺการฺจ กโรนฺตีติ อตฺโถ.

๕๑๖. อถ โส เปโต สํวิคฺคมานโส สํเวคานุรูปํ อายตึ อตฺตนา กาตพฺพํ ทสฺเสนฺโต ‘‘โสหํ นูนา’’ติ คาถมาห. ตํ อุตฺตานตฺถเมว.

เอวํ เปเตน วุตฺโต มหากสฺสโป ตํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา สมฺปตฺตปริสาย ธมฺมํ เทเสสิ.

ธาตุวิวณฺณเปตวตฺถุวณฺณนา นิฏฺิตา.

อิติ ขุทฺทก-อฏฺกถาย เปตวตฺถุสฺมึ

ทสวตฺถุปฏิมณฺฑิตสฺส

ตติยสฺส จูฬวคฺคสฺส อตฺถสํวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. มหาวคฺโค

๑. อมฺพสกฺกรเปตวตฺถุวณฺณนา

เวสาลี นาม นครตฺถิ วชฺชีนนฺติ อิทํ อมฺพสกฺกรเปตวตฺถุ. ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควติ เชตวเน วิหรนฺเต อมฺพสกฺกโร นาม ลิจฺฉวิราชา มิจฺฉาทิฏฺิโก นตฺถิกวาโท เวสาลิยํ รชฺชํ กาเรสิ. เตน จ สมเยน เวสาลินคเร อฺตรสฺส วาณิชสฺส อาปณสมีเป จิกฺขลฺลํ โหติ, ตตฺถ พหู ชนา อุปฺปติตฺวา อติกฺกมนฺตา กิลมนฺติ, เกจิ กทฺทเมน ลิมฺปนฺติ. ตํ ทิสฺวา โส วาณิโช ‘‘มา อิเม มนุสฺสา กลลํ อกฺกมึสู’’ติ อปคตทุคฺคนฺธํ สงฺขวณฺณปฏิภาคํ โคสีสฏฺึ อาหราเปตฺวา นิกฺขิปาเปสิ. ปกติยา จ สีลวา อโหสิ อกฺโกธโน สณฺหวาโจ, ปเรสฺจ ยถาภูตํ คุณํ กิตฺเตติ.

โส เอกสฺมึ ทิวเส อตฺตโน สหายสฺส นฺหายนฺตสฺส ปมาเทน อโนโลเกนฺตสฺส นิวาสนวตฺถํ กีฬาธิปฺปาเยน อปนิธาย ตํ ทุกฺขาเปตฺวา อทาสิ. ภาคิเนยฺโย ปนสฺส โจริกาย ปรเคหโต ภณฺฑํ อาหริตฺวา ตสฺเสว อาปเณ นิกฺขิปิ. ภณฺฑสามิกา วีมํสนฺตา ภณฺเฑน สทฺธึ ตสฺส ภาคิเนยฺยํ ตฺจ รฺโ ทสฺเสสุํ. ราชา ‘‘อิมสฺส สีสํ ฉินฺทถ, ภาคิเนยฺยํ ปนสฺส สูเล อาโรเปถา’’ติ อาณาเปสิ. ราชปุริสา ตถา อกํสุ. โส กาลํ กตฺวา ภุมฺมเทเวสุ อุปฺปชฺชิ. โส โคสีเสน เสตุโน กตตฺตา เสตวณฺณํ ทิพฺพํ มโนชวํ อสฺสาชานียํ ปฏิลภิ, คุณวนฺตานํ วณฺณกถเนน ตสฺส คตฺตโต ทิพฺพคนฺโธ วายติ, สาฏกสฺส ปน อปนิหิตตฺตา นคฺโค อโหสิ. โส อตฺตนา ปุพฺเพ กตกมฺมํ โอโลเกนฺโต ตทนุสาเรน อตฺตโน ภาคิเนยฺยํ สูเล อาโรปิตํ ทิสฺวา กรุณาย โจทิยมาโน มโนชวํ อสฺสํ อภิรุหิตฺวา อฑฺฒรตฺติสมเย ตสฺส สูลา โรปิตฏฺานํ คนฺตฺวา อวิทูเร ิโต ‘‘ชีว, โภ, ชีวิตเมว เสยฺโย’’ติ ทิวเส ทิวเส วทติ.

เตน จ สมเยน อมฺพสกฺกโร ราชา หตฺถิกฺขนฺธวรคโต นครํ ปทกฺขิณํ กโรนฺโต อฺตรสฺมึ เคเห วาตปานํ วิวริตฺวา ราชวิภูตึ ปสฺสนฺตึ เอกํ อิตฺถึ ทิสฺวา ปฏิพทฺธจิตฺโต หุตฺวา ปจฺฉาสเน นิสินฺนสฺส ปุริสสฺส ‘‘อิมํ ฆรํ อิมฺจ อิตฺถึ อุปธาเรหี’’ติ สฺํ ทตฺวา อนุกฺกเมน อตฺตโน ราชเคหํ ปวิฏฺโ ตํ ปุริสํ เปเสสิ – ‘‘คจฺฉ, ภเณ, ตสฺสา อิตฺถิยา สสามิกภาวํ วา อสามิกภาวํ วา ชานาหี’’ติ. โส คนฺตฺวา ตสฺสา สสามิกภาวํ ตฺวา รฺโ อาโรเจสิ. ราชา ตสฺสา อิตฺถิยา ปริคฺคหณูปายํ จินฺเตนฺโต ตสฺสา สามิกํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘เอหิ, ภเณ, มํ อุปฏฺาหี’’ติ อาห. โส อนิจฺฉนฺโตปิ ‘‘ราชา อตฺตโน วจนํ อกโรนฺเต มยิ ราชทณฺฑํ กเรยฺยา’’ติ ภเยน ราชุปฏฺานํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ทิวเส ทิวเส ราชุปฏฺานํ คจฺฉติ. ราชาปิ ตสฺส ภตฺตเวตนํ ทาเปตฺวา กติปยทิวสาติกฺกเมน ปาโตว อุปฏฺานํ อาคตํ เอวมาห – ‘‘คจฺฉ, ภเณ, อมุมฺหิ าเน เอกา โปกฺขรณี อตฺถิ, ตโต อรุณวณฺณมตฺติกํ รตฺตุปฺปลานิ จ อาเนหิ, สเจ อชฺเชว นาคจฺเฉยฺยาสิ, ชีวิตํ เต นตฺถี’’ติ. ตสฺมิฺจ คเต ทฺวารปาลํ อาห – ‘‘อชฺช อนตฺถงฺคเต เอว สูริเย สพฺพทฺวารานิ ถเกตพฺพานี’’ติ.

สา จ โปกฺขรณี เวสาลิยา ติโยชนมตฺถเก โหติ, ตถาปิ โส ปุริโส มรณภยตชฺชิโต วาตเวเคน ปุพฺพณฺเหเยว ตํ โปกฺขรณึ สมฺปาปุณิ. ‘‘สา จ โปกฺขรณี อมนุสฺสปริคฺคหิตา’’ติ ปเคว สุตตฺตา ภเยน โส ‘‘อตฺถิ นุ โข เอตฺถ โกจิ ปริสฺสโย’’ติ สมนฺตโต อนุปริยายติ. ตํ ทิสฺวา โปกฺขรณิปาลโก อมนุสฺโส กรุณายมานรูโป มนุสฺสรูเปน อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘กิมตฺถํ, โภ ปุริส, อิธาคโตสี’’ติ อาห. โส ตสฺส ตํ ปวตฺตึ กเถสิ. โส ‘‘ยทิ เอวํ ยาวทตฺถํ คณฺหาหี’’ติ อตฺตโน ทิพฺพรูปํ ทสฺเสตฺวา อนฺตรธายิ.

โส ตตฺถ อรุณวณฺณมตฺติกํ รตฺตุปฺปลานิ จ คเหตฺวา อนตฺถงฺคเตเยว สูริเย นครทฺวารํ สมฺปาปุณิ. ตํ ทิสฺวา ทฺวารปาโล ตสฺส วิรวนฺตสฺเสว ทฺวารํ ถเกสิ. โส ถกิเต ทฺวาเร ปเวสนํ อลภนฺโต ทฺวารสมีเป สูเล อาโรปิตํ ปุริสํ ทิสฺวา ‘‘เอเต มยิ อนตฺถงฺคเต เอว สูริเย อาคเต วิรวนฺเต เอวํ ทฺวารํ ถเกสุํ. ‘อหํ กาเลเยว อาคโต, มม ทาโส นตฺถี’ติ ตยาปิ าตํ โหตู’’ติ สกฺขิมกาสิ. ตํ สุตฺวา โส อาห ‘‘อหํ สูเล อาวุโต วชฺโฌ มรณาภิมุโข, กถํ ตว สกฺขิ โหมิ. เอโก ปเนตฺถ เปโต มหิทฺธิโก มม สมีปํ อาคมิสฺสติ, ตํ สกฺขึ กโรหี’’ติ. ‘‘กถํ ปน โส มยา ทฏฺพฺโพ’’ติ? อิเธว ตฺวํ ติฏฺ, ‘‘สยเมว ทกฺขิสฺสสี’’ติ. โส ตตฺถ ิโต มชฺฌิมยาเม ตํ เปตํ อาคตํ ทิสฺวา สกฺขึ อกาสิ. วิภาตาย จ รตฺติยา รฺา ‘‘มม อาณา ตยา อติกฺกนฺตา, ตสฺมา ราชทณฺฑํ เต กริสฺสามี’’ติ วุตฺเต, เทว, มยา ตว อาณา นาติกฺกนฺตา, อนตฺถงฺคเต เอว สูริเย อหํ อิธาคโตติ. ตตฺถ โก เต สกฺขีติ? โส ตสฺส สูลาวุตสฺส ปุริสสฺส สนฺติเก อาคจฺฉนฺตํ นคฺคเปตํ ‘‘สกฺขี’’ติ นิทฺทิสิตฺวา ‘‘กถเมตํ อมฺเหหิ สทฺธาตพฺพ’’นฺติ รฺา วุตฺเต ‘‘อชฺช รตฺติยํ ตุมฺเหหิ สทฺธาตพฺพํ ปุริสํ มยา สทฺธึ เปเสถา’’ติ อาห. ตํ สุตฺวา ราชา สยเมว เตน สทฺธึ ตตฺถ คนฺตฺวา ิโต เปเตน จ ตตฺถาคนฺตฺวา ‘‘ชีว, โภ, ชีวิตเมว เสยฺโย’’ติ วุตฺเต ตํ ‘‘เสยฺยา นิสชฺชา นยิมสฺส อตฺถี’’ติอาทินา ปฺจหิ คาถาหิ ปฏิปุจฺฉิ. อิทานิ อาทิโต ปน ‘‘เวสาลิ นาม นครตฺถิ วชฺชีน’’นฺติ คาถา ตาสํ สมฺพนฺธทสฺสนตฺถํ สงฺคีติกาเรหิ ปิตา –

๕๑๗.

‘‘เวสาลี นาม นครตฺถิ วชฺชีนํ, ตตฺถ อหุ ลิจฺฉวิ อมฺพสกฺกโร;

ทิสฺวาน เปตํ นครสฺส พาหิรํ, ตตฺเถว ปุจฺฉิตฺถ ตํ การณตฺถิโก.

๕๑๘.

‘‘เสยฺยา นิสชฺชา นยิมสฺส อตฺถิ, อภิกฺกโม นตฺถิ ปฏิกฺกโม จ;

อสิตปีตขายิตวตฺถโภคา, ปริจารณา สาปิ อิมสฺส นตฺถิ.

๕๑๙.

‘‘เย าตกา ทิฏฺสุตา สุหชฺชา, อนุกมฺปกา ยสฺส อเหสุํ ปุพฺเพ;

ทฏฺุมฺปิ เต ทานิ น ตํ ลภนฺติ, วิราชิตโต หิ ชเนน เตน.

๕๒๐.

‘‘น โอคฺคตตฺตสฺส ภวนฺติ มิตฺตา, ชหนฺติ มิตฺตา วิกลํ วิทิตฺวา;

อตฺถฺจ ทิสฺวา ปริวารยนฺติ, พหู มิตฺตา อุคฺคตตฺตสฺส โหนฺติ.

๕๒๑.

‘‘นิหีนตฺโต สพฺพโภเคหิ กิจฺโฉ, สมฺมกฺขิโต สมฺปริภินฺนคตฺโต;

อุสฺสาวพินฺทูว ปลิมฺปมานา, อชฺช สุเว ชีวิตสฺสูปโรโธ.

๕๒๒.

‘‘เอตาทิสํ อุตฺตมกิจฺฉปฺปตฺตํ,

อุตฺตาสิตํ ปุจิมนฺทสฺส สูเล;

อถ ตฺวํ เกน วณฺเณน วเทสิ ยกฺข,

‘ชีว โภ ชีวิตเมว เสยฺโย’’’ติ.

๕๑๗. ตตฺถ ตตฺถาติ ตสฺสํ เวสาลิยํ. นครสฺส พาหิรนฺติ นครสฺส พหิ ภวํ, เวสาลินครสฺส พหิ เอว ชาตํ ปวตฺตํ สมฺพนฺธํ. ตตฺเถวาติ ยตฺถ ตํ ปสฺสิ, ตตฺเถว าเน. นฺติ ตํ เปตํ. การณตฺถิโกติ ‘‘ชีว, โภ, ชีวิตเมว เสยฺโย’’ติ วุตฺตอตฺถสฺส การเณน อตฺถิโก หุตฺวา.

๕๑๘. เสยฺยา นิสชฺชา นยิมสฺส อตฺถีติ ปิฏฺิปสารณลกฺขณา เสยฺยา, ปลฺลงฺกาภุชนลกฺขณา นิสชฺชา จ อิมสฺส สูเล อาโรปิตปุคฺคลสฺส นตฺถิ. อภิกฺกโม นตฺถิ ปฏิกฺกโม จาติ อภิกฺกมาทิลกฺขณํ อปฺปมตฺตกมฺปิ คมนํ อิมสฺส นตฺถิ. ปริจาริกา สาปีติ ยา อสิตปีตขายิตวตฺถปริโภคาทิลกฺขณา อินฺทฺริยานํ ปริจารณา, สาปิ อิมสฺส นตฺถิ. ‘‘ปริหรณา สาปี’’ติ วา ปาโ, อสิตาทิปริโภควเสน อินฺทฺริยานํ ปริหรณา, สาปิ อิมสฺส นตฺถิ วิคตชีวิตตฺตาติ อตฺโถ. ‘‘ปริจารณา สาปี’’ติ เกจิ ปนฺติ.

๕๑๙. ทิฏฺสุตา สุหชฺชา, อนุกมฺปกา ยสฺส อเหสุํ ปุพฺเพติ สนฺทิฏฺสหายา เจว อทิฏฺสหายา จ ยสฺส มิตฺตา อนุทฺทยาวนฺโต เย อสฺส อิมสฺส ปุพฺเพ อเหสุํ. ทฏฺุมฺปีติ ปสฺสิตุมฺปิ น ลภนฺติ, กุโต สห วสิตุนฺติ อตฺโถ. วิราชิตตฺโตติ ปริจฺจตฺตสภาโว. ชเนน เตนาติ เตน าติอาทิชเนน.

๕๒๐. น โอคฺคตตฺตสฺส ภวนฺติ มิตฺตาติ อปคตวิฺาณสฺส มตสฺส มิตฺตา นาม น โหนฺติ ตสฺส มิตฺเตหิ กาตพฺพกิจฺจสฺส อติกฺกนฺตตฺตา. ชหนฺติ มิตฺตา วิกลํ วิทิตฺวาติ มโต ตาว ติฏฺตุ, ชีวนฺตมฺปิ โภควิกลํ ปุริสํ วิทิตฺวา ‘‘น อิโต กิฺจิ คยฺหูปค’’นฺติ มิตฺตา ปชหนฺติ. อตฺถฺจ ทิสฺวา ปริวารยนฺตีติ ตสฺส ปน สนฺตกํ อตฺถํ ธนํ ทิสฺวา ปิยวาทิโน มุขุลฺโลกิกา หุตฺวา ตํ ปริวาเรนฺติ. พหู มิตฺตา อุคฺคตตฺตสฺส โหนฺตีติ วิภวสมฺปตฺติยา อุคฺคตสภาวสฺส สมิทฺธสฺส พหู อเนกา มิตฺตา โหนฺติ, อยํ โลกิยสภาโวติ อตฺโถ.

๕๒๑. นิหีนตฺโต สพฺพโภเคหีติ สพฺเพหิ อุปโภคปริโภควตฺถูหิ ปริหีนตฺโต. กิจฺโฉติ ทุกฺขิโต. สมฺมกฺขิโตติ รุหิเรหิ สมฺมกฺขิตสรีโร. สมฺปริภินฺนคตฺโตติ สูเลน อพฺภนฺตเร วิทาลิตคตฺโต. อุสฺสาวพินฺทูว ปลิมฺปมาโนติ ติณคฺเค ลิมฺปมานอุสฺสาวพินฺทุสทิโส. อชฺช สุเวติ อชฺช วา สุเว วา อิมสฺส นาม ปุริสสฺส ชีวิตสฺส อุปโรโธ นิโรโธ, ตโต อุทฺธํ นปฺปวตฺตตีติ อตฺโถ.

๕๒๒. อุตฺตาสิตนฺติ อาวุตํ อาโรปิตํ. ปุจิมนฺทสฺส สูเลติ นิมฺพรุกฺขสฺส ทณฺเฑน กตสูเล. เกน วณฺเณนาติ เกน การเณน. ชีว, โภ, ชีวิตเมว เสยฺโยติ, โภ ปุริส, ชีว. กสฺมา? สูลํ อาโรปิตสฺสาปิ หิ เต อิธ ชีวิตเมว อิโต จุตสฺส ชีวิตโต สตภาเคน สหสฺสภาเคน เสยฺโย สุนฺทรตโรติ.

เอวํ เตน รฺา ปุจฺฉิโต โส เปโต อตฺตโน อธิปฺปายํ ปกาเสนฺโต –

๕๒๓.

‘‘สาโลหิโต เอส อโหสิ มยฺหํ, อหํ สรามิ ปุริมาย ชาติยา;

ทิสฺวา จ เม การุฺมโหสิ ราช, มา ปาปธมฺโม นิรยํ ปตายํ.

๕๒๔.

‘‘อิโต จุโต ลิจฺฉวิ เอส โปโส, สตฺถุสฺสทํ นิรยํ โฆรรูปํ;

อุปปชฺชติ ทุกฺกฏกมฺมการี, มหาภิตาปํ กฏุกํ ภยานกํ.

๕๒๕.

‘‘อเนกภาเคน คุเณน เสยฺโย, อยเมว สูโล นิรเยน เตน;

เอกนฺตทุกฺขํ กฏุกํ ภยานกํ, เอกนฺตติพฺพํ นิรยํ ปตายํ.

๕๒๖.

‘‘อิทฺจ สุตฺวา วจนํ มเมโส, ทุกฺขูปนีโต วิชเหยฺย ปาณํ;

ตสฺมา อหํ สนฺติเก น ภณามิ, มา เมกโต ชีวิตสฺสูปโรโธ’’ติ. –

จตสฺโส คาถา อภาสิ.

๕๒๓. ตตฺถ สาโลหิโต สมานโลหิโต โยนิสมฺพนฺเธน สมฺพนฺโธ, าตโกติ อตฺโถ. ปุริมาย ชาติยาติ ปุริมตฺตภาเว. มา ปาปธมฺโม นิรยํ ปตายนฺติ อยํ ปาปธมฺโม ปุริโส นิรยํ มา ปติ, มา นิรยํ อุปปชฺชีติ อิมํ ทิสฺวา เม การุฺํ อโหสีติ โยชนา.

๕๒๔. สตฺตุสฺสทนฺติ ปาปการีหิ สตฺเตหิ อุสฺสนฺนํ, อถ วา ปฺจวิธพนฺธนํ, มุเข ตตฺตโลหเสจนํ, องฺคารปพฺพตาโรปนํ, โลหกุมฺภิปกฺเขปนํ, อสิปตฺตวนปฺปเวสนํ, เวตฺตรณิยํ สโมตรณํ, มหานิรเย ปกฺเขโปติ. อิเมหิ สตฺตหิ ปฺจวิธพนฺธนาทีหิ ทารุณการเณหิ อุสฺสนฺนํ, อุปรูปริ นิจิตนฺติ อตฺโถ. มหาภิตาปนฺติ มหาทุกฺขํ, มหาอคฺคิสนฺตาปํ วา. กฏุกนฺติ อนิฏฺํ. ภยานกนฺติ ภยชนกํ.

๕๒๕. อเนกภาเคน คุเณนาติ อเนกโกฏฺาเสน อานิสํเสน. อยเมว สูโล นิรเยน เตนาติ ตโต อิมสฺส อุปฺปตฺติฏฺานภูตโต นิรยโต อยเมว สูโล เสยฺโยติ. นิสฺสกฺเก หิ อิทํ กรณวจนํ. เอกนฺต ติพฺพนฺติ เอกนฺเตเนว ติขิณทุกฺขํ, นิยตมหาทุกฺขนฺติ อตฺโถ.

๕๒๖. อิทฺจ สุตฺวา วจนํ มเมโสติ ‘‘อิโต จุโต’’ติอาทินา วุตฺตํ มม วจนํ สุตฺวา เอโส ปุริโส ทุกฺขูปนีโต มม วจเนน นิรยทุกฺขํ อุปนีโต วิย หุตฺวา. วิชเหยฺย ปาณนฺติ อตฺตโน ชีวิตํ ปริจฺจเชยฺย. ตสฺมาติ เตน การเณน. มา เมกโตติ ‘‘มยา เอกโต อิมสฺส ปุริสสฺส ชีวิตสฺส อุปโรโธ มา โหตู’’ติ อิมสฺส สนฺติเก อิทํ วจนํ อหํ น ภณามิ, อถ โข ‘‘ชีว, โภ, ชีวิตเมว เสยฺโย’’ติ อิทเมว ภณามีติ อธิปฺปาโย.

เอวํ เปเตน อตฺตโน อธิปฺปาเย ปกาสิเต ปุน ราชา เปตสฺส ปวตฺตึ ปุจฺฉิตุํ โอกาสํ กโรนฺโต อิมํ คาถมาห –

๕๒๗.

‘‘อฺาโต เอโส ปุริสสฺส อตฺโถ, อฺมฺปิ อิจฺฉามเส ปุจฺฉิตุํ ตุวํ;

โอกาสกมฺมํ สเจ โน กโรสิ, ปุจฺฉาม ตํ โน น จ กุชฺฌิตพฺพ’’นฺติ.

๕๒๘.

‘‘อทฺธา ปฏิฺา เม ตทา อหุ, นาจิกฺขณา อปฺปสนฺนสฺส โหติ;

อกามา สทฺเธยฺยวโจติ กตฺวา, ปุจฺฉสฺสุ มํ กามํ ยถา วิสยฺห’’นฺติ. –

อิมา รฺโ เปตสฺส จ วจนปฏิวจนคาถา.

๕๒๗. ตตฺถ อฺาโตติ อวคโต. อิจฺฉามเสติ อิจฺฉาม. โนติ อมฺหากํ. น จ กุชฺฌิตพฺพนฺติ ‘‘อิเม มนุสฺสา ยํกิฺจิ ปุจฺฉนฺตี’’ติ โกโธ น กาตพฺโพ.

๕๒๘. อทฺธาติ เอกํเสน. ปฏิฺา เมติ าณวเสน มยฺหํ ‘‘ปุจฺฉสฺสู’’ติ ปฏิฺา, โอกาสทานนฺติ อตฺโถ. ตทา อหูติ ตสฺมึ กาเล ปมทสฺสเน อโหสิ. นาจิกฺขณา อปฺปสนฺนสฺส โหตีติ อกถนา อปฺปสนฺนสฺส โหติ. ปสนฺโน เอว หิ ปสนฺนสฺส กิฺจิ กเถติ. ตฺวํ ปน ตทา มยิ อปฺปสนฺโน, อหฺจ ตยิ, เตน ปฏิชานิตฺวา กเถตุกาโม นาโหสิ. อิทานิ ปนาหํ ตุยฺหํ อกามา สทฺเธยฺยวโจ อกาโม เอว สทฺธาตพฺพวจโน อิติ กตฺวา อิมินา การเณน. ปุจฺฉสฺสุ มํ กามํ ยถา วิสยฺหนฺติ ตฺวํ ยถา อิจฺฉสิ, ตมตฺถํ มํ ปุจฺฉสฺสุ. อหํ ปน ยถา วิสยฺหํ ยถา มยฺหํ สหิตุํ สกฺกา, ตถา อตฺตโน าณพลานุรูปํ กเถสฺสามีติ อธิปฺปาโย.

เอวํ เปเตน ปุจฺฉนาย โอกาเส กเต ราชา –

๕๒๙.

‘‘ยํ กิฺจหํ จกฺขุนา ปสฺสิสามิ,

สพฺพมฺปิ ตาหํ อภิสทฺทเหยฺยํ;

ทิสฺวาว ตํ โนปิ เจ สทฺทเหยฺยํ,

กเรยฺยาสิ เม ยกฺข นิยสฺสกมฺม’’นฺติ. –

คาถมาห. ตสฺสตฺโถ – อหํ ยํ กิฺจิเทว จกฺขุนา ปสฺสิสฺสามิ, ตํ สพฺพมฺปิ ตเถว อหํ อภิสทฺทเหยฺยํ, ตํ ปน ทิสฺวาว ตํ วจนํ โนปิ เจ สทฺทเหยฺยํ. ยกฺข, มยฺหํ นิยสฺสกมฺมํ นิคฺคหกมฺมํ กเรยฺยาสีติ. อถ วา ยํ กิฺจหํ จกฺขุนา ปสฺสิสฺสามีติ อหํ ยํ กิฺจิเทว จกฺขุนา ปสฺสิสฺสามิ อจกฺขุโคจรสฺส อทสฺสนโต. สพฺพมฺปิ ตาหํ อภิสทฺทเหยฺยนฺติ สพฺพมฺปิ เต อหํ ทิฏฺํ สุตํ อฺํ วา อภิสทฺทเหยฺยํ. ตาทิโส หิ มยฺหํ ตยิ อภิปฺปสาโทติ อธิปฺปาโย. ปจฺฉิมปทสฺส ปน ยถาวุตฺโตว อตฺโถ.

ตํ สุตฺวา เปโต –

๕๓๐.

‘‘สจฺจปฺปฏิฺา ตว เมสา โหตุ, สุตฺวาน ธมฺมํ ลภ สุปฺปสาทํ;

อฺตฺถิโก โน จ ปทุฏฺจิตฺโต, ยํ เต สุตํ อสุตฺจาปิ ธมฺมํ;

สพฺพมฺปิ อกฺขิสฺสํ ยถา ปชาน’’นฺติ. – คาถมาห; อิโต ปรํ –

๕๓๑.

‘‘เสเตน อสฺเสน อลงฺกเตน, อุปยาสิ สูลาวุตกสฺส สนฺติเก;

ยานํ อิทํ อพฺภุตํ ทสฺสเนยฺยํ, กิสฺเสตํ กมฺมสฺส อยํ วิปาโกติ.

๕๓๒.

‘‘เวสาลิยา นครสฺส มชฺเฌ, จิกฺขลฺลมคฺเค นรกํ อโหสิ;

โคสีสเมกาหํ ปสนฺนจิตฺโต, เสตํ คเหตฺวา นรกสฺมึ นิกฺขิปึ.

๕๓๓.

‘‘เอตสฺมึ ปาทานิ ปติฏฺเปตฺวา, มยฺจ อฺเ จ อติกฺกมิมฺหา;

ยานํ อิทํ อพฺภุตํ ทสฺสเนยฺยํ, ตสฺเสว กมฺมสฺส อยํ วิปาโกติ.

๕๓๔.

‘‘วณฺโณ จ เต สพฺพทิสา ปภาสติ, คนฺโธ จ เต สพฺพทิสา ปวายติ;

ยกฺขิทฺธิปตฺโตสิ มหานุภาโว, นคฺโค จาสิ กิสฺส อยํ วิปาโกติ.

๕๓๕.

‘‘อกฺโกธโน นิจฺจปสนฺนจิตฺโต, สณฺหาหิ วาจาหิ ชนํ อุเปมิ;

ตสฺเสว กมฺมสฺส อยํ วิปาโก, ทิพฺโพ เม วณฺโณ สตตํ ปภาสติ.

๕๓๖.

‘‘ยสฺจ กิตฺติฺจ ธมฺเม ิตานํ, ทิสฺวาน มนฺเตมิ ปสนฺนจิตฺโต;

ตสฺเสว กมฺมสฺส อยํ วิปาโก, ทิพฺโพ เม คนฺโธ สตตํ ปวายติ.

๕๓๗.

‘‘สหายานํ ติตฺถสฺมึ นฺหายนฺตานํ, ถเล คเหตฺวา นิทหิสฺส ทุสฺสํ;

ขิฑฺฑตฺถิโก โน จ ปทุฏฺจิตฺโต, เตนมฺหิ นคฺโค กสิรา จ วุตฺตีติ.

๕๓๘.

‘‘โย กีฬมาโน ปกโรติ ปาปํ, ตสฺเสทิสํ กมฺมวิปากมาหุ;

อกีฬมาโน ปน โย กโรติ, กึ ตสฺส กมฺมสฺส วิปากมาหูติ.

๕๓๙.

‘‘เย ทุฏฺสงฺกปฺปมนา มนุสฺสา, กาเยน วาจาย จ สํกิลิฏฺา;

กายสฺส เภทา อภิสมฺปรายํ, อสํสยํ เต นิรยํ อุเปนฺติ.

๕๔๐.

‘‘อปเร ปน สุคติมาสมานา, ทาเน รตา สงฺคหิตตฺตภาวา;

กายสฺส เภทา อภิสมฺปรายํ, อสํสยํ เต สุคตึ อุเปนฺตี’’ติ. –

เตสํ อุภินฺนํ วจนปฏิวจนคาถา โหนฺติ.

๕๓๐. ตตฺถ สจฺจปฺปฏิฺา ตว เมสา โหตูติ ‘‘สพฺพมฺปิ ตาหํ อภิสทฺทเหยฺย’’นฺติ ตว เอสา ปฏิฺา มยฺหํ สจฺจํ โหตุ. สุตฺวาน ธมฺมํ ลภ สุปฺปสาทนฺติ มยา วุจฺจมานํ ธมฺมํ สุตฺวา สุนฺทรํ ปสาทํ ลภสฺสุ. อฺตฺถิโกติ อาชานนตฺถิโก. ยถา ปชานนฺติ ยถา อฺโปิ ปชานนฺโต, ‘‘ยถาปิ าต’’นฺติ วา มยา ยถา าตนฺติ อตฺโถ.

๕๓๑. กิสฺเสตํ กมฺมสฺส อยํ วิปาโกติ กิสฺเสตํ กิสฺส นาม เอตํ, กิสฺส กมฺมสฺส อยํ วิปาโก. เอตนฺติ วา นิปาตมตฺตํ, กิสฺส กมฺมสฺสาติ โยชนา. ‘‘กิสฺส เต’’ติ จ เกจิ ปนฺติ.

๕๓๒-๓๓. จิกฺขลฺลมคฺเคติ จิกฺขลฺลวติ ปถมฺหิ. นรกนฺติ อาวาฏํ. เอกาหนฺติ เอกํ อหํ. นรกสฺมึ นิกฺขิปินฺติ ยถา กทฺทโม น อกฺกมียติ, เอวํ ตสฺมึ จิกฺขลฺลาวาเฏ เปสึ. ตสฺสาติ ตสฺส โคสีเสน เสตุกรณสฺส.

๕๓๖-๗. ธมฺเม ิตานนฺติ ธมฺมจารีนํ สมจารีนํ. มนฺเตมีติ กเถมิ กิตฺตยามิ. ขิฑฺฑตฺถิโกติ หสาธิปฺปาโย. โน จ ปทุฏฺจิตฺโตติ ทุสฺสสามิเก น ทูสิตจิตฺโต, น อวหรณาธิปฺปาโย นาปิ วินาสาธิปฺปาโยติ อตฺโถ.

๕๓๘. อกีฬมาโนติ อขิฑฺฑาธิปฺปาโย, โลภาทีหิ ทูสิตจิตฺโต. กึ ตสฺส กมฺมสฺส วิปากมาหูติ ตสฺส ตถา กตสฺส ปาปกมฺมสฺส กีว กฏุกํ ทุกฺขวิปากํ ปณฺฑิตา อาหุ.

๕๓๙-๔๐. ทุฏฺสงฺกปฺปมนาติ กามสงฺกปฺปาทิวเสน ทูสิตมโนวิตกฺกา, เอเตน มโนทุจฺจริตมาห. กาเยน วาจาย จ สํกิลิฏฺาติ ปาณาติปาตาทิวเสน กายวาจาหิ มลินา. อาสมานาติ อาสีสมานา ปตฺถยมานา.

เอวํ เปเตน สงฺเขเปเนว กมฺมผเลสุ วิภชิตฺวา ทสฺสิเตสุ ตํ อสทฺทหนฺโต ราชา –

๕๔๑.

‘‘ตํ กินฺติ ชาเนยฺยมหํ อเวจฺจ, กลฺยาณปาปสฺส อยํ วิปาโก;

กึ วาหํ ทิสฺวา อภิสทฺทเหยฺยํ, โก วาปิ มํ สทฺทหาเปยฺย เอต’’นฺติ. –

คาถมาห. ตตฺถ ตํ กินฺติ ชาเนยฺยมหํ อเวจฺจาติ โยยํ ตยา ‘‘เย ทุฏฺสงฺกปฺปมนา มนุสฺสา, กาเยน วาจาย จ สํกิลิฏฺา’’ติอาทินา. ‘‘อปเร ปน สุคติมาสมานา’’ติอาทินา จ กลฺยาณสฺส ปาปสฺส จ กมฺมสฺส วิปาโก วิภชิตฺวา วุตฺโต, ตํ กินฺติ เกน การเณน อหํ อเวจฺจ อปรปจฺจยภาเวน สทฺทเหยฺยํ. กึ วาหํ ทิสฺวา อภิสทฺทเหยฺยนฺติ กีทิสํ วา ปนาหํ ปจฺจกฺขภูตํ นิทสฺสนํ ทิสฺวา ปฏิสทฺทเหยฺยํ. โก วาปิ มํ สทฺทหาเปยฺย เอตนฺติ โก วา วิฺู ปุริโส ปณฺฑิโต เอตมตฺถํ มํ สทฺทหาเปยฺย, ตํ กเถหีติ อตฺโถ.

ตํ สุตฺวา เปโต การเณน ตมตฺถํ ตสฺส ปกาเสนฺโต –

๕๔๒.

‘‘ทิสฺวา จ สุตฺวา อภิสทฺทหสฺสุ, กลฺยาณปาปสฺส อยํ วิปาโก;

กลฺยาณปาเป อุภเย อสนฺเต, สิยา นุ สตฺตา สุคตา ทุคฺคตา วา.

๕๔๓.

‘‘โน เจตฺถ กมฺมานิ กเรยฺยุํ มจฺจา, กลฺยาณปาปานิ มนุสฺสโลเก;

นาเหสุํ สตฺตา สุคตา ทุคฺคตา วา, หีนา ปณีตา จ มนุสฺสโลเก.

๕๔๔.

‘‘ยสฺมา จ กมฺมานิ กโรนฺติ มจฺจา, กลฺยาณปาปานิ มนุสฺสโลเก;

ตสฺมา หิ สตฺตา สุคตา ทุคฺคตา วา, หีนา ปณีตา จ มนุสฺสโลเก.

๕๔๕.

‘‘ทฺวยชฺช กมฺมานํ วิปากมาหุ, สุขสฺส ทุกฺขสฺส จ เวทนียํ;

ตา เทวตาโย ปริจารยนฺติ, ปจฺเจนฺติ พาลา ทฺวยตํ อปสฺสิโน’’ติ. –

คาถา อภาสิ.

๕๔๒. ตตฺถ ทิสฺวา จาติ ปจฺจกฺขโต ทิสฺวาปิ. สุตฺวาติ ธมฺมํ สุตฺวา ตทนุสาเรน นยํ เนนฺโต อนุมินนฺโต. กลฺยาณปาปสฺสาติ กุสลสฺส อกุสลสฺส จ กมฺมสฺส อยํ สุโข อยํ ทุกฺโข จ วิปาโกติ อภิสทฺทหสฺสุ. อุภเย อสนฺเตติ กลฺยาเณ ปาเป จาติ ทุวิเธ กมฺเม อวิชฺชมาเน. สิยา นุ สตฺตา สุคตา ทุคฺคตา วาติ ‘‘อิเม สตฺตา สุคตึ คตา ทุคฺคตึ คตา วา, สุคติยํ วา อฑฺฒา ทุคฺคติยํ ทลิทฺทา วา’’ติ อยมตฺโถ กึ นุ สิยา กถํ สมฺภเวยฺยาติ อตฺโถ.

๕๔๓-๔. อิทานิ ยถาวุตฺตมตฺถํ ‘‘โน เจตฺถ กมฺมานี’’ติ จ ‘‘ยสฺมา จ กมฺมานี’’ติ จ คาถาทฺวเยน พฺยติเรกโต อนฺวยโต จ วิภาเวติ. ตตฺถ หีนา ปณีตาติ กุลรูปาโรคฺยปริวาราทีหิ หีนา อุฬารา จ.

๕๔๕. ทฺวยชฺช กมฺมานํ วิปากมาหูติ ทฺวยํ ทุวิธํ อชฺช อิทานิ กมฺมานํ สุจริตทุจฺจริตานํ วิปากํ วทนฺติ กเถนฺติ. กึ ตนฺติ อาห ‘‘สุขสฺส ทุกฺขสฺส จ เวทนีย’’นฺติ, อิฏฺสฺส จ อนิฏฺสฺส จ อนุภวนโยคฺคํ. ตา เทวตาโย ปริจารยนฺตีติ เย อุกฺกํสวเสน สุขเวทนียํ วิปากํ ปฏิลภนฺติ, เต เทวโลเก ตา เทวตา หุตฺวา ทิพฺพสุขสมปฺปิตา อินฺทฺริยานิ ปริจาเรนฺติ. ปจฺเจนฺติ พาลา ทฺวยตํ อปสฺสิโนติ เย พาลา กมฺมฺจ กมฺมผลฺจาติ ทฺวยํ อปสฺสนฺตา อสทฺทหนฺตา, เต ปาปปฺปสุตา ทุกฺขเวทนียํ วิปากํ อนุภวนฺตา นิรยาทีสุ กมฺมุนา ปจฺเจนฺติ ทุกฺขํ ปาปุณนฺติ.

เอวํ กมฺมผลํ สทฺทหนฺโต ปน ตฺวํ กสฺมา เอวรูปํ ทุกฺขํ ปจฺจนุภวสีติ อนุโยคํ สนฺธาย –

๕๔๖.

‘‘น มตฺถิ กมฺมานิ สยํกตานิ, ทตฺวาปิ เม นตฺถิ โย อาทิเสยฺย;

อจฺฉาทนํ สยนมถนฺนปานํ, เตนมฺหิ นคฺโค กสิรา จ วุตฺตี’’ติ. –

คาถมาห. ตตฺถ น มตฺถิ กมฺมานิ สยํกตานีติ ยสฺมา สยํ อตฺตนา ปุพฺเพ กตานิ ปุฺกมฺมานิ มม นตฺถิ น วิชฺชนฺติ, เยหิ อิทานิ อจฺฉาทนาทีนิ ลเภยฺยํ. ทตฺวาปิ เม นตฺถิ โย อาทิเสยฺยาติ โย สมณพฺราหฺมณานํ ทานํ ทตฺวา ‘‘อสุกสฺส เปตสฺส โหตู’’ติ เม อาทิเสยฺย อุทฺทิเสยฺย, โส นตฺถิ. เตนมฺหิ นคฺโค กสิรา จ วุตฺตีติ เตน ทุวิเธนาปิ การเณน อิทานิ นคฺโค นิจฺโจโฬ อมฺหิ, กสิรา ทุกฺขา จ วุตฺติ ชีวิกา โหตีติ.

ตํ สุตฺวา ราชา ตสฺส อจฺฉาทนาทิลาภํ อากงฺขนฺโต –

๕๔๗.

‘‘สิยา นุ โข การณํ กิฺจิ ยกฺข, อจฺฉาทนํ เยน ตุวํ ลเภถ;

อาจิกฺข เม ตฺวํ ยทตฺถิ เหตุ, สทฺธายิกํ เหตุวโจ สุโณมา’’ติ. –

คาถมาห. ตตฺถ เยนาติ เยน การเณน ตฺวํ อจฺฉาทนํ ลเภถ ลเภยฺยาสิ, กิฺจิ ตํ การณํ สิยา นุ โข ภเวยฺย นุ โขติ อตฺโถ. ยทตฺถีติ ยทิ อตฺถิ.

อถสฺส เปโต ตํ การณํ อาจิกฺขนฺโต –

๕๔๘.

‘‘กปฺปิตโก นาม อิธตฺถิ ภิกฺขุ, ฌายี สุสีโล อรหา วิมุตฺโต;

คุตฺตินฺทฺริโย สํวุตปาติโมกฺโข, สีติภูโต อุตฺตมทิฏฺิปตฺโต.

๕๔๙.

‘‘สขิโล วทฺู สุวโจ สุมุโข, สฺวาคโม สุปฺปฏิมุตฺตโก จ;

ปุฺสฺส เขตฺตํ อรณวิหารี, เทวมนุสฺสานฺจ ทกฺขิเณยฺโย.

๕๕๐.

‘‘สนฺโต วิธูโม อนีโฆ นิราโส, มุตฺโต วิสลฺโล อมโม อวงฺโก;

นิรูปธี สพฺพปปฺจขีโณ, ติสฺโส วิชฺชา อนุปฺปตฺโต ชุติมา.

๕๕๑.

‘‘อปฺปฺาโต ทิสฺวาปิ น จ สุชาโน, มุนีติ นํ วชฺชิสุ โวหรนฺติ;

ชานนฺติ ตํ ยกฺขภูตา อเนชํ, กลฺยาณธมฺมํ วิจรนฺตํ โลเก.

๕๕๒.

‘‘ตสฺส ตุวํ เอกยุคํ ทุเว วา, มมุทฺทิสิตฺวาน สเจ ทเทถ;

ปฏิคฺคหีตานิ จ ตานิ อสฺสุ, มมฺจ ปสฺเสถ สนฺนทฺธทุสฺส’’นฺติ. –

คาถา อภาสิ.

๕๔๘. ตตฺถ กปฺปิตโต นามาติ ชฏิลสหสฺสสฺส อพฺภนฺตเร อายสฺมโต อุปาลิตฺเถรสฺส อุปชฺฌายํ สนฺธาย วทติ. อิธาติ อิมิสฺสา เวสาลิยา สมีเป. ฌายีติ อคฺคผลฌาเนน ฌายี. สีติภูโตติ สพฺพกิเลสทรถปริฬาหวูปสเมน สีติภาวปฺปตฺโต. อุตฺตมทิฏฺิปตฺโตติ อุตฺตมํ อคฺคผลํ สมฺมาทิฏฺึ ปตฺโต.

๕๔๙. สขิโลติ มุทุ. สุวโจติ สุพฺพโจ. สฺวาคโมติ สุฏฺุ อาคตาคโม. สุปฺปฏิมุตฺตโกติ สุฏฺุ ปฏิมุตฺตกวาโจ, มุตฺตภาณีติ อตฺโถ. อรณวิหารีติ เมตฺตาวิหารี.

๕๕๐. สนฺโตติ อุปสนฺตกิเลโส. วิธูโมติ วิคตมิจฺฉาวิตกฺกธูโม. อนีโฆติ นิทฺทุกฺโข. นิราโสติ นิตฺตณฺโห. มุตฺโตติ สพฺพภเวหิ วิมุตฺโต. วิสลฺโลติ วีตราคาทิสลฺโล. อมโมติ มมํการวิรหิโต. อวงฺโกติ กายวงฺกาทิวงฺกวิรหิโต. นิรูปธีติ กิเลสาภิสงฺขาราทิอุปธิปฺปหายี. สพฺพปปฺจขีโณติ ปริกฺขีณตณฺหาทิปปฺโจ. ชุติมาติ อนุตฺตราย าณชุติยา ชุติมา. อปฺปฺาโตติ ปรมปฺปิจฺฉตาย ปฏิจฺฉนฺนคุณตาย จ น ปากโฏ.

๕๕๑. ทิสฺวาปิ น จ สุชาโนติ คมฺภีรภาเวน ทิสฺวาปิ ‘‘เอวํสีโล, เอวํธมฺโม, เอวํปฺโ’’ติ น สุวิฺเยฺโย. ชานนฺติ ตํ ยกฺขภูตา อเนชนฺติ ยกฺขภูตา จ อเนชํ นิตฺตณฺหํ ‘‘อรหา’’ติ ตํ ชานนฺติ. กลฺยาณธมฺมนฺติ สุนฺทรสีลาทิคุณํ.

๕๕๒. ตสฺสาติ ตสฺส กปฺปิตกมหาเถรสฺส. เอกยุคนฺติ เอกํ วตฺถยุคํ. ทุเว วาติ ทฺเว วา วตฺถยุคานิ. มมุทฺทิสิตฺวานาติ มมํ อุทฺทิสิตฺวา. ปฏิคฺคหีตานิ ตานิ อสฺสูติ ตานิ วตฺถยุคานิ เตน ปฏิคฺคหิตานิ จ อสฺสุ ภเวยฺยุํ. สนฺนทฺธทุสฺสนฺติ ทุสฺเสน กตสนฺนาหํ, ลทฺธวตฺถํ นิวตฺถปารุตทุสฺสนฺติ อตฺโถ.

ตโต ราชา –

๕๕๓.

‘‘กสฺมึ ปเทเส สมณํ วสนฺตํ, คนฺตฺวาน ปสฺเสมุ มยํ อิทานิ;

โย มชฺช กงฺขํ วิจิกิจฺฉิตฺจ, ทิฏฺีวิสูกานิ วิโนทเยยฺยา’’ติ. –

เถรสฺส วสนฏฺานํ ปุจฺฉิ. ตตฺถ กสฺมึ ปเทเสติ กตรสฺมึ ปเทเส. โย มชฺชาติ โย อชฺช, ม-กาโร ปทสนฺธิกโร.

ตโต เปโต –

๕๕๔.

‘‘เอโส นิสินฺโน กปินจฺจนายํ, ปริวาริโต เทวตาหิ พหูหิ;

ธมฺมึ กถํ ภาสติ สจฺจนาโม, สกสฺมิมาเจรเก อปฺปมตฺโต’’ติ. –

คาถมาห. ตตฺถ กปินจฺจนายนฺติ กปีนํ วานรานํ นจฺจเนน ‘‘กปินจฺจนา’’ติ ลทฺธโวหาเร ปเทเส. สจฺจนาโมติ ฌายี สุสีโล อรหา วิมุตฺโตติอาทีหิ คุณนาเมหิ ยาถาวนาโม อวิปรีตนาโม.

เอวํ เปเตน วุตฺเต ราชา ตาวเทว เถรสฺส สนฺติกํ คนฺตุกาโม –

๕๕๕.

‘‘ตถาหํ กสฺสามิ คนฺตฺวา อิทานิ, อจฺฉาทยิสฺสํ สมณํ ยุเคน;

ปฏิคฺคหีตานิ จ ตานิ อสฺสุ, ตุวฺจ ปสฺเสมุ สนฺนทฺธทุสฺส’’นฺติ. –

คาถมาห. ตตฺถ กสฺสามีติ กริสฺสามิ.

อถ เปโต ‘‘เทวตานํ เถโร ธมฺมํ เทเสติ, ตสฺมา นายํ อุปสงฺกมนกาโล’’ติ ทสฺเสนฺโต –

๕๕๖.

‘‘มา อกฺขเณ ปพฺพชิตํ อุปาคมิ, สาธุ โว ลิจฺฉวิ เนส ธมฺโม;

ตโต จ กาเล อุปสงฺกมิตฺวา, ตตฺเถว ปสฺสาหิ รโห นิสินฺน’’นฺติ. –

คาถมาห. ตตฺถ สาธูติ อายาจเน นิปาโต. โว ลิจฺฉวิ เนส ธมฺโมติ, ลิจฺฉวิราช, ตุมฺหากํ ราชูนํ เอส ธมฺโม น โหติ, ยํ อกาเล อุปสงฺกมนํ. ตตฺเถวาติ ตสฺมึเยว าเน.

เอวํ เปเตน วุตฺเต ราชา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา อตฺตโน นิเวสนเมว คนฺตฺวา ปุน ยุตฺตปตฺตกาเล อฏฺ วตฺถุยุคานิ คาหาเปตฺวา เถรํ อุปสงฺกมิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺโน ปฏิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘อิมานิ, ภนฺเต, อฏฺ วตฺถยุคานิ ปฏิคฺคณฺหา’’ติ อาห. ตํ สุตฺวา เถโร กถาสมุฏฺาปนตฺถํ ‘‘มหาราช, ปุพฺเพ ตฺวํ อทานสีโล สมณพฺราหฺมณานํ วิเหนชาติโกว กถํ ปณีตานิ วตฺถานิ ทาตุกาโม ชาโต’’ติ อาห. ตํ สุตฺวา ราชา ตสฺส การณํ อาจิกฺขนฺโต เปเตน สมาคมํ, เตน จ อตฺตนา จ กถิตํ สพฺพํ เถรสฺส อาโรเจตฺวา วตฺถานิ ทตฺวา เปตสฺส อุทฺทิสิ. เตน เปโต ทิพฺพวตฺถธโร อลงฺกตปฏิยตฺโต อสฺสารุฬฺโห เถรสฺส จ รฺโ จ ปุรโต ปาตุภวิ. ตํ ทิสฺวา ราชา อตฺตมโน ปมุทิโต ปีติโสมนสฺสชาโต ‘‘ปจฺจกฺขโต วต มยา กมฺมผลํ ทิฏฺํ, น ทานาหํ ปาปํ กริสฺสามิ, ปุฺเมว กริสฺสามี’’ติ วตฺวา เตน เปเตน สกฺขึ อกาสิ. โส จ เปโต ‘‘สเจ, ตฺวํ ลิจฺฉวิราช, อิโต ปฏฺาย อธมฺมํ ปหาย ธมฺมํ จรสิ, เอวาหํ ตว สกฺขึ กริสฺสามิ, สนฺติกฺจ เต อาคมิสฺสามิ, สูลาวุตฺจ ปุริสํ สีฆํ สูลโต โมเจหิ, เอวํ โส ชีวิตํ ลภิตฺวา ธมฺมํ จรนฺโต ทุกฺขโต มุจฺจิสฺสติ, เถรฺจ กาเลน กาลํ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ สุณนฺโต ปุฺานิ กโรหี’’ติ วตฺวา คโต.

อถ ราชา เถรํ วนฺทิตฺวา นครํ ปวิสิตฺวา สีฆํ สีฆํ ลิจฺฉวิปริสํ สนฺนิปาเตตฺวา เต อนุชานาเปตฺวา ตํ ปุริสํ สูลโต โมเจตฺวา ‘‘อิมํ อโรคํ กโรถา’’ติ ติกิจฺฉเก อาณาเปสิ. เถรฺจ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘สิยา นุ โข, ภนฺเต, นิรยคามิกมฺมํ กตฺวา ิตสฺส นิรยโต มุตฺตี’’ติ. สิยา, มหาราช, สเจ อุฬารํ ปุฺํ กโรติ, มุจฺจตีติ วตฺวา เถโร ราชานํ สรเณสุ จ สีเลสุ จ ปติฏฺาเปสิ. โส ตตฺถ ปติฏฺิโต เถรสฺส โอวาเท ตฺวา โสตาปนฺโน อโหสิ, สูลาวุโต ปน ปุริโส อโรโค หุตฺวา สํเวคชาโต ภิกฺขูสุ ปพฺพชิตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. ตมตฺถํ ทสฺเสนฺตา สงฺคีติการา –

๕๕๗.

‘‘ตถาติ วตฺวา อคมาสิ ตตฺถ, ปริวาริโต ทาสคเณน ลิจฺฉวิ;

โส ตํ นครํ อุปสงฺกมิตฺวา, วาสูปคจฺฉิตฺถ สเก นิเวสเน.

๕๕๘.

‘‘ตโต จ กาเล คิหิกิจฺจานิ กตฺวา,

นฺหตฺวา ปิวิตฺวา จ ขณํ ลภิตฺวา;

วิเจยฺย เปฬาโต จ ยุคานิ อฏฺ,

คาหาปยี ทาสคเณน ลิจฺฉวิ.

๕๕๙.

‘‘โส ตํ ปเทสํ อุปสงฺกมิตฺวา, ตํ อทฺทส สมณํ สนฺตจิตฺตํ;

ปฏิกฺกนฺตํ โคจรโต นิวตฺตํ, สีติภูตํ รุกฺขมูเล นิสินฺนํ.

๕๖๐.

‘‘ตเมนมโวจ อุปสงฺกมิตฺวา, อปฺปาพาธํ ผาสุวิหารฺจ ปุจฺฉิ;

เวสาลิยํ ลิจฺฉวิหํ ภทนฺเต, ชานนฺติ มํ ลิจฺฉวิ อมฺพสกฺกโร.

๕๖๑.

‘‘อิมานิ เม อฏฺ ยุคา สุภานิ, ปฏิคฺคณฺห ภนฺเต ปททามิ ตุยฺหํ;

เตเนว อตฺเถน อิธาคโตสฺมิ, ยถา อหํ อตฺตมโน ภเวยฺยนฺติ.

๕๖๒.

‘‘ทูรโตว สมณา พฺราหฺมณา จ, นิเวสนํ เต ปริวชฺชยนฺติ;

ปตฺตานิ ภิชฺชนฺติ จ เต นิเวสเน, สงฺฆาฏิโย จาปิ วิทาลยนฺติ.

๕๖๓.

‘‘อถาปเร ปาทกุาริกาหิ, อวํสิรา สมณา ปาตยนฺติ;

เอตาทิสํ ปพฺพชิตา วิเหสํ, ตยา กตํ สมณา ปาปุณนฺติ.

๕๖๔.

‘‘ติเณน เตลมฺปิ น ตฺวํ อทาสิ, มูฬฺหสฺส มคฺคมฺปิ น ปาวทาสิ;

อนฺธสฺส ทณฺฑํ สยมาทิยาสิ, เอตาทิโส กทริโย อสํวุโต ตุวํ;

อถ ตฺวํ เกน วณฺเณน กิเมว ทิสฺวา, อมฺเหหิ สห สํวิภาคํ กโรสีติ.

๕๖๕.

‘‘ปจฺเจมิ ภนฺเต ยํ ตฺวํ วเทสิ, วิเหสยึ สมเณ พฺราหฺมเณ จ;

ขิฑฺฑตฺถิโก โน จ ปทุฏฺจิตฺโต, เอตมฺปิ เม ทุกฺกฏเมว ภนฺเต.

๕๖๖.

ขิฑฺฑาย ยกฺโข ปสวิตฺวา ปาปํ, เวเทติ ทุกฺขํ อสมตฺตโภคี;

ทหโร ยุวา นคฺคนิยสฺส ภาคี, กึ สุ ตโต ทุกฺขตรสฺส โหติ.

๕๖๗.

‘‘ตํ ทิสฺวา สํเวคมลตฺถํ ภนฺเต, ตปฺปจฺจยา วาปิ ททามิ ทานํ;

ปฏิคฺคณฺห ภนฺเต วตฺถยุคานิ อฏฺ, ยกฺขสฺสิมา คจฺฉนฺตุ ทกฺขิณาโยติ.

๕๖๘.

‘‘อทฺธา หิ ทานํ พหุธา ปสตฺถํ, ททโต จ เต อกฺขยธมฺมมตฺถุ;

ปฏิคณฺหามิ เต วตฺถยุคานิ อฏฺ, ยกฺขสฺสิมา คจฺฉนฺตุ ทกฺขิณาโยติ.

๕๖๙.

‘‘ตโต หิ โส อาจมยิตฺวา ลิจฺฉวิ, เถรสฺส ทตฺวาน ยุคานิ อฏฺ;

ปฏิคฺคหีตานิ จ ตานิ อสฺสุ, ยกฺขฺจ ปสฺเสถ สนฺนทฺธทุสฺสํ.

๕๗๐.

‘‘ตมทฺทสา จนฺทนสารลิตฺตํ, อาชฺมารูฬฺหมุฬารวณฺณํ;

อลงฺกตํ สาธุนิวตฺถทุสฺสํ, ปริวาริตํ ยกฺขมหิทฺธิปตฺตํ.

๕๗๑.

‘‘โส ตํ ทิสฺวา อตฺตมโน อุทคฺโค, ปหฏฺจิตฺโต จ สุภคฺครูโป;

กมฺมฺจ ทิสฺวาน มหาวิปากํ, สนฺทิฏฺิกํ จกฺขุนา สจฺฉิกตฺวา.

๕๗๒.

‘‘ตเมนมโวจ อุปสงฺกมิตฺวา, ทสฺสามิ ทานํ สมณพฺราหฺมณานํ;

น จาปิ เม กิฺจิ อเทยฺยมตฺถิ, ตุวฺจ เม ยกฺข พหูปกาโรติ.

๕๗๓.

‘‘ตุวฺจ เม ลิจฺฉวิ เอกเทสํ, อทาสิ ทานานิ อโมฆเมตํ;

สฺวาหํ กริสฺสามิ ตยาว สกฺขึ, อมานุโส มานุสเกน สทฺธินฺติ.

๕๗๔.

‘‘คตี จ พนฺธู จ ปรายณฺจ, มิตฺโต มมาสิ อถ เทวตา เม;

ยาจามิ ตํ ปฺชลิโก ภวิตฺวา, อิจฺฉามิ ตํ ยกฺข ปุนปิ ทฏฺุนฺติ.

๕๗๕.

‘‘สเจ ตุวํ อสฺสทฺโธ ภวิสฺสสิ, กทริยรูโป วิปฺปฏิปนฺนจิตฺโต;

ตฺวํ เนว มํ ลจฺฉสิ ทสฺสนาย, ทิสฺวา จ ตํ โนปิ จ อาลปิสฺสํ.

๕๗๖.

‘‘สเจ ปน ตฺวํ ภวิสฺสสิ ธมฺมคารโว, ทาเน รโต สงฺคหิตตฺตภาโว;

โอปานภูโต สมณพฺราหฺมณานํ, เอวํ มมํ ลจฺฉสิ ทสฺสนาย.

๕๗๗.

‘‘ทิสฺวา จ ตํ อาลปิสฺสํ ภทนฺเต, อิมฺจ สูลโต ลหุํ ปมุฺจ;

ยโตนิทานํ อกริมฺห สกฺขึ, มฺามิ สูลาวุตกสฺส การณา.

๕๗๘.

‘‘เต อฺมฺํ อกริมฺห สกฺขึ, อยฺจ สูลโต ลหุํ ปมุตฺโต;

สกฺกจฺจ ธมฺมานิ สมาจรนฺโต, มุจฺเจยฺย โส นิรยา จ ตมฺหา;

กมฺมํ สิยา อฺตฺร เวทนียํ.

๕๗๙.

‘‘กปฺปิตกฺจ อุปสงฺกมิตฺวา, เตเนว สห สํวิภชิตฺวา กาเล;

สยํ มุเขนูปนิสชฺช ปุจฺฉ, โส เต อกฺขิสฺสติ เอตมตฺถํ.

๕๘๐.

‘‘ตเมว ภิกฺขุํ อุปสงฺกมิตฺวา, ปุจฺฉสฺสุ อฺตฺถิโก โน จ ปทุฏฺจิตฺโต;

โส เต สุตํ อสุตฺจาปิ ธมฺมํ, สพฺพมฺปิ อกฺขิสฺสติ ยถา ปชานนฺติ.

๕๘๑.

‘‘โส ตตฺถ รหสฺสํ สมุลฺลปิตฺวา, สกฺขึ กริตฺวาน อมานุเสน;

ปกฺกามิ โส ลิจฺฉวินํ สกาสํ, อถ พฺรวิ ปริสํ สนฺนิสินฺนํ.

๕๘๒.

‘‘‘สุณนฺตุ โภนฺโต มม เอกวากฺยํ, วรํ วริสฺสํ ลภิสฺสามิ อตฺถํ;

สูลาวุโต ปุริโส ลุทฺทกมฺโม, ปณิหิตทณฺโฑ อนุสตฺตรูโป.

๕๘๓.

‘‘‘เอตฺตาวตา วีสติรตฺติมตฺตา, ยโต อาวุโต เนว ชีวติ น มโต;

ตาหํ โมจยิสฺสามิ ทานิ, ยถามตึ อนุชานาตุ สงฺโฆ’ติ.

๕๘๔.

‘‘‘เอตฺจ อฺฺจ ลหุํ ปมุฺจ, โก ตํ วเทถ ตถา กโรนฺตํ;

ยถา ปชานาสิ ตถา กโรหิ, ยถามตึ อนุชานาติ สงฺโฆ’ติ.

๕๘๕.

‘‘โส ตํ ปเทสํ อุปสงฺกมิตฺวา, สูลาวุตํ โมจยิ ขิปฺปเมว;

มา ภายิ สมฺมาติ จ ตํ อโวจ, ติกิจฺฉกานฺจ อุปฏฺเปสิ.

๕๘๖.

‘‘กปฺปิตกฺจ อุปสงฺกมิตฺวา, เตเนว สห สํวิภชิตฺวา กาเล;

สยํ มุเขนูปนิสชฺช ลิจฺฉวิ, ตเถว ปุจฺฉิตฺถ นํ การณตฺถิโก.

๕๘๗.

‘‘สูลาวุโต ปุริโส ลุทฺทกมฺโม, ปณีตทณฺโฑ อนุสตฺตรูโป;

เอตฺตาวตา วีสติรตฺติมตฺตา, ยโต อาวุโต เนว ชีวติ น มโต.

๕๘๘.

‘‘โส โมจิโต คนฺตฺวา มยา อิทานิ, เอตสฺส ยกฺขสฺส วโจ หิ ภนฺเต;

สิยา นุ โข การณํ กิฺจิเทว, เยน โส นิรยํ โน วเชยฺย.

๕๘๙.

‘‘อาจิกฺข ภนฺเต ยทิ อตฺถิ เหตุ, สทฺธายิกํ เหตุวโจ สุโณม;

น เตสํ กมฺมานํ วินาสมตฺถิ, อเวทยิตฺวา อิธ พฺยนฺติภาโวติ.

๕๙๐.

‘‘สเจ ส ธมฺมานิ สมาจเรยฺย, สกฺกจฺจ รตฺตินฺทิวมปฺปมตฺโต;

มุจฺเจยฺย โส นิรยา จ ตมฺหา, กมฺมํ สิยา อฺตฺร เวทนียนฺติ.

๕๙๑.

‘‘อฺาโต เอโส ปุริสสฺส อตฺโถ, มมมฺปิ ทานิ อนุกมฺป ภนฺเต;

อนุสาส มํ โอวท ภูริปฺ, ยถา อหํ โน นิรยํ วเชยฺยนฺติ.

๕๙๒.

‘‘อชฺเชว พุทฺธํ สรณํ อุเปหิ, ธมฺมฺจ สงฺฆฺจ ปสนฺนจิตฺโต;

ตเถว สิกฺขาย ปทานิ ปฺจ, อขณฺฑผุลฺลานิ สมาทิยสฺสุ.

๕๙๓.

‘‘ปาณาติปาตา วิรมสฺสุ ขิปฺปํ, โลเก อทินฺนํ ปริวชฺชยสฺสุ;

อมชฺชโป มา จ มุสา อภาณี, สเกน ทาเรน จ โหติ ตุฏฺโ;

อิมฺจ อริยํ อฏฺงฺควเรนุเปตํ, สมาทิยาหิ กุสลํ สุขุทฺรยํ.

๕๙๔.

‘‘จีวรํ ปิณฺฑปาตฺจ, ปจฺจยํ สยนาสนํ;

อนฺนํ ปานํ ขาทนียํ, วตฺถเสนาสนานิ จ;

ททาหิ อุชุภูเตสุ, วิปฺปสนฺเนน เจตสา.

๕๙๕.

‘‘ภิกฺขูปิ สีลสมฺปนฺเน, วีตราเค พหุสฺสุเต;

ตปฺเปหิ อนฺนปาเนน, สทา ปุฺํ ปวฑฺฒติ.

๕๙๖.

‘‘เอวฺจ ธมฺมานิ สมาจรนฺโต, สกฺกจฺจ รตฺตินฺทิวมปฺปมตฺโต;

มุฺจ ตุวํ นิรยา จ ตมฺหา, กมฺมํ สิยา อฺตฺร เวทนียนฺติ.

๕๙๗.

‘‘อชฺเชว พุทฺธํ สรณํ อุเปมิ, ธมฺมฺจ สงฺฆฺจ ปสนฺนจิตฺโต;

ตเถว สิกฺขาย ปทานิ ปฺจ, อขณฺฑผุลฺลานิ สมาทิยามิ.

๕๙๘.

‘‘ปาณาติปาตา วิรมามิ ขิปฺปํ, โลเก อทินฺนํ ปริวชฺชยามิ;

อมชฺชโป โน จ มุสา ภณามิ, สเกน ทาเรน จ โหมิ ตุฏฺโ;

อิมฺจ อริยํ อฏฺงฺควเรนุเปตํ, สมาทิยามิ กุสลํ สุขุทฺรยํ.

๕๙๙.

‘‘จีวรํ ปิณฺฑปาตฺจ, ปจฺจยํ สยนาสนํ;

อนฺนํ ปานํ ขาทนียํ, วตฺถเสนาสนานิ จ.

๖๐๐.

‘‘ภิกฺขู จ สีลสมฺปนฺเน, วีตราเค พหุสฺสุเต;

ททามิ น วิกมฺปามิ, พุทฺธานํ สาสเน รโตติ.

๖๐๑.

‘‘เอตาทิโส ลิจฺฉวิ อมฺพสกฺกโร, เวสาลิยํ อฺตโร อุปาสโก;

สทฺโธ มุทู การกโร จ ภิกฺขุ, สงฺฆฺจ สกฺกจฺจ ตทา อุปฏฺหิ.

๖๐๒.

‘‘สูลาวุโต จ อโรโค หุตฺวา, เสรี สุขี ปพฺพชฺชํ อุปาคมิ;

ภิกฺขุฺจ อาคมฺม กปฺปิตกุตฺตมํ, อุโภปิ สามฺผลานิ อชฺฌคุํ.

๖๐๓.

‘‘เอตาทิสา สปฺปุริสาน เสวนา, มหปฺผลา โหติ สตํ วิชานตํ;

สูลาวุโต อคฺคผลํ อผสฺสยิ, ผลํ กนิฏฺํ ปน อมฺพสกฺกโร’’ติ. –

คาถาโย อโวจุํ.

๕๕๗-๕๖๐. ตตฺถ วาสูปคจฺฉิตฺถาติ วาสํ อุปคจฺฉิ. คิหิกิจฺจานีติ เคหํ อาวสนฺเตน กาตพฺพกุฏุมฺพกิจฺจานิ. วิเจยฺยาติ สุนฺทรวตฺถคหณตฺถํ วิจินิตฺวา. ปฏิกฺกนฺตนฺติ ปิณฺฑปาตโต ปฏิกฺกนฺตํ. เตนาห ‘‘โคจรโต นิวตฺต’’นฺติ. อโวจาติ ‘‘เวสาลิยํ ลิจฺฉวิหํ, ภทนฺเต’’ติอาทิกํ อโวจ.

๕๖๒-๓. วิทาลยนฺตีติ วิผาลยนฺติ. ปาทกุาริกาหีติ ปาทสงฺขาตาหิ กุารีหิ. ปาตยนฺตีติ ปริปาตยนฺติ.

๕๖๔. ติเณนาติ ติณคฺเคนาปิ. มูฬฺหสฺส มคฺคมฺปิ น ปาวทาสีติ มคฺคมูฬฺหสฺส มคฺคมฺปิ ตฺวํ น กถยสิ ‘‘เอวายํ ปุริสา อิโต จิโต จ ปริพฺภมตู’’ติ. เกฬีสีโล หิ อยํ ราชา. สยมาทิยาสีติ อนฺธสฺส หตฺถโต ยฏฺึ สยเมว อจฺฉินฺทิตฺวา คณฺหสิ. สํวิภาคํ กโรสีติ อตฺตนา ปริภุฺชิตพฺพวตฺถุโต เอกจฺจานิ ทตฺวา สํวิภชสิ.

๕๖๕. ปจฺเจมิ, ภนฺเต, ยํ ตฺวํ วเทสีติ ‘‘ภนฺเต, ตฺวํ ปตฺตานิ ภิชฺชนฺตี’’ติอาทินา ยํ วเทสิ, ตํ ปฏิชานามิ, สพฺพเมเวตํ มยา กตํ การาปิตฺจาติ ทสฺเสติ. เอตมฺปีติ เอตํ ขิฑฺฑาธิปฺปาเยน กตมฺปิ.

๕๖๖-๗. ขิฑฺฑาติ ขิฑฺฑาย. ปสวิตฺวาติ อุปจินิตฺวา. เวเทตีติ อนุภวติ. อสมตฺตโภคีติ อปริปุณฺณโภโค. ตเมว อปริปุณฺณโภคตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ทหโร ยุวา’’ติอาทิ วุตฺตํ. นคฺคนิยสฺสาติ นคฺคภาวสฺส. กึ สุ ตโต ทุกฺขตรสฺส โหตีติ กึ สุ นาม ตโต นคฺคภาวโต ทุกฺขตรํ อสฺส เปตสฺส โหติ. ยกฺขสฺสิมา คจฺฉนฺตุ ทกฺขิณาโยติ อิมา มยา ทิยฺยมานวตฺถทกฺขิณาโย เปตสฺส อุปกปฺปนฺตุ.

๕๖๘-๗๒. พหุธา ปสตฺถนฺติ พหูหิ ปกาเรหิ พุทฺธาทีหิ วณฺณิตํ. อกฺขยธมฺมมตฺถูติ อปริกฺขยธมฺมํ โหตุ. อาจมยิตฺวาติ หตฺถปาทโธวนปุพฺพกํ มุขํ วิกฺขาเลตฺวา. จนฺทนสารลิตฺตนฺติ สารภูตจนฺทนลิตฺตํ. อุฬารวณฺณนฺติ เสฏฺรูปํ. ปริวาริตนฺติ อนุกุลวุตฺตินา ปริชเนน ปริวาริตํ. ยกฺขมหิทฺธิปตฺตนฺติ มหตึ ยกฺขิทฺธึ, เทวิทฺธึ ปตฺวา ิตํ. ตเมนมโวจาติ ตเมนํ อโวจ.

๕๗๓. เอกเทสํ อทาสีติ จตูสุ ปจฺจเยสุ เอกเทสภูตํ วตฺถทานํ สนฺธาย วทติ. สกฺขินฺติ สกฺขิภาวํ.

๕๗๔. มมาสีติ เม อาสิ. เทวตา เมติ มยฺหํ เทวตา อาสีติ โยชนา.

๕๗๕-๗. วิปฺปฏิปนฺนจิตฺโตติ มิจฺฉาทิฏฺึ ปฏิปนฺนมานโส, ธมฺมิยํ ปฏิปทํ ปหาย อธมฺมิยํ ปฏิปทํ ปฏิปนฺโนติ อตฺโถ. ยโตนิทานนฺติ ยนฺนิมิตฺตํ ยสฺส สนฺติกํ อาคมนเหตุ.

๕๗๙. สํวิภชิตฺวาติ ทานสํวิภาคํ กตฺวา. สยํ มุเขนูปนิสชฺช ปุจฺฉาติ อฺเ ปุริเส อเปเสตฺวา อุปินิสีทิตฺวา สมฺมุเขเนว ปุจฺฉ.

๕๘๑-๓. สนฺนิสินฺนนฺติ สนฺนิปติตวเสน นิสินฺนํ. ลภิสฺสามิ อตฺถนฺติ มยา อิจฺฉิตมฺปิ อตฺถํ ลภิสฺสามิ. ปณิหิตทณฺโฑติ ปิตสรีรทณฺโฑ. อนุสตฺตรูโปติ ราชินิ อนุสตฺตสภาโว. วีสติรตฺติมตฺตาติ วีสติมตฺตา รตฺติโย อติวตฺตาติ อตฺโถ. ตาหนฺติ ตํ อหํ. ยถามตินฺติ มยฺหํ ยถารุจิ.

๕๘๔. เอตฺจ อฺฺจาติ เอตํ สูเล อาวุตํ ปุริสํ อฺฺจ ยสฺส ราชาณา ปณิหิตา, ตฺจ. ลหุํ ปมุฺจาติ สีฆํ โมเจหิ. โก ตํ วเทถ ตถา กโรนฺตนฺติ ตถา ธมฺมิยกมฺมํ กโรนฺตํ ตํ อิมสฺมึ วชฺชิรฏฺเ โก นาม ‘‘น ปโมเจหี’’ติ วเทยฺย, เอวํ วตฺตุํ โกจิปิ น ลภตีติ อตฺโถ.

๕๘๕. ติกิจฺฉกานฺจาติ ติกิจฺฉเก จ.

๕๘๘. ยกฺขสฺส วโจติ เปตสฺส วจนํ, ตสฺส, ภนฺเต, เปตสฺส วจเนน เอวมกาสินฺติ ทสฺเสติ.

๕๙๐. ธมฺมานีติ ปุพฺเพ กตํ ปาปกมฺมํ อภิภวิตุํ สมตฺเถ ปุฺธมฺเม. กมฺมํ สิยา อฺตฺร เวทนียนฺติ ยํ ตสฺมึ ปาปกมฺเม อุปปชฺชเวทนียํ, ตํ อโหสิกมฺมํ นาม โหติ. ยํ ปน อปรปริยายเวทนียํ, ตํ อฺตฺร อปรปริยาเย เวทยิตพฺพผลํ โหติ สติ สํสารปฺปวตฺติยนฺติ อตฺโถ.

๕๙๓. อิมฺจาติ อตฺตนา วุจฺจมานํ ตาย อาสนฺนํ ปจฺจกฺขํ วาติ กตฺวา วุตฺตํ. อริยํ อฏฺงฺควเรนุเปตนฺติ ปริสุทฺธฏฺเน อริยํ, ปาณาติปาตาเวรมณิอาทีหิ อฏฺหิ องฺเคหิ อุเปตํ ยุตฺตํ อุตฺตมํ อุโปสถสีลํ. กุสลนฺติ อนวชฺชํ. สุขุทฺรยนฺติ สุขวิปากํ.

๕๙๕. สทา ปุฺํ ปวฑฺฒตีติ สกิเทว ปุฺํ กตฺวา ‘‘อลเมตฺตาวตา’’ติ อปริตุฏฺโ หุตฺวา อปราปรํ สุจริตํ ปูเรนฺตสฺส สพฺพกาลํ ปุฺํ อภิวฑฺฒติ, อปราปรํ วา สุจริตํ ปูเรนฺตสฺส ปุฺสงฺขาตํ ปุฺผลํ อุปรูปริ วฑฺฒติ ปริปูเรตีติ อตฺโถ.

๕๙๗. เอวํ เถเรน วุตฺเต ราชา อปายทุกฺขโต อุตฺรสฺตจิตฺโต รตนตฺตเย ปุฺธมฺเม จ อภิวฑฺฒมานปสาโท ตโต ปฏฺาย สรณานิ สีลานิ จ สมาทิยนฺโต ‘‘อชฺเชว พุทฺธํ สรณํ อุเปมี’’ติอาทิมาห.

๖๐๑. ตตฺถ เอตาทิโสติ เอทิโส ยถาวุตฺตรูโป. เวสาลิยํ อฺตโร อุปาสโกติ เวสาลิยํ อเนกสหสฺเสสุ อุปาสเกสุ อฺตโร อุปาสโก หุตฺวา. สทฺโธติอาทิ กลฺยาณมิตฺตสนฺนิสฺสเยน ตสฺส ปุริมภาวโต อฺาทิสตํ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. ปุพฺเพ หิ โส อสฺสทฺโธ กกฺขโฬ ภิกฺขูนํ อกฺโกสการโก สงฺฆสฺส จ อนุปฏฺาโก อโหสิ. อิทานิ ปน สทฺโธ มุทุโก หุตฺวา ภิกฺขุสงฺฆฺจ สกฺกจฺจํ ตทา อุปฏฺหีติ. ตตฺต การกโรติ อุปการการี.

๖๐๒. อุโภปีติ ทฺเวปิ สูลาวุโต ราชา จ. สามฺผลานิ อชฺฌคุนฺติ ยถารหํ สามฺผลานิ อธิคจฺฉึสุ. ตยิทํ ยถารหํ ทสฺเสตุํ ‘‘สูลาวุโต อคฺคผลํ อผสฺสยิ, ผลํ กนิฏฺํ ปน อมฺพสกฺกโร’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ ผลํ กนิฏฺนฺติ โสตาปตฺติผลํ สนฺธายาห. ยํ ปเนตฺถ อตฺถโต อวิภตฺตํ, ตํ สุวิฺเยฺยเมว.

เอวํ รฺา เปเตน อตฺตนา จ วุตฺตมตฺถํ อายสฺมา กปฺปิตโก สตฺถารํ วนฺทิตุํ สาวตฺถึ คโต ภควโต อาโรเจสิ. สตฺถา ตมตฺถํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา สมฺปตฺตปริสาย ธมฺมํ เทเสสิ. สา เทสนา มหาชนสฺส สาตฺถิกา อโหสีติ.

อมฺพสกฺกรเปตวตฺถุวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. เสรีสกเปตวตฺถุวณฺณนา

๖๐๔-๕๗. สุโณถ ยกฺขสฺส วาณิชานฺจาติ อิทํ เสรีสกเปตวตฺถุ. ตํ ยสฺมา เสรีสกวิมานวตฺถุนา นิพฺพิเสสํ, ตสฺมา ตตฺถ อฏฺุปฺปตฺติยํ คาถาสุ จ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ ปรมตฺถทีปนิยํ วิมานวตฺถุวณฺณนายํ (วิ. ว. อฏฺ. ๑๒๒๗ เสรีสกวิมานวณฺณนา) วุตฺตเมว, ตสฺมา ตตฺถ วุตฺตนเยน เวทิตพฺพนฺติ.

เสรีสกเปตวตฺถุวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. นนฺทกเปตวตฺถุวณฺณนา

ราชา ปิงฺคลโก นามาติ อิทํ นนฺทกเปตวตฺถุ. ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? สตฺถุ ปรินิพฺพานโต วสฺสสตทฺวยสฺส อจฺจเยน สุรฏฺวิสเย ปิงฺคโล นาม ราชา อโหสิ. ตสฺส เสนาปติ นนฺทโก นาม มิจฺฉาทิฏฺี วิปรีตทสฺสโน ‘‘นตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทินา มิจฺฉาคาหํ ปคฺคยฺห วิจริ. ตสฺส ธีตา อุตฺตรา นาม อุปาสิกา ปติรูเป กุเล ทินฺนา อโหสิ. นนฺทโก ปน กาลํ กตฺวา วิฺฌาฏวิยํ มหติ นิคฺโรธรุกฺเข เวมานิกเปโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ตสฺมึ กาลกเต อุตฺตรา สุจิสีตลคนฺโธทกปูริตํ ปานียฆฏํ กุมฺมาสาภิสงฺขเตหิ วณฺณคนฺธรสสมฺปนฺเนหิ ปูเวหิ ปริปุณฺณสราวกฺจ อฺตรสฺส ขีณาสวตฺเถรสฺส ทตฺวา ‘‘อยํ ทกฺขิณา มยฺหํ ปิตุ อุปกปฺปตู’’ติ อุทฺทิสิ, ตสฺส เตน ทาเนน ทิพฺพปานียํ อปริมิตา จ ปูวา ปาตุภวึสุ. ตํ ทิสฺวา โส เอวํ จินฺเตสิ – ‘‘ปาปกํ วต มยา กตํ, ยํ มหาชโน ‘นตฺถิ ทินฺน’นฺติอาทินา มิจฺฉาคาหํ คาหิโต. อิทานิ ปน ปิงฺคโล ราชา ธมฺมาโสกสฺส รฺโ โอวาทํ ทาตุํ คโต, โส ตํ ตสฺส ทตฺวา อาคมิสฺสติ, หนฺทาหํ นตฺถิกทิฏฺึ วิโนเทสฺสามี’’ติ. น จิเรเนว จ ปิงฺคโล ราชา ธมฺมาโสกสฺส รฺโ โอวาทํ ทตฺวา ปฏินิวตฺตนฺโต มคฺคํ ปฏิปชฺชิ.

อถ โส เปโต อตฺตโน วสนฏฺานาภิมุขํ ตํ มคฺคํ นิมฺมินิ. ราชา ิตมชฺฌนฺหิเก สมเย เตน มคฺเคน คจฺฉติ. ตสฺส คฉนฺตสฺส ปุรโต มคฺโค ทิสฺสติ, ปิฏฺิโต ปนสฺส อนฺตรธายติ. สพฺพปจฺฉโต คจฺฉนฺโต ปุริโส มคฺคํ อนฺตรหิตํ ทิสฺวา ภีโต วิสฺสรํ วิรวนฺโต ธาวิตฺวา รฺโ อาโรเจสิ, ตํ สุตฺวา ราชา ภีโต สํวิคฺคมานโส หตฺถิกฺขนฺเธ ตฺวา จตสฺโส ทิสา โอโลเกนฺโต เปตสฺส วสนนิคฺโรธรุกฺขํ ทิสฺวา ตทภิมุโข อคมาสิ สทฺธึ จตุรงฺคินิยา เสนาย. อถานุกฺกเมน รฺเ ตํ านํ ปตฺเต เปโต สพฺพาภรณวิภูสิโต ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา ปฏิสนฺถารํ กตฺวา ปูเว จ ปานียฺจ ทาเปสิ. ราชา สปริชโน นฺหตฺวา ปูเว ขาทิตฺวา ปานียํ ปิวิตฺวา ปฏิปฺปสฺสทฺธมคฺคกิลมโถ ‘‘เทวตา นุสิ คนฺธพฺโพ’’ติอาทินา เปตํ ปุจฺฉิ. เปโต อาทิโต ปฏฺาย อตฺตโน ปวตฺตึ อาจิกฺขิตฺวา ราชานํ มิจฺฉาทสฺสนโต วิโมเจตฺวา สรเณสุ สีเลสุ จ ปติฏฺาเปสิ. ตมตฺถํ ทสฺเสตุํ สงฺคีติการา –

๖๕๘.

‘‘ราชา ปิงฺคลโก นาม, สุรฏฺานํ อธิปติ อหุ;

โมริยานํ อุปฏฺานํ คนฺตฺวา, สุรฏฺํ ปุนราคมา.

๖๕๙.

‘‘อุณฺเห มชฺฌนฺหิเก กาเล, ราชา ปงฺกํ อุปาคมิ;

อทฺทส มคฺคํ รมณียํ, เปตานํ ตํ วณฺณุปถํ.

๖๖๐. สารถึ อามนฺตยี ราชา –

‘‘‘อยํ มคฺโค รมณีโย, เขโม โสวตฺถิโก สิโว;

อิมินา สารถิ ยาม, สุรฏฺานํ สนฺติเก อิโต’.

๖๖๑.

‘‘เตน ปายาสิ โสรฏฺโ, เสนาย จตุรงฺคินิยา;

อุพฺพิคฺครูโป ปุริโส, โสรฏฺํ เอตทพฺรวิ.

๖๖๒.

‘‘‘กุมฺมคฺคํ ปฏิปนฺนมฺหา, ภึสนํ โลมหํสนํ;

ปุรโต ทิสฺสติ มคฺโค, ปจฺฉโต จ น ทิสฺสติ.

๖๖๓.

‘‘‘กุมฺมคฺคํ ปฏิปนฺนมฺหา, ยมปุริสาน สนฺติเก;

อมานุโส วายติ คนฺโธ, โฆโส สุยฺยติ ทารุโณ’.

๖๖๔.

‘‘สํวิคฺโค ราชา โสรฏฺโ, สารถึ เอตทพฺรวิ;

‘กุมฺมคฺคํ ปฏิปนฺนมฺหา, ภึสนํ โลมหํสนํ;

ปุรโต ทิสฺสติ มคฺโค, ปจฺฉโต จ น ทิสฺสติ.

๖๖๕.

‘‘‘กุมฺมคฺคํ ปฏิปนฺนมฺหา, ยมปุริสาน สนฺติเก;

อมานุโส วายติ คนฺโธ, โฆโส สุยฺยติ ทารุโณ’.

๖๖๖.

‘‘หตฺถิกฺขนฺธํ สมารุยฺห, โอโลเกนฺโต จตุทฺทิสา;

อทฺทส นิคฺโรธํ รมณียํ, ปาทปํ ฉายาสมฺปนฺนํ;

นีลพฺภวณฺณสทิสํ, เมฆวณฺณสิรีนิภํ.

๖๖๗.

‘‘สารถึ อามนฺตยี ราชา, ‘กึ เอโส ทิสฺสติ พฺรหา;

นีลพฺภวณฺณสทิโส, เมฆวณฺณสิรีนิโภ’.

๖๖๘.

‘‘นิคฺโรโธ โส มหาราช, ปาทโป ฉายาสมฺปนฺโน;

นีลพฺภวณฺณสทิโส, เมฆวณฺณสิรีนิโภ.

๖๖๙.

‘‘เตน ปายาสิ โสรฏฺโ, เยน โส ทิสฺสเต พฺรหา;

นีลพฺภวณฺณสทิโส, เมฆวณฺณสิรีนิโภ.

๖๗๐.

‘‘หตฺถิกฺขนฺธโต โอรุยฺห, ราชา รุกฺขํ อุปาคมิ;

นิสีทิ รุกฺขมูลสฺมึ, สามจฺโจ สปริชฺชโน;

ปูรํ ปานียสรกํ, ปูเว วิตฺเต จ อทฺทส.

๖๗๑.

‘‘ปุริโส จ เทววณฺณี, สพฺพาภรณภูสิโต;

อุปสงฺกมิตฺวา ราชานํ, โสรฏฺํ เอตทพฺรวิ.

๖๗๒.

‘‘‘สฺวาคตํ เต มหาราช, อโถ เต อทุราคตํ;

ปิวตุ เทโว ปานียํ, ปูเว ขาท อรินฺทม’.

๖๗๓.

‘‘ปิวิตฺวา ราชา ปานียํ, สามจฺโจ สปริชฺชโน;