📜
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
ขุทฺทกนิกาเย
เถรคาถา-อฏฺกถา
(ปโม ภาโค)
คนฺถารมฺภกถา
มหาการุณิกํ ¶ ¶ ¶ นาถํ, เยฺยสาครปารคุํ;
วนฺเท นิปุณคมฺภีร-วิจิตฺรนยเทสนํ.
วิชฺชาจรณสมฺปนฺนา, เยน นิยฺยนฺติ โลกโต;
วนฺเท ตมุตฺตมํ ธมฺมํ, สมฺมาสมฺพุทฺธปูชิตํ.
สีลาทิคุณสมฺปนฺโน, ิโต มคฺคผเลสุ โย;
วนฺเท อริยสงฺฆํ ตํ, ปฺุกฺเขตฺตํ อนุตฺตรํ.
วนฺทนาชนิตํ ปฺุํ, อิติ ยํ รตนตฺตเย;
หตนฺตราโย สพฺพตฺถ, หุตฺวาหํ ตสฺส เตชสา.
ยา ¶ ตา สุภูติอาทีหิ, กตกิจฺเจหิ ตาทิหิ;
เถเรหิ ภาสิตา คาถา, เถรีหิ จ นิรามิสา.
อุทานนาทวิธินา, คมฺภีรา นิปุณา สุภา;
สฺุตาปฏิสํยุตฺตา, อริยธมฺมปฺปกาสิกา.
เถรคาถาติ นาเมน, เถรีคาถาติ ตาทิโน;
ยา ขุทฺทกนิกายมฺหิ, สงฺคายึสุ มเหสโย.
ตาสํ ¶ คมฺภีราเณหิ, โอคาเหตพฺพภาวโต;
กิฺจาปิ ทุกฺกรา กาตุํ, อตฺถสํวณฺณนา มยา.
สหสํวณฺณนํ ยสฺมา, ธรเต สตฺถุ สาสนํ;
ปุพฺพาจริยสีหานํ, ติฏฺเตว วินิจฺฉโย.
ตสฺมา ¶ ตํ อวลมฺพิตฺวา, โอคาเหตฺวาน ปฺจปิ;
นิกาเย อุปนิสฺสาย, โปราณฏฺกถานยํ.
สุวิสุทฺธํ อสํกิณฺณํ, นิปุณตฺถวินิจฺฉยํ;
มหาวิหารวาสีนํ, สมยํ อวิโลมยํ.
ยาสํ อตฺโถ ทุวิฺเยฺโย, อนุปุพฺพิกถํ วินา;
ตาสํ ตฺจ วิภาเวนฺโต, ทีปยนฺโต วินิจฺฉยํ.
ยถาพลํ กริสฺสามิ, อตฺถสํวณฺณนํ สุภํ;
สกฺกจฺจํ เถรคาถานํ, เถรีคาถานเมว จ.
อิติ อากงฺขมานสฺส, สทฺธมฺมสฺส จิรฏฺิตึ;
ตทตฺถํ วิภชนฺตสฺส, นิสามยถ สาธโวติ.
กา ปเนตา เถรคาถา เถรีคาถา จ, กถฺจ ปวตฺตาติ, กามฺจายมตฺโถ คาถาสุ วุตฺโตเยว ปากฏกรณตฺถํ ปน ปุนปิ วุจฺจเต – ตตฺถ เถรคาถา ตาว สุภูติตฺเถราทีหิ ภาสิตา. ยา หิ เต อตฺตนา ยถาธิคตํ มคฺคผลสุขํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา กาจิ อุทานวเสน, กาจิ อตฺตโน สมาปตฺติวิหารปจฺจเวกฺขณวเสน, กาจิ ปุจฺฉาวเสน, กาจิ ปรินิพฺพานสมเย สาสนสฺส นิยฺยานิกภาววิภาวนวเสน อภาสึสุ, ตา สพฺพา สงฺคีติกาเล เอกชฺฌํ กตฺวา ‘‘เถรคาถา’’อิจฺเจว ธมฺมสงฺคาหเกหิ สงฺคีตา. เถรีคาถา ปน เถริโย อุทฺทิสฺส เทสิตา.
ตา ปน วินยปิฏกํ, สุตฺตนฺตปิฏกํ อภิธมฺมปิฏกนฺติ ตีสุ ปิฏเกสุ สุตฺตนฺตปิฏกปริยาปนฺนา. ทีฆนิกาโย, มชฺฌิมนิกาโย, สํยุตฺตนิกาโย, องฺคุตฺตรนิกาโย, ขุทฺทกนิกาโยติ ¶ ปฺจสุ นิกาเยสุ ขุทฺทกนิกายปริยาปนฺนา, สุตฺตํ, เคยฺยํ, เวยฺยากรณํ, คาถา, อุทานํ, อิติวุตฺตกํ ¶ , ชาตกํ, อพฺภุตธมฺมํ, เวทลฺลนฺติ นวสุ สาสนงฺเคสุ คาถงฺคสงฺคหํ คตา.
‘‘ทฺวาสีติ พุทฺธโต คณฺหึ, ทฺเวสหสฺสานิ ภิกฺขุโต;
จตุราสีติสหสฺสานิ, เย เม ธมฺมา ปวตฺติโน’’ติ.
เอวํ ธมฺมภณฺฑาคาริเกน ปฏิฺาเตสุ จตุราสีติยา ธมฺมกฺขนฺธสหสฺเสสุ กติปยธมฺมกฺขนฺธสงฺคหํ คตา.
ตตฺถ ¶ เถรคาถา ตาว นิปาตโต เอกนิปาโต เอกุตฺตรวเสน ยาว จุทฺทสนิปาตาติ จุทฺทสนิปาโต โสฬสนิปาโต วีสตินิปาโต ตึสนิปาโต จตฺตาลีสนิปาโต ปฺาสนิปาโต สฏฺินิปาโต สตฺตตินิปาโตติ เอกวีสตินิปาตสงฺคหา. นิปาตนํ นิกฺขิปนนฺติ นิปาโต. เอโก เอเกโก คาถานํ นิปาโต นิกฺเขโป เอตฺถาติ เอกนิปาโต. อิมินา นเยน เสเสสุปิ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
ตตฺถ เอกนิปาเต ทฺวาทส วคฺคา. เอเกกสฺมึ วคฺเค ทส ทส กตฺวา วีสุตฺตรสตํ เถรา, ตตฺติกา เอว คาถา. วุตฺตฺหิ –
‘‘วีสุตฺตรสตํ เถรา, กตกิจฺจา อนาสวา;
เอกกมฺหิ นิปาตมฺหิ, สุสงฺคีตา มเหสิภี’’ติ.
ทุกนิปาเต เอกูนปฺาส เถรา, อฏฺนวุติ คาถา; ติกนิปาเต โสฬส เถรา, อฏฺจตฺตาลีส คาถา; จตุกฺกนิปาเต เตรส เถรา, ทฺเวปฺาส คาถา; ปฺจกนิปาเต ทฺวาทส เถรา, สฏฺิ คาถา; ฉกฺกนิปาเต จุทฺทส เถรา, จตุราสีติ คาถา; สตฺตกนิปาเต ปฺจ เถรา, ปฺจตึส คาถา; อฏฺกนิปาเต ตโย เถรา, จตุวีสติ คาถา; นวกนิปาเต เอโก เถโร, นว คาถา; ทสนิปาเต สตฺต เถรา, สตฺตติ คาถา; เอกาทสนิปาเต เอโก เถโร, เอกาทส คาถา; ทฺวาทสนิปาเต ทฺเว เถรา, จตุวีสติ คาถา; เตรสนิปาเต เอโก เถโร, เตรส คาถา; จุทฺทสนิปาเต ทฺเว เถรา, อฏฺวีสติ คาถา; ปนฺนรสนิปาโต นตฺถิ, โสฬสนิปาเต ทฺเว เถรา, ทฺวตฺตึส คาถา; วีสตินิปาเต ทส เถรา, ปฺจจตฺตาลีสาธิกานิ ทฺเว คาถาสตานิ; ตึสนิปาเต ตโย เถรา, สตํ ปฺจ ¶ จ คาถา; จตฺตาลีสนิปาเต เอโก ¶ เถโร, ทฺเวจตฺตาลีส คาถา; ปฺาสนิปาเต เอโก เถโร, ปฺจปฺาส คาถา; สฏฺินิปาเต เอโก เถโร, อฏฺสฏฺิ คาถา; สตฺตตินิปาเต เอโก เถโร, เอกสตฺตติ คาถา. สมฺปิณฺเฑตฺวา ปน ทฺเวสตานิ จตุสฏฺิ จ เถรา, สหสฺสํ ตีณิ สตานิ สฏฺิ จ คาถาติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘สหสฺสํ โหนฺติ ตา คาถา, ตีณิ สฏฺิ สตานิ จ;
เถรา จ ทฺเว สตา สฏฺิ, จตฺตาโร จ ปกาสิตา’’ติ.
เถรีคาถา ปน เอกนิปาโต เอกุตฺตรวเสน ยาว นวนิปาตาติ นวนิปาโต เอกาทสนิปาโต, ทฺวาทสนิปาโต, โสฬสนิปาโต, วีสตินิปาโต, ตึสนิปาโต, จตฺตาลีสนิปาโต, มหานิปาโตติ ¶ โสฬสนิปาตสงฺคหา. ตตฺถ เอกนิปาเต อฏฺารส เถริโย, อฏฺารเสว คาถา; ทุกนิปาเต ทส เถริโย, วีสติ คาถา; ติกนิปาเต อฏฺ เถริโย, จตุวีสติ คาถา; จตุกฺกนิปาเต เอกา เถรี, จตสฺโส คาถา; ปฺจกนิปาเต ทฺวาทส เถริโย สฏฺิ คาถา; ฉกฺกนิปาเต อฏฺ เถริโย อฏฺจตฺตาลีส คาถา; สตฺตนิปาเต ติสฺโส เถริโย, เอกวีสติ คาถา; อฏฺ นิปาตโต ปฏฺาย ยาว โสฬสนิปาตา เอเกกา เถริโย ตํตํนิปาตปริมาณา คาถา; วีสตินิปาเต ปฺจ เถริโย, อฏฺารสสตคาถา; ตึสนิปาเต เอกา เถรี, จตุตฺตึส คาถา; จตฺตาลีสนิปาเต เอกา เถรี, อฏฺจตฺตาลีส คาถา; มหานิปาเตปิ เอกา เถรี, ปฺจสตฺตติ คาถา. เอวเมตฺถ นิปาตานํ คาถาวคฺคานํ คาถานฺจ ปริมาณํ เวทิตพฺพํ.
นิทานคาถาวณฺณนา
เอวํ ¶ ปริจฺฉินฺนปริมาณาสุ ปเนตาสุ เถรคาถา อาทิ. ตตฺถาปิ –
‘‘สีหานํว นทนฺตานํ, ทาีนํ คิริคพฺภเร;
สุณาถ ภาวิตตฺตานํ, คาถา อตฺถูปนายิกา’’ติ.
อยํ ปมมหาสงฺคีติกาเล อายสฺมตา อานนฺเทน เตสํ เถรานํ โถมนตฺถํ ภาสิตา คาถา อาทิ. ตตฺถ สีหานนฺติ สีหสทฺโท ‘‘สีโห, ภิกฺขเว, มิคราชา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๓๓) มิคราเช อาคโต. ‘‘อถ โข สีโห เสนาปติ เยน ภควา เตนุปสงฺกมี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๕.๓๔) ปฺตฺติยํ. ‘‘สีโหติ โข, ภิกฺขเว, ตถาคตสฺเสตํ ¶ อธิวจนํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๕.๙๙; ๑๐.๒๑) ตถาคเต. ตตฺถ ยถา ตถาคเต สทิสกปฺปนาย อาคโต, เอวํ อิธาปิ สทิสกปฺปนาวเสเนว เวทิตพฺโพ, ตสฺมา สีหานํวาติ สีหานํ อิว. สนฺธิวเสน สรโลโป ‘‘เอวํส เต’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๒) วิย. ตตฺถ อิวาติ นิปาตปทํ. สุณาถาติ อาขฺยาตปทํ. อิตรานิ นามปทานิ. สีหานํวาติ จ สมฺพนฺเธ สามิวจนํ. กามฺเจตฺถ สมฺพนฺธี สรูปโต น วุตฺโต, อตฺถโต ¶ ปน วุตฺโตว โหติ. ยถา หิ ‘‘โอฏฺสฺเสว มุขํ เอตสฺสา’’ติ วุตฺเต โอฏฺสฺส มุขํ วิย มุขํ เอตสฺสาติ อยมตฺโถ วุตฺโต เอว โหติ, เอวมิธาปิ ‘‘สีหานํวา’’ติ วุตฺเต สีหานํ นาโท วิยาติ อยมตฺโถ วุตฺโต เอว โหติ. ตตฺถ มุขสทฺทสนฺนิธานํ โหตีติ เจ, อิธาปิ ‘‘นทนฺตาน’’นฺติ ปทสนฺนิธานโต, ตสฺมา สีหานํวาติ นิทสฺสนวจนํ. นทนฺตานนฺติ ตสฺส นิทสฺสิตพฺเพน สมฺพนฺธทสฺสนํ. ทาีนนฺติ ตพฺพิเสสนํ. คิริคพฺภเรติ ตสฺส ปวตฺติฏฺานทสฺสนํ. สุณาถาติ สวเน นิโยชนํ. ภาวิตตฺตานนฺติ โสตพฺพสฺส ปภวทสฺสนํ. คาถาติ โสตพฺพวตฺถุทสฺสนํ. อตฺถุปนายิกาติ ตพฺพิเสสนํ. กามฺเจตฺถ ‘‘สีหานํ นทนฺตานํ ทาีน’’นฺติ ปุลฺลิงฺควเสน อาคตํ, ลิงฺคํ ปน ปริวตฺเตตฺวา ‘‘สีหีน’’นฺติอาทินา อิตฺถิลิงฺควเสนาปิ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. เอกเสสวเสน วา สีหา จ สีหิโย จ สีหา, เตสํ สีหานนฺติอาทินา ¶ สาธารณา เหตา ติสฺโส นิทานคาถา เถรคาถานํ เถรีคาถานฺจาติ.
ตตฺถ สหนโต หนนโต จ สีโห. ยถา หิ สีหสฺส มิครฺโ พลวิเสสโยคโต สรภมิคมตฺตวรวารณาทิโตปิ ปริสฺสโย นาม นตฺถิ, วาตาตปาทิปริสฺสยมฺปิ โส สหติเยว, โคจราย ปกฺกมนฺโตปิ เตชุสฺสทตาย มตฺตคนฺธหตฺถิวนมหึสาทิเก สมาคนฺตฺวา อภีรู อฉมฺภี อภิภวติ, อภิภวนฺโต จ เต อฺทตฺถุ หนฺตฺวา ตตฺถ มุทุมํสานิ ภกฺขยิตฺวา สุเขเนว วิหรติ, เอวเมเตปิ มหาเถรา อริยพลวิเสสโยเคน สพฺเพสมฺปิ ปริสฺสยานํ สหนโต, ราคาทิสํกิเลสพลสฺส อภิภวิตฺวา หนนโต ปชหนโต เตชุสฺสทภาเวน กุโตจิปิ อภีรู อฉมฺภี ฌานาทิสุเขน วิหรนฺตีติ สหนโต หนนโต จ สีหา วิยาติ สีหา. สทฺทตฺถโต ปน ยถา กนฺตนตฺเถน อาทิอนฺตวิปลฺลาสโต ตกฺกํ วุจฺจติ, เอวํ หึสนฏฺเน สีโห เวทิตพฺโพ. ตถา สหนฏฺเน. ปิโสทราทิปกฺเขเปน นิรุตฺตินเยน ปน ¶ วุจฺจมาเน วตฺตพฺพเมว นตฺถิ.
อถ วา ยถา มิคราชา เกสรสีโห อตฺตโน เตชุสฺสทตาย เอกจารี วิหรติ, น กฺจิ สหายํ ปจฺจาสีสติ, เอวเมเตปิ เตชุสฺสทตาย วิเวกาภิรติยา จ เอกจาริโนติ เอกจริยฏฺเนปิ สีหา วิยาติ สีหา, เตนาห – ภควา ‘‘สีหํเวกจรํ นาค’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๓๐; สุ. นิ. ๑๖๘).
อถ ¶ วา อสนฺตาสนชวปรกฺกมาทิวิเสสโยคโต สีหา วิยาติ สีหา, เอเต มหาเถรา. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –
‘‘ทฺเวเม, ภิกฺขเว, อสนิยา ผลนฺติยา น สนฺตสนฺติ, กตเมว ทฺเว? ภิกฺขุ จ ขีณาสโว สีโห จ มิคราชา’’ติ (อ. นิ. ๒.๖๐).
ชโวปิ สีหสฺส อฺเหิ อสาธารโณ, ตถา ปรกฺกโม. ตถา หิ โส อุสภสตมฺปิ ลงฺฆิตฺวา วนมหึสาทีสุ นิปตติ, โปตโกปิ สมาโน ปภินฺนมทานมฺปิ มตฺตวรวารณานํ ปฏิมานํ ภินฺทิตฺวา ¶ ทนฺตกฬีรํว ขาทติ. เอเตสํ ปน อริยมคฺคชโว อิทฺธิชโว จ อฺเหิ อสาธารโณ, สมฺมปฺปธานปรกฺกโม จ นิรติสโย. ตสฺมา สีหานํวาติ สีหสทิสานํ วิย. สีหสฺส เจตฺถ หีนูปมตา ทฏฺพฺพา, อจฺจนฺตวิสิฏฺสฺส สหนาทิอตฺถสฺส เถเรสฺเวว ลพฺภนโต.
นทนฺตานนฺติ คชฺชนฺตานํ. โคจรปรกฺกมตุฏฺิเวลาทีสุ หิ ยถา สีหา อตฺตโน อาสยโต นิกฺขมิตฺวา วิชมฺภิตฺวา สีหนาทํ อภีตนาทํ นทนฺติ, เอวํ เอเตปิ วิสยชฺฌตฺตปจฺจเวกฺขณอุทานาทิกาเลสุ อิมํ อภีตนาทํ นทึสุ. เตน วุตฺตํ – ‘‘สีหานํว นทนฺตาน’’นฺติ. ทาีนนฺติ ทาาวนฺตานํ. ปสฏฺทาีนํ, อติสยทาานนฺติ วา อตฺโถ. ยถา หิ สีหา อติวิย ทฬฺหานํ ติกฺขานฺจ จตุนฺนํ ทาานํ พเลน ปฏิปกฺขํ อภิภวิตฺวา อตฺตโน มโนรถํ มตฺถกํ ปูเรนฺติ, เอวเมเตปิ จตุนฺนํ อริยมคฺคทาานํ พเลน อนาทิมติ สํสาเร อนภิภูตปุพฺพปฏิปกฺขํ ¶ อภิภวิตฺวา อตฺตโน มโนรถํ มตฺถกํ ปาเปสุํ. อิธาปิ ทาา วิยาติ ทาาติ สทิสกปฺปนาวเสเนว อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
คิริคพฺภเรติ ปพฺพตคุหายํ, สมีปตฺเถ ภุมฺมวจนํ. ‘‘คิริควฺหเร’’ติ เกจิ ปนฺติ. ปพฺพเตสุ วนคหเน วนสณฺเฑติ อตฺโถ. อิทํ ปน เนสํ วิโรจนฏฺานทสฺสนฺเจว สีหนาทสฺส โยคฺยภูมิทสฺสนฺจ. นทนฺตานํ คิริคพฺภเรติ โยชนา. ยถา หิ สีหา เยภุยฺเยน คิริคพฺภเร อฺเหิ ทุราสทตาย ชนวิวิตฺเต วสนฺตา อตฺตโน ทสฺสเนน อุปฺปชฺชนกสฺส ขุทฺทกมิคสนฺตาสสฺส ปริหรณตฺถํ โคจรคมเน สีหนาทํ นทนฺติ, เอวเมเตปิ อฺเหิ ทุราสทคิริคพฺภรสทิเสว สฺุาคาเรวสนฺตา คุเณหิ ขุทฺทกานํ ปุถุชฺชนานํ ตณฺหาทิฏฺิปริตฺตาสปริวชฺชนตฺถํ วกฺขมานคาถาสงฺขาตํ อภีตนาทํ นทึสุ. เตน วุตฺตํ ‘‘สีหานํว นทนฺตานํ, ทาีนํ คิริคพฺภเร’’ติ.
สุณาถาติ ¶ สวนาณตฺติกวจนํ, เตน วกฺขมานานํ คาถานํ สนฺนิปติตาย ปริสาย โสตุกามตํ อุปฺปาเทนฺโต สวเน อาทรํ ชเนติ, อุสฺสาหํ สมุฏฺาเปนฺโต คารวํ พหุมานฺจ อุปฏฺเปติ. อถ วา ‘‘สีหาน’’นฺติอาทีนํ ¶ ปทานํ สทิสกปฺปนาย วินา มุขฺยวเสเนว อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ตสฺมา ทฬฺหติกฺขภาเวน ปสฏฺาติสยทาตาย ทาีนํ คิริคพฺภเร นทนฺตานํ สีหคชฺชิตํ คชฺชนฺตานํ สีหานํ มิคราชูนํ วิย เตสํ อภีตนาทสทิสา คาถา สุณาถาติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘ยถา สีหนาทํ นทนฺตานํ สีหานํ มิคราชูนํ กุโตจิปิ ภยาภาวโต โส อภีตนาโท ตทฺมิคสนฺตาสกโร, เอวํ ภาวิตตฺตานํ อปฺปมตฺตานํ เถรานํ สีหนาทสทิสิโย สพฺพโส ภยเหตูนํ สุปฺปหีนตฺตา อภีตนาทภูตา, ปมตฺตชนสนฺตาสกรา คาถา สุณาถา’’ติ.
ภาวิตตฺตานนฺติ ภาวิตจิตฺตานํ. จิตฺตฺหิ ‘‘อตฺตา หิ กิร ทุทฺทโม (ธ. ป. ๑๕๙) โย เว ิตตฺโต ตสรํว อุชฺชู’’ติ (สุ. นิ. ๒๑๗) จ ‘‘อตฺตสมฺมาปณิธี’’ติ ¶ (ขุ. ปา. ๕.๔; สุ. นิ. ๒๖๓) จ เอวมาทีสุ อตฺตาติ วุจฺจติ, ตสฺมา อธิจิตฺตานุโยเคน สมถวิปสฺสนาภิวฑฺฒิตจิตฺตานํ สมถวิปสฺสนาภาวนามตฺถกํ ปาเปตฺวา ิตานนฺติ อตฺโถ. อถ วา ภาวิตตฺตานนฺติ ภาวิตสภาวานํ, สภาวภูตสีลาทิภาวิตานนฺติ อตฺโถ. คียตีติ คาถา, อนุฏฺุภาทิวเสน อิสีหิ ปวตฺติตํ จตุปฺปทํ ฉปฺปทํ วา วจนํ. อฺเสมฺปิ ตํสทิสตาย ตถา วุจฺจนฺติ. อตฺตตฺถาทิเภเท อตฺเถ อุปเนนฺติ เตสุ วา อุปนิยฺยนฺตีติ อตฺถูปนายิกา.
อถ วา ภาวิตตฺตานนฺติ ภาวิตตฺตาภาวานํ, อตฺตภาโว หิ อาหิโต อหํ มาโน เอตฺถาติ ‘‘อตฺตา’’ติ วุจฺจติ, โส จ เตหิ อปฺปมาทภาวนาย อนวชฺชภาวนาย ภาวิโต สมฺมเทว คุณคนฺธํ คาหาปิโต. เตน เตสํ กายภาวนา สีลภาวนา จิตฺตภาวนา ปฺาภาวนาติ จตุนฺนมฺปิ ภาวนานํ ปริปุณฺณภาวํ ทสฺเสติ. ‘‘ภาวนา’’ติ จ สมฺโพธิปฏิปทา อิธาธิปฺเปตา. ยายํ สจฺจสมฺโพธิ อตฺถิ, สา ทุวิธา อภิสมยโต ตทตฺถโต จ. สมฺโพธิ ปน ติวิธา สมฺมาสมฺโพธิ ปจฺเจกสมฺโพธิ สาวกสมฺโพธีติ. ตตฺถ สมฺมา สามํ สพฺพธมฺมานํ พุชฺฌนโต โพธนโต จ สมฺมาสมฺโพธิ. สพฺพฺุตฺาณปทฏฺานํ มคฺคาณํ มคฺคาณปทฏฺานฺจ สพฺพฺุตฺาณํ ‘‘สมฺมาสมฺโพธี’’ติ วุจฺจติ. เตนาห –
‘‘พุทฺโธติ ¶ โย โส ภควา สยมฺภู อนาจริยโก ปุพฺเพ อนนุสฺสุเตสุ ธมฺเมสุ สามํ สจฺจานิ อภิสมฺพุชฺฌิ, ตตฺถ จ สพฺพฺุตํ ปตฺโต พเลสุ จ วสีภาว’’นฺติ (มหานิ. ๑๙๒; จูฬนิ. ปารายนตฺถุติคาถานิทฺเทส ๙๗; ปฏิ. ม. ๑.๑๖๑).
โพธเนยฺยโพธนตฺโถ ¶ หิ พเลสุ วสีภาโว. ปจฺเจกํ สยเมว โพธีติ ปจฺเจกสมฺโพธิ, อนนุพุทฺโธ สยมฺภูาเณน สจฺจาภิสมโยติ อตฺโถ. สมฺมาสมฺพุทฺธานฺหิ สยมฺภูาณตาย สยเมว ปวตฺตมาโนปิ สจฺจาภิสมโย สานุพุทฺโธ อปริมาณานํ สตฺตานํ สจฺจาภิสมยสฺส เหตุภาวโต. อิเมสํ ปน โส เอกสฺสาปิ สตฺตสฺส สจฺจาภิสมยเหตุ น โหติ. สตฺถุ ธมฺมเทสนาย สวนนฺเต ชาตาติ สาวกา. สาวกานํ สจฺจาภิสมโย สาวกสมฺโพธิ. ติวิธาเปสา ¶ ติณฺณํ โพธิสตฺตานํ ยถาสกํ อาคมนียปฏิปทาย มตฺถกปฺปตฺติยา สติปฏฺานาทีนํ สตฺตตึสาย โพธิปกฺขิยธมฺมานํ ภาวนาปาริปูรีติ เวทิตพฺพา อิตราภิสมยานํ ตทวินาภาวโต. น หิ สจฺฉิกิริยาภิสมเยน วินา ภาวนาภิสมโย สมฺภวติ, สติ จ ภาวนาภิสมเย ปหานาภิสมโย ปริฺาภิสมโย จ สิทฺโธเยว โหตีติ.
ยทา หิ มหาโพธิสตฺโต ปริปูริตโพธิสมฺภาโร จริมภเว กตปุพฺพกิจฺโจ โพธิมณฺฑํ อารุยฺห – ‘‘น ตาวิมํ ปลฺลงฺกํ ภินฺทิสฺสามิ, ยาว น เม อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุจฺจิสฺสตี’’ติ ปฏิฺํ กตฺวา อปราชิตปลฺลงฺเก นิสินฺโน อสมฺปตฺตาย เอว สฺฌาเวลาย มารพลํ วิธมิตฺวา ปุริมยาเม ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาเณน อเนกาการโวกาเร ปุพฺเพ นิวุตฺถกฺขนฺเธ อนุสฺสริตฺวา มชฺฌิมยาเม ทิพฺพจกฺขุวิโสธเนน จุตูปปาตาณอนาคตํสาณานิ อธิคนฺตฺวา ปจฺฉิมยาเม ‘‘กิจฺฉํ วตายํ โลโก อาปนฺโน ชายติ จ ชียติ จ มียติ จ จวติ จ อุปปชฺชติ จ, อถ จ ปนิมสฺส ทุกฺขสฺส นิสฺสรณํ นปฺปชานาติ ชรามรณสฺสา’’ติอาทินา (ที. นิ. ๒.๕๗) ชรามรณโต ปฏฺาย ปฏิจฺจสมุปฺปาทมุเขน วิปสฺสนํ อภินิวิสิตฺวา มหาคหนํ ฉินฺทิตุํ นิสทสิลายํ ผรสุํ นิเสนฺโต วิย กิเลสคหนํ ฉินฺทิตุํ โลกนาโถ าณผรสุํ เตเชนฺโต พุทฺธภาวาย เหตุสมฺปตฺติยา ¶ ปริปากํ คตตฺตา สพฺพฺุตฺาณาธิคมาย วิปสฺสนํ คพฺภํ คณฺหาเปนฺโต อนฺตรนฺตรา นานาสมาปตฺติโย สมาปชฺชิตฺวา ยถาววตฺถาปิเต นามรูเป ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา อนุปทธมฺมวิปสฺสนาวเสน อเนกาการโวการสงฺขาเร สมฺมสนฺโต ฉตฺตึสโกฏิสตสหสฺสมุเขน สมฺมสนวารํ วิตฺถาเรตฺวา ตตฺถ มหาวชิราณสงฺขาเต วิปสฺสนาาเณ ติกฺเข สูเร ปสนฺเน วุฏฺานคามินิภาเวน ปวตฺตมาเน ยทา ตํ มคฺเคน ฆเฏติ, ตทา มคฺคปฏิปาฏิยา ทิยฑฺฒกิเลสสหสฺสํ เขเปนฺโต อคฺคมคฺคกฺขเณ สมฺมาสมฺโพธึ อธิคจฺฉติ นาม, อคฺคผลกฺขณโต ปฏฺาย ¶ อธิคโต นาม. สมฺมาสมฺพุทฺธภาวโต ทสพลจตุเวสารชฺชาทโยปิ ตสฺส ตทา หตฺถคตาเยว โหนฺตีติ อยํ ตาว อภิสมยโต สมฺมาสมฺโพธิปฏิปทา. ตทตฺถโต ปน มหาภินีหารโต ปฏฺาย ยาว ตุสิตภวเน นิพฺพตฺติ, เอตฺถนฺตเร ปวตฺตํ โพธิสมฺภารสมฺภรณํ. ตตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ สพฺพาการสมฺปนฺนํ จริยาปิฏกวณฺณนายํ วิตฺถารโต วุตฺตเมวาติ ตตฺถ วุตฺตนเยเนว คเหตพฺพํ.
ปจฺเจกโพธิสตฺตาปิ ¶ ปจฺเจกโพธิยา กตาภินีหารา อนุปุพฺเพน สมฺภตปจฺเจกสมฺโพธิสมฺภารา ตาทิเส กาเล จริมตฺตภาเว ิตา าณสฺส ปริปากคตภาเวน อุปฏฺิตํ สํเวคนิมิตฺตํ คเหตฺวา สวิเสสํ ภวาทีสุ อาทีนวํ ทิสฺวา สยมฺภูาเณน ปวตฺติ ปวตฺติเหตุํ นิวตฺติ นิวตฺติเหตฺุจ ปริจฺฉินฺทิตฺวา ‘‘โส ‘อิทํ ทุกฺข’นฺติ โยนิโส มนสิ กโรตี’’ติอาทินา อาคตนเยน จตุสจฺจกมฺมฏฺานํ ปริพฺรูเหนฺตา อตฺตโน อภินีหารานุรูปํ สงฺขาเร ปริมทฺทนฺตา อนุกฺกเมน วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา มคฺคปฏิปาฏิยา อคฺคมคฺคํ อธิคจฺฉนฺตา ปจฺเจกสมฺโพธึ อภิสมฺพุชฺฌนฺติ นาม, อคฺคผลกฺขณโต ปฏฺาย ปจฺเจกสมฺพุทฺธา นาม หุตฺวา สเทวกสฺส โลกสฺส อคฺคทกฺขิเณยฺยา โหนฺติ.
สาวกา ปน สตฺถุ สพฺรหฺมจาริโน วา จตุสจฺจกมฺมฏฺานกถํ สุตฺวา ตสฺมึเยว ขเณ กาลนฺตเร วา ตชฺชํ ปฏิปตฺตึ อนุติฏฺนฺตา ฆเฏนฺตา วายมนฺตา วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา, ยทิ วา ปฏิปทาย วฑฺฒนฺติยา, สจฺจานิ ปฏิวิชฺฌนฺตา ¶ อตฺตโน อภินีหารานุรูปสิทฺธิอคฺคสาวกภูมิยา วา เกวลํ วา อคฺคมคฺคกฺขเณ สาวกสมฺโพธึ อธิคจฺฉนฺติ นาม. ตโต ปรํ สาวกพุทฺธา นาม โหนฺติ สเทวเก โลเก อคฺคทกฺขิเณยฺยา. เอวํ ตาว อภิสมยโต ปจฺเจกสมฺโพธิ สาวกสมฺโพธิ จ เวทิตพฺพา.
ตทตฺถโต ปน ยถา มหาโพธิสตฺตานํ เหฏฺิมปริจฺเฉเทน จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ กปฺปานํ สตสหสฺสฺจ โพธิสมฺภารสมฺภรณํ อิจฺฉิตพฺพํ มชฺฌิมปริจฺเฉเทน อฏฺ ¶ อสงฺขฺเยยฺยานิ กปฺปานํ สตสหสฺสฺจ, อุปริมปริจฺเฉเทน โสฬส อสงฺขฺเยยฺยานิ กปฺปานํ สตสหสฺสฺจ เอเต จ เภทา ปฺาธิกสทฺธาธิกวีริยาธิกวเสน เวทิตพฺพา. ปฺาธิกานฺหิ สทฺธา มนฺทา โหติ ปฺา ติกฺขา, ตโต จ อุปายโกสลฺลสฺส วิสทนิปุณภาเวน นจิรสฺเสว ปารมิโย ปาริปูรึ คจฺฉนฺติ. สทฺธาธิกานํ ปฺา มชฺฌิมา โหตีติ เตสํ นาติสีฆํ นาติสณิกํ ปารมิโย ปาริปูรึ คจฺฉนฺติ. วีริยาธิกานํ ปน ปฺา มนฺทา โหตีติ เตสํ จิเรเนว ปารมิโย ปาริปูรึ คจฺฉนฺติ. น เอวํ ปจฺเจกโพธิสตฺตานํ. เตสฺหิ สติปิ ปฺาธิกภาเว ทฺเว อสงฺขฺเยยฺยานิ กปฺปานํ สตสหสฺสฺจ โพธิสมฺภารสมฺภรณํ อิจฺฉิตพฺพํ, น ตโต โอรํ. สทฺธาธิกวีริยาธิกาปิ วุตฺตปริจฺเฉทโต ปรํ กติปเย เอว กปฺเป อติกฺกมิตฺวา ปจฺเจกสมฺโพธึ อภิสมฺพุชฺฌนฺติ, น ตติยํ อสงฺขฺเยยฺยนฺติ. สาวกโพธิสตฺตานํ ปน เยสํ อคฺคสาวกภาวาย อภินีหาโร, เตสํ เอกํ อสงฺขฺเยยฺยํ กปฺปานํ สตสหสฺสฺจ สมฺภารสมฺภรณํ อิจฺฉิตพฺพํ. เยสํ มหาสาวกภาวาย, เตสํ กปฺปานํ สตสหสฺสเมว, ตถา พุทฺธสฺส มาตาปิตูนํ อุปฏฺากสฺส ปุตฺตสฺส จ. ตตฺถ ยถา –
‘‘มนุสฺสตฺตํ ¶ ลิงฺคสมฺปตฺติ, เหตุ สตฺถารทสฺสนํ;
ปพฺพชฺชา คุณสมฺปตฺติ, อธิกาโร จ ฉนฺทตา;
อฏฺธมฺมสโมหานา, อภินีหาโร สมิชฺฌตี’’ติ. (พุ. วํ. ๒.๕๙) –
เอวํ วุตฺเต อฏฺ ธมฺเม สโมธาเนตฺวา กตปณิธานานํ มหาโพธิสตฺตานํ มหาภินีหารโต ปภุติ สวิเสสํ ทานาทีสุ ยุตฺตปฺปยุตฺตานํ ทิวเส ทิวเส เวสฺสนฺตรทานสทิสํ มหาทานํ เทนฺตานํ ตทนุรูปสีลาทิเก สพฺพปารมิธมฺเม อาจินนฺตานมฺปิ ยถาวุตฺตกาลปริจฺเฉทํ อสมฺปตฺวา อนฺตรา เอว ¶ พุทฺธภาวปฺปตฺติ นาม นตฺถิ. กสฺมา? าณสฺส อปริปจฺจนโต. ปริจฺฉินฺนกาเล นิปฺผาทิตํ วิย หิ สสฺสํ พุทฺธาณํ ยถาปริจฺฉินฺนกาลวเสเนว วุทฺธึ วิรุฬฺหึ เวปุลฺลํ อาปชฺชนฺตํ ¶ คพฺภํ คณฺหนฺตํ ปริปากํ คจฺฉตีติ เอวํ –
‘‘มนุสฺสตฺตํ ลิงฺคสมฺปตฺติ, วิคตาสวทสฺสนํ;
อธิกาโร ฉนฺทตา เอเต, อภินีหารการณา’’ติ. (สุ. นิ. อฏฺ. ๑.ขคฺควิสาณสุตฺตวณฺณนา) –
อิเม ปฺจ ธมฺเม สโมธาเนตฺวา กตาภินีหารานํ ปจฺเจกโพธิสตฺตานํ ‘‘อธิกาโร ฉนฺทตา’’ติ ทฺวงฺคสมนฺนาคตาย ปตฺถนาย วเสน กตปณิธานานํ สาวกโพธิสตฺตานฺจ ตตฺถ ตตฺถ วุตฺตกาลปริจฺเฉทํ อสมฺปตฺวา อนฺตรา เอว ปจฺเจกสมฺโพธิยา ยถาวุตฺตสาวกสมฺโพธิยา จ อธิคโม นตฺถิ. กสฺมา? าณสฺส อปริปจฺจนโต. อิเมสมฺปิ หิ ยถา มหาโพธิสตฺตานํ ทานาทิปารมีหิ ปริพฺรูหิตา ปฺาปารมี อนุกฺกเมน คพฺภํ คณฺหนฺตี ปริปากํ คจฺฉนฺตี พุทฺธาณํ ปริปูเรติ, เอวํ ทานาทีหิ ปริพฺรูหิตา อนุปุพฺเพน ยถารหํ คพฺภํ คณฺหนฺตี ปริปากํ คจฺฉนฺตี ปจฺเจกโพธิาณํ สาวกโพธิาณฺจ ปริปูเรติ. ทานปริจเยน เหเต ตตฺถ ตตฺถ ภเว อโลภชฺฌาสยตาย สพฺพตฺถ อสงฺคมานสา อนเปกฺขจิตฺตา หุตฺวา, สีลปริจเยน สุสํวุตกายวาจตาย สุปริสุทฺธกายวจีกมฺมนฺตา ปริสุทฺธาชีวา อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารา โภชเน มตฺตฺุโน หุตฺวา ชาคริยานุโยเคน จิตฺตํ สมาทหนฺติ, สฺวายํ เตสํ ชาคริยานุโยโค คตปจฺจาคติกวตฺตวเสน เวทิตพฺโพ.
เอวํ ปน ปฏิปชฺชนฺตานํ อธิการสมฺปตฺติยา อปฺปกสิเรเนว อฏฺ สมาปตฺติโย ปฺจาภิฺา ฉฬภิฺา อธิฏฺานภูตา ปุพฺพภาควิปสฺสนา จ หตฺถคตาเยว โหนฺติ. วีริยาทโย ปน ตทนฺโตคธา เอว. ยฺหิ ปจฺเจกโพธิยา สาวกโพธิยา วา อตฺถาย ทานาทิปฺุสมฺภรเณ อพฺภุสฺสหนํ, อิทํ วีริยํ. ยํ ตทนุปโรธสฺส สหนํ, อยํ ขนฺติ. ยํ ทานสีลาทิสมาทานาวิสํวาทนํ, อิทํ สจฺจํ. สพฺพตฺถเมว อจลสมาธานาธิฏฺานํ, อิทํ อธิฏฺานํ ¶ . ยา ทานสีลาทีนํ ปวตฺติฏฺานภูเตสุ สตฺเตสุ หิเตสิตา, อยํ เมตฺตา. ยํ สตฺตานํ กตวิปฺปกาเรสุ อชฺฌุเปกฺขนํ, อยํ ¶ อุเปกฺขาติ. เอวํ ¶ ทานสีลภาวนาสุ สีลสมาธิปฺาสุ จ สิชฺฌมานาสุ วีริยาทโย สิทฺธา เอว โหนฺติ. สาเยว ปจฺเจกโพธิอตฺถาย สาวกโพธิอตฺถาย จ ทานาทิปฏิปทา เตสํ โพธิสตฺตานํ สนฺตานสฺส ภาวนโต ปริภาวนโต ภาวนา นาม. วิเสสโต ทานสีลาทีหิ สฺวาภิสงฺขเต สนฺตาเน ปวตฺตา สมถวิปสฺสนาปฏิปทา, ยโต เต โพธิสตฺตา ปุพฺพโยคาวจรสมุทาคมสมฺปนฺนา โหนฺติ. เตนาห ภควา –
‘‘ปฺจิเม, อานนฺท, อานิสํสา ปุพฺพโยคาวจเร. กตเม ปฺจ? อิธานนฺท, ปุพฺพโยคาวจโร ทิฏฺเว ธมฺเม ปฏิกจฺจ อฺํ อาราเธติ, โน เจ ทิฏฺเว ธมฺเม ปฏิกจฺจ อฺํ อาราเธติ, อถ มรณกาเล อฺํ อาราเธติ, อถ เทวปุตฺโต สมาโน อฺํ อาราเธติ, อถ พุทฺธานํ สมฺมุขีภาเว ขิปฺปาภิฺโ โหติ, อถ ปจฺฉิเม กาเล ปจฺเจกสมฺพุทฺโธ โหตี’’ติ (สุ. นิ. อฏฺ. ๑.ขคฺควิสาณสุตฺตวณฺณนา).
อิติ ปุพฺพภาคปฏิปทาภูตาย ปารมิตาปริภาวิตาย สมถวิปสฺสนาภาวนาย นิโรธคามินิปฏิปทาภูตาย อภิสมยสงฺขาตาย มคฺคภาวนาย จ ภาวิตตฺตภาวา พุทฺธปจฺเจกพุทฺธพุทฺธสาวกา ภาวิตตฺตา นาม. เตสุ อิธ พุทฺธสาวกา อธิปฺเปตา.
เอตฺถ จ ‘‘สีหานํวา’’ติ อิมินา เถรานํ สีหสมานวุตฺติตาทสฺสเนน อตฺตโน ปฏิปกฺเขหิ อนภิภวนียตํ, เต จ อภิภุยฺย ปวตฺตึ ทสฺเสติ. ‘‘สีหานํว นทนฺตานํ…เป… คาถา’’ติ อิมินา เถรคาถานํ สีหนาทสทิสตาทสฺสเนน ตาสํ ปรวาเทหิ อนภิภวนียตํ, เต จ อภิภวิตฺวา ปวตฺตึ ทสฺเสติ. ‘‘ภาวิตตฺตาน’’นฺติ อิมินา ตทุภยสฺส การณํ วิภาเวติ. ภาวิตตฺตภาเวน เถรา อิธ สีหสทิสา วุตฺตา, เตสฺจ คาถา สีหนาทสทิสิโย. ‘‘อตฺถูปนายิกา’’ติ อิมินา อภิภวเน ปโยชนํ ทสฺเสติ. ตตฺถ เถรานํ ปฏิปกฺโข นาม สํกิเลสธมฺโม, ตทภิภโว ตทงฺคิวิกฺขมฺภนปฺปหาเนหิ สทฺธึ สมุจฺเฉทปฺปหานํ. ตสฺมึ สติ ปฏิปสฺสทฺธีปฺปหานํ นิสฺสรณปฺปหานฺจ สิทฺธเมว โหติ, ยโต เต ภาวิตตฺตาติ ¶ วุจฺจนฺติ. มคฺคกฺขเณ หิ อริยา อปฺปมาทภาวนํ ภาเวนฺติ นาม, อคฺคผลกฺขณโต ปฏฺาย ภาวิตตฺตา นามาติ ¶ วุตฺโตวายมตฺโถ.
เตสุ ตทงฺคปฺปหาเนน เนสํ สีลสมฺปทา ทสฺสิตา, วิกฺขมฺภนปฺปหาเนน สมาธิสมฺปทา, สมุจฺเฉทปฺปหาเนน ปฺาสมฺปทา, อิตเรน ตาสํ ผลํ ทสฺสิตํ. สีเลน จ เตสํ ปฏิปตฺติยา อาทิกลฺยาณตา ¶ ทสฺสิตา, ‘‘โก จาทิ กุสลานํ ธมฺมานํ? สีลฺจ สุวิสุทฺธํ’’ (สํ. นิ. ๕.๓๖๙), ‘‘สีเล ปติฏฺาย’’ (สํ. นิ. ๑.๒๓; วิสุทฺธิ. ๑.๑), ‘‘สพฺพปาปสฺส อกรณ’’นฺติ (ธ. ป. ๑๘๓; ที. นิ. ๒.๙๐) จ วจนโต สีลํ ปฏิปตฺติยา อาทิกลฺยาณํว อวิปฺปฏิสาราทิคุณาวหตฺตา. สมาธินา มชฺเฌกลฺยาณตา ทสฺสิตา, ‘‘จิตฺตํ ภาวยํ’’, ‘‘กุสลสฺส อุปสมฺปทา’’ติ จ วจนโต สมาธิปฏิปตฺติยา มชฺเฌกลฺยาโณว, อิทฺธิวิธาทิคุณาวหตฺตา. ปฺาย ปริโยสานกลฺยาณตา ทสฺสิตา, ‘‘สจิตฺตปริโยทปนํ’’ (ธ. ป. ๑๘๓; ที. นิ. ๒.๙๐), ‘‘ปฺํ ภาวย’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๒๓; วิสุทฺธิ. ๑.๑) จ วจนโต ปฺา ปฏิปตฺติยา ปริโยสานํว, ปฺุตฺตรโต กุสลานํ ธมฺมานํ สาว กลฺยาณา อิฏฺานิฏฺเสุ ตาทิภาวาวหตฺตา.
‘‘เสโล ยถา เอกฆโน, วาเตน น สมีรติ; (มหาว. ๒๔๔);
เอวํ นินฺทาปสํสาสุ, น สมิฺชนฺติ ปณฺฑิตา’’ติ. (ธ. ป. ๘๑) –
หิ วุตฺตํ.
ตถา สีลสมฺปทาย เตวิชฺชภาโว ทสฺสิโต. สีลสมฺปตฺติฺหิ นิสฺสาย ติสฺโส วิชฺชา ปาปุณนฺติ. สมาธิสมฺปทาย ฉฬภิฺาภาโว. สมาธิสมฺปตฺติฺหิ นิสฺสาย ฉฬภิฺา ปาปุณนฺติ. ปฺาสมฺปทาย ปภินฺนปฏิสมฺภิทาภาโว. ปฺาสมฺปทฺหิ นิสฺสาย จตสฺโส ปฏิสมฺภิทา ปาปุณนฺติ. อิมินา เตสํ เถรานํ เกจิ เตวิชฺชา, เกจิ ฉฬภิฺา, เกจิ ปฏิสมฺภิทาปตฺตาติ อยมตฺโถ ทสฺสิโตติ เวทิตพฺพํ.
ตถา สีลสมฺปทาย เตสํ กามสุขานุโยคสงฺขาตสฺส อนฺตสฺส ปริวชฺชนํ ทสฺเสติ. สมาธิสมฺปทาย อตฺตกิลมถานุโยคสงฺขาตสฺส, ปฺาสมฺปทาย มชฺฌิมาย ปฏิปทาย เสวนํ ทสฺเสติ. ตถา สีลสมฺปทาย เตสํ วีติกฺกมปฺปหานํ กิเลสานํ ทสฺเสติ. สมาธิสมฺปทาย ปริยุฏฺานปฺปหานํ ¶ , ปฺาสมฺปทาย อนุสยปฺปหานํ ทสฺเสติ. สีลสมฺปทาย วา ทุจฺจริตสํกิเลสวิโสธนํ, สมาธิสมฺปทาย ¶ ตณฺหาสํกิเลสวิโสธนํ, ปฺาสมฺปทาย ทิฏฺิสํกิเลสวิโสธนํ ทสฺเสติ. ตทงฺคปฺปหาเนน วา เนสํ อปายสมติกฺกโม ทสฺสิโต. วิกฺขมฺภนปฺปหาเนน กามธาตุสมติกฺกโม, สมุจฺเฉทปฺปหาเนน สพฺพภวสมติกฺกโม ทสฺสิโตติ เวทิตพฺพํ.
‘‘ภาวิตตฺตาน’’นฺติ วา เอตฺถ สีลภาวนา, จิตฺตภาวนา ปฺาภาวนาติ ติสฺโส ภาวนา เวทิตพฺพา กายภาวนาย ตทนฺโตคธตฺตา. สีลภาวนา จ ปฏิปตฺติยา อาทีติ สพฺพํ ปุริมสทิสํ ¶ . ยถา ปน สีหนาทํ ปเร มิคคณา น สหนฺติ, กุโต อภิภเว, อฺทตฺถุ สีหนาโทว เต อภิภวติ เอวเมว อฺติตฺถิยวาทา เถรานํ วาเท น สหนฺติ, กุโต อภิภเว, อฺทตฺถุ เถรวาทาว เต อภิภวนฺติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ‘‘สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา, สพฺเพ สงฺขารา ทุกฺขา, สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา’’ติ (ธ. ป. ๒๗๗-๒๗๙) ‘‘นิพฺพานธาตู’’ติ จ ปวตฺตนโต. น หิ ธมฺมโต สกฺกา เกนจิ อฺถา กาตุํ อปฺปฏิวตฺตนียโต. ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ ปรโต อาวิภวิสฺสติ. เอวเมตฺถ สงฺเขเปเนว ปมคาถาย อตฺถวิภาวนา เวทิตพฺพา.
ทุติยคาถายํ ปน อยํ สมฺพนฺธทสฺสนมุเขน อตฺถวิภาวนา. ตตฺถ เยสํ เถรานํ คาถา สาเวตุกาโม, เต สาธารณวเสน นามโต โคตฺตโต คุณโต จ กิตฺเตตุํ ‘‘ยถานามา’’ติอาทิ วุตฺตํ. อสาธารณโต ปน ตตฺถ ตตฺถ คาถาสฺเวว อาวิภวิสฺสติ. ตตฺถ ยถานามาติ ยํยํนามา, สุภูติ มหาโกฏฺิโกติอาทินา นเยน นามเธยฺเยน ปฺาตาติ อตฺโถ. ยถาโคตฺตาติ ยํยํโคตฺตา, โคตโม กสฺสโปติอาทินา นเยน กุลปเทเสน ยาย ยาย ชาติยา ปฺาตาติ อตฺโถ. ยถาธมฺมวิหาริโนติ ยาทิสธมฺมวิหาริโน, ปริยตฺติปรมตายํ อฏฺตฺวา ยถานุรูปํ สมาปตฺติวิหาริโน หุตฺวา วิหรึสูติ อตฺโถ. อถ วา ยถาธมฺมวิหาริโนติ ยถาธมฺมา วิหาริโน จ, ยาทิสสีลาทิธมฺมา ทิพฺพวิหาราทีสุ อภิณฺหโส ¶ วิหรมานา ยาทิสวิหารา จาติ อตฺโถ. ยถาธิมุตฺตาติ ยาทิสอธิมุตฺติกา สทฺธาธิมุตฺติปฺาธิมุตฺตีสุ ยํยํอธิมุตฺติกา สฺุตมุขาทีสุ วา ยถา ยถา นิพฺพานํ อธิมุตฺตาติ ยถาธิมุตฺตา. ‘‘นิพฺพานํ ¶ อธิมุตฺตานํ, อตฺถํ คจฺฉนฺติ อาสวา’’ติ (ธ. ป. ๒๒๖) หิ วุตฺตํ. อุภยฺเจตํ ปุพฺพภาควเสน เวทิตพฺพํ. อรหตฺตปฺปตฺติโต ปุพฺเพเยว หิ ยถาวุตฺตมธิมุจฺจนํ, น ปรโต. เตนาห ภควา –
‘‘อสฺสทฺโธ อกตฺู จ, สนฺธิจฺเฉโท จ โย นโร’’ติอาทิ. (ธ. ป. ๙๗).
‘‘ยถาวิมุตฺตา’’ติ วา ปาโ, ปฺาวิมุตฺติอุภโตภาควิมุตฺตีสุ ยํยํวิมุตฺติกาติ อตฺโถ. สปฺปฺาติ ติเหตุกปฏิสนฺธิปฺาย ปาริหาริกปฺาย ภาวนาปฺาย จาติ ติวิธายปิ ปฺาย ปฺวนฺโต. วิหรึสูติ ตาย เอว สปฺปฺตาย ยถาลทฺเธน ผาสุวิหาเรเนว วสึสุ. อตนฺทิตาติ อนลสา, อตฺตหิตปฏิปตฺติยํ ยถาพลํ ปรหิตปฏิปตฺติยฺจ อุฏฺานวนฺโตติ อตฺโถ.
เอตฺถ จ ปน นามโคตฺตคฺคหเณน เตสํ เถรานํ ปกาสปฺาตภาวํ ทสฺเสติ. ธมฺมวิหารคฺคหเณน สีลสมฺปทํ สมาธิสมฺปทฺจ ทสฺเสติ. ‘‘ยถาธิมุตฺตา สปฺปฺา’’ติ อิมินา ปฺาสมฺปทํ ¶ . ‘‘อตนฺทิตา’’ติ อิมินา สีลสมฺปทาทีนํ การณภูตํ วีริยสมฺปทํ ทสฺเสติ. ‘‘ยถานามา’’ติ อิมินา เตสํ ปกาสนนามตํ ทสฺเสติ. ‘‘ยถาโคตฺตา’’ติ อิมินา สทฺธานุสารีธมฺมานุสารีโคตฺตสมฺปตฺติสมุทาคมํ, ‘‘ยถาธมฺมวิหาริโน’’ติอาทินา สีลสมาธิปฺาวิมุตฺติวิมุตฺติาณทสฺสนํ สมฺปตฺติสมุทาคมํ, ‘‘อตนฺทิตา’’ติ อิมินา เอวํ อตฺตหิตสมฺปตฺติยํ ิตานํ ปรหิตปฏิปตฺตึ ทสฺเสติ.
อถ วา ‘‘ยถานามา’’ติ อิทํ เตสํ เถรานํ ครูหิ คหิตนามเธยฺยทสฺสนํ สมฺามตฺตกิตฺตนโต. ‘‘ยถาโคตฺตา’’ติ อิทํ กุลปุตฺตภาวทสฺสนํ กุลาปเทส กิตฺตนโต. เตน เนสํ สทฺธาปพฺพชิตภาวํ ทสฺเสติ ¶ . ‘‘ยถาธมฺมวิหาริโน’’ติ อิทํ จรณสมฺปตฺติทสฺสนํ สีลสํวราทีหิ สมงฺคีภาวทีปนโต ¶ . ‘‘ยถาธิมุตฺตา สปฺปฺา’’ติ อิทํ เนสํ วิชฺชาสมฺปตฺติทสฺสนํ อาสวกฺขยปริโยสานาย าณสมฺปตฺติยา อธิคมปริทีปนโต. ‘‘อตนฺทิตา’’ติ อิทํ วิชฺชาจรณสมฺปตฺตีนํ อธิคมูปายทสฺสนํ. ‘‘ยถานามา’’ติ วา อิมินา เตสํ ปกาสนนามตํเยว ทสฺเสติ. ‘‘ยถาโคตฺตา’’ติ ปน อิมินา ปจฺฉิมจกฺกทฺวยสมฺปตฺตึ ทสฺเสติ. น หิ สมฺมาอปฺปณิหิตตฺตโน ปุพฺเพ จ อกตปฺุสฺส สทฺธานุสารีธมฺมานุสาริโน โคตฺตสมฺปตฺติสมุทาคโม สมฺภวติ. ‘‘ยถาธมฺมวิหาริโน’’ติ อิมินา เตสํ ปุริมจกฺกทฺวยสมฺปตฺตึ ทสฺเสติ. น หิ อปฺปติรูเป เทเส วสโต สปฺปุริสูปนิสฺสยรหิตสฺส จ ตาทิสา คุณวิเสสา สมฺภวนฺติ. ‘‘ยถาธิมุตฺตา’’ติ อิมินา สทฺธมฺมสวนสมฺปทาสมาโยคํ ทสฺเสติ. น หิ ปรโตโฆเสน วินา สาวกานํ สจฺจสมฺปฏิเวโธ สมฺภวติ. ‘‘สปฺปฺา อตนฺทิตา’’ติ อิมินา ยถาวุตฺตสฺส คุณวิเสสสฺส อพฺยภิจาริเหตุํ ทสฺเสติ ายารมฺภทสฺสนโต.
อปโร นโย – ‘‘ยถาโคตฺตา’’ติ เอตฺถ โคตฺตกิตฺตเนน เตสํ เถรานํ โยนิโสมนสิการสมฺปทํ ทสฺเสติ ยถาวุตฺตโคตฺตสมฺปนฺนสฺส โยนิโสมนสิการสมฺภวโต. ‘‘ยถาธมฺมวิหาริโน’’ติ เอตฺถ ธมฺมวิหารคฺคหเณน สทฺธมฺมสวนสมฺปทํ ทสฺเสติ สทฺธมฺมสวเนน วินา ตทภาวโต. ‘‘ยถาธิมุตฺตา’’ติ อิมินา มตฺถกปฺปตฺตํ ธมฺมานุธมฺมปฏิปทํ ทสฺเสติ. ‘‘สปฺปฺา’’ติ อิมินา สพฺพตฺถ สมฺปชานการิตํ. ‘‘อตนฺทิตา’’ติ อิมินา วุตฺตนเยน อตฺตหิตสมฺปตฺตึ ปริปูเรตฺวา ิตานํ ปเรสํ หิตสุขาวหาย ปฏิปตฺติยํ อกิลาสุภาวํ ทสฺเสติ. ตถา ‘‘ยถาโคตฺตา’’ติ อิมินา เนสํ สรณคมนสมฺปทา ทสฺสิตา สทฺธานุสารีโคตฺตกิตฺตนโต. ‘‘ยถาธมฺมวิหาริโน’’ติ อิมินา สีลกฺขนฺธปุพฺพงฺคโม สมาธิกฺขนฺโธ ทสฺสิโต. ‘‘ยถาธิมุตฺตา สปฺปฺา’’ติ อิมินา ปฺกฺขนฺธาทโย. สรณคมนฺจ สาวกคุณานํ อาทิ, สมาธิ มชฺเฌ, ปฺา ปริโยสานนฺติ อาทิมชฺฌปริโยสานทสฺสเนน สพฺเพปิ ¶ สาวกคุณา ทสฺสิตา โหนฺติ.
อีทิสี ¶ ปน คุณวิภูติ ยาย สมฺมาปฏิปตฺติยา เตหิ อธิคตา, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ตตฺถ ตตฺถ วิปสฺสิตฺวา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ตตฺถาติ เตสุ เตสุ ¶ อรฺรุกฺขมูลปพฺพตาทีสุ วิวิตฺตเสนาสเนสุ. ตตฺถ ตตฺถาติ วา ตสฺมึ ตสฺมึ อุทานาทิกาเล. วิปสฺสิตฺวาติ สมฺปสฺสิตฺวา. นามรูปววตฺถาปนปจฺจยปริคฺคเหหิ ทิฏฺิวิสุทฺธิกงฺขาวิตรณวิสุทฺธิโย สมฺปาเทตฺวา กลาปสมฺมสนาทิกฺกเมน ปฺจมํ วิสุทฺธึ อธิคนฺตฺวา ปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธิยา มตฺถกํ ปาปนวเสน วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา ผุสิตฺวาติ ปตฺวา สจฺฉิกตฺวา. อจฺจุตํ ปทนฺติ นิพฺพานํ. ตฺหิ สยํ อจวนธมฺมตฺตา อธิคตานํ อจฺจุติเหตุภาวโต จ นตฺถิ เอตฺถ จุตีติ ‘‘อจฺจุตํ’’. สงฺขตธมฺเมหิ อสมฺมิสฺสภาวตาย ตทตฺถิเกหิ ปฏิปชฺชิตพฺพตาย จ ‘‘ปท’’นฺติ จ วุจฺจติ. กตนฺตนฺติ กตสฺส อนฺตํ. โย หิ เตหิ อธิคโต อริยมคฺโค, โส อตฺตโน ปจฺจเยหิ อุปฺปาทิตตฺตา กโต นาม. ตสฺส ปน ปริโยสานภูตํ ผลํ กตนฺโตติ อธิปฺเปตํ. ตํ กตนฺตํ อคฺคผลํ. อถ วา ปจฺจเยหิ กตตฺตา นิปฺผาทิตตฺตา กตา นาม สงฺขตธมฺมา, ตนฺนิสฺสรณภาวโต กตนฺโต นิพฺพานํ. ตํ กตนฺตํ. ปจฺจเวกฺขนฺตาติ ‘‘อธิคตํ วต มยา อริยมคฺคาธิคเมน อิทํ อริยผลํ, อธิคตา อสงฺขตา ธาตู’’ติ อริยผลนิพฺพานานิ วิมุตฺติาณทสฺสเนน ปฏิปตฺตึ อเวกฺขมานา. อถ วา สจฺจสมฺปฏิเวธวเสน ยํ อริเยน กรณียํ ปริฺาทิโสฬสวิธํ กิจฺจํ อคฺคผเล ิเตน นิปฺผาทิตตฺตา ปริโยสาปิตตฺตา กตํ นาม, เอวํ กตํ ตํ ปจฺจเวกฺขนฺตา. เอเตน ปหีนกิเลสปจฺจเวกฺขณํ ทสฺสิตํ. ปุริมนเยน ปน อิตรปจฺจเวกฺขณานีติ เอกูนวีสติ ปจฺจเวกฺขณานิ ทสฺสิตานิ โหนฺติ.
อิมมตฺถนฺติ เอตฺถ อิมนฺติ สกโล เถรเถรีคาถานํ อตฺโถ อตฺตโน อิตเรสฺจ ตตฺถ สนฺนิปติตานํ ธมฺมสงฺคาหกมหาเถรานํ พุทฺธิยํ วิปริวตฺตมานตาย อาสนฺโน ปจฺจกฺโขติ จ กตฺวา วุตฺตํ. อตฺถนฺติ ‘‘ฉนฺนา เม กุฏิกา’’ติอาทีหิ ¶ คาถาหิ วุจฺจมานํ อตฺตูปนายิกํ ปรูปนายิกํ โลกิยโลกุตฺตรปฏิสํยุตฺตํ อตฺถํ. อภาสิสุนฺติ คาถาพนฺธวเสน กเถสุํ, ตํทีปนิโย อิทานิ มยา วุจฺจมานา เตสํ ภาวิตตฺตานํ คาถา อตฺตูปนายิกา สุณาถาติ โยชนา. เต จ มหาเถรา เอวํ กเถนฺตา ¶ อตฺตโน สมฺมาปฏิปตฺติปกาสนีหิ คาถาหิ สาสนสฺส เอกนฺตนิยฺยานิกวิภาวเนน ปเรปิ ตตฺถ สมฺมาปฏิปตฺติยํ นิโยเชนฺตีติ เอตมตฺถํ ทีเปติ อายสฺมา ธมฺมภณฺฑาคาริโก, ตถา ทีเปนฺโต จ อิมาหิ คาถาหิ เตสํ โถมนํ ตาสฺจ เตสํ วจนสฺส นิทานภาเวน ปนํ านคตเมวาติ ทสฺเสตีติ ทฏฺพฺพํ.
นิทานคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑. เอกกนิปาโต
๑. ปมวคฺโค
๑. สุภูติตฺเถรคาถาวณฺณนา
อิทานิ ¶ ฉนฺนา ¶ เม กุฏิกาติอาทินยปฺปวตฺตานํ เถรคาถานํ อตฺถวณฺณนา โหติ. สา ปนายํ อตฺถวณฺณนา ยสฺมา ตาสํ ตาสํ คาถานํ อฏฺุปฺปตฺตึ ปกาเสตฺวา วุจฺจมานา ปากฏา โหติ สุวิฺเยฺยา จ. ตสฺมา ตตฺถ ตตฺถ อฏฺุปฺปตฺตึ ปกาเสตฺวา อตฺถวณฺณนํ กริสฺสามาติ.
ตตฺถ ฉนฺนา เม กุฏิกาติคาถาย กา อุปฺปตฺติ? วุจฺจเต – อิโต กิร กปฺปสตสหสฺสมตฺถเก อนุปฺปนฺเนเยว ปทุมุตฺตเร ภควติ โลกนาเถ หํสวตีนามเก นคเร อฺตรสฺส พฺราหฺมณมหาสาลสฺส เอโก ปุตฺโต อุปฺปชฺชิ. ตสฺส ‘‘นนฺทมาณโว’’ติ นามํ อกํสุ. โส วยปฺปตฺโต ตโย เวเท อุคฺคณฺหิตฺวา ตตฺถ สารํ อปสฺสนฺโต อตฺตโน ปริวารภูเตหิ จตุจตฺตาลีสาย มาณวกสหสฺเสหิ สทฺธึ ปพฺพตปาเท อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อฏฺ สมาปตฺติโย ปฺจ จ อภิฺาโย นิพฺพตฺเตสิ. อนฺเตวาสิกานมฺปิ กมฺมฏฺานํ อาจิกฺขิ. เตปิ น จิเรเนว ฌานลาภิโน อเหสุํ.
เตน ¶ จ สมเยน ปทุมุตฺตโร ภควา โลเก อุปฺปชฺชิตฺวา หํสวตีนครํ อุปนิสฺสาย วิหรนฺโต เอกทิวสํ ปจฺจูสสมเย โลกํ โวโลเกนฺโต นนฺทตาปสสฺส อนฺเตวาสิกชฏิลานํ อรหตฺตูปนิสฺสยํ นนฺทตาปสสฺส จ ทฺวีหงฺเคหิ สมนฺนาคตสฺส สาวกฏฺานนฺตรสฺส ปตฺถนํ ทิสฺวา ปาโตว สรีรปฏิชคฺคนํ กตฺวา ปุพฺพณฺหสมเย ปตฺตจีวรมาทาย อฺํ กฺจิ อนามนฺเตตฺวา สีโห วิย เอกจโร นนฺทตาปสสฺส อนฺเตวาสิเกสุ ผลาผลตฺถาย คเตสุ ‘‘พุทฺธภาวํ เม ชานาตู’’ติ ปสฺสนฺตสฺเสว นนฺทตาปสสฺส อากาสโต โอตริตฺวา ปถวิยํ ปติฏฺาสิ. นนฺทตาปโส พุทฺธานุภาวฺเจว ลกฺขณปาริปูริฺจ ทิสฺวา ลกฺขณมนฺเต สมฺมสิตฺวา ‘‘อิเมหิ ลกฺขเณหิ สมนฺนาคโต นาม อคารํ อชฺฌาวสนฺโต ราชา โหติ จกฺกวตฺตี, ปพฺพชนฺโต ¶ โลเก ¶ วิวฏจฺฉโท สพฺพฺู พุทฺโธ โหติ. อยํ ปุริสาชานีโย นิสฺสํสยํ พุทฺโธติ ตฺวา ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา, ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา, อาสนํ ปฺาเปตฺวา, อทาสิ. นิสีทิ ภควา ปฺตฺเต อาสเน. นนฺทตาปโสปิ อตฺตโน อนุจฺฉวิกํ อาสนํ คเหตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ.
ตสฺมึ สมเย จตุจตฺตาลีสสหสฺสชฏิลา ปณีตปณีตานิ โอชวนฺตานิ ผลาผลานิ คเหตฺวา อาจริยสฺส สนฺติกํ สมฺปตฺตา พุทฺธานฺเจว อาจริยสฺส จ นิสินฺนาสนํ โอโลเกนฺตา อาหํสุ – ‘‘อาจริย, มยํ ‘อิมสฺมึ โลเก ตุมฺเหหิ มหนฺตตโร นตฺถี’ติ วิจราม, อยํ ปน ปุริโส ตุมฺเหหิ มหนฺตตโร มฺเ’’ติ. นนฺทตาปโส, ‘‘ตาตา, กึ วเทถ, สาสเปน สทฺธึ อฏฺสฏฺิสตสหสฺสโยชนุพฺเพธํ สิเนรุํ อุปเมตุํ อิจฺฉถ, สพฺพฺุพุทฺเธน สทฺธึ มา มํ อุปมิตฺถา’’ติ อาห. อถ เต ตาปสา ‘‘สเจ อยํ โอรโก อภวิสฺส, น อมฺหากํ อาจริโย เอวํ อุปมํ อาหเรยฺย, ยาว มหา วตายํ ปุริสาชานีโย’’ติ ปาเทสุ นิปติตฺวา สิรสา วนฺทึสุ. อถ เต อาจริโย อาห – ‘‘ตาตา, อมฺหากํ พุทฺธานํ อนุจฺฉวิโก เทยฺยธมฺโม นตฺถิ, ภควา จ ภิกฺขาจารเวลายํ อิธาคโต, ตสฺมา มยํ ยถาพลํ เทยฺยธมฺมํ ทสฺสาม, ตุมฺเห ยํ ยํ ปณีตํ ผลาผลํ อานีตํ, ตํ ตํ อาหรถา’’ติ วตฺวา อาหราเปตฺวา หตฺเถ โธวิตฺวา สยํ ตถาคตสฺส ปตฺเต ปติฏฺาเปสิ. สตฺถารา ¶ ผลาผเล ปฏิคฺคหิตมตฺเต เทวตา ทิพฺโพชํ ปกฺขิปึสุ. ตาปโส อุทกมฺปิ สยเมว ปริสฺสาเวตฺวา อทาสิ. ตโต โภชนกิจฺจํ นิฏฺาเปตฺวา นิสินฺเน สตฺถริ สพฺเพ อนฺเตวาสิเก ปกฺโกสิตฺวา สตฺถุ สนฺติเก สารณียํ กถํ กเถนฺโต นิสีทิ. สตฺถา ‘‘ภิกฺขุสงฺโฆ อาคจฺฉตู’’ติ จินฺเตสิ. ภิกฺขู สตฺถุ จิตฺตํ ตฺวา สตสหสฺสมตฺตา ขีณาสวา อาคนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺํสุ.
นนฺทตาปโส อนฺเตวาสิเก อามนฺเตสิ – ‘‘ตาตา, พุทฺธานํ นิสินฺนาสนมฺปิ นีจํ, สมณสตสหสฺสสฺสปิ อาสนํ นตฺถิ, ตุมฺเหหิ อชฺช อุฬารํ ภควโต ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ สกฺการํ กาตุํ วฏฺฏติ ¶ , ปพฺพตปาทโต วณฺณคนฺธสมฺปนฺนานิ ปุปฺผานิ อาหรถา’’ติ. อจินฺเตยฺยตฺตา อิทฺธิวิสยสฺส มุหุตฺเตเนว วณฺณคนฺธสมฺปนฺนานิ ปุปฺผานิ อาหริตฺวา พุทฺธานํ โยชนปฺปมาณํ ปุปฺผาสนํ ปฺาเปสุํ. อคฺคสาวกานํ ติคาวุตํ, เสสภิกฺขูนํ อฑฺฒโยชนิกาทิเภทํ, สงฺฆนวกสฺส อุสภมตฺตํ อโหสิ. เอวํ ปฺตฺเตสุ อาสเนสุ นนฺทตาปโส ตถาคตสฺส ปุรโต อฺชลึ ปคฺคยฺห ิโต, ‘‘ภนฺเต, มยฺหํ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย อิมํ ปุปฺผาสนํ อภิรุหถา’’ติ อาห. นิสีทิ ภควา ปุปฺผาสเน. เอวํ นิสินฺเน สตฺถริ สตฺถุ อาการํ ตฺวา ภิกฺขู อตฺตโน อตฺตโน ปตฺตาสเน นิสีทึสุ. นนฺทตาปโส มหนฺตํ ปุปฺผฉตฺตํ คเหตฺวา ตถาคตสฺส มตฺถเก ธาเรนฺโต อฏฺาสิ. สตฺถา ‘‘ตาปสานํ อยํ สกฺกาโร มหปฺผโล โหตู’’ติ ¶ นิโรธสมาปตฺตึ สมาปชฺชิ. สตฺถุ สมาปนฺนภาวํ ตฺวา ภิกฺขูปิ สมาปชฺชึสุ. ตถาคเต สตฺตาหํ นิโรธํ สมาปชฺชิตฺวา นิสินฺเน อนฺเตวาสิกา ภิกฺขาจารกาเล สมฺปตฺเต วนมูลผลาผลํ ปริภฺุชิตฺวา เสสกาเล พุทฺธานํ อฺชลึ ปคฺคยฺห ติฏฺนฺติ. นนฺทตาปโส ปน ภิกฺขาจารมฺปิ อคนฺตฺวา ปุปฺผฉตฺตํ ธาเรนฺโต สตฺตาหํ ปีติสุเขเนว วีตินาเมติ.
สตฺถา นิโรธโต วุฏฺาย อรณวิหาริองฺเคน ทกฺขิเณยฺยงฺเคน จาติ ทฺวีหิ องฺเคหิ สมนฺนาคตํ เอกํ สาวกํ ‘‘อิสิคณสฺส ปุปฺผาสนานุโมทนํ กโรหี’’ติ อาณาเปสิ. โส จกฺกวตฺติรฺโ สนฺติกา ปฏิลทฺธมหาลาโภ มหาโยโธ วิย ตุฏฺมานโส อตฺตโน วิสเย ¶ ตฺวา เตปิฏกํ พุทฺธวจนํ สมฺมสิตฺวา อนุโมทนํ อกาสิ. ตสฺส เทสนาวสาเน สตฺถา สยํ ธมฺมํ เทเสสิ. เทสนาปริโยสาเน สพฺเพ จตุจตฺตาลีสสหสฺสตาปสา อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. สตฺถา ‘‘เอถ, ภิกฺขโว’’ติ หตฺถํ ปสาเรสิ. เตสํ ตาวเทว เกสมสฺสุ อนฺตรธายิ. อฏฺ ปริกฺขารา กาเย ปฏิมุกฺกาว อเหสุํ สฏฺิวสฺสตฺเถรา วิย สตฺถารํ ปริวารยึสุ. นนฺทตาปโส ปน วิกฺขิตฺตจิตฺตตาย วิเสสํ นาธิคจฺฉิ. ตสฺส ¶ กิร อรณวิหาริตฺเถรสฺส สนฺติเก ธมฺมํ โสตุํ อารทฺธกาลโต ปฏฺาย ‘‘อโห วตาหมฺปิ อนาคเต อุปฺปชฺชนกพุทฺธสฺส สาสเน อิมินา สาวเกน ลทฺธธุรํ ลเภยฺย’’นฺติ จิตฺตํ อุทปาทิ. โส เตน ปริวิตกฺเกน มคฺคผลปฏิเวธํ กาตุํ นาสกฺขิ. ตถาคตํ ปน วนฺทิตฺวา สมฺมุเข ตฺวา อาห – ‘‘ภนฺเต, เยน ภิกฺขุนา อิสิคณสฺส ปุปฺผาสนานุโมทนา กตา, โก นามายํ ตุมฺหากํ สาสเน’’ติ. ‘‘อรณวิหาริองฺเค ทกฺขิเณยฺยองฺเค จ เอตทคฺคํ ปตฺโต เอโส ภิกฺขู’’ติ. ‘‘ภนฺเต, ยฺวายํ มยา สตฺตาหํ ปุปฺผฉตฺตํ ธาเรนฺเตน สกฺกาโร กโต, เตน อธิกาเรน น อฺํ สมฺปตฺตึ ปตฺเถมิ, อนาคเต ปน เอกสฺส พุทฺธสฺส สาสเน อยํ เถโร วิย ทฺวีหงฺเคหิ สมนฺนาคโต สาวโก ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนมกาสิ.
สตฺถา ‘‘สมิชฺฌิสฺสติ นุ, โข อิมสฺส ตาปสสฺส ปตฺถนา’’ติ อนาคตํสาณํ เปเสตฺวา โอโลเกนฺโต กปฺปสตสหสฺสํ อติกฺกมิตฺวา สมิชฺฌนกภาวํ ทิสฺวา นนฺทตาปสํ อาห – ‘‘น เต อยํ ปตฺถนา โมฆา ภวิสฺสติ, อนาคเต กปฺปสตสหสฺสํ อติกฺกมิตฺวา โคตโม นาม พุทฺโธ อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตสฺส สนฺติเก สมิชฺฌิสฺสตี’’ติ วตฺวา ธมฺมกถํ กเถตฺวา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต อากาสํ ปกฺขนฺทิ. นนฺทตาปโส ยาว จกฺขุปถสมติกฺกมา สตฺถารํ ภิกฺขุสงฺฆฺจ อุทฺทิสฺส อฺชลึ ปคฺคยฺห อฏฺาสิ. โส อปรภาเค กาเลน กาลํ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ สุณิ. อปริหีนชฺฌาโนว กาลงฺกตฺวา พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺโต. ตโต ปน จุโต อปรานิปิ ปฺจ ชาติสตานิ ปพฺพชิตฺวา อารฺโก อโหสิ. กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธกาเลปิ ปพฺพชิตฺวา อารฺโก หุตฺวา คตปจฺจาคตวตฺตํ ปูเรสิ. เอตํ กิร วตฺตํ ¶ อปริปูเรตฺวา มหาสาวกภาวํ ¶ ปาปุณนฺตา นาม นตฺถิ. คตปจฺจาคตวตฺตํ ปน อาคมฏฺกถาสุ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. โส วีสติวสฺสสหสฺสานิ คตปจฺจาคตวตฺตํ ปูเรตฺวา กาลงฺกตฺวา กามาวจรเทวโลเก ตาวตึสภวเน นิพฺพตฺติ. วุตฺตฺเหตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๓.๑๕๑) –
‘‘หิมวนฺตสฺสาวิทูเร ¶ , นิสโภ นาม ปพฺพโต;
อสฺสโม สุกโต มยฺหํ, ปณฺณสาลา สุมาปิตา.
‘‘โกสิโย นาม นาเมน, ชฏิโล อุคฺคตาปโน;
เอกากิโย อทุติโย, วสามิ นิสเภ ตทา.
‘‘ผลํ มูลฺจ ปณฺณฺจ, น ภฺุชามิ อหํ ตทา;
ปวตฺตํว สุปาตาหํ, อุปชีวามิ ตาวเท.
‘‘นาหํ โกเปมิ อาชีวํ, จชมาโนปิ ชีวิตํ;
อาราเธมิ สกํ จิตฺตํ, วิวชฺเชมิ อเนสนํ.
‘‘ราคูปสํหิตํ จิตฺตํ, ยทา อุปฺปชฺชเต มม;
สยํว ปจฺจเวกฺขามิ, เอกคฺโค ตํ ทเมมหํ.
‘‘รชฺชเส รชฺชนีเย จ, ทุสฺสนีเย จ ทุสฺสเส;
มุยฺหเส โมหนีเย จ, นิกฺขมสฺสุ วนา ตุวํ.
‘‘วิสุทฺธานํ อยํ วาโส, นิมฺมลานํ ตปสฺสินํ;
มา โข วิสุทฺธํ ทูเสสิ, นิกฺขมสฺสุ วนา ตุวํ.
‘‘อคาริโก ภวิตฺวาน, ยทา ปุตฺตํ ลภิสฺสสิ;
อุโภปิ มา วิราเธสิ, นิกฺขมสฺสุ วนา ตุวํ.
‘‘ฉวาลาตํ ยถา กฏฺํ, น กฺวจิ กิจฺจการกํ;
เนว คาเม อรฺเ วา, น หิ ตํ กฏฺสมฺมตํ.
‘‘ฉวาลาตูปโม ตฺวํ สิ, น คิหี นาปิ สฺโต;
อุภโต มุตฺตโก อชฺช, นิกฺขมสฺสุ วนา ตุวํ.
‘‘สิยา นุ โข ตว เอตํ, โก ปชานาติ เต อิทํ;
สทฺธาธุรํ วหิสิ เม, โกสชฺชพหุลาย จ.
‘‘ชิคุจฺฉิสฺสนฺติ ¶ ตํ วิฺู, อสุจึ นาคริโก ยถา;
อากฑฺฒิตฺวาน อิสโย, โจทยิสฺสนฺติ ตํ สทา.
‘‘ตํ ¶ วิฺู ปวทิสฺสนฺติ, สมติกฺกนฺตสาสนํ;
สํวาสํ อลภนฺโต หิ, กถํ ชีวิหิสิ ตุวํ.
‘‘ติธาปภินฺนํ มาตงฺคํ, กฺุชรํ สฏฺิหายนํ;
พลี นาโค อุปคนฺตฺวา, ยูถา นีหรเต คชํ.
‘‘ยูถา วินิสฺสโฏ สนฺโต, สุขํ สาตํ น วินฺทติ;
ทุกฺขิโต วิมโน โหติ, ปชฺฌายนฺโต ปเวธติ.
‘‘ตเถว ชฏิลา ตมฺปิ, นีหริสฺสนฺติ ทุมฺมตึ;
เตหิ ตฺวํ นิสฺสโฏ สนฺโต, สุขํ สาตํ น ลจฺฉสิ.
‘‘ทิวา วา ยทิ วา รตฺตึ, โสกสลฺลสมปฺปิโต;
ทยฺหติ ปริฬาเหน, คโช ยูถาว นิสฺสโฏ.
‘‘ชาตรูปํ ยถา กูฏํ, เนว ฌายติ กตฺถจิ;
ตถา สีลวีหิโน ตฺวํ, น ฌายิสฺสสิ กตฺถจิ.
‘‘อคารํ วสมาโนปิ, กถํ ชีวิหิสิ ตุวํ;
มตฺติกํ เปตฺติกฺจาปิ, นตฺถิ เต นิหิตํ ธนํ.
‘‘สยํ กมฺมํ กริตฺวาน, คตฺเต เสทํ ปโมจยํ;
เอวํ ชีวิหิสิ เคเห, สาธุ เต ตํ น รุจฺจติ.
‘‘เอวาหํ ตตฺถ วาเรมิ, สํกิเลสคตํ มนํ;
นานาธมฺมกถํ กตฺวา, ปาปา จิตฺตํ นิวารยึ.
‘‘เอวํ เม วิหรนฺตสฺส, อปฺปมาทวิหาริโน;
ตึสวสฺสสหสฺสานิ, วิปิเน เม อติกฺกมุํ.
‘‘อปฺปมาทรตํ ทิสฺวา, อุตฺตมตฺถํ คเวสกํ;
ปทุมุตฺตรสมฺพุทฺโธ, อาคจฺฉิ มม สนฺติกํ.
‘‘ติมฺพรูสกวณฺณาโภ, อปฺปเมยฺโย อนูปโม;
รูเปนาสทิโส พุทฺโธ, อากาเส จงฺกมี ตทา.
‘‘สุผุลฺโล ¶ สาลราชาว, วิชฺชูวพฺภฆนนฺตเร;
าเณนาสทิโส พุทฺโธ, อากาเส จงฺกมี ตทา.
‘‘สีหราชาวสมฺภีโต, คชราชาว ทปฺปิโต;
ลาสีโต พฺยคฺฆราชาว, อากาเส จงฺกมี ตทา.
‘‘สิงฺฆีนิกฺขสวณฺณาโภ, ขทิรงฺคารสนฺนิโภ;
มณิ ยถา โชติรโส, อากาเส จงฺกมี ตทา.
‘‘วิสุทฺธเกลาสนิโภ, ปุณฺณมาเยว จนฺทิมา;
มชฺฌนฺหิเกว สูริโย, อากาเส จงฺกมี ตทา.
‘‘ทิสฺวา ¶ นเภ จงฺกมนฺตํ, เอวํ จินฺเตสหํ ตทา;
เทโว นุ โข อยํ สตฺโต, อุทาหุ มนุโช อยํ.
‘‘น เม สุโต วา ทิฏฺโ วา, มหิยา เอทิโส นโร;
อปิ มนฺตปทํ อตฺถิ, อยํ สตฺถา ภวิสฺสติ.
‘‘เอวาหํ จินฺตยิตฺวาน, สกํ จิตฺตํ ปสาทยึ;
นานาปุปฺผฺจ คนฺธฺจ, สนฺนิปาเตสหํ ตทา.
‘‘ปุปฺผาสนํ ปฺาเปตฺวา, สาธุจิตฺตํ มโนรมํ;
นรสารถินํ อคฺคํ, อิทํ วจนมพฺรวึ.
‘‘อิทํ เม อาสนํ วีร, ปฺตฺตํ ตวนุจฺฉวํ;
หาสยนฺโต มมํ จิตฺตํ, นิสีท กุสุมาสเน.
‘‘นิสีทิ ตตฺถ ภควา, อสมฺภีโตว เกสรี;
สตฺตรตฺตินฺทิวํ พุทฺโธ, ปวเร กุสุมาสเน.
‘‘นมสฺสมาโน อฏฺาสึ, สตฺตรตฺตินฺทิวํ อหํ;
วุฏฺหิตฺวา สมาธิมฺหา, สตฺถา โลเก อนุตฺตโร;
มม กมฺมํ ปกิตฺเตนฺโต, อิทํ วจนมพฺรวิ.
‘‘ภาเวหิ พุทฺธานุสฺสตึ, ภาวนานมนุตฺตรํ;
อิมํ สตึ ภาวยิตฺวา, ปูรยิสฺสสิ มานสํ.
‘‘ตึสกปฺปสหสฺสานิ ¶ , เทวโลเก รมิสฺสสิ;
อสีติกฺขตฺตุํ เทวินฺโท, เทวรชฺชํ กริสฺสสิ;
สหสฺสกฺขตฺตุํ จกฺกวตฺตี, ราชา รฏฺเ ภวิสฺสสิ.
‘‘ปเทสรชฺชํ วิปุลํ, คณนาโต อสงฺขิยํ;
อนุโภสฺสสิ ตํ สพฺพํ, พุทฺธานุสฺสติยา ผลํ.
‘‘ภวาภเว สํสรนฺโต, มหาโภคํ ลภิสฺสสิ;
โภเค เต อูนตา นตฺถิ, พุทฺธานุสฺสติยา ผลํ.
‘‘กปฺปสตสหสฺสมฺหิ, โอกฺกากกุลสมฺภโว;
โคตโม นาม โคตฺเตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติ.
‘‘อสีติโกฏึ ฉฑฺเฑตฺวา, ทาเส กมฺมกเร พหู;
โคตมสฺส ภควโต, สาสเน ปพฺพชิสฺสสิ.
‘‘อาราธยิตฺวา สมฺพุทฺธํ, โคตมํ สกฺยปุงฺควํ;
สุภูติ นาม นาเมน, เหสฺสสิ สตฺถุ สาวโก.
‘‘ภิกฺขุสงฺเฆ นิสีทิตฺวา, ทกฺขิเณยฺยคุณมฺหิ ตํ;
ตถารณวิหาเร จ, ทฺวีสุ อคฺเค เปสฺสสิ.
‘‘อิทํ ¶ วตฺวาน สมฺพุทฺโธ, ชลชุตฺตมนามโก;
นภํ อพฺภุคฺคมี วีโร, หํสราชาว อมฺพเร.
‘‘สาสิโต โลกนาเถน, นมสฺสิตฺวา ตถาคตํ;
สทา ภาเวมิ มุทิโต, พุทฺธานุสฺสติมุตฺตมํ.
‘‘เตน กมฺเมน สุกเตน, เจตนาปณิธีหิ จ;
ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวตึสํ อคจฺฉหํ.
‘‘อสีติกฺขตฺตุํ เทวินฺโท, เทวรชฺชมการยึ;
สหสฺสกฺขตฺตุํ ราชา จ, จกฺกวตฺตี อโหสหํ.
‘‘ปเทสรชฺชํ วิปุลํ, คณนาโต อสงฺขิยํ;
อนุโภมิ สุสมฺปตฺตึ, พุทฺธานุสฺสติยา ผลํ.
‘‘ภวาภเว ¶ สํสรนฺโต, มหาโภคํ ลภามหํ;
โภเค เม อูนตา นตฺถิ, พุทฺธานุสฺสติยา ผลํ.
‘‘สตสหสฺสิโต กปฺเป, ยํ กมฺมมกรึ ตทา;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธานุสฺสติยา ผลํ.
‘‘ปฏิสมฺภิทา จตสฺโส, วิโมกฺขาปิ จ อฏฺิเม;
ฉฬภิฺา สจฺฉิกตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ. –
อิตฺถํ สุทํ อายสฺมา สุภูติตฺเถโร อิมา คาถาโย อภาสิตฺถาติ.
เอวํ ปน โส ตาวตึสภวเน อปราปรํ อุปฺปชฺชนวเสน ทิพฺพสมฺปตฺตึ อนุภวิตฺวา ตโต จุโต มนุสฺสโลเก อเนกสตกฺขตฺตุํ จกฺกวตฺติราชา จ ปเทสราชา จ หุตฺวา อุฬารํ มนุสฺสสมฺปตฺตึ อนุภวิตฺวา อถ อมฺหากํ ภควโต กาเล สาวตฺถิยํ สุมนเสฏฺิสฺส เคเห อนาถปิณฺฑิกสฺส กนิฏฺโ หุตฺวา นิพฺพตฺติ ‘‘สุภูตี’’ติสฺส นามํ อโหสิ.
เตน จ สมเยน อมฺหากํ ภควา โลเก อุปฺปชฺชิตฺวา ปวตฺตวรธมฺมจกฺโก อนุปุพฺเพน ราชคหํ คนฺตฺวา ตตฺถ เวฬุวนปฏิคฺคหณาทินา โลกานุคฺคหํ กโรนฺโต ราชคหํ อุปนิสฺสาย สีตวเน วิหรติ. ตทา อนาถปิณฺฑิโก เสฏฺิ สาวตฺถิยํ อุฏฺานกภณฺฑํ คเหตฺวา อตฺตโน สหายสฺส ราชคหเสฏฺิโน ฆรํ คโต พุทฺธุปฺปาทํ สุตฺวา สตฺถารํ สีตวเน วิหรนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปมทสฺสเนเนว โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาย สตฺถารํ สาวตฺถึ อาคมนตฺถาย ยาจิตฺวา ตโต ปฺจจตฺตาลีสโยชเน มคฺเค โยชเน โยชเน สตสหสฺสปริจฺจาเคน วิหาเร ปติฏฺาเปตฺวา สาวตฺถิยํ ราชมาเนน อฏฺกรีสปฺปมาณํ เชตสฺส ราชกุมารสฺส อุยฺยานภูมึ โกฏิสนฺถาเรน กิณิตฺวา ตตฺถ ภควโต วิหารํ กาเรตฺวา อทาสิ. วิหารปริคฺคหณทิวเส อยํ สุภูติกุฏุมฺพิโก อนาถปิณฺฑิกเสฏฺินา สทฺธึ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุณนฺโต สทฺธํ ปฏิลภิตฺวา ปพฺพชิ ¶ . โส อุปสมฺปชฺชิตฺวา ทฺเว มาติกา ปคุณา กตฺวา กมฺมฏฺานํ กถาเปตฺวา อรฺเ สมณธมฺมํ กโรนฺโต เมตฺตาฌานปาทกํ วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. โส ธมฺมํ เทเสนฺโต ¶ ยสฺมา สตฺถารา เทสิตนิยาเมน อโนทิสฺสกํ กตฺวา ธมฺมํ เทเสติ. ตสฺมา อรณวิหารีนํ อคฺโค นาม ชาโต. ปิณฺฑาย จรนฺโต ฆเร ฆเร เมตฺตาฌานํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย ¶ ภิกฺขํ ปฏิคฺคณฺหาติ ‘‘เอวํ ทายกานํ มหปฺผลํ ภวิสฺสตี’’ติ. ตสฺมา ทกฺขิเณยฺยานํ อคฺโค นาม ชาโต. เตนาห ภควา – ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ อรณวิหารีนํ ยทิทํ สุภูติ, ทกฺขิเณยฺยานํ ยทิทํ สุภูตี’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๙๘, ๒๐๑). เอวมยํ มหาเถโร อรหตฺเต ปติฏฺาย อตฺตนา ปูริตปารมีนํ ผลสฺส มตฺถกํ ปตฺวา โลเก อภิฺาโต อภิลกฺขิโต หุตฺวา พหุชนหิตาย ชนปทจาริกํ จรนฺโต อนุปุพฺเพน ราชคหํ อคมาสิ.
ราชา พิมฺพิสาโร เถรสฺส อาคมนํ สุตฺวา อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘อิเธว, ภนฺเต, วสถา’’ติ วตฺวา ‘‘นิวาสนฏฺานํ กริสฺสามี’’ติ ปกฺกนฺโต วิสฺสริ. เถโร เสนาสนํ อลภนฺโต อพฺโภกาเส วีตินาเมสิ. เถรสฺส อานุภาเวน เทโว น วสฺสติ. มนุสฺสา อวุฏฺิตาย อุปทฺทุตา รฺโ นิเวสนทฺวาเร อุกฺกุฏฺิมกํสุ. ราชา ‘‘เกน นุ โข การเณน เทโว น วสฺสตี’’ติ วีมํสนฺโต ‘‘เถรสฺส อพฺโภกาสวาเสน มฺเ น วสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา ตสฺส ปณฺณกุฏึ การาเปตฺวา ‘‘อิมิสฺสา, ภนฺเต, ปณฺณกุฏิยา วสถา’’ติ วตฺวา วนฺทิตฺวา ปกฺกามิ. เถโร กุฏิกํ ปวิสิตฺวา ติณสนฺถารเก ปลฺลงฺเกน นิสีทิ. ตทา ปน เทโว โถกํ โถกํ ผุสายติ, น สมฺมา ธารํ อนุปฺปเวจฺฉติ. อถ เถโร โลกสฺส อวุฏฺิกภยํ วิสมิตุกาโม อตฺตโน อชฺฌตฺติกพาหิรวตฺถุกสฺส ปริสฺสยสฺส อภาวํ ปเวเทนฺโต –
‘‘ฉนฺนา เม กุฏิกา สุขา นิวาตา, วสฺส เทว ยถาสุขํ;
จิตฺตํ เม สุสมาหิตํ วิมุตฺตํ, อาตาปี วิหรามิ วสฺส เทวา’’ติ. –
คาถมาห.
ตตฺถ ¶ ฉนฺน-สทฺโท ตาว ‘‘ฉนฺนา สา กุมาริกา อิมสฺส กุมารกสฺส’’ (ปารา. ๒๙๖) ‘‘นจฺฉนฺนํ นปฺปติรูป’’นฺติอาทีสุ (ปารา. ๓๘๓) ปติรูเป อาคโต. ‘‘ฉนฺนํ ตฺเวว, ผคฺคุณ, ผสฺสายตนาน’’นฺติอาทีสุ วจนวิสิฏฺเ สงฺขฺยาวิเสเส. ‘‘ฉนฺนมติวสฺสติ, วิวฏํ นาติวสฺสตี’’ติอาทีสุ ¶ (อุทา. ๔๕; จูฬว. ๓๘๕) คหเณ. ‘‘กฺยาหํ เต นจฺฉนฺโนปิ กริสฺสามี’’ติอาทีสุ นิวาสนปารุปเน ‘‘อายสฺมา ฉนฺโน อนาจารํ อาจรตี’’ติอาทีสุ (ปารา. ๔๒๔) ปฺตฺติยํ. ‘‘สพฺพจฺฉนฺนํ สพฺพปริจฺฉนฺนํ (ปาจิ. ๕๒, ๕๔), ฉนฺนา กุฏิ อาหิโต ¶ คินี’’ติ (สุ. นิ. ๑๘) จ อาทีสุ ติณาทีหิ ฉาทเน. อิธาปิ ติณาทีหิ ฉาทเนเยว ทฏฺพฺโพ, ตสฺมา ติเณน วา ปณฺเณน วา ฉนฺนา ยถา น วสฺสติ วสฺโสทกปตนํ น โหติ น โอวสฺสติ, เอวํ สมฺมเทว ฉาทิตาติ อตฺโถ.
เม-สทฺโท ‘‘กิจฺเฉน เม อธิคตํ, หลํ ทานิ ปกาสิตุ’’นฺติอาทีสุ (มหาว. ๘; ที. นิ. ๒.๖๕; ม. นิ. ๑.๒๘๑; ๒.๓๓๗; สํ. นิ. ๑.๑๗๒) กรเณ อาคโต, มยาติ อตฺโถ. ‘‘ตสฺส เม, ภนฺเต, ภควา สํขิตฺเตน ธมฺมํ เทเสตู’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๓.๑๘๒; อ. นิ. ๔.๒๕๗) สมฺปทาเน, มยฺหนฺติ อตฺโถ. ‘‘ปุพฺเพว เม, ภิกฺขเว, สมฺโพธา อนภิสมฺพุทฺธสฺส โพธิสตฺตสฺเสว สโต’’อาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๐๖; สํ. นิ. ๔.๑๔) สามิอตฺเถ อาคโต. อิธาปิ สามิอตฺเถ เอว ทฏฺพฺโพ, มมาติ อตฺโถ. กิฺจาปิ ขีณาสวานํ มมายิตพฺพํ นาม กิฺจิ นตฺถิ โลกธมฺเมหิ อนุปลิตฺตภาวโต, โลกสมฺาวเสน ปน เตสมฺปิ ‘‘อหํ มมา’’ติ โวหารมตฺตํ โหติ. เตนาห ภควา – ‘‘กินฺติ เม สาวกา ธมฺมทายาทา ภเวยฺยุํ, โน อามิสทายาทา’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๙).
กุฏิกาติ ปน มาตุกุจฺฉิปิ กรชกาโยปิ ติณาทิจฺฉทโน ปติสฺสโยปิ วุจฺจติ. ตถา หิ –
‘‘มาตรํ กุฏิกํ พฺรูสิ, ภริยํ พฺรูสิ กุลาวกํ;
ปุตฺเต สนฺตานเก พฺรูสิ, ตณฺหา เม พฺรูสิ พนฺธน’’นฺติ. (สํ. นิ. ๑.๑๙) –
อาทีสุ มาตุกุจฺฉิ ‘‘กุฏิกา’’ติ วุตฺตา.
‘‘อฏฺิกงฺกลกุฏิเก ¶ , มํสนฺหารุปสิพฺพิเต;
ธิรตฺถุ ปูเร ทุคฺคนฺเธ, ปรคตฺเต มมายสี’’ติ. (เถรคา. ๑๑๕๓) –
อาทีสุ เกสาทิสมูหภูโต กรชกาโย. ‘‘กสฺสปสฺส ภควโต ภคินิ กุฏิ โอวสฺสติ’’ (ม. นิ. ๒.๒๙๑) ‘‘กุฏิ นาม อุลฺลิตฺตา วา โหติ อวลิตฺตา วา’’ติอาทีสุ (ปารา. ๓๔๙) ติณฉทนปติสฺสโย. อิธาปิ ¶ โส เอว เวทิตพฺโพ ปณฺณสาลาย อธิปฺเปตตฺตา. กุฏิ เอว หิ กุฏิกา, อปากฏกุฏิ ‘‘กุฏิกา’’ติ วุตฺตา.
สุข-สทฺโท ปน ‘‘วิปิฏฺิกตฺวาน สุขํ ทุขฺจ, ปุพฺเพว จ โสมนสฺสโทมนสฺส’’นฺติอาทีสุ ¶ (สุ. นิ. ๖๗) สุขเวทนายํ อาคโต. ‘‘สุโข พุทฺธานมุปฺปาโท, สุขา สทฺธมฺมเทสนา’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๑๙๔) สุขมูเล. ‘‘สุขสฺเสตํ, ภิกฺขเว, อธิวจนํ ยทิทํ ปฺุานี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๗.๖๒; อิติวุ. ๒๒) สุขเหตุมฺหิ. ‘‘ยสฺมา จ, โข, มหาลิ, รูปํ สุขํ สุขานุปติตํ สุขาวกฺกนฺต’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๓.๖๐) สุขารมฺมเณ, ‘‘ทิฏฺธมฺมสุขวิหารา เอเต, จุนฺท, อริยสฺส วินเย’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๘๒) อพฺยาปชฺเช. ‘‘นิพฺพานํ ปรมํ สุข’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๒๑๕; ธ. ป. ๒๐๓-๒๐๔) นิพฺพาเน. ‘‘ยาวฺจิทํ, ภิกฺขเว, น สุกรํ อกฺขาเนน ปาปุณิตุํ ยาว สุขา สคฺคา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๒๒๕) สุขปฺปจฺจยฏฺาเน. ‘‘โสวคฺคิกํ สุขวิปากํ สคฺคสํวตฺตนิก’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๑๖๓; สํ. นิ. ๑.๑๓๐) อิฏฺเ, ปิยมนาเปติ อตฺโถ. อิธาปิ อิฏฺเ สุขปฺปจฺจเย วา ทฏฺพฺโพ. สา หิ กุฏิ อนฺโต พหิ จ มนาปภาเวน สมฺปาทิตา นิวาสนผาสุตาย ‘‘สุขา’’ติ วุตฺตา. ตถา นาติสีตนาติอุณฺหตาย อุตุสุขสมฺปตฺติโยเคน กายิกเจตสิกสุขสฺส ปจฺจยภาวโต.
นิวาตาติ อวาตา, ผุสิตคฺคฬปิหิตวาตปานตฺตา วาตปริสฺสยรหิตาติ อตฺโถ. อิทํ ตสฺสา กุฏิกา สุขภาววิภาวนํ. สวาเต หิ เสนาสเน อุตุสปฺปาโย น ลพฺภติ, นิวาเต โส ลพฺภตีติ. วสฺสาติ ปวสฺส สมฺมา ธารํ อนุปฺปเวจฺฉ. เทวาติ อยํ เทว-สทฺโท ‘‘อิมานิ เต, เทว, จตุราสีติ นครสหสฺสานิ กุสวตีราชธานิปฺปมุขานิ, เอตฺถ ¶ , เทว, ฉนฺทํ ชเนหิ ชีวิเต อเปกฺข’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๒๖๖) สมฺมุติเทเว ขตฺติเย อาคโต. ‘‘จาตุมหาราชิกา เทวา วณฺณวนฺโต สุขพหุลา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๓๓๗) อุปปตฺติเทเวสุ. ‘‘ตสฺส เทวาติเทวสฺส, สาสนํ สพฺพทสฺสิโน’’ติอาทีสุ วิสุทฺธิเทเวสุ ¶ . วิสุทฺธิเทวานฺหิ ภควโต อติเทวภาเว วุตฺเต อิตเรสํ วุตฺโต เอว โหติ. ‘‘วิทฺเธ วิคตวลาหเก เทเว’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๔๘๖; สํ. นิ. ๑.๑๑๐; อิติวุ. ๒๗) อากาเส. ‘‘เทโว จ กาเลน กาลํ น สมฺมา ธารํ อนุปฺปเวจฺฉตี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๗๐) เมเฆ ปชฺชุนฺเน วา. อิธาปิ เมเฆ ปชฺชุนฺเน วา ทฏฺพฺโพ. วสฺสาติ หิ เต อาณาเปนฺโต เถโร อาลปติ. ยถาสุขนฺติ ยถารุจึ. ตว วสฺสเนน มยฺหํ พาหิโร ปริสฺสโย นตฺถิ, ตสฺมา ยถากามํ วสฺสาติ วสฺสูปชีวิสตฺเต อนุคฺคณฺหนฺโต วทติ.
อิทานิ อพฺภนฺตเร ปริสฺสยาภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘จิตฺต’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ จิตฺตํ เม สุสมาหิตนฺติ มม จิตฺตํ สุฏฺุ อติวิย สมฺมา สมฺมเทว เอกคฺคภาเวน อารมฺมเณ ปิตํ. ตฺจ โข น นีวรณาทิวิกฺขมฺภนมตฺเตน; อปิ จ โข วิมุตฺตํ โอรมฺภาคิยอุทฺธํภาคิยสงฺคเหหิ ¶ สพฺพสํโยชเนหิ สพฺพกิเลสธมฺมโต จ วิเสเสน วิมุตฺตํ, สมุจฺเฉทปฺปหานวเสน ปฏิปสฺสทฺธิปฺปหานวเสน เต ปชหิตฺวา ิตนฺติ อตฺโถ. อาตาปีติ วีริยวา. ผลสมาปตฺติอตฺถํ วิปสฺสนารมฺภวเสน ทิฏฺธมฺมสุขวิหารตฺถฺจ อารทฺธวีริโย หุตฺวา วิหรามิ, ทิพฺพวิหาราทีหิ อตฺตภาวํ ปวตฺเตมิ, น ปน กิเลสปฺปหานตฺถํ, ปหาตพฺพสฺเสว อภาวโตติ อธิปฺปาโย. ‘‘ยถา ปน พาหิรปริสฺสยาภาเวน, เทว, มยา ตฺวํ วสฺสเน นิโยชิโต, เอวํ อพฺภนฺตรปริสฺสยาภาเวนปี’’ติ ทสฺเสนฺโต ปุนปิ ‘‘วสฺส, เทวา’’ติ อาห.
อปโร นโย ฉนฺนาติ ฉาทิตา ปิหิตา. กุฏิกาติ อตฺตภาโว. โส หิ ‘‘อเนกาวยวสฺส สมุทายสฺส อวิชฺชานีวรณสฺส, ภิกฺขเว, ปุคฺคลสฺส ตณฺหาสํยุตฺตสฺส อยฺเจว กาโย สมุทาคโต, พหิทฺธา จ นามรูป’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๒.๑๙) กาโยติ อาคโต. ‘‘สิฺจ, ภิกฺขุ, อิมํ นาวํ ¶ , สิตฺตา เต ลหุเมสฺสตี’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๖๖) นาวาติ อาคโต. ‘‘คหการก ทิฏฺโสิ, คหกูฏํ วิสงฺขต’’นฺติ (ธ. ป. ๑๕๔) จ อาทีสุ คหนฺติ อาคโต. ‘‘สตฺโต คุหายํ พหุนาภิฉนฺโน, ติฏฺํ นโร โมหนสฺมึ ปคาฬฺโห’’ติอาทีสุ (สุ. นิ. ๗๗๘) คุหาติ ¶ อาคโต. ‘‘เนลงฺโค เสตปจฺฉาโท, เอกาโร วตฺตตี รโถ’’ติอาทีสุ (อุทา. ๖๕) รโถติ อาคโต. ‘‘ปุน เคหํ น กาหสี’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๑๕๔) เคหนฺติ อาคโต. ‘‘วิวฏา กุฏิ นิพฺพุโต คินี’’ติอาทีสุ (สุ. นิ. ๑๙) กุฏีติ อาคโต. ตสฺมา อิธาปิ โส ‘‘กุฏิกา’’ติ วุตฺโต. อตฺตภาโว หิ กฏฺาทีนิ ปฏิจฺจ ลพฺภมานา เคหนามิกา กุฏิกา วิย อฏฺิอาทิสฺิเต ปถวีธาตุอาทิเก ผสฺสาทิเก จ ปฏิจฺจ ลพฺภมาโน ‘‘กุฏิกา’’ติ วุตฺโต, จิตฺตมกฺกฏสฺส นิวาสภาวโต จ. ยถาห –
‘‘อฏฺิกงฺกลกุฏิเวสา, มกฺกฏาวสโถ อิติ;
มกฺกโฏ ปฺจทฺวาราย, กุฏิกาย ปสกฺกิย;
ทฺวาเรนานุปริยาติ, ฆฏฺฏยนฺโต ปุนปฺปุน’’นฺติ จ.
สา ปเนสา อตฺตภาวกุฏิกา เถรสฺส ติณฺณํ ฉนฺนํ อฏฺนฺนฺจ อสํวรทฺวารานํ วเสน สมติ วิชฺฌนกสฺส ราคาทิอวสฺสุตสฺส ปฺาย สํวุตตฺตา สมฺมเทว ปิหิตตฺตา ‘‘ฉนฺนา’’ติ วุตฺตา. เตนาห ภควา – ‘‘โสตานํ สํวรํ พฺรูมิ, ปฺาเยเต ปิธียเร’’ติ (สุ. นิ. ๑๐๔๑). วุตฺตนเยน ฉนฺนตฺตา เอว กิเลสทุกฺขาภาวโต นิรามิสสุขสมงฺคิตาย จ สุขา สุขปฺปตฺตา, ตโต เอว จ นิวาตา นิหตมานมทถมฺภสารมฺภตาย นิวาตวุตฺติกา. อยฺจ นโย ¶ ‘‘มยฺหํ น สํกิเลสธมฺมานํ สํวรณมตฺเตน สิทฺโธ, อถ โข อคฺคมคฺคสมาธินา สุฏฺุ สมาหิตจิตฺตตาย เจว อคฺคมคฺคปฺาย สพฺพสํโยชเนหิ วิปฺปมุตฺตจิตฺตตาย จา’’ติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘จิตฺตํ เม สุสมาหิตํ วิมุตฺต’’นฺติ. เอวํภูโต จ ‘‘อิทานาหํ กตกรณีโย’’ติ น อปฺโปสฺสุกฺโก โหมิ, อถ โข อาตาปี วิหรามิ, สเทวกสฺส โลกสฺส หิตสุขูปสํหาเร อุสฺสาหชาโต ภิกฺขาจารกาเลปิ อนุฆรํ พฺรหฺมวิหาเรเนว วิหรามิ. ตสฺมา ¶ ตฺวมฺปิ, เทว, ปชฺชุนฺน มยฺหํ ปิยํ กาตุกามตายปิ วสฺสูปชีวีนํ สตฺตานํ อนุกมฺปายปิ วสฺส สมฺมา ธารํ อนุปฺปเวจฺฉาติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
เอตฺถ ¶ จ เถโร ‘‘ฉนฺนา เม กุฏิกา สุขา นิวาตา’’ติ อิมินา โลกิยโลกุตฺตรเภทํ อตฺตโน อธิสีลสิกฺขํ ทสฺเสติ. ‘‘จิตฺตํ เม สุสมาหิต’’นฺติ อิมินา อธิจิตฺตสิกฺขํ. ‘‘วิมุตฺต’’นฺติ อิมินา อธิปฺาสิกฺขํ. ‘‘อาตาปี วิหรามี’’ติ อิมินา ทิฏฺธมฺมสุขวิหารํ. อถ วา ‘‘ฉนฺนา เม กุฏิกา สุขา นิวาตา’’ติ อิมินา อนิมิตฺตวิหารํ ทสฺเสติ กิเลสวสฺสปิธานมุเขน นิจฺจาทินิมิตฺตุคฺฆาฏนทีปนโต. ‘‘จิตฺตํ เม สุสมาหิต’’นฺติ อิมินา อปฺปณิหิตวิหารํ. ‘‘วิมุตฺต’’นฺติ อิมินา สฺุตวิหารํ. ‘‘อาตาปี วิหรามี’’ติ อิมินา เตสํ ติณฺณํ วิหารานํ อธิคมูปายํ. ปเมน วา โทสปฺปหานํ, ทุติเยน ราคปฺปหานํ, ตติเยน โมหปฺปหานํ. ตถา ทุติเยน ปมทุติเยหิ วา ธมฺมวิหารสมฺปตฺติโย ทสฺเสติ. ตติเยน วิมุตฺติสมฺปตฺติโย. ‘‘อาตาปี วิหรามี’’ติ อิมินา ปรหิตปฏิปตฺติยํ อตนฺทิตภาวํ ทสฺเสตีติ ทฏฺพฺพํ.
เอวํ ‘‘ยถานามา’’ติ คาถาย วุตฺตานํ ธมฺมวิหาราทีนํ อิมาย คาถาย ทสฺสิตตฺตา ตตฺถ อทสฺสิเตสุ นามโคตฺเตสุ นามํ ทสฺเสตุํ ‘‘อิตฺถํ สุท’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. เย หิ เถรา นามมตฺเตน ปากฏา, เต นาเมน, เย โคตฺตมตฺเตน ปากฏา, เต โคตฺเตน, เย อุภยถา ปากฏา, เต อุภเยนปิ ทสฺสิสฺส’’นฺติ. อยํ ปน เถโร นาเมน อภิลกฺขิโต, น ตถา โคตฺเตนาติ ‘‘อิตฺถํ สุทํ อายสฺมา สุภูตี’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ อิตฺถนฺติ อิทํ ปการํ, อิมินา อากาเรนาติ อตฺโถ. สุทนฺติ สุ อิทํ, สนฺธิวเสน อิการโลโป. สูติ จ นิปาตมตฺตํ, อิทํ คาถนฺติ โยชนา. อายสฺมาติ ปิยวจนเมตํ ครุคารวสปฺปติสฺสวจนเมตํ. สุภูตีติ นามกิตฺตนํ. โส หิ สรีรสมฺปตฺติยาปิ ทสฺสนีโย ปาสาทิโก, คุณสมฺปตฺติยาปิ. อิติ สุนฺทราย สรีราวยววิภูติยา สีลสมฺปตฺติยาทิวิภูติยา จ สมนฺนาคตตฺตา สุภูตีติ ปฺายิตฺถ สีลสาราทิถิรคุณโยคโต เถโร. อภาสิตฺถาติ กเถสิ. กสฺมา ปเนเต มหาเถรา อตฺตโน คุเณ ปกาเสนฺตีติ? อิมินา ทีเฆน อทฺธุนา ¶ อนธิคตปุพฺพํ ปรมคมฺภีรํ อติวิย สนฺตํ ปณีตํ อตฺตนา อธิคตํ โลกุตฺตรธมฺมํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ¶ ปีติเวคสมุสฺสาหิตอุทานวเสน สาสนสฺส นิยฺยานิกภาววิภาวนวเสน จ ปรมปฺปิจฺฉา อริยา ¶ อตฺตโน คุเณ ปกาเสนฺติ, ยถา ตํ โลกนาโถ โพธเนยฺยอชฺฌาสยวเสน ‘‘ทสพลสมนฺนาคโต, ภิกฺขเว, ตถาคโต จตุเวสารชฺชวิสารโท’’ติอาทินา อตฺตโน คุเณ ปกาเสติ, เอวมยํ เถรสฺส อฺาพฺยากรณคาถา โหตีติ.
ปรมตฺถทีปนิยา เถรคาถาสํวณฺณนาย
สุภูติตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. มหาโกฏฺิกตฺเถรคาถาวณฺณนา
อุปสนฺโตติ อายสฺมโต มหาโกฏฺิกตฺเถรสฺส คาถา. ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ เถโร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล หํสวตีนคเร มหาโภคกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต มาตาปิตูนํ อจฺจเยน กุฏุมฺพํ สณฺเปตฺวา ฆราวาสํ วสนฺโต เอกทิวสํ ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต ธมฺมเทสนากาเล หํสวตีนครวาสิเก คนฺธมาลาทิหตฺเถ เยน พุทฺโธ เยน ธมฺโม เยน สงฺโฆ, ตนฺนินฺเน ตปฺโปเณ ตปฺปพฺภาเร คจฺฉนฺเต ทิสฺวา มหาชเนน สทฺธึ อุปคโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ ปฏิสมฺภิทาปตฺตานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ กิร อิมสฺมึ สาสเน ปฏิสมฺภิทาปตฺตานํ อคฺโค, อโห วตาหมฺปิ เอกสฺส พุทฺธสฺส สาสเน อยํ วิย ปฏิสมฺภิทาปตฺตานํ อคฺโค ภเวยฺย’’นฺติ จินฺเตตฺวา สตฺถุ เทสนาปริโยสาเน วุฏฺิตาย ปริสาย ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, สฺเว มยฺหํ ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ นิมนฺเตสิ. สตฺถา อธิวาเสสิ. โส ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา สกนิเวสนํ คนฺตฺวา สพฺพรตฺตึ พุทฺธสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ นิสชฺชฏฺานํ คนฺธทามมาลาทามาทีหิ อลงฺกริตฺวา ปณีตํ ขาทนียํ โภชนียํ ปฏิยาทาเปตฺวา ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน สเก นิเวสเน ภิกฺขุสตสหสฺสปริวารํ ภควนฺตํ วิวิธยาคุขชฺชกปริวารํ นานารสสูปพฺยฺชนํ คนฺธสาลิโภชนํ โภเชตฺวา ¶ ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน จินฺเตสิ – ‘‘มหนฺตํ, โข, อหํ านนฺตรํ ปตฺเถมิ น โข ปน มยฺหํ ยุตฺตํ เอกทิวสเมว ทานํ ทตฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถตุํ, อนุปฏิปาฏิยา สตฺต ทิวเส ทานํ ทตฺวา ปตฺเถสฺสามี’’ติ ¶ . โส เตเนว นิยาเมน สตฺต ทิวเส มหาทานานิ ทตฺวา ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน ทุสฺสโกฏฺาคารํ วิวราเปตฺวา อุตฺตมํ ติจีวรปฺปโหนกํ สุขุมวตฺถํ พุทฺธสฺส ปาทมูเล เปตฺวา ภิกฺขุสตสหสฺสสฺส จ ติจีวรํ ทตฺวา ตถาคตํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘ภนฺเต, โย โส ภิกฺขุ ตุมฺเหหิ อิโต สตฺตมทิวสมตฺถเก เอตทคฺเค ปิโต, อหมฺปิ โส ภิกฺขุ วิย อนาคเต อุปฺปชฺชนกพุทฺธสฺส สาสเน ปพฺพชิตฺวา ปฏิสมฺภิทาปตฺตานํ อคฺโค ภเวยฺย’’นฺติ วตฺวา สตฺถุ ปาทมูเล ¶ นิปชฺชิตฺวา ปตฺถนํ อกาสิ. สตฺถา ตสฺส ปตฺถนาย สมิชฺฌนภาวํ ทิสฺวา ‘‘อนาคเต อิโต กปฺปสตสหสฺสมตฺถเก โคตโม นาม พุทฺโธ โลเก อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตสฺส สาสเน ตว ปตฺถนา สมิชฺฌิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิ. วุตฺตมฺปิ เจตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๔.๒๒๑-๒๕๐) –
‘‘ปทุมุตฺตโร นาม ชิโน, สพฺพโลกวิทู มุนิ;
อิโต สตสหสฺสมฺหิ, กปฺเป อุปฺปชฺชิ จกฺขุมา.
‘‘โอวาทโก วิฺาปโก, ตารโก สพฺพปาณินํ;
เทสนากุสโล พุทฺโธ, ตาเรสิ ชนตํ พหุํ.
‘‘อนุกมฺปโก การุณิโก, หิเตสี สพฺพปาณินํ;
สมฺปตฺเต ติตฺถิเย สพฺเพ, ปฺจสีเล ปติฏฺปิ.
‘‘เอวํ นิรากุลํ อาสิ, สฺุตํ ติตฺถิเยหิ จ;
วิจิตฺตํ อรหนฺเตหิ, วสีภูเตหิ ตาทิภิ.
‘‘รตนานฏฺปฺาสํ, อุคฺคโต โส มหามุนิ;
กฺจนคฺฆิยสงฺกาโส, พาตฺตึสวรลกฺขโณ.
‘‘วสฺสสตสหสฺสานิ, อายุ วิชฺชติ ตาวเท;
ตาวตา ติฏฺมาโน โส, ตาเรสิ ชนตํ พหุํ.
‘‘ตทาหํ หํสวติยํ, พฺราหฺมโณ เวทปารคู;
อุเปจฺจ สพฺพโลกคฺคํ, อสฺโสสึ ธมฺมเทสนํ.
‘‘ตทา โส สาวกํ วีโร, ปภินฺนมติโคจรํ;
อตฺเถ ธมฺเม นิรุตฺเต จ, ปฏิภาเน จ โกวิทํ.
‘‘เปสิ ¶ เอตทคฺคมฺหิ, ตํ สุตฺวา มุทิโต อหํ;
สสาวกํ ชินวรํ, สตฺตาหํ โภชยึ ตทา.
‘‘ทุสฺเสหจฺฉาทยิตฺวาน, สสิสฺสํ พุทฺธิสาครํ;
นิปจฺจ ปาทมูลมฺหิ, ตํ านํ ปตฺถยึ อหํ.
‘‘ตโต อโวจ โลกคฺโค, ปสฺสเถตํ ทิชุตฺตมํ;
วินตํ ปาทมูเล เม, กมโลทรสปฺปภํ.
‘‘พุทฺธเสฏฺสฺส ภิกฺขุสฺส, านํ ปตฺถยเต อยํ;
ตาย สทฺธาย จาเคน, สทฺธมฺมสฺสวเนน จ.
‘‘สพฺพตฺถ สุขิโต หุตฺวา, สํสริตฺวา ภวาภเว;
อนาคตมฺหิ อทฺธาเน, ลจฺฉเสตํ มโนรถํ.
‘‘สตสหสฺสิโต ¶ กปฺเป, โอกฺกากกุลสมฺภโว;
โคตโม นาม โคตฺเตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติ.
‘‘ตสฺส ธมฺเมสุ ทายาโท, โอรโส ธมฺมนิมฺมิโต;
โกฏฺิโก นาม นาเมน, เหสฺสติ สตฺถุ สาวโก.
‘‘ตํ สุตฺวา มุทิโต หุตฺวา, ยาวชีวํ ตทา ชินํ;
เมตฺตจิตฺโต ปริจรึ, สโต ปฺา สมาหิโต.
‘‘เตน กมฺมวิปาเกน, เจตนาปณิธีหิ จ;
ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวตึสมคจฺฉหํ.
‘‘สตานํ ตีณิกฺขตฺตฺุจ, เทวรชฺชมการยึ;
สตานํ ปฺจกฺขตฺตฺุจ, จกฺกวตฺตี อโหสหํ.
‘‘ปเทสรชฺชํ วิปุลํ, คณนาโต อสงฺขิยํ;
สพฺพตฺถ สุขิโต อาสึ, ตสฺส กมฺมสฺส วาหสา.
‘‘ทุเว ภเว สํสรามิ, เทวตฺเต อถ มานุเส;
อฺํ คตึ น คจฺฉามิ, สุจิณฺณสฺส อิทํ ผลํ.
‘‘ทุเว กุเล ปชายามิ, ขตฺติเย อถ พฺราหฺมเณ;
นีเจ กุเล น ชายามิ, สุจิณฺณสฺส อิทํ ผลํ.
‘‘ปจฺฉิเม ¶ ภเว สมฺปตฺเต, พฺรหฺมพนฺธุ อโหสหํ;
สาวตฺถิยํ วิปฺปกุเล, ปจฺจาชาโต มหทฺธเน.
‘‘มาตา จนฺทวตี นาม, ปิตา เม อสฺสลายโน;
ยทา เม ปิตรํ พุทฺโธ, วินยี สพฺพสุทฺธิยา.
‘‘ตทา ปสนฺโน สุคเต, ปพฺพชึ อนคาริยํ;
โมคฺคลฺลาโน อาจริโย, อุปชฺฌา สาริสมฺภโว.
‘‘เกเสสุ ฉิชฺชมาเนสุ, ทิฏฺิ ฉินฺนา สมูลิกา;
นิวาเสนฺโต จ กาสาวํ, อรหตฺตมปาปุณึ.
‘‘อตฺถธมฺมนิรุตฺตีสุ, ปฏิภาเน จ เม มติ;
ปภินฺนา เตน โลกคฺโค, เอตทคฺเค เปสิ มํ.
‘‘อสนฺทิฏฺํ วิยากาสึ, อุปติสฺเสน ปุจฺฉิโต;
ปฏิสมฺภิทาสุ เตนาหํ, อคฺโค สมฺพุทฺธสาสเน.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ, ภวา สพฺเพ สมูหตา;
นาโคว พนฺธนํ เฉตฺวา, วิหรามิ อนาสโว.
‘‘สฺวาคตํ วต เม อาสิ, มม พุทฺธสฺส สนฺติเก;
ติสฺโส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสนํ.
‘‘ปฏิสมฺภิทา ¶ จตสฺโส, วิโมกฺขาปิ จ อฏฺิเม;
ฉฬภิฺา สจฺฉิกตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
เอวํ โส ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปฺุาณสมฺภารํ สมฺภรนฺโต อปราปรํ เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ พฺราหฺมณมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติ. โกฏฺิโกติสฺส นามํ อกํสุ. โส วยปฺปตฺโต ตโย เวเท อุคฺคเหตฺวา พฺราหฺมณสิปฺเป นิปฺผตฺตึ คโต เอกทิวสํ สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา อุปสมฺปนฺนกาลโต ปฏฺาย วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปตฺวา ปฏิสมฺภิทาสุ จิณฺณวสี หุตฺวา อภิฺาเต อภิฺาเต มหาเถเร อุปสงฺกมิตฺวา ปฺหํ ปุจฺฉนฺโตปิ ทสพลํ อุปสงฺกมิตฺวา ปฺหํ ปุจฺฉนฺโตปิ ปฏิสมฺภิทาสุเยว ปฺหํ ปุจฺฉิ. เอวมยํ เถโร ตตฺถ ¶ กตาธิการตาย จิณฺณวสีภาเวน จ ปฏิสมฺภิทาปตฺตานํ อคฺโค ชาโต. อถ นํ สตฺถา มหาเวทลฺลสุตฺตํ (ม. นิ. ๑.๔๔๙ อาทโย) อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา ปฏิสมฺภิทาปตฺตานํ อคฺคฏฺาเน เปสิ – ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ ปฏิสมฺภิทาปตฺตานํ ยทิทํ ¶ มหาโกฏฺิโก’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๐๙, ๒๑๘). โส อปเรน สมเยน วิมุตฺติสุขํ ปฏิสํเวเทนฺโต อุทานวเสน –
‘‘อุปสนฺโต อุปรโต, มนฺตภาณี อนุทฺธโต;
ธุนาติ ปาปเก ธมฺเม, ทุมปตฺตํว มาลุโต’’ติ. –
อิตฺถํ สุทํ อายสฺมา มหาโกฏฺิกตฺเถโร คาถํ อภาสิ.
ตตฺถ อุปสนฺโตติ มนจฺฉฏฺานํ อินฺทฺริยานํ อุปสมเนน นิพฺพิเสวนภาวกรเณน อุปสนฺโต. อุปรโตติ สพฺพสฺมา ปาปกรณโต โอรโต วิรโต. มนฺตภาณีติ มนฺตา วุจฺจติ ปฺา, ตาย ปน อุปปริกฺขิตฺวา ภณตีติ มนฺตภาณี, กาลวาทีอาทิภาวํ อวิสฺสชฺเชนฺโตเยว ภณตีติ อตฺโถ. มนฺตภณนวเสน วา ภณตีติ มนฺตภาณี, ทุพฺภาสิตโต วินา อตฺตโน ภาสนวเสน จตุรงฺคสมนฺนาคตํ สุภาสิตํเยว ภณตีติ อตฺโถ. ชาติอาทิวเสน อตฺตโน อนุกฺกํสนโต น อุทฺธโตติ อนุทฺธโต อถ วา ติณฺณํ กายทุจฺจริตานํ วูปสมเนน ตโต ปฏิวิรติยา อุปสนฺโต, ติณฺณํ มโนทุจฺจริตานํ อุปรมเณน ปชหเนน อุปรโต, จตุนฺนํ วจีทุจฺจริตานํ อปฺปวตฺติยา ปริมิตภาณิตาย มนฺตภาณี, ติวิธทุจฺจริตนิมิตฺตอุปฺปชฺชนกสฺส อุทฺธจฺจสฺส อภาวโต อนุทฺธโต. เอวํ ปน ติวิธทุจฺจริตปฺปหาเนน สุทฺเธ สีเล ปติฏฺิโต, อุทฺธจฺจปฺปหาเนน สมาหิโต, ตเมว สมาธึ ปทฏฺานํ กตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา มคฺคปฏิปาฏิยา ธุนาติ ปาปเก ธมฺเม ลามกฏฺเน ปาปเก สพฺเพปิ สํกิเลสธมฺเม นิทฺธุนาติ, สมุจฺเฉทวเสน ปชหติ ¶ . ยถา กึ? ทุมปตฺตํว มาลุโต, ยถา นาม ทุมสฺส รุกฺขสฺส ปตฺตํ ปณฺฑุปลาสํ มาลุโต วาโต ธุนาติ, พนฺธนโต วิโยเชนฺโต นีหรติ, เอวํ ยถาวุตฺตปฏิปตฺติยํ ิโต ปาปธมฺเม อตฺตโน สนฺตานโต นีหรติ, เอวมยํ เถรสฺส อฺาปเทเสน อฺาพฺยากรณคาถาปิ โหตีติ เวทิตพฺพา.
เอตฺถ ¶ จ กายวจีทุจฺจริตปฺปหานวจเนน ปโยคสุทฺธึ ทสฺเสติ, มโนทุจฺจริตปฺปหานวจเนน อาสยสุทฺธึ. เอวํ ปโยคาสยสุทฺธสฺส ‘‘อนุทฺธโต’’ติ ¶ อิมินา อุทฺธจฺจาภาววจเนน ตเทกฏฺตาย นีวรณปฺปหานํ ทสฺเสติ. เตสุ ปโยคสุทฺธิยา สีลสมฺปตฺติ วิภาวิตา, อาสยสุทฺธิยา สมถภาวนาย อุปการกธมฺมปริคฺคโห, นีวรณปฺปหาเนน สมาธิภาวนา, ‘‘ธุนาติ ปาปเก ธมฺเม’’ติ อิมินา ปฺาภาวนา วิภาวิตา โหติ. เอวํ อธิสีลสิกฺขาทโย ติสฺโส สิกฺขา, ติวิธกลฺยาณํ สาสนํ, ตทงฺคปฺปหานาทีนิ ตีณิ ปหานานิ, อนฺตทฺวยปริวชฺชเนน สทฺธึ มชฺฌิมาย ปฏิปตฺติยา ปฏิปชฺชนํ, อปายภวาทีนํ สมติกฺกมนูปาโย จ ยถารหํ นิทฺธาเรตฺวา โยเชตพฺพา. อิมินา นเยน เสสคาถาสุปิ ยถารหํ อตฺถโยชนา เวทิตพฺพา. อตฺถมตฺตเมว ปน ตตฺถ ตตฺถ อปุพฺพํ วณฺณยิสฺสาม. ‘‘อิตฺถํ สุทํ อายสฺมา มหาโกฏฺิโก’’ติ อิทํ ปูชาวจนํ, ยถา ตํ มหาโมคฺคลฺลาโนติ.
มหาโกฏฺิกตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. กงฺขาเรวตตฺเถรคาถาวณฺณนา
ปฺํ อิมํ ปสฺสาติ อายสฺมโต กงฺขาเรวตสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ เถโร ปทุมุตฺตรภควโต กาเล หํสวตีนคเร พฺราหฺมณมหาสาลกุเล นิพฺพตฺโต. เอกทิวสํ พุทฺธานํ ธมฺมเทสนากาเล เหฏฺา วุตฺตนเยน มหาชเนน สทฺธึ วิหารํ คนฺตฺวา ปริสปริยนฺเต ิโต ธมฺมํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ ฌานาภิรตานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา ‘‘มยาปิ อนาคเต เอวรูเปน ภวิตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา เทสนาวสาเน สตฺถารํ นิมนฺเตตฺวา เหฏฺา วุตฺตนเยน มหาสกฺการํ กตฺวา ภควนฺตํ อาห – ‘‘ภนฺเต, อหํ อิมินา อธิการกมฺเมน อฺํ สมฺปตฺตึ น ปตฺเถมิ, ยถา ปน โส ภิกฺขุ ตุมฺเหหิ อิโต สตฺตมทิวสมตฺถเก ฌายีนํ อคฺคฏฺาเน ปิโต, เอวํ อหมฺปิ อนาคเต เอกสฺส พุทฺธสฺส สาสเน ฌายีนํ อคฺโค ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนมกาสิ. สตฺถา อนาคตํ โอโลเกตฺวา นิปฺผชฺชนภาวํ ทิสฺวา ‘‘อนาคเต กปฺปสตสหสฺสาวสาเน โคตโม ¶ นาม ¶ พุทฺโธ ¶ อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตสฺส สาสเน ตฺวํ ฌายีนํ อคฺโค ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากริตฺวา ปกฺกามิ.
โส ยาวชีวํ กลฺยาณกมฺมํ กตฺวา กปฺปสตสหสฺสํ เทวมนุสฺเสสุ สํสริตฺวา อมฺหากํ ภควโต กาเล สาวตฺถินคเร มหาโภคกุเล นิพฺพตฺโต ปจฺฉาภตฺตํ ธมฺมสฺสวนตฺถํ คจฺฉนฺเตน มหาชเนน สทฺธึ วิหารํ คนฺตฺวา ปริสปริยนฺเต ิโต ทสพลสฺส ธมฺมกถํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา อุปสมฺปทํ ลภิตฺวา กมฺมฏฺานํ กถาเปตฺวา ฌานปริกมฺมํ กโรนฺโต ฌานลาภี หุตฺวา ฌานํ ปาทกํ กตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. โส เยภุยฺเยน ทสพเลน สมาปชฺชิตพฺพสมาปตฺตึ สมาปชฺชนฺโต อโหรตฺตํ ฌาเนสุ จิณฺณวสี อโหสิ. อถ นํ สตฺถา ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ ฌายีนํ ยทิทํ กงฺขาเรวโต’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๙๘, ๒๐๔) ฌายีนํ อคฺคฏฺาเน เปสิ. วุตฺตมฺปิ เจตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๕.๓๔-๕๓) –
‘‘ปทุมุตฺตโร นาม ชิโน, สพฺพธมฺเมสุ จกฺขุมา;
อิโต สตสหสฺสมฺหิ, กปฺเป อุปฺปชฺชิ นายโก.
‘‘สีหหนุ พฺรหฺมคิโร, หํสทุนฺทุภินิสฺสโน;
นาควิกฺกนฺตคมโน, จนฺทสูราธิกปฺปโภ.
‘‘มหามติ มหาวีโร, มหาฌายี มหาพโล;
มหาการุณิโก นาโถ, มหาตมปนูทโน.
‘‘ส กทาจิ ติโลกคฺโค, เวเนยฺยํ วินยํ พหุํ;
ธมฺมํ เทเสสิ สมฺพุทฺโธ, สตฺตาสยวิทู มุนิ.
‘‘ฌายึ ฌานรตํ วีรํ, อุปสนฺตํ อนาวิลํ;
วณฺณยนฺโต ปริสตึ, โตเสสิ ชนตํ ชิโน.
‘‘ตทาหํ หํสวติยํ, พฺราหฺมโณ เวทปารคู;
ธมฺมํ สุตฺวาน มุทิโต, ตํ านมภิปตฺถยึ.
‘‘ตทา ชิโน วิยากาสิ, สงฺฆมชฺเฌ วินายโก;
มุทิโต โหหิ ตฺวํ พฺรหฺเม, ลจฺฉเส ตํ มโนรถํ.
‘‘สตสหสฺสิโต ¶ กปฺเป, โอกฺกากกุลสมฺภโว;
โคตโม นาม โคตฺเตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติ.
‘‘ตสฺส ธมฺเมสุ ทายาโท, โอรโส ธมฺมนิมฺมิโต;
เรวโต นาม นาเมน, เหสฺสติ สตฺถุ สาวโก.
‘‘เตน ¶ กมฺเมน สุกเตน, เจตนาปณิธีหิ จ;
ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวตึสมคจฺฉหํ.
‘‘ปจฺฉิเม จ ภเว ทานิ, ชาโตหํ โกลิเย ปุเร;
ขตฺติเย กุลสมฺปนฺเน, อิทฺเธ ผีเต มหทฺธเน.
‘‘ยทา กปิลวตฺถุสฺมึ, พุทฺโธ ธมฺมมเทสยิ;
ตทา ปสนฺโน สุคเต, ปพฺพชึ อนคาริยํ.
‘‘กงฺขา เม พหุลา อาสิ, กปฺปากปฺเป ตหึ ตหึ;
สพฺพํ ตํ วินยี พุทฺโธ, เทเสตฺวา ธมฺมมุตฺตมํ.
‘‘ตโตหํ ติณฺณสํสาโร, ตทา ฌานสุเข รโต;
วิหรามิ ตทา พุทฺโธ, มํ ทิสฺวา เอตทพฺรวิ.
‘‘ยา กาจิ กงฺขา อิธ วา หุรํ วา, สเวทิยา วา ปรเวทิยา วา;
เย ฌายิโน ตา ปชหนฺติ สพฺพา, อาตาปิโน พฺรหฺมจริยํ จรนฺตา.
‘‘สตสหสฺเส กตํ กมฺมํ, ผลํ ทสฺเสสิ เม อิธ;
สุมุตฺโต สรเวโคว, กิเลเส ฌาปยึ มม.
‘‘ตโต ฌานรตฺตํ ทิสฺวา, พุทฺโธ โลกนฺตคู มุนิ;
ฌายีนํ ภิกฺขูนํ อคฺโค, ปฺาเปสิ มหามติ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ, ภวา สพฺเพ สมูหตา;
นาโคว พนฺธนํ เฉตฺวา, วิหรามิ อนาสโว.
‘‘สฺวาคตํ วต เม อาสิ, มม พุทฺธสฺส สนฺติเก;
ติสฺโส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสนํ.
‘‘ปฏิสมฺภิทา ¶ จตสฺโส, วิโมกฺขาปิ จ อฏฺิเม;
ฉฬภิฺา สจฺฉิกตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
ตถา กตกิจฺโจ ปนายํ มหาเถโร ปุพฺเพ ทีฆรตฺตํ อตฺตโน กงฺขาปกตจิตฺตตํ อิทานิ สพฺพโส วิคตกงฺขตฺจ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ‘‘อโห นูน มยฺหํ สตฺถุโน เทสนานุภาโว, เตเนตรหิ เอวํ วิคตกงฺโข อชฺฌตฺตํ วูปสนฺตจิตฺโต ชาโต’’ติ สฺชาตพหุมาโน ภควโต ปฺํ ปสํสนฺโต ‘‘ปฺํ อิมํ ปสฺสา’’ติ อิมํ คาถมาห.
๓. ตตฺถ ปฺนฺติ ปกาเร ชานาติ, ปกาเรหิ าเปตีติ จ ปฺา. เวเนยฺยานํ อาสยานุสยจริยาธิมุตฺติอาทิปฺปกาเร ธมฺมานํ กุสลาทิเก ขนฺธาทิเก จ เทเสตพฺพปฺปกาเร ชานาติ, ยถาสภาวโต ปฏิวิชฺฌติ, เตหิ จ ปกาเรหิ าเปตีติ อตฺโถ. สตฺถุ เทสนาาณฺหิ อิธาธิปฺเปตํ, เตนาห ‘‘อิม’’นฺติ. ตฺหิ อตฺตนิ สิทฺเธน เทสนาพเลน นยคฺคาหโต ¶ ปจฺจกฺขํ วิย อุปฏฺิตํ คเหตฺวา ‘‘อิม’’นฺติ วุตฺตํ. ยทคฺเคน วา สตฺถุ เทสนาาณํ สาวเกหิ นยโต คยฺหติ, ตทคฺเคน อตฺตโน วิสเย ปฏิเวธาณมฺปิ นยโต คยฺหเตว. เตนาห ¶ อายสฺมา ธมฺมเสนาปติ – ‘‘อปิจ เม, ภนฺเต, ธมฺมนฺวโย วิทิโต’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๔๖; ๓.๑๔๓). ปสฺสาติ วิมฺหยปฺปตฺโต อนิยมโต อาลปติ อตฺตโนเยว วา จิตฺตํ, ยถาห ภควา อุทาเนนฺโต – ‘‘โลกมิมํ ปสฺส; ปุถู อวิชฺชาย ปเรตํ ภูตํ ภูตรตํ ภวา อปริมุตฺต’’นฺติ (อุทา. ๓๐). ตถาคตานนฺติ ตถา อาคมนาทิอตฺเถน ตถาคตานํ. ตถา อาคโตติ หิ ตถาคโต, ตถา คโตติ ตถาคโต, ตถลกฺขณํ อาคโตติ ตถาคโต, ตถธมฺเม ยาถาวโต อภิสมฺพุทฺโธติ ตถาคโต, ตถทสฺสิตาย ตถาคโต, ตถวาทิตาย ตถาคโต, ตถาการิตาย ตถาคโต, อภิภวนฏฺเน ตถาคโตติ เอวํ อฏฺหิ การเณหิ ภควา ตถาคโต. ตถาย อาคโตติ ตถาคโต, ตถาย คโตติ ตถาคโต, ตถลกฺขณํ คโตติ ตถาคโต, ตถานิ อาคโตติ ตถาคโต, ตถาวิโธติ ตถาคโต, ตถา ปวตฺติโตติ ตถาคโต, ตเถหิ อาคโตติ ตถาคโต ¶ , ตถา คตภาเวน ตถาคโตติ เอวมฺปิ อฏฺหิ การเณหิ ภควา ตถาคโตติ อยเมตฺถ สงฺเขโป. วิตฺถาโร ปน ปรมตฺถทีปนิยา อุทานฏฺกถาย (อุทา. อฏฺ. ๑๘) อิติวุตฺตกฏฺกถาย (อิติวุ. อฏฺ. ๓๘) จ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ.
อิทานิ ตสฺสา ปฺาย อสาธารณวิเสสํ ทสฺเสตุํ ‘‘อคฺคิ ยถา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ยถา อคฺคีติ อุปมาวจนํ. ยถาติ ตสฺส อุปมาภาวทสฺสนํ. ปชฺชลิโตติ อุปเมยฺเยน สมฺพนฺธทสฺสนํ. นิสีเถติ กิจฺจกรณกาลทสฺสนํ. อยฺเหตฺถ อตฺโถ – ยถา นาม นิสีเถ รตฺติยํ จตุรงฺคสมนฺนาคเต อนฺธกาเร วตฺตมาเน อุนฺนเต าเน ปชฺชลิโต อคฺคิ ตสฺมึ ปเทเส ตยคตํ วิธมนฺตํ ติฏฺติ, เอวเมว ตถาคตานํ อิมํ เทสนาาณสงฺขาตํ สพฺพโส เวเนยฺยานํ สํสยตมํ วิธมนฺตํ ปฺํ ปสฺสาติ. ยโต เทสนาวิลาเสน สตฺตานํ าณมยํ อาโลกํ เทนฺตีติ อาโลกทา. ปฺามยเมว จกฺขุํ ททนฺตีติ จกฺขุททา. ตทุภยมฺปิ กงฺขาวินยปทฏฺานเมว กตฺวา ¶ ทสฺเสนฺโต ‘‘เย อาคตานํ วินยนฺติ กงฺข’’นฺติ อาห, เย ตถาคตา อตฺตโน สนฺติกํ อาคตานํ อุปคตานํ เวเนยฺยานํ ‘‘อโหสึ นุ โข อหมตีตมทฺธาน’’นฺติอาทินยปฺปวตฺตํ (ม. นิ. ๑.๑๘; สํ. นิ. ๒.๒๐) โสฬสวตฺถุกํ, ‘‘พุทฺเธ กงฺขติ ธมฺเม กงฺขตี’’ติอาทินยปฺปวตฺตํ (ธ. ส. ๑๐๐๘) อฏฺวตฺถุกฺจ กงฺขํ วิจิกิจฺฉํ วินยนฺติ เทสนานุภาเวน อนวเสสโต วิธมนฺติ วิทฺธํเสนฺติ. วินยกุกฺกุจฺจสงฺขาตา ปน กงฺขา ตพฺพินเยเนว วินีตา โหนฺตีติ.
อปโร นโย – ยถา อคฺคิ นิสีเถ รตฺติภาเค ปชฺชลิโต ปฏุตรชาโล สมุชฺชลํ อุจฺจาสเน ¶ ิตานํ โอภาสทานมตฺเตน อนฺธการํ วิธมิตฺวา สมวิสมํ วิภาเวนฺโต อาโลกทโท โหติ. อจฺจาสนฺเน ปน ิตานํ ตํ สุปากฏํ กโรนฺโต จกฺขุกิจฺจกรณโต จกฺขุทโท นาม โหติ, เอวเมว ตถาคโต อตฺตโน ธมฺมกายสฺส ทูเร ิตานํ อกตาธิการานํ ปฺาปชฺโชเตน โมหนฺธการํ วิธมิตฺวา กายวิสมาทิสมวิสมํ วิภาเวนฺโต อาโลกทา ภวนฺติ, อาสนฺเน ิตานํ ปน กตาธิการานํ ธมฺมจกฺขุํ อุปฺปาเทนฺโต จกฺขุททา ภวนฺติ. เย เอวํภูตา ¶ อตฺตโน วจีโคจรํ อาคตานํ มาทิสานมฺปิ กงฺขาพหุลานํ กงฺขํ วินยนฺติ อริยมคฺคสมุปฺปาทเนน วิธมนฺติ, เตสํ ตถาคตานํ ปฺํ าณาติสยํ ปสฺสาติ โยชนา. เอวมยํ เถรสฺส อตฺตโน กงฺขาวิตรณปฺปกาสเนน อฺาพฺยากรณคาถาปิ โหติ. อยฺหิ เถโร ปุถุชฺชนกาเล กปฺปิเยปิ กุกฺกุจฺจโก หุตฺวา กงฺขาพหุลตาย ‘‘กงฺขาเรวโต’’ติ ปฺาโต, ปจฺฉา ขีณาสวกาเลปิ ตเถว โวหรยิตฺถ. เตนาห – ‘‘อิตฺถํ สุทํ อายสฺมา กงฺขาเรวโต คาถํ อภาสิตฺถา’’ติ. ตํ วุตฺตตฺถเมว.
กงฺขาเรวตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. ปุณฺณตฺเถรคาถาวณฺณนา
สพฺภิเรว ¶ สมาเสถาติ อายสฺมโต ปุณฺณตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร ปทุมุตฺตรสฺส ทสพลสฺส อุปฺปตฺติโต ปุเรตรเมว หํสวตีนคเร พฺราหฺมณมหาสาลกุเล นิพฺพตฺโต อนุกฺกเมน วิฺุตํ ปตฺโต สตฺถริ โลเก อุปฺปชฺชนฺเต เอกทิวสํ พุทฺธานํ ธมฺมเทสนากาเล เหฏฺา วุตฺตนเยน มหาชเนน สทฺธึ วิหารํ คนฺตฺวา ปริสปริยนฺเต นิสีทิตฺวา ธมฺมํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ ธมฺมกถิกานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา ‘‘มยาปิ อนาคเต เอวรูเปน ภวิตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา เทสนาวสาเน วุฏฺิตาย ปริสาย สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา นิมนฺเตตฺวา เหฏฺา วุตฺตนเยเนว มหาสกฺการํ กตฺวา ภควนฺตํ เอวมาห – ‘‘ภนฺเต, อหํ อิมินา อธิการกมฺเมน นาฺํ สมฺปตฺตึ ปตฺเถมิ. ยถา ปน โส ภิกฺขุ อิโต สตฺตมทิวสมตฺถเก ธมฺมกถิกานํ อคฺคฏฺาเน ปิโต, เอวํ อหมฺปิ อนาคเต เอกสฺส พุทฺธสฺส สาสเน ธมฺมกถิกานํ ภิกฺขูนํ อคฺโค ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ อกาสิ. สตฺถา อนาคตํ โอโลเกตฺวา ตสฺส ปตฺถนาย สมิชฺฌนภาวํ ทิสฺวา ‘‘อนาคเต กปฺปสตสหสฺสมตฺถเก โคตโม นาม พุทฺโธ อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตสฺส สาสเน ตฺวํ ปพฺพชิตฺวา ธมฺมกถิกานํ อคฺโค ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิ.
โส ¶ ตตฺถ ยาวชีวํ กลฺยาณธมฺมํ กตฺวา ตโต จุโต กปฺปสตสหสฺสํ ปฺุาณสมฺภารํ สมฺภรนฺโต เทวมนุสฺเสสุ สํสริตฺวา อมฺหากํ ภควโต กาเล กปิลวตฺถุนครสฺส อวิทูเร โทณวตฺถุนามเก ¶ พฺราหฺมณคาเม พฺราหฺมณมหาสาลกุเล อฺาสิโกณฺฑฺตฺเถรสฺส ภาคิเนยฺโย หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ตสฺส นามคฺคหณทิวเส ‘‘ปุณฺโณ’’ติ นามํ อกํสุ. โส สตฺถริ อภิสมฺโพธึ ปตฺวา ปวตฺตวรธมฺมจกฺเก อนุปุพฺเพน ราชคหํ คนฺตฺวา ตํ อุปนิสฺสาย วิหรนฺเต อฺาสิโกณฺฑฺตฺเถรสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ลทฺธูปสมฺปโท สพฺพํ ปุพฺพกิจฺจํ กตฺวา ปธานมนุยฺุชนฺโต ปพฺพชิตกิจฺจํ มตฺถกํ ปาเปตฺวาว ‘‘ทสพลสฺส ¶ สนฺติกํ คมิสฺสามี’’ติ มาตุลตฺเถเรน สทฺธึ สตฺถุ สนฺติกํ อคนฺตฺวา กปิลวตฺถุสามนฺตาเยว โอหียิตฺวา โยนิโสมนสิกาเร กมฺมํ กโรนฺโต นจิรสฺเสว วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. วุตฺตมฺปิ เจตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑.๔๓๔-๔๔๐) –
‘‘อชฺฌายโก มนฺตธโร, ติณฺณํ เวทาน ปารคู;
ปุรกฺขโตมฺหิ สิสฺเสหิ, อุปคจฺฉึ นรุตฺตมํ.
‘‘ปทุมุตฺตโร โลกวิทู, อาหุตีนํ ปฏิคฺคโห;
มม กมฺมํ ปกิตฺเตสิ, สํขิตฺเตน มหามุนิ.
‘‘ตาหํ ธมฺมํ สุณิตฺวาน, อภิวาเทตฺวาน สตฺถุโน;
อฺชลึ ปคฺคเหตฺวาน, ปกฺกมึ ทกฺขิณามุโข.
‘‘สํขิตฺเตน สุณิตฺวาน, วิตฺถาเรน อภาสยึ;
สพฺเพ สิสฺสา อตฺตมนา, สุตฺวาน มม ภาสโต.
‘‘สกํ ทิฏฺึ วิโนเทตฺวา, พุทฺเธ จิตฺตํ ปสาทยุํ;
สํขิตฺเตนปิ เทเสมิ, วิตฺถาเรน ตเถวหํ.
‘‘อภิธมฺมนยฺูหํ, กถาวตฺถุวิสุทฺธิยา;
สพฺเพสํ วิฺาเปตฺวาน, วิหรามิ อนาสโว.
‘‘อิโต ¶ ปฺจสเต กปฺเป, จตุโร สุปฺปกาสกา;
สตฺตรตนสมฺปนฺนา, จตุทีปมฺหิ อิสฺสรา.
‘‘ปฏิสมฺภิทา จตสฺโส…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
ตสฺส ปน ปุณฺณตฺเถรสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตา กุลปุตฺตา ปฺจสตา อเหสุํ. เถโร สยํ ทสกถาวตฺถุลาภิตาย เตปิ ทสหิ กถาวตฺถูหิ โอวทิ. เต ตสฺส โอวาเท ตฺวา สพฺเพว อรหตฺตํ ปตฺตา. เต อตฺตโน ปพฺพชิตกิจฺจํ มตฺถกปฺปตฺตํ ตฺวา อุปชฺฌายํ อุปสงฺกมิตฺวา อาหํสุ – ‘‘ภนฺเต, อมฺหากํ กิจฺจํ มตฺถกปฺปตฺตํ, ทสนฺนฺจมฺห กถาวตฺถูนํ ลาภิโน, สมโย, ทานิ โน ทสพลํ ปสฺสิตุ’’นฺติ. เถโร เตสํ วจนํ สุตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘มม ทสกถาวตฺถุลาภิตํ ¶ สตฺถา ชานาติ อหํ ธมฺมํ เทเสนฺโต ทส กถาวตฺถูนิ อมฺุจิตฺวาว เทเสมิ, มยิ คจฺฉนฺเต สพฺเพปิเม ภิกฺขู มํ ปริวาเรตฺวา คจฺฉิสฺสนฺติ, เอวํ คณสงฺคณิกาย คนฺตฺวา ปน อยุตฺตํ มยฺหํ ทสพลํ ปสฺสิตุํ, อิเม ตาว คนฺตฺวา ปสฺสนฺตู’’ติ เต ภิกฺขู อาห – ‘‘อาวุโส, ตุมฺเห ปุรโต คนฺตฺวา ตถาคตํ ปสฺสถ, มม วจเนน จสฺส ปาเท วนฺทถ, อหมฺปิ ตุมฺหากํ คตมคฺเคนาคมิสฺสามี’’ติ. เต เถรา สพฺเพปิ ทสพลสฺส ชาติภูมิรฏฺวาสิโน สพฺเพ ขีณาสวา สพฺเพ ทสกถาวตฺถุลาภิโน อตฺตโน อุปชฺฌายสฺส โอวาทํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา เถรํ วนฺทิตฺวา อนุปุพฺเพน จาริกํ จรนฺตา สฏฺิโยชนมคฺคํ อติกฺกมฺม ราชคเห เวฬุวนมหาวิหารํ คนฺตฺวา ทสพลสฺส ปาเท วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ.
อาจิณฺณํ โข ปเนตํ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ อาคนฺตุเกหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ ปฏิสมฺโมทิตุนฺติ ภควา เตหิ สทฺธึ – ‘‘กจฺจิ, ภิกฺขเว, ขมนีย’’นฺติอาทินา นเยน มธุรปฏิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘กุโต จ ตุมฺเห, ภิกฺขเว, อาคจฺฉถา’’ติ ปุจฺฉิ ¶ . อถ เตหิ ‘‘ชาติภูมิโต’’ติ วุตฺเต ‘‘โก นุ โข, ภิกฺขเว, ชาติภูมิยํ ชาติภูมกานํ ภิกฺขูนํ สพฺรหฺมจารีนํ เอวํ สมฺภาวิโต ‘อตฺตนา จ อปฺปิจฺโฉ อปฺปิจฺฉกถฺจ ภิกฺขูนํ กตฺตา’’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๕๒) ทสกถาวตฺถุลาภึ ภิกฺขุํ ปุจฺฉิ. เตปิ ‘‘ปุณฺโณ นาม, ภนฺเต, อายสฺมา มนฺตาณิปุตฺโต’’ติ อาโรจยึสุ. ตํ กถํ สุตฺวา อายสฺมา สาริปุตฺโต เถรสฺส ทสฺสนกาโม อโหสิ. อถ สตฺถา ราชคหโต สาวตฺถึ อคมาสิ ¶ . ปุณฺณตฺเถโรปิ ทสพลสฺส ตตฺถ อาคตภาวํ สุตฺวา – ‘‘สตฺถารํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ คนฺตฺวา อนฺโตคนฺธกุฏิยํเยว ตถาคตํ สมฺปาปุณิ. สตฺถา ตสฺส ธมฺมํ เทเสสิ. เถโร ธมฺมํ สุตฺวา ทสพลํ วนฺทิตฺวา ปฏิสลฺลานตฺถาย อนฺธวนํ คนฺตฺวา อฺตรมฺหิ รุกฺขมูเล ทิวาวิหารํ นิสีทิ.
สาริปุตฺตตฺเถโรปิ ตสฺสาคมนํ สุตฺวา สีสานุโลกิโก คนฺตฺวา โอกาสํ สลฺลกฺเขตฺวา ตํ รุกฺขมูเล นิสินฺนํ อุปสงฺกมิตฺวา เถเรน สทฺธึ สมฺโมทิตฺวา, ตํ สตฺตวิสุทฺธิกฺกมํ ปุจฺฉิ. เถโรปิสฺส ปุจฺฉิตปุจฺฉิตํ พฺยากโรนฺโต รถวินีตูปมาย จิตฺตํ อาราเธสิ, เต อฺมฺสฺส สุภาสิตํ สมนุโมทึสุ. อถ สตฺถา อปรภาเค ภิกฺขุสงฺฆมชฺเฌ นิสินฺโน เถรํ ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ ธมฺมกถิกานํ ยทิทํ ปุณฺโณ’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๘๘, ๑๙๖) ธมฺมกถิกานํ อคฺคฏฺาเน เปสิ. โส เอกทิวสํ อตฺตโน วิมุตฺติสมฺปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ‘‘สตฺถารํ นิสฺสาย อหฺเจว อฺเ จ พหู สตฺตา สํสารทุกฺขโต วิปฺปมุตฺตา, พหูปการา วต สปฺปุริสสํเสวา’’ติ ปีติโสมนสฺสชาโต อุทานวเสน ปีติเวควิสฺสฏฺํ ‘‘สพฺภิเรว สมาเสถา’’ติ คาถํ อภาสิ.
๔. ตตฺถ ¶ สพฺภิเรวาติ สปฺปุริเสหิ เอว. สนฺโตติ ปเนตฺถ พุทฺธาทโย อริยา อธิปฺเปตา. เต หิ อนวเสสโต อสตํ ธมฺมํ ปหาย สทฺธมฺเม อุกฺกํสคตตฺตา สาติสยํ ปสํสิยตฺตา จ วิเสสโต ‘‘สนฺโต สปฺปุริสา’’ติ จ วุจฺจนฺติ. สมาเสถาติ สมํ อาเสถ สห วเสยฺย. เต ปยิรุปาสนฺโต เตสํ สุสฺสูสนฺโต ทิฏฺานุคติฺจ ¶ อาปชฺชนฺโต สมานวาโส ภเวยฺยาติ อตฺโถ. ปณฺฑิเตหตฺถทสฺสิภีติ เตสํ โถมนา. ปณฺฑา วุจฺจติ ปฺา, สา อิเมสํ สฺชาตาติ ปณฺฑิตา. ตโต เอว อตฺตตฺถาทิเภทํ อตฺถํ อวิปรีตโต ปสฺสนฺตีติ อตฺถทสฺสิโน. เตหิ ปณฺฑิเตหิ อตฺถทสฺสีภิ สมาเสถ. กสฺมาติ เจ? ยสฺมา เต สนฺโต ปณฺฑิตา, เต วา สมฺมา เสวนฺตา เอกนฺตหิตภาวโต มคฺคาณาทีเหว อรณียโต อตฺถํ, มหาคุณตาย สนฺตตาย จ มหนฺตํ, อคาธภาวโต คมฺภีราณโคจรโต จ คมฺภีรํ, หีนจฺฉนฺทาทีหิ ทฏฺุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา อิตเรหิ จ กิจฺเฉน ทฏฺพฺพตฺตา ทุทฺทสํ ¶ , ทุทฺทสตฺตา สณฺหนิปุณสภาวตฺตา นิปุณาณโคจรโต จ นิปุณํ, นิปุณตฺตา เอวํ สุขุมสภาวตาย อณุํ นิพฺพานํ, อวิปรีตฏฺเน วา ปรมตฺถสภาวตฺตา อตฺถํ, อริยภาวกรตฺตา มหตฺตนิมิตฺตตาย มหนฺตํ, อนุตฺตานสภาวตาย คมฺภีรํ, ทุกฺเขน ทฏฺพฺพํ น สุเขน ทฏฺุํ สกฺกาติ ทุทฺทสํ, คมฺภีรตฺตา ทุทฺทสํ, ทุทฺทสตฺตา คมฺภีรนฺติ จตุสจฺจํ, วิเสสโต นิปุณํ อณุํ, นิโรธสจฺจนฺติ เอวเมตํ จตุสจฺจํ ธีรา สมธิคจฺฉนฺติ ธิติสมฺปนฺนตาย ธีรา จตุสจฺจกมฺมฏฺานภาวนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา สมฺมเทว อธิคจฺฉนฺติ. อปฺปมตฺตาติ สพฺพตฺถ สติอวิปฺปวาเสน อปฺปมาทปฏิปตฺตึ ปูเรนฺตา. วิจกฺขณาติ วิปสฺสนาภาวนาย เฉกา กุสลา. ตสฺมา สพฺภิเรว สมาเสถาติ โยชนา. ปณฺฑิเตหตฺถทสฺสิภีติ วา เอตํ นิสฺสกฺกวจนํ. ยสฺมา ปณฺฑิเตหิ อตฺถทสฺสีภิ สมุทายภูเตหิ ธีรา อปฺปมตฺตา วิจกฺขณา มหนฺตาทิวิเสสวนฺตํ อตฺถํ สมธิคจฺฉนฺติ, ตสฺมา ตาทิเสหิ สพฺภิเรว สมาเสถาติ สมฺพนฺโธ. เอวเมสา เถรสฺส ปฏิเวธทีปเนน อฺาพฺยากรณคาถาปิ อโหสีติ.
ปุณฺณตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. ทพฺพตฺเถรคาถาวณฺณนา
โย ทุทฺทมิโยติ ¶ อายสฺมโต ทพฺพตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวตีนคเร กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต เหฏฺา วุตฺตนเยเนว ธมฺมเทสนํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ เสนาสนปฺาปกานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา อธิการกมฺมํ กตฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถตฺวา สตฺถารา พฺยากโต ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสริตฺวา กสฺสปทสพลสฺส สาสโนสกฺกนกาเล ปพฺพชิ. ตทา เตน สทฺธึ อปเร ฉ ชนาติ สตฺต ภิกฺขู ¶ เอกจิตฺตา หุตฺวา อฺเ สาสเน อคารวํ กโรนฺเต ทิสฺวา – ‘‘อิธ กึ กโรม เอกมนฺเต สมณธมฺมํ กตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสามา’’ติ นิสฺเสณึ พนฺธิตฺวา อุจฺจํ ปพฺพตสิขรํ อารุหิตฺวา, ‘‘อตฺตโน จิตฺตพลํ ชานนฺตา นิสฺเสณึ นิปาเตนฺตุ, ชีวิเต สาลยา โอตรนฺตุ, มา ปจฺฉานุตปฺปิโน อหุวตฺถา’’ติ ¶ วตฺวา สพฺเพ เอกจิตฺตา หุตฺวา นิสฺเสณึ ปาเตตฺวา – ‘‘อปฺปมตฺตา โหถ, อาวุโส’’ติ อฺมฺํ โอวทิตฺวา จิตฺตรุจิเกสุ าเนสุ นิสีทิตฺวา สมณธมฺมํ กาตุํ อารภึสุ.
ตตฺเรโก เถโร ปฺจเม ทิวเส อรหตฺตํ ปตฺวา, ‘‘มม กิจฺจํ นิปฺผนฺนํ, อหํ อิมสฺมึ าเน กึ กริสฺสามิ’’ติ อิทฺธิยา อุตฺตรกุรุโต ปิณฺฑปาตํ อาหริตฺวา, ‘‘อาวุโส, อิมํ ปิณฺฑปาตํ ปริภฺุชถ, ภิกฺขาจารกิจฺจํ มมายตฺตํ โหตุ, ตุมฺเห อตฺตโน กมฺมํ กโรถา’’ติ อาห. ‘‘กึ นุ โข มยํ, อาวุโส, นิสฺเสณึ ปาเตนฺตา เอวํ อโวจุมฺห – ‘โย ปมํ ธมฺมํ สจฺฉิกโรติ, โส ภิกฺขํ อาหรตุ, เตนาภตํ เสสา ปริภฺุชิตฺวา สมณธมฺมํ กริสฺสนฺตี’’’ติ. ‘‘นตฺถิ, อาวุโส’’ติ. ตุมฺเห อตฺตโน ปุพฺพเหตุนา ลภิตฺถ, มยมฺปิ สกฺโกนฺตา วฏฺฏสฺสนฺตํ กริสฺสาม, คจฺฉถ ตุมฺเหติ. เถโร เต สฺาเปตุํ อสกฺโกนฺโต ผาสุกฏฺาเน ปิณฺฑปาตํ ปริภฺุชิตฺวา คโต ¶ . อปโร เถโร สตฺตเม ทิวเส อนาคามิผลํ ปตฺวา ตโต จุโต สุทฺธาวาสพฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺโต. อิตเร เถรา ตโต จุตา เอกํ พุทฺธนฺตรํ เทวมนุสฺเสสุ สํสริตฺวา เตสุ เตสุ กุเลสุ นิพฺพตฺตา. เอโก คนฺธารรฏฺเ ตกฺกสิลานคเร ราชเคเห นิพฺพตฺโต, เอโก มชฺฌนฺติกรฏฺเ ปริพฺพาชิกาย กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺโต, เอโก พาหิยรฏฺเ กุฏุมฺพิยเคเห นิพฺพตฺโต, เอโก ภิกฺขุนุปสฺสเย ชาโต.
อยํ ปน ทพฺพตฺเถโร มลฺลรฏฺเ อนุปิยนคเร เอกสฺส มลฺลรฺโ เคเห ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. ตสฺส มาตา อุปวิชฺา กาลมกาสิ, มตสรีรํ สุสานํ เนตฺวา ทารุจิตกํ อาโรเปตฺวา อคฺคึ อทํสุ. ตสฺสา อคฺคิเวคสนฺตตฺตํ อุทรปฏลํ ทฺเวธา อโหสิ. ทารโก อตฺตโน ปฺุพเลน อุปฺปติตฺวา เอกสฺมึ ทพฺพตฺถมฺเภ นิปติ. ตํ ทารกํ คเหตฺวา อยฺยิกาย อทํสุ. สา ตสฺส นามํ คณฺหนฺตี ทพฺพตฺถมฺเภ ปติตฺวา ลทฺธชีวิตตฺตา ‘‘ทพฺโพ’’ติสฺส นามํ อกาสิ. ตสฺส จ สตฺตวสฺสิกกาเล สตฺถา ภิกฺขุสงฺฆปริวาโร มลฺลรฏฺเ จาริกํ จรมาโน อนุปิยมฺพวเน วิหรติ. ทพฺพกุมาโร สตฺถารํ ทิสฺวา ทสฺสเนเนว ¶ ปสีทิตฺวา ปพฺพชิตุกาโม หุตฺวา ‘‘อหํ ทสพลสฺส สนฺติเก ปพฺพชิสฺสามี’’ติ อยฺยิกํ อาปุจฺฉิ. สา ‘‘สาธุ, ตาตา’’ติ ทพฺพกุมารํ อาทาย สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิมํ กุมารํ ปพฺพาเชถา’’ติ อาห. สตฺถา อฺตรสฺส ภิกฺขุโน สฺํ อทาสิ – ‘‘ภิกฺขุ อิมํ ทารกํ ปพฺพาเชหี’’ติ. โส เถโร สตฺถุ วจนํ สุตฺวา ¶ ทพฺพกุมารํ ปพฺพาเชนฺโต ตจปฺจกกมฺมฏฺานํ อาจิกฺขิ. ปุพฺพเหตุสมฺปนฺโน กตาภินีหาโร สตฺโต ปมเกสวฏฺฏิยา โวโรปนกฺขเณ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, ทุติยาย เกสวฏฺฏิยา โอโรปิยมานาย สกทาคามิผเล, ตติยาย อนาคามิผเล, สพฺพเกสานํ ปน โอโรปนฺจ อรหตฺตผลสจฺฉิกิริยา จ อปจฺฉา อปุเร อโหสิ. สตฺถา มลฺลรฏฺเ ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวา ¶ ราชคหํ คนฺตฺวา เวฬุวเน วาสํ กปฺเปสิ.
ตตฺรายสฺมา ทพฺโพ มลฺลปุตฺโต รโหคโต อตฺตโน กิจฺจนิปฺผตฺตึ โอโลเกตฺวา สงฺฆสฺส เวยฺยาวจฺจกรเณ กายํ โยเชตุกาโม จินฺเตสิ – ‘‘ยํนูนาหํ สงฺฆสฺส เสนาสนฺจ ปฺาเปยฺยํ ภตฺตานิ จ อุทฺทิเสยฺย’’นฺติ. โส สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา อตฺตโน ปริวิตกฺกํ อาโรเจสิ. สตฺถา ตสฺส สาธุการํ ทตฺวา เสนาสนปฺาปกตฺตฺจ ภตฺตุทฺเทสกตฺตฺจ สมฺปฏิจฺฉิ. อถ นํ ‘‘อยํ ทพฺโพ ทหโรว สมาโน มหนฺเต าเน ิโต’’ติ สตฺตวสฺสิกกาเลเยว อุปสมฺปาเทสิ. เถโร อุปสมฺปนฺนกาลโต ปฏฺาย ราชคหํ อุปนิสฺสาย วิหรนฺตานํ สพฺพภิกฺขูนํ เสนาสนานิ จ ปฺาเปติ, ภิกฺขฺจ อุทฺทิสติ. ตสฺส เสนาสนปฺาปกภาโว สพฺพทิสาสุ ปากโฏ อโหสิ – ‘‘ทพฺโพ กิร มลฺลปุตฺโต สภาคสภาคานํ ภิกฺขูนํ เอกฏฺาเน เสนาสนานิ ปฺาเปติ, อาสนฺเนปิ ทูเรปิ เสนาสนํ ปฺาเปติ, คนฺตุํ อสกฺโกนฺเต อิทฺธิยา เนตี’’ติ.
อถ นํ ภิกฺขู กาเลปิ วิกาเลปิ – ‘‘อมฺหากํ, อาวุโส, ชีวกมฺพวเน เสนาสนํ ปฺาเปหิ, อมฺหากํ มทฺทกุจฺฉิสฺมึ มิคทาเย’’ติ เอวํ เสนาสนํ อุทฺทิสาเปตฺวา ตสฺส อิทฺธึ ปสฺสนฺตา คจฺฉนฺติ. โสปิ อิทฺธิยา มโนมเย กาเย อภิสงฺขริตฺวา เอเกกสฺส เถรสฺส เอเกกํ อตฺตนา สทิสํ ภิกฺขุํ ทตฺวา องฺคุลิยา ชลมานาย ปุรโต คนฺตฺวา ‘‘อยํ มฺโจ อิทํ ปี’’นฺติอาทีนิ วตฺวา เสนาสนํ ปฺาเปตฺวา ปุน อตฺตโน วสนฏฺานเมว อาคจฺฉติ ¶ . อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถารโต ปนิทํ วตฺถุ ปาฬิยํ อาคตเมว. สตฺถา อิทเมว การณํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา อปรภาเค อริยคณมชฺเฌ นิสินฺโน เถรํ เสนาสนปฺาปกานํ อคฺคฏฺาเน เปสิ – ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ เสนาสนปฺาปกานํ ยทิทํ ทพฺโพ มลฺลปุตฺโต’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๐๙; ๒๑๔). วุตฺตมฺปิ เจตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๔, ๑๐๘-๑๔๙) –
‘‘ปทุมุตฺตโร นาม ชิโน, สพฺพโลกวิทู มุนิ;
อิโต สตสหสฺสมฺหิ, กปฺเป อุปฺปชฺชิ จกฺขุมา.
‘‘โอวาทโก วิฺาปโก, ตารโก สพฺพปาณินํ;
เทสนากุสโล พุทฺโธ, ตาเรสิ ชนตํ พหุํ.
‘‘อนุกมฺปโก ¶ การุณิโก, หิเตสี สพฺพปาณินํ;
สมฺปตฺเต ติตฺถิเย สพฺเพ, ปฺจสีเล ปติฏฺปิ.
‘‘เอวํ นิรากุลํ อาสิ, สฺุตํ ติตฺถิเยหิ จ;
วิจิตฺตํ อรหนฺเตหิ, วสีภูเตหิ ตาทิภิ.
‘‘รตนานฏฺปฺาสํ, อุคฺคโต โส มหามุนิ;
กฺจนคฺฆิยสงฺกาโส, พาตฺตึสวรลกฺขโณ.
‘‘วสฺสสตสหสฺสานิ, อายุ วิชฺชติ ตาวเท;
ตาวตา ติฏฺมาโน โส, ตาเรสิ ชนตํ พหุํ.
‘‘ตทาหํ หํสวติยํ, เสฏฺิปุตฺโต มหายโส;
อุเปตฺวา โลกปชฺโชตํ, อสฺโสสึ ธมฺมเทสนํ.
‘‘เสนาสนานิ ภิกฺขูนํ, ปฺาเปนฺตํ สสาวกํ;
กิตฺตยนฺตสฺส วจนํ, สุณิตฺวา มุทิโต อหํ.
‘‘อธิการํ สสงฺฆสฺส, กตฺวา ตสฺส มเหสิโน;
นิปจฺจ สิรสา ปาเท, ตํ านมภิปตฺถยึ.
‘‘ตทาห ส มหาวีโร, มม กมฺมํ ปกิตฺตยํ;
โย สสงฺฆมโภเชสิ, สตฺตาหํ โลกนายกํ.
‘‘โสยํ ¶ กมลปตฺตกฺโข, สีหํโส กนกตฺตโจ;
มม ปาทมูเล นิปติ, ปตฺถยํ านมุตฺตมํ.
‘‘สตสหสฺสิโต กปฺเป, โอกฺกากกุลสมฺภโว;
โคตโม นาม โคตฺเตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติ.
‘‘สาวโก ตสฺส พุทฺธสฺส, ทพฺโพ นาเมน วิสฺสุโต;
เสนาสนปฺาปโก, อคฺโค เหสฺสติยํ ตทา.
‘‘เตน กมฺเมน สุกเตน, เจตนาปณิธีหิ จ;
ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวตึสมคจฺฉหํ.
‘‘สตานํ ตีณิกฺขตฺตฺุจ, เทวรชฺชมการยึ;
สตานํ ปฺจกฺขตฺตฺุจ, จกฺกวตฺตี อโหสหํ.
‘‘ปเทสรชฺชํ วิปุลํ, คณนาโต อสงฺขิยํ;
สพฺพตฺถ สุขิโต อาสึ, ตสฺส กมฺมสฺส วาหสา.
‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, วิปสฺสี นาม นายโก;
อุปฺปชฺชิ จารุทสฺสโน, สพฺพธมฺมวิปสฺสโก.
‘‘ทุฏฺจิตฺโต อุปวทึ, สาวกํ ตสฺส ตาทิโน;
สพฺพาสวปริกฺขีณํ, สุทฺโธติ จ วิชานิย.
‘‘ตสฺเสว ¶ นรวีรสฺส, สาวกานํ มเหสินํ;
สลากฺจ คเหตฺวาน, ขีโรทนมทาสหํ.
‘‘อิมมฺหิ ภทฺทเก กปฺเป, พฺรหฺมพนฺธุ มหายโส;
กสฺสโป นาม โคตฺเตน, อุปฺปชฺชิ วทตํ วโร.
‘‘สาสนํ โชตยิตฺวาน, อภิภุยฺย กุติตฺถิเย;
วิเนยฺเย วินยิตฺวาว, นิพฺพุโต โส สสาวโก.
‘‘สสิสฺเส นิพฺพุเต นาเถ, อตฺถเมนฺตมฺหิ สาสเน;
เทวา กนฺทึสุ สํวิคฺคา, มุตฺตเกสา รุทมฺมุขา.
‘‘นิพฺพายิสฺสติ ธมฺมกฺโข, น ปสฺสิสาม สุพฺพเต;
น สุณิสฺสาม สทฺธมฺมํ, อโห โน อปฺปปฺุตา.
‘‘ตทายํ ¶ ปถวี สพฺพา, อจลา สา จลาจลา;
สาคโร จ สโสโกว, วินที กรุณํ คิรํ.
‘‘จตุทฺทิสา ทุนฺทุภิโย, นาทยึสุ อมานุสา;
สมนฺตโต อสนิโย, ผลึสุ จ ภยาวหา.
‘‘อุกฺกา ปตึสุ นภสา, ธูมเกตุ จ ทิสฺสติ;
สธูมา ชาลวฏฺฏา จ, รวึสุ กรุณํ มิคา.
‘‘อุปฺปาเท ทารุเณ ทิสฺวา, สาสนตฺถงฺคสูจเก;
สํวิคฺคา ภิกฺขโว สตฺต, จินฺตยิมฺห มยํ ตทา.
‘‘สาสเนน วินามฺหากํ, ชีวิเตน อลํ มยํ;
ปวิสิตฺวา มหารฺํ, ยฺุชาม ชินสาสเน.
‘‘อทฺทสมฺห ตทารฺเ, อุพฺพิทฺธํ เสลมุตฺตมํ;
นิสฺเสณิยา ตมารุยฺห, นิสฺเสณึ ปาตยิมฺหเส.
‘‘ตทา โอวทิ โน เถโร, พุทฺธุปฺปาโท สุทุลฺลโภ;
สทฺธาติทุลฺลภา ลทฺธา, โถกํ เสสฺจ สาสนํ.
‘‘นิปตนฺติ ขณาตีตา, อนนฺเต ทุกฺขสาคเร;
ตสฺมา ปโยโค กตฺตพฺโพ, ยาว าติ มุเน มตํ.
‘‘อรหา อาสิ โส เถโร, อนาคามี ตทานุโค;
สุสีลา อิตเร ยุตฺตา, เทวโลกํ อคมฺหเส.
‘‘นิพฺพุโต ติณฺณสํสาโร, สุทฺธาวาเส จ เอกโก;
อหฺจ ปกฺกุสาติ จ, สภิโย พาหิโย ตถา.
‘‘กุมารกสฺสโป, เจว, ตตฺถ ตตฺถูปคา มยํ;
สํสารพนฺธนา มุตฺตา, โคตเมนานุกมฺปิตา.
‘‘มลฺเลสุ ¶ กุสินารายํ, คพฺเภ ชาตสฺส เม สโต;
มาตา มตา จิตารุฬฺหา, ตโต นิปฺปติโต อหํ.
‘‘ปติโต ทพฺพปฺุชมฺหิ, ตโต ทพฺโพติ วิสฺสุโต;
พฺรหฺมจารีพเลนาหํ, วิมุตฺโต สตฺตวสฺสิโก.
‘‘ขีโรทนพเลนาหํ ¶ , ปฺจหงฺเคหุปาคโต;
ขีณาสโวปวาเทน, ปาเปหิ พหุ โจทิโต.
‘‘อุโภ ปฺฺุจ ปาปฺจ, วีติวตฺโตมฺหิ ทานิหํ;
ปตฺวาน ปรมํ สนฺตึ, วิหรามิ อนาสโว.
‘‘เสนาสนํ ปฺาปยึ, หาสยิตฺวาน สุพฺพเต;
ชิโน ตสฺมึ คุเณ ตุฏฺโ, เอตทคฺเค เปสิ มํ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ, ภวา สพฺเพ สมูหตา;
นาโคว พนฺธนํ เฉตฺวา, วิหรามิ อนาสโว.
‘‘สฺวาคตํ วต เม อาสิ, พุทฺธเสฏฺสฺส สนฺติเก;
ติสฺโส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสนํ.
‘‘ปฏิสมฺภิทา จตสฺโส…เป…กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
เอวํภูตํ ¶ ปน ตํ เยน ปุพฺเพ เอกสฺส ขีณาสวตฺเถรสฺส อนุทฺธํสนวเสน กเตน ปาปกมฺเมน พหูนิ วสฺสสตสหสฺสานิ นิรเย ปจฺจิ, ตาย เอว กมฺมปิโลติกาย โจทิยมานา เมตฺติยภูมชกา ภิกฺขู ‘‘อิมินา มยํ กลฺยาณภตฺติกสฺส คหปติโน อนฺตเร ปริเภทิตา’’ติ ทุคฺคหิตคาหิโน อมูลเกน ปาราชิเกน ธมฺเมน อนุทฺธํเสสุํ. ตสฺมิฺจ อธิกรเณ สงฺเฆน สติวินเยน วูปสมิเต อยํ เถโร โลกานุกมฺปาย อตฺตโน คุเณ วิภาเวนฺโต ‘‘โย ทุทฺทมิโย’’ติ อิมํ คาถํ อภาสิ.
๕. ตตฺถ โยติ อนิยมิตนิทฺเทโส, ตสฺส ‘‘โส’’ติ อิมินา นิยมตฺตํ ทฏฺพฺพํ. อุภเยนปิ อฺํ วิย กตฺวา อตฺตานเมว วทติ. ทุทฺทมิโยติ ทุทฺทโม, ทเมตุํ อสกฺกุเณยฺโย. อิทฺจ อตฺตโน ปุถุชฺชนกาเล ทิฏฺิคตานํ วิสูกายิกานํ กิเลสานํ มทาเลปจิตฺตสฺส วิปฺผนฺทิตํ อินฺทฺริยานํ อวูปสมนฺจ จินฺเตตฺวา วทติ. ทเมนาติ อุตฺตเมน อคฺคมคฺคทเมน, เตน หิ ทนฺโต ปุน ทเมตพฺพตาภาวโต ‘‘ทนฺโต’’ติ วตฺตพฺพตํ อรหติ, น อฺเน. อถ วา ทเมนาติ ทมเกน ปุริสทมฺมสารถินา ทมิโต ¶ . ทพฺโพติ ทฺรพฺโย, ภพฺโพติ อตฺโถ. เตนาห ภควา อิมเมว เถรํ สนฺธาย – ‘‘น โข, ทพฺพ, ทพฺพา เอวํ นิพฺเพเนฺตี’’ติ (ปารา. ๓๘๔; จูฬว. ๑๙๓) ¶ . สนฺตุสิโตติ ยถาลทฺธปจฺจยสนฺโตเสน ฌานสมาปตฺติสนฺโตเสน มคฺคผลสนฺโตเสน จ สนฺตุฏฺโ. วิติณฺณกงฺโขติ โสฬสวตฺถุกาย อฏฺวตฺถุกาย จ กงฺขาย ปมมคฺเคเนว สมุคฺฆาฏิตตฺตา วิคตกงฺโข. วิชิตาวีติ ปุริสาชานีเยน วิเชตพฺพสฺส สพฺพสฺสปิ สํกิเลสปกฺขสฺส วิชิตตฺตา วิธมิตตฺตา วิชิตาวี. อเปตเภรโวติ ปฺจวีสติยา ภยานํ สพฺพโส อเปตตฺตา อปคตเภรโว อภยูปรโต ¶ . ปุน ทพฺโพติ นามกิตฺตนํ. ปรินิพฺพุโตติ ทฺเว ปรินิพฺพานานิ กิเลสปรินิพฺพานฺจ, ยา สอุปาทิเสสนิพฺพานธาตุ, ขนฺธปรินิพฺพานฺจ, ยา อนุปาทิเสสนิพฺพานธาตุ. เตสุ อิธ กิเลสปรินิพฺพานํ อธิปฺเปตํ, ตสฺมา ปหาตพฺพธมฺมานํ มคฺเคน สพฺพโส ปหีนตฺตา กิเลสปรินิพฺพาเนน ปรินิพฺพุโตติ อตฺโถ. ิตตฺโตติ ิตสภาโว อจโล อิฏฺาทีสุ ตาทิภาวปฺปตฺติยา โลกธมฺเมหิ อกมฺปนีโย. หีติ จ เหตุอตฺเถ นิปาโต, เตน โย ปุพฺเพ ทุทฺทโม หุตฺวา ิโต ยสฺมา ทพฺพตฺตา สตฺถารา อุตฺตเมน ทเมน ทมิโต สนฺตุสิโต วิติณฺณกงฺโข วิชิตาวี อเปตเภรโว, ตสฺมา โส ทพฺโพ ปรินิพฺพุโต ตโตเยว จ ิตตฺโต, เอวํภูเต จ ตสฺมึ จิตฺตปสาโทว กาตพฺโพ, น ปสาทฺถตฺตนฺติ ปรเนยฺยพุทฺธิเก สตฺเต อนุกมฺปนฺโต เถโร อฺํ พฺยากาสิ.
ทพฺพตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. สีตวนิยตฺเถรคาถาวณฺณนา
โย สีตวนนฺติ อายสฺมโต สมฺภูตตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อิโต กิร อฏฺารสาธิกสฺส กปฺปสตสฺส มตฺถเก อตฺถทสฺสี นาม สมฺพุทฺโธ โลเก อุปฺปชฺชิตฺวา สเทวกํ โลกํ สํสารมโหฆโต ตาเรนฺโต เอกทิวสํ มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ คงฺคาตีรํ อุปคจฺฉิ. ตสฺมึ กาเล อยํ คหปติกุเล นิพฺพตฺโต ตตฺถ ภควนฺตํ ปสฺสิตฺวา ปสนฺนมานโส อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘กึ, ภนฺเต, ปารํ คนฺตุกามตฺถา’’ติ ปุจฺฉิ. ภควา ‘‘คมิสฺสามา’’ติ อโวจ. โส ตาวเทว นาวาสงฺฆาฏํ ¶ โยเชตฺวา อุปเนสิ. สตฺถา ตํ อนุกมฺปนฺโต สห ภิกฺขุสงฺเฆน นาวํ อภิรุหิ. โส สยมฺปิ อภิรุยฺห สุเขเนว ปรตีรํ สมฺปาเปตฺวา ภควนฺตํ ภิกฺขุสงฺฆฺจ ทุติยทิวเส มหาทานํ ปวตฺเตตฺวา อนุคนฺตฺวา ปสนฺนจิตฺโต วนฺทิตฺวา นิวตฺติ. โส เตน ปฺุกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสริตฺวา อิโต ¶ เตรสาธิกกปฺปสตสฺส มตฺถเก ขตฺติยกุเล นิพฺพตฺติตฺวา ราชา อโหสิ จกฺกวตฺตี ธมฺมิโก ธมฺมราชา. โส สตฺเต สุคติมคฺเค ปติฏฺาเปตฺวา ตโต จุโต เอกนวุติกปฺเป วิปสฺสิสฺส ภควโต สาสเน ปพฺพชิตฺวา ธุตธมฺเม สมาทาย สุสาเน วสนฺโต สมณธมฺมํ อกาสิ. ปุน กสฺสปสฺส ภควโต กาเลปิ ตสฺส สาสเน ตีหิ สหาเยหิ สทฺธึ ¶ ปพฺพชิตฺวา วีสติวสฺสสหสฺสานิ สมณธมฺมํ กตฺวา เอกํ พุทฺธนฺตรํ เทวมนุสฺเสสุ สํสริตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคเห พฺราหฺมณมหาสาลสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ตสฺส ‘‘สมฺภูโต’’ติ นามํ อกํสุ. โส วยปฺปตฺโต พฺราหฺมณสิปฺเปสุ นิปฺผตฺตึ คโต. ภูมิโช เชยฺยเสโน อภิราธโนติ ตีหิ สหาเยหิ สทฺธึ ภควโต สนฺติกํ คโต ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิ. เย สนฺธาย วุตฺตํ –
‘‘ภูมิโช เชยฺยเสโน จ, สมฺภูโต อภิราธโน;
เอเต ธมฺมํ อภิฺาสุํ, สาสเน วรตาทิโน’’ติ.
อถ สมฺภูโต ภควโต สนฺติเก กายคตาสติกมฺมฏฺานํ คเหตฺวา นิพทฺธํ สีตวเน วสติ. เตเนวายสฺมา ‘‘สีตวนิโย’’ติ ปฺายิตฺถ. เตน จ สมเยน เวสฺสวโณ มหาราชา เกนจิเทว กรณีเยน ชมฺพุทีเป ทกฺขิณทิสาภาคํ อุทฺทิสฺส อากาเสน คจฺฉนฺโต เถรํ อพฺโภกาเส นิสีทิตฺวา กมฺมฏฺานํ มนสิกโรนฺตํ ทิสฺวา วิมานโต โอรุยฺห เถรํ วนฺทิตฺวา, ‘‘ยทา เถโร สมาธิโต วุฏฺหิสฺสติ, ตทา มม อาคมนํ อาโรเจถ, อารกฺขฺจสฺส กโรถา’’ติ ทฺเว ยกฺเข อาณาเปตฺวา ปกฺกามิ. เต เถรสฺส สมีเป ตฺวา มนสิการํ ปฏิสํหริตฺวา นิสินฺนกาเล อาโรเจสุํ. ตํ สุตฺวา เถโร ‘‘ตุมฺเห มม วจเนน เวสฺสวณมหาราชสฺส กเถถ, ภควตา อตฺตโน สาสเน ิตานํ สติอารกฺขา นาม ปิตา อตฺถิ, สาเยว มาทิเส รกฺขติ, ตฺวํ ตตฺถ อปฺโปสฺสุกฺโก โหหิ, ภควโต โอวาเท ิตานํ เอทิสาย อารกฺขาย ¶ กรณียํ นตฺถี’’ติ เต วิสฺสชฺเชตฺวา ตาวเทว วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา วิชฺชาตฺตยํ สจฺฉากาสิ. ตโต เวสฺสวโณ นิวตฺตมาโน เถรสฺส ¶ สมีปํ ปตฺวา มุขาการสลฺลกฺขเณเนวสฺส กตกิจฺจภาวํ ตฺวา สาวตฺถึ คนฺตฺวา ภควโต อาโรเจตฺวา สตฺถุ สมฺมุขา เถรํ อภิตฺถวนฺโต –
‘‘สติอารกฺขสมฺปนฺโน, ธิติมา วีริยสมาหิโต;
อนุชาโต สตฺถุ สมฺภูโต, เตวิชฺโช มจฺจุปารคู’’ติ. –
อิมาย คาถาย เถรสฺส คุเณ วณฺเณสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๒๑.๑๕-๒๐) –
‘‘อตฺถทสฺสี ตุ ภควา, ทฺวิปทินฺโท นราสโภ;
ปุรกฺขโต สาวเกหิ, คงฺคาตีรมุปาคมิ.
‘‘สมติตฺติ กากเปยฺยา, คงฺคา อาสิ ทุรุตฺตรา;
อุตฺตารยึ ภิกฺขุสงฺฆํ, พุทฺธฺจ ทฺวิปทุตฺตมํ.
‘‘อฏฺารเส ¶ กปฺปสเต, ยํ กมฺมมกรึ ตทา;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ตรณาย อิทํ ผลํ.
‘‘เตรเสโต กปฺปสเต, ปฺจ สพฺโพภวา อหุํ;
สตฺตรตนสมฺปนฺนา, จกฺกวตฺตี มหพฺพลา.
‘‘ปจฺฉิเม จ ภเว อสฺมึ, ชาโตหํ พฺราหฺมเณ กุเล;
สทฺธึ ตีหิ สหาเยหิ, ปพฺพชึ สตฺถุ สาสเน.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อถายสฺมา สมฺภูโต ภควนฺตํ ทสฺสนาย คจฺฉนฺเต ภิกฺขู ทิสฺวา ‘‘อาวุโส, มม วจเนน ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทถ, เอวฺจ วเทถา’’ติ วตฺวา ธมฺมาธิกรณํ อตฺตโน สตฺถุ อวิเหิตภาวํ ปกาเสนฺโต ‘‘โย สีตวน’’นฺติ คาถมาห. เต ภิกฺขู ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา สมฺภูตตฺเถรสฺส สาสนํ สมฺปเวเทนฺตา, ‘‘อายสฺมา, ภนฺเต, สมฺภูโต ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทติ, เอวฺจ วทตี’’ติ วตฺวา ตํ คาถํ อาโรเจสุํ, ตํ สุตฺวา ภควา ‘‘ปณฺฑิโต, ภิกฺขเว, สมฺภูโต ¶ ภิกฺขุ ปจฺจปาทิ ธมฺมสฺสานุธมฺมํ, น จ มํ ธมฺมาธิกรณํ วิเหเติ. เวสฺสวเณน ตสฺสตฺโถ มยฺหํ อาโรจิตา’’ติ อาห.
๖. ยํ ปน เต ภิกฺขู สมฺภูตตฺเถเรน วุตฺตํ ‘‘โย สีตวน’’นฺติ คาถํ สตฺถุ นิเวเทสุํ. ตตฺถ สีตวนนฺติ เอวํนามกํ ราชคหสมีเป มหนฺตํ เภรวสุสานวนํ. อุปคาติ นิวาสนวเสน อุปคจฺฉิ. เอเตน ภควตา อนฺุาตํ ปพฺพชิตานุรูปํ นิวาสนฏฺานํ ทสฺเสติ. ภิกฺขูติ สํสารภยสฺส อิกฺขนโต ภินฺนกิเลสตาย จ ภิกฺขุ. เอโกติ อทุติโย, เอเตน กายวิเวกํ ทสฺเสติ. สนฺตุสิโตติ สนฺตุฏฺโ. เอเตน จตุปจฺจยสนฺโตสลกฺขณํ อริยวํสํ ทสฺเสติ. สมาหิตตฺโตติ อุปจารปฺปนาเภเทน สมาธินา สมาหิตจิตฺโต, เอเตน จิตฺตวิเวกภาวนามุเขน ภาวนารามํ ¶ อริยวํสํ ทสฺเสติ. วิชิตาวีติ สาสเน สมฺมาปฏิปชฺชนฺเตน วิเชตพฺพํ กิเลสคณํ วิชิตฺวา ิโต, เอเตน อุปธิวิเวกํ ทสฺเสติ. ภยเหตูนํ กิเลสานํ อปคตตฺตา อเปตโลมหํโส, เอเตน สมฺมาปฏิปตฺติยา ผลํ ทสฺเสติ. รกฺขนฺติ รกฺขนฺโต. กายคตาสตินฺติ กายารมฺมณํ สตึ, กายคตาสติกมฺมฏฺานํ ปริพฺรูหนวเสน อวิสฺสชฺเชนฺโต. ธิติมาติ ธีโร, สมาหิตตฺตํ วิชิตาวิภาวตํ วา อุปาทาย ปฏิปตฺติทสฺสนเมตํ. อยฺเหตฺถ สงฺเขปตฺโถ – โส ภิกฺขุ วิเวกสุขานุเปกฺขาย เอโก สีตวนํ อุปาคมิ, อุปาคโต จ โลลภาวาภาวโต สนฺตุฏฺโ ธิติมา กายคตาสติกมฺมฏฺานํ ภาเวนฺโต ตถาธิคตํ ฌานํ ปาทกํ กตฺวา อารทฺธวิปสฺสนํ ¶ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อธิคเตน อคฺคมคฺเคน สมาหิโต วิชิตาวี จ หุตฺวา กตกิจฺจตาย ภยเหตูนํ สพฺพโส อปคตตฺตา อเปตโลมหํโส ชาโตติ.
สีตวนิยตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. ภลฺลิยตฺเถรคาถาวณฺณนา
โยปานุทีติ ¶ อายสฺมโต ภลฺลิยตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร อิโต เอกตึเส กปฺเป อนุปฺปนฺเน พุทฺเธ สุมนสฺส นาม ปจฺเจกพุทฺธสฺส ปสนฺนจิตฺโต ผลาผลํ ทตฺวา สุคตีสุ เอว สํสรนฺโต สิขิสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส กาเล อรุณวตีนคเร พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺโต ‘‘สิขิสฺส ภควโต ปมาภิสมฺพุทฺธสฺส อุชิต, โอชิตา นาม ทฺเว สตฺถวาหปุตฺตา ปมาหารํ อทํสู’’ติ สุตฺวา อตฺตโน สหายเกน สทฺธึ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา สฺวาตนาย นิมนฺเตตฺวา มหาทานํ ปวตฺเตตฺวา ปตฺถนํ อกํสุ – ‘‘อุโภปิ มยํ, ภนฺเต, อนาคเต ตุมฺหาทิสสฺส พุทฺธสฺส ปมาหารทายกา ภเวยฺยามา’’ติ. เต ¶ ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปฺุกมฺมํ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺตา กสฺสปสฺส ภควโต กาเล โคปาลกเสฏฺิสฺส ปุตฺตา ภาตโร หุตฺวา นิพฺพตฺตา. พหูนิ วสฺสานิ ภิกฺขุสงฺฆํ ขีรโภชเนน อุปฏฺหึสุ. อมฺหากํ ปน ภควโต กาเล โปกฺขรวตีนคเร สตฺถวาหสฺส ปุตฺตา ภาตโร หุตฺวา นิพฺพตฺตา. เตสุ เชฏฺโ ตผุสฺโส นาม, กนิฏฺโ ภลฺลิโย นาม, เต ปฺจมตฺตานิ สกฏสตานิ ภณฺฑสฺส ปูเรตฺวา วาณิชฺชาย คจฺฉนฺตา ภควติ ปมาภิสมฺพุทฺเธ สตฺตสตฺตาหํ วิมุตฺติสุขธมฺมปจฺจเวกฺขณาหิ วีตินาเมตฺวา อฏฺเม สตฺตาเห ราชายตนมูเล วิหรนฺเต ราชายตนสฺส อวิทูเร มหามคฺเคน อติกฺกมนฺติ, เตสํ ตสฺมึ สมเย สเมปิ ภูมิภาเค อกทฺทโมทเก สกฏานิ นปฺปวตฺตึสุ, ‘‘กึ นุ, โข, การณ’’นฺติ จ จินฺเตนฺตานํ โปราณสาโลหิตา เทวตา รุกฺขวิฏปนฺตเร อตฺตานํ ทสฺเสนฺตี อาห – ‘‘มาทิสา, อยํ ภควา อจิราภิสมฺพุทฺโธ สตฺตสตฺตาหํ อนาหาโร วิมุตฺติสุขาปฏิสํเวที อิทานิ ราชายตนมูเล นิสินฺโน, ตํ อาหาเรน ปฏิมาเนถ, ยทสฺส ตุมฺหากํ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’’ติ. ตํ สุตฺวา เต อุฬารํ ปีติโสมนสฺสํ ปฏิสํเวเทนฺตา, ‘‘อาหารสมฺปาทนํ ปปฺจ’’นฺติ มฺมานา มนฺถฺจ มธุปิณฺฑิกฺจ ภควโต ทตฺวา ทฺเววาจิกสรณํ คนฺตฺวา เกสธาตุโย ลภิตฺวา อคมํสุ. เต หิ ปมํ อุปาสกา อเหสุํ. อถ ภควติ พาราณสึ คนฺตฺวา ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตตฺวา อนุปุพฺเพน ราชคเห วิหรนฺเต ตผุสฺสภลฺลิยา ราชคหํ อุปคตา ¶ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. เตสํ ภควา ธมฺมํ เทเสสิ. เตสุ ตผุสฺโส ¶ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาย อุปาสโกว อโหสิ. ภลฺลิโย ปน ปพฺพชิตฺวา ฉฬภิฺโ อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๘.๖๖-๗๐) –
‘‘สุมโน ¶ นาม สมฺพุทฺโธ, ตกฺกรายํ วสี ตทา;
วลฺลิการผลํ คยฺห, สยมฺภุสฺส อทาสหํ.
‘‘เอกตึเส อิโต กปฺเป, ยํ ผลํ อททึ ตทา;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อเถกทิวสํ มาโร ภลฺลิยตฺเถรสฺส ภึสาปนตฺถํ ภยานกํ รูปํ ทสฺเสสิ. โส อตฺตโน สพฺพภยาติกฺกมํ ปกาเสนฺโต ‘‘โยปานุที’’ติ คาถมภาสิ.
๗. ตตฺถ โยปานุทีติ โย อปานุทิ ขิปิ ปชหิ วิทฺธํเสสิ. มจฺจุราชสฺสาติ มจฺจุ นาม มรณํ ขนฺธานํ เภโท, โส เอว จ สตฺตานํ อตฺตโน วเส อนุวตฺตาปนโต อิสฺสรฏฺเน ราชาติ มจฺจุราชา, ตสฺส. เสนนฺติ ชราโรคาทึ, สา หิสฺส วสวตฺตเน องฺคภาวโต เสนา นาม, เตน เหส มหตา นานาวิเธน วิปุเลน ‘‘มหาเสโน’’ติ วุจฺจติ. ยถาห – ‘‘น หิ โน สงฺครํ เตน, มหาเสเนน มจฺจุนา’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๗๒; ชา. ๒.๒๒.๑๒๑; เนตฺติ. ๑๐๓). อถ วา คุณมารณฏฺเน ‘‘มจฺจู’’ติ อิธ เทวปุตฺตมาโร อธิปฺเปโต, ตสฺส จ สหายภาวูปคมนโต กามาทโย เสนา. ตถา จาห –
‘‘กามา เต ปมา เสนา, ทุติยา อรติ วุจฺจติ;
ตติยา ขุปฺปิปาสา เต, จตุตฺถี ตณฺหา ปวุจฺจติ.
‘‘ปฺจมี ถินมิทฺธํ เต, ฉฏฺา ภีรู ปวุจฺจติ;
สตฺตมี วิจิกิจฺฉา เต, มาโน มกฺโข จ อฏฺมี’’ติ. (สุ. นิ. ๔๓๘-๔๓๙; มหานิ. ๒๘;จูฬนิ. นนฺทมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๔๗);
นฬเสตุํว ¶ สุทุพฺพลํ มโหโฆติ สารวิรหิตโต นฬเสตุสทิสํ อติวิย อพลภาวโต สุฏฺุ ทุพฺพลํ สํกิเลสเสนํ นวโลกุตฺตรธมฺมานํ มหาพลวภาวโต มโหฆสทิเสน อคฺคมคฺเคน โย อปานุทิ ¶ วิชิตาวี อเปตเภรโว ทนฺโต, โส ปรินิพฺพุโต ิตตฺโตติ โยชนา. ตํ สุตฺวา มาโร ‘‘ชานาติ มํ สมโณ’’ติ ตตฺเถวนฺตรธายีติ.
ภลฺลิยตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. วีรตฺเถรคาถาวณฺณนา
โย ¶ ทุทฺทมิโยติ อายสฺมโต วีรตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร อิโต เอกนวุเต กปฺเป วิปสฺสิสฺส ภควโต วสนอาวาสํ ปฏิชคฺคิ. เอกทิวสฺจ สินฺธุวารปุปฺผสทิสานิ นิคฺคุณฺิปุปฺผานิ คเหตฺวา ภควนฺตํ ปูเชสิ. โส เตน ปฺุกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิโต ปฺจตึเส กปฺเป ขตฺติยกุเล นิพฺพตฺติตฺวา มหาปตาโป นาม ราชา อโหสิ จกฺกวตฺตี. โส ธมฺเมน สเมน รชฺชํ กาเรนฺโต สตฺเต สคฺคมคฺเค ปติฏฺาเปสิ. ปุน อิมสฺมึ กปฺเป กสฺสปสฺส ภควโต กาเล มหาวิภโว เสฏฺิ หุตฺวา กปณทฺธิกาทีนํ ทานํ เทนฺโต สงฺฆสฺส ขีรภตฺตํ อทาสิ. เอวํ ตตฺถ ตตฺถ ทานมยํ ปฺุสมฺภารํ กโรนฺโต อิตรฺจ นิพฺพานตฺถํ สมฺภรนฺโต เทวมนุสฺเสสุ สํสริตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถินคเร รฺโ ปเสนทิสฺส อมจฺจกุเล นิพฺพตฺติ, ‘‘วีโร’’ติสฺส นามํ อกํสุ. โส วยปฺปตฺโต นามานุคเตหิ ปตฺตพลชวาทิคุเณหิ สมนฺนาคโต สงฺคามสูโร หุตฺวา มาตาปิตูหิ นิพนฺธวเสน การิเต ทารปริคฺคเห เอกํเยว ปุตฺตํ ลภิตฺวา ปุพฺพเหตุนา โจทิยมาโน กาเมสุ สํสาเร จ อาทีนวํ ทิสฺวา สํเวคชาโต ปพฺพชิตฺวา ฆเฏนฺโต วายมนฺโต นจิรสฺเสว ฉฬภิฺโ อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๒๑.๒๑-๒๔) –
‘‘วิปสฺสิสฺส ภควโต, อาสิมารามิโก อหํ;
นิคฺคุณฺิปุปฺผํ ปคฺคยฺห, พุทฺธสฺส อภิโรปยึ.
‘‘เอกนวุติโต ¶ กปฺเป, ยํ ปุปฺผมภิปูชยึ;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.
‘‘ปฺจวีเส อิโต กปฺเป, เอโก อาสึ ชนาธิโป;
มหาปตาปนาเมน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
เอวํ ปน อรหตฺตํ ปตฺวา ผลสมาปตฺติสุเขน วีตินาเมนฺตํ เถรํ ปุราณทุติยิกา อุปฺปพฺพาเชตุกามา ¶ อนฺตรนฺตรา นานานเยหิ ปโลเภตุํ ปรกฺกมนฺตี เอกทิวสํ ทิวาวิหารฏฺานํ คนฺตฺวา อิตฺถิกุตฺตาทีนิ ทสฺเสตุํ อารภิ. อถายสฺมา วีโร ‘‘มํ ปโลเภตุกามา สิเนรุํ มกสปกฺขวาเตน จาเลตุกามา วิย ยาว พาลา วตายํ ¶ อิตฺถี’’ติ ตสฺสา กิริยาย นิรตฺถกภาวํ ทีเปนฺโต ‘‘โย ทุทฺทมิโย’’ติ คาถํ อภาสิ.
๘. ตตฺถ โย ทุทฺทมิโยติอาทีนํ ปทานํ อตฺโถ เหฏฺา วุตฺโตเยว. อิทํ ปเนตฺถ โยชนามตฺตํ โย ปุพฺเพ อทนฺต กิเลสตาย ปจฺจตฺถิเกหิ วา สงฺคมสีเส ทเมตุํ เชตุํ อสกฺกุเณยฺยตายทุทฺทมิโย, อิทานิ ปน อุตฺตเมน ทเมน ทนฺโต จตุพฺพิธสมฺมปฺปมธานวีริยสมฺปตฺติยา วีโร, วุตฺตนเยเนว สนฺตุสิโต วิติณฺณกงฺโข วิชิตาวี อเปตโลมหํโส วีโร วีรนามโก อนวเสสโต กิเลสปรินิพฺพาเนน ปรินิพฺพุโต, ตโต เอว ิตสภาโว, น ตาทิสานํ สเตนปิ สหสฺเสนปิ จาลนีโยติ. ตํ สุตฺวา สา อิตฺถี – ‘‘มยฺหํ สามิเก เอวํ ปฏิปนฺเน โก มยฺหํ ฆราวาเสน อตฺโถ’’ติ สํเวคชาตา ภิกฺขุนีสุ ปพฺพชิตฺวา นจิรสฺเสว เตวิชฺชา อโหสีติ.
วีรตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. ปิลินฺทวจฺฉตฺเถรคาถาวณฺณนา
สฺวาคตนฺติ ¶ อายสฺมโต ปิลินฺทวจฺฉตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวตีนคเร มหาโภคกุเล นิพฺพตฺโต เหฏฺา วุตฺตนเยเนว สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ เทวตานํ ปิยมนาปภาเวน อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถตฺวา ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา ตโต จุโต เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต สุเมธสฺส ภควโต กาเล มนุสฺสโลเก นิพฺพตฺติตฺวา ภควติ ปรินิพฺพุเต สตฺถุ ถูปสฺส ปูชํ กตฺวา สงฺเฆ จ มหาทานํ ปวตฺเตตฺวา ตโต จุโต เทวมนุสฺเสสุ เอว สํสรนฺโต อนุปฺปนฺเน พุทฺเธ จกฺกวตฺตี ราชา หุตฺวา มหาชนํ ปฺจสุ สีเลสุ ปติฏฺาเปตฺวา สคฺคปรายณํ อกาสิ. โส อนุปฺปนฺเนเยว อมฺหากํ ภควติ สาวตฺถิยํ พฺราหฺมณเคเห นิพฺพตฺติ. ‘‘ปิลินฺโท’’ติสฺส นามํ อกํสุ. วจฺโฉติ ปน โคตฺตํ ¶ . เตน โส อปรภาเค ‘‘ปิลินฺทวจฺโฉ’’ติ ปฺายิตฺถ. สํสาเร ปน สํเวคพหุลตาย ปริพฺพาชกปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา จูฬคนฺธารํ นาม วิชฺชํ สาเธตฺวา ตาย วิชฺชาย อากาสจารี ปรจิตฺตวิทู จ หุตฺวา ราชคเห ลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺโต ปฏิวสติ.
อถ ¶ ยทา อมฺหากํ ภควา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา อนุกฺกเมน ราชคหํ อุปคโต, ตโต ปฏฺาย พุทฺธานุภาเวน ตสฺส สา วิชฺชา น สมฺปชฺชติ, อตฺตโน กิจฺจํ น สาเธติ. โส จินฺเตสิ – ‘‘สุตํ โข ปน เมตํ อาจริยปาจริยานํ ภาสมานานํ ‘ยตฺถ มหาคนฺธารวิชฺชา ธรติ, ตตฺถ จูฬคนฺธารวิชฺชา น สมฺปชฺชตี’ติ, สมณสฺส ปน โคตมสฺส อาคตกาลโต ปฏฺาย นายํ มม วิชฺชา สมฺปชฺชติ, นิสฺสํสยํ สมโณ โคตโม มหาคนฺธารวิชฺชํ ชานาติ, ยํนูนาหํ ตํ ปยิรุปาสิตฺวา ตสฺส สนฺติเก ตํ วิชฺชํ ปริยาปุเณยฺย’’นฺติ. โส ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอตทโวจ – ‘‘อหํ, มหาสมณ, ตว สนฺติเก เอกํ วิชฺชํ ปริยาปุณิตุกาโม, โอกาสํ เม กโรหี’’ติ. ภควา ‘‘เตน หิ ปพฺพชา’’ติ อาห. โส ‘‘วิชฺชาย ปริกมฺมํ ปพฺพชฺชา’’ติ มฺมาโน ปพฺพชิ. ตสฺส ภควา ธมฺมํ กเถตฺวา จริตานุกูลํ กมฺมฏฺานํ อทาสิ. โส อุปนิสฺสยสมฺปนฺนตาย นจิรสฺเสว วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. ยา ปน ปุริมชาติยํ ¶ ตสฺโสวาเท ตฺวา สคฺเค นิพฺพตฺตา เทวตา, ตํ กตฺุตํ นิสฺสาย สฺชาตพหุมานา สายํ ปาตํ เถรํ ปยิรุปาสิตฺวา คจฺฉนฺติ. ตสฺมา เถโร เทวตานํ ปิยมนาปตาย อคฺคตํ ปตฺโต. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๒.๕๕-๖๗) –
‘‘นิพฺพุเต โลกนาถมฺหิ, สุเมเธ อคฺคปุคฺคเล;
ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, ถูปปูชํ อกาสหํ.
‘‘เย จ ขีณาสวา ตตฺถ, ฉฬภิฺา มหิทฺธิกา;
เตหํ ตตฺถ สมาเนตฺวา, สงฺฆภตฺตํ อกาสหํ.
‘‘สุเมธสฺส ภควโต, อุปฏฺาโก ตทา อหุ;
สุเมโธ นาม นาเมน, อนุโมทิตฺถ โส ตทา.
‘‘เตน จิตฺตปฺปสาเทน, วิมานํ อุปปชฺชหํ;
ฉฬาสีติสหสฺสานิ, อจฺฉราโย รมึสุ เม.
‘‘มเมว อนุวตฺตนฺติ, สพฺพกาเมหิ ตา สทา;
อฺเ เทเว อภิโภมิ, ปฺุกมฺมสฺสิทํ ผลํ.
‘‘ปฺจวีสมฺหิ กปฺปมฺหิ, วรุโณ นาม ขตฺติโย;
วิสุทฺธโภชโน อาสึ, จกฺกวตฺตี อหํ ตทา.
‘‘น เต พีชํ ปวปฺปนฺติ, นปิ นียนฺติ นงฺคลา;
อกฏฺปากิมํ สาลึ, ปริภฺุชนฺติ มานุสา.
‘‘ตตฺถ รชฺชํ กริตฺวาน, เทวตฺตํ ปุน คจฺฉหํ;
ตทาปิ เอทิสา มยฺหํ, นิพฺพตฺตา โภคสมฺปทา.
‘‘น มํ มิตฺตา อมิตฺตา วา, หึสนฺติ สพฺพปาณิโน;
สพฺเพสมฺปิ ปิโย โหมิ, ปฺุกมฺมสฺสิทํ ผลํ.
‘‘ตึสกปฺปสหสฺสมฺหิ ¶ , ยํ ทานมททึ ตทา;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, คนฺธาเลปสฺสิทํ ผลํ.
‘‘อิมสฺมึ ภทฺทเก กปฺเป, เอโก อาสึ ชนาธิโป;
มหานุภาโว ราชาหํ, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.
‘‘โสหํ ¶ ปฺจสุ สีเลสุ, เปตฺวา ชนตํ พหุํ;
ปาเปตฺวา สุคตึเยว, เทวตานํ ปิโย อหุํ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
ตถา เทวตาหิ อติวิย ปิยายิตพฺพภาวโต อิมํ เถรํ ภควา เทวตานํ ปิยมนาปภาเวน อคฺคฏฺาเน เปสิ – ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ เทวตานํ ปิยมนาปานํ ยทิทํ ปิลินฺทวจฺโฉ’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๐๙, ๒๑๕) โส ¶ เอกทิวสํ ภิกฺขุสงฺฆมชฺเฌ นิสินฺโน อตฺตโน คุเณ ปจฺจเวกฺขิตฺวา เตสํ การณภูตํ วิชฺชานิมิตฺตํ ภควโต สนฺติเก อาคมนํ ปสํสนฺโต ‘‘สฺวาคตํ นาปคต’’นฺติ คาถํ อภาสิ.
๙. ตตฺถ สฺวาคตนฺติ สุนฺทรํ อาคมนํ, อิทํ มมาติ สมฺพนฺโธ. อถ วา สฺวาคตนฺติ สุฏฺุ อาคตํ, มยาติ วิภตฺติ วิปริณาเมตพฺพา. นาปคตนฺติ น อปคตํ หิตาภิวุทฺธิโต น อเปตํ. นยิทํ ทุมนฺติตํ มมาติ อิทํ มม ทุฏฺุ กถิตํ, ทุฏฺุ วา วีมํสิตํ น โหติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยํ ภควโต สนฺติเก มมาคมนํ, ยํ วา มยา ตตฺถ อาคตํ, ตํ สฺวาคตํ, สฺวาคตตฺตาเยว น ทุราคตํ. ยํ ‘‘ภควโต สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปพฺพชิสฺสามี’’ติ มม มนฺติตํ คทิตํ กถิตํ, จิตฺเตน วา วีมํสิตํ อิทมฺปิ น ทุมฺมนฺตินฺติ. อิทานิ ตตฺถ การณํ ทสฺเสนฺโต ‘‘สํวิภตฺเตสู’’ติอาทิมาห. สํวิภตฺเตสูติ ปการโต วิภตฺเตสุ. ธมฺเมสูติ เยฺยธมฺเมสุ สมถธมฺเมสุ วา, นานาติตฺถิเยหิ ปกติอาทิวเสน, สมฺมาสมฺพุทฺเธหิ ทุกฺขาทิวเสน สํวิภชิตฺวา วุตฺตธมฺเมสุ. ยํ เสฏฺํ ตทุปาคมินฺติ ยํ ตตฺถ เสฏฺํ, ตํ จตุสจฺจธมฺมํ, ตสฺส วา โพธกํ สาสนธมฺมํ อุปาคมึ, ‘‘อยํ ธมฺโม อยํ วินโย’’ติ อุปคจฺฉึ. สมฺมาสมฺพุทฺเธหิ เอว วา กุสลาทิวเสน ขนฺธาทิวเสน ยถาสภาวโต สํวิภตฺเตสุ สภาวธมฺเมสุ ยํ ตตฺถ เสฏฺํ อุตฺตมํ ปวรํ, ตํ มคฺคผลนิพฺพานธมฺมํ อุปาคมึ, อตฺตปจฺจกฺขโต อุปคจฺฉึ สจฺฉากาสึ, ตสฺมา สฺวาคตํ มม น อปคตํ สุมนฺติตํ น ทุมฺมนฺติตนฺติ โยชนา.
ปิลินฺทวจฺฉตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. ปุณฺณมาสตฺเถรคาถาวณฺณนา
วิหริ ¶ ¶ ¶ อเปกฺขนฺติ อายสฺมโต ปุณฺณมาสตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โส กิร วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล จกฺกวากโยนิยํ นิพฺพตฺโต ภควนฺตํ คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส อตฺตโน มุขตุณฺฑเกน สาลปุปฺผํ คเหตฺวา ปูชํ อกาสิ. โส เตน ปฺุกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิโต สตฺตรเส กปฺเป อฏฺกฺขตฺตุํ จกฺกวตฺตี ราชา อโหสิ. อิมสฺมึ ปน กปฺเป กสฺสปสฺส ภควโต สาสเน โอสกฺกมาเน กุฏุมฺพิยกุเล นิพฺพตฺติตฺวา ปพฺพชิตฺวา สมณธมฺมํ กตฺวา ตโต จุโต เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถินคเร สมิทฺธิสฺส นาม พฺราหฺมณสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ตสฺส ชาตทิวเส ตสฺมึ เคเห สพฺพา ริตฺตกุมฺภิโย สุวณฺณมาสานํ ปุณฺณา อเหสุํ. เตนสฺส ปุณฺณมาโสติ นามํ อกํสุ. โส วยปฺปตฺโต พฺราหฺมณวิชฺชาสุ นิปฺผตฺตึ ปตฺวา วิวาหกมฺมํ กตฺวา เอกํ ปุตฺตํ ลภิตฺวา อุปนิสฺสยสมฺปนฺนตาย ฆราวาสํ ชิคุจฺฉนฺโต ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา ลทฺธูปสมฺปโท ปุพฺพกิจฺจสมฺปนฺโน จตุสจฺจกมฺมฏฺาเน ยุตฺตปฺปยุตฺโต วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๗.๑๓-๑๙) –
‘‘สินฺธุยา นทิยา ตีเร, จกฺกวาโก อหํ ตทา;
สุทฺธเสวาลภกฺโขหํ, ปาเปสุ จ สุสฺโต.
‘‘อทฺทสํ วิรชํ พุทฺธํ, คจฺฉนฺตํ อนิลฺชเส;
ตุณฺเฑน สาลํ ปคฺคยฺห, วิปสฺสิสฺสาภิโรปยึ.
‘‘ยสฺส สทฺธา ตถาคเต, อจลา สุปฺปติฏฺิตา;
เตน จิตฺตปฺปสาเทน, ทุคฺคตึ โส น คจฺฉติ.
‘‘สฺวาคตํ วต เม อาสิ, พุทฺธเสฏฺสฺส สนฺติเก;
วิหงฺคเมน สนฺเตน, สุพีชํ โรปิตํ มยา.
‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ ปุปฺผมภิโรปยึ;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.
‘‘สุจารุทสฺสนา ¶ นาม, อฏฺเเต เอกนามกา;
กปฺเป สตฺตรเส อาสุํ, จกฺกวตฺตี มหพฺพลา.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อถสฺส ปุราณทุติยิกา ตํ ปโลเภตุกามา อลงฺกตปฏิยตฺตา ปุตฺเตน สทฺธึ อุปคนฺตฺวา ปิยาลาปภาวาทิเกหิ ¶ ภาววิวรณกมฺมํ นาม กาตุํ อารภิ. เถโร ตสฺสา การณํ ทิสฺวา อตฺตโน กตฺถจิปิ อลคฺคภาวํ ปกาเสนฺโต ‘‘วิหริ อเปกฺข’’นฺติ คาถํ อภาสิ.
๑๐. ตตฺถ วิหรีติ วิเสสโต หริ อปหริ อปเนสิ. อเปกฺขนฺติ ตณฺหํ. อิธาติ อิมสฺมึ โลเก อตฺตภาเว วา. หุรนฺติ อปรสฺมึ อนาคเต อตฺตภาเว วา. อิธาติ วา อชฺฌตฺติเกสุ อายตเนสุ. หุรนฺติ พาหิเรสุ ¶ . วา-สทฺโท สมุจฺจยตฺโถ ‘‘อปทา วา ทฺวิปทา วา’’ติอาทีสุ (อิติวุ. ๙๐; อ. นิ. ๔.๓๔; ๕.๓๒) วิย. โยติ อตฺตานเมว ปรํ วิย ทสฺเสติ. เวทคูติ เวเทน คโต มคฺคาเณน นิพฺพานํ คโต อธิคโต, จตฺตาริ วา สจฺจานิ ปริฺาปหานสจฺฉิกิริยาภาวนาภิสมยวเสน อภิสเมจฺจ ิโต. ยตตฺโตติ มคฺคสํวเรน สํยตสภาโว, สมฺมาวายาเมน วา สํยตสภาโว. สพฺเพสุ ธมฺเมสุ อนูปลิตฺโตติ สพฺเพสุ อารมฺมเณสุ ธมฺเมสุ ตณฺหาทิฏฺิเลปวเสน น อุปลิตฺโต, เตน ลาภาทิโลกธมฺเม สมติกฺกมํ ทสฺเสติ. โลกสฺสาติ อุปาทานกฺขนฺธปฺจกสฺส. ตฺหิ ลุชฺชนปลุชฺชนฏฺเน โลโก. ชฺาติ ชานิตฺวา. อุทยพฺพยฺจาติ อุปฺปาทฺเจว วยฺจ, เอเตน ยถาวุตฺตคุณานํ ปุพฺพภาคปฏิปทํ ทสฺเสติ. อยํ ปเนตฺถ อตฺโถ – โย สกลสฺส ขนฺธาทิโลกสฺส สมปฺาสาย อากาเรหิ อุทยพฺพยํ ชานิตฺวา เวทคู ยตตฺโต กตฺถจิ อนุปลิตฺโต, โส สพฺพตฺถ อเปกฺขํ วิเนยฺย สนฺตุสิโต ตาทิสานํ วิปฺปการานํ น กิฺจิ มฺติ, ตสฺมา ตฺวํ อนฺธพาเล ยถาคตมคฺเคเนว คจฺฉาติ. อถ สา อิตฺถี ‘‘อยํ สมโณ มยิ ปุตฺเต จ นิรเปกฺโข, น สกฺกา อิมํ ปโลเภตุ’’นฺติ ปกฺกามิ.
ปุณฺณมาสตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปรมตฺถทีปนิยา เถรคาถาสํวณฺณนาย
ปมวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. ทุติยวคฺโค
๑. จูฬวจฺฉตฺเถรคาถาวณฺณนา
ปาโมชฺชพหุโลติ ¶ ¶ อายสฺมโต จูฬวจฺฉตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โส กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล ทลิทฺทกุเล นิพฺพตฺติตฺวา ปเรสํ ภติยา ชีวิกํ กปฺเปนฺโต ภควโต สาวกํ สุชาตํ นาม เถรํ ปํสุกูลํ ปริเยสนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส อุปสงฺกมิตฺวา วตฺถํ ทตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิ. โส เตน ปฺุกมฺเมน เตตฺตึสกฺขตฺตุํ เทวรชฺชํ กาเรสิ. สตฺตสตฺตติกฺขตฺตุํ จกฺกวตฺตี ราชา ¶ อโหสิ. อเนกวารํ ปเทสราชา. เอวํ เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต กสฺสปสฺส ภควโต สาสเน โอสกฺกมาเน ปพฺพชิตฺวา สมณธมฺมํ กตฺวา เอกํ พุทฺธนฺตรํ เทวมนุสฺสคตีสุ อปราปรํ ปริวตฺตนฺโต อมฺหากํ ภควโต กาเล โกสมฺพิยํ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติ. จูฬวจฺโฉติสฺส นามํ อโหสิ. โส วยปฺปตฺโต พฺราหฺมณสิปฺเปสุ นิปฺผตฺตึ คโต พุทฺธคุเณ สุตฺวา ปสนฺนมานโส ภควนฺตํ อุปสงฺกมิ, ตสฺส ภควา ธมฺมํ กเถสิ. โส ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา ลทฺธูปสมฺปโท กตปุพฺพกิจฺโจ จริตานุกูลํ กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา ภาเวนฺโต วิหริ. เตน จ สมเยน โกสมฺพิกา ภิกฺขู ภณฺฑนชาตา อเหสุํ. ตทา จูฬวจฺฉตฺเถโร อุภเยสํ ภิกฺขูนํ ลทฺธึ อนาทาย ภควตา ทินฺโนวาเท ตฺวา วิปสฺสนํ พฺรูเหตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๐.๓๑-๔๐) –
‘‘ปทุมุตฺตรภควโต, สุชาโต นาม สาวโก;
ปํสุกูลํ คเวสนฺโต, สงฺกาเร จรตี ตทา.
‘‘นคเร หํสวติยา, ปเรสํ ภตโก อหํ;
อุปฑฺฒุทุสฺสํ ทตฺวาน, สิรสา อภิวาทยึ.
‘‘เตน กมฺเมน สุกเตน, เจตนาปณิธีหิ จ;
ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวตึสมคจฺฉหํ.
‘‘เตตฺตึสกฺขตฺตุํ เทวินฺโท, เทวรชฺชมการยึ;
สตฺตสตฺตติกฺขตฺตฺุจ, จกฺกวตฺตี อโหสหํ.
‘‘ปเทสรชฺชํ ¶ ¶ วิปุลํ, คณนาโต อสงฺขิยํ;
อุปฑฺฒทุสฺสทาเนน, โมทามิ อกุโตภโย.
‘‘อิจฺฉมาโน จหํ อชฺช, สกานนํ สปพฺพตํ;
โขมทุสฺเสหิ ฉาเทยฺยํ, อฑฺฒุทุสฺสสฺสิทํ ผลํ.
‘‘สตสหสฺสิโต กปฺเป, ยํ ทานมททึ ตทา;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, อฑฺฒุทุสฺสสฺสิทํ ผลํ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อถ จูฬวจฺฉตฺเถโร อรหตฺตํ ปตฺวา เตสํ ภิกฺขูนํ กลหาภิรติยา สกตฺถวินาสํ ทิสฺวา ธมฺมสํเวคปฺปตฺโต, อตฺตโน จ ปตฺตวิเสสํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปีติโสมนสฺสวเสน ‘‘ปาโมชฺชพหุโล’’ติ คาถํ อภาสิ.
๑๑. ตตฺถ ปาโมชฺชพหุโลติ สุปริสุทฺธสีลตาย วิปฺปฏิสาราภาวโต อธิกุสเลสุ ธมฺเมสุ อภิรติวเสน ปโมทพหุโล. เตเนวาห ‘‘ธมฺเม พุทฺธปฺปเวทิเต’’ติ. ตตฺถ ธมฺเมติ. สตฺตตึสาย โพธิปกฺขิยธมฺเม นววิเธ วา โลกุตฺตรธมฺเม. โส หิ สพฺพฺุพุทฺเธน สามุกฺกํสิกาย เทสนาย ปกาสิตตฺตา สาติสยํ พุทฺธปฺปเวทิโต นาม. ตสฺส ปน อธิคมูปายภาวโต เทสนาธมฺโมปิ อิธ ลพฺภเตว. ปทํ สนฺตนฺติ นิพฺพานํ สนฺธาย วทติ. เอวรูโป หิ ภิกฺขุ สนฺตํ ปทํ สนฺตํ โกฏฺาสํ สพฺพสงฺขารานํ อุปสมภาวโต สงฺขารูปสมํ ปรมสุขตาย สุขํ นิพฺพานํ อธิคจฺฉติ วินฺทติเยว. ปริสุทฺธสีโล หิ ภิกฺขุ วิปฺปฏิสาราภาเวน ปาโมชฺชพหุโล สทฺธมฺเม ยุตฺตปฺปยุตฺโต วิมุตฺติปริโยสานา สพฺพสมฺปตฺติโย ปาปุณาติ. ยถาห – ‘‘อวิปฺปฏิสารตฺถานิ โข ¶ , อานนฺท, กุสลานิ สีลานิ, อวิปฺปฏิสาโร ปาโมชฺชตฺถายา’’ติอาทิ (อ. นิ. ๑๐.๑). อถ วา ปาโมชฺชพหุโลติ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา, สฺวากฺขาโต ธมฺโม, สุปฺปฏิปนฺโน สงฺโฆติ รตนตฺตยํ สนฺธาย ปโมทพหุโล. ตตฺถ ปน โส ปโมทพหุโล กึ วา กโรตีติ อาห ‘‘ธมฺเม พุทฺธปฺปเวทิเต’’ติอาทิ. สทฺธาสมฺปนฺนสฺส หิ สปฺปุริสสํเสวนสทฺธมฺมสฺสวนโยนิโสมนสิการธมฺมานุธมฺมปฏิปตฺตีนํ สุเขเนว สมฺภวโต สมฺปตฺติโย หตฺถคตา ¶ เอว โหนฺติ, ยถาห – ‘‘สทฺธาชาโต อุปสงฺกมติ, อุปสงฺกมนฺโต ปยิรุปาสตี’’ติอาทิ (ม. นิ. ๒.๑๘๓).
จูฬวจฺฉตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. มหาวจฺฉตฺเถรคาถาวณฺณนา
ปฺาพลีติ ¶ อายสฺมโต มหาวจฺฉตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ ปานียทานมทาสิ. ปุน สิขิสฺส ภควโต กาเล อุปาสโก หุตฺวา วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ พหุํ ปฺุกมฺมํ อกาสิ, โส เตหิ ปฺุกมฺเมหิ ตตฺถ ตตฺถ สุคตีสุเยว สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท มคธรฏฺเ นาฬกคาเม สมิทฺธิสฺส นาม พฺราหฺมณสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ตสฺส มหาวจฺโฉติ นามํ อโหสิ. โส วยปฺปตฺโต อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ภควโต สาวกภาวํ สุตฺวา ‘‘โสปิ นาม มหาปฺโ. ยสฺส สาวกตฺตํ อุปาคโต, โส เอว มฺเ อิมสฺมึ โลเก อคฺคปุคฺคโล’’ติ ภควติ สทฺธํ อุปฺปาเทตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา กมฺมฏฺานํ อนุยฺุชนฺโต นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๐.๕๑-๕๖) –
‘‘ปทุมุตฺตรพุทฺธสฺส, ภิกฺขุสงฺเฆ อนุตฺตเร;
ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, ปานียฆฏมปูรยึ.
‘‘ปพฺพตคฺเค ทุมคฺเค วา, อากาเส วาถ ภูมิยํ;
ยทา ปานียมิจฺฉามิ, ขิปฺปํ นิพฺพตฺตเต มม.
‘‘สตสหสฺสิโต กปฺเป, ยํ ทานมททึ ตทา;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ทกทานสฺสิทํ ผลํ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… ภวา สพฺเพ สมูหตา;
ฉฬภิฺา สจฺฉิกตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
เอวํ ¶ ปน อรหตฺตํ ปตฺวา วิมุตฺติสุขํ อนุภวนฺโต สาสนสฺส นิยฺยานิกภาววิภาวเนน สพฺรหฺมจารีนํ อุสฺสาหชนนตฺถํ ‘‘ปฺาพลี’’ติ คาถํ อภาสิ.
๑๒. ตตฺถ ¶ ปฺาพลีติ ปาริหาริยปฺาย วิปสฺสนาปฺาย จ วเสน อภิณฺหโส สาติสเยน ปฺาพเลน สมนฺนาคโต. สีลวตูปปนฺโนติ อุกฺกํสคเตน จตุปาริสุทฺธิสีเลน, ธุตธมฺมสงฺขาเตหิ วเตหิ จ อุปปนฺโน สมนฺนาคโต. สมาหิโตติ อุปจารปฺปนาเภเทน สมาธินา สมาหิโต. ฌานรโตติ ตโต เอว อารมฺมณูปนิชฺฌาเน ลกฺขณูปนิชฺฌาเน จ รโต สตตาภิยุตฺโต. สพฺพกาลํ สติยา อวิปฺปวาสวเสน สติมา. ยทตฺถิยนฺติ อตฺถโต อนเปตํ อตฺถิยํ, เยน อตฺถิยํ ยทตฺถิยํ. ยถา ปจฺจเย ปริภฺุชนฺตสฺส ปริภฺุชนํ อตฺถิยํ โหติ, ตถา ¶ โภชนํ ภฺุชมาโน. สามิปริโภเคน หิ ตํ อตฺถิยํ โหติ ทายชฺชปริโภเคน วา, น อฺถา โภชนนฺติ จ นิทสฺสนมตฺตํ ทฏฺพฺพํ. ภฺุชิยติ ปริภฺุชิยตีติ วา โภชนํ, จตฺตาโร ปจฺจยา. ‘‘ยทตฺถิก’’นฺติ วา ปาโ. ยทตฺถํ ยสฺสตฺถาย สตฺถารา ปจฺจยา อนฺุาตา, ตทตฺถํ กายสฺส ิติอาทิอตฺถํ, ตฺจ อนุปาทิเสสนิพฺพานตฺถํ. ตสฺมา อนุปาทาปรินิพฺพานตฺถํ โภชนปจฺจเย ภฺุชมาโน ตโต เอว กงฺเขถ กาลํ อตฺตโน อนุปาทาปรินิพฺพานกาลํ อาคเมยฺย. อิธ อิมสฺมึ สาสเน วีตราโค. พาหิรกสฺส ปน กาเมสุ วีตราคสฺส อิทํ นตฺถีติ อธิปฺปาโย.
มหาวจฺฉตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. วนวจฺฉตฺเถรคาถาวณฺณนา
นีลพฺภวณฺณาติ อายสฺมโต วนวจฺฉตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โส กิร อตฺถทสฺสิโน ภควโต กาเล กจฺฉปโยนิยํ นิพฺพตฺโต วินตาย นาม นทิยา วสติ. ตสฺส ขุทฺทกนาวปฺปมาโณ อตฺตภาโว อโหสิ. โส กิร เอกทิวสํ ภควนฺตํ ¶ นทิยา ตีเร ิตํ ทิสฺวา, ‘‘ปารํ คนฺตุกาโม มฺเ ภควา’’ติ อตฺตโน ปิฏฺิยํ อาโรเปตฺวา เนตุกาโม ปาทมูเล นิปชฺชิ. ภควา ตสฺส อชฺฌาสยํ ตฺวา ตํ อนุกมฺปนฺโต อารุหิ. โส ปีติโสมนสฺสชาโต โสตํ ฉินฺทนฺโต ชิยาย เวเคน ขิตฺตสโร วิย ตาวเทว ปรตีรํ ปาเปสิ. ภควา ตสฺส ปฺุสฺส ผลํ เอตรหิ นิพฺพตฺตนกสมฺปตฺติฺจ พฺยากริตฺวา ปกฺกามิ. โส ¶ เตน ปฺุกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อเนกสตกฺขตฺตุํ ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อรฺวาสีเยว อโหสิ. ปุน กสฺสปพุทฺธกาเล กโปตโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา อรฺเ วิหรนฺตํ เมตฺตาวิหารึ เอกํ ภิกฺขุํ ทิสฺวา จิตฺตํ ปสาเทสิ.
ตโต ปน จุโต พาราณสิยํ กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต สํเวคชาโต ปพฺพชิตฺวา วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ พหุํ ปฺุกมฺมํ อุปจินิ. เอวํ ตตฺถ ตตฺถ เทวมนุสฺเสสุ สํสริตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท กปิลวตฺถุนคเร วจฺฉโคตฺตสฺส นาม พฺราหฺมณสฺส เคเห ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. ตสฺส มาตา ปริปกฺกคพฺภา อรฺํ ทสฺสนตฺถาย สฺชาตโทหฬา อรฺํ ปวิสิตฺวา วิจรติ, ตาวเทวสฺสา กมฺมชวาตา จลึสุ, ติโรกรณึ ปริกฺขิปิตฺวา อทํสุ. สา ธฺปฺุลกฺขณํ ปุตฺตํ วิชายิ. โส โพธิสตฺเตน สห ปํสุกีฬิกสหาโย อโหสิ. ‘‘วจฺโฉ’’ติสฺส นามฺจ อโหสิ. วนาภิรติยา วเสน วนวจฺโฉติ ปฺายิตฺถ. อปรภาเค มหาสตฺเต มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิตฺวา ¶ มหาปธานํ ปทหนฺเต, ‘‘อหมฺปิ สิทฺธตฺถกุมาเรน สห อรฺเ วิหริสฺสามี’’ติ นิกฺขมิตฺวา ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา หิมวนฺเต วสนฺโต อภิสมฺพุทฺธภาวํ สุตฺวา ภควโต สนฺติกํ อุปคนฺตฺวา ปพฺพชิตฺวา กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อรฺเ วสมาโน นจิรสฺเสว วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อรหตฺตํ สจฺฉากาสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๙-๑๔๘-๑๖๓) –
‘‘อตฺถทสฺสี ตุ ภควา, สยมฺภู โลกนายโก;
วินตานทิยา ตีรํ, อุปคจฺฉิ ตถาคโต.
‘‘อุทกา อภินิกฺขมฺม, กจฺฉโป วาริโคจโร;
พุทฺธํ ตาเรตุกาโมหํ, อุเปสึ โลกนายกํ.
‘‘อภิรูหตุ มํ พุทฺโธ, อตฺถทสฺสี มหามุนิ;
อหํ ตํ ตารยิสฺสามิ, ทุกฺขสฺสนฺตกโร ตุวํ.
‘‘มม สงฺกปฺปมฺาย, อตฺถทสฺสี มหายโส;
อภิรูหิตฺวา เม ปิฏฺึ, อฏฺาสิ โลกนายโก.
‘‘ยโต ¶ สรามิ อตฺตานํ, ยโต ปตฺโตสฺมิ วิฺุตํ;
สุขํ เม ตาทิสํ นตฺถิ, ผุฏฺเ ปาทตเล ยถา.
‘‘อุตฺตริตฺวาน สมฺพุทฺโธ, อตฺถทสฺสี มหายโส;
นทิตีรมฺหิ ตฺวาน, อิมา คาถา อภาสถ.
‘‘ยาวตา วตฺตเต จิตฺตํ, คงฺคาโสตํ ตรามหํ;
อยฺจ กจฺฉโป ราชา, ตาเรสิ มม ปฺวา.
‘‘อิมินา พุทฺธตรเณน, เมตฺตจิตฺตวตาย จ;
อฏฺารเส กปฺปสเต, เทวโลเก รมิสฺสติ.
‘‘เทวโลกา อิธาคนฺตฺวา, สุกฺกมูเลน โจทิโต;
เอกาสเน นิสีทิตฺวา, กงฺขาโสตํ ตริสฺสติ.
‘‘ยถาปิ ภทฺทเก เขตฺเต, พีชํ อปฺปมฺปิ โรปิตํ;
สมฺมาธาเร ปเวจฺฉนฺเต, ผลํ โตเสติ กสฺสกํ.
‘‘ตเถวิทํ พุทฺธเขตฺตํ, สมฺมาสมฺพุทฺธเทสิตํ;
สมฺมาธาเร ปเวจฺฉนฺเต, ผลํ มํ โตสยิสฺสติ.
‘‘ปธานปหิตตฺโตมฺหิ, อุปสนฺโต นิรูปธิ;
สพฺพาสเว ปริฺาย, วิหรามิ อนาสโว.
‘‘อฏฺารเส กปฺปสเต, ยํ กมฺมมกรึ ตทา;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ตรณาย อิทํ ผลํ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
เอวํ ¶ ปน ¶ อรหตฺตํ ปตฺวา ภควติ กปิลวตฺถุสฺมึ วิหรนฺเต ตตฺถ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ภิกฺขูหิ สมาคโต ปฏิสนฺถารวเสน ‘‘กึ, อาวุโส, อรฺเ ผาสุวิหาโร ลทฺโธ’’ติ ปุฏฺโ ‘‘รมณียา, อาวุโส, อรฺเ ปพฺพตา’’ติ อตฺตนา วุฏฺปพฺพเต วณฺเณนฺโต ‘‘นีลพฺภวณฺณา’’ติ คาถํ อภาสิ.
๑๓. ตตฺถ นีลพฺภวณฺณาติ นีลวลาหกนิภา นีลวลาหกสณฺานา จ. รุจิราติ รุจิยา สกิรณา ปภสฺสรา จ. สีตวารีติ สีตลสลิลา. สุจินฺธราติ สุจิสุทฺธภูมิภาคตาย สุทฺธจิตฺตานํ วา อริยานํ ¶ นิวาสนฏฺานตาย สุจินฺธรา. คาถาสุขตฺถฺหิ สานุนาสิกํ กตฺวา นิทฺเทโส. ‘‘สีตวาริสุจินฺธรา’’ติปิ ปาโ, สีตสุจิวาริธรา สีตลวิมลสลิลาสยวนฺโตติ อตฺโถ. อินฺทโคปกสฺฉนฺนาติ อินฺทโคปกนามเกหิ ปวาฬวณฺเณหิ รตฺตกิมีหิ สฺฉาทิตา ปาวุสฺสกาลวเสน เอวมาห. เกจิ ปน ‘‘อินฺทโคปกนามานิ รตฺตติณานี’’ติ วทนฺติ. อปเร ‘‘กณิการรุกฺขา’’ติ. เสลาติ สิลามยา ปพฺพตา, น ปํสุปพฺพตาติ อตฺโถ. เตนาห – ‘‘ยถาปิ ปพฺพโต เสโล’’ติ (อุทา. ๒๔). รมยนฺติ มนฺติ มํ รมาเปนฺติ, มยฺหํ วิเวกาภิรตฺตึ ปริพฺรูเหนฺติ. เอวํ เถโร อตฺตโน จิรกาลปริภาวิตํ อรฺาภิรตึ ปเวเทนฺโต ติวิธํ วิเวกาภิรติเมว ทีเปติ. ตตฺถ อุปธิวิเวเกน อฺาพฺยากรณํ ทีปิตเมว โหตีติ.
วนวจฺฉตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. สิวกสามเณรคาถาวณฺณนา
อุปชฺฌาโยติ ¶ สิวกสฺส สามเณรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โส กิร อิโต เอกตึเส กปฺเป เวสฺสภุสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺโต เอกทิวสํ เกนจิเทว กรณีเยน อรฺํ ปวิฏฺโ ตตฺถ ปพฺพตนฺตเร นิสินฺนํ เวสฺสภุํ ภควนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺโต อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา อฺชลึ ปคฺคยฺห อฏฺาสิ. ปุน ตตฺถ มโนหรานิ กาสุมาริกผลานิ ทิสฺวา ตานิ คเหตฺวา ภควโต อุปเนสิ, ปฏิคฺคเหสิ ภควา อนุกมฺปํ อุปาทาย. โส เตน ปฺุกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต กสฺสปสฺส ภควโต สาสเน มาตุเล ปพฺพชนฺเต เตน สทฺธึ ปพฺพชิตฺวา พหุํ วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินิตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท วนวจฺฉตฺเถรสฺส ภาคิเนยฺโย หุตฺวา นิพฺพตฺโต, สิวโกติสฺส นามํ อโหสิ. ตสฺส มาตา อตฺตโน เชฏฺภาติเก วนวจฺเฉ สาสเน ปพฺพชิตฺวา ปพฺพชิตกิจฺจํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา อรฺเ วิหรนฺเต ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา ปุตฺตํ อาห – ‘‘ตาต ¶ สิวก, เถรสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา เถรํ อุปฏฺห, มหลฺลโก ทานิ เถโร’’ติ. โส มาตุ ¶ เอกวจเนเนว จ ปุพฺเพ กตาธิการตาย จ มาตุลตฺเถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ปพฺพชิตฺวา ตํ อุปฏฺหนฺโต อรฺเ วสติ.
ตสฺส เอกทิวสํ เกนจิเทว กรณีเยน คามนฺตํ คตสฺส ขโร อาพาโธ อุปฺปชฺชิ. มนุสฺเสสุ เภสชฺชํ กโรนฺเตสุปิ น ปฏิปฺปสฺสมฺภิ. ตสฺมึ จิรายนฺเต เถโร ‘‘สามเณโร จิรายติ, กึ นุ โข การณ’’นฺติ ตตฺถ คนฺตฺวา ตํ คิลานํ ทิสฺวา ตสฺส ตํ ตํ กตฺตพฺพยุตฺตกํ กโรนฺโต ทิวสภาคํ วีตินาเมตฺวา รตฺติภาเค พลวปจฺจูสเวลายํ อาห – ‘‘สิวก, น มยา ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย คาเม วสิตปุพฺพํ, อิโต อรฺเมว คจฺฉามา’’ติ. ตํ สุตฺวา สิวโก ‘‘ยทิปิ เม, ภนฺเต, อิทานิ กาโย คามนฺเต ิโต, จิตฺตํ ปน อรฺเ, ตสฺมา สยาโนปิ อรฺเมว คมิสฺสามี’’ติ, ตํ สุตฺวา เถโร ตํ พาหายํ คเหตฺวา อรฺเมว เนตฺวา โอวาทํ อทาสิ. โส เถรสฺส โอวาเท ตฺวา วิปสฺสิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๓๘.๕๓-๕๘) –
‘‘กณิการํว ¶ โชตนฺตํ, นิสินฺนํ ปพฺพตนฺตเร;
อทฺทสํ วิรชํ พุทฺธํ, โลกเชฏฺํ นราสภํ.
‘‘ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, กิเร กตฺวาน อฺชลึ;
กาสุมาริกมาทาย, พุทฺธเสฏฺสฺสทาสหํ.
‘‘เอกตึเส อิโต กปฺเป, ยํ ผลํ อททึ ตทา;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
โส อรหตฺตํ ปตฺวา อุปชฺฌาเยน อตฺตนา จ วุตฺตมตฺถํ สํสนฺทิตฺวา อตฺตโน วิเวกาภิรติกตํ กตกิจฺจตฺจ ปเวเทนฺโต ‘‘อุปชฺฌาโย มํ อวจา’’ติ คาถํ อภาสิ.
๑๔. ตตฺถ อุปชฺฌาโยติ วชฺชาวชฺชํ อุปนิชฺฌายติ หิเตสิตํ ปจฺจุปฏฺเปตฺวา าณจกฺขุนา เปกฺขตีติ อุปชฺฌาโย. มนฺติ อตฺตานํ วทติ. อวจาติ อภาสิ. อิโต คจฺฉาม สีวกาติ วุตฺตาการทสฺสนํ, สิวก, อิโต คามนฺตโต อรฺฏฺานเมว เอหิ คจฺฉาม, ตเทว อมฺหากํ วสนโยคฺคนฺติ ¶ อธิปฺปาโย. เอวํ ปน อุปชฺฌาเยน วุตฺโต สิวโก ภทฺโร อสฺสาชานีโย วิย กสาภิหโต สฺชาตสํเวโค หุตฺวา อรฺเมว คนฺตุกามตํ ปเวเทนฺโต –
‘‘คาเม ¶ เม วสติ กาโย, อรฺํ เม คตํ มโน;
เสมานโกปิ คจฺฉามิ, นตฺถิ สงฺโค วิชานต’’นฺติ. –อาห;
ตสฺสตฺโถ – ยสฺมา อิทานิ ยทิปิ เม อิทํ สรีรํ คามนฺเต ิตํ, อชฺฌาสโย ปน อรฺเมว คโต, ตสฺมา เสมานโกปิ คจฺฉามิ เคลฺเน านนิสชฺชาคมเนสุ อสมตฺถตาย สยาโนปิ อิมินา สยิตากาเรน สรีสโป วิย สรีสปนฺโต, เอถ, ภนฺเต, อรฺเมว คจฺฉาม, กสฺมา? นตฺถิ สงฺโค วิชานตนฺติ, ยสฺมา ธมฺมสภาวา กาเมสุ สํสาเร จ อาทีนวํ, เนกฺขมฺเม นิพฺพาเน จ อานิสํสํ ยาถาวโต ชานนฺตสฺส น กตฺถจิ สงฺโค, ตสฺมา เอกปเทเนว อุปชฺฌายสฺส อาณา อนุิตาติ, ตทปเทเสน อฺํ พฺยากาสิ.
สิวกสามเณรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. กุณฺฑธานตฺเถรคาถาวณฺณนา
ปฺจ ¶ ฉินฺเท ปฺจ ชเหติ อายสฺมโต กุณฺฑธานตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โส กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล หํสวตีนคเร กุลเคเห อุปฺปนฺโน วยปฺปตฺโต เหฏฺา วุตฺตนเยเนว ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ สุณนฺโต สตฺถารา เอกํ ภิกฺขุํ ปมํ สลากํ คณฺหนฺตานํ อคฺคฏฺาเน ปิยมานํ ทิสฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถตฺวา ตทนุรูปํ ปฺุํ กโรนฺโต วิจริ. โส เอกทิวสํ ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต นิโรธสมาปตฺติโต วุฏฺาย นิสินฺนสฺส มโนสิลาจุณฺณปิฺชรํ มหนฺตํ กทลิผลกณฺณิกํ อุปเนสิ, ตํ ภควา ปฏิคฺคเหตฺวา ปริภฺุชิ. โส เตน ปฺุกมฺเมน เอกาทสกฺขตฺตุํ เทเวสุ เทวรชฺชํ กาเรสิ. จตุวีสติวาเร ราชา อโหสิ จกฺกวตฺตี. เอวํ โส ปุนปฺปุนํ ปฺุานิ กตฺวา อปราปรํ เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต กสฺสปพุทฺธกาเล ภุมฺมเทวตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ทีฆายุกพุทฺธานฺจ ¶ นาม น อนฺวทฺธมาสิโก อุโปสโถ โหติ. ตถา หิ วิปสฺสิสฺส ภควโต ฉพฺพสฺสนฺตเร ฉพฺพสฺสนฺตเร อุโปสโถ อโหสิ. กสฺสปทสพโล ปน ฉฏฺเ ฉฏฺเ มาเส ปาติโมกฺขํ โอสาเรสิ. ตสฺส ปาติโมกฺขสฺส โอสารณกาเล ทิสาวาสิกา ทฺเว สหายกา ภิกฺขู ‘‘อุโปสถํ กริสฺสามา’’ติ คจฺฉนฺติ.
อยํ ภุมฺมเทวตา จินฺเตสิ – ‘‘อิเมสํ ทฺวินฺนํ ภิกฺขูนํ เมตฺติ อติวิย ทฬฺหา, กึ นุ โข, เภทเก สติ ภิชฺเชยฺย, น ภิชฺเชยฺยา’’ติ, สา เตสํ โอกาสํ โอโลกยมานา เตสํ อวิทูเรเนว คจฺฉติ. อเถโก เถโร เอกสฺส หตฺเถ ปตฺตจีวรํ ทตฺวา สรีรวฬฺชนตฺถํ อุทกผาสุกฏฺานํ ¶ คนฺตฺวา โธตหตฺถปาโท หุตฺวา คุมฺพสมีปโต นิกฺขมติ ภุมฺมเทวตา ตสฺส เถรสฺส ปจฺฉโต อุตฺตมรูปา อิตฺถี หุตฺวา เกเส วิธุนิตฺวา สํวิธาย สมฺพนฺธนฺตี วิย ¶ ปิฏฺิยํ ปํสุํ ปฺุฉมานา วิย สาฏกํ สํวิธาย นิวาสยมานา วิย จ หุตฺวา เถรสฺส ปทานุปทิกา หุตฺวา คุมฺพโต นิกฺขนฺตา. เอกมนฺเต ิโต สหายกตฺเถโร ตํ การณํ ทิสฺวาว โทมนสฺสชาโต ‘‘นฏฺโ ทานิ เม อิมินา ภิกฺขุนา สทฺธึ ทีฆรตฺตานุคโต สิเนโห, สจาหํ เอวํวิธภาวํ ชาเนยฺยํ, เอตฺตกํ อทฺธานํ อิมินา สทฺธึ วิสฺสาสํ น กเรยฺย’’นฺติ จินฺเตตฺวา อาคจฺฉนฺตสฺเสวสฺส, ‘‘หนฺทาวุโส, ตุยฺหํ ปตฺตจีวรํ, ตาทิเสน ปาเปน สทฺธึ เอกมคฺคํ นาคจฺฉามี’’ติ อาห. ตํ กถํ สุตฺวา ตสฺส ลชฺชิภิกฺขุโน หทยํ ติขิณสตฺตึ คเหตฺวา วิทฺธํ วิย อโหสิ. ตโต นํ อาห – ‘‘อาวุโส, กึ นาเมตํ วทสิ, อหํ เอตฺตกํ กาลํ ทุกฺกฏมตฺตมฺปิ อาปตฺตึ น ชานามิ. ตฺวํ ปน มํ อชฺช ‘ปาโป’ติ วทสิ, กึ เต ทิฏฺ’’นฺติ. ‘‘กึ อฺเน ทิฏฺเน, กึ ตฺวํ เอวํวิเธน อลงฺกตปฏิยตฺเตน มาตุคาเมน สทฺธึ เอกฏฺาเน หุตฺวา นิกฺขนฺโต’’ติ. ‘‘นตฺเถตํ, อาวุโส, มยฺหํ, นาหํ เอวรูปํ มาตุคามํ ปสฺสามี’’ติ. ตสฺส ยาวตติยํ กเถนฺตสฺสาปิ อิตโร เถโร กถํ อสทฺทหิตฺวา อตฺตนา ทิฏฺการณํเยว ภูตตฺตํ กตฺวา คณฺหนฺโต เตน สทฺธึ เอกมคฺเคน อคนฺตฺวา อฺเน ¶ มคฺเคน สตฺถุ สนฺติกํ คโต. อิตโรปิ ภิกฺขุ อฺเน มคฺเคน สตฺถุ สนฺติกํเยว คโต.
ตโต ภิกฺขุสงฺฆสฺส อุโปสถาคารํ ปวิสนเวลาย โส ภิกฺขุ ตํ ภิกฺขุํ อุโปสถคฺเค สฺชานิตฺวา, ‘‘อิมสฺมึ อุโปสถคฺเค เอวรูโป นาม ปาปภิกฺขุ อตฺถิ, นาหํ เตน สทฺธึ อุโปสถํ กริสฺสามี’’ติ นิกฺขมิตฺวา พหิ อฏฺาสิ. อถ ภุมฺมเทวตา ‘‘ภาริยํ มยา กมฺมํ กต’’นฺติ มหลฺลกอุปาสกวณฺเณน ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘กสฺมา, ภนฺเต, อยฺโย อิมสฺมึ าเน ิโต’’ติ อาห. ‘‘อุปาสก, อิมํ อุโปสถคฺคํ เอโก ปาปภิกฺขุ ปวิฏฺโ, ‘นาหํ ¶ เตน สทฺธึ อุโปสถํ กโรมี’ติ พหิ ิโตมฺหี’’ติ. ‘‘ภนฺเต, มา เอวํ คณฺหถ, ปริสุทฺธสีโล เอส ภิกฺขุ. ตุมฺเหหิ ทิฏฺมาตุคาโม นาม อหํ, มยา ตุมฺหากํ วีมํสนตฺถาย ‘ทฬฺหา นุ โข อิเมสํ เถรานํ เมตฺติ, โน ทฬฺหา’ติ ภิชฺชนาภิชฺชนภาวํ โอโลเกนฺเตน ตํ กมฺมํ กต’’นฺติ. ‘‘โก ปน, ตฺวํ สปฺปุริสา’’ติ? ‘‘อหํ เอกา ภุมฺมเทวตา, ภนฺเต’’ติ เทวปุตฺโต กเถนฺโต ทิพฺพานุภาเวน ตฺวา เถรสฺส ปาเทสุ นิปติตฺวา ‘‘มยฺหํ, ภนฺเต, ขมถ, เอตํ โทสํ เถโร น ชานาติ, อุโปสถํ กโรถา’’ติ เถรํ ยาจิตฺวา อุโปสถคฺคํ ปเวเสสิ. โส เถโร อุโปสถํ ตาว เอกฏฺาเน อกาสิ, มิตฺตสนฺถววเสน ปน ปุน เตน สทฺธึ น เอกฏฺาเน อโหสีติ. อิมสฺส เถรสฺส กมฺมํ น กถียติ, จุทิตกตฺเถโร ปน อปราปรํ วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต อรหตฺตํ ปาปุณิ.
ภุมฺมเทวตา ¶ ตสฺส กมฺมสฺส นิสฺสนฺเทน เอกํ พุทฺธนฺตรํ อปายภยโต น มุจฺจิตฺถ. สเจ ปน กิสฺมิฺจิ กาเล มนุสฺสตฺตํ อาคจฺฉติ, อฺเน เยน เกนจิ กโต โทโส ตสฺเสว อุปริ ปตติ. โส อมฺหากํ ภควโต กาเล สาวตฺถิยํ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติ. ‘‘ธานมาณโว’’ติสฺส นามํ อกํสุ. โส วยปฺปตฺโต ตโย เวเท อุคฺคณฺหิตฺวา มหลฺลกกาเล สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิ, ตสฺส อุปสมฺปนฺนทิวสโต ปฏฺาย เอกา อลงฺกตปฏิยตฺตา อิตฺถี ตสฺมึ คามํ ¶ ปวิสนฺเต สทฺธึเยว คามํ ปวิสติ, นิกฺขมนฺเต นิกฺขมติ. วิหารํ ปวิสนฺเตปิ สทฺธึ ปวิสติ, ติฏฺนฺเตปิ ติฏฺตีติ เอวํ นิจฺจานุพนฺธา ปฺายติ. เถโร ตํ น ปสฺสติ. ตสฺส ปุน ปุริมกมฺมนิสฺสนฺเทน สา อฺเสํ อุปฏฺาติ. คาเม ยาคุํ ภิกฺขฺจ ททมานา อิตฺถิโย ‘‘ภนฺเต, อยํ เอโก ยาคุอุฬุงฺโก ตุมฺหากํ, เอโก อิมิสฺสา อมฺหากํ สหายิกายา’’ติ ปริหาสํ กโรนฺติ. เถรสฺส มหตี วิเหสา โหติ. วิหารคตมฺปิ นํ สามเณรา เจว ทหรา ภิกฺขู จ ปริวาเรตฺวา ‘‘ธาโน โกณฺโฑ ชาโต’’ติ ปริหาสํ กโรนฺติ. อถสฺส เตเนว ¶ การเณน กุณฺฑธานตฺเถโรติ นามํ ชาตํ. โส อุฏฺาย สมุฏฺาย เตหิ กริยมานํ เกฬึ สหิตุํ อสกฺโกนฺโต อุมฺมาทํ คเหตฺวา ‘‘ตุมฺเห โกณฺฑา, ตุมฺหากํ อุปชฺฌาโย โกณฺโฑ, อาจริโย โกณฺโฑ’’ติ วทติ. อถ นํ สตฺถุ อาโรเจสุํ ‘‘กุณฺฑธาโน, ภนฺเต, ทหรสามเณเรหิ สทฺธึ เอวํ ผรุสวาจํ วทตี’’ติ. สตฺถา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, ธาน, สามเณเรหิ สทฺธึ ผรุสวาจํ วทสี’’ติ วตฺวา เตน ‘‘สจฺจํ ภควา’’ติ วุตฺเต ‘‘กสฺมา เอวํ วเทสี’’ติ อาห. ‘‘ภนฺเต, นิพทฺธํ วิเหสํ อสหนฺโต เอวํ กเถมี’’ติ. ‘‘ตฺวํ ปุพฺเพ กตกมฺมํ ยาวชฺชทิวสา ชีราเปตุํ น สกฺโกสิ, ปุน เอวรูปํ ผรุสํ มาวที ภิกฺขู’’ติ วตฺวา อาห –
‘‘มาโวจ ผรุสํ กฺจิ, วุตฺตา ปฏิวเทยฺยุ ตํ;
ทุกฺขา หิ สารมฺภกถา, ปฏิทณฺฑา ผุเสยฺยุ ตํ.
‘‘สเจ เนเรสิ อตฺตานํ, กํโส อุปหโต ยถา;
เอส ปตฺโตสิ นิพฺพานํ, สารมฺโภ เต น วิชฺชตี’’ติ. (ธ. ป. ๑๓๓-๑๓๔);
อิมฺจ ปน ตสฺส เถรสฺส มาตุคาเมน สทฺธึ วิจรณภาวํ โกสลรฺโปิ กถยึสุ. ราชา ‘‘คจฺฉถ, ภเณ, วีมํสถา’’ติ เปเสตฺวา สยมฺปิ มนฺเทเนว ปริวาเรน เถรสฺส วสนฏฺานํ คนฺตฺวา เอกมนฺเต โอโลเกนฺโต อฏฺาสิ. ตสฺมึ ขเณ เถโร สูจิกมฺมํ กโรนฺโต นิสินฺโน โหติ, สาปิ อิตฺถี อวิทูเร าเน ิตา วิย ปฺายติ. ราชา ทิสฺวา ‘‘อตฺถิทํ การณ’’นฺติ ตสฺสา ¶ ิตฏฺานํ อคมาสิ. สา ตสฺมึ อาคจฺฉนฺเต เถรสฺส วสนปณฺณสาลํ ปวิฏฺา วิย อโหสิ. ราชาปิ ตาย สทฺธึ ตเมว ปณฺณสาลํ ปวิสิตฺวา สพฺพตฺถ โอโลเกนฺโต อทิสฺวา ¶ ‘‘นายํ มาตุคาโม, เถรสฺส เอโก กมฺมวิปาโก’’ติ สฺํ กตฺวา ปมํ เถรสฺส สมีเปน คจฺฉนฺโตปิ เถรํ อวนฺทิตฺวา ตสฺส การณสฺส อภูตภาวํ ตฺวา อาคมฺม เถรํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺโน ‘‘กจฺจิ, ภนฺเต, ปิณฺฑเกน น กิลมถา’’ติ ปุจฺฉิ. เถโร ‘‘วฏฺฏติ, มหาราชา’’ติ อาห. ‘‘ชานามหํ, ภนฺเต, อยฺยสฺส กถํ, เอวรูเปน ปริกฺกิเลเสน สทฺธึ จรนฺตานํ ตุมฺหากํ เก นาม ปสีทิสฺสนฺติ, อิโต ปฏฺาย โว กตฺถจิ คมนกิจฺจํ นตฺถิ, อหํ ¶ จตูหิ ปจฺจเยหิ ตุมฺเห อุปฏฺหิสฺสามิ, ตุมฺเห โยนิโส มนสิกาเร มา ปมชฺชิตฺถา’’ติ นิพทฺธภิกฺขํ ปฏฺเปสิ. เถโร ราชานํ อุปตฺถมฺภกํ ลภิตฺวา โภชนสปฺปาเยน เอกคฺคจิตฺโต หุตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. ตโต ปฏฺาย สา อิตฺถี อนฺตรธายิ.
ตทา มหาสุภทฺทา อุคฺคนคเร มิจฺฉาทิฏฺิกกุเล วสมานา ‘‘สตฺถา มํ อนุกมฺปตู’’ติ อุโปสถํ อธิฏฺาย นิรามคนฺธา หุตฺวา อุปริปาสาทตเล ิตา ‘‘อิมานิ ปุปฺผานิ อนฺตเร อฏฺตฺวา ทสพลสฺส มตฺถเก วิตานํ หุตฺวา ติฏฺนฺตุ, ทสพโล อิมาย สฺาย สฺเว ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ มยฺหํ ภิกฺขํ คณฺหตู’’ติ สจฺจกิริยํ กตฺวา อฏฺ สุมนปุปฺผมุฏฺิโย วิสฺสชฺเชสิ. ปุปฺผานิ คนฺตฺวา ธมฺมเทสนาเวลาย สตฺถุ มตฺถเก วิตานํ หุตฺวา อฏฺํสุ. สตฺถา ตํ สุมนปุปฺผวิตานํ ทิสฺวา จิตฺเตเนว สุภทฺทาย ภิกฺขํ อธิวาเสตฺวา ปุนทิวเส อรุเณ อุฏฺิเต อานนฺทตฺเถรํ อาห – ‘‘อานนฺท, มยํ อชฺช ทูรํ ภิกฺขาจารํ คมิสฺสาม, ปุถุชฺชนานํ อทตฺวา อริยานํเยว สลากํ เทหี’’ติ. เถโร ภิกฺขูนํ อาโรเจสิ – ‘‘อาวุโส, สตฺถา อชฺช ทูรํ ภิกฺขาจารํ คมิสฺสติ, ปุถุชฺชนา มา คณฺหนฺตุ, อริยาว สลากํ คณฺหนฺตู’’ติ. กุณฺฑธานตฺเถโร ‘‘อาหร, อาวุโส สลาก’’นฺติ ปมํเยว หตฺถํ ปสาเรสิ. อานนฺโท ‘‘สตฺถา ตาทิสานํ ภิกฺขูนํ สลากํ น ทาเปติ, อริยานํเยว ทาเปตี’’ติ วิตกฺกํ อุปฺปาเทตฺวา คนฺตฺวา สตฺถุ อาโรเจสิ. สตฺถา ‘‘อาหราเปนฺตสฺส สลากํ เทหี’’ติ อาห. เถโร จินฺเตสิ – ‘‘สเจ กุณฺฑธานสฺส สลากา ทาตุํ น ยุตฺตา, อถ สตฺถา ปฏิพาเหยฺย, ภวิสฺสติ เอตฺถ การณ’’นฺติ ‘‘กุณฺฑธานสฺส สลากํ ทสฺสามี’’ติ ¶ คมนํ อภินีหริ. กุณฺฑธาโน ตสฺส ปุเร อาคมนา เอว อภิฺาปาทกํ จตุตฺถชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา อิทฺธิยา อากาเส ตฺวา ‘‘อาหราวุโส, อานนฺท, สตฺถา มํ ชานาติ, มาทิสํ ภิกฺขุํ ปมํ สลากํ คณฺหนฺตํ น สตฺถา นิวาเรตี’’ติ หตฺถํ ปสาเรตฺวา สลากํ คณฺหิ. สตฺถา ตํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา เถรํ อิมสฺมึ สาสเน ปมํ สลากํ คณฺหนฺตานํ ¶ อคฺคฏฺาเน เปสิ. ยสฺมา อยํ เถโร ราชานํ อุปตฺถมฺภกํ ลภิตฺวา สปฺปายาหารลาเภน ¶ สมาหิตจิตฺโต วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต อุปนิสฺสยสมฺปนฺนตาย ฉฬภิฺโ อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๔.๑-๑๖) –
‘‘สตฺตาหํ ปฏิสลฺลีนํ, สยมฺภุํ อคฺคปุคฺคลํ;
ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, พุทฺธเสฏฺํ อุปฏฺหึ.
‘‘วุฏฺิตํ กาลมฺาย, ปทุมุตฺตรํ มหามุนึ;
มหนฺตึ กทลีกณฺณึ, คเหตฺวา อุปคจฺฉหํ.
‘‘ปฏิคฺคเหตฺวา ภควา, สพฺพฺู โลกนายโก;
มม จิตฺตํ ปสาเทนฺโต, ปริภฺุชิ มหามุนิ.
‘‘ปริภฺุชิตฺวา สมฺพุทฺโธ, สตฺถวาโห อนุตฺตโร;
สกาสเน นิสีทิตฺวา, อิมา คาถา อภาสถ.
‘‘เย จ สนฺติ สมิตาโร, ยกฺขา อิมมฺหิ ปพฺพเต;
อรฺเ ภูตภพฺยานิ, สุณนฺตุ วจนํ มม.
‘‘โย โส พุทฺธํ อุปฏฺาสิ, มิคราชํว เกสรึ;
ตมหํ กิตฺตยิสฺสามิ, สุณาถ มม ภาสโต.
‘‘เอกาทสฺจกฺขตฺตุํ โส, เทวราชา ภวิสฺสติ;
จตุวีสติกฺขตฺตฺุจ, จกฺกวตฺตี ภวิสฺสติ.
‘‘กปฺปสตสหสฺสมฺหิ, โอกฺกากกุลสมฺภโว;
โคตโม นาม โคตฺเตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติ.
‘‘อกฺโกสิตฺวาน สมเณ, สีลวนฺเต อนาสเว;
ปาปกมฺมวิปาเกน, นามเธยฺยํ ลภิสฺสติ.
‘‘ตสฺส ¶ ธมฺเม สุทายาโท, โอรโส ธมฺมนิมฺมิโต;
กุณฺฑธาโนติ นาเมน, สาวโก โส ภวิสฺสติ.
‘‘ปวิเวกมนุยุตฺโต, ฌายี ฌานรโต อหํ;
โตสยิตฺวาน สตฺถารํ, วิหรามิ อนาสโว.
‘‘สาวเกหิ ปริวุโต, ภิกฺขุสงฺฆปุรกฺขโต;
ภิกฺขุสงฺเฆ นิสีทิตฺวา, สลากํ คาหยี ชิโน.
‘‘เอกํสํ จีวรํ กตฺวา, วนฺทิตฺวา โลกนายกํ;
วทตํ วรสฺส ปุรโต, ปมํ อคฺคเหสหํ.
‘‘เตน กมฺเมน ภควา, ทสสหสฺสิกมฺปโก;
ภิกฺขุสงฺเฆ นิสีทิตฺวา, อคฺคฏฺาเน เปสิ มํ.
‘‘วีริยํ ¶ เม ธุรโธรยฺหํ, โยคกฺเขมาธิวาหนํ;
ธาเรมิ อนฺติมํ เทหํ, สมฺมาสมฺพุทฺธสาสเน.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
เอวํภูตสฺสปิ อิมสฺส เถรสฺส คุเณ อชานนฺตา เย ปุถุชฺชนา ภิกฺขู ตทา ปมํ สลากคฺคหเณ ‘‘กึ นุ โข เอต’’นฺติ สมจินฺเตสุํ. เตสํ วิมติวิธมนตฺถํ เถโร อากาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา อิทฺธิปาฏิหาริยํ ทสฺเสตฺวา อฺาปเทเสน อฺํ พฺยากโรนฺโต ‘‘ปฺจ ฉินฺเท’’ติ คาถํ อภาสิ.
๑๕. ตตฺถ ปฺจ ฉินฺเทติ อปายูปปตฺตินิพฺพตฺตนกานิ ปฺโจรมฺภาคิยานิ สํโยชนานิ ปาเท พนฺธนรชฺชุกํ วิย ปุริโส สตฺเถน เหฏฺิมมคฺคตฺตเยน ฉินฺเทยฺย ปชเหยฺย. ปฺจ ชเหติ อุปริเทวโลกูปปตฺติเหตุภูตานิ ปฺจุทฺธมฺภาคิยสํโยชนานิ ปุริโส คีวาย พนฺธนรชฺชุกํ วิย อรหตฺตมคฺเคน ชเหยฺย, ฉินฺเทยฺย วาติ อตฺโถ. ปฺจ จุตฺตริ ภาวเยติ เตสํเยว อุทฺธมฺภาคิยสํโยชนานํ ปหานาย สทฺธาทีนิ ปฺจินฺทฺริยานิ อุตฺตริ อนาคามิมคฺคาธิคมโต อุปริ ภาเวยฺย อคฺคมคฺคาธิคมวเสน วฑฺเฒยฺย. ปฺจสงฺคาติโคติ เอวํภูโต ปน ปฺจนฺนํ ราคโทสโมหมานทิฏฺิสงฺคานํ อติกฺกมเนน ปหาเนน ปฺจสงฺคาติโค หุตฺวา. ภิกฺขุ ¶ โอฆติณฺโณติ วุจฺจตีติ สพฺพถา ภินฺนกิเลสตาย ภิกฺขูติ, กามภวทิฏฺิอวิชฺโชเฆ ตริตฺวา เตสํ ปารภูเต นิพฺพาเน ิโตติ จ วุจฺจตีติ อตฺโถ.
กุณฺฑธานตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. เพลฏฺสีสตฺเถรคาถาวณฺณนา
ยถาปิ ¶ ภทฺโท อาชฺโติ อายสฺมโต เพลฏฺสีสตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โส กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺโต ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา สมณธมฺมํ กโรนฺโต อุปนิสฺสยสมฺปตฺติยา อภาเวน วิเสสํ นิพฺพตฺเตตุํ นาสกฺขิ. วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ ปน พหุํ กุสลํ อุปจินิตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิโต เอกตึเส กปฺเป เวสฺสภุํ ภควนฺตํ ปสฺสิตฺวา ปสนฺนจิตฺโต มาตุลุงฺคผลํ อทาสิ. โส เตน ปฺุกมฺเมน เทเวสุ นิพฺพตฺติตฺวา อปราปรํ ปฺุานิ กตฺวา สุคติโต สุคตึ อุปคจฺฉนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺโต ภควโต อภิสมฺโพธิยา ปุเรตรเมว อุรุเวลกสฺสปสฺส ¶ สนฺติเก ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อคฺคึ ปริจรนฺโต อุรุเวลกสฺสปทมเน อาทิตฺตปริยายเทสนาย (มหาว. ๕๔; สํ. นิ. ๔.๒๘) ปุราณชฏิลสหสฺเสน สทฺธึ อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๑.๖๘-๗๓) –
‘‘กณิการํว โชตนฺตํ, ปุณฺณมาเยว จนฺทิมํ;
ชลนฺตํ ทีปรุกฺขํว, อทฺทสํ โลกนายกํ.
‘‘มาตุลุงฺคผลํ คยฺห, อทาสึ สตฺถุโน อหํ;
ทกฺขิเณยฺยสฺส วีรสฺส, ปสนฺโน เสหิ ปาณิภิ.
‘‘เอกตึเส อิโต กปฺเป, ยํ ผลํ อททึ ตทา;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
เอวํ ¶ อธิคตารหตฺโต อายสฺมโต ธมฺมภณฺฑาคาริกสฺส อุปชฺฌาโย อยํ เถโร เอกทิวสํ ผลสมาปตฺติโต อุฏฺาย ตํ สนฺตํ ปณีตํ นิรามิสํ สุขํ อตฺตโน ปุพฺพโยคฺจ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปีติเวควเสน ‘‘ยถาปิ ภทฺโท อาชฺโ’’ติ คาถํ อภาสิ.
๑๖. ตตฺถ ยถาปีติ โอปมฺมปฏิปาทนตฺเถ นิปาโต. ภทฺโทติ สุนฺทโร ถามพลสมตฺถชวปรกฺกมาทิสมฺปนฺโน. อาชฺโติ อาชานีโย ชาติมา การณาการณานํ อาชานนโก. โส ติวิโธ อุสภาชฺโ อสฺสาชฺโ หตฺถาชฺโติ. เตสุ อุสภาชฺโ อิธาธิปฺเปโต. โส จ โข เฉกกสนกิจฺเจ นิยุตฺโต, เตนาห ‘‘นงฺคลาวตฺตนี’’ติ. นงฺคลสฺส ผาลสฺส อาวตฺตนโก, นงฺคลํ อิโต จิโต จ อาวตฺเตตฺวา เขตฺเต กสนโกติ อตฺโถ. นงฺคลํ วา อาวตฺตยติ เอตฺถาติ นงฺคลาวตฺตํ ¶ , เขตฺเต นงฺคลปโถ, ตสฺมึ นงฺคลาวตฺตนิ. คาถาสุขตฺถฺเหตฺถ ‘‘วตฺตนี’’ติ ทีฆํ กตฺวา วุตฺตํ. สิขีติ มตฺถเก อวฏฺานโต สิขาสทิสตาย สิขา, สิงฺคํ. ตทสฺส อตฺถีติ สิขี. อปเร ปน ‘‘กกุธํ อิธ ‘สิขา’ติ อธิปฺเปต’’นฺติ วทนฺติ, อุภยถาปิ ปธานงฺคกิตฺตนเมตํ ‘‘สิขี’’ติ. อปฺปกสิเรนาติ อปฺปกิลมเถน. รตฺตินฺทิวาติ รตฺติโย ทิวา จ, เอวํ มมํ อปฺปกสิเรน คจฺฉนฺตีติ โยชนา. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา ‘‘ภทฺโท อุสภาชานีโย กสเน นิยุตฺโต ฆนติณมูลาทิเกปิ นงฺคลปเถ ตํ อคเณนฺโต อปฺปกสิเรน อิโต จิโต จ ปริวตฺเตนฺโต คจฺฉติ, ยาว กสนติณานํ ปริสฺสมํ ทสฺเสติ, เอวํ มมํ รตฺตินฺทิวาปิ อปฺปกสิเรเนว คจฺฉนฺติ อติกฺกมนฺตี’’ติ. ตตฺถ การณมาห ‘‘สุเข ลทฺเธ นิรามิเส’’ติ. ยสฺมา กามามิสโลกามิสวฏฺฏามิเสหิ ¶ อสมฺมิสฺสํ สนฺตํ ปณีตํ ผลสมาปตฺติสุขํ ลทฺธํ, ตสฺมาติ อตฺโถ. ปจฺจตฺเต เจตํ ภุมฺมวจนํ ยถา ‘‘วนปฺปคุมฺเพ’’ (ขุ. ปา. ๖.๑๓; สุ. นิ. ๒๓๖) ‘‘เตน วต เร วตฺตพฺเพ’’ติ (กถา. ๑) จ. อถ วา ตโต ปภุติ รตฺตินฺทิวา อปฺปกสิเรน คจฺฉนฺตีติ วิจารณาย อาห – ‘‘สุเข ลทฺเธ นิรามิเส’’ติ, นิรามิเส สุเข ลทฺเธ สติ ตสฺส ลทฺธกาลโต ปฏฺายาติ อตฺโถ.
เพลฏฺสีสตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. ทาสกตฺเถรคาถาวณฺณนา
มิทฺธี ¶ ยทาติ อายสฺมโต ทาสกตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โส กิร อิโต เอกนวุเต กปฺเป อนุปฺปนฺเน ตถาคเต อชิตสฺส นาม ปจฺเจกพุทฺธสฺส คนฺธมาทนโต มนุสฺสปถํ โอตริตฺวา อฺตรสฺมึ คาเม ปิณฺฑาย จรนฺตสฺส มโนรมานิ อมฺพผลานิ อทาสิ. โส เตน ปฺุกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต กสฺสปสฺส ภควโต กาเล สาสเน ปพฺพชิตฺวา วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ พหุํ ปฺุํ อกาสิ. เอวํ กุสลกมฺมปฺปสุโต หุตฺวา สุคติโต ¶ สุคตึ อุปคจฺฉนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ กุลเคเห นิพฺพตฺติ. ทาสโกติสฺส นามํ อโหสิ. โส อนาถปิณฺฑิเกน คหปตินา วิหารปฏิชคฺคนกมฺเม ปิโต สกฺกจฺจํ วิหารํ ปฏิชคฺคนฺโต อภิณฺหํ พุทฺธทสฺสเนน ธมฺมสฺสวเนน จ ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิ. เกจิ ปน ภณนฺติ – ‘‘อยํ กสฺสปสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต อฺตรํ ขีณาสวตฺเถรํ อุปฏฺหนฺโต กิฺจิ กมฺมํ การาเปตุกาโม เถรํ อาณาเปสิ. โส เตน กมฺเมน อมฺหากํ ภควโต กาเล สาวตฺถิยํ อนาถปิณฺฑิกสฺส ทาสิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺโต วยปฺปตฺโต เสฏฺินา วิหารปฏิชคฺคเน ปิโต วุตฺตนเยเนว ปฏิลทฺธสทฺโธ อโหสิ. มหาเสฏฺิ ตสฺส สีลาจารํ อชฺฌาสยฺจ ตฺวา ภุชิสฺสํ กตฺวา ‘ยถาสุขํ ปพฺพชา’ติ อาห. ตํ ภิกฺขู ปพฺพาเชสุ’’นฺติ. โส ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย กุสีโต หีนวีริโย หุตฺวา น กิฺจิ วตฺตปฏิวตฺตํ กโรติ, กุโต สมณธมฺมํ, เกวลํ ยาวทตฺถํ ภฺุชิตฺวา นิทฺทาพหุโล วิหรติ. ธมฺมสฺสวนกาเลปิ เอกํ โกณํ ปวิสิตฺวา ปริสปริยนฺเต นิสินฺโน ฆุรุฆุรุปสฺสาสี นิทฺทายเตว. อถสฺส ภควา ปุพฺพูปนิสฺสยํ โอโลเกตฺวา สํเวคชนนตฺถํ ‘‘มิทฺธี ยทา โหติ มหคฺฆโส จา’’ติ คาถํ อภาสิ.
๑๗. ตตฺถ มิทฺธีติ ถินมิทฺธาภิภูโต, ยฺหิ มิทฺธํ อภิภวติ, ตํ ถินมฺปิ อภิภวเตว. ยทาติ ยสฺมึ กาเล. มหคฺฆโสติ มหาโภชโน, อาหรหตฺถกอลํสาฏกตตฺถวฏฺฏกกากมาสกภุตฺตวมิตกานํ ¶ อฺตโร วิย. นิทฺทายิตาติ สุปนสีโล. สมฺปริวตฺตสายีติ สมฺปริวตฺตกํ สมฺปริวตฺตกํ นิปชฺชิตฺวา อุภเยนปิ เสยฺยสุขํ ปสฺสสุขํ มิทฺธสุขํ ¶ อนุยุตฺโตติ ทสฺเสติ. นิวาปปุฏฺโติ กุณฺฑกาทินา สูกรภตฺเตน ปุฏฺโ ภริโต. ฆรสูกโร หิ พาลกาลโต ปฏฺาย โปสิยมาโน ถูลสรีรกาเล เคหา พหิ นิกฺขมิตุํ อลภนฺโต เหฏฺามฺจาทีสุ ¶ สมฺปริวตฺเตตฺวา สมฺปริวตฺเตตฺวา สยเตว. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยทา ปุริโส มิทฺธี จ โหติ มหคฺฆโส จ นิวาปปุฏฺโ มหาวราโห วิย อฺเน อิริยาปเถน ยาเปตุํ อสกฺโกนฺโต นิทฺทายนสีโล สมฺปริวตฺตสายี, ตทา โส ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา’’ติ ตีณิ ลกฺขณานิ มนสิกาตุํ น สกฺโกติ. เตสํ อมนสิการา มนฺทปฺโ ปุนปฺปุนํ คพฺภํ อุเปติ, คพฺภาวาสโต น ปริมุจฺจเตวาติ. ตํ สุตฺวา ทาสกตฺเถโร สํเวคชาโต วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺตํ สจฺฉากาสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๑.๗๔, ๘๐-๘๔) –
‘‘อชิโต นาม สมฺพุทฺโธ, หิมวนฺเต วสี ตทา;
จรเณน จ สมฺปนฺโน, สมาธิกุสโล มุนิ.
‘‘สุวณฺณวณฺเณ สมฺพุทฺเธ, อาหุตีนํ ปฏิคฺคเห;
รถิยํ ปฏิปชฺชนฺเต, อมฺพผลมทาสหํ.
‘‘เอกนวุเต อิโต กปฺเป, ยํ ผลํ อททึ ตทา;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหตฺตํ ปน ปตฺวา เถโร อิมาย คาถาย มํ ภควา โอวทิ, ‘‘อยํ คาถา มยฺหํ องฺกุสภูตา’’ติ ตเมว คาถํ ปจฺจุทาหาสิ. ตยิทํ เถรสฺส ปริวตฺตาหารนเยน อฺาพฺยากรณํ ชาตํ.
ทาสกตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. สิงฺคาลปิตุตฺเถรคาถาวณฺณนา
อหุ พุทฺธสฺส ทายาโทติ สิงฺคาลกปิตุตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โส กิร อิโต จตุนวุเต กปฺเป สตรํสึ นาม ปจฺเจกสมฺพุทฺธํ ปิณฺฑาย จรนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส วนฺทิตฺวา อตฺตโน หตฺถคตํ ตาลผลํ อทาสิ. เตน ปฺุกมฺเมน เทวโลเก นิพฺพตฺโต อปราปรํ ¶ ปฺุานิ กตฺวา ¶ สุคตีสุเยว สํสรนฺโต กสฺสปสฺส ภควโต กาเล มนุสฺสโยนิยํ นิพฺพตฺโต สาสเน ปฏิลทฺธสทฺโธ หุตฺวา ปพฺพชิตฺวา อฏฺิกสฺํ ภาเวสิ. ปุน อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ทารปริคฺคหํ กตฺวา เอกํ ปุตฺตํ ลภิตฺวา ตสฺส ‘‘สิงฺคาลโก’’ติ นามํ อกาสิ. เตน ¶ นํ สิงฺคาลกปิตาติ โวหรนฺติ. โส อปรภาเค ฆรพนฺธนํ ปหาย สาสเน ปพฺพชิ. ตสฺส ภควา อชฺฌาสยํ โอโลเกนฺโต อฏฺิกสฺากมฺมฏฺานํ อทาสิ. โส ตํ คเหตฺวา ภคฺเคสุ วิหรติ สุสุมารคิเร เภสกฬาวเน, อถสฺส ตสฺมึ วเน อธิวตฺถา เทวตา อุสฺสาหชนนตฺถํ ‘‘ภาวนาผลํ นจิรสฺเสว หตฺถคตํ กริสฺสตี’’ติ อิมมตฺถํ อฺาปเทเสน วิภาเวนฺตี ‘‘อหุ พุทฺธสฺส ทายาโท’’ติ คาถํ อภาสิ.
๑๘. ตตฺถ อหูติ โหติ, วตฺตมานตฺเถ หิ อิทํ อตีตกาลวจนํ. พุทฺธสฺสาติ สพฺพฺุพุทฺธสฺส. ทายาโทติ ธมฺมทายาโท นววิธสฺส โลกุตฺตรธมฺมทายสฺส อตฺตโน สมฺมาปฏิปตฺติยา อาทายโก คณฺหนโก. อถ วา อหูติ อโหสิ. เอวํนามสฺส พุทฺธสฺส ทายาทภาเว โกจิ วิพนฺโธ อิทาเนว ภวิสฺสตีติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘มฺเหํ กามราคํ โส, ขิปฺปเมว วหิสฺสตี’’ติ. เภสกฬาวเนติ เภสเกน นาม ยกฺเขน ลภิตตฺตา ปริคฺคหิตตฺตา, เภสกฬานํ วา กฏฺาทีนํ พหุลตาย ‘‘เภสกฬาวน’’นฺติ ลทฺธนาเม อรฺเ. ตสฺส ภิกฺขุโน พุทฺธสฺส ทายาทภาเว การณํ วทนฺโต ‘‘เกวลํ อฏฺิสฺาย, อผรี ปถวึ อิม’’นฺติ อาห. ตตฺถ เกวลนฺติ สกลํ อนวเสสํ. อฏฺิสฺายาติ อฏฺิกภาวนาย. อผรีติ ‘‘อฏฺี’’ติ อธิมุจฺจนวเสน ปตฺถริ. ปถวินฺติ อตฺตภาวปถวึ. อตฺตภาโว หิ อิธ ‘‘ปถวี’’ติ วุตฺโต ‘‘โก อิมํ ปถวึ วิจฺเจสฺสตี’’ติอาทีสุ วิย. มฺเหนฺติ มฺเ อหํ. ‘‘มฺาห’’นฺติปิ ปาโ. โสติ โส ภิกฺขุ. ขิปฺปเมว นจิรสฺเสว กามราคํ ปหิสฺสติ ปชหิสฺสตีติ มฺเ. กสฺมา? อฏฺิกสฺาย กามราคสฺส อุชุปฏิปกฺขภาวโต. อิทํ วุตฺตํ โหติ – โย เอกสฺมึ ปเทเส ลทฺธาย อตฺถิกสฺาย สกลํ อตฺตโน สพฺเพสํ วา อตฺตภาวํ ¶ ‘‘อฏฺี’’ตฺเวว ผริตฺวา ิโต, โส ภิกฺขุ ตํ อฏฺิกฌานํ ปาทกํ กตฺวา วิปสฺสนฺโต นจิเรเนว อนาคามิมคฺเคน กามราคํ ¶ , สพฺพํ วา กามนฏฺเน ‘‘กาโม’’, รฺชนฏฺเน ‘‘ราโค’’ติ จ ลทฺธนามํ ตณฺหํ อคฺคมคฺเคน ปชหิสฺสตีติ. อิมํ คาถํ สุตฺวา โส เถโร ‘‘อยํ เทวตา มยฺหํ อุสฺสาหชนนตฺถํ เอวมาหา’’ติ อปฺปฏิวานวีริยํ อธิฏฺาย วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๑.๘๕-๙๐) –
‘‘สตรํสี นาม ภควา, สยมฺภู อปราชิโต;
วิเวกา อุฏฺหิตฺวาน, โคจรายาภินิกฺขมิ.
‘‘ผลหตฺโถ ¶ อหํ ทิสฺวา, อุปคจฺฉึ นราสภํ;
ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, ตาลผลมทาสหํ.
‘‘จตุนฺนวุติโต กปฺเป, ยํ ผลํ อททึ ตทา;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหตฺตํ ปน ปตฺวา ตาย เทวตาย วุตฺตวจนํ ปติมาเนนฺโต ตเมว คาถํ อุทานวเสน อภาสิ. ตเทวสฺส เถรสฺส อฺาพฺยากรณํ อโหสีติ.
สิงฺคาลปิตุตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. กุลตฺเถรคาถาวณฺณนา
อุทกฺหิ นยนฺตีติ อายสฺมโต กุลตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร เถโร ปุพฺเพปิ วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ พหุํ กุสลํ อุปจินิตฺวา อธิการสมฺปนฺโน วิปสฺสึ ภควนฺตํ อากาเส คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส นาฬิเกรผลํ ทาตุกาโม อฏฺาสิ. สตฺถา ตสฺส จิตฺตํ ตฺวา โอตริตฺวา ปฏิคฺคณฺหิ. โส อติวิย ปสนฺนจิตฺโต หุตฺวา เตเนว สทฺธาปฏิลาเภน สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิ, สตฺถา อฺตรํ ภิกฺขุํ ¶ อาณาเปสิ – ‘‘อิมํ ปุริสํ ปพฺพาเชหี’’ติ. โส ปพฺพชิตฺวา ลทฺธูปสมฺปโท สมณธมฺมํ กตฺวา ตโต จุโต ฉปิ พุทฺธนฺตรานิ เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติ. กุโลติสฺส นามํ อโหสิ. โส วยปฺปตฺโต สาสเน ลทฺธปฺปสาโท ภควโต สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา วิกฺเขปพหุลตาย วิเสสํ นิพฺพตฺเตตุํ นาสกฺขิ. อเถกทิวสํ คามํ ปิณฺฑาย ปวิสนฺโต อนฺตรามคฺเค ภูมึ ขณิตฺวา ¶ อุทกวาหกํ กตฺวา อิจฺฉิติจฺฉิตฏฺาเน อุทกํ เนนฺเต ปุริเส ทิสฺวา ตํ สลฺลกฺเขตฺวา คามํ ปวิฏฺโ อฺตรํ อุสุการํ อุสุทณฺฑกํ อุสุยนฺเต ปกฺขิปิตฺวา อกฺขิโกฏิยา โอโลเกตฺวา อุชุํ กโรนฺตํ ทิสฺวา ตมฺปิ สลฺลกฺเขตฺวา คจฺฉนฺโต ปุรโต คนฺตฺวา อรเนมินาภิอาทิเก รถจกฺกาวยเว ตจฺฉนฺเต ตจฺฉเก ทิสฺวา ตมฺปิ สลฺลกฺเขตฺวา วิหารํ ปวิสิตฺวา กตภตฺตกิจฺโจ ปตฺตจีวรํ ปฏิสาเมตฺวา ทิวาวิหาเร นิสินฺโน อตฺตนา ทิฏฺนิมิตฺตานิ อุปมาภาเวน คเหตฺวา อตฺตโน จิตฺตทมเน อุปเนนฺโต ‘‘อเจตนํ อุทกมฺปิ มนุสฺสา อิจฺฉิกิจฺฉิตฏฺานํ นยนฺติ ตถา อเจตนํ วงฺกมฺปิ สรทณฺฑํ อุปาเยน นเมนฺโต อุชุํ กโรนฺติ ¶ , ตถา อเจตนํ กฏฺกฬิงฺคราทึ ตจฺฉกา เนมิอาทิวเสน วงฺกํ อุชฺุจ กโรนฺติ. อถ กสฺมา อหํ สกจิตฺตํ อุชุํ น กริสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา ฆเฏนฺโต วายมนฺโต นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๑.๙๑-๙๙) –
‘‘นคเร พนฺธุมติยา, อารามิโก อหํ ตทา;
อทฺทสํ วิรชํ พุทฺธํ, คจฺฉนฺตํ อนิลฺชเส.
‘‘นาฬิเกรผลํ คยฺห, พุทฺธเสฏฺสฺสทาสหํ;
อากาเส ิตโก สนฺโต, ปฏิคฺคณฺหิ มหายโส.
‘‘วิตฺติสฺชนโน มยฺหํ, ทิฏฺธมฺมสุขาวโห;
ผลํ พุทฺธสฺส ทตฺวาน, วิปฺปสนฺเนน เจตสา.
‘‘อธิคจฺฉึ ตทา ปีตึ, วิปุลฺจ สุขุตฺตมํ;
อุปฺปชฺชเตว รตนํ, นิพฺพตฺตสฺส ตหึ ตหึ.
‘‘เอกนวุติโต ¶ กปฺเป, ยํ ผลํ อททึ ตทา;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.
‘‘ทิพฺพจกฺขุ วิสุทฺธํ เม, สมาธิกุสโล อหํ;
อภิฺาปารมิปฺปตฺโต, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
เอวํ ยานิ นิมิตฺตานิ องฺกุเส กตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ, เตหิ สทฺธึ อตฺตโน จิตฺตทมนํ สํสนฺทิตฺวา อฺํ พฺยากโรนฺโต ‘‘อุทกฺหิ นยนฺติ เนตฺติกา’’ติ คาถํ อภาสิ.
๑๙. ตตฺถ อุทกํ หีติ หิ-สทฺโท นิปาตมตฺตํ. นยนฺตีติ ปถวิยา ตํ ตํ ถลฏฺานํ ขณิตฺวา นินฺนฏฺานํ ปูเรตฺวา มาติกํ วา กตฺวา รุกฺขโทณึ วา เปตฺวา อตฺตโน อิจฺฉิติจฺฉิตฏฺานํ เนนฺติ. ตถา เต เนนฺตีติ เนตฺติกา. เตชนนฺติ กณฺฑํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – เนตฺติกา อตฺตโน รุจิยา อิจฺฉิติจฺฉิตฏฺานํ อุทกํ นยนฺติ, อุสุการาปิ ตาเปตฺวา เตชนํ นมยนฺติ อุชุํ กโรนฺติ. นมนวเสน ตจฺฉกา เนมิอาทีนํ อตฺถาย ตจฺฉนฺตา ทารุํ นมยนฺติ อตฺตโน รุจิยา อุชุํ วา วงฺกํ วา กโรนฺติ. เอวํ เอตฺตกํ อารมฺมณํ ¶ กตฺวา สุพฺพตา ยถาสมาทินฺเนน ¶ สีลาทินา สุนฺทรวตา ธีรา โสตาปตฺติมคฺคาทีนํ อุปฺปาเทนฺตา อตฺตานํ ทเมนฺติ, อรหตฺตํ ปน ปตฺเตสุ เอกนฺตทนฺตา นาม โหนฺตีติ.
กุลตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. อชิตตฺเถรคาถาวณฺณนา
มรเณ เม ภยํ นตฺถีติ อายสฺมโต อชิตตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โส กิร เอกนวุเต กปฺเป วิปสฺสึ ภควนฺตํ ปสฺสิตฺวา ปสนฺนจิตฺโต กปิตฺถผลํ อทาสิ. ตโต ปรมฺปิ ตํ ตํ ปฺุํ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ กปฺเป อนุปฺปนฺเน เอว อมฺหากํ สตฺถริ สาวตฺถิยํ มหาโกสลรฺโ อคฺคาสนิยสฺส พฺราหฺมณสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ตสฺส อชิโตติ นามํ อโหสิ. ตสฺมิฺจ สมเย ¶ สาวตฺถิวาสี พาวรี นาม พฺราหฺมโณ ตีหิ มหาปุริสลกฺขเณหิ สมนฺนาคโต ติณฺณํ เวทานํ ปารคู สาวตฺถิโต นิกฺขมิตฺวา ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา โคธาวรีตีเร กปิตฺถาราเม วสติ. อถ อชิโต ตสฺส สนฺติเก ปพฺพชิโต อตฺถกามาย เทวตาย โจทิเตน พาวรินา สตฺถุ สนฺติกํ เปสิโต ติสฺสเมตฺเตยฺยาทีหิ สทฺธึ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา มนสาว ปฺเห ปุจฺฉิตฺวา เตสุ วิสฺสชฺชิเตสุ ปสนฺนจิตฺโต สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๒.๗-๑๑) –
‘‘สุวณฺณวณฺณํ สมฺพุทฺธํ, อาหุตีนํ ปฏิคฺคหํ;
รถิยํ ปฏิปชฺชนฺตํ, กปิตฺถํ อททึ ผลํ.
‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ ผลํ อททึ ททา;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหตฺตํ ปน ปตฺโต สีหนาทํ นทนฺโต ‘‘มรเณ เม ภยํ นตฺถี’’ติ คาถํ อภาสิ.
๒๐. ตตฺถ มรเณติ มรณนิมิตฺตํ มรณเหตุ. เมติ มยฺหํ, ภยํ นตฺถิ อุจฺฉินฺนภวมูลตาย ปริกฺขีณชาติกตฺตา ¶ . อนุจฺฉินฺนภวมูลานฺหิ ‘‘กีทิสี นุ โข มยฺหํ อายตึ อุปฺปตฺตี’’ติ มรณโต ภยํ ภเวยฺย. นิกนฺตีติ อเปกฺขา ตณฺหา, สา นตฺถิ ชีวิเต สุปริมทฺทิตสงฺขารตาย ¶ อุปาทานกฺขนฺธานํ ทุกฺขาสารกาทิภาเวน สุฏฺุ อุปฏฺหนโต. เอวํภูโต จาหํ สนฺเทหํ สรีรํ, สกํ วา เทหํ เทหสงฺขาตํ ทุกฺขภารํ นิกฺขิปิสฺสามิ ฉฑฺเฑสฺสามิ, นิกฺขิปนฺโต จ ‘‘‘อิมินา สรีรเกน สาเธตพฺพํ สาธิตํ, อิทานิ ตํ เอกํเสน ฉฑฺฑนียเมวา’ติ ปฺาเวปุลฺลปฺปตฺติยา สมฺปชาโน สติเวปุลฺลปฺปตฺติยา ปฏิสฺสโต นิกฺขิปิสฺสามี’’ติ. อิมํ ปน คาถํ วตฺวา เถโร ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา ตทนนฺตรํ ปรินิพฺพายีติ.
อชิตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ทุติยวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ตติยวคฺโค
๑. นิคฺโรธตฺเถรคาถาวณฺณนา
นาหํ ¶ ¶ ภยสฺส ภายามีติ อายสฺมโต นิคฺโรธตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร อิโต อฏฺารเส กปฺปสเต พฺราหฺมณมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต กาเมสุ อาทีนวํ เนกฺขมฺเม จ อานิสํสํ ทิสฺวา ฆรพนฺธนํ ปหาย อรฺายตนํ ปวิสิตฺวา อฺตรสฺมึ สาลวเน ปณฺณสาลํ กตฺวา ตาปสปพฺพชํ ปพฺพชิตฺวา วนมูลผลาหาโร วสติ. เตน สมเยน ปิยทสฺสี นาม สมฺมาสมฺพุทฺโธ โลเก อุปฺปชฺชิตฺวา สเทวกสฺส โลกสฺส ธมฺมามตวสฺเสน กิเลสสนฺตาปํ นิพฺพาเปนฺโต เอกทิวสํ ตาปเส อนุกมฺปาย ตํ สาลวนํ ปวิสิตฺวา นิโรธสมาปตฺตึ สมาปนฺโน. ตาปโส วนมูลผลตฺถาย คจฺฉนฺโต ภควนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส ปุปฺผิตสาลทณฺฑสาขาโย คเหตฺวา สาลมณฺฑปํ กตฺวา ตํ สพฺพตฺถกเมว สาลปุปฺเผหิ สฺฉาเทตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ปีติโสมนสฺสวเสเนว อาหารตฺถายปิ อคนฺตฺวา นมสฺสมาโน อฏฺาสิ. สตฺถา นิโรธโต วุฏฺาย ตสฺส อนุกมฺปาย ‘‘ภิกฺขุสงฺโฆ อาคจฺฉตู’’ติ จินฺเตสิ, ‘‘ภิกฺขุสงฺเฆปิ ¶ จิตฺตํ ปสาเทสฺสตี’’ติ. ตาวเทว ภิกฺขุสงฺโฆ อาคโต. โส ภิกฺขุสงฺฆมฺปิ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส วนฺทิตฺวา อฺชลึ ปคฺคยฺห อฏฺาสิ. สตฺถา สิตสฺส ปาตุกรณาปเทเสน ตสฺส ภาวินึ สมฺปตฺตึ ปกาเสนฺโต ธมฺมํ กเถตฺวา ปกฺกามิ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆน. โส เตน ปฺุกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุเยว สํสรนฺโต วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ พหุํ กุสลํ อุปจินิตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ พฺราหฺมณมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติ, นิคฺโรโธติสฺส นามํ อโหสิ. โส เชตวนปฏิคฺคหณทิวเส พุทฺธานุภาวทสฺสเนน สฺชาตปฺปสาโท ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนํ อารภิตฺวา นจิรสฺเสว ฉฬภิฺโ อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๙.๑๙๐-๒๒๐) –
‘‘อชฺโฌคาเหตฺวา สาลวนํ, สุกโต อสฺสโม มม;
สาลปุปฺเผหิ สฺฉนฺโน, วสามิ วิปิเน ตทา.
‘‘ปิยทสฺสี ¶ จ ภควา, สยมฺภู อคฺคปุคฺคโล;
วิเวกกาโม สมฺพุทฺโธ, สาลวนมุปาคมิ.
‘‘อสฺสมา ¶ อภินิกฺขมฺม, ปวนํ อคมาสหํ;
มูลผลํ คเวสนฺโต, อาหินฺทามิ วเน ตทา.
‘‘ตตฺถทฺทสาสึ สมฺพุทฺธํ, ปิยทสฺสึ มหายสํ;
สุนิสินฺนํ สมาปนฺนํ, วิโรจนฺตํ มหาวเน.
‘‘จตุทณฺเฑ เปตฺวาน, พุทฺธสฺส อุปรี อหํ;
มณฺฑปํ สุกตํ กตฺวา, สาลปุปฺเผหิ ฉาทยึ.
‘‘สตฺตาหํ ธารยิตฺวาน, มณฺฑปํ สาลฉาทิตํ;
ตตฺถ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, พุทฺธเสฏฺมวนฺทหํ.
‘‘ภควา ตมฺหิ สมเย, วุฏฺหิตฺวา สมาธิโต;
ยุคมตฺตํ เปกฺขมาโน, นิสีทิ ปุริสุตฺตโม.
‘‘สาวโก วรุโณ นาม, ปิยทสฺสิสฺส สตฺถุโน;
วสีสตสหสฺเสหิ, อุปคจฺฉิ วินายกํ.
‘‘ปิยทสฺสี จ ภควา, โลกเชฏฺโ นราสโภ;
ภิกฺขุสงฺเฆ นิสีทิตฺวา, สิตํ ปาตุกรี ชิโน.
‘‘อนุรุทฺโธ อุปฏฺาโก, ปิยทสฺสิสฺส สตฺถุโน;
เอกํสํ จีวรํ กตฺวา, อปุจฺฉิตฺถ มหามุนึ.
‘‘โก นุ โข ภควา เหตุ, สิตกมฺมสฺส สตฺถุโน;
การเณ วิชฺชมานมฺหิ, สตฺถา ปาตุกเร สิตํ.
‘‘สตฺตาหํ สาลจฺฉทนํ, โย เม ธาเรสิ มาณโว;
ตสฺส กมฺมํ สริตฺวาน, สิตํ ปาตุกรึ อหํ.
‘‘อโนกาสํ น ปสฺสามิ, ยตฺถ ปฺุํ วิปจฺจติ;
เทวโลเก มนุสฺเส วา, โอกาโสว น สมฺมติ.
‘‘เทวโลเก วสนฺตสฺส, ปฺุกมฺมสมงฺคิโน;
ยาวตา ปริสา ตสฺส, สาลจฺฉนฺนา ภวิสฺสติ.
‘‘ตตฺถ ¶ ทิพฺเพหิ นจฺเจหิ, คีเตหิ วาทิเตหิ จ;
รมิสฺสติ สทา สนฺโต, ปฺุกมฺมสมาหิโต.
‘‘ยาวตา ปริสา ตสฺส, คนฺธคนฺธี ภวิสฺสติ;
สาลสฺส ปุปฺผวสฺโส จ, ปวสฺสิสฺสติ ตาวเท.
‘‘ตโต จุโตยํ มนุโช, มานุสํ อาคมิสฺสติ;
อิธาปิ สาลจฺฉทนํ, สพฺพกาลํ ธริสฺสติ.
‘‘อิธ นจฺจฺจ คีตฺจ, สมฺมตาฬสมาหิตํ;
ปริวาเรสฺสนฺติ มํ นิจฺจํ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.
‘‘อุคฺคจฺฉนฺเต ¶ จ สูริเย, สาลวสฺสํ ปวสฺสเต;
ปฺุกมฺเมน สํยุตฺตํ, วสฺสเต สพฺพกาลิกํ.
‘‘อฏฺารเส กปฺปสเต, โอกฺกากกุลสมฺภโว;
โคตโม นาม นาเมน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติ.
‘‘ตสฺส ธมฺเม สุทายาโท, โอรโส ธมฺมนิมฺมิโต;
สพฺพาสเว ปริฺาย, นิพฺพายิสฺสตินาสโว.
‘‘ธมฺมํ อภิสเมนฺตสฺส, สาลจฺฉนฺนํ ภวิสฺสติ;
จิตเก ฌายมานสฺส, ฉทนํ ตตฺถ เหสฺสติ.
‘‘วิปากํ กิตฺตยิตฺวาน, ปิยทสฺสี มหามุนิ;
ปริสาย ธมฺมํ เทเสสิ, ตปฺเปนฺโต ธมฺมวุฏฺิยา.
‘‘ตึสกปฺปานิ เทเวสุ, เทวรชฺชมการยึ;
สฏฺิ จ สตฺตกฺขตฺตฺุจ, จกฺกวตฺตี อโหสหํ.
‘‘เทวโลกา อิธาคนฺตฺวา, ลภามิ วิปุลํ สุขํ;
อิธาปิ สาลจฺฉทนํ, มณฺฑปสฺส อิทํ ผลํ.
‘‘อยํ ปจฺฉิมโก มยฺหํ, จริโม วตฺตเต ภโว;
อิธาปิ สาลจฺฉทนํ, เหสฺสติ สพฺพกาลิกํ.
‘‘มหามุนึ โตสยิตฺวา, โคตมํ สกฺยปุงฺควํ;
ปตฺโตมฺหิ อจลํ านํ, หิตฺวา ชยปราชยํ.
‘‘อฏฺารเส ¶ กปฺปสเต, ยํ พุทฺธมภิปูชยึ;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ, ภวา สพฺเพ สมูหตา;
นาโคว พนฺธนํ เฉตฺวา, วิหรามิ อนาสโว.
‘‘สฺวาคตํ วต เม อาสิ, พุทฺธเสฏฺสฺส สนฺติเก;
ติสฺโส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสนํ.
‘‘ปฏิสมฺภิทา จตสฺโส, วิโมกฺขาปิ จ อฏฺิเม;
ฉฬภิฺา สจฺฉิกตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
เอวํ ปน ฉฬภิฺโ หุตฺวา ผลสุเขน วีตินาเมนฺโต สาสนสฺส นิยฺยานิกภาววิภาวนตฺถํ อฺาพฺยากรณวเสน ‘‘นาหํ ภยสฺส ภายามี’’ติ คาถํ อภาสิ.
๒๑. ตตฺถ ภายนฺติ เอตสฺมาติ ภยํ, ชาติชราทิ. ภยสฺสาติ นิสฺสกฺเก สามิวจนํ, ภยโต ภายิตพฺพนิมิตฺตํ ชาติชรามรณาทินา เหตุนา นาหํ ภายามีติ อตฺโถ. ตตฺถ การณมาห ¶ ‘‘สตฺถา โน อมตสฺส โกวิโท’’ติ. อมฺหากํ สตฺถา อมเต กุสโล เวเนยฺยานํ อมตทาเน เฉโก. ยตฺถ ภยํ นาวติฏฺตีติ ยสฺมึ นิพฺพาเน ยถาวุตฺตํ ภยํ น ติฏฺติ โอกาสํ น ลภติ. เตนาติ ตโต นิพฺพานโต. วชนฺตีติ อภยฏฺานเมว คจฺฉนฺติ. นิพฺพานฺหิ อภยฏฺานํ นาม. เกน ปน วชนฺตีติ อาห ‘‘มคฺเคน วชนฺติ ภิกฺขโว’’ติ, อฏฺงฺคิเกน อริยมคฺเคน สตฺถุ โอวาทกรณา ภิกฺขู สํสาเร ภยสฺส อิกฺขนกาติ อตฺโถ. ยตฺถาติ วา ยํ นิมิตฺตํ ยสฺส อริยมคฺคสฺส ¶ อธิคมเหตุ อตฺตานุวาทาทิกํ ปฺจวีสติวิธมฺปิ ภยํ นาวติฏฺติ ปติฏฺํ น ลภติ, เตน อริเยน มคฺเคน วชนฺติ อภยฏฺานํ สตฺถุ สาสเน ภิกฺขู, เตน มคฺเคน อหมฺปิ คโต, ตสฺมา นาหํ ภยสฺส ภายามีติ เถโร อฺํ พฺยากาสิ.
นิคฺโรธตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. จิตฺตกตฺเถรคาถาวณฺณนา
นีลาสุคีวาติ ¶ อายสฺมโต จิตฺตกตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โส กิร ปทุมุตฺตรพุทฺธกาลโต ปฏฺาย วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลํ อาจินนฺโต อิโต เอกนวุเต กปฺเป มนุสฺสโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตฺตํ ปตฺโต วิปสฺสึ ภควนฺตํ ปสฺสิตฺวา ปสนฺนมานโส ปุปฺเผหิ ปูชํ กตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘สนฺตธมฺเมน นาม เอตฺถ ภวิตพฺพ’’นฺติ สตฺถริ นิพฺพาเน จ อธิมุจฺจิ. โส เตน ปฺุกมฺเมน ตโต จุโต ตาวตึสภวเน นิพฺพตฺโต อปราปรํ ปฺุานิ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคเห วิภวสมฺปนฺนสฺส พฺราหฺมณสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ จิตฺตโก นาม นาเมน. โส ภควติ ราชคหํ คนฺตฺวา เวฬุวเน วิหรนฺเต สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา จริยานุกูลํ กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อรฺายตนํ ปวิสิตฺวา ภาวนานุยุตฺโต ฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา ฌานปาทกํ วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา นจิเรเนว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๐.๑-๗) –
‘‘กณิการํว โชตนฺตํ, นิสินฺนํ ปพฺพตนฺตเร;
อทฺทสํ วิรชํ พุทฺธํ, วิปสฺสึ โลกนายกํ.
‘‘ตีณิ กิงฺกณิปุปฺผานิ, ปคฺคยฺห อภิโรปยึ;
สมฺพุทฺธํ อภิปูเชตฺวา, คจฺฉามิ ทกฺขิณามุโข.
‘‘เตน ¶ กมฺเมน สุกเตน, เจตนาปณิธีหิ จ;
ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวตึสํ อคจฺฉหํ.
‘‘เอกนวุเต อิโต กปฺเป, ยํ พุทฺธมภิปูชยึ;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหตฺตํ ปน ปตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตุํ ราชคหํ อุปคโต ตตฺถ ภิกฺขูหิ ‘‘กึ, อาวุโส, อรฺเ อปฺปมตฺโต วิหาสี’’ติ ปุฏฺโ อตฺตโน อปฺปมาทวิหารนิเวทเนน อฺํ พฺยากโรนฺโต ‘‘นีลาสุคีวา’’ติ คาถํ อภาสิ.
๒๒. ตตฺถ ¶ นีลาสุคีวาติ นีลสุคีวา, คาถาสุขตฺถฺเหตฺถ ทีโฆ ¶ กโต, ราชิวนฺตตาย สุนฺทราย คีวาย สมนฺนาคโตติ อตฺโถ. เต เยภุยฺเยน จ นีลวณฺณตาย นีลา. โสภนกณฺตาย สุคีวา. สิขิโนติ มตฺถเก ชาตาย สิขาย สสฺสิริกภาเวน สิขิโน. โมราติ มยูรา. การมฺภิยนฺติ การมฺพรุกฺเข. การมฺภิยนฺติ วา ตสฺส วนสฺส นามํ. ตสฺมา การมฺภิยนฺติ การมฺภนามเก วเนติ อตฺโถ. อภินทนฺตีติ ปาวุสฺสกาเล เมฆคชฺชิตํ สุตฺวา เกกาสทฺทํ กโรนฺตา อุตุสมฺปทาสิทฺเธน สเรน หํสาทิเก อภิภวนฺตา วิย นทนฺติ. เตติ เต โมรา. สีตวาตกีฬิตาติ สีเตน เมฆวาเตน สฺชาตกีฬิตา มธุรวสฺสิตํ วสฺสนฺตา. สุตฺตนฺติ ภตฺตสมฺมทวิโนทนตฺถํ สยิตํ, กายกิลมถปฏิปสฺสมฺภนาย วา อนฺุาตเวลายํ สุปนฺตํ. ฌายนฺติ สมถวิปสฺสนาฌาเนหิ ฌายนสีลํ ภาวนานุยุตฺตํ. นิโพเธนฺตีติ ปโพเธนฺติ. ‘‘อิเมปิ นาม นิทฺทํ อนุปคนฺตฺวา ชาครนฺตา อตฺตนา กตฺตพฺพํ กโรนฺติ, กิมงฺคํ ปนาห’’นฺติ เอวํ สมฺปชฺุปฺปาทเนน สยนโต วุฏฺาเปนฺตีติ อธิปฺปาโย.
จิตฺตกตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. โคสาลตฺเถรคาถาวณฺณนา
อหํ โข เวฬุคุมฺพสฺมินฺติ อายสฺมโต โคสาลตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โสปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลํ อาจินนฺโต อิโต เอกนวุเต กปฺเป อฺตรสฺมึ ปพฺพเต รุกฺขสาขายํ โอลมฺพมานํ ปจฺเจกพุทฺธสฺส ปํสุกูลจีวรํ ทิสฺวา ‘‘อรหทฺธโช วตาย’’นฺติ ปสนฺนจิตฺโต ปุปฺเผหิ ปูเชหิ. โส เตน ปฺุกมฺเมน ¶ ตาวตึสภวเน นิพฺพตฺโต ¶ . ตโต ปฏฺาย เทวมนุสฺเสสุเยว สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท มคธรฏฺเ อิพฺภกุเล นิพฺพตฺโต โคสาโล นาม นาเมน. โสเณน ปน โกฏิกณฺเณน กตปริจยตฺตา ตสฺส ปพฺพชิตภาวํ สุตฺวา ‘‘โสปิ นาม มหาวิภโว ปพฺพชิสฺสติ ¶ , กิมงฺคํ ปนาห’’นฺติ สฺชาตสํเวโค ภควโต สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา จริยานุกูลํ กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา สปฺปายํ วสนฏฺานํ คเวสนฺโต อตฺตโน ชาตคามสฺส อวิทูเร เอกสฺมึ สานุปพฺพเต วิหาสิ. ตสฺส มาตา ทิวเส ทิวเส ภิกฺขํ เทติ. อเถกทิวสํ คามํ ปิณฺฑาย ปวิฏฺสฺส มาตา มธุสกฺขราภิสงฺขตํ ปายาสํ อทาสิ. โส ตํ คเหตฺวา ตสฺส ปพฺพตสฺส ฉายายํ อฺตรสฺส เวฬุคุมฺพสฺส มูเล นิสีทิตฺวา ปริภฺุชิตฺวา โธวิตปตฺตปาณี วิปสฺสนํ อารภิ. โภชนสปฺปายลาเภน กายจิตฺตานํ กลฺลตาย สมาหิโต อุทยพฺพยาณาทิเก ติกฺเข สูเร วหนฺเต อปฺปกสิเรเนว วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา มคฺคปฏิปาฏิยา ภาวนํ มตฺถกํ ปาเปนฺโต สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ สจฺฉากาสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๐.๘-๑๔) –
‘‘หิมวนฺตสฺส อวิทูเร, อุทงฺคโณ นาม ปพฺพโต;
ตตฺถทฺทสํ ปํสุกูลํ, ทุมคฺคมฺหิ วิลมฺพิตํ.
‘‘ตีณิ กิงฺกณิปุปฺผานิ, โอจินิตฺวานหํ ตทา;
เหฏฺา ปหฏฺเน จิตฺเตน, ปํสุกูลํ อปูชยึ.
‘‘เตน กมฺเมน สุกเตน, เจตนาปณิธีหิ จ;
ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวตึสํ อคจฺฉหํ.
‘‘เอกนวุเต อิโต กปฺเป, ยํ กมฺมมกรึ ตทา;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ปูชิตฺวา อรหทฺธชํ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหตฺตํ ปน อธิคนฺตฺวา ทิฏฺธมฺมสุขวิหารตฺถํ ปพฺพตสานุเมว คนฺตุกาโม อตฺตโน ปฏิปตฺตึ ปเวเทนฺโต ‘‘อหํ โข เวฬุคุมฺพสฺมิ’’นฺติ คาถํ อภาสิ.
๒๓. ตตฺถ เวฬุคุมฺพสฺมินฺติ เวฬุคจฺฉสฺส สมีเป, ตสฺส ฉายายํ. ภุตฺวาน มธุปายสนฺติ มธุปสิตฺตปายาสํ ภฺุชิตฺวา. ปทกฺขิณนฺติ ปทกฺขิณคฺคาเหน, สตฺถุ โอวาทสฺส สมฺมา สมฺปฏิจฺฉเนนาติ อตฺโถ. สมฺมสนฺโต ขนฺธานํ ¶ อุทยพฺพยนฺติ ปฺจนฺนํ อุปาทานกฺขนฺธานํ อุทยพฺพยฺจ วิปสฺสนฺโต, ยทิปิ อิทานิ ¶ กตกิจฺโจ, ผลสมาปตฺตึ ปน สมาปชฺชิตุํ วิปสฺสนํ ปฏฺเปนฺโตติ อธิปฺปาโย. สานุํ ปฏิคมิสฺสามีติ ปุพฺเพ มยา วุตฺถปพฺพตสานุเมว อุทฺทิสฺส ¶ คจฺฉิสฺสามิ. วิเวกมนุพฺรูหยนฺติ ปฏิปสฺสทฺธิวิเวกํ ผลสมาปตฺติกายวิเวกฺจ ปริพฺรูหยนฺโต, ตสฺส วา ปริพฺรูหนเหตุ คมิสฺสามีติ. เอวํ ปน วตฺวา เถโร ตตฺเถว คโต, อยเมว จ อิมสฺส เถรสฺส อฺาพฺยากรณคาถา อโหสิ.
โคสาลตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. สุคนฺธตฺเถรคาถาวณฺณนา
อนุวสฺสิโก ปพฺพชิโตติ อายสฺมโต สุคนฺธตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โส กิร อิโต ทฺวานวุเต กปฺเป ติสฺสสฺส นาม สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส กาเล มนุสฺสโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต มิคพฺยธเนน อรฺเ วิจรติ. สตฺถา ตสฺส อนุกมฺปาย ปทวฬฺชํ ทสฺเสตฺวา คโต. โส สตฺถุ ปทเจติยานิ ทิสฺวา ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิการตาย ‘‘สเทวเก โลเก อคฺคปุคฺคลสฺส อิมานิ ปทานี’’ติ ปีติโสมนสฺสชาโต โกรณฺฑกปุปฺผานิ คเหตฺวา ปูชํ กตฺวา จิตฺตํ ปสาเทสิ. โส เตน ปฺุกมฺเมน เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา ตโต จุโต อปราปรํ ปฺุานิ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต กสฺสปสฺส ภควโต กาเล กุฏุมฺพิโก หุตฺวา สตฺถุ ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ มหาทานํ ปวตฺเตตฺวา คนฺธกุฏึ มหคฺฆโคสิตจนฺทนํ ปิสิตฺวา เตน ปริภณฺฑํ กตฺวา ปตฺถนํ ปฏฺเปสิ – ‘‘นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน มยฺหํ สรีรํ เอวํสุคนฺธํ โหตู’’ติ. เอวํ อฺานิปิ ตตฺถ ตตฺถ ภเว พหูนิ ปฺุกมฺมานิ กตฺวา สุคตีสุ เอว ปริวตฺตมาโน อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ วิภวสมฺปนฺนสฺส พฺราหฺมณสฺส เคเห นิพฺพตฺติ. นิพฺพตฺตสฺส จ ตสฺส มาตุกุจฺฉิคตกาลโต ปฏฺาย มาตุ สรีรํ สกลมฺปิ เคหํ สุรภิคนฺธํ วายติ. ชาตทิวเส ปน วิเสสโต ปรมสุคนฺธํ สามนฺตเคเหสุปิ วายเตว. ตสฺส มาตาปิตโร ‘‘อมฺหากํ ปุตฺโต อตฺตนาว ¶ อตฺตโน นามํ คเหตฺวา อาคโต’’ติ สุคนฺโธตฺเวว นามํ อกํสุ. โส อนุปุพฺเพน วยปฺปตฺโต ¶ มหาเสลตฺเถรํ ทิสฺวา ตสฺส สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต สตฺตาหพฺภนฺตเร เอว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๐.๑๕-๒๔) –
‘‘วนกมฺมิโก ปุเร อาสึ, ปิตุมาตุมเตนหํ;
ปสุมาเรน ชีวามิ, กุสลํ เม น วิชฺชติ.
‘‘มม อาสยสามนฺตา, ติสฺโส โลกคฺคนายโก;
ปทานิ ตีณิ ทสฺเสสิ, อนุกมฺปาย จกฺขุมา.
‘‘อกฺกนฺเต ¶ จ ปเท ทิสฺวา, ติสฺสนามสฺส สตฺถุโน;
หฏฺโ หฏฺเน จิตฺเตน, ปเท จิตฺตํ ปสาทยึ.
‘‘โกรณฺฑํ ปุปฺผิตํ ทิสฺวา, ปาทปํ ธรณีรุหํ;
สโกสกํ คเหตฺวาน, ปทเสฏฺํ อปูชยึ.
‘‘เตน กมฺเมน สุกเตน, เจตนาปณิธีหิ จ;
ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวตึสมคจฺฉหํ.
‘‘ยํ ยํ โยนุปปชฺชามิ, เทวตฺตํ อถ มานุสํ;
โกรณฺฑกฉวี โหมิ, สุปฺปภาโส ภวามหํ.
‘‘ทฺเวนวุเต อิโต กปฺเป, ยํ กมฺมมกรึ ตทา;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ปทปูชายิทํ ผลํ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อฺํ พฺยากโรนฺโต ‘‘อนุวสฺสิโก ปพฺพชิโต’’ติ อิมํ คาถํ อภาสิ.
๒๔. ตตฺถ อนุวสฺสิโกติ อนุคโต อุปคโต วสฺสํ อนุวสฺโส, อนุวสฺโสว อนุวสฺสิโก. ปพฺพชิโตติ ปพฺพชฺชํ อุปคโต, ปพฺพชิโต หุตฺวา อุปคตวสฺสมตฺโต เอกวสฺสิโกติ อตฺโถ. อถ วา อนุคตํ ปจฺฉาคตํ อปคตํ วสฺสํ อนุวสฺสํ, ตํ อสฺส อตฺถีติ อนุวสฺสิโก. ยสฺส ปพฺพชิตสฺส วสฺสํ อปริปุณฺณตาย น คณนูปคตํ, โส เอวํ วุตฺโต, ตสฺมา ¶ อวสฺสิโกติ วุตฺตํ โหติ. ปสฺส ธมฺมสุธมฺมตนฺติ ตว สตฺถุ ธมฺมสฺส สุธมฺมภาวํ สฺวากฺขาตตํ เอกนฺตนิยฺยานิกตํ ปสฺส, ยตฺถ อนุวสฺสิโก ตุวํ ปพฺพชิโต. ปุพฺเพนิวาสาณํ ทิพฺพจกฺขุาณํ อาสวกฺขยาณนฺติ ติสฺโส วิชฺชา ตยา อนุปฺปตฺตา สจฺฉิกตา, ตโต เอว กตํ พุทฺธสฺส สาสนํ สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สาสนํ อนุสิฏฺิ โอวาโท อนุสิกฺขิโตติ กตกิจฺจตํ นิสฺสาย ปีติโสมนสฺสชาโต เถโร อตฺตานํ ปรํ วิย กตฺวา วทตีติ.
สุคนฺธตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. นนฺทิยตฺเถรคาถาวณฺณนา
โอภาสชาตนฺติ ¶ อายสฺมโต นนฺทิยตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โส กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต ¶ กาเล สตฺถริ ปรินิพฺพุเต เจติเย จนฺทนสาเรน เวทิกํ กาเรตฺวา อุฬารํ ปูชาสกฺการํ ปวตฺเตสิ. ตโต ปฏฺาย อชฺฌาสยสมฺปนฺโน หุตฺวา ตตฺถ ตตฺถ วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ พหุํ ปฺุกมฺมํ อาจินิตฺวา เทเวสุ จ มนุสฺเสสุ จ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท กปิลวตฺถุสฺมึ สกฺยราชกุเล นิพฺพตฺติ. ตสฺส มาตาปิตโร นนฺทึ ชเนนฺโต ชาโตติ นนฺทิโยติ นามํ อกํสุ. โส วยปฺปตฺโต อนุรุทฺธาทีสุ สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชนฺเตสุ สยมฺปิ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต กตาธิการตาย นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๕.๑๕-๒๐) –
‘‘ปทุมุตฺตโร นาม ชิโน, โลกเชฏฺโ นราสโภ;
ชลิตฺวา อคฺคิขนฺโธว, สมฺพุทฺโธ ปรินิพฺพุโต.
‘‘นิพฺพุเต จ มหาวีเร, ถูโป วิตฺถาริโก อหุ;
ทูรโตว อุปฏฺเนฺติ, ธาตุเคหวรุตฺตเม.
‘‘ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, อกํ จนฺทนเวทิกํ;
ทิสฺสติ ถูปขนฺโธ จ, ถูปานุจฺฉวิโก ตทา.
‘‘ภเว ¶ นิพฺพตฺตมานมฺหิ, เทวตฺเต อถ มานุเส.
โอมตฺตํ เม น ปสฺสามิ, ปุพฺพกมฺมสฺสิทํ ผลํ.
‘‘ปฺจทสกปฺปสเต, อิโต อฏฺ ชนา อหุํ;
สพฺเพ สมตฺตนามา เต จกฺกวตฺตี มหพฺพลา.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อนุรุทฺธตฺเถราทีหิ สทฺธึ ปาจีนวํสมิคทาเย วิหรนฺเต อิมสฺมึ เถเร เอกทิวสํ มาโร ปาปิมา ภึสาเปตุกาโม ตสฺส เภรวรูปํ ทสฺเสติ. เถโร ตํ ‘‘มาโร อย’’นฺติ ตฺวา ‘‘ปาปิม, เย มารเธยฺยํ วีติวตฺตา, เตสํ ตว กิริยา กึ กริสฺสติ, ตโตนิทานํ ปน ตฺวํ เอว วิฆาตํ อนตฺถํ ปาปุณิสฺสสี’’ติ ทสฺเสนฺโต ‘‘โอภาสชาตํ ผลค’’นฺติ คาถํ อภาสิ.
๒๕. ตตฺถ โอภาสชาตนฺติ าโณภาเสน ชาโตภาสํ อคฺคมคฺคาณสฺส อธิคตตฺตา. เตน อนวเสสโต กิเลสนฺธการสฺส วิหตวิทฺธํสิตภาวโต อติวิย ปภสฺสรนฺติ อตฺโถ. ผลคนฺติ ผลํ คตํ อุปคตํ, อคฺคผลาณสหิตนฺติ อธิปฺปาโย. จิตฺตนฺติ ขีณาสวสฺส จิตฺตํ สามฺเน วทติ. เตนาห ‘‘อภิณฺหโส’’ติ. ตฺหิ นิโรธนินฺนตาย ขีณาสวานํ นิจฺจกปฺปํ อรหตฺตผลสมาปตฺติสมาปชฺชนโต ‘‘ผเลน สหิต’’นฺติ วตฺตพฺพตํ อรหติ. ตาทิสนฺติ ตถารูปํ, อรหนฺตนฺติ ¶ อตฺโถ. อาสชฺชาติ วิโสเธตฺวา ปริภุยฺย. กณฺหาติ มารํ อาลปติ, โส หิ กณฺหกมฺมตฺตา กณฺหาภิชาติตาย ¶ จ ‘‘กณฺโห’’ติ วุจฺจติ. ทุกฺขํ นิคจฺฉสีติ อิธ กุจฺฉิอนุปฺปเวสาทินา นิรตฺถกํ กายปริสฺสมํ ทุกฺขํ, สมฺปราเย จ อปฺปติการํ อปายทุกฺขํ อุปคมิสฺสสิ ปาปุณิสฺสสิ. ตํ สุตฺวา มาโร ‘‘ชานาติ มํ สมโณ’’ติ ตตฺเถวนฺตรธายีติ.
นนฺทิยตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. อภยตฺเถรคาถาวณฺณนา
สุตฺวา ¶ สุภาสิตํ วาจนฺติ อายสฺมโต อภยตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โส กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต สาสเน ปพฺพชิตฺวา ธมฺมกถิโก หุตฺวา ธมฺมกถนกาเล ปมํ จตูหิ คาถาหิ ภควนฺตํ อภิตฺถวิตฺวา ปจฺฉา ธมฺมํ กเถสิ. เตนสฺส ปฺุกมฺมพเลน กปฺปานํ สตสหสฺสํ อปายปฏิสนฺธิ นาม นาโหสิ. ตถา หิ วุตฺตํ –
‘‘อภิตฺถวิตฺวา ปทุมุตฺตรํ ชินํ, ปสนฺนจิตฺโต อภโย สยมฺภุํ;
น คจฺฉิ กปฺปานิ อปายภูมึ, สตสหสฺสานิ อุฬารสทฺโธ’’ติ. (อป. เถร ๒.๕๕.๒๒๑)
เขตฺตสมฺปตฺติยาทีหิ ตสฺส จ ปุพฺพปจฺฉิมสนฺนิฏฺานเจตนานํ อติวิย อุฬารภาเวน โส อปริเมยฺโย ปฺุาภิสนฺโท กุสลาภิสนฺโท ตาทิโส อโหสิ. ‘‘อจินฺติเย ปสนฺนานํ, วิปาโก โหติ อจินฺติโย’’ติ (อป. เถร ๑.๑.๘๒) หิ วุตฺตํ. ตตฺถ ตตฺถ หิ ภเว อุปจิตํ ปฺุํ ตสฺส อุปตฺถมฺภกมโหสิ. ตถา หิ โส วิปสฺสิสฺส ภควโต เกตกปุปฺเผหิ ปูชมกาสิ. เอวํ อุฬาเรหิ ปฺุวิเสเสหิ สุคตีสุ เอว สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท รฺโ พิมฺพิสารสฺส ปุตฺโต ¶ หุตฺวา นิพฺพตฺติ. อภโยติสฺส นามํ อโหสิ. ตสฺส อุปฺปตฺติ ปรโต อาวิ ภวิสฺสติ. โส นิคณฺเน นาฏปุตฺเตน อุภโตโกฏิกํ ปฺหํ สิกฺขาเปตฺวา ‘‘อิมํ ปฺหํ ปุจฺฉิตฺวา สมณสฺส โคตมสฺส วาทํ อาโรเปหี’’ติ วิสฺสชฺชิโต ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ตํ ปฺหํ ปุจฺฉิตฺวา ตสฺส ปฺหสฺส อเนกํสพฺยากรณภาเว ภควตา กถิเต นิคณฺานํ ปราชยํ, สตฺถุ จ สมฺมาสมฺพุทฺธภาวํ วิทิตฺวา อุปาสกตฺตํ ปฏิเวเทสิ. ตโต รฺเ พิมฺพิสาเร กาลงฺกเต สฺชาตสํเวโค สาสเน ปพฺพชิตฺวา ตาลจฺฉิคฺคฬูปมสุตฺตเทสนาย โสตาปนฺโน หุตฺวา ปุน วิปสฺสนํ อารภิตฺวา อรหตฺตํ สจฺฉากาสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๒.๑๗-๒๒) –
‘‘วินตานทิยา ¶ ตีเร, วิหาสิ ปุริสุตฺตโม;
อทฺทสํ วิรชํ พุทฺธํ, เอกคฺคํ สุสมาหิตํ.
‘‘มธุคนฺธสฺส ¶ ปุปฺเผน, เกตกสฺส อหํ ตทา;
ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, พุทฺธเสฏฺมปูชยึ.
‘‘เอกนวุเต อิโต กปฺเป, ยํ ปุปฺผมภิปูชยึ;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อตฺตโน ปฏิปตฺติกิตฺตเนน อฺํ พฺยากโรนฺโต ‘‘สุตฺวา สุภาสิตํ วาจ’’นฺติ คาถํ อภาสิ.
๒๖. ตตฺถ สุตฺวาติ โสตํ โอทหิตฺวา, โสตทฺวารานุสาเรน อุปธาเรตฺวา. สุภาสิตนฺติ สุฏฺุ ภาสิตํ, สมฺมเทว ภาสิตํ, สมฺมาสมฺพุทฺธภาวโต มหาการุณิกตาย จ กิฺจิ อวิสํวาเทตฺวา ยถาธิปฺเปตสฺส อตฺถสฺส เอกนฺตโต สาธนวเสน ภาสิตํ จตุสจฺจวิภาวนียธมฺมกถํ. น หิ สจฺจวินิมุตฺตา ภควโต ธมฺมเทสนา อตฺถิ. พุทฺธสฺสาติ สพฺพฺุพุทฺธสฺส. อาทิจฺจพนฺธุโนติ อาทิจฺจวํเส สมฺภูตตฺตา อาทิจฺโจ พนฺธุ เอตสฺสาติ อาทิจฺจพนฺธุ, ภควา. ตสฺส อาทิจฺจพนฺธุโน. อาทิจฺจสฺส วา พนฺธูติ อาทิจฺจพนฺธุ, ภควา. ตสฺส ภควโต โอรสปุตฺตภาวโต. เตนาห ภควา –
‘‘โย อนฺธกาเร ตมสี ปภงฺกโร, เวโรจโน มณฺฑลี อุคฺคเตโช;
มา ราหุ คิลี จรมนฺตลิกฺเข, ปชํ มมํ ราหุ ปมฺุจ สูริย’’นฺติ. (สํ. นิ. ๑.๙๑);
ปจฺจพฺยธินฺติ ¶ ปฏิวิชฺฌึ. หี-ติ นิปาตมตฺตํ. นิปุณนฺติ สณฺหํ ปรมสุขุมํ, นิโรธสจฺจํ, จตุสจฺจเมว วา. หี-ติ วา เหตุอตฺเถ นิปาโต. ยสฺมา ปจฺจพฺยธึ นิปุณํ จตุสจฺจํ, ตสฺมา น ทานิ กิฺจิ ปฏิวิชฺฌิตพฺพํ อตฺถีติ อตฺโถ. ยถา กึ ปฏิวิชฺฌีติ อาห ‘‘วาลคฺคํ อุสุนา ยถา’’ติ. ยถา สตฺตธา ภินฺนสฺส วาลสฺส โกฏึ สุสิกฺขิโต กุสโล อิสฺสาโส อุสุนา กณฺเฑน อวิรชฺฌนฺโต วิชฺเฌยฺย, เอวํ ปจฺจพฺยธึ นิปุณํ อริยสจฺจนฺติ โยชนา.
อภยตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. โลมสกงฺคิยตฺเถรคาถาวณฺณนา
ทพฺพํ ¶ ¶ กุสนฺติ อายสฺมโต โลมสกงฺคิยตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โส กิร อิโต เอกนวุเต กปฺเป วิปสฺสึ ภควนฺตํ ปสฺสิตฺวา ปสนฺนมานโส นานาปุปฺเผหิ ปูเชตฺวา เตน ปฺุกมฺเมน เทวโลเก นิพฺพตฺโต ปุน อปราปรํ ปฺุานิ กตฺวา สุคตีสุเยว สํสรนฺโต กสฺสปสฺส ภควโต สาสเน ปพฺพชิตฺวา สมณธมฺมํ กโรติ. เตน จ สมเยน สตฺถารา ภทฺเทกรตฺตปฏิปทาย กถิตาย อฺตโร ภิกฺขุ ภทฺเทกรตฺตสุตฺตวเสน เตน สากจฺฉํ กโรติ. โส ตํ น สมฺปายาสิ. อสมฺปายนฺโต ‘‘อหํ อนาคเต ตุยฺหํ ภทฺเทกรตฺตํ กเถตุํ สมตฺโถ ภเวยฺย’’นฺติ ปณิธานํ อกาสิ, อิตโร ‘‘ปุจฺเฉยฺย’’นฺติ. เอเตสุ ปโม เอกํ พุทฺธนฺตรํ เทวมนุสฺเสสุ สํสริตฺวา อมฺหากํ ภควโต กาเล กปิลวตฺถุสฺมึ สากิยราชกุเล นิพฺพตฺติ. ตสฺส สุขุมาลภาเวน โสณสฺส วิย ปาทตเลสุ โลมานิ ชาตานิ, เตนสฺส โลมสกงฺคิโยติ นามํ อโหสิ. อิตโร เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา จนฺทโนติ ปฺายิตฺถ. โลมสกงฺคิโย อนุรุทฺธาทีสุ สกฺยกุมาเรสุ ปพฺพชนฺเตสุ ปพฺพชิตุํ น อิจฺฉิ. อถ นํ สํเวเชตุํ จนฺทโน เทวปุตฺโต อุปสงฺกมิตฺวา ภทฺเทกรตฺตํ ปุจฺฉิ. อิตโร ‘‘น ชานามี’’ติ. ปุน เทวปุตฺโต ‘‘อถ กสฺมา ตยา ‘ภทฺเทกรตฺตํ กเถยฺย’นฺติ ¶ สงฺคโร กโต, อิทานิ ปน นามมตฺตมฺปิ น ชานาสี’’ติ โจเทสิ. อิตโร เตน สทฺธึ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘มยา กิร, ภนฺเต, ปุพฺเพ ‘อิมสฺส ภทฺเทกรตฺตํ กเถสฺสามี’ติ สงฺคโร กโต’’ติ ปุจฺฉิ. ภควา ‘‘อาม, กุลปุตฺต, กสฺสปสฺส ภควโต กาเล ตยา เอวํ กต’’นฺติ อาห. สฺวายมตฺโถ อุปริปณฺณาสเก อาคตนเยน วิตฺถารโต เวทิตพฺโพ. อถ โลมสกงฺคิโย ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, ปพฺพาเชถ ม’’นฺติ อาห. ภควา ‘‘น, โข, ตถาคตา มาตาปิตูหิ อนนฺุาตํ ปุตฺตํ ปพฺพาเชนฺตี’’ติ ปฏิกฺขิปิ. โส มาตุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘อนุชานาหิ มํ, อมฺม, ปพฺพชิตุํ, ปพฺพชิสฺสามห’’นฺติ วตฺวา, มาตรา ‘‘ตาต, สุขุมาโล ตฺวํ กถํ ปพฺพชิสฺสสี’’ติ วุตฺเต, ‘‘อตฺตโน ปริสฺสยสหนภาวํ ปกาเสนฺโต ‘‘ทพฺพํ กุสํ โปฏกิล’’นฺติ คาถํ อภาสิ.
๒๗. ตตฺถ ¶ ทพฺพนฺติ ทพฺพติณมาห, ยํ ‘‘สทฺทุโล’’ติปิ วุจฺจติ. กุสนฺติ กุสติณํ, โย ‘‘กาโส’’ติ วุจฺจติ. โปฏกิลนฺติ สกณฺฏกํ อกณฺฏกฺจ คจฺฉํ. อิธ ปน สกณฺฏกเมว อธิปฺเปตํ. อุสีราทีนิ สุวิฺเยฺยานิ. ทพฺพาทีนิ ติณานิ พีรณติณานิ ปาเทหิ อกฺกนฺตสฺสาปิ ทุกฺขชนกานิ คมนนฺตรายกรานิ จ, ตานิ จ ปนาหํ อุรสา ปนุทิสฺสามิ อุรสาปิ อปเนสฺสามิ. เอวํ อปเนนฺโต ตํ นิมิตฺตํ ทุกฺขํ สหนฺโต อรฺายตเน คุมฺพนฺตรํ ปวิสิตฺวา สมณธมฺมํ กาตุํ สกฺขิสฺสามิ. โก ปน วาโท ปาเทหิ อกฺกมเนติ ทสฺเสติ. วิเวกมนุพฺรูหยนฺติ ¶ กายวิเวกํ จิตฺตวิเวกํ อุปธิวิเวกฺจ อนุพฺรูหยนฺโต. คณสงฺคณิกฺหิ ปหาย กายวิเวกํ อนุพฺรูหยนฺตสฺเสว อฏฺตึสาย อารมฺมเณสุ ยตฺถ กตฺถจิ จิตฺตํ สมาทหนฺตสฺส จิตฺตวิเวโก, น สงฺคณิการตสฺส. สมาหิตสฺเสว วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺตสฺส สมถวิปสฺสนฺจ ยุคนทฺธํ กโรนฺตสฺส กิเลสานํ เขปเนน อุปธิวิเวกาธิคโม, น อสมาหิตสฺส. เตน วุตฺตํ ‘‘วิเวกมนุพฺรูหยนฺติ กายวิเวกํ จิตฺตวิเวกํ อุปธิวิเวกฺจ อนุพฺรูหยนฺโต’’ติ. เอวํ ปน ปุตฺเตน วุตฺเต มาตา ‘‘เตน หิ, ตาต, ปพฺพชา’’ติ อนุชานิ. โส ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิ. ตํ ¶ สตฺถา ปพฺพาเชสิ. ตํ ปพฺพชิตฺวา กตปุพฺพกิจฺจํ กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อรฺํ ปวิสนฺตํ ภิกฺขู อาหํสุ – ‘‘อาวุโส, ตฺวํ สุขุมาโล กึ สกฺขิสฺสสิ อรฺเ วสิตุ’’นฺติ. โส เตสมฺปิ ตเมว คาถํ วตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา ภาวนํ อนุยฺุชนฺโต นจิรสฺเสว ฉฬภิฺโ อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๒.๒๓-๒๗) –
‘‘สุวณฺณวณฺณํ สมฺพุทฺธํ, อาหุตีนํ ปฏิคฺคหํ;
รถิยํ ปฏิปชฺชนฺตํ, นานาปุปฺเผหิ ปูชยึ.
‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ ปุปฺผมภิปูชยึ;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหตฺตํ ปน ปตฺวา เถโร อฺํ พฺยากโรนฺโต ตํเยว คาถํ อภาสีติ.
โลมสกงฺคิยตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. ชมฺพุคามิยปุตฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา
กจฺจิ ¶ โน วตฺถปสุโตติ อายสฺมโต ชมฺพุคามิยปุตฺตตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โส กิร ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร หุตฺวา ตตฺถ ตตฺถ วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลํ อาจินนฺโต อิโต เอกตึเส กปฺเป เวสฺสภุสฺส ภควโต กาเล เอกทิวสํ กึสุกานิ ปุปฺผานิ ทิสฺวา ตานิ ปุปฺผานิ คเหตฺวา พุทฺธคุเณ อนุสฺสรนฺโต ภควนฺตํ อุทฺทิสฺส อากาเส ขิปนฺโต ปูเชสิ. โส เตน ปฺุกมฺเมน ตาวตึเสสุ นิพฺพตฺโต. ตโต ปรํ ปฺุานิ กตฺวา อปราปรํ เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท จมฺปายํ ชมฺพุคามิยสฺส นาม อุปาสกสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ. เตน ¶ ปฺุกมฺเมน ตาวตึเสสุ นิพฺพตฺโต. ตโต ปรํ ปฺุานิ กตฺวา อปราปรํ เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท จมฺปายํ ชมฺพุคามิยสฺส นาม อุปาสกสฺส ปุตฺวา นิพฺพตฺติ. เตนสฺส ชมฺพุคามิยปุตฺโตตฺเวว สมฺา อโหสิ. โส วยปฺปตฺโต ภควโต สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสํเวโค ปพฺพชิตฺวา กตปุพฺพกิจฺโจ กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา สาเกเต อฺชนวเน วสติ. อถสฺส ปิตา ‘‘กึ นุ โข มม ปุตฺโต สาสเน อภิรโต วิหรติ, อุทาหุ โน’’ติ วีมํสนตฺถํ ‘‘กจฺจิ โน วตฺถปสุโต’’ติ คาถํ ลิขิตฺวา เปเสสิ. โส ตํ วาเจตฺวา, ‘‘ปิตา เม ปมาทวิหารํ อาสงฺกติ, อหฺจ อชฺชาปิ ปุถุชฺชนภูมึ นาติวตฺโต’’ติ สํเวคชาโต ฆเฏนฺโต วายมนฺโต นจิรสฺเสว ฉฬภิฺโ อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๐.๒๕-๓๐) –
‘‘กึสุกํ ¶ ปุปฺผิตํ ทิสฺวา, ปคฺคเหตฺวาน อฺชลึ;
พุทฺธเสฏฺํ สริตฺวาน, อากาเส อภิปูชยึ.
‘‘เตน กมฺเมน สุกเตน, เจตนาปณิธีหิ จ;
ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวตึสมคจฺฉหํ.
‘‘เอกตึเส อิโต กปฺเป, ยํ กมฺมมกรึ ตทา;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหตฺตํ ปน ปตฺวา าตีนํ วสนนครํ คนฺตฺวา สาสนสฺส นิยฺยานิกภาวํ ปกาเสนฺโต อิทฺธิปาฏิหาริยํ ทสฺเสสิ. ตํ ทิสฺวา าตกา ปสนฺนมานสา พหู สงฺฆาราเม กาเรสุํ. เถโรปิ สกปิตรา เปสิตํ ¶ คาถํ องฺกุสํ กตฺวา ฆเฏนฺโต วายมนฺโต อรหตฺตํ สจฺฉากาสิ. อฺํ พฺยากโรนฺโตปิ ปิตุปูชนตฺถํ ‘‘กจฺจิ โน วตฺถปสุโต’’ติ ตเมว คาถํ อภาสิ.
๒๘. ตตฺถ กจฺจีติ ปุจฺฉายํ นิปาโต. โนติ ปฏิเสเธ. วตฺถปสุโตติ วตฺเถ ปสุโต วตฺถปสุโต, จีวรมณฺฑนาภิรโต. นิทสฺสนมตฺตฺเจตํ ปตฺตมณฺฑนาทิจาปลฺลปฏิกฺเขปสฺสาปิ อธิปฺเปตตฺตา. ‘‘กจฺจิ น วตฺถปสุโต’’ติปิ ปาโ, โส เอวตฺโถ. ภูสนารโตติ อตฺตภาววิภูสนาย รโต อภิรโต, ยเถกจฺเจ ปพฺพชิตฺวาปิ จปลา กายทฬฺหิพหุลา จีวราทิปริกฺขารสฺส อตฺตโน สรีรสฺส จ มณฺฑนวิภูสนฏฺานาย ยุตฺตา โหนฺติ. กิเมว ปริกฺขารปสุโต ภูสนารโต จ นาโหสีติ อยเมตฺถ ปททฺวยสฺสาปิ อตฺโถ. สีลมยํ คนฺธนฺติ อขณฺฑาทิภาวาปาทเนน สุปริสุทฺธสฺส จตุพฺพิธสฺสปิ สีลสฺส วเสน ยฺวายํ ‘‘โย จ สีลวตํ ปชาติ ¶ น อิตรา ทุสฺสีลปชา, ทุสฺสีลตฺตาเยว ทุสฺสิลฺยมยํ ทุคฺคนฺธํ วายติ, เอวํ ตฺวํ ทุคฺคนฺธํ อวายิตฺวา กจฺจิ สีลมยํ คนฺธํ วายสีติ ¶ อตฺโถ. อถ วา เนตรา ปชาติ น อิตรา ทุสฺสีลปชา, ตํ กจฺจิ น โหติ, ยโต สีลมยํ คนฺธํ วายสีติ พฺยติเรเกน สีลคนฺธวายนเมว วิภาเวติ.
ชมฺพุคามิยปุตฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. หาริตตฺเถรคาถาวณฺณนา
สมุนฺนมยมตฺตานนฺติ อายสฺมโต หาริตตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โส กิร ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร หุตฺวา ตตฺถ ตตฺถ วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ ปฺุสมฺภารํ อุปจินนฺโต อิโต เอกตึเส กปฺเป สุทสฺสนํ ¶ นาม ปจฺเจกสมฺพุทฺธํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส กุฏชปุปฺเผหิ ปูชํ กตฺวา เตน ปฺุกมฺเมน สุคตีสุเยว ปริวตฺเตนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถินคเร พฺราหฺมณมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติ. หาริโตติสฺส นามํ อโหสิ. ตสฺส วยปฺปตฺตสฺส มาตาปิตโร กุลรูปาทีหิ อนุจฺฉวิกํ กุมาริกํ พฺราหฺมณธีตรํ อาเนสุํ. โส ตาย สทฺธึ โภคสุขํ อนุภวนฺโต เอกทิวสํ อตฺตโน ตสฺสา จ รูปสมฺปตฺตึ โอโลเกตฺวา ธมฺมตาย โจทิยมาโน ‘‘อีทิสํ นาม รูปํ นจิรสฺเสว ชราย มจฺจุนา จ อภิปฺปมทฺทียตี’’ติ สํเวคํ ปฏิลภิ. กติปยทิวสาติกฺกเมเนว จสฺส ภริยํ กณฺหสปฺโป ฑํสิตฺวา มาเรสิ. โส เตน ภิยฺโยโสมตฺตาย สฺชาตสํเวโค สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ฆรพนฺธเน ฉินฺทิตฺวา ปพฺพชิ. ตสฺส จ จริยานุกูลํ กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา วิหรนฺตสฺส กมฺมฏฺานํ น สมฺปชฺชติ, จิตฺตํ อุชุคตํ น โหติ. โส คามํ ปิณฺฑาย ปวิฏฺโ อฺตรํ อุสุการํ อุสุทณฺฑํ ยนฺเต ปกฺขิปิตฺวา อุชุํ กโรนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อิเม อเจตนมฺปิ นาม อุชุํ กโรนฺติ, กสฺมา อหํ จิตฺตํ อุชุํ น กริสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ตโตว ปฏินิวตฺติตฺวา ทิวาฏฺาเน นิสินฺโน วิปสฺสนํ อารภิ. อถสฺส ภควา อุปริ อากาเส นิสีทิตฺวา โอวาทํ เทนฺโต ‘‘สมุนฺนมยมตฺตาน’’นฺติ คาถํ อภาสิ. อยเมว เถโร อตฺตานํ ปรํ วิย โอวทนฺโต อภาสีติ จ วทนฺติ.
๒๙. ตตฺถ สมุนฺนมยนฺติ สมฺมา อุนฺนเมนฺโต, สมาปตฺติวเสน โกสชฺชปกฺเข ¶ ปติตุํ อทตฺวา ตโต อุทฺธรนฺโต วีริยสมตํ โยเชนฺโตติ อตฺโถ. อตฺตานนฺติ จิตฺตํ, อถ วา สมุนฺนมยาติ โกสชฺชปกฺขโต สมุนฺนเมหิ. ม-กาโร ปทสนฺธิกโร. หีนวีริยตาย ตว จิตฺตํ กมฺมฏฺานวีถึ นปฺปฏิปชฺชติ เจ, ตํ วีริยารมฺภวเสน สมฺมา อุนฺนเมหิ, อโนนตํ อนปนตํ กโรหีติ ¶ อธิปฺปาโย. เอวํ ปน กโรนฺโต อุสุกาโรว เตชนํ. จิตฺตํ อุชุํ กริตฺวาน, อวิชฺชํ ภินฺท หาริตาติ. ยถา นาม อุสุกาโร กณฺฑํ อีสกมฺปิ โอนตํ อปนตฺจ วิชฺฌนฺโต ลกฺขํ ภินฺทนตฺถํ อุชุํ กโรติ, เอวํ โกสชฺชปาตโต อรกฺขเณน โอนตํ อุทฺธจฺจปาตโต อรกฺขเณน อปนตํ วิชฺฌนฺโต อปฺปนาปตฺติยา จิตฺตํ อุชุํ ¶ กริตฺวาน สมาหิตจิตฺโต วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา สีฆํ อคฺคมคฺคาเณน อวิชฺชํ ภินฺท ปทาเลหีติ. ตํ สุตฺวา เถโร วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา นจิเรเนว อรหา อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๓๕.๓๙-๔๓) –
‘‘หิมวนฺตสฺสาวิทูเร, วสโล นาม ปพฺพโต;
พุทฺโธ สุทสฺสโน นาม, วสเต ปพฺพตนฺตเร.
‘‘ปุปฺผํ เหมวนฺตํ คยฺห, เวหาสํ อคมาสหํ;
ตตฺถทฺทสาสึ สมฺพุทฺธํ, โอฆติณฺณมนาสวํ.
‘‘ปุปฺผํ กุฏชมาทาย, สีเส กตฺวานหํ ตทา;
พุทฺธสฺส อภิโรเปสึ, สยมฺภุสฺส มเหสิโน.
‘‘เอกตึเส อิโต กปฺเป, ยํ ปุปฺผมภิปูชยึ;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ปุปฺผปูชายิทํ ผลํ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อฺํ พฺยากโรนฺโตปิ ตเมว คาถํ อภาสิ.
หาริตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. อุตฺติยตฺเถรคาถาวณฺณนา
อาพาเธ เม สมุปฺปนฺเนติ อายสฺมโต อุตฺติยตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โส กิร ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ ปฺุํ อุปจินนฺโต อิโต จตุนวุเต กปฺเป สิทฺธตฺถสฺส ภควโต กาเล จนฺทภาคาย นทิยา มหารูโป ¶ สุสุมาโร หุตฺวา นิพฺพตฺโต. โส ปารํ คนฺตุํ นทิยา ตีรํ อุปคตํ ภควนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺโต ปารํ เนตุกาโม ตีรสมีเป นิปชฺชิ. ภควา ตสฺส อนุกมฺปาย ปิฏฺิยํ ปาเท เปสิ. โส หฏฺโ อุทคฺโค ปีติเวเคน ทิคุณุสฺสาโห หุตฺวา โสตํ ฉินฺทนฺโต สีเฆน ชเวน ภควนฺตํ ปรตีรํ เนสิ. ภควา ตสฺส จิตฺตปฺปสาทํ ¶ โอโลเกตฺวา ‘‘อยํ อิโต จุโต เทวโลเก ¶ นิพฺพตฺติตฺวา ตโต ปฏฺาย สุคตีสุเยว สํสรนฺโต อิโต จตุนวุเต กปฺเป อมตํ ปาปุณิสฺสตี’’ติ พฺยากริตฺวา ปกฺกามิ.
โส ตถา สุคตีสุเยว ปริพฺภมนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ อฺตรสฺส พฺราหฺมณสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ อุตฺติโย นาม นาเมน. โส วยปฺปตฺโต ‘‘อมตํ ปริเยสิสฺสามี’’ติ ปริพฺพาชโก หุตฺวา วิจรนฺโต เอกทิวสํ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา สาสเน ปพฺพชิตฺวาปิ สีลาทีนํ อวิโสธิตตฺตา วิเสสํ นิพฺพตฺเตตุํ อสกฺโกนฺโต อฺเ ภิกฺขู วิเสสํ นิพฺพตฺเตตฺวา อฺํ พฺยากโรนฺเต ทิสฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา สงฺเขเปเนว โอวาทํ ยาจิ. สตฺถาปิ ตสฺส ‘‘ตสฺมาติห ตฺวํ, อุตฺติย, อาทิเมว วิโสเธหี’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๕.๓๖๙) สงฺเขเปเนว โอวาทํ อทาสิ. โส ตสฺส โอวาเท ตฺวา วิปสฺสนํ อารภิ. ตสฺส อารทฺธวิปสฺสนสฺส อาพาโธ อุปฺปชฺชิ. อุปฺปนฺเน ปน อาพาเธ สฺชาตสํเวโค วีริยารมฺภวตฺถุํ กตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๓.๑๖๙-๑๗๙) –
‘‘จนฺทภาคานทีตีเร, สุสุมาโร อหํ ตทา;
สโคจรปสุโตหํ, นทิติตฺถํ อคจฺฉหํ.
‘‘สิทฺธตฺโถ ตมฺหิ สมเย, สยมฺภู อคฺคปุคฺคโล;
นทึ ตริตุกาโม โส, นทิติตฺถํ อุปาคมิ.
‘‘อุปคเต จ สมฺพุทฺเธ, อหมฺปิ ตตฺถุปาคมึ;
อุปคนฺตฺวาน สมฺพุทฺธํ, อิมํ วาจํ อุทีรยึ.
‘‘อภิรูห มหาวีร, ตาเรสฺสามิ อหํ ตุวํ;
เปตฺติกํ วิสยํ มยฺหํ, อนุกมฺป มหามุนิ.
‘‘มม อุคฺคชฺชนํ สุตฺวา, อภิรูหิ มหามุนิ;
หฏฺโ หฏฺเน จิตฺเตน, ตาเรสึ โลกนายกํ.
‘‘นทิยา ปาริเม ตีเร, สิทฺธตฺโถ โลกนายโก;
อสฺสาเสสิ มมํ ตตฺถ, อมตํ ปาปุณิสฺสติ.
‘‘ตมฺหา ¶ กายา จวิตฺวาน, เทวโลกํ อคจฺฉหํ;
ทิพฺพสุขํ อนุภวึ, อจฺฉราหิ ปุรกฺขโต.
‘‘สตฺตกฺขตฺตฺุจ เทวินฺโท, เทวรชฺชมกาสหํ;
ตีณิกฺขตฺตุํ จกฺกวตฺตี, มหิยา อิสฺสโร อหุํ.
‘‘วิเวกมนุยุตฺโตหํ ¶ , นิปโก จ สุสํวุโต;
ธาเรมิ อนฺติมํ เทหํ, สมฺมาสมฺพุทฺธสาสเน.
‘‘จตุนฺนวุติโต กปฺเป, ตาเรสึ ยํ นราสภํ;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ตรณาย อิทํ ผลํ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อตฺตโน สมฺมา ปฏิปตฺติยา ปริปุณฺณาการวิภาวนมุเขน อฺํ พฺยากโรนฺโต ‘‘อาพาเธ เม สมุปฺปนฺเน’’ติ คาถํ อภาสิ.
๓๐. ตตฺถ อาพาเธ เม สมุปฺปนฺเนติ สรีรสฺส อาพาธนโต ‘‘อาพาโธ’’ติ ลทฺธนาเม วิสภาคธาตุกฺโขภเหตุเก โรเค มยฺหํ สฺชาเต. สติ เม อุทปชฺชถาติ ‘‘อุปฺปนฺโน โข เม อาพาโธ, านํ โข ปเนตํ วิชฺชติ, ยทิทํ อาพาโธ วฑฺเฒยฺย. ยาว ปนายํ อาพาโธ น วฑฺฒติ, หนฺทาหํ ¶ วีริยํ อารภามิ ‘อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา อนธิคตสฺส อธิคมาย อสจฺฉิกตสฺส สจฺฉิกิริยายา’’’ติ วีริยารมฺภวตฺถุภูตา สติ ตสฺเสว อาพาธสฺส วเสน ทุกฺขาย เวทนาย ปีฬิยมานสฺส มยฺหํ อุทปาทิ. เตนาห ‘‘อาโพโธ เม สมุปฺปนฺโน, กาโล เม นปฺปมชฺชิตุ’’นฺติ. เอวํ อุปฺปนฺนฺหิ สตึ องฺกุสํ กตฺวา อยํ เถโร อรหตฺตํ ปตฺโตติ.
อุตฺติยตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ตติยวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. จตุตฺถวคฺโค
๑. คหฺวรตีริยตฺเถรคาถาวณฺณนา
ผุฏฺโ ¶ ¶ ฑํเสหีติ อายสฺมโต คหฺวรตีริยตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โส กิร ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร อิโต เอกตึเส กปฺเป สิขิสฺส ภควโต กาเล มิคลุทฺโท หุตฺวา อรฺเ วิจรนฺโต อทฺทส สิขึ ภควนฺตํ อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล เทวนาคยกฺขานํ ธมฺมํ เทเสนฺตํ, ทิสฺวา ปน ปสนฺนมานโส ‘‘ธมฺโม เอส วุจฺจตี’’ติ สเร นิมิตฺตํ อคฺคเหสิ. โส เตน จิตฺตปฺปสาเทน เทวโลเก อุปฺปนฺโน ปุน อปราปรํ สุคตีสุเยว สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา ‘‘อคฺคิทตฺโต’’ติ ลทฺธนาโม วยปฺปตฺโต ภควโต ยมกปาฏิหาริยํ ทิสฺวา สฺชาตปฺปสาโท สาสเน ปพฺพชิตฺวา กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา คหฺวรตีเร นาม อรฺฏฺาเน วสติ. เตนสฺส คหฺวรตีรโยติ สมฺา อโหสิ. โส วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๒.๔๔-๕๐) –
‘‘มิคลุทฺโท ปุเร อาสิ, อรฺเ วิปิเน อหํ;
อทฺทสํ วิรชํ พุทฺธํ, เทวสงฺฆปุรกฺขตํ.
‘‘จตุสจฺจํ ปกาเสนฺตํ, เทเสนฺตํ, อมตํ ปทํ;
อสฺโสสึ มธุรํ ธมฺมํ, สิขิโน โลกพนฺธุโน.
‘‘โฆเส จิตฺตํ ปสาเทสึ, อสมปฺปฏิปุคฺคเล;
ตตฺถ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, อุตฺตรึ ทุตฺตรํ ภวํ.
‘‘เอกตึเส อิโต กปฺเป, ยํ สฺมลภึ ตทา;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, โฆสสฺายิทํ ผลํ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหตฺตํ ¶ ปน ปตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา สาวตฺถิยํ อคมาสิ. ตสฺส อาคตภาวํ สุตฺวา าตกา อุปคนฺตฺวา มหาทานํ ปวตฺเตสุํ. โส กติปยทิวเส วสิตฺวา อรฺเมว คนฺตุกาโม อโหสิ. ตํ าตกา, ‘‘ภนฺเต, อรฺํ นาม ฑํสมกสาทิวเสน พหุปริสฺสยํ, อิเธว วสถา’’ติ ¶ ¶ อาหํสุ. ตํ สุตฺวา เถโร ‘‘อรฺวาโสเยว มยฺหํ รุจฺจตี’’ติ วิเวกาภิรติกิตฺตนมุเขน อฺํ พฺยากโรนฺโต ‘‘ผุฏฺโ ฑํเสหี’’ติ คาถํ อภาสิ.
๓๑. ตตฺถ ผุฏฺโ ฑํเสหิ มกเสหีติ ฑํสนสีลตาย ‘‘ฑํสา’’ติ ลทฺธนามาหิ อนฺธกมกฺขิกาหิ, มกสนฺิเตหิ จ สูจิมุขปาเณหิ ผุสฺสิโต ทฏฺโติ อตฺโถ. อรฺสฺมินฺติ ‘‘ปฺจธนุสติกํ ปจฺฉิม’’นฺติ (ปารา. ๖๕๔) วุตฺตอรฺลกฺขณโยคโต อรฺเ. พฺรหาวเนติ มหารุกฺขคจฺฉคหนตาย มหาวเน อรฺานิยํ. นาโค สงฺคามสีเสวาติ สงฺคามาวจโร หตฺถินาโค วิย สงฺคามมุทฺธนิ ปรเสนาสมฺปหารํ. ‘‘อรฺวาโส นาม พุทฺธาทีหิ วณฺณิโต โถมิโต’’ติ อุสฺสาหชาโต สโต สติมา หุตฺวา ตตฺร ตสฺมึ อรฺเ, ตสฺมึ วา ฑํสาทิสมฺผสฺเส อุปฏฺิเต อธิวาสเย อธิวาเสยฺย สเหยฺย, ‘‘ฑํสาทโย มํ อาพาเธนฺตี’’ติ อรฺวาสํ น ชเหยฺยาติ อตฺโถ.
คหฺวรตีริยตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. สุปฺปิยตฺเถรคาถาวณฺณนา
อชรํ ชีรมาเนนาติ อายสฺมโต สุปฺปิยตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โส กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อรฺายตเน วสนฺโต ตตฺถ ภควนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส ผลาผลํ อทาสิ, ตถา ภิกฺขุสงฺฆสฺส. โส เตน ปฺุกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต กสฺสปสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส กาเล ขตฺติยกุเล นิพฺพตฺติตฺวา อนุกฺกเมน วิฺุตํ ปตฺโต กลฺยาณมิตฺตสนฺนิสฺสเยน ลทฺธสํเวโค สาสเน ปพฺพชิตฺวา พหุสฺสุโต อโหสิ. ชาติมเทน สุตมเทน จ อตฺตานํ อุกฺกํเสนฺโต ปเร จ วมฺเภนฺโต วิหาสิ. โส อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ตสฺส ¶ กมฺมสฺส นิสฺสนฺเทน สาวตฺถิยํ ปริภูตรูเป สุสานโคปกกุเล นิพฺพตฺติ. สุปฺปิโยติสฺส นามํ อโหสิ. อถ วิฺุตํ ปตฺโต อตฺตโน สหายภูตํ โสปากตฺเถรํ ¶ อุปสงฺกมิตฺวา ตสฺส สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสํเวโค ปพฺพชิตฺวา สมฺมาปฏิปตฺตึ ปูเรตฺวา ‘‘อชรํ ชีรมาเนนา’’ติ คาถํ อภาสิ.
๓๒. ตตฺถ อชรนฺติ ชรารหิตํ, นิพฺพานํ สนฺธายาห. ตฺหิ อชาตตฺตา นตฺถิ เอตฺถ ชรา, เอตสฺมึ วา อธิคเต ปุคฺคลสฺส สา นตฺถีติ ชราภาวเหตุโตปิ อชรํ นาม. ชีรมาเนนาติ ชีรนฺเตน, ขเณ ขเณ ชรํ ปาปุณนฺเตน. ตปฺปมาเนนาติ สนฺตปฺปมาเนน, ราคาทีหิ ¶ เอกาทสหิ อคฺคีหิ ทยฺหมาเนน. นิพฺพุตินฺติ ยถาวุตฺตสนฺตาปาภาวโต นิพฺพุตสภาวํ นิพฺพานํ. นิมิยนฺติ ปริวตฺเตยฺยํ เจตาเปยฺยํ. ปรมํ สนฺตินฺติ อนวเสสกิเลสาภิสงฺขารปริฬาหวูปสมธมฺมตาย อุตฺตมํ สนฺตึ. จตูหิ โยเคหิ อนนุพนฺธตฺตา โยคกฺเขมํ. อตฺตโน อุตฺตริตรสฺส กสฺสจิ อภาวโต อนุตฺตรํ. อยฺเหตฺถ สงฺเขปตฺโถ – ขเณ ขเณ ชราย อภิภุยฺยมานตฺตา ชีรมาเนน, ตถา ราคคฺคิอาทีหิ สนฺตปฺปมาเนน คโต เอวํ อนิจฺเจน ทุกฺเขน อสาเรน สพฺพถาปิ อนุปสนฺตสภาเวน สอุปทฺทเวน, ตปฺปฏิปกฺขภาวโต อชรํ ปรมุปสมภูตํ เกนจิ อนุปทฺทุตํ อนุตฺตรํ นิพฺพานํ นิมิยํ ปริวตฺเตยฺยํ ‘‘มหา วต เม ลาโภ มหา อุทโย หตฺถคโต’’ติ. ยถา หิ มนุสฺสา ยํ กิฺจิ ภณฺฑํ ปริวตฺเตนฺตา นิรเปกฺขา คยฺหมาเนน สมฺพหุมานา โหนฺติ, เอวมยํ เถโร ปหิตตฺโต วิหรนฺโต อตฺตโน กาเย จ ชีวิเต จ นิรเปกฺขตํ, นิพฺพานํ ปฏิเปสิตตฺตฺจ ปกาเสนฺโต ‘‘นิมิยํ ปรมํ สนฺตึ, โยคกฺเขมํ อนุตฺตร’’นฺติ วตฺวา ตเมว ¶ ปฏิปตฺตึ ปริพฺรูหยนฺโต วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๒.๕๑-๗๗) –
‘‘วรุโณ นาม นาเมน, พฺราหฺมโณ มนฺตปารคู;
ฉฑฺเฑตฺวา ทส ปุตฺตานิ, วนมชฺโฌคหึ ตทา.
‘‘อสฺสมํ สุกตํ กตฺวา, สุวิภตฺตํ มโนรมํ;
ปณฺณสาลํ กริตฺวาน, วสามิ วิปิเน อหํ.
‘‘ปทุมุตฺตโร โลกวิทู, อาหุตีนํ ปฏิคฺคโห;
มมุทฺธริตุกาโม โส, อาคจฺฉิ มม อสฺสมํ.
‘‘ยาวตา ¶ วนสณฺฑมฺหิ, โอภาโส วิปุโล อหุ;
พุทฺธสฺส อานุภาเวน, ปชฺชลี วิปินํ ตทา.
‘‘ทิสฺวาน ตํ ปาฏิหีรํ, พุทฺธเสฏฺสฺส ตาทิโน;
ปตฺตปุฏํ คเหตฺวาน, ผเลน ปูชยึ อหํ.
‘‘อุปคนฺตฺวาน สมฺพุทฺธํ, สหขาริมทาสหํ;
อนุกมฺปาย เม พุทฺโธ, อิทํ วจนมพฺรวิ.
‘‘ขาริภารํ คเหตฺวาน, ปจฺฉโต เอหิ เม ตุวํ;
ปริภุตฺเต จ สงฺฆมฺหิ, ปฺุํ ตว ภวิสฺสติ.
‘‘ปุฏกํ ตํ คเหตฺวาน, ภิกฺขุสงฺฆสฺสทาสหํ;
ตตฺถ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, ตุสิตํ อุปปชฺชหํ.
‘‘ตตฺถ ¶ ทิพฺเพหิ นจฺเจหิ, คีเตหิ วาทิเตหิ จ;
ปฺุกมฺเมน สํยุตฺตํ, อนุโภมิ สทา สุขํ.
‘‘ยํ ยํ โยนุปปชฺชามิ, เทวตฺตํ อถ มานุสํ;
โภเค เม อูนตา นตฺถิ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.
‘‘ยาวตา จตุโร ทีปา, สสมุทฺทา สปพฺพตา;
ผลํ พุทฺธสฺส ทตฺวาน, อิสฺสรํ การยามหํ.
‘‘ยาวตา เย ปกฺขิคณา, อากาเส อุปฺปตนฺติ เจ;
เตปิ เม วสมนฺเวนฺติ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.
‘‘ยาวตา วนสณฺฑมฺหิ, ยกฺขา ภูตา จ รกฺขสา;
กุมฺภณฺฑา ครุฬา จาปิ, ปาริจริยํ อุเปนฺติ เม.
‘‘กุมฺมา โสณา มธุการา, ฑํสา จ มกสา อุโภ;
เตปิ มํ วสมนฺเวนฺติ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.
‘‘สุปณฺณา นาม สกุณา, ปกฺขิชาตา มหพฺพลา;
เตปิ มํ สรณํ ยนฺติ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.
‘‘เยปิ ทีฆายุกา นาคา, อิทฺธิมนฺโต มหายสา;
เตปิ มํ วสมนฺเวนฺติ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.
‘‘สีหา ¶ พฺยคฺฆา จ ทีปี จ, อจฺฉโกกตรจฺฉกา;
เตปิ มํ วสมนฺเวนฺติ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.
‘‘โอสธี ติณวาสี จ, เย จ อากาสวาสิโน;
สพฺเพ มํ สรณํ ยนฺติ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.
‘‘สุทุทฺทสํ สุนิปุณํ, คมฺภีรํ สุปฺปกาสิตํ;
ผสฺสยิตฺวา วิหรามิ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.
‘‘วิโมกฺเข อฏฺ ผุสิตฺวา, วิหรามิ อนาสโว;
อาตาปี นิปโก จาหํ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.
‘‘เย ผลฏฺา พุทฺธปุตฺตา, ขีณโทสา มหายสา;
อหมฺตโร เตสํ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.
‘‘อภิฺาปารมึ คนฺตฺวา, สุกฺกมูเลน โจทิโต;
สพฺพาสเว ปริฺาย, วิหรามิ อนาสโว.
‘‘เตวิชฺชา อิทฺธิปตฺตา จ, พุทฺธปุตฺตา มหายสา;
ทิพฺพโสตํ สมาปนฺนา, เตสํ อฺตโร อหํ.
‘‘สตสหสฺสิโต กปฺเป, ยํ ผลํ อททึ ตทา;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.
‘‘กิเลสา ¶ ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหตฺตํ ปน ปตฺวาปิ ตเมว คาถํ อฺาพฺยากรณวเสน อภาสิ.
สุปฺปิยตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. โสปากตฺเถรคาถาวณฺณนา
ยถาปิ เอกปุตฺตสฺมินฺติ อายสฺมโต โสปากตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โส กิร ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร หุตฺวา ตตฺถ ตตฺถ วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินนฺโต กกุสนฺธสฺส ภควโต กาเล อฺตรสฺส กุฏุมฺพิกสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺโต เอกทิวสํ สตฺถารํ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺโต พีชปูรผลานิ สตฺถุ อุปเนสิ. ปฏิคฺคเหสิ ภควา อนุกมฺปํ อุปาทาย ¶ . โส ภิกฺขุสงฺเฆ จ อภิปฺปสนฺโน สลากภตฺตํ ปฏฺเปตฺวา สงฺฆุทฺเทสวเสน ติณฺณํ ภิกฺขูนํ ยาวตายุกํ ขีรภตฺตํ อทาสิ. โส เตหิ ปฺุกมฺเมหิ อปราปรํ เทวมนุสฺเสสุ สมฺปตฺตึ อนุภวนฺโต เอกทา มนุสฺสโยนิยํ นิพฺพตฺโต เอกสฺส ปจฺเจกพุทฺธสฺส ขีรภตฺตํ อทาสิ. เอวํ ตตฺถ ตตฺถ ปฺุานิ กตฺวา สุคตีสุ เอว ปริพฺภมนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ปุริมกมฺมนิสฺสนฺเทน สาวตฺถิยํ อฺตราย ทุคฺคติตฺถิยา กุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. ตสฺส มาตา ทส มาเส กุจฺฉินา ปริหริตฺวา ปริปกฺเก คพฺเภ วิชายนกาเล วิชายิตุํ อสกฺโกนฺตี มุจฺฉํ อาปชฺชิตฺวา พหุเวลํ มตา วิย นิปชฺชิ. ตํ าตกา ‘‘มตา’’ติ สฺาย สุสานํ เนตฺวา จิตกํ อาโรเปตฺวา เทวตานุภาเวน วาตวุฏฺิยา อุฏฺิตาย อคฺคึ อทตฺวา ปกฺกมึสุ. ทารโก ¶ ปจฺฉิมภาวิกตฺตา เทวตานุภาเวน มาตุกุจฺฉิโต อโรโค นิกฺขมิ. มาตา ปน กาลมกาสิ. เทวตา ตํ คเหตฺวา มนุสฺสรูเปน สุสานโคปกสฺส เคเห เปตฺวา กติปยกาลํ ปติรูเปน อาหาเรน โปเสสิ. ตโต ปรํ สุสานโคปโก จ นํ อตฺตโน ปุตฺตํ กตฺวา วฑฺเฒติ. โส ตถา วฑฺเฒนฺโต ตสฺส ปุตฺเตน สุปิเยน นาม ทารเกน สทฺธึ กีฬนฺโต วิจรติ. ตสฺส สุสาเน ชาตสํวฑฺฒภาวโต โสปาโกติ สมฺา อโหสิ.
อเถกทิวสํ สตฺตวสฺสิกํ ตํ ภควา ปจฺจูสเวลาย าณชาลํ ปตฺถริตฺวา เวเนยฺยพนฺธเว โอโลเกตฺวา าณชลนฺโตคธํ ทิสฺวา สุสานฏฺานํ อคมาสิ. ทารโก ปุพฺพเหตุนา โจทิยมาโน ปสนฺนมานโส สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา อฏฺาสิ. สตฺถา ตสฺส ธมฺมํ กเถสิ. โส ธมฺมํ สุตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิตฺวา ‘‘ปิตรา อนฺุาโตสี’’ติ วุตฺโต ปิตรํ สตฺถุ สนฺติกํ เนสิ. ตสฺส ¶ ปิตา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘ภนฺเต, อิมํ ทารกํ ปพฺพาเชถา’’ติ อนุชานิ. สตฺถา ตํ ปพฺพาเชตฺวา เมตฺตาภาวนาย นิโยเชสิ. โส เมตฺตากมฺมฏฺานํ คเหตฺวา สุสาเน วิหรนฺโต จ จิรสฺเสว เมตฺตาฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา ฌานํ ปาทกํ กตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ สจฺฉากาสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๕.๑-๗) –
‘‘กกุสนฺโธ ¶ มหาวีโร, สพฺพธมฺมาน ปารคู;
คณมฺหา วูปกฏฺโ โส, อคมาสิ วนนฺตรํ.
‘‘พีชมิฺชํ คเหตฺวาน, ลตาย อาวุณึ อหํ;
ภควา ตมฺหิ สมเย, ฌายเต ปพฺพตนฺตเร.
‘‘ทิสฺวานหํ เทวเทวํ, วิปฺปสนฺเนน เจตสา;
ทกฺขิเณยฺยสฺส วีรสฺส, พีชมิฺชมทาสหํ.
‘‘อิมสฺมึเยว กปฺปมฺหิ, ยํ มิฺชมททึ ตทา;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พีชมิฺชสฺสิทํ ผลํ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหา หุตฺวา ปน อฺเสํ โสสานิกภิกฺขูนํ เมตฺตาภาวนาวิธึ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยถาปิ เอกปุตฺตสฺมิ’’นฺติ คาถํ อภาสิ.
๓๓. ตตฺถ ยถาติ โอปมฺมตฺเถ นิปาโต. เอกปุตฺตสฺมินฺติ ปุนาติ จ กุลวํสํ ตายติ จาติ ปุตฺโต, อตฺรชาทิเภโท ปุตฺโต. เอโก ปุตฺโต เอกปุตฺโต, ตสฺมึ เอกปุตฺตสฺมึ. วิสเย เจตํ ภุมฺมวจนํ. ปิยสฺมินฺติ ปิยายิตพฺพตาย เจว เอกปุตฺตตาย จ รูปสีลาจาราทีหิ จ เปมกรณฏฺานภูเต. กุสลีติ กุสลํ วุจฺจติ เขมํ โสตฺถิภาโว, ตํ ลภิตพฺพํ เอตสฺส อตฺถีติ กุสลี, สตฺตานํ หิเตสี ¶ เมตฺตชฺฌาสโย. สพฺเพสุ ปาเณสูติ สพฺเพสุ สตฺเตสุ. สพฺพตฺถาติ สพฺพาสุ ทิสาสุ สพฺเพสุ วา ภวาทีสุ, สพฺพาสุ วา อวตฺถาสุ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา เอกปุตฺตเก ปิเย มนาเป มาตาปิตา กุสลี เอกนฺตหิเตสี ภเวยฺย, เอวํ ปุรตฺถิมาทิเภทาสุ สพฺพาสุ ทิสาสุ, กามภวาทิเภเทสุ สพฺเพสุ ภเวสุ ทหราทิเภทาสุ สพฺพาสุ อวตฺถาสุ จ ิเตสุ สพฺเพสุ สตฺเตสุ เอกนฺตหิเตสิตาย กุสลี ภเวยฺย, ‘‘มิตฺโต อุทาสีโน ปฺจตฺถิโก’’ติ สีมํ อกตฺวา สีมาสมฺเภทวเสน สพฺพตฺถ เอกรสํ เมตฺตํ ภาเวยฺยาติ. อิมํ ปน คาถํ วตฺวา ‘‘สเจ ตุมฺเห อายสฺมนฺโต เอวํ เมตฺตาภาวนํ ¶ อนุยฺุเชยฺยาถ, เย เต ภควตา ‘สุขํ สุปตี’ติอาทินา ¶ (อ. นิ. ๑๑.๑๕) เอกาทส เมตฺตานิสํสา วุตฺตา, เอกํเสน เตสํ ภาคิโน ภวถา’’ติ โอวาทมทาสิ.
โสปากตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. โปสิยตฺเถรคาถาวณฺณนา
อนาสนฺนวราติ อายสฺมโต โปสิยตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โส กิร ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ พหุํ กุสลํ อุปจินิตฺวา สุคตีสุ เอว สํสรนฺโต อิโต ทฺเวนวุเต กปฺเป ติสฺสสฺส ภควโต กาเล มิคลุทฺโท หุตฺวา อรฺเ วิจรติ. อถ ภควา ตสฺส อนุคฺคหํ กาตุํ อรฺํ คนฺตฺวา ตสฺส จกฺขุปเถ อตฺตานํ ทสฺเสสิ. โส ภควนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺโต อาวุธํ นิกฺขิปิตฺวา อุปสงฺกมิตฺวา อฺชลึ ปคฺคยฺห อฏฺาสิ. ภควา นิสีทิตุกามตํ ทสฺเสสิ. โส ตาวเทว ติณมุฏฺิโย คเหตฺวา สเม ภูมิภาเค สกฺกจฺจํ สนฺถริตฺวา อทาสิ. นิสีทิ ตตฺถ ภควา อนุกมฺปํ อุปาทาย. นิสินฺเน ปน ภควติ อนปฺปกํ ปีติโสมนสฺสํ ปฏิสํเวเทนฺโต ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา สยมฺปิ เอกมนฺตํ นิสีทิ. อถ ภควา ‘‘เอตฺตกํ วฏฺฏติ อิมสฺส กุสลพีช’’นฺติ อุฏฺายาสนา ปกฺกามิ. อจิรปกฺกนฺเต ภควติ ตํ สีโห มิคราชา ฆาเตสิ. โส ¶ กาลงฺกโต เทวโลเก นิพฺพตฺติ. ‘‘โส กิร ภควติ อนุปคจฺฉนฺเต สีเหน ฆาติโต นิรเย นิพฺพตฺติสฺสตี’’ติ ตํ ทิสฺวา ภควา สุคติยํ นิพฺพตฺตนตฺถํ กุสลพีชโรปนตฺถฺจ อุปสงฺกมิ.
โส ตตฺถ ยาวตายุกํ ตฺวา ตโต เทวโลกโต จวิตฺวา สุคตีสุเยว ปริวตฺเตนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ อฺตรสฺส มหาวิภวสฺส เสฏฺิโน ปุตฺโต สงฺคามชิตตฺเถรสฺส กนิฏฺภาตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ. โปสิโยติสฺส นามํ อโหสิ. โส วยปฺปตฺโต ทารปริคฺคหํ กตฺวา เอกํ ปุตฺตํ ลภิตฺวา อนฺติมภวิกตาย ธมฺมตาย โจทิยมาโน ชาติอาทึ ปฏิจฺจ อุปฺปนฺนสํเวโค ปพฺพชิตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา วูปกฏฺโ หุตฺวา ¶ จตุสจฺจกมฺมฏฺานภาวนํ อนุยฺุชนฺโต นจิรสฺเสว วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๓.๑-๑๒) –
‘‘หิมวนฺตสฺสาวิทูเร, ลมฺพโก นาม ปพฺพโต;
ตตฺเถว ติสฺโส สมฺพุทฺโธ, อพฺโภกาสมฺหิ จงฺกมิ.
‘‘มิคลุทฺโท ¶ ตทา อาสึ, อรฺเ กานเน อหํ;
ทิสฺวาน ตํ เทวเทวํ, ติณมุฏฺิมทาสหํ.
‘‘นิสีทนตฺถํ พุทฺธสฺส, ทตฺวา จิตฺตํ ปสาทยึ;
สมฺพุทฺธํ อภิวาเทตฺวา, ปกฺกามึ อุตฺตรามุโข.
‘‘อจิรํ คตมตฺตสฺส, มิคราชา อโปถยิ;
โสเหน โปถิโต, สนฺโต ตตฺถ กาลงฺกโต อหํ.
‘‘อาสนฺเน เม กตํ กมฺมํ, พุทฺธเสฏฺเ อนาสเว;
สุมุตฺโต สรเวโคว, เทวโลกมคจฺฉหํ.
‘‘ยูโป ตตฺถ สุโภ อาสิ, ปฺุกมฺมาภินิมฺมิโต;
สหสฺสกณฺโฑ สตเภณฺฑุ, ธชาลุ หริตามโย.
‘‘ปภา นิทฺธาวเต ตสฺส, สตรํสีว อุคฺคโต;
อากิณฺโณ เทวกฺาหิ, อาโมทึ กามกามิหํ.
‘‘เทวโลกา จวิตฺวาน, สุกฺกมูเลน โจทิโต;
อาคนฺตฺวาน มนุสฺสตฺตํ, ปตฺโตมฺหิ อาสวกฺขยํ.
‘‘จตุนฺนวุติโต กปฺเป, นิสีทนมทาสหํ;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ติณมุฏฺเ อิทํ ผลํ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหตฺตํ ปน ปตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิตุํ สาวตฺถึ อาคโต าตึ อนุกมฺปาย าติเคหํ อคมาสิ. ตตฺถ นํ ปุราณทุติยิกา วนฺทิตฺวา อาสนทานาทินา ปมํ อุปาสิกา วิย วตฺตํ ทสฺเสตฺวา เถรสฺส อชฺฌาสยํ อชานนฺตี ปจฺฉา อิตฺถิกุตฺตาทีหิ ปโลเภตุกามา อโหสิ ¶ . เถโร ‘‘อโห อนฺธพาลา มาทิเสปิ นาม เอวํ ปฏิปชฺชตี’’ติ จินฺเตตฺวา กิฺจิ อวตฺวา อุฏฺายาสนา อรฺเมว คโต. ตํ อารฺกา ภิกฺขู ‘‘กึ, อาวุโส, อติลหุํ, นิวตฺโตสิ, าตเกหิ น ทิฏฺโสี’’ติ ปุจฺฉึสุ. เถโร ตตฺถ ปวตฺตึ อาจิกฺขนฺโต ‘‘อนาสนฺนวรา เอตา’’ติ คาถํ อภาสิ.
๓๔. ตตฺถ อนาสนฺนวราติ เอตา อิตฺถิโย น อาสนฺนา อนุปคตา, ทูเร เอว วา ิตา หุตฺวา วรา ปุริสสฺส เสฏฺา หิตาวหา, ตฺจ โข นิจฺจเมว สพฺพกาลเมว, น รตฺติเมว, น ทิวาปิ, น รโหเวลายปิ. วิชานตาติ วิชานนฺเตน. ‘‘อนาสนฺนปรา’’ติปิ ปาฬิ, โส เอวตฺโถ. อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย – จณฺฑหตฺถิอสฺสมหึสสีหพฺยคฺฆยกฺขรกฺขสปิสาจาปิ มนุสฺสานํ ¶ ¶ อนุปสงฺกมนฺโต วรา เสฏฺา, น อนตฺถาวหา, เต ปน อุปสงฺกมนฺตา ทิฏฺธมฺมิกํเยว อนตฺถํ กเรยฺยุํ. อิตฺถิโย ปน อุปสงฺกมิตฺวา ทิฏฺธมฺมิกํ สมฺปรายิกํ วิโมกฺขนิสฺสิตมฺปิ อตฺถํ วินาเสตฺวา มหนฺตํ อนตฺถํ อาปาเทนฺติ, ตสฺมา อนาสนฺนวรา เอตา นิจฺจเมว วิชานตาติ. อิทานิ ตมตฺถํ อตฺตูปนายิกํ กตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘คามา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ คามาติ คามํ. อุปโยคตฺเถ หิ เอตํ นิสฺสกฺกวจนํ. อรฺมาคมฺมาติ อรฺโต อาคนฺตฺวา. ม-กาโร ปทสนฺธิกโร, นิสฺสกฺเก เจตํ อุปโยควจนํ. ตโตติ มฺจกโต. อนามนฺเตตฺวาติ อนาลปิตฺวา ปุราณทุติยิกํ ‘‘อปฺปมตฺตา โหหี’’ติ เอตฺตกมฺปิ อวตฺวา. โปสิโยติ อตฺตานเมว ปรํ วิย วทติ. เย ปน ‘‘ปกฺกามิ’’นฺติ ปนฺติ, เตสํ อหํ โปสิโย ปกฺกามินฺติ โยชนา. เย ปน ‘‘สา อิตฺถี เถรํ ฆรํ อุปคตํ โภเชตฺวา ปโลเภตุกามา ชาตา, ตํ ทิสฺวา เถโร ตาวเทว เคหโต นิกฺขมิตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา อตฺตโน วสนฏฺาเน มฺจเก นิสีทิ. สาปิ โข อิตฺถี ปจฺฉาภตฺตํ อลงฺกตปฏิยตฺตา วิหาเร เถรสฺส วสนฏฺานํ อุปสงฺกมิ. ตํ ทิสฺวา เถโร กิฺจิ อวตฺวา อุฏฺาย ทิวาฏฺานเมว คโต’’ติ วทนฺติ, เตสํ ‘‘คามา อรฺมาคมฺมา’’ติ คาถาปทสฺส อตฺโถ ยถารุตวเสเนว นิยฺยติ. วิหาโร หิ อิธ ‘‘อรฺ’’นฺติ อธิปฺเปโต.
โปสิยตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. สามฺกานิตฺเถรคาถาวณฺณนา
สุขํ ¶ สุขตฺโถติ อายสฺมโต สามฺกานิตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โส กิร ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร หุตฺวา ตตฺถ ตตฺถ ภเว กุสลํ อุปจินนฺโต อิโต เอกนวุเต กปฺเป วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล มนุสฺสโยนิยํ นิพฺพตฺโต วิปสฺสึ ภควนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส เอกํ มฺจํ อทาสิ. โส เตน ปฺุกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท อฺตรสฺส ปริพฺพาชกสฺส ปุตฺโต หุตฺวา ¶ นิพฺพตฺติ. สามฺกานีติสฺส นามํ อโหสิ. โส วิฺุตํ ปตฺโต สตฺถุ ยมกปาฏิหาริยํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส สาสเน ปพฺพชิตฺวา จริยานุกูลํ กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา ฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา ฌานํ ปาทกํ กตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๓๖.๓๐-๓๓) –
‘‘วิปสฺสิโน ภควโต, โลกเชฏฺสฺส ตาทิโน;
เอกํ มฺจํ มยา ทินฺนํ, ปสนฺเนน สปาณินา.
‘‘หตฺถิยานํ ¶ อสฺสยานํ, ทิพฺพยานํ สมชฺฌคํ;
เตน มฺจก ทาเนน, ปตฺโตมฺหิ อาสวกฺขยํ.
‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ มฺจมททึ ตทา;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, มฺจทานสฺสิทํ ผลํ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
เถรสฺส ปน คิหิสหายโก กาติยาโน นาม ปริพฺพาชโก พุทฺธุปฺปาทโต ปฏฺาย ติตฺถิยานํ หตลาภสกฺการตาย ฆาสจฺฉาทนมตฺตมฺปิ อลภนฺโต อาชีวกาปกโต เถรํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ตุมฺเห สากิยปุตฺติยา นาม มหาลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺตา สุเขน ชีวถ, มยํ ปน ทุกฺขิตา กิจฺฉชีวิกา, กถํ นุ โข ปฏิปชฺชมานสฺส ทิฏฺธมฺมิกฺเจว สมฺปรายิกฺจ สุขํ สมฺปชฺชตี’’ติ ปุจฺฉิ. อถสฺส เถโร ‘‘นิปฺปริยายโต สุขํ นาม โลกุตฺตรสุขเมว, ตฺจ ตทนุรูปํ ปฏิปตฺตึ ปฏิปชฺชนฺตสฺเสวา’’ติ อตฺตนา ตสฺส อธิคตภาวํ ปริยาเยน วิภาเวนฺโต ‘‘สุขํ สุขตฺโถ ลภเต ตทาจร’’นฺติ คาถํ อภาสิ.
๓๕. ตตฺถ ¶ สุขนฺติ นิรามิสํ สุขํ อิธาธิปฺเปตํ. ตฺจ ผลสมาปตฺติ เจว นิพฺพานฺจ. ตถา หิ ‘‘อยํ สมาธิ ปจฺจุปฺปนฺนสุโข เจว อายติฺจ สุขวิปาโก’’ (ที. นิ. ๓.๓๕๕; อ. นิ. ๕.๒๗; วิภ. ๘๐๔) ‘‘นิพฺพานํ ปรมํ สุข’’นฺติ (ธ. ป. ๒๐๓-๒๐๔) จ วุตฺตํ. สุขตฺโถติ สุขปฺปโยชโน, ยถาวุตฺเตน สุเขน อตฺถิโก. ลภเตติ ปาปุณาติ, อตฺถิกสฺเสเวทํ สุขํ, น อิตรสฺส. โก ปน อตฺถิโกติ อาห ‘‘ตทาจร’’นฺติ ตทตฺถํ อาจรนฺโต, ยาย ปฏิปตฺติยา ตํ ปฏิปตฺตึ ปฏิปชฺชนฺโตติ อตฺโถ. น เกวลํ ตทาจรํ สุขเมว ลภเต, อถ โข กิตฺติฺจ ปปฺโปติ ‘‘อิติปิ สีลวา สุปริสุทฺธกายวจีกมฺมนฺโต สุปริสุทฺธาชีโว ฌายี ฌานยุตฺโต’’ติอาทินา กิตฺตึ ปรมฺมุขา ปตฺถฏยสตํ ปาปุณาติ. ยสสฺส วฑฺฒตีติ ¶ สมฺมุเข คุณาภิตฺถวสงฺขาโต ปริวารสมฺปทาสงฺขาโต จ ยโส อสฺส ปริพฺรูหติ. อิทานิ ‘‘ตทาจร’’นฺติ สามฺโต วุตฺตมตฺถํ สรูปโต ทสฺเสนฺโต – ‘‘โย อริยมฏฺงฺคิกมฺชสํ อุชุํ, ภาเวติ มคฺคํ อมตสฺส ปตฺติยา’’ติ อาห. ตสฺสตฺโถ โย ปุคฺคโล กิเลเสหิ อารกตฺตา ปริสุทฺธฏฺเน ปฏิปชฺชนฺตานํ อริยภาวกรณฏฺเน อริยํ, สมฺมาทิฏฺิอาทิอฏฺงฺคสมุทายตาย อฏฺงฺคิกํ, อนฺตทฺวยรหิตมชฺฌิมปฏิปตฺติภาวโต อกุฏิลฏฺเน อฺชสํ, กายวงฺกาทิปฺปหานโต อุชุํ, นิพฺพานตฺถิเกหิ มคฺคนิยฏฺเน กิเลเส มาเรนฺโต คมนฏฺเน จ ‘‘มคฺค’’นฺติ ลทฺธนามํ ทุกฺขนิโรธคามินิปฏิปทํ อมตสฺส อสงฺขตาย ธาตุยา ปตฺติยา อธิคมาย ภาเวติ อตฺตโน สนฺตาเน อุปฺปาเทติ วฑฺเฒติ จ, โส นิปฺปริยาเยน ‘‘สุขตฺโถ ตทาจร’’นฺติ ¶ วุจฺจติ, ตสฺมา ยถาวุตฺตํ สุขํ ลภติ. ตํ สุตฺวา ปริพฺพาชโก ปสนฺนมานโส ปพฺพชิตฺวา สมฺมา ปฏิปชฺชนฺโต นจิรสฺเสว วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. อิทเมว เถรสฺส อฺาพฺยากรณํ อโหสิ.
สามฺกานิตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. กุมาปุตฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา
สาธุ ¶ สุตนฺติ อายสฺมโต กุมาปุตฺตตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปติ? โส กิร ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร อิโต เอกนวุเต กปฺเป อชินจมฺมวสโน ตาปโส หุตฺวา พนฺธุมตีนคเร ราชุยฺยาเน วสนฺโต วิปสฺสึ ภควนฺตํ ปสฺสิตฺวา ปสนฺนมานโส ปาทพฺภฺชนเตลํ อทาสิ. โส เตน ปฺุกมฺเมน เทวโลเก นิพฺพตฺโต. ตโต ปฏฺาย สุคตีสุเยว สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท อวนฺติรฏฺเ เวฬุกณฺฏกนคเร คหปติกุเล นิพฺพตฺโต. ‘‘นนฺโท’’ติสฺส นามํ อกํสุ. มาตา ปนสฺส กุมา นาม, เตน กุมาปุตฺโตติ ปฺายิตฺถ. โส อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ลทฺธปฺปสาโท ปพฺพชิตฺวา กตปุพฺพกิจฺโจ ปริยนฺตปพฺพตปสฺเส สมณธมฺมํ กโรนฺโต วิเสสํ นิพฺพตฺเตตุํ อสกฺโกนฺโต ¶ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา กมฺมฏฺานํ โสเธตฺวา สปฺปายฏฺาเน วสนฺโต วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ สจฺฉากาสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๓.๒๔-๓๐) –
‘‘นคเร พนฺธุมติยา, ราชุยฺยาเน วสามหํ;
จมฺมวาสี ตทา อาสึ, กมณฺฑลุธโร อหํ.
‘‘อทฺทสํ วิมลํ พุทฺธํ, สยมฺภุํ อปราชิตํ;
ปธานํ ปหิตตฺตํ ตํ, ฌายึ ฌานรตํ วสึ.
‘‘สพฺพกามสมิทฺธฺจ, โอฆติณฺณมนาสวํ;
ทิสฺวา ปสนฺนสุมโน, อพฺภฺชนมทาสหํ.
‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, อพฺภฺชนมทาสหํ;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, อพฺภฺชนสฺสิทํ ผลํ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหตฺตํ ¶ ปน ปตฺวา อรฺเ กายทฬฺหิพหุเล ภิกฺขู, ทิสฺวา เต โอวทนฺโต สาสนสฺส นิยฺยานิกภาวํ ปกาเสนฺโต ‘‘สาธุ สุตํ สาธุ จริตก’’นฺติ คาถํ อภาสิ.
๓๖. ตตฺถ ¶ สาธูติ สุนฺทรํ. สุตนฺติ สวนํ. ตฺจ โข วิวฏฺฏูปนิสฺสิตํ วิเสสโต อปฺปิจฺฉตาทิปฏิสํยุตฺตํ ทสกถาวตฺถุสวนํ อิธาธิปฺเปตํ. สาธุ จริตกนฺติ ตเทว อปฺปิจฺฉตาทิจริตํ จิณฺณํ, สาธุจริตเมว หิ ‘‘จริตก’’นฺติ วุตฺตํ. ปททฺวเยนาปิ พาหุสจฺจํ ตทนุรูปํ ปฏิปตฺติฺจ ‘‘สุนฺทร’’นฺติ ทสฺเสติ. สทาติ สพฺพกาเล นวกมชฺฌิมเถรกาเล, สพฺเพสุ วา อิริยาปถกฺขเณสุ. อนิเกตวิหาโรติ กิเลสานํ นิวาสนฏฺานฏฺเน ปฺจกามคุณา นิเกตา นาม, โลกิยา วา ฉฬารมฺมณธมฺมา. ยถาห – ‘‘รูปนิมิตฺตนิเกตวิสารวินิพนฺธา โข, คหปติ, ‘นิเกตสารี’ติ วุจฺจตี’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๓.๓). เตสํ นิเกตานํ ปหานตฺถาย ปฏิปทา อนิเกตวิหาโร. อตฺถปุจฺฉนนฺติ ตํ อาชานิตุกามสฺส กลฺยาณมิตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺถปเภทสฺส ปุจฺฉนํ, กุสลาทิเภทสฺส วา อตฺถสฺส สภาวธมฺมสฺส ‘‘กึ, ภนฺเต, กุสลํ, กึ อกุสลํ, กึ สาวชฺชํ, กึ อนวชฺช’’นฺติอาทินา (ม. นิ. ๓.๒๙๖) ปุจฺฉนํ อตฺถปุจฺฉนํ. ปทกฺขิณกมฺมนฺติ ตํ ปน ปุจฺฉิตฺวา ปทกฺขิณคฺคาหิภาเวน ตสฺส โอวาเท อธิฏฺานํ สมฺมาปฏิปตฺติ. อิธาปิ ‘‘สาธู’’ติ ปทํ อาเนตฺวา โยเชตพฺพํ. เอตํ สามฺนฺติ ‘‘สาธุ สุต’’นฺติอาทินา วุตฺตํ ยํ สุตํ, ยฺจ จริตํ, โย จ อนิเกตวิหาโร ¶ , ยฺจ อตฺถปุจฺฉนํ, ยฺจ ปทกฺขิณกมฺมํ, เอตํ สามฺํ เอโส สมณภาโว. ยสฺมา อิมาย เอว ปฏิปทาย สมณภาโว, น อฺถา, ตสฺมา ‘‘สามฺ’’นฺติ นิปฺปริยายโต มคฺคผลสฺส อธิวจนํ. ตสฺส วา ปน อยํ อปณฺณกปฏิปทา, ตํ ปเนตํ สามฺํ ยาทิสสฺส สมฺภวาติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อกิฺจนสฺสา’’ติ วุตฺตํ. อปริคฺคาหกสฺส, เขตฺตวตฺถุหิรฺสุวณฺณทาสิทาสาทิปริคฺคหปฏิคฺคหณรหิตสฺสาติ อตฺโถ.
กุมาปุตฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. กุมาปุตฺตสหายตฺเถรคาถาวณฺณนา
นานาชนปทํ ¶ ยนฺตีติ อายสฺมโต กุมาปุตฺตสหายตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โส กิร ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินนฺโต อิโต จตุนวุเต กปฺเป สิทฺธตฺถสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต อรฺํ ปวิสิตฺวา พหุํ รุกฺขทณฺฑํ ฉินฺทิตฺวา กตฺตรยฏฺึ กตฺวา สงฺฆสฺส อทาสิ. อฺฺจ ยถาวิภวํ ปฺุํ กตฺวา เทเวสุ ¶ นิพฺพตฺติตฺวา ตโต ปฏฺาย สุคตีสุเยว ปริวตฺเตนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท เวฬุกณฺฏกนคเร อิทฺเธ กุเล นิพฺพตฺติ. สุทนฺโตติสฺส นามํ อโหสิ. ‘‘วาสุโล’’ติ เกจิ วทนฺติ. โส กุมาปุตฺตสฺส ปิยสหาโย หุตฺวา วิจรนฺโต ‘‘กุมาปุตฺโต ปพฺพชิโต’’ติ สุตฺวา ‘‘น หิ นูน โส โอรโก ธมฺมวินโย, ยตฺถ กุมาปุตฺโต ปพฺพชิโต’’ติ ตทนุพนฺเธน สยมฺปิ ปพฺพชิตุกาโม หุตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ อุปสงฺกมิ. ตสฺส สตฺถา ธมฺมํ เทเสสิ. โส ภิยฺโยโสมตฺตาย ปพฺพชฺชาย สฺชาตฉนฺโท ปพฺพชิตฺวา กุมาปุตฺเตเนว สทฺธึ ปริยนฺตปพฺพเต ภาวนานุยุตฺโต วิหรติ. เตน จ สมเยน สมฺพหุลา ภิกฺขู นานาชนปเทสุ ชนปทจาริกํ จรนฺตาปิ คจฺฉนฺตาปิ อาคจฺฉนฺตาปิ ตํ านํ ¶ อุปคจฺฉนฺติ. เตน ตตฺถ โกลาหลํ โหติ. ตํ ทิสฺวา สุทนฺตตฺเถโร ‘‘อิเม ภิกฺขู นิยฺยานิกสาสเน ปพฺพชิตฺวา ชนปทวิตกฺกํ อนุวตฺเตนฺตา จิตฺตสมาธึ วิราเธนฺตี’’ติ สํเวคชาโต ตเมว สํเวคํ อตฺตโน จิตฺตทมนสฺส องฺกุสํ กโรนฺโต ‘‘นานาชนปทํ ยนฺตี’’ติ คาถํ อภาสิ.
๓๗. ตตฺถ นานาชนปทนฺติ วิสุํ วิสุํ นานาวิธํ ชนปทํ, กาสิโกสลาทิอเนกรฏฺนฺติ อตฺโถ. ยนฺตีติ คจฺฉนฺติ. วิจรนฺตาติ ‘‘อสุโก ชนปโท สุภิกฺโข สุลภปิณฺโฑ, อสุโก เขโม อโรโค’’ติอาทิวิตกฺกวเสน ชนปทจาริกํ จรนฺตา. อสฺตาติ ตสฺเสว ชนปทวิตกฺกสฺส อปฺปหีนตาย จิตฺเตน อสํยตา. สมาธิฺจ วิราเธนฺตีติ สพฺพสฺสปิ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมสฺส มูลภูตํ อุปจารปฺปนาเภทํ สมาธิฺจ นาม วิราเธนฺติ ¶ . จ-สทฺโท สมฺภาวเน. เทสนฺตรจรเณน ฌายิตุํ โอกาสาภาเวน อนธิคตํ สมาธึ นาธิคจฺฉนฺตา, อธิคตฺจ วสีภาวานาปาทเนน ชีรนฺตา วีราเธนฺติ นาม. กึสุ รฏฺจริยา กริสฺสตีติ สูติ นิปาตมตฺตํ. ‘‘เอวํภูตานํ รฏฺจริยา ชนปทจาริกา กึ กริสฺสติ, กึ นาม อตฺถํ สาเธสฺสติ, นิรตฺถกาวา’’ติ ครหนฺโต วทติ. ตสฺมาติ ยสฺมา อีทิสี เทสนฺตรจริยา ภิกฺขุสฺส น อตฺถาวหา, อปิ จ โข อนตฺถาวหา สมฺปตฺตีนํ วิราธนโต, ตสฺมา. วิเนยฺย สารมฺภนฺติ วสนปเทเส อรติวเสน อุปฺปนฺนํ สารมฺภํ จิตฺตสํกิเลสํ ตทนุรูเปน ปฏิสงฺขาเนน วิเนตฺวา วูปสเมตฺวา. ฌาเยยฺยาติ อารมฺมณูปนิชฺฌาเนน ลกฺขณูปนิชฺฌาเนน จาติ ทุวิเธนปิ ฌาเนน ฌาเยยฺย. อปุรกฺขโตติ มิจฺฉาวิตกฺเกหิ ตณฺหาทีหิ วา น ปุรกฺขโตติ เตสํ วสํ อนุปคจฺฉนฺโต กมฺมฏฺานเมว มนสิ กเรยฺยาติ อตฺโถ. เอวํ ปน วตฺวา เถโร ตเมว สํเวคํ องฺกุสํ กตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๓.๓๖-๔๑) –
‘‘กานนํ ¶ วนโมคฺคยฺห, เวฬุํ เฉตฺวานหํ ตทา;
อาลมฺพนํ กริตฺวาน, สงฺฆสฺส อททึ พหุํ.
‘‘เตน ¶ จิตฺตปฺปสาเทน, สุพฺพเต อภิวาทิย;
อาลมฺพทณฺฑํ ทตฺวาน, ปกฺกามึ อุตฺตรามุโข.
‘‘จตุนฺนวุติโต กปฺเป, ยํ ทณฺฑมททึ ตทา;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ทณฺฑทานสฺสิทํ ผลํ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
ยํ ปนตฺถํ องฺกุสํ กตฺวา อยํ เถโร อรหตฺตํ ปตฺโต, ตเมวตฺถํ หทเย เปตฺวา อรหตฺตํ ปตฺโตปิ ‘‘นานาชนปทํ ยนฺติ’’ติ อิทเมว คาถํ อภาสิ. ตสฺมา ตเทวสฺส อฺาพฺยากรณํ อโหสีติ.
กุมาปุตฺตสหายตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. ควมฺปติตฺเถรคาถาวณฺณนา
โย ¶ อิทฺธิยา สรภุนฺติ อายสฺมโต ควมฺปติตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โส กิร ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร อิโต เอกตึเส กปฺเป สิขึ ภควนฺตํ ปสฺสิตฺวา ปสนฺนมานโส ปุปฺเผหิ ปูชํ อกาสิ. โส เตน ปฺุกมฺเมน เทวโลเก อุปฺปนฺโน อปราปรํ ปฺุานิ กโรนฺโต โกณาคมนสฺส ภควโต เจติเย ฉตฺตฺจ เวทิกฺจ กาเรสิ. กสฺสปสฺส ปน ภควโต กาเล อฺตรสฺมึ กุลเคเห นิพฺพตฺโต. ตสฺมิฺจ กุเล พหุํ โคมณฺฑลํ อโหสิ. ตํ โคปาลกา รกฺขนฺติ. อยํ ตตฺถ อนฺตรนฺตรา ยุตฺตปฺปยุตฺตํ วิจาเรนฺโต วิจรติ. โส เอกํ ขีณาสวตฺเถรํ คาเม ปิณฺฑาย จริตฺวา พหิคาเม เทวสิกํ เอกสฺมึ ปเทเส ภตฺตกิจฺจํ กโรนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อยฺโย สูริยาตเปน กิลมิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา จตฺตาโร สิรีสทณฺเฑ อุสฺสาเปตฺวา เตสํ อุปริ สิรีสสาขาโย เปตฺวา สาขามณฺฑปํ กตฺวา อทาสิ. ‘‘มณฺฑปสฺส สมีเป สิรีสรุกฺขํ โรเปสี’’ติ จ วทนฺติ. ตสฺส อนุกมฺปาย เทวสิกํ เถโร ตตฺถ นิสีทิ. โส เตน ปฺุกมฺเมน ตโต จวิตฺวา จาตุมหาราชิเกสุ นิพฺพตฺติ. ตสฺส ปุริมกมฺมสํสูจกํ วิมานทฺวาเร มหนฺตํ สิรีสวนํ นิพฺพตฺติ วณฺณคนฺธสมฺปนฺเนหิ อฺเหิ ปุปฺเผหิ สพฺพกาเล อุปโสภยมานํ, เตน ตํ วิมานํ ‘‘เสรีสก’’นฺติ ปฺายิตฺถ. โส เทวปุตฺโต เอกํ พุทฺธนฺตรํ เทเวสุ จ มนุสฺเสสุ จ สํสริตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ยสตฺเถรสฺส จตูสุ ¶ คิหิสหาเยสุ ควมฺปติ นาม หุตฺวา อายสฺมโต ยสสฺส ปพฺพชิตภาวํ สุตฺวา อตฺตโน สหาเยหิ สทฺธึ ภควโต สนฺติกํ อคมาสิ ¶ . สตฺถา ตสฺส ธมฺมํ เทเสสิ. โส เทสนาวสาเน สหาเยหิ สทฺธึ อรหตฺเต ปติฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๓.๔๒-๔๗) –
‘‘มิคลุทฺโท ปุเร อาสึ, วิปิเน วิจรํ อหํ;
อทฺทสํ วิรชํ พุทฺธํ, สพฺพธมฺมาน ปารคุํ.
‘‘ตสฺมึ มหาการุณิเก, สพฺพสตฺตหิเต รเต;
ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, เนลปุปฺผํ อปูชยึ.
‘‘เอกตึเส ¶ อิโต กปฺเป, ยํ ปุปฺผมภิปูชยึ;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหตฺตํ ปน ปตฺวา เถโร วิมุตฺติสุขํ ปฏิสํเวเทนฺโต สาเกเต วิหรติ อฺชนวเน. เตน จ สมเยน ภควา มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ สาเกตํ คนฺตฺวา อฺชนวเน วิหาสิ. เสนาสนํ นปฺปโหสิ. สมฺพหุลา ภิกฺขู วิหารสามนฺตา สรภุยา นทิยา วาลิกาปุฬิเน สยึสุ. อถ อฑฺฒรตฺตสมเย นทิยา อุทโกเฆ อาคจฺฉนฺเต สามเณราทโย อุจฺจาสทฺทมหาสทฺทา อเหสุํ. ภควา ตํ ตฺวา อายสฺมนฺตํ ควมฺปตึ อาณาเปสิ – ‘‘คจฺฉ, ควมฺปติ, ชโลฆํ วิกฺขมฺเภตฺวา ภิกฺขูนํ ผาสุวิหารํ กโรหี’’ติ. เถโร ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ อิทฺธิพเลน นทีโสตํ วิกฺขมฺภิ, ตํ ทูรโตว ปพฺพตกูฏํ วิย อฏฺาสิ. ตโต ปฏฺาย เถรสฺส อานุภาโว โลเก ปากโฏ อโหสิ. อเถกทิวสํ สตฺถา มหติยา เทวปริสาย มชฺเฌ นิสีทิตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺตํ เถรํ ทิสฺวา โลกานุกมฺปาย ตสฺส คุณานํ วิภาวนตฺถํ ตํ ปสํสนฺโต ‘‘โย อิทฺธิยา สรภุ’’นฺติ คาถํ อภาสิ.
๓๘. ตตฺถ อิทฺธิยาติ อธิฏฺานิทฺธิยา. สรภุนฺติ เอวํนามิกํ นทึ, ยํ โลเก ‘‘สรภุ’’นฺติ วทนฺติ. อฏฺเปสีติ สนฺทิตุํ อเทนฺโต โสตํ นิวตฺเตตฺวา ปพฺพตกูฏํ วิย มหนฺตํ ชลราสึ กตฺวา เปสิ. อสิโตติ นสิโต, ตณฺหาทิฏฺินิสฺสยรหิโต, พนฺธนสงฺขาตานํ วา สพฺพสํโยชนานํ สมุจฺฉินฺนตฺตา เกนจิปิ พนฺธเนน อพทฺโธ, ตโต เอว เอชานํ กิเลสานํ อภาวโต อเนโช โส, ควมฺปติ, ตํ สพฺพสงฺคาติคตํ ตาทิสํ สพฺเพปิ ราคโทสโมหมานทิฏฺิสงฺเค อติกฺกมิตฺวา ¶ ิตตฺตา สพฺพสงฺคาติคตํ, อเสกฺขมุนิภาวโต มหามุนึ, ตโต เอว กามกมฺมภวาทิเภทสฺส สกลสฺสปิ ภวสฺส ปารํ นิพฺพานํ คตตฺตา ภวสฺส ปารคุํ. เทวา นมสฺสนฺตีติ เทวาปิ อิมสฺสนฺติ, ปเคว อิตรา ปชาติ.
คาถาปริโยสาเน ¶ ¶ มหโต ชนกายสฺส ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. เถโร อฺํ พฺยากโรนฺโต ‘‘สตฺถารํ ปูเชสฺสามี’’ติ อิมเมว คาถํ อภาสีติ.
ควมฺปติตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. ติสฺสตฺเถรคาถาวณฺณนา
สตฺติยา วิย โอมฏฺโติ อายสฺมโต ติสฺสตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปติ? อยมฺปิ กิร ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ ปฺุํ อุปจินนฺโต ติสฺสสฺส ภควโต โพธิยา มูเล ปุราณปณฺณานิ นีหริตฺวา โสเธสิ. โส เตน ปฺุกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท กปิลวตฺถุนคเร ภควโต ปิตุจฺฉาปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ ติสฺโส นาม นาเมน. โส ภควนฺตํ อนุปพฺพชิตฺวา อุปสมฺปนฺโน หุตฺวา อรฺายตเน วิหรนฺโต ชาตึ ปฏิจฺจ มานํ กโรนฺโต โกธูปายาสพหุโล จ อุชฺฌานพหุโล จ หุตฺวา วิจรติ, สมณธมฺเม อุสฺสุกฺกํ น กโรติ. อถ นํ สตฺถา เอกทิวสํ ทิวาฏฺาเน วิวฏมุขํ นิทฺทายนฺตํ ทิพฺพจกฺขุนา โอโลเกนฺโต สาวตฺถิโต อากาเสน คนฺตฺวา ตสฺส อุปริ อากาเสเยว ตฺวา โอภาสํ ผริตฺวา เตโนภาเสน ปฏิพุทฺธสฺส สตึ อุปฺปาเทตฺวา โอวาทํ เทนฺโต ‘‘สตฺติยา วิย โอมฏฺโ’’ติ คาถํ อภาสิ.
๓๙. ตตฺถ สตฺติยาติ เทสนาสีสเมตํ, เอกโตธาราทินา สตฺเถนาติ อตฺโถ. โอมฏฺโติ ปหโต. จตฺตาโร หิ ปหารา โอมฏฺโ อุมฺมฏฺโ มฏฺโ วิมฏฺโติ. ตตฺถ อุปริ ตฺวา อโธมุขํ ทินฺนปหาโร โอมฏฺโ นาม, เหฏฺา ตฺวา อุทฺธมฺมุขํ ทินฺนปหาโร อุมฺมฏฺโ นาม, อคฺคฬสูจิ ¶ วิย วินิวิชฺฌิตฺวา คโต มฏฺโ นาม, เสโส สพฺโพปิ วิมฏฺโ นาม. อิมสฺมึ ปน าเน โอมฏฺโ คหิโต. โส หิ สพฺพทารุโณ ทุรุทฺธรณสลฺโล ทุตฺติกิจฺโฉ อนฺโตโทโส อนฺโตปุพฺพโลหิโตว โหติ, ปุพฺพโลหิตํ อนิกฺขมิตฺวา วณมุขํ ปริโยนนฺธิตฺวา ติฏฺติ. ปุพฺพโลหิตํ นีหริตุกาเมหิ มฺเจน สทฺธึ พนฺธิตฺวา อโธสิโร กาตพฺโพ ¶ โหติ, มรณํ วา มรณมตฺตํ วา ทุกฺขํ ปาปุณนฺติ. ฑยฺหมาเนติ อคฺคินา ฌายมาเน. มตฺถเกติ สีเส. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา สตฺติยา โอมฏฺโ ปุริโส สลฺลุพฺพาหนวณติกิจฺฉนานํ อตฺถาย วีริยํ อารภติ ตาทิสํ ปโยคํ กโรติ ปรกฺกมติ, ยถา จ ฑยฺหมาเน มตฺถเก อาทิตฺตสีโส ปุริโส ตสฺส นิพฺพาปนตฺถํ วีริยํ อารภติ ตาทิสํ ปโยคํ กโรติ, เอวเมวํ, ภิกฺขุ, กามราคปฺปหานาย สโต อปฺปมตฺโต อติวิย อุสฺสาหชาโต หุตฺวา วิหเรยฺยาติ.
เอวํ ¶ ภควา ตสฺส เถรสฺส โกธูปายาสวูปสมาย โอวาทํ เทนฺโต ตเทกฏฺตาย กามราคปฺปหานสีเสน เทสนํ นิฏฺาเปสิ. เถโร อิมํ คาถํ สุตฺวา สํวิคฺคหทโย วิปสฺสนาย ยุตฺตปฺปยุตฺโต วิหาสิ. ตสฺส อชฺฌาสยํ ตฺวา สตฺถา สํยุตฺตเก ติสฺสตฺเถรสุตฺตํ (สํ. นิ. ๓.๘๔) เทเสสิ. โส เทสนาปริโยสาเน อรหตฺเต ปติฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๓.๖๖-๗๓) –
‘‘เทวโลเก มนุสฺเส เจ, อนุโภตฺวา อุโภ ยเส;
อวสาเน จ นิพฺพานํ, สิวํ ปตฺโต อนุตฺตรํ.
‘‘สมฺพุทฺธํ อุทฺทิสิตฺวาน, โพธึ วา ตสฺส สตฺถุโน;
โย ปฺุํ ปสวี โปโส, ตสฺส กึ นาม ทุลฺลภํ.
‘‘มคฺเค ผเล อาคเม จ, ฌานาภิฺาคุเณสุ จ;
อฺเสํ อธิโก หุตฺวา, นิพฺพายามิ อนาสโว.
‘‘ปุเรหํ โพธิยา ปตฺตํ, ฉฑฺเฑตฺวา หฏฺมานโส;
อิเมหิ วีสตงฺเคหิ, สมงฺคี โหมิ สพฺพถา.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหตฺตํ ปน ปตฺวา เถโร อฺํ พฺยากโรนฺโต สตฺถารํ ปูเชตุํ ตเมว คาถํ อภาสิ.
ติสฺสตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. วฑฺฒมานตฺเถรคาถาวณฺณนา
สตฺติยา ¶ ¶ วิย โอมฏฺโติ อายสฺมโต วฑฺฒมานตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ กิร ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร อิโต ทฺเวนวุเต กปฺเป ติสฺสสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต ติสฺสํ ภควนฺตํ ปิณฺฑาย จรนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส สุปริปกฺกานิ วณฺฏโต มุตฺตานิ อมฺพผลานิ อทาสิ. โส เตน ปฺุกมฺเมน เทวโลเก นิพฺพตฺโต อปราปรํ ปฺุกมฺมานิ อุปจินนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท เวสาลิยํ ลิจฺฉวิราชกุเล นิพฺพตฺติ, วฑฺฒมาโนติสฺส นามํ อโหสิ. โส วยปฺปตฺโต สทฺโธ ปสนฺโน ทายโก ทานรโต การโก สงฺฆุปฏฺาโก หุตฺวา ตถารูเป อปราเธ สตฺถารา ปตฺตนิกฺกุชฺชนกมฺเม การาปิเต อคฺคึ อกฺกนฺโต วิย สงฺฆํ ขมาเปตฺวา กมฺมํ ปฏิปฺปสฺสมฺเภตฺวา สฺชาตสํเวโค ปพฺพชิ, ปพฺพชิตฺวา ปน ¶ ถินมิทฺธาภิภูโต วิหาสิ. ตํ สตฺถา สํเวเชนฺโต ‘‘สตฺติยา วิย โอมฏฺโ’’ติ คาถํ อภาสิ.
๔๐. ตตฺถ ภวราคปฺปหานายาติ ภวราคสฺส รูปราคสฺส อรูปราคสฺส จ ปชหนตฺถาย. ยทิปิ อชฺฌตฺตสํโยชนานิ อปฺปหาย พหิทฺธสํโยชนานํ ปหานํ นาม นตฺถิ, นานนฺตริกภาวโต ปน อุทฺธมฺภาคิยสํโยชนปฺปหานวจเนน โอรมฺภาคิยสํโยชนปฺปหานมฺปิ วุตฺตเมว โหติ. ยสฺมา วา สมุจฺฉินฺโนรมฺภาคิยสํโยชนานมฺปิ เกสฺจิ อริยานํ อุทฺธมฺภาคิยสํโยชนานิ ทุปฺปเหยฺยานิ โหนฺติ, ตสฺมา สุปฺปเหยฺยโต ทุปฺปเหยฺยเมว ทสฺเสนฺโต ภควา ภวราคปฺปหานสีเสน สพฺพสฺสาปิ อุทฺธมฺภาคิยสํโยชนสฺส ปหานมาห. เถรสฺส เอว วา อชฺฌาสยวเสเนวํ วุตฺตํ. เสสํ วุตฺตนยเมว.
วฑฺฒมานตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
จตุตฺถวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. ปฺจมวคฺโค
๑. สิริวฑฺฒตฺเถรคาถาวณฺณนา
วิวรมนุปตนฺติ ¶ ¶ ¶ วิชฺชุตาติ อายสฺมโต สิริวฑฺฒตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โสปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินนฺโต อิโต เอกนวุเต กปฺเป วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต วิปสฺสึ ภควนฺตํ ปสฺสิตฺวา กิงฺกณิปุปฺเผหิ ปูชํ กตฺวา เตน ปฺุกมฺเมน เทวโลเก นิพฺพตฺโต อปราปรํ ปฺุานิ กตฺวา สุคตีสุเยว สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคเห วิภวสมฺปนฺนสฺส พฺราหฺมณสฺส เคเห นิพฺพตฺติ, สิริวฑฺโฒติสฺส นามํ อโหสิ. โส วยปฺปตฺโต พิมฺพิสารสมาคเม สตฺถริ สทฺธมฺเม จ อุปฺปนฺนปฺปสาโท เหตุสมฺปนฺนตาย ปพฺพชิ. ปพฺพชิตฺวา จ กตปุพฺพกิจฺโจ เวภารปณฺฑวปพฺพตานํ อวิทูเร อฺตรสฺมึ อรฺายตเน ปพฺพตคุหายํ กมฺมฏฺานมนุยุตฺโต วิหรติ. ตสฺมิฺจ สมเย มหา อกาลเมโฆ อุฏฺหิ. วิชฺชุลฺลตา ปพฺพตวิวรํ ปวิสนฺติโย วิย วิจรนฺติ. เถรสฺส ฆมฺมปริฬาหาภิภูตสฺส สารคพฺเภหิ เมฆวาเตหิ ฆมฺมปริฬาโห วูปสมิ. อุตุสปฺปายลาเภน จิตฺตํ เอกคฺคํ อโหสิ. สมาหิตจิตฺโต วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๒๑.๑๐-๑๔) –
‘‘กฺจนคฺฆิยสงฺกาโส, สพฺพฺู โลกนายโก;
โอทกํ ทหโมคฺคยฺห, สินายิ อคฺคปุคฺคโล.
‘‘ปคฺคยฺห กิงฺกณึ ปุปฺผํ, วิปสฺสิสฺสาภิโรปยึ;
อุทคฺคจิตฺโต สุมโน, ทฺวิปทินฺทสฺส ตาทิโน.
‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ ปุปฺผมภิโรปยึ;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.
‘‘สตฺตวีสติกปฺปมฺหิ, ราชา ภีมรโถ อหุ;
สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหตฺตํ ¶ ¶ ปน ปตฺวา อฺาปเทเสน อตฺตสนฺนิสฺสยํ อุทานํ อุทาเนนฺโต ‘‘วิวรมนุปตนฺติ วิชฺชุตา’’ติ คาถํ อภาสิ.
๔๑. ตตฺถ วิวรนฺติ อนฺตรา เวมชฺฌํ. อนุปตนฺตีติ อนุลกฺขเณ ปตนฺติ ปวตฺตนฺติ, วิชฺโชตนฺตีติ อตฺโถ. วิชฺโชตนเมว หิ วิชฺชุลฺลตานํ ปวตฺติ นาม. อนุ-สทฺทโยเคน เจตฺถ อุปโยควจนํ, ยถา ‘‘รุกฺขมนุวิชฺโชตนฺตี’’ติ. วิชฺชุตาติ ¶ สเตรตา. เวภารสฺส จ ปณฺฑวสฺส จาติ เวภารปพฺพตสฺส จ ปณฺฑวปพฺพตสฺส จ วิวรมนุปตนฺตีติ โยชนา. นควิวรคโตติ นควิวรํ ปพฺพตคุหํ อุปคโต. ฌายตีติ อารมฺมณูปนิชฺฌาเนน ลกฺขณูปนิชฺฌาเนน จ ฌายติ, สมถวิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปนฺโต ภาเวติ. ปุตฺโต อปฺปฏิมสฺส ตาทิโนติ สีลกฺขนฺธาทิธมฺมกายสมฺปตฺติยา รูปกายสมฺปตฺติยา จ อนุปมสฺส อุปมารหิตสฺส อิฏฺานิฏฺาทีสุ ตาทิลกฺขณสมฺปตฺติยา ตาทิโน พุทฺธสฺส ภควโต โอรสปุตฺโต. ปุตฺตวจเนเนว เจตฺถ เถเรน สตฺถุ อนุชาตภาวทีปเนน อฺา พฺยากตาติ เวทิตพฺพํ.
สิริวฑฺฒตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. ขทิรวนิยตฺเถรคาถาวณฺณนา
จาเล อุปจาเลติ อายสฺมโต ขทิรวนิยเรวตตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปติ? อยํ กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล หํสวตีนคเร ติตฺถนาวิกกุเล นิพฺพตฺติตฺวา มหาคงฺคาย ปยาคติตฺเถ ติตฺถนาวากมฺมํ กโรนฺโต เอกทิวสํ สสาวกสงฺฆํ ภควนฺตํ คงฺคาตีรํ อุปคตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส นาวาสงฺฆาฏํ โยเชตฺวา มหนฺเตน ปูชาสกฺกาเรน ปรตีรํ ปาเปตฺวา อฺตรํ ภิกฺขุํ สตฺถารา อารฺกานํ อคฺคฏฺาเน ปิยมานํ ทิสฺวา ตทตฺถํ ปตฺถนํ ปฏฺเปตฺวา ภควโต ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ มหาทานํ ปวตฺเตสิ. ภควา จ ตสฺส ปตฺถนาย อวชฺฌภาวํ พฺยากาสิ. โส ตโต ปฏฺาย ตตฺถ ตตฺถ วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลํ กตฺวา ¶ เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท มคธรฏฺเ นาลกคาเม รูปสาริยา พฺราหฺมณิยา กุจฺฉิสฺมึ นิพฺพตฺติ. ตํ วยปฺปตฺตํ มาตาปิตโร ฆรพนฺธเนน พนฺธิตุกามา ชาตา. โส ¶ สาริปุตฺตตฺเถรสฺส ปพฺพชิตภาวํ สุตฺวา ‘‘มยฺหํ เชฏฺภาตา อยฺโย อุปติสฺโส อิมํ วิภวํ ฉฑฺเฑตฺวา ปพฺพชิโต, เตน วนฺตํ เขฬปิณฺฑํ กถาหํ ปจฺฉา คิลิสฺสามี’’ติ ชาตสํเวโค ปาสํ อนุปคจฺฉนกมิโค วิย าตเก วฺเจตฺวา เหตุสมฺปตฺติยา โจทิยมาโน ภิกฺขูนํ สนฺติกํ คนฺตฺวา ธมฺมเสนาปติโน กนิฏฺภาวํ นิเวเทตฺวา อตฺตโน ปพฺพชฺชาย ฉนฺทํ อาโรเจสิ. ภิกฺขู ตํ ปพฺพาเชตฺวา ปริปุณฺณวีสติวสฺสํ อุปสมฺปาเทตฺวา ¶ กมฺมฏฺาเน นิโยเชสุํ. โส กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา ขทิรวนํ ปวิสิตฺวา, ‘‘อรหตฺตํ ปตฺวา ภควนฺตํ ธมฺมเสนาปติฺจ ปสฺสิสฺสามี’’ติ ฆเฏนฺโต วายมนฺโต าณสฺส ปริปากคตตฺตา นจิรสฺเสว ฉฬภิฺโ อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑.๖๒๘-๖๔๓) –
‘‘คงฺคา ภาคีรถี นาม, หิมวนฺตา ปภาวิตา;
กุติตฺเถ นาวิโก อาสึ, โอริเม จ ตรึ อหํ.
‘‘ปทุมุตฺตโร นายโก, สมฺพุทฺโธ ทฺวิปทุตฺตโม;
วสีสตสหสฺเสหิ, คงฺคาตีรมุปาคโต.
‘‘พหู นาวา สมาเนตฺวา, วฑฺฒกีหิ สุสงฺขตํ;
นาวาย ฉทนํ กตฺวา, ปฏิมานึ นราสภํ.
‘‘อาคนฺตฺวาน จ สมฺพุทฺโธ, อารูหิ ตฺจ นาวกํ;
วาริมชฺเฌ ิโต สตฺถา, อิมา คาถา อภาสถ.
‘‘โย โส ตาเรสิ สมฺพุทฺธํ, สงฺฆฺจาปิ อนาสวํ;
เตน จิตฺตปฺปสาเทน, เทวโลเก รมิสฺสติ.
‘‘นิพฺพตฺติสฺสติ เต พฺยมฺหํ, สุกตํ นาวสณฺิตํ;
อากาเส ปุปฺผฉทนํ, ธารยิสฺสติ สพฺพทา.
‘‘อฏฺปฺาสกปฺปมฺหิ, ตารโก นาม ขตฺติโย;
จาตุรนฺโต วิชิตาวี, จกฺกวตฺตี ภวิสฺสติ.
‘‘สตฺตปฺาสกปฺปมฺหิ ¶ , จมฺมโก นาม ขตฺติโย;
อุคฺคจฺฉนฺโตว สูริโย, โชติสฺสติ มหพฺพโล.
‘‘กปฺปสตสหสฺสมฺหิ, โอกฺกากกุลสมฺภโว;
โคตโม นาม โคตฺเตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติ.
‘‘ติทสา โส จวิตฺวาน, มนุสฺสตฺตํ คมิสฺสติ;
เรวโต นาม นาเมน, พฺรหฺมพนฺธุ ภวิสฺสติ.
‘‘อคารา นิกฺขมิตฺวาน, สุกฺกมูเลน โจทิโต;
โคตมสฺส ภควโต, สาสเน ปพฺพชิสฺสติ.
‘‘โส ปจฺฉา ปพฺพชิตฺวาน, ยุตฺตโยโค วิปสฺสโก;
สพฺพาสเว ปริฺาย, นิพฺพายิสฺสตินาสโว.
‘‘วีริยํ เม ธุรโธรยฺหํ, โยคกฺเขมาธิวาหนํ;
ธาเรมิ อนฺติมํ เทหํ, สมฺมาสมฺพุทฺธสาสเน.
‘‘สตสหสฺเส กตํ กมฺมํ, ผลํ ทสฺเสสิ เม อิธ;
สุมุตฺโต สรเวโคว, กิเลเส ฌาปยี มม.
‘‘ตโต ¶ มํ วนนิรตํ, ทิสฺวา โลกนฺตคู มุนิ;
วนวาสิภิกฺขูนคฺคํ, ปฺเปสิ มหามติ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
ฉฬภิฺโ ปน หุตฺวา เถโร สตฺถารํ ธมฺมเสนาปติฺจ วนฺทิตุํ เสนาสนํ สํสาเมตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย อนุปุพฺเพน สาวตฺถึ ปตฺวา เชตวนํ ปวิสิตฺวา สตฺถารํ ธมฺมเสนาปติฺจ วนฺทิตฺวา กติปาหํ เชตวเน วิหาสิ ¶ . อถ นํ สตฺถา อริยคณมชฺเฌ นิสินฺโน อารฺกานํ ภิกฺขูนํ อคฺคฏฺาเน เปสิ – ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ อารฺกานํ ยทิทํ เรวโต ขทิรวนิโย’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๙๘, ๒๐๓). โส อปรภาเค อตฺตโน ชาตคามํ คนฺตฺวา ‘‘จาลา, อุปจาลา, สีสูปจาลา’’ติ ติสฺสนฺนํ ภคินีนํ ปุตฺเต ‘‘จาลา, อุปจาลา, สีสูปจาลา’’ติ ตโย ภาคิเนยฺเย อาเนตฺวา ปพฺพาเชตฺวา กมฺมฏฺาเน นิโยเชสิ. เต กมฺมฏฺานํ อนุยุตฺตา วิหรนฺติ. ตสฺมิฺจ สมเย เถรสฺส โกจิเทว อาพาโธ อุปฺปนฺโน. ตํ ¶ สุตฺวา สาริปุตฺตตฺเถโร เรวตํ ‘‘คิลานปุจฺฉนํ อธิคมปุจฺฉนฺจ กริสฺสามี’’ติ อุปคจฺฉิ. เรวตตฺเถโร ธมฺมเสนาปตึ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา เตสํ สามเณรานํ สตุปฺปาทนวเสน โอวทนฺโต ‘‘จาเล อุปจาเล’’ติ คาถํ อภาสิ.
๔๒. ตตฺถ จาเล อุปจาเล สีสูปจาเลติ เตสํ อาลปนํ. ‘‘จาลา, อุปจาลา, สีสูปจาลา’’ติ หิ อิตฺถิลิงฺควเสน ลทฺธนามา เต ตโย ทารกา ปพฺพชิตาปิ ตถา โวหรียนฺติ. ‘‘‘จาลี, อุปจาลี, สีสูปจาลี’ติ เตสํ นาม’’นฺติ จ วทนฺติ. ยทตฺถํ ‘‘จาลา’’ติอาทินา อามนฺตนํ กตํ, ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปติสฺสตา นุ โข วิหรถา’’ติ วตฺวา ตตฺถ การณมาห ‘‘อาคโต โว วาลํ วิย เวธี’’ติ. ปติสฺสตาติ ปติสฺสติกา. โขติ อวธารเณ. อาคโตติ อาคจฺฉิ. โวติ ตุมฺหากํ. วาลํ วิย เวธีติ วาลเวธี วิย, อยฺเหตฺถ สงฺเขปตฺโถ – ติกฺขชวนนิพฺเพธิกปฺตาย วาลเวธิรูโป สตฺถุกปฺโป ตุมฺหากํ มาตุลตฺเถโร อาคโต, ตสฺมา สมณสฺํ อุปฏฺเปตฺวา สติสมฺปชฺยุตฺตา เอว หุตฺวา วิหรถ, ‘‘ยถาธิคเต วิหาเร อปฺปมตฺตา ภวถา’’ติ.
ตํ สุตฺวา เต สามเณรา ธมฺมเสนาปติสฺส ปจฺจุคฺคมนาทิวตฺตํ กตฺวา อุภินฺนํ มาตุลตฺเถรานํ ปฏิสนฺถารเวลายํ นาติทูเร สมาธึ สมาปชฺชิตฺวา นิสีทึสุ. ธมฺมเสนาปติ เรวตตฺเถเรน สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กตฺวา อุฏฺายาสนา เต สามเณเร อุปสงฺกมิ, เต ตถากาลปริจฺเฉทสฺส กตตฺตา เถเร อุปสงฺกมนฺเต เอว อุฏฺหิตฺวา วนฺทิตฺวา อฏฺํสุ. เถโร ‘‘กตรกตรวิหาเรน วิหรถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ¶ ¶ เตหิ ‘‘อิมาย อิมายา’’ติ วุตฺเต ‘‘ทารเกปิ นาม เอวํ วิเนนฺโต มยฺหํ ภาติโก ปจฺจปาทิ วต ธมฺมสฺส อนุธมฺม’’นฺติ เถรํ ปสํสนฺโต ปกฺกามิ.
ขทิรวนิยตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. สุมงฺคลตฺเถรคาถาวณฺณนา
สุมุตฺติโกติ ¶ อายสฺมโต สุมงฺคลตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โสปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ ปฺุํ อุปจินนฺโต สิทฺธตฺถสฺส ภควโต กาเล รุกฺขเทวตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ. โส เอกทิวสํ สตฺถารํ นฺหายิตฺวา เอกจีวรํ ิตํ ทิสฺวา โสมนสฺสปฺปตฺโต หุตฺวา อปฺโผเฏสิ. โส เตน ปฺุกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยา อวิทูเร อฺตรสฺมึ คามเก ตาทิเสน กมฺมนิสฺสนฺเทน ทลิทฺทกุเล นิพฺพตฺติ. ตสฺส สุมงฺคโลติ นามํ อโหสิ. โส วยปฺปตฺโต ขุชฺชกาสิตนงฺคลกุทฺทาลปริกฺขาโร หุตฺวา กสิยา ชีวติ. โส เอกทิวสํ รฺา ปเสนทิโกสเลน ภควโต ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ มหาทาเน ปวตฺติยมาเน ทาโนปกรณานิ คเหตฺวา อาคจฺฉนฺเตหิ มนุสฺเสหิ สทฺธึ ทธิฆฏํ คเหตฺวา อาคโต ภิกฺขูนํ สกฺการสมฺมานํ ทิสฺวา ‘‘อิเม สมณา สกฺยปุตฺติยา สุขุมวตฺถสุนิวตฺถา สุโภชนานิ ภฺุชิตฺวา นิวาเตสุ เสนาสเนสุ วิหรนฺติ, ยํนูนาหมฺปิ ปพฺพเชยฺย’’นฺติ จินฺเตตฺวา, อฺตรํ มหาเถรํ อุปสงฺกมิตฺวา อตฺตโน ปพฺพชฺชาธิปฺปายํ นิเวเทสิ. โส ตํ กรุณายนฺโต ปพฺพาเชตฺวา กมฺมฏฺานํ อาจิกฺขิ. โส อรฺเ วิหรนฺโต เอกวิหาเร นิพฺพินฺโน อุกฺกณฺิโต หุตฺวา, วิพฺภมิตุกาโม าติคามํ คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค กจฺฉํ พนฺธิตฺวา เขตฺตํ กสนฺเต กิลิฏฺวตฺถนิวตฺเถ สมนฺตโต รโชกิณฺณสรีเร วาตาตเปน ผุสฺสนฺเต กสฺสเก ทิสฺวา, ‘‘มหนฺตํ วติเม สตฺตา ชีวิกนิมิตฺตํ ทุกฺขํ ปจฺจนุโภนฺตี’’ติ ¶ สํเวคํ ปฏิลภิ. าณสฺส ปริปากํ คตตฺตา ยถาคหิตํ กมฺมฏฺานํ อุปฏฺาสิ. โส อฺตรํ รุกฺขมูลํ อุปคนฺตฺวา วิเวกํ ลภิตฺวา โยนิโส มนสิกโรนฺโต วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา มคฺคปฏิปาฏิยา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๒.๑๑-๑๙) –
‘‘อตฺถทสฺสี ชินวโร, โลกเชฏฺโ นราสโภ;
วิหารา อภินิกฺขมฺม, ตฬากํ อุปสงฺกมิ.
‘‘นฺหาตฺวา ปิตฺวา จ สมฺพุทฺโธ, อุตฺตริตฺเวกจีวโร;
อฏฺาสิ ภควา ตตฺถ, วิโลเกนฺโต ทิโสทิสํ.
‘‘ภวเน ¶ ¶ อุปวิฏฺโหํ, อทฺทสํ โลกนายกํ;
หฏฺโ หฏฺเน จิตฺเตน, อปฺโผเฏสึ อหํ ตทา.
‘‘สตรํสึว โชตนฺตํ, ปภาสนฺตํว กฺจนํ;
นจฺจคีเต ปยุตฺโตหํ, ปฺจงฺคตูริยมฺหิ จ.
‘‘ยํ ยํ โยนุปปชฺชามิ, เทวตฺตํ อถ มานุสํ;
สพฺเพ สตฺเต อภิโภมิ, วิปุโล โหติ เม ยโส.
‘‘นโม เต ปุริสาชฺ, นโม เต ปุริสุตฺตม;
อตฺตานํ โตสยิตฺวาน, ปเร โตเสสิ ตฺวํ มุนิ.
‘‘ปริคฺคเห นิสีทิตฺวา, หาสํ กตฺวาน สุพฺพเต;
อุปฏฺหิตฺวา สมฺพุทฺธํ, ตุสิตํ อุปปชฺชหํ.
‘‘โสฬเสโต กปฺปสเต, ทฺวินวเอกจินฺติตา;
สตฺตรตนสมฺปนฺนา, จกฺกวตฺตี มหพฺพลา.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหตฺตํ ปน ปตฺวา สมฺปตฺตึ อตฺตโน ทุกฺขวิมุตฺติฺจ กิตฺตนวเสน อุทานํ อุทาเนนฺโต ‘‘สุมุตฺติโก’’ติอาทิมาห.
๔๓. ตตฺถ สุมุตฺติโกติ สุนฺทรา อจฺจนฺติกตาย อปุนพฺภวิกา มุตฺติ เอตสฺสาติ สุมุตฺติโก. ตสฺส ปน วิมุตฺติยา ปาสํสิยตาย อจฺฉริยตาย จ อปฺโผเฏนฺโต อาห ‘‘สุมุตฺติโก’’ติ. ปุน ตตฺถ วิมุตฺติยํ อตฺตโน ปสาทสฺส ทฬฺหภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘สาหุ สุมุตฺติโกมฺหี’’ติ อาห. ‘‘สาธุ สุฏฺุ มุตฺติโก วตมฺหี’’ติ อตฺโถ. ‘‘กุโต ปนายํ สุมุตฺติกตา’’ติ? กามฺจายํ เถโร สพฺพสฺมาปิ วฏฺฏทุกฺขโต สุวิมุตฺโต, อตฺตโน ปน ตาว อุปฏฺิตํ อติวิย อนิฏฺภูตํ ทุกฺขํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตีหิ ขุชฺชเกหี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ขุชฺชเกหีติ ขุชฺชสภาเวหิ, ขุชฺชากาเรหิ วา. นิสฺสกฺกวจนฺเจตํ มุตฺตสทฺทาเปกฺขาย. กสฺสโก หิ อขุชฺโชปิ สมาโน ตีสุ าเนสุ อตฺตานํ ขุชฺชํ กตฺวา ทสฺเสติ ลายเน กสเน กุทฺทาลกมฺเม จ. โย หิ ปน กสฺสโก ลายนาทีนิ กโรติ ¶ , ตานิปิ อสิตาทีนิ กุฏิลาการโต ขุชฺชกานีติ วุตฺตํ ‘‘ตีหิ ขุชฺชเกหี’’ติ.
อิทานิ ตานิ สรูปโต ทสฺเสนฺโต ‘‘อสิตาสุ มยา, นงฺคลาสุ มยา, ขุทฺทกุทฺทาลาสุ มยา’’ติ อาห. ตตฺถ อสิตาสุ มยาติ ลวิตฺเตหิ มยา มุตฺตนฺติ อตฺโถ. นิสฺสกฺเก เจตํ ภุมฺมวจนํ. เสเสสุปิ เอเสว นโย. อปเร ปน ‘‘อสิตาสุ มยาติ ลวิตฺเตหิ กรณภูเตหิ มยา ขุชฺชิต’’นฺติ วทนฺติ. เตสํ มเตน กรณตฺเถ เหตุมฺหิ วา ภุมฺมวจนํ. ‘‘นงฺคลาสู’’ติ ลิงฺควิปลฺลาสํ ¶ กตฺวา วุตฺตํ, นงฺคเลหิ กสิเรหีติ อตฺโถ. อตฺตนา วฬฺชิตกุทฺทาลสฺส สภาวโต วฬฺชเนน วา อปฺปกตาย วุตฺตํ ‘‘ขุทฺทกุทฺทาลาสู’’ติ ‘‘กุณฺกุทฺทาลาสู’’ติปิ ¶ ปาฬิ. วฬฺชเนเนว อติขิณขณิตฺเตสูติ อตฺโถ. อิธเมวาติ ม-กาโร ปทสนฺธิกโร. อถ วาปีติ วา-สทฺโท นิปาตมตฺตํ. คามเก ิตตฺตา ตานิ อสิตาทีนิ กิฺจาปิ อิเธว มม สมีเปเยว, ตถาปิ อลเมว โหตีติ อตฺโถ. ตุริตวเสน เจตํ อาเมฑิตวจนํ. ฌายาติ ผลสมาปตฺติชฺฌานวเสน ทิฏฺธมฺมสุขวิหารตฺถํ ทิพฺพวิหาราทิวเสน จ ฌาย. สุมงฺคลาติ อตฺตานํ อาลปติ. ฌาเน ปน อาทรทสฺสนตฺถํ อาเมฑิตํ กตํ. อปฺปมตฺโต วิหราติ สติปฺาเวปุลฺลปฺปตฺติยา สพฺพตฺถกเมว อปฺปมตฺโตสิ ตฺวํ, ตสฺมา อิทานิ สุขํ วิหร, สุมงฺคล. เกจิ ปน ‘‘อรหตฺตํ อปฺปตฺวา เอว วิปสฺสนาย วีถิปฏิปนฺนาย สาสเน สฺชาตาภิรติยา ยถานุภูตํ ฆราวาสทุกฺขํ ชิคุจฺฉนฺโต เถโร อิมํ คาถํ วตฺวา ปจฺฉา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณี’’ติ วทนฺติ. เตสํ มเตน ‘‘ฌาย อปฺปมตฺโต วิหรา’’ติ ปทานํ อตฺโถ วิปสฺสนามคฺควเสนปิ ยุชฺชติ เอว.
สุมงฺคลตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. สานุตฺเถรคาถาวณฺณนา
มตํ ¶ วา อมฺม โรทนฺตีติ อายสฺมโต สานุตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โสปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ ปฺุํ อุปจินนฺโต อิโต จตุนวุเต กปฺเป สิทฺธตฺถสฺส ภควโต หตฺถปาทโธวนมุขวิกฺขาลนานํ อตฺถาย อุทกํ อุปเนสิ. สตฺถา หิ โภชนกาเล หตฺถปาเท โธวิตุกาโม อโหสิ. โส สตฺถุ อาการํ สลฺลกฺเขตฺวา อุทกํ อุปเนสิ. ภควา หตฺถปาเท โธวิตฺวา ภฺุชิตฺวา มุขํ วิกฺขาเลตุกาโม อโหสิ. โส ตมฺปิ ¶ ตฺวา มุโขทกํ อุปเนสิ. สตฺถา มุขํ วิกฺขาเลตฺวา มุขโธวนกิจฺจํ นิฏฺาเปสิ. เอวํ ภควา อนุกมฺปํ อุปาทาย เตน กรียมานํ เวยฺยาวจฺจํ สาทิยิ. โส เตน ปฺุกมฺเมน เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา อปราปรํ ปฺุานิ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ อฺตรสฺส อุปาสกสฺส เคเห ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. ตสฺมึ คพฺภคเตเยว ปิตา ปวาสํ คโต, อุปาสิกา ทสมาสจฺจเยน ปุตฺตํ วิชายิตฺวา สานูติสฺส นามํ อกาสิ. ตสฺมึ อนุกฺกเมน วฑฺฒนฺเต สตฺตวสฺสิกํเยว นํ ภิกฺขูนํ สนฺติเก ปพฺพาเชสิ, ‘‘เอวมยํ อนนฺตราโย วฑฺฒิตฺวา อจฺจนฺตสุขภาคี ภวิสฺสตี’’ติ. ‘‘โส สานุสามเณโร’’ติ ปฺาโต ปฺวา วตฺตสมฺปนฺโน พหุสฺสุโต ¶ ธมฺมกถิโก สตฺเตสุ เมตฺตชฺฌาสโย หุตฺวา เทวมนุสฺสานํ ปิโย อโหสิ มนาโปติ สพฺพํ สานุสุตฺเต อาคตนเยน เวทิตพฺพํ.
ตสฺส อตีตชาติยํ มาตา ยกฺขโยนิยํ นิพฺพตฺติ. ตํ ยกฺขา ‘‘สานุตฺเถรสฺส อยํ มาตา’’ติ ครุจิตฺติการพหุลา หุตฺวา มาเนนฺติ. เอวํ คจฺฉนฺเต กาเล ปุถุชฺชนภาวสฺส อาทีนวํ วิภาเวนฺตํ วิย เอกทิวสํ สานุสฺส โยนิโส มนสิการาภาวา อโยนิโส อุมฺมุชฺชนฺตสฺส วิพฺภมิตุกามตาจิตฺตํ อุปฺปชฺชิ. ตํ ตสฺส ยกฺขินิมาตา ตฺวา มนุสฺสมาตุยา อาโรเจสิ – ‘‘ตว ปุตฺโต, สานุ, ‘วิพฺภมิสฺสามี’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทสิ, ตสฺมา ตฺวํ –
‘‘สานุํ ปพุทฺธํ วชฺชาสิ, ยกฺขานํ วจนํ อิทํ;
มากาสิ ปาปกํ กมฺมํ, อาวิ วา ยทิ วา รโห.
‘‘สเจ ¶ ตฺวํ ปาปกํ กมฺมํ, กริสฺสสิ กโรสิ วา;
น เต ทุกฺขา ปมุตฺยตฺถิ, อุปฺปจฺจาปิ ปลายโต’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๒๓๙; ธ. ป. อฏฺ. ๒.๓๒๕ สานุสามเณรวตฺถุ) –
เอวํ ภณาหี’’ติ. เอวฺจ ปน วตฺวา ยกฺขินิมาตา ตตฺเถวนฺตรธายิ. มนุสฺสมาตา ปน ตํ สุตฺวา ปริเทวโสกสมาปนฺนา เจโตทุกฺขสมปฺปิตา อโหสิ. อถ สานุสามเณโร ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ¶ ปตฺตจีวรมาทาย มาตุ สนฺติกํ อุปคโต มาตรํ โรทมานํ ทิสฺวา ‘‘อมฺม, กึ นิสฺสาย โรทสี’’ติ วตฺวา ‘‘ตํ นิสฺสายา’’ติ จ วุตฺโต มาตุ ‘‘มตํ วา, อมฺม, โรทนฺติ, โย วา ชีวํ น ทิสฺสตี’’ติ คาถํ อภาสิ.
๔๔. ตสฺสตฺโถ – ‘‘อมฺม, โรทนฺตา นาม าตกา มิตฺตา วา อตฺตโน าตกํ มิตฺตํ วา มตํ อุทฺทิสฺส โรทนฺติ ปรโลกํ คตตฺตา, โย วา าตโก มิตฺโต วา ชีวํ ชีวนฺโต เทสนฺตรํ ปกฺกนฺตตาย จ น ทิสฺสติ, ตํ วา อุทฺทิสฺส โรทนฺติ, อุภยมฺเปตํ มยิ น วิชฺชติ, เอวํ สนฺเต ชีวนฺตํ ธรมานํ มํ ปุรโต ิตํ ปสฺสนฺตี; กสฺมา, อมฺม, โรทสิ?มํ อุทฺทิสฺส ตว โรทนสฺส การณเมว นตฺถี’’ติ.
ตํ สุตฺวา ตสฺส มาตา ‘‘มรณฺเหตํ, ภิกฺขเว, โย สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๖๓) สุตฺตปทานุสาเรน อุปฺปพฺพชนํ อริยสฺส วินเย มรณนฺติ ทสฺเสนฺตี –
‘‘มตํ ¶ วา ปุตฺต โรทนฺติ, โย วา ชีวํ น ทิสฺสติ;
โย จ กาเม จชิตฺวาน, ปุนราคจฺฉเต อิธ.
‘‘ตํ วาปิ ปุตฺต โรทนฺติ, ปุน ชีวํ มโต หิ โส;
กุกฺกุฬา อุพฺภโต ตาต, กุกฺกุฬํ ปติตุมิจฺฉสี’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๒๓๙; ธ. ป. อฏฺ. ๒.สานุสามเณรวตฺถุ) –
คาถาทฺวยํ อภาสิ.
ตตฺถ กาเม จชิตฺวานาติ เนกฺขมฺมชฺฌาสเยน วตฺถุกาเม ปหาย, ตฺจ กิเลสกามสฺส ตทงฺคปฺปหานวเสน เวทิตพฺพํ. ปพฺพชฺชา เหตฺถ กามปริจฺจาโค อธิปฺเปโต. ปุนราคจฺฉเต อิธาติ อิธ เคเห ปุนเทว อาคจฺฉติ, หีนายาวตฺตนํ สนฺธาย วทติ. ตํ วาปีติ โย ปพฺพชิตฺวา วิพฺภมติ ¶ , ตํ วาปิ ปุคฺคลํ มตํ วิยมาทิสิโย โรทนฺติ. กสฺมาติ เจ? ปุน ชีวํ มโต หิ โสติ วิพฺภมนโต ปจฺฉา โย ชีวนฺโต, โส คุณมรเณน อตฺถโต มโตเยว. อิทานิสฺส สวิเสสสํเวคํ ชเนตุํ ‘‘กุกฺกุฬา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตสฺสตฺโถ – ‘‘อโหรตฺตํ อาทิตฺตํ วิย หุตฺวา ฑหนฏฺเน กุกฺกุฬนิรยสทิสตฺตา กุกฺกุฬา ¶ คิหิภาวา อนุกมฺปนฺติยา มยา อุพฺภโต อุทฺธโต, ตาต สานุ, กุกฺกุฬํ ปติตุํ อิจฺฉสิ ปติตุกาโมสี’’ติ.
ตํ สุตฺวา สานุสามเณโร สํเวคชาโต หุตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๒๑.๒๕-๒๙) –
‘‘ภฺุชนฺตํ สมณํ ทิสฺวา, วิปฺปสนฺนมนาวิลํ;
ฆเฏโนทกมาทาย, สิทฺธตฺถสฺส อทาสหํ.
‘‘นิมฺมโล โหมหํ อชฺช, วิมโล ขีณสํสโย;
ภเว นิพฺพตฺตมานสฺส, ผลํ นิพฺพตฺตเต สุภํ.
‘‘จตุนฺนวุติโต กปฺเป, อุทกํ ยมทาสหํ;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ทกทานสฺสิทํ ผลํ.
‘‘เอกสฏฺิมฺหิโต กปฺเป, เอโกว วิมโล อหุ;
สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหตฺตํ ¶ ปน ปตฺวา เถโร อิมิสฺสา คาถาย วเสน ‘‘มยฺหํ วิปสฺสนารมฺโภ อรหตฺตปฺปตฺติ จ ชาตา’’ติ อุทานวเสน ตเมว คาถํ ปจฺจุทาหาสิ.
สานุตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. รมณียวิหาริตฺเถรคาถาวณฺณนา
ยถาปิ ¶ ภทฺโท อาชฺโติ อายสฺมโต รมณียวิหาริตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โสปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ปฺุานิ อุปจินนฺโต อิโต เอกนวุเต กปฺเป วิปสฺสึ ภควนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา โกรณฺฑปุปฺเผหิ ปูชํ อกาสิ. โส เตน ปฺุกมฺเมน เทเวสุ นิพฺพตฺติตฺวา อปราปรํ ปฺุานิ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคเห อฺตรสฺส เสฏฺิสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺโต โยพฺพนมเทน กาเมสุ มุจฺฉํ อาปนฺโน วิหรติ. โส เอกทิวสํ อฺตรํ ปารทาริกํ ราชปุริเสหิ วิวิธา กมฺมการณา กรียมานํ ทิสฺวา สํเวคชาโต สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปพฺพชิ. ปพฺพชิโต จ ราคจริตตาย นิจฺจกาลํ สุสมฺมฏฺํ ปริเวณํ สูปฏฺิตํ ปานียปริโภชนียํ สุปฺตํ มฺจปีํ กตฺวา วิหรติ. เตน โส รมณียวิหารีตฺเวว ปฺายิตฺถ.
โส ราคุสฺสนฺนตาย อโยนิโส มนสิ กริตฺวา สฺเจตนิกํ สุกฺกวิสฺสฏฺิอาปตฺตึ อาปชฺชิตฺวา, ‘‘ธิรตฺถุ, มํ เอวํภูโต สทฺธาเทยฺยํ ¶ ภฺุเชยฺย’’นฺติ วิปฺปฏิสารี หุตฺวา ‘‘วิพฺภมิสฺสามี’’ติ คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค รุกฺขมูเล นิสีทิ, เตน จ มคฺเคน สกเฏสุ คจฺฉนฺเตสุ เอโก สกฏยุตฺโต โคโณ ปริสฺสมนฺโต วิสมฏฺาเน ขลิตฺวา ปติ, ตํ สากฏิกา ยุคโต มฺุจิตฺวา ติโณทกํ ทตฺวา ปริสฺสมํ วิโนเทตฺวา ปุนปิ ธุเร โยเชตฺวา อคมํสุ. เถโร ตํ ทิสฺวา – ‘‘ยถายํ โคโณ สกึ ขลิตฺวาปิ อุฏฺาย สกึ ธุรํ วหติ, เอวํ มยาปิ กิเลสวเสน สกึ ขลิเตนาปิ วุฏฺาย สมณธมฺมํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ โยนิโส อุมฺมุชฺชนฺโต นิวตฺติตฺวา อุปาลิตฺเถรสฺส อตฺตโน ปวตฺตึ อาจิกฺขิตฺวา เตน วุตฺตวิธินา อาปตฺติโต วุฏฺหิตฺวา สีลํ ปากติกํ กตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๒๑.๓๕-๓๙) –
‘‘อกฺกนฺตฺจ ปทํ ทิสฺวา, จกฺกาลงฺการภูสิตํ;
ปเทนานุปทํ ยนฺโต, วิปสฺสิสฺส มเหสิโน.
‘‘โกรณฺฑํ ¶ ¶ ปุปฺผิตํ ทิสฺวา, สมูลํ ปูชิตํ มยา;
หฏฺโ หฏฺเน จิตฺเตน, อวนฺทึ ปทมุตฺตมํ.
‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ ปุปฺผมภิปูชยึ;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.
‘‘สตฺตปฺาสกปฺปมฺหิ, เอโก วีตมโล อหุํ;
สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหตฺตํ ปน ปตฺวา วิมุตฺติสุขํ อนุภวนฺโต อตฺตโน ปุพฺพภาคปฏิปตฺติยา สทฺธึ อริยธมฺมาธิคมนทีปนึ ‘‘ยถาปิ ภทฺโท อาชฺโ, ขลิตฺวา ปติติฏฺตี’’ติ คาถํ อภาสิ.
๔๕. ตตฺถ ขลิตฺวาติ ปกฺขลิตฺวา. ปติติฏฺตีติ ปติฏฺหติ, ปุนเทว ยถาาเน ติฏฺติ. เอวนฺติ ยถา ภทฺโท อุสภาชานีโย ภารํ วหนฺโต ปริสฺสมปฺปตฺโต วิสมฏฺานํ อาคมฺม เอกวารํ ปกฺขลิตฺวา ปติโต น ตตฺตเกน ธุรํ ฉฑฺเฑติ, ถามชวปรกฺกมสมฺปนฺนตาย ปน ขลิตฺวาปิ ปติติฏฺติ, อตฺตโน สภาเวเนว ตฺวา ภารํ วหติ, เอวํ กิเลสปริสฺสมปฺปตฺโต กิริยาปราเธน ขลิตฺวา ตํ ขลิตํ ถามวีริยสมฺปตฺติตาย ปฏิปากติกํ กตฺวา มคฺคสมฺมาทิฏฺิยา ทสฺสนสมฺปนฺนํ, ตโต เอว สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สวนนฺเต อริยาย ชาติยา ชาตตาย สาวกํ, ตสฺส อุเร วายามชนิตาภิชาติตาย โอรสํ ¶ ปุตฺตํ ภทฺทาชานียสทิสกิจฺจตาย อาชานียนฺติ จ มํ ธาเรถ อุปธาเรถาติ อตฺโถ.
รมณียวิหาริตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. สมิทฺธิตฺเถรคาถาวณฺณนา
สทฺธายาหํ ¶ ปพฺพชิโตติ อายสฺมโต สมิทฺธิตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตฺตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ปฺุานิ อุปจินนฺโต อิโต จตุนวุเต กปฺเป สิทฺธตฺถํ ภควนฺตํ ปสฺสิตฺวา ปสนฺนมานโส สวณฺฏานิ ปุปฺผานิ กณฺณิกพทฺธานิ คเหตฺวา ปูเชสิ. โส เตน ปฺุกมฺเมน เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา อปราปรํ ปฺุานิ กตฺวา สุคตีสุเยว ปริวตฺเตนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคเห กุลเคเห นิพฺพตฺติ. ตสฺส ชาตกาลโต ปฏฺาย ตํ กุลํ ธนธฺาทีหิ วฑฺฒิ, อตฺตภาโว จสฺส อภิรูโป ทสฺสนีโย คุณวา อิติ วิภวสมิทฺธิยา จ คุณสมิทฺธิยา ¶ จ สมิทฺธีตฺเวว ปฺายิตฺถ. โส พิมฺพิสารสมาคเม พุทฺธานุภาวํ ทิสฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา ภาวนาย ยุตฺตปฺปยุตฺโต วิหรนฺโต ภควติ ตโปทาราเม วิหรนฺเต เอกทิวสํ เอวํ จินฺเตสิ – ‘‘ลาภา วต เม สตฺถา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ, สฺวากฺขาเต จาหํ ธมฺมวินเย ปพฺพชิโต, สพฺรหฺมจารี จ เม สีลวนฺโต กลฺยาณธมฺมา’’ติ. ตสฺเสวํ จินฺเตนฺตสฺส อุฬารํ ปีติโสมนสฺสํ อุทปาทิ. ตํ อสหนฺโต มาโร ปาปิมา เถรสฺส อวิทูเร มหนฺตํ เภรวสทฺทมกาสิ, ปถวิยา อุนฺทฺริยนกาโล วิย อโหสิ. เถโร ภควโต ตมตฺถํ อาโรเจสิ. ภควา ‘‘มาโร ตุยฺหํ วิจกฺขุกมฺมาย เจเตติ, คจฺฉ, ภิกฺขุ ตตฺถ อจินฺเตตฺวา วิหราหี’’ติ อาห. เถโร ตตฺถ คนฺตฺวา วิหรนฺโต นจิรสฺเสว วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๒๑.๓๐-๓๔) –
‘‘กณิการํว ¶ โชตนฺตํ, นิสินฺนํ ปพฺพตนฺตเร;
โอภาเสนฺตํ ทิสา สพฺพา, สิทฺธตฺถํ นรสารถึ.
‘‘ธนุํ อทฺเวชฺฌํ กตฺวาน, อุสุํ สนฺนยฺหหํ ตทา;
ปุปฺผํ สวณฺฏํ เฉตฺวาน, พุทฺธสฺส อภิโรปยึ.
‘‘จตุนฺนวุติโต กปฺเป, ยํ ปุปฺผมภิโรปยึ;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.
‘‘เอกปฺาสิโต กปฺเป, เอโก อาสึ ชุตินฺธโร;
สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหตฺตํ ¶ ปน ปตฺวา ตตฺเถว วิหรนฺตสฺส เถรสฺส ขีณาสวภาวํ อชานนฺโต ปุริมนเยเนว มาโร มหนฺตํ เภรวสทฺทํ อกาสิ. ตํ สุตฺวา เถโร อภีโต อจฺฉมฺภี ‘‘ตาทิสานํ มารานํ สตมฺปิ สหสฺสมฺปิ มยฺหํ โลมมฺปิ น กมฺเปตี’’ติ อฺํ พฺยากโรนฺโต ‘‘สทฺธายาหํ ปพฺพชิโต’’ติ คาถํ อภาสิ.
๔๖. ตตฺถ สทฺธายาติ ธมฺมจฺฉนฺทสมุฏฺานาย กมฺมผลสทฺธาย เจว รตนตฺตยสทฺธาย จ. อหนฺติ อตฺตานํ นิทฺทิสติ. ปพฺพชิโตติ อุปคโต. อคารสฺมาติ เคหโต ฆราวาสโต วา. อนคาริยนฺติ ปพฺพชฺชํ, สา หิ ยํกิฺจิ กสิวาณิชฺชาทิกมฺมํ ‘อคารสฺส หิต’นฺติ อคาริยํ นาม, ตทภาวโต ‘‘อนคาริยา’’ติ วุจฺจติ. สติ ปฺา จ เม วุฑฺฒาติ สรณลกฺขณา สติ, ปชานนลกฺขณา ปฺาติ อิเม ธมฺมา วิปสฺสนากฺขณโต ปฏฺาย มคฺคปฏิปาฏิยา ¶ ยาว อรหตฺตา เม วุฑฺฒา วฑฺฒิตา, น ทานิ วฑฺเฒตพฺพา อตฺถิ สติปฺา เวปุลฺลปฺปตฺตาติ ทสฺเสติ. จิตฺตฺจ สุสมาหิตนฺติ อฏฺสมาปตฺติวเสน เจว โลกุตฺตรสมาธิวเสน จ จิตฺตํ เม สุฏฺุ สมาหิตํ, น ทานิ ตสฺส สมาธาตพฺพํ อตฺถิ, สมาธิ เวปุลฺลปฺปตฺโตติ ทสฺเสติ. ตสฺมา กามํ กรสฺสุ รูปานีติ ปาปิม มํ อุทฺทิสฺส ยานิ กานิจิ วิปฺปการานิ ยถารุจึ กโรหิ, เตหิ ปน เนว มํ พฺยาธยิสฺสสิ มม สรีรกมฺปนมตฺตมฺปิ กาตุํ น สกฺขิสฺสสิ, กุโต จิตฺตฺถตฺตํ? ตสฺมา ตว กิริยา อปฺปฏิจฺฉิตปเหนกํ วิย น กิฺจิ อตฺถํ โสเธติ, เกวลํ ตว จิตฺตวิฆาตมตฺตผลาติ เถโร มารํ ตชฺเชสิ. ตํ สุตฺวา มาโร ‘‘ชานาติ มํ สมโณ’’ติ ตตฺเถวนฺตรธายิ.
สมิทฺธิตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. อุชฺชยตฺเถรคาถาวณฺณนา
นโม ¶ เต พุทฺธ วีรตฺถูติ อายสฺมโต อุชฺชยตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปฺุานิ กโรนฺโต อิโต ทฺวานวุเต กปฺเป ติสฺสํ ภควนฺตํ ปสฺสิตฺวา ปสนฺนมานโส กณิการปุปฺเผหิ ปูชํ อกาสิ. โส เตน ปฺุกมฺเมน เทวโลเก ¶ นิพฺพตฺติตฺวา อปราปรํ ปฺุานิ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคเห อฺตรสฺส โสตฺติยพฺราหฺมณสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, อุชฺชโยติสฺส นามํ อโหสิ. โส วยปฺปตฺโต ติณฺณํ เวทานํ ปารคู หุตฺวา ตตฺถ สารํ อปสฺสนฺโต อุปนิสฺสยสมฺปตฺติยา โจทิยมาโน เวฬุวนํ คนฺตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา จริยานุกูลํ กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อรฺเ วิหรนฺโต วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๒๑.๑-๔) –
‘‘กณิการํ ปุปฺผิตํ ทิสฺวา, โอจินิตฺวานหํ ตทา;
ติสฺสสฺส อภิโรเปสึ, โอฆติณฺณสฺส ตาทิโน.
‘‘ทฺเวนวุเต อิโต กปฺเป, ยํ ปุปฺผมภิโรปยึ;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.
‘‘ปฺจตึเส อิโต กปฺเป, อรุณปาณีติ วิสฺสุโต;
สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหตฺตํ ¶ ปน ปตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิตฺวา ภควโต โถมนากาเรน อฺํ พฺยากโรนฺโต ‘‘นโม เต พุทฺธ วีรตฺถู’’ติ คาถํ อภาสิ.
๔๗. ตตฺถ นโมติ ปณามกิตฺตนํ. เตติ ปณามกิริยาย สมฺปทานกิตฺตนํ, ตุยฺหนฺติ อตฺโถ. พุทฺธ วีราติ จ ภควโต อาลปนํ. ภควา หิ ยถา อภิฺเยฺยาทิเภทสฺส อตฺถสฺส อภิฺเยฺยาทิเภเทน สยมฺภูาเณน อนวเสสโต พุทฺธตฺตา ‘‘พุทฺโธ’’ติ วุจฺจติ. เอวํ ปฺจนฺนมฺปิ มารานํ อภิปฺปมทฺทนวเสน ปทหนฺเตน มหตา วีริเยน สมนฺนาคตตฺตา ‘‘วีโร’’ติ วุจฺจติ. อตฺถูติ โหตุ, ตสฺส ‘‘นโม’’ติ อิมินา สมฺพนฺโธ. วิปฺปมุตฺโตสิ สพฺพธีติ สพฺเพหิ กิเลเสหิ สพฺพสฺมิฺจ สงฺขารคเต วิปฺปมุตฺโต วิสํยุตฺโต อสิ ภวสิ, น ตยา กิฺจิ อวิปฺปมุตฺตํ นาม อตฺถิ, ยโตหํ ตุยฺหาปทาเน วิหรํ, วิหรามิ อนาสโวติ ตุยฺหํ ตว อปทาเน โอวาเท ¶ คตมคฺเค ปฏิปตฺติจริยาย วิหรํ ยถาสตฺติ ¶ ยถาพลํ ปฏิปชฺชนฺโต กามาสวาทีนํ จตุนฺนมฺปิ อาสวานํ สุปฺปหีนตฺตา อนาสโว วิหรามิ, ตาทิสสฺส นโม เต พุทฺธ-วีรตฺถูติ.
อุชฺชยตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. สฺชยตฺเถรคาถาวณฺณนา
ยโต อหนฺติ อายสฺมโต สฺชยตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โสปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ ปฺุํ อุปจินนฺโต วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล มหติ ปูเค สํกิตฺติวเสน วตฺถุํ สงฺฆริตฺวา รตนตฺตยํ อุทฺทิสฺส ปฺุํ กโรนฺโต สยํ ทลิทฺโท หุตฺวา เนสํ คณาทีนํ ปฺุกิริยาย พฺยาวโฏ อโหสิ. กาเลน กาลํ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา ปสนฺนมานโส ภิกฺขูนฺจ ตํ ตํ เวยฺยาวจฺจํ อกาสิ. โส เตน ปฺุกมฺเมน เทวโลเก นิพฺพตฺโต อปราปรํ ปฺุานิ กตฺวา สุคตีสุเยว สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคเห วิภวสมฺปนฺนสฺส พฺราหฺมณสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ สฺชโย นาม นาเมน, โส วยปฺปตฺโต พฺรหฺมายุโปกฺขรสาติอาทิเก อภิฺาเต พฺราหฺมเณ สาสเน อภิปฺปสนฺเน ทิสฺวา สฺชาตปฺปสาโท สตฺถารํ อุปสงฺกมิ. ตสฺส สตฺถา ธมฺมํ เทเสสิ. โส ธมฺมํ สุตฺวา โสตาปนฺโน อโหสิ. อปรภาเค ปพฺพชิ. ปพฺพชนฺโต จ ขุรคฺเคเยว ฉฬภิฺโ อโหสี. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๐.๕๑-๕๕) –
‘‘วิปสฺสิสฺส ¶ ภควโต, มหาปูคคโณ อหุ;
เวยฺยาวจฺจกโร อาสึ, สพฺพกิจฺเจสุ วาวโฏ.
‘‘เทยฺยธมฺโม จ เม นตฺถิ, สุคตสฺส มเหสิโน;
อวนฺทึ สตฺถุโน ปาเท, วิปฺปสนฺเนน เจตสา.
‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, เวยฺยาวจฺจํ อกาสหํ;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, เวยฺยาวจฺจสฺสิทํ ผลํ.
‘‘อิโต ¶ จ อฏฺเม กปฺเป, ราชา อาสึ สุจินฺติโต;
สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
ฉฬภิฺโ ¶ ปน หุตฺวา อฺํ พฺยากโรนฺโต ‘‘ยโต อหํ ปพฺพชิโต’’ติ คาถํ อภาสิ.
๔๘. ตตฺถ ยโต อหํ ปพฺพชิโตติ ยโต ปภุติ ยโต ปฏฺาย อหํ ปพฺพชิโต. ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย นาภิชานามิ สงฺกปฺปํ, อนริยํ โทสสํหิตนฺติ ราคาทิโทสสํหิตํ ตโต เอว อนริยํ นิหีนํ, อริเยหิ วา อนรณียตาย อนริเยหิ อรณียตาย จ อนริยํ ปาปกํ อารมฺมเณ อภูตคุณาทิสงฺกปฺปนโต ‘‘สงฺกปฺโป’’ติ ลทฺธนามํ กามวิตกฺกาทิมิจฺฉาวิตกฺกํ อุปฺปาทิตํ นาภิชานามีติ, ‘‘ขุรคฺเคเยว มยา อรหตฺตํ ปตฺต’’นฺติ อฺํ พฺยากาสิ.
สฺชยตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. รามเณยฺยกตฺเถรคาถาวณฺณนา
จิหจิหาภินทิเตติ อายสฺมโต รามเณยฺยกตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปฺุานิ อุปจินนฺโต สิขิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต ภควนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส ปุปฺเผหิ ปูชํ อกาสิ. โส เตน ปฺุกมฺเมน เทวโลเก นิพฺพตฺโต อปราปรํ ปฺุานิ กตฺวา สุคตีสุ เอว ปริวตฺเตนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ อิพฺภกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต เชตวนปฏิคฺคหเณ สฺชาตปฺปสาโท ปพฺพชิตฺวา จริยานุกูลํ กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อรฺเ วิหรติ. ตสฺส อตฺตโน สมฺปตฺติยา ปพฺพชิตสารุปฺปาย จ ปฏิปตฺติยา ปาสาทิกภาวโต รามเณยฺยโกตฺเวว สมฺา อโหสิ ¶ . อเถกทิวสํ มาโร เถรํ ภึสาเปตุกาโม เภรวสทฺทํ อกาสิ. ตํ สุตฺวา เถโร ถิรปกติตาย ¶ เตน อสนฺตสนฺโต ‘‘มาโร อย’’นฺติ ตฺวา ตตฺถ อนาทรํ ทสฺเสนฺโต ‘‘จิหจิหาภินทิเต’’ติ คาถํ อภาสิ.
๔๙. ตตฺถ จิหจิหาภินทิเตติ จิหจิหาติ อภิณฺหํ ปวตฺตสทฺทตาย ‘‘จิหจิหา’’ติ ลทฺธนามานํ วฏฺฏกานํ อภินาทนิมิตฺตํ, วิรวเหตูติ ¶ อตฺโถ. สิปฺปิกาภิรุเตหิ จาติ สิปฺปิกา วุจฺจนฺติ เทวกา ปรนามกา เคลฺเน ฉาตกิสทารกาการา สาขามิคา. ‘‘มหากลนฺทกา’’ติ เกจิ, สิปฺปิกานํ อภิรุเตหิ มหาวิรเวหิ, เหตุมฺหิ เจตํ กรณวจนํ, ตํ เหตูติ อตฺโถ. น เม ตํ ผนฺทติ จิตฺตนฺติ มม จิตฺตํ น ผนฺทติ น จวติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อิมสฺมึ อรฺเ วิรวเหตุ สิปฺปิกาภิรุตเหตุ วิย, ปาปิม, ตว วิสฺสรกรณเหตุ มม จิตฺตํ กมฺมฏฺานโต น ปริปตตีติ. ตตฺถ การณมาห ‘‘เอกตฺตนิรตฺหิ เม’’ติ. หิ-สทฺโท เหตุ อตฺโถ, ยสฺมา มม จิตฺตํ คณสงฺคณิกํ ปหาย เอกตฺเต เอกีภาเว, พหิทฺธา วา วิกฺเขปํ ปหาย เอกตฺเต เอกคฺคตาย, เอกตฺเต เอกสภาเว วา นิพฺพาเน นิรตํ อภิรตํ, ตสฺมา กมฺมฏฺานโต น ผนฺทติ น จวตีติ, อิมํ กิร คาถํ วทนฺโต เอว เถโร วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๒๑.๕-๙) –
‘‘สุวณฺณวณฺโณ ภควา, สตรํสี ปตาปวา;
จงฺกมนํ สมารูฬฺโห, เมตฺตจิตฺโต สิขีสโภ.
‘‘ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, วนฺทิตฺวา าณมุตฺตมํ;
มิเนลปุปฺผํ ปคฺคยฺห, พุทฺธสฺส อภิโรปยึ.
‘‘เอกตึเส อิโต กปฺเป, ยํ ปุปฺผมภิปูชยึ;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.
‘‘เอกูนตึสกปฺปมฺหิ, สุเมฆฆนนามโก;
สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อยเมว จ เถรสฺส อฺาพฺยากรณคาถา อโหสิ.
รามเณยฺยกตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. วิมลตฺเถรคาถาวณฺณนา
ธรณี ¶ ¶ จ สิฺจติ วาติ อายสฺมโต วิมลตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โสปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินนฺโต วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล สงฺขธมนกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต ตสฺมึ ¶ สิปฺเป นิปฺผตฺตึ คโต เอกทิวสํ วิปสฺสึ ภควนฺตํ ปสฺสิตฺวา ปสนฺนมานโส สงฺขธมเนน ปูชํ กตฺวา ตโต ปฏฺาย กาเลน กาลํ สตฺถุ อุปฏฺานํ อกาสิ. โส เตน ปฺุกมฺเมน เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา อปราปรํ ปฺุานิ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต กสฺสปสฺส ภควโต กาเล ‘‘อนาคเต เม วิมโล วิสุทฺโธ กาโย โหตู’’ติ โพธิรุกฺขํ คนฺโธทเกหิ นฺหาเปสิ, เจติยงฺคณโพธิยงฺคเณสุ อาสนานิ โธวาเปสิ, ภิกฺขูนมฺปิ กิลิฏฺเ สมณปริกฺขาเร โธวาเปสิ.
โส ตโต จวิตฺวา เทเวสุ จ มนุสฺเสสุ จ ปริวตฺเตนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคเห อิพฺภกุเล นิพฺพตฺติ. ตสฺส มาตุกุจฺฉิยํ วสนฺตสฺส นิกฺขมนฺตสฺส จ กาโย ปิตฺตเสมฺหาทีหิ อสํกิลิฏฺโ ปทุมปลาเส อุทกพินฺทุ วิย อลคฺโค ปจฺฉิมภวิกโพธิสตฺตสฺส วิย สุวิสุทฺโธ อโหสิ, เตนสฺส วิมโลตฺเวว นามํ อกํสุ. โส วยปฺปตฺโต ราชคหปฺปเวสเน พุทฺธานุภาวํ ทิสฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา โกสลรฏฺเ ปพฺพตคุหายํ วิหรติ. อเถกทิวสํ จาตุทฺทีปิกมหาเมโฆ สกลํ จกฺกวาฬคพฺภํ ปตฺถริตฺวา ปาวสฺสิ. วิวฏฺฏฏฺายิมฺหิ พุทฺธานํ จกฺกวตฺตีนฺจ ธรมานกาเล เอว กิร เอวํ วสฺสติ. ฆมฺมปริฬาหวูปสมโต อุตุสปฺปายลาเภน เถรสฺส จิตฺตํ สมาหิตํ อโหสิ เอกคฺคํ. โส สมาหิตจิตฺโต ตาวเทว วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา มคฺคปฏิปาฏิยา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๐.๕๖-๖๐) –
‘‘วิปสฺสิสฺส ภควโต, อโหสึ สงฺขธมฺมโก;
นิจฺจุปฏฺานยุตฺโตมฺหิ, สุคตสฺส มเหสิโน.
‘‘อุปฏฺานผลํ ปสฺส, โลกนาถสฺส ตาทิโน;
สฏฺิ ตูริยสหสฺสานิ, ปริวาเรนฺติ มํ สทา.
‘‘เอกนวุติโต ¶ กปฺเป, อุปฏฺหึ มหาอิสึ;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, อุปฏฺานสฺสิทํ ผลํ.
‘‘จตุวีเส อิโต กปฺเป, มหานิคฺโฆสนามกา;
โสฬสาสึสุ ราชาโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพลา.
‘‘กิเลสา ¶ ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหตฺตํ ปน ปตฺวา กตกิจฺจตาย ตุฏฺมานโส อุทานํ อุทาเนนฺโต ‘‘ธรณี จ สิฺจติ วาติ มาลุโต’’ติ คาถํ อภาสิ.
๕๐. ตตฺถ ธรณีติ ปถวี, สา หิ สกลํ ธราธรํ ธาเรตีติ ‘‘ธรณี’’ติ วุจฺจติ. สิฺจตีติ สมนฺตโต นภํ ปูเรตฺวา อภิปฺปวสฺสโต มหาเมฆสฺส วุฏฺิธาราหิ สิฺจติ ¶ . วาติ มาลุโตติ อุทกผุสิตสมฺมิสฺสตาย สีตโล วาโต วายติ. วิชฺชุตา จรติ นเภติ ตตฺถ ตตฺถ คชฺชตา คฬคฬายตา มหาเมฆโต นิจฺฉรนฺติโย สเตรตา อากาเส อิโต จิโต จ วิจรนฺติ. อุปสมนฺติ วิตกฺกาติ อุตุสปฺปายสิทฺเธน สมถวิปสฺสนาธิคเมน ปุพฺพภาเค ตทงฺคาทิวเสน วูปสนฺตา หุตฺวา กามวิตกฺกาทโย สพฺเพปิ นว มหาวิตกฺกา อริยมคฺคาธิคเมน อุปสมนฺติ. อนวเสสโต สมุจฺฉิชฺชนฺตีติ. วตฺตมานสมีปตาย อริยมคฺคกฺขณํ วตฺตมานํ กตฺวา วทติ. อตีตตฺเถ วา เอตํ ปจฺจุปฺปนฺนวจนํ. จิตฺตํ สุสมาหิตํ มมาติ ตโต เอว โลกุตฺตรสมาธินา มม จิตฺตํ สุฏฺุ สมาหิตํ, น ทานิ ตสฺส สมาธาเน กิฺจิ กาตพฺพํ อตฺถีติ เถโร อฺํ พฺยากาสิ.
วิมลตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ปฺจมวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. ฉฏฺวคฺโค
๑. โคธิกาทิจตุตฺเถรคาถาวณฺณนา
วสฺสติ ¶ ¶ เทโวติอาทิกา จตสฺโส – โคธิโก, สุพาหุ, วลฺลิโย, อุตฺติโยติ อิเมสํ จตุนฺนํ เถรานํ คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อิเมปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิการา ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปฺุานิ อุปจินนฺตา อิโต จตุนวุเต กปฺเป สิทฺธตฺถสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺวา อฺมฺํ สหายา หุตฺวา วิจรึสุ. เตสุ เอโก สิทฺธตฺถํ ภควนฺตํ ปิณฺฑาย จรนฺตํ ทิสฺวา กฏจฺฉุภิกฺขํ อทาสิ. ทุติโย ปสนฺนจิตฺโต หุตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา อฺชลึ ปคฺคณฺหิ. ตติโย ปสนฺนจิตฺโต เอเกน ปุปฺผหตฺเถน ภควนฺตํ ปูเชสิ. จตุตฺโถ สุมนปุปฺเผหิ ปูชมกาสิ. เอวํ เต สตฺถริ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา ปสุเตน เตน ปฺุกมฺเมน เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา ปุน อปราปรํ ปฺุานิ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต กสฺสปสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา สหายกา หุตฺวา สาสเน ปพฺพชิตฺวา สมณธมฺมํ กตฺวา อมฺหากํ ภควโต กาเล ปาวายํ จตุนฺนํ มลฺลราชานํ ปุตฺตา หุตฺวา นิพฺพตฺตึสุ. เตสํ ¶ โคธิโก, สุพาหุ, วลฺลิโย, อุตฺติโยติ นามานิ อกํสุ. อฺมฺํ ปิยสหายา อเหสุํ. เต เกนจิเทว กรณีเยน กปิลวตฺถุํ อคมํสุ. ตสฺมิฺจ สมเย สตฺถา กปิลวตฺถุํ คนฺตฺวา นิคฺโรธาราเม วสนฺโต ยมกปาฏิหาริยํ ทสฺเสตฺวา สุทฺโธทนปฺปมุเข สกฺยราชาโน ทเมสิ. ตทา เตปิ จตฺตาโร มลฺลราชปุตฺตา ปาฏิหาริยํ ทิสฺวา ลทฺธปฺปสาทา ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนากมฺมํ กโรนฺตา นจิรสฺเสว สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๑.๑-๒๓) –
‘‘สุวณฺณวณฺณํ สมฺพุทฺธํ, อาหุตีนํ ปฏิคฺคหํ;
ปวรา อภินิกฺขนฺตํ, วนา นิพฺพนมาคตํ.
‘‘กฏจฺฉุภิกฺขํ ปาทาสึ, สิทฺธตฺถสฺส มเหสิโน;
ปฺาย อุปสนฺตสฺส, มหาวีรสฺส ตาทิโน.
‘‘ปเทนานุปทายนฺตํ, นิพฺพาเปนฺเต มหาชนํ;
อุฬารา วิตฺติ เม ชาตา, พุทฺเธ อาทิจฺจพนฺธุเน.
‘‘จตุนฺนวุติโต ¶ ¶ กปฺเป, ยํ ทานมททึ ตทา;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ภิกฺขาทานสฺสิทํ ผลํ.
‘‘สตฺตาสีติมฺหิโต กปฺเป, มหาเรณุสนามกา;
สตฺตรตนสมฺปนฺนา, สตฺเตเต จกฺกวตฺติโน.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
โคธิโก เถโร.
‘‘สุวณฺณวณฺณํ สมฺพุทฺธํ, นิสภาชานิยํ ยถา;
ติธาปภินฺนํ มาตงฺคํ, กฺุชรํว มเหสินํ.
‘‘โอภาเสนฺตํ ทิสา สพฺพา, อุฬุราชํว ปูริตํ;
รถิยํ ปฏิปชฺชนฺตํ, โลกเชฏฺํ อปสฺสหํ.
‘‘าเณ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, ปคฺคเหตฺวาน อฺชลึ;
ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, สิทฺธตฺถมภิวาทยึ.
‘‘จตุนฺนวุติโต กปฺเป, ยํ กมฺมมกรึ ตทา;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, าณสฺายิทํ ผลํ.
‘‘เตสตฺตติมฺหิโต กปฺเป, โสฬสาสุํ นรุตฺตมา;
สตฺตรตนสมฺปนฺนา, จกฺกวตฺตี มหพฺพลา.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
สุพาหุตฺเถโร.
‘‘ติวรายํ นิวาสีหํ, อโหสึ มาลิโก ตทา;
อทฺทสํ วิรชํ พุทฺธํ, สิทฺธตฺถํ โลกปูชิตํ.
‘‘ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, ปุปฺผหตฺถมทาสหํ;
ยตฺถ ยตฺถุปปชฺชามิ, ตสฺส กมฺมสฺส วาหสา.
‘‘อนุโภมิ ผลํ อิฏฺํ, ปุพฺเพ สุกตมตฺตโน;
ปริกฺขิตฺโต สุมลฺเลหิ, ปุปฺผทานสฺสิทํ ผลํ.
‘‘จตุนฺนวุติโต กปฺเป, ยํ ปุปฺผมภิโรปยึ;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ปุปฺผปูชายิทํ ผลํ.
‘‘จตุนฺนวุตุปาทาย ¶ , เปตฺวา วตฺตมานกํ;
ปฺจราชสตา ตตฺถ, นชฺชสมสนามกา.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
วลฺลิโย เถโร.
‘‘สิทฺธตฺถสฺส ¶ ภควโต, ชาติปุปฺผมทาสหํ;
ปาเทสุ สตฺต ปุปฺผานิ, หาเสโนกิริตานิ เม.
‘‘เตน กมฺเมนหํ อชฺช, อภิโภมิ นรามเร;
ธาเรมิ อนฺติมํ เทหํ, สมฺมาสมฺพุทฺธสาสเน.
‘‘จตุนฺนวุติโต กปฺเป, ยํ ปุปฺผมภิโรปยึ;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ปุปฺผปูชายิทํ ผลํ.
‘‘สมนฺตคนฺธนามาสุํ, เตรส จกฺกวตฺติโน;
อิโต ปฺจมเก กปฺเป, จาตุรนฺตา ชนาธิปา.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ. (อป. เถร ๑.๑๑.๑-๒๓);
อุตฺติโย เถโร.
อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อิเม จตฺตาโรปิ เถรา โลเก ปากฏา ปฺาตา ราชราชมหามตฺเตหิ สกฺกตา ครุกตา หุตฺวา อรฺเ ¶ สเหว วิหรนฺติ. อเถกทา ราชา พิมฺพิสาโร เต จตฺตาโร เถเร ราชคหํ อุปคเต อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เตมาสํ วสฺสาวาสตฺถาย นิมนฺเตตฺวา เตสํ ปาฏิเยกฺกํ กุฏิกาโย กาเรตฺวา สติสมฺโมเสน น ฉาเทสิ. เถรา อจฺฉนฺนาสุ กุฏิกาสุ วิหรนฺติ. วสฺสกาเล เทโว น วสฺสติ. ราชา ‘‘กึ นุ โข การณํ เทโว น วสฺสตี’’ติ จินฺเตนฺโต, ตํ การณํ ตฺวา, ตา กุฏิกาโย ฉาทาเปตฺวา, มตฺติกากมฺมํ จิตฺตกมฺมฺจ การาเปตฺวา, กุฏิกามหํ กโรนฺโต มหโต ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทานํ อทาสิ. เถรา รฺโ อนุกมฺปาย กุฏิกาโย ปวิสิตฺวา เมตฺตาสมาปตฺติโย สมาปชฺชึสุ. อถุตฺตรปาจีนทิสโต มหาเมโฆ อุฏฺหิตฺวา ¶ เถรานํ สมาปตฺติโต วุฏฺานกฺขเณเยว วสฺสิตุํ อารภิ. เตสุ โคธิกตฺเถโร สมาปตฺติโต วุฏฺาย สห เมฆคชฺชิเตน –
‘‘วสฺสติ เทโว ยถา สุคีตํ, ฉนฺนา เม กุฏิกา สุขา นิวาตา;
จิตฺตํ สุสมาหิตฺจ มยฺหํ, อถ เจ ปตฺถยสิ ปวสฺส เทวา’’ติ. –
อิมํ คาถํ อภาสิ.
ตตฺถ วสฺสตีติ สิฺจติ วุฏฺิธารํ ปเวจฺฉติ. เทโวติ เมโฆ. ยถา สุคีตนฺติ สุนฺทรคีตํ วิย คชฺชนฺโตติ อธิปฺปาโย. เมโฆ หิ วสฺสนกาเล สตปฏลสหสฺสปฏโล อุฏฺหิตฺวา ถนยนฺโต วิชฺชุตา นิจฺฉาเรนฺโตว โสภติ, น เกวโล. ตสฺมา สินิทฺธมธุรคมฺภีรนิคฺโฆโส วสฺสติ ¶ เทโวติ ทสฺเสติ. เตน สทฺทโต อนุปปีฬิตํ อาห ‘‘ฉนฺนา เม กุฏิกา สุขา นิวาตา’’ติ. ยถา น เทโว วสฺสติ, เอวํ ติณาทีหิ ฉาทิตา อยํ เม กุฏิกา, เตน วุฏฺิวสฺเสน อนุปปีฬิตํ อาห. ปริโภคสุขสฺส อุตุสปฺปายอุตุสุขสฺส จ สพฺภาวโต สุขา. ผุสิตคฺคฬปิหิตวาตปานตาหิ วาตปริสฺสยรหิตา. อุภเยนปิ อาวาสสปฺปายวเสน อนุปปีฬิตํ อาห. จิตฺตํ สุสมาหิตฺจ มยฺหนฺติ จิตฺตฺจ มม สุฏฺุ สมาหิตํ อนุตฺตรสมาธินา นิพฺพานารมฺมเณ ¶ สุฏฺุ อปฺปิตํ, เอเตน อพฺภนฺตรปริสฺสยาภาวโต อปฺโปสฺสุกฺกตํ ทสฺเสติ. อถ เจ ปตฺถยสีติ อถ อิทานิ ปตฺถยสิ เจ, ยทิ อิจฺฉสิ. ปวสฺสาติ สิฺจ อุทกํ ปคฺฆร วุฏฺิธารํ ปเวจฺฉ. เทวาติ เมฆํ อาลปติ.
โคธิกตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. สุพาหุตฺเถรคาถาวณฺณนา
๕๒. อิตเรหิ วุตฺตคาถาสุ ตติยปเท เอว วิเสโส. ตตฺถ สุพาหุนา วุตฺตคาถายํ จิตฺตํ สุสมาหิตฺจ กาเยติ มม จิตฺตํ กรชกาเย กายคตาสติภาวนาวเสน สุฏฺุ สมาหิตํ สมฺมเทว อปฺปิตํ. อยฺหิ เถโร กายคตาสติภาวนาวเสน ปฏิลทฺธฌานํ ปาทกํ ¶ กตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. ตํ สนฺธายาห ‘‘จิตฺตํ สุสมาหิตฺจ กาเย’’ติ.
สุพาหุตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. วลฺลิยตฺเถรคาถาวณฺณนา
๕๓. วลฺลิยตฺเถรคาถายํ ตสฺสํ วิหรามิ อปฺปมตฺโตติ ตสฺสํ กุฏิกายํ อปฺปมาทปฏิปตฺติยา มตฺถกํ ปาปิตตฺตา อปฺปมตฺโต อริยวิหารูปสํหิเตน ทิพฺพวิหาราทิสํหิเตน จ อิริยาปถวิหาเรน วิหรามิ, อตฺตภาวํ ปวตฺเตมีติ วุตฺตํ โหติ.
วลฺลิยตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา
๔. อุตฺติยตฺเถรคาถาวณฺณนา
๕๔. อุตฺติยตฺเถเรน ¶ วุตฺตคาถายํ อทุติโยติ อสหาโย, กิเลสสงฺคณิกาย คณสงฺคณิกาย จ วิรหิโตติ อตฺโถ.
อุตฺติยตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
จตุนฺนํ เถรานํ คาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. อฺชนวนิยตฺเถรคาถาวณฺณนา
อาสนฺทึ ¶ กุฏิกํ กตฺวาติ อายสฺมโต อฺชนวนิยตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โส กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล สุทสฺสโน นาม มาลากาโร หุตฺวา สุมนปุปฺเผหิ ภควนฺตํ ปูเชตฺวา อฺมฺปิ ตตฺถ ตตฺถ พหุํ ปฺุํ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต กสฺสปสฺส ภควโต สาสเน ปพฺพชิตฺวา สมณธมฺมํ อกาสิ. อถ อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท เวสาลิยํ วชฺชิราชกุเล นิพฺพตฺติตฺวา ตสฺส วยปฺปตฺตกาเล วชฺชิรฏฺเ อวุฏฺิภยํ พฺยาธิภยํ อมนุสฺสภยนฺติ ตีณิ ภยานิ อุปฺปชฺชึสุ ¶ . ตํ สพฺพํ รตนสุตฺตวณฺณนายํ (ขุ. ปา. อฏฺ. รตนสุตฺตวณฺณนา; สุ. นิ. อฏฺ. ๑.รตนสุตฺตวณฺณนา) วุตฺตนเยน เวทิตพฺพํ. ภควติ ปน เวสาลึ ปวิฏฺเ ภเยสุ จ วูปสนฺเตสุ สตฺถุ ธมฺมเทสนาย สมฺพหุลานํ เทวมนุสฺสานํ ธมฺมาภิสมเย จ ชาเต อยํ ราชกุมาโร พุทฺธานุภาวํ ทิสฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิ. ยถา จายํ เอวํ อนนฺตรํ วุจฺจมานา จตฺตาโรปิ ชนา. เตปิ หิ อิมสฺส สหายภูตา ลิจฺฉวิราชกุมารา เอวํ อิมินาว นีหาเรน ปพฺพชึสุ. กสฺสปสมฺพุทฺธกาเลปิ สหายา หุตฺวา อิมินา สเหว ปพฺพชิตฺวา สมณธมฺมํ อกํสุ, ปทุมุตฺตรสฺสปิ ภควโต ปาทมูเล กุสลพีชโรปนาทึ อกํสูติ. ตตฺถายํ กตปุพฺพกิจฺโจ สาเกเต อฺชนวเน สุสานฏฺาเน วสนฺโต อุปกฏฺาย วสฺสูปนายิกาย มนุสฺเสหิ ฉฑฺฑิตํ ชิณฺณกํ อาสนฺทึ ลภิตฺวา ตํ จตูสุ ปาสาเณสุ เปตฺวา อุปริ ติริยฺจ ติณาทีหิ ฉาเทตฺวา ทฺวารํ โยเชตฺวา วสฺสํ อุปคโต. ปมมาเสเยว ฆเฏนฺโต วายมนฺโต อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๑.๒๔-๒๘) –
‘‘สุทสฺสโนติ นาเมน, มาลากาโร อหํ ตทา;
อทฺทสํ วิรชํ พุทฺธํ, โลกเชฏฺํ นราสภํ.
‘‘ชาติปุปฺผํ ¶ คเหตฺวาน, ปูชยึ ปทุมุตฺตรํ;
วิสุทฺธจกฺขุ สุมโน, ทิพฺพจกฺขุํ สมชฺฌคํ.
‘‘เอติสฺสา ปุปฺผปูชาย, จิตฺตสฺส ปณิธีหิ จ;
กปฺปานํ สตสหสฺสํ, ทุคฺคตึ นุปปชฺชหํ.
‘‘โสฬสาสึสุ ราชาโน, เทวุตฺตรสนามกา;
ฉตฺตึสมฺหิ อิโต กปฺเป, จกฺกวตฺตี มหพฺพลา.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหตฺตํ ปน ปตฺวา วิมุตฺติสุขํ ปฏิสํเวเทนฺโต สมาปตฺติโต วุฏฺาย ยถาลทฺธํ สมฺปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปีติเวเคน อุทาเนนฺโต ‘‘อาสนฺทึ กุฏิกํ กตฺวา’’ติ คาถํ อภาสิ ¶ .
๕๕. ตตฺถ อาสนฺทึ กุฏิกํ กตฺวาติ อาสนฺที นาม ทีฆปาทกํ จตุรสฺสปีํ, อายตํ จตุรสฺสมฺปิ อตฺถิเยว, ยตฺถ นิสีทิตุเมว สกฺกา, น นิปชฺชิตุํ ¶ ตํ อาสนฺทึ กุฏิกํ กตฺวา วาสตฺถาย เหฏฺา วุตฺตนเยน กุฏิกํ กตฺวา ยถา ตตฺถ นิสินฺนสฺส อุตุปริสฺสยาภาเวน สุเขน สมณธมฺมํ กาตุํ สกฺกา, เอวํ กุฏิกํ กตฺวา. เอเตน ปรมุกฺกํสคตํ เสนาสเน อตฺตโน อปฺปิจฺฉตํ สนฺตุฏฺิฺจ ทสฺเสติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ ธมฺมเสนาปตินา –
‘‘ปลฺลงฺเกน นิสินฺนสฺส, ชณฺณุเกนาภิวสฺสติ;
อลํ ผาสุวิหาราย, ปหิตตฺตสฺส ภิกฺขุโน’’ติ. (เถรคา. ๙๘๕; มิ. ป. ๖.๑.๑);
อปเร ‘‘อาสนฺทิกุฏิก’’นฺติ ปาํ วตฺวา ‘‘อาสนฺทิปฺปมาณํ กุฏิกํ กตฺวา’’ติ อตฺถํ วทนฺติ. อฺเ ปน ‘‘อาสนนิสชฺชาทิคเต มนุสฺเส อุทฺทิสฺส มฺจกสฺส อุปริ กตกุฏิกา อาสนฺที นาม, ตํ อาสนฺทึ กุฏิกํ กตฺวา’’ติ อตฺถํ วทนฺติ. โอคฺคยฺหาติ โอคาเหตฺวา อนุปวิสิตฺวา. อฺชนํ วนนฺติ เอวํนามกํ วนํ, อฺชนวณฺณปุปฺผภาวโต หิ อฺชนา วุจฺจนฺติ วลฺลิโย, ตพฺพหุลตาย ตํ วนํ ‘‘อฺชนวน’’นฺติ นามํ ลภิ. อปเร ปน ‘‘อฺชนา นาม มหาคจฺฉา’’ติ วทนฺติ, ตํ อฺชนวนํ โอคฺคยฺห อาสนฺทิกํ กุฏิกํ กตฺวา ติสฺโส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสนนฺติ วิหรตา มยาติ วจนเสเสเนว โยชนา. อิทเมว จ เถรสฺส อฺาพฺยากรณํ อโหสีติ.
อฺชนวนิยตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. กุฏิวิหาริตฺเถรคาถาวณฺณนา
โก ¶ กุฏิกายนฺติ อายสฺมโต กุฏิวิหาริตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โส กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต อากาเสน คจฺฉนฺตสฺส ‘‘อุทกทานํ ¶ ทสฺสามี’’ติ สีตลํ อุทกํ คเหตฺวา ปีติโสมนสฺสชาโต อุทฺธมฺมุโข หุตฺวา อุกฺขิปิ. สตฺถา ตสฺส อชฺฌาสยํ ตฺวา ปสาทสํวฑฺฒนตฺถํ อากาเส ิโตว สมฺปฏิจฺฉิ. โส เตน อนปฺปกํ ปีติโสมนสฺสํ ปฏิสํเวเทสิ. เสสํ อฺชนวนิยตฺเถรสฺส วตฺถุมฺหิ วุตฺตสทิสเมว. อยํ ปน วิเสโส – อยํ กิร วุตฺตนเยน ปพฺพชิตฺวา กตปุพฺพกิจฺโจ วิปสฺสนํ อนุยฺุชนฺโต สายํ เขตฺตสมีเปน คจฺฉนฺโต เทเว ผุสายนฺเต เขตฺตปาลกสฺส ปฺุํ ติณกุฏึ ทิสฺวา ปวิสิตฺวา ตตฺถ ติณสนฺถารเก นิสีทิ ¶ . นิสินฺนมตฺโตว อุตุสปฺปายํ ลภิตฺวา วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๑.๒๙-๓๕) –
‘‘สุวณฺณวณฺณํ สมฺพุทฺธํ, คจฺฉนฺตํ อนิลฺชเส;
ฆตาสนํว ชลิตํ, อาทิตฺตํว หุตาสนํ.
‘‘ปาณินา อุทกํ คยฺห, อากาเส อุกฺขิปึ อหํ;
สมฺปฏิจฺฉิ มหาวีโร, พุทฺโธ การุณิโก อิสิ.
‘‘อนฺตลิกฺเข ิโต สตฺถา, ปทุมุตฺตรนามโก;
มม สงฺกปฺปมฺาย, อิมา คาถา อภาสถ.
‘‘อิมินา ทกทาเนน, ปีติอุปฺปาทเนน จ;
กปฺปสตสหสฺสมฺปิ, ทุคฺคตึ นุปปชฺชติ.
‘‘เตน กมฺเมน ทฺวิปทินฺท, โลกเชฏฺ นราสภ;
ปตฺโตมฺหิ อจลํ านํ, หิตฺวา ชยปราชยํ.
‘‘สหสฺสราชนาเมน, ตโย เต จกฺกวตฺติโน;
ปฺจสฏฺิกปฺปสเต, จาตุรนฺตา ชนาธิปา.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหตฺตํ ปน ปตฺวา เถเร ตตฺถ นิสินฺเน เขตฺตปาลโก อาคนฺตฺวา ‘‘โก กุฏิกาย’’นฺติ อาห. ตํ สุตฺวา เถโร ‘‘ภิกฺขุ กุฏิกาย’’นฺติอาทิมาห. ตยิทํ เขตฺตปาลสฺส เถรสฺส จ วจนํ เอกชฺฌํ กตฺวา –
‘‘โก ¶ กุฏิกายํ ภิกฺขุ กุฏิกายํ, วีตราโค สุสมาหิตจิตฺโต;
เอวํ ชานาหิ อาวุโส, อโมฆา เต กุฏิกา กตา’’ติ. –
ตถารูเปน สงฺคีตึ อาโรปิตํ.
ตตฺถ โก กุฏิกายนฺติ, ‘‘อิมิสฺสํ กุฏิกายํ โก นิสินฺโน’’ติ เขตฺตปาลสฺส ปุจฺฉาวจนํ. ตสฺส ภิกฺขุ กุฏิกายนฺติ เถรสฺส ปฏิวจนทานํ. อถ นํ อตฺตโน อนุตฺตรทกฺขิเณยฺยภาวโต ตํ กุฏิปริโภคํ อนุโมทาเปตฺวา ¶ อุฬารํ ตเมว ปฺุํ ปติฏฺาเปตุํ ‘‘วีตราโค’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตสฺสตฺโถ – เอโก ภินฺนกิเลโส ภิกฺขุ เต กุฏิกายํ นิสินฺโน, ตโต เอว โส อคฺคมคฺเคน สพฺพโส สมุจฺฉินฺนราคตาย วีตราโค อนุตฺตรสมาธินา นิพฺพานํ อารมฺมณํ กตฺวา สุฏฺุ สมาหิตจิตฺตตาย สุสมาหิตจิตฺโต, อิมฺจ อตฺถํ, อาวุโส เขตฺตปาล, ยถาหํ วทามิ, เอวํ ชานาหิ สทฺทห อธิมุจฺจสฺสุ. อโมฆา ¶ เต กุฏิกา กตา ตยา กตา กุฏิกา อโมฆา อวฺฌา สผลา สอุทฺรยา, ยสฺมา อรหตา ขีณาสเวน ปริภุตฺตา. สเจ ตฺวํ อนุโมทสิ, ตํ เต ภวิสฺสติ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายาติ.
ตํ สุตฺวา เขตฺตปาโล ‘‘ลาภา วต เม, สุลทฺธํ วต เม, ยสฺส เม กุฏิกายํ เอทิโส อยฺโย ปวิสิตฺวา นิสีทตี’’ติ ปสนฺนจิตฺโต อนุโมทนฺโต อฏฺาสิ. อิมํ ปน เตสํ กถาสลฺลาปํ ภควา ทิพฺพาย โสตธาตุยา สุตฺวา อนุโมทนฺจสฺส ตฺวา ตมฺภาวินึ สมฺปตฺตึ วิภาเวนฺโต เขตฺตปาลํ อิมาหิ คาถาหิ อชฺฌภาสิ –
‘‘วิหาสิ กุฏิยํ ภิกฺขุ, สนฺตจิตฺโต อนาสโว;
เตน กมฺมวิปาเกน, เทวินฺโท ตฺวํ ภวิสฺสสิ.
‘‘ฉตฺตึสกฺขตฺตุํ เทวินฺโท, เทวรชฺชํ กริสฺสสิ;
จตุตฺตึสกฺขตฺตุํ จกฺกวตฺตี, ราชา รฏฺเ ภวิสฺสสิ;
รตนกุฏิ นาม ปจฺเจกพุทฺโธ, วีตราโค ภวิสฺสสี’’ติ.
กุฏิกายํ ลทฺธวิเสสตฺตา ปน เถรสฺส ตโต ปภุติ กุฏิวิหารีตฺเวว สมฺา อุทปาทิ. อยเมว จ เถรสฺส อฺาพฺยากรณคาถาปิ อโหสีติ.
กุฏิวิหาริตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. ทุติยกุฏิวิหาริตฺเถรคาถาวณฺณนา
อยมาหุ ¶ ¶ ปุราณิยาติ อายสฺมโต กุฏิวิหาริตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โส กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต ปสนฺนมานโส ปริฬาหกาเล นฬวิลีเวหิ วิรจิตํ พีชนึ อทาสิ. ตํ สตฺถา อนุโมทนคาถาย สมฺปหํเสสิ. เสสํ ยเทตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ อฺชนวนิยตฺเถรวตฺถุมฺหิ วุตฺตสทิสเมว. อยํ ปน วิเสโส – อยํ กิร วุตฺตนเยน ปพฺพชิตฺวา อฺตราย ปุราณกุฏิกาย วิหรนฺโต สมณธมฺมํ อจินฺเตตฺวา, ‘‘อยํ กุฏิกา ชิณฺณา, อฺํ กุฏิกํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ นวกมฺมวเสน จิตฺตํ อุปฺปาเทสิ. ตสฺส อตฺถกามา เทวตา สํเวคชนนตฺถํ อิมํ อุตฺตาโนภาสํ คมฺภีรตฺถํ ‘‘อยมาหุ’’ติ คาถมาห.
๕๗. ตตฺถ ¶ อยนฺติ อาสนฺนปจฺจกฺขวจนํ. อาหูติ อโหสีติ อตฺโถ. คาถาสุขตฺถฺหิ ทีฆํ กตฺวา วุตฺตํ. ปุราณิยาติ ปุราตนี อทฺธคตา. อฺํ ปตฺถยเส นวํ กุฏินฺติ อิมิสฺสา กุฏิยา ปุราณภาเวน ชิณฺณตาย อิโต อฺํ อิทานิ นิพฺพตฺตนียตาย นวํ กุฏึ ปตฺถยเส ปตฺเถสิ อาสีสสิ. สพฺเพน สพฺพํ ปน อาสํ กุฏิยา วิราชย ปุราณิยํ วิย นวายมฺปิ กุฏิยํ อาสํ ตณฺหํ อเปกฺขํ วิราเชหิ, สพฺพโส ตตฺถ วิรตฺตจิตฺโต โหหิ. กสฺมา? ยสฺมา ทุกฺขา ภิกฺขุ ปุน นวา นาม กุฏิ ภิกฺขุ ปุน อิทานิ นิพฺพตฺติยมานา ทุกฺขาวหตฺตา ทุกฺขา, ตสฺมา อฺํ นวํ ทุกฺขํ อนุปฺปาเทนฺโต ยถานิพฺพตฺตายํ ปุราณิยํเยว กุฏิยํ ตฺวา อตฺตนา กตพฺพํ กโรหีติ. อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย – ตฺวํ, ภิกฺขุ, ‘‘อยํ ปุราณี ติณกุฏิกา ชิณฺณา’’ติ อฺํ นวํ ติณกุฏิกํ กาตุํ อิจฺฉสิ, น สมณธมฺมํ, เอวํ อิจฺฉนฺโต ปน ภาวนาย อนนุยฺุชเนน ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติยา อนติวตฺตนโต อายตึ อตฺตภาวกุฏิมฺปิ ปตฺเถนฺโต กาตุํ อิจฺฉนฺโตเยว นาม โหติ. สา ปน นวา ติณกุฏิ วิย กรณทุกฺเขน ตโต ภิยฺโยปิ ชรามรณโสกปริเทวาทิทุกฺขสํสฏฺตาย ทุกฺขา, ตสฺมา ติณกุฏิยํ วิย อตฺตภาวกุฏิยํ อาสํ อเปกฺขํ วิราชย สพฺพโส ตตฺถ วิรตฺตจิตฺโต โหหิ, เอวํ เต วฏฺฏทุกฺขํ น ภวิสฺสตีติ. เทวตาย จ วจนํ สุตฺวา เถโร สํเวคชาโต วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา ฆเฏนฺโต วายมนฺโต นจิรสฺเสว อรหตฺเต ปติฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๑.๓๖-๔๖) –
‘‘ปทุมุตฺตรพุทฺธสฺส ¶ , โลกเชฏฺสฺส ตาทิโน;
ติณตฺถเร นิสินฺนสฺส, อุปสนฺตสฺส ตาทิโน.
‘‘นฬมาลํ คเหตฺวาน, พนฺธิตฺวา พีชนึ อหํ;
พุทฺธสฺส อุปนาเมสึ, ทฺวิปทินฺทสฺส ตาทิโน.
‘‘ปฏิคฺคเหตฺวา ¶ สพฺพฺู, พีชนึ โลกนายโก;
มม สงฺกปฺปมฺาย, อิมํ คาถํ อภาสถ.
‘‘ยถา เม กาโย นิพฺพาติ, ปริฬาโห น วิชฺชติ;
ตเถว ติวิธคฺคีหิ, จิตฺตํ ตว วิมุจฺจตุ.
‘‘สพฺเพ เทวา สมาคจฺฉุํ, เย เกจิ วนนิสฺสิตา;
โสสฺสาม พุทฺธวจนํ, หาสยนฺตฺจ ทายกํ.
‘‘นิสินฺโน ภควา ตตฺถ, เทวสงฺฆปุรกฺขโต;
ทายกํ สมฺปหํเสนฺโต, อิมา คาถา อภาสถ.
‘‘อิมินา พีชนิทาเนน, จิตฺตสฺส ปณิธีหิ จ;
สุพฺพโต นาม นาเมน, จกฺกวตฺตี ภวิสฺสติ.
‘‘เตน กมฺมาวเสเสน, สุกฺกมูเลน โจทิโต;
มาลุโต นาม นาเมน, จกฺกวตฺตี ภวิสฺสติ.
‘‘อิมินา พีชนิทาเนน, สมฺมานวิปุเลน จ;
กปฺปสตสหสฺสมฺปิ, ทุคฺคตึ นุปปชฺชติ.
‘‘ตึสกปฺปสหสฺสมฺหิ, สุพฺพตา อฏฺตึส เต;
เอกูนตึสสหสฺเส, อฏฺ มาลุตนามกา.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหตฺเต ปน ปติฏฺิโต ‘‘อยํ เม อรหตฺตปฺปตฺติยา องฺกุสภูตา’’ติ ตเมว คาถํ ปจฺจุทาหาสิ. สาเยว จ เถรสฺส อฺาพฺยากรณคาถา อโหสิ. กุฏิโอวาเทน ลทฺธวิเสสตฺตา จสฺส กุฏิวิหารีตฺเวว สมฺา อโหสีติ.
ทุติยกุฏิวิหาริตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. รมณียกุฏิกตฺเถรคาถาวณฺณนา
รมณียา ¶ ¶ เม กุฏิกาติ อายสฺมโต รมณียกุฏิกตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โสปิ กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล กุสลพีชโรปนํ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิโต อฏฺารสกปฺปสตมตฺถเก อตฺถทสฺสิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต พุทฺธารหํ ¶ อาสนํ ภควโต อทาสิ. ปุปฺเผหิ จ ภควนฺตํ ปูเชตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิ. เสสํ อฺชนวนิยตฺเถรสฺส วตฺถุมฺหิ วุตฺตสทิสเมว. อยํ ปน วิเสโส – อยํ กิร วุตฺตนเยน ปพฺพชิตฺวา กตปุพฺพกิจฺโจ วชฺชิรฏฺเ อฺตรสฺมึ คามกาวาเส กุฏิกายํ วิหรติ, สา โหติ กุฏิกา อภิรูปา ทสฺสนียา ปาสาทิกา สุปริกมฺมกตภิตฺติภูมิกา อารามโปกฺขรณิรามเณยฺยาทิสมฺปนฺนา มุตฺตาชาลสทิสวาลิกากิณฺณภูมิภาคา เถรสฺส จ วตฺตสมฺปนฺนตาย สุสมฺมฏฺงฺคณตาทินา ภิยฺโยโสมตฺตาย รมณียตรา หุตฺวา ติฏฺติ. โส ตตฺถ วิหรนฺโต วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺเต ปติฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๑.๔๗-๕๒) –
‘‘กานนํ วนโมคฺคยฺห, อปฺปสทฺทํ นิรากุลํ;
สีหาสนํ มยา ทินฺนํ, อตฺถทสฺสิสฺส ตาทิโน.
‘‘มาลาหตฺถํ คเหตฺวาน, กตฺวา จ นํ ปทกฺขิณํ;
สตฺถารํ ปยิรุปาสิตฺวา, ปกฺกามึ อุตฺตรามุโข.
‘‘เตน กมฺเมน ทฺวิปทินฺท, โลกเชฏฺ นราสภ;
สนฺนิพฺพาเปมิ อตฺตานํ, ภวา สพฺเพ สมูหตา.
‘‘อฏฺารสกปฺปสเต, ยํ ทานมททึ ตทา;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, สีหาสนสฺสิทํ ผลํ.
‘‘อิโต สตฺตกปฺปสเต, สนฺนิพฺพาปกขตฺติโย;
สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหตฺตํ ปน ปตฺวา เถเร ตตฺถ วิหรนฺเต กุฏิกาย รมณียภาวโต วิหารเปกฺขกา มนุสฺสา ตโต ตโต อาคนฺตฺวา กุฏึ ปสฺสนฺติ ¶ . อเถกทิวสํ กติปยา ธุตฺตชาติกา อิตฺถิโย ตตฺถ คตา กุฏิกาย รมณียภาวํ ทิสฺวา, ‘‘เอตฺถ วสนฺโต อยํ สมโณ สิยา อมฺเหหิ อากฑฺฒนียหทโย’’ติ อธิปฺปาเยน – ‘‘รมณียํ โว, ภนฺเต, วสนฏฺานํ. มยมฺปิ รมณียรูปา ปมโยพฺพเน ิตา’’ติ วตฺวา อิตฺถิกุตฺตาทีนิ ทสฺเสตุํ อารภึสุ. เถโร อตฺตโน วีตราคภาวํ ปกาเสนฺโต ‘‘รมณียา เม กุฏิกา, สทฺธาเทยฺยา มโนรมา’’ติ คาถํ อภาสิ.
๕๘. ตตฺถ รมณียา เม กุฏิกาติ ‘‘รมณียา เต, ภนฺเต, กุฏิกา’’ติ ยํ ตุมฺเหหิ วุตฺตํ, ตํ สจฺจํ. อยํ มม วสนกุฏิกา รมณียา มนฺุรูปา, สา จ โข สทฺธาเทยฺยา, ‘‘เอวรูปาย ¶ มนาปํ ¶ กตฺวา ปพฺพชิตานํ ทินฺนาย อิทํ นาม ผลํ โหตี’’ติ กมฺมผลานิ สทฺทหิตฺวา สทฺธาย ธมฺมจฺฉนฺเทน ทาตพฺพตฺตา สทฺธาเทยฺยา, น ธเนน นิพฺพตฺติตา. สยฺจ ตถาทินฺนานิ สทฺธาเทยฺยานิ ปสฺสนฺตานํ ปริภฺุชนฺตานฺจ มโน รเมตีติ มโนรมา. สทฺธาเทยฺยตฺตา เอว หิ มโนรมา, สทฺธาทีหิ เทยฺยธมฺมํ สกฺกจฺจํ อภิสงฺขริตฺวา เทนฺติ, สทฺธาเทยฺยฺจ ปริภฺุชนฺตา สปฺปุริสา ทายกสฺส อวิสํวาทนตฺถมฺปิ ปโยคาสยสมฺปนฺนา โหนฺติ, น ตุมฺเหหิ จินฺติตากาเรน ปโยคาสยวิปนฺนาติ อธิปฺปาโย. น เม อตฺโถ กุมารีหีติ ยสฺมา สพฺพโส กาเมหิ วินิวตฺติตมานโส อหํ, ตสฺมา น เม อตฺโถ กุมารีหิ. กปฺปิยการกกมฺมวเสนปิ หิ มาทิสานํ อิตฺถีหิ ปโยชนํ นาม นตฺถิ, ปเคว ราควเสน, ตสฺมา น เม อตฺโถ กุมารีหีติ. กุมาริคฺคหณฺเจตฺถ อุปลกฺขณํ ทฏฺพฺพํ. มาทิสสฺส นาม สนฺติเก เอวํ ปฏิปชฺชาหีติ อยุตฺตการินีหิ ยาว อปรทฺธฺจ ตุมฺเหหิ สมานชฺฌาสยานํ ปุรโต อยํ กิริยา โสเภยฺยาติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘เยสํ อตฺโถ ตหึ คจฺฉถ นาริโย’’ติ. ตตฺถ เยสนฺติ กาเมสุ อวีตราคานํ. อตฺโถติ ปโยชนํ. ตหินฺติ ตตฺถ เตสํ สนฺติกํ. นาริโยติ อาลปนํ. ตํ สุตฺวา อิตฺถิโย มงฺกุภูตา ปตฺตกฺขนฺธา อาคตมคฺเคเนว คตา. เอตฺถ จ ‘‘น เม อตฺโถ กุมารีหี’’ติ กาเมหิ อนตฺถิกภาววจเนเนว เถเรน อรหตฺตํ พฺยากตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
รมณียกุฏิกตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. โกสลวิหาริตฺเถรคาถาวณฺณนา
สทฺธายาหํ ¶ ปพฺพชิโตติ อายสฺมโต โกสลวิหาริตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล กุสลพีชํ โรเปตฺวา ตํ ตํ ปฺุํ อกาสิ. เสสํ อฺชนวนิยตฺเถรวตฺถุสทิสเมว. อยํ ¶ ปน วิเสโส – อยํ กิร วุตฺตนเยน ปพฺพชิตฺวา กตปุพฺพกิจฺโจ โกสลรฏฺเ อฺตรสฺมึ คาเม เอกํ อุปาสกกุลํ นิสฺสาย อรฺเ วิหรติ, ตํ โส อุปาสโก รุกฺขมูเล วสนฺตํ ทิสฺวา กุฏิกํ กาเรตฺวา อทาสิ. เถโร กุฏิกายํ วิหรนฺโต อาวาสสปฺปาเยน สมาธานํ ลภิตฺวา วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๑.๕๓-๖๑) –
‘‘หิมวนฺตสฺสาวิทูเร, วสามิ ปณฺณสนฺถเร;
ฆาเสสุ เคธมาปนฺโน, เสยฺยสีโล จหํ ตทา.
‘‘ขณนฺตาลุกลมฺพานิ ¶ , พิฬาลิตกฺกลานิ จ;
โกลํ ภลฺลาตกํ พิลฺลํ, อาหตฺวา ปฏิยาทิตํ.
‘‘ปทุมุตฺตโร โลกวิทู, อาหุตีนํ ปฏิคฺคโห;
มม สงฺกปฺปมฺาย, อาคจฺฉิ มม สนฺติกํ.
‘‘อุปาคตํ มหานาคํ, เทวเทวํ นราสภํ;
พิฬาลึ ปคฺคเหตฺวาน, ปตฺตมฺหิ โอกิรึ อหํ.
‘‘ปริภฺุชิ มหาวีโร, โตสยนฺโต มมํ ตทา;
ปริภฺุชิตฺวาน สพฺพฺู, อิมํ คาถํ อภาสถ.
‘‘สกํ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, พิฬาลึ เม อทา ตุวํ;
กปฺปานํ สตสหสฺสํ, ทุคฺคตึ นุปปชฺชสิ.
‘‘จริมํ วตฺตเต มยฺหํ, ภวา สพฺเพ สมูหตา;
ธาเรมิ อนฺติมํ เทหํ, สมฺมาสมฺพุทฺธสาสเน.
‘‘จตุปฺาสิโต กปฺเป, สุเมขลิย สวฺหโย;
สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหตฺตํ ¶ ปน ปตฺวา วิมุตฺติสุขปฺปฏิสํเวทเนน อุปฺปนฺนปีติเวเคน อุทาเนนฺโต ‘‘สทฺธายาหํ ปพฺพชิโต’’ติ คาถํ อภาสิ.
๕๙. ตตฺถ สทฺธายาติ ภควโต เวสาลึ อุปคมเน อานุภาวํ ทิสฺวา, ‘‘เอกนฺตนิยฺยานิกํ อิทํ สาสนํ, ตสฺมา อทฺธา อิมาย ปฏิปตฺติยา ชรามรณโต มุจฺจิสฺสามี’’ติ อุปฺปนฺนสทฺธาวเสน ปพฺพชิโต ปพฺพชฺชํ อุปคโต. อรฺเ เม กุฏิกา กตาติ ตสฺสา ปพฺพชฺชาย อนุรูปวเสน อรฺเ วสโต เม กุฏิกา กตา, ปพฺพชฺชานุรูปํ อารฺโก หุตฺวา วูปกฏฺโ วิหรามีติ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘อปฺปมตฺโต จ อาตาปี, สมฺปชาโน ปติสฺสโต’’ติ. อรฺวาสลทฺเธน กายวิเวเกน ชาคริยํ อนุยฺุชนฺโต ตตฺถ สติยา อวิปฺปวาเสน อปฺปมตฺโต, อารทฺธวีริยตาย อาตาปี, ปุพฺพภาคิยสติสมฺปชฺปาริปูริยา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตาธิคเมน ปฺาสติเวปุลฺลปฺปตฺติยา อจฺจนฺตเมว สมฺปชาโน ปติสฺสโต วิหรามีติ อตฺโถ. อปฺปมตฺตภาวาทิกิตฺตเน จสฺส อิทเมว อฺาพฺยากรณํ อโหสิ โกสลรฏฺเ จิรนิวาสิภาเวน ปน โกสลวิหารีติ สมฺา ชาตาติ.
โกสลวิหาริตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. สีวลิตฺเถรคาถาวณฺณนา
เต ¶ ¶ เม อิชฺฌึสุ สงฺกปฺปาติ อายสฺมโต สีวลิตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล เหฏฺา วุตฺตนเยน วิหารํ คนฺตฺวา ปริสปริยนฺเต ิโต ธมฺมํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ ลาภีนํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา ‘‘มยาปิ อนาคเต เอวรูเปน ภวิตุํ วฏฺฏตี’’ติ ทสพลํ นิมนฺเตตฺวา สตฺตาหํ สตฺถุ ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ มหาทานํ ทตฺวา ‘‘ภควา อหํ อิมินา อธิการกมฺเมน อฺํ สมฺปตฺตึ น ปตฺเถมิ, อนาคเต ปน เอกพุทฺธสฺส สาสเน อหมฺปิ ตุมฺเหหิ โส เอตทคฺเค ปิตภิกฺขุ วิย ลาภีนํ อคฺโค ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ อกาสิ. สตฺถา อนนฺตรายํ ทิสฺวา – ‘‘อยํ เต ปตฺถนา อนาคเต โคตมพุทฺธสฺส สนฺติเก สมิชฺฌิสฺสตี’’ติ พฺยากริตฺวา ปกฺกามิ. โสปิ ¶ กุลปุตฺโต ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต วิปสฺสีพุทฺธกาเล พนฺธุมตีนครโต อวิทูเร เอกสฺมึ คามเก ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. ตสฺมึ สมเย พนฺธุมตีนครวาสิโน รฺา สทฺธึ สากจฺฉิตฺวา ทสพลสฺส ทานํ เทนฺติ. เต เอกทิวสํ สพฺเพว เอกโต หุตฺวา ทานํ เทนฺตา ‘‘กึ นุ โข อมฺหากํ ทานมุเข นตฺถี’’ติ (อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๒๐๗) มธฺุจ คุฬทธิฺจ น อทฺทสํสุ. เต ‘‘ยโต กุโตจิ อาหริสฺสามา’’ติ ชนปทโต นครปวิสนมคฺเค ปุริสํ เปสุํ. ตทา เอส กุลปุตฺโต อตฺตโน คามโต คุฬทธิวารกํ คเหตฺวา, ‘‘กิฺจิเทว อาหริสฺสามี’’ติ นครํ คจฺฉนฺโต, ‘‘มุขํ โธวิตฺวา โธตหตฺถปาโท ปวิสิสฺสามี’’ติ ผาสุกฏฺานํ โอโลเกนฺโต นงฺคลสีสมตฺตํ นิมฺมกฺขิกํ ทณฺฑกมธุํ ทิสฺวา ‘‘ปฺุเน เม อิทํ อุปฺปนฺน’’นฺติ คเหตฺวา นครํ ปาวิสิ. นาคเรหิ ปิตปุริโส ตํ ทิสฺวา, ‘‘โภ ปุริส, กสฺสิมํ อาหรสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘น กสฺสจิ, สามิ, วิกฺกิณิตุํ ปน เม อิทํ อาภต’’นฺติ. ‘‘เตน ¶ หิ, โภ, อิทํ กหาปณํ คเหตฺวา เอตํ มธฺุจ คุฬทธิฺจ เทหี’’ติ. โส จินฺเตสิ – ‘‘อิทํ น พหุมูลํ, อยฺจ เอกปฺปหาเรเนว พหุํ เทติ, วีมํสิตุํ วฏฺฏตี’’ติ. ตโต นํ ‘‘นาหํ เอเกน กหาปเณน เทมี’’ติ อาห. ‘‘ยทิ เอวํ ทฺเว คเหตฺวา เทหี’’ติ. ‘‘ทฺวีหิปิ น เทมี’’ติ. เอเตนุปาเยน วฑฺเฒตฺวา สหสฺสํ ปาปุณิ.
โส จินฺเตสิ – ‘‘อติวฑฺฒิตุํ น วฏฺฏติ, โหตุ ตาว อิมินา กตฺตพฺพกิจฺจํ ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ. อถ นํ อาห – ‘‘อิทํ น พหุํ อคฺฆนกํ, ตฺวฺจ พหุํ เทสิ, เกน กมฺเมน อิทํ คณฺหาสี’’ติ. ‘‘อิธ, โภ, นครวาสิโน รฺา สทฺธึ ปฏิวิรุชฺฌิตฺวา วิปสฺสีทสพลสฺส ทานํ เทนฺตา อิทํ ทฺวยํ ทานมุเข อปสฺสนฺตา ปริเยสนฺติ, สเจ อิทํ ทฺวยํ น ลภิสฺสนฺติ, นาครานํ ปราชโย ภวิสฺสติ, ตสฺมา สหสฺสํ กตฺวา คณฺหามี’’ติ. ‘‘กึ ปเนตํ นาครานเมว วฏฺฏติ, อฺเสํ ทาตุํ น วฏฺฏตี’’ติ. ‘‘ยสฺส กสฺสจิ ทาตุํ อวาริตเมต’’นฺติ. ‘‘อตฺถิ ปน โกจิ นาครานํ ทาเน เอกทิวสํ สหสฺสํ ทาตา’’ติ? ‘‘นตฺถิ, สมฺมา’’ติ. ‘‘อิเมสํ ปน ทฺวินฺนํ สหสฺสคฺฆนกภาวํ ¶ ชานาสี’’ติ? ‘‘อาม, ชานามี’’ติ. ‘‘เตน หิ คจฺฉ, นาครานํ อาจิกฺข ‘เอโก ปุริโส อิมานิ ทฺเว มูเลน น เทติ สหตฺเถเนว ทาตุกาโม, ตุมฺเห อิเมสํ ทฺวินฺนํ การณา ¶ นิพฺพิตกฺกา โหถา’ติ, ตฺวํ ปน เม อิมสฺมึ ทานมุเข เชฏฺกภาวสฺส กายสกฺขี โหหี’’ติ. โส ปริพฺพยตฺถํ คหิตมาสเกน ปฺจกฏุกํ คเหตฺวา ¶ จุณฺณํ กตฺวา ทธิโต กฺชิยํ คเหตฺวา ตตฺถ มธุปฏลํ ปีเฬตฺวา ปฺจกฏุกจุณฺเณน โยเชตฺวา เอกสฺมึ ปทุมินิปตฺเต ปกฺขิปิตฺวา ตํ สํวิทหิตฺวา อาทาย ทสพลสฺส อวิทูรฏฺาเน นิสีทิ มหาชเนน อาหริยมานสฺส สกฺการสฺส อวิทูเร อตฺตโน ปตฺตวารํ โอโลกยมาโน, โส โอกาสํ ตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ภควา อยํ อุปฺปนฺนทุคฺคตปณฺณากาโร, อิมํ เม อนุกมฺปํ ปฏิจฺจ ปฏิคฺคณฺหถาติ. สตฺถา ตสฺส อนุกมฺปํ ปฏิจฺจ จตุมหาราชทตฺติเยน เสลมยปตฺเตน ตํ ปฏิคฺคเหตฺวา ยถา อฏฺสฏฺิยา ภิกฺขุสตสหสฺสสฺส ทิยฺยมานํ น ขียติ, เอวํ อธิฏฺาสิ. โส กุลปุตฺโต นิฏฺิตภตฺตกิจฺจํ ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ ิโต อาห – ‘‘ทิฏฺโ เม, ภควา, อชฺช พนฺธุมตีนครวาสิเกหิ ตุมฺหากํ สกฺกาโร อาหริยมาโน, อหมฺปิ อิมสฺส กมฺมสฺส นิสฺสนฺเทน นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตภเว ลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺโต ภเวยฺย’’นฺติ (อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๒๐๗). สตฺถา, ‘‘เอวํ โหตุ, กุลปุตฺตา’’ติ วตฺวา ตสฺส จ นครวาสีนฺจ ภตฺตานุโมทนํ กตฺวา ปกฺกามิ.
โสปิ กุลปุตฺโต ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สุปฺปวาสาย ราชธีตาย กุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. ปฏิสนฺธิคฺคหณโต ปฏฺาย สายํ ปาตฺจ ปณฺณาการสตานิ สกเฏนาทาย สุปฺปวาสาย อุปนียนฺติ. อถ นํ ปฺุวีมํสนตฺถํ หตฺเถน พีชปจฺฉึ ผุสาเปนฺติ. เอเกกพีชโต สลากสตมฺปิ สลากสหสฺสมฺปิ นิคฺคจฺฉติ. เอเกกกรีสเขตฺเต ปณฺณาสมฺปิ สฏฺิปิ สกฏปฺปมาณานิ อุปฺปชฺชนฺติ. โกฏฺเ ปูรณกาเลปิ โกฏฺทฺวารํ หตฺเถน ผุสาเปนฺติ. ราชธีตาย ปฺุเน คณฺหนฺตานํ คหิตคหิตฏฺานํ ปุน ปูรติ. ปริปุณฺณภตฺตภาชนโตปิ ‘‘ราชธีตาย ปฺุ’’นฺติ วตฺวา ยสฺส กสฺสจิ เทนฺตานํ ยาว น อุกฺกฑฺฒนฺติ, น ตาว ภตฺตํ ขียติ, ทารเก ¶ กุจฺฉิคเตเยว สตฺตวสฺสานิ อติกฺกมึสุ.
คพฺเภ ¶ ปน ปริปกฺเก สตฺตาหํ มหาทุกฺขํ อนุโภสิ. สา สามิกํ อามนฺเตตฺวา, ‘‘ปุเร มรณา ชีวมานาว ทานํ ทสฺสามี’’ติ สตฺถุ สนฺติกํ เปเสสิ – ‘‘คจฺฉ, อิมํ ปวตฺตึ สตฺถุ อาโรเจตฺวา สตฺถารํ นิมนฺเตหิ, ยฺจ สตฺถา วเทติ, ตํ สาธุกํ อุปลกฺเขตฺวา อาคนฺตฺวา มยฺหํ กเถหี’’ติ. โส คนฺตฺวา ตสฺสา สาสนํ ภควโต อาโรเจสิ. สตฺถา, ‘‘สุขินี โหตุ สุปฺปวาสา โกลิยธีตา อโรคา, อโรคํ ปุตฺตํ วิชายตู’’ติ (อุทา. ๑๘) อาห. ราชา ตํ สุตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา อตฺตโน คามาภิมุโข ปายาสิ. ตสฺส ปุเร อาคมนาเยว สุปฺปวาสาย กุจฺฉิโต ¶ ธมกรณา อุทกํ วิย คพฺโภ นิกฺขมิ, ปริวาเรตฺวา นิสินฺนชโน อสฺสุมุโขว หสิตุํ อารทฺโธ ตุฏฺปหฏฺโ มหาชโน รฺโ สาสนํ อาโรเจตุํ อคมาสิ.
ราชา เตสํ อาคมนํ ทิสฺวาว, ‘‘ทสพเลน กถิตกถา นิปฺผนฺนา ภวิสฺสติ มฺเ’’ติ จินฺเตสิ. โส อาคนฺตฺวา สตฺถุ สาสนํ ราชธีตาย อาโรเจสิ. ราชธีตา ตยา นิมนฺติตํ ชีวิตภตฺตเมว มงฺคลภตฺตํ ภวิสฺสติ, คจฺฉ สตฺตาหํ ทสพลํ นิมนฺเตหีติ. ราชา ตถา อกาสิ. สตฺตาหํ พุทฺธปฺปมุขสฺส สงฺฆสฺส มหาทานํ ปวตฺตยึสุ. ทารโก สพฺเพสํ าตีนํ สนฺตตฺตํ จิตฺตํ นิพฺพาเปนฺโต ชาโตติ สีวลิทารโกตฺเววสฺส นามํ อกํสุ. โส สตฺตวสฺสานิ คพฺเภ วสิตตฺตา ชาตกาลโต ปฏฺาย สพฺพกมฺมกฺขโม อโหสิ. ธมฺมเสนาปติ สาริปุตฺโต สตฺตเม ทิวเส เตน สทฺธึ กถาสลฺลาปํ อกาสิ. สตฺถาปิ ธมฺมปเท คาถํ อภาสิ –
‘‘โยมํ ปลิปถํ ทุคฺคํ, สํสารํ โมหมจฺจคา;
ติณฺโณ ปารงฺคโต ฌายี, อเนโช อกถํกถี;
อนุปาทาย นิพฺพุโต, ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณ’’นฺติ. (ธ. ป. ๔๑๔);
อถ นํ เถโร เอวมาห – ‘‘กึ ปน ตยา เอวรูปํ ทุกฺขราสึ อนุภวิตฺวา ปพฺพชิตุํ น วฏฺฏตี’’ติ? ‘‘ลภมาโน ปพฺพเชยฺยํ, ภนฺเต’’ติ. สุปฺปวาสา นํ ทารกํ เถเรน ¶ สทฺธึ กเถนฺตํ ทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข เม ปุตฺโต ธมฺมเสนาปตินา สทฺธึ กเถตี’’ติ เถรํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘มยฺหํ ปุตฺโต ตุมฺเหหิ สทฺธึ กึ กเถติ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘อตฺตนา อนุภูตํ คพฺภวาสทุกฺขํ กเถตฺวา, ‘ตุมฺเหหิ อนฺุาโต ปพฺพชิสฺสามี’ติ วทตี’’ติ. ‘‘สาธุ ¶ , ภนฺเต, ปพฺพาเชถ น’’นฺติ. เถโร ตํ วิหารํ เนตฺวา ตจปฺจกกมฺมฏฺานํ ทตฺวา ปพฺพาเชนฺโต ‘‘สีวลิ, น ตุยฺหํ อฺเน โอวาเทน กมฺมํ อตฺถิ, ตยา สตฺต วสฺสานิ อนุภูตทุกฺขเมว ปจฺจเวกฺขาหี’’ติ. ‘‘ภนฺเต, ปพฺพาชนเมว ตุมฺหากํ ภาโร, ยํ ปน มยา กาตุํ สกฺกา, ตมหํ ชานิสฺสามี’’ติ. โส ปน ปมเกสวฏฺฏิยา โอหารณกฺขเณเยว โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาสิ, ทุติยาย โอหารณกฺขเณ สกทาคามิผเล, ตติยาย อนาคามิผเล สพฺเพสํเยว ปน เกสานํ โอโรปนฺจ อรหตฺตสจฺฉิกิริยา จ อปจฺฉา อปุริมา อโหสิ. ตสฺส ปพฺพชิตทิวสโต ปฏฺาย ภิกฺขุสงฺฆสฺส จตฺตาโร ปจฺจยา ยาวติจฺฉกํ อุปฺปชฺชนฺติ. เอวํ เอตฺถ วตฺถุ สมุฏฺิตํ.
อปรภาเค สตฺถา สาวตฺถึ อคมาสิ. เถโร สตฺถารํ อภิวาเทตฺวา, ‘‘ภนฺเต, มยฺหํ ปฺุํ วีมํสิสฺสามิ, ปฺจ เม ภิกฺขุสตานิ เทถา’’ติ อาห. ‘‘คณฺห สีวลี’’ติ. โส ปฺจสเต ภิกฺขู ¶ คเหตฺวา หิมวนฺตาภิมุขํ คจฺฉนฺโต อฏวิมคฺคํ คจฺฉติ, ตสฺส ปมํ ทิฏฺนิคฺโรเธ อธิวตฺถา เทวตา สตฺตทิวสานิ ทานํ อทาสิ. อิติ โส –
‘‘นิคฺโรธํ ปมํ ปสฺสิ, ทุติยํ ปณฺฑวปพฺพตํ;
ตติยํ อจิรวติยํ, จตุตฺถํ วรสาครํ.
‘‘ปฺจมํ หิมวนฺตํ โส, ฉฏฺํ ฉทฺทนฺตุปาคมิ;
สตฺตมํ คนฺธมาทนํ, อฏฺมํ อถ เรวต’’นฺติ.
สพฺพฏฺาเนสุ สตฺต สตฺต ทิวสาเนว ทานํ อทํสุ. คนฺธมาทนปพฺพเต ปน นาคทตฺตเทวราชา นาม สตฺตสุ ทิวเสสุ เอกทิวเส ขีรปิณฺฑปาตํ อทาสิ, เอกทิวเส สปฺปิปิณฺฑปาตํ. ภิกฺขุสงฺโฆ อาห – ‘‘อิมสฺส เทวรฺโ เนว เธนุโย ทุยฺหมานา ปฺายนฺติ, น ทธินิมฺมถนํ ¶ , กุโต เต เทวราช อิทํ อุปฺปชฺชตี’’ติ. ‘‘ภนฺเต กสฺสปทสพลสฺส กาเล ขีรสลากภตฺตทานสฺเสตํ ผล’’นฺติ เทวราชา อาห. อปรภาเค สตฺถา ขทิรวนิยเรวตสฺส ปจฺจุคฺคมนํ อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา เถรํ อตฺตโน สาสเน ลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺตานํ อคฺคฏฺาเน เปสิ.
เอวํ ลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺตสฺส ปน อิมสฺส เถรสฺส อรหตฺตปฺปตฺตึ เอกจฺเจ อาจริยา เอวํ วทนฺติ – ‘‘เหฏฺา วุตฺตนเยน ธมฺมเสนาปตินา โอวาเท ทินฺเน ยํ ¶ มยา กาตุํ สกฺกา, ตมหํ ชานิสฺสามีติ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนากมฺมฏฺานํ คเหตฺวา ตํ ทิวสํเยว อฺตรํ วิวิตฺตํ กุฏิกํ ทิสฺวา ตํ ปวิสิตฺวา มาตุกุจฺฉิสฺมึ สตฺต วสฺสานิ อตฺตนา อนุภูตํ ทุกฺขํ อนุสฺสริตฺวา ตทนุสาเรน อตีตานาคเต ตสฺส อเวกฺขนฺตสฺส อาทิตฺตา วิย ตโย ภวา อุปฏฺหึสุ. าณสฺส ปริปากํ คตตฺตา วิปสฺสนาวีถึ โอตริ, ตาวเทว มคฺคปฺปฏิปาฏิยา สพฺเพปิ อาสเว เขเปนฺโต อรหตฺตํ ปาปุณี’’ติ. อุภยถาปิ เถรสฺส อรหตฺตปฺปตฺติเยว ปกาสิตา. เถโร ปน ปภินฺนปฏิสมฺภิโท ฉฬภิฺโ อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๒.๓๑-๓๙) –
‘‘วรุโณ นาม นาเมน, เทวราชา อหํ ตทา;
อุปฏฺเหสึ สมฺพุทฺธํ, สโยคฺคพลวาหโน.
‘‘นิพฺพุเต โลกนาถมฺหิ, อตฺถทสฺสีนรุตฺตเม;
ตูริยํ สพฺพมาทาย, อคมํ โพธิมุตฺตมํ.
‘‘วาทิเตน จ นจฺเจน, สมฺมตาฬสมาหิโต;
สมฺมุขา วิย สมฺพุทฺธํ, อุปฏฺึ โพธิมุตฺตมํ.
‘‘อุปฏฺหิตฺวา ¶ ตํ โพธึ, ธรณีรุหปาทปํ;
ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวาน, ตตฺถ กาลงฺกโต อหํ.
‘‘สกกมฺมาภิรทฺโธหํ, ปสนฺโน โพธิมุตฺตเม;
เตน จิตฺตปฺปสาเทน, นิมฺมานํ อุปปชฺชหํ.
‘‘สฏฺิตูริยสหสฺสานิ, ปริวาเรนฺติ มํ สทา;
มนุสฺเสสุ จ เทเวสุ, วตฺตมานํ ภวาภเว.
‘‘ติวิธคฺคี นิพฺพุตา มยฺหํ, ภวา สพฺเพ สมูหตา;
ธาเรมิ อนฺติมํ เทหํ, สมฺมาสมฺพุทฺธสาสเน.
‘‘สุพาหู นาม นาเมน, จตุตฺตึสาสุ ขตฺติยา;
สตฺตรตนสมฺปนฺนา, ปฺจกปฺปสเต อิโต.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหตฺตํ ¶ ปน ปตฺวา วิมุตฺติสุขปฏิสํเวทเนน ปีติเวเคน อุทาเนนฺโต ‘‘เต เม อิชฺฌึสุ สงฺกปฺปา’’ติ คาถํ อภาสิ.
๖๐. ตตฺถ เต เม อิชฺฌึสุ สงฺกปฺปา, ยทตฺโถ ปาวิสึ กุฏึ, วิชฺชาวิมุตฺตึ ปจฺเจสนฺติ เย ปุพฺเพ มยา กามสงฺกปฺปาทีนํ สมุจฺเฉทกรา เนกฺขมฺมสงฺกปฺปาทโย อภิปตฺถิตาเยว ‘‘กทา นุ ขฺวาหํ ตทายตนํ อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสามิ, ยทริยา เอตรหิ ¶ อุปสมฺปชฺช วิหรนฺตี’’ติ, วิมุตฺตาธิปฺปายสฺิตา วิมุตฺตึ อุทฺทิสฺส สงฺกปฺปา มโนรถา อภิณฺหโส อปฺปมตฺตา ยทตฺโถ ยํปโยชโน เยสํ นิปฺผาทนตฺถํ กุฏึ สฺุาคารํ วิปสฺสิตุํ ปาวิสึ ติสฺโส วิชฺชา ผลวิมุตฺติฺจ ปจฺเจสนฺโต, คเวสนฺโต เต เม อิชฺฌึสุ เต สพฺเพว อิทานิ มยฺหํ อิชฺฌึสุ สมิชฺฌึสุ, นิปฺผนฺนกุสลสงฺกปฺโป ปริปุณฺณมโนรโถ ชาโตติ อตฺโถ. เตสํ สมิทฺธภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘มานานุสยมุชฺชห’’นฺติ วุตฺตํ. ยสฺมา มานานุสยมุชฺชหํ ปชหึ สมุจฺฉินฺทึ, ตสฺมา เต เม สงฺกปฺปา อิชฺฌึสูติ โยชนา. มานานุสเย หิ ปหีเน อปฺปหีโน นาม อนุสโย นตฺถิ, อรหตฺตฺจ อธิคตเมว โหตีติ มานานุสยปฺปหานํ ยถาวุตฺตสงฺกปฺปสมิทฺธิยา การณํ กตฺวา วุตฺตํ.
สีวลิตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
ฉฏฺวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. สตฺตมวคฺโค
๑. วปฺปตฺเถรคาถาวณฺณนา
ปสฺสติ ¶ ปสฺโสติ อายสฺมโต วปฺปตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โส กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล หํสวตีนคเร กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต ‘‘อสุโก จ อสุโก จ เถโร สตฺถุ ปมํ ธมฺมปฏิคฺคาหกา อเหสุ’’นฺติ โถมนํ สุตฺวา ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปตฺถนํ ปฏฺเปสิ – ‘‘อหมฺปิ ภควา อนาคเต ตาทิสสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปมํ ธมฺมปฏิคฺคาหกานํ อฺตโร ภเวยฺย’’นฺติ, สตฺถุ ¶ สนฺติเก สรณคมนฺจ ปเวเทสิ. โส ยาวชีวํ ปฺุานิ กตฺวา ตโต จุโต เทวมนุสฺเสสุเยว สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท กปิลวตฺถุสฺมึ วาเสฏฺสฺส นาม พฺราหฺมณสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, วปฺโปติสฺส นามํ อโหสิ. โส อสิเตน อิสินา ‘‘สิทฺธตฺถกุมาโร สพฺพฺู ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากโต โกณฺฑฺปฺปมุเขหิ พฺราหฺมณปุตฺเตหิ สทฺธึ ฆราวาสํ ปหาย ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ‘‘ตสฺมึ สพฺพฺุตํ ปตฺเต ตสฺส สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา อมตํ ปาปุณิสฺสามี’’ติ อุรุเวลายํ วิหรนฺตํ มหาสตฺตํ ฉพฺพสฺสานิ ปธานํ ปทหนฺตํ อุปฏฺหิตฺวา โอฬาริกาหารปริโภเคน นิพฺพิชฺชิตฺวา อิสิปตนํ คโต. อภิสมฺพุชฺฌิตฺวา สตฺถารา สตฺตสตฺตาหานิ วีตินาเมตฺวา อิสิปตนํ ¶ คนฺตฺวา ธมฺมจกฺเก ปวตฺติเต ปาฏิปททิวเส โสตาปตฺติผเล ปติฏฺิโต ปฺจมิยํ ปกฺขสฺส อฺาสิโกณฺฑฺาทีหิ สทฺธึ อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๒.๒๐-๓๐) –
‘‘อุภินฺนํ เทวราชูนํ, สงฺคาโม สมุปฏฺิโต;
อโหสิ สมุปพฺยูฬฺโห, มหาโฆโส อวตฺตถ.
‘‘ปทุมุตฺตโร โลกวิทู, อาหุตีนํ ปฏิคฺคโห;
อนฺตลิกฺเข ิโต สตฺถา, สํเวเชสิ มหาชนํ.
‘‘สพฺเพ เทวา อตฺตมนา, นิกฺขิตฺตกวจาวุธา;
สมฺพุทฺธํ อภิวาเทตฺวา, เอกคฺคาสึสุ ตาวเท.
‘‘มยฺหํ สงฺกปฺปมฺาย, วาจาสภิมุทีรยิ;
อนุกมฺปโก โลกวิทู, นิพฺพาเปสิ มหาชนํ.
‘‘ปทุฏฺจิตฺโต ¶ มนุโช, เอกปาณํ วิเหยํ;
เตน จิตฺตปฺปโทเสน, อปายํ อุปปชฺชติ.
‘‘สงฺคามสีเส นาโคว, พหู ปาเณ วิเหยํ;
นิพฺพาเปถ สกํ จิตฺตํ, มา หฺิตฺโถ ปุนปฺปุนํ.
‘‘ทฺวินฺนมฺปิ ยกฺขราชูนํ, เสนา สา วิมฺหิตา อหุ;
สรณฺจ อุปาคจฺฉุํ, โลกเชฏฺํ สุตาทินํ.
‘‘สฺาเปตฺวาน ชนตํ, ปทมุทฺธริ จกฺขุมา;
เปกฺขมาโนว เทเวหิ, ปกฺกามิ อุตฺตรามุโข.
‘‘ปมํ ¶ สรณํ คจฺฉึ, ทฺวิปทินฺทสฺส ตาทิโน;
กปฺปานํ สตสหสฺสํ, ทุคฺคตึ นุปปชฺชหํ.
‘‘มหาทุนฺทุภินามา จ, โสฬสาสุํ รเถสภา;
ตึสกปฺปสหสฺสมฺหิ, ราชาโน จกฺกวตฺติโน.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อตฺตนา ปฏิลทฺธสมฺปตฺตึ ปจฺจเวกฺขณมุเขน สตฺถุ คุณมหนฺตตํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ‘‘อีทิสํ นาม สตฺถารํ พาหุลิกาทิวาเทน สมุทาจริมฺห. อโห ปุถุชฺชนภาโว นาม อนฺธกรโณ อจกฺขุกรโณ อริยภาโวเยว จกฺขุกรโณ’’ติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปสฺสติ ปสฺโส’’ติ คาถํ อภาสิ.
๖๑. ตตฺถ ปสฺสติ ปสฺโสติ ปสฺสติ สมฺมาทิฏฺิยา ธมฺเม อวิปรีตํ ชานาติ พุชฺฌตีติ ปสฺโส, ทสฺสนสมฺปนฺโน อริโย, โส ปสฺสนฺตํ อวิปรีตทสฺสาวึ ‘‘อยํ อวิปรีตทสฺสาวี’’ติ ปสฺสติ ปฺาจกฺขุนา ธมฺมาธมฺมํ ยถาสภาวโต ชานาติ. น เกวลํ ปสฺสนฺตเมว, อถ โข อปสฺสนฺตฺจ ปสฺสติ, โย ปฺาจกฺขุวิรหิโต ธมฺเม ยถาสภาวโต น ปสฺสติ, ตมฺปิ อปสฺสนฺตํ ปุถุชฺชนํ ‘‘อนฺโธ วตายํ ภวํ อจกฺขุโก’’ติ อตฺตโน ปฺาจกฺขุนา ปสฺสติ. อปสฺสนฺโต อปสฺสนฺตํ, ปสฺสนฺตฺจ น ปสฺสตีติ อปสฺสนฺโต ปฺาจกฺขุรหิโต อนฺธพาโล ตาทิสํ อนฺธพาลํ อยํ ธมฺมาธมฺมํ ยถาสภาวโต น ปสฺสตีติ ยถา อปสฺสนฺตํ น ปสฺสติ น ชานาติ, เอวํ อตฺตโน ปฺาจกฺขุนา ธมฺมาธมฺมํ ยถาสภาวโต ปสฺสนฺตฺจ ปณฺฑิตํ ‘‘อยํ เอวํวิโธ’’ติ น ปสฺสติ น ชานาติ, ตสฺมา อหมฺปิ ปุพฺเพ ทสฺสนรหิโต สกลํ เยฺยํ หตฺถามลกํ วิย ปสฺสนฺตํ ภควนฺตํ อปสฺสนฺตมฺปิ ปูรณาทึ ยถาสภาวโต น ปสฺสึ, อิทานิ ปน พุทฺธานุภาเวน สมฺปนฺโน อุภเยปิ ยถาสภาวโต ปสฺสามีติ เสวิตพฺพาเสวิตพฺเพสุ อตฺตโน อวิปรีตปฏิปตฺตึ ทสฺเสติ.
วปฺปตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. วชฺชิปุตฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา
เอกกา ¶ ¶ ¶ มยํ อรฺเติ อายสฺมโต วชฺชิปุตฺตตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ ปฺุํ อุปจินนฺโต อิโต เอกนวุเต กปฺเป วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ วิปสฺสึ ภควนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส นาคปุปฺผเกสเรหิ ปูชํ อกาสิ. โส เตน ปฺุกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท อมจฺจกุเล นิพฺพตฺติ, วชฺชิปุตฺโตติสฺส นามํ อโหสิ. โส ภควโต เวสาลิคมเน พุทฺธานุภาวํ ทิสฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา กตปุพฺพกิจฺโจ กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา เวสาลิยา อวิทูเร อฺตรสฺมึ วนสณฺเฑ วิหรติ. เตน จ สมเยน เวสาลิยํ อุสฺสโว อโหสิ. ตตฺถ ตตฺถ นจฺจคีตวาทิตํ ปวตฺตติ, มหาชโน หฏฺตุฏฺโ อุสฺสวสมฺปตฺตึ ปจฺจนุโภติ, ตํ สุตฺวา โส ภิกฺขุ อโยนิโส อุมฺมุชฺชนฺโต วิเวกํ วชฺชมาโน กมฺมฏฺานํ วิสฺสชฺเชตฺวา อตฺตโน อนภิรตึ ปกาเสนฺโต –
‘‘เอกกา มยํ อรฺเ วิหราม, อปวิทฺธํว วนสฺมึ ทารุกํ;
เอตาทิสิกาย รตฺติยา, โก สุ นาม อมฺเหหิ ปาปิโย’’ติ. – คาถมาห;
ตํ สุตฺวา วนสณฺเฑ อธิวตฺถา เทวตา ตํ ภิกฺขุํ อนุกมฺปมานา ‘‘ยทิปิ, ตฺวํ ภิกฺขุ, อรฺวาสํ หีเฬนฺโต วทสิ, วิเวกกามา ปน วิทฺทสุโน ตํ พหุ มฺนฺติเยวา’’ติ อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺตี –
‘‘เอกโก ตฺวํ อรฺเ วิหรสิ, อปวิทฺธํว วนสฺมึ ทารุกํ;
ตสฺส เต พหุกา ปิหยนฺติ, เนรยิกา วิย สคฺคคามิน’’นฺติ. –
คาถํ วตฺวา, ‘‘กถฺหิ นาม ตฺวํ, ภิกฺขุ, นิยฺยานิเก สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สาสเน ปพฺพชิตฺวา อนิยฺยานิกํ วิตกฺกํ วิตกฺเกสฺสสี’’ติ สนฺตชฺเชนฺตี สํเวเชสิ ¶ . เอวํ โส ภิกฺขุ ตาย เทวตาย สํเวชิโต กสาภิหโต วิย ภทฺโร อสฺสาชานีโย วิปสฺสนาวีถึ ¶ โอตริตฺวา นจิรสฺเสว วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๑.๖๒-๖๖) –
‘‘สุวณฺณวณฺณํ สมฺพุทฺธํ, สตรํสึว ภาณุมํ;
โอภาเสนฺตํ ทิสา สพฺพา, อุฬุราชํว ปูริตํ.
‘‘ปุรกฺขตํ ¶ สาวเกหิ, สาคเรเหว เมทนึ;
นาคํ ปคฺคยฺห เรณูหิ, วิปสฺสิสฺสาภิโรปยึ.
‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ เรณุมภิโรปยึ;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.
‘‘ปณฺณตาลีสิโต กปฺเป, เรณุ นามาสิ ขตฺติโย;
สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหตฺตํ ปน ปตฺวา ‘‘อยํ เม อรหตฺตปฺปตฺติยา องฺกุโส ชาโต’’ติ อตฺตโน เทวตาย จ วุตฺตนยํ สํกฑฺฒิตฺวา –
‘‘เอกกา มยํ อรฺเ วิหราม, อปวิทฺธํว วนสฺมึ ทารุกํ;
ตสฺส เม พหุกา ปิหยนฺติ, เนรยิกา วิย สคฺคคามิน’’นฺติ. –
คาถํ อภาสิ.
ตสฺสตฺโถ – อนเปกฺขภาเวน วเน ฉฑฺฑิตทารุกฺขณฺฑํ วิย ยทิปิ มยํ เอกกา เอกากิโน อสหายา อิมสฺมึ อรฺเ วิหราม, เอวํ วิหรโต ปน ตสฺส เม พหุกา ปิหยนฺติ มํ พหู อตฺถกามรูปา กุลปุตฺตา อภิปตฺเถนฺติ, ‘‘อโห วตสฺส มยมฺปิ วชฺชิปุตฺตตฺเถโร วิย ฆรพนฺธนํ ปหาย อรฺเ วิหเรยฺยามา’’ติ. ยถา กึ? เนรยิกา วิย สคฺคคามินํ, ยถา นาม เนรยิกา อตฺตโน ปาปกมฺเมน นิรเย นิพฺพตฺตสตฺตา สคฺคคามีนํ สคฺคูปคามีนํ ปิหยนฺติ – ‘‘อโห วต มยมฺปิ นิรยทุกฺขํ ปหาย สคฺคสุขํ ปจฺจนุภเวยฺยามา’’ติ เอวํสมฺปทมิทนฺติ อตฺโถ. เอตฺถ ¶ จ อตฺตนิ ครุพหุวจนปฺปโยคสฺส อิจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘เอกกา มยํ วิหรามา’’ติ ปุน ตสฺส อตฺถสฺส เอกตฺตํ สนฺธาย ‘‘ตสฺส เม’’ติ เอกวจนปฺปโยโค กโต. ‘‘ตสฺส เม’’, ‘‘สคฺคคามิน’’นฺติ จ อุภยมฺปิ ‘ปิหยนฺตี’ติ ปทํ อเปกฺขิตฺวา อุปโยคตฺเถ สมฺปทานนิทฺเทโส ทฏฺพฺโพ. ตํ อภิปตฺเถนฺตีติ จ ตาทิเส อรฺวาสาทิคุเณ อภิปตฺเถนฺตา นาม โหนฺตีติ กตฺวา วุตฺตํ. ตสฺส เมติ วา ตสฺส มม สนฺติเก คุเณติ อธิปฺปาโย.
วชฺชิปุตฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ปกฺขตฺเถรคาถาวณฺณนา
จุตา ¶ ¶ ปตนฺตีติ อายสฺมโต ปกฺขตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โสปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปฺุานิ กโรนฺโต อิโต เอกนวุเต กปฺเป ยกฺขเสนาปติ หุตฺวา วิปสฺสึ ภควนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส ทิพฺพวตฺเถน ปูชํ อกาสิ. โส เตน ปฺุกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สกฺเกสุ เทวทหนิคเม สากิยราชกุเล นิพฺพตฺติ, ‘‘สมฺโมทกุมาโร’’ติสฺส นามํ อโหสิ. อถสฺส ทหรกาเล วาตโรเคน ปาทา น วหึสุ. โส กติปยํ กาลํ ปีสปฺปี วิย วิจริ. เตนสฺส ปกฺโขติ สมฺา ชาตา. ปจฺฉา อโรคกาเลปิ ตเถว นํ สฺชานนฺติ, โส ภควโต าติสมาคเม ปาฏิหาริยํ ทิสฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา กตปุพฺพกิจฺโจ กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อรฺเ วิหรติ. อเถกทิวสํ คามํ ปิณฺฑาย ปวิสิตุํ คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล นิสีทิ. ตสฺมิฺจ สมเย อฺตโร กุลโล มํสเปสึ อาทาย อากาเสน คจฺฉติ, ตํ พหู กุลลา อนุปติตฺวา ปาเตสุํ. ปาติตํ มํสเปสึ เอโก กุลโล อคฺคเหสิ. ตํ อฺโ อจฺฉินฺทิตฺวา คณฺหิ, ตํ ทิสฺวา เถโร ‘‘ยถายํ มํสเปสิ, เอวํ กามา นาม พหุสาธารณา พหุทุกฺขา พหุปายาสา’’ติ – กาเมสุ อาทีนวํ เนกฺขมฺเม จ อานิสํสํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา ‘‘อนิจฺจ’’นฺติอาทินา มนสิกโรนฺโต ปิณฺฑาย จริตฺวา กตภตฺตกิจฺโจ ¶ ทิวาฏฺาเน นิสีทิตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๒.๑-๑๐) –
‘‘วิปสฺสี นาม ภควา, โลกเชฏฺโ นราสโภ;
อฏฺสฏฺิสหสฺเสหิ, ปาวิสิ พนฺธุมํ ตทา.
‘‘นครา อภินิกฺขมฺม, อคมํ ทีปเจติยํ;
อทฺทสํ วิรชํ พุทฺธํ, อาหุตีนํ ปฏิคฺคหํ.
‘‘จุลฺลาสีติสหสฺสานิ, ยกฺขา มยฺหํ อุปนฺติเก;
อุปฏฺหนฺติ สกฺกจฺจํ, อินฺทํว ติทสา คณา.
‘‘ภวนา อภินิกฺขมฺม, ทุสฺสํ ปคฺคยฺหหํ ตทา;
สิรสา อภิวาเทสึ, ตฺจาทาสึ มเหสิโน.
‘‘อโห พุทฺโธ อโห ธมฺโม, อโห โน สตฺถุ สมฺปทา;
พุทฺธสฺส อานุภาเวน, วสุธายํ ปกมฺปถ.
‘‘ตฺจ อจฺฉริยํ ทิสฺวา, อพฺภุตํ โลมหํสนํ;
พุทฺเธ จิตฺตํ ปสาเทมิ, ทฺวิปทินฺทมฺหิ ตาทิเน.
‘‘โสหํ ¶ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, ทุสฺสํ ทตฺวาน สตฺถุโน;
สรณฺจ อุปาคจฺฉึ, สามจฺโจ สปริชฺชโน.
‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ กมฺมมกรึ ตทา;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.
‘‘อิโต ปนฺนรเส กปฺเป, โสฬสาสุํ สุวาหนา;
สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพลา.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหตฺตํ ปน ปตฺวา ยเทว สํเวควตฺถุํ องฺกุสํ กตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อฺา อธิคตา, ตสฺส สํกิตฺตนมุเขน อฺํ พฺยากโรนฺโต ‘‘จุตา ปตนฺตี’’ติ คาถํ อภาสิ.
๖๓. ตตฺถ จุตาติ ภฏฺา. ปตนฺตีติ อนุปตนฺติ. ปติตาติ ¶ จวนวเสน ภูมิยํ ปติตา, อากาเส วา สมฺปตนวเสน ปติตา. คิทฺธาติ เคธํ อาปนฺนา ¶ . ปุนราคตาติ ปุนเทว อุปคตา. จ-สทฺโท สพฺพตฺถ โยเชตพฺโพ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ปตนฺติ อนุปตนฺติ จ อิธ กุลลา, อิตรสฺส มุขโต จุตา จ มํสเปสิ, จุตา ปน สา ภูมิยํ ปติตา จ, คิทฺธา เคธํ อาปนฺนา สพฺเพว กุลลา ปุนราคตา. ยถา จิเม กุลลา, เอวํ สํสาเร ปริพฺภมนฺตา สตฺตา เย กุสลธมฺมโต จุตา, เต ปตนฺติ นิรยาทีสุ, เอวํ ปติตา จ, สมฺปตฺติภเว ิตา ตตฺถ กามสุขานุโยควเสน กามภเว รูปารูปภเวสุ จ ภวนิกนฺติวเสน คิทฺธา จ ปุนราคตา ภวโต อปริมุตฺตตฺตา เตน เตน ภวคามินา กมฺเมน ตํ ตํ ภวสฺิตํ ทุกฺขํ อาคตา เอว, เอวํภูตา อิเม สตฺตา. มยา ปน กตํ กิจฺจํ ปริฺาทิเภทํ โสฬสวิธมฺปิ กิจฺจํ กตํ, น ทานิ ตํ กาตพฺพํ อตฺถิ. รตํ รมฺมํ รมิตพฺพํ อริเยหิ สพฺพสงฺขตวินิสฺสฏํ นิพฺพานํ รตํ อภิรตํ รมฺมํ. เตน จ สุเขนนฺวาคตํ สุขํ ผลสมาปตฺติสุเขน อนุอาคตํ อุปคตํ อจฺจนฺตสุขํ นิพฺพานํ, สุเขน วา สุขาปฏิปทาภูเตน วิปสฺสนาสุเขน มคฺคสุเขน จ อนฺวาคตํ ผลสุขํ นิพฺพานสุขฺจาติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
ปกฺขตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. วิมลโกณฺฑฺตฺเถรคาถาวณฺณนา
ทุมวฺหยาย อุปฺปนฺโนติ วิมลโกณฺฑฺตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ¶ ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ ปฺุํ อุปจินนฺโต อิโต เอกนวุเต กปฺเป วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล วิภวสมฺปนฺเน กุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ วิปสฺสึ ภควนฺตํ มหติยา ปริสาย ปริวุตํ ธมฺมํ เทเสนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส จตูหิ สุวณฺณปุปฺเผหิ ปูเชสิ. ภควา ตสฺส ปสาทสํวฑฺฒนตฺถํ ตถารูปํ อิทฺธาภิสงฺขารํ อภิสงฺขาเรสิ, ยถา สุวณฺณาภา สกลํ ตํ ปเทสํ โอตฺถรติ. ตํ ทิสฺวา ภิยฺโยโสมตฺตาย ปสนฺนมานโส หุตฺวา ¶ ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ตํ นิมิตฺตํ คเหตฺวา อตฺตโน เคหํ คนฺตฺวา พุทฺธารมฺมณํ ปีตึ อวิชหนฺโต เกนจิ โรเคน กาลํ กตฺวา ตุสิเตสุ อุปปนฺโน อปราปรํ ปฺุานิ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชานํ ¶ พิมฺพิสารํ ปฏิจฺจ อมฺพปาลิยา กุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. ราชา หิ พิมฺพิสาโร ตรุณกาเล อมฺพปาลิยา รูปสมฺปตฺตึ สุตฺวา สฺชาตาภิลาโส กติปยมนุสฺสปริวาโร อฺาตกเวเสน เวสาลึ คนฺตฺวา เอกรตฺตึ ตาย สํวาสํ กปฺเปสิ. ตทา อยํ ตสฺสา กุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ อคฺคเหสิ. สา จ คพฺภสฺส ปติฏฺิตภาวํ ตสฺส อาโรเจสิ. ราชาปิ อตฺตานํ ชานาเปตฺวา ทาตพฺพยุตฺตกํ ทตฺวา ปกฺกามิ. สา คพฺภสฺส ปริปากมนฺวาย ปุตฺตํ วิชายิ, ‘‘วิมโล’’ติสฺส นามํ อโหสิ, ปจฺฉา วิมลโกณฺฑฺโติ ปฺายิตฺถ. โส วยปฺปตฺโต ภควโต เวสาลิคมเน พุทฺธานุภาวํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส ปพฺพชิตฺวา กตปุพฺพกิจฺโจ วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๒.๔๐-๔๘) –
‘‘วิปสฺสี นาม ภควา, โลกเชฏฺโ นราสโภ;
นิสินฺโน ชนกายสฺส, เทเสสิ อมตํ ปทํ.
‘‘ตสฺสาหํ ธมฺมํ สุตฺวาน, ทฺวิปทินฺนสฺส ตาทิโน;
โสณฺณปุปฺผานิ จตฺตาริ, พุทฺธสฺส อภิโรปยึ.
‘‘สุวณฺณจฺฉทนํ อาสิ, ยาวตา ปริสา ตทา;
พุทฺธาภา จ สุวณฺณาภา, อาโลโก วิปุโล อหุ.
‘‘อุทคฺคจิตฺโต สุมโน, เวทชาโต กตฺชลี;
วิตฺติสฺชนโน เตสํ, ทิฏฺธมฺมสุขาวโห.
‘‘อายาจิตฺวาน สมฺพุทฺธํ, วนฺทิตฺวาน จ สุพฺพตํ;
ปาโมชฺชํ ชนยิตฺวาน, สกํ ภวนุปาคมึ.
‘‘ภวเน อุปวิฏฺโหํ, พุทฺธเสฏฺํ อนุสฺสรึ;
เตน จิตฺตปฺปสาเทน, ตุสิตํ อุปปชฺชหํ.
‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ ปุปฺผมภิโรปยึ;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.
‘‘โสฬสาสึสุ ¶ ราชาโน, เนมิสมฺมตนามกา;
เตตาลีเส อิโต กปฺเป, จกฺกวตฺตี มหพฺพลา.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหตฺตํ ¶ ปน ปตฺวา อฺาปเทเสน อฺํ พฺยากโรนฺโต ‘‘ทุมวฺหยายา’’ติ คาถํ อภาสิ.
๖๔. ตตฺถ ทุมวฺหยายาติ ทุเมน อมฺเพน อวฺหาตพฺพาย, อมฺพปาลิยาติ อตฺโถ. อาธาเร เจตํ ภุมฺมวจนํ. อุปฺปนฺโนติ ตสฺสา กุจฺฉิยํ อุปฺปนฺโน อุปฺปชฺชมาโน จ. ชาโต ปณฺฑรเกตุนาติ ธวลวตฺถธชตฺตา ‘‘ปณฺฑรเกตู’’ติ ปฺาเตน พิมฺพิสารรฺา เหตุภูเตน ชาโต, ตํ ปฏิจฺจ นิพฺพตฺโตติ อตฺโถ. อุปฺปนฺโนติ วา ปมาภินิพฺพตฺติทสฺสนํ. ตโต หิ ชาโตติ อภิชาติทสฺสนํ. วิชายนกาลโต ปฏฺาย หิ โลเก ชาตโวหาโร. เอตฺถ จ ‘‘ทุมวฺหยาย อุปฺปนฺโน’’ติ อิมินา อตฺตุกฺกํสนภาวํ อปเนติ, อเนกปติปุตฺตานมฺปิ วิเสสาธิคมสมฺภวฺจ ทีเปติ. ‘‘ชาโต ปณฺฑรเกตุนา’’ติ อิมินา ¶ วิฺาตปิติกทสฺสเนน ปรวมฺภนํ อปเนติ. เกตุหาติ มานปฺปหายี. มาโน หิ อุณฺณติลกฺขณตฺตา เกตุ วิยาติ เกตุ. ตถา หิ โส ‘‘เกตุกมฺยตาปจฺจุปฏฺาโน’’ติ วุจฺจติ. เกตุนาเยวาติ ปฺาย เอว. ปฺา หิ อนวชฺชธมฺเมสุ อจฺจุคฺคตฏฺเน มารเสนปฺปมทฺทเนน ปุพฺพงฺคมฏฺเน จ อริยานํ ธชา นาม. เตนาห ‘‘ธมฺโม หิ อิสินํ ธโช’’ติ (สํ. นิ. ๒.๒๔๑; อ. นิ. ๔.๔๘; ชา. ๒.๒๑.๔๙๔). มหาเกตุํ ปธํสยีติ มหาวิสยตาย มหนฺตา, เสยฺยมานชาติมานาทิเภทโต พหโว จ มานปฺปการา, อิตเร จ กิเลสธมฺมา สมุสฺสิตฏฺเน เกตุ เอตสฺสาติ มหาเกตุ มาโร ปาปิมา. ตํ พลวิธมนวิสยาติกฺกมนวเสน อภิภวิ นิพฺพิเสวนํ อกาสีติ. ‘‘มหาเกตุํ ปธํสยี’’ติ อตฺตานํ ปรํ วิย ทสฺเสนฺโต อฺาปเทเสน อรหตฺตํ พฺยากาสิ.
วิมลโกณฺฑฺตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. อุกฺเขปกตวจฺฉตฺเถรคาถาวณฺณนา
อุกฺเขปกตวจฺฉสฺสาติ อายสฺมโต อุกฺเขปกตวจฺฉตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โสปิ กิร ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ ปฺุํ อุปจินนฺโต อิโต จตุนวุเต กปฺเป สิทฺธตฺถสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต สตฺถารํ อุทฺทิสฺส ¶ มาฬํ กโรนฺตสฺส ปูคสฺส เอกตฺถมฺภํ อลภนฺตสฺส ถมฺภํ ทตฺวา สหายกิจฺจํ อกาสิ. โส เตน ปฺุกมฺเมน ¶ เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา อปราปรํ ปฺุานิ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ อฺตรสฺส พฺราหฺมณสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, วจฺโฉติสฺส โคตฺตโต อาคตนามํ. โส สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา โกสลรฏฺเ คามกาวาเส วสนฺโต อาคตาคตานํ ภิกฺขูนํ สนฺติเก ธมฺมํ ปริยาปุณาติ. ‘‘อยํ ¶ วินโย อิทํ สุตฺตนฺตํ อยํ อภิธมฺโม’’ติ ปน ปริจฺเฉทํ น ชานาติ. อเถกทิวสํ อายสฺมนฺตํ ธมฺมเสนาปตึ ปุจฺฉิตฺวา ยถาปริจฺเฉทํ สพฺพํ สลฺลกฺเขสิ. ธมฺมสงฺคีติยา ปุพฺเพปิ ปิฏกาทิสมฺา ปริยตฺติสทฺธมฺเม ววตฺถิตา เอว, ยโต ภิกฺขูนํ วินยธราทิโวหาโร. โส เตปิฏกํ พุทฺธวจนํ อุคฺคณฺหนฺโต ปริปุจฺฉนฺโต ตตฺถ วุตฺเต รูปารูปธมฺเม สลฺลกฺเขตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา สมฺมสนฺโต นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๒.๑๓-๒๖) –
‘‘สิทฺธตฺถสฺส ภควโต, มหาปูคคโณ อหุ;
สรณํ คตา จ เต พุทฺธํ, สทฺทหนฺติ ตถาคตํ.
‘‘สพฺเพ สงฺคมฺม มนฺเตตฺวา, มาฬํ กุพฺพนฺติ สตฺถุโน;
เอกตฺถมฺภํ อลภนฺตา, วิจินนฺติ พฺรหาวเน.
‘‘เตหํ อรฺเ ทิสฺวาน, อุปคมฺม คณํ ตทา;
อฺชลึ ปคฺคเหตฺวาน, ปฏิปุจฺฉึ คณํ อหํ.
‘‘เต เม ปุฏฺา วิยากํสุ, สีลวนฺโต อุปาสกา;
มาฬํ มยํ กตฺตุกามา, เอกตฺถมฺโภ น ลพฺภติ.
‘‘เอกตฺถมฺภํ มมํ เทถ, อหํ ทสฺสามิ สตฺถุโน;
อาหริสฺสามหํ ถมฺภํ, อปฺโปสฺสุกฺกา ภวนฺตุ เต.
‘‘เต เม ถมฺภํ ปเวจฺฉึสุ, ปสนฺนา ตุฏฺมานสา;
ตโต ปฏินิวตฺติตฺวา, อคมํสุ สกํ ฆรํ.
‘‘อจิรํ คเต ปูคคเณ, ถมฺภํ อหาสหํ ตทา;
หฏฺโ หฏฺเน จิตฺเตน, ปมํ อุสฺสเปสหํ.
‘‘เตน ¶ จิตฺตปฺปสาเทน, วิมานํ อุปปชฺชหํ;
อุพฺพิทฺธํ ภวนํ มยฺหํ, สตฺตภูมํ สมุคฺคตํ.
‘‘วชฺชมานาสุ เภรีสุ, ปริจาเรมหํ สทา;
ปฺจปฺาสกปฺปมฺหิ, ราชา อาสึ ยโสธโร.
‘‘ตตฺถาปิ ภวนํ มยฺหํ, สตฺตภูมํ สมุคฺคตํ;
กูฏาคารวรูเปตํ, เอกตฺถมฺภํ มโนรมํ.
‘‘เอกวีสติกปฺปมฺหิ ¶ , อุเทโน นาม ขตฺติโย;
ตตฺราปิ ภวนํ มยฺหํ, สตฺตภูมํ สมุคฺคตํ.
‘‘ยํ ยํ โยนุปปชฺชามิ, เทวตฺตํ อถ มานุสํ;
อนุโภมิ สุขํ สพฺพํ, เอกตฺถมฺภสฺสิทํ ผลํ.
‘‘จตุนฺนวุติโต กปฺเป, ยํ ถมฺภมททํ ตทา;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, เอกตฺถมฺภสฺสิทํ ผลํ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหตฺตํ ปน ปตฺวา กตกิจฺจตฺตา อกิลาสุภาเว ิโต อตฺตโน สนฺติกํ อุปคตานํ คหฏฺปพฺพชิตานํ อนุกมฺปํ อุปาทาย เตปิฏกํ พุทฺธวจนํ วีมํสิตฺวา ธมฺมํ เทเสสิ. เทเสนฺโต จ เอกทิวสํ อตฺตานํ ปรํ วิย กตฺวา ทสฺเสนฺโต –
‘‘อุกฺเขปกตวจฺฉสฺส, สงฺกลิตํ พหูหิ วสฺเสหิ;
ตํ ภาสติ คหฏฺานํ, สุนิสินฺโน อุฬารปาโมชฺโช’’ติ. – คาถํ อภาสิ;
ตตฺถ อุกฺเขปกตวจฺฉสฺสาติ กตอุกฺเขปวจฺฉสฺส, ภิกฺขุโน สนฺติเก วิสุํ วิสุํ อุคฺคหิตํ วินยปเทสํ สุตฺตปเทสํ อภิธมฺมปเทสฺจ ยถาปริจฺเฉทํ วินยสุตฺตาภิธมฺมานํเยว อุปริ ขิปิตฺวา สชฺฌายนวเสน ตตฺถ ตตฺเถว ปกฺขิปิตฺวา ิตวจฺเฉนาติ อตฺโถ กรณตฺเถ หิ อิทํ สามิวจนํ. สงฺกลิตํ พหูหิ วสฺเสหีติ พหุเกหิ สํวจฺฉเรหิ สมฺปิณฺฑนวเสน หทเย ปิตํ. ‘‘สงฺขลิต’’นฺติปิ ปาโ, สงฺขลิตํ วิย กตํ เอกาพทฺธวเสน ¶ วาจุคฺคตํ ¶ กตํ. ยํ พุทฺธวจนนฺติ วจนเสโส. ตนฺติ ตํ ปริยตฺติธมฺมํ ภาสติ กเถติ. คหฏฺานนฺติ เตสํ เยภุยฺยตาย วุตฺตํ. สุนิสินฺโนติ ตสฺมึ ธมฺเม สมฺมา นิจฺจโล นิสินฺโน, ลาภสกฺการาทึ อปจฺจาสีสนฺโต เกวลํ วิมุตฺตายตนสีเสเยว ตฺวา กเถตีติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘อุฬารปาโมชฺโช’’ติ ผลสมาปตฺติสุขวเสน ธมฺมเทสนาวเสเนว จ อุปฺปนฺนอุฬารปาโมชฺโชติ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘ยถา ยถาวุโส ภิกฺขุ, ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ วิตฺถาเรน ปเรสํ เทเสติ ตถา ตถา โส ตสฺมึ ธมฺเม ลภติ อตฺถเวทํ, ลภติ ธมฺมเวทํ, ลภติ ธมฺมูปสํหิตํ ปาโมชฺช’’นฺติอาทิ (ที. นิ. ๓.๓๕๕).
อุกฺเขปกตวจฺฉตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. เมฆิยตฺเถรคาถาวณฺณนา
อนุสาสิ ¶ มหาวีโรติ อายสฺมโต เมฆิยตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว กุสลพีชานิ โรเปนฺโต อิโต เอกนวุเต กปฺเป วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปาปุณิ. ตสฺมิฺจ สมเย วิปสฺสี ภควา พุทฺธกิจฺจสฺส ปริโยสานมาคมฺม อายุสงฺขารํ โอสฺสชฺชิ. เตน ปถวีกมฺปาทีสุ อุปฺปนฺเนสุ มหาชโน ภีตตสิโต อโหสิ. อถ นํ เวสฺสวโณ มหาราชา ตมตฺถํ วิภาเวตฺวา สมสฺสาเสสิ. ตํ สุตฺวา มหาชโน สํเวคปฺปตฺโต อโหสิ. ตตฺถายํ กุลปุตฺโต พุทฺธานุภาวํ สุตฺวา สตฺถริ สฺชาตคารวพหุมาโน อุฬารํ ปีติโสมนสฺสํ ปฏิสํเวเทสิ. โส เตน ปฺุกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท กปิลวตฺถุสฺมึ สากิยราชกุเล นิพฺพตฺติ, ตสฺส เมฆิโยติ นามํ อโหสิ. โส วยปฺปตฺโต สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ภควนฺตํ อุปฏฺหนฺโต ภควติ ชาลิกายํ วิหรนฺเต กิมิกาลาย นทิยา ตีเร รมณียํ อมฺพวนํ ทิสฺวา ¶ ตตฺถ วิหริตุกาโม ¶ ทฺเว วาเร ภควตา วาเรตฺวา ตติยวารํ วิสฺสชฺชิโต ตตฺถ คนฺตฺวา มิจฺฉาวิตกฺกมกฺขิกาหิ ขชฺชมาโน จิตฺตสมาธึ อลภิตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจสิ. อถสฺส ภควา ‘‘อปริปกฺกาย, เมฆิย, เจโตวิมุตฺติยา ปฺจ ธมฺมา ปริปากาย สํวตฺตนฺตี’’ติอาทินา (อุทา. ๓๑) โอวาทํ อทาสิ. โส ตสฺมึ โอวาเท ตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๒.๕๗-๖๕) –
‘‘ยทา วิปสฺสี โลกคฺโค, อายุสงฺขารโมสฺสชิ;
ปถวี สมฺปกมฺปิตฺถ, เมทนี ชลเมขลา.
‘‘โอตตํ วิตตํ มยฺหํ, สุวิจิตฺตวฏํสกํ;
ภวนมฺปิ ปกมฺปิตฺถ, พุทฺธสฺส อายุสงฺขเย.
‘‘ตาโส มยฺหํ สมุปฺปนฺโน, ภวเน สมฺปกมฺปิเต;
อุปฺปาโท นุ กิมตฺถาย, อาโลโก วิปุโล อหุ.
‘‘เวสฺสวโณ อิธาคมฺม, นิพฺพาเปสิ มหาชนํ;
ปาณภูเต ภยํ นตฺถิ, เอกคฺคา โหถ สํวุตา.
‘‘อโห พุทฺโธ อโห ธมฺโม, อโห โน สตฺถุ สมฺปทา;
ยสฺมึ อุปฺปชฺชมานมฺหิ, ปถวี สมฺปกมฺปติ.
‘‘พุทฺธานุภาวํ กิตฺเตตฺวา, กปฺปํ สคฺคมฺหิ โมทหํ;
อวเสเสสุ กปฺเปสุ, กุสลํ จริตํ มยา.
‘‘เอกนวุติโต ¶ กปฺเป, ยํ สฺมลภึ ตทา;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธสฺายิทํ ผลํ.
‘‘อิโต จุทฺทสกปฺปมฺหิ, ราชา อาสึ ปตาปวา;
สมิโต นาม นาเมน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหตฺตํ ปน ปตฺวา สตฺถุ สมฺมุขา โอวาทํ ลภิตฺวา ‘‘มยา อรหตฺตํ อธิคต’’นฺติ อฺํ พฺยากโรนฺโต –
‘‘อนุสาสิ ¶ มหาวีโร, สพฺพธมฺมาน ปารคู;
ตสฺสาหํ ธมฺมํ สุตฺวาน, วิหาสึ สนฺติเก สโต;
ติสฺโส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ. – คาถํ อภาสิ;
ตตฺถ อนุสาสีติ ‘‘อปริปกฺกาย, เมฆิย, เจโตวิมุตฺติยา ปฺจ ธมฺมา ปริปากาย สํวตฺตนฺตี’’ติอาทินา โอวทิ อนุสิฏฺึ อทาสิ. มหาวีโรติ มหาวิกฺกนฺโต, วีริยปารมิปาริปูริยา จตุรงฺคสมนฺนาคตวีริยาธิฏฺาเนน อนฺสาธารณจตุพฺพิธสมฺมปฺปธานสมฺปตฺติยา จ มหาวีริโยติ อตฺโถ. สพฺพธมฺมาน ปารคูติ สพฺเพสฺจ เยฺยธมฺมานํ ปารํ ปริยนฺตํ าณคมเนน คโต อธิคโตติ สพฺพธมฺมาน ปารคู, สพฺพฺูติ อตฺโถ. สพฺเพสํ วา สงฺขตธมฺมานํ ปารภูตํ นิพฺพานํ สยมฺภูาเณน คโต อธิคโตติ สพฺพธมฺมาน ปารคู. ตสฺสาหํ ธมฺมํ สุตฺวานาติ ตสฺส พุทฺธสฺส ภควโต สามุกฺกํสิกํ ตํ จตุสจฺจธมฺมํ สุณิตฺวา. วิหาสึ สนฺติเกติ อมฺพวเน มิจฺฉาวิตกฺเกหิ อุปทฺทุโต จาลิกา วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถุ สมีเปเยว วิหาสึ. สโตติ สติมา, สมถวิปสฺสนาภาวนาย อปฺปมตฺโตติ อตฺโถ. อหนฺติ อิทํ ยถา ‘‘อนุสาสี’’ติ เอตฺถ ‘‘ม’’นฺติ เอวํ ‘‘วิชฺชา ¶ อนุปฺปตฺตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ เอตฺถ ‘‘มยา’’ติ ปริณาเมตพฺพํ. ‘‘กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ จ อิมินา ยถาวุตฺตํ วิชฺชาตฺตยานุปฺปตฺติเมว สตฺถุ โอวาทปฏิกรณภาวทสฺสเนน ปริยายนฺตเรน ปกาเสติ. สีลกฺขนฺธาทิปริปูรณเมว หิ สตฺถุ สาสนการิตา.
เมฆิยตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. เอกธมฺมสวนียตฺเถรคาถาวณฺณนา
กิเลสา ¶ ฌาปิตา มยฺหนฺติ อายสฺมโต เอกธมฺมสวนียตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โส กิร ¶ ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล รุกฺขเทวตา หุตฺวา นิพฺพตฺโต กติปเย ภิกฺขู มคฺคมูฬฺเห มหารฺเ วิจรนฺเต ทิสฺวา อนุกมฺปมาโน อตฺตโน ภวนโต โอตริตฺวา เต สมสฺสาเสตฺวา โภเชตฺวา ยถาธิปฺเปตฏฺานํ ปาเปสิ. โส เตน ปฺุกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต กสฺสเป ภควติ โลเก อุปฺปชฺชิตฺวา กตพุทฺธกิจฺเจ ปรินิพฺพุเต ตสฺมึ กาเล พาราณสิราชา กิกี นาม อโหสิ. ตสฺมึ กาลงฺกเต ตสฺส ปุถุวินฺทราชา นาม ปุตฺโต อาสิ. ตสฺส ปุตฺโต สุสาโม นาม. ตสฺส ปุตฺโต กิกีพฺรหฺมทตฺโต นาม หุตฺวา รชฺชํ กาเรนฺโต สาสเน อนฺตรหิเต ธมฺมสฺสวนํ อลภนฺโต, ‘‘โย ธมฺมํ เทเสติ, ตสฺส สหสฺสํ ทมฺมี’’ติ โฆสาเปตฺวา เอกมฺปิ ธมฺมกถิกํ อลภนฺโต, ‘‘มยฺหํ ปิตุปิตามหาทีนํ กาเล ธมฺโม สํวตฺตติ, ธมฺมกถิกา สุลภา อเหสุํ. อิทานิ ปน จตุปฺปทิกคาถามตฺตมฺปิ กเถนฺโต ทุลฺลโภ. ยาว ธมฺมสฺา น วินสฺสติ, ตาวเทว ปพฺพชิสฺสามี’’ติ รชฺชํ ปหาย หิมวนฺตํ อุทฺทิสฺส คจฺฉนฺตํ สกฺโก เทวราชา อาคนฺตฺวา, ‘‘อนิจฺจา วต สงฺขารา’’ติ คาถาย ธมฺมํ กเถตฺวา นิวตฺเตสิ. โส นิวตฺติตฺวา พหุํ ปฺุํ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท เสตพฺยนคเร เสฏฺิกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ภควติ เสตพฺยนคเร สึสปาวเน วิหรนฺเต สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ ¶ นิสีทิ. ตสฺส สตฺถา อชฺฌาสยํ โอโลเกตฺวา, ‘‘อนิจฺจา วต สงฺขารา’’ติ อิมาย คาถาย ธมฺมํ เทเสสิ. ตสฺส ตตฺถ กตาธิการตาย โส อนิจฺจสฺาย ปากฏตรํ หุตฺวา อุปฏฺิตาย ปฏิลทฺธสํเวโค ปพฺพชิตฺวา ธมฺมสมฺมสนํ ปฏฺเปตฺวา ทุกฺขสฺํ อนตฺตสฺฺจ มนสิกโรนฺโต วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๒.๖๖-๗๑) –
‘‘ปทุมุตฺตรพุทฺธสฺส, สาวกา วนจาริโน;
วิปฺปนฏฺา พฺรหารฺเ, อนฺธาว อนุสุยฺยเร.
‘‘อนุสฺสริตฺวา สมฺพุทฺธํ, ปทุมุตฺตรนายกํ;
ตสฺส เต มุนิโน ปุตฺตา, วิปฺปนฏฺา มหาวเน.
‘‘ภวนา ¶ โอรุหิตฺวาน, อคมึ ภิกฺขุสนฺติกํ;
เตสํ มคฺคฺจ อาจิกฺขึ, โภชนฺจ อทาสหํ.
‘‘เตน กมฺเมน ทฺวิปทินฺท, โลกเชฏฺ นราสภ;
ชาติยา สตฺตวสฺโสหํ, อรหตฺตมปาปุณึ.
‘‘สจกฺขู นาม นาเมน, ทฺวาทส จกฺกวตฺติโน;
สตฺตรตนสมฺปนฺนา, ปฺจกปฺปสเต อิโต.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
ตสฺส ¶ เอเกเนว ธมฺมสฺสวเนน นิปฺผนฺนกิจฺจตฺตา เอกธมฺมสวนีโยตฺเวว สมฺา อโหสิ. โส อรหา หุตฺวา อฺํ พฺยากโรนฺโต –
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ, ภวา สพฺเพ สมูหตา;
วิกฺขีโณ ชาติสํสาโร, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’’ติ. – คาถํ อภาสิ;
ตตฺถ กิเลสาติ ยสฺมึ สนฺตาเน อุปฺปนฺนา, ตํ กิเลเสนฺติ วิพาเธนฺติ อุปตาเปนฺติ วาติ กิเลสา, ราคาทโย. ฌาปิตาติ อินฺทคฺคินา วิย รุกฺขคจฺฉาทโย อริยมคฺคาณคฺคินา สมูลํ ทฑฺฒา. มยฺหนฺติ มยา, มม สนฺตาเน วา. ภวา สพฺเพ สมูหตาติ กามกมฺมภวาทโย สพฺเพ ภวา สมุคฺฆาฏิตา กิเลสานํ ฌาปิตตฺตา. สติ หิ กิเลสวฏฺเฏ กมฺมวฏฺเฏน ภวิตพฺพํ. กมฺมภวานํ สมูหตตฺตา เอว จ อุปปตฺติภวาปิ สมูหตา เอว อนุปฺปตฺติธมฺมตาย อาปาทิตตฺตา. วิกฺขีโณ ชาติสํสาโรติ ชาติอาทิโก –
‘‘ขนฺธานฺจ ปฏิปาฏิ, ธาตุอายตนาน จ;
อพฺโพจฺฉินฺนํ วตฺตมานา, สํสาโรติ ปวุจฺจตี’’ติ. –
วุตฺตลกฺขโณ ¶ สํสาโร วิเสสโต ขีโณ, ตสฺมา นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว. ยสฺมา อายตึ ปุนพฺภโว นตฺถิ, ตสฺมา วิกฺขีโณ ชาติสํสาโร. ตสฺมา จ ปุนพฺภโว นตฺถิ, ยสฺมา ภวา สพฺเพ สมูหตาติ อาวตฺเตตฺวา วตฺตพฺพํ. อถ วา วิกฺขีโณ ชาติสํสาโร, ตโต เอว นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโวติ โยเชตพฺพํ.
เอกธมฺมสวนียตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. เอกุทานิยตฺเถรคาถาวณฺณนา
อธิเจตโส ¶ อปฺปมชฺชโตติ อายสฺมโต เอกุทานิยตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ ปฺุํ อุปจินนฺโต อตฺถทสฺสิสฺส ภควโต กาเล ยกฺขเสนาปติ หุตฺวา นิพฺพตฺโต สตฺถริ ปรินิพฺพุเต, ‘‘อลาภา วต เม, ทุลฺลทฺธํ วต เม, โยหํ สตฺถุธรมานกาเล ทานาทิปฺุํ กาตุํ นาลตฺถ’’นฺติ ปริเทวโสกมาปนฺโน อโหสิ. อถ นํ สาคโร นาม สตฺถุ สาวโก โสกํ วิโนเทตฺวา สตฺถุ ถูปปูชายํ นิโยเชสิ. โส ปฺจ วสฺสานิ ถูปํ ¶ ปูเชตฺวา ตโต จุโต เตน ปฺุเน เทวมนุสฺเสสุ เอว สํสรนฺโต กสฺสปสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต กาเลน กาลํ สตฺถุ สนฺติกํ อุปสงฺกมิ. ตสฺมิฺจ สมเย สตฺถา ‘‘อธิเจตโส’’ติ คาถาย สาวเก อภิณฺหํ โอวทิ. โส ตํ สุตฺวา สทฺธาชาโต ปพฺพชิ. ปพฺพชิตฺวา จ ปน ตเมว คาถํ ปุนปฺปุนํ ปริวตฺเตติ. โส ตตฺถ วีสติวสฺสสหสฺสานิ สมณธมฺมํ กโรนฺโต าณสฺส อปริปกฺกตฺตา วิเสสํ นิพฺพตฺเตตุ นาสกฺขิ. ตโต ปน จุโต เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา อปราปรํ สุคตีสุเยว สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ วิภวสมฺปนฺนสฺส พฺราหฺมณสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺโต วิฺุตํ ปตฺวา เชตวนปฏิคฺคหณสมเย พุทฺธานุภาวํ ทิสฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา กตปุพฺพกิจฺโจ อรฺเ วิหรนฺโต สตฺถุ สนฺติกํ อคมาสิ. ตสฺมิฺจ สมเย สตฺถา อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ อตฺตโน อวิทูเร อธิจิตฺตมนุยุตฺตํ ทิสฺวา ‘‘อธิเจตโส’’ติ อิมํ อุทานํ ¶ อุทาเนสิ. ตํ สุตฺวา อยํ จิรกาลํ ภาวนาย อรฺเ วิหรนฺโตปิ กาเลน กาลํ ตเมว คาถํ อุทาเนติ, เตนสฺส เอกุทานิโยติ สมฺา อุทปาทิ. โส อเถกทิวสํ จิตฺเตกคฺคตํ ลภิตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๒.๗๒-๘๑) –
‘‘อตฺถทสฺสิมฺหิ สุคเต, นิพฺพุเต สมนนฺตรา;
ยกฺขโยนึ อุปปชฺชึ, ยสํ ปตฺโต จหํ ตทา.
‘‘ทุลฺลทฺธํ ¶ วต เม อาสิ, ทุปฺปภาตํ ทุรุฏฺิตํ;
ยํ เม โภเค วิชฺชมาเน, ปรินิพฺพายิ จกฺขุมา.
‘‘มม สงฺกปฺปมฺาย, สาคโร นาม สาวโก;
มมุทฺธริตุกาโม โส, อาคจฺฉิ มม สนฺติกํ.
‘‘กึ นุ โสจสิ มา ภายิ, จร ธมฺมํ สุเมธส;
อนุปฺปทินฺนา พุทฺเธน, สพฺเพสํ พีชสมฺปทา.
‘‘โย เจ ปูเรยฺย สมฺพุทฺธํ, ติฏฺนฺตํ โลกนายกํ;
ธาตุํ สาสปมตฺตมฺปิ, นิพฺพุตสฺสาปิ ปูชเย.
‘‘สเม จิตฺตปฺปสาทมฺหิ, สมํ ปฺุํ มหคฺคตํ;
ตสฺมา ถูปํ กริตฺวาน, ปูเชหิ ชินธาตุโย.
‘‘สาครสฺส วโจ สุตฺวา, พุทฺธถูปํ อกาสหํ;
ปฺจวสฺเส ปริจรึ, มุนิโน ถูปมุตฺตมํ.
‘‘เตน กมฺเมน ทฺวิปทินฺท, โลกเชฏฺ นราสภ;
สมฺปตฺตึ อนุโภตฺวาน, อรหตฺตมปาปุณึ.
‘‘ภูริปฺา ¶ จ จตฺตาโร, สตฺตกปฺปสเต อิโต;
สตฺตรตนสมฺปนฺนา, จกฺกวตฺตี มหพฺพลา.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหตฺตํ ปน ปตฺวา วิมุตฺติสุเขน วิหรนฺโต เอกทิวสํ อายสฺมตา ธมฺมภณฺฑาคาริเกน ปฏิภานํ วีมํสิตุํ, ‘‘อาวุโส, มยฺหํ ธมฺมํ ภณาหี’’ติ อชฺฌิฏฺโ จิรกาลปริจิตตฺตา –
‘‘อธิเจตโส อปฺปมชฺชโต, มุนิโน โมนปเถสุ สิกฺขโต;
โสกา น ภวนฺติ ตาทิโน, อุปสนฺตสฺส สทา สตีมโต’’ติ. (อุทา. ๓๗) –
อิมเมว คาถํ อภาสิ.
ตตฺถ ¶ อธิเจตโสติ อธิจิตฺตวโต, สพฺพจิตฺตานํ อธิเกน อรหตฺตผลจิตฺเตน สมนฺนาคตสฺสาติ อตฺโถ. อปฺปมชฺชโตติ นปฺปมชฺชโต, อปฺปมาเทน อนวชฺชธมฺเมสุ สาตจฺจกิริยาย สมนฺนาคตสฺสาติ วุตฺตํ โหติ. มุนิโนติ ‘‘โย มุนาติ อุโภ โลเก, มุนิ เตน ปวุจฺจตี’’ติ (ธ. ป. ๒๖๙; มหานิ. ๑๔๙; จูฬนิ. เมตฺตคูมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๒๑) เอวํ อุภยโลกมุนเนน วา, โมนํ วุจฺจติ าณํ, เตน อรหตฺตผลปฺาสงฺขาเตน โมเนน สมนฺนาคตตาย วา ขีณาสโว มุนิ นาม, ตสฺส มุนิโน. โมนปเถสุ สิกฺขโตติ อรหตฺตาณสงฺขาตสฺส โมนสฺส ปเถสุ อุปายมคฺเคสุ สตฺตตึสโพธิปกฺขิยธมฺเมสุ, ตีสุ วา สิกฺขาสุ สิกฺขโต. อิทฺจ ปุพฺพภาคปฏิปทํ คเหตฺวา วุตฺตํ. ปรินิฏฺิตสิกฺโข หิ อรหา, ตสฺมา เอวํ สิกฺขโต, อิมาย สิกฺขาย มุนิภาวํ ปตฺตสฺส มุนิโนติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ยสฺมา เจตเทวํ ตสฺมา เหฏฺิมมคฺคผลจิตฺตานํ วเสน อธิเจตโส, จตุสจฺจสมฺโพธิปฏิปตฺติยํ อปฺปมาทวเสน ¶ อปฺปมชฺชโต, อคฺคมคฺคาณสมนฺนาคเมน มุนิโนติ เอวเมเตสํ ปทานํ อตฺโถ ยุชฺชติเยว. อถ วา ‘‘อปฺปมชฺชโต สิกฺขโต’’ ปธานเหตู อกฺขาตาติ ทฏฺพฺพา. ตสฺมา อปฺปมชฺชนเหตุ สิกฺขนเหตุ จ อธิเจตโสติ อตฺโถ.
โสกา น ภวนฺติ ตาทิโนติ ตาทิสสฺส ขีณาสวมุนิโน อพฺภนฺตเร อิฏฺวิโยคาทิวตฺถุกา โสกา จิตฺตสนฺตาปา น โหนฺติ. อถ วา ตาทิลกฺขณปฺปตฺตสฺส อเสกฺขมุนิโน โสกา น ภวนฺตีติ. อุปสนฺตสฺสาติ ราคาทีนํ อจฺจนฺตูปสเมน อุปสนฺตสฺส. สทา สตีมโตติ สติเวปุลฺลปฺปตฺติยา นิจฺจกาลํ สติยา อวิรหิตสฺส.
เอตฺถ ¶ จ ‘‘อธิเจตโส’’ติ อิมินา อธิจิตฺตสิกฺขา, ‘‘อปฺปมชฺชโต’’ติ อิมินา อธิสีลสิกฺขา, ‘‘มุนิโน โมนปเถสุ สิกฺขโต’’ติ เอเตหิ อธิปฺาสิกฺขา. ‘‘มุนิโน’’ติ วา เอเตน อธิปฺาสิกฺขา, ‘‘โมนปเถสุ สิกฺขโต’’ติ เอเตน ตาสํ โลกุตฺตรสิกฺขานํ ปุพฺพภาคปฏิปทา, ‘‘โสกา น ภวนฺตี’’ติอาทีหิ สิกฺขาปาริปูริยา อานิสํสา ปกาสิตาติ เวทิตพฺพํ อยเมว จ เถรสฺส อฺาพฺยากรณคาถา อโหสิ.
เอกุทานิยตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. ฉนฺนตฺเถรคาถาวณฺณนา
สุตฺวาน ¶ ธมฺมํ มหโต มหารสนฺติ อายสฺมโต ฉนฺนตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ ปฺุํ อุปจินนฺโต สิทฺธตฺถสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ สิทฺธตฺถํ ภควนฺตํ อฺตรํ รุกฺขมูลํ อุปคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺโต มุทุสมฺผสฺสํ ปณฺณสนฺถรํ สนฺถริตฺวา อทาสิ. ปุปฺเผหิ จ ¶ สมนฺตโต โอกิริตฺวา ปูชํ อกาสิ. โส เตน ปฺุกมฺเมน เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา ปุนปิ อปราปรํ ปฺุานิ กตฺวา สุคตีสุเยว สํสรนฺโต อมฺหากํ ภควโต กาเล สุทฺโธทนมหาราชสฺส เคเห ทาสิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติ, ฉนฺโนติสฺส นามํ อโหสิ, โพธิสตฺเตน สหชาโต. โส สตฺถุ าติสมาคเม ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา ภควติ เปเมน, ‘‘อมฺหากํ พุทฺโธ, อมฺหากํ ธมฺโม’’ติ มมตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา สิเนหํ ฉินฺทิตุํ อสกฺโกนฺโต สมณธมฺมํ อกตฺวา สตฺถริ ปรินิพฺพุเต สตฺถารา อาณตฺตวิธินา กเตน พฺรหฺมทณฺเฑน สนฺตชฺชิโต สํเวคปฺปตฺโต หุตฺวา สิเนหํ ฉินฺทิตฺวา วิปสฺสนฺโต นจิเรเนว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๐.๔๕-๕๐) –
‘‘สิทฺธตฺถสฺส ภควโต, อทาสึ ปณฺณสนฺถรํ;
สมนฺตา อุปหารฺจ, กุสุมํ โอกิรึ อหํ.
‘‘ปาสาเทวํ คุณํ รมฺมํ, อนุโภมิ มหารหํ;
มหคฺฆานิ จ ปุปฺผานิ, สยเนภิสวนฺติ เม.
‘‘สยเนหํ ตุวฏฺฏามิ, วิจิตฺเต ปุปฺผสนฺถเต;
ปุปฺผวุฏฺิ จ สยเน, อภิวสฺสติ ตาวเท.
‘‘จตุนฺนวุติโต กปฺเป, อทาสึ ปณฺณสนฺถรํ;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, สนฺถรสฺส อิทํ ผลํ.
‘‘ติณสนฺถรกา ¶ นาม, สตฺเตเต จกฺกวตฺติโน;
อิโต เต ปฺจเม กปฺเป, อุปฺปชฺชึสุ ชนาธิปา.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหตฺตํ ¶ ปน ปตฺวา วิมุตฺติสุขสนฺตปฺปิโต ปีติเวควิสฺสฏฺํ อุทานํ อุทาเนนฺโต –
‘‘สุตฺวาน ธมฺมํ มหโต มหารสํ,
สพฺพฺุตฺาณวเรน เทสิตํ;
มคฺคํ ปปชฺชึ อมตสฺส ปตฺติยา,
โส โยคกฺเขมสฺส ปถสฺส โกวิโท’’ติ. – คาถํ อภาสิ;
ตตฺถ สุตฺวานาติ สุณิตฺวา, โสเตน คเหตฺวา โอหิตโสโต โสตทฺวารานุสาเรน อุปธาเรตฺวา. ธมฺมนฺติ จตุสจฺจธมฺมํ. มหโตติ ภควโต. ภควา หิ มหนฺเตหิ อุฬารตเมหิ สีลาทิคุเณหิ สมนฺนาคตตฺตา, สเทวเกน โลเกน วิเสสโต มหนียตาย จ ‘‘มหา’’ติ วุจฺจติ, ยา ตสฺส มหาสมโณติ สมฺา ชาตา. นิสฺสกฺกวจนฺเจตํ ‘‘มหโต ธมฺมํ สุตฺวานา’’ติ. มหารสนฺติ วิมุตฺติรสสฺส ทายกตฺตา อุฬารรสํ. สพฺพฺุตฺาณวเรน เทสิตนฺติ สพฺพํ ชานาตีติ สพฺพฺู, ตสฺส ภาโว สพฺพฺุตา. าณเมว วรํ, าเณสุ วา วรนฺติ าณวรํ, สพฺพฺุตา าณวรํ เอตสฺสาติ สพฺพฺุตฺาณวโร, ภควา. เตน สพฺพฺุตฺาณสงฺขาตอคฺคาเณน วา กรณภูเตน เทสิตํ กถิตํ ธมฺมํ สุตฺวานาติ ¶ โยชนา. ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ ปรมตฺถทีปนิยํ อิติวุตฺตกวณฺณนายํ วุตฺตนเยน เวทิตพฺพํ. มคฺคนฺติ อฏฺงฺคิกํ อริยมคฺคํ. ปปชฺชินฺติ ปฏิปชฺชึ. อมตสฺส ปตฺติยาติ นิพฺพานสฺส อธิคมาย อุปายภูตํ ปฏิปชฺชินฺติ โยชนา. โสติ โส ภควา. โยคกฺเขมสฺส ปถสฺส โกวิโทติ จตูหิ โยเคหิ อนุปทฺทุตสฺส นิพฺพานสฺส โย ปโถ, ตสฺส โกวิโท ตตฺถ สุกุสโล. อยฺเหตฺถ อตฺโถ – ภควโต จตุสจฺจเทสนํ สุตฺวา อมตาธิคมูปายมคฺคํ อหํ ปฏิปชฺชึ ปฏิปชฺชนมคฺคํ มยา กตํ, โส เอว ปน ภควา สพฺพถา โยคกฺเขมสฺส ปถสฺส โกวิโท, ปรสนฺตาเน วา ปรมเนสุ กุสโล, ยสฺส สํวิธานมาคมฺม อหมฺปิ มคฺคํ ปฏิปชฺชินฺติ. อยเมว จ เถรสฺส อฺาพฺยากรณคาถา อโหสีติ.
ฉนฺนตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. ปุณฺณตฺเถรคาถาวณฺณนา
สีลเมวาติ ¶ ¶ อายสฺมโต ปุณฺณตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โสปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินนฺโต อิโต เอกนวุเต กปฺเป พุทฺธสฺุเ โลเก พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต พฺราหฺมณสิปฺเปสุ นิปฺผตฺตึ คนฺตฺวา กาเมสุ อาทีนวํ ทิสฺวา ฆราวาสํ ปหาย ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา หิมวนฺตปฺปเทเส ปณฺณกุฏึ กตฺวา วาสํ กปฺเปสิ. ตสฺส วสนฏฺานสฺส อวิทูเร เอกสฺมึ ปพฺภาเร ปจฺเจกพุทฺโธ อาพาธิโก หุตฺวา ปรินิพฺพายิ, ตสฺส ปรินิพฺพานสมเย มหา อาโลโก อโหสิ. ตํ ทิสฺวา โส, ‘‘กถํ นุ โข อยํ อาโลโก อุปฺปนฺโน’’ติ วีมํสนวเสน อิโต จิโต จ อาหิณฺฑนฺโต ¶ ปพฺภาเร ปจฺเจกสมฺพุทฺธํ ปรินิพฺพุตํ ทิสฺวา คนฺธทารูนิ สํกฑฺฒิตฺวา สรีรํ ฌาเปตฺวา คนฺโธทเกน อุปสิฺจิ. ตตฺเถโก เทวปุตฺโต อนฺตลิกฺเข ตฺวา เอวมาห – ‘‘สาธุ, สาธุ, สปฺปุริส, พหุํ ตยา ปฺุํ ปสวนฺเตน ปูริตํ สุคติสํวตฺตนิยํ กมฺมํ เตน ตฺวํ สุคตีสุเยว อุปฺปชฺชิสฺสสิ, ‘ปุณฺโณ’ติ จ เต นามํ ภวิสฺสตี’’ติ. โส เตน ปฺุกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สุนาปรนฺตชนปเท สุปฺปารกปฏฺฏเน คหปติกุเล นิพฺพตฺติ, ปุณฺโณติสฺส นามํ อโหสิ. โส วยปฺปตฺโต วาณิชฺชวเสน มหตา สตฺเถน สทฺธึ สาวตฺถึ คโต. เตน จ สมเยน ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ. อถ โส สาวตฺถิวาสีหิ อุปาสเกหิ สทฺธึ วิหารํ คโต สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา วตฺตปฏิวตฺเตหิ อาจริยุปชฺฌาเย อาราเธนฺโต วิหาสิ. โส เอกทิวสํ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘สาธุ มํ, ภนฺเต ภควา, สํขิตฺเตน โอวาเทน โอวทตุ, ยมหํ สุตฺวา สุนาปรนฺตชนปเท วิหเรยฺย’’นฺติ อาห. ตสฺส ภควา, ‘‘สนฺติ โข, ปุณฺณ, จกฺขุวิฺเยฺยา รูปา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๓.๓๙๕; สํ. นิ. ๔.๘๘) โอวาทํ ทตฺวา สีหนาทํ นทาเปตฺวา วิสฺสชฺเชสิ. โส ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา สุนาปรนฺตชนปทํ คนฺตฺวา สุปฺปารกปฏฺฏเน วิหรนฺโต สมถวิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา ติสฺโส วิชฺชา สจฺฉากาสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๔๑.๒๙-๔๔) –
‘‘ปพฺภารกูฏํ นิสฺสาย, สยมฺภู อปราชิโต;
อาพาธิโก จ โส พุทฺโธ, วสติ ปพฺพตนฺตเร.
‘‘มม ¶ อสฺสมสามนฺตา, ปนาโท อาสิ ตาวเท;
พุทฺเธ นิพฺพายมานมฺหิ, อาโลโก อุทปชฺชถ.
‘‘ยาวตา วนสณฺฑสฺมึ, อจฺฉโกกตรจฺฉกา;
วาฬา จ เกสรี สพฺเพ, อภิคชฺชึสุ ตาวเท.
‘‘อุปฺปาตํ ¶ ตมหํ ทิสฺวา, ปพฺภารํ อคมาสหํ;
ตตฺถทฺทสาสึ สมฺพุทฺธํ, นิพฺพุตํ อปราชิตํ.
‘‘สุผุลฺลํ สาลราชํว, สตรํสึว อุคฺคตํ;
วีตจฺจิกํว องฺคารํ, นิพฺพุตํ อปราชิตํ.
‘‘ติณํ กฏฺฺจ ปูเรตฺวา, จิตกํ ตตฺถกาสหํ;
จิตกํ สุกตํ กตฺวา, สรีรํ ฌาปยึ อหํ.
‘‘สรีรํ ฌาปยิตฺวาน, คนฺธโตยํ สโมกิรึ;
อนฺตลิกฺเข ิโต ยกฺโข, นามมคฺคหิ ตาวเท.
‘‘ยํ ปูริตํ ตยา กิจฺจํ, สยมฺภุสฺส มเหสิโน;
ปุณฺณโก นาม นาเมน, สทา โหหิ ตุวํ มุเน.
‘‘ตมฺหา กายา จวิตฺวาน, เทวโลกํ อคจฺฉหํ;
ตตฺถ ทิพฺพมโย คนฺโธ, อนฺตลิกฺขา ปวสฺสติ.
‘‘ตตฺราปิ นามเธยฺยํ เม, ปุณฺณโกติ อหู ตทา;
เทวภูโต มนุสฺโส วา, สงฺกปฺปํ ปูรยามหํ.
‘‘อิทํ ปจฺฉิมกํ มยฺหํ, จริโม วตฺตเต ภโว;
อิธาปิ ปุณฺณโก นาม, นามเธยฺยํ ปกาสติ.
‘‘โตสยิตฺวาน สมฺพุทฺธํ, โคตมํ สกฺยปุงฺควํ;
สพฺพาสเว ปริฺาย, วิหรามิ อนาสโว.
‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ กมฺมมกรึ ตทา;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ตนุกิจฺจสฺสิทํ ผลํ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหตฺตํ ¶ ปน ปตฺวา เถโร พหู มนุสฺเส สาสเน อภิปฺปสาเทสิ. ยโต ปฺจสตมตฺตา ปุริสา อุปาสกตฺตํ ปฺจสตมตฺตา จ อิตฺถิโย อุปาสิกาภาวํ ปฏิเวเทสุํ. โส ตตฺถ รตฺตจนฺทเนน จนฺทนมาฬํ นาม คนฺธกุฏึ การาเปตฺวา, ‘‘สตฺถา ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ มาฬํ ปฏิจฺฉตู’’ติ ภควนฺตํ ปุปฺผทูเตน นิมนฺเตสิ ¶ . ภควา จ อิทฺธานุภาเวน ตตฺตเกหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ ตตฺถ คนฺตฺวา จนฺทนมาฬํ ปฏิคฺคเหตฺวา อรุเณ อนุฏฺิเตเยว ปจฺจาคมาสิ. เถโร อปรภาเค ปรินิพฺพานสมเย อฺํ พฺยากโรนฺโต –
‘‘สีลเมว ¶ อิธ อคฺคํ, ปฺวา ปน อุตฺตโม;
มนุสฺเสสุ จ เทเวสุ, สีลปฺาณโต ชย’’นฺติ. – คาถํ อภาสิ;
ตตฺถ สีลนฺติ สีลนฏฺเน สีลํ, ปติฏฺานฏฺเน สมาธานฏฺเน จาติ อตฺโถ. สีลฺหิ สพฺพคุณานํ ปติฏฺา, เตนาห – ‘‘สีเล ปติฏฺาย นโร สปฺโ’’ติ (สํ. นิ. ๑.๒๓; เปฏโก. ๒๒; วิสุทฺธิ. ๑.๑). สมาทหติ จ ตํ กายวาจาอวิปฺปกิณฺณํ กโรตีติ อตฺโถ. ตยิทํ สีลเมว อคฺคํ สพฺพคุณานํ มูลภาวโต ปมุขภาวโต จ. ยถาห – ‘‘ตสฺมาติห, ตฺวํ ภิกฺขุ, อาทิเมว วิโสเธหิ กุสเลสุ ธมฺเมสุ. โก จาทิ กุสลานํ ธมฺมานํ สีลฺจ สุวิสุทฺธ’’นฺติ (สํ. นิ. ๕.๓๖๙), ‘‘ปาติโมกฺขนฺติ มุขเมตํ ปมุขเมต’’นฺติ (มหาว. ๑๓๕) จ อาทิ. อิธาติ นิปาตมตฺตํ. ปฺวาติ าณสมฺปนฺโน. โส อุตฺตโม เสฏฺโ ปวโรติ ปุคฺคลาธิฏฺานาย คาถาย ปฺายเยว เสฏฺภาวํ ทสฺเสติ. ปฺุตฺตรา หิ กุสลา ธมฺมา. อิทานิ ตํ สีลปฺานํ อคฺคเสฏฺภาวํ การณโต ทสฺเสติ ‘‘มนุสฺเสสุ จ เทเวสุ, สีลปฺาณโต ชย’’นฺติ จ. สีลปฺาณเหตุ ปฏิปกฺขชโย กามกิเลสชโย โหตีติ อตฺโถ.
ปุณฺณตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
สตฺตมวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. อฏฺมวคฺโค
๑. วจฺฉปาลตฺเถรคาถาวณฺณนา
สุสุขุมนิปุณตฺถทสฺสินาติ ¶ ¶ อายสฺมโต วจฺฉปาลตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปฺุานิ อาจินนฺโต เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิโต เอกนวุเต กปฺเป พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา พฺราหฺมณสิปฺเปสุ นิปฺผตฺตึ คนฺตฺวา อคฺคึ ปริจรนฺโต เอกทิวสํ มหติยา กํสปาติยา ปายาสํ อาทาย ¶ ทกฺขิเณยฺยํ ปริเยสนฺโต วิปสฺสึ ภควนฺตํ อากาเส จงฺกมนฺตํ ทิสฺวา อจฺฉริยพฺภุตจิตฺตชาโต ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ทาตุกามตํ ทสฺเสสิ. ปฏิคฺคเหสิ ภควา อนุกมฺปํ อุปาทาย. โส เตน ปฺุกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคเห วิภวสมฺปนฺนสฺส พฺราหฺมณสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, วจฺฉปาโลติสฺส นามํ อโหสิ. โส พิมฺพิสารสมาคเม อุรุเวลกสฺสปตฺเถเรน อิทฺธิปาฏิหาริยํ ทสฺเสตฺวา สตฺถุ ปรมนิปจฺจกาเร กเต ตํ ทิสฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา สตฺตาหปพฺพชิโต เอว วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา ฉฬภิฺโ อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๓.๒๖-๓๔) –
‘‘สุวณฺณวณฺโณ สมฺพุทฺโธ, พาตฺตึสวรลกฺขโณ;
ปวนา อภินิกฺขนฺโต, ภิกฺขุสงฺฆปุรกฺขโต.
‘‘มหจฺจา กํสปาติยา, วฑฺเฒตฺวา ปายสํ อหํ;
อาหุตึ ยิฏฺุกาโม โส, อุปเนสึ พลึ อหํ.
‘‘ภควา ตมฺหิ สมเย, โลกเชฏฺโ นราสโภ;
จงฺกมํ สุสมารูฬฺโห, อมฺพเร อนิลายเน.
‘‘ตฺจ อจฺฉริยํ ทิสฺวา, อพฺภุตํ โลมหํสนํ;
ปยิตฺวา กํสปาตึ, วิปสฺสึ อภิวาทยึ.
‘‘ตุวํ เทโวสิ สพฺพฺู, สเทเว สหมานุเส;
อนุกมฺปํ อุปาทาย, ปฏิคฺคณฺห มหามุนิ.
‘‘ปฏิคฺคเหสิ ¶ ¶ ภควา, สพฺพฺู โลกนายโก;
มม สงฺกปฺปมฺาย, สตฺถา โลเก มหามุนิ.
‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ ทานมททึ ตทา;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ปายาสสฺส อิทํ ผลํ.
‘‘เอกตาลีสิโต กปฺเป, พุทฺโธ นามาสิ ขตฺติโย;
สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหตฺตํ ปน ปตฺวา สุเขเนว อตฺตนา นิพฺพานสฺส อธิคตภาวํ วิภาเวนฺโต –
‘‘สุสุขุมนิปุณตฺถทสฺสินา, มติกุสเลน นิวาตวุตฺตินา;
สํเสวิตวุทฺธสีลินา, นิพฺพานํ น หิ เตน ทุลฺลภ’’นฺติ. –
อิมํ คาถํ อภาสิ.
ตตฺถ สุสุขุมนิปุณตฺถทสฺสินาติ อติวิย ทุทฺทสฏฺเน สุขุเม, สณฺหฏฺเน นิปุเณ สจฺจปฏิจฺจสมุปฺปาทาทิอตฺเถ อนิจฺจตาทึ โอโรเปตฺวา ปสฺสตีติ สุสุขุมนิปุณตฺถทสฺสี, เตน. มติกุสเลนาติ มติยา ปฺาย กุสเลน เฉเกน, ‘‘เอวํ ปวตฺตมานสฺส ปฺา วฑฺฒติ, เอวํ น วฑฺฒตี’’ติ ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคปฺาย อุปฺปาทเน กุสเลน. นิวาตวุตฺตินาติ สพฺรหฺมจารีสุ นิวาตนีจวตฺตนสีเลน, วุฑฺเฒสุ นเวสุ จ ยถานุรูปปฏิปตฺตินา. สํเสวิตวุทฺธสีลินาติ สํเสวิตํ อาจิณฺณํ วุทฺธสีลํ สํเสวิตวุทฺธสีลํ, ตํ ยสฺส อตฺถิ, เตน สํเสวิตวุทฺธสีลินา. อถ วา สํเสวิตา อุปาสิตา วุทฺธสีลิโน เอเตนาติ สํเสวิตวุทฺธสีลี, เตน ¶ . หีติสทฺโท เหตุอตฺโถ. ยสฺมา โย นิวาตวุตฺติ สํเสวิตวุทฺธสีลี มติกุสโล สุสุขุมนิปุณตฺถทสฺสี จ, ตสฺมา นิพฺพานํ น ตสฺส ทุลฺลภนฺติ อตฺโถ. นิวาตวุตฺติตาย หิ สํเสวิตวุทฺธสีลิตาย จ ปณฺฑิตา ตํ โอวทิตพฺพํ อนุสาสิตพฺพํ มฺนฺติ, เตสฺจ โอวาเท ิโต สยํ ¶ มติกุสลตาย สุสุขุมนิปุณตฺถทสฺสิตาย จ วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต นจิรสฺเสว นิพฺพานํ อธิคจฺฉตีติ, อยเมว จ เถรสฺส อฺาพฺยากรณคาถา อโหสีติ.
วจฺฉปาลตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. อาตุมตฺเถรคาถาวณฺณนา
ยถา ¶ กฬีโร สุสุ วฑฺฒิตคฺโคติ อายสฺมโต อาตุมตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โสปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ ปฺุํ อาจินนฺโต อิโต เอกนวุเต กปฺเป กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต วิปสฺสึ ภควนฺตํ อนฺตรวีถิยํ คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส คนฺโธทเกน คนฺธจุณฺเณน จ ปูชํ อกาสิ. โส เตน ปฺุกมฺเมน เทวโลเก นิพฺพตฺโต อปราปรํ สุคตีสุเยว สํสรนฺโต กสฺสปสฺส ภควโต สาสเน ปพฺพชิตฺวา สมณธมฺมํ อกาสิ, าณสฺส ปน อปริปกฺกตฺตา วิเสสํ นิพฺพตฺเตตุํ นาสกฺขิ. อถ อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ เสฏฺิปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, อาตุโมติสฺส นามํ อโหสิ. ตสฺส วยปฺปตฺตสฺส มาตา ‘‘ปุตฺตสฺส เม ภริยํ อาเนสฺสามา’’ติ าตเกหิ สมฺมนฺเตสิ. โส ตํ อุปธาเรตฺวา เหตุสมฺปตฺติยา โจทิยมาโน ‘‘กึ มยฺหํ ฆราวาเสน, อิทาเนว ปพฺพชิสฺสามี’’ติ ภิกฺขูนํ สนฺติกํ คนฺตฺวา ปพฺพชิ. ปพฺพชิตมฺปิ นํ มาตา อุปฺปพฺพาเชตุกามา นานานเยหิ ปโลเภติ. โส ตสฺสา อวสรํ อทตฺวา อตฺตโน อชฺฌาสยํ ปกาเสนฺโต –
‘‘ยถา กฬีโร สุสุ วฑฺฒิตคฺโค, ทุนฺนิกฺขโม โหติ ปสาขชาโต;
เอวํ อหํ ภริยายานีตาย, อนุมฺ มํ ปพฺพชิโตมฺหิ ทานี’’ติ. –
คาถํ ¶ อภาสิ.
ตตฺถ ¶ กฬีโรติ องฺกุโร, อิธ ปน วํสงฺกุโร อธิปฺเปโต. สุสูติ ตรุโณ. วฑฺฒิตคฺโคติ ปวฑฺฒิตสาโข. สุสุวฑฺฒิตคฺโคติ วา สุฏฺุ วฑฺฒิตสาโข สฺชาตปตฺตสาโข. ทุนฺนิกฺขโมติ เวฬุคุมฺพโต นิกฺขาเมตุํ นีหริตุํ อสกฺกุเณยฺโย. ปสาขชาโตติ ชาตปสาโข, สาขานมฺปิ ปพฺเพ ปพฺเพ อุปฺปนฺนอนุสาโข. เอวํ อหํ ภริยายานีตายาติ ยถา วํโส วฑฺฒิตคฺโค วํสนฺตเรสุ สํสฏฺ สาขาปสาโข เวฬุคุมฺพโต ทุนฺนีหรณีโย โหติ, เอวํ อหมฺปิ ภริยาย มยฺหํ อานีตาย ปุตฺตธีตาทิวเสน วฑฺฒิตคฺโค อาสตฺติวเสน ฆราวาสโต ทุนฺนีหรณีโย ภเวยฺยํ. ยถา ปน วํสกฬีโร อสฺชาตสาขพนฺโธ เวฬุคุมฺพโต สุนีหรณีโยว โหติ, เอวํ อหมฺปิ อสฺชาตปุตฺตทาราทิพนฺโธ สุนีหรณีโย โหมิ, ตสฺมา อนานีตาย เอว ภริยาย อนุมฺ มํ อตฺตนาว มํ อนุชานาเปตฺวา. ปพฺพชิโตมฺหิ ทานีติ, ‘‘อิทานิ ปน ปพฺพชิโต อมฺหิ, สาธุ สุฏฺู’’ติ อตฺตโน เนกฺขมฺมาภิรตึ ปกาเสสิ, อถ วา ‘‘อนุมฺ มํ ปพฺพชิโตมฺหิ ทานี’’ติ มาตุ กเถติ. อยฺเหตฺถ อตฺโถ – ยทิปิ ตาย ปุพฺเพ นานุมตํ, อิทานิ ปน ปพฺพชิโต อมฺหิ, ตสฺมา อนุมฺ อนุชานาหิ มํ สมณภาเวเยว าตุํ, นาหํ ตยา นิวตฺตนีโยติ ¶ . เอวํ ปน กเถนฺโต ยถาิโตว วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา มคฺคปฏิปาฏิยา กิเลเส เขเปตฺวา ฉฬภิฺโ อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๓.๓๕-๔๐) –
‘‘นิสชฺช ปาสาทวเร, วิปสฺสึ อทฺทสํ ชินํ;
กกุธํ วิลสนฺตํว, สพฺพฺุํ ตมนาสกํ.
‘‘ปาสาทสฺสาวิทูเร จ, คจฺฉติ โลกนายโก;
ปภา นิทฺธาวเต ตสฺส, ยถา จ สตรํสิโน.
‘‘คนฺโธทกฺจ ปคฺคยฺห, พุทฺธเสฏฺํ สโมกิรึ;
เตน จิตฺตปฺปสาเทน, ตตฺถ กาลงฺกโต อหํ.
‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ คนฺโธทกมากิรึ;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.
‘‘เอกตึเส อิโต กปฺเป, สุคนฺโธ นาม ขตฺติโย;
สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
ฉฬภิฺโ ¶ ปน หุตฺวา มาตรํ อาปุจฺฉิตฺวา ตสฺสา เปกฺขนฺติยาเยว อากาเสน ปกฺกามิ. โส อรหตฺตปฺปตฺติยา อุตฺตริกาลมฺปิ อนฺตรนฺตรา ตเมว คาถํ ปจฺจุทาหาสิ.
ตตฺถ ‘‘ปพฺพชิโตมฺหี’’ติ อิมินาปเทเสน อยมฺปิ เถรสฺส อฺาพฺยากรณคาถา อโหสิ ¶ อตฺตโน สนฺตาเน ราคาทิมลสฺส ปพฺพาชิตภาวทีปนโต. เตนาห ภควา – ‘‘ปพฺพาชยมตฺตโน มลํ, ตสฺมา ‘ปพฺพชิโต’ติ วุจฺจตี’’ติ (ธ. ป. ๓๘๘).
อาตุมตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. มาณวตฺเถรคาถาวณฺณนา
ชิณฺณฺจ ทิสฺวา ทุขิตฺจ พฺยาธิตนฺติ อายสฺมโต มาณวตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินนฺโต อิโต เอกนวุเต กปฺเป พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา ลกฺขณธโร หุตฺวา วิปสฺสิสฺส ภควโต อภิชาติยา ลกฺขณานิ ปริคฺคเหตฺวา ปุพฺพนิมิตฺตานิ สาเวตฺวา, ‘‘เอกํเสน อยํ พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ ¶ พฺยากริตฺวา นานานเยหิ โถเมตฺวา อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิ. โส เตน ปฺุกมฺเมน สุคตีสุเยว สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ พฺราหฺมณมหาสาลสฺส เคเห นิพฺพตฺติตฺวา ยาว สตฺตวสฺสานิ, ตาว อนฺโตฆเรเยว วฑฺฒิตฺวา สตฺตเม สํวจฺฉเร อุปนยนตฺถํ อุยฺยานํ นีโต อนฺตรามคฺเค ชิณฺณาตุรมเต ทิสฺวา เตสํ อทิฏฺปุพฺพตฺตา เต ปริชเน ปุจฺฉิตฺวา ชราโรคมรณสภาวํ สุตฺวา สฺชาตสํเวโค ตโต อนิวตฺตนฺโต วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา มาตาปิตโร อนุชานาเปตฺวา ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๓.๔๑-๖๔) –
‘‘ชายมาเน วิปสฺสิมฺหิ, นิมิตฺตํ พฺยากรึ อหํ;
นิพฺพาปยิฺจ ชนตํ, พุทฺโธ โลเก ภวิสฺสติ.
‘‘ยสฺมิฺจ ¶ ชายมานสฺมึ, ทสสหสฺสิ กมฺปติ;
โส ทานิ ภควา สตฺถา, ธมฺมํ เทเสติ จกฺขุมา.
‘‘ยสฺมิฺจ ชายมานสฺมึ, อาโลโก วิปุโล อหุ;
โส ทานิ ภควา สตฺถา, ธมฺมํ เทเสติ จกฺขุมา.
‘‘ยสฺมิฺจ ชายมานสฺมึ, สริตาโย น สนฺทยุํ;
โส ทานิ ภควา สตฺถา, ธมฺมํ เทเสติ จกฺขุมา.
‘‘ยสฺมิฺจ ชายมานสฺมึ, อวีจคฺคิ น ปชฺชลิ;
โส ทานิ ภควา สตฺถา, ธมฺมํ เทเสติ จกฺขุมา.
‘‘ยสฺมิฺจ ชายมานสฺมึ, ปกฺขิสงฺโฆ น สฺจริ;
โส ทานิ ภควา สตฺถา, ธมฺมํ เทเสติ จกฺขุมา.
‘‘ยสฺมิฺจ ชายมานสฺมึ, วาตกฺขนฺโธ น วายติ;
โส ทานิ ภควา สตฺถา, ธมฺมํ เทเสติ จกฺขุมา.
‘‘ยสฺมิฺจ ชายมานสฺมึ, สพฺพรตนานิ โชตยุํ;
โส ทานิ ภควา สตฺถา, ธมฺมํ เทเสติ จกฺขุมา.
‘‘ยสฺมิฺจ ชายมานสฺมึ, สตฺตาสุํ ปทวิกฺกมา;
โส ทานิ ภควา สตฺถา, ธมฺมํ เทเสติ จกฺขุมา.
‘‘ชาตมตฺโต จ สมฺพุทฺโธ, ทิสา สพฺพา วิโลกยิ;
วาจาสภิมุทีเรสิ, เอสา พุทฺธาน ธมฺมตา.
‘‘สํเวชยิตฺวา ชนตํ, ถวิตฺวา โลกนายกํ;
สมฺพุทฺธํ อภิวาเทตฺวา, ปกฺกามึ ปาจินามุโข.
‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ พุทฺธมภิโถมยึ;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, โถมนาย อิทํ ผลํ.
‘‘อิโต ¶ นวุติกปฺปมฺหิ, สมฺมุขาถวิกวฺหโย;
สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.
‘‘ปถวีทุนฺทุภิ นาม, เอกูนนวุติมฺหิโต;
สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.
‘‘อฏฺาสีติมฺหิโต ¶ กปฺเป, โอภาโส นาม ขตฺติโย;
สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.
‘‘สตฺตาสีติมฺหิโต กปฺเป, สริตจฺเฉทนวฺหโย;
สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.
‘‘อคฺคินิพฺพาปโน นาม, กปฺปานํ ฉฬสีติยา;
สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.
‘‘คติปจฺเฉทโน นาม, กปฺปานํ ปฺจสีติยา;
สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.
‘‘ราชา วาตสโม นาม, กปฺปานํ จุลฺลสีติยา;
สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.
‘‘รตนปชฺชโล นาม, กปฺปานํ เตอสีติยา;
สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.
‘‘ปทวิกฺกมโน นาม, กปฺปานํ ทฺเวอสีติยา;
สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.
‘‘ราชา วิโลกโน นาม, กปฺปานํ เอกสีติยา;
สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.
‘‘คิรสาโรติ นาเมน, กปฺเปสีติมฺหิ ขตฺติโย;
สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อธิคตารหตฺโต ปน ภิกฺขูหิ, ‘‘เกน, ตฺวํ อาวุโส, สํเวเคน อติทหโรว สมาโน ปพฺพชิโต’’ติ ปุจฺฉิโต อตฺตโน ปพฺพชฺชานิมิตฺตกิตฺตนาปเทเสน อฺํ พฺยากโรนฺโต –
‘‘ชิณฺณฺจ ¶ ทิสฺวา ทุขิตฺจ พฺยาธิตํ, มตฺจ ทิสฺวา คตมายุสงฺขยํ;
ตโต อหํ นิกฺขมิตูน ปพฺพชึ, ปหาย กามานิ มโนรมานี’’ติ. –
คาถํ อภาสิ.
ตตฺถ ¶ ¶ ชิณฺณนฺติ ชราย อภิภูตํ, ขณฺฑิจฺจปาลิจฺจวลิตฺตจตาทีหิ สมงฺคีภูตํ. ทุขิตนฺติ ทุกฺขปฺปตฺตํ. พฺยาธิตนฺติ คิลานํ. เอตฺถ จ ‘‘พฺยาธิต’’นฺติ วุตฺเตปิ ทุกฺขปฺปตฺตภาโว สิทฺโธ, ‘‘ทุขิต’’นฺติ วจนํ ตสฺส พาฬฺหคิลานภาวปริทีปนตฺถํ. มตนฺติ กาลงฺกตํ, ยสฺมา กาลงฺกโต อายุโน ขยํ วยํ เภทํ คโต นาม โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘คตมายุสงฺขย’’นฺติ. ตสฺมา ชิณฺณพฺยาธิมตานํ ทิฏฺตฺตา, ‘‘อิเม ชราทโย นาม น อิเมสํเยว, อถ โข สพฺพสาธารณา, ตสฺมา อหมฺปิ ชราทิเก อนติวตฺโต’’ติ สํวิคฺคตฺตา. นิกฺขมิตูนาติ นิกฺขมิตฺวา, อยเมว วา ปาโ. ปพฺพชฺชาธิปฺปาเยน ฆรโต นิคฺคนฺตฺวา. ปพฺพชินฺติ สตฺถุ สาสเน ปพฺพชํ อุปคโต. ปหาย กามานิ มโนรมานีติ อิฏฺกนฺตาทิภาวโต อวีตราคานํ มโน รเมนฺตีติ มโนรเม วตฺถุกาเม ปชหิตฺวา, ตปฺปฏิพทฺธสฺส ฉนฺทราคสฺส อริยมคฺเคน สมุจฺฉินฺทเนน นิรเปกฺขภาเวน ฉฑฺเฑตฺวาติ อตฺโถ. กามานํ ปหานกิตฺตนมุเขน เจตํ เถรสฺส อฺาพฺยากรณํ อโหสิ. มาณวกาเล ปพฺพชิตตฺตา อิมสฺส เถรสฺส มาณโวตฺเวว สมฺา ชาตาติ.
มาณวตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. สุยามนตฺเถรคาถาวณฺณนา
กามจฺฉนฺโท จ พฺยาปาโทติ อายสฺมโต สุยามนตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปฺุานิ อุปจินนฺโต อิโต เอกนวุเต กปฺเป วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล ธฺวตีนคเร พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา ¶ วยปฺปตฺโต พฺราหฺมณสิปฺเปสุ นิปฺผตฺตึ ปตฺวา พฺราหฺมณมนฺเต วาเจติ. เตน จ สมเยน วิปสฺสี ภควา มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ ธฺวตีนครํ ปิณฺฑาย ปวิฏฺโ โหติ. ตํ ทิสฺวา พฺราหฺมโณ ปสนฺนจิตฺโต อตฺตโน เคหํ เนตฺวา อาสนํ ปฺาเปตฺวา ตสฺสูปริ ปุปฺผสนฺถารํ สนฺถริตฺวา อทาสิ, สตฺถริ ตตฺถ นิสินฺเน ปณีเตน อาหาเรน สนฺตปฺเปสิ, ภุตฺตาวิฺจ ปุปฺผคนฺเธน ปูเชสิ. สตฺถา อนุโมทนํ วตฺวา ปกฺกามิ. โส เตน ปฺุกมฺเมน เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา อปราปรํ ปฺุานิ กตฺวา ¶ เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท เวสาลิยํ อฺตรสฺส พฺราหฺมณสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, สุยามโนติสฺส นามํ อโหสิ. โส วยปฺปตฺโต ติณฺณํ เวทานํ ปารคู ปรมนิสฺสมยุตฺโต หุตฺวา เคหวาสีนํ กามูปโภคํ ชิคุจฺฉิตฺวา ฌานนินฺโน ภควโต เวสาลิคมเน ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา ขุรคฺเคเยว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๓.๖๕-๗๔) –
‘‘นคเร ¶ ธฺวติยา, อโหสึ พฺราหฺมโณ ตทา;
ลกฺขเณ อิติหาเส จ, สนิฆณฺฑุสเกฏุเภ.
‘‘ปทโก เวยฺยากรโณ, นิมิตฺตโกวิโท อหํ;
มนฺเต จ สิสฺเส วาเจสึ, ติณฺณํ เวทาน ปารคู.
‘‘ปฺจ อุปฺปลหตฺถานิ, ปิฏฺิยํ ปิตานิ เม;
อาหุตึ ยิฏฺุกาโมหํ, ปิตุมาตุสมาคเม.
‘‘ตทา วิปสฺสี ภควา, ภิกฺขุสงฺฆปุรกฺขโต;
โอภาเสนฺโต ทิสา สพฺพา, อาคจฺฉติ นราสโภ.
‘‘อาสนํ ปฺเปตฺวาน, นิมนฺเตตฺวา มหามุนึ;
สนฺถริตฺวาน ตํ ปุปฺผํ, อภิเนสึ สกํ ฆรํ.
‘‘ยํ เม อตฺถิ สเก เคเห, อามิสํ ปจฺจุปฏฺิตํ;
ตาหํ พุทฺธสฺส ปาทาสึ, ปสนฺโน เสหิ ปาณิภิ.
‘‘ภุตฺตาวึ กาลมฺาย ปุปฺผหตฺถมทาสหํ;
อนุโมทิตฺวาน สพฺพฺู, ปกฺกามิ อุตฺตรามุโข.
‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ ปุปฺผมททึ ตทา;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ปุปฺผทานสฺสิทํ ผลํ.
‘‘อนนฺตรํ อิโต กปฺเป, ราชาหุํ วรทสฺสโน;
สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหตฺตํ ปน ปตฺวา นีวรณปฺปหานกิตฺตนมุเขน อฺํ พฺยากโรนฺโต –
‘‘กามจฺฉนฺโท ¶ จ พฺยาปาโท, ถินมิทฺธฺจ ภิกฺขุโน;
อุทฺธจฺจํ วิจิกิจฺฉา จ, สพฺพโสว น วิชฺชตี’’ติ. – คาถํ อภาสิ;
ตตฺถ กามจฺฉนฺโทติ กาเมสุ ฉนฺโท, กาโม จ โส ฉนฺโท จาติปิ กามจฺฉนฺโท, กามราโค. อิธ ปน สพฺโพปิ ราโค กามจฺฉนฺโท อคฺคมคฺควชฺฌสฺสาปิ อธิปฺเปตตฺตา, เตนาห ‘‘สพฺพโสว น วิชฺชตี’’ติ. สพฺเพปิ หิ เตภูมกธมฺมา กามนียฏฺเน กามา, ตตฺถ ปวตฺโต ราโค กามจฺฉนฺโท, เตนาห ภควา – ‘‘อารุปฺเป กามจฺฉนฺทนีวรณํ ปฏิจฺจ ถินมิทฺธนีวรณํ อุทฺธจฺจนีวรณํ อวิชฺชานีวรณํ อุปฺปชฺชตี’’ติ (ปฏฺา. ๓.๘.๘) พฺยาปชฺชติ ¶ จิตฺตํ ปูติภาวํ ¶ คจฺฉติ เอเตนาติ พฺยาปาโท, ‘‘อนตฺถํ เม อจรี’’ติอาทินยปฺปวตฺโต (ธ. ส. ๑๐๖๖; วิภ. ๙๐๙) อาฆาโต. ถินํ จิตฺตสฺส อกลฺยตา อนุสฺสาหสํหนนํ, มิทฺธํ กายสฺส อกลฺยตา อสตฺติวิฆาโต, ตทุภยมฺปิ ถินฺจ มิทฺธฺจ ถินมิทฺธํ, กิจฺจาหารปฏิปกฺขานํ เอกตาย เอกํ กตฺวา วุตฺตํ. อุทฺธตภาโว อุทฺธจฺจํ, เยน ธมฺเมน จิตฺตํ อุทฺธตํ โหติ อวูปสนฺตํ, โส เจตโส วิกฺเขโป อุทฺธจฺจํ. อุทฺธจฺจคฺคหเณเนว เจตฺถ กิจฺจาหารปฏิปกฺขานํ สมานตาย กุกฺกุจฺจมฺปิ คหิตเมวาติ ทฏฺพฺพํ. ตํ ปจฺฉานุตาปลกฺขณํ. โย หิ กตากตกุสลากุสลูปนิสฺสโย วิปฺปฏิสาโร, ตํ กุกฺกุจฺจํ. วิจิกิจฺฉาติ, ‘‘เอวํ นุ โข น นุ โข’’ติ สํสยํ อาปชฺชติ, ธมฺมสภาวํ วา วิจินนฺโต กิจฺฉติ กิลมติ เอตายาติ วิจิกิจฺฉา, พุทฺธาทิวตฺถุโก สํสโย. สพฺพโสติ อนวเสสโต. น วิชฺชตีติ นตฺถิ, มคฺเคน สมุจฺฉินฺนตฺตา น อุปลพฺภติ. อิทฺจ ปททฺวยํ ปจฺเจกํ โยเชตพฺพํ อยฺเหตฺถ โยชนา – ยสฺส ภิกฺขุโน เตน เตน อริยมคฺเคน สมุจฺฉินฺนตฺตา กามจฺฉนฺโท จ พฺยาปาโท จ ถินมิทฺธฺจ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจฺจ วิจิกิจฺฉา จ สพฺพโสว น วิชฺชติ, ตสฺส น กิฺจิ กรณียํ, กตสฺส วา ปติจโยติ อฺาปเทเสน อฺํ พฺยากโรติ. ปฺจสุ หิ นีวรเณสุ มคฺเคน สมุจฺฉินฺเนสุ ตเทกฏฺตาย สพฺเพปิ กิเลสา สมุจฺฉินฺนาเยว โหนฺติ. เตนาห – ‘‘สพฺเพเต ภควนฺโต ปฺจ นีวรเณ ปหาย เจตโส อุปกฺกิเลเส’’ติ (ที. นิ. ๒.๑๔๖).
สุยามนตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. สุสารทตฺเถรคาถาวณฺณนา
สาธุ ¶ สุวิหิตาน ทสฺสนนฺติ อายสฺมโต สุสารทตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โส กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิชฺชาปเทสุ นิปฺผตฺตึ คนฺตฺวา กาเมสุ อาทีนวํ ¶ ทิสฺวา ฆราวาสํ ปหาย ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา หิมวนฺตปฺปเทเส อรฺายตเน อสฺสมํ กาเรตฺวา วิหาสิ. อถ นํ อนุคฺคณฺหนฺโต ปทุมุตฺตโร ภควา ภิกฺขาจารเวลายํ อุปสงฺกมิ. โส ทูรโตว ทิสฺวา ปสนฺนมานโส ปจฺจุคฺคนฺตฺวา ปตฺตํ คเหตฺวา มธุรานิ ผลานิ ปกฺขิปิตฺวา อทาสิ. ภควา ตํ ปฏิคฺคเหตฺวา อนุโมทนํ กตฺวา ปกฺกามิ. โส เตน ปฺุกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ธมฺมเสนาปติโน าติพฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา มนฺทปฺตฺตา สุสารโทติ คหิตนาโม อปรภาเค ธมฺมเสนาปติสฺส สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ¶ ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๓.๗๕-๘๓) –
‘‘อชฺฌายโก มนฺตธโร, ติณฺณํ เวทาน ปารคู;
หิมวนฺตสฺสาวิทูเร, วสามิ อสฺสเม อหํ.
‘‘อคฺคิหุตฺตฺจ เม อตฺถิ, ปุณฺฑรีกผลานิ จ;
ปุฏเก นิกฺขิปิตฺวาน, ทุมคฺเค ลคฺคิตํ มยา.
‘‘ปทุมุตฺตโร โลกวิทู, อาหุตีนํ ปฏิคฺคโห;
มมุทฺธริตุกาโม โส, ภิกฺขนฺโต มมุปาคมิ.
‘‘ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, ผลํ พุทฺธสฺสทาสหํ;
วิตฺติสฺชนโน มยฺหํ, ทิฏฺธมฺมสุขาวโห.
‘‘สุวณฺณวณฺโณ สมฺพุทฺโธ, อาหุตีนํ ปฏิคฺคโห;
อนฺตลิกฺเข ิโต สตฺถา, อิมํ คาถํ อภาสถ.
‘‘อิมินา ผลทาเนน, เจตนาปณิธีหิ จ;
กปฺปานํ สตสหสฺสํ, ทุคฺคตึ นุปปชฺชสิ.
‘‘เตเนว สุกฺกมูเลน, อนุโภตฺวาน สมฺปทา;
ปตฺโตมฺหิ อจลํ านํ, หิตฺวา ชยปราชยํ.
‘‘อิโต ¶ สตฺตสเต กปฺเป, ราชา อาสึ สุมงฺคโล;
สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหตฺตํ ปน ปตฺวา สปฺปุริสูปนิสฺสยานิสํสกิตฺตนาปเทเสน อฺํ พฺยากโรนฺโต –
‘‘สาธุ สุวิหิตาน ทสฺสนํ, กงฺขา ฉิชฺชติ พุทฺธิ วฑฺฒติ;
พาลมฺปิ กโรนฺติ ปณฺฑิตํ, ตสฺมา สาธุ สตํ สมาคโม’’ติ. –
คาถํ อภาสิ.
ตตฺถ สาธูติ สุนฺทรํ, ภทฺทกนฺติ อตฺโถ. สุวิหิตาน ทสฺสนนฺติ สุวิหิตานํ ทสฺสนํ. คาถาสุขตฺถํ อนุสฺวารโลโป กโต. สีลาทิคุเณหิ สุสํวิหิตตฺตภาวานํ ปรานุทฺทยาย สุฏฺุ วิหิตธมฺมเทสนานํ อริยานํ ทสฺสนํ สาธูติ โยชนา. ‘‘ทสฺสน’’นฺติ นิทสฺสนมตฺตํ ทฏฺพฺพํ สวนาทีนมฺปิ พหุการตฺตา. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –
‘‘เย ¶ เต ภิกฺขู สีลสมฺปนฺนา สมาธิสมฺปนฺนา ปฺาสมฺปนฺนา วิมุตฺติสมฺปนฺนา วิมุตฺติาณทสฺสนสมฺปนฺนา โอวาทกา วิฺาปกา สนฺทสฺสกา สมาทปกา สมุตฺเตชกา สมฺปหํสกา อลํสมกฺขาตาโร สทฺธมฺมสฺส, ทสฺสนมฺปาหํ, ภิกฺขเว, เตสํ ภิกฺขูนํ พหูปการํ วทามิ, สวนํ…เป… อุปสงฺกมนํ…เป… ปยิรุปาสนํ…เป… อนุสฺสรณํ…เป… อนุปพฺพชฺชมฺปาหํ, ภิกฺขเว, เตสํ ภิกฺขูนํ พหูปการํ วทามี’’ติ ¶ (อิติวุ. ๑๐๔).
ทสฺสนมูลกตฺตา วา อิตเรสํ ทสฺสนเมเวตฺถ วุตฺตํ, กงฺขา ฉิชฺชตีติอาทิ ตตฺถ การณวจนํ. ตาทิสานฺหิ กลฺยาณมิตฺตานํ ทสฺสเน สติ วิฺุชาติโก อตฺถกาโม กุลปุตฺโต เต อุปสงฺกมติ ปยิรุปาสติ ‘‘กึ, ภนฺเต, กุสลํ, กึ อกุสล’’นฺติอาทินา (ม. นิ. ๓.๒๙๖) ปฺหํ ปุจฺฉติ. เต จสฺส อเนกวิหิเตสุ กงฺขาฏฺานีเยสุ กงฺขํ ปฏิวิโนเทนฺติ, เตน วุตฺตํ ‘‘กงฺขา ฉิชฺชตี’’ติ. ยสฺมา จ เต ธมฺมเทสนาย เตสํ กงฺขํ ปฏิวิโนเทตฺวา ¶ ปุพฺพภาเค กมฺมปถสมฺมาทิฏฺึ วิปสฺสนาสมฺมาทิฏฺิฺจ อุปฺปาเทนฺติ, ตสฺมา เตสํ พุทฺธิ วฑฺฒติ. ยทา ปน เต วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา สจฺจานิ ปฏิวิชฺฌนฺติ, ตทา โสฬสวตฺถุกา อฏฺวตฺถุกา จ วิจิกิจฺฉา ฉิชฺชติ สมุจฺฉิชฺชติ, นิปฺปริยาเยน ปฺา พุทฺธิ วฑฺฒติ. พาลฺยสมติกฺกมนโต เต ปณฺฑิตา โหนฺติ. โส เตหิ พุทฺธึ วฑฺเฒติ, พาลมฺปิ กโรนฺติ ปณฺฑิตนฺติ. ตสฺมาติอาทิ นิคมนํ, ยสฺมา สาธูนํ ทสฺสนํ วุตฺตนเยน กงฺขา ฉิชฺชติ พุทฺธิ วฑฺฒติ, เต พาลํ ปณฺฑิตํ กโรนฺติ, ตสฺมา เตน การเณน สาธุ สุนฺทรํ สตํ สปฺปุริสานํ อริยานํ สมาคโม, เตหิ สโมธานํ สมฺมา วฑฺฒนนฺติ อตฺโถ.
สุสารทตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. ปิยฺชหตฺเถรคาถาวณฺณนา
อุปฺปตนฺเตสุ นิปเตติ อายสฺมโต ปิยฺชหตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โสปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ ปฺุํ อุปจินนฺโต อิโต เอกนวุเต กปฺเป วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล หิมวนฺเต รุกฺขเทวตา หุตฺวา ปพฺพตนฺตเร วสนฺโต เทวตาสมาคเมสุ อปฺปานุภาวตาย ปริสปริยนฺเต ตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา สตฺถริ ปฏิลทฺธสทฺโธ เอกทิวสํ สุวิสุทฺธํ รมณียํ คงฺคายํ ปุลินปฺปเทสํ ทิสฺวา สตฺถุ คุเณ อนุสฺสริ – ‘‘อิโตปิ สุวิสุทฺธา สตฺถุ คุณา อนนฺตา อปริเมยฺยา จา’’ติ, เอวํ โส ¶ สตฺถุ คุเณ อารพฺภ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา ¶ เตน ปฺุกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท เวสาลิยํ ลิจฺฉวิราชกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ยุทฺธโสณฺโฑ อปราชิตสงฺคาโม อมิตฺตานํ ปิยหานิกรเณน ปิยฺชโหติ ปฺายิตฺถ. โส สตฺถุ เวสาลิคมเน ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา อรฺเ วสมาโน วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๓.๘๔-๙๐) –
‘‘ปพฺพเต หิมวนฺตมฺหิ, วสามิ ปพฺพตนฺตเร;
ปุลินํ โสภนํ ทิสฺวา, พุทฺธเสฏฺํ อนุสฺสรึ.
‘‘าเณ ¶ อุปนิธา นตฺถิ, สงฺขารํ นตฺถิ สตฺถุโน;
สพฺพธมฺมํ อภิฺาย, าเณน อธิมุจฺจติ.
‘‘นโม เต ปุริสาชฺ, นโม เต ปุริสุตฺตม;
าเณน เต สโม นตฺถิ, ยาวตา าณมุตฺตมํ.
‘‘าเณ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, กปฺปํ สคฺคมฺหิ โมทหํ;
อวเสเสสุ กปฺเปสุ, กุสลํ จริตํ มยา.
‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ สฺมลภึ ตทา;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, าณสฺายิทํ ผลํ.
‘‘อิโต สตฺตติกปฺปมฺหิ, เอโก ปุลินปุปฺผิโย;
สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหตฺตํ ปน ปตฺวา ‘‘อนฺธปุถุชฺชนานํ ปฏิปตฺติโต วิธุรา อริยานํ ปฏิปตฺตี’’ติ อิมสฺส อตฺถสฺส ทสฺสนวเสน อฺํ พฺยากโรนฺโต –
‘‘อุปฺปตนฺเตสุ นิปเต, นิปตนฺเตสุ อุปฺปเต;
วเส อวสมาเนสุ, รมมาเนสุ โน รเม’’ติ. – คาถํ อภาสิ;
ตตฺถ อุปฺปตนฺเตสูติ อุณฺณมนฺเตสุ, สตฺเตสุ มานุทฺธจฺจถมฺภสารมฺภาทีหิ อตฺตุกฺกํสเนน อนุปสนฺเตสุ. นิปเตติ นเมยฺย, เตสฺเว ปาปธมฺมานํ ปริวชฺชเนน นิวาตวุตฺติ ภเวยฺย. นิปตนฺเตสูติ โอณมนฺเตสุ, หีนาธิมุตฺติกตาย โกสชฺเชน จ คุณโต นิหียมาเนสุ. อุปฺปเตติ อุณฺณเมยฺย, ปณีตาธิมุตฺติกตาย วีริยารมฺเภน จ คุณโต อุสฺสุกฺเกยฺย. อถ วา อุปฺปตนฺเตสูติ อุฏฺหนฺเตสุ, กิเลเสสุ ปริยุฏฺานวเสน สีสํ อุกฺขิปนฺเตสุ. นิปเตติ ปฏิสงฺขานพเลน ยถา เต น อุปฺปชฺชนฺติ, ตถา อนุรูปปจฺจเวกฺขณาย นิปเตยฺย, วิกฺขมฺเภยฺย เจว ¶ สมุจฺฉินฺเทยฺย จ. นิปตนฺเตสูติ ปริปตนฺเตสุ, อโยนิโสมนสิกาเรสุ วีริยปโยคมนฺทตาย วา ยถารทฺเธสุ สมถวิปสฺสนาธมฺเมสุ หาย มาเนสุ ¶ . อุปฺปเตติ โยนิโสมนสิกาเรน วีริยารมฺภสมฺปทาย จ เต อุปฏฺาเปยฺย อุปฺปาเทยฺย วฑฺเฒยฺย จ. วเส ¶ อวสมาเนสูติ สตฺเตสุ มคฺคพฺรหฺมจริยวาสํ อริยวาสฺจ อวสนฺเตสุ สยํ ตํ วาสํ วเสยฺยาติ, อริเยสุ วา กิเลสวาสํ ทุติยกวาสํ อวสนฺเตสุ เยน วาเสน เต อวสมานา นาม โหนฺติ, สยํ ตถา วเส. รมมาเนสุ โน รเมติ สตฺเตสุ กามคุณรติยา กิเลสรติยา รมนฺเตสุ สยํ ตถา โน รเม นํ รเมยฺย, อริเยสุ วา นิรามิสาย ฌานาทิรติยา รมมาเนสุ สยมฺปิ ตถา รเม, ตโต อฺถา ปน กทาจิปิ โน รเม นาภิรเมยฺย วาติ อตฺโถ.
ปิยฺชหตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. หตฺถาโรหปุตฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา
อิทํ ปุเร จิตฺตมจาริ จาริกนฺติ อายสฺมโต หตฺถาโรหปุตฺตตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โส กิร ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ ปฺุํ อุปจินนฺโต วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ สตฺถารํ ภิกฺขุสงฺฆปริวุตํ วิหารโต นิกฺขนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺโต ปุปฺเผหิ ปูชํ กตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิ. โส เตน ปฺุกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ หตฺถาโรหกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต หตฺถิสิปฺเป นิปฺผตฺตึ อคมาสิ. โส เอกทิวสํ หตฺถึ สิกฺขาเปนฺโต นทีตีรํ คนฺตฺวา เหตุสมฺปตฺติยา โจทิยมาโน ‘‘กึ มยฺหํ อิมินา หตฺถิทมเนน, อตฺตานํ ทมนเมว วร’’นฺติ จินฺเตตฺวา ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวาว จริยานุกูลํ กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต จิรปริจเยน กมฺมฏฺานโต พหิทฺธา วิธาวนฺตํ จิตฺตํ เฉโก หตฺถาจริโย วิย องฺกุเสน จณฺฑมตฺตวรวารณํ ปฏิสงฺขานองฺกุเสน นิคฺคณฺหนฺโต ‘‘อิทํ ปุเร จิตฺตมจาริ จาริก’’นฺติ คาถํ อภาสิ.
๗๗. ตตฺถ ¶ อิทนฺติ วุจฺจมานสฺส จิตฺตสฺส อตฺตปจฺจกฺขตาย วุตฺตํ. ปุเรติ นิคฺคหกาลโต ปุพฺเพ. อจารีติ วิจริ, อนวฏฺิตตาย นานารมฺมเณสุ ปริพฺภมิ ¶ . จาริกนฺติ ยถากามจริยํ. เตนาห ‘‘เยนิจฺฉกํ ยตฺถกามํ ยถาสุข’’นฺติ. ตนฺติ ตํ จิตฺตํ. อชฺชาติ เอตรหิ. นิคฺคเหสฺสามีติ นิคฺคณฺหิสฺสามิ, นิพฺพิเสวนํ กริสฺสามิ. โยนิโสติ อุปาเยน. ยถา ¶ กึ? หตฺถิปฺปภินฺนํ วิย องฺกุสคฺคโห. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อิทํ มม จิตฺตํ นาม อิโต ปุพฺเพ รูปาทีสุ อารมฺมเณสุ เยน เยน รมิตุํ อิจฺฉติ, ตสฺส ตสฺส วเสน เยนิจฺฉกํ, ยตฺถ ยตฺถ จสฺส กาโม, ตสฺส ตสฺส วเสน ยตฺถกามํ, ยถา ยถา วิจรนฺตสฺส สุขํ โหติ, ตเถว จรณโต ยถาสุขํ ทีฆรตฺตํ จาริกํ อจริ, ตํ อชฺชปาหํ ภินฺนมทมตฺตหตฺถึ หตฺถาจริยสงฺขาโต เฉโก องฺกุสคฺคโห องฺกุเสน วิย โยนิโสมนสิกาเรน นิคฺคเหสฺสามิ, นาสฺส วีติกฺกมิตุํ ทสฺสามีติ. เอวํ วทนฺโต เอว จ เถโร วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ สจฺฉากาสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๓.๙๑-๙๖) –
‘‘สุวณฺณวณฺโณ สมฺพุทฺโธ, วิปสฺสี ทกฺขิณารโห;
ปุรกฺขโต สาวเกหิ, อารามา อภินิกฺขมิ.
‘‘ทิสฺวานหํ พุทฺธเสฏฺํ, สพฺพฺุํ ตมนาสกํ;
ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, คณฺิปุปฺผํ อปูชยึ.
‘‘เตน จิตฺตปฺปสาเทน, ทฺวิปทินฺทสฺส ตาทิโน;
หฏฺโ หฏฺเน จิตฺเตน, ปุน วนฺทึ ตถาคตํ.
‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ ปุปฺผมภิโรปยึ;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.
‘‘เอกตาลีสิโต กปฺเป, จรโณ นาม ขตฺติโย;
สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อยเมว จ เถรสฺส อฺาพฺยากรณคาถา อโหสีติ.
หตฺถาโรหปุตฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. เมณฺฑสิรตฺเถรคาถาวณฺณนา
อเนกชาติสํสารนฺติ ¶ อายสฺมโต เมณฺฑสิรตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โสปิ กิร ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยานิ ปฺุานิ กโรนฺโต อิโต เอกนวุเต กปฺเป พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต กาเม ปหาย อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา มหตา อิสิคเณน สทฺธึ หิมวนฺเต วสนฺโต สตฺถารํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส อิสิคเณน ปทุมานิ อาหราเปตฺวา ¶ สตฺถุ ปุปฺผปูชํ กตฺวา ¶ สาวเก อปฺปมาทปฏิปตฺติยํ โอวทิตฺวา กาลํ กตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺโต อปราปรํ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาเกเต คหปติกุเล นิพฺพตฺติ, ตสฺส เมณฺฑสริกฺขสีสตาย เมณฺฑสิโรตฺเวว สมฺา อโหสิ. โส ภควติ สาเกเต อฺชนวเน วิหรนฺเต สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา สมถวิปสฺสนาสุ กมฺมํ กโรนฺโต ฉฬภิฺโ อโหสิ. เตว วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๓.๙๗-๑๐๕) –
‘‘หิมวนฺตสฺสาวิทูเร, โคตโม นาม ปพฺพโต;
นานารุกฺเขหิ สฺฉนฺโน, มหาภูตคณาลโย.
‘‘เวมชฺฌมฺหิ จ ตสฺสาสิ, อสฺสโม อภินิมฺมิโต;
ปุรกฺขโต สสิสฺเสหิ, วสามิ อสฺสเม อหํ.
‘‘อายนฺตุ เม สิสฺสคณา, ปทุมํ อาหรนฺตุ เม;
พุทฺธปูชํ กริสฺสามิ, ทฺวิปทินฺทสฺส ตาทิโน.
‘‘เอวนฺติ เต ปฏิสฺสุตฺวา, ปทุมํ อาหรึสุ เม;
ตถา นิมิตฺตํ กตฺวาหํ, พุทฺธสฺส อภิโรปยึ.
‘‘สิสฺเส ตทา สมาเนตฺวา, สาธุกํ อนุสาสหํ;
มา โข ตุมฺเห ปมชฺชิตฺถ, อปฺปมาโท สุขาวโห.
‘‘เอวํ สมนุสาสิตฺวา, เต สิสฺเส วจนกฺขเม;
อปฺปมาทคุเณ ยุตฺโต, ตทา กาลงฺกโต อหํ.
‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ ปุปฺผมภิโรปยึ;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.
‘‘เอกปฺาสกปฺปมฺหิ ¶ , ราชา อาสึ ชลุตฺตโม;
สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
โส อตฺตโน ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรนฺโต –
‘‘อเนกชาติสํสารํ, สนฺธาวิสฺสํ อนิพฺพิสํ;
ตสฺส เม ทุกฺขชาตสฺส, ทุกฺขกฺขนฺโธ อปรทฺโธ’’ติ. – คาถํ อภาสิ;
ตตฺถ อเนกชาติสํสารนฺติ อเนกชาติสตสหสฺสสงฺขฺยํ อิทํ สํสารวฏฺฏํ, อทฺธุโน อธิปฺเปตตฺตา ¶ อจฺจนฺตสํโยเคกวจนํ. สนฺธาวิสฺสนฺติ สํสรึ, อปราปรํ จวนุปฺปชฺชนวเสน ปริพฺภมึ. อนิพฺพิสนฺติ ตสฺส นิวตฺตกาณํ อวินฺทนฺโต อลภนฺโต. ตสฺส เมติ เอวํ สํสรนฺตสฺส เม. ทุกฺขชาตสฺสาติ ชาติอาทิวเสน อุปฺปนฺนทุกฺขสฺส, ติสฺสนฺนํ วา ทุกฺขตานํ วเสน ทุกฺขสภาวสฺส. ทุกฺขกฺขนฺโธติ กมฺมกิเลสวิปากวฏฺฏปฺปกาโร ทุกฺขราสิ. อปรทฺโธติ อรหตฺตมคฺคปฺปตฺติโต ปฏฺาย ปริพฺภฏฺโ จุโต น อภินิพฺพตฺติสฺสติ. ‘‘อปรฏฺโ’’ติ วา ปาโ, อปคตสมิทฺธิโต สมุจฺฉินฺนการณตฺตา อปคโตติ อตฺโถ. อิทเมว จ เถรสฺส อฺาพฺยากรณํ อโหสิ.
เมณฺฑสิรตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. รกฺขิตตฺเถรคาถาวณฺณนา
สพฺโพ ¶ ราโค ปหีโน เมติ อายสฺมโต รกฺขิตตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปสนฺนมานโส เทสนาาณํ อารพฺภ โถมนํ อกาสิ. สตฺถา ตสฺส จิตฺตปฺปสาทํ โอโลเกตฺวา ‘‘อยํ อิโต สตสหสฺสกปฺปมตฺถเก โคตมสฺส นาม สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส รกฺขิโต นาม สาวโก ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิ ¶ . โส ตํ สุตฺวา ภิยฺโยโสมตฺตาย ปสนฺนมานโส อปราปรํ ปฺุานิ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท เทวทหนิคเม สากิยราชกุเล นิพฺพตฺติ, รกฺขิโตติสฺส นามํ อโหสิ. โส เย สากิยโกลิยราชูหิ ภควโต ปริวารตฺถาย ทินฺนา ปฺจสตราชกุมารา ปพฺพชิตา, เตสํ อฺตโร. เต ปน ราชกุมารา น สํเวเคน ปพฺพชิตตฺตา อุกฺกณฺาภิภูตา ยทา สตฺถารา กุณาลทหตีรํ เนตฺวา กุณาลชาตกเทสนาย (ชา. ๒.๒๑.กุณาลชาตก) อิตฺถีนํ โทสวิภาวเนน กาเมสุ อาทีนวํ ปกาเสตฺวา กมฺมฏฺาเน นิโยชิตา, ตทา อยมฺปิ กมฺมฏฺานํ อนุยฺุชนฺโต วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๔.๑-๙) –
‘‘ปทุมุตฺตโร นาม ชิโน, โลกเชฏฺโ นราสโภ;
มหโต ชนกายสฺส, เทเสติ อมตํ ปทํ.
‘‘ตสฺสาหํ วจนํ สุตฺวา, วาจาสภิมุทีริตํ;
อฺชลึ ปคฺคเหตฺวาน, เอกคฺโค อาสหํ ตทา.
‘‘ยถา ¶ สมุทฺโท อุทธีนมคฺโค, เนรู นคานํ ปวโร สิลุจฺจโย;
ตเถว เย จิตฺตวเสน วตฺตเร, น พุทฺธาณสฺส กลํ อุเปนฺติ เต.
‘‘ธมฺมวิธึ เปตฺวาน, พุทฺโธ การุณิโก อิสิ;
ภิกฺขุสงฺเฆ นิสีทิตฺวา, อิมา คาถา อภาสถ.
‘‘โย โส าณํ ปกิตฺเตสิ, พุทฺธมฺหิ โลกนายเก;
กปฺปานํ สตสหสฺสํ, ทุคฺคตึ น คมิสฺสติ.
‘‘กิเลเส ฌาปยิตฺวาน, เอกคฺโค สุสมาหิโต;
โสภิโต นาม นาเมน, เหสฺสติ สตฺถุ สาวโก.
‘‘ปฺาเส กปฺปสหสฺเส, สตฺเตวาสุํ ยสุคฺคตา;
สตฺตรตนสมฺปนฺนา, จกฺกวตฺตี มหพฺพลา.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหตฺตํ ¶ ปน ปตฺวา อตฺตโน ปหีนกิเลเส ปจฺจเวกฺขนฺโต ‘‘สพฺโพ ราโค’’ติ คาถํ อภาสิ.
๗๙. ตตฺถ ‘‘สพฺโพ ราโค’’ติ กามราคาทิปฺปเภโท สพฺโพปิ ราโค. ปหีโนติ อริยมคฺคภาวนาย สมุจฺเฉทปฺปหานวเสน ปหีโน. สพฺโพ โทโสติ อาฆาตวตฺถุกาทิภาเวน อเนกเภทภินฺโน สพฺโพปิ พฺยาปาโท. สมูหโตติ มคฺเคน สมุคฺฆาฏิโต. สพฺโพ เม วิคโต โมโหติ ‘‘ทุกฺเข อฺาณ’’นฺติอาทินา (ธ. ส. ๑๐๖๗; วิภ. ๙๐๙) วตฺถุเภเทน อฏฺเภโท, สํกิเลสวตฺถุวิภาเคน อเนกวิภาโค สพฺโพปิ โมโห มคฺเคน วิทฺธํสิตตฺตา มยฺหํ วิคโต. สีติภูโตสฺมิ นิพฺพุโตติ เอวํ มูลกิเลสปฺปหาเนน ตเทกฏฺตาย สํกิเลสานํ สมฺมเทว ปฏิปฺปสฺสทฺธตฺตา อนวเสสกิเลสทรถปริฬาหาภาวโต ¶ สีติภาวํ ปตฺโต, ตโต เอว สพฺพโส กิเลสปรินิพฺพาเนน ปรินิพฺพุโต อหํ อสฺมิ ภวามีติ อฺํ พฺยากาสิ.
รกฺขิตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. อุคฺคตฺเถรคาถาวณฺณนา
ยํ มยา ปกตํ กมฺมนฺติ อายสฺมโต อุคฺคตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปฺุานิ กโรนฺโต อิโต เอกตึเส กปฺเป สิขิสฺส ภควโต ¶ กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ สิขึ ภควนฺตํ ปสฺสิตฺวา ปสนฺนมานโส เกตกปุปฺเผหิ ปูชํ อกาสิ. โส เตน ปฺุกมฺเมน เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา อปราปรํ สุคตีสุเยว สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท โกสลรฏฺเ อุคฺคนิคเม เสฏฺิปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, อุคฺโคตฺเววสฺส นามํ อโหสิ. โส วิฺุตํ ปตฺโต ภควติ ตสฺมึ นิคเม ภทฺทาราเม วิหรนฺเต วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๔.๑๐-๑๖) –
‘‘วินตานทิยา ¶ ตีเร, ปิลกฺขุ ผลิโต อหุ;
ตาหํ รุกฺขํ คเวสนฺโต, อทฺทสํ โลกนายกํ.
‘‘เกตกํ ปุปฺผิตํ ทิสฺวา, วณฺเฏ เฉตฺวานหํ ตทา;
พุทฺธสฺส อภิโรเปสึ, สิขิโน โลกพนฺธุโน.
‘‘เยน าเณน ปตฺโตสิ, อจฺจุตํ อมตํ ปทํ;
ตํ าณํ อภิปูเชมิ, พุทฺธเสฏฺ มหามุนิ.
‘‘าณมฺหิ ปูชํ กตฺวาน, ปิลกฺขุมทฺทสํ อหํ;
ปฏิลทฺโธมฺหิ ตํ ปฺํ, าณปูชายิทํ ผลํ.
‘‘เอกตึเส อิโต กปฺเป, ยํ ปุปฺผมภิโรปยึ;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, าณปูชายิทํ ผลํ.
‘‘อิโต เตรสกปฺปมฺหิ, ทฺวาทสาสุํ ผลุคฺคตา;
สตฺตรตนสมฺปนฺนา, จกฺกวตฺตี มหพฺพลา.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อตฺตโน วฏฺฏูปจฺเฉททีปเนน อฺํ พฺยากโรนฺโต –
‘‘ยํ มยา ปกตํ กมฺมํ, อปฺปํ วา ยทิ วา พหุํ;
สพฺพเมตํ ปริกฺขีณํ, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’’ติ. – คาถํ อภาสิ;
ตตฺถ ยํ มยา ปกตํ กมฺมนฺติ ยํ กมฺมํ ตีหิ กมฺมทฺวาเรหิ, ฉหิ อุปฺปตฺติทฺวาเรหิ, อฏฺหิ อสํวรทฺวาเรหิ ¶ , อฏฺหิ จ สํวรทฺวาเรหิ ปาปาทิวเสน ทานาทิวเสน จาติ อเนเกหิ ปกาเรหิ อนาทิมติ สํสาเร ยํ มยา กตํ อุปจิตํ อภินิพฺพตฺติตํ วิปากกมฺมํ. อปฺปํ วา ยทิ วา ¶ พหุนฺติ ตฺจ วตฺถุเจตนาปโยคกิเลสาทีนํ ทุพฺพลภาเวน อปฺปํ วา, เตสํ พลวภาเวน อภิณฺหปวตฺติยา จ พหุํ วา. สพฺพเมตํ ปริกฺขีณนฺติ สพฺพเมว เจตํ กมฺมํ กมฺมกฺขยกรสฺส อคฺคมคฺคสฺส อธิคตตฺตา ปริกฺขยํ คตํ, กิเลสวฏฺฏปฺปหาเนน หิ กมฺมวฏฺฏํ ปหีนเมว โหติ วิปากวฏฺฏสฺส ¶ อนุปฺปาทนโต. เตนาห ‘‘นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’’ติ. อายตึ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติ มยฺหํ นตฺถีติ อตฺโถ. ‘‘สพฺพมฺเปต’’นฺติปิ ปาโ, สพฺพมฺปิ เอตนฺติ ปทวิภาโค.
อุคฺคตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อฏฺมวคฺควณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. นวมวคฺโค
๑. สมิติคุตฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา
ยํ ¶ มยา ปกตํ ปาปนฺติ อายสฺมโต สมิติคุตฺตตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โสปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปฺุานิ อุปจินนฺโต วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต ภควนฺตํ ปสฺสิตฺวา ปสนฺนจิตฺโต ชาติสุมนปุปฺเผหิ ปูชํ อกาสิ. โส เตน ปฺุกมฺเมน ยตฺถ ยตฺถ ภเว นิพฺพตฺติ, ตตฺถ ตตฺถ กุลรูปปริวารสมฺปทาย อฺเ สตฺเต อภิภวิตฺวา อฏฺาสิ. เอกสฺมึ ปน อตฺตภาเว อฺตรํ ปจฺเจกพุทฺธํ ปิณฺฑาย จรนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ มุณฺฑโก กุฏฺี มฺเ, เตนายํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา วิจรตี’’ติ นิฏฺุภิตฺวา ปกฺกามิ. โส เตน กมฺเมน พหุํ กาลํ นิรเย ปจฺจิตฺวา กสฺสปสฺส ภควโต กาเล มนุสฺสโลเก นิพฺพตฺโต ปริพฺพาชกปพฺพชฺชํ อุปคโต เอกํ สีลาจารสมฺปนฺนํ อุปาสกํ ทิสฺวา โทสนฺตโร หุตฺวา, ‘‘กุฏฺโรคี ภเวยฺยาสี’’ติ อกฺโกสิ, นฺหานติตฺเถ จ มนุสฺเสหิ ปิตานิ ¶ นฺหานจุณฺณานิ ทูเสสิ. โส เตน กมฺเมน ปุน นิรเย นิพฺพตฺติตฺวา พหูนิ วสฺสานิ ทุกฺขํ อนุภวิตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ อฺตรสฺส พฺราหฺมณสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, สมิติคุตฺโตติสฺส นามํ อโหสิ. โส วยปฺปตฺโต สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา สุวิสุทฺธสีโล หุตฺวา วิหรติ. ตสฺส ปุริมกมฺมนิสฺสนฺเทน กุฏฺโรโค อุปฺปชฺชิ, เตน ตสฺส สรีราวยวา เยภุยฺเยน ฉินฺนภินฺนา หุตฺวา ปคฺฆรนฺติ. โส คิลานสาลายํ วสติ. อเถกทิวสํ ธมฺมเสนาปติ คิลานปุจฺฉํ คนฺตฺวา ตตฺถ ตตฺถ คิลาเน ภิกฺขู ปุจฺฉนฺโต ตํ ภิกฺขุํ ทิสฺวา ‘‘อาวุโส, ยาวตา ขนฺธปฺปวตฺติ นาม, สพฺพํ ทุกฺขเมว เวทนา. ขนฺเธสุ ปน อสนฺเตสุเยว นตฺถิ ¶ ทุกฺข’’นฺติ เวทนานุปสฺสนากมฺมฏฺานํ กเถตฺวา อคมาสิ. โส เถรสฺส โอวาเท ตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา ฉฬภิฺา สจฺฉากาสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๒.๘๒-๙๐) –
‘‘ชายนฺตสฺส วิปสฺสิสฺส, อาโลโก วิปุโล อหุ;
ปถวี จ ปกมฺปิตฺถ, สสาครา สปพฺพตา.
‘‘เนมิตฺตา ¶ จ วิยากํสุ, พุทฺโธ โลเก ภวิสฺสติ;
อคฺโค จ สพฺพสตฺตานํ, ชนตํ อุทฺธริสฺสติ.
‘‘เนมิตฺตานํ สุณิตฺวาน, ชาติปูชมกาสหํ;
เอทิสา ปูชนา นตฺถิ, ยาทิสา ชาติปูชนา.
‘‘สงฺขริตฺวาน กุสลํ, สกํ จิตฺตํ ปสาทยึ;
ชาติปูชํ กริตฺวาน, ตตฺถ กาลงฺกโต อหํ.
‘‘ยํ ยํ โยนุปปชฺชามิ, เทวตฺตํ อถ มานุสํ;
สพฺเพ สตฺเต อภิโภมิ, ชาติปูชายิทํ ผลํ.
‘‘ธาติโย มํ อุปฏฺเนฺติ, มม จิตฺตวสานุคา;
น ตา สกฺโกนฺติ โกเปตุํ, ชาติปูชายิทํ ผลํ.
‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ ปูชมกรึ ตทา;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ชาติปูชายิทํ ผลํ.
‘‘สุปาริจริยา นาม, จตุตฺตึส ชนาธิปา;
อิโต ตติยกปฺปมฺหิ, จกฺกวตฺตี มหพฺพลา.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
ฉฬภิฺโ ปน หุตฺวา ปหีนกิเลสปจฺจเวกฺขเณน เอตรหิ อนุภุยฺยมานโรควเสน ปุริมชาตีสุ อตฺตนา กตํ ปาปกมฺมํ อนุสฺสริตฺวา ตสฺส อิทานิ สพฺพโส ปหีนภาวํ วิภาเวนฺโต –
‘‘ยํ มยา ปกตํ ปาปํ, ปุพฺเพ อฺาสุ ชาติสุ;
อิเธว ตํ เวทนียํ, วตฺถุ อฺํ น วิชฺชตี’’ติ. – คาถํ อภาสิ;
ตตฺถ ¶ ปาปนฺติ อกุสลํ กมฺมํ. ตฺหิ ลามกฏฺเน ปาปนฺติ วุจฺจติ. ปุพฺเพติ ปุรา. อฺาสุ ชาติสูติ อิโต อฺาสุ ชาตีสุ, อฺเสุ อตฺตภาเวสุ. อยฺเหตฺถ อตฺโถ – ยทิปิ มยา อิมสฺมึ อตฺตภาเว น ตาทิสํ ปาปํ กตํ อตฺถิ, อิทานิ ปน ตสฺส สมฺภโวเยว นตฺถิ. ยํ ปน อิโต อฺาสุ ชาตีสุ กตํ อตฺถิ, อิเธว ตํ เวทนียํ, ตฺหิ อิเธว อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว เวทยิตพฺพํ อนุภวิตพฺพํ ผลํ, กสฺมา? วตฺถุ อฺํ น วิชฺชตีติ ตสฺส กมฺมสฺส วิปจฺจโนกาโส อฺโ ขนฺธปฺปพนฺโธ นตฺถิ, อิเม ¶ ปน ขนฺธา สพฺพโส อุปาทานานํ ¶ ปหีนตฺตา อนุปาทาโน วิย ชาตเวโท จริมกจิตฺตนิโรเธน อปฺปฏิสนฺธิกา นิรุชฺฌนฺตีติ อฺํ พฺยากาสิ.
สมิติคุตฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. กสฺสปตฺเถรคาถาวณฺณนา
เยน เยน สุภิกฺขานีติ อายสฺมโต กสฺสปตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา ตีสุ เวเทสุ อฺเสุ จ พฺราหฺมณสิปฺเปสุ นิปฺผตฺตึ คโต, โส เอกทิวสํ ภควนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส สุมนปุปฺเผหิ ปูชํ อกาสิ. กโรนฺโต จ สตฺถุ สมนฺตโต อุปริ จ ปุปฺผมุฏฺิโย ขิปิ. พุทฺธานุภาเวน ปุปฺผานิ ปุปฺผาสนากาเรน สตฺตาหํ อฏฺํสุ. โส ตํ อจฺฉริยํ ทิสฺวา ภิยฺโยโสมตฺตาย ปสนฺนมานโส อโหสิ. อปราปรํ ปฺุานิ กโรนฺโต กปฺปสตสหสฺสํ สุคตีสุเยว สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ อฺตรสฺส อุทิจฺจพฺราหฺมณสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, กสฺสโปติสฺส นามํ อโหสิ. ตสฺส ทหรกาเลเยว ปิตา กาลมกาสิ. มาตา ตํ ปฏิชคฺคติ. โส เอกทิวสํ เชตวนํ คโต ภควโต ธมฺมเทสนํ สุตฺวา เหตุสมฺปนฺนตาย ตสฺมึเยว อาสเน โสตาปนฺโน หุตฺวา มาตุ สนฺติกํ คนฺตฺวา อนุชานาเปตฺวา ปพฺพชิโต สตฺถริ วุฏฺวสฺเส ปวาเรตฺวา ชนปทจาริกํ ปกฺกนฺเต สยมฺปิ สตฺถารา สทฺธึ คนฺตุกาโม อาปุจฺฉิตุํ มาตุ สนฺติกํ อคมาสิ. มาตา วิสฺสชฺเชนฺตี โอวาทวเสน –
‘‘เยน ¶ เยน สุภิกฺขานิ, สิวานิ อภยานิ จ;
เตน ปุตฺตก คจฺฉสฺสุ, มา โสกาปหโต ภวา’’ติ. – คาถํ อภาสิ;
ตตฺถ เยน เยนาติ ยตฺถ ยตฺถ. ภุมฺมตฺเถ หิ เอตํ กรณวจนํ, ยสฺมึ ยสฺมึ ทิสาภาเคติ อตฺโถ. สุภิกฺขานีติ สุลภปิณฺฑานิ, รฏฺานีติ อธิปฺปาโย. สิวานีติ เขมานิ อโรคานิ. อภยานีติ โจรภยาทีหิ นิพฺภยานิ, โรคทุพฺภิกฺขภยานิ ปน ‘‘สุภิกฺขานิ, สิวานี’’ติ ปททฺวเยเนว คหิตานิ. เตนาติ ตตฺถ, ตสฺมึ ตสฺมึ ¶ ทิสาภาเคติ อตฺโถ. ปุตฺตกาติ อนุกมฺปนฺตี ตํ อาลปติ. มาติ ปฏิเสธตฺเถ นิปาโต โสกาปหโตติ วุตฺตคุณรหิตานิ รฏฺานิ คนฺตฺวา ทุพฺภิกฺขภยาทิชนิเตน โสเกน อุปหโต มา ภว มาโหสีติ อตฺโถ. ตํ สุตฺวา เถโร, ‘‘มม มาตา มยฺหํ โสกรหิตฏฺานคมนํ อาสีสติ, หนฺท มยํ สพฺพโส อจฺจนฺตเมว โสกรหิตํ ¶ านํ ปตฺตุํ ยุตฺต’’นฺติ อุสฺสาหชาโต วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๓.๑-๙) –
‘‘อชฺฌายโก มนฺตธโร, ติณฺณํ เวทาน ปารคู;
อพฺโภกาเส ิโต สนฺโต, อทฺทสํ โลกนายกํ.
‘‘สีหํ ยถา วนจรํ, พฺยคฺฆราชํว นิตฺตสํ;
ติธาปภินฺนมาตงฺคํ, กฺุชรํว มเหสินํ.
‘‘เสเรยกํ คเหตฺวาน, อากาเส อุกฺขิปึ อหํ;
พุทฺธสฺส อานุภาเวน, ปริวาเรนฺติ สพฺพโส.
‘‘อธิฏฺหิ มหาวีโร, สพฺพฺู โลกนายโก;
สมนฺตา ปุปฺผจฺฉทนา, โอกิรึสุ นราสภํ.
‘‘ตโต สา ปุปฺผกฺจุกา, อนฺโตวณฺฏา พหิมุขา;
สตฺตาหํ ฉทนํ กตฺวา, ตโต อนฺตรธายถ.
‘‘ตฺจ อจฺฉริยํ ทิสฺวา, อพฺภุตํ โลมหํสนํ;
พุทฺเธ จิตฺตํ ปสาเทสึ, สุคเต โลกนายเก.
‘‘เตน ¶ จิตฺตปฺปสาเทน, สุกฺกมูเลน โจทิโต;
กปฺปานํ สตสหสฺสํ, ทุคฺคตึ นุปปชฺชหํ.
‘‘ปนฺนรสสหสฺสมฺหิ, กปฺปานํ ปฺจวีสติ;
วีตมลาสนามา จ, จกฺกวตฺตี มหพฺพลา.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหตฺตํ ปน ปตฺวา ‘‘อิทเมว มาตุ วจนํ อรหตฺตปฺปตฺติยา องฺกุสํ ชาต’’นฺติ ตเมว คาถํ ปจฺจุทาหาสิ.
กสฺสปตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. สีหตฺเถรคาถาวณฺณนา
สีหปฺปมตฺโต วิหราติ อายสฺมโต สีหตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? โส กิร ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร อิโต อฏฺารสกปฺปสตมตฺถเก อตฺถทสฺสิสฺส ภควโต กาเล จนฺทภาคาย นทิยา ตีเร กินฺนรโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา ปุปฺผภกฺโข ปุปฺผนิวสโน หุตฺวา วิหรนฺโต อากาเสน คจฺฉนฺตํ อตฺถทสฺสึ ภควนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺโต ปูเชตุกาโม อฺชลึ ปคฺคยฺห อฏฺาสิ. ภควา ตสฺส อชฺฌาสยํ ¶ ตฺวา อากาสโต โอรุยฺห อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล ปลฺลงฺเกน นิสีทิ. กินฺนโร จนฺทนสารํ ฆํสิตฺวา จนฺทนคนฺเธน ปุปฺเผหิ จ ปูชํ กตฺวา วนฺทิตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิ. โส เตน ปฺุกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท มลฺลราชกุเล นิพฺพตฺติ, ตสฺส ¶ สีโหติ นามํ อโหสิ. โส ภควนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. สตฺถา ตสฺส อชฺฌาสยํ โอโลเกตฺวา ธมฺมํ กเถสิ. โส ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อรฺเ วิหรติ. ตสฺส จิตฺตํ นานารมฺมเณ วิธาวติ, เอกคฺคํ น โหติ, สกตฺถํ นิปฺผาเทตุํ น สกฺโกติ. สตฺถา ตํ ทิสฺวา อากาเส ตฺวา –
‘‘สีหปฺปมตฺโต ¶ วิหร, รตฺตินฺทิวมตนฺทิโต;
ภาเวหิ กุสลํ ธมฺมํ, ชห สีฆํ สมุสฺสย’’นฺติ. –
คาถาย โอวทิ. โส คาถาวสาเน วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๔.๑๗-๒๕) –
‘‘จนฺทภาคานทีตีเร, อโหสึ กินฺนโร ตทา;
ปุปฺผภกฺโข จหํ อาสึ, ปุปฺผนิวสโน ตถา.
‘‘อตฺถทสฺสี ตุ ภควา, โลกเชฏฺโ นราสโภ;
วิปินคฺเคน นิยฺยาสิ, หํสราชาว อมฺพเร.
‘‘นโม เต ปุริสาชฺ, จิตฺตํ เต สุวิโสธิตํ;
ปสนฺนมุขวณฺโณสิ, วิปฺปสนฺนมุขินฺทฺริโย.
‘‘โอโรหิตฺวาน อากาสา, ภูริปฺโ สุเมธโส;
สงฺฆาฏึ ปตฺถริตฺวาน, ปลฺลงฺเกน อุปาวิสิ.
‘‘วิลีนํ จนฺทนาทาย, อคมาสึ ชินนฺติกํ;
ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, พุทฺธสฺส อภิโรปยึ.
‘‘อภิวาเทตฺวาน สมฺพุทฺธํ, โลกเชฏฺํ นราสภํ;
ปาโมชฺชํ ชนยิตฺวาน, ปกฺกามึ อุตฺตรามุโข.
‘‘อฏฺารเส กปฺปสเต, จนฺทนํ ยํ อปูชยึ;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.
‘‘จตุทฺทเส กปฺปสเต, อิโต อาสึสุ เต ตโย;
โรหณี นาม นาเมน, จกฺกวตฺตี มหพฺพลา.
‘‘กิเลสา ¶ ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
ยา ปน ภควตา โอวาทวเสน วุตฺตา ‘‘สีหปฺปมตฺโต’’ติ คาถา, ตตฺถ สีหาติ ตสฺส เถรสฺส อาลปนํ. อปฺปมตฺโต วิหราติ สติยา อวิปฺปวาเสน ปมาทวิรหิโต สพฺพิริยาปเถสุ สติสมฺปชฺยุตฺโต หุตฺวา วิหราหิ. อิทานิ ตํ อปฺปมาทวิหารํ สห ผเลน สงฺเขปโต ทสฺเสตุํ ‘‘รตฺตินฺทิว’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตสฺสตฺโถ – รตฺติภาคํ ¶ ทิวสภาคฺจ ‘‘จงฺกเมน นิสชฺชาย อาวรณีเยหิ ธมฺเมหิ จิตฺตํ ปริโสเธตี’’ติ (สํ. นิ. ๔.๒๓๙; อ. นิ. ๓.๑๖; วิภ. ๕๑๙) วุตฺตนเยน จตุสมฺมปฺปธานวเสน อตนฺทิโต อกุสีโต อารทฺธวีริโย กุสลํ สมถวิปสฺสนาธมฺมฺจ โลกุตฺตรธมฺมฺจ ภาเวหิ อุปฺปาเทหิ วฑฺเฒหิ จ, เอวํ ภาเวตฺวา จ ชห สีฆํ สมุสฺสยนฺติ ตว สมุสฺสยํ อตฺตภาวํ ปมํ ตาว ตปฺปฏิพทฺธฉนฺทราคปฺปหาเนน สีฆํ นจิรสฺเสว ปชห, เอวํภูโต จ ปจฺฉา จริมกจิตฺตนิโรเธน อนวเสสโต จ ปชหิสฺสตีติ. อรหตฺตํ ปน ปตฺวา เถโร อฺํ พฺยากโรนฺโต ตเมว คาถํ ปจฺจุทาหาสีติ.
สีหตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. นีตตฺเถรคาถาวณฺณนา
สพฺพรตฺตึ ¶ สุปิตฺวานาติ อายสฺมโต นีตตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล สุนนฺโท นาม พฺราหฺมโณ หุตฺวา อเนกสเต พฺราหฺมเณ มนฺเต วาเจนฺโต วาชเปยฺยํ นาม ยฺํ ยชิ, ภควา ตํ พฺราหฺมณํ อนุกมฺปนฺโต ยฺฏฺานํ คนฺตฺวา อากาเส จงฺกมิ. พฺราหฺมโณ สตฺถารํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส สิสฺเสหิ ปุปฺผานิ อาหราเปตฺวา อากาเส ขิปิตฺวา ปูชํ อกาสิ. พุทฺธานุภาเวน ตํ านํ สกลฺจ นครํ ปุปฺผปฏวิตานิกํ วิย ฉาทิตํ อโหสิ. มหาชโน สตฺถริ อุฬารํ ปีติโสมนสฺสํ ปฏิสํเวเทสิ. สุนนฺทพฺราหฺมโณ เตน กุสลมูเลน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ อฺตรสฺส พฺราหฺมณสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, นีโตติสฺส นามํ อโหสิ. โส วิฺุตํ ปตฺโต ‘‘อิเม สมณา สกฺยปุตฺติยา สุขสีลา สุขสมาจารา สุโภชนานิ ภฺุชิตฺวา นิวาเตสุ เสนาสเนสุ วิหรนฺติ, อิเมสุ ปพฺพชิตฺวา สุเขน วิหริตุํ สกฺกา’’ติ สุขาภิลาสาย ปพฺพชิตฺวาว สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา กติปาหเมว มนสิกริตฺวา ตํ ฉฑฺเฑตฺวา ยาวทตฺถํ อุทราวเทหกํ ภฺุชิตฺวา ทิวสภาคํ สงฺคณิการาโม ติรจฺฉานกถาย วีตินาเมติ, รตฺติภาเคปิ ถินมิทฺธาภิภูโต สพฺพรตฺตึ สุปติ. สตฺถา ตสฺส เหตุปริปากํ โอโลเกตฺวา โอวาทํ เทนฺโต –
‘‘สพฺพรตฺตึ ¶ ¶ สุปิตฺวาน, ทิวา สงฺคณิเก รโต;
กุทาสฺสุ นาม ทุมฺเมโธ, ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสตี’’ติ. – คาถํ อภาสิ;
ตตฺถ สพฺพรตฺตินฺติ สกลํ รตฺตึ. สุปิตฺวานาติ นิทฺทายิตฺวา, ‘‘รตฺติยา ปมํ ยามํ จงฺกเมน นิสชฺชาย อาวรณีเยหิ ธมฺเมหิ จิตฺตํ ปริโสเธตี’’ติอาทินา วุตฺตํ ชาคริยํ อนนุยฺุชิตฺวา เกวลํ รตฺติยา ตีสุปิ ยาเมสุ นิทฺทํ โอกฺกมิตฺวาติ อตฺโถ. ทิวาติ ทิวสํ, สกลํ ทิวสภาคนฺติ อตฺโถ. สงฺคณิเกติ ติรจฺฉานกถิเกหิ กายทฬฺหิพหุลปุคฺคเลหิ ¶ สนฺนิสชฺชา สงฺคณิโก, ตสฺมึ รโต อภิรโต ตตฺถ อวิคตจฺฉนฺโท ‘‘สงฺคณิเก รโต’’ติ วุตฺโต ‘‘สงฺคณิการโต’’ติปิ ปาฬิ. กุทาสฺสุ นามาติ กุทา นาม. อสฺสูติ นิปาตมตฺตํ, กสฺมึ นาม กาเลติ อตฺโถ. ทุมฺเมโธติ นิปฺปฺโ. ทุกฺขสฺสาติ วฏฺฏทุกฺขสฺส. อนฺตนฺติ ปริโยสานํ. อจฺจนฺตเมว อนุปฺปาทํ กทา นาม กริสฺสติ, เอทิสสฺส ทุกฺขสฺสนฺตกรณํ นตฺถีติ อตฺโถ. ‘‘ทุมฺเมธ ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสสี’’ติปิ ปาฬิ.
เอวํ ปน สตฺถารา คาถาย กถิตาย เถโร สํเวคชาโต วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๔.๒๖-๓๓) –
‘‘สุนนฺโท นาม นาเมน, พฺราหฺมโณ มนฺตปารคู;
อชฺฌายโก ยาจโยโค, วาชเปยฺยํ อยาชยิ.
‘‘ปทุมุตฺตโร โลกวิทู, อคฺโค การุณิโก อิสิ;
ชนตํ อนุกมฺปนฺโต, อมฺพเร จงฺกมี ตทา.
‘‘จงฺกมิตฺวาน สมฺพุทฺโธ, สพฺพฺู โลกนายโก;
เมตฺตาย อผริ สตฺเต, อปฺปมาเณ นิรูปธิ.
‘‘วณฺเฏ เฉตฺวาน ปุปฺผานิ, พฺราหฺมโณ มนฺตปารคู;
สพฺเพ สิสฺเส สมาเนตฺวา, อากาเส อุกฺขิปาปยิ.
‘‘ยาวตา นครํ อาสิ, ปุปฺผานํ ฉทนํ ตทา;
พุทฺธสฺส อานุภาเวน, สตฺตาหํ น วิคจฺฉถ.
‘‘เตเนว ¶ สุกฺกมูเลน, อนุโภตฺวาน สมฺปทา;
สพฺพาสเว ปริฺาย, ติณฺโณ โลเก วิสตฺติกํ.
‘‘เอการเส กปฺปสเต, ปฺจตึสาสุ ขตฺติยา;
อมฺพรํสสนามา เต, จกฺกวตฺตี มหพฺพลา.
‘‘กิเลสา ¶ ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหตฺตํ ปน ปตฺวา เถโร อฺํ พฺยากโรนฺโต ตเมว คาถํ ปจฺจุทาหาสิ.
นีตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. สุนาคตฺเถรคาถาวณฺณนา
จิตฺตนิมิตฺตสฺส โกวิโทติ อายสฺมโต สุนาคตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินนฺโต อิโต เอกตฺตึเส กปฺเป สิขิสฺส ภควโต กาเล พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ติณฺณํ เวทานํ ปารคู หุตฺวา อรฺายตเน อสฺสเม วสนฺโต ตีณิ พฺราหฺมณสหสฺสานิ มนฺเต วาเจสิ. อเถกทิวสํ ตสฺส สตฺถารํ ทิสฺวา ลกฺขณานิ อุปธาเรตฺวา ลกฺขณมนฺเต ปริวตฺเตนฺตสฺส, ‘‘อีทิเสหิ ลกฺขเณหิ สมนฺนาคโต อนนฺตชิโน อนนฺตาโณ พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ พุทฺธาณํ อารพฺภ อุฬาโร ปสาโท อุปฺปชฺชิ. โส เตน จิตฺตปฺปสาเทน เทวโลเก นิพฺพตฺโต อปราปรํ เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต ¶ อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท นาลกคาเม อฺตรสฺส พฺราหฺมณสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, สุนาโคติสฺส นามํ อโหสิ. โส ธมฺมเสนาปติสฺส คิหิสหาโย เถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ทสฺสนภูมิยํ ปติฏฺิโต ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๔.๓๔-๔๐) –
‘‘หิมวนฺตสฺสาวิทูเร, วสโภ นาม ปพฺพโต;
ตสฺมึ ปพฺพตปาทมฺหิ, อสฺสโม อาสิ มาปิโต.
‘‘ตีณิ ¶ สิสฺสสหสฺสานิ, วาเจสึ พฺราหฺมโณ ตทา;
สํหริตฺวาน เต สิสฺเส, เอกมนฺตํ อุปาวิสึ.
‘‘เอกมนฺตํ นิสีทิตฺวา, พฺราหฺมโณ มนฺตปารคู;
พุทฺธเวทํ คเวสนฺโต, าเณ จิตฺตํ ปสาทยึ.
‘‘ตตฺถ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, นิสีทึ ปณฺณสนฺถเร;
ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวาน, ตตฺถ กาลงฺกโต อหํ.
‘‘เอกตึเส อิโต กปฺเป, ยํ สฺมลภึ ตทา;
ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, าณสฺายิทํ ผลํ.
‘‘สตฺตวีสติ ¶ กปฺปมฺหิ, ราชา สิริธโร อหุ;
สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหตฺตํ ปน ปตฺวา ภิกฺขูนํ ธมฺมเทสนาปเทเสน อฺํ พฺยากโรนฺโต –
‘‘จิตฺตนิมิตฺตสฺส โกวิโท, ปวิเวกรสํ วิชานิย;
ฌายํ นิปโก ปติสฺสโต, อธิคจฺเฉยฺย สุขํ นิรามิส’’นฺติ. –
คาถํ อภาสิ.
ตตฺถ จิตฺตนิมิตฺตสฺส โกวิโทติ ภาวนาจิตฺตสฺส นิมิตฺตคฺคหเณ กุสโล, ‘‘อิมสฺมึ สมเย จิตฺตํ ปคฺคเหตพฺพํ, อิมสฺมึ สมฺปหํสิตพฺพํ, อิมสฺมึ อชฺฌุเปกฺขิตพฺพ’’นฺติ เอวํ ปคฺคหณาทิโยคฺยสฺส จิตฺตนิมิตฺตสฺส คหเณ เฉโก. ปวิเวกรสํ วิชานิยาติ กายวิเวกสํวฑฺฒิตสฺส จิตฺตวิเวกสฺส รสํ สฺชานิตฺวา, วิเวกสุขํ อนุภวิตฺวาติ อตฺโถ. ‘‘ปวิเวกรสํ ปิตฺวา’’ติ (ธ. ป. ๒๐๕) หิ วุตฺตํ. ฌายนฺติ ปมํ อารมฺมณูปนิชฺฌาเนน ปจฺฉา ลกฺขณูปนิชฺฌาเนน จ ฌายนฺโต. นิปโกติ กมฺมฏฺานปริหรเณ กุสโล. ปติสฺสโตติ อุปฏฺิตสฺสติ. อธิคจฺเฉยฺย สุขํ นิรามิสนฺติ เอวํ สมถนิมิตฺตาทิโกสลฺเลน ลพฺเภ จิตฺตวิเวกสุเข ปติฏฺาย สโต สมฺปชาโน ¶ หุตฺวา วิปสฺสนาฌาเนเนว ฌายนฺโต กามามิสวฏฺฏามิเสหิ อสมฺมิสฺสตาย นิรามิสํ นิพฺพานสุขํ ผลสุขฺจ อธิคจฺเฉยฺย สมุปคจฺเฉยฺยาติ อตฺโถ.
สุนาคตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. นาคิตตฺเถรคาถาวณฺณนา
อิโต ¶ พหิทฺธา ปุถุอฺวาทินนฺติ อายสฺมโต นาคิตตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล นารโท นาม พฺราหฺมโณ หุตฺวา เอกทิวสํ มาฬเก นิสินฺโน ภควนฺตํ ภิกฺขุสงฺเฆน ปุรกฺขตํ คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส ตีหิ คาถาหิ อภิตฺถวิ. โส เตน ปฺุกมฺเมน เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา อปราปรํ ปฺุานิ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท กปิลวตฺถุนคเร สกฺยราชกุเล นิพฺพตฺติ, นาคิโตติสฺส นามํ อโหสิ. โส ภควติ ¶ กปิลวตฺถุสฺมึ วิหรนฺเต มธุปิณฺฑิกสุตฺตํ (ม. นิ. ๑.๑๙๙ อาทโย) สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๔.๔๗-๕๔) –
‘‘วิสาลมาเฬ อาสีโน, อทฺทสํ โลกนายกํ;
ขีณาสวํ พลปฺปตฺตํ, ภิกฺขุสงฺฆปุรกฺขตํ.
‘‘สตสหสฺสา เตวิชฺชา, ฉฬภิฺา มหิทฺธิกา;
ปริวาเรนฺติ สมฺพุทฺธํ, โก ทิสฺวา นปฺปสีทติ.
‘‘าเณ อุปนิธา ยสฺส, น วิชฺชติ สเทวเก;
อนนฺตาณํ สมฺพุทฺธํ, โก ทิสฺวา นปฺปสีทติ.
‘‘ธมฺมกายฺจ ทีเปนฺตํ, เกวลํ รตนากรํ;
วิกปฺเปตุํ น สกฺโกนฺติ, โก ทิสฺวา นปฺปสีทติ.
‘‘อิมาหิ ตีหิ คาถาหิ, นารโทวฺหยวจฺฉโล;
ปทุมุตฺตรํ ถวิตฺวาน, สมฺพุทฺธํ อปราชิตํ.
‘‘เตน ¶ จิตฺตปฺปสาเทน, พุทฺธสนฺถวเนน จ;
กปฺปานํ สตสหสฺสํ, ทุคฺคตึ นุปปชฺชหํ.
‘‘อิโต ตึสกปฺปสเต, สุมิตฺโต นาม ขตฺติโย;
สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหตฺตํ ปน ปตฺวา สตฺถุ อวิตถเทสนตํ ธมฺมสฺส จ นิยฺยานิกตํ นิสฺสาย สฺชาตปีติโสมนสฺโส ปีติเวคปฺปวิสฺสฏฺํ อุทานํ อุทาเนนฺโต –
‘‘อิโต พหิทฺธา ปุถุอฺวาทินํ, มคฺโค น นิพฺพานคโม ยถา อยํ;
อิติสฺสุ สงฺฆํ ภควานุสาสติ, สตฺถา สยํ ปาณิตเลว ทสฺสย’’นฺติ. –
คาถํ อภาสิ.
ตตฺถ อิโต พหิทฺธาติ อิมสฺมา พุทฺธสาสนา พาหิรเก สมเย, เตนาห ‘‘ปุถุอฺวาทิน’’นฺติ, นานาติตฺถิยานนฺติ อตฺโถ. มคฺโค น นิพฺพานคโม ยถา อยนฺติ ยถา อยํ อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค เอกํเสน นิพฺพานํ คจฺฉตีติ นิพฺพานคโม, นิพฺพานคามี, เอวํ นิพฺพานคโม มคฺโค ติตฺถิยสมเย นตฺถิ อสมฺมาสมฺพุทฺธปฺปเวทิตตฺตา อฺติตฺถิยวาทสฺส. เตนาห ภควา –
‘‘อิเธว ¶ , ภิกฺขเว, สมโณ, อิธ ทุติโย สมโณ, อิธ ตติโย สมโณ, อิธ ¶ จตุตฺโถ สมโณ, สฺุา ปรปฺปวาทา สมเณภิ อฺเหี’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๑๔; ม. นิ. ๑.๑๓๙; อ. นิ. ๔.๒๔๑).
อิตีติ เอวํ. อสฺสูติ นิปาตมตฺตํ. สงฺฆนฺติ ภิกฺขุสงฺฆํ, อุกฺกฏฺนิทฺเทโสยํ ยถา ‘‘สตฺถา เทวมนุสฺสาน’’นฺติ. สงฺฆนฺติ วา สมูหํ, เวเนยฺยชนนฺติ อธิปฺปาโย. ภควาติ ภาคฺยวนฺตตาทีหิ การเณหิ ภควา, อยเมตฺถ สงฺเขโป. วิตฺถาโร ปน ปรมตฺถทีปนิยํ อิติวุตฺตกวณฺณนายํ วุตฺตนเยน ¶ เวทิตพฺโพ. สตฺถาติ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺเถหิ ยถารหํ อนุสาสตีติ สตฺถา. สยนฺติ สยเมว. อยฺเหตฺถ อตฺโถ – ‘‘สีลาทิกฺขนฺธตฺตยสงฺคโห สมฺมาทิฏฺิอาทีนํ อฏฺนฺนํ องฺคานํ วเสน อฏฺงฺคิโก นิพฺพานคามี อริยมคฺโค ยถา มม สาสเน อตฺถิ, เอวํ พาหิรกสมเย มคฺโค นาม นตฺถี’’ติ สีหนาทํ นทนฺโต อมฺหากํ สตฺถา ภควา สยเมว สยมฺภูาเณน าตํ, สยเมว วา มหากรุณาสฺโจทิโต หุตฺวา อตฺตโน เทสนาวิลาสสมฺปตฺติยา หตฺถตเล อามลกํ วิย ทสฺเสนฺโต ภิกฺขุสงฺฆํ เวเนยฺยชนตํ อนุสาสติ โอวทตีติ.
นาคิตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. ปวิฏฺตฺเถรคาถาวณฺณนา
ขนฺธา ทิฏฺา ยถาภูตนฺติ อายสฺมโต ปวิฏฺตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ ปฺุํ กโรนฺโต อตฺถทสฺสิสฺส ภควโต กาเล เกสโว นาม ตาปโส หุตฺวา เอกทิวสํ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ปสนฺนมานโส อภิวาเทตฺวา อฺชลึ ปคฺคยฺห ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิ. โส เตน ปฺุกมฺเมน เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา อปราปรํ ปฺุานิ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท มคธรฏฺเ พฺราหฺมณกุเล อุปฺปชฺชิตฺวา อนุกฺกเมน วิฺุตํ ปตฺโต เนกฺขมฺมนินฺนชฺฌาสยตาย ปริพฺพาชกปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ตตฺถ สิกฺขิตพฺพํ สิกฺขิตฺวา ¶ วิจรนฺโต อุปติสฺสโกลิตานํ พุทฺธสาสเน ปพฺพชิตภาวํ สุตฺวา ‘‘เตปิ นาม มหาปฺา ตตฺถ ปพฺพชิตา, ตเทว มฺเ เสยฺโย’’ติ สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิ. ตสฺส สตฺถา วิปสฺสนํ อาจิกฺขิ. โส วิปสฺสนํ อารภิตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺตํ สจฺฉากาสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๔.๕๕-๕๙) –
‘‘นารโท ¶ อิติ เม นามํ, เกสโว อิติ มํ วิทู;
กุสลากุสลํ เอสํ, อคมํ พุทฺธสนฺติกํ.
‘‘เมตฺตจิตฺโต ¶ การุณิโก, อตฺถทสฺสี มหามุนิ;
อสฺสาสยนฺโต สตฺเต โส, ธมฺมํ เทเสติ จกฺขุมา.
‘‘สกํ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, สิเร กตฺวาน อฺชลึ;
สตฺถารํ อภิวาเทตฺวา, ปกฺกามึ ปาจินามุโข.
‘‘สตฺตรเส กปฺปสเต, ราชา อาสิ มหีปติ;
อมิตฺตตาปโน นาม, จกฺกวตฺตี มหพฺพโล.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.
อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อฺํ พฺยากโรนฺโต –
‘‘ขนฺธา ทิฏฺา ยถาภูตํ, ภวา สพฺเพ ปทาลิตา;
วิกฺขีโณ ชาติสํสาโร, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’’ติ. – คาถํ อภาสิ;
ตตฺถ ขนฺธาติ ปฺจุปาทานกฺขนฺธา, เต หิ วิปสฺสนุปลกฺขณโต สามฺลกฺขณโต จ าตปริฺาทีหิ ปริชานนวเสน วิปสฺสิตพฺพา. ทิฏฺา ยถาภูตนฺติ วิปสฺสนาปฺาสหิตาย มคฺคปฺาย ‘‘อิทํ ทุกฺข’’นฺติอาทินา อวิปรีตโต ทิฏฺา. ภวา สพฺเพ ปทาลิตาติ กามภวาทโย สพฺเพ กมฺมภวา อุปปตฺติภวา จ มคฺคาณสตฺเถน ภินฺนา วิทฺธํสิตา. กิเลสปทาลเนเนว หิ กมฺโมปปตฺติภวา ปทาลิตา นาม โหนฺติ. เตนาห ‘‘วิกฺขีโณ ชาติสํสาโร, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’’ติ. ตสฺสตฺโถ เหฏฺา วุตฺโตเยว.
ปวิฏฺตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. อชฺชุนตฺเถรคาถาวณฺณนา
อสกฺขึ วต อตฺตานนฺติ อายสฺมโต อชฺชุนตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินนฺโต วิปสฺสิสฺส ¶ ภควโต กาเล สีหโยนิยํ นิพฺพตฺโต เอกทิวสํ อรฺเ อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล นิสินฺนํ สตฺถารํ ¶ ทิสฺวา ‘‘อยํ โข อิมสฺมึ กาเล สพฺพเสฏฺโ ปุริสสีโห’’ติ ปสนฺนมานโส สุปุปฺผิตสาลสาขํ ¶ ภฺชิตฺวา สตฺถารํ ปูเชสิ. โส เตน ปฺุกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ เสฏฺิกุเล นิพฺพตฺติ. อชฺชุโนติสฺส นามํ อโหสิ. โส วิฺุตํ ปตฺโต นิคณฺเหิ กตปริจโย หุตฺวา ‘‘เอวาหํ อมตํ อธิคมิสฺสามี’’ติ วิวฏฺฏชฺฌาสยตาย ทหรกาเลเยว นิคณฺเสุ ปพฺพชิตฺวา ตตฺถ สารํ อลภนฺโต สตฺถุ ยมกปาฏิหาริยํ ทิสฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ สาสเน ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนํ อารภิตฺวา นจิรสฺเสว อรหา อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๔.๖๐-๖๕) –
‘‘มิคราชา ตทา อาสึ, อภิชาโต สุเกสรี;
คิริทุคฺคํ คเวสนฺโต, อทฺทสํ โลกนายกํ.
‘‘อยํ นุ โข มหาวีโร, นิพฺพาเปติ มหาชนํ;
ยํนูนาหํ อุปาเสยฺยํ, เทวเทวํ นราสภํ.
‘‘สาขํ สาลสฺส ภฺชิตฺวา, สโกสํ ปุปฺผมาหรึ;
อุปคนฺตฺวาน สมฺพุทฺธํ, อทาสึ ปุปฺผมุตฺตมํ.
‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ ปุปฺผมภิโรปยึ;
ทุคฺคตึ นา