📜

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส

ขุทฺทกนิกาเย

เถรคาถา-อฏฺกถา

(ปโม ภาโค)

คนฺถารมฺภกถา

มหาการุณิกํ นาถํ, เยฺยสาครปารคุํ;

วนฺเท นิปุณคมฺภีร-วิจิตฺรนยเทสนํ.

วิชฺชาจรณสมฺปนฺนา, เยน นิยฺยนฺติ โลกโต;

วนฺเท ตมุตฺตมํ ธมฺมํ, สมฺมาสมฺพุทฺธปูชิตํ.

สีลาทิคุณสมฺปนฺโน, ิโต มคฺคผเลสุ โย;

วนฺเท อริยสงฺฆํ ตํ, ปุฺกฺเขตฺตํ อนุตฺตรํ.

วนฺทนาชนิตํ ปุฺํ, อิติ ยํ รตนตฺตเย;

หตนฺตราโย สพฺพตฺถ, หุตฺวาหํ ตสฺส เตชสา.

ยา ตา สุภูติอาทีหิ, กตกิจฺเจหิ ตาทิหิ;

เถเรหิ ภาสิตา คาถา, เถรีหิ จ นิรามิสา.

อุทานนาทวิธินา, คมฺภีรา นิปุณา สุภา;

สุฺตาปฏิสํยุตฺตา, อริยธมฺมปฺปกาสิกา.

เถรคาถาติ นาเมน, เถรีคาถาติ ตาทิโน;

ยา ขุทฺทกนิกายมฺหิ, สงฺคายึสุ มเหสโย.

ตาสํ คมฺภีราเณหิ, โอคาเหตพฺพภาวโต;

กิฺจาปิ ทุกฺกรา กาตุํ, อตฺถสํวณฺณนา มยา.

สหสํวณฺณนํ ยสฺมา, ธรเต สตฺถุ สาสนํ;

ปุพฺพาจริยสีหานํ, ติฏฺเตว วินิจฺฉโย.

ตสฺมา ตํ อวลมฺพิตฺวา, โอคาเหตฺวาน ปฺจปิ;

นิกาเย อุปนิสฺสาย, โปราณฏฺกถานยํ.

สุวิสุทฺธํ อสํกิณฺณํ, นิปุณตฺถวินิจฺฉยํ;

มหาวิหารวาสีนํ, สมยํ อวิโลมยํ.

ยาสํ อตฺโถ ทุวิฺเยฺโย, อนุปุพฺพิกถํ วินา;

ตาสํ ตฺจ วิภาเวนฺโต, ทีปยนฺโต วินิจฺฉยํ.

ยถาพลํ กริสฺสามิ, อตฺถสํวณฺณนํ สุภํ;

สกฺกจฺจํ เถรคาถานํ, เถรีคาถานเมว จ.

อิติ อากงฺขมานสฺส, สทฺธมฺมสฺส จิรฏฺิตึ;

ตทตฺถํ วิภชนฺตสฺส, นิสามยถ สาธโวติ.

กา ปเนตา เถรคาถา เถรีคาถา จ, กถฺจ ปวตฺตาติ, กามฺจายมตฺโถ คาถาสุ วุตฺโตเยว ปากฏกรณตฺถํ ปน ปุนปิ วุจฺจเต – ตตฺถ เถรคาถา ตาว สุภูติตฺเถราทีหิ ภาสิตา. ยา หิ เต อตฺตนา ยถาธิคตํ มคฺคผลสุขํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา กาจิ อุทานวเสน, กาจิ อตฺตโน สมาปตฺติวิหารปจฺจเวกฺขณวเสน, กาจิ ปุจฺฉาวเสน, กาจิ ปรินิพฺพานสมเย สาสนสฺส นิยฺยานิกภาววิภาวนวเสน อภาสึสุ, ตา สพฺพา สงฺคีติกาเล เอกชฺฌํ กตฺวา ‘‘เถรคาถา’’อิจฺเจว ธมฺมสงฺคาหเกหิ สงฺคีตา. เถรีคาถา ปน เถริโย อุทฺทิสฺส เทสิตา.

ตา ปน วินยปิฏกํ, สุตฺตนฺตปิฏกํ อภิธมฺมปิฏกนฺติ ตีสุ ปิฏเกสุ สุตฺตนฺตปิฏกปริยาปนฺนา. ทีฆนิกาโย, มชฺฌิมนิกาโย, สํยุตฺตนิกาโย, องฺคุตฺตรนิกาโย, ขุทฺทกนิกาโยติ ปฺจสุ นิกาเยสุ ขุทฺทกนิกายปริยาปนฺนา, สุตฺตํ, เคยฺยํ, เวยฺยากรณํ, คาถา, อุทานํ, อิติวุตฺตกํ, ชาตกํ, อพฺภุตธมฺมํ, เวทลฺลนฺติ นวสุ สาสนงฺเคสุ คาถงฺคสงฺคหํ คตา.

‘‘ทฺวาสีติ พุทฺธโต คณฺหึ, ทฺเวสหสฺสานิ ภิกฺขุโต;

จตุราสีติสหสฺสานิ, เย เม ธมฺมา ปวตฺติโน’’ติ.

เอวํ ธมฺมภณฺฑาคาริเกน ปฏิฺาเตสุ จตุราสีติยา ธมฺมกฺขนฺธสหสฺเสสุ กติปยธมฺมกฺขนฺธสงฺคหํ คตา.

ตตฺถ เถรคาถา ตาว นิปาตโต เอกนิปาโต เอกุตฺตรวเสน ยาว จุทฺทสนิปาตาติ จุทฺทสนิปาโต โสฬสนิปาโต วีสตินิปาโต ตึสนิปาโต จตฺตาลีสนิปาโต ปฺาสนิปาโต สฏฺินิปาโต สตฺตตินิปาโตติ เอกวีสตินิปาตสงฺคหา. นิปาตนํ นิกฺขิปนนฺติ นิปาโต. เอโก เอเกโก คาถานํ นิปาโต นิกฺเขโป เอตฺถาติ เอกนิปาโต. อิมินา นเยน เสเสสุปิ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.

ตตฺถ เอกนิปาเต ทฺวาทส วคฺคา. เอเกกสฺมึ วคฺเค ทส ทส กตฺวา วีสุตฺตรสตํ เถรา, ตตฺติกา เอว คาถา. วุตฺตฺหิ –

‘‘วีสุตฺตรสตํ เถรา, กตกิจฺจา อนาสวา;

เอกกมฺหิ นิปาตมฺหิ, สุสงฺคีตา มเหสิภี’’ติ.

ทุกนิปาเต เอกูนปฺาส เถรา, อฏฺนวุติ คาถา; ติกนิปาเต โสฬส เถรา, อฏฺจตฺตาลีส คาถา; จตุกฺกนิปาเต เตรส เถรา, ทฺเวปฺาส คาถา; ปฺจกนิปาเต ทฺวาทส เถรา, สฏฺิ คาถา; ฉกฺกนิปาเต จุทฺทส เถรา, จตุราสีติ คาถา; สตฺตกนิปาเต ปฺจ เถรา, ปฺจตึส คาถา; อฏฺกนิปาเต ตโย เถรา, จตุวีสติ คาถา; นวกนิปาเต เอโก เถโร, นว คาถา; ทสนิปาเต สตฺต เถรา, สตฺตติ คาถา; เอกาทสนิปาเต เอโก เถโร, เอกาทส คาถา; ทฺวาทสนิปาเต ทฺเว เถรา, จตุวีสติ คาถา; เตรสนิปาเต เอโก เถโร, เตรส คาถา; จุทฺทสนิปาเต ทฺเว เถรา, อฏฺวีสติ คาถา; ปนฺนรสนิปาโต นตฺถิ, โสฬสนิปาเต ทฺเว เถรา, ทฺวตฺตึส คาถา; วีสตินิปาเต ทส เถรา, ปฺจจตฺตาลีสาธิกานิ ทฺเว คาถาสตานิ; ตึสนิปาเต ตโย เถรา, สตํ ปฺจ จ คาถา; จตฺตาลีสนิปาเต เอโก เถโร, ทฺเวจตฺตาลีส คาถา; ปฺาสนิปาเต เอโก เถโร, ปฺจปฺาส คาถา; สฏฺินิปาเต เอโก เถโร, อฏฺสฏฺิ คาถา; สตฺตตินิปาเต เอโก เถโร, เอกสตฺตติ คาถา. สมฺปิณฺเฑตฺวา ปน ทฺเวสตานิ จตุสฏฺิ จ เถรา, สหสฺสํ ตีณิ สตานิ สฏฺิ จ คาถาติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –

‘‘สหสฺสํ โหนฺติ ตา คาถา, ตีณิ สฏฺิ สตานิ จ;

เถรา จ ทฺเว สตา สฏฺิ, จตฺตาโร จ ปกาสิตา’’ติ.

เถรีคาถา ปน เอกนิปาโต เอกุตฺตรวเสน ยาว นวนิปาตาติ นวนิปาโต เอกาทสนิปาโต, ทฺวาทสนิปาโต, โสฬสนิปาโต, วีสตินิปาโต, ตึสนิปาโต, จตฺตาลีสนิปาโต, มหานิปาโตติ โสฬสนิปาตสงฺคหา. ตตฺถ เอกนิปาเต อฏฺารส เถริโย, อฏฺารเสว คาถา; ทุกนิปาเต ทส เถริโย, วีสติ คาถา; ติกนิปาเต อฏฺ เถริโย, จตุวีสติ คาถา; จตุกฺกนิปาเต เอกา เถรี, จตสฺโส คาถา; ปฺจกนิปาเต ทฺวาทส เถริโย สฏฺิ คาถา; ฉกฺกนิปาเต อฏฺ เถริโย อฏฺจตฺตาลีส คาถา; สตฺตนิปาเต ติสฺโส เถริโย, เอกวีสติ คาถา; อฏฺ นิปาตโต ปฏฺาย ยาว โสฬสนิปาตา เอเกกา เถริโย ตํตํนิปาตปริมาณา คาถา; วีสตินิปาเต ปฺจ เถริโย, อฏฺารสสตคาถา; ตึสนิปาเต เอกา เถรี, จตุตฺตึส คาถา; จตฺตาลีสนิปาเต เอกา เถรี, อฏฺจตฺตาลีส คาถา; มหานิปาเตปิ เอกา เถรี, ปฺจสตฺตติ คาถา. เอวเมตฺถ นิปาตานํ คาถาวคฺคานํ คาถานฺจ ปริมาณํ เวทิตพฺพํ.

นิทานคาถาวณฺณนา

เอวํ ปริจฺฉินฺนปริมาณาสุ ปเนตาสุ เถรคาถา อาทิ. ตตฺถาปิ –

‘‘สีหานํว นทนฺตานํ, ทาีนํ คิริคพฺภเร;

สุณาถ ภาวิตตฺตานํ, คาถา อตฺถูปนายิกา’’ติ.

อยํ ปมมหาสงฺคีติกาเล อายสฺมตา อานนฺเทน เตสํ เถรานํ โถมนตฺถํ ภาสิตา คาถา อาทิ. ตตฺถ สีหานนฺติ สีหสทฺโท ‘‘สีโห, ภิกฺขเว, มิคราชา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๓๓) มิคราเช อาคโต. ‘‘อถ โข สีโห เสนาปติ เยน ภควา เตนุปสงฺกมี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๕.๓๔) ปฺตฺติยํ. ‘‘สีโหติ โข, ภิกฺขเว, ตถาคตสฺเสตํ อธิวจนํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๕.๙๙; ๑๐.๒๑) ตถาคเต. ตตฺถ ยถา ตถาคเต สทิสกปฺปนาย อาคโต, เอวํ อิธาปิ สทิสกปฺปนาวเสเนว เวทิตพฺโพ, ตสฺมา สีหานํวาติ สีหานํ อิว. สนฺธิวเสน สรโลโป ‘‘เอวํส เต’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๒) วิย. ตตฺถ อิวาติ นิปาตปทํ. สุณาถาติ อาขฺยาตปทํ. อิตรานิ นามปทานิ. สีหานํวาติ จ สมฺพนฺเธ สามิวจนํ. กามฺเจตฺถ สมฺพนฺธี สรูปโต น วุตฺโต, อตฺถโต ปน วุตฺโตว โหติ. ยถา หิ ‘‘โอฏฺสฺเสว มุขํ เอตสฺสา’’ติ วุตฺเต โอฏฺสฺส มุขํ วิย มุขํ เอตสฺสาติ อยมตฺโถ วุตฺโต เอว โหติ, เอวมิธาปิ ‘‘สีหานํวา’’ติ วุตฺเต สีหานํ นาโท วิยาติ อยมตฺโถ วุตฺโต เอว โหติ. ตตฺถ มุขสทฺทสนฺนิธานํ โหตีติ เจ, อิธาปิ ‘‘นทนฺตาน’’นฺติ ปทสนฺนิธานโต, ตสฺมา สีหานํวาติ นิทสฺสนวจนํ. นทนฺตานนฺติ ตสฺส นิทสฺสิตพฺเพน สมฺพนฺธทสฺสนํ. ทาีนนฺติ ตพฺพิเสสนํ. คิริคพฺภเรติ ตสฺส ปวตฺติฏฺานทสฺสนํ. สุณาถาติ สวเน นิโยชนํ. ภาวิตตฺตานนฺติ โสตพฺพสฺส ปภวทสฺสนํ. คาถาติ โสตพฺพวตฺถุทสฺสนํ. อตฺถุปนายิกาติ ตพฺพิเสสนํ. กามฺเจตฺถ ‘‘สีหานํ นทนฺตานํ ทาีน’’นฺติ ปุลฺลิงฺควเสน อาคตํ, ลิงฺคํ ปน ปริวตฺเตตฺวา ‘‘สีหีน’’นฺติอาทินา อิตฺถิลิงฺควเสนาปิ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. เอกเสสวเสน วา สีหา จ สีหิโย จ สีหา, เตสํ สีหานนฺติอาทินา สาธารณา เหตา ติสฺโส นิทานคาถา เถรคาถานํ เถรีคาถานฺจาติ.

ตตฺถ สหนโต หนนโต จ สีโห. ยถา หิ สีหสฺส มิครฺโ พลวิเสสโยคโต สรภมิคมตฺตวรวารณาทิโตปิ ปริสฺสโย นาม นตฺถิ, วาตาตปาทิปริสฺสยมฺปิ โส สหติเยว, โคจราย ปกฺกมนฺโตปิ เตชุสฺสทตาย มตฺตคนฺธหตฺถิวนมหึสาทิเก สมาคนฺตฺวา อภีรู อฉมฺภี อภิภวติ, อภิภวนฺโต จ เต อฺทตฺถุ หนฺตฺวา ตตฺถ มุทุมํสานิ ภกฺขยิตฺวา สุเขเนว วิหรติ, เอวเมเตปิ มหาเถรา อริยพลวิเสสโยเคน สพฺเพสมฺปิ ปริสฺสยานํ สหนโต, ราคาทิสํกิเลสพลสฺส อภิภวิตฺวา หนนโต ปชหนโต เตชุสฺสทภาเวน กุโตจิปิ อภีรู อฉมฺภี ฌานาทิสุเขน วิหรนฺตีติ สหนโต หนนโต จ สีหา วิยาติ สีหา. สทฺทตฺถโต ปน ยถา กนฺตนตฺเถน อาทิอนฺตวิปลฺลาสโต ตกฺกํ วุจฺจติ, เอวํ หึสนฏฺเน สีโห เวทิตพฺโพ. ตถา สหนฏฺเน. ปิโสทราทิปกฺเขเปน นิรุตฺตินเยน ปน วุจฺจมาเน วตฺตพฺพเมว นตฺถิ.

อถ วา ยถา มิคราชา เกสรสีโห อตฺตโน เตชุสฺสทตาย เอกจารี วิหรติ, น กฺจิ สหายํ ปจฺจาสีสติ, เอวเมเตปิ เตชุสฺสทตาย วิเวกาภิรติยา จ เอกจาริโนติ เอกจริยฏฺเนปิ สีหา วิยาติ สีหา, เตนาห – ภควา ‘‘สีหํเวกจรํ นาค’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๓๐; สุ. นิ. ๑๖๘).

อถ วา อสนฺตาสนชวปรกฺกมาทิวิเสสโยคโต สีหา วิยาติ สีหา, เอเต มหาเถรา. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –

‘‘ทฺเวเม, ภิกฺขเว, อสนิยา ผลนฺติยา น สนฺตสนฺติ, กตเมว ทฺเว? ภิกฺขุ จ ขีณาสโว สีโห จ มิคราชา’’ติ (อ. นิ. ๒.๖๐).

ชโวปิ สีหสฺส อฺเหิ อสาธารโณ, ตถา ปรกฺกโม. ตถา หิ โส อุสภสตมฺปิ ลงฺฆิตฺวา วนมหึสาทีสุ นิปตติ, โปตโกปิ สมาโน ปภินฺนมทานมฺปิ มตฺตวรวารณานํ ปฏิมานํ ภินฺทิตฺวา ทนฺตกฬีรํว ขาทติ. เอเตสํ ปน อริยมคฺคชโว อิทฺธิชโว จ อฺเหิ อสาธารโณ, สมฺมปฺปธานปรกฺกโม จ นิรติสโย. ตสฺมา สีหานํวาติ สีหสทิสานํ วิย. สีหสฺส เจตฺถ หีนูปมตา ทฏฺพฺพา, อจฺจนฺตวิสิฏฺสฺส สหนาทิอตฺถสฺส เถเรสฺเวว ลพฺภนโต.

นทนฺตานนฺติ คชฺชนฺตานํ. โคจรปรกฺกมตุฏฺิเวลาทีสุ หิ ยถา สีหา อตฺตโน อาสยโต นิกฺขมิตฺวา วิชมฺภิตฺวา สีหนาทํ อภีตนาทํ นทนฺติ, เอวํ เอเตปิ วิสยชฺฌตฺตปจฺจเวกฺขณอุทานาทิกาเลสุ อิมํ อภีตนาทํ นทึสุ. เตน วุตฺตํ – ‘‘สีหานํว นทนฺตาน’’นฺติ. ทาีนนฺติ ทาาวนฺตานํ. ปสฏฺทาีนํ, อติสยทาานนฺติ วา อตฺโถ. ยถา หิ สีหา อติวิย ทฬฺหานํ ติกฺขานฺจ จตุนฺนํ ทาานํ พเลน ปฏิปกฺขํ อภิภวิตฺวา อตฺตโน มโนรถํ มตฺถกํ ปูเรนฺติ, เอวเมเตปิ จตุนฺนํ อริยมคฺคทาานํ พเลน อนาทิมติ สํสาเร อนภิภูตปุพฺพปฏิปกฺขํ อภิภวิตฺวา อตฺตโน มโนรถํ มตฺถกํ ปาเปสุํ. อิธาปิ ทาา วิยาติ ทาาติ สทิสกปฺปนาวเสเนว อตฺโถ เวทิตพฺโพ.

คิริคพฺภเรติ ปพฺพตคุหายํ, สมีปตฺเถ ภุมฺมวจนํ. ‘‘คิริควฺหเร’’ติ เกจิ ปนฺติ. ปพฺพเตสุ วนคหเน วนสณฺเฑติ อตฺโถ. อิทํ ปน เนสํ วิโรจนฏฺานทสฺสนฺเจว สีหนาทสฺส โยคฺยภูมิทสฺสนฺจ. นทนฺตานํ คิริคพฺภเรติ โยชนา. ยถา หิ สีหา เยภุยฺเยน คิริคพฺภเร อฺเหิ ทุราสทตาย ชนวิวิตฺเต วสนฺตา อตฺตโน ทสฺสเนน อุปฺปชฺชนกสฺส ขุทฺทกมิคสนฺตาสสฺส ปริหรณตฺถํ โคจรคมเน สีหนาทํ นทนฺติ, เอวเมเตปิ อฺเหิ ทุราสทคิริคพฺภรสทิเสว สุฺาคาเรวสนฺตา คุเณหิ ขุทฺทกานํ ปุถุชฺชนานํ ตณฺหาทิฏฺิปริตฺตาสปริวชฺชนตฺถํ วกฺขมานคาถาสงฺขาตํ อภีตนาทํ นทึสุ. เตน วุตฺตํ ‘‘สีหานํว นทนฺตานํ, ทาีนํ คิริคพฺภเร’’ติ.

สุณาถาติ สวนาณตฺติกวจนํ, เตน วกฺขมานานํ คาถานํ สนฺนิปติตาย ปริสาย โสตุกามตํ อุปฺปาเทนฺโต สวเน อาทรํ ชเนติ, อุสฺสาหํ สมุฏฺาเปนฺโต คารวํ พหุมานฺจ อุปฏฺเปติ. อถ วา ‘‘สีหาน’’นฺติอาทีนํ ปทานํ สทิสกปฺปนาย วินา มุขฺยวเสเนว อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ตสฺมา ทฬฺหติกฺขภาเวน ปสฏฺาติสยทาตาย ทาีนํ คิริคพฺภเร นทนฺตานํ สีหคชฺชิตํ คชฺชนฺตานํ สีหานํ มิคราชูนํ วิย เตสํ อภีตนาทสทิสา คาถา สุณาถาติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘ยถา สีหนาทํ นทนฺตานํ สีหานํ มิคราชูนํ กุโตจิปิ ภยาภาวโต โส อภีตนาโท ตทฺมิคสนฺตาสกโร, เอวํ ภาวิตตฺตานํ อปฺปมตฺตานํ เถรานํ สีหนาทสทิสิโย สพฺพโส ภยเหตูนํ สุปฺปหีนตฺตา อภีตนาทภูตา, ปมตฺตชนสนฺตาสกรา คาถา สุณาถา’’ติ.

ภาวิตตฺตานนฺติ ภาวิตจิตฺตานํ. จิตฺตฺหิ ‘‘อตฺตา หิ กิร ทุทฺทโม (ธ. ป. ๑๕๙) โย เว ิตตฺโต ตสรํว อุชฺชู’’ติ (สุ. นิ. ๒๑๗) จ ‘‘อตฺตสมฺมาปณิธี’’ติ (ขุ. ปา. ๕.๔; สุ. นิ. ๒๖๓) จ เอวมาทีสุ อตฺตาติ วุจฺจติ, ตสฺมา อธิจิตฺตานุโยเคน สมถวิปสฺสนาภิวฑฺฒิตจิตฺตานํ สมถวิปสฺสนาภาวนามตฺถกํ ปาเปตฺวา ิตานนฺติ อตฺโถ. อถ วา ภาวิตตฺตานนฺติ ภาวิตสภาวานํ, สภาวภูตสีลาทิภาวิตานนฺติ อตฺโถ. คียตีติ คาถา, อนุฏฺุภาทิวเสน อิสีหิ ปวตฺติตํ จตุปฺปทํ ฉปฺปทํ วา วจนํ. อฺเสมฺปิ ตํสทิสตาย ตถา วุจฺจนฺติ. อตฺตตฺถาทิเภเท อตฺเถ อุปเนนฺติ เตสุ วา อุปนิยฺยนฺตีติ อตฺถูปนายิกา.

อถ วา ภาวิตตฺตานนฺติ ภาวิตตฺตาภาวานํ, อตฺตภาโว หิ อาหิโต อหํ มาโน เอตฺถาติ ‘‘อตฺตา’’ติ วุจฺจติ, โส จ เตหิ อปฺปมาทภาวนาย อนวชฺชภาวนาย ภาวิโต สมฺมเทว คุณคนฺธํ คาหาปิโต. เตน เตสํ กายภาวนา สีลภาวนา จิตฺตภาวนา ปฺาภาวนาติ จตุนฺนมฺปิ ภาวนานํ ปริปุณฺณภาวํ ทสฺเสติ. ‘‘ภาวนา’’ติ จ สมฺโพธิปฏิปทา อิธาธิปฺเปตา. ยายํ สจฺจสมฺโพธิ อตฺถิ, สา ทุวิธา อภิสมยโต ตทตฺถโต จ. สมฺโพธิ ปน ติวิธา สมฺมาสมฺโพธิ ปจฺเจกสมฺโพธิ สาวกสมฺโพธีติ. ตตฺถ สมฺมา สามํ สพฺพธมฺมานํ พุชฺฌนโต โพธนโต จ สมฺมาสมฺโพธิ. สพฺพฺุตฺาณปทฏฺานํ มคฺคาณํ มคฺคาณปทฏฺานฺจ สพฺพฺุตฺาณํ ‘‘สมฺมาสมฺโพธี’’ติ วุจฺจติ. เตนาห –

‘‘พุทฺโธติ โย โส ภควา สยมฺภู อนาจริยโก ปุพฺเพ อนนุสฺสุเตสุ ธมฺเมสุ สามํ สจฺจานิ อภิสมฺพุชฺฌิ, ตตฺถ จ สพฺพฺุตํ ปตฺโต พเลสุ จ วสีภาว’’นฺติ (มหานิ. ๑๙๒; จูฬนิ. ปารายนตฺถุติคาถานิทฺเทส ๙๗; ปฏิ. ม. ๑.๑๖๑).

โพธเนยฺยโพธนตฺโถ หิ พเลสุ วสีภาโว. ปจฺเจกํ สยเมว โพธีติ ปจฺเจกสมฺโพธิ, อนนุพุทฺโธ สยมฺภูาเณน สจฺจาภิสมโยติ อตฺโถ. สมฺมาสมฺพุทฺธานฺหิ สยมฺภูาณตาย สยเมว ปวตฺตมาโนปิ สจฺจาภิสมโย สานุพุทฺโธ อปริมาณานํ สตฺตานํ สจฺจาภิสมยสฺส เหตุภาวโต. อิเมสํ ปน โส เอกสฺสาปิ สตฺตสฺส สจฺจาภิสมยเหตุ น โหติ. สตฺถุ ธมฺมเทสนาย สวนนฺเต ชาตาติ สาวกา. สาวกานํ สจฺจาภิสมโย สาวกสมฺโพธิ. ติวิธาเปสา ติณฺณํ โพธิสตฺตานํ ยถาสกํ อาคมนียปฏิปทาย มตฺถกปฺปตฺติยา สติปฏฺานาทีนํ สตฺตตึสาย โพธิปกฺขิยธมฺมานํ ภาวนาปาริปูรีติ เวทิตพฺพา อิตราภิสมยานํ ตทวินาภาวโต. น หิ สจฺฉิกิริยาภิสมเยน วินา ภาวนาภิสมโย สมฺภวติ, สติ จ ภาวนาภิสมเย ปหานาภิสมโย ปริฺาภิสมโย จ สิทฺโธเยว โหตีติ.

ยทา หิ มหาโพธิสตฺโต ปริปูริตโพธิสมฺภาโร จริมภเว กตปุพฺพกิจฺโจ โพธิมณฺฑํ อารุยฺห – ‘‘น ตาวิมํ ปลฺลงฺกํ ภินฺทิสฺสามิ, ยาว น เม อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุจฺจิสฺสตี’’ติ ปฏิฺํ กตฺวา อปราชิตปลฺลงฺเก นิสินฺโน อสมฺปตฺตาย เอว สฺฌาเวลาย มารพลํ วิธมิตฺวา ปุริมยาเม ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาเณน อเนกาการโวกาเร ปุพฺเพ นิวุตฺถกฺขนฺเธ อนุสฺสริตฺวา มชฺฌิมยาเม ทิพฺพจกฺขุวิโสธเนน จุตูปปาตาณอนาคตํสาณานิ อธิคนฺตฺวา ปจฺฉิมยาเม ‘‘กิจฺฉํ วตายํ โลโก อาปนฺโน ชายติ จ ชียติ จ มียติ จ จวติ จ อุปปชฺชติ จ, อถ จ ปนิมสฺส ทุกฺขสฺส นิสฺสรณํ นปฺปชานาติ ชรามรณสฺสา’’ติอาทินา (ที. นิ. ๒.๕๗) ชรามรณโต ปฏฺาย ปฏิจฺจสมุปฺปาทมุเขน วิปสฺสนํ อภินิวิสิตฺวา มหาคหนํ ฉินฺทิตุํ นิสทสิลายํ ผรสุํ นิเสนฺโต วิย กิเลสคหนํ ฉินฺทิตุํ โลกนาโถ าณผรสุํ เตเชนฺโต พุทฺธภาวาย เหตุสมฺปตฺติยา ปริปากํ คตตฺตา สพฺพฺุตฺาณาธิคมาย วิปสฺสนํ คพฺภํ คณฺหาเปนฺโต อนฺตรนฺตรา นานาสมาปตฺติโย สมาปชฺชิตฺวา ยถาววตฺถาปิเต นามรูเป ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา อนุปทธมฺมวิปสฺสนาวเสน อเนกาการโวการสงฺขาเร สมฺมสนฺโต ฉตฺตึสโกฏิสตสหสฺสมุเขน สมฺมสนวารํ วิตฺถาเรตฺวา ตตฺถ มหาวชิราณสงฺขาเต วิปสฺสนาาเณ ติกฺเข สูเร ปสนฺเน วุฏฺานคามินิภาเวน ปวตฺตมาเน ยทา ตํ มคฺเคน ฆเฏติ, ตทา มคฺคปฏิปาฏิยา ทิยฑฺฒกิเลสสหสฺสํ เขเปนฺโต อคฺคมคฺคกฺขเณ สมฺมาสมฺโพธึ อธิคจฺฉติ นาม, อคฺคผลกฺขณโต ปฏฺาย อธิคโต นาม. สมฺมาสมฺพุทฺธภาวโต ทสพลจตุเวสารชฺชาทโยปิ ตสฺส ตทา หตฺถคตาเยว โหนฺตีติ อยํ ตาว อภิสมยโต สมฺมาสมฺโพธิปฏิปทา. ตทตฺถโต ปน มหาภินีหารโต ปฏฺาย ยาว ตุสิตภวเน นิพฺพตฺติ, เอตฺถนฺตเร ปวตฺตํ โพธิสมฺภารสมฺภรณํ. ตตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ สพฺพาการสมฺปนฺนํ จริยาปิฏกวณฺณนายํ วิตฺถารโต วุตฺตเมวาติ ตตฺถ วุตฺตนเยเนว คเหตพฺพํ.

ปจฺเจกโพธิสตฺตาปิ ปจฺเจกโพธิยา กตาภินีหารา อนุปุพฺเพน สมฺภตปจฺเจกสมฺโพธิสมฺภารา ตาทิเส กาเล จริมตฺตภาเว ิตา าณสฺส ปริปากคตภาเวน อุปฏฺิตํ สํเวคนิมิตฺตํ คเหตฺวา สวิเสสํ ภวาทีสุ อาทีนวํ ทิสฺวา สยมฺภูาเณน ปวตฺติ ปวตฺติเหตุํ นิวตฺติ นิวตฺติเหตุฺจ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ‘‘โส ‘อิทํ ทุกฺข’นฺติ โยนิโส มนสิ กโรตี’’ติอาทินา อาคตนเยน จตุสจฺจกมฺมฏฺานํ ปริพฺรูเหนฺตา อตฺตโน อภินีหารานุรูปํ สงฺขาเร ปริมทฺทนฺตา อนุกฺกเมน วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา มคฺคปฏิปาฏิยา อคฺคมคฺคํ อธิคจฺฉนฺตา ปจฺเจกสมฺโพธึ อภิสมฺพุชฺฌนฺติ นาม, อคฺคผลกฺขณโต ปฏฺาย ปจฺเจกสมฺพุทฺธา นาม หุตฺวา สเทวกสฺส โลกสฺส อคฺคทกฺขิเณยฺยา โหนฺติ.

สาวกา ปน สตฺถุ สพฺรหฺมจาริโน วา จตุสจฺจกมฺมฏฺานกถํ สุตฺวา ตสฺมึเยว ขเณ กาลนฺตเร วา ตชฺชํ ปฏิปตฺตึ อนุติฏฺนฺตา ฆเฏนฺตา วายมนฺตา วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา, ยทิ วา ปฏิปทาย วฑฺฒนฺติยา, สจฺจานิ ปฏิวิชฺฌนฺตา อตฺตโน อภินีหารานุรูปสิทฺธิอคฺคสาวกภูมิยา วา เกวลํ วา อคฺคมคฺคกฺขเณ สาวกสมฺโพธึ อธิคจฺฉนฺติ นาม. ตโต ปรํ สาวกพุทฺธา นาม โหนฺติ สเทวเก โลเก อคฺคทกฺขิเณยฺยา. เอวํ ตาว อภิสมยโต ปจฺเจกสมฺโพธิ สาวกสมฺโพธิ จ เวทิตพฺพา.

ตทตฺถโต ปน ยถา มหาโพธิสตฺตานํ เหฏฺิมปริจฺเฉเทน จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ กปฺปานํ สตสหสฺสฺจ โพธิสมฺภารสมฺภรณํ อิจฺฉิตพฺพํ มชฺฌิมปริจฺเฉเทน อฏฺ อสงฺขฺเยยฺยานิ กปฺปานํ สตสหสฺสฺจ, อุปริมปริจฺเฉเทน โสฬส อสงฺขฺเยยฺยานิ กปฺปานํ สตสหสฺสฺจ เอเต จ เภทา ปฺาธิกสทฺธาธิกวีริยาธิกวเสน เวทิตพฺพา. ปฺาธิกานฺหิ สทฺธา มนฺทา โหติ ปฺา ติกฺขา, ตโต จ อุปายโกสลฺลสฺส วิสทนิปุณภาเวน นจิรสฺเสว ปารมิโย ปาริปูรึ คจฺฉนฺติ. สทฺธาธิกานํ ปฺา มชฺฌิมา โหตีติ เตสํ นาติสีฆํ นาติสณิกํ ปารมิโย ปาริปูรึ คจฺฉนฺติ. วีริยาธิกานํ ปน ปฺา มนฺทา โหตีติ เตสํ จิเรเนว ปารมิโย ปาริปูรึ คจฺฉนฺติ. น เอวํ ปจฺเจกโพธิสตฺตานํ. เตสฺหิ สติปิ ปฺาธิกภาเว ทฺเว อสงฺขฺเยยฺยานิ กปฺปานํ สตสหสฺสฺจ โพธิสมฺภารสมฺภรณํ อิจฺฉิตพฺพํ, น ตโต โอรํ. สทฺธาธิกวีริยาธิกาปิ วุตฺตปริจฺเฉทโต ปรํ กติปเย เอว กปฺเป อติกฺกมิตฺวา ปจฺเจกสมฺโพธึ อภิสมฺพุชฺฌนฺติ, น ตติยํ อสงฺขฺเยยฺยนฺติ. สาวกโพธิสตฺตานํ ปน เยสํ อคฺคสาวกภาวาย อภินีหาโร, เตสํ เอกํ อสงฺขฺเยยฺยํ กปฺปานํ สตสหสฺสฺจ สมฺภารสมฺภรณํ อิจฺฉิตพฺพํ. เยสํ มหาสาวกภาวาย, เตสํ กปฺปานํ สตสหสฺสเมว, ตถา พุทฺธสฺส มาตาปิตูนํ อุปฏฺากสฺส ปุตฺตสฺส จ. ตตฺถ ยถา –

‘‘มนุสฺสตฺตํ ลิงฺคสมฺปตฺติ, เหตุ สตฺถารทสฺสนํ;

ปพฺพชฺชา คุณสมฺปตฺติ, อธิกาโร จ ฉนฺทตา;

อฏฺธมฺมสโมหานา, อภินีหาโร สมิชฺฌตี’’ติ. (พุ. วํ. ๒.๕๙) –

เอวํ วุตฺเต อฏฺ ธมฺเม สโมธาเนตฺวา กตปณิธานานํ มหาโพธิสตฺตานํ มหาภินีหารโต ปภุติ สวิเสสํ ทานาทีสุ ยุตฺตปฺปยุตฺตานํ ทิวเส ทิวเส เวสฺสนฺตรทานสทิสํ มหาทานํ เทนฺตานํ ตทนุรูปสีลาทิเก สพฺพปารมิธมฺเม อาจินนฺตานมฺปิ ยถาวุตฺตกาลปริจฺเฉทํ อสมฺปตฺวา อนฺตรา เอว พุทฺธภาวปฺปตฺติ นาม นตฺถิ. กสฺมา? าณสฺส อปริปจฺจนโต. ปริจฺฉินฺนกาเล นิปฺผาทิตํ วิย หิ สสฺสํ พุทฺธาณํ ยถาปริจฺฉินฺนกาลวเสเนว วุทฺธึ วิรุฬฺหึ เวปุลฺลํ อาปชฺชนฺตํ คพฺภํ คณฺหนฺตํ ปริปากํ คจฺฉตีติ เอวํ –

‘‘มนุสฺสตฺตํ ลิงฺคสมฺปตฺติ, วิคตาสวทสฺสนํ;

อธิกาโร ฉนฺทตา เอเต, อภินีหารการณา’’ติ. (สุ. นิ. อฏฺ. ๑.ขคฺควิสาณสุตฺตวณฺณนา) –

อิเม ปฺจ ธมฺเม สโมธาเนตฺวา กตาภินีหารานํ ปจฺเจกโพธิสตฺตานํ ‘‘อธิกาโร ฉนฺทตา’’ติ ทฺวงฺคสมนฺนาคตาย ปตฺถนาย วเสน กตปณิธานานํ สาวกโพธิสตฺตานฺจ ตตฺถ ตตฺถ วุตฺตกาลปริจฺเฉทํ อสมฺปตฺวา อนฺตรา เอว ปจฺเจกสมฺโพธิยา ยถาวุตฺตสาวกสมฺโพธิยา จ อธิคโม นตฺถิ. กสฺมา? าณสฺส อปริปจฺจนโต. อิเมสมฺปิ หิ ยถา มหาโพธิสตฺตานํ ทานาทิปารมีหิ ปริพฺรูหิตา ปฺาปารมี อนุกฺกเมน คพฺภํ คณฺหนฺตี ปริปากํ คจฺฉนฺตี พุทฺธาณํ ปริปูเรติ, เอวํ ทานาทีหิ ปริพฺรูหิตา อนุปุพฺเพน ยถารหํ คพฺภํ คณฺหนฺตี ปริปากํ คจฺฉนฺตี ปจฺเจกโพธิาณํ สาวกโพธิาณฺจ ปริปูเรติ. ทานปริจเยน เหเต ตตฺถ ตตฺถ ภเว อโลภชฺฌาสยตาย สพฺพตฺถ อสงฺคมานสา อนเปกฺขจิตฺตา หุตฺวา, สีลปริจเยน สุสํวุตกายวาจตาย สุปริสุทฺธกายวจีกมฺมนฺตา ปริสุทฺธาชีวา อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารา โภชเน มตฺตฺุโน หุตฺวา ชาคริยานุโยเคน จิตฺตํ สมาทหนฺติ, สฺวายํ เตสํ ชาคริยานุโยโค คตปจฺจาคติกวตฺตวเสน เวทิตพฺโพ.

เอวํ ปน ปฏิปชฺชนฺตานํ อธิการสมฺปตฺติยา อปฺปกสิเรเนว อฏฺ สมาปตฺติโย ปฺจาภิฺา ฉฬภิฺา อธิฏฺานภูตา ปุพฺพภาควิปสฺสนา จ หตฺถคตาเยว โหนฺติ. วีริยาทโย ปน ตทนฺโตคธา เอว. ยฺหิ ปจฺเจกโพธิยา สาวกโพธิยา วา อตฺถาย ทานาทิปุฺสมฺภรเณ อพฺภุสฺสหนํ, อิทํ วีริยํ. ยํ ตทนุปโรธสฺส สหนํ, อยํ ขนฺติ. ยํ ทานสีลาทิสมาทานาวิสํวาทนํ, อิทํ สจฺจํ. สพฺพตฺถเมว อจลสมาธานาธิฏฺานํ, อิทํ อธิฏฺานํ. ยา ทานสีลาทีนํ ปวตฺติฏฺานภูเตสุ สตฺเตสุ หิเตสิตา, อยํ เมตฺตา. ยํ สตฺตานํ กตวิปฺปกาเรสุ อชฺฌุเปกฺขนํ, อยํ อุเปกฺขาติ. เอวํ ทานสีลภาวนาสุ สีลสมาธิปฺาสุ จ สิชฺฌมานาสุ วีริยาทโย สิทฺธา เอว โหนฺติ. สาเยว ปจฺเจกโพธิอตฺถาย สาวกโพธิอตฺถาย จ ทานาทิปฏิปทา เตสํ โพธิสตฺตานํ สนฺตานสฺส ภาวนโต ปริภาวนโต ภาวนา นาม. วิเสสโต ทานสีลาทีหิ สฺวาภิสงฺขเต สนฺตาเน ปวตฺตา สมถวิปสฺสนาปฏิปทา, ยโต เต โพธิสตฺตา ปุพฺพโยคาวจรสมุทาคมสมฺปนฺนา โหนฺติ. เตนาห ภควา –

‘‘ปฺจิเม, อานนฺท, อานิสํสา ปุพฺพโยคาวจเร. กตเม ปฺจ? อิธานนฺท, ปุพฺพโยคาวจโร ทิฏฺเว ธมฺเม ปฏิกจฺจ อฺํ อาราเธติ, โน เจ ทิฏฺเว ธมฺเม ปฏิกจฺจ อฺํ อาราเธติ, อถ มรณกาเล อฺํ อาราเธติ, อถ เทวปุตฺโต สมาโน อฺํ อาราเธติ, อถ พุทฺธานํ สมฺมุขีภาเว ขิปฺปาภิฺโ โหติ, อถ ปจฺฉิเม กาเล ปจฺเจกสมฺพุทฺโธ โหตี’’ติ (สุ. นิ. อฏฺ. ๑.ขคฺควิสาณสุตฺตวณฺณนา).

อิติ ปุพฺพภาคปฏิปทาภูตาย ปารมิตาปริภาวิตาย สมถวิปสฺสนาภาวนาย นิโรธคามินิปฏิปทาภูตาย อภิสมยสงฺขาตาย มคฺคภาวนาย จ ภาวิตตฺตภาวา พุทฺธปจฺเจกพุทฺธพุทฺธสาวกา ภาวิตตฺตา นาม. เตสุ อิธ พุทฺธสาวกา อธิปฺเปตา.

เอตฺถ จ ‘‘สีหานํวา’’ติ อิมินา เถรานํ สีหสมานวุตฺติตาทสฺสเนน อตฺตโน ปฏิปกฺเขหิ อนภิภวนียตํ, เต จ อภิภุยฺย ปวตฺตึ ทสฺเสติ. ‘‘สีหานํว นทนฺตานํ…เป… คาถา’’ติ อิมินา เถรคาถานํ สีหนาทสทิสตาทสฺสเนน ตาสํ ปรวาเทหิ อนภิภวนียตํ, เต จ อภิภวิตฺวา ปวตฺตึ ทสฺเสติ. ‘‘ภาวิตตฺตาน’’นฺติ อิมินา ตทุภยสฺส การณํ วิภาเวติ. ภาวิตตฺตภาเวน เถรา อิธ สีหสทิสา วุตฺตา, เตสฺจ คาถา สีหนาทสทิสิโย. ‘‘อตฺถูปนายิกา’’ติ อิมินา อภิภวเน ปโยชนํ ทสฺเสติ. ตตฺถ เถรานํ ปฏิปกฺโข นาม สํกิเลสธมฺโม, ตทภิภโว ตทงฺคิวิกฺขมฺภนปฺปหาเนหิ สทฺธึ สมุจฺเฉทปฺปหานํ. ตสฺมึ สติ ปฏิปสฺสทฺธีปฺปหานํ นิสฺสรณปฺปหานฺจ สิทฺธเมว โหติ, ยโต เต ภาวิตตฺตาติ วุจฺจนฺติ. มคฺคกฺขเณ หิ อริยา อปฺปมาทภาวนํ ภาเวนฺติ นาม, อคฺคผลกฺขณโต ปฏฺาย ภาวิตตฺตา นามาติ วุตฺโตวายมตฺโถ.

เตสุ ตทงฺคปฺปหาเนน เนสํ สีลสมฺปทา ทสฺสิตา, วิกฺขมฺภนปฺปหาเนน สมาธิสมฺปทา, สมุจฺเฉทปฺปหาเนน ปฺาสมฺปทา, อิตเรน ตาสํ ผลํ ทสฺสิตํ. สีเลน จ เตสํ ปฏิปตฺติยา อาทิกลฺยาณตา ทสฺสิตา, ‘‘โก จาทิ กุสลานํ ธมฺมานํ? สีลฺจ สุวิสุทฺธํ’’ (สํ. นิ. ๕.๓๖๙), ‘‘สีเล ปติฏฺาย’’ (สํ. นิ. ๑.๒๓; วิสุทฺธิ. ๑.๑), ‘‘สพฺพปาปสฺส อกรณ’’นฺติ (ธ. ป. ๑๘๓; ที. นิ. ๒.๙๐) จ วจนโต สีลํ ปฏิปตฺติยา อาทิกลฺยาณํว อวิปฺปฏิสาราทิคุณาวหตฺตา. สมาธินา มชฺเฌกลฺยาณตา ทสฺสิตา, ‘‘จิตฺตํ ภาวยํ’’, ‘‘กุสลสฺส อุปสมฺปทา’’ติ จ วจนโต สมาธิปฏิปตฺติยา มชฺเฌกลฺยาโณว, อิทฺธิวิธาทิคุณาวหตฺตา. ปฺาย ปริโยสานกลฺยาณตา ทสฺสิตา, ‘‘สจิตฺตปริโยทปนํ’’ (ธ. ป. ๑๘๓; ที. นิ. ๒.๙๐), ‘‘ปฺํ ภาวย’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๒๓; วิสุทฺธิ. ๑.๑) จ วจนโต ปฺา ปฏิปตฺติยา ปริโยสานํว, ปฺุตฺตรโต กุสลานํ ธมฺมานํ สาว กลฺยาณา อิฏฺานิฏฺเสุ ตาทิภาวาวหตฺตา.

‘‘เสโล ยถา เอกฆโน, วาเตน น สมีรติ; (มหาว. ๒๔๔);

เอวํ นินฺทาปสํสาสุ, น สมิฺชนฺติ ปณฺฑิตา’’ติ. (ธ. ป. ๘๑) –

หิ วุตฺตํ.

ตถา สีลสมฺปทาย เตวิชฺชภาโว ทสฺสิโต. สีลสมฺปตฺติฺหิ นิสฺสาย ติสฺโส วิชฺชา ปาปุณนฺติ. สมาธิสมฺปทาย ฉฬภิฺาภาโว. สมาธิสมฺปตฺติฺหิ นิสฺสาย ฉฬภิฺา ปาปุณนฺติ. ปฺาสมฺปทาย ปภินฺนปฏิสมฺภิทาภาโว. ปฺาสมฺปทฺหิ นิสฺสาย จตสฺโส ปฏิสมฺภิทา ปาปุณนฺติ. อิมินา เตสํ เถรานํ เกจิ เตวิชฺชา, เกจิ ฉฬภิฺา, เกจิ ปฏิสมฺภิทาปตฺตาติ อยมตฺโถ ทสฺสิโตติ เวทิตพฺพํ.

ตถา สีลสมฺปทาย เตสํ กามสุขานุโยคสงฺขาตสฺส อนฺตสฺส ปริวชฺชนํ ทสฺเสติ. สมาธิสมฺปทาย อตฺตกิลมถานุโยคสงฺขาตสฺส, ปฺาสมฺปทาย มชฺฌิมาย ปฏิปทาย เสวนํ ทสฺเสติ. ตถา สีลสมฺปทาย เตสํ วีติกฺกมปฺปหานํ กิเลสานํ ทสฺเสติ. สมาธิสมฺปทาย ปริยุฏฺานปฺปหานํ, ปฺาสมฺปทาย อนุสยปฺปหานํ ทสฺเสติ. สีลสมฺปทาย วา ทุจฺจริตสํกิเลสวิโสธนํ, สมาธิสมฺปทาย ตณฺหาสํกิเลสวิโสธนํ, ปฺาสมฺปทาย ทิฏฺิสํกิเลสวิโสธนํ ทสฺเสติ. ตทงฺคปฺปหาเนน วา เนสํ อปายสมติกฺกโม ทสฺสิโต. วิกฺขมฺภนปฺปหาเนน กามธาตุสมติกฺกโม, สมุจฺเฉทปฺปหาเนน สพฺพภวสมติกฺกโม ทสฺสิโตติ เวทิตพฺพํ.

‘‘ภาวิตตฺตาน’’นฺติ วา เอตฺถ สีลภาวนา, จิตฺตภาวนา ปฺาภาวนาติ ติสฺโส ภาวนา เวทิตพฺพา กายภาวนาย ตทนฺโตคธตฺตา. สีลภาวนา จ ปฏิปตฺติยา อาทีติ สพฺพํ ปุริมสทิสํ. ยถา ปน สีหนาทํ ปเร มิคคณา น สหนฺติ, กุโต อภิภเว, อฺทตฺถุ สีหนาโทว เต อภิภวติ เอวเมว อฺติตฺถิยวาทา เถรานํ วาเท น สหนฺติ, กุโต อภิภเว, อฺทตฺถุ เถรวาทาว เต อภิภวนฺติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ‘‘สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา, สพฺเพ สงฺขารา ทุกฺขา, สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา’’ติ (ธ. ป. ๒๗๗-๒๗๙) ‘‘นิพฺพานธาตู’’ติ จ ปวตฺตนโต. น หิ ธมฺมโต สกฺกา เกนจิ อฺถา กาตุํ อปฺปฏิวตฺตนียโต. ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ ปรโต อาวิภวิสฺสติ. เอวเมตฺถ สงฺเขเปเนว ปมคาถาย อตฺถวิภาวนา เวทิตพฺพา.

ทุติยคาถายํ ปน อยํ สมฺพนฺธทสฺสนมุเขน อตฺถวิภาวนา. ตตฺถ เยสํ เถรานํ คาถา สาเวตุกาโม, เต สาธารณวเสน นามโต โคตฺตโต คุณโต จ กิตฺเตตุํ ‘‘ยถานามา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อสาธารณโต ปน ตตฺถ ตตฺถ คาถาสฺเวว อาวิภวิสฺสติ. ตตฺถ ยถานามาติ ยํยํนามา, สุภูติ มหาโกฏฺิโกติอาทินา นเยน นามเธยฺเยน ปฺาตาติ อตฺโถ. ยถาโคตฺตาติ ยํยํโคตฺตา, โคตโม กสฺสโปติอาทินา นเยน กุลปเทเสน ยาย ยาย ชาติยา ปฺาตาติ อตฺโถ. ยถาธมฺมวิหาริโนติ ยาทิสธมฺมวิหาริโน, ปริยตฺติปรมตายํ อฏฺตฺวา ยถานุรูปํ สมาปตฺติวิหาริโน หุตฺวา วิหรึสูติ อตฺโถ. อถ วา ยถาธมฺมวิหาริโนติ ยถาธมฺมา วิหาริโน จ, ยาทิสสีลาทิธมฺมา ทิพฺพวิหาราทีสุ อภิณฺหโส วิหรมานา ยาทิสวิหารา จาติ อตฺโถ. ยถาธิมุตฺตาติ ยาทิสอธิมุตฺติกา สทฺธาธิมุตฺติปฺาธิมุตฺตีสุ ยํยํอธิมุตฺติกา สุฺตมุขาทีสุ วา ยถา ยถา นิพฺพานํ อธิมุตฺตาติ ยถาธิมุตฺตา. ‘‘นิพฺพานํ อธิมุตฺตานํ, อตฺถํ คจฺฉนฺติ อาสวา’’ติ (ธ. ป. ๒๒๖) หิ วุตฺตํ. อุภยฺเจตํ ปุพฺพภาควเสน เวทิตพฺพํ. อรหตฺตปฺปตฺติโต ปุพฺเพเยว หิ ยถาวุตฺตมธิมุจฺจนํ, น ปรโต. เตนาห ภควา –

‘‘อสฺสทฺโธ อกตฺู จ, สนฺธิจฺเฉโท จ โย นโร’’ติอาทิ. (ธ. ป. ๙๗).

‘‘ยถาวิมุตฺตา’’ติ วา ปาโ, ปฺาวิมุตฺติอุภโตภาควิมุตฺตีสุ ยํยํวิมุตฺติกาติ อตฺโถ. สปฺปฺาติ ติเหตุกปฏิสนฺธิปฺาย ปาริหาริกปฺาย ภาวนาปฺาย จาติ ติวิธายปิ ปฺาย ปฺวนฺโต. วิหรึสูติ ตาย เอว สปฺปฺตาย ยถาลทฺเธน ผาสุวิหาเรเนว วสึสุ. อตนฺทิตาติ อนลสา, อตฺตหิตปฏิปตฺติยํ ยถาพลํ ปรหิตปฏิปตฺติยฺจ อุฏฺานวนฺโตติ อตฺโถ.

เอตฺถ จ ปน นามโคตฺตคฺคหเณน เตสํ เถรานํ ปกาสปฺาตภาวํ ทสฺเสติ. ธมฺมวิหารคฺคหเณน สีลสมฺปทํ สมาธิสมฺปทฺจ ทสฺเสติ. ‘‘ยถาธิมุตฺตา สปฺปฺา’’ติ อิมินา ปฺาสมฺปทํ. ‘‘อตนฺทิตา’’ติ อิมินา สีลสมฺปทาทีนํ การณภูตํ วีริยสมฺปทํ ทสฺเสติ. ‘‘ยถานามา’’ติ อิมินา เตสํ ปกาสนนามตํ ทสฺเสติ. ‘‘ยถาโคตฺตา’’ติ อิมินา สทฺธานุสารีธมฺมานุสารีโคตฺตสมฺปตฺติสมุทาคมํ, ‘‘ยถาธมฺมวิหาริโน’’ติอาทินา สีลสมาธิปฺาวิมุตฺติวิมุตฺติาณทสฺสนํ สมฺปตฺติสมุทาคมํ, ‘‘อตนฺทิตา’’ติ อิมินา เอวํ อตฺตหิตสมฺปตฺติยํ ิตานํ ปรหิตปฏิปตฺตึ ทสฺเสติ.

อถ วา ‘‘ยถานามา’’ติ อิทํ เตสํ เถรานํ ครูหิ คหิตนามเธยฺยทสฺสนํ สมฺามตฺตกิตฺตนโต. ‘‘ยถาโคตฺตา’’ติ อิทํ กุลปุตฺตภาวทสฺสนํ กุลาปเทส กิตฺตนโต. เตน เนสํ สทฺธาปพฺพชิตภาวํ ทสฺเสติ. ‘‘ยถาธมฺมวิหาริโน’’ติ อิทํ จรณสมฺปตฺติทสฺสนํ สีลสํวราทีหิ สมงฺคีภาวทีปนโต. ‘‘ยถาธิมุตฺตา สปฺปฺา’’ติ อิทํ เนสํ วิชฺชาสมฺปตฺติทสฺสนํ อาสวกฺขยปริโยสานาย าณสมฺปตฺติยา อธิคมปริทีปนโต. ‘‘อตนฺทิตา’’ติ อิทํ วิชฺชาจรณสมฺปตฺตีนํ อธิคมูปายทสฺสนํ. ‘‘ยถานามา’’ติ วา อิมินา เตสํ ปกาสนนามตํเยว ทสฺเสติ. ‘‘ยถาโคตฺตา’’ติ ปน อิมินา ปจฺฉิมจกฺกทฺวยสมฺปตฺตึ ทสฺเสติ. น หิ สมฺมาอปฺปณิหิตตฺตโน ปุพฺเพ จ อกตปุฺสฺส สทฺธานุสารีธมฺมานุสาริโน โคตฺตสมฺปตฺติสมุทาคโม สมฺภวติ. ‘‘ยถาธมฺมวิหาริโน’’ติ อิมินา เตสํ ปุริมจกฺกทฺวยสมฺปตฺตึ ทสฺเสติ. น หิ อปฺปติรูเป เทเส วสโต สปฺปุริสูปนิสฺสยรหิตสฺส จ ตาทิสา คุณวิเสสา สมฺภวนฺติ. ‘‘ยถาธิมุตฺตา’’ติ อิมินา สทฺธมฺมสวนสมฺปทาสมาโยคํ ทสฺเสติ. น หิ ปรโตโฆเสน วินา สาวกานํ สจฺจสมฺปฏิเวโธ สมฺภวติ. ‘‘สปฺปฺา อตนฺทิตา’’ติ อิมินา ยถาวุตฺตสฺส คุณวิเสสสฺส อพฺยภิจาริเหตุํ ทสฺเสติ ายารมฺภทสฺสนโต.

อปโร นโย – ‘‘ยถาโคตฺตา’’ติ เอตฺถ โคตฺตกิตฺตเนน เตสํ เถรานํ โยนิโสมนสิการสมฺปทํ ทสฺเสติ ยถาวุตฺตโคตฺตสมฺปนฺนสฺส โยนิโสมนสิการสมฺภวโต. ‘‘ยถาธมฺมวิหาริโน’’ติ เอตฺถ ธมฺมวิหารคฺคหเณน สทฺธมฺมสวนสมฺปทํ ทสฺเสติ สทฺธมฺมสวเนน วินา ตทภาวโต. ‘‘ยถาธิมุตฺตา’’ติ อิมินา มตฺถกปฺปตฺตํ ธมฺมานุธมฺมปฏิปทํ ทสฺเสติ. ‘‘สปฺปฺา’’ติ อิมินา สพฺพตฺถ สมฺปชานการิตํ. ‘‘อตนฺทิตา’’ติ อิมินา วุตฺตนเยน อตฺตหิตสมฺปตฺตึ ปริปูเรตฺวา ิตานํ ปเรสํ หิตสุขาวหาย ปฏิปตฺติยํ อกิลาสุภาวํ ทสฺเสติ. ตถา ‘‘ยถาโคตฺตา’’ติ อิมินา เนสํ สรณคมนสมฺปทา ทสฺสิตา สทฺธานุสารีโคตฺตกิตฺตนโต. ‘‘ยถาธมฺมวิหาริโน’’ติ อิมินา สีลกฺขนฺธปุพฺพงฺคโม สมาธิกฺขนฺโธ ทสฺสิโต. ‘‘ยถาธิมุตฺตา สปฺปฺา’’ติ อิมินา ปฺกฺขนฺธาทโย. สรณคมนฺจ สาวกคุณานํ อาทิ, สมาธิ มชฺเฌ, ปฺา ปริโยสานนฺติ อาทิมชฺฌปริโยสานทสฺสเนน สพฺเพปิ สาวกคุณา ทสฺสิตา โหนฺติ.

อีทิสี ปน คุณวิภูติ ยาย สมฺมาปฏิปตฺติยา เตหิ อธิคตา, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถ ตตฺถ วิปสฺสิตฺวา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ตตฺถาติ เตสุ เตสุ อรฺรุกฺขมูลปพฺพตาทีสุ วิวิตฺตเสนาสเนสุ. ตตฺถ ตตฺถาติ วา ตสฺมึ ตสฺมึ อุทานาทิกาเล. วิปสฺสิตฺวาติ สมฺปสฺสิตฺวา. นามรูปววตฺถาปนปจฺจยปริคฺคเหหิ ทิฏฺิวิสุทฺธิกงฺขาวิตรณวิสุทฺธิโย สมฺปาเทตฺวา กลาปสมฺมสนาทิกฺกเมน ปฺจมํ วิสุทฺธึ อธิคนฺตฺวา ปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธิยา มตฺถกํ ปาปนวเสน วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา ผุสิตฺวาติ ปตฺวา สจฺฉิกตฺวา. อจฺจุตํ ปทนฺติ นิพฺพานํ. ตฺหิ สยํ อจวนธมฺมตฺตา อธิคตานํ อจฺจุติเหตุภาวโต จ นตฺถิ เอตฺถ จุตีติ ‘‘อจฺจุตํ’’. สงฺขตธมฺเมหิ อสมฺมิสฺสภาวตาย ตทตฺถิเกหิ ปฏิปชฺชิตพฺพตาย จ ‘‘ปท’’นฺติ จ วุจฺจติ. กตนฺตนฺติ กตสฺส อนฺตํ. โย หิ เตหิ อธิคโต อริยมคฺโค, โส อตฺตโน ปจฺจเยหิ อุปฺปาทิตตฺตา กโต นาม. ตสฺส ปน ปริโยสานภูตํ ผลํ กตนฺโตติ อธิปฺเปตํ. ตํ กตนฺตํ อคฺคผลํ. อถ วา ปจฺจเยหิ กตตฺตา นิปฺผาทิตตฺตา กตา นาม สงฺขตธมฺมา, ตนฺนิสฺสรณภาวโต กตนฺโต นิพฺพานํ. ตํ กตนฺตํ. ปจฺจเวกฺขนฺตาติ ‘‘อธิคตํ วต มยา อริยมคฺคาธิคเมน อิทํ อริยผลํ, อธิคตา อสงฺขตา ธาตู’’ติ อริยผลนิพฺพานานิ วิมุตฺติาณทสฺสเนน ปฏิปตฺตึ อเวกฺขมานา. อถ วา สจฺจสมฺปฏิเวธวเสน ยํ อริเยน กรณียํ ปริฺาทิโสฬสวิธํ กิจฺจํ อคฺคผเล ิเตน นิปฺผาทิตตฺตา ปริโยสาปิตตฺตา กตํ นาม, เอวํ กตํ ตํ ปจฺจเวกฺขนฺตา. เอเตน ปหีนกิเลสปจฺจเวกฺขณํ ทสฺสิตํ. ปุริมนเยน ปน อิตรปจฺจเวกฺขณานีติ เอกูนวีสติ ปจฺจเวกฺขณานิ ทสฺสิตานิ โหนฺติ.

อิมมตฺถนฺติ เอตฺถ อิมนฺติ สกโล เถรเถรีคาถานํ อตฺโถ อตฺตโน อิตเรสฺจ ตตฺถ สนฺนิปติตานํ ธมฺมสงฺคาหกมหาเถรานํ พุทฺธิยํ วิปริวตฺตมานตาย อาสนฺโน ปจฺจกฺโขติ จ กตฺวา วุตฺตํ. อตฺถนฺติ ‘‘ฉนฺนา เม กุฏิกา’’ติอาทีหิ คาถาหิ วุจฺจมานํ อตฺตูปนายิกํ ปรูปนายิกํ โลกิยโลกุตฺตรปฏิสํยุตฺตํ อตฺถํ. อภาสิสุนฺติ คาถาพนฺธวเสน กเถสุํ, ตํทีปนิโย อิทานิ มยา วุจฺจมานา เตสํ ภาวิตตฺตานํ คาถา อตฺตูปนายิกา สุณาถาติ โยชนา. เต จ มหาเถรา เอวํ กเถนฺตา อตฺตโน สมฺมาปฏิปตฺติปกาสนีหิ คาถาหิ สาสนสฺส เอกนฺตนิยฺยานิกวิภาวเนน ปเรปิ ตตฺถ สมฺมาปฏิปตฺติยํ นิโยเชนฺตีติ เอตมตฺถํ ทีเปติ อายสฺมา ธมฺมภณฺฑาคาริโก, ตถา ทีเปนฺโต จ อิมาหิ คาถาหิ เตสํ โถมนํ ตาสฺจ เตสํ วจนสฺส นิทานภาเวน ปนํ านคตเมวาติ ทสฺเสตีติ ทฏฺพฺพํ.

นิทานคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑. เอกกนิปาโต

๑. ปมวคฺโค

๑. สุภูติตฺเถรคาถาวณฺณนา

อิทานิ ฉนฺนา เม กุฏิกาติอาทินยปฺปวตฺตานํ เถรคาถานํ อตฺถวณฺณนา โหติ. สา ปนายํ อตฺถวณฺณนา ยสฺมา ตาสํ ตาสํ คาถานํ อฏฺุปฺปตฺตึ ปกาเสตฺวา วุจฺจมานา ปากฏา โหติ สุวิฺเยฺยา จ. ตสฺมา ตตฺถ ตตฺถ อฏฺุปฺปตฺตึ ปกาเสตฺวา อตฺถวณฺณนํ กริสฺสามาติ.

ตตฺถ ฉนฺนา เม กุฏิกาติคาถาย กา อุปฺปตฺติ? วุจฺจเต – อิโต กิร กปฺปสตสหสฺสมตฺถเก อนุปฺปนฺเนเยว ปทุมุตฺตเร ภควติ โลกนาเถ หํสวตีนามเก นคเร อฺตรสฺส พฺราหฺมณมหาสาลสฺส เอโก ปุตฺโต อุปฺปชฺชิ. ตสฺส ‘‘นนฺทมาณโว’’ติ นามํ อกํสุ. โส วยปฺปตฺโต ตโย เวเท อุคฺคณฺหิตฺวา ตตฺถ สารํ อปสฺสนฺโต อตฺตโน ปริวารภูเตหิ จตุจตฺตาลีสาย มาณวกสหสฺเสหิ สทฺธึ ปพฺพตปาเท อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อฏฺ สมาปตฺติโย ปฺจ จ อภิฺาโย นิพฺพตฺเตสิ. อนฺเตวาสิกานมฺปิ กมฺมฏฺานํ อาจิกฺขิ. เตปิ น จิเรเนว ฌานลาภิโน อเหสุํ.

เตน จ สมเยน ปทุมุตฺตโร ภควา โลเก อุปฺปชฺชิตฺวา หํสวตีนครํ อุปนิสฺสาย วิหรนฺโต เอกทิวสํ ปจฺจูสสมเย โลกํ โวโลเกนฺโต นนฺทตาปสสฺส อนฺเตวาสิกชฏิลานํ อรหตฺตูปนิสฺสยํ นนฺทตาปสสฺส จ ทฺวีหงฺเคหิ สมนฺนาคตสฺส สาวกฏฺานนฺตรสฺส ปตฺถนํ ทิสฺวา ปาโตว สรีรปฏิชคฺคนํ กตฺวา ปุพฺพณฺหสมเย ปตฺตจีวรมาทาย อฺํ กฺจิ อนามนฺเตตฺวา สีโห วิย เอกจโร นนฺทตาปสสฺส อนฺเตวาสิเกสุ ผลาผลตฺถาย คเตสุ ‘‘พุทฺธภาวํ เม ชานาตู’’ติ ปสฺสนฺตสฺเสว นนฺทตาปสสฺส อากาสโต โอตริตฺวา ปถวิยํ ปติฏฺาสิ. นนฺทตาปโส พุทฺธานุภาวฺเจว ลกฺขณปาริปูริฺจ ทิสฺวา ลกฺขณมนฺเต สมฺมสิตฺวา ‘‘อิเมหิ ลกฺขเณหิ สมนฺนาคโต นาม อคารํ อชฺฌาวสนฺโต ราชา โหติ จกฺกวตฺตี, ปพฺพชนฺโต โลเก วิวฏจฺฉโท สพฺพฺู พุทฺโธ โหติ. อยํ ปุริสาชานีโย นิสฺสํสยํ พุทฺโธติ ตฺวา ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา, ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา, อาสนํ ปฺาเปตฺวา, อทาสิ. นิสีทิ ภควา ปฺตฺเต อาสเน. นนฺทตาปโสปิ อตฺตโน อนุจฺฉวิกํ อาสนํ คเหตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ.

ตสฺมึ สมเย จตุจตฺตาลีสสหสฺสชฏิลา ปณีตปณีตานิ โอชวนฺตานิ ผลาผลานิ คเหตฺวา อาจริยสฺส สนฺติกํ สมฺปตฺตา พุทฺธานฺเจว อาจริยสฺส จ นิสินฺนาสนํ โอโลเกนฺตา อาหํสุ – ‘‘อาจริย, มยํ ‘อิมสฺมึ โลเก ตุมฺเหหิ มหนฺตตโร นตฺถี’ติ วิจราม, อยํ ปน ปุริโส ตุมฺเหหิ มหนฺตตโร มฺเ’’ติ. นนฺทตาปโส, ‘‘ตาตา, กึ วเทถ, สาสเปน สทฺธึ อฏฺสฏฺิสตสหสฺสโยชนุพฺเพธํ สิเนรุํ อุปเมตุํ อิจฺฉถ, สพฺพฺุพุทฺเธน สทฺธึ มา มํ อุปมิตฺถา’’ติ อาห. อถ เต ตาปสา ‘‘สเจ อยํ โอรโก อภวิสฺส, น อมฺหากํ อาจริโย เอวํ อุปมํ อาหเรยฺย, ยาว มหา วตายํ ปุริสาชานีโย’’ติ ปาเทสุ นิปติตฺวา สิรสา วนฺทึสุ. อถ เต อาจริโย อาห – ‘‘ตาตา, อมฺหากํ พุทฺธานํ อนุจฺฉวิโก เทยฺยธมฺโม นตฺถิ, ภควา จ ภิกฺขาจารเวลายํ อิธาคโต, ตสฺมา มยํ ยถาพลํ เทยฺยธมฺมํ ทสฺสาม, ตุมฺเห ยํ ยํ ปณีตํ ผลาผลํ อานีตํ, ตํ ตํ อาหรถา’’ติ วตฺวา อาหราเปตฺวา หตฺเถ โธวิตฺวา สยํ ตถาคตสฺส ปตฺเต ปติฏฺาเปสิ. สตฺถารา ผลาผเล ปฏิคฺคหิตมตฺเต เทวตา ทิพฺโพชํ ปกฺขิปึสุ. ตาปโส อุทกมฺปิ สยเมว ปริสฺสาเวตฺวา อทาสิ. ตโต โภชนกิจฺจํ นิฏฺาเปตฺวา นิสินฺเน สตฺถริ สพฺเพ อนฺเตวาสิเก ปกฺโกสิตฺวา สตฺถุ สนฺติเก สารณียํ กถํ กเถนฺโต นิสีทิ. สตฺถา ‘‘ภิกฺขุสงฺโฆ อาคจฺฉตู’’ติ จินฺเตสิ. ภิกฺขู สตฺถุ จิตฺตํ ตฺวา สตสหสฺสมตฺตา ขีณาสวา อาคนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺํสุ.

นนฺทตาปโส อนฺเตวาสิเก อามนฺเตสิ – ‘‘ตาตา, พุทฺธานํ นิสินฺนาสนมฺปิ นีจํ, สมณสตสหสฺสสฺสปิ อาสนํ นตฺถิ, ตุมฺเหหิ อชฺช อุฬารํ ภควโต ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ สกฺการํ กาตุํ วฏฺฏติ, ปพฺพตปาทโต วณฺณคนฺธสมฺปนฺนานิ ปุปฺผานิ อาหรถา’’ติ. อจินฺเตยฺยตฺตา อิทฺธิวิสยสฺส มุหุตฺเตเนว วณฺณคนฺธสมฺปนฺนานิ ปุปฺผานิ อาหริตฺวา พุทฺธานํ โยชนปฺปมาณํ ปุปฺผาสนํ ปฺาเปสุํ. อคฺคสาวกานํ ติคาวุตํ, เสสภิกฺขูนํ อฑฺฒโยชนิกาทิเภทํ, สงฺฆนวกสฺส อุสภมตฺตํ อโหสิ. เอวํ ปฺตฺเตสุ อาสเนสุ นนฺทตาปโส ตถาคตสฺส ปุรโต อฺชลึ ปคฺคยฺห ิโต, ‘‘ภนฺเต, มยฺหํ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย อิมํ ปุปฺผาสนํ อภิรุหถา’’ติ อาห. นิสีทิ ภควา ปุปฺผาสเน. เอวํ นิสินฺเน สตฺถริ สตฺถุ อาการํ ตฺวา ภิกฺขู อตฺตโน อตฺตโน ปตฺตาสเน นิสีทึสุ. นนฺทตาปโส มหนฺตํ ปุปฺผฉตฺตํ คเหตฺวา ตถาคตสฺส มตฺถเก ธาเรนฺโต อฏฺาสิ. สตฺถา ‘‘ตาปสานํ อยํ สกฺกาโร มหปฺผโล โหตู’’ติ นิโรธสมาปตฺตึ สมาปชฺชิ. สตฺถุ สมาปนฺนภาวํ ตฺวา ภิกฺขูปิ สมาปชฺชึสุ. ตถาคเต สตฺตาหํ นิโรธํ สมาปชฺชิตฺวา นิสินฺเน อนฺเตวาสิกา ภิกฺขาจารกาเล สมฺปตฺเต วนมูลผลาผลํ ปริภุฺชิตฺวา เสสกาเล พุทฺธานํ อฺชลึ ปคฺคยฺห ติฏฺนฺติ. นนฺทตาปโส ปน ภิกฺขาจารมฺปิ อคนฺตฺวา ปุปฺผฉตฺตํ ธาเรนฺโต สตฺตาหํ ปีติสุเขเนว วีตินาเมติ.

สตฺถา นิโรธโต วุฏฺาย อรณวิหาริองฺเคน ทกฺขิเณยฺยงฺเคน จาติ ทฺวีหิ องฺเคหิ สมนฺนาคตํ เอกํ สาวกํ ‘‘อิสิคณสฺส ปุปฺผาสนานุโมทนํ กโรหี’’ติ อาณาเปสิ. โส จกฺกวตฺติรฺโ สนฺติกา ปฏิลทฺธมหาลาโภ มหาโยโธ วิย ตุฏฺมานโส อตฺตโน วิสเย ตฺวา เตปิฏกํ พุทฺธวจนํ สมฺมสิตฺวา อนุโมทนํ อกาสิ. ตสฺส เทสนาวสาเน สตฺถา สยํ ธมฺมํ เทเสสิ. เทสนาปริโยสาเน สพฺเพ จตุจตฺตาลีสสหสฺสตาปสา อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. สตฺถา ‘‘เอถ, ภิกฺขโว’’ติ หตฺถํ ปสาเรสิ. เตสํ ตาวเทว เกสมสฺสุ อนฺตรธายิ. อฏฺ ปริกฺขารา กาเย ปฏิมุกฺกาว อเหสุํ สฏฺิวสฺสตฺเถรา วิย สตฺถารํ ปริวารยึสุ. นนฺทตาปโส ปน วิกฺขิตฺตจิตฺตตาย วิเสสํ นาธิคจฺฉิ. ตสฺส กิร อรณวิหาริตฺเถรสฺส สนฺติเก ธมฺมํ โสตุํ อารทฺธกาลโต ปฏฺาย ‘‘อโห วตาหมฺปิ อนาคเต อุปฺปชฺชนกพุทฺธสฺส สาสเน อิมินา สาวเกน ลทฺธธุรํ ลเภยฺย’’นฺติ จิตฺตํ อุทปาทิ. โส เตน ปริวิตกฺเกน มคฺคผลปฏิเวธํ กาตุํ นาสกฺขิ. ตถาคตํ ปน วนฺทิตฺวา สมฺมุเข ตฺวา อาห – ‘‘ภนฺเต, เยน ภิกฺขุนา อิสิคณสฺส ปุปฺผาสนานุโมทนา กตา, โก นามายํ ตุมฺหากํ สาสเน’’ติ. ‘‘อรณวิหาริองฺเค ทกฺขิเณยฺยองฺเค จ เอตทคฺคํ ปตฺโต เอโส ภิกฺขู’’ติ. ‘‘ภนฺเต, ยฺวายํ มยา สตฺตาหํ ปุปฺผฉตฺตํ ธาเรนฺเตน สกฺกาโร กโต, เตน อธิกาเรน น อฺํ สมฺปตฺตึ ปตฺเถมิ, อนาคเต ปน เอกสฺส พุทฺธสฺส สาสเน อยํ เถโร วิย ทฺวีหงฺเคหิ สมนฺนาคโต สาวโก ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนมกาสิ.

สตฺถา ‘‘สมิชฺฌิสฺสติ นุ, โข อิมสฺส ตาปสสฺส ปตฺถนา’’ติ อนาคตํสาณํ เปเสตฺวา โอโลเกนฺโต กปฺปสตสหสฺสํ อติกฺกมิตฺวา สมิชฺฌนกภาวํ ทิสฺวา นนฺทตาปสํ อาห – ‘‘น เต อยํ ปตฺถนา โมฆา ภวิสฺสติ, อนาคเต กปฺปสตสหสฺสํ อติกฺกมิตฺวา โคตโม นาม พุทฺโธ อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตสฺส สนฺติเก สมิชฺฌิสฺสตี’’ติ วตฺวา ธมฺมกถํ กเถตฺวา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต อากาสํ ปกฺขนฺทิ. นนฺทตาปโส ยาว จกฺขุปถสมติกฺกมา สตฺถารํ ภิกฺขุสงฺฆฺจ อุทฺทิสฺส อฺชลึ ปคฺคยฺห อฏฺาสิ. โส อปรภาเค กาเลน กาลํ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ สุณิ. อปริหีนชฺฌาโนว กาลงฺกตฺวา พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺโต. ตโต ปน จุโต อปรานิปิ ปฺจ ชาติสตานิ ปพฺพชิตฺวา อารฺโก อโหสิ. กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธกาเลปิ ปพฺพชิตฺวา อารฺโก หุตฺวา คตปจฺจาคตวตฺตํ ปูเรสิ. เอตํ กิร วตฺตํ อปริปูเรตฺวา มหาสาวกภาวํ ปาปุณนฺตา นาม นตฺถิ. คตปจฺจาคตวตฺตํ ปน อาคมฏฺกถาสุ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. โส วีสติวสฺสสหสฺสานิ คตปจฺจาคตวตฺตํ ปูเรตฺวา กาลงฺกตฺวา กามาวจรเทวโลเก ตาวตึสภวเน นิพฺพตฺติ. วุตฺตฺเหตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๓.๑๕๑) –

‘‘หิมวนฺตสฺสาวิทูเร, นิสโภ นาม ปพฺพโต;

อสฺสโม สุกโต มยฺหํ, ปณฺณสาลา สุมาปิตา.

‘‘โกสิโย นาม นาเมน, ชฏิโล อุคฺคตาปโน;

เอกากิโย อทุติโย, วสามิ นิสเภ ตทา.

‘‘ผลํ มูลฺจ ปณฺณฺจ, น ภุฺชามิ อหํ ตทา;

ปวตฺตํว สุปาตาหํ, อุปชีวามิ ตาวเท.

‘‘นาหํ โกเปมิ อาชีวํ, จชมาโนปิ ชีวิตํ;

อาราเธมิ สกํ จิตฺตํ, วิวชฺเชมิ อเนสนํ.

‘‘ราคูปสํหิตํ จิตฺตํ, ยทา อุปฺปชฺชเต มม;

สยํว ปจฺจเวกฺขามิ, เอกคฺโค ตํ ทเมมหํ.

‘‘รชฺชเส รชฺชนีเย จ, ทุสฺสนีเย จ ทุสฺสเส;

มุยฺหเส โมหนีเย จ, นิกฺขมสฺสุ วนา ตุวํ.

‘‘วิสุทฺธานํ อยํ วาโส, นิมฺมลานํ ตปสฺสินํ;

มา โข วิสุทฺธํ ทูเสสิ, นิกฺขมสฺสุ วนา ตุวํ.

‘‘อคาริโก ภวิตฺวาน, ยทา ปุตฺตํ ลภิสฺสสิ;

อุโภปิ มา วิราเธสิ, นิกฺขมสฺสุ วนา ตุวํ.

‘‘ฉวาลาตํ ยถา กฏฺํ, น กฺวจิ กิจฺจการกํ;

เนว คาเม อรฺเ วา, น หิ ตํ กฏฺสมฺมตํ.

‘‘ฉวาลาตูปโม ตฺวํ สิ, น คิหี นาปิ สฺโต;

อุภโต มุตฺตโก อชฺช, นิกฺขมสฺสุ วนา ตุวํ.

‘‘สิยา นุ โข ตว เอตํ, โก ปชานาติ เต อิทํ;

สทฺธาธุรํ วหิสิ เม, โกสชฺชพหุลาย จ.

‘‘ชิคุจฺฉิสฺสนฺติ ตํ วิฺู, อสุจึ นาคริโก ยถา;

อากฑฺฒิตฺวาน อิสโย, โจทยิสฺสนฺติ ตํ สทา.

‘‘ตํ วิฺู ปวทิสฺสนฺติ, สมติกฺกนฺตสาสนํ;

สํวาสํ อลภนฺโต หิ, กถํ ชีวิหิสิ ตุวํ.

‘‘ติธาปภินฺนํ มาตงฺคํ, กุฺชรํ สฏฺิหายนํ;

พลี นาโค อุปคนฺตฺวา, ยูถา นีหรเต คชํ.

‘‘ยูถา วินิสฺสโฏ สนฺโต, สุขํ สาตํ น วินฺทติ;

ทุกฺขิโต วิมโน โหติ, ปชฺฌายนฺโต ปเวธติ.

‘‘ตเถว ชฏิลา ตมฺปิ, นีหริสฺสนฺติ ทุมฺมตึ;

เตหิ ตฺวํ นิสฺสโฏ สนฺโต, สุขํ สาตํ น ลจฺฉสิ.

‘‘ทิวา วา ยทิ วา รตฺตึ, โสกสลฺลสมปฺปิโต;

ทยฺหติ ปริฬาเหน, คโช ยูถาว นิสฺสโฏ.

‘‘ชาตรูปํ ยถา กูฏํ, เนว ฌายติ กตฺถจิ;

ตถา สีลวีหิโน ตฺวํ, น ฌายิสฺสสิ กตฺถจิ.

‘‘อคารํ วสมาโนปิ, กถํ ชีวิหิสิ ตุวํ;

มตฺติกํ เปตฺติกฺจาปิ, นตฺถิ เต นิหิตํ ธนํ.

‘‘สยํ กมฺมํ กริตฺวาน, คตฺเต เสทํ ปโมจยํ;

เอวํ ชีวิหิสิ เคเห, สาธุ เต ตํ น รุจฺจติ.

‘‘เอวาหํ ตตฺถ วาเรมิ, สํกิเลสคตํ มนํ;

นานาธมฺมกถํ กตฺวา, ปาปา จิตฺตํ นิวารยึ.

‘‘เอวํ เม วิหรนฺตสฺส, อปฺปมาทวิหาริโน;

ตึสวสฺสสหสฺสานิ, วิปิเน เม อติกฺกมุํ.

‘‘อปฺปมาทรตํ ทิสฺวา, อุตฺตมตฺถํ คเวสกํ;

ปทุมุตฺตรสมฺพุทฺโธ, อาคจฺฉิ มม สนฺติกํ.

‘‘ติมฺพรูสกวณฺณาโภ, อปฺปเมยฺโย อนูปโม;

รูเปนาสทิโส พุทฺโธ, อากาเส จงฺกมี ตทา.

‘‘สุผุลฺโล สาลราชาว, วิชฺชูวพฺภฆนนฺตเร;

าเณนาสทิโส พุทฺโธ, อากาเส จงฺกมี ตทา.

‘‘สีหราชาวสมฺภีโต, คชราชาว ทปฺปิโต;

ลาสีโต พฺยคฺฆราชาว, อากาเส จงฺกมี ตทา.

‘‘สิงฺฆีนิกฺขสวณฺณาโภ, ขทิรงฺคารสนฺนิโภ;

มณิ ยถา โชติรโส, อากาเส จงฺกมี ตทา.

‘‘วิสุทฺธเกลาสนิโภ, ปุณฺณมาเยว จนฺทิมา;

มชฺฌนฺหิเกว สูริโย, อากาเส จงฺกมี ตทา.

‘‘ทิสฺวา นเภ จงฺกมนฺตํ, เอวํ จินฺเตสหํ ตทา;

เทโว นุ โข อยํ สตฺโต, อุทาหุ มนุโช อยํ.

‘‘น เม สุโต วา ทิฏฺโ วา, มหิยา เอทิโส นโร;

อปิ มนฺตปทํ อตฺถิ, อยํ สตฺถา ภวิสฺสติ.

‘‘เอวาหํ จินฺตยิตฺวาน, สกํ จิตฺตํ ปสาทยึ;

นานาปุปฺผฺจ คนฺธฺจ, สนฺนิปาเตสหํ ตทา.

‘‘ปุปฺผาสนํ ปฺาเปตฺวา, สาธุจิตฺตํ มโนรมํ;

นรสารถินํ อคฺคํ, อิทํ วจนมพฺรวึ.

‘‘อิทํ เม อาสนํ วีร, ปฺตฺตํ ตวนุจฺฉวํ;

หาสยนฺโต มมํ จิตฺตํ, นิสีท กุสุมาสเน.

‘‘นิสีทิ ตตฺถ ภควา, อสมฺภีโตว เกสรี;

สตฺตรตฺตินฺทิวํ พุทฺโธ, ปวเร กุสุมาสเน.

‘‘นมสฺสมาโน อฏฺาสึ, สตฺตรตฺตินฺทิวํ อหํ;

วุฏฺหิตฺวา สมาธิมฺหา, สตฺถา โลเก อนุตฺตโร;

มม กมฺมํ ปกิตฺเตนฺโต, อิทํ วจนมพฺรวิ.

‘‘ภาเวหิ พุทฺธานุสฺสตึ, ภาวนานมนุตฺตรํ;

อิมํ สตึ ภาวยิตฺวา, ปูรยิสฺสสิ มานสํ.

‘‘ตึสกปฺปสหสฺสานิ, เทวโลเก รมิสฺสสิ;

อสีติกฺขตฺตุํ เทวินฺโท, เทวรชฺชํ กริสฺสสิ;

สหสฺสกฺขตฺตุํ จกฺกวตฺตี, ราชา รฏฺเ ภวิสฺสสิ.

‘‘ปเทสรชฺชํ วิปุลํ, คณนาโต อสงฺขิยํ;

อนุโภสฺสสิ ตํ สพฺพํ, พุทฺธานุสฺสติยา ผลํ.

‘‘ภวาภเว สํสรนฺโต, มหาโภคํ ลภิสฺสสิ;

โภเค เต อูนตา นตฺถิ, พุทฺธานุสฺสติยา ผลํ.

‘‘กปฺปสตสหสฺสมฺหิ, โอกฺกากกุลสมฺภโว;

โคตโม นาม โคตฺเตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติ.

‘‘อสีติโกฏึ ฉฑฺเฑตฺวา, ทาเส กมฺมกเร พหู;

โคตมสฺส ภควโต, สาสเน ปพฺพชิสฺสสิ.

‘‘อาราธยิตฺวา สมฺพุทฺธํ, โคตมํ สกฺยปุงฺควํ;

สุภูติ นาม นาเมน, เหสฺสสิ สตฺถุ สาวโก.

‘‘ภิกฺขุสงฺเฆ นิสีทิตฺวา, ทกฺขิเณยฺยคุณมฺหิ ตํ;

ตถารณวิหาเร จ, ทฺวีสุ อคฺเค เปสฺสสิ.

‘‘อิทํ วตฺวาน สมฺพุทฺโธ, ชลชุตฺตมนามโก;

นภํ อพฺภุคฺคมี วีโร, หํสราชาว อมฺพเร.

‘‘สาสิโต โลกนาเถน, นมสฺสิตฺวา ตถาคตํ;

สทา ภาเวมิ มุทิโต, พุทฺธานุสฺสติมุตฺตมํ.

‘‘เตน กมฺเมน สุกเตน, เจตนาปณิธีหิ จ;

ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวตึสํ อคจฺฉหํ.

‘‘อสีติกฺขตฺตุํ เทวินฺโท, เทวรชฺชมการยึ;

สหสฺสกฺขตฺตุํ ราชา จ, จกฺกวตฺตี อโหสหํ.

‘‘ปเทสรชฺชํ วิปุลํ, คณนาโต อสงฺขิยํ;

อนุโภมิ สุสมฺปตฺตึ, พุทฺธานุสฺสติยา ผลํ.

‘‘ภวาภเว สํสรนฺโต, มหาโภคํ ลภามหํ;

โภเค เม อูนตา นตฺถิ, พุทฺธานุสฺสติยา ผลํ.

‘‘สตสหสฺสิโต กปฺเป, ยํ กมฺมมกรึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธานุสฺสติยา ผลํ.

‘‘ปฏิสมฺภิทา จตสฺโส, วิโมกฺขาปิ จ อฏฺิเม;

ฉฬภิฺา สจฺฉิกตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ. –

อิตฺถํ สุทํ อายสฺมา สุภูติตฺเถโร อิมา คาถาโย อภาสิตฺถาติ.

เอวํ ปน โส ตาวตึสภวเน อปราปรํ อุปฺปชฺชนวเสน ทิพฺพสมฺปตฺตึ อนุภวิตฺวา ตโต จุโต มนุสฺสโลเก อเนกสตกฺขตฺตุํ จกฺกวตฺติราชา จ ปเทสราชา จ หุตฺวา อุฬารํ มนุสฺสสมฺปตฺตึ อนุภวิตฺวา อถ อมฺหากํ ภควโต กาเล สาวตฺถิยํ สุมนเสฏฺิสฺส เคเห อนาถปิณฺฑิกสฺส กนิฏฺโ หุตฺวา นิพฺพตฺติ ‘‘สุภูตี’’ติสฺส นามํ อโหสิ.

เตน จ สมเยน อมฺหากํ ภควา โลเก อุปฺปชฺชิตฺวา ปวตฺตวรธมฺมจกฺโก อนุปุพฺเพน ราชคหํ คนฺตฺวา ตตฺถ เวฬุวนปฏิคฺคหณาทินา โลกานุคฺคหํ กโรนฺโต ราชคหํ อุปนิสฺสาย สีตวเน วิหรติ. ตทา อนาถปิณฺฑิโก เสฏฺิ สาวตฺถิยํ อุฏฺานกภณฺฑํ คเหตฺวา อตฺตโน สหายสฺส ราชคหเสฏฺิโน ฆรํ คโต พุทฺธุปฺปาทํ สุตฺวา สตฺถารํ สีตวเน วิหรนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปมทสฺสเนเนว โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาย สตฺถารํ สาวตฺถึ อาคมนตฺถาย ยาจิตฺวา ตโต ปฺจจตฺตาลีสโยชเน มคฺเค โยชเน โยชเน สตสหสฺสปริจฺจาเคน วิหาเร ปติฏฺาเปตฺวา สาวตฺถิยํ ราชมาเนน อฏฺกรีสปฺปมาณํ เชตสฺส ราชกุมารสฺส อุยฺยานภูมึ โกฏิสนฺถาเรน กิณิตฺวา ตตฺถ ภควโต วิหารํ กาเรตฺวา อทาสิ. วิหารปริคฺคหณทิวเส อยํ สุภูติกุฏุมฺพิโก อนาถปิณฺฑิกเสฏฺินา สทฺธึ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุณนฺโต สทฺธํ ปฏิลภิตฺวา ปพฺพชิ. โส อุปสมฺปชฺชิตฺวา ทฺเว มาติกา ปคุณา กตฺวา กมฺมฏฺานํ กถาเปตฺวา อรฺเ สมณธมฺมํ กโรนฺโต เมตฺตาฌานปาทกํ วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. โส ธมฺมํ เทเสนฺโต ยสฺมา สตฺถารา เทสิตนิยาเมน อโนทิสฺสกํ กตฺวา ธมฺมํ เทเสติ. ตสฺมา อรณวิหารีนํ อคฺโค นาม ชาโต. ปิณฺฑาย จรนฺโต ฆเร ฆเร เมตฺตาฌานํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย ภิกฺขํ ปฏิคฺคณฺหาติ ‘‘เอวํ ทายกานํ มหปฺผลํ ภวิสฺสตี’’ติ. ตสฺมา ทกฺขิเณยฺยานํ อคฺโค นาม ชาโต. เตนาห ภควา – ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ อรณวิหารีนํ ยทิทํ สุภูติ, ทกฺขิเณยฺยานํ ยทิทํ สุภูตี’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๙๘, ๒๐๑). เอวมยํ มหาเถโร อรหตฺเต ปติฏฺาย อตฺตนา ปูริตปารมีนํ ผลสฺส มตฺถกํ ปตฺวา โลเก อภิฺาโต อภิลกฺขิโต หุตฺวา พหุชนหิตาย ชนปทจาริกํ จรนฺโต อนุปุพฺเพน ราชคหํ อคมาสิ.

ราชา พิมฺพิสาโร เถรสฺส อาคมนํ สุตฺวา อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘อิเธว, ภนฺเต, วสถา’’ติ วตฺวา ‘‘นิวาสนฏฺานํ กริสฺสามี’’ติ ปกฺกนฺโต วิสฺสริ. เถโร เสนาสนํ อลภนฺโต อพฺโภกาเส วีตินาเมสิ. เถรสฺส อานุภาเวน เทโว น วสฺสติ. มนุสฺสา อวุฏฺิตาย อุปทฺทุตา รฺโ นิเวสนทฺวาเร อุกฺกุฏฺิมกํสุ. ราชา ‘‘เกน นุ โข การเณน เทโว น วสฺสตี’’ติ วีมํสนฺโต ‘‘เถรสฺส อพฺโภกาสวาเสน มฺเ น วสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา ตสฺส ปณฺณกุฏึ การาเปตฺวา ‘‘อิมิสฺสา, ภนฺเต, ปณฺณกุฏิยา วสถา’’ติ วตฺวา วนฺทิตฺวา ปกฺกามิ. เถโร กุฏิกํ ปวิสิตฺวา ติณสนฺถารเก ปลฺลงฺเกน นิสีทิ. ตทา ปน เทโว โถกํ โถกํ ผุสายติ, น สมฺมา ธารํ อนุปฺปเวจฺฉติ. อถ เถโร โลกสฺส อวุฏฺิกภยํ วิสมิตุกาโม อตฺตโน อชฺฌตฺติกพาหิรวตฺถุกสฺส ปริสฺสยสฺส อภาวํ ปเวเทนฺโต –

.

‘‘ฉนฺนา เม กุฏิกา สุขา นิวาตา, วสฺส เทว ยถาสุขํ;

จิตฺตํ เม สุสมาหิตํ วิมุตฺตํ, อาตาปี วิหรามิ วสฺส เทวา’’ติ. –

คาถมาห.

ตตฺถ ฉนฺน-สทฺโท ตาว ‘‘ฉนฺนา สา กุมาริกา อิมสฺส กุมารกสฺส’’ (ปารา. ๒๙๖) ‘‘นจฺฉนฺนํ นปฺปติรูป’’นฺติอาทีสุ (ปารา. ๓๘๓) ปติรูเป อาคโต. ‘‘ฉนฺนํ ตฺเวว, ผคฺคุณ, ผสฺสายตนาน’’นฺติอาทีสุ วจนวิสิฏฺเ สงฺขฺยาวิเสเส. ‘‘ฉนฺนมติวสฺสติ, วิวฏํ นาติวสฺสตี’’ติอาทีสุ (อุทา. ๔๕; จูฬว. ๓๘๕) คหเณ. ‘‘กฺยาหํ เต นจฺฉนฺโนปิ กริสฺสามี’’ติอาทีสุ นิวาสนปารุปเน ‘‘อายสฺมา ฉนฺโน อนาจารํ อาจรตี’’ติอาทีสุ (ปารา. ๔๒๔) ปฺตฺติยํ. ‘‘สพฺพจฺฉนฺนํ สพฺพปริจฺฉนฺนํ (ปาจิ. ๕๒, ๕๔), ฉนฺนา กุฏิ อาหิโต คินี’’ติ (สุ. นิ. ๑๘) จ อาทีสุ ติณาทีหิ ฉาทเน. อิธาปิ ติณาทีหิ ฉาทเนเยว ทฏฺพฺโพ, ตสฺมา ติเณน วา ปณฺเณน วา ฉนฺนา ยถา น วสฺสติ วสฺโสทกปตนํ น โหติ น โอวสฺสติ, เอวํ สมฺมเทว ฉาทิตาติ อตฺโถ.

เม-สทฺโท ‘‘กิจฺเฉน เม อธิคตํ, หลํ ทานิ ปกาสิตุ’’นฺติอาทีสุ (มหาว. ๘; ที. นิ. ๒.๖๕; ม. นิ. ๑.๒๘๑; ๒.๓๓๗; สํ. นิ. ๑.๑๗๒) กรเณ อาคโต, มยาติ อตฺโถ. ‘‘ตสฺส เม, ภนฺเต, ภควา สํขิตฺเตน ธมฺมํ เทเสตู’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๓.๑๘๒; อ. นิ. ๔.๒๕๗) สมฺปทาเน, มยฺหนฺติ อตฺโถ. ‘‘ปุพฺเพว เม, ภิกฺขเว, สมฺโพธา อนภิสมฺพุทฺธสฺส โพธิสตฺตสฺเสว สโต’’อาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๐๖; สํ. นิ. ๔.๑๔) สามิอตฺเถ อาคโต. อิธาปิ สามิอตฺเถ เอว ทฏฺพฺโพ, มมาติ อตฺโถ. กิฺจาปิ ขีณาสวานํ มมายิตพฺพํ นาม กิฺจิ นตฺถิ โลกธมฺเมหิ อนุปลิตฺตภาวโต, โลกสมฺาวเสน ปน เตสมฺปิ ‘‘อหํ มมา’’ติ โวหารมตฺตํ โหติ. เตนาห ภควา – ‘‘กินฺติ เม สาวกา ธมฺมทายาทา ภเวยฺยุํ, โน อามิสทายาทา’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๙).

กุฏิกาติ ปน มาตุกุจฺฉิปิ กรชกาโยปิ ติณาทิจฺฉทโน ปติสฺสโยปิ วุจฺจติ. ตถา หิ –

‘‘มาตรํ กุฏิกํ พฺรูสิ, ภริยํ พฺรูสิ กุลาวกํ;

ปุตฺเต สนฺตานเก พฺรูสิ, ตณฺหา เม พฺรูสิ พนฺธน’’นฺติ. (สํ. นิ. ๑.๑๙) –

อาทีสุ มาตุกุจฺฉิ ‘‘กุฏิกา’’ติ วุตฺตา.

‘‘อฏฺิกงฺกลกุฏิเก, มํสนฺหารุปสิพฺพิเต;

ธิรตฺถุ ปูเร ทุคฺคนฺเธ, ปรคตฺเต มมายสี’’ติ. (เถรคา. ๑๑๕๓) –

อาทีสุ เกสาทิสมูหภูโต กรชกาโย. ‘‘กสฺสปสฺส ภควโต ภคินิ กุฏิ โอวสฺสติ’’ (ม. นิ. ๒.๒๙๑) ‘‘กุฏิ นาม อุลฺลิตฺตา วา โหติ อวลิตฺตา วา’’ติอาทีสุ (ปารา. ๓๔๙) ติณฉทนปติสฺสโย. อิธาปิ โส เอว เวทิตพฺโพ ปณฺณสาลาย อธิปฺเปตตฺตา. กุฏิ เอว หิ กุฏิกา, อปากฏกุฏิ ‘‘กุฏิกา’’ติ วุตฺตา.

สุข-สทฺโท ปน ‘‘วิปิฏฺิกตฺวาน สุขํ ทุขฺจ, ปุพฺเพว จ โสมนสฺสโทมนสฺส’’นฺติอาทีสุ (สุ. นิ. ๖๗) สุขเวทนายํ อาคโต. ‘‘สุโข พุทฺธานมุปฺปาโท, สุขา สทฺธมฺมเทสนา’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๑๙๔) สุขมูเล. ‘‘สุขสฺเสตํ, ภิกฺขเว, อธิวจนํ ยทิทํ ปุฺานี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๗.๖๒; อิติวุ. ๒๒) สุขเหตุมฺหิ. ‘‘ยสฺมา จ, โข, มหาลิ, รูปํ สุขํ สุขานุปติตํ สุขาวกฺกนฺต’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๓.๖๐) สุขารมฺมเณ, ‘‘ทิฏฺธมฺมสุขวิหารา เอเต, จุนฺท, อริยสฺส วินเย’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๘๒) อพฺยาปชฺเช. ‘‘นิพฺพานํ ปรมํ สุข’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๒๑๕; ธ. ป. ๒๐๓-๒๐๔) นิพฺพาเน. ‘‘ยาวฺจิทํ, ภิกฺขเว, น สุกรํ อกฺขาเนน ปาปุณิตุํ ยาว สุขา สคฺคา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๒๒๕) สุขปฺปจฺจยฏฺาเน. ‘‘โสวคฺคิกํ สุขวิปากํ สคฺคสํวตฺตนิก’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๑๖๓; สํ. นิ. ๑.๑๓๐) อิฏฺเ, ปิยมนาเปติ อตฺโถ. อิธาปิ อิฏฺเ สุขปฺปจฺจเย วา ทฏฺพฺโพ. สา หิ กุฏิ อนฺโต พหิ จ มนาปภาเวน สมฺปาทิตา นิวาสนผาสุตาย ‘‘สุขา’’ติ วุตฺตา. ตถา นาติสีตนาติอุณฺหตาย อุตุสุขสมฺปตฺติโยเคน กายิกเจตสิกสุขสฺส ปจฺจยภาวโต.

นิวาตาติ อวาตา, ผุสิตคฺคฬปิหิตวาตปานตฺตา วาตปริสฺสยรหิตาติ อตฺโถ. อิทํ ตสฺสา กุฏิกา สุขภาววิภาวนํ. สวาเต หิ เสนาสเน อุตุสปฺปาโย น ลพฺภติ, นิวาเต โส ลพฺภตีติ. วสฺสาติ ปวสฺส สมฺมา ธารํ อนุปฺปเวจฺฉ. เทวาติ อยํ เทว-สทฺโท ‘‘อิมานิ เต, เทว, จตุราสีติ นครสหสฺสานิ กุสวตีราชธานิปฺปมุขานิ, เอตฺถ, เทว, ฉนฺทํ ชเนหิ ชีวิเต อเปกฺข’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๒๖๖) สมฺมุติเทเว ขตฺติเย อาคโต. ‘‘จาตุมหาราชิกา เทวา วณฺณวนฺโต สุขพหุลา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๓๓๗) อุปปตฺติเทเวสุ. ‘‘ตสฺส เทวาติเทวสฺส, สาสนํ สพฺพทสฺสิโน’’ติอาทีสุ วิสุทฺธิเทเวสุ. วิสุทฺธิเทวานฺหิ ภควโต อติเทวภาเว วุตฺเต อิตเรสํ วุตฺโต เอว โหติ. ‘‘วิทฺเธ วิคตวลาหเก เทเว’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๔๘๖; สํ. นิ. ๑.๑๑๐; อิติวุ. ๒๗) อากาเส. ‘‘เทโว จ กาเลน กาลํ น สมฺมา ธารํ อนุปฺปเวจฺฉตี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๗๐) เมเฆ ปชฺชุนฺเน วา. อิธาปิ เมเฆ ปชฺชุนฺเน วา ทฏฺพฺโพ. วสฺสาติ หิ เต อาณาเปนฺโต เถโร อาลปติ. ยถาสุขนฺติ ยถารุจึ. ตว วสฺสเนน มยฺหํ พาหิโร ปริสฺสโย นตฺถิ, ตสฺมา ยถากามํ วสฺสาติ วสฺสูปชีวิสตฺเต อนุคฺคณฺหนฺโต วทติ.

อิทานิ อพฺภนฺตเร ปริสฺสยาภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘จิตฺต’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ จิตฺตํ เม สุสมาหิตนฺติ มม จิตฺตํ สุฏฺุ อติวิย สมฺมา สมฺมเทว เอกคฺคภาเวน อารมฺมเณ ปิตํ. ตฺจ โข น นีวรณาทิวิกฺขมฺภนมตฺเตน; อปิ จ โข วิมุตฺตํ โอรมฺภาคิยอุทฺธํภาคิยสงฺคเหหิ สพฺพสํโยชเนหิ สพฺพกิเลสธมฺมโต จ วิเสเสน วิมุตฺตํ, สมุจฺเฉทปฺปหานวเสน ปฏิปสฺสทฺธิปฺปหานวเสน เต ปชหิตฺวา ิตนฺติ อตฺโถ. อาตาปีติ วีริยวา. ผลสมาปตฺติอตฺถํ วิปสฺสนารมฺภวเสน ทิฏฺธมฺมสุขวิหารตฺถฺจ อารทฺธวีริโย หุตฺวา วิหรามิ, ทิพฺพวิหาราทีหิ อตฺตภาวํ ปวตฺเตมิ, น ปน กิเลสปฺปหานตฺถํ, ปหาตพฺพสฺเสว อภาวโตติ อธิปฺปาโย. ‘‘ยถา ปน พาหิรปริสฺสยาภาเวน, เทว, มยา ตฺวํ วสฺสเน นิโยชิโต, เอวํ อพฺภนฺตรปริสฺสยาภาเวนปี’’ติ ทสฺเสนฺโต ปุนปิ ‘‘วสฺส, เทวา’’ติ อาห.

อปโร นโย ฉนฺนาติ ฉาทิตา ปิหิตา. กุฏิกาติ อตฺตภาโว. โส หิ ‘‘อเนกาวยวสฺส สมุทายสฺส อวิชฺชานีวรณสฺส, ภิกฺขเว, ปุคฺคลสฺส ตณฺหาสํยุตฺตสฺส อยฺเจว กาโย สมุทาคโต, พหิทฺธา จ นามรูป’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๒.๑๙) กาโยติ อาคโต. ‘‘สิฺจ, ภิกฺขุ, อิมํ นาวํ, สิตฺตา เต ลหุเมสฺสตี’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๖๖) นาวาติ อาคโต. ‘‘คหการก ทิฏฺโสิ, คหกูฏํ วิสงฺขต’’นฺติ (ธ. ป. ๑๕๔) จ อาทีสุ คหนฺติ อาคโต. ‘‘สตฺโต คุหายํ พหุนาภิฉนฺโน, ติฏฺํ นโร โมหนสฺมึ ปคาฬฺโห’’ติอาทีสุ (สุ. นิ. ๗๗๘) คุหาติ อาคโต. ‘‘เนลงฺโค เสตปจฺฉาโท, เอกาโร วตฺตตี รโถ’’ติอาทีสุ (อุทา. ๖๕) รโถติ อาคโต. ‘‘ปุน เคหํ น กาหสี’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๑๕๔) เคหนฺติ อาคโต. ‘‘วิวฏา กุฏิ นิพฺพุโต คินี’’ติอาทีสุ (สุ. นิ. ๑๙) กุฏีติ อาคโต. ตสฺมา อิธาปิ โส ‘‘กุฏิกา’’ติ วุตฺโต. อตฺตภาโว หิ กฏฺาทีนิ ปฏิจฺจ ลพฺภมานา เคหนามิกา กุฏิกา วิย อฏฺิอาทิสฺิเต ปถวีธาตุอาทิเก ผสฺสาทิเก จ ปฏิจฺจ ลพฺภมาโน ‘‘กุฏิกา’’ติ วุตฺโต, จิตฺตมกฺกฏสฺส นิวาสภาวโต จ. ยถาห –

‘‘อฏฺิกงฺกลกุฏิเวสา, มกฺกฏาวสโถ อิติ;

มกฺกโฏ ปฺจทฺวาราย, กุฏิกาย ปสกฺกิย;

ทฺวาเรนานุปริยาติ, ฆฏฺฏยนฺโต ปุนปฺปุน’’นฺติ จ.

สา ปเนสา อตฺตภาวกุฏิกา เถรสฺส ติณฺณํ ฉนฺนํ อฏฺนฺนฺจ อสํวรทฺวารานํ วเสน สมติ วิชฺฌนกสฺส ราคาทิอวสฺสุตสฺส ปฺาย สํวุตตฺตา สมฺมเทว ปิหิตตฺตา ‘‘ฉนฺนา’’ติ วุตฺตา. เตนาห ภควา – ‘‘โสตานํ สํวรํ พฺรูมิ, ปฺาเยเต ปิธียเร’’ติ (สุ. นิ. ๑๐๔๑). วุตฺตนเยน ฉนฺนตฺตา เอว กิเลสทุกฺขาภาวโต นิรามิสสุขสมงฺคิตาย จ สุขา สุขปฺปตฺตา, ตโต เอว จ นิวาตา นิหตมานมทถมฺภสารมฺภตาย นิวาตวุตฺติกา. อยฺจ นโย ‘‘มยฺหํ น สํกิเลสธมฺมานํ สํวรณมตฺเตน สิทฺโธ, อถ โข อคฺคมคฺคสมาธินา สุฏฺุ สมาหิตจิตฺตตาย เจว อคฺคมคฺคปฺาย สพฺพสํโยชเนหิ วิปฺปมุตฺตจิตฺตตาย จา’’ติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘จิตฺตํ เม สุสมาหิตํ วิมุตฺต’’นฺติ. เอวํภูโต จ ‘‘อิทานาหํ กตกรณีโย’’ติ น อปฺโปสฺสุกฺโก โหมิ, อถ โข อาตาปี วิหรามิ, สเทวกสฺส โลกสฺส หิตสุขูปสํหาเร อุสฺสาหชาโต ภิกฺขาจารกาเลปิ อนุฆรํ พฺรหฺมวิหาเรเนว วิหรามิ. ตสฺมา ตฺวมฺปิ, เทว, ปชฺชุนฺน มยฺหํ ปิยํ กาตุกามตายปิ วสฺสูปชีวีนํ สตฺตานํ อนุกมฺปายปิ วสฺส สมฺมา ธารํ อนุปฺปเวจฺฉาติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.

เอตฺถ จ เถโร ‘‘ฉนฺนา เม กุฏิกา สุขา นิวาตา’’ติ อิมินา โลกิยโลกุตฺตรเภทํ อตฺตโน อธิสีลสิกฺขํ ทสฺเสติ. ‘‘จิตฺตํ เม สุสมาหิต’’นฺติ อิมินา อธิจิตฺตสิกฺขํ. ‘‘วิมุตฺต’’นฺติ อิมินา อธิปฺาสิกฺขํ. ‘‘อาตาปี วิหรามี’’ติ อิมินา ทิฏฺธมฺมสุขวิหารํ. อถ วา ‘‘ฉนฺนา เม กุฏิกา สุขา นิวาตา’’ติ อิมินา อนิมิตฺตวิหารํ ทสฺเสติ กิเลสวสฺสปิธานมุเขน นิจฺจาทินิมิตฺตุคฺฆาฏนทีปนโต. ‘‘จิตฺตํ เม สุสมาหิต’’นฺติ อิมินา อปฺปณิหิตวิหารํ. ‘‘วิมุตฺต’’นฺติ อิมินา สุฺตวิหารํ. ‘‘อาตาปี วิหรามี’’ติ อิมินา เตสํ ติณฺณํ วิหารานํ อธิคมูปายํ. ปเมน วา โทสปฺปหานํ, ทุติเยน ราคปฺปหานํ, ตติเยน โมหปฺปหานํ. ตถา ทุติเยน ปมทุติเยหิ วา ธมฺมวิหารสมฺปตฺติโย ทสฺเสติ. ตติเยน วิมุตฺติสมฺปตฺติโย. ‘‘อาตาปี วิหรามี’’ติ อิมินา ปรหิตปฏิปตฺติยํ อตนฺทิตภาวํ ทสฺเสตีติ ทฏฺพฺพํ.

เอวํ ‘‘ยถานามา’’ติ คาถาย วุตฺตานํ ธมฺมวิหาราทีนํ อิมาย คาถาย ทสฺสิตตฺตา ตตฺถ อทสฺสิเตสุ นามโคตฺเตสุ นามํ ทสฺเสตุํ ‘‘อิตฺถํ สุท’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. เย หิ เถรา นามมตฺเตน ปากฏา, เต นาเมน, เย โคตฺตมตฺเตน ปากฏา, เต โคตฺเตน, เย อุภยถา ปากฏา, เต อุภเยนปิ ทสฺสิสฺส’’นฺติ. อยํ ปน เถโร นาเมน อภิลกฺขิโต, น ตถา โคตฺเตนาติ ‘‘อิตฺถํ สุทํ อายสฺมา สุภูตี’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ อิตฺถนฺติ อิทํ ปการํ, อิมินา อากาเรนาติ อตฺโถ. สุทนฺติ สุ อิทํ, สนฺธิวเสน อิการโลโป. สูติ จ นิปาตมตฺตํ, อิทํ คาถนฺติ โยชนา. อายสฺมาติ ปิยวจนเมตํ ครุคารวสปฺปติสฺสวจนเมตํ. สุภูตีติ นามกิตฺตนํ. โส หิ สรีรสมฺปตฺติยาปิ ทสฺสนีโย ปาสาทิโก, คุณสมฺปตฺติยาปิ. อิติ สุนฺทราย สรีราวยววิภูติยา สีลสมฺปตฺติยาทิวิภูติยา จ สมนฺนาคตตฺตา สุภูตีติ ปฺายิตฺถ สีลสาราทิถิรคุณโยคโต เถโร. อภาสิตฺถาติ กเถสิ. กสฺมา ปเนเต มหาเถรา อตฺตโน คุเณ ปกาเสนฺตีติ? อิมินา ทีเฆน อทฺธุนา อนธิคตปุพฺพํ ปรมคมฺภีรํ อติวิย สนฺตํ ปณีตํ อตฺตนา อธิคตํ โลกุตฺตรธมฺมํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปีติเวคสมุสฺสาหิตอุทานวเสน สาสนสฺส นิยฺยานิกภาววิภาวนวเสน จ ปรมปฺปิจฺฉา อริยา อตฺตโน คุเณ ปกาเสนฺติ, ยถา ตํ โลกนาโถ โพธเนยฺยอชฺฌาสยวเสน ‘‘ทสพลสมนฺนาคโต, ภิกฺขเว, ตถาคโต จตุเวสารชฺชวิสารโท’’ติอาทินา อตฺตโน คุเณ ปกาเสติ, เอวมยํ เถรสฺส อฺาพฺยากรณคาถา โหตีติ.

ปรมตฺถทีปนิยา เถรคาถาสํวณฺณนาย

สุภูติตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. มหาโกฏฺิกตฺเถรคาถาวณฺณนา

อุปสนฺโตติ อายสฺมโต มหาโกฏฺิกตฺเถรสฺส คาถา. ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ เถโร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล หํสวตีนคเร มหาโภคกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต มาตาปิตูนํ อจฺจเยน กุฏุมฺพํ สณฺเปตฺวา ฆราวาสํ วสนฺโต เอกทิวสํ ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต ธมฺมเทสนากาเล หํสวตีนครวาสิเก คนฺธมาลาทิหตฺเถ เยน พุทฺโธ เยน ธมฺโม เยน สงฺโฆ, ตนฺนินฺเน ตปฺโปเณ ตปฺปพฺภาเร คจฺฉนฺเต ทิสฺวา มหาชเนน สทฺธึ อุปคโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ ปฏิสมฺภิทาปตฺตานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ กิร อิมสฺมึ สาสเน ปฏิสมฺภิทาปตฺตานํ อคฺโค, อโห วตาหมฺปิ เอกสฺส พุทฺธสฺส สาสเน อยํ วิย ปฏิสมฺภิทาปตฺตานํ อคฺโค ภเวยฺย’’นฺติ จินฺเตตฺวา สตฺถุ เทสนาปริโยสาเน วุฏฺิตาย ปริสาย ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, สฺเว มยฺหํ ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ นิมนฺเตสิ. สตฺถา อธิวาเสสิ. โส ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา สกนิเวสนํ คนฺตฺวา สพฺพรตฺตึ พุทฺธสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ นิสชฺชฏฺานํ คนฺธทามมาลาทามาทีหิ อลงฺกริตฺวา ปณีตํ ขาทนียํ โภชนียํ ปฏิยาทาเปตฺวา ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน สเก นิเวสเน ภิกฺขุสตสหสฺสปริวารํ ภควนฺตํ วิวิธยาคุขชฺชกปริวารํ นานารสสูปพฺยฺชนํ คนฺธสาลิโภชนํ โภเชตฺวา ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน จินฺเตสิ – ‘‘มหนฺตํ, โข, อหํ านนฺตรํ ปตฺเถมิ น โข ปน มยฺหํ ยุตฺตํ เอกทิวสเมว ทานํ ทตฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถตุํ, อนุปฏิปาฏิยา สตฺต ทิวเส ทานํ ทตฺวา ปตฺเถสฺสามี’’ติ. โส เตเนว นิยาเมน สตฺต ทิวเส มหาทานานิ ทตฺวา ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน ทุสฺสโกฏฺาคารํ วิวราเปตฺวา อุตฺตมํ ติจีวรปฺปโหนกํ สุขุมวตฺถํ พุทฺธสฺส ปาทมูเล เปตฺวา ภิกฺขุสตสหสฺสสฺส จ ติจีวรํ ทตฺวา ตถาคตํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, โย โส ภิกฺขุ ตุมฺเหหิ อิโต สตฺตมทิวสมตฺถเก เอตทคฺเค ปิโต, อหมฺปิ โส ภิกฺขุ วิย อนาคเต อุปฺปชฺชนกพุทฺธสฺส สาสเน ปพฺพชิตฺวา ปฏิสมฺภิทาปตฺตานํ อคฺโค ภเวยฺย’’นฺติ วตฺวา สตฺถุ ปาทมูเล นิปชฺชิตฺวา ปตฺถนํ อกาสิ. สตฺถา ตสฺส ปตฺถนาย สมิชฺฌนภาวํ ทิสฺวา ‘‘อนาคเต อิโต กปฺปสตสหสฺสมตฺถเก โคตโม นาม พุทฺโธ โลเก อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตสฺส สาสเน ตว ปตฺถนา สมิชฺฌิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิ. วุตฺตมฺปิ เจตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๔.๒๒๑-๒๕๐) –

‘‘ปทุมุตฺตโร นาม ชิโน, สพฺพโลกวิทู มุนิ;

อิโต สตสหสฺสมฺหิ, กปฺเป อุปฺปชฺชิ จกฺขุมา.

‘‘โอวาทโก วิฺาปโก, ตารโก สพฺพปาณินํ;

เทสนากุสโล พุทฺโธ, ตาเรสิ ชนตํ พหุํ.

‘‘อนุกมฺปโก การุณิโก, หิเตสี สพฺพปาณินํ;

สมฺปตฺเต ติตฺถิเย สพฺเพ, ปฺจสีเล ปติฏฺปิ.

‘‘เอวํ นิรากุลํ อาสิ, สุฺตํ ติตฺถิเยหิ จ;

วิจิตฺตํ อรหนฺเตหิ, วสีภูเตหิ ตาทิภิ.

‘‘รตนานฏฺปฺาสํ, อุคฺคโต โส มหามุนิ;

กฺจนคฺฆิยสงฺกาโส, พาตฺตึสวรลกฺขโณ.

‘‘วสฺสสตสหสฺสานิ, อายุ วิชฺชติ ตาวเท;

ตาวตา ติฏฺมาโน โส, ตาเรสิ ชนตํ พหุํ.

‘‘ตทาหํ หํสวติยํ, พฺราหฺมโณ เวทปารคู;

อุเปจฺจ สพฺพโลกคฺคํ, อสฺโสสึ ธมฺมเทสนํ.

‘‘ตทา โส สาวกํ วีโร, ปภินฺนมติโคจรํ;

อตฺเถ ธมฺเม นิรุตฺเต จ, ปฏิภาเน จ โกวิทํ.

‘‘เปสิ เอตทคฺคมฺหิ, ตํ สุตฺวา มุทิโต อหํ;

สสาวกํ ชินวรํ, สตฺตาหํ โภชยึ ตทา.

‘‘ทุสฺเสหจฺฉาทยิตฺวาน, สสิสฺสํ พุทฺธิสาครํ;

นิปจฺจ ปาทมูลมฺหิ, ตํ านํ ปตฺถยึ อหํ.

‘‘ตโต อโวจ โลกคฺโค, ปสฺสเถตํ ทิชุตฺตมํ;

วินตํ ปาทมูเล เม, กมโลทรสปฺปภํ.

‘‘พุทฺธเสฏฺสฺส ภิกฺขุสฺส, านํ ปตฺถยเต อยํ;

ตาย สทฺธาย จาเคน, สทฺธมฺมสฺสวเนน จ.

‘‘สพฺพตฺถ สุขิโต หุตฺวา, สํสริตฺวา ภวาภเว;

อนาคตมฺหิ อทฺธาเน, ลจฺฉเสตํ มโนรถํ.

‘‘สตสหสฺสิโต กปฺเป, โอกฺกากกุลสมฺภโว;

โคตโม นาม โคตฺเตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติ.

‘‘ตสฺส ธมฺเมสุ ทายาโท, โอรโส ธมฺมนิมฺมิโต;

โกฏฺิโก นาม นาเมน, เหสฺสติ สตฺถุ สาวโก.

‘‘ตํ สุตฺวา มุทิโต หุตฺวา, ยาวชีวํ ตทา ชินํ;

เมตฺตจิตฺโต ปริจรึ, สโต ปฺา สมาหิโต.

‘‘เตน กมฺมวิปาเกน, เจตนาปณิธีหิ จ;

ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวตึสมคจฺฉหํ.

‘‘สตานํ ตีณิกฺขตฺตุฺจ, เทวรชฺชมการยึ;

สตานํ ปฺจกฺขตฺตุฺจ, จกฺกวตฺตี อโหสหํ.

‘‘ปเทสรชฺชํ วิปุลํ, คณนาโต อสงฺขิยํ;

สพฺพตฺถ สุขิโต อาสึ, ตสฺส กมฺมสฺส วาหสา.

‘‘ทุเว ภเว สํสรามิ, เทวตฺเต อถ มานุเส;

อฺํ คตึ น คจฺฉามิ, สุจิณฺณสฺส อิทํ ผลํ.

‘‘ทุเว กุเล ปชายามิ, ขตฺติเย อถ พฺราหฺมเณ;

นีเจ กุเล น ชายามิ, สุจิณฺณสฺส อิทํ ผลํ.

‘‘ปจฺฉิเม ภเว สมฺปตฺเต, พฺรหฺมพนฺธุ อโหสหํ;

สาวตฺถิยํ วิปฺปกุเล, ปจฺจาชาโต มหทฺธเน.

‘‘มาตา จนฺทวตี นาม, ปิตา เม อสฺสลายโน;

ยทา เม ปิตรํ พุทฺโธ, วินยี สพฺพสุทฺธิยา.

‘‘ตทา ปสนฺโน สุคเต, ปพฺพชึ อนคาริยํ;

โมคฺคลฺลาโน อาจริโย, อุปชฺฌา สาริสมฺภโว.

‘‘เกเสสุ ฉิชฺชมาเนสุ, ทิฏฺิ ฉินฺนา สมูลิกา;

นิวาเสนฺโต จ กาสาวํ, อรหตฺตมปาปุณึ.

‘‘อตฺถธมฺมนิรุตฺตีสุ, ปฏิภาเน จ เม มติ;

ปภินฺนา เตน โลกคฺโค, เอตทคฺเค เปสิ มํ.

‘‘อสนฺทิฏฺํ วิยากาสึ, อุปติสฺเสน ปุจฺฉิโต;

ปฏิสมฺภิทาสุ เตนาหํ, อคฺโค สมฺพุทฺธสาสเน.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ, ภวา สพฺเพ สมูหตา;

นาโคว พนฺธนํ เฉตฺวา, วิหรามิ อนาสโว.

‘‘สฺวาคตํ วต เม อาสิ, มม พุทฺธสฺส สนฺติเก;

ติสฺโส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสนํ.

‘‘ปฏิสมฺภิทา จตสฺโส, วิโมกฺขาปิ จ อฏฺิเม;

ฉฬภิฺา สจฺฉิกตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

เอวํ โส ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺาณสมฺภารํ สมฺภรนฺโต อปราปรํ เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ พฺราหฺมณมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติ. โกฏฺิโกติสฺส นามํ อกํสุ. โส วยปฺปตฺโต ตโย เวเท อุคฺคเหตฺวา พฺราหฺมณสิปฺเป นิปฺผตฺตึ คโต เอกทิวสํ สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา อุปสมฺปนฺนกาลโต ปฏฺาย วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปตฺวา ปฏิสมฺภิทาสุ จิณฺณวสี หุตฺวา อภิฺาเต อภิฺาเต มหาเถเร อุปสงฺกมิตฺวา ปฺหํ ปุจฺฉนฺโตปิ ทสพลํ อุปสงฺกมิตฺวา ปฺหํ ปุจฺฉนฺโตปิ ปฏิสมฺภิทาสุเยว ปฺหํ ปุจฺฉิ. เอวมยํ เถโร ตตฺถ กตาธิการตาย จิณฺณวสีภาเวน จ ปฏิสมฺภิทาปตฺตานํ อคฺโค ชาโต. อถ นํ สตฺถา มหาเวทลฺลสุตฺตํ (ม. นิ. ๑.๔๔๙ อาทโย) อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา ปฏิสมฺภิทาปตฺตานํ อคฺคฏฺาเน เปสิ – ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ ปฏิสมฺภิทาปตฺตานํ ยทิทํ มหาโกฏฺิโก’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๐๙, ๒๑๘). โส อปเรน สมเยน วิมุตฺติสุขํ ปฏิสํเวเทนฺโต อุทานวเสน –

.

‘‘อุปสนฺโต อุปรโต, มนฺตภาณี อนุทฺธโต;

ธุนาติ ปาปเก ธมฺเม, ทุมปตฺตํว มาลุโต’’ติ. –

อิตฺถํ สุทํ อายสฺมา มหาโกฏฺิกตฺเถโร คาถํ อภาสิ.

ตตฺถ อุปสนฺโตติ มนจฺฉฏฺานํ อินฺทฺริยานํ อุปสมเนน นิพฺพิเสวนภาวกรเณน อุปสนฺโต. อุปรโตติ สพฺพสฺมา ปาปกรณโต โอรโต วิรโต. มนฺตภาณีติ มนฺตา วุจฺจติ ปฺา, ตาย ปน อุปปริกฺขิตฺวา ภณตีติ มนฺตภาณี, กาลวาทีอาทิภาวํ อวิสฺสชฺเชนฺโตเยว ภณตีติ อตฺโถ. มนฺตภณนวเสน วา ภณตีติ มนฺตภาณี, ทุพฺภาสิตโต วินา อตฺตโน ภาสนวเสน จตุรงฺคสมนฺนาคตํ สุภาสิตํเยว ภณตีติ อตฺโถ. ชาติอาทิวเสน อตฺตโน อนุกฺกํสนโต น อุทฺธโตติ อนุทฺธโต อถ วา ติณฺณํ กายทุจฺจริตานํ วูปสมเนน ตโต ปฏิวิรติยา อุปสนฺโต, ติณฺณํ มโนทุจฺจริตานํ อุปรมเณน ปชหเนน อุปรโต, จตุนฺนํ วจีทุจฺจริตานํ อปฺปวตฺติยา ปริมิตภาณิตาย มนฺตภาณี, ติวิธทุจฺจริตนิมิตฺตอุปฺปชฺชนกสฺส อุทฺธจฺจสฺส อภาวโต อนุทฺธโต. เอวํ ปน ติวิธทุจฺจริตปฺปหาเนน สุทฺเธ สีเล ปติฏฺิโต, อุทฺธจฺจปฺปหาเนน สมาหิโต, ตเมว สมาธึ ปทฏฺานํ กตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา มคฺคปฏิปาฏิยา ธุนาติ ปาปเก ธมฺเม ลามกฏฺเน ปาปเก สพฺเพปิ สํกิเลสธมฺเม นิทฺธุนาติ, สมุจฺเฉทวเสน ปชหติ. ยถา กึ? ทุมปตฺตํว มาลุโต, ยถา นาม ทุมสฺส รุกฺขสฺส ปตฺตํ ปณฺฑุปลาสํ มาลุโต วาโต ธุนาติ, พนฺธนโต วิโยเชนฺโต นีหรติ, เอวํ ยถาวุตฺตปฏิปตฺติยํ ิโต ปาปธมฺเม อตฺตโน สนฺตานโต นีหรติ, เอวมยํ เถรสฺส อฺาปเทเสน อฺาพฺยากรณคาถาปิ โหตีติ เวทิตพฺพา.

เอตฺถ จ กายวจีทุจฺจริตปฺปหานวจเนน ปโยคสุทฺธึ ทสฺเสติ, มโนทุจฺจริตปฺปหานวจเนน อาสยสุทฺธึ. เอวํ ปโยคาสยสุทฺธสฺส ‘‘อนุทฺธโต’’ติ อิมินา อุทฺธจฺจาภาววจเนน ตเทกฏฺตาย นีวรณปฺปหานํ ทสฺเสติ. เตสุ ปโยคสุทฺธิยา สีลสมฺปตฺติ วิภาวิตา, อาสยสุทฺธิยา สมถภาวนาย อุปการกธมฺมปริคฺคโห, นีวรณปฺปหาเนน สมาธิภาวนา, ‘‘ธุนาติ ปาปเก ธมฺเม’’ติ อิมินา ปฺาภาวนา วิภาวิตา โหติ. เอวํ อธิสีลสิกฺขาทโย ติสฺโส สิกฺขา, ติวิธกลฺยาณํ สาสนํ, ตทงฺคปฺปหานาทีนิ ตีณิ ปหานานิ, อนฺตทฺวยปริวชฺชเนน สทฺธึ มชฺฌิมาย ปฏิปตฺติยา ปฏิปชฺชนํ, อปายภวาทีนํ สมติกฺกมนูปาโย จ ยถารหํ นิทฺธาเรตฺวา โยเชตพฺพา. อิมินา นเยน เสสคาถาสุปิ ยถารหํ อตฺถโยชนา เวทิตพฺพา. อตฺถมตฺตเมว ปน ตตฺถ ตตฺถ อปุพฺพํ วณฺณยิสฺสาม. ‘‘อิตฺถํ สุทํ อายสฺมา มหาโกฏฺิโก’’ติ อิทํ ปูชาวจนํ, ยถา ตํ มหาโมคฺคลฺลาโนติ.

มหาโกฏฺิกตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. กงฺขาเรวตตฺเถรคาถาวณฺณนา

ปฺํ อิมํ ปสฺสาติ อายสฺมโต กงฺขาเรวตสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ เถโร ปทุมุตฺตรภควโต กาเล หํสวตีนคเร พฺราหฺมณมหาสาลกุเล นิพฺพตฺโต. เอกทิวสํ พุทฺธานํ ธมฺมเทสนากาเล เหฏฺา วุตฺตนเยน มหาชเนน สทฺธึ วิหารํ คนฺตฺวา ปริสปริยนฺเต ิโต ธมฺมํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ ฌานาภิรตานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา ‘‘มยาปิ อนาคเต เอวรูเปน ภวิตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา เทสนาวสาเน สตฺถารํ นิมนฺเตตฺวา เหฏฺา วุตฺตนเยน มหาสกฺการํ กตฺวา ภควนฺตํ อาห – ‘‘ภนฺเต, อหํ อิมินา อธิการกมฺเมน อฺํ สมฺปตฺตึ น ปตฺเถมิ, ยถา ปน โส ภิกฺขุ ตุมฺเหหิ อิโต สตฺตมทิวสมตฺถเก ฌายีนํ อคฺคฏฺาเน ปิโต, เอวํ อหมฺปิ อนาคเต เอกสฺส พุทฺธสฺส สาสเน ฌายีนํ อคฺโค ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนมกาสิ. สตฺถา อนาคตํ โอโลเกตฺวา นิปฺผชฺชนภาวํ ทิสฺวา ‘‘อนาคเต กปฺปสตสหสฺสาวสาเน โคตโม นาม พุทฺโธ อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตสฺส สาสเน ตฺวํ ฌายีนํ อคฺโค ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากริตฺวา ปกฺกามิ.

โส ยาวชีวํ กลฺยาณกมฺมํ กตฺวา กปฺปสตสหสฺสํ เทวมนุสฺเสสุ สํสริตฺวา อมฺหากํ ภควโต กาเล สาวตฺถินคเร มหาโภคกุเล นิพฺพตฺโต ปจฺฉาภตฺตํ ธมฺมสฺสวนตฺถํ คจฺฉนฺเตน มหาชเนน สทฺธึ วิหารํ คนฺตฺวา ปริสปริยนฺเต ิโต ทสพลสฺส ธมฺมกถํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา อุปสมฺปทํ ลภิตฺวา กมฺมฏฺานํ กถาเปตฺวา ฌานปริกมฺมํ กโรนฺโต ฌานลาภี หุตฺวา ฌานํ ปาทกํ กตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. โส เยภุยฺเยน ทสพเลน สมาปชฺชิตพฺพสมาปตฺตึ สมาปชฺชนฺโต อโหรตฺตํ ฌาเนสุ จิณฺณวสี อโหสิ. อถ นํ สตฺถา ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ ฌายีนํ ยทิทํ กงฺขาเรวโต’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๙๘, ๒๐๔) ฌายีนํ อคฺคฏฺาเน เปสิ. วุตฺตมฺปิ เจตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๕.๓๔-๕๓) –

‘‘ปทุมุตฺตโร นาม ชิโน, สพฺพธมฺเมสุ จกฺขุมา;

อิโต สตสหสฺสมฺหิ, กปฺเป อุปฺปชฺชิ นายโก.

‘‘สีหหนุ พฺรหฺมคิโร, หํสทุนฺทุภินิสฺสโน;

นาควิกฺกนฺตคมโน, จนฺทสูราธิกปฺปโภ.

‘‘มหามติ มหาวีโร, มหาฌายี มหาพโล;

มหาการุณิโก นาโถ, มหาตมปนูทโน.

‘‘ส กทาจิ ติโลกคฺโค, เวเนยฺยํ วินยํ พหุํ;

ธมฺมํ เทเสสิ สมฺพุทฺโธ, สตฺตาสยวิทู มุนิ.

‘‘ฌายึ ฌานรตํ วีรํ, อุปสนฺตํ อนาวิลํ;

วณฺณยนฺโต ปริสตึ, โตเสสิ ชนตํ ชิโน.

‘‘ตทาหํ หํสวติยํ, พฺราหฺมโณ เวทปารคู;

ธมฺมํ สุตฺวาน มุทิโต, ตํ านมภิปตฺถยึ.

‘‘ตทา ชิโน วิยากาสิ, สงฺฆมชฺเฌ วินายโก;

มุทิโต โหหิ ตฺวํ พฺรหฺเม, ลจฺฉเส ตํ มโนรถํ.

‘‘สตสหสฺสิโต กปฺเป, โอกฺกากกุลสมฺภโว;

โคตโม นาม โคตฺเตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติ.

‘‘ตสฺส ธมฺเมสุ ทายาโท, โอรโส ธมฺมนิมฺมิโต;

เรวโต นาม นาเมน, เหสฺสติ สตฺถุ สาวโก.

‘‘เตน กมฺเมน สุกเตน, เจตนาปณิธีหิ จ;

ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวตึสมคจฺฉหํ.

‘‘ปจฺฉิเม จ ภเว ทานิ, ชาโตหํ โกลิเย ปุเร;

ขตฺติเย กุลสมฺปนฺเน, อิทฺเธ ผีเต มหทฺธเน.

‘‘ยทา กปิลวตฺถุสฺมึ, พุทฺโธ ธมฺมมเทสยิ;

ตทา ปสนฺโน สุคเต, ปพฺพชึ อนคาริยํ.

‘‘กงฺขา เม พหุลา อาสิ, กปฺปากปฺเป ตหึ ตหึ;

สพฺพํ ตํ วินยี พุทฺโธ, เทเสตฺวา ธมฺมมุตฺตมํ.

‘‘ตโตหํ ติณฺณสํสาโร, ตทา ฌานสุเข รโต;

วิหรามิ ตทา พุทฺโธ, มํ ทิสฺวา เอตทพฺรวิ.

‘‘ยา กาจิ กงฺขา อิธ วา หุรํ วา, สเวทิยา วา ปรเวทิยา วา;

เย ฌายิโน ตา ปชหนฺติ สพฺพา, อาตาปิโน พฺรหฺมจริยํ จรนฺตา.

‘‘สตสหสฺเส กตํ กมฺมํ, ผลํ ทสฺเสสิ เม อิธ;

สุมุตฺโต สรเวโคว, กิเลเส ฌาปยึ มม.

‘‘ตโต ฌานรตฺตํ ทิสฺวา, พุทฺโธ โลกนฺตคู มุนิ;

ฌายีนํ ภิกฺขูนํ อคฺโค, ปฺาเปสิ มหามติ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ, ภวา สพฺเพ สมูหตา;

นาโคว พนฺธนํ เฉตฺวา, วิหรามิ อนาสโว.

‘‘สฺวาคตํ วต เม อาสิ, มม พุทฺธสฺส สนฺติเก;

ติสฺโส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสนํ.

‘‘ปฏิสมฺภิทา จตสฺโส, วิโมกฺขาปิ จ อฏฺิเม;

ฉฬภิฺา สจฺฉิกตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

ตถา กตกิจฺโจ ปนายํ มหาเถโร ปุพฺเพ ทีฆรตฺตํ อตฺตโน กงฺขาปกตจิตฺตตํ อิทานิ สพฺพโส วิคตกงฺขตฺจ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ‘‘อโห นูน มยฺหํ สตฺถุโน เทสนานุภาโว, เตเนตรหิ เอวํ วิคตกงฺโข อชฺฌตฺตํ วูปสนฺตจิตฺโต ชาโต’’ติ สฺชาตพหุมาโน ภควโต ปฺํ ปสํสนฺโต ‘‘ปฺํ อิมํ ปสฺสา’’ติ อิมํ คาถมาห.

. ตตฺถ ปฺนฺติ ปกาเร ชานาติ, ปกาเรหิ าเปตีติ จ ปฺา. เวเนยฺยานํ อาสยานุสยจริยาธิมุตฺติอาทิปฺปกาเร ธมฺมานํ กุสลาทิเก ขนฺธาทิเก จ เทเสตพฺพปฺปกาเร ชานาติ, ยถาสภาวโต ปฏิวิชฺฌติ, เตหิ จ ปกาเรหิ าเปตีติ อตฺโถ. สตฺถุ เทสนาาณฺหิ อิธาธิปฺเปตํ, เตนาห ‘‘อิม’’นฺติ. ตฺหิ อตฺตนิ สิทฺเธน เทสนาพเลน นยคฺคาหโต ปจฺจกฺขํ วิย อุปฏฺิตํ คเหตฺวา ‘‘อิม’’นฺติ วุตฺตํ. ยทคฺเคน วา สตฺถุ เทสนาาณํ สาวเกหิ นยโต คยฺหติ, ตทคฺเคน อตฺตโน วิสเย ปฏิเวธาณมฺปิ นยโต คยฺหเตว. เตนาห อายสฺมา ธมฺมเสนาปติ – ‘‘อปิจ เม, ภนฺเต, ธมฺมนฺวโย วิทิโต’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๔๖; ๓.๑๔๓). ปสฺสาติ วิมฺหยปฺปตฺโต อนิยมโต อาลปติ อตฺตโนเยว วา จิตฺตํ, ยถาห ภควา อุทาเนนฺโต – ‘‘โลกมิมํ ปสฺส; ปุถู อวิชฺชาย ปเรตํ ภูตํ ภูตรตํ ภวา อปริมุตฺต’’นฺติ (อุทา. ๓๐). ตถาคตานนฺติ ตถา อาคมนาทิอตฺเถน ตถาคตานํ. ตถา อาคโตติ หิ ตถาคโต, ตถา คโตติ ตถาคโต, ตถลกฺขณํ อาคโตติ ตถาคโต, ตถธมฺเม ยาถาวโต อภิสมฺพุทฺโธติ ตถาคโต, ตถทสฺสิตาย ตถาคโต, ตถวาทิตาย ตถาคโต, ตถาการิตาย ตถาคโต, อภิภวนฏฺเน ตถาคโตติ เอวํ อฏฺหิ การเณหิ ภควา ตถาคโต. ตถาย อาคโตติ ตถาคโต, ตถาย คโตติ ตถาคโต, ตถลกฺขณํ คโตติ ตถาคโต, ตถานิ อาคโตติ ตถาคโต, ตถาวิโธติ ตถาคโต, ตถา ปวตฺติโตติ ตถาคโต, ตเถหิ อาคโตติ ตถาคโต, ตถา คตภาเวน ตถาคโตติ เอวมฺปิ อฏฺหิ การเณหิ ภควา ตถาคโตติ อยเมตฺถ สงฺเขโป. วิตฺถาโร ปน ปรมตฺถทีปนิยา อุทานฏฺกถาย (อุทา. อฏฺ. ๑๘) อิติวุตฺตกฏฺกถาย (อิติวุ. อฏฺ. ๓๘) จ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ.

อิทานิ ตสฺสา ปฺาย อสาธารณวิเสสํ ทสฺเสตุํ ‘‘อคฺคิ ยถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ยถา อคฺคีติ อุปมาวจนํ. ยถาติ ตสฺส อุปมาภาวทสฺสนํ. ปชฺชลิโตติ อุปเมยฺเยน สมฺพนฺธทสฺสนํ. นิสีเถติ กิจฺจกรณกาลทสฺสนํ. อยฺเหตฺถ อตฺโถ – ยถา นาม นิสีเถ รตฺติยํ จตุรงฺคสมนฺนาคเต อนฺธกาเร วตฺตมาเน อุนฺนเต าเน ปชฺชลิโต อคฺคิ ตสฺมึ ปเทเส ตยคตํ วิธมนฺตํ ติฏฺติ, เอวเมว ตถาคตานํ อิมํ เทสนาาณสงฺขาตํ สพฺพโส เวเนยฺยานํ สํสยตมํ วิธมนฺตํ ปฺํ ปสฺสาติ. ยโต เทสนาวิลาเสน สตฺตานํ าณมยํ อาโลกํ เทนฺตีติ อาโลกทา. ปฺามยเมว จกฺขุํ ททนฺตีติ จกฺขุททา. ตทุภยมฺปิ กงฺขาวินยปทฏฺานเมว กตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘เย อาคตานํ วินยนฺติ กงฺข’’นฺติ อาห, เย ตถาคตา อตฺตโน สนฺติกํ อาคตานํ อุปคตานํ เวเนยฺยานํ ‘‘อโหสึ นุ โข อหมตีตมทฺธาน’’นฺติอาทินยปฺปวตฺตํ (ม. นิ. ๑.๑๘; สํ. นิ. ๒.๒๐) โสฬสวตฺถุกํ, ‘‘พุทฺเธ กงฺขติ ธมฺเม กงฺขตี’’ติอาทินยปฺปวตฺตํ (ธ. ส. ๑๐๐๘) อฏฺวตฺถุกฺจ กงฺขํ วิจิกิจฺฉํ วินยนฺติ เทสนานุภาเวน อนวเสสโต วิธมนฺติ วิทฺธํเสนฺติ. วินยกุกฺกุจฺจสงฺขาตา ปน กงฺขา ตพฺพินเยเนว วินีตา โหนฺตีติ.

อปโร นโย – ยถา อคฺคิ นิสีเถ รตฺติภาเค ปชฺชลิโต ปฏุตรชาโล สมุชฺชลํ อุจฺจาสเน ิตานํ โอภาสทานมตฺเตน อนฺธการํ วิธมิตฺวา สมวิสมํ วิภาเวนฺโต อาโลกทโท โหติ. อจฺจาสนฺเน ปน ิตานํ ตํ สุปากฏํ กโรนฺโต จกฺขุกิจฺจกรณโต จกฺขุทโท นาม โหติ, เอวเมว ตถาคโต อตฺตโน ธมฺมกายสฺส ทูเร ิตานํ อกตาธิการานํ ปฺาปชฺโชเตน โมหนฺธการํ วิธมิตฺวา กายวิสมาทิสมวิสมํ วิภาเวนฺโต อาโลกทา ภวนฺติ, อาสนฺเน ิตานํ ปน กตาธิการานํ ธมฺมจกฺขุํ อุปฺปาเทนฺโต จกฺขุททา ภวนฺติ. เย เอวํภูตา อตฺตโน วจีโคจรํ อาคตานํ มาทิสานมฺปิ กงฺขาพหุลานํ กงฺขํ วินยนฺติ อริยมคฺคสมุปฺปาทเนน วิธมนฺติ, เตสํ ตถาคตานํ ปฺํ าณาติสยํ ปสฺสาติ โยชนา. เอวมยํ เถรสฺส อตฺตโน กงฺขาวิตรณปฺปกาสเนน อฺาพฺยากรณคาถาปิ โหติ. อยฺหิ เถโร ปุถุชฺชนกาเล กปฺปิเยปิ กุกฺกุจฺจโก หุตฺวา กงฺขาพหุลตาย ‘‘กงฺขาเรวโต’’ติ ปฺาโต, ปจฺฉา ขีณาสวกาเลปิ ตเถว โวหรยิตฺถ. เตนาห – ‘‘อิตฺถํ สุทํ อายสฺมา กงฺขาเรวโต คาถํ อภาสิตฺถา’’ติ. ตํ วุตฺตตฺถเมว.

กงฺขาเรวตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. ปุณฺณตฺเถรคาถาวณฺณนา

สพฺภิเรว สมาเสถาติ อายสฺมโต ปุณฺณตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร ปทุมุตฺตรสฺส ทสพลสฺส อุปฺปตฺติโต ปุเรตรเมว หํสวตีนคเร พฺราหฺมณมหาสาลกุเล นิพฺพตฺโต อนุกฺกเมน วิฺุตํ ปตฺโต สตฺถริ โลเก อุปฺปชฺชนฺเต เอกทิวสํ พุทฺธานํ ธมฺมเทสนากาเล เหฏฺา วุตฺตนเยน มหาชเนน สทฺธึ วิหารํ คนฺตฺวา ปริสปริยนฺเต นิสีทิตฺวา ธมฺมํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ ธมฺมกถิกานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา ‘‘มยาปิ อนาคเต เอวรูเปน ภวิตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา เทสนาวสาเน วุฏฺิตาย ปริสาย สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา นิมนฺเตตฺวา เหฏฺา วุตฺตนเยเนว มหาสกฺการํ กตฺวา ภควนฺตํ เอวมาห – ‘‘ภนฺเต, อหํ อิมินา อธิการกมฺเมน นาฺํ สมฺปตฺตึ ปตฺเถมิ. ยถา ปน โส ภิกฺขุ อิโต สตฺตมทิวสมตฺถเก ธมฺมกถิกานํ อคฺคฏฺาเน ปิโต, เอวํ อหมฺปิ อนาคเต เอกสฺส พุทฺธสฺส สาสเน ธมฺมกถิกานํ ภิกฺขูนํ อคฺโค ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ อกาสิ. สตฺถา อนาคตํ โอโลเกตฺวา ตสฺส ปตฺถนาย สมิชฺฌนภาวํ ทิสฺวา ‘‘อนาคเต กปฺปสตสหสฺสมตฺถเก โคตโม นาม พุทฺโธ อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตสฺส สาสเน ตฺวํ ปพฺพชิตฺวา ธมฺมกถิกานํ อคฺโค ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิ.

โส ตตฺถ ยาวชีวํ กลฺยาณธมฺมํ กตฺวา ตโต จุโต กปฺปสตสหสฺสํ ปุฺาณสมฺภารํ สมฺภรนฺโต เทวมนุสฺเสสุ สํสริตฺวา อมฺหากํ ภควโต กาเล กปิลวตฺถุนครสฺส อวิทูเร โทณวตฺถุนามเก พฺราหฺมณคาเม พฺราหฺมณมหาสาลกุเล อฺาสิโกณฺฑฺตฺเถรสฺส ภาคิเนยฺโย หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ตสฺส นามคฺคหณทิวเส ‘‘ปุณฺโณ’’ติ นามํ อกํสุ. โส สตฺถริ อภิสมฺโพธึ ปตฺวา ปวตฺตวรธมฺมจกฺเก อนุปุพฺเพน ราชคหํ คนฺตฺวา ตํ อุปนิสฺสาย วิหรนฺเต อฺาสิโกณฺฑฺตฺเถรสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ลทฺธูปสมฺปโท สพฺพํ ปุพฺพกิจฺจํ กตฺวา ปธานมนุยุฺชนฺโต ปพฺพชิตกิจฺจํ มตฺถกํ ปาเปตฺวาว ‘‘ทสพลสฺส สนฺติกํ คมิสฺสามี’’ติ มาตุลตฺเถเรน สทฺธึ สตฺถุ สนฺติกํ อคนฺตฺวา กปิลวตฺถุสามนฺตาเยว โอหียิตฺวา โยนิโสมนสิกาเร กมฺมํ กโรนฺโต นจิรสฺเสว วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. วุตฺตมฺปิ เจตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑.๔๓๔-๔๔๐) –

‘‘อชฺฌายโก มนฺตธโร, ติณฺณํ เวทาน ปารคู;

ปุรกฺขโตมฺหิ สิสฺเสหิ, อุปคจฺฉึ นรุตฺตมํ.

‘‘ปทุมุตฺตโร โลกวิทู, อาหุตีนํ ปฏิคฺคโห;

มม กมฺมํ ปกิตฺเตสิ, สํขิตฺเตน มหามุนิ.

‘‘ตาหํ ธมฺมํ สุณิตฺวาน, อภิวาเทตฺวาน สตฺถุโน;

อฺชลึ ปคฺคเหตฺวาน, ปกฺกมึ ทกฺขิณามุโข.

‘‘สํขิตฺเตน สุณิตฺวาน, วิตฺถาเรน อภาสยึ;

สพฺเพ สิสฺสา อตฺตมนา, สุตฺวาน มม ภาสโต.

‘‘สกํ ทิฏฺึ วิโนเทตฺวา, พุทฺเธ จิตฺตํ ปสาทยุํ;

สํขิตฺเตนปิ เทเสมิ, วิตฺถาเรน ตเถวหํ.

‘‘อภิธมฺมนยฺูหํ, กถาวตฺถุวิสุทฺธิยา;

สพฺเพสํ วิฺาเปตฺวาน, วิหรามิ อนาสโว.

‘‘อิโต ปฺจสเต กปฺเป, จตุโร สุปฺปกาสกา;

สตฺตรตนสมฺปนฺนา, จตุทีปมฺหิ อิสฺสรา.

‘‘ปฏิสมฺภิทา จตสฺโส…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

ตสฺส ปน ปุณฺณตฺเถรสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตา กุลปุตฺตา ปฺจสตา อเหสุํ. เถโร สยํ ทสกถาวตฺถุลาภิตาย เตปิ ทสหิ กถาวตฺถูหิ โอวทิ. เต ตสฺส โอวาเท ตฺวา สพฺเพว อรหตฺตํ ปตฺตา. เต อตฺตโน ปพฺพชิตกิจฺจํ มตฺถกปฺปตฺตํ ตฺวา อุปชฺฌายํ อุปสงฺกมิตฺวา อาหํสุ – ‘‘ภนฺเต, อมฺหากํ กิจฺจํ มตฺถกปฺปตฺตํ, ทสนฺนฺจมฺห กถาวตฺถูนํ ลาภิโน, สมโย, ทานิ โน ทสพลํ ปสฺสิตุ’’นฺติ. เถโร เตสํ วจนํ สุตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘มม ทสกถาวตฺถุลาภิตํ สตฺถา ชานาติ อหํ ธมฺมํ เทเสนฺโต ทส กถาวตฺถูนิ อมุฺจิตฺวาว เทเสมิ, มยิ คจฺฉนฺเต สพฺเพปิเม ภิกฺขู มํ ปริวาเรตฺวา คจฺฉิสฺสนฺติ, เอวํ คณสงฺคณิกาย คนฺตฺวา ปน อยุตฺตํ มยฺหํ ทสพลํ ปสฺสิตุํ, อิเม ตาว คนฺตฺวา ปสฺสนฺตู’’ติ เต ภิกฺขู อาห – ‘‘อาวุโส, ตุมฺเห ปุรโต คนฺตฺวา ตถาคตํ ปสฺสถ, มม วจเนน จสฺส ปาเท วนฺทถ, อหมฺปิ ตุมฺหากํ คตมคฺเคนาคมิสฺสามี’’ติ. เต เถรา สพฺเพปิ ทสพลสฺส ชาติภูมิรฏฺวาสิโน สพฺเพ ขีณาสวา สพฺเพ ทสกถาวตฺถุลาภิโน อตฺตโน อุปชฺฌายสฺส โอวาทํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา เถรํ วนฺทิตฺวา อนุปุพฺเพน จาริกํ จรนฺตา สฏฺิโยชนมคฺคํ อติกฺกมฺม ราชคเห เวฬุวนมหาวิหารํ คนฺตฺวา ทสพลสฺส ปาเท วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ.

อาจิณฺณํ โข ปเนตํ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ อาคนฺตุเกหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ ปฏิสมฺโมทิตุนฺติ ภควา เตหิ สทฺธึ – ‘‘กจฺจิ, ภิกฺขเว, ขมนีย’’นฺติอาทินา นเยน มธุรปฏิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘กุโต จ ตุมฺเห, ภิกฺขเว, อาคจฺฉถา’’ติ ปุจฺฉิ. อถ เตหิ ‘‘ชาติภูมิโต’’ติ วุตฺเต ‘‘โก นุ โข, ภิกฺขเว, ชาติภูมิยํ ชาติภูมกานํ ภิกฺขูนํ สพฺรหฺมจารีนํ เอวํ สมฺภาวิโต ‘อตฺตนา จ อปฺปิจฺโฉ อปฺปิจฺฉกถฺจ ภิกฺขูนํ กตฺตา’’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๕๒) ทสกถาวตฺถุลาภึ ภิกฺขุํ ปุจฺฉิ. เตปิ ‘‘ปุณฺโณ นาม, ภนฺเต, อายสฺมา มนฺตาณิปุตฺโต’’ติ อาโรจยึสุ. ตํ กถํ สุตฺวา อายสฺมา สาริปุตฺโต เถรสฺส ทสฺสนกาโม อโหสิ. อถ สตฺถา ราชคหโต สาวตฺถึ อคมาสิ. ปุณฺณตฺเถโรปิ ทสพลสฺส ตตฺถ อาคตภาวํ สุตฺวา – ‘‘สตฺถารํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ คนฺตฺวา อนฺโตคนฺธกุฏิยํเยว ตถาคตํ สมฺปาปุณิ. สตฺถา ตสฺส ธมฺมํ เทเสสิ. เถโร ธมฺมํ สุตฺวา ทสพลํ วนฺทิตฺวา ปฏิสลฺลานตฺถาย อนฺธวนํ คนฺตฺวา อฺตรมฺหิ รุกฺขมูเล ทิวาวิหารํ นิสีทิ.

สาริปุตฺตตฺเถโรปิ ตสฺสาคมนํ สุตฺวา สีสานุโลกิโก คนฺตฺวา โอกาสํ สลฺลกฺเขตฺวา ตํ รุกฺขมูเล นิสินฺนํ อุปสงฺกมิตฺวา เถเรน สทฺธึ สมฺโมทิตฺวา, ตํ สตฺตวิสุทฺธิกฺกมํ ปุจฺฉิ. เถโรปิสฺส ปุจฺฉิตปุจฺฉิตํ พฺยากโรนฺโต รถวินีตูปมาย จิตฺตํ อาราเธสิ, เต อฺมฺสฺส สุภาสิตํ สมนุโมทึสุ. อถ สตฺถา อปรภาเค ภิกฺขุสงฺฆมชฺเฌ นิสินฺโน เถรํ ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ ธมฺมกถิกานํ ยทิทํ ปุณฺโณ’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๘๘, ๑๙๖) ธมฺมกถิกานํ อคฺคฏฺาเน เปสิ. โส เอกทิวสํ อตฺตโน วิมุตฺติสมฺปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ‘‘สตฺถารํ นิสฺสาย อหฺเจว อฺเ จ พหู สตฺตา สํสารทุกฺขโต วิปฺปมุตฺตา, พหูปการา วต สปฺปุริสสํเสวา’’ติ ปีติโสมนสฺสชาโต อุทานวเสน ปีติเวควิสฺสฏฺํ ‘‘สพฺภิเรว สมาเสถา’’ติ คาถํ อภาสิ.

. ตตฺถ สพฺภิเรวาติ สปฺปุริเสหิ เอว. สนฺโตติ ปเนตฺถ พุทฺธาทโย อริยา อธิปฺเปตา. เต หิ อนวเสสโต อสตํ ธมฺมํ ปหาย สทฺธมฺเม อุกฺกํสคตตฺตา สาติสยํ ปสํสิยตฺตา จ วิเสสโต ‘‘สนฺโต สปฺปุริสา’’ติ จ วุจฺจนฺติ. สมาเสถาติ สมํ อาเสถ สห วเสยฺย. เต ปยิรุปาสนฺโต เตสํ สุสฺสูสนฺโต ทิฏฺานุคติฺจ อาปชฺชนฺโต สมานวาโส ภเวยฺยาติ อตฺโถ. ปณฺฑิเตหตฺถทสฺสิภีติ เตสํ โถมนา. ปณฺฑา วุจฺจติ ปฺา, สา อิเมสํ สฺชาตาติ ปณฺฑิตา. ตโต เอว อตฺตตฺถาทิเภทํ อตฺถํ อวิปรีตโต ปสฺสนฺตีติ อตฺถทสฺสิโน. เตหิ ปณฺฑิเตหิ อตฺถทสฺสีภิ สมาเสถ. กสฺมาติ เจ? ยสฺมา เต สนฺโต ปณฺฑิตา, เต วา สมฺมา เสวนฺตา เอกนฺตหิตภาวโต มคฺคาณาทีเหว อรณียโต อตฺถํ, มหาคุณตาย สนฺตตาย จ มหนฺตํ, อคาธภาวโต คมฺภีราณโคจรโต จ คมฺภีรํ, หีนจฺฉนฺทาทีหิ ทฏฺุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา อิตเรหิ จ กิจฺเฉน ทฏฺพฺพตฺตา ทุทฺทสํ, ทุทฺทสตฺตา สณฺหนิปุณสภาวตฺตา นิปุณาณโคจรโต จ นิปุณํ, นิปุณตฺตา เอวํ สุขุมสภาวตาย อณุํ นิพฺพานํ, อวิปรีตฏฺเน วา ปรมตฺถสภาวตฺตา อตฺถํ, อริยภาวกรตฺตา มหตฺตนิมิตฺตตาย มหนฺตํ, อนุตฺตานสภาวตาย คมฺภีรํ, ทุกฺเขน ทฏฺพฺพํ น สุเขน ทฏฺุํ สกฺกาติ ทุทฺทสํ, คมฺภีรตฺตา ทุทฺทสํ, ทุทฺทสตฺตา คมฺภีรนฺติ จตุสจฺจํ, วิเสสโต นิปุณํ อณุํ, นิโรธสจฺจนฺติ เอวเมตํ จตุสจฺจํ ธีรา สมธิคจฺฉนฺติ ธิติสมฺปนฺนตาย ธีรา จตุสจฺจกมฺมฏฺานภาวนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา สมฺมเทว อธิคจฺฉนฺติ. อปฺปมตฺตาติ สพฺพตฺถ สติอวิปฺปวาเสน อปฺปมาทปฏิปตฺตึ ปูเรนฺตา. วิจกฺขณาติ วิปสฺสนาภาวนาย เฉกา กุสลา. ตสฺมา สพฺภิเรว สมาเสถาติ โยชนา. ปณฺฑิเตหตฺถทสฺสิภีติ วา เอตํ นิสฺสกฺกวจนํ. ยสฺมา ปณฺฑิเตหิ อตฺถทสฺสีภิ สมุทายภูเตหิ ธีรา อปฺปมตฺตา วิจกฺขณา มหนฺตาทิวิเสสวนฺตํ อตฺถํ สมธิคจฺฉนฺติ, ตสฺมา ตาทิเสหิ สพฺภิเรว สมาเสถาติ สมฺพนฺโธ. เอวเมสา เถรสฺส ปฏิเวธทีปเนน อฺาพฺยากรณคาถาปิ อโหสีติ.

ปุณฺณตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. ทพฺพตฺเถรคาถาวณฺณนา

โย ทุทฺทมิโยติ อายสฺมโต ทพฺพตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวตีนคเร กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต เหฏฺา วุตฺตนเยเนว ธมฺมเทสนํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ เสนาสนปฺาปกานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา อธิการกมฺมํ กตฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถตฺวา สตฺถารา พฺยากโต ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสริตฺวา กสฺสปทสพลสฺส สาสโนสกฺกนกาเล ปพฺพชิ. ตทา เตน สทฺธึ อปเร ฉ ชนาติ สตฺต ภิกฺขู เอกจิตฺตา หุตฺวา อฺเ สาสเน อคารวํ กโรนฺเต ทิสฺวา – ‘‘อิธ กึ กโรม เอกมนฺเต สมณธมฺมํ กตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสามา’’ติ นิสฺเสณึ พนฺธิตฺวา อุจฺจํ ปพฺพตสิขรํ อารุหิตฺวา, ‘‘อตฺตโน จิตฺตพลํ ชานนฺตา นิสฺเสณึ นิปาเตนฺตุ, ชีวิเต สาลยา โอตรนฺตุ, มา ปจฺฉานุตปฺปิโน อหุวตฺถา’’ติ วตฺวา สพฺเพ เอกจิตฺตา หุตฺวา นิสฺเสณึ ปาเตตฺวา – ‘‘อปฺปมตฺตา โหถ, อาวุโส’’ติ อฺมฺํ โอวทิตฺวา จิตฺตรุจิเกสุ าเนสุ นิสีทิตฺวา สมณธมฺมํ กาตุํ อารภึสุ.

ตตฺเรโก เถโร ปฺจเม ทิวเส อรหตฺตํ ปตฺวา, ‘‘มม กิจฺจํ นิปฺผนฺนํ, อหํ อิมสฺมึ าเน กึ กริสฺสามิ’’ติ อิทฺธิยา อุตฺตรกุรุโต ปิณฺฑปาตํ อาหริตฺวา, ‘‘อาวุโส, อิมํ ปิณฺฑปาตํ ปริภุฺชถ, ภิกฺขาจารกิจฺจํ มมายตฺตํ โหตุ, ตุมฺเห อตฺตโน กมฺมํ กโรถา’’ติ อาห. ‘‘กึ นุ โข มยํ, อาวุโส, นิสฺเสณึ ปาเตนฺตา เอวํ อโวจุมฺห – ‘โย ปมํ ธมฺมํ สจฺฉิกโรติ, โส ภิกฺขํ อาหรตุ, เตนาภตํ เสสา ปริภุฺชิตฺวา สมณธมฺมํ กริสฺสนฺตี’’’ติ. ‘‘นตฺถิ, อาวุโส’’ติ. ตุมฺเห อตฺตโน ปุพฺพเหตุนา ลภิตฺถ, มยมฺปิ สกฺโกนฺตา วฏฺฏสฺสนฺตํ กริสฺสาม, คจฺฉถ ตุมฺเหติ. เถโร เต สฺาเปตุํ อสกฺโกนฺโต ผาสุกฏฺาเน ปิณฺฑปาตํ ปริภุฺชิตฺวา คโต. อปโร เถโร สตฺตเม ทิวเส อนาคามิผลํ ปตฺวา ตโต จุโต สุทฺธาวาสพฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺโต. อิตเร เถรา ตโต จุตา เอกํ พุทฺธนฺตรํ เทวมนุสฺเสสุ สํสริตฺวา เตสุ เตสุ กุเลสุ นิพฺพตฺตา. เอโก คนฺธารรฏฺเ ตกฺกสิลานคเร ราชเคเห นิพฺพตฺโต, เอโก มชฺฌนฺติกรฏฺเ ปริพฺพาชิกาย กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺโต, เอโก พาหิยรฏฺเ กุฏุมฺพิยเคเห นิพฺพตฺโต, เอโก ภิกฺขุนุปสฺสเย ชาโต.

อยํ ปน ทพฺพตฺเถโร มลฺลรฏฺเ อนุปิยนคเร เอกสฺส มลฺลรฺโ เคเห ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. ตสฺส มาตา อุปวิชฺา กาลมกาสิ, มตสรีรํ สุสานํ เนตฺวา ทารุจิตกํ อาโรเปตฺวา อคฺคึ อทํสุ. ตสฺสา อคฺคิเวคสนฺตตฺตํ อุทรปฏลํ ทฺเวธา อโหสิ. ทารโก อตฺตโน ปุฺพเลน อุปฺปติตฺวา เอกสฺมึ ทพฺพตฺถมฺเภ นิปติ. ตํ ทารกํ คเหตฺวา อยฺยิกาย อทํสุ. สา ตสฺส นามํ คณฺหนฺตี ทพฺพตฺถมฺเภ ปติตฺวา ลทฺธชีวิตตฺตา ‘‘ทพฺโพ’’ติสฺส นามํ อกาสิ. ตสฺส จ สตฺตวสฺสิกกาเล สตฺถา ภิกฺขุสงฺฆปริวาโร มลฺลรฏฺเ จาริกํ จรมาโน อนุปิยมฺพวเน วิหรติ. ทพฺพกุมาโร สตฺถารํ ทิสฺวา ทสฺสเนเนว ปสีทิตฺวา ปพฺพชิตุกาโม หุตฺวา ‘‘อหํ ทสพลสฺส สนฺติเก ปพฺพชิสฺสามี’’ติ อยฺยิกํ อาปุจฺฉิ. สา ‘‘สาธุ, ตาตา’’ติ ทพฺพกุมารํ อาทาย สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิมํ กุมารํ ปพฺพาเชถา’’ติ อาห. สตฺถา อฺตรสฺส ภิกฺขุโน สฺํ อทาสิ – ‘‘ภิกฺขุ อิมํ ทารกํ ปพฺพาเชหี’’ติ. โส เถโร สตฺถุ วจนํ สุตฺวา ทพฺพกุมารํ ปพฺพาเชนฺโต ตจปฺจกกมฺมฏฺานํ อาจิกฺขิ. ปุพฺพเหตุสมฺปนฺโน กตาภินีหาโร สตฺโต ปมเกสวฏฺฏิยา โวโรปนกฺขเณ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, ทุติยาย เกสวฏฺฏิยา โอโรปิยมานาย สกทาคามิผเล, ตติยาย อนาคามิผเล, สพฺพเกสานํ ปน โอโรปนฺจ อรหตฺตผลสจฺฉิกิริยา จ อปจฺฉา อปุเร อโหสิ. สตฺถา มลฺลรฏฺเ ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวา ราชคหํ คนฺตฺวา เวฬุวเน วาสํ กปฺเปสิ.

ตตฺรายสฺมา ทพฺโพ มลฺลปุตฺโต รโหคโต อตฺตโน กิจฺจนิปฺผตฺตึ โอโลเกตฺวา สงฺฆสฺส เวยฺยาวจฺจกรเณ กายํ โยเชตุกาโม จินฺเตสิ – ‘‘ยํนูนาหํ สงฺฆสฺส เสนาสนฺจ ปฺาเปยฺยํ ภตฺตานิ จ อุทฺทิเสยฺย’’นฺติ. โส สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา อตฺตโน ปริวิตกฺกํ อาโรเจสิ. สตฺถา ตสฺส สาธุการํ ทตฺวา เสนาสนปฺาปกตฺตฺจ ภตฺตุทฺเทสกตฺตฺจ สมฺปฏิจฺฉิ. อถ นํ ‘‘อยํ ทพฺโพ ทหโรว สมาโน มหนฺเต าเน ิโต’’ติ สตฺตวสฺสิกกาเลเยว อุปสมฺปาเทสิ. เถโร อุปสมฺปนฺนกาลโต ปฏฺาย ราชคหํ อุปนิสฺสาย วิหรนฺตานํ สพฺพภิกฺขูนํ เสนาสนานิ จ ปฺาเปติ, ภิกฺขฺจ อุทฺทิสติ. ตสฺส เสนาสนปฺาปกภาโว สพฺพทิสาสุ ปากโฏ อโหสิ – ‘‘ทพฺโพ กิร มลฺลปุตฺโต สภาคสภาคานํ ภิกฺขูนํ เอกฏฺาเน เสนาสนานิ ปฺาเปติ, อาสนฺเนปิ ทูเรปิ เสนาสนํ ปฺาเปติ, คนฺตุํ อสกฺโกนฺเต อิทฺธิยา เนตี’’ติ.

อถ นํ ภิกฺขู กาเลปิ วิกาเลปิ – ‘‘อมฺหากํ, อาวุโส, ชีวกมฺพวเน เสนาสนํ ปฺาเปหิ, อมฺหากํ มทฺทกุจฺฉิสฺมึ มิคทาเย’’ติ เอวํ เสนาสนํ อุทฺทิสาเปตฺวา ตสฺส อิทฺธึ ปสฺสนฺตา คจฺฉนฺติ. โสปิ อิทฺธิยา มโนมเย กาเย อภิสงฺขริตฺวา เอเกกสฺส เถรสฺส เอเกกํ อตฺตนา สทิสํ ภิกฺขุํ ทตฺวา องฺคุลิยา ชลมานาย ปุรโต คนฺตฺวา ‘‘อยํ มฺโจ อิทํ ปี’’นฺติอาทีนิ วตฺวา เสนาสนํ ปฺาเปตฺวา ปุน อตฺตโน วสนฏฺานเมว อาคจฺฉติ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถารโต ปนิทํ วตฺถุ ปาฬิยํ อาคตเมว. สตฺถา อิทเมว การณํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา อปรภาเค อริยคณมชฺเฌ นิสินฺโน เถรํ เสนาสนปฺาปกานํ อคฺคฏฺาเน เปสิ – ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ เสนาสนปฺาปกานํ ยทิทํ ทพฺโพ มลฺลปุตฺโต’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๐๙; ๒๑๔). วุตฺตมฺปิ เจตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๔, ๑๐๘-๑๔๙) –

‘‘ปทุมุตฺตโร นาม ชิโน, สพฺพโลกวิทู มุนิ;

อิโต สตสหสฺสมฺหิ, กปฺเป อุปฺปชฺชิ จกฺขุมา.

‘‘โอวาทโก วิฺาปโก, ตารโก สพฺพปาณินํ;

เทสนากุสโล พุทฺโธ, ตาเรสิ ชนตํ พหุํ.

‘‘อนุกมฺปโก การุณิโก, หิเตสี สพฺพปาณินํ;

สมฺปตฺเต ติตฺถิเย สพฺเพ, ปฺจสีเล ปติฏฺปิ.

‘‘เอวํ นิรากุลํ อาสิ, สุฺตํ ติตฺถิเยหิ จ;

วิจิตฺตํ อรหนฺเตหิ, วสีภูเตหิ ตาทิภิ.

‘‘รตนานฏฺปฺาสํ, อุคฺคโต โส มหามุนิ;

กฺจนคฺฆิยสงฺกาโส, พาตฺตึสวรลกฺขโณ.

‘‘วสฺสสตสหสฺสานิ, อายุ วิชฺชติ ตาวเท;

ตาวตา ติฏฺมาโน โส, ตาเรสิ ชนตํ พหุํ.

‘‘ตทาหํ หํสวติยํ, เสฏฺิปุตฺโต มหายโส;

อุเปตฺวา โลกปชฺโชตํ, อสฺโสสึ ธมฺมเทสนํ.

‘‘เสนาสนานิ ภิกฺขูนํ, ปฺาเปนฺตํ สสาวกํ;

กิตฺตยนฺตสฺส วจนํ, สุณิตฺวา มุทิโต อหํ.

‘‘อธิการํ สสงฺฆสฺส, กตฺวา ตสฺส มเหสิโน;

นิปจฺจ สิรสา ปาเท, ตํ านมภิปตฺถยึ.

‘‘ตทาห ส มหาวีโร, มม กมฺมํ ปกิตฺตยํ;

โย สสงฺฆมโภเชสิ, สตฺตาหํ โลกนายกํ.

‘‘โสยํ กมลปตฺตกฺโข, สีหํโส กนกตฺตโจ;

มม ปาทมูเล นิปติ, ปตฺถยํ านมุตฺตมํ.

‘‘สตสหสฺสิโต กปฺเป, โอกฺกากกุลสมฺภโว;

โคตโม นาม โคตฺเตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติ.

‘‘สาวโก ตสฺส พุทฺธสฺส, ทพฺโพ นาเมน วิสฺสุโต;

เสนาสนปฺาปโก, อคฺโค เหสฺสติยํ ตทา.

‘‘เตน กมฺเมน สุกเตน, เจตนาปณิธีหิ จ;

ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวตึสมคจฺฉหํ.

‘‘สตานํ ตีณิกฺขตฺตุฺจ, เทวรชฺชมการยึ;

สตานํ ปฺจกฺขตฺตุฺจ, จกฺกวตฺตี อโหสหํ.

‘‘ปเทสรชฺชํ วิปุลํ, คณนาโต อสงฺขิยํ;

สพฺพตฺถ สุขิโต อาสึ, ตสฺส กมฺมสฺส วาหสา.

‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, วิปสฺสี นาม นายโก;

อุปฺปชฺชิ จารุทสฺสโน, สพฺพธมฺมวิปสฺสโก.

‘‘ทุฏฺจิตฺโต อุปวทึ, สาวกํ ตสฺส ตาทิโน;

สพฺพาสวปริกฺขีณํ, สุทฺโธติ จ วิชานิย.

‘‘ตสฺเสว นรวีรสฺส, สาวกานํ มเหสินํ;

สลากฺจ คเหตฺวาน, ขีโรทนมทาสหํ.

‘‘อิมมฺหิ ภทฺทเก กปฺเป, พฺรหฺมพนฺธุ มหายโส;

กสฺสโป นาม โคตฺเตน, อุปฺปชฺชิ วทตํ วโร.

‘‘สาสนํ โชตยิตฺวาน, อภิภุยฺย กุติตฺถิเย;

วิเนยฺเย วินยิตฺวาว, นิพฺพุโต โส สสาวโก.

‘‘สสิสฺเส นิพฺพุเต นาเถ, อตฺถเมนฺตมฺหิ สาสเน;

เทวา กนฺทึสุ สํวิคฺคา, มุตฺตเกสา รุทมฺมุขา.

‘‘นิพฺพายิสฺสติ ธมฺมกฺโข, น ปสฺสิสาม สุพฺพเต;

น สุณิสฺสาม สทฺธมฺมํ, อโห โน อปฺปปุฺตา.

‘‘ตทายํ ปถวี สพฺพา, อจลา สา จลาจลา;

สาคโร จ สโสโกว, วินที กรุณํ คิรํ.

‘‘จตุทฺทิสา ทุนฺทุภิโย, นาทยึสุ อมานุสา;

สมนฺตโต อสนิโย, ผลึสุ จ ภยาวหา.

‘‘อุกฺกา ปตึสุ นภสา, ธูมเกตุ จ ทิสฺสติ;

สธูมา ชาลวฏฺฏา จ, รวึสุ กรุณํ มิคา.

‘‘อุปฺปาเท ทารุเณ ทิสฺวา, สาสนตฺถงฺคสูจเก;

สํวิคฺคา ภิกฺขโว สตฺต, จินฺตยิมฺห มยํ ตทา.

‘‘สาสเนน วินามฺหากํ, ชีวิเตน อลํ มยํ;

ปวิสิตฺวา มหารฺํ, ยุฺชาม ชินสาสเน.

‘‘อทฺทสมฺห ตทารฺเ, อุพฺพิทฺธํ เสลมุตฺตมํ;

นิสฺเสณิยา ตมารุยฺห, นิสฺเสณึ ปาตยิมฺหเส.

‘‘ตทา โอวทิ โน เถโร, พุทฺธุปฺปาโท สุทุลฺลโภ;

สทฺธาติทุลฺลภา ลทฺธา, โถกํ เสสฺจ สาสนํ.

‘‘นิปตนฺติ ขณาตีตา, อนนฺเต ทุกฺขสาคเร;

ตสฺมา ปโยโค กตฺตพฺโพ, ยาว าติ มุเน มตํ.

‘‘อรหา อาสิ โส เถโร, อนาคามี ตทานุโค;

สุสีลา อิตเร ยุตฺตา, เทวโลกํ อคมฺหเส.

‘‘นิพฺพุโต ติณฺณสํสาโร, สุทฺธาวาเส จ เอกโก;

อหฺจ ปกฺกุสาติ จ, สภิโย พาหิโย ตถา.

‘‘กุมารกสฺสโป, เจว, ตตฺถ ตตฺถูปคา มยํ;

สํสารพนฺธนา มุตฺตา, โคตเมนานุกมฺปิตา.

‘‘มลฺเลสุ กุสินารายํ, คพฺเภ ชาตสฺส เม สโต;

มาตา มตา จิตารุฬฺหา, ตโต นิปฺปติโต อหํ.

‘‘ปติโต ทพฺพปุฺชมฺหิ, ตโต ทพฺโพติ วิสฺสุโต;

พฺรหฺมจารีพเลนาหํ, วิมุตฺโต สตฺตวสฺสิโก.

‘‘ขีโรทนพเลนาหํ, ปฺจหงฺเคหุปาคโต;

ขีณาสโวปวาเทน, ปาเปหิ พหุ โจทิโต.

‘‘อุโภ ปุฺฺจ ปาปฺจ, วีติวตฺโตมฺหิ ทานิหํ;

ปตฺวาน ปรมํ สนฺตึ, วิหรามิ อนาสโว.

‘‘เสนาสนํ ปฺาปยึ, หาสยิตฺวาน สุพฺพเต;

ชิโน ตสฺมึ คุเณ ตุฏฺโ, เอตทคฺเค เปสิ มํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ, ภวา สพฺเพ สมูหตา;

นาโคว พนฺธนํ เฉตฺวา, วิหรามิ อนาสโว.

‘‘สฺวาคตํ วต เม อาสิ, พุทฺธเสฏฺสฺส สนฺติเก;

ติสฺโส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสนํ.

‘‘ปฏิสมฺภิทา จตสฺโส…เป…กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

เอวํภูตํ ปน ตํ เยน ปุพฺเพ เอกสฺส ขีณาสวตฺเถรสฺส อนุทฺธํสนวเสน กเตน ปาปกมฺเมน พหูนิ วสฺสสตสหสฺสานิ นิรเย ปจฺจิ, ตาย เอว กมฺมปิโลติกาย โจทิยมานา เมตฺติยภูมชกา ภิกฺขู ‘‘อิมินา มยํ กลฺยาณภตฺติกสฺส คหปติโน อนฺตเร ปริเภทิตา’’ติ ทุคฺคหิตคาหิโน อมูลเกน ปาราชิเกน ธมฺเมน อนุทฺธํเสสุํ. ตสฺมิฺจ อธิกรเณ สงฺเฆน สติวินเยน วูปสมิเต อยํ เถโร โลกานุกมฺปาย อตฺตโน คุเณ วิภาเวนฺโต ‘‘โย ทุทฺทมิโย’’ติ อิมํ คาถํ อภาสิ.

. ตตฺถ โยติ อนิยมิตนิทฺเทโส, ตสฺส ‘‘โส’’ติ อิมินา นิยมตฺตํ ทฏฺพฺพํ. อุภเยนปิ อฺํ วิย กตฺวา อตฺตานเมว วทติ. ทุทฺทมิโยติ ทุทฺทโม, ทเมตุํ อสกฺกุเณยฺโย. อิทฺจ อตฺตโน ปุถุชฺชนกาเล ทิฏฺิคตานํ วิสูกายิกานํ กิเลสานํ มทาเลปจิตฺตสฺส วิปฺผนฺทิตํ อินฺทฺริยานํ อวูปสมนฺจ จินฺเตตฺวา วทติ. ทเมนาติ อุตฺตเมน อคฺคมคฺคทเมน, เตน หิ ทนฺโต ปุน ทเมตพฺพตาภาวโต ‘‘ทนฺโต’’ติ วตฺตพฺพตํ อรหติ, น อฺเน. อถ วา ทเมนาติ ทมเกน ปุริสทมฺมสารถินา ทมิโต. ทพฺโพติ ทฺรพฺโย, ภพฺโพติ อตฺโถ. เตนาห ภควา อิมเมว เถรํ สนฺธาย – ‘‘น โข, ทพฺพ, ทพฺพา เอวํ นิพฺเพเนฺตี’’ติ (ปารา. ๓๘๔; จูฬว. ๑๙๓). สนฺตุสิโตติ ยถาลทฺธปจฺจยสนฺโตเสน ฌานสมาปตฺติสนฺโตเสน มคฺคผลสนฺโตเสน จ สนฺตุฏฺโ. วิติณฺณกงฺโขติ โสฬสวตฺถุกาย อฏฺวตฺถุกาย จ กงฺขาย ปมมคฺเคเนว สมุคฺฆาฏิตตฺตา วิคตกงฺโข. วิชิตาวีติ ปุริสาชานีเยน วิเชตพฺพสฺส สพฺพสฺสปิ สํกิเลสปกฺขสฺส วิชิตตฺตา วิธมิตตฺตา วิชิตาวี. อเปตเภรโวติ ปฺจวีสติยา ภยานํ สพฺพโส อเปตตฺตา อปคตเภรโว อภยูปรโต. ปุน ทพฺโพติ นามกิตฺตนํ. ปรินิพฺพุโตติ ทฺเว ปรินิพฺพานานิ กิเลสปรินิพฺพานฺจ, ยา สอุปาทิเสสนิพฺพานธาตุ, ขนฺธปรินิพฺพานฺจ, ยา อนุปาทิเสสนิพฺพานธาตุ. เตสุ อิธ กิเลสปรินิพฺพานํ อธิปฺเปตํ, ตสฺมา ปหาตพฺพธมฺมานํ มคฺเคน สพฺพโส ปหีนตฺตา กิเลสปรินิพฺพาเนน ปรินิพฺพุโตติ อตฺโถ. ิตตฺโตติ ิตสภาโว อจโล อิฏฺาทีสุ ตาทิภาวปฺปตฺติยา โลกธมฺเมหิ อกมฺปนีโย. หีติ จ เหตุอตฺเถ นิปาโต, เตน โย ปุพฺเพ ทุทฺทโม หุตฺวา ิโต ยสฺมา ทพฺพตฺตา สตฺถารา อุตฺตเมน ทเมน ทมิโต สนฺตุสิโต วิติณฺณกงฺโข วิชิตาวี อเปตเภรโว, ตสฺมา โส ทพฺโพ ปรินิพฺพุโต ตโตเยว จ ิตตฺโต, เอวํภูเต จ ตสฺมึ จิตฺตปสาโทว กาตพฺโพ, น ปสาทฺถตฺตนฺติ ปรเนยฺยพุทฺธิเก สตฺเต อนุกมฺปนฺโต เถโร อฺํ พฺยากาสิ.

ทพฺพตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. สีตวนิยตฺเถรคาถาวณฺณนา

โย สีตวนนฺติ อายสฺมโต สมฺภูตตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อิโต กิร อฏฺารสาธิกสฺส กปฺปสตสฺส มตฺถเก อตฺถทสฺสี นาม สมฺพุทฺโธ โลเก อุปฺปชฺชิตฺวา สเทวกํ โลกํ สํสารมโหฆโต ตาเรนฺโต เอกทิวสํ มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ คงฺคาตีรํ อุปคจฺฉิ. ตสฺมึ กาเล อยํ คหปติกุเล นิพฺพตฺโต ตตฺถ ภควนฺตํ ปสฺสิตฺวา ปสนฺนมานโส อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘กึ, ภนฺเต, ปารํ คนฺตุกามตฺถา’’ติ ปุจฺฉิ. ภควา ‘‘คมิสฺสามา’’ติ อโวจ. โส ตาวเทว นาวาสงฺฆาฏํ โยเชตฺวา อุปเนสิ. สตฺถา ตํ อนุกมฺปนฺโต สห ภิกฺขุสงฺเฆน นาวํ อภิรุหิ. โส สยมฺปิ อภิรุยฺห สุเขเนว ปรตีรํ สมฺปาเปตฺวา ภควนฺตํ ภิกฺขุสงฺฆฺจ ทุติยทิวเส มหาทานํ ปวตฺเตตฺวา อนุคนฺตฺวา ปสนฺนจิตฺโต วนฺทิตฺวา นิวตฺติ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสริตฺวา อิโต เตรสาธิกกปฺปสตสฺส มตฺถเก ขตฺติยกุเล นิพฺพตฺติตฺวา ราชา อโหสิ จกฺกวตฺตี ธมฺมิโก ธมฺมราชา. โส สตฺเต สุคติมคฺเค ปติฏฺาเปตฺวา ตโต จุโต เอกนวุติกปฺเป วิปสฺสิสฺส ภควโต สาสเน ปพฺพชิตฺวา ธุตธมฺเม สมาทาย สุสาเน วสนฺโต สมณธมฺมํ อกาสิ. ปุน กสฺสปสฺส ภควโต กาเลปิ ตสฺส สาสเน ตีหิ สหาเยหิ สทฺธึ ปพฺพชิตฺวา วีสติวสฺสสหสฺสานิ สมณธมฺมํ กตฺวา เอกํ พุทฺธนฺตรํ เทวมนุสฺเสสุ สํสริตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคเห พฺราหฺมณมหาสาลสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ตสฺส ‘‘สมฺภูโต’’ติ นามํ อกํสุ. โส วยปฺปตฺโต พฺราหฺมณสิปฺเปสุ นิปฺผตฺตึ คโต. ภูมิโช เชยฺยเสโน อภิราธโนติ ตีหิ สหาเยหิ สทฺธึ ภควโต สนฺติกํ คโต ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิ. เย สนฺธาย วุตฺตํ –

‘‘ภูมิโช เชยฺยเสโน จ, สมฺภูโต อภิราธโน;

เอเต ธมฺมํ อภิฺาสุํ, สาสเน วรตาทิโน’’ติ.

อถ สมฺภูโต ภควโต สนฺติเก กายคตาสติกมฺมฏฺานํ คเหตฺวา นิพทฺธํ สีตวเน วสติ. เตเนวายสฺมา ‘‘สีตวนิโย’’ติ ปฺายิตฺถ. เตน จ สมเยน เวสฺสวโณ มหาราชา เกนจิเทว กรณีเยน ชมฺพุทีเป ทกฺขิณทิสาภาคํ อุทฺทิสฺส อากาเสน คจฺฉนฺโต เถรํ อพฺโภกาเส นิสีทิตฺวา กมฺมฏฺานํ มนสิกโรนฺตํ ทิสฺวา วิมานโต โอรุยฺห เถรํ วนฺทิตฺวา, ‘‘ยทา เถโร สมาธิโต วุฏฺหิสฺสติ, ตทา มม อาคมนํ อาโรเจถ, อารกฺขฺจสฺส กโรถา’’ติ ทฺเว ยกฺเข อาณาเปตฺวา ปกฺกามิ. เต เถรสฺส สมีเป ตฺวา มนสิการํ ปฏิสํหริตฺวา นิสินฺนกาเล อาโรเจสุํ. ตํ สุตฺวา เถโร ‘‘ตุมฺเห มม วจเนน เวสฺสวณมหาราชสฺส กเถถ, ภควตา อตฺตโน สาสเน ิตานํ สติอารกฺขา นาม ปิตา อตฺถิ, สาเยว มาทิเส รกฺขติ, ตฺวํ ตตฺถ อปฺโปสฺสุกฺโก โหหิ, ภควโต โอวาเท ิตานํ เอทิสาย อารกฺขาย กรณียํ นตฺถี’’ติ เต วิสฺสชฺเชตฺวา ตาวเทว วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา วิชฺชาตฺตยํ สจฺฉากาสิ. ตโต เวสฺสวโณ นิวตฺตมาโน เถรสฺส สมีปํ ปตฺวา มุขาการสลฺลกฺขเณเนวสฺส กตกิจฺจภาวํ ตฺวา สาวตฺถึ คนฺตฺวา ภควโต อาโรเจตฺวา สตฺถุ สมฺมุขา เถรํ อภิตฺถวนฺโต –

‘‘สติอารกฺขสมฺปนฺโน, ธิติมา วีริยสมาหิโต;

อนุชาโต สตฺถุ สมฺภูโต, เตวิชฺโช มจฺจุปารคู’’ติ. –

อิมาย คาถาย เถรสฺส คุเณ วณฺเณสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๒๑.๑๕-๒๐) –

‘‘อตฺถทสฺสี ตุ ภควา, ทฺวิปทินฺโท นราสโภ;

ปุรกฺขโต สาวเกหิ, คงฺคาตีรมุปาคมิ.

‘‘สมติตฺติ กากเปยฺยา, คงฺคา อาสิ ทุรุตฺตรา;

อุตฺตารยึ ภิกฺขุสงฺฆํ, พุทฺธฺจ ทฺวิปทุตฺตมํ.

‘‘อฏฺารเส กปฺปสเต, ยํ กมฺมมกรึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ตรณาย อิทํ ผลํ.

‘‘เตรเสโต กปฺปสเต, ปฺจ สพฺโพภวา อหุํ;

สตฺตรตนสมฺปนฺนา, จกฺกวตฺตี มหพฺพลา.

‘‘ปจฺฉิเม จ ภเว อสฺมึ, ชาโตหํ พฺราหฺมเณ กุเล;

สทฺธึ ตีหิ สหาเยหิ, ปพฺพชึ สตฺถุ สาสเน.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อถายสฺมา สมฺภูโต ภควนฺตํ ทสฺสนาย คจฺฉนฺเต ภิกฺขู ทิสฺวา ‘‘อาวุโส, มม วจเนน ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทถ, เอวฺจ วเทถา’’ติ วตฺวา ธมฺมาธิกรณํ อตฺตโน สตฺถุ อวิเหิตภาวํ ปกาเสนฺโต ‘‘โย สีตวน’’นฺติ คาถมาห. เต ภิกฺขู ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา สมฺภูตตฺเถรสฺส สาสนํ สมฺปเวเทนฺตา, ‘‘อายสฺมา, ภนฺเต, สมฺภูโต ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทติ, เอวฺจ วทตี’’ติ วตฺวา ตํ คาถํ อาโรเจสุํ, ตํ สุตฺวา ภควา ‘‘ปณฺฑิโต, ภิกฺขเว, สมฺภูโต ภิกฺขุ ปจฺจปาทิ ธมฺมสฺสานุธมฺมํ, น จ มํ ธมฺมาธิกรณํ วิเหเติ. เวสฺสวเณน ตสฺสตฺโถ มยฺหํ อาโรจิตา’’ติ อาห.

. ยํ ปน เต ภิกฺขู สมฺภูตตฺเถเรน วุตฺตํ ‘‘โย สีตวน’’นฺติ คาถํ สตฺถุ นิเวเทสุํ. ตตฺถ สีตวนนฺติ เอวํนามกํ ราชคหสมีเป มหนฺตํ เภรวสุสานวนํ. อุปคาติ นิวาสนวเสน อุปคจฺฉิ. เอเตน ภควตา อนุฺาตํ ปพฺพชิตานุรูปํ นิวาสนฏฺานํ ทสฺเสติ. ภิกฺขูติ สํสารภยสฺส อิกฺขนโต ภินฺนกิเลสตาย จ ภิกฺขุ. เอโกติ อทุติโย, เอเตน กายวิเวกํ ทสฺเสติ. สนฺตุสิโตติ สนฺตุฏฺโ. เอเตน จตุปจฺจยสนฺโตสลกฺขณํ อริยวํสํ ทสฺเสติ. สมาหิตตฺโตติ อุปจารปฺปนาเภเทน สมาธินา สมาหิตจิตฺโต, เอเตน จิตฺตวิเวกภาวนามุเขน ภาวนารามํ อริยวํสํ ทสฺเสติ. วิชิตาวีติ สาสเน สมฺมาปฏิปชฺชนฺเตน วิเชตพฺพํ กิเลสคณํ วิชิตฺวา ิโต, เอเตน อุปธิวิเวกํ ทสฺเสติ. ภยเหตูนํ กิเลสานํ อปคตตฺตา อเปตโลมหํโส, เอเตน สมฺมาปฏิปตฺติยา ผลํ ทสฺเสติ. รกฺขนฺติ รกฺขนฺโต. กายคตาสตินฺติ กายารมฺมณํ สตึ, กายคตาสติกมฺมฏฺานํ ปริพฺรูหนวเสน อวิสฺสชฺเชนฺโต. ธิติมาติ ธีโร, สมาหิตตฺตํ วิชิตาวิภาวตํ วา อุปาทาย ปฏิปตฺติทสฺสนเมตํ. อยฺเหตฺถ สงฺเขปตฺโถ – โส ภิกฺขุ วิเวกสุขานุเปกฺขาย เอโก สีตวนํ อุปาคมิ, อุปาคโต จ โลลภาวาภาวโต สนฺตุฏฺโ ธิติมา กายคตาสติกมฺมฏฺานํ ภาเวนฺโต ตถาธิคตํ ฌานํ ปาทกํ กตฺวา อารทฺธวิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อธิคเตน อคฺคมคฺเคน สมาหิโต วิชิตาวี จ หุตฺวา กตกิจฺจตาย ภยเหตูนํ สพฺพโส อปคตตฺตา อเปตโลมหํโส ชาโตติ.

สีตวนิยตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. ภลฺลิยตฺเถรคาถาวณฺณนา

โยปานุทีติ อายสฺมโต ภลฺลิยตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร อิโต เอกตึเส กปฺเป อนุปฺปนฺเน พุทฺเธ สุมนสฺส นาม ปจฺเจกพุทฺธสฺส ปสนฺนจิตฺโต ผลาผลํ ทตฺวา สุคตีสุ เอว สํสรนฺโต สิขิสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส กาเล อรุณวตีนคเร พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺโต ‘‘สิขิสฺส ภควโต ปมาภิสมฺพุทฺธสฺส อุชิต, โอชิตา นาม ทฺเว สตฺถวาหปุตฺตา ปมาหารํ อทํสู’’ติ สุตฺวา อตฺตโน สหายเกน สทฺธึ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา สฺวาตนาย นิมนฺเตตฺวา มหาทานํ ปวตฺเตตฺวา ปตฺถนํ อกํสุ – ‘‘อุโภปิ มยํ, ภนฺเต, อนาคเต ตุมฺหาทิสสฺส พุทฺธสฺส ปมาหารทายกา ภเวยฺยามา’’ติ. เต ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺกมฺมํ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺตา กสฺสปสฺส ภควโต กาเล โคปาลกเสฏฺิสฺส ปุตฺตา ภาตโร หุตฺวา นิพฺพตฺตา. พหูนิ วสฺสานิ ภิกฺขุสงฺฆํ ขีรโภชเนน อุปฏฺหึสุ. อมฺหากํ ปน ภควโต กาเล โปกฺขรวตีนคเร สตฺถวาหสฺส ปุตฺตา ภาตโร หุตฺวา นิพฺพตฺตา. เตสุ เชฏฺโ ตผุสฺโส นาม, กนิฏฺโ ภลฺลิโย นาม, เต ปฺจมตฺตานิ สกฏสตานิ ภณฺฑสฺส ปูเรตฺวา วาณิชฺชาย คจฺฉนฺตา ภควติ ปมาภิสมฺพุทฺเธ สตฺตสตฺตาหํ วิมุตฺติสุขธมฺมปจฺจเวกฺขณาหิ วีตินาเมตฺวา อฏฺเม สตฺตาเห ราชายตนมูเล วิหรนฺเต ราชายตนสฺส อวิทูเร มหามคฺเคน อติกฺกมนฺติ, เตสํ ตสฺมึ สมเย สเมปิ ภูมิภาเค อกทฺทโมทเก สกฏานิ นปฺปวตฺตึสุ, ‘‘กึ นุ, โข, การณ’’นฺติ จ จินฺเตนฺตานํ โปราณสาโลหิตา เทวตา รุกฺขวิฏปนฺตเร อตฺตานํ ทสฺเสนฺตี อาห – ‘‘มาทิสา, อยํ ภควา อจิราภิสมฺพุทฺโธ สตฺตสตฺตาหํ อนาหาโร วิมุตฺติสุขาปฏิสํเวที อิทานิ ราชายตนมูเล นิสินฺโน, ตํ อาหาเรน ปฏิมาเนถ, ยทสฺส ตุมฺหากํ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’’ติ. ตํ สุตฺวา เต อุฬารํ ปีติโสมนสฺสํ ปฏิสํเวเทนฺตา, ‘‘อาหารสมฺปาทนํ ปปฺจ’’นฺติ มฺมานา มนฺถฺจ มธุปิณฺฑิกฺจ ภควโต ทตฺวา ทฺเววาจิกสรณํ คนฺตฺวา เกสธาตุโย ลภิตฺวา อคมํสุ. เต หิ ปมํ อุปาสกา อเหสุํ. อถ ภควติ พาราณสึ คนฺตฺวา ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตตฺวา อนุปุพฺเพน ราชคเห วิหรนฺเต ตผุสฺสภลฺลิยา ราชคหํ อุปคตา ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. เตสํ ภควา ธมฺมํ เทเสสิ. เตสุ ตผุสฺโส โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาย อุปาสโกว อโหสิ. ภลฺลิโย ปน ปพฺพชิตฺวา ฉฬภิฺโ อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๘.๖๖-๗๐) –

‘‘สุมโน นาม สมฺพุทฺโธ, ตกฺกรายํ วสี ตทา;

วลฺลิการผลํ คยฺห, สยมฺภุสฺส อทาสหํ.

‘‘เอกตึเส อิโต กปฺเป, ยํ ผลํ อททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อเถกทิวสํ มาโร ภลฺลิยตฺเถรสฺส ภึสาปนตฺถํ ภยานกํ รูปํ ทสฺเสสิ. โส อตฺตโน สพฺพภยาติกฺกมํ ปกาเสนฺโต ‘‘โยปานุที’’ติ คาถมภาสิ.

. ตตฺถ โยปานุทีติ โย อปานุทิ ขิปิ ปชหิ วิทฺธํเสสิ. มจฺจุราชสฺสาติ มจฺจุ นาม มรณํ ขนฺธานํ เภโท, โส เอว จ สตฺตานํ อตฺตโน วเส อนุวตฺตาปนโต อิสฺสรฏฺเน ราชาติ มจฺจุราชา, ตสฺส. เสนนฺติ ชราโรคาทึ, สา หิสฺส วสวตฺตเน องฺคภาวโต เสนา นาม, เตน เหส มหตา นานาวิเธน วิปุเลน ‘‘มหาเสโน’’ติ วุจฺจติ. ยถาห – ‘‘น หิ โน สงฺครํ เตน, มหาเสเนน มจฺจุนา’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๗๒; ชา. ๒.๒๒.๑๒๑; เนตฺติ. ๑๐๓). อถ วา คุณมารณฏฺเน ‘‘มจฺจู’’ติ อิธ เทวปุตฺตมาโร อธิปฺเปโต, ตสฺส จ สหายภาวูปคมนโต กามาทโย เสนา. ตถา จาห –

‘‘กามา เต ปมา เสนา, ทุติยา อรติ วุจฺจติ;

ตติยา ขุปฺปิปาสา เต, จตุตฺถี ตณฺหา ปวุจฺจติ.

‘‘ปฺจมี ถินมิทฺธํ เต, ฉฏฺา ภีรู ปวุจฺจติ;

สตฺตมี วิจิกิจฺฉา เต, มาโน มกฺโข จ อฏฺมี’’ติ. (สุ. นิ. ๔๓๘-๔๓๙; มหานิ. ๒๘;จูฬนิ. นนฺทมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๔๗);

นฬเสตุํว สุทุพฺพลํ มโหโฆติ สารวิรหิตโต นฬเสตุสทิสํ อติวิย อพลภาวโต สุฏฺุ ทุพฺพลํ สํกิเลสเสนํ นวโลกุตฺตรธมฺมานํ มหาพลวภาวโต มโหฆสทิเสน อคฺคมคฺเคน โย อปานุทิ วิชิตาวี อเปตเภรโว ทนฺโต, โส ปรินิพฺพุโต ิตตฺโตติ โยชนา. ตํ สุตฺวา มาโร ‘‘ชานาติ มํ สมโณ’’ติ ตตฺเถวนฺตรธายีติ.

ภลฺลิยตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. วีรตฺเถรคาถาวณฺณนา

โย ทุทฺทมิโยติ อายสฺมโต วีรตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร อิโต เอกนวุเต กปฺเป วิปสฺสิสฺส ภควโต วสนอาวาสํ ปฏิชคฺคิ. เอกทิวสฺจ สินฺธุวารปุปฺผสทิสานิ นิคฺคุณฺิปุปฺผานิ คเหตฺวา ภควนฺตํ ปูเชสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิโต ปฺจตึเส กปฺเป ขตฺติยกุเล นิพฺพตฺติตฺวา มหาปตาโป นาม ราชา อโหสิ จกฺกวตฺตี. โส ธมฺเมน สเมน รชฺชํ กาเรนฺโต สตฺเต สคฺคมคฺเค ปติฏฺาเปสิ. ปุน อิมสฺมึ กปฺเป กสฺสปสฺส ภควโต กาเล มหาวิภโว เสฏฺิ หุตฺวา กปณทฺธิกาทีนํ ทานํ เทนฺโต สงฺฆสฺส ขีรภตฺตํ อทาสิ. เอวํ ตตฺถ ตตฺถ ทานมยํ ปุฺสมฺภารํ กโรนฺโต อิตรฺจ นิพฺพานตฺถํ สมฺภรนฺโต เทวมนุสฺเสสุ สํสริตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถินคเร รฺโ ปเสนทิสฺส อมจฺจกุเล นิพฺพตฺติ, ‘‘วีโร’’ติสฺส นามํ อกํสุ. โส วยปฺปตฺโต นามานุคเตหิ ปตฺตพลชวาทิคุเณหิ สมนฺนาคโต สงฺคามสูโร หุตฺวา มาตาปิตูหิ นิพนฺธวเสน การิเต ทารปริคฺคเห เอกํเยว ปุตฺตํ ลภิตฺวา ปุพฺพเหตุนา โจทิยมาโน กาเมสุ สํสาเร จ อาทีนวํ ทิสฺวา สํเวคชาโต ปพฺพชิตฺวา ฆเฏนฺโต วายมนฺโต นจิรสฺเสว ฉฬภิฺโ อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๒๑.๒๑-๒๔) –

‘‘วิปสฺสิสฺส ภควโต, อาสิมารามิโก อหํ;

นิคฺคุณฺิปุปฺผํ ปคฺคยฺห, พุทฺธสฺส อภิโรปยึ.

‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ ปุปฺผมภิปูชยึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘ปฺจวีเส อิโต กปฺเป, เอโก อาสึ ชนาธิโป;

มหาปตาปนาเมน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

เอวํ ปน อรหตฺตํ ปตฺวา ผลสมาปตฺติสุเขน วีตินาเมนฺตํ เถรํ ปุราณทุติยิกา อุปฺปพฺพาเชตุกามา อนฺตรนฺตรา นานานเยหิ ปโลเภตุํ ปรกฺกมนฺตี เอกทิวสํ ทิวาวิหารฏฺานํ คนฺตฺวา อิตฺถิกุตฺตาทีนิ ทสฺเสตุํ อารภิ. อถายสฺมา วีโร ‘‘มํ ปโลเภตุกามา สิเนรุํ มกสปกฺขวาเตน จาเลตุกามา วิย ยาว พาลา วตายํ อิตฺถี’’ติ ตสฺสา กิริยาย นิรตฺถกภาวํ ทีเปนฺโต ‘‘โย ทุทฺทมิโย’’ติ คาถํ อภาสิ.

. ตตฺถ โย ทุทฺทมิโยติอาทีนํ ปทานํ อตฺโถ เหฏฺา วุตฺโตเยว. อิทํ ปเนตฺถ โยชนามตฺตํ โย ปุพฺเพ อทนฺต กิเลสตาย ปจฺจตฺถิเกหิ วา สงฺคมสีเส ทเมตุํ เชตุํ อสกฺกุเณยฺยตายทุทฺทมิโย, อิทานิ ปน อุตฺตเมน ทเมน ทนฺโต จตุพฺพิธสมฺมปฺปมธานวีริยสมฺปตฺติยา วีโร, วุตฺตนเยเนว สนฺตุสิโต วิติณฺณกงฺโข วิชิตาวี อเปตโลมหํโส วีโร วีรนามโก อนวเสสโต กิเลสปรินิพฺพาเนน ปรินิพฺพุโต, ตโต เอว ิตสภาโว, น ตาทิสานํ สเตนปิ สหสฺเสนปิ จาลนีโยติ. ตํ สุตฺวา สา อิตฺถี – ‘‘มยฺหํ สามิเก เอวํ ปฏิปนฺเน โก มยฺหํ ฆราวาเสน อตฺโถ’’ติ สํเวคชาตา ภิกฺขุนีสุ ปพฺพชิตฺวา นจิรสฺเสว เตวิชฺชา อโหสีติ.

วีรตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. ปิลินฺทวจฺฉตฺเถรคาถาวณฺณนา

สฺวาคตนฺติ อายสฺมโต ปิลินฺทวจฺฉตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวตีนคเร มหาโภคกุเล นิพฺพตฺโต เหฏฺา วุตฺตนเยเนว สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ เทวตานํ ปิยมนาปภาเวน อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถตฺวา ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา ตโต จุโต เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต สุเมธสฺส ภควโต กาเล มนุสฺสโลเก นิพฺพตฺติตฺวา ภควติ ปรินิพฺพุเต สตฺถุ ถูปสฺส ปูชํ กตฺวา สงฺเฆ จ มหาทานํ ปวตฺเตตฺวา ตโต จุโต เทวมนุสฺเสสุ เอว สํสรนฺโต อนุปฺปนฺเน พุทฺเธ จกฺกวตฺตี ราชา หุตฺวา มหาชนํ ปฺจสุ สีเลสุ ปติฏฺาเปตฺวา สคฺคปรายณํ อกาสิ. โส อนุปฺปนฺเนเยว อมฺหากํ ภควติ สาวตฺถิยํ พฺราหฺมณเคเห นิพฺพตฺติ. ‘‘ปิลินฺโท’’ติสฺส นามํ อกํสุ. วจฺโฉติ ปน โคตฺตํ. เตน โส อปรภาเค ‘‘ปิลินฺทวจฺโฉ’’ติ ปฺายิตฺถ. สํสาเร ปน สํเวคพหุลตาย ปริพฺพาชกปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา จูฬคนฺธารํ นาม วิชฺชํ สาเธตฺวา ตาย วิชฺชาย อากาสจารี ปรจิตฺตวิทู จ หุตฺวา ราชคเห ลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺโต ปฏิวสติ.

อถ ยทา อมฺหากํ ภควา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา อนุกฺกเมน ราชคหํ อุปคโต, ตโต ปฏฺาย พุทฺธานุภาเวน ตสฺส สา วิชฺชา น สมฺปชฺชติ, อตฺตโน กิจฺจํ น สาเธติ. โส จินฺเตสิ – ‘‘สุตํ โข ปน เมตํ อาจริยปาจริยานํ ภาสมานานํ ‘ยตฺถ มหาคนฺธารวิชฺชา ธรติ, ตตฺถ จูฬคนฺธารวิชฺชา น สมฺปชฺชตี’ติ, สมณสฺส ปน โคตมสฺส อาคตกาลโต ปฏฺาย นายํ มม วิชฺชา สมฺปชฺชติ, นิสฺสํสยํ สมโณ โคตโม มหาคนฺธารวิชฺชํ ชานาติ, ยํนูนาหํ ตํ ปยิรุปาสิตฺวา ตสฺส สนฺติเก ตํ วิชฺชํ ปริยาปุเณยฺย’’นฺติ. โส ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอตทโวจ – ‘‘อหํ, มหาสมณ, ตว สนฺติเก เอกํ วิชฺชํ ปริยาปุณิตุกาโม, โอกาสํ เม กโรหี’’ติ. ภควา ‘‘เตน หิ ปพฺพชา’’ติ อาห. โส ‘‘วิชฺชาย ปริกมฺมํ ปพฺพชฺชา’’ติ มฺมาโน ปพฺพชิ. ตสฺส ภควา ธมฺมํ กเถตฺวา จริตานุกูลํ กมฺมฏฺานํ อทาสิ. โส อุปนิสฺสยสมฺปนฺนตาย นจิรสฺเสว วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. ยา ปน ปุริมชาติยํ ตสฺโสวาเท ตฺวา สคฺเค นิพฺพตฺตา เทวตา, ตํ กตฺุตํ นิสฺสาย สฺชาตพหุมานา สายํ ปาตํ เถรํ ปยิรุปาสิตฺวา คจฺฉนฺติ. ตสฺมา เถโร เทวตานํ ปิยมนาปตาย อคฺคตํ ปตฺโต. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๒.๕๕-๖๗) –

‘‘นิพฺพุเต โลกนาถมฺหิ, สุเมเธ อคฺคปุคฺคเล;

ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, ถูปปูชํ อกาสหํ.

‘‘เย จ ขีณาสวา ตตฺถ, ฉฬภิฺา มหิทฺธิกา;

เตหํ ตตฺถ สมาเนตฺวา, สงฺฆภตฺตํ อกาสหํ.

‘‘สุเมธสฺส ภควโต, อุปฏฺาโก ตทา อหุ;

สุเมโธ นาม นาเมน, อนุโมทิตฺถ โส ตทา.

‘‘เตน จิตฺตปฺปสาเทน, วิมานํ อุปปชฺชหํ;

ฉฬาสีติสหสฺสานิ, อจฺฉราโย รมึสุ เม.

‘‘มเมว อนุวตฺตนฺติ, สพฺพกาเมหิ ตา สทา;

อฺเ เทเว อภิโภมิ, ปุฺกมฺมสฺสิทํ ผลํ.

‘‘ปฺจวีสมฺหิ กปฺปมฺหิ, วรุโณ นาม ขตฺติโย;

วิสุทฺธโภชโน อาสึ, จกฺกวตฺตี อหํ ตทา.

‘‘น เต พีชํ ปวปฺปนฺติ, นปิ นียนฺติ นงฺคลา;

อกฏฺปากิมํ สาลึ, ปริภุฺชนฺติ มานุสา.

‘‘ตตฺถ รชฺชํ กริตฺวาน, เทวตฺตํ ปุน คจฺฉหํ;

ตทาปิ เอทิสา มยฺหํ, นิพฺพตฺตา โภคสมฺปทา.

‘‘น มํ มิตฺตา อมิตฺตา วา, หึสนฺติ สพฺพปาณิโน;

สพฺเพสมฺปิ ปิโย โหมิ, ปุฺกมฺมสฺสิทํ ผลํ.

‘‘ตึสกปฺปสหสฺสมฺหิ, ยํ ทานมททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, คนฺธาเลปสฺสิทํ ผลํ.

‘‘อิมสฺมึ ภทฺทเก กปฺเป, เอโก อาสึ ชนาธิโป;

มหานุภาโว ราชาหํ, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.

‘‘โสหํ ปฺจสุ สีเลสุ, เปตฺวา ชนตํ พหุํ;

ปาเปตฺวา สุคตึเยว, เทวตานํ ปิโย อหุํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

ตถา เทวตาหิ อติวิย ปิยายิตพฺพภาวโต อิมํ เถรํ ภควา เทวตานํ ปิยมนาปภาเวน อคฺคฏฺาเน เปสิ – ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ เทวตานํ ปิยมนาปานํ ยทิทํ ปิลินฺทวจฺโฉ’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๐๙, ๒๑๕) โส เอกทิวสํ ภิกฺขุสงฺฆมชฺเฌ นิสินฺโน อตฺตโน คุเณ ปจฺจเวกฺขิตฺวา เตสํ การณภูตํ วิชฺชานิมิตฺตํ ภควโต สนฺติเก อาคมนํ ปสํสนฺโต ‘‘สฺวาคตํ นาปคต’’นฺติ คาถํ อภาสิ.

. ตตฺถ สฺวาคตนฺติ สุนฺทรํ อาคมนํ, อิทํ มมาติ สมฺพนฺโธ. อถ วา สฺวาคตนฺติ สุฏฺุ อาคตํ, มยาติ วิภตฺติ วิปริณาเมตพฺพา. นาปคตนฺติ น อปคตํ หิตาภิวุทฺธิโต น อเปตํ. นยิทํ ทุมนฺติตํ มมาติ อิทํ มม ทุฏฺุ กถิตํ, ทุฏฺุ วา วีมํสิตํ น โหติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยํ ภควโต สนฺติเก มมาคมนํ, ยํ วา มยา ตตฺถ อาคตํ, ตํ สฺวาคตํ, สฺวาคตตฺตาเยว น ทุราคตํ. ยํ ‘‘ภควโต สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปพฺพชิสฺสามี’’ติ มม มนฺติตํ คทิตํ กถิตํ, จิตฺเตน วา วีมํสิตํ อิทมฺปิ น ทุมฺมนฺตินฺติ. อิทานิ ตตฺถ การณํ ทสฺเสนฺโต ‘‘สํวิภตฺเตสู’’ติอาทิมาห. สํวิภตฺเตสูติ ปการโต วิภตฺเตสุ. ธมฺเมสูติ เยฺยธมฺเมสุ สมถธมฺเมสุ วา, นานาติตฺถิเยหิ ปกติอาทิวเสน, สมฺมาสมฺพุทฺเธหิ ทุกฺขาทิวเสน สํวิภชิตฺวา วุตฺตธมฺเมสุ. ยํ เสฏฺํ ตทุปาคมินฺติ ยํ ตตฺถ เสฏฺํ, ตํ จตุสจฺจธมฺมํ, ตสฺส วา โพธกํ สาสนธมฺมํ อุปาคมึ, ‘‘อยํ ธมฺโม อยํ วินโย’’ติ อุปคจฺฉึ. สมฺมาสมฺพุทฺเธหิ เอว วา กุสลาทิวเสน ขนฺธาทิวเสน ยถาสภาวโต สํวิภตฺเตสุ สภาวธมฺเมสุ ยํ ตตฺถ เสฏฺํ อุตฺตมํ ปวรํ, ตํ มคฺคผลนิพฺพานธมฺมํ อุปาคมึ, อตฺตปจฺจกฺขโต อุปคจฺฉึ สจฺฉากาสึ, ตสฺมา สฺวาคตํ มม น อปคตํ สุมนฺติตํ น ทุมฺมนฺติตนฺติ โยชนา.

ปิลินฺทวจฺฉตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. ปุณฺณมาสตฺเถรคาถาวณฺณนา

วิหริ อเปกฺขนฺติ อายสฺมโต ปุณฺณมาสตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โส กิร วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล จกฺกวากโยนิยํ นิพฺพตฺโต ภควนฺตํ คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส อตฺตโน มุขตุณฺฑเกน สาลปุปฺผํ คเหตฺวา ปูชํ อกาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิโต สตฺตรเส กปฺเป อฏฺกฺขตฺตุํ จกฺกวตฺตี ราชา อโหสิ. อิมสฺมึ ปน กปฺเป กสฺสปสฺส ภควโต สาสเน โอสกฺกมาเน กุฏุมฺพิยกุเล นิพฺพตฺติตฺวา ปพฺพชิตฺวา สมณธมฺมํ กตฺวา ตโต จุโต เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถินคเร สมิทฺธิสฺส นาม พฺราหฺมณสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ตสฺส ชาตทิวเส ตสฺมึ เคเห สพฺพา ริตฺตกุมฺภิโย สุวณฺณมาสานํ ปุณฺณา อเหสุํ. เตนสฺส ปุณฺณมาโสติ นามํ อกํสุ. โส วยปฺปตฺโต พฺราหฺมณวิชฺชาสุ นิปฺผตฺตึ ปตฺวา วิวาหกมฺมํ กตฺวา เอกํ ปุตฺตํ ลภิตฺวา อุปนิสฺสยสมฺปนฺนตาย ฆราวาสํ ชิคุจฺฉนฺโต ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา ลทฺธูปสมฺปโท ปุพฺพกิจฺจสมฺปนฺโน จตุสจฺจกมฺมฏฺาเน ยุตฺตปฺปยุตฺโต วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๗.๑๓-๑๙) –

‘‘สินฺธุยา นทิยา ตีเร, จกฺกวาโก อหํ ตทา;

สุทฺธเสวาลภกฺโขหํ, ปาเปสุ จ สุสฺโต.

‘‘อทฺทสํ วิรชํ พุทฺธํ, คจฺฉนฺตํ อนิลฺชเส;

ตุณฺเฑน สาลํ ปคฺคยฺห, วิปสฺสิสฺสาภิโรปยึ.

‘‘ยสฺส สทฺธา ตถาคเต, อจลา สุปฺปติฏฺิตา;

เตน จิตฺตปฺปสาเทน, ทุคฺคตึ โส น คจฺฉติ.

‘‘สฺวาคตํ วต เม อาสิ, พุทฺธเสฏฺสฺส สนฺติเก;

วิหงฺคเมน สนฺเตน, สุพีชํ โรปิตํ มยา.

‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ ปุปฺผมภิโรปยึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘สุจารุทสฺสนา นาม, อฏฺเเต เอกนามกา;

กปฺเป สตฺตรเส อาสุํ, จกฺกวตฺตี มหพฺพลา.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อถสฺส ปุราณทุติยิกา ตํ ปโลเภตุกามา อลงฺกตปฏิยตฺตา ปุตฺเตน สทฺธึ อุปคนฺตฺวา ปิยาลาปภาวาทิเกหิ ภาววิวรณกมฺมํ นาม กาตุํ อารภิ. เถโร ตสฺสา การณํ ทิสฺวา อตฺตโน กตฺถจิปิ อลคฺคภาวํ ปกาเสนฺโต ‘‘วิหริ อเปกฺข’’นฺติ คาถํ อภาสิ.

๑๐. ตตฺถ วิหรีติ วิเสสโต หริ อปหริ อปเนสิ. อเปกฺขนฺติ ตณฺหํ. อิธาติ อิมสฺมึ โลเก อตฺตภาเว วา. หุรนฺติ อปรสฺมึ อนาคเต อตฺตภาเว วา. อิธาติ วา อชฺฌตฺติเกสุ อายตเนสุ. หุรนฺติ พาหิเรสุ. วา-สทฺโท สมุจฺจยตฺโถ ‘‘อปทา วา ทฺวิปทา วา’’ติอาทีสุ (อิติวุ. ๙๐; อ. นิ. ๔.๓๔; ๕.๓๒) วิย. โยติ อตฺตานเมว ปรํ วิย ทสฺเสติ. เวทคูติ เวเทน คโต มคฺคาเณน นิพฺพานํ คโต อธิคโต, จตฺตาริ วา สจฺจานิ ปริฺาปหานสจฺฉิกิริยาภาวนาภิสมยวเสน อภิสเมจฺจ ิโต. ยตตฺโตติ มคฺคสํวเรน สํยตสภาโว, สมฺมาวายาเมน วา สํยตสภาโว. สพฺเพสุ ธมฺเมสุ อนูปลิตฺโตติ สพฺเพสุ อารมฺมเณสุ ธมฺเมสุ ตณฺหาทิฏฺิเลปวเสน น อุปลิตฺโต, เตน ลาภาทิโลกธมฺเม สมติกฺกมํ ทสฺเสติ. โลกสฺสาติ อุปาทานกฺขนฺธปฺจกสฺส. ตฺหิ ลุชฺชนปลุชฺชนฏฺเน โลโก. ชฺาติ ชานิตฺวา. อุทยพฺพยฺจาติ อุปฺปาทฺเจว วยฺจ, เอเตน ยถาวุตฺตคุณานํ ปุพฺพภาคปฏิปทํ ทสฺเสติ. อยํ ปเนตฺถ อตฺโถ – โย สกลสฺส ขนฺธาทิโลกสฺส สมปฺาสาย อากาเรหิ อุทยพฺพยํ ชานิตฺวา เวทคู ยตตฺโต กตฺถจิ อนุปลิตฺโต, โส สพฺพตฺถ อเปกฺขํ วิเนยฺย สนฺตุสิโต ตาทิสานํ วิปฺปการานํ น กิฺจิ มฺติ, ตสฺมา ตฺวํ อนฺธพาเล ยถาคตมคฺเคเนว คจฺฉาติ. อถ สา อิตฺถี ‘‘อยํ สมโณ มยิ ปุตฺเต จ นิรเปกฺโข, น สกฺกา อิมํ ปโลเภตุ’’นฺติ ปกฺกามิ.

ปุณฺณมาสตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

ปรมตฺถทีปนิยา เถรคาถาสํวณฺณนาย

ปมวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. ทุติยวคฺโค

๑. จูฬวจฺฉตฺเถรคาถาวณฺณนา

ปาโมชฺชพหุโลติ อายสฺมโต จูฬวจฺฉตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โส กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล ทลิทฺทกุเล นิพฺพตฺติตฺวา ปเรสํ ภติยา ชีวิกํ กปฺเปนฺโต ภควโต สาวกํ สุชาตํ นาม เถรํ ปํสุกูลํ ปริเยสนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส อุปสงฺกมิตฺวา วตฺถํ ทตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เตตฺตึสกฺขตฺตุํ เทวรชฺชํ กาเรสิ. สตฺตสตฺตติกฺขตฺตุํ จกฺกวตฺตี ราชา อโหสิ. อเนกวารํ ปเทสราชา. เอวํ เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต กสฺสปสฺส ภควโต สาสเน โอสกฺกมาเน ปพฺพชิตฺวา สมณธมฺมํ กตฺวา เอกํ พุทฺธนฺตรํ เทวมนุสฺสคตีสุ อปราปรํ ปริวตฺตนฺโต อมฺหากํ ภควโต กาเล โกสมฺพิยํ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติ. จูฬวจฺโฉติสฺส นามํ อโหสิ. โส วยปฺปตฺโต พฺราหฺมณสิปฺเปสุ นิปฺผตฺตึ คโต พุทฺธคุเณ สุตฺวา ปสนฺนมานโส ภควนฺตํ อุปสงฺกมิ, ตสฺส ภควา ธมฺมํ กเถสิ. โส ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา ลทฺธูปสมฺปโท กตปุพฺพกิจฺโจ จริตานุกูลํ กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา ภาเวนฺโต วิหริ. เตน จ สมเยน โกสมฺพิกา ภิกฺขู ภณฺฑนชาตา อเหสุํ. ตทา จูฬวจฺฉตฺเถโร อุภเยสํ ภิกฺขูนํ ลทฺธึ อนาทาย ภควตา ทินฺโนวาเท ตฺวา วิปสฺสนํ พฺรูเหตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๐.๓๑-๔๐) –

‘‘ปทุมุตฺตรภควโต, สุชาโต นาม สาวโก;

ปํสุกูลํ คเวสนฺโต, สงฺกาเร จรตี ตทา.

‘‘นคเร หํสวติยา, ปเรสํ ภตโก อหํ;

อุปฑฺฒุทุสฺสํ ทตฺวาน, สิรสา อภิวาทยึ.

‘‘เตน กมฺเมน สุกเตน, เจตนาปณิธีหิ จ;

ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวตึสมคจฺฉหํ.

‘‘เตตฺตึสกฺขตฺตุํ เทวินฺโท, เทวรชฺชมการยึ;

สตฺตสตฺตติกฺขตฺตุฺจ, จกฺกวตฺตี อโหสหํ.

‘‘ปเทสรชฺชํ วิปุลํ, คณนาโต อสงฺขิยํ;

อุปฑฺฒทุสฺสทาเนน, โมทามิ อกุโตภโย.

‘‘อิจฺฉมาโน จหํ อชฺช, สกานนํ สปพฺพตํ;

โขมทุสฺเสหิ ฉาเทยฺยํ, อฑฺฒุทุสฺสสฺสิทํ ผลํ.

‘‘สตสหสฺสิโต กปฺเป, ยํ ทานมททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, อฑฺฒุทุสฺสสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อถ จูฬวจฺฉตฺเถโร อรหตฺตํ ปตฺวา เตสํ ภิกฺขูนํ กลหาภิรติยา สกตฺถวินาสํ ทิสฺวา ธมฺมสํเวคปฺปตฺโต, อตฺตโน จ ปตฺตวิเสสํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปีติโสมนสฺสวเสน ‘‘ปาโมชฺชพหุโล’’ติ คาถํ อภาสิ.

๑๑. ตตฺถ ปาโมชฺชพหุโลติ สุปริสุทฺธสีลตาย วิปฺปฏิสาราภาวโต อธิกุสเลสุ ธมฺเมสุ อภิรติวเสน ปโมทพหุโล. เตเนวาห ‘‘ธมฺเม พุทฺธปฺปเวทิเต’’ติ. ตตฺถ ธมฺเมติ. สตฺตตึสาย โพธิปกฺขิยธมฺเม นววิเธ วา โลกุตฺตรธมฺเม. โส หิ สพฺพฺุพุทฺเธน สามุกฺกํสิกาย เทสนาย ปกาสิตตฺตา สาติสยํ พุทฺธปฺปเวทิโต นาม. ตสฺส ปน อธิคมูปายภาวโต เทสนาธมฺโมปิ อิธ ลพฺภเตว. ปทํ สนฺตนฺติ นิพฺพานํ สนฺธาย วทติ. เอวรูโป หิ ภิกฺขุ สนฺตํ ปทํ สนฺตํ โกฏฺาสํ สพฺพสงฺขารานํ อุปสมภาวโต สงฺขารูปสมํ ปรมสุขตาย สุขํ นิพฺพานํ อธิคจฺฉติ วินฺทติเยว. ปริสุทฺธสีโล หิ ภิกฺขุ วิปฺปฏิสาราภาเวน ปาโมชฺชพหุโล สทฺธมฺเม ยุตฺตปฺปยุตฺโต วิมุตฺติปริโยสานา สพฺพสมฺปตฺติโย ปาปุณาติ. ยถาห – ‘‘อวิปฺปฏิสารตฺถานิ โข, อานนฺท, กุสลานิ สีลานิ, อวิปฺปฏิสาโร ปาโมชฺชตฺถายา’’ติอาทิ (อ. นิ. ๑๐.๑). อถ วา ปาโมชฺชพหุโลติ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา, สฺวากฺขาโต ธมฺโม, สุปฺปฏิปนฺโน สงฺโฆติ รตนตฺตยํ สนฺธาย ปโมทพหุโล. ตตฺถ ปน โส ปโมทพหุโล กึ วา กโรตีติ อาห ‘‘ธมฺเม พุทฺธปฺปเวทิเต’’ติอาทิ. สทฺธาสมฺปนฺนสฺส หิ สปฺปุริสสํเสวนสทฺธมฺมสฺสวนโยนิโสมนสิการธมฺมานุธมฺมปฏิปตฺตีนํ สุเขเนว สมฺภวโต สมฺปตฺติโย หตฺถคตา เอว โหนฺติ, ยถาห – ‘‘สทฺธาชาโต อุปสงฺกมติ, อุปสงฺกมนฺโต ปยิรุปาสตี’’ติอาทิ (ม. นิ. ๒.๑๘๓).

จูฬวจฺฉตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. มหาวจฺฉตฺเถรคาถาวณฺณนา

ปฺาพลีติ อายสฺมโต มหาวจฺฉตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ ปานียทานมทาสิ. ปุน สิขิสฺส ภควโต กาเล อุปาสโก หุตฺวา วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ พหุํ ปุฺกมฺมํ อกาสิ, โส เตหิ ปุฺกมฺเมหิ ตตฺถ ตตฺถ สุคตีสุเยว สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท มคธรฏฺเ นาฬกคาเม สมิทฺธิสฺส นาม พฺราหฺมณสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ตสฺส มหาวจฺโฉติ นามํ อโหสิ. โส วยปฺปตฺโต อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ภควโต สาวกภาวํ สุตฺวา ‘‘โสปิ นาม มหาปฺโ. ยสฺส สาวกตฺตํ อุปาคโต, โส เอว มฺเ อิมสฺมึ โลเก อคฺคปุคฺคโล’’ติ ภควติ สทฺธํ อุปฺปาเทตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา กมฺมฏฺานํ อนุยุฺชนฺโต นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๐.๕๑-๕๖) –

‘‘ปทุมุตฺตรพุทฺธสฺส, ภิกฺขุสงฺเฆ อนุตฺตเร;

ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, ปานียฆฏมปูรยึ.

‘‘ปพฺพตคฺเค ทุมคฺเค วา, อากาเส วาถ ภูมิยํ;

ยทา ปานียมิจฺฉามิ, ขิปฺปํ นิพฺพตฺตเต มม.

‘‘สตสหสฺสิโต กปฺเป, ยํ ทานมททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ทกทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… ภวา สพฺเพ สมูหตา;

ฉฬภิฺา สจฺฉิกตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

เอวํ ปน อรหตฺตํ ปตฺวา วิมุตฺติสุขํ อนุภวนฺโต สาสนสฺส นิยฺยานิกภาววิภาวเนน สพฺรหฺมจารีนํ อุสฺสาหชนนตฺถํ ‘‘ปฺาพลี’’ติ คาถํ อภาสิ.

๑๒. ตตฺถ ปฺาพลีติ ปาริหาริยปฺาย วิปสฺสนาปฺาย จ วเสน อภิณฺหโส สาติสเยน ปฺาพเลน สมนฺนาคโต. สีลวตูปปนฺโนติ อุกฺกํสคเตน จตุปาริสุทฺธิสีเลน, ธุตธมฺมสงฺขาเตหิ วเตหิ จ อุปปนฺโน สมนฺนาคโต. สมาหิโตติ อุปจารปฺปนาเภเทน สมาธินา สมาหิโต. ฌานรโตติ ตโต เอว อารมฺมณูปนิชฺฌาเน ลกฺขณูปนิชฺฌาเน จ รโต สตตาภิยุตฺโต. สพฺพกาลํ สติยา อวิปฺปวาสวเสน สติมา. ยทตฺถิยนฺติ อตฺถโต อนเปตํ อตฺถิยํ, เยน อตฺถิยํ ยทตฺถิยํ. ยถา ปจฺจเย ปริภุฺชนฺตสฺส ปริภุฺชนํ อตฺถิยํ โหติ, ตถา โภชนํ ภุฺชมาโน. สามิปริโภเคน หิ ตํ อตฺถิยํ โหติ ทายชฺชปริโภเคน วา, น อฺถา โภชนนฺติ จ นิทสฺสนมตฺตํ ทฏฺพฺพํ. ภุฺชิยติ ปริภุฺชิยตีติ วา โภชนํ, จตฺตาโร ปจฺจยา. ‘‘ยทตฺถิก’’นฺติ วา ปาโ. ยทตฺถํ ยสฺสตฺถาย สตฺถารา ปจฺจยา อนุฺาตา, ตทตฺถํ กายสฺส ิติอาทิอตฺถํ, ตฺจ อนุปาทิเสสนิพฺพานตฺถํ. ตสฺมา อนุปาทาปรินิพฺพานตฺถํ โภชนปจฺจเย ภุฺชมาโน ตโต เอว กงฺเขถ กาลํ อตฺตโน อนุปาทาปรินิพฺพานกาลํ อาคเมยฺย. อิธ อิมสฺมึ สาสเน วีตราโค. พาหิรกสฺส ปน กาเมสุ วีตราคสฺส อิทํ นตฺถีติ อธิปฺปาโย.

มหาวจฺฉตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. วนวจฺฉตฺเถรคาถาวณฺณนา

นีลพฺภวณฺณาติ อายสฺมโต วนวจฺฉตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โส กิร อตฺถทสฺสิโน ภควโต กาเล กจฺฉปโยนิยํ นิพฺพตฺโต วินตาย นาม นทิยา วสติ. ตสฺส ขุทฺทกนาวปฺปมาโณ อตฺตภาโว อโหสิ. โส กิร เอกทิวสํ ภควนฺตํ นทิยา ตีเร ิตํ ทิสฺวา, ‘‘ปารํ คนฺตุกาโม มฺเ ภควา’’ติ อตฺตโน ปิฏฺิยํ อาโรเปตฺวา เนตุกาโม ปาทมูเล นิปชฺชิ. ภควา ตสฺส อชฺฌาสยํ ตฺวา ตํ อนุกมฺปนฺโต อารุหิ. โส ปีติโสมนสฺสชาโต โสตํ ฉินฺทนฺโต ชิยาย เวเคน ขิตฺตสโร วิย ตาวเทว ปรตีรํ ปาเปสิ. ภควา ตสฺส ปุฺสฺส ผลํ เอตรหิ นิพฺพตฺตนกสมฺปตฺติฺจ พฺยากริตฺวา ปกฺกามิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อเนกสตกฺขตฺตุํ ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อรฺวาสีเยว อโหสิ. ปุน กสฺสปพุทฺธกาเล กโปตโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา อรฺเ วิหรนฺตํ เมตฺตาวิหารึ เอกํ ภิกฺขุํ ทิสฺวา จิตฺตํ ปสาเทสิ.

ตโต ปน จุโต พาราณสิยํ กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต สํเวคชาโต ปพฺพชิตฺวา วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ พหุํ ปุฺกมฺมํ อุปจินิ. เอวํ ตตฺถ ตตฺถ เทวมนุสฺเสสุ สํสริตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท กปิลวตฺถุนคเร วจฺฉโคตฺตสฺส นาม พฺราหฺมณสฺส เคเห ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. ตสฺส มาตา ปริปกฺกคพฺภา อรฺํ ทสฺสนตฺถาย สฺชาตโทหฬา อรฺํ ปวิสิตฺวา วิจรติ, ตาวเทวสฺสา กมฺมชวาตา จลึสุ, ติโรกรณึ ปริกฺขิปิตฺวา อทํสุ. สา ธฺปุฺลกฺขณํ ปุตฺตํ วิชายิ. โส โพธิสตฺเตน สห ปํสุกีฬิกสหาโย อโหสิ. ‘‘วจฺโฉ’’ติสฺส นามฺจ อโหสิ. วนาภิรติยา วเสน วนวจฺโฉติ ปฺายิตฺถ. อปรภาเค มหาสตฺเต มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิตฺวา มหาปธานํ ปทหนฺเต, ‘‘อหมฺปิ สิทฺธตฺถกุมาเรน สห อรฺเ วิหริสฺสามี’’ติ นิกฺขมิตฺวา ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา หิมวนฺเต วสนฺโต อภิสมฺพุทฺธภาวํ สุตฺวา ภควโต สนฺติกํ อุปคนฺตฺวา ปพฺพชิตฺวา กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อรฺเ วสมาโน นจิรสฺเสว วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อรหตฺตํ สจฺฉากาสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๙-๑๔๘-๑๖๓) –

‘‘อตฺถทสฺสี ตุ ภควา, สยมฺภู โลกนายโก;

วินตานทิยา ตีรํ, อุปคจฺฉิ ตถาคโต.

‘‘อุทกา อภินิกฺขมฺม, กจฺฉโป วาริโคจโร;

พุทฺธํ ตาเรตุกาโมหํ, อุเปสึ โลกนายกํ.

‘‘อภิรูหตุ มํ พุทฺโธ, อตฺถทสฺสี มหามุนิ;

อหํ ตํ ตารยิสฺสามิ, ทุกฺขสฺสนฺตกโร ตุวํ.

‘‘มม สงฺกปฺปมฺาย, อตฺถทสฺสี มหายโส;

อภิรูหิตฺวา เม ปิฏฺึ, อฏฺาสิ โลกนายโก.

‘‘ยโต สรามิ อตฺตานํ, ยโต ปตฺโตสฺมิ วิฺุตํ;

สุขํ เม ตาทิสํ นตฺถิ, ผุฏฺเ ปาทตเล ยถา.

‘‘อุตฺตริตฺวาน สมฺพุทฺโธ, อตฺถทสฺสี มหายโส;

นทิตีรมฺหิ ตฺวาน, อิมา คาถา อภาสถ.

‘‘ยาวตา วตฺตเต จิตฺตํ, คงฺคาโสตํ ตรามหํ;

อยฺจ กจฺฉโป ราชา, ตาเรสิ มม ปฺวา.

‘‘อิมินา พุทฺธตรเณน, เมตฺตจิตฺตวตาย จ;

อฏฺารเส กปฺปสเต, เทวโลเก รมิสฺสติ.

‘‘เทวโลกา อิธาคนฺตฺวา, สุกฺกมูเลน โจทิโต;

เอกาสเน นิสีทิตฺวา, กงฺขาโสตํ ตริสฺสติ.

‘‘ยถาปิ ภทฺทเก เขตฺเต, พีชํ อปฺปมฺปิ โรปิตํ;

สมฺมาธาเร ปเวจฺฉนฺเต, ผลํ โตเสติ กสฺสกํ.

‘‘ตเถวิทํ พุทฺธเขตฺตํ, สมฺมาสมฺพุทฺธเทสิตํ;

สมฺมาธาเร ปเวจฺฉนฺเต, ผลํ มํ โตสยิสฺสติ.

‘‘ปธานปหิตตฺโตมฺหิ, อุปสนฺโต นิรูปธิ;

สพฺพาสเว ปริฺาย, วิหรามิ อนาสโว.

‘‘อฏฺารเส กปฺปสเต, ยํ กมฺมมกรึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ตรณาย อิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

เอวํ ปน อรหตฺตํ ปตฺวา ภควติ กปิลวตฺถุสฺมึ วิหรนฺเต ตตฺถ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ภิกฺขูหิ สมาคโต ปฏิสนฺถารวเสน ‘‘กึ, อาวุโส, อรฺเ ผาสุวิหาโร ลทฺโธ’’ติ ปุฏฺโ ‘‘รมณียา, อาวุโส, อรฺเ ปพฺพตา’’ติ อตฺตนา วุฏฺปพฺพเต วณฺเณนฺโต ‘‘นีลพฺภวณฺณา’’ติ คาถํ อภาสิ.

๑๓. ตตฺถ นีลพฺภวณฺณาติ นีลวลาหกนิภา นีลวลาหกสณฺานา จ. รุจิราติ รุจิยา สกิรณา ปภสฺสรา จ. สีตวารีติ สีตลสลิลา. สุจินฺธราติ สุจิสุทฺธภูมิภาคตาย สุทฺธจิตฺตานํ วา อริยานํ นิวาสนฏฺานตาย สุจินฺธรา. คาถาสุขตฺถฺหิ สานุนาสิกํ กตฺวา นิทฺเทโส. ‘‘สีตวาริสุจินฺธรา’’ติปิ ปาโ, สีตสุจิวาริธรา สีตลวิมลสลิลาสยวนฺโตติ อตฺโถ. อินฺทโคปกสฺฉนฺนาติ อินฺทโคปกนามเกหิ ปวาฬวณฺเณหิ รตฺตกิมีหิ สฺฉาทิตา ปาวุสฺสกาลวเสน เอวมาห. เกจิ ปน ‘‘อินฺทโคปกนามานิ รตฺตติณานี’’ติ วทนฺติ. อปเร ‘‘กณิการรุกฺขา’’ติ. เสลาติ สิลามยา ปพฺพตา, น ปํสุปพฺพตาติ อตฺโถ. เตนาห – ‘‘ยถาปิ ปพฺพโต เสโล’’ติ (อุทา. ๒๔). รมยนฺติ มนฺติ มํ รมาเปนฺติ, มยฺหํ วิเวกาภิรตฺตึ ปริพฺรูเหนฺติ. เอวํ เถโร อตฺตโน จิรกาลปริภาวิตํ อรฺาภิรตึ ปเวเทนฺโต ติวิธํ วิเวกาภิรติเมว ทีเปติ. ตตฺถ อุปธิวิเวเกน อฺาพฺยากรณํ ทีปิตเมว โหตีติ.

วนวจฺฉตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. สิวกสามเณรคาถาวณฺณนา

อุปชฺฌาโยติ สิวกสฺส สามเณรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โส กิร อิโต เอกตึเส กปฺเป เวสฺสภุสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺโต เอกทิวสํ เกนจิเทว กรณีเยน อรฺํ ปวิฏฺโ ตตฺถ ปพฺพตนฺตเร นิสินฺนํ เวสฺสภุํ ภควนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺโต อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา อฺชลึ ปคฺคยฺห อฏฺาสิ. ปุน ตตฺถ มโนหรานิ กาสุมาริกผลานิ ทิสฺวา ตานิ คเหตฺวา ภควโต อุปเนสิ, ปฏิคฺคเหสิ ภควา อนุกมฺปํ อุปาทาย. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต กสฺสปสฺส ภควโต สาสเน มาตุเล ปพฺพชนฺเต เตน สทฺธึ ปพฺพชิตฺวา พหุํ วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินิตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท วนวจฺฉตฺเถรสฺส ภาคิเนยฺโย หุตฺวา นิพฺพตฺโต, สิวโกติสฺส นามํ อโหสิ. ตสฺส มาตา อตฺตโน เชฏฺภาติเก วนวจฺเฉ สาสเน ปพฺพชิตฺวา ปพฺพชิตกิจฺจํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา อรฺเ วิหรนฺเต ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา ปุตฺตํ อาห – ‘‘ตาต สิวก, เถรสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา เถรํ อุปฏฺห, มหลฺลโก ทานิ เถโร’’ติ. โส มาตุ เอกวจเนเนว จ ปุพฺเพ กตาธิการตาย จ มาตุลตฺเถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ปพฺพชิตฺวา ตํ อุปฏฺหนฺโต อรฺเ วสติ.

ตสฺส เอกทิวสํ เกนจิเทว กรณีเยน คามนฺตํ คตสฺส ขโร อาพาโธ อุปฺปชฺชิ. มนุสฺเสสุ เภสชฺชํ กโรนฺเตสุปิ น ปฏิปฺปสฺสมฺภิ. ตสฺมึ จิรายนฺเต เถโร ‘‘สามเณโร จิรายติ, กึ นุ โข การณ’’นฺติ ตตฺถ คนฺตฺวา ตํ คิลานํ ทิสฺวา ตสฺส ตํ ตํ กตฺตพฺพยุตฺตกํ กโรนฺโต ทิวสภาคํ วีตินาเมตฺวา รตฺติภาเค พลวปจฺจูสเวลายํ อาห – ‘‘สิวก, น มยา ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย คาเม วสิตปุพฺพํ, อิโต อรฺเมว คจฺฉามา’’ติ. ตํ สุตฺวา สิวโก ‘‘ยทิปิ เม, ภนฺเต, อิทานิ กาโย คามนฺเต ิโต, จิตฺตํ ปน อรฺเ, ตสฺมา สยาโนปิ อรฺเมว คมิสฺสามี’’ติ, ตํ สุตฺวา เถโร ตํ พาหายํ คเหตฺวา อรฺเมว เนตฺวา โอวาทํ อทาสิ. โส เถรสฺส โอวาเท ตฺวา วิปสฺสิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๓๘.๕๓-๕๘) –

‘‘กณิการํว โชตนฺตํ, นิสินฺนํ ปพฺพตนฺตเร;

อทฺทสํ วิรชํ พุทฺธํ, โลกเชฏฺํ นราสภํ.

‘‘ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, กิเร กตฺวาน อฺชลึ;

กาสุมาริกมาทาย, พุทฺธเสฏฺสฺสทาสหํ.

‘‘เอกตึเส อิโต กปฺเป, ยํ ผลํ อททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

โส อรหตฺตํ ปตฺวา อุปชฺฌาเยน อตฺตนา จ วุตฺตมตฺถํ สํสนฺทิตฺวา อตฺตโน วิเวกาภิรติกตํ กตกิจฺจตฺจ ปเวเทนฺโต ‘‘อุปชฺฌาโย มํ อวจา’’ติ คาถํ อภาสิ.

๑๔. ตตฺถ อุปชฺฌาโยติ วชฺชาวชฺชํ อุปนิชฺฌายติ หิเตสิตํ ปจฺจุปฏฺเปตฺวา าณจกฺขุนา เปกฺขตีติ อุปชฺฌาโย. นฺติ อตฺตานํ วทติ. อวจาติ อภาสิ. อิโต คจฺฉาม สีวกาติ วุตฺตาการทสฺสนํ, สิวก, อิโต คามนฺตโต อรฺฏฺานเมว เอหิ คจฺฉาม, ตเทว อมฺหากํ วสนโยคฺคนฺติ อธิปฺปาโย. เอวํ ปน อุปชฺฌาเยน วุตฺโต สิวโก ภทฺโร อสฺสาชานีโย วิย กสาภิหโต สฺชาตสํเวโค หุตฺวา อรฺเมว คนฺตุกามตํ ปเวเทนฺโต –

‘‘คาเม เม วสติ กาโย, อรฺํ เม คตํ มโน;

เสมานโกปิ คจฺฉามิ, นตฺถิ สงฺโค วิชานต’’นฺติ. –อาห;

ตสฺสตฺโถ – ยสฺมา อิทานิ ยทิปิ เม อิทํ สรีรํ คามนฺเต ิตํ, อชฺฌาสโย ปน อรฺเมว คโต, ตสฺมา เสมานโกปิ คจฺฉามิ เคลฺเน านนิสชฺชาคมเนสุ อสมตฺถตาย สยาโนปิ อิมินา สยิตากาเรน สรีสโป วิย สรีสปนฺโต, เอถ, ภนฺเต, อรฺเมว คจฺฉาม, กสฺมา? นตฺถิ สงฺโค วิชานตนฺติ, ยสฺมา ธมฺมสภาวา กาเมสุ สํสาเร จ อาทีนวํ, เนกฺขมฺเม นิพฺพาเน จ อานิสํสํ ยาถาวโต ชานนฺตสฺส น กตฺถจิ สงฺโค, ตสฺมา เอกปเทเนว อุปชฺฌายสฺส อาณา อนุิตาติ, ตทปเทเสน อฺํ พฺยากาสิ.

สิวกสามเณรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. กุณฺฑธานตฺเถรคาถาวณฺณนา

ปฺจ ฉินฺเท ปฺจ ชเหติ อายสฺมโต กุณฺฑธานตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โส กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล หํสวตีนคเร กุลเคเห อุปฺปนฺโน วยปฺปตฺโต เหฏฺา วุตฺตนเยเนว ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ สุณนฺโต สตฺถารา เอกํ ภิกฺขุํ ปมํ สลากํ คณฺหนฺตานํ อคฺคฏฺาเน ปิยมานํ ทิสฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถตฺวา ตทนุรูปํ ปุฺํ กโรนฺโต วิจริ. โส เอกทิวสํ ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต นิโรธสมาปตฺติโต วุฏฺาย นิสินฺนสฺส มโนสิลาจุณฺณปิฺชรํ มหนฺตํ กทลิผลกณฺณิกํ อุปเนสิ, ตํ ภควา ปฏิคฺคเหตฺวา ปริภุฺชิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เอกาทสกฺขตฺตุํ เทเวสุ เทวรชฺชํ กาเรสิ. จตุวีสติวาเร ราชา อโหสิ จกฺกวตฺตี. เอวํ โส ปุนปฺปุนํ ปุฺานิ กตฺวา อปราปรํ เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต กสฺสปพุทฺธกาเล ภุมฺมเทวตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ทีฆายุกพุทฺธานฺจ นาม น อนฺวทฺธมาสิโก อุโปสโถ โหติ. ตถา หิ วิปสฺสิสฺส ภควโต ฉพฺพสฺสนฺตเร ฉพฺพสฺสนฺตเร อุโปสโถ อโหสิ. กสฺสปทสพโล ปน ฉฏฺเ ฉฏฺเ มาเส ปาติโมกฺขํ โอสาเรสิ. ตสฺส ปาติโมกฺขสฺส โอสารณกาเล ทิสาวาสิกา ทฺเว สหายกา ภิกฺขู ‘‘อุโปสถํ กริสฺสามา’’ติ คจฺฉนฺติ.

อยํ ภุมฺมเทวตา จินฺเตสิ – ‘‘อิเมสํ ทฺวินฺนํ ภิกฺขูนํ เมตฺติ อติวิย ทฬฺหา, กึ นุ โข, เภทเก สติ ภิชฺเชยฺย, น ภิชฺเชยฺยา’’ติ, สา เตสํ โอกาสํ โอโลกยมานา เตสํ อวิทูเรเนว คจฺฉติ. อเถโก เถโร เอกสฺส หตฺเถ ปตฺตจีวรํ ทตฺวา สรีรวฬฺชนตฺถํ อุทกผาสุกฏฺานํ คนฺตฺวา โธตหตฺถปาโท หุตฺวา คุมฺพสมีปโต นิกฺขมติ ภุมฺมเทวตา ตสฺส เถรสฺส ปจฺฉโต อุตฺตมรูปา อิตฺถี หุตฺวา เกเส วิธุนิตฺวา สํวิธาย สมฺพนฺธนฺตี วิย ปิฏฺิยํ ปํสุํ ปุฺฉมานา วิย สาฏกํ สํวิธาย นิวาสยมานา วิย จ หุตฺวา เถรสฺส ปทานุปทิกา หุตฺวา คุมฺพโต นิกฺขนฺตา. เอกมนฺเต ิโต สหายกตฺเถโร ตํ การณํ ทิสฺวาว โทมนสฺสชาโต ‘‘นฏฺโ ทานิ เม อิมินา ภิกฺขุนา สทฺธึ ทีฆรตฺตานุคโต สิเนโห, สจาหํ เอวํวิธภาวํ ชาเนยฺยํ, เอตฺตกํ อทฺธานํ อิมินา สทฺธึ วิสฺสาสํ น กเรยฺย’’นฺติ จินฺเตตฺวา อาคจฺฉนฺตสฺเสวสฺส, ‘‘หนฺทาวุโส, ตุยฺหํ ปตฺตจีวรํ, ตาทิเสน ปาเปน สทฺธึ เอกมคฺคํ นาคจฺฉามี’’ติ อาห. ตํ กถํ สุตฺวา ตสฺส ลชฺชิภิกฺขุโน หทยํ ติขิณสตฺตึ คเหตฺวา วิทฺธํ วิย อโหสิ. ตโต นํ อาห – ‘‘อาวุโส, กึ นาเมตํ วทสิ, อหํ เอตฺตกํ กาลํ ทุกฺกฏมตฺตมฺปิ อาปตฺตึ น ชานามิ. ตฺวํ ปน มํ อชฺช ‘ปาโป’ติ วทสิ, กึ เต ทิฏฺ’’นฺติ. ‘‘กึ อฺเน ทิฏฺเน, กึ ตฺวํ เอวํวิเธน อลงฺกตปฏิยตฺเตน มาตุคาเมน สทฺธึ เอกฏฺาเน หุตฺวา นิกฺขนฺโต’’ติ. ‘‘นตฺเถตํ, อาวุโส, มยฺหํ, นาหํ เอวรูปํ มาตุคามํ ปสฺสามี’’ติ. ตสฺส ยาวตติยํ กเถนฺตสฺสาปิ อิตโร เถโร กถํ อสทฺทหิตฺวา อตฺตนา ทิฏฺการณํเยว ภูตตฺตํ กตฺวา คณฺหนฺโต เตน สทฺธึ เอกมคฺเคน อคนฺตฺวา อฺเน มคฺเคน สตฺถุ สนฺติกํ คโต. อิตโรปิ ภิกฺขุ อฺเน มคฺเคน สตฺถุ สนฺติกํเยว คโต.

ตโต ภิกฺขุสงฺฆสฺส อุโปสถาคารํ ปวิสนเวลาย โส ภิกฺขุ ตํ ภิกฺขุํ อุโปสถคฺเค สฺชานิตฺวา, ‘‘อิมสฺมึ อุโปสถคฺเค เอวรูโป นาม ปาปภิกฺขุ อตฺถิ, นาหํ เตน สทฺธึ อุโปสถํ กริสฺสามี’’ติ นิกฺขมิตฺวา พหิ อฏฺาสิ. อถ ภุมฺมเทวตา ‘‘ภาริยํ มยา กมฺมํ กต’’นฺติ มหลฺลกอุปาสกวณฺเณน ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘กสฺมา, ภนฺเต, อยฺโย อิมสฺมึ าเน ิโต’’ติ อาห. ‘‘อุปาสก, อิมํ อุโปสถคฺคํ เอโก ปาปภิกฺขุ ปวิฏฺโ, ‘นาหํ เตน สทฺธึ อุโปสถํ กโรมี’ติ พหิ ิโตมฺหี’’ติ. ‘‘ภนฺเต, มา เอวํ คณฺหถ, ปริสุทฺธสีโล เอส ภิกฺขุ. ตุมฺเหหิ ทิฏฺมาตุคาโม นาม อหํ, มยา ตุมฺหากํ วีมํสนตฺถาย ‘ทฬฺหา นุ โข อิเมสํ เถรานํ เมตฺติ, โน ทฬฺหา’ติ ภิชฺชนาภิชฺชนภาวํ โอโลเกนฺเตน ตํ กมฺมํ กต’’นฺติ. ‘‘โก ปน, ตฺวํ สปฺปุริสา’’ติ? ‘‘อหํ เอกา ภุมฺมเทวตา, ภนฺเต’’ติ เทวปุตฺโต กเถนฺโต ทิพฺพานุภาเวน ตฺวา เถรสฺส ปาเทสุ นิปติตฺวา ‘‘มยฺหํ, ภนฺเต, ขมถ, เอตํ โทสํ เถโร น ชานาติ, อุโปสถํ กโรถา’’ติ เถรํ ยาจิตฺวา อุโปสถคฺคํ ปเวเสสิ. โส เถโร อุโปสถํ ตาว เอกฏฺาเน อกาสิ, มิตฺตสนฺถววเสน ปน ปุน เตน สทฺธึ น เอกฏฺาเน อโหสีติ. อิมสฺส เถรสฺส กมฺมํ น กถียติ, จุทิตกตฺเถโร ปน อปราปรํ วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต อรหตฺตํ ปาปุณิ.

ภุมฺมเทวตา ตสฺส กมฺมสฺส นิสฺสนฺเทน เอกํ พุทฺธนฺตรํ อปายภยโต น มุจฺจิตฺถ. สเจ ปน กิสฺมิฺจิ กาเล มนุสฺสตฺตํ อาคจฺฉติ, อฺเน เยน เกนจิ กโต โทโส ตสฺเสว อุปริ ปตติ. โส อมฺหากํ ภควโต กาเล สาวตฺถิยํ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติ. ‘‘ธานมาณโว’’ติสฺส นามํ อกํสุ. โส วยปฺปตฺโต ตโย เวเท อุคฺคณฺหิตฺวา มหลฺลกกาเล สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิ, ตสฺส อุปสมฺปนฺนทิวสโต ปฏฺาย เอกา อลงฺกตปฏิยตฺตา อิตฺถี ตสฺมึ คามํ ปวิสนฺเต สทฺธึเยว คามํ ปวิสติ, นิกฺขมนฺเต นิกฺขมติ. วิหารํ ปวิสนฺเตปิ สทฺธึ ปวิสติ, ติฏฺนฺเตปิ ติฏฺตีติ เอวํ นิจฺจานุพนฺธา ปฺายติ. เถโร ตํ น ปสฺสติ. ตสฺส ปุน ปุริมกมฺมนิสฺสนฺเทน สา อฺเสํ อุปฏฺาติ. คาเม ยาคุํ ภิกฺขฺจ ททมานา อิตฺถิโย ‘‘ภนฺเต, อยํ เอโก ยาคุอุฬุงฺโก ตุมฺหากํ, เอโก อิมิสฺสา อมฺหากํ สหายิกายา’’ติ ปริหาสํ กโรนฺติ. เถรสฺส มหตี วิเหสา โหติ. วิหารคตมฺปิ นํ สามเณรา เจว ทหรา ภิกฺขู จ ปริวาเรตฺวา ‘‘ธาโน โกณฺโฑ ชาโต’’ติ ปริหาสํ กโรนฺติ. อถสฺส เตเนว การเณน กุณฺฑธานตฺเถโรติ นามํ ชาตํ. โส อุฏฺาย สมุฏฺาย เตหิ กริยมานํ เกฬึ สหิตุํ อสกฺโกนฺโต อุมฺมาทํ คเหตฺวา ‘‘ตุมฺเห โกณฺฑา, ตุมฺหากํ อุปชฺฌาโย โกณฺโฑ, อาจริโย โกณฺโฑ’’ติ วทติ. อถ นํ สตฺถุ อาโรเจสุํ ‘‘กุณฺฑธาโน, ภนฺเต, ทหรสามเณเรหิ สทฺธึ เอวํ ผรุสวาจํ วทตี’’ติ. สตฺถา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, ธาน, สามเณเรหิ สทฺธึ ผรุสวาจํ วทสี’’ติ วตฺวา เตน ‘‘สจฺจํ ภควา’’ติ วุตฺเต ‘‘กสฺมา เอวํ วเทสี’’ติ อาห. ‘‘ภนฺเต, นิพทฺธํ วิเหสํ อสหนฺโต เอวํ กเถมี’’ติ. ‘‘ตฺวํ ปุพฺเพ กตกมฺมํ ยาวชฺชทิวสา ชีราเปตุํ น สกฺโกสิ, ปุน เอวรูปํ ผรุสํ มาวที ภิกฺขู’’ติ วตฺวา อาห –

‘‘มาโวจ ผรุสํ กฺจิ, วุตฺตา ปฏิวเทยฺยุ ตํ;

ทุกฺขา หิ สารมฺภกถา, ปฏิทณฺฑา ผุเสยฺยุ ตํ.

‘‘สเจ เนเรสิ อตฺตานํ, กํโส อุปหโต ยถา;

เอส ปตฺโตสิ นิพฺพานํ, สารมฺโภ เต น วิชฺชตี’’ติ. (ธ. ป. ๑๓๓-๑๓๔);

อิมฺจ ปน ตสฺส เถรสฺส มาตุคาเมน สทฺธึ วิจรณภาวํ โกสลรฺโปิ กถยึสุ. ราชา ‘‘คจฺฉถ, ภเณ, วีมํสถา’’ติ เปเสตฺวา สยมฺปิ มนฺเทเนว ปริวาเรน เถรสฺส วสนฏฺานํ คนฺตฺวา เอกมนฺเต โอโลเกนฺโต อฏฺาสิ. ตสฺมึ ขเณ เถโร สูจิกมฺมํ กโรนฺโต นิสินฺโน โหติ, สาปิ อิตฺถี อวิทูเร าเน ิตา วิย ปฺายติ. ราชา ทิสฺวา ‘‘อตฺถิทํ การณ’’นฺติ ตสฺสา ิตฏฺานํ อคมาสิ. สา ตสฺมึ อาคจฺฉนฺเต เถรสฺส วสนปณฺณสาลํ ปวิฏฺา วิย อโหสิ. ราชาปิ ตาย สทฺธึ ตเมว ปณฺณสาลํ ปวิสิตฺวา สพฺพตฺถ โอโลเกนฺโต อทิสฺวา ‘‘นายํ มาตุคาโม, เถรสฺส เอโก กมฺมวิปาโก’’ติ สฺํ กตฺวา ปมํ เถรสฺส สมีเปน คจฺฉนฺโตปิ เถรํ อวนฺทิตฺวา ตสฺส การณสฺส อภูตภาวํ ตฺวา อาคมฺม เถรํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺโน ‘‘กจฺจิ, ภนฺเต, ปิณฺฑเกน น กิลมถา’’ติ ปุจฺฉิ. เถโร ‘‘วฏฺฏติ, มหาราชา’’ติ อาห. ‘‘ชานามหํ, ภนฺเต, อยฺยสฺส กถํ, เอวรูเปน ปริกฺกิเลเสน สทฺธึ จรนฺตานํ ตุมฺหากํ เก นาม ปสีทิสฺสนฺติ, อิโต ปฏฺาย โว กตฺถจิ คมนกิจฺจํ นตฺถิ, อหํ จตูหิ ปจฺจเยหิ ตุมฺเห อุปฏฺหิสฺสามิ, ตุมฺเห โยนิโส มนสิกาเร มา ปมชฺชิตฺถา’’ติ นิพทฺธภิกฺขํ ปฏฺเปสิ. เถโร ราชานํ อุปตฺถมฺภกํ ลภิตฺวา โภชนสปฺปาเยน เอกคฺคจิตฺโต หุตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. ตโต ปฏฺาย สา อิตฺถี อนฺตรธายิ.

ตทา มหาสุภทฺทา อุคฺคนคเร มิจฺฉาทิฏฺิกกุเล วสมานา ‘‘สตฺถา มํ อนุกมฺปตู’’ติ อุโปสถํ อธิฏฺาย นิรามคนฺธา หุตฺวา อุปริปาสาทตเล ิตา ‘‘อิมานิ ปุปฺผานิ อนฺตเร อฏฺตฺวา ทสพลสฺส มตฺถเก วิตานํ หุตฺวา ติฏฺนฺตุ, ทสพโล อิมาย สฺาย สฺเว ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ มยฺหํ ภิกฺขํ คณฺหตู’’ติ สจฺจกิริยํ กตฺวา อฏฺ สุมนปุปฺผมุฏฺิโย วิสฺสชฺเชสิ. ปุปฺผานิ คนฺตฺวา ธมฺมเทสนาเวลาย สตฺถุ มตฺถเก วิตานํ หุตฺวา อฏฺํสุ. สตฺถา ตํ สุมนปุปฺผวิตานํ ทิสฺวา จิตฺเตเนว สุภทฺทาย ภิกฺขํ อธิวาเสตฺวา ปุนทิวเส อรุเณ อุฏฺิเต อานนฺทตฺเถรํ อาห – ‘‘อานนฺท, มยํ อชฺช ทูรํ ภิกฺขาจารํ คมิสฺสาม, ปุถุชฺชนานํ อทตฺวา อริยานํเยว สลากํ เทหี’’ติ. เถโร ภิกฺขูนํ อาโรเจสิ – ‘‘อาวุโส, สตฺถา อชฺช ทูรํ ภิกฺขาจารํ คมิสฺสติ, ปุถุชฺชนา มา คณฺหนฺตุ, อริยาว สลากํ คณฺหนฺตู’’ติ. กุณฺฑธานตฺเถโร ‘‘อาหร, อาวุโส สลาก’’นฺติ ปมํเยว หตฺถํ ปสาเรสิ. อานนฺโท ‘‘สตฺถา ตาทิสานํ ภิกฺขูนํ สลากํ น ทาเปติ, อริยานํเยว ทาเปตี’’ติ วิตกฺกํ อุปฺปาเทตฺวา คนฺตฺวา สตฺถุ อาโรเจสิ. สตฺถา ‘‘อาหราเปนฺตสฺส สลากํ เทหี’’ติ อาห. เถโร จินฺเตสิ – ‘‘สเจ กุณฺฑธานสฺส สลากา ทาตุํ น ยุตฺตา, อถ สตฺถา ปฏิพาเหยฺย, ภวิสฺสติ เอตฺถ การณ’’นฺติ ‘‘กุณฺฑธานสฺส สลากํ ทสฺสามี’’ติ คมนํ อภินีหริ. กุณฺฑธาโน ตสฺส ปุเร อาคมนา เอว อภิฺาปาทกํ จตุตฺถชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา อิทฺธิยา อากาเส ตฺวา ‘‘อาหราวุโส, อานนฺท, สตฺถา มํ ชานาติ, มาทิสํ ภิกฺขุํ ปมํ สลากํ คณฺหนฺตํ น สตฺถา นิวาเรตี’’ติ หตฺถํ ปสาเรตฺวา สลากํ คณฺหิ. สตฺถา ตํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา เถรํ อิมสฺมึ สาสเน ปมํ สลากํ คณฺหนฺตานํ อคฺคฏฺาเน เปสิ. ยสฺมา อยํ เถโร ราชานํ อุปตฺถมฺภกํ ลภิตฺวา สปฺปายาหารลาเภน สมาหิตจิตฺโต วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต อุปนิสฺสยสมฺปนฺนตาย ฉฬภิฺโ อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๔.๑-๑๖) –

‘‘สตฺตาหํ ปฏิสลฺลีนํ, สยมฺภุํ อคฺคปุคฺคลํ;

ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, พุทฺธเสฏฺํ อุปฏฺหึ.

‘‘วุฏฺิตํ กาลมฺาย, ปทุมุตฺตรํ มหามุนึ;

มหนฺตึ กทลีกณฺณึ, คเหตฺวา อุปคจฺฉหํ.

‘‘ปฏิคฺคเหตฺวา ภควา, สพฺพฺู โลกนายโก;

มม จิตฺตํ ปสาเทนฺโต, ปริภุฺชิ มหามุนิ.

‘‘ปริภุฺชิตฺวา สมฺพุทฺโธ, สตฺถวาโห อนุตฺตโร;

สกาสเน นิสีทิตฺวา, อิมา คาถา อภาสถ.

‘‘เย จ สนฺติ สมิตาโร, ยกฺขา อิมมฺหิ ปพฺพเต;

อรฺเ ภูตภพฺยานิ, สุณนฺตุ วจนํ มม.

‘‘โย โส พุทฺธํ อุปฏฺาสิ, มิคราชํว เกสรึ;

ตมหํ กิตฺตยิสฺสามิ, สุณาถ มม ภาสโต.

‘‘เอกาทสฺจกฺขตฺตุํ โส, เทวราชา ภวิสฺสติ;

จตุวีสติกฺขตฺตุฺจ, จกฺกวตฺตี ภวิสฺสติ.

‘‘กปฺปสตสหสฺสมฺหิ, โอกฺกากกุลสมฺภโว;

โคตโม นาม โคตฺเตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติ.

‘‘อกฺโกสิตฺวาน สมเณ, สีลวนฺเต อนาสเว;

ปาปกมฺมวิปาเกน, นามเธยฺยํ ลภิสฺสติ.

‘‘ตสฺส ธมฺเม สุทายาโท, โอรโส ธมฺมนิมฺมิโต;

กุณฺฑธาโนติ นาเมน, สาวโก โส ภวิสฺสติ.

‘‘ปวิเวกมนุยุตฺโต, ฌายี ฌานรโต อหํ;

โตสยิตฺวาน สตฺถารํ, วิหรามิ อนาสโว.

‘‘สาวเกหิ ปริวุโต, ภิกฺขุสงฺฆปุรกฺขโต;

ภิกฺขุสงฺเฆ นิสีทิตฺวา, สลากํ คาหยี ชิโน.

‘‘เอกํสํ จีวรํ กตฺวา, วนฺทิตฺวา โลกนายกํ;

วทตํ วรสฺส ปุรโต, ปมํ อคฺคเหสหํ.

‘‘เตน กมฺเมน ภควา, ทสสหสฺสิกมฺปโก;

ภิกฺขุสงฺเฆ นิสีทิตฺวา, อคฺคฏฺาเน เปสิ มํ.

‘‘วีริยํ เม ธุรโธรยฺหํ, โยคกฺเขมาธิวาหนํ;

ธาเรมิ อนฺติมํ เทหํ, สมฺมาสมฺพุทฺธสาสเน.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

เอวํภูตสฺสปิ อิมสฺส เถรสฺส คุเณ อชานนฺตา เย ปุถุชฺชนา ภิกฺขู ตทา ปมํ สลากคฺคหเณ ‘‘กึ นุ โข เอต’’นฺติ สมจินฺเตสุํ. เตสํ วิมติวิธมนตฺถํ เถโร อากาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา อิทฺธิปาฏิหาริยํ ทสฺเสตฺวา อฺาปเทเสน อฺํ พฺยากโรนฺโต ‘‘ปฺจ ฉินฺเท’’ติ คาถํ อภาสิ.

๑๕. ตตฺถ ปฺจ ฉินฺเทติ อปายูปปตฺตินิพฺพตฺตนกานิ ปฺโจรมฺภาคิยานิ สํโยชนานิ ปาเท พนฺธนรชฺชุกํ วิย ปุริโส สตฺเถน เหฏฺิมมคฺคตฺตเยน ฉินฺเทยฺย ปชเหยฺย. ปฺจ ชเหติ อุปริเทวโลกูปปตฺติเหตุภูตานิ ปฺจุทฺธมฺภาคิยสํโยชนานิ ปุริโส คีวาย พนฺธนรชฺชุกํ วิย อรหตฺตมคฺเคน ชเหยฺย, ฉินฺเทยฺย วาติ อตฺโถ. ปฺจ จุตฺตริ ภาวเยติ เตสํเยว อุทฺธมฺภาคิยสํโยชนานํ ปหานาย สทฺธาทีนิ ปฺจินฺทฺริยานิ อุตฺตริ อนาคามิมคฺคาธิคมโต อุปริ ภาเวยฺย อคฺคมคฺคาธิคมวเสน วฑฺเฒยฺย. ปฺจสงฺคาติโคติ เอวํภูโต ปน ปฺจนฺนํ ราคโทสโมหมานทิฏฺิสงฺคานํ อติกฺกมเนน ปหาเนน ปฺจสงฺคาติโค หุตฺวา. ภิกฺขุ โอฆติณฺโณติ วุจฺจตีติ สพฺพถา ภินฺนกิเลสตาย ภิกฺขูติ, กามภวทิฏฺิอวิชฺโชเฆ ตริตฺวา เตสํ ปารภูเต นิพฺพาเน ิโตติ จ วุจฺจตีติ อตฺโถ.

กุณฺฑธานตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. เพลฏฺสีสตฺเถรคาถาวณฺณนา

ยถาปิ ภทฺโท อาชฺโติ อายสฺมโต เพลฏฺสีสตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โส กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺโต ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา สมณธมฺมํ กโรนฺโต อุปนิสฺสยสมฺปตฺติยา อภาเวน วิเสสํ นิพฺพตฺเตตุํ นาสกฺขิ. วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ ปน พหุํ กุสลํ อุปจินิตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิโต เอกตึเส กปฺเป เวสฺสภุํ ภควนฺตํ ปสฺสิตฺวา ปสนฺนจิตฺโต มาตุลุงฺคผลํ อทาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทเวสุ นิพฺพตฺติตฺวา อปราปรํ ปุฺานิ กตฺวา สุคติโต สุคตึ อุปคจฺฉนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺโต ภควโต อภิสมฺโพธิยา ปุเรตรเมว อุรุเวลกสฺสปสฺส สนฺติเก ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อคฺคึ ปริจรนฺโต อุรุเวลกสฺสปทมเน อาทิตฺตปริยายเทสนาย (มหาว. ๕๔; สํ. นิ. ๔.๒๘) ปุราณชฏิลสหสฺเสน สทฺธึ อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๑.๖๘-๗๓) –

‘‘กณิการํว โชตนฺตํ, ปุณฺณมาเยว จนฺทิมํ;

ชลนฺตํ ทีปรุกฺขํว, อทฺทสํ โลกนายกํ.

‘‘มาตุลุงฺคผลํ คยฺห, อทาสึ สตฺถุโน อหํ;

ทกฺขิเณยฺยสฺส วีรสฺส, ปสนฺโน เสหิ ปาณิภิ.

‘‘เอกตึเส อิโต กปฺเป, ยํ ผลํ อททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

เอวํ อธิคตารหตฺโต อายสฺมโต ธมฺมภณฺฑาคาริกสฺส อุปชฺฌาโย อยํ เถโร เอกทิวสํ ผลสมาปตฺติโต อุฏฺาย ตํ สนฺตํ ปณีตํ นิรามิสํ สุขํ อตฺตโน ปุพฺพโยคฺจ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปีติเวควเสน ‘‘ยถาปิ ภทฺโท อาชฺโ’’ติ คาถํ อภาสิ.

๑๖. ตตฺถ ยถาปีติ โอปมฺมปฏิปาทนตฺเถ นิปาโต. ภทฺโทติ สุนฺทโร ถามพลสมตฺถชวปรกฺกมาทิสมฺปนฺโน. อาชฺโติ อาชานีโย ชาติมา การณาการณานํ อาชานนโก. โส ติวิโธ อุสภาชฺโ อสฺสาชฺโ หตฺถาชฺโติ. เตสุ อุสภาชฺโ อิธาธิปฺเปโต. โส จ โข เฉกกสนกิจฺเจ นิยุตฺโต, เตนาห ‘‘นงฺคลาวตฺตนี’’ติ. นงฺคลสฺส ผาลสฺส อาวตฺตนโก, นงฺคลํ อิโต จิโต จ อาวตฺเตตฺวา เขตฺเต กสนโกติ อตฺโถ. นงฺคลํ วา อาวตฺตยติ เอตฺถาติ นงฺคลาวตฺตํ, เขตฺเต นงฺคลปโถ, ตสฺมึ นงฺคลาวตฺตนิ. คาถาสุขตฺถฺเหตฺถ ‘‘วตฺตนี’’ติ ทีฆํ กตฺวา วุตฺตํ. สิขีติ มตฺถเก อวฏฺานโต สิขาสทิสตาย สิขา, สิงฺคํ. ตทสฺส อตฺถีติ สิขี. อปเร ปน ‘‘กกุธํ อิธ ‘สิขา’ติ อธิปฺเปต’’นฺติ วทนฺติ, อุภยถาปิ ปธานงฺคกิตฺตนเมตํ ‘‘สิขี’’ติ. อปฺปกสิเรนาติ อปฺปกิลมเถน. รตฺตินฺทิวาติ รตฺติโย ทิวา จ, เอวํ มมํ อปฺปกสิเรน คจฺฉนฺตีติ โยชนา. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา ‘‘ภทฺโท อุสภาชานีโย กสเน นิยุตฺโต ฆนติณมูลาทิเกปิ นงฺคลปเถ ตํ อคเณนฺโต อปฺปกสิเรน อิโต จิโต จ ปริวตฺเตนฺโต คจฺฉติ, ยาว กสนติณานํ ปริสฺสมํ ทสฺเสติ, เอวํ มมํ รตฺตินฺทิวาปิ อปฺปกสิเรเนว คจฺฉนฺติ อติกฺกมนฺตี’’ติ. ตตฺถ การณมาห ‘‘สุเข ลทฺเธ นิรามิเส’’ติ. ยสฺมา กามามิสโลกามิสวฏฺฏามิเสหิ อสมฺมิสฺสํ สนฺตํ ปณีตํ ผลสมาปตฺติสุขํ ลทฺธํ, ตสฺมาติ อตฺโถ. ปจฺจตฺเต เจตํ ภุมฺมวจนํ ยถา ‘‘วนปฺปคุมฺเพ’’ (ขุ. ปา. ๖.๑๓; สุ. นิ. ๒๓๖) ‘‘เตน วต เร วตฺตพฺเพ’’ติ (กถา. ๑) จ. อถ วา ตโต ปภุติ รตฺตินฺทิวา อปฺปกสิเรน คจฺฉนฺตีติ วิจารณาย อาห – ‘‘สุเข ลทฺเธ นิรามิเส’’ติ, นิรามิเส สุเข ลทฺเธ สติ ตสฺส ลทฺธกาลโต ปฏฺายาติ อตฺโถ.

เพลฏฺสีสตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. ทาสกตฺเถรคาถาวณฺณนา

มิทฺธี ยทาติ อายสฺมโต ทาสกตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โส กิร อิโต เอกนวุเต กปฺเป อนุปฺปนฺเน ตถาคเต อชิตสฺส นาม ปจฺเจกพุทฺธสฺส คนฺธมาทนโต มนุสฺสปถํ โอตริตฺวา อฺตรสฺมึ คาเม ปิณฺฑาย จรนฺตสฺส มโนรมานิ อมฺพผลานิ อทาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต กสฺสปสฺส ภควโต กาเล สาสเน ปพฺพชิตฺวา วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ พหุํ ปุฺํ อกาสิ. เอวํ กุสลกมฺมปฺปสุโต หุตฺวา สุคติโต สุคตึ อุปคจฺฉนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ กุลเคเห นิพฺพตฺติ. ทาสโกติสฺส นามํ อโหสิ. โส อนาถปิณฺฑิเกน คหปตินา วิหารปฏิชคฺคนกมฺเม ปิโต สกฺกจฺจํ วิหารํ ปฏิชคฺคนฺโต อภิณฺหํ พุทฺธทสฺสเนน ธมฺมสฺสวเนน จ ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิ. เกจิ ปน ภณนฺติ – ‘‘อยํ กสฺสปสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต อฺตรํ ขีณาสวตฺเถรํ อุปฏฺหนฺโต กิฺจิ กมฺมํ การาเปตุกาโม เถรํ อาณาเปสิ. โส เตน กมฺเมน อมฺหากํ ภควโต กาเล สาวตฺถิยํ อนาถปิณฺฑิกสฺส ทาสิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺโต วยปฺปตฺโต เสฏฺินา วิหารปฏิชคฺคเน ปิโต วุตฺตนเยเนว ปฏิลทฺธสทฺโธ อโหสิ. มหาเสฏฺิ ตสฺส สีลาจารํ อชฺฌาสยฺจ ตฺวา ภุชิสฺสํ กตฺวา ‘ยถาสุขํ ปพฺพชา’ติ อาห. ตํ ภิกฺขู ปพฺพาเชสุ’’นฺติ. โส ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย กุสีโต หีนวีริโย หุตฺวา น กิฺจิ วตฺตปฏิวตฺตํ กโรติ, กุโต สมณธมฺมํ, เกวลํ ยาวทตฺถํ ภุฺชิตฺวา นิทฺทาพหุโล วิหรติ. ธมฺมสฺสวนกาเลปิ เอกํ โกณํ ปวิสิตฺวา ปริสปริยนฺเต นิสินฺโน ฆุรุฆุรุปสฺสาสี นิทฺทายเตว. อถสฺส ภควา ปุพฺพูปนิสฺสยํ โอโลเกตฺวา สํเวคชนนตฺถํ ‘‘มิทฺธี ยทา โหติ มหคฺฆโส จา’’ติ คาถํ อภาสิ.

๑๗. ตตฺถ มิทฺธีติ ถินมิทฺธาภิภูโต, ยฺหิ มิทฺธํ อภิภวติ, ตํ ถินมฺปิ อภิภวเตว. ยทาติ ยสฺมึ กาเล. มหคฺฆโสติ มหาโภชโน, อาหรหตฺถกอลํสาฏกตตฺถวฏฺฏกกากมาสกภุตฺตวมิตกานํ อฺตโร วิย. นิทฺทายิตาติ สุปนสีโล. สมฺปริวตฺตสายีติ สมฺปริวตฺตกํ สมฺปริวตฺตกํ นิปชฺชิตฺวา อุภเยนปิ เสยฺยสุขํ ปสฺสสุขํ มิทฺธสุขํ อนุยุตฺโตติ ทสฺเสติ. นิวาปปุฏฺโติ กุณฺฑกาทินา สูกรภตฺเตน ปุฏฺโ ภริโต. ฆรสูกโร หิ พาลกาลโต ปฏฺาย โปสิยมาโน ถูลสรีรกาเล เคหา พหิ นิกฺขมิตุํ อลภนฺโต เหฏฺามฺจาทีสุ สมฺปริวตฺเตตฺวา สมฺปริวตฺเตตฺวา สยเตว. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยทา ปุริโส มิทฺธี จ โหติ มหคฺฆโส จ นิวาปปุฏฺโ มหาวราโห วิย อฺเน อิริยาปเถน ยาเปตุํ อสกฺโกนฺโต นิทฺทายนสีโล สมฺปริวตฺตสายี, ตทา โส ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา’’ติ ตีณิ ลกฺขณานิ มนสิกาตุํ น สกฺโกติ. เตสํ อมนสิการา มนฺทปฺโ ปุนปฺปุนํ คพฺภํ อุเปติ, คพฺภาวาสโต น ปริมุจฺจเตวาติ. ตํ สุตฺวา ทาสกตฺเถโร สํเวคชาโต วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺตํ สจฺฉากาสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๑.๗๔, ๘๐-๘๔) –

‘‘อชิโต นาม สมฺพุทฺโธ, หิมวนฺเต วสี ตทา;

จรเณน จ สมฺปนฺโน, สมาธิกุสโล มุนิ.

‘‘สุวณฺณวณฺเณ สมฺพุทฺเธ, อาหุตีนํ ปฏิคฺคเห;

รถิยํ ปฏิปชฺชนฺเต, อมฺพผลมทาสหํ.

‘‘เอกนวุเต อิโต กปฺเป, ยํ ผลํ อททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา เถโร อิมาย คาถาย มํ ภควา โอวทิ, ‘‘อยํ คาถา มยฺหํ องฺกุสภูตา’’ติ ตเมว คาถํ ปจฺจุทาหาสิ. ตยิทํ เถรสฺส ปริวตฺตาหารนเยน อฺาพฺยากรณํ ชาตํ.

ทาสกตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. สิงฺคาลปิตุตฺเถรคาถาวณฺณนา

อหุ พุทฺธสฺส ทายาโทติ สิงฺคาลกปิตุตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โส กิร อิโต จตุนวุเต กปฺเป สตรํสึ นาม ปจฺเจกสมฺพุทฺธํ ปิณฺฑาย จรนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส วนฺทิตฺวา อตฺตโน หตฺถคตํ ตาลผลํ อทาสิ. เตน ปุฺกมฺเมน เทวโลเก นิพฺพตฺโต อปราปรํ ปุฺานิ กตฺวา สุคตีสุเยว สํสรนฺโต กสฺสปสฺส ภควโต กาเล มนุสฺสโยนิยํ นิพฺพตฺโต สาสเน ปฏิลทฺธสทฺโธ หุตฺวา ปพฺพชิตฺวา อฏฺิกสฺํ ภาเวสิ. ปุน อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ทารปริคฺคหํ กตฺวา เอกํ ปุตฺตํ ลภิตฺวา ตสฺส ‘‘สิงฺคาลโก’’ติ นามํ อกาสิ. เตน นํ สิงฺคาลกปิตาติ โวหรนฺติ. โส อปรภาเค ฆรพนฺธนํ ปหาย สาสเน ปพฺพชิ. ตสฺส ภควา อชฺฌาสยํ โอโลเกนฺโต อฏฺิกสฺากมฺมฏฺานํ อทาสิ. โส ตํ คเหตฺวา ภคฺเคสุ วิหรติ สุสุมารคิเร เภสกฬาวเน, อถสฺส ตสฺมึ วเน อธิวตฺถา เทวตา อุสฺสาหชนนตฺถํ ‘‘ภาวนาผลํ นจิรสฺเสว หตฺถคตํ กริสฺสตี’’ติ อิมมตฺถํ อฺาปเทเสน วิภาเวนฺตี ‘‘อหุ พุทฺธสฺส ทายาโท’’ติ คาถํ อภาสิ.

๑๘. ตตฺถ อหูติ โหติ, วตฺตมานตฺเถ หิ อิทํ อตีตกาลวจนํ. พุทฺธสฺสาติ สพฺพฺุพุทฺธสฺส. ทายาโทติ ธมฺมทายาโท นววิธสฺส โลกุตฺตรธมฺมทายสฺส อตฺตโน สมฺมาปฏิปตฺติยา อาทายโก คณฺหนโก. อถ วา อหูติ อโหสิ. เอวํนามสฺส พุทฺธสฺส ทายาทภาเว โกจิ วิพนฺโธ อิทาเนว ภวิสฺสตีติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘มฺเหํ กามราคํ โส, ขิปฺปเมว วหิสฺสตี’’ติ. เภสกฬาวเนติ เภสเกน นาม ยกฺเขน ลภิตตฺตา ปริคฺคหิตตฺตา, เภสกฬานํ วา กฏฺาทีนํ พหุลตาย ‘‘เภสกฬาวน’’นฺติ ลทฺธนาเม อรฺเ. ตสฺส ภิกฺขุโน พุทฺธสฺส ทายาทภาเว การณํ วทนฺโต ‘‘เกวลํ อฏฺิสฺาย, อผรี ปถวึ อิม’’นฺติ อาห. ตตฺถ เกวลนฺติ สกลํ อนวเสสํ. อฏฺิสฺายาติ อฏฺิกภาวนาย. อผรีติ ‘‘อฏฺี’’ติ อธิมุจฺจนวเสน ปตฺถริ. ปถวินฺติ อตฺตภาวปถวึ. อตฺตภาโว หิ อิธ ‘‘ปถวี’’ติ วุตฺโต ‘‘โก อิมํ ปถวึ วิจฺเจสฺสตี’’ติอาทีสุ วิย. มฺเหนฺติ มฺเ อหํ. ‘‘มฺาห’’นฺติปิ ปาโ. โสติ โส ภิกฺขุ. ขิปฺปเมว นจิรสฺเสว กามราคํ ปหิสฺสติ ปชหิสฺสตีติ มฺเ. กสฺมา? อฏฺิกสฺาย กามราคสฺส อุชุปฏิปกฺขภาวโต. อิทํ วุตฺตํ โหติ – โย เอกสฺมึ ปเทเส ลทฺธาย อตฺถิกสฺาย สกลํ อตฺตโน สพฺเพสํ วา อตฺตภาวํ ‘‘อฏฺี’’ตฺเวว ผริตฺวา ิโต, โส ภิกฺขุ ตํ อฏฺิกฌานํ ปาทกํ กตฺวา วิปสฺสนฺโต นจิเรเนว อนาคามิมคฺเคน กามราคํ, สพฺพํ วา กามนฏฺเน ‘‘กาโม’’, รฺชนฏฺเน ‘‘ราโค’’ติ จ ลทฺธนามํ ตณฺหํ อคฺคมคฺเคน ปชหิสฺสตีติ. อิมํ คาถํ สุตฺวา โส เถโร ‘‘อยํ เทวตา มยฺหํ อุสฺสาหชนนตฺถํ เอวมาหา’’ติ อปฺปฏิวานวีริยํ อธิฏฺาย วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๑.๘๕-๙๐) –

‘‘สตรํสี นาม ภควา, สยมฺภู อปราชิโต;

วิเวกา อุฏฺหิตฺวาน, โคจรายาภินิกฺขมิ.

‘‘ผลหตฺโถ อหํ ทิสฺวา, อุปคจฺฉึ นราสภํ;

ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, ตาลผลมทาสหํ.

‘‘จตุนฺนวุติโต กปฺเป, ยํ ผลํ อททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา ตาย เทวตาย วุตฺตวจนํ ปติมาเนนฺโต ตเมว คาถํ อุทานวเสน อภาสิ. ตเทวสฺส เถรสฺส อฺาพฺยากรณํ อโหสีติ.

สิงฺคาลปิตุตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. กุลตฺเถรคาถาวณฺณนา

อุทกฺหิ นยนฺตีติ อายสฺมโต กุลตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร เถโร ปุพฺเพปิ วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ พหุํ กุสลํ อุปจินิตฺวา อธิการสมฺปนฺโน วิปสฺสึ ภควนฺตํ อากาเส คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส นาฬิเกรผลํ ทาตุกาโม อฏฺาสิ. สตฺถา ตสฺส จิตฺตํ ตฺวา โอตริตฺวา ปฏิคฺคณฺหิ. โส อติวิย ปสนฺนจิตฺโต หุตฺวา เตเนว สทฺธาปฏิลาเภน สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิ, สตฺถา อฺตรํ ภิกฺขุํ อาณาเปสิ – ‘‘อิมํ ปุริสํ ปพฺพาเชหี’’ติ. โส ปพฺพชิตฺวา ลทฺธูปสมฺปโท สมณธมฺมํ กตฺวา ตโต จุโต ฉปิ พุทฺธนฺตรานิ เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติ. กุโลติสฺส นามํ อโหสิ. โส วยปฺปตฺโต สาสเน ลทฺธปฺปสาโท ภควโต สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา วิกฺเขปพหุลตาย วิเสสํ นิพฺพตฺเตตุํ นาสกฺขิ. อเถกทิวสํ คามํ ปิณฺฑาย ปวิสนฺโต อนฺตรามคฺเค ภูมึ ขณิตฺวา อุทกวาหกํ กตฺวา อิจฺฉิติจฺฉิตฏฺาเน อุทกํ เนนฺเต ปุริเส ทิสฺวา ตํ สลฺลกฺเขตฺวา คามํ ปวิฏฺโ อฺตรํ อุสุการํ อุสุทณฺฑกํ อุสุยนฺเต ปกฺขิปิตฺวา อกฺขิโกฏิยา โอโลเกตฺวา อุชุํ กโรนฺตํ ทิสฺวา ตมฺปิ สลฺลกฺเขตฺวา คจฺฉนฺโต ปุรโต คนฺตฺวา อรเนมินาภิอาทิเก รถจกฺกาวยเว ตจฺฉนฺเต ตจฺฉเก ทิสฺวา ตมฺปิ สลฺลกฺเขตฺวา วิหารํ ปวิสิตฺวา กตภตฺตกิจฺโจ ปตฺตจีวรํ ปฏิสาเมตฺวา ทิวาวิหาเร นิสินฺโน อตฺตนา ทิฏฺนิมิตฺตานิ อุปมาภาเวน คเหตฺวา อตฺตโน จิตฺตทมเน อุปเนนฺโต ‘‘อเจตนํ อุทกมฺปิ มนุสฺสา อิจฺฉิกิจฺฉิตฏฺานํ นยนฺติ ตถา อเจตนํ วงฺกมฺปิ สรทณฺฑํ อุปาเยน นเมนฺโต อุชุํ กโรนฺติ, ตถา อเจตนํ กฏฺกฬิงฺคราทึ ตจฺฉกา เนมิอาทิวเสน วงฺกํ อุชุฺจ กโรนฺติ. อถ กสฺมา อหํ สกจิตฺตํ อุชุํ น กริสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา ฆเฏนฺโต วายมนฺโต นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๑.๙๑-๙๙) –

‘‘นคเร พนฺธุมติยา, อารามิโก อหํ ตทา;

อทฺทสํ วิรชํ พุทฺธํ, คจฺฉนฺตํ อนิลฺชเส.

‘‘นาฬิเกรผลํ คยฺห, พุทฺธเสฏฺสฺสทาสหํ;

อากาเส ิตโก สนฺโต, ปฏิคฺคณฺหิ มหายโส.

‘‘วิตฺติสฺชนโน มยฺหํ, ทิฏฺธมฺมสุขาวโห;

ผลํ พุทฺธสฺส ทตฺวาน, วิปฺปสนฺเนน เจตสา.

‘‘อธิคจฺฉึ ตทา ปีตึ, วิปุลฺจ สุขุตฺตมํ;

อุปฺปชฺชเตว รตนํ, นิพฺพตฺตสฺส ตหึ ตหึ.

‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ ผลํ อททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘ทิพฺพจกฺขุ วิสุทฺธํ เม, สมาธิกุสโล อหํ;

อภิฺาปารมิปฺปตฺโต, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

เอวํ ยานิ นิมิตฺตานิ องฺกุเส กตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ, เตหิ สทฺธึ อตฺตโน จิตฺตทมนํ สํสนฺทิตฺวา อฺํ พฺยากโรนฺโต ‘‘อุทกฺหิ นยนฺติ เนตฺติกา’’ติ คาถํ อภาสิ.

๑๙. ตตฺถ อุทกํ หีติ หิ-สทฺโท นิปาตมตฺตํ. นยนฺตีติ ปถวิยา ตํ ตํ ถลฏฺานํ ขณิตฺวา นินฺนฏฺานํ ปูเรตฺวา มาติกํ วา กตฺวา รุกฺขโทณึ วา เปตฺวา อตฺตโน อิจฺฉิติจฺฉิตฏฺานํ เนนฺติ. ตถา เต เนนฺตีติ เนตฺติกา. เตชนนฺติ กณฺฑํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – เนตฺติกา อตฺตโน รุจิยา อิจฺฉิติจฺฉิตฏฺานํ อุทกํ นยนฺติ, อุสุการาปิ ตาเปตฺวา เตชนํ นมยนฺติ อุชุํ กโรนฺติ. นมนวเสน ตจฺฉกา เนมิอาทีนํ อตฺถาย ตจฺฉนฺตา ทารุํ นมยนฺติ อตฺตโน รุจิยา อุชุํ วา วงฺกํ วา กโรนฺติ. เอวํ เอตฺตกํ อารมฺมณํ กตฺวา สุพฺพตา ยถาสมาทินฺเนน สีลาทินา สุนฺทรวตา ธีรา โสตาปตฺติมคฺคาทีนํ อุปฺปาเทนฺตา อตฺตานํ ทเมนฺติ, อรหตฺตํ ปน ปตฺเตสุ เอกนฺตทนฺตา นาม โหนฺตีติ.

กุลตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. อชิตตฺเถรคาถาวณฺณนา

มรเณ เม ภยํ นตฺถีติ อายสฺมโต อชิตตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โส กิร เอกนวุเต กปฺเป วิปสฺสึ ภควนฺตํ ปสฺสิตฺวา ปสนฺนจิตฺโต กปิตฺถผลํ อทาสิ. ตโต ปรมฺปิ ตํ ตํ ปุฺํ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ กปฺเป อนุปฺปนฺเน เอว อมฺหากํ สตฺถริ สาวตฺถิยํ มหาโกสลรฺโ อคฺคาสนิยสฺส พฺราหฺมณสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ตสฺส อชิโตติ นามํ อโหสิ. ตสฺมิฺจ สมเย สาวตฺถิวาสี พาวรี นาม พฺราหฺมโณ ตีหิ มหาปุริสลกฺขเณหิ สมนฺนาคโต ติณฺณํ เวทานํ ปารคู สาวตฺถิโต นิกฺขมิตฺวา ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา โคธาวรีตีเร กปิตฺถาราเม วสติ. อถ อชิโต ตสฺส สนฺติเก ปพฺพชิโต อตฺถกามาย เทวตาย โจทิเตน พาวรินา สตฺถุ สนฺติกํ เปสิโต ติสฺสเมตฺเตยฺยาทีหิ สทฺธึ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา มนสาว ปฺเห ปุจฺฉิตฺวา เตสุ วิสฺสชฺชิเตสุ ปสนฺนจิตฺโต สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๒.๗-๑๑) –

‘‘สุวณฺณวณฺณํ สมฺพุทฺธํ, อาหุตีนํ ปฏิคฺคหํ;

รถิยํ ปฏิปชฺชนฺตํ, กปิตฺถํ อททึ ผลํ.

‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ ผลํ อททึ ททา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺโต สีหนาทํ นทนฺโต ‘‘มรเณ เม ภยํ นตฺถี’’ติ คาถํ อภาสิ.

๒๐. ตตฺถ มรเณติ มรณนิมิตฺตํ มรณเหตุ. เมติ มยฺหํ, ภยํ นตฺถิ อุจฺฉินฺนภวมูลตาย ปริกฺขีณชาติกตฺตา. อนุจฺฉินฺนภวมูลานฺหิ ‘‘กีทิสี นุ โข มยฺหํ อายตึ อุปฺปตฺตี’’ติ มรณโต ภยํ ภเวยฺย. นิกนฺตีติ อเปกฺขา ตณฺหา, สา นตฺถิ ชีวิเต สุปริมทฺทิตสงฺขารตาย อุปาทานกฺขนฺธานํ ทุกฺขาสารกาทิภาเวน สุฏฺุ อุปฏฺหนโต. เอวํภูโต จาหํ สนฺเทหํ สรีรํ, สกํ วา เทหํ เทหสงฺขาตํ ทุกฺขภารํ นิกฺขิปิสฺสามิ ฉฑฺเฑสฺสามิ, นิกฺขิปนฺโต จ ‘‘‘อิมินา สรีรเกน สาเธตพฺพํ สาธิตํ, อิทานิ ตํ เอกํเสน ฉฑฺฑนียเมวา’ติ ปฺาเวปุลฺลปฺปตฺติยา สมฺปชาโน สติเวปุลฺลปฺปตฺติยา ปฏิสฺสโต นิกฺขิปิสฺสามี’’ติ. อิมํ ปน คาถํ วตฺวา เถโร ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา ตทนนฺตรํ ปรินิพฺพายีติ.

อชิตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

ทุติยวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. ตติยวคฺโค

๑. นิคฺโรธตฺเถรคาถาวณฺณนา

นาหํ ภยสฺส ภายามีติ อายสฺมโต นิคฺโรธตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร อิโต อฏฺารเส กปฺปสเต พฺราหฺมณมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต กาเมสุ อาทีนวํ เนกฺขมฺเม จ อานิสํสํ ทิสฺวา ฆรพนฺธนํ ปหาย อรฺายตนํ ปวิสิตฺวา อฺตรสฺมึ สาลวเน ปณฺณสาลํ กตฺวา ตาปสปพฺพชํ ปพฺพชิตฺวา วนมูลผลาหาโร วสติ. เตน สมเยน ปิยทสฺสี นาม สมฺมาสมฺพุทฺโธ โลเก อุปฺปชฺชิตฺวา สเทวกสฺส โลกสฺส ธมฺมามตวสฺเสน กิเลสสนฺตาปํ นิพฺพาเปนฺโต เอกทิวสํ ตาปเส อนุกมฺปาย ตํ สาลวนํ ปวิสิตฺวา นิโรธสมาปตฺตึ สมาปนฺโน. ตาปโส วนมูลผลตฺถาย คจฺฉนฺโต ภควนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส ปุปฺผิตสาลทณฺฑสาขาโย คเหตฺวา สาลมณฺฑปํ กตฺวา ตํ สพฺพตฺถกเมว สาลปุปฺเผหิ สฺฉาเทตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ปีติโสมนสฺสวเสเนว อาหารตฺถายปิ อคนฺตฺวา นมสฺสมาโน อฏฺาสิ. สตฺถา นิโรธโต วุฏฺาย ตสฺส อนุกมฺปาย ‘‘ภิกฺขุสงฺโฆ อาคจฺฉตู’’ติ จินฺเตสิ, ‘‘ภิกฺขุสงฺเฆปิ จิตฺตํ ปสาเทสฺสตี’’ติ. ตาวเทว ภิกฺขุสงฺโฆ อาคโต. โส ภิกฺขุสงฺฆมฺปิ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส วนฺทิตฺวา อฺชลึ ปคฺคยฺห อฏฺาสิ. สตฺถา สิตสฺส ปาตุกรณาปเทเสน ตสฺส ภาวินึ สมฺปตฺตึ ปกาเสนฺโต ธมฺมํ กเถตฺวา ปกฺกามิ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆน. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุเยว สํสรนฺโต วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ พหุํ กุสลํ อุปจินิตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ พฺราหฺมณมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติ, นิคฺโรโธติสฺส นามํ อโหสิ. โส เชตวนปฏิคฺคหณทิวเส พุทฺธานุภาวทสฺสเนน สฺชาตปฺปสาโท ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนํ อารภิตฺวา นจิรสฺเสว ฉฬภิฺโ อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๙.๑๙๐-๒๒๐) –

‘‘อชฺโฌคาเหตฺวา สาลวนํ, สุกโต อสฺสโม มม;

สาลปุปฺเผหิ สฺฉนฺโน, วสามิ วิปิเน ตทา.

‘‘ปิยทสฺสี จ ภควา, สยมฺภู อคฺคปุคฺคโล;

วิเวกกาโม สมฺพุทฺโธ, สาลวนมุปาคมิ.

‘‘อสฺสมา อภินิกฺขมฺม, ปวนํ อคมาสหํ;

มูลผลํ คเวสนฺโต, อาหินฺทามิ วเน ตทา.

‘‘ตตฺถทฺทสาสึ สมฺพุทฺธํ, ปิยทสฺสึ มหายสํ;

สุนิสินฺนํ สมาปนฺนํ, วิโรจนฺตํ มหาวเน.

‘‘จตุทณฺเฑ เปตฺวาน, พุทฺธสฺส อุปรี อหํ;

มณฺฑปํ สุกตํ กตฺวา, สาลปุปฺเผหิ ฉาทยึ.

‘‘สตฺตาหํ ธารยิตฺวาน, มณฺฑปํ สาลฉาทิตํ;

ตตฺถ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, พุทฺธเสฏฺมวนฺทหํ.

‘‘ภควา ตมฺหิ สมเย, วุฏฺหิตฺวา สมาธิโต;

ยุคมตฺตํ เปกฺขมาโน, นิสีทิ ปุริสุตฺตโม.

‘‘สาวโก วรุโณ นาม, ปิยทสฺสิสฺส สตฺถุโน;

วสีสตสหสฺเสหิ, อุปคจฺฉิ วินายกํ.

‘‘ปิยทสฺสี จ ภควา, โลกเชฏฺโ นราสโภ;

ภิกฺขุสงฺเฆ นิสีทิตฺวา, สิตํ ปาตุกรี ชิโน.

‘‘อนุรุทฺโธ อุปฏฺาโก, ปิยทสฺสิสฺส สตฺถุโน;

เอกํสํ จีวรํ กตฺวา, อปุจฺฉิตฺถ มหามุนึ.

‘‘โก นุ โข ภควา เหตุ, สิตกมฺมสฺส สตฺถุโน;

การเณ วิชฺชมานมฺหิ, สตฺถา ปาตุกเร สิตํ.

‘‘สตฺตาหํ สาลจฺฉทนํ, โย เม ธาเรสิ มาณโว;

ตสฺส กมฺมํ สริตฺวาน, สิตํ ปาตุกรึ อหํ.

‘‘อโนกาสํ น ปสฺสามิ, ยตฺถ ปุฺํ วิปจฺจติ;

เทวโลเก มนุสฺเส วา, โอกาโสว น สมฺมติ.

‘‘เทวโลเก วสนฺตสฺส, ปุฺกมฺมสมงฺคิโน;

ยาวตา ปริสา ตสฺส, สาลจฺฉนฺนา ภวิสฺสติ.

‘‘ตตฺถ ทิพฺเพหิ นจฺเจหิ, คีเตหิ วาทิเตหิ จ;

รมิสฺสติ สทา สนฺโต, ปุฺกมฺมสมาหิโต.

‘‘ยาวตา ปริสา ตสฺส, คนฺธคนฺธี ภวิสฺสติ;

สาลสฺส ปุปฺผวสฺโส จ, ปวสฺสิสฺสติ ตาวเท.

‘‘ตโต จุโตยํ มนุโช, มานุสํ อาคมิสฺสติ;

อิธาปิ สาลจฺฉทนํ, สพฺพกาลํ ธริสฺสติ.

‘‘อิธ นจฺจฺจ คีตฺจ, สมฺมตาฬสมาหิตํ;

ปริวาเรสฺสนฺติ มํ นิจฺจํ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘อุคฺคจฺฉนฺเต จ สูริเย, สาลวสฺสํ ปวสฺสเต;

ปุฺกมฺเมน สํยุตฺตํ, วสฺสเต สพฺพกาลิกํ.

‘‘อฏฺารเส กปฺปสเต, โอกฺกากกุลสมฺภโว;

โคตโม นาม นาเมน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติ.

‘‘ตสฺส ธมฺเม สุทายาโท, โอรโส ธมฺมนิมฺมิโต;

สพฺพาสเว ปริฺาย, นิพฺพายิสฺสตินาสโว.

‘‘ธมฺมํ อภิสเมนฺตสฺส, สาลจฺฉนฺนํ ภวิสฺสติ;

จิตเก ฌายมานสฺส, ฉทนํ ตตฺถ เหสฺสติ.

‘‘วิปากํ กิตฺตยิตฺวาน, ปิยทสฺสี มหามุนิ;

ปริสาย ธมฺมํ เทเสสิ, ตปฺเปนฺโต ธมฺมวุฏฺิยา.

‘‘ตึสกปฺปานิ เทเวสุ, เทวรชฺชมการยึ;

สฏฺิ จ สตฺตกฺขตฺตุฺจ, จกฺกวตฺตี อโหสหํ.

‘‘เทวโลกา อิธาคนฺตฺวา, ลภามิ วิปุลํ สุขํ;

อิธาปิ สาลจฺฉทนํ, มณฺฑปสฺส อิทํ ผลํ.

‘‘อยํ ปจฺฉิมโก มยฺหํ, จริโม วตฺตเต ภโว;

อิธาปิ สาลจฺฉทนํ, เหสฺสติ สพฺพกาลิกํ.

‘‘มหามุนึ โตสยิตฺวา, โคตมํ สกฺยปุงฺควํ;

ปตฺโตมฺหิ อจลํ านํ, หิตฺวา ชยปราชยํ.

‘‘อฏฺารเส กปฺปสเต, ยํ พุทฺธมภิปูชยึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ, ภวา สพฺเพ สมูหตา;

นาโคว พนฺธนํ เฉตฺวา, วิหรามิ อนาสโว.

‘‘สฺวาคตํ วต เม อาสิ, พุทฺธเสฏฺสฺส สนฺติเก;

ติสฺโส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสนํ.

‘‘ปฏิสมฺภิทา จตสฺโส, วิโมกฺขาปิ จ อฏฺิเม;

ฉฬภิฺา สจฺฉิกตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

เอวํ ปน ฉฬภิฺโ หุตฺวา ผลสุเขน วีตินาเมนฺโต สาสนสฺส นิยฺยานิกภาววิภาวนตฺถํ อฺาพฺยากรณวเสน ‘‘นาหํ ภยสฺส ภายามี’’ติ คาถํ อภาสิ.

๒๑. ตตฺถ ภายนฺติ เอตสฺมาติ ภยํ, ชาติชราทิ. ภยสฺสาติ นิสฺสกฺเก สามิวจนํ, ภยโต ภายิตพฺพนิมิตฺตํ ชาติชรามรณาทินา เหตุนา นาหํ ภายามีติ อตฺโถ. ตตฺถ การณมาห ‘‘สตฺถา โน อมตสฺส โกวิโท’’ติ. อมฺหากํ สตฺถา อมเต กุสโล เวเนยฺยานํ อมตทาเน เฉโก. ยตฺถ ภยํ นาวติฏฺตีติ ยสฺมึ นิพฺพาเน ยถาวุตฺตํ ภยํ น ติฏฺติ โอกาสํ น ลภติ. เตนาติ ตโต นิพฺพานโต. วชนฺตีติ อภยฏฺานเมว คจฺฉนฺติ. นิพฺพานฺหิ อภยฏฺานํ นาม. เกน ปน วชนฺตีติ อาห ‘‘มคฺเคน วชนฺติ ภิกฺขโว’’ติ, อฏฺงฺคิเกน อริยมคฺเคน สตฺถุ โอวาทกรณา ภิกฺขู สํสาเร ภยสฺส อิกฺขนกาติ อตฺโถ. ยตฺถาติ วา ยํ นิมิตฺตํ ยสฺส อริยมคฺคสฺส อธิคมเหตุ อตฺตานุวาทาทิกํ ปฺจวีสติวิธมฺปิ ภยํ นาวติฏฺติ ปติฏฺํ น ลภติ, เตน อริเยน มคฺเคน วชนฺติ อภยฏฺานํ สตฺถุ สาสเน ภิกฺขู, เตน มคฺเคน อหมฺปิ คโต, ตสฺมา นาหํ ภยสฺส ภายามีติ เถโร อฺํ พฺยากาสิ.

นิคฺโรธตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. จิตฺตกตฺเถรคาถาวณฺณนา

นีลาสุคีวาติ อายสฺมโต จิตฺตกตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โส กิร ปทุมุตฺตรพุทฺธกาลโต ปฏฺาย วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลํ อาจินนฺโต อิโต เอกนวุเต กปฺเป มนุสฺสโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตฺตํ ปตฺโต วิปสฺสึ ภควนฺตํ ปสฺสิตฺวา ปสนฺนมานโส ปุปฺเผหิ ปูชํ กตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘สนฺตธมฺเมน นาม เอตฺถ ภวิตพฺพ’’นฺติ สตฺถริ นิพฺพาเน จ อธิมุจฺจิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน ตโต จุโต ตาวตึสภวเน นิพฺพตฺโต อปราปรํ ปุฺานิ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคเห วิภวสมฺปนฺนสฺส พฺราหฺมณสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ จิตฺตโก นาม นาเมน. โส ภควติ ราชคหํ คนฺตฺวา เวฬุวเน วิหรนฺเต สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา จริยานุกูลํ กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อรฺายตนํ ปวิสิตฺวา ภาวนานุยุตฺโต ฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา ฌานปาทกํ วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา นจิเรเนว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๐.๑-๗) –

‘‘กณิการํว โชตนฺตํ, นิสินฺนํ ปพฺพตนฺตเร;

อทฺทสํ วิรชํ พุทฺธํ, วิปสฺสึ โลกนายกํ.

‘‘ตีณิ กิงฺกณิปุปฺผานิ, ปคฺคยฺห อภิโรปยึ;

สมฺพุทฺธํ อภิปูเชตฺวา, คจฺฉามิ ทกฺขิณามุโข.

‘‘เตน กมฺเมน สุกเตน, เจตนาปณิธีหิ จ;

ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวตึสํ อคจฺฉหํ.

‘‘เอกนวุเต อิโต กปฺเป, ยํ พุทฺธมภิปูชยึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตุํ ราชคหํ อุปคโต ตตฺถ ภิกฺขูหิ ‘‘กึ, อาวุโส, อรฺเ อปฺปมตฺโต วิหาสี’’ติ ปุฏฺโ อตฺตโน อปฺปมาทวิหารนิเวทเนน อฺํ พฺยากโรนฺโต ‘‘นีลาสุคีวา’’ติ คาถํ อภาสิ.

๒๒. ตตฺถ นีลาสุคีวาติ นีลสุคีวา, คาถาสุขตฺถฺเหตฺถ ทีโฆ กโต, ราชิวนฺตตาย สุนฺทราย คีวาย สมนฺนาคโตติ อตฺโถ. เต เยภุยฺเยน จ นีลวณฺณตาย นีลา. โสภนกณฺตาย สุคีวา. สิขิโนติ มตฺถเก ชาตาย สิขาย สสฺสิริกภาเวน สิขิโน. โมราติ มยูรา. การมฺภิยนฺติ การมฺพรุกฺเข. การมฺภิยนฺติ วา ตสฺส วนสฺส นามํ. ตสฺมา การมฺภิยนฺติ การมฺภนามเก วเนติ อตฺโถ. อภินทนฺตีติ ปาวุสฺสกาเล เมฆคชฺชิตํ สุตฺวา เกกาสทฺทํ กโรนฺตา อุตุสมฺปทาสิทฺเธน สเรน หํสาทิเก อภิภวนฺตา วิย นทนฺติ. เตติ เต โมรา. สีตวาตกีฬิตาติ สีเตน เมฆวาเตน สฺชาตกีฬิตา มธุรวสฺสิตํ วสฺสนฺตา. สุตฺตนฺติ ภตฺตสมฺมทวิโนทนตฺถํ สยิตํ, กายกิลมถปฏิปสฺสมฺภนาย วา อนุฺาตเวลายํ สุปนฺตํ. ฌายนฺติ สมถวิปสฺสนาฌาเนหิ ฌายนสีลํ ภาวนานุยุตฺตํ. นิโพเธนฺตีติ ปโพเธนฺติ. ‘‘อิเมปิ นาม นิทฺทํ อนุปคนฺตฺวา ชาครนฺตา อตฺตนา กตฺตพฺพํ กโรนฺติ, กิมงฺคํ ปนาห’’นฺติ เอวํ สมฺปชฺุปฺปาทเนน สยนโต วุฏฺาเปนฺตีติ อธิปฺปาโย.

จิตฺตกตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. โคสาลตฺเถรคาถาวณฺณนา

อหํ โข เวฬุคุมฺพสฺมินฺติ อายสฺมโต โคสาลตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โสปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลํ อาจินนฺโต อิโต เอกนวุเต กปฺเป อฺตรสฺมึ ปพฺพเต รุกฺขสาขายํ โอลมฺพมานํ ปจฺเจกพุทฺธสฺส ปํสุกูลจีวรํ ทิสฺวา ‘‘อรหทฺธโช วตาย’’นฺติ ปสนฺนจิตฺโต ปุปฺเผหิ ปูเชหิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน ตาวตึสภวเน นิพฺพตฺโต. ตโต ปฏฺาย เทวมนุสฺเสสุเยว สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท มคธรฏฺเ อิพฺภกุเล นิพฺพตฺโต โคสาโล นาม นาเมน. โสเณน ปน โกฏิกณฺเณน กตปริจยตฺตา ตสฺส ปพฺพชิตภาวํ สุตฺวา ‘‘โสปิ นาม มหาวิภโว ปพฺพชิสฺสติ, กิมงฺคํ ปนาห’’นฺติ สฺชาตสํเวโค ภควโต สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา จริยานุกูลํ กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา สปฺปายํ วสนฏฺานํ คเวสนฺโต อตฺตโน ชาตคามสฺส อวิทูเร เอกสฺมึ สานุปพฺพเต วิหาสิ. ตสฺส มาตา ทิวเส ทิวเส ภิกฺขํ เทติ. อเถกทิวสํ คามํ ปิณฺฑาย ปวิฏฺสฺส มาตา มธุสกฺขราภิสงฺขตํ ปายาสํ อทาสิ. โส ตํ คเหตฺวา ตสฺส ปพฺพตสฺส ฉายายํ อฺตรสฺส เวฬุคุมฺพสฺส มูเล นิสีทิตฺวา ปริภุฺชิตฺวา โธวิตปตฺตปาณี วิปสฺสนํ อารภิ. โภชนสปฺปายลาเภน กายจิตฺตานํ กลฺลตาย สมาหิโต อุทยพฺพยาณาทิเก ติกฺเข สูเร วหนฺเต อปฺปกสิเรเนว วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา มคฺคปฏิปาฏิยา ภาวนํ มตฺถกํ ปาเปนฺโต สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ สจฺฉากาสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๐.๘-๑๔) –

‘‘หิมวนฺตสฺส อวิทูเร, อุทงฺคโณ นาม ปพฺพโต;

ตตฺถทฺทสํ ปํสุกูลํ, ทุมคฺคมฺหิ วิลมฺพิตํ.

‘‘ตีณิ กิงฺกณิปุปฺผานิ, โอจินิตฺวานหํ ตทา;

เหฏฺา ปหฏฺเน จิตฺเตน, ปํสุกูลํ อปูชยึ.

‘‘เตน กมฺเมน สุกเตน, เจตนาปณิธีหิ จ;

ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวตึสํ อคจฺฉหํ.

‘‘เอกนวุเต อิโต กปฺเป, ยํ กมฺมมกรึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ปูชิตฺวา อรหทฺธชํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน อธิคนฺตฺวา ทิฏฺธมฺมสุขวิหารตฺถํ ปพฺพตสานุเมว คนฺตุกาโม อตฺตโน ปฏิปตฺตึ ปเวเทนฺโต ‘‘อหํ โข เวฬุคุมฺพสฺมิ’’นฺติ คาถํ อภาสิ.

๒๓. ตตฺถ เวฬุคุมฺพสฺมินฺติ เวฬุคจฺฉสฺส สมีเป, ตสฺส ฉายายํ. ภุตฺวาน มธุปายสนฺติ มธุปสิตฺตปายาสํ ภุฺชิตฺวา. ปทกฺขิณนฺติ ปทกฺขิณคฺคาเหน, สตฺถุ โอวาทสฺส สมฺมา สมฺปฏิจฺฉเนนาติ อตฺโถ. สมฺมสนฺโต ขนฺธานํ อุทยพฺพยนฺติ ปฺจนฺนํ อุปาทานกฺขนฺธานํ อุทยพฺพยฺจ วิปสฺสนฺโต, ยทิปิ อิทานิ กตกิจฺโจ, ผลสมาปตฺตึ ปน สมาปชฺชิตุํ วิปสฺสนํ ปฏฺเปนฺโตติ อธิปฺปาโย. สานุํ ปฏิคมิสฺสามีติ ปุพฺเพ มยา วุตฺถปพฺพตสานุเมว อุทฺทิสฺส คจฺฉิสฺสามิ. วิเวกมนุพฺรูหยนฺติ ปฏิปสฺสทฺธิวิเวกํ ผลสมาปตฺติกายวิเวกฺจ ปริพฺรูหยนฺโต, ตสฺส วา ปริพฺรูหนเหตุ คมิสฺสามีติ. เอวํ ปน วตฺวา เถโร ตตฺเถว คโต, อยเมว จ อิมสฺส เถรสฺส อฺาพฺยากรณคาถา อโหสิ.

โคสาลตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. สุคนฺธตฺเถรคาถาวณฺณนา

อนุวสฺสิโก ปพฺพชิโตติ อายสฺมโต สุคนฺธตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โส กิร อิโต ทฺวานวุเต กปฺเป ติสฺสสฺส นาม สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส กาเล มนุสฺสโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต มิคพฺยธเนน อรฺเ วิจรติ. สตฺถา ตสฺส อนุกมฺปาย ปทวฬฺชํ ทสฺเสตฺวา คโต. โส สตฺถุ ปทเจติยานิ ทิสฺวา ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิการตาย ‘‘สเทวเก โลเก อคฺคปุคฺคลสฺส อิมานิ ปทานี’’ติ ปีติโสมนสฺสชาโต โกรณฺฑกปุปฺผานิ คเหตฺวา ปูชํ กตฺวา จิตฺตํ ปสาเทสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา ตโต จุโต อปราปรํ ปุฺานิ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต กสฺสปสฺส ภควโต กาเล กุฏุมฺพิโก หุตฺวา สตฺถุ ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ มหาทานํ ปวตฺเตตฺวา คนฺธกุฏึ มหคฺฆโคสิตจนฺทนํ ปิสิตฺวา เตน ปริภณฺฑํ กตฺวา ปตฺถนํ ปฏฺเปสิ – ‘‘นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน มยฺหํ สรีรํ เอวํสุคนฺธํ โหตู’’ติ. เอวํ อฺานิปิ ตตฺถ ตตฺถ ภเว พหูนิ ปุฺกมฺมานิ กตฺวา สุคตีสุ เอว ปริวตฺตมาโน อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ วิภวสมฺปนฺนสฺส พฺราหฺมณสฺส เคเห นิพฺพตฺติ. นิพฺพตฺตสฺส จ ตสฺส มาตุกุจฺฉิคตกาลโต ปฏฺาย มาตุ สรีรํ สกลมฺปิ เคหํ สุรภิคนฺธํ วายติ. ชาตทิวเส ปน วิเสสโต ปรมสุคนฺธํ สามนฺตเคเหสุปิ วายเตว. ตสฺส มาตาปิตโร ‘‘อมฺหากํ ปุตฺโต อตฺตนาว อตฺตโน นามํ คเหตฺวา อาคโต’’ติ สุคนฺโธตฺเวว นามํ อกํสุ. โส อนุปุพฺเพน วยปฺปตฺโต มหาเสลตฺเถรํ ทิสฺวา ตสฺส สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต สตฺตาหพฺภนฺตเร เอว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๐.๑๕-๒๔) –

‘‘วนกมฺมิโก ปุเร อาสึ, ปิตุมาตุมเตนหํ;

ปสุมาเรน ชีวามิ, กุสลํ เม น วิชฺชติ.

‘‘มม อาสยสามนฺตา, ติสฺโส โลกคฺคนายโก;

ปทานิ ตีณิ ทสฺเสสิ, อนุกมฺปาย จกฺขุมา.

‘‘อกฺกนฺเต จ ปเท ทิสฺวา, ติสฺสนามสฺส สตฺถุโน;

หฏฺโ หฏฺเน จิตฺเตน, ปเท จิตฺตํ ปสาทยึ.

‘‘โกรณฺฑํ ปุปฺผิตํ ทิสฺวา, ปาทปํ ธรณีรุหํ;

สโกสกํ คเหตฺวาน, ปทเสฏฺํ อปูชยึ.

‘‘เตน กมฺเมน สุกเตน, เจตนาปณิธีหิ จ;

ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวตึสมคจฺฉหํ.

‘‘ยํ ยํ โยนุปปชฺชามิ, เทวตฺตํ อถ มานุสํ;

โกรณฺฑกฉวี โหมิ, สุปฺปภาโส ภวามหํ.

‘‘ทฺเวนวุเต อิโต กปฺเป, ยํ กมฺมมกรึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ปทปูชายิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อฺํ พฺยากโรนฺโต ‘‘อนุวสฺสิโก ปพฺพชิโต’’ติ อิมํ คาถํ อภาสิ.

๒๔. ตตฺถ อนุวสฺสิโกติ อนุคโต อุปคโต วสฺสํ อนุวสฺโส, อนุวสฺโสว อนุวสฺสิโก. ปพฺพชิโตติ ปพฺพชฺชํ อุปคโต, ปพฺพชิโต หุตฺวา อุปคตวสฺสมตฺโต เอกวสฺสิโกติ อตฺโถ. อถ วา อนุคตํ ปจฺฉาคตํ อปคตํ วสฺสํ อนุวสฺสํ, ตํ อสฺส อตฺถีติ อนุวสฺสิโก. ยสฺส ปพฺพชิตสฺส วสฺสํ อปริปุณฺณตาย น คณนูปคตํ, โส เอวํ วุตฺโต, ตสฺมา อวสฺสิโกติ วุตฺตํ โหติ. ปสฺส ธมฺมสุธมฺมตนฺติ ตว สตฺถุ ธมฺมสฺส สุธมฺมภาวํ สฺวากฺขาตตํ เอกนฺตนิยฺยานิกตํ ปสฺส, ยตฺถ อนุวสฺสิโก ตุวํ ปพฺพชิโต. ปุพฺเพนิวาสาณํ ทิพฺพจกฺขุาณํ อาสวกฺขยาณนฺติ ติสฺโส วิชฺชา ตยา อนุปฺปตฺตา สจฺฉิกตา, ตโต เอว กตํ พุทฺธสฺส สาสนํ สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สาสนํ อนุสิฏฺิ โอวาโท อนุสิกฺขิโตติ กตกิจฺจตํ นิสฺสาย ปีติโสมนสฺสชาโต เถโร อตฺตานํ ปรํ วิย กตฺวา วทตีติ.

สุคนฺธตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. นนฺทิยตฺเถรคาถาวณฺณนา

โอภาสชาตนฺติ อายสฺมโต นนฺทิยตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โส กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล สตฺถริ ปรินิพฺพุเต เจติเย จนฺทนสาเรน เวทิกํ กาเรตฺวา อุฬารํ ปูชาสกฺการํ ปวตฺเตสิ. ตโต ปฏฺาย อชฺฌาสยสมฺปนฺโน หุตฺวา ตตฺถ ตตฺถ วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ พหุํ ปุฺกมฺมํ อาจินิตฺวา เทเวสุ จ มนุสฺเสสุ จ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท กปิลวตฺถุสฺมึ สกฺยราชกุเล นิพฺพตฺติ. ตสฺส มาตาปิตโร นนฺทึ ชเนนฺโต ชาโตติ นนฺทิโยติ นามํ อกํสุ. โส วยปฺปตฺโต อนุรุทฺธาทีสุ สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชนฺเตสุ สยมฺปิ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต กตาธิการตาย นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๕.๑๕-๒๐) –

‘‘ปทุมุตฺตโร นาม ชิโน, โลกเชฏฺโ นราสโภ;

ชลิตฺวา อคฺคิขนฺโธว, สมฺพุทฺโธ ปรินิพฺพุโต.

‘‘นิพฺพุเต จ มหาวีเร, ถูโป วิตฺถาริโก อหุ;

ทูรโตว อุปฏฺเนฺติ, ธาตุเคหวรุตฺตเม.

‘‘ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, อกํ จนฺทนเวทิกํ;

ทิสฺสติ ถูปขนฺโธ จ, ถูปานุจฺฉวิโก ตทา.

‘‘ภเว นิพฺพตฺตมานมฺหิ, เทวตฺเต อถ มานุเส.

โอมตฺตํ เม น ปสฺสามิ, ปุพฺพกมฺมสฺสิทํ ผลํ.

‘‘ปฺจทสกปฺปสเต, อิโต อฏฺ ชนา อหุํ;

สพฺเพ สมตฺตนามา เต จกฺกวตฺตี มหพฺพลา.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อนุรุทฺธตฺเถราทีหิ สทฺธึ ปาจีนวํสมิคทาเย วิหรนฺเต อิมสฺมึ เถเร เอกทิวสํ มาโร ปาปิมา ภึสาเปตุกาโม ตสฺส เภรวรูปํ ทสฺเสติ. เถโร ตํ ‘‘มาโร อย’’นฺติ ตฺวา ‘‘ปาปิม, เย มารเธยฺยํ วีติวตฺตา, เตสํ ตว กิริยา กึ กริสฺสติ, ตโตนิทานํ ปน ตฺวํ เอว วิฆาตํ อนตฺถํ ปาปุณิสฺสสี’’ติ ทสฺเสนฺโต ‘‘โอภาสชาตํ ผลค’’นฺติ คาถํ อภาสิ.

๒๕. ตตฺถ โอภาสชาตนฺติ าโณภาเสน ชาโตภาสํ อคฺคมคฺคาณสฺส อธิคตตฺตา. เตน อนวเสสโต กิเลสนฺธการสฺส วิหตวิทฺธํสิตภาวโต อติวิย ปภสฺสรนฺติ อตฺโถ. ผลคนฺติ ผลํ คตํ อุปคตํ, อคฺคผลาณสหิตนฺติ อธิปฺปาโย. จิตฺตนฺติ ขีณาสวสฺส จิตฺตํ สามฺเน วทติ. เตนาห ‘‘อภิณฺหโส’’ติ. ตฺหิ นิโรธนินฺนตาย ขีณาสวานํ นิจฺจกปฺปํ อรหตฺตผลสมาปตฺติสมาปชฺชนโต ‘‘ผเลน สหิต’’นฺติ วตฺตพฺพตํ อรหติ. ตาทิสนฺติ ตถารูปํ, อรหนฺตนฺติ อตฺโถ. อาสชฺชาติ วิโสเธตฺวา ปริภุยฺย. กณฺหาติ มารํ อาลปติ, โส หิ กณฺหกมฺมตฺตา กณฺหาภิชาติตาย จ ‘‘กณฺโห’’ติ วุจฺจติ. ทุกฺขํ นิคจฺฉสีติ อิธ กุจฺฉิอนุปฺปเวสาทินา นิรตฺถกํ กายปริสฺสมํ ทุกฺขํ, สมฺปราเย จ อปฺปติการํ อปายทุกฺขํ อุปคมิสฺสสิ ปาปุณิสฺสสิ. ตํ สุตฺวา มาโร ‘‘ชานาติ มํ สมโณ’’ติ ตตฺเถวนฺตรธายีติ.

นนฺทิยตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. อภยตฺเถรคาถาวณฺณนา

สุตฺวา สุภาสิตํ วาจนฺติ อายสฺมโต อภยตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โส กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต สาสเน ปพฺพชิตฺวา ธมฺมกถิโก หุตฺวา ธมฺมกถนกาเล ปมํ จตูหิ คาถาหิ ภควนฺตํ อภิตฺถวิตฺวา ปจฺฉา ธมฺมํ กเถสิ. เตนสฺส ปุฺกมฺมพเลน กปฺปานํ สตสหสฺสํ อปายปฏิสนฺธิ นาม นาโหสิ. ตถา หิ วุตฺตํ –

‘‘อภิตฺถวิตฺวา ปทุมุตฺตรํ ชินํ, ปสนฺนจิตฺโต อภโย สยมฺภุํ;

น คจฺฉิ กปฺปานิ อปายภูมึ, สตสหสฺสานิ อุฬารสทฺโธ’’ติ. (อป. เถร ๒.๕๕.๒๒๑)

เขตฺตสมฺปตฺติยาทีหิ ตสฺส จ ปุพฺพปจฺฉิมสนฺนิฏฺานเจตนานํ อติวิย อุฬารภาเวน โส อปริเมยฺโย ปุฺาภิสนฺโท กุสลาภิสนฺโท ตาทิโส อโหสิ. ‘‘อจินฺติเย ปสนฺนานํ, วิปาโก โหติ อจินฺติโย’’ติ (อป. เถร ๑.๑.๘๒) หิ วุตฺตํ. ตตฺถ ตตฺถ หิ ภเว อุปจิตํ ปุฺํ ตสฺส อุปตฺถมฺภกมโหสิ. ตถา หิ โส วิปสฺสิสฺส ภควโต เกตกปุปฺเผหิ ปูชมกาสิ. เอวํ อุฬาเรหิ ปุฺวิเสเสหิ สุคตีสุ เอว สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท รฺโ พิมฺพิสารสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ. อภโยติสฺส นามํ อโหสิ. ตสฺส อุปฺปตฺติ ปรโต อาวิ ภวิสฺสติ. โส นิคณฺเน นาฏปุตฺเตน อุภโตโกฏิกํ ปฺหํ สิกฺขาเปตฺวา ‘‘อิมํ ปฺหํ ปุจฺฉิตฺวา สมณสฺส โคตมสฺส วาทํ อาโรเปหี’’ติ วิสฺสชฺชิโต ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ตํ ปฺหํ ปุจฺฉิตฺวา ตสฺส ปฺหสฺส อเนกํสพฺยากรณภาเว ภควตา กถิเต นิคณฺานํ ปราชยํ, สตฺถุ จ สมฺมาสมฺพุทฺธภาวํ วิทิตฺวา อุปาสกตฺตํ ปฏิเวเทสิ. ตโต รฺเ พิมฺพิสาเร กาลงฺกเต สฺชาตสํเวโค สาสเน ปพฺพชิตฺวา ตาลจฺฉิคฺคฬูปมสุตฺตเทสนาย โสตาปนฺโน หุตฺวา ปุน วิปสฺสนํ อารภิตฺวา อรหตฺตํ สจฺฉากาสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๒.๑๗-๒๒) –

‘‘วินตานทิยา ตีเร, วิหาสิ ปุริสุตฺตโม;

อทฺทสํ วิรชํ พุทฺธํ, เอกคฺคํ สุสมาหิตํ.

‘‘มธุคนฺธสฺส ปุปฺเผน, เกตกสฺส อหํ ตทา;

ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, พุทฺธเสฏฺมปูชยึ.

‘‘เอกนวุเต อิโต กปฺเป, ยํ ปุปฺผมภิปูชยึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อตฺตโน ปฏิปตฺติกิตฺตเนน อฺํ พฺยากโรนฺโต ‘‘สุตฺวา สุภาสิตํ วาจ’’นฺติ คาถํ อภาสิ.

๒๖. ตตฺถ สุตฺวาติ โสตํ โอทหิตฺวา, โสตทฺวารานุสาเรน อุปธาเรตฺวา. สุภาสิตนฺติ สุฏฺุ ภาสิตํ, สมฺมเทว ภาสิตํ, สมฺมาสมฺพุทฺธภาวโต มหาการุณิกตาย จ กิฺจิ อวิสํวาเทตฺวา ยถาธิปฺเปตสฺส อตฺถสฺส เอกนฺตโต สาธนวเสน ภาสิตํ จตุสจฺจวิภาวนียธมฺมกถํ. น หิ สจฺจวินิมุตฺตา ภควโต ธมฺมเทสนา อตฺถิ. พุทฺธสฺสาติ สพฺพฺุพุทฺธสฺส. อาทิจฺจพนฺธุโนติ อาทิจฺจวํเส สมฺภูตตฺตา อาทิจฺโจ พนฺธุ เอตสฺสาติ อาทิจฺจพนฺธุ, ภควา. ตสฺส อาทิจฺจพนฺธุโน. อาทิจฺจสฺส วา พนฺธูติ อาทิจฺจพนฺธุ, ภควา. ตสฺส ภควโต โอรสปุตฺตภาวโต. เตนาห ภควา –

‘‘โย อนฺธกาเร ตมสี ปภงฺกโร, เวโรจโน มณฺฑลี อุคฺคเตโช;

มา ราหุ คิลี จรมนฺตลิกฺเข, ปชํ มมํ ราหุ ปมุฺจ สูริย’’นฺติ. (สํ. นิ. ๑.๙๑);

ปจฺจพฺยธินฺติ ปฏิวิชฺฌึ. หี-ติ นิปาตมตฺตํ. นิปุณนฺติ สณฺหํ ปรมสุขุมํ, นิโรธสจฺจํ, จตุสจฺจเมว วา. หี-ติ วา เหตุอตฺเถ นิปาโต. ยสฺมา ปจฺจพฺยธึ นิปุณํ จตุสจฺจํ, ตสฺมา น ทานิ กิฺจิ ปฏิวิชฺฌิตพฺพํ อตฺถีติ อตฺโถ. ยถา กึ ปฏิวิชฺฌีติ อาห ‘‘วาลคฺคํ อุสุนา ยถา’’ติ. ยถา สตฺตธา ภินฺนสฺส วาลสฺส โกฏึ สุสิกฺขิโต กุสโล อิสฺสาโส อุสุนา กณฺเฑน อวิรชฺฌนฺโต วิชฺเฌยฺย, เอวํ ปจฺจพฺยธึ นิปุณํ อริยสจฺจนฺติ โยชนา.

อภยตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. โลมสกงฺคิยตฺเถรคาถาวณฺณนา

ทพฺพํ กุสนฺติ อายสฺมโต โลมสกงฺคิยตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โส กิร อิโต เอกนวุเต กปฺเป วิปสฺสึ ภควนฺตํ ปสฺสิตฺวา ปสนฺนมานโส นานาปุปฺเผหิ ปูเชตฺวา เตน ปุฺกมฺเมน เทวโลเก นิพฺพตฺโต ปุน อปราปรํ ปุฺานิ กตฺวา สุคตีสุเยว สํสรนฺโต กสฺสปสฺส ภควโต สาสเน ปพฺพชิตฺวา สมณธมฺมํ กโรติ. เตน จ สมเยน สตฺถารา ภทฺเทกรตฺตปฏิปทาย กถิตาย อฺตโร ภิกฺขุ ภทฺเทกรตฺตสุตฺตวเสน เตน สากจฺฉํ กโรติ. โส ตํ น สมฺปายาสิ. อสมฺปายนฺโต ‘‘อหํ อนาคเต ตุยฺหํ ภทฺเทกรตฺตํ กเถตุํ สมตฺโถ ภเวยฺย’’นฺติ ปณิธานํ อกาสิ, อิตโร ‘‘ปุจฺเฉยฺย’’นฺติ. เอเตสุ ปโม เอกํ พุทฺธนฺตรํ เทวมนุสฺเสสุ สํสริตฺวา อมฺหากํ ภควโต กาเล กปิลวตฺถุสฺมึ สากิยราชกุเล นิพฺพตฺติ. ตสฺส สุขุมาลภาเวน โสณสฺส วิย ปาทตเลสุ โลมานิ ชาตานิ, เตนสฺส โลมสกงฺคิโยติ นามํ อโหสิ. อิตโร เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา จนฺทโนติ ปฺายิตฺถ. โลมสกงฺคิโย อนุรุทฺธาทีสุ สกฺยกุมาเรสุ ปพฺพชนฺเตสุ ปพฺพชิตุํ น อิจฺฉิ. อถ นํ สํเวเชตุํ จนฺทโน เทวปุตฺโต อุปสงฺกมิตฺวา ภทฺเทกรตฺตํ ปุจฺฉิ. อิตโร ‘‘น ชานามี’’ติ. ปุน เทวปุตฺโต ‘‘อถ กสฺมา ตยา ‘ภทฺเทกรตฺตํ กเถยฺย’นฺติ สงฺคโร กโต, อิทานิ ปน นามมตฺตมฺปิ น ชานาสี’’ติ โจเทสิ. อิตโร เตน สทฺธึ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘มยา กิร, ภนฺเต, ปุพฺเพ ‘อิมสฺส ภทฺเทกรตฺตํ กเถสฺสามี’ติ สงฺคโร กโต’’ติ ปุจฺฉิ. ภควา ‘‘อาม, กุลปุตฺต, กสฺสปสฺส ภควโต กาเล ตยา เอวํ กต’’นฺติ อาห. สฺวายมตฺโถ อุปริปณฺณาสเก อาคตนเยน วิตฺถารโต เวทิตพฺโพ. อถ โลมสกงฺคิโย ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, ปพฺพาเชถ ม’’นฺติ อาห. ภควา ‘‘น, โข, ตถาคตา มาตาปิตูหิ อนนุฺาตํ ปุตฺตํ ปพฺพาเชนฺตี’’ติ ปฏิกฺขิปิ. โส มาตุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘อนุชานาหิ มํ, อมฺม, ปพฺพชิตุํ, ปพฺพชิสฺสามห’’นฺติ วตฺวา, มาตรา ‘‘ตาต, สุขุมาโล ตฺวํ กถํ ปพฺพชิสฺสสี’’ติ วุตฺเต, ‘‘อตฺตโน ปริสฺสยสหนภาวํ ปกาเสนฺโต ‘‘ทพฺพํ กุสํ โปฏกิล’’นฺติ คาถํ อภาสิ.

๒๗. ตตฺถ ทพฺพนฺติ ทพฺพติณมาห, ยํ ‘‘สทฺทุโล’’ติปิ วุจฺจติ. กุสนฺติ กุสติณํ, โย ‘‘กาโส’’ติ วุจฺจติ. โปฏกิลนฺติ สกณฺฏกํ อกณฺฏกฺจ คจฺฉํ. อิธ ปน สกณฺฏกเมว อธิปฺเปตํ. อุสีราทีนิ สุวิฺเยฺยานิ. ทพฺพาทีนิ ติณานิ พีรณติณานิ ปาเทหิ อกฺกนฺตสฺสาปิ ทุกฺขชนกานิ คมนนฺตรายกรานิ จ, ตานิ จ ปนาหํ อุรสา ปนุทิสฺสามิ อุรสาปิ อปเนสฺสามิ. เอวํ อปเนนฺโต ตํ นิมิตฺตํ ทุกฺขํ สหนฺโต อรฺายตเน คุมฺพนฺตรํ ปวิสิตฺวา สมณธมฺมํ กาตุํ สกฺขิสฺสามิ. โก ปน วาโท ปาเทหิ อกฺกมเนติ ทสฺเสติ. วิเวกมนุพฺรูหยนฺติ กายวิเวกํ จิตฺตวิเวกํ อุปธิวิเวกฺจ อนุพฺรูหยนฺโต. คณสงฺคณิกฺหิ ปหาย กายวิเวกํ อนุพฺรูหยนฺตสฺเสว อฏฺตึสาย อารมฺมเณสุ ยตฺถ กตฺถจิ จิตฺตํ สมาทหนฺตสฺส จิตฺตวิเวโก, น สงฺคณิการตสฺส. สมาหิตสฺเสว วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺตสฺส สมถวิปสฺสนฺจ ยุคนทฺธํ กโรนฺตสฺส กิเลสานํ เขปเนน อุปธิวิเวกาธิคโม, น อสมาหิตสฺส. เตน วุตฺตํ ‘‘วิเวกมนุพฺรูหยนฺติ กายวิเวกํ จิตฺตวิเวกํ อุปธิวิเวกฺจ อนุพฺรูหยนฺโต’’ติ. เอวํ ปน ปุตฺเตน วุตฺเต มาตา ‘‘เตน หิ, ตาต, ปพฺพชา’’ติ อนุชานิ. โส ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิ. ตํ สตฺถา ปพฺพาเชสิ. ตํ ปพฺพชิตฺวา กตปุพฺพกิจฺจํ กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อรฺํ ปวิสนฺตํ ภิกฺขู อาหํสุ – ‘‘อาวุโส, ตฺวํ สุขุมาโล กึ สกฺขิสฺสสิ อรฺเ วสิตุ’’นฺติ. โส เตสมฺปิ ตเมว คาถํ วตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา ภาวนํ อนุยุฺชนฺโต นจิรสฺเสว ฉฬภิฺโ อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๒.๒๓-๒๗) –

‘‘สุวณฺณวณฺณํ สมฺพุทฺธํ, อาหุตีนํ ปฏิคฺคหํ;

รถิยํ ปฏิปชฺชนฺตํ, นานาปุปฺเผหิ ปูชยึ.

‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ ปุปฺผมภิปูชยึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา เถโร อฺํ พฺยากโรนฺโต ตํเยว คาถํ อภาสีติ.

โลมสกงฺคิยตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. ชมฺพุคามิยปุตฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา

กจฺจิ โน วตฺถปสุโตติ อายสฺมโต ชมฺพุคามิยปุตฺตตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โส กิร ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร หุตฺวา ตตฺถ ตตฺถ วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลํ อาจินนฺโต อิโต เอกตึเส กปฺเป เวสฺสภุสฺส ภควโต กาเล เอกทิวสํ กึสุกานิ ปุปฺผานิ ทิสฺวา ตานิ ปุปฺผานิ คเหตฺวา พุทฺธคุเณ อนุสฺสรนฺโต ภควนฺตํ อุทฺทิสฺส อากาเส ขิปนฺโต ปูเชสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน ตาวตึเสสุ นิพฺพตฺโต. ตโต ปรํ ปุฺานิ กตฺวา อปราปรํ เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท จมฺปายํ ชมฺพุคามิยสฺส นาม อุปาสกสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ. เตน ปุฺกมฺเมน ตาวตึเสสุ นิพฺพตฺโต. ตโต ปรํ ปุฺานิ กตฺวา อปราปรํ เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท จมฺปายํ ชมฺพุคามิยสฺส นาม อุปาสกสฺส ปุตฺวา นิพฺพตฺติ. เตนสฺส ชมฺพุคามิยปุตฺโตตฺเวว สมฺา อโหสิ. โส วยปฺปตฺโต ภควโต สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสํเวโค ปพฺพชิตฺวา กตปุพฺพกิจฺโจ กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา สาเกเต อฺชนวเน วสติ. อถสฺส ปิตา ‘‘กึ นุ โข มม ปุตฺโต สาสเน อภิรโต วิหรติ, อุทาหุ โน’’ติ วีมํสนตฺถํ ‘‘กจฺจิ โน วตฺถปสุโต’’ติ คาถํ ลิขิตฺวา เปเสสิ. โส ตํ วาเจตฺวา, ‘‘ปิตา เม ปมาทวิหารํ อาสงฺกติ, อหฺจ อชฺชาปิ ปุถุชฺชนภูมึ นาติวตฺโต’’ติ สํเวคชาโต ฆเฏนฺโต วายมนฺโต นจิรสฺเสว ฉฬภิฺโ อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๐.๒๕-๓๐) –

‘‘กึสุกํ ปุปฺผิตํ ทิสฺวา, ปคฺคเหตฺวาน อฺชลึ;

พุทฺธเสฏฺํ สริตฺวาน, อากาเส อภิปูชยึ.

‘‘เตน กมฺเมน สุกเตน, เจตนาปณิธีหิ จ;

ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวตึสมคจฺฉหํ.

‘‘เอกตึเส อิโต กปฺเป, ยํ กมฺมมกรึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา าตีนํ วสนนครํ คนฺตฺวา สาสนสฺส นิยฺยานิกภาวํ ปกาเสนฺโต อิทฺธิปาฏิหาริยํ ทสฺเสสิ. ตํ ทิสฺวา าตกา ปสนฺนมานสา พหู สงฺฆาราเม กาเรสุํ. เถโรปิ สกปิตรา เปสิตํ คาถํ องฺกุสํ กตฺวา ฆเฏนฺโต วายมนฺโต อรหตฺตํ สจฺฉากาสิ. อฺํ พฺยากโรนฺโตปิ ปิตุปูชนตฺถํ ‘‘กจฺจิ โน วตฺถปสุโต’’ติ ตเมว คาถํ อภาสิ.

๒๘. ตตฺถ กจฺจีติ ปุจฺฉายํ นิปาโต. โนติ ปฏิเสเธ. วตฺถปสุโตติ วตฺเถ ปสุโต วตฺถปสุโต, จีวรมณฺฑนาภิรโต. นิทสฺสนมตฺตฺเจตํ ปตฺตมณฺฑนาทิจาปลฺลปฏิกฺเขปสฺสาปิ อธิปฺเปตตฺตา. ‘‘กจฺจิ น วตฺถปสุโต’’ติปิ ปาโ, โส เอวตฺโถ. ภูสนารโตติ อตฺตภาววิภูสนาย รโต อภิรโต, ยเถกจฺเจ ปพฺพชิตฺวาปิ จปลา กายทฬฺหิพหุลา จีวราทิปริกฺขารสฺส อตฺตโน สรีรสฺส จ มณฺฑนวิภูสนฏฺานาย ยุตฺตา โหนฺติ. กิเมว ปริกฺขารปสุโต ภูสนารโต จ นาโหสีติ อยเมตฺถ ปททฺวยสฺสาปิ อตฺโถ. สีลมยํ คนฺธนฺติ อขณฺฑาทิภาวาปาทเนน สุปริสุทฺธสฺส จตุพฺพิธสฺสปิ สีลสฺส วเสน ยฺวายํ ‘‘โย จ สีลวตํ ปชาติ น อิตรา ทุสฺสีลปชา, ทุสฺสีลตฺตาเยว ทุสฺสิลฺยมยํ ทุคฺคนฺธํ วายติ, เอวํ ตฺวํ ทุคฺคนฺธํ อวายิตฺวา กจฺจิ สีลมยํ คนฺธํ วายสีติ อตฺโถ. อถ วา เนตรา ปชาติ น อิตรา ทุสฺสีลปชา, ตํ กจฺจิ น โหติ, ยโต สีลมยํ คนฺธํ วายสีติ พฺยติเรเกน สีลคนฺธวายนเมว วิภาเวติ.

ชมฺพุคามิยปุตฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. หาริตตฺเถรคาถาวณฺณนา

สมุนฺนมยมตฺตานนฺติ อายสฺมโต หาริตตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โส กิร ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร หุตฺวา ตตฺถ ตตฺถ วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ ปุฺสมฺภารํ อุปจินนฺโต อิโต เอกตึเส กปฺเป สุทสฺสนํ นาม ปจฺเจกสมฺพุทฺธํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส กุฏชปุปฺเผหิ ปูชํ กตฺวา เตน ปุฺกมฺเมน สุคตีสุเยว ปริวตฺเตนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถินคเร พฺราหฺมณมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติ. หาริโตติสฺส นามํ อโหสิ. ตสฺส วยปฺปตฺตสฺส มาตาปิตโร กุลรูปาทีหิ อนุจฺฉวิกํ กุมาริกํ พฺราหฺมณธีตรํ อาเนสุํ. โส ตาย สทฺธึ โภคสุขํ อนุภวนฺโต เอกทิวสํ อตฺตโน ตสฺสา จ รูปสมฺปตฺตึ โอโลเกตฺวา ธมฺมตาย โจทิยมาโน ‘‘อีทิสํ นาม รูปํ นจิรสฺเสว ชราย มจฺจุนา จ อภิปฺปมทฺทียตี’’ติ สํเวคํ ปฏิลภิ. กติปยทิวสาติกฺกเมเนว จสฺส ภริยํ กณฺหสปฺโป ฑํสิตฺวา มาเรสิ. โส เตน ภิยฺโยโสมตฺตาย สฺชาตสํเวโค สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ฆรพนฺธเน ฉินฺทิตฺวา ปพฺพชิ. ตสฺส จ จริยานุกูลํ กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา วิหรนฺตสฺส กมฺมฏฺานํ น สมฺปชฺชติ, จิตฺตํ อุชุคตํ น โหติ. โส คามํ ปิณฺฑาย ปวิฏฺโ อฺตรํ อุสุการํ อุสุทณฺฑํ ยนฺเต ปกฺขิปิตฺวา อุชุํ กโรนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อิเม อเจตนมฺปิ นาม อุชุํ กโรนฺติ, กสฺมา อหํ จิตฺตํ อุชุํ น กริสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ตโตว ปฏินิวตฺติตฺวา ทิวาฏฺาเน นิสินฺโน วิปสฺสนํ อารภิ. อถสฺส ภควา อุปริ อากาเส นิสีทิตฺวา โอวาทํ เทนฺโต ‘‘สมุนฺนมยมตฺตาน’’นฺติ คาถํ อภาสิ. อยเมว เถโร อตฺตานํ ปรํ วิย โอวทนฺโต อภาสีติ จ วทนฺติ.

๒๙. ตตฺถ สมุนฺนมยนฺติ สมฺมา อุนฺนเมนฺโต, สมาปตฺติวเสน โกสชฺชปกฺเข ปติตุํ อทตฺวา ตโต อุทฺธรนฺโต วีริยสมตํ โยเชนฺโตติ อตฺโถ. อตฺตานนฺติ จิตฺตํ, อถ วา สมุนฺนมยาติ โกสชฺชปกฺขโต สมุนฺนเมหิ. -กาโร ปทสนฺธิกโร. หีนวีริยตาย ตว จิตฺตํ กมฺมฏฺานวีถึ นปฺปฏิปชฺชติ เจ, ตํ วีริยารมฺภวเสน สมฺมา อุนฺนเมหิ, อโนนตํ อนปนตํ กโรหีติ อธิปฺปาโย. เอวํ ปน กโรนฺโต อุสุกาโรว เตชนํ. จิตฺตํ อุชุํ กริตฺวาน, อวิชฺชํ ภินฺท หาริตาติ. ยถา นาม อุสุกาโร กณฺฑํ อีสกมฺปิ โอนตํ อปนตฺจ วิชฺฌนฺโต ลกฺขํ ภินฺทนตฺถํ อุชุํ กโรติ, เอวํ โกสชฺชปาตโต อรกฺขเณน โอนตํ อุทฺธจฺจปาตโต อรกฺขเณน อปนตํ วิชฺฌนฺโต อปฺปนาปตฺติยา จิตฺตํ อุชุํ กริตฺวาน สมาหิตจิตฺโต วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา สีฆํ อคฺคมคฺคาเณน อวิชฺชํ ภินฺท ปทาเลหีติ. ตํ สุตฺวา เถโร วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา นจิเรเนว อรหา อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๓๕.๓๙-๔๓) –

‘‘หิมวนฺตสฺสาวิทูเร, วสโล นาม ปพฺพโต;

พุทฺโธ สุทสฺสโน นาม, วสเต ปพฺพตนฺตเร.

‘‘ปุปฺผํ เหมวนฺตํ คยฺห, เวหาสํ อคมาสหํ;

ตตฺถทฺทสาสึ สมฺพุทฺธํ, โอฆติณฺณมนาสวํ.

‘‘ปุปฺผํ กุฏชมาทาย, สีเส กตฺวานหํ ตทา;

พุทฺธสฺส อภิโรเปสึ, สยมฺภุสฺส มเหสิโน.

‘‘เอกตึเส อิโต กปฺเป, ยํ ปุปฺผมภิปูชยึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ปุปฺผปูชายิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อฺํ พฺยากโรนฺโตปิ ตเมว คาถํ อภาสิ.

หาริตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. อุตฺติยตฺเถรคาถาวณฺณนา

อาพาเธ เม สมุปฺปนฺเนติ อายสฺมโต อุตฺติยตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โส กิร ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ ปุฺํ อุปจินนฺโต อิโต จตุนวุเต กปฺเป สิทฺธตฺถสฺส ภควโต กาเล จนฺทภาคาย นทิยา มหารูโป สุสุมาโร หุตฺวา นิพฺพตฺโต. โส ปารํ คนฺตุํ นทิยา ตีรํ อุปคตํ ภควนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺโต ปารํ เนตุกาโม ตีรสมีเป นิปชฺชิ. ภควา ตสฺส อนุกมฺปาย ปิฏฺิยํ ปาเท เปสิ. โส หฏฺโ อุทคฺโค ปีติเวเคน ทิคุณุสฺสาโห หุตฺวา โสตํ ฉินฺทนฺโต สีเฆน ชเวน ภควนฺตํ ปรตีรํ เนสิ. ภควา ตสฺส จิตฺตปฺปสาทํ โอโลเกตฺวา ‘‘อยํ อิโต จุโต เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา ตโต ปฏฺาย สุคตีสุเยว สํสรนฺโต อิโต จตุนวุเต กปฺเป อมตํ ปาปุณิสฺสตี’’ติ พฺยากริตฺวา ปกฺกามิ.

โส ตถา สุคตีสุเยว ปริพฺภมนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ อฺตรสฺส พฺราหฺมณสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ อุตฺติโย นาม นาเมน. โส วยปฺปตฺโต ‘‘อมตํ ปริเยสิสฺสามี’’ติ ปริพฺพาชโก หุตฺวา วิจรนฺโต เอกทิวสํ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา สาสเน ปพฺพชิตฺวาปิ สีลาทีนํ อวิโสธิตตฺตา วิเสสํ นิพฺพตฺเตตุํ อสกฺโกนฺโต อฺเ ภิกฺขู วิเสสํ นิพฺพตฺเตตฺวา อฺํ พฺยากโรนฺเต ทิสฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา สงฺเขเปเนว โอวาทํ ยาจิ. สตฺถาปิ ตสฺส ‘‘ตสฺมาติห ตฺวํ, อุตฺติย, อาทิเมว วิโสเธหี’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๕.๓๖๙) สงฺเขเปเนว โอวาทํ อทาสิ. โส ตสฺส โอวาเท ตฺวา วิปสฺสนํ อารภิ. ตสฺส อารทฺธวิปสฺสนสฺส อาพาโธ อุปฺปชฺชิ. อุปฺปนฺเน ปน อาพาเธ สฺชาตสํเวโค วีริยารมฺภวตฺถุํ กตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๓.๑๖๙-๑๗๙) –

‘‘จนฺทภาคานทีตีเร, สุสุมาโร อหํ ตทา;

สโคจรปสุโตหํ, นทิติตฺถํ อคจฺฉหํ.

‘‘สิทฺธตฺโถ ตมฺหิ สมเย, สยมฺภู อคฺคปุคฺคโล;

นทึ ตริตุกาโม โส, นทิติตฺถํ อุปาคมิ.

‘‘อุปคเต จ สมฺพุทฺเธ, อหมฺปิ ตตฺถุปาคมึ;

อุปคนฺตฺวาน สมฺพุทฺธํ, อิมํ วาจํ อุทีรยึ.

‘‘อภิรูห มหาวีร, ตาเรสฺสามิ อหํ ตุวํ;

เปตฺติกํ วิสยํ มยฺหํ, อนุกมฺป มหามุนิ.

‘‘มม อุคฺคชฺชนํ สุตฺวา, อภิรูหิ มหามุนิ;

หฏฺโ หฏฺเน จิตฺเตน, ตาเรสึ โลกนายกํ.

‘‘นทิยา ปาริเม ตีเร, สิทฺธตฺโถ โลกนายโก;

อสฺสาเสสิ มมํ ตตฺถ, อมตํ ปาปุณิสฺสติ.

‘‘ตมฺหา กายา จวิตฺวาน, เทวโลกํ อคจฺฉหํ;

ทิพฺพสุขํ อนุภวึ, อจฺฉราหิ ปุรกฺขโต.

‘‘สตฺตกฺขตฺตุฺจ เทวินฺโท, เทวรชฺชมกาสหํ;

ตีณิกฺขตฺตุํ จกฺกวตฺตี, มหิยา อิสฺสโร อหุํ.

‘‘วิเวกมนุยุตฺโตหํ, นิปโก จ สุสํวุโต;

ธาเรมิ อนฺติมํ เทหํ, สมฺมาสมฺพุทฺธสาสเน.

‘‘จตุนฺนวุติโต กปฺเป, ตาเรสึ ยํ นราสภํ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ตรณาย อิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อตฺตโน สมฺมา ปฏิปตฺติยา ปริปุณฺณาการวิภาวนมุเขน อฺํ พฺยากโรนฺโต ‘‘อาพาเธ เม สมุปฺปนฺเน’’ติ คาถํ อภาสิ.

๓๐. ตตฺถ อาพาเธ เม สมุปฺปนฺเนติ สรีรสฺส อาพาธนโต ‘‘อาพาโธ’’ติ ลทฺธนาเม วิสภาคธาตุกฺโขภเหตุเก โรเค มยฺหํ สฺชาเต. สติ เม อุทปชฺชถาติ ‘‘อุปฺปนฺโน โข เม อาพาโธ, านํ โข ปเนตํ วิชฺชติ, ยทิทํ อาพาโธ วฑฺเฒยฺย. ยาว ปนายํ อาพาโธ น วฑฺฒติ, หนฺทาหํ วีริยํ อารภามิ ‘อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา อนธิคตสฺส อธิคมาย อสจฺฉิกตสฺส สจฺฉิกิริยายา’’’ติ วีริยารมฺภวตฺถุภูตา สติ ตสฺเสว อาพาธสฺส วเสน ทุกฺขาย เวทนาย ปีฬิยมานสฺส มยฺหํ อุทปาทิ. เตนาห ‘‘อาโพโธ เม สมุปฺปนฺโน, กาโล เม นปฺปมชฺชิตุ’’นฺติ. เอวํ อุปฺปนฺนฺหิ สตึ องฺกุสํ กตฺวา อยํ เถโร อรหตฺตํ ปตฺโตติ.

อุตฺติยตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

ตติยวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. จตุตฺถวคฺโค

๑. คหฺวรตีริยตฺเถรคาถาวณฺณนา

ผุฏฺโ ฑํเสหีติ อายสฺมโต คหฺวรตีริยตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โส กิร ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร อิโต เอกตึเส กปฺเป สิขิสฺส ภควโต กาเล มิคลุทฺโท หุตฺวา อรฺเ วิจรนฺโต อทฺทส สิขึ ภควนฺตํ อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล เทวนาคยกฺขานํ ธมฺมํ เทเสนฺตํ, ทิสฺวา ปน ปสนฺนมานโส ‘‘ธมฺโม เอส วุจฺจตี’’ติ สเร นิมิตฺตํ อคฺคเหสิ. โส เตน จิตฺตปฺปสาเทน เทวโลเก อุปฺปนฺโน ปุน อปราปรํ สุคตีสุเยว สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา ‘‘อคฺคิทตฺโต’’ติ ลทฺธนาโม วยปฺปตฺโต ภควโต ยมกปาฏิหาริยํ ทิสฺวา สฺชาตปฺปสาโท สาสเน ปพฺพชิตฺวา กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา คหฺวรตีเร นาม อรฺฏฺาเน วสติ. เตนสฺส คหฺวรตีรโยติ สมฺา อโหสิ. โส วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๒.๔๔-๕๐) –

‘‘มิคลุทฺโท ปุเร อาสิ, อรฺเ วิปิเน อหํ;

อทฺทสํ วิรชํ พุทฺธํ, เทวสงฺฆปุรกฺขตํ.

‘‘จตุสจฺจํ ปกาเสนฺตํ, เทเสนฺตํ, อมตํ ปทํ;

อสฺโสสึ มธุรํ ธมฺมํ, สิขิโน โลกพนฺธุโน.

‘‘โฆเส จิตฺตํ ปสาเทสึ, อสมปฺปฏิปุคฺคเล;

ตตฺถ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, อุตฺตรึ ทุตฺตรํ ภวํ.

‘‘เอกตึเส อิโต กปฺเป, ยํ สฺมลภึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, โฆสสฺายิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา สาวตฺถิยํ อคมาสิ. ตสฺส อาคตภาวํ สุตฺวา าตกา อุปคนฺตฺวา มหาทานํ ปวตฺเตสุํ. โส กติปยทิวเส วสิตฺวา อรฺเมว คนฺตุกาโม อโหสิ. ตํ าตกา, ‘‘ภนฺเต, อรฺํ นาม ฑํสมกสาทิวเสน พหุปริสฺสยํ, อิเธว วสถา’’ติ อาหํสุ. ตํ สุตฺวา เถโร ‘‘อรฺวาโสเยว มยฺหํ รุจฺจตี’’ติ วิเวกาภิรติกิตฺตนมุเขน อฺํ พฺยากโรนฺโต ‘‘ผุฏฺโ ฑํเสหี’’ติ คาถํ อภาสิ.

๓๑. ตตฺถ ผุฏฺโ ฑํเสหิ มกเสหีติ ฑํสนสีลตาย ‘‘ฑํสา’’ติ ลทฺธนามาหิ อนฺธกมกฺขิกาหิ, มกสนฺิเตหิ จ สูจิมุขปาเณหิ ผุสฺสิโต ทฏฺโติ อตฺโถ. อรฺสฺมินฺติ ‘‘ปฺจธนุสติกํ ปจฺฉิม’’นฺติ (ปารา. ๖๕๔) วุตฺตอรฺลกฺขณโยคโต อรฺเ. พฺรหาวเนติ มหารุกฺขคจฺฉคหนตาย มหาวเน อรฺานิยํ. นาโค สงฺคามสีเสวาติ สงฺคามาวจโร หตฺถินาโค วิย สงฺคามมุทฺธนิ ปรเสนาสมฺปหารํ. ‘‘อรฺวาโส นาม พุทฺธาทีหิ วณฺณิโต โถมิโต’’ติ อุสฺสาหชาโต สโต สติมา หุตฺวา ตตฺร ตสฺมึ อรฺเ, ตสฺมึ วา ฑํสาทิสมฺผสฺเส อุปฏฺิเต อธิวาสเย อธิวาเสยฺย สเหยฺย, ‘‘ฑํสาทโย มํ อาพาเธนฺตี’’ติ อรฺวาสํ น ชเหยฺยาติ อตฺโถ.

คหฺวรตีริยตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. สุปฺปิยตฺเถรคาถาวณฺณนา

อชรํ ชีรมาเนนาติ อายสฺมโต สุปฺปิยตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โส กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อรฺายตเน วสนฺโต ตตฺถ ภควนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส ผลาผลํ อทาสิ, ตถา ภิกฺขุสงฺฆสฺส. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต กสฺสปสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส กาเล ขตฺติยกุเล นิพฺพตฺติตฺวา อนุกฺกเมน วิฺุตํ ปตฺโต กลฺยาณมิตฺตสนฺนิสฺสเยน ลทฺธสํเวโค สาสเน ปพฺพชิตฺวา พหุสฺสุโต อโหสิ. ชาติมเทน สุตมเทน จ อตฺตานํ อุกฺกํเสนฺโต ปเร จ วมฺเภนฺโต วิหาสิ. โส อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ตสฺส กมฺมสฺส นิสฺสนฺเทน สาวตฺถิยํ ปริภูตรูเป สุสานโคปกกุเล นิพฺพตฺติ. สุปฺปิโยติสฺส นามํ อโหสิ. อถ วิฺุตํ ปตฺโต อตฺตโน สหายภูตํ โสปากตฺเถรํ อุปสงฺกมิตฺวา ตสฺส สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสํเวโค ปพฺพชิตฺวา สมฺมาปฏิปตฺตึ ปูเรตฺวา ‘‘อชรํ ชีรมาเนนา’’ติ คาถํ อภาสิ.

๓๒. ตตฺถ อชรนฺติ ชรารหิตํ, นิพฺพานํ สนฺธายาห. ตฺหิ อชาตตฺตา นตฺถิ เอตฺถ ชรา, เอตสฺมึ วา อธิคเต ปุคฺคลสฺส สา นตฺถีติ ชราภาวเหตุโตปิ อชรํ นาม. ชีรมาเนนาติ ชีรนฺเตน, ขเณ ขเณ ชรํ ปาปุณนฺเตน. ตปฺปมาเนนาติ สนฺตปฺปมาเนน, ราคาทีหิ เอกาทสหิ อคฺคีหิ ทยฺหมาเนน. นิพฺพุตินฺติ ยถาวุตฺตสนฺตาปาภาวโต นิพฺพุตสภาวํ นิพฺพานํ. นิมิยนฺติ ปริวตฺเตยฺยํ เจตาเปยฺยํ. ปรมํ สนฺตินฺติ อนวเสสกิเลสาภิสงฺขารปริฬาหวูปสมธมฺมตาย อุตฺตมํ สนฺตึ. จตูหิ โยเคหิ อนนุพนฺธตฺตา โยคกฺเขมํ. อตฺตโน อุตฺตริตรสฺส กสฺสจิ อภาวโต อนุตฺตรํ. อยฺเหตฺถ สงฺเขปตฺโถ – ขเณ ขเณ ชราย อภิภุยฺยมานตฺตา ชีรมาเนน, ตถา ราคคฺคิอาทีหิ สนฺตปฺปมาเนน คโต เอวํ อนิจฺเจน ทุกฺเขน อสาเรน สพฺพถาปิ อนุปสนฺตสภาเวน สอุปทฺทเวน, ตปฺปฏิปกฺขภาวโต อชรํ ปรมุปสมภูตํ เกนจิ อนุปทฺทุตํ อนุตฺตรํ นิพฺพานํ นิมิยํ ปริวตฺเตยฺยํ ‘‘มหา วต เม ลาโภ มหา อุทโย หตฺถคโต’’ติ. ยถา หิ มนุสฺสา ยํ กิฺจิ ภณฺฑํ ปริวตฺเตนฺตา นิรเปกฺขา คยฺหมาเนน สมฺพหุมานา โหนฺติ, เอวมยํ เถโร ปหิตตฺโต วิหรนฺโต อตฺตโน กาเย จ ชีวิเต จ นิรเปกฺขตํ, นิพฺพานํ ปฏิเปสิตตฺตฺจ ปกาเสนฺโต ‘‘นิมิยํ ปรมํ สนฺตึ, โยคกฺเขมํ อนุตฺตร’’นฺติ วตฺวา ตเมว ปฏิปตฺตึ ปริพฺรูหยนฺโต วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๒.๕๑-๗๗) –

‘‘วรุโณ นาม นาเมน, พฺราหฺมโณ มนฺตปารคู;

ฉฑฺเฑตฺวา ทส ปุตฺตานิ, วนมชฺโฌคหึ ตทา.

‘‘อสฺสมํ สุกตํ กตฺวา, สุวิภตฺตํ มโนรมํ;

ปณฺณสาลํ กริตฺวาน, วสามิ วิปิเน อหํ.

‘‘ปทุมุตฺตโร โลกวิทู, อาหุตีนํ ปฏิคฺคโห;

มมุทฺธริตุกาโม โส, อาคจฺฉิ มม อสฺสมํ.

‘‘ยาวตา วนสณฺฑมฺหิ, โอภาโส วิปุโล อหุ;

พุทฺธสฺส อานุภาเวน, ปชฺชลี วิปินํ ตทา.

‘‘ทิสฺวาน ตํ ปาฏิหีรํ, พุทฺธเสฏฺสฺส ตาทิโน;

ปตฺตปุฏํ คเหตฺวาน, ผเลน ปูชยึ อหํ.

‘‘อุปคนฺตฺวาน สมฺพุทฺธํ, สหขาริมทาสหํ;

อนุกมฺปาย เม พุทฺโธ, อิทํ วจนมพฺรวิ.

‘‘ขาริภารํ คเหตฺวาน, ปจฺฉโต เอหิ เม ตุวํ;

ปริภุตฺเต จ สงฺฆมฺหิ, ปุฺํ ตว ภวิสฺสติ.

‘‘ปุฏกํ ตํ คเหตฺวาน, ภิกฺขุสงฺฆสฺสทาสหํ;

ตตฺถ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, ตุสิตํ อุปปชฺชหํ.

‘‘ตตฺถ ทิพฺเพหิ นจฺเจหิ, คีเตหิ วาทิเตหิ จ;

ปุฺกมฺเมน สํยุตฺตํ, อนุโภมิ สทา สุขํ.

‘‘ยํ ยํ โยนุปปชฺชามิ, เทวตฺตํ อถ มานุสํ;

โภเค เม อูนตา นตฺถิ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘ยาวตา จตุโร ทีปา, สสมุทฺทา สปพฺพตา;

ผลํ พุทฺธสฺส ทตฺวาน, อิสฺสรํ การยามหํ.

‘‘ยาวตา เย ปกฺขิคณา, อากาเส อุปฺปตนฺติ เจ;

เตปิ เม วสมนฺเวนฺติ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘ยาวตา วนสณฺฑมฺหิ, ยกฺขา ภูตา จ รกฺขสา;

กุมฺภณฺฑา ครุฬา จาปิ, ปาริจริยํ อุเปนฺติ เม.

‘‘กุมฺมา โสณา มธุการา, ฑํสา จ มกสา อุโภ;

เตปิ มํ วสมนฺเวนฺติ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘สุปณฺณา นาม สกุณา, ปกฺขิชาตา มหพฺพลา;

เตปิ มํ สรณํ ยนฺติ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘เยปิ ทีฆายุกา นาคา, อิทฺธิมนฺโต มหายสา;

เตปิ มํ วสมนฺเวนฺติ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘สีหา พฺยคฺฆา จ ทีปี จ, อจฺฉโกกตรจฺฉกา;

เตปิ มํ วสมนฺเวนฺติ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘โอสธี ติณวาสี จ, เย จ อากาสวาสิโน;

สพฺเพ มํ สรณํ ยนฺติ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘สุทุทฺทสํ สุนิปุณํ, คมฺภีรํ สุปฺปกาสิตํ;

ผสฺสยิตฺวา วิหรามิ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘วิโมกฺเข อฏฺ ผุสิตฺวา, วิหรามิ อนาสโว;

อาตาปี นิปโก จาหํ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘เย ผลฏฺา พุทฺธปุตฺตา, ขีณโทสา มหายสา;

อหมฺตโร เตสํ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘อภิฺาปารมึ คนฺตฺวา, สุกฺกมูเลน โจทิโต;

สพฺพาสเว ปริฺาย, วิหรามิ อนาสโว.

‘‘เตวิชฺชา อิทฺธิปตฺตา จ, พุทฺธปุตฺตา มหายสา;

ทิพฺพโสตํ สมาปนฺนา, เตสํ อฺตโร อหํ.

‘‘สตสหสฺสิโต กปฺเป, ยํ ผลํ อททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวาปิ ตเมว คาถํ อฺาพฺยากรณวเสน อภาสิ.

สุปฺปิยตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. โสปากตฺเถรคาถาวณฺณนา

ยถาปิ เอกปุตฺตสฺมินฺติ อายสฺมโต โสปากตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โส กิร ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร หุตฺวา ตตฺถ ตตฺถ วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินนฺโต กกุสนฺธสฺส ภควโต กาเล อฺตรสฺส กุฏุมฺพิกสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺโต เอกทิวสํ สตฺถารํ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺโต พีชปูรผลานิ สตฺถุ อุปเนสิ. ปฏิคฺคเหสิ ภควา อนุกมฺปํ อุปาทาย. โส ภิกฺขุสงฺเฆ จ อภิปฺปสนฺโน สลากภตฺตํ ปฏฺเปตฺวา สงฺฆุทฺเทสวเสน ติณฺณํ ภิกฺขูนํ ยาวตายุกํ ขีรภตฺตํ อทาสิ. โส เตหิ ปุฺกมฺเมหิ อปราปรํ เทวมนุสฺเสสุ สมฺปตฺตึ อนุภวนฺโต เอกทา มนุสฺสโยนิยํ นิพฺพตฺโต เอกสฺส ปจฺเจกพุทฺธสฺส ขีรภตฺตํ อทาสิ. เอวํ ตตฺถ ตตฺถ ปุฺานิ กตฺวา สุคตีสุ เอว ปริพฺภมนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ปุริมกมฺมนิสฺสนฺเทน สาวตฺถิยํ อฺตราย ทุคฺคติตฺถิยา กุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. ตสฺส มาตา ทส มาเส กุจฺฉินา ปริหริตฺวา ปริปกฺเก คพฺเภ วิชายนกาเล วิชายิตุํ อสกฺโกนฺตี มุจฺฉํ อาปชฺชิตฺวา พหุเวลํ มตา วิย นิปชฺชิ. ตํ าตกา ‘‘มตา’’ติ สฺาย สุสานํ เนตฺวา จิตกํ อาโรเปตฺวา เทวตานุภาเวน วาตวุฏฺิยา อุฏฺิตาย อคฺคึ อทตฺวา ปกฺกมึสุ. ทารโก ปจฺฉิมภาวิกตฺตา เทวตานุภาเวน มาตุกุจฺฉิโต อโรโค นิกฺขมิ. มาตา ปน กาลมกาสิ. เทวตา ตํ คเหตฺวา มนุสฺสรูเปน สุสานโคปกสฺส เคเห เปตฺวา กติปยกาลํ ปติรูเปน อาหาเรน โปเสสิ. ตโต ปรํ สุสานโคปโก จ นํ อตฺตโน ปุตฺตํ กตฺวา วฑฺเฒติ. โส ตถา วฑฺเฒนฺโต ตสฺส ปุตฺเตน สุปิเยน นาม ทารเกน สทฺธึ กีฬนฺโต วิจรติ. ตสฺส สุสาเน ชาตสํวฑฺฒภาวโต โสปาโกติ สมฺา อโหสิ.

อเถกทิวสํ สตฺตวสฺสิกํ ตํ ภควา ปจฺจูสเวลาย าณชาลํ ปตฺถริตฺวา เวเนยฺยพนฺธเว โอโลเกตฺวา าณชลนฺโตคธํ ทิสฺวา สุสานฏฺานํ อคมาสิ. ทารโก ปุพฺพเหตุนา โจทิยมาโน ปสนฺนมานโส สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา อฏฺาสิ. สตฺถา ตสฺส ธมฺมํ กเถสิ. โส ธมฺมํ สุตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิตฺวา ‘‘ปิตรา อนุฺาโตสี’’ติ วุตฺโต ปิตรํ สตฺถุ สนฺติกํ เนสิ. ตสฺส ปิตา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘ภนฺเต, อิมํ ทารกํ ปพฺพาเชถา’’ติ อนุชานิ. สตฺถา ตํ ปพฺพาเชตฺวา เมตฺตาภาวนาย นิโยเชสิ. โส เมตฺตากมฺมฏฺานํ คเหตฺวา สุสาเน วิหรนฺโต จ จิรสฺเสว เมตฺตาฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา ฌานํ ปาทกํ กตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ สจฺฉากาสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๕.๑-๗) –

‘‘กกุสนฺโธ มหาวีโร, สพฺพธมฺมาน ปารคู;

คณมฺหา วูปกฏฺโ โส, อคมาสิ วนนฺตรํ.

‘‘พีชมิฺชํ คเหตฺวาน, ลตาย อาวุณึ อหํ;

ภควา ตมฺหิ สมเย, ฌายเต ปพฺพตนฺตเร.

‘‘ทิสฺวานหํ เทวเทวํ, วิปฺปสนฺเนน เจตสา;

ทกฺขิเณยฺยสฺส วีรสฺส, พีชมิฺชมทาสหํ.

‘‘อิมสฺมึเยว กปฺปมฺหิ, ยํ มิฺชมททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พีชมิฺชสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหา หุตฺวา ปน อฺเสํ โสสานิกภิกฺขูนํ เมตฺตาภาวนาวิธึ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยถาปิ เอกปุตฺตสฺมิ’’นฺติ คาถํ อภาสิ.

๓๓. ตตฺถ ยถาติ โอปมฺมตฺเถ นิปาโต. เอกปุตฺตสฺมินฺติ ปุนาติ จ กุลวํสํ ตายติ จาติ ปุตฺโต, อตฺรชาทิเภโท ปุตฺโต. เอโก ปุตฺโต เอกปุตฺโต, ตสฺมึ เอกปุตฺตสฺมึ. วิสเย เจตํ ภุมฺมวจนํ. ปิยสฺมินฺติ ปิยายิตพฺพตาย เจว เอกปุตฺตตาย จ รูปสีลาจาราทีหิ จ เปมกรณฏฺานภูเต. กุสลีติ กุสลํ วุจฺจติ เขมํ โสตฺถิภาโว, ตํ ลภิตพฺพํ เอตสฺส อตฺถีติ กุสลี, สตฺตานํ หิเตสี เมตฺตชฺฌาสโย. สพฺเพสุ ปาเณสูติ สพฺเพสุ สตฺเตสุ. สพฺพตฺถาติ สพฺพาสุ ทิสาสุ สพฺเพสุ วา ภวาทีสุ, สพฺพาสุ วา อวตฺถาสุ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา เอกปุตฺตเก ปิเย มนาเป มาตาปิตา กุสลี เอกนฺตหิเตสี ภเวยฺย, เอวํ ปุรตฺถิมาทิเภทาสุ สพฺพาสุ ทิสาสุ, กามภวาทิเภเทสุ สพฺเพสุ ภเวสุ ทหราทิเภทาสุ สพฺพาสุ อวตฺถาสุ จ ิเตสุ สพฺเพสุ สตฺเตสุ เอกนฺตหิเตสิตาย กุสลี ภเวยฺย, ‘‘มิตฺโต อุทาสีโน ปฺจตฺถิโก’’ติ สีมํ อกตฺวา สีมาสมฺเภทวเสน สพฺพตฺถ เอกรสํ เมตฺตํ ภาเวยฺยาติ. อิมํ ปน คาถํ วตฺวา ‘‘สเจ ตุมฺเห อายสฺมนฺโต เอวํ เมตฺตาภาวนํ อนุยุฺเชยฺยาถ, เย เต ภควตา ‘สุขํ สุปตี’ติอาทินา (อ. นิ. ๑๑.๑๕) เอกาทส เมตฺตานิสํสา วุตฺตา, เอกํเสน เตสํ ภาคิโน ภวถา’’ติ โอวาทมทาสิ.

โสปากตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. โปสิยตฺเถรคาถาวณฺณนา

อนาสนฺนวราติ อายสฺมโต โปสิยตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โส กิร ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ พหุํ กุสลํ อุปจินิตฺวา สุคตีสุ เอว สํสรนฺโต อิโต ทฺเวนวุเต กปฺเป ติสฺสสฺส ภควโต กาเล มิคลุทฺโท หุตฺวา อรฺเ วิจรติ. อถ ภควา ตสฺส อนุคฺคหํ กาตุํ อรฺํ คนฺตฺวา ตสฺส จกฺขุปเถ อตฺตานํ ทสฺเสสิ. โส ภควนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺโต อาวุธํ นิกฺขิปิตฺวา อุปสงฺกมิตฺวา อฺชลึ ปคฺคยฺห อฏฺาสิ. ภควา นิสีทิตุกามตํ ทสฺเสสิ. โส ตาวเทว ติณมุฏฺิโย คเหตฺวา สเม ภูมิภาเค สกฺกจฺจํ สนฺถริตฺวา อทาสิ. นิสีทิ ตตฺถ ภควา อนุกมฺปํ อุปาทาย. นิสินฺเน ปน ภควติ อนปฺปกํ ปีติโสมนสฺสํ ปฏิสํเวเทนฺโต ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา สยมฺปิ เอกมนฺตํ นิสีทิ. อถ ภควา ‘‘เอตฺตกํ วฏฺฏติ อิมสฺส กุสลพีช’’นฺติ อุฏฺายาสนา ปกฺกามิ. อจิรปกฺกนฺเต ภควติ ตํ สีโห มิคราชา ฆาเตสิ. โส กาลงฺกโต เทวโลเก นิพฺพตฺติ. ‘‘โส กิร ภควติ อนุปคจฺฉนฺเต สีเหน ฆาติโต นิรเย นิพฺพตฺติสฺสตี’’ติ ตํ ทิสฺวา ภควา สุคติยํ นิพฺพตฺตนตฺถํ กุสลพีชโรปนตฺถฺจ อุปสงฺกมิ.

โส ตตฺถ ยาวตายุกํ ตฺวา ตโต เทวโลกโต จวิตฺวา สุคตีสุเยว ปริวตฺเตนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ อฺตรสฺส มหาวิภวสฺส เสฏฺิโน ปุตฺโต สงฺคามชิตตฺเถรสฺส กนิฏฺภาตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ. โปสิโยติสฺส นามํ อโหสิ. โส วยปฺปตฺโต ทารปริคฺคหํ กตฺวา เอกํ ปุตฺตํ ลภิตฺวา อนฺติมภวิกตาย ธมฺมตาย โจทิยมาโน ชาติอาทึ ปฏิจฺจ อุปฺปนฺนสํเวโค ปพฺพชิตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา วูปกฏฺโ หุตฺวา จตุสจฺจกมฺมฏฺานภาวนํ อนุยุฺชนฺโต นจิรสฺเสว วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๓.๑-๑๒) –

‘‘หิมวนฺตสฺสาวิทูเร, ลมฺพโก นาม ปพฺพโต;

ตตฺเถว ติสฺโส สมฺพุทฺโธ, อพฺโภกาสมฺหิ จงฺกมิ.

‘‘มิคลุทฺโท ตทา อาสึ, อรฺเ กานเน อหํ;

ทิสฺวาน ตํ เทวเทวํ, ติณมุฏฺิมทาสหํ.

‘‘นิสีทนตฺถํ พุทฺธสฺส, ทตฺวา จิตฺตํ ปสาทยึ;

สมฺพุทฺธํ อภิวาเทตฺวา, ปกฺกามึ อุตฺตรามุโข.

‘‘อจิรํ คตมตฺตสฺส, มิคราชา อโปถยิ;

โสเหน โปถิโต, สนฺโต ตตฺถ กาลงฺกโต อหํ.

‘‘อาสนฺเน เม กตํ กมฺมํ, พุทฺธเสฏฺเ อนาสเว;

สุมุตฺโต สรเวโคว, เทวโลกมคจฺฉหํ.

‘‘ยูโป ตตฺถ สุโภ อาสิ, ปุฺกมฺมาภินิมฺมิโต;

สหสฺสกณฺโฑ สตเภณฺฑุ, ธชาลุ หริตามโย.

‘‘ปภา นิทฺธาวเต ตสฺส, สตรํสีว อุคฺคโต;

อากิณฺโณ เทวกฺาหิ, อาโมทึ กามกามิหํ.

‘‘เทวโลกา จวิตฺวาน, สุกฺกมูเลน โจทิโต;

อาคนฺตฺวาน มนุสฺสตฺตํ, ปตฺโตมฺหิ อาสวกฺขยํ.

‘‘จตุนฺนวุติโต กปฺเป, นิสีทนมทาสหํ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ติณมุฏฺเ อิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิตุํ สาวตฺถึ อาคโต าตึ อนุกมฺปาย าติเคหํ อคมาสิ. ตตฺถ นํ ปุราณทุติยิกา วนฺทิตฺวา อาสนทานาทินา ปมํ อุปาสิกา วิย วตฺตํ ทสฺเสตฺวา เถรสฺส อชฺฌาสยํ อชานนฺตี ปจฺฉา อิตฺถิกุตฺตาทีหิ ปโลเภตุกามา อโหสิ. เถโร ‘‘อโห อนฺธพาลา มาทิเสปิ นาม เอวํ ปฏิปชฺชตี’’ติ จินฺเตตฺวา กิฺจิ อวตฺวา อุฏฺายาสนา อรฺเมว คโต. ตํ อารฺกา ภิกฺขู ‘‘กึ, อาวุโส, อติลหุํ, นิวตฺโตสิ, าตเกหิ น ทิฏฺโสี’’ติ ปุจฺฉึสุ. เถโร ตตฺถ ปวตฺตึ อาจิกฺขนฺโต ‘‘อนาสนฺนวรา เอตา’’ติ คาถํ อภาสิ.

๓๔. ตตฺถ อนาสนฺนวราติ เอตา อิตฺถิโย น อาสนฺนา อนุปคตา, ทูเร เอว วา ิตา หุตฺวา วรา ปุริสสฺส เสฏฺา หิตาวหา, ตฺจ โข นิจฺจเมว สพฺพกาลเมว, น รตฺติเมว, น ทิวาปิ, น รโหเวลายปิ. วิชานตาติ วิชานนฺเตน. ‘‘อนาสนฺนปรา’’ติปิ ปาฬิ, โส เอวตฺโถ. อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย – จณฺฑหตฺถิอสฺสมหึสสีหพฺยคฺฆยกฺขรกฺขสปิสาจาปิ มนุสฺสานํ อนุปสงฺกมนฺโต วรา เสฏฺา, น อนตฺถาวหา, เต ปน อุปสงฺกมนฺตา ทิฏฺธมฺมิกํเยว อนตฺถํ กเรยฺยุํ. อิตฺถิโย ปน อุปสงฺกมิตฺวา ทิฏฺธมฺมิกํ สมฺปรายิกํ วิโมกฺขนิสฺสิตมฺปิ อตฺถํ วินาเสตฺวา มหนฺตํ อนตฺถํ อาปาเทนฺติ, ตสฺมา อนาสนฺนวรา เอตา นิจฺจเมว วิชานตาติ. อิทานิ ตมตฺถํ อตฺตูปนายิกํ กตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘คามา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ คามาติ คามํ. อุปโยคตฺเถ หิ เอตํ นิสฺสกฺกวจนํ. อรฺมาคมฺมาติ อรฺโต อาคนฺตฺวา. -กาโร ปทสนฺธิกโร, นิสฺสกฺเก เจตํ อุปโยควจนํ. ตโตติ มฺจกโต. อนามนฺเตตฺวาติ อนาลปิตฺวา ปุราณทุติยิกํ ‘‘อปฺปมตฺตา โหหี’’ติ เอตฺตกมฺปิ อวตฺวา. โปสิโยติ อตฺตานเมว ปรํ วิย วทติ. เย ปน ‘‘ปกฺกามิ’’นฺติ ปนฺติ, เตสํ อหํ โปสิโย ปกฺกามินฺติ โยชนา. เย ปน ‘‘สา อิตฺถี เถรํ ฆรํ อุปคตํ โภเชตฺวา ปโลเภตุกามา ชาตา, ตํ ทิสฺวา เถโร ตาวเทว เคหโต นิกฺขมิตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา อตฺตโน วสนฏฺาเน มฺจเก นิสีทิ. สาปิ โข อิตฺถี ปจฺฉาภตฺตํ อลงฺกตปฏิยตฺตา วิหาเร เถรสฺส วสนฏฺานํ อุปสงฺกมิ. ตํ ทิสฺวา เถโร กิฺจิ อวตฺวา อุฏฺาย ทิวาฏฺานเมว คโต’’ติ วทนฺติ, เตสํ ‘‘คามา อรฺมาคมฺมา’’ติ คาถาปทสฺส อตฺโถ ยถารุตวเสเนว นิยฺยติ. วิหาโร หิ อิธ ‘‘อรฺ’’นฺติ อธิปฺเปโต.

โปสิยตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. สามฺกานิตฺเถรคาถาวณฺณนา

สุขํ สุขตฺโถติ อายสฺมโต สามฺกานิตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โส กิร ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร หุตฺวา ตตฺถ ตตฺถ ภเว กุสลํ อุปจินนฺโต อิโต เอกนวุเต กปฺเป วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล มนุสฺสโยนิยํ นิพฺพตฺโต วิปสฺสึ ภควนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส เอกํ มฺจํ อทาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท อฺตรสฺส ปริพฺพาชกสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ. สามฺกานีติสฺส นามํ อโหสิ. โส วิฺุตํ ปตฺโต สตฺถุ ยมกปาฏิหาริยํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส สาสเน ปพฺพชิตฺวา จริยานุกูลํ กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา ฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา ฌานํ ปาทกํ กตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๓๖.๓๐-๓๓) –

‘‘วิปสฺสิโน ภควโต, โลกเชฏฺสฺส ตาทิโน;

เอกํ มฺจํ มยา ทินฺนํ, ปสนฺเนน สปาณินา.

‘‘หตฺถิยานํ อสฺสยานํ, ทิพฺพยานํ สมชฺฌคํ;

เตน มฺจก ทาเนน, ปตฺโตมฺหิ อาสวกฺขยํ.

‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ มฺจมททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, มฺจทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

เถรสฺส ปน คิหิสหายโก กาติยาโน นาม ปริพฺพาชโก พุทฺธุปฺปาทโต ปฏฺาย ติตฺถิยานํ หตลาภสกฺการตาย ฆาสจฺฉาทนมตฺตมฺปิ อลภนฺโต อาชีวกาปกโต เถรํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ตุมฺเห สากิยปุตฺติยา นาม มหาลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺตา สุเขน ชีวถ, มยํ ปน ทุกฺขิตา กิจฺฉชีวิกา, กถํ นุ โข ปฏิปชฺชมานสฺส ทิฏฺธมฺมิกฺเจว สมฺปรายิกฺจ สุขํ สมฺปชฺชตี’’ติ ปุจฺฉิ. อถสฺส เถโร ‘‘นิปฺปริยายโต สุขํ นาม โลกุตฺตรสุขเมว, ตฺจ ตทนุรูปํ ปฏิปตฺตึ ปฏิปชฺชนฺตสฺเสวา’’ติ อตฺตนา ตสฺส อธิคตภาวํ ปริยาเยน วิภาเวนฺโต ‘‘สุขํ สุขตฺโถ ลภเต ตทาจร’’นฺติ คาถํ อภาสิ.

๓๕. ตตฺถ สุขนฺติ นิรามิสํ สุขํ อิธาธิปฺเปตํ. ตฺจ ผลสมาปตฺติ เจว นิพฺพานฺจ. ตถา หิ ‘‘อยํ สมาธิ ปจฺจุปฺปนฺนสุโข เจว อายติฺจ สุขวิปาโก’’ (ที. นิ. ๓.๓๕๕; อ. นิ. ๕.๒๗; วิภ. ๘๐๔) ‘‘นิพฺพานํ ปรมํ สุข’’นฺติ (ธ. ป. ๒๐๓-๒๐๔) จ วุตฺตํ. สุขตฺโถติ สุขปฺปโยชโน, ยถาวุตฺเตน สุเขน อตฺถิโก. ลภเตติ ปาปุณาติ, อตฺถิกสฺเสเวทํ สุขํ, น อิตรสฺส. โก ปน อตฺถิโกติ อาห ‘‘ตทาจร’’นฺติ ตทตฺถํ อาจรนฺโต, ยาย ปฏิปตฺติยา ตํ ปฏิปตฺตึ ปฏิปชฺชนฺโตติ อตฺโถ. น เกวลํ ตทาจรํ สุขเมว ลภเต, อถ โข กิตฺติฺจ ปปฺโปติ ‘‘อิติปิ สีลวา สุปริสุทฺธกายวจีกมฺมนฺโต สุปริสุทฺธาชีโว ฌายี ฌานยุตฺโต’’ติอาทินา กิตฺตึ ปรมฺมุขา ปตฺถฏยสตํ ปาปุณาติ. ยสสฺส วฑฺฒตีติ สมฺมุเข คุณาภิตฺถวสงฺขาโต ปริวารสมฺปทาสงฺขาโต จ ยโส อสฺส ปริพฺรูหติ. อิทานิ ‘‘ตทาจร’’นฺติ สามฺโต วุตฺตมตฺถํ สรูปโต ทสฺเสนฺโต – ‘‘โย อริยมฏฺงฺคิกมฺชสํ อุชุํ, ภาเวติ มคฺคํ อมตสฺส ปตฺติยา’’ติ อาห. ตสฺสตฺโถ โย ปุคฺคโล กิเลเสหิ อารกตฺตา ปริสุทฺธฏฺเน ปฏิปชฺชนฺตานํ อริยภาวกรณฏฺเน อริยํ, สมฺมาทิฏฺิอาทิอฏฺงฺคสมุทายตาย อฏฺงฺคิกํ, อนฺตทฺวยรหิตมชฺฌิมปฏิปตฺติภาวโต อกุฏิลฏฺเน อฺชสํ, กายวงฺกาทิปฺปหานโต อุชุํ, นิพฺพานตฺถิเกหิ มคฺคนิยฏฺเน กิเลเส มาเรนฺโต คมนฏฺเน จ ‘‘มคฺค’’นฺติ ลทฺธนามํ ทุกฺขนิโรธคามินิปฏิปทํ อมตสฺส อสงฺขตาย ธาตุยา ปตฺติยา อธิคมาย ภาเวติ อตฺตโน สนฺตาเน อุปฺปาเทติ วฑฺเฒติ จ, โส นิปฺปริยาเยน ‘‘สุขตฺโถ ตทาจร’’นฺติ วุจฺจติ, ตสฺมา ยถาวุตฺตํ สุขํ ลภติ. ตํ สุตฺวา ปริพฺพาชโก ปสนฺนมานโส ปพฺพชิตฺวา สมฺมา ปฏิปชฺชนฺโต นจิรสฺเสว วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. อิทเมว เถรสฺส อฺาพฺยากรณํ อโหสิ.

สามฺกานิตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. กุมาปุตฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา

สาธุ สุตนฺติ อายสฺมโต กุมาปุตฺตตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปติ? โส กิร ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร อิโต เอกนวุเต กปฺเป อชินจมฺมวสโน ตาปโส หุตฺวา พนฺธุมตีนคเร ราชุยฺยาเน วสนฺโต วิปสฺสึ ภควนฺตํ ปสฺสิตฺวา ปสนฺนมานโส ปาทพฺภฺชนเตลํ อทาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวโลเก นิพฺพตฺโต. ตโต ปฏฺาย สุคตีสุเยว สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท อวนฺติรฏฺเ เวฬุกณฺฏกนคเร คหปติกุเล นิพฺพตฺโต. ‘‘นนฺโท’’ติสฺส นามํ อกํสุ. มาตา ปนสฺส กุมา นาม, เตน กุมาปุตฺโตติ ปฺายิตฺถ. โส อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ลทฺธปฺปสาโท ปพฺพชิตฺวา กตปุพฺพกิจฺโจ ปริยนฺตปพฺพตปสฺเส สมณธมฺมํ กโรนฺโต วิเสสํ นิพฺพตฺเตตุํ อสกฺโกนฺโต ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา กมฺมฏฺานํ โสเธตฺวา สปฺปายฏฺาเน วสนฺโต วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ สจฺฉากาสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๓.๒๔-๓๐) –

‘‘นคเร พนฺธุมติยา, ราชุยฺยาเน วสามหํ;

จมฺมวาสี ตทา อาสึ, กมณฺฑลุธโร อหํ.

‘‘อทฺทสํ วิมลํ พุทฺธํ, สยมฺภุํ อปราชิตํ;

ปธานํ ปหิตตฺตํ ตํ, ฌายึ ฌานรตํ วสึ.

‘‘สพฺพกามสมิทฺธฺจ, โอฆติณฺณมนาสวํ;

ทิสฺวา ปสนฺนสุมโน, อพฺภฺชนมทาสหํ.

‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, อพฺภฺชนมทาสหํ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, อพฺภฺชนสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อรฺเ กายทฬฺหิพหุเล ภิกฺขู, ทิสฺวา เต โอวทนฺโต สาสนสฺส นิยฺยานิกภาวํ ปกาเสนฺโต ‘‘สาธุ สุตํ สาธุ จริตก’’นฺติ คาถํ อภาสิ.

๓๖. ตตฺถ สาธูติ สุนฺทรํ. สุตนฺติ สวนํ. ตฺจ โข วิวฏฺฏูปนิสฺสิตํ วิเสสโต อปฺปิจฺฉตาทิปฏิสํยุตฺตํ ทสกถาวตฺถุสวนํ อิธาธิปฺเปตํ. สาธุ จริตกนฺติ ตเทว อปฺปิจฺฉตาทิจริตํ จิณฺณํ, สาธุจริตเมว หิ ‘‘จริตก’’นฺติ วุตฺตํ. ปททฺวเยนาปิ พาหุสจฺจํ ตทนุรูปํ ปฏิปตฺติฺจ ‘‘สุนฺทร’’นฺติ ทสฺเสติ. สทาติ สพฺพกาเล นวกมชฺฌิมเถรกาเล, สพฺเพสุ วา อิริยาปถกฺขเณสุ. อนิเกตวิหาโรติ กิเลสานํ นิวาสนฏฺานฏฺเน ปฺจกามคุณา นิเกตา นาม, โลกิยา วา ฉฬารมฺมณธมฺมา. ยถาห – ‘‘รูปนิมิตฺตนิเกตวิสารวินิพนฺธา โข, คหปติ, ‘นิเกตสารี’ติ วุจฺจตี’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๓.๓). เตสํ นิเกตานํ ปหานตฺถาย ปฏิปทา อนิเกตวิหาโร. อตฺถปุจฺฉนนฺติ ตํ อาชานิตุกามสฺส กลฺยาณมิตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺถปเภทสฺส ปุจฺฉนํ, กุสลาทิเภทสฺส วา อตฺถสฺส สภาวธมฺมสฺส ‘‘กึ, ภนฺเต, กุสลํ, กึ อกุสลํ, กึ สาวชฺชํ, กึ อนวชฺช’’นฺติอาทินา (ม. นิ. ๓.๒๙๖) ปุจฺฉนํ อตฺถปุจฺฉนํ. ปทกฺขิณกมฺมนฺติ ตํ ปน ปุจฺฉิตฺวา ปทกฺขิณคฺคาหิภาเวน ตสฺส โอวาเท อธิฏฺานํ สมฺมาปฏิปตฺติ. อิธาปิ ‘‘สาธู’’ติ ปทํ อาเนตฺวา โยเชตพฺพํ. เอตํ สามฺนฺติ ‘‘สาธุ สุต’’นฺติอาทินา วุตฺตํ ยํ สุตํ, ยฺจ จริตํ, โย จ อนิเกตวิหาโร, ยฺจ อตฺถปุจฺฉนํ, ยฺจ ปทกฺขิณกมฺมํ, เอตํ สามฺํ เอโส สมณภาโว. ยสฺมา อิมาย เอว ปฏิปทาย สมณภาโว, น อฺถา, ตสฺมา ‘‘สามฺ’’นฺติ นิปฺปริยายโต มคฺคผลสฺส อธิวจนํ. ตสฺส วา ปน อยํ อปณฺณกปฏิปทา, ตํ ปเนตํ สามฺํ ยาทิสสฺส สมฺภวาติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อกิฺจนสฺสา’’ติ วุตฺตํ. อปริคฺคาหกสฺส, เขตฺตวตฺถุหิรฺสุวณฺณทาสิทาสาทิปริคฺคหปฏิคฺคหณรหิตสฺสาติ อตฺโถ.

กุมาปุตฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. กุมาปุตฺตสหายตฺเถรคาถาวณฺณนา

นานาชนปทํ ยนฺตีติ อายสฺมโต กุมาปุตฺตสหายตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โส กิร ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินนฺโต อิโต จตุนวุเต กปฺเป สิทฺธตฺถสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต อรฺํ ปวิสิตฺวา พหุํ รุกฺขทณฺฑํ ฉินฺทิตฺวา กตฺตรยฏฺึ กตฺวา สงฺฆสฺส อทาสิ. อฺฺจ ยถาวิภวํ ปุฺํ กตฺวา เทเวสุ นิพฺพตฺติตฺวา ตโต ปฏฺาย สุคตีสุเยว ปริวตฺเตนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท เวฬุกณฺฏกนคเร อิทฺเธ กุเล นิพฺพตฺติ. สุทนฺโตติสฺส นามํ อโหสิ. ‘‘วาสุโล’’ติ เกจิ วทนฺติ. โส กุมาปุตฺตสฺส ปิยสหาโย หุตฺวา วิจรนฺโต ‘‘กุมาปุตฺโต ปพฺพชิโต’’ติ สุตฺวา ‘‘น หิ นูน โส โอรโก ธมฺมวินโย, ยตฺถ กุมาปุตฺโต ปพฺพชิโต’’ติ ตทนุพนฺเธน สยมฺปิ ปพฺพชิตุกาโม หุตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ อุปสงฺกมิ. ตสฺส สตฺถา ธมฺมํ เทเสสิ. โส ภิยฺโยโสมตฺตาย ปพฺพชฺชาย สฺชาตฉนฺโท ปพฺพชิตฺวา กุมาปุตฺเตเนว สทฺธึ ปริยนฺตปพฺพเต ภาวนานุยุตฺโต วิหรติ. เตน จ สมเยน สมฺพหุลา ภิกฺขู นานาชนปเทสุ ชนปทจาริกํ จรนฺตาปิ คจฺฉนฺตาปิ อาคจฺฉนฺตาปิ ตํ านํ อุปคจฺฉนฺติ. เตน ตตฺถ โกลาหลํ โหติ. ตํ ทิสฺวา สุทนฺตตฺเถโร ‘‘อิเม ภิกฺขู นิยฺยานิกสาสเน ปพฺพชิตฺวา ชนปทวิตกฺกํ อนุวตฺเตนฺตา จิตฺตสมาธึ วิราเธนฺตี’’ติ สํเวคชาโต ตเมว สํเวคํ อตฺตโน จิตฺตทมนสฺส องฺกุสํ กโรนฺโต ‘‘นานาชนปทํ ยนฺตี’’ติ คาถํ อภาสิ.

๓๗. ตตฺถ นานาชนปทนฺติ วิสุํ วิสุํ นานาวิธํ ชนปทํ, กาสิโกสลาทิอเนกรฏฺนฺติ อตฺโถ. ยนฺตีติ คจฺฉนฺติ. วิจรนฺตาติ ‘‘อสุโก ชนปโท สุภิกฺโข สุลภปิณฺโฑ, อสุโก เขโม อโรโค’’ติอาทิวิตกฺกวเสน ชนปทจาริกํ จรนฺตา. อสฺตาติ ตสฺเสว ชนปทวิตกฺกสฺส อปฺปหีนตาย จิตฺเตน อสํยตา. สมาธิฺจ วิราเธนฺตีติ สพฺพสฺสปิ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมสฺส มูลภูตํ อุปจารปฺปนาเภทํ สมาธิฺจ นาม วิราเธนฺติ. -สทฺโท สมฺภาวเน. เทสนฺตรจรเณน ฌายิตุํ โอกาสาภาเวน อนธิคตํ สมาธึ นาธิคจฺฉนฺตา, อธิคตฺจ วสีภาวานาปาทเนน ชีรนฺตา วีราเธนฺติ นาม. กึสุ รฏฺจริยา กริสฺสตีติ สูติ นิปาตมตฺตํ. ‘‘เอวํภูตานํ รฏฺจริยา ชนปทจาริกา กึ กริสฺสติ, กึ นาม อตฺถํ สาเธสฺสติ, นิรตฺถกาวา’’ติ ครหนฺโต วทติ. ตสฺมาติ ยสฺมา อีทิสี เทสนฺตรจริยา ภิกฺขุสฺส น อตฺถาวหา, อปิ จ โข อนตฺถาวหา สมฺปตฺตีนํ วิราธนโต, ตสฺมา. วิเนยฺย สารมฺภนฺติ วสนปเทเส อรติวเสน อุปฺปนฺนํ สารมฺภํ จิตฺตสํกิเลสํ ตทนุรูเปน ปฏิสงฺขาเนน วิเนตฺวา วูปสเมตฺวา. ฌาเยยฺยาติ อารมฺมณูปนิชฺฌาเนน ลกฺขณูปนิชฺฌาเนน จาติ ทุวิเธนปิ ฌาเนน ฌาเยยฺย. อปุรกฺขโตติ มิจฺฉาวิตกฺเกหิ ตณฺหาทีหิ วา น ปุรกฺขโตติ เตสํ วสํ อนุปคจฺฉนฺโต กมฺมฏฺานเมว มนสิ กเรยฺยาติ อตฺโถ. เอวํ ปน วตฺวา เถโร ตเมว สํเวคํ องฺกุสํ กตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๓.๓๖-๔๑) –

‘‘กานนํ วนโมคฺคยฺห, เวฬุํ เฉตฺวานหํ ตทา;

อาลมฺพนํ กริตฺวาน, สงฺฆสฺส อททึ พหุํ.

‘‘เตน จิตฺตปฺปสาเทน, สุพฺพเต อภิวาทิย;

อาลมฺพทณฺฑํ ทตฺวาน, ปกฺกามึ อุตฺตรามุโข.

‘‘จตุนฺนวุติโต กปฺเป, ยํ ทณฺฑมททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ทณฺฑทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

ยํ ปนตฺถํ องฺกุสํ กตฺวา อยํ เถโร อรหตฺตํ ปตฺโต, ตเมวตฺถํ หทเย เปตฺวา อรหตฺตํ ปตฺโตปิ ‘‘นานาชนปทํ ยนฺติ’’ติ อิทเมว คาถํ อภาสิ. ตสฺมา ตเทวสฺส อฺาพฺยากรณํ อโหสีติ.

กุมาปุตฺตสหายตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. ควมฺปติตฺเถรคาถาวณฺณนา

โย อิทฺธิยา สรภุนฺติ อายสฺมโต ควมฺปติตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โส กิร ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร อิโต เอกตึเส กปฺเป สิขึ ภควนฺตํ ปสฺสิตฺวา ปสนฺนมานโส ปุปฺเผหิ ปูชํ อกาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวโลเก อุปฺปนฺโน อปราปรํ ปุฺานิ กโรนฺโต โกณาคมนสฺส ภควโต เจติเย ฉตฺตฺจ เวทิกฺจ กาเรสิ. กสฺสปสฺส ปน ภควโต กาเล อฺตรสฺมึ กุลเคเห นิพฺพตฺโต. ตสฺมิฺจ กุเล พหุํ โคมณฺฑลํ อโหสิ. ตํ โคปาลกา รกฺขนฺติ. อยํ ตตฺถ อนฺตรนฺตรา ยุตฺตปฺปยุตฺตํ วิจาเรนฺโต วิจรติ. โส เอกํ ขีณาสวตฺเถรํ คาเม ปิณฺฑาย จริตฺวา พหิคาเม เทวสิกํ เอกสฺมึ ปเทเส ภตฺตกิจฺจํ กโรนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อยฺโย สูริยาตเปน กิลมิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา จตฺตาโร สิรีสทณฺเฑ อุสฺสาเปตฺวา เตสํ อุปริ สิรีสสาขาโย เปตฺวา สาขามณฺฑปํ กตฺวา อทาสิ. ‘‘มณฺฑปสฺส สมีเป สิรีสรุกฺขํ โรเปสี’’ติ จ วทนฺติ. ตสฺส อนุกมฺปาย เทวสิกํ เถโร ตตฺถ นิสีทิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน ตโต จวิตฺวา จาตุมหาราชิเกสุ นิพฺพตฺติ. ตสฺส ปุริมกมฺมสํสูจกํ วิมานทฺวาเร มหนฺตํ สิรีสวนํ นิพฺพตฺติ วณฺณคนฺธสมฺปนฺเนหิ อฺเหิ ปุปฺเผหิ สพฺพกาเล อุปโสภยมานํ, เตน ตํ วิมานํ ‘‘เสรีสก’’นฺติ ปฺายิตฺถ. โส เทวปุตฺโต เอกํ พุทฺธนฺตรํ เทเวสุ จ มนุสฺเสสุ จ สํสริตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ยสตฺเถรสฺส จตูสุ คิหิสหาเยสุ ควมฺปติ นาม หุตฺวา อายสฺมโต ยสสฺส ปพฺพชิตภาวํ สุตฺวา อตฺตโน สหาเยหิ สทฺธึ ภควโต สนฺติกํ อคมาสิ. สตฺถา ตสฺส ธมฺมํ เทเสสิ. โส เทสนาวสาเน สหาเยหิ สทฺธึ อรหตฺเต ปติฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๓.๔๒-๔๗) –

‘‘มิคลุทฺโท ปุเร อาสึ, วิปิเน วิจรํ อหํ;

อทฺทสํ วิรชํ พุทฺธํ, สพฺพธมฺมาน ปารคุํ.

‘‘ตสฺมึ มหาการุณิเก, สพฺพสตฺตหิเต รเต;

ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, เนลปุปฺผํ อปูชยึ.

‘‘เอกตึเส อิโต กปฺเป, ยํ ปุปฺผมภิปูชยึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา เถโร วิมุตฺติสุขํ ปฏิสํเวเทนฺโต สาเกเต วิหรติ อฺชนวเน. เตน จ สมเยน ภควา มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ สาเกตํ คนฺตฺวา อฺชนวเน วิหาสิ. เสนาสนํ นปฺปโหสิ. สมฺพหุลา ภิกฺขู วิหารสามนฺตา สรภุยา นทิยา วาลิกาปุฬิเน สยึสุ. อถ อฑฺฒรตฺตสมเย นทิยา อุทโกเฆ อาคจฺฉนฺเต สามเณราทโย อุจฺจาสทฺทมหาสทฺทา อเหสุํ. ภควา ตํ ตฺวา อายสฺมนฺตํ ควมฺปตึ อาณาเปสิ – ‘‘คจฺฉ, ควมฺปติ, ชโลฆํ วิกฺขมฺเภตฺวา ภิกฺขูนํ ผาสุวิหารํ กโรหี’’ติ. เถโร ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ อิทฺธิพเลน นทีโสตํ วิกฺขมฺภิ, ตํ ทูรโตว ปพฺพตกูฏํ วิย อฏฺาสิ. ตโต ปฏฺาย เถรสฺส อานุภาโว โลเก ปากโฏ อโหสิ. อเถกทิวสํ สตฺถา มหติยา เทวปริสาย มชฺเฌ นิสีทิตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺตํ เถรํ ทิสฺวา โลกานุกมฺปาย ตสฺส คุณานํ วิภาวนตฺถํ ตํ ปสํสนฺโต ‘‘โย อิทฺธิยา สรภุ’’นฺติ คาถํ อภาสิ.

๓๘. ตตฺถ อิทฺธิยาติ อธิฏฺานิทฺธิยา. สรภุนฺติ เอวํนามิกํ นทึ, ยํ โลเก ‘‘สรภุ’’นฺติ วทนฺติ. อฏฺเปสีติ สนฺทิตุํ อเทนฺโต โสตํ นิวตฺเตตฺวา ปพฺพตกูฏํ วิย มหนฺตํ ชลราสึ กตฺวา เปสิ. อสิโตติ นสิโต, ตณฺหาทิฏฺินิสฺสยรหิโต, พนฺธนสงฺขาตานํ วา สพฺพสํโยชนานํ สมุจฺฉินฺนตฺตา เกนจิปิ พนฺธเนน อพทฺโธ, ตโต เอว เอชานํ กิเลสานํ อภาวโต อเนโช โส, ควมฺปติ, ตํ สพฺพสงฺคาติคตํ ตาทิสํ สพฺเพปิ ราคโทสโมหมานทิฏฺิสงฺเค อติกฺกมิตฺวา ิตตฺตา สพฺพสงฺคาติคตํ, อเสกฺขมุนิภาวโต มหามุนึ, ตโต เอว กามกมฺมภวาทิเภทสฺส สกลสฺสปิ ภวสฺส ปารํ นิพฺพานํ คตตฺตา ภวสฺส ปารคุํ. เทวา นมสฺสนฺตีติ เทวาปิ อิมสฺสนฺติ, ปเคว อิตรา ปชาติ.

คาถาปริโยสาเน มหโต ชนกายสฺส ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. เถโร อฺํ พฺยากโรนฺโต ‘‘สตฺถารํ ปูเชสฺสามี’’ติ อิมเมว คาถํ อภาสีติ.

ควมฺปติตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. ติสฺสตฺเถรคาถาวณฺณนา

สตฺติยา วิย โอมฏฺโติ อายสฺมโต ติสฺสตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปติ? อยมฺปิ กิร ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ ปุฺํ อุปจินนฺโต ติสฺสสฺส ภควโต โพธิยา มูเล ปุราณปณฺณานิ นีหริตฺวา โสเธสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท กปิลวตฺถุนคเร ภควโต ปิตุจฺฉาปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ ติสฺโส นาม นาเมน. โส ภควนฺตํ อนุปพฺพชิตฺวา อุปสมฺปนฺโน หุตฺวา อรฺายตเน วิหรนฺโต ชาตึ ปฏิจฺจ มานํ กโรนฺโต โกธูปายาสพหุโล จ อุชฺฌานพหุโล จ หุตฺวา วิจรติ, สมณธมฺเม อุสฺสุกฺกํ น กโรติ. อถ นํ สตฺถา เอกทิวสํ ทิวาฏฺาเน วิวฏมุขํ นิทฺทายนฺตํ ทิพฺพจกฺขุนา โอโลเกนฺโต สาวตฺถิโต อากาเสน คนฺตฺวา ตสฺส อุปริ อากาเสเยว ตฺวา โอภาสํ ผริตฺวา เตโนภาเสน ปฏิพุทฺธสฺส สตึ อุปฺปาเทตฺวา โอวาทํ เทนฺโต ‘‘สตฺติยา วิย โอมฏฺโ’’ติ คาถํ อภาสิ.

๓๙. ตตฺถ สตฺติยาติ เทสนาสีสเมตํ, เอกโตธาราทินา สตฺเถนาติ อตฺโถ. โอมฏฺโติ ปหโต. จตฺตาโร หิ ปหารา โอมฏฺโ อุมฺมฏฺโ มฏฺโ วิมฏฺโติ. ตตฺถ อุปริ ตฺวา อโธมุขํ ทินฺนปหาโร โอมฏฺโ นาม, เหฏฺา ตฺวา อุทฺธมฺมุขํ ทินฺนปหาโร อุมฺมฏฺโ นาม, อคฺคฬสูจิ วิย วินิวิชฺฌิตฺวา คโต มฏฺโ นาม, เสโส สพฺโพปิ วิมฏฺโ นาม. อิมสฺมึ ปน าเน โอมฏฺโ คหิโต. โส หิ สพฺพทารุโณ ทุรุทฺธรณสลฺโล ทุตฺติกิจฺโฉ อนฺโตโทโส อนฺโตปุพฺพโลหิโตว โหติ, ปุพฺพโลหิตํ อนิกฺขมิตฺวา วณมุขํ ปริโยนนฺธิตฺวา ติฏฺติ. ปุพฺพโลหิตํ นีหริตุกาเมหิ มฺเจน สทฺธึ พนฺธิตฺวา อโธสิโร กาตพฺโพ โหติ, มรณํ วา มรณมตฺตํ วา ทุกฺขํ ปาปุณนฺติ. ฑยฺหมาเนติ อคฺคินา ฌายมาเน. มตฺถเกติ สีเส. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา สตฺติยา โอมฏฺโ ปุริโส สลฺลุพฺพาหนวณติกิจฺฉนานํ อตฺถาย วีริยํ อารภติ ตาทิสํ ปโยคํ กโรติ ปรกฺกมติ, ยถา จ ฑยฺหมาเน มตฺถเก อาทิตฺตสีโส ปุริโส ตสฺส นิพฺพาปนตฺถํ วีริยํ อารภติ ตาทิสํ ปโยคํ กโรติ, เอวเมวํ, ภิกฺขุ, กามราคปฺปหานาย สโต อปฺปมตฺโต อติวิย อุสฺสาหชาโต หุตฺวา วิหเรยฺยาติ.

เอวํ ภควา ตสฺส เถรสฺส โกธูปายาสวูปสมาย โอวาทํ เทนฺโต ตเทกฏฺตาย กามราคปฺปหานสีเสน เทสนํ นิฏฺาเปสิ. เถโร อิมํ คาถํ สุตฺวา สํวิคฺคหทโย วิปสฺสนาย ยุตฺตปฺปยุตฺโต วิหาสิ. ตสฺส อชฺฌาสยํ ตฺวา สตฺถา สํยุตฺตเก ติสฺสตฺเถรสุตฺตํ (สํ. นิ. ๓.๘๔) เทเสสิ. โส เทสนาปริโยสาเน อรหตฺเต ปติฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๓.๖๖-๗๓) –

‘‘เทวโลเก มนุสฺเส เจ, อนุโภตฺวา อุโภ ยเส;

อวสาเน จ นิพฺพานํ, สิวํ ปตฺโต อนุตฺตรํ.

‘‘สมฺพุทฺธํ อุทฺทิสิตฺวาน, โพธึ วา ตสฺส สตฺถุโน;

โย ปุฺํ ปสวี โปโส, ตสฺส กึ นาม ทุลฺลภํ.

‘‘มคฺเค ผเล อาคเม จ, ฌานาภิฺาคุเณสุ จ;

อฺเสํ อธิโก หุตฺวา, นิพฺพายามิ อนาสโว.

‘‘ปุเรหํ โพธิยา ปตฺตํ, ฉฑฺเฑตฺวา หฏฺมานโส;

อิเมหิ วีสตงฺเคหิ, สมงฺคี โหมิ สพฺพถา.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา เถโร อฺํ พฺยากโรนฺโต สตฺถารํ ปูเชตุํ ตเมว คาถํ อภาสิ.

ติสฺสตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. วฑฺฒมานตฺเถรคาถาวณฺณนา

สตฺติยา วิย โอมฏฺโติ อายสฺมโต วฑฺฒมานตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ กิร ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร อิโต ทฺเวนวุเต กปฺเป ติสฺสสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต ติสฺสํ ภควนฺตํ ปิณฺฑาย จรนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส สุปริปกฺกานิ วณฺฏโต มุตฺตานิ อมฺพผลานิ อทาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวโลเก นิพฺพตฺโต อปราปรํ ปุฺกมฺมานิ อุปจินนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท เวสาลิยํ ลิจฺฉวิราชกุเล นิพฺพตฺติ, วฑฺฒมาโนติสฺส นามํ อโหสิ. โส วยปฺปตฺโต สทฺโธ ปสนฺโน ทายโก ทานรโต การโก สงฺฆุปฏฺาโก หุตฺวา ตถารูเป อปราเธ สตฺถารา ปตฺตนิกฺกุชฺชนกมฺเม การาปิเต อคฺคึ อกฺกนฺโต วิย สงฺฆํ ขมาเปตฺวา กมฺมํ ปฏิปฺปสฺสมฺเภตฺวา สฺชาตสํเวโค ปพฺพชิ, ปพฺพชิตฺวา ปน ถินมิทฺธาภิภูโต วิหาสิ. ตํ สตฺถา สํเวเชนฺโต ‘‘สตฺติยา วิย โอมฏฺโ’’ติ คาถํ อภาสิ.

๔๐. ตตฺถ ภวราคปฺปหานายาติ ภวราคสฺส รูปราคสฺส อรูปราคสฺส จ ปชหนตฺถาย. ยทิปิ อชฺฌตฺตสํโยชนานิ อปฺปหาย พหิทฺธสํโยชนานํ ปหานํ นาม นตฺถิ, นานนฺตริกภาวโต ปน อุทฺธมฺภาคิยสํโยชนปฺปหานวจเนน โอรมฺภาคิยสํโยชนปฺปหานมฺปิ วุตฺตเมว โหติ. ยสฺมา วา สมุจฺฉินฺโนรมฺภาคิยสํโยชนานมฺปิ เกสฺจิ อริยานํ อุทฺธมฺภาคิยสํโยชนานิ ทุปฺปเหยฺยานิ โหนฺติ, ตสฺมา สุปฺปเหยฺยโต ทุปฺปเหยฺยเมว ทสฺเสนฺโต ภควา ภวราคปฺปหานสีเสน สพฺพสฺสาปิ อุทฺธมฺภาคิยสํโยชนสฺส ปหานมาห. เถรสฺส เอว วา อชฺฌาสยวเสเนวํ วุตฺตํ. เสสํ วุตฺตนยเมว.

วฑฺฒมานตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

จตุตฺถวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. ปฺจมวคฺโค

๑. สิริวฑฺฒตฺเถรคาถาวณฺณนา

วิวรมนุปตนฺติ วิชฺชุตาติ อายสฺมโต สิริวฑฺฒตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โสปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินนฺโต อิโต เอกนวุเต กปฺเป วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต วิปสฺสึ ภควนฺตํ ปสฺสิตฺวา กิงฺกณิปุปฺเผหิ ปูชํ กตฺวา เตน ปุฺกมฺเมน เทวโลเก นิพฺพตฺโต อปราปรํ ปุฺานิ กตฺวา สุคตีสุเยว สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคเห วิภวสมฺปนฺนสฺส พฺราหฺมณสฺส เคเห นิพฺพตฺติ, สิริวฑฺโฒติสฺส นามํ อโหสิ. โส วยปฺปตฺโต พิมฺพิสารสมาคเม สตฺถริ สทฺธมฺเม จ อุปฺปนฺนปฺปสาโท เหตุสมฺปนฺนตาย ปพฺพชิ. ปพฺพชิตฺวา จ กตปุพฺพกิจฺโจ เวภารปณฺฑวปพฺพตานํ อวิทูเร อฺตรสฺมึ อรฺายตเน ปพฺพตคุหายํ กมฺมฏฺานมนุยุตฺโต วิหรติ. ตสฺมิฺจ สมเย มหา อกาลเมโฆ อุฏฺหิ. วิชฺชุลฺลตา ปพฺพตวิวรํ ปวิสนฺติโย วิย วิจรนฺติ. เถรสฺส ฆมฺมปริฬาหาภิภูตสฺส สารคพฺเภหิ เมฆวาเตหิ ฆมฺมปริฬาโห วูปสมิ. อุตุสปฺปายลาเภน จิตฺตํ เอกคฺคํ อโหสิ. สมาหิตจิตฺโต วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๒๑.๑๐-๑๔) –

‘‘กฺจนคฺฆิยสงฺกาโส, สพฺพฺู โลกนายโก;

โอทกํ ทหโมคฺคยฺห, สินายิ อคฺคปุคฺคโล.

‘‘ปคฺคยฺห กิงฺกณึ ปุปฺผํ, วิปสฺสิสฺสาภิโรปยึ;

อุทคฺคจิตฺโต สุมโน, ทฺวิปทินฺทสฺส ตาทิโน.

‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ ปุปฺผมภิโรปยึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘สตฺตวีสติกปฺปมฺหิ, ราชา ภีมรโถ อหุ;

สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อฺาปเทเสน อตฺตสนฺนิสฺสยํ อุทานํ อุทาเนนฺโต ‘‘วิวรมนุปตนฺติ วิชฺชุตา’’ติ คาถํ อภาสิ.

๔๑. ตตฺถ วิวรนฺติ อนฺตรา เวมชฺฌํ. อนุปตนฺตีติ อนุลกฺขเณ ปตนฺติ ปวตฺตนฺติ, วิชฺโชตนฺตีติ อตฺโถ. วิชฺโชตนเมว หิ วิชฺชุลฺลตานํ ปวตฺติ นาม. อนุ-สทฺทโยเคน เจตฺถ อุปโยควจนํ, ยถา ‘‘รุกฺขมนุวิชฺโชตนฺตี’’ติ. วิชฺชุตาติ สเตรตา. เวภารสฺส จ ปณฺฑวสฺส จาติ เวภารปพฺพตสฺส จ ปณฺฑวปพฺพตสฺส จ วิวรมนุปตนฺตีติ โยชนา. นควิวรคโตติ นควิวรํ ปพฺพตคุหํ อุปคโต. ฌายตีติ อารมฺมณูปนิชฺฌาเนน ลกฺขณูปนิชฺฌาเนน จ ฌายติ, สมถวิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปนฺโต ภาเวติ. ปุตฺโต อปฺปฏิมสฺส ตาทิโนติ สีลกฺขนฺธาทิธมฺมกายสมฺปตฺติยา รูปกายสมฺปตฺติยา จ อนุปมสฺส อุปมารหิตสฺส อิฏฺานิฏฺาทีสุ ตาทิลกฺขณสมฺปตฺติยา ตาทิโน พุทฺธสฺส ภควโต โอรสปุตฺโต. ปุตฺตวจเนเนว เจตฺถ เถเรน สตฺถุ อนุชาตภาวทีปเนน อฺา พฺยากตาติ เวทิตพฺพํ.

สิริวฑฺฒตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. ขทิรวนิยตฺเถรคาถาวณฺณนา

จาเล อุปจาเลติ อายสฺมโต ขทิรวนิยเรวตตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปติ? อยํ กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล หํสวตีนคเร ติตฺถนาวิกกุเล นิพฺพตฺติตฺวา มหาคงฺคาย ปยาคติตฺเถ ติตฺถนาวากมฺมํ กโรนฺโต เอกทิวสํ สสาวกสงฺฆํ ภควนฺตํ คงฺคาตีรํ อุปคตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส นาวาสงฺฆาฏํ โยเชตฺวา มหนฺเตน ปูชาสกฺกาเรน ปรตีรํ ปาเปตฺวา อฺตรํ ภิกฺขุํ สตฺถารา อารฺกานํ อคฺคฏฺาเน ปิยมานํ ทิสฺวา ตทตฺถํ ปตฺถนํ ปฏฺเปตฺวา ภควโต ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ มหาทานํ ปวตฺเตสิ. ภควา จ ตสฺส ปตฺถนาย อวชฺฌภาวํ พฺยากาสิ. โส ตโต ปฏฺาย ตตฺถ ตตฺถ วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลํ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท มคธรฏฺเ นาลกคาเม รูปสาริยา พฺราหฺมณิยา กุจฺฉิสฺมึ นิพฺพตฺติ. ตํ วยปฺปตฺตํ มาตาปิตโร ฆรพนฺธเนน พนฺธิตุกามา ชาตา. โส สาริปุตฺตตฺเถรสฺส ปพฺพชิตภาวํ สุตฺวา ‘‘มยฺหํ เชฏฺภาตา อยฺโย อุปติสฺโส อิมํ วิภวํ ฉฑฺเฑตฺวา ปพฺพชิโต, เตน วนฺตํ เขฬปิณฺฑํ กถาหํ ปจฺฉา คิลิสฺสามี’’ติ ชาตสํเวโค ปาสํ อนุปคจฺฉนกมิโค วิย าตเก วฺเจตฺวา เหตุสมฺปตฺติยา โจทิยมาโน ภิกฺขูนํ สนฺติกํ คนฺตฺวา ธมฺมเสนาปติโน กนิฏฺภาวํ นิเวเทตฺวา อตฺตโน ปพฺพชฺชาย ฉนฺทํ อาโรเจสิ. ภิกฺขู ตํ ปพฺพาเชตฺวา ปริปุณฺณวีสติวสฺสํ อุปสมฺปาเทตฺวา กมฺมฏฺาเน นิโยเชสุํ. โส กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา ขทิรวนํ ปวิสิตฺวา, ‘‘อรหตฺตํ ปตฺวา ภควนฺตํ ธมฺมเสนาปติฺจ ปสฺสิสฺสามี’’ติ ฆเฏนฺโต วายมนฺโต าณสฺส ปริปากคตตฺตา นจิรสฺเสว ฉฬภิฺโ อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑.๖๒๘-๖๔๓) –

‘‘คงฺคา ภาคีรถี นาม, หิมวนฺตา ปภาวิตา;

กุติตฺเถ นาวิโก อาสึ, โอริเม จ ตรึ อหํ.

‘‘ปทุมุตฺตโร นายโก, สมฺพุทฺโธ ทฺวิปทุตฺตโม;

วสีสตสหสฺเสหิ, คงฺคาตีรมุปาคโต.

‘‘พหู นาวา สมาเนตฺวา, วฑฺฒกีหิ สุสงฺขตํ;

นาวาย ฉทนํ กตฺวา, ปฏิมานึ นราสภํ.

‘‘อาคนฺตฺวาน จ สมฺพุทฺโธ, อารูหิ ตฺจ นาวกํ;

วาริมชฺเฌ ิโต สตฺถา, อิมา คาถา อภาสถ.

‘‘โย โส ตาเรสิ สมฺพุทฺธํ, สงฺฆฺจาปิ อนาสวํ;

เตน จิตฺตปฺปสาเทน, เทวโลเก รมิสฺสติ.

‘‘นิพฺพตฺติสฺสติ เต พฺยมฺหํ, สุกตํ นาวสณฺิตํ;

อากาเส ปุปฺผฉทนํ, ธารยิสฺสติ สพฺพทา.

‘‘อฏฺปฺาสกปฺปมฺหิ, ตารโก นาม ขตฺติโย;

จาตุรนฺโต วิชิตาวี, จกฺกวตฺตี ภวิสฺสติ.

‘‘สตฺตปฺาสกปฺปมฺหิ, จมฺมโก นาม ขตฺติโย;

อุคฺคจฺฉนฺโตว สูริโย, โชติสฺสติ มหพฺพโล.

‘‘กปฺปสตสหสฺสมฺหิ, โอกฺกากกุลสมฺภโว;

โคตโม นาม โคตฺเตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติ.

‘‘ติทสา โส จวิตฺวาน, มนุสฺสตฺตํ คมิสฺสติ;

เรวโต นาม นาเมน, พฺรหฺมพนฺธุ ภวิสฺสติ.

‘‘อคารา นิกฺขมิตฺวาน, สุกฺกมูเลน โจทิโต;

โคตมสฺส ภควโต, สาสเน ปพฺพชิสฺสติ.

‘‘โส ปจฺฉา ปพฺพชิตฺวาน, ยุตฺตโยโค วิปสฺสโก;

สพฺพาสเว ปริฺาย, นิพฺพายิสฺสตินาสโว.

‘‘วีริยํ เม ธุรโธรยฺหํ, โยคกฺเขมาธิวาหนํ;

ธาเรมิ อนฺติมํ เทหํ, สมฺมาสมฺพุทฺธสาสเน.

‘‘สตสหสฺเส กตํ กมฺมํ, ผลํ ทสฺเสสิ เม อิธ;

สุมุตฺโต สรเวโคว, กิเลเส ฌาปยี มม.

‘‘ตโต มํ วนนิรตํ, ทิสฺวา โลกนฺตคู มุนิ;

วนวาสิภิกฺขูนคฺคํ, ปฺเปสิ มหามติ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

ฉฬภิฺโ ปน หุตฺวา เถโร สตฺถารํ ธมฺมเสนาปติฺจ วนฺทิตุํ เสนาสนํ สํสาเมตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย อนุปุพฺเพน สาวตฺถึ ปตฺวา เชตวนํ ปวิสิตฺวา สตฺถารํ ธมฺมเสนาปติฺจ วนฺทิตฺวา กติปาหํ เชตวเน วิหาสิ. อถ นํ สตฺถา อริยคณมชฺเฌ นิสินฺโน อารฺกานํ ภิกฺขูนํ อคฺคฏฺาเน เปสิ – ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ อารฺกานํ ยทิทํ เรวโต ขทิรวนิโย’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๙๘, ๒๐๓). โส อปรภาเค อตฺตโน ชาตคามํ คนฺตฺวา ‘‘จาลา, อุปจาลา, สีสูปจาลา’’ติ ติสฺสนฺนํ ภคินีนํ ปุตฺเต ‘‘จาลา, อุปจาลา, สีสูปจาลา’’ติ ตโย ภาคิเนยฺเย อาเนตฺวา ปพฺพาเชตฺวา กมฺมฏฺาเน นิโยเชสิ. เต กมฺมฏฺานํ อนุยุตฺตา วิหรนฺติ. ตสฺมิฺจ สมเย เถรสฺส โกจิเทว อาพาโธ อุปฺปนฺโน. ตํ สุตฺวา สาริปุตฺตตฺเถโร เรวตํ ‘‘คิลานปุจฺฉนํ อธิคมปุจฺฉนฺจ กริสฺสามี’’ติ อุปคจฺฉิ. เรวตตฺเถโร ธมฺมเสนาปตึ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา เตสํ สามเณรานํ สตุปฺปาทนวเสน โอวทนฺโต ‘‘จาเล อุปจาเล’’ติ คาถํ อภาสิ.

๔๒. ตตฺถ จาเล อุปจาเล สีสูปจาเลติ เตสํ อาลปนํ. ‘‘จาลา, อุปจาลา, สีสูปจาลา’’ติ หิ อิตฺถิลิงฺควเสน ลทฺธนามา เต ตโย ทารกา ปพฺพชิตาปิ ตถา โวหรียนฺติ. ‘‘‘จาลี, อุปจาลี, สีสูปจาลี’ติ เตสํ นาม’’นฺติ จ วทนฺติ. ยทตฺถํ ‘‘จาลา’’ติอาทินา อามนฺตนํ กตํ, ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปติสฺสตา นุ โข วิหรถา’’ติ วตฺวา ตตฺถ การณมาห ‘‘อาคโต โว วาลํ วิย เวธี’’ติ. ปติสฺสตาติ ปติสฺสติกา. โขติ อวธารเณ. อาคโตติ อาคจฺฉิ. โวติ ตุมฺหากํ. วาลํ วิย เวธีติ วาลเวธี วิย, อยฺเหตฺถ สงฺเขปตฺโถ – ติกฺขชวนนิพฺเพธิกปฺตาย วาลเวธิรูโป สตฺถุกปฺโป ตุมฺหากํ มาตุลตฺเถโร อาคโต, ตสฺมา สมณสฺํ อุปฏฺเปตฺวา สติสมฺปชฺยุตฺตา เอว หุตฺวา วิหรถ, ‘‘ยถาธิคเต วิหาเร อปฺปมตฺตา ภวถา’’ติ.

ตํ สุตฺวา เต สามเณรา ธมฺมเสนาปติสฺส ปจฺจุคฺคมนาทิวตฺตํ กตฺวา อุภินฺนํ มาตุลตฺเถรานํ ปฏิสนฺถารเวลายํ นาติทูเร สมาธึ สมาปชฺชิตฺวา นิสีทึสุ. ธมฺมเสนาปติ เรวตตฺเถเรน สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กตฺวา อุฏฺายาสนา เต สามเณเร อุปสงฺกมิ, เต ตถากาลปริจฺเฉทสฺส กตตฺตา เถเร อุปสงฺกมนฺเต เอว อุฏฺหิตฺวา วนฺทิตฺวา อฏฺํสุ. เถโร ‘‘กตรกตรวิหาเรน วิหรถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา เตหิ ‘‘อิมาย อิมายา’’ติ วุตฺเต ‘‘ทารเกปิ นาม เอวํ วิเนนฺโต มยฺหํ ภาติโก ปจฺจปาทิ วต ธมฺมสฺส อนุธมฺม’’นฺติ เถรํ ปสํสนฺโต ปกฺกามิ.

ขทิรวนิยตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. สุมงฺคลตฺเถรคาถาวณฺณนา

สุมุตฺติโกติ อายสฺมโต สุมงฺคลตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โสปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ ปุฺํ อุปจินนฺโต สิทฺธตฺถสฺส ภควโต กาเล รุกฺขเทวตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ. โส เอกทิวสํ สตฺถารํ นฺหายิตฺวา เอกจีวรํ ิตํ ทิสฺวา โสมนสฺสปฺปตฺโต หุตฺวา อปฺโผเฏสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยา อวิทูเร อฺตรสฺมึ คามเก ตาทิเสน กมฺมนิสฺสนฺเทน ทลิทฺทกุเล นิพฺพตฺติ. ตสฺส สุมงฺคโลติ นามํ อโหสิ. โส วยปฺปตฺโต ขุชฺชกาสิตนงฺคลกุทฺทาลปริกฺขาโร หุตฺวา กสิยา ชีวติ. โส เอกทิวสํ รฺา ปเสนทิโกสเลน ภควโต ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ มหาทาเน ปวตฺติยมาเน ทาโนปกรณานิ คเหตฺวา อาคจฺฉนฺเตหิ มนุสฺเสหิ สทฺธึ ทธิฆฏํ คเหตฺวา อาคโต ภิกฺขูนํ สกฺการสมฺมานํ ทิสฺวา ‘‘อิเม สมณา สกฺยปุตฺติยา สุขุมวตฺถสุนิวตฺถา สุโภชนานิ ภุฺชิตฺวา นิวาเตสุ เสนาสเนสุ วิหรนฺติ, ยํนูนาหมฺปิ ปพฺพเชยฺย’’นฺติ จินฺเตตฺวา, อฺตรํ มหาเถรํ อุปสงฺกมิตฺวา อตฺตโน ปพฺพชฺชาธิปฺปายํ นิเวเทสิ. โส ตํ กรุณายนฺโต ปพฺพาเชตฺวา กมฺมฏฺานํ อาจิกฺขิ. โส อรฺเ วิหรนฺโต เอกวิหาเร นิพฺพินฺโน อุกฺกณฺิโต หุตฺวา, วิพฺภมิตุกาโม าติคามํ คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค กจฺฉํ พนฺธิตฺวา เขตฺตํ กสนฺเต กิลิฏฺวตฺถนิวตฺเถ สมนฺตโต รโชกิณฺณสรีเร วาตาตเปน ผุสฺสนฺเต กสฺสเก ทิสฺวา, ‘‘มหนฺตํ วติเม สตฺตา ชีวิกนิมิตฺตํ ทุกฺขํ ปจฺจนุโภนฺตี’’ติ สํเวคํ ปฏิลภิ. าณสฺส ปริปากํ คตตฺตา ยถาคหิตํ กมฺมฏฺานํ อุปฏฺาสิ. โส อฺตรํ รุกฺขมูลํ อุปคนฺตฺวา วิเวกํ ลภิตฺวา โยนิโส มนสิกโรนฺโต วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา มคฺคปฏิปาฏิยา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๒.๑๑-๑๙) –

‘‘อตฺถทสฺสี ชินวโร, โลกเชฏฺโ นราสโภ;

วิหารา อภินิกฺขมฺม, ตฬากํ อุปสงฺกมิ.

‘‘นฺหาตฺวา ปิตฺวา จ สมฺพุทฺโธ, อุตฺตริตฺเวกจีวโร;

อฏฺาสิ ภควา ตตฺถ, วิโลเกนฺโต ทิโสทิสํ.

‘‘ภวเน อุปวิฏฺโหํ, อทฺทสํ โลกนายกํ;

หฏฺโ หฏฺเน จิตฺเตน, อปฺโผเฏสึ อหํ ตทา.

‘‘สตรํสึว โชตนฺตํ, ปภาสนฺตํว กฺจนํ;

นจฺจคีเต ปยุตฺโตหํ, ปฺจงฺคตูริยมฺหิ จ.

‘‘ยํ ยํ โยนุปปชฺชามิ, เทวตฺตํ อถ มานุสํ;

สพฺเพ สตฺเต อภิโภมิ, วิปุโล โหติ เม ยโส.

‘‘นโม เต ปุริสาชฺ, นโม เต ปุริสุตฺตม;

อตฺตานํ โตสยิตฺวาน, ปเร โตเสสิ ตฺวํ มุนิ.

‘‘ปริคฺคเห นิสีทิตฺวา, หาสํ กตฺวาน สุพฺพเต;

อุปฏฺหิตฺวา สมฺพุทฺธํ, ตุสิตํ อุปปชฺชหํ.

‘‘โสฬเสโต กปฺปสเต, ทฺวินวเอกจินฺติตา;

สตฺตรตนสมฺปนฺนา, จกฺกวตฺตี มหพฺพลา.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา สมฺปตฺตึ อตฺตโน ทุกฺขวิมุตฺติฺจ กิตฺตนวเสน อุทานํ อุทาเนนฺโต ‘‘สุมุตฺติโก’’ติอาทิมาห.

๔๓. ตตฺถ สุมุตฺติโกติ สุนฺทรา อจฺจนฺติกตาย อปุนพฺภวิกา มุตฺติ เอตสฺสาติ สุมุตฺติโก. ตสฺส ปน วิมุตฺติยา ปาสํสิยตาย อจฺฉริยตาย จ อปฺโผเฏนฺโต อาห ‘‘สุมุตฺติโก’’ติ. ปุน ตตฺถ วิมุตฺติยํ อตฺตโน ปสาทสฺส ทฬฺหภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘สาหุ สุมุตฺติโกมฺหี’’ติ อาห. ‘‘สาธุ สุฏฺุ มุตฺติโก วตมฺหี’’ติ อตฺโถ. ‘‘กุโต ปนายํ สุมุตฺติกตา’’ติ? กามฺจายํ เถโร สพฺพสฺมาปิ วฏฺฏทุกฺขโต สุวิมุตฺโต, อตฺตโน ปน ตาว อุปฏฺิตํ อติวิย อนิฏฺภูตํ ทุกฺขํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตีหิ ขุชฺชเกหี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ขุชฺชเกหีติ ขุชฺชสภาเวหิ, ขุชฺชากาเรหิ วา. นิสฺสกฺกวจนฺเจตํ มุตฺตสทฺทาเปกฺขาย. กสฺสโก หิ อขุชฺโชปิ สมาโน ตีสุ าเนสุ อตฺตานํ ขุชฺชํ กตฺวา ทสฺเสติ ลายเน กสเน กุทฺทาลกมฺเม จ. โย หิ ปน กสฺสโก ลายนาทีนิ กโรติ, ตานิปิ อสิตาทีนิ กุฏิลาการโต ขุชฺชกานีติ วุตฺตํ ‘‘ตีหิ ขุชฺชเกหี’’ติ.

อิทานิ ตานิ สรูปโต ทสฺเสนฺโต ‘‘อสิตาสุ มยา, นงฺคลาสุ มยา, ขุทฺทกุทฺทาลาสุ มยา’’ติ อาห. ตตฺถ อสิตาสุ มยาติ ลวิตฺเตหิ มยา มุตฺตนฺติ อตฺโถ. นิสฺสกฺเก เจตํ ภุมฺมวจนํ. เสเสสุปิ เอเสว นโย. อปเร ปน ‘‘อสิตาสุ มยาติ ลวิตฺเตหิ กรณภูเตหิ มยา ขุชฺชิต’’นฺติ วทนฺติ. เตสํ มเตน กรณตฺเถ เหตุมฺหิ วา ภุมฺมวจนํ. ‘‘นงฺคลาสู’’ติ ลิงฺควิปลฺลาสํ กตฺวา วุตฺตํ, นงฺคเลหิ กสิเรหีติ อตฺโถ. อตฺตนา วฬฺชิตกุทฺทาลสฺส สภาวโต วฬฺชเนน วา อปฺปกตาย วุตฺตํ ‘‘ขุทฺทกุทฺทาลาสู’’ติ ‘‘กุณฺกุทฺทาลาสู’’ติปิ ปาฬิ. วฬฺชเนเนว อติขิณขณิตฺเตสูติ อตฺโถ. อิธเมวาติ -กาโร ปทสนฺธิกโร. อถ วาปีติ วา-สทฺโท นิปาตมตฺตํ. คามเก ิตตฺตา ตานิ อสิตาทีนิ กิฺจาปิ อิเธว มม สมีเปเยว, ตถาปิ อลเมว โหตีติ อตฺโถ. ตุริตวเสน เจตํ อาเมฑิตวจนํ. ฌายาติ ผลสมาปตฺติชฺฌานวเสน ทิฏฺธมฺมสุขวิหารตฺถํ ทิพฺพวิหาราทิวเสน จ ฌาย. สุมงฺคลาติ อตฺตานํ อาลปติ. ฌาเน ปน อาทรทสฺสนตฺถํ อาเมฑิตํ กตํ. อปฺปมตฺโต วิหราติ สติปฺาเวปุลฺลปฺปตฺติยา สพฺพตฺถกเมว อปฺปมตฺโตสิ ตฺวํ, ตสฺมา อิทานิ สุขํ วิหร, สุมงฺคล. เกจิ ปน ‘‘อรหตฺตํ อปฺปตฺวา เอว วิปสฺสนาย วีถิปฏิปนฺนาย สาสเน สฺชาตาภิรติยา ยถานุภูตํ ฆราวาสทุกฺขํ ชิคุจฺฉนฺโต เถโร อิมํ คาถํ วตฺวา ปจฺฉา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณี’’ติ วทนฺติ. เตสํ มเตน ‘‘ฌาย อปฺปมตฺโต วิหรา’’ติ ปทานํ อตฺโถ วิปสฺสนามคฺควเสนปิ ยุชฺชติ เอว.

สุมงฺคลตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. สานุตฺเถรคาถาวณฺณนา

มตํ วา อมฺม โรทนฺตีติ อายสฺมโต สานุตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โสปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ ปุฺํ อุปจินนฺโต อิโต จตุนวุเต กปฺเป สิทฺธตฺถสฺส ภควโต หตฺถปาทโธวนมุขวิกฺขาลนานํ อตฺถาย อุทกํ อุปเนสิ. สตฺถา หิ โภชนกาเล หตฺถปาเท โธวิตุกาโม อโหสิ. โส สตฺถุ อาการํ สลฺลกฺเขตฺวา อุทกํ อุปเนสิ. ภควา หตฺถปาเท โธวิตฺวา ภุฺชิตฺวา มุขํ วิกฺขาเลตุกาโม อโหสิ. โส ตมฺปิ ตฺวา มุโขทกํ อุปเนสิ. สตฺถา มุขํ วิกฺขาเลตฺวา มุขโธวนกิจฺจํ นิฏฺาเปสิ. เอวํ ภควา อนุกมฺปํ อุปาทาย เตน กรียมานํ เวยฺยาวจฺจํ สาทิยิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา อปราปรํ ปุฺานิ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ อฺตรสฺส อุปาสกสฺส เคเห ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. ตสฺมึ คพฺภคเตเยว ปิตา ปวาสํ คโต, อุปาสิกา ทสมาสจฺจเยน ปุตฺตํ วิชายิตฺวา สานูติสฺส นามํ อกาสิ. ตสฺมึ อนุกฺกเมน วฑฺฒนฺเต สตฺตวสฺสิกํเยว นํ ภิกฺขูนํ สนฺติเก ปพฺพาเชสิ, ‘‘เอวมยํ อนนฺตราโย วฑฺฒิตฺวา อจฺจนฺตสุขภาคี ภวิสฺสตี’’ติ. ‘‘โส สานุสามเณโร’’ติ ปฺาโต ปฺวา วตฺตสมฺปนฺโน พหุสฺสุโต ธมฺมกถิโก สตฺเตสุ เมตฺตชฺฌาสโย หุตฺวา เทวมนุสฺสานํ ปิโย อโหสิ มนาโปติ สพฺพํ สานุสุตฺเต อาคตนเยน เวทิตพฺพํ.

ตสฺส อตีตชาติยํ มาตา ยกฺขโยนิยํ นิพฺพตฺติ. ตํ ยกฺขา ‘‘สานุตฺเถรสฺส อยํ มาตา’’ติ ครุจิตฺติการพหุลา หุตฺวา มาเนนฺติ. เอวํ คจฺฉนฺเต กาเล ปุถุชฺชนภาวสฺส อาทีนวํ วิภาเวนฺตํ วิย เอกทิวสํ สานุสฺส โยนิโส มนสิการาภาวา อโยนิโส อุมฺมุชฺชนฺตสฺส วิพฺภมิตุกามตาจิตฺตํ อุปฺปชฺชิ. ตํ ตสฺส ยกฺขินิมาตา ตฺวา มนุสฺสมาตุยา อาโรเจสิ – ‘‘ตว ปุตฺโต, สานุ, ‘วิพฺภมิสฺสามี’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทสิ, ตสฺมา ตฺวํ –

‘‘สานุํ ปพุทฺธํ วชฺชาสิ, ยกฺขานํ วจนํ อิทํ;

มากาสิ ปาปกํ กมฺมํ, อาวิ วา ยทิ วา รโห.

‘‘สเจ ตฺวํ ปาปกํ กมฺมํ, กริสฺสสิ กโรสิ วา;

น เต ทุกฺขา ปมุตฺยตฺถิ, อุปฺปจฺจาปิ ปลายโต’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๒๓๙; ธ. ป. อฏฺ. ๒.๓๒๕ สานุสามเณรวตฺถุ) –

เอวํ ภณาหี’’ติ. เอวฺจ ปน วตฺวา ยกฺขินิมาตา ตตฺเถวนฺตรธายิ. มนุสฺสมาตา ปน ตํ สุตฺวา ปริเทวโสกสมาปนฺนา เจโตทุกฺขสมปฺปิตา อโหสิ. อถ สานุสามเณโร ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย มาตุ สนฺติกํ อุปคโต มาตรํ โรทมานํ ทิสฺวา ‘‘อมฺม, กึ นิสฺสาย โรทสี’’ติ วตฺวา ‘‘ตํ นิสฺสายา’’ติ จ วุตฺโต มาตุ ‘‘มตํ วา, อมฺม, โรทนฺติ, โย วา ชีวํ น ทิสฺสตี’’ติ คาถํ อภาสิ.

๔๔. ตสฺสตฺโถ – ‘‘อมฺม, โรทนฺตา นาม าตกา มิตฺตา วา อตฺตโน าตกํ มิตฺตํ วา มตํ อุทฺทิสฺส โรทนฺติ ปรโลกํ คตตฺตา, โย วา าตโก มิตฺโต วา ชีวํ ชีวนฺโต เทสนฺตรํ ปกฺกนฺตตาย จ น ทิสฺสติ, ตํ วา อุทฺทิสฺส โรทนฺติ, อุภยมฺเปตํ มยิ น วิชฺชติ, เอวํ สนฺเต ชีวนฺตํ ธรมานํ มํ ปุรโต ิตํ ปสฺสนฺตี; กสฺมา, อมฺม, โรทสิ?มํ อุทฺทิสฺส ตว โรทนสฺส การณเมว นตฺถี’’ติ.

ตํ สุตฺวา ตสฺส มาตา ‘‘มรณฺเหตํ, ภิกฺขเว, โย สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๖๓) สุตฺตปทานุสาเรน อุปฺปพฺพชนํ อริยสฺส วินเย มรณนฺติ ทสฺเสนฺตี –

‘‘มตํ วา ปุตฺต โรทนฺติ, โย วา ชีวํ น ทิสฺสติ;

โย จ กาเม จชิตฺวาน, ปุนราคจฺฉเต อิธ.

‘‘ตํ วาปิ ปุตฺต โรทนฺติ, ปุน ชีวํ มโต หิ โส;

กุกฺกุฬา อุพฺภโต ตาต, กุกฺกุฬํ ปติตุมิจฺฉสี’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๒๓๙; ธ. ป. อฏฺ. ๒.สานุสามเณรวตฺถุ) –

คาถาทฺวยํ อภาสิ.

ตตฺถ กาเม จชิตฺวานาติ เนกฺขมฺมชฺฌาสเยน วตฺถุกาเม ปหาย, ตฺจ กิเลสกามสฺส ตทงฺคปฺปหานวเสน เวทิตพฺพํ. ปพฺพชฺชา เหตฺถ กามปริจฺจาโค อธิปฺเปโต. ปุนราคจฺฉเต อิธาติ อิธ เคเห ปุนเทว อาคจฺฉติ, หีนายาวตฺตนํ สนฺธาย วทติ. ตํ วาปีติ โย ปพฺพชิตฺวา วิพฺภมติ, ตํ วาปิ ปุคฺคลํ มตํ วิยมาทิสิโย โรทนฺติ. กสฺมาติ เจ? ปุน ชีวํ มโต หิ โสติ วิพฺภมนโต ปจฺฉา โย ชีวนฺโต, โส คุณมรเณน อตฺถโต มโตเยว. อิทานิสฺส สวิเสสสํเวคํ ชเนตุํ ‘‘กุกฺกุฬา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตสฺสตฺโถ – ‘‘อโหรตฺตํ อาทิตฺตํ วิย หุตฺวา ฑหนฏฺเน กุกฺกุฬนิรยสทิสตฺตา กุกฺกุฬา คิหิภาวา อนุกมฺปนฺติยา มยา อุพฺภโต อุทฺธโต, ตาต สานุ, กุกฺกุฬํ ปติตุํ อิจฺฉสิ ปติตุกาโมสี’’ติ.

ตํ สุตฺวา สานุสามเณโร สํเวคชาโต หุตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๒๑.๒๕-๒๙) –

‘‘ภุฺชนฺตํ สมณํ ทิสฺวา, วิปฺปสนฺนมนาวิลํ;

ฆเฏโนทกมาทาย, สิทฺธตฺถสฺส อทาสหํ.

‘‘นิมฺมโล โหมหํ อชฺช, วิมโล ขีณสํสโย;

ภเว นิพฺพตฺตมานสฺส, ผลํ นิพฺพตฺตเต สุภํ.

‘‘จตุนฺนวุติโต กปฺเป, อุทกํ ยมทาสหํ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ทกทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘เอกสฏฺิมฺหิโต กปฺเป, เอโกว วิมโล อหุ;

สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา เถโร อิมิสฺสา คาถาย วเสน ‘‘มยฺหํ วิปสฺสนารมฺโภ อรหตฺตปฺปตฺติ จ ชาตา’’ติ อุทานวเสน ตเมว คาถํ ปจฺจุทาหาสิ.

สานุตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. รมณียวิหาริตฺเถรคาถาวณฺณนา

ยถาปิ ภทฺโท อาชฺโติ อายสฺมโต รมณียวิหาริตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โสปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ปุฺานิ อุปจินนฺโต อิโต เอกนวุเต กปฺเป วิปสฺสึ ภควนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา โกรณฺฑปุปฺเผหิ ปูชํ อกาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทเวสุ นิพฺพตฺติตฺวา อปราปรํ ปุฺานิ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคเห อฺตรสฺส เสฏฺิสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺโต โยพฺพนมเทน กาเมสุ มุจฺฉํ อาปนฺโน วิหรติ. โส เอกทิวสํ อฺตรํ ปารทาริกํ ราชปุริเสหิ วิวิธา กมฺมการณา กรียมานํ ทิสฺวา สํเวคชาโต สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปพฺพชิ. ปพฺพชิโต จ ราคจริตตาย นิจฺจกาลํ สุสมฺมฏฺํ ปริเวณํ สูปฏฺิตํ ปานียปริโภชนียํ สุปฺตํ มฺจปีํ กตฺวา วิหรติ. เตน โส รมณียวิหารีตฺเวว ปฺายิตฺถ.

โส ราคุสฺสนฺนตาย อโยนิโส มนสิ กริตฺวา สฺเจตนิกํ สุกฺกวิสฺสฏฺิอาปตฺตึ อาปชฺชิตฺวา, ‘‘ธิรตฺถุ, มํ เอวํภูโต สทฺธาเทยฺยํ ภุฺเชยฺย’’นฺติ วิปฺปฏิสารี หุตฺวา ‘‘วิพฺภมิสฺสามี’’ติ คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค รุกฺขมูเล นิสีทิ, เตน จ มคฺเคน สกเฏสุ คจฺฉนฺเตสุ เอโก สกฏยุตฺโต โคโณ ปริสฺสมนฺโต วิสมฏฺาเน ขลิตฺวา ปติ, ตํ สากฏิกา ยุคโต มุฺจิตฺวา ติโณทกํ ทตฺวา ปริสฺสมํ วิโนเทตฺวา ปุนปิ ธุเร โยเชตฺวา อคมํสุ. เถโร ตํ ทิสฺวา – ‘‘ยถายํ โคโณ สกึ ขลิตฺวาปิ อุฏฺาย สกึ ธุรํ วหติ, เอวํ มยาปิ กิเลสวเสน สกึ ขลิเตนาปิ วุฏฺาย สมณธมฺมํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ โยนิโส อุมฺมุชฺชนฺโต นิวตฺติตฺวา อุปาลิตฺเถรสฺส อตฺตโน ปวตฺตึ อาจิกฺขิตฺวา เตน วุตฺตวิธินา อาปตฺติโต วุฏฺหิตฺวา สีลํ ปากติกํ กตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๒๑.๓๕-๓๙) –

‘‘อกฺกนฺตฺจ ปทํ ทิสฺวา, จกฺกาลงฺการภูสิตํ;

ปเทนานุปทํ ยนฺโต, วิปสฺสิสฺส มเหสิโน.

‘‘โกรณฺฑํ ปุปฺผิตํ ทิสฺวา, สมูลํ ปูชิตํ มยา;

หฏฺโ หฏฺเน จิตฺเตน, อวนฺทึ ปทมุตฺตมํ.

‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ ปุปฺผมภิปูชยึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘สตฺตปฺาสกปฺปมฺหิ, เอโก วีตมโล อหุํ;

สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา วิมุตฺติสุขํ อนุภวนฺโต อตฺตโน ปุพฺพภาคปฏิปตฺติยา สทฺธึ อริยธมฺมาธิคมนทีปนึ ‘‘ยถาปิ ภทฺโท อาชฺโ, ขลิตฺวา ปติติฏฺตี’’ติ คาถํ อภาสิ.

๔๕. ตตฺถ ขลิตฺวาติ ปกฺขลิตฺวา. ปติติฏฺตีติ ปติฏฺหติ, ปุนเทว ยถาาเน ติฏฺติ. เอวนฺติ ยถา ภทฺโท อุสภาชานีโย ภารํ วหนฺโต ปริสฺสมปฺปตฺโต วิสมฏฺานํ อาคมฺม เอกวารํ ปกฺขลิตฺวา ปติโต น ตตฺตเกน ธุรํ ฉฑฺเฑติ, ถามชวปรกฺกมสมฺปนฺนตาย ปน ขลิตฺวาปิ ปติติฏฺติ, อตฺตโน สภาเวเนว ตฺวา ภารํ วหติ, เอวํ กิเลสปริสฺสมปฺปตฺโต กิริยาปราเธน ขลิตฺวา ตํ ขลิตํ ถามวีริยสมฺปตฺติตาย ปฏิปากติกํ กตฺวา มคฺคสมฺมาทิฏฺิยา ทสฺสนสมฺปนฺนํ, ตโต เอว สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สวนนฺเต อริยาย ชาติยา ชาตตาย สาวกํ, ตสฺส อุเร วายามชนิตาภิชาติตาย โอรสํ ปุตฺตํ ภทฺทาชานียสทิสกิจฺจตาย อาชานียนฺติ จ มํ ธาเรถ อุปธาเรถาติ อตฺโถ.

รมณียวิหาริตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. สมิทฺธิตฺเถรคาถาวณฺณนา

สทฺธายาหํ ปพฺพชิโตติ อายสฺมโต สมิทฺธิตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตฺตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ปุฺานิ อุปจินนฺโต อิโต จตุนวุเต กปฺเป สิทฺธตฺถํ ภควนฺตํ ปสฺสิตฺวา ปสนฺนมานโส สวณฺฏานิ ปุปฺผานิ กณฺณิกพทฺธานิ คเหตฺวา ปูเชสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา อปราปรํ ปุฺานิ กตฺวา สุคตีสุเยว ปริวตฺเตนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคเห กุลเคเห นิพฺพตฺติ. ตสฺส ชาตกาลโต ปฏฺาย ตํ กุลํ ธนธฺาทีหิ วฑฺฒิ, อตฺตภาโว จสฺส อภิรูโป ทสฺสนีโย คุณวา อิติ วิภวสมิทฺธิยา จ คุณสมิทฺธิยา สมิทฺธีตฺเวว ปฺายิตฺถ. โส พิมฺพิสารสมาคเม พุทฺธานุภาวํ ทิสฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา ภาวนาย ยุตฺตปฺปยุตฺโต วิหรนฺโต ภควติ ตโปทาราเม วิหรนฺเต เอกทิวสํ เอวํ จินฺเตสิ – ‘‘ลาภา วต เม สตฺถา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ, สฺวากฺขาเต จาหํ ธมฺมวินเย ปพฺพชิโต, สพฺรหฺมจารี จ เม สีลวนฺโต กลฺยาณธมฺมา’’ติ. ตสฺเสวํ จินฺเตนฺตสฺส อุฬารํ ปีติโสมนสฺสํ อุทปาทิ. ตํ อสหนฺโต มาโร ปาปิมา เถรสฺส อวิทูเร มหนฺตํ เภรวสทฺทมกาสิ, ปถวิยา อุนฺทฺริยนกาโล วิย อโหสิ. เถโร ภควโต ตมตฺถํ อาโรเจสิ. ภควา ‘‘มาโร ตุยฺหํ วิจกฺขุกมฺมาย เจเตติ, คจฺฉ, ภิกฺขุ ตตฺถ อจินฺเตตฺวา วิหราหี’’ติ อาห. เถโร ตตฺถ คนฺตฺวา วิหรนฺโต นจิรสฺเสว วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๒๑.๓๐-๓๔) –

‘‘กณิการํว โชตนฺตํ, นิสินฺนํ ปพฺพตนฺตเร;

โอภาเสนฺตํ ทิสา สพฺพา, สิทฺธตฺถํ นรสารถึ.

‘‘ธนุํ อทฺเวชฺฌํ กตฺวาน, อุสุํ สนฺนยฺหหํ ตทา;

ปุปฺผํ สวณฺฏํ เฉตฺวาน, พุทฺธสฺส อภิโรปยึ.

‘‘จตุนฺนวุติโต กปฺเป, ยํ ปุปฺผมภิโรปยึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘เอกปฺาสิโต กปฺเป, เอโก อาสึ ชุตินฺธโร;

สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา ตตฺเถว วิหรนฺตสฺส เถรสฺส ขีณาสวภาวํ อชานนฺโต ปุริมนเยเนว มาโร มหนฺตํ เภรวสทฺทํ อกาสิ. ตํ สุตฺวา เถโร อภีโต อจฺฉมฺภี ‘‘ตาทิสานํ มารานํ สตมฺปิ สหสฺสมฺปิ มยฺหํ โลมมฺปิ น กมฺเปตี’’ติ อฺํ พฺยากโรนฺโต ‘‘สทฺธายาหํ ปพฺพชิโต’’ติ คาถํ อภาสิ.

๔๖. ตตฺถ สทฺธายาติ ธมฺมจฺฉนฺทสมุฏฺานาย กมฺมผลสทฺธาย เจว รตนตฺตยสทฺธาย จ. อหนฺติ อตฺตานํ นิทฺทิสติ. ปพฺพชิโตติ อุปคโต. อคารสฺมาติ เคหโต ฆราวาสโต วา. อนคาริยนฺติ ปพฺพชฺชํ, สา หิ ยํกิฺจิ กสิวาณิชฺชาทิกมฺมํ ‘อคารสฺส หิต’นฺติ อคาริยํ นาม, ตทภาวโต ‘‘อนคาริยา’’ติ วุจฺจติ. สติ ปฺา จ เม วุฑฺฒาติ สรณลกฺขณา สติ, ปชานนลกฺขณา ปฺาติ อิเม ธมฺมา วิปสฺสนากฺขณโต ปฏฺาย มคฺคปฏิปาฏิยา ยาว อรหตฺตา เม วุฑฺฒา วฑฺฒิตา, น ทานิ วฑฺเฒตพฺพา อตฺถิ สติปฺา เวปุลฺลปฺปตฺตาติ ทสฺเสติ. จิตฺตฺจ สุสมาหิตนฺติ อฏฺสมาปตฺติวเสน เจว โลกุตฺตรสมาธิวเสน จ จิตฺตํ เม สุฏฺุ สมาหิตํ, น ทานิ ตสฺส สมาธาตพฺพํ อตฺถิ, สมาธิ เวปุลฺลปฺปตฺโตติ ทสฺเสติ. ตสฺมา กามํ กรสฺสุ รูปานีติ ปาปิม มํ อุทฺทิสฺส ยานิ กานิจิ วิปฺปการานิ ยถารุจึ กโรหิ, เตหิ ปน เนว มํ พฺยาธยิสฺสสิ มม สรีรกมฺปนมตฺตมฺปิ กาตุํ น สกฺขิสฺสสิ, กุโต จิตฺตฺถตฺตํ? ตสฺมา ตว กิริยา อปฺปฏิจฺฉิตปเหนกํ วิย น กิฺจิ อตฺถํ โสเธติ, เกวลํ ตว จิตฺตวิฆาตมตฺตผลาติ เถโร มารํ ตชฺเชสิ. ตํ สุตฺวา มาโร ‘‘ชานาติ มํ สมโณ’’ติ ตตฺเถวนฺตรธายิ.

สมิทฺธิตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. อุชฺชยตฺเถรคาถาวณฺณนา

นโม เต พุทฺธ วีรตฺถูติ อายสฺมโต อุชฺชยตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ กโรนฺโต อิโต ทฺวานวุเต กปฺเป ติสฺสํ ภควนฺตํ ปสฺสิตฺวา ปสนฺนมานโส กณิการปุปฺเผหิ ปูชํ อกาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา อปราปรํ ปุฺานิ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคเห อฺตรสฺส โสตฺติยพฺราหฺมณสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, อุชฺชโยติสฺส นามํ อโหสิ. โส วยปฺปตฺโต ติณฺณํ เวทานํ ปารคู หุตฺวา ตตฺถ สารํ อปสฺสนฺโต อุปนิสฺสยสมฺปตฺติยา โจทิยมาโน เวฬุวนํ คนฺตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา จริยานุกูลํ กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อรฺเ วิหรนฺโต วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๒๑.๑-๔) –

‘‘กณิการํ ปุปฺผิตํ ทิสฺวา, โอจินิตฺวานหํ ตทา;

ติสฺสสฺส อภิโรเปสึ, โอฆติณฺณสฺส ตาทิโน.

‘‘ทฺเวนวุเต อิโต กปฺเป, ยํ ปุปฺผมภิโรปยึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘ปฺจตึเส อิโต กปฺเป, อรุณปาณีติ วิสฺสุโต;

สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิตฺวา ภควโต โถมนากาเรน อฺํ พฺยากโรนฺโต ‘‘นโม เต พุทฺธ วีรตฺถู’’ติ คาถํ อภาสิ.

๔๗. ตตฺถ นโมติ ปณามกิตฺตนํ. เตติ ปณามกิริยาย สมฺปทานกิตฺตนํ, ตุยฺหนฺติ อตฺโถ. พุทฺธ วีราติ จ ภควโต อาลปนํ. ภควา หิ ยถา อภิฺเยฺยาทิเภทสฺส อตฺถสฺส อภิฺเยฺยาทิเภเทน สยมฺภูาเณน อนวเสสโต พุทฺธตฺตา ‘‘พุทฺโธ’’ติ วุจฺจติ. เอวํ ปฺจนฺนมฺปิ มารานํ อภิปฺปมทฺทนวเสน ปทหนฺเตน มหตา วีริเยน สมนฺนาคตตฺตา ‘‘วีโร’’ติ วุจฺจติ. อตฺถูติ โหตุ, ตสฺส ‘‘นโม’’ติ อิมินา สมฺพนฺโธ. วิปฺปมุตฺโตสิ สพฺพธีติ สพฺเพหิ กิเลเสหิ สพฺพสฺมิฺจ สงฺขารคเต วิปฺปมุตฺโต วิสํยุตฺโต อสิ ภวสิ, น ตยา กิฺจิ อวิปฺปมุตฺตํ นาม อตฺถิ, ยโตหํ ตุยฺหาปทาเน วิหรํ, วิหรามิ อนาสโวติ ตุยฺหํ ตว อปทาเน โอวาเท คตมคฺเค ปฏิปตฺติจริยาย วิหรํ ยถาสตฺติ ยถาพลํ ปฏิปชฺชนฺโต กามาสวาทีนํ จตุนฺนมฺปิ อาสวานํ สุปฺปหีนตฺตา อนาสโว วิหรามิ, ตาทิสสฺส นโม เต พุทฺธ-วีรตฺถูติ.

อุชฺชยตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. สฺชยตฺเถรคาถาวณฺณนา

ยโต อหนฺติ อายสฺมโต สฺชยตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โสปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ ปุฺํ อุปจินนฺโต วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล มหติ ปูเค สํกิตฺติวเสน วตฺถุํ สงฺฆริตฺวา รตนตฺตยํ อุทฺทิสฺส ปุฺํ กโรนฺโต สยํ ทลิทฺโท หุตฺวา เนสํ คณาทีนํ ปุฺกิริยาย พฺยาวโฏ อโหสิ. กาเลน กาลํ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา ปสนฺนมานโส ภิกฺขูนฺจ ตํ ตํ เวยฺยาวจฺจํ อกาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวโลเก นิพฺพตฺโต อปราปรํ ปุฺานิ กตฺวา สุคตีสุเยว สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคเห วิภวสมฺปนฺนสฺส พฺราหฺมณสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ สฺชโย นาม นาเมน, โส วยปฺปตฺโต พฺรหฺมายุโปกฺขรสาติอาทิเก อภิฺาเต พฺราหฺมเณ สาสเน อภิปฺปสนฺเน ทิสฺวา สฺชาตปฺปสาโท สตฺถารํ อุปสงฺกมิ. ตสฺส สตฺถา ธมฺมํ เทเสสิ. โส ธมฺมํ สุตฺวา โสตาปนฺโน อโหสิ. อปรภาเค ปพฺพชิ. ปพฺพชนฺโต จ ขุรคฺเคเยว ฉฬภิฺโ อโหสี. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๐.๕๑-๕๕) –

‘‘วิปสฺสิสฺส ภควโต, มหาปูคคโณ อหุ;

เวยฺยาวจฺจกโร อาสึ, สพฺพกิจฺเจสุ วาวโฏ.

‘‘เทยฺยธมฺโม จ เม นตฺถิ, สุคตสฺส มเหสิโน;

อวนฺทึ สตฺถุโน ปาเท, วิปฺปสนฺเนน เจตสา.

‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, เวยฺยาวจฺจํ อกาสหํ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, เวยฺยาวจฺจสฺสิทํ ผลํ.

‘‘อิโต จ อฏฺเม กปฺเป, ราชา อาสึ สุจินฺติโต;

สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

ฉฬภิฺโ ปน หุตฺวา อฺํ พฺยากโรนฺโต ‘‘ยโต อหํ ปพฺพชิโต’’ติ คาถํ อภาสิ.

๔๘. ตตฺถ ยโต อหํ ปพฺพชิโตติ ยโต ปภุติ ยโต ปฏฺาย อหํ ปพฺพชิโต. ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย นาภิชานามิ สงฺกปฺปํ, อนริยํ โทสสํหิตนฺติ ราคาทิโทสสํหิตํ ตโต เอว อนริยํ นิหีนํ, อริเยหิ วา อนรณียตาย อนริเยหิ อรณียตาย จ อนริยํ ปาปกํ อารมฺมเณ อภูตคุณาทิสงฺกปฺปนโต ‘‘สงฺกปฺโป’’ติ ลทฺธนามํ กามวิตกฺกาทิมิจฺฉาวิตกฺกํ อุปฺปาทิตํ นาภิชานามีติ, ‘‘ขุรคฺเคเยว มยา อรหตฺตํ ปตฺต’’นฺติ อฺํ พฺยากาสิ.

สฺชยตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. รามเณยฺยกตฺเถรคาถาวณฺณนา

จิหจิหาภินทิเตติ อายสฺมโต รามเณยฺยกตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต สิขิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต ภควนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส ปุปฺเผหิ ปูชํ อกาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวโลเก นิพฺพตฺโต อปราปรํ ปุฺานิ กตฺวา สุคตีสุ เอว ปริวตฺเตนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ อิพฺภกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต เชตวนปฏิคฺคหเณ สฺชาตปฺปสาโท ปพฺพชิตฺวา จริยานุกูลํ กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อรฺเ วิหรติ. ตสฺส อตฺตโน สมฺปตฺติยา ปพฺพชิตสารุปฺปาย จ ปฏิปตฺติยา ปาสาทิกภาวโต รามเณยฺยโกตฺเวว สมฺา อโหสิ. อเถกทิวสํ มาโร เถรํ ภึสาเปตุกาโม เภรวสทฺทํ อกาสิ. ตํ สุตฺวา เถโร ถิรปกติตาย เตน อสนฺตสนฺโต ‘‘มาโร อย’’นฺติ ตฺวา ตตฺถ อนาทรํ ทสฺเสนฺโต ‘‘จิหจิหาภินทิเต’’ติ คาถํ อภาสิ.

๔๙. ตตฺถ จิหจิหาภินทิเตติ จิหจิหาติ อภิณฺหํ ปวตฺตสทฺทตาย ‘‘จิหจิหา’’ติ ลทฺธนามานํ วฏฺฏกานํ อภินาทนิมิตฺตํ, วิรวเหตูติ อตฺโถ. สิปฺปิกาภิรุเตหิ จาติ สิปฺปิกา วุจฺจนฺติ เทวกา ปรนามกา เคลฺเน ฉาตกิสทารกาการา สาขามิคา. ‘‘มหากลนฺทกา’’ติ เกจิ, สิปฺปิกานํ อภิรุเตหิ มหาวิรเวหิ, เหตุมฺหิ เจตํ กรณวจนํ, ตํ เหตูติ อตฺโถ. น เม ตํ ผนฺทติ จิตฺตนฺติ มม จิตฺตํ น ผนฺทติ น จวติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อิมสฺมึ อรฺเ วิรวเหตุ สิปฺปิกาภิรุตเหตุ วิย, ปาปิม, ตว วิสฺสรกรณเหตุ มม จิตฺตํ กมฺมฏฺานโต น ปริปตตีติ. ตตฺถ การณมาห ‘‘เอกตฺตนิรตฺหิ เม’’ติ. หิ-สทฺโท เหตุ อตฺโถ, ยสฺมา มม จิตฺตํ คณสงฺคณิกํ ปหาย เอกตฺเต เอกีภาเว, พหิทฺธา วา วิกฺเขปํ ปหาย เอกตฺเต เอกคฺคตาย, เอกตฺเต เอกสภาเว วา นิพฺพาเน นิรตํ อภิรตํ, ตสฺมา กมฺมฏฺานโต น ผนฺทติ น จวตีติ, อิมํ กิร คาถํ วทนฺโต เอว เถโร วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๒๑.๕-๙) –

‘‘สุวณฺณวณฺโณ ภควา, สตรํสี ปตาปวา;

จงฺกมนํ สมารูฬฺโห, เมตฺตจิตฺโต สิขีสโภ.

‘‘ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, วนฺทิตฺวา าณมุตฺตมํ;

มิเนลปุปฺผํ ปคฺคยฺห, พุทฺธสฺส อภิโรปยึ.

‘‘เอกตึเส อิโต กปฺเป, ยํ ปุปฺผมภิปูชยึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘เอกูนตึสกปฺปมฺหิ, สุเมฆฆนนามโก;

สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อยเมว จ เถรสฺส อฺาพฺยากรณคาถา อโหสิ.

รามเณยฺยกตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. วิมลตฺเถรคาถาวณฺณนา

ธรณี จ สิฺจติ วาติ อายสฺมโต วิมลตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โสปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินนฺโต วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล สงฺขธมนกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต ตสฺมึ สิปฺเป นิปฺผตฺตึ คโต เอกทิวสํ วิปสฺสึ ภควนฺตํ ปสฺสิตฺวา ปสนฺนมานโส สงฺขธมเนน ปูชํ กตฺวา ตโต ปฏฺาย กาเลน กาลํ สตฺถุ อุปฏฺานํ อกาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา อปราปรํ ปุฺานิ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต กสฺสปสฺส ภควโต กาเล ‘‘อนาคเต เม วิมโล วิสุทฺโธ กาโย โหตู’’ติ โพธิรุกฺขํ คนฺโธทเกหิ นฺหาเปสิ, เจติยงฺคณโพธิยงฺคเณสุ อาสนานิ โธวาเปสิ, ภิกฺขูนมฺปิ กิลิฏฺเ สมณปริกฺขาเร โธวาเปสิ.

โส ตโต จวิตฺวา เทเวสุ จ มนุสฺเสสุ จ ปริวตฺเตนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคเห อิพฺภกุเล นิพฺพตฺติ. ตสฺส มาตุกุจฺฉิยํ วสนฺตสฺส นิกฺขมนฺตสฺส จ กาโย ปิตฺตเสมฺหาทีหิ อสํกิลิฏฺโ ปทุมปลาเส อุทกพินฺทุ วิย อลคฺโค ปจฺฉิมภวิกโพธิสตฺตสฺส วิย สุวิสุทฺโธ อโหสิ, เตนสฺส วิมโลตฺเวว นามํ อกํสุ. โส วยปฺปตฺโต ราชคหปฺปเวสเน พุทฺธานุภาวํ ทิสฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา โกสลรฏฺเ ปพฺพตคุหายํ วิหรติ. อเถกทิวสํ จาตุทฺทีปิกมหาเมโฆ สกลํ จกฺกวาฬคพฺภํ ปตฺถริตฺวา ปาวสฺสิ. วิวฏฺฏฏฺายิมฺหิ พุทฺธานํ จกฺกวตฺตีนฺจ ธรมานกาเล เอว กิร เอวํ วสฺสติ. ฆมฺมปริฬาหวูปสมโต อุตุสปฺปายลาเภน เถรสฺส จิตฺตํ สมาหิตํ อโหสิ เอกคฺคํ. โส สมาหิตจิตฺโต ตาวเทว วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา มคฺคปฏิปาฏิยา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๐.๕๖-๖๐) –

‘‘วิปสฺสิสฺส ภควโต, อโหสึ สงฺขธมฺมโก;

นิจฺจุปฏฺานยุตฺโตมฺหิ, สุคตสฺส มเหสิโน.

‘‘อุปฏฺานผลํ ปสฺส, โลกนาถสฺส ตาทิโน;

สฏฺิ ตูริยสหสฺสานิ, ปริวาเรนฺติ มํ สทา.

‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, อุปฏฺหึ มหาอิสึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, อุปฏฺานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘จตุวีเส อิโต กปฺเป, มหานิคฺโฆสนามกา;

โสฬสาสึสุ ราชาโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพลา.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา กตกิจฺจตาย ตุฏฺมานโส อุทานํ อุทาเนนฺโต ‘‘ธรณี จ สิฺจติ วาติ มาลุโต’’ติ คาถํ อภาสิ.

๕๐. ตตฺถ ธรณีติ ปถวี, สา หิ สกลํ ธราธรํ ธาเรตีติ ‘‘ธรณี’’ติ วุจฺจติ. สิฺจตีติ สมนฺตโต นภํ ปูเรตฺวา อภิปฺปวสฺสโต มหาเมฆสฺส วุฏฺิธาราหิ สิฺจติ. วาติ มาลุโตติ อุทกผุสิตสมฺมิสฺสตาย สีตโล วาโต วายติ. วิชฺชุตา จรติ นเภติ ตตฺถ ตตฺถ คชฺชตา คฬคฬายตา มหาเมฆโต นิจฺฉรนฺติโย สเตรตา อากาเส อิโต จิโต จ วิจรนฺติ. อุปสมนฺติ วิตกฺกาติ อุตุสปฺปายสิทฺเธน สมถวิปสฺสนาธิคเมน ปุพฺพภาเค ตทงฺคาทิวเสน วูปสนฺตา หุตฺวา กามวิตกฺกาทโย สพฺเพปิ นว มหาวิตกฺกา อริยมคฺคาธิคเมน อุปสมนฺติ. อนวเสสโต สมุจฺฉิชฺชนฺตีติ. วตฺตมานสมีปตาย อริยมคฺคกฺขณํ วตฺตมานํ กตฺวา วทติ. อตีตตฺเถ วา เอตํ ปจฺจุปฺปนฺนวจนํ. จิตฺตํ สุสมาหิตํ มมาติ ตโต เอว โลกุตฺตรสมาธินา มม จิตฺตํ สุฏฺุ สมาหิตํ, น ทานิ ตสฺส สมาธาเน กิฺจิ กาตพฺพํ อตฺถีติ เถโร อฺํ พฺยากาสิ.

วิมลตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

ปฺจมวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. ฉฏฺวคฺโค

๑. โคธิกาทิจตุตฺเถรคาถาวณฺณนา

วสฺสติ เทโวติอาทิกา จตสฺโส – โคธิโก, สุพาหุ, วลฺลิโย, อุตฺติโยติ อิเมสํ จตุนฺนํ เถรานํ คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อิเมปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิการา ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺตา อิโต จตุนวุเต กปฺเป สิทฺธตฺถสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺวา อฺมฺํ สหายา หุตฺวา วิจรึสุ. เตสุ เอโก สิทฺธตฺถํ ภควนฺตํ ปิณฺฑาย จรนฺตํ ทิสฺวา กฏจฺฉุภิกฺขํ อทาสิ. ทุติโย ปสนฺนจิตฺโต หุตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา อฺชลึ ปคฺคณฺหิ. ตติโย ปสนฺนจิตฺโต เอเกน ปุปฺผหตฺเถน ภควนฺตํ ปูเชสิ. จตุตฺโถ สุมนปุปฺเผหิ ปูชมกาสิ. เอวํ เต สตฺถริ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา ปสุเตน เตน ปุฺกมฺเมน เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา ปุน อปราปรํ ปุฺานิ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต กสฺสปสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา สหายกา หุตฺวา สาสเน ปพฺพชิตฺวา สมณธมฺมํ กตฺวา อมฺหากํ ภควโต กาเล ปาวายํ จตุนฺนํ มลฺลราชานํ ปุตฺตา หุตฺวา นิพฺพตฺตึสุ. เตสํ โคธิโก, สุพาหุ, วลฺลิโย, อุตฺติโยติ นามานิ อกํสุ. อฺมฺํ ปิยสหายา อเหสุํ. เต เกนจิเทว กรณีเยน กปิลวตฺถุํ อคมํสุ. ตสฺมิฺจ สมเย สตฺถา กปิลวตฺถุํ คนฺตฺวา นิคฺโรธาราเม วสนฺโต ยมกปาฏิหาริยํ ทสฺเสตฺวา สุทฺโธทนปฺปมุเข สกฺยราชาโน ทเมสิ. ตทา เตปิ จตฺตาโร มลฺลราชปุตฺตา ปาฏิหาริยํ ทิสฺวา ลทฺธปฺปสาทา ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนากมฺมํ กโรนฺตา นจิรสฺเสว สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๑.๑-๒๓) –

‘‘สุวณฺณวณฺณํ สมฺพุทฺธํ, อาหุตีนํ ปฏิคฺคหํ;

ปวรา อภินิกฺขนฺตํ, วนา นิพฺพนมาคตํ.

‘‘กฏจฺฉุภิกฺขํ ปาทาสึ, สิทฺธตฺถสฺส มเหสิโน;

ปฺาย อุปสนฺตสฺส, มหาวีรสฺส ตาทิโน.

‘‘ปเทนานุปทายนฺตํ, นิพฺพาเปนฺเต มหาชนํ;

อุฬารา วิตฺติ เม ชาตา, พุทฺเธ อาทิจฺจพนฺธุเน.

‘‘จตุนฺนวุติโต กปฺเป, ยํ ทานมททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ภิกฺขาทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘สตฺตาสีติมฺหิโต กปฺเป, มหาเรณุสนามกา;

สตฺตรตนสมฺปนฺนา, สตฺเตเต จกฺกวตฺติโน.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

โคธิโก เถโร.

‘‘สุวณฺณวณฺณํ สมฺพุทฺธํ, นิสภาชานิยํ ยถา;

ติธาปภินฺนํ มาตงฺคํ, กุฺชรํว มเหสินํ.

‘‘โอภาเสนฺตํ ทิสา สพฺพา, อุฬุราชํว ปูริตํ;

รถิยํ ปฏิปชฺชนฺตํ, โลกเชฏฺํ อปสฺสหํ.

‘‘าเณ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, ปคฺคเหตฺวาน อฺชลึ;

ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, สิทฺธตฺถมภิวาทยึ.

‘‘จตุนฺนวุติโต กปฺเป, ยํ กมฺมมกรึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, าณสฺายิทํ ผลํ.

‘‘เตสตฺตติมฺหิโต กปฺเป, โสฬสาสุํ นรุตฺตมา;

สตฺตรตนสมฺปนฺนา, จกฺกวตฺตี มหพฺพลา.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

สุพาหุตฺเถโร.

‘‘ติวรายํ นิวาสีหํ, อโหสึ มาลิโก ตทา;

อทฺทสํ วิรชํ พุทฺธํ, สิทฺธตฺถํ โลกปูชิตํ.

‘‘ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, ปุปฺผหตฺถมทาสหํ;

ยตฺถ ยตฺถุปปชฺชามิ, ตสฺส กมฺมสฺส วาหสา.

‘‘อนุโภมิ ผลํ อิฏฺํ, ปุพฺเพ สุกตมตฺตโน;

ปริกฺขิตฺโต สุมลฺเลหิ, ปุปฺผทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘จตุนฺนวุติโต กปฺเป, ยํ ปุปฺผมภิโรปยึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ปุปฺผปูชายิทํ ผลํ.

‘‘จตุนฺนวุตุปาทาย, เปตฺวา วตฺตมานกํ;

ปฺจราชสตา ตตฺถ, นชฺชสมสนามกา.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

วลฺลิโย เถโร.

‘‘สิทฺธตฺถสฺส ภควโต, ชาติปุปฺผมทาสหํ;

ปาเทสุ สตฺต ปุปฺผานิ, หาเสโนกิริตานิ เม.

‘‘เตน กมฺเมนหํ อชฺช, อภิโภมิ นรามเร;

ธาเรมิ อนฺติมํ เทหํ, สมฺมาสมฺพุทฺธสาสเน.

‘‘จตุนฺนวุติโต กปฺเป, ยํ ปุปฺผมภิโรปยึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ปุปฺผปูชายิทํ ผลํ.

‘‘สมนฺตคนฺธนามาสุํ, เตรส จกฺกวตฺติโน;

อิโต ปฺจมเก กปฺเป, จาตุรนฺตา ชนาธิปา.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ. (อป. เถร ๑.๑๑.๑-๒๓);

อุตฺติโย เถโร.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อิเม จตฺตาโรปิ เถรา โลเก ปากฏา ปฺาตา ราชราชมหามตฺเตหิ สกฺกตา ครุกตา หุตฺวา อรฺเ สเหว วิหรนฺติ. อเถกทา ราชา พิมฺพิสาโร เต จตฺตาโร เถเร ราชคหํ อุปคเต อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เตมาสํ วสฺสาวาสตฺถาย นิมนฺเตตฺวา เตสํ ปาฏิเยกฺกํ กุฏิกาโย กาเรตฺวา สติสมฺโมเสน น ฉาเทสิ. เถรา อจฺฉนฺนาสุ กุฏิกาสุ วิหรนฺติ. วสฺสกาเล เทโว น วสฺสติ. ราชา ‘‘กึ นุ โข การณํ เทโว น วสฺสตี’’ติ จินฺเตนฺโต, ตํ การณํ ตฺวา, ตา กุฏิกาโย ฉาทาเปตฺวา, มตฺติกากมฺมํ จิตฺตกมฺมฺจ การาเปตฺวา, กุฏิกามหํ กโรนฺโต มหโต ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทานํ อทาสิ. เถรา รฺโ อนุกมฺปาย กุฏิกาโย ปวิสิตฺวา เมตฺตาสมาปตฺติโย สมาปชฺชึสุ. อถุตฺตรปาจีนทิสโต มหาเมโฆ อุฏฺหิตฺวา เถรานํ สมาปตฺติโต วุฏฺานกฺขเณเยว วสฺสิตุํ อารภิ. เตสุ โคธิกตฺเถโร สมาปตฺติโต วุฏฺาย สห เมฆคชฺชิเตน –

๕๑.

‘‘วสฺสติ เทโว ยถา สุคีตํ, ฉนฺนา เม กุฏิกา สุขา นิวาตา;

จิตฺตํ สุสมาหิตฺจ มยฺหํ, อถ เจ ปตฺถยสิ ปวสฺส เทวา’’ติ. –

อิมํ คาถํ อภาสิ.

ตตฺถ วสฺสตีติ สิฺจติ วุฏฺิธารํ ปเวจฺฉติ. เทโวติ เมโฆ. ยถา สุคีตนฺติ สุนฺทรคีตํ วิย คชฺชนฺโตติ อธิปฺปาโย. เมโฆ หิ วสฺสนกาเล สตปฏลสหสฺสปฏโล อุฏฺหิตฺวา ถนยนฺโต วิชฺชุตา นิจฺฉาเรนฺโตว โสภติ, น เกวโล. ตสฺมา สินิทฺธมธุรคมฺภีรนิคฺโฆโส วสฺสติ เทโวติ ทสฺเสติ. เตน สทฺทโต อนุปปีฬิตํ อาห ‘‘ฉนฺนา เม กุฏิกา สุขา นิวาตา’’ติ. ยถา น เทโว วสฺสติ, เอวํ ติณาทีหิ ฉาทิตา อยํ เม กุฏิกา, เตน วุฏฺิวสฺเสน อนุปปีฬิตํ อาห. ปริโภคสุขสฺส อุตุสปฺปายอุตุสุขสฺส จ สพฺภาวโต สุขา. ผุสิตคฺคฬปิหิตวาตปานตาหิ วาตปริสฺสยรหิตา. อุภเยนปิ อาวาสสปฺปายวเสน อนุปปีฬิตํ อาห. จิตฺตํ สุสมาหิตฺจ มยฺหนฺติ จิตฺตฺจ มม สุฏฺุ สมาหิตํ อนุตฺตรสมาธินา นิพฺพานารมฺมเณ สุฏฺุ อปฺปิตํ, เอเตน อพฺภนฺตรปริสฺสยาภาวโต อปฺโปสฺสุกฺกตํ ทสฺเสติ. อถ เจ ปตฺถยสีติ อถ อิทานิ ปตฺถยสิ เจ, ยทิ อิจฺฉสิ. ปวสฺสาติ สิฺจ อุทกํ ปคฺฆร วุฏฺิธารํ ปเวจฺฉ. เทวาติ เมฆํ อาลปติ.

โคธิกตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. สุพาหุตฺเถรคาถาวณฺณนา

๕๒. อิตเรหิ วุตฺตคาถาสุ ตติยปเท เอว วิเสโส. ตตฺถ สุพาหุนา วุตฺตคาถายํ จิตฺตํ สุสมาหิตฺจ กาเยติ มม จิตฺตํ กรชกาเย กายคตาสติภาวนาวเสน สุฏฺุ สมาหิตํ สมฺมเทว อปฺปิตํ. อยฺหิ เถโร กายคตาสติภาวนาวเสน ปฏิลทฺธฌานํ ปาทกํ กตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. ตํ สนฺธายาห ‘‘จิตฺตํ สุสมาหิตฺจ กาเย’’ติ.

สุพาหุตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. วลฺลิยตฺเถรคาถาวณฺณนา

๕๓. วลฺลิยตฺเถรคาถายํ ตสฺสํ วิหรามิ อปฺปมตฺโตติ ตสฺสํ กุฏิกายํ อปฺปมาทปฏิปตฺติยา มตฺถกํ ปาปิตตฺตา อปฺปมตฺโต อริยวิหารูปสํหิเตน ทิพฺพวิหาราทิสํหิเตน จ อิริยาปถวิหาเรน วิหรามิ, อตฺตภาวํ ปวตฺเตมีติ วุตฺตํ โหติ.

วลฺลิยตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา

๔. อุตฺติยตฺเถรคาถาวณฺณนา

๕๔. อุตฺติยตฺเถเรน วุตฺตคาถายํ อทุติโยติ อสหาโย, กิเลสสงฺคณิกาย คณสงฺคณิกาย จ วิรหิโตติ อตฺโถ.

อุตฺติยตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

จตุนฺนํ เถรานํ คาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. อฺชนวนิยตฺเถรคาถาวณฺณนา

อาสนฺทึ กุฏิกํ กตฺวาติ อายสฺมโต อฺชนวนิยตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โส กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล สุทสฺสโน นาม มาลากาโร หุตฺวา สุมนปุปฺเผหิ ภควนฺตํ ปูเชตฺวา อฺมฺปิ ตตฺถ ตตฺถ พหุํ ปุฺํ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต กสฺสปสฺส ภควโต สาสเน ปพฺพชิตฺวา สมณธมฺมํ อกาสิ. อถ อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท เวสาลิยํ วชฺชิราชกุเล นิพฺพตฺติตฺวา ตสฺส วยปฺปตฺตกาเล วชฺชิรฏฺเ อวุฏฺิภยํ พฺยาธิภยํ อมนุสฺสภยนฺติ ตีณิ ภยานิ อุปฺปชฺชึสุ. ตํ สพฺพํ รตนสุตฺตวณฺณนายํ (ขุ. ปา. อฏฺ. รตนสุตฺตวณฺณนา; สุ. นิ. อฏฺ. ๑.รตนสุตฺตวณฺณนา) วุตฺตนเยน เวทิตพฺพํ. ภควติ ปน เวสาลึ ปวิฏฺเ ภเยสุ จ วูปสนฺเตสุ สตฺถุ ธมฺมเทสนาย สมฺพหุลานํ เทวมนุสฺสานํ ธมฺมาภิสมเย จ ชาเต อยํ ราชกุมาโร พุทฺธานุภาวํ ทิสฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิ. ยถา จายํ เอวํ อนนฺตรํ วุจฺจมานา จตฺตาโรปิ ชนา. เตปิ หิ อิมสฺส สหายภูตา ลิจฺฉวิราชกุมารา เอวํ อิมินาว นีหาเรน ปพฺพชึสุ. กสฺสปสมฺพุทฺธกาเลปิ สหายา หุตฺวา อิมินา สเหว ปพฺพชิตฺวา สมณธมฺมํ อกํสุ, ปทุมุตฺตรสฺสปิ ภควโต ปาทมูเล กุสลพีชโรปนาทึ อกํสูติ. ตตฺถายํ กตปุพฺพกิจฺโจ สาเกเต อฺชนวเน สุสานฏฺาเน วสนฺโต อุปกฏฺาย วสฺสูปนายิกาย มนุสฺเสหิ ฉฑฺฑิตํ ชิณฺณกํ อาสนฺทึ ลภิตฺวา ตํ จตูสุ ปาสาเณสุ เปตฺวา อุปริ ติริยฺจ ติณาทีหิ ฉาเทตฺวา ทฺวารํ โยเชตฺวา วสฺสํ อุปคโต. ปมมาเสเยว ฆเฏนฺโต วายมนฺโต อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๑.๒๔-๒๘) –

‘‘สุทสฺสโนติ นาเมน, มาลากาโร อหํ ตทา;

อทฺทสํ วิรชํ พุทฺธํ, โลกเชฏฺํ นราสภํ.

‘‘ชาติปุปฺผํ คเหตฺวาน, ปูชยึ ปทุมุตฺตรํ;

วิสุทฺธจกฺขุ สุมโน, ทิพฺพจกฺขุํ สมชฺฌคํ.

‘‘เอติสฺสา ปุปฺผปูชาย, จิตฺตสฺส ปณิธีหิ จ;

กปฺปานํ สตสหสฺสํ, ทุคฺคตึ นุปปชฺชหํ.

‘‘โสฬสาสึสุ ราชาโน, เทวุตฺตรสนามกา;

ฉตฺตึสมฺหิ อิโต กปฺเป, จกฺกวตฺตี มหพฺพลา.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา วิมุตฺติสุขํ ปฏิสํเวเทนฺโต สมาปตฺติโต วุฏฺาย ยถาลทฺธํ สมฺปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปีติเวเคน อุทาเนนฺโต ‘‘อาสนฺทึ กุฏิกํ กตฺวา’’ติ คาถํ อภาสิ.

๕๕. ตตฺถ อาสนฺทึ กุฏิกํ กตฺวาติ อาสนฺที นาม ทีฆปาทกํ จตุรสฺสปีํ, อายตํ จตุรสฺสมฺปิ อตฺถิเยว, ยตฺถ นิสีทิตุเมว สกฺกา, น นิปชฺชิตุํ ตํ อาสนฺทึ กุฏิกํ กตฺวา วาสตฺถาย เหฏฺา วุตฺตนเยน กุฏิกํ กตฺวา ยถา ตตฺถ นิสินฺนสฺส อุตุปริสฺสยาภาเวน สุเขน สมณธมฺมํ กาตุํ สกฺกา, เอวํ กุฏิกํ กตฺวา. เอเตน ปรมุกฺกํสคตํ เสนาสเน อตฺตโน อปฺปิจฺฉตํ สนฺตุฏฺิฺจ ทสฺเสติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ ธมฺมเสนาปตินา –

‘‘ปลฺลงฺเกน นิสินฺนสฺส, ชณฺณุเกนาภิวสฺสติ;

อลํ ผาสุวิหาราย, ปหิตตฺตสฺส ภิกฺขุโน’’ติ. (เถรคา. ๙๘๕; มิ. ป. ๖.๑.๑);

อปเร ‘‘อาสนฺทิกุฏิก’’นฺติ ปาํ วตฺวา ‘‘อาสนฺทิปฺปมาณํ กุฏิกํ กตฺวา’’ติ อตฺถํ วทนฺติ. อฺเ ปน ‘‘อาสนนิสชฺชาทิคเต มนุสฺเส อุทฺทิสฺส มฺจกสฺส อุปริ กตกุฏิกา อาสนฺที นาม, ตํ อาสนฺทึ กุฏิกํ กตฺวา’’ติ อตฺถํ วทนฺติ. โอคฺคยฺหาติ โอคาเหตฺวา อนุปวิสิตฺวา. อฺชนํ วนนฺติ เอวํนามกํ วนํ, อฺชนวณฺณปุปฺผภาวโต หิ อฺชนา วุจฺจนฺติ วลฺลิโย, ตพฺพหุลตาย ตํ วนํ ‘‘อฺชนวน’’นฺติ นามํ ลภิ. อปเร ปน ‘‘อฺชนา นาม มหาคจฺฉา’’ติ วทนฺติ, ตํ อฺชนวนํ โอคฺคยฺห อาสนฺทิกํ กุฏิกํ กตฺวา ติสฺโส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสนนฺติ วิหรตา มยาติ วจนเสเสเนว โยชนา. อิทเมว จ เถรสฺส อฺาพฺยากรณํ อโหสีติ.

อฺชนวนิยตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. กุฏิวิหาริตฺเถรคาถาวณฺณนา

โก กุฏิกายนฺติ อายสฺมโต กุฏิวิหาริตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โส กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต อากาเสน คจฺฉนฺตสฺส ‘‘อุทกทานํ ทสฺสามี’’ติ สีตลํ อุทกํ คเหตฺวา ปีติโสมนสฺสชาโต อุทฺธมฺมุโข หุตฺวา อุกฺขิปิ. สตฺถา ตสฺส อชฺฌาสยํ ตฺวา ปสาทสํวฑฺฒนตฺถํ อากาเส ิโตว สมฺปฏิจฺฉิ. โส เตน อนปฺปกํ ปีติโสมนสฺสํ ปฏิสํเวเทสิ. เสสํ อฺชนวนิยตฺเถรสฺส วตฺถุมฺหิ วุตฺตสทิสเมว. อยํ ปน วิเสโส – อยํ กิร วุตฺตนเยน ปพฺพชิตฺวา กตปุพฺพกิจฺโจ วิปสฺสนํ อนุยุฺชนฺโต สายํ เขตฺตสมีเปน คจฺฉนฺโต เทเว ผุสายนฺเต เขตฺตปาลกสฺส ปุฺํ ติณกุฏึ ทิสฺวา ปวิสิตฺวา ตตฺถ ติณสนฺถารเก นิสีทิ. นิสินฺนมตฺโตว อุตุสปฺปายํ ลภิตฺวา วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๑.๒๙-๓๕) –

‘‘สุวณฺณวณฺณํ สมฺพุทฺธํ, คจฺฉนฺตํ อนิลฺชเส;

ฆตาสนํว ชลิตํ, อาทิตฺตํว หุตาสนํ.

‘‘ปาณินา อุทกํ คยฺห, อากาเส อุกฺขิปึ อหํ;

สมฺปฏิจฺฉิ มหาวีโร, พุทฺโธ การุณิโก อิสิ.

‘‘อนฺตลิกฺเข ิโต สตฺถา, ปทุมุตฺตรนามโก;

มม สงฺกปฺปมฺาย, อิมา คาถา อภาสถ.

‘‘อิมินา ทกทาเนน, ปีติอุปฺปาทเนน จ;

กปฺปสตสหสฺสมฺปิ, ทุคฺคตึ นุปปชฺชติ.

‘‘เตน กมฺเมน ทฺวิปทินฺท, โลกเชฏฺ นราสภ;

ปตฺโตมฺหิ อจลํ านํ, หิตฺวา ชยปราชยํ.

‘‘สหสฺสราชนาเมน, ตโย เต จกฺกวตฺติโน;

ปฺจสฏฺิกปฺปสเต, จาตุรนฺตา ชนาธิปา.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา เถเร ตตฺถ นิสินฺเน เขตฺตปาลโก อาคนฺตฺวา ‘‘โก กุฏิกาย’’นฺติ อาห. ตํ สุตฺวา เถโร ‘‘ภิกฺขุ กุฏิกาย’’นฺติอาทิมาห. ตยิทํ เขตฺตปาลสฺส เถรสฺส จ วจนํ เอกชฺฌํ กตฺวา –

๕๖.

‘‘โก กุฏิกายํ ภิกฺขุ กุฏิกายํ, วีตราโค สุสมาหิตจิตฺโต;

เอวํ ชานาหิ อาวุโส, อโมฆา เต กุฏิกา กตา’’ติ. –

ตถารูเปน สงฺคีตึ อาโรปิตํ.

ตตฺถ โก กุฏิกายนฺติ, ‘‘อิมิสฺสํ กุฏิกายํ โก นิสินฺโน’’ติ เขตฺตปาลสฺส ปุจฺฉาวจนํ. ตสฺส ภิกฺขุ กุฏิกายนฺติ เถรสฺส ปฏิวจนทานํ. อถ นํ อตฺตโน อนุตฺตรทกฺขิเณยฺยภาวโต ตํ กุฏิปริโภคํ อนุโมทาเปตฺวา อุฬารํ ตเมว ปุฺํ ปติฏฺาเปตุํ ‘‘วีตราโค’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตสฺสตฺโถ – เอโก ภินฺนกิเลโส ภิกฺขุ เต กุฏิกายํ นิสินฺโน, ตโต เอว โส อคฺคมคฺเคน สพฺพโส สมุจฺฉินฺนราคตาย วีตราโค อนุตฺตรสมาธินา นิพฺพานํ อารมฺมณํ กตฺวา สุฏฺุ สมาหิตจิตฺตตาย สุสมาหิตจิตฺโต, อิมฺจ อตฺถํ, อาวุโส เขตฺตปาล, ยถาหํ วทามิ, เอวํ ชานาหิ สทฺทห อธิมุจฺจสฺสุ. อโมฆา เต กุฏิกา กตา ตยา กตา กุฏิกา อโมฆา อวฺฌา สผลา สอุทฺรยา, ยสฺมา อรหตา ขีณาสเวน ปริภุตฺตา. สเจ ตฺวํ อนุโมทสิ, ตํ เต ภวิสฺสติ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายาติ.

ตํ สุตฺวา เขตฺตปาโล ‘‘ลาภา วต เม, สุลทฺธํ วต เม, ยสฺส เม กุฏิกายํ เอทิโส อยฺโย ปวิสิตฺวา นิสีทตี’’ติ ปสนฺนจิตฺโต อนุโมทนฺโต อฏฺาสิ. อิมํ ปน เตสํ กถาสลฺลาปํ ภควา ทิพฺพาย โสตธาตุยา สุตฺวา อนุโมทนฺจสฺส ตฺวา ตมฺภาวินึ สมฺปตฺตึ วิภาเวนฺโต เขตฺตปาลํ อิมาหิ คาถาหิ อชฺฌภาสิ –

‘‘วิหาสิ กุฏิยํ ภิกฺขุ, สนฺตจิตฺโต อนาสโว;

เตน กมฺมวิปาเกน, เทวินฺโท ตฺวํ ภวิสฺสสิ.

‘‘ฉตฺตึสกฺขตฺตุํ เทวินฺโท, เทวรชฺชํ กริสฺสสิ;

จตุตฺตึสกฺขตฺตุํ จกฺกวตฺตี, ราชา รฏฺเ ภวิสฺสสิ;

รตนกุฏิ นาม ปจฺเจกพุทฺโธ, วีตราโค ภวิสฺสสี’’ติ.

กุฏิกายํ ลทฺธวิเสสตฺตา ปน เถรสฺส ตโต ปภุติ กุฏิวิหารีตฺเวว สมฺา อุทปาทิ. อยเมว จ เถรสฺส อฺาพฺยากรณคาถาปิ อโหสีติ.

กุฏิวิหาริตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. ทุติยกุฏิวิหาริตฺเถรคาถาวณฺณนา

อยมาหุ ปุราณิยาติ อายสฺมโต กุฏิวิหาริตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โส กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต ปสนฺนมานโส ปริฬาหกาเล นฬวิลีเวหิ วิรจิตํ พีชนึ อทาสิ. ตํ สตฺถา อนุโมทนคาถาย สมฺปหํเสสิ. เสสํ ยเทตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ อฺชนวนิยตฺเถรวตฺถุมฺหิ วุตฺตสทิสเมว. อยํ ปน วิเสโส – อยํ กิร วุตฺตนเยน ปพฺพชิตฺวา อฺตราย ปุราณกุฏิกาย วิหรนฺโต สมณธมฺมํ อจินฺเตตฺวา, ‘‘อยํ กุฏิกา ชิณฺณา, อฺํ กุฏิกํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ นวกมฺมวเสน จิตฺตํ อุปฺปาเทสิ. ตสฺส อตฺถกามา เทวตา สํเวคชนนตฺถํ อิมํ อุตฺตาโนภาสํ คมฺภีรตฺถํ ‘‘อยมาหุ’’ติ คาถมาห.

๕๗. ตตฺถ อยนฺติ อาสนฺนปจฺจกฺขวจนํ. อาหูติ อโหสีติ อตฺโถ. คาถาสุขตฺถฺหิ ทีฆํ กตฺวา วุตฺตํ. ปุราณิยาติ ปุราตนี อทฺธคตา. อฺํ ปตฺถยเส นวํ กุฏินฺติ อิมิสฺสา กุฏิยา ปุราณภาเวน ชิณฺณตาย อิโต อฺํ อิทานิ นิพฺพตฺตนียตาย นวํ กุฏึ ปตฺถยเส ปตฺเถสิ อาสีสสิ. สพฺเพน สพฺพํ ปน อาสํ กุฏิยา วิราชย ปุราณิยํ วิย นวายมฺปิ กุฏิยํ อาสํ ตณฺหํ อเปกฺขํ วิราเชหิ, สพฺพโส ตตฺถ วิรตฺตจิตฺโต โหหิ. กสฺมา? ยสฺมา ทุกฺขา ภิกฺขุ ปุน นวา นาม กุฏิ ภิกฺขุ ปุน อิทานิ นิพฺพตฺติยมานา ทุกฺขาวหตฺตา ทุกฺขา, ตสฺมา อฺํ นวํ ทุกฺขํ อนุปฺปาเทนฺโต ยถานิพฺพตฺตายํ ปุราณิยํเยว กุฏิยํ ตฺวา อตฺตนา กตพฺพํ กโรหีติ. อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย – ตฺวํ, ภิกฺขุ, ‘‘อยํ ปุราณี ติณกุฏิกา ชิณฺณา’’ติ อฺํ นวํ ติณกุฏิกํ กาตุํ อิจฺฉสิ, น สมณธมฺมํ, เอวํ อิจฺฉนฺโต ปน ภาวนาย อนนุยุฺชเนน ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติยา อนติวตฺตนโต อายตึ อตฺตภาวกุฏิมฺปิ ปตฺเถนฺโต กาตุํ อิจฺฉนฺโตเยว นาม โหติ. สา ปน นวา ติณกุฏิ วิย กรณทุกฺเขน ตโต ภิยฺโยปิ ชรามรณโสกปริเทวาทิทุกฺขสํสฏฺตาย ทุกฺขา, ตสฺมา ติณกุฏิยํ วิย อตฺตภาวกุฏิยํ อาสํ อเปกฺขํ วิราชย สพฺพโส ตตฺถ วิรตฺตจิตฺโต โหหิ, เอวํ เต วฏฺฏทุกฺขํ น ภวิสฺสตีติ. เทวตาย จ วจนํ สุตฺวา เถโร สํเวคชาโต วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา ฆเฏนฺโต วายมนฺโต นจิรสฺเสว อรหตฺเต ปติฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๑.๓๖-๔๖) –

‘‘ปทุมุตฺตรพุทฺธสฺส, โลกเชฏฺสฺส ตาทิโน;

ติณตฺถเร นิสินฺนสฺส, อุปสนฺตสฺส ตาทิโน.

‘‘นฬมาลํ คเหตฺวาน, พนฺธิตฺวา พีชนึ อหํ;

พุทฺธสฺส อุปนาเมสึ, ทฺวิปทินฺทสฺส ตาทิโน.

‘‘ปฏิคฺคเหตฺวา สพฺพฺู, พีชนึ โลกนายโก;

มม สงฺกปฺปมฺาย, อิมํ คาถํ อภาสถ.

‘‘ยถา เม กาโย นิพฺพาติ, ปริฬาโห น วิชฺชติ;

ตเถว ติวิธคฺคีหิ, จิตฺตํ ตว วิมุจฺจตุ.

‘‘สพฺเพ เทวา สมาคจฺฉุํ, เย เกจิ วนนิสฺสิตา;

โสสฺสาม พุทฺธวจนํ, หาสยนฺตฺจ ทายกํ.

‘‘นิสินฺโน ภควา ตตฺถ, เทวสงฺฆปุรกฺขโต;

ทายกํ สมฺปหํเสนฺโต, อิมา คาถา อภาสถ.

‘‘อิมินา พีชนิทาเนน, จิตฺตสฺส ปณิธีหิ จ;

สุพฺพโต นาม นาเมน, จกฺกวตฺตี ภวิสฺสติ.

‘‘เตน กมฺมาวเสเสน, สุกฺกมูเลน โจทิโต;

มาลุโต นาม นาเมน, จกฺกวตฺตี ภวิสฺสติ.

‘‘อิมินา พีชนิทาเนน, สมฺมานวิปุเลน จ;

กปฺปสตสหสฺสมฺปิ, ทุคฺคตึ นุปปชฺชติ.

‘‘ตึสกปฺปสหสฺสมฺหิ, สุพฺพตา อฏฺตึส เต;

เอกูนตึสสหสฺเส, อฏฺ มาลุตนามกา.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺเต ปน ปติฏฺิโต ‘‘อยํ เม อรหตฺตปฺปตฺติยา องฺกุสภูตา’’ติ ตเมว คาถํ ปจฺจุทาหาสิ. สาเยว จ เถรสฺส อฺาพฺยากรณคาถา อโหสิ. กุฏิโอวาเทน ลทฺธวิเสสตฺตา จสฺส กุฏิวิหารีตฺเวว สมฺา อโหสีติ.

ทุติยกุฏิวิหาริตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. รมณียกุฏิกตฺเถรคาถาวณฺณนา

รมณียา เม กุฏิกาติ อายสฺมโต รมณียกุฏิกตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โสปิ กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล กุสลพีชโรปนํ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิโต อฏฺารสกปฺปสตมตฺถเก อตฺถทสฺสิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต พุทฺธารหํ อาสนํ ภควโต อทาสิ. ปุปฺเผหิ จ ภควนฺตํ ปูเชตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิ. เสสํ อฺชนวนิยตฺเถรสฺส วตฺถุมฺหิ วุตฺตสทิสเมว. อยํ ปน วิเสโส – อยํ กิร วุตฺตนเยน ปพฺพชิตฺวา กตปุพฺพกิจฺโจ วชฺชิรฏฺเ อฺตรสฺมึ คามกาวาเส กุฏิกายํ วิหรติ, สา โหติ กุฏิกา อภิรูปา ทสฺสนียา ปาสาทิกา สุปริกมฺมกตภิตฺติภูมิกา อารามโปกฺขรณิรามเณยฺยาทิสมฺปนฺนา มุตฺตาชาลสทิสวาลิกากิณฺณภูมิภาคา เถรสฺส จ วตฺตสมฺปนฺนตาย สุสมฺมฏฺงฺคณตาทินา ภิยฺโยโสมตฺตาย รมณียตรา หุตฺวา ติฏฺติ. โส ตตฺถ วิหรนฺโต วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺเต ปติฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๑.๔๗-๕๒) –

‘‘กานนํ วนโมคฺคยฺห, อปฺปสทฺทํ นิรากุลํ;

สีหาสนํ มยา ทินฺนํ, อตฺถทสฺสิสฺส ตาทิโน.

‘‘มาลาหตฺถํ คเหตฺวาน, กตฺวา จ นํ ปทกฺขิณํ;

สตฺถารํ ปยิรุปาสิตฺวา, ปกฺกามึ อุตฺตรามุโข.

‘‘เตน กมฺเมน ทฺวิปทินฺท, โลกเชฏฺ นราสภ;

สนฺนิพฺพาเปมิ อตฺตานํ, ภวา สพฺเพ สมูหตา.

‘‘อฏฺารสกปฺปสเต, ยํ ทานมททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, สีหาสนสฺสิทํ ผลํ.

‘‘อิโต สตฺตกปฺปสเต, สนฺนิพฺพาปกขตฺติโย;

สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา เถเร ตตฺถ วิหรนฺเต กุฏิกาย รมณียภาวโต วิหารเปกฺขกา มนุสฺสา ตโต ตโต อาคนฺตฺวา กุฏึ ปสฺสนฺติ. อเถกทิวสํ กติปยา ธุตฺตชาติกา อิตฺถิโย ตตฺถ คตา กุฏิกาย รมณียภาวํ ทิสฺวา, ‘‘เอตฺถ วสนฺโต อยํ สมโณ สิยา อมฺเหหิ อากฑฺฒนียหทโย’’ติ อธิปฺปาเยน – ‘‘รมณียํ โว, ภนฺเต, วสนฏฺานํ. มยมฺปิ รมณียรูปา ปมโยพฺพเน ิตา’’ติ วตฺวา อิตฺถิกุตฺตาทีนิ ทสฺเสตุํ อารภึสุ. เถโร อตฺตโน วีตราคภาวํ ปกาเสนฺโต ‘‘รมณียา เม กุฏิกา, สทฺธาเทยฺยา มโนรมา’’ติ คาถํ อภาสิ.

๕๘. ตตฺถ รมณียา เม กุฏิกาติ ‘‘รมณียา เต, ภนฺเต, กุฏิกา’’ติ ยํ ตุมฺเหหิ วุตฺตํ, ตํ สจฺจํ. อยํ มม วสนกุฏิกา รมณียา มนุฺรูปา, สา จ โข สทฺธาเทยฺยา, ‘‘เอวรูปาย มนาปํ กตฺวา ปพฺพชิตานํ ทินฺนาย อิทํ นาม ผลํ โหตี’’ติ กมฺมผลานิ สทฺทหิตฺวา สทฺธาย ธมฺมจฺฉนฺเทน ทาตพฺพตฺตา สทฺธาเทยฺยา, น ธเนน นิพฺพตฺติตา. สยฺจ ตถาทินฺนานิ สทฺธาเทยฺยานิ ปสฺสนฺตานํ ปริภุฺชนฺตานฺจ มโน รเมตีติ มโนรมา. สทฺธาเทยฺยตฺตา เอว หิ มโนรมา, สทฺธาทีหิ เทยฺยธมฺมํ สกฺกจฺจํ อภิสงฺขริตฺวา เทนฺติ, สทฺธาเทยฺยฺจ ปริภุฺชนฺตา สปฺปุริสา ทายกสฺส อวิสํวาทนตฺถมฺปิ ปโยคาสยสมฺปนฺนา โหนฺติ, น ตุมฺเหหิ จินฺติตากาเรน ปโยคาสยวิปนฺนาติ อธิปฺปาโย. น เม อตฺโถ กุมารีหีติ ยสฺมา สพฺพโส กาเมหิ วินิวตฺติตมานโส อหํ, ตสฺมา น เม อตฺโถ กุมารีหิ. กปฺปิยการกกมฺมวเสนปิ หิ มาทิสานํ อิตฺถีหิ ปโยชนํ นาม นตฺถิ, ปเคว ราควเสน, ตสฺมา น เม อตฺโถ กุมารีหีติ. กุมาริคฺคหณฺเจตฺถ อุปลกฺขณํ ทฏฺพฺพํ. มาทิสสฺส นาม สนฺติเก เอวํ ปฏิปชฺชาหีติ อยุตฺตการินีหิ ยาว อปรทฺธฺจ ตุมฺเหหิ สมานชฺฌาสยานํ ปุรโต อยํ กิริยา โสเภยฺยาติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘เยสํ อตฺโถ ตหึ คจฺฉถ นาริโย’’ติ. ตตฺถ เยสนฺติ กาเมสุ อวีตราคานํ. อตฺโถติ ปโยชนํ. ตหินฺติ ตตฺถ เตสํ สนฺติกํ. นาริโยติ อาลปนํ. ตํ สุตฺวา อิตฺถิโย มงฺกุภูตา ปตฺตกฺขนฺธา อาคตมคฺเคเนว คตา. เอตฺถ จ ‘‘น เม อตฺโถ กุมารีหี’’ติ กาเมหิ อนตฺถิกภาววจเนเนว เถเรน อรหตฺตํ พฺยากตนฺติ ทฏฺพฺพํ.

รมณียกุฏิกตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. โกสลวิหาริตฺเถรคาถาวณฺณนา

สทฺธายาหํ ปพฺพชิโตติ อายสฺมโต โกสลวิหาริตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล กุสลพีชํ โรเปตฺวา ตํ ตํ ปุฺํ อกาสิ. เสสํ อฺชนวนิยตฺเถรวตฺถุสทิสเมว. อยํ ปน วิเสโส – อยํ กิร วุตฺตนเยน ปพฺพชิตฺวา กตปุพฺพกิจฺโจ โกสลรฏฺเ อฺตรสฺมึ คาเม เอกํ อุปาสกกุลํ นิสฺสาย อรฺเ วิหรติ, ตํ โส อุปาสโก รุกฺขมูเล วสนฺตํ ทิสฺวา กุฏิกํ กาเรตฺวา อทาสิ. เถโร กุฏิกายํ วิหรนฺโต อาวาสสปฺปาเยน สมาธานํ ลภิตฺวา วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๑.๕๓-๖๑) –

‘‘หิมวนฺตสฺสาวิทูเร, วสามิ ปณฺณสนฺถเร;

ฆาเสสุ เคธมาปนฺโน, เสยฺยสีโล จหํ ตทา.

‘‘ขณนฺตาลุกลมฺพานิ, พิฬาลิตกฺกลานิ จ;

โกลํ ภลฺลาตกํ พิลฺลํ, อาหตฺวา ปฏิยาทิตํ.

‘‘ปทุมุตฺตโร โลกวิทู, อาหุตีนํ ปฏิคฺคโห;

มม สงฺกปฺปมฺาย, อาคจฺฉิ มม สนฺติกํ.

‘‘อุปาคตํ มหานาคํ, เทวเทวํ นราสภํ;

พิฬาลึ ปคฺคเหตฺวาน, ปตฺตมฺหิ โอกิรึ อหํ.

‘‘ปริภุฺชิ มหาวีโร, โตสยนฺโต มมํ ตทา;

ปริภุฺชิตฺวาน สพฺพฺู, อิมํ คาถํ อภาสถ.

‘‘สกํ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, พิฬาลึ เม อทา ตุวํ;

กปฺปานํ สตสหสฺสํ, ทุคฺคตึ นุปปชฺชสิ.

‘‘จริมํ วตฺตเต มยฺหํ, ภวา สพฺเพ สมูหตา;

ธาเรมิ อนฺติมํ เทหํ, สมฺมาสมฺพุทฺธสาสเน.

‘‘จตุปฺาสิโต กปฺเป, สุเมขลิย สวฺหโย;

สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา วิมุตฺติสุขปฺปฏิสํเวทเนน อุปฺปนฺนปีติเวเคน อุทาเนนฺโต ‘‘สทฺธายาหํ ปพฺพชิโต’’ติ คาถํ อภาสิ.

๕๙. ตตฺถ สทฺธายาติ ภควโต เวสาลึ อุปคมเน อานุภาวํ ทิสฺวา, ‘‘เอกนฺตนิยฺยานิกํ อิทํ สาสนํ, ตสฺมา อทฺธา อิมาย ปฏิปตฺติยา ชรามรณโต มุจฺจิสฺสามี’’ติ อุปฺปนฺนสทฺธาวเสน ปพฺพชิโต ปพฺพชฺชํ อุปคโต. อรฺเ เม กุฏิกา กตาติ ตสฺสา ปพฺพชฺชาย อนุรูปวเสน อรฺเ วสโต เม กุฏิกา กตา, ปพฺพชฺชานุรูปํ อารฺโก หุตฺวา วูปกฏฺโ วิหรามีติ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘อปฺปมตฺโต จ อาตาปี, สมฺปชาโน ปติสฺสโต’’ติ. อรฺวาสลทฺเธน กายวิเวเกน ชาคริยํ อนุยุฺชนฺโต ตตฺถ สติยา อวิปฺปวาเสน อปฺปมตฺโต, อารทฺธวีริยตาย อาตาปี, ปุพฺพภาคิยสติสมฺปชฺปาริปูริยา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตาธิคเมน ปฺาสติเวปุลฺลปฺปตฺติยา อจฺจนฺตเมว สมฺปชาโน ปติสฺสโต วิหรามีติ อตฺโถ. อปฺปมตฺตภาวาทิกิตฺตเน จสฺส อิทเมว อฺาพฺยากรณํ อโหสิ โกสลรฏฺเ จิรนิวาสิภาเวน ปน โกสลวิหารีติ สมฺา ชาตาติ.

โกสลวิหาริตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. สีวลิตฺเถรคาถาวณฺณนา

เต เม อิชฺฌึสุ สงฺกปฺปาติ อายสฺมโต สีวลิตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล เหฏฺา วุตฺตนเยน วิหารํ คนฺตฺวา ปริสปริยนฺเต ิโต ธมฺมํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ ลาภีนํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา ‘‘มยาปิ อนาคเต เอวรูเปน ภวิตุํ วฏฺฏตี’’ติ ทสพลํ นิมนฺเตตฺวา สตฺตาหํ สตฺถุ ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ มหาทานํ ทตฺวา ‘‘ภควา อหํ อิมินา อธิการกมฺเมน อฺํ สมฺปตฺตึ น ปตฺเถมิ, อนาคเต ปน เอกพุทฺธสฺส สาสเน อหมฺปิ ตุมฺเหหิ โส เอตทคฺเค ปิตภิกฺขุ วิย ลาภีนํ อคฺโค ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ อกาสิ. สตฺถา อนนฺตรายํ ทิสฺวา – ‘‘อยํ เต ปตฺถนา อนาคเต โคตมพุทฺธสฺส สนฺติเก สมิชฺฌิสฺสตี’’ติ พฺยากริตฺวา ปกฺกามิ. โสปิ กุลปุตฺโต ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต วิปสฺสีพุทฺธกาเล พนฺธุมตีนครโต อวิทูเร เอกสฺมึ คามเก ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. ตสฺมึ สมเย พนฺธุมตีนครวาสิโน รฺา สทฺธึ สากจฺฉิตฺวา ทสพลสฺส ทานํ เทนฺติ. เต เอกทิวสํ สพฺเพว เอกโต หุตฺวา ทานํ เทนฺตา ‘‘กึ นุ โข อมฺหากํ ทานมุเข นตฺถี’’ติ (อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๒๐๗) มธุฺจ คุฬทธิฺจ น อทฺทสํสุ. เต ‘‘ยโต กุโตจิ อาหริสฺสามา’’ติ ชนปทโต นครปวิสนมคฺเค ปุริสํ เปสุํ. ตทา เอส กุลปุตฺโต อตฺตโน คามโต คุฬทธิวารกํ คเหตฺวา, ‘‘กิฺจิเทว อาหริสฺสามี’’ติ นครํ คจฺฉนฺโต, ‘‘มุขํ โธวิตฺวา โธตหตฺถปาโท ปวิสิสฺสามี’’ติ ผาสุกฏฺานํ โอโลเกนฺโต นงฺคลสีสมตฺตํ นิมฺมกฺขิกํ ทณฺฑกมธุํ ทิสฺวา ‘‘ปุฺเน เม อิทํ อุปฺปนฺน’’นฺติ คเหตฺวา นครํ ปาวิสิ. นาคเรหิ ปิตปุริโส ตํ ทิสฺวา, ‘‘โภ ปุริส, กสฺสิมํ อาหรสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘น กสฺสจิ, สามิ, วิกฺกิณิตุํ ปน เม อิทํ อาภต’’นฺติ. ‘‘เตน หิ, โภ, อิทํ กหาปณํ คเหตฺวา เอตํ มธุฺจ คุฬทธิฺจ เทหี’’ติ. โส จินฺเตสิ – ‘‘อิทํ น พหุมูลํ, อยฺจ เอกปฺปหาเรเนว พหุํ เทติ, วีมํสิตุํ วฏฺฏตี’’ติ. ตโต นํ ‘‘นาหํ เอเกน กหาปเณน เทมี’’ติ อาห. ‘‘ยทิ เอวํ ทฺเว คเหตฺวา เทหี’’ติ. ‘‘ทฺวีหิปิ น เทมี’’ติ. เอเตนุปาเยน วฑฺเฒตฺวา สหสฺสํ ปาปุณิ.

โส จินฺเตสิ – ‘‘อติวฑฺฒิตุํ น วฏฺฏติ, โหตุ ตาว อิมินา กตฺตพฺพกิจฺจํ ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ. อถ นํ อาห – ‘‘อิทํ น พหุํ อคฺฆนกํ, ตฺวฺจ พหุํ เทสิ, เกน กมฺเมน อิทํ คณฺหาสี’’ติ. ‘‘อิธ, โภ, นครวาสิโน รฺา สทฺธึ ปฏิวิรุชฺฌิตฺวา วิปสฺสีทสพลสฺส ทานํ เทนฺตา อิทํ ทฺวยํ ทานมุเข อปสฺสนฺตา ปริเยสนฺติ, สเจ อิทํ ทฺวยํ น ลภิสฺสนฺติ, นาครานํ ปราชโย ภวิสฺสติ, ตสฺมา สหสฺสํ กตฺวา คณฺหามี’’ติ. ‘‘กึ ปเนตํ นาครานเมว วฏฺฏติ, อฺเสํ ทาตุํ น วฏฺฏตี’’ติ. ‘‘ยสฺส กสฺสจิ ทาตุํ อวาริตเมต’’นฺติ. ‘‘อตฺถิ ปน โกจิ นาครานํ ทาเน เอกทิวสํ สหสฺสํ ทาตา’’ติ? ‘‘นตฺถิ, สมฺมา’’ติ. ‘‘อิเมสํ ปน ทฺวินฺนํ สหสฺสคฺฆนกภาวํ ชานาสี’’ติ? ‘‘อาม, ชานามี’’ติ. ‘‘เตน หิ คจฺฉ, นาครานํ อาจิกฺข ‘เอโก ปุริโส อิมานิ ทฺเว มูเลน น เทติ สหตฺเถเนว ทาตุกาโม, ตุมฺเห อิเมสํ ทฺวินฺนํ การณา นิพฺพิตกฺกา โหถา’ติ, ตฺวํ ปน เม อิมสฺมึ ทานมุเข เชฏฺกภาวสฺส กายสกฺขี โหหี’’ติ. โส ปริพฺพยตฺถํ คหิตมาสเกน ปฺจกฏุกํ คเหตฺวา จุณฺณํ กตฺวา ทธิโต กฺชิยํ คเหตฺวา ตตฺถ มธุปฏลํ ปีเฬตฺวา ปฺจกฏุกจุณฺเณน โยเชตฺวา เอกสฺมึ ปทุมินิปตฺเต ปกฺขิปิตฺวา ตํ สํวิทหิตฺวา อาทาย ทสพลสฺส อวิทูรฏฺาเน นิสีทิ มหาชเนน อาหริยมานสฺส สกฺการสฺส อวิทูเร อตฺตโน ปตฺตวารํ โอโลกยมาโน, โส โอกาสํ ตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ภควา อยํ อุปฺปนฺนทุคฺคตปณฺณากาโร, อิมํ เม อนุกมฺปํ ปฏิจฺจ ปฏิคฺคณฺหถาติ. สตฺถา ตสฺส อนุกมฺปํ ปฏิจฺจ จตุมหาราชทตฺติเยน เสลมยปตฺเตน ตํ ปฏิคฺคเหตฺวา ยถา อฏฺสฏฺิยา ภิกฺขุสตสหสฺสสฺส ทิยฺยมานํ น ขียติ, เอวํ อธิฏฺาสิ. โส กุลปุตฺโต นิฏฺิตภตฺตกิจฺจํ ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ ิโต อาห – ‘‘ทิฏฺโ เม, ภควา, อชฺช พนฺธุมตีนครวาสิเกหิ ตุมฺหากํ สกฺกาโร อาหริยมาโน, อหมฺปิ อิมสฺส กมฺมสฺส นิสฺสนฺเทน นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตภเว ลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺโต ภเวยฺย’’นฺติ (อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๒๐๗). สตฺถา, ‘‘เอวํ โหตุ, กุลปุตฺตา’’ติ วตฺวา ตสฺส จ นครวาสีนฺจ ภตฺตานุโมทนํ กตฺวา ปกฺกามิ.

โสปิ กุลปุตฺโต ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สุปฺปวาสาย ราชธีตาย กุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. ปฏิสนฺธิคฺคหณโต ปฏฺาย สายํ ปาตฺจ ปณฺณาการสตานิ สกเฏนาทาย สุปฺปวาสาย อุปนียนฺติ. อถ นํ ปุฺวีมํสนตฺถํ หตฺเถน พีชปจฺฉึ ผุสาเปนฺติ. เอเกกพีชโต สลากสตมฺปิ สลากสหสฺสมฺปิ นิคฺคจฺฉติ. เอเกกกรีสเขตฺเต ปณฺณาสมฺปิ สฏฺิปิ สกฏปฺปมาณานิ อุปฺปชฺชนฺติ. โกฏฺเ ปูรณกาเลปิ โกฏฺทฺวารํ หตฺเถน ผุสาเปนฺติ. ราชธีตาย ปุฺเน คณฺหนฺตานํ คหิตคหิตฏฺานํ ปุน ปูรติ. ปริปุณฺณภตฺตภาชนโตปิ ‘‘ราชธีตาย ปุฺ’’นฺติ วตฺวา ยสฺส กสฺสจิ เทนฺตานํ ยาว น อุกฺกฑฺฒนฺติ, น ตาว ภตฺตํ ขียติ, ทารเก กุจฺฉิคเตเยว สตฺตวสฺสานิ อติกฺกมึสุ.

คพฺเภ ปน ปริปกฺเก สตฺตาหํ มหาทุกฺขํ อนุโภสิ. สา สามิกํ อามนฺเตตฺวา, ‘‘ปุเร มรณา ชีวมานาว ทานํ ทสฺสามี’’ติ สตฺถุ สนฺติกํ เปเสสิ – ‘‘คจฺฉ, อิมํ ปวตฺตึ สตฺถุ อาโรเจตฺวา สตฺถารํ นิมนฺเตหิ, ยฺจ สตฺถา วเทติ, ตํ สาธุกํ อุปลกฺเขตฺวา อาคนฺตฺวา มยฺหํ กเถหี’’ติ. โส คนฺตฺวา ตสฺสา สาสนํ ภควโต อาโรเจสิ. สตฺถา, ‘‘สุขินี โหตุ สุปฺปวาสา โกลิยธีตา อโรคา, อโรคํ ปุตฺตํ วิชายตู’’ติ (อุทา. ๑๘) อาห. ราชา ตํ สุตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา อตฺตโน คามาภิมุโข ปายาสิ. ตสฺส ปุเร อาคมนาเยว สุปฺปวาสาย กุจฺฉิโต ธมกรณา อุทกํ วิย คพฺโภ นิกฺขมิ, ปริวาเรตฺวา นิสินฺนชโน อสฺสุมุโขว หสิตุํ อารทฺโธ ตุฏฺปหฏฺโ มหาชโน รฺโ สาสนํ อาโรเจตุํ อคมาสิ.

ราชา เตสํ อาคมนํ ทิสฺวาว, ‘‘ทสพเลน กถิตกถา นิปฺผนฺนา ภวิสฺสติ มฺเ’’ติ จินฺเตสิ. โส อาคนฺตฺวา สตฺถุ สาสนํ ราชธีตาย อาโรเจสิ. ราชธีตา ตยา นิมนฺติตํ ชีวิตภตฺตเมว มงฺคลภตฺตํ ภวิสฺสติ, คจฺฉ สตฺตาหํ ทสพลํ นิมนฺเตหีติ. ราชา ตถา อกาสิ. สตฺตาหํ พุทฺธปฺปมุขสฺส สงฺฆสฺส มหาทานํ ปวตฺตยึสุ. ทารโก สพฺเพสํ าตีนํ สนฺตตฺตํ จิตฺตํ นิพฺพาเปนฺโต ชาโตติ สีวลิทารโกตฺเววสฺส นามํ อกํสุ. โส สตฺตวสฺสานิ คพฺเภ วสิตตฺตา ชาตกาลโต ปฏฺาย สพฺพกมฺมกฺขโม อโหสิ. ธมฺมเสนาปติ สาริปุตฺโต สตฺตเม ทิวเส เตน สทฺธึ กถาสลฺลาปํ อกาสิ. สตฺถาปิ ธมฺมปเท คาถํ อภาสิ –

‘‘โยมํ ปลิปถํ ทุคฺคํ, สํสารํ โมหมจฺจคา;

ติณฺโณ ปารงฺคโต ฌายี, อเนโช อกถํกถี;

อนุปาทาย นิพฺพุโต, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ. (ธ. ป. ๔๑๔);

อถ นํ เถโร เอวมาห – ‘‘กึ ปน ตยา เอวรูปํ ทุกฺขราสึ อนุภวิตฺวา ปพฺพชิตุํ น วฏฺฏตี’’ติ? ‘‘ลภมาโน ปพฺพเชยฺยํ, ภนฺเต’’ติ. สุปฺปวาสา นํ ทารกํ เถเรน สทฺธึ กเถนฺตํ ทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข เม ปุตฺโต ธมฺมเสนาปตินา สทฺธึ กเถตี’’ติ เถรํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘มยฺหํ ปุตฺโต ตุมฺเหหิ สทฺธึ กึ กเถติ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘อตฺตนา อนุภูตํ คพฺภวาสทุกฺขํ กเถตฺวา, ‘ตุมฺเหหิ อนุฺาโต ปพฺพชิสฺสามี’ติ วทตี’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต, ปพฺพาเชถ น’’นฺติ. เถโร ตํ วิหารํ เนตฺวา ตจปฺจกกมฺมฏฺานํ ทตฺวา ปพฺพาเชนฺโต ‘‘สีวลิ, น ตุยฺหํ อฺเน โอวาเทน กมฺมํ อตฺถิ, ตยา สตฺต วสฺสานิ อนุภูตทุกฺขเมว ปจฺจเวกฺขาหี’’ติ. ‘‘ภนฺเต, ปพฺพาชนเมว ตุมฺหากํ ภาโร, ยํ ปน มยา กาตุํ สกฺกา, ตมหํ ชานิสฺสามี’’ติ. โส ปน ปมเกสวฏฺฏิยา โอหารณกฺขเณเยว โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาสิ, ทุติยาย โอหารณกฺขเณ สกทาคามิผเล, ตติยาย อนาคามิผเล สพฺเพสํเยว ปน เกสานํ โอโรปนฺจ อรหตฺตสจฺฉิกิริยา จ อปจฺฉา อปุริมา อโหสิ. ตสฺส ปพฺพชิตทิวสโต ปฏฺาย ภิกฺขุสงฺฆสฺส จตฺตาโร ปจฺจยา ยาวติจฺฉกํ อุปฺปชฺชนฺติ. เอวํ เอตฺถ วตฺถุ สมุฏฺิตํ.

อปรภาเค สตฺถา สาวตฺถึ อคมาสิ. เถโร สตฺถารํ อภิวาเทตฺวา, ‘‘ภนฺเต, มยฺหํ ปุฺํ วีมํสิสฺสามิ, ปฺจ เม ภิกฺขุสตานิ เทถา’’ติ อาห. ‘‘คณฺห สีวลี’’ติ. โส ปฺจสเต ภิกฺขู คเหตฺวา หิมวนฺตาภิมุขํ คจฺฉนฺโต อฏวิมคฺคํ คจฺฉติ, ตสฺส ปมํ ทิฏฺนิคฺโรเธ อธิวตฺถา เทวตา สตฺตทิวสานิ ทานํ อทาสิ. อิติ โส –

‘‘นิคฺโรธํ ปมํ ปสฺสิ, ทุติยํ ปณฺฑวปพฺพตํ;

ตติยํ อจิรวติยํ, จตุตฺถํ วรสาครํ.

‘‘ปฺจมํ หิมวนฺตํ โส, ฉฏฺํ ฉทฺทนฺตุปาคมิ;

สตฺตมํ คนฺธมาทนํ, อฏฺมํ อถ เรวต’’นฺติ.

สพฺพฏฺาเนสุ สตฺต สตฺต ทิวสาเนว ทานํ อทํสุ. คนฺธมาทนปพฺพเต ปน นาคทตฺตเทวราชา นาม สตฺตสุ ทิวเสสุ เอกทิวเส ขีรปิณฺฑปาตํ อทาสิ, เอกทิวเส สปฺปิปิณฺฑปาตํ. ภิกฺขุสงฺโฆ อาห – ‘‘อิมสฺส เทวรฺโ เนว เธนุโย ทุยฺหมานา ปฺายนฺติ, น ทธินิมฺมถนํ, กุโต เต เทวราช อิทํ อุปฺปชฺชตี’’ติ. ‘‘ภนฺเต กสฺสปทสพลสฺส กาเล ขีรสลากภตฺตทานสฺเสตํ ผล’’นฺติ เทวราชา อาห. อปรภาเค สตฺถา ขทิรวนิยเรวตสฺส ปจฺจุคฺคมนํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา เถรํ อตฺตโน สาสเน ลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺตานํ อคฺคฏฺาเน เปสิ.

เอวํ ลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺตสฺส ปน อิมสฺส เถรสฺส อรหตฺตปฺปตฺตึ เอกจฺเจ อาจริยา เอวํ วทนฺติ – ‘‘เหฏฺา วุตฺตนเยน ธมฺมเสนาปตินา โอวาเท ทินฺเน ยํ มยา กาตุํ สกฺกา, ตมหํ ชานิสฺสามีติ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนากมฺมฏฺานํ คเหตฺวา ตํ ทิวสํเยว อฺตรํ วิวิตฺตํ กุฏิกํ ทิสฺวา ตํ ปวิสิตฺวา มาตุกุจฺฉิสฺมึ สตฺต วสฺสานิ อตฺตนา อนุภูตํ ทุกฺขํ อนุสฺสริตฺวา ตทนุสาเรน อตีตานาคเต ตสฺส อเวกฺขนฺตสฺส อาทิตฺตา วิย ตโย ภวา อุปฏฺหึสุ. าณสฺส ปริปากํ คตตฺตา วิปสฺสนาวีถึ โอตริ, ตาวเทว มคฺคปฺปฏิปาฏิยา สพฺเพปิ อาสเว เขเปนฺโต อรหตฺตํ ปาปุณี’’ติ. อุภยถาปิ เถรสฺส อรหตฺตปฺปตฺติเยว ปกาสิตา. เถโร ปน ปภินฺนปฏิสมฺภิโท ฉฬภิฺโ อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๒.๓๑-๓๙) –

‘‘วรุโณ นาม นาเมน, เทวราชา อหํ ตทา;

อุปฏฺเหสึ สมฺพุทฺธํ, สโยคฺคพลวาหโน.

‘‘นิพฺพุเต โลกนาถมฺหิ, อตฺถทสฺสีนรุตฺตเม;

ตูริยํ สพฺพมาทาย, อคมํ โพธิมุตฺตมํ.

‘‘วาทิเตน จ นจฺเจน, สมฺมตาฬสมาหิโต;

สมฺมุขา วิย สมฺพุทฺธํ, อุปฏฺึ โพธิมุตฺตมํ.

‘‘อุปฏฺหิตฺวา ตํ โพธึ, ธรณีรุหปาทปํ;

ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวาน, ตตฺถ กาลงฺกโต อหํ.

‘‘สกกมฺมาภิรทฺโธหํ, ปสนฺโน โพธิมุตฺตเม;

เตน จิตฺตปฺปสาเทน, นิมฺมานํ อุปปชฺชหํ.

‘‘สฏฺิตูริยสหสฺสานิ, ปริวาเรนฺติ มํ สทา;

มนุสฺเสสุ จ เทเวสุ, วตฺตมานํ ภวาภเว.

‘‘ติวิธคฺคี นิพฺพุตา มยฺหํ, ภวา สพฺเพ สมูหตา;

ธาเรมิ อนฺติมํ เทหํ, สมฺมาสมฺพุทฺธสาสเน.

‘‘สุพาหู นาม นาเมน, จตุตฺตึสาสุ ขตฺติยา;

สตฺตรตนสมฺปนฺนา, ปฺจกปฺปสเต อิโต.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา วิมุตฺติสุขปฏิสํเวทเนน ปีติเวเคน อุทาเนนฺโต ‘‘เต เม อิชฺฌึสุ สงฺกปฺปา’’ติ คาถํ อภาสิ.

๖๐. ตตฺถ เต เม อิชฺฌึสุ สงฺกปฺปา, ยทตฺโถ ปาวิสึ กุฏึ, วิชฺชาวิมุตฺตึ ปจฺเจสนฺติ เย ปุพฺเพ มยา กามสงฺกปฺปาทีนํ สมุจฺเฉทกรา เนกฺขมฺมสงฺกปฺปาทโย อภิปตฺถิตาเยว ‘‘กทา นุ ขฺวาหํ ตทายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสามิ, ยทริยา เอตรหิ อุปสมฺปชฺช วิหรนฺตี’’ติ, วิมุตฺตาธิปฺปายสฺิตา วิมุตฺตึ อุทฺทิสฺส สงฺกปฺปา มโนรถา อภิณฺหโส อปฺปมตฺตา ยทตฺโถ ยํปโยชโน เยสํ นิปฺผาทนตฺถํ กุฏึ สุฺาคารํ วิปสฺสิตุํ ปาวิสึ ติสฺโส วิชฺชา ผลวิมุตฺติฺจ ปจฺเจสนฺโต, คเวสนฺโต เต เม อิชฺฌึสุ เต สพฺเพว อิทานิ มยฺหํ อิชฺฌึสุ สมิชฺฌึสุ, นิปฺผนฺนกุสลสงฺกปฺโป ปริปุณฺณมโนรโถ ชาโตติ อตฺโถ. เตสํ สมิทฺธภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘มานานุสยมุชฺชห’’นฺติ วุตฺตํ. ยสฺมา มานานุสยมุชฺชหํ ปชหึ สมุจฺฉินฺทึ, ตสฺมา เต เม สงฺกปฺปา อิชฺฌึสูติ โยชนา. มานานุสเย หิ ปหีเน อปฺปหีโน นาม อนุสโย นตฺถิ, อรหตฺตฺจ อธิคตเมว โหตีติ มานานุสยปฺปหานํ ยถาวุตฺตสงฺกปฺปสมิทฺธิยา การณํ กตฺวา วุตฺตํ.

สีวลิตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

ฉฏฺวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. สตฺตมวคฺโค

๑. วปฺปตฺเถรคาถาวณฺณนา

ปสฺสติ ปสฺโสติ อายสฺมโต วปฺปตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โส กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล หํสวตีนคเร กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต ‘‘อสุโก จ อสุโก จ เถโร สตฺถุ ปมํ ธมฺมปฏิคฺคาหกา อเหสุ’’นฺติ โถมนํ สุตฺวา ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปตฺถนํ ปฏฺเปสิ – ‘‘อหมฺปิ ภควา อนาคเต ตาทิสสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปมํ ธมฺมปฏิคฺคาหกานํ อฺตโร ภเวยฺย’’นฺติ, สตฺถุ สนฺติเก สรณคมนฺจ ปเวเทสิ. โส ยาวชีวํ ปุฺานิ กตฺวา ตโต จุโต เทวมนุสฺเสสุเยว สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท กปิลวตฺถุสฺมึ วาเสฏฺสฺส นาม พฺราหฺมณสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, วปฺโปติสฺส นามํ อโหสิ. โส อสิเตน อิสินา ‘‘สิทฺธตฺถกุมาโร สพฺพฺู ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากโต โกณฺฑฺปฺปมุเขหิ พฺราหฺมณปุตฺเตหิ สทฺธึ ฆราวาสํ ปหาย ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ‘‘ตสฺมึ สพฺพฺุตํ ปตฺเต ตสฺส สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา อมตํ ปาปุณิสฺสามี’’ติ อุรุเวลายํ วิหรนฺตํ มหาสตฺตํ ฉพฺพสฺสานิ ปธานํ ปทหนฺตํ อุปฏฺหิตฺวา โอฬาริกาหารปริโภเคน นิพฺพิชฺชิตฺวา อิสิปตนํ คโต. อภิสมฺพุชฺฌิตฺวา สตฺถารา สตฺตสตฺตาหานิ วีตินาเมตฺวา อิสิปตนํ คนฺตฺวา ธมฺมจกฺเก ปวตฺติเต ปาฏิปททิวเส โสตาปตฺติผเล ปติฏฺิโต ปฺจมิยํ ปกฺขสฺส อฺาสิโกณฺฑฺาทีหิ สทฺธึ อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๒.๒๐-๓๐) –

‘‘อุภินฺนํ เทวราชูนํ, สงฺคาโม สมุปฏฺิโต;

อโหสิ สมุปพฺยูฬฺโห, มหาโฆโส อวตฺตถ.

‘‘ปทุมุตฺตโร โลกวิทู, อาหุตีนํ ปฏิคฺคโห;

อนฺตลิกฺเข ิโต สตฺถา, สํเวเชสิ มหาชนํ.

‘‘สพฺเพ เทวา อตฺตมนา, นิกฺขิตฺตกวจาวุธา;

สมฺพุทฺธํ อภิวาเทตฺวา, เอกคฺคาสึสุ ตาวเท.

‘‘มยฺหํ สงฺกปฺปมฺาย, วาจาสภิมุทีรยิ;

อนุกมฺปโก โลกวิทู, นิพฺพาเปสิ มหาชนํ.

‘‘ปทุฏฺจิตฺโต มนุโช, เอกปาณํ วิเหยํ;

เตน จิตฺตปฺปโทเสน, อปายํ อุปปชฺชติ.

‘‘สงฺคามสีเส นาโคว, พหู ปาเณ วิเหยํ;

นิพฺพาเปถ สกํ จิตฺตํ, มา หฺิตฺโถ ปุนปฺปุนํ.

‘‘ทฺวินฺนมฺปิ ยกฺขราชูนํ, เสนา สา วิมฺหิตา อหุ;

สรณฺจ อุปาคจฺฉุํ, โลกเชฏฺํ สุตาทินํ.

‘‘สฺาเปตฺวาน ชนตํ, ปทมุทฺธริ จกฺขุมา;

เปกฺขมาโนว เทเวหิ, ปกฺกามิ อุตฺตรามุโข.

‘‘ปมํ สรณํ คจฺฉึ, ทฺวิปทินฺทสฺส ตาทิโน;

กปฺปานํ สตสหสฺสํ, ทุคฺคตึ นุปปชฺชหํ.

‘‘มหาทุนฺทุภินามา จ, โสฬสาสุํ รเถสภา;

ตึสกปฺปสหสฺสมฺหิ, ราชาโน จกฺกวตฺติโน.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อตฺตนา ปฏิลทฺธสมฺปตฺตึ ปจฺจเวกฺขณมุเขน สตฺถุ คุณมหนฺตตํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ‘‘อีทิสํ นาม สตฺถารํ พาหุลิกาทิวาเทน สมุทาจริมฺห. อโห ปุถุชฺชนภาโว นาม อนฺธกรโณ อจกฺขุกรโณ อริยภาโวเยว จกฺขุกรโณ’’ติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปสฺสติ ปสฺโส’’ติ คาถํ อภาสิ.

๖๑. ตตฺถ ปสฺสติ ปสฺโสติ ปสฺสติ สมฺมาทิฏฺิยา ธมฺเม อวิปรีตํ ชานาติ พุชฺฌตีติ ปสฺโส, ทสฺสนสมฺปนฺโน อริโย, โส ปสฺสนฺตํ อวิปรีตทสฺสาวึ ‘‘อยํ อวิปรีตทสฺสาวี’’ติ ปสฺสติ ปฺาจกฺขุนา ธมฺมาธมฺมํ ยถาสภาวโต ชานาติ. น เกวลํ ปสฺสนฺตเมว, อถ โข อปสฺสนฺตฺจ ปสฺสติ, โย ปฺาจกฺขุวิรหิโต ธมฺเม ยถาสภาวโต น ปสฺสติ, ตมฺปิ อปสฺสนฺตํ ปุถุชฺชนํ ‘‘อนฺโธ วตายํ ภวํ อจกฺขุโก’’ติ อตฺตโน ปฺาจกฺขุนา ปสฺสติ. อปสฺสนฺโต อปสฺสนฺตํ, ปสฺสนฺตฺจ น ปสฺสตีติ อปสฺสนฺโต ปฺาจกฺขุรหิโต อนฺธพาโล ตาทิสํ อนฺธพาลํ อยํ ธมฺมาธมฺมํ ยถาสภาวโต น ปสฺสตีติ ยถา อปสฺสนฺตํ น ปสฺสติ น ชานาติ, เอวํ อตฺตโน ปฺาจกฺขุนา ธมฺมาธมฺมํ ยถาสภาวโต ปสฺสนฺตฺจ ปณฺฑิตํ ‘‘อยํ เอวํวิโธ’’ติ น ปสฺสติ น ชานาติ, ตสฺมา อหมฺปิ ปุพฺเพ ทสฺสนรหิโต สกลํ เยฺยํ หตฺถามลกํ วิย ปสฺสนฺตํ ภควนฺตํ อปสฺสนฺตมฺปิ ปูรณาทึ ยถาสภาวโต น ปสฺสึ, อิทานิ ปน พุทฺธานุภาเวน สมฺปนฺโน อุภเยปิ ยถาสภาวโต ปสฺสามีติ เสวิตพฺพาเสวิตพฺเพสุ อตฺตโน อวิปรีตปฏิปตฺตึ ทสฺเสติ.

วปฺปตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. วชฺชิปุตฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา

เอกกา มยํ อรฺเติ อายสฺมโต วชฺชิปุตฺตตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ ปุฺํ อุปจินนฺโต อิโต เอกนวุเต กปฺเป วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ วิปสฺสึ ภควนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส นาคปุปฺผเกสเรหิ ปูชํ อกาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท อมจฺจกุเล นิพฺพตฺติ, วชฺชิปุตฺโตติสฺส นามํ อโหสิ. โส ภควโต เวสาลิคมเน พุทฺธานุภาวํ ทิสฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา กตปุพฺพกิจฺโจ กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา เวสาลิยา อวิทูเร อฺตรสฺมึ วนสณฺเฑ วิหรติ. เตน จ สมเยน เวสาลิยํ อุสฺสโว อโหสิ. ตตฺถ ตตฺถ นจฺจคีตวาทิตํ ปวตฺตติ, มหาชโน หฏฺตุฏฺโ อุสฺสวสมฺปตฺตึ ปจฺจนุโภติ, ตํ สุตฺวา โส ภิกฺขุ อโยนิโส อุมฺมุชฺชนฺโต วิเวกํ วชฺชมาโน กมฺมฏฺานํ วิสฺสชฺเชตฺวา อตฺตโน อนภิรตึ ปกาเสนฺโต –

‘‘เอกกา มยํ อรฺเ วิหราม, อปวิทฺธํว วนสฺมึ ทารุกํ;

เอตาทิสิกาย รตฺติยา, โก สุ นาม อมฺเหหิ ปาปิโย’’ติ. – คาถมาห;

ตํ สุตฺวา วนสณฺเฑ อธิวตฺถา เทวตา ตํ ภิกฺขุํ อนุกมฺปมานา ‘‘ยทิปิ, ตฺวํ ภิกฺขุ, อรฺวาสํ หีเฬนฺโต วทสิ, วิเวกกามา ปน วิทฺทสุโน ตํ พหุ มฺนฺติเยวา’’ติ อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺตี –

‘‘เอกโก ตฺวํ อรฺเ วิหรสิ, อปวิทฺธํว วนสฺมึ ทารุกํ;

ตสฺส เต พหุกา ปิหยนฺติ, เนรยิกา วิย สคฺคคามิน’’นฺติ. –

คาถํ วตฺวา, ‘‘กถฺหิ นาม ตฺวํ, ภิกฺขุ, นิยฺยานิเก สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สาสเน ปพฺพชิตฺวา อนิยฺยานิกํ วิตกฺกํ วิตกฺเกสฺสสี’’ติ สนฺตชฺเชนฺตี สํเวเชสิ. เอวํ โส ภิกฺขุ ตาย เทวตาย สํเวชิโต กสาภิหโต วิย ภทฺโร อสฺสาชานีโย วิปสฺสนาวีถึ โอตริตฺวา นจิรสฺเสว วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๑.๖๒-๖๖) –

‘‘สุวณฺณวณฺณํ สมฺพุทฺธํ, สตรํสึว ภาณุมํ;

โอภาเสนฺตํ ทิสา สพฺพา, อุฬุราชํว ปูริตํ.

‘‘ปุรกฺขตํ สาวเกหิ, สาคเรเหว เมทนึ;

นาคํ ปคฺคยฺห เรณูหิ, วิปสฺสิสฺสาภิโรปยึ.

‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ เรณุมภิโรปยึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘ปณฺณตาลีสิโต กปฺเป, เรณุ นามาสิ ขตฺติโย;

สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา ‘‘อยํ เม อรหตฺตปฺปตฺติยา องฺกุโส ชาโต’’ติ อตฺตโน เทวตาย จ วุตฺตนยํ สํกฑฺฒิตฺวา –

๖๒.

‘‘เอกกา มยํ อรฺเ วิหราม, อปวิทฺธํว วนสฺมึ ทารุกํ;

ตสฺส เม พหุกา ปิหยนฺติ, เนรยิกา วิย สคฺคคามิน’’นฺติ. –

คาถํ อภาสิ.

ตสฺสตฺโถ – อนเปกฺขภาเวน วเน ฉฑฺฑิตทารุกฺขณฺฑํ วิย ยทิปิ มยํ เอกกา เอกากิโน อสหายา อิมสฺมึ อรฺเ วิหราม, เอวํ วิหรโต ปน ตสฺส เม พหุกา ปิหยนฺติ มํ พหู อตฺถกามรูปา กุลปุตฺตา อภิปตฺเถนฺติ, ‘‘อโห วตสฺส มยมฺปิ วชฺชิปุตฺตตฺเถโร วิย ฆรพนฺธนํ ปหาย อรฺเ วิหเรยฺยามา’’ติ. ยถา กึ? เนรยิกา วิย สคฺคคามินํ, ยถา นาม เนรยิกา อตฺตโน ปาปกมฺเมน นิรเย นิพฺพตฺตสตฺตา สคฺคคามีนํ สคฺคูปคามีนํ ปิหยนฺติ – ‘‘อโห วต มยมฺปิ นิรยทุกฺขํ ปหาย สคฺคสุขํ ปจฺจนุภเวยฺยามา’’ติ เอวํสมฺปทมิทนฺติ อตฺโถ. เอตฺถ จ อตฺตนิ ครุพหุวจนปฺปโยคสฺส อิจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘เอกกา มยํ วิหรามา’’ติ ปุน ตสฺส อตฺถสฺส เอกตฺตํ สนฺธาย ‘‘ตสฺส เม’’ติ เอกวจนปฺปโยโค กโต. ‘‘ตสฺส เม’’, ‘‘สคฺคคามิน’’นฺติ จ อุภยมฺปิ ‘ปิหยนฺตี’ติ ปทํ อเปกฺขิตฺวา อุปโยคตฺเถ สมฺปทานนิทฺเทโส ทฏฺพฺโพ. ตํ อภิปตฺเถนฺตีติ จ ตาทิเส อรฺวาสาทิคุเณ อภิปตฺเถนฺตา นาม โหนฺตีติ กตฺวา วุตฺตํ. ตสฺส เมติ วา ตสฺส มม สนฺติเก คุเณติ อธิปฺปาโย.

วชฺชิปุตฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. ปกฺขตฺเถรคาถาวณฺณนา

จุตา ปตนฺตีติ อายสฺมโต ปกฺขตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โสปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ กโรนฺโต อิโต เอกนวุเต กปฺเป ยกฺขเสนาปติ หุตฺวา วิปสฺสึ ภควนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส ทิพฺพวตฺเถน ปูชํ อกาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สกฺเกสุ เทวทหนิคเม สากิยราชกุเล นิพฺพตฺติ, ‘‘สมฺโมทกุมาโร’’ติสฺส นามํ อโหสิ. อถสฺส ทหรกาเล วาตโรเคน ปาทา น วหึสุ. โส กติปยํ กาลํ ปีสปฺปี วิย วิจริ. เตนสฺส ปกฺโขติ สมฺา ชาตา. ปจฺฉา อโรคกาเลปิ ตเถว นํ สฺชานนฺติ, โส ภควโต าติสมาคเม ปาฏิหาริยํ ทิสฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา กตปุพฺพกิจฺโจ กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อรฺเ วิหรติ. อเถกทิวสํ คามํ ปิณฺฑาย ปวิสิตุํ คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล นิสีทิ. ตสฺมิฺจ สมเย อฺตโร กุลโล มํสเปสึ อาทาย อากาเสน คจฺฉติ, ตํ พหู กุลลา อนุปติตฺวา ปาเตสุํ. ปาติตํ มํสเปสึ เอโก กุลโล อคฺคเหสิ. ตํ อฺโ อจฺฉินฺทิตฺวา คณฺหิ, ตํ ทิสฺวา เถโร ‘‘ยถายํ มํสเปสิ, เอวํ กามา นาม พหุสาธารณา พหุทุกฺขา พหุปายาสา’’ติ – กาเมสุ อาทีนวํ เนกฺขมฺเม จ อานิสํสํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา ‘‘อนิจฺจ’’นฺติอาทินา มนสิกโรนฺโต ปิณฺฑาย จริตฺวา กตภตฺตกิจฺโจ ทิวาฏฺาเน นิสีทิตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๒.๑-๑๐) –

‘‘วิปสฺสี นาม ภควา, โลกเชฏฺโ นราสโภ;

อฏฺสฏฺิสหสฺเสหิ, ปาวิสิ พนฺธุมํ ตทา.

‘‘นครา อภินิกฺขมฺม, อคมํ ทีปเจติยํ;

อทฺทสํ วิรชํ พุทฺธํ, อาหุตีนํ ปฏิคฺคหํ.

‘‘จุลฺลาสีติสหสฺสานิ, ยกฺขา มยฺหํ อุปนฺติเก;

อุปฏฺหนฺติ สกฺกจฺจํ, อินฺทํว ติทสา คณา.

‘‘ภวนา อภินิกฺขมฺม, ทุสฺสํ ปคฺคยฺหหํ ตทา;

สิรสา อภิวาเทสึ, ตฺจาทาสึ มเหสิโน.

‘‘อโห พุทฺโธ อโห ธมฺโม, อโห โน สตฺถุ สมฺปทา;

พุทฺธสฺส อานุภาเวน, วสุธายํ ปกมฺปถ.

‘‘ตฺจ อจฺฉริยํ ทิสฺวา, อพฺภุตํ โลมหํสนํ;

พุทฺเธ จิตฺตํ ปสาเทมิ, ทฺวิปทินฺทมฺหิ ตาทิเน.

‘‘โสหํ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, ทุสฺสํ ทตฺวาน สตฺถุโน;

สรณฺจ อุปาคจฺฉึ, สามจฺโจ สปริชฺชโน.

‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ กมฺมมกรึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘อิโต ปนฺนรเส กปฺเป, โสฬสาสุํ สุวาหนา;

สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพลา.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา ยเทว สํเวควตฺถุํ องฺกุสํ กตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อฺา อธิคตา, ตสฺส สํกิตฺตนมุเขน อฺํ พฺยากโรนฺโต ‘‘จุตา ปตนฺตี’’ติ คาถํ อภาสิ.

๖๓. ตตฺถ จุตาติ ภฏฺา. ปตนฺตีติ อนุปตนฺติ. ปติตาติ จวนวเสน ภูมิยํ ปติตา, อากาเส วา สมฺปตนวเสน ปติตา. คิทฺธาติ เคธํ อาปนฺนา. ปุนราคตาติ ปุนเทว อุปคตา. -สทฺโท สพฺพตฺถ โยเชตพฺโพ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ปตนฺติ อนุปตนฺติ จ อิธ กุลลา, อิตรสฺส มุขโต จุตา จ มํสเปสิ, จุตา ปน สา ภูมิยํ ปติตา จ, คิทฺธา เคธํ อาปนฺนา สพฺเพว กุลลา ปุนราคตา. ยถา จิเม กุลลา, เอวํ สํสาเร ปริพฺภมนฺตา สตฺตา เย กุสลธมฺมโต จุตา, เต ปตนฺติ นิรยาทีสุ, เอวํ ปติตา จ, สมฺปตฺติภเว ิตา ตตฺถ กามสุขานุโยควเสน กามภเว รูปารูปภเวสุ จ ภวนิกนฺติวเสน คิทฺธา จ ปุนราคตา ภวโต อปริมุตฺตตฺตา เตน เตน ภวคามินา กมฺเมน ตํ ตํ ภวสฺิตํ ทุกฺขํ อาคตา เอว, เอวํภูตา อิเม สตฺตา. มยา ปน กตํ กิจฺจํ ปริฺาทิเภทํ โสฬสวิธมฺปิ กิจฺจํ กตํ, น ทานิ ตํ กาตพฺพํ อตฺถิ. รตํ รมฺมํ รมิตพฺพํ อริเยหิ สพฺพสงฺขตวินิสฺสฏํ นิพฺพานํ รตํ อภิรตํ รมฺมํ. เตน จ สุเขนนฺวาคตํ สุขํ ผลสมาปตฺติสุเขน อนุอาคตํ อุปคตํ อจฺจนฺตสุขํ นิพฺพานํ, สุเขน วา สุขาปฏิปทาภูเตน วิปสฺสนาสุเขน มคฺคสุเขน จ อนฺวาคตํ ผลสุขํ นิพฺพานสุขฺจาติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.

ปกฺขตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. วิมลโกณฺฑฺตฺเถรคาถาวณฺณนา

ทุมวฺหยาย อุปฺปนฺโนติ วิมลโกณฺฑฺตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ ปุฺํ อุปจินนฺโต อิโต เอกนวุเต กปฺเป วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล วิภวสมฺปนฺเน กุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ วิปสฺสึ ภควนฺตํ มหติยา ปริสาย ปริวุตํ ธมฺมํ เทเสนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส จตูหิ สุวณฺณปุปฺเผหิ ปูเชสิ. ภควา ตสฺส ปสาทสํวฑฺฒนตฺถํ ตถารูปํ อิทฺธาภิสงฺขารํ อภิสงฺขาเรสิ, ยถา สุวณฺณาภา สกลํ ตํ ปเทสํ โอตฺถรติ. ตํ ทิสฺวา ภิยฺโยโสมตฺตาย ปสนฺนมานโส หุตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ตํ นิมิตฺตํ คเหตฺวา อตฺตโน เคหํ คนฺตฺวา พุทฺธารมฺมณํ ปีตึ อวิชหนฺโต เกนจิ โรเคน กาลํ กตฺวา ตุสิเตสุ อุปปนฺโน อปราปรํ ปุฺานิ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชานํ พิมฺพิสารํ ปฏิจฺจ อมฺพปาลิยา กุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. ราชา หิ พิมฺพิสาโร ตรุณกาเล อมฺพปาลิยา รูปสมฺปตฺตึ สุตฺวา สฺชาตาภิลาโส กติปยมนุสฺสปริวาโร อฺาตกเวเสน เวสาลึ คนฺตฺวา เอกรตฺตึ ตาย สํวาสํ กปฺเปสิ. ตทา อยํ ตสฺสา กุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ อคฺคเหสิ. สา จ คพฺภสฺส ปติฏฺิตภาวํ ตสฺส อาโรเจสิ. ราชาปิ อตฺตานํ ชานาเปตฺวา ทาตพฺพยุตฺตกํ ทตฺวา ปกฺกามิ. สา คพฺภสฺส ปริปากมนฺวาย ปุตฺตํ วิชายิ, ‘‘วิมโล’’ติสฺส นามํ อโหสิ, ปจฺฉา วิมลโกณฺฑฺโติ ปฺายิตฺถ. โส วยปฺปตฺโต ภควโต เวสาลิคมเน พุทฺธานุภาวํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส ปพฺพชิตฺวา กตปุพฺพกิจฺโจ วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๒.๔๐-๔๘) –

‘‘วิปสฺสี นาม ภควา, โลกเชฏฺโ นราสโภ;

นิสินฺโน ชนกายสฺส, เทเสสิ อมตํ ปทํ.

‘‘ตสฺสาหํ ธมฺมํ สุตฺวาน, ทฺวิปทินฺนสฺส ตาทิโน;

โสณฺณปุปฺผานิ จตฺตาริ, พุทฺธสฺส อภิโรปยึ.

‘‘สุวณฺณจฺฉทนํ อาสิ, ยาวตา ปริสา ตทา;

พุทฺธาภา จ สุวณฺณาภา, อาโลโก วิปุโล อหุ.

‘‘อุทคฺคจิตฺโต สุมโน, เวทชาโต กตฺชลี;

วิตฺติสฺชนโน เตสํ, ทิฏฺธมฺมสุขาวโห.

‘‘อายาจิตฺวาน สมฺพุทฺธํ, วนฺทิตฺวาน จ สุพฺพตํ;

ปาโมชฺชํ ชนยิตฺวาน, สกํ ภวนุปาคมึ.

‘‘ภวเน อุปวิฏฺโหํ, พุทฺธเสฏฺํ อนุสฺสรึ;

เตน จิตฺตปฺปสาเทน, ตุสิตํ อุปปชฺชหํ.

‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ ปุปฺผมภิโรปยึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘โสฬสาสึสุ ราชาโน, เนมิสมฺมตนามกา;

เตตาลีเส อิโต กปฺเป, จกฺกวตฺตี มหพฺพลา.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อฺาปเทเสน อฺํ พฺยากโรนฺโต ‘‘ทุมวฺหยายา’’ติ คาถํ อภาสิ.

๖๔. ตตฺถ ทุมวฺหยายาติ ทุเมน อมฺเพน อวฺหาตพฺพาย, อมฺพปาลิยาติ อตฺโถ. อาธาเร เจตํ ภุมฺมวจนํ. อุปฺปนฺโนติ ตสฺสา กุจฺฉิยํ อุปฺปนฺโน อุปฺปชฺชมาโน จ. ชาโต ปณฺฑรเกตุนาติ ธวลวตฺถธชตฺตา ‘‘ปณฺฑรเกตู’’ติ ปฺาเตน พิมฺพิสารรฺา เหตุภูเตน ชาโต, ตํ ปฏิจฺจ นิพฺพตฺโตติ อตฺโถ. อุปฺปนฺโนติ วา ปมาภินิพฺพตฺติทสฺสนํ. ตโต หิ ชาโตติ อภิชาติทสฺสนํ. วิชายนกาลโต ปฏฺาย หิ โลเก ชาตโวหาโร. เอตฺถ จ ‘‘ทุมวฺหยาย อุปฺปนฺโน’’ติ อิมินา อตฺตุกฺกํสนภาวํ อปเนติ, อเนกปติปุตฺตานมฺปิ วิเสสาธิคมสมฺภวฺจ ทีเปติ. ‘‘ชาโต ปณฺฑรเกตุนา’’ติ อิมินา วิฺาตปิติกทสฺสเนน ปรวมฺภนํ อปเนติ. เกตุหาติ มานปฺปหายี. มาโน หิ อุณฺณติลกฺขณตฺตา เกตุ วิยาติ เกตุ. ตถา หิ โส ‘‘เกตุกมฺยตาปจฺจุปฏฺาโน’’ติ วุจฺจติ. เกตุนาเยวาติ ปฺาย เอว. ปฺา หิ อนวชฺชธมฺเมสุ อจฺจุคฺคตฏฺเน มารเสนปฺปมทฺทเนน ปุพฺพงฺคมฏฺเน จ อริยานํ ธชา นาม. เตนาห ‘‘ธมฺโม หิ อิสินํ ธโช’’ติ (สํ. นิ. ๒.๒๔๑; อ. นิ. ๔.๔๘; ชา. ๒.๒๑.๔๙๔). มหาเกตุํ ปธํสยีติ มหาวิสยตาย มหนฺตา, เสยฺยมานชาติมานาทิเภทโต พหโว จ มานปฺปการา, อิตเร จ กิเลสธมฺมา สมุสฺสิตฏฺเน เกตุ เอตสฺสาติ มหาเกตุ มาโร ปาปิมา. ตํ พลวิธมนวิสยาติกฺกมนวเสน อภิภวิ นิพฺพิเสวนํ อกาสีติ. ‘‘มหาเกตุํ ปธํสยี’’ติ อตฺตานํ ปรํ วิย ทสฺเสนฺโต อฺาปเทเสน อรหตฺตํ พฺยากาสิ.

วิมลโกณฺฑฺตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. อุกฺเขปกตวจฺฉตฺเถรคาถาวณฺณนา

อุกฺเขปกตวจฺฉสฺสาติ อายสฺมโต อุกฺเขปกตวจฺฉตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โสปิ กิร ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ ปุฺํ อุปจินนฺโต อิโต จตุนวุเต กปฺเป สิทฺธตฺถสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต สตฺถารํ อุทฺทิสฺส มาฬํ กโรนฺตสฺส ปูคสฺส เอกตฺถมฺภํ อลภนฺตสฺส ถมฺภํ ทตฺวา สหายกิจฺจํ อกาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา อปราปรํ ปุฺานิ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ อฺตรสฺส พฺราหฺมณสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, วจฺโฉติสฺส โคตฺตโต อาคตนามํ. โส สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา โกสลรฏฺเ คามกาวาเส วสนฺโต อาคตาคตานํ ภิกฺขูนํ สนฺติเก ธมฺมํ ปริยาปุณาติ. ‘‘อยํ วินโย อิทํ สุตฺตนฺตํ อยํ อภิธมฺโม’’ติ ปน ปริจฺเฉทํ น ชานาติ. อเถกทิวสํ อายสฺมนฺตํ ธมฺมเสนาปตึ ปุจฺฉิตฺวา ยถาปริจฺเฉทํ สพฺพํ สลฺลกฺเขสิ. ธมฺมสงฺคีติยา ปุพฺเพปิ ปิฏกาทิสมฺา ปริยตฺติสทฺธมฺเม ววตฺถิตา เอว, ยโต ภิกฺขูนํ วินยธราทิโวหาโร. โส เตปิฏกํ พุทฺธวจนํ อุคฺคณฺหนฺโต ปริปุจฺฉนฺโต ตตฺถ วุตฺเต รูปารูปธมฺเม สลฺลกฺเขตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา สมฺมสนฺโต นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๒.๑๓-๒๖) –

‘‘สิทฺธตฺถสฺส ภควโต, มหาปูคคโณ อหุ;

สรณํ คตา จ เต พุทฺธํ, สทฺทหนฺติ ตถาคตํ.

‘‘สพฺเพ สงฺคมฺม มนฺเตตฺวา, มาฬํ กุพฺพนฺติ สตฺถุโน;

เอกตฺถมฺภํ อลภนฺตา, วิจินนฺติ พฺรหาวเน.

‘‘เตหํ อรฺเ ทิสฺวาน, อุปคมฺม คณํ ตทา;

อฺชลึ ปคฺคเหตฺวาน, ปฏิปุจฺฉึ คณํ อหํ.

‘‘เต เม ปุฏฺา วิยากํสุ, สีลวนฺโต อุปาสกา;

มาฬํ มยํ กตฺตุกามา, เอกตฺถมฺโภ น ลพฺภติ.

‘‘เอกตฺถมฺภํ มมํ เทถ, อหํ ทสฺสามิ สตฺถุโน;

อาหริสฺสามหํ ถมฺภํ, อปฺโปสฺสุกฺกา ภวนฺตุ เต.

‘‘เต เม ถมฺภํ ปเวจฺฉึสุ, ปสนฺนา ตุฏฺมานสา;

ตโต ปฏินิวตฺติตฺวา, อคมํสุ สกํ ฆรํ.

‘‘อจิรํ คเต ปูคคเณ, ถมฺภํ อหาสหํ ตทา;

หฏฺโ หฏฺเน จิตฺเตน, ปมํ อุสฺสเปสหํ.

‘‘เตน จิตฺตปฺปสาเทน, วิมานํ อุปปชฺชหํ;

อุพฺพิทฺธํ ภวนํ มยฺหํ, สตฺตภูมํ สมุคฺคตํ.

‘‘วชฺชมานาสุ เภรีสุ, ปริจาเรมหํ สทา;

ปฺจปฺาสกปฺปมฺหิ, ราชา อาสึ ยโสธโร.

‘‘ตตฺถาปิ ภวนํ มยฺหํ, สตฺตภูมํ สมุคฺคตํ;

กูฏาคารวรูเปตํ, เอกตฺถมฺภํ มโนรมํ.

‘‘เอกวีสติกปฺปมฺหิ, อุเทโน นาม ขตฺติโย;

ตตฺราปิ ภวนํ มยฺหํ, สตฺตภูมํ สมุคฺคตํ.

‘‘ยํ ยํ โยนุปปชฺชามิ, เทวตฺตํ อถ มานุสํ;

อนุโภมิ สุขํ สพฺพํ, เอกตฺถมฺภสฺสิทํ ผลํ.

‘‘จตุนฺนวุติโต กปฺเป, ยํ ถมฺภมททํ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, เอกตฺถมฺภสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา กตกิจฺจตฺตา อกิลาสุภาเว ิโต อตฺตโน สนฺติกํ อุปคตานํ คหฏฺปพฺพชิตานํ อนุกมฺปํ อุปาทาย เตปิฏกํ พุทฺธวจนํ วีมํสิตฺวา ธมฺมํ เทเสสิ. เทเสนฺโต จ เอกทิวสํ อตฺตานํ ปรํ วิย กตฺวา ทสฺเสนฺโต –

๖๕.

‘‘อุกฺเขปกตวจฺฉสฺส, สงฺกลิตํ พหูหิ วสฺเสหิ;

ตํ ภาสติ คหฏฺานํ, สุนิสินฺโน อุฬารปาโมชฺโช’’ติ. – คาถํ อภาสิ;

ตตฺถ อุกฺเขปกตวจฺฉสฺสาติ กตอุกฺเขปวจฺฉสฺส, ภิกฺขุโน สนฺติเก วิสุํ วิสุํ อุคฺคหิตํ วินยปเทสํ สุตฺตปเทสํ อภิธมฺมปเทสฺจ ยถาปริจฺเฉทํ วินยสุตฺตาภิธมฺมานํเยว อุปริ ขิปิตฺวา สชฺฌายนวเสน ตตฺถ ตตฺเถว ปกฺขิปิตฺวา ิตวจฺเฉนาติ อตฺโถ กรณตฺเถ หิ อิทํ สามิวจนํ. สงฺกลิตํ พหูหิ วสฺเสหีติ พหุเกหิ สํวจฺฉเรหิ สมฺปิณฺฑนวเสน หทเย ปิตํ. ‘‘สงฺขลิต’’นฺติปิ ปาโ, สงฺขลิตํ วิย กตํ เอกาพทฺธวเสน วาจุคฺคตํ กตํ. ยํ พุทฺธวจนนฺติ วจนเสโส. นฺติ ตํ ปริยตฺติธมฺมํ ภาสติ กเถติ. คหฏฺานนฺติ เตสํ เยภุยฺยตาย วุตฺตํ. สุนิสินฺโนติ ตสฺมึ ธมฺเม สมฺมา นิจฺจโล นิสินฺโน, ลาภสกฺการาทึ อปจฺจาสีสนฺโต เกวลํ วิมุตฺตายตนสีเสเยว ตฺวา กเถตีติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘อุฬารปาโมชฺโช’’ติ ผลสมาปตฺติสุขวเสน ธมฺมเทสนาวเสเนว จ อุปฺปนฺนอุฬารปาโมชฺโชติ. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘ยถา ยถาวุโส ภิกฺขุ, ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ วิตฺถาเรน ปเรสํ เทเสติ ตถา ตถา โส ตสฺมึ ธมฺเม ลภติ อตฺถเวทํ, ลภติ ธมฺมเวทํ, ลภติ ธมฺมูปสํหิตํ ปาโมชฺช’’นฺติอาทิ (ที. นิ. ๓.๓๕๕).

อุกฺเขปกตวจฺฉตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. เมฆิยตฺเถรคาถาวณฺณนา

อนุสาสิ มหาวีโรติ อายสฺมโต เมฆิยตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว กุสลพีชานิ โรเปนฺโต อิโต เอกนวุเต กปฺเป วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปาปุณิ. ตสฺมิฺจ สมเย วิปสฺสี ภควา พุทฺธกิจฺจสฺส ปริโยสานมาคมฺม อายุสงฺขารํ โอสฺสชฺชิ. เตน ปถวีกมฺปาทีสุ อุปฺปนฺเนสุ มหาชโน ภีตตสิโต อโหสิ. อถ นํ เวสฺสวโณ มหาราชา ตมตฺถํ วิภาเวตฺวา สมสฺสาเสสิ. ตํ สุตฺวา มหาชโน สํเวคปฺปตฺโต อโหสิ. ตตฺถายํ กุลปุตฺโต พุทฺธานุภาวํ สุตฺวา สตฺถริ สฺชาตคารวพหุมาโน อุฬารํ ปีติโสมนสฺสํ ปฏิสํเวเทสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท กปิลวตฺถุสฺมึ สากิยราชกุเล นิพฺพตฺติ, ตสฺส เมฆิโยติ นามํ อโหสิ. โส วยปฺปตฺโต สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ภควนฺตํ อุปฏฺหนฺโต ภควติ ชาลิกายํ วิหรนฺเต กิมิกาลาย นทิยา ตีเร รมณียํ อมฺพวนํ ทิสฺวา ตตฺถ วิหริตุกาโม ทฺเว วาเร ภควตา วาเรตฺวา ตติยวารํ วิสฺสชฺชิโต ตตฺถ คนฺตฺวา มิจฺฉาวิตกฺกมกฺขิกาหิ ขชฺชมาโน จิตฺตสมาธึ อลภิตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจสิ. อถสฺส ภควา ‘‘อปริปกฺกาย, เมฆิย, เจโตวิมุตฺติยา ปฺจ ธมฺมา ปริปากาย สํวตฺตนฺตี’’ติอาทินา (อุทา. ๓๑) โอวาทํ อทาสิ. โส ตสฺมึ โอวาเท ตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๒.๕๗-๖๕) –

‘‘ยทา วิปสฺสี โลกคฺโค, อายุสงฺขารโมสฺสชิ;

ปถวี สมฺปกมฺปิตฺถ, เมทนี ชลเมขลา.

‘‘โอตตํ วิตตํ มยฺหํ, สุวิจิตฺตวฏํสกํ;

ภวนมฺปิ ปกมฺปิตฺถ, พุทฺธสฺส อายุสงฺขเย.

‘‘ตาโส มยฺหํ สมุปฺปนฺโน, ภวเน สมฺปกมฺปิเต;

อุปฺปาโท นุ กิมตฺถาย, อาโลโก วิปุโล อหุ.

‘‘เวสฺสวโณ อิธาคมฺม, นิพฺพาเปสิ มหาชนํ;

ปาณภูเต ภยํ นตฺถิ, เอกคฺคา โหถ สํวุตา.

‘‘อโห พุทฺโธ อโห ธมฺโม, อโห โน สตฺถุ สมฺปทา;

ยสฺมึ อุปฺปชฺชมานมฺหิ, ปถวี สมฺปกมฺปติ.

‘‘พุทฺธานุภาวํ กิตฺเตตฺวา, กปฺปํ สคฺคมฺหิ โมทหํ;

อวเสเสสุ กปฺเปสุ, กุสลํ จริตํ มยา.

‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ สฺมลภึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธสฺายิทํ ผลํ.

‘‘อิโต จุทฺทสกปฺปมฺหิ, ราชา อาสึ ปตาปวา;

สมิโต นาม นาเมน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา สตฺถุ สมฺมุขา โอวาทํ ลภิตฺวา ‘‘มยา อรหตฺตํ อธิคต’’นฺติ อฺํ พฺยากโรนฺโต –

๖๖.

‘‘อนุสาสิ มหาวีโร, สพฺพธมฺมาน ปารคู;

ตสฺสาหํ ธมฺมํ สุตฺวาน, วิหาสึ สนฺติเก สโต;

ติสฺโส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ. – คาถํ อภาสิ;

ตตฺถ อนุสาสีติ ‘‘อปริปกฺกาย, เมฆิย, เจโตวิมุตฺติยา ปฺจ ธมฺมา ปริปากาย สํวตฺตนฺตี’’ติอาทินา โอวทิ อนุสิฏฺึ อทาสิ. มหาวีโรติ มหาวิกฺกนฺโต, วีริยปารมิปาริปูริยา จตุรงฺคสมนฺนาคตวีริยาธิฏฺาเนน อนฺสาธารณจตุพฺพิธสมฺมปฺปธานสมฺปตฺติยา จ มหาวีริโยติ อตฺโถ. สพฺพธมฺมาน ปารคูติ สพฺเพสฺจ เยฺยธมฺมานํ ปารํ ปริยนฺตํ าณคมเนน คโต อธิคโตติ สพฺพธมฺมาน ปารคู, สพฺพฺูติ อตฺโถ. สพฺเพสํ วา สงฺขตธมฺมานํ ปารภูตํ นิพฺพานํ สยมฺภูาเณน คโต อธิคโตติ สพฺพธมฺมาน ปารคู. ตสฺสาหํ ธมฺมํ สุตฺวานาติ ตสฺส พุทฺธสฺส ภควโต สามุกฺกํสิกํ ตํ จตุสจฺจธมฺมํ สุณิตฺวา. วิหาสึ สนฺติเกติ อมฺพวเน มิจฺฉาวิตกฺเกหิ อุปทฺทุโต จาลิกา วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถุ สมีเปเยว วิหาสึ. สโตติ สติมา, สมถวิปสฺสนาภาวนาย อปฺปมตฺโตติ อตฺโถ. อหนฺติ อิทํ ยถา ‘‘อนุสาสี’’ติ เอตฺถ ‘‘ม’’นฺติ เอวํ ‘‘วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ เอตฺถ ‘‘มยา’’ติ ปริณาเมตพฺพํ. ‘‘กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ จ อิมินา ยถาวุตฺตํ วิชฺชาตฺตยานุปฺปตฺติเมว สตฺถุ โอวาทปฏิกรณภาวทสฺสเนน ปริยายนฺตเรน ปกาเสติ. สีลกฺขนฺธาทิปริปูรณเมว หิ สตฺถุ สาสนการิตา.

เมฆิยตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. เอกธมฺมสวนียตฺเถรคาถาวณฺณนา

กิเลสา ฌาปิตา มยฺหนฺติ อายสฺมโต เอกธมฺมสวนียตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โส กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล รุกฺขเทวตา หุตฺวา นิพฺพตฺโต กติปเย ภิกฺขู มคฺคมูฬฺเห มหารฺเ วิจรนฺเต ทิสฺวา อนุกมฺปมาโน อตฺตโน ภวนโต โอตริตฺวา เต สมสฺสาเสตฺวา โภเชตฺวา ยถาธิปฺเปตฏฺานํ ปาเปสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต กสฺสเป ภควติ โลเก อุปฺปชฺชิตฺวา กตพุทฺธกิจฺเจ ปรินิพฺพุเต ตสฺมึ กาเล พาราณสิราชา กิกี นาม อโหสิ. ตสฺมึ กาลงฺกเต ตสฺส ปุถุวินฺทราชา นาม ปุตฺโต อาสิ. ตสฺส ปุตฺโต สุสาโม นาม. ตสฺส ปุตฺโต กิกีพฺรหฺมทตฺโต นาม หุตฺวา รชฺชํ กาเรนฺโต สาสเน อนฺตรหิเต ธมฺมสฺสวนํ อลภนฺโต, ‘‘โย ธมฺมํ เทเสติ, ตสฺส สหสฺสํ ทมฺมี’’ติ โฆสาเปตฺวา เอกมฺปิ ธมฺมกถิกํ อลภนฺโต, ‘‘มยฺหํ ปิตุปิตามหาทีนํ กาเล ธมฺโม สํวตฺตติ, ธมฺมกถิกา สุลภา อเหสุํ. อิทานิ ปน จตุปฺปทิกคาถามตฺตมฺปิ กเถนฺโต ทุลฺลโภ. ยาว ธมฺมสฺา น วินสฺสติ, ตาวเทว ปพฺพชิสฺสามี’’ติ รชฺชํ ปหาย หิมวนฺตํ อุทฺทิสฺส คจฺฉนฺตํ สกฺโก เทวราชา อาคนฺตฺวา, ‘‘อนิจฺจา วต สงฺขารา’’ติ คาถาย ธมฺมํ กเถตฺวา นิวตฺเตสิ. โส นิวตฺติตฺวา พหุํ ปุฺํ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท เสตพฺยนคเร เสฏฺิกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ภควติ เสตพฺยนคเร สึสปาวเน วิหรนฺเต สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. ตสฺส สตฺถา อชฺฌาสยํ โอโลเกตฺวา, ‘‘อนิจฺจา วต สงฺขารา’’ติ อิมาย คาถาย ธมฺมํ เทเสสิ. ตสฺส ตตฺถ กตาธิการตาย โส อนิจฺจสฺาย ปากฏตรํ หุตฺวา อุปฏฺิตาย ปฏิลทฺธสํเวโค ปพฺพชิตฺวา ธมฺมสมฺมสนํ ปฏฺเปตฺวา ทุกฺขสฺํ อนตฺตสฺฺจ มนสิกโรนฺโต วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๒.๖๖-๗๑) –

‘‘ปทุมุตฺตรพุทฺธสฺส, สาวกา วนจาริโน;

วิปฺปนฏฺา พฺรหารฺเ, อนฺธาว อนุสุยฺยเร.

‘‘อนุสฺสริตฺวา สมฺพุทฺธํ, ปทุมุตฺตรนายกํ;

ตสฺส เต มุนิโน ปุตฺตา, วิปฺปนฏฺา มหาวเน.

‘‘ภวนา โอรุหิตฺวาน, อคมึ ภิกฺขุสนฺติกํ;

เตสํ มคฺคฺจ อาจิกฺขึ, โภชนฺจ อทาสหํ.

‘‘เตน กมฺเมน ทฺวิปทินฺท, โลกเชฏฺ นราสภ;

ชาติยา สตฺตวสฺโสหํ, อรหตฺตมปาปุณึ.

‘‘สจกฺขู นาม นาเมน, ทฺวาทส จกฺกวตฺติโน;

สตฺตรตนสมฺปนฺนา, ปฺจกปฺปสเต อิโต.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

ตสฺส เอเกเนว ธมฺมสฺสวเนน นิปฺผนฺนกิจฺจตฺตา เอกธมฺมสวนีโยตฺเวว สมฺา อโหสิ. โส อรหา หุตฺวา อฺํ พฺยากโรนฺโต –

๖๗.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ, ภวา สพฺเพ สมูหตา;

วิกฺขีโณ ชาติสํสาโร, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’’ติ. – คาถํ อภาสิ;

ตตฺถ กิเลสาติ ยสฺมึ สนฺตาเน อุปฺปนฺนา, ตํ กิเลเสนฺติ วิพาเธนฺติ อุปตาเปนฺติ วาติ กิเลสา, ราคาทโย. ฌาปิตาติ อินฺทคฺคินา วิย รุกฺขคจฺฉาทโย อริยมคฺคาณคฺคินา สมูลํ ทฑฺฒา. มยฺหนฺติ มยา, มม สนฺตาเน วา. ภวา สพฺเพ สมูหตาติ กามกมฺมภวาทโย สพฺเพ ภวา สมุคฺฆาฏิตา กิเลสานํ ฌาปิตตฺตา. สติ หิ กิเลสวฏฺเฏ กมฺมวฏฺเฏน ภวิตพฺพํ. กมฺมภวานํ สมูหตตฺตา เอว จ อุปปตฺติภวาปิ สมูหตา เอว อนุปฺปตฺติธมฺมตาย อาปาทิตตฺตา. วิกฺขีโณ ชาติสํสาโรติ ชาติอาทิโก –

‘‘ขนฺธานฺจ ปฏิปาฏิ, ธาตุอายตนาน จ;

อพฺโพจฺฉินฺนํ วตฺตมานา, สํสาโรติ ปวุจฺจตี’’ติ. –

วุตฺตลกฺขโณ สํสาโร วิเสสโต ขีโณ, ตสฺมา นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว. ยสฺมา อายตึ ปุนพฺภโว นตฺถิ, ตสฺมา วิกฺขีโณ ชาติสํสาโร. ตสฺมา จ ปุนพฺภโว นตฺถิ, ยสฺมา ภวา สพฺเพ สมูหตาติ อาวตฺเตตฺวา วตฺตพฺพํ. อถ วา วิกฺขีโณ ชาติสํสาโร, ตโต เอว นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโวติ โยเชตพฺพํ.

เอกธมฺมสวนียตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. เอกุทานิยตฺเถรคาถาวณฺณนา

อธิเจตโส อปฺปมชฺชโตติ อายสฺมโต เอกุทานิยตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ ปุฺํ อุปจินนฺโต อตฺถทสฺสิสฺส ภควโต กาเล ยกฺขเสนาปติ หุตฺวา นิพฺพตฺโต สตฺถริ ปรินิพฺพุเต, ‘‘อลาภา วต เม, ทุลฺลทฺธํ วต เม, โยหํ สตฺถุธรมานกาเล ทานาทิปุฺํ กาตุํ นาลตฺถ’’นฺติ ปริเทวโสกมาปนฺโน อโหสิ. อถ นํ สาคโร นาม สตฺถุ สาวโก โสกํ วิโนเทตฺวา สตฺถุ ถูปปูชายํ นิโยเชสิ. โส ปฺจ วสฺสานิ ถูปํ ปูเชตฺวา ตโต จุโต เตน ปุฺเน เทวมนุสฺเสสุ เอว สํสรนฺโต กสฺสปสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต กาเลน กาลํ สตฺถุ สนฺติกํ อุปสงฺกมิ. ตสฺมิฺจ สมเย สตฺถา ‘‘อธิเจตโส’’ติ คาถาย สาวเก อภิณฺหํ โอวทิ. โส ตํ สุตฺวา สทฺธาชาโต ปพฺพชิ. ปพฺพชิตฺวา จ ปน ตเมว คาถํ ปุนปฺปุนํ ปริวตฺเตติ. โส ตตฺถ วีสติวสฺสสหสฺสานิ สมณธมฺมํ กโรนฺโต าณสฺส อปริปกฺกตฺตา วิเสสํ นิพฺพตฺเตตุ นาสกฺขิ. ตโต ปน จุโต เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา อปราปรํ สุคตีสุเยว สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ วิภวสมฺปนฺนสฺส พฺราหฺมณสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺโต วิฺุตํ ปตฺวา เชตวนปฏิคฺคหณสมเย พุทฺธานุภาวํ ทิสฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา กตปุพฺพกิจฺโจ อรฺเ วิหรนฺโต สตฺถุ สนฺติกํ อคมาสิ. ตสฺมิฺจ สมเย สตฺถา อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ อตฺตโน อวิทูเร อธิจิตฺตมนุยุตฺตํ ทิสฺวา ‘‘อธิเจตโส’’ติ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ. ตํ สุตฺวา อยํ จิรกาลํ ภาวนาย อรฺเ วิหรนฺโตปิ กาเลน กาลํ ตเมว คาถํ อุทาเนติ, เตนสฺส เอกุทานิโยติ สมฺา อุทปาทิ. โส อเถกทิวสํ จิตฺเตกคฺคตํ ลภิตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๒.๗๒-๘๑) –

‘‘อตฺถทสฺสิมฺหิ สุคเต, นิพฺพุเต สมนนฺตรา;

ยกฺขโยนึ อุปปชฺชึ, ยสํ ปตฺโต จหํ ตทา.

‘‘ทุลฺลทฺธํ วต เม อาสิ, ทุปฺปภาตํ ทุรุฏฺิตํ;

ยํ เม โภเค วิชฺชมาเน, ปรินิพฺพายิ จกฺขุมา.

‘‘มม สงฺกปฺปมฺาย, สาคโร นาม สาวโก;

มมุทฺธริตุกาโม โส, อาคจฺฉิ มม สนฺติกํ.

‘‘กึ นุ โสจสิ มา ภายิ, จร ธมฺมํ สุเมธส;

อนุปฺปทินฺนา พุทฺเธน, สพฺเพสํ พีชสมฺปทา.

‘‘โย เจ ปูเรยฺย สมฺพุทฺธํ, ติฏฺนฺตํ โลกนายกํ;

ธาตุํ สาสปมตฺตมฺปิ, นิพฺพุตสฺสาปิ ปูชเย.

‘‘สเม จิตฺตปฺปสาทมฺหิ, สมํ ปุฺํ มหคฺคตํ;

ตสฺมา ถูปํ กริตฺวาน, ปูเชหิ ชินธาตุโย.

‘‘สาครสฺส วโจ สุตฺวา, พุทฺธถูปํ อกาสหํ;

ปฺจวสฺเส ปริจรึ, มุนิโน ถูปมุตฺตมํ.

‘‘เตน กมฺเมน ทฺวิปทินฺท, โลกเชฏฺ นราสภ;

สมฺปตฺตึ อนุโภตฺวาน, อรหตฺตมปาปุณึ.

‘‘ภูริปฺา จ จตฺตาโร, สตฺตกปฺปสเต อิโต;

สตฺตรตนสมฺปนฺนา, จกฺกวตฺตี มหพฺพลา.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา วิมุตฺติสุเขน วิหรนฺโต เอกทิวสํ อายสฺมตา ธมฺมภณฺฑาคาริเกน ปฏิภานํ วีมํสิตุํ, ‘‘อาวุโส, มยฺหํ ธมฺมํ ภณาหี’’ติ อชฺฌิฏฺโ จิรกาลปริจิตตฺตา –

๖๘.

‘‘อธิเจตโส อปฺปมชฺชโต, มุนิโน โมนปเถสุ สิกฺขโต;

โสกา น ภวนฺติ ตาทิโน, อุปสนฺตสฺส สทา สตีมโต’’ติ. (อุทา. ๓๗) –

อิมเมว คาถํ อภาสิ.

ตตฺถ อธิเจตโสติ อธิจิตฺตวโต, สพฺพจิตฺตานํ อธิเกน อรหตฺตผลจิตฺเตน สมนฺนาคตสฺสาติ อตฺโถ. อปฺปมชฺชโตติ นปฺปมชฺชโต, อปฺปมาเทน อนวชฺชธมฺเมสุ สาตจฺจกิริยาย สมนฺนาคตสฺสาติ วุตฺตํ โหติ. มุนิโนติ ‘‘โย มุนาติ อุโภ โลเก, มุนิ เตน ปวุจฺจตี’’ติ (ธ. ป. ๒๖๙; มหานิ. ๑๔๙; จูฬนิ. เมตฺตคูมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๒๑) เอวํ อุภยโลกมุนเนน วา, โมนํ วุจฺจติ าณํ, เตน อรหตฺตผลปฺาสงฺขาเตน โมเนน สมนฺนาคตตาย วา ขีณาสโว มุนิ นาม, ตสฺส มุนิโน. โมนปเถสุ สิกฺขโตติ อรหตฺตาณสงฺขาตสฺส โมนสฺส ปเถสุ อุปายมคฺเคสุ สตฺตตึสโพธิปกฺขิยธมฺเมสุ, ตีสุ วา สิกฺขาสุ สิกฺขโต. อิทฺจ ปุพฺพภาคปฏิปทํ คเหตฺวา วุตฺตํ. ปรินิฏฺิตสิกฺโข หิ อรหา, ตสฺมา เอวํ สิกฺขโต, อิมาย สิกฺขาย มุนิภาวํ ปตฺตสฺส มุนิโนติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ยสฺมา เจตเทวํ ตสฺมา เหฏฺิมมคฺคผลจิตฺตานํ วเสน อธิเจตโส, จตุสจฺจสมฺโพธิปฏิปตฺติยํ อปฺปมาทวเสน อปฺปมชฺชโต, อคฺคมคฺคาณสมนฺนาคเมน มุนิโนติ เอวเมเตสํ ปทานํ อตฺโถ ยุชฺชติเยว. อถ วา ‘‘อปฺปมชฺชโต สิกฺขโต’’ ปธานเหตู อกฺขาตาติ ทฏฺพฺพา. ตสฺมา อปฺปมชฺชนเหตุ สิกฺขนเหตุ จ อธิเจตโสติ อตฺโถ.

โสกา น ภวนฺติ ตาทิโนติ ตาทิสสฺส ขีณาสวมุนิโน อพฺภนฺตเร อิฏฺวิโยคาทิวตฺถุกา โสกา จิตฺตสนฺตาปา น โหนฺติ. อถ วา ตาทิลกฺขณปฺปตฺตสฺส อเสกฺขมุนิโน โสกา น ภวนฺตีติ. อุปสนฺตสฺสาติ ราคาทีนํ อจฺจนฺตูปสเมน อุปสนฺตสฺส. สทา สตีมโตติ สติเวปุลฺลปฺปตฺติยา นิจฺจกาลํ สติยา อวิรหิตสฺส.

เอตฺถ จ ‘‘อธิเจตโส’’ติ อิมินา อธิจิตฺตสิกฺขา, ‘‘อปฺปมชฺชโต’’ติ อิมินา อธิสีลสิกฺขา, ‘‘มุนิโน โมนปเถสุ สิกฺขโต’’ติ เอเตหิ อธิปฺาสิกฺขา. ‘‘มุนิโน’’ติ วา เอเตน อธิปฺาสิกฺขา, ‘‘โมนปเถสุ สิกฺขโต’’ติ เอเตน ตาสํ โลกุตฺตรสิกฺขานํ ปุพฺพภาคปฏิปทา, ‘‘โสกา น ภวนฺตี’’ติอาทีหิ สิกฺขาปาริปูริยา อานิสํสา ปกาสิตาติ เวทิตพฺพํ อยเมว จ เถรสฺส อฺาพฺยากรณคาถา อโหสิ.

เอกุทานิยตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. ฉนฺนตฺเถรคาถาวณฺณนา

สุตฺวาน ธมฺมํ มหโต มหารสนฺติ อายสฺมโต ฉนฺนตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ ปุฺํ อุปจินนฺโต สิทฺธตฺถสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ สิทฺธตฺถํ ภควนฺตํ อฺตรํ รุกฺขมูลํ อุปคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺโต มุทุสมฺผสฺสํ ปณฺณสนฺถรํ สนฺถริตฺวา อทาสิ. ปุปฺเผหิ จ สมนฺตโต โอกิริตฺวา ปูชํ อกาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา ปุนปิ อปราปรํ ปุฺานิ กตฺวา สุคตีสุเยว สํสรนฺโต อมฺหากํ ภควโต กาเล สุทฺโธทนมหาราชสฺส เคเห ทาสิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติ, ฉนฺโนติสฺส นามํ อโหสิ, โพธิสตฺเตน สหชาโต. โส สตฺถุ าติสมาคเม ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา ภควติ เปเมน, ‘‘อมฺหากํ พุทฺโธ, อมฺหากํ ธมฺโม’’ติ มมตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา สิเนหํ ฉินฺทิตุํ อสกฺโกนฺโต สมณธมฺมํ อกตฺวา สตฺถริ ปรินิพฺพุเต สตฺถารา อาณตฺตวิธินา กเตน พฺรหฺมทณฺเฑน สนฺตชฺชิโต สํเวคปฺปตฺโต หุตฺวา สิเนหํ ฉินฺทิตฺวา วิปสฺสนฺโต นจิเรเนว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๐.๔๕-๕๐) –

‘‘สิทฺธตฺถสฺส ภควโต, อทาสึ ปณฺณสนฺถรํ;

สมนฺตา อุปหารฺจ, กุสุมํ โอกิรึ อหํ.

‘‘ปาสาเทวํ คุณํ รมฺมํ, อนุโภมิ มหารหํ;

มหคฺฆานิ จ ปุปฺผานิ, สยเนภิสวนฺติ เม.

‘‘สยเนหํ ตุวฏฺฏามิ, วิจิตฺเต ปุปฺผสนฺถเต;

ปุปฺผวุฏฺิ จ สยเน, อภิวสฺสติ ตาวเท.

‘‘จตุนฺนวุติโต กปฺเป, อทาสึ ปณฺณสนฺถรํ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, สนฺถรสฺส อิทํ ผลํ.

‘‘ติณสนฺถรกา นาม, สตฺเตเต จกฺกวตฺติโน;

อิโต เต ปฺจเม กปฺเป, อุปฺปชฺชึสุ ชนาธิปา.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา วิมุตฺติสุขสนฺตปฺปิโต ปีติเวควิสฺสฏฺํ อุทานํ อุทาเนนฺโต –

๖๙.

‘‘สุตฺวาน ธมฺมํ มหโต มหารสํ,

สพฺพฺุตฺาณวเรน เทสิตํ;

มคฺคํ ปปชฺชึ อมตสฺส ปตฺติยา,

โส โยคกฺเขมสฺส ปถสฺส โกวิโท’’ติ. – คาถํ อภาสิ;

ตตฺถ สุตฺวานาติ สุณิตฺวา, โสเตน คเหตฺวา โอหิตโสโต โสตทฺวารานุสาเรน อุปธาเรตฺวา. ธมฺมนฺติ จตุสจฺจธมฺมํ. มหโตติ ภควโต. ภควา หิ มหนฺเตหิ อุฬารตเมหิ สีลาทิคุเณหิ สมนฺนาคตตฺตา, สเทวเกน โลเกน วิเสสโต มหนียตาย จ ‘‘มหา’’ติ วุจฺจติ, ยา ตสฺส มหาสมโณติ สมฺา ชาตา. นิสฺสกฺกวจนฺเจตํ ‘‘มหโต ธมฺมํ สุตฺวานา’’ติ. มหารสนฺติ วิมุตฺติรสสฺส ทายกตฺตา อุฬารรสํ. สพฺพฺุตฺาณวเรน เทสิตนฺติ สพฺพํ ชานาตีติ สพฺพฺู, ตสฺส ภาโว สพฺพฺุตา. าณเมว วรํ, าเณสุ วา วรนฺติ าณวรํ, สพฺพฺุตา าณวรํ เอตสฺสาติ สพฺพฺุตฺาณวโร, ภควา. เตน สพฺพฺุตฺาณสงฺขาตอคฺคาเณน วา กรณภูเตน เทสิตํ กถิตํ ธมฺมํ สุตฺวานาติ โยชนา. ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ ปรมตฺถทีปนิยํ อิติวุตฺตกวณฺณนายํ วุตฺตนเยน เวทิตพฺพํ. มคฺคนฺติ อฏฺงฺคิกํ อริยมคฺคํ. ปปชฺชินฺติ ปฏิปชฺชึ. อมตสฺส ปตฺติยาติ นิพฺพานสฺส อธิคมาย อุปายภูตํ ปฏิปชฺชินฺติ โยชนา. โสติ โส ภควา. โยคกฺเขมสฺส ปถสฺส โกวิโทติ จตูหิ โยเคหิ อนุปทฺทุตสฺส นิพฺพานสฺส โย ปโถ, ตสฺส โกวิโท ตตฺถ สุกุสโล. อยฺเหตฺถ อตฺโถ – ภควโต จตุสจฺจเทสนํ สุตฺวา อมตาธิคมูปายมคฺคํ อหํ ปฏิปชฺชึ ปฏิปชฺชนมคฺคํ มยา กตํ, โส เอว ปน ภควา สพฺพถา โยคกฺเขมสฺส ปถสฺส โกวิโท, ปรสนฺตาเน วา ปรมเนสุ กุสโล, ยสฺส สํวิธานมาคมฺม อหมฺปิ มคฺคํ ปฏิปชฺชินฺติ. อยเมว จ เถรสฺส อฺาพฺยากรณคาถา อโหสีติ.

ฉนฺนตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. ปุณฺณตฺเถรคาถาวณฺณนา

สีลเมวาติ อายสฺมโต ปุณฺณตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โสปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินนฺโต อิโต เอกนวุเต กปฺเป พุทฺธสุฺเ โลเก พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต พฺราหฺมณสิปฺเปสุ นิปฺผตฺตึ คนฺตฺวา กาเมสุ อาทีนวํ ทิสฺวา ฆราวาสํ ปหาย ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา หิมวนฺตปฺปเทเส ปณฺณกุฏึ กตฺวา วาสํ กปฺเปสิ. ตสฺส วสนฏฺานสฺส อวิทูเร เอกสฺมึ ปพฺภาเร ปจฺเจกพุทฺโธ อาพาธิโก หุตฺวา ปรินิพฺพายิ, ตสฺส ปรินิพฺพานสมเย มหา อาโลโก อโหสิ. ตํ ทิสฺวา โส, ‘‘กถํ นุ โข อยํ อาโลโก อุปฺปนฺโน’’ติ วีมํสนวเสน อิโต จิโต จ อาหิณฺฑนฺโต ปพฺภาเร ปจฺเจกสมฺพุทฺธํ ปรินิพฺพุตํ ทิสฺวา คนฺธทารูนิ สํกฑฺฒิตฺวา สรีรํ ฌาเปตฺวา คนฺโธทเกน อุปสิฺจิ. ตตฺเถโก เทวปุตฺโต อนฺตลิกฺเข ตฺวา เอวมาห – ‘‘สาธุ, สาธุ, สปฺปุริส, พหุํ ตยา ปุฺํ ปสวนฺเตน ปูริตํ สุคติสํวตฺตนิยํ กมฺมํ เตน ตฺวํ สุคตีสุเยว อุปฺปชฺชิสฺสสิ, ‘ปุณฺโณ’ติ จ เต นามํ ภวิสฺสตี’’ติ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สุนาปรนฺตชนปเท สุปฺปารกปฏฺฏเน คหปติกุเล นิพฺพตฺติ, ปุณฺโณติสฺส นามํ อโหสิ. โส วยปฺปตฺโต วาณิชฺชวเสน มหตา สตฺเถน สทฺธึ สาวตฺถึ คโต. เตน จ สมเยน ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ. อถ โส สาวตฺถิวาสีหิ อุปาสเกหิ สทฺธึ วิหารํ คโต สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา วตฺตปฏิวตฺเตหิ อาจริยุปชฺฌาเย อาราเธนฺโต วิหาสิ. โส เอกทิวสํ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘สาธุ มํ, ภนฺเต ภควา, สํขิตฺเตน โอวาเทน โอวทตุ, ยมหํ สุตฺวา สุนาปรนฺตชนปเท วิหเรยฺย’’นฺติ อาห. ตสฺส ภควา, ‘‘สนฺติ โข, ปุณฺณ, จกฺขุวิฺเยฺยา รูปา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๓.๓๙๕; สํ. นิ. ๔.๘๘) โอวาทํ ทตฺวา สีหนาทํ นทาเปตฺวา วิสฺสชฺเชสิ. โส ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา สุนาปรนฺตชนปทํ คนฺตฺวา สุปฺปารกปฏฺฏเน วิหรนฺโต สมถวิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา ติสฺโส วิชฺชา สจฺฉากาสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๔๑.๒๙-๔๔) –

‘‘ปพฺภารกูฏํ นิสฺสาย, สยมฺภู อปราชิโต;

อาพาธิโก จ โส พุทฺโธ, วสติ ปพฺพตนฺตเร.

‘‘มม อสฺสมสามนฺตา, ปนาโท อาสิ ตาวเท;

พุทฺเธ นิพฺพายมานมฺหิ, อาโลโก อุทปชฺชถ.

‘‘ยาวตา วนสณฺฑสฺมึ, อจฺฉโกกตรจฺฉกา;

วาฬา จ เกสรี สพฺเพ, อภิคชฺชึสุ ตาวเท.

‘‘อุปฺปาตํ ตมหํ ทิสฺวา, ปพฺภารํ อคมาสหํ;

ตตฺถทฺทสาสึ สมฺพุทฺธํ, นิพฺพุตํ อปราชิตํ.

‘‘สุผุลฺลํ สาลราชํว, สตรํสึว อุคฺคตํ;

วีตจฺจิกํว องฺคารํ, นิพฺพุตํ อปราชิตํ.

‘‘ติณํ กฏฺฺจ ปูเรตฺวา, จิตกํ ตตฺถกาสหํ;

จิตกํ สุกตํ กตฺวา, สรีรํ ฌาปยึ อหํ.

‘‘สรีรํ ฌาปยิตฺวาน, คนฺธโตยํ สโมกิรึ;

อนฺตลิกฺเข ิโต ยกฺโข, นามมคฺคหิ ตาวเท.

‘‘ยํ ปูริตํ ตยา กิจฺจํ, สยมฺภุสฺส มเหสิโน;

ปุณฺณโก นาม นาเมน, สทา โหหิ ตุวํ มุเน.

‘‘ตมฺหา กายา จวิตฺวาน, เทวโลกํ อคจฺฉหํ;

ตตฺถ ทิพฺพมโย คนฺโธ, อนฺตลิกฺขา ปวสฺสติ.

‘‘ตตฺราปิ นามเธยฺยํ เม, ปุณฺณโกติ อหู ตทา;

เทวภูโต มนุสฺโส วา, สงฺกปฺปํ ปูรยามหํ.

‘‘อิทํ ปจฺฉิมกํ มยฺหํ, จริโม วตฺตเต ภโว;

อิธาปิ ปุณฺณโก นาม, นามเธยฺยํ ปกาสติ.

‘‘โตสยิตฺวาน สมฺพุทฺธํ, โคตมํ สกฺยปุงฺควํ;

สพฺพาสเว ปริฺาย, วิหรามิ อนาสโว.

‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ กมฺมมกรึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ตนุกิจฺจสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา เถโร พหู มนุสฺเส สาสเน อภิปฺปสาเทสิ. ยโต ปฺจสตมตฺตา ปุริสา อุปาสกตฺตํ ปฺจสตมตฺตา จ อิตฺถิโย อุปาสิกาภาวํ ปฏิเวเทสุํ. โส ตตฺถ รตฺตจนฺทเนน จนฺทนมาฬํ นาม คนฺธกุฏึ การาเปตฺวา, ‘‘สตฺถา ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ มาฬํ ปฏิจฺฉตู’’ติ ภควนฺตํ ปุปฺผทูเตน นิมนฺเตสิ. ภควา จ อิทฺธานุภาเวน ตตฺตเกหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ ตตฺถ คนฺตฺวา จนฺทนมาฬํ ปฏิคฺคเหตฺวา อรุเณ อนุฏฺิเตเยว ปจฺจาคมาสิ. เถโร อปรภาเค ปรินิพฺพานสมเย อฺํ พฺยากโรนฺโต –

๗๐.

‘‘สีลเมว อิธ อคฺคํ, ปฺวา ปน อุตฺตโม;

มนุสฺเสสุ จ เทเวสุ, สีลปฺาณโต ชย’’นฺติ. – คาถํ อภาสิ;

ตตฺถ สีลนฺติ สีลนฏฺเน สีลํ, ปติฏฺานฏฺเน สมาธานฏฺเน จาติ อตฺโถ. สีลฺหิ สพฺพคุณานํ ปติฏฺา, เตนาห – ‘‘สีเล ปติฏฺาย นโร สปฺโ’’ติ (สํ. นิ. ๑.๒๓; เปฏโก. ๒๒; วิสุทฺธิ. ๑.๑). สมาทหติ จ ตํ กายวาจาอวิปฺปกิณฺณํ กโรตีติ อตฺโถ. ตยิทํ สีลเมว อคฺคํ สพฺพคุณานํ มูลภาวโต ปมุขภาวโต จ. ยถาห – ‘‘ตสฺมาติห, ตฺวํ ภิกฺขุ, อาทิเมว วิโสเธหิ กุสเลสุ ธมฺเมสุ. โก จาทิ กุสลานํ ธมฺมานํ สีลฺจ สุวิสุทฺธ’’นฺติ (สํ. นิ. ๕.๓๖๙), ‘‘ปาติโมกฺขนฺติ มุขเมตํ ปมุขเมต’’นฺติ (มหาว. ๑๓๕) จ อาทิ. อิธาติ นิปาตมตฺตํ. ปฺวาติ าณสมฺปนฺโน. โส อุตฺตโม เสฏฺโ ปวโรติ ปุคฺคลาธิฏฺานาย คาถาย ปฺายเยว เสฏฺภาวํ ทสฺเสติ. ปฺุตฺตรา หิ กุสลา ธมฺมา. อิทานิ ตํ สีลปฺานํ อคฺคเสฏฺภาวํ การณโต ทสฺเสติ ‘‘มนุสฺเสสุ จ เทเวสุ, สีลปฺาณโต ชย’’นฺติ จ. สีลปฺาณเหตุ ปฏิปกฺขชโย กามกิเลสชโย โหตีติ อตฺโถ.

ปุณฺณตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

สตฺตมวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. อฏฺมวคฺโค

๑. วจฺฉปาลตฺเถรคาถาวณฺณนา

สุสุขุมนิปุณตฺถทสฺสินาติ อายสฺมโต วจฺฉปาลตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อาจินนฺโต เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิโต เอกนวุเต กปฺเป พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา พฺราหฺมณสิปฺเปสุ นิปฺผตฺตึ คนฺตฺวา อคฺคึ ปริจรนฺโต เอกทิวสํ มหติยา กํสปาติยา ปายาสํ อาทาย ทกฺขิเณยฺยํ ปริเยสนฺโต วิปสฺสึ ภควนฺตํ อากาเส จงฺกมนฺตํ ทิสฺวา อจฺฉริยพฺภุตจิตฺตชาโต ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ทาตุกามตํ ทสฺเสสิ. ปฏิคฺคเหสิ ภควา อนุกมฺปํ อุปาทาย. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคเห วิภวสมฺปนฺนสฺส พฺราหฺมณสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, วจฺฉปาโลติสฺส นามํ อโหสิ. โส พิมฺพิสารสมาคเม อุรุเวลกสฺสปตฺเถเรน อิทฺธิปาฏิหาริยํ ทสฺเสตฺวา สตฺถุ ปรมนิปจฺจกาเร กเต ตํ ทิสฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา สตฺตาหปพฺพชิโต เอว วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา ฉฬภิฺโ อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๓.๒๖-๓๔) –

‘‘สุวณฺณวณฺโณ สมฺพุทฺโธ, พาตฺตึสวรลกฺขโณ;

ปวนา อภินิกฺขนฺโต, ภิกฺขุสงฺฆปุรกฺขโต.

‘‘มหจฺจา กํสปาติยา, วฑฺเฒตฺวา ปายสํ อหํ;

อาหุตึ ยิฏฺุกาโม โส, อุปเนสึ พลึ อหํ.

‘‘ภควา ตมฺหิ สมเย, โลกเชฏฺโ นราสโภ;

จงฺกมํ สุสมารูฬฺโห, อมฺพเร อนิลายเน.

‘‘ตฺจ อจฺฉริยํ ทิสฺวา, อพฺภุตํ โลมหํสนํ;

ปยิตฺวา กํสปาตึ, วิปสฺสึ อภิวาทยึ.

‘‘ตุวํ เทโวสิ สพฺพฺู, สเทเว สหมานุเส;

อนุกมฺปํ อุปาทาย, ปฏิคฺคณฺห มหามุนิ.

‘‘ปฏิคฺคเหสิ ภควา, สพฺพฺู โลกนายโก;

มม สงฺกปฺปมฺาย, สตฺถา โลเก มหามุนิ.

‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ ทานมททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ปายาสสฺส อิทํ ผลํ.

‘‘เอกตาลีสิโต กปฺเป, พุทฺโธ นามาสิ ขตฺติโย;

สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา สุเขเนว อตฺตนา นิพฺพานสฺส อธิคตภาวํ วิภาเวนฺโต –

๗๑.

‘‘สุสุขุมนิปุณตฺถทสฺสินา, มติกุสเลน นิวาตวุตฺตินา;

สํเสวิตวุทฺธสีลินา, นิพฺพานํ น หิ เตน ทุลฺลภ’’นฺติ. –

อิมํ คาถํ อภาสิ.

ตตฺถ สุสุขุมนิปุณตฺถทสฺสินาติ อติวิย ทุทฺทสฏฺเน สุขุเม, สณฺหฏฺเน นิปุเณ สจฺจปฏิจฺจสมุปฺปาทาทิอตฺเถ อนิจฺจตาทึ โอโรเปตฺวา ปสฺสตีติ สุสุขุมนิปุณตฺถทสฺสี, เตน. มติกุสเลนาติ มติยา ปฺาย กุสเลน เฉเกน, ‘‘เอวํ ปวตฺตมานสฺส ปฺา วฑฺฒติ, เอวํ น วฑฺฒตี’’ติ ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคปฺาย อุปฺปาทเน กุสเลน. นิวาตวุตฺตินาติ สพฺรหฺมจารีสุ นิวาตนีจวตฺตนสีเลน, วุฑฺเฒสุ นเวสุ จ ยถานุรูปปฏิปตฺตินา. สํเสวิตวุทฺธสีลินาติ สํเสวิตํ อาจิณฺณํ วุทฺธสีลํ สํเสวิตวุทฺธสีลํ, ตํ ยสฺส อตฺถิ, เตน สํเสวิตวุทฺธสีลินา. อถ วา สํเสวิตา อุปาสิตา วุทฺธสีลิโน เอเตนาติ สํเสวิตวุทฺธสีลี, เตน. หีติสทฺโท เหตุอตฺโถ. ยสฺมา โย นิวาตวุตฺติ สํเสวิตวุทฺธสีลี มติกุสโล สุสุขุมนิปุณตฺถทสฺสี จ, ตสฺมา นิพฺพานํ น ตสฺส ทุลฺลภนฺติ อตฺโถ. นิวาตวุตฺติตาย หิ สํเสวิตวุทฺธสีลิตาย จ ปณฺฑิตา ตํ โอวทิตพฺพํ อนุสาสิตพฺพํ มฺนฺติ, เตสฺจ โอวาเท ิโต สยํ มติกุสลตาย สุสุขุมนิปุณตฺถทสฺสิตาย จ วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต นจิรสฺเสว นิพฺพานํ อธิคจฺฉตีติ, อยเมว จ เถรสฺส อฺาพฺยากรณคาถา อโหสีติ.

วจฺฉปาลตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. อาตุมตฺเถรคาถาวณฺณนา

ยถา กฬีโร สุสุ วฑฺฒิตคฺโคติ อายสฺมโต อาตุมตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โสปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ ปุฺํ อาจินนฺโต อิโต เอกนวุเต กปฺเป กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต วิปสฺสึ ภควนฺตํ อนฺตรวีถิยํ คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส คนฺโธทเกน คนฺธจุณฺเณน จ ปูชํ อกาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวโลเก นิพฺพตฺโต อปราปรํ สุคตีสุเยว สํสรนฺโต กสฺสปสฺส ภควโต สาสเน ปพฺพชิตฺวา สมณธมฺมํ อกาสิ, าณสฺส ปน อปริปกฺกตฺตา วิเสสํ นิพฺพตฺเตตุํ นาสกฺขิ. อถ อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ เสฏฺิปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, อาตุโมติสฺส นามํ อโหสิ. ตสฺส วยปฺปตฺตสฺส มาตา ‘‘ปุตฺตสฺส เม ภริยํ อาเนสฺสามา’’ติ าตเกหิ สมฺมนฺเตสิ. โส ตํ อุปธาเรตฺวา เหตุสมฺปตฺติยา โจทิยมาโน ‘‘กึ มยฺหํ ฆราวาเสน, อิทาเนว ปพฺพชิสฺสามี’’ติ ภิกฺขูนํ สนฺติกํ คนฺตฺวา ปพฺพชิ. ปพฺพชิตมฺปิ นํ มาตา อุปฺปพฺพาเชตุกามา นานานเยหิ ปโลเภติ. โส ตสฺสา อวสรํ อทตฺวา อตฺตโน อชฺฌาสยํ ปกาเสนฺโต –

๗๒.

‘‘ยถา กฬีโร สุสุ วฑฺฒิตคฺโค, ทุนฺนิกฺขโม โหติ ปสาขชาโต;

เอวํ อหํ ภริยายานีตาย, อนุมฺ มํ ปพฺพชิโตมฺหิ ทานี’’ติ. –

คาถํ อภาสิ.

ตตฺถ กฬีโรติ องฺกุโร, อิธ ปน วํสงฺกุโร อธิปฺเปโต. สุสูติ ตรุโณ. วฑฺฒิตคฺโคติ ปวฑฺฒิตสาโข. สุสุวฑฺฒิตคฺโคติ วา สุฏฺุ วฑฺฒิตสาโข สฺชาตปตฺตสาโข. ทุนฺนิกฺขโมติ เวฬุคุมฺพโต นิกฺขาเมตุํ นีหริตุํ อสกฺกุเณยฺโย. ปสาขชาโตติ ชาตปสาโข, สาขานมฺปิ ปพฺเพ ปพฺเพ อุปฺปนฺนอนุสาโข. เอวํ อหํ ภริยายานีตายาติ ยถา วํโส วฑฺฒิตคฺโค วํสนฺตเรสุ สํสฏฺ สาขาปสาโข เวฬุคุมฺพโต ทุนฺนีหรณีโย โหติ, เอวํ อหมฺปิ ภริยาย มยฺหํ อานีตาย ปุตฺตธีตาทิวเสน วฑฺฒิตคฺโค อาสตฺติวเสน ฆราวาสโต ทุนฺนีหรณีโย ภเวยฺยํ. ยถา ปน วํสกฬีโร อสฺชาตสาขพนฺโธ เวฬุคุมฺพโต สุนีหรณีโยว โหติ, เอวํ อหมฺปิ อสฺชาตปุตฺตทาราทิพนฺโธ สุนีหรณีโย โหมิ, ตสฺมา อนานีตาย เอว ภริยาย อนุมฺ มํ อตฺตนาว มํ อนุชานาเปตฺวา. ปพฺพชิโตมฺหิ ทานีติ, ‘‘อิทานิ ปน ปพฺพชิโต อมฺหิ, สาธุ สุฏฺู’’ติ อตฺตโน เนกฺขมฺมาภิรตึ ปกาเสสิ, อถ วา ‘‘อนุมฺ มํ ปพฺพชิโตมฺหิ ทานี’’ติ มาตุ กเถติ. อยฺเหตฺถ อตฺโถ – ยทิปิ ตาย ปุพฺเพ นานุมตํ, อิทานิ ปน ปพฺพชิโต อมฺหิ, ตสฺมา อนุมฺ อนุชานาหิ มํ สมณภาเวเยว าตุํ, นาหํ ตยา นิวตฺตนีโยติ. เอวํ ปน กเถนฺโต ยถาิโตว วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา มคฺคปฏิปาฏิยา กิเลเส เขเปตฺวา ฉฬภิฺโ อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๓.๓๕-๔๐) –

‘‘นิสชฺช ปาสาทวเร, วิปสฺสึ อทฺทสํ ชินํ;

กกุธํ วิลสนฺตํว, สพฺพฺุํ ตมนาสกํ.

‘‘ปาสาทสฺสาวิทูเร จ, คจฺฉติ โลกนายโก;

ปภา นิทฺธาวเต ตสฺส, ยถา จ สตรํสิโน.

‘‘คนฺโธทกฺจ ปคฺคยฺห, พุทฺธเสฏฺํ สโมกิรึ;

เตน จิตฺตปฺปสาเทน, ตตฺถ กาลงฺกโต อหํ.

‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ คนฺโธทกมากิรึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘เอกตึเส อิโต กปฺเป, สุคนฺโธ นาม ขตฺติโย;

สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

ฉฬภิฺโ ปน หุตฺวา มาตรํ อาปุจฺฉิตฺวา ตสฺสา เปกฺขนฺติยาเยว อากาเสน ปกฺกามิ. โส อรหตฺตปฺปตฺติยา อุตฺตริกาลมฺปิ อนฺตรนฺตรา ตเมว คาถํ ปจฺจุทาหาสิ.

ตตฺถ ‘‘ปพฺพชิโตมฺหี’’ติ อิมินาปเทเสน อยมฺปิ เถรสฺส อฺาพฺยากรณคาถา อโหสิ อตฺตโน สนฺตาเน ราคาทิมลสฺส ปพฺพาชิตภาวทีปนโต. เตนาห ภควา – ‘‘ปพฺพาชยมตฺตโน มลํ, ตสฺมา ‘ปพฺพชิโต’ติ วุจฺจตี’’ติ (ธ. ป. ๓๘๘).

อาตุมตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. มาณวตฺเถรคาถาวณฺณนา

ชิณฺณฺจ ทิสฺวา ทุขิตฺจ พฺยาธิตนฺติ อายสฺมโต มาณวตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินนฺโต อิโต เอกนวุเต กปฺเป พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา ลกฺขณธโร หุตฺวา วิปสฺสิสฺส ภควโต อภิชาติยา ลกฺขณานิ ปริคฺคเหตฺวา ปุพฺพนิมิตฺตานิ สาเวตฺวา, ‘‘เอกํเสน อยํ พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากริตฺวา นานานเยหิ โถเมตฺวา อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน สุคตีสุเยว สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ พฺราหฺมณมหาสาลสฺส เคเห นิพฺพตฺติตฺวา ยาว สตฺตวสฺสานิ, ตาว อนฺโตฆเรเยว วฑฺฒิตฺวา สตฺตเม สํวจฺฉเร อุปนยนตฺถํ อุยฺยานํ นีโต อนฺตรามคฺเค ชิณฺณาตุรมเต ทิสฺวา เตสํ อทิฏฺปุพฺพตฺตา เต ปริชเน ปุจฺฉิตฺวา ชราโรคมรณสภาวํ สุตฺวา สฺชาตสํเวโค ตโต อนิวตฺตนฺโต วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา มาตาปิตโร อนุชานาเปตฺวา ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๓.๔๑-๖๔) –

‘‘ชายมาเน วิปสฺสิมฺหิ, นิมิตฺตํ พฺยากรึ อหํ;

นิพฺพาปยิฺจ ชนตํ, พุทฺโธ โลเก ภวิสฺสติ.

‘‘ยสฺมิฺจ ชายมานสฺมึ, ทสสหสฺสิ กมฺปติ;

โส ทานิ ภควา สตฺถา, ธมฺมํ เทเสติ จกฺขุมา.

‘‘ยสฺมิฺจ ชายมานสฺมึ, อาโลโก วิปุโล อหุ;

โส ทานิ ภควา สตฺถา, ธมฺมํ เทเสติ จกฺขุมา.

‘‘ยสฺมิฺจ ชายมานสฺมึ, สริตาโย น สนฺทยุํ;

โส ทานิ ภควา สตฺถา, ธมฺมํ เทเสติ จกฺขุมา.

‘‘ยสฺมิฺจ ชายมานสฺมึ, อวีจคฺคิ น ปชฺชลิ;

โส ทานิ ภควา สตฺถา, ธมฺมํ เทเสติ จกฺขุมา.

‘‘ยสฺมิฺจ ชายมานสฺมึ, ปกฺขิสงฺโฆ น สฺจริ;

โส ทานิ ภควา สตฺถา, ธมฺมํ เทเสติ จกฺขุมา.

‘‘ยสฺมิฺจ ชายมานสฺมึ, วาตกฺขนฺโธ น วายติ;

โส ทานิ ภควา สตฺถา, ธมฺมํ เทเสติ จกฺขุมา.

‘‘ยสฺมิฺจ ชายมานสฺมึ, สพฺพรตนานิ โชตยุํ;

โส ทานิ ภควา สตฺถา, ธมฺมํ เทเสติ จกฺขุมา.

‘‘ยสฺมิฺจ ชายมานสฺมึ, สตฺตาสุํ ปทวิกฺกมา;

โส ทานิ ภควา สตฺถา, ธมฺมํ เทเสติ จกฺขุมา.

‘‘ชาตมตฺโต จ สมฺพุทฺโธ, ทิสา สพฺพา วิโลกยิ;

วาจาสภิมุทีเรสิ, เอสา พุทฺธาน ธมฺมตา.

‘‘สํเวชยิตฺวา ชนตํ, ถวิตฺวา โลกนายกํ;

สมฺพุทฺธํ อภิวาเทตฺวา, ปกฺกามึ ปาจินามุโข.

‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ พุทฺธมภิโถมยึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, โถมนาย อิทํ ผลํ.

‘‘อิโต นวุติกปฺปมฺหิ, สมฺมุขาถวิกวฺหโย;

สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.

‘‘ปถวีทุนฺทุภิ นาม, เอกูนนวุติมฺหิโต;

สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.

‘‘อฏฺาสีติมฺหิโต กปฺเป, โอภาโส นาม ขตฺติโย;

สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.

‘‘สตฺตาสีติมฺหิโต กปฺเป, สริตจฺเฉทนวฺหโย;

สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.

‘‘อคฺคินิพฺพาปโน นาม, กปฺปานํ ฉฬสีติยา;

สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.

‘‘คติปจฺเฉทโน นาม, กปฺปานํ ปฺจสีติยา;

สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.

‘‘ราชา วาตสโม นาม, กปฺปานํ จุลฺลสีติยา;

สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.

‘‘รตนปชฺชโล นาม, กปฺปานํ เตอสีติยา;

สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.

‘‘ปทวิกฺกมโน นาม, กปฺปานํ ทฺเวอสีติยา;

สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.

‘‘ราชา วิโลกโน นาม, กปฺปานํ เอกสีติยา;

สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.

‘‘คิรสาโรติ นาเมน, กปฺเปสีติมฺหิ ขตฺติโย;

สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อธิคตารหตฺโต ปน ภิกฺขูหิ, ‘‘เกน, ตฺวํ อาวุโส, สํเวเคน อติทหโรว สมาโน ปพฺพชิโต’’ติ ปุจฺฉิโต อตฺตโน ปพฺพชฺชานิมิตฺตกิตฺตนาปเทเสน อฺํ พฺยากโรนฺโต –

๗๓.

‘‘ชิณฺณฺจ ทิสฺวา ทุขิตฺจ พฺยาธิตํ, มตฺจ ทิสฺวา คตมายุสงฺขยํ;

ตโต อหํ นิกฺขมิตูน ปพฺพชึ, ปหาย กามานิ มโนรมานี’’ติ. –

คาถํ อภาสิ.

ตตฺถ ชิณฺณนฺติ ชราย อภิภูตํ, ขณฺฑิจฺจปาลิจฺจวลิตฺตจตาทีหิ สมงฺคีภูตํ. ทุขิตนฺติ ทุกฺขปฺปตฺตํ. พฺยาธิตนฺติ คิลานํ. เอตฺถ จ ‘‘พฺยาธิต’’นฺติ วุตฺเตปิ ทุกฺขปฺปตฺตภาโว สิทฺโธ, ‘‘ทุขิต’’นฺติ วจนํ ตสฺส พาฬฺหคิลานภาวปริทีปนตฺถํ. มตนฺติ กาลงฺกตํ, ยสฺมา กาลงฺกโต อายุโน ขยํ วยํ เภทํ คโต นาม โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘คตมายุสงฺขย’’นฺติ. ตสฺมา ชิณฺณพฺยาธิมตานํ ทิฏฺตฺตา, ‘‘อิเม ชราทโย นาม น อิเมสํเยว, อถ โข สพฺพสาธารณา, ตสฺมา อหมฺปิ ชราทิเก อนติวตฺโต’’ติ สํวิคฺคตฺตา. นิกฺขมิตูนาติ นิกฺขมิตฺวา, อยเมว วา ปาโ. ปพฺพชฺชาธิปฺปาเยน ฆรโต นิคฺคนฺตฺวา. ปพฺพชินฺติ สตฺถุ สาสเน ปพฺพชํ อุปคโต. ปหาย กามานิ มโนรมานีติ อิฏฺกนฺตาทิภาวโต อวีตราคานํ มโน รเมนฺตีติ มโนรเม วตฺถุกาเม ปชหิตฺวา, ตปฺปฏิพทฺธสฺส ฉนฺทราคสฺส อริยมคฺเคน สมุจฺฉินฺทเนน นิรเปกฺขภาเวน ฉฑฺเฑตฺวาติ อตฺโถ. กามานํ ปหานกิตฺตนมุเขน เจตํ เถรสฺส อฺาพฺยากรณํ อโหสิ. มาณวกาเล ปพฺพชิตตฺตา อิมสฺส เถรสฺส มาณโวตฺเวว สมฺา ชาตาติ.

มาณวตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. สุยามนตฺเถรคาถาวณฺณนา

กามจฺฉนฺโท จ พฺยาปาโทติ อายสฺมโต สุยามนตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต อิโต เอกนวุเต กปฺเป วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล ธฺวตีนคเร พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต พฺราหฺมณสิปฺเปสุ นิปฺผตฺตึ ปตฺวา พฺราหฺมณมนฺเต วาเจติ. เตน จ สมเยน วิปสฺสี ภควา มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ ธฺวตีนครํ ปิณฺฑาย ปวิฏฺโ โหติ. ตํ ทิสฺวา พฺราหฺมโณ ปสนฺนจิตฺโต อตฺตโน เคหํ เนตฺวา อาสนํ ปฺาเปตฺวา ตสฺสูปริ ปุปฺผสนฺถารํ สนฺถริตฺวา อทาสิ, สตฺถริ ตตฺถ นิสินฺเน ปณีเตน อาหาเรน สนฺตปฺเปสิ, ภุตฺตาวิฺจ ปุปฺผคนฺเธน ปูเชสิ. สตฺถา อนุโมทนํ วตฺวา ปกฺกามิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา อปราปรํ ปุฺานิ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท เวสาลิยํ อฺตรสฺส พฺราหฺมณสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, สุยามโนติสฺส นามํ อโหสิ. โส วยปฺปตฺโต ติณฺณํ เวทานํ ปารคู ปรมนิสฺสมยุตฺโต หุตฺวา เคหวาสีนํ กามูปโภคํ ชิคุจฺฉิตฺวา ฌานนินฺโน ภควโต เวสาลิคมเน ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา ขุรคฺเคเยว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๓.๖๕-๗๔) –

‘‘นคเร ธฺวติยา, อโหสึ พฺราหฺมโณ ตทา;

ลกฺขเณ อิติหาเส จ, สนิฆณฺฑุสเกฏุเภ.

‘‘ปทโก เวยฺยากรโณ, นิมิตฺตโกวิโท อหํ;

มนฺเต จ สิสฺเส วาเจสึ, ติณฺณํ เวทาน ปารคู.

‘‘ปฺจ อุปฺปลหตฺถานิ, ปิฏฺิยํ ปิตานิ เม;

อาหุตึ ยิฏฺุกาโมหํ, ปิตุมาตุสมาคเม.

‘‘ตทา วิปสฺสี ภควา, ภิกฺขุสงฺฆปุรกฺขโต;

โอภาเสนฺโต ทิสา สพฺพา, อาคจฺฉติ นราสโภ.

‘‘อาสนํ ปฺเปตฺวาน, นิมนฺเตตฺวา มหามุนึ;

สนฺถริตฺวาน ตํ ปุปฺผํ, อภิเนสึ สกํ ฆรํ.

‘‘ยํ เม อตฺถิ สเก เคเห, อามิสํ ปจฺจุปฏฺิตํ;

ตาหํ พุทฺธสฺส ปาทาสึ, ปสนฺโน เสหิ ปาณิภิ.

‘‘ภุตฺตาวึ กาลมฺาย ปุปฺผหตฺถมทาสหํ;

อนุโมทิตฺวาน สพฺพฺู, ปกฺกามิ อุตฺตรามุโข.

‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ ปุปฺผมททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ปุปฺผทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘อนนฺตรํ อิโต กปฺเป, ราชาหุํ วรทสฺสโน;

สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา นีวรณปฺปหานกิตฺตนมุเขน อฺํ พฺยากโรนฺโต –

๗๔.

‘‘กามจฺฉนฺโท จ พฺยาปาโท, ถินมิทฺธฺจ ภิกฺขุโน;

อุทฺธจฺจํ วิจิกิจฺฉา จ, สพฺพโสว น วิชฺชตี’’ติ. – คาถํ อภาสิ;

ตตฺถ กามจฺฉนฺโทติ กาเมสุ ฉนฺโท, กาโม จ โส ฉนฺโท จาติปิ กามจฺฉนฺโท, กามราโค. อิธ ปน สพฺโพปิ ราโค กามจฺฉนฺโท อคฺคมคฺควชฺฌสฺสาปิ อธิปฺเปตตฺตา, เตนาห ‘‘สพฺพโสว น วิชฺชตี’’ติ. สพฺเพปิ หิ เตภูมกธมฺมา กามนียฏฺเน กามา, ตตฺถ ปวตฺโต ราโค กามจฺฉนฺโท, เตนาห ภควา – ‘‘อารุปฺเป กามจฺฉนฺทนีวรณํ ปฏิจฺจ ถินมิทฺธนีวรณํ อุทฺธจฺจนีวรณํ อวิชฺชานีวรณํ อุปฺปชฺชตี’’ติ (ปฏฺา. ๓.๘.๘) พฺยาปชฺชติ จิตฺตํ ปูติภาวํ คจฺฉติ เอเตนาติ พฺยาปาโท, ‘‘อนตฺถํ เม อจรี’’ติอาทินยปฺปวตฺโต (ธ. ส. ๑๐๖๖; วิภ. ๙๐๙) อาฆาโต. ถินํ จิตฺตสฺส อกลฺยตา อนุสฺสาหสํหนนํ, มิทฺธํ กายสฺส อกลฺยตา อสตฺติวิฆาโต, ตทุภยมฺปิ ถินฺจ มิทฺธฺจ ถินมิทฺธํ, กิจฺจาหารปฏิปกฺขานํ เอกตาย เอกํ กตฺวา วุตฺตํ. อุทฺธตภาโว อุทฺธจฺจํ, เยน ธมฺเมน จิตฺตํ อุทฺธตํ โหติ อวูปสนฺตํ, โส เจตโส วิกฺเขโป อุทฺธจฺจํ. อุทฺธจฺจคฺคหเณเนว เจตฺถ กิจฺจาหารปฏิปกฺขานํ สมานตาย กุกฺกุจฺจมฺปิ คหิตเมวาติ ทฏฺพฺพํ. ตํ ปจฺฉานุตาปลกฺขณํ. โย หิ กตากตกุสลากุสลูปนิสฺสโย วิปฺปฏิสาโร, ตํ กุกฺกุจฺจํ. วิจิกิจฺฉาติ, ‘‘เอวํ นุ โข น นุ โข’’ติ สํสยํ อาปชฺชติ, ธมฺมสภาวํ วา วิจินนฺโต กิจฺฉติ กิลมติ เอตายาติ วิจิกิจฺฉา, พุทฺธาทิวตฺถุโก สํสโย. สพฺพโสติ อนวเสสโต. น วิชฺชตีติ นตฺถิ, มคฺเคน สมุจฺฉินฺนตฺตา น อุปลพฺภติ. อิทฺจ ปททฺวยํ ปจฺเจกํ โยเชตพฺพํ อยฺเหตฺถ โยชนา – ยสฺส ภิกฺขุโน เตน เตน อริยมคฺเคน สมุจฺฉินฺนตฺตา กามจฺฉนฺโท จ พฺยาปาโท จ ถินมิทฺธฺจ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจฺจ วิจิกิจฺฉา จ สพฺพโสว น วิชฺชติ, ตสฺส น กิฺจิ กรณียํ, กตสฺส วา ปติจโยติ อฺาปเทเสน อฺํ พฺยากโรติ. ปฺจสุ หิ นีวรเณสุ มคฺเคน สมุจฺฉินฺเนสุ ตเทกฏฺตาย สพฺเพปิ กิเลสา สมุจฺฉินฺนาเยว โหนฺติ. เตนาห – ‘‘สพฺเพเต ภควนฺโต ปฺจ นีวรเณ ปหาย เจตโส อุปกฺกิเลเส’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๔๖).

สุยามนตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. สุสารทตฺเถรคาถาวณฺณนา

สาธุ สุวิหิตาน ทสฺสนนฺติ อายสฺมโต สุสารทตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โส กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิชฺชาปเทสุ นิปฺผตฺตึ คนฺตฺวา กาเมสุ อาทีนวํ ทิสฺวา ฆราวาสํ ปหาย ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา หิมวนฺตปฺปเทเส อรฺายตเน อสฺสมํ กาเรตฺวา วิหาสิ. อถ นํ อนุคฺคณฺหนฺโต ปทุมุตฺตโร ภควา ภิกฺขาจารเวลายํ อุปสงฺกมิ. โส ทูรโตว ทิสฺวา ปสนฺนมานโส ปจฺจุคฺคนฺตฺวา ปตฺตํ คเหตฺวา มธุรานิ ผลานิ ปกฺขิปิตฺวา อทาสิ. ภควา ตํ ปฏิคฺคเหตฺวา อนุโมทนํ กตฺวา ปกฺกามิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ธมฺมเสนาปติโน าติพฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา มนฺทปฺตฺตา สุสารโทติ คหิตนาโม อปรภาเค ธมฺมเสนาปติสฺส สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๓.๗๕-๘๓) –

‘‘อชฺฌายโก มนฺตธโร, ติณฺณํ เวทาน ปารคู;

หิมวนฺตสฺสาวิทูเร, วสามิ อสฺสเม อหํ.

‘‘อคฺคิหุตฺตฺจ เม อตฺถิ, ปุณฺฑรีกผลานิ จ;

ปุฏเก นิกฺขิปิตฺวาน, ทุมคฺเค ลคฺคิตํ มยา.

‘‘ปทุมุตฺตโร โลกวิทู, อาหุตีนํ ปฏิคฺคโห;

มมุทฺธริตุกาโม โส, ภิกฺขนฺโต มมุปาคมิ.

‘‘ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, ผลํ พุทฺธสฺสทาสหํ;

วิตฺติสฺชนโน มยฺหํ, ทิฏฺธมฺมสุขาวโห.

‘‘สุวณฺณวณฺโณ สมฺพุทฺโธ, อาหุตีนํ ปฏิคฺคโห;

อนฺตลิกฺเข ิโต สตฺถา, อิมํ คาถํ อภาสถ.

‘‘อิมินา ผลทาเนน, เจตนาปณิธีหิ จ;

กปฺปานํ สตสหสฺสํ, ทุคฺคตึ นุปปชฺชสิ.

‘‘เตเนว สุกฺกมูเลน, อนุโภตฺวาน สมฺปทา;

ปตฺโตมฺหิ อจลํ านํ, หิตฺวา ชยปราชยํ.

‘‘อิโต สตฺตสเต กปฺเป, ราชา อาสึ สุมงฺคโล;

สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา สปฺปุริสูปนิสฺสยานิสํสกิตฺตนาปเทเสน อฺํ พฺยากโรนฺโต –

๗๕.

‘‘สาธุ สุวิหิตาน ทสฺสนํ, กงฺขา ฉิชฺชติ พุทฺธิ วฑฺฒติ;

พาลมฺปิ กโรนฺติ ปณฺฑิตํ, ตสฺมา สาธุ สตํ สมาคโม’’ติ. –

คาถํ อภาสิ.

ตตฺถ สาธูติ สุนฺทรํ, ภทฺทกนฺติ อตฺโถ. สุวิหิตาน ทสฺสนนฺติ สุวิหิตานํ ทสฺสนํ. คาถาสุขตฺถํ อนุสฺวารโลโป กโต. สีลาทิคุเณหิ สุสํวิหิตตฺตภาวานํ ปรานุทฺทยาย สุฏฺุ วิหิตธมฺมเทสนานํ อริยานํ ทสฺสนํ สาธูติ โยชนา. ‘‘ทสฺสน’’นฺติ นิทสฺสนมตฺตํ ทฏฺพฺพํ สวนาทีนมฺปิ พหุการตฺตา. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –

‘‘เย เต ภิกฺขู สีลสมฺปนฺนา สมาธิสมฺปนฺนา ปฺาสมฺปนฺนา วิมุตฺติสมฺปนฺนา วิมุตฺติาณทสฺสนสมฺปนฺนา โอวาทกา วิฺาปกา สนฺทสฺสกา สมาทปกา สมุตฺเตชกา สมฺปหํสกา อลํสมกฺขาตาโร สทฺธมฺมสฺส, ทสฺสนมฺปาหํ, ภิกฺขเว, เตสํ ภิกฺขูนํ พหูปการํ วทามิ, สวนํ…เป… อุปสงฺกมนํ…เป… ปยิรุปาสนํ…เป… อนุสฺสรณํ…เป… อนุปพฺพชฺชมฺปาหํ, ภิกฺขเว, เตสํ ภิกฺขูนํ พหูปการํ วทามี’’ติ (อิติวุ. ๑๐๔).

ทสฺสนมูลกตฺตา วา อิตเรสํ ทสฺสนเมเวตฺถ วุตฺตํ, กงฺขา ฉิชฺชตีติอาทิ ตตฺถ การณวจนํ. ตาทิสานฺหิ กลฺยาณมิตฺตานํ ทสฺสเน สติ วิฺุชาติโก อตฺถกาโม กุลปุตฺโต เต อุปสงฺกมติ ปยิรุปาสติ ‘‘กึ, ภนฺเต, กุสลํ, กึ อกุสล’’นฺติอาทินา (ม. นิ. ๓.๒๙๖) ปฺหํ ปุจฺฉติ. เต จสฺส อเนกวิหิเตสุ กงฺขาฏฺานีเยสุ กงฺขํ ปฏิวิโนเทนฺติ, เตน วุตฺตํ ‘‘กงฺขา ฉิชฺชตี’’ติ. ยสฺมา จ เต ธมฺมเทสนาย เตสํ กงฺขํ ปฏิวิโนเทตฺวา ปุพฺพภาเค กมฺมปถสมฺมาทิฏฺึ วิปสฺสนาสมฺมาทิฏฺิฺจ อุปฺปาเทนฺติ, ตสฺมา เตสํ พุทฺธิ วฑฺฒติ. ยทา ปน เต วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา สจฺจานิ ปฏิวิชฺฌนฺติ, ตทา โสฬสวตฺถุกา อฏฺวตฺถุกา จ วิจิกิจฺฉา ฉิชฺชติ สมุจฺฉิชฺชติ, นิปฺปริยาเยน ปฺา พุทฺธิ วฑฺฒติ. พาลฺยสมติกฺกมนโต เต ปณฺฑิตา โหนฺติ. โส เตหิ พุทฺธึ วฑฺเฒติ, พาลมฺปิ กโรนฺติ ปณฺฑิตนฺติ. ตสฺมาติอาทิ นิคมนํ, ยสฺมา สาธูนํ ทสฺสนํ วุตฺตนเยน กงฺขา ฉิชฺชติ พุทฺธิ วฑฺฒติ, เต พาลํ ปณฺฑิตํ กโรนฺติ, ตสฺมา เตน การเณน สาธุ สุนฺทรํ สตํ สปฺปุริสานํ อริยานํ สมาคโม, เตหิ สโมธานํ สมฺมา วฑฺฒนนฺติ อตฺโถ.

สุสารทตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. ปิยฺชหตฺเถรคาถาวณฺณนา

อุปฺปตนฺเตสุ นิปเตติ อายสฺมโต ปิยฺชหตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โสปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ ปุฺํ อุปจินนฺโต อิโต เอกนวุเต กปฺเป วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล หิมวนฺเต รุกฺขเทวตา หุตฺวา ปพฺพตนฺตเร วสนฺโต เทวตาสมาคเมสุ อปฺปานุภาวตาย ปริสปริยนฺเต ตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา สตฺถริ ปฏิลทฺธสทฺโธ เอกทิวสํ สุวิสุทฺธํ รมณียํ คงฺคายํ ปุลินปฺปเทสํ ทิสฺวา สตฺถุ คุเณ อนุสฺสริ – ‘‘อิโตปิ สุวิสุทฺธา สตฺถุ คุณา อนนฺตา อปริเมยฺยา จา’’ติ, เอวํ โส สตฺถุ คุเณ อารพฺภ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท เวสาลิยํ ลิจฺฉวิราชกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ยุทฺธโสณฺโฑ อปราชิตสงฺคาโม อมิตฺตานํ ปิยหานิกรเณน ปิยฺชโหติ ปฺายิตฺถ. โส สตฺถุ เวสาลิคมเน ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา อรฺเ วสมาโน วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๓.๘๔-๙๐) –

‘‘ปพฺพเต หิมวนฺตมฺหิ, วสามิ ปพฺพตนฺตเร;

ปุลินํ โสภนํ ทิสฺวา, พุทฺธเสฏฺํ อนุสฺสรึ.

‘‘าเณ อุปนิธา นตฺถิ, สงฺขารํ นตฺถิ สตฺถุโน;

สพฺพธมฺมํ อภิฺาย, าเณน อธิมุจฺจติ.

‘‘นโม เต ปุริสาชฺ, นโม เต ปุริสุตฺตม;

าเณน เต สโม นตฺถิ, ยาวตา าณมุตฺตมํ.

‘‘าเณ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, กปฺปํ สคฺคมฺหิ โมทหํ;

อวเสเสสุ กปฺเปสุ, กุสลํ จริตํ มยา.

‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ สฺมลภึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, าณสฺายิทํ ผลํ.

‘‘อิโต สตฺตติกปฺปมฺหิ, เอโก ปุลินปุปฺผิโย;

สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา ‘‘อนฺธปุถุชฺชนานํ ปฏิปตฺติโต วิธุรา อริยานํ ปฏิปตฺตี’’ติ อิมสฺส อตฺถสฺส ทสฺสนวเสน อฺํ พฺยากโรนฺโต –

๗๖.

‘‘อุปฺปตนฺเตสุ นิปเต, นิปตนฺเตสุ อุปฺปเต;

วเส อวสมาเนสุ, รมมาเนสุ โน รเม’’ติ. – คาถํ อภาสิ;

ตตฺถ อุปฺปตนฺเตสูติ อุณฺณมนฺเตสุ, สตฺเตสุ มานุทฺธจฺจถมฺภสารมฺภาทีหิ อตฺตุกฺกํสเนน อนุปสนฺเตสุ. นิปเตติ นเมยฺย, เตสฺเว ปาปธมฺมานํ ปริวชฺชเนน นิวาตวุตฺติ ภเวยฺย. นิปตนฺเตสูติ โอณมนฺเตสุ, หีนาธิมุตฺติกตาย โกสชฺเชน จ คุณโต นิหียมาเนสุ. อุปฺปเตติ อุณฺณเมยฺย, ปณีตาธิมุตฺติกตาย วีริยารมฺเภน จ คุณโต อุสฺสุกฺเกยฺย. อถ วา อุปฺปตนฺเตสูติ อุฏฺหนฺเตสุ, กิเลเสสุ ปริยุฏฺานวเสน สีสํ อุกฺขิปนฺเตสุ. นิปเตติ ปฏิสงฺขานพเลน ยถา เต น อุปฺปชฺชนฺติ, ตถา อนุรูปปจฺจเวกฺขณาย นิปเตยฺย, วิกฺขมฺเภยฺย เจว สมุจฺฉินฺเทยฺย จ. นิปตนฺเตสูติ ปริปตนฺเตสุ, อโยนิโสมนสิกาเรสุ วีริยปโยคมนฺทตาย วา ยถารทฺเธสุ สมถวิปสฺสนาธมฺเมสุ หาย มาเนสุ. อุปฺปเตติ โยนิโสมนสิกาเรน วีริยารมฺภสมฺปทาย จ เต อุปฏฺาเปยฺย อุปฺปาเทยฺย วฑฺเฒยฺย จ. วเส อวสมาเนสูติ สตฺเตสุ มคฺคพฺรหฺมจริยวาสํ อริยวาสฺจ อวสนฺเตสุ สยํ ตํ วาสํ วเสยฺยาติ, อริเยสุ วา กิเลสวาสํ ทุติยกวาสํ อวสนฺเตสุ เยน วาเสน เต อวสมานา นาม โหนฺติ, สยํ ตถา วเส. รมมาเนสุ โน รเมติ สตฺเตสุ กามคุณรติยา กิเลสรติยา รมนฺเตสุ สยํ ตถา โน รเม นํ รเมยฺย, อริเยสุ วา นิรามิสาย ฌานาทิรติยา รมมาเนสุ สยมฺปิ ตถา รเม, ตโต อฺถา ปน กทาจิปิ โน รเม นาภิรเมยฺย วาติ อตฺโถ.

ปิยฺชหตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. หตฺถาโรหปุตฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา

อิทํ ปุเร จิตฺตมจาริ จาริกนฺติ อายสฺมโต หตฺถาโรหปุตฺตตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โส กิร ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ ปุฺํ อุปจินนฺโต วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ สตฺถารํ ภิกฺขุสงฺฆปริวุตํ วิหารโต นิกฺขนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺโต ปุปฺเผหิ ปูชํ กตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ หตฺถาโรหกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต หตฺถิสิปฺเป นิปฺผตฺตึ อคมาสิ. โส เอกทิวสํ หตฺถึ สิกฺขาเปนฺโต นทีตีรํ คนฺตฺวา เหตุสมฺปตฺติยา โจทิยมาโน ‘‘กึ มยฺหํ อิมินา หตฺถิทมเนน, อตฺตานํ ทมนเมว วร’’นฺติ จินฺเตตฺวา ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวาว จริยานุกูลํ กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต จิรปริจเยน กมฺมฏฺานโต พหิทฺธา วิธาวนฺตํ จิตฺตํ เฉโก หตฺถาจริโย วิย องฺกุเสน จณฺฑมตฺตวรวารณํ ปฏิสงฺขานองฺกุเสน นิคฺคณฺหนฺโต ‘‘อิทํ ปุเร จิตฺตมจาริ จาริก’’นฺติ คาถํ อภาสิ.

๗๗. ตตฺถ อิทนฺติ วุจฺจมานสฺส จิตฺตสฺส อตฺตปจฺจกฺขตาย วุตฺตํ. ปุเรติ นิคฺคหกาลโต ปุพฺเพ. อจารีติ วิจริ, อนวฏฺิตตาย นานารมฺมเณสุ ปริพฺภมิ. จาริกนฺติ ยถากามจริยํ. เตนาห ‘‘เยนิจฺฉกํ ยตฺถกามํ ยถาสุข’’นฺติ. นฺติ ตํ จิตฺตํ. อชฺชาติ เอตรหิ. นิคฺคเหสฺสามีติ นิคฺคณฺหิสฺสามิ, นิพฺพิเสวนํ กริสฺสามิ. โยนิโสติ อุปาเยน. ยถา กึ? หตฺถิปฺปภินฺนํ วิย องฺกุสคฺคโห. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อิทํ มม จิตฺตํ นาม อิโต ปุพฺเพ รูปาทีสุ อารมฺมเณสุ เยน เยน รมิตุํ อิจฺฉติ, ตสฺส ตสฺส วเสน เยนิจฺฉกํ, ยตฺถ ยตฺถ จสฺส กาโม, ตสฺส ตสฺส วเสน ยตฺถกามํ, ยถา ยถา วิจรนฺตสฺส สุขํ โหติ, ตเถว จรณโต ยถาสุขํ ทีฆรตฺตํ จาริกํ อจริ, ตํ อชฺชปาหํ ภินฺนมทมตฺตหตฺถึ หตฺถาจริยสงฺขาโต เฉโก องฺกุสคฺคโห องฺกุเสน วิย โยนิโสมนสิกาเรน นิคฺคเหสฺสามิ, นาสฺส วีติกฺกมิตุํ ทสฺสามีติ. เอวํ วทนฺโต เอว จ เถโร วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ สจฺฉากาสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๓.๙๑-๙๖) –

‘‘สุวณฺณวณฺโณ สมฺพุทฺโธ, วิปสฺสี ทกฺขิณารโห;

ปุรกฺขโต สาวเกหิ, อารามา อภินิกฺขมิ.

‘‘ทิสฺวานหํ พุทฺธเสฏฺํ, สพฺพฺุํ ตมนาสกํ;

ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, คณฺิปุปฺผํ อปูชยึ.

‘‘เตน จิตฺตปฺปสาเทน, ทฺวิปทินฺทสฺส ตาทิโน;

หฏฺโ หฏฺเน จิตฺเตน, ปุน วนฺทึ ตถาคตํ.

‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ ปุปฺผมภิโรปยึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘เอกตาลีสิโต กปฺเป, จรโณ นาม ขตฺติโย;

สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อยเมว จ เถรสฺส อฺาพฺยากรณคาถา อโหสีติ.

หตฺถาโรหปุตฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. เมณฺฑสิรตฺเถรคาถาวณฺณนา

อเนกชาติสํสารนฺติ อายสฺมโต เมณฺฑสิรตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โสปิ กิร ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยานิ ปุฺานิ กโรนฺโต อิโต เอกนวุเต กปฺเป พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต กาเม ปหาย อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา มหตา อิสิคเณน สทฺธึ หิมวนฺเต วสนฺโต สตฺถารํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส อิสิคเณน ปทุมานิ อาหราเปตฺวา สตฺถุ ปุปฺผปูชํ กตฺวา สาวเก อปฺปมาทปฏิปตฺติยํ โอวทิตฺวา กาลํ กตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺโต อปราปรํ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาเกเต คหปติกุเล นิพฺพตฺติ, ตสฺส เมณฺฑสริกฺขสีสตาย เมณฺฑสิโรตฺเวว สมฺา อโหสิ. โส ภควติ สาเกเต อฺชนวเน วิหรนฺเต สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา สมถวิปสฺสนาสุ กมฺมํ กโรนฺโต ฉฬภิฺโ อโหสิ. เตว วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๓.๙๗-๑๐๕) –

‘‘หิมวนฺตสฺสาวิทูเร, โคตโม นาม ปพฺพโต;

นานารุกฺเขหิ สฺฉนฺโน, มหาภูตคณาลโย.

‘‘เวมชฺฌมฺหิ จ ตสฺสาสิ, อสฺสโม อภินิมฺมิโต;

ปุรกฺขโต สสิสฺเสหิ, วสามิ อสฺสเม อหํ.

‘‘อายนฺตุ เม สิสฺสคณา, ปทุมํ อาหรนฺตุ เม;

พุทฺธปูชํ กริสฺสามิ, ทฺวิปทินฺทสฺส ตาทิโน.

‘‘เอวนฺติ เต ปฏิสฺสุตฺวา, ปทุมํ อาหรึสุ เม;

ตถา นิมิตฺตํ กตฺวาหํ, พุทฺธสฺส อภิโรปยึ.

‘‘สิสฺเส ตทา สมาเนตฺวา, สาธุกํ อนุสาสหํ;

มา โข ตุมฺเห ปมชฺชิตฺถ, อปฺปมาโท สุขาวโห.

‘‘เอวํ สมนุสาสิตฺวา, เต สิสฺเส วจนกฺขเม;

อปฺปมาทคุเณ ยุตฺโต, ตทา กาลงฺกโต อหํ.

‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ ปุปฺผมภิโรปยึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘เอกปฺาสกปฺปมฺหิ, ราชา อาสึ ชลุตฺตโม;

สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

โส อตฺตโน ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรนฺโต –

๗๘.

‘‘อเนกชาติสํสารํ, สนฺธาวิสฺสํ อนิพฺพิสํ;

ตสฺส เม ทุกฺขชาตสฺส, ทุกฺขกฺขนฺโธ อปรทฺโธ’’ติ. – คาถํ อภาสิ;

ตตฺถ อเนกชาติสํสารนฺติ อเนกชาติสตสหสฺสสงฺขฺยํ อิทํ สํสารวฏฺฏํ, อทฺธุโน อธิปฺเปตตฺตา อจฺจนฺตสํโยเคกวจนํ. สนฺธาวิสฺสนฺติ สํสรึ, อปราปรํ จวนุปฺปชฺชนวเสน ปริพฺภมึ. อนิพฺพิสนฺติ ตสฺส นิวตฺตกาณํ อวินฺทนฺโต อลภนฺโต. ตสฺส เมติ เอวํ สํสรนฺตสฺส เม. ทุกฺขชาตสฺสาติ ชาติอาทิวเสน อุปฺปนฺนทุกฺขสฺส, ติสฺสนฺนํ วา ทุกฺขตานํ วเสน ทุกฺขสภาวสฺส. ทุกฺขกฺขนฺโธติ กมฺมกิเลสวิปากวฏฺฏปฺปกาโร ทุกฺขราสิ. อปรทฺโธติ อรหตฺตมคฺคปฺปตฺติโต ปฏฺาย ปริพฺภฏฺโ จุโต น อภินิพฺพตฺติสฺสติ. ‘‘อปรฏฺโ’’ติ วา ปาโ, อปคตสมิทฺธิโต สมุจฺฉินฺนการณตฺตา อปคโตติ อตฺโถ. อิทเมว จ เถรสฺส อฺาพฺยากรณํ อโหสิ.

เมณฺฑสิรตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. รกฺขิตตฺเถรคาถาวณฺณนา

สพฺโพ ราโค ปหีโน เมติ อายสฺมโต รกฺขิตตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปสนฺนมานโส เทสนาาณํ อารพฺภ โถมนํ อกาสิ. สตฺถา ตสฺส จิตฺตปฺปสาทํ โอโลเกตฺวา ‘‘อยํ อิโต สตสหสฺสกปฺปมตฺถเก โคตมสฺส นาม สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส รกฺขิโต นาม สาวโก ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิ. โส ตํ สุตฺวา ภิยฺโยโสมตฺตาย ปสนฺนมานโส อปราปรํ ปุฺานิ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท เทวทหนิคเม สากิยราชกุเล นิพฺพตฺติ, รกฺขิโตติสฺส นามํ อโหสิ. โส เย สากิยโกลิยราชูหิ ภควโต ปริวารตฺถาย ทินฺนา ปฺจสตราชกุมารา ปพฺพชิตา, เตสํ อฺตโร. เต ปน ราชกุมารา น สํเวเคน ปพฺพชิตตฺตา อุกฺกณฺาภิภูตา ยทา สตฺถารา กุณาลทหตีรํ เนตฺวา กุณาลชาตกเทสนาย (ชา. ๒.๒๑.กุณาลชาตก) อิตฺถีนํ โทสวิภาวเนน กาเมสุ อาทีนวํ ปกาเสตฺวา กมฺมฏฺาเน นิโยชิตา, ตทา อยมฺปิ กมฺมฏฺานํ อนุยุฺชนฺโต วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๔.๑-๙) –

‘‘ปทุมุตฺตโร นาม ชิโน, โลกเชฏฺโ นราสโภ;

มหโต ชนกายสฺส, เทเสติ อมตํ ปทํ.

‘‘ตสฺสาหํ วจนํ สุตฺวา, วาจาสภิมุทีริตํ;

อฺชลึ ปคฺคเหตฺวาน, เอกคฺโค อาสหํ ตทา.

‘‘ยถา สมุทฺโท อุทธีนมคฺโค, เนรู นคานํ ปวโร สิลุจฺจโย;

ตเถว เย จิตฺตวเสน วตฺตเร, น พุทฺธาณสฺส กลํ อุเปนฺติ เต.

‘‘ธมฺมวิธึ เปตฺวาน, พุทฺโธ การุณิโก อิสิ;

ภิกฺขุสงฺเฆ นิสีทิตฺวา, อิมา คาถา อภาสถ.

‘‘โย โส าณํ ปกิตฺเตสิ, พุทฺธมฺหิ โลกนายเก;

กปฺปานํ สตสหสฺสํ, ทุคฺคตึ น คมิสฺสติ.

‘‘กิเลเส ฌาปยิตฺวาน, เอกคฺโค สุสมาหิโต;

โสภิโต นาม นาเมน, เหสฺสติ สตฺถุ สาวโก.

‘‘ปฺาเส กปฺปสหสฺเส, สตฺเตวาสุํ ยสุคฺคตา;

สตฺตรตนสมฺปนฺนา, จกฺกวตฺตี มหพฺพลา.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อตฺตโน ปหีนกิเลเส ปจฺจเวกฺขนฺโต ‘‘สพฺโพ ราโค’’ติ คาถํ อภาสิ.

๗๙. ตตฺถ ‘‘สพฺโพ ราโค’’ติ กามราคาทิปฺปเภโท สพฺโพปิ ราโค. ปหีโนติ อริยมคฺคภาวนาย สมุจฺเฉทปฺปหานวเสน ปหีโน. สพฺโพ โทโสติ อาฆาตวตฺถุกาทิภาเวน อเนกเภทภินฺโน สพฺโพปิ พฺยาปาโท. สมูหโตติ มคฺเคน สมุคฺฆาฏิโต. สพฺโพ เม วิคโต โมโหติ ‘‘ทุกฺเข อฺาณ’’นฺติอาทินา (ธ. ส. ๑๐๖๗; วิภ. ๙๐๙) วตฺถุเภเทน อฏฺเภโท, สํกิเลสวตฺถุวิภาเคน อเนกวิภาโค สพฺโพปิ โมโห มคฺเคน วิทฺธํสิตตฺตา มยฺหํ วิคโต. สีติภูโตสฺมิ นิพฺพุโตติ เอวํ มูลกิเลสปฺปหาเนน ตเทกฏฺตาย สํกิเลสานํ สมฺมเทว ปฏิปฺปสฺสทฺธตฺตา อนวเสสกิเลสทรถปริฬาหาภาวโต สีติภาวํ ปตฺโต, ตโต เอว สพฺพโส กิเลสปรินิพฺพาเนน ปรินิพฺพุโต อหํ อสฺมิ ภวามีติ อฺํ พฺยากาสิ.

รกฺขิตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. อุคฺคตฺเถรคาถาวณฺณนา

ยํ มยา ปกตํ กมฺมนฺติ อายสฺมโต อุคฺคตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ กโรนฺโต อิโต เอกตึเส กปฺเป สิขิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ สิขึ ภควนฺตํ ปสฺสิตฺวา ปสนฺนมานโส เกตกปุปฺเผหิ ปูชํ อกาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา อปราปรํ สุคตีสุเยว สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท โกสลรฏฺเ อุคฺคนิคเม เสฏฺิปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, อุคฺโคตฺเววสฺส นามํ อโหสิ. โส วิฺุตํ ปตฺโต ภควติ ตสฺมึ นิคเม ภทฺทาราเม วิหรนฺเต วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๔.๑๐-๑๖) –

‘‘วินตานทิยา ตีเร, ปิลกฺขุ ผลิโต อหุ;

ตาหํ รุกฺขํ คเวสนฺโต, อทฺทสํ โลกนายกํ.

‘‘เกตกํ ปุปฺผิตํ ทิสฺวา, วณฺเฏ เฉตฺวานหํ ตทา;

พุทฺธสฺส อภิโรเปสึ, สิขิโน โลกพนฺธุโน.

‘‘เยน าเณน ปตฺโตสิ, อจฺจุตํ อมตํ ปทํ;

ตํ าณํ อภิปูเชมิ, พุทฺธเสฏฺ มหามุนิ.

‘‘าณมฺหิ ปูชํ กตฺวาน, ปิลกฺขุมทฺทสํ อหํ;

ปฏิลทฺโธมฺหิ ตํ ปฺํ, าณปูชายิทํ ผลํ.

‘‘เอกตึเส อิโต กปฺเป, ยํ ปุปฺผมภิโรปยึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, าณปูชายิทํ ผลํ.

‘‘อิโต เตรสกปฺปมฺหิ, ทฺวาทสาสุํ ผลุคฺคตา;

สตฺตรตนสมฺปนฺนา, จกฺกวตฺตี มหพฺพลา.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อตฺตโน วฏฺฏูปจฺเฉททีปเนน อฺํ พฺยากโรนฺโต –

๘๐.

‘‘ยํ มยา ปกตํ กมฺมํ, อปฺปํ วา ยทิ วา พหุํ;

สพฺพเมตํ ปริกฺขีณํ, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’’ติ. – คาถํ อภาสิ;

ตตฺถ ยํ มยา ปกตํ กมฺมนฺติ ยํ กมฺมํ ตีหิ กมฺมทฺวาเรหิ, ฉหิ อุปฺปตฺติทฺวาเรหิ, อฏฺหิ อสํวรทฺวาเรหิ, อฏฺหิ จ สํวรทฺวาเรหิ ปาปาทิวเสน ทานาทิวเสน จาติ อเนเกหิ ปกาเรหิ อนาทิมติ สํสาเร ยํ มยา กตํ อุปจิตํ อภินิพฺพตฺติตํ วิปากกมฺมํ. อปฺปํ วา ยทิ วา พหุนฺติ ตฺจ วตฺถุเจตนาปโยคกิเลสาทีนํ ทุพฺพลภาเวน อปฺปํ วา, เตสํ พลวภาเวน อภิณฺหปวตฺติยา จ พหุํ วา. สพฺพเมตํ ปริกฺขีณนฺติ สพฺพเมว เจตํ กมฺมํ กมฺมกฺขยกรสฺส อคฺคมคฺคสฺส อธิคตตฺตา ปริกฺขยํ คตํ, กิเลสวฏฺฏปฺปหาเนน หิ กมฺมวฏฺฏํ ปหีนเมว โหติ วิปากวฏฺฏสฺส อนุปฺปาทนโต. เตนาห ‘‘นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’’ติ. อายตึ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติ มยฺหํ นตฺถีติ อตฺโถ. ‘‘สพฺพมฺเปต’’นฺติปิ ปาโ, สพฺพมฺปิ เอตนฺติ ปทวิภาโค.

อุคฺคตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

อฏฺมวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. นวมวคฺโค

๑. สมิติคุตฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา

ยํ มยา ปกตํ ปาปนฺติ อายสฺมโต สมิติคุตฺตตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โสปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต ภควนฺตํ ปสฺสิตฺวา ปสนฺนจิตฺโต ชาติสุมนปุปฺเผหิ ปูชํ อกาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน ยตฺถ ยตฺถ ภเว นิพฺพตฺติ, ตตฺถ ตตฺถ กุลรูปปริวารสมฺปทาย อฺเ สตฺเต อภิภวิตฺวา อฏฺาสิ. เอกสฺมึ ปน อตฺตภาเว อฺตรํ ปจฺเจกพุทฺธํ ปิณฺฑาย จรนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ มุณฺฑโก กุฏฺี มฺเ, เตนายํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา วิจรตี’’ติ นิฏฺุภิตฺวา ปกฺกามิ. โส เตน กมฺเมน พหุํ กาลํ นิรเย ปจฺจิตฺวา กสฺสปสฺส ภควโต กาเล มนุสฺสโลเก นิพฺพตฺโต ปริพฺพาชกปพฺพชฺชํ อุปคโต เอกํ สีลาจารสมฺปนฺนํ อุปาสกํ ทิสฺวา โทสนฺตโร หุตฺวา, ‘‘กุฏฺโรคี ภเวยฺยาสี’’ติ อกฺโกสิ, นฺหานติตฺเถ จ มนุสฺเสหิ ปิตานิ นฺหานจุณฺณานิ ทูเสสิ. โส เตน กมฺเมน ปุน นิรเย นิพฺพตฺติตฺวา พหูนิ วสฺสานิ ทุกฺขํ อนุภวิตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ อฺตรสฺส พฺราหฺมณสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, สมิติคุตฺโตติสฺส นามํ อโหสิ. โส วยปฺปตฺโต สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา สุวิสุทฺธสีโล หุตฺวา วิหรติ. ตสฺส ปุริมกมฺมนิสฺสนฺเทน กุฏฺโรโค อุปฺปชฺชิ, เตน ตสฺส สรีราวยวา เยภุยฺเยน ฉินฺนภินฺนา หุตฺวา ปคฺฆรนฺติ. โส คิลานสาลายํ วสติ. อเถกทิวสํ ธมฺมเสนาปติ คิลานปุจฺฉํ คนฺตฺวา ตตฺถ ตตฺถ คิลาเน ภิกฺขู ปุจฺฉนฺโต ตํ ภิกฺขุํ ทิสฺวา ‘‘อาวุโส, ยาวตา ขนฺธปฺปวตฺติ นาม, สพฺพํ ทุกฺขเมว เวทนา. ขนฺเธสุ ปน อสนฺเตสุเยว นตฺถิ ทุกฺข’’นฺติ เวทนานุปสฺสนากมฺมฏฺานํ กเถตฺวา อคมาสิ. โส เถรสฺส โอวาเท ตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา ฉฬภิฺา สจฺฉากาสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๒.๘๒-๙๐) –

‘‘ชายนฺตสฺส วิปสฺสิสฺส, อาโลโก วิปุโล อหุ;

ปถวี จ ปกมฺปิตฺถ, สสาครา สปพฺพตา.

‘‘เนมิตฺตา จ วิยากํสุ, พุทฺโธ โลเก ภวิสฺสติ;

อคฺโค จ สพฺพสตฺตานํ, ชนตํ อุทฺธริสฺสติ.

‘‘เนมิตฺตานํ สุณิตฺวาน, ชาติปูชมกาสหํ;

เอทิสา ปูชนา นตฺถิ, ยาทิสา ชาติปูชนา.

‘‘สงฺขริตฺวาน กุสลํ, สกํ จิตฺตํ ปสาทยึ;

ชาติปูชํ กริตฺวาน, ตตฺถ กาลงฺกโต อหํ.

‘‘ยํ ยํ โยนุปปชฺชามิ, เทวตฺตํ อถ มานุสํ;

สพฺเพ สตฺเต อภิโภมิ, ชาติปูชายิทํ ผลํ.

‘‘ธาติโย มํ อุปฏฺเนฺติ, มม จิตฺตวสานุคา;

น ตา สกฺโกนฺติ โกเปตุํ, ชาติปูชายิทํ ผลํ.

‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ ปูชมกรึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ชาติปูชายิทํ ผลํ.

‘‘สุปาริจริยา นาม, จตุตฺตึส ชนาธิปา;

อิโต ตติยกปฺปมฺหิ, จกฺกวตฺตี มหพฺพลา.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

ฉฬภิฺโ ปน หุตฺวา ปหีนกิเลสปจฺจเวกฺขเณน เอตรหิ อนุภุยฺยมานโรควเสน ปุริมชาตีสุ อตฺตนา กตํ ปาปกมฺมํ อนุสฺสริตฺวา ตสฺส อิทานิ สพฺพโส ปหีนภาวํ วิภาเวนฺโต –

๘๑.

‘‘ยํ มยา ปกตํ ปาปํ, ปุพฺเพ อฺาสุ ชาติสุ;

อิเธว ตํ เวทนียํ, วตฺถุ อฺํ น วิชฺชตี’’ติ. – คาถํ อภาสิ;

ตตฺถ ปาปนฺติ อกุสลํ กมฺมํ. ตฺหิ ลามกฏฺเน ปาปนฺติ วุจฺจติ. ปุพฺเพติ ปุรา. อฺาสุ ชาติสูติ อิโต อฺาสุ ชาตีสุ, อฺเสุ อตฺตภาเวสุ. อยฺเหตฺถ อตฺโถ – ยทิปิ มยา อิมสฺมึ อตฺตภาเว น ตาทิสํ ปาปํ กตํ อตฺถิ, อิทานิ ปน ตสฺส สมฺภโวเยว นตฺถิ. ยํ ปน อิโต อฺาสุ ชาตีสุ กตํ อตฺถิ, อิเธว ตํ เวทนียํ, ตฺหิ อิเธว อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว เวทยิตพฺพํ อนุภวิตพฺพํ ผลํ, กสฺมา? วตฺถุ อฺํ น วิชฺชตีติ ตสฺส กมฺมสฺส วิปจฺจโนกาโส อฺโ ขนฺธปฺปพนฺโธ นตฺถิ, อิเม ปน ขนฺธา สพฺพโส อุปาทานานํ ปหีนตฺตา อนุปาทาโน วิย ชาตเวโท จริมกจิตฺตนิโรเธน อปฺปฏิสนฺธิกา นิรุชฺฌนฺตีติ อฺํ พฺยากาสิ.

สมิติคุตฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. กสฺสปตฺเถรคาถาวณฺณนา

เยน เยน สุภิกฺขานีติ อายสฺมโต กสฺสปตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา ตีสุ เวเทสุ อฺเสุ จ พฺราหฺมณสิปฺเปสุ นิปฺผตฺตึ คโต, โส เอกทิวสํ ภควนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส สุมนปุปฺเผหิ ปูชํ อกาสิ. กโรนฺโต จ สตฺถุ สมนฺตโต อุปริ จ ปุปฺผมุฏฺิโย ขิปิ. พุทฺธานุภาเวน ปุปฺผานิ ปุปฺผาสนากาเรน สตฺตาหํ อฏฺํสุ. โส ตํ อจฺฉริยํ ทิสฺวา ภิยฺโยโสมตฺตาย ปสนฺนมานโส อโหสิ. อปราปรํ ปุฺานิ กโรนฺโต กปฺปสตสหสฺสํ สุคตีสุเยว สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ อฺตรสฺส อุทิจฺจพฺราหฺมณสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, กสฺสโปติสฺส นามํ อโหสิ. ตสฺส ทหรกาเลเยว ปิตา กาลมกาสิ. มาตา ตํ ปฏิชคฺคติ. โส เอกทิวสํ เชตวนํ คโต ภควโต ธมฺมเทสนํ สุตฺวา เหตุสมฺปนฺนตาย ตสฺมึเยว อาสเน โสตาปนฺโน หุตฺวา มาตุ สนฺติกํ คนฺตฺวา อนุชานาเปตฺวา ปพฺพชิโต สตฺถริ วุฏฺวสฺเส ปวาเรตฺวา ชนปทจาริกํ ปกฺกนฺเต สยมฺปิ สตฺถารา สทฺธึ คนฺตุกาโม อาปุจฺฉิตุํ มาตุ สนฺติกํ อคมาสิ. มาตา วิสฺสชฺเชนฺตี โอวาทวเสน –

๘๒.

‘‘เยน เยน สุภิกฺขานิ, สิวานิ อภยานิ จ;

เตน ปุตฺตก คจฺฉสฺสุ, มา โสกาปหโต ภวา’’ติ. – คาถํ อภาสิ;

ตตฺถ เยน เยนาติ ยตฺถ ยตฺถ. ภุมฺมตฺเถ หิ เอตํ กรณวจนํ, ยสฺมึ ยสฺมึ ทิสาภาเคติ อตฺโถ. สุภิกฺขานีติ สุลภปิณฺฑานิ, รฏฺานีติ อธิปฺปาโย. สิวานีติ เขมานิ อโรคานิ. อภยานีติ โจรภยาทีหิ นิพฺภยานิ, โรคทุพฺภิกฺขภยานิ ปน ‘‘สุภิกฺขานิ, สิวานี’’ติ ปททฺวเยเนว คหิตานิ. เตนาติ ตตฺถ, ตสฺมึ ตสฺมึ ทิสาภาเคติ อตฺโถ. ปุตฺตกาติ อนุกมฺปนฺตี ตํ อาลปติ. มาติ ปฏิเสธตฺเถ นิปาโต โสกาปหโตติ วุตฺตคุณรหิตานิ รฏฺานิ คนฺตฺวา ทุพฺภิกฺขภยาทิชนิเตน โสเกน อุปหโต มา ภว มาโหสีติ อตฺโถ. ตํ สุตฺวา เถโร, ‘‘มม มาตา มยฺหํ โสกรหิตฏฺานคมนํ อาสีสติ, หนฺท มยํ สพฺพโส อจฺจนฺตเมว โสกรหิตํ านํ ปตฺตุํ ยุตฺต’’นฺติ อุสฺสาหชาโต วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๓.๑-๙) –

‘‘อชฺฌายโก มนฺตธโร, ติณฺณํ เวทาน ปารคู;

อพฺโภกาเส ิโต สนฺโต, อทฺทสํ โลกนายกํ.

‘‘สีหํ ยถา วนจรํ, พฺยคฺฆราชํว นิตฺตสํ;

ติธาปภินฺนมาตงฺคํ, กุฺชรํว มเหสินํ.

‘‘เสเรยกํ คเหตฺวาน, อากาเส อุกฺขิปึ อหํ;

พุทฺธสฺส อานุภาเวน, ปริวาเรนฺติ สพฺพโส.

‘‘อธิฏฺหิ มหาวีโร, สพฺพฺู โลกนายโก;

สมนฺตา ปุปฺผจฺฉทนา, โอกิรึสุ นราสภํ.

‘‘ตโต สา ปุปฺผกฺจุกา, อนฺโตวณฺฏา พหิมุขา;

สตฺตาหํ ฉทนํ กตฺวา, ตโต อนฺตรธายถ.

‘‘ตฺจ อจฺฉริยํ ทิสฺวา, อพฺภุตํ โลมหํสนํ;

พุทฺเธ จิตฺตํ ปสาเทสึ, สุคเต โลกนายเก.

‘‘เตน จิตฺตปฺปสาเทน, สุกฺกมูเลน โจทิโต;

กปฺปานํ สตสหสฺสํ, ทุคฺคตึ นุปปชฺชหํ.

‘‘ปนฺนรสสหสฺสมฺหิ, กปฺปานํ ปฺจวีสติ;

วีตมลาสนามา จ, จกฺกวตฺตี มหพฺพลา.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา ‘‘อิทเมว มาตุ วจนํ อรหตฺตปฺปตฺติยา องฺกุสํ ชาต’’นฺติ ตเมว คาถํ ปจฺจุทาหาสิ.

กสฺสปตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. สีหตฺเถรคาถาวณฺณนา

สีหปฺปมตฺโต วิหราติ อายสฺมโต สีหตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โส กิร ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร อิโต อฏฺารสกปฺปสตมตฺถเก อตฺถทสฺสิสฺส ภควโต กาเล จนฺทภาคาย นทิยา ตีเร กินฺนรโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา ปุปฺผภกฺโข ปุปฺผนิวสโน หุตฺวา วิหรนฺโต อากาเสน คจฺฉนฺตํ อตฺถทสฺสึ ภควนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺโต ปูเชตุกาโม อฺชลึ ปคฺคยฺห อฏฺาสิ. ภควา ตสฺส อชฺฌาสยํ ตฺวา อากาสโต โอรุยฺห อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล ปลฺลงฺเกน นิสีทิ. กินฺนโร จนฺทนสารํ ฆํสิตฺวา จนฺทนคนฺเธน ปุปฺเผหิ จ ปูชํ กตฺวา วนฺทิตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท มลฺลราชกุเล นิพฺพตฺติ, ตสฺส สีโหติ นามํ อโหสิ. โส ภควนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. สตฺถา ตสฺส อชฺฌาสยํ โอโลเกตฺวา ธมฺมํ กเถสิ. โส ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อรฺเ วิหรติ. ตสฺส จิตฺตํ นานารมฺมเณ วิธาวติ, เอกคฺคํ น โหติ, สกตฺถํ นิปฺผาเทตุํ น สกฺโกติ. สตฺถา ตํ ทิสฺวา อากาเส ตฺวา –

๘๓.

‘‘สีหปฺปมตฺโต วิหร, รตฺตินฺทิวมตนฺทิโต;

ภาเวหิ กุสลํ ธมฺมํ, ชห สีฆํ สมุสฺสย’’นฺติ. –

คาถาย โอวทิ. โส คาถาวสาเน วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๔.๑๗-๒๕) –

‘‘จนฺทภาคานทีตีเร, อโหสึ กินฺนโร ตทา;

ปุปฺผภกฺโข จหํ อาสึ, ปุปฺผนิวสโน ตถา.

‘‘อตฺถทสฺสี ตุ ภควา, โลกเชฏฺโ นราสโภ;

วิปินคฺเคน นิยฺยาสิ, หํสราชาว อมฺพเร.

‘‘นโม เต ปุริสาชฺ, จิตฺตํ เต สุวิโสธิตํ;

ปสนฺนมุขวณฺโณสิ, วิปฺปสนฺนมุขินฺทฺริโย.

‘‘โอโรหิตฺวาน อากาสา, ภูริปฺโ สุเมธโส;

สงฺฆาฏึ ปตฺถริตฺวาน, ปลฺลงฺเกน อุปาวิสิ.

‘‘วิลีนํ จนฺทนาทาย, อคมาสึ ชินนฺติกํ;

ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, พุทฺธสฺส อภิโรปยึ.

‘‘อภิวาเทตฺวาน สมฺพุทฺธํ, โลกเชฏฺํ นราสภํ;

ปาโมชฺชํ ชนยิตฺวาน, ปกฺกามึ อุตฺตรามุโข.

‘‘อฏฺารเส กปฺปสเต, จนฺทนํ ยํ อปูชยึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘จตุทฺทเส กปฺปสเต, อิโต อาสึสุ เต ตโย;

โรหณี นาม นาเมน, จกฺกวตฺตี มหพฺพลา.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

ยา ปน ภควตา โอวาทวเสน วุตฺตา ‘‘สีหปฺปมตฺโต’’ติ คาถา, ตตฺถ สีหาติ ตสฺส เถรสฺส อาลปนํ. อปฺปมตฺโต วิหราติ สติยา อวิปฺปวาเสน ปมาทวิรหิโต สพฺพิริยาปเถสุ สติสมฺปชฺยุตฺโต หุตฺวา วิหราหิ. อิทานิ ตํ อปฺปมาทวิหารํ สห ผเลน สงฺเขปโต ทสฺเสตุํ ‘‘รตฺตินฺทิว’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตสฺสตฺโถ – รตฺติภาคํ ทิวสภาคฺจ ‘‘จงฺกเมน นิสชฺชาย อาวรณีเยหิ ธมฺเมหิ จิตฺตํ ปริโสเธตี’’ติ (สํ. นิ. ๔.๒๓๙; อ. นิ. ๓.๑๖; วิภ. ๕๑๙) วุตฺตนเยน จตุสมฺมปฺปธานวเสน อตนฺทิโต อกุสีโต อารทฺธวีริโย กุสลํ สมถวิปสฺสนาธมฺมฺจ โลกุตฺตรธมฺมฺจ ภาเวหิ อุปฺปาเทหิ วฑฺเฒหิ จ, เอวํ ภาเวตฺวา จ ชห สีฆํ สมุสฺสยนฺติ ตว สมุสฺสยํ อตฺตภาวํ ปมํ ตาว ตปฺปฏิพทฺธฉนฺทราคปฺปหาเนน สีฆํ นจิรสฺเสว ปชห, เอวํภูโต จ ปจฺฉา จริมกจิตฺตนิโรเธน อนวเสสโต จ ปชหิสฺสตีติ. อรหตฺตํ ปน ปตฺวา เถโร อฺํ พฺยากโรนฺโต ตเมว คาถํ ปจฺจุทาหาสีติ.

สีหตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. นีตตฺเถรคาถาวณฺณนา

สพฺพรตฺตึ สุปิตฺวานาติ อายสฺมโต นีตตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล สุนนฺโท นาม พฺราหฺมโณ หุตฺวา อเนกสเต พฺราหฺมเณ มนฺเต วาเจนฺโต วาชเปยฺยํ นาม ยฺํ ยชิ, ภควา ตํ พฺราหฺมณํ อนุกมฺปนฺโต ยฺฏฺานํ คนฺตฺวา อากาเส จงฺกมิ. พฺราหฺมโณ สตฺถารํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส สิสฺเสหิ ปุปฺผานิ อาหราเปตฺวา อากาเส ขิปิตฺวา ปูชํ อกาสิ. พุทฺธานุภาเวน ตํ านํ สกลฺจ นครํ ปุปฺผปฏวิตานิกํ วิย ฉาทิตํ อโหสิ. มหาชโน สตฺถริ อุฬารํ ปีติโสมนสฺสํ ปฏิสํเวเทสิ. สุนนฺทพฺราหฺมโณ เตน กุสลมูเลน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ อฺตรสฺส พฺราหฺมณสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, นีโตติสฺส นามํ อโหสิ. โส วิฺุตํ ปตฺโต ‘‘อิเม สมณา สกฺยปุตฺติยา สุขสีลา สุขสมาจารา สุโภชนานิ ภุฺชิตฺวา นิวาเตสุ เสนาสเนสุ วิหรนฺติ, อิเมสุ ปพฺพชิตฺวา สุเขน วิหริตุํ สกฺกา’’ติ สุขาภิลาสาย ปพฺพชิตฺวาว สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา กติปาหเมว มนสิกริตฺวา ตํ ฉฑฺเฑตฺวา ยาวทตฺถํ อุทราวเทหกํ ภุฺชิตฺวา ทิวสภาคํ สงฺคณิการาโม ติรจฺฉานกถาย วีตินาเมติ, รตฺติภาเคปิ ถินมิทฺธาภิภูโต สพฺพรตฺตึ สุปติ. สตฺถา ตสฺส เหตุปริปากํ โอโลเกตฺวา โอวาทํ เทนฺโต –

๘๔.

‘‘สพฺพรตฺตึ สุปิตฺวาน, ทิวา สงฺคณิเก รโต;

กุทาสฺสุ นาม ทุมฺเมโธ, ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสตี’’ติ. – คาถํ อภาสิ;

ตตฺถ สพฺพรตฺตินฺติ สกลํ รตฺตึ. สุปิตฺวานาติ นิทฺทายิตฺวา, ‘‘รตฺติยา ปมํ ยามํ จงฺกเมน นิสชฺชาย อาวรณีเยหิ ธมฺเมหิ จิตฺตํ ปริโสเธตี’’ติอาทินา วุตฺตํ ชาคริยํ อนนุยุฺชิตฺวา เกวลํ รตฺติยา ตีสุปิ ยาเมสุ นิทฺทํ โอกฺกมิตฺวาติ อตฺโถ. ทิวาติ ทิวสํ, สกลํ ทิวสภาคนฺติ อตฺโถ. สงฺคณิเกติ ติรจฺฉานกถิเกหิ กายทฬฺหิพหุลปุคฺคเลหิ สนฺนิสชฺชา สงฺคณิโก, ตสฺมึ รโต อภิรโต ตตฺถ อวิคตจฺฉนฺโท ‘‘สงฺคณิเก รโต’’ติ วุตฺโต ‘‘สงฺคณิการโต’’ติปิ ปาฬิ. กุทาสฺสุ นามาติ กุทา นาม. อสฺสูติ นิปาตมตฺตํ, กสฺมึ นาม กาเลติ อตฺโถ. ทุมฺเมโธติ นิปฺปฺโ. ทุกฺขสฺสาติ วฏฺฏทุกฺขสฺส. อนฺตนฺติ ปริโยสานํ. อจฺจนฺตเมว อนุปฺปาทํ กทา นาม กริสฺสติ, เอทิสสฺส ทุกฺขสฺสนฺตกรณํ นตฺถีติ อตฺโถ. ‘‘ทุมฺเมธ ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสสี’’ติปิ ปาฬิ.

เอวํ ปน สตฺถารา คาถาย กถิตาย เถโร สํเวคชาโต วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๔.๒๖-๓๓) –

‘‘สุนนฺโท นาม นาเมน, พฺราหฺมโณ มนฺตปารคู;

อชฺฌายโก ยาจโยโค, วาชเปยฺยํ อยาชยิ.

‘‘ปทุมุตฺตโร โลกวิทู, อคฺโค การุณิโก อิสิ;

ชนตํ อนุกมฺปนฺโต, อมฺพเร จงฺกมี ตทา.

‘‘จงฺกมิตฺวาน สมฺพุทฺโธ, สพฺพฺู โลกนายโก;

เมตฺตาย อผริ สตฺเต, อปฺปมาเณ นิรูปธิ.

‘‘วณฺเฏ เฉตฺวาน ปุปฺผานิ, พฺราหฺมโณ มนฺตปารคู;

สพฺเพ สิสฺเส สมาเนตฺวา, อากาเส อุกฺขิปาปยิ.

‘‘ยาวตา นครํ อาสิ, ปุปฺผานํ ฉทนํ ตทา;

พุทฺธสฺส อานุภาเวน, สตฺตาหํ น วิคจฺฉถ.

‘‘เตเนว สุกฺกมูเลน, อนุโภตฺวาน สมฺปทา;

สพฺพาสเว ปริฺาย, ติณฺโณ โลเก วิสตฺติกํ.

‘‘เอการเส กปฺปสเต, ปฺจตึสาสุ ขตฺติยา;

อมฺพรํสสนามา เต, จกฺกวตฺตี มหพฺพลา.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา เถโร อฺํ พฺยากโรนฺโต ตเมว คาถํ ปจฺจุทาหาสิ.

นีตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. สุนาคตฺเถรคาถาวณฺณนา

จิตฺตนิมิตฺตสฺส โกวิโทติ อายสฺมโต สุนาคตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินนฺโต อิโต เอกตฺตึเส กปฺเป สิขิสฺส ภควโต กาเล พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ติณฺณํ เวทานํ ปารคู หุตฺวา อรฺายตเน อสฺสเม วสนฺโต ตีณิ พฺราหฺมณสหสฺสานิ มนฺเต วาเจสิ. อเถกทิวสํ ตสฺส สตฺถารํ ทิสฺวา ลกฺขณานิ อุปธาเรตฺวา ลกฺขณมนฺเต ปริวตฺเตนฺตสฺส, ‘‘อีทิเสหิ ลกฺขเณหิ สมนฺนาคโต อนนฺตชิโน อนนฺตาโณ พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ พุทฺธาณํ อารพฺภ อุฬาโร ปสาโท อุปฺปชฺชิ. โส เตน จิตฺตปฺปสาเทน เทวโลเก นิพฺพตฺโต อปราปรํ เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท นาลกคาเม อฺตรสฺส พฺราหฺมณสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, สุนาโคติสฺส นามํ อโหสิ. โส ธมฺมเสนาปติสฺส คิหิสหาโย เถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ทสฺสนภูมิยํ ปติฏฺิโต ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๔.๓๔-๔๐) –

‘‘หิมวนฺตสฺสาวิทูเร, วสโภ นาม ปพฺพโต;

ตสฺมึ ปพฺพตปาทมฺหิ, อสฺสโม อาสิ มาปิโต.

‘‘ตีณิ สิสฺสสหสฺสานิ, วาเจสึ พฺราหฺมโณ ตทา;

สํหริตฺวาน เต สิสฺเส, เอกมนฺตํ อุปาวิสึ.

‘‘เอกมนฺตํ นิสีทิตฺวา, พฺราหฺมโณ มนฺตปารคู;

พุทฺธเวทํ คเวสนฺโต, าเณ จิตฺตํ ปสาทยึ.

‘‘ตตฺถ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, นิสีทึ ปณฺณสนฺถเร;

ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวาน, ตตฺถ กาลงฺกโต อหํ.

‘‘เอกตึเส อิโต กปฺเป, ยํ สฺมลภึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, าณสฺายิทํ ผลํ.

‘‘สตฺตวีสติ กปฺปมฺหิ, ราชา สิริธโร อหุ;

สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา ภิกฺขูนํ ธมฺมเทสนาปเทเสน อฺํ พฺยากโรนฺโต –

๘๕.

‘‘จิตฺตนิมิตฺตสฺส โกวิโท, ปวิเวกรสํ วิชานิย;

ฌายํ นิปโก ปติสฺสโต, อธิคจฺเฉยฺย สุขํ นิรามิส’’นฺติ. –

คาถํ อภาสิ.

ตตฺถ จิตฺตนิมิตฺตสฺส โกวิโทติ ภาวนาจิตฺตสฺส นิมิตฺตคฺคหเณ กุสโล, ‘‘อิมสฺมึ สมเย จิตฺตํ ปคฺคเหตพฺพํ, อิมสฺมึ สมฺปหํสิตพฺพํ, อิมสฺมึ อชฺฌุเปกฺขิตพฺพ’’นฺติ เอวํ ปคฺคหณาทิโยคฺยสฺส จิตฺตนิมิตฺตสฺส คหเณ เฉโก. ปวิเวกรสํ วิชานิยาติ กายวิเวกสํวฑฺฒิตสฺส จิตฺตวิเวกสฺส รสํ สฺชานิตฺวา, วิเวกสุขํ อนุภวิตฺวาติ อตฺโถ. ‘‘ปวิเวกรสํ ปิตฺวา’’ติ (ธ. ป. ๒๐๕) หิ วุตฺตํ. ฌายนฺติ ปมํ อารมฺมณูปนิชฺฌาเนน ปจฺฉา ลกฺขณูปนิชฺฌาเนน จ ฌายนฺโต. นิปโกติ กมฺมฏฺานปริหรเณ กุสโล. ปติสฺสโตติ อุปฏฺิตสฺสติ. อธิคจฺเฉยฺย สุขํ นิรามิสนฺติ เอวํ สมถนิมิตฺตาทิโกสลฺเลน ลพฺเภ จิตฺตวิเวกสุเข ปติฏฺาย สโต สมฺปชาโน หุตฺวา วิปสฺสนาฌาเนเนว ฌายนฺโต กามามิสวฏฺฏามิเสหิ อสมฺมิสฺสตาย นิรามิสํ นิพฺพานสุขํ ผลสุขฺจ อธิคจฺเฉยฺย สมุปคจฺเฉยฺยาติ อตฺโถ.

สุนาคตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. นาคิตตฺเถรคาถาวณฺณนา

อิโต พหิทฺธา ปุถุอฺวาทินนฺติ อายสฺมโต นาคิตตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล นารโท นาม พฺราหฺมโณ หุตฺวา เอกทิวสํ มาฬเก นิสินฺโน ภควนฺตํ ภิกฺขุสงฺเฆน ปุรกฺขตํ คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส ตีหิ คาถาหิ อภิตฺถวิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา อปราปรํ ปุฺานิ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท กปิลวตฺถุนคเร สกฺยราชกุเล นิพฺพตฺติ, นาคิโตติสฺส นามํ อโหสิ. โส ภควติ กปิลวตฺถุสฺมึ วิหรนฺเต มธุปิณฺฑิกสุตฺตํ (ม. นิ. ๑.๑๙๙ อาทโย) สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๔.๔๗-๕๔) –

‘‘วิสาลมาเฬ อาสีโน, อทฺทสํ โลกนายกํ;

ขีณาสวํ พลปฺปตฺตํ, ภิกฺขุสงฺฆปุรกฺขตํ.

‘‘สตสหสฺสา เตวิชฺชา, ฉฬภิฺา มหิทฺธิกา;

ปริวาเรนฺติ สมฺพุทฺธํ, โก ทิสฺวา นปฺปสีทติ.

‘‘าเณ อุปนิธา ยสฺส, น วิชฺชติ สเทวเก;

อนนฺตาณํ สมฺพุทฺธํ, โก ทิสฺวา นปฺปสีทติ.

‘‘ธมฺมกายฺจ ทีเปนฺตํ, เกวลํ รตนากรํ;

วิกปฺเปตุํ น สกฺโกนฺติ, โก ทิสฺวา นปฺปสีทติ.

‘‘อิมาหิ ตีหิ คาถาหิ, นารโทวฺหยวจฺฉโล;

ปทุมุตฺตรํ ถวิตฺวาน, สมฺพุทฺธํ อปราชิตํ.

‘‘เตน จิตฺตปฺปสาเทน, พุทฺธสนฺถวเนน จ;

กปฺปานํ สตสหสฺสํ, ทุคฺคตึ นุปปชฺชหํ.

‘‘อิโต ตึสกปฺปสเต, สุมิตฺโต นาม ขตฺติโย;

สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา สตฺถุ อวิตถเทสนตํ ธมฺมสฺส จ นิยฺยานิกตํ นิสฺสาย สฺชาตปีติโสมนสฺโส ปีติเวคปฺปวิสฺสฏฺํ อุทานํ อุทาเนนฺโต –

๘๖.

‘‘อิโต พหิทฺธา ปุถุอฺวาทินํ, มคฺโค น นิพฺพานคโม ยถา อยํ;

อิติสฺสุ สงฺฆํ ภควานุสาสติ, สตฺถา สยํ ปาณิตเลว ทสฺสย’’นฺติ. –

คาถํ อภาสิ.

ตตฺถ อิโต พหิทฺธาติ อิมสฺมา พุทฺธสาสนา พาหิรเก สมเย, เตนาห ‘‘ปุถุอฺวาทิน’’นฺติ, นานาติตฺถิยานนฺติ อตฺโถ. มคฺโค น นิพฺพานคโม ยถา อยนฺติ ยถา อยํ อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค เอกํเสน นิพฺพานํ คจฺฉตีติ นิพฺพานคโม, นิพฺพานคามี, เอวํ นิพฺพานคโม มคฺโค ติตฺถิยสมเย นตฺถิ อสมฺมาสมฺพุทฺธปฺปเวทิตตฺตา อฺติตฺถิยวาทสฺส. เตนาห ภควา –

‘‘อิเธว, ภิกฺขเว, สมโณ, อิธ ทุติโย สมโณ, อิธ ตติโย สมโณ, อิธ จตุตฺโถ สมโณ, สุฺา ปรปฺปวาทา สมเณภิ อฺเหี’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๑๔; ม. นิ. ๑.๑๓๙; อ. นิ. ๔.๒๔๑).

อิตีติ เอวํ. อสฺสูติ นิปาตมตฺตํ. สงฺฆนฺติ ภิกฺขุสงฺฆํ, อุกฺกฏฺนิทฺเทโสยํ ยถา ‘‘สตฺถา เทวมนุสฺสาน’’นฺติ. สงฺฆนฺติ วา สมูหํ, เวเนยฺยชนนฺติ อธิปฺปาโย. ภควาติ ภาคฺยวนฺตตาทีหิ การเณหิ ภควา, อยเมตฺถ สงฺเขโป. วิตฺถาโร ปน ปรมตฺถทีปนิยํ อิติวุตฺตกวณฺณนายํ วุตฺตนเยน เวทิตพฺโพ. สตฺถาติ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺเถหิ ยถารหํ อนุสาสตีติ สตฺถา. สยนฺติ สยเมว. อยฺเหตฺถ อตฺโถ – ‘‘สีลาทิกฺขนฺธตฺตยสงฺคโห สมฺมาทิฏฺิอาทีนํ อฏฺนฺนํ องฺคานํ วเสน อฏฺงฺคิโก นิพฺพานคามี อริยมคฺโค ยถา มม สาสเน อตฺถิ, เอวํ พาหิรกสมเย มคฺโค นาม นตฺถี’’ติ สีหนาทํ นทนฺโต อมฺหากํ สตฺถา ภควา สยเมว สยมฺภูาเณน าตํ, สยเมว วา มหากรุณาสฺโจทิโต หุตฺวา อตฺตโน เทสนาวิลาสสมฺปตฺติยา หตฺถตเล อามลกํ วิย ทสฺเสนฺโต ภิกฺขุสงฺฆํ เวเนยฺยชนตํ อนุสาสติ โอวทตีติ.

นาคิตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. ปวิฏฺตฺเถรคาถาวณฺณนา

ขนฺธา ทิฏฺา ยถาภูตนฺติ อายสฺมโต ปวิฏฺตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ ปุฺํ กโรนฺโต อตฺถทสฺสิสฺส ภควโต กาเล เกสโว นาม ตาปโส หุตฺวา เอกทิวสํ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ปสนฺนมานโส อภิวาเทตฺวา อฺชลึ ปคฺคยฺห ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา อปราปรํ ปุฺานิ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท มคธรฏฺเ พฺราหฺมณกุเล อุปฺปชฺชิตฺวา อนุกฺกเมน วิฺุตํ ปตฺโต เนกฺขมฺมนินฺนชฺฌาสยตาย ปริพฺพาชกปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ตตฺถ สิกฺขิตพฺพํ สิกฺขิตฺวา วิจรนฺโต อุปติสฺสโกลิตานํ พุทฺธสาสเน ปพฺพชิตภาวํ สุตฺวา ‘‘เตปิ นาม มหาปฺา ตตฺถ ปพฺพชิตา, ตเทว มฺเ เสยฺโย’’ติ สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิ. ตสฺส สตฺถา วิปสฺสนํ อาจิกฺขิ. โส วิปสฺสนํ อารภิตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺตํ สจฺฉากาสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๔.๕๕-๕๙) –

‘‘นารโท อิติ เม นามํ, เกสโว อิติ มํ วิทู;

กุสลากุสลํ เอสํ, อคมํ พุทฺธสนฺติกํ.

‘‘เมตฺตจิตฺโต การุณิโก, อตฺถทสฺสี มหามุนิ;

อสฺสาสยนฺโต สตฺเต โส, ธมฺมํ เทเสติ จกฺขุมา.

‘‘สกํ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, สิเร กตฺวาน อฺชลึ;

สตฺถารํ อภิวาเทตฺวา, ปกฺกามึ ปาจินามุโข.

‘‘สตฺตรเส กปฺปสเต, ราชา อาสิ มหีปติ;

อมิตฺตตาปโน นาม, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อฺํ พฺยากโรนฺโต –

๘๗.

‘‘ขนฺธา ทิฏฺา ยถาภูตํ, ภวา สพฺเพ ปทาลิตา;

วิกฺขีโณ ชาติสํสาโร, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’’ติ. – คาถํ อภาสิ;

ตตฺถ ขนฺธาติ ปฺจุปาทานกฺขนฺธา, เต หิ วิปสฺสนุปลกฺขณโต สามฺลกฺขณโต จ าตปริฺาทีหิ ปริชานนวเสน วิปสฺสิตพฺพา. ทิฏฺา ยถาภูตนฺติ วิปสฺสนาปฺาสหิตาย มคฺคปฺาย ‘‘อิทํ ทุกฺข’’นฺติอาทินา อวิปรีตโต ทิฏฺา. ภวา สพฺเพ ปทาลิตาติ กามภวาทโย สพฺเพ กมฺมภวา อุปปตฺติภวา จ มคฺคาณสตฺเถน ภินฺนา วิทฺธํสิตา. กิเลสปทาลเนเนว หิ กมฺโมปปตฺติภวา ปทาลิตา นาม โหนฺติ. เตนาห ‘‘วิกฺขีโณ ชาติสํสาโร, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’’ติ. ตสฺสตฺโถ เหฏฺา วุตฺโตเยว.

ปวิฏฺตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. อชฺชุนตฺเถรคาถาวณฺณนา

อสกฺขึ วต อตฺตานนฺติ อายสฺมโต อชฺชุนตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินนฺโต วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล สีหโยนิยํ นิพฺพตฺโต เอกทิวสํ อรฺเ อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล นิสินฺนํ สตฺถารํ ทิสฺวา ‘‘อยํ โข อิมสฺมึ กาเล สพฺพเสฏฺโ ปุริสสีโห’’ติ ปสนฺนมานโส สุปุปฺผิตสาลสาขํ ภฺชิตฺวา สตฺถารํ ปูเชสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ เสฏฺิกุเล นิพฺพตฺติ. อชฺชุโนติสฺส นามํ อโหสิ. โส วิฺุตํ ปตฺโต นิคณฺเหิ กตปริจโย หุตฺวา ‘‘เอวาหํ อมตํ อธิคมิสฺสามี’’ติ วิวฏฺฏชฺฌาสยตาย ทหรกาเลเยว นิคณฺเสุ ปพฺพชิตฺวา ตตฺถ สารํ อลภนฺโต สตฺถุ ยมกปาฏิหาริยํ ทิสฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ สาสเน ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนํ อารภิตฺวา นจิรสฺเสว อรหา อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๔.๖๐-๖๕) –

‘‘มิคราชา ตทา อาสึ, อภิชาโต สุเกสรี;

คิริทุคฺคํ คเวสนฺโต, อทฺทสํ โลกนายกํ.

‘‘อยํ นุ โข มหาวีโร, นิพฺพาเปติ มหาชนํ;

ยํนูนาหํ อุปาเสยฺยํ, เทวเทวํ นราสภํ.

‘‘สาขํ สาลสฺส ภฺชิตฺวา, สโกสํ ปุปฺผมาหรึ;

อุปคนฺตฺวาน สมฺพุทฺธํ, อทาสึ ปุปฺผมุตฺตมํ.

‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ ปุปฺผมภิโรปยึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ปุปฺผทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘อิโต จ นวเม กปฺเป, วิโรจนสนามกา;

ตโย อาสึสุ ราชาโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพลา.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อนุตฺตรสุขาธิคมสมฺภูเตน ปีติเวเคน อุทานํ อุทาเนนฺโต –

๘๘.

‘‘อสกฺขึ วต อตฺตานํ, อุทฺธาตุํ อุทกา ถลํ;

วุยฺหมาโน มโหเฆว, สจฺจานิ ปฏิวิชฺฌห’’นฺติ. – คาถํ อภาสิ;

ตตฺถ อสกฺขินฺติ สกฺโกสึ. วตาติ วิมฺหเย นิปาโต. อติวิมฺหยนียฺเหตํ ยทิทํ สจฺจปฏิเวโธ. เตนาห –

‘‘ตํ กึมฺถ, ภิกฺขเว, กตมํ นุ โข ทุกฺกรตรํ วา ทุรภิสมฺภวตรํ วา, ยํ สตฺตธา ภินฺนสฺส วาลสฺส โกฏิยา โกฏึ ปฏิวิชฺเฌยฺยา’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๕.๑๑๑๕)?

อตฺตานนฺติ นิยกชฺฌตฺตํ สนฺธาย วทติ. โย หิ ปโร น โหติ โส อตฺตาติ. อุทฺธาตุนฺติ อุทฺธริตุํ, ‘‘อุทฺธฏ’’นฺติปิ ปาโ. อุทกาติ สํสารมโหฆสงฺขาตา อุทกา. ถลนฺติ นิพฺพานถลํ. วุยฺหมาโน มโหเฆวาติ มหณฺณเว วุยฺหมาโน วิย. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา นาม คมฺภีรวิตฺถเต อปฺปติฏฺเ มหติ อุทโกเฆ เวคสา วุยฺหมาโน ปุริโส เกนจิ อตฺถกาเมน อุปนีตํ ผิยาริตฺตสมฺปนฺนํ ทฬฺหนาวํ ลภิตฺวา สุเขเนว ตโต อตฺตานํ อุทฺธริตุํ สกฺกุเณยฺย ปารํ ปาปุเณยฺย, เอวเมวาหํ สํสารมโหเฆ กิเลสาภิสงฺขารเวเคน วุยฺหมาโน สตฺถารา อุปนีตํ สมถวิปสฺสนุเปตํ อริยมคฺคนาวํ ลภิตฺวา ตโต อตฺตานํ อุทฺธริตุํ นิพฺพานถลํ ปตฺตุํ อโห อสกฺขินฺติ. ยถา ปน อสกฺขิ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘สจฺจานิ ปฏิวิชฺฌห’’นฺติ อาห. ยสฺมา อหํ ทุกฺขาทีนิ จตฺตาริ อริยสจฺจานิ ปริฺาปหานสจฺฉิกิริยาภาวนาปฏิเวเธน ปฏิวิชฺฌึ อริยมคฺคาเณน อฺาสึ, ตสฺมา อสกฺขึ วต อตฺตานํ อุทฺธาตุํ อุทกา ถลนฺติ โยชนา.

อชฺชุนตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. (ปม) เทวสภตฺเถรคาถาวณฺณนา

อุตฺติณฺณา ปงฺกปลิปาติ อายสฺมโต เทวสภตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โสปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ ปุฺํ อุปจินนฺโต สิขิสฺส ภควโต กาเล ปาราวตโยนิยํ นิพฺพตฺโต เอกทิวสํ สตฺถารํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส ปิยาลผลํ อุปเนสิ. สตฺถา ตสฺส ปสาทสํวฑฺฒนตฺถํ ตํ ปริภุฺชิ. โส เตน อติวิย ปสนฺนจิตฺโต หุตฺวา กาเลน กาลํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา จิตฺตํ ปสาเทติ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวโลเก นิพฺพตฺโต อปราปรํ ปุฺานิ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท อฺตรสฺส มณฺฑลิกรฺโ ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺโต ตรุณกาเลเยว รชฺเช ปติฏฺิโต รชฺชสุขมนุภวนฺโต วุทฺโธ สตฺถารํ อุปสงฺกมิ, ตสฺส สตฺถา ธมฺมํ เทเสสิ. โส ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ สํเวคชาโต รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๔.๖๖-๗๒) –

‘‘ปาราวโต ตทา อาสึ, ปรํ อนุปโรธโก;

ปพฺภาเร เสยฺยํ กปฺเปมิ, อวิทูเร สิขิสตฺถุโน.

‘‘สายํ ปาตฺจ ปสฺสามิ, พุทฺธํ โลกคฺคนายกํ;

เทยฺยธมฺโม จ เม นตฺถิ, ทฺวิปทินฺทสฺส ตาทิโน.

‘‘ปิยาลผลมาทาย, อคมํ พุทฺธสนฺติกํ;

ปฏิคฺคเหสิ ภควา, โลกเชฏฺโ นราสโภ.

‘‘ตโต ปรํ อุปาทาย, ปริจารึ วินายกํ;

เตน จิตฺตปฺปสาเทน, ตตฺถ กาลงฺกโต อหํ.

‘‘เอกตฺตึเส อิโต กปฺเป, ยํ ผลํ อททึ อหํ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘อิโต ปนฺนรเส กปฺเป, ตโย อาสุํ ปิยาลิโน;

สตฺตรตนสมฺปนฺนา, จกฺกวตฺตี มหพฺพลา.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา ปหีนกิเลสปจฺจเวกฺขณวเสน อุปฺปนฺนโสมนสฺโส อุทานํ อุทาเนนฺโต –

๘๙.

‘‘อุตฺติณฺณา ปงฺกปลิปา, ปาตาลา ปริวชฺชิตา;

มุตฺโต โอฆา จ คนฺถา จ, สพฺเพ มานา วิสํหตา’’ติ. – คาถํ อภาสิ;

ตตฺถ อุตฺติณฺณาติ อุตฺตริตา อติกฺกนฺตา. ปงฺกปลิปาติ ปงฺกา จ ปลิปา จ. ปงฺโก วุจฺจติ ปกติกทฺทโม. ‘‘ปลิโป’’ติ คมฺภีรปุถุโล มหากทฺทโม. อิธ ปน ปงฺโก วิยาติ ปงฺโก, กามราโค อสุจิภาวาปาทเนน จิตฺตสฺส มกฺขนโต. ปลิโป วิยาติ ปลิโป, ปุตฺตทาราทิวิสโย พหโล ฉนฺทราโค วุตฺตนเยน สมฺมกฺขนโต ทุรุตฺตรณโต จ. เต มยา อนาคามิมคฺเคน สพฺพโส อติกฺกนฺตาติ อาห ‘‘อุตฺติณฺณา ปงฺกปลิปา’’ติ. ปาตาลาติ ปาตายาลนฺติ ปาตาลา, มหาสมุทฺเท นินฺนตรปเทสา. เกจิ ปน นาคภวนํ ‘‘ปาตาล’’นฺติ วทนฺติ. อิธ ปน อคาหทุรวคฺคาหทุรุตฺตรณฏฺเน ปาตาลา วิยาติ ปาตาลา, ทิฏฺิโย. เต จ มยา ปมมคฺคาธิคเมเนว สพฺพถา วชฺชิตา สมุจฺฉินฺนาติ อาห ‘‘ปาตาลา ปริวชฺชิตา’’ติ มุตฺโต โอฆา จ คนฺถา จาติ กาโมฆาทิโอฆโต อภิชฺฌากายคนฺถาทิคนฺถโต จ เตน เตน มคฺเคน มุตฺโต ปริมุตฺโต, ปุน อนภิกิรณอคนฺถนวเสน อติกฺกนฺโตติ อตฺโถ. สพฺเพ มานา วิสํหตาติ นววิธาปิ มานา อคฺคมคฺคาธิคเมน วิเสสโต สงฺฆาตํ วินาสํ อาปาทิตา สมุจฺฉินฺนา ‘‘มานวิธา หตา’’ติ เกจิ ปนฺติ, มานโกฏฺาสาติ อตฺโถ. ‘‘มานวิสา’’ติ อปเร, เตสํ ปน มานวิสสฺส ทุกฺขสฺส ผลโต มานวิสาติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.

(ปม) เทวสภตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. สามิทตฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา

ปฺจกฺขนฺธา ปริฺาตาติ อายสฺมโต สามิทตฺตตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร อตฺถทสฺสิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต สตฺถริ ปรินิพฺพุเต ตสฺส ถูเป ปุปฺเผหิ ฉตฺตาติฉตฺตํ กตฺวา ปูชํ อกาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา อปราปรํ ปุฺานิ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคเห อฺตรสฺส พฺราหฺมณสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, สามิทตฺโตติสฺส นามํ อโหสิ. โส อนุกฺกเมน วิฺุตํ ปตฺโต พุทฺธานุภาวํ สุตฺวา อุปาสเกหิ สทฺธึ วิหารํ คโต สตฺถารํ ธมฺมํ เทเสนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส เอกมนฺตํ นิสีทิ. สตฺถา ตสฺส อชฺฌาสยํ โอโลเกตฺวา ตถา ธมฺมํ เทเสสิ, ยถา สทฺธํ ปฏิลภิ สํสาเร จ สํเวคํ. โส ปฏิลทฺธสทฺโธ สํเวคชาโต ปพฺพชิตฺวา าณสฺส อปริปกฺกตฺตา กติปยกาลํ อลสพหุลี วิหาสิ. ปุน สตฺถารา ธมฺมเทสนาย สมุตฺเตชิโต วิปสฺสนาย กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา ตตฺถ ยุตฺตปฺปยุตฺโต วิหรนฺโต นจิเรเนว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๕.๑-๔) –

‘‘ปรินิพฺพุเต ภควติ, อตฺถทสฺสีนรุตฺตเม;

ฉตฺตาติฉตฺตํ กาเรตฺวา, ถูปมฺหิ อภิโรปยึ.

‘‘กาเลน กาลมาคนฺตฺวา, นมสฺสึ โลกนายกํ;

ปุปฺผจฺฉทนํ กตฺวาน, ฉตฺตมฺหิ อภิโรปยึ.

‘‘สตฺตรเส กปฺปสเต, เทวรชฺชมการยึ;

มนุสฺสตฺตํ น คจฺฉามิ, ถูปปูชายิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ, ภวา สพฺเพ สมูหตา;

นาโคว พนฺธนํ เฉตฺวา, วิหรามิ อนาสโว.

‘‘สฺวาคตํ วต เม อาสิ, พุทฺธเสฏฺสฺส สนฺติเก;

ติสฺโส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

โส อปรภาเค ภิกฺขูหิ ‘‘กึ ตยา, อาวุโส, อุตฺตริมนุสฺสธมฺโม อธิคโต’’ติ ปุฏฺโ สาสนสฺส นิยฺยานิกภาวํ อตฺตโน จ ธมฺมานุธมฺมปฺปฏิปตฺตึ เตสํ ปเวเทนฺโต อฺาพฺยากรณวเสน –

๙๐.

‘‘ปฺจกฺขนฺธา ปริฺาตา, ติฏฺนฺติ ฉินฺนมูลกา;

วิกฺขีโณ ชาติสํสาโร, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’’ติ. – คาถํ อภาสิ;

ตตฺถ ปฺจกฺขนฺธา ปริฺาตาติ มยา อิเม ปฺจุปาทานกฺขนฺธา ‘‘อิทํ ทุกฺขํ, เอตฺตกํ ทุกฺขํ, น ตโต ภิยฺโย’’ติ ตีหิ ปริฺาหิ ปริจฺฉินฺทิตฺวา าตา วิทิตา ปฏิวิทฺธา. ติฏฺนฺติ ฉินฺนมูลกาติ ตถา ปริฺาตตฺตาเยว มูลภูตสฺส สมุทยสฺส สพฺพโส ปหีนตฺตา เต อิทานิ ยาว จริมกจิตฺตนิโรโธ ติฏฺนฺติ ฉินฺนมูลกา, จริมกจิตฺตนิโรเธน ปน อปฺปฏิสนฺธิกาว นิรุชฺฌนฺติ. เตนาห – ‘‘วิกฺขีโณ ชาติสํสาโร, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’’ติ. ตสฺสตฺโถ เหฏฺา วุตฺโตเยว.

สามิทตฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

นวมวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. ทสมวคฺโค

๑. ปริปุณฺณกตฺเถรคาถาวณฺณนา

ตถา มตํ สตรสนฺติ อายสฺมโต ปริปุณฺณกตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ธมฺมทสฺสิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต สตฺถริ ปรินิพฺพุเต สตฺถุ เจติเย ปุปฺผาทีหิ อุฬารํ ปูชํ อกาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทเวสุ นิพฺพตฺติตฺวา อปราปรํ ปุฺานิ กตฺวา สุคตีสุเยว สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท กปิลวตฺถุสฺมึ สกฺยราชกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต ปริปุณฺณวิภวตาย ปริปุณฺณโกติ ปฺายิตฺถ. โส วิภวสมฺปนฺนตาย สพฺพกาลํ สตรสํ นาม อาหารํ ปริภุฺชนฺโต สตฺถุ มิสฺสกาหารปริโภคํ สุตฺวา ‘‘ตาว สุขุมาโลปิ ภควา นิพฺพานสุขํ อเปกฺขิตฺวา ยถา ตถา ยาเปติ, กสฺมา มยํ อาหารคิทฺธา หุตฺวา อาหารสุทฺธิกา ภวิสฺสาม, นิพฺพานสุขเมว ปน อมฺเหหิ ปริเยสิตพฺพ’’นฺติ สํสาเร ชาตสํเวโค ฆราวาสํ ปหาย สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ภควตา กายคตาสติกมฺมฏฺาเน นิโยชิโต ตตฺถ ปติฏฺาย ปฏิลทฺธฌานํ ปาทกํ กตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๕.๕-๙) –

‘‘นิพฺพุเต โลกนาถมฺหิ, ธมฺมทสฺสีนราสเภ;

อาโรเปสึ ธชตฺถมฺภํ, พุทฺธเสฏฺสฺส เจติเย.

‘‘นิสฺเสณึ มาปยิตฺวาน, ถูปเสฏฺํ สมารุหึ;

ชาติปุปฺผํ คเหตฺวาน, ถูปมฺหิ อภิโรปยึ.

‘‘อโห พุทฺโธ อโห ธมฺโม, อโห โน สตฺถุ สมฺปทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ถูปปูชายิทํ ผลํ.

‘‘จตุนฺนวุติโต กปฺเป, ถูปสีขสนามกา;

โสฬสาสึสุ ราชาโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพลา.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา ธมฺเม คารวพหุมาเนน ปีติเวควิสฺสฏฺํ อุทานํ อุทาเนนฺโต ‘‘น ตถา มตํ สตรส’’นฺติ คาถํ อภาสิ.

๙๑. ตตฺถ น ตถา มตํ สตรสํ, สุธนฺนํ ยํ มยชฺช ปริภุตฺตนฺติ ตถาติ เตน ปกาเรน. มตนฺติ อภิมตํ. สตรสนฺติ สตรสโภชนํ ‘‘สตรสโภชนํ นาม สตปากสปฺปิอาทีหิ อภิสงฺขตํ โภชน’’นฺติ วทนฺติ. อถ วา อเนกตฺโถ สตสทฺโท ‘‘สตโส สหสฺสโส’’ติอาทีสุ วิย. ตสฺมา ยํ โภชนํ อเนกสูปํ อเนกพฺยฺชนํ, ตํ อเนกรสตาย ‘‘สตรส’’นฺติ วุจฺจติ, นานารสโภชนนฺติ อตฺโถ. สุธา เอว อนฺนํ สุธาโภชนํ เทวานํ อาหาโร. ยํ มยชฺช ปริภุตฺตนฺติ ยํ มยา อชฺช อนุภุตฺตํ. ‘‘ยํ มยา ปริภุตฺต’’นฺติ จ อิทํ ‘‘สตรสํ สุธนฺน’’นฺติ เอตฺถาปิ โยเชตพฺพํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยํ มยา อชฺช เอตรหิ นิโรธสมาปตฺติสมาปชฺชนวเสน ผลสมาปตฺติสมาปชฺชนวเสน จ อจฺจนฺตเมว สนฺตํ ปณีตํ นิพฺพานสุขํ ปริภุฺชิยมานํ, ตํ ยถา มตํ อภิมตํ สมฺภาวิตํ ตถา ราชกาเล มยา ปริภุตฺตํ สตรสโภชนํ เทวตฺตภาเว ปริภุตฺตํ สุธนฺนฺจ น มตํ นาภิมตํ. กสฺมา? อิทฺหิ อริยนิเสวิตํ นิรามิสํ กิเลสานํ อวตฺถุภูตํ, ตํ ปน ปุถุชฺชนเสวิตํ สามิสํ กิเลสานํ วตฺถุภูตํ, ตํ อิมสฺส สงฺขมฺปิ กลมฺปิ กลภาคมฺปิ น อุเปตีติ. อิทานิ ‘‘ยํ มยชฺช ปริภุตฺต’’นฺติ วุตฺตธมฺมํ เทเสนฺโต อปริมิตทสฺสินา โคตเมน, พุทฺเธน สุเทสิโต ธมฺโม’’ติ อาห. ตสฺสตฺโถ – อปริมิตํ อปริจฺฉินฺนํ อุปฺปาทวยาภาวโต สนฺตํ อสงฺขตธาตุํ สยมฺภูาเณน ปสฺสี, อปริมิตสฺส อนนฺตาปริเมยฺยสฺส เยฺยสฺส ทสฺสาวีติ เตน อปริมิตทสฺสินา โคตมโคตฺเตน สมฺมาสมฺพุทฺเธน ‘‘ขยํ วิราคํ อมตํ ปณีต’’นฺติ (ขุ. ปา. ๖.๔; สุ. นิ. ๒๒๗) จ ‘‘มทนิมฺมทโน ปิปาสวินโย’’ (อ. นิ. ๔.๓๔; อิติวุ. ๙๐) ‘‘สพฺพสงฺขารสมโถ’’ติ (อ. นิ. ๕.๑๔๐; ๑๐.๖) จ อาทินา สุฏฺุ เทสิโต ธมฺโม, นิพฺพานํ มยา อชฺช ปริภุตฺตนฺติ โยชนา.

ปริปุณฺณกตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. วิชยตฺเถรคาถาวณฺณนา

ยสฺสาสวา ปริกฺขีณาติ อายสฺมโต วิชยตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ปิยทสฺสิสฺส ภควโต กาเล วิภวสมฺปนฺเน กุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต สตฺถริ ปรินิพฺพุเต ตสฺส ถูปสฺส รตนขจิตํ เวทิกํ กาเรตฺวา ตตฺถ อุฬารํ เวทิกามหํ กาเรสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน อเนกสเต อตฺตภาเว มณิโอภาเสน วิจริ. เอวํ เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติ, วิชโยติสฺส นามํ อโหสิ. โส วยปฺปตฺโต พฺราหฺมณวิชฺชาสุ นิปฺผตฺตึ คโต ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อรฺายตเน ฌานลาภี หุตฺวา วิหรนฺโต พุทฺธุปฺปาทํ สุตฺวา อุปฺปนฺนปฺปสาโท สตฺถุ สนฺติกํ อุปสงฺกมิตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. ตสฺส สตฺถา ธมฺมํ เทเสสิ. โส ธมฺมํ สุตฺวา ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๕.๑๐-๑๔) –

‘‘นิพฺพุเต โลกนาถมฺหิ, ปิยทสฺสีนรุตฺตเม;

ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, มุตฺตาเวทิมกาสหํ.

‘‘มณีหิ ปริวาเรตฺวา, อกาสึ เวทิมุตฺตมํ;

เวทิกาย มหํ กตฺวา, ตตฺถ กาลงฺกโต อหํ.

‘‘ยํ ยํ โยนุปปชฺชามิ, เทวตฺตํ อถ มานุสํ;

มณี ธาเรนฺติ อากาเส, ปุฺกมฺมสฺสิทํ ผลํ.

‘‘โสฬสิโต กปฺปสเต, มณิปฺปภาสนามกา;

ฉตฺตึสาสึสุ ราชาโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพลา.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อฺํ พฺยากโรนฺโต ‘‘ยสฺสาสวา ปริกฺขีณา’’ติ คาถํ อภาสิ.

๙๒. ตตฺถ ยสฺสาสวา ปริกฺขีณาติ ยสฺส อุตฺตมปุคฺคลสฺส กามาสวาทโย จตฺตาโร อาสวา สพฺพโส ขีณา อริยมคฺเคน เขปิตา. อาหาเร จ อนิสฺสิโตติ โย จ อาหาเร ตณฺหาทิฏฺินิสฺสเยหิ อนิสฺสิโต อคธิโต อนชฺฌาปนฺโน, นิทสฺสนมตฺตํ, อาหารสีเสเนตฺถ จตฺตาโรปิ ปจฺจยา คหิตาติ ทฏฺพฺพํ. ปจฺจยปริยาโย วา อิธ อาหาร-สทฺโท เวทิตพฺโพ. ‘‘สุฺโต อนิมิตฺโต จา’’ติ เอตฺถ อปฺปณิหิตวิโมกฺโขปิ คหิโตเยว, ตีณิปิ เจตานิ นิพฺพานสฺเสว นามานิ. นิพฺพานฺหิ ราคาทีนํ อภาเวน สุฺํ, เตหิ วิมุตฺตฺจาติ สุฺตวิโมกฺโข, ตถา ราคาทินิมิตฺตาภาเวน สงฺขารนิมิตฺตาภาเวน จ อนิมิตฺตํ, เตหิ วิมุตฺตฺจาติ อนิมิตฺตวิโมกฺโข, ราคาทิปณิธีนํ อภาเวน อปฺปณิหิตํ, เตหิ วิมุตฺตฺจาติ อปฺปณิหิโต วิโมกฺโขติ วุจฺจติ. ผลสมาปตฺติวเสน ตํ อารมฺมณํ กตฺวา วิหรนฺตสฺส อยมฺปิ ติวิโธ วิโมกฺโข ยสฺส โคจโร, อากาเสว สกุนฺตานํ, ปทํ ตสฺส ทุรนฺนยนฺติ ยถา อากาเส คจฺฉนฺตานํ สกุณานํ ‘‘อิมสฺมึ าเน ปาเทหิ อกฺกมิตฺวา คตา, อิทํ านํ อุเรน ปหริตฺวา คตา, อิทํ สีเสน, อิทํ ปกฺเขหี’’ติ น สกฺกา าตุํ, เอวเมว เอวรูปสฺส ภิกฺขุโน ‘‘นิรยปทาทีสุ อิมินา นาม ปเทน คโต’’ติ าเปตุฺจ น สกฺกาติ.

วิชยตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. เอรกตฺเถรคาถาวณฺณนา

ทุกฺขา กามา เอรกาติ อายสฺมโต เอรกตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต สิทฺธตฺถสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ สตฺถารํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส สตฺถุ กิฺจิ ทาตพฺพยุตฺตกํ อลภนฺโต ‘‘หนฺทาหํ กายสารํ ปุฺํ กริสฺสามี’’ติ สตฺถุ คมนมคฺคํ โสเธตฺวา สมํ อกาสิ. สตฺถา เตน ตถากตํ มคฺคํ ปฏิปชฺชิ. โส ตตฺถ ภควนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส วนฺทิตฺวา อฺชลึ ปคฺคยฺห ปสนฺนจิตฺโต ยาว ทสฺสนุปจารสมติกฺกมา พุทฺธารมฺมณํ ปีตึ อวิชหนฺโต อฏฺาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวโลเก นิพฺพตฺโต อปราปรํ ปุฺานิ กตฺวา สุคตีสุเยว สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ สมฺภาวนียสฺส กุฏุมฺพิยสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, เอรโกติสฺส นามํ อโหสิ อภิรูโป ทสฺสนีโย ปาสาทิโก อิติกตฺตพฺพตาสุ ปรเมน เวยฺยตฺติเยน สมนฺนาคโต. ตสฺส มาตาปิตโร กุเลน รูเปน อาจาเรน วเยน โกสลฺเลน จ อนุจฺฉวิกํ ทาริกํ อาเนตฺวา วิวาหกมฺมํ อกํสุ. โส ตาย สทฺธึ สํวาเสน เคเห วสนฺโต ปจฺฉิมภวิกตฺตา เกนจิเทว สํเวควตฺถุนา สํสาเร สํวิคฺคมานโส สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิ, ตสฺส สตฺถา กมฺมฏฺานํ อทาสิ. โส กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา กติปยทิวสาติกฺกเมน อุกฺกณฺาภิภูโต วิหาสิ. อถ สตฺถา ตสฺส จิตฺตปฺปวตฺตึ ตฺวา โอวาทวเสน ‘‘ทุกฺขา กามา เอรกา’’ติ คาถํ อภาสิ. โส ตํ สุตฺวา ‘‘อยุตฺตํ มยา กตํ, โยหํ เอวรูปสฺส สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา ตํ วิสฺสชฺเชนฺโต มิจฺฉาวิตกฺกพหุโล วิหาสิ’’นฺติ สํเวคชาโต วิปสฺสนาย ยุตฺตปฺปยุตฺโต นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๕.๓๒-๓๖) –

‘‘อุตฺตริตฺวาน นทิกํ, วนํ คจฺฉติ จกฺขุมา;

ตมทฺทสาสึ สมฺพุทฺธํ, สิทฺธตฺถํ วรลกฺขณํ.

‘‘กุทาลปิฏกมาทาย, สมํ กตฺวาน ตํ ปถํ;

สตฺถารํ อภิวาเทตฺวา, สกํ จิตฺตํ ปสาทยึ.

‘‘จตุนฺนวุติโต กปฺเป, ยํ กมฺมมกรึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, มคฺคทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘สตฺตปฺาสกปฺปมฺหิ, เอโก อาสึ ชนาธิโป;

นาเมน สุปฺปพุทฺโธติ, นายโก โส นริสฺสโร.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหา ปน หุตฺวา อฺํ พฺยากโรนฺโต –

๙๓.

‘‘ทุกฺขา กามา เอรก, น สุขา กามา เอรก;

โย กาเม กามยติ, ทุกฺขํ โส กามยติ เอรก;

โย กาเม น กามยติ, ทุกฺขํ โส น กามยติ เอรกา’’ติ. –

ตเมว ภควตา วุตฺตคาถํ ปจฺจุทาหาสิ.

ตตฺถ ทุกฺขา กามาติ อิเม วตฺถุกามกิเลสกามา ทุกฺขวตฺถุตาย วิปริณามทุกฺขสํสารทุกฺขสภาวโต จ, ทุกฺขา ทุกฺขมา ทุกฺขนิพฺพตฺติกา. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘อปฺปสฺสาทา กามา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิยฺโย’’ติอาทิ (ปาจิ. ๔๑๗; ม. นิ. ๑.๒๓๔). เอรกาติ ปมํ ตาว ภควา ตํ อาลปติ, ปจฺฉา ปน เถโร อตฺตานํ นาเมน กเถสิ. น สุขา กามาติ กามา นาเมเต ชานนฺตสฺส สุขา น โหนฺติ, อชานนฺตสฺส ปน สุขโต อุปฏฺหนฺติ. ยถาห – ‘‘โย สุขํ ทุกฺขโต อทฺท, ทุกฺขมทฺทกฺขิ สลฺลโต’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๔.๒๕๓; อิติวุ. ๕๓; เถรคา. ๙๘๖). โย กาเม กามยติ, ทุกฺขํ โส กามยตีติ โย สตฺโต กิเลสกาเมน วตฺถุกาเม กามยติ, ตสฺส ตํ กามนํ สมฺปติ สปริฬาหตาย, อายตึ อปายทุกฺขเหตุตาย จ วฏฺฏทุกฺขเหตุตาย จ ทุกฺขํ. วตฺถุกามา ปน ทุกฺขสฺส วตฺถุภูตา. อิติ โส ทุกฺขสภาวํ ทุกฺขนิมิตฺตํ ทุกฺขวตฺถุฺจ กามยตีติ วุตฺโต. อิตรํ ปฏิปกฺขวเสน ตเมวตฺถํ าเปตุํ วุตฺตํ, ตสฺมา ตสฺสตฺโถ วุตฺตวิปริยาเยน เวทิตพฺโพ.

เอรกตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. เมตฺตชิตฺเถรคาถาวณฺณนา

นโม หิ ตสฺส ภควโตติ อายสฺมโต เมตฺตชิตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โส กิร อโนมทสฺสิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต สาสเน อภิปฺปสนฺโน หุตฺวา โพธิรุกฺขสฺส อิฏฺกาหิ เวทิกํ จินิตฺวา สุธาปริกมฺมํ กาเรสิ. สตฺถา ตสฺส อนุโมทนํ อกาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา อปราปรํ ปุฺานิ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท มคธรฏฺเ อฺตรสฺส พฺราหฺมณสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, เมตฺตชีติสฺส นามํ อโหสิ. โส วยปฺปตฺโต กาเมสุ อาทีนวํ ทิสฺวา ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อรฺเ วิหรนฺโต พุทฺธุปฺปาทํ สุตฺวา ปุพฺพเหตุนา โจทิยมาโน สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ปวตฺตินิวตฺติโย อารพฺภ ปฺหํ ปุจฺฉิตฺวา สตฺถารา ปฺเห วิสฺสชฺชิเต ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๕.๒๖-๓๑) –

‘‘อโนมทสฺสีมุนิโน, โพธิเวทิมกาสหํ;

สุธาย ปิณฺฑํ ทตฺวาน, ปาณิกมฺมํ อกาสหํ.

‘‘ทิสฺวา ตํ สุกตํ กมฺมํ, อโนมทสฺสี นรุตฺตโม;

ภิกฺขุสงฺเฆ ิโต สตฺถา, อิมา คาถา อภาสถ.

‘‘อิมินา สุธกมฺเมน, เจตนาปณิธีหิ จ;

สมฺปตฺตึ อนุโภตฺวาน, ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสติ.

‘‘ปสนฺนมุขวณฺโณมฺหิ, เอกคฺโค สุสมาหิโต;

ธาเรมิ อนฺติมํ เทหํ, สมฺมาสมฺพุทฺธสาสเน.

‘‘อิโต กปฺปสเต อาสึ, ปริปุณฺเณ อนูนเก;

ราชา สพฺพฆโน นาม, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา สตฺถารํ โถเมนฺโต –

๙๔.

‘‘นโม หิ ตสฺส ภควโต, สกฺยปุตฺตสฺส สิรีมโต;

เตนายํ อคฺคปฺปตฺเตน, อคฺคธมฺโม สุเทสิโต’’ติ. – คาถํ อภาสิ;

ตตฺถ นโมติ นมกฺกาโร. หีติ นิปาตมตฺตํ. ตสฺสาติ โย โส ภควา สมตฺตึสปารมิโย ปูเรตฺวา สพฺพกิเลเส ภฺชิตฺวา อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธ, สกฺยราชสฺส ปุตฺโตติ สกฺยปุตฺโต. อนฺสาธารณาย ปุฺสมฺปตฺติยา จ สมฺภาวิโต อุตฺตมาย รูปกายสิริยา ธมฺมกายสิริยา จ สมนฺนาคตตฺตา สิรีมา, ตสฺส ภควโต สกฺยปุตฺตสฺส สิรีมโต นโม อตฺถุ, ตํ นมามีติ อตฺโถ. เตนาติ เตน ภควตา. อยนฺติ ตสฺส ธมฺมสฺส อตฺตโน ปจฺจกฺขตาย วทติ. อคฺคปฺปตฺเตนาติ อคฺคํ สพฺพฺุตํ, สพฺเพหิ วา คุเณหิ อคฺคภาวํ เสฏฺภาวํ ปตฺเตน. อคฺคธมฺโมติ อคฺโค อุตฺตโม นววิธโลกุตฺตโร ธมฺโม สุฏฺุ อวิปรีตํ เทสิโต ปเวทิโตติ.

เมตฺตชิตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. จกฺขุปาลตฺเถรคาถาวณฺณนา

อนฺโธหํ หตเนตฺโตสฺมีติ อายสฺมโต จกฺขุปาลตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โสปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ กโรนฺโต สิทฺธตฺถสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต ภควติ ปรินิพฺพุเต ถูปมเห กยิรมาเน อุมาปุปฺผํ คเหตฺวา ถูปํ ปูเชสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา อปราปรํ ปุฺานิ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ มหาสุวณฺณสฺส นาม กุฏุมฺพิกสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, ตสฺส ปาโลติ นามมกํสุ. มาตา ตสฺส อาธาวิตฺวา ปริธาวิตฺวา วิจรณกาเล อฺํ ปุตฺตํ ลภิ. ตสฺส มาตาปิตโร จูฬปาโลติ นามํ กตฺวา อิตรํ มหาปาโลติ โวหรึสุ. อถ เต วยปฺปตฺเต ฆรพนฺธเนน พนฺธึสุ. ตสฺมึ สมเย สตฺถา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน. ตตฺถ มหาปาโล เชตวนํ คจฺฉนฺเตหิ อุปาสเกหิ สทฺธึ วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ กุฏุมฺพภารํ กนิฏฺภาติกสฺเสว ภารํ กตฺวา สยํ ปพฺพชิตฺวา ลทฺธูปสมฺปโท อาจริยุปชฺฌายานํ สนฺติเก ปฺจวสฺสานิ วสิตฺวา วุฏฺวสฺโส ปวาเรตฺวา สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา สฏฺิมตฺเต สหายภิกฺขู ลภิตฺวา เตหิ สทฺธึ ภาวนานุกูลํ วสนฏฺานํ ปริเยสนฺโต อฺตรํ ปจฺจนฺตคามํ นิสฺสาย คามวาสิเกหิ อุปาสเกหิ กาเรตฺวา ทินฺนาย อรฺายตเน ปณฺณสาลาย วสนฺโต สมณธมฺมํ กโรติ. ตสฺส อกฺขิโรโค อุปฺปนฺโน. เวชฺโช เภสชฺชํ สมฺปาเทตฺวา อทาสิ. โส เวชฺเชน วุตฺตวิธานํ น ปฏิปชฺชิ. เตนสฺส โรโค วฑฺฒิ. โส ‘‘อกฺขิโรควูปสมนโต กิเลสโรควูปสมนเมว มยฺหํ วร’’นฺติ อกฺขิโรคํ อชฺฌุเปกฺขิตฺวา วิปสฺสนายเยว ยุตฺตปฺปยุตฺโต อโหสิ. ตสฺส ภาวนํ อุสฺสุกฺกาเปนฺตสฺส อปุพฺพํ อจริมํ อกฺขีนิ เจว กิเลสา จ ภิชฺชึสุ. โส สุกฺขวิปสฺสโก อรหา อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๕.๒๑-๒๕) –

‘‘นิพฺพุเต โลกมหิเต, อาหุตีนํ ปฏิคฺคเห;

สิทฺธตฺถมฺหิ ภควติ, มหาถูปมโห อหุ.

‘‘มเห ปวตฺตมานมฺหิ, สิทฺธตฺถสฺส มเหสิโน;

อุมาปุปฺผํ คเหตฺวาน, ถูปมฺหิ อภิโรปยึ.

‘‘จตุนฺนวุติโต กปฺเป, ยํ ปุปฺผมภิโรปยึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ถูปปูชายิทํ ผลํ.

‘‘อิโต จ นวเม กปฺเป, โสมเทวสนามกา;

ปฺจาสีติสุ ราชาโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพลา.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อถ เถเร อกฺขิโรเคน วิหาเร โอหีเน คามํ ปิณฺฑาย คเต ภิกฺขู ทิสฺวา อุปาสกา ‘‘กสฺมา เถโร นาคโต’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ตมตฺถํ สุตฺวา โสกาภิภูตา ปิณฺฑปาตํ อุปเนตฺวา, ‘‘ภนฺเต, กิฺจิ มา จินฺตยิตฺถ, อิทานิ มยเมว ปิณฺฑปาตํ อาเนตฺวา อุปฏฺหิสฺสามา’’ติ ตถา กโรนฺติ. ภิกฺขู เถรสฺส โอวาเท ตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปตฺวา วุฏฺวสฺสา ปวาเรตฺวา, ‘‘สตฺถารํ วนฺทิตุํ สาวตฺถึ คมิสฺสาม, ภนฺเต’’ติ อาหํสุ. เถโร, ‘‘อหํ ทุพฺพโล อจกฺขุโก, มคฺโค จ สอุปทฺทโว, มยา สทฺธึ คจฺฉนฺตานํ ตุมฺหากํ ปริสฺสโย ภวิสฺสติ, ตุมฺเห ปมํ คจฺฉถ, คนฺตฺวา สตฺถารํ มหาเถเร จ มม วนฺทนาย วนฺทถ, จูฬปาลสฺส มม ปวตฺตึ กเถตฺวา กฺจิ ปุริสํ เปเสยฺยาถา’’ติ อาห. เต ปุนปิ ยาจิตฺวา คมนํ อลภนฺตา ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา เสนาสนํ สํสาเมตฺวา อุปาสเก อาปุจฺฉิตฺวา อนุกฺกเมน เชตวนํ คนฺตฺวา สตฺถารํ มหาเถเร จ ตสฺส วนฺทนาย วนฺทิตฺวา ทุติยทิวเส สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา จูฬปาลสฺส ตํ ปวตฺตึ วตฺวา เตน ‘‘อยํ, ภนฺเต, มยฺหํ ภาคิเนยฺโย ปาลิโต นาม, อิมํ เปสิสฺสามี’’ติ วุตฺเต, ‘‘มคฺโค สปริสฺสโย, น สกฺกา เอเกน คหฏฺเน คนฺตุํ, ตสฺมา ปพฺพาเชตพฺโพ’’ติ ตํ ปพฺพาเชตฺวา เปเสสุํ. โส อนุกฺกเมน เถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา อตฺตานํ ตสฺส โอโรเจตฺวา ตํ คเหตฺวา อาคจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค อฺตรสฺส คามสฺส สามนฺตา อรฺฏฺาเน เอกิสฺสา กฏฺหาริยา คายนฺติยา สทฺทํ สุตฺวา ปฏิพทฺธจิตฺโต หุตฺวา ยฏฺิโกฏึ วิสฺสชฺเชตฺวา ‘‘ติฏฺถ, ภนฺเต, มุหุตฺตํ ยาวาหํ อาคจฺฉามี’’ติ วตฺวา ตสฺสา สนฺติกํ คนฺตฺวา ตตฺถ สีลวิปตฺตึ ปาปุณิ. เถโร อิทานิเมว อิตฺถิยา คีตสทฺโท สุโต, สามเณโร จ จิรายติ, นูน สีลวิปตฺตึ ปตฺโต ภวิสฺสตี’’ติ จินฺเตสิ. โสปิ อาคนฺตฺวา ‘‘คจฺฉาม, ภนฺเต’’ติ อาห. เถโร ‘‘กึ ปาโป ชาโตสี’’ติ ปุจฺฉิ. สามเณโร ตุณฺหี หุตฺวา ปุน ปุจฺฉิโตปิ น กเถสิ. เถโร ‘‘ตาทิเสน ปาเปน มยฺหํ ยฏฺิคหณกิจฺจํ นตฺถิ, คจฺฉ ตฺว’’นฺติ วตฺวา ปุน เตน ‘‘พหุปริสฺสโย มคฺโค, ตุมฺเห จ อนฺธา, กถํ คมิสฺสถา’’ติ วุตฺเต ‘‘พาล อิเธว เม นิปชฺชิตฺวา มรนฺตสฺสาปิ อปราปรํ ปริวตฺเตนฺตสฺสาปิ ตาทิเสน คมนํ นาม นตฺถี’’ติ อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺโต –

๙๕.

‘‘อนฺโธหํ หตเนตฺโตสฺมิ, กนฺตารทฺธานปกฺขนฺโท;

สยมาโนปิ คจฺฉิสฺสํ, น สหาเยน ปาเปนา’’ติ. – คาถํ อภาสิตฺถ;

ตตฺถ อนฺโธติ จกฺขุวิกโล. หตเนตฺโตติ วินฏฺจกฺขุโก, เตน ‘‘ปโยควิปตฺติวเสนาหํ อุปหตเนตฺตตาย อนฺโธ, น ชจฺจนฺธภาเวนา’’ติ ยถาวุตฺตํ อนฺธภาวํ วิเสเสติ. อถ วา ‘‘อนฺโธ’’ติ อิทํ ‘‘อนฺเธ ชิณฺเณ มาตาปิตโร โปเสตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๒๘๘) วิย มํสจกฺขุเวกลฺลทีปนํ, ‘‘สพฺเพปิเม ปริพฺพาชกา อนฺธา อจกฺขุกา’’ (อุทา. ๕๔) ‘‘อนฺโธ เอกจกฺขุ ทฺวิจกฺขู’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๓.๒๙) วิย น ปฺาจกฺขุเวกลฺลทีปนนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘หตเนตฺโตสฺมี’’ติ วุตฺตํ, เตน มุขฺยเมว อนฺธภาวํ ทสฺเสติ. กนฺตารทฺธานปกฺขนฺโทติ กนฺตาเร วิวเน ทีฆมคฺคํ อนุปวิฏฺโ, น ชาติกนฺตาราทิคหนํ สํสารทฺธานํ ปฏิปนฺโนติ อธิปฺปาโย. ตาทิสฺหิ กนฺตารทฺธานํ อยํ เถโร สมติกฺกมิตฺวา ิโต, สยมาโนปีติ สยนฺโตปิ, ปาเทสุ อวหนฺเตสุ อุเรน ชณฺณุกาหิ จ ภูมิยํ สํสรนฺโต ปริวตฺเตนฺโตปิ คจฺเฉยฺยํ. น สหาเยน ปาเปนาติ ตาทิเสน ปาปปุคฺคเลน สหายภูเตน สทฺธึ น คจฺฉิสฺสนฺติ โยชนา. ตํ สุตฺวา อิตโร สํเวคชาโต ‘‘ภาริยํ วต มยา สาหสิกกมฺมํ กต’’นฺติ พาหา ปคฺคยฺห กนฺทนฺโต วนสณฺฑํ ปกฺขนฺโท จ อโหสิ. อถ เถรสฺส สีลเตเชน ปณฺฑุกมฺพลสิลาสนํ อุณฺหาการํ ทสฺเสสิ. เตน สกฺโก ตํ การณํ ตฺวา เถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา สาวตฺถิคามิปุริสํ วิย อตฺตานํ าเปตฺวา ยฏฺิโกฏึ คณฺหนฺโต มคฺคํ สงฺขิปิตฺวา ตทเหว สายนฺเห สาวตฺถิยํ เถรํ เนตฺวา ตตฺถ เชตวเน จูฬปาลิเตน การิตาย ปณฺณสาลาย ผลเก นิสีทาเปตฺวา ตสฺส สหายวณฺเณน เถรสฺส อาคตภาวํ ชานาเปตฺวา ปกฺกามิ; จูฬปาลิโตปิ ตํ ยาวชีวํ สกฺกจฺจํ อุปฏฺาสีติ.

จกฺขุปาลตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. ขณฺฑสุมนตฺเถรคาถาวณฺณนา

เอกปุปฺผํ จชิตฺวานาติ อายสฺมโต ขณฺฑสุมนตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โส กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต สตฺถริ ปรินิพฺพุเต ตสฺส ถูปสฺส สมนฺตโต จนฺทนเวทิกาย ปริกฺขิปิตฺวา มหนฺตํ ปูชํ อกาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ อุฬารํ สมฺปตฺตึ อนุภวนฺโต กสฺสปสฺส ภควโต กาเล กุฏุมฺพิกกุเล นิพฺพตฺโต สตฺถริ ปรินิพฺพุเต กนกถูปํ อุทฺทิสฺส รฺา ปุปฺผปูชาย กยิรมานาย ปุปฺผานิ อลภนฺโต เอกํ ขณฺฑสุมนปุปฺผํ ทิสฺวา มหตา มูเลน ตํ กิณิตฺวา คณฺหนฺโต เจติเย ปูชํ กโรนฺโต อุฬารํ ปีติโสมนสฺสํ อุปฺปาเทสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา อสีติ วสฺสโกฏิโย สคฺคสุขํ อนุภวิตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ปาวายํ มลฺลราชกุเล นิพฺพตฺติ. ตสฺส ชาตกาเล เคเห ขณฺฑสกฺขรา สุมนปุปฺผานิ จ อุปฺปนฺนานิ อเหสุํ. เตนสฺส ขณฺฑสุมโนติ นามมกํสุ. โส วิฺุตํ ปตฺโต ภควติ ปาวายํ จุนฺทสฺส อมฺพวเน วิหรนฺเต อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต นจิรสฺเสว ฉฬภิฺโ อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๕.๑๕-๒๐) –

‘‘ปทุมุตฺตโร นาม ชิโน, โลกเชฏฺโ นราสโภ;

ชลิตฺวา อคฺคิกฺขนฺโธว, สมฺพุทฺโธ ปรินิพฺพุโต.

‘‘นิพฺพุเต จ มหาวีเร, ถูโป วิตฺถาริโก อหุ;

ทูรโตว อุปฏฺเนฺติ, ธาตุเคหวรุตฺตเม.

‘‘ปสนฺนจิตฺโต, สุมโน, อกํ จนฺทนเวทิกํ;

ทิสฺสติ ถูปขนฺโธ จ, ถูปานุจฺฉวิโก ตทา.

‘‘ภเว นิพฺพตฺตมานมฺหิ, เทวตฺเต อถ มานุเส;

โอมตฺตํ เม น ปสฺสามิ, ปุพฺพกมฺมสฺสิทํ ผลํ.

‘‘ปฺจทสกปฺปสเต, อิโต อฏฺ ชนา อหุํ;

สพฺเพ สมตฺตนามา เต จกฺกวตฺตี มหพฺพลา.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อตฺตโน ปุริมชาตึ อนุสฺสรนฺโต ตตฺถ อตฺตโน สุมนปุปฺผปริจฺจาคสฺส สคฺคสมฺปตฺตินิมิตฺตกํ นิพฺพานูปนิสฺสยตฺจ ทิสฺวา อุทานวเสน ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต –

๙๖.

‘‘เอกปุปฺผํ จชิตฺวาน, อสีติ วสฺสโกฏิโย;

สคฺเคสุ ปริจาเรตฺวา, เสสเกนมฺหิ นิพฺพุโต’’ติ. – คาถํ อภาสิ;

ตตฺถ เอกปุปฺผนฺติ เอกํ กุสุมํ, ตํ ปน อิธ สุมนปุปฺผํ อธิปฺเปตํ. จชิตฺวานาติ สตฺถุ ถูปปูชากรณวเสน ปริจฺจชิตฺวา ปริจฺจาคเหตุ. อสีติ วสฺสโกฏิโยติ มนุสฺสคณนาย วสฺสานํ อสีติ โกฏิโย, อจฺจนฺตสํโยเค เจตํ อุปโยควจนํ, อิทฺจ ฉสุ กามสคฺเคสุ ทุติเย อปราปรุปฺปตฺติวเสน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ตสฺมา สคฺเคสูติ ตาวตึสสงฺขาเต สคฺคโลเก, ปุนปฺปุนํ อุปฺปชฺชนวเสน เหตฺถ พหุวจนํ. ปริจาเรตฺวาติ รูปาทีสุ อารมฺมเณสุ อินฺทฺริยานิ ปริจาเรตฺวา สุขํ อนุภวิตฺวา, เทวจฺฉราหิ วา อตฺตานํ ปริจาเรตฺวา อุปฏฺาเปตฺวา. เสสเกนมฺหิ นิพฺพุโตติ ปุปฺผปูชาย วเสน ปวตฺตกุสลเจตนาสุ ภวสมฺปตฺติ ทายกกมฺมโต เสเสน ยํ ตตฺถ วิวฏฺฏูปนิสฺสยภูตํ, ตํ สนฺธาย วทติ. พหู หิ ตตฺถ ปุพฺพาปรวเสน ปวตฺตา เจตนา. เสสเกนาติ วา ตสฺเสว กมฺมสฺส วิปากาวเสเสน อปริกฺขีเณเยว ตสฺมึ กมฺมวิปาเก นิพฺพุโต อมฺหิ, กิเลสปรินิพฺพาเนน ปรินิพฺพุโตสฺมิ. เอเตน ยสฺมึ อตฺตภาเว ตฺวา อตฺตนา อรหตฺตํ สจฺฉิกตํ, โสปิ จริมตฺตภาโว ตสฺส กมฺมวิปาโกติ ทสฺเสติ. ยาทิสํ สนฺธาย อฺตฺถาปิ ‘‘ตสฺเสว กมฺมสฺส วิปากาวเสเสนา’’ติ (ปารา. ๒๒๘; สํ. นิ. ๑.๑๓๑) วุตฺตํ.

ขณฺฑสุมนตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. ติสฺสตฺเถรคาถาวณฺณนา

หิตฺวา สตปลํ กํสนฺติ อายสฺมโต ติสฺสตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล ยานการกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ ภควนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส จนฺทนขณฺเฑน ผลกํ กตฺวา ภควโต อุปนาเมสิ, ตฺจ ภควา ปริภุฺชิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา อปราปรํ ปุฺานิ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท โรรุวนคเร ราชกุเล นิพฺพตฺติ. โส วยปฺปตฺโต ปิตริ กาลงฺกเต รชฺเช ปติฏฺิโต พิมฺพิสารรฺโ อทิฏฺสหาโย หุตฺวา ตสฺส มณิมุตฺตาวตฺถาทีนิ ปณฺณาการานิ เปเสสิ. ตสฺส ราชา พิมฺพิสาโร ปุฺวนฺตตํ สุตฺวา ปฏิปาภตํ เปเสนฺโต จิตฺตปเฏ พุทฺธจริตํ สุวณฺณปฏฺเฏ จ ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ ลิขาเปตฺวา เปเสสิ. โส ตํ ทิสฺวา ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิการตาย ปจฺฉิมภวิกตาย จ จิตฺตปเฏ ทสฺเสนฺตํ พุทฺธจริตํ สุวณฺณปฏฺฏเก ลิขิตํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทกฺกมฺจ โอโลเกตฺวา ปวตฺตินิวตฺติโย สลฺลกฺเขตฺวา สาสนกฺกมํ หทเย เปตฺวา สฺชาตสํเวโค ‘‘ทิฏฺโ มยา ภควโต เวโส, สาสนกฺกโม จ เอกปเทเสน าโต, พหุทุกฺขา กามา พหุปายาสา, กึ ทานิ มยฺหํ ฆราวาเสนา’’ติ รชฺชํ ปหาย เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทนฺโต ภควนฺตํ อุทฺทิสฺส ปพฺพชิตฺวา มตฺติกาปตฺตํ คเหตฺวา ราชา ปุกฺกุสาติ วิย มหาชนสฺส ปริเทวนฺตสฺเสว นครโต นิกฺขมิตฺวา อนุกฺกเมน ราชคหํ คนฺตฺวา ตตฺถ สปฺปโสณฺฑิกปพฺภาเร วิหรนฺตํ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. สตฺถา ธมฺมํ เทเสสิ. โส ธมฺมเทสนํ สุตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา ยุตฺตปฺปยุตฺโต วิหรนฺโต วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๕.๓๗-๔๒) –

‘‘ยานกาโร ปุเร อาสึ, ทารุกมฺเม สุสิกฺขิโต;

จนฺทนํ ผลกํ กตฺวา, อทาสึ โลกพนฺธุโน.

‘‘ปภาสติ อิทํ พฺยมฺหํ, สุวณฺณสฺส สุนิมฺมิตํ;

หตฺถิยานํ อสฺสยานํ, ทิพฺพยานํ อุปฏฺิตํ.

‘‘ปาสาทา สิวิกา เจว, นิพฺพตฺตนฺติ ยทิจฺฉกํ;

อกฺขุพฺภํ รตนํ มยฺหํ, ผลกสฺส อิทํ ผลํ.

‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ผลกํ ยมหํ ททึ;

ทุคฺคติ นาภิชานามิ, ผลกสฺส อิทํ ผลํ.

‘‘สตฺตปฺาสกปฺปมฺหิ, จตุโร นิมฺมิตาวฺหยา;

สตฺตรตนสมฺปนฺนา, จกฺกวตฺตี มหพฺพลา.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อุทานวเสน อตฺตโน ปฏิปตฺตึ กเถนฺโต –

๙๗.

‘‘หิตฺวา สตปลํ กํสํ, โสวณฺณํ สตราชิกํ;

อคฺคหึ มตฺติกาปตฺตํ, อิทํ ทุติยาภิเสจน’’นฺติ. – คาถํ อภาสิ;

ตตฺถ หิตฺวาติ ปริจฺจชิตฺวา. สตปลนฺติ สตํ ปลานิ ยสฺส, ตํ สตปลปริมาณํ. กํสนฺติ ถาลํ. โสวณฺณนฺติ สุวณฺณมยํ. สตราชิกนฺติ ภิตฺติวิจิตฺตตาย จ อเนกรูปราชิจิตฺตตาย จ อเนกเลขายุตฺตํ. อคฺคหึ มตฺติกาปตฺตนฺติ เอวรูเป มหารเห ภาชเน ปุพฺเพ ภุฺชิตฺวา พุทฺธานํ โอวาทํ กโรนฺโต ‘‘อิทานาหํ ตํ ฉฑฺเฑตฺวา มตฺติกามยปตฺตํ อคฺคเหสึ, อโห, สาธุ, มยา กตํ อริยวตํ อนุิต’’นฺติ ภาชนกิตฺตนาปเทเสน รชฺชปริจฺจาคํ ปพฺพชฺชูปคมนฺจ อนุโมทนฺโต วทติ. เตนาห ‘‘อิทํ ทุติยาภิเสจน’’นฺติ. ปมํ รชฺชาภิเสจนํ อุปาทาย อิทํ ปพฺพชฺชูปคมนํ มม ทุติยํ อภิเสจนํ. ตฺหิ ราคาทีหิ สํกิลิฏฺํ สาสงฺกํ สปริสงฺกํ กมฺมํ อนตฺถสฺหิตํ ทุกฺขปฏิพทฺธํ นิหีนํ, อิทํ ปน ตํวิปริยายโต อุตฺตมํ ปณีตนฺติ อธิปฺปาโย.

ติสฺสตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. อภยตฺเถรคาถาวณฺณนา

รูปํ ทิสฺวา สติ มุฏฺาติ อายสฺมโต อภยตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โสปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ ปุฺํ อุปจินนฺโต สุเมธสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ สุเมธํ ภควนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺโต สฬลปุปฺเผหิ ปูชมกาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทเวสุ นิพฺพตฺติตฺวา อปราปรํ ปุฺานิ กตฺวา สุคตีสุเยว สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา อภโยติ ลทฺธนาโม วิฺุตํ ปตฺโต เหตุสมฺปตฺติยา โจทิยมาโน เอกทิวสํ วิหารํ คโต สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา กตปุพฺพกิจฺโจ วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต วิหรติ. อถสฺส เอกทิวสํ คามํ ปิณฺฑาย ปวิฏฺสฺส อลงฺกตปฏิยตฺตํ มาตุคามํ ทิสฺวา อโยนิโสมนสิการวเสน ตสฺส รูปํ อารพฺภ ฉนฺทราโค อุปฺปชฺชิ, โส วิหารํ ปวิสิตฺวา ‘‘สตึ วิสฺสชฺชิตฺวา โอโลเกนฺตสฺส รูปารมฺมเณ มยฺหํ กิเลโส อุปฺปนฺโน, อยุตฺตํ มยา กต’’นฺติ อตฺตโน จิตฺตํ นิคฺคณฺหนฺโต ตาวเทว วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๕.๔๓-๔๗) –

‘‘สุเมโธ นาม นาเมน, สยมฺภู อปราชิโต;

วิเวกมนุพฺรูหนฺโต, อชฺโฌคหิ มหาวนํ.

‘‘สฬลํ ปุปฺผิตํ ทิสฺวา, คนฺถิตฺวาน วฏํสกํ;

พุทฺธสฺส อภิโรเปสึ, สมฺมุขา โลกนายกํ.

‘‘ตึสกปฺปสหสฺสมฺหิ, ยํ ปุปฺผมภิโรปยึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘อูนวีเส กปฺปสเต, โสฬสาสุํ สุนิมฺมิตา;

สตฺตรตนสมฺปนฺนา, จกฺกวตฺตี มหพฺพลา.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อตฺตโน กิเลสุปฺปตฺตินิทสฺสเนน ‘‘กิเลเส อนุวตฺเตนฺตสฺส วฏฺฏทุกฺขโต นตฺเถว สีสุกฺขิปนํ. อหํ ปน เต นานุวตฺติ’’นฺติ ทสฺเสนฺโต –

๙๘.

‘‘รูปํ ทิสฺวา สติ มุฏฺา, ปิยํ นิมิตฺตํ มนสิกโรโต;

สารตฺตจิตฺโต เวเทติ, ตฺจ อชฺโฌส ติฏฺติ;

ตสฺส วฑฺฒนฺติ อาสวา, ภวมูโลปคามิโน’’ติ. – คาถํ อภาสิ;

ตตฺถ รูปนฺติ รชฺชนียํ รูปายตนํ, ตํ ปเนตฺถ อิตฺถิรูปํ อธิปฺเปตํ. ทิสฺวาติ จกฺขุนา ทิสฺวา, จกฺขุทฺวารานุสาเรน นิมิตฺตานุพฺยฺชนสลฺลกฺขณวเสน ตํ คเหตฺวา, ตสฺส ตถาคหณเหตูติ อตฺโถ. สติ มุฏฺาติ อสุภสภาเว กาเย ‘‘อสุภ’’นฺตฺเวว ปวตฺตนสติ นฏฺา. ยถา ปน รูปํ ทิสฺวา สติ นฏฺา, ตํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘ปิยํ นิมิตฺตํ มนสิกโรโต’’ติ. ยถาอุปฏฺิตํ อารมฺมณํ ‘‘สุภํ สุข’’นฺติอาทินา ปิยนิมิตฺตํ กตฺวา อโยนิโสมนสิกาเรน มนสิกโรโต สติ มุฏฺาติ โยชนา. ตถา ภูโตว สารตฺตจิตฺโต เวเทตีติ สุฏฺุ รตฺตจิตฺโต หุตฺวา ตํ รูปารมฺมณํ อนุภวติ อภินนฺทติ, อภินนฺทนฺโต ปน ตฺจ อชฺโฌส ติฏฺติ อชฺโฌสาย ตํ อารมฺมณํ คิลิตฺวา ปรินิฏฺเปตฺวา วตฺตติ เจว, เอวํภูตสฺส จ ตสฺส วฑฺฒนฺติ อาสวา ภวมูโลปคามิโนติ ภวสฺส สํสารสฺส มูลภาวํ การณภาวํ อุปคมนสภาวา กามาสวาทโย จตฺตาโรปิ อาสวา ตสฺส ปุคฺคลสฺส อุปรูปริ วฑฺฒนฺติเยว, น หายนฺติ. มยฺหํ ปน ปฏิสงฺขาเน ตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา สจฺจานิ ปฏิวิชฺฌนฺตสฺส มคฺคปฏิปาฏิยา เต จตฺตาโรปิ อาสวา อนวเสสโต ปหีนา ปริกฺขีณาติ อธิปฺปาโย.

อภยตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. อุตฺติยตฺเถรคาถาวณฺณนา

สทฺทํ สุตฺวา สติ มุฏฺาติ อายสฺมโต อุตฺติยตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ ปุฺํ อุปจินนฺโต สุเมธสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ สตฺถารํ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺโต โคนกาทิอตฺถตํ สอุตฺตรจฺฉทํ พุทฺธารหํ ปลฺลงฺกํ คนฺธกุฏิยํ ปฺาเปตฺวา อทาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท กปิลวตฺถุสฺมึ สกฺยราชกุเล นิพฺพตฺติ, ตสฺส อุตฺติโยติ นามํ อโหสิ. โส วยปฺปตฺโต สตฺถุ าติสมาคเม พุทฺธานุภาวํ ทิสฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา สมณธมฺมํ กโรนฺโต เอกทิวสํ นามํ ปิณฺฑาย ปวิฏฺโ อนฺตรามคฺเค มาตุคามสฺส คีตสทฺทํ สุตฺวา อโยนิโสมนสิการวเสน ตตฺถ ฉนฺทราเค อุปฺปนฺเน ปฏิสงฺขานพเลน ตํ วิกฺขมฺเภตฺวา วิหารํ ปวิสิตฺวา สฺชาตสํเวโค ทิวาฏฺาเน นิสีทิตฺวา ตาวเทว วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๕.๔๘-๕๒) –

‘‘สุเมธสฺส ภควโต, โลกเชฏฺสฺส ตาทิโน;

ปลฺลงฺโก หิ มยา ทินฺโน, สอุตฺตรสปจฺฉโท.

‘‘สตฺตรตนสมฺปนฺโน, ปลฺลงฺโก อาสิ โส ตทา;

มม สงฺกปฺปมฺาย, นิพฺพตฺตติ สทา มม.

‘‘ตึสกปฺปสหสฺสมฺหิ, ปลฺลงฺกมททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ปลฺลงฺกสฺส อิทํ ผลํ.

‘‘วีสกปฺปสหสฺสมฺหิ, สุวณฺณาภา ตโย ชนา;

สตฺตรตนสมฺปนฺนา, จกฺกวตฺตี มหพฺพลา.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อตฺตโน กิเลสุปฺปตฺตินิทสฺสเนน ‘‘กิเลเส อชิคุจฺฉนฺตสฺส นตฺถิ วฏฺฏทุกฺขโต สีสุกฺขิปนํ, อหํ ปน เต ชิคุจฺฉิเมวา’’ติ ทสฺเสนฺโต –

๙๙.

‘‘สทฺทํ สุตฺวา สติ มุฏฺา, ปิยํ นิมิตฺตํ มนสิกโรโต;

สารตฺตจิตฺโต เวเทติ, ตฺจ อชฺโฌส ติฏฺติ;

ตสฺส วฑฺฒนฺติ อาสวา, สํสาร อุปคามิโน’’ติ. – คาถํ อภาสิ;

ตตฺถ สทฺทนฺติ รชฺชนียํ สทฺทารมฺมณํ, สํสารอุปคามิโนติ –

‘‘ขนฺธานฺจ ปฏิปาฏิ, ธาตุอายตนาน จ;

อพฺโพจฺฉินฺนํ วตฺตมานา, สํสาโรติ ปวุจฺจตี’’ติ. –

เอวํ วุตฺตสํสารวฏฺฏการณํ หุตฺวา อุปคเมนฺตีติ สํสารอุปคามิโน, ‘‘สํสารูปคามิโน’’ติ วา ปาโ. เสสํ อนนฺตรคาถาย วุตฺตนยเมว.

อุตฺติยตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. (ทุติย) เทวสภตฺเถรคาถาวณฺณนา

สมฺมปฺปธานสมฺปนฺโนติ อายสฺมโต เทวสภตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินนฺโต สิขิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ สิขึ ภควนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส พนฺธุชีวกปุปฺเผหิ ปูชํ อกาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท กปิลวตฺถุสฺมึ สกฺยราชกุเล นิพฺพตฺติ, ตสฺส เทวสโภติ นามํ อโหสิ. โส วยปฺปตฺโต จุมฺพฏกลหวูปสมนตฺถํ สตฺถริ อาคเต พุทฺธานุภาวํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส สรเณสุ ปติฏฺิโต ปุน นิคฺโรธาราเม สตฺถริ วิหรนฺเต สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา กตปุพฺพกิจฺโจ วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๖.๑-๖) –

‘‘จนฺทํว วิมลํ สุทฺธํ, วิปฺปสนฺนมนาวิลํ;

นนฺทีภวปริกฺขีณํ, ติณฺณํ โลเก วิสตฺติกํ.

‘‘นิพฺพาปยนฺตํ ชนตํ, ติณฺณํ ตารยตํ วรํ;

มุนึ วนมฺหิ ฌายนฺตํ, เอกคฺคํ สุสมาหิตํ.

‘‘พนฺธุชีวกปุปฺผานิ, ลเคตฺวา สุตฺตเกนหํ;

พุทฺธสฺส อภิโรปยึ, สิขิโน โลกพนฺธุโน.

‘‘เอกตึเส อิโต กปฺเป, ยํ กมฺมมกรึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘อิโต สตฺตมเก กปฺเป, มนุชินฺโท มหายโส;

สมนฺตจกฺขุนามาสิ, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อตฺตนา อธิคตํ วิมุตฺติสุขํ นิสฺสาย อุปฺปนฺนปีติโสมนสฺโส อุทานวเสน –

๑๐๐.

‘‘สมฺมปฺปธานสมฺปนฺโน, สติปฏฺานโคจโร;

วิมุตฺติกุสุมสฺฉนฺโน, ปรินิพฺพิสฺสตฺยนาสโว’’ติ. – คาถํ อภาสิ;

ตตฺถ สมฺมปฺปธานสมฺปนฺโนติ สมฺปนฺนจตุพฺพิธสมฺมปฺปธาโน, เตหิ กตฺตพฺพกิจฺจํ สมฺปาเทตฺวา ิโตติ อตฺโถ. สติปฏฺานโคจโรติ กายานุปสฺสนาทโย สติปฏฺานา โคจโร ปวตฺติฏฺานํ เอตสฺสาติ สติปฏฺานโคจโร, จตูสุ สติปฏฺาเนสุ ปติฏฺิตจิตฺโตติ อตฺโถ. คุณโสเภน ปรมสุคนฺธา วิมุตฺติเยว กุสุมานิ, เตหิ สพฺพโส สมฺมเทว สฺฉนฺโน วิภูสิโต อลงฺกโตติ วิมุตฺติกุสุมสฺฉนฺโน. ปรินิพฺพิสฺสตฺยนาสโวติ เอวํ สมฺมา ปฏิปชฺชนฺโต ภิกฺขุ นจิรสฺเสว อนาสโว หุตฺวา ปรินิพฺพิสฺสติ สอุปาทิเสสาย อนุปาทิเสสาย จ นิพฺพานธาตุยาติ อตฺโถ. อิทเมว จ เถรสฺส อฺาพฺยากรณํ อโหสิ.

(ทุติย) เทวสภตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

ทสมวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๑. เอกาทสมวคฺโค

๑. เพลฏฺานิกตฺเถรคาถาวณฺณนา

หิตฺวา คิหิตฺตํ อนโวสิตตฺโตติอาทิกา อายสฺมโต เพลฏฺานิกตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร อิโต เอกตึเส กปฺเป เวสฺสภุสฺส ภควโต กาเล พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต พฺราหฺมณสิปฺเปสุ นิปฺผตฺตึ คนฺตฺวา ฆราวาสํ ปหาย อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อิสีหิ ปริวุโต วิจรนฺโต เอกทิวสํ เวสฺสภุํ ภควนฺตํ ทิสฺวา ปีติโสมนสฺสชาโต สตฺถุ าณสมฺปตฺตึ นิสฺสาย ปสนฺนมานโส าณํ อุทฺทิสฺส ปุปฺเผหิ ปูชํ อกาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา เพลฏฺานิโกติ ลทฺธนาโม วิฺุตํ ปตฺโต สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา โกสลรฏฺเ อรฺเ วิหรนฺโต อลโส กายทฬฺหิพหุโล ผรุสวาโจ อโหสิ, สมณธมฺเม จิตฺตํ น อุปฺปาเทสิ. อถ นํ ภควา าณปริปากํ โอโลเกตฺวา –

๑๐๑.

‘‘หิตฺวา คิหิตฺตํ อนโวสิตตฺโต, มุขนงฺคลี โอทริโก กุสีโต;

มหาวราโหว นิวาปปุฏฺโ, ปุนปฺปุนํ คพฺภมุเปติ มนฺโท’’ติ. –

อิมาย โอภาสคาถาย สํเวเชสิ. โส สตฺถารํ ปุรโต นิสินฺนํ วิย ทิสฺวา ตฺจ คาถํ สุตฺวา สํเวคชาโต าณสฺส ปริปากํ คตตฺตา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๔.๔๑-๔๖) –

‘‘กณิการํว โชตนฺตํ, นิสินฺนํ ปพฺพตนฺตเร;

โอภาเสนฺตํ ทิสา สพฺพา, โอสธึ วิย ตารกํ.

‘‘ตโย มาณวกา อาสุํ, สเก สิปฺเป สุสิกฺขิตา;

ขาริภารํ คเหตฺวาน, อนฺเวนฺติ มม ปจฺฉโต.

‘‘ปุฏเก สตฺต ปุปฺผานิ, นิกฺขิตฺตานิ ตปสฺสินา;

คเหตฺวา ตานิ าณมฺหิ, เวสฺสภุสฺสาภิโรปยึ.

‘‘เอกตึเส อิโต กปฺเป, ยํ ปุปฺผมภิโรปยึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, าณปูชายิทํ ผลํ.

‘‘เอกูนตึสกปฺปมฺหิ, วิปุลาภสนามโก;

สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา สตฺถุ โอวาทํ ปฏิปูเชนฺโต พฺยติเรกมุเขน จ อฺํ พฺยากโรนฺโต ตเมว คาถํ ปจฺจุทาหาสิ.

ตตฺถ หิตฺวา คิหิตฺตนฺติ คหฏฺภาวํ ปริจฺจชิตฺวา ปพฺพชิตฺวาติ อตฺโถ. อนโวสิตตฺโตติ อนุรูปํ อโวสิตตฺโต, ยทตฺถํ สาสเน ปพฺพชนฺตสฺส อนุรูปปริฺาทีนํ อตีริตตฺตา อปริโยสิตภาโว อกตกรณีโยติ อตฺโถ. อถ วา อนโวสิตตฺโตติ อนุอโวสิตสภาโว, วิสุทฺธีนํ มคฺคานฺจ อนุปฏิปาฏิยา วสิตพฺพวาสสฺส อกตาวี, ทสสุ อริยวาเสสุ อวุสิตวาติ อตฺโถ. มุขสงฺขาตํ นงฺคลํ อิมสฺส อตฺถีติ มุขนงฺคลี. นงฺคเลน วิย ปถวึ ปเรสุ ผรุสวาจปฺปโยเคน อตฺตานํ ขนนฺโตติ อตฺโถ. โอทริโกติ อุทเร ปสุโต อุทรโปสนตปฺปโร. กุสีโตติ อลโส, ภาวนํ อนนุยุฺชนฺโต. เอวํภูตสฺส นิปฺผตฺตึ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘มหาวราโหว นิวาปปุฏฺโ, ปุนปฺปุนํ คพฺภมุเปติ มนฺโท’’ติ. ตสฺสตฺโถ เหฏฺา วุตฺโตเยว. เอตฺถ จ ยถา ปพฺพชิตฺวา อนโวสิตาทิสภาวตาย ปุนปฺปุนํ คพฺภมุเปติ มนฺโท, น เอวํ มาทิโส ปณฺฑิโต. ตพฺพิปรีตสภาวตาย ปน สมฺมาปฏิปตฺติยา มตฺถกํ ปาปิตตฺตา ปรินิพฺพายตีติ พฺยติเรกมุเขน อฺํ พฺยากาสีติ ทฏฺพฺพนฺติ.

เพลฏฺานิกตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. เสตุจฺฉตฺเถรคาถาวณฺณนา

มาเนน วฺจิตาเสติ อายสฺมโต เสตุจฺฉตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ ปุฺํ อุปจินนฺโต ติสฺสสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ ติสฺสํ ภควนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส สุมธุรํ ปนสผลํ อภิสงฺขตํ นาฬิเกรสาฬวํ อทาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา อปราปรํ เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท อฺตรสฺส มณฺฑลิกรฺโ ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, เสตุจฺโฉติสฺส นามํ อโหสิ. โส ปิตริ มเต รชฺเช ปติฏฺิโต อุสฺสาหสตฺตีนํ อภาเวน ราชกิจฺจานิ วิราเธนฺโต รชฺชํ ปรหตฺถคตํ กตฺวา ทุกฺขปฺปตฺติยา สํเวคชาโต ชนปทจาริกํ จรนฺตํ ภควนฺตํ ทิสฺวา อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา ปริกมฺมํ กโรนฺโต ตทเหว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๗.๑๓-๑๗) –

‘‘ติสฺสสฺส โข ภควโต, ปุพฺเพ ผลมทาสหํ;

นาฬิเกรฺจ ปาทาสึ, ขชฺชกํ อภิสมฺมตํ.

‘‘พุทฺธสฺส ตมหํ ทตฺวา, ติสฺสสฺส ตุ มเหสิโน;

โมทามหํ กามกามี, อุปปชฺชึ ยมิจฺฉกํ.

‘‘ทฺเวนวุเต อิโต กปฺเป, ยํ ทานมททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘อิโต เตรสกปฺปมฺหิ, ราชา อินฺทสโม อหุ;

สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา กิเลเส ครหนฺโต –

๑๐๒.

‘‘มาเนน วฺจิตาเส, สงฺขาเรสุ สํกิลิสฺสมานาเส;

ลาภาลาเภน มถิตา, สมาธึ นาธิคจฺฉนฺตี’’ติ. – คาถํ อภาสิ;

ตตฺถ มาเนน วฺจิตาเสติ ‘‘เสยฺโยหมสฺมี’’ติอาทินยปฺปวตฺเตน มาเนน อตฺตุกฺกํสนปรวมฺภนาทิวเสน กุสลภณฺฑจฺเฉทเนน วิปฺปลทฺธา. สงฺขาเรสุ สํกิลิสฺสมานาเสติ อชฺฌตฺติกพาหิเรสุ จกฺขาทีสุ เจว รูปาทีสุ จ สงฺขตธมฺเมสุ สํกิลิสฺสมานา, ‘‘เอตํ มม, เอโสหมสฺมิ, เอโส เม อตฺตา’’ติ ตํนิมิตฺตํ ตณฺหาคาหาทิวเสน สํกิเลสํ อาปชฺชมานา. ลาภาลาเภน มถิตาติ ปตฺตจีวราทีนฺเจว วตฺถาทีนฺจ ลาเภน เตสํเยว จ อลาเภน ตํนิมิตฺตํ อุปฺปนฺเนหิ อนุนยปฏิเฆหิ มถิตา มทฺทิตา อภิภูตา. นิทสฺสนมตฺตฺเจตํ อวสิฏฺโลกธมฺมานมฺเปตฺถ สงฺคโห ทฏฺพฺโพ. สมาธึ นาธิคจฺฉนฺตีติ เต เอวรูปา ปุคฺคลา สมาธึ สมถวิปสฺสนาวเสน จิตฺเตกคฺคตํ กทาจิปิ น วินฺทนฺติ น ปฏิลภนฺติ น ปาปุณนฺติ สมาธิสํวตฺตนิกานํ ธมฺมานํ อภาวโต, อิตเรสฺจ ภาวโต. อิธาปิ ยถา มานาทีหิ อภิภูตา อวิทฺทสุโน สมาธึ นาธิคจฺฉนฺติ, น เอวํ วิทฺทสุโน. เต ปน มาทิสา เตหิ อนภิภูตา สมาธึ อธิคจฺฉนฺเตวาติ พฺยติเรกมุเขน อฺาพฺยากรณนฺติ เวทิตพฺพํ.

เสตุจฺฉตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. พนฺธุรตฺเถรคาถาวณฺณนา

นาหํ เอเตน อตฺถิโกติ อายสฺมโต พนฺธุรตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร สิทฺธตฺถสฺส ภควโต กาเล อฺตรสฺส รฺโ อนฺเตปุเร โคปโก หุตฺวา เอกทิวสํ ภควนฺตํ สปริสํ ราชงฺคเณน คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺโต กณเวรปุปฺผานิ คเหตฺวา สสงฺฆํ โลกนายกํ ปูเชสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา อปราปรํ สุคตีสุเยว สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สีลวตีนคเร เสฏฺิปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, พนฺธุโรติสฺส นามํ อโหสิ. โส วิฺุตํ ปตฺโต เกนจิเทว กรณีเยน สาวตฺถิยํ คโต อุปาสเกหิ สทฺธึ วิหารํ คโต สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา าณสฺส ปริปากตฺตา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๗.๗-๑๒) –

‘‘สิทฺธตฺโถ นาม ภควา, โลกเชฏฺโ นราสโภ;

ปุรกฺขโต สาวเกหิ, นครํ ปฏิปชฺชถ.

‘‘รฺโ อนฺเตปุเร อาสึ, โคปโก อภิสมฺมโต;

ปาสาเท อุปวิฏฺโหํ, อทฺทสํ โลกนายกํ.

‘‘กณเวรํ คเหตฺวาน, ภิกฺขุสงฺเฆ สโมกิรึ;

พุทฺธสฺส วิสุํ กตฺวาน, ตโต ภิยฺโย สโมกิรึ.

‘‘จตุนฺนวุติโต กปฺเป, ยํ ปุปฺผมภิปูชยึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘สตฺตาสีติมฺหิโต กปฺเป, จตุราสุํ มหิทฺธิกา;

สตฺตรตนสมฺปนฺนา, จกฺกวตฺตี มหพฺพลา.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา กตฺุภาเว ตฺวา อตฺตโน อุปการสฺส รฺโ ปจฺจุปการํ กาตุํ สีลวตีนครํ คนฺตฺวา รฺโ ธมฺมํ เทเสนฺโต สจฺจานิ ปกาเสสิ. ราชา สจฺจปริโยสาเน โสตาปนฺโน หุตฺวา อตฺตโน นคเร สุทสฺสนํ นาม มหนฺตํ วิหารํ กาเรตฺวา เถรสฺส นิยฺยาเตสิ. มหาลาภสกฺกาโร อโหสิ. เถโร วิหารํ สพฺพฺจ ลาภสกฺการํ สงฺฆสฺส นิยฺยาเตตฺวา สยํ ปุริมนิยาเมเนว ปิณฺฑาย จริตฺวา ยาเปนฺโต กติปาหํ ตตฺถ วสิตฺวา สาวตฺถึ คนฺตุกาโม อโหสิ. ภิกฺขู, ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเห อิเธว วสถ, สเจ ปจฺจเยหิ เวกลฺลํ, มยํ ตํ ปริปูเรสฺสามา’’ติ อาหํสุ. เถโร, ‘‘น มยฺหํ, อาวุโส, อุฬาเรหิ ปจฺจเยหิ อตฺโถ อตฺถิ, อิตรีตเรหิ ปจฺจเยหิ ยาเปมิ, ธมฺมรเสเนวมฺหิ ติตฺโต’’ติ ทสฺเสนฺโต –

๑๐๓.

‘‘นาหํ เอเตน อตฺถิโก, สุขิโต ธมฺมรเสน ตปฺปิโต;

ปิตฺวา รสคฺคมุตฺตมํ, น จ กาหามิ วิเสน สนฺถว’’นฺติ. –

คาถํ อภาสิ.

ตตฺถ นาหํ เอเตน อตฺถิโกติ เยน มํ ตุมฺเห ตปฺเปตุกามา ‘‘ปริปูเรสฺสามา’’ติ วทถ, เอเตน อามิสลาเภน ปจฺจยามิสรเสน นาหํ อตฺถิโก, มยฺหํ เอเตน อตฺโถ นตฺถิ, สนฺตุฏฺิ ปรมํ สุขนฺติ อิตรีตเรเหว ปจฺจเยหิ ยาเปมีติ อตฺโถ. อิทานิ เตน อนตฺถิกภาเว ปธานการณํ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘สุขิโต ธมฺมรเสน ตปฺปิโต’’ติ. สตฺตตึสโพธิปกฺขิยธมฺมรเสน เจว นววิธโลกุตฺตรธมฺมรเสน จ ตปฺปิโต ปีณิโต สุขิโต อุตฺตเมน สุเขน สุหิโตติ อตฺโถ. ปิตฺวา รสคฺคมุตฺตมนฺติ สพฺพรเสสุ อคฺคํ เสฏฺํ ตโตเยว อุตฺตมํ ยถาวุตฺตํ ธมฺมรสํ ปิวิตฺวา ิโต, เตนาห – ‘‘สพฺพรสํ ธมฺมรโส ชินาตี’’ติ (ธ. ป. ๓๕๔). น จ กาหามิ วิเสน สนฺถวนฺติ เอวรูปํ รสุตฺตมํ ธมฺมรสํ ปิวิตฺวา ิโต วิเสน วิสสทิเสน วิสรเสน สนฺถวํ สํสคฺคํ น กริสฺสามิ, ตถากรณสฺส การณํ นตฺถีติ อตฺโถ.

พนฺธุรตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. ขิตกตฺเถรคาถาวณฺณนา

ลหุโก วต เม กาโยติ อายสฺมโต ขิตกตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล ยกฺขเสนาปติ หุตฺวา นิพฺพตฺโต เอกทิวสํ ยกฺขสมาคเม นิสินฺโน สตฺถารํ อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล นิสินฺนํ ทิสฺวา อุปสงฺกมิตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. ตสฺส สตฺถา ธมฺมํ เทเสสิ. โส ธมฺมํ สุตฺวา อุฬารํ ปีติโสมนสฺสํ ปเวเทนฺโต อปฺโผเฏนฺโต อุฏฺหิตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติ, ขิตโกติสฺส นามํ อโหสิ. โส วิฺุตํ ปตฺโต มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรสฺส มหิทฺธิกภาวํ สุตฺวา ‘‘อิทฺธิมา ภวิสฺสามี’’ติ ปุพฺพเหตุนา โจทิยมาโน ปพฺพชิตฺวา ภควโต สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา สมถวิปสฺสนาสุ กมฺมํ กโรนฺโต นจิรสฺเสว ฉฬภิฺโ อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๗.๑-๖) –

‘‘ปทุโม นาม นาเมน, ทฺวิปทินฺโท นราสโภ;

ปวนา อภินิกฺขมฺม, ธมฺมํ เทเสติ จกฺขุมา.

‘‘ยกฺขานํ สมโย อาสิ, อวิทูเร มเหสิโน;

เยน กิจฺเจน สมฺปตฺตา, อชฺฌาเปกฺขึสุ ตาวเท.

‘‘พุทฺธสฺส คิรมฺาย, อมตสฺส จ เทสนํ;

ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, อปฺโผเฏตฺวา อุปฏฺหึ.

‘‘สุจิณฺณสฺส ผลํ ปสฺส, อุปฏฺานสฺส สตฺถุโน;

ตึสกปฺปสหสฺเสสุ, ทุคฺคตึ นุปปชฺชหํ.

‘‘อูนตึเส กปฺปสเต, สมลงฺกตนามโก;

สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา สวิเสสํ อิทฺธีสุ วสีภาเวน อเนกวิหิตํ อิทฺธิวิธํ ปจฺจนุโภนฺโต อิทฺธิปาฏิหาริเยน อนุสาสนีปาฏิหาริเยน จ สตฺตานํ อนุคฺคหํ กโรนฺโต วิหรติ. โส ภิกฺขูหิ, ‘‘กถํ ตฺวํ, อาวุโส, อิทฺธิ วฬฺเชสี’’ติ ปุฏฺโ ตมตฺถํ อาจิกฺขนฺโต –

๑๐๔.

‘‘ลหุโก วต เม กาโย, ผุฏฺโ จ ปีติสุเขน วิปุเลน;

ตูลมิว เอริตํ มาลุเตน, ปิลวตีว เม กาโย’’ติ. –

คาถํ อภาสิ. ‘‘อุทานวเสนา’’ติปิ วทนฺติเยว.

ตตฺถ ลหุโก วต เม กาโยติ นีวรณาทิวิกฺขมฺภเนน จุทฺทสวิเธน จิตฺตปริทมเนน จตุริทฺธิปาทกภาวนาย สุฏฺุ จิณฺณวสีภาเวน จ เม รูปกาโย สลฺลหุโก วต, เยน ทนฺธํ มหาภูตปจฺจยมฺปิ นาม อิมํ กรชกายํ จิตฺตวเสน ปริณาเมมีติ อธิปฺปาโย. ผุฏฺโ จ ปีติสุเขน วิปุเลนาติ สพฺพตฺถกเมว ผรนฺเตน มหตา อุฬาเรน ปีติสหิเตน สุเขน ผุฏฺโ จ เม กาโยติ โยชนา. อิทฺจ ยถา กาโย ลหุโก อโหสิ, ตํ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. สุขสฺโกฺกมเนน หิ สทฺธึเยว ลหุสฺโกฺกมนํ โหติ. สุขสฺส ผรณฺเจตฺถ ตํสมุฏฺานรูปวเสน ทฏฺพฺพํ กถํ ปน จตุตฺถชฺฌานสมงฺคิโน ปีติสุขผรณํ, สมติกฺกนฺตปีติสุขฺหิ ตนฺติ เจ? สจฺจเมตํ, อิทํ ปน น จตุตฺถชฺฌานลกฺขณวเสน วุตฺตํ, อถ โข ปุพฺพภาควเสน. ‘‘ปีติสุเขนา’’ติ ปน ปีติสหิตสทิเสน สุเขน, อุเปกฺขา หิ อิธ สนฺตสภาวตาย าณวิเสสโยคโต จ สุขนฺติ อธิปฺเปตํ. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘สุขสฺฺจ ลหุสฺฺจ โอกฺกมตี’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๑๐๑). ปาทกชฺฌานารมฺมเณน รูปกายารมฺมเณน วา อิทฺธิจิตฺเตน สหชาตํ สุขสฺฺจ ลหุสฺฺจ โอกฺกมติ ปวิสติ ผุสติ สมฺปาปุณาตีติ อยมฺปิ ตตฺถ อตฺโถ. ตถา จาห อฏฺกถายํ (ปฏิ. ม. อฏฺ. ๒.๓.๑๒) – ‘‘สุขสฺา นาม อุเปกฺขาสมฺปยุตฺตา สฺา. อุเปกฺขา หิ สนฺตํ สุขนฺติ วุตฺตํ สาเยว สฺา นีวรเณหิ เจว วิตกฺกาทิปจฺจนีเกหิ จ วิมุตฺตตฺตา ลหุสฺาติปิ เวทิตพฺพา. ตํ โอกฺกนฺตสฺส ปนสฺส กรชกาโยปิ ตูลปิจุ วิย สลฺลหุโก โหติ. โส เอวํ วาตกฺขิตฺตตูลปิจุโน วิย สลฺลหุเกน ทิสฺสมาเนน กาเยน พฺรหฺมโลกํ คจฺฉตี’’ติ. เตนาห ‘‘ตูลมิว เอริตํ มาลุเตน, ปิลวตีว เม กาโย’’ติ. ตสฺสตฺโถ – ยทาหํ พฺรหฺมโลกํ อฺํ วา อิทฺธิยา คนฺตุกาโม โหมิ, ตทา มาลุเตน วายุนา เอริตํ จิตฺตํ ตูลปิจุ วิย อากาสํ ลงฺฆนฺโตเยว เม กาโย โหตีติ.

ขิตกตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. มลิตวมฺภตฺเถรคาถาวณฺณนา

อุกฺกณฺิโตติ อายสฺมโต มลิตวมฺภตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล หิมวนฺตโต อวิทูเร อฺตรสฺมึ ชาตสฺสเร สกุโณ หุตฺวา นิพฺพตฺติ, ปทุมุตฺตโร ภควา ตํ อนุคฺคณฺหนฺโต ตตฺถ คนฺตฺวา ชาตสฺสรตีเร จงฺกมติ. สกุโณ ภควนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส สเร กุมุทานิ คเหตฺวา ภควนฺตํ ปูเชสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท กุรุกจฺฉนคเร อฺตรสฺส พฺราหฺมณสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, มลิตวมฺโภติสฺส นามํ อโหสิ. โส วิฺุตํ ปตฺโต ปจฺฉาภูมหาเถรํ อุปสงฺกมิตฺวา ตสฺส สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต วิหรติ. ตสฺส จ อยํ สภาโว, ยตฺถ โภชนสปฺปาโย ทุลฺลโภ, อิตเร สุลภา, ตโต น ปกฺกมติ. ยตฺถ ปน โภชนสปฺปาโย สุลโภ, อิตเร ทุลฺลภา, ตตฺถ น วสติ ปกฺกมเตว. เอวํ วิหรนฺโต จ เหตุสมฺปนฺนตาย มหาปุริสชาติกตาย จ นจิรสฺเสว วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๖.๕๑-๕๗) –

‘‘หิมวนฺตสฺสาวิทูเร, มหาชาตสฺสโร อหุ;

ปทุมุปฺปลสฺฉนฺโน, ปุณฺฑรีกสโมตฺถโฏ.

‘‘กุกุตฺโถ นาม นาเมน, ตตฺถาสึ สกุโณ ตทา;

สีลวา พุทฺธิสมฺปนฺโน, ปุฺาปุฺเสุ โกวิโท.

‘‘ปทุมุตฺตโร โลกวิทู, อาหุตีนํ ปฏิคฺคโห;

ชาตสฺสรสฺสาวิทูเร, สฺจริตฺถ มหามุนิ.

‘‘ชลชํ กุมุทํ เฉตฺวา, อุปเนสึ มเหสิโน;

มม สงฺกปฺปมฺาย, ปฏิคฺคหิ มหามุนิ.

‘‘ตฺจ ทานํ ททิตฺวาน, สุกฺกมูเลน โจทิโต;

กปฺปานํ สตสหสฺสํ, ทุคฺคตึ นุปปชฺชหํ.

‘‘โสฬเสโต กปฺปสเต, อาสุํ วรุณนามกา;

อฏฺ เอเต ชนาธิปา, จกฺกวตฺตี มหพฺพลา.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อตฺตโน ปฏิปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตฺวา อุทาเนนฺโต –

๑๐๕.

‘‘อุกฺกณฺิโตปิ น วเส, รมมาโนปิ ปกฺกเม;

น ตฺเววานตฺถสํหิตํ, วเส วาสํ วิจกฺขโณ’’ติ. – คาถํ อภาสิ;

ตตฺถ อุกฺกณฺิโตปิ น วเสติ ยสฺมึ อาวาเส วสนฺตสฺส เม โภชนสปฺปายาลาเภน อธิกุสเลสุ ธมฺเมสุ อุกฺกณฺา อนภิรติ อุปฺปชฺชติ, ตตฺถ อุกฺกณฺิโตปิ วสามิเยว อิตรสปฺปายลาเภน น ปกฺกเม น ปกฺกมามิ. น วเสติ เอตฺถ น-กาเรนปิ ปกฺกเมติปทํ สมฺพนฺธิตพฺพํ. รมมาโนปิ ปกฺกเมติ ยสฺมึ ปน อาวาเส วสนฺตสฺส เม ปจฺจยเวกลฺลาภาเวน นตฺถิ อุกฺกณฺา, อฺทตฺถุ อภิรมามิ, เอวํ อภิรมมาโนปิ อวเสสสปฺปายาลาเภน ตโต ปกฺกเม, น วเสยฺยํ. เอวํ ปฏิปชฺชนฺโตวาหํ นจิรสฺเสว สกตฺถํ ปจฺจุปาทินฺติ. อยฺเจตฺถ อตฺตปฏิปตฺติปจฺจเวกฺขณายํ โยชนา. ปรสฺส โอวาททาเน ปน วเสยฺย น ปกฺกเมยฺยาติ วิธานวเสน โยเชตพฺพํ. น ตฺเววานตฺถสํหิตํ, วเส วาสํ วิจกฺขโณติ ยสฺมึ อาวาเส ปจฺจยา สุลภา, สมณธมฺโม น ปาริปูรึ คจฺฉติ, ยสฺมิฺจ อาวาเส ปจฺจยา ทุลฺลภา, สมณธมฺโมปิ ปาริปูรึ น คจฺฉติ, เอวรูโป อาวาโส อิธ อนตฺถสํหิโต นาม อวฑฺฒิสหิโตติ กตฺวา. เอวรูปํ วาสํ วิจกฺขโณ วิฺุชาติโก สกตฺถํ ปริปูเรตุกาโม นตฺเวว วเสยฺย. ยตฺถ ปน ปฺจงฺคสมนฺนาคโต อาวาโส ลพฺภติ, สตฺตปิ สปฺปายา ลพฺภนฺติ, ตตฺเถว วเสยฺยาติ อตฺโถ.

มลิตวมฺภตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. สุเหมนฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา

สตลิงฺคสฺส อตฺถสฺสาติ อายสฺมโต สุเหมนฺตตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ ปุฺํ อุปจินนฺโต อิโต ทฺวานวุเต กปฺเป ติสฺสสฺส ภควโต กาเล วนจโร หุตฺวา วเน วสติ, ตํ อนุคฺคหิตุํ ภควา อรฺํ ปวิสิตฺวา ตสฺส อาสนฺเน าเน อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล นิสีทิ. โส ภควนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺโต สุคนฺธานิ ปุนฺนาคปุปฺผานิ โอจินิตฺวา ภควนฺตํ ปูเชสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา อปราปรํ ปุฺานิ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ปาริยนฺตเทเส วิภวสมฺปนฺนสฺส พฺราหฺมณสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, สุเหมนฺโตติสฺส นามํ อโหสิ. โส วิฺุตํ ปตฺโต สงฺกสฺสนคเร มิคทาเย วิหรนฺตํ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา เตปิฏโก หุตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา นจิรสฺเสว ฉฬภิฺโ ปฏิสมฺภิทาปตฺโต อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๖.๔๖-๕๐) –

‘‘กานนํ วนโมคยฺห, วสามิ ลุทฺทโก อหํ;

ปุนฺนาคํ ปุปฺผิตํ ทิสฺวา, พุทฺธเสฏฺํ อนุสฺสรึ.

‘‘ตํ ปุปฺผํ โอจินิตฺวาน, สุคนฺธํ คนฺธิตํ สุภํ;

ถูปํ กริตฺวา ปุลิเน, พุทฺธสฺส อภิโรปยึ.

‘‘ทฺเวนวุเต อิโต กปฺเป, ยํ ปุปฺผมภิปูชยึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘เอกมฺหิ นวุเต กปฺเป, เอโก อาสึ ตโมนุโท;

สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา เอวํ จินฺเตสิ – ‘‘มยา โข ยํ สาวเกน ปตฺตพฺพํ, ตํ อนุปฺปตฺตํ, ยํนูนาหํ อิทานิ ภิกฺขูนํ อนุคฺคหํ กเรยฺย’’นฺติ. เอวํ จินฺเตตฺวา ปภินฺนปฏิสมฺภิทตาย อกิลาสุตาย จ อตฺตโน สนฺติกํ อุปคเต ภิกฺขู ยถารหํ โอวทนฺโต อนุสาสนฺโต กงฺขํ ฉินฺทนฺโต ธมฺมํ กเถนฺโต กมฺมฏฺานํ นิคฺคุมฺพํ นิชฺชฏํ กตฺวา อาจิกฺขนฺโต วิหรติ. อเถกทิวสํ อตฺตโน สนฺติกํ อุปคตานํ ภิกฺขูนํ วิฺูนฺจ ปุคฺคลานํ วิเสสํ อาจิกฺขนฺโต –

๑๐๖.

‘‘สตลิงฺคสฺส อตฺถสฺส, สตลกฺขณธาริโน;

เอกงฺคทสฺสี ทุมฺเมโธ, สตทสฺสี จ ปณฺฑิโต’’ติ. – คาถํ อภาสิ;

ตตฺถ สตลิงฺคสฺสาติ ลีนมตฺถํ คเมนฺตีติ ลิงฺคานิ, อตฺเถสุ สทฺทสฺส ปวตฺตินิมิตฺตานิ, ตานิ ปน สตํ อเนกานิ ลิงฺคานิ เอตสฺสาติ สตลิงฺโค. อเนกตฺโถ หิ อิธ สตสทฺโท, ‘‘สตํ สหสฺส’’นฺติอาทีสุ วิย น สงฺขฺยาวิเสสตฺโถ ตสฺส สตลิงฺคสฺส. อตฺถสฺสาติ เยฺยสฺส, เยฺยฺหิ าเณน อรณียโต ‘‘อตฺโถ’’ติ วุจฺจติ. โส จ เอโกปิ อเนกลิงฺโค, ยถา ‘‘สกฺโก ปุรินฺทโท มฆวา’’ติ, ‘‘ปฺา วิชฺชา เมธา าณ’’นฺติ จ. เยน ลิงฺเคน ปวตฺตินิมิตฺเตน ตาวตึสาธิปติมฺหิ อินฺทสทฺโท ปวตฺโต, น เตน ตตฺถ สกฺกาทิสทฺทา ปวตฺตา, อถ โข อฺเน. ตถา เยน สมฺมาทิฏฺิมฺหิ ปฺาสทฺโท ปวตฺโต, น เตน วิชฺชาทิสทฺทา. เตน วุตฺตํ ‘‘สตลิงฺคสฺส อตฺถสฺสา’’ติ.

สตลกฺขณธาริโนติ อเนกลกฺขณวโต. ลกฺขียติ เอเตนาติ ลกฺขณํ, ปจฺจยภาวิโน อตฺถสฺส อตฺตโน ผลํ ปฏิจฺจ ปจฺจยภาโว, เตน หิ โส อยํ อิมสฺส การณนฺติ ลกฺขียติ. โส จ เอกสฺเสว อตฺถสฺส อเนกปฺปเภโท อุปลพฺภติ, เตนาห ‘‘สตลกฺขณธาริโน’’ติ. อถ วา ลกฺขียนฺตีติ ลกฺขณานิ, ตสฺส ตสฺส อตฺถสฺส สงฺขตตาทโย ปการวิเสสา เต ปน อตฺถโต อวตฺถาวิเสสา เวทิตพฺพา. เต จ ปน เตสํ อนิจฺจตาทิสามฺลกฺขณํ ลิงฺเคนฺติ าเปนฺตีติ ‘‘ลิงฺคานี’’ติ จ วุจฺจนฺติ. ตสฺสิเม อาการา, ยสฺมา เอกสฺสาปิ อตฺถสฺส อเนเก อุปลพฺภนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘สตลิงฺคสฺส อตฺถสฺส, สตลกฺขณธาริโน’’ติ. เตนาห อายสฺมา ธมฺมเสนาปติ – ‘‘สพฺเพ ธมฺมา สพฺพากาเรน พุทฺธสฺส ภควโต าณมุเข อาปาถํ อาคจฺฉนฺตี’’ติ (มหานิ. ๑๕๖; จูฬนิ. โมฆราชมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๘๕; ปฏิ. ม. ๓.๕).

เอกงฺคทสฺสี ทุมฺเมโธติ เอวํ อเนกลิงฺเค อเนกลกฺขเณ อตฺเถ โย ตตฺถ เอกงฺคทสฺสี อปุถุปฺตาย เอกลิงฺคมตฺตํ เอกลกฺขณมตฺตฺจ ทิสฺวา อตฺตนา ทิฏฺเมว ‘‘อิทเมว สจฺจ’’นฺติ อภินิวิสฺส ‘‘โมฆมฺ’’นฺติ อิตรํ ปฏิกฺขิปติ, หตฺถิทสฺสนกอนฺโธ วิย เอกงฺคคาหี ทุมฺเมโธ ทุปฺปฺโ ตตฺถ วิชฺชมานานํเยว ปการวิเสสานํ อชานนโต มิจฺฉา อภินิวิสนโต จ. สตทสฺสี จ ปณฺฑิโตติ ปณฺฑิโต ปน ตตฺถ วิชฺชมาเน อเนเกปิ ปกาเร อตฺตโน ปฺาจกฺขุนา สพฺพโส ปสฺสติ. โย วา ตตฺถ ลพฺภมาเน อเนเก ปฺาจกฺขุนา อตฺตนาปิ ปสฺสติ, อฺเสมฺปิ ทสฺเสติ ปกาเสติ, โส ปณฺฑิโต วิจกฺขโณ อตฺเถสุ กุสโล นามาติ. เอวํ เถโร อุกฺกํสคตํ อตฺตโน ปฏิสมฺภิทาสมฺปตฺตึ ภิกฺขูนํ วิภาเวสิ.

สุเหมนฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. ธมฺมสวตฺเถรคาถาวณฺณนา

ปพฺพชึ ตุลยิตฺวานาติ อายสฺมโต ธมฺมสวตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล สุวจฺโฉ นาม พฺราหฺมโณ หุตฺวา ติณฺณํ เวทานํ ปารคู ฆราวาเส โทสํ ทิสฺวา ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อรฺายตเน ปพฺพตนฺตเร อสฺสมํ กาเรตฺวา พหูหิ ตาปเสหิ สทฺธึ วสิ. อถสฺส กุสลพีชํ โรเปตุกาโม ปทุมุตฺตโร ภควา อสฺสมสมีเป อากาเส ตฺวา อิทฺธิปาฏิหาริยํ ทสฺเสสิ. โส ตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส ปูเชตุกาโม นาคปุปฺผานิ โอจินาเปสิ. สตฺถา, ‘‘อลํ อิมสฺส ตาปสสฺส เอตฺตกํ กุสลพีช’’นฺติ ปกฺกามิ. โส ปุปฺผานิ คเหตฺวา สตฺถุ คมนมคฺคํ โอกิริตฺวา จิตฺตํ ปสาเทนฺโต อฺชลึ ปคฺคยฺห อฏฺาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา อปราปรํ สุคตีสุเยว สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท มคธรฏฺเ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา ธมฺมสโวติ ลทฺธนาโม วิฺุตํ ปตฺโต เหตุสมฺปตฺติยา โจทิยมาโน ฆราวาเส อาทีนวํ ปพฺพชฺชาย อานิสํสฺจ ทิสฺวา ทกฺขิณาคิริสฺมึ วิหรนฺตํ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๖.๓๙-๔๕) –

‘‘สุวจฺโฉ นาม นาเมน, พฺราหฺมโณ มนฺตปารคู;

ปุรกฺขโต สสิสฺเสหิ, วสเต ปพฺพตนฺตเร.

‘‘ปทุมุตฺตโร นาม ชิโน, อาหุตีนํ ปฏิคฺคโห;

มมุทฺธริตุกาโม โส, อาคจฺฉิ มม สนฺติกํ.

‘‘เวหาสมฺหิ จงฺกมติ, ธูปายติ ชลเต ตถา;

หาสํ มมํ วิทิตฺวาน, ปกฺกามิ ปาจินามุโข.

‘‘ตฺจ อจฺฉริยํ ทิสฺวา, อพฺภุตํ โลมหํสนํ;

นาคปุปฺผํ คเหตฺวาน, คตมคฺคมฺหิ โอกิรึ.

‘‘สตสหสฺสิโต กปฺเป, ยํ ปุปฺผํ โอกิรึ อหํ;

เตน จิตฺตปฺปสาเทน, ทุคฺคตึ นุปปชฺชหํ.

‘‘เอกตึเส กปฺปสเต, ราชา อาสิ มหารโห;

สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อตฺตโน ปฏิปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตฺวา โสมนสฺสปฺปตฺโต อุทานวเสน –

๑๐๗.

‘‘ปพฺพชึ ตุลยิตฺวาน, อคารสฺมานคาริยํ;

ติสฺโส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ. – คาถํ อภาสิ;

ตตฺถ ปพฺพชึ ตุลยิตฺวานาติ ‘‘สมฺพาโธ ฆราวาโส รชาปโถ’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๑๙๑; ม. นิ. ๒.๑๐; สํ. นิ. ๒.๑๕๔) ฆราวาเส, ‘‘อปฺปสฺสาทา กามา พหุทุกฺขา พหุปายาสา’’ติอาทินา (ปาจิ. ๔๑๗; ม. นิ. ๑.๑๗๗) กาเมสุ อาทีนวํ ตปฺปฏิปกฺขโต เนกฺขมฺเม จ อานิสํสํ ตุลภูตาย ปฺาย วิจาเรตฺวา วีมํสิตฺวาติ อตฺโถ. เสสํ เหฏฺา วุตฺตนยเมว. อิทเมว จ เถรสฺส อฺาพฺยากรณํ อโหสีติ.

ธมฺมสวตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. ธมฺมสวปิตุตฺเถรคาถาวณฺณนา

ส วีสวสฺสสติโกติ อายสฺมโต ธมฺมสวปิตุตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร พุทฺธสุฺเ โลเก กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต ภูตคเณ นาม ปพฺพเต วิหรนฺตํ ปจฺเจกสมฺพุทฺธํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส ติณสูลปุปฺเผหิ ปูชํ อกาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา อปราปรํ สุคตีสุเยว สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท มคธรฏฺเ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต ทารปริคฺคหํ กตฺวา ธมฺมสวํ นาม ปุตฺตํ ลภิตฺวา ตสฺมึ ปพฺพชิเต สยมฺปิ วีสวสฺสสติโก หุตฺวา, ‘‘มม ปุตฺโต ตาว ตรุโณ ปพฺพชิ, อถ กสฺมา นาหํ ปพฺพชิสฺสามี’’ติ สฺชาตสํเวโค สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺตํ สจฺฉากาสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๖.๓๕-๓๘) –

‘‘หิมวนฺตสฺสาวิทูเร, ภูตคโณ นาม ปพฺพโต;

วสเตโก ชิโน ตตฺถ, สยมฺภู โลกนิสฺสโฏ.

‘‘ติณสูลํ คเหตฺวาน, พุทฺธสฺส อภิโรปยึ;

เอกูนสตสหสฺสํ, กปฺปํ น วินิปาติโก.

‘‘อิโต เอกาทเส กปฺเป, เอโกสึ ธรณีรุโห;

สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อตฺตโน ปฏิปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตฺวา สฺชาตโสมนสฺโส อุทาเนนฺโต –

๑๐๘.

‘‘ส วีสวสฺสสติโก, ปพฺพชึ อนคาริยํ;

ติสฺโส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ. – คาถํ อภาสิ;

ตตฺถ ส วีสวสฺสสติโกติ โส วีสํวสฺสสติโก, โส อหํ ชาติยา วีสาธิกวสฺสสติโก สมาโน. ปพฺพชินฺติ ปพฺพชฺชํ อุปคจฺฉึ. เสสํ วุตฺตนยเมว. อิทเมว จ อิมสฺส เถรสฺส อฺาพฺยากรณํ อโหสิ.

ธมฺมสวปิตุตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. สงฺฆรกฺขิตตฺเถรคาถาวณฺณนา

น นูนายํ ปรมหิตานุกมฺปิโนติ อายสฺมโต สงฺฆรกฺขิตตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โสปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต อิโต จตุนวุเต กปฺเป กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ ปพฺพตปาเท วสนฺเต สตฺต ปจฺเจกสมฺพุทฺเธ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส กทมฺพปุปฺผานิ คเหตฺวา ปูเชสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา อปราปรํ ปุฺานิ กตฺวา สุคตีสุเยว สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ อิพฺภกุเล นิพฺพตฺติ, ตสฺส สงฺฆรกฺขิโตติ นามํ อโหสิ. โส วิฺุตํ ปตฺโต ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อฺตรํ ภิกฺขุํ สหายํ กตฺวา อรฺเ วิหรติ. เถรสฺส วสนฏฺานโต อวิทูเร วนคุมฺเพ เอกา มิคี วิชายิตฺวา ตรุณํ ฉาปํ รกฺขนฺตี ฉาตชฺฌตฺตาปิ ปุตฺตสิเนเหน ทูเร โคจราย น คจฺฉติ, อาสนฺเน จ ติโณทกสฺส อลาเภน กิลมติ. ตํ ทิสฺวา เถโร, ‘‘อโห วตายํ โลโก ตณฺหาพนฺธนพทฺโธ มหาทุกฺขํ อนุภวติ, น ตํ ฉินฺทิตุํ สกฺโกตี’’ติ สํเวคชาโต ตเมว องฺกุสํ กตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๖.๓๐-๓๔) –

‘‘หิมวนฺตสฺสาวิทูเร, กุกฺกุโฏ นาม ปพฺพโต;

ตมฺหิ ปพฺพตปาทมฺหิ, สตฺต พุทฺธา วสนฺติ เต.

‘‘กทมฺพํ ปุปฺผิตํ ทิสฺวา, ทีปราชํว อุคฺคตํ;

อุโภ หตฺเถหิ ปคฺคยฺห, สตฺต พุทฺเธ สโมกิรึ.

‘‘จตุนฺนวุติโต กปฺเป, ยํ ปุปฺผมภิโรปยึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘ทฺเวนวุเต อิโต กปฺเป, สตฺตาสุํ ปุปฺผนามกา;

สตฺตรตนสมฺปนฺนา, จกฺกวตฺตี มหพฺพลา.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อตฺตโน ทุติยกํ ภิกฺขุํ มิจฺฉาวิตกฺกพหุลํ วิหรนฺตํ ตฺวา ตเมว มิคึ อุปมํ กริตฺวา ตํ โอวทนฺโต –

๑๐๙.

‘‘น นูนายํ ปรมหิตานุกมฺปิโน, รโหคโต อนุวิคเณติ สาสนํ;

ตถาหยํ วิหรติ ปากตินฺทฺริโย, มิคี ยถา ตรุณชาติกา วเน’’ติ. –

คาถํ อภาสิ.

ตตฺถ น นูนายนฺติ -อิติ ปฏิเสเธ นิปาโต. นูนาติ ปริวิตกฺเก. นูน อยนฺติ ปทจฺเฉโท. ปรมหิตานุกมฺปิโนติ ปรมํ อติวิย, ปรเมน วา อนุตฺตเรน หิเตน สตฺเต อนุกมฺปนสีลสฺส ภควโต. รโหคโตติ รหสิ คโต, สุฺาคารคโต กายวิเวกยุตฺโตติ อตฺโถ. อนุวิคเณตีติ เอตฺถ ‘‘น นูนา’’ติ ปททฺวยํ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ ‘‘นานุวิคเณติ นูนา’’ติ, น จินฺเตสิ มฺเ, ‘‘นานุยุฺชตี’’ติ ตกฺเกมีติ อตฺโถ. สาสนนฺติ ปฏิปตฺติสาสนํ, จตุสจฺจกมฺมฏฺานภาวนนฺติ อธิปฺปาโย. ตถา หีติ เตเนว การเณน, สตฺถุ สาสนสฺส อนนุยุฺชนโต เอว. อยนฺติ อยํ ภิกฺขุ. ปากตินฺทฺริโยติ มนจฺฉฏฺานํ อินฺทฺริยานํ ยถาสกํ วิสเยสุ วิสฺสชฺชนโต สภาวภูตอินฺทฺริโย, อสํวุตจกฺขุทฺวาราทิโกติ อตฺโถ. ยสฺส ตณฺหาสงฺคสฺส อจฺฉินฺนตาย โส ภิกฺขุ ปากตินฺทฺริโย วิหรติ, ตสฺส อุปมํ ทสฺเสนฺโต ‘‘มิคี ยถา ตรุณชาติกา วเน’’ติ อาห. ยถา อยํ ตรุณสภาวา มิคี ปุตฺตสฺเนหสฺส อจฺฉินฺนตาย วเน ทุกฺขํ อนุภวติ, น ตํ อติวตฺตติ, เอวมยมฺปิ ภิกฺขุ สงฺคสฺส อจฺฉินฺนตาย ปากตินฺทฺริโย วิหรนฺโต วฏฺฏทุกฺขํ นาติวตฺตตีติ อธิปฺปาโย. ‘‘ตรุณวิชาติกา’’ติ วา ปาโ. อภินวปฺปสุตา พาลวจฺฉาติ อตฺโถ. ตํ สุตฺวา โส ภิกฺขุ สฺชาตสํเวโค วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ.

สงฺฆรกฺขิตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. อุสภตฺเถรคาถาวณฺณนา

นคา นคคฺเคสุ สุสํวิรูฬฺหาติ อายสฺมโต อุสภตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยานิ ปุฺานิ กโรนฺโต อิโต เอกตึเส กปฺเป สิขิสฺส ภควโต กาเล เทวปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺโต เอกทิวสํ สตฺถารํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส ทิพฺพปุปฺเผหิ ปูชํ อกาสิ. สา ปุปฺผปูชา สตฺตาหํ ปุปฺผมณฺฑปากาเรน อฏฺาสิ. เทวมนุสฺสานํ มหาสมาคโม อโหสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท โกสลรฏฺเ อิพฺภกุเล นิพฺพตฺติ, ตสฺส อุสโภติ นามํ อโหสิ. โส วิฺุตํ ปตฺโต เชตวนปฏิคฺคหเณ สตฺถริ ลทฺธปฺปสาโท ปพฺพชิตฺวา กตปุพฺพกิจฺโจ อรฺเ ปพฺพตปาเท วิหรติ. เตน จ สมเยน ปาวุสกาลเมเฆ อภิปฺปวุฏฺเ ปพฺพตสิขเรสุ รุกฺขคจฺฉลตาย ฆนปณฺณสณฺฑิโน โหนฺติ. อเถกทิวสํ เถโร เลณโต นิกฺขมิตฺวา ตํ วนรามเณยฺยกํ ปพฺพตรามเณยฺยกฺจ ทิสฺวา โยนิโสมนสิการวเสน ‘‘อิเมปิ นาม รุกฺขาทโย อเจตนา อุตุสมฺปตฺติยา วฑฺฒึ ปาปุณนฺติ, อถ กสฺมา นาหํ อุตุสปฺปายํ ลภิตฺวา คุเณหิ วฑฺฒึ ปาปุณิสฺสามี’’ติ จินฺเตนฺโต –

๑๑๐.

‘‘นคา นคคฺเคสุ สุสํวิรูฬฺหา, อุทคฺคเมเฆน นเวน สิตฺตา;

วิเวกกามสฺส อรฺสฺิโน, ชเนติ ภิยฺโย อุสภสฺส กลฺยต’’นฺติ. –

คาถํ อภาสิ.

ตตฺถ นคาติ รุกฺขา, ‘‘นาคา’’ติ เกจิ วทนฺติ, นาครุกฺขาติ อตฺโถ. นคคฺเคสูติ ปพฺพตสิขเรสุ. สุสํวิรูฬฺหาติ สุฏฺุ สมนฺตโต วิรูฬฺหมูลา หุตฺวา ปริโต อุปริ จ สมฺมเทว สฺชาตสาขคฺคปลฺลวปฺปสาขาติ อตฺโถ. อุทคฺคเมเฆน นเวน สิตฺตาติ ปมุปฺปนฺเนน อุฬาเรน มหตา ปาวุสเมเฆน อภิปฺปวุฏฺา. วิเวกกามสฺสาติ กิเลสวิวิตฺตํ จิตฺตวิเวกํ อิจฺฉนฺตสฺส, อรฺวาเสน ตาว กายวิเวโก ลทฺโธ, อิทานิ อุปธิวิเวกาธิคมสฺส นิสฺสยภูโต จิตฺตวิเวโก ลทฺธพฺโพติ ตํ ปตฺถยมานสฺส, ชาคริยํ อนุยุฺชนฺตสฺสาติ อตฺโถ, เตนาห ‘‘อรฺสฺิโน’’ติ. อรฺวาโส นาม สตฺถารา วณฺณิโต โถมิโต. โส จ โข ยาวเทว สมถวิปสฺสนาภาวนาปาริปูริยา, ตสฺมา สา มยา หตฺถคตา กาตพฺพาติ เอวํ อรฺคตสฺิโน เนกฺขมฺมสงฺกปฺปพหุลสฺสาติ อตฺโถ. ชเนตีติ อุปฺปาเทนฺติ, ปุถุตฺเต หิ อิทํ เอกวจนํ. เกจิ ปน ‘‘ชเนนฺตี’’ติ ปนฺติ. ภิยฺโยติ อุปรูปริ. อุสภสฺสาติ อตฺตานเมว ปรํ วิย วทติ. กลฺยตนฺติ กลฺยภาวํ จิตฺตสฺส กมฺมฺตํ ภาวนาโยคฺยตํ. สฺวายมตฺโถ เหฏฺา วุตฺโตเยว. เอวํ เถโร อิมํ คาถํ วทนฺโตเยว วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๖.๒๕-๒๙) –

‘‘เทวปุตฺโต อหํ สนฺโต, ปูชยึ สิขินายกํ;

มนฺทารเวน ปุปฺเผน, พุทฺธสฺส อภิโรปยึ.

‘‘สตฺตาหํ ฉทนํ อาสิ, ทิพฺพํ มาลํ ตถาคเต;

สพฺเพ ชนา สมาคนฺตฺวา, นมสฺสึสุ ตถาคตํ.

‘‘เอกตึเส อิโต กปฺเป, ยํ ปุปฺผมภิปูชยึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘อิโต จ ทสเม กปฺเป, ราชาโหสึ ชุตินฺธโร;

สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อยเมว จ เถรสฺส อฺาพฺยากรณคาถา อโหสีติ.

อุสภตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

เอกาทสมวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๒. ทฺวาทสมวคฺโค

๑. เชนฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา

ทุปฺปพฺพชฺชํ เว ทุรธิวาสา เคหาติ อายสฺมโต เชนฺตตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินนฺโต สิขิสฺส ภควโต กาเล เทวปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ. โส เอกทิวสํ สตฺถารํ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺโต กึกิราตปุปฺเผหิ ปูชํ อกาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท มคธรฏฺเ เชนฺตคาเม เอกสฺส มณฺฑลิกราชสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, เชนฺโตติสฺส นามํ อโหสิ. โส วิฺุตํ ปตฺโต ทหรกาเลเยว เหตุสมฺปตฺติยา โจทิยมาโน ปพฺพชฺชานินฺนมานโส หุตฺวา ปุน จินฺเตสิ – ‘‘ปพฺพชฺชา นาม ทุกฺกรา, ฆราปิ ทุราวาสา, ธมฺโม จ คมฺภีโร, โภคา จ ทุรธิคมา, กึ นุ โข กตฺตพฺพ’’นฺติ เอวํ ปน จินฺตาพหุโล หุตฺวา วิจรนฺโต เอกทิวสํ สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุณิ. สุตกาลโต ปฏฺาย ปพฺพชฺชาภิรโต หุตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา สุขาย ปฏิปทาย ขิปฺปาภิฺาย อรหตฺตํ สจฺฉากาสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๖.๒๑-๒๔) –

‘‘เทวปุตฺโต อหํ สนฺโต, ปูชยึ สิขินายกํ;

กกฺการุปุปฺผํ ปคฺคยฺห, พุทฺธสฺส อภิโรปยึ.

‘‘เอกตึเส อิโต กปฺเป, ยํ ปุปฺผมภิโรปยึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘อิโต จ นวเม กปฺเป, ราชา สตฺตุตฺตโม อหุํ;

สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อตฺตโน ปฏิปตฺตึ ปจฺจเวกฺขนฺโต, ‘‘อสกฺขึ วตาหํ อาทิโต มยฺหํ อุปฺปนฺนวิตกฺกํ ฉินฺทิตุ’’นฺติ โสมนสฺสชาโต วิตกฺกสฺส อุปฺปนฺนาการํ ตสฺส จ สมฺมเทว ฉินฺนตํ ทสฺเสนฺโต –

๑๑๑.

‘‘ทุปฺปพฺพชฺชํ เว ทุรธิวาสา เคหา, ธมฺโม คมฺภีโร ทุรธิคมา โภคา;

กิจฺฉา วุตฺติ โน อิตรีตเรเนว, ยุตฺตํ จินฺเตตุํ สตตมนิจฺจต’’นฺติ. –

คาถํ อภาสิ.

ตตฺถ ทุปฺปพฺพชฺชนฺติ อปฺปํ วา มหนฺตํ วา โภคกฺขนฺธฺเจว าติปริวฏฺฏฺจ ปหาย อิมสฺมึ สาสเน อุรํ ทตฺวา ปพฺพชนสฺส ทุกฺกรตฺตา ทุกฺขํ ปพฺพชนํ, ทุกฺกรา ปพฺพชฺชาติ ทุปฺปพฺพชฺชํ. เวติ นิปาตมตฺตํ, ทฬฺหตฺโถ วา ‘‘ปพฺพชฺชา ทุกฺขา’’ติ. เคหฺเจ อาวเสยฺยํ, ทุรธิวาสา เคหา, ยสฺมา เคหํ อธิวสนฺเตน รฺา ราชกิจฺจํ, อิสฺสเรน อิสฺสรกิจฺจํ, คหปตินา คหปติกิจฺจํ กตฺตพฺพํ โหติ, ปริชโน เจว สมณพฺราหฺมณา จ สงฺคเหตพฺพา, ตสฺมึ ตสฺมิฺจ กตฺตพฺเพ กริยมาเนปิ ฆราวาโส ฉิทฺทฆโฏ วิย มหาสมุทฺโท วิย จ ทุปฺปูโร, ตสฺมา เคหา นาเมเต อธิวสิตุํ อาวสิตุํ ทุกฺขา ทุกฺกราติ กตฺวา ทุรธิวาสา ทุราวาสาติ. ปพฺพชฺชฺเจ อนุติฏฺเยฺยํ ธมฺโม คมฺภีโร, ยทตฺถา ปพฺพชฺชา, โส ปพฺพชิเตน อธิคนฺตพฺโพ ปฏิเวธสทฺธมฺโม คมฺภีโร, คมฺภีราณโคจรตฺตา ทุทฺทโส, ทุปฺปฏิวิชฺโฌ ธมฺมสฺส คมฺภีรภาเวน ทุปฺปฏิวิชฺฌตฺตา. เคหฺเจ อาวเสยฺยํ, ทุรธิคมา โภคา เยหิ วินา น สกฺกา เคหํ อาวสิตุํ, เต โภคา ทุกฺเขน กสิเรน อธิคนฺตพฺพตาย ทุรธิคมา. เอวํ สนฺเต ฆราวาสํ ปหาย ปพฺพชฺชํเยว อนุติฏฺเยฺยํ, เอวมฺปิ กิจฺฉา วุตฺติ โน อิตรีตเรน อิธ อิมสฺมึ พุทฺธสาสเน อิตรีตเรน ยถาลทฺเธน ปจฺจเยน อมฺหากํ วุตฺติ ชีวิกา กิจฺฉา ทุกฺขา, ฆราวาสานํ ทุรธิวาสตาย โภคานฺจ ทุรธิคมตาย เคเห อิตรีตเรน ปจฺจเยน ยาเปตพฺพตาย กิจฺฉา กสิรา วุตฺติ อมฺหากํ, ตตฺถ กึ กาตุํ วฏฺฏตีติ? ยุตฺตํ จินฺเตตุํ สตตมนิจฺจตํ สกลํ ทิวสํ ปุพฺพรตฺตาปรรตฺตฺจ เตภูมกธมฺมชาตํ อนิจฺจตนฺติ, ตโต อุปฺปาทวยวนฺตโต อาทิอนฺตวนฺตโต ตาวกาลิกโต จ น นิจฺจนฺติ ‘‘อนิจฺจ’’นฺติ จินฺเตตุํ วิปสฺสิตุํ ยุตฺตํ. อนิจฺจานุปสฺสนาย สิทฺธาย อิตรานุปสฺสนา สุเขเนว สิชฺฌนฺตีติ อนิจฺจานุปสฺสนาว เอตฺถ วุตฺตา, อนิจฺจสฺส ทุกฺขานตฺตตานํ อพฺยภิจรณโต สาสนิกสฺส สุขคฺคหณโต จ. เตนาห – ‘‘ยทนิจฺจํ ตํ ทุกฺขํ, ยํ ทุกฺขํ ตทนตฺตา’’ติ (สํ. นิ. ๓.๑๕), ‘‘ยํ กิฺจิ สมุทยธมฺมํ, สพฺพํ ตํ นิโรธธมฺมํ’’ (มหาว. ๑๖; ที. นิ. ๒.๓๗๑; สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑), ‘‘วยธมฺมา สงฺขารา’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๑๘) จ ตทมินา เอวํ อฺมฺํ ปฏิปกฺขวเสน อปราปรํ อุปฺปนฺเน วิตกฺเก นิคฺคเหตฺวา อนิจฺจตามุเขน วิปสฺสนํ อารภิตฺวา อิทานิ กตกิจฺโจ ชาโตติ ทสฺเสติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อตฺตโน ปฏิปตฺติ’’นฺติอาทิ. อิทเมว เถรสฺส อฺาพฺยากรณํ อโหสิ.

เชนฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. วจฺฉโคตฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา

เตวิชฺโชหํ มหาฌายีติ อายสฺมโต วจฺฉโคตฺตตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลพีชํ โรเปนฺโต วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล พนฺธุมตีนคเร กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ รฺา นาคเรหิ จ สทฺธึ พุทฺธปูชํ กตฺวา ตโต ปรํ เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคเห วิภวสมฺปนฺนสฺส พฺราหฺมณสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, ตสฺส วจฺฉโคตฺตตาย วจฺฉโคตฺโตตฺเวว สมฺา อโหสิ. โส วิฺุตํ ปตฺวา พฺราหฺมณวิชฺชาสุ นิปฺผตฺตึ คโต วิมุตฺตึ คเวสนฺโต ตตฺถ สารํ อทิสฺวา ปริพฺพาชกปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา วิจรนฺโต สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ปฺหํ ปุจฺฉิตฺวา ตสฺมึ วิสฺสชฺชิเต ปสนฺนมานโส สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต นจิรสฺเสว ฉฬภิฺโ อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๖.๑๕-๒๐) –

‘‘อุเทนฺตํ สตรํสึว, ปีตรํสึว ภาณุมํ;

ปนฺนรเส ยถา จนฺทํ, นิยฺยนฺตํ โลกนายกํ.

‘‘อฏฺสฏฺิสหสฺสานิ, สพฺเพ ขีณาสวา อหุํ;

ปริวารึสุ สมฺพุทฺธํ, ทฺวิปทินฺทํ นราสภํ.

‘‘สมฺมชฺชิตฺวาน ตํ วีถึ, นิยฺยนฺเต โลกนายเก;

อุสฺสาเปสึ ธชํ ตตฺถ, วิปฺปสนฺเนน เจตสา.

‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ ธชํ อภิโรปยึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ธชทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘อิโต จตุตฺถเก กปฺเป, ราชาโหสึ มหพฺพโล;

สพฺพากาเรน สมฺปนฺโน, สุธโช อิติ วิสฺสุโต.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

ฉฬภิฺโ ปน หุตฺวา อตฺตโน ปฏิปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตฺวา โสมนสฺสชาโต อุทานวเสน –

๑๑๒.

‘‘เตวิชฺโชหํ มหาฌายี, เจโตสมถโกวิโท;

สทตฺโถ เม อนุปฺปตฺโต, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ. – คาถํ อภาสิ;

ตตฺถ เตวิชฺโชหนฺติ ยทิปิ มํ ปุพฺเพ ติณฺณํ เวทานํ ปารํ คตตฺตา ‘‘พฺราหฺมโณ เตวิชฺโช’’ติ สฺชานนฺติ, ตํ ปน สมฺามตฺตํ เวเทสุ วิชฺชากิจฺจสฺส อภาวโต. อิทานิ ปน ปุพฺเพนิวาสาณาทีนํ ติสฺสนฺนํ วิชฺชานํ อธิคตตฺตา ปรมตฺถโต เตวิชฺโช อหํ, มหนฺตสฺส อนวเสสสฺส สมุทยปกฺขิยสฺส กิเลสคณสฺส ฌาปนโต, มหนฺเตน มคฺคผลฌาเนน มหนฺตสฺส อุฬารสฺส ปณีตสฺส นิพฺพานสฺส ฌายนโต จ มหาฌายี. เจโตสมถโกวิโทติ จิตฺตสงฺโขภกรานํ สํกิเลสธมฺมานํ วูปสมเนน เจตโส สมาทหเน กุสโล. เอเตน เตวิชฺชภาวสฺส การณมาห. สมาธิโกสลฺลสหิเตน หิ อาสวกฺขเยน เตวิชฺชตา, น เกวเลน. สทตฺโถติ สกตฺโถ ก-การสฺสายํ ท-กาโร กโต ‘‘อนุปฺปตฺตสทตฺโถ’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๙; อ. นิ. ๓.๓๘) วิย. ‘‘สทตฺโถ’’ติ จ อรหตฺตํ เวทิตพฺพํ. ตฺหิ อตฺตปฏิพนฺธฏฺเน อตฺตานํ อวิชหนฏฺเน อตฺตโน ปรมตฺถฏฺเน อตฺตโน อตฺถตฺตา ‘‘สกตฺโถ’’ติ วุจฺจติ. สฺวายํ สทตฺโถ เม มยา อนุปฺปตฺโต อธิคโต. เอเตน ยถาวุตฺตํ มหาฌายิภาวํ สิขาปตฺตํ กตฺวา ทสฺเสติ. เสสํ วุตฺตนยเมว.

วจฺฉโคตฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. วนวจฺฉตฺเถรคาถาวณฺณนา

อจฺโฉทิกา ปุถุสิลาติ อายสฺมโต วนวจฺฉตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลพีชํ โรเปนฺโต วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต ปรสฺส กมฺมํ กตฺวา ชีวนฺโต กสฺสจิ อปราธํ กตฺวา มรณภเยน ตชฺชิโต ปลายนฺโต อนฺตรามคฺเค โพธิรุกฺขํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส ตสฺส มูลํ สมฺมชฺชิตฺวา ปิณฺฑิพนฺเธหิ อโสกปุปฺเผหิ ปูชํ กตฺวา วนฺทิตฺวา โพธึ อภิมุโข นมสฺสมาโน ปลฺลงฺเกน นิสินฺโน มาเรตุํ อาคเต ปจฺจตฺถิเก ทิสฺวา เตสุ จิตฺตํ อโกเปตฺวา โพธึ เอว อาวชฺเชนฺโต สตโปริเส ปปาเต ปปติ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา อปราปรํ ปุฺานิ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคเห วิภวสมฺปนฺนสฺส พฺราหฺมณสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, ‘‘วจฺโฉ’’ติสฺส นามํ อโหสิ. โส วยปฺปตฺโต พิมฺพิสารสมาคเม ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๖.๗-๑๔) –

‘‘ปรกมฺมายเน ยุตฺโต, อปราธํ อกาสหํ;

วนนฺตํ อภิธาวิสฺสํ, ภยเวรสมปฺปิโต.

‘‘ปุปฺผิตํ ปาทปํ ทิสฺวา, ปิณฺฑิพนฺธํ สุนิมฺมิตํ;

ตมฺพปุปฺผํ คเหตฺวาน, โพธิยํ โอกิรึ อหํ.

‘‘สมฺมชฺชิตฺวาน ตํ โพธึ, ปาฏลึ ปาทปุตฺตมํ;

ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวาน, โพธิมูเล อุปาวิสึ.

‘‘คตมคฺคํ คเวสนฺตา, อาคจฺฉุํ มม สนฺติกํ;

เต จ ทิสฺวานหํ ตตฺถ, อาวชฺชึ โพธิมุตฺตมํ.

‘‘วนฺทิตฺวาน อหํ โพธึ, วิปฺปสนฺเนน เจตสา;

อเนกตาเล ปปตึ, คิริทุคฺเค ภยานเก.

‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ ปุปฺผมภิโรปยึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, โพธิปูชายิทํ ผลํ.

‘‘อิโต จ ตติเย กปฺเป, ราชา สุสฺโต อหํ;

สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา วิเวกาภิรติยา วเนเยว วสิ, เตน วนวจฺโฉติ สมฺา อุทปาทิ. อถ กทาจิ เถโร าติชนานุคฺคหตฺถํ ราชคหํ คโต ตตฺถ าตเกหิ อุปฏฺิยมาโน กติปาหํ วสิตฺวา คมนาการํ สนฺทสฺเสติ. ตํ าตกา, ‘‘ภนฺเต, อมฺหากํ อนุคฺคหตฺถํ ธุรวิหาเร วสถ, มยํ อุปฏฺหิสฺสามา’’ติ ยาจึสุ. เถโร เตสํ ปพฺพตรามเณยฺยกิตฺตนาปเทเสน วิเวกาภิรตึ นิเวเทนฺโต –

๑๑๓.

‘‘อจฺโฉทิกา ปุถุสิลา, โคนงฺคุลมิคายุตา;

อมฺพุเสวาลสฺฉนฺนา, เต เสลา รมยนฺติ ม’’นฺติ. – คาถํ อภาสิ;

ตตฺถ อจฺโฉทิกาติ อจฺฉํ อพหลํ สุขุมํ อุทกํ เอเตสูติ ‘‘อจฺโฉทกา’’ติ วตฺตพฺเพ ลิงฺควิปลฺลาเสน อจฺโฉทิกา’’ติ วุตฺตํ. เอเตน เตสํ อุทกสมฺปตฺตึ ทสฺเสติ. ปุถุสิลาติ ปุถุลา วิตฺถตา มุทุสุขสมฺผสฺสา สิลา เอเตสูติ ปุถุสิลา. เอเตน นิสชฺชนฏฺานสมฺปตฺตึ ทสฺเสติ. คุนฺนํ วิย นงฺคุลํ นงฺคุฏฺํ เอเตสนฺติ โคนงฺคุลา, กาฬมกฺกฏา, ‘‘ปกติมกฺกฏา’’ติปิ วทนฺติเยว. โคนงฺคุเลหิ จ ปสทาทิเกหิ มิเคหิ จ ตหํ ตหํ วิจรนฺเตหิ อายุตา มิสฺสิตาติ โคนงฺคุลมิคายุตา. เอเตน เตสํ อมนุสฺสูปจาริตาย อรฺลกฺขณูเปตตํ ทสฺเสติ. อมฺพุเสวาลสฺฉนฺนาติ ปสวนโต สตตํ ปคฺฆรมานสลิลตาย ตหํ ตหํ อุทกเสวาลสฺฉาทิตา. เต เสลา รมยนฺติ มนฺติ ยตฺถาหํ วสามิ; เต เอทิสา เสลา ปพฺพตา วิเวกาภิรติยา มํ รมยนฺติ, ตสฺมา ตตฺเถวาหํ คจฺฉามีติ อธิปฺปาโย. อิทเมว จ เถรสฺส อฺาพฺยากรณํ อโหสิ.

วนวจฺฉตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. อธิมุตฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา

กายทุฏฺุลฺลครุโนติ อายสฺมโต อธิมุตฺตตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โส กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต พฺราหฺมณวิชฺชาสุ นิปฺผตฺตึ คโต กาเมสุ อาทีนวํ ทิสฺวา ฆราวาสํ ปหาย ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อรฺเ วิหรนฺโต พุทฺธุปฺปาทํ สุตฺวา มนุสฺสูปจารํ อุปคนฺตฺวา สตฺถารํ ภิกฺขุสงฺฆปริวุตํ คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส อตฺตโน วากจีรํ สตฺถุ ปาทมูเล ปตฺถริ. สตฺถา ตสฺส อชฺฌาสยํ ตฺวา ตสฺมึ อฏฺาสิ. ตตฺถ ิตํ ภควนฺตํ กาฬานุสาเรน คนฺเธน ปูเชตฺวา ‘‘สมุทฺธรสิมํ โลก’’นฺติอาทิกาหิ ทสหิ คาถาหิ อภิตฺถวิ. ตํ สตฺถา ‘‘อนาคเต อิโต สตสหสฺสกปฺปมตฺถเก โคตมสฺส นาม สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สาสเน ปพฺพชิตฺวา ฉฬภิฺโ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากริตฺวา ปกฺกามิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา ตโต ยาวายํ พุทฺธุปฺปาโท, ตาว เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา อธิมุตฺโตติ ลทฺธนาโม วิฺุตํ ปตฺโต พฺราหฺมณวิชฺชาสุ นิปฺผตฺตึ คนฺตฺวา ตตฺถ สารํ อปสฺสนฺโต ปจฺฉิมภวิกตฺตา นิสฺสรณํ คเวสนฺโต เชตวนปฏิคฺคหเณ พุทฺธานุภาวํ ทิสฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๔๐.๓๐๔-๓๓๒) –

‘‘กณิการํว ชลิตํ, ทีปรุกฺขํว อุชฺชลํ;

โอสธึว วิโรจนฺตํ, วิชฺชุตํ คคเน ยถา.

‘‘อสมฺภีตํ อนุตฺตาสึ, มิคราชํว เกสรึ;

าณาโลกํ ปกาเสนฺตํ, มทฺทนฺตํ ติตฺถิเย คเณ.

‘‘อุทฺธรนฺตํ อิมํ โลกํ, ฉินฺทนฺตํ สพฺพสํสยํ;

คชฺชนฺตํ มิคราชํว, อทฺทสํ โลกนายกํ.

‘‘ชฏาชินธโร อาสึ, พฺรหา อุชุ ปตาปวา;

วากจีรํ คเหตฺวาน, ปาทมูเล อปตฺถรึ.

‘‘กาฬานุสาริยํ คยฺหํ, อนุลิมฺปึ ตถาคตํ;

สมฺพุทฺธมนุลิมฺเปตฺวา, สนฺถวึ โลกนายกํ.

‘‘สมุทฺธรสิมํ โลกํ, โอฆติณฺณ มหามุนิ;

าณาโลเกน โชเตสิ, นาวฏํ าณมุตฺตมํ.

‘‘ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตสิ, มทฺทเส ปรติตฺถิเย;

อุสโภ ชิตสงฺคาโม, สมฺปกมฺเปสิ เมทนึ.

‘‘มหาสมุทฺเท อูมิโย, เวลนฺตมฺหิ ปภิชฺชเร;

ตเถว ตว าณมฺหิ, สพฺพทิฏฺี ปภิชฺชเร.

‘‘สุขุมจฺฉิกชาเลน, สรมฺหิ สมฺปตานิเต;

อนฺโตชาลีกตา ปาณา, ปีฬิตา โหนฺติ ตาวเท.

‘‘ตเถว ติตฺถิยา โลเก, ปุถุปาสณฺฑนิสฺสิตา;

อนฺโตาณวเร ตุยฺหํ, ปริวตฺตนฺติ มาริส.

‘‘ปติฏฺา วุยฺหตํ โอเฆ, ตฺวฺหิ นาโถ อพนฺธุนํ;

ภยฏฺฏิตานํ สรณํ, มุตฺติตฺถีนํ ปรายณํ.

‘‘เอกวีโร อสทิโส, เมตฺตากรุณสฺจโย;

อสโม สุสโม สนฺโต, วสี ตาที ชิตฺชโย.

‘‘ธีโร วิคตสมฺโมโห, อเนโช อกถํกถี;

ตุสิโต วนฺตโทโสสิ, นิมฺมโล สํยโต สุจิ.

‘‘สงฺคาติโค หตมโท, เตวิชฺโช ติภวนฺตโค;

สีมาติโค ธมฺมครุ, คตตฺโถ หิตวพฺภุโต.

‘‘ตารโก ตฺวํ ยถา นาวา, นิธีวสฺสาสการโก;

อสมฺภีโต ยถา สีโห, คชราชาว ทปฺปิโต.

‘‘โถเมตฺวา ทสคาถาหิ, ปทุมุตฺตรํ มหายสํ;

วนฺทิตฺวา สตฺถุโน ปาเท, ตุณฺหี อฏฺาสหํ ตทา.

‘‘ปทุมุตฺตโร โลกวิทู, อาหุตีนํ ปฏิคฺคโห;

ภิกฺขุสงฺเฆ ิโต สตฺถา, อิมา คาถา อภาสถ.

‘‘โย เม สีลฺจ าณฺจ, สทฺธมฺมฺจาปิ วณฺณยิ;

ตมหํ กิตฺตยิสฺสามิ, สุณาถ มม ภาสโต.

‘‘สฏฺิ กปฺปสหสฺสานิ, เทวโลเก รมิสฺสติ;

อฺเ เทเวภิภวิตฺวา, อิสฺสรํ การยิสฺสติ.

‘‘โส ปจฺฉา ปพฺพชิตฺวาน, สุกฺกมูเลน โจทิโต;

โคตมสฺส ภควโต, สาสเน ปพฺพชิสฺสติ.

‘‘ปพฺพชิตฺวาน กาเยน, ปาปกมฺมํ วิวชฺชิย;

สพฺพาสเว ปริฺาย, นิพฺพายิสฺสตินาสโว.

‘‘ยถาปิ เมโฆ ถนยํ, ตปฺเปติ เมทนึ อิมํ;

ตเถว ตฺวํ มหาวีร, ธมฺเมน ตปฺปยี มมํ.

‘‘สีลํ ปฺฺจ ธมฺมฺจ, ถวิตฺวา โลกนายกํ;

ปตฺโตมฺหิ ปรมํ สนฺตึ, นิพฺพานํ ปทมจฺจุตํ.

‘‘อโห นูน ส ภควา, จิรํ ติฏฺเยฺย จกฺขุมา;

อฺาตฺจ วิชาเนยฺยุํ, ผุเสยฺยุํ อมตํ ปทํ.

‘‘อยํ เม ปจฺฉิมา ชาติ, ภวา สพฺเพ สมูหตา;

สพฺพาสเว ปริฺาย, วิหรามิ อนาสโว.

‘‘สตสหสฺสิโต กปฺเป, ยํ พุทฺธมภิโถมยึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, กิตฺตนาย อิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อตฺตนา สห วสนฺเต กายทฬฺหิพหุเล ภิกฺขู โอวทนฺโต –

๑๑๔.

‘‘กายทุฏฺุลฺลครุโน, หิยฺยมานมฺหิ ชีวิเต;

สรีรสุขคิทฺธสฺส, กุโต สมณสาธุตา’’ติ. – คาถํ อภาสิ;

ตตฺถ กายทุฏฺุลฺลครุโนติ ทุฏฺุลฺลํ อสุภโยคฺยตา, กายสฺส ทุฏฺุลฺลํ กายทุฏฺุลฺลํ, กายทุฏฺุลฺลํ ครุ สมฺภาวิตํ ยสฺส โส กายทุฏฺุลฺลครุ, อนิสฺสรณปฺปฺโ หุตฺวา กายโปสนปฺปสุโต กายทฬฺหิพหุโลติ อตฺโถ, ตสฺส กายทุฏฺุลฺลครุโน. หิยฺยมานมฺหิ ชีวิเตติ กุนฺนทีนํ อุทกํ วิย ชีวิตสงฺขาเร ลหุโส ขียมาเน. สรีรสุขคิทฺธสฺสาติ ปณีตาหาราทีหิ อตฺตโน กายสฺส สุเขน เคธํ อาปนฺนสฺส. กุโต สมณสาธุตาติ เอวรูปสฺส ปุคฺคลสฺส สมณภาเวน สาธุตา สุสมณตา กุโต เกน การเณน สิยา, เอกํสโต ปน กาเย ชีวิเต จ นิรเปกฺขสฺส อิตรีตรสนฺโตเสน สนฺตุฏฺสฺส อารทฺธวีริยสฺเสว สมณสาธุตาติ อธิปฺปาโย.

อธิมุตฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. มหานามตฺเถรคาถาวณฺณนา

เอสาวหิยฺยเส ปพฺพเตนาติ อายสฺมโต มหานามตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต สุเมธสฺส ภควโต กาเล พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา พฺราหฺมณวิชฺชาสุ นิปฺผตฺตึ คโต ฆราวาสํ ปหาย อฺตราย นทิยา ตีเร อสฺสมํ กาเรตฺวา สมฺพหุเล พฺราหฺมเณ มนฺเต วาเจนฺโต วิหรติ. อเถกทิวสํ ภควา ตํ อนุคฺคณฺหิตุํ ตสฺส อสมปทํ อุปคจฺฉิ. โส ภควนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺโต อาสนํ ปฺาเปตฺวา อทาสิ. นิสินฺเน ภควติ สุมธุรํ มธุํ อุปนาเมสิ. ตํ ภควา ปริภุฺชิตฺวา เหฏฺา อธิมุตฺตตฺเถรวตฺถุมฺหิ วุตฺตนเยน อนาคตํ พฺยากริตฺวา ปกฺกามิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา อปราปรํ สุคตีสุเยว ปริวตฺเตนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา มหานาโมติ ลทฺธนาโม วิฺุตํ ปตฺโต ภควโต สนฺติกํ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา เนสาทเก นาม ปพฺพเต วิหรนฺโต กิเลสปริยุฏฺานํ วิกฺขมฺเภตุํ อสกฺโกนฺโต ‘‘กึ เม อิมินา สํกิลิฏฺจิตฺตสฺส ชีวิเตนา’’ติ อตฺตภาวํ นิพฺพินฺทนฺโต อุจฺจํ ปพฺพตสิขรํ อภิรุหิตฺวา ‘‘อิโต ปาเตตฺวา ตํ มาเรสฺสามี’’ติ อตฺตานํ ปรํ วิย นิทฺทิสนฺโต –

๑๑๕.

‘‘เอสาวหิยฺยเส ปพฺพเตน, พหุกุฏชสลฺลกิเกน;

เนสาทเกน คิรินา, ยสสฺสินา ปริจฺฉเทนา’’ติ. – คาถํ อภาสิ;

ตตฺถ เอสาวหิยฺยเสติ เอโส ตฺวํ มหานาม อวหิยฺยเส ปริหายสิ. ปพฺพเตนาติ นิวาสฏฺานภูเตน อิมินา ปพฺพเตน. พหุกุฏชสลฺลกิเกนาติ พหูหิ กุฏเชหิ อินฺทสาลรุกฺเขหิ สลฺลกีหิ อินฺทสาลรุกฺเขหิ วา สมนฺนาคเตน. เนสาทเกนาติ เอวํนามเกน. คิรินาติ เสเลน. เสโล หิ สนฺธิสงฺขาเตหิ ปพฺเพหิ ิตตฺตา ‘‘ปพฺพโต’’ติ, ปสวนาทิวเสน ชลสฺส, สารภูตานํ เภสชฺชาทิวตฺถูนฺจ คิรณโต ‘‘คิรี’’ติ วุจฺจติ. ตทุภยตฺถสมฺภวโต ปเนตฺถ ‘‘ปพฺพเตนา’’ติ วตฺวา ‘‘คิรินา’’ติ จ วุตฺตํ. ยสสฺสินาติ สพฺพคุเณหิ วิสฺสุเตน ปกาเสน. ปริจฺฉเทนาติ นานาวิธรุกฺขคจฺฉลตาหิ สมนฺตโต ฉนฺเนน, วสนฏฺานตาย วา ตุยฺหํ ปริจฺฉทภูเตน. อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย – มหานาม, ยทิ กมฺมฏฺานํ วิสฺสชฺเชตฺวา วิตกฺกพหุโล โหสิ, เอวํ ตฺวํ อิมินา ฉายูทกสมฺปนฺเนน สปฺปาเยน นิวาสนฏฺานภูเตน เนสาทกคิรินา ปริหายสิ, อิทานิหํ ตํ อิโต ปาเตตฺวา มาเรสฺสามิ, ตสฺมา น ลพฺภา วิตกฺกวสิเกน ภวิตุนฺติ. เอวํ เถโร อตฺตานํ สนฺตชฺเชนฺโตเยว วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๔๐.๓๓๓-๓๕๒) –

‘‘สินฺธุยา นทิยา ตีเร, สุกโต อสฺสโม มม;

ตตฺถ วาเจมหํ สิสฺเส, อิติหาสํ สลกฺขณํ.

‘‘ธมฺมกามา วินีตา เต, โสตุกามา สุสาสนํ;

ฉฬงฺเค ปารมิปฺปตฺตา, สินฺธุกูเล วสนฺติ เต.

‘‘อุปฺปาตคมเน เจว, ลกฺขเณสุ จ โกวิทา;

อุตฺตมตฺถํ คเวสนฺตา, วสนฺติ วิปิเน ตทา.

‘‘สุเมโธ นาม สมฺพุทฺโธ, โลเก อุปฺปชฺชิ ตาวเท;

อมฺหากํ อนุกมฺปนฺโต, อุปาคจฺฉิ วินายโก.

‘‘อุปาคตํ มหาวีรํ, สุเมธํ โลกนายกํ;

ติณสนฺถารกํ กตฺวา, โลกเชฏฺสฺสทาสหํ.

‘‘วิปินาโต มธุํ คยฺห, พุทฺธเสฏฺสฺสทาสหํ;

สมฺพุทฺโธ ปริภุฺชิตฺวา, อิทํ วจนมพฺรวิ.

‘‘โย ตํ อทาสิ มธุํ เม, ปสนฺโน เสหิ ปาณิภิ;

ตมหํ กิตฺตยิสฺสามิ, สุณาถ มม ภาสโต.

‘‘อิมินา มธุทาเนน, ติณสนฺถารเกน จ;

ตึส กปฺปสหสฺสานิ, เทวโลเก รมิสฺสติ.

‘‘ตึสกปฺปสหสฺสมฺหิ, โอกฺกากกุลสมฺภโว;

โคตโม นาม โคตฺเตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติ.

‘‘ตสฺส ธมฺเมสุ ทายาโท, โอรโส ธมฺมนิมฺมิโต;

สพฺพาสเว ปริฺาย, นิพฺพายิสฺสตินาสโว.

‘‘เทวโลกา อิธาคนฺตฺวา, มาตุกุจฺฉึ อุปาคเต;

มธุวสฺสํ ปวสฺสิตฺถ, ฉาทยํ มธุนา มหึ.

‘‘มยิ นิกฺขนฺตมตฺตมฺหิ, กุจฺฉิยา จ สุทุตฺตรา;

ตตฺราปิ มธุวสฺสํ เม, วสฺสเต นิจฺจกาลิกํ.

‘‘อคารา อภินิกฺขมฺม, ปพฺพชึ อนคาริยํ;

ลาภี อนฺนสฺส ปานสฺส, มธุทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘สพฺพกามสมิทฺโธหํ, ภวิตฺวา เทวมานุเส;

เตเนว มธุทาเนน, ปตฺโตมฺหิ อาสวกฺขยํ.

‘‘วุฏฺมฺหิ เทเว จตุรงฺคุเล ติเณ, สมฺปุปฺผิเต ธรณีรุเห สฺฉนฺเน;

สุฺเ ฆเร มณฺฑปรุกฺขมูลเก, วสามิ นิจฺจํ สุขิโต อนาสโว.

‘‘มชฺเฌ มหนฺเต หีเน จ, ภเว สพฺเพ อติกฺกมึ;

อชฺช เม อาสวา ขีณา, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว.

‘‘ตึสกปฺปสหสฺสมฺหิ, ยํ ทานมททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, มธุทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อยเมว จ เถรสฺส อฺาพฺยากรณคาถา อโหสีติ.

มหานามตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. ปาราปริยตฺเถรคาถาวณฺณนา

ฉผสฺสายตเน หิตฺวาติ อายสฺมโต ปาราปริยตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต ปิยทสฺสิสฺส ภควโต กาเล เนสาทโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา ตสฺส วิฺุตํ ปตฺตสฺส วิจรณฏฺาเน อฺตรสฺมึ วนสณฺเฑ ปิยทสฺสี ภควา ตํ อนุคฺคณฺหิตุํ นิโรธสมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา นิสีทิ. โส จ มิเค ปริเยสนฺโต ตํ านํ คโต สตฺถารํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส ภควนฺตํ อนฺโต กตฺวา กตํ สาขามณฺฑปํ ปทุมปุปฺเผหิ กูฏาคารากาเรน สฺฉาเทตฺวา อุฬารํ ปีติโสมนสฺสํ ปฏิสํเวเทนฺโต สตฺตาหํ นมสฺสมาโน อฏฺาสิ. ทิวเส ทิวเส จ มิลาตมิลาตานิ อปเนตฺวา อภินเวหิ ฉาเทสิ. สตฺถา สตฺตาหสฺส อจฺจเยน นิโรธโต วุฏฺหิตฺวา ภิกฺขุสงฺฆํ อนุสฺสริ. ตาวเทว อสีติสหสฺสมตฺตา ภิกฺขู สตฺถารํ ปริวาเรสุํ. ‘‘มธุรธมฺมกถํ สุณิสฺสามา’’ติ เทวตา สนฺนิปตึสุ, มหา สมาคโม อโหสิ. สตฺถา อนุโมทนํ กโรนฺโต ตสฺส เทวมนุสฺเสสุ ภาวินึ สมฺปตฺตึ อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวกโพธิฺจ พฺยากริตฺวา ปกฺกามิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคเห พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต ติณฺณํ เวทานํ ปารคู หุตฺวา ปราปรโคตฺตตาย ปาราปริโยติ ลทฺธสมฺโ พหู พฺราหฺมเณ มนฺเต วาเจนฺโต สตฺถุ ราชคหคมเน พุทฺธานุภาวํ ทิสฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๔๐.๓๕๓-๓๘๕) –

‘‘ปิยทสฺสี นาม ภควา, สยมฺภู โลกนายโก;

วิเวกกาโม สมฺพุทฺโธ, สมาธิกุสโล มุนิ.

‘‘วนสณฺฑํ สโมคฺคยฺห, ปิยทสฺสี มหามุนิ;

ปํสุกูลํ ปตฺถริตฺวา, นิสีทิ ปุริสุตฺตโม.

‘‘มิคลุทฺโท ปุเร อาสึ, อรฺเ กานเน อหํ;

ปสทํ มิคเมสนฺโต, อาหิณฺฑามิ อหํ ตทา.

‘‘ตตฺถทฺทสาสึ สมฺพุทฺธํ, โอฆติณฺณมนาสวํ;

ปุปฺผิตํ สาลราชํว, สตรํสึว อุคฺคตํ.

‘‘ทิสฺวานหํ เทวเทวํ, ปิยทสฺสึ มหายสํ;

ชาตสฺสรํ สโมคฺคยฺห, ปทุมํ อาหรึ ตทา.

‘‘อาหริตฺวาน ปทุมํ, สตปตฺตํ มโนรมํ;

กูฏาคารํ กริตฺวาน, ฉาทยึ ปทุเมนหํ.

‘‘อนุกมฺปโก การุณิโก, ปิยทสฺสี มหามุนิ;

สตฺตรตฺตินฺทิวํ พุทฺโธ, กูฏาคาเร วสี ชิโน.

‘‘ปุราณํ ฉฑฺฑยิตฺวาน, นเวน ฉาทยึ อหํ;

อฺชลึ ปคฺคเหตฺวาน, อฏฺาสึ ตาวเท อหํ.

‘‘วุฏฺหิตฺวา สมาธิมฺหา, ปิยทสฺสี มหามุนิ;

ทิสํ อนุวิโลเกนฺโต, นิสีทิ โลกนายโก.

‘‘ตทา สุทสฺสโน นาม, อุปฏฺาโก มหิทฺธิโก;

จิตฺตมฺาย พุทฺธสฺส, ปิยทสฺสิสฺส สตฺถุโน.

‘‘อสีติยา สหสฺเสหิ, ภิกฺขูหิ ปริวาริโต;

วนนฺเต สุขมาสีนํ, อุเปสิ โลกนายกํ.

‘‘ยาวตา วนสณฺฑมฺหิ, อธิวตฺถา จ เทวตา;

พุทฺธสฺส จิตฺตมฺาย, สพฺเพ สนฺนิปตุํ ตทา.

‘‘สมาคเตสุ ยกฺเขสุ, กุมฺภณฺเฑ สหรกฺขเส;

ภิกฺขุสงฺเฆ จ สมฺปตฺเต, คาถา ปพฺยาหรี ชิโน.

‘‘โถมํ สตฺตาหํ ปูเชสิ, อาวาสฺจ อกาสิ เม;

ตมหํ กิตฺตยิสฺสามิ, สุณาถ มม ภาสโต.

‘‘สุทุทฺทสํ สุนิปุณํ, คมฺภีรํ สุปฺปกาสิตํ;

าเณน กิตฺตยิสฺสามิ, สุณาถ มม ภาสโต.

‘‘จตุทฺทสานิ กปฺปานิ, เทวรชฺชํ กริสฺสติ;

กูฏาคารํ มหนฺตสฺส, ปทฺมปุปฺเผหิ ฉาทิตํ.

‘‘อากาเส ธารยิสฺสติ, ปุปฺผกมฺมสฺสิทํ ผลํ;

จตุพฺพีเส กปฺปสเต, โวกิณฺณํ สํสริสฺสติ.

‘‘ตตฺถ ปุปฺผมยํ พฺยมฺหํ, อากาเส ธารยิสฺสติ;

ยถา ปทุมปตฺตมฺหิ, โตยํ น อุปลิมฺปติ.

‘‘ตเถวีมสฺส าณมฺหิ, กิเลสา โนปลิมฺปเร;

มนสา วินิวฏฺเฏตฺวา, ปฺจ นีวรเณ อยํ.

‘‘จิตฺตํ ชเนตฺวา เนกฺขมฺเม, อคารา ปพฺพชิสฺสติ;

ตโต ปุปฺผมเย พฺยมฺเห, ธาเรนฺเต นิกฺขมิสฺสติ.

‘‘รุกฺขมูเล วสนฺตสฺส, นิปกสฺส สตีมโต;

ตตฺถ ปุปฺผมยํ พฺยมฺหํ, มตฺถเก ธารยิสฺสติ.

‘‘จีวรํ ปิณฺฑปาตฺจ, ปจฺจยํ สยนาสนํ;

ทตฺวาน ภิกฺขุสงฺฆสฺส, นิพฺพายิสฺสตินาสโว.

‘‘กูฏาคาเรน จรตา, ปพฺพชฺชํ อภินิกฺขมึ;

รุกฺขมูเล วสนฺตมฺปิ, กูฏาคารํ ธรียติ.

‘‘จีวเร ปิณฺฑปาเต จ, เจตนา เม น วิชฺชติ;

ปุฺกมฺเมน สํยุตฺโต, ลภามิ ปรินิฏฺิตํ.

‘‘คณนาโต อสงฺเขยฺยา, กปฺปโกฏี พหู มม;

ริตฺตกา เต อติกฺกนฺตา, ปมุตฺตา โลกนายกา.

‘‘อฏฺารเส กปฺปสเต, ปิยทสฺสี วินายโก;

ตมหํ ปยิรุปาสิตฺวา, อิมํ โยนึ อุปาคโต.

‘‘อิธ ปสฺสามิ สมฺพุทฺธํ, อโนมํ นาม จกฺขุมํ;

ตมหํ อุปคนฺตฺวาน, ปพฺพชึ อนคาริยํ.

‘‘ทุกฺขสฺสนฺตกโร พุทฺโธ, มคฺคํ เม เทสยี ชิโน;

ตสฺส ธมฺมํ สุณิตฺวาน, ปตฺโตมฺหิ อจลํ ปทํ.

‘‘โตสยิตฺวาน สมฺพุทฺธํ, โคตมํ สกฺยปุงฺควํ;

สพฺพาสเว ปริฺาย, วิหรามิ อนาสโว.

‘‘อฏฺารเส กปฺปสเต, ยํ พุทฺธมภิปูชยึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อตฺตโน ปฏิปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตฺวา สฺชาตโสมนสฺโส อุทานวเสน –

๑๑๖.

‘‘ฉผสฺสายตเน หิตฺวา, คุตฺตทฺวาโร สุสํวุโต;

อฆมูลํ วมิตฺวาน, ปตฺโต เม อาสวกฺขโย’’ติ. – คาถํ อภาสิ;

ตตฺถ ฉผสฺสายตเน หิตฺวาติ จกฺขุสมฺผสฺสาทีนํ ฉนฺนํ สมฺผสฺสานํ อุปฺปตฺติฏฺานตาย ‘‘ผสฺสายตนานี’’ติ ลทฺธนามานิ จกฺขาทีนิ ฉ อชฺฌตฺติกายตนานิ ตปฺปฏิพทฺธสํกิเลสปฺปหานวเสน ปหาย. คุตฺตทฺวาโร สุสํวุโตติ ตโต เอว จกฺขุทฺวาราทีนํ คุตฺตตฺตา, ตตฺถ ปวตฺตนกานํ อภิชฺฌาทีนํ ปาปธมฺมานํ ปเวสนนิวารเณน สติกวาเฏน สุฏฺฏุ ปิหิตตฺตา คุตฺตทฺวาโร สุสํวุโต. อถ วา มนจฺฉฏฺานํ ฉนฺนํ ทฺวารานํ วุตฺตนเยน รกฺขิตตฺตา คุตฺตทฺวาโร, กายาทีหิ สุฏฺุ สฺตตฺตา สุสํวุโตติ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อฆมูลํ วมิตฺวานาติ อฆสฺส วฏฺฏทุกฺขสฺส มูลภูตํ อวิชฺชาภวตณฺหาสงฺขาตํ โทสํ, สพฺพํ วา กิเลสโทสํ อริยมคฺคสงฺขาตวมนโยคปาเนน อุคฺคิริตฺวา สนฺตานโต พหิ กตฺวา, พหิกรณเหตุ วา. ปตฺโต เม อาสวกฺขโยติ กามาสวาทโย อาสวา เอตฺถ ขียนฺติ, เตสํ วา ขเยน ปตฺตพฺโพติ อาสวกฺขโย, นิพฺพานํ อรหตฺตฺจ. โส อาสวกฺขโย ปตฺโต อธิคโตติ อุทานวเสน อฺํ พฺยากาสิ.

ปาราปริยตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. ยสตฺเถรคาถาวณฺณนา

สุวิลิตฺโต สุวสโนติ อายสฺมโต ยสตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยานิ ปุฺานิ อุปจินนฺโต สุเมธสฺส ภควโต กาเล มหานุภาโว นาคราชา หุตฺวา พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ อตฺตโน ภวนํ เนตฺวา มหาทานํ ปวตฺเตสิ. ภควนฺตํ มหคฺเฆน ติจีวเรน อจฺฉาเทสิ, เอกเมกฺจ ภิกฺขุํ มหคฺเฆเนว ปจฺเจกทุสฺสยุเคน สพฺเพน สมณปริกฺขาเรน อจฺฉาเทสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต สิทฺธตฺถสฺส ภควโต กาเล เสฏฺิปุตฺโต หุตฺวา มหาโพธิมณฺฑํ สตฺตหิ รตเนหิ ปูเชสิ. กสฺสปสฺส ภควโต กาเล สาสเน ปพฺพชิตฺวา สมณธมฺมํ อกาสิ. เอวํ สุคตีสุเยว สํสรนฺโต อิมสฺมึ อมฺหากํ ภควโต กาเล พาราณสิยํ มหาวิภวสฺส เสฏฺิโน ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, ยโส นาม นาเมน ปรมสุขุมาโล. ‘‘ตสฺส ตโย ปาสาทา’’ติ สพฺพํ ขนฺธเก (มหาว. ๒๕) อาคตนเยน เวทิตพฺพํ.

โส ปุพฺพเหตุนา โจทิยมาโน รตฺติภาเค นิทฺทาภิภูตสฺส ปริชนสฺส วิปฺปการํ ทิสฺวา สฺชาตสํเวโค สุวณฺณปาทุการูฬฺโหว เคหโต นิคฺคโต เทวตาวิวเฏน นครทฺวาเรน นิกฺขมิตฺวา อิสิปตนสมีปํ คโต ‘‘อุปทฺทุตํ วต, โภ, อุปสฺสฏฺํ วต, โภ’’ติ อาห. เตน สมเยน ภควตา อิสิปตเน วิหรนฺเตน ตสฺเสว อนุคฺคณฺหนตฺถํ อพฺโภกาเส จงฺกมนฺเตน ‘‘เอหิ, ยส, อิทํ อนุปทฺทุตํ, อิทํ อนุปสฺสฏฺ’’นฺติ วุตฺโต, ‘‘อนุปทฺทุตํ อนุปสฺสฏฺํ กิร อตฺถี’’ติ โสมนสฺสชาโต สุวณฺณปาทุกา โอรุยฺห ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺโน สตฺถารา อนุปุพฺพิกถํ กเถตฺวา สจฺจเทสนาย กตาย สจฺจปริโยสาเน โสตาปนฺโน หุตฺวา คเวสนตฺถํ อาคตสฺส ปิตุ ภควตา สจฺจเทสนาย กริยมานาย อรหตฺตํ สจฺฉากาสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๔๐.๔๕๖-๔๘๓) –

‘‘มหาสมุทฺทํ โอคฺคยฺห, ภวนํ เม สุนิมฺมิตํ;

สุนิมฺมิตา โปกฺขรณี, จกฺกวากปกูชิตา.

‘‘มนฺทาลเกหิ สฺฉนฺนา, ปทุมุปฺปลเกหิ จ;

นที จ สนฺทเต ตตฺถ, สุปติตฺถา มโนรมา.

‘‘มจฺฉกจฺฉปสฺฉนฺนา, นานาทิชสโมตฺถตา;

มยูรโกฺจาภิรุทา, โกกิลาทีหิ วคฺคุหิ.

‘‘ปาเรวตา รวิหํสา จ, จกฺกวากา นทีจรา;

ทินฺทิภา สาฬิกา เจตฺถ, ปมฺมกา ชีวชีวกา.

‘‘หํสา โกฺจาปิ นทิตา, โกสิยา ปิงฺคลา พหู;

สตฺตรตนสมฺปนฺนา, มณิมุตฺติกวาลุกา.

‘‘สพฺพโสณฺณมยา รุกฺขา, นานาคนฺธสเมริตา;

อุชฺโชเตนฺติ ทิวารตฺตึ, ภวนํ สพฺพกาลิกํ.

‘‘สฏฺิตูริยสหสฺสานิ, สายํ ปาโต ปวชฺชเร;

โสฬสิตฺถิสหสฺสานิ, ปริวาเรนฺติ มํ สทา.

‘‘อภินิกฺขมฺม ภวนา, สุเมธํ โลกนายกํ;

ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, วนฺทยึ ตํ มหายสํ.

‘‘สมฺพุทฺธํ อภิวาเทตฺวา, สสงฺฆํ ตํ นิมนฺตยึ;

อธิวาเสสิ โส ธีโร, สุเมโธ โลกนายโก.

‘‘มม ธมฺมกถํ กตฺวา, อุยฺโยเชสิ มหามุนิ;

สมฺพุทฺธํ อภิวาเทตฺวา, ภวนํ เม อุปาคมึ.

‘‘อามนฺตยึ ปริชนํ, สพฺเพ สนฺนิปตาถ โว;

ปุพฺพณฺหสมยํ พุทฺโธ, ภวนํ อาคมิสฺสติ.

‘‘ลาภา อมฺหํ สุลทฺธํ โน, เย วสาม ตวนฺติเก;

มยมฺปิ พุทฺธเสฏฺสฺส, ปูชํ กสฺสาม สตฺถุโน.

‘‘อนฺนํ ปานํ ปฏฺเปตฺวา, กาลํ อาโรจยึ อหํ;

วสีสตสหสฺเสหิ, อุเปสิ โลกนายโก.

‘‘ปฺจงฺคิเกหิ ตูริเยหิ, ปจฺจุคฺคมนมกาสหํ;

สพฺพโสณฺณมเย ปีเ, นิสีทิ ปุริสุตฺตโม.

‘‘อุปริจฺฉทนํ อาสิ, สพฺพโสณฺณมยํ ตทา;

พีชนิโย ปวายนฺติ, ภิกฺขุสงฺฆสฺส อนฺตเร.

‘‘ปหูเตนนฺนปาเนน, ภิกฺขุสงฺฆมตปฺปยึ;

ปจฺเจกทุสฺสยุคเฬ, ภิกฺขุสงฺฆสฺสทาสหํ.

‘‘ยํ วทนฺติ สุเมโธติ, โลกาหุติปฏิคฺคหํ;

ภิกฺขุสงฺเฆ นิสีทิตฺวา, อิมา คาถา อภาสถ.

‘‘โย เม อนฺเนน ปาเนน, สพฺเพ อิเม จ ตปฺปยึ;

ตมหํ กิตฺตยิสฺสามิ, สุณาถ มม ภาสโต.

‘‘อฏฺารเส กปฺปสเต, เทวโลเก รมิสฺสติ;

สหสฺสกฺขตฺตุํ ราชา จ, จกฺกวตฺตี ภวิสฺสติ.

‘‘อุปปชฺชติ ยํ โยนึ, เทวตฺตํ อถ มานุสํ;

สพฺพทา สพฺพโสวณฺณํ, ฉทนํ ธารยิสฺสติ.

‘‘ตึสกปฺปสหสฺสมฺหิ, โอกฺกากกุลสมฺภโว;

โคตโม นาม โคตฺเตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติ.

‘‘ตสฺส ธมฺเมสุ ทายาโท, โอรโส ธมฺมนิมฺมิโต;

สพฺพาสเว ปริฺาย, นิพฺพายิสฺสตินาสโว.

‘‘ภิกฺขุสงฺเฆ นิสีทิตฺวา, สีหนาทํ นทิสฺสติ;

จิตเก ฉตฺตํ ธาเรนฺติ, เหฏฺา ฉตฺตมฺหิ ฑยฺหถ.

‘‘สามฺํ เม อนุปฺปตฺตํ, กิเลสา ฌาปิตา มยา;

มณฺฑเป รุกฺขมูเล วา, สนฺตาโป เม น วิชฺชติ.

‘‘ตึสกปฺปสหสฺสมฺหิ, ยํ ทานมททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, สพฺพทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อถ ภควา อายสฺมนฺตํ ยสํ ทกฺขิณํ พาหุํ ปสาเรตฺวา ‘‘เอหิ ภิกฺขู’’ติ อาห. วจนสมนนฺตรเมว ทฺวงฺคุลมตฺตเกสมสฺสุ อฏฺปริกฺขารธโร วสฺสสฏฺิกตฺเถโร วิย อโหสิ. โส อตฺตโน ปฏิปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตฺวา อุทาเนนฺโต เอหิภิกฺขุภาวปฺปตฺติโต ปุริมาวตฺถวเสน –

๑๑๗.

‘‘สุวิลิตฺโต สุวสโน, สพฺพาภรณภูสิโต;

ติสฺโส วิชฺชา อชฺฌคมึ, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ. – คาถํ อภาสิ;

ตตฺถ สุวิลิตฺโตติ สุนฺทเรน กุงฺกุมจนฺทนานุเลปเนน วิลิตฺตคตฺโต. สุวสโนติ สุฏฺุ มหคฺฆกาสิกวตฺถวสโน. สพฺพาภรณภูสิโตติ สีสูปคาทีหิ สพฺเพหิ อาภรเณหิ อลงฺกโต. อชฺฌคมินฺติ อธิคจฺฉึ. เสสํ วุตฺตนยเมว.

ยสตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. กิมิลตฺเถรคาถาวณฺณนา

อภิสตฺโตว นิปตตีติ อายสฺมโต กิมิลตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ กโรนฺโต กกุสนฺธสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต ปรินิพฺพุเต สตฺถริ ตสฺส ธาตุโย อุทฺทิสฺส สฬลมาลาหิ มณฺฑปากาเรน ปูชํ อกาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน ตาวตึเส นิพฺพตฺติตฺวา อปราปรํ เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท กปิลวตฺถุนคเร สากิยราชกุเล นิพฺพตฺติ, กิมิโลติสฺส นามํ อโหสิ. โส วยปฺปตฺโต โภคสมฺปตฺติยา สมฺปนฺโน วิหรติ. ตสฺส าณปริปากํ ทิสฺวา สํเวคชนนตฺถํ อนุปิยายํ วิหรนฺโต สตฺถา ปมโยพฺพเน ิตํ ทสฺสนียํ อิตฺถิรูปํ อภินิมฺมินิตฺวา ปุรโต ทสฺเสตฺวา ปุน อนุกฺกเมน ยถา ชราโรควิปตฺตีหิ อภิภูตา ทิสฺสติ, ตถา อกาสิ. ตํ ทิสฺวา กิมิลกุมาโร อติวิย สํเวคํ ปกาเสนฺโต –

๑๑๘.

‘‘อภิสตฺโตว นิปตติ วโย, รูปํ อฺมิว ตเถว สนฺตํ;

ตสฺเสว สโต อวิปฺปวสโต, อฺสฺเสว สรามิ อตฺตาน’’นฺติ. –

คาถํ อภาสิ.

ตตฺถ อภิสตฺโตวาติ ‘‘ตฺวํ สีฆํ คจฺฉ มา ติฏฺา’’ติ เทเวหิ อนุสิฏฺโ อาณตฺโต วิย. ‘‘อภิสฏฺโ วา’’ติปิ ปาโ, ‘‘ตฺวํ ลหุํ คจฺฉา’’ติ เกนจิ อภิลาสาปิโต วิยาติ อตฺโถ. นิปตตีติ อติปตติ อภิธาวติ น ติฏฺติ, ขเณ ขเณ ขยวยํ ปาปุณาตีติ อตฺโถ. วโยติ พาลฺยโยพฺพนาทิโก สรีรสฺส อวตฺถาวิเสโส. อิธ ปนสฺส โยพฺพฺํ อธิปฺเปตํ, ตํ หิสฺส อภิปตนฺตํ ขียนฺตํ หุตฺวา อุปฏฺิตํ. รูปนฺติ รูปสมฺปทาติ วทติ. รูปนฺติ ปน สรีรํ ‘‘อฏฺิฺจ ปฏิจฺจ นฺหารุฺจ ปฏิจฺจ มํสฺจ ปฏิจฺจ อากาโส ปริวาริโต รูปํตฺเวว สงฺขํ คจฺฉตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๐๖) วิย. อฺมิว ตเถว สนฺตนฺติ อิทํ รูปํ ยาทิสํ, สยํ ตเถว เตเนวากาเรน สนฺตํ วิชฺชมานํ อฺํ วิย มยฺหํ อุปฏฺาตีติ อธิปฺปาโย. ‘‘ตเทว สนฺต’’นฺติ จ เกจิ ปนฺติ. ตสฺเสว สโตติ ตสฺเสว เม อนฺสฺส สโต สมานสฺส. อวิปฺปวสโตติ น วิปฺปวสนฺตสฺส, จิรวิปฺปวาเสน หิ สโต อนฺมฺปิ อฺํ วิย อุปฏฺาติ อิทมฺปิ อิธ นตฺถีติ อธิปฺปาโย. อฺสฺเสว สรามิ อตฺตานนฺติ อิมํ มม อตฺตภาวํ อฺสฺส สตฺตสฺส วิย สรามิ อุปธาเรมิ สฺชานามีติ อตฺโถ. ตสฺเสวํ อนิจฺจตํ มนสิ กโรนฺตสฺส ทฬฺหตโร สํเวโค อุทปาทิ, โส สํเวคชาโต สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๖.๔๒-๔๘) –

‘‘นิพฺพุเต กกุสนฺธมฺหิ, พฺราหฺมณมฺหิ วุสีมติ;

คเหตฺวา สฬลํ มาลํ, มณฺฑปํ การยึ อหํ.

‘‘ตาวตึสํ คโต สนฺโต, ลภิมฺห พฺยมฺหมุตฺตมํ;

อฺเ เทเวติโรจามิ, ปุฺกมฺมสฺสิทํ ผลํ.

‘‘ทิวา วา ยทิ วา รตฺตึ, จงฺกมนฺโต ิโต จหํ;

ฉนฺโน สฬลปุปฺเผหิ, ปุฺกมฺมสฺสิทํ ผลํ.

‘‘อิมสฺมึเยว กปฺปมฺหิ, ยํ พุทฺธมภิปูชยึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวาปิ เถโร อตฺตโน ปุริมุปฺปนฺนํ อนิจฺจตามนสิการํ วิภาเวนฺโต ตเมว คาถํ ปจฺจุทาหาสิ. เตเนตํ อิมสฺส เถรสฺส อฺาพฺยากรณมฺปิ อโหสิ.

กิมิลตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. วชฺชิปุตฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา

รุกฺขมูลคหนํ ปสกฺกิยาติ อายสฺมโต วชฺชิปุตฺตตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ ปุฺํ อุปจินนฺโต อิโต จตุนวุเต กปฺเป เอกํ ปจฺเจกสมฺพุทฺธํ ภิกฺขาย คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส กทลิผลานิ อทาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา อปราปรํ ปุฺานิ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท เวสาลิยํ ลิจฺฉวิราชปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, วชฺชิราชปุตฺตตฺตา วชฺชิปุตฺโตตฺเวว จสฺส สมฺา อโหสิ. โส ทหโร หุตฺวา หตฺถิสิกฺขาทิสิกฺขนกาเลปิ เหตุสมฺปนฺนตาย นิสฺสรณชฺฌาสโยว หุตฺวา วิจรนฺโต สตฺถุ ธมฺมเทสนากาเล วิหารํ คนฺตฺวา ปริสปริยนฺเต นิสินฺโน ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต นจิรสฺเสว ฉฬภิฺโ อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๑.๕๗-๖๒) –

‘‘สหสฺสรํสี ภควา, สยมฺภู อปราชิโต;

วิเวกา วุฏฺหิตฺวาน, โคจรายาภินิกฺขมิ.

‘‘ผลหตฺโถ อหํ ทิสฺวา, อุปคจฺฉึ นราสภํ;

ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, อวฏํ อททึ ผลํ.

‘‘จตุนฺนวุติโต กปฺเป, ยํ ผลํ อททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

ฉฬภิฺโ ปน หุตฺวา อปรภาเค อจิรปรินิพฺพุเต สตฺถริ ธมฺมํ สงฺคายิตุํ สงฺเกตํ กตฺวา มหาเถเรสุ ตตฺถ ตตฺถ วิหรนฺเตสุ เอกทิวสํ อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เสขํเยว สมานํ มหติยา ปริสาย ปริวุตํ ธมฺมํ เทเสนฺตํ ทิสฺวา ตสฺส อุปริมคฺคาธิคมาย อุสฺสาหํ ชเนนฺโต –

๑๑๙.

‘‘รุกฺขมูลคหนํ ปสกฺกิย, นิพฺพานํ หทยสฺมึ โอปิย;

ฌาย โคตม มา จ ปมาโท, กึ เต พิฬิพิฬิกา กริสฺสตี’’ติ. –

คาถํ อภาสิ.

ตตฺถ รุกฺขมูลคหนนฺติ รุกฺขมูลภูตํ คหนํ, คหนฺหิ อตฺถิ, น รุกฺขมูลํ, รุกฺขมูลฺจ อตฺถิ, น คหนํ, เตสุ รุกฺขมูลคฺคหเณน านสฺส ฉายาสมฺปนฺนตาย วาตาตปปริสฺสยาภาวํ ทสฺเสติ. คหนคฺคหเณน นิวาตภาเวน วาตปริสฺสยาภาวํ ชนสมฺพาธาภาวฺจ ทสฺเสติ, ตทุภเยน จ ภาวนาโยคฺยตํ. ปสกฺกิยาติ อุปคนฺตฺวา. นิพฺพานํ หทยสฺมึ โอปิยาติ ‘‘เอวํ มยา ปฏิปชฺชิตฺวา นิพฺพานํ อธิคนฺตพฺพ’’นฺติ นิพฺพุตึ หทเย เปตฺวา จิตฺเต กริตฺวา. ฌายาติ ลกฺขณูปนิชฺฌาเนน ฌาย, วิปสฺสนาภาวนาสหิตํ มคฺคภาวนํ ภาเวหิ. โคตมาติ ธมฺมภณฺฑาคาริกํ โคตฺเตน อาลปติ. มา จ ปมาโทติ อธิกุสเลสุ ธมฺเมสุ มา ปมาทํ อาปชฺชิ. อิทานิ ยาทิโส เถรสฺส ปมาโท, ตํ ปฏิกฺเขปวเสน ทสฺเสนฺโต ‘‘กึ เต พิฬิพิฬิกา กริสฺสตี’’ติ อาห. ตตฺถ พิฬิพิฬิกาติ วิฬิวิฬิกิริยา, พิฬิพิฬีติ สทฺทปวตฺติ ยถา นิรตฺถกา, เอวํ พิฬิพิฬิกาสทิสา ชนปฺตฺติ กึ เต กริสฺสติ กีทิสํ อตฺถํ ตุยฺหํ สาเธติ, ตสฺมา ชนปฺตฺตึ ปหาย สทตฺถปสุโต โหหีติ โอวาทํ อทาสิ.

ตํ สุตฺวา อฺเหิ วุตฺตวิสคนฺธวายนวจเนน สํเวคชาโต พหุเทว รตฺตึ จงฺกเมน วีตินาเมนฺโต วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา เสนาสนํ ปวิสิตฺวา มฺจเก นิปนฺนมตฺโตว อรหตฺตํ ปาปุณิ.

วชฺชิปุตฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. อิสิทตฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา

ปฺจกฺขนฺธา ปริฺาตาติ อายสฺมโต อิสิทตฺตตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ ปุฺํ อุปจินนฺโต วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ ภควนฺตํ รถิยํ คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส มธุรํ อาโมทผลํ อทาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา อปราปรํ ปุฺานิ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท อวนฺติรฏฺเ วฑฺฒคาเม อฺตรสฺส สตฺถวาหสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, อิสิทตฺโตติสฺส นามํ อโหสิ. โส วยปฺปตฺโต มจฺฉิกาสณฺเฑ จิตฺตสฺส คหปติโน อทิฏฺสหาโย หุตฺวา เตน พุทฺธคุเณ ลิขิตฺวา เปสิตสาสนํ ปฏิลภิตฺวา สาสเน สฺชาตปฺปสาโท เถรสฺส มหากจฺจานสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนํ อารภิตฺวา นจิรสฺเสว ฉฬภิฺโ อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๑.๘๐-๘๔) –

‘‘สุวณฺณวณฺณํ สมฺพุทฺธํ, อาหุตีนํ ปฏิคฺคหํ;

รถิยํ ปฏิปชฺชนฺตํ, อาโมทมททึ ผลํ.

‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ ผลํ อททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

ฉฬภิฺโ ปน หุตฺวา ‘‘พุทฺธุปฏฺานํ คมิสฺสามี’’ติ เถรํ อาปุจฺฉิตฺวา อนุกฺกเมน มชฺฌิมเทสํ คนฺตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺโน, ‘‘กจฺจิ, ภิกฺขุ, ขมนียํ, กจฺจิ ยาปนีย’’นฺติอาทินา สตฺถารา กตปฏิสนฺถาโร ปฏิวจนมุเขน, ‘‘ภควา ตุมฺหากํ สาสนํ อุปคตกาลโต ปฏฺาย มยฺหํ สพฺพทุกฺขํ อปคตํ, สพฺโพ ปริสฺสโย วูปสนฺโต’’ติ ปเวทนวเสน อฺํ พฺยากโรนฺโต –

๑๒๐.

‘‘ปฺจกฺขนฺธา ปริฺาตา, ติฏฺนฺติ ฉินฺนมูลกา;

ทุกฺขกฺขโย อนุปฺปตฺโต, ปตฺโต เม อาสวกฺขโย’’ติ. – คาถํ อภาสิ;

ตตฺถ ปฺจกฺขนฺธา ปริฺาตาติ ปฺจปิ เม อุปาทานกฺขนฺธา วิปสฺสนาปฺาสหิตาย มคฺคปฺาย ‘‘อิทํ ทุกฺขํ, เอตฺตกํ ทุกฺขํ, น อิโต ภิยฺโย’’ติ สพฺพโส ปริจฺฉิชฺช าตา, น เตสุ กิฺจิปิ ปริฺาตพฺพํ อตฺถีติ อธิปฺปาโย. ติฏฺนฺติ ฉินฺนมูลกาติ สพฺพโส ปริฺาตตฺตา เอว เตสํ อวิชฺชาตณฺหาทิกสฺส มูลสฺส สมุจฺฉินฺนตฺตา อริยมคฺเคน ปหีนตฺตา ยาวจริมจิตฺตนิโรธา เต ติฏฺนฺติ. ทุกฺขกฺขโย อนุปฺปตฺโตติ ฉินฺนมูลกตฺตาเยว จ เนสํ วฏฺฏทุกฺขสฺส ขโย ปริกฺขโย อนุปฺปตฺโต, นิพฺพานํ อธิคตํ. ปตฺโต เม อาสวกฺขโยติ กามาสวาทีนํ สพฺเพสํ อาสวานํ ขยนฺเต อภิคนฺตพฺพตาย ‘‘อาสวกฺขโย’’ติ ลทฺธนามํ อรหตฺตํ ปตฺตํ ปฏิลทฺธนฺติ อตฺโถ. เกจิ ปน อนฺติมายํ สมุสฺสโย’’ติ ปนฺติ. นิพฺพานสฺส อธิคตตฺตาเยว อยํ มม สมุสฺสโย อตฺตภาโว อนฺติโม สพฺพปจฺฉิมโก, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโวติ อตฺโถ. ยํ ปน ตตฺถ ตตฺถ อวุตฺตํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตนยตฺตา อุตฺตานํเยวาติ.

อิสิทตฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

ทฺวาทสมวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

นิฏฺิตา จ ปรมตฺถทีปนิยํ เถรคาถาวณฺณนายํ

วีสาธิกสตตฺเถรคาถาปฏิมณฺฑิตสฺส เอกกนิปาตสฺส

อตฺถวณฺณนา.

๒. ทุกนิปาโต

๑. ปมวคฺโค

๑. อุตฺตรตฺเถรคาถาวณฺณนา

ทุกนิปาเต นตฺถิ โกจิ ภโว นิจฺโจติอาทิกา อายสฺมโต อุตฺตรตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ ปุฺํ อุปจินนฺโต สุเมธสฺส ภควโต กาเล วิชฺชาธโร หุตฺวา อากาเสน วิจรติ. เตน จ สมเยน สตฺถา ตสฺส อนุคฺคณฺหนตฺถํ วนนฺตเร อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล นิสีทิ ฉพฺพณฺณพุทฺธรํสิโย วิสฺสชฺเชนฺโต. โส อนฺตลิกฺเขน คจฺฉนฺโต ภควนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺโต อากาสโต โอรุยฺห สุวิสุทฺเธหิ วิปุเลหิ กณิการปุปฺเผหิ ภควนฺตํ ปูเชสิ, ปุปฺผานิ พุทฺธานุภาเวน สตฺถุ อุปริ ฉตฺตากาเรน อฏฺํสุ, โส เตน ภิยฺโยโสมตฺตาย ปสนฺนจิตฺโต หุตฺวา อปรภาเค กาลํ กตฺวา ตาวตึเส นิพฺพตฺติตฺวา อุฬารํ ทิพฺพสมฺปตฺตึ อนุภวนฺโต ยาวตายุกํ ตตฺถ ตฺวา ตโต จุโต เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคเห พฺราหฺมณมหาสาลปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, อุตฺตโรติสฺส นามํ อโหสิ. โส วิฺุตํ ปตฺโต พฺราหฺมณวิชฺชาสุ นิปฺผตฺตึ คนฺตฺวา ชาติยา รูเปน วิชฺชาย วเยน สีลาจาเรน จ โลกสฺส สมฺภาวนีโย ชาโต. ตสฺส ตํ สมฺปตฺตึ ทิสฺวา วสฺสกาโร มคธมหามตฺโต อตฺตโน ธีตรํ ทาตุกาโม หุตฺวา อตฺตโน อธิปฺปายํ ปเวเทสิ. โส นิสฺสรณชฺฌาสยตาย ตํ ปฏิกฺขิปิตฺวา กาเลน กาลํ ธมฺมเสนาปตึ ปยิรุปาสนฺโต ตสฺส สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา วตฺตสมฺปนฺโน หุตฺวา เถรํ อุปฏฺหติ.

เตน จ สมเยน เถรสฺส อฺตโร อาพาโธ อุปฺปนฺโน, ตสฺส เภสชฺชตฺถาย อุตฺตโร สามเณโร ปาโตว ปตฺตจีวรมาทาย วิหารโต นิกฺขนฺโต อนฺตรามคฺเค ตฬากสฺส ตีเร ปตฺตํ เปตฺวา อุทกสมีปํ คนฺตฺวา มุขํ โธวติ. อถ อฺตโร อุมงฺคโจโร อารกฺขปุริเสหิ อนุพทฺโธ อคฺคทฺวาเรเนว นครโต นิกฺขมิตฺวา ปลายนฺโต อตฺตนา คหิตํ รตนภณฺฑิกํ สามเณรสฺส ปตฺเต ปกฺขิปิตฺวา ปลายิ. สามเณโร ปตฺตสมีปํ อุปคโต. โจรํ อนุพนฺธนฺตา ราชปุริสา สามเณรสฺส ปตฺเต ภณฺฑิกํ ทิสฺวา, ‘‘อยํ โจโร, อิมินา โจริยํ กต’’นฺติ สามเณรํ ปจฺฉาพาหํ พนฺธิตฺวา วสฺสการสฺส พฺราหฺมณสฺส ทสฺเสสุํ. วสฺสกาโร จ ตทา รฺโ วินิจฺฉเย นิยุตฺโต หุตฺวา เฉชฺชเภชฺชํ อนุสาสติ. โส ‘‘ปุพฺเพ มม วจนํ นาทิยิ, สุทฺธปาสณฺฑิเยสุ ปพฺพชี’’ติ จ พทฺธาฆาตตฺตา กมฺมํ อโสเธตฺวาว ชีวนฺตเมว ตํ สูเล อุตฺตาเสสิ.

อถสฺส ภควา าณปริปากํ โอโลเกตฺวา ตํ านํ คนฺตฺวา วิปฺผุรนฺตหตฺถนขมณิมยูขสมฺภินฺนสิตาภตาย ปคฺฆรนฺตชาติหิงฺคุลกสุวณฺณรสธารํ วิย ชาลาคุณฺิตมุทุตลุนทีฆงฺคุลิหตฺถํ อุตฺตรสฺส สีเส เปตฺวา, ‘‘อุตฺตร, อิทํ เต ปุริมกมฺมสฺส ผลํ อุปฺปนฺนํ, ตตฺถ ตยา ปจฺจเวกฺขณพเลน อธิวาสนา กาตพฺพา’’ติ วตฺวา อชฺฌาสยานุรูปํ ธมฺมํ เทเสสิ. อุตฺตโร อมตาภิเสกสทิเสน สตฺถุ หตฺถสมฺผสฺเสน สฺชาตปฺปสาทโสมนสฺสตาย อุฬารํ ปีติปาโมชฺชํ ปฏิลภิตฺวา ยถาปริจิตํ วิปสฺสนามคฺคํ สมารูฬฺโห าณสฺส ปริปากํ คตตฺตา สตฺถุ จ เทสนาวิลาเสน ตาวเทว มคฺคปฏิปาฏิยา สพฺพกิเลเส เขเปตฺวา ฉฬภิฺโ อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๖.๕๕-๙๒) –

‘‘สุเมโธ นาม สมฺพุทฺโธ, พาตฺตึสวรลกฺขโณ;

วิเวกกาโม ภควา, หิมวนฺตมุปาคมิ.

‘‘อชฺโฌคาเหตฺวา หิมวนฺตํ, อคฺโค การุณิโก มุนิ;

ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวาน, นิสีทิ ปริสุตฺตโม.

‘‘วิชฺชาธโร ตทา อาสึ, อนฺตลิกฺขจโร อหํ;

ติสูลํ สุคตํ คยฺห, คจฺฉามิ อมฺพเร ตทา.

‘‘ปพฺพตคฺเค ยถา อคฺคิ, ปุณฺณมาเยว จนฺทิมา;

วนํ โอภาสเต พุทฺโธ, สาลราชาว ผุลฺลิโต.

‘‘วนคฺคา นิกฺขมิตฺวาน, พุทฺธรํสีภิธาวเร;

นฬคฺคิวณฺณสงฺกาสา, ทิสฺวา จิตฺตํ ปสาทยึ.

‘‘วิจินํ อทฺทสํ ปุปฺผํ, กณิการํ เทวคนฺธิกํ;

ตีณิ ปุปฺผานิ อาทาย, พุทฺธเสฏฺมปูชยึ.

‘‘พุทฺธสฺส อานุภาเวน, ตีณิ ปุปฺผานิ เม ตทา;

อุทฺธํวณฺฏา อโธปตฺตา, ฉายํ กุพฺพนฺติ สตฺถุโน.

‘‘เตน กมฺเมน สุกเตน, เจตนาปณิธีหิ จ;

ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวตึสมคจฺฉหํ.

‘‘ตตฺถ เม สุกตํ พฺยมฺหํ, กณิการีติ ายติ;

สฏฺิโยชนมุพฺเพธํ, ตึสโยชนวิตฺถตํ.

‘‘สหสฺสกณฺฑํ สตเภณฺฑุ, ธชาลุ หริตามยํ;

สตสหสฺสนิยฺยูหา, พฺยมฺเห ปาตุภวึสุ เม.

‘‘โสณฺณมยา มณิมยา, โลหิตงฺกมยาปิ จ;

ผลิกาปิ จ ปลฺลงฺกา, เยนิจฺฉกา ยทิจฺฉกา.

‘‘มหารหฺจ สยนํ, ตูลิกา วิกตียุตํ;

อุทฺธโลมิฺจ เอกนฺตํ, พิมฺโพหนสมายุตํ.

‘‘ภวนา นิกฺขมิตฺวาน, จรนฺโต เทวจาริกํ;

ยถา อิจฺฉามิ คมนํ, เทวสงฺฆปุรกฺขโต.

‘‘ปุปฺผสฺส เหฏฺา ติฏฺามิ, อุปริจฺฉทนํ มม;

สมนฺตา โยชนสตํ, กณิกาเรหิ ฉาทิตํ.

‘‘สฏฺิตูริยสหสฺสานิ, สายํ ปาตํ อุปฏฺหุํ;

ปริวาเรนฺติ มํ นิจฺจํ, รตฺตินฺทิวมตนฺทิตา.

‘‘ตตฺถ นจฺเจหิ คีเตหิ, ตาเฬหิ วาทิเตหิ จ;

รมามิ ขิฑฺฑา รติยา, โมทามิ กามกามหํ.

‘‘ตตฺถ ภุตฺวา ปิวิตฺวา จ, โมทามิ ติทเส ตทา;

นารีคเณหิ สหิโต, โมทามิ พฺยมฺหมุตฺตเม.

‘‘สตานํ ปฺจกฺขตฺตุฺจ, เทวรชฺชมการยึ;

สตานํ ตีณิกฺขตฺตุฺจ, จกฺกวตฺตี อโหสหํ;

ปเทสรชฺชํ วิปุลํ, คณนาโต อสงฺขิยํ.

‘‘ภเว ภเว สํสรนฺโต, มหาโภคํ ลภามหํ;

โภเค เม อูนตา นตฺถิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘ทุเว ภเว สํสรามิ, เทวตฺเต อถ มานุเส;

อฺํ คตึ น ชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘ทุเว กุเล ปชายามิ, ขตฺติเย จาปิ พฺราหฺมเณ;

นีเจ กุเล น ชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘หตฺถิยานํ อสฺสยานํ, สิวิกํ สนฺทมานิกํ;

ลภามิ สพฺพเมเวตํ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘ทาสีคณํ ทาสคณํ, นาริโย สมลงฺกตา;

ลภามิ สพฺพเมเวตํ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘โกเสยฺยกมฺพลิยานิ, โขมกปฺปาสิกานิ จ;

ลภามิ สพฺพเมเวตํ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘นววตฺถํ นวผลํ, นวคฺครสโภชนํ;

ลภามิ สพฺพเมเวตํ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘อิมํ ขาท อิมํ ภุฺช, อิมมฺหิ สยเน สย;

ลภามิ สพฺพเมเวตํ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘สพฺพตฺถ ปูชิโต โหมิ, ยโส อจฺจุคฺคโต มม;

มหาปกฺโข สทา โหมิ, อเภชฺชปริโส สทา;

าตีนํ อุตฺตโม โหมิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘สีตํ อุณฺหํ น ชานามิ, ปริฬาโห น วิชฺชติ;

อโถ เจตสิกํ ทุกฺขํ, หทเย เม น วิชฺชติ.

‘‘สุวณฺณวณฺโณ หุตฺวาน, สํสรามิ ภวาภเว;

เววณฺณิยํ น ชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘เทวโลกา จวิตฺวาน, สุกฺกมูเลน โจทิโต;

สาวตฺถิยํ ปุเร ชาโต, มหาสาเล สุอฑฺฒเก.

‘‘ปฺจ กามคุเณ หิตฺวา, ปพฺพชึ อนคาริยํ;

ชาติยา สตฺตวสฺโสหํ, อรหตฺตมปาปุณึ.

‘‘อุปสมฺปาทยี พุทฺโธ, คุณมฺาย จกฺขุมา;

ตรุโณ ปูชนีโยหํ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘ทิพฺพจกฺขุ วิสุทฺธํ เม, สมาธิกุสโล อหํ;

อภิฺาปารมิปฺปตฺโต, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘ปฏิสมฺภิทา อนุปฺปตฺโต, อิทฺธิปาเทสุ โกวิโท;

ธมฺเมสุ ปารมิปฺปตฺโต, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘ตึสกปฺปสหสฺสมฺหิ, ยํ พุทฺธมภิปูชยึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

ฉฬภิฺโ ปุน หุตฺวา สูลโต อุฏฺหิตฺวา ปรานุทฺทยาย อากาเส ตฺวา ปาฏิหาริยํ ทสฺเสสิ. มหาชโน อจฺฉริยพฺภุตจิตฺตชาโต อโหสิ. ตาวเทวสฺส วโณ สํรูฬฺหิ, โส ภิกฺขูหิ, ‘‘อาวุโส, ตาทิสํ ทุกฺขํ อนุภวนฺโต กถํ ตฺวํ วิปสฺสนํ อนุยุฺชิตุํ อสกฺขี’’ติ ปุฏฺโ, ‘‘ปเคว เม, อาวุโส, สํสาเร อาทีนโว, สงฺขารานฺจ สภาโว สุทิฏฺโ, เอวาหํ ตาทิสํ ทุกฺขํ อนุภวนฺโตปิ อสกฺขึ วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา วิเสสํ อธิคนฺตุ’’นฺติ ทสฺเสนฺโต –

๑๒๑.

‘‘นตฺถิ โกจิ ภโว นิจฺโจ, สงฺขารา วาปิ สสฺสตา;

อุปฺปชฺชนฺติ จ เต ขนฺธา, จวนฺติ อปราปรํ.

๑๒๒.

‘‘เอตมาทีนวํ ตฺวา, ภเวนมฺหิ อนตฺถิโก;

นิสฺสโฏ สพฺพกาเมหิ, ปตฺโต เม อาสวกฺขโย’’ติ. –

อิมํ คาถาทฺวยํ อภาสิ.

ตตฺถ นตฺถิ โกจิ ภโว นิจฺโจติ กมฺมภโว อุปปตฺติภโว กามภโว รูปภโว อรูปภโว สฺีภโว อสฺีภโว เนวสฺีนาสฺีภโว เอกโวการภโว จตุโวการภโว ปฺจโวการภโวติ เอวํเภโท, ตตฺถาปิ หีโน มชฺฌิโม อุกฺกฏฺโ ทีฆายุโก สุขพหุโล โวมิสฺสสุขทุกฺโขติ เอวํวิภาโค โยโกจิ นิจฺโจ ธุโว ถิโร อปโลกิยธมฺโม นตฺถิ ตํ ตํ การณํ ปฏิจฺจ สมุปฺปนฺนตฺตา. ยสฺมา จ เอตเทวํ, ตสฺมา สงฺขารา วาปิ สสฺสตา นตฺถีติ โยชนา. ปจฺจเยหิ สงฺขตตฺตา ‘‘สงฺขารา’’ติ ลทฺธนาเม หิ ปฺจกฺขนฺเธ อุปาทาย ภวสมฺาย สงฺขาราว หุตฺวา สมฺภูตา ชรามรเณน จ วิปริณมนฺตีติ อสสฺสตา วิปริณามธมฺมา. ตถา หิ เต ‘‘สงฺขารา’’ติ วุจฺจนฺติ. เตนาห อุปฺปชฺชนฺติ จ เต ขนฺธา, จวนฺติ อปราปรนฺติ. เต ภวปริยาเยน สงฺขารปริยาเยน จ วุตฺตา ปฺจกฺขนฺธา ยถาปจฺจยํ อปราปรํ อุปฺปชฺชนฺติ, อุปฺปนฺนา จ ชราย ปริปีฬิตา หุตฺวา จวนฺติ ปริภิชฺชนฺตีติ อตฺโถ. เอเตน ‘‘ภโว, สงฺขารา’’ติ จ ลทฺธโวหารา ปฺจกฺขนฺธา อุทยพฺพยสภาวาติ ทสฺเสติ. ยสฺมา ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา สงฺขาเร สมฺมสนฺตสฺส ตโยปิ ภวา อาทิตฺตํ วิย สงฺขเต อาทีนวํ โทสํ ปเคว วิปสฺสนาปฺาย ชานิตฺวา อนิจฺจลกฺขเณหิ ทิฏฺา สงฺขารา ทุกฺขานตฺตา วิภูตตรา อุปฏฺหนฺติ, เตนาห ภควา – ‘‘ยทนิจฺจํ ตํ ทุกฺขํ, ยํ ทุกฺขํ ตทนตฺตา’’ติ (สํ. นิ. ๓.๑๕).

ยสฺมา ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา สงฺขาเร สมฺมสนฺตสฺส ตโยปิ ภวา อาทิตฺตํ วิย อคารํ สปฺปฏิภยา อุปฏฺหนฺติ, ตสฺมา อาห ‘‘ภเวนมฺหิ อนตฺถิโก’’ติ. เอวํ ปน สพฺพโส ภเวหิ วินิวตฺติยมานสฺส กาเมสุ อเปกฺขาย เลโสปิ น สมฺภวติเยว, เตนาห ‘‘นิสฺสโฏ สพฺพกาเมหี’’ติ, อมฺหีติ โยชนา. มานุเสหิ วิย ทิพฺเพหิปิ กาเมหิ นิวตฺติตจิตฺโตสฺมีติ อตฺโถ. ปตฺโต เม อาสวกฺขโยติ ยสฺมา เอวํ สุปริมชฺชิตสงฺขาโร ภเวสุ สุปริทิฏฺาทีนโว กาเมสุ จ อนาสตฺตมานโส ตสฺมา สูลมตฺถเก นิสินฺเนนาปิ เม มยา ปตฺโต อธิคโต อาสวกฺขโย นิพฺพานํ อรหตฺตฺจาติ. อฺเหิ จ สพฺรหฺมจารีหิ อปฺปตฺตมานเสหิ ตทธิคมาย อุสฺสาโห กรณีโยติ ภิกฺขูนํ โอวาทมทาสิ.

อุตฺตรตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. ปิณฺโฑลภารทฺวาชตฺเถรคาถาวณฺณนา

นยิทํ อนเยนาติอาทิกา อายสฺมโต ปิณฺโฑลภารทฺวาชตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล สีหโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา ปพฺพตคุหายํ วิหรติ. ภควา ตสฺส อนุคฺคหํ กาตุํ โคจราย ปกฺกนฺตกาเล สยนคุหํ ปวิสิตฺวา นิโรธํ สมาปชฺชิตฺวา นิสีทิ. สีโห โคจรํ คเหตฺวา นิวตฺโต คุหาทฺวาเร ภควนฺตํ ทิสฺวา หฏฺตุฏฺโ ชลชถลชปุปฺเผหิ ปูชํ กตฺวา จิตฺตํ ปสาเทนฺโต ภควโต อารกฺขตฺถาย อรฺเ วาฬมิเค อปเนตุํ ตีสุ เวลาสุ สีหนาทํ นทนฺโต พุทฺธคตาย สติยา อฏฺาสิ. ยถา ปมทิวสํ, เอวํ สตฺตาหํ ปูเชสิ. ภควา สตฺตาหจฺจเยน นิโรธา วุฏฺหิตฺวา ‘‘วตฺติสฺสติ อิมสฺส เอตฺตโก อุปนิสฺสโย’’ติ ตสฺส ปสฺสนฺตสฺเสว อากาสํ ปกฺขนฺทิตฺวา วิหารเมว คโต. สีโห ปาลิเลยฺยกหตฺถี วิย พุทฺธวิโยคทุกฺขํ อธิวาเสตุํ อสกฺโกนฺโต กาลํ กตฺวา หํสวตีนคเร มหาโภคกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต นครวาสีหิ สทฺธึ วิหารํ คโต ธมฺมเทสนํ สุตฺวา สตฺตาหํ มหาทานํ ปวตฺเตตฺวา ยาวชีวํ ปุฺานิ กตฺวา อปราปรํ เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อมฺหากํ ภควโต กาเล โกสมฺพิยํ รฺโ อุเตนสฺส ปุโรหิตปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ ภารทฺวาโช นาม นาเมน. โส วยปฺปตฺโต ตโย เวเท อุคฺคเหตฺวา ปฺจ มาณวกสตานิ มนฺเต วาเจนฺโต มหคฺฆสภาเวน อนนุรูปาจารตฺตา เตหิ ปริจฺจชฺชนฺโต ราชคหํ คนฺตฺวา ภควโต ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ ลาภสกฺการํ ทิสฺวา สาสเน ปพฺพชิตฺวา โภชเน อมตฺตฺู หุตฺวา วิจรนฺโต สตฺถารา อุปาเยน มตฺตฺุตาย ปติฏฺาปิโต วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา นจิรสฺเสว ฉฬภิฺโ อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๐.๑๐๔-๑๐๙) –

‘‘มิคลุทฺโท ปุเร อาสึ, วิปิเน วิจรํ ตทา;

อทฺทสํ วิรชํ พุทฺธํ, สพฺพธมฺมาน ปารคุํ.

‘‘ปิยาลผลมาทาย, พุทฺธเสฏฺสฺสทาสหํ;

ปุฺกฺเขตฺตสฺส วีรสฺส, ปสนฺโน เสหิ ปาณิภิ.

‘‘เอกตึเส อิโต กปฺเป, ยํ ผลํ อททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

ฉฬภิฺโ ปน หุตฺวา ‘‘ภควโต สมฺมุขา ยํ สาวเกหิ ปตฺตพฺพํ, ตํ มยา ปตฺต’’นฺติ, ภิกฺขุสงฺเฆ จ ‘‘ยสฺส มคฺเค วา ผเล วา กงฺขา อตฺถิ, โส มํ ปุจฺฉตู’’ติ สีหนาทํ นทิ. เตน ตํ ภควา, ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ สีหนาทิกานํ ยทิทํ ปิณฺโฑลภารทฺวาโช’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๘๘, ๑๙๕) เอตทคฺเค เปสิ. โส เอกทิวสํ อตฺตโน สนฺติกํ อุปคตํ คิหิกาเล สหายภูตํ มจฺฉรึ มิจฺฉาทิฏฺิพฺราหฺมณํ อนุกมฺปมาโน ตสฺส ทานกถํ กเถตฺวา เตน จ ‘‘อยํ มม ธนํ วินาเสตุกาโม’’ติ ภกุฏึ กตฺวาปิ ‘‘ตุยฺหํ เอกภตฺตํ เทมี’’ติ วุตฺเต, ‘‘ตํ สงฺฆสฺส เทหิ มา มยฺห’’นฺติ สงฺฆสฺส ปริณาเมสิ. ปุน พฺราหฺมเณน ‘‘อยํ มํ พหูนํ ทาเปตุกาโม’’ติ อปฺปจฺจเย ปกาสิเต ทุติยทิวสํ ธมฺมเสนาปตินา สงฺฆคตาย ทกฺขิณาย มหปฺผลภาวปฺปกาสเนน ตํ ปสาเทตฺวา, ‘‘อยํ พฺราหฺมโณ ‘อาหารเคเธน มํ ทาเน นีโยเชสี’ติ มฺติ, อาหารสฺส ปน มยา สพฺพโส ปริฺาตภาวํ น ชานาติ, หนฺท นํ ชานาเปมี’’ติ –

๑๒๓.

‘‘นยิทํ อนเยน ชีวิตํ, นาหาโร หทยสฺส สนฺติโก;

อาหารฏฺิติโก สมุสฺสโย, อิติ ทิสฺวาน จรามิ เอสนํ.

๑๒๔.

‘‘ปงฺโกติ หิ นํ อเวทยุํ, ยายํ วนฺทนปูชนา กุเลสุ;

สุขุมํ สลฺลํ ทุรุพฺพหํ, สกฺกาโร กาปุริเสน ทุชฺชโห’’ติ. –

คาถาทฺวยํ อภาสิ.

ตตฺถ นยิทํ อนเยน ชีวิตนฺติ อิทํ มม ชีวิตํ อนเยน อาเยน เวฬุทานปุปฺผทานาทิอเนสนาย น โหติ ชีวิตนิกนฺติยา อภาวโต. นาหาโร หทยสฺส สนฺติโกติ อาหาโร จ อาหริยมาโน มคฺคผลาณํ วิย หทยสฺส จิตฺตสฺส สนฺติกโร น โหติ, เกวลํ ปน สชฺชุกํ ขุทาปฏิฆาตมตฺตํ กโรตีติ อธิปฺปาโย. อถ วา นาหาโร หทยสฺส สนฺติโกติ อาหาโร รสตณฺหาวตฺถุ เม หทยสฺส สนฺติโก อาสตฺโต น โหติ รสตณฺหาย เอว อภาวโต. ‘‘สนฺติเก’’ติปิ ปนฺติ. โย หิ อาหารคิทฺโธ ลาภสกฺการปฺปสุโต วิจรติ, ตสฺส อาหาโร หทยสฺส สนฺติเก นาม อภิณฺหํ มนสิกาตพฺพโต. โย ปน ปริฺาตาหาโร, โส ตตฺถ ปหีนจฺฉนฺทราโค, น ตสฺสาหาโร หทยสฺส สนฺติเก นาม – ‘‘กถํ นุ โข ลเภยฺย’’นฺติอาทิมนสิกรณสฺเสว อภาวโต. ยทิ หิ ชีวิตนิกนฺติ อาหารรสตณฺหา จ นตฺถิ, อถ กสฺมา ปิณฺฑาย จรสีติ อนุโยคํ มนสิ กตฺวา อาห ‘‘อาหารฏฺิติโก สมุสฺสโย, อิติ ทิสฺวาน จรามิ เอสน’’นฺติ. อาหาโร โภชนํ ิติ านํ ปจฺจโย เอตสฺสาติ อาหารฏฺิติโก. ‘‘อาหารปฏิพทฺธวุตฺติโก สมุสฺสโย กาโย’’อิติ ทิสฺวาน เอวํ ตฺวา อิมมตฺถํ พุทฺธิยํ เปตฺวา จรามิ เอสนํ, ภิกฺขาปริเยสนํ กโรมีติ อตฺโถ.

ปจฺจยนิมิตฺตํ กุลานิ อุปสงฺกมนฺโต ตตฺถ วนฺทนปูชนาหิ ลาภสกฺกาเรหิ จ พชฺฌตีติ เอวํ มาทิเสสุ น จินฺเตตพฺพนฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปงฺโก’’ติคาถํ อภาสิ. ตสฺสตฺโถ – ยา อยํ ปจฺจยนิมิตฺตํ อุปคตานํ ปพฺพชิตานํ กุเลสุ เคหวาสีสุ ปวตฺติสฺสติ คุณสมฺภาวนา ปูชนา จ, ยสฺมา ตํ อภาวิตตฺตานํ โอสีทาปนฏฺเน มลีนภาวกรเณน จ ปงฺโก กทฺทโมติ พุทฺธาทโย อเวทยุํ อพฺภฺาสุํ ปเวเทสุํ วา, ตสฺมา สา สปฺปุริสานํ พนฺธาย น โหติ สกฺการาสาย ปเคว ปหีนตฺตา. อสปฺปุริสสฺส ปน สกฺการาสา ทุวิฺเยฺยสภาวตาย ปีฬาชนนโต อนฺโต ตุทนโต อุทฺธริตุํ อสกฺกุเณยฺยโต จ สุขุมํ สลฺลํ ทุรุพฺพหํ. ตโต เอว เตน สกฺกาโร กาปุริเสน ทุชฺชโห ทุรุพฺพเหยฺโย ตสฺส ปหานปฏิปตฺติยา อปฺปฏิปชฺชนโต, สกฺการาสาปหาเนน ปหีโน โหตีติ. ตํ สุตฺวา พฺราหฺมโณ เถเร อภิปฺปสนฺโน อโหสิ.

ปิณฺโฑลภารทฺวาชตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. วลฺลิยตฺเถรคาถาวณฺณนา

มกฺกโฏ ปฺจทฺวารายนฺติอาทิกา อายสฺมโต วลฺลิยตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต อิโต เอกตึเส กปฺเป กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ เกนจิเทว กรณีเยน อรฺํ คโต ตตฺถ นารทํ นาม ปจฺเจกสมฺพุทฺธํ รุกฺขมูเล วสนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส นเฬหิ สาลํ กตฺวา ติเณหิ ฉาเทตฺวา อทาสิ. จงฺกมนฏฺานฺจสฺส โสเธตฺวา วาลุกา โอกิริตฺวา อทาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ พฺราหฺมณมหาสาลสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, วลฺลิโยติสฺส นามํ อโหสิ. โส วยปฺปตฺโต โยพฺพนมนุปฺปตฺโต อินฺทฺริยวสิโก หุตฺวา วิจรนฺโต กลฺยาณมิตฺตสํสคฺเคน ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๐.๙๓-๑๐๓) –

‘‘หิมวนฺตสฺสาวิทูเร, หาริโต นาม ปพฺพโต;

สยมฺภู นารโท นาม, รุกฺขมูเล วสี ตทา.

‘‘นฬาคารํ กริตฺวาน, ติเณน ฉาทยึ อหํ;

จงฺกมํ โสธยิตฺวาน, สยมฺภุสฺส อทาสหํ.

‘‘เตน กมฺเมน สุกเตน, เจตนาปณิธีหิ จ;

ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวตึสมคจฺฉหํ.

‘‘ตตฺถ เม สุกตํ พฺยมฺหํ, นฬกุฏิกนิมฺมิตํ;

สฏฺิโยชนมุพฺเพธํ, ตึสโยชนวิตฺถตํ.

‘‘จตุทฺทเสสุ กปฺเปสุ, เทวโลเก รมึ อหํ;

เอกสตฺตติกฺขตฺตุฺจ, เทวรชฺชมการยึ.

‘‘จตุตฺตึสติกฺขตฺตุฺจ, จกฺกวตฺตี อโหสหํ;

ปเทสรชฺชํ วิปุลํ, คณนาโต อสงฺขิยํ.

‘‘ธมฺมปาสาทมารุยฺห, สพฺพาการวรูปมํ;

ยทิจฺฉกาหํ วิหเร, สกฺยปุตฺตสฺส สาสเน.

‘‘เอกตึเส อิโต กปฺเป, ยํ กมฺมมกรึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, นฬกุฏิยิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา ปุถุชฺชนกาเล อตฺตโน จิตฺตสฺส รูปาทิอารมฺมเณสุ ยถากามปฺปวตฺติยา, อิทานิ อริยมคฺเคน นิคฺคหิตภาวสฺส จ วิภาวเนน อฺํ พฺยากโรนฺโต –

๑๒๕.

‘‘มกฺกโฏ ปฺจทฺวารายํ, กุฏิกายํ ปสกฺกิย;

ทฺวาเรน อนุปริเยติ, ฆฏฺฏยนฺโต มุหุํ มุหุํ.

๑๒๖.

‘‘ติฏฺ มกฺกฏ มา ธาวิ, น หิ เต ตํ ยถา ปุเร;

นิคฺคหีโตสิ ปฺาย, เนว ทูรํ คมิสฺสสี’’ติ. – คาถาทฺวยํ อภาสิ;

ตตฺถ ฆฏฺฏยนฺโตติ อตฺตโน โลลภาเวน รุกฺขสฺส อฺํ สาขํ มุฺจิตฺวา อฺสฺส คหเณน อเนกวารํ ตตฺถ รุกฺขํ จาเลนฺโต ผลูปโภคมกฺกโฏ วิย เตน เตน จกฺขาทิทฺวาเรน รูปาทิอารมฺมเณสุ อฺํ มุฺจิตฺวา อฺํ คณฺหนฺโต จิตฺตสนฺตานสฺส สมาทานวเสน นิจฺจลํ าตุํ อปฺปทาเนน อภิกฺขณํ ฆฏฺฏยนฺโต จาเลนฺโต ตสฺมึเยว รูปาทิอารมฺมเณ อนุปริวตฺตติ ยถากามํ วิจรติ. วตฺตมานสมีปตาย เจตฺถ วตฺตมานวจนํ. เอวํ อนุปริยนฺโต จ ติฏฺ, มกฺกฏ, มา ธาวิ ตฺวํ, จิตฺตมกฺกฏ, อิทานิ ติฏฺ มา ธาวิ, อิโต ปฏฺาย เต ธาวิตุํ น สกฺกา, ตสฺมา น หิ เต ตํ ยถา ปูเร ยสฺมา ตํ อตฺตภาวเคหํ ปุพฺเพ วิย น เต เสวิตํ ปิหิตทฺวารภาวโต, กิฺจ นิคฺคหีโตสิ ปฺาย สยฺจ อิทานิ มคฺคปฺาย กิเลสาภิสงฺขารสงฺขาตานํ ปาทานํ เฉทเนน อจฺจนฺติกํ นิคฺคหํ ปตฺโตสิ, ตสฺมา เนว ทูรํ คมิสฺสสิ อิโต อตฺตภาวโต ทูรํ ทุติยาทิอตฺตภาวํ เนว คมิสฺสสิ ยาวจริมกจิตฺตํ เอว เต คมนนฺติ ทสฺเสติ. ‘‘เนโต ทูร’’นฺติปิ ปาโ, โส เอวตฺโถ.

วลฺลิยตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. คงฺคาตีริยตฺเถรคาถาวณฺณนา

ติณฺณํ เม ตาลปตฺตานนฺติอาทิกา อายสฺมโต คงฺคาตีริยตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต สาสเน อภิปฺปสนฺโน หุตฺวา ภิกฺขุสงฺฆสฺส ปานียมทาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา อปราปรํ ปุฺานิ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ อฺตรสฺส คหปติสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, ‘‘ทตฺโต’’ติสฺส นามํ อโหสิ. โส วยปฺปตฺโต ฆราวาสํ วสนฺโต อคมนียฏฺานภาวํ อชานิตฺวา วีติกฺกมํ กตฺวา ปุน อคมนียฏฺานภาวํ ตฺวา สํเวคชาโต ปพฺพชิตฺวา ตํ กมฺมํ ชิคุจฺฉิตฺวา ลูขปฏิปตฺตึ อนุติฏฺนฺโต ปํสุกูลจีวรํ ฉวสิตฺตสทิสํ มตฺติกาปตฺตฺจ คเหตฺวา คงฺคาตีเร ตีหิ ตาลปตฺเตหิ กุฏิกํ กตฺวา วิหาสิ, เตเนวสฺส คงฺคาตีริโยติ สมฺา อโหสิ. โส ‘‘อรหตฺตํ อปฺปตฺวา น เกนจิ สลฺลปิสฺสามี’’ติ จิตฺตํ อธิฏฺาย ปมํ สํวจฺฉรํ ตุณฺหีภูโต วจีเภทํ อกโรนฺโตว วิหาสิ. ทุติเย สํวจฺฉเร โคจรคาเม อฺตราย อิตฺถิยา ‘‘มูโค นุ โข โน’’ติ วีมํสิตุกามาย ปตฺเต ขีรํ อาสิฺจนฺติยา หตฺถวิหาเร กเตปิ โอกิริเต, ‘‘อลํ, ภคินี’’ติ วาจํ นิจฺฉริ. ตติเย ปน สํวจฺฉเร อนฺตรวสฺเสว ฆฏยนฺโต วายมนฺโต อรหตฺตํ ปาปุณิ, เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๐.๕๑-๕๖) –

‘‘ปทุมุตฺตรพุทฺธสฺส, ภิกฺขุสงฺเฆ อนุตฺตเร;

ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, ปานีฆฏมปูรยึ.

‘‘ปพฺพตคฺเค ทุมคฺเค วา, อากาเส วาถ ภูมิยํ;

ยทา ปานียมิจฺฉามิ, ขิปฺปํ นิพฺพตฺตเต มม.

‘‘สตสหสฺสิโต กปฺเป, ยํ ทานมททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ทกทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหา ปน หุตฺวา อตฺตโน ปุพฺพภาคปฏิปตฺติยา วิภาวนมุเขน อฺํ พฺยากโรนฺโต –

๑๒๗.

‘‘ติณฺณํ เม ตาลปตฺตานํ, คงฺคาตีเร กุฏี กตา;

ฉวสิตฺโตว เม ปตฺโต, ปํสุกูลฺจ จีวรํ.

๑๒๘.

‘‘ทฺวินฺนํ อนฺตรวสฺสานํ, เอกา วาจา เม ภาสิตา;

ตติเย อนฺตรวสฺสมฺหิ, ตโมขนฺโธ ปทาลิโต’’ติ. – คาถาทฺวยํ อภาสิ;

ตตฺถ ติณฺณํ เม ตาลปตฺตานํ, คงฺคาตีเร กุฏี กตาติ ตาลรุกฺขโต ปหิเตหิ ตีหิ ตาลปณฺเณหิ มยฺหํ วสฺสนปริหรณตฺถํ คงฺคาย นทิยา ตีเร กุฏิกา กตา. เตน อตฺตโน เสนาสนสนฺโตสํ ทสฺเสติ. วุตฺตฺหิ ธมฺมเสนาปตินา –

‘‘ปลฺลงฺเกน นิสินฺนสฺส, ชณฺณุเก นาภิวสฺสติ;

อลํ ผาสุวิหาราย, ปหิตตฺตสฺส ภิกฺขุโน’’ติ. (เถรคา. ๙๘๕; มิ. ป. ๖.๑.๑);

‘‘ตาลปตฺตีน’’นฺติปิ ปาโ, โส เอวตฺโถ. ฉวสิตฺโตว เม ปตฺโตติ มยฺหํ ปตฺโต ฉวสิตฺตสทิโส, มตานํ ขีรเสจนกุณฺฑสทิโสติ อตฺโถ. ปํสุกูลฺจ จีวรนฺติ จีวรฺจ เม อนฺตรมคฺคสุสานาทีสุ ฉฑฺฑิตนนฺตเกหิ กตํ ปํสุกูลํ. ปททฺวเยน ปริกฺขารสนฺโตสํ ทสฺเสติ.

ทฺวินฺนํ อนฺตรวสฺสานนฺติ ทฺวีสุ อนฺตรวสฺเสสุ ปพฺพชิตโต อรหตฺตมปฺปตฺตสํวจฺฉเรสุ. เอกา วาจา เม ภาสิตาติ เอกา, ‘‘อลํ, ภคินี’’ติ ขีรปฏิกฺเขปวาจา เอว มยา วุตฺตา, อฺโ ตตฺถ วจีเภโท นาโหสิ. เตน อุกฺกํสคตํ กายวจีสํยมํ ทสฺเสติ. ตติเย อนฺตรวสฺสมฺหีติ ตติยสฺส สํวจฺฉรสฺส อพฺภนฺตเร, ตสฺมึ อปริปุณฺเณเยว. ตโมขนฺโธ ปทาลิโตติ อคฺคมคฺเคน ตโมขนฺโธ ภินฺโน, อวิชฺชานุสโย สมุจฺฉินฺโนติ อตฺโถ. เตน ตเทกฏฺตาย สพฺพกิเลสานํ อนวเสสปฺปหานํ วทติ.

คงฺคาตีริยตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. อชินตฺเถรคาถาวณฺณนา

อปิ เจ โหติ เตวิชฺโชติอาทิกา อายสฺมโต อชินตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต พุทฺธสุฺเ โลเก กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เกนจิเทว กรณีเยน อรฺํ คโต ตตฺถ สุจินฺติตํ นาม ปจฺเจกสมฺพุทฺธํ อาพาเธน ปีฬิตํ นิสินฺนํ ทิสฺวา อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เภสชฺชตฺถาย ปสนฺนมานโส ฆตมณฺฑํ อทาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา อปราปรํ ปุฺานิ กตฺวา สุคตีสุเยว สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ อฺตรสฺส ทลิทฺทพฺราหฺมณสฺส เคเห ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. ตํ วิชายนกาเล อชินจมฺเมน สมฺปฏิจฺฉึสุ. เตนสฺส อชิโนตฺเวว นามํ อกํสุ. โส โภคสํวตฺตนิยสฺส กมฺมสฺส อกตตฺตา ทลิทฺทกุเล นิพฺพตฺโต วยปฺปตฺโตปิ อปฺปนฺนปานโภชโน หุตฺวา วิจรนฺโต เชตวนปฏิคฺคหเณ พุทฺธานุภาวํ ทิสฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต นจิรสฺเสว ฉฬภิฺโ อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๓.๗๘-๘๗) –

‘‘สุจินฺติตํ ภควนฺตํ, โลกเชฏฺํ นราสภํ;

อุปวิฏฺํ มหารฺํ, วาตาพาเธน ปีฬิตํ.

‘‘ทิสฺวา จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, ฆตมณฺฑมุปานยึ;

กตตฺตา อาจิตตฺตา จ, คงฺคา ภาคีรถี อยํ.

‘‘มหาสมุทฺทา จตฺตาโร, ฆตํ สมฺปชฺชเร มม;

อยฺจ ปถวี โฆรา, อปฺปมาณา อสงฺขิยา.

‘‘มม สงฺกปฺปมฺาย, ภวเต มธุสกฺกรา;

จาตุทฺทีปา อิเม รุกฺขา, ปาทปา ธรณีรุหา.

‘‘มม สงฺกปฺปมฺาย, กปฺปรุกฺขา ภวนฺติ เต;

ปฺาสกฺขตฺตุํ เทวินฺโท, เทวรชฺชมการยึ.

‘‘เอกปฺาสกฺขตฺตุฺจ, จกฺกวตฺตี อโหสหํ;

ปเทสรชฺชํ วิปุลํ, คณนาโต อสงฺขิยํ.

‘‘จตุนฺนวุติโต กปฺเป, ยํ ทานมททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ฆตมณฺฑสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวาปิ ปุริมกมฺมนิสฺสนฺเทน อปฺปลาภี อปฺปฺาโตว อโหสิ. อุทฺเทสภตฺตสลากภตฺตานิปิ ลามกาเนว ปาปุณนฺติ. กมฺมผเลเนว จ นํ ปุถุชฺชนา ภิกฺขู สามเณรา จ ‘‘อปฺปฺาโต’’ติ อวมฺนฺติ. เถโร เต ภิกฺขู สํเวเชนฺโต –

๑๒๙.

‘‘อปิ เจ โหติ เตวิชฺโช, มจฺจุหายี อนาสโว;

อปฺปฺาโตติ นํ พาลา, อวชานนฺติ อชานตา.

๑๓๐.

‘‘โย จ โข อนฺนปานสฺส, ลาภี โหตีธ ปุคฺคโล;

ปาปธมฺโมปิ เจ โหติ, โส เนสํ โหติ สกฺกโต’’ติ. –

คาถาทฺวยํ อภาสิ.

ตตฺถ อปีติ สมฺภาวเน นิปาโต. เจติ ปริกปฺปเน. โหตีติ ภวติ. ติสฺโส วิชฺชา เอตสฺสาติ เตวิชฺโช. มจฺจุํ ปชหตีติ มจฺจุหายี. กามาสวาทีนํ อภาเวน อนาสโว. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ทิพฺพจกฺขุาณํ ปุพฺเพนิวาสาณํ อาสวกฺขยาณนฺติ อิมาสํ ติสฺสนฺนํ วิชฺชานํ อธิคตตฺตา เตวิชฺโช ตโต เอว สพฺพโส กามาสวาทีนํ ปริกฺขีณตฺตา อนาสโว อายตึ ปุนพฺภวสฺส อคฺคหณโต มรณาภาเวน มจฺจุหายี ยทิปิ โหติ, เอวํ สนฺเตปิ อปฺปฺาโตติ นํ พาลา อวชานนฺติ ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ, ตํ สทตฺถํ อนุปาปุณิตฺวา ิตมฺปิ นํ อุตฺตมํ ปุริสํ ‘‘ธุตวาโท พหุสฺสุโต ธมฺมกถิโก’’ติ อุปฺปนฺนลาภสฺส อภาวโต ‘‘น ปฺาโต น ปากโฏ’’ติ พาลา ทุมฺเมธปุคฺคลา อวชานนฺติ, กสฺมา? อชานตา อชานนการณา คุณานํ อชานนเมว ตตฺถ การณนฺติ ทสฺเสติ.

ยถา จ คุณานํ อชานนโต พาลา ลาภครุตาย สมฺภาวนียมฺปิ อวชานนฺติ, เอวํ คุณานํ อชานนโต ลาภครุตาย เอวํ อวชานิตพฺพมฺปิ สมฺภาเวนฺตีติ ทสฺเสนฺโต ทุติยํ คาถํ อาห. ตตฺถ โยติ อนิยมวจนํ. -สทฺโท พฺยติเรเก, เตน ยถาวุตฺตปุคฺคลโต อิมสฺส ปุคฺคลสฺส วุจฺจมานํเยว วิเสสํ ชเนติ. โขติ อวธารเณ. อนฺนปานสฺสาติ นิทสฺสนมตฺตํ. ลาภีติ ลาภวา. อิธาติ อิมสฺมึ โลเก. ชรามรเณหิ ตสฺส ตสฺส สตฺตาวาสสฺส ปูรณโต คลนโต ปุคฺคโล. ปาปธมฺโมติ ลามกธมฺโม. อยฺเหตฺถ อตฺโถ – โย ปน ปุคฺคโล จีวราทิปจฺจยมตฺตสฺเสว ลาภี โหติ, น ฌานาทีนํ, โส ปาปิจฺฉตาย ทุสฺสีลภาเวน หีนธมฺโมปิ สมาโน อิธ อิมสฺมึ โลเก พาลานํ ลาภครุตาย สกฺกโต ครุกโต โหตีติ.

อชินตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. เมฬชินตฺเถรคาถาวณฺณนา

ยทาหํ ธมฺมมสฺโสสินฺติอาทิกา อายสฺมโต เมฬชินตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต สุเมธสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ ภควนฺตํ ปิณฺฑาย คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส มธุรํ อาโมทผลํ อทาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท พาราณสิยํ ขตฺติยกุเล นิพฺพตฺติตฺวา เมฬชิโนติ ลทฺธนาโม วิชฺชาสิปฺเปสุ นิปฺผตฺตึ คโต ปณฺฑิโต พฺยตฺโต ทิสาสุ ปากโฏ อโหสิ. โส ภควติ พาราณสิยํ อิสิปตเน วิหรนฺเต วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา ตทเหว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๑.๕๗-๖๒) –

‘‘สหสฺสรํสี ภควา, สยมฺภู อปราชิโต;

วิเวกา วุฏฺหิตฺวาน, โคจรายาภินิกฺขมิ.

‘‘ผลหตฺโถ อหํ ทิสฺวา, อุปคจฺฉึ นราสภํ;

ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, อวฏํ อททึ ผลํ.

‘‘จตุนฺนวุติโต กปฺเป, ยํ ผลํ อททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อปรภาเค ภิกฺขูหิ, ‘‘อาวุโส, กึ ตยา อุตฺตริมนุสฺสธมฺโม อธิคโต’’ติ ปุฏฺโ สีหนาทํ นทนฺโต –

๑๓๑.

‘‘ยทาหํ ธมฺมมสฺโสสึ, ภาสมานสฺส สตฺถุโน;

น กงฺขมภิชานามิ, สพฺพฺู อปราชิเต.

๑๓๒.

‘‘สตฺถวาเห มหาวีเร, สารถีนํ วรุตฺตเม;

มคฺเค ปฏิปทายํ วา, กงฺขา มยฺหํ น วิชฺชตี’’ติ. – คาถาทฺวยํ อภาสิ;

ตตฺถ ยทาติ ยสฺมึ กาเล. อหนฺติ อตฺตานํ นิทฺทิสติ. ธมฺมนฺติ จตุสจฺจธมฺมํ. อสฺโสสินฺติ สุณึ. สตฺถุโนติ ทิฏฺธมฺมิกาทิอตฺเถหิ เวเนยฺยานํ สาสนฏฺเน สตฺถุโน. กงฺขนฺติ สํสยํ. สงฺขตมสงฺขตฺจ อนวเสสโต ชานนฏฺเน สพฺพฺู. กุโตจิปิ ปราชิตา ภาเวน อปราชิเต. เวเนยฺยสตฺตานํ สํสารกนฺตารโต นิพฺพานํ ปฏิวาหนฏฺเน สตฺถวาเห. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยโต ปภุติ อหํ สตฺถุโน ธมฺมํ เทเสนฺตสฺส จตุสจฺจธมฺมํ อสฺโสสึ โสตทฺวารานุสาเรน อุปธาเรสึ อุปลภึ, ตโต ปฏฺาย อนวเสสสงฺขตาสงฺขตสมฺมุติธมฺมานํ สยมฺภูาเณน ชานนโต สพฺพฺู อนาวรณทสฺสาวิมฺหิ, ปฺจนฺนมฺปิ มารานํ อภิภวนโต เตหิ อปราชิตตฺตา สเทวเก โลเก อปฺปฏิหตธมฺมจกฺกตฺตา จ อปราชิเต, เวเนยฺยสตฺตานํ โลภกนฺตาราทิโต วาหนฏฺเน สตฺถวาเห, มหาวิกฺกนฺตตาย มหาวีเร, อฺเหิ ทุทฺทมานํ ปุริสทมฺมานํ สรณโต อจฺจนฺติเกน ทมเถน ทมนโต สารถีนํ ปวรภูเต อุตฺตเม สมฺมาสมฺพุทฺเธ, ‘‘พุทฺโธ นุ โข โน นุ โข’’ติ กงฺขํ นาภิชานามิ อปรปฺปจฺจยภาวโต. ตถารูเป เทสิเต อริยมคฺเค ตทุปาทายภูตาย จ สีลาทิปฏิปทาย ‘‘นิยฺยานิโก นุ โข น นุ โข’’ติ กงฺขา วิจิกิจฺฉา น วิชฺชติ นตฺถีติ. เอตฺถ จ อริยธมฺเม สํสยาภาวกถเนน อริยสงฺเฆปิ สํสยาภาโว กถิโตเยวาติ ทฏฺพฺพํ ตตฺถ ปติฏฺิตสฺส อนฺถาภาวโตติ.

เมฬชินตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. ราธตฺเถรคาถาวณฺณนา

ยถา อคารํ ทุจฺฉนฺนนฺติอาทิกา อายสฺมโต ราธตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล หํสวตีนคเร กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺโน สตฺถารา เอกํ ภิกฺขุํ ปฏิภาเนยฺยกานํ อคฺคฏฺาเน ปิยมานํ ทิสฺวา สยํ ตํ านนฺตรํ ปตฺเถตฺวา มหาทานํ ปวตฺเตสิ. สตฺถุ อุฬารฺจ ปูชํ อกาสิ. โส เอวํ กตปณิธาโน ตโต จุโต ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ สตฺถารํ ปิณฺฑาย คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส มธุรานิ อมฺพผลานี อทาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา อปราปรํ ปุฺานิ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อมฺหากํ ภควโต กาเล ราชคเห พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา ราโธติ ลทฺธนาโม วยปฺปตฺโต หุตฺวา ฆราวาสํ วสนฺโต มหลฺลกกาเล ปุตฺตทาเรหิ อปสาทิโต, ‘‘กึ เม ฆราวาเสน, ปพฺพชิสฺสามี’’ติ วิหารํ คนฺตฺวา เถเร ภิกฺขู อุปสงฺกมิตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิตฺวา เตหิ ‘‘อยํ พฺราหฺมโณ ชิณฺโณ น สกฺโกติ วตฺตปฏิวตฺตํ ปูเรตุ’’นฺติ ปฏิกฺขิตฺโต สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา อตฺตโน อชฺฌาสยํ ปเวเทตฺวา สตฺถารา อุปนิสฺสยสมฺปตฺตึ โอโลเกตฺวา อาณตฺเตน ธมฺมเสนาปตินา ปพฺพาชิโต วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๑.๖๓-๖๗) –

‘‘สุวณฺณวณฺณํ สมฺพุทฺธํ, อาหุตีนํ ปฏิคฺคหํ;

รถิยํ ปฏิปชฺชนฺตํ, ปาทผลํ อทาสหํ.

‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ ผลํ อททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา สตฺถุ สนฺติกาวจโร หุตฺวา วิจรนฺโต สตฺถุ ธมฺมเทสนาปฏิภานสฺส ปจฺจยภูตานํ ปฏิภานชานนกานํ อคฺโค ชาโต. เถรสฺส หิ ทิฏฺิสมุทาจารฺจ อาคมฺม ทสพลสฺส นวนวา ธมฺมเทสนา ปฏิภาติ. เตนาห ภควา – ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ ปฏิภาเนยฺยกานํ ยทิทํ ราโธ’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๑๙, ๒๓๓). โส เอกทิวสํ ‘‘อิเม สตฺตา อภาวนาย ราเคน อภิภุยฺยนฺติ, ภาวนาย สติ ตํ นตฺถี’’ติ ภาวนํ โถเมนฺโต ‘‘ยถา อคาร’’นฺติอาทินา คาถาทฺวยมาห.

๑๓๓-๔. ตตฺถ อคารนฺติ ยํกิฺจิ เคหํ. ทุจฺฉนฺนนฺติ วิรฬจฺฉนฺนํ ฉิทฺทาวฉิทฺทํ. สมติวิชฺฌตีติ วสฺสวุฏฺิ วินิวิชฺฌติ. อภาวิตนฺติ ตํ อคารํ วุฏฺิ วิย ภาวนาย รหิตตฺตา อภาวิตํ จิตฺตํ. ราโค สมติวิชฺฌตีติ น เกวลํ ราโคว โทสโมหมานาทโยปิ สพฺพกิเลสา ตถารูปํ จิตฺตํ อติวิชฺฌนฺติเยว. สุภาวิตนฺติ สมถวิปสฺสนาภาวนาหิ สุฏฺุ ภาวิตํ, เอวรูปํ จิตฺตํ สุจฺฉนฺนํ เคหํ วุฏฺิ วิย ราคาทโย กิเลสา อติวิชฺฌิตุํ น สกฺโกนฺตีติ.

ราธตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. สุราธตฺเถรคาถาวณฺณนา

ขีณา หิ มยฺหํ ชาตีติอาทิกา อายสฺมโต สุราธตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต สิขิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ สตฺถารํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส มาตุลุงฺคผลํ อทาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา อปราปรํ ปุฺานิ กตฺวา สุคตีสุเยว สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท อนนฺตรํ วุตฺตสฺส ราธตฺเถรสฺส กนิฏฺโ หุตฺวา นิพฺพตฺติ, สุราโธติสฺส นามํ อโหสิ. โส เชฏฺภาตริ ราเธ ปพฺพชิเต สยมฺปิ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๑.๖๘-๗๒) –

‘‘กณิการํว ชลิตํ, ปุณฺณมาเยว จนฺทิมํ;

ชลนฺตํ ทีปรุกฺขํว, อทฺทสํ โลกนายกํ.

‘‘มาตุลุงฺคผลํ คยฺห, อทาสึ สตฺถุโน อหํ;

ทกฺขิเณยฺยสฺส วีรสฺส, ปสนฺโน เสหิ ปาณิภิ.

‘‘เอกตึเส อิโต กปฺเป, ยํ ผลํ อททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา สาสนสฺส นิยฺยานิกภาวทสฺสนตฺถํ อฺํ พฺยากโรนฺโต ‘‘ขีณา หี มยฺห’’นฺติอาทินา คาถาทฺวยมาห.

๑๓๕-๖. ตตฺถ ขีณาติ ขยํ ปริโยสานํ คตา. ชาตีติ ภโว ภวนิพฺพตฺติ วา. วุสิตํ ชินสาสนนฺติ ชินสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สาสนํ มคฺคพฺรหฺมจริยํ วุฏฺํ ปริวุฏฺํ. ปหีโน ชาลสงฺขาโตติ สตฺตสนฺตานสฺส โอตฺถรณโต นิสฺสริตุํ อปฺปทานโต จ ‘‘ชาลสงฺขาโต’’ติ จ ลทฺธนามา ทิฏฺิ อวิชฺชา จ ปหีนา มคฺเคน สมุจฺฉินฺนา. ภวเนตฺติ สมูหตาติ กามภวาทิกสฺส ภวสฺส นยนโต ปวตฺตนโต ภวเนตฺติสฺิตา ตณฺหา สมุคฺฆาฏิตา. ยสฺสตฺถาย ปพฺพชิโตติ ยสฺส อตฺถาย ยทตฺถํ อหํ อคารสฺมา เคหโต อนคาริยํ ปพฺพชฺชํ ปพฺพชิโต อุปคโต. โส สพฺเพสํ โอรมฺภาคิยุทฺธมฺภาคิยปฺปเภทานํ สํโยชนานํ พนฺธนานํ ขยภูโต อตฺโถ นิพฺพานสงฺขาโต ปรมตฺโถ อรหตฺตสงฺขาโต สทตฺโถ จ มยา อนุปฺปตฺโต อธิคโตติ อตฺโถ.

สุราธตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. โคตมตฺเถรคาถาวณฺณนา

สุขํ สุปนฺตีติ อายสฺมโต โคตมตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ ปุฺํ อุปจินนฺโต วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ ภควนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส อาโมทผลมทาสิ. เตน ปุฺกมฺเมน เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา อปราปรํ ปุฺานิ กตฺวา สุคตีสุเยว สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคเห พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา โคตโมติ ลทฺธนาโม สตฺตวสฺสิกกาเล อุปนยนํ กตฺวา รตนภิกฺขํ จริตฺวา สหสฺสํ ลภิตฺวา ตํ ตาทิเส าเน เปตฺวา วตํ จรนฺโต โสฬสสตฺตรสวสฺสุทฺเทสิกกาเล อกลฺยาณมิตฺเตหิ กาเมสุ ปรินียมาโน เอกิสฺสา รูปูปชีวินิยา ตํ สหสฺสภณฺฑิกํ ทตฺวา พฺรหฺมจริยวินาสํ ปตฺวา ตาย จสฺส พฺรหฺมจาริรูปํ ทิสฺวา วิรตฺตากาเร ทสฺสิเต เอกรตฺติวาเสเนว นิพฺพินฺนรูโป อตฺตโน พฺรหฺมจริยนิวาสํ ธนชานิฺจ สริตฺวา ‘‘อยุตฺตํ มยา กต’’นฺติ วิปฺปฏิสารี อโหสิ. สตฺถา ตสฺส เหตุสมฺปตฺตึ จิตฺตาจารฺจ ตฺวา ตสฺส อาสนฺนฏฺาเน อตฺตานํ ทสฺเสสิ. โส สตฺถารํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส อุปสงฺกมิ, ตสฺส ภควา ธมฺมํ เทเสสิ. โส ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชนฺโต ขุรคฺเคเยว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๑.๘๐-๘๔) –

‘‘สุวณฺณวณฺณํ สมฺพุทฺธํ, อาหุตีนํ ปฏิคฺคหํ;

รถิยํ ปฏิปชฺชนฺตํ, อาโมทมททึ ผลํ.

‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ ผลํ อททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา ฌานสุเขน ผลสุเขน วีตินาเมนฺตํ เอโก คิหิสหาโย อุปคนฺตฺวา, ‘‘อาวุโส, ตยา รตนภิกฺขาย ลทฺธํ ปพฺพชนฺโต กึ อกาสี’’ติ ปุจฺฉิ. ตํ สุตฺวา เถโร ‘‘อิทํ นาม กต’’นฺติ อนาจิกฺขิตฺวา มาตุคาเม โทสํ ปกาเสตฺวา อตฺตโน วีตราคภาเวน อฺํ พฺยากโรนฺโต ‘‘สุขํ สุปนฺตี’’ติอาทินา คาถาทฺวยมาห.

๑๓๗. ตตฺถ สุขํ สุปนฺติ มุนโย, เย อิตฺถีสุ น พชฺฌเรติ เย อิตฺถีสุ วิสยภูตาสุ นิมิตฺตภูตาสุ วา ราคพนฺธเนน น พชฺฌนฺติ, เต มุนโย ตปสฺสิโน สํยตินฺทฺริยา สุขํ สุปนฺติ สุขํ วิหรนฺติ, นตฺถิ เตสํ ทุกฺขนฺติ อธิปฺปาโย. ‘‘สุปนฺตี’’ติ หิ นิทสฺสนมตฺตเมตํ. สทา เว รกฺขิตพฺพาสูติ เอกํเสน สพฺพกาลํ รกฺขิตพฺพาสุ. อิตฺถิโย หิ สตฺตภูมิเก นิปฺปุริเส ปาสาเท อุปริภูมิยํ วสาเปตฺวาปิ, กุจฺฉิยํ ปกฺขิปิตฺวาปิ น สกฺกา รกฺขิตุํ, ตสฺมา ตา กิฏฺาทิคาวิโย วิย สพฺพกาลํ รกฺขณียา โหนฺติ. พหุจิตฺตตาย วา สามิเกน วตฺถาลงฺการานุปฺปทานาทินา จิตฺตฺถตฺตโต สพฺพกาลํ รกฺขิตพฺพา. สรีรสภาวํ วา มาลาคนฺธาทีหิ ปฏิจฺฉาทนวเสน รกฺขิตพฺพจิตฺตตาย รกฺขิตพฺพาติ. ยาสุ สจฺจํ สุทุลฺลภนฺติ ยาสุ สจฺจวจนํ ลทฺธุํ น สกฺกา, อิตฺถิโย หิ อคฺคิมฺปิ ปวิสนฺติ, วิสมฺปิ ขาทนฺติ, สตฺถมฺปิ อาหรนฺติ, อุพฺพนฺธิตฺวาปิ กาลํ กโรนฺติ, น ปน สจฺเจ าตุํ สกฺโกนฺติ. ตสฺมา เอวรูปา อิตฺถิโย วชฺเชตฺวา ิตา มุนโย สุขิตา วตาติ ทสฺเสติ.

๑๓๘. อิทานิ ยสฺส อปฺปหีนตฺตา เอวรูปาสุ อิตฺถีสุปิ พชฺฌนฺติ, ตสฺส กามสฺส อตฺตโน สุปฺปหีนตํ อจฺจนฺตนิฏฺิตตฺจ ทสฺเสนฺโต ทุติยํ คาถมาห. วธํ จริมฺห เต กามาติ อมฺโภ กาม, ตว วธํ อจฺจนฺตสมุจฺเฉทํ อริยมคฺเคน จริมฺห, ‘‘วธํ จริมฺหเส’’ติปิ ปาโ, วธาย ปหานาย มคฺคพฺรหฺมจริยํ อจริมฺหาติ อตฺโถ. อนณา ทานิ เต มยนฺติ อิทานิ อคฺคมคฺคปตฺติโต ปฏฺาย อิณภาวกราย ปหีนตฺตา กาม เต อนณา มยํ, น ตุยฺหํ อิณํ ธาเรม. อวีตราโค หิ ราคสฺส วเส วตฺตนโต ตสฺส อิณํ ธาเรนฺโต วิย โหติ, วีตราโค ปน ตํ อติกฺกมิตฺวา ปรเมน จิตฺติสฺสริเยน สมนฺนาคโต. อนณตฺตา เอว คจฺฉาม ทานิ นิพฺพานํ, ยตฺถ คนฺตฺวา น โสจติ ยสฺมึ นิพฺพาเน คมนเหตุ สพฺพโส โสกเหตูนํ อภาวโต น โสจติ, ตํ อนุปาทิเสสนิพฺพานเมว อิทานิ คจฺฉาม อนุปาปุณามาติ อตฺโถ.

โคตมตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. วสภตฺเถรคาถาวณฺณนา

ปุพฺเพ หนติ อตฺตานนฺติ อายสฺมโต วสภตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต พุทฺธสุฺเ โลเก พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต พฺราหฺมณานํ วิชฺชาสิปฺเปสุ นิปฺผตฺตึ คนฺตฺวา เนกฺขมฺมชฺฌาสยตาย ฆราวาสํ ปหาย ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา จุทฺทสสหสฺสตาปสปริวาโร หิมวนฺตสฺส อวิทูเร สมคฺเค นาม ปพฺพเต อสฺสมํ กาเรตฺวา วสนฺโต ฌานาภิฺาโย นิพฺพตฺเตตฺวา ตาปสานํ โอวาทานุสาสนิโย เทนฺโต เอกทิวสํ เอวํ จินฺเตสิ – ‘‘อหํ โข ทานิ อิเมหิ ตาปเสหิ สกฺกโต ครุกโต ปูชิโต วิหรามิ, มยา ปน ปูเชตพฺโพ น อุปลพฺภติ, ทุกฺโข โข ปนายํ โลเก ยทิทํ อครุวาโส’’ติ. เอวํ ปน จินฺเตตฺวา ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิการตาย ปุริมพุทฺธานํ เจติเย อตฺตนา กตํ ปูชาสกฺการํ อนุสฺสริตฺวา ‘‘ยํนูนาหํ ปุริมพุทฺเธ อุทฺทิสฺส ปุลินเจติยํ กตฺวา ปูชํ กเรยฺย’’นฺติ หฏฺตุฏฺโ อิทฺธิยา ปุลินถูปํ สุวณฺณมยํ มาเปตฺวา สุวณฺณมยาทีหิ ติสหสฺสมตฺเตหิ ปุปฺเผหิ เทวสิกํ ปูชํ กโรนฺโต ยาวตายุกํ ปุฺานิ กตฺวา อปริหีนชฺฌาโน กาลํ กตฺวา พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺโต. ตตฺถปิ ยาวตายุกํ ตฺวา ตโต จุโต ตาวตึเส นิพฺพตฺติตฺวา อปราปรํ เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท เวสาลิยํ ลิจฺฉวิราชกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วสโภติ ลทฺธนาโม วยปฺปตฺโต ภควโต เวสาลิคมเน พุทฺธานุภาวํ ทิสฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๐.๕๗-๙๒) –

‘‘หิมวนฺตสฺสาวิทูเร, สมคฺโค นาม ปพฺพโต;

อสฺสโม สุกโต มยฺหํ, ปณฺณสาลา สุมาปิตา.

‘‘นารโท นาม นาเมน, ชฏิโล อุคฺคตาปโน;

จตุทฺทสสหสฺสานิ, สิสฺสา ปริจรนฺติ มํ.

‘‘ปฏิสลฺลีนโก สนฺโต, เอวํ จินฺเตสหํ ตทา;

สพฺโพ ชโน มํ ปูเชติ, นาหํ ปูเชมิ กิฺจนํ.

‘‘น เม โอวาทโก อตฺถิ, วตฺตา โกจิ น วิชฺชติ;

อนาจริยุปชฺฌาโย, วเน วาสํ อุเปมหํ.

‘‘อุปาสมาโน ยมหํ, ครุจิตฺตํ อุปฏฺเห;

โส เม อาจริโย นตฺถิ, วนวาโส นิรตฺถโก.

‘‘อายาคํ เม คเวสิสฺสํ, ครุํ ภาวนิยํ ตถา;

สาวสฺสโย วสิสฺสามิ, น โกจิ ครหิสฺสติ.

‘‘อุตฺตานกูลา นทิกา, สุปติตฺถา มโนรมา;

สํสุทฺธปุลินากิณฺณา, อวิทูเร มมสฺสมํ.

‘‘นทึ อมริกํ นาม, อุปคนฺตฺวานหํ ตทา;

สํวฑฺฒยิตฺวา ปุลินํ, อกํ ปุลินเจติยํ.

‘‘เย เต อเหสุํ สมฺพุทฺธา, ภวนฺตกรณา มุนี;

เตสํ เอตาทิโส ถูโป, ตํ นิมิตฺตํ กโรมหํ.

‘‘กริตฺวา ปุลินํ ถูปํ, โสวณฺณํ มาปยึ อหํ;

โสณฺณกิงฺกณิปุปฺผานิ, สหสฺเส ตีณิ ปูชยึ.

‘‘สายปาตํ นมสฺสามิ, เวทชาโต กตฺชลี;

สมฺมุขา วิย สมฺพุทฺธํ, วนฺทึ ปุลินเจติยํ.

‘‘ยทา กิเลสา ชายนฺติ, วิตกฺกา เคหนิสฺสิตา;

สรามิ สุกตํ ถูปํ, ปจฺจเวกฺขามิ ตาวเท.

‘‘อุปนิสฺสาย วิหรํ, สตฺถวาหํ วินายกํ;

กิเลเส สํวเสยฺยาสิ, น ยุตฺตํ ตว มาริส.

‘‘สห อาวชฺชิเต ถูเป, คารวํ โหติ เม ตทา;

กุวิตกฺเก วิโนเทสึ, นาโค ตุตฺตฏฺฏิโต ยถา.

‘‘เอวํ วิหรมานํ มํ, มจฺจุราชาภิมทฺทถ;

ตตฺถ กาลงฺกโต สนฺโต, พฺรหฺมโลกมคจฺฉหํ.

‘‘ยาวตายุํ วสิตฺวาน, ติทิเว อุปปชฺชหํ;

อสีติกฺขตฺตุํ เทวินฺโท, เทวรชฺชมการยึ.

‘‘สตานํ ตีณิกฺขตฺตุฺจ, จกฺกวตฺตี อโหสหํ;

ปเทสรชฺชํ วิปุลํ, คณนาโต อสงฺขิยํ.

‘‘โสณฺณกิงฺกณิปุปฺผานํ, วิปากํ อนุโภมหํ;

ธาตีสตสหสฺสานิ, ปริวาเรนฺติ มํ ภเว.

‘‘ถูปสฺส ปริจิณฺณตฺตา, รโชชลฺลํ น ลิมฺปติ;

คตฺเต เสทา น มุจฺจนฺติ, สุปฺปภาโส ภวามหํ.

‘‘อโห เม สุกโต ถูโป, สุทิฏฺามริกา นที;

ถูปํ กตฺวาน ปุลินํ, ปตฺโตมฺหิ อจลํ ปทํ.

‘‘กุสลํ กตฺตุกาเมน, ชนฺตุนา สารคาหินา;

นตฺถิ เขตฺตํ อเขตฺตํ วา, ปฏิปตฺตีว สาธกา.

‘‘ยถาปิ พลวา โปโส, อณฺณวํตริตุสฺสเห;

ปริตฺตํ กฏฺมาทาย, ปกฺขนฺเทยฺย มหาสรํ.

‘‘อิมาหํ กฏฺํ นิสฺสาย, ตริสฺสามิ มโหทธึ;

อุสฺสาเหน วีริเยน, ตเรยฺย อุทธึ นโร.

‘‘ตเถว เม กตํ กมฺมํ, ปริตฺตํ โถกกฺจ ยํ;

ตํ กมฺมํ อุปนิสฺสาย, สํสารํ สมติกฺกมึ.

‘‘ปจฺฉิเม ภเว สมฺปตฺเต, สุกฺกมูเลน โจทิโต;

สาวตฺถิยํ ปุเร ชาโต, มหาสาเล สุอฑฺฒเก.

‘‘สทฺธา มาตา ปิตา มยฺหํ, พุทฺธสฺส สรณํ คตา;

อุโภ ทิฏฺปทา เอเต, อนุวตฺตนฺติ สาสนํ.

‘‘โพธิปปฏิกํ คยฺห, โสณฺณถูปมการยุํ;

สายปาตํ นมสฺสนฺติ, สกฺยปุตฺตสฺส สมฺมุขา.

‘‘อุโปสถมฺหิ ทิวเส, โสณฺณถูปํ วินีหรุํ;

พุทฺธสฺส วณฺณํ กิตฺเตนฺตา, ติยามํ วีตินามยุํ.

‘‘สห ทิสฺวานหํ ถูปํ, สรึ ปุลินเจติยํ;

เอกาสเน นิสีทิตฺวา, อรหตฺตมปาปุณึ.

‘‘คเวสมาโน ตํ วีรํ, ธมฺมเสนาปติทฺทสํ;

อคารา นิกฺขมิตฺวาน, ปพฺพชึ ตสฺส สนฺติเก.

‘‘ชาติยา สตฺตวสฺเสน, อรหตฺตมปาปุณึ;

อุปสมฺปาทยี พุทฺโธ, คุณมฺาย จกฺขุมา.

‘‘ทารเกเนว สนฺเตน, กิริยํ นิฏฺิตํ มยา;

กตํ เม กรณียชฺช, สกฺยปุตฺตสฺส สาสเน.

‘‘สพฺพเวรภยาตีโต, สพฺพสงฺคาติโค อิสิ;

สาวโก เต มหาวีร, โสณฺณถูปสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา ทายกานุคฺคหํ กโรนฺโต เตหิ อุปนีเต ปจฺจเย น ปฏิกฺขิปติ, ยถาลทฺเธเยว ปริภุฺชติ. ตํ ปุถุชฺชนา ‘‘อยํ กายทฬฺหิพหุโล อรกฺขิตจิตฺโต’’ติ มฺมานา อวมฺนฺติ. เถโร ตํ อคเณนฺโตว วิหรติ. ตสฺส ปน อวิทูเร อฺตโร กุหกภิกฺขุ ปาปิจฺโฉ สมาโน อปฺปิจฺโฉ วิย สนฺตุฏฺโ วิย อตฺตานํ ทสฺเสนฺโต โลกํ วฺเจนฺโต วิหรติ. มหาชโน ตํ อรหนฺตํ วิย สมฺภาเวติ. อถสฺส สกฺโก เทวานมินฺโท ตํ ปวตฺตึ ตฺวา เถรํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, กึ นาม กุหโก กโรตี’’ติ ปุจฺฉิ. เถโร ปาปิจฺฉํ ครหนฺโต –

๑๓๙.

‘‘ปุพฺเพ หนติ อตฺตานํ, ปจฺฉา หนติ โส ปเร;

สุหตํ หนฺติ อตฺตานํ, วีตํเสเนว ปกฺขิมา.

๑๔๐.

‘‘น พฺราหฺมโณ พหิวณฺโณ, อนฺโตวณฺโณ หิ พฺราหฺมโณ;

ยสฺมึ ปาปานิ กมฺมานิ, ส เว กณฺโห สุชมฺปตี’’ติ. – คาถาทฺวยมาห;

ตตฺถ ปุพฺเพ หนติ อตฺตานนฺติ กุหกปุคฺคโล อตฺตโน กุหกวุตฺติยา โลกํ วฺเจนฺโต ปาปิจฺฉตาทีหิ ปาปธมฺเมหิ ปมเมว อตฺตานํ หนติ, อตฺตโน กุสลโกฏฺาสํ วินาเสติ. ปจฺฉา หนติ โส ปเรติ โส กุหโก ปมํ ตาว วุตฺตนเยน อตฺตานํ หนฺตฺวา ปจฺฉา ปเร เยหิ ‘‘อยํ ภิกฺขุ เปสโล อริโย’’ติ วา สมฺภาเวนฺเตหิ การา กตา, เต หนติ เตสํ การานิ อตฺตนิ กตานิ อมหปฺผลานิ กตฺวา ปจฺจยวินาสเนน วินาเสติ. สติปิ กุหกสฺส อุภยหนเน อตฺตหนเน ปน อยํ วิเสโสติ ทสฺเสนฺโต อาห สุหตํ หนฺติ อตฺตานนฺติ. โส กุหโก อตฺตานํ หนนฺโต สุหตํ กตฺวา หนฺติ วินาเสติ, ยถา กึ? วีตํเสเนว ปกฺขิมาติ, วีตํโสติ ทีปกสกุโณ, เตน. ปกฺขิมาติ สากุณิโก. ยถา เตน วีตํสสกุเณน อฺเ สกุเณ วฺเจตฺวา หนนฺโต อตฺตานํ อิธ โลเกปิ หนติ วิฺุครหสาวชฺชสภาวาทินา, สมฺปรายํ ปน ทุคฺคติปริกฺกิเลเสน หนติเยว, น ปน เต สกุเณ ปจฺฉา หนฺตุํ สกฺโกติ, เอวํ กุหโกปิ โกหฺเน โลกํ วฺเจตฺวา อิธ โลเกปิ อตฺตานํ หนติ วิปฺปฏิสารวิฺุครหาทีหิ, ปรโลเกปิ ทุคฺคติปริกฺกิเลเสหิ, น ปน เต ปจฺจยทายเก อปายทุกฺขํ ปาเปติ. อปิจ กุหโก ทกฺขิณาย อมหปฺผลภาวกรเณเนว ทายกํ หนตีติ วุตฺโต, น นิปฺผลภาวกรเณน. วุตฺตฺเหตํ ภควตา – ‘‘ทุสฺสีลสฺส มนุสฺสภูตสฺส ทานํ ทตฺวา สหสฺสคุณา ทกฺขิณา ปาฏิกงฺขิตพฺพา’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๗๙). เตนาห ‘‘สุหตํ หนฺติ อตฺตาน’’นฺติ.

เอวํ พาหิรปริมชฺชนมตฺเต ิตา ปุคฺคลา สุทฺธา นาม น โหนฺติ, อพฺภนฺตรสุทฺธิยา เอว ปน สุทฺธา โหนฺตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘น พฺราหฺมโณ’’ติ ทุติยํ คาถมาห. ตสฺสตฺโถ – อิริยาปถสณฺปนาทิพหิสมฺปตฺติมตฺเตน พฺราหฺมโณ น โหติ. สมฺปตฺติอตฺโถ หิ อิธ วณฺณ-สทฺโท. อพฺภนฺตเร ปน สีลาทิสมฺปตฺติยา พฺราหฺมโณ โหติ, ‘‘พาหิตปาโป พฺราหฺมโณ’’ติ กตฺวา. ตสฺมา ‘‘ยสฺมึ ปาปานิ ลามกานิ กมฺมานิ สํวิชฺชนฺติ, เอกํเสน โส กณฺโห นิหีนปุคฺคโล’’ติ สุชมฺปติ, เทวานมินฺท, ชานาหิ. ตํ สุตฺวา สกฺโก กุหกภิกฺขุํ ตชฺเชตฺวา ‘‘ธมฺเม วตฺตาหี’’ติ โอวทิตฺวา สกฏฺานเมว คโต.

วสภตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

ทุกนิปาเต ปมวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. ทุติยวคฺโค

๑. มหาจุนฺทตฺเถรคาถาวณฺณนา

สุสฺสูสาติ อายสฺมโต มหาจุนฺทตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล กุมฺภการกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต กุมฺภการกมฺเมน ชีวนฺโต เอกทิวสํ สตฺถารํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส เอกํ มตฺติกาปตฺตํ สฺวาภิสงฺขตํ กตฺวา ภควโต อทาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท มคธรฏฺเ นาลกคาเม รูปสาริยา พฺราหฺมณิยา ปุตฺโต สาริปุตฺตตฺเถรสฺส กนิฏฺภาตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ, จุนฺโทติสฺส นามํ อโหสิ. โส วยปฺปตฺโต ธมฺมเสนาปตึ อนุปพฺพชิตฺวา ตํ นิสฺสาย วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา ฆเฏนฺโต วายมนฺโต นจิรสฺเสว ฉฬภิฺโ อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๑.๓๙-๕๐) –

‘‘นคเร หํสวติยา, กุมฺภกาโร อโหสหํ;

อทฺทสํ วิรชํ พุทฺธํ, โอฆติณฺณมนาสวํ.

‘‘สุกตํ มตฺติกาปตฺตํ, พุทฺธเสฏฺสฺสทาสหํ;

ปตฺตํ ทตฺวา ภควโต, อุชุภูตสฺส ตาทิโน.

‘‘ภเว นิพฺพตฺตมาโนหํ, โสณฺณถาเล ลภามหํ;

รูปิมเย จ โสวณฺเณ, ตฏฺฏิเก จ มณีมเย.

‘‘ปาติโย ปริภุฺชามิ, ปุฺกมฺมสฺสิทํ ผลํ;

ยสานฺจ ธนานฺจ, อคฺคภูโต จ โหมหํ.

‘‘ยถาปิ ภทฺทเก เขตฺเต, พีชํ อปฺปมฺปิ โรปิตํ;

สมฺมาธารํ ปเวจฺฉนฺเต, ผลํ โตเสติ กสฺสกํ.

‘‘ตเถวิทํ ปตฺตทานํ, พุทฺธเขตฺตมฺหิ โรปิตํ;

ปีติธาเร ปวสฺสนฺเต, ผลํ มํ โตสยิสฺสติ.

‘‘ยาวตา เขตฺตา วิชฺชนฺติ, สงฺฆาปิ จ คณาปิ จ;

พุทฺธเขตฺตสโม นตฺถิ, สุขโท สพฺพปาณินํ.

‘‘นโม เต ปุริสาชฺ, นโม เต ปุริสุตฺตม;

เอกปตฺตํ ททิตฺวาน, ปตฺโตมฺหิ อจลํ ปทํ.

‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ ปตฺตมททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ปตฺตทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

ฉฬภิฺโ ปน หุตฺวา อตฺตนา ปฏิลทฺธสมฺปตฺติยา การณภูตํ ครูปนิสฺสยํ วิเวกวาสฺจ กิตฺเตนฺโต –

๑๔๑.

‘‘สุสฺสูสา สุตวทฺธนี, สุตํ ปฺาย วทฺธนํ;

ปฺาย อตฺถํ ชานาติ, าโต อตฺโถ สุขาวโห.

๑๔๒.

‘‘เสเวถ ปนฺตานิ เสนาสนานิ, จเรยฺย สํโยชนวิปฺปโมกฺขํ;

สเจ รตึ นาธิคจฺเฉยฺย ตตฺถ, สงฺเฆ วเส รกฺขิตตฺโต สตีมา’’ติ. –

คาถาทฺวยํ อภาสิ.

ตตฺถ สุสฺสูสาติ โสตพฺพยุตฺตสฺส สพฺพสุตสฺส โสตุมิจฺฉา, ครุสนฺนิวาโสปิ. ทิฏฺธมฺมิกาทิเภทฺหิ อตฺถํ โสตุมิจฺฉนฺเตน กลฺยาณมิตฺเต อุปสงฺกมิตฺวา วตฺตกรเณน ปยิรุปาสิตฺวา ยทา เต ปยิรุปาสนาย อาราธิตจิตฺตา กฺจิ อุปนิสีทิตุกามา โหนฺติ, อถ เน อุปนิสีทิตฺวา อธิคตาย โสตุมิจฺฉาย โอหิตโสเตน โสตพฺพํ โหตีติ ครุสนฺนิวาโสปิ สุสฺสูสาเหตุตาย ‘‘สุสฺสูสา’’ติ วุจฺจติ. สา ปนายํ สุสฺสูสา สจฺจปฏิจฺจสมุปฺปาทาทิปฏิสํยุตฺตํ สุตํ ตํสมงฺคิโน ปุคฺคลสฺส วฑฺเฒติ พฺรูเหตีติ สุตวทฺธนี, พาหุสจฺจการีติ อตฺโถ. สุตํ ปฺาย วทฺธนนฺติ ยํ ตํ ‘‘สุตธโร สุตสนฺนิจโย’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๓๙; อ. นิ. ๔.๒๒) ‘‘อิเธกจฺจสฺส พหุกํ สุตํ โหติ สุตฺตํ เคยฺยํ เวยฺยากรณ’’นฺติ (อ. นิ. ๔.๖) จ เอวมาทินา นเยน วุตฺตํ พาหุสจฺจํ, ตํ อกุสลปฺปหานกุสลาธิคมนเหตุภูตํ ปฺํ วทฺเธตีติ สุตํ ปฺาย วทฺธนํ, วุตฺตฺเหตํ ภควตา –

‘‘สุตาวุโธ โข, ภิกฺขเว, อริยสาวโก อกุสลํ ปชหติ, กุสลํ ภาเวติ, สาวชฺชํ ปชหติ, อนวชฺชํ ภาเวติ, สุทฺธํ อตฺตานํ ปริหรตี’’ติ (อ. นิ. ๗.๖๗).

ปฺาย อตฺถํ ชานาตีติ พหุสฺสุโต สุตมยาเณ ิโต ตํ ปฏิปตฺตึ ปฏิปชฺชนฺโต สุตานุสาเรน อตฺถูปปริกฺขาย ธมฺมนิชฺฌาเนน ภาวนาย จ โลกิยโลกุตฺตรเภทํ ทิฏฺธมฺมาทิวิภาคํ ทุกฺขาทิวิภาคฺจ อตฺถํ ยถาภูตํ ปชานาติ จ ปฏิวิชฺฌติ จ, เตนาห ภควา –

‘‘สุตสฺส ยถาปริยตฺตสฺส อตฺถมฺาย ธมฺมมฺาย ธมฺมานุธมฺมปฺปฏิปนฺโน โหตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๖).

‘‘ธตานํ ธมฺมานํ อตฺถํ อุปปริกฺขติ, อตฺถํ อุปปริกฺขโต ธมฺมา นิชฺฌานํ ขมนฺติ, ธมฺมนิชฺฌานกฺขนฺติยา สติ ฉนฺโท ชายติ, ฉนฺทชาโต อุสฺสหติ, อุสฺสหิตฺวา ตุเลติ, ตุลยิตฺวา ปทหติ, ปหิตตฺโต สมาโน กาเยน เจว ปรมสจฺจํ สจฺฉิกโรติ, ปฺาย จ นํ อติวิชฺฌ ปสฺสตี’’ติ (ม. นิ. ๒.๔๓๒) จ.

าโต อตฺโถ สุขาวโหติ ยถาวุตฺโต ทิฏฺธมฺมิกาทิอตฺโถ เจว ทุกฺขาทิอตฺโถ จ ยาถาวโต าโต อธิคโต โลกิยโลกุตฺตรเภทํ สุขํ อาวหติ นิปฺผาเทตีติ อตฺโถ.

ิตาย ภาวนาปฺาย สุตมตฺเตเนว น สิชฺฌตีติ ตสฺสา ปฏิปชฺชนวิธึ ทสฺเสนฺโต ‘‘เสเวถ…เป…วิปฺปโมกฺข’’นฺติ อาห. ตตฺถ เสเวถ ปนฺตานิ เสนาสนานีติ กายวิเวกมาห. เตน สํโยชนปฺปหานสฺส จ วกฺขมานตฺตา วิเวการหสฺเสว วิเวกวาโสติ สีลสํวราทโย อิธ อวุตฺตสิทฺธา เวทิตพฺพา. จเรยฺย สํโยชนวิปฺปโมกฺขนฺติ ยถา สํโยชเนหิ จิตฺตํ วิปฺปมุจฺจติ, ตถา วิปสฺสนาภาวนํ มคฺคภาวนฺจ จเรยฺย ปฏิปชฺเชยฺยาติ อตฺโถ. สเจ รตึ นาธิคจฺเฉยฺย ตตฺถาติ เตสุ ปนฺตเสนาสเนสุ ยถาลทฺเธสุ อธิกุสลธมฺเมสุ จ รตึ ปุพฺเพนาปรํ วิเสสสฺส อลาภโต อภิรตึ น ลเภยฺย, สงฺเฆ ภิกฺขุสมูเห รกฺขิตตฺโต กมฺมฏฺานปริคณฺหนโต รกฺขิตจิตฺโต ฉสุ ทฺวาเรสุ สติอารกฺขาย อุปฏฺปเนน สติมา วเสยฺย วิหเรยฺย, เอวํ วิหรนฺตสฺส จ อปิ นาม สํโยชนวิปฺปโมกฺโข ภเวยฺยาติ อธิปฺปาโย.

มหาจุนฺทตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. โชติทาสตฺเถรคาถาวณฺณนา

เย โข เตติ อายสฺมโต โชติทาสตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต สิขิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ สตฺถารํ ปิณฺฑาย คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺโต กาสุมาริกผลํ อทาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ปาทิยตฺถชนปเท วิภวสมฺปนฺนสฺส พฺราหฺมณสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, โชติทาโสติสฺส นามํ อโหสิ. โส วิฺุตํ ปตฺวา ฆรมาวสนฺโต เอกทิวสํ มหากสฺสปตฺเถรํ อตฺตโน คาเม ปิณฺฑาย จรนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺโต โภเชตฺวา เถรสฺส สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา อตฺตโน คามสมีเป ปพฺพเต มหนฺตํ วิหารํ กาเรตฺวา เถรํ ตตฺถ วาเสตฺวา จตูหิ ปจฺจเยหิ อุปฏฺหนฺโต เถรสฺส ธมฺมเทสนาย ปฏิลทฺธสํเวโค ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต นจิรสฺเสว ฉฬภิฺโ อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๑.๕๑-๕๖) –

‘‘กณิการํว โชตนฺตํ, นิสินฺนํ ปพฺพตนฺตเร;

อทฺทสํ วิรชํ พุทฺธํ, โลกเชฏฺํ นราสภํ.

‘‘ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, สิเร กตฺวาน อฺชลึ;

กาสุมาริกมาทาย, พุทฺธเสฏฺสฺสทาสหํ.

‘‘เอกตึเส อิโต กปฺเป, ยํ ผลํ อททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

ฉฬภิฺโ ปน หุตฺวา ตีณิ ปิฏกานิ อุคฺคเหตฺวา วิเสสโต วินยปิฏเก สุกุสลภาวํ ปตฺวา ทสวสฺสิโก ปริสุปฏฺาโก จ หุตฺวา พหูหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ ภควนฺตํ วนฺทิตุํ สาวตฺถึ คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค อทฺธานปริสฺสมวิโนทนตฺถํ ติตฺถิยานํ อารามํ ปวิสิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺโน เอกํ ปฺจตปํ ตปนฺตํ พฺราหฺมณํ ทิสฺวา, ‘‘กึ, พฺราหฺมณ, อฺสฺมึ ตปนีเย อฺํ ตปตี’’ติ อาห. ตํ สุตฺวา พฺราหฺมโณ กุปิโต, ‘‘โภ, มุณฺฑก, กึ อฺํ ตปนีย’’นฺติ อาห. เถโร ตสฺส –

‘‘โกโป จ อิสฺสา ปรเหนา จ, มาโน จ สารมฺภมโท ปมาโท;

ตณฺหา อวิชฺชา ภวสงฺคตี จ, เต ตปฺปนียา น หิ รูปขนฺโธ’’ติ. –

คาถาย ธมฺมํ เทเสสิ. ตํ สุตฺวา โส พฺราหฺมโณ ตสฺมึ ติตฺถิยาราเม สพฺเพ อฺติตฺถิยา จ เถรสฺส สนฺติเก ปพฺพชึสุ. เถโร เตหิ สทฺธึ สาวตฺถึ คนฺตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา กติปาหํ ตตฺถ วสิตฺวา อตฺตโน ชาติภูมึเยว คโต ทสฺสนตฺถํ อุปคเตสุ าตเกสุ นานาลทฺธิเก ยฺสุทฺธิเก โอวทนฺโต –

๑๔๓.

‘‘เย โข เต เวมิสฺเสน, นานตฺเตน จ กมฺมุนา;

มนุสฺเส อุปรุนฺธนฺติ, ผรุสูปกฺกมา ชนา;

เตปิ ตตฺเถว กีรนฺติ, น หิ กมฺมํ ปนสฺสติ.

๑๔๔.

‘‘ยํ กโรติ นโร กมฺมํ, กลฺยาณํ ยทิ ปาปกํ;

ตสฺส ตสฺเสว ทายาโท, ยํ ยํ กมฺมํ ปกุพฺพตี’’ติ. – คาถาทฺวยํ อภาสิ;

ตตฺถ เยติ อนิยมุทฺเทโส. เตติ อนิยมโต เอว ปฏินิทฺเทโส. ปททฺวยสฺสาปิ ‘‘ชนา’’ติ อิมินา สมฺพนฺโธ. โขติ นิปาตมตฺตํ. เวมิสฺเสนาติ วรตฺตขณฺฑาทินา สีสาทีสุ เวทาเนน. ‘‘เวธมิสฺเสนา’’ติปิ ปาฬิ, โส เอวตฺโถ. นานตฺเตน จ กมฺมุนาติ หนนฆาตนหตฺถปาทาทิจฺเฉทเนน ขุทฺทกเสฬทานาทินา จ นานาวิเธน ปรูปฆาตกมฺเมน. มนุสฺเสติ นิทสฺสนมตฺตํ, ตสฺมา เย เกจิ สตฺเตติ อธิปฺปาโย. อุปรุนฺธนฺตีติ วิพาเธนฺติ. ผรุสูปกฺกมาติ ทารุณปโยคา, กุรูรกมฺมนฺตาติ อตฺโถ. ชนาติ สตฺตา. เตปิ ตตฺเถว กีรนฺตีติ เต วุตฺตปฺปการา ปุคฺคลา ยาหิ กมฺมการณาหิ อฺเ พาธึสุ. ตตฺเถว ตาสุเยว การณาสุ สยมฺปิ กีรนฺติ ปกฺขิปียนฺติ, ตถารูปํเยว ทุกฺขํ อนุภวนฺตีติ อตฺโถ. ‘‘ตเถว กีรนฺตี’’ติ จ ปาโ, ยถา สยํ อฺเสํ ทุกฺขํ อกํสุ, ตเถว อฺเหิ กรียนฺติ, ทุกฺขํ ปาปียนฺตีติ อตฺโถ, กสฺมา? น หิ กมฺมํ ปนสฺสติ กมฺมฺหิ เอกนฺตํ อุปจิตํ วิปากํ อทตฺวา น วิคจฺฉติ, อวเสสปจฺจยสมวาเย วิปจฺจเตวาติ อธิปฺปาโย.

อิทานิ ‘‘น หิ กมฺมํ ปนสฺสตี’’ติ สงฺเขปโต วุตฺตมตฺถํ วิภชิตฺวา สตฺตานํ กมฺมสฺสกตํ วิภาเวตุํ ‘‘ยํ กโรตี’’ติ คาถํ อภาสิ. ตสฺสตฺโถ ยํ กมฺมํ กลฺยาณํ กุสลํ, ยทิ วา ปาปกํ อกุสลํ สตฺโต กโรติ, กโรนฺโต จ ตตฺถ ยํ กมฺมํ ยถา ผลทานสมตฺถํ โหติ, ตถา ปกุพฺพติ อุปจิโนติ. ตสฺส ตสฺเสว ทายาโทติ ตสฺส ตสฺเสว กมฺมผลสฺส คณฺหนโต เตน เตน กมฺเมน ทาตพฺพวิปากสฺส ภาคี โหตีติ อตฺโถ. เตนาห ภควา – ‘‘กมฺมสฺสกา, มาณว, สตฺตา กมฺมทายาทา’’ติอาทิ (ม. นิ. ๓.๒๘๙). อิมา คาถา สุตฺวา เถรสฺส าตกา กมฺมสฺสกตายํ ปติฏฺหึสูติ.

โชติทาสตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. เหรฺกานิตฺเถรคาถาวณฺณนา

อจฺจยนฺติ อโหรตฺตาติ อายสฺมโต เหรฺกานิตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล หํสวตีนคเร กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต ปเรสํ ภตโก หุตฺวา ชีวนฺโต เอกทิวสํ สุชาตสฺส นาม สตฺถุสาวกสฺส ปํสุกูลํ ปริเยสนฺตสฺส อุปฑฺฒทุสฺสํ ปริจฺจชิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน ตาวตึเสสุ นิพฺพตฺติตฺวา อปราปรํ เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท โกสลรฺโ คามโภชกสฺส โจรโวสาสกสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, เหรฺกานีติสฺส นามํ อโหสิ. โส วยปฺปตฺโต ปิตุ อจฺจเยน รฺา ตสฺมึเยว คามโภชกฏฺาเน ปิโต เชตวนปฏิคฺคหเณ พุทฺธานุภาวํ ทิสฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ อตฺตโน กนิฏฺสฺส ตํ านนฺตรํ ทาเปตฺวา ราชานํ อาปุจฺฉิตฺวา ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๐.๓๑-๔๐) –

‘‘ปทุมุตฺตรภควโต, สุชาโต นาม สาวโก;

ปํสุกูลํ คเวสนฺโต, สงฺกาเร จรเต ตทา.

‘‘นคเร หํสวติยา, ปเรสํ ภตโก อหํ;

อุปฑฺฒทุสฺสํ ทตฺวาน, สิรสา อภิวาทยึ.

‘‘เตน กมฺเมน สุกเตน, เจตนาปณิธีหิ จ;

ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวตึสมคจฺฉหํ.

‘‘เตตฺตึสกฺขตฺตุํ เทวินฺโท, เทวรชฺชมการยึ;

สตฺตสตฺตติกฺขตฺตุฺจ, จกฺกวตฺตี อโหสหํ.

‘‘ปเทสรชฺชํ วิปุลํ, คณนาโต อสงฺขิยํ;

อุปฑฺฒทุสฺสทาเนน, โมทามิ อกุโตภโย.

‘‘อิจฺฉมาโน จหํ อชฺช, สกานนํ สปพฺพตํ;

โขมทุสฺเสหิ ฉาเทยฺยํ, อฑฺฒทุสฺสสฺสิทํ ผลํ.

‘‘สตสหสฺสิโต กปฺเป, ยํ ทานมททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, อฑฺฒทุสฺสสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อตฺตโน กนิฏฺภาตรํ ตโต กมฺมโต นิวตฺเตตุกาโม ตสฺมึเยว กมฺเม อภิรตํ ทิสฺวา ตํ โจเทนฺโต –

๑๔๕.

‘‘อจฺจยนฺติ อโหรตฺตา, ชีวิตํ อุปรุชฺฌติ;

อายุ ขียติ มจฺจานํ, กุนฺนทีนํว โอทกํ.

๑๔๖.

‘‘อถ ปาปานิ กมฺมานิ, กรํ พาโล น พุชฺฌติ;

ปจฺฉาสฺส กฏุกํ โหติ, วิปาโก หิสฺส ปาปโก’’ติ. –

คาถาทฺวยํ อภาสิ.

ตตฺถ อจฺจยนฺตีติ อติกฺกมนฺติ, ลหุํ ลหุํ อปคจฺฉนฺตีติ อตฺโถ. อโหรตฺตาติ รตฺตินฺทิวา. ชีวิตํ อุปรุชฺฌตีติ ชีวิตินฺทฺริยฺจ ขณิกนิโรธวเสน นิรุชฺฌติ. วุตฺตฺหิ ‘‘ขเณ ขเณ, ตฺวํ ภิกฺขุ, ชายสิ จ ชิยฺยสิ จ มิยฺยสิ จ จวสิ จ อุปปชฺชสิ จา’’ติ. อายุ ขียติ มจฺจานนฺติ มริตพฺพสภาวตฺตา มจฺจาติ ลทฺธนามานํ อิเมสํ สตฺตานํ อายุ ‘‘โย จิรํ ชีวติ, โส วสฺสสตํ อปฺปํ วา ภิยฺโย’’ติ (ที. นิ. ๒.๙๑; สํ. นิ. ๒.๑๔๓; อ. นิ. ๗.๗๔) เอวํ ปริจฺฉินฺนกาลปรมายุ ขียติ ขยฺจ สมฺเภทฺจ คจฺฉติ, ยถา กึ? กุนฺนทีนํว โอทกํ ยถา นาม กุนฺนทีนํ ปพฺพเตยฺยานํ ขุทฺทกนทีนํ อุทกํ จิรํ น ติฏฺติ, ลหุตรํ ขียติ, อาคตมตฺตํเยว วิคจฺฉติ, เอวํ สตฺตานํ อายุ ลหุตรํ ขียติ ขยํ คจฺฉติ. เอตฺถ จ อุทกเมว ‘‘โอทก’’นฺติ วุตฺตํ, ยถา มโนเยว มานสนฺติ.

อถ ปาปานิ กมฺมานิ, กรํ พาโล น พุชฺฌตีติ เอวํ สํสาเร อนิจฺเจปิ สมาเน พาโล โลภวเสน วา โกธวเสน วา ปาปานิ กมฺมานิ กโรติ, กโรนฺโตปิ น พุชฺฌติ, ปาปํ กโรนฺโต จ ‘‘ปาปํ กโรมี’’ติ อพุชฺฌนโก นาม นตฺถิ, ‘‘อิมสฺส กมฺมสฺส เอวรูโป ทุกฺโข วิปาโก’’ติ ปน อชานนโต ‘‘น พุชฺฌตี’’ติ วุตฺตํ. ปจฺฉาสฺส กฏุกํ โหตีติ ยทิปิ ปาปสฺส กมฺมสฺส อายูหนกฺขเณ ‘‘อิมสฺส กมฺมสฺส เอวรูโป วิปาโก’’ติ น พุชฺฌติ, ตโต ปจฺฉา ปน นิรยาทีสุ นิพฺพตฺตสฺส อสฺส พาลสฺส กฏุกํ อนิฏฺํ ทุกฺขเมว โหติ. วิปาโก หิสฺส ปาปโก ยสฺมา อสฺส ปาปกมฺมสฺส นาม วิปาโก ปาปโก นิหีโน อนิฏฺโ เอวาติ. อิมํ ปน โอวาทํ สุตฺวา เถรสฺส กนิฏฺภาตา ราชานํ อาปุจฺฉิตฺวา ปพฺพชิตฺวา นจิรสฺเสว สทตฺถํ นิปฺผาเทสิ.

เหรฺกานิตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. โสมมิตฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา

ปริตฺตํ ทารุนฺติ อายสฺมโต โสมมิตฺตตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต สิขิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต พุทฺธคุเณ สุตฺวา ปสนฺนมานโส เอกทิวสํ กึสุกรุกฺขํ ปุปฺผิตํ ทิสฺวา ปุปฺผานิ คเหตฺวา สตฺถารํ อุทฺทิสฺส อากาเส ขิปิตฺวา ปูเชสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท พาราณสิยํ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา โสมมิตฺโตติ ลทฺธนาโม ติณฺณํ เวทานํ ปารคู หุตฺวา วิมเลน นาม เถเรน กตปริจยตฺตา อภิณฺหํ ตสฺส สนฺติกํ คจฺฉนฺโต ธมฺมํ สุตฺวา สาสเน ลทฺธปฺปสาโท ปพฺพชิตฺวา ลทฺธูปสมฺปโท วตฺตปฏิวตฺตํ ปูเรนฺโต วิจรติ. วิมลตฺเถโร ปน กุสีโต มิทฺธพหุโล รตฺตินฺทิวํ วีตินาเมติ. โสมมิตฺโต ‘‘กุสีตํ นาม นิสฺสาย โก คุโณ’’ติ ตํ ปหาย มหากสฺสปตฺเถรํ อุปสงฺกมิตฺวา ตสฺส โอวาเท ตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺเต ปติฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๐.๒๕-๓๐) –

‘‘กึสุกํ ปุปฺผิตํ ทิสฺวา, ปคฺคเหตฺวาน อฺชลึ;

พุทฺธเสฏฺํ สริตฺวาน, อากาเส อภิปูชยึ.

‘‘เตน กมฺเมน สุกเตน, เจตนาปณิธีหิ จ;

ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวตึสมคจฺฉหํ.

‘‘เอกตึเส อิโต กปฺเป, ยํ กมฺมมกรึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ, ภวา สพฺเพ สมูหตา;

นาโคว พนฺธนํ เฉตฺวา, วิหรามิ อนาสโว.

‘‘สฺวาคตํ วต เม อาสิ, มม พุทฺธสฺส สนฺติเก;

ติสฺโส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา วิมลตฺเถรํ โอวาเทน ตชฺเชนฺโต –

๑๔๗.

‘‘ปริตฺตํ ทารุมารุยฺห, ยถา สีเท มหณฺณเว;

เอวํ กุสีตมาคมฺม, สาธุชีวีปิ สีทติ;

ตสฺมา ตํ ปริวชฺเชยฺย, กุสีตํ หีนวีริยํ.

๑๔๘.

‘‘ปวิวิตฺเตหิ อริเยหิ, ปหิตตฺเตหิ ฌายิภิ;

นิจฺจํ อารทฺธวีริเยหิ, ปณฺฑิเตหิ สหาวเส’’ติ. – คาถาทฺวยํ อภาสิ;

ตตฺถ ปริตฺตํ ทารุมารุยฺห, ยถา สีเท มหณฺณเวติ เปสโลปิ กุลปุตฺโต กุสีตํ อลสปุคฺคลํ นิสฺสาย สีทติ สํสาเร ปตติ, น ตสฺส ปารํ นิพฺพานํ คจฺฉติ. ยสฺมา เอตเทวํ, ตสฺมา ตํ อธิกุสลธมฺมวเสน สีสํ อนุกฺขิปิตฺวา กุจฺฉิตํ สีทนโต กุสีตํ วีริยารมฺภาภาวโต หีนวีริยํ ปุคฺคลํ สพฺพถา วชฺเชยฺย, น ตสฺส ทิฏฺานุคตึ อาปชฺเชยฺยาติ อตฺโถ.

เอวํ ปุคฺคลาธิฏฺานาย คาถาย โกสชฺเช อาทีนวํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ วีริยารมฺเภ อานิสํเส ทสฺเสตุํ ‘‘ปวิวิตฺเตหี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตสฺสตฺโถ – เย ปน กายวิเวกสมฺภเวน ปวิวิตฺตา, ตโต เอว กิเลเสหิ อารกตฺตา อริยา, นิพฺพานํ ปติเปสิตตฺตตาย ปหิตตฺตา อารมฺมณูปนิชฺฌานวเสน ลกฺขณูปนิชฺฌานวเสน จ ฌายิโน, สพฺพกาลํ ปคฺคหิตวีริยตาย อารทฺธวีริยา, โลกิยโลกุตฺตรเภทาย ปฺาย สมนฺนาคตตฺตา ปณฺฑิตา, เตหิเยว สห อาวเสยฺย สทตฺถํ นิปฺผาเทตุกาโม สํวเสยฺยาติ. ตํ สุตฺวา วิมลตฺเถโร สํวิคฺคมานโส วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา สทตฺถํ อาราเธสิ. สฺวายมตฺโถ ปรโต อาคมิสฺสติ.

โสมมิตฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. สพฺพมิตฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา

ชโน ชนมฺหิ สมฺพทฺโธติ อายสฺมโต สพฺพมิตฺตตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต อิโต ทฺวานวุเต กปฺเป ติสฺสสฺส ภควโต กาเล เนสาทกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วนจาริโก หุตฺวา วเน มิเค วธิตฺวา มํสํ ขาทนฺโต ชีวติ. อถสฺส ภควา อนุคฺคณฺหนตฺถํ วสนฏฺานสมีเป ตีณิ ปทเจติยานิ ทสฺเสตฺวา ปกฺกามิ. โส อตีตกาเล สมฺมาสมฺพุทฺเธสุ กตปริจยตฺตา จกฺกงฺกิตานิ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส โกรณฺฑปุปฺเผหิ ปูชํ กตฺวา เตน ปุฺกมฺเมน ตาวตึสภวเน นิพฺพตฺติตฺวา อปราปรํ สุคตีสุเยว สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถินคเร พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติ, สพฺพมิตฺโตติสฺส นามํ อโหสิ. โส วิฺุตํ ปตฺโต เชตวนปฏิคฺคหเณ พุทฺธานุภาวํ ทิสฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อรฺเ วิหรนฺโต วสฺสํ อุปคนฺตฺวา วุฏฺวสฺโส ภควนฺตํ วนฺทิตุํ สาวตฺถึ คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค มาควิเกหิ โอฑฺฑิเต ปาเส มิคโปตกํ พทฺธํ อทฺทส. มาตา ปนสฺส มิคี ปาสํ อปฺปวิฏฺาปิ ปุตฺตสิเนเหน ทูรํ น คจฺฉติ, มรณภเยน ปาสสมีปมฺปิ น อุปคจฺฉติ มิคโปตโก จ ภีโต อิโต จิโต จ ปริวตฺเตนฺโต กรุณํ วิลปติ, ตํ ทิสฺวา เถโร, ‘‘อโห สตฺตานํ สฺเนหเหตุกํ ทุกฺข’’นฺติ คจฺฉนฺโต ตโต ปรํ สมฺพหุเล โจเร เอกํ ปุริสํ ชีวคาหํ คเหตฺวา ปลาลเวณิยา สรีรํ เวเตฺวา ฌาเปนฺเต, ตฺจ มหาวิรวํ วิรวนฺตํ ทิสฺวา ตทุภยํ นิสฺสาย สฺชาตสํเวโค เตสํ โจรานํ สุณนฺตานํเยว –

๑๔๙.

‘‘ชโน ชนมฺหิ สมฺพทฺโธ, ชนเมวสฺสิโต ชโน;

ชโน ชเนน เหียติ, เหเติ จ ชโน ชนํ.

๑๕๐.

‘‘โก หิ ตสฺส ชเนนตฺโถ, ชเนน ชนิเตน วา;

ชนํ โอหาย คจฺฉํ ตํ, เหยิตฺวา พหุํ ชน’’นฺติ. – คาถาทฺวยํ อภาสิ;

ตตฺถ ชโนติ อนฺธพาลชโน. ชนมฺหีติ อฺเ ชเน. สมฺพทฺโธติ ตณฺหาพนฺธเนน พทฺโธ. ‘‘อยํ เม ปุตฺโต, มาตา’’ติอาทินา ปฏิพทฺโธ. อยเมว วา ปาโ, ‘‘อิเม มํ โปเสนฺติ, อหํ อิเม นิสฺสาย ชีวามี’’ติ ปฏิพทฺธจิตฺโตติ อตฺโถ. ชนเมวสฺสิโต ชโนติ ‘‘อยํ เม ปุตฺโต, ธีตา’’ติอาทินา อฺเมว ชนํ อฺโ ชโน อสฺสิโต ตณฺหาย อลฺลีโน ปริคฺคยฺห ิโต. ชโน ชเนน เหียติ, เหเติ จ ชโน ชนนฺติ กมฺมสฺสกตาย ยถาภูตาวโพธสฺส จ อภาวโต อชฺฌุเปกฺขนํ อกตฺวา โลภวเสน ยถา ชโน ชนํ อสฺสิโต, เอวํ โทสวเสน ชโน ชเนน เหียติ วิพาธียติ. ‘‘ตยิทํ มยฺหํว อุปริ เหนผลวเสน ปริปติสฺสตี’’ติ อชานนฺโต เหเติ จ ชโน ชนํ.

โก หิ ตสฺส ชเนนตฺโถติ ตสฺส อฺชนสฺส อฺเน ชเนน ตณฺหาวเสน อสฺสิเตน โทสวเสน เหิเตน วา โก อตฺโถ. ชเนน ชนิเตน วาติ มาตาปิตา หุตฺวา เตน อฺเน ชเนน ชนิเตน วา โก อตฺโถ. ชนํ โอหาย คจฺฉํ ตํ, เหยิตฺวา พหุํ ชนนฺติ ยสฺมา สํสาเร จรโต ชนสฺส อยเมวานุรูปา ปฏิปตฺติ, ตสฺมา ตํ ชนํ, ตสฺส จ พาธิกา ยา สา ตณฺหา จ, โย จ โส โทโส เอว พหุํ ชนํ พาธยิตฺวา ิโต, ตฺจ โอหาย สพฺพโส ปหาย ปริจฺจชิตฺวา คจฺฉํ, เตหิ อนุปทฺทุตํ านํ คจฺเฉยฺยํ ปาปุเณยฺยนฺติ อตฺโถ. เอวํ ปน วตฺวา เถโร ตาวเทว วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อรหตฺตมปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๐.๑๕-๒๔) –

‘‘วนกมฺมิโก ปุเร อาสึ, ปิตุมาตุมเตนหํ;

ปสุมาเรน ชีวามิ, กุสลํ เม น วิชฺชติ.

‘‘มม อาสยสามนฺตา, ติสฺโส โลกคฺคนายโก;

ปทานิ ตีณิ ทสฺเสสิ, อนุกมฺปาย จกฺขุมา.

‘‘อกฺกนฺเต จ ปเท ทิสฺวา, ติสฺสนามสฺส สตฺถุโน;

หฏฺโ หฏฺเน จิตฺเตน, ปเท จิตฺตํ ปสาทยึ.

‘‘โกรณฺฑํ ปุปฺผิตํ ทิสฺวา, ปาทปํ ธรณีรุหํ;

สโกสกํ คเหตฺวาน, ปทเสฏฺมปูชยึ.

‘‘เตน กมฺเมน สุกเตน, เจตนาปณิธีหิ จ;

ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวตึสมคจฺฉหํ.

‘‘ยํ ยํ โยนุปปชฺชามิ, เทวตฺตํ อถ มานุสํ;

โกรณฺฑกฉวิ โหมิ, สุปฺปภาโส ภวามหํ.

‘‘ทฺเวนวุเต อิโต กปฺเป, ยํ กมฺมมกรึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ปทปูชายิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

เต ปน โจรา เถรสฺส สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา สํเวคชาตา ปพฺพชิตฺวา ธมฺมานุธมฺมํ ปฏิปชฺชึสูติ.

สพฺพมิตฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. มหากาฬตฺเถรคาถาวณฺณนา

กาฬี อิตฺถีติ อายสฺมโต มหากาฬตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต อิโต เอกนวุเต กปฺเป กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เกนจิเทว กรณีเยน อรฺํ คโต ตตฺถ อฺตรสฺส รุกฺขสฺส สาขาย โอลมฺพมานํ ปํสุกูลจีวรํ ทิสฺวา ‘‘อริยทฺธโช โอลมฺพตี’’ติ ปสนฺนจิตฺโต กิงฺกณิปุปฺผานิ คเหตฺวา ปํสุกูลํ ปูเชสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท เสตพฺยนคเร สตฺถวาหกุเล นิพฺพตฺติตฺวา มหากาโฬติ ลทฺธนาโม วิฺุตํ ปตฺวา ฆราวาสํ วสนฺโต ปฺจหิ สกฏสเตหิ ภณฺฑํ คเหตฺวา วาณิชฺชวเสน สาวตฺถึ คโต เอกมนฺตํ สกฏสตฺถํ นิเวเสตฺวา อทฺธานปริสฺสมํ วิโนเทตฺวา อตฺตโน ปริสาย สทฺธึ นิสินฺโน สายนฺหสมยํ คนฺธมาลาทิหตฺเถ อุปาสเก เชตวนํ คจฺฉนฺเต ทิสฺวา สยมฺปิ เตหิ สทฺธึ วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา โสสานิกงฺคํ อธิฏฺาย สุสาเน วสติ. อเถกทิวสํ กาฬี นาม เอกา อิตฺถี ฉวฑาหิกา เถรสฺส กมฺมฏฺานตฺถาย อจิรมตสรีรํ อุโภ สตฺถี ภินฺทิตฺวา อุโภ จ พาหู ภินฺทิตฺวา สีสฺจ ทธิถาลกํ วิย ภินฺทิตฺวา สพฺพํ องฺคปจฺจงฺคํ สมฺพนฺธเมว กตฺวา เถรสฺส โอโลเกตุํ โยคฺยฏฺาเน เปตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เถโร ตํ ทิสฺวา อตฺตานํ โอวทนฺโต –

๑๕๑.

‘‘กาฬี อิตฺถี พฺรหตี ธงฺกรูปา, สตฺถิฺจ เภตฺวา อปรฺจ สตฺถึ;

พาหฺจ เภตฺวา อปรฺจ พาหํ, สีสฺจ เภตฺวา ทธิถาลกํว;

เอสา นิสินฺนา อภิสนฺทหิตฺวา.

๑๕๒.

‘‘โย เว อวิทฺวา อุปธึ กโรติ, ปุนปฺปุนํ ทุกฺขมุเปติ มนฺโท;

ตสฺมา ปชานํ อุปธึ น กยิรา, มาหํ ปุน ภินฺนสิโร สยิสฺส’’นฺติ. –

คาถาทฺวยํ อภาสิ.

ตตฺถ กาฬีติ ตสฺสา นามํ, กาฬวณฺณตฺตา วา เอวํ วุตฺตํ. พฺรหตีติ มหาสรีรา อาโรหปริณาหวตี. ธงฺกรูปาติ กาฬวณฺณตฺตา เอว กากสทิสรูปา. สตฺถิฺจ เภตฺวาติ มตสรีรสฺส สตฺถึ ชณฺณุเภทเนน ภฺชิตฺวา. อปรฺจ สตฺถินฺติ อิตรฺจ สตฺถึ ภฺชิตฺวา. พาหฺจ เภตฺวาติ พาหฏฺิฺจ อคฺคพาหฏฺาเนเยว ภฺชิตฺวา. สีสฺจ เภตฺวา ทธิถาลกํวาติ มตสรีรสฺส สีสํ ภินฺทิตฺวา ภินฺนตฺตา เอว เลฑฺฑุทณฺฑาทีหิ ปคฺฆรนฺตํ ทธิถาลกํ วิย, ปคฺฆรนฺตํ มตฺถลุงฺคํ กตฺวาติ อตฺโถ. เอสา นิสินฺนา อภิสนฺทหิตฺวาติ ฉินฺนภินฺนาวยวํ มตสรีรํ เต อวยเว ยถาาเนเยว ปเนน สนฺทหิตฺวา สหิตํ กตฺวา มํสาปณํ ปสาเรนฺตี วิย เอสา นิสินฺนา.

โย เว อวิทฺวา อุปธึ กโรตีติ โย อิมาย อุปฏฺาปิตํ กมฺมฏฺานํ ทิสฺวาปิ อวิทฺวา อกุสโล กมฺมฏฺานํ ฉฑฺเฑตฺวา อโยนิโสมนสิกาเรน กิเลสูปธึ อุปฺปาเทติ, โส มนฺโท มนฺทปฺโ สํสารสฺส อนติวตฺตนโต ปุนปฺปุนํ อปราปรํ นิรยาทีสุ ทุกฺขํ อุเปติ. ตสฺมา ปชานํ อุปธึ น กยิราติ ตสฺมาติ ยสฺมา เจตเทวํ, ตสฺมา. ปชานํ อุปธินฺติ ‘‘อิธ ยํ ทุกฺขํ สมฺโภตี’’ติ ปชานนฺโต โยนิโส มนสิกโรนฺโต กิเลสูปธึ น กยิรา น อุปฺปาเทยฺย. กสฺมา? มาหํ ปุน ภินฺนสิโร สยิสฺสนฺติ ยถยิทํ มตสรีรํ ภินฺนสรีรํ สยติ, เอวํ กิเลสูปธีหิ สํสาเร ปุนปฺปุนํ อุปฺปตฺติยา กฏสิวฑฺฒโก หุตฺวา ภินฺนสิโร อหํ มา สยิสฺสนฺติ. เอวํ วทนฺโต เอว เถโร วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๐.๘-๑๔) –

‘‘หิมวนฺตสฺสาวิทูเร, อุทงฺคโณ นาม ปพฺพโต;

ตตฺถทฺทสํ ปํสุกูลํ, ทุมคฺคมฺหิ วิลมฺพิตํ.

‘‘ตีณิ กิงฺกณิปุปฺผานิ, โอจินิตฺวานหํ ตทา;

หฏฺโ หฏฺเน จิตฺเตน, ปํสุกูลมปูชยึ.

‘‘เตน กมฺเมน สุกเตน, เจตนาปณิธีหิ จ;

ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวตึสมคจฺฉหํ.

‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ กมฺมมกรึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ปูชิตฺวา อรหทฺธชํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

มหากาฬตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. ติสฺสตฺเถรคาถาวณฺณนา

พหู สปตฺเต ลภตีติ อายสฺมโต ติสฺสตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ ปุฺํ อุปจินนฺโต ปิยทสฺสิสฺส ภควโต กาเล พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต สิปฺเปสุ นิปฺผตฺตึ คนฺตฺวา กาเมสุ อาทีนวํ ทิสฺวา ฆราวาสํ ปหาย ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อรฺายตเน สาลวเน อสฺสมํ กาเรตฺวา วสติ. ภควา ตสฺส อนุคฺคณฺหนตฺถํ อสฺสมสฺส อวิทูเร สาลวเน นิโรธํ สมาปชฺชิตฺวา นิสีทิ. โส อสฺสมโต นิกฺขมิตฺวา ผลาผลตฺถาย คจฺฉนฺโต ภควนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส จตฺตาโร ทณฺเฑ เปตฺวา ภควโต อุปริ ปุปฺผิตาหิ สาลสาขาหิ สาขามณฺฑปํ กตฺวา สตฺตาหํ นวนเวหิ สาลปุปฺเผหิ ภควนฺตํ ปูเชนฺโต อฏฺาสิ พุทฺธารมฺมณํ ปีตึ อวิชหนฺโต. สตฺถา สตฺตาหสฺส อจฺจเยน นิโรธโต วุฏฺหิตฺวา ภิกฺขุสงฺฆํ จินฺเตสิ. ตาวเทว สตสหสฺสมตฺตา ขีณาสวา สตฺถารํ ปริวาเรสุํ. ภควา ตสฺส ภาวินึ สมฺปตฺตึ วิภาเวนฺโต อนุโมทนํ วตฺวา ปกฺกามิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา อปราปรํ สุคตีสุเยว สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคเห พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา ติสฺโสติ ลทฺธนาโม วยปฺปตฺโต ติณฺณํ เวทานํ ปารคู หุตฺวา ปฺจมตฺตานิ มาณวกสตานิ มนฺเต วาเจนฺโต ลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺโต หุตฺวา สตฺถุ ราชคหคมเน พุทฺธานุภาวํ ทิสฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๙.๑๙๐-๒๒๐) –

‘‘อชฺโฌคาเหตฺวา สาลวนํ, สุกโต อสฺสโม มม;

สาลปุปฺเผหิ สฺฉนฺโน, วสามิ วิปิเน ตทา.

‘‘ปิยทสฺสี จ ภควา, สยมฺภู อคฺคปุคฺคโล;

วิเวกกาโม สมฺพุทฺโธ, สาลวนมุปาคมิ.

‘‘อสฺสมา อภินิกฺขมฺม, ปวนํ อคมาสหํ;

มูลผลํ คเวสนฺโต, อาหิณฺฑามิ วเน ตทา.

‘‘ตตฺถทฺทสาสึ สมฺพุทฺธํ, ปิยทสฺสึ มหายสํ;

สุนิสินฺนํ สมาปนฺนํ, วิโรจนฺตํ มหาวเน.

‘‘จตุทณฺเฑ เปตฺวาน, พุทฺธสฺส อุปรี อหํ;

มณฺฑปํ สุกตํ กตฺวา, สาลปุปฺเผหิ ฉาทยึ.

‘‘สตฺตาหํ ธารยิตฺวาน, มณฺฑปํ สาลฉาทิตํ;

ตตฺถ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, พุทฺธเสฏฺมวนฺทหํ.

‘‘ภควา ตมฺหิ สมเย, วุฏฺหิตฺวา สมาธิโต;

ยุคมตฺตํ เปกฺขมาโน, นิสีทิ ปุริสุตฺตโม.

‘‘สาวโก วรุโณ นาม, ปิยทสฺสิสฺส สตฺถุโน;

วสีสตสหสฺเสหิ, อุปคจฺฉิ วินายกํ.

‘‘ปิยทสฺสี จ ภควา, โลกเชฏฺโ นราสโภ;

ภิกฺขุสงฺเฆ นิสีทิตฺวาน, สิตํ ปาตุกรี ชิโน.

‘‘อนุรุทฺโธ อุปฏฺาโก, ปิยทสฺสิสฺส สตฺถุโน;

เอกํสํ จีวรํ กตฺวา, อปุจฺฉิตฺถ มหามุนึ.

‘‘โก นุ โข ภควา เหตุ, สิตกมฺมสฺส สตฺถุโน;

การเณ วิชฺชมานมฺหิ, สตฺถา ปาตุกเร สิตํ.

‘‘สตฺตาหํ สาลจฺฉทนํ, โย เม ธาเรสิ มาณโว;

ตสฺส กมฺมํ สริตฺวาน, สิตํ ปาตุกรึ อหํ.

‘‘อโนกาสํ น ปสฺสามิ, ยตฺถ ปุฺํ วิปจฺจติ;

เทวโลเก มนุสฺเส วา, โอกาโสว น สมฺมติ.

‘‘เทวโลเก วสนฺตสฺส, ปุฺกมฺมสมงฺคิโน;

ยาวตา ปริสา ตสฺส, สาลจฺฉนฺนา ภวิสฺสติ.

‘‘ตตฺถ ทิพฺเพหิ นจฺเจหิ, คีเตหิ วาทิเตหิ จ;

รมิสฺสติ สทา สนฺโต, ปุฺกมฺมสมาหิโต.

‘‘ยาวตา ปริสา ตสฺส, คนฺธคนฺธี ภวิสฺสติ;

สาลสฺส ปุปฺผวสฺโส จ, ปวสฺสิสฺสติ ตาวเท.

‘‘ตโต จุโตยํ มนุโช, มานุสํ อาคมิสฺสติ;

อิธาปิ สาลจฺฉทนํ, สพฺพกาลํ ธริสฺสติ.

‘‘อิธ นจฺจฺจ คีตฺจ, สมฺมตาฬสมาหิตํ;

ปริวาเรสฺสนฺติ มํ นิจฺจํ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘อุคฺคจฺฉนฺเต จ สูริเย, สาลวสฺสํ ปวสฺสติ;

ปุฺกมฺเมน สํยุตฺตํ, วสฺสเต สพฺพกาลิกํ.

‘‘อฏฺารเส กปฺปสเต, โอกฺกากกุลสมฺภโว;

โคตโม นาม โคตฺเตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติ.

‘‘ตสฺส ธมฺเมสุ ทายาโท, โอรโส ธมฺมนิมฺมิโต;

สพฺพาสเว ปริฺาย, นิพฺพายิสฺสตินาสโว.

‘‘ธมฺมํ อภิสเมนฺตสฺส, สาลจฺฉนฺนํ ภวิสฺสติ;

จิตเก ฌายมานสฺส, ฉทนํ ตตฺถ เหสฺสติ.

‘‘วิปากํ กิตฺตยิตฺวาน, ปิยทสฺสี มหามุนิ;

ปริสาย ธมฺมํ เทเสสิ, ตปฺเปนฺโต ธมฺมวุฏฺิยา.

‘‘ตึสกปฺปานิ เทเวสุ, เทวรชฺชมการยึ;

สฏฺิ จ สตฺตกฺขตฺตุฺจ, จกฺกวตฺตี อโหสหํ.

‘‘เทวโลกา อิธาคนฺตฺวา, ลภามิ วิปุลํ สุขํ;

อิธาปิ สาลจฺฉทนํ, มณฺฑปสฺส อิทํ ผลํ.

‘‘อยํ ปจฺฉิมโก มยฺหํ, จริโม วตฺตเต ภโว;

อิธาปิ สาลจฺฉทนํ, เหสฺสติ สพฺพกาลิกํ.

‘‘มหามุนึ โตสยิตฺวา, โคตมํ สกฺยปุงฺควํ;

ปตฺโตมฺหิ อจลํ านํ, หิตฺวา ชยปราชยํ.

‘‘อฏฺารเส กปฺปสเต, ยํ พุทฺธมภิปูชยึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

โส อรหตฺตํ ปน ปตฺวา วิเสสโต ลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺโต อโหสิ. ตตฺถ เกจิ ปุถุชฺชนภิกฺขู เถรสฺส ลาภสกฺการํ ทิสฺวา พาลภาเวน อสหนาการํ ปเวเทสุํ. เถโร ตํ ตฺวา ลาภสกฺกาเร อาทีนวํ ตตฺถ อตฺตโน อลคฺคภาวฺจ ปกาเสนฺโต –

๑๕๓.

‘‘พหู สปตฺเต ลภติ, มุณฺโฑ สงฺฆาฏิปารุโต;

ลาภี อนฺนสฺส ปานสฺส, วตฺถสฺส สยนสฺส จ.

๑๕๔.

‘‘เอตมาทีนวํ ตฺวา, สกฺกาเรสุ มหพฺภยํ;

อปฺปลาโภ อนวสฺสุโต, สโต ภิกฺขุ ปริพฺพเช’’ติ. –

คาถาทฺวยํ อภาสิ.

ตสฺสตฺโถ – สิขมฺปิ อเสเสตฺวา มุณฺฑิตเกสตาย มุณฺโฑ, ฉินฺทิตฺวา สงฺฆาฏิตกาสาวธาริตาย สงฺฆาฏิปารุโต, เอวํ เววณฺณิยํ อชฺฌุปคโต ปรายตฺตวุตฺติโก ปพฺพชิโต สเจ อนฺนปานาทีนํ ลาภี โหติ, โสปิ พหู สปตฺเต ลภติ, ตสฺส อุสูยนฺตา พหู สมฺภวนฺติ. ตสฺมา เอตํ เอวรูปํ ลาภสกฺกาเรสุ มหพฺภยํ วิปุลภยํ อาทีนวํ โทสํ วิทิตฺวา อปฺปิจฺฉตํ สนฺโตสฺจ หทเย เปตฺวา อนวชฺชุปฺปาทสฺสาปิ อุปฺปนฺนสฺส ลาภสฺส ปริวชฺชเนน อปฺปลาโภ, ตโต เอว ตตฺถ ตณฺหาวสฺสุตาภาเวน อนวสฺสุโต, สํสาเร ภยสฺส อิกฺขนโต ภินฺนกิเลสตาย วา ภิกฺขุ สนฺตุฏฺิฏฺานียสฺส สติสมฺปชฺสฺส วเสน สโต หุตฺวา ปริพฺพเช จเรยฺย วิหเรยฺยาติ. ตํ สุตฺวา เต ภิกฺขู ตาวเทว เถรํ ขมาเปสุํ.

ติสฺสตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. กิมิลตฺเถรคาถาวณฺณนา

ปาจีนวํสทายมฺหีติอาทิกา อายสฺมโต กิมิลตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? ตสฺส ปุพฺพโยโค สํเวคุปฺปตฺติ ปพฺพชฺชา จ เอกกนิปาเต ‘‘อภิสตฺโต’’ติ คาถาย สํวณฺณนายํ วุตฺตาเยว. ตาย จ คาถาย เถเรน อตฺตโน วิเสสาธิคมสฺส การณํ ทสฺสิตํ. อิธ ปน อธิคตวิเสสสฺส อตฺตโน อายสฺมตา จ อนุรุทฺเธน อายสฺมตา จ นนฺทิเยน สห สมคฺควาโส ทสฺสิโตติ เวทิตพฺพํ. สมคฺควาสํ ปน วสนฺตา เต ยถา จ วสึสุ, ตํ ทสฺเสนฺโต –

๑๕๕.

‘‘ปาจีนวํสทายมฺหิ, สกฺยปุตฺตา สหายกา;

ปหายานปฺปเก โภเค, อุฺเฉ ปตฺตาคเต รตา.

๑๕๖.

‘‘อารทฺธวีริยา ปหิตตฺตา, นิจฺจํ ทฬฺหปรกฺกมา;

รมนฺติ ธมฺมรติยา, หิตฺวาน โลกิยํ รติ’’นฺติ. – คาถาทฺวยํ อภาสิ;

ตตฺถ ปาจีนวํสทายมฺหีติ ปาจีนวํสนามเก รกฺขิตโคปิเต สหปริจฺเฉเท วเน. ตฺหิ วนํ คามสฺส ปาจีนทิสายํ ิตตฺตา วํสคุมฺพปริกฺขิตฺตตฺตา จ ‘‘ปาจีนวํสทาโย’’ติ วุตฺโต, วํสวนภาเวน วาติ. สกฺยปุตฺตาติ อนุรุทฺธตฺเถราทโย สกฺยราชกุมารา. สหายกาติ สํเวคุปฺปตฺติปพฺพชฺชาสมณธมฺมกรณสํวาเสหิ สห อยนโต ปวตฺตนโต สหายกา. ปหายานปฺปเก โภเคติ อุฬาเรน ปุฺานุภาเวน อธิคเต กุลปรมฺปราคเต จ มหนฺเต โภคกฺขนฺเธ ฉฑฺเฑตฺวา. ‘‘สหายานปฺปเก’’ติปิ ปาฬิ. อุฺเฉ ปตฺตาคเต รตาติ อุฺฉาจริยาย อาภตตฺตา อุฺเฉ ปตฺเต อาคตตฺตา ปตฺตาคเต ปตฺตปริยาปนฺเน รตา อภิรตา, สงฺฆภตฺตาทิอติเรกลาภํ ปฏิกฺขิปิตฺวา ชงฺฆพลํ นิสฺสาย ภิกฺขาจริยาย ลทฺเธน มิสฺสกภตฺเตเนว สนฺตุฏฺาติ อตฺโถ.

อารทฺธวีริยาติ อุตฺตมตฺถสฺส อธิคมาย อาทิโตว ปเคว สมฺปาทิตวีริยา. ปหิตตฺตาติ นินฺนโปณปพฺภารภาเวน กาเลน กาลํ สมาปชฺชเนน จ นิพฺพานํ ปติเปสิตจิตฺตา. นิจฺจํ ทฬฺหปรกฺกมาติ วตฺตปฏิปตฺตีสุ ทิฏฺธมฺมสุขวิหารานุโยเคน สพฺพกาลํ อสิถิลปรกฺกมา. รมนฺติ ธมฺมรติยา, หิตฺวาน โลกิยํ รตินฺติ โลเก วิทิตตาย โลกปริยาปนฺนตาย จ โลกิยํ รูปารมฺมณาทิรตึ ปหาย มคฺคปฺาย ปชหิตฺวา โลกุตฺตรธมฺมรติยา อคฺคผลนิพฺพานาภิรติยา จ รมนฺติ อภิรมนฺตีติ.

กิมิลตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. นนฺทตฺเถรคาถาวณฺณนา

อโยนิโส มนสิการาติ อายสฺมโต นนฺทตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล หํสวตีนคเร กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต ภควโต สนฺติเก ธมฺมํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา สยมฺปิ ตํ านนฺตรํ ปตฺเถนฺโต ภควโต ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ ปูชาสกฺการพหุลํ มหาทานํ ปวตฺเตตฺวา, ‘‘อหมฺปิ อนาคเต ตุมฺหาทิสสฺส พุทฺธสฺส เอวรูโป สาวโก ภเวยฺย’’นฺติ ปณิธานํ กตฺวา ตโต ปฏฺาย เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อตฺถทสฺสิสฺส ภควโต กาเล วินตาย นาม นทิยา มหนฺโต กจฺฉโป หุตฺวา นิพฺพตฺโต เอกทิวสํ สตฺถารํ นทิยา ปารํ คนฺตุํ ตีเร ิตํ ทิสฺวา สยํ ภควนฺตํ ตาเรตุกาโม สตฺถุ ปาทมูเล นิปชฺชิ. สตฺถา ตสฺส อชฺฌาสยํ โอโลเกตฺวา ปิฏฺึ อภิรุหิ. โส หฏฺตุฏฺโ เวเคน โสตํ ฉินฺทนฺโต สีฆตรํ ปรตีรเมว ปาเปสิ. ภควา ตสฺส อนุโมทนํ วทนฺโต ภาวินึ สมฺปตฺตึ กเถตฺวา ปกฺกามิ.

โส เตน ปุฺกมฺเมน สุคตีสุเยว สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท กปิลวตฺถุสฺมึ สุทฺโธทนมหาราชสฺส ปุตฺโต หุตฺวา มหาปชาปติยา โคตมิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติ. ตสฺส นามคฺคหณทิวเส าติสงฺฆํ นนฺเทนฺโต ชาโตติ นนฺโทตฺเวว นามํ อกํสุ. ตสฺส วยปฺปตฺตกาเล สตฺถา ปวตฺตวรธมฺมจกฺโก โลกานุคฺคหํ กโรนฺโต กปิลวตฺถุํ คนฺตฺวา าติสมาคเม โปกฺขรวสฺสํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา เวสฺสนฺตรชาตกํ (ชา. ๒.๒๒.๑๖๕๕ อาทโย) กเถตฺวา ทุติยทิวเส ปิณฺฑาย ปวิฏฺโ ‘‘อุตฺติฏฺเ นปฺปมชฺเชยฺยา’’ติ (ธ. ป. ๑๖๘) คาถาย ปิตรํ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาเปตฺวา นิเวสนํ คนฺตฺวา ‘‘ธมฺมํ จเร สุจริต’’นฺติ (ธ. ป. ๑๖๙) คาถาย มหาปชาปตึ โสตาปตฺติผเล ราชานํ สกทาคามิผเล ปติฏฺาเปตฺวา ตติเย ทิวเส นนฺทกุมารสฺส อภิเสกนิเวสนปฺปเวสนวิวาหมงฺคเลสุ วตฺตมาเนสุ ปิณฺฑาย ปวิสิตฺวา นนฺทกุมารสฺส หตฺเถ ปตฺตํ ทตฺวา มงฺคลํ วตฺวา ตสฺส หตฺถโต ปตฺตํ อคเหตฺวาว วิหารํ คโต ตํ ปตฺตหตฺถํ วิหารํ อาคตํ อนิจฺฉมานํเยว ปพฺพาเชตฺวา ตถา ปพฺพชิตตฺตาเยว อนภิรติยา ปีฬิตํ ตฺวา อุปาเยน ตสฺส ตํ อนภิรตึ วิโนเทสิ. โส โยนิโส ปฏิสงฺขาย วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๙.๑๔๘-๑๖๓) –

‘‘อตฺถทสฺสี ตุ ภควา, สยมฺภู โลกนายโก;

วินตานทิยา ตีรํ, อุปาคจฺฉิ ตถาคโต.

‘‘อุทกา อภินิกฺขมฺม, กจฺฉโป วาริโคจโร;

พุทฺธํ ตาเรตุกาโมหํ, อุเปสึ โลกนายกํ.

‘‘อภิรูหตุ มํ พุทฺโธ, อตฺถทสฺสี มหามุนิ;

อหํ ตํ ตารยิสฺสามิ, ทุกฺขสฺสนฺตกโร ตุวํ.

‘‘มม สงฺกปฺปมฺาย, อตฺถทสฺสี มหายโส;

อภิรูหิตฺวา เม ปิฏฺึ, อฏฺาสิ โลกนายโก.

‘‘ยโต สรามิ อตฺตานํ, ยโต ปตฺโตสฺมิ วิฺุตํ;

สุขํ เม ตาทิสํ นตฺถิ, ผุฏฺเ ปาทตเล ยถา.

‘‘อุตฺตริตฺวาน สมฺพุทฺโธ, อตฺถทสฺสี มหายโส;

นทิตีรมฺหิ ตฺวาน, อิมา คาถา อภาสถ.

‘‘ยาวตา วตฺตเต จิตฺตํ, คงฺคาโสตํ ตรามหํ;

อยฺจ กจฺฉโป ราชา, ตาเรสิ มม ปฺวา.

‘‘อิมินา พุทฺธตรเณน, เมตฺตจิตฺตวตาย จ;

อฏฺารเส กปฺปสเต, เทวโลเก รมิสฺสติ.

‘‘เทวโลกา อิธาคนฺตฺวา, สุกฺกมูเลน โจทิโต;

เอกาสเน นิสีทิตฺวา, กงฺขาโสตํ ตริสฺสติ.

‘‘ยถาปิ ภทฺทเก เขตฺเต, พีชํ อปฺปมฺปิ โรปิตํ;

สมฺมาธารํ ปเวจฺฉนฺเต, ผลํ โตเสติ กสฺสกํ.

‘‘ตเถวิทํ พุทฺธเขตฺตํ, สมฺมาสมฺพุทฺธเทสิตํ;

สมฺมาธารํ ปเวจฺฉนฺเต, ผลํ มํ โตสยิสฺสติ.

‘‘ปธานปหิตตฺโตมฺหิ, อุปสนฺโต นิรูปธิ;

สพฺพาสเว ปริฺาย, วิหรามิ อนาสโว.

‘‘อฏฺารเส กปฺปสเต, ยํ กมฺมมกรึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ตรณาย อิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา วิมุตฺติสุขํ อนุภวนฺโต ‘‘อโห สตฺถุ อุปายโกสลฺลํ, เยนาหํ ภวปงฺกโต อุทฺธริตฺวา นิพฺพานถเล ปติฏฺาปิโต’’ติ อตฺตโน ปหีนสํกิเลสํ ปฏิลทฺธฺจ สุขํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา สฺชาตโสมนสฺโส อุทานวเสน –

๑๕๗.

‘‘อโยนิโส มนสิการา, มณฺฑนํ อนุยุฺชิสํ;

อุทฺธโต จปโล จาสึ, กามราเคน อฏฺฏิโต.

๑๕๘.

‘‘อุปายกุสเลนาหํ, พุทฺเธนาทิจฺจพนฺธุนา;

โยนิโส ปฏิปชฺชิตฺวา, ภเว จิตฺตํ อุทพฺพหิ’’นฺติ. – คาถาทฺวยํ อภาสิ;

ตตฺถ อโยนิโส มนสิการาติ อนุปายมนสิการโต อสุภํ กายํ สุภโต มนสิ กริตฺวา สุภโต มนสิการเหตุ, อสุภํ กายํ สุภสฺายาติ อตฺโถ. มณฺฑนนฺติ หตฺถูปคาทิอาภรเณหิ เจว มาลาคนฺธาทีหิ จ อตฺตภาวสฺส อลงฺกรณํ. อนุยุฺชิสนฺติ อนุยุฺชึ, สรีรสฺส วิภูสนปฺปสุโต อโหสินฺติ อตฺโถ. อุทฺธโตติ ชาติโคตฺตรูปโยพฺพนมทาทีหิ อุทฺธโต อวูปสนฺตจิตฺโต. จปโลติ วนมกฺกโฏ วิย อนวฏฺิตจิตฺตตาย โลโล, กายมณฺฑนวตฺถมณฺฑนาทิจาปลฺเย ยุตฺตตาย วา จปโล จ. อาสินฺติ อโหสึ. กามราเคนาติ วตฺถุกาเมสุ ฉนฺทราเคน อฏฺฏิโต ปีฬิโต วิพาธิโต อาสินฺติ โยชนา.

อุปายกุสเลนาติ วิเนยฺยานํ ทมนูปายจฺเฉเกน โกวิเทน พุทฺเธน ภควตา เหตุภูเตน. เหตุอตฺเถ หิ เอตํ กรณวจนํ. ปลุฏฺมกฺกฏีเทวจฺฉราทสฺสเนน หิ อุปกฺกิตวาทโจทนาย อตฺตโน กามราคาปนยนํ สนฺธาย วทติ. ภควา หิ อายสฺมนฺตํ นนฺทตฺเถรํ ปมํ ชนปทกลฺยาณึ อุปาทาย ‘‘ยถายํ มกฺกฏี, เอวํ กกุฏปาทินิโย อุปาทาย ชนปทกลฺยาณี’’ติ มหติยา อาณิยา ขุทฺทกํ อาณึ นีหรนฺโต ฉฑฺฑโก วิย, สิเนหปาเนน สรีรํ กิเลเทตฺวา วมนวิเรจเนหิ โทสํ นีหรนฺโต ภิสกฺโก วิย จ กกุฏปาทินิทสฺสเนน ชนปทกลฺยาณิยํ วิรตฺตจิตฺตํ กาเรตฺวา ปุน อุปกฺกิตวาเทน กกุฏปาทินีสุปิ จิตฺตํ วิราเชตฺวา สมฺมเทว สมถวิปสฺสนานุโยเคน อริยมคฺเค ปติฏฺาเปสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘โยนิโส ปฏิปชฺชิตฺวา, ภเว จิตฺตํ อุทพฺพหิ’’นฺติ. อุปาเยน าเยน สมฺมเทว สมถวิปสฺสนาย วิสุทฺธิปฏิปทํ ปฏิปชฺชิตฺวา ภเว สํสารปงฺเก นิมุคฺคฺจ เม จิตฺตํ อริยมคฺเคน หตฺเถน อุตฺตารึ, นิพฺพานถเล ปติฏฺาเปสินฺติ อตฺโถ.

อิมํ อุทานํ อุทาเนตฺวา เถโร ปุนทิวเส ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาห – ‘‘ยํ เม, ภนฺเต, ภควา ปาฏิโภโค ปฺจนฺนํ อจฺฉราสตานํ ปฏิลาภาย กกุฏปาทานํ, มุฺจามหํ, ภนฺเต, ภควนฺตํ เอตสฺมา ปฏิสฺสวา’’ติ (อุทา. ๒๒). ภควาปิ, ‘‘ยเทว โข เต, นนฺท, อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุตฺตํ, อถาหํ มุตฺโต เอตสฺมา ปฏิสฺสวา’’ติ (อุทา. ๒๒) อาห. อถสฺส ภควา สวิเสสํ อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารตํ ตฺวา ตํ คุณํ วิภาเวนฺโต, ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารานํ ยทิทํ นนฺโท’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๑๙, ๒๓๐) อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารภาเวน อคฺคฏฺาเน เปสิ. เถโร หิ ‘‘ยเมวาหํ อินฺทฺริยานํ อสํวรํ นิสฺสาย อิมํ วิปฺปการํ ปตฺโต, ตเมวาหํ สุฏฺุ นิคฺคเหสฺสามี’’ติ อุสฺสาหชาโต พลวหิโรตฺตปฺโป ตตฺถ จ กตาธิการตฺตา อินฺทฺริยสํวเร อุกฺกํสปารมึ อคมาสีติ.

นนฺทตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. สิริมตฺเถรคาถาวณฺณนา

ปเร จ นํ ปสํสนฺตีติ อายสฺมโต สิริมตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต ปารมิโย ปูเรตฺวา ตุสิตภวเน ิตกาเล พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต ติณฺณํ เวทานํ ปารคู สนิฆณฺฑุเกฏุภานํ สกฺขรปฺปเภทานํ อิติหาสปฺจมานํ ปทโก เวยฺยากรโณ โลกายตมหาปุริสลกฺขเณสุ อนวโย เนกฺขมฺมชฺฌาสยตาย กาเม ปหาย ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา จตุราสีติสหสฺสปริมาเณน ตาปสคเณน ปริวุโต หิมวนฺตปฺปเทเส เทวตาภินิมฺมิเต อสฺสเม ฌานาภิฺาโย นิพฺพตฺเตตฺวา วสนฺโต ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิการตาย ลกฺขณมนฺเตสุ อาคตนิยาเมน จ พุทฺธคุเณ อนุสฺสริตฺวา อตีเต พุทฺเธ อุทฺทิสฺส อฺตรสฺมึ นทีนิวตฺตเน ปุลินเจติยํ กตฺวา ปูชาสกฺการาภิรโต อโหสิ. ตํ ทิสฺวา ตาปสา, ‘‘กํ อุทฺทิสฺส อยํ ปูชาสกฺกาโร กรียตี’’ติ ปุจฺฉึสุ. โส เตสํ ลกฺขณมนฺเต อาหริตฺวา ตตฺถ อาคตานิ มหาปุริสลกฺขณานิ วิภชิตฺวา ตทนุสาเรน อตฺตโน พเล ตฺวา พุทฺธคุเณ กิตฺเตสิ. ตํ สุตฺวา เตปิ ตาปสา ปสนฺนมานสา ตโต ปฏฺาย สมฺมาสมฺพุทฺธํ อุทฺทิสฺส ถูปปูชํ กโรนฺตา วิหรนฺติ.

เตน จ สมเยน ปทุมุตฺตรโพธิสตฺโต ตุสิตกายา จวิตฺวา มาตุกุจฺฉึ โอกฺกนฺโต โหติ. จริมภเว ทฺวตฺตึส ปุพฺพนิมิตฺตานิ ปาตุรเหสุํ, สพฺเพ จ อจฺฉริยพฺภูตธมฺมา. ตาปโส ตานิ อนฺเตวาสิกานํ ทสฺเสตฺวา ภิยฺโยโสมตฺตาย สมฺมาสมฺพุทฺเธสุ เตสํ ปสาทํ วฑฺเฒตฺวา กาลํ กตฺวา พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺติตฺวา เตหิ อตฺตโน สรีรสฺส ปูชาย กรียมานาย ทิสฺสมานรูโป อาคนฺตฺวา, ‘‘อหํ ตุมฺหากํ อาจริโย พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺโต, ตุมฺเห อปฺปมตฺตา ปุลินเจติยปูชมนุยุฺชถ, ภาวนาย จ ยุตฺตปฺปยุตฺตา โหถา’’ติ วตฺวา พฺรหฺมโลกเมว คโต.

เอวํ โส เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ คหปติกุเล นิพฺพตฺติ, ตสฺส ชาตทิวสโต ปฏฺาย ตสฺมึ กุเล สิริสมฺปตฺติยา วฑฺฒมานตฺตา สิริมาตฺเวว นามํ อกํสุ. ตสฺส ปทสา คมนกาเล กนิฏฺภาตา นิพฺพตฺติ, ตสฺส ‘‘อยํ สิรึ วฑฺเฒนฺโต ชาโต’’ติ สิริวฑฺโฒติ นามํ อกํสุ. เต อุโภปิ เชตวนปฺปฏิคฺคหเณ พุทฺธานุภาวํ ทิสฺวา ปฏิลทฺธสทฺธา ปพฺพชึสุ. เตสุ สิริวฑฺโฒ น ตาว อุตฺตริมนุสฺสธมฺมสฺส ลาภี อโหสิ, จตุนฺนํ ปจฺจยานํ ลาภี, คหฏฺปพฺพชิตานํ สกฺกโต ครุกโต, สิริมตฺเถโร ปน ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย ตาทิเสน กมฺมจฺฉิทฺเทน อปฺปลาภี อโหสิ พหุชนาสมฺภาวิโต, สมถวิปสฺสนาสุ กมฺมํ กโรนฺโต นจิรสฺเสว ฉฬภิฺโ อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๙.๑๑๑-๑๔๗) –

‘‘ปพฺพเต หิมวนฺตมฺหิ, เทวโล นาม ตาปโส;

ตตฺถ เม จงฺกโม อาสิ, อมนุสฺเสหิ มาปิโต.

‘‘ชฏาภาเรน ภริโต, กมณฺฑลุธโร สทา;

อุตฺตมตฺถํ คเวสนฺโต, วิปินา นิกฺขมึ ตทา.

‘‘จุลฺลาสีติสหสฺสานิ, สิสฺสา มยฺหํ อุปฏฺหุํ;

สกกมฺมาภิปสุตา, วสนฺติ วิปิเน ตทา.

‘‘อสฺสมา อภินิกฺขมฺม, อกํ ปุลินเจติยํ;

นานาปุปฺผํ สมาเนตฺวา, ตํ เจติยมปูชยึ.

‘‘ตตฺถ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, อสฺสมํ ปวิสามหํ;

สพฺเพ สิสฺสา สมาคนฺตฺวา, เอตมตฺถํ ปุจฺฉึสุ มํ.

‘‘ปุลิเนน กโต ถูโป, ยํ ตฺวํ เทว นมสฺสสิ;

มยมฺปิ าตุมิจฺฉาม, ปุฏฺโ อาจิกฺข โน ตุวํ.

‘‘นิทฺทิฏฺา นุ มนฺตปเท, จกฺขุมนฺโต มหายสา;

เต โข อหํ นมสฺสามิ, พุทฺธเสฏฺเ มหายเส.

‘‘กีทิสา เต มหาวีรา, สพฺพฺู โลกนายกา;

กถํวณฺณา กถํสีลา, กีทิสา เต มหายสา.

‘‘พาตฺตึสลกฺขณา พุทฺธา, จตฺตาลีสทิชาปิ จ;

เนตฺตา โคปขุมา เตสํ, ชิฺชุกา ผลสนฺนิภา.

‘‘คจฺฉมานา จ เต พุทฺธา, ยุคมตฺตฺจ เปกฺขเร;

น เตสํ ชาณุ นทติ, สนฺธิสทฺโท น สุยฺยติ.

‘‘คจฺฉมานา จ สุคตา, อุทฺธรนฺตาว คจฺฉเร;

ปมํ ทกฺขิณํ ปาทํ, พุทฺธานํ เอส ธมฺมตา.

‘‘อสมฺภีตา จ เต พุทฺธา, มิคราชาว เกสรี;

เนวุกฺกํเสนฺติ อตฺตานํ, โน จ วมฺเภนฺติ ปาณินํ.

‘‘มานาวมานโต มุตฺตา, สมา สพฺเพสุ ปาณิสุ;

อนตฺตุกฺกํสกา พุทฺธา, พุทฺธานํ เอส ธมฺมตา.

‘‘อุปฺปชฺชนฺตา จ สมฺพุทฺธา, อาโลกํ ทสฺสยนฺติ เต;

ฉปฺปการํ ปกมฺเปนฺติ, เกวลํ วสุธํ อิมํ.

‘‘ปสฺสนฺติ นิรยฺเจเต, นิพฺพาติ นิรโย ตทา;

ปวสฺสติ มหาเมโฆ, พุทฺธานํ เอส ธมฺมตา.

‘‘อีทิสา เต มหานาคา, อตุลา จ มหายสา;

วณฺณโต อนติกฺกนฺตา, อปฺปเมยฺยา ตถาคตา.

‘‘อนุโมทึสุ เม วากฺยํ, สพฺเพ สิสฺสา สคารวา;

ตถา จ ปฏิปชฺชึสุ, ยถาสตฺติ ยถาพลํ.

‘‘ปฏิปูเชนฺติ ปุลินํ, สกกมฺมาภิลาสิโน;

สทฺทหนฺตา มม วากฺยํ, พุทฺธสกฺกตมานสา.

‘‘ตทา จวิตฺวา ตุสิตา, เทวปุตฺโต มหายโส;

อุปฺปชฺชิ มาตุกุจฺฉิมฺหิ, ทสสหสฺสิ กมฺปถ.

‘‘อสฺสมสฺสาวิทูรมฺหิ, จงฺกมมฺหิ ิโต อหํ;

สพฺเพ สิสฺสา สมาคนฺตฺวา, อาคจฺฉุํ มม สนฺติเก.

‘‘อุสโภว มหี นทติ, มิคราชาว กูชติ;

สุสุมาโรว สฬติ, กึ วิปาโก ภวิสฺสติ.

‘‘ยํ ปกิตฺเตมิ สมฺพุทฺธํ, สิกตาถูปสนฺติเก;

โส ทานิ ภควา สตฺถา, มาตุกุจฺฉิมุปาคมิ.

‘‘เตสํ ธมฺมกถํ วตฺวา, กิตฺตยิตฺวา มหามุนึ;

อุยฺโยเชตฺวา สเก สิสฺเส, ปลฺลงฺกมาภุชึ อหํ.

‘‘พลฺจ วต เม ขีณํ, พฺยาธินา ปรเมน ตํ;

พุทฺธเสฏฺํ สริตฺวาน, ตตฺถ กาลงฺกโต อหํ.

‘‘สพฺเพ สิสฺสา สมาคนฺตฺวา, อกํสุ จิตกํ ตทา;

กเฬวรฺจ เม คยฺห, จิตกํ อภิโรปยุํ.

‘‘จิตกํ ปริวาเรตฺวา, สีเส กตฺวาน อฺชลึ;

โสกสลฺลปเรตา เต, วิกฺกนฺทึสุ สมาคตา.

‘‘เตสํ ลาลปฺปมานานํ, อคมํ จิตกํ ตทา;

อหํ อาจริโย ตุมฺหํ, มา โสจิตฺถ สุเมธสา.

‘‘สทตฺเถ วายเมยฺยาถ, รตฺตินฺทิวมตนฺทิตา;

มา โว ปมตฺตา อหุตฺถ, ขโณ โว ปฏิปาทิโต.

‘‘สเก สิสฺเสนุสาสิตฺวา, เทวโลกํ ปุนาคมึ;

อฏฺารส จ กปฺปานิ, เทวโลเก รมามหํ.

‘‘สตานํ ปฺจกฺขตฺตุฺจ, จกฺกวตฺตี อโหสหํ;

อเนกสตกฺขตฺตุฺจ, เทวรชฺชมการยึ.

‘‘อวเสเสสุ กปฺเปสุ, โวกิณฺโณ สํสรึ อหํ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, อุปฺปาทสฺส อิทํ ผลํ.

‘‘ยถา โกมุทิเก มาเส, พหู ปุปฺผนฺติ ปาทปา;

ตเถวาหมฺปิ สมเย, ปุปฺผิโตมฺหิ มเหสินา.

‘‘วีริยํ เม ธุรโธรยฺหํ, โยคกฺเขมาธิวาหนํ;

นาโคว พนฺธนํ เฉตฺวา, วิหรามิ อนาสโว.

‘‘สตสหสฺสิโต กปฺเป, ยํ พุทฺธมภิกิตฺตยึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, กิตฺตนาย อิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

ฉฬภิฺฺหิ สมานํ อายสฺมนฺตํ สิริมตฺเถรํ ‘‘อริโย’’ติ อชานนฺตา ปุถุชฺชนา ภิกฺขู สามเณรา จ อปฺปลาภิตาย โลกสฺส อนภิคตภาเวน อสมฺภาเวนฺตา ยํกิฺจิ กเถตฺวา ครหนฺติ. สิริวฑฺฒตฺเถรํ ปน ปจฺจยานํ ลาภิภาเวน โลกสฺส สกฺกตครุกตภาวโต สมฺภาเวนฺตา ปสํสนฺติ. เถโร ‘‘อวณฺณารหสฺส นาม วณฺณภณนํ, วณฺณารหสฺส จ อวณฺณภณนํ อสฺส ปุถุชฺชนภาวสฺส โทโส’’ติ ปุถุชฺชนภาวฺจ ครหนฺโต –

๑๕๙.

‘‘ปเร จ นํ ปสํสนฺติ, อตฺตา เจ อสมาหิโต;

โมฆํ ปเร ปสํสนฺติ, อตฺตา หิ อสมาหิโต.

๑๖๐.

‘‘ปเร จ นํ ครหนฺติ, อตฺตา เจ สุสมาหิโต;

โมฆํ ปเร ครหนฺติ, อตฺตา หิ สุสมาหิโต’’ติ.

– คาถาทฺวยมภาสิ.

ตตฺถ ปเรติ อตฺตโต อฺเ ปเร นาม, อิธ ปน ปณฺฑิเตหิ อฺเ พาลา ปเรติ อธิปฺเปตา. เตสฺหิ อชานิตฺวา อปริโยคาเหตฺวา ภาสนโต ครหา วิย ปสํสาปิ อปฺปมาณภูตา. นฺติ นํ ปุคฺคลํ. ปสํสนฺตีติ อวิทฺทสุภาเวน ตณฺหาวิปนฺนตาย วา, อถ วา อภูตํเยว ปุคฺคลํ ‘‘อสุโก ภิกฺขุ ฌานลาภี, อริโย’’ติ วา อภูตคุณโรปเนน กิตฺเตนฺติ อภิตฺถวนฺติ. โย ปเนตฺถ -สทฺโท, โส อตฺตูปนยตฺโถ. เตน ปเร นํ ปุคฺคลํ ปสํสนฺติ จ, ตฺจ โข เตสํ ปสํสนมตฺตํ, น ปน ตสฺมึ ปสํสาย วตฺถุ อตฺถีติ อิมมตฺถํ ทสฺเสติ. อตฺตา เจ อสมาหิโตติ ยํ ปุคฺคลํ ปเร ปสํสนฺติ, โส เจ สยํ อสมาหิโต มคฺคสมาธินา ผลสมาธินา อุปจารปฺปนาสมาธิมตฺเตเนว วา น สมาหิโต, สมาธานสฺส ปฏิปกฺขภูตานํ กิเลสานํ อปฺปหีนตฺตา วิกฺขิตฺโต วิพฺภนฺตจิตฺโต โหติ เจติ อตฺโถ. ‘‘อสมาหิโต’’ติ จ เอเตน สมาธินิมิตฺตานํ คุณานํ อภาวํ ทสฺเสติ. โมฆนฺติ ภาวนปุํสกนิทฺเทโส ‘‘วิสมํ จนฺทิมสูริยา ปริวตฺตนฺตี’’ติอาทีสุ วิย. ปเร ปสํสนฺตีติ เย ตํ อสมาหิตํ ปุคฺคลํ ปสํสนฺติ, เต โมฆํ มุธา อมูลกํ ปสํสนฺติ. กสฺมา? อตฺตา หิ อสมาหิโต ยสฺมา ตสฺส ปุคฺคลสฺส จิตฺตํ อสมาหิตํ, ตสฺมาติ อตฺโถ.

ทุติยคาถายํ ครหนฺตีติ อตฺตโน อวิทฺทสุภาเวน โทสนฺตราย วา อริยํ ฌานลาภิฺจ สมานํ ‘‘อสุโก ภิกฺขุ ชาคริยํ นานุยุฺชติ อนฺตมโส โคทุหนมตฺตมฺปิ กาลํ เกวลํ กายทฬฺหิพหุโล นิทฺทาราโม ภสฺสาราโม สงฺคณิการาโม วิหรตี’’ติอาทินา อปฺปฏิปชฺชมานตาวิภาวเนน วา คุณปริธํสเนน วา ครหนฺติ นินฺทนฺติ, อุปกฺโกสนฺติ วาติ อตฺโถ. เสสํ ปมคาถาย วุตฺตปริยาเยน เวทิตพฺพํ. เอวํ เถเรน อิมาหิ คาถาหิ อตฺตโน นิกฺกิเลสภาเว สิริวฑฺฒสฺส จ สกิเลสภาเว ปกาสิเต ตํ สุตฺวา สิริวฑฺโฒ สํเวคชาโต วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา นจิรสฺเสว สทตฺถํ ปริปูเรสิ, ครหกปุคฺคลา จ เถรํ ขมาเปสุํ.

สิริมตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

ทุติยวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. ตติยวคฺโค

๑. อุตฺตรตฺเถรคาถาวณฺณนา

ขนฺธา มยา ปริฺาตาติ อายสฺมโต อุตฺตรตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินนฺโต อิโต จตุนวุเต กปฺเป สิทฺธตฺถสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต สาสเน ลทฺธปฺปสาโท หุตฺวา อุปาสกตฺตํ ปฏิเวเทสิ. โส สตฺถริ ปรินิพฺพุเต อตฺตโน าตเก สนฺนิปาเตตฺวา พหุํ ปูชาสกฺการํ สมฺภริตฺวา ธาตุปูชํ อกาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาเกเต พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา อุตฺตโรติ ลทฺธนาโม วยปฺปตฺโต เกนจิเทว กรณีเยน สาวตฺถึ คโต กณฺฑมฺพมูเล กตํ ยมกปาฏิหาริยํ ทิสฺวา ปสีทิตฺวา ปุน กาฬการามสุตฺตเทสนาย (อ. นิ. ๔.๒๔) อภิวฑฺฒมานสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา สตฺถารา สทฺธึ ราชคหํ คนฺตฺวา อุปสมฺปชฺชิตฺวา ตตฺเถว วสนฺโต วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา นจิรสฺเสว ฉฬภิฺโ อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๙.๑๐๖-๑๑๐) –

‘‘นิพฺพุเต โลกนาถมฺหิ, สิทฺธตฺเถ โลกนายเก;

มม าตี สมาเนตฺวา, ธาตุปูชํ อกาสหํ.

‘‘จตุนฺนวุติโต กปฺเป, ยํ ธาตุมภิปูชยึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ธาตุปูชายิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

ฉฬภิฺโ ปน หุตฺวา สตฺถริ สาวตฺถิยํ วิหรนฺเต พุทฺธุปฏฺานตฺถํ ราชคหโต สาวตฺถึ อุปคโต ภิกฺขูหิ ‘‘กึ, อาวุโส, ปพฺพชฺชากิจฺจํ ตยา มตฺถกํ ปาปิต’’นฺติ ปุฏฺโ อฺํ พฺยากโรนฺโต –

๑๖๑.

‘‘ขนฺธา มยา ปริฺาตา, ตณฺหา เม สุสมูหตา;

ภาวิตา มม โพชฺฌงฺคา, ปตฺโต เม อาสวกฺขโย.

๑๖๒.

‘‘โสหํ ขนฺเธ ปริฺาย, อพฺพหิตฺวาน ชาลินึ;

ภาวยิตฺวาน โพชฺฌงฺเค, นิพฺพายิสฺสํ อนาสโว’’ติ. – คาถาทฺวยํ อภาสิ;

ตตฺถ ขนฺธาติ ปฺจุปาทานกฺขนฺธา. ปริฺาตาติ ‘‘อิทํ ทุกฺขํ, น อิโต ภิยฺโย’’ติ ปริจฺฉิชฺช าตา ภาวิตา. เตน ทุกฺขสฺส อริยสจฺจสฺส ปริฺาภิสมยมาห. ตณฺหาติ ตสติ ปริตสตีติ ตณฺหา. สุสมูหตาติ สมุคฺฆาฏิตา. เอเตน สมุทยสจฺจสฺส ปหานาภิสมยํ วทติ. ภาวิตา มม โพชฺฌงฺคาติ โพธิสงฺขาตาย สติอาทิธมฺมสามคฺคิยา, ตํสมงฺคิโน วา โพธิสงฺขาตสฺส อริยปุคฺคลสฺส องฺคาติ โพชฺฌงฺคา. สติธมฺมวิจยวีริยปีติปสฺสทฺธิสมาธิอุเปกฺขาสงฺขาตา มคฺคปริยาปนฺนา ธมฺมา มยา ภาวิตา อุปฺปาทิตา วฑฺฒิตา. โพชฺฌงฺคคฺคหเณเนว เจตฺถ ตํสหจริตตาย สพฺเพ มคฺคธมฺมา, สพฺเพ จ โพธิปกฺขิยธมฺมา คหิตาติ ทฏฺพฺพา. เอเตเนว มคฺคสจฺจสฺส ภาวนาภิสมยํ ทสฺเสติ. ปตฺโต เม อาสวกฺขโยติ กามาสวาทโย อาสวา ขียนฺติ เอตฺถาติ อาสวกฺขโยติ ลทฺธนาโม อสงฺขตธมฺโม มยา ปตฺโต อธิคโต. เอเตน นิโรธสจฺจสฺส สจฺฉิกิริยาภิสมยํ กเถติ. เอตฺตาวตา อตฺตโน สอุปาทิเสสนิพฺพานสมฺปตฺตึ ทสฺเสติ.

อิทานิ ปน อนุปาทิเสสนิพฺพานสมฺปตฺตึ ทสฺเสนฺโต ‘‘โสห’’นฺติอาทินา ทุติยํ คาถมาห. ตสฺสตฺโถ – โสหํ เอวํ วุตฺตนเยน ขนฺเธ ปริฺาย ปริชานิตฺวา, ตถา ปริชานนฺโต เอว สกอตฺตภาวปรอตฺตภาเวสุ อชฺฌตฺติกพาหิรายตเนสุ อตีตาทิเภทภินฺเนสุ สํสิพฺพนาการํ ปุนปฺปุนํ ปวตฺติสงฺขาตํ ชาลํ เอตสฺส อตฺถีติ ชาลินีติ ลทฺธนามํ ตณฺหํ อพฺพหิตฺวาน มม จิตฺตสนฺตานโต อุทฺธริตฺวา, ตถา นํ อุทฺธรนฺโตเยว วุตฺตปฺปเภเท โพชฺฌงฺเค ภาวยิตฺวาน เต ภาวนาปาริปูรึ ปาเปตฺวา ตโต เอว อนาสโว หุตฺวา ิโต อิทานิ จริมกจิตฺตนิโรเธน อนุปาทาโน วิย ชาตเวโท นิพฺพายิสฺสํ ปรินิพฺพายิสฺสามีติ.

อุตฺตรตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. ภทฺทชิตฺเถรคาถาวณฺณนา

ปนาโท นาม โส ราชาติ อายสฺมโต ภทฺทชิตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต พฺราหฺมณานํ วิชฺชาสิปฺเปสุ ปารํ คนฺตฺวา กาเม ปหาย ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อรฺายตเน อสฺสมํ กาเรตฺวา วสนฺโต เอกทิวสํ สตฺถารํ อากาเสน คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส อฺชลึ ปคฺคยฺห อฏฺาสิ. สตฺถา ตสฺส อชฺฌาสยํ ตฺวา อากาสโต โอตริ. โอติณฺณสฺส ปน ภควโต มธุฺจ ภิสมุฬาลฺจ สปฺปิฺจ ขีรฺจ อุปนาเมสิ, ตสฺส ตํ ภควา อนุกมฺปํ อุปาทาย ปฏิคฺคเหตฺวา อนุโมทนํ วตฺวา ปกฺกามิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน ตุสิเต นิพฺพตฺโต ตตฺถ ยาวตายุกํ ตฺวา ตโต อปราปรํ สุคตีสุเยว สํสรนฺโต วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล มหทฺธโน เสฏฺิ หุตฺวา อฏฺสฏฺิภิกฺขุสหสฺสํ โภเชตฺวา ติจีวเรน อจฺฉาเทสิ.

เอวํ พหุํ กุสลํ กตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา ตตฺถ ยาวตายุกํ ตฺวา ตโต จวิตฺวา มนุสฺเสสุ อุปฺปนฺโน พุทฺธสุฺเ โลเก ปฺจ ปจฺเจกพุทฺธสตานิ จตูหิ ปจฺจเยหิ อุปฏฺหิตฺวา ตโต จุโต ราชกุเล นิพฺพตฺติตฺวา รชฺชํ อนุสาสนฺโต ปุตฺตํ ปจฺเจกโพธึ อธิคนฺตฺวา ิตํ อุปฏฺหิตฺวา ตสฺส ปรินิพฺพุตสฺส ธาตุโย คเหตฺวา เจติยํ กตฺวา ปูเชสิ. เอวํ ตตฺถ ตตฺถ ตานิ ปุฺานิ กตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ภทฺทิยนคเร อสีติโกฏิวิภวสฺส ภทฺทิยเสฏฺิสฺส เอกปุตฺตโก หุตฺวา นิพฺพตฺติ, ภทฺทชีติสฺส นามํ อโหสิ. ตสฺส กิร อิสฺสริยโภคปริวาราทิสมฺปตฺติ จริมภเว โพธิสตฺตสฺส วิย อโหสิ.

ตทา สตฺถา สาวตฺถิยํ วสฺสํ วสิตฺวา ภทฺทชิกุมารํ สงฺคณฺหิตุํ มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ ภทฺทิยนครํ คนฺตฺวา ชาติยาวเน วสิ ตสฺส าณปริปากํ อาคมยมาโน. โสปิ อุปริ ปาสาเท นิสินฺโน สีหปฺชรํ วิวริตฺวา โอโลเกนฺโต ภควโต สนฺติเก ธมฺมํ โสตุํ คจฺฉนฺตํ มหาชนํ ทิสฺวา ‘‘กตฺถายํ มหาชโน คจฺฉตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ตํ การณํ สุตฺวา สยมฺปิ มหตา ปริวาเรน สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุณนฺโต สพฺพาภรณปฏิมณฺฑิโตว สพฺพกิเลเส เขเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๖.๙๘-๑๑๖) –

‘‘โอคฺคยฺห ยํ โปกฺขรณึ, นานากุฺชรเสวิตํ;

อุทฺธรามิ ภิสํ ตตฺถ, ฆาสเหตุ อหํ ตทา.

‘‘ภควา ตมฺหิ สมเย, ปทุมุตฺตรสวฺหโย;

รตฺตมฺพรธโร พุทฺโธ, คจฺฉเต อนิลฺชเส.

‘‘ธุนนฺโต ปํสุกูลานิ, สทฺทํ อสฺโสสหํ ตทา;

อุทฺธํ นิชฺฌายมาโนหํ, อทฺทสํ โลกนายกํ.

‘‘ตตฺเถว ิตโก สนฺโต, อายาจึ โลกนายกํ;

มธุํ ภิเสหิ สหิตํ, ขีรํ สปฺปึ มุฬาลิกํ.

‘‘ปฏิคฺคณฺหาตุ เม พุทฺโธ, อนุกมฺปาย จกฺขุมา;

ตโต การุณิโก สตฺถา, โอโรหิตฺวา มหายโส.

‘‘ปฏิคฺคณฺหิ มมํ ภิกฺขํ, อนุกมฺปาย จกฺขุมา;

ปฏิคฺคเหตฺวา สมฺพุทฺโธ, อกา เม อนุโมทนํ.

‘‘สุขี โหตุ มหาปุฺ, คติ ตุยฺหํ สมิชฺฌตุ;

อิมินา ภิสทาเนน, ลภสฺสุ วิปุลํ สุขํ.

‘‘อิทํ วตฺวาน สมฺพุทฺโธ, ชลชุตฺตมนามโก;

ภิกฺขมาทาย สมฺพุทฺโธ, อากาเสนาคมา ชิโน.

‘‘ตโต ภิสํ คเหตฺวาน, อาคจฺฉึ มม อสฺสมํ;

ภิสํ รุกฺเข ลคฺเคตฺวาน, มม ทานํ อนุสฺสรึ.

‘‘มหาวาโต อุฏฺหิตฺวา, สฺจาเลสิ วนํ ตทา;

อากาโส อภินาทิตฺถ, อสนี จ ผลี ตทา.

‘‘ตโต เม อสนีปาโต, มตฺถเก นิปตี ตทา;

โสหํ นิสินฺนโก สนฺโต, ตตฺถ กาลงฺกโต อหํ.

‘‘ปุฺกมฺเมน สฺุตฺโต, ตุสิตํ อุปปชฺชหํ;

กเฬวรํ เม ปติตํ, เทวโลเก รมามหํ.

‘‘ฉฬสีติสหสฺสานิ, นาริโย สมลงฺกตา;

สายํ ปาตํ อุปฏฺนฺติ, ภิสทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘มนุสฺสโยนิมาคนฺตฺวา, สุขิโต โหมหํ ตทา;

โภเค เม อูนตา นตฺถิ, ภิสทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘อนุกมฺปิตโก เตน, เทวเทเวน ตาทินา;

สพฺพาสวา ปริกฺขีณา, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว.

‘‘สตสหสฺสิโต กปฺเป, ยํ ภิสํ อททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ภิสทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺเต ปน เตน อธิคเต สตฺถา ภทฺทิยเสฏฺึ อามนฺเตสิ – ‘‘ตว ปุตฺโต อลงฺกตปฏิยตฺโต ธมฺมํ สุณนฺโต อรหตฺเต ปติฏฺาสิ, เตนสฺส อิทาเนว ปพฺพชิตุํ ยุตฺตํ, โน เจ ปพฺพชติ, ปรินิพฺพายิสฺสตี’’ติ. เสฏฺิ ‘‘น มยฺหํ ปุตฺตสฺส ทหรสฺเสว สโต ปรินิพฺพาเนน กิจฺจํ อตฺถิ, ปพฺพาเชถ น’’นฺติ อาห. ตํ สตฺถา ปพฺพาเชตฺวา อุปสมฺปาเทตฺวา ตตฺถ สตฺตาหํ วสิตฺวา โกฏิคามํ ปาปุณิ, โส จ คาโม คงฺคาตีเร. โกฏิคามวาสิโน พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ ปวตฺเตสุํ. ภทฺทชิตฺเถโร สตฺถารา อนุโมทนาย อารทฺธมตฺตาย พหิคามํ คนฺตฺวา ‘‘คงฺคาตีเร มคฺคสมีเป สตฺถุ อาคตกาเล วุฏฺหิสฺสามี’’ติ สมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา นิสีทิ. มหาเถเรสุ อาคจฺฉนฺเตสุปิ อวุฏฺหิตฺวา สตฺถุ อาคตกาเลเยว วุฏฺหิ. ปุถุชฺชนภิกฺขู, ‘‘อยํ อธุนา ปพฺพชิโต มหาเถเรสุ อาคจฺฉนฺเตสุ มานตฺถทฺโธ หุตฺวา น วุฏฺาสี’’ติ อุชฺฌายึสุ. โกฏิคามวาสิโน สตฺถุ ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ พหู นาวาสงฺฆาเฏ พนฺธึสุ, สตฺถา ‘‘หนฺทสฺส อานุภาวํ ปกาเสมี’’ติ นาวาสงฺฆาเฏ ตฺวา, ‘‘กหํ, ภทฺทชี’’ติ ปุจฺฉิ. ภทฺทชิตฺเถโร ‘‘เอโสหํ, ภนฺเต’’ติ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา อฺชลึ กตฺวา อฏฺาสิ. สตฺถา, ‘‘เอหิ, ภทฺทชิ, อมฺเหหิ สทฺธึ เอกนาวํ อภิรุหา’’ติ. โส อุปฺปติตฺวา สตฺถุ ิตนาวายํ อฏฺาสิ. สตฺถา คงฺคามชฺฌํ คตกาเล, ‘‘ภทฺทชิ, ตยา มหาปนาทราชกาเล อชฺฌาวุฏฺรตนปาสาโท กห’’นฺติ อาห. ‘‘อิมสฺมึ าเน นิมุคฺโค’’ติ. ‘‘เตน หิ, ภทฺทชิ, สพฺรหฺมจารีนํ กงฺขํ ฉินฺทา’’ติ. ตสฺมึ ขเณ เถโร สตฺถารํ วนฺทิตฺวา อิทฺธิพเลน คนฺตฺวา ปาสาทถูปิกํ ปาทงฺคุลนฺตเรน สนฺนิรุมฺภิตฺวา ปฺจวีสติโยชนํ ปาสาทํ คเหตฺวา อากาเส อุปฺปติ, อุปฺปตนฺโต จ ปฺาส โยชนานิ ปาสาทํ อุทกโต อุกฺขิปิ. อถสฺส ปุริมภเว าตกา ปาสาทคเตน โลเภน มจฺฉกจฺฉปมณฺฑูกา หุตฺวา ตสฺมึ ปาสาเท อุฏฺหนฺเต ปริวตฺติตฺวา อุทเก ปตึสุ. สตฺถา เต ปตนฺเต ทิสฺวา ‘‘าตกา เต, ภทฺทชิ, กิลมนฺตี’’ติ อาห. เถโร สตฺถุ วจเนน ปาสาทํ วิสฺสชฺเชสิ. ปาสาโท ยถาาเน เอว ปติฏฺหิ. สตฺถา ปารงฺคโต ภิกฺขูหิ ‘‘กทา, ภนฺเต, ภทฺทชิตฺเถเรน อยํ ปาสาโท อชฺฌาวุฏฺโ’’ติ ปุฏฺโ มหาปนาทชาตกํ (ชา. ๑.๓.๔๐-๔๑) กเถตฺวา มหาชนํ ธมฺมามตํ ปาเยสิ. เถโร ปน อตฺตโน อชฺฌาวุฏฺปุพฺพํ สุวณฺณปาสาทํ ทสฺเสตฺวา –

๑๖๓.

‘‘ปนาโท นาม โส ราชา, ยสฺส ยูโป สุวณฺณโย;

ติริยํ โสฬสุพฺเพโธ, อุพฺภมาหุ สหสฺสธา.

๑๖๔.

‘‘สหสฺสกณฺโฑ สตเคณฺฑุ, ธชาลุ หริตามโย;

อนจฺจุํ ตตฺถ คนฺธพฺพา, ฉ สหสฺสานิ สตฺตธา’’ติ. –

ทฺวีหิ คาถาหิ วณฺเณนฺโต อฺํ พฺยากาสิ.

ตตฺถ ปนาโท นาม โส ราชาติ อตีเต ปนาโท นาม โส ราชา อโหสีติ อตฺตภาวอนฺตรหิตตาย อตฺตานํ ปรํ วิย นิทฺทิสติ. โส เอว หิ รชฺเช ิตกาลโต ปฏฺาย สทา อุสฺสาหสมฺปตฺติอาทินา มหตา ราชานุภาเวน มหตา จ กิตฺติสทฺเทน สมนฺนาคตตฺตา ‘‘ราชา มหาปนาโท’’ติ ปฺายิตฺถ. ยสฺส ยูโป สุวณฺณโยติ ยสฺส รฺโ อยํ ยูโป ปาสาโท สุวณฺณมโย. ติริยํ โสฬสุพฺเพโธติ วิตฺถารโต โสฬสกณฺฑปาตปฺปมาโณ. โส ปน อฑฺฒโยชนมตฺโต โหติ. อุพฺภามาหุ สหสฺสธาติ อุพฺภํ อุจฺจํ เอวมสฺส ปาสาทสฺส สหสฺสธา สหสฺสกณฺฑปฺปมาณมาหุ. โส ปน โยชนโต ปฺจวีสติโยชนปฺปมาโณ โหติ. เกจิ ปเนตฺถ คาถาสุขตฺถํ ‘‘อาหู’’ติ ทีฆํ กตํ. อาหุ อโหสีติ อตฺถํ วทนฺติ.

สหสฺสกณฺโฑติ สหสฺสภูมิโก. สตเคณฺฑูติ อเนกสตนิยฺยูหโก. ธชาลูติ ตตฺถ ตตฺถ นิยฺยูหสิขราทีสุ ปติฏฺาปิเตหิ ยฏฺิธชปฏากธชาทิธเชหิ สมฺปนฺโน. หริตามโยติ จามีกรสุวณฺณมโย. เกจิ ปน ‘‘หริตชาติมณิสริกฺขโก’’ติ วทนฺติ. คนฺธพฺพาติ นฏา. ฉ สหสฺสานิ สตฺตธาติ ฉมตฺตานิ คนฺธพฺพสหสฺสานิ สตฺตธา ตสฺส ปาสาทสฺส สตฺตสุ าเนสุ รฺโ อภิรมาปนตฺถํ นจฺจึสูติ อตฺโถ. เต เอวํ นจฺจนฺตาปิ ราชานํ หาเสตุํ นาสกฺขึสุ. อถ สกฺโก เทวราชา เทวนเฏ เปเสตฺวา สมชฺชํ กาเรสิ, ตทา ราชา หสีติ.

ภทฺทชิตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. โสภิตตฺเถรคาถาวณฺณนา

สติมา ปฺวาติ อายสฺมโต โสภิตตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล หํสวตีนคเร กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ ปุพฺเพนิวาสาณลาภีนํ ภิกฺขูนํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา สยมฺปิ ตํ านนฺตรํ อุทฺทิสฺส ปตฺถนํ กตฺวา ปุฺานิ กตฺวา สุคตีสุเยว สํสรนฺโต สุเมธสฺส ภควโต กาเล พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต พฺราหฺมณานํ วิชฺชาสิปฺเปสุ นิปฺผตฺตึ คนฺตฺวา เนกฺขมฺมาธิมุตฺโต ฆราวาสํ ปหาย ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา หิมวนฺตสฺส สมีเป อรฺายตเน อสฺสมํ กาเรตฺวา วนมูลผลาผเลน ยาเปนฺโต พุทฺธุปฺปาทํ สุตฺวา สพฺพตฺถ เอกรตฺติวาเสเนว ภทฺทวตีนคเร สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ปสนฺนมานโส ‘‘ตุวํ สตฺถา จ เกตุ จา’’ติอาทีหิ ฉหิ คาถาหิ อภิตฺถวิ, สตฺถา จสฺส ภาวินึ สมฺปตฺตึ ปกาเสสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติ. โสภิโตติสฺส นามํ อกํสุ. โส อปเรน สมเยน สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา ฉฬภิฺโ อโหสิ. ปุพฺเพนิวาสาเณ จิณฺณวสี จ อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๙.๔๖-๗๔) –

‘‘ทกฺขิเณ หิมวนฺตสฺส, สุกโต อสฺสโม มม;

อุตฺตมตฺถํ คเวสนฺโต, วสามิ วิปิเน ตทา.

‘‘ลาภาลาเภน สนฺตุฏฺโ, มูเลน จ ผเลน จ;

อนฺเวสนฺโต อาจริยํ, วสามิ เอกโก อหํ.

‘‘สุเมโธ นาม สมฺพุทฺโธ, โลเก อุปฺปชฺชิ ตาวเท;

จตุสจฺจํ ปกาเสติ, อุทฺธรนฺโต มหาชนํ.

‘‘นาหํ สุโณมิ สมฺพุทฺธํ, นปิ เม โกจิ สํสติ;

อฏฺวสฺเส อติกฺกนฺเต, อสฺโสสึ โลกนายกํ.

‘‘อคฺคิทารุํ นีหริตฺวา, สมฺมชฺชิตฺวาน อสฺสมํ;

ขาริภารํ คเหตฺวาน, นิกฺขมึ วิปินา อหํ.

‘‘เอกรตฺตึ วสนฺโตหํ, คาเมสุ นิคเมสุ จ;

อนุปุพฺเพน จนฺทวตึ, ตทาหํ อุปสงฺกมึ.

‘‘ภควา ตมฺหิ สมเย, สุเมโธ โลกนายโก;

อุทฺธรนฺโต พหู สตฺเต, เทเสติ อมตํ ปทํ.

‘‘ชนกายมติกฺกมฺม, วนฺทิตฺวา ชินสาครํ;

เอกํสํ อชินํ กตฺวา, สนฺถวึ โลกนายกํ.

‘‘ตุวํ สตฺถา จ เกตุ จ, ธโช ยูโป จ ปาณินํ;

ปรายโน ปติฏฺา จ, ทีโป จ ทฺวิปทุตฺตโม.

‘‘เนปุฺโ ทสฺสเน วีโร, ตาเรสิ ชนตํ ตุวํ;

นตฺถฺโ ตารโก โลเก, ตวุตฺตริตโร มุเน.

‘‘สกฺกา เถเว กุสคฺเคน, ปเมตุํ สาครุตฺตเม;

น ตฺเวว ตว สพฺพฺุ, าณํ สกฺกา ปเมตเว.

‘‘ตุลทณฺเฑ เปตฺวาน, มหึ สกฺกา ธเรตเว;

นตฺเวว ตว ปฺาย, ปมาณมตฺถิ จกฺขุม.

‘‘อากาโส มินิตุํ สกฺกา, รชฺชุยา องฺคุเลน วา;

นตฺเวว ตว สพฺพฺุ, สีลํ สกฺกา ปเมตเว.

‘‘มหาสมุทฺเท อุทกํ, อากาโส จ วสุนฺธรา;

ปริเมยฺยานิ เอตานิ, อปฺปเมยฺโยสิ จกฺขุม.

‘‘ฉหิ คาถาหิ สพฺพฺุํ, กิตฺตยิตฺวา มหายสํ;

อฺชลึ ปคฺคเหตฺวาน, ตุณฺหี อฏฺาสหํ ตทา.

‘‘ยํ วทนฺติ สุเมโธติ, ภูริปฺํ สุเมธสํ;

ภิกฺขุสงฺเฆ นิสีทิตฺวา, อิมา คาถา อภาสถ.

‘‘โย เม าณํ ปกิตฺเตสิ, วิปฺปสนฺเนน เจตสา;

ตมหํ กิตฺตยิสฺสามิ, สุณาถ มม ภาสโต.

‘‘สตฺตสตฺตติ กปฺปานิ, เทวโลเก รมิสฺสติ;

สหสฺสกฺขตฺตุํ เทวินฺโท, เทวรชฺชํ กริสฺสติ.

‘‘อเนกสตกฺขตฺตุฺจ, จกฺกวตฺตี ภวิสฺสติ;

ปเทสรชฺชํ วิปุลํ, คณนาโต อสงฺขิยํ.

‘‘เทวภูโต มนุสฺโส วา, ปุฺกมฺมสมาหิโต;

อนูนมนสงฺกปฺโป, ติกฺขปฺโ ภวิสฺสติ.

‘‘ตึสกปฺปสหสฺสมฺหิ, โอกฺกากกุลสมฺภโว;

โคตโม นาม โคตฺเตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติ.

‘‘อคารา อภินิกฺขมฺม, ปพฺพชิสฺสติกิฺจโน;

ชาติยา สตฺตวสฺเสน, อรหตฺตํ ผุสิสฺสติ.

‘‘ยโต สรามิ อตฺตานํ, ยโต ปตฺโตสฺมิ สาสนํ;

เอตฺถนฺตเร น ชานามิ, เจตนํ อมโนรมํ.

‘‘สํสริตฺวา ภเว สพฺเพ, สมฺปตฺตานุภวึ อหํ;

โภเค เม อูนตา นตฺถิ, ผลํ าณสฺส โถมเน.

‘‘ติยคฺคี นิพฺพุตา มยฺหํ, ภวา สพฺเพ สมูหตา;

สพฺพาสวา ปริกฺขีณา, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว.

‘‘ตึสกปฺปสหสฺสมฺหิ, ยํ าณมถวึ อหํ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ผลํ าณสฺส โถมเน.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

โส อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อตฺตโน ปุพฺเพนิวาสํ อนุปฏิปาฏิยา อนุสฺสรนฺโต ยาว อสฺภเว อจิตฺตกปฏิสนฺธิ, ตาว อทฺทส. ตโต ปฺจ กปฺปสตานิ จิตฺตปฺปวตฺตึ อทิสฺวา อวสาเนว ทิสฺวา ‘‘กิเมต’’นฺติ อาวชฺเชนฺโต นยวเสน ‘‘อสฺภโว ภวิสฺสตี’’ติ นิฏฺํ อคมาสิ. เตนาห ภควา – ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อสฺสตฺตา นาม ทีฆายุกา เทวา, ตโต จุโต โสภิโต อิธูปปนฺโน, โส เอตํ ภวํ ชานาติ, โสภิโต อนุสฺสรตี’’ติ (ปารา. ๒๓๒ อตฺถโต สมานํ). เอวํ นยวเสน อนุสฺสรนฺตสฺส อนุสฺสรณโกสลฺลํ ทิสฺวา สตฺถา เถรํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรนฺตานํ อคฺคฏฺาเน เปสิ. ตโต เอว จายํ อายสฺมา สวิเสสํ อตฺตโน ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณํ ตสฺส จ ปจฺจยภูตํ ปฏิปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตฺวา โสมนสฺสชาโต ตทตฺถทีปนํ อุทานํ อุทาเนนฺโต –

๑๖๕.

‘‘สติมา ปฺวา ภิกฺขุ, อารทฺธพลวีริโย;

ปฺจ กปฺปสตานาหํ, เอกรตฺตึ อนุสฺสรึ.

๑๖๖.

‘‘จตฺตาโร สติปฏฺาเน, สตฺต อฏฺ จ ภาวยํ;

ปฺจ กปฺปสตานาหํ, เอกรตฺตึ อนุสฺสริ’’นฺติ. – คาถาทฺวยํ อภาสิ;

ตตฺถ สติมาติ สยํ สมุทาคมนสมฺปนฺนาย สติปฏฺานภาวนาปาริปูริยา สติเวปุลฺลปฺปตฺติยา จ สติมา. ปฺวาติ ฉฬภิฺาปาริปูริยา ปฺาเวปุลฺลปฺปตฺติยา จ ปฺวา. ภินฺนกิเลสตาย ภิกฺขุ. สทฺธาทิพลานฺเจว จตุพฺพิธสมฺมปฺปธานวีริยสฺส จ สํสิทฺธิปาริปูริยา อารทฺธพลวีริโย. สทฺธาทีนฺเหตฺถ พลคฺคหเณน คหณํ สติปิ สติอาทีนํ พลภาเว, ยถา ‘‘โคพลิพทฺธา ปุฺาณสมฺภารา’’ติ. ปฺจ กปฺปสตานาหํ, เอกรตฺตึ อนุสฺสรินฺติ เอกรตฺตึ วิย อนุสฺสรึ. วิย-สทฺโท หิ อิธ ลุตฺตนิทฺทิฏฺโ, เอเตน ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาเณ อตฺตโน าณวสีภาวํ ทีเปติ.

อิทานิ ยาย ปฏิปตฺติยา อตฺตโน สติมนฺตาทิภาโว สาติสยํ ปุพฺเพนิวาสาณฺจ สิทฺธํ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘จตฺตาโร’’ติอาทินา ทุติยํ คาถมาห. ตตฺถ จตฺตาโร สติปฏฺาเนติ กายานุปสฺสนาทิเก อตฺตโน วิสยเภเทน จตุพฺพิเธ โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสเก สติสงฺขาเต สติปฏฺาเน. สตฺตาติ สตฺต โพชฺฌงฺเค. อฏฺาติ อฏฺ มคฺคงฺคานิ. สติปฏฺาเนสุ หิ สุปฺปติฏฺิตจิตฺตสฺส สตฺต โพชฺฌงฺคา ภาวนาปาริปูรึ คตา เอว โหนฺติ, ตถา อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค. เตนาห ธมฺมเสนาปติ – ‘‘จตูสุ สติปฏฺาเนสุ สุปฺปติฏฺิตจิตฺตา สตฺต โพชฺฌงฺเค ยถาภูตํ ภาเวตฺวา’’ติอาทีหิ (ที. นิ. ๓.๑๔๓) สตฺตโกฏฺาสิเกสุ สตฺตตึสาย โพธิปกฺขิยธมฺเมสุ เอกสฺมึ โกฏฺาเส ภาวนาปาริปูรึ คจฺฉนฺเต อิตเร อคจฺฉนฺตา นาม นตฺถีติ. ภาวยนฺติ ภาวนาเหตุ. เสสํ วุตฺตนยเมว.

โสภิตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. วลฺลิยตฺเถรคาถาวณฺณนา

ยํ กิจฺจํ ทฬฺหวีริเยนาติอาทิกา อายสฺมโต วลฺลิยตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต สุเมธสฺส ภควโต กาเล พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต วิชฺชาสิปฺเปสุ นิปฺผตฺตึ คโต อสีติโกฏิวิภวํ ปหาย ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ปพฺพตปาเท อรฺายตเน เอกิสฺสา นทิยา ตีเร อสฺสมํ กาเรตฺวา วิหรนฺโต อตฺตโน อนุคฺคณฺหนตฺถํ อุปคตํ สตฺถารํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส อชินจมฺมํ ปตฺถริตฺวา อทาสิ. ตตฺถ นิสินฺนํ ภควนฺตํ ปุปฺเผหิ จ จนฺทเนน จ ปูเชตฺวา อมฺพผลานิ ทตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิ. ตสฺส ภควา นิสินฺนาสนสมฺปตฺตึ ปกาเสนฺโต อนุโมทนํ วตฺวา ปกฺกามิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท เวสาลิยํ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา ‘‘กณฺหมิตฺโต’’ติ ลทฺธนาโม วยปฺปตฺโต สตฺถุ เวสาลิคมเน พุทฺธานุภาวํ ทิสฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ มหากจฺจานตฺเถรสฺส สนฺติเก ปพฺพชิ. โส มนฺทปฺโ ทนฺธปรกฺกโม จ หุตฺวา จิรํ กาลํ วิฺุํ สพฺรหฺมจารึ นิสฺสาเยว วสติ. ภิกฺขู ‘‘ยถา นาม วลฺลิ รุกฺขาทีสุ กิฺจิ อนิสฺสาย วฑฺฒิตุํ น สกฺโกติ, เอวมยมฺปิ กฺจิ ปณฺฑิตํ อนิสฺสาย วฑฺฒิตุํ น สกฺโกตี’’ติ วลฺลิโยตฺเวว สมุทาจรึสุ. อปรภาเค ปน เวณุทตฺตตฺเถรํ อุปสงฺกมิตฺวา ตสฺส โอวาเท ตฺวา สโต สมฺปชาโน หุตฺวา วิหรนฺโต าณสฺส ปริปากํ คตตฺตา ปฏิปตฺติกฺกมํ เถรํ ปุจฺฉนฺโต –

๑๖๗.

‘‘ยํ กิจฺจํ ทฬฺหวีริเยน, ยํ กิจฺจํ โพทฺธุมิจฺฉตา;

กริสฺสํ นาวรชฺฌิสฺสํ, ปสฺส วีริยํ ปรกฺกมํ.

๑๖๘.

‘‘ตฺวฺจ เม มคฺคมกฺขาหิ, อฺชสํ อมโตคธํ;

อหํ โมเนน โมนิสฺสํ, คงฺคาโสโตว สาคร’’นฺติ. – คาถาทฺวยํ อภาสิ;

ตตฺถ ยํ กิจฺจํ ทฬฺหวีริเยนาติ ทฬฺเหน วีริเยน ถิเรน ปรกฺกเมน, ทฬฺหวีริเยน วา ปุริสโธรยฺเหน ยํ กิจฺจํ กาตพฺพํ ปฏิปชฺชิตพฺพํ. ยํ กิจฺจํ โพทฺธุมิจฺฉตาติ จตฺตาริ อริยสจฺจานิ นิพฺพานเมว วา โพทฺธุํ พุชฺฌิตุํ อิจฺฉนฺเตน ปฏิวิชฺฌิตุกาเมน ยํ กิจฺจํ กรณียํ. กริสฺสํ นาวรชฺฌิสฺสนฺติ ตมหํ ทานิ กริสฺสํ น วิราเธสฺสํ, ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชิสฺสามิ. ปสฺส วีริยํ ปรกฺกมนฺติ ยถา ปฏิปชฺชมาเน ธมฺเม วิธินา อีรณโต ‘‘วีริยํ’’, ปรํ ปรํ านํ อกฺกมนโต ‘‘ปรกฺกโม’’ติ จ ลทฺธนามํ สมฺมาวายามํ ปสฺส น สทฺธเมวาติ อตฺตโน กตฺตุกามตํ ทสฺเสติ.

ตฺวฺจาติ กมฺมฏฺานทายกํ กลฺยาณมิตฺตํ อาลปติ. เมติ มยฺหํ. มคฺคมกฺขาหีติ อริยมคฺคํ กเถหิ, โลกุตฺตรมคฺคสมฺปาปกํ จตุสจฺจกมฺมฏฺานํ กเถหีติ อตฺโถ. อฺชสนฺติ อุชุกํ มชฺฌิมปฏิปทาภาเวน อนฺตทฺวยสฺส อนุปคมนโต. อมเต นิพฺพาเน สมฺปาปกภาเวน ปติฏฺิตตฺตา อมโตคธํ. โมเนนาติ าเณน มคฺคปฺาย. โมนิสฺสนฺติ ชานิสฺสํ นิพฺพานํ ปฏิวิชฺฌิสฺสํ ปาปุณิสฺสํ. คงฺคาโสโตว สาครนฺติ ยถา คงฺคาย โสโต สาครํ สมุทฺทํ อวิรชฺฌนฺโต เอกํสโต โอคาหติ, เอวํ ‘‘อหํ กมฺมฏฺานํ อนุยุฺชนฺโต มคฺคาเณน นิพฺพานํ อธิคมิสฺสามิ, ตสฺมา ตํ กมฺมฏฺานํ เม อาจิกฺขถา’’ติ เถรํ กมฺมฏฺานํ ยาจิ.

ตํ สุตฺวา เวณุทตฺตตฺเถโร ตสฺส กมฺมฏฺานํ อทาสิ. โสปิ กมฺมฏฺานํ อนุยุฺชนฺโต นจิรสฺเสว วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๙.๗๕-๑๐๕) –

‘‘ปฺจ กามคุเณ หิตฺวา, ปิยรูเป มโนรเม;

อสีติ โกฏิโย หิตฺวา, ปพฺพชึ อนคาริยํ.

‘‘ปพฺพชิตฺวาน กาเยน, ปาปกมฺมํ วิวชฺชยึ;

วจีทุจฺจริตํ หิตฺวา, นทีกูเล วสามหํ.

‘‘เอกกํ มํ วิหรนฺตํ, พุทฺธเสฏฺโ อุปาคมิ;

นาหํ ชานามิ พุทฺโธติ, อกาสึ ปฏิสนฺถารํ.

‘‘กริตฺวา ปฏิสนฺถารํ, นามโคตฺตมปุจฺฉหํ;

เทวตานุสิ คนฺธพฺโพ, อทุ สกฺโก ปุรินฺทโท.

‘‘โก วา ตฺวํ กสฺส วา ปุตฺโต, มหาพฺรหฺมา อิธาคโต;

วิโรเจสิ ทิสา สพฺพา, อุทยํ สูริโย ยถา.

‘‘สหสฺสารานิ จกฺกานิ, ปาเท ทิสฺสนฺติ มาริส;

โก วา ตฺวํ กสฺส วา ปุตฺโต, กถํ ชาเนมุ ตํ มยํ.

‘‘นามโคตฺตํ ปเวเทหิ, สํสยํ อปเนหิ เม;

นมฺหิ เทวา น คนฺธพฺโพ, นมฺหิ สกฺโก ปุรินฺทโท.

‘‘พฺรหฺมภาโว จ เม นตฺถิ, เอเตสํ อุตฺตโม อหํ;

อตีโต วิสยํ เตสํ, ทาลยึ กามพนฺธนํ.

‘‘สพฺเพ กิเลเส ฌาเปตฺวา, ปตฺโต สมฺโพธิมุตฺตมํ;

ตสฺส วาจํ สุณิตฺวาหํ, อิทํ วจนมพฺรวึ.

‘‘ยทิ พุทฺโธสิ สพฺพฺู, นิสีท ตฺวํ มหามุเน;

ตมหํ ปูชยิสฺสามิ, ทุกฺขสฺสนฺตกโร ตุวํ.

‘‘ปตฺถริตฺวาชินจมฺมํ, อทาสิ สตฺถุโน อหํ;

นิสีทิ ตตฺถ ภควา, สีโหว คิริคพฺภเร.

‘‘ขิปฺปํ ปพฺพตมารุยฺห, อมฺพสฺส ผลมคฺคหึ;

สาลกลฺยาณิกํ ปุปฺผํ, จนฺทนฺจ มหารหํ.

‘‘ขิปฺปํ ปคฺคยฺห ตํ สพฺพํ, อุเปตฺวา โลกนายกํ;

ผลํ พุทฺธสฺส ทตฺวาน, สาลปุปฺผมปูชยึ.

‘‘จนฺทนํ อนุลิมฺปิตฺวา, อวนฺทึ สตฺถุโน อหํ;

ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, วิปุลาย จ ปีติยา.

‘‘อชินมฺหิ นิสีทิตฺวา, สุเมโธ โลกนายโก;

มม กมฺมํ ปกิตฺเตสิ, หาสยนฺโต มมํ ตทา.

‘‘อิมินา ผลทาเนน, คนฺธมาเลหิ จูภยํ;

ปฺจวีเส กปฺปสเต, เทวโลเก รมิสฺสติ.

‘‘อนูนมนสงฺกปฺโป, วสวตฺตี ภวิสฺสติ;

ฉพฺพีสติกปฺปสเต, มนุสฺสตฺตํ คมิสฺสติ.

‘‘ภวิสฺสติ จกฺกวตฺตี, จาตุรนฺโต มหิทฺธิโก;

เวภารํ นาม นครํ, วิสฺสกมฺเมน มาปิตํ.

‘‘เหสฺสติ สพฺพโสวณฺณํ, นานารตนภูสิตํ;

เอเตเนว อุปาเยน, สํสริสฺสติ โส ภเว.

‘‘สพฺพตฺถ ปูชิโต หุตฺวา, เทวตฺเต อถ มานุเส;

ปจฺฉิเม ภเว สมฺปตฺเต, พฺรหฺมพนฺธุ ภวิสฺสติ.

‘‘อคารา อภินิกฺขมฺม, อนคารี ภวิสฺสติ;

อภิฺาปารคู หุตฺวา, นิพฺพายิสฺสตินาสโว.

‘‘อิทํ วตฺวาน สมฺพุทฺโธ, สุเมโธ โลกนายโก;

มม นิชฺฌายมานสฺส, ปกฺกามิ อนิลฺชเส.

‘‘เตน กมฺเมน สุกเตน, เจตนาปณิธีหิ จ;

ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวตึสมคจฺฉหํ.

‘‘ตุสิตโต จวิตฺวาน, นิพฺพตฺตึ มาตุกุจฺฉิยํ;

โภเค เม อูนตา นตฺถิ, ยมฺหิ คพฺเภ วสามหํ.

‘‘มาตุกุจฺฉิคเต มยิ, อนฺนปานฺจ โภชนํ;

มาตุยา มม ฉนฺเทน, นิพฺพตฺตติ ยทิจฺฉกํ.

‘‘ชาติยา ปฺจวสฺเสน, ปพฺพชึ อนคาริยํ;

โอโรปิตมฺหิ เกสมฺหิ, อรหตฺตมปาปุณึ.

‘‘ปุพฺพกมฺมํ คเวสนฺโต, โอเรน นาทฺทสํ อหํ;

ตึสกปฺปสหสฺสมฺหิ, มม กมฺมมนุสฺสรึ.

‘‘นโม เต ปุริสาชฺ, นโม เต ปุริสุตฺตม;

ตว สาสนมาคมฺม, ปตฺโตมฺหิ อจลํ ปทํ.

‘‘ตึสกปฺปสหสฺสมฺหิ, ยํ พุทฺธมภิปูชยึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อฺํ พฺยากโรนฺโต เถโร อิมาเยว คาถา อภาสีติ.

วลฺลิยตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. วีตโสกตฺเถรคาถาวณฺณนา

เกเส เม โอลิขิสฺสนฺตีติอาทิกา อายสฺมโต วีตโสกตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต สิทฺธตฺถสฺส ภควโต กาเล พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา พฺราหฺมณานํ วิชฺชาสิปฺเปสุ นิปฺผตฺตึ คโต กาเม ปหาย อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา มหตา อิสิคเณน ปริวุโต อรฺเ วสนฺโต พุทฺธุปฺปาทํ สุตฺวา หฏฺตุฏฺโ ‘‘อุทุมฺพรปุปฺผสทิสา ทุลฺลภทสฺสนา พุทฺธา ภควนฺโต, อิทาเนว อุปคนฺตพฺพา’’ติ มหติยา ปริสาย สทฺธึ สตฺถารํ ทฏฺุํ คจฺฉนฺโต ทิยฑฺฒโยชเน เสเส พฺยาธิโก หุตฺวา พุทฺธคตาย สฺาย กาลงฺกโต เทเวสุ อุปฺปชฺชิตฺวา อปราปรํ เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท อฏฺารสวสฺสาธิกานํ ทฺวินฺนํ วสฺสสตานํ มตฺถเก ธมฺมาโสกรฺโ กนิฏฺภาตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ, ตสฺส วีตโสโกติ นาม อโหสิ. โส วยปฺปตฺโต ขตฺติยกุมาเรหิ สิกฺขิตพฺพวิชฺชาสิปฺเปสุ นิปฺผตฺตึ คโต คิริทตฺตตฺเถรํ นิสฺสาย คิหิภูโต สุตฺตนฺตปิฏเก อภิธมฺมปิฏเก จ วิสารโท หุตฺวา เอกทิวสํ มสฺสุกมฺมสมเย กปฺปกสฺส หตฺถโต อาทาสํ คเหตฺวา กายํ โอโลเกนฺโต วลิตปลิตาทีนิ ทิสฺวา สฺชาตสํเวโค วิปสฺสนาย จิตฺตํ โอตาเรตฺวา ภาวนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา ตสฺมึเยว อาสเน โสตาปนฺโน หุตฺวา คิริทตฺตตฺเถรสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๙.๙-๒๖) –

‘‘อชฺฌายโก มนฺตธโร, ติณฺณํ เวทาน ปารคู;

ลกฺขเณ อิติหาเส จ, สนิฆณฺฑุสเกฏุเภ.

‘‘นทีโสตปฏิภาคา, สิสฺสา อายนฺติ เม ตทา;

เตสาหํ มนฺเต วาเจมิ, รตฺตินฺทิวมตนฺทิโต.

‘‘สิทฺธตฺโถ นาม สมฺพุทฺโธ, โลเก อุปฺปชฺชิ ตาวเท;

ตมนฺธการํ นาเสตฺวา, าณาโลกํ ปวตฺตยิ.

‘‘มม อฺตโร สิสฺโส, สิสฺสานํ โส กเถสิ เม;

สุตฺวาน เต เอตมตฺถํ, อาโรเจสุํ มมํ ตทา.

‘‘พุทฺโธ โลเก สมุปฺปนฺโน, สพฺพฺู โลกนายโก;

ตสฺสานุวตฺตติ ชโน, ลาโภ อมฺหํ น วิชฺชติ.

‘‘อธิจฺจุปฺปตฺติกา พุทฺธา, จกฺขุมนฺโต มหายสา;

ยํนูนาหํ พุทฺธเสฏฺํ, ปสฺเสยฺยํ โลกนายกํ.

‘‘อชินํ เม คเหตฺวาน, วากจีรํ กมณฺฑลุํ;

อสฺสมา อภินิกฺขมฺม, สิสฺเส อามนฺตยึ อหํ.

‘‘โอทุมฺพริกปุปฺผํว, จนฺทมฺหิ สสกํ ยถา;

วายสานํ ยถา ขีรํ, ทุลฺลโภ โลกนายโก.

‘‘พุทฺโธ โลกมฺหิ อุปฺปนฺโน, มนุสฺสตฺตมฺปิ ทุลฺลภํ;

อุโภสุ วิชฺชมาเนสุ, สวนฺจ สุทุลฺลภํ.

‘‘พุทฺโธ โลเก สมุปฺปนฺโน, จกฺขุํ ลจฺฉาม โน ภวํ;

เอถ สพฺเพ คมิสฺสาม, สมฺมาสมฺพุทฺธสนฺติกํ.

‘‘กมณฺฑลุธรา สพฺเพ, ขราชินนิวาสิโน;

เต ชฏาภารภริตา, นิกฺขมุํ วิปินา ตทา.

‘‘ยุคมตฺตํ เปกฺขมานา, อุตฺตมตฺถํ คเวสิโน;

อาสตฺติโทสรหิตา, อสมฺภีตาว เกสรี.

‘‘อปฺปกิจฺจา อโลลุปฺปา, นิปกา สนฺตวุตฺติโน;

อุฺฉาย จรมานา เต, พุทฺธเสฏฺมุปาคมุํ.

‘‘ทิยฑฺฒโยชเน เสเส, พฺยาธิ เม อุปปชฺชถ;

พุทฺธเสฏฺํ สริตฺวาน, ตตฺถ กาลงฺกโต อหํ.

‘‘จตุนฺนวุติโต กปฺเป, ยํ สฺมลภึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธสฺายิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อฺํ พฺยากโรนฺโต –

๑๖๙.

‘‘เกเส เม โอลิขิสฺสนฺติ, กปฺปโก อุปสงฺกมิ;

ตโต อาทาสมาทาย, สรีรํ ปจฺจเวกฺขิสํ.

๑๗๐.

‘‘ตุจฺโฉ กาโย อทิสฺสิตฺถ, อนฺธกาเร ตโม พฺยคา;

สพฺเพ โจฬา สมุจฺฉินฺนา, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’’ติ. – คาถาทฺวยํ อภาสิ;

ตตฺถ เกเส เม โอลิขิสฺสนฺติ, กปฺปโก อุปสงฺกมีติ คิหิกาเล มสฺสุกมฺมสมเย ‘‘มม เกเส โอลิขิสฺสํ กปฺเปมี’’ติ เกสาทีนํ เฉทนาทิวเสน กปฺปนโต กปฺปโก นฺหาปิโต มํ อุปคจฺฉิ. ตโตติ กปฺปกโต. สรีรํ ปจฺจเวกฺขิสนฺติ สพฺพกายิเก อาทาเส ปลิตวลิตมุขนิมิตฺตาทิทสฺสนมุเขน ‘‘อภิภูโต วต ชราย เม กาโย’’ติ ชราภิภูตํ อตฺตโน สรีรํ ปจฺจเวกฺขึ. เอวํ ปจฺจเวกฺขโต จ ตุจฺโฉ กาโย อทิสฺสิตฺถ นิจฺจธุวสุขสภาวาทีหิ ริตฺโต หุตฺวา เม กาโย อทิสฺสถ ปฺายิ. กสฺมา? อนฺธกาเร ตโม พฺยคา เยน อโยนิโสมนสิการสงฺขาเตน ตมสา อตฺตโน กาเย อนฺธคตา วิชฺชมานมฺปิ อสุภาทิสภาวํ อปสฺสนฺตา อวิชฺชมานํ สุภาทิอาการํ คณฺหนฺติ, ตสฺมึ อนฺธกาเร อนฺธกรณฏฺาเน กาเย โยนิโสมนสิการสงฺขาเตน าณาโลเกน อวิชฺชาตโม วิคโต, ตโต เอว สพฺเพ โจฬา สมุจฺฉินฺนา โจรา วิย กุสลภณฺฑจฺเฉทนโต, สาธูหิ อลาตพฺพโต อสงฺคเหตพฺพโต สงฺการกูฏาทีสุ ฉฑฺฑิตปิโลติกขณฺฑํ วิย อิสฺสรชเนน อริยชเนน ชิคุจฺฉิตพฺพตาย โจฬา วิยาติ วา ‘‘โจฬา’’ติ ลทฺธนามา กิเลสา สมุจฺฉินฺนา. อคฺคมคฺเคน สมุคฺฆาฏิตตฺตา เอว จ เนสํ นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว อายตึ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติ นตฺถีติ.

วีตโสกตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. ปุณฺณมาสตฺเถรคาถาวณฺณนา

ปฺจ นีวรเณ หิตฺวาติอาทิกา อายสฺมโต ปุณฺณมาสตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต ติสฺสสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ สตฺถริ อรฺเ วิหรนฺเต ปํสุกูลจีวรํ ทุมสาขาย ลคฺเคตฺวา คนฺธกุฏึ ปวิฏฺเ ธนุหตฺโถ คหนํ ปวิฏฺโ สตฺถุ ปํสุกูลํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส ธนุํ นิกฺขิปิตฺวา พุทฺธคุเณ อนุสฺสริตฺวา ปํสุกูลํ วนฺทิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ กุฏุมฺพิยกุเล นิพฺพตฺติ. ตสฺส กิร ชาตทิวเส ตสฺมึ เคเห สพฺพภาชนานิ สุวณฺณรตนมเยหิ มาเสหิ ปริปุณฺณาเนว อเหสุํ. เตนสฺส ปุณฺณมาโสตฺเวว นามํ อกํสุ. โส วยปฺปตฺโต ทารปริคฺคหํ กตฺวา เอกสฺมึ ปุตฺเต อุปฺปนฺเน ฆราวาสํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา คามกาวาเส วสนฺโต ฆเฏนฺโต วายมนฺโต ฉฬภิฺโ อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๙.๑-๘) –

‘‘ติสฺโส นามาสิ ภควา, สยมฺภู อคฺคปุคฺคโล;

ปํสุกูลํ เปตฺวาน, วิหารํ ปาวิสี ชิโน.

‘‘วินตํ ธนุมาทาย, ภกฺขตฺถาย จรึ อหํ;

มณฺฑลคฺคํ คเหตฺวาน, กานนํ ปาวิสึ อหํ.

‘‘ตตฺถทฺทสํ ปํสุกูลํ, ทุมคฺเค ลคฺคิตํ ตทา;

จาปํ ตตฺเถว นิกฺขิปฺป, สิเร กตฺวาน อฺชลึ.

‘‘ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, วิปุลาย จ ปีติยา;

พุทฺธเสฏฺํ สริตฺวาน, ปํสุกูลํ อวนฺทหํ.

‘‘ทฺเวนวุเต อิโต กปฺเป, ปํสุกูลมวนฺทหํ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, วนฺทนาย อิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

ฉฬภิฺโ ปน หุตฺวา สาวตฺถึ อุปคนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา สุสาเน วสติ, ตสฺส จ อจิราคตสฺเสว สโต ปุตฺโต กาลมกาสิ. ทารกมาตา เถรสฺส อาคตภาวํ สุตฺวา, ‘‘มา อิทํ อปุตฺตกํ สาปเตยฺยํ ราชาโน หเรยฺยุ’’นฺติ ตํ อุปฺปพฺพาเชตุกามา มหตา ปริวาเรน เถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ปฏิสนฺถารํ กตฺวา ปโลเภตุํ อารภิ. เถโร อตฺตโน วีตราคภาวชานาปนตฺถํ อากาเส ตฺวา อตฺตโน ปฏิปตฺติกิตฺตนมุเขน ตสฺสา ธมฺมํ เทเสนฺโต –

๑๗๑.

‘‘ปฺจ นีวรเณ หิตฺวา, โยคกฺเขมสฺส ปตฺติยา;

ธมฺมาทาสํ คเหตฺวาน, าณทสฺสนมตฺตโน.

๑๗๒.

‘‘ปจฺจเวกฺขึ อิมํ กายํ, สพฺพํ สนฺตรพาหิรํ;

อชฺฌตฺตฺจ พหิทฺธา จ, ตุจฺโฉ กาโย อทิสฺสถา’’ติ. –

คาถาทฺวยํ อภาสิ.

ตตฺถ ปฺจ นีวรเณ หิตฺวาติ กามจฺฉนฺทาทิเก ปฺจ นีวรเณ ปหาย ฌานาธิคเมน วิทฺธํเสตฺวา. โยคกฺเขมสฺส ปตฺติยาติ กามโยคาทีหิ จตูหิ โยเคหิ เขมสฺส อนุปทฺทุตสฺส นิพฺพานสฺส อธิคมาย. ธมฺมาทาสนฺติ ธมฺมภูตํ อาทาสํ. ยถา หิ อาทาโส โอโลเกนฺตสฺส รูปกาเย คุณาคุณํ อาทํเสติ, เอวํ วิปสฺสนาสงฺขาโต ธมฺมานํ สามฺวิเสสาวโพธนโต าณทสฺสนภูโต ธมฺมาทาโส วิปสฺสนฺตสฺส โวทานสํกิเลสธมฺมวิภาวเนน ตปฺปหานสาธเนน จ วิเสสโต นามกาเย คุณํ อาทํเสติ. เตนาห –

‘‘ธมฺมาทาสํ คเหตฺวาน, าณทสฺสนมตฺตโน;

ปจฺจเวกฺขึ อิมํ กายํ, สพฺพํ สนฺตรพาหิร’’นฺติ. –

อิมํ กายํ ธมฺมสมูหํ มม อตฺตภาวํ อชฺฌตฺติกพาหิรายตนภาวโต สนฺตรพาหิรํ สพฺพํ อนวเสสํ ธมฺมาทาสํ คเหตฺวา ‘‘อนิจฺจ’’นฺติปิ ‘‘ทุกฺข’’นฺติปิ ‘‘อนตฺตา’’ติปิ ปติอเวกฺขึ าณจกฺขุนา ปสฺสึ. เอวํ ปสฺสตา จ มยา อชฺฌตฺตฺจ พหิทฺธา จาติ อตฺตโน สนฺตาเน ปรสนฺตาเน จ ตุจฺโฉ กาโย อทิสฺสถ นิจฺจสาราทิวิรหิโต ตุจฺโฉ ขนฺธปฺจกสงฺขาโต อตฺตภาวกาโย าณจกฺขุนา ยาถาวโต อปสฺสิตฺถ. สกลมฺปิ หิ ขนฺธปฺจกํ ‘‘อวิชฺชานิวุตสฺส, ภิกฺขเว, พาลสฺส ตณฺหาสํยุตฺตสฺส เอวมยํ กาโย สมุทาคโต’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๒.๑๙) ‘‘กาโย’’ติ วุจฺจติ. ‘‘อทิสฺสถา’’ติ จ อิมินา ยเทว กาเย ทฏฺพฺพํ, ตํ ทิฏฺํ, น ทานิสฺส กิฺจิ มยา ปสฺสิตพฺพํ อตฺถีติ กตกิจฺจตํ ทสฺเสนฺโต อฺํ พฺยากาสิ. เอวํ เถโร อิมาหิ คาถาหิ ปุราณทุติยิกาย ธมฺมํ เทเสตฺวา ตํ สรเณสุ จ สีเลสุ จ สมฺปติฏฺาเปตฺวา อุยฺโยเชสิ.

ปุณฺณมาสตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. นนฺทกตฺเถรคาถาวณฺณนา

ยถาปิ ภทฺโท อาชฺโติ อายสฺมโต นนฺทกตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ กโรนฺโต สิขิสฺส ภควโต กาเล ปจฺจนฺตเทเส อุปฺปชฺชิตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต วนจาริโก หุตฺวา วิจรนฺโต เอกทิวสํ สตฺถุ จงฺกมนฏฺานํ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺโต วาลุกา โอกิริ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท จมฺปายํ คหปติกุเล นิพฺพตฺติ, ตสฺส นนฺทโกติ นามํ อกํสุ. เชฏฺกภาตา ปนสฺส ภรโต นาม. ตสฺส ปุพฺพโยโค อนนฺตรวตฺถุสฺมึ อาวิภวิสฺสติ. เต อุโภปิ วิฺุตํ ปตฺวา อายสฺมนฺตํ โสณํ โกฬิวิสํ ปพฺพชิตํ สุตฺวา ‘‘โสโณปิ นาม ตถาสุขุมาโล ปพฺพชิ, กิมงฺคํ ปน มย’’นฺติ ปพฺพชึสุ. เตสุ ภรโต นจิรสฺเสว วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา ฉฬภิฺโ อโหสิ. นนฺทโก ปน กิเลสานํ พลวภาเวน ตาว วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตุํ นาสกฺขิ, วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรติ เอว. อถสฺส ภรตตฺเถโร อาสยํ ตฺวา อวสฺสโย ภวิตุกาโม ตํ ปจฺฉาสมณํ กตฺวา วิหารโต นิกฺขมิตฺวา มคฺคสมีเป นิสินฺโน วิปสฺสนากถํ กเถสิ.

เตน จ สมเยน สกฏสตฺเถ คจฺฉนฺเต เอโก สกเฏ ยุตฺโต โคโณ จิกฺขลฺลฏฺาเน สกฏํ อุทฺธริตุํ อสกฺโกนฺโต ปริปติ. ตโต นํ สตฺถวาโห สกฏา โมเจตฺวา ติณฺจ ปานียฺจ ทตฺวา ปริสฺสมํ อปเนตฺวา ปุน ธุเร โยเชสิ. ตโต โคโณ วูปสนฺตปริสฺสโม ลทฺธพโล ตํ สกฏํ จิกฺขลฺลฏฺานโต อุทฺธริตฺวา ถเล ปติฏฺาเปสิ. อถ ภรตตฺเถโร นนฺทกสฺส ‘‘ปสฺสสิ โน ตฺวํ, อาวุโส นนฺทก, อิมสฺส กมฺม’’นฺติ ตํ นิทสฺเสตฺวา เตน ‘‘ปสฺสามี’’ติ วุตฺเต ‘‘อิมมตฺถํ สุฏฺุ อุปธาเรหี’’ติ อาห. อิตโร ‘‘ยถายํ โคโณ วูปสนฺตปริสฺสโม ปงฺกฏฺานโต ภารํ อุพฺพหติ, เอวํ มยาปิ สํสารปงฺกโต อตฺตา อุทฺธริตพฺโพ’’ติ ตเมวารมฺมณํ กตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๘.๙๐-๙๕) –

‘‘มิคลุทฺโท ปุเร อาสึ, อรฺเ กานเน อหํ;

วาตมิคํ คเวสนฺโต, จงฺกมํ อทฺทสํ อหํ.

‘‘อุจฺฉงฺเคน ปุลินํ คยฺห, จงฺกเม โอกิรึ อหํ;

ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, สุคตสฺส สิรีมโต.

‘‘เอกตึเส อิโต กปฺเป, ปุลินํ โอกิรึ อหํ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ปุลินสฺส อิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อตฺตโน เชฏฺภาติกสฺส ภรตตฺเถรสฺส สนฺติเก อฺํ พฺยากโรนฺโต –

๑๗๓.

‘‘ยถาปิ ภทฺโท อาชฺโ, ขลิตฺวา ปติติฏฺติ;

ภิยฺโย ลทฺธาน สํเวคํ, อทีโน วหเต ธุรํ.

๑๗๔.

‘‘เอวํ ทสฺสนสมฺปนฺนํ, สมฺมาสมฺพุทฺธสาวกํ;

อาชานียํ มํ ธาเรถ, ปุตฺตํ พุทฺธสฺส โอรส’’นฺติ. – คาถาทฺวยํ อภาสิ;

ตตฺถ ภิยฺโย ลทฺธาน สํเวคํ, อทีโน วหเต ธุรนฺติ ‘‘มยฺหํ ชาติพลวีริยานํ อนนุจฺฉวิกเมตํ ยทิทํ อาคตสฺส ภารสฺส อวหน’’นฺติ สํเวคํ ลภิตฺวา อทีโน อทีนมานโส อลีนจิตฺโต. ‘‘อลีโน’’ติ วา ปาโ, โส เอว อตฺโถ. ภิยฺโย ปุนปฺปุนํ ภิยฺโยโสมตฺตาย อตฺตโน ธุรํ ภารํ วหเต อุพฺพหติ. เสสํ เหฏฺา รมณียวิหาริตฺเถรสฺส คาถาวณฺณนายํ วุตฺตนยเมว.

นนฺทกตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. ภรตตฺเถรคาถาวณฺณนา

เอหิ, นนฺทก, คจฺฉามาติ อายสฺมโต ภรตตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร อโนมทสฺสิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ มนุฺทสฺสนํ มุทุสุขสมฺผสฺสํ อุปาหนทฺวยํ คเหตฺวา คจฺฉนฺโต สตฺถารํ จงฺกมนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส อุปาหนา อุปนาเมตฺวา, ‘‘อภิรุหตุ ภควา อุปาหนา, ยํ มม อสฺส ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’’ติ อาห. อภิรุหิ ภควา ตสฺส อนุคฺคณฺหนตฺถํ อุปาหนา. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท จมฺปานคเร คหปติกุเล นิพฺพตฺติ, ภรโตติสฺส นามํ อโหสิ. โส วิฺุตํ ปตฺโต โสณตฺเถรสฺส ปพฺพชิตภาวํ สุตฺวา ‘‘โสปิ นาม ปพฺพชี’’ติ สฺชาตสํเวโค ปพฺพชิตฺวา กตปุพฺพกิจฺโจ วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต นจิรสฺเสว ฉฬภิฺโ อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๘.๗๑-๘๙) –

‘‘อโนมทสฺสี ภควา, โลกเชฏฺโ นราสโภ;

ทิวาวิหารา นิกฺขมฺม, ปถมารุหิ จกฺขุมา.

‘‘ปานธึ สุกตํ คยฺห, อทฺธานํ ปฏิปชฺชหํ;

ตตฺถทฺทสาสึ สมฺพุทฺธํ, ปตฺติกํ จารุทสฺสนํ.

‘‘สกํ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, นีหริตฺวาน ปานธึ;

ปาทมูเล เปตฺวาน, อิทํ วจนมพฺรวึ.

‘‘อภิรูห มหาวีร, สุคตินฺท วินายก;

อิโต ผลํ ลภิสฺสามิ, โส เม อตฺโถ สมิชฺฌตุ.

‘‘อโนมทสฺสี ภควา, โลกเชฏฺโ นราสโภ;

ปานธึ อภิรูหิตฺวา, อิทํ วจนมพฺรวิ.

‘‘โย ปานธึ เม อทาสิ, ปสนฺโน เสหิ ปาณิภิ;

ตมหํ กิตฺตยิสฺสามิ, สุณาถ มม ภาสโต.

‘‘พุทฺธสฺส คิรมฺาย, สพฺเพ เทวา สมาคตา;

อุทคฺคจิตฺตา สุมนา, เวทชาตา กตฺชลี.

‘‘ปานธีนํ ปทาเนน, สุขิโตยํ ภวิสฺสติ;

ปฺจปฺาสกฺขตฺตุฺจ, เทวรชฺชํ กริสฺสติ.

‘‘สหสฺสกฺขตฺตุํ ราชา จ, จกฺกวตฺตี ภวิสฺสติ;

ปเทสรชฺชํ วิปุลํ, คณนาโต อสงฺขิยํ.

‘‘อปริเมยฺเย อิโต กปฺเป, โอกฺกากกุลสมฺภโว;

โคตโม นาม โคตฺเตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติ.

‘‘ตสฺส ธมฺเมสุ ทายาโท, โอรโส ธมฺมนิมฺมิโต;

สพฺพาสเว ปริฺาย, นิพฺพายิสฺสตินาสโว.

‘‘เทวโลเก มนุสฺเส วา, นิพฺพตฺติสฺสติ ปุฺวา;

เทวยานปฏิภาคํ, ยานํ ปฏิลภิสฺสติ.

‘‘ปาสาทา สิวิกา วยฺหํ, หตฺถิโน สมลงฺกตา;

รถา วาชฺสํยุตฺตา, สทา ปาตุภวนฺติ เม.

‘‘อคารา นิกฺขมนฺโตปิ, รเถน นิกฺขมึ อหํ;

เกเสสุ ฉิชฺชมาเนสุ, อรหตฺตมปาปุณึ.

‘‘ลาภา มยฺหํ สุลทฺธํ เม, วาณิชฺชํ สุปฺปโยชิตํ;

ทตฺวาน ปานธึ เอกํ, ปตฺโตมฺหิ อจลํ ปทํ.

‘‘อปริเมยฺเย อิโต กปฺเป, ยํ ปานธิมทาสหํ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ปานธิสฺส อิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

ฉฬภิฺโ ปน หุตฺวา อตฺตโน กนิฏฺภาติเกน นนฺทกตฺเถเรน เหฏฺา วุตฺตนเยน อฺาพฺยากรเณ กเต ‘‘อิทานิ นนฺทโกปิ อรหา ชาโต, หนฺท มยํ อุโภปิ สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา วุสิตพฺรหฺมจริยตํ นิเวเทสฺสามาติ อุปฺปนฺนํ ปริวิตกฺกํ นนฺทกตฺเถรสฺส กเถนฺโต –

๑๗๕.

‘‘เอหิ นนฺทก คจฺฉาม, อุปชฺฌายสฺส สนฺติกํ;

สีหนาทํ นทิสฺสาม, พุทฺธเสฏฺสฺส สมฺมุขา.

๑๗๖.

‘‘ยาย โน อนุกมฺปาย, อมฺเห ปพฺพาชยี มุนิ;

โส โน อตฺโถ อนุปฺปตฺโต, สพฺพสํโยชนกฺขโย’’ติ. – คาถาทฺวยํ อภาสิ;

ตตฺถ นนฺทกาติ อาลปนํ. เอหีติ ตสฺส อตฺตโน สนฺติกกรณํ. คจฺฉามาติ เตน อตฺตนา จ เอกชฺฌํ กาตพฺพกิริยาวจนํ, อุปชฺฌายสฺสาติ สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส, สมฺมาสมฺพุทฺโธ หิ สมนฺตจกฺขุนา พุทฺธจกฺขุนา จ สตฺตานํ อาสยานุสยจริตาทีนํ ยถาภูตวิโลกเนน สเทวกสฺส โลกสฺส วชฺชาวชฺชํ อุปนิชฺฌายตีติ วิเสสโต อุปชฺฌาโยติ วตฺตพฺพตํ อรหติ. ยทตฺถํ คมนํ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘สีหนาทํ นทิสฺสาม, พุทฺธเสฏฺสฺส สมฺมุขา’’ติ อาห. ยถาภุจฺจคุณาภิพฺยาหารตาย อภีตนาทภาวโต สีหนาทํ พุทฺธสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ตโต เอว สพฺพสตฺตุตฺตมตาย เสฏฺสฺส, พุทฺธานํ วา สาวกพุทฺธาทีนํ เสฏฺสฺส สมฺมุขา ปุรโต นทิสฺสามาติ อตฺโถ.

ยถา ปน สีหนาทํ นทิตุกาโม, ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยายา’’ติ คาถมาห. ตตฺถ ยายาติ ยทตฺถํ, ยาย ยทตฺถานุปฺปตฺติยาติ อตฺโถ. โนติ อมฺหากํ. อนุกมฺปายาติ อนุคฺคณฺหเนน อมฺเห ทฺเวปิ ปพฺพาชยิ ปพฺพาเชสิ. มุนีติ ภควา. โส โน อตฺโถ อนุปฺปตฺโตติ โส อตฺโถ สพฺเพสํ สํโยชนานํ ขยภูตํ อรหตฺตผลํ โน อมฺเหหิ อนุปฺปตฺโต, อธิคโตติ อตฺโถ.

ภรตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. ภารทฺวาชตฺเถรคาถาวณฺณนา

นทนฺติ เอวํ สปฺปฺาติ อายสฺมโต ภารทฺวาชตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต อิโต เอกตึเส กปฺเป กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ สุมนํ นาม ปจฺเจกพุทฺธํ ปิณฺฑาย จรนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส ปริปกฺกํ วลฺลิการผลํ อทาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคเห พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา โคตฺตนาเมน ภารทฺวาโชตฺเวว ปฺายิตฺถ. โส วยปฺปตฺโต ฆราวาสํ วสนฺโต เอกปุตฺตํ ลภิ. ตสฺส ‘‘กณฺหทินฺโน’’ติ นามํ อกาสิ. ตสฺส วิฺุตํ ปตฺตกาเล ‘‘ตาต, อสุกสฺส นาม อาจริยสฺส สนฺติเก สิปฺปํ สิกฺขิตฺวา เอหี’’ติ ตํ ตกฺกสิลํ เปเสสิ. โส คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค สตฺถุ สาวกํ อฺตรํ มหาเถรํ กลฺยาณมิตฺตํ ลภิตฺวา ตสฺส สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา กตปุพฺพกิจฺโจ วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๘.๖๖-๗๐) –

‘‘สุมโน นาม สมฺพุทฺโธ, ตกฺกรายํ วสี ตทา;

วลฺลิการผลํ คยฺห, สยมฺภุสฺส อทาสหํ.

‘‘เอกตึเส อิโต กปฺเป, ยํ ผลํ อททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อถสฺส ปิตา ภารทฺวาโช เวฬุวเน วิหรนฺตํ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ปพฺพชิตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺตํ สจฺฉากาสิ. อถ ปุตฺโต สตฺถารํ วนฺทิตุํ ราชคหํ อาคโต สตฺถุ สนฺติเก นิสินฺนํ ปิตรํ ทิสฺวา ตุฏฺจิตฺโต ‘‘ปิตาปิ โข เม ปพฺพชิโต, กึ นุ โข เตน ปพฺพชฺชากิจฺจํ มตฺถกํ ปาปิต’’นฺติ วีมํสนฺโต ขีณาสวภาวํ ตฺวา ตํ สีหนาทํ นทาเปตุกาโม, ‘‘สาธุ, โข ตุมฺเหหิ กตํ ปพฺพชนฺเตหิ, ปพฺพชฺชากิจฺจํ ปน มตฺถกํ ปาปิต’’นฺติ ปุจฺฉิ. ภารทฺวาโช ปุตฺตสฺส อธิคมํ ทีเปนฺโต –

๑๗๗.

‘‘นทนฺติ เอวํ สปฺปฺา, สีหาว คิริคพฺภเร;

วีรา วิชิตสงฺคามา, เชตฺวา มารํ สวาหนํ.

๑๗๘.

‘‘สตฺถา จ ปริจิณฺโณ เม, ธมฺโม สงฺโฆ จ ปูชิโต;

อหฺจ วิตฺโต สุมโน, ปุตฺตํ ทิสฺวา อนาสว’’นฺติ. – คาถาทฺวยํ อภาสิ;

ตตฺถ นทนฺตีติ ยถาภุจฺจคุณาภิพฺยาหารวเสน อภีตนาทํ นทนฺติ คชฺชนฺติ. เอวนฺติ อิทานิ วตฺตพฺพาการทสฺสนํ. สปฺปฺาติ อคฺคมคฺคปฺาธิคเมน สพฺพปฺาธิคเมน สพฺพปฺาเวปุลฺลปฺปตฺตา. วีราติ จตุพฺพิธสมฺมปฺปธานวีริยสมฺปนฺนตาย วีรา, ตโต เอว อนวเสสสํกิเลสปกฺขนิมฺมถเนน สวาหนํ กิเลสมารํ อภิสงฺขารมารํ เทวปุตฺตมารฺจ เชตฺวา สพฺพโส วิชิตสงฺคามา นทนฺติ สปฺปฺาติ สมฺพนฺโธ.

เอวํ วิเชตพฺพวิชเยน สีหนาทํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อาราเธตพฺพสมาราธเนน อิจฺฉิตพฺพสิทฺธิยา จ ตํ ทสฺเสตุํ, ‘‘สตฺถา จ ปริจิณฺโณ เม’’ติ ทุติยํ คาถมาห. ตตฺถ สตฺถา จ ปริจิณฺโณ เมติ มม สตฺถา สมฺมาสมฺพุทฺโธ ยถานุสิฏฺํ โอวาทานุสาสนีกรเณน มยา ปริจิณฺโณ อุปาสิโต, น ธมฺมาธิกรณํ วิโสสิโตติ อธิปฺปาโย. ธมฺโม สงฺโฆ จ ปูชิโตติ นววิโธปิ โลกุตฺตรธมฺโม, ยถาปฏิปตฺติยาคตมคฺคานุปฺปตฺติยา สีลทิฏฺิสามฺคมเนน อริยสงฺโฆ จ มยา ปูชิโต มานิโต. อหฺจ วิตฺโต สุมโน, ปุตฺตํ ทิสฺวา อนาสวนฺติ มม ปุตฺตํ อนาสวํ สพฺพโส ขีณาสวํ ทิสฺวา ทสฺสนเหตุ อหมฺปิ วิตฺโต นิรามิสาย ปีติยา ตุฏฺโ, ตโตเยว นิรามิเสน โสมนสฺเสน สุมโน ชาโตติ อตฺโถ.

ภารทฺวาชตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. กณฺหทินฺนตฺเถรคาถาวณฺณนา

อุปาสิตา สปฺปุริสาติ อายสฺมโต กณฺหทินฺนตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต อิโต จตุนวุเต กปฺเป กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ โสภิตํ นาม ปจฺเจกพุทฺธํ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺโต ปุนฺนาคปุปฺเผหิ ปูชํ อกาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคเห พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา กณฺหทินฺโนติ ลทฺธนาโม วยปฺปตฺโต อุปนิสฺสยสมฺปตฺติยา โจทิยมาโน ธมฺมเสนาปตึ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๘.๖๑-๖๕) –

‘‘โสภิโต นาม สมฺพุทฺโธ, จิตฺตกูเฏ วสี ตทา;

คเหตฺวา คิริปุนฺนาคํ, สยมฺภุํ อภิปูชยึ.

‘‘จตุนฺนวุติโต กปฺเป, ยํ พุทฺธมภิปูชยึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อฺํ พฺยากโรนฺโต –

๑๗๙.

‘‘อุปาสิตา สปฺปุริสา, สุตา ธมฺมา อภิณฺหโส;

สุตฺวาน ปฏิปชฺชิสฺสํ, อฺชสํ อมโตคธํ.

๑๘๐.

‘‘ภวราคหตสฺส เม สโต, ภวราโค ปุน เม น วิชฺชติ;

น จาหุ น จ เม ภวิสฺสติ, น จ เม เอตรหิ วิชฺชตี’’ติ. –

คาถาทฺวยํ อภาสิ.

ตตฺถ อุปาสิตาติ ปริจริตา ปฏิปตฺติปยิรุปาสนาย ปยิรุปาสิตา. สปฺปุริสาติ สนฺเตหิ สีลาทิคุเณหิ สมนฺนาคตา ปุริสา, อริยปุคฺคลา สาริปุตฺตตฺเถราทโย. เอเตน ปุริมจกฺกทฺวยสมฺปตฺติมตฺตโน ทสฺเสติ. น หิ ปติรูปเทสวาเสน วินา สปฺปุริสูปนิสฺสโย สมฺภวติ. สุตา ธมฺมาติ สจฺจปฏิจฺจสมุปฺปาทาทิปฏิสํยุตฺตธมฺมา โสตทฺวารานุสาเรน อุปธาริตา. เอเตน อตฺตโน พาหุสจฺจํ ทสฺเสนฺโต ปจฺฉิมจกฺกทฺวยสมฺปตฺตึ ทสฺเสติ. อภิณฺหโสติ พหุโส น กาเลน กาลํ. อิทฺจ ปทํ ‘‘อุปาสิตา สปฺปุริสา’’ติ เอตฺถาปิ โยเชตพฺพํ. สุตฺวาน ปฏิปชฺชิสฺสํ, อฺชสํ อมโตคธนฺติ เต ธมฺเม สุตฺวา ตตฺถ วุตฺตรูปารูปธมฺเม สลกฺขณาทิโต ปริคฺคเหตฺวา อนุกฺกเมน วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อมโตคธํ นิพฺพานปติฏฺํ ตํสมฺปาปกํ อฺชสํ อริยํ อฏฺงฺคิกํ มคฺคํ ปฏิปชฺชึ ปาปุณึ.

ภวราคหตสฺส เม สโตติ ภวราเคน ภวตณฺหาย อนาทิมติ สํสาเร หตสฺส อุปทฺทุตสฺส มม สโต สมานสฺส, อคฺคมคฺเคน วา หตภวราคสฺส. ภวราโค ปุน เม น วิชฺชตีติ ตโต เอว ปุน อิทานิ ภวราโค เม นตฺถิ. น จาหุ น เม ภวิสฺสติ, น จ เม เอตรหิ วิชฺชตีติ ยทิปิ ปุพฺเพ ปุถุชฺชนกาเล เสกฺขกาเล จ เม ภวราโค อโหสิ, อคฺคมคฺคปฺปตฺติโต ปน ปฏฺาย น จาหุ น จ อโหสิ, อายติมฺปิ น เม ภวิสฺสติ, เอตรหิ อธุนาปิ น จ เม วิชฺชติ น จ อุปลพฺภติ, ปหีโนติ อตฺโถ. ภวราควจเนเนว เจตฺถ ตเทกฏฺตาย มานาทีนมฺปิ อภาโว วุตฺโตติ สพฺพโส ปริกฺขีณภวสํโยชนตํ ทสฺเสติ.

กณฺหทินฺนตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

ตติยวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. จตุตฺถวคฺโค

๑. มิคสิรตฺเถรคาถาวณฺณนา

ยโต อหํ ปพฺพชิโตติ อายสฺมโต มิคสิรตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต กสฺสปสฺส ภควโต กาเล พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ สตฺถารํ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺโต กุสฏฺกํ อทาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท โกสลรฏฺเ พฺราหฺมณกุเล ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา มิคสิรนกฺขตฺเตน ชาตตฺตา มิคสิโรติ ลทฺธนาโม วยปฺปตฺโต พฺราหฺมณานํ วิชฺชาสิปฺเปสุ นิปฺผตฺตึ คโต ฉวสีสมนฺตํ นาม สิกฺขิ, ยํ ปริชปฺเปตฺวา ติวสฺสมตฺถเก มตานมฺปิ สีสํ นเขน อาโกเฏตฺวา ‘‘อยํ สตฺโต อสุกฏฺาเน นิพฺพตฺโต’’ติ ชานาติ.

โส ฆราวาสํ อนิจฺฉนฺโต ปริพฺพาชกปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ตํ วิชฺชํ นิสฺสาย โลเกน สกฺกโต ครุกโต ลาภี หุตฺวา วิจรนฺโต สาวตฺถึ อุปคโต สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา อตฺตโน อานุภาวํ ปกาเสนฺโต – ‘‘อหํ, โภ โคตม, มตานํ นิพฺพตฺตฏฺานํ ชานามี’’ติ วตฺวา, ‘‘กถํ ปน ตฺวํ ชานาสี’’ติ วุตฺเต, ‘‘ฉวสีสานิ อาหราเปตฺวา มนฺตํ ปริชปฺเปตฺวา นเขน สีสํ อาโกเฏนฺโต นิรยาทิกํ เตหิ เตหิ นิพฺพตฺตฏฺานํ ชานามี’’ติ กเถสิ. อถสฺส ภควา ปรินิพฺพุตสฺส ภิกฺขุโน สีสกปาลํ อาหราเปตฺวา, ‘‘กเถหิ ตาว ตสฺส คตึ, ยสฺสิทํ สีสกปาล’’นฺติ อาห. โส ตํ กปาลํ มนฺตํ ปริชปฺเปตฺวา นเขน อาโกเฏตฺวา เนว อนฺตํ น โกฏึ ปสฺสติ. อถ สตฺถารา, ‘‘น สกฺโกสิ ปริพฺพาชกา’’ติ วุตฺเต, ‘‘อุปปริกฺขิสฺสามิ ตาวา’’ติ วตฺวา ปุนปฺปุนํ ปริวตฺเตนฺโตปิ น ปสฺสเตว. พาหิรกมนฺเตน หิ ขีณาสวสฺส คตึ กถํ ชานิสฺสติ, อถสฺส มตฺถกโต กจฺเฉหิ จ เสโท มุจฺจิ. โส ลชฺชิตฺวา ตุณฺหีภูโต อฏฺาสิ. สตฺถา ‘‘กิลมสิ ปริพฺพาชกา’’ติ อาห. โส ‘‘อาม, กิลมามิ, น อิมสฺส คตึ ชานามิ, ตุมฺเห ปน ชานาถา’’ติ. ‘‘อหํ เอตํ ชานามิ, อิโต อุตฺตริตรมฺปิ ชานามี’’ติ วตฺวา ‘‘นิพฺพานํ คโต โส’’ติ อาห. ปริพฺพาชโก ‘‘อิมํ วิชฺชํ มยฺหํ เทถา’’ติ อาห. ‘‘เตน หิ ปพฺพชา’’ติ วตฺวา ตํ ปพฺพาเชตฺวา ปมํ สมถกมฺมฏฺาเน นิโยเชตฺวา ฌานาภิฺาสุ ปติฏฺิตสฺส วิปสฺสนาย กมฺมํ อุปทิสิ. โส วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๘.๕๖-๖๐) –

‘‘กสฺสปสฺส ภควโต, พฺราหฺมณสฺส วุสีมโต;

ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, กุสฏฺกมทาสหํ.

‘‘อิมสฺมึเยว กปฺปสฺมึ, กุสฏฺกมทาสหํ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, กุสฏฺกสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อฺํ พฺยากโรนฺโต –

๑๘๑.

‘‘ยโต อหํ ปพฺพชิโต, สมฺมาสมฺพุทฺธสาสเน;

วิมุจฺจมาโน อุคฺคจฺฉึ, กามธาตุํ อุปจฺจคํ.

๑๘๒.

‘‘พฺรหฺมุโน เปกฺขมานสฺส, ตโต จิตฺตํ วิมุจฺจิ เม;

อกุปฺปา เม วิมุตฺตีติ, สพฺพสํโยชนกฺขยา’’ติ. – คาถาทฺวยํ อภาสิ;

ตตฺถ ยโต อหํ ปพฺพชิโต, สมฺมาสมฺพุทฺธสาสเนติ ยโต ปภุติ อหํ ปพฺพชิโต พุทฺธสฺส ภควโต สาสเน, ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย. วิมุจฺจมาโน อุคฺคจฺฉินฺติ สํกิเลสปกฺขโต ปมํ ตาว สมถวิปสฺสนาหิ วิมุจฺจมาโน โวทานธมฺมสวเนน อุฏฺหึ. เอวํ อุคฺคจฺฉนฺโต กามธาตุํ อุปจฺจคํ อนาคามิมคฺเคน อจฺจนฺตเมว กามธาตุํ อติกฺกมึ.

พฺรหฺมุโน เปกฺขมานสฺส, ตโต จิตฺตํ วิมุจฺจิ เมติ สเทวกสฺส โลกสฺส อคฺคภูตตฺตา เสฏฺฏฺเน พฺรหฺมุโน พุทฺธสฺส ภควโต มหากรุณาโยเคน ‘‘อยํ กุลปุตฺโต มม สาสเน ปพฺพชิตฺวา กถํ นุ โข ปฏิปชฺชตี’’ติ เปกฺขนฺตสฺส ตโต อนาคามิมคฺคาธิคมโต ปจฺฉา อคฺคมคฺคาธิคเมน มม จิตฺตํ สพฺพสํกิเลสโต อจฺจนฺตเมว มุจฺจิ. อกุปฺปา เม วิมุตฺตีติ, สพฺพสํโยชนกฺขยาติ ตถาวิมุตฺตจิตฺตตฺตา เอว สพฺเพสํ สํโยชนานํ ขยา ปริกฺขยา อิติ เอวํ อกุปฺปา เม วิมุตฺตีติ อฺํ พฺยากาสิ.

มิคสิรตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. สิวกตฺเถรคาถาวณฺณนา

อนิจฺจานิ คหกานีติ อายสฺมโต สิวกตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ ภควนฺตํ ปิณฺฑาย จรนฺตํ ปสฺสิตฺวา ปสนฺนมานโส ปตฺตํ อาทาย กุมฺมาสสฺส ปูเรตฺวา อทาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคเห พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติ, สิวโกติสฺส นามํ อโหสิ. โส วยปฺปตฺโต วิชฺชาสิปฺเปสุ นิปฺผตฺตึ คโต เนกฺขมฺมชฺฌาสยตาย กาเม ปหาย ปริพฺพาชกปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา วิจรนฺโต สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๖.๑๑๗-๑๒๑) –

‘‘เอสนาย จรนฺตสฺส, วิปสฺสิสฺส มเหสิโน;

ริตฺตกํ ปตฺตํ ทิสฺวาน, กุมฺมาสํ ปูรยึ อหํ.

‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ ภิกฺขมททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, กุมฺมาสสฺส อิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อฺํ พฺยากโรนฺโต –

๑๘๓.

‘‘อนิจฺจานิ คหกานิ, ตตฺถ ตตฺถ ปุนปฺปุนํ;

คหการํ คเวสนฺโต, ทุกฺขา ชาติ ปุนปฺปุนํ.

๑๘๔.

‘‘คหการก ทิฏฺโสิ, ปุน เคหํ น กาหสิ;

สพฺพา เต ผาสุกา ภคฺคา, ถูณิกา จ วิทาลิตา;

วิมริยาทิกตํ จิตฺตํ, อิเธว วิธมิสฺสตี’’ติ. – คาถาทฺวยํ อภาสิ;

ตตฺถ อนิจฺจานิ คหกานิ, ตตฺถ ตตฺถ ปุนปฺปุนนฺติ ตสฺมึ ตสฺมึ ภเว ปุนปฺปุนํ นิพฺพตฺตมานานิ คหกานิ อตฺตภาวเคหานิ น นิพฺพานิ อนวฏฺิตานิ อิตฺตรานิ ปริตฺตกาลานิ. คหการํ คเวสนฺโตติ อิมสฺส อตฺตภาวเคหสฺส การกํ ตณฺหาวฑฺฒกึ ปริเยสนฺโต เอตฺตกํ กาลํ อนุวิจรินฺติ อธิปฺปาโย. ทุกฺขา ชาติ ปุนปฺปุนนฺติ อิทํ คหการกคเวสนสฺส การณวจนํ. ยสฺมา ชราพฺยาธิมรณมิสฺสตาย ชาติ นาเมสา ปุนปฺปุนํ อุปคนฺตุํ ทุกฺขา, น จ สา ตสฺมึ อทิฏฺเ นิวตฺตติ, ตสฺมา ตํ คเวสนฺโต วิจรินฺติ อตฺโถ.

คหการก ทิฏฺโสีติ อิทานิ ปน เยน โส สกฺกา ทฏฺุํ, เตน อริยมคฺคาณจกฺขุนา คหการก ทิฏฺโ อสิ. ปุน เคหนฺติ ปุน อิมสฺมึ สํสารวฏฺเฏ อตฺตภาวสงฺขาตํ มม เคหํ น กาหสิ น กริสฺสสิ. สพฺพา เต ผาสุกา ภคฺคาติ ตว สพฺพา อนวเสสกิเลสผาสุกา มยา ภคฺคา. ถูณิกา จ วิทาลิตาติ อิทานิ ตยา กาตพฺพสฺส อตฺตภาวเคหสฺส อวิชฺชาสงฺขาตา กณฺณิกา จ ภินฺนา. วิมริยาทิกตํ จิตฺตนฺติ มม จิตฺตํ วิคตนฺตํ กตํ, อายตึ อนุปฺปตฺติธมฺมตํ อาปาทิตํ. ตโต เอว อิเธว วิธมิสฺสติ อิมสฺมึเยว ภเว วิทฺธํสิสฺสติ, จริมกจิตฺตนิโรเธน นิรุชฺฌิสฺสตีติ อตฺโถ.

สิวกตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. อุปวาณตฺเถรคาถาวณฺณนา

อรหํ สุคโตติ อายสฺมโต อุปวาณตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล ทลิทฺทกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต ภควติ ปรินิพฺพุเต ตสฺส ธาตุํ คเหตฺวา มนุสฺสเทวนาคครุฬกุมฺภณฺฑยกฺขคนฺธพฺเพหิ สตฺตรตนมเย สตฺตโยชนิเก ถูเป กเต ตตฺถ สุโธตํ อตฺตโน อุตฺตราสงฺคํ เวฬคฺเค อาพนฺธิตฺวา ธชํ กตฺวา ปูชํ อกาสิ. ตํ คเหตฺวา อภิสมฺมตโก นาม ยกฺขเสนาปติ เทเวหิ เจติยปูชารกฺขณตฺถํ ปิโต อทิสฺสมานกาโย อากาเส ธาเรนฺโต เจติยํ ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ อกาสิ. โส ตํ ทิสฺวา ภิยฺโยโสมตฺตาย ปสนฺนมานโส อโหสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา อุปวาโณติ ลทฺธนาโม วยปฺปตฺโต เชตวนปฏิคฺคหเณ พุทฺธานุภาวํ ทิสฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต อรหตฺตํ ปตฺวา ฉฬภิฺโ อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๖.๑๒๒-๑๗๘) –

‘‘ปทุมุตฺตโร นาม ชิโน, สพฺพธมฺมาน ปารคู;

ชลิตฺวา อคฺคิกฺขนฺโธว, สมฺพุทฺโธ ปรินิพฺพุโต.

‘‘มหาชนา สมาคมฺม, ปูชยิตฺวา ตถาคตํ;

จิตฺตํ กตฺวาน สุคตํ, สรีรํ อภิโรปยุํ.

‘‘สรีรกิจฺจํ กตฺวาน, ธาตุํ ตตฺถ สมานยุํ;

สเทวมนุสฺสา สพฺเพ, พุทฺธถูปํ อกํสุ เต.

‘‘ปมา กฺจนมยา, ทุติยา จ มณิมยา;

ตติยา รูปิยมยา, จตุตฺถี ผลิกามยา.

‘‘ตตฺถ ปฺจมิกา เจว, โลหิตงฺกมยา อหุ;

ฉฏฺา มสารคลฺลสฺส, สพฺพํ รตนมยูปริ.

‘‘ชงฺฆา มณิมยา อาสิ, เวทิกา รตนามยา;

สพฺพโสณฺณมโย ถูโป, อุทฺธํ โยชนมุคฺคโต.

‘‘เทวา ตตฺถ สมาคนฺตฺวา, เอกโต มนฺตยุํ ตทา;

มยมฺปิ ถูปํ กสฺสาม, โลกนาถสฺส ตาทิโน.

‘‘ธาตุ อาเวณิกา นตฺถิ, สรีรํ เอกปิณฺฑิตํ;

อิมมฺหิ พุทฺธถูปมฺหิ, กสฺสาม กฺจุกํ มยํ.

‘‘เทวา สตฺตหิ รตฺเนหิ, อฺํ วฑฺเฒสุํ โยชนํ;

ถูโป ทฺวิโยชนุพฺเพโธ, ติมิรํ พฺยปหนฺติ โส.

‘‘นาคา ตตฺถ สมาคนฺตฺวา, เอกโต มนฺตยุํ ตทา;

มนุสฺสา เจว เทวา จ, พุทฺธถูปํ อกํสุ เต.

‘‘มา โน ปมตฺตา อสฺสุมฺห, อปฺปมตฺตา สเทวกา;

มยมฺปิ ถูปํ กสฺสาม, โลกนาถสฺส ตาทิโน.

‘‘อินฺทนีลํ มหานีลํ, อโถ โชติรสํ มณึ;

เอกโต สนฺนิปาเตตฺวา, พุทฺธถูปํ อฉาทยุํ.

‘‘สพฺพํ มณิมยํ อาสิ, ยาวตา พุทฺธเจติยํ;

ติโยชนสมุพฺเพธํ, อาโลกกรณํ ตทา.

‘‘ครุฬา จ สมาคนฺตฺวา, เอกโต มนฺตยุํ ตทา;

มนุสฺสา เทวนาคา จ, พุทฺธปูชํ อกํสุ เต.

‘‘มา โน ปมตฺตา อสฺสุมฺห, อปฺปมตฺตา สเทวกา;

มยมฺปิ ถูปํ กสฺสาม, โลกนาถสฺส ตาทิโน.

‘‘สพฺพํ มณิมยํ ถูปํ, อกรุํ เต จ กฺจุกํ;

โยชนํ เตปิ วฑฺเฒสุํ, อายตํ พุทฺธเจติยํ.

‘‘จตุโยชนมุพฺเพโธ, พุทฺธถูโป วิโรจติ;

โอภาเสติ ทิสา สพฺพา, สตรํสีว อุคฺคโต.

‘‘กุมฺภณฺฑา จ สมาคนฺตฺวา, เอกโต มนฺตยุํ ตทา;

มนุสฺสา เจว เทวา จ, นาคา จ ครุฬา ตถา.

‘‘ปจฺเจกํ พุทฺธเสฏฺสฺส, อกํสุ ถูปมุตฺตมํ;

มา โน ปมตฺตา อสฺสุมฺห, อปฺปมตฺตา สเทวกา.

‘‘มยมฺปิ ถูปํ กสฺสาม, โลกนาถสฺส ตาทิโน;

รตเนหิ ฉาเทสฺสาม, อายตํ พุทฺธเจติยํ.

‘‘โยชนํ เตปิ วฑฺเฒสุํ, อายตํ พุทฺธเจติยํ;

ปฺจโยชนมุพฺเพโธ, ถูโป โอภาสเต ตทา.

‘‘ยกฺขา ตตฺถ สมาคนฺตฺวา, เอกโต มนฺตยุํ ตทา;

มนุสฺสา เทวนาคา จ, ครุฬา จ กุมฺภณฺฑกา.

‘‘ปจฺเจกํ พุทฺธเสฏฺสฺส, อกํสุ ถูปมุตฺตมํ;

มา โน ปมตฺตา อสฺสุมฺห, อปฺปมตฺตา สเทวกา.

‘‘มยมฺปิ ถูปํ กสฺสาม, โลกนาถสฺส ตาทิโน;

ผลิกา ฉาทยิสฺสาม, อายตํ พุทฺธเจติยํ.

‘‘โยชนํ เตปิ วฑฺเฒสุํ, อายตํ พุทฺธเจติยํ;

ฉโยชนิกมุพฺเพโธ, ถูโป โอภาสเต ตทา.

‘‘คนฺธพฺพา จ สมาคนฺตฺวา, เอกโต มนฺตยุํ ตทา;

มนุชา เทวตา นาคา, กุมฺภณฺฑา ครุฬา ตถา.

‘‘สพฺเพ อกํสุ พุทฺธถูปํ, มยเมตฺถ อการกา;

มยมฺปิ ถูปํ กสฺสาม, โลกนาถสฺส ตาทิโน.

‘‘เวทิโย สตฺต กตฺวาน, ธชํ ฉตฺตํ อกํสุ เต;

สพฺพโสณฺณมยํ ถูปํ, คนฺธพฺพา การยุํ ตทา.

‘‘สตฺตโยชนมุพฺเพโธ, ถูโป โอภาสเต ตทา;

รตฺตินฺทิวา น ายนฺติ, อาโลโก โหติ สพฺพทา.

‘‘อภิโภนฺติ น ตสฺสาภา, จนฺทสูรา สตารกา;

สมนฺตา โยชนสเต, ปทีโปปิ น ปชฺชลิ.

‘‘เตน กาเลน เย เกจิ, ถูปํ ปูเชนฺติ มานุสา;

น เต ถูปํ อารุหนฺติ, อมฺพเร อุกฺขิปนฺติ เต.

‘‘เทเวหิ ปิโต ยกฺโข, อภิสมฺมตนามโก;

ธชํ วา ปุปฺผทามํ วา, อภิโรเปติ อุตฺตรึ.

‘‘น เต ปสฺสนฺติ ตํ ยกฺขํ, ทามํ ปสฺสนฺติ คจฺฉโต;

เอวํ ปสฺสิตฺวา คจฺฉนฺตา, สพฺเพ คจฺฉนฺติ สุคฺคตึ.

‘‘วิรุทฺธา เย ปาวจเน, ปสนฺนา เย จ สาสเน;

ปาฏิหีรํ ทฏฺุกามา, ถูปํ ปูเชนฺติ มานุสา.

‘‘นคเร หํสวติยา, อโหสึ ภตโก ตทา;

อาโมทิตํ ชนํ ทิสฺวา, เอวํ จินฺเตสหํ ตทา.

‘‘อุฬาโร ภควา เนโส, ยสฺส ธาตุฆเร ทิสํ;

อิมา จ ชนตา ตุฏฺา, การํ กุพฺพํ น ตปฺปเร.

‘‘อหมฺปิ การํ กสฺสามิ, โลกนาถสฺส ตาทิโน;

ตสฺส ธมฺเมสุ ทายาโท, ภวิสฺสามิ อนาคเต.

‘‘สุโธตํ รชเกนาหํ, อุตฺตเรยฺยํ ปฏํ มม;

เวฬคฺเค อาลคฺเคตฺวาน, ธชํ อุกฺขิปิมมฺพเร.

‘‘อภิสมฺมตโก คยฺห, อมฺพเร หาสิ เม ธชํ;

วาเตริตํ ธชํ ทิสฺวา, ภิยฺโย หาสํ ชเนสหํ.

‘‘ตตฺถ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, สมณํ อุปสงฺกมึ;

ตํ ภิกฺขุํ อภิวาเทตฺวา, วิปากํ ปุจฺฉหํ ธเช.

‘‘โส เม กเถสิ อานนฺที, ปีติสฺชนนํ มม;

ตสฺส ธชสฺส วิปากํ, อนุโภสฺสสิ สพฺพทา.

‘‘หตฺถิอสฺสรถาปตฺตี, เสนา จ จตุรงฺคินี;

ปริวาเรสฺสนฺติ ตํ นิจฺจํ, ธชทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘สฏฺิตูริยสหสฺสานิ, เภริโย สมลงฺกตา;

ปริวาเรสฺสนฺติ ตํ นิจฺจํ, ธชทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘ฉฬสีติ สหสฺสานิ, นาริโย สมลงฺกตา;

วิจิตฺตวตฺถาภรณา, อามุกฺกมณิกุณฺฑลา.

‘‘อฬารปมฺหา หสุลา, สุสฺา ตนุมชฺฌิมา;

ปริวาเรสฺสนฺติ ตํ นิจฺจํ, ธชทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘ตึสกปฺปสหสฺสานิ, เทวโลเก รมิสฺสสิ;

อสีติกฺขตฺตุํ เทวินฺโท, เทวรชฺชํ กริสฺสสิ.

‘‘สหสฺสกฺขตฺตุํ ราชา จ, จกฺกวตฺตี ภวิสฺสติ;

ปเทสรชฺชํ วิปุลํ, คณนาโต อสงฺขิยํ.

‘‘กปฺปสตสหสฺสมฺหิ, โอกฺกากกุลสมฺภโว;

โคตโม นาม โคตฺเตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติ.

‘‘เทวโลกา จวิตฺวาน, สุกฺกมูเลน โจทิโต;

ปุฺกมฺเมน สฺุตฺโต, พฺรหฺมพนฺธุ ภวิสฺสสิ.

‘‘อสีติโกฏึ ฉฑฺเฑตฺวา, ทาเส กมฺมกเร พหู;

โคตมสฺส ภควโต, สาสเน ปพฺพชิสฺสสิ.

‘‘อาราธยิตฺวา สมฺพุทฺธํ, โคตมํ สกฺยปุงฺควํ;

อุปวาโณติ นาเมน, เหสฺสสิ สตฺถุ สาวโก.

‘‘สตสหสฺเส กตํ กมฺมํ, ผลํ ทสฺเสสิ เม อิธ;

สุมุตฺโต สรเวโคว, กิเลเส ฌาปยึ มม.

‘‘จกฺกวตฺติสฺส สนฺตสฺส, จาตุทฺทีปิสฺสรสฺส เม;

ตีณิ โยชนานิ สามนฺตา, อุสฺสียนฺติ ธชา สทา.

‘‘สตสหสฺสิโต กปฺเป, ยํ กมฺมมกรึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ธชทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อถายสฺมา อุปวาโณ ภควโต อุปฏฺาโก อโหสิ. เตน จ สมเยน ภควโต วาตาพาโธ อุปฺปชฺชิ. เถรสฺส จ คิหิสหาโย เทวหิโต นาม พฺราหฺมโณ สาวตฺถิยํ ปฏิวสติ. โส เถรํ จตูหิ ปจฺจเยหิ ปเวเทสิ. อถายสฺมา อุปวาโณ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ตสฺส พฺราหฺมณสฺส นิเวสนํ อุปคจฺฉิ. พฺราหฺมโณ ‘‘เกนจิ อฺเน ปโยชเนน เถโร อาคโต’’ติ ตฺวา, ‘‘วเทยฺยาถ, ภนฺเต, เกนตฺโถ’’ติ อาห. เถโร ตสฺส พฺราหฺมณสฺส ปโยชนํ อาจิกฺขนฺโต –

๑๘๕.

‘‘อรหํ สุคโต โลเก, วาเตหาพาธิโก มุนิ;

สเจ อุณฺโหทกํ อตฺถิ, มุนิโน เทหิ พฺราหฺมณ.

๑๘๖.

‘‘ปูชิโต ปูชเนยฺยานํ, สกฺกเรยฺยาน สกฺกโต;

อปจิโตปเจยฺยานํ, ตสฺส อิจฺฉามิ หาตเว’’ติ. – คาถาทฺวยํ อภาสิ;

ตสฺสตฺโถ – โย อิมสฺมึ โลเก ปูชเนยฺยานํ ปูเชตพฺเพหิ สกฺกาทีหิ เทเวหิ มหาพฺรหฺมาทีหิ จ พฺรหฺเมหิ ปูชิโต, สกฺกเรยฺยานํ สกฺกาตพฺเพหิ พิมฺพิสารโกสลราชาทีหิ สกฺกโต, อปเจยฺยานํ อปจายิตพฺเพหิ มเหสีหิ ขีณาสเวหิ อปจิโต, กิเลเสหิ อารกตฺตาทินา อรหํ, โสภนคมนาทินา สุคโต สพฺพฺู มุนิ มยฺหํ สตฺถา เทวเทโว สกฺกานํ อติสกฺโก พฺรหฺมานํ อติพฺรหฺมา, โส ทานิ วาเตหิ วาตเหตุ วาตกฺโขภนิมิตฺตํ อาพาธิโก ชาโต. สเจ, พฺราหฺมณ, อุณฺโหทกํ อตฺถิ, ตสฺส วาตาพาธวูปสมนตฺถํ ตํ หาตเว อุปเนตุํ อิจฺฉามีติ. ตํ สุตฺวา พฺราหฺมโณ อุณฺโหทกํ ตทนุรูปํ วาตารหฺจ เภสชฺชํ ภควโต อุปนาเมสิ. เตน จ สตฺถุ โรโค วูปสมิ. ตสฺส ภควา อนุโมทนํ อกาสีติ.

อุปวาณตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. อิสิทินฺนตฺเถรคาถาวณฺณนา

ทิฏฺา มยาติ อายสฺมโต อิสิทินฺนตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ กโรนฺโต วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต พีชนึ คเหตฺวา โพธิยา ปูชํ อกาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สุนาปรนฺตชนปเท เสฏฺิกุเล นิพฺพตฺติตฺวา อิสิทินฺโนติ ลทฺธนาโม วยปฺปตฺโต สตฺถุ จนฺทนมาฬปฏิคฺคหเณ ปาฏิหาริยํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา โสตาปนฺโน หุตฺวา อคารํ อชฺฌาวสติ. ตสฺส หิตานุกมฺปินี เทวตา ตํ โจเทนฺตี –

๑๘๗.

‘‘ทิฏฺา มยา ธมฺมธรา อุปาสกา, กามา อนิจฺจา อิติ ภาสมานา;

สารตฺตรตฺตา มณิกุณฺฑเลสุ, ปุตฺเตสุ ทาเรสุ จ เต อเปกฺขา.

๑๘๘.

‘‘อทฺธา น ชานนฺติ ยโตธ ธมฺมํ, กามา อนิจฺจา อิติ จาปิ อาหุ;

ราคฺจ เตสํ น พลตฺถิ เฉตฺตุํ, ตสฺมา สิตา ปุตฺตทารํ ธนฺจา’’ติ. –

คาถาทฺวยมภาสิ.

ตตฺถ ทิฏฺา มยา ธมฺมธรา อุปาสกา, กามา อนิจฺจา อิติ ภาสมานาติ อิเธกจฺเจ ปริยตฺติธมฺมธรา อุปาสกา มยา ทิฏฺา, ปริยตฺติธมฺมธรตฺตา เอว ‘‘กามา นาเมเต อนิจฺจา ทุกฺขา วิปริณามธมฺมา’’ติ กาเมสุ อาทีนวปฏิสํยุตฺตํ ธมฺมํ ภาสมานา, สยํ ปน สารตฺตรตฺตา มณิกุณฺฑเลสุ, ปุตฺเตสุ ทาเรสุ จ เต อเปกฺขาติ สารตฺตา หุตฺวา พหลราครตฺตา มณีสุ กุณฺฑเลสุ จ, มณิจิเตสุ วา กุณฺฑเลสุ, ปุตฺเตสุ ปุตฺตธีตาสุ ทาเรสุ จ อธิคตสฺเนหา, อฺํ ภณนฺตา อฺํ กโรนฺตา ทิฏฺา มยาติ อตฺโถ.

ยโตติ ยสฺมา เต อุปาสกา สารตฺตรตฺตา มณิกุณฺฑเลสุ ปุตฺเตสุ ทาเรสุ จ อเปกฺขวนฺโต, ตสฺมา อิธ อิมสฺมึ พุทฺธสาสเน ธมฺมํ ยาถาวโต อทฺธา เอกํเสน น ชานนฺติ. เอวํ ภูตา จ ‘‘กามา อนิจฺจา’’อิติ จาปิ อาหุ อโหสิ, สตฺตปกติ วิจิตฺตสภาวาติ อธิปฺปาโย. ราคฺจ เตสํ น พลตฺถิ เฉตฺตุนฺติ เตสํ อุปาสกานํ ยสฺมา ราคํ เฉตฺตุํ สมุจฺฉินฺทิตุํ ตาทิสํ าณพลํ นตฺถิ, ตสฺมา เตน การเณน สิตา ตณฺหาวเสน นิสฺสิตา ปุตฺตทารํ ธนฺจ อลฺลีนา น วิสฺสชฺเชนฺตีติ สพฺพเมตํ เทวตา ตํเยว อุปาสกํ อุทฺทิสฺส อฺาปเทเสน กเถสิ. ตํ สุตฺวา อุปาสโก สํเวคชาโต ปพฺพชิตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๘.๔๖-๕๐) –

‘‘วิปสฺสิโน ภควโต, โพธิยา ปาทปุตฺตเม;

สุมโน พีชนึ คยฺห, อพีชึ โพธิมุตฺตมํ.

‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, อพีชึ โพธิมุตฺตมํ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พีชนาย อิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อฺํ พฺยากโรนฺโต อิมา เอว คาถา อภาสีติ.

อิสิทินฺนตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. สมฺพุลกจฺจานตฺเถรคาถาวณฺณนา

เทโว จาติ อายสฺมโต สมฺพุลกจฺจานตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ กโรนฺโต อิโต จตุนวุติกปฺปมตฺถเก กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ สตรํสึ นาม ปจฺเจกพุทฺธํ นิโรธา วุฏฺหิตฺวา ปิณฺฑาย จรนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส ตาลผลํ อทาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท มคธรฏฺเ คหปติกุเล นิพฺพตฺติตฺวา ‘‘สมฺพุโล’’ติ ลทฺธนาโม กจฺจานโคตฺตตาย สมฺพุลกจฺจาโนติ ปฺายิตฺถ.

โส วยปฺปตฺโต สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา หิมวนฺตสมีเป เภรวาย นาม ปพฺพตคุหายํ วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต วิหรติ. อเถกทิวสํ มหา อกาลเมโฆ สตปฏลสหสฺสปฏโล ถเนนฺโต คชฺชนฺโต วิชฺชุลฺลตา นิจฺฉาเรนฺโต คฬคฬายนฺโต อุฏฺหิตฺวา วสฺสิตุํ อารภิ, อสนิโย ผลึสุ. ตํ สทฺทํ สุตฺวา อจฺฉตรจฺฉุวนมหึสหตฺถิอาทโย ภีตตสิตา ภีตรวํ วิรวึสุ. เถโร ปน อารทฺธวิปสฺสนตฺตา กาเย ชีวิเต จ นิรเปกฺโข วิคตโลมหํโส ตํ อจินฺเตนฺโต วิปสฺสนายเมว กมฺมํ กโรนฺโต ฆมฺมาปคเมน อุตุสปฺปายลาเภน สมาหิตจิตฺโต ตาวเทว วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา สห อภิฺาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๑.๘๕-๙๐) –

‘‘สตรํสี นาม ภควา, สยมฺภู อปราชิโต;

วิเวกา วุฏฺหิตฺวาน, โคจรายาภินิกฺขมิ.

‘‘ผลหตฺโถ อหํ ทิสฺวา, อุปคจฺฉึ นราสภํ;

ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, ตาลผลํ อทาสหํ.

‘‘จตุนฺนวุติโต กปฺเป, ยํ ผลํ อททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อตฺตโน ปฏิปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตฺวา โสมนสฺสชาโต อุทานวเสน อฺํ พฺยากโรนฺโต –

๑๘๙.

‘‘เทโว จ วสฺสติ, เทโว จ คฬคฬายติ,

เอกโก จาหํ เภรเว พิเล วิหรามิ;

ตสฺส มยฺหํ เอกกสฺส เภรเว พิเล วิหรโต,

นตฺถิ ภยํ วา ฉมฺภิตตฺตํ วา โลมหํโส วา.

๑๙๐.

‘‘ธมฺมตา มเมสา ยสฺส เม, เอกกสฺส เภรเว พิเล;

วิหรโต นตฺถิ ภยํ วา, ฉมฺภิตตฺตํ วา โลมหํโส วา’’ติ. –

คาถาทฺวยํ อภาสิ.

ตตฺถ เทโว จ วสฺสติ, เทโว จ คฬคฬายตีติ เทโว เมโฆ วสฺสติ จ, ‘‘คฬคฬา’’ติ จ กโรนฺโต คชฺชตีติ อตฺโถ. คชฺชนฺตสฺส หิ อนุกรณเมตํ. เอกโก จาหํ เภรเว พิเล วิหรามีติ อหฺจ เอกโก อสหาโย สปฺปฏิภยายํ ปพฺพตคุหายํ วสามิ, ตสฺส มยฺหํ เอวํภูตสฺส เม สโต นตฺถิ ภยํ วา ฉมฺภิตตฺตํ วา โลมหํโส วาติ จิตฺตุตฺราสสฺิตํ ภยํ วา ตํนิมิตฺตกํ สรีรสฺส ฉมฺภิตตฺตํ วา โลมหํสนมตฺตํ วา นตฺถิ.

กสฺมาติ ตตฺถ การณมาห ‘‘ธมฺมตา มเมสา’’ติ. อปริฺาตวตฺถุกสฺส หิ ตตฺถ อปฺปหีนจฺฉนฺทราคตาย ภยาทินา ภวิตพฺพํ, มยา ปน สพฺพโส ตตฺถ ปริฺาตํ, ตตฺถ จ ฉนฺทราโค สมุจฺฉินฺโน, ตสฺมา ภยาทีนํ อภาโว ธมฺมตา มเมสา มม ธมฺมสภาโว เอโสติ อฺํ พฺยากาสิ.

สมฺพุลกจฺจานตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. นิตกตฺเถรคาถาวณฺณนา

กสฺส เสลูปมํ จิตฺตนฺติ อายสฺมโต นิตกตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ กโรนฺโต วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล พนฺธุมตีนคเร อารามโคปโก หุตฺวา ชีวนฺโต เอกทิวสํ ภควนฺตํ อากาเสน คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส นาฬิเกรผลํ ทาตุกาโม อโหสิ. สตฺถา ตํ อนุคฺคณฺหนฺโต อากาเสเยว ตฺวา ปฏิคฺคณฺหิ. โส ตํ ทตฺวา อุฬารํ ปีติโสมนสฺสํ ปฏิสํเวทิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท โกสลรฏฺเ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา นิตโกติ ลทฺธนาโม วิฺุตํ ปตฺโต สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อรฺเ วิหรนฺโต ฆเฏนฺโต อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๑.๙๑-๙๙) –

‘‘นคเร พนฺธุมติยา, อารามิโก อหํ ตทา;

อทฺทสํ วิรชํ พุทฺธํ, คจฺฉนฺตํ อนิลฺชเส.

‘‘นาฬิเกรผลํ คยฺห, พุทฺธเสฏฺสฺสทาสหํ;

อากาเส ิตโก สนฺโต, ปฏิคฺคณฺหิ มหายโส.

‘‘วิตฺติสฺชนโน มยฺหํ, ทิฏฺธมฺมสุขาวโห;

ผลํ พุทฺธสฺส ทตฺวาน, วิปฺปสนฺเนน เจตสา.

‘‘อธิคจฺฉึ ตทา ปีตึ, วิปุลฺจ สุขุตฺตมํ;

อุปฺปชฺชเตว รตนํ, นิพฺพตฺตสฺส ตหึ ตหึ.

‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ ผลํ อททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘ทิพฺพจกฺขุ วิสุทฺธํ เม, สมาธิกุสโล อหํ;

อภิฺาปารมิปฺปตฺโต, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา เถเร ผลสุเขน นิพฺพานสุเขน วิหรนฺเต ปธานปริคฺคาหโก เถโร ตํ อารฺายตนํ คนฺตฺวา ตตฺถ วสนฺตานํ ภิกฺขูนํ ปริคฺคณฺหนตฺถํ ‘‘กสฺส เสลูปม’’นฺติอาทินา ปมํ คาถมาห.

๑๙๑. ตตฺถ กสฺส เสลูปมํ จิตฺตํ, ิตํ นานุปกมฺปตีติ อิมสฺมึ อรฺายตเน วสนฺเตสุ กสฺส ภิกฺขุโน จิตฺตํ อคฺคผลาธิคเมน เอกฆนสิลามยปพฺพตูปมํ สพฺเพสํ อิฺชนานํ อภาวโต วสีภาวปฺปตฺติยา จ ิตํ สพฺเพหิปิ โลกธมฺเมหิ นานุกมฺปติ น เวธติ. อิทานิสฺส อกมฺปนาการํ สทฺธึ การเณน ทสฺเสตุํ ‘‘วิรตฺต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ วิรตฺตํ รชนีเยสูติ วิราคสงฺขาเตน อริยมคฺเคน รชนีเยสุ ราคุปฺปตฺติเหตุภูเตสุ เตภูมกธมฺเมสุ วิรตฺตํ, ตตฺถ สพฺพโส สมุจฺฉินฺนราคนฺติ อตฺโถ. กุปฺปนีเยติ ปฏิฆฏฺานีเย, สพฺพสฺมิมฺปิ อาฆาตวตฺถุสฺมึ. น กุปฺปตีติ น ทุสฺสติ น วิการํ อาปชฺชติ. ยสฺเสวํ ภาวิตํ จิตฺตนฺติ ยสฺส อริยปุคฺคลสฺส จิตฺตํ มโน เอวํ วุตฺตนเยน ตาทิภาเวน ภาวิตํ, กุโต ตํ ทุกฺขเมสฺสตีติ ตํ ปุคฺคลํ กุโต สตฺตโต สงฺขารโต วา ทุกฺขํ อุปคมิสฺสติ, น ตาทิสสฺส ทุกฺขํ อตฺถีติ อตฺโถ.

๑๙๒. เอวํ อนิยมวเสน ปุจฺฉิตมตฺถํ นิตกตฺเถโร อตฺตูปนายิกํ กตฺวา วิสฺสชฺเชนฺโต ‘‘มม เสลูปมํ จิตฺต’’นฺติอาทินา ทุติยคาถาย อฺํ พฺยากาสิ. ตํ วุตฺตตฺถเมว.

นิตกตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. โสณโปฏิริยปุตฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา

น ตาว สุปิตุํ โหตีติ อายสฺมโต โสณสฺส โปฏิริยปุตฺตสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร สิขิสฺส ภควโต กาเล วนจโร หุตฺวา ชีวนฺโต เอกทิวสํ สตฺถารํ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺโต กุรฺชิยผลํ สตฺถุโน อทาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท กปิลวตฺถุสฺมึ โปฏิริยสฺส นาม คามโภชกสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, โสโณติสฺส นามํ อโหสิ. โส วยปฺปตฺโต ภทฺทิยสฺส สากิยรฺโ เสนาปติ อโหสิ. อถ ภทฺทิยราเช เหฏฺา วุตฺตนเยน ปพฺพชิเต, เสนาปติ ‘‘ราชาปิ นาม ปพฺพชิ, กึ มยฺหํ ฆราวาเสนา’’ติ ปพฺพชิ? ปพฺพชิตฺวา ปน นิทฺทาราโม วิหรติ, น ภาวนมนุยุฺชติ. ตํ ภควา อนุปิยายํ อมฺพวเน วิหรนฺโต อตฺตโน โอภาสํ ผราเปตฺวา เตนสฺส สตึ ชเนตฺวา อิมาย คาถาย ตํ โอวทนฺโต –

๑๙๓.

‘‘น ตาว สุปิตุํ โหติ, รตฺติ นกฺขตฺตมาลินี;

ปฏิชคฺคิตุเมเวสา, รตฺติ โหติ วิชานตา.

๑๙๔.

‘‘หตฺถิกฺขนฺธาวปติตํ, กุฺชโร เจ อนุกฺกเม;

สงฺคาเม เม มตํ เสยฺโย, ยฺเจ ชีเว ปราชิโต’’ติ. – คาถาทฺวยํ อภาสิ;

ตตฺถ น ตาว สุปิตุํ โหติ, รตฺติ นกฺขตฺตมาลินีติ อฏฺหิ อกฺขเณหิ วชฺชิตํ นวมํ ขณํ ลภิตฺวา ิตสฺส วิฺุชาติกสฺส ยาว น อรหตฺตํ หตฺถคตํ โหติ, ตาว อยํ นกฺขตฺตมาลินี รตฺติ สุปิตุํ นิทฺทายิตุํ น โหติ, สุปนสฺส กาโล น โหติ. อปิจ โข ปฏิชคฺคิตุเมเวสา, รตฺติ โหติ วิชานตาติ เอสา รตฺติ นาม มนุสฺสานํ มิคปกฺขีนฺจ นิทฺทูปคมเนน วิเสสโต นิสฺสทฺทเวลาภูตา ปฏิปตฺตึ อตฺตนิ สฺชคฺคิตุํ ชาคริยานุโยคมนุยุฺชิตุเมว วิชานตา วิฺุนา อิจฺฉิตา โหตีติ.

ตํ สุตฺวา โสโณ สํวิคฺคตรมานโส หิโรตฺตปฺปํ ปจฺจุปฏฺเปตฺวา อพฺโภกาสิกงฺคํ อธิฏฺาย วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต ‘‘หตฺถิกฺขนฺโธว ปติต’’นฺติ ทุติยํ คาถมาห. ตตฺถ อวปติตนฺติ อวมุขํ ปติตํ อุทฺธํปาทํ อโธมุขํ ปติตํ. กุฺชโร เจ อนุกฺกเมติ กุฺชโร อนุกฺกเมยฺย เจ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยทาหํ หตฺถิมารุหิตฺวา สงฺคามํ ปวิฏฺโ หตฺถิกฺขนฺธโต ปติโต, ตทาหํ สงฺคาเม เตน หตฺถินา มทฺทิโต มโต อโหสึ เจ, ตํ เม มรณํ เสยฺโย, ยฺเจ อิทานิ กิเลเสหิ ปราชิโต ชีเวยฺยํ, ตํ น เสยฺโยติ. อิมํ คาถํ วทนฺโตเยว วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๒.๑-๖) –

‘‘มิคลุทฺโท ปุเร อาสึ, วิปิเน วิจรํ อหํ;

อทฺทสํ วิรชํ พุทฺธํ, สพฺพธมฺมาน ปารคุํ.

‘‘กุรฺชิยผลํ คยฺห, พุทฺธเสฏฺสฺสทาสหํ;

ปุฺกฺเขตฺตสฺส ตาทิโน, ปสนฺโน เสหิ ปาณิภิ.

‘‘เอกตึเส อิโต กปฺเป, ยํ ผลํ อททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา ‘‘สตฺถารา วุตฺตํ, อตฺตนา วุตฺต’’นฺติ อุภยฺหิ คาถํ ‘‘หตฺถิกฺขนฺธาวปติต’’นฺติอาทินา ปจฺจุทาหาสิ. เตน อิทเมว อฺาพฺยากรณํ อโหสีติ.

โสณโปฏิริยปุตฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. นิสภตฺเถรคาถาวณฺณนา

ปฺจ กามคุเณ หิตฺวาติ อายสฺมโต นิสภตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ สตฺถารํ ปิณฺฑาย จรนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺโต กปิตฺถผลมทาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน สุคตีสุเยว สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท โกลิยชนปเท กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา นิสโภติ ลทฺธนาโม วยปฺปตฺโต สากิยโกลิยานํ สงฺคาเม พุทฺธานุภาวํ ทิสฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา ตทเหว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๒.๗-๑๑) –

‘‘สุวณฺณวณฺณํ สมฺพุทฺธํ, อาหุตีนํ ปฏิคฺคหํ;

รถิยํ ปฏิปชฺชนฺตํ, กปิตฺถํ อททึ ผลํ.

‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ ผลํ อททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

โส อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อตฺตโน สหายภิกฺขู ปมาทวิหาเรน กาลํ วีตินาเมนฺเต ทิสฺวา เต โอวทนฺโต –

๑๙๕.

‘‘ปฺจ กามคุเณ หิตฺวา, ปิยรูเป มโนรเม;

สทฺธาย ฆรา นิกฺขมฺม, ทุกฺขสฺสนฺตกโร ภเว’’ติ. –

ปมํ คาถํ อภาสิ.

ตสฺสตฺโถ – พาลปุถุชฺชนสฺส ปิยายิตพฺพสภาวตาย ปิยรูเป มนุฺสภาวตาย มโนรเม รูปาทิเก ปฺจ กามคุเณ กามโกฏฺาเส หิตฺวา ปหาย ปริจฺจชิตฺวา กมฺมผลสทฺธาย รตนตฺตยสทฺธาย จ วเสน ฆรา ฆรพนฺธนโต นิกฺขมฺม นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชฺชํ อุปคโต วิฺุชาติโก ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย ฆเฏนฺโต วายมนฺโต วฏฺฏทุกฺขสฺส อนฺตกโร ภเว ภเวยฺยาติ. เอวํ เต ภิกฺขู โอวทิตฺวา ‘‘อยํ ปเร เอว สฺาเปนฺโต วิหรติ, ‘‘สยํ ปน อการโก’ติ มา จินฺตยิตฺถา’’ติ เตสํ อตฺตโน ปฏิปนฺนภาวํ ปกาเสนฺโต –

๑๙๖.

‘‘นาภินนฺทามิ มรณํ, นาภินนฺทามิ ชีวิตํ;

กาลฺจ ปฏิกงฺขามิ, สมฺปชาโน ปติสฺสโต’’ติ. –

ทุติยคาถาย อฺํ พฺยากาสิ. ตตฺถ นาภินนฺทามิ มรณนฺติ มรณํ น อภิกงฺขามิ. นาภินนฺทามิ ชีวิตนฺติ อิทํ ปน ตสฺส การณวจนํ, ยสฺมา นาภินนฺทามิ ชีวิตํ, ตสฺมา นาภินนฺทามิ มรณนฺติ. โย หิ อายตึ ชาติชรามรณาย กิเลสาภิสงฺขาเร อาจิโนติ อุปจิโนติ, โส ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺตึ อภินนฺทนฺโต นานฺตริยกตาย อตฺตโน มรณมฺปิ อภินนฺทติ นาม การณสฺส อปฺปหีนตฺตา, ขีณาสโว ปน สพฺพโส อาจยคามิธมฺเม ปหาย อปจยคามิธมฺเม ปติฏฺิโต ปริฺาตวตฺถุโก สพฺพโส ชีวิตํ อนภินนฺทนฺโต มรณมฺปิ อนภินนฺทติ นาม การณสฺส เอว สุปฺปหีนตฺตา. เตนาห – ‘‘นาภินนฺทามิ มรณํ, นาภินนฺทามิ ชีวิต’’นฺติ. ยทิ เอวํ ขีณาสวสฺส ปรินิพฺพานาภิกงฺขา, ยาว ปรินิพฺพานา อวฏฺานฺจ กถนฺติ อาห ‘‘กาลฺจ ปฏิกงฺขามิ, สมฺปชาโน ปติสฺสโต’’ติ, กิเลสปรินิพฺพาเน สิทฺเธ สติปฺาเวปุลฺลปฺปตฺติยา สโต สมฺปชาโน เกวลํ ขนฺธปรินิพฺพานกาลํ ปฏิกงฺขามิ, ตํ อุทิกฺขมาโน อาคมยมาโน วิหรามิ, น ปน เม มรเณ ชีวิเต วา อภินนฺทนา อตฺถิ อรหตฺตมคฺเคเนว ตสฺส สมุคฺฆาฏิตตฺตาติ.

นิสภตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. อุสภตฺเถรคาถาวณฺณนา

อมฺพปลฺลวสงฺกาสนฺติ อายสฺมโต อุสภตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ กโรนฺโต สิขิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ สตฺถารํ ปิณฺฑาย จรนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส โกสมฺพผลํ อทาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท กปิลวตฺถุสฺมึ สากิยราชกุเล นิพฺพตฺติตฺวา อุสโภติ ลทฺธนาโม วยปฺปตฺโต สตฺถุ าติสมาคเม พุทฺธานุภาวํ ทิสฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิ. โส ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย สมณธมฺมํ อกตฺวา ทิวา สงฺคณิการาโม สกลรตฺตึ นิทฺทายมาโน วีตินาเมติ. โส เอกทิวสํ มุฏฺสฺสติ อสมฺปชาโน นิทฺทํ โอกฺกนฺโต สุปิเน เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา อมฺพปลฺลววณฺณํ จีวรํ ปารุปิตฺวา หตฺถิคีวายํ นิสีทิตฺวา นครํ ปิณฺฑาย ปวิฏฺํ ตตฺเถว มนุสฺเส สมฺปตฺเต ทิสฺวา ลชฺชาย หตฺถิกฺขนฺธโต โอรุยฺห อตฺตานํ ทิสฺวา ปฏิพุทฺโธ, ‘‘อีทิสํ นาม สุปินํ มุฏฺสฺสตินา อสมฺปชาเนน นิทฺทายมาเนน มยา ทิฏฺ’’นฺติ อุปฺปนฺนสํเวโค วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๒.๑๒-๑๖) –

‘‘กกุธํ วิลสนฺตํว, เทวเทวํ นราสภํ;

รถิยํ ปฏิปชฺชนฺตํ, โกสมฺพํ อททึ ตทา.

‘‘เอกตึเส อิโต กปฺเป, ยํ ผลํ อททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อถ เถโร ยถาทิฏฺํ สุปินํ องฺกุสํ กตฺวา อรหตฺตสฺส อธิคตตฺตา ตสฺเสว สุปินสฺส กิตฺตนวเสน อฺํ พฺยากโรนฺโต –

๑๙๗.

‘‘อมฺพปลฺลวสงฺกาสํ, อํเส กตฺวาน จีวรํ;

นิสินฺโน หตฺถิคีวายํ, คามํ ปิณฺฑาย ปาวิสึ.

๑๙๘.

‘‘หตฺถิกฺขนฺธโต โอรุยฺห, สํเวคํ อลภึ ตทา;

โสหํ ทิตฺโต ตทา สนฺโต, ปตฺโต เม อาสวกฺขโย’’ติ. – คาถาทฺวยมาห;

ตตฺถ อมฺพปลฺลวสงฺกาสํ, อํเส กตฺวาน จีวรนฺติ อมฺพปลฺลวาการํ ปวาฬวณฺณํ จีวรํ ขนฺเธ กริตฺวา อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา. คามนฺติ อตฺตโน ราชธานึ หตฺถิกฺขนฺเธ นิสินฺโน ปิณฺฑาย ปาวิสึ, ปวิฏฺมตฺโตว มหาชเนน โอโลกิยมาโน หตฺถิกฺขนฺธโต โอรุยฺห ิโต ปฏิพุชฺฌึ, ปพุทฺโธว สํเวคํ อลภึ ตทา ‘‘มุฏฺสฺสติ อสมฺปชาโน หุตฺวา นิทฺทาโยกฺกมเนน เอตํ ชาต’’นฺติ. อปเร ปน ‘‘ราชาว หุตฺวา รตฺติภาเค เอวรูปํ สุปินํ ทิสฺวา วิภาตาย รตฺติยา หตฺถิกฺขนฺธํ อารุยฺห นครวีถิยํ จรนฺโต ตํ สุปินํ สริตฺวา หตฺถิกฺขนฺธโต โอรุยฺห สํเวคํ ลภิตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปตฺวา อุทานํ อุทาเนนฺโต อิมา คาถา อภาสี’’ติ วทนฺติ. ทิตฺโตติ ตสฺมึ ราชกาเล ชาติมทโภคมทาทิปริทปฺปิโต สมาโน สํเวคมลภินฺติ โยชนา.

อุสภตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. กปฺปฏกุรตฺเถรคาถาวณฺณนา

อยมิติ กปฺปโฏติ อายสฺมโต กปฺปฏกุรตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ. อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ ภควนฺตํ วินตาย นาม นทิยา ตีเร อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล นิสินฺนํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส เกตกปุปฺเผหิ ปูชํ อกาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ ทุคฺคตกุเล นิพฺพตฺติตฺวา ยาว วยปฺปตฺติ, ตาว อฺํ อุปายํ อชานนฺโต กปฺปฏขณฺฑนิวาสโน สราวหตฺโถ ตตฺถ ตตฺถ กุรํ ปริเยสนฺโต วิจริ, เตน กปฺปฏกุโรตฺเวว ปฺายิตฺถ. โส วยปฺปตฺโต ติณํ วิกฺกิณิตฺวา ชีวิกํ กปฺเปนฺโต เอกทิวสํ ติณลาวนตฺถํ อรฺํ คโต ตตฺถ อฺตรํ ขีณาสวตฺเถรํ ทิสฺวา ตํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา นิสีทิ. ตสฺส เถโร ธมฺมํ กเถสิ. โส ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ‘‘กึ เม อิมาย กิจฺฉชีวิกายา’’ติ ปพฺพชิตฺวา อตฺตโน นิวตฺถกปฺปฏโจฬํ เอกสฺมึ าเน นิกฺขิปิ. ยทา จสฺส อนภิรติ อุปฺปชฺชติ, ตทา ตํ กปฺปฏํ โอโลเกนฺตสฺส อนภิรติ วิคจฺฉติ, สํเวคํ ปฏิลภิ. เอวํ กโรนฺโต สตฺตกฺขตฺตุํ อุปฺปพฺพชิ. ตสฺส ตํ การณํ ภิกฺขู ภควโต อาโรเจสุํ. อเถกทิวสํ กปฺปฏกุโร ภิกฺขุ ธมฺมสภายํ ปริสปริยนฺเต นิสินฺโน นิทฺทายติ, ตํ ภควา โจเทนฺโต –

๑๙๙.

‘‘อยมิติ กปฺปโฏ กปฺปฏกุโร, อจฺฉาย อติภริตาย;

อมตฆฏิกายํ ธมฺมกฏมตฺโต, กตปทํ ฌานานิ โอเจตุํ.

๒๐๐.

‘‘มา โข ตฺวํ กปฺปฏ ปจาเลสิ, มา ตฺวํ อุปกณฺณมฺหิ ตาเฬสฺสํ;

น หิ ตฺวํ กปฺปฏ มตฺตมฺาสิ, สงฺฆมชฺฌมฺหิ ปจลายมาโน’’ติ. –

คาถาทฺวยํ อภาสิ.

ตตฺถ อยมิติ กปฺปโฏ กปฺปฏกุโรติ กปฺปฏกุโร ภิกฺขุ ‘‘อยํ มม กปฺปโฏ, อิมํ ปริทหิตฺวา ยถา ตถา ชีวามี’’ติ เอวํ อุปฺปนฺนมิจฺฉาวิตกฺโก อจฺฉาย อติภริตาย อมตฆฏิกายํ มม อมตฆเฏ ตหํ ตหํ วสฺสนฺเต ‘‘อมตมธิคตํ อหมนุสาสามิ, อหํ ธมฺมํ เทเสมิ’’ (มหาว. ๑๒; ม. นิ. ๑.๒๘๖; ๒.๓๔๒). ‘‘อนฺธีภูตสฺมึ โลกสฺมึ, อาหฺฉํ อมตทุนฺทุภิ’’นฺติอาทินา (มหาว. ๑๑; ม. นิ. ๑.๒๘๕; ๒.๓๔๑) โฆเสตฺวา มยา ธมฺมามเต ปวสฺสิยมาเน กตปทํ ฌานานิ โอเจตุํ โลกิยโลกุตฺตรชฺฌานานิ อุปเจตุํ ภาเวตุํ กตปทํ กฏมคฺควิหิตภาวนามคฺคํ อิทํ มม สาสนํ, ตถาปิ ธมฺมกฏมตฺโต มม สาสนธมฺมโต อุกฺกณฺจิตฺโต อปคตมานโส กปฺปฏกุโรติ ตํ โจเทตฺวา ปุนปิสฺส สโหฑฺฒํ โจรํ คณฺหนฺโต วิย ปมาทวิหารํ ทสฺเสนฺโต ‘‘มา โข ตฺวํ, กปฺปฏ, ปจาเลสี’’ติ คาถมาห.

ตตฺถ มา โข ตฺวํ, กปฺปฏ, ปจาเลสีติ ตฺวํ, กปฺปฏกุร, ‘‘มม ธมฺมํ สุณิสฺสามี’’ติ นิสีทิตฺวา มา โข ปจาเลสิ มา ปจลาหิ มา นิทฺทํ อุปคจฺฉิ. มา ตฺวํ อุปกณฺณมฺหิ ตาเฬสฺสนฺติ ตํ นิทฺทายมานํ อุปกณฺณมฺหิ กณฺณสมีเป เทสนาหตฺเถน อหํ มา ปตาเฬสฺสํ. ยถา อิโต ปรํ กิเลสปฺปหานาย อหํ ตํ น โอวเทยฺยํ, ตถา ปฏิปชฺชาหีติ อตฺโถ. น หิ ตฺวํ, กปฺปฏ, มตฺตมฺาสีติ ตฺวํ, กปฺปฏ, สงฺฆมชฺฌมฺหิ ปจลายมาโน มตฺตํ ปมาณํ น วา มฺสิ, ‘‘อยมติทุลฺลโภ ขโณ ปฏิลทฺโธ, โส มา อุปชฺฌคา’’ติ เอตฺตกมฺปิ น ชานาสิ, ปสฺส ยาว จ เต อปรทฺธนฺติ โจเทสิ.

เอวํ ภควตา ทฺวีหิ คาถาหิ คาฬฺหํ ตํ นิคฺคยฺห โจทนาย กตาย อฏฺิเวธวิทฺโธ วิย จณฺฑคโช มคฺคํ โอตรนฺโต วิย จ สฺชาตสํเวโค วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๒.๑๗-๒๒) –

‘‘วินตานทิยา ตีเร, วิหาสิ ปุริสุตฺตโม;

อทฺทสํ วิรชํ พุทฺธํ, เอกคฺคํ สุสมาหิตํ.

‘‘มธุคนฺธสฺส ปุปฺเผน, เกตกสฺส อหํ ตทา;

ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, พุทฺธเสฏฺมปูชยึ.

‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ ปุปฺผมภิปูชยึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา สตฺถารา วุตฺตคาถาทฺวยเมว อตฺตโน อรหตฺตาธิคมนสฺส องฺกุสภูตนฺติ ปจฺจุทาหาสิ. เตนสฺส ตเทว อฺาพฺยากรณํ อโหสีติ.

กปฺปฏกุรตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

จตุตฺถวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. ปฺจมวคฺโค

๑. กุมารกสฺสปตฺเถรคาถาวณฺณนา

อโห พุทฺธา อโห ธมฺมาติ อายสฺมโต กุมารกสฺสปตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปาปุณิ. ‘‘กุลเคเห’’ติ ปน องฺคุตฺตรฏฺกถายํ (อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๒๑๗) วุตฺตํ. โส สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ จิตฺตกถิกานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา สยมฺปิ ตํ านนฺตรํ อากงฺขนฺโต ปณิธานํ กตฺวา ตทนุรูปานิ ปุฺานิ กโรนฺโต กสฺสปสฺส ภควโต กาเล สมณธมฺมํ กตฺวา สุคตีสุเยว สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคเห เสฏฺิธีตาย กุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. สา กิร กุมาริกากาเลเยว ปพฺพชิตุกามา หุตฺวา มาตาปิตโร ยาจิตฺวา ปพฺพชฺชํ อลภมานา กุลฆรํ คตาปิ คพฺภสณฺิตมฺปิ อชานนฺตี สามิกํ อาราเธตฺวา เตน อนุฺาตา ภิกฺขุนีสุ ปพฺพชิตา. ตสฺสา คพฺภินิภาวํ ทิสฺวา ภิกฺขุนิโย เทวทตฺตํ ปุจฺฉึสุ. โส ‘‘อสฺสมณี’’ติ อาห. ปุน ทสพลํ ปุจฺฉึสุ. สตฺถา อุปาลิตฺเถรํ ปฏิจฺฉาเปสิ. เถโร สาวตฺถินครวาสีนิ กุลานิ วิสาขฺจ อุปาสิกํ ปกฺโกสาเปตฺวา สราชิกาย ปริสาย วินิจฺฉินนฺโต ‘‘ปุเร ลทฺโธ คพฺโภ, ปพฺพชฺชา อโรคา’’ติ อาห. สตฺถา ‘‘สุวินิจฺฉิตํ อธิกรณ’’นฺติ เถรสฺส สาธุการํ อทาสิ.

สา ภิกฺขุนี สุวณฺณพิมฺพสทิสํ ปุตฺตํ วิชายิ. ตํ ราชา ปเสนทิโกสโล โปเสสิ. ‘‘กสฺสโป’’ติ จสฺส นามํ อกํสุ. อปรภาเค อลงฺกริตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ เนตฺวา ปพฺพาเชสิ. กุมารกาเล ปพฺพชิตตฺตา ภควตา ‘‘กสฺสปํ ปกฺโกสถ, อิทํ ผลํ วา ขาทนียํ วา กสฺสปสฺส เทถา’’ติ วุตฺเต ‘‘กตรกสฺสปสฺสา’’ติ. ‘‘กุมารกสฺสปสฺสา’’ติ. เอวํ คหิตนามตฺตา รฺโ โปสาวนิกปุตฺตตฺตา จ วุฑฺฒกาเลปิ กุมารกสฺสโปตฺเวว ปฺายิตฺถ.

โส ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย วิปสฺสนาย เจว กมฺมํ กโรติ, พุทฺธวจนฺจ อุคฺคณฺหาติ. อถ เตน สทฺธึ ปพฺพตมตฺถเก สมณธมฺมํ กตฺวา อนาคามี หุตฺวา สุทฺธาวาเส นิพฺพตฺโต มหาพฺรหฺมา ‘‘วิปสฺสนาย มุขํ ทสฺเสตฺวา มคฺคผลปฺปตฺติยา อุปายํ กริสฺสามี’’ติ ปฺจทส ปฺเห อภิสงฺขริตฺวา อนฺธวเน วสนฺตสฺส เถรสฺส ‘‘อิเม ปฺเห สตฺถารํ ปุจฺเฉยฺยาสี’’ติ อาจิกฺขิตฺวา คโต. โส เต ปฺเห ภควนฺตํ ปุจฺฉิ. ภควาปิสฺส พฺยากาสิ. เถโร สตฺถารา กถิตนิยาเมเนว เต อุคฺคณฺหิตฺวา วิปสฺสนํ คพฺภํ คณฺหาเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๔.๑๕๐-๑๗๗) –

‘‘อิโต สตสหสฺสมฺหิ, กปฺเป อุปฺปชฺชิ นายโก;

สพฺพโลกหิโต วีโร, ปทุมุตฺตรนามโก.

‘‘ตทาหํ พฺราหฺมโณ หุตฺวา, วิสฺสุโต เวทปารคู;

ทิวาวิหารํ วิจรํ, อทฺทสํ โลกนายกํ.

‘‘จตุสจฺจํ ปกาเสนฺตํ, โพธยนฺตํ สเทวกํ;

วิจิตฺตกถิกานคฺคํ, วณฺณยนฺตํ มหาชเน.

‘‘ตทา มุทิตจิตฺโตหํ, นิมนฺเตตฺวา ตถาคตํ;

นานารตฺเตหิ วตฺเถหิ, อลงฺกริตฺวาน มณฺฑปํ.

‘‘นานารตนปชฺโชตํ, สสงฺฆํ โภชยึ ตหึ;

โภชยิตฺวาน สตฺตาหํ, นานคฺครสโภชนํ.

‘‘นานาจิตฺเตหิ ปุปฺเผหิ, ปูชยิตฺวา สสาวกํ;

นิปจฺจ ปาทมูลมฺหิ, ตํ าน ปตฺถยึ อหํ.

‘‘ตทา มุนิวโร อาห, กรุเณกรสาสโย;

ปสฺสเถตํ ทิชวรํ, ปทุมานนโลจนํ.

‘‘ปีติปาโมชฺชพหุลํ, สมุคฺคตตนูรุหํ;

หาสมฺหิตวิสาลกฺขํ, มม สาสนลาลสํ.

‘‘ปติตํ ปาทมูเล เม, เอกาวตฺถสุมานสํ;

เอส ปตฺเถติ ตํ านํ, วิจิตฺตกถิกตฺตนํ.

‘‘สตสหสฺสิโต กปฺเป, โอกฺกากกุลสมฺภโว;

โคตโม นาม โคตฺเตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติ.

‘‘ตสฺส ธมฺเมสุ ทายาโท, โอรโส ธมฺมนิมฺมิโต;

กุมารกสฺสโป นาม, เหสฺสติ สตฺถุ สาวโก.

‘‘วิจิตฺตปุปฺผทุสฺสานํ, รตนานฺจ วาหสา;

วิจิตฺตกถิกานํ โส, อคฺคตํ ปาปุณิสฺสติ.

‘‘เตน กมฺเมน สุกเตน, เจตนาปณิธีหิ จ;

ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวตึสมคจฺฉหํ.

‘‘ปริพฺภมํ ภวาภเว, รงฺคมชฺเฌ ยถา นโฏ;

สาขมิคตฺรโช หุตฺวา, มิคิยา กุจฺฉิโมกฺกมึ.

‘‘ตทา มยิ กุจฺฉิคเต, วชฺฌวาโร อุปฏฺิโต;

สาเขน จตฺตา เม มาตา, นิคฺโรธํ สรณํ คตา.

‘‘เตน สา มิคราเชน, มรณา ปริโมจิตา;

ปริจฺจชิตฺวา สปาณํ, มเมวํ โอวที ตทา.

‘‘นิคฺโรธเมว เสเวยฺย, น สาขมุปสํวเส;

นิคฺโรธสฺมึ มตํ เสยฺโย, ยฺเจ สาขมฺหิ ชีวิตํ.

‘‘เตนานุสิฏฺา มิคยูถเปน, อหฺจ มาตา จ ตเถตเร จ;

อาคมฺม รมฺมํ ตุสิตาธิวาสํ, คตา ปวาสํ สฆรํ ยเถว.

‘‘ปุโน กสฺสปวีรสฺส, อตฺถเมนฺตมฺหิ สาสเน;

อารุยฺห เสลสิขรํ, ยุฺชิตฺวา ชินสาสนํ.

‘‘อิทานาหํ ราชคเห, ชาโต เสฏฺิกุเล อหุํ;

อาปนฺนสตฺตา เม มาตา, ปพฺพชิ อนคาริยํ.

‘‘สคพฺภํ ตํ วิทิตฺวาน, เทวทตฺตมุปานยุํ;

โส อโวจ วินาเสถ, ปาปิกํ ภิกฺขุนึ อิมํ.

‘‘อิทานิปิ มุนินฺเทน, ชิเนน อนุกมฺปิตา;

สุขินี อชนี มยฺหํ, มาตา ภิกฺขุนุปสฺสเย.

‘‘ตํ วิทิตฺวา มหีปาโล, โกสโล มํ อโปสยิ;

กุมารปริหาเนน, นาเมนาหฺจ กสฺสโป.

‘‘มหากสฺสปมาคมฺม, อหํ กุมารกสฺสโป;

วมฺมิกสทิสํ กายํ, สุตฺวา พุทฺเธน เทสิตํ.

‘‘ตโต จิตฺตํ วิมุจฺจิ เม, อนุปาทาย สพฺพโส;

ปายาสึ ทมยิตฺวาหํ, เอตทคฺคมปาปุณึ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา จิตฺตกถิกภาเวน สตฺถารา เอตทคฺเค ปิโต อตฺตโน ปฏิปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตฺวา รตนตฺตยคุณวิภาวนมุเขน อฺํ พฺยากโรนฺโต –

๒๐๑.

‘‘อโห พุทฺธา อโห ธมฺมา, อโห โน สตฺถุ สมฺปทา;

ยตฺถ เอตาทิสํ ธมฺมํ, สาวโก สจฺฉิกาหิติ.

๒๐๒.

‘‘อสงฺเขยฺเยสุ กปฺเปสุ, สกฺกายาธิคตา อหู;

เตสมยํ ปจฺฉิมโก, จริโมยํ สมุสฺสโย;

ชาติมรณสํสาโร, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’’ติ. – คาถาทฺวยํ อภาสิ;

ตตฺถ อโหติ อจฺฉริยตฺเถ นิปาโต. พุทฺธาติ สพฺพฺุพุทฺธา, คารววเสน พหุวจนํ, อโห อจฺฉริยา สมฺพุทฺธาติ อตฺโถ. ธมฺมาติ ปริยตฺติธมฺเมน สทฺธึ นว โลกุตฺตรธมฺมา. อโห โน สตฺถุ สมฺปทาติ อมฺหากํ สตฺถุ ทสพลสฺส อโห สมฺปตฺติโย. ยตฺถาติ ยสฺมึ สตฺถริ พฺรหฺมจริยวาเสน. เอตาทิสํ ธมฺมํ, สาวโก สจฺฉิกาหิตีติ เอตาทิสํ เอวรูปํ สุวิสุทฺธชฺฌานาภิฺาปริวารํ อนวเสสกิเลสกฺขยาวหํ สนฺตํ ปณีตํ อนุตฺตรํ ธมฺมํ สาวโกปิ นาม สจฺฉิกริสฺสติ, ตสฺมา เอวํวิธคุณวิเสสาธิคมเหตุภูตา อโห อจฺฉริยา พุทฺธา ภควนฺโต, อจฺฉริยา ธมฺมคุณา, อจฺฉริยา อมฺหากํ สตฺถุ สมฺปตฺติโยติ รตนตฺตยสฺส คุณาธิมุตฺตึ ปเวเทสีติ. ธมฺมสมฺปตฺติกิตฺตเนเนว หิ สงฺฆสุปฺปฏิปตฺติ กิตฺติตา โหตีติ.

เอวํ สาธารณวเสน ทสฺสิตํ ธมฺมสฺส สจฺฉิกิริยํ อิทานิ อตฺตุปนายิกํ กตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘อสงฺเขยฺเยสู’’ติ คาถมาห. ตตฺถ อสงฺเขยฺเยสูติ คณนปถํ วีติวตฺเตสุ มหากปฺเปสุ. สกฺกายาติ ปฺจุปาทานกฺขนฺธา. เต หิ ปรมตฺถโต วิชฺชมานธมฺมสมูหตาย ‘‘สกฺกายา’’ติ วุจฺจนฺติ. อหูติ นิวตฺตนูปายสฺส อนธิคตตฺตา อนปคตา อเหสุํ. เตสมยํ ปจฺฉิมโก จริโมยํ สมุสฺสโยติ ยสฺมา อยํ สพฺพปจฺฉิมโก, ตโต เอว จริโม, ตสฺมา ชาติมรณสหิโต ขนฺธาทิปฏิปาฏิสฺิโต สํสาโร อิทานิ อายตึ ปุนพฺภวาภาวโต ปุนพฺภโว นตฺถิ, อยมนฺติมา ชาตีติ อตฺโถ.

กุมารกสฺสปตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. ธมฺมปาลตฺเถรคาถาวณฺณนา

โย หเว ทหโร ภิกฺขูติ อายสฺมโต ธมฺมปาลตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต อตฺถทสฺสิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เกนจิเทว กรณีเยน วนนฺตํ อุปคโต สตฺถารํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส ปิลกฺขผลมทาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สตฺถริ ปรินิพฺพุเต อวนฺติรฏฺเ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา ธมฺมปาโลติ ลทฺธนาโม วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา สิปฺปํ อุคฺคเหตฺวา ปฏินิวตฺเตนฺโต อนฺตรามคฺเค เอกสฺมึ วิหาเร อฺตรํ เถรํ ทิสฺวา ตสฺส สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา ฉฬภิฺโ อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๓๙.๒๑-๒๕) –

‘‘วนนฺตเร พุทฺธํ ทิสฺวา, อตฺถทสฺสึ มหายสํ;

ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, ปิลกฺขสฺสาททึ ผลํ.

‘‘อฏฺารเส กปฺปสเต, ยํ ผลมททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

ฉฬภิฺโ ปน หุตฺวา สมาปตฺติสุเขน วีตินาเมนฺโต เอกทิวสํ ตสฺมึ วิหาเร ทฺเว สามเณเร รุกฺขคฺเค ปุปฺผานิ โอจินนฺเต อารูฬฺหสาขาย ภคฺคาย ปตนฺเต ทิสฺวา เถโร อิทฺธานุภาเวน หตฺเถน คเหตฺวา อโรเคเยว ภูมิยํ เปตฺวา เตสํ สามเณรานํ ธมฺมํ เทเสนฺโต –

๒๐๓.

‘‘โย หเว ทหโร ภิกฺขุ, ยุฺชติ พุทฺธสาสเน;

ชาคโร ส หิ สุตฺเตสุ, อโมฆํ ตสฺส ชีวิตํ.

๒๐๔.

‘‘ตสฺมา สทฺธฺจ สีลฺจ, ปสาทํ ธมฺมทสฺสนํ;

อนุยุฺเชถ เมธาวี, สรํ พุทฺธาน สาสน’’นฺติ. – อิมา ทฺเว คาถา อภาสิ;

ตตฺถ โยติ อนิยมวจนํ. หเวติ ทฬฺหตฺเถ นิปาโต. ทหโรติ ตรุโณ. ภิกฺขตีติ ภิกฺขุ. ยุฺชตีติ ฆฏติ วายมติ. ชาคโรติ ชาครณธมฺมสมนฺนาคโต. สุตฺเตสูติ สุปนฺเตสุ. อิทํ วุตฺตํ โหติ โย ภิกฺขุ ทหโรว สมาโน ตรุโณ ‘‘ตถาหํ ปจฺฉา วุฑฺฒกาเล ชานิสฺสามี’’ติ อจินฺเตตฺวา พุทฺธานํ สาสเน อปฺปมาทปฏิปตฺติยํ ยุฺชติ สมถวิปสฺสนาภาวนาย โยคํ กโรติ, โส สุตฺเตสุ อวิชฺชานิทฺทาย สุตฺเตสุ ปมตฺเตสุ สทฺธาทิชาครธมฺมสมนฺนาคเมน ชาคโร, ตโต เอว อตฺตหิตปรหิตปาริปูริยา อโมฆํ อวฺฌํ ตสฺส ชีวิตํ, ยสฺมา จ เอตเทวํ, ตสฺมา สทฺธฺจ ‘‘อตฺถิ กมฺมํ อตฺถิ กมฺมวิปาโก’’ติอาทินยปฺปวตฺตํ กมฺมผลสทฺธฺจ, สทฺธูปนิพนฺธตฺตา สีลสฺส ตทุปนิสฺสยํ จตุปาริสุทฺธิสีลฺจ, ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา, สฺวาขาโต ธมฺโม, สุปฺปฏิปนฺโน สงฺโฆ’’ติ เอวํ ปวตฺตรตนตฺตยปฺปสาทฺจ, วิปสฺสนาปฺาสหิตาย มคฺคปฺาย ปริฺาทิวเสน จตุสจฺจธมฺมทสฺสนฺจ เมธาวี ธมฺโมชปฺาย สมนฺนาคโต ภิกฺขุ พุทฺธานํ สาสนํ โอวาทํ อนุสิฏฺึ อนุสฺสรนฺโต อาทิตฺตมฺปิ อตฺตโน สีสํ อชฺฌุเปกฺขิตฺวา อนุยุฺเชถ, ตตฺถ อนุโยคํ อาตปฺปํ กเรยฺยาติ อตฺโถ.

ธมฺมปาลตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. พฺรหฺมาลิตฺเถรคาถาวณฺณนา

กสฺสินฺทฺริยานิ สมถงฺคตานีติ อายสฺมโต พฺรหฺมาลิตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินนฺโต วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ สตฺถารํ ปิณฺฑาย จรนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส วนฺทิตฺวา ปาทผลํ อทาสิ. สตฺถา อนุโมทนํ วตฺวา ปกฺกามิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท โกสลรฏฺเ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา พฺรหฺมาลีติ ลทฺธนาโม วิฺุตํ ปตฺโต เหตุสมฺปตฺติยา โจทิยมาโน สํสาเร สฺชาตสํเวโค ตาทิเสน กลฺยาณมิตฺตสนฺนิสฺสเยน พุทฺธสาสเน ปพฺพชิตฺวา ปติรูปกมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อรฺเ วิหรนฺโต าณสฺส ปริปากคตตฺตา นจิรสฺเสว วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา ฉฬภิฺโ อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๑.๖๓-๖๗) –

‘‘สุวณฺณวณฺณํ สมฺพุทฺธํ, อาหุตีนํ ปฏิคฺคหํ;

รถิยํ ปฏิปชฺชนฺตํ, ปาทผลํ อทาสหํ.

‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ ผลํ อททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

ฉฬภิฺโ ปน หุตฺวา มคฺคสุเขน ผลสุเขน วีตินาเมนฺโต เอกทิวสํ ปธานปริคฺคาหเกน เถเรน ตสฺมึ อรฺายตเน ภิกฺขู อุทฺทิสฺส วุตฺตํ ปธานานุโยคํ ปริคฺคณฺหนฺโต –

๒๐๕.

‘‘กสฺสินฺทฺริยานิ สมถงฺคตานิ, อสฺสา ยถา สารถินา สุทนฺตา;

ปหีนมานสฺส อนาสวสฺส, เทวาปิ กสฺส ปิหยนฺติ ตาทิโน.

๒๐๖.

‘‘มยฺหินฺทฺริยานิ สมถงฺคตานิ, อสฺสา ยถา สารถินา สุทนฺตา;

ปหีนมานสฺส อนาสวสฺส, เทวาปิ มยฺหํ ปิหยนฺติ ตาทิโน’’ติ. –

คาถาทฺวยํ อภาสิ.

ตสฺสตฺโถ – อิมสฺมึ อรฺายตเน วสนฺเตสุ ภิกฺขูสุ กสฺส ภิกฺขุโน เถรสฺส วา นวสฺส วา มชฺฌิมสฺส วา เฉเกน สารถินา สุทนฺตา อสฺสา วิย มนจฺฉฏฺานิ อินฺทฺริยานิ สมถํ ทนฺตภาวํ นิพฺพิเสวนภาวํ คตานิ. กสฺส นววิธมฺปิ มานํ ปหาย ิตตฺตา ปหีนมานสฺส จตุนฺนมฺปิ อาสวานํ อภาเวน อนาสวสฺส อิฏฺาทีสุ ตาทิลกฺขณปฺปตฺติยา ตาทิโน เทวาปิ ปิหยนฺติ มนุสฺสาปิ สมฺมาปฏิปตฺติทสฺสนาทินา จ อาทเรน ปตฺเถนฺตีติ.

ตตฺถ จ คาถายํ ปุริมฑฺเฒน อนาคามิมคฺคาธิคโม ปุฏฺโ, อนาคามิโนปิ หิ อินฺทฺริยานิ ปหีนกามราคพฺยาปาทตาย สมถํ นิพฺพิเสวนตํ คตานิ โหนฺติ. อิตเรน อรหตฺตมคฺคปฏิลาโภ, อรหา หิ ‘‘ปหีนมาโน อนาสโว ตาที’’ติ จ วุจฺจติ.

อถายสฺมา พฺรหฺมาลิ ปธานปริคฺคาหเกน วุตฺตํ ‘‘กสฺสินฺทฺริยานี’’ติ คาถํ ปจฺจนุภาสิ. ตทตฺถํ อตฺตูปนายิกวเสน วิสฺสชฺเชนฺโต ‘‘มยฺหินฺทฺริยานี’’ติอาทิกาย ทุติยคาถาย อฺํ พฺยากาสิ, ตตฺถ มยฺหินฺทฺริยานีติ มม จกฺขาทีนิ อินฺทฺริยานิ. เสสํ วุตฺตนยเมว.

พฺรหฺมาลิตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. โมฆราชตฺเถรคาถาวณฺณนา

ฉวิปาปก จิตฺตภทฺทกาติ อายสฺมโต โมฆราชตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ ลูขจีวรธรานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา ตํ านนฺตรํ อากงฺขนฺโต ปณิธานํ กตฺวา ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ กโรนฺโต อตฺถทสฺสิสฺส ภควโต กาเล พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา พฺราหฺมณานํ วิชฺชาสิปฺเปสุ นิปฺผตฺตึ คโต พฺราหฺมณมาณเว วิชฺชาสิปฺปานิ สิกฺขาเปนฺโต เอกทิวสํ อตฺถทสฺสึ ภควนฺตํ ภิกฺขุสงฺฆปริวุตํ คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา สิรสิ อฺชลึ กตฺวา ‘‘ยาวตา รูปิโน สตฺตา’’ติอาทินา ฉหิ คาถาหิ อภิตฺถวิตฺวา ภาชนํ ปูเรตฺวา มธุํ อุปนาเมสิ. สตฺถา มธุํ ปฏิคฺคเหตฺวา อนุโมทนํ อกาสิ.

โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต กสฺสปสฺส ภควโต กาเล กฏฺวาหนสฺส นาม รฺโ อมจฺโจ หุตฺวา เตน สตฺถุ อานยนตฺถํ ปุริสสหสฺเสน เปสิโต สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา วีสติวสฺสสหสฺสานิ สมณธมฺมํ กตฺวา ตโต จุโต เอกํ พุทฺธนฺตรํ สุคตีสุเยว ปริวตฺเตนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา โมฆราชาติ ลทฺธนาโม พาวรีพฺราหฺมณสฺส สนฺติเก อุคฺคหิตสิปฺโป สํเวคชาโต ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ตาปสสหสฺสปริวาโร อชิตาทีหิ สทฺธึ สตฺถุ สนฺติกํ เปสิโต เตสํ ปนฺนรสโม หุตฺวา ปฺเห ปุจฺฉิตฺวา ปฺหวิสฺสชฺชนปริโยสาเน อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๔.๖๔-๘๓) –

‘‘อตฺถทสฺสี ตุ ภควา, สยมฺภู อปราชิโต;

ภิกฺขุสงฺฆปริพฺยูฬฺโห, รถิยํ ปฏิปชฺชถ.

‘‘สิสฺเสหิ สมฺปริวุโต, ฆรมฺหา อภินิกฺขมึ;

นิกฺขมิตฺวานหํ ตตฺถ, อทฺทสํ โลกนายกํ.

‘‘อภิวาทิย สมฺพุทฺธํ, สิเร กตฺวาน อฺชลึ;

สกํ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, สนฺถวึ โลกนายกํ.

‘‘ยาวตา รูปิโน สตฺตา, อรูปี วา อสฺิโน;

สพฺเพ เต ตว าณมฺหิ, อนฺโต โหนฺติ สโมคธา.

‘‘สุขุมจฺฉิกชาเลน, อุทกํ โย ปริกฺขิเป;

เย เกจิ อุทเก ปาณา, อนฺโตชาเล ภวนฺติ เต.

‘‘เยสฺจ เจตนา อตฺถิ, รูปิโน จ อรูปิโน;

สพฺเพ เต ตว าณมฺหิ, อนฺโต โหนฺติ สโมคธา.

‘‘สมุทฺธรสิมํ โลกํ, อนฺธการสมากุลํ;

ตว ธมฺมํ สุณิตฺวาน, กงฺขาโสตํ ตรนฺติ เต.

‘‘อวิชฺชานิวุเต โลเก, อนฺธกาเรน โอตฺถเฏ;

ตว าณมฺหิ โชตนฺเต, อนฺธการา ปธํสิตา.

‘‘ตุวํ จกฺขูสิ สพฺเพสํ, มหาตมปนูทโน;

ตว ธมฺมํ สุณิตฺวาน, นิพฺพายติ พหุชฺชโน.

‘‘ปุฏกํ ปูรยิตฺวาน, มธุขุทฺทมเนฬกํ;

อุโภ หตฺเถหิ ปคฺคยฺห, อุปเนสึ มเหสิโน.

‘‘ปฏิคฺคณฺหิ มหาวีโร, สหตฺเถน มหา อิสิ;

ภุฺชิตฺวา ตฺจ สพฺพฺู, เวหาสํ นภมุคฺคมิ.

‘‘อนฺตลิกฺเข ิโต สตฺถา, อตฺถทสฺสี นราสโภ;

มม จิตฺตํ ปสาเทนฺโต, อิมา คาถา อภาสถ.

‘‘เยนิทํ ถวิตํ าณํ, พุทฺธเสฏฺโ จ โถมิโต;

เตน จิตฺตปฺปสาเทน, ทุคฺคตึ โส น คจฺฉติ.

‘‘จตุทฺทสฺจ ขตฺตุํ โส, เทวรชฺชํ กริสฺสติ;

ปถพฺยา รชฺชํ อฏฺสตํ, วสุธํ อาวสิสฺสติ.

‘‘ปฺเจว สตกฺขตฺตุฺจ, จกฺกวตฺตี ภวิสฺสติ;

ปเทสรชฺชํ อสงฺเขยฺยํ, มหิยา การยิสฺสติ.

‘‘อชฺฌายโก มนฺตธโร, ติณฺณํ เวทาน ปารคู;

โคตมสฺส ภควโต, สาสเน ปพฺพชิสฺสติ.

‘‘คมฺภีรํ นิปุณํ อตฺถํ, าเณน วิจินิสฺสติ;

โมฆราชาติ นาเมน, เหสฺสติ สตฺถุ สาวโก.

‘‘ตีหิ วิชฺชาหิ สมฺปนฺนํ, กตกิจฺจมนาสวํ;

โคตโม สตฺถวาหคฺโค, เอตทคฺเค เปสฺสติ.

‘‘หิตฺวา มานุสกํ โยคํ, เฉตฺวาน ภวพนฺธนํ;

สพฺพาสเว ปริฺาย, วิหรามิ อนาสโว.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา สตฺถลูขํ สุตฺตลูขํ รชนลูขนฺติ วิเสเสน ติวิเธนปิ ลูเขน สมนฺนาคตํ ปํสุกูลํ ธาเรสิ. เตน นํ สตฺถา ลูขจีวรธรานํ อคฺคฏฺาเน เปสิ. อปรภาเค ปุริมกมฺมปฺปจฺจยา ปริหารสฺส อกรณโต เถรสฺส สรีเร ททฺทุปีฬกาทีนิ อุปฺปชฺชิตฺวา วฑฺฒึสุ. โส ‘‘เสนาสนํ ทุสฺสตี’’ติ เหมนฺเตปิ มคธกฺเขตฺเตสุ ปลาลสนฺถารานิ อตฺถริตฺวา เสติ. ตํ เอกทิวสํ อุปฏฺานํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺนํ สตฺถา ปฏิสนฺถารวเสน ‘‘ฉวิปาปกา’’ติอาทินา ปมคาถาย ปุจฺฉิ.

๒๐๗. ตตฺถ ฉวิปาปกาติ ททฺทุกจฺฉุปีฬกาหิ ภินฺนจฺฉวิภาวโต หีนจฺฉวิก ทุฏฺจฺฉวิก. จิตฺตภทฺทกาติ อนวเสสกิเลสปฺปหาเนน พฺรหฺมวิหารเสวนาย จ ภทฺทจิตฺต สุนฺทรจิตฺต. โมฆราชาติ ตสฺส อาลปนํ. สตตํ สมาหิโตติ อคฺคผลสมาธินา นิจฺจกาลํ อภิณฺหํ สมาหิตมานโส. เหมนฺติกสีตกาลรตฺติโยติ เหมนฺตสมเย สีตกาลรตฺติโย. อจฺจนฺตสํโยเค เจตํ อุปโยควจนํ. ‘‘เหมนฺติกา สีตกาลรตฺติโย’’ติปิ ปาฬิ. ตตฺถ เหมนฺติกาติ เหมนฺโตคธา เหมนฺตปริยาปนฺนาติ อตฺโถ. ภิกฺขุ ตฺวํ สีติ ภิกฺขุ โก ตฺวํ อสิ, เอวํภูโต ปเรสุ ตว เสนาสนํ กตฺวา อเทนฺเตสุ สงฺฆิกฺจ เสนาสนํ อปวิสนฺโต. กถํ กริสฺสสีติ ยถาวุตฺเต สีตกาเล กถํ อตฺตภาวํ ปวตฺเตสีติ สตฺถา ปุจฺฉิ. เอวํ ปน ปุฏฺโ เถโร สตฺถุ ตมตฺถํ กเถนฺโต –

๒๐๘.

‘‘สมฺปนฺนสสฺสา มคธา, เกวลา อิติ เม สุตํ;

ปลาลจฺฉนฺนโก เสยฺยํ, ยถฺเ สุขชีวิโน’’ติ. – คาถมาห;

ตตฺถ สมฺปนฺนสสฺสาติ นิปฺผนฺนสสฺสา. มคธาติ มคธรฏฺํ วทติ. มคธา นาม ชานปทิโน ราชกุมารา, เตสํ นิวาโส เอโกปิ ชนปโท รุฬฺหีวเสน ‘‘มคธา’’ตฺเวว พหุวจเนน วุจฺจติ. เกวลาติ อนวเสสา. อิติ เม สุตนฺติ เอวํ มยา สุตํ. ตตฺถ โย อทิฏฺโ ปเทโส, ตสฺส วเสน สุตนฺติ วุตฺตํ. เตน เอทิเส กาเล มคเธสุ ยตฺถ กตฺถจิ มยา วสิตุํ สกฺกาติ ทสฺเสติ. ปลาลจฺฉนฺนโก เสยฺยํ, ยถฺเ สุขชีวิโนติ ยถา อฺเ สุขชีวิโน ภิกฺขู เสนาสนสปฺปายํ ลทฺธา สุนฺทเรหิ อตฺถรณปาวุรเณหิ สุเขน สยนฺติ, เอวํ อหมฺปิ ปลาลสนฺถารเมว เหฏฺา สนฺถริตฺวา อุปริ ติริยฺจ ปลาลจฺฉทเนเนว ฉาทิตสรีรตาย ปลาลจฺฉนฺนโก เสยฺยํ สยึ, เสยฺยํ กปฺเปสินฺติ อตฺตโน ยถาลาภสนฺโตสํ วิภาเวติ.

โมฆราชตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. วิสาขปฺจาลปุตฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา

อุกฺขิเป โน จ ปริกฺขิเป ปเรติ อายสฺมโต วิสาขสฺส ปฺจาลปุตฺตสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ ปุฺํ อุปจินนฺโต อิโต จุทฺทเส กปฺเป ปจฺจนฺตคาเม ทลิทฺทกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ ผลปริเยสนํ จรนฺเตหิ ตสฺมึ คาเม มนุสฺเสหิ สทฺธึ อรฺํ คโต ตตฺถ เอกํ ปจฺเจกพุทฺธํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส วลฺลิผลํ อทาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท มคธรฏฺเ มณฺฑลิกราชกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิสาโขติ ลทฺธนาโม ปฺจาลราชธีตุยา ปุตฺตภาวโต ปจฺฉา ปฺจาลปุตฺโตติ ปฺายิตฺถ. โส ปิตริ มเต รชฺชํ กาเรนฺโต สตฺถริ อตฺตโน คามสมีปคเต สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา สตฺถารา สทฺธึ สาวตฺถึ คโต วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา นจิรสฺเสว ฉฬภิฺโ อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๓๙.๓๑-๓๖) –

‘‘สพฺเพ ชนา สมาคมฺม, อคมึสุ วนํ ตทา;

ผลมนฺเวสมานา เต, อลภึสุ ผลํ ตทา.

‘‘ตตฺถทฺทสาสึ สมฺพุทฺธํ, สยมฺภุํ อปราชิตํ;

ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, วลฺลิผลมทาสหํ.

‘‘จตุทฺทเส อิโต กปฺเป, ยํ ผลมททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

ฉฬภิฺโ ปน หุตฺวา เถโร าตีนํ อนุกมฺปาย ชาติภูมึ อคมาสิ. ตตฺถ มนุสฺสา เถรํ อุปสงฺกมิตฺวา กาเลน กาลํ ธมฺมํ สุณนฺตา เอกทิวสํ ‘‘กติหิ นุ โข, ภนฺเต, องฺเคหิ สมนฺนาคโต ธมฺมกถิโก โหตี’’ติ ธมฺมกถิกลกฺขณํ ปุจฺฉึสุ. เถโร เตสํ ธมฺมกถิกลกฺขณํ กเถนฺโต –

๒๐๙.

‘‘น อุกฺขิเป โน จ ปริกฺขิเป ปเร, น โอกฺขิเป ปารคตํ น เอรเย;

น จตฺตวณฺณํ ปริสาสุ พฺยาหเร, อนุทฺธโต สมฺมิตภาณิ สุพฺพโต.

๒๑๐.

‘‘สุสุขุมนิปุณตฺถทสฺสินา, มติกุสเลน นิวาตวุตฺตินา;

สํเสวิตพุทฺธสีลินา, นิพฺพานํ น หิ เตน ทุลฺลภ’’นฺติ. –

คาถาทฺวยํ อภาสิ.

ตตฺถ น อุกฺขิเปติ อตฺตานํ น อุกฺขิเปยฺย, ชาติอาทีหิ พาหุสจฺจาทีหิ จ อตฺตุกฺกํสนํ น กเรยฺย. โน จ ปริกฺขิเป ปเรติ ปเร ปรปุคฺคเล เตเหว ชาติอาทีหิ โน ปริกฺขิเป ปริจฺฉินฺทิตฺวา น ขิเปยฺย คุณปริธํสนวเสน วา น ขิเปยฺย. น โอกฺขิเป ปเร อิจฺเจวํ สมฺพนฺโธ. ปเร โอชฺฌาปนวเสน น โอกฺขิเป เหฏฺโต กตฺวา ปเร น โอโลกาเปยฺย, น โอชฺฌาเปยฺยาติ อตฺโถ. ‘‘น อุกฺขิเป’’ติ เกจิ ปนฺติ, โส เอวตฺโถ. ปารคตนฺติ สํสารปารํ วิย วิชฺชาย ปารํ คตํ ขีณาสวํ เตวิชฺชํ ฉฬภิฺํ วา น เอรเย น ฆฏฺฏเย น อาสาเทยฺย. น จตฺตวณฺณํ ปริสาสุ พฺยาหเรติ อตฺตโน วณฺณํ คุณํ ลาภสกฺการสิโลกํ นิกามยมาโน ขตฺติยปริสาทีสุ น ภาเสยฺย. อนุทฺธโตติ อุทฺธจฺจรหิโต. อุทฺธตสฺส หิ วจนํ นาทิยนฺติ. สมฺมิตภาณีติ สมฺมเทว มิตภาณี, กาเลน สาปเทสํ ปริยนฺตวตึ อตฺถสฺหิตเมว วาจํ ภาสนสีโลติ อตฺโถ. อิโต อฺถา วทนฺตสฺส วจนํ อคหณียํ โหติ. สุพฺพโตติ สุนฺทรวโต สีลสมฺปนฺโน. ‘‘สิยา’’ติ กิริยาปทํ อาเนตฺวา โยเชตพฺพํ.

เอวํ เถโร สงฺเขเปเนว ธมฺมกถิกลกฺขณํ วตฺวา เตสํ คุณานํ อตฺตนิ ลพฺภมานตํ อธิมุจฺจิตฺวา ภิยฺโยโสมตฺตาย อภิปฺปสนฺนํ มหาชนํ ตฺวา ‘‘เอวํวิธสฺส ธมฺมกถิกสฺส วิมุตฺตายตนสนฺนิสฺสิตสฺส น นิพฺพานํ ทุลฺลภํ, อถ โข สุลภเมวา’’ติ ทสฺเสนฺโต ‘‘สุสุขุมนิปุณตฺถทสฺสินา’’ติ ทุติยคาถมาห. ตสฺสตฺโถ เหฏฺา วุตฺโตเยว.

วิสาขปฺจาลปุตฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. จูฬกตฺเถรคาถาวณฺณนา

นทนฺติ โมรา สุสิขา สุเปขุณาติ อายสฺมโต จูฬกตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินนฺโต อิโต เอกตึเส กปฺเป สิขิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ สตฺถารํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส ฉตฺตปณฺณิผลํ อทาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคเห พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา จูฬโกติ ลทฺธนาโม วยปฺปตฺโต ธนปาลทมเน สตฺถริ ลทฺธปฺปสาโท ปพฺพชิตฺวา สมณธมฺมํ กโรนฺโต อินฺทสาลคุหายํ วสติ, โส เอกทิวสํ คุหาทฺวาเร นิสินฺโน มคธกฺเขตฺตํ โอโลเกสิ. ตสฺมึ ขเณ ปาวุสกาลเมโฆ คมฺภีรมธุรนิคฺโฆโส สตปฏลสหสฺสปฏโล อฺชน สิขรสนฺนิกาโส นภํ ปูเรตฺวา ปวสฺสติ, มยูรสงฺฆา จ เมฆคชฺชิตํ สุตฺวา หฏฺตุฏฺา เกกาสทฺทํ มุฺจิตฺวา ตตฺถ ตตฺถ ปเทเส นจฺจนฺตา วิจรนฺติ. เถรสฺสปิ อาวาสคพฺเภ เมฆวาตผสฺเสหิ อปคตธมฺมตฺตา ปสฺสทฺธกรชกาเย กลฺลตํ ปตฺเต อุตุสปฺปายลาเภน จิตฺตํ เอกคฺคํ อโหสิ, กมฺมฏฺานวีถึ โอตริ, โส ตํ ตฺวา กาลสมฺปทาทิกิตฺตนมุเขน อตฺตานํ ภาวนาย อุสฺสาเหนฺโต –

๒๑๑.

‘‘นทนฺติ โมรา สุสิขา สุเปขุณา, สุนีลคีวา สุมุขา สุคชฺชิโน;

สุสทฺทลา จาปิ มหามหี อยํ, สุพฺยาปิตมฺพุ สุวลาหกํ นภํ.

๒๑๒.

‘‘สุกลฺลรูโป สุมนสฺส ฌายตํ, สุนิกฺกโม สาธุ สุพุทฺธสาสเน;

สุสุกฺกสุกฺกํ นิปุณํ สุทุทฺทสํ, ผุสาหิ ตํ อุตฺตมมจฺจุตํ ปท’’นฺติ. –

ทฺเว คาถา อภาสิ.

ตตฺถ นทนฺติ โมรา สุสิขา สุเปขุณา, สุนีลคีวา สุมุขา สุคชฺชิโนติ เอเต มตฺถเก อุฏฺิตาหิ สุนฺทราหิ สิขาหิ สมนฺนาคตตฺตา สุสิขา, นานาวณฺเณหิ อเนเกหิ โสภเนหิ ภทฺทกปิฺเฉหิ สมนฺนาคตตฺตา สุเปขุณา, ราชีววณฺณสงฺกาสาย สุนฺทราย นีลวณฺณาย คีวาย สมนฺนาคตตฺตา สุนีลคีวา, สุนฺทรมุขตาย สุมุขา, มนุฺวาทิตาย สุคชฺชิโน, โมรา สิขณฺฑิโน ฉชฺชสํวาที เกกาสทฺทํ มุฺจนฺตา นทนฺติ รวนฺติ. สุสทฺทลา จาปิ มหามหี อยนฺติ อยฺจ มหาปถวี สุสทฺทลา สุนฺทรหริตติณา. สุพฺยาปิตมฺพูติ อภินววุฏฺิยา ตหํ ตหํ วิสฺสนฺทมานสลิลตาย สุฏฺุ พฺยาปิตชลา วิตตชลา. ‘‘สุสุกฺกตมฺพู’’ติปิ ปาโ, สุวิสุทฺธชลาติ อตฺโถ. สุวลาหกํ นภนฺติ อิทฺจ นภํ อากาสํ นีลุปฺปลทลสนฺนิเภหิ สมนฺตโต ปูเรตฺวา ิเตหิ สุนฺทเรหิ วลาหเกหิ เมเฆหิ สุวลาหกํ.

สุกลฺลรูโป สุมนสฺส ฌายตนฺติ อิทานิ อุตุสปฺปายลาเภน สุฏฺุ กลฺลรูโป กมฺมนิยสภาโว ตฺวํ, นีวรเณหิ อนชฺฌารูฬฺหจิตฺตตาย สุนฺทรมนสฺส โยคาวจรสฺส ยํ อารมฺมณูปนิชฺฌานวเสน ลกฺขณูปนิชฺฌานวเสน จ ฌายตํ. สุนิกฺกโม…เป… อจฺจุตํ ปทนฺติ เอวํ ฌายนฺโต จ สาธุ สุพุทฺธสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สาสเน สุนฺทรนิกฺกโม หุตฺวา สุปริสุทฺธสีลตาย สุสุกฺกํ, วิสุทฺธสภาวตาย สพฺพสฺสปิ สํกิเลสสฺส โคจรภาวานุปคมนโต สุกฺกํ, นิปุณาณโคจรตาย นิปุณํ, ปรมคมฺภีรตาย สุทุทฺทสํ, ปณีตภาเวน เสฏฺภาเวน จ อุตฺตมํ, นิจฺจสภาวตาย อจฺจุตํ ปทํ ตํ นิพฺพานํ ผุสาหิ อตฺตปจฺจกฺขกรเณน สมฺมาปฏิปตฺติยา สจฺฉิกโรหีติ.

เอวํ เถโร อตฺตานํ โอวทนฺโตว อุตุสปฺปายลาเภน สมาหิตจิตฺโต วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๓๙.๓๗-๔๒) –

‘‘กณิการํว ชลิตํ, ปุณฺณมาเยว จนฺทิมํ;

ชลนฺตํ ทีปรุกฺขํว, อทฺทสํ โลกนายกํ.

‘‘กทลิผลํ ปคฺคยฺห, อทาสึ สตฺถุโน อหํ;

ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, วนฺทิตฺวาน อปกฺกมึ.

‘‘เอกตึเส อิโต กปฺเป, ยํ ผลมททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา เถโร อตฺตโน ปฏิปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปีติโสมนสฺสชาโต ‘‘นทนฺติ โมรา’’ติอาทินา ตาเยว คาถา ปจฺจุทาหาสิ. เตนสฺส อิทเมว อฺาพฺยากรณํ อโหสีติ.

จูฬกตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. อนูปมตฺเถรคาถาวณฺณนา

นนฺทมานาคตํ จิตฺตาติ อายสฺมโต อนูปมตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ ปุฺํ อุปจินนฺโต อิโต เอกตึเส กปฺเป กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ ปทุมํ นาม ปจฺเจกพุทฺธํ ปิณฺฑาย จรนฺตํ รถิยํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส องฺโกลปุปฺเผหิ ปูเชสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท โกสลรฏฺเ อิพฺภกุเล นิพฺพตฺติตฺวา รูปสมฺปตฺติยา อนูปโมติ ลทฺธนาโม วยปฺปตฺโต อุปนิสฺสยสมฺปนฺนตาย กาเม ปหาย ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต อรฺเ วิหรติ. ตสฺส จิตฺตํ พหิทฺธา รูปาทิอารมฺมเณสุ วิธาวติ. กมฺมฏฺานํ ปริวฏฺฏติ. เถโร วิธาวนฺตํ จิตฺตํ นิคฺคณฺหนฺโต –

๒๑๓.

‘‘นนฺทมานาคตํ จิตฺตํ, สูลมาโรปมานกํ;

เตน เตเนว วชสิ, เยน สูลํ กลิงฺครํ.

๒๑๔.

‘‘ตาหํ จิตฺตกลึ พฺรูมิ, ตํ พฺรูมิ จิตฺตทุพฺภกํ;

สตฺถา เต ทุลฺลโภ ลทฺโธ, มานตฺเถ มํ นิโยชยี’’ติ. –

อิมาหิ ทฺวีหิ คาถาหิ โอวทิ.

ตตฺถ นนฺทมานาคตํ จิตฺตาติ นนฺทมาน อภินนฺทมาน จิตฺต อภินนฺทมานํ อาคตํ อุปฺปนฺนํ. สูลมาโรปมานกนฺติ ทุกฺขุปฺปตฺติฏฺานตาย สูลสทิสตฺตา สูลํ ตํ ตํ ภวํ กมฺมกิเลเสหิ เอตฺตกํ กาลํ อาโรปิยมานํ. เตน เตเนว วชสิ, เยน สูลํ กลิงฺครนฺติ ยตฺถ ยตฺถ สูลสงฺขาตา ภวา กลิงฺครสงฺขาตา อธิกุฏฺฏนกา กามคุณา จ เตน เตเนว, ปาปจิตฺต, วชสิ, ตํ ตเทว านํ อุปคจฺฉสิ, อตฺตโน อนตฺถํ น สลฺลกฺเขสิ.

ตาหํ จิตฺตกลึ พฺรูมีติ ตํ ตสฺมา ปมตฺตภาวโต จิตฺตกลึ จิตฺตกาลกณฺณึ อหํ กถยามิ. ปุนปิ ตํ พฺรูมิ กเถมิ จิตฺตทุพฺภกํ จิตฺตสงฺขาตสฺส อตฺตโน พหูปการสฺส สนฺตานสฺส อนตฺถาวหนโต จิตฺตทุพฺภึ. ‘‘จิตฺตทุพฺภคา’’ติปิ ปนฺติ. จิตฺตสงฺขาตอลกฺขิกอปฺปปุฺาติ อตฺโถ. กินฺติ พฺรูหีติ เจ? อาห ‘‘สตฺถา เต ทุลฺลโภ ลทฺโธ, มานตฺเถ มํ นิโยชยี’’ติ. กปฺปานํ อสงฺขฺเยยฺยมฺปิ นาม พุทฺธสุฺโ โลโก โหติ, สตฺถริ อุปฺปนฺเนปิ มนุสฺสตฺตสทฺธาปฏิลาภาทโย ทุลฺลภา เอว, ลทฺเธสุ จ เตสุ สตฺถาปิ ทุลฺลโภเยว โหติ. เอวํ ทุลฺลโภ สตฺถา อิทานิ ตยา ลทฺโธ, ตสฺมึ ลทฺเธ สมฺปติปิ อนตฺเถ อหิเต อายติฺจ อนตฺถาวเห ทุกฺขาวเห อกุสเล มํ มา นิโยเชสีติ. เอวํ เถโร อตฺตโน จิตฺตํ โอวทนฺโต เอว วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๓๗.๑๖-๑๙) –

‘‘ปทุโม นาม สมฺพุทฺโธ, จิตฺตกูเฏ วสี ตทา;

ทิสฺวาน ตํ อหํ พุทฺธํ, สยมฺภุํ อปราชิตํ.

‘‘องฺโกลํ ปุปฺผิตํ ทิสฺวา, โอจินิตฺวานหํ ตทา;

อุปคนฺตฺวาน สมฺพุทฺธํ, ปูชยึ ปทุมํ ชินํ.

‘‘เอกตึเส อิโต กปฺเป, ยํ ปุปฺผมภิปูชยึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อนูปมตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. วชฺชิตตฺเถรคาถาวณฺณนา

สํสรํ ทีฆมทฺธานนฺติ อายสฺมโต วชฺชิตตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต อิโต ปฺจสฏฺิเม กปฺเป เอกสฺมึ ปจฺจนฺตคาเม นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต วนจรโก หุตฺวา วิจรนฺโต เอกทิวสํ อุปสนฺตํ นาม ปจฺเจกพุทฺธํ ปพฺพตคุหายํ วิหรนฺตํ อทฺทส. โส ตสฺส อุปสมํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส จมฺปกปุปฺเผน ปูชํ อกาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท โกสลรฏฺเ อิพฺภกุเล นิพฺพตฺโต ชาตทิวสโต ปฏฺาย มาตุคามหตฺถํ คโต โรทติ. พฺรหฺมโลกโต กิร จวิตฺวา อิธาคโต ยสฺมา มาตุคามสมฺผสฺสํ น สหติ, ตสฺมา มาตุคามสมฺผสฺสวชฺชนโต วชฺชิโตตฺเวว นามํ ชาตํ. โส วยปฺปตฺโต สตฺถุ ยมกปาฏิหาริยํ ทิสฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา ตทเหว ฉฬภิฺโ อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๓๗.๒๗-๓๐) –

‘‘อุปสนฺโต จ สมฺพุทฺโธ, วสตี ปพฺพตนฺตเร;

เอกจมฺปกมาทาย, อุปคจฺฉึ นรุตฺตมํ.

‘‘ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, ปจฺเจกมุนิมุตฺตมํ;

อุโภ หตฺเถหิ ปคฺคยฺห, ปูชยึ อปราชิตํ.

‘‘ปฺจสฏฺิมฺหิโต กปฺเป, ยํ ปุปฺผมภิปูชยึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

ฉฬภิฺโ ปน หุตฺวา อตฺตโน ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสริตฺวา ธมฺมสํเวเคน –

๒๑๕.

‘‘สํสรํ ทีฆมทฺธานํ, คตีสุ ปริวตฺติสํ;

อปสฺสํ อริยสจฺจานิ, อนฺธภูโต ปุถุชฺชโน.

๒๑๖.

‘‘ตสฺส เม อปฺปมตฺตสฺส, สํสารา วินฬีกตา;

สพฺพา คตี สมุจฺฉินฺนา, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’’ติ. – ทฺเว คาถา อภาสิ;

ตตฺถ สํสรนฺติ สํสรนฺโต, ตสฺมึ ตสฺมึ ภเว อาทานนิกฺเขปวเสน อปราปรํ สนฺธาวนฺโต. ทีฆมทฺธานนฺติ จิรกาลํ อนาทิมติ สํสาเร อปริมาณกาลํ. คตีสูติ สุกตทุกฺกฏานํ กมฺมานํ วเสน สุคติทุคฺคตีสุ. ปริวตฺติสนฺติ ฆฏียนฺตํ วิย ปริพฺภมนฺโต จวนุปปชฺชนวเสน อปราปรํ ปริวตฺตึ. ตสฺส ปน ปริวตฺตนสฺส การณมาห ‘‘อปสฺสํ อริยสจฺจานิ, อนฺธภูโต ปุถุชฺชโน’’ติ. ทุกฺขาทีนิ จตฺตาริ อริยสจฺจานิ าณจกฺขุนา อปสฺสนฺโต อปฺปฏิวิชฺฌนฺโต, ตโต เอว อวิชฺชนฺธตาย อนฺธภูโต ปุถูนํ ชนนาทีหิ การเณหิ ปุถุชฺชโน โหนฺโต คตีสุ ปริวตฺติสนฺติ โยชนา, เตเนวาห ภควา –

‘‘จตุนฺนํ, ภิกฺขเว, อริยสจฺจานํ อนนุโพธา อปฺปฏิเวธา เอวมิทํ ทีฆมทฺธานํ สนฺธาวิตํ สํสริตํ มมฺเจว ตุมฺหากฺจา’’ติ (มหาว. ๒๘๗; ที. นิ. ๒.๑๕๕; สํ. นิ. ๕.๑๐๙๑; เนตฺติ. ๑๑๔).

ตสฺส มยฺหํ วุตฺตนเยน ปุพฺเพ ปุถุชฺชนสฺเสว สโต อิทานิ สตฺถารา ทินฺนนเยน อปฺปมตฺตสฺส อปฺปมาทปฏิปตฺติยา สมถวิปสฺสนาภาวนํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา ิตสฺส. สํสารา วินฬีกตาติ สํสรนฺติ สตฺตา เอเตหีติ ‘‘สํสารา’’ติ ลทฺธนามา กมฺมกิเลสา อคฺคมคฺเคน สมุจฺฉินฺนตฺตา วิคตนฬา นิมฺมูลา กตา. สพฺพา คตี สมุจฺฉินฺนาติ เอวํ กมฺมกิเลสวฏฺฏานํ วินฬีกตตฺตา นิรยาทิกา สพฺพาปิ คติโย สมฺมเทว อุจฺฉินฺนา วิทฺธํสิตา, ตโต เอว นตฺถิ ทานิ อายตึ ปุนพฺภโวติ อิทเมว จ เถรสฺส อฺาพฺยากรณํ อโหสีติ.

วชฺชิตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. สนฺธิตตฺเถรคาถาวณฺณนา

อสฺสตฺเถ หริโตภาเสติ อายสฺมโต สนฺธิตตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต อิโต เอกตึเส กปฺเป สิขิสฺส ภควโต กาเล เอโก โคปาลโก อโหสิ. โส สตฺถริ ปรินิพฺพุเต อฺตรํ เถรํ อุปสงฺกมิตฺวา ตสฺส สนฺติเก พุทฺธคุณปฏิสํยุตฺตํ ธมฺมํ สุตฺวา ปสนฺนมานโส ‘‘กุหึ ภควา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ปรินิพฺพุตภาวํ สุตฺวา ‘‘เอวํ มหานุภาวา พุทฺธาปิ นาม อนิจฺจตาวสํ คจฺฉนฺติ, อโห สงฺขารา อทฺธุวา’’ติ อนิจฺจสฺํ ปฏิลภิ. ตํ เถโร โพธิปูชาย อุสฺสาเหสิ. โส กาเลน กาลํ โพธิรุกฺขสมีปํ คนฺตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา พุทฺธคุเณ อนุสฺสรนฺโต โพธึ วนฺทติ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท โกสลรฏฺเ อิพฺภกุเล นิพฺพตฺติตฺวา สนฺธิโตติ ลทฺธนาโม วยปฺปตฺโต อนิจฺจตาปฏิสํยุตฺตํ ธมฺมกถํ สุตฺวา สํเวคชาโต ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา าณสฺส ปริปากํ คตตฺตา นจิรสฺเสว ฉฬภิฺโ อโหสิ. โส อตฺตโน ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรนฺโต สิขิสฺส ภควโต กาเล โพธิวนฺทนํ พุทฺธานุสฺสตึ อนิจฺจสฺาปฏิลาภฺจ อนุสฺสริตฺวา ตทุปนิสฺสเยน อตฺตโน วิเสสาธิคมํ ปกาเสนฺโต –

๒๑๗.

‘‘อสฺสตฺเถ หริโตภาเส, สํวิรูฬฺหมฺหิ ปาทเป;

เอกํ พุทฺธคตํ สฺํ, อลภิตฺถํ ปติสฺสโต.

๒๑๘.

‘‘เอกตึเส อิโต กปฺเป, ยํ สฺมลภึ ตทา;

ตสฺสา สฺาย วาหสา, ปตฺโต เม อาสวกฺขโย’’ติ. –

ทฺเว คาถา อภาสิ.

ตตฺถ อสฺสตฺเถติ อสฺสตฺถฏฺานีเย, ยฺวายํ เอตรหิ อมฺหากํ ภควโต โพธิรุกฺโข อสฺสตฺโถ, เอตสฺส าเน ตทา สิขิสฺส ภควโต โพธิรุกฺโข ปุณฺฑรีโก ิโตติ โส อสฺสตฺถฏฺานียตาย ‘‘อสฺสตฺเถ’’ติ วุตฺตํ. สตฺตานํ อสฺสาสชนนโต วา. อปเร ปน ‘‘อสฺสตฺถรุกฺขมูเล นิสีทิตฺวา ตทา พุทฺธานุสฺสติยา ภาวิตตฺตา เถโร ‘อสฺสตฺเถ’ติ อโวจา’’ติ วทนฺติ. หริโตภาเสติ หริเตหิ สารมณิวณฺเณหิ โอภาสมาเน. สํวิรูฬฺหมฺหีติ สุฏฺุ วิรูฬฺเห สุปฺปติฏฺิเต, สุฆนนิจิตปตฺตปลาสปลฺลเวหิ วิรูฬฺหสฺฉนฺเนติ จ วทนฺติ. ปาทเปติ รุกฺเข. เอกํ พุทฺธคตํ สฺํ, อลภิตฺถํ ปติสฺสโตติ พุทฺธารมฺมณํ อารมฺมณสฺส เอกชาติยตฺตา เอกํ ‘‘อิติปิ โส ภควา’’ติอาทินยปฺปวตฺตํ พุทฺธานุสฺสติสหคตํ สฺํ พุทฺธคุณานํ ปติปติสรณโต ปติสฺสโต หุตฺวา อลภึ.

กทา ปน สา สฺา ลทฺธา, กีวตาย สิทฺธาติ อาห ‘‘เอกตึเส อิโต กปฺเป’’ติอาทิ. อิโต ภทฺทกปฺปโต อุทฺธํ อาโรหนวเสน เอกตึเส กปฺเป. ยํ สฺนฺติ ยํ พุทฺธานุสฺสติสหคตํ สฺํ, ยํ วา พุทฺธานํ อนิจฺจตํ ทิสฺวา ตทนุสาเรน สพฺพาสงฺขาเรสุ ตทา อนิจฺจสฺํ อลภึ. ตสฺสา สฺาย วาหสาติ ตสฺสา ยถาวุตฺตาย สฺาย การณภาเวน ตํ อุปนิสฺสยํ กตฺวา. ปตฺโต เม อาสวกฺขโยติ อิทานิ มยา อาสวานํ ขโย นิโรโธ อธิคโตติ อิมาเยว จ อิมสฺส เถรสฺส อปทานคาถาปิ. ยถาห (อป. เถร ๑.๒๒.๒๗-๓๐) –

‘‘อสฺสตฺเถ หริโตภาเส…เป… ปตฺโต เม อาสวกฺขโย.

‘‘อิโต เตรสกปฺปมฺหิ, ธนิฏฺโ นาม ขตฺติโย;

สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

สนฺธิตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

ปฺจมวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.

นิฏฺิตา จ ทุกนิปาตวณฺณนา.

๓. ติกนิปาโต

๑. องฺคณิกภารทฺวาชตฺเถรคาถาวณฺณนา

ติกนิปาเต อโยนิ สุทฺธิมนฺเวสนฺติ อายสฺมโต องฺคณิกภารทฺวาชตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ ปุฺํ อุปจินนฺโต อิโต เอกตึเส กปฺเป สิขิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ สตฺถารํ ปิณฺฑาย จรนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา อฺชลึ ปคฺคณฺหิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท หิมวนฺตสมีเป อุกฺกฏฺเ นาม นคเร วิภวสมฺปนฺนสฺส พฺราหฺมณสฺส เคเห นิพฺพตฺติตฺวา องฺคณิกภารทฺวาโชติ ลทฺธนาโม วยปฺปตฺโต วิชฺชาสิปฺเปสุ นิปฺผตฺตึ คโต เนกฺขมฺมชฺฌาสยตาย ปริพฺพาชกปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อมรํ ตปํ จรนฺโต ตตฺถ ตตฺถ วิจรนฺโต สมฺมาสมฺพุทฺธํ ชนปทจาริกํ จรนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ตํ มิจฺฉาตปํ ปหาย สาสเน ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต นจิรสฺเสว ฉฬภิฺโ อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๒๓.๔๘-๕๑) –

‘‘อุสภํ ปวรํ วีรํ, เวสฺสภุํ วิชิตาวินํ;

ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, พุทฺธเสฏฺมวนฺทหํ.

‘‘เอกตึเส อิโต กปฺเป, ยํ กมฺมมกรึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, วนฺทนาย อิทํ ผลํ.

‘‘จตุวีสติกปฺปมฺหิ, วิกตานนฺทนามโก;

สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

ฉฬภิฺโ ปน หุตฺวา วิมุตฺติสุเขน วิหรนฺโต าตีนํ อนุกมฺปาย อตฺตโน ชาติภูมึ คนฺตฺวา พหู าตเก สรเณสุ จ สีเลสุ จ ปติฏฺาเปตฺวา ตโต นิวตฺติตฺวา กุรุรฏฺเ กุณฺฑิยสฺส นาม นิคมสฺส อวิทูเร อรฺเ วสนฺโต เกนจิเทว กรณีเยน อุคฺคารามํ คโต อุตฺตราปถโต อาคเตหิ สนฺทิฏฺเหิ พฺราหฺมเณหิ สมาคโต เตหิ, ‘‘โภ ภารทฺวาช, กึ ทิสฺวา พฺราหฺมณานํ สมยํ ปหาย อิมํ สมยํ คณฺหี’’ติ ปุจฺฉิโต เตสํ อิโต พุทฺธสาสนโต พหิทฺธา สุทฺธิ นตฺถีติ ทสฺเสนฺโต –

๒๑๙.

‘‘อโยนิ สุทฺธิมนฺเวสํ, อคฺคึ ปริจรึ วเน;

สุทฺธิมคฺคํ อชานนฺโต, อกาสึ อมรํ ตป’’นฺติ. – ปมํ คาถมาห;

ตตฺถ อโยนีติ อโยนิโส อนุปาเยน. สุทฺธินฺติ สํสารสุทฺธึ ภวนิสฺสรณํ. อนฺเวสนฺติ คเวสนฺโต. อคฺคึ ปริจรึ วเนติ ‘‘อยํ สุทฺธิมคฺโค’’ติ อธิปฺปาเยน อรฺายตเน อคฺคิหุตสาลายํ อคฺยาคารํ กตฺวา อาหุตึ ปคฺคณฺหนฺโต อคฺคิเทวํ ปริจรึ เวเท วุตฺตวิธินา ปูเชสึ. สุทฺธิมคฺคํ อชานนฺโต, อกาสึ อมรํ ตปนฺติ สุทฺธิยา นิพฺพานสฺส มคฺคํ อชานนฺโต อคฺคิปริจรณํ วิย ปฺจตปตปฺปนาทิอตฺตกิลมถานุโยคํ ‘‘สุทฺธิมคฺโค’’ติ มฺาย อกาสึ อจรึ ปฏิปชฺชึ.

เอวํ เถโร อสฺสมโต อสฺสมํ คจฺฉนฺโต วิย เวเท วุตฺตวิธินา อคฺคิปริจรณาทินา อนุฏฺาย สุทฺธิยา อปฺปตฺตภาเวน พหิทฺธา สุทฺธิยา อภาวํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อิมสฺมึเยว สาสเน สุทฺธิ จ มยา อธิคตาติ ทสฺเสนฺโต –

๒๒๐.

‘‘ตํ สุเขน สุขํ ลทฺธํ, ปสฺส ธมฺมสุธมฺมตํ;

ติสฺโส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ. – ทุติยคาถมาห;

ตตฺถ นฺติ ยสฺสตฺถาย สุทฺธึ อนฺเวสนฺโต ตสฺส มคฺคํ อชานนฺโต อคฺคึ ปริจรึ อมรํ ตปํ อจรึ, ตํ นิพฺพานสุขํ สุเขน สมถวิปสฺสนาย สุขาย ปฏิปทาย อตฺตกิลมถานุโยคํ อนุปคมฺม มยา ลทฺธํ ปตฺตํ อธิคตํ. ปสฺส ธมฺมสุธมฺมตนฺติ สตฺถุ สาสนธมฺมสฺส สุธมฺมตํ อวิปรีตนิยฺยานิกธมฺมสภาวํ ปสฺส ชานาหีติ ธมฺมาลปนวเสน วทติ, อตฺตานํ วา อาลปติ. ตสฺส ลทฺธภาวํ ปน ทสฺเสนฺโต –

‘‘ติสฺโส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ. –

อาห, ตํ วุตฺตตฺถเมว. เอวํ สุทฺธิยา อธิคตตฺตา ‘‘อิโต ปฏฺายาหํ ปรมตฺถโต พฺราหฺมโณ’’ติ ทสฺเสนฺโต –

๒๒๑.

‘‘พฺรหฺมพนฺธุ ปุเร อาสึ, อิทานิ โขมฺหิ พฺราหฺมโณ;

เตวิชฺโช นฺหาตโกจมฺหิ, โสตฺติโย จมฺหิ เวทคู’’ติ. – ตติยํ คาถมาห;

ตสฺสตฺโถ – อิโต ปุพฺเพ ชาติมตฺเตน พฺราหฺมณภาวโต พฺราหฺมณานํ สมฺาย พฺรหฺมพนฺธุ นาม อาสึ. พาหิตปาปตฺตา ปน อิทานิ โข อรหตฺตาธิคเมน ปรมตฺถโต พฺราหฺมโณ จ อมฺหิ. อิโต ปุพฺเพ ภวสฺจยกรานํ ติสฺสนฺนํ เวทสงฺขาตานํ วิชฺชานํ อชฺฌยเนน สมฺามตฺเตน เตวิชฺโช นาม หุตฺวา อิทานิ ภวกฺขยกราย วิชฺชาย วเสน ติสฺสนฺนํ วิชฺชานํ อธิคตตฺตา ปรมตฺถโต เตวิชฺโช จ อมฺหิ. ตถา อิโต ปุพฺเพ ภวสฺสาทคธิตาย นฺหาตกวตนิปฺผตฺติยา สมฺามตฺเตน นฺหาตโก นาม หุตฺวา อิทานิ อฏฺงฺคิกมคฺคชเลน สุวิกฺขาลิตกิเลสมลตาย ปรมตฺถโต นฺหาตโก จมฺหิ. อิโต ปุพฺเพ อวิมุตฺตภวสฺสาทมนฺตชฺฌาเนน โวหารมตฺตโต โสตฺติโย นาม หุตฺวา อิทานิ สุวิมุตฺตภวสฺสาทธมฺมชฺฌาเนน ปรมตฺถโต โสตฺติโย จมฺหิ. อิโต ปุพฺเพ อปฺปฏินิสฺสฏฺปาปธมฺมานํ เวทานํ คตมตฺเตน เวทคู นาม หุตฺวา อิทานิ เวทสงฺขาเตน มคฺคาเณน สํสารมโหฆสฺส เวทสฺส จตุสจฺจสฺส จ ปารํ คตตฺตา อธิคตตฺตา าตตฺตา ปรมตฺถโต เวทคู ชาโตติ. ตํ สุตฺวา พฺราหฺมณา สาสเน อุฬารํ ปสาทํ ปเวเทสุํ.

องฺคณิกภารทฺวาชตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. ปจฺจยตฺเถรคาถาวณฺณนา

ปฺจาหาหํ ปพฺพชิโตติ อายสฺมโต ปจฺจยตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต อิโต เอกนวุเต กปฺเป วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ สตฺถารํ วินตาย นาม นทิยา ตีเร คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส มนุฺทสฺสนานิ มหนฺตานิ อุทุมฺพรผลานิ โอจินิตฺวา อุปนาเมสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน สุคตีสุเยว สํสรนฺโต อิมสฺมึ ภทฺทกปฺเป กสฺสเป ภควติ โลเก อุปฺปชฺชิตฺวา ปวตฺตวรธมฺมจกฺเก เวเนยฺยชนานุคฺคหํ กโรนฺเต ตสฺส สาสเน ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา ภาวนมนุยุฺชนฺโต เอกทิวสํ สํสารทุกฺขํ จินฺเตตฺวา

อติวิย สฺชาตสํเวโค วิหาเร นิสินฺโน ‘‘อรหตฺตํ อปฺปตฺวา อิโต น นิกฺขมิสฺสามี’’ติ จิตฺตํ อธิฏฺาย วายมนฺโต าณสฺส อปริปกฺกตฺตา วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตุํ นาสกฺขิ. โส กาลงฺกตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท โรหิตนคเร ขตฺติยกุเล นิพฺพตฺติตฺวา ปจฺจโยติ ลทฺธนาโม วยปฺปตฺโต ปิตุ อจฺจเยน รชฺเช ปติฏฺิโต เอกทิวสํ มหาราชพลึ กาตุํ อารภิ. ตตฺถ มหาชโน สนฺนิปติ. ตสฺมึ สมาคเม ตสฺส ปสาทฺชนนตฺถํ สตฺถา มหาชนสฺส เปกฺขนฺตสฺเสว อากาเส เวสฺสวเณน นิมฺมิเต รตนมยกูฏาคาเร รตนมยสีหาสเน นิสีทิตฺวา ธมฺมํ เทเสสิ. มหโต ชนกายสฺส ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. ตํ ธมฺมํ สุตฺวา ปจฺจยราชาปิ รชฺชํ ปหาย ปุริมเหตุสฺโจทิโต ปพฺพชิ. โส ยถา กสฺสปสฺส ภควโต กาเล ปฏิฺํ อกาสิ, เอวํ ปฏิฺํ กตฺวา วิหารํ ปวิสิตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒนฺโต าณสฺส ปริปากํ คตตฺตา ตาวเทว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๓๙.๑๕-๒๐) –

‘‘วินตานทิยา ตีเร, วิหาสิ ปุริสุตฺตโม;

อทฺทสํ วิรชํ พุทฺธํ, เอกคฺคํ สุสมาหิตํ.

‘‘ตสฺมึ ปสนฺนมานโส, กิเลสมลโธวเน;

อุทุมฺพรผลํ คยฺห, พุทฺธเสฏฺสฺสทาสหํ.

‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ ผลมททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘อิมมฺหิ ภทฺทเก กปฺเป, สํวิคฺคมานมานโส;

กสฺสปสฺส ภควโต, สาสเน ปพฺพชึ อหํ.

‘‘ตถา ปพฺพชิโต สนฺโต, ภาวนํ อนุยุฺชิสํ;

น วิหารา นิกฺขมิสฺสํ, อิติ กตฺวาน มานสํ.

‘‘อุตฺตมตฺถํ อสมฺปตฺโต, น จ ปตฺโตมฺหิ ตาวเท;

อิทานิ ปน าณสฺส, ปริปาเกน นิพฺพุโต;

ปตฺโตมฺหิ อจลํ านํ, ผุสิตฺวา อจฺจุตํ ปทํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อตฺตโน ปฏิปตฺติกิตฺตนมุเขน อฺํ พฺยากโรนฺโต –

๒๒๒.

‘‘ปฺจาหาหํ ปพฺพชิโต, เสโข อปฺปตฺตมานโส;

วิหารํ เม ปวิฏฺสฺส, เจตโส ปณิธี อหุ.

๒๒๓.

‘‘นาสิสฺสํ น ปิวิสฺสามิ, วิหารโต น นิกฺขเม;

นปิ ปสฺสํ นิปาเตสฺสํ, ตณฺหาสลฺเล อนูหเต.

๒๒๔.

‘‘ตสฺส เมวํ วิหรโต, ปสฺส วีริยปรกฺกมํ;

ติสฺโส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ. –

อิมา ติสฺโส คาถา อภาสิ.

ตตฺถ ปฺจาหาหํ ปพฺพชิโตติ ปฺจาโห อหํ, ปพฺพชิโต หุตฺวา ปฺจาโห, ปพฺพชิตทิวสโต ปฺจโม อโห นิฏฺิโตติ อตฺโถ. เสโข อปฺปตฺตมานโสติ อธิสีลสิกฺขาทีนํ สิกฺขนโต เสโข. อนวเสสโต มานํ สิยติ สมุจฺฉินฺทตีติ มานโส, อคฺคมคฺโค, ตํนิพฺพตฺติโต มานสโต อาคตํ มานสํ, อรหตฺตํ, ตํ, โส วา อปฺปตฺโต เอเตนาติ อปฺปตฺตมานโส. วิหารํ เม ปวิฏฺสฺส, เจตโส ปณิธี อหูติ เอวํ เสขสฺส เม วสนกวิหารํ โอวรกํ ปวิฏฺสฺส สโต เอวรูโป อิทานิ วุจฺจมานากาโร เจโตปณิธิ อโหสิ, เอวํ มยา จิตฺตํ ปณิหิตนฺติ อตฺโถ.

นาสิสฺสนฺติอาทินา จิตฺตปณิธึ ทสฺเสติ. ตตฺถ นาสิสฺสนฺติ ยํกิฺจิ โภชนํ น ภุฺชิสฺสํ น ภุฺชิสฺสามิ ตณฺหาสลฺเล มม หทยคเต อนูหเต อนุทฺธเตติ เอวํ สพฺพปเทสุ โยเชตพฺพํ. น ปิวิสฺสามีติ ยํกิฺจิ ปาตพฺพํ น ปิวิสฺสามิ. วิหารโต น นิกฺขเมติ อิมสฺมา อิทานิ มยา นิสินฺนคพฺภโต น นิกฺขเมยฺยํ. นปิ ปสฺสํ นิปาเตสฺสนฺติ มม สรีรสฺส ทฺวีสุ ปสฺเสสุ เอกมฺปิ ปสฺสํ กายกิลมถวิโนทนตฺถํ น นิปาเตสฺสํ, เอกปสฺเสนปิ น นิปชฺชิสฺสามีติ อตฺโถ.

ตสฺส เมวํ วิหรโตติ ตสฺส เม เอวํ จิตฺตํ ปณิธาย ทฬฺหวีริยาธิฏฺานํ กตฺวา วิปสฺสนานุโยควเสน วิหรโต. ปสฺส วีริยปรกฺกมนฺติ วิธินา อีรยิตพฺพโต ‘‘วีริยํ’’ ปรํ านํ อกฺกมนโต ‘‘ปรกฺกโม’’ติ จ ลทฺธนามํ อุสฺโสฬฺหีภูตํ วายามํ ปสฺส ชานาหิ. ยสฺส ปนานุภาเวน มยา ติสฺโส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสนนฺติ วุตฺตตฺถเมว.

ปจฺจยตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. พากุลตฺเถรคาถาวณฺณนา

โย ปุพฺเพ กรณียานีติ อายสฺมโต พากุลตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ กิร อตีเต อิโต กปฺปสตสหสฺสาธิกสฺส อสงฺขฺเยยฺยสฺส มตฺถเก อโนมทสฺสิสฺส ภควโต อุปฺปตฺติโต ปุเรตรเมว พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตโย เวเท อุคฺคเหตฺวา ตตฺถ สารํ อปสฺสนฺโต ‘‘สมฺปรายิกตฺถํ คเวสิสฺสามี’’ติ อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ปพฺพตปาเท วิหรนฺโต ปฺจาภิฺาอฏฺสมาปตฺติลาภี หุตฺวา วิหรนฺโต พุทฺธุปฺปาทํ สุตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา สรเณสุ ปติฏฺิโต สตฺถุ อุทราพาเธ อุปฺปนฺเน อรฺโต เภสชฺชานิ อาหริตฺวา ตํ วูปสเมตฺวา ตตฺถ ปุฺํ อาโรคฺยตฺถาย ปริณาเมตฺวา ตโต จุโต พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺติตฺวา เอกํ อสงฺขฺเยยฺยํ เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวตีนคเร กุลเคเห นิพฺพตฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ อปฺปาพาธานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา สยํ ตํ านนฺตรํ อากงฺขนฺโต ปณิธานํ กตฺวา ยาวชีวํ กุสลํ อุปจินิตฺวา สุคตีสุเยว สํสรนฺโต วิปสฺสิสฺส ภควโต นิพฺพตฺติโต ปุเรตรเมว พนฺธุมตีนคเร พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺโต ปุริมนเยเนว อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ฌานาภิฺาลาภี หุตฺวา ปพฺพตปาเท วสนฺโต พุทฺธุปฺปาทํ สุตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา สรเณสุ ปติฏฺิโต ภิกฺขูนํ ติณปุปฺผกโรเค อุปฺปนฺเน ตํ วูปสเมตฺวา ตตฺถ ยาวตายุกํ ตฺวา ตโต จุโต พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺติตฺวา เอกนวุติกปฺเป เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต กสฺสปสฺส ภควโต กาเล พาราณสิยํ กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา ฆราวาสํ วสนฺโต เอกํ ชิณฺณํ วินสฺสมานํ มหาวิหารํ ทิสฺวา ตตฺถ อุโปสถาคาราทิกํ สพฺพํ อาวสถํ กาเรตฺวา ตตฺถ ภิกฺขุสงฺฆสฺส สพฺพํ เภสชฺชํ ปฏิยาเทตฺวา ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เอกํ พุทฺธนฺตรํ เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อมฺหากํ ภควโต อุปฺปตฺติโต ปุเรตรเมว โกสมฺพิยํ เสฏฺิเคเห นิพฺพตฺติ. โส อโรคภาวาย มหายมุนาย นฺหาปิยมาโน ธาติยา หตฺถโต มจฺเฉน คิลิโต มจฺเฉ เกวฏฺฏหตฺถคเต พาราณสิเสฏฺิภริยาย วิกฺกิณิตฺวา คหิเต ผาลิยมาเนปิ ปุฺพเลน อโรโคเยว หุตฺวา ตาย ปุตฺโตติ คเหตฺวา โปสิยมาโน ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา ชนเกหิ มาตาปิตูหิ ‘‘อยํ อมฺหากํ ปุตฺโต, เทถ โน ปุตฺต’’นฺติ อนุโยเค กเต รฺา ‘‘อุภเยสมฺปิ สาธารโณ โหตู’’ติ ทฺวินฺนํ กุลานํ ทายาทภาเวน วินิจฺฉยํ กตฺวา ปิตตฺตา พากุโลติ ลทฺธนาโม วยปฺปตฺโต หุตฺวา มหตึ สมฺปตฺตึ อนุภวนฺโต อาสีติโก หุตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา สตฺตาหเมว ปุถุชฺชโน อโหสิ, อฏฺเม อรุเณ สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๔๐.๓๘๖-๔๑๑) –

‘‘หิมวนฺตสฺสาวิทูเร, โสภิโต นาม ปพฺพโต;

อสฺสโม สุกโต มยฺหํ, สกสิสฺเสหิ มาปิโต.

‘‘มณฺฑปา จ พหู ตตฺถ, ปุปฺผิตา สินฺธุวารกา;

กปิตฺถา จ พหู ตตฺถ, ปุปฺผิตา ชีวชีวกา.

‘‘นิคฺคุณฺฑิโย พหู ตตฺถ, พทรามลกานิ จ;

ผารุสกา อลาพู จ, ปุณฺฑรีกา จ ปุปฺผิตา.

‘‘อาฬกา เพลุวา ตตฺถ, กทลี มาตุลุงฺคกา;

มหานามา พหู ตตฺถ, อชฺชุนา จ ปิยงฺคุกา.

‘‘โกสมฺพา สฬลา นิมฺพา, นิคฺโรธา จ กปิตฺถนา;

เอทิโส อสฺสโม มยฺหํ, สสิสฺโสหํ ตหึ วสึ.

‘‘อโนมทสฺสี ภควา, สยมฺภู โลกนายโก;

คเวสํ ปฏิสลฺลานํ, มมสฺสมมุปาคมิ.

‘‘อุเปตมฺหิ มหาวีเร, อโนมทสฺสิมหายเส;

ขเณน โลกนาถสฺส, วาตาพาโธ สมุฏฺหิ.

‘‘วิจรนฺโต อรฺมฺหิ, อทฺทสํ โลกนายกํ;

อุปคนฺตฺวาน สมฺพุทฺธํ, จกฺขุมนฺตํ มหายสํ.

‘‘อิริยฺจาปิ ทิสฺวาน, อุปลกฺเขสหํ ตทา;

อสํสยฺหิ พุทฺธสฺส, พฺยาธิ โน อุทปชฺชถ.

‘‘ขิปฺปํ อสฺสมมาคฺฉึ, มม สิสฺสาน สนฺติเก;

เภสชฺชํ กตฺตุกาโมหํ, สิสฺเส อามนฺตยึ ตทา.

‘‘ปฏิสฺสุณิตฺวาน เม วากฺยํ, สิสฺสา สพฺเพ สคารวา;

เอกชฺฌํ สนฺนิปตึสุ, สตฺถุคารวตา มม.

‘‘ขิปฺปํ ปพฺพตมารุยฺห, สพฺโพสธมหาสหํ;

ปานียโยคํ กตฺวาน, พุทฺธเสฏฺสฺสทาสหํ.

‘‘ปริภุตฺเต มหาวีเร, สพฺพฺุโลกนายเก;

ขิปฺปํ วาโต วูปสมิ, สุคตสฺส มเหสิโน.

‘‘ปสฺสทฺธํ ทรถํ ทิสฺวา, อโนมทสฺสี มหายโส;

สกาสเน นิสีทิตฺวา, อิมา คาถา อภาสถ.

‘‘โย เม ปาทาสิ เภสชฺชํ, พฺยาธิฺจ สมยี มม;

ตมหํ กิตฺตยิสฺสามิ, สุณาถ มม ภาสโต.

‘‘กปฺปสตสหสฺสานิ, เทวโลเก รมิสฺสติ;

วาทิเต ตูริเย ตตฺถ, โมทิสฺสติ สทา อยํ.

‘‘มนุสฺสโลกมาคนฺตฺวา, สุกฺกมูเลน โจทิโต;

สหสฺสกฺขตฺตุํ ราชา จ, จกฺกวตฺตี ภวิสฺสติ.

‘‘ปฺจปฺาสกปฺปมฺหิ, อโนโม นาม ขตฺติโย;

จาตุรนฺโต วิชิตาวี, ชมฺพุมณฺฑสฺส อิสฺสโร.

‘‘สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล;

ตาวตึเสปิ โขเภตฺวา, อิสฺสรํ การยิสฺสติ.

‘‘เทวภูโต มนุสฺโส วา, อปฺปาพาโธ ภวิสฺสติ;

ปริคฺคหํ วิวชฺเชตฺวา, พฺยาธึ โลเก ตริสฺสติ.

‘‘อปริเมยฺเย อิโต กปฺเป, โอกฺกากกุลสมฺภโว;

โคตโม นาม โคตฺเตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติ.

‘‘ตสฺส ธมฺเมสุ ทายาโท, โอรโส ธมฺมนิมฺมิโต;

สพฺพาสเว ปริฺาย, นิพฺพายิสฺสตินาสโว.

‘‘กิเลเส ฌาปยิตฺวาน, ตณฺหาโสตํ ตริสฺสติ;

พากุโล นาม นาเมน, เหสฺสติ สตฺถุ สาวโก.

‘‘อิทํ สพฺพํ อภิฺาย, โคตโม สกฺยปุงฺคโว;

ภิกฺขุสงฺเฆ นิสีทิตฺวา, เอตทคฺเค เปสฺสติ.

‘‘อโนมทสฺสี ภควา, สยมฺภู โลกนายโก;

วิเวกานุวิโลเกนฺโต, มมสฺสมมุปาคมิ.

‘‘อุปาคตํ มหาวีรํ, สพฺพฺุํ โลกนายกํ;

สพฺโพสเธน ตปฺเปสึ, ปสนฺโน เสหิ ปาณิภิ.

‘‘ตสฺส เม สุกตํ กมฺมํ, สุเขตฺเต พีชสมฺปทา;

เขเปตุํ เนว สกฺโกมิ, ตทา หิ สุกตํ มม.

‘‘ลาภา มม สุลทฺธํ เม, โยหํ อทฺทกฺขิ นายกํ;

เตน กมฺมาวเสเสน, ปตฺโตมฺหิ อจลํ ปทํ.

‘‘สพฺพเมตํ อภิฺาย, โคตโม สกฺยปุงฺคโว;

ภิกฺขุสงฺเฆ นิสีทิตฺวา, เอตทคฺเค เปสิ มํ.

‘‘อปริเมยฺเย อิโต กปฺเป, ยํ กมฺมมกรึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, เภสชฺชสฺส อิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา เอกทิวสํ สตฺถารา อตฺตโน สาวเก ปฏิปาฏิยา านนฺตเร เปนฺเตน อปฺปาพาธานํ อคฺคฏฺาเน ปิโต โส ปรินิพฺพานสมเย สงฺฆมชฺเฌ ภิกฺขูนํ โอวาทมุเขน อฺํ พฺยากโรนฺโต –

๒๒๕.

‘‘โย ปุพฺเพ กรณียานิ, ปจฺฉา โส กาตุมิจฺฉติ;

สุขา โส ธํสเต านา, ปจฺฉา จ มนุตปฺปติ.

๒๒๖.

‘‘ยฺหิ กยิรา ตฺหิ วเท, ยํ น กยิรา น ตํ วเท;

อกโรนฺตํ ภาสมานํ, ปริชานนฺติ ปณฺฑิตา.

๒๒๗.

‘‘สุสุขํ วต นิพฺพานํ, สมฺมาสมฺพุทฺธเทสิตํ;

อโสกํ วิรชํ เขมํ, ยตฺถ ทุกฺขํ นิรุชฺฌตี’’ติ. – คาถาตฺตยมภาสิ;

ตตฺถ โย ปุพฺเพ กรณียานิ, ปจฺฉา โส กาตุมิจฺฉตีติ โย ปุคฺคโล ปุพฺเพ ปุเรตรํ ชราโรคาทีหิ อนภิภูตกาเลเยว กาตพฺพานิ อตฺตโน หิตสุขาวหานิ กมฺมานิ ปมาทวเสน อกตฺวา ปจฺฉา โส กาตพฺพกาลํ อติกฺกมิตฺวา กาตุํ อิจฺฉติ. โสติ จ นิปาตมตฺตํ. ตทา ปน ชราโรคาทีหิ อภิภูตตฺตา กาตุํ น สกฺโกติ, อสกฺโกนฺโต จ สุขา โส ธํสเต านา, ปจฺฉา จ มนุตปฺปตีติ โส ปุคฺคโล สุขา านา สคฺคโต นิพฺพานโต จ ตทุปายสฺส อนุปฺปาทิตตฺตา ปริหายนฺโต ‘‘อกตํ เม กลฺยาณ’’นฺติอาทินา (ม. นิ. ๓.๒๔๘; เนตฺติ. ๑๒๐) ปจฺฉา จ อนุตปฺปติ วิปฺปฏิสารํ อาปชฺชติ. -กาโร ปทสนฺธิกโร. อหํ ปน กรณียํ กตฺวา เอว ตุมฺเห เอวํ วทามีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยฺหิ กยิรา’’ติ ทุติยํ คาถมาห.

ตตฺถ ปริชานนฺตีติ ‘‘เอตฺตโก อย’’นฺติ ปริจฺฉิชฺช ชานนฺติ น พหุํ มฺนฺตีติ อตฺโถ. สมฺมาปฏิปตฺติวเสน หิ ยถาวาที ตถาการี เอว โสภติ, น ตโต อฺถา. กรณียปริยาเยน สาธารณโต วุตฺตมตฺถํ อิทานิ สรูปโต ทสฺเสตุํ ‘‘สุสุขํ วตา’’ติอาทินา ตติยํ คาถมาห. ตสฺสตฺโถ – สมฺมา สามํ สพฺพธมฺมานํ พุทฺธตฺตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน ภควตา เทสิตํ สพฺพโส โสกเหตูนํ อภาวโต อโสกํ วิคตราคาทิรชตฺตา วิรชํ จตูหิ โยเคหิ อนุปทฺทุตตฺตา เขมํ นิพฺพานํ สุฏฺุ สุขํ วต, กสฺมา? ยตฺถ ยสฺมึ นิพฺพาเน สกลํ วฏฺฏทุกฺขํ นิรุชฺฌติ อจฺจนฺตเมว วูปสมตีติ.

พากุลตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. ธนิยตฺเถรคาถาวณฺณนา

สุขฺเจ ชีวิตุํ อิจฺเฉติ อายสฺมโต ธนิยตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต สิขิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ สตฺถารํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส นฬมาลาย ปูชํ อกาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคเห กุมฺภการกุเล นิพฺพตฺติตฺวา ธนิโยติ ลทฺธนาโม วยปฺปตฺโต กุมฺภการกมฺเมน ชีวติ. เตน จ สมเยน สตฺถา ธนิยสฺส กุมฺภการสฺส สาลายํ นิสีทิตฺวา ปุกฺกุสาติสฺส กุลปุตฺตสฺส ฉธาตุวิภงฺคสุตฺตํ (ม. นิ. ๓.๓๔๒ อาทโย) เทเสสิ. โส ตํ สุตฺวา กตกิจฺโจ อโหสิ. ธนิโย ตสฺส ปรินิพฺพุตภาวํ สุตฺวา ‘‘นิยฺยานิกํ วต พุทฺธสาสนํ, ยตฺถ เอกรตฺติปริจเยนาปิ วฏฺฏทุกฺขโต มุฺจิตุํ สกฺกา’’ติ ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา กุฏิมณฺฑนานุยุตฺโต วิหรนฺโต กุฏิกรณํ ปฏิจฺจ ภควตา ครหิโต สงฺฆิเก เสนาสเน วสนฺโต วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๘.๑-๗) –

‘‘สุวณฺณวณฺณํ สมฺพุทฺธํ, อาหุตีนํ ปฏิคฺคหํ;

วิปินคฺเคน คจฺฉนฺตํ, อทฺทสํ โลกนายกํ.

‘‘นฬมาลํ คเหตฺวาน, นิกฺขมนฺโต จ ตาวเท;

ตตฺถทฺทสาสึ สมฺพุทฺธํ, โอฆติณฺณมนาสวํ.

‘‘ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, นฬมาลมปูชยึ;

ทกฺขิเณยฺยํ มหาวีรํ, สพฺพโลกานุกมฺปกํ.

‘‘เอกตึเส อิโต กปฺเป, ยํ มาลมภิโรปยึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา เย ภิกฺขู ธุตงฺคสมาธาเนน อตฺตานํ อุกฺกํเสตฺวา สงฺฆภตฺตาทึ สาทิยนฺเต อฺเ ภิกฺขู อวชานนฺติ, เตสํ โอวาททานมุเขน อฺํ พฺยากโรนฺโต –

๒๒๘.

‘‘สุขฺเจ ชีวิตุํ อิจฺเฉ, สามฺสฺมึ อเปกฺขวา;

สงฺฆิกํ นาติมฺเยฺย, จีวรํ ปานโภชนํ.

๒๒๙.

สุขฺเจ ชีวิตุํ อิจฺเฉ, สามฺสฺมึ อเปกฺขวา;

อหิ มูสิกโสพฺภํว, เสเวถ สยนาสนํ.

๒๓๐.

สุขฺเจ ชีวิตุํ อิจฺเฉ, สามฺสฺมึ อเปกฺขวา;

อิตรีตเรน ตุสฺเสยฺย, เอกธมฺมฺจ ภาวเย’’ติ. – ติสฺโส คาถา อภาสิ;

ตตฺถ สุขฺเจ ชีวิตุํ อิจฺเฉ, สามฺสฺมึ อเปกฺขวาติ สามฺสฺมึ สมณภาเว อเปกฺขวา สิกฺขาย ติพฺพคารโว หุตฺวา สุขํ ชีวิตุํ อิจฺเฉยฺย เจ, อเนสนํ ปหาย สามฺสุเขน สเจ ชีวิตุกาโมติ อตฺโถ. สงฺฆิกํ นาติมฺเยฺย, จีวรํ ปานโภชนนฺติ สงฺฆโต อาภตํ จีวรํ อาหารํ น อวมฺเยฺย, สงฺฆสฺส อุปฺปชฺชนกลาโภ นาม ปริสุทฺธุปฺปาโท โหตีติ ตํ ปริภุฺชนฺตสฺส อาชีวปาริสุทฺธิสมฺภเวน สามฺสุขํ หตฺถคตเมวาติ อธิปฺปาโย. อหิ มูสิกโสพฺภํวาติ อหิ วิย มูสิกาย ขตพิลํ เสเวถ เสเวยฺย เสนาสนํ. ยถา นาม สปฺโป สยมตฺตโน อาสยํ อกตฺวา มูสิกาย อฺเน วา กเต อาสเย วสิตฺวา เยน กามํ ปกฺกมติ, เอวเมวํ ภิกฺขุ สยํ เสนาสนกรณา สํกิเลสํ อนาปชฺชิตฺวา ยตฺถ กตฺถจิ วสิตฺวา ปกฺกเมยฺยาติ อตฺโถ.

อิทานิ วุตฺเต อวุตฺเต จ ปจฺจเย ยถาลาภสนฺโตเสเนว สามฺสุขํ โหติ, น อฺถาติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อิตรีตเรน ตุสฺเสยฺยา’’ติ, เยน เกนจิ หีเนน วา ปณีเตน วา ยถาลทฺเธน ปจฺจเยน สนฺโตสํ อาปชฺเชยฺยาติ อตฺโถ. เอกธมฺมนฺติ อปฺปมาทภาวํ, ตฺหิ อนุยุฺชนฺตสฺส อนวชฺชํ สพฺพํ โลกิยสุขํ โลกุตฺตรสุขฺจ หตฺถคตเมว โหติ. เตนาห ภควา – ‘‘อปฺปมตฺโต หิ ฌายนฺโต, ปปฺโปติ วิปุลํ สุข’’นฺติ (ม. นิ. ๒.๓๕๒; ธ. ป. ๒๗).

ธนิยตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. มาตงฺคปุตฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา

อติสีตนฺติ อายสฺมโต มาตงฺคปุตฺตตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล หิมวนฺตสมีเป มหโต ชาตสฺสรสฺส เหฏฺา มหติ นาคภวเน มหานุภาโว นาคราชา หุตฺวา นิพฺพตฺโต เอกทิวสํ นาคภวนโต นิกฺขมิตฺวา วิจรนฺโต สตฺถารํ อากาเสน คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส อตฺตโน สีสมณินา ปูชํ อกาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท โกสลรฏฺเ มาตงฺคสฺส นาม กุฏุมฺพิกสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺโต มาตงฺคปุตฺโตตฺเวว ปฺายิตฺถ. โส วิฺุตํ ปตฺโต อลสชาติโก หุตฺวา กิฺจิ กมฺมํ อกโรนฺโต าตเกหิ อฺเหิ จ ครหิโต ‘‘สุขชีวิโน อิเม สมณา สกฺยปุตฺติยา’’ติ สุขชีวิตํ อากงฺขนฺโต ภิกฺขูหิ กตปริจโย หุตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา อฺเ ภิกฺขู อิทฺธิมนฺเต ทิสฺวา อิทฺธิพลํ ปตฺเถตฺวา สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา ภาวนํ อนุยุฺชนฺโต ฉฬภิฺโ อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๘.๘-๒๙) –

‘‘ปทุมุตฺตโร นาม ชิโน, สพฺพธมฺมาน ปารคู;

วิเวกกาโม สมฺพุทฺโธ, คจฺฉเต อนิลฺชเส.

‘‘อวิทูเร หิมวนฺตสฺส, มหาชาตสฺสโร อหุ;

ตตฺถ เม ภวนํ อาสิ, ปุฺกมฺเมน สํยุตํ.

‘‘ภวนา อภินิกฺขมฺม, อทฺทสํ โลกนายกํ;

อินฺทีวรํว ชลิตํ, อาทิตฺตํว หุตาสนํ.

‘‘วิจินํ นทฺทสํ ปุปฺผํ, ปูชยิสฺสนฺติ นายกํ;

สกํ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, อวนฺทึ สตฺถุโน อหํ.

‘‘มม สีเส มณึ คยฺห, ปูชยึ โลกนายกํ;

อิมาย มณิปูชาย, วิปาโก โหตุ ภทฺทโก.

‘‘ปทุมุตฺตโร โลกวิทู, อาหุตีนํ ปฏิคฺคโห;

อนฺตลิกฺเข ิโต สตฺถา, อิมํ คาถํ อภาสถ.

‘‘โส เต อิชฺฌตุ สงฺกปฺโป, ลภสฺสุ วิปุลํ สุขํ;

อิมาย มณิปูชาย, อนุโภหิ มหายสํ.

‘‘อิทํ วตฺวาน ภควา, ชลชุตฺตมนามโก;

อคมาสิ พุทฺธเสฏฺโ, ยตฺถ จิตฺตํ ปณีหิตํ.

‘‘สฏฺิกปฺปานิ เทวินฺโท, เทวรชฺชมการยึ;

อเนกสตกฺขตฺตุฺจ, จกฺกวตฺตี อโหสหํ.

‘‘ปุพฺพกมฺมํ สรนฺตสฺส, เทวภูตสฺส เม สโต;

มณิ นิพฺพตฺตเต มยฺหํ, อาโลกกรโณ มมํ.

‘‘ฉฬสีติสหสฺสานิ, นาริโย เม ปริคฺคหา;

วิจิตฺตวตฺถาภรณา, อามุกฺกมณิกุณฺฑลา.

‘‘อฬารปมฺหา หสุลา, สุสฺา ตนุมชฺฌิมา;

ปริวาเรนฺติ มํ นิจฺจํ, มณิปูชายิทํ ผลํ.

‘‘โสณฺณมยา มณิมยา, โลหิตงฺกมยา ตถา;

ภณฺฑา เม สุกตา โหนฺติ, ยทิจฺฉสิ ปิฬนฺธนา.

‘‘กูฏาคารา คหา รมฺมา, สยนฺจ มหารหํ;

มม สงฺกปฺปมฺาย, นิพฺพตฺตนฺติ ยทิจฺฉกํ.

‘‘ลาภา เตสํ สุลทฺธฺจ, เย ลภนฺติ อุปสฺสุตึ;

ปุฺกฺเขตฺตํ มนุสฺสานํ, โอสธํ สพฺพปาณินํ.

‘‘มยฺหมฺปิ สุกตํ กมฺมํ, โยหํ อทกฺขิ นายกํ;

วินิปาตา ปมุตฺโตมฺหิ, ปตฺโตมฺหิ อจลํ ปทํ.

‘‘ยํ ยํ โยนูปปชฺชามิ, เทวตฺตํ อถ มานุสํ;

ทิวสฺเจว รตฺติฺจ, อาโลโก โหติ เม สทา.

‘‘ตาเยว มณิปูชาย, อนุโภตฺวาน สมฺปทา;

าณาโลโก มยา ทิฏฺโ, ปตฺโตมฺหิ อจลํ ปทํ.

‘‘สตสหสฺสิโต กปฺเป, ยํ มณึ อภิปูชยึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, มณิปูชายิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

ฉฬภิฺโ ปน หุตฺวา ปุคฺคลาธิฏฺานวเสน โกสชฺชํ ครหนฺโต อตฺตโน จ วีริยารมฺภํ กิตฺเตนฺโต –

๒๓๑.

‘‘อติสีตํ อติอุณฺหํ, อติสายมิทํ อหุ;

อิติ วิสฺสฏฺกมฺมนฺเต, ขณา อจฺเจนฺติ มาณเว.

๒๓๒.

‘‘โย จ สีตฺจ อุณฺหฺจ, ติณา ภิยฺโย น มฺติ;

กรํ ปุริสกิจฺจานิ, โส สุขา น วิหายติ.

๒๓๓.

‘‘ทพฺพํ กุสํ โปฏกิลํ, อุสีรํ มุฺชปพฺพชํ;

อุรสา ปนุทิสฺสามิ, วิเวกมนุพฺรูหย’’นฺติ. – คาถาตฺตยมาห;

ตตฺถ อติสีตนฺติ หิมปาตวทฺทลาทินา อติวิย สีตํ, อิทํ อหูติ อาเนตฺวา สมฺพนฺโธ. อติอุณฺหนฺติ ธมฺมปริตาปาทินา อติวิย อุณฺหํ, อุภเยนปิ อุตุวเสน โกสชฺชวตฺถุมาห. อติสายนฺติ ทิวสสฺส ปริณติยา อติสายํ, สายคฺคหเณเนว เจตฺถ ปาโตปิ สงฺคยฺหติ, ตทุภเยน กาลวเสน โกสชฺชวตฺถุมาห. อิตีติ อิมินา ปกาเรน. เอเตน ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา กมฺมํ กตฺตพฺพํ โหตี’’ติอาทินา (อ. นิ. ๘.๘๐; ที. นิ. ๓.๓๓๔) วุตฺตํ โกสชฺชวตฺถุํ สงฺคณฺหาติ. วิสฺสฏฺกมฺมนฺเตติ ปริจฺจตฺตโยคกมฺมนฺเต. ขณาติ พุทฺธุปฺปาทาทโย พฺรหฺมจริยวาสสฺส โอกาสา. อจฺเจนฺตีติ อติกฺกมนฺติ. มาณเวติ สตฺเต. ติณา ภิยฺโย น มฺตีติ ติณโต อุปริ น มฺติ, ติณํ วิย มฺติ, สีตุณฺหานิ อภิภวิตฺวา อตฺตนา กตฺตพฺพํ กโรติ. กรนฺติ กโรนฺโต. ปุริสกิจฺจานีติ วีรปุริเสน กตฺตพฺพานิ อตฺตหิตปรหิตานิ. สุขาติ สุขโต, นิพฺพานสุขโตติ อธิปฺปาโย. ตติยคาถาย อตฺโถ เหฏฺา วุตฺโตเยว.

มาตงฺคปุตฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. ขุชฺชโสภิตตฺเถรคาถาวณฺณนา

เย จิตฺตกถี พหุสฺสุตาติ อายสฺมโต ขุชฺชโสภิตตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ ภควนฺตํ มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส ทสหิ คาถาหิ อภิตฺถวิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ปาฏลิปุตฺตนคเร พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติ, ‘‘โสภิโต’’ติสฺส นามํ อโหสิ. โถกํ ขุชฺชธาตุกตาย ปน ขุชฺชโสภิโตตฺเวว ปฺายิตฺถ. โส วยปฺปตฺโต สตฺถริ ปรินิพฺพุเต อานนฺทตฺเถรสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ฉฬภิฺโ อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๗.๔๙-๕๘) –

‘‘กกุธํ วิลสนฺตํว, เทวเทวํ นราสภํ;

รถิยํ ปฏิปชฺชนฺตํ, โก ทิสฺวา น ปสีทติ.

‘‘ตมนฺธการํ นาเสตฺวา, สนฺตาเรตฺวา พหุํ ชนํ;

าณาโลเกน โชตนฺตํ, โก ทิสฺวา น ปสีทติ.

‘‘วสีสตสหสฺเสหิ, นียนฺตํ โลกนายกํ;

อุทฺธรนฺตํ พหู สตฺเต, โก ทิสฺวา น ปสีทติ.

‘‘อาหนนฺตํ ธมฺมเภรึ, มทฺทนฺตํ ติตฺถิเย คเณ;

สีหนาทํ วินทนฺตํ, โก ทิสฺวา น ปสีทติ.

‘‘ยาวตา พฺรหฺมโลกโต, อาคนฺตฺวาน สพฺรหฺมกา;

ปุจฺฉนฺติ นิปุเณ ปฺเห, โก ทิสฺวา น ปสีทติ.

‘‘ยสฺสฺชลึ กริตฺวาน, อายาจนฺติ สเทวกา;

เตน ปุฺํ อนุโภนฺติ, โก ทิสฺวา น ปสีทติ.

‘‘สพฺเพ ชนา สมาคนฺตฺวา, สมฺปวาเรนฺติ จกฺขุมํ;

น วิกมฺปติ อชฺฌิฏฺโ, โก ทิสฺวา น ปสีทติ.

‘‘นครํ ปวิสโต ยสฺส, รวนฺติ เภริโย พหู;

วินทนฺติ คชา มตฺตา, โก ทิสฺวา น ปสีทติ.

‘‘วีถิยา คจฺฉโต ยสฺส, สพฺพาภา โชตเต สทา;

อพฺภุนฺนตา สมา โหนฺติ, โก ทิสฺวา น ปสีทติ.

‘‘พฺยาหรนฺตสฺส พุทฺธสฺส, จกฺกวาฬมฺปิ สุยฺยติ;

สพฺเพ สตฺเต วิฺาเปติ, โก ทิสฺวา น ปสีทติ.

‘‘สตสหสฺสิโต กปฺเป, ยํ พุทฺธมภิกิตฺตยึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, กิตฺตนาย อิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

ฉฬภิฺโ ปน หุตฺวา ปมมหาสงฺคีติกาเล ราชคเห สตฺตปณฺณิคุหายํ สนฺนิปติเตน สงฺเฆน ‘‘อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามนฺเตหี’’ติ อาณตฺโต ปถวิยํ นิมุชฺชิตฺวา เถรสฺส ปุรโต อุฏฺหิตฺวา สงฺฆสฺส สาสนํ อาโรเจตฺวา สยํ ปุเรตรํ อากาเสน คนฺตฺวา สตฺตปณฺณิคุหาทฺวารํ สมฺปาปุณิ. เตน จ สมเยน มารสฺส มารกายิกานฺจ ปฏิเสธนตฺถํ เทวสงฺเฆน เปสิตา อฺตรา เทวตา สตฺตปณฺณิคุหาทฺวาเร ิตา โหติ, ตสฺสา ขุชฺชโสภิโต เถโร อตฺตโน อาคมนํ กเถนฺโต –

๒๓๔.

‘‘เย จิตฺตกถี พหุสฺสุตา, สมณา ปาฏลิปุตฺตวาสิโน;

เตสฺตโรยมายุวา, ทฺวาเร ติฏฺติ ขุชฺชโสภิโต’’ติ. – ปมํ คาถมาห;

ตตฺถ จิตฺตกถีติ วิจิตฺตธมฺมกถิกา, สงฺขิปนํ, วิตฺถารณํ คมฺภีรกรณํ อุตฺตานีกรณํ กงฺขาวิโนทนํ ธมฺมปติฏฺาปนนฺติ เอวมาทีหิ นานานเยหิ ปเรสํ อชฺฌาสยานุรูปํ ธมฺมสฺส กถนสีลาติ อตฺโถ. พหุสฺสุตาติ ปริยตฺติปฏิเวธพาหุสจฺจปาริปูริยา พหุสฺสุตา. สพฺพโส สมิตปาปตาย สมณา. ปาฏลิปุตฺตวาสิโน, เตสฺตโรติ ปาฏลิปุตฺตนครวาสิตาย ปาฏลิปุตฺตวาสิโน, เตสํ อฺตโร, อยํ อายุวา ทีฆายุ อายสฺมา. ทฺวาเร ติฏฺตีติ สตฺตปณฺณิคุหาย ทฺวาเร ติฏฺติ, สงฺฆสฺส อนุมติยา ปวิสิตุนฺติ อตฺโถ. ตํ สุตฺวา สา เทวตา เถรสฺส อาคมนํ สงฺฆสฺส นิเวเทนฺตี –

๒๓๕.

‘‘เย จิตฺตกถี…เป… ทฺวาเร ติฏฺติ มาลุเตริโต’’ติ. – ทุติยํ คาถมาห;

ตตฺถ มาลุเตริโตติ อิทฺธิจิตฺตชนิเตน วายุนา เอริโต, อิทฺธิพเลน อาคโตติ อตฺโถ.

เอวํ ตาย เทวตาย นิเวทิเตน สงฺเฆน กโตกาโส เถโร สงฺฆสฺส สนฺติกํ คจฺฉนฺโต –

๒๓๖.

‘‘สุยุทฺเธน สุยิฏฺเน, สงฺคามวิชเยน จ;

พฺรหฺมจริยานุจิณฺเณน, เอวายํ สุขเมธตี’’ติ. –

อิมาย ตติยคาถาย อฺํ พฺยากาสิ.

ตตฺถ สุยุทฺเธนาติ ปุพฺพภาเค ตทงฺควิกฺขมฺภนปฺปหานวเสน กิเลเสหิ สุฏฺุ ยุชฺฌเนน. สุยิฏฺเนาติ อนฺตรนฺตรา กลฺยาณมิตฺเตหิ ทินฺนสปฺปายธมฺมทาเนน. สงฺคามวิชเยน จาติ สมุจฺเฉทปฺปหานวเสน สพฺพโส กิเลสาภิสงฺขารนิมฺมถเนน ลทฺธสงฺคามวิชเยน จ. พฺรหฺมจริยานุจิณฺเณนาติ อนุจิณฺเณน อคฺคมคฺคพฺรหฺมจริเยน. เอวายํ สุขเมธตีติ เอวํ วุตฺตปฺปกาเรน อยํ ขุชฺชโสภิโต นิพฺพานสุขํ ผลสมาปตฺติสุขฺจ เอธติ, อนุภวตีติ อตฺโถ.

ขุชฺชโสภิตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. วารณตฺเถรคาถาวณฺณนา

โยธ โกจิ มนุสฺเสสูติ อายสฺมโต วารณตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ กโรนฺโต อิโต ทฺวานวุเต กปฺเป ติสฺสสฺส ภควโต อุปฺปตฺติโต ปุเรตรเมว พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา พฺราหฺมณานํ วิชฺชาสิปฺเปสุ ปารคู หุตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา จตุปณฺณาสสหสฺสานํ อนฺเตวาสิกานํ มนฺเต วาเจนฺโต วสติ. เตน จ สมเยน ติสฺสสฺส ภควโต โพธิสตฺตภูตสฺส ตุสิตา กายา จวิตฺวา จริมภเว มาตุกุจฺฉึ โอกฺกมเนน มหาปถวิกมฺโป อโหสิ. ตํ ทิสฺวา มหาชโน ภีโต สํวิคฺโค นํ อิสึ อุปสงฺกมิตฺวา ปถวิกมฺปนการณํ ปุจฺฉิ. โส ‘‘มหาโพธิสตฺโต มาตุกุจฺฉึ โอกฺกมิ, เตนายํ ปถวิกมฺโป, ตสฺมา มา ภายถา’’ติ พุทฺธุปฺปาทสฺส ปุพฺพนิมิตฺตภาวํ กเถตฺวา สมสฺสาเสสิ, พุทฺธารมฺมณฺจ ปีตึ ปฏิเวเทสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท โกสลรฏฺเ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วารโณติ ลทฺธนาโม วยปฺปตฺโต อฺตรสฺส อารฺกสฺส เถรสฺส สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ลทฺธปฺปสาโท ปพฺพชิตฺวา สมณธมฺมํ กโรติ. โส เอกทิวสํ พุทฺธุปฏฺานํ คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค อหินกุเล อฺมฺํ กลหํ กตฺวา กาลงฺกเต ทิสฺวา ‘‘อิเม สตฺตา อฺมฺวิโรเธน ชีวิตกฺขยํ ปตฺตา’’ติ สํวิคฺคมานโส หุตฺวา ภควโต สนฺติกํ คโต, ตสฺส ภควา จิตฺตาจารํ ตฺวา ตทนุรูปเมว โอวาทํ เทนฺโต –

๒๓๗.

‘‘โยธ โกจิ มนุสฺเสสุ, ปรปาณานิ หึสติ;

อสฺมา โลกา ปรมฺหา จ, อุภยา ธํสเต นโร.

๒๓๘.

‘‘โย จ เมตฺเตน จิตฺเตน, สพฺพปาณานุกมฺปติ;

พหุฺหิ โส ปสวติ, ปุฺํ ตาทิสโก นโร.

๒๓๙.

‘‘สุภาสิตสฺส สิกฺเขถ, สมณูปาสนสฺส จ;

เอกาสนสฺส จ รโห, จิตฺตวูปสมสฺสา จา’’ติ. – ติสฺโส คาถา อภาสิ;

ตตฺถ โยธ โกจิ มนุสฺเสสูติ อิธ มนุสฺเสสุ โย โกจิ ขตฺติโย วา พฺราหฺมโณ วา เวสฺโส วา สุทฺโท วา คหฏฺโ วา ปพฺพชิโต วา. มนุสฺสคฺคหณฺเจตฺถ อุกฺกฏฺสตฺตนิทสฺสนนฺติ ทฏฺพฺพํ. ปรปาณานิ หึสตีติ ปรสตฺเต มาเรติ วิพาธติ จ. อสฺมา โลกาติ อิธ โลกโต. ปรมฺหาติ ปรโลกโต. อุภยา ธํสเตติ อุภยโต ธํสติ, อุภยโลกปริยาปนฺนหิตสุขโต ปริหายตีติ อตฺโถ. นโรติ สตฺโต.

เอวํ ปรปีฬาลกฺขณํ ปาปธมฺมํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ปรปีฬานิวตฺติลกฺขณํ กุสลํ ธมฺมํ ทสฺเสนฺโต ‘‘โย จ เมตฺเตนา’’ติอาทินา ทุติยํ คาถมาห. ตตฺถ เมตฺเตน จิตฺเตนาติ เมตฺตาสมฺปยุตฺเตน จิตฺเตน อปฺปนาปตฺเตน อิตรีตเรน วา. สพฺพปาณานุกมฺปตีติ สพฺเพ ปาเณ อตฺตโน โอรสปุตฺเต วิย เมตฺตายติ. พหุฺหิ โส ปสวติ, ปุฺํ ตาทิสโก นโรติ โส ตถารูโป เมตฺตาวิหารี ปุคฺคโล พหุํ มหนฺตํ อนปฺปกํ กุสลํ ปสวติ ปฏิลภติ อธิคจฺฉติ.

อิทานิ ตํ สสมฺภาเร สมถวิปสฺสนาธมฺเม นิโยเชนฺโต ‘‘สุภาสิตสฺสา’’ติอาทินา ตติยํ คาถมาห. ตตฺถ สุภาสิตสฺส สิกฺเขถาติ อปฺปิจฺฉกถาทิเภทํ สุภาสิตํ ปริยตฺติธมฺมํ สวนธารณปริปุจฺฉาทิวเสน สิกฺเขยฺย. สมณูปาสนสฺส จาติ สมิตปาปานํ สมณานํ กลฺยาณมิตฺตานํ อุปาสกานํ กาเลน กาลํ อุปสงฺกมิตฺวา ปยิรุปาสนฺเจว ปฏิปตฺติยา เตสํ สมีปจริยฺจ สิกฺเขยฺย. เอกาสนสฺส จ รโห จิตฺตวูปสมสฺส จาติ เอกสฺส อสหายสฺส กายวิเวกํ อนุพฺรูหนฺตสฺส รโห กมฺมฏฺานานุโยควเสน อาสนํ นิสชฺชํ สิกฺเขยฺย. เอวํ กมฺมฏฺานํ อนุยุฺชนฺโต ภาวนฺจ มตฺถกํ ปาเปนฺโต สมุจฺเฉทวเสน กิเลสานํ จิตฺตสฺส วูปสมฺจ สิกฺเขยฺย. ยาหิ อธิสีลสิกฺขาทีหิ กิเลสา อจฺจนฺตเมว วูปสนฺตา ปหีนา โหนฺติ, ตา มคฺคผลสิกฺขา สิกฺขนฺตสฺส อจฺจนฺตเมว จิตฺตํ วูปสนฺตํ นาม โหตีติ. คาถาปริโยสาเน วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๗.๕๙-๗๒) –

‘‘อชฺโฌคาเหตฺวา หิมวํ, มนฺเต วาเจมหํ ตทา;

จตุปฺาสสหสฺสานิ, สิสฺสา มยฺหํ อุปฏฺหุํ.

‘‘อธิตา เวทคู สพฺเพ, ฉฬงฺเค ปารมึ คตา;

สกวิชฺชาหุปตฺถทฺธา, หิมวนฺเต วสนฺติ เต.

‘‘จวิตฺวา ตุสิตา กายา, เทวปุตฺโต มหายโส;

อุปฺปชฺชิ มาตุกุจฺฉิสฺมึ, สมฺปชาโน ปติสฺสโต.

‘‘สมฺพุทฺเธ อุปปชฺชนฺเต, ทสสหสฺสิ กมฺปถ;

อนฺธา จกฺขุํ อลภึสุ, อุปฺปชฺชนฺตมฺหิ นายเก.

‘‘สพฺพาการํ ปกมฺปิตฺถ, เกวลา วสุธา อยํ;

นิคฺโฆสสทฺทํ สุตฺวาน, อุพฺพิชฺชึสุ มหาชนา.

‘‘สพฺเพ ชนา สมาคมฺม, อาคจฺฉุํ มม สนฺติกํ;

วสุธายํ ปกมฺปิตฺถ, กึ วิปาโก ภวิสฺสติ.

‘‘อวจาสึ ตทา เตสํ, มา เภถ นตฺถิ โว ภยํ;

วิสฏฺา โหถ สพฺเพปิ, อุปฺปาโทยํ สุวตฺถิโก.

‘‘อฏฺเหตูหิ สมฺผุสฺส, วสุธายํ ปกมฺปติ;

ตถา นิมิตฺตา ทิสฺสนฺติ, โอภาโส วิปุโล มหา.

‘‘อสํสยํ พุทฺธเสฏฺโ, อุปฺปชฺชิสฺสติ จกฺขุมา;

สฺาเปตฺวาน ชนตํ, ปฺจสีเล กเถสหํ.

‘‘สุตฺวาน ปฺจสีลานิ, พุทฺธุปฺปาทฺจ ทุลฺลภํ;

อุพฺเพคชาตา สุมนา, ตุฏฺหฏฺา อหํสุ เต.

‘‘ทฺเวนวุเต อิโต กปฺเป, ยํ นิมิตฺตํ วิยากรึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พฺยากรณสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

วารณตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. วสฺสิกตฺเถรคาถาวณฺณนา

เอโกปิ สทฺโธ เมธาวีติ อายสฺมโต วสฺสิกตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ กโรนฺโต อตฺถทสฺสิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ สตฺถารํ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺโต ปิลกฺขผลานิ อทาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท โกสลรฏฺเ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วสฺสิโกติ ลทฺธนาโม วยปฺปตฺโต สตฺถุ ยมกปาฏิหาริยํ ทิสฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา สมณธมฺมํ กโรนฺโต อาพาธิโก อโหสิ. อถ นํ าตกา เวชฺชปริทิฏฺเน เภสชฺชวิธินา อุปฏฺหิตฺวา อโรคมกํสุ. โส ตมฺหา อาพาธา วุฏฺิโต สํเวคชาโต ภาวนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา ฉฬภิฺโ อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๗.๔๐-๔๔) –

‘‘วนนฺตเร พุทฺธํ ทิสฺวา, อตฺถทสฺสึ มหายสํ;

ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, ปิลกฺขสฺส ผลํ อทา.

‘‘อฏฺารเส กปฺปสเต, ยํ ผลํ อททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

ฉฬภิฺโ ปน หุตฺวา อากาเสน าตกานํ สนฺติเก คนฺตฺวา อากาเส ิโต ธมฺมํ เทเสตฺวา เต สรเณสุ สีเลสุ จ ปติฏฺาเปสิ. เตสุ เกจิ กาลงฺกตา สรเณสุ สีเลสุ จ ปติฏฺิตตฺตา สคฺเค นิพฺพตฺตึสุ. อถ นํ สตฺถา พุทฺธุปฏฺานํ อุปคตํ ‘‘กึ เต, วสฺสิก, าตีนํ อาโรคฺย’’นฺติ ปุจฺฉิ. โส าตีนํ อตฺตนา กตํ อุปการํ สตฺถุ กเถนฺโต –

๒๔๐.

‘‘เอโกปิ สทฺโธ เมธาวี, อสฺสทฺธานีธ าตินํ;

ธมฺมฏฺโ สีลสมฺปนฺโน, โหติ อตฺถาย พนฺธุนํ.

๒๔๑.

‘‘นิคฺคยฺห อนุกมฺปาย, โจทิตา าตโย มยา;

าติพนฺธวเปเมน, การํ กตฺวาน ภิกฺขุสุ.

๒๔๒.

‘‘เต อพฺภตีตา กาลงฺกตา, ปตฺตา เต ติทิวํ สุขํ;

ภาตโร มยฺหํ มาตา จ, โมทนฺติ กามกามิโน’’ติ. –

ติสฺโส คาถา อภาสิ.

ตตฺถายํ ปมคาถาย อตฺโถ – โย กมฺมผลสทฺธาย จ รตนตฺตยสทฺธาย จ วเสน สทฺโธ, ตโต เอว กมฺมสฺสกตาณาทิโยคโต เมธาวี, สตฺถุ โอวาทธมฺเม นวโลกุตฺตรธมฺเม จ ิตตฺตา ธมฺมฏฺโ, อาจารสีลสฺส มคฺคสีลสฺส ผลสีลสฺส จ วเสน สีลสมฺปนฺโน, โส เอโกปิ ยถาวุตฺตาย สทฺธาย อภาเวน อสฺสทฺธานํ อิธ อิมสฺมึ โลเก ‘‘อมฺหากํ อิเม’’ติ าตพฺพฏฺเน าตีนํ, ตถา เปมพนฺธเนน พนฺธนฏฺเน ‘‘พนฺธู’’ติ จ ลทฺธนามานํ พนฺธวานํ อตฺถาย หิตาย โหตีติ.

เอวํ สาธารณโต วุตฺตมตฺถํ อตฺตูปนายิกํ กตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘นิคฺคยฺหา’’ติอาทินา อิตรคาถา วุตฺตา. ตตฺถ นิคฺคยฺห อนุกมฺปาย, โจทิตา าตโย มยาติ อิทานิปิ ทุคฺคตา กุสลํ อกตฺวา อายตึ ปริกฺกิเลสํ ปุน มานุภวิตฺถาติ นิคฺคเหตฺวา าตโย มยา โอวทิตา. าติพนฺธวเปเมน ‘‘อมฺหากํ อยํ พนฺธโว’’ติ เอวํ ปวตฺเตน เปเมน มม โอวาทํ อติกฺกมิตุํ อสกฺโกนฺตา การํ กตฺวาน ภิกฺขูสุ ปสนฺนจิตฺตา หุตฺวา จีวราทิปจฺจยทาเนน เจว อุปฏฺาเนน จ ภิกฺขูสุ สกฺการสมฺมานํ กตฺวา เต อพฺภตีตา กาลงฺกตา หุตฺวา อิมํ โลกํ อติกฺกนฺตา. ปุน เตติ นิปาตมตฺตํ. ติทิวํ สุขนฺติ เทวโลกปริยาปนฺนสุขํ, สุขํ วา อิฏฺํ ติทิวํ อธิคตา. ‘‘เก ปน เต’’ติ อาห. ‘‘ภาตโร มยฺหํ มาตา จ, โมทนฺติ กามกามิโน’’ติ. อตฺตนา ยถากามิตวตฺถุกามสมงฺคิโน หุตฺวา อภิรมนฺตีติ อตฺโถ.

วสฺสิกตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. ยโสชตฺเถรคาถาวณฺณนา

กาลปพฺพงฺคสงฺกาโสติ อายสฺมโต ยโสชตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล อารามโคปกกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ วิปสฺสึ ภควนฺตํ อากาเสน คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส ลพุชผลํ อทาสิ.

โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถินครทฺวาเร เกวฏฺฏคาเม ปฺจกุลสตเชฏฺกสฺส เกวฏฺฏสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, ยโสโชติสฺส นามํ อกํสุ. โส วยปฺปตฺโต อตฺตโน สหาเยหิ เกวฏฺฏปุตฺเตหิ สทฺธึ มจฺฉคหณตฺถํ อจิรวติยํ นทิยํ ชาลํ ขิปิ. ตตฺเถโก สุวณฺณวณฺโณ มหามจฺโฉ อนฺโตชาลํ ปาวิสิ. ตํ เต รฺโ ปเสนทิสฺส ทสฺเสสุํ. ราชา ‘‘อิมสฺส สุวณฺณวณฺณสฺส มจฺฉสฺส วณฺณการณํ ภควา ชานาตี’’ติ มจฺฉํ คาหาเปตฺวา ภควโต ทสฺเสสิ. ภควา ‘‘อยํ กสฺสปสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สาสเน โอสกฺกมาเน ปพฺพชิตฺวา มิจฺฉา ปฏิปชฺชนฺโต สาสนํ โอสกฺกาเปตฺวา นิรเย นิพฺพตฺโต เอกํ พุทฺธนฺตรํ นิรเย ปจฺจิตฺวา ตโต จุโต อจิรวติยํ มจฺโฉ หุตฺวา นิพฺพตฺโต’’ติ วตฺวา ตสฺส ภคินีนฺจ นิรเย นิพฺพตฺตภาวํ, ตสฺส ภาติกตฺเถรสฺส ปรินิพฺพุตภาวฺจ เตเนว กถาเปตฺวา อิมิสฺสา อฏฺุปฺปตฺติยา กปิลสุตฺตํ เทเสสิ.

สตฺถุ เทสนํ สุตฺวา ยโสโช สํเวคชาโต สทฺธึ อตฺตโน สหาเยหิ ภควโต สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ปติรูเป าเน วสนฺโต เอกทิวสํ สปริโส ภควนฺตํ วนฺทิตุํ เชตวนํ อคมาสิ. ตสฺส อาคมเน เสนาสนปฺาปนาทินา วิหาเร อุจฺจาสทฺทมหาสทฺโท อโหสิ. ตํ สุตฺวา ‘‘ภควา สปริสํ ยโสชํ ปณาเมสี’’ติ (อุทา. ๒๓) สพฺพํ อุทาเน อาคตนเยน เวทิตพฺพํ. ปณามิโต ปน อายสฺมา ยโสโช กสาภิหโต ภทฺโท อสฺสาชานีโย วิย สํวิคฺคมานโส สทฺธึ ปริสาย วคฺคุมุทาย นทิยา ตีเร วสนฺโต ฆเฏนฺโต วายมนฺโต วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อนฺโตวสฺเสเยว ฉฬภิฺโ อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๗.๓๒-๓๙) –

‘‘นคเร พนฺธุมติยา, อารามิโก อหํ ตทา;

อทฺทสํ วิรชํ พุทฺธํ, คจฺฉนฺตํ อนิลฺชเส.

‘‘ลพุชํ ผลมาทาย, พุทฺธเสฏฺสฺสทาสหํ;

อากาเสว ิโต สนฺโต, ปฏิคฺคณฺหิ มหายโส.

‘‘วิตฺติสฺชานโน มยฺหํ, ทิฏฺธมฺมสุขาวโห;

ผลํ พุทฺธสฺส ทตฺวาน, วิปฺปสนฺเนน เจตสา.

‘‘อธิคฺฉึ ตทา ปีตึ, วิปุลํ สุขมุตฺตมํ;

อุปฺปชฺชเตว รตนํ, นิพฺพตฺตสฺส ตหึ ตหึ.

‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ ผลํ อททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

ฉฬภิฺํ ปน สมานํ สปริสํ อายสฺมนฺตํ ยโสชํ สตฺถา ปกฺโกสิตฺวา อาเนฺชสมาปตฺตินา ปฏิสนฺถารมกาสิ. โส สพฺเพปิ ธุตงฺคธมฺเม สมาทาย วตฺตติ. เตนสฺส สรีรํ กิสํ อโหสิ ลูขํ ทุพฺพณฺณํ, ตํ ภควา ปรมปฺปิจฺฉตาย ปสํสนฺโต –

๒๔๓.

‘‘กาลปพฺพงฺคสงฺกาโส, กิโส ธมนิสนฺถโต;

มตฺตฺู อนฺนปานมฺหิ, อทีนมานโส นโร’’ติ. – ปมํ คาถมาห;

ตตฺถ กาลปพฺพงฺคสงฺกาโสติ มํสูปจยวิคเมน กิสทุสณฺิตสรีราวยวตาย ทนฺติลตาปพฺพสทิสงฺโค, เตนาห ‘‘กิโส ธมนิสนฺถโต’’ติ. กิโสติ โมเนยฺยปฏิปทาปูรเณน กิสสรีโร. ธมนิสนฺถโตติ ธมนีหิ สนฺถตคตฺโต อปฺปมํสโลหิตตาย ปากฏีหิ กณฺฑรสิราหิ วิตตสรีโร. มตฺตฺูติ ปริเยสนปฏิคฺคหณปริโภควิสฺสชฺชเนสุ ปมาณฺู. อทีนมานโสติ โกสชฺชาทีหิ อนภิภูตตฺตา อลีนจิตฺโต อกุสีตวุตฺติ. นโรติ ปุริโส, โปริสสฺส ธุรสฺส วหนโต โปริสลกฺขณสมฺปนฺโน ปุริสโธรยฺโหติ อธิปฺปาโย.

เอวํ เถโร สตฺถารา ปสฏฺโ ปสฏฺภาวานุรูปํ อตฺตโน อธิวาสนขนฺติวีริยารมฺภวิเวกาภิรติกิตฺตนมุเขน ภิกฺขูนํ ธมฺมํ กเถนฺโต –

๒๔๔.

‘‘ผุฏฺโ ฑํเสหิ มกเสหิ, อรฺสฺมึ พฺรหาวเน;

นาโค สงฺคามสีเสว, สโต ตตฺราธิวาสเย.

๒๔๕.

‘‘ยถา พฺรหฺมา ตถา เอโก, ยถา เทโว ตถา ทุเว;

ยถา คาโม ตถา ตโย, โกลาหลํ ตตุตฺตริ’’นฺติ. –

อิมา ทฺเว คาถา อภาสิ.

ตตฺถ นาโค สงฺคามสีเสวาติ ยถา นาม อาชาเนยฺโย หตฺถินาโค ยุทฺธมณฺฑเล อสิสตฺติโตมราทิปฺปหาเร อธิวาเสตฺวา ปรเสนํ วิทฺธํเสติ, เอวํ ภิกฺขุ อรฺสฺมึ พฺรหาวเน อรฺานิยํ ฑํสาทิปริสฺสเย สโต สมฺปชาโน อธิวาเสยฺย, อธิวาเสตฺวา จ ภาวนาพเลน มารพลํ วิธเมยฺย.

ยถา พฺรหฺมาติ ยถา พฺรหฺมา เอกโก จิตฺตปฺปโกปรหิโต ฌานสุเขน นิจฺจเมว สุขิโต วิหรติ ตถา เอโกติ ภิกฺขุปิ เอโก อทุติโย วิเวกสุขมนุพฺรูเหนฺโต สุขํ วิหรติ. เอกสฺส สามฺสุขํ ปณีตนฺติ หิ วุตฺตํ. เอเตน เอกวิหารี ภิกฺขุ ‘‘พฺรหฺมสโม’’ติ โอวาทํ เทติ. ยถา เทโว ตถา ทุเวติ ยถา เทวานํ อนฺตรนฺตรา จิตฺตปฺปโกโปปิ สิยา, ตถา ทฺวินฺนํ ภิกฺขูนํ สหวาเส ฆฏฺฏนาปิ ภเวยฺยาติ สทุติยวาเสน ภิกฺขุ ‘‘เทวสโม’’ติ วุตฺโต. ยถา คาโม ตถา ตโยติ อสฺมิเมว ปาเ ติณฺณํ ภิกฺขูนํ สหวาโส คามวาสสทิโส วิเวกวาโส น โหตีติ อธิปฺปาโย. โกลาหลํ ตตุตฺตรินฺติ ตโต ตยโต อุปริ จ พหูนํ สํวาโส โกลาหลํ อุจฺจาสทฺทมหาสทฺทมหาชนสนฺนิปาตสทิโส, ตสฺมา เอกวิหารินา ภวิตพฺพนฺติ อธิปฺปาโยติ.

ยโสชตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. สาฏิมตฺติยตฺเถรคาถาวณฺณนา

อหุ ตุยฺหํ ปุเร สทฺธาติ อายสฺมโต สาฏิมตฺติยตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต สิทฺธตฺถสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ สตฺถารํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส ตาลวณฺฏํ อทาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท มคธรฏฺเ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา สาฏิมตฺติโยติ ลทฺธนาโม วยปฺปตฺโต เหตุสมฺปนฺนตาย อารฺกภิกฺขูนํ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต ฉฬภิฺโ อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๓๘.๔๓-๔๗) –

‘‘สิทฺธตฺถสฺส ภควโต, ตาลวณฺฏมทาสหํ;

สุมเนหิ ปฏิจฺฉนฺนํ, ธารยามิ มหารหํ.

‘‘จตุนฺนวุติโต กปฺเป, ตาลวณฺฏมทาสหํ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ตาลวณฺฏสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

ฉฬภิฺโ ปน หุตฺวา ภิกฺขู โอวทติ อนุสาสติ พหู จ สตฺเต ธมฺมํ กเถตฺวา สรเณสุ จ สีเลสุ จ ปติฏฺาเปสิ. อฺตรฺจ กุลํ อสฺสทฺธํ อปฺปสนฺนํ สทฺธํ ปสนฺนํ อกาสิ. เตน ตสฺมึ กุเล มนุสฺสา เถเร อภิปฺปสนฺนา อเหสุํ. ตตฺเถกา ทาริกา อภิรูปา ทสฺสนียา เถรํ ปิณฺฑาย ปวิฏฺํ สกฺกจฺจํ โภชเนน ปริวิสติ. อเถกทิวสํ มาโร ‘‘เอวํ อิมสฺส อยโส วฑฺฒิสฺสติ, อปฺปติฏฺโ ภวิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา เถรสฺส รูเปน คนฺตฺวา ตํ ทาริกํ หตฺเถ อคฺคเหสิ. ทาริกา ‘‘นายํ มนุสฺสสมฺผสฺโส’’ติ จ อฺาสิ, หตฺถฺจ มุฺจาเปสิ. ตํ ทิสฺวา ฆรชโน เถเร อปฺปสาทํ ชเนสิ. ปุนทิวเส เถโร ตํ การณํ อนาวชฺเชนฺโต ตํ ฆรํ อคมาสิ. ตตฺถ มนุสฺสา อนาทรํ อกํสุ. เถโร ตํ การณํ อาวชฺเชนฺโต มารสฺส กิริยํ ทิสฺวา ‘‘ตสฺส คีวายํ กุกฺกุรกุณปํ ปฏิมุฺจตู’’ติ อธิฏฺหิตฺวา ตสฺส โมจนตฺถํ อุปคเตน มาเรน อตีตทิวเส กตกิริยํ กถาเปตฺวา ตํ ตชฺเชตฺวา วิสฺสชฺเชสิ. ตํ ทิสฺวา ฆรสามิโก ‘‘ขมถ, ภนฺเต, อจฺจย’’นฺติ ขมาเปตฺวา ‘‘อชฺชตคฺเค อหเมว, ภนฺเต, ตุมฺเห อุปฏฺหามี’’ติ อาห. เถโร ตสฺส ธมฺมํ กเถนฺโต –

๒๔๖.

‘‘อหุ ตุยฺหํ ปุเร สทฺธา, สา เต อชฺช น วิชฺชติ;

ยํ ตุยฺหํ ตุยฺหเมเวตํ, นตฺถิ ทุจฺจริตํ มม.

๒๔๗.

‘‘อนิจฺจา หิ จลา สทฺธา, เอวํ ทิฏฺา หิ สา มยา;

รชฺชนฺติปิ วิรชฺชนฺติ, ตตฺถ กึ ชิยฺยเต มุนิ.

๒๔๘.

‘‘ปจฺจติ มุนิโน ภตฺตํ, โถกํ โถกํ กุเล กุเล;

ปิณฺฑิกาย จริสฺสามิ, อตฺถิ ชงฺฆพลํ มมา’’ติ. –

ติสฺโส คาถา อภาสิ.

ตตฺถ อหุ ตุยฺหํ ปุเร สทฺธา, สา เต อชฺช น วิชฺชตีติ, อุปาสก, อิโต ปุพฺเพ ตว มยิ ‘‘อยฺโย ธมฺมจารี สมจารี’’ติอาทินา สทฺธา อโหสิ, สา สทฺธา เต ตว อชฺช อิทานิ น อุปลพฺภติ. ตสฺมา ยํ ตุยฺหํ ตุยฺหเมเวตนฺติ จตุปจฺจยทานํ, ตุยฺหเมว เอตํ โหตุ, น เตน มยฺหํ อตฺโถ, สมฺมา ปสนฺนจิตฺเตน หิ ทานํ นาม ทาตพฺพนฺติ อธิปฺปาโย. อถ วา ยํ ตุยฺหํ ตุยฺหเมเวตนฺติ ยํ ตว มยิ อชฺช อคารวํ ปวตฺตํ, ตํ ตุยฺหเมว, ตสฺส ผลํ ตยา เอว ปจฺจนุภวิตพฺพํ, น มยาติ อตฺโถ. นตฺถิ ทุจฺจริตํ มมาติ มม ปน ทุจฺจริตํ นาม นตฺถิ มคฺเคเนว ทุจฺจริตเหตูนํ กิเลสานํ สมุจฺฉินฺนตฺตา.

อนิจฺจา หิ จลา สทฺธาติ ยสฺมา โปถุชฺชนิกา สทฺธา อนิจฺจา เอกนฺติกา น โหติ, ตโต เอว จลา อสฺสปิฏฺเ ปิตกุมฺภณฺฑํ วิย, ถุสราสิมฺหิ นิขาตขาณุกํ วิย จ อนวฏฺิตา. เอวํ ทิฏฺา หิ สา มยาติ เอวํ ภูตา จ สา สทฺธา มยา ตยิ ทิฏฺา ปจฺจกฺขโต วิทิตา. รชฺชนฺติปิ วิรชฺชนฺตีติ เอวํ ตสฺสา อนวฏฺิตตฺตา เอว อิเม สตฺตา กทาจิ กตฺถจิ มิตฺตสนฺถววเสน รชฺชนฺติ สิเนหมฺปิ กโรนฺติ, กทาจิ วิรชฺชนฺติ วิรตฺตจิตฺตา โหนฺติ. ตตฺถ กึ ชิยฺยเต มุนีติ ตสฺมึ ปุถุชฺชนานํ รชฺชเน วิรชฺชเน จ มุนิ ปพฺพชิโต กึ ชิยฺยติ, กา ตสฺส หานีติ อตฺโถ.

‘‘สเจ มม ปจฺจเย น คณฺหถ, กถํ ตุมฺเห ยาเปถา’’ติ เอวํ มา จินฺตยีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปจฺจตี’’ติ คาถมาห. ตสฺสตฺโถ มุนิโน ปพฺพชิตสฺส ภตฺตํ นาม กุเล กุเล อนุฆรํ ทิวเส ทิวเส โถกํ โถกํ ปจฺจเต, น จ ตุยฺหํ เอว เคเห. ปิณฺฑิกาย จริสฺสามิ, อตฺถิ ชงฺฆพลํ มมาติ อตฺถิ เม ชงฺฆพลํ, นาหํ โอภคฺคชงฺโฆ น ขฺโช น จ ปาทโรคี, ตสฺมา ปิณฺฑิกาย มิสฺสกภิกฺขาย จริสฺสามิ, ‘‘ยถาปิ ภมโร ปุปฺผ’’นฺติอาทินา (ธ. ป. ๔๙; เนตฺติ. ๑๒๓) สตฺถารา วุตฺตนเยน ปิณฺฑาย จริตฺวา ยาเปสฺสามีติ ทสฺเสติ.

สาฏิมตฺติยตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๑. อุปาลิตฺเถรคาถาวณฺณนา

สทฺธาย อภินิกฺขมฺมาติ อายสฺมโต อุปาลิตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล หํสวตีนคเร กุลฆเร นิพฺพตฺโต เอกทิวสํ สตฺถุ ธมฺมํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ วินยธรานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา อธิการกมฺมํ กตฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถสิ. โส ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท กปฺปกเคเห ปฏิสนฺธึ คณฺหิ, อุปาลีติสฺส นามํ อกํสุ. โส วยปฺปตฺโต อนุรุทฺธาทีนํ ฉนฺนํ ขตฺติยานํ ปสาทโก หุตฺวา ตถาคเต อนุปิยมฺพวเน วิหรนฺเต ปพฺพชนตฺถาย นิกฺขมนฺเตหิ ฉหิ ขตฺติเยหิ สทฺธึ นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิ. ตสฺส ปพฺพชฺชาวิธานํ ปาฬิยํ อาคตเมว (จูฬว. ๓๓๐).

โส ปพฺพชิตฺวา อุปสมฺปนฺโน สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา ‘‘มยฺหํ, ภนฺเต, อรฺวาสํ อนุชานาถา’’ติ อาห. ภิกฺขุ ตว อรฺเ วสนฺตสฺส เอกเมว ธุรํ วฑฺฒิสฺสติ, อมฺหากํ ปน สนฺติเก วสนฺตสฺส คนฺถธุรฺจ วิปสฺสนาธุรฺจ ปริปูเรสฺสตีติ. เถโร สตฺถุ วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑.๔๔๑-๕๙๕) –

‘‘นคเร หํสวติยา, สุชาโต นาม พฺราหฺมโณ;

อสีติโกฏินิจโย, ปหูตธนธฺวา.

‘‘อชฺฌายโก มนฺตธโร, ติณฺณํ เวทาน ปารคู;

ลกฺขเณ อิติหาเส จ, สธมฺเม ปารมึ คโต.

‘‘ปริพฺพาชา เอกสิขา, โคตมา พุทฺธสาวกา;

จรกา ตาปสา เจว, จรนฺติ มหิยา ตทา.

‘‘เตปิ มํ ปริวาเรนฺติ, พฺราหฺมโณ วิสฺสุโต อิติ;

พหุชฺชโน มํ ปูเชติ, นาหํ ปูเชมิ กิฺจนํ.

‘‘ปูชารหํ น ปสฺสามิ, มานตฺถทฺโธ อหํ ตทา;

พุทฺโธติ วจนํ นตฺถิ, ตาว นุปฺปชฺชเต ชิโน.

‘‘อจฺจเยน อโหรตฺตํ, ปทุมุตฺตรนามโก;

สพฺพํ ตมํ วิโนเทตฺวา, โลเก อุปฺปชฺชิ จกฺขุมา.

‘‘วิตฺถาริเก พาหุชฺเ, ปุถุภูเต จ สาสเน;

อุปาคมิ ตทา พุทฺโธ, นครํ หํสสวฺหยํ.

‘‘ปิตุ อตฺถาย โส พุทฺโธ, ธมฺมํ เทเสสิ จกฺขุมา;

เตน กาเลน ปริสา, สมนฺตา โยชนํ ตทา.

‘‘สมฺมโต มนุชานํ โส, สุนนฺโท นาม ตาปโส;

ยาวตา พุทฺธปริสา, ปุปฺเผหจฺฉาทยี ตทา.

‘‘จตุสจฺจํ ปกาเสนฺเต, เสฏฺเ จ ปุปฺผมณฺฑเป;

โกฏิสตสหสฺสานํ, ธมฺมาภิสมโย อหุ.

‘‘สตฺตรตฺตินฺทิวํ พุทฺโธ, วสฺเสตฺวา ธมฺมวุฏฺิโย;

อฏฺเม ทิวเส ปตฺเต, สุนนฺทํ กิตฺตยี ชิโน.

‘‘เทวโลเก มนุสฺเส วา, สํสรนฺโต อยํ ภเว;

สพฺเพสํ ปวโร หุตฺวา, ภเวสุ สํสริสฺสติ.

‘‘กปฺปสตสหสฺสมฺหิ, โอกฺกากกุลสมฺภโว;

โคตโม นาม โคตฺเตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติ.

‘‘ตสฺส ธมฺเมสุ ทายาโท, โอรโส ธมฺมนิมฺมิโต;

มนฺตาณิปุตฺโต ปุณฺโณติ, เหสฺสติ สตฺถุ สาวโก.

‘‘เอวํ กิตฺตยิ สมฺพุทฺโธ, สุนนฺทํ ตาปสํ ตทา;

หาสยนฺโต ชนํ สพฺพํ, ทสฺสยนฺโต สกํ พลํ.

‘‘กตฺชลี นมสฺสนฺติ, สุนนฺทํ ตาปสํ ชนา;

พุทฺเธ การํ กริตฺวาน, โสเธสิ คติมตฺตโน.

‘‘ตตฺถ เม อหุ สงฺกปฺโป, สุตฺวาน มุนิโน วจํ;

อหมฺปิ การํ กสฺสามิ, ยถา ปสฺสามิ โคตมํ.

‘‘เอวาหํ จินฺตยิตฺวาน, กิริยํ จินฺตยึ มม;

กฺยาหํ กมฺมํ อาจรามิ, ปุฺกฺเขตฺเต อนุตฺตเร.

‘‘อยฺจ ปาิโก ภิกฺขุ, สพฺพปาิสฺส สาสเน;

วินเย อคฺคนิกฺขิตฺโต, ตํ านํ ปตฺถเย อหํ.

‘‘อิทํ เม อมิตํ โภคํ, อกฺโขภํ สาครูปมํ;

เตน โภเคน พุทฺธสฺส, อารามํ มาปเย อหํ.

‘‘โสภนํ นาม อารามํ, นครสฺส ปุรตฺถโต;

กิณิตฺวา สตสหสฺเสน, สงฺฆารามํ อมาปยึ.

‘‘กูฏาคาเร จ ปาสาเท, มณฺฑเป หมฺมิเย คุหา;

จงฺกเม สุกเต กตฺวา, สงฺฆารามํ อมาปยึ.

‘‘ชนฺตาฆรํ อคฺคิสาลํ, อโถ อุทกมาฬกํ;

นฺหานฆรํ มาปยิตฺวา, ภิกฺขุสงฺฆสฺสทาสหํ.

‘‘อาสนฺทิโย ปีเก จ, ปริโภเค จ ภาชเน;

อารามิกฺจ เภสชฺชํ, สพฺพเมตํ อทาสหํ.

‘‘อารกฺขํ ปฏฺเปตฺวาน, ปาการํ การยึ ทฬฺหํ;

มา นํ โกจิ วิเหเสิ, สนฺตจิตฺตาน ตาทินํ.

‘‘สตสหสฺเสนาวาสํ, สงฺฆาราเม อมาปยึ;

เวปุลฺลํ ตํ มาปยิตฺวา, สมฺพุทฺธํ อุปนามยึ.

‘‘นิฏฺาปิโต มยาราโม, สมฺปฏิจฺฉ ตุวํ มุนิ;

นิยฺยาเทสฺสามิ ตํ วีร, อธิวาเสหิ จกฺขุม.

‘‘ปทุมุตฺตโร โลกวิทู, อาหุตีนํ ปฏิคฺคโห;

มม สงฺกปฺปมฺาย, อธิวาเสสิ นายโก.

‘‘อธิวาสนมฺาย, สพฺพฺุสฺส มเหสิโน;

โภชนํ ปฏิยาเทตฺวา, กาลมาโรจยึ อหํ.

‘‘อาโรจิตมฺหิ กาลมฺหิ, ปทุมุตฺตรนายโก;

ขีณาสวสหสฺเสหิ, อารามํ เม อุปาคมิ.

‘‘นิสินฺนํ กาลมฺาย, อนฺนปาเนน ตปฺปยึ;

ภุตฺตาวึ กาลมฺาย, อิทํ วจนมพฺรวึ.

‘‘กีโต สตสหสฺเสน, ตตฺตเกเนว การิโต;

โสภโน นาม อาราโม, สมฺปฏิจฺฉ ตุวํ มุนิ.

‘‘อิมินารามทาเนน, เจตนาปณิธีหิ จ;

ภเว นิพฺพตฺตมาโนหํ, ลภามิ มม ปตฺถิตํ.

‘‘ปฏิคฺคเหตฺวา สมฺพุทฺโธ, สงฺฆารามํ สุมาปิตํ;

ภิกฺขุสงฺเฆ นิสีทิตฺวา, อิทํ วจนมพฺรวิ.

‘‘โย โส พุทฺธสฺส ปาทาสิ, สงฺฆารามํ สุมาปิตํ;

ตมหํ กิตฺตยิสฺสามิ, สุณาถ มม ภาสโต.

‘‘หตฺถี อสฺสา รถา ปตฺตี, เสนา จ จตุรงฺคินี;

ปริวาเรสฺสนฺติมํ นิจฺจํ, สงฺฆารามสฺสิทํ ผลํ.

‘‘สฏฺิ ตูรสหสฺสานิ, เภริโย สมลงฺกตา;

ปริวาเรสฺสนฺติมํ นิจฺจํ, สงฺฆารามสฺสิทํ ผลํ.

‘‘ฉฬสีติสหสฺสานิ, นาริโย สมลงฺกตา;

วิจิตฺตวตฺถาภรณา, อามุตฺตมณิกุณฺฑลา.

‘‘อฬารปมฺหา หสุลา, สุสฺา ตนุมชฺฌิมา;

ปริวาเรสฺสนฺติมํ นิจฺจํ, สงฺฆารามสฺสิทํ ผลํ.

‘‘ตึสกปฺปสหสฺสานิ, เทวโลเก รมิสฺสติ;

สหสฺสกฺขตฺตุํ เทวินฺโท, เทวรชฺชํ กริสฺสติ.

‘‘เทวราเชน ปตฺตพฺพํ, สพฺพํ ปฏิลภิสฺสติ;

อนูนโภโค หุตฺวาน, เทวรชฺชํ กริสฺสติ.

‘‘สหสฺสกฺขตฺตุํ จกฺกวตฺตี, ราชา รฏฺเ ภวิสฺสติ.

ปถพฺยา รชฺชํ วิปุลํ, คณนาโต อสงฺขิยํ.

‘‘กปฺปสตสหสฺสมฺหิ, โอกฺกากกุลสมฺภโว;

โคตโม นาม โคตฺเตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติ.

‘‘ตสฺส ธมฺเมสุ ทายาโท, โอรโส ธมฺมนิมฺมิโต;

อุปาลิ นาม นาเมน, เหสฺสติ สตฺถุ สาวโก.

‘‘วินเย ปารมึ ปตฺวา, านาาเน จ โกวิโท;

ชินสาสนํ ธาเรนฺโต, วิหริสฺสตินาสโว.

‘‘สพฺพเมตํ อภิฺาย, โคตโม สกฺยปุงฺคโว;

ภิกฺขุสงฺเฆ นิสีทิตฺวา, เอตทคฺเค เปสฺสติ.

‘‘อปริเมยฺยุปาทาย, ปตฺเถมิ ตว สาสนํ;

โส เม อตฺโถ อนุปฺปตฺโต, สพฺพสํโยชนกฺขโย.

‘‘ยถา สูลาวุโต โปโส, ราชทณฺเฑน ตชฺชิโต;

สูเล สาตํ อวินฺทนฺโต, ปริมุตฺตึว อิจฺฉติ.

‘‘ตเถวาหํ มหาวีร, ภวทณฺเฑน ตชฺชิโต;

กมฺมสูลาวุโต สนฺโต, ปิปาสาเวทนฏฺฏิโต.

‘‘ภเว สาตํ น วินฺทามิ, ฑยฺหนฺโต ตีหิ อคฺคิภิ;

ปริมุตฺตึ คเวสามิ, ยถาปิ ราชทณฺฑิโต.

‘‘ยถา วิสาโท ปุริโส, วิเสน ปริปีฬิโต;

อคทํ โส คเวเสยฺย, วิสฆาตายุปาลนํ.

‘‘คเวสมาโน ปสฺเสยฺย, อคทํ วิสฆาตกํ;

ตํ ปิวิตฺวา สุขี อสฺส, วิสมฺหา ปริมุตฺติยา.

‘‘ตเถวาหํ มหาวีร, ยถา วิสหโต นโร;

สมฺปีฬิโต อวิชฺชาย, สทฺธมฺมาคทเมสหํ.

‘‘ธมฺมาคทํ คเวสนฺโต, อทฺทกฺขึ สกฺยสาสนํ;

อคฺคํ สพฺโพสธานํ ตํ, สพฺพสลฺลวิโนทนํ.

‘‘ธมฺโมสธํ ปิวิตฺวาน, วิสํ สพฺพํ สมูหนึ;

อชรามรํ สีติภาวํ, นิพฺพานํ ผสฺสยึ อหํ.

‘‘ยถา ภูตฏฺฏิโต โปโส, ภูตคฺคาเหน ปีฬิโต;

ภูตเวชฺชํ คเวเสยฺย, ภูตสฺมา ปริมุตฺติยา.

‘‘คเวสมาโน ปสฺเสยฺย, ภูตวิชฺชาสุ โกวิทํ;

ตสฺส โส วิหเน ภูตํ, สมูลฺจ วินาสเย.

‘‘ตเถวาหํ มหาวีร, ตมคฺคาเหน ปีฬิโต;

าณาโลกํ คเวสามิ, ตมโต ปริมุตฺติยา.

‘‘อถทฺทสํ สกฺยมุนึ, กิเลสตมโสธนํ;

โส เม ตมํ วิโนเทสิ, ภูตเวชฺโชว ภูตกํ.

‘‘สํสารโสตํ สฺฉินฺทึ, ตณฺหาโสตํ นิวารยึ;

ภวํ อุคฺฆาฏยึ สพฺพํ, ภูตเวชฺโชว มูลโต.

‘‘ครุโฬ ยถา โอปตติ, ปนฺนคํ ภกฺขมตฺตโน;

สมนฺตา โยชนสตํ, วิกฺโขเภติ มหาสรํ.

‘‘ปนฺนคํ โส คเหตฺวาน, อโธสีสํ วิเหยํ;

อาทาย โส ปกฺกมติ, เยนกามํ วิหงฺคโม.

‘‘ตเถวาหํ มหาวีร, ยถาปิ ครุโฬ พลี;

อสงฺขตํ คเวสนฺโต, โทเส วิกฺขาลยึ อหํ.

‘‘ทิฏฺโ อหํ ธมฺมวรํ, สนฺติปทมนุตฺตรํ;

อาทาย วิหราเมตํ, ครุโฬ ปนฺนคํ ยถา.

‘‘อาสาวตี นาม ลตา, ชาตา จิตฺตลตาวเน;

ตสฺสา วสฺสสหสฺเสน, เอกํ นิพฺพตฺตเต ผลํ.

‘‘ตํ เทวา ปยิรุปาสนฺติ, ตาวทูรผเล สติ;

เทวานํ สา ปิยา เอวํ, อาสาวตี ลตุตฺตมา.

‘‘สตสหสฺสุปาทาย, ตาหํ ปริจเร มุนิ;

สายํ ปาตํ นมสฺสามิ, เทวา อาสาวตึ ยถา.

‘‘อวฺฌา ปาริจริยา, อโมฆา จ นมสฺสนา;

ทูราคตมฺปิ มํ สนฺตํ, ขโณยํ น วิราธยิ.

‘‘ปฏิสนฺธึ น ปสฺสามิ, วิจินนฺโต ภเว อหํ;

นิรูปธิ วิปฺปมุตฺโต, อุปสนฺโต จรามหํ.

‘‘ยถาปิ ปทุมํ นาม, สูริยรํเสน ปุปฺผติ;

ตเถวาหํ มหาวีร, พุทฺธรํเสน ปุปฺผิโต.

‘‘ยถา พลากโยนิมฺหิ, น วิชฺชติ ปุโม สทา;

เมเฆสุ คชฺชมาเนสุ, คพฺภํ คณฺหนฺติ ตา สทา.

‘‘จิรมฺปิ คพฺภํ ธาเรนฺติ, ยาว เมโฆ น คชฺชติ;

ภารโต ปริมุจฺจนฺติ, ยทา เมโฆ ปวสฺสติ.

‘‘ปทุมุตฺตรพุทฺธสฺส, ธมฺมเมเฆน คชฺชโต;

สทฺเทน ธมฺมเมฆสฺส, ธมฺมคพฺภํ อคณฺหหํ.

‘‘สตสหสฺสุปาทาย, ปุฺคพฺภํ ธเรมหํ;

นปฺปมุจฺจามิ ภารโต, ธมฺมเมโฆ น คชฺชติ.

‘‘ยทา ตุวํ สกฺยมุนิ, รมฺเม กปิลวตฺถเว;

คชฺชสิ ธมฺมเมเฆน, ภารโต ปริมุจฺจหํ.

‘‘สุฺตํ อนิมิตฺตฺจ, ตถาปฺปณิหิตมฺปิ จ;

จตุโร จ ผเล สพฺเพ, ธมฺเมวํ วิชนยึ อหํ.

‘‘อปริเมยฺยุปาทาย, ปตฺเถมิ ตว สาสนํ;

โส เม อตฺโถ อนุปฺปตฺโต, สนฺติปทมนุตฺตรํ.

‘‘วินเย ปารมึ ปตฺโต, ยถาปิ ปาิโก อิสิ;

น เม สมสโม อตฺถิ, ธาเรมิ สาสนํ อหํ.

‘‘วินเย ขนฺธเก จาปิ, ติกจฺเฉเท จ ปฺจเก;

เอตฺถ เม วิมติ นตฺถิ, อกฺขเร พฺยฺชเนปิ วา.

‘‘นิคฺคเห ปฏิกมฺเม จ, านาาเน จ โกวิโท;

โอสารเณ วุฏฺาปเน, สพฺพตฺถ ปารมึ คโต.

‘‘วินเย ขนฺธเก วาปิ, นิกฺขิปิตฺวา ปทํ อหํ;

อุภโต วินิเวเตฺวา, รสโต โอสเรยฺยหํ.

‘‘นิรุตฺติยา สุกุสโล, อตฺถานตฺเถ จ โกวิโท;

อนฺาตํ มยา นตฺถิ, เอกคฺโค สตฺถุ สาสเน.

‘‘รูปทกฺโข อหํ อชฺช, สกฺยปุตฺตสฺส สาสเน;

กงฺขํ สพฺพํ วิโนเทมิ, ฉินฺทามิ สพฺพสํสยํ.

‘‘ปทํ อนุปทฺจาปิ, อกฺขรฺจาปิ พฺยฺชนํ;

นิทาเน ปริโยสาเน, สพฺพตฺถ โกวิโท อหํ.

‘‘ยถาปิ ราชา พลวา, นิคฺคณฺหิตฺวา ปรนฺตเป;

วิชินิตฺวาน สงฺคามํ, นครํ ตตฺถ มาปเย.

‘‘ปาการํ ปริขฺจาปิ, เอสิกํ ทฺวารโกฏฺกํ;

อฏฺฏาลเก จ วิวิเธ, การเย นคเร พหู.

‘‘สิงฺฆาฏกํ จจฺจรฺจ, สุวิภตฺตนฺตราปณํ;

การเยยฺย สภํ ตตฺถ, อตฺถานตฺถวินิจฺฉยํ.

‘‘นิคฺฆาตตฺถํ อมิตฺตานํ, ฉิทฺทาฉิทฺทฺจ ชานิตุํ;

พลกายสฺส รกฺขาย, เสนาปจฺจํ เปติ โส.

‘‘อารกฺขตฺถาย ภณฺฑสฺส, นิธานกุสลํ นรํ;

มา เม ภณฺฑํ วินสฺสีติ, ภณฺฑรกฺขํ เปติ โส.

‘‘มมตฺโต โหติ โย รฺโ, วุทฺธึ ยสฺส จ อิจฺฉติ;

ตสฺสาธิกรณํ เทติ, มิตฺตสฺส ปฏิปชฺชิตุํ.

‘‘อุปฺปาเตสุ นิมิตฺเตสุ, ลกฺขเณสุ จ โกวิทํ;

อชฺฌายกํ มนฺตธรํ, โปโรหิจฺเจ เปติ โส.

‘‘เอเตหงฺเคหิ สมฺปนฺโน, ขตฺติโยติ ปวุจฺจติ;

สทา รกฺขนฺติ ราชานํ, จกฺกวาโกว ทุกฺขิตํ.

‘‘ตเถว ตฺวํ มหาวีร, หตามิตฺโตว ขตฺติโย;

สเทวกสฺส โลกสฺส, ธมฺมราชาติ วุจฺจติ.

‘‘ติตฺถิเย นิหนิตฺวาน, มารฺจาปิ สเสนกํ;

ตมนฺธการํ วิธมิตฺวา, ธมฺมนครํ อมาปยิ.

‘‘สีลํ ปาการกํ ตตฺถ, าณํ เต ทฺวารโกฏฺกํ;

สทฺธา เต เอสิกา วีร, ทฺวารปาโล จ สํวโร.

‘‘สติปฏฺานมฏฺฏาลํ, ปฺา เต จจฺจรํ มุเน;

อิทฺธิปาทฺจ สิงฺฆาฏํ, ธมฺมวีถิ สุมาปิตา.

‘‘สุตฺตนฺตํ อภิธมฺมฺจ, วินยฺจาปิ เกวลํ;

นวงฺคํ พุทฺธวจนํ, เอสา ธมฺมสภา ตว.

‘‘สุฺตํ อนิมิตฺตฺจ, วิหารฺจปฺปณีหิตํ;

อาเนฺชฺจ นิโรโธ จ, เอสา ธมฺมกุฏี ตว.

‘‘ปฺาย อคฺโค นิกฺขิตฺโต, ปฏิภาเน จ โกวิโท;

สาริปุตฺโตติ นาเมน, ธมฺมเสนาปตี ตว.

‘‘จุตูปปาตกุสโล, อิทฺธิยา ปารมึ คโต;

โกลิโต นาม นาเมน, โปโรหิจฺโจ ตวํ มุเน.

‘‘โปราณกวํสธโร, อุคฺคเตโช ทุราสโท;

ธุตวาทีคุเณนคฺโค, อกฺขทสฺโส ตวํ มุเน.

‘‘พหุสฺสุโต ธมฺมธโร, สพฺพปาี จ สาสเน;

อานนฺโท นาม นาเมน, ธมฺมารกฺโข ตวํ มุเน.

‘‘เอเต สพฺเพ อติกฺกมฺม, ปเมสิ ภควา มมํ;

วินิจฺฉยํ เม ปาทาสิ, วินเย วิฺุเทสิตํ.

‘‘โย โกจิ วินเย ปฺหํ, ปุจฺฉติ พุทฺธสาวโก;

ตตฺถ เม จินฺตนา นตฺถิ, ตฺเวตฺถํ กเถมหํ.

‘‘ยาวตา พุทฺธเขตฺตมฺหิ, เปตฺวา ตํ มหามุนิ;

วินเย มาทิโส นตฺถิ, กุโต ภิยฺโย ภวิสฺสติ.

‘‘ภิกฺขุสงฺเฆ นิสีทิตฺวา, เอวํ คชฺชติ โคตโม;

อุปาลิสฺส สโม นตฺถิ, วินเย ขนฺธเกสุ จ.

‘‘ยาวตา พุทฺธภณิตํ, นวงฺคํ สตฺถุสาสนํ;

วินโยคธํ ตํ สพฺพํ, วินยมูลปสฺสิโน.

‘‘มม กมฺมํ สริตฺวาน, โคตโม สกฺยปุงฺคโว;

ภิกฺขุสงฺเฆ นิสีทิตฺวา, เอตทคฺเค เปสิ มํ.

‘‘สตสหสฺสุปาทาย, อิมํ านํ อปตฺถยึ;

โส เม อตฺโถ อนุปฺปตฺโต, วินเย ปารมึ คโต.

‘‘สกฺยานํ นนฺทิชนโน, กปฺปโก อาสหํ ปุเร;

วิชหิตฺวาน ตํ ชาตึ, ปุตฺโต ชาโต มเหสิโน.

‘‘อิโต ทุติยเก กปฺเป, อฺชโส นาม ขตฺติโย;

อนนฺตเตโช อมิตยโส, ภูมิปาโล มหทฺธโน.

‘‘ตสฺส รฺโ อหํ ปุตฺโต, จนฺทโน นาม ขตฺติโย;

ชาติมเทนุปตฺถทฺโธ, ยสโภคมเทน จ.

‘‘นาคสตสหสฺสานิ, สพฺพาลงฺการภูสิตา;

ติธาปภินฺนา มาตงฺคา, ปริวาเรนฺติ มํ สทา.

‘‘สพเลหิ ปเรโตหํ, อุยฺยานํ คนฺตุกามโก;

อารุยฺห สิริกํ นาคํ, นครา นิกฺขมึ ตทา.

‘‘จรเณน จ สมฺปนฺโน, คุตฺตทฺวาโร สุสํวุโต;

เทวโล นาม สมฺพุทฺโธ, อาคจฺฉิ ปุรโต มม.

‘‘เปเสตฺวา สิริกํ นาคํ, พุทฺธํ อาสาทยึ ตทา;

ตโต สฺชาตโกโป โส, นาโค นุทฺธรเต ปทํ.

‘‘นาคํ รุณฺณมนํ ทิสฺวา, พุทฺเธ โกธํ อกาสหํ;

วิเหสยิตฺวา สมฺพุทฺธํ, อุยฺยานํ อคมาสหํ.

‘‘สาตํ ตตฺถ น วินฺทามิ, สิโร ปชฺชลิโต ยถา;

ปริฬาเหน ฑยฺหามิ, มจฺโฉว พฬิสาทโก.

‘‘สสาครนฺตา ปถวี, อาทิตฺตา วิย โหติ เม;

ปิตุ สนฺติกุปาคมฺม, อิทํ วจนมพฺรวึ.

‘‘อาสีวิสํว กุปิตํ, อคฺคิกฺขนฺธํว อาคตํ;

มตฺตํว กุฺชรํ ทนฺตึ, ยํ สยมฺภุมสาทยึ.

‘‘อาสาทิโต มยา พุทฺโธ, โฆโร อุคฺคตโป ชิโน;

ปุรา สพฺเพ วินสฺสาม, ขมาเปสฺสาม ตํ มุนึ.

‘‘โน เจ ตํ นิชฺฌาเปสฺสาม, อตฺตทนฺตํ สมาหิตํ;

โอเรน สตฺตทิวสา, รฏฺํ เม วิธมิสฺสติ.

‘‘สุเมขโล โกสิโย จ, สิคฺคโว จาปิ สตฺตโก;

อาสาทยิตฺวา อิสโย, ทุคฺคตา เต สรฏฺกา.

‘‘ยทา กุปฺปนฺติ อิสโย, สฺตา พฺรหฺมจาริโน;

สเทวกํ วินาเสนฺติ, สสาครํ สปพฺพตํ.

‘‘ติโยชนสหสฺสมฺหิ, ปุริเส สนฺนิปาตยึ;

อจฺจยํ เทสนตฺถาย, สยมฺภุํ อุปสงฺกมึ.

‘‘อลฺลวตฺถา อลฺลสิรา, สพฺเพว ปฺชลีกตา;

พุทฺธสฺส ปาเท นิปติตฺวา, อิทํ วจนมพฺรวุํ.

‘‘ขมสฺสุ ตฺวํ มหาวีร, อภิยาจติ ตํ ชโน;

ปริฬาหํ วิโนเทหิ, มา โน รฏฺํ วินาสย.

‘‘สเทวมานุสา สพฺเพ, สทานวา สรกฺขสา;

อโยมเยน กูเฏน, สิรํ ภินฺเทยฺยุ เม สทา.

‘‘ทเก อคฺคิ น สณฺาติ, พีชํ เสเล น รูหติ;

อคเท กิมิ น สณฺาติ, โกโป พุทฺเธ น ชายติ.

‘‘ยถา จ ภูมิ อจลา, อปฺปเมยฺโย จ สาคโร;

อนนฺตโก จ อากาโส, เอวํ พุทฺธา อโขภิยา.

‘‘สทา ขนฺตา มหาวีรา, ขมิตา จ ตปสฺสิโน;

ขนฺตานํ ขมิตานฺจ, คมนํ ตํ น วิชฺชติ.

‘‘อิทํ วตฺวาน สมฺพุทฺโธ, ปริฬาหํ วิโนทยํ;

มหาชนสฺส ปุรโต, นภํ อพฺภุคฺคมี ตทา.

‘‘เตน กมฺเมนหํ วีร, หีนตฺตํ อชฺฌุปาคโต;

สมติกฺกมฺม ตํ ชาตึ, ปาวิสึ อภยํ ปุรํ.

‘‘ตทาปิ มํ มหาวีร, ฑยฺหมานํ สุสณฺิตํ;

ปริฬาหํ วิโนเทสิ, สยมฺภุฺจ ขมาปยึ.

‘‘อชฺชาปิ มํ มหาวีร, ฑยฺหมานํ ติหคฺคิภิ;

นิพฺพาเปสิ ตโย อคฺคี, สีติภาวฺจ ปาปยึ.

‘‘เยสํ โสตาวธานตฺถิ, สุณาถ มม ภาสโต;

อตฺถํ ตุยฺหํ ปวกฺขามิ, ยถา ทิฏฺํ ปทํ มม.

‘‘สยมฺภุํ ตํ วิมาเนตฺวา, สนฺตจิตฺตํ สมาหิตํ;

เตน กมฺเมนหํ อชฺช, ชาโตมฺหิ นีจโยนิยํ.

‘‘มา โว ขณํ วิราเธถ, ขณาตีตา หิ โสจเร;

สทตฺเถ วายเมยฺยาถ, ขโณ โว ปฏิปาทิโต.

‘‘เอกจฺจานฺจ วมนํ, เอกจฺจานํ วิเรจนํ;

วิสํ หลาหลํ เอเก, เอกจฺจานฺจ โอสธํ.

‘‘วมนํ ปฏิปนฺนานํ, ผลฏฺานํ วิเรจนํ;

โอสธํ ผลลาภีนํ, ปุฺกฺเขตฺตํ คเวสินํ.

‘‘สาสเนน วิรุทฺธานํ, วิสํ หลาหลํ ยถา;

อาสีวิโส ทิฏฺวิโส, เอวํ ฌาเปติ ตํ นรํ.

‘‘สกึ ปีตํ หลาหลํ, อุปรุนฺธติ ชีวิตํ;

สาสเนน วิรุชฺฌิตฺวา, กปฺปโกฏิมฺหิ ฑยฺหติ.

‘‘ขนฺติยา อวิหึสาย, เมตฺตจิตฺตวตาย จ;

สเทวกํ โส ตาเรติ, ตสฺมา เต อวิราธิยา.

‘‘ลาภาลาเภ น สชฺชนฺติ, สมฺมานนวิมานเน;

ปถวีสทิสา พุทฺธา, ตสฺมา เต น วิราธิยา.

‘‘เทวทตฺเต จ วธเก, โจเร องฺคุลิมาลเก;

ราหุเล ธนปาเล จ, สพฺเพสํ สมโก มุนิ.

‘‘เอเตสํ ปฏิโฆ นตฺถิ, ราโคเมสํ น วิชฺชติ;

สพฺเพสํ สมโก พุทฺโธ, วธกสฺโสรสสฺส จ.

‘‘ปนฺเถ ทิสฺวาน กาสาวํ, ฉฑฺฑิตํ มีฬฺหมกฺขิตํ;

สิรสฺมึ อฺชลึ กตฺวา, วนฺทิตพฺพํ อิสิทฺธชํ.

‘‘อพฺภตีตา จ เย พุทฺธา, วตฺตมานา อนาคตา;

ธเชนาเนน สุชฺฌนฺติ, ตสฺมา เอเต นมสฺสิยา.

‘‘สตฺถุกปฺปํ สุวินยํ, ธาเรมิ หทเยนหํ;

นมสฺสมาโน วินยํ, วิหริสฺสามิ สพฺพทา.

‘‘วินโย อาสโย มยฺหํ, วินโย านจงฺกมํ;

กปฺเปมิ วินเย วาสํ, วินโย มม โคจโร.

‘‘วินเย ปารมิปฺปตฺโต, สมเถ จาปิ โกวิโท;

อุปาลิ ตํ มหาวีร, ปาเท วนฺทติ สตฺถุโน.

‘‘โส อหํ วิจริสฺสามิ, คามา คามํ ปุรา ปุรํ;

นมสฺสมาโน สมฺพุทฺธํ, ธมฺมสฺส จ สุธมฺมตํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

ตตฺถ หิ นํ สตฺถา สยเมว สกลํ วินยปิฏกํ อุคฺคณฺหาเปสิ. โส อปรภาเค ภารุกจฺฉกวตฺถุํ (ปารา. ๗๘) อชฺชุกวตฺถุํ (ปารา. ๑๕๘) กุมารกสฺสปวตฺถุนฺติ อิมานิ ตีณิ วตฺถูนิ วินิจฺฉยิ. สตฺถา เอเกกสฺมึ วินิจฺฉิเต สาธุการํ ทตฺวา ตโยปิ วินิจฺฉเย อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา เถรํ วินยธรานํ อคฺคฏฺาเน เปสิ. โส อปรภาเค เอกสฺมึ อุโปสถทิวเส ปาติโมกฺขุทฺเทสสมเย ภิกฺขู โอวทนฺโต –

๒๔๙.

‘‘สทฺธาย อภินิกฺขมฺม, นวปพฺพชิโต นโว;

มิตฺเต ภเชยฺย กลฺยาเณ, สุทฺธาชีเว อตนฺทิเต.

๒๕๐.

‘‘สทฺธาย อภินิกฺขมฺม, นวปพฺพชิโต นโว;

สงฺฆสฺมึ วิหรํ ภิกฺขุ, สิกฺเขถ วินยํ พุโธ.

๒๕๑.

‘‘สทฺธาย อภินิกฺขมฺม, นวปพฺพชิโต นโว;

กปฺปากปฺเปสุ กุสโล, จเรยฺย อปุรกฺขโต’’ติ. – ติสฺโส คาถา อภาสิ;

ตตฺถ สทฺธายาติ สทฺธานิมิตฺตํ, น ชีวิกตฺถนฺติ อตฺโถ. สทฺธายาติ วา กมฺมผลานิ รตนตฺตยคุณฺจ สทฺทหิตฺวา. อภินิกฺขมฺมาติ ฆราวาสโต นิกฺขมิตฺวา. นวปพฺพชิโตติ นโว หุตฺวา ปพฺพชิโต, ปมวเย เอว ปพฺพชิโต. นโวติ สาสเน สิกฺขาย อภินโว ทหโร. มิตฺเต ภเชยฺย กลฺยาเณ สุทฺธาชีเว อตนฺทิเตติ ‘‘ปิโย ครุ ภาวนีโย’’ติอาทินา (อ. นิ. ๗.๓๗) วุตฺตลกฺขเณ กลฺยาณมิตฺเต, มิจฺฉาชีววิวชฺชเนน สุทฺธาชีเว, อารทฺธวีริยตาย อตนฺทิเต ภเชยฺย อุปสงฺกเมยฺย, เตสํ โอวาทานุสาสนีปฏิคฺคหณวเสน เสเวยฺย. สงฺฆสฺมึ วิหรนฺติ สงฺเฆ ภิกฺขุสมูเห วตฺตปฏิวตฺตปูรณวเสน วิหรนฺโต. สิกฺเขถ วินยํ พุโธติ โพธาณตาสุกุสโล หุตฺวา วินยปริยตฺตึ สิกฺเขยฺย. วินโย หิ สาสนสฺส อายุ, ตสฺมึ ิเต สาสนํ ิตํ โหติ. ‘‘พุทฺโธ’’ติ จ ปนฺติ, โส เอวตฺโถ. กปฺปากปฺเปสูติ กปฺปิยากปฺปิเยสุ กุสโล สุตฺตวเสน สุตฺตานุโลมวเสน จ นิปุโณ เฉโก. อปุรกฺขโตติ น ปุรกฺขโต ตณฺหาทีหิ กุโตจิ ปุเรกฺขารํ อปจฺจาสีสนฺโต หุตฺวา วิหเรยฺย.

อุปาลิตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๒. อุตฺตรปาลตฺเถรคาถาวณฺณนา

ปณฺฑิตํ วต มํ สนฺตนฺติ อายสฺมโต อุตฺตรปาลตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต วิปสฺสิสฺส ภควโต คมนมคฺเค เสตุํ การาเปสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา อุตฺตรปาโลติ ลทฺธนาโม วยปฺปตฺโต ยมกปาฏิหาริยํ ทิสฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา สมณธมฺมํ กโรติ. ตสฺส เอกทิวสํ อโยนิโสมนสิการวเสน อนุภูตารมฺมณํ อนุสฺสรนฺตสฺส กามราโค อุปฺปชฺชิ. โส ตาวเทว สโหฑฺฒํ โจรํ คณฺหนฺโต วิย อตฺตโน จิตฺตํ นิคฺคเหตฺวา สํเวคชาโต ปฏิปกฺขมนสิกาเรน กิเลเส วิกฺขมฺเภตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต ภาวนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๗.๑๖-๒๐) –

‘‘วิปสฺสิโน ภควโต, จงฺกมนฺตสฺส สมฺมุขา;

ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, เสตุํ การาปยึ อหํ.

‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ เสตุํ การยึ อหํ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, เสตุทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อตฺตโน ปฏิปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตฺวา สีหนาทํ นทนฺโต –

๒๕๒.

‘‘ปณฺฑิตํ วต มํ สนฺตํ, อลมตฺถวิจินฺตกํ;

ปฺจ กามคุณา โลเก, สมฺโมหา ปาตยึสุ มํ.

๒๕๓.

‘‘ปกฺขนฺโท มารวิสเย, ทฬฺหสลฺลสมปฺปิโต;

อสกฺขึ มจฺจุราชสฺส, อหํ ปาสา ปมุจฺจิตุํ.

๒๕๔.

‘‘สพฺเพ กามา ปหีนา เม, ภวา สพฺเพ ปทาลิตา;

วิกฺขีโณ ชาติสํสาโร, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’’ติ. –

ติสฺโส คาถา อภาสิ.

ตตฺถ ปณฺฑิตํ วต มํ สนฺตนฺติ สุตจินฺตามยาย ปฺาย วเสน ปฺาสมฺปนฺนมฺปิ นาม มํ สมานํ. อลมตฺถวิจินฺตกนฺติ อตฺตโน จ ปเรสฺจ อตฺถํ หิตํ วิจินฺเตตุํ สมตฺถํ, อลํ วา ปริยตฺตํ อตฺถสฺส วิจินฺตกํ, กิเลสวิทฺธํสนสมตฺถํ อตฺถทสฺสินํ วา, สพฺพเมตํ อตฺตโน อนฺติมภวิกตาย เถโร วทติ. ปฺจ กามคุณาติ รูปาทโย ปฺจ กามโกฏฺาสา. โลเกติ เตสํ ปวตฺติฏฺานทสฺสนํ. สมฺโมหาติ สมฺโมหนิมิตฺตํ อโยนิโสมนสิการเหตุ. สมฺโมหาติ วา สมฺโมหนา สมฺโมหกรา. ปาตยึสูติ ธีรภาวโต ปาเตสุํ, โลกโต วา อุตฺตริตุกามํ มํ โลเก ปาตยึสูติ อตฺโถ.

ปกฺขนฺโทติ อนุปวิฏฺโ. มารวิสเยติ กิเลสวิสเย กิเลสมารสฺส ปวตฺติฏฺาเน, ตสฺส วสํ คโตติ อธิปฺปาโย. เทวปุตฺตมารสฺส วา อิสฺสริยฏฺาเน ตํ อนุปวิสิตฺวา ิโต. ทฬฺหสลฺลสมปฺปิโตติ ทฬฺหํ ถิรํ, ทฬฺเหน วา สลฺเลน สมปฺปิโต, ราคสลฺเลน หทยํ อาหจฺจ วิทฺโธ. อสกฺขึ มจฺจุราชสฺส, อหํ ปาสา ปมุจฺจิตุนฺติ อคฺคมคฺคสณฺฑาเสน ราคาทิสลฺลํ อนวเสสโต อุทฺธรนฺโตเยว ราคพนฺธนสงฺขาตา มจฺจุราชสฺส ปาสา อหํ ปริมุจฺจิตุํ อสกฺขึ, ตโต อตฺตานํ ปโมเจสึ.

ตโต เอว จ สพฺเพ กามา ปหีนา เม, ภวา สพฺเพ ปทาลิตาติ วตฺถารมฺมณาทิเภเทน อเนกเภทภินฺนา สพฺเพ กิเลสกามา อริยมคฺเคน สมุจฺเฉทวเสน มยา ปหีนา. กิเลสกาเมสุ หิ ปหีเนสุ วตฺถุกามาปิ ปหีนา เอว โหนฺติ. ตถา กามภวกมฺมภวาทโย ภวา สพฺเพ มคฺคาณาสินา ปทาลิตา วิทฺธํสิตา. กมฺมภเวสุ หิ ปทาลิเตสุ อุปปตฺติภวา ปทาลิตา เอว โหนฺติ. เอวํ กมฺมภวานํ ปทาลิตตฺตา เอว วิกฺขีโณ ชาติสํสาโร, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโวติ. ตสฺสตฺโถ เหฏฺา วุตฺโตเยว. อิทเมว จ เถรสฺส อฺาพฺยากรณํ อโหสิ.

อุตฺตรปาลตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๓. อภิภูตตฺเถรคาถาวณฺณนา

สุณาถ าตโย สพฺเพติ อายสฺมโต อภิภูตตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต เวสฺสภุสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต ตาทิเสน กลฺยาณมิตฺตสนฺนิสฺสเยน สาสเน อภิปฺปสนฺโน อโหสิ. โส สตฺถริ ปรินิพฺพุเต ตสฺส ธาตุํ คเหตุํ มหาชเน อุสฺสาหํ กโรนฺเต สยํ สพฺพปมํ คนฺโธทเกน จิตกํ นิพฺพาเปสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท เวปุรนคเร ราชกุเล นิพฺพตฺติตฺวา อภิภูโตติ ลทฺธนาโม ปิตุ อจฺจเยน รชฺชํ กาเรติ. ตสฺมิฺจ สมเย ภควา ชนปทจาริกํ จรนฺโต อนุปุพฺเพน ตํ นครํ ปาปุณิ. ตโต โส ราชา ‘‘ภควา กิร มม นครํ อนุปฺปตฺโต’’ติ สุตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ทุติยทิวเส มหาทานํ ปวตฺเตสิ. ภควา ภุตฺตาวี ตสฺส รฺโ อชฺฌาสยานุรูปํ อนุโมทนํ กโรนฺโตเยว วิตฺถารโต ธมฺมํ เทเสสิ. โส ธมฺมํ สุตฺวา ลทฺธปฺปสาโท รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ สจฺฉากาสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๗.๑๑-๑๕) –

‘‘ทยฺหมาเน สรีรมฺหิ, เวสฺสภุสฺส มเหสิโน;

คนฺโธทกํ คเหตฺวาน, จิตํ นิพฺพาปยึ อหํ.

‘‘เอกตึเส อิโต กปฺเป, จิตํ นิพฺพาปยึ อหํ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, คนฺโธทกสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา วิมุตฺติสุเขน วิหรนฺเต ตสฺมึ ตสฺส าตกา อมจฺจา ปาริสชฺชา นาครา ชานปทาติ สพฺเพ สมาคนฺตฺวา, ‘‘ภนฺเต, กสฺมา ตฺวํ อมฺเห อนาเถ กตฺวา ปพฺพชิโต’’ติ ปริเทวึสุ. เถโร เต าติปมุเข มนุสฺเส ปริเทวนฺเต ทิสฺวา เตสํ อตฺตโน ปพฺพชฺชการณวิภาวนมุเขน ธมฺมํ กเถนฺโต –

๒๕๕.

‘‘สุณาถ าตโย สพฺเพ, ยาวนฺเตตฺถ สมาคตา;

ธมฺมํ โว เทสยิสฺสามิ, ทุกฺขา ชาติ ปุนปฺปุนํ.

๒๕๖.

‘‘อารมฺภถ นิกฺกมถ, ยุฺชถ พุทฺธสาสเน;

ธุนาถ มจฺจุโน เสนํ, นฬาคารํว กุฺชโร.

๒๕๗.

‘‘โย อิมสฺมึ ธมฺมวินเย, อปฺปมตฺโต วิหสฺสติ;

ปหาย ชาติสํสารํ, ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสตี’’ติ. – ติสฺโส คาถา อภาสิ;

ตตฺถ สุณาถาติ นิสาเมถ, อิทานิ มยา วุจฺจมานํ โอหิตโสตา โสตทฺวารานุสาเรน อุปธาเรถาติ อตฺโถ. าตโยติ าตี ปมุเข กตฺวา เตสํ สพฺเพสํ อาลปนํ, เตนาห ‘‘สพฺเพ ยาวนฺเตตฺถ สมาคตา’’ติ, ยาวนฺโต ยตฺตกา เอตฺถ สมาคเม, เอติสฺสํ วา มม ปพฺพชฺชาย สมาคตาติ อตฺโถ.

อิทานิ ยํ สนฺธาย ‘‘สุณาถา’’ติ สวนาณตฺติกวจนํ กตํ, ตํ ‘‘ธมฺมํ โว เทสยิสฺสามี’’ติ ปฏิชานิตฺวา ‘‘ทุกฺขา ชาติ ปุนปฺปุน’’นฺติอาทินา เทเสตุํ อารภิ. ตตฺถ ทุกฺขา ชาติ ปุนปฺปุนนฺติ ชาติ นาเมสา คพฺโภกฺกนฺติมูลกาทิเภทสฺส ชราทิเภทสฺส จ อเนกวิหิตสฺส ทุกฺขสฺส อธิฏฺานภาวโต ทุกฺขา. สา ปุนปฺปุนํ ปวตฺตมานา อติวิย ทุกฺขา.

ตสฺสา ปน ชาติยา สมติกฺกมนตฺถํ อุสฺสาโห กรณีโยติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อารมฺภถา’’ติอาทิ. ตตฺถ อารมฺภถาติ อารมฺภธาตุสงฺขาตํ วีริยํ กโรถ. นิกฺกมถาติ โกสชฺชปกฺขโต นิกฺขนฺตตฺตา นิกฺกมธาตุสงฺขาตํ ตทุตฺตรึ วีริยํ กโรถ. ยุฺชถ พุทฺธสาสเนติ ยสฺมา สีลสํวโร อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารตา โภชเน มตฺตฺุตา สติสมฺปชฺนฺติ อิเมสุ ธมฺเมสุ ปติฏฺิตานํ ชาคริยานุโยควเสน อารมฺภนิกฺกมธาตุโย สมฺปชฺชนฺติ, ตสฺมา ตถาภูตา สมถวิปสฺสนาสงฺขาเต อธิสีลสิกฺขาทิสงฺขาเต วา ภควโต สาสเน ยุตฺตปฺปยุตฺตา โหถ. ธุนาถ มจฺจุโน เสนํ, นฬาคารํว กุฺชโรติ เอวํ ปฏิปชฺชนฺตา จ เตธาตุอิสฺสรสฺส มจฺจุราชสฺส วสํ สตฺเต เนตีติ ตสฺส เสนาสงฺขาตํ อพลํ ทุพฺพลํ ยถา นาม ถามพลูปปนฺโน กุฺชโร นเฬหิ กตํ อคารํ ขเณเนว วิทฺธํเสติ, เอวเมว กิเลสคณํ ธุนาถ วิธมถ วิทฺธํเสถาติ อตฺโถ.

เอวํ ปน พุทฺธสาสเน อุสฺสาหํ กโรนฺตสฺส เอกํสิโก ชาติทุกฺขสฺส สมติกฺกโมติ ทสฺเสนฺโต ‘‘โย อิมสฺมิ’’นฺติอาทินา ตติยํ คาถมาห. ตํ สุวิฺเยฺยเมว.

อภิภูตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๔. โคตมตฺเถรคาถาวณฺณนา

สํสรนฺติ อายสฺมโต โคตมตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ กโรนฺโต สิขิมฺหิ ภควติ ปรินิพฺพุเต ตสฺส จิตกํ เทวมนุสฺเสสุ ปูเชนฺเตสุ อฏฺหิ จมฺปกปุปฺเผหิ จิตกํ ปูเชสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สกฺยราชกุเล นิพฺพตฺติตฺวา โคตโมติ โคตฺตวเสเนว อภิลกฺขิตนาโม วยปฺปตฺโต สตฺถุ าติสมาคเม ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต ฉฬภิฺโ อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๗.๖-๑๐) –

‘‘ฌายมานสฺส ภควโต, สิขิโน โลกพนฺธุโน;

อฏฺ จมฺปกปุปฺผานิ, จิตกํ อภิโรปยึ.

‘‘เอกตึเส อิโต กปฺเป, ยํ ปุปฺผมภิโรปยึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, จิตปูชายิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

ฉฬภิฺโ ปน หุตฺวา วิมุตฺติสุเขน วิหรนฺโต เอกทิวสํ าตเกหิ ‘‘กสฺมา, ภนฺเต, อมฺเห ปหาย ปพฺพชิโต’’ติ ปุฏฺโ สํสาเร อตฺตนา อนุภูตทุกฺขฺเจว อิทานิ อธิคตํ นิพฺพานสุขฺจ ปกาเสนฺโต –

๒๕๘.

‘‘สํสรฺหิ นิรยํ อคจฺฉิสฺสํ, เปตโลกมคมํ ปุนปฺปุนํ;

ทุกฺขมมฺหิปิ ติรจฺฉานโยนิยํ, เนกธา หิ วุสิตํ จิรํ มยา.

๒๕๙.

‘‘มานุโสปิ จ ภโวภิราธิโต, สคฺคกายมคมํ สกึ สกึ;

รูปธาตุสุ อรูปธาตุสุ, เนวสฺิสุ อสฺิสุฏฺิตํ.

๒๖๐.

‘‘สมฺภวา สุวิทิตา อสารกา, สงฺขตา ปจลิตา สเทริตา;

ตํ วิทิตฺวา มหมหตฺตสมฺภวํ, สนฺติเมว สติมา สมชฺฌค’’นฺติ. –

ตีหิ คาถาหิ เตสํ ธมฺมํ เทเสสิ.

ตตฺถ สํสรนฺติ อนาทิมติ สํสาเร สํสรนฺโต กมฺมกิเลเสหิ ปฺจสุ คตีสุ จวนุปปาตวเสน อปราปรํ สํสรนฺโตติ อตฺโถ. หีติ นิปาตมตฺตํ. นิรยํ อคจฺฉิสฺสนฺติ สฺชีวาทิกํ อฏฺวิธํ มหานิรยํ, กุกฺกุฬาทิกํ โสฬสวิธํ อุสฺสทนิรยฺจ ปฏิสนฺธิวเสน อุปคจฺฉึ. ‘‘ปุนปฺปุน’’นฺติ อิทํ อิธาปิ อาเนตพฺพํ. เปตโลกนฺติ เปตฺติวิสยํ, ขุปฺปิปาสาทิเภทํ เปตตฺตภาวนฺติ อตฺโถ. อคมนฺติ ปฏิสนฺธิวเสน อุปคจฺฉึ อุปปชฺชึ. ปุนปฺปุนนฺติ อปราปรํ. ทุกฺขมมฺหิปีติ อฺมฺํ ติขิณกสาปโตทาภิฆาตาทิทุกฺเขหิ ทุสฺสหายปิ. ลิงฺควิปลฺลาเสน เหตํ วุตฺตํ ‘‘ทุกฺขมมฺหิปี’’ติ. ติรจฺฉานโยนิยนฺติ มิคปกฺขิอาทิเภทาย ติรจฺฉานโยนิยํ. เนกธา หีติ โอฏฺโคณคทฺรภาทิวเสน เจว กากพลากกุลลาทิวเสน จ อเนกปฺปการํ อเนกวารฺจ จิรํ ทีฆมทฺธานํ มยา วุสิตํ นิจฺจํ อุตฺรสฺตมานสตาทิวเสน ทุกฺขํ อนุภูตํ. ติรจฺฉานโยนิยํ นิพฺพตฺตสตฺโต มหามูฬฺหตาย จิรตรํ ตตฺเถว อปราปรํ ปริวตฺตตีติ ทสฺสนตฺถํ อิธ ‘‘จิร’’นฺติ วุตฺตํ.

มานุโสปิ จ ภโวภิราธิโตติ มนุสฺสตฺตภาโวปิ มยา ตาทิเสน กุสลกมฺมุนา สมวาเยน อภิราธิโต สาธิโต อธิคโต. กาณกจฺฉโปปมสุตฺตเมตฺถ (ม. นิ. ๓.๒๕๒; สํ. นิ. ๕.๑๑๑๗) อุทาหริตพฺพํ. สคฺคกายมคมํ สกึ สกินฺติ สคฺคคติสงฺขาตํ กามาวจรเทวกายํ สกึ สกึ กทาจิ กทาจิ อุปปชฺชนวเสน อคจฺฉึ. รูปธาตุสูติ ปุถุชฺชนภวคฺคปริโยสาเนสุ รูปภเวสุ อรูปธาตุสูติ อรูปภเวสุ. เนวสฺิสุ อสฺิสุฏฺิตนฺติ รูปารูปธาตูสุ จ น เกวลํ สฺีสุ เอว, อถ โข เนวสฺีนาสฺีสุ อสฺีสุ จ อุปปชฺช ิตํ มยาติ อาเนตฺวา โยเชตพฺพํ. เนวสฺิคฺคหเณน เหตฺถ เนวสฺีนาสฺีภโว คหิโต. ยทิปิเม ทฺเว ภวา รูปารูปธาตุคฺคหเณเนว คยฺหนฺติ, เย ปน อิโต พาหิรกา ตตฺถ นิจฺจสฺิโน ภววิโมกฺขสฺิโน จ, เตสํ ตสฺสา สฺาย มิจฺฉาภาวทสฺสนตฺถํ วิสุํ คหิตาติ ทฏฺพฺพํ.

เอวํ ทฺวีหิ คาถาหิ ภวมูลสฺส อนุปจฺฉินฺนตฺตา อนาทิมติ สํสาเร อตฺตโน วฏฺฏทุกฺขานุภวํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตทุปจฺเฉเทน วิวฏฺฏสุขานุภวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘สมฺภวา’’ติอาทินา ตติยํ คาถมาห. ตตฺถ สมฺภวาติ ภวา. กามภวาทโย เอว หิ เหตุปจฺจยสมวาเยน ภวนฺตีติ อิธ สมฺภวาติ วุตฺตา. สุวิทิตาติ วิปสฺสนาปฺาสหิตาย มคฺคปฺาย สุฏฺุ วิทิตา. อสารกาติอาทิ เตสํ วิทิตาการทสฺสนํ. ตตฺถ อสารกาติ นิจฺจสาราทิสารรหิตา. สงฺขตาติ สเมจฺจ สมฺภุยฺย ปจฺจเยหิ กตา. ปจลิตาติ สงฺขตตฺตา เอว อุปฺปาทชราทีหิ ปการโต จลิตา อนวฏฺิตา. สเทริตาติ สทา สพฺพกาลํ ภงฺเคน เอริตา, อิตฺตรา ภงฺคคามิโน ปภงฺคุโนติ อตฺโถ. ตํ วิทิตฺวา มหมตฺตสมฺภวนฺติ ตํ ยถาวุตฺตํ สงฺขตสภาวํ อตฺตสมฺภวํ อตฺตนิ สมฺภูตํ อตฺตายตฺตํ อิสฺสราทิวเสน อปรายตฺตํ ปริฺาภิสมยวเสน อหํ วิทิตฺวา ตปฺปฏิปกฺขภูตํ สนฺติเมว นิพฺพานเมว มคฺคปฺาสติยา สติมา หุตฺวา สมชฺฌคํ อธิคจฺฉึ อริยมคฺคภาวนาย อนุปฺปตฺโตติ. เอวํ เถโร าตกานํ ธมฺมเทสนามุเขน อฺํ พฺยากาสิ.

โคตมตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๕. หาริตตฺเถรคาถาวณฺณนา

โย ปุพฺเพ กรณียานีติ อายสฺมโต หาริตตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต สตฺถริ ปรินิพฺพุเต ตสฺส จิตกปูชาย กยิรมานาย คนฺเธน ปูชํ อกาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา หาริโตติ ลทฺธนาโม วยปฺปตฺโต ชาติมานํ นิสฺสาย อฺเ วสลวาเทน สมุทาจรติ. โส ภิกฺขูนํ สนฺติกํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิโตปิ จิรปริจิตตฺตา วสลสมุทาจารํ น วิสฺสชฺชิ. อเถกทิวสํ สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา สฺชาตสํเวโค วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา อตฺตโน จิตฺตปฺปวตฺตึ อุปปริกฺขนฺโต มานุทฺธจฺจวิคฺคหิตตํ ทิสฺวา ตํ ปหาย วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๖.๖๓-๖๗) –

‘‘จิตาสุ กุรุมานาสุ, นานาคนฺเธ สมาหเฏ;

ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, คนฺธมุฏฺิมปูชยึ.

‘‘สตสหสฺสิโต กปฺเป, จิตกํ ยมปูชยึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, จิตปูชายิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหา ปน หุตฺวา วิมุตฺติสุขํ อนุภวนฺโต ‘‘โย ปุพฺเพ กรณียานี’’ติอาทินา ตีหิ คาถาหิ ภิกฺขูนํ โอวาททานมุเขน อฺํ พฺยากาสิ. ตาสํ อตฺโถ เหฏฺา วุตฺโตเยว.

หาริตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๖. วิมลตฺเถรคาถาวณฺณนา

ปาปมิตฺเตติ อายสฺมโต วิมลตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ ปุฺํ อุปจินนฺโต ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต สตฺถริ ปรินิพฺพุเต สาธุกีฬนทิวเสสุ วีติวตฺเตสุ สตฺถุ สรีรํ คเหตฺวา อุปาสเกสุ ฌาปนฏฺานํ คจฺฉนฺเตสุ สตฺถุ คุเณ อาวชฺชิตฺวา ปสนฺนมานโส สุมนปุปฺเผหิ ปูชมกาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท พาราณสิยํ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิมโลติ ลทฺธนาโม วยปฺปตฺโต โสมมิตฺตตฺเถรํ นิสฺสาย สาสเน ปพฺพชิตฺวา เตเนว อุสฺสาหิโต วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๖.๕๘-๖๒) –

‘‘นีหรนฺเต สรีรมฺหิ, วชฺชมานาสุ เภริสุ;

ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, ปฏฺฏิปุปฺผมปูชยึ.

‘‘สตสหสฺสิโต กปฺเป, ยํ ปุปฺผมภิปูชยึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, เทหปูชายิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อตฺตโน สหายสฺส ภิกฺขุสฺส โอวาทํ เทนฺโต –

๒๖๔.

‘‘ปาปมิตฺเต วิวชฺเชตฺวา, ภเชยฺยุตฺตมปุคฺคลํ;

โอวาเท จสฺส ติฏฺเยฺย, ปตฺเถนฺโต อจลํ สุขํ.

๒๖๕.

‘‘ปริตฺตํ ทารุมารุยฺห, ยถา สีเท มหณฺณเว;

เอวํ กุสีตมาคมฺม, สาธุชีวีปิ สีทติ;

ตสฺมา ตํ ปริวชฺเชยฺย, กุสีตํ หีนวีริยํ.

๒๖๖.

‘‘ปวิวิตฺเตหิ อริเยหิ, ปหิตตฺเตหิ ฌายิภิ;

นิจฺจํ อารทฺธวีริเยหิ, ปณฺฑิเตหิ สหาวเส’’ติ. –

ติสฺโส คาถา อภาสิ.

ตตฺถ ปาปมิตฺเตติ อกลฺยาณมิตฺเต อสปฺปุริเส หีนวีริเย. วิวชฺเชตฺวาติ ตํ อภชนวเสน ทูรโต วชฺเชตฺวา. ภเชยฺยุตฺตมปุคฺคลนฺติ สปฺปุริสํ ปณฺฑิตํ กลฺยาณมิตฺตํ โอวาทานุสาสนีคหณวเสน เสเวยฺย. โอวาเท จสฺส ติฏฺเยฺยาติ อสฺส กลฺยาณมิตฺตสฺส โอวาเท อนุสิฏฺิยํ ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชนวเสน ติฏฺเยฺย. ปตฺเถนฺโตติ อากงฺขนฺโต. อจลํ สุขนฺติ นิพฺพานสุขํ ผลสุขฺจ. ตมฺปิ หิ อกุปฺปภาวโต ‘‘อจล’’นฺติ วุจฺจติ. เสสํ วุตฺตตฺถเมว.

วิมลตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

ติกนิปาตวณฺณนา นิฏฺิตา.

ปโม ภาโค นิฏฺิโต.