📜

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส

ขุทฺทกนิกาเย

เถรคาถา-อฏฺกถา

(ทุติโย ภาโค)

๔. จตุกฺกนิปาโต

๑. นาคสมาลตฺเถรคาถาวณฺณนา

อลงฺกตาติอาทิกา อายสฺมโต นาคสมาลตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต คิมฺหสมเย สูริยาตปสนฺตตฺตาย ภูมิยา คจฺฉนฺตํ สตฺถารํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส ฉตฺตํ อทาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สกฺยราชกุเล นิพฺพตฺติตฺวา นาคสมาโลติ ลทฺธนาโม วยปฺปตฺโต าติสมาคเม ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา กิฺจิ กาลํ ภควโต อุปฏฺาโก อโหสิ. โส เอกทิวสํ นครํ ปิณฺฑาย ปวิฏฺโ อลงฺกตปฏิยตฺตํ อฺตรํ นจฺจกึ มหาปเถ ตูริเยสุ วชฺชนฺเตสุ นจฺจนฺตึ ทิสฺวา, ‘‘อยํ จิตฺตกิริยวาโยธาตุวิปฺผารวเสน กรชกายสฺส ตถา ตถา ปริวตฺติ, อโห อนิจฺจา สงฺขารา’’ติ ขยวยํ ปฏฺเปตฺวา วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๖.๓๗-๔๘) –

‘‘องฺคารชาตา ปถวี, กุกฺกุฬานุคตา มหี;

ปทุมุตฺตโร ภควา, อพฺโภกาสมฺหิ จงฺกมิ.

‘‘ปณฺฑรํ ฉตฺตมาทาย, อทฺธานํ ปฏิปชฺชหํ;

ตตฺถ ทิสฺวาน สมฺพุทฺธํ, วิตฺติ เม อุปปชฺชถ.

‘‘มรีจิโยตฺถฏา ภูมิ, องฺคาราว มหี อยํ;

อุปหนฺติ มหาวาตา, สรีรสฺสาสุเขปนา.

‘‘สีตํ อุณฺหํ วิหนนฺตํ, วาตาตปนิวารณํ;

ปฏิคฺคณฺห อิมํ ฉตฺตํ, ผสฺสยิสฺสามิ นิพฺพุตึ.

‘‘อนุกมฺปโก การุณิโก, ปทุมุตฺตโร มหายโส;

มม สงฺกปฺปมฺาย, ปฏิคฺคณฺหิ ตทา ชิโน.

‘‘ตึสกปฺปานิ เทวินฺโท, เทวรชฺชมการยึ;

สตานํ ปฺจกฺขตฺตุฺจ, จกฺกวตฺตี อโหสหํ.

‘‘ปเทสรชฺชํ วิปุลํ, คณนาโต อสงฺขิยํ;

อนุโภมิ สกํ กมฺมํ, ปุพฺเพ สุกตมตฺตโน.

‘‘อยํ เม ปจฺฉิมา ชาติ, จริโม วตฺตเต ภโว;

อชฺชาปิ เสตจฺฉตฺตํ เม, สพฺพกาลํ ธรียติ.

‘‘สตสหสฺสิโต กปฺเป, ยํ ฉตฺตมททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ฉตฺตทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา –

๒๖๗.

‘‘อลงฺกตา สุวสนา, มาลินี จนฺทนุสฺสทา;

มชฺเฌ มหาปเถ นารี, ตูริเย นจฺจติ นฏฺฏกี.

๒๖๘.

‘‘ปิณฺฑิกาย ปวิฏฺโหํ, คจฺฉนฺโต นํ อุทิกฺขิสํ;

อลงฺกตํ สุวสนํ, มจฺจุปาสํว โอฑฺฑิตํ.

๒๖๙.

‘‘ตโต เม มนสีกาโร, โยนิโส อุทปชฺชถ;

อาทีนโว ปาตุรหุ, นิพฺพิทา สมติฏฺถ.

๒๗๐.

‘‘ตโต จิตฺตํ วิมุจฺจิ เม, ปสฺส ธมฺมสุธมฺมตํ;

ติสฺโส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ. –

จตูหิ คาถาหิ อตฺตโน ปฏิปตฺติกิตฺตนมุเขน อฺํ พฺยากาสิ.

ตตฺถ อลงฺกตาติ หตฺถูปคาทิอาภรเณหิ อลงฺกตคตฺตา. สุวสนาติ สุนฺทรวสนา โสภนวตฺถนิวตฺถา. มาลินีติ มาลาธารินี ปิฬนฺธิตปุปฺผมาลา. จนฺทนุสฺสทาติ จนฺทนานุเลปลิตฺตสรีรา. มชฺเฌ มหาปเถ นารี, ตูริเย นจฺจติ นฏฺฏกีติ ยถาวุตฺตฏฺาเน เอกา นารี นฏฺฏกี นาฏกิตฺถี นครวีถิยา มชฺเฌ ปฺจงฺคิเก ตูริเย วชฺชนฺเต นจฺจติ, ยถาปฏฺปิตํ นจฺจํ กโรติ.

ปิณฺฑิกายาติ ภิกฺขาย. ปวิฏฺโหนฺติ นครํ ปวิฏฺโ อหํ. คจฺฉนฺโต นํ อุทิกฺขิสนฺติ นครวีถิยํ คจฺฉนฺโต ปริสฺสยปริหรณตฺถํ วีถึ โอโลเกนฺโต ตํ นฏฺฏกึ โอโลเกสึ. กึ วิย? มจฺจุปาสํว โอฑฺฑิตนฺติ ยถา มจฺจุสฺส มจฺจุราชสฺส ปาสภูโต รูปาทิโก โอฑฺฑิโต โลเก อนุวิจริตฺวา ิโต เอกํเสน สตฺตานํ อนตฺถาวโห, เอวํ สาปิ อปฺปฏิสงฺขาเน ิตานํ อนฺธปุถุชฺชนานํ เอกํสโต อนตฺถาวหาติ มจฺจุปาสสทิสี วุตฺตา.

ตโตติ ตสฺมา มจฺจุปาสสทิสตฺตา. เมติ มยฺหํ. มนสีกาโร โยนิโส อุทปชฺชถาติ ‘‘อยํ อฏฺิสงฺฆาโต นฺหารุสมฺพนฺโธ มํเสน อนุปลิตฺโต ฉวิยา ปฏิจฺฉนฺโน อสุจิทุคฺคนฺธเชคุจฺฉปฏิกฺกูโล อนิจฺจุจฺฉาทนปริมทฺทนเภทนวิทฺธํสนธมฺโม อีทิเส วิกาเร ทสฺเสตี’’ติ เอวํ โยนิโส มนสิกาโร อุปฺปชฺชิ. อาทีนโว ปาตุรหูติ เอวํ กายสฺส สภาวูปธารณมุเขน ตสฺส จ ตํนิสฺสิตานฺจ จิตฺตเจตสิกานํ อุทยพฺพยํ สรสปภงฺคุตฺจ มนสิ กโรโต เตสุ จ ยกฺขรกฺขสาทีสุ วิย ภยโต อุปฏฺหนฺเตสุ ตตฺถ เม อเนกาการอาทีนโว โทโส ปาตุรโหสิ. ตปฺปฏิปกฺขโต จ นิพฺพาเน อานิสํโส. นิพฺพิทา สมติฏฺถาติ นิพฺพินฺทนํ อาทีนวานุปสฺสนานุภาวสิทฺธํ นิพฺพิทาาณํ มม หทเย สณฺาสิ, มุหุตฺตมฺปิ เตสํ รูปารูปธมฺมานํ คหเณ จิตฺตํ นาโหสิ, อฺทตฺถุ มุฺจิตุกามตาทิวเสน ตตฺถ อุทาสีนเมว ชาตนฺติ อตฺโถ.

ตโตติ วิปสฺสนาาณโต ปรํ. จิตฺตํ วิมุจฺจิ เมติ โลกุตฺตรภาวนาย วตฺตมานาย มคฺคปฏิปาฏิยา สพฺพกิเลเสหิ มม จิตฺตํ วิมุตฺตํ อโหสิ. เอเตน ผลุปฺปตฺตึ ทสฺเสติ. มคฺคกฺขเณ หิ กิเลสา วิมุจฺจนฺติ นาม, ผลกฺขเณ วิมุตฺตาติ. เสสํ วุตฺตนยเมว.

นาคสมาลตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. ภคุตฺเถรคาถาวณฺณนา

อหํ มิทฺเธนาติอาทิกา อายสฺมโต ภคุตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต สตฺถริ ปรินิพฺพุเต ตสฺส ธาตุโย ปุปฺเผหิ ปูเชสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน นิมฺมานรตีสุ นิพฺพตฺติตฺวา อปราปรํ เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สกฺยราชกุเล นิพฺพตฺติตฺวา ภคูติ ลทฺธนาโม วยปฺปตฺโต อนุรุทฺธกิมิเลหิ สทฺธึ นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิตฺวา พาลกโลณกคาเม วสนฺโต เอกทิวสํ ถินมิทฺธาภิภวํ วิโนเทตุํ วิหารโต นิกฺขมฺม จงฺกมํ อภิรุหนฺโต ปปติตฺวา ตเทว องฺกุสํ กตฺวา ถินมิทฺธํ วิโนเทตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๖.๔๙-๕๗) –

‘‘ปรินิพฺพุเต ภควติ, ปทุมุตฺตเร มหายเส;

ปุปฺผวฏํสเก กตฺวา, สรีรมภิโรปยึ.

‘‘ตตฺถ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, นิมฺมานํ อคมาสหํ;

เทวโลกคโต สนฺโต, ปุฺกมฺมํ สรามหํ.

‘‘อมฺพรา ปุปฺผวสฺโส เม, สพฺพกาลํ ปวสฺสติ;

สํสรามิ มนุสฺเส เจ, ราชา โหมิ มหายโส.

‘‘ตหึ กุสุมวสฺโส เม, อภิวสฺสติ สพฺพทา;

ตสฺเสว ปุปฺผปูชาย, วาหสา สพฺพทสฺสิโน.

‘‘อยํ ปจฺฉิมโก มยฺหํ, จริโม วตฺตเต ภโว;

อชฺชาปิ ปุปฺผวสฺโส เม, อภิวสฺสติ สพฺพทา.

‘‘สตสหสฺสิโต กปฺเป, ยํ ปุปฺผมภิโรปยึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, เทหปูชายิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา ผลสุเขน นิพฺพานสุเขน จ วีตินาเมนฺโต สตฺถารา เอกวิหารํ อนุโมทิตุํ อุปคเตน – ‘‘กจฺจิ ตฺวํ, ภิกฺขุ, อปฺปมตฺโต วิหรสี’’ติ ปุฏฺโ อตฺตโน อปฺปมาทวิหารํ นิเวเทนฺโต –

๒๗๑.

‘‘อหํ มิทฺเธน ปกโต, วิหารา อุปนิกฺขมึ;

จงฺกมํ อภิรุหนฺโต, ตตฺเถว ปปตึ ฉมา.

๒๗๒.

‘‘คตฺตานิ ปริมชฺชิตฺวา, ปุนปารุยฺห จงฺกมํ;

จงฺกเม จงฺกมึ โสหํ, อชฺฌตฺตํ สุสมาหิโต.

๒๗๓.

‘‘ตโต เม มนสีกาโร, โยนิโส อุทปชฺชถ;

อาทีนโว ปาตุรหุ, นิพฺพิทา สมติฏฺถ.

๒๗๔.

‘‘ตโต จิตฺตํ วิมุจฺจิ เม, ปสฺส ธมฺมสุธมฺมตํ;

ติสฺโส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ. –

อิมา จตสฺโส คาถา อภาสิ.

ตตฺถ มิทฺเธน ปกโตติ กายาลสิยสงฺขาเตน อสตฺติวิฆาตสภาเวน มิทฺเธน อภิภูโต. วิหาราติ เสนาสนโต. อุปนิกฺขมินฺติ จงฺกมิตุํ นิกฺขมึ. ตตฺเถว ปปตึ ฉมาติ ตตฺเถว จงฺกมโสปาเน นิทฺทาภิภูตตาย ภูมิยํ นิปตึ. คตฺตานิ ปริมชฺชิตฺวาติ ภูมิยํ ปตเนน ปํสุกิตานิ อตฺตโน สรีราวยวานิ อนุมชฺชิตฺวา. ปุนปารุยฺห จงฺกมนฺติ ‘‘ปติโต ทานาห’’นฺติ สงฺโกจํ อนาปชฺชิตฺวา ปุนปิ จงฺกมฏฺานํ อารุหิตฺวา. อชฺฌตฺตํ สุสมาหิโตติ โคจรชฺฌตฺเต กมฺมฏฺาเน นีวรณวิกฺขมฺภเนน สุฏฺุ สมาหิโต เอกคฺคจิตฺโต หุตฺวา จงฺกมินฺติ โยชนา. เสสํ วุตฺตนยเมว. อิทเมว จ เถรสฺส อฺาพฺยากรณํ อโหสิ.

ภคุตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. สภิยตฺเถรคาถาวณฺณนา

ปเร จาติอาทิกา อายสฺมโต สภิยตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต กกุสนฺธสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ สตฺถารํ ทิวาวิหาราย คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส อุปาหนํ อทาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต กสฺสเป ภควติ ปรินิพฺพุเต ปติฏฺิเต สุวณฺณเจติเย ฉหิ กุลปุตฺเตหิ สทฺธึ อตฺตสตฺตโม สาสเน ปพฺพชิตฺวา กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อรฺเ วิหรนฺโต วิเสสํ นิพฺพตฺเตตุํ อสกฺโกนฺโต อิตเร อาห – ‘‘มยํ ปิณฺฑปาตาย คจฺฉนฺโต ชีวิเต สาเปกฺขา โหม, ชีวิเต สาเปกฺเขน จ น สกฺกา โลกุตฺตรธมฺมํ อธิคนฺตุํ, ปุถุชฺชนกาลงฺกิริยา จ ทุกฺขา. หนฺท, มยํ นิสฺเสณึ พนฺธิตฺวา ปพฺพตํ อภิรุยฺห กาเย จ ชีวิเต จ อนเปกฺขา สมณธมฺมํ กโรมา’’ติ. เต ตถา อกํสุ.

อถ เนสํ มหาเถโร อุปนิสฺสยสมฺปนฺนตฺตา ตทเหว ฉฬภิฺโ หุตฺวา อุตฺตรกุรุโต ปิณฺฑปาตํ อุปเนสิ. อิตเร – ‘‘ตุมฺเห, ภนฺเต, กตกิจฺจา ตุมฺเหหิ สทฺธึ สลฺลาปมตฺตมฺปิ ปปฺโจ, สมณธมฺมเมว มยํ กริสฺสาม, ตุมฺเห อตฺตนา ทิฏฺธมฺมสุขวิหารมนุยุฺชถา’’ติ วตฺวา ปิณฺฑปาตํ ปฏิกฺขิปึสุ. เถโร เน สมฺปฏิจฺฉาเปตุํ อสกฺโกนฺโต อคมาสิ.

ตโต เนสํ เอโก ทฺวีหตีหจฺจเยน อภิฺาปริวารํ อนาคามิผลํ สจฺฉิกตฺวา ตเถว วตฺวา เตหิ ปฏิกฺขิตฺโต อคมาสิ. เตสุ ขีณาสวตฺเถโร ปรินิพฺพายิ, อนาคามี สุทฺธาวาเสสุ อุปฺปชฺชิ. อิตเร ปุถุชฺชนกาลงฺกิริยเมว กตฺวา ฉสุ กามสคฺเคสุ อนุโลมปฏิโลมโต ทิพฺพสมฺปตฺตึ อนุภวิตฺวา อมฺหากํ ภควโต กาเล เทวโลกา จวิตฺวา เอโก มลฺลราชกุเล ปฏิสนฺธึ คณฺหิ, เอโก คนฺธารราชกุเล, เอโก พาหิรรฏฺเ, เอโก ราชคเห เอกิสฺสา กุลทาริกาย กุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. อิตโร อฺตริสฺสา ปริพฺพาชิกาย กุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ อคฺคเหสิ. สา กิร อฺตรสฺส ขตฺติยสฺส ธีตา, นํ มาตาปิตโร – ‘‘อมฺหากํ ธีตา สมยนฺตรํ ชานาตู’’ติ เอกสฺส ปริพฺพาชกสฺส นิยฺยาทยึสุ. อเถโก ปริพฺพาชโก ตาย สทฺธึ วิปฺปฏิปชฺชิ. สา เตน คพฺภํ คณฺหิ. ตํ คพฺภินึ ทิสฺวา ปริพฺพาชกา นิกฺกฑฺฒึสุ. สา อฺตฺถ คจฺฉนฺตี อนฺตรามคฺเค สภายํ วิชายิ. เตนสฺส สภิโยตฺเวว นามํ อกาสิ. โส วฑฺฒิตฺวา ปริพฺพาชกปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา นานาสตฺถานิ อุคฺคเหตฺวา มหาวาที หุตฺวา วาทปฺปสุโต วิจรนฺโต อตฺตนา สทิสํ อทิสฺวา นครทฺวาเร อสฺสมํ กาเรตฺวา ขตฺติยกุมาราทโย สิปฺปํ สิกฺขาเปนฺโต วิหรนฺโต อตฺตโน มาตุยา อิตฺถิภาวํ ชิคุจฺฉิตฺวา ฌานํ อุปฺปาเทตฺวา พฺรหฺมโลเก อุปฺปนฺนาย อภิสงฺขริตฺวา ทินฺเน วีสติปฺเห คเหตฺวา เต เต สมณพฺราหฺมเณ ปุจฺฉิ. เต จสฺส เตสํ ปฺหานํ อตฺถํ พฺยากาตุํ นาสกฺขึสุ. สภิยสุตฺตวณฺณนายํ (สุ. นิ. อฏฺ. ๒. สภิยสุตฺตวณฺณนา) ปน ‘‘สุทฺธาวาสพฺรหฺมา เต ปฺเห อภิสงฺขริตฺวา อทาสี’’ติ อาคตํ.

ยทา ปน ภควา ปวตฺตวรธมฺมจกฺโก อนุปุพฺเพน ราชคหํ อาคนฺตฺวา เวฬุวเน วิหาสิ, ตทา สภิโย ตตฺถ คนฺตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา เต ปฺเห ปุจฺฉิ. สตฺถา ตสฺส เต ปฺเห พฺยากาสีติ สพฺพํ สภิยสุตฺเต (สุ. นิ. สภิยสุตฺตํ) อาคตนเยน เวทิตพฺพํ. สภิโย ปน ภควตา เตสุ ปฺเหสุ พฺยากเตสุ ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๖.๒๗-๓๑) –

‘‘กกุสนฺธสฺส มุนิโน, พฺราหฺมณสฺส วุสีมโต;

ทิวาวิหารํ วชโต, อกฺกมนมทาสหํ.

‘‘อิมสฺมึเยว กปฺปมฺหิ, ยํ ทานมททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, อกฺกมนสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหา ปน หุตฺวา เทวทตฺเต สงฺฆเภทาย ปรกฺกมนฺเต เทวทตฺตปกฺขิกานํ ภิกฺขูนํ โอวาทํ เทนฺโต –

๒๗๕.

‘‘ปเร จ น วิชานนฺติ, มยเมตฺถ ยมามเส;

เย จ ตตฺถ วิชานนฺติ, ตโต สมฺมนฺติ เมธคา.

๒๗๖.

‘‘ยทา จ อวิชานนฺตา, อิริยนฺตฺยมรา วิย;

วิชานนฺติ จ เย ธมฺมํ, อาตุเรสุ อนาตุรา.

๒๗๗.

‘‘ยํ กิฺจิ สิถิลํ กมฺมํ, สํกิลิฏฺฺจ ยํ วตํ;

สงฺกสฺสรํ พฺรหฺมจริยํ, น ตํ โหติ มหปฺผลํ.

๒๗๘.

‘‘ยสฺส สพฺรหฺมจารีสุ, คารโว นูปลพฺภติ;

อารกา โหติ สทฺธมฺมา, นภํ ปุถวิยา ยถา’’ติ. –

จตูหิ คาถาหิ ธมฺมํ เทเสสิ.

ตตฺถ ปเรติ ปณฺฑิเต เปตฺวา ตโต อฺเ – ‘‘อธมฺมํ ธมฺโม’’ติ ‘‘ธมฺมํ อธมฺโม’’ติอาทิเภทกรวตฺถุทีปนวเสน วิวาทปฺปสุตา ปเร นาม. เต ตตฺถ วิวาทํ กโรนฺตา ‘‘มยํ ยมามเส อุปรมาม นสฺสาม สตตํ สมิตํ มจฺจุสนฺติกํ คจฺฉามา’’ติ น ชานนฺติ. เย จ ตตฺถ วิชานนฺตีติ เย ตตฺถ ปณฺฑิตา – ‘‘มยํ มจฺจุสมีปํ คจฺฉามา’’ติ วิชานนฺติ. ตโต สมฺมนฺติ เมธคาติ เอวฺหิ เต ชานนฺตา โยนิโสมนสิการํ อุปฺปาเทตฺวา เมธคานํ กลหานํ วูปสมาย ปฏิปชฺชนฺติ. อถ เนสํ ตาย ปฏิปตฺติยา เต เมธคา สมฺมนฺติ. อถ วา ปเร จาติ เย สตฺถุ โอวาทานุสาสนิยา อคฺคหเณน สาสนโต พาหิรตาย ปเร, เต ยาว ‘‘มยํ มิจฺฉาคาหํ คเหตฺวา เอตฺถ อิธ โลเก สาสนสฺส ปฏินิคฺคาเหน ยมามเส วายมามา’’ติ น วิชานนฺติ, ตาว วิวาทา น วูปสมฺมนฺติ, ยทา ปน ตสฺส คาหสฺส วิสฺสชฺชนวเสน เย จ ตตฺถ เตสุ วิวาทปฺปสุเตสุ อธมฺมธมฺมาทิเก อธมฺมธมฺมาทิโต ยถาภูตํ วิชานนฺติ, ตโต เตสํ สนฺติกา เต ปณฺฑิตปุริเส นิสฺสาย วิวาทสงฺขาตา เมธคา สมฺมนฺตีติ เอวมฺเปตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.

ยทาติ ยสฺมึ กาเล. อวิชานนฺตาติ วิวาทสฺส วูปสมูปายํ, ธมฺมาธมฺเม วา ยาถาวโต อชานนฺตา. อิริยนฺตฺยมรา วิยาติ อมรา วิย ชรามรณํ อติกฺกนฺตา วิย อุทฺธตา อุนฺนฬา จปลา มุขรา วิปฺปกิณฺณวาจา หุตฺวา วตฺตนฺติ จรนฺติ วิจรนฺติ ตทา วิวาโท น วูปสมฺมเตว. วิชานนฺติ จ เย ธมฺมํ, อาตุเรสุ อนาตุราติ เย ปน สตฺถุ สาสนธมฺมํ ยถาภูตํ ชานนฺติ, เต กิเลสโรเคน อาตุเรสุ สตฺเตสุ อนาตุรา นิกฺกิเลสา อนีฆา วิหรนฺติ, เตสํ วเสน วิวาโท อจฺจนฺตเมว วูปสมฺมตีติ อธิปฺปาโย.

ยํ กิฺจิ สิถิลํ กมฺมนฺติ โอลิยิตฺวา กรเณน สิถิลคาหํ กตฺวา สาถลิภาเวน กตํ ยํ กิฺจิ กุสลกมฺมํ. สํกิลิฏฺนฺติ เวสีอาทิเก อโคจเร จรเณน, กุหนาทิมิจฺฉาชีเวน วา สํกิลิฏฺํ วตสมาทานํ. สงฺกสฺสรนฺติ สงฺกาหิ สริตพฺพํ, วิหาเร กิฺจิ อสารุปฺปํ สุตฺวา – ‘‘นูน อสุเกน กต’’นฺติ ปเรหิ อสงฺกิตพฺพํ, อุโปสถกิจฺจาทีสุ อฺตรกิจฺจวเสน สนฺนิปติตมฺปิ สงฺฆํ ทิสฺวา, ‘‘อทฺธา อิเม มม จริยํ ตฺวา มํ อุกฺขิปิตุกามา สนฺนิปติตา’’ติ เอวํ อตฺตโน วา อาสงฺกาหิ สริตํ อุสงฺกิตํ ปริสงฺกิตํ. น ตํ โหตีติ ตํ เอวรูปํ พฺรหฺมจริยํ สมณธมฺมกรณํ ตสฺส ปุคฺคลสฺส มหปฺผลํ น โหติ. ตสฺส อมหปฺผลภาเวเนว ปจฺจยทายกานมฺปิสฺส น มหปฺผลํ โหติ. ตสฺมา สลฺเลขวุตฺตินา ภวิตพฺพํ. สลฺเลขวุตฺติโน จ วิวาทสฺส อวสโร เอว นตฺถีติ อธิปฺปาโย.

คารโว นูปลพฺภตีติ อนุสาสนิยา อปทกฺขิณคฺคาหิภาเวน ครุกาตพฺเพสุ สพฺรหฺมจารีสุ ยสฺส ปุคฺคลสฺส คารโว ครุกรณํ น วิชฺชติ. อารกา โหติ สทฺธมฺมาติ โส เอวรูโป ปุคฺคโล ปฏิปตฺติสทฺธมฺมโตปิ ปฏิเวธสทฺธมฺมโตปิ ทูเร โหติ, น หิ ตํ ครู สิกฺขาเปนฺติ, อสิกฺขิยมาโน อนาทิยนฺโต น ปฏิปชฺชติ, อปฺปฏิปชฺชนฺโต กุโต สจฺจานิ ปฏิวิชฺฌิสฺสตีติ. เตนาห – ‘‘อารกา โหติ สทฺธมฺมา’’ติ. ยถา กึ? ‘‘นภํ ปุถวิยา ยถา’’ติ ยถา นภํ อากาสํ ปุถวิยา ปถวีธาตุยา สภาวโต ทูเร. น กทาจิ สมฺมิสฺสภาโว. เตเนวาห –

‘‘นภฺจ ทูเร ปถวี จ ทูเร, ปารํ สมุทฺทสฺส ตทาหุ ทูเร;

ตโต หเว ทูรตรํ วทนฺติ, สตฺจ ธมฺโม อสตฺจ ราชา’’ติ.(ชา. ๒.๒๑.๔๑๔);

สภิยตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. นนฺทกตฺเถรคาถาวณฺณนา

ธิรตฺถูติอาทิกา อายสฺมโต นนฺทกตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล หํสวตีนคเร มหาวิภโว เสฏฺิ หุตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ ภิกฺขุโนวาทกานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถตฺวา สตสหสฺสคฺฆนิเกน วตฺเถน ภควนฺตํ ปูเชตฺวา ปณิธานมกาสิ, สตฺถุ โพธิรุกฺเข ปทีปปูชฺจ ปวตฺเตติ. โส ตโต ปฏฺาย เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต กกุสนฺธสฺส ภควโต กาเล กรวิกสกุโณ หุตฺวา มธุรกูชิตํ กูชนฺโต สตฺถารํ ปทกฺขิณํ อกาสิ. อปรภาเค มยูโร หุตฺวา อฺตรสฺส ปจฺเจกพุทฺธสฺส วสนคุหาย ทฺวาเร ปสนฺนมานโส ทิวเส ทิวเส ติกฺขตฺตุํ มธุรวสฺสิตํ วสฺสิ, เอวํ ตตฺถ ตตฺถ ปุฺานิ กตฺวา อมฺหากํ ภควโต กาเล สาวตฺถิยํ กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา นนฺทโกติ ลทฺธนาโม วยปฺปตฺโต สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๖.๒๒-๒๖) –

‘‘ปทุมุตฺตรพุทฺธสฺส โพธิยา ปาทปุตฺตเม;

ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, ตโย อุกฺเก อธารยึ.

‘‘สตสหสฺสิโต กปฺเป, โสหํ อุกฺกมธารยึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, อุกฺกทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหา ปน หุตฺวา วิมุตฺติสุเขน วีตินาเมนฺโต สตฺถารา ภิกฺขุนีนํ โอวาเท อาณตฺโต เอกสฺมึ อุโปสถทิวเส ปฺจ ภิกฺขุนิสตานิ เอโกวาเทเนว อรหตฺตํ ปาเปสิ. เตน นํ ภควา ภิกฺขุโนวาทกานํ อคฺคฏฺาเน เปสิ. อเถกทิวสํ เถรํ สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จรนฺตํ อฺตรา ปุราณทุติยิกา อิตฺถี กิเลสวเสน โอโลเกตฺวา หสิ. เถโร ตสฺสา ตํ กิริยํ ทิสฺวา สรีรสฺส ปฏิกฺกูลวิภาวนมุเขน ธมฺมํ กเถนฺโต –

๒๗๙.

‘‘ธิรตฺถุ ปูเร ทุคฺคนฺเธ, มารปกฺเข อวสฺสุเต;

นวโสตานิ เต กาเย, ยานิ สนฺทนฺติ สพฺพทา.

๒๘๐.

‘‘มา ปุราณํ อมฺิตฺโถ, มาสาเทสิ ตถาคเต;

สคฺเคปิ เต น รชฺชนฺติ, กิมงฺคํ ปน มานุเส.

๒๘๑.

‘‘เย จ โข พาลา ทุมฺเมธา, ทุมฺมนฺตี โมหปารุตา;

ตาทิสา ตตฺถ รชฺชนฺติ, มารขิตฺตมฺหิ พนฺธเน.

๒๘๒.

‘‘เยสํ ราโค จ โทโส จ, อวิชฺชา จ วิราชิตา;

ตาที ตตฺถ น รชฺชนฺติ, ฉินฺนสุตฺตา อพนฺธนา’’ติ. – คาถา อภาสิ;

ตตฺถ ธีติ ชิคุจฺฉนตฺเถ นิปาโต, รตฺถูติ ร-กาโร ปทสนฺธิกโร, ธี อตฺถุ ตํ ชิคุจฺฉามิ ตว ธิกฺกาโร โหตูติ อตฺโถ. ปูเรติอาทีนิ ตสฺสา ธิกฺกาตพฺพภาวทีปนานิ อามนฺตนวจนานิ. ปูเรติ อติวิย เชคุจฺเฉหิ นานากุณเปหิ นานาวิธอสุจีหิ สมฺปุณฺเณ. ทุคฺคนฺเธติ กุณปปูริตตฺตา เอว สภาวทุคฺคนฺเธ. มารปกฺเขติ ยสฺมา วิสภาควตฺถุ อนฺธปุถุชฺชนานํ อโยนิโสมนสิการนิมิตฺตตาย กิเลสมารํ วฑฺเฒติ, เทวปุตฺตมารสฺส จ โอตารํ ปวิฏฺํ เทติ. ตสฺมา มารสฺส ปกฺโข โหติ. เตน วุตฺตํ ‘‘มารปกฺเข’’ติ. อวสฺสุเตติ สพฺพกาลํ กิเลสาวสฺสวเนน ตหึ ตหึ อสุจินิสฺสนฺทเนน จ อวสฺสุเต. อิทานิสฺสา นวโสตานิ เต กาเย, ยานิ สนฺทนฺติ สพฺพทาติ ‘‘อกฺขิมฺหา อกฺขิคูถโก’’ติอาทินา (สุ. นิ. ๑๙๙) วุตฺตํ อสุจิโน อวสฺสวนฏฺานํ ทสฺเสติ.

เอวํ ปน นวฉิทฺทํ ธุวสฺสวํ อสุจิภริตํ กายํ ยถาภูตํ ชานนฺตี มา ปุราณํ อมฺิตฺโถติ ปุราณํ อชานนกาเล ปวตฺตํ หสิตลปิตํ กีฬิตํ มา มฺิ, ‘‘อิทานิปิ เอวํ ปฏิปชฺชิสฺสตี’’ติ มา จินฺเตหิ. มาสาเทสิ ตถาคเตติ ยถา อุปนิสฺสยสมฺปตฺติยา ปุริมกา พุทฺธสาวกา อาคตา, ยถา วา เต สมฺมาปฏิปตฺติยา คตา ปฏิปนฺนา, ยถา จ รูปารูปธมฺมานํ ตถลกฺขณํ ตถธมฺเม จ อริยสจฺจานิ อาคตา อธิคตา อวพุทฺธา, ตถา อิเมปีติ เอวํ ตถา อาคมนาทิอตฺเถน ตถาคเต อริยสาวเก ปกติสตฺเต วิย อวฺาย กิเลสวเสน จ อุปสงฺกมมานา มาสาเทสิ. อนาสาเทตพฺพตาย การณมาห. สคฺเคปิ เต น รชฺชนฺติ, กิมงฺคํ ปน มานุเสติ สพฺพฺุพุทฺเธนาปิ อกฺขาเนน ปริโยสาเปตุํ อสกฺกุเณยฺยสุเข สคฺเคปิ เต สาวกพุทฺธา น รชฺชนฺติ, สงฺขาเรสุ อาทีนวสฺส สุปริทิฏฺตฺตา ราคํ น ชเนนฺติ, กิมงฺคํ ปน มีฬฺหราสิสทิเส มานุเส กามคุเณ, ตตฺถ น รชฺชนฺตีติ วตฺตพฺพเมว นตฺถิ.

เย จ โขติ เย ปน พาลฺยปฺปโยคโต พาลา, ธมฺโมชปฺาย อภาวโต ทุมฺเมธา, อสุเภ สุภานุปสฺสเนน ทุจินฺติตจินฺติตาย ทุมฺมนฺตี, โมเหน อฺาเณน สพฺพโส ปฏิจฺฉาทิตจิตฺตตาย โมหปารุตา ตาทิสา ตถารูปา อนฺธปุถุชฺชนา, ตตฺถ ตสฺมึ อิตฺถิสฺิเต, มารขิตฺตมฺหิ พนฺธเน มาเรน โอฑฺฑิเต มารปาเส, รชฺชนฺติ รตฺตา คิทฺธา คธิตา มุจฺฉิตา อชฺโฌปนฺนา ติฏฺนฺติ.

วิราชิตาติ เยสํ ปน ขีณาสวานํ เตลฺชนราโค วิย ทุมฺโมจนียสภาโว ราโค สปตฺโต วิย ลทฺโธกาโส ทุสฺสนสภาโว โทโส อฺาณสภาวา อวิชฺชา จ อริยมคฺควิราเคน สพฺพโส วิราชิตา ปหีนา สมุจฺฉินฺนา, ตาทิสา อคฺคมคฺคสตฺเถน ฉินฺนภวเนตฺติสุตฺตา ตโต เอว กตฺถจิปิ พนฺธนาภาวโต อพนฺธนา ตตฺถ ตสฺมึ ยถาวุตฺเต มารปาเส น รชฺชนฺติ. เอวํ เถโร ตสฺสา อิตฺถิยา ธมฺมํ กเถตฺวา คโต.

นนฺทกตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. ชมฺพุกตฺเถรคาถาวณฺณนา

ปฺจปฺาสาติอาทิกา อายสฺมโต ชมฺพุกตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต ติสฺสสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต สตฺถุ สมฺมาสมฺโพธึ สทฺทหนฺโต โพธิรุกฺขํ วนฺทิตฺวา พีชเนน ปูเชสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต กสฺสปสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต สาสเน ปพฺพชิตฺวา อฺตเรน อุปาสเกน การิเต อาราเม อาวาสิโก หุตฺวา วิหรติ เตน อุปฏฺียมาโน. อเถกทิวสํ เอโก ขีณาสวตฺเถโร ลูขจีวรธโร เกโสหรณตฺถํ อรฺโต คามาภิมุโข อาคจฺฉติ, ตํ ทิสฺวา โส อุปาสโก อิริยาปเถ ปสีทิตฺวา กปฺปเกน เกสมสฺสูนิ โอหาราเปตฺวา ปณีตโภชนํ โภเชตฺวา สุนฺทรานิ จีวรานิ ทตฺวา ‘‘อิเธว, ภนฺเต, วสถา’’ติ วสาเปติ. ตํ ทิสฺวา อาวาสิโก อิสฺสามจฺเฉรปกโต ขีณาสวตฺเถรํ อาห – ‘‘วรํ เต, ภิกฺขุ, อิมินา ปาปุปาสเกน อุปฏฺียมานสฺส เอวํ อิธ วสนโต องฺคุลีหิ เกเส ลุฺจิตฺวา อเจลสฺส สโต คูถมุตฺตาหารชีวน’’นฺติ. เอวฺจ ปน วตฺวา ตาวเทว วจฺจกุฏึ ปวิสิตฺวา ปายาสํ วฑฺเฒนฺโต วิย หตฺเถน คูถํ วฑฺเฒตฺวา วฑฺเฒตฺวา ยาวทตฺถํ ขาทิ, มุตฺตฺจ ปิวิ. อิมินา นิยาเมน ยาวตายุกํ ตฺวา กาลงฺกตฺวา นิรเย ปจฺจิตฺวา ปุน คูถมุตฺตาหาโร วสิตฺวา ตสฺเสว กมฺมสฺส วิปากาวเสเสน มนุสฺเสสุ อุปฺปนฺโนปิ ปฺจ ชาติสตานิ นิคณฺโ หุตฺวา คูถภกฺโข อโหสิ.

ปุน อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท มนุสฺสโยนิยํ นิพฺพตฺตมาโนปิ อริยูปวาทพเลน ทุคฺคตกูเล นิพฺพตฺติตฺวา ถฺํ วา ขีรํ วา สปฺปึ วา ปายมาโน, ตํ ฉฑฺเฑตฺวา มุตฺตเมว ปิวติ, โอทนํ โภชิยมาโน, ตํ ฉฑฺเฑตฺวา คูถเมว ขาทติ, เอวํ คูถมุตฺตปริโภเคน วฑฺฒนฺโต วยปฺปตฺโตปิ ตเทว ปริภุฺชติ. มนุสฺสา ตโต วาเรตุํ อสกฺโกนฺตา ปริจฺจชึสุ. โส าตเกหิ ปริจฺจตฺโต นคฺคปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา น นฺหายติ, รโชชลฺลธโร เกสมสฺสูนิ ลุฺจิตฺวา อฺเ อิริยาปเถ ปฏิกฺขิปิตฺวา เอกปาเทน ติฏฺติ, นิมนฺตนํ น สาทิยติ, มาโสปวาสํ อธิฏฺาย ปุฺตฺถิเกหิ ทินฺนํ โภชนํ มาเส มาเส เอกวารํ กุสคฺเคน คเหตฺวา ทิวา ชิวฺหคฺเคน เลหติ, รตฺติยํ ปน ‘‘อลฺลคูถํ สปฺปาณก’’นฺติ อขาทิตฺวา สุกฺขคูถเมว ขาทติ, เอวํ กโรนฺตสฺส ปฺจปฺาสวสฺสานิ วีติวตฺตานิ มหาชโน ‘‘มหาตโป ปรมปฺปิจฺโฉ’’ติ มฺมาโน ตนฺนินฺโน ตปฺโปโณ อโหสิ.

อถ ภควา ตสฺส หทยพฺภนฺตเร ฆเฏ ปทีปํ วิย อรหตฺตูปนิสฺสยํ ปชฺชลนฺตํ ทิสฺวา สยเมว ตตฺถ คนฺตฺวา ธมฺมํ เทเสตฺวา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาเปตฺวา, เอหิภิกฺขูปสมฺปทาย ลทฺธูปสมฺปทํ วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อรหตฺเต ปติฏฺาเปสิ. อยเมตฺถ สงฺเขโป. วิตฺถาโร ปน ธมฺมปเท ‘‘มาเส มาเส กุสคฺเคนา’’ติ คาถาวณฺณนาย (ธ. ป. อฏฺ. ๑.ชมฺพุกตฺเถรวตฺถุ) วุตฺตนเยน เวทิตพฺโพ. อรหตฺเต ปน ปติฏฺิโต ปรินิพฺพานกาเล ‘‘อาทิโต มิจฺฉา ปฏิปชฺชิตฺวาปิ สมฺมาสมฺพุทฺธํ นิสฺสาย สาวเกน อธิคนฺตพฺพํ มยา อธิคต’’นฺติ ทสฺเสนฺโต –

๒๘๓.

‘‘ปฺจปฺาสวสฺสานิ, รโชชลฺลมธารยึ;

ภุฺชนฺโต มาสิกํ ภตฺตํ, เกสมสฺสุํ อโลจยึ.

๒๘๔.

‘‘เอกปาเทน อฏฺาสึ, อาสนํ ปริวชฺชยึ;

สุกฺขคูถานิ จ ขาทึ, อุทฺเทสฺจ น สาทิยึ.

๒๘๕.

‘‘เอตาทิสํ กริตฺวาน, พหุํ ทุคฺคติคามินํ;

วุยฺหมาโน มโหเฆน, พุทฺธํ สรณมาคมํ.

๒๘๖.

‘‘สรณคมนํ ปสฺส, ปสฺส ธมฺมสุธมฺมตํ;

ติสฺโส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ. –

อิมา จตสฺโส คาถา อภาสิ.

ตตฺถ ปฺจปฺาสวสฺสานิ, รโชชลฺลมธารยินฺติ นคฺคปพฺพชฺชูปคมเนน นฺหานปฏิกฺเขปโต ปฺจาธิกานิ ปฺาสวสฺสานิ สรีเร ลคฺคํ อาคนฺตุกเรณุสงฺขาตํ รโช, สรีรมลสงฺขาตํ ชลฺลฺจ กาเยน ธาเรสึ. ภุฺชนฺโต มาสิกํ ภตฺตนฺติ รตฺติยํ คูถํ ขาทนฺโต โลกวฺจนตฺถํ มาโสปวาสิโก นาม หุตฺวา ปุฺตฺถิเกหิ ทินฺนํ โภชนํ มาเส มาเส เอกวารํ ชิวฺหคฺเค ปนวเสน ภุฺชนฺโต อโลจยินฺติ ตาทิสจฺฉาริกาปกฺเขเปน สิถิลมูลํ เกสมสฺสุํ องฺคุลีหิ ลุฺจาเปสึ.

เอกปาเทน อฏฺาสึ, อาสนํ ปริวชฺชยินฺติ สพฺเพน สพฺพํ อาสนํ นิสชฺชํ ปริวชฺเชสึ, ติฏฺนฺโต จ อุโภ หตฺเถ อุกฺขิปิตฺวา เอเกเนว ปาเทน อฏฺาสึ. อุทฺเทสนฺติ นิมนฺตนํ. อุทิสฺสกตนฺติ เกจิ. น สาทิยินฺติ น สมฺปฏิจฺฉึ ปฏิกฺขิปินฺติ อตฺโถ.

เอตาทิสํ กริตฺวาน, พหุํ ทุคฺคติคามินนฺติ เอตาทิสํ เอวรูปํ วิปากนิพฺพตฺตนกํ ทุคฺคติคามินํ พหุํ ปาปกมฺมํ ปุริมชาตีสุ อิธ จ กตฺวา อุปฺปาเทตฺวา. วุยฺหมาโน มโหเฆนาติ กาโมฆาทินา มหตา โอเฆน วิเสสโต ทิฏฺโเฆน อปายสมุทฺทํ ปติอากฑฺฒิยมาโน, พุทฺธํ สรณมาคมนฺติ ตาทิเสน ปุฺกมฺมจฺฉิทฺเทน กิจฺเฉน มนุสฺสตฺตภาวํ ลภิตฺวา อิทานิ ปุฺพเลน พุทฺธํ ‘‘สรณ’’นฺติ อาคมาสึ, ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา’’ติ อเวจฺจปสาเทน สตฺถริ ปสีทึ. สรณคมนํ ปสฺส, ปสฺส ธมฺมสุธมฺมตนฺติ อายตนคตํ มม สรณคมนํ ปสฺส, ปสฺส สาสนธมฺมสฺส จ สุธมฺมตํ โยหํ ตถามิจฺฉาปฏิปนฺโนปิ เอโกวาเทเนว สตฺถารา เอทิสํ สมฺปตฺตึ สมฺปาปิโต. ‘‘ติสฺโส วิชฺชา’’ติอาทินา ตํ สมฺปตฺตึ ทสฺเสติ เตนาห (อป. เถร ๒.๔๖.๑๗-๒๑) –

‘‘ติสฺสสฺสาหํ ภควโต, โพธิรุกฺขมวนฺทิยํ;

ปคฺคยฺห พีชนึ ตตฺถ, สีหาสนมพีชหํ.

‘‘ทฺเวนวุเต อิโต กปฺเป, สีหาสนมพีชหํ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พีชนาย อิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

ชมฺพุกตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. เสนกตฺเถรคาถาวณฺณนา

สฺวาคตํ วตาติอาทิกา อายสฺมโต เสนกตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต สิขิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ สตฺถารํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส โมรหตฺเถน ภควนฺตํ ปูเชสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา อุรุเวลกสฺสปตฺเถรสฺส ภคินิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติ, เสนโกติสฺส นามํ อโหสิ. โส วยปฺปตฺโต พฺราหฺมณานํ วิชฺชาสิปฺเปสุ นิปฺผตฺตึ คโต ฆราวาสํ วสติ. เตน จ สมเยน มหาชโน สํวจฺฉเร สํวจฺฉเร ผคฺคุนมาเส อุตฺตรผคฺคุนนกฺขตฺเต อุสฺสวํ อนุภวนฺโต คยายํ ติตฺถาภิเสกํ กโรติ. เตน ตํ อุสฺสวํ ‘‘คยาผคฺคู’’ติ วทนฺติ. อถ ภควา ตาทิเส อุสฺสวทิวเส เวเนยฺยานุกมฺปาย คยาติตฺถสมีเป วิหรติ, มหาชโนปิ ติตฺถาภิเสกาธิปฺปาเยน ตโต ตโต ตํ านํ อุปคจฺฉติ. ตสฺมึ ขเณ เสนโกปิ ติตฺถาภิเสกตฺถํ ตํ านํ อุปคโต สตฺถารํ ธมฺมํ เทเสนฺตํ ทิสฺวา อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๖.๙-๑๖) –

‘‘โมรหตฺถํ คเหตฺวาน, อุเปสึ โลกนายกํ;

ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, โมรหตฺถมทาสหํ.

‘‘อิมินา โมรหตฺเถน, เจตนาปณิธีหิ จ;

นิพฺพายึสุ ตโย อคฺคี, ลภามิ วิปุลํ สุขํ.

‘‘อโห พุทฺโธ อโห ธมฺโม, อโห โน สตฺถุสมฺปทา;

ทตฺวานหํ โมรหตฺถํ, ลภามิ วิปุลํ สุขํ.

‘‘ติยคฺคี นิพฺพุตา มยฺหํ, ภวา สพฺเพ สมูหตา;

สพฺพาสวา ปริกฺขีณา, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว.

‘‘เอกตึเส อิโต กปฺเป, ยํ ทานมททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, โมรหตฺถสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อตฺตโน ปฏิปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตฺวา สฺชาตโสมนสฺโส อุทานวเสน –

๒๘๗.

‘‘สฺวาคตํ วต เม อาสิ, คยายํ คยผคฺคุยา;

ยํ อทฺทสาสึ สมฺพุทฺธํ, เทเสนฺตํ ธมฺมมุตฺตมํ.

๒๘๘.

‘‘มหปฺปภํ คณาจริยํ, อคฺคปตฺตํ วินายกํ;

สเทวกสฺส โลกสฺส, ชินํ อตุลทสฺสนํ.

๒๘๙.

‘‘มหานาคํ มหาวีรํ, มหาชุติมนาสวํ;

สพฺพาสวปริกฺขีณํ, สตฺถารมกุโตภยํ.

๒๙๐.

‘‘จิรสงฺกิลิฏฺํ วต มํ, ทิฏฺิสนฺทานพนฺธิตํ;

วิโมจยิ โส ภควา, สพฺพคนฺเถหิ เสนก’’นฺติ. –

จตสฺโส คาถา อภาสิ.

ตตฺถ สฺวาคตํ วต เม อาสีติ มยา สุฏฺุ อาคตํ วต อาสิ. มม วา สุนฺทรํ วต อาคมนํ อาสิ. คยายนฺติ คยาติตฺถสมีเป. คยผคฺคุยาติ ‘‘คยาผคฺคู’’ติ ลทฺธโวหาเร ผคฺคุนมาสสฺส อุตฺตรผคฺคุนีนกฺขตฺเต. ‘‘ย’’นฺติอาทิ สฺวาคตภาวสฺส การณทสฺสนํ. ตตฺถ นฺติ ยสฺมา. อทฺทสาสินฺติ อทฺทกฺขึ. สมฺพุทฺธนฺติ สมฺมา สามํ สพฺพธมฺมานํ พุทฺธตฺตา สมฺพุทฺธํ. เทเสนฺตํ ธมฺมมุตฺตมนฺติ อุตฺตมํ อคฺคํ สพฺพเสฏฺํ เอกนฺตนิยฺยานิกํ ธมฺมํ เวเนยฺยชฺฌาสยานุรูปํ ภาสนฺตํ.

มหปฺปภนฺติ มหติยา สรีรปฺปภาย าณปฺปภาย จ สมนฺนาคตํ. คณาจริยนฺติ ภิกฺขุปริสาทีนํ คณานํ อุตฺตเมน ทมเถน อาจารสิกฺขาปเนน คณาจริยํ. อคฺคภูตานํ สีลาทีนํ คุณานํ อธิคเมน อคฺคปฺปตฺตํ. เทวมนุสฺสาทีนํ ปรเมน วินเยน วินยนโต, สยํ นายกรหิตตฺตา จ วินายกํ. เกนจิ อนภิภูโต หุตฺวา สกลํ โลกํ อภิภวิตฺวา ิตตฺตา, ปฺจนฺนมฺปิ มารานํ ชิตตฺตา จ สเทวกสฺส โลกสฺส ชินํ สเทวเก โลเก อคฺคชินํ, พาตฺตึสวรมหาปุริสลกฺขณอสีติอนุพฺยฺชนาทิปฏิมณฺฑิตรูปกายตาย ทสพลจตุเวสารชฺชาทิคุณปฏิมณฺฑิตธมฺมกายตาย จ สเทวเกน โลเกน อปริเมยฺยทสฺสนตาย อสทิสทสฺสนตาย จ อตุลทสฺสนํ.

คติพลปรกฺกมาทิสมฺปตฺติยา มหานาคสทิสตฺตา, นาเคสุปิ ขีณาสเวสุ มหานุภาวตาย จ มหานาคํ. มารเสนาวิมถนโต มหาวิกฺกนฺตตาย จ มหาวีรํ. มหาชุตินฺติ มหาปตาปํ มหาเตชนฺติ อตฺโถ. นตฺถิ เอตสฺส จตฺตาโรปิ อาสวาติ อนาสวํ. สพฺเพ อาสวา สวาสนา ปริกฺขีณา เอตสฺสาติ สพฺพาสวปริกฺขีณํ. กามํ สาวกพุทฺธา ปจฺเจกพุทฺธา จ ขีณาสวาว, สพฺพฺุพุทฺธา เอว ปน สวาสเน อาสเว เขเปนฺตีติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘อนาสว’’นฺติ วตฺวา ปุน ‘‘สพฺพาสวปริกฺขีณ’’นฺติ วุตฺตํ. เตน วุตฺตํ – ‘‘สพฺเพ อาสวา สวาสนา ปริกฺขีณา เอตสฺสาติ สพฺพาสวปริกฺขีณ’’นฺติ. ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺเถหิ ยถารหํ เวเนยฺยานํ อนุสาสนโต สตฺถารํ, จตุเวสารชฺชวิสารทตาย กุโตจิปิ ภยาภาวโต อกุโตภยํ, เอวรูปํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ ยํ ยสฺมา อทฺทสาสึ, ตสฺมา สฺวาคตํ วต เม อาสีติ โยชนา.

อิทานิ สตฺถุ ทสฺสเนน อตฺตนา ลทฺธคุณํ ทสฺเสนฺโต จตุตฺถํ คาถมาห. ตสฺสตฺโถ – กฺชิยปุณฺณลาพุ วิย ตกฺกภริตจาฏิ วิย วสาปีตปิโลติกา วิย จ สํกิเลสวตฺถูหิ อนมตคฺเค สํสาเร จิรกาลํ สํกิลิฏฺํ. คทฺทุลพนฺธิตํ วิย ถมฺเภ สารเมยํ สกฺกายถมฺเภ ทิฏฺิสนฺทาเนน, ทิฏฺิพนฺธเนน พนฺธิตํ พทฺธํ, ตโต วิโมเจนฺโต จ อภิชฺฌาทีหิ สพฺพคนฺเถ หิ มํ เสนกํ อริยมคฺคหตฺเถน, วิโมจยิ วต โส ภควา มยฺหํ สตฺถาติ ภควติ อภิปฺปสาทํ ปเวเทติ.

เสนกตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. สมฺภูตตฺเถรคาถาวณฺณนา

โย ทนฺธกาเลติอาทิกา อายสฺมโต สมฺภูตตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ กโรนฺโต พุทฺธสุฺเ โลเก จนฺทภาคาย นทิยา ตีเร กินฺนรโยนิยํ นิพฺพตฺโต. เอกทิวสํ อฺตรํ ปจฺเจกพุทฺธํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส วนฺทิตฺวา กตฺชลี อชฺชุนปุปฺเผหิ ปูชํ อกาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา สมฺภูโตติ ลทฺธนาโม วยปฺปตฺโต ภควโต ปรินิพฺพานสฺส ปจฺฉา ธมฺมภณฺฑาคาริกสฺส สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา สมณธมฺมํ กโรนฺโต วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๒.๒๘-๓๖) –

‘‘จนฺทภาคานทีตีเร, อโหสึ กินฺนโร ตทา;

อทฺทสํ วิรชํ พุทฺธํ, สยมฺภุํ อปราชิตํ.

‘‘ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, เวทชาโต กตฺชลี;

คเหตฺวา อชฺชุนํ ปุปฺผํ, สยมฺภุํ อภิปูชยึ.

‘‘เตน กมฺเมน สุกเตน, เจตนาปณิธีหิ จ;

ชหิตฺวา กินฺนรํ เทหํ, ตาวตึสมคจฺฉหํ.

‘‘ฉตฺติสกฺขตฺตุํ เทวินฺโท, เทวรชฺชมการยึ;

ทสกฺขตฺตุํ จกฺกวตฺตี, มหารชฺชมการยึ.

‘‘ปเทสรชฺชํ วิปุลํ, คณนาโต อสงฺขิยํ;

สุเขตฺเต วปฺปิตํ พีชํ, สยมฺภุมฺหิ อโห มม.

‘‘กุสลํ วิชฺชเต มยฺหํ, ปพฺพชึ อนคาริยํ;

ปูชารโห อหํ อชฺช, สกฺยปุตฺตสฺส สาสเน.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา วิมุตฺติสุเขน วิหรนฺโต วสฺสสตปรินิพฺพุเต ภควติ เวสาลิเกสุ วชฺชิปุตฺตเกสุ ทส วตฺถูนิ ปคฺคยฺห ิเตสุ กากณฺฑกปุตฺเตน ยสตฺเถเรน อุสฺสาหิเตหิ สตฺตสเตหิ ขีณาสเวหิ ตํ ทิฏฺึ ภินฺทิตฺวา สทฺธมฺมํ ปคฺคณฺหนฺเตหิ ธมฺมวินยสงฺคเห กเต เตสํ วชฺชิปุตฺตกานํ อุทฺธมฺมอุพฺพินยทีปเน ธมฺมสํเวเคน เถโร –

๒๙๑.

‘‘โย ทนฺธกาเล ตรติ, ตรณีเย จ ทนฺธเย;

อโยนิสํวิธาเนน, พาโล ทุกฺขํ นิคจฺฉติ.

๒๙๒.

‘‘ตสฺสตฺถา ปริหายนฺติ, กาฬปกฺเขว จนฺทิมา;

อายสกฺยฺจ ปปฺโปติ, มิตฺเตหิ จ วิรุชฺฌติ.

๒๙๓.

‘‘โย ทนฺธกาเล ทนฺเธติ, ตรณีเย จ ตารเย;

โยนิโส สํวิธาเนน, สุขํ ปปฺโปติ ปณฺฑิโต.

๒๙๔.

‘‘ตสฺสตฺถา ปริปูเรนฺติ, สุกฺกปกฺเขว จนฺทิมา;

ยโส กิตฺติฺจ ปปฺโปติ, มิตฺเตหิ น วิรุชฺฌตี’’ติ. –

อิมา คาถา ภณนฺโต อฺํ พฺยากาสิ.

ตตฺถ โย ทนฺธกาเล ตรตีติ กิสฺมิฺจิ กตฺตพฺพวตฺถุสฺมึ – ‘‘กปฺปติ นุ โข, น นุ โข กปฺปตี’’ติ วินยกุกฺกุจฺเจ อุปฺปนฺเน ยาว วิยตฺตํ วินยธรํ ปุจฺฉิตฺวา ตํ กุกฺกุจฺจํ น วิโนเทติ, ตาว ทนฺธกาเล ตสฺส กิจฺจสฺส ทนฺธายิตพฺพสมเย ตรติ มทฺทิตฺวา วีติกฺกมํ กโรติ. ตรณีเย จ ทนฺธเยติ คหฏฺสฺส ตาว สรณคมนสีลสมาทานาทิเก, ปพฺพชิตสฺส วตฺตปฏิวตฺตกรณาทิเก สมถวิปสฺสนานุโยเค จ ตริตพฺเพ สมฺปตฺเต สีฆํ ตํ กิจฺจํ อนนุยุฺชิตฺวา – ‘‘อาคมนมาเส ปกฺเข วา กริสฺสามี’’ติ ทนฺธาเยยฺย, ตํ กิจฺจํ อกโรนฺโตว กาลํ วีตินาเมยฺย. อโยนิสํวิธาเนนาติ เอวํ ทนฺธายิตพฺเพ ตรนฺโต ตริตพฺเพ จ ทนฺธายนฺโต อนุปายสํวิธาเนน อุปายสํวิธานาภาเวน พาโล, มนฺทพุทฺธิโก ปุคฺคโล, สมฺปติ อายติฺจ ทุกฺขํ อนตฺถํ ปาปุณาติ.

ตสฺสตฺถา ปริหายนฺตีติ ตสฺส ตถารูปสฺส ปุคฺคลสฺส ทิฏฺธมฺมิกาทิเภทา อตฺถา กาฬปกฺเข จนฺทิมา วิย, ปริหายนฺติ ทิวเส ทิวเส ปริกฺขยํ ปริยาทานํ คจฺฉนฺติ. ‘‘อสุโก ปุคฺคโล อสฺสทฺโธ อปฺปสนฺโน กุสีโต หีนวีริโย’’ติอาทินา. อายสกฺยํ วิฺูหิ ครหิตพฺพตํ ปปฺโปติ ปาปุณาติ. มิตฺเตหิ จ วิรุชฺฌตีติ ‘‘เอวํ ปฏิปชฺช, มา เอวํ ปฏิปชฺชา’’ติ โอวาททายเกหิ กลฺยาณมิตฺเตหิ ‘‘อวจนียา มย’’นฺติ โอวาทสฺส อนาทาเนเนว วิรุทฺโธ นาม โหติ.

เสสคาถาทฺวยสฺส วุตฺตวิปริยาเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. เกจิ ปเนตฺถ – ‘‘ตรติ ทนฺธเย’’ติปทานํ อตฺถภาเวน ภาวนาจิตฺตสฺส ปคฺคหนิคฺคเห อุทฺธรนฺติ. ตํ ปจฺฉิมคาถาสุ ยุชฺชติ. ปุริมา หิ ทฺเว คาถา ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย จริตพฺพํ สมณธมฺมํ อกตฺวา กุกฺกุจฺจปกตตาย ทส วตฺถูนิ ทีเปตฺวา สงฺเฆน นิกฺกฑฺฒิเต วชฺชิปุตฺตเก สนฺธาย เถเรน วุตฺตา. ปจฺฉิมา ปน อตฺตสทิเส สมฺมา ปฏิปนฺเน สกตฺถํ นิปฺผาเทตฺวา ิเตติ.

สมฺภูตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. ราหุลตฺเถรคาถาวณฺณนา

อุภเยนาติอาทิกา อายสฺมโต ราหุลตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ สิกฺขากามานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา สยมฺปิ ตํ านนฺตรํ ปตฺเถตฺวา เสนาสนวิโสธนวิชฺโชตนาทิกํ อุฬารํ ปุฺํ กตฺวา ปณิธานมกาสิ. โส ตโต จวิตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท อมฺหากํ โพธิสตฺตํ ปฏิจฺจ ยโสธราย เทวิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติตฺวา ราหุโลติ ลทฺธนาโม มหตา ขตฺติยปริวาเรน วฑฺฒิ, ตสฺส ปพฺพชฺชาวิธานํ ขนฺธเก (มหาว. ๑๐๕) อาคตเมว. โส ปพฺพชิตฺวา สตฺถุ สนฺติเก อเนเกหิ สุตฺตปเทหิ สุลทฺโธวาโท ปริปกฺกาโณ วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๒.๖๘-๘๕) –

‘‘ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต, โลกเชฏฺสฺส ตาทิโน;

สตฺตภูมมฺหิ ปาสาเท, อาทาสํ สนฺถรึ อหํ.

‘‘ขีณาสวสหสฺเสหิ, ปริกิณฺโณ มหามุนิ;

อุปาคมิ คนฺธกุฏึ, ทฺวิปทินฺโท นราสโภ.

‘‘วิโรเจนฺโต คนฺธกุฏึ, เทวเทโว นราสโภ;

ภิกฺขุสงฺเฆ ิโต สตฺถา, อิมา คาถา อภาสถ.

‘‘เยนายํ โชติตา เสยฺยา, อาทาโสว สุสนฺถโต;

ตมหํ กิตฺตยิสฺสามิ, สุณาถ มม ภาสโต.

‘‘โสณฺณมยา รูปิมยา, อโถ เวฬุริยามยา;

นิพฺพตฺติสฺสนฺติ ปาสาทา, เย เกจิ มนโส ปิยา.

‘‘จตุสฏฺิกฺขตฺตุํ เทวินฺโท, เทวรชฺชํ กริสฺสติ;

สหสฺสกฺขตฺตุํ จกฺกวตฺตี, ภวิสฺสติ อนนฺตรา.

‘‘เอกวีสติกปฺปมฺหิ, วิมโล นาม ขตฺติโย;

จาตุรนฺโต วิชิตาวี, จกฺกวตฺตี ภวิสฺสติ.

‘‘นครํ เรณุวตี นาม, อิฏฺกาหิ สุมาปิตํ;

อายามโต ตีณิ สตํ, จตุรสฺสสมายุตํ.

‘‘สุทสฺสโน นาม ปาสาโท, วิสฺสกมฺเมน มาปิโต;

กูฏาคารวรูเปโต, สตฺตรตนภูสิโต.

‘‘ทสสทฺทาวิวิตฺตํ ตํ, วิชฺชาธรสมากุลํ;

สุทสฺสนํว นครํ, เทวตานํ ภวิสฺสติ.

‘‘ปภา นิคฺคจฺฉเต ตสฺส, อุคฺคจฺฉนฺเตว สูริเย;

วิโรเจสฺสติ ตํ นิจฺจํ, สมนฺตา อฏฺโยชนํ.

‘‘กปฺปสตสหสฺสมฺหิ, โอกฺกากกุลสมฺภโว;

โคตโม นาม โคตฺเตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติ.

‘‘ตุสิตา โส จวิตฺวาน, สุกฺกมูเลน โจทิโต;

โคตมสฺส ภควโต, อตฺรโช โส ภวิสฺสติ.

‘‘สเจวเสยฺย อคารํ, จกฺกวตฺตี ภเวยฺย โส;

อฏฺานเมตํ ยํ ตาที, อคาเร รติมชฺฌคา.

‘‘นิกฺขมิตฺวา อคารมฺหา, ปพฺพชิสฺสติ สุพฺพโต;

ราหุโล นาม นาเมน, อรหา โส ภวิสฺสติ.

‘‘กิกีว อณฺฑํ รกฺเขยฺย, จามรี วิย วาลธึ;

นิปโก สีลสมฺปนฺโน, มมํ รกฺขิ มหามุนิ.

‘‘ตสฺสาหํ ธมฺมมฺาย, วิหาสึ สาสเน รโต;

สพฺพาสเว ปริฺาย, วิหรามิ อนาสโว.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อตฺตโน ปฏิปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตฺวา อฺํ พฺยากโรนฺโต –

๒๙๕.

‘‘อุภเยเนว สมฺปนฺโน, ราหุลภทฺโทติ มํ วิทู;

ยฺจมฺหิ ปุตฺโต พุทฺธสฺส, ยฺจ ธมฺเมสุ จกฺขุมา.

๒๙๖.

‘‘ยฺจ เม อาสวา ขีณา, ยฺจ นตฺถิ ปุนพฺภโว;

อรหา ทกฺขิเณยฺโยมฺหิ, เตวิชฺโช อมตทฺทโส.

๒๙๗.

‘‘กามนฺธา ชาลปจฺฉนฺนา, ตณฺหาฉทนฉาทิตา;

ปมตฺตพนฺธุนา พทฺธา, มจฺฉาว กุมินามุเข.

๒๙๘.

‘‘ตํ กามํ อหมุชฺฌิตฺวา, เฉตฺวา มารสฺส พนฺธนํ;

สมูลํ ตณฺหมพฺพุยฺห, สีติภูโตสฺมิ นิพฺพุโต’’ติ. –

จตสฺโส คาถา อภาสิ.

ตตฺถ อุภเยเนว สมฺปนฺโนติ ชาติสมฺปทา, ปฏิปตฺติสมฺปทาติ อุภยสมฺปตฺติยาปิ สมฺปนฺโน สมนฺนาคโต. ราหุลภทฺโทติ มํ วิทูติ ‘‘ราหุลภทฺโท’’ติ มํ สพฺรหฺมจาริโน สฺชานนฺติ. ตสฺส หิ ชาตสาสนํ สุตฺวา โพธิสตฺเตน ‘‘ราหุ ชาโต, พนฺธนํ ชาต’’นฺติ วุตฺตวจนํ อุปาทาย สุทฺโธทนมหาราชา ‘‘ราหุโล’’ติ นามํ คณฺหิ. ตตฺถ อาทิโต ปิตรา วุตฺตปริยายเมว คเหตฺวา อาห – ‘‘ราหุลภทฺโทติ มํ วิทู’’ติ. ภทฺโทติ จ ปสํสาวจนเมตํ.

อิทานิ ตํ อุภยสมฺปตฺตึ ทสฺเสตุํ ‘‘ยฺจมฺหี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ นฺติ ยสฺมา. -สทฺโท สมุจฺจยตฺโถ. อมฺหิ ปุตฺโต พุทฺธสฺสาติ สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส โอรสปุตฺโต อมฺหิ. ธมฺเมสูติ โลกิเยสุ โลกุตฺตเรสุ จ ธมฺเมสุ, จตุสจฺจธมฺเมสูติ อตฺโถ. จกฺขุมาติ มคฺคปฺาจกฺขุนา จกฺขุมา จ อมฺหีติ โยเชตพฺพํ.

ปุน อปราปเรหิปิ ปริยาเยหิ อตฺตนิ อุภยสมฺปตฺตึ ทสฺเสตุํ – ‘‘ยฺจ เม อาสวา ขีณา’’ติ คาถมาห. ตตฺถ ทกฺขิเณยฺโยติ ทกฺขิณารโห. อมตทฺทโสติ นิพฺพานสฺส ทสฺสาวี. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.

อิทานิ ยาย วิชฺชาสมฺปตฺติยา จ วิมุตฺติสมฺปตฺติยา จ อภาเวน สตฺตกาโย กุมิเน พนฺธมจฺฉา วิย สํสาเร ปริวตฺตติ, ตํ อุภยสมฺปตฺตึ อตฺตนิ ทสฺเสตุํ ‘‘กามนฺธา’’ติ คาถาทฺวยมาห. ตตฺถ กาเมหิ กาเมสุ วา อนฺธาติ กามนฺธา. ‘‘ฉนฺโท ราโค’’ติอาทิวิภาเคหิ (จูฬนิ. อชิตมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๘) กิเลสกาเมหิ รูปาทีสุ วตฺถุกาเมสุ อนาทีนวทสฺสิตาย อนฺธีกตา. ชาลปจฺฉนฺนาติ สกลํ ภวตฺตยํ อชฺโฌตฺถริตฺวา ิเตน วิสตฺติกาชาเลน ปการโต ฉนฺนา ปลิคุณฺิตา. ตณฺหาฉทนฉาทิตาติ ตโต เอว ตณฺหาสงฺขาเตน ฉทเนน ฉาทิตา นิวุตา สพฺพโส ปฏิกุชฺชิตา. ปมตฺตพนฺธุนา พทฺธา, มจฺฉาว กุมินามุเขติ กุมินามุเข มจฺฉพนฺธานํ มจฺฉปสิพฺพกมุเข พทฺธา มจฺฉา วิย ปมตฺตพนฺธุนา มาเรน เยน กามพนฺธเนน พทฺธา อิเม สตฺตา ตโต น นิคจฺฉนฺติ อนฺโตพนฺธนคตาว โหนฺติ.

ตํ ตถารูปํ กามํ พนฺธนภูตํ อุชฺฌิตฺวา ปุพฺพภาคปฏิปตฺติยา ปหาย กิเลสมารสฺส พนฺธนํ เฉตฺวา, ปุน อริยมคฺคสตฺเถน อนวเสสโต สมุจฺฉินฺทิตฺวา ตโต เอว อวิชฺชาสงฺขาเตน มูเลน สมูลํ, กามตณฺหาทิกํ ตณฺหํ อพฺพุยฺห อุทฺธริตฺวา สพฺพกิเลสทรถปริฬาหาภาวโต, สีติภูโต สอุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา นิพฺพุโต, อหํ อสฺมิ โหมีติ อตฺโถ.

ราหุลตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. จนฺทนตฺเถรคาถาวณฺณนา

ชาตรูเปนาติอาทิกา อายสฺมโต จนฺทนตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต อิโต เอกตึเส กปฺเป พุทฺธสุฺเ โลเก รุกฺขเทวตา หุตฺวา นิพฺพตฺโต สุทสฺสนํ นาม ปจฺเจกพุทฺธํ ปพฺพตนฺตเร วสนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส กุฏชปุปฺเผหิ ปูชํ อกาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ วิภวสมฺปนฺเน กุเล นิพฺพตฺติตฺวา จนฺทโนติ ลทฺธนาโม วยปฺปตฺโต ฆราวาสํ วสนฺโต สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา โสตาปนฺโน อโหสิ. โส เอกํ ปุตฺตํ ลภิตฺวา ฆราวาสํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อรฺเ วิหรนฺโต สตฺถารํ วนฺทิตุํ สาวตฺถึ อาคโต สุสาเน วสติ. ตสฺส อาคตภาวํ สุตฺวา ปุราณทุติยิกา อลงฺกตปฏิยตฺตา ทารกํ อาทาย มหตา ปริวาเรน เถรสฺส สนฺติกํ คจฺฉติ – ‘‘อิตฺถิกุตฺตาทีหิ นํ ปโลเภตฺวา อุปฺปพฺพาเชสฺสามี’’ติ. เถโร ตํ อาคจฺฉนฺตึ ทูรโตว ทิสฺวา ‘‘อิทานิสฺสา อวิสโย ภวิสฺสามี’’ติ ยถารทฺธํ วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา ฉฬภิฺโ อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๒.๓๗-๔๓) –

‘‘หิมวนฺตสฺสาวิทูเร, วสโล นาม ปพฺพโต;

พุทฺโธ สุทสฺสโน นาม, วสเต ปพฺพตนฺตเร.

‘‘ปุปฺผํ เหมวนฺตํ มยฺห, เวหาสํ อคมาสหํ;

ตตฺถทฺทสาสึ สมฺพุทฺธํ, โอฆติณฺณมนาสวํ.

‘‘ปุปฺผํ กุฏชมาทาย, สิเร กตฺวาน อฺชลึ;

พุทฺธสฺส อภิโรเปสึ, สยมฺภุสฺส มเหสิโน.

‘‘เอกตึเส อิโต กปฺเป, ยํ ปุปฺผมภิปูชยึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

ฉฬภิฺโ ปน หุตฺวา อากาเส ตฺวา ตสฺสา ธมฺมํ เทเสตฺวา สรเณสุ จ สีเลสุ จ ปติฏฺาเปตฺวา สยํ อตฺตนา ปุพฺเพ วสิตฏฺานเมว คโต. สหายภิกฺขูหิ – ‘‘วิปฺปสนฺนานิ โข เต, อาวุโส, อินฺทฺริยานิ, กจฺจิ ตยา สจฺจานิ ปฏิวิทฺธานี’’ติ ปุฏฺโ –

๒๙๙.

‘‘ชาตรูเปน สฺฉนฺนา, ทาสีคณปุรกฺขตา;

องฺเกน ปุตฺตมาทาย, ภริยา มํ อุปาคมิ.

๓๐๐.

‘‘ตฺจ ทิสฺวาน อายนฺตึ, สกปุตฺตสฺส มาตรํ;

อลงฺกตํ สุวสนํ, มจฺจุปาสํว โอฑฺฑิตํ.

๓๐๑.

‘‘ตโต เม มนสีกาโร, โยนิโส อุทปชฺชถ;

อาทีนโว ปาตุรหุ, นิพฺพิทา สมติฏฺถ.

๓๐๒.

‘‘ตโต จิตฺตํ วิมุจฺจิ เม, ปสฺส ธมฺมสุธมฺมตํ;

ติสฺโส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ. –

อิมาหิ คาถาหิ อตฺตโน ปฏิปตฺตึ กเถนฺโต อฺํ พฺยากาสิ.

ตตฺถ ชาตรูเปน สฺฉนฺนาติ ชาตรูปมเยน สีสูปคาทิอลงฺกาเรน อลงฺกรณวเสน ปฏิจฺฉาทิตสรีรา, สพฺพาภรณภูสิตาติ อตฺโถ. ทาสีคณปุรกฺขตาติ ยถารหํ อลงฺกตปฏิยตฺเตน อตฺตโน ทาสิคเณน ปุรโต กตา ปริวาริตาติ อตฺโถ. องฺเกน ปุตฺตมาทายาติ ‘‘อปิ นาม ปุตฺตมฺปิ ทิสฺวา เคหสฺสิตสาโต ภเวยฺยา’’ติ ปุตฺตํ อตฺตโน องฺเกน คเหตฺวา.

อายนฺตินฺติ อาคจฺฉนฺตึ. สกปุตฺตสฺส มาตรนฺติ มม โอรสปุตฺตสฺส ชนนึ, มยฺหํ ปุราณทุติยิกนฺติ อตฺโถ. สพฺพมิทํ เถโร อตฺตโน กามราคสมุจฺเฉทํ พหุมฺนฺโต วทติ. โยนิโส อุทปชฺชถาติ ‘‘เอวรูปาปิ นาม สมฺปตฺติ ชราพฺยาธิมรเณหิ อภิภุยฺยติ, อโห สงฺขารา อนิจฺจา อธุวา อนสฺสาสิกา’’ติ เอวํ โยนิโสมนสิกาโร อุปฺปชฺชิ. เสสํ เหฏฺา วุตฺตนยเมว.

จนฺทนตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. ธมฺมิกตฺเถรคาถาวณฺณนา

ธมฺโม หเวติอาทิกา อายสฺมโต ธมฺมิกตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต สิขิสฺส ภควโต กาเล มิคลุทฺทโก หุตฺวา เอกทิวสํ อรฺายตเน เทวปริสาย สตฺถุ ธมฺมํ เทเสนฺตสฺส ‘‘ธมฺโม เอโส วุจฺจตี’’ติ เทสนาย นิมิตฺตํ คณฺหิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท โกสลรฏฺเ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา ธมฺมิโกติ ลทฺธนาโม วยปฺปตฺโต เชตวนปฏิคฺคหเณ ลทฺธปฺปสาโท ปพฺพชิตฺวา อฺตรสฺมึ คามกาวาเส อาวาสิโก หุตฺวา วิหรนฺโต อาคนฺตุกานํ ภิกฺขูนํ วตฺตาวตฺเตสุ อุชฺฌานพหุโล อกฺขโม อโหสิ. เตน ภิกฺขู ตํ วิหารํ ฉฑฺเฑตฺวา ปกฺกมึสุ. โส เอกโกว อโหสิ. วิหารสามิโก อุปาสโก ตํ การณํ สุตฺวา ภควโต ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ. สตฺถา ตํ ภิกฺขุํ ปกฺโกเสตฺวา ตมตฺถํ ปุจฺฉิตฺวา เตน ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต – ‘‘นายํ อิทาเนว อกฺขโม, ปุพฺเพปิ อกฺขโม อโหสี’’ติ วตฺวา ภิกฺขูหิ ยาจิโต รุกฺขธมฺมํ (ชา. ๑.๑.๗๔) กเถตฺวา อุปริ ตสฺส โอวาทํ เทนฺโต –

๓๐๓.

‘‘ธมฺโม หเว รกฺขติ ธมฺมจารึ, ธมฺโม สุจิณฺโณ สุขมาวหาติ;

เอสานิสํโส ธมฺเม สุจิณฺเณ, น ทุคฺคตึ คจฺฉติ ธมฺมจารี.

๓๐๔.

‘‘น หิ ธมฺโม อธมฺโม จ, อุโภ สมวิปากิโน;

อธมฺโม นิรยํ เนติ, ธมฺโม ปาเปติ สุคฺคตึ.

๓๐๕.

‘‘ตสฺมา หิ ธมฺเมสุ กเรยฺย ฉนฺทํ, อิติ โมทมาโน สุคเตน ตาทินา;

ธมฺเม ิตา สุคตวรสฺส สาวกา, นียนฺติ ธีรา สรณวรคฺคคามิโน.

๓๐๖.

‘‘วิปฺโผฏิโต คณฺฑมูโล, ตณฺหาชาโล สมูหโต;

โส ขีณสํสาโร น จตฺถิ กิฺจนํ,

จนฺโท ยถา โทสินา ปุณฺณมาสิย’’นฺติ. – จตสฺโส คาถา อภาสิ;

ตตฺถ ธมฺโมติ โลกิยโลกุตฺตโร สุจริตธมฺโม. รกฺขตีติ อปายทุกฺขโต รกฺขติ, สํสารทุกฺขโต จ วิวฏฺฏูปนิสฺสยภูโต รกฺขติเยว. ธมฺมจารินฺติ ตํ ธมฺมํ จรนฺตํ ปฏิปชฺชนฺตํ. สุจิณฺโณติ สุฏฺุ จิณฺโณ กมฺมผลานิ สทฺทหิตฺวา สกฺกจฺจํ จิตฺตีกตฺวา อุปจิโต. สุขนฺติ โลกิยโลกุตฺตรสุขํ. ตตฺถ โลกิยํ ตาว กามาวจราทิเภโท ธมฺโม ยถาสกํ สุขํ ทิฏฺเ วา ธมฺเม อุปปชฺเช วา อปเร วา ปริยาเย อาวหติ นิปฺผาเทติ, อิตรํ ปน วิวฏฺฏูปนิสฺสเย ตฺวา จิณฺโณ ปรมฺปราย อาวหตีติ วตฺตุํ วฏฺฏติ อนุปนิสฺสยสฺส ตทภาวโต. เอสานิสํโส ธมฺเม สุจิณฺเณ, น ทุคฺคตึ คจฺฉติ ธมฺมจารีติ ธมฺมจารี ปุคฺคโล ธมฺเม สุจิณฺเณ ตํนิมิตฺตํ ทุคฺคตึ น คจฺฉตีติ เอโส ธมฺเม สุจิณฺเณ อานิสํโส อุทฺรโยติ อตฺโถ.

ยสฺมา ธมฺเมเนว สุคติคมนํ, อธมฺเมเนว จ ทุคฺคติคมนํ, ตสฺมา ‘‘ธมฺโม อธมฺโม’’ติ อิเม อฺมฺํ อสํกิณฺณผลาติ ทสฺเสตุํ ‘‘น หิ ธมฺโม’’ติอาทินา ทุติยํ คาถมาห. ตตฺถ อธมฺโมติ ธมฺมปฏิปกฺโข ทุจฺจริตํ. สมวิปากิโนติ สทิสวิปากา สมานผลา.

ตสฺมาติ ยสฺมา ธมฺมาธมฺมานํ อยํ ยถาวุตฺโต วิปากเภโท, ตสฺมา. ฉนฺทนฺติ กตฺตุกมฺยตาฉนฺทํ. อิติ โมทมาโน สุคเตน ตาทินาติ อิติ เอวํ วุตฺตปฺปกาเรน โอวาททาเนน สุคเตน สมฺมคฺคเตน สมฺมาปฏิปนฺเนน อิฏฺาทีสุ ตาทิภาวปฺปตฺติยา ตาทินามวตา เหตุภูเตน โมทมาโน ตุฏฺึ อาปชฺชมาโน ธมฺเมสุ ฉนฺทํ กเรยฺยาติ โยชนา. เอตฺตาวตา วฏฺฏํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ วิวฏฺฏํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ธมฺเม ิตา’’ติอาทิมาห. ตสฺสตฺโถ – ยสฺมา สุคตสฺส วรสฺส สุคเตสุ จ วรสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สาวกา ตสฺส ธมฺเม ิตา ธีรา อติวิย อคฺคภูตสรณคามิโน เตเนว สรณคมนสงฺขาเต ธมฺเม ิตภาเวน สกลวฏฺฏทุกฺขโตปิ นียนฺติ นิสฺสรนฺติ, ตสฺมา หิ ธมฺเมสุ กเรยฺย ฉนฺทนฺติ.

เอวํ สตฺถารา ตีหิ คาถาหิ ธมฺเม เทสิเต เทสนานุสาเรน ยถานิสินฺโนว วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๒.๔๔-๕๐) –

‘‘มิคลุทฺโท ปุเร อาสึ, อรฺเ วิปิเน อหํ;

อทฺทสํ วิรชํ พุทฺธํ, เทวสงฺฆปุรกฺขตํ.

‘‘จตุสจฺจํ ปกาเสนฺตํ, เทเสนฺตํ อมตํ ปทํ;

อสฺโสสึ มธุรํ ธมฺมํ, สิขิโน โลกพนฺธุโน.

‘‘โฆเส จิตฺตํ ปสาเทสึ, อสมปฺปฏิปุคฺคเล;

ตตฺถ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, อุตฺตรึ ทุตฺตรํ ภวํ.

‘‘เอกตึเส อิโต กปฺเป, ยํ สฺมลภึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, โฆสสฺายิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

ตถา อรหตฺเต ปติฏฺิโต. อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อตฺตนา อธิคตํ วิเสสํ สตฺถุ นิเวเทนฺโต จริมคาถาย อฺํ พฺยากาสิ.

ตตฺถ วิปฺโผฏิโตติ วิธุโต, มคฺคาเณน ปฏินิสฺสฏฺโติ อตฺโถ. คณฺฑมูโลติ อวิชฺชา. สา หิ คณฺฑติ สวติ. ‘‘คณฺโฑติ โข, ภิกฺขุ, ปฺจนฺเนตํ อุปาทานกฺขนฺธานํ อธิวจน’’นฺติ (สํ. นิ. ๔.๑๐๓; อ. นิ. ๖.๒๓; ๘.๕๖; ๙.๑๕; จูฬนิ. ขคฺควิสาณสุตฺตนิทฺเทส ๑๓๗) เอวํ สตฺถารา วุตฺตสฺส ทุกฺขมูลโยคโต, กิเลสาสุจิปคฺฆรณโต, อุปฺปาทชราภงฺเคหิ อุทฺธุมาตปกฺกปภิชฺชนโต จ, คณฺฑาภิธานสฺส อุปาทานกฺขนฺธปฺจกสฺส มูลํ การณํ ตณฺหาชาโล สมูหโตติ ตณฺหาสงฺขาโต ชาโล มคฺเคน สมุคฺฆาฏิโต. โส ขีณสํสาโร น จตฺถิ กิฺจนนฺติ โส อหํ เอวํ ปหีนตณฺหาวิชฺชตาย ปริกฺขีณสํสาโร ปหีนภวมูลตฺตา เอว น จตฺถิ, น จ อุปลพฺภติ ราคาทิกิฺจนํ. จนฺโท ยถา โทสินา ปุณฺณมาสิยนฺติ ยถา นาม จนฺโท อพฺภมหิกาทิโทสรหิโต ปุณฺณมาสิยํ ปริปุณฺณกาเล เอวํ อหมฺปิ อรหตฺตาธิคเมน อเปตราคาทิกิฺจโน ปริปุณฺณธมฺมโกฏฺาโส อโหสินฺติ.

ธมฺมิกตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๑. สปฺปกตฺเถรคาถาวณฺณนา

ยทา พลากาติอาทิกา อายสฺมโต สปฺปกตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต อิโต เอกตึเส กปฺเป มหานุภาโว นาคราชา หุตฺวา นิพฺพตฺโต สมฺภวสฺส นาม ปจฺเจกพุทฺธสฺส อพฺโภกาเส สมาปตฺติยา นิสินฺนสฺส มหนฺตํ ปทุมํ คเหตฺวา อุปริมุทฺธนิ ธาเรนฺโต ปูชํ อกาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา สปฺปโกติ ลทฺธนาโม วิฺุตํ ปตฺโต ภควโต สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อชกรณิยา นาม นทิยา ตีเร เลณคิริวิหาเร วสนฺโต นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๒.๗๘-๘๓) –

‘‘หิมวนฺตสฺสาวิทูเร, โรมโส นาม ปพฺพโต;

พุทฺโธปิ สมฺภโว นาม, อพฺโภกาเส วสี ตทา.

‘‘ภวนา นิกฺขมิตฺวาน, ปทุมํ ธารยึ อหํ;

เอกาหํ ธารยิตฺวาน, ภวนํ ปุนราคมึ.

‘‘เอกตึเส อิโต กปฺเป, ยํ พุทฺธมภิปูชยึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

โส อรหตฺตํ ปตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตุํ สาวตฺถึ อาคโต าตีหิ อุปฏฺียมาโน ตตฺถ กติปาหํ วสิตฺวา ธมฺมํ เทเสตฺวา าตเก สรเณสุ จ สีเลสุ จ ปติฏฺาเปตฺวา ยถาวุตฺตฏฺานเมว คนฺตุกาโม อโหสิ. ตํ าตกา ‘‘อิเธว, ภนฺเต, วสถ, มยํ ปฏิชคฺคิสฺสามา’’ติ ยาจึสุ. โส คมนาการํ ทสฺเสตฺวา ิโต อตฺตนา วสิตฏฺานกิตฺตนาปเทเสน วิเวกาภิรตึ ปกาเสนฺโต –

๓๐๗.

‘‘ยทา พลากา สุจิปณฺฑรจฺฉทา, กาฬสฺส เมฆสฺส ภเยน ตชฺชิตา;

ปเลหิติ อาลยมาลเยสินี, ตทา นที อชกรณี รเมติ มํ.

๓๐๘.

‘‘ยทา พลากา สุวิสุทฺธปณฺฑรา, กาฬสฺส เมฆสฺส ภเยน ตชฺชิตา;

ปริเยสติ เลณมเลณทสฺสินี, ตทา นที อชกรณี รเมติ มํ.

๓๐๙.

‘‘กํ นุ ตตฺถ น รเมนฺติ, ชมฺพุโย อุภโต ตหึ;

โสเภนฺตี อาปคากูลํ, มม เลณสฺส ปจฺฉโต.

๓๑๐.

‘‘ตามตมทสงฺฆสุปฺปหีนา, เภกา มนฺทวตี ปนาทยนฺติ;

นาชฺช คิรินทีหิ วิปฺปวาสสมโย,

เขมา อชกรณี สิวา สุรมฺมา’’ติ. – จตสฺโส คาถา อภาสิ;

ตตฺถ ยทาติ ยสฺมึ กาเล. พลากาติ พลากาสกุณิกา. สุจิปณฺฑรจฺฉทาติ สุจิสุทฺธธวลปกฺขา. กาฬสฺส เมฆสฺส ภเยน ตชฺชิตาติ ชลภารภริตตาย กาฬสฺส อฺชนคิริสนฺนิกาสสฺส ปาวุสฺสกเมฆสฺส คชฺชโต วุฏฺิภเยน นิพฺพิชฺชิตา ภึสาปิตา. ปเลหิตีติ โคจรภูมิโต อุปฺปติตฺวา คมิสฺสติ. อาลยนฺติ นิลยํ อตฺตโน กุลาวกํ. อาลเยสินีติ ตตฺถ อาลยนํ นิลียนเมว อิจฺฉนฺตี. ตทา นที อชกรณี รเมติ มนฺติ ตสฺมึ ปาวุสฺสกกาเล อชกรณีนามิกา นที นโวทกสฺส ปูรา หารหารินี กุลงฺกสา มํ รเมติ มม จิตฺตํ อาราเธตีติ อุตุปเทสวิเสสกิตฺตนาปเทเสน วิเวกาภิรตึ ปกาเสสิ.

สุวิสุทฺธปณฺฑราติ สุฏฺุ วิสุทฺธปณฺฑรวณฺณา, อสมฺมิสฺสวณฺณา สพฺพเสตาติ อตฺโถ. ปริเยสตีติ มคฺคติ. เลณนฺติ วสนฏฺานํ. อเลณทสฺสินีติ วสนฏฺานํ อปสฺสนฺตี. ปุพฺเพ นิพทฺธวสนฏฺานสฺส อภาเวน อเลณทสฺสินี, อิทานิ ปาวุสฺสกกาเล เมฆคชฺชิเตน อาหิตคพฺภา ปริเยสติ เลณนฺติ นิพทฺธวสนฏฺานํ กุลาวกํ กโรตีติ อตฺโถ.

กํ นุ ตตฺถ…เป… ปจฺฉโตติ มม วสนกมหาเลณสฺส ปจฺฉโต ปจฺฉาภาเค อาปคากูลํ อชกรณีนทิยา อุภโตตีรํ ตหึ ตหึ อิโต จิโต จ โสเภนฺติโย นิจฺจกาลํ ผลภารนมิตสาขา สินิทฺธปณฺณจฺฉายา ชมฺพุโย ตตฺถ ตสฺมึ าเน กํ นาม สตฺตํ น รเมนฺติ นุ, สพฺพํ รเมนฺติเยว.

ตามตมทสงฺฆสุปฺปหีนาติ อมตํ วุจฺจติ อคทํ, เตน มชฺชนฺตีติ อมตมทา, สปฺปา, เตสํ สงฺโฆ อมตมทสงฺโฆ, ตโต สุฏฺุ ปหีนา อปคตา. เภกา มณฺฑูกิโย, มนฺทวตี สรวติโย, ปนาทยนฺติ ตํ านํ มธุเรน วสฺสิเตน นินฺนาทยนฺติ. นาชฺช คิรินทีหิ วิปฺปวาสสมโยติ อชฺช เอตรหิ อฺาหิปิ ปพฺพเตยฺยาหิ นทีหิ วิปฺปวาสสมโย น โหติ, วิเสสโต ปน วาฬมจฺฉสุสุมาราทิวิรหิตโต เขมา อชกรณี นที. สุนฺทรตลติตฺถปุลินสมฺปตฺติยา สิวา. สุฏฺุ รมฺมา รมณียา, ตสฺมา ตตฺเถว เม มโน รมตีติ อธิปฺปาโย.

เอวํ ปน วตฺวา าตเก วิสฺสชฺเชตฺวา อตฺตโน วสนฏฺานเมว คโต. สุฺาคาราภิรติทีปเนน อิทเมว จ เถรสฺส อฺาพฺยากรณํ อโหสีติ.

สปฺปกตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๒. มุทิตตฺเถรคาถาวณฺณนา

ปพฺพชินฺติอาทิกา อายสฺมโต มุทิตตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ สตฺถารํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส เอกํ มฺจมทาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท โกสลรฏฺเ คหปติกุเล นิพฺพตฺติตฺวา มุทิโตติ ลทฺธนาโม วิฺุตํ ปาปุณิ. เตน จ สมเยน ตํ กุลํ รฺา เกนจิเทว กรณีเยน ปลิพุทฺธํ อโหสิ. มุทิโต ราชภยาภีโต ปลายิตฺวา อรฺํ ปวิฏฺโ อฺตรสฺส ขีณาสวตฺเถรสฺส วสนฏฺานํ อุปคจฺฉิ. เถโร ตสฺส ภีตภาวํ ตฺวา ‘‘มา ภายี’’ติ สมสฺสาเสสิ. โส ‘‘กิตฺตเกน นุ โข, ภนฺเต, กาเลน อิทํ เม ภยํ วูปสเมสฺสตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สตฺตฏฺมาเส อติกฺกมิตฺวา’’ติ วุตฺเต – ‘‘เอตฺตกํ กาลํ อธิวาเสตุํ น สกฺโกมิ, ปพฺพชิสฺสามหํ, ภนฺเต, ปพฺพาเชถ ม’’นฺติ ชีวิตรกฺขณตฺถํ ปพฺพชฺชํ ยาจิ. เถโร ตํ ปพฺพาเชสิ. โส ปพฺพชิตฺวา สาสเน ปฏิลทฺธสทฺโธ ภเย วูปสนฺเตปิ สมณธมฺมํเยว โรเจนฺโต กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต – ‘‘อรหตฺตํ อปฺปตฺวา อิมสฺมา วสนคพฺภา พหิ น นิกฺขมิสฺสามี’’ติอาทินา ปฏิฺํ กตฺวา วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๓๖.๓๐-๓๓) –

‘‘วิปสฺสิโน ภควโต, โลกเชฏฺสฺส ตาทิโน;

เอกํ มฺจํ มยา ทินฺนํ, ปสนฺเนน สปาณินา.

‘‘หตฺถิยานํ อสฺสยานํ, ทิพฺพยานํ สมชฺฌคํ;

เตน มฺจกทาเนน, ปตฺโตมฺหิ อาสวกฺขยํ.

‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ มฺจมททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, มฺจทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา วิมุตฺติสุขํ ปฏิสํเวเทนฺโต สหายภิกฺขูหิ อธิคตํ ปุจฺฉิโต อตฺตโน ปฏิปนฺนาการํ กเถนฺโต –

๓๑๑.

‘‘ปพฺพชึ ชีวิกตฺโถหํ, ลทฺธาน อุปสมฺปทํ;

ตโต สทฺธํ ปฏิลภึ, ทฬฺหวีริโย ปรกฺกมึ.

๓๑๒.

‘‘กามํ ภิชฺชตุยํ กาโย, มํสเปสี วิสียรุํ;

อุโภ ชณฺณุกสนฺธีหิ, ชงฺฆาโย ปปตนฺตุ เม.

๓๑๓.

‘‘นาสิสฺสํ น ปิวิสฺสามิ, วิหารา จ น นิกฺขเม;

นปิ ปสฺสํ นิปาเตสฺสํ, ตณฺหาสลฺเล อนูหเต.

๓๑๔.

‘‘ตสฺส เมวํ วิหรโต, ปสฺส วีริยปรกฺกมํ;

ติสฺโส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ. –

จตสฺโส คาถา อภาสิ.

ตตฺถ ชีวิกตฺโถติ ชีวิกาย อตฺถิโก ชีวิกปฺปโยชโน. ‘‘เอตฺถ ปพฺพชิตฺวา นิพฺภโย สุเขน อกิลมนฺโต ชีวิสฺสามี’’ติ เอวํ ชีวิกตฺถาย ปพฺพชินฺติ อตฺโถ. ลทฺธาน อุปสมฺปทนฺติ ปมํ สามเณรปพฺพชฺชายํ ิโต ตฺติจตุตฺเถน กมฺเมน อุปสมฺปทํ ลภิตฺวา. ตโต สทฺธํ ปฏิลภินฺติ ตโต อุปสมฺปนฺนกาลโต ปฏฺาย กลฺยาณมิตฺเต เสวนฺโต ทฺเว มาติกา, ติสฺโส อนุโมทนา, เอกจฺจํ สุตฺตํ, สมถกมฺมฏฺานํ, วิปสฺสนาวิธิฺจ อุคฺคณฺหนฺโต พุทฺธาทีนํ มหานุภาวตํ ทิสฺวา – ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา, สฺวากฺขาโต ธมฺโม, สุปฺปฏิปนฺโน สงฺโฆ’’ติ รตนตฺตเย สทฺธํ ปฏิลภึ. ทฬฺหวีริโย ปรกฺกมินฺติ เอวํ ปฏิลทฺธสทฺโธ หุตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต นจิรสฺเสว สจฺจปฏิเวธาย ทฬฺหวีริโย ถิรวีริโย หุตฺวา ปรกฺกมึ, อกุสลานํ ธมฺมานํ ปหานาย กุสลานํ ธมฺมานํ อุปสมฺปทาย สมฺมเทว ปทหึ.

ยถา ปน ปรกฺกมึ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘กาม’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ กามนฺติ ยถากามํ เอกํสโต วา ภิชฺชตุ. อยํ กาโยติ อยํ มม ปูติกาโย, อิมินา วีริยปตาเปน ภิชฺชติ เจ, ภิชฺชตุ ฉินฺนภินฺนํ โหตุ. มํสเปสี วิสียรุนฺติ อิมินา ทฬฺหปรกฺกเมน อิมสฺมา กายา มํสเปสิโย วิสียนฺติ เจ, วิสียนฺตุ อิโต จิโต วิทฺธํสนฺตุ. อุโภ ชณฺณุกสนฺธีหิ, ชงฺฆาโย ปปตนฺตุ เมติ อุโภหิ ชณฺณุกสนฺธีหิ สห มม อุโภ ชงฺฆาโย สตฺถิโย อูรุพนฺธโต ภิชฺชิตฺวา ภูมิยํ ปปตนฺตุ. ‘‘ม’’นฺติปิ ปาโ, โส เอวตฺโถ. เสสํ เหฏฺา วุตฺตนยเมว.

มุทิตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

จตุกฺกนิปาตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. ปฺจกนิปาโต

๑. ราชทตฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา

ปฺจกนิปาเต ภิกฺขุ สิวถิกํ คนฺตฺวาติอาทิกา อายสฺมโต ราชทตฺตตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร, ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ ปุฺํ อุปจินนฺโต, อิโต จตุทฺทเส กปฺเป พุทฺธสุฺเ โลเก กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต, เอกทิวสํ เกนจิเทว กรณีเยน วนนฺตํ อุปคโต ตตฺถ อฺตรํ ปจฺเจกพุทฺธํ รุกฺขมูเล นิสินฺนํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส สุปริสุทฺธํ อมฺพาฏกผลํ อทาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ สตฺถวาหกุเล นิพฺพตฺติ. ตสฺส มหาราชํ เวสฺสวณํ อาราเธตฺวา ปฏิลทฺธภาวโต มาตาปิตโร ราชทตฺโตติ นามํ อกํสุ. โส วยปฺปตฺโต ปฺจหิ สกฏสเตหิ ภณฺฑํ อาทาย วาณิชฺชวเสน ราชคหํ อคมาสิ. เตน จ สมเยน ราชคเห อฺตรา คณิกา อภิรูปา ทสฺสนียา ปรมโสภคฺคโยคโต ทิวเส ทิวเส สหสฺสํ ลภติ. อถ โส สตฺถวาหปุตฺโต ทิวเส ทิวเส ตสฺสา คณิกาย สหสฺสํ ทตฺวา สํวาสํ กปฺเปนฺโต นจิรสฺเสว สพฺพํ ธนํ เขเปตฺวา ทุคฺคโต หุตฺวา ฆาสจฺฉาทนมตฺตมฺปิ อลภนฺโต อิโต จิโต จ ปริพฺภมนฺโต สํเวคปฺปตฺโต อโหสิ. โส เอกทิวสํ อุปาสเกหิ สทฺธึ เวฬุวนํ อคมาสิ.

เตน จ สมเยน สตฺถา มหติยา ปริสาย ปริวุโต ธมฺมํ เทเสนฺโต นิสินฺโน โหติ. โส ปริสปริยนฺเต นิสีทิตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา ธุตงฺคานิ สมาทิยิตฺวา สุสาเน วสติ. ตทา อฺตโรปิ สตฺถวาหปุตฺโต สหสฺสํ ทตฺวา ตาย คณิกาย สห วสติ. สา จ คณิกา ตสฺส หตฺเถ มหคฺฆรตนํ ทิสฺวา โลภํ อุปฺปาเทตฺวา อฺเหิ ธุตฺตปุริเสหิ ตํ มาราเปตฺวา ตํ รตนํ คณฺหิ. อถ ตสฺส สตฺถวาหปุตฺตสฺส มนุสฺสา ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา โอจรกมนุสฺเส เปเสสุํ. เต รตฺติยํ ตสฺสา คณิกาย ฆรํ ปวิสิตฺวา ฉวิอาทีนิ อนุปหจฺเจว ตํ มาเรตฺวา สิวถิกาย ฉฑฺเฑสุํ. ราชทตฺตตฺเถโร อสุภนิมิตฺตํ คเหตุํ สุสาเน วิจรนฺโต ตสฺสา คณิกาย กเฬวรํ ปฏิกฺกุลโต มนสิ กาตุํ อุปคโต กติปยวาเร โยนิโส มนสิ กตฺวา อจิรมตภาวโต โสณสิงฺคาลาทีหิ อนุปหตฉวิตาย วิสภาควตฺถุตาย จ อโยนิโส มนสิกโรนฺโต, ตตฺถ กามราคํ อุปฺปาเทตฺวา สํวิคฺคตรมานโส อตฺตโน จิตฺตํ ปริภาสิตฺวา มุหุตฺตํ เอกมนฺตํ อปสกฺกิตฺวา อาทิโต อุปฏฺิตํ อสุภนิมิตฺตเมว คเหตฺวา โยนิโส มนสิกโรนฺโต ฌานํ อุปฺปาเทตฺวา ตํ ฌานํ ปาทกํ กตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา ตาวเทว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๔.๕๕-๕๙) –

‘‘วิปิเน พุทฺธํ ทิสฺวาน, สยมฺภุํ อปราชิตํ;

อมฺพาฏกํ คเหตฺวาน, สยมฺภุสฺส อทาสหํ.

‘‘เอกตึเส อิโต กปฺเป, ยํ ผลมททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อตฺตโน ปฏิปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปีติโสมนสฺสชาโต –

๓๑๕.

‘‘ภิกฺขุ สิวถิกํ คนฺตฺวา, อทฺทส อิตฺถิมุชฺฌิตํ;

อปวิทฺธํ สุสานสฺมึ, ขชฺชนฺตึ กิมิหี ผุฏํ.

๓๑๖.

‘‘ยฺหิ เอเก ชิคุจฺฉนฺติ, มตํ ทิสฺวาน ปาปกํ;

กามราโค ปาตุรหุ, อนฺโธว สวตี อหุํ.

๓๑๗.

‘‘โอรํ โอทนปากมฺหา, ตมฺหา านา อปกฺกมึ;

สติมา สมฺปชาโนหํ, เอกมนฺตํ อุปาวิสึ.

๓๑๘.

‘‘ตโต เม มนสีกาโร, โยนิโส อุทปชฺชถ;

อาทีนโว ปาตุรหุ, นิพฺพิทา สมติฏฺถ.

๓๑๙.

‘‘ตโต จิตฺตํ วิมุจฺจิ เม, ปสฺส ธมฺมสุธมฺมตํ;

ติสฺโส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ. –

อิมา ปฺจ คาถา อภาสิ.

ตตฺถ ภิกฺขุ สิวถิกํ คนฺตฺวาติ สํสาเร ภยสฺส อิกฺขนโต ภิกฺขุ, อสุภกมฺมฏฺานตฺถํ อามกสุสานํ อุปคนฺตฺวา. ‘‘ภิกฺขู’’ติ เจตํ อตฺตานํ สนฺธาย เถโร สยํ วทติ. อิตฺถินฺติ ถียติ เอตฺถ สุกฺกโสณิตํ สตฺตสนฺตานภาเวน สํหฺตีติ ถี, มาตุคาโม. เอวฺจ สภาวนิรุตฺติวเสน ‘‘อิตฺถี’’ติปิ วุจฺจติ. วฺฌาทีสุ ปน ตํสทิสตาย ตํสภาวานติวตฺตนโต จ ตพฺโพหาโร. ‘‘อิตฺถี’’ติ อิตฺถิกเฬวรํ วทติ. อุชฺฌิตนฺติ ปริจฺจตฺตํ อุชฺฌนิยตฺตา เอว อปวิทฺธํ อนเปกฺขภาเวน ขิตฺตํ. ขชฺชนฺตึ กิมิหี ผุฏนฺติ กิมีหิ ปูริตํ หุตฺวา ขชฺชมานํ.

ยฺหิ เอเก ชิคุจฺฉนฺติ, มตํ ทิสฺวาน ปาปกนฺติ ยํ อปคตายุอุสฺมาวิฺาณตาย มตํ กเฬวรํ ปาปกํ นิหีนํ ลามกํ เอเก โจกฺขชาติกา ชิคุจฺฉนฺติ, โอโลเกตุมฺปิ น อิจฺฉนฺติ. กามราโค ปาตุรหูติ ตสฺมึ กุณเป อโยนิโสมนสิการสฺส พลวตาย กามราโค มยฺหํ ปาตุรโหสิ อุปฺปชฺชิ. อนฺโธว สวตี อหุนฺติ ตสฺมึ กเฬวเร นวหิ ทฺวาเรหิ อสุจึ สวติ สนฺทนฺเต อสุจิภาวสฺส อทสฺสเนน อนฺโธ วิย อโหสึ. เตนาห –

‘‘รตฺโต อตฺถํ น ชานาติ, รตฺโต ธมฺมํ น ปสฺสติ;

อนฺธตมํ ตทา โหติ, ยํ ราโค สหเต นร’’นฺติ จ.

‘‘กามจฺฉนฺโท โข, พฺราหฺมณ, อนฺธกรโณ อจกฺขุกรโณ’’ติ จ อาทิ. เกจิ ปเนตฺถ ตการาคมํ กตฺวา ‘‘กิเลสปริยุฏฺาเนน อวสวตฺติ กิเลสสฺส วา วสวตฺตี’’ติ อตฺถํ วทนฺติ. อปเร ‘‘อนฺโธว อสติ อหุ’’นฺติ ปาฬึ วตฺวา ‘‘กามราเคน อนฺโธ เอว หุตฺวา สติรหิโต อโหสิ’’นฺติ อตฺถํ วทนฺติ. ตทุภยํ ปน ปาฬิยํ นตฺถิ.

โอรํ โอทนปากมฺหาติ โอทนปากโต โอรํ, ยาวตา กาเลน สุปริโธตตินฺตตณฺฑุลนาฬิยา โอทนํ ปจติ, ตโต โอรเมว กาลํ, ตโตปิ ลหุกาเลน ราคํ วิโนเทนฺโต, ตมฺหา านา อปกฺกมึ ยสฺมึ าเน ิตสฺส เม ราโค อุปฺปชฺชิ, ตมฺหา านา อปกฺกมึ อปสกฺกึ. อปกฺกนฺโตว สติมา สมฺปชาโนหํ สมณสฺํ อุปฏฺเปตฺวา สติปฏฺานมนสิการวเสน สติมา, สมฺมเทว ธมฺมสภาวชานเนน สมฺปชาโน จ หุตฺวา เอกมนฺตํ อุปาวิสึ, ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา นิสีทึ. นิสินฺนสฺส จ ตโต เม มนสีกาโร, โยนิโส อุทปชฺชถาติอาทิ สพฺพํ เหฏฺา วุตฺตนยเมวาติ.

ราชทตฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. สุภูตตฺเถรคาถาวณฺณนา

อโยเคติอาทิกา อายสฺมโต สุภูตตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต กสฺสปสฺส ภควโต กาเล พาราณสิยํ คหปติมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปสนฺนมานโส สรเณสุ จ สีเลสุ จ ปติฏฺาย มาเส มาเส อฏฺกฺขตฺตุํ จตุชฺชาติยคนฺเธน สตฺถุ คนฺธกุฏึ โอปุฺชาเปสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน สุคนฺธสรีโร หุตฺวา, อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท มคธรฏฺเ คหปติกุเล นิพฺพตฺติตฺวา สุภูโตติ ลทฺธนาโม วยปฺปตฺโต, นิสฺสรณชฺฌาสยตาย ฆราวาสํ ปหาย ติตฺถิเยสุ ปพฺพชิตฺวา ตตฺถ สารํ อลภนฺโต, สตฺถุ สนฺติเก อุปติสฺสโกลิตเสลาทิเก พหู สมณพฺราหฺมเณ ปพฺพชิตฺวา สามฺสุขํ อนุภวนฺเต ทิสฺวา สาสเน ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา อาจริยุปชฺฌาเย อาราเธตฺวา กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา วิเวกวาสํ วสนฺโต วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๕.๒๗๒-๓๐๘) –

‘‘อิมมฺหิ ภทฺทเก กปฺเป, พฺรหฺมพนฺธุ มหายโส;

กสฺสโป นาม โคตฺเตน, อุปฺปชฺชิ วทตํ วโร.

‘‘อนุพฺยฺชนสมฺปนฺโน, พาตฺตึสวรลกฺขโณ;

พฺยามปฺปภาปริวุโต, รํสิชาลสโมตฺถโฏ.

‘‘อสฺสาเสตา ยถา จนฺโท, สูริโยว ปภงฺกโร;

นิพฺพาเปตา ยถา เมโฆ, สาคโรว คุณากโร.

‘‘ธรณีริว สีเลน, หิมวาว สมาธินา;

อากาโส วิย ปฺาย, อสงฺโค อนิโล ยถา.

‘‘ตทาหํ พาราณสิยํ, อุปปนฺโน มหากุเล;

ปหูตธนธฺสฺมึ, นานารตนสฺจเย.

‘‘มหตา ปริวาเรน, นิสินฺนํ โลกนายกํ;

อุเปจฺจ ธมฺมมสฺโสสึ, อมตํว มโนหรํ.

‘‘ทฺวตฺตึสลกฺขณธโร, สนกฺขตฺโตว จนฺทิมา;

อนุพฺยฺชนสมฺปนฺโน, สาลราชาว ผุลฺลิโต.

‘‘รํสิชาลปริกฺขิตฺโต, ทิตฺโตว กนกาจโล;

พฺยามปฺปภาปริวุโต, สตรํสี ทิวากโร.

‘‘โสณฺณานโน ชินวโร, สมณีว สิลุจฺจโย;

กรุณาปุณฺณหทโย, คุเณน วิย สาคโร.

‘‘โลกวิสฺสุตกิตฺติ จ, สิเนรูว นคุตฺตโม;

ยสสา วิตฺถโต วีโร, อากาสสทิโส มุนิ.

‘‘อสงฺคจิตฺโต สพฺพตฺถ, อนิโล วิย นายโก;

ปติฏฺา สพฺพภูตานํ, มหีว มุนิสตฺตโม.

‘‘อนุปลิตฺโต โลเกน, โตเยน ปทุมํ ยถา;

กุวาทคจฺฉทหโน, อคฺคิกฺขนฺโธว โสภติ.

‘‘อคโท วิย สพฺพตฺถ, กิเลสวิสนาสโก;

คนฺธมาทนเสโลว, คุณคนฺธวิภูสิโต.

‘‘คุณานํ อากโร วีโร, รตนานํว สาคโร;

สินฺธูว วนราชีนํ, กิเลสมลหารโก.

‘‘วิชยีว มหาโยโธ, มารเสนาวมทฺทโน;

จกฺกวตฺตีว โส ราชา, โพชฺฌงฺครตนิสฺสโร.

‘‘มหาภิสกฺกสงฺกาโส, โทสพฺยาธิติกิจฺฉโก;

สลฺลกตฺโต ยถา เวชฺโช, ทิฏฺิคณฺฑวิผาลโก.

‘‘โส ตทา โลกปชฺโชโต, สนรามรสกฺกโต;

ปริสาสุ นราทิจฺโจ, ธมฺมํ เทสยเต ชิโน.

‘‘ทานํ ทตฺวา มหาโภโค, สีเลน สุคตูปโค;

ภาวนาย จ นิพฺพาติ, อิจฺเจวมนุสาสถ.

‘‘เทสนํ ตํ มหสฺสาทํ, อาทิมชฺฌนฺตโสภนํ;

สุณนฺติ ปริสา สพฺพา, อมตํว มหารสํ.

‘‘สุตฺวา สุมธุรํ ธมฺมํ, ปสนฺโน ชินสาสเน;

สุคตํ สรณํ คนฺตฺวา, ยาวชีวํ นมสฺสหํ.

‘‘มุนิโน คนฺธกุฏิยา, โอปุฺเชสึ ตทา มหึ;

จตุชฺชาเตน คนฺเธน, มาเส อฏฺ ทิเนสฺวหํ.

‘‘ปณิธาย สุคนฺธตฺตํ, สรีรวิสฺสคนฺธิโน;

ตทา ชิโน วิยากาสิ, สุคนฺธตนุลาภิตํ.

‘‘โย ยํ คนฺธกุฏิภูมึ, คนฺเธโนปุฺชเต สกึ;

เตน กมฺมวิปาเกน, อุปปนฺโน ตหึ ตหึ.

‘‘สุคนฺธเทโห สพฺพตฺถ, ภวิสฺสติ อยํ นโร;

คุณคนฺธยุตฺโต หุตฺวา, นิพฺพายิสฺสตินาสโว.

‘‘เตน กมฺเมน สุกเตน, เจตนาปณิธีหิ จ;

ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวตึสมคจฺฉหํ.

‘‘ปจฺฉิเม จ ภเว ทานิ, ชาโต วิปฺปกุเล อหํ;

คพฺภํ เม วสโต มาตา, เทเหนาสิ สุคนฺธิตา.

‘‘ยทา จ มาตุกุจฺฉิมฺหา, นิกฺขมามิ ตทา ปุรี;

สาวตฺถิ สพฺพคนฺเธหิ, วาสิตา วิย วายถ.

‘‘ปุปฺผวสฺสฺจ สุรภิ, ทิพฺพคนฺธํ มโนรมํ;

ธูปานิ จ มหคฺฆานิ, อุปวายึสุ ตาวเท.

‘‘เทวา จ สพฺพคนฺเธหิ, ธูปปุปฺเผหิ ตํ ฆรํ;

วาสยึสุ สุคนฺเธน, ยสฺมึ ชาโต อหํ ฆเร.

‘‘ยทา จ ตรุโณ ภทฺโท, ปเม โยพฺพเน ิโต;

ตทา เสลํ สปริสํ, วิเนตฺวา นรสารถิ.

‘‘เตหิ สพฺเพหิ ปริวุโต, สาวตฺถิปุรมาคโต;

ตทา พุทฺธานุภาวํ ตํ, ทิสฺวา ปพฺพชิโต อหํ.

‘‘สีลํ สมาธิปฺฺจ, วิมุตฺติฺจ อนุตฺตรํ;

ภาเวตฺวา จตุโร ธมฺเม, ปาปุณึ อาสวกฺขยํ.

‘‘ยทา ปพฺพชิโต จาหํ, ยทา จ อรหา อหุํ;

นิพฺพายิสฺสํ ยทา จาหํ, คนฺธวสฺโส ตทา อหุ.

‘‘สรีรคนฺโธ จ สทาติเสติ เม, มหารหํ จนฺทนจมฺปกุปฺปลํ;

ตเถว คนฺเธ อิตเร จ สพฺพโส, ปสยฺห วายามิ ตโต ตหึ ตหึ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา ติตฺถิเยสุ ปพฺพชิตฺวา อตฺตโน ปตฺตํ อตฺตกิลมถานุโยคํ ทุกฺขํ, สาสเน ปพฺพชิตฺวา ปตฺตํ ฌานาทิสุขฺจ จินฺเตตฺวา อตฺตโน ปฏิปตฺติปจฺจเวกฺขณมุเขน อฺํ พฺยากโรนฺโต –

๓๒๐.

‘‘อโยเค ยุฺชมตฺตานํ, ปุริโส กิจฺจมิจฺฉโก;

จรํ เจ นาธิคจฺเฉยฺย, ตํ เม ทุพฺภคลกฺขณํ.

๓๒๑.

‘‘อพฺพูฬฺหํ อฆคตํ วิชิตํ, เอกฺเจ โอสฺสเชยฺย กลีว สิยา;

สพฺพานิปิ เจ โอสฺสเชยฺย อนฺโธว สิยา, สมวิสมสฺส อทสฺสนโต.

๓๒๒.

‘‘ยฺหิ กยิรา ตฺหิ วเท, ยํ น กยิรา น ตํ วเท;

อกโรนฺตํ ภาสมานํ, ปริชานนฺติ ปณฺฑิตา.

๓๒๓.

‘‘ยถาปิ รุจิรํ ปุปฺผํ, วณฺณวนฺตํ อคนฺธกํ;

เอวํ สุภาสิตา วาจา, อผลา โหติ อกุพฺพโต.

๓๒๔.

‘‘ยถาปิ รุจิรํ ปุปฺผํ, วณฺณวนฺตํ สุคนฺธกํ;

เอวํ สุภาสิตา วาจา, สผลา โหติ กุพฺพโต’’ติ. –

อิมา ปฺจ คาถา อภาสิ.

ตตฺถ อโยเคติ อยุฺชิตพฺเพ อเสวิตพฺเพ อนฺตทฺวเย. อิธ ปน อตฺตกิลมถานุโยควเสน อตฺโถ เวทิตพฺโพ. ยุฺชนฺติ ตสฺมึ อตฺตานํ ยุฺชนฺโต โยเชนฺโต ตถา ปฏิปชฺชนฺโต. กิจฺจมิจฺฉโกติ อุภยหิตาวหํ กิจฺจํ อิจฺฉนฺโต, ตปฺปฏิปกฺขโต อโยเค จรํ จรนฺโต เจ ภเวยฺย. นาธิคจฺเฉยฺยาติ ยถาธิปฺเปตํ หิตสุขํ น ปาปุเณยฺยาติ าโย. ตสฺมา ยํ อหํ ติตฺถิยมตวฺจิโต อโยเค ยุฺชึ, ตํ เม ทุพฺภคลกฺขณํ อปุฺสภาโว. ‘‘ปุริมกมฺมพฺยาโมหิโต อโยเค ยุฺชิ’’นฺติ ทสฺเสติ.

อพฺพูฬฺหํ อฆคตํ วิชิตนฺติ วิพาธนสภาวตาย อฆา นาม ราคาทโย, อฆานิ เอว อฆคตํ, อฆคตานํ วิชิตํ สํสารปฺปวตฺติ, เตสํ วิชโย กุสลธมฺมาภิภโว. ‘‘อฆคตํ วิชิต’’นฺติ อนุนาสิกโลปํ อกตฺวา วุตฺตํ. ตํ อพฺพูฬฺหํ อนุทฺธตํ เยน, ตํ อพฺพูฬฺหาฆคตํ วิชิตํ กตฺวา เอวํภูโต หุตฺวา, กิเลเส อสมุจฺฉินฺทิตฺวาติ อตฺโถ. เอกฺเจ โอสฺสเชยฺยาติ อทุติยตาย ปธานตาย จ เอกํ อปฺปมาทํ สมฺมาปโยคเมว วา โอสฺสเชยฺย ปริจฺจเชยฺย เจ. กลีว โส ปุคฺคโล กาฬกณฺณี วิย สิยา. สพฺพานิปิ เจ โอสฺสเชยฺยาติ สพฺพานิปิ วิมุตฺติยา ปริปาจกานิ สทฺธาวีริยสติสมาธิปฺินฺทฺริยานิ โอสฺสเชยฺย เจ, อภาวนาย ฉฑฺเฑยฺย เจ, อนฺโธว สิยา สมวิสมสฺส อทสฺสนโต.

ยถาติ โอปมฺมสมฺปฏิปาทนตฺเถ นิปาโต. รุจิรนฺติ โสภนํ. วณฺณวนฺตนฺติ วณฺณสณฺานสมฺปนฺนํ. อคนฺธกนฺติ คนฺธรหิตํ ปาลิภทฺทกคิริกณฺณิกชยสุมนาทิเภทํ. เอวํ สุภาสิตา วาจาติ สุภาสิตา วาจา นาม เตปิฏกํ พุทฺธวจนํ วณฺณสณฺานสมฺปนฺนปุปฺผสทิสํ. ยถา หิ อคนฺธกํ ปุปฺผํ ธาเรนฺตสฺส สรีเร คนฺโธ น ผรติ, เอวํ เอตมฺปิ โย สกฺกจฺจสวนาทีหิ จ สมาจรติ, ตสฺส สกฺกจฺจํ อสมาจรนฺตสฺส ยํ ตตฺถ กตฺตพฺพํ, ตํ อกุพฺพโต สุตคนฺธํ ปฏิปตฺติคนฺธฺจ น อาวหติ อผลา โหติ. เตน วุตฺตํ ‘‘เอวํ สุภาสิตา วาจา, อผลา โหติ อกุพฺพโต’’ติ.

สุคนฺธกนฺติ สุมนจมฺปกนีลุปฺปลปุปฺผาทิเภทํ. เอวนฺติ ยถา ตํ ปุปฺผํ ธาเรนฺตสฺส สรีเร คนฺโธ ผรติ, เอวํ เตปิฏกพุทฺธวจนสงฺขาตา สุภาสิตา วาจาปิ โย สกฺกจฺจสวนาทีหิ ตตฺถ กตฺตพฺพํ กโรติ, อสฺส ปุคฺคลสฺส สผลา โหติ, สุตคนฺธปฏิปตฺติคนฺธานํ อาวหนโต มหปฺผลา โหติ มหานิสํสา. ตสฺมา ยโถวาทํ ปฏิปชฺเชยฺย, ยถาการี ตถาวาที จ ภเวยฺยาติ. เสสํ วุตฺตนยเมว.

สุภูตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. คิริมานนฺทตฺเถรคาถาวณฺณนา

วสฺสติ เทโวติอาทิกา อายสฺมโต คิริมานนฺทตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต สุเมธสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ฆราวาสํ วสนฺโต อตฺตโน ภริยาย ปุตฺเต จ กาลงฺกเต โสกสลฺลสมปฺปิโต อรฺํ ปวิฏฺโ สตฺถารา ตตฺถ คนฺตฺวา ธมฺมํ กเถตฺวา โสกสลฺเล อพฺพูฬฺเห ปสนฺนมานโส สุคนฺธปุปฺเผหิ ปูเชตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา สิรสิ อฺชลึ กตฺวา อภิตฺถวิ.

โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคเห พิมฺพิสารรฺโ ปุโรหิตสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, คิริมานนฺโทติสฺส นามํ อโหสิ. โส วิฺุตํ ปตฺโต สตฺถุ ราชคหคมเน พุทฺธานุภาวํ ทิสฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา สมณธมฺมํ กโรนฺโต กติปยํ ทิวสํ คามกาวาเส วสิตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตุํ ราชคหํ อคมาสิ. พิมฺพิสารมหาราชา ตสฺส อาคมนํ สุตฺวา อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘อิเธว, ภนฺเต, วสถ, อหํ จตูหิ ปจฺจเยหิ อุปฏฺหามี’’ติ สมฺปวาเรตฺวา คโต พหุกิจฺจตาย น สริ. ‘‘เถโร อพฺโภกาเส วสตี’’ติ เทวตา เถรสฺส เตมนภเยน วสฺสํ วาเรสุํ. ราชา อวสฺสนการณํ สลฺลกฺเขตฺวา เถรสฺส กุฏิกํ การาเปสิ. เถโร กุฏิกายํ วสนฺโต เสนาสนสปฺปายลาเภน สมาธานํ ลภิตฺวา วีริยสมตํ โยเชตฺวา วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๔๐.๔๑๙-๔๔๘) –

‘‘ภริยา เม กาลงฺกตา, ปุตฺโต สิวถิกํ คโต;

มาตา ปิตา มตา ภาตา, เอกจิตมฺหิ ฑยฺหเร.

‘‘เตน โสเกน สนฺตตฺโต, กิโส ปณฺฑุ อโหสหํ;

จิตฺตกฺเขโป จ เม อาสิ, เตน โสเกน อฏฺฏิโต.

‘‘โสกสลฺลปเรโตหํ, วนนฺตมุปสงฺกมึ;

ปวตฺตผลํ ภุฺชิตฺวา, รุกฺขมูเล วสามหํ.

‘‘สุเมโธ นาม สมฺพุทฺโธ, ทุกฺขสฺสนฺตกโร ชิโน;

มมุทฺธริตุกาโม โส, อาคฺฉิ มม สนฺติกํ.

‘‘ปทสทฺทํ สุณิตฺวาน, สุเมธสฺส มเหสิโน;

ปคฺคเหตฺวานหํ สีสํ, อุลฺโลเกสึ มหามุนึ.

‘‘อุปาคเต มหาวีเร, ปีติ เม อุทปชฺชถ;

ตทาสิเมกคฺคมโน, ทิสฺวา ตํ โลกนายกํ.

‘‘สตึ ปฏิลภิตฺวาน, ปณฺณมุฏฺิมทาสหํ;

นิสีทิ ภควา ตตฺถ, อนุกมฺปาย จกฺขุมา.

‘‘นิสชฺช ตตฺถ ภควา, สุเมโธ โลกนายโก;

ธมฺมํ เม กถยี พุทฺโธ, โสกสลฺลวิโนทนํ.

‘‘อนวฺหิตา ตโต อาคุํ, อนนุฺาตา อิโต คตา;

ยถาคตา ตถา คตา, ตตฺถ กา ปริเทวนา.

‘‘ยถาปิ ปถิกา สตฺตา, วสฺสมานาย วุฏฺิยา;

สภณฺฑา อุปคจฺฉนฺติ, วสฺสสฺสาปตนาย เต.

‘‘วสฺเส จ เต โอรมิเต, สมฺปยนฺติ ยทิจฺฉกํ;

เอวํ มาตา ปิตา ตุยฺหํ, ตตฺถ กา ปริเทวนา.

‘‘อาคนฺตุกา ปาหุนกา, จลิเตริตกมฺปิตา;

เอวํ มาตา ปิตา ตุยฺหํ, ตตฺถ กา ปริเทวนา.

‘‘ยถาปิ อุรโค ชิณฺณํ, หิตฺวา คจฺฉติ สํ ตจํ;

เอวํ มาตา ปิตา ตุยฺหํ, สํ ตนุํ อิธ หียเร.

‘‘พุทฺธสฺส คิรมฺาย, โสกสลฺลํ วิวชฺชยึ;

ปาโมชฺชํ ชนยิตฺวาน, พุทฺธเสฏฺํ อวนฺทหํ.

‘‘วนฺทิตฺวาน มหานาคํ, ปูชยึ คิริมฺชรึ;

ทิพฺพคนฺธํ สมฺปวนฺตํ, สุเมธํ โลกนายกํ.

‘‘ปูชยิตฺวาน สมฺพุทฺธํ, สิเร กตฺวาน อฺชลึ;

อนุสฺสรํ คุณคฺคานิ, สนฺถวึ โลกนายกํ.

‘‘นิตฺติณฺโณสิ มหาวีร, สพฺพฺุ โลกนายก;

สพฺเพ สตฺเต อุทฺธรสิ, าเณน ตฺวํ มหามุเน.

‘‘วิมตึ ทฺเวฬฺหกํ วาปิ, สฺฉินฺทสิ มหามุเน;

ปฏิปาเทสิ เม มคฺคํ, ตว าเณน จกฺขุม.

‘‘อรหา วสิปตฺตา จ, ฉฬภิฺา มหิทฺธิกา;

อนฺตลิกฺขจรา ธีรา, ปริวาเรนฺติ ตาวเท.

‘‘ปฏิปนฺนา จ เสขา จ, ผลฏฺา สนฺติ สาวกา;

สุโรทเยว ปทุมา, ปุปฺผนฺติ ตว สาวกา.

‘‘มหาสมุทฺโทวกฺโขโภ, อตุโลปิ ทุรุตฺตโร;

เอวํ าเณน สมฺปนฺโน, อปฺปเมยฺโยสิ จกฺขุม.

‘‘วนฺทิตฺวาหํ โลกชินํ, จกฺขุมนฺตํ มหายสํ;

ปุถุทิสา นมสฺสนฺโต, ปฏิกุฏิโก อาคฺฉหํ.

‘‘เทวโลกา จวิตฺวาน, สมฺปชาโน ปติสฺสโต;

โอกฺกมึ มาตุยา กุจฺฉึ, สนฺธาวนฺโต ภวาภเว.

‘‘อคารา อภินิกฺขมฺม, ปพฺพชึ อนคาริยํ;

อาตาปี นิปโก ฌายี, ปฏิสลฺลานโคจโร.

‘‘ปธานํ ปทหิตฺวาน, โตสยิตฺวา มหามุนึ;

จนฺโทวพฺภฆนา มุตฺโต, วิจรามิ อหํ สทา.

‘‘วิเวกมนุยุตฺโตมฺหิ, อุปสนฺโต นิรูปธิ;

สพฺพาสเว ปริฺาย, วิหรามิ อนาสโว.

‘‘ตึสกปฺปสหสฺสมฺหิ, ยํ พุทฺธมภิปูชยึ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อถ เถรสฺส อรหตฺตปฺปตฺติยา หฏฺตุฏฺเ วิย เทเว วสฺสนฺเต อุปริ ตํ วสฺสเน นิโยชนมุเขน อฺํ พฺยากโรนฺโต –

๓๒๕.

‘‘วสฺสติ เทโว ยถาสุคีตํ, ฉนฺนา เม กุฏิกา สุขา นิวาตา;

ตสฺสํ วิหรามิ วูปสนฺโต, อถ เจ ปตฺถยสี ปวสฺส เทว.

๓๒๖.

‘‘วสฺสติ เทโว ยถาสุคีตํ, ฉนฺนา เม กุฏิกา สุขา นิวาตา;

ตสฺสํ วิหรามิ สนฺตจิตฺโต, อถ เจ ปตฺถยสี ปวสฺส เทว.

๓๒๗.

‘‘วสฺสติ เทโว…เป… ตสฺสํ วิหรามิ วีตราโค…เป….

๓๒๘.

‘‘วสฺสติ เทโว…เป… ตสฺสํ วิหรามิ วีตโทโส…เป….

๓๒๙.

‘‘วสฺสติ เทโว…เป… ตสฺสํ วิหรามิ วีตโมโห;

อถ เจ ปตฺถยสี ปวสฺส เทวา’’ติ. – อิมา ปฺจ คาถา อภาสิ;

ตตฺถ ยถาสุคีตนฺติ สุคีตานุรูปํ, สุนฺทรสฺส อตฺตโน เมฆคีตสฺส อนุรูปเมวาติ อตฺโถ. วลาหโก หิ ยถา อคชฺชนฺโต เกวลํ วสฺสนฺโต น โสภติ, เอวํ สตปฏลสหสฺสปฏเลน อุฏฺหิตฺวา ถนยนฺโต คชฺชนฺโต วิชฺชุลฺลตา นิจฺฉาเรนฺโตปิ อวสฺสนฺโต น โสภติ, ตถาภูโต ปน หุตฺวา วสฺสนฺโต โสภตีติ วุตฺตํ ‘‘วสฺสติ เทโว ยถาสุคีต’’นฺติ. เตนาห – ‘‘อภิตฺถนย, ปชฺชุนฺน’’, (จริยา. ๓.๘๙; ชา. ๑.๑.๗๕) ‘‘คชฺชิตา เจว วสฺสิตา จา’’ติ (อ. นิ. ๔.๑๐๑; ปุ. ป. ๑๕๗) จ. ตสฺสํ วิหรามีติ ตสฺสํ กุฏิกายํ อริยวิหารคพฺเภน อิริยาปถวิหาเรน วิหรามิ. วูปสนฺตจิตฺโตติ อคฺคผลสมาธินา สมฺมเทว อุปสนฺตมานโส.

เอวํ เถรสฺส อเนกวารํ กตํ อุยฺโยชนํ สิรสา สมฺปฏิจฺฉนฺโต วลาหกเทวปุตฺโต นินฺนฺจ ถลฺจ ปูเรนฺโต มหาวสฺสํ วสฺสาเปสิ.

คิริมานนฺทตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. สุมนตฺเถรคาถาวณฺณนา

ยํ ปตฺถยาโนติอาทิกา อายสฺมโต สุมนตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต อิโต ปฺจนวุเต กปฺเป พุทฺธสุฺเ โลเก กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกํ ปจฺเจกพุทฺธํ พฺยาธิตํ ทิสฺวา หรีตกํ อทาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท โกสลรฏฺเ คหปติกุเล นิพฺพตฺติตฺวา สุมโนติ ลทฺธนาโม สุเขน วฑฺฒิ. ตสฺส ปน มาตุโล ปพฺพชิตฺวา อรหา หุตฺวา อรฺเ วิหรนฺโต สุมเน วยปฺปตฺเต ตํ ปพฺพาเชตฺวา จริตานุกูลํ กมฺมฏฺานํ อทาสิ. โส ตตฺถ โยคกมฺมํ กโรนฺโต จตฺตาริ ฌานานิ ปฺจ จ อภิฺาโย นิพฺพตฺเตสิ. อถสฺส เถโร วิปสฺสนาวิธึ อาจิกฺขิ. โส จ นจิเรเนว วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺเต ปติฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๔.๖๐-๗๑) –

‘‘หรีตกํ อามลกํ, อมฺพชมฺพุวิภีตกํ;

โกลํ ภลฺลาตกํ พิลฺลํ, สยเมว หรามหํ.

‘‘ทิสฺวาน ปพฺภารคตํ, ฌายึ ฌานรตํ มุนึ;

อาพาเธน อาปีเฬนฺตํ, อทุตียํ มหามุนึ.

‘‘หรีตกํ คเหตฺวาน, สยมฺภุสฺส อทาสหํ;

ขาทมตฺตมฺหิ เภสชฺเช, พฺยาธิ ปสฺสมฺภิ ตาวเท.

‘‘ปหีนทรโถ พุทฺโธ, อนุโมทมกาสิ เม;

เภสชฺชทาเนนิมินา, พฺยาธิวูปสเมน จ.

‘‘เทวภูโต มนุสฺโส วา, ชาโต วา อฺชาติยา;

สพฺพตฺถ สุขิโต โหตุ, มา จ เต พฺยาธิมาคมา.

‘‘อิทํ วตฺวาน สมฺพุทฺโธ, สยมฺภู อปราชิโต;

นภํ อพฺภุคฺคมี ธีโร, หํสราชาว อมฺพเร.

‘‘ยโต หรีตกํ ทินฺนํ, สยมฺภุสฺส มเหสิโน;

อิมํ ชาตึ อุปาทาย, พฺยาธิ เม นุปปชฺชถ.

‘‘อยํ ปจฺฉิมโก มยฺหํ, จริโม วตฺตเต ภโว;

ติสฺโส วิชฺชา สจฺฉิกตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสนํ.

‘‘จตุนฺนวุติโต กปฺเป, เภสชฺชมททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, เภสชฺชสฺส อิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺเต ปน ปติฏฺิโต เอกทิวสํ มาตุลตฺเถรสฺส อุปฏฺานํ อคมาสิ. ตํ เถโร อธิคมํ ปุจฺฉิ, ตํ พฺยากโรนฺโต –

๓๓๐.

‘‘ยํ ปตฺถยาโน ธมฺเมสุ, อุปชฺฌาโย อนุคฺคหิ;

อมตํ อภิกงฺขนฺตํ, กตํ กตฺตพฺพกํ มยา.

๓๓๑.

‘‘อนุปฺปตฺโต สจฺฉิกโต, สยํ ธมฺโม อนีติโห;

วิสุทฺธาโณ นิกฺกงฺโข, พฺยากโรมิ ตวนฺติเก.

๓๓๒.

‘‘ปุพฺเพนิวาสํ ชานามิ, ทิพฺพจกฺขุ วิโสธิตํ;

สทตฺโถ เม อนุปฺปตฺโต, กตํ พุทฺธสฺส สาสนํ.

๓๓๓.

‘‘อปฺปมตฺตสฺส เม สิกฺขา, สุสฺสุตา ตว สาสเน;

สพฺเพ เม อาสวา ขีณา, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว.

๓๓๔.

‘‘อนุสาสิ มํ อริยวตา, อนุกมฺปิ อนุคฺคหิ;

อโมโฆ ตุยฺหโมวาโท, อนฺเตวาสิมฺหิ สิกฺขิโต’’ติ. –

อิมาหิ ปฺจหิ คาถาหิ สีหนาทํ นทนฺโต อฺํ พฺยากาสิ.

ตตฺถ ยํ ปตฺถยาโน ธมฺเมสุ, อุปชฺฌาโย อนุคฺคหิ. อมตํ อภิกงฺขนฺตนฺติ สมถวิปสฺสนาทีสุ อนวชฺชธมฺเมสุ ยํ ธมฺมํ มยฺหํ ปตฺถยนฺโต อากงฺขนฺโต อุปชฺฌาโย อมตํ นิพฺพานํ อภิกงฺขนฺตํ มํ โอวาททานวเสน อนุคฺคณฺหิ. กตํ กตฺตพฺพกํ มยาติ ตสฺส อธิคมตฺถํ กตฺตพฺพํ ปริฺาทิโสฬสวิธํ กิจฺจํ กตํ นิฏฺาปิตํ มยา.

ตโต เอว อนุปฺปตฺโต อธิคโต จตุพฺพิโธปิ มคฺคธมฺโม สจฺฉิกโต. สยํ ธมฺโม อนีติโหติ สยํ อตฺตนาเยว นิพฺพานธมฺโม ผลธมฺโม จ อนีติโห อสนฺทิทฺโธ อตฺตปจฺจกฺโข กโต, ‘‘อิติห, อิติ กิรา’’ติ ปวตฺติยา อิติหสงฺขาตํ สํสยํ สมุจฺฉินฺทนฺโตเยว อริยมคฺโค ปวตฺตติ. เตนาห ‘‘วิสุทฺธาโณ นิกฺกงฺโข’’ติอาทิ. ตตฺถ วิสุทฺธาโณติ สพฺพสํกิเลสวิสุทฺธิยา วิสุทฺธาโณ. ตวนฺติเกติ ตว สมีเป.

สทตฺโถติ อรหตฺตํ. สิกฺขาติ อธิสีลสิกฺขาทโย. สุสฺสุตาติ ปริยตฺติพาหุสจฺจสฺส ปฏิเวธพาหุสจฺจสฺส จ ปาริปูริวเสน สุฏฺุ สุตา. ตว สาสเนติ ตว โอวาเท อนุสิฏฺิยํ ิตสฺส.

อริยวตาติ สุวิสุทฺธสีลาทิวตสมาทาเนน. อนฺเตวาสิมฺหิ สิกฺขิโตติ ตุยฺหํ สมีเป จิณฺณพฺรหฺมจริยวาสตาย อนฺเตวาสี สิกฺขิตวา สิกฺขิตอธิสีลาทิสิกฺโข อมฺหีติ.

สุมนตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. วฑฺฒตฺเถรคาถาวณฺณนา

สาธู หีติอาทิกา อายสฺมโต วฑฺฒตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยานิ ปุฺานิ อุปจินนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ภารุกจฺฉนคเร คหปติกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วฑฺโฒติ ลทฺธนาโม อนุปุพฺเพน วฑฺฒติ. อถสฺส มาตา สํสาเร สฺชาตสํเวคา ปุตฺตํ าตีนํ นิยฺยาเทตฺวา ภิกฺขุนีนํ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺตี อรหตฺตํ ปาปุณิตฺวา อปเรน สมเยน ปุตฺตมฺปิ วิฺุตํ ปตฺตํ เวฬุทนฺตตฺเถรสฺส สนฺติเก ปพฺพาเชสิ. โส ปพฺพชิโต พุทฺธวจนํ อุคฺคเหตฺวา พหุสฺสุโต ธมฺมกถิโก หุตฺวา คนฺถธุรํ วหนฺโต เอกทิวสํ ‘‘เอกโก สนฺตรุตฺตโรว มาตรํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ ภิกฺขุนุปสฺสยํ อคมาสิ. ตํ ทิสฺวา มาตา ‘‘กสฺมา ตฺวํ เอกโก สนฺตรุตฺตโรว อิธาคโต’’ติ โจเทสิ. โส มาตรา โจทิยมาโน ‘‘อยุตฺตํ มยา กต’’นฺติ อุปฺปนฺนสํเวโค วิหารํ คนฺตฺวา ทิวาฏฺาเน นิสินฺโน วิปสฺสิตฺวา อรหตฺตํ ปตฺวา มาตุ โอวาทสมฺปตฺติปกาสนมุเขน อฺํ พฺยากโรนฺโต –

๓๓๕.

‘‘สาธู หิ กิร เม มาตา, ปโตทํ อุปทํสยิ;

ยสฺสาหํ วจนํ สุตฺวา, อนุสิฏฺโ ชเนตฺติยา;

อารทฺธวีริโย ปหิตตฺโต, ปตฺโต สมฺโพธิมุตฺตมํ.

๓๓๖.

‘‘อรหา ทกฺขิเณยฺโยมฺหิ, เตวิชฺโช อมตทฺทโส;

เชตฺวา นมุจิโน เสนํ, วิหรามิ อนาสโว.

๓๓๗.

‘‘อชฺฌตฺตฺจ พหิทฺธา จ, เย เม วิชฺชึสุ อาสวา;

สพฺเพ อเสสา อุจฺฉินฺนา, น จ อุปฺปชฺชเร ปุน.

๓๓๘.

‘‘วิสารทา โข ภคินี, เอวมตฺถํ อภาสยิ;

อปิหา นูน มยิปิ, วนโถ เต น วิชฺชติ.

๓๓๙.

‘‘ปริยนฺตกตํ ทุกฺขํ, อนฺติโมยํ สมุสฺสโย;

ชาติมรณสํสาโร, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’’ติ. – อิมา คาถา อภาสิ;

ตตฺถ สาธู หิ กิร เม มาตา, ปโตทํ อุปทํสยีติ สาธุ วต มาตา มยฺหํ โอวาทสงฺขาตํ ปโตทํ ทสฺเสติ, เตน เม วีริยํ อุตฺเตเชนฺตี อุตฺตมงฺเค ปฺาสีเส วิชฺฌิ. ยสฺสาติ ยสฺสา เม มาตุยา. สมฺโพธินฺติ อรหตฺตํ. อยฺเหตฺถ โยชนา – ชเนตฺติยา เม อนุสิฏฺโ ยสฺสา อนุสาสนีภูตํ วจนํ สุตฺวา อหํ อารทฺธวีริโย ปหิตตฺโต วิหรนฺโต อุตฺตมํ อคฺคผลํ สมฺโพธึ อรหตฺตํ ปตฺโต.

ตโต เอว อารกตฺตา กิเลเสหิ อรหา ปุฺกฺเขตฺตตาย ทกฺขิเณยฺโย ทกฺขิณารโห อมฺหิ. ปุพฺเพนิวาสาณาทิวิชฺชาตฺตยสฺส อธิคตตฺตา เตวิชฺโช นิพฺพานสฺส สจฺฉิกตตฺตา อมตทฺทโส นมุจิโน มารสฺส เสนํ กิเลสวาหินึ โพธิปกฺขิยเสนาย ชินิตฺวา ตสฺส ชิตตฺตาเยว อนาสโว สุขํ วิหรามีติ.

อิทานิ ‘‘อนาสโว’’ติ วุตฺตมตฺถํ ปากฏตรํ กาตุํ ‘‘อชฺฌตฺตฺจา’’ ติ คาถมาห. ตสฺสตฺโถ – อชฺฌตฺตํ อชฺฌตฺตวตฺถุกา จ พหิทฺธา พหิทฺธวตฺถุกา จ อาสวา เย มยฺหํ อริยมคฺคาธิคมโต ปุพฺเพ วิชฺชึสุ อุปลพฺภึสุ, เต สพฺเพ อนวเสสา อุจฺฉินฺนา อริยมคฺเคน สมุจฺฉินฺนา ปหีนา ปุน ทานิ กทาจิปิ น จ อุปฺปชฺเชยฺยุํ น อุปฺปชฺชิสฺสนฺติเยวาติ.

อิทานิ มาตุ วจนํ องฺกุสํ กตฺวา อตฺตนา อรหตฺตสฺส อธิคตตฺตา มาตรํ โถเมนฺโต ‘‘วิสารทา’’ติ คาถมาห. ตตฺถ วิสารทา โขติ เอกํเสน วิคตสารชฺชา. เอวํ มาตุ อตฺตโน จ อรหตฺตาธิคเมน สตฺถุ โอรสปุตฺตภาวํ อุลฺลเปนฺโต มาตรํ ‘‘ภคินี’’ติ อาห. เอตมตฺถํ อภาสยีติ เอตํ มม โอวาทภูตํ อตฺถํ อภณิ. เอวํ ปน มํ โอวทนฺตี น เกวลํ วิสารทา เอว, อถ โข อปิหา นูน มยิปิ ตว ปุตฺตเกปิ อปิหา อสนฺถวา มฺเ, กึ วา เอเตน ปริกปฺปเนน? วนโถ เต น วิชฺชติ อวิชฺชาทิโก วนโถ ตว สนฺตาเน นตฺเถว, ยา มํ ภวกฺขเย นิโยเชสีติ อธิปฺปาโย.

อิทานิ ‘‘ตยา นิโยชิตากาเรเนว มยา ปฏิปนฺน’’นฺติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปริยนฺตกต’’นฺติ โอสานคาถมาห, ตสฺสตฺโถ สุวิฺเยฺโยว.

วฑฺฒตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. นทีกสฺสปตฺเถรคาถาวณฺณนา

อตฺถาย วต เมติอาทิกา อายสฺมโต นทีกสฺสปตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินนฺโต ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ สตฺถารํ ปิณฺฑาย จรนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส อตฺตนา โรปิตสฺส อมฺพรุกฺขสฺส ปมุปฺปนฺนํ มโนสิลาวณฺณํ เอกํ อมฺพผลํ อทาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท มคธรฏฺเ พฺราหฺมณกุเล อุรุเวลกสฺสปสฺส ภาตา หุตฺวา นิพฺพตฺโต. วยปฺปตฺโต นิสฺสรณชฺฌาสยตาย ฆราวาสํ อนิจฺฉนฺโต ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ตีหิ ตาปสสเตหิ สทฺธึ เนรฺชราย นทิยา ตีเร อสฺสมํ มาเปตฺวา วิหรติ. นทีตีเร วสนโต หิสฺส กสฺสปโคตฺตตาย จ นทีกสฺสโปติ สมฺา อโหสิ. ตสฺส ภควา สปริสสฺส เอหิภิกฺขุภาเวน อุปสมฺปทํ อทาสิ. ตํ สพฺพํ ขนฺธเก (มหาว. ๓๖-๓๙) อาคตเมว. โส ภควโต อาทิตฺตปริยายเทสนาย (มหาว. ๕๔; สํ. นิ. ๔.๒๘) อรหตฺเต ปติฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๔.๘๑-๘๗) –

‘‘ปทุมุตฺตรพุทฺธสฺส, โลกเชฏฺสฺส ตาทิโน;

ปิณฺฑาย วิจรนฺตสฺส, ธารโต อุตฺตมํ ยสํ.

‘‘อคฺคผลํ คเหตฺวาน, วิปฺปสนฺเนน เจตสา;

ทกฺขิเณยฺยสฺส วีรสฺส, อทาสึ สตฺถุโน อหํ.

‘‘เตน กมฺเมน ทฺวิปทินฺท, โลกเชฏฺ นราสภ;

ปตฺโตมฺหิ อจลํ านํ, หิตฺวา ชยปราชยํ.

‘‘สตสหสฺสิโต กปฺเป, ยํ ทานมททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, อคฺคทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺเต ปน ปติฏฺิโต อปรภาเค อตฺตโน ปฏิปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ทิฏฺิสมุคฺฆาตกิตฺตนมุเขน อฺํ พฺยากโรนฺโต –

๓๔๐.

‘‘อตฺถาย วต เม พุทฺโธ, นทึ เนรฺชรํ อคา;

ยสฺสาหํ ธมฺมํ สุตฺวาน, มิจฺฉาทิฏฺึ วิวชฺชยึ.

๓๔๑.

‘‘ยชึ อุจฺจาวเจ ยฺเ, อคฺคิหุตฺตํ ชุหึ อหํ;

เอสา สุทฺธีติ มฺนฺโต, อนฺธภูโต ปุถุชฺชโน.

๓๔๒.

‘‘ทิฏฺิคหนปกฺขนฺโท, ปรามาเสน โมหิโต;

อสุทฺธึ มฺิสํ สุทฺธึ, อนฺธภูโต อวิทฺทสุ.

๓๔๓.

‘‘มิจฺฉาทิฏฺิ ปหีนา เม, ภวา สพฺเพ วิทาลิตา;

ชุหามิ ทกฺขิเณยฺยคฺคึ, นมสฺสามิ ตถาคตํ.

๓๔๔.

‘‘โมหา สพฺเพ ปหีนา เม, ภวตณฺหา ปทาลิตา;

วิกฺขีโณ ชาติสํสาโร, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’’ติ. –

อิมา ปฺจ คาถา อภาสิ.

ตตฺถ อตฺถาย วต เมติ มยฺหํ อตฺถาย วต หิตาย วต. พุทฺโธติ สพฺพฺุพุทฺโธ. นทึ เนรฺชรํ อคาติ เนรฺชราสงฺขาตํ นทึ อคฺฉิ, ตสฺสา นทิยา ตีเร จ มม ภาตุ อุรุเวลกสฺสปสฺส อสฺสมํ อุปคโตติ อธิปฺปาโย.

อิทานิ ยถาวุตฺตมตฺถํ วิวริตุํ ‘‘ยสฺสาห’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ยสฺสาติ ยสฺส พุทฺธสฺส ภควโต. ธมฺมํ สุตฺวานาติ จตุสจฺจปฏิสํยุตฺตํ ธมฺมํ สุตฺวา, โสตทฺวารานุสาเรน อุปลภิตฺวา. มิจฺฉาทิฏฺึ วิวชฺชยินฺติ ‘‘ยฺาทีหิ สุทฺธิ โหตี’’ติอาทินยปฺปวตฺตํ วิปรีตทสฺสนํ ปชหึ.

มิจฺฉาทิฏฺึ วิวชฺชยินฺติ วุตฺตเมวตฺถํ วิตฺถาเรตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘ยชิ’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ ยชึ อุจฺจาวเจ ยฺเติ ปากฏยฺเ โสมยาควาชเปยฺยาทิเก นานาวิเธ ยฺเ ยชึ. อคฺคิหุตฺตํ ชุหึ อหนฺติ เตสํ ยฺานํ ยชนวเสน อาหุตึ ปคฺคณฺหนฺโต อคฺคึ ปริจรึ. เอสา สุทฺธีติ มฺนฺโตติ เอสา ยฺกิริยา อคฺคิปาริจริยา สุทฺธิเหตุภาวโต สุทฺธิ ‘‘เอวํ เม สํสารสุทฺธิ โหตี’’ติ มฺมาโน. อนฺธภูโต ปุถุชฺชโนติ ปฺาจกฺขุเวกลฺเลน อวิชฺชนฺธตาย อนฺธภูโต ปุถุชฺชโน หุตฺวา วนคหนปพฺพตคหนาทีนิ วิย ทุรติกฺกมนฏฺเน ทิฏฺิเยว คหนํ ทิฏฺิคหนํ, ตํ ปกฺขนฺโท อนุปวิฏฺโติ ทิฏฺิคหนปกฺขนฺโท. ปรามาเสนาติ ธมฺมสภาวํ อติกฺกมิตฺวา ‘‘อิทเมว สจฺจ’’นฺติ ปรามสนโต ปรามาสสงฺขาเตน มิจฺฉาภินิเวเสน. โมหิโตติ มูฬฺหภาวํ ปาปิโต. อสุทฺธึ มฺิสํ สุทฺธินฺติ อสุทฺธึ มคฺคํ ‘‘สุทฺธึ มคฺค’’นฺติ มฺิสํ มฺึ. ตตฺถ การณมาห ‘‘อนฺธภูโต อวิทฺทสู’’ติ. ยสฺมา อวิชฺชาย อนฺธภูโต, ตโต เอว ธมฺมาธมฺมํ ยุตฺตายุตฺตฺจ อวิทฺวา, ตสฺมา ตถา มฺินฺติ อตฺโถ.

มิจฺฉาทิฏฺิ ปหีนา เมติ เอวํภูตสฺส ปน สตฺถุ สมฺมุขา จตุสจฺจคพฺภํ ธมฺมกถํ สุตฺวา โยนิโส ปฏิปชฺชนฺตสฺส อริยมคฺคสมฺมาทิฏฺิยา สพฺพาปิ มิจฺฉาทิฏฺิ สมุจฺเฉทปฺปหานวเสน มยฺหํ ปหีนา. ภวาติ กามภวาทโย สพฺเพปิ ภวา อริยมคฺคสตฺเถน วิทาลิตา วิทฺธํสิตา. ชุหามิ ทกฺขิเณยฺยคฺคินฺติ อาหวนียาทิเก อคฺคี ฉฑฺเฑตฺวา สเทวกสฺส โลกสฺส อคฺคทกฺขิเณยฺยตาย สพฺพสฺส จ ปาปสฺส ทหนโต ทกฺขิเณยฺยคฺคึ สมฺมาสมฺพุทฺธํ ชุหามิ ปริจรามิ. ตยิทํ มยฺหํ ทกฺขิเณยฺยคฺคิปริจรณํ ทธินวนีตมถิตสปฺปิอาทินิรเปกฺขํ สตฺถุ นมสฺสนเมวาติ อาห ‘‘นมสฺสามิ ตถาคต’’นฺติ. อถ วา ชุหามิ ทกฺขิเณยฺยคฺคินฺติ ทายกานํ ทกฺขิณาย มหปฺผลภาวกรเณน ปาปสฺส จ ทหเนน ทกฺขิเณยฺยคฺคิภูตํ อตฺตานํ ชุหามิ ปริจรามิ ตถา กตฺวา ปริจรามิ, ตถา กตฺวา ปริหรามิ. ปุพฺเพ อคฺคิเทวํ นมสฺสามิ, อิทานิ ปน นมสฺสามิ ตถาคตนฺติ.

โมหา สพฺเพ ปหีนา เมติ ทุกฺเข อฺาณาทิเภทา สพฺเพ โมหา มยฺหํ ปหีนา สมุจฺฉินฺนา, ตโต เอว ‘‘ภวตณฺหา ปทาลิตา. วิกฺขีโณ ชาติสํสาโร, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’’ติ ตีสุ ปเทสุ เม-สทฺโท อาเนตฺวา โยเชตพฺโพ.

นทีกสฺสปตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. คยากสฺสปตฺเถรคาถาวณฺณนา

ปาโต มชฺฌนฺหิกนฺติอาทิกา อายสฺมโต คยากสฺสปตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินนฺโต อิโต เอกตึเส กปฺเป สิขิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต นิสฺสรณชฺฌาสยตาย ฆราวาสํ ปหาย ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อรฺายตเน อสฺสมํ กาเรตฺวา วนมูลผลาหาโร วสติ. เตน จ สมเยน ภควา เอโก อทุติโย ตสฺส อสฺสมสมีเปน คจฺฉติ. โส ภควนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ ิโต เวลํ โอโลเกตฺวา มโนหรานิ โกลผลานิ สตฺถุ อุปเนสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต นิสฺสรณชฺฌาสยตาย ฆราวาสํ ปหาย ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ทฺวีหิ ตาปสสเตหิ สทฺธึ คยายํ วิหรติ. คยายํ วสนโต หิสฺส กสฺสปโคตฺตตาย จ คยากสฺสโปติ สมฺา อโหสิ. โส ภควตา สทฺธึ ปริสาย เอหิภิกฺขูปสมฺปทํ ทตฺวา อาทิตฺตปริยายเทสนาย (มหาว. ๕๔) โอวทิยมาโน อรหตฺเต ปติฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๕.๘-๑๔) –

‘‘อชิเนน นิวตฺโถหํ, วากจีรธโร ตทา;

ขาริยา ปูรยิตฺวานํ, โกลํหาสึ มมสฺสมํ.

‘‘ตมฺหิ กาเล สิขี พุทฺโธ, เอโก อทุติโย อหุ;

มมสฺสมํ อุปคจฺฉิ, ชานนฺโต สพฺพกาลิกํ.

‘‘สกํ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, วนฺทิตฺวาน จ สุพฺพตํ;

อุโภ หตฺเถหิ ปคฺคยฺห, โกลํ พุทฺธสฺสทาสหํ.

‘‘เอกตึเส อิโต กปฺเป, ยํ ผลมททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, โกลทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺเต ปน ปติฏฺิโต อตฺตโน ปฏิปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปาปปวาหนกิตฺตนมุเขน อฺํ พฺยากโรนฺโต –

๓๔๕.

‘‘ปาโต มชฺฌนฺหิกํ สายํ, ติกฺขตฺตุํ ทิวสสฺสหํ;

โอตรึ อุทกํ โสหํ, คยาย คยผคฺคุยา.

๓๔๖.

‘‘ยํ มยา ปกตํ ปาปํ, ปุพฺเพ อฺาสุ ชาติสุ;

ตํ ทานีธ ปวาเหมิ, เอวํทิฏฺิ ปุเร อหุํ.

๓๔๗.

‘‘สุตฺวา สุภาสิตํ วาจํ, ธมฺมตฺถสหิตํ ปทํ;

ตถํ ยาถาวกํ อตฺถํ, โยนิโส ปจฺจเวกฺขิสํ.

๓๔๘.

‘‘นินฺหาตสพฺพปาโปมฺหิ, นิมฺมโล ปยโต สุจิ;

สุทฺโธ สุทฺธสฺส ทายาโท, ปุตฺโต พุทฺธสฺส โอรโส.

๓๔๙.

‘‘โอคยฺหฏฺงฺคิกํ โสตํ, สพฺพปาปํ ปวาหยึ;

ติสฺโส วิชฺชา อชฺฌคมึ, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ. –

อิมา ปฺจ คาถา อภาสิ.

ตตฺถ ปมคาถาย ตาว อยํ สงฺเขปตฺโถ – ปาโต สูริยุคฺคมนเวลายํ, มชฺฌนฺหิกํ มชฺฌนฺหเวลายํ, สายํ สายนฺหเวลายนฺติ ทิวสสฺส ติกฺขตฺตุํ ตโย วาเร อหํ อุทกํ โอตรึ โอคาหึ. โอตรนฺโต จ โสหํ น ยตฺถ กตฺถจิ ยทา วา ตทา วา โอตรึ, อถ โข คยาย มหาชนสฺส ‘‘ปาปปวาหน’’นฺติ อภิสมฺมเต คยาติตฺเถ, คยผคฺคุยา คยาผคฺคุนามเก ผคฺคุนีมาสสฺส อุตฺตรผคฺคุนีนกฺขตฺเต อนุสํวจฺฉรํ อุทโกโรหนมนุยุตฺโต อโหสินฺติ.

อิทานิ ตทา เยนาธิปฺปาเยน อุทโกโรหนมนุยุตฺตํ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยํ มยา’’ติ คาถมาห. ตสฺสตฺโถ – ‘‘ยํ มยา ปุพฺเพ อิโต อฺาสุ ชาตีสุ ปาปกมฺมํ อุปจิตํ. ตํ อิทานิ อิธ คยาติตฺเถ อิมิสฺสา จ คยาผคฺคุยา อิมินา อุทโกโรหเนน ปวาเหมิ อปเนมิ วิกฺขาเลมี’’ติ. ปุเร สตฺถุ สาสนุปคมนโต ปุพฺเพ เอวํทิฏฺิ เอวรูปวิปรีตทสฺสโน อหุํ อโหสึ.

ธมฺมตฺถสหิตํ ปทนฺติ วิภตฺติอโลเปน นิทฺเทโส. ธมฺเมน จ อตฺเถน จ สหิตโกฏฺาสํ, อาทิโต มชฺฌโต ปริโยสานโต จ ธมฺมูปสํหิตํ อตฺถูปสํหิตํ สุฏฺุ เอกนฺเตน นิยฺยานิกํ กตฺวา ภาสิตํ วาจํ สมฺมาสมฺพุทฺธวจนํ สุตฺวา เตน ปกาสิตํ ปรมตฺถภาเวน ตจฺฉภาวโต ตถํ ยถารหํ ปวตฺตินิวตฺติอุปายภาเว พฺยภิจาราภาวโต ยาถาวกํ ทุกฺขาทิอตฺถํ โยนิโส อุปาเยน ปริฺเยฺยาทิภาเวน ปจฺจเวกฺขิสํ ‘‘ทุกฺขํ ปริฺเยฺยํ, สมุทโย ปหาตพฺโพ, นิโรโธ สจฺฉิกาตพฺโพ, มคฺโค ภาเวตพฺโพ’’ติ ปติอเวกฺขึ, าณจกฺขุนา ปสฺสึ ปฏิวิชฺฌินฺติ อตฺโถ.

นินฺหาตสพฺพปาโปมฺหีติ เอวํ ปฏิวิทฺธสจฺจตฺตา เอว อริยมคฺคชเลน วิกฺขาลิตสพฺพปาโป อมฺหิ. ตโต เอว ราคมลาทีนํ อภาเวน นิมฺมลตฺตา นิมฺมโล. ตโต เอว ปริสุทฺธกายสมาจารตาย ปริสุทฺธวจีสมาจารตาย ปริสุทฺธมโนสมาจารตาย ปยโต สุจิ สุทฺโธ. สวาสนสพฺพกิเลสมลวิสุทฺธิยา สุทฺธสฺส พุทฺธสฺส ภควโต โลกุตฺตรธมฺมทายสฺส อาทิยนโต ทายาโท. ตสฺเสว เทสนาาณสมุฏฺานอุโรวายามชนิตาภิชาติตาย โอรโส ปุตฺโต อมฺหีติ โยชนา.

ปุนปิ อตฺตโน ปรมตฺถโต นฺหาตกภาวเมว วิภาเวตุํ ‘‘โอคยฺหา’’ติ โอสานคาถมาห. ตตฺถ โอคยฺหาติ โอคาเหตฺวา อนุปวิสิตฺวา. อฏฺงฺคิกํ โสตนฺติ สมฺมาทิฏฺิอาทีหิ อฏฺงฺคสโมธานภูตํ มคฺคโสตํ. สพฺพปาปํ ปวาหยินฺติ อนวเสสํ ปาปมลํ ปกฺขาเลสึ, อริยมคฺคชลปวาหเนน ปรมตฺถนฺหาตโก อโหสึ. ตโต เอว ติสฺโส วิชฺชา อชฺฌคมึ, กตํ พุทฺธสฺส สาสนนฺติ วุตฺตตฺถเมว.

คยากสฺสปตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. วกฺกลิตฺเถรคาถาวณฺณนา

วาตโรคาภินีโตติอาทิกา อายสฺมโต วกฺกลิตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล หํสวตีนคเร กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต สตฺถุ สนฺติกํ คจฺฉนฺเตหิ อุปาสเกหิ สทฺธึ วิหารํ คนฺตฺวา ปริสปริยนฺเต ิโต ธมฺมํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ สทฺธาธิมุตฺตานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา สยมฺปิ ตํ านํ ปตฺเถนฺโต สตฺตาหํ มหาทานํ ทตฺวา ปณิธานํ อกาสิ. สตฺถา ตสฺส อนนฺตรายตํ ทิสฺวา พฺยากริ.

โสปิ ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อมฺหากํ สตฺถุ กาเล สาวตฺถิยํ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติ, วกฺกลีติสฺส นามํ อกํสุ. โส วุทฺธิปฺปตฺโต ตโย เวเท อุคฺคณฺหิตฺวา พฺราหฺมณสิปฺเปสุ นิปฺผตฺตึ คโต สตฺถารํ ทิสฺวา รูปกายสฺส สมฺปตฺติทสฺสเนน อติตฺโต สตฺถารา สทฺธึเยว วิจรติ. ‘‘อคารมชฺเฌ วสนฺโต นิจฺจกาลํ สตฺถารํ ทฏฺุํ น ลภิสฺสามี’’ติ สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา เปตฺวา โภชนเวลํ สรีรกิจฺจกาลฺจ เสสกาเล ยตฺถ ิเตน สกฺกา ทสพลํ ปสฺสิตุํ, ตตฺถ ิโต อฺํ กิจฺจํ ปหาย ภควนฺตํ โอโลเกนฺโตว วิหรติ. สตฺถา ตสฺส าณปริปากํ อาคเมนฺโต พหุกาลํ ตสฺมึ รูปทสฺสเนเนว วิจรนฺเต กิฺจิ อวตฺวา ปุเนกทิวสํ ‘‘กึ เต, วกฺกลิ, อิมินา ปูติกาเยน ทิฏฺเน? โย โข, วกฺกลิ, ธมฺมํ ปสฺสติ, โส มํ ปสฺสติ. โย มํ ปสฺสติ, โส ธมฺมํ ปสฺสติ. ธมฺมฺหิ, วกฺกลิ, ปสฺสนฺโต มํ ปสฺสติ, มํ ปสฺสนฺโต ธมฺมํ ปสฺสตี’’ติ (สํ. นิ. ๓.๘๗) อาห.

สตฺถริ เอวํ วทนฺเตปิ เถโร สตฺถุ ทสฺสนํ ปหาย อฺตฺถ คนฺตุํ น สกฺโกติ. ตโต สตฺถา ‘‘นายํ ภิกฺขุ สํเวคํ อลภิตฺวา พุชฺฌิสฺสตี’’ติ วสฺสูปนายิกทิวเส ‘‘อเปหิ, วกฺกลี’’ติ เถรํ ปณาเมสิ. โส สตฺถารา ปณามิโต สมฺมุเข าตุํ อสกฺโกนฺโต ‘‘กึ มยฺหํ ชีวิเตน, โยหํ สตฺถารํ ทฏฺุํ น ลภามี’’ติ คิชฺฌกูฏปพฺพเต ปปาตฏฺานํ อภิรุหิ. สตฺถา ตสฺส ตํ ปวตฺตึ ตฺวา ‘‘อยํ ภิกฺขุ มม สนฺติกา อสฺสาสํ อลภนฺโต มคฺคผลานํ อุปนิสฺสยํ นาเสยฺยา’’ติ อตฺตานํ ทสฺเสตุํ โอภาสํ วิสฺสชฺเชนฺโต –

‘‘ปาโมชฺชพหุโล ภิกฺขุ, ปสนฺโน พุทฺธสาสเน;

อธิคจฺเฉ ปทํ สนฺตํ, สงฺขารูปสมํ สุข’’นฺติ. (ธ. ป. ๓๘๑) –

คาถํ วตฺวา ‘‘เอหิ, วกฺกลี’’ติ หตฺถํ ปสาเรสิ. เถโร ‘‘ทสพโล เม ทิฏฺโ, ‘เอหี’ติ อวฺหานมฺปิ ลทฺธ’’นฺติ พลวปีติโสมนสฺสํ อุปฺปาเทตฺวา ‘‘กุโต อาคจฺฉามี’’ติ อตฺตโน คมนภาวํ อชานิตฺวา สตฺถุ สมฺมุเข อากาเส ปกฺขนฺทนฺโต ปมปาเทน ปพฺพเต ิโตเยว สตฺถารา วุตฺตคาถํ อาวชฺเชนฺโต อากาเสเยว ปีตึ วิกฺขมฺเภตฺวา สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณีติ องฺคุตฺตรฏฺกถายํ (อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๒๐๘) ธมฺมปทวณฺณนายฺจ (ธ. ป. อฏฺ. ๒.๓๘๑) อาคตํ.

อิธ ปน เอวํ วทนฺติ – ‘‘กึ เต, วกฺกลี’’ติอาทินา สตฺถารา โอวทิโต คิชฺฌกูเฏ วิหรนฺโต วิปสฺสนํ ปฏฺเปสิ, ตสฺส สทฺธาย พลวภาวโต เอว วิปสฺสนา วีถึ น โอตรติ, ภควา ตํ ตฺวา กมฺมฏฺานํ โสเธตฺวา อทาสิ. ปุน วิปสฺสนํ มตฺถกํ ปาเปตุํ นาสกฺขิเยว, อถสฺส อาหารเวกลฺเลน วาตาพาโธ อุปฺปชฺชิ, ตํ วาตาพาเธน ปีฬิยมานํ ตฺวา ภควา ตตฺถ คนฺตฺวา ปุจฺฉนฺโต –

๓๕๐.

‘‘วาตโรคาภินีโต ตฺวํ, วิหรํ กานเน วเน;

ปวิทฺธโคจเร ลูเข, กถํ ภิกฺขุ กริสฺสสี’’ติ. –

อาห. ตํ สุตฺวา เถโร –

๓๕๑.

‘‘ปีติสุเขน วิปุเลน, ผรมาโน สมุสฺสยํ;

ลูขมฺปิ อภิสมฺโภนฺโต, วิหริสฺสามิ กานเน.

๓๕๒.

‘‘ภาเวนฺโต สติปฏฺาเน, อินฺทฺริยานิ พลานิ จ;

โพชฺฌงฺคานิ จ ภาเวนฺโต, วิหริสฺสามิ กานเน.

๓๕๓.

‘‘อารทฺธวีริเย ปหิตตฺเต, นิจฺจํ ทฬฺหปรกฺกเม;

สมคฺเค สหิเต ทิสฺวา, วิหริสฺสามิ กานเน.

๓๕๔.

‘‘อนุสฺสรนฺโต สมฺพุทฺธํ, อคฺคํ ทนฺตํ สมาหิตํ;

อตนฺทิโต รตฺตินฺทิวํ, วิหริสฺสามิ กานเน’’ติ. –

จตสฺโส คาถา อภาสิ.

ตตฺถ วาตโรคาภินีโตติ วาตาพาเธน อเสริภาวํ อุปนีโต, วาตพฺยาธินา อภิภูโต. ตฺวนฺติ เถรํ อาลปติ. วิหรนฺติ เตน อิริยาปถวิหาเรน วิหรนฺโต. กานเน วเนติ กานนภูเต วเน, มหาอรฺเติ อตฺโถ. ปวิทฺธโคจเรติ วิสฺสฏฺโคจเร ทุลฺลภปจฺจเย. วาตโรคสฺส สปฺปายานํ สปฺปิอาทิเภสชฺชานํ อภาเวน ผรุสภูมิภาคตาย จ ลูเข ลูขฏฺาเน. กถํ ภิกฺขุ กริสฺสสีติ ภิกฺขุ ตฺวํ กถํ วิหริสฺสสีติ ภควา ปุจฺฉิ.

ตํ สุตฺวา เถโร นิรามิสปีติโสมนสฺสาทินา อตฺตโน สุขวิหารํ ปกาเสนฺโต ‘‘ปีติสุเขนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ปีติสุเขนาติ อุพฺเพคลกฺขณาย ผรณลกฺขณาย จ ปีติยา ตํสมฺปยุตฺตสุเขน จ. เตนาห ‘‘วิปุเลนา’’ติ อุฬาเรนาติ อตฺโถ. ผรมาโน สมุสฺสยนฺติ ยถาวุตฺตปีติสุขสมุฏฺิเตหิ ปณีเตหิ รูเปหิ สกลํ กายํ ผราเปนฺโต นิรนฺตรํ ผุฏํ กโรนฺโต. ลูขมฺปิ อภิสมฺโภนฺโตติ อรฺาวาสชนิตํ สลฺเลขวุตฺติเหตุกํ ทุสฺสหมฺปิ ปจฺจยลูขํ อภิภวนฺโต อธิวาเสนฺโต. วิหริสฺสามิ กานเนติ ฌานสุเขน วิปสฺสนาสุเขน จ อรฺายตเน วิหริสฺสามีติ อตฺโถ. เตนาห – ‘‘สุขฺจ กาเยน ปฏิสํเวเทสิ’’นฺติ (ปารา. ๑๑).

‘‘ยโต ยโต สมฺมสติ, ขนฺธานํ อุทยพฺพยํ;

ลภตี ปีติปาโมชฺชํ, อมตํ ตํ วิชานต’’นฺติ จ. (ธ. ป. ๓๗๔);

ภาเวนฺโต สติปฏฺาเนติ มคฺคปริยาปนฺเน กายานุปสฺสนาทิเก จตฺตาโร สติปฏฺาเน อุปฺปาเทนฺโต วฑฺเฒนฺโต จ. อินฺทฺริยานีติ มคฺคปริยาปนฺนานิ เอว สทฺธาทีนิ ปฺจินฺทฺริยานิ. พลานีติ ตถา สทฺธาทีนิ ปฺจ พลานิ. โพชฺฌงฺคานีติ ตถา สติสมฺโพชฺฌงฺคาทีนิ สตฺต โพชฺฌงฺคานิ. -สทฺเทน สมฺมปฺปธานอิทฺธิปาทมคฺคงฺคานิ สงฺคณฺหาติ. ตทวินาภาวโต หิ ตคฺคหเณเนว เตสํ คหณํ โหติ. วิหริสฺสามีติ ยถาวุตฺเต โพธิปกฺขิยธมฺเม ภาเวนฺโต มคฺคสุเขน ตทธิคมสิทฺเธน ผลสุเขน นิพฺพานสุเขน จ วิหริสฺสามิ.

อารทฺธวีริเยติ จตุพฺพิธสมฺมปฺปธานวเสน ปคฺคหิตวีริเย. ปหิตตฺเตติ นิพฺพานํ ปติเปสิตจิตฺเต. นิจฺจํ ทฬฺหปรกฺกเมติ สพฺพกาลํ อสิถิลวีริเย. อวิวาทวเสน กายสามคฺคิทานวเสน จ สมคฺเค. ทิฏฺิสีลสามฺเน สหิเต สพฺรหฺมจารี ทิสฺวา. เอเตน กลฺยาณมิตฺตสมฺปตฺตึ ทสฺเสติ.

อนุสฺสรนฺโต สมฺพุทฺธนฺติ สมฺมา สามํ สพฺพธมฺมานํ พุทฺธตฺตา สมฺมาสมฺพุทฺธํ สพฺพสตฺตุตฺตมตาย, อคฺคํ อุตฺตเมน ทมเถน ทนฺตํ, อนุตฺตรสมาธินา สมาหิตํ อตนฺทิโต อนลโส หุตฺวา, รตฺตินฺทิวํ สพฺพกาลํ ‘‘อิติปิ โส ภควา อรห’’นฺติอาทินา อนุสฺสรนฺโต วิหริสฺสามิ. เอเตน พุทฺธานุสฺสติภาวนาย ยุตฺตาการทสฺสเนน สพฺพตฺถ กมฺมฏฺานานุโยคมาห, ปุริเมน ปาริหาริยกมฺมฏฺานานุโยคํ.

เอวํ ปน วตฺวา เถโร วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๔.๒๘-๖๕) –

‘‘อิโต สตสหสฺสมฺหิ, กปฺเป อุปฺปชฺชิ นายโก;

อโนมนาโม อมิโต, นาเมน ปทุมุตฺตโร.

‘‘ปทุมาการวทโน, ปทุมามลสุจฺฉวี;

โลเกนานุปลิตฺโตว, โตเยน ปทุมํ ยถา.

‘‘วีโร ปทุมปตฺตกฺโข, กนฺโต จ ปทุมํ ยถา;

ปทุมุตฺตรคนฺโธว, ตสฺมา โส ปทุมุตฺตโร.

‘‘โลกเชฏฺโ จ นิมฺมาโน, อนฺธานํ นยนูปโม;

สนฺตเวโส คุณนิธิ, กรุณามติสาคโร.

‘‘ส กทาจิ มหาวีโร, พฺรหฺมาสุรสุรจฺจิโต;

สเทวมนุชากิณฺเณ, ชนมชฺเฌ ชินุตฺตโม.

‘‘วทเนน สุคนฺเธน, มธุเรน รุเตน จ;

รฺชยํ ปริสํ สพฺพํ, สนฺถวี สาวกํ สกํ.

‘‘สทฺธาธิมุตฺโต สุมติ, มม ทสฺสนลาลโส;

นตฺถิ เอตาทิโส อฺโ, ยถายํ ภิกฺขุ วกฺกลิ.

‘‘ตทาหํ หํสวติยํ, นคเร พฺราหฺมณตฺรโช;

หุตฺวา สุตฺวา จ ตํ วากฺยํ, ตํ านมภิโรจยึ.

‘‘สสาวกํ ตํ วิมลํ, นิมนฺเตตฺวา ตถาคตํ;

สตฺตาหํ โภชยิตฺวาน, ทุสฺเสหจฺฉาทยึ ตทา.

‘‘นิปจฺจ สิรสา ตสฺส, อนนฺตคุณสาคเร;

นิมุคฺโค ปีติสมฺปุณฺโณ, อิทํ วจนมพฺรวึ.

‘‘โย โส ตยา สนฺถวิโต, อิโต สตฺตมเก มุนิ;

ภิกฺขุ สทฺธาวตํ อคฺโค, ตาทิโส โหมหํ มุเน.

‘‘เอวํ วุตฺเต มหาวีโร, อนาวรณทสฺสโน;

อิมํ วากฺยํ อุทีเรสิ, ปริสาย มหามุนิ.

‘‘ปสฺสเถตํ มาณวกํ, ปีตมฏฺนิวาสนํ;

เหมยฺโปจิตงฺคํ, ชนเนตฺตมโนหรํ.

‘‘เอโส อนาคตทฺธาเน, โคตมสฺส มเหสิโน;

อคฺโค สทฺธาธิมุตฺตานํ, สาวโกยํ ภวิสฺสติ.

‘‘เทวภูโต มนุสฺโส วา, สพฺพสนฺตาปวชฺชิโต;

สพฺพโภคปริพฺยูฬฺโห, สุขิโต สํสริสฺสติ.

‘‘สตสหสฺสิโต กปฺเป, โอกฺกากกุลสมฺภโว;

โคตโม นาม โคตฺเตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติ.

‘‘ตสฺส ธมฺเมสุ ทายาโท, โอรโส ธมฺมนิมฺมิโต;

วกฺกลิ นาม นาเมน, เหสฺสติ สตฺถุ สาวโก.

‘‘เตน กมฺมวิเสเสน, เจตนาปณิธีหิ จ;

ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวตึสมคจฺฉหํ.

‘‘สพฺพตฺถ สุขิโต หุตฺวา, สํสรนฺโต ภวาภเว;

สาวตฺถิยํ ปุเร ชาโต, กุเล อฺตเร อหํ.

‘‘โนนีตสุขุมาลํ มํ, ชาตปลฺลวโกมลํ;

มนฺทํ อุตฺตานสยนํ, ปิสาจภยตชฺชิตา.

‘‘ปาทมูเล มเหสิสฺส, สาเยสุํ ทีนมานสา;

อิมํ ททาม เต นาถ, สรณํ โหหิ นายก.

‘‘ตทา ปฏิคฺคหิ โส มํ, ภีตานํ สรโณ มุนิ;

ชาลินา จกฺกงฺกิเตน, มุทุโกมลปาณินา.

‘‘ตทา ปภุติ เตนาหํ, อรกฺเขยฺเยน รกฺขิโต;

สพฺพเวรวินิมุตฺโต, สุเขน ปริวุทฺธิโต.

‘‘สุคเตน วินา ภูโต, อุกฺกณฺามิ มุหุตฺตกํ;

ชาติยา สตฺตวสฺโสหํ, ปพฺพชึ อนคาริยํ.

‘‘สพฺพปารมิสมฺภูตํ, นีลกฺขินยนํ วรํ;

รูปํ สพฺพสุภากิณฺณํ, อติตฺโต วิหรามหํ.

‘‘พุทฺธรูปรตึ ตฺวา, ตทา โอวทิ มํ ชิโน;

อลํ วกฺกลิ กึ รูเป, รมเส พาลนนฺทิเต.

‘‘โย หิ ปสฺสติ สทฺธมฺมํ, โส มํ ปสฺสติ ปณฺฑิโต;

อปสฺสมาโน สทฺธมฺมํ, มํ ปสฺสมฺปิ น ปสฺสติ.

‘‘อนนฺตาทีนโว กาโย, วิสรุกฺขสมูปโม;

อาวาโส สพฺพโรคานํ, ปุฺโช ทุกฺขสฺส เกวโล.

‘‘นิพฺพินฺทิย ตโต รูเป, ขนฺธานํ อุทยพฺพยํ;

ปสฺส อุปกฺกิเลสานํ, สุเขนนฺตํ คมิสฺสสิ.

‘‘เอวํ เตนานุสิฏฺโหํ, นายเกน หิเตสินา;

คิชฺฌกูฏํ สมารุยฺห, ฌายามิ คิริกนฺทเร.

‘‘ิโต ปพฺพตปาทมฺหิ, อสฺสาสยิ มหามุนิ;

วกฺกลีติ ชิโน วาจํ, ตํ สุตฺวา มุทิโต อหํ.

‘‘ปกฺขนฺทึ เสลปพฺภาเร, อเนกสตโปริเส;

ตทา พุทฺธานุภาเวน, สุเขเนว มหึ คโต.

‘‘ปุโนปิ ธมฺมํ เทเสติ, ขนฺธานํ อุทยพฺพยํ;

ตมหํ ธมฺมมฺาย, อรหตฺตมปาปุณึ.

‘‘สุมหาปริสมชฺเฌ, ตทา มํ จรณนฺตโค;

อคฺคํ สทฺธาธิมุตฺตานํ, ปฺเปสิ มหามติ.

‘‘สตสหสฺสิโต กปฺเป, ยํ กมฺมมกรึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อฺํ พฺยากโรนฺโตปิ เถโร อิมา เอว คาถา อภาสิ. อถ นํ สตฺถา ภิกฺขุสงฺฆมชฺเฌ นิสินฺโน สทฺธาธิมุตฺตานํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.

วกฺกลิตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. วิชิตเสนตฺเถรคาถาวณฺณนา

โอลคฺเคสฺสามีติอาทิกา อายสฺมโต วิชิตเสนตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินนฺโต อตฺถทสฺสิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต ฆราวาสํ ปหาย อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อรฺเ วิหรนฺโต อากาเสน คจฺฉนฺตํ ภควนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส ปสนฺนาการํ ทสฺเสนฺโต อฺชลึ ปคฺคยฺห อฏฺาสิ. สตฺถา ตสฺส อชฺฌาสยํ ตฺวา อากาสโต โอตริ. โส ภควโต มโนหรานิ มธุรานิ ผลานิ อุปเนสิ, ปฏิคฺคเหสิ ภควา อนุกมฺปํ อุปาทาย. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท โกสลรฏฺเ หตฺถาจริยกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิชิตเสโนติ ลทฺธนาโม วิฺุตํ ปาปุณิ. ตสฺส มาตุลา เสโน จ อุปเสโน จาติ ทฺเว หตฺถาจริยา สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺธา ปพฺพชิตฺวา วาสธุรํ ปูเรนฺตา อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. วิชิตเสโนปิ หตฺถิสิปฺเป นิปฺผตฺตึ คโต นิสฺสรณชฺฌาสยตาย ฆราวาเส อลคฺคมานโส สตฺถุ ยมกปาฏิหาริยํ ทิสฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ มาตุลตฺเถรานํ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา เตสํ โอวาทานุสาสนิยา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต วิปสฺสนาวีถึ ลงฺฆิตฺวา พหิทฺธา นานารมฺมเณ วิธาวนฺตํ อตฺตโน จิตฺตํ โอวทนฺโต –

๓๕๕.

‘‘โอลคฺเคสฺสามิ เต จิตฺต, อาณิทฺวาเรว หตฺถินํ;

น ตํ ปาเป นิโยเชสฺสํ, กามชาลํ สรีรชํ.

๓๕๖.

‘‘ตฺวํ โอลคฺโค น คจฺฉสิ, ทฺวารวิวรํ คโชว อลภนฺโต;

น จ จิตฺตกลิ ปุนปฺปุนํ, ปสกฺก ปาปรโต จริสฺสสิ.

๓๕๗.

‘‘ยถา กุฺชรํ อทนฺตํ, นวคฺคหมงฺกุสคฺคโห;

พลวา อาวตฺเตติ อกามํ, เอวํ อาวตฺตยิสฺสํ ตํ.

๓๕๘.

‘‘ยถา วรหยทมกุสโล, สารถิปวโร ทเมติ อาชฺํ;

เอวํ ทมยิสฺสํ ตํ, ปติฏฺิโต ปฺจสุ พเลสุ.

๓๕๙.

‘‘สติยา ตํ นิพนฺธิสฺสํ, ปยุตฺโต เต ทเมสฺสามิ;

วีริยธุรนิคฺคหิโต, น ยิโต ทูรํ คมิสฺสเส จิตฺตา’’ติ. –

คาถา อภาสิ.

ตตฺถ โอลคฺเคสฺสามีติ สํวริสฺสามิ นิวาเรสฺสามิ. เตติ ตํ. อุปโยคตฺเถ หิ อิทํ สามิวจนํ. เต คมนนฺติ วา วจนเสโส. หตฺถินนฺติ จ หตฺถินฺติ อตฺโถ. จิตฺตาติ อตฺตโน จิตฺตํ อาลปติ. ยถา ตํ วาเรตุกาโม, ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อาณิทฺวาเรว หตฺถิน’’นฺติ อาห. อาณิทฺวารํ นาม ปาการพทฺธสฺส นครสฺส ขุทฺทกทฺวารํ, ยํ ฆฏิกาฉิทฺเท อาณิมฺหิ ปกฺขิตฺเต ยนฺเตน วินา อพฺภนฺตเร ิเตหิปิ วิวริตุํ น สกฺกา. เยน มนุสฺสควสฺสมหึสาทโย น นิคฺคนฺตุํ สกฺกา. นครโต พหิ นิคฺคนฺตุกามมฺปิ หตฺถึ ยโต ปโลเภตฺวา หตฺถาจริโย คมนํ นิวาเรสิ. อถ วา อาณิทฺวารํ นาม ปลิฆทฺวารํ. ตตฺถ หิ ติริยํ ปลิฆํ เปตฺวา รุกฺขสูจิสงฺขาตํ อาณึ ปลิฆสีเส อาวุณนฺติ. ปาเปติ รูปาทีสุ อุปฺปชฺชนกอภิชฺฌาทิปาปธมฺเม ตํ น นิโยเชสฺสํ น นิโยชิสฺสามิ. กามชาลาติ กามสฺส ชาลภูตํ. ยถา หิ มจฺฉพนฺธมิคลุทฺทานํ ชาลํ นาม มจฺฉาทีนํ เตสํ ยถากามการสาธนํ, เอวํ อโยนิโสมนสิการานุปาติตํ จิตฺตํ มารสฺส กามการสาธนํ. เตน หิ โส สตฺเต อนตฺเถสุ ปาเตติ. สรีรชาติ สรีเรสุ อุปฺปชฺชนก. ปฺจโวการภเว หิ จิตฺตํ รูปปฏิพทฺธวุตฺติตาย ‘‘สรีรช’’นฺติ วุจฺจติ.

ตฺวํ โอลคฺโค น คจฺฉสีติ ตฺวํ, จิตฺตกลิ, มยา สติปฺาปโตทองฺกุเสหิ วาริโต น ทานิ ยถารุจึ คมิสฺสสิ, อโยนิโสมนสิการวเสน ยถากามํ วตฺติตุํ น ลภิสฺสสิ. ยถา กึ? ทฺวารวิวรํ คโชว อลภนฺโต นครโต คชนิโรธโต วา นิคฺคมนาย ทฺวารวิวรกํ อลภมาโน หตฺถี วิย. จิตฺตกลีติ จิตฺตกาฬกณฺณิ. ปุนปฺปุนนฺติ อปราปรํ. ปสกฺกาติ สรณสมฺปสฺสาสวเสน. ปาปรโตติ ปาปกมฺมนิรโต ปุพฺเพ วิย อิทานิ น จริสฺสสิ ตถา จริตุํ น ทสฺสามีติ อตฺโถ.

อทนฺตนฺติ อทมิตํ หตฺถิสิกฺขํ อสิกฺขิตํ. นวคฺคหนฺติ อจิรคหิตํ. องฺกุสคฺคโหติ หตฺถาจริโย. พลวาติ กายพเลน าณพเลน จ พลวา. อาวตฺเตติ อกามนฺติ อนิจฺฉนฺตเมว นิเสธนโต นิวตฺเตติ. เอวํ อาวตฺตยิสฺสนฺติ ยถา ยถาวุตฺตํ หตฺถึ หตฺถาจริโย, เอวํ ตํ จิตฺตํ จิตฺตกลึ ทุจฺจริตนิเสธนโต นิวตฺตยิสฺสามิ.

วรหยทมกุสโลติ อุตฺตมานํ อสฺสทมฺมานํ ทมเน กุสโล. ตโต เอว สารถิปวโร อสฺสทมฺมสารถีสุ วิสิฏฺโ ทเมติ อาชฺํ อาชานียํ อสฺสทมฺมํ เทสกาลานุรูปํ สณฺหผรุเสหิ ทเมติ วิเนติ นิพฺพิเสวนํ กโรติ. ปติฏฺิโต ปฺจสุ พเลสูติ สทฺธาทีสุ ปฺจสุ พเลสุ ปติฏฺิโต หุตฺวา อสฺสทฺธิยาทินิเสธนโต ตํ ทมยิสฺสํ ทเมสฺสามีติ อตฺโถ.

สติยา ตํ นิพนฺธิสฺสนฺติ โคจรชฺฌตฺตโต พหิ คนฺตุํ อเทนฺโต สติโยตฺเตน กมฺมฏฺานถมฺเภ, จิตฺตกลิ, ตํ นิพนฺธิสฺสามิ นิยเมสฺสามิ. ปยุตฺโต เต ทเมสฺสามีติ ตตฺถ นิพนฺธนฺโต เอว ยุตฺตปฺปยุตฺโต หุตฺวา เต ทเมสฺสามิ, สํกิเลสมลโต ตํ วิโสเธสฺสามิ. วีริยธุรนิคฺคหิโตติ ยถาวุตฺโต เฉเกน สุสารถินา ยุเค โยชิโต ยุคนิคฺคหิโต ยุคนฺตรคโต ตํ นาติกฺกมติ, เอวํ ตฺวมฺปิ จิตฺต, มม วีริยธุเร นิคฺคหิโต สกฺกจฺจการิตาย สาตจฺจการิตาย อฺถา วตฺติตุํ อลภนฺโต อิโต โคจรชฺฌตฺตโต ทูรํ พหิ น คมิสฺสสิ. ภาวนานุยุตฺตสฺส หิ กมฺมฏฺานโต อฺํ อาสนฺนมฺปิ ลกฺขณโต ทูรเมวาติ เอวํ เถโร อิมาหิ คาถาหิ อตฺตโน จิตฺตํ นิคฺคณฺหนฺโตว วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๕.๒๒-๓๐) –

‘‘สุวณฺณวณฺณํ สมฺพุทฺธํ, ทฺวตฺตึสวรลกฺขณํ;

วิปินคฺเคน คจฺฉนฺตํ, สาลราชํว ผุลฺลิตํ.

‘‘ติณตฺถรํ ปฺาเปตฺวา, พุทฺธเสฏฺํ อยาจหํ;

อนุกมฺปตุ มํ พุทฺโธ, ภิกฺขํ อิจฺฉามิ ทาตเว.

‘‘อนุกมฺปโก การุณิโก, อตฺถทสฺสี มหายโส;

มม สงฺกปฺปมฺาย, โอรูหิ มม อสฺสเม.

‘‘โอโรหิตฺวาน สมฺพุทฺโธ, นิสีทิ ปณฺณสนฺถเร;

ภลฺลาตกํ คเหตฺวาน, พุทฺธเสฏฺสฺสทาสหํ.

‘‘มม นิชฺฌายมานสฺส, ปริภุฺชิ ตทา ชิโน;

ตตฺถ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, อภิวนฺทึ ตทา ชินํ.

‘‘อฏฺารเส กปฺปสเต, ยํ ผลมททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ผลทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อฺํ พฺยากโรนฺโตปิ อิมา คาถา อภาสิ.

วิชิตเสนตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. ยสทตฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา

อุปารมฺภจิตฺโตติอาทิกา อายสฺมโต ยสทตฺตตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินิ. ตถา เหส ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา พฺราหฺมณานํ วิชฺชาสิปฺเปสุ นิปฺผตฺตึ คโต กาเม ปหาย อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อรฺเ วิหรนฺโต เอกทิวสํ สตฺถารํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส อฺชลึ ปคฺคยฺห อภิตฺถวิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท มลฺลรฏฺเ มลฺลราชกุเล นิพฺพตฺติตฺวา ยสทตฺโตติ ลทฺธนาโม, วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา สพฺพสิปฺปานิ สิกฺขิตฺวา สภิเยน ปริพฺพาชเกน สทฺธึเยว จาริกํ จรมาโน, อนุปุพฺเพน สาวตฺถิยํ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา สภิเยน ปุฏฺปฺเหสุ วิสฺสชฺชิยมาเนสุ สยํ โอตาราเปกฺโข สุณนฺโต นิสีทิ ‘‘สมณสฺส โคตมสฺส วาเท โทสํ ทสฺสามี’’ติ. อถสฺส ภควา จิตฺตาจารํ ตฺวา สภิยสุตฺตเทสนาวสาเน (สุ. นิ. สภิยสุตฺต) โอวาทํ เทนฺโต –

๓๖๐.

‘‘อุปารมฺภจิตฺโต ทุมฺเมโธ, สุณาติ ชินสาสนํ;

อารกา โหติ สทฺธมฺมา, นภโส ปถวี ยถา.

๓๖๑.

‘‘อุปารมฺภจิตฺโต ทุมฺเมโธ, สุณาติ ชินสาสนํ;

ปริหายติ สทฺธมฺมา, กาฬปกฺเขว จนฺทิมา.

๓๖๒.

‘‘อุปารมฺภจิตฺโต ทุมฺเมโธ, สุณาติ ชินสาสนํ;

ปริสุสฺสติ สทฺธมฺเม, มจฺโฉ อปฺโปทเก ยถา.

๓๖๓.

‘‘อุปารมฺภจิตฺโต ทุมฺเมโธ, สุณาติ ชินสาสนํ;

น วิรูหติ สทฺธมฺเม, เขตฺเต พีชํว ปูติกํ.

๓๖๔.

‘‘โย จ ตุฏฺเน จิตฺเตน, สุณาติ ชินสาสนํ;

เขเปตฺวา อาสเว สพฺเพ, สจฺฉิกตฺวา อกุปฺปตํ;

ปปฺปุยฺย ปรมํ สนฺตึ, ปรินิพฺพาตินาสโว’’ติ. –

อิมา ปฺจ คาถา อภาสิ.

ตตฺถ อุปารมฺภจิตฺโตติ สารมฺภจิตฺโต, โทสาโรปนาธิปฺปาโยติ อตฺโถ. ทุมฺเมโธติ นิปฺปฺโ. อารกา โหติ สทฺธมฺมาติ โส ตาทิโส ปุคฺคโล นภโส วิย ปถวี ปฏิปตฺติสทฺธมฺมโตปิ ทูเร โหติ, ปเคว ปฏิเวธสทฺธมฺมโต. ‘‘น ตฺวํ อิมํ ธมฺมวินยํ อาชานาสี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๑๘) วิคฺคาหิกกถํ อนุยุตฺตสฺส กุโต สนฺตนิปุโณ ปฏิปตฺติสทฺธมฺโม.

ปริหายติ สทฺธมฺมาติ นววิธโลกุตฺตรธมฺมโต ปุพฺพภาคิยสทฺธาทิสทฺธมฺมโตปิ นิหียติ. ปริสุสฺสตีติ วิสุสฺสติ กายจิตฺตานํ ปีณนรสสฺส ปีติปาโมชฺชาทิกุสลธมฺมสฺสาภาวโต. น วิรูหตีติ วิรูฬฺหึ วุทฺธึ น ปาปุณาติ. ปูติกนฺติ โคมยเลปทานาทิอภาเวน ปูติภาวํ ปตฺตํ.

ตุฏฺเน จิตฺเตนาติ อิตฺถมฺภูตลกฺขเณ กรณวจนํ, อตฺตมโน ปมุทิโต หุตฺวาติ อตฺโถ. เขเปตฺวาติ สมุจฺฉินฺทิตฺวา. อกุปฺปตนฺติ อรหตฺตํ. ปปฺปุยฺยาติ ปาปุณิตฺวา. ปรมํ สนฺตินฺติ อนุปาทิเสสํ นิพฺพานํ. ตทธิคโม จสฺส เกวลํ กาลาคมนเมว, น โกจิวิโธติ ตํ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ ‘‘ปรินิพฺพาตินาสโว’’ติ.

เอวํ สตฺถารา โอวทิโต สํเวคชาโต ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๔.๓๕-๔๓) –

‘‘กณิการํว ชลิตํ, ทีปรุกฺขํว โชติตํ;

กฺจนํว วิโรจนฺตํ, อทฺทสํ ทฺวิปทุตฺตมํ.

‘‘กมณฺฑลุํ เปตฺวาน, วากจีรฺจ กุณฺฑิกํ;

เอกํสํ อชินํ กตฺวา, พุทฺธเสฏฺํ ถวึ อหํ.

‘‘ตมนฺธการํ วิธมํ, โมหชาลสมากุลํ;

าณาโลกํ ทสฺเสตฺวาน, นิตฺติณฺโณสิ มหามุนิ.

‘‘สมุทฺธรสิมํ โลกํ, สพฺพาวนฺตมนุตฺตรํ;

าเณ เต อุปมา นตฺถิ, ยาวตา ชคโต คติ.

‘‘เตน าเณน สพฺพฺู, อิติ พุทฺโธ ปวุจฺจติ;

วนฺทามิ ตํ มหาวีรํ, สพฺพฺุตมนาวรํ.

‘‘สตสหสฺสิโต กปฺเป, พุทฺธเสฏฺํ ถวึ อหํ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, าณตฺถวายิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อฺํ พฺยากโรนฺโตปิ เถโร อิมา เอว คาถา อภาสิ.

ยสทตฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๑. โสณกุฏิกณฺณตฺเถรคาถาวณฺณนา

อุปสมฺปทา จ เม ลทฺธาติอาทิกา อายสฺมโต โสณสฺส กุฏิกณฺณสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล หํสวตีนคเร วิภวสมฺปนฺโน เสฏฺิ หุตฺวา อุฬาราย อิสฺสริยสมฺปตฺติยา ิโต เอกทิวสํ สตฺถารํ สตสหสฺสขีณาสวปริวุตํ มหติยา พุทฺธลีฬาย มหนฺเตน พุทฺธานุภาเวน นครํ ปวิสนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส วนฺทิตฺวา อฺชลึ กตฺวา อฏฺาสิ. โส ปจฺฉาภตฺตํ อุปาสเกหิ สทฺธึ วิหารํ คนฺตฺวา ภควโต สนฺติเก ธมฺมํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ กลฺยาณวากฺกรณานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา สยมฺปิ ตํ านํ ปตฺเถตฺวา มหาทานํ ทตฺวา ปณิธานํ อกาสิ. สตฺถา ตสฺส อนนฺตรายตํ ทิสฺวา ‘‘อนาคเต โคตมสฺส นาม สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สาสเน กลฺยาณวากฺกรณานํ อคฺโค ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิ.

โส ตตฺถ ยาวชีวํ ปุฺานิ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล สาสเน ปพฺพชิตฺวา วตฺตปฏิวตฺตานิ ปูเรนฺโต เอกสฺส ภิกฺขุโน จีวรํ สิพฺพิตฺวา อทาสิ. ปุน พุทฺธสุฺเ โลเก พาราณสิยํ ตุนฺนวาโย หุตฺวา เอกสฺส ปจฺเจกพุทฺธสฺส จีวรโกฏึ ฉินฺนํ ฆเฏตฺวา อทาสิ. เอวํ ตตฺถ ตตฺถ ปุฺานิ กตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท อวนฺติรฏฺเ กุรรฆเร มหาวิภวสฺส เสฏฺิโน ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ. โสโณติสฺส นามํ อกํสุ. โกฏิอคฺฆนกสฺส กณฺณปิฬนฺธนสฺส ธารเณน ‘‘โกฏิกณฺโณ’’ติ วตฺตพฺเพ กุฏิกณฺโณติ ปฺายิตฺถ.

โส อนุกฺกเมน วฑฺฒิตฺวา กุฏุมฺพํ สณฺเปนฺโต อายสฺมนฺเต มหากจฺจาเน กุลฆรํ นิสฺสาย ปวตฺตปพฺพเต วิหรนฺเต ตสฺส สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา สรเณสุ จ สีเลสุ จ ปติฏฺาย ตํ จตูหิ ปจฺจเยหิ อุปฏฺหิ. โส อปรภาเค สํสาเร สฺชาตสํเวโค เถรสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา กิจฺเฉน กสิเรน ทสวคฺคํ สงฺฆํ สนฺนิปาเตตฺวา อุปสมฺปชฺชิตฺวา กติปยกาลํ เถรสฺส สนฺติเก วสิตฺวา, เถรํ อาปุจฺฉิตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตุํ สาวตฺถึ อุปคโต, สตฺถารา เอกคนฺธกุฏิยํ วาสํ ลภิตฺวา ปจฺจูสสมเย อชฺฌิฏฺโ โสฬสอฏฺกวคฺคิยานํ อุสฺสารเณน สาธุการํ ทตฺวา ภาสิตาย ‘‘ทิสฺวา อาทีนวํ โลเก’’ติ (อุทา. ๔๖; มหาว. ๒๕๘) อุทานคาถาย ปริโยสาเน วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๔.๒๖-๓๔) –

‘‘ปทุมุตฺตโร นาม ชิโน, อาหุตีนํ ปฏิคฺคโห;

วสีสตสหสฺเสหิ, นครํ ปาวิสี ตทา.

‘‘นครํ ปวิสนฺตสฺส, อุปสนฺตสฺส ตาทิโน;

รตนานิ ปชฺโชตึสุ, นิคฺโฆโส อาสิ ตาวเท.

‘‘พุทฺธสฺส อานุภาเวน, เภรี วชฺชุมฆฏฺฏิตา;

สยํ วีณา ปวชฺชนฺติ, พุทฺธสฺส ปวิสโต ปุรํ.

‘‘พุทฺธเสฏฺํ นมสฺสามิ, ปทุมุตฺตรมหามุนึ;

ปาฏิหีรฺจ ปสฺสิตฺวา, ตตฺถ จิตฺตํ ปสาทยึ.

‘‘อโห พุทฺโธ อโห ธมฺโม, อโห โน สตฺถุ สมฺปทา;

อเจตนาปิ ตูริยา, สยเมว ปวชฺชเร.

‘‘สตสหสฺสิโต กปฺเป, ยํ สฺมลภึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธสฺายิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺเต ปน ปติฏฺิโต อตฺตโน อุปชฺฌาเยน อาจิกฺขิตนิยาเมน ปจฺจนฺติเมสุ ชนปเทสุ วินยธรปฺจเมน คเณน อุปสมฺปทา, ธุวนฺหานํ, จมฺมตฺถรณํ, คุณงฺคุณูปาหนํ, จีวรวิปฺปวาโสติ ปฺจ วเร ยาจิตฺวา เต สตฺถุ สนฺติกา ลภิตฺวา ปุนเทว อตฺตโน วสิตฏฺานํ คนฺตฺวา อุปชฺฌายสฺส ตมตฺถํ อาโรเจสิ. อยเมตฺถ สงฺเขโป. วิตฺถาโร ปน อุทานฏฺกถายํ อาคตนเยน เวทิตพฺโพ. องฺคุตฺตรฏฺกถายํ (อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๒๐๖) ปน ‘‘อุปสมฺปนฺโน หุตฺวา อตฺตโน อุปชฺฌายสฺส สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณี’’ติ วุตฺตํ.

โส อปรภาเค วิมุตฺติสุเขน วิหรนฺโต อตฺตโน ปฏิปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตฺวา โสมนสฺสชาโต อุทานวเสน –

๓๖๕.

‘‘อุปสมฺปทา จ เม ลทฺธา, วิมุตฺโต จมฺหิ อนาสโว;

โส จ เม ภควา ทิฏฺโ, วิหาเร จ สหาวสึ.

๓๖๖.

‘‘พหุเทว รตฺตึ ภควา, อพฺโภกาเสตินามยิ;

วิหารกุสโล สตฺถา, วิหารํ ปาวิสี ตทา.

๓๖๗.

‘‘สนฺถริตฺวาน สงฺฆาฏึ, เสยฺยํ กปฺเปสิ โคตโม;

สีโห เสลคุหายํว, ปหีนภยเภรโว.

๓๖๘.

‘‘ตโต กลฺยาณวากฺกรโณ, สมฺมาสมฺพุทฺธสาวโก;

โสโณ อภาสิ สทฺธมฺมํ, พุทฺธเสฏฺสฺส สมฺมุขา.

๓๖๙.

‘‘ปฺจกฺขนฺเธ ปริฺาย, ภาวยิตฺวาน อฺชสํ;

ปปฺปุยฺย ปรมํ สนฺตึ, ปรินิพฺพิสฺสตฺยนาสโว’’ติ. –

อิมา ปฺจ คาถา อภาสิ.

ตตฺถ อุปสมฺปทา จ เม ลทฺธาติ ยา สา กิจฺเฉน ทสวคฺคํ ภิกฺขุสงฺฆํ สนฺนิปาเตตฺวา อตฺตนา ลทฺธา อุปสมฺปทา. ยา จ ปน วรทานวเสน สพฺพปจฺจนฺติเมสุ ชนปเทสุ วินยธรปฺจเมน คเณน สตฺถารา อนุฺาตา อุปสมฺปทา, ตทุภยํ สนฺธายาห. -สทฺโท สมุจฺจยตฺโถ, เตน อิตเรปิ สตฺถุ สนฺติกา ลทฺธวเร สงฺคณฺหาติ. วิมุตฺโต จมฺหิ อนาสโวติ อคฺคมคฺเคน สกลกิเลสวตฺถุวิมุตฺติยา วิมุตฺโต จ อมฺหิ. ตโต เอว กามาสวาทีหิ อนาสโว อมฺหีติ โยชนา. โส จ เม ภควา ทิฏฺโติ ยทตฺถํ อหํ อวนฺติรฏฺโต สาวตฺถึ คโต, โส จ ภควา มยา อทิฏฺปุพฺโพ ทิฏฺโ. วิหาเร จ สหาวสินฺติ น เกวลํ ตสฺส ภควโต ทสฺสนเมว มยา ลทฺธํ, อถ โข วิหาเร สตฺถุ คนฺธกุฏิยํ สตฺถารา การณํ สลฺลกฺเขตฺวา วาเสนฺเตน สห อวสึ. ‘‘วิหาเรติ วิหารสมีเป’’ติ เกจิ.

พหุเทว รตฺตินฺติ ปมํ ยามํ ภิกฺขูนํ ธมฺมเทสนาวเสน กมฺมฏฺานโสธนวเสน จ, มชฺฌิมํ ยามํ เทวานํ พฺรหฺมูนฺจ กงฺขจฺเฉทนวเสน ภควา พหุเทว รตฺตึ อพฺโภกาเส อตินามยิ วีตินาเมสิ. วิหารกุสโลติ ทิพฺพพฺรหฺมอาเนฺชอริยวิหาเรสุ กุสโล. วิหารํ ปาวิสีติ อติเวลํ นิสชฺชจงฺกเมหิ อุปฺปนฺนปริสฺสมวิโนทนตฺถํ คนฺธกุฏึ ปาวิสิ.

สนฺถริตฺวาน สงฺฆาฏึ, เสยฺยํ กปฺเปสีติ จตุคฺคุณํ สงฺฆาฏึ ปฺาเปตฺวา สีหเสยฺยํ กปฺเปสิ. เตนาห ‘‘โคตโม สีโห เสลคุหายํว ปหีนภยเภรโว’’ติ. ตตฺถ โคตโมติ ภควนฺตํ โคตฺเตน กิตฺเตติ. สีโห เสลคุหายํวาติ เสลสฺส ปพฺพตสฺส คุหายํ. ยถา สีโห มิคราชา เตชุสฺสทตาย ปหีนภยเภรโว ทกฺขิเณน ปสฺเสน ปาเท ปาทํ อจฺจาธาย เสยฺยํ กปฺเปสิ, เอวํ จิตฺตุตฺราสโลมหํสนฉมฺภิตตฺตเหตูนํ กิเลสานํ สมุจฺฉินฺนตฺตา ปหีนภยเภรโว โคตโม ภควา เสยฺยํ กปฺเปสีติ อตฺโถ.

ตโตติ ปจฺฉา, สีหเสยฺยํ กปฺเปตฺวา ตโต วุฏฺหิตฺวา ‘‘ปฏิภาตุ ตํ ภิกฺขุ ธมฺโม ภาสิตุ’’นฺติ (อุทา. ๔๖) สตฺถารา อชฺเฌสิโตติ อตฺโถ. กลฺยาณวากฺกรโณติ สุนฺทรวจีกรโณ, ลกฺขณสมฺปนฺนวจนกฺกโมติ อตฺโถ. โสโณ อภาสิ สทฺธมฺมนฺติ โสฬส อฏฺกวคฺคิยสุตฺตานิ โสโณ กุฏิกณฺโณ, พุทฺธเสฏฺสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สมฺมุขา, ปจฺจกฺขโต อภาสีติ เถโร อตฺตานเมว ปรํ วิย อโวจ.

ปฺจกฺขนฺเธ ปริฺายาติ ปฺจุปาทานกฺขนฺเธ ตีหิปิ ปริฺาหิ ปริชานิตฺวา เต ปริชานนฺโตเยว, อฺชสํ อริยํ อฏฺงฺคิกํ มคฺคํ ภาวยิตฺวา, ปรมํ สนฺตึ นิพฺพานํ ปปฺปุยฺย ปาปุณิตฺวา ิโต อนาสโว. ตโต เอว อิทานิ ปรินิพฺพิสฺสติ อนุปาทิเสสนิพฺพานวเสน นิพฺพายิสฺสตีติ.

โสณกุฏิกณฺณตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๒. โกสิยตฺเถรคาถาวณฺณนา

โย เอว ครูนนฺติอาทิกา อายสฺมโต โกสิยตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินนฺโต วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ สตฺถารํ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺโต อุจฺฉุขณฺฑิกํ อทาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท มคธรฏฺเ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติ, โกสิโยติสฺส โคตฺตวเสน นามํ อกาสิ. โส วิฺุตํ ปตฺโต อายสฺมนฺตํ ธมฺมเสนาปตึ อภิณฺหํ อุปสงฺกมติ, ตสฺส สนฺติเก ธมฺมํ สุณาติ. โส เตน สาสเน ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา กมฺมฏฺานํ อนุยุฺชนฺโต นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๔.๔๔-๔๙) –

‘‘นคเร พนฺธุมติยา, ทฺวารปาโล อโหสหํ;

อทฺทสํ วิรชํ พุทฺธํ, สพฺพธมฺมาน ปารคุํ.

‘‘อุจฺฉุขณฺฑิกมาทาย พุทฺธเสฏฺสฺสทาสหํ;

ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, วิปสฺสิสฺส มเหสิโน.

‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ อุจฺฉุมททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, อุจฺฉุขณฺฑสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อตฺตโน ปฏิปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ครุวาสํ สปฺปุริสูปนิสฺสยฺจ ปสํสนฺโต –

๓๗๐.

‘‘โย เว ครูนํ วจนฺุ ธีโร, วเส จ ตมฺหิ ชนเยถ เปมํ;

โส ภตฺติมา นาม จ โหติ ปณฺฑิโต, ตฺวา จ ธมฺเมสุ วิเสสิ อสฺส.

๓๗๑.

‘‘ยํ อาปทา อุปฺปติตา อุฬารา, นกฺขมฺภยนฺเต ปฏิสงฺขยนฺตํ;

โส ถามวา นาม จ โหติ ปณฺฑิโต, ตฺวา จ ธมฺเมสุ วิเสสิ อสฺส.

๓๗๒.

‘‘โย เว สมุทฺโทว ิโต อเนโช, คมฺภีรปฺโ นิปุณตฺถทสฺสี;

อสํหาริโย นาม จ โหติ ปณฺฑิโต, ตฺวา จ ธมฺเมสุ วิเสสิ อสฺส.

๓๗๓.

‘‘พหุสฺสุโต ธมฺมธโร จ โหติ, ธมฺมสฺส โหติ อนุธมฺมจารี;

โส ตาทิโส นาม จ โหติ ปณฺฑิโต, ตฺวา จ ธมฺเมสุ วิเสสิ อสฺส.

๓๗๔.

‘‘อตฺถฺจ โย ชานาติ ภาสิตสฺส,

อตฺถฺจ ตฺวาน ตถา กโรติ;

อตฺถนฺตโร นาม ส โหติ ปณฺฑิโต,

ตฺวา จ ธมฺเมสุ วิเสสิ อสฺสา’’ติ. –

อิมา ปฺจ คาถา อภาสิ.

ตตฺถ โยติ ขตฺติยาทีสุ จตูสุ ปริสาสุ โย โกจิ. เวติ พฺยตฺตํ. ครูนนฺติ สีลาทิครุคุณยุตฺตานํ ปณฺฑิตานํ. วจนฺูติ เตสํ อนุสาสนีวจนํ ชานนฺโต, ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชมาโน ปฏิปชฺชิตฺวา จ ตสฺส ผลํ ชานนฺโตติ อตฺโถ. ธีโรติ ธิติสมฺปนฺโน. วเส จ ตมฺหิ ชนเยถ เปมนฺติ ตสฺมึ ครูนํ วจเน โอวาเท วเสยฺย ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺเชยฺย, ปฏิปชฺชิตฺวา ‘‘อิมินา วตาหํ โอวาเทน อิมํ ชาติอาทิทุกฺขํ วีติวตฺโต’’ติ ตตฺถ ชนเยถ เปมํ คารวํ อุปฺปาเทยฺย. อิทฺหิ ทฺวยํ ‘‘ครูนํ วจนฺุ ธีโร’’ติ ปททฺวเยน วุตฺตสฺเสวตฺถสฺส ปากฏกรณํ. โสติ โย ครูนํ วจนฺู ธีโร, โส ยถานุสิฏฺํ ปฏิปตฺติยา ตตฺถ ภตฺติมา จ นาม โหติ, ชีวิตเหตุปิ ตสฺส อนติกฺกมนโต ปณฺฑิโต จ นาม โหติ. ตฺวา จ ธมฺเมสุ วิเสสิ อสฺสาติ ตถา ปฏิปชฺชนฺโต จ ตาย เอว ปฏิปตฺติยา จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ ชานนเหตุ โลกิยโลกุตฺตรธมฺเมสุ วิชฺชาตฺตยาทิวเสน ‘‘เตวิชฺโช, ฉฬภิฺโ, ปฏิสมฺภิทาปตฺโต’’ติ วิเสสิ วิเสสวา สิยาติ อตฺโถ.

นฺติ ยํ ปุคฺคลํ ปฏิปตฺติยา อนฺตรายกรณโต ‘‘อาปทา’’ติ ลทฺธโวหารา โสตุณฺหขุปฺปิปาสาทิปากฏปริสฺสยา เจว ราคาทิปฏิจฺฉนฺนปริสฺสยา จ อุปฺปติตา อุปฺปนฺนา, อุฬารา พลวนฺโตปิ นกฺขมฺภยนฺเต น กิฺจิ จาเลนฺติ. กสฺมา? ปฏิสงฺขยนฺตนฺติ ปฏิสงฺขายมานํ ปฏิสงฺขานพเล ิตนฺติ อตฺโถ. โสติ โย ทฬฺหตราหิ อาปทาหิปิ อกฺขมฺภนีโย, โส ถามวา ธิติมา ทฬฺหปรกฺกโม นาม โหติ. อนวเสสสํกิเลสปกฺขสฺส อภิภวนกปฺาพลสมงฺคิตาย ปณฺฑิโต จ นาม โหติ. ตถาภูโต จ ตฺวา จ ธมฺเมสุ วิเสสิ อสฺสาติ ตํ วุตฺตตฺถเมว.

สมุทฺโทว ิโตติ สมุทฺโท วิย ิตสภาโว. ยถา หิ จตุราสีติโยชนสหสฺสคมฺภีเร สิเนรุปาทสมีเป มหาสมุทฺโท อฏฺหิปิ ทิสาหิ อุฏฺิเตหิ ปกติวาเตหิ อนิฺชนโต ิโต อเนโช คมฺภีโร จ, เอวํ กิเลสวาเตหิ ติตฺถิยวาทวาเตหิ จ อกมฺปนียโต ิโต อเนโช. คมฺภีรสฺส อนุปจิตาณสมฺภาเรหิ อลทฺธคาธสฺส นิปุณสฺส สุขุมสฺส ปฏิจฺจสมุปฺปาทาทิอตฺถสฺส ปฏิวิชฺฌเนน คมฺภีรปฺโ นิปุณตฺถทสฺสี. อสํหาริโย นาม จ โหติ ปณฺฑิโต โส ตาทิโส ปุคฺคโล กิเลเสหิ เทวปุตฺตมาราทีสุ วา เกนจิ อสํหาริยตาย อสํหาริโย นาม โหติ, ยถาวุตฺเตน อตฺเถน ปณฺฑิโต จ นาม โหติ. เสสํ วุตฺตนยเมว.

พหุสฺสุโตติ ปริยตฺติพาหุสจฺจวเสน พหุสฺสุโต, สุตฺตเคยฺยาทิ พหุํ สุตํ เอตสฺสาติ พหุสฺสุโต. ตเมว ธมฺมํ สุวณฺณภาชเน ปกฺขิตฺตสีหวสํ วิย อวินสฺสนฺตเมว ธาเรตีติ ธมฺมธโร จ โหติ. ธมฺมสฺส โหติ อนุธมฺมจารีติ ยถาสุตสฺส ยถาปริยตฺตสฺส ธมฺมสฺส อตฺถมฺาย ธมฺมมฺาย นวโลกุตฺตรธมฺมสฺส อนุรูปํ ธมฺมํ ปุพฺพภาคปฏิปทาสงฺขาตํ จตุปาริสุทฺธิสีลธุตงฺคอสุภกมฺมฏฺานาทิเภทํ จรติ ปฏิปชฺชตีติ อนุธมฺมจารี โหติ, ‘‘อชฺช อชฺเชวา’’ติ ปฏิเวธํ อากงฺขนฺโต วิจรติ. โส ตาทิโส นาม จ โหติ ปณฺฑิโตติ โย ปุคฺคโล ยํ ครุํ นิสฺสาย พหุสฺสุโต ธมฺมธโร ธมฺมสฺส จ อนุธมฺมจารี โหติ. โส จ ตาทิโส เตน ครุนา สทิโส ปณฺฑิโต นาม โหติ ปฏิปตฺติยา สทิสภาวโต. ตถาภูโต ปน โส ตฺวา จ ธมฺเมสุ วิเสสิ อสฺส, ตํ วุตฺตตฺถํว.

อตฺถฺจ โย ชานาติ ภาสิตสฺสาติ โย ปุคฺคโล สมฺมาสมฺพุทฺเธน ภาสิตสฺส ปริยตฺติธมฺมสฺส อตฺถํ ชานาติ. ชานนฺโต ปน ‘‘อิธ สีลํ วุตฺตํ, อิธ สมาธิ, อิธ ปฺา’’ติ ตตฺถ ตตฺถ ยถาวุตฺตํ อตฺถฺจ ตฺวาน ตถา กโรติ ยถา สตฺถารา อนุสิฏฺํ, ตถา ปฏิปชฺชติ. อตฺถนฺตโร นาม ส โหติ ปณฺฑิโตติ โส เอวรูโป ปุคฺคโล อตฺถนฺตโร อตฺถการณา สีลาทิอตฺถชานนมตฺตเมว อุปนิสฺสยํ กตฺวา ปณฺฑิโต โหติ. เสสํ วุตฺตนยเมว.

เอตฺถ จ ปมคาถาย ‘‘โย เว ครูน’’นฺติอาทินา สทฺธูปนิสฺสโย วิเสสภาโว วุตฺโต, ทุติยคาถาย ‘‘ยํ อาปทา’’ติ อาทินา วีริยูปนิสฺสโย, ตติยคาถาย ‘‘โย เว สมุทฺโทว ิโต’’ติอาทินา สมาธูปนิสฺสโย, จตุตฺถคาถาย ‘‘พหุสฺสุโต’’ติอาทินา สตูปนิสฺสโย, ปฺจมคาถาย ‘‘อตฺถฺจ โย ชานาตี’’ติอาทินา ปฺูปนิสฺสโย วิเสสภาโว วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ.

โกสิยตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

ปฺจกนิปาตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. ฉกฺกนิปาโต

๑. อุรุเวลกสฺสปตฺเถรคาถาวณฺณนา

ฉกฺกนิปาเต ทิสฺวาน ปาฏิหีรานีติอาทิกา อายสฺมโต อุรุเวลกสฺสปตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินนฺโต ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา, วยปฺปตฺโต สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ มหาปริสานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา, สยมฺปิ ตํ านนฺตรํ ปตฺเถตฺวา มหาทานํ ทตฺวา ปณิธานมกาสิ. ภควา จสฺส อนนฺตรายตํ ทิสฺวา, ‘‘อนาคเต โคตมพุทฺธสฺส สาสเน มหาปริสานํ อคฺโค ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิ.

โส ตตฺถ ยาวชีวํ ปุฺานิ กตฺวา ตโต จวิตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิโต ทฺวานวุติกปฺปมตฺถเก ผุสฺสสฺส ภควโต เวมาติกกนิฏฺภาตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ. อฺเปิสฺส ทฺเว กนิฏฺภาตโร อเหสุํ. เต ตโยปิ พุทฺธปฺปมุขํ สงฺฆํ ปรมาย ปูชาย ปูเชตฺวา ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อมฺหากํ ภควโต นิพฺพตฺติโต ปุเรตรเมว พาราณสิยํ พฺราหฺมณกุเล ภาตโร หุตฺวา, อนุกฺกเมน นิพฺพตฺตา โคตฺตวเสน ตโยปิ กสฺสปา เอว นาม ชาตา. เต วยปฺปตฺตา ตโย เวเท อุคฺคณฺหึสุ. เตสํ เชฏฺภาติกสฺส ปฺจ มาณวกสตานิ ปริวาโร, มชฺฌิมสฺส ตีณิ, กนิฏฺสฺส ทฺเว. เต อตฺตโน คนฺเถ สารํ โอโลเกนฺตา ทิฏฺธมฺมิกเมว อตฺถํ ทิสฺวา ปพฺพชฺชํ โรเจสุํ. เตสุ เชฏฺภาตา อตฺตโน ปริวาเรน สทฺธึ อุรุเวลํ คนฺตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อุรุเวลกสฺสโป นาม ชาโต มหาคงฺคานทีวงฺเก ปพฺพชิโต นทีกสฺสโป นาม ชาโต, คยาสีเส ปพฺพชิโต คยากสฺสโป นาม ชาโต.

เอวํ เตสุ อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ตตฺถ ตตฺถ วสนฺเตสุ พหูนํ ทิวสานํ อจฺจเยน อมฺหากํ โพธิสตฺโต มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิตฺวา, ปฏิวิทฺธสพฺพฺุตฺาโณ อนุกฺกเมน ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตตฺวา, ปฺจวคฺคิยตฺเถเร อรหตฺเต ปติฏฺาเปตฺวา ยสปฺปมุเข ปฺจปฺาส สหายเก วิเนตฺวา สฏฺิ อรหนฺเต ‘‘จรถ, ภิกฺขเว, จาริก’’นฺติ วิสฺสชฺเชตฺวา, ภทฺทวคฺคิเย วิเนตฺวา อุรุเวลกสฺสปสฺส วสนฏฺานํ คนฺตฺวา วสนตฺถาย อคฺยาคารํ ปวิสิตฺวา, ตตฺถ กตนาคทมนํ อาทึ กตฺวา อฑฺฒุฑฺฒสหสฺเสหิ ปาฏิหาริเยหิ อุรุเวลกสฺสปํ สปริสํ วิเนตฺวา ปพฺพาเชสิ. ตสฺส ปพฺพชิตภาวํ ตฺวา อิตเรปิ ทฺเว ภาตโร สปริสา อาคนฺตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชึสุ. สพฺเพว เอหิภิกฺขู อิทฺธิมยปตฺตจีวรธรา อเหสุํ.

สตฺถา ตํ สมณสหสฺสํ อาทาย คยาสีสํ คนฺตฺวา ปิฏฺิปาสาเณ นิสินฺโน อาทิตฺตปริยายเทสนาย สพฺเพ อรหตฺเต ปติฏฺาเปสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๔.๒๕๑-๒๙๕) –

‘‘ปทุมุตฺตโร นาม ชิโน, สพฺพโลกวิทู มุนิ;

อิโต สตสหสฺสมฺหิ, กปฺเป อุปฺปชฺชิ จกฺขุมา.

‘‘โอวาทโก วิฺาปโก, ตารโก สพฺพปาณินํ;

เทสนากุสโล พุทฺโธ, ตาเรสิ ชนตํ พหุํ.

‘‘อนุกมฺปโก การุณิโก, หิเตสี สพฺพปาณินํ;

สมฺปตฺเต ติตฺถิเย สพฺเพ, ปฺจสีเล ปติฏฺปิ.

‘‘เอวํ นิรากุลํ อาสิ, สุฺตํ ติตฺถิเยหิ จ;

วิจิตฺตํ อรหนฺเตหิ, วสีภูเตหิ ตาทิภิ.

‘‘รตนานฏฺปฺาสํ, อุคฺคโต โส มหามุนิ;

กฺจนคฺฆิยสงฺกาโส, พาตฺตึสวรลกฺขโณ.

‘‘วสฺสสตสหสฺสานิ, อายุ วิชฺชติ ตาวเท;

ตาวตา ติฏฺมาโน โส, ตาเรสิ ชนตํ พหุํ.

‘‘ตทาหํ หํสวติยา, พฺราหฺมโณ สาธุสมฺมโต;

อุเปจฺจ โลกปชฺโชตํ, อสฺโสสึ ธมฺมเทสนํ.

‘‘ตทา มหาปริสตึ, มหาปริสสาวกํ;

เปนฺตํ เอตทคฺคมฺหิ, สุตฺวาน มุทิโต อหํ.

‘‘มหตา ปริวาเรน, นิมนฺเตตฺวา มหาชินํ;

พฺราหฺมณานํ สหสฺเสน, สหทานมทาสหํ.

‘‘มหาทานํ ททิตฺวาน, อภิวาทิย นายกํ;

เอกมนฺตํ ิโต หฏฺโ, อิทํ วจนมพฺรวึ.

‘‘ตยิ สทฺธาย เม วีร, อธิการคุเณน จ;

ปริสา มหตี โหตุ, นิพฺพตฺตสฺส ตหึ ตหึ.

‘‘ตทา อโวจ ปริสํ, คชคชฺชิตสุสฺสโร;

กรวีกรุโต สตฺถา, เอตํ ปสฺสถ พฺราหฺมณํ.

‘‘เหมวณฺณํ มหาพาหุํ, กมลานนโลจนํ;

อุทคฺคตนุชํ หฏฺํ, สทฺธวนฺตํ คุเณ มม.

‘‘เอส ปตฺถยเต านํ, สีหโฆสสฺส ภิกฺขุโน;

อนาคตมฺหิ อทฺธาเน, ลจฺฉเส ตํ มโนรถํ.

‘‘สตสหสฺสิโต กปฺเป, โอกฺกากกุลสมฺภโว;

โคตโม นาม โคตฺเตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติ.

‘‘ตสฺส ธมฺเมสุ ทายาโท, โอรโส ธมฺมนิมฺมิโต;

กสฺสโป นาม โคตฺเตน, เหสฺสติ สตฺถุ สาวโก.

‘‘อิโต ทฺเวนวุเต กปฺเป, อหุ สตฺถา อนุตฺตโร;

อนูปโม อสทิโส, ผุสฺโส โลกคฺคนายโก.

‘‘โส จ สพฺพํ ตมํ หนฺตฺวา, วิชเฏตฺวา มหาชฏํ;

วสฺสเต อมตํ วุฏฺึ, ตปฺปยนฺโต สเทวกํ.

‘‘ตทา หิ พาราณสิยํ, ราชาปจฺจา อหุมฺหเส;

ภาตโรมฺห ตโย สพฺเพ, สํวิสฏฺาว ราชิโน.

‘‘วีรงฺครูปา พลิโน, สงฺคาเม อปราชิตา;

ตทา กุปิตปจฺจนฺโต, อมฺเห อาห มหีปติ.

‘‘เอถ คนฺตฺวาน ปจฺจนฺตํ, โสเธตฺวา อฏฺฏวีพลํ;

เขมํ วิชิริตํ กตฺวา, ปุน เทถาติ ภาสถ.

‘‘ตโต มยํ อโวจุมฺห, ยทิ เทยฺยาสิ นายกํ;

อุปฏฺานาย อมฺหากํ, สาธยิสฺสาม โว ตโต.

‘‘ตโต มยํ ลทฺธวรา, ภูมิปาเลน เปสิตา;

นิกฺขิตฺตสตฺถํ ปจฺจนฺตํ, กตฺวา ปุนรุเปจฺจ ตํ.

‘‘ยาจิตฺวา สตฺถุปฏฺานํ, ราชานํ โลกนายกํ;

มุนิวีรํ ลภิตฺวาน, ยาวชีวํ ยชิมฺห ตํ.

‘‘มหคฺฆานิ จ วตฺถานิ, ปณีตานิ รสานิ จ;

เสนาสนานิ รมฺมานิ, เภสชฺชานิ หิตานิ จ.

‘‘ทตฺวา สสงฺฆมุนิโน, ธมฺเมนุปฺปาทิตานิ โน;

สีลวนฺโต การุณิกา, ภาวนายุตฺตมานสา.

‘‘สทฺธา ปริจริตฺวาน, เมตฺตจิตฺเตน นายกํ;

นิพฺพุเต ตมฺหิ โลกคฺเค, ปูชํ กตฺวา ยถาพลํ.

‘‘ตโต จุตา สนฺตุสิตํ, คตา ตตฺถ มหาสุขํ;

อนุภูตา มยํ สพฺเพ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘มายากาโร ยถา รงฺเค, ทสฺเสสิ วิกตึ พหุํ;

ตถา ภเว ภมนฺโตหํ, วิเทหาธิปตี อหุํ.

‘‘คุณาเจลสฺส วากฺเยน, มิจฺฉาทิฏฺิคตาสโย;

นรกํ มคฺคมารูฬฺโห, รุจาย มม ธีตุยา.

‘‘โอวาทํ นาทิยิตฺวาน, พฺรหฺมุนา นารเทนหํ;

พหุธา สํสิโต สนฺโต, ทิฏฺึ หิตฺวาน ปาปิกํ.

‘‘ปูรยิตฺวา วิเสเสน, ทส กมฺมปถานิหํ;

หิตฺวาน เทหมคมึ, สคฺคํ สภวนํ ยถา.

‘‘ปจฺฉิเม ภเว สมฺปตฺเต, พฺรหฺมพนฺธุ อโหสหํ;

พาราณสิยํ ผีตายํ, ชาโต วิปฺปมหากุเล.

‘‘มจฺจุพฺยาธิชราภีโต, โอคาเหตฺวา มหาวนํ;

นิพฺพานํ ปทเมสนฺโต, ชฏิเลสุ ปริพฺพชึ.

‘‘ตทา ทฺเว ภาตโร มยฺหํ, ปพฺพชึสุ มยา สห;

อุรุเวลายํ มาเปตฺวา, อสฺสมํ นิวสึ อหํ.

‘‘กสฺสโป นาม โคตฺเตน, อุรุเวลนิวาสิโก;

ตโต เม อาสิ ปฺตฺติ, อุรุเวลกสฺสโป อิติ.

‘‘นทีสกาเส ภาตา เม, นทีกสฺสปสวฺหโย;

อาสี สกาสนาเมน, คยายํ คยากสฺสโป.

‘‘ทฺเว สตานิ กนิฏฺสฺส, ตีณิ, มชฺฌสฺส ภาตุโน;

มม ปฺจ สตานูนา, สิสฺสา สพฺเพ มมานุคา.

‘‘ตทา อุเปจฺจ มํ พุทฺโธ, กตฺวาน วิวิธานิ เม;

ปาฏิหีรานิ โลกคฺโค, วิเนสิ นรสารถิ.

‘‘สหสฺสปริวาเรน, อโหสึ เอหิภิกฺขุโก;

เตเหว สห สพฺเพหิ, อรหตฺตมปาปุณึ.

‘‘เต เจวฺเ จ พหโว, สิสฺสา มํ ปริวารยุํ;

ภาสิตุฺจ สมตฺโถหํ, ตโต มํ อิสิสตฺตโม.

‘‘มหาปริสภาวสฺมึ, เอตทคฺเค เปสิ มํ;

อโห พุทฺเธ กตํ การํ, สผลํ เม อชายถ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อตฺตโน ปฏิปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตฺวา สีหนาทํ นทนฺโต –

๓๗๕.

‘‘ทิสฺวาน ปาฏิหีรานิ, โคตมสฺส ยสสฺสิโน;

น ตาวาหํ ปณิปตึ, อิสฺสามาเนน วฺจิโต.

๓๗๖.

‘‘มม สงฺกปฺปมฺาย, โจเทสิ นรสารถิ;

ตโต เม อาสิ สํเวโค, อพฺภุโต โลมหํสโน.

๓๗๗.

‘‘ปุพฺเพ ชฏิลภูตสฺส, ยา เม สิทฺธิ ปริตฺติกา;

ตาหํ ตทา นิรากตฺวา, ปพฺพชึ ชินสาสเน.

๓๗๘.

‘‘ปุพฺเพ ยฺเน สนฺตุฏฺโ, กามธาตุปุรกฺขโต;

ปจฺฉา ราคฺจ โทสฺจ, โมหฺจาปิ สมูหนึ.

๓๗๙.

‘‘ปุพฺเพนิวาสํ ชานามิ, ทิพฺพจกฺขุ วิโสธิตํ;

อิทฺธิมา ปรจิตฺตฺู, ทิพฺพโสตฺจ ปาปุณึ.

๓๘๐.

‘‘ยสฺส จตฺถาย ปพฺพชิโต, อคารสฺมานคาริยํ;

โส เม อตฺโถ อนุปฺปตฺโต, สพฺพสํโยชนกฺขโย’’ติ. –

อิมา ฉ คาถา อภาสิ.

ตตฺถ ทิสฺวาน ปาฏิหีรานีติ นาคราชทมนาทีนิ อฑฺฒุฑฺฒสหสฺสานิ ปาฏิหาริยานิ ทิสฺวา. ‘‘ปาฏิหีรํ, ปาฏิเหรํ, ปาฏิหาริย’’นฺติ หิ อตฺถโต เอกํ, พฺยฺชนเมว นานํ. ยสสฺสิโน’’ติ ‘‘อิติปิ โส ภควา’’ติอาทินา สเทวเก โลเก ยถาภุจฺจํ ปตฺถฏกิตฺติสทฺทสฺส. น ตาวาหํ ปณิปตินฺติ ยาว มํ ภควา ‘‘เนว โข ตฺวํ, กสฺสป, อรหา, นาปิ อรหตฺตมคฺคํ สมาปนฺโน, สาปิ เต ปฏิปทา นตฺถิ, ยาย ตฺวํ อรหา วา อสฺส, อรหตฺตมคฺคํ วา สมาปนฺโน’’ติ น ตชฺเชสิ, ตาว อหํ น ปณิปาตนํ อกาสึ. กึการณา? อิสฺสามาเนน วฺจิโต, ‘‘อิมสฺส มยิ สาวกตฺตํ อุปคเต มม ลาภสกฺกาโร ปริหายิสฺสติ, อิมสฺส เอว วฑฺฒิสฺสตี’’ติ เอวํ ปรสมฺปตฺติอสหนลกฺขณาย อิสฺสาย เจว, ‘‘อหํ คณปาโมกฺโข พหุชนสมฺมโต’’ติ เอวํ อพฺภุนฺนติลกฺขเณน มาเนน จ วฺจิโต, ปลมฺภิโต หุตฺวาติ อตฺโถ.

มม สงฺกปฺปมฺายาติ มยฺหํ มิจฺฉาสงฺกปฺปํ ชานิตฺวา, ยํ ยํ ภควา อุตฺตริ มนุสฺสธมฺมา อิทฺธิปาฏิหาริยํ ทสฺเสติ, ตํ ตํ ทิสฺวา ‘‘มหิทฺธิโก โข มหาสมโณ มหานุภาโว’’ติ จินฺเตตฺวาปิ ‘‘น ตฺเวว โข อรหา ยถา อห’’นฺติ เอวํ ปวตฺตํ มิจฺฉาวิตกฺกํ ชานนฺโตปิ าณปริปากํ อาคเมนฺโต อชฺฌุเปกฺขิตฺวา ปจฺฉา เนรฺชราย มชฺเฌ สมนฺตโต อุทกํ อุสฺสาเรตฺวา เรณุหตาย ภูมิยา จงฺกมิตฺวา เตน อาภตนาวาย ิโต ตทาปิ ‘‘มหิทฺธิโก’’ติอาทิกํ จินฺเตตฺวา ปุน ‘‘น ตฺเวว โข อรหา ยถา อห’’นฺติ ปวตฺติตํ มิจฺฉาสงฺกปฺปํ ตฺวาติ อตฺโถ. โจเทสิ นรสารถีติ ตทา เม าณปริปากํ ตฺวา ‘‘เนว โข ตฺวํ อรหา’’ติอาทินา ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา มํ โจเทสิ นิคฺคณฺหิ. ตโต เม อาสิ สํเวโค, อพฺภุโต โลมหํสโนติ ตโต ยถาวุตฺตโจทนาเหตุ เอตฺตกํ กาลํ อภูตปุพฺพตาย อพฺภุโต โลมหํสนวเสน ปวตฺติยา โลมหํสโน ‘‘อนรหาว สมาโน ‘อรหา’ติ มฺิ’’นฺติ สํเวโค สโหตฺตปฺโป าณุปฺปาโท มยฺหํ อโหสิ.

ชฏิลภูตสฺสาติ ตาปสภูตสฺส. สิทฺธีติ ลาภสกฺการสมิทฺธิ. ปริตฺติกาติ อปฺปมตฺติกา. ตาหนฺติ ตํ อหํ. ตทาติ ภควโต โจทนาย สํเวคุปฺปตฺติกาเล. นิรากตฺวาติ อปเนตฺวา ฉฑฺเฑตฺวา, อนเปกฺโข หุตฺวาติ อตฺโถ. ‘‘อิทฺธีติ ภาวนามยอิทฺธี’’ติ วทนฺติ. ตทยุตฺตํ ตทา ตสฺส อฌานลาภีภาวโต. ตถา หิ วุตฺตํ ‘‘กามธาตุปุรกฺขโต’’ติ.

ยฺเน สนฺตุฏฺโติ ‘‘ยฺํ ยชิตฺวา สคฺคสุขํ อนุภวิสฺสามิ, อลเมตฺตาวตา’’ติ ยฺยชเนน สนฺตุฏฺโ นิฏฺิตกิจฺจสฺี. กามธาตุปุรกฺขโตติ กามสุคตึ อารพฺภ อุปฺปนฺนตณฺโห ยฺยชเนน กามโลกํ ปุรกฺขตฺวา ิโต. โส เจ ยฺโ ปาณาติปาตปฏิสํยุตฺโต โหติ, น เตน สุคตึ สกฺกา ลทฺธุํ. น หิ อกุสลสฺส อิฏฺโ กนฺโต วิปาโก นิพฺพตฺตติ. ยา ปน ตตฺถ ทานาทิกุสลเจตนา, ตาย สติ ปจฺจยสมวาเย สุคตึ คจฺเฉยฺย. ปจฺฉาติ ตาปสปพฺพชฺชาโต ปจฺฉา สตฺถุ โอวาเทน ตาปสลทฺธึ ปหาย จตุสจฺจกมฺมฏฺานานุโยคกาเล. สมูหนินฺติ วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา มคฺคปฏิปาฏิยา ราคฺจ โทสฺจ โมหฺจ อนวเสสโต สมุคฺฆาเตสึ.

ยสฺมา ปนายํ เถโร อริยมคฺเคน ราคาทโย สมูหนนฺโตเยว ฉฬภิฺโ อโหสิ, ตสฺมา ตํ อตฺตโน ฉฬภิฺภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปุพฺเพนิวาสํ ชานามี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ปุพฺเพนิวาสํ ชานามีติ อตฺตโน ปเรสฺจ ปุพฺเพนิวาสํ อตีตาสุ ชาตีสุ นิพฺพตฺตกฺขนฺเธ ขนฺธปฏิพทฺเธ จ ปุพฺเพนิวาสาเณน หตฺถตเล อามลกํ วิย ปจฺจกฺขโต ชานามิ พุชฺฌามิ. ทิพฺพจกฺขุ วิโสธิตนฺติ ทิพฺพจกฺขุาณํ วิโสธิตํ, ปกติจกฺขุนา อาปาถคตํ ปกติรูปํ วิย ทิพฺพํ มานุสมฺปิ ทูรํ ติโรฏฺิตํ อติสุขุมฺจ รูปํ วิภาเวตุํ สมตฺถาณํ ภาวนาย มยา วิสุทฺธํ กตฺวา ปฏิลทฺธนฺติ อตฺโถ. อิทฺธิมาติ อธิฏฺานิทฺธิวิกุพฺพนิทฺธิอาทีหิ อิทฺธีหิ อิทฺธิมา, อิทฺธิวิธาณลาภีติ อตฺโถ. สราคาทิเภทสฺส ปเรสํ จิตฺตสฺส ชานนโต ปรจิตฺตฺู, เจโตปริยาณลาภีติ วุตฺตํ โหติ. ทิพฺพโสตฺจ ปาปุณินฺติ ทิพฺพโสตาณฺจ ปฏิลภึ.

โส เม อตฺโถ อนุปฺปตฺโต, สพฺพสํโยชนกฺขโยติ โย สพฺเพสํ สํโยชนานํ ขยภูโต ขเยน วา ลทฺธพฺโพ, โส สทตฺโถ ปรมตฺโถ จ มยา อริยมคฺคาธิคเมน อธิคโตติ. เอวเมตาย คาถาย เถรสฺส อฺาพฺยากรณํ อโหสีติ เวทิตพฺโพ.

อุรุเวลกสฺสปตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. เตกิจฺฉการิตฺเถรคาถาวณฺณนา

อติหิตา วีหีติอาทิกา อายสฺมโต เตกิจฺฉการิตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต อิโต เอกนวุเต กปฺเป วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺวา เวชฺชสตฺเถ นิปฺผตฺตึ คโต. วิปสฺสิสฺส ภควโต อุปฏฺากํ อโสกํ นาม เถรํ พฺยาธิตํ อโรคมกาสิ, อฺเสฺจ สตฺตานํ โรคาภิภูตานํ อนุกมฺปาย เภสชฺชํ สํวิทหิ.

โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สุพุทฺธสฺส นาม พฺราหฺมณสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ตสฺส ติกิจฺฉเกหิ คพฺภกาเล ปริสฺสยํ อปหริตฺวา ปริปาลิตตาย เตกิจฺฉการีติ นามํ อกํสุ. โส อตฺตโน กุลานุรูปานิ วิชฺชาฏฺานานิ สิปฺปานิ จ สิกฺขนฺโต วฑฺฒติ. ตทา จาณกฺโก สุพุทฺธสฺส ปฺาเวยฺยตฺติยํ กิริยาสุ อุปายโกสลฺลฺจ ทิสฺวา, ‘‘อยํ อิมสฺมึ ราชกุเล ปติฏฺํ ลภนฺโต มํ อภิภเวยฺยา’’ติ อิสฺสาปกโต รฺา จนฺทคุตฺเตน ตํ พนฺธนาคาเร ขิปาเปสิ. เตกิจฺฉการี ปิตุ พนฺธนาคารปฺปเวสนํ สุตฺวา ภีโต ปลายิตฺวา สาณวาสิตฺเถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา อตฺตโน สํเวคการณํ เถรสฺส กเถตฺวา ปพฺพชิตฺวา กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อพฺโภกาสิโก เนสชฺชิโก จ หุตฺวา วิหรติ, สีตุณฺหํ อคเณนฺโต สมณธมฺมเมว กโรติ, วิเสสโต พฺรหฺมวิหารภาวนมนุยุฺชติ. ตํ ทิสฺวา มาโร ปาปิมา ‘‘น อิมสฺส มม วิสยํ อติกฺกมิตุํ ทสฺสามี’’ติ วิกฺเขปํ กาตุกาโม สสฺสานํ นิปฺผตฺติกาเล เขตฺตโคปกวณฺเณน เถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ตํ นิปฺปณฺเฑนฺโต –

๓๘๑.

‘‘อติหิตา วีหิ, ขลคตา สาลี;

น จ ลเภ ปิณฺฑํ, กถมหํ กสฺส’’นฺติ. – อาห; ตํ สุตฺวา เถโร –

๓๘๒.

‘‘พุทฺธมปฺปเมยฺยํ อนุสฺสร ปสนฺโน, ปีติยา ผุฏสรีโร โหหิสิ สตตมุทคฺโค.

๓๘๓.

‘‘ธมฺมมปฺปเมยฺยํ …เป… สตตมุทคฺโค.

๓๘๔.

‘‘สงฺฆมปฺปเมยฺยํ…เป… สตตมุทคฺโค’’ติ. – อาห; ตํ สุตฺวา มาโร –

๓๘๕.

‘‘อพฺโภกาเส วิหรสิ, สีตา เหมนฺติกา อิมา รตฺโย;

มา สีเตน ปเรโต วิหฺิตฺโถ, ปวิส ตฺวํ วิหารํ ผุสิตคฺคฬ’’นฺติ. –

อาห. อถ เถโร –

๓๘๖.

‘‘ผุสิสฺสํ จตสฺโส อปฺปมฺาโย, ตาหิ จ สุขิโต วิหริสฺสํ;

นาหํ สีเตน วิหฺิสฺสํ, อนิฺชิโต วิหรนฺโต’’ติ. – อาห;

ตตฺถ อติหิตา วีหีติ วีหโย โกฏฺาคารํ อติเนตฺวา ปิตา, ตตฺถ ปฏิสามิตา ขลโต วา ฆรํ อุปนีตาติ อตฺโถ. วีหิคฺคหเณน เจตฺถ อิตรมฺปิ ธฺํ สงฺคณฺหาติ. สาลี ปน เยภุยฺเยน วีหิโต ปจฺฉา ปจฺจนฺตีติ อาห. ขลคตา สาลีติ ขลํ ธฺกรณฏฺานํ คตา, ตตฺถ ราสิวเสน มทฺทนจาวนาทิวเสน ิตาติ อตฺโถ. ปธานธฺภาวทสฺสนตฺถฺเจตฺถ สาลีนํ วิสุํ คหณํ, อุภเยนปิ คาเม, คามโต พหิ จ ธฺํ ปริปุณฺณํ ิตนฺติ ทสฺเสติ. น จ ลเภ ปิณฺฑนฺติ เอวํ สุลภธฺเ สุภิกฺขกาเล อหํ ปิณฺฑมตฺตมฺปิ น ลภามิ. อิทานิ กถมหํ กสฺสนฺติ อหํ กถํ กริสฺสามิ, กถํ ชีวิสฺสามีติ ปริหาสเกฬึ อกาสิ.

ตํ สุตฺวา เถโร ‘‘อยํ วราโก อตฺตนา อตฺตโน ปวตฺตึ มยฺหํ ปกาเสสิ, มยา ปน อตฺตนาว อตฺตา โอวทิตพฺโพ, น มยา กิฺจิ กเถตพฺพ’’นฺติ วตฺถุตฺตยานุสฺสติยํ อตฺตานํ นิโยเชนฺโต ‘‘พุทฺธมปฺปเมยฺย’’นฺติอาทินา ติสฺโส คาถา อภาสิ. ตตฺถ พุทฺธมปฺปเมยฺยํ อนุสฺสร ปสนฺโนติ สวาสนาย อวิชฺชานิทฺทาย อจฺจนฺตวิคเมน, พุทฺธิยา จ วิกสิตภาเวน พุทฺธํ ภควนฺตํ ปมาณกรานํ ราคาทิกิเลสานํ อภาวา อปริมาณคุณสมงฺคิตาย อปฺปเมยฺยปุฺกฺเขตฺตตาย จ อปฺปเมยฺยํ. โอกปฺปนลกฺขเณน อภิปฺปสาเทน ปสนฺโน, ปสนฺนมานโส ‘‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๗๔; สํ. นิ. ๕.๙๙๗) อนุสฺสร อนุ อนุ พุทฺธารมฺมณํ สตึ ปวตฺเตหิ, ปีติยา ผุฏสรีโร โหหิสิ. สตตมุทคฺโคติ อนุสฺสรนฺโตว ผรณลกฺขณาย ปีติยา สตตํ สพฺพทา ผุฏสรีโร ปีติสมุฏฺานปณีตรูเปหิ อชฺโฌตฺถฏสรีโร อุพฺเพคปีติยา อุทคฺโค กายํ อุทคฺคํ กตฺวา อากาสํ ลงฺฆิตุํ สมตฺโถ จ ภเวยฺยาสิ, พุทฺธานุสฺสติยา พุทฺธารมฺมณํ อุฬารํ ปีติโสมนสฺสํ ปฏิสํเวเทยฺยาสิ. ยโต สีตุณฺเหหิ วิย ชิฆจฺฉาปิปาสาหิปิ อนภิภูโต โหหิสีติ อตฺโถ.

ธมฺมนฺติ อริยํ โลกุตฺตรธมฺมํ. สงฺฆนฺติ อริยํ ปรมตฺถสงฺฆํ. เสสํ วุตฺตนยเมว. อนุสฺสราติ ปเนตฺถ ‘‘สฺวากฺขาโต ภควตา ธมฺโม’’ติอาทินา ธมฺมํ, ‘‘สุปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ’’ติอาทินา สงฺฆํ อนุสฺสราติ โยเชตพฺพํ.

เอวํ เถเรน รตนตฺตยคุณานุสฺสรเณ นิโยชนวเสน อตฺตนิ โอวทิเต ปุน มาโร วิเวกวาสโต นํ วิเวเจตุกาโม หิเตสีภาวํ วิย ทสฺเสนฺโต ‘‘อพฺโภกาเส วิหรสี’’ติ ปฺจมํ คาถมาห. ตสฺสตฺโถ – ตฺวํ, ภิกฺขุ, อพฺโภกาเส เกนจิ อปฏิจฺฉนฺเน วิวฏงฺคเณ วิหรสิ อิริยาปเถ กปฺเปสิ. เหมนฺติกา หิมปาตสมเย ปริยาปนฺนา อิมา สีตา รตฺติโย วตฺตนฺติ. ตสฺมา สีเตน ปเรโต อภิภูโต หุตฺวา มา วิหฺิตฺโถ วิฆาตํ มา อาปชฺชิ มา กิลมิ. ผุสิตคฺคฬํ ปิหิตกวาฏํ เสนาสนํ ปวิส, เอวํ เต สุขวิหาโร ภวิสฺสตีติ.

ตํ สุตฺวา เถโร ‘‘น มยฺหํ เสนาสนปริเยสนาย ปโยชนํ, เอตฺเถวาหํ สุขวิหารี’’ติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ผุสิสฺส’’นฺติอาทินา ฉฏฺํ คาถมาห. ตตฺถ ผุสิสฺสํ จตสฺโส อปฺปมฺาโยติ อปฺปมาณโคจรตาย ‘‘อปฺปมฺา’’ติ ลทฺธโวหาเร จตฺตาโร พฺรหฺมวิหาเร ผุสิสฺสํ ผุสิสฺสามิ, กาเลน กาลํ สมาปชฺชิสฺสามิ. ตาหิ จ สุขิโต วิหริสฺสนฺติ ตาหิ อปฺปมฺาหิ สุขิโต สฺชาตสุโข หุตฺวา วิหริสฺสํ จตฺตาโรปิ อิริยาปเถ กปฺเปสฺสามีติ. เตน มยฺหํ สพฺพกาเล สุขเมว, น ทุกฺขํ. ยโต นาหํ สีเตน วิหฺิสฺสํ อนฺตรฏฺเกปิ หิมปาตสมเย อหํ สีเตน น กิลมิสฺสามิ, ตสฺมา อนิฺชิโต วิหรนฺโต จิตฺตสฺส อิฺชิตการณานํ พฺยาปาทาทีนํ สุปฺปหีนตฺตา ปจฺจยุปฺปนฺนิฺชนาย จ อภาวโต สมาปตฺติสุเขเนว สุขิโต วิหริสฺสามีติ. เอวํ เถโร อิมํ คาถํ วทนฺโตเยว วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ สจฺฉากาสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๘.๓๙-๔๔) –

‘‘นคเร พนฺธุมติยา, เวชฺโช อาสึ สุสิกฺขิโต;

อาตุรานํ สทุกฺขานํ, มหาชนสุขาวโห.

‘‘พฺยาธิตํ สมณํ ทิสฺวา, สีลวนฺตํ มหาชุตึ;

ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, เภสชฺชมททึ ตทา.

‘‘อโรโค อาสิ เตเนว, สมโณ สํวุตินฺทฺริโย;

อโสโก นาม นาเมน, อุปฏฺาโก วิปสฺสิโน.

‘‘เอกนวุติโต กปฺเป, ยํ โอสธมทาสหํ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, เภสชฺชสฺส อิทํ ผลํ.

‘‘อิโต จ อฏฺเม กปฺเป, สพฺโพสธสนามโก;

สตฺตรตนสมฺปนฺโน, จกฺกวตฺตี มหปฺผโล.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

เอตฺถ จ พินฺทุสารรฺโ กาเล อิมสฺส เถรสฺส อุปฺปนฺนตฺตา ตติยสงฺคีติยํ อิมา คาถา สงฺคีตาติ เวทิตพฺพา.

เตกิจฺฉการิตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. มหานาคตฺเถรคาถาวณฺณนา

ยสฺส สพฺรหฺมจารีสูติอาทิกา อายสฺมโต มหานาคตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินนฺโต กกุสนฺธสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ กกุสนฺธํ ภควนฺตํ อรฺํ อชฺโฌคาเหตฺวา อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล ฌานสุเขน นิสินฺนํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส ตสฺส ทาฬิมผลํ อทาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาเกเต มธุวาเสฏฺสฺส นาม พฺราหฺมณสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, มหานาโคติสฺส นามํ อโหสิ. โส วิฺุตํ ปตฺโต ภควติ สาเกเต อฺชนวเน วิหรนฺเต อายสฺมโต ควมฺปติตฺเถรสฺส ปาฏิหาริยํ ทิสฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ เถรสฺเสว สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ตสฺโสวาเท ตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๕.๑-๗) –

‘‘กกุสนฺโธ มหาวีโร, สพฺพธมฺมาน ปารคู;

คณมฺหา วูปกฏฺโ โส, อคมาสิ วนนฺตรํ.

‘‘พีชมิฺชํ คเหตฺวาน, ลตาย อาวุณึ อหํ;

ภควา ตมฺหิ สมเย, ฌายเต ปพฺพตนฺตเร.

‘‘ทิสฺวานหํ เทวเทวํ, วิปฺปสนฺเนน เจตสา;

ทกฺขิเณยฺยสฺส วีรสฺส, พีชมิฺชมทาสหํ.

‘‘อิมสฺมึเยว กปฺปมฺหิ, ยํ มิฺชมททึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พีชมิฺชสฺสิทํ ผลํ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา วิมุตฺติสุเขน วิหรนฺโต เถโร ฉพฺพคฺคิเย ภิกฺขู สพฺรหฺมจารีสุ คารวํ อกตฺวา วิหรนฺเต ทิสฺวา เตสํ โอวาททานวเสน –

๓๘๗.

‘‘ยสฺส สพฺรหฺมจารีสุ, คารโว นูปลพฺภติ;

ปริหายติ สทฺธมฺมา, มจฺโฉ อปฺโปทเก ยถา.

๓๘๘.

‘‘ยสฺส สพฺรหฺมจารีสุ, คารโว นูปลพฺภติ;

น วิรูหติ สทฺธมฺเม, เขตฺเต พีชํว ปูติกํ.

๓๘๙.

‘‘ยสฺส สพฺรหฺมจารีสุ, คารโว นูปลพฺภติ;

อารกา โหติ นิพฺพานา, ธมฺมราชสฺส สาสเน.

๓๙๐.

‘‘ยสฺส สพฺรหฺมจารีสุ, คารโว อุปลพฺภติ;

น วิหายติ สทฺธมฺมา, มจฺโฉ พวฺโหทเก ยถา.

๓๙๑.

‘‘ยสฺส สพฺรหฺมจารีสุ, คารโว อุปลพฺภติ;

โส วิรูหติ สทฺธมฺเม, เขตฺเต พีชํว ภทฺทกํ.

๓๙๒.

‘‘ยสฺส สพฺรหฺมจารีสุ, คารโว อุปลพฺภติ;

สนฺติเก โหติ นิพฺพานํ, ธมฺมราชสฺส สาสเน’’ติ. –

อิมา ฉ คาถา อภาสิ.

ตตฺถ สพฺรหฺมจารีสูติ สมานํ พฺรหฺมํ สีลาทิธมฺมํ จรนฺตีติ สพฺรหฺมจาริโน, สีลทิฏฺิสามฺคตา สหธมฺมิกา, เตสุ. คารโวติ ครุภาโว สีลาทิคุณนิมิตฺตํ ครุกรณํ. นูปลพฺภตีติ น วิชฺชติ น ปวตฺตติ, น อุปติฏฺตีติ อตฺโถ. นิพฺพานาติ กิเลสานํ นิพฺพาปนโต กิเลสกฺขยาติ อตฺโถ. ธมฺมราชสฺสาติ สตฺถุโน. สตฺถา หิ สเทวกํ โลกํ ยถารหํ โลกิยโลกุตฺตเรน ธมฺเมน รฺเชติ โตเสตีติ ธมฺมราชา. เอตฺถ จ ‘‘ธมฺมราชสฺส สาสเน’’ติ อิมินา นิพฺพานํ นาม ธมฺมราชสฺเสว สาสเน, น อฺตฺถ. ตตฺถ โย สพฺรหฺมจารีสุ คารวรหิโต, โส ยถา นิพฺพานา อารกา โหติ, ตถา ธมฺมราชสฺส สาสนโตปิ อารกา โหตีติ ทสฺเสติ. พวฺโหทเกติ พหุอุทเก. สนฺติเก โหติ นิพฺพานนฺติ นิพฺพานํ ตสฺส สนฺติเก สมีเป เอว โหติ. เสสํ วุตฺตนยเมว. อิมา เอว จ เถรสฺส อฺาพฺยากรณคาถา อเหสุํ.

มหานาคตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. กุลฺลตฺเถรคาถาวณฺณนา

กุลฺโล สิวถิกนฺติอาทิกา อายสฺมโต กุลฺลตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ กุฏุมฺพิยกุเล นิพฺพตฺติตฺวา กุลฺโลติ ลทฺธนาโม วิฺุตํ ปตฺโต สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิ. โส จ ราคจริตตฺตา ติพฺพราคชาติโก โหติ. เตนสฺส อภิกฺขณํ กิเลสา จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺนฺติ. อถสฺส สตฺถา จิตฺตาจารํ ตฺวา อสุภกมฺมฏฺานํ ทตฺวา, ‘‘กุลฺล, ตยา อภิณฺหํ สุสาเน จาริกา จริตพฺพา’’ติ อาห. โส สุสานํ ปวิสิตฺวา อุทฺธุมาตกาทีนิ ตานิ ตานิ อสุภานิ ทิสฺวา ตํ มุหุตฺตํ อสุภมนสิการํ อุปฺปาเทตฺวา สุสานโต นิกฺขนฺตมตฺโตว กามราเคน อภิภุยฺยติ. ปุน ภควา ตสฺส ตํ ปวตฺตึ ตฺวา เอกทิวสํ ตสฺส สุสานฏฺานํ คตกาเล เอกํ ตรุณิตฺถิรูปํ อธุนา มตํ อวินฏฺจฺฉวึ นิมฺมินิตฺวา ทสฺเสติ. ตสฺส ตํ ทิฏฺมตฺตสฺส ชีวมานวิสภาควตฺถุสฺมึ วิย สหสา ราโค อุปฺปชฺชติ. อถ นํ สตฺถา ตสฺส เปกฺขนฺตสฺเสว นวหิ วณมุเขหิ ปคฺฆรมานาสุจึ กิมิกุลากุลํ อติวิย พีภจฺฉํ ทุคฺคนฺธํ เชคุจฺฉํ ปฏิกฺกูลํ กตฺวา ทสฺเสสิ. โส ตํ เปกฺขนฺโต วิรตฺตจิตฺโต หุตฺวา อฏฺาสิ. อถสฺส ภควา โอภาสํ ผริตฺวา สตึ ชเนนฺโต –

‘‘อาตุรํ อสุจึ ปูตึ, ปสฺส กุลฺล สมุสฺสยํ;

อุคฺฆรนฺตํ ปคฺฆรนฺตํ, พาลานํ อภินนฺทิต’’นฺติ. –

อาห. ตํ สุตฺวา เถโร สมฺมเทว สรีรสภาวํ อุปธาเรนฺโต อสุภสฺํ ปฏิลภิตฺวา ตตฺถ ปมํ ฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา ตํ ปาทกํ กตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิตฺวา อตฺตโน ปฏิปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตฺวา –

๓๙๓.

‘‘กุลฺโล สิวถิกํ คนฺตฺวา, อทฺทส อิตฺถิมุชฺฌิตํ;

อปวิทฺธํ สุสานสฺมึ, ขชฺชนฺตึ กิมิหี ผุฏํ.

๓๙๔.

‘‘อาตุรํ…เป… พาลานํ อภินนฺทิตํ.

๓๙๕.

‘‘ธมฺมาทาสํ คเหตฺวาน, าณทสฺสนปตฺติยา;

ปจฺจเวกฺขึ อิมํ กายํ, ตุจฺฉํ สนฺตรพาหิรํ.

๓๙๖.

‘‘ยถา อิทํ ตถา เอตํ, ยถา เอตํ ตถา อิทํ;

ยถา อโธ ตถา อุทฺธํ, ยถา อุทฺธํ ตถา อโธ.

๓๙๗.

‘‘ยถา ทิวา ตถา รตฺตึ, ยถา รตฺตึ ตถา ทิวา;

ยถา ปุเร ตถา ปจฺฉา, ยถา ปจฺฉา ตถา ปุเร.

๓๙๘.

‘‘ปฺจงฺคิเกน ตุริเยน, น รตี โหติ ตาทิสี;

ยถา เอกคฺคจิตฺตสฺส, สมฺมา ธมฺมํ วิปสฺสโต’’ติ. –

อุทานวเสน อิมา คาถา อภาสิ.

ตตฺถ กุลฺโลติ อตฺตานเมว เถโร ปรํ วิย กตฺวา วทติ.

อาตุรนฺติ นานปฺปกาเรหิ ทุกฺเขหิ อภิณฺหํ ปฏิปีฬิตํ. อสุจินฺติ สุจิรหิตํ เชคุจฺฉํ ปฏิกฺกูลํ. ปูตินฺติ ทุคฺคนฺธํ. ปสฺสาติ สภาวโต โอโลเกหิ. กุลฺลาติ โอวาทกาเล ภควา เถรํ อาลปติ. อุทานกาเล ปน เถโร สยเมว อตฺตานํ วทติ. สมุสฺสยนฺติ สรีรํ. อุคฺฆรนฺตนฺติ อุทฺธํ วณมุเขหิ อสุจึ สวนฺตํ. ปคฺฆรนฺตนฺติ อโธ วณมุเขหิ สมนฺตโต จ อสุจึ สวนฺตํ. พาลานํ อภินนฺทิตนฺติ พาเลหิ อนฺธปุถุชฺชเนหิ ทิฏฺิตณฺหาภินนฺทนาหิ ‘‘อหํ มม’’นฺติ อภินิวิสฺส นนฺทิตํ.

ธมฺมาทาสนฺติ ธมฺมมยํ อาทาสํ. ยถา หิ สตฺตา อทาเสน อตฺตโน มุเข กาเย วา คุณโทเส ปสฺสนฺติ, เอวํ โยคาวจโร เยน อตฺตภาเว สํกิเลสโวทานธมฺเม ยาถาวโต ปสฺสติ, ตํ วิปสฺสนาาณํ อิธ ‘‘ธมฺมาทาส’’นฺติ วุตฺตํ. ตํ าณทสฺสนสฺส มคฺคาณสงฺขาตสฺส ธมฺมจกฺขุสฺส อธิคมาย อตฺตโน สนฺตาเน อุปฺปาเทตฺวา. ปจฺจเวกฺขึ อิมํ กายนฺติ อิมํ กรชกายํ นิจฺจสาราทิวิรหโต ตุจฺฉํ อตฺตปรสนฺตานานํ วิภาคโต สนฺตรพาหิรํ าณจกฺขุนา ปติอเวกฺขึ ปสฺสึ.

ยถา ปน ปจฺจเวกฺขึ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยถา อิท’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ยถา อิทํ ตถา เอตนฺติ ยถา อิทํ มยฺหํ สรีรสงฺขาตํ อสุภํ อายุอุสฺมาวิฺาณานํ อนปคมา นานาวิธํ มาโยปมํ กิริยํ ทสฺเสติ, ตถาว เอตํ มตสรีรํ ปุพฺเพ เตสํ ธมฺมานํ อนปคมา อโหสิ. ยถา เอตํ เอตรหิ มตสรีรํ เตสํ ธมฺมานํ อปคมา น กิฺจิ กิริยํ ทสฺเสติ, ตถา อิทํ มม สรีรมฺปิ เตสํ ธมฺมานํ อปคมา นสฺสเตวาติ. ยถา จ อิทํ มม สรีรํ เอตรหิ สุสาเน น มตํ น สยิตํ, น อุทฺธุมาตกาทิภาวํ อุปคตํ, ตถา เอตํ เอตรหิ มตสรีรมฺปิ ปุพฺเพ อโหสิ. ยถา ปเนตํ เอตรหิ มตสรีรํ สุสาเน สยิตํ อุทฺธุมาตกาทิภาวํ อุปคตํ, ตถา อิทํ มม สรีรมฺปิ ภวิสฺสติ. อถ วา ยถา อิทํ มม สรีรํ อสุจิ ทุคฺคนฺธํ เชคุจฺฉํ ปฏิกฺกูลํ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา, ตถา เอตํ มตสรีรมฺปิ. ยถา วา เอตํ มตสรีรํ อสุจิอาทิสภาวฺเจว อนิจฺจาทิสภาวฺจ, ตถา อิทํ มม สรีรมฺปิ. ยถา อโธ ตถา อุทฺธนฺติ ยถา นาภิโต อโธ เหฏฺา อยํ กาโย อสุจิ ทุคฺคนฺโธ เชคุจฺโฉ ปฏิกฺกูโล อนิจฺโจ ทุกฺโข อนตฺตา จ, ตถา อุทฺธํ นาภิโต อุปริ อสุจิอาทิสภาโว จ. ยถา อุทฺธํ ตถา อโธติ ยถา จ นาภิโต, อุทฺธํ อสุจิอาทิสภาโว, ตถา อโธ นาภิโต เหฏฺาปิ.

ยถา ทิวา ตถา รตฺตินฺติ ยถา อยํ กาโย ทิวา ‘‘อกฺขิมฺหา อกฺขิคูถโก’’ติอาทินา (สุ. นิ. ๑๙๙) อสุจิ ปคฺฆรติ, ตถา รตฺติมฺปิ. ยถา รตฺตึ ตถา ทิวาติ ยถา จ รตฺตึ อยํ กาโย อสุจิ ปคฺฆรติ, ตถา ทิวาปิ, นยิมสฺส กาลวิภาเคน อฺถาภาโวติ อตฺโถ. ยถา ปุเร ตถา ปจฺฉาติ ยถา อยํ กาโย ปุเร ปุพฺเพ ตรุณกาเล อสุจิ ทุคฺคนฺโธ เชคุจฺโฉ ปฏิกฺกูโล, ตถา จ ปจฺฉา ชิณฺณกาเล. ยถา จ ปจฺฉา ชิณฺณกาเล อสุจิอาทิสภาโว, ตถา ปุเร ตรุณกาเลปิ. ยถา วา ปุเร อตีตกาเล สวิฺาณกาเล อสุจิอาทิสภาโว จ อนิจฺจาทิสภาโว จ, ตถา ปจฺฉา อนาคตกาเล อวิฺาณกาเลติ เอวมฺเปตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.

ปฺจงฺคิเกน ตุริเยนาติ ‘‘อาตตํ วิตตํ อาตตวิตตํ ฆนํ สุสีร’’นฺติ เอวํ ปฺจงฺคิเกน ปฺจหิ องฺเคหิ สมนฺนาคเตน ตุริเยน ปริจริยมานสฺส กามสุขสมงฺคิโน อิสฺสรชนสฺส ตาทิสี ตถารูปา รติ สุขสฺสาโท น โหติ. ยถา เอกคฺคจิตฺตสฺส, สมฺมา ธมฺมํ วิปสฺสโตติ สมถวิปสฺสนํ ยุคนทฺธํ กตฺวา อินฺทฺริยานํ เอกรสภาเวน วีถิปฏิปนฺนาย วิปสฺสนาย ขนฺธานํ อุทยพฺพยํ ปสฺสนฺตสฺส โยคาวจรสฺส ยาทิสา ธมฺมรติ, ตสฺสา กลมฺปิ กามรติ น อุเปตีติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –

‘‘ยโต ยโต สมฺมสติ, ขนฺธานํ อุทยพฺพยํ;

ลภตี ปีติปาโมชฺชํ, อมตํ ตํ วิชานต’’นฺติ. (ธ. ป. ๓๗๔);

อิมา เอว จ เถรสฺส อฺาพฺยากรณคาถาปิ อเหสุํ.

กุลฺลตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. มาลุกฺยปุตฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา

มนุชสฺสาติอาทิกา อายสฺมโต มาลุกฺยปุตฺตตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินิตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ โกสลรฺโ อคฺคาสนิกสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ตสฺส มาตา มาลุกฺยา นาม, ตสฺสา วเสน มาลุกฺยปุตฺโตตฺเวว ปฺายิตฺถ. โส วยปฺปตฺโต นิสฺสรณชฺฌาสยตาย ฆราวาสํ ปหาย ปริพฺพาชกปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา วิจรนฺโต สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา สาสเน ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต นจิรสฺเสว ฉฬภิฺโ อโหสิ. โส าตีสุ อนุกมฺปาย าติกุลํ อคมาสิ. ตํ าตกา ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน ปริวิสิตฺวา ธเนน ปโลเภตุกามา มหนฺตํ ธนราสึ ปุรโต อุปฏฺเปตฺวา ‘‘อิทํ ธนํ ตว สนฺตกํ, วิพฺภมิตฺวา อิมินา ธเนน ปุตฺตทารํ ปฏิชคฺคนฺโต ปุฺานิ กโรหี’’ติ ยาจึสุ. เถโร เตสํ อชฺฌาสยํ วิปริวตฺเตนฺโต อากาเส ตฺวา –

๓๙๙.

‘‘มนุชสฺส ปมตฺตจาริโน, ตณฺหา วฑฺฒติ มาลุวา วิย;

โส ปฺลวตี หุรา หุรํ, ผลมิจฺฉํว วนสฺมิ วานโร.

๔๐๐.

‘‘ยํ เอสา สหเต ชมฺมี, ตณฺหา โลเก วิสตฺติกา;

โสกา ตสฺส ปวฑฺฒนฺติ, อภิวฏฺํว พีรณํ.

๔๐๑.

‘‘โย เจตํ สหเต ชมฺมึ, ตณฺหํ โลเก ทุรจฺจยํ;

โสกา ตมฺหา ปปตนฺติ, อุทพินฺทูว โปกฺขรา.

๔๐๒.

‘‘ตํ โว วทามิ ภทฺทํ โว, ยาวนฺเตตฺถ สมาคตา;

ตณฺหาย มูลํ ขณถ, อุสีรตฺโถว พีรณํ;

มา โว นฬํว โสโตว, มาโร ภฺชิ ปุนปฺปุนํ.

๔๐๓.

‘‘กโรถ พุทฺธวจนํ, ขโณ โว มา อุปจฺจคา;

ขณาตีตา หิ โสจนฺติ, นิรยมฺหิ สมปฺปิตา.

๔๐๔.

‘‘ปมาโท รโช ปมาโท, ปมาทานุปติโต รโช;

อปฺปมาเทน วิชฺชาย, อพฺพเห สลฺลมตฺตโน’’ติ. –

อิมาหิ ฉหิ คาถาหิ ธมฺมํ เทเสติ.

ตตฺถ มนุชสฺสาติ สตฺตสฺส. ปมตฺตจาริโนติ สติโวสฺสคฺคลกฺขเณน ปมาเทน ปมตฺตจาริสฺส, เนว ฌานํ, น วิปสฺสนา, น มคฺคผลานิ วฑฺฒนฺติ. ยถา ปน รุกฺขํ สํสิพฺพนฺตี ปริโยนนฺธนฺตี ตสฺส วินาสาย มาลุวา ลตา วฑฺฒติ, เอวมสฺส ฉ ทฺวารานิ นิสฺสาย รูปาทีสุ ปุนปฺปุนํ อุปฺปชฺชมานา ตณฺหา วฑฺฒติ. วฑฺฒมานาว ยถา มาลุวา ลตา อตฺตโน อปสฺสยภูตํ รุกฺขํ อชฺโฌตฺถริตฺวา ปาเตติ, เอวํ ตณฺหาวสิกํ ปุคฺคลํ อปาเย นิปาเตติ. โส ปฺลวตีติ โส ตณฺหาวสิโก ปุคฺคโล อปราปรํ ภวาภเว อุปฺลวติ ธาวติ. ยถา กึ? ผลมิจฺฉํว วนสฺมิ วานโร ยถา รุกฺขผลํ อิจฺฉนฺโต วานโร วนสฺมึ ธาวนฺโต รุกฺขสฺส เอกํ สาขํ คณฺหาติ, ตํ มุฺจิตฺวา อฺํ คณฺหาติ, ตํ มุฺจิตฺวา อฺนฺติ ‘‘สาขํ อลภิตฺวา นิสินฺโน’’ติ วตฺตพฺพตํ นาปชฺชติ; เอวเมว ตณฺหาวสิโก ปุคฺคโล หุรา หุรํ ธาวนฺโต ‘‘อารมฺมณํ อลภิตฺวา ตณฺหาย อปฺปวตฺตึ ปตฺโต’’ติ วตฺตพฺพตํ นาปชฺชติ.

นฺติ ยํ ปุคฺคลํ. เอสา ลามกภาเวน ชมฺมี วิสาหารตาย วิสมูลตาย วิสผลตาย วิสปริโภคตาย รูปาทีสุ วิสตฺตตาย อาสตฺตตาย จ วิสตฺติกาติ สงฺขํ คตา ฉทฺวาริกา ตณฺหา สหเต อภิภวติ ตสฺส ปุคฺคลสฺส. ยถา นาม วเน ปุนปฺปุนํ วสฺสนฺเต เทเว อภิวฏฺํ พีรณํ พีรณติณํ วฑฺฒติ, เอวํ วฏฺฏมูลกา โสกา อภิวฑฺฒนฺติ วุทฺธึ อาปชฺชนฺตีติ อตฺโถ.

โย เจตํ…เป… ทุรจฺจยนฺติ โย ปน ปุคฺคโล เอวํ วุตฺตปฺปการํ อติกฺกมิตุํ ปชหิตุํ ทุกฺกรตาย ทุรจฺจยํ ตณฺหํ สหเต อภิภวติ, ตมฺหา ปุคฺคลา วฏฺฏมูลกา โสกา ปปตนฺติ. ยถา นาม โปกฺขเร ปทุมปตฺเต ปติตํ อุทพินฺทุ น ปติฏฺาติ, เอวํ น ปติฏฺหนฺตีติ อตฺโถ.

ตํ โว วทามีติ เตน การเณน อหํ ตุมฺเห วทามิ. ภทฺทํ โวติ ภทฺทํ ตุมฺหากํ โหตุ, มา ตณฺหํ อนุวตฺตปุคฺคโล วิย วิภวํ อนตฺถํ ปาปุณาถาติ อตฺโถ. ยาวนฺเตตฺถ สมาคตาติ อิมสฺมึ าเน ยตฺตกา สนฺนิปติตา, ตตฺตกา. กึ วทสีติ เจ? ตณฺหาย มูลํ ขณถ อิมิสฺสา ฉทฺวาริกตณฺหาย มูลํ การณํ อวิชฺชาทิกิเลสคฺคหนํ อรหตฺตมคฺคาณกุทาเลน ขณถ สมุจฺฉินฺทถ. กึ วิยาติ? อุสีรตฺโถว พีรณํ ยถา อุสีเรน อตฺถิโก ปุริโส มหนฺเตน กุทาเลน พีรณาปรนามํ อุสีรํ นาม ติณํ ขณติ, เอวมสฺส มูลํ ขณถาติ อตฺโถ. มา โว นฬํว โสโตว, มาโร ภฺชิ ปุนปฺปุนนฺติ ตุมฺเห นทีตีเร ชาตํ นฬํ มหาเวเคน อาคโต นทีโสโต วิย กิเลสมาโร มจฺจุมาโร เทวปุตฺตมาโร จ ปุนปฺปุนํ มา ภฺชีติ อตฺโถ.

ตสฺมา กโรถ พุทฺธวจนํ ‘‘ฌายถ, ภิกฺขเว, มา ปมาทตฺถา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๑๕) วุตฺตํ พุทฺธสฺส ภควโต วจนํ กโรถ, ยถานุสิฏฺํ ปฏิปตฺติยา สมฺปาเทถ. ขโณ โว มา อุปจฺจคาติ โย หิ พุทฺธวจนํ น กโรติ, ตํ ปุคฺคลํ อยํ พุทฺธุปฺปาทกฺขโณ ปติรูปเทสวาเส อุปฺปตฺติกฺขโณ สมฺมทิฏฺิยา ปฏิลทฺธกฺขโณ ฉนฺนํ อายตนานํ อเวกลฺลกฺขโณติ สพฺโพปิ ขโณ อติกฺกมติ, โส ขโณ มา ตุมฺเห อติกฺกมตุ. ขณาตีตาติ เย หิ ตํ ขณํ อตีตา, เย วา ปุคฺคเล โส ขโณ อตีโต, เต นิรยมฺหิ สมปฺปิตา ตตฺถ นิพฺพตฺตา จิรกาลํ โสจนฺติ.

ปมาโท รโชติ รูปาทีสุ อารมฺมเณสุ สติโวสฺสคฺคลกฺขโณ ปมาโท, สํกิเลสสภาวตฺตา ราครชาทิมิสฺสตาย จ รโช. ปมาทานุปติโต รโชติ โย หิ โกจิ รโช นาม ราคาทิโก, โส สพฺโพ ปมาทานุปติโต ปมาทวเสเนว อุปฺปชฺชติ. อปฺปมาเทนาติ อปฺปมชฺชเนน อปฺปมาทปฏิปตฺติยา. วิชฺชายาติ อคฺคมคฺควิชฺชาย. อพฺพเห สลฺลมตฺตโนติ อตฺตโน หทยนิสฺสิตํ ราคาทิสลฺลํ อุทฺธเรยฺย สมูหเนยฺยาติ.

มาลุกฺยปุตฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. สปฺปทาสตฺเถรคาถาวณฺณนา

ปณฺณวีสตีติอาทิกา อายสฺมโต สปฺปทาสตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินิตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท กปิลวตฺถุสฺมึ สุทฺโธทนมหาราชสฺส ปุโรหิตปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, ตสฺส สปฺปทาโสติ นามํ อโหสิ. โส วยปฺปตฺโต สตฺถุ าติสมาคเม ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา กิเลสาภิภเวน เจโตสมาธึ อลภนฺโต พฺรหฺมจริยํ จริตฺวา สํเวคชาโต ปจฺฉา สตฺถํ อาหรนฺโต โยนิโส มนสิการํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิตฺวา อฺํ พฺยากโรนฺโต –

๔๐๕.

‘‘ปณฺณวีสติ วสฺสานิ, ยโต ปพฺพชิโต อหํ;

อจฺฉราสงฺฆาตมตฺตมฺปิ, เจโตสนฺติมนชฺฌคํ.

๔๐๖.

‘‘อลทฺธา จิตฺตสฺเสกคฺคํ, กามราเคน อฏฺฏิโต;

พาหา ปคฺคยฺห กนฺทนฺโต, วิหารา อุปนิกฺขมึ.

๔๐๗.

‘‘สตฺถํ วา อาหริสฺสามิ, โก อตฺโถ ชีวิเตน เม;

กถฺหิ สิกฺขํ ปจฺจกฺขํ, กาลํ กุพฺเพถ มาทิโส.

๔๐๘.

‘‘ตทาหํ ขุรมาทาย, มฺจกมฺหิ อุปาวิสึ;

ปรินีโต ขุโร อาสิ, ธมนึ เฉตฺตุมตฺตโน.

๔๐๙.

‘‘ตโต เม มนสีกาโร, โยนิโส อุทปชฺชถ;

อาทีนโว ปาตุรหุ, นิพฺพิทา สมติฏฺถ.

๔๑๐.

‘‘ตโต จิตฺตํ วิมุจฺจิ เม, ปสฺส ธมฺมสุธมฺมตํ;

ติสฺโส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ. –

อิมา คาถา อภาสิ.

ตตฺถ ปณฺณวีสติวสฺสานิ, ยโต ปพฺพชิโต อหนฺติ ยโต ปฏฺาย อหํ ปพฺพชิโต ตานิมานิ ปณฺณวีสติวสฺสานิ. อจฺฉราสงฺฆาตมตฺตมฺปิ, เจโตสนฺติมนชฺฌคนฺติ โสหํ เอตฺตกํ กาลํ พฺรหฺมจริยํ จรนฺโต อจฺฉราสงฺฆาตมตฺตมฺปิ องฺคุลิโผฏนมตฺตมฺปิ ขณํ เจโตสนฺตึ เจตโส สมาธานํ น ลภึ.

เอวํ ปน อลทฺธา จิตฺตสฺเสกคฺคตํ, ตตฺถ การณมาห ‘‘กามราเคน อฏฺฏิโต’’ติ. ตตฺถ อฏฺฏิโตติ ปีฬิโต, อภิภูโตติ อตฺโถ. พาหา ปคฺคยฺห กนฺทนฺโตติ ‘‘อิทมิธ อติวิย อยุตฺตํ วตฺตติ, ยทาหํ นิยฺยานิเก สาสเน ปพฺพชิตฺวา อตฺตานํ กิเลสปงฺกโต อุทฺธริตุํ น สกฺโกมี’’ติ อุทฺธํมุโข พาหา ปคฺคยฺห กนฺทมาโน. วิหารา อุปนิกฺขมินฺติ วสนกวิหารโต พหิ นิกฺขนฺโต.

เยนาธิปฺปาเยน นิกฺขนฺโต, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘สตฺถํ วา อาหริสฺสามี’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สตฺถํ วา อาหริสฺสามีติ วา-สทฺโท วิกปฺปนตฺโถ. เตน ‘‘รุกฺขา วา ปปติสฺสามิ, อุพฺพนฺธิตฺวา วา มริสฺสามี’’ติอาทิเก มรณปฺปกาเร สงฺคณฺหาติ. สิกฺขนฺติ อธิสีลสิกฺขํ. ปจฺจกฺขนฺติ ปจฺจาจิกฺขนฺโต ปริจฺจชนฺโต. ‘‘ปจฺจกฺขา’’ติปิ ปาฬิ, ปจฺจกฺขายาติ อตฺโถ. กาลนฺติ มรณํ. กถฺหิ นาม มาทิโส สิกฺขาปจฺจกฺขาเนน กาลํ กเรยฺยาติ อตฺโถ. สิกฺขาปจฺจกฺขานฺหิ อริยสฺส วินเย มรณํ นาม. ยถาห ภควา – ‘‘มรณฺเหตํ, ภิกฺขเว, โย สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๖๓). ‘‘สิกฺขํ ปจฺจกฺขา’’ติ ปน ปาเ กถฺหิ นาม มาทิโส สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย กาลํ กเรยฺย, สิกฺขาสมงฺคี เอว ปน หุตฺวา กาลํ กเรยฺย? ตสฺมา สตฺถํ วา อาหริสฺสามิ, โก อตฺโถ ชีวิเตน เมติ โยชนา.

ตทาหนฺติ ยทา กิเลสาภิภเวน สมณธมฺมํ กาตุํ อสมตฺถตาย ชีวิเต นิพฺพินฺทนฺโต ตทา. ขุรนฺติ นิสิตขุรํ, ขุรสทิสํ วา สตฺถกํ. มฺจกมฺหิ อุปาวิสินฺติ ปเรสํ นิวารณภเยน โอวรกํ ปวิสิตฺวา มฺจเก นิสีทึ. ปรินีโตติ อุปนีโต, คเล ปิโตติ อธิปฺปาโย. ธมนินฺติ ‘‘กณฺเ ธมนึ, กณฺธมนึ คลวลย’’นฺติปิ วทนฺติ. เฉตฺตุนฺติ ฉินฺทิตุํ.

ตโต เม มนสีกาโร, โยนิโส อุทปชฺชถาติ ‘‘ยทาหํ มริสฺสามี’’ติ กณฺเ ธมนึ ฉินฺทิตุํ ขุรํ อุปเนสึ, ตโต ปรํ ‘‘อโรคํ นุ โข เม สีล’’นฺติ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส อกฺขณฺฑํ อจฺฉิทฺทํ สุปริสุทฺธํ สีลํ ทิสฺวา ปีติ อุปฺปชฺชิ, ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสมฺภิ, ปสฺสทฺธกายสฺส นิรามิสํ สุขํ อนุภวนฺตสฺส จิตฺตสฺส สมาหิตตาย วิปสฺสนาวเสน โยนิโส มนสิกาโร อุปฺปชฺชิ. อถ วา ตโตติ กณฺเ ขุรสฺส อุปนยโต วเณ ชาเต อุปฺปนฺนํ เวทนํ วิกฺขมฺเภนฺโต วิปสฺสนาย วเสน โยนิโสมนสิกาโร อุปฺปชฺชิ. อิทานิ ตโต ปรํ มคฺคผลปจฺจเวกฺขณาณํ อุปฺปนฺนภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘อาทีนโว ปาตุรหู’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตํ เหฏฺา วุตฺตตฺถเมว.

สปฺปทาสตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. กาติยานตฺเถรคาถาวณฺณนา

อุฏฺเหีติอาทิกา อายสฺมโต กาติยานตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินิตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ อฺตรสฺส โกสิยโคตฺตสฺส พฺราหฺมณสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺโต, มาตุโคตฺตวเสน ปน กาติยาโนติ ลทฺธนาโม วยปฺปตฺโต สามฺกานิตฺเถรสฺส คิหิสหาโย เถรํ ทิสฺวา ปพฺพชิโต สมณธมฺมํ กโรนฺโต รตฺตึ ‘‘นิทฺทาภิภวํ วิโนเทสฺสามี’’ติ จงฺกมํ อารุหิ. โส จงฺกมนฺโต นิทฺทาย อภิภูโต ปจลายมาโน ปริปติตฺวา ตตฺเถว อนนฺตรหิตาย ภูมิยา นิปชฺชิ, สตฺถา ตสฺส ตํ ปวตฺตึ ทิสฺวา สยํ ตตฺถ คนฺตฺวา อากาเส ตฺวา ‘‘กาติยานา’’ติ สฺํ อทาสิ. โส สตฺถารํ ทิสฺวา อุฏฺหิตฺวา วนฺทิตฺวา สํเวคชาโต อฏฺาสิ. อถสฺส สตฺถา ธมฺมํ เทเสนฺโต –

๔๑๑.

‘‘อุฏฺเหิ นิสีท กาติยาน, มา นิทฺทาพหุโล อหุ ชาครสฺสุ;

มา ตํ อลสํ ปมตฺตพนฺธุ, กูเฏเนว ชินาตุ มจฺจุราชา.

๔๑๒.

‘‘เสยฺยถาปิ มหาสมุทฺทเวโค, เอวํ ชาติชราติ วตฺตเต ตํ;

โส กโรหิ สุทีปมตฺตโน ตฺวํ, น หิ ตาณํ ตว วิชฺชเตว อฺํ.

๔๑๓.

‘‘สตฺถา หิ วิเชสิ มคฺคเมตํ, สงฺคา ชาติชราภยา อตีตํ;

ปุพฺพาปรรตฺตมปฺปมตฺโต, อนุยุฺชสฺสุ ทฬฺหํ กโรหิ โยคํ.

๔๑๔.

‘‘ปุริมานิ ปมุฺจ พนฺธนานิ, สงฺฆาฏิขุรมุณฺฑภิกฺขโภชี;

มา ขิฑฺฑารติฺจ มา นิทฺทํ, อนุยุฺชิตฺถ ฌาย กาติยาน.

๔๑๕.

‘‘ฌายาหิ ชินาหิ กาติยาน, โยคกฺเขมปเถสุ โกวิโทสิ;

ปปฺปุยฺย อนุตฺตรํ วิสุทฺธึ, ปรินิพฺพาหิสิ วารินาว โชติ.

๔๑๖.

‘‘ปชฺโชตกโร ปริตฺตรํโส, วาเตน วินมฺยเต ลตาว;

เอวมฺปิ ตุวํ อนาทิยาโน, มารํ อินฺทสโคตฺต นิทฺธุนาหิ;

โส เวทยิตาสุ วีตราโค, กาลํ กงฺข อิเธว สีติภูโต’’ติ. –

อิมา คาถา อภาสิ.

ตตฺถ อุฏฺเหีติ นิทฺทูปคมนโต อุฏฺหนฺโต อุฏฺานวีริยํ กโรหิ. ยสฺมา นิปชฺชา นาม โกสชฺชปกฺขิยา, ตสฺมา มา สยิ. นิสีทาติ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อุชุํ กายํ ปณิธาย ปริมุขํ สตึ อุปฏฺเปตฺวา นิสีท. กาติยานาติ ตํ นาเมน อาลปติ. มา นิทฺทาพหุโล อหูติ นิทฺทาพหุโล นิทฺทาภิภูโต มา อหุ. ชาครสฺสูติ ชาคร, ชาคริยมนุยุตฺโต โหหิ. มา ตํ อลสนฺติ ชาคริยํ อนนุยุฺชนฺตํ ตํ อลสํ กุสีตํ ปมตฺตพนฺธุ มจฺจุราชา กูเฏเนว อทฺทุหเนน วิย เนสาโท มิคํ วา ปกฺขึ วา ชราโรเคหิ มา ชินาตุ มา อภิภวตุ, มา อชฺโฌตฺถรตูติ อตฺโถ.

เสยฺยถาปีติ เสยฺยถา อปิ. มหาสมุทฺทเวโคติ มหาสมุทฺทสฺส อูมิเวโค. เอวนฺติ ยถา นาม มหาสมุทฺทอูมิเวโค อุปรูปริ อุฏฺหนฺโต ตํ อภิกฺกมิตุํ อสกฺโกนฺตํ ปุริสํ อภิภวติ, เอวํ ชาติ ชรา จ โกสชฺชาภิภูตํ ตํ อติวตฺตเต อุปรูปริ อชฺโฌตฺถรติ. โส กโรหีติ โส ตฺวํ, กาติยาน, จตูหิ โอเฆหิ อนชฺโฌตฺถรณียํ อรหตฺตผลสงฺขาตํ สุทีปํ อตฺตโน กโรหิ อตฺตโน สนฺตาเน อุปฺปาเทหิ. น หิ ตาณํ ตว วิชฺชเตว อฺนฺติ หีติ เหตุอตฺเถ นิปาโต. ยสฺมา ตโต อคฺคผลโต อฺํ ตว ตาณํ นาม อิธ วา หุรํ วา น อุปลพฺภติ, ตสฺมา ตํ อรหตฺตสงฺขาตํ สุทีปํ กโรหีติ.

สตฺถา หิ วิเชสิ มคฺคเมตนฺติ ยํ สาเธตุํ อวิสหนฺตา ยโต ปราชิตา ปุถู อฺติตฺถิยา, ตเทตํ ตสฺส สุทีปสฺส การณภูตํ ปฺจวิธสงฺคโต ชาติอาทิภยโต จ อตีตํ อริยมคฺคํ เทวปุตฺตมาราทิเก อภิภวิตฺวา ตุยฺหํ สตฺถา วิเชสิ สาเธสิ. ยสฺมา สตฺถุ สนฺตกํ นาม สาวเกน อธิคนฺตพฺพํ น วิสฺสชฺเชตพฺพํ, ตสฺมา ตสฺส อธิคมาย ปุพฺพรตฺตาปรรตฺตํ ปุริมยามํ ปจฺฉิมยามฺจ, อปฺปมตฺโต สโต สมฺปชาโน หุตฺวา อนุยุฺช โยคํ ภาวนํ ทฬฺหฺจ กโรหิ.

ปุริมานิ ปมุฺจ พนฺธนานีติ ปุริมกานิ คิหิกาเล อาพทฺธานิ คิหิพนฺธนานิ กามคุณพนฺธนานิ ปมุฺจ วิสฺสชฺเชหิ, ตตฺถ อนเปกฺโข โหหิ. สงฺฆาฏิขุรมุณฺฑภิกฺขโภชีติ สงฺฆาฏิธารี ขุเรน กตสิรมุณฺโฑ ภิกฺขาหารโภชี, ติวิธมฺเปตํ ปุริมพนฺธนปโมกฺขสฺส ขิฑฺฑารตินิทฺทานนุโยคสฺส จ การณวจนํ. ยสฺมา ตฺวํ สงฺฆาฏิปารุโต มุณฺโฑ ภิกฺขาหาโร ชีวติ, ตสฺมา เต กามสุขานุโยโค ขิฑฺฑารตินิทฺทานุโยโค จ น ยุตฺโตติ ตโต ปุริมานิ ปมุฺจ พนฺธนานิ ขิฑฺฑารตึ นิทฺทฺจ มานุยุฺชิตฺถาติ โยชนา. ฌายาติ ฌายสฺสุ อารมฺมณูปนิชฺฌานํ อนุยุฺช.

ตํ ปน อนุยุฺชนฺโต เยน ฌาเนน ฌายโต กิเลสา สพฺพโส ชิตา โหนฺติ, ตํ ลกฺขณูปนิชฺฌานํ อนุยุฺชาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ฌายาหิ ชินาหี’’ติ อาห. โยคกฺเขมปเถสุ โกวิโทสีติ จตูหิ โยเคหิ เขมสฺส นิพฺพานสฺส ปถภูเตสุ โพธิปกฺขิยธมฺเมสุ กุสโล เฉโก อสิ, ตสฺมา ภาวนํ อุสฺสุกฺกาเปนฺโต อนุตฺตรํ อุตฺตรรหิตํ, วิสุทฺธึ นิพฺพานํ อรหตฺตฺจ ปปฺปุยฺย ปาปุณิตฺวา ปน ตฺวํ ปรินิพฺพาหิสิ. วารินาว โชตีติ มหตา สลิลวุฏฺินิปาเตน อคฺคิขนฺโธ วิย อริยมคฺควุฏฺินิปาเตน ปรินิพฺพายิสฺสติ.

ปชฺโชตกโรติ ปชฺโชตึ กโร ปทีโป. ปริตฺตรํโสติ ขุทฺทกจฺจิโก. วินมฺยเตติ วินมียติ อปนิยฺยติ. ลตาวาติ วลฺลิ วิย. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา วฏฺฏิอาทิปจฺจยเวกลฺเลน ปริตฺตรํโส มนฺทปโภ ปทีโป อปฺปิกา ลตา วา วาเตน วิธมิยฺยติ วิทฺธํสิยฺยติ, เอวํ ตุวมฺปิ. โกสิยโคตฺตตาย, อินฺทสโคตฺต, อินฺทสมานโคตฺตํ. มารํ ตสฺส วเส อนาวตฺตนา อนุปาทานโต จ อนาทิยาโน, นิทฺธุนาหิ วิธเมหิ วิทฺธํเสหิ. เอวํ ปน วิทฺธํสมาโน โส ตฺวํ เวทยิตาสุ สพฺพาสุ เวทนาสุ วิคตจฺฉนฺทราโค อิเธว อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว สพฺพกิเลสทรถปริฬาหาภาเวน สีติภูโต นิพฺพุโต อตฺตโน ปรินิพฺพานกาลํ กงฺข อาคเมหีติ. เอวํ สตฺถารา อนุปาทิเสสํ นิพฺพานํ ปาเปตฺวา เทสนาย กตาย เถโร เทสนาวสาเน วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. อรหตฺตํ ปน ปตฺวา สตฺถารา เทสิตนิยาเมเนว อิมา คาถา อภาสิ. ตา เอว อิมา คาถา เถรสฺส อฺาพฺยากรณฺจ ชาตา.

กาติยานตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. มิคชาลตฺเถรคาถาวณฺณนา

สุเทสิโตติอาทิกา อายสฺมโต มิคชาลตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ วิสาขาย มหาอุปาสิกาย ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, มิคชาโลติสฺส นามํ อโหสิ. โส วิหารํ คนฺตฺวา อภิณฺหโส ธมฺมสฺสวเนน ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปตฺวา อฺํ พฺยากโรนฺโต –

๔๑๗.

‘‘สุเทสิโต จกฺขุมตา, พุทฺเธนาทิจฺจพนฺธุนา;

สพฺพสํโยชนาตีโต, สพฺพวฏฺฏวินาสโน.

๔๑๘.

‘‘นิยฺยานิโก อุตฺตรโณ, ตณฺหามูลวิโสสโน;

วิสมูลํ อาฆาตนํ, เฉตฺวา ปาเปติ นิพฺพุตึ.

๔๑๙.

‘‘อฺาณมูลเภทาย, กมฺมยนฺตวิฆาฏโน;

วิฺาณานํ ปริคฺคเห, าณวชิรนิปาตโน.

๔๒๐.

‘‘เวทนานํ วิฺาปโน, อุปาทานปฺปโมจโน;

ภวํ องฺคารกาสุํว, าเณน อนุปสฺสโน.

๔๒๑.

‘‘มหารโส สุคมฺภีโร, ชรามจฺจุนิวารโณ;

อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค, ทุกฺขูปสมโน สิโว.

๔๒๒.

‘‘กมฺมํ กมฺมนฺติ ตฺวาน, วิปากฺจ วิปากโต;

ปฏิจฺจุปฺปนฺนธมฺมานํ, ยถาวาโลกทสฺสโน;

มหาเขมงฺคโม สนฺโต, ปริโยสานภทฺทโก’’ติ. – อิมา คาถา อภาสิ;

ตตฺถ สุเทสิโตติ สุฏฺุ เทสิโต, เวเนยฺยชฺฌาสยานุรูปํ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺถานํ ยาถาวโต วิภาวนวเสน เทสิโตติ อตฺโถ. อถ วา สุเทสิโตติ สมฺมา เทสิโต, ปวตฺตินิวตฺตีนํ ตทุภยเหตูนฺจ อวิปรีตโต ปกาสนวเสน ภาสิโต สฺวาขฺยาโตติ อตฺโถ. จกฺขุมตาติ มํสจกฺขุ, ทิพฺพจกฺขุ, ปฺาจกฺขุ, พุทฺธจกฺขุ, สมนฺตจกฺขูติ อิเมหิ ปฺจหิ จกฺขูหิ จกฺขุมตา. พุทฺเธนาติ สพฺพฺุพุทฺเธน. อาทิจฺจพนฺธุนาติ อาทิจฺจโคตฺเตน. ทุวิโธ หิ โลเก ขตฺติยวํโส – อาทิจฺจวํโส, โสมวํโสติ. ตตฺถ อาทิจฺจวํโส, โอกฺกากราชวํโสติ ชานิตพฺพํ. ตโต สฺชาตตาย สากิยา อาทิจฺจโคตฺตาติ ภควา ‘‘อาทิจฺจพนฺธู’’ติ วุจฺจติ. อถ วา อาทิจฺจสฺส พนฺธูติปิ ภควา อาทิจฺจพนฺธุ, สฺวายมตฺโถ เหฏฺา วุตฺโตเยว. กามราคสํโยชนาทีนํ สพฺเพสํ สํโยชนานํ สมติกฺกมนภาวโต สพฺพสํโยชนาตีโต ตโต เอว กิเลสกมฺมวิปากวฏฺฏานํ วินาสนโต วิทฺธํสนโต สพฺพวฏฺฏวินาสโน, สํสารจารกโต นิยฺยานโต นิยฺยานิโก, สํสารมโหฆโต สมุตฺตรณฏฺเน อุตฺตรโณ, กามตณฺหาทีนํ สพฺพตณฺหานํ มูลํ อวิชฺชํ อโยนิโส มนสิการฺจ วิโสเสติ สุกฺขาเปตีติ ตณฺหามูลวิโสสโน, ติณฺณมฺปิ เวทานํ สมฺปฏิเวธสฺส วิทฺธํสนโต วิสสฺส ทุกฺขสฺส การณตฺตา วิสมูลํ, สตฺตานํ พฺยสนุปฺปตฺติฏฺานตาย อาฆาตนํ กมฺมํ กิเลสํ วา เฉตฺวา สมุจฺฉินฺทิตฺวา นิพฺพุตึ นิพฺพานํ ปาเปติ.

อฺาณสฺส มูลํ อโยนิโส มนสิกาโร อาสวา จ ‘‘อาสวสมุทยา อวิชฺชาสมุทโย’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๐๓) หิ วุตฺตํ, ตสฺส เภทาย วชิรูปมาเณน ภินฺทนตฺถาย. อถ วา ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา’’ติอาทิวจนโต (วิภ. ๒๒๕-๒๒๖; สํ. นิ. ๒.๑) อฺาณํ มูลํ เอตสฺสาติ อฺาณมูลํ, ภวจกฺกํ, ตสฺส มคฺคาณวชิเรน ปทาลนตฺถํ เทสิโตติ สมฺพนฺโธ. กมฺมยนฺตวิฆาฏโนติ กมฺมฆฏิตสฺส อตฺตภาวยนฺตสฺส วิทฺธํสโน. วิฺาณานํ ปริคฺคเหติ กามภวาทีสุ ยถาสกกมฺมุนา วิฺาณคฺคหเณ อุปฏฺิเตติ วจนเสโส. ตตฺถ ตตฺถ หิ ภเว ปฏิสนฺธิยา คหิตาย ตํตํภวนิสฺสิตวิฺาณานิปิ คหิตาเนว โหนฺติ. าณวชิรนิปาตโนติ าณวชิรสฺส นิปาโต, าณวชิรํ นิปาเตตฺวา เตสํ ปทาเลตา. โลกุตฺตรธมฺโม หิ อุปฺปชฺชมาโน สตฺตมภวาทีสุ อุปฺปชฺชนารหานิ วิฺาณานิ ภินฺทตฺตเมว อุปฺปชฺชตีติ.

เวทนานํ วิฺาปโนติ สุขาทีนํ ติสฺสนฺนํ เวทนานํ ยถากฺกมํ ทุกฺขสลฺลานิจฺจวเสน ยาถาวโต ปเวทโก. อุปาทานปฺปโมจโนติ กามุปาทานาทีหิ จตูหิปิ อุปาทาเนหิ จิตฺตสนฺตานสฺส วิโมจโก. ภวํ องฺคารกาสุํว, าเณน อนุปสฺสโนติ กามภวาทินววิธมฺปิ ภวํ เอกาทสหิ อคฺคีหิ อาทิตฺตภาวโต สาธิกโปริสํ องฺคารกาสุํ วิย มคฺคาเณน อนุปจฺจกฺขโต ทสฺเสตา.

สนฺตปณีตภาวโต อติตฺติกรฏฺเน มหารโส ปริฺาทิวเสน วา มหากิจฺจตาย สามฺผลวเสน มหาสมฺปตฺติตาย จ มหารโส, อนุปจิตสมฺภาเรหิ ทุรวคาหตาย อลพฺภเนยฺยปติฏฺตาย จ สุฏฺุ คมฺภีโร ชรามจฺจุนิวารโณ, อายตึ ภวาภินิปฺผตฺติยา นิวตฺตเนน ชราย มจฺจุโน จ ปฏิเสธโก. อิทานิ ยถาวุตฺตคุณวิเสสยุตฺตํ ธมฺมํ สรูปโต ทสฺเสนฺโต ‘‘อริโย อฏฺงฺคิโก’’ติ วตฺวา ปุนปิ ตสฺส กติปเย คุเณ วิภาเวตุํ ‘‘ทุกฺขูปสมโน สิโว’’ติอาทิมาห. ตสฺสตฺโถ – ปริสุทฺธฏฺเน อริโย, สมฺมาทิฏฺิอาทิอฏฺธมฺมสโมธานตาย อฏฺงฺคิโก, นิพฺพานคเวสนฏฺเน มคฺโค สกลวฏฺฏทุกฺขวูปสมนฏฺเน ทุกฺขวูปสมโน, เขมฏฺเน สิโว.

ยถา อิโต พาหิรกสมเย อสมฺมาสมฺพุทฺธปเวทิตตฺตา กมฺมวิปาโก วิปลฺลาโส สิยาติ เอวํ อวิปลฺลาเสตฺวา ปฏิจฺจุปฺปนฺนธมฺมานํ ปฏิจฺจสมุปฺปนฺเนสุ ธมฺเมสุ กมฺมํ กมฺมนฺติ วิปากฺจ วิปากโต ตฺวาน ปุพฺพภาคาเณน ชานนเหตุ สสฺสตุจฺเฉทคฺคาหานํ วิธมเนน ยาถาวโต อาโลกทสฺสโน ตกฺกรสฺส โลกุตฺตราณาโลกสฺส ทสฺสโน. เกนจิ กฺจิ กทาจิปิ อนุปทฺทุตตฺตา มหาเขมํ นิพฺพานํ คจฺฉติ สตฺเต คเมติ จาติ มหาเขมงฺคโม, สพฺพกิเลสทรถปริฬาหวูปสมนโต สนฺโต, อกุปฺปาย เจโตวิมุตฺติยา อนุปาทิเสสาย จ นิพฺพานธาตุยา ปาปเนน ปริโยสานภทฺทโก สุเทสิโต จกฺขุมตาติ โยชนา.

เอวํ เถโร นานานเยหิ อริยธมฺมํ ปสํสนฺโต ตสฺส ธมฺมสฺส อตฺตนา อธิคตภาวํ อฺาปเทเสน ปกาเสสิ.

มิคชาลตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. ปุโรหิตปุตฺตเชนฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา

ชาติมเทน มตฺโตหนฺติอาทิกา อายสฺมโต เชนฺตตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินิตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ โกสลรฺโ ปุโรหิตสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, ตสฺส เชนฺโตติ นามํ อโหสิ. โส วยปฺปตฺโต ชาติมเทน โภคอิสฺสริยรูปมเทน จ มตฺโต อฺเ หีเฬนฺโต ครุฏฺานิยานมฺปิ อปจิตึ อกโรนฺโต มานถทฺโธ วิจรติ. โส เอกทิวสํ สตฺถารํ มหติยา ปริสาย ปริวุตํ ธมฺมํ เทเสนฺตํ ทิสฺวา อุปสงฺกมนฺโต ‘‘สเจ มํ สมโณ โคตโม ปมํ อาลปิสฺสติ, อหมฺปิ อาลปิสฺสามิ; โน เจ, นาลปิสฺสามี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา อุปสงฺกมิตฺวา ิโต ภควติ ปมํ อนาลปนฺเต สยมฺปิ มาเนน อนาลปิตฺวา คมนาการํ ทสฺเสสิ. ตํ ภควา –

‘‘น มานํ พฺราหฺมณ สาธุ, อตฺถิกสฺสีธ พฺราหฺมณ;

เยน อตฺเถน อาคจฺฉิ, ตเมวมนุพฺรูหเย’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๒๐๑) –

คาถาย อชฺฌภาสิ. โส ‘‘จิตฺตํ เม สมโณ โคตโม ชานาตี’’ติ อภิปฺปสนฺโน ภควโต ปาเทสุ สิรสา นิปติตฺวา ปรมนิปจฺจาการํ กตฺวา –

‘‘เกสุ น มานํ กยิราถ, เกสุ จสฺส สคารโว;

กฺยสฺส อปจิตา อสฺสุ, กฺยสฺสุ สาธุ สุปูชิตา’’ติ. –

ปุจฺฉิ. ตสฺส ภควา –

‘‘มาตริ ปิตริ จาปิ, อโถ เชฏฺมฺหิ ภาตริ;

อาจริเย จตุตฺถมฺหิ, สมณพฺราหฺมเณสุ จ.

‘‘เตสุ น มานํ กยิราถ, เตสุ อสฺส สคารโว;

กฺยสฺส อปจิตา อสฺสุ, ตฺยสฺสุ สาธุ สุปูชิตา.

‘‘อรหนฺเต สีติภูเต, กตกิจฺเจ อนาสเว;

นิหจฺจ มานํ อตฺถทฺโธ, เต นมสฺเส อนุตฺตเร’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๒๐๑) –

ปฺหํ วิสฺสชฺเชนฺโต ธมฺมํ เทเสสิ. โส ตาย เทสนาย โสตาปนฺโน หุตฺวา ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต อรหตฺตํ ปตฺวา อตฺตโน ปฏิปตฺติกิตฺตนมุเขน อฺํ พฺยากโรนฺโต –

๔๒๓.

‘‘ชาติมเทน มตฺโตหํ, โภคอิสฺสริเยน จ;

สณฺานวณฺณรูเปน, มทมตฺโต อจาริหํ.

๔๒๔.

‘‘นาตฺตโน สมกํ กฺจิ, อติเรกฺจ มฺิสํ;

อติมานหโต พาโล, ปตฺถทฺโธ อุสฺสิตทฺธโช.

๔๒๕.

‘‘มาตรํ ปิตรฺจาปิ, อฺเปิ ครุสมฺมเต;

น กฺจิ อภิวาเทสึ, มานตฺถทฺโธ อนาทโร.

๔๒๖.

‘‘ทิสฺวา วินายกํ อคฺคํ, สารถีนํ วรุตฺตมํ;

ตปนฺตมิว อาทิจฺจํ, ภิกฺขุสงฺฆปุรกฺขตํ.

๔๒๗.

‘‘มานํ มทฺจ ฉฑฺเฑตฺวา, วิปฺปสนฺเนน เจตสา;

สิรสา อภิวาเทสึ, สพฺพสตฺตานมุตฺตมํ.

๔๒๘.

‘‘อติมาโน จ โอมาโน, ปหีนา สุสมูหตา;

อสฺมิมาโน สมุจฺฉินฺโน, สพฺเพ มานวิธา หตา’’ติ. –

อิมา คาถา อภาสิ.

ตตฺถ ชาติมเทน มตฺโตหนฺติ อหํ อุทิจฺเจ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺโต, ‘‘น มาทิโส อุภโต สุชาโต อฺโ อตฺถี’’ติ กุลมาเนน มตฺโต มานถทฺโธ อจารินฺติ โยชนา. โภคอิสฺสริเยน จาติ วิภเวน อาธิปจฺเจน จ เหตุภูเตน โภคสมฺปทฺจ อิสฺสริยสมฺปทฺจ ปฏิจฺจ อุปฺปนฺนมเทน มตฺโต อหํ อจารินฺติ โยชนา. สณฺานวณฺณรูเปนาติ สณฺานํ อาโรหปริณาหสมฺปตฺติ, วณฺโณ โอทาตสามตาทิฉวิสมฺปตฺติ, รูปํ องฺคปจฺจงฺคโสภา. อิธาปิ วุตฺตนเยน โยชนา เวทิตพฺพา. มทมตฺโตติ วุตฺตปฺปการโต อฺเนปิ มเทน มตฺโต.

นาตฺตโน สมกํ กฺจีติ อตฺตโน สมกํ สทิสํ ชาติอาทีหิ สมานํ อติเรกํ วา กฺจิ น มฺิสํ น มฺึ, มยา สมานมฺปิ น มฺึ, กุโต อธิกนฺติ อธิปฺปาโย. อติมานหโต พาโลติ พาโล อหํ ตโต พาลภาวโต อติมาเนน ขตูปหตกุสลาจาโร, ตโต เอว ปตฺถทฺโธ อุสฺสิตทฺธโช ถมฺภวเสน ครูนมฺปิ นิปจฺจการสฺส อกรณโต ภุสํ ถทฺโธ อโนนมนถทฺธชาโต อุสฺสิตมานทฺธโช.

วุตฺตเมวตฺถํ ปากฏตรํ กาตุํ ‘‘มาตร’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อฺเติ เชฏฺภาตุอาทิเก, สมณพฺราหฺมเณ จ. ครุสมฺมเตติ ครูติ สมฺมเต ครุฏฺานิเย. อนาทโรติ อาทรรหิโต.

ทิสฺวา วินายกํ อคฺคนฺติ เอวํ มานถทฺโธ หุตฺวา วิจรนฺโต ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺเถหิ เวเนยฺยานํ วินยนโต สยมฺภุตาย นายกภาวโต จ วินายกํ. สเทวเก โลเก สีลาทิคุเณหิ เสฏฺภาวโต อคฺคํ. ปุริสทมฺมานํ อจฺจนฺตตาย ทมนโต สารถีนํ วรุตฺตมํ, อติวิย อุตฺตมํ พฺยามปฺปภาทิโอภาเสน อาทิจฺจมิว ตปนฺตํ, โอภาสนฺตํ ภิกฺขุสงฺฆปุรกฺขตํ ธมฺมํ เทเสนฺตํ สพฺพสตฺตานํ อุตฺตมํ สตฺถารํ ทิสฺวา พุทฺธานุภาเวน สนฺตชฺชิโต ‘‘อหเมว เสฏฺโ, อฺเ หีนา’’ติ ปวตฺตมานํ โภคมทาทิมทฺจ ฉฑฺเฑตฺวา ปหาย วิปฺปสนฺเนน เจตสา สิรสา อภิวาเทสินฺติ โยชนา. กถํ ปนายํ มานถทฺโธ สมาโน สตฺถุ ทสฺสนมตฺเตน มานํ ปหาสีติ? น โข ปเนตํ เอวํ ทฏฺพฺพํ. สตฺถุ ทสฺสนมตฺเตน มานํ น ปหาสิ ‘‘น มานํ, พฺราหฺมณ, สาธู’’ติอาทิกาย ปน เทสนาย มานํ ปหาสิ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘มานํ มทฺจ ฉฑฺเฑตฺวา, วิปฺปสนฺเนน เจตสา. สิรสา อภิวาเทสิ’’นฺติ. วิปฺปสนฺเนน เจตสาติ จ อิตฺถมฺภูตลกฺขเณ กรณวจนํ ทฏฺพฺพํ.

‘‘อหเมว เสฏฺโ’’ติ ปวตฺโต มาโน อติมาโน. ‘‘อิเม ปน นิหีนา’’ติ อฺเ หีนโต ทหนฺตสฺส มาโน ‘‘โอมาโน’’ติ วทนฺติ. ‘‘เสยฺโยหมสฺมี’’ติ ปน อฺํ อติกฺกมิตฺวา อตฺตานํ เสยฺยโต ทหนฺตสฺส ปวตฺโต เสยฺยมาโน อติมาโน. ‘‘หีโนหมสฺมี’’ติ ปวตฺโต หีนมาโน โอมาโน. ปหีนา สุสมูหตาติ เหฏฺิมมคฺเคหิ ปหีนา หุตฺวา อคฺคมคฺเคน สุฏฺุ สมุคฺฆาฏิตา. อสฺมิมาโนติ ‘‘เอโสหมสฺมี’’ติ ขนฺเธ ‘‘อห’’นฺติ คหณวเสน ปวตฺตมาโน. สพฺเพติ น เกวลํ อติมานโอมานอสฺมิมานา เอว, อถ โข เสยฺยสฺส เสยฺยมานาทโย นววิธา อนฺตรเภเทน อเนกวิธา จ สพฺเพ มานวิธา มานโกฏฺาสา หตา อคฺคมคฺเคน สมุคฺฆาฏิตาติ.

ปุโรหิตปุตฺตเชนฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. สุมนตฺเถรคาถาวณฺณนา

ยทา นโว ปพฺพชิโตติอาทิกา อายสฺมโต สุมนตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต สิขิสฺส ภควโต กาเล มาลาการกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ สิขึ ภควนฺตํ ปสฺสิตฺวา ปสนฺนมานโส สุมนปุปฺเผหิ ปูชํ อกาสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท อฺตรสฺส อุปาสกสฺส เคเห ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. โส จ อุปาสโก อายสฺมโต อนุรุทฺธตฺเถรสฺส อุปฏฺาโก อโหสิ. ตสฺส จ ตโต ปุพฺเพ ชาตาชาตา ทารกา มรึสุ. เตน โส ‘‘สจาหํ อิทานิ เอกํ ปุตฺตํ ลภิสฺสามิ, อยฺยสฺส อนุรุทฺธตฺเถรสฺส สนฺติเก ปพฺพาเชสฺสามี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทสิ. โส จ ทสมาสจฺจเยน ชาโต อโรโคเยว หุตฺวา อนุกฺกเมน วฑฺเฒนฺโต สตฺตวสฺสิโก อโหสิ, ตํ ปิตา เถรสฺส สนฺติเก ปพฺพาเชสิ. โส ปพฺพชิตฺวา ตโต ปริปกฺกาณตฺตา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต นจิรสฺเสว ฉฬภิฺโ หุตฺวา เถรํ อุปฏฺหนฺโต ‘‘ปานียํ อาหริสฺสามี’’ติ ฆฏํ อาทาย อิทฺธิยา อโนตตฺตทหํ อคมาสิ. อเถโก มิจฺฉาทิฏฺิโก นาคราชา อโนตตฺตทหํ ปฏิจฺฉาเทนฺโต สตฺตกฺขตฺตุํ โภเคน ปริกฺขิปิตฺวา อุปริ มหนฺตํ ผณํ กตฺวา สุมนสฺส ปานียํ คเหตุํ โอกาสํ น เทติ. สุมโน ครุฬรูปํ คเหตฺวา ตํ นาคราชํ อภิภวิตฺวา ปานียํ คเหตฺวา เถรสฺส วสนฏฺานํ อุทฺทิสฺส อากาเสน คจฺฉติ. ตํ สตฺถา เชตวเน นิสินฺโน ตถา คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ธมฺมเสนาปตึ อามนฺเตตฺวา, ‘‘สาริปุตฺต, อิมํ ปสฺสา’’ติอาทินา จตูหิ คาถาหิ ตสฺส คุเณ อภาสิ. อถ สุมนตฺเถโร –

๔๒๙.

‘‘ยทา นโว ปพฺพชิโต, ชาติยา สตฺตวสฺสิโก;

อิทฺธิยา อภิโภตฺวาน, ปนฺนคินฺทํ มหิทฺธิกํ.

๔๓๐.

‘‘อุปชฺฌายสฺส อุทกํ, อโนตตฺตา มหาสรา;

อาหรามิ ตโต ทิสฺวา, มํ สตฺถา เอตทพฺรวิ.

๔๓๑.

‘‘สาริปุตฺต อิมํ ปสฺส, อาคจฺฉนฺตํ กุมารกํ;

อุทกกุมฺภมาทาย, อชฺฌตฺตํ สุสมาหิตํ.

๔๓๒.

‘‘ปาสาทิเกน วตฺเตน, กลฺยาณอิริยาปโถ;

สามเณโรนุรุทฺธสฺส, อิทฺธิยา จ วิสารโท.

๔๓๓.

‘‘อาชานีเยน อาชฺโ, สาธุนา สาธุการิโต;

วินีโต อนุรุทฺเธน, กตกิจฺเจน สิกฺขิโต.

๔๓๔.

‘‘โส ปตฺวา ปรมํ สนฺตึ, สจฺฉิกตฺวา อกุปฺปตํ;

สามเณโร ส สุมโน, มา มํ ชฺาติ อิจฺฉตี’’ติ. –

อฺาพฺยากรณวเสน ฉ คาถา อภาสิ.

ตตฺถ อาทิโต ทฺเว คาถา สุมนตฺเถเรเนว ภาสิตา, อิตรา จตสฺโส ตํ ปสํสนฺเตน สตฺถารา ภาสิตา. ตา สพฺพา เอกชฺฌํ กตฺวา สุมนตฺเถโร ปจฺฉา อฺาพฺยากรณวเสน อภาสิ. ตตฺถ ปนฺนคินฺทนฺติ นาคราชํ. ตโตติ ตตฺถ, ยทา นโว ปพฺพชิโต ชาติยา สตฺตวสฺสิโก อิทฺธิพเลน มหิทฺธิกํ นาคราชํ อภิภวิตฺวา อโนตตฺตทหโต อุปชฺฌายสฺส ปานียํ อาหรามิ, ตสฺมึ กาเลติ อตฺโถ.

มํ อุทฺทิสฺส มยฺหํ สตฺถา เอตทพฺรวิ, ตํ ทสฺเสนฺโต, ‘‘สาริปุตฺต, อิมํ ปสฺสา’’ติอาทิมาห. อชฺฌตฺตํ สุสมาหิตนฺติ วิสยชฺฌตฺตภูเตน อคฺคผลสมาธินา สุฏฺุ สมาหิตํ.

ปาสาทิเกน วตฺเตนาติ ปสฺสนฺตานํ ปสาทาวเหน อาจารวตฺเตน, กรณตฺเถ อิทํ กรณวจนํ. กลฺยาณอิริยาปโถติ สมฺปนฺนิริยาปโถ. ปาสาทิเกน วตฺเตนาติ วา อิตฺถมฺภูตลกฺขเณ กรณวจนํ. สมณสฺส ภาโว สามณฺยํ, สามฺนฺติ อตฺโถ. ตทตฺถํ อีรติ ปวตฺตตีติ สามเณโร, สมณุทฺเทโส. อิทฺธิยา จ วิสารโทติ อิทฺธิยมฺปิ พฺยตฺโต สุกุสโล. อาชานีเยนาติ ปุริสาชานีเยน. อตฺตหิตปรหิตานํ สาธนโต สาธุนา กตกิจฺเจน อนุรุทฺเธน สาธุ อุภยหิตสาธโก, สุฏฺุ วา อาชฺโ การิโต ทมิโต. อคฺควิชฺชาย วินีโต อเสกฺขภาวาปาทเนน สิกฺขิโต สิกฺขาปิโตติ อตฺโถ.

โส สามเณโร สุมโน ปรมํ สนฺตึ นิพฺพานํ ปตฺวา อคฺคมคฺคาธิคเมน อธิคนฺตฺวา สจฺฉิกตฺวา อตฺตปจฺจกฺขํ กตฺวา อกุปฺปตํ อรหตฺตผลํ อปฺปิจฺฉภาวสฺส ปรมุกฺกํสคตตฺตา มา มํ ชฺาติ มํ ‘‘อยํ ขีณาสโว’’ติ วา ‘‘ฉฬภิฺโ’’ติ วา โกจิปิ มา ชาเนยฺยาติ อิจฺฉติ อภิกงฺขตีติ.

สุมนตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๑. นฺหาตกมุนิตฺเถรคาถาวณฺณนา

วาตโรคาภินีโตติอาทิกา อายสฺมโต นฺหาตกมุนิสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินิตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคเห พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต วิชฺชาฏฺานาทีสุ นิปฺผตฺตึ คโต นฺหาตกลกฺขณโยเคน นฺหาตโกติ ปฺายิตฺถ. โส ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ราชคหสฺส ติโยชนปฺปมาเณ าเน อรฺายตเน นีวาเรหิ ยาเปนฺโต อคฺคึ ปริจารยมาโน วสติ. ตสฺส สตฺถา ฆเฏ วิย ปทีปํ หทยพฺภนฺตเร ปชฺชลนฺตํ อรหตฺตูปนิสฺสยํ ทิสฺวา อสฺสมปทํ อคมาสิ. โส ภควนฺตํ ทิสฺวา หฏฺตุฏฺโ อตฺตโน อุปกปฺปนนิยาเมน อาหารํ อุปเนสิ. ตํ ภควา ปริภุฺชิ. เอวํ ตโย ทิวเส ทตฺวา จตุตฺถทิวเส ‘‘ภควา ตุมฺเห ปรมสุขุมาลา, กถํ อิมินา อาหาเรน ยาเปถา’’ติ อาห. ตสฺส สตฺถา อริยสนฺโตสคุณํ ปกาเสนฺโต ธมฺมํ เทเสสิ. ตาปโส ตํ สุตฺวา โสตาปนฺโน หุตฺวา ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. ภควา ตํ อรหตฺเต ปติฏฺเปตฺวา คโต. โส ปน ตตฺเถว วิหรนฺโต อปรภาเค วาตาพาเธน อุปทฺทุโต อโหสิ. สตฺถา ตตฺถ คนฺตฺวา ปฏิสนฺถารมุเขน ตสฺส วิหารํ ปุจฺฉนฺโต –

๔๓๕.

‘‘วาตโรคาภินีโต ตฺวํ, วิหรํ กานเน วเน;

ปวิทฺธโคจเร ลูเข, กถํ ภิกฺขุ กริสฺสสี’’ติ. – คาถมาห; อถ เถโร –

๔๓๖.

‘‘ปีติสุเขน วิปุเลน, ผริตฺวาน สมุสฺสยํ;

ลูขมฺปิ อภิสมฺโภนฺโต, วิหริสฺสามิ กานเน.

๔๓๗.

‘‘ภาเวนฺโต สตฺต โพชฺฌงฺเค, อินฺทฺริยานิ พลานิ จ;

ฌานโสขุมฺมสมฺปนฺโน, วิหริสฺสํ อนาสโว.

๔๓๘.

‘‘วิปฺปมุตฺตํ กิเลเสหิ, สุทฺธจิตฺตํ อนาวิลํ;

อภิณฺหํ ปจฺจเวกฺขนฺโต, วิหริสฺสํ อนาสโว.

๔๓๙.

‘‘อชฺฌตฺตฺจ พหิทฺธา จ, เย เม วิชฺชึสุ อาสวา;

สพฺเพ อเสสา อุจฺฉินฺนา, น จ อุปฺปชฺชเร ปุน.

๔๔๐.

‘‘ปฺจกฺขนฺธา ปริฺาตา, ติฏฺนฺติ ฉินฺนมูลกา;

ทุกฺขกฺขโย อนุปฺปตฺโต, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’’ติ. –

อิมาหิ เสสคาถาหิ อตฺตโน วิหารํ สตฺถุ ปเวเทสิ.

ตตฺถ ฌานโสขุมฺมสมฺปนฺโนติ ฌานสุขุมภาเวน สมนฺนาคโต. ฌานสุขุมํ นาม อรูปชฺฌานํ, ตสฺมา อฏฺสมาปตฺติลาภิมฺหีติ วุตฺตํ โหติ. เตน อตฺตโน อุภโตภาควิมุตฺติตํ ทสฺเสติ. อปเร ปนาหุ – ‘‘โสขุมฺมนฺติ อคฺคมคฺคผเลสุ อธิปฺาสิกฺขา อธิปฺเปตา, ตโต ฌานคฺคหเณน อตฺตโน อุภโตภาควิมุตฺติตํ วิภาเวตี’’ติ. วิปฺปมุตฺตํ กิเลเสหีติ ปฏิปฺปสฺสทฺธิวิมุตฺติยา สพฺพกิเลเสหิ วิมุตฺตํ, ตโต เอว สุทฺธจิตฺตํ, อนาวิลสงฺกปฺปตาย อนาวิลํ, ตีหิปิ ปเทหิ อรหตฺตผลจิตฺตเมว วทติ. เสสํ เหฏฺา วุตฺตนยเมว. อิมเมว จ เถรสฺส อฺาพฺยากรณํ อโหสีติ.

นฺหาตกมุนิตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๒. พฺรหฺมทตฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา

อกฺโกธสฺสาติอาทิกา อายสฺมโต พฺรหฺมทตฺตตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินิตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ โกสลรฺโ ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, พฺรหฺมทตฺโตติสฺส นามํ อโหสิ. โส วยปฺปตฺโต เชตวนมเห พุทฺธานุภาวํ ทิสฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต สห ปฏิสมฺภิทาหิ ฉฬภิฺโ อโหสิ. ตํ เอกทิวสํ นคเร ปิณฺฑาย จรนฺตํ อฺตโร พฺราหฺมโณ อกฺโกสิ. เถโร ตํ สุตฺวาปิ ตุณฺหีภูโต ปิณฺฑาย จรติเยว, พฺราหฺมโณ ปุนปิ อกฺโกสิเยว. มนุสฺสา เอวํ อกฺโกสนฺตมฺปิ นํ ‘‘อยํ เถโร น กิฺจิ ภณตี’’ติ อาหํสุ. ตํ สุตฺวา เถโร เตสํ มนุสฺสานํ ธมฺมํ เทเสนฺโต –

๔๔๑.

‘‘อกฺโกธสฺส กุโต โกโธ, ทนฺตสฺส สมชีวิโน;

สมฺมทฺา วิมุตฺตสฺส, อุปสนฺตสฺส ตาทิโน.

๔๔๒.

‘‘ตสฺเสว เตน ปาปิโย, โย กุทฺธํ ปฏิกุชฺฌติ;

กุทฺธํ อปฺปฏิกุชฺฌนฺโต, สงฺคามํ เชติ ทุชฺชยํ.

๔๔๓.

‘‘อุภินฺนมตฺถํ จรติ, อตฺตโน จ ปรสฺส จ;

ปรํ สงฺกุปิตํ ตฺวา, โย สโต อุปสมฺมติ.

๔๔๔.

‘‘อุภินฺนํ ติกิจฺฉนฺตํ ตํ, อตฺตโน จ ปรสฺส จ;

ชนา มฺนฺติ พาโลติ, เย ธมฺมสฺส อโกวิทา. (สํ. นิ. ๑.๑๘๙);

๔๔๕.

‘‘อุปฺปชฺเช เต สเจ โกโธ, อาวชฺช กกจูปมํ;

อุปฺปชฺเช เจ รเส ตณฺหา, ปุตฺตมํสูปมํ สร.

๔๔๖.

‘‘สเจ ธาวติ จิตฺตํ เต, กาเมสุ จ ภเวสุ จ;

ขิปฺปํ นิคฺคณฺห สติยา, กิฏฺาทํ วิย ทุปฺปสุ’’นฺติ. –

อิมา คาถา อภาสิ.

ตตฺถ อกฺโกธสฺสาติ โกธรหิตสฺส มคฺเคน สมุจฺฉินฺนโกธสฺส. กุโต โกโธติ กุโต นาม เหตุ โกโธ อุปฺปชฺเชยฺย, ตสฺส อุปฺปตฺติการณํ นตฺถีติ อตฺโถ. ทนฺตสฺสาติ อุตฺตเมน ทเมน อคฺคมคฺคทมเถน ทนฺตสฺส. สมชีวิโนติ กายวิสมาทีนิ สพฺพโส ปหาย กายสมาทีนํ วเสน สมํ ชีวนฺตสฺส สตฺตฏฺานิเยน สมฺปชฺเน สมฺมเทว วตฺตนฺตสฺส. สมฺมทฺา วิมุตฺตสฺสาติ สมฺมา อฺาย อภิฺเยฺยาทิเก ธมฺเม ชานิตฺวา สพฺพาสเวหิ วิปฺปมุตฺตสฺส. ตโต เอว สพฺพกิเลสทรถปริฬาหวูปสเมน อุปสนฺตสฺส. อิฏฺาทีสุ ตาทิลกฺขณปฺปตฺติยา ตาทิโน ขีณาสวสฺส กุโต โกโธติ อฺาปเทเสน เถโร อตฺตโน โกธาภาวํ ตสฺส จ การณานิ วตฺวา อิทานิ โกเธ อโกเธ จ อาทีนวานิสํสทสฺสเนน ธมฺมํ กเถนฺโต ‘‘ตสฺเสวา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ โย กุทฺธํ ปฏิกุชฺฌตีติ โย ปุคฺคโล อตฺตโน อุปริ กุทฺธํ กุปิตํ ปุคฺคลํ ปฏิกุชฺฌติ, ตสฺเสว เตน ปฏิกุชฺฌนปจฺจกฺโกสนปฏิปฺปหรณาทินา ปาปิโย อิธโลเก วิฺูครหาทิวเสน ปรโลเก นิรยทุกฺขาทิวเสน อภทฺทกตรํ อกลฺยาณตรํ โหติ. กุชฺฌเนน ปน อกุทฺธสฺส ปาปํ โหตีติ วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. เกจิ ปน ‘‘โย อกุทฺธํ ปฏิกุทฺธํ อารพฺภ กุชฺฌตี’’ติ อตฺถํ วทนฺติ. กุทฺธํ อปฺปฏิกุชฺฌนฺโตติ โย ปน กุทฺธํ ปุคฺคลํ ‘‘อยํ กุทฺโธ โกธปเรโต’’ติ ตฺวา น ปฏิกุชฺฌติ ขมติ, โส ทุชฺชยํ กิเลสสงฺคามํ เชติ นาม. น เกวลฺจสฺส กิเลสสงฺคามชโย เอว, อถ โข อุภยหิตปฏิปตฺติมฺปีติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘อุภินฺนมตฺถํ…เป… อุปสมฺมตี’’ติ. โย ปรํ ปุคฺคลํ สงฺกุปิตํ กุทฺธํ ‘‘โกธปเรโต’’ติ ตฺวา ตํ เมตฺตายนฺโต อชฺฌุเปกฺขนฺโต วา สโต สมฺปชาโน หุตฺวา อุปสมฺมติ ขมติ น ปฏิปฺผรติ. โส อตฺตโน จ ปรสฺส จาติ อุภินฺนํ อุภยโลกสุขาวหํ อตฺถํ หิตํ จรติ.

อุภินฺนํ ติกิจฺฉนฺตํ ตนฺติ ตํ อตฺตโน จ ปรสฺส จาติ อุภินฺนํ ทฺวินฺนํ โกธพฺยาธิติกิจฺฉาย ติกิจฺฉนฺตํ ขมนฺตํ ปุคฺคลํ เย ชนา ธมฺมสฺส อริยาจารธมฺเม อกุสลา, เต พาลา ‘‘อยํ อวิทฺทสุ โย อตฺตานํ อกฺโกสนฺตสฺส ปหรนฺตสฺส กิฺจิ น กโรตี’’ติ มฺนฺติ, ตํ เตสํ อโยนิโส มฺนนฺติ อธิปฺปาโย. ‘‘ติกิจฺฉน’’นฺติปิ ปนฺติ, ติกิจฺฉนสภาวนฺติ อตฺโถ.

เอวํ เถเรน วุจฺจมานํ ธมฺมํ สุตฺวา อกฺโกสกพฺราหฺมโณ สํวิคฺโค ปสนฺนจิตฺโต จ หุตฺวา เถรํ ขมาเปตฺวา ตสฺเสว สนฺติเก ปพฺพชิ. เถโร ตสฺส กมฺมฏฺานํ เทนฺโต ‘‘อิมสฺส เมตฺตาภาวนา ยุตฺตา’’ติ เมตฺตากมฺมฏฺานํ ทตฺวา โกธปริยุฏฺานาทีสุ ปจฺจเวกฺขณาทิวิธึ ทสฺเสนฺโต ‘‘อุปฺปชฺเช เต’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อุปฺปชฺเช เต สเจติ สเจ เต กมฺมฏฺานํ อนุยุฺชนฺตสฺส กฺจิ ปุคฺคลํ นิสฺสาย จิรปริจโย โกโธ อุปฺปชฺเชยฺย, ตสฺส วูปสมาย –

‘‘อุภโตทณฺฑเกน เจปิ, ภิกฺขเว, กกเจน โจรา โอจรกา องฺคมงฺคานิ โอกนฺเตยฺยุํ, ตตฺราปิ โย มโน ปทูเสยฺย, น เม โส เตน สาสนกโร’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๓๒) –

สตฺถารา วุตฺตํ กกจูปมํ โอวาทํ อาวชฺเชหิ. อุปฺปชฺเช เจ รเส ตณฺหาติ สเจ เต มธุราทิเภเท รเส ตณฺหา อภิลาโส อุปฺปชฺเชยฺย, ตสฺส วูปสมาย –

‘‘ปุตฺตมํสํ ชายมฺปติกา ยถา กนฺตารนิตฺถรณตฺถเมว ขาทึสุ, น รสตณฺหาย เอวํ กุลปุตฺโตปิ ปพฺพชิโต ปิณฺฑปาตํ ปฏิเสวติ…เป… ผาสุวิหาโร จา’’ติ (สํ. นิ. ๒.๖๓ อตฺถโต สมานํ) –

เอวํ วุตฺตํ ปุตฺตมํสูปโมวาทํ สร อนุสฺสร.

สเจ ธาวติ เต จิตฺตนฺติ อโยนิโส มนสิ กโรโต ตว จิตฺตํ กาเมสุ ปฺจกามคุเณสุ ฉนฺทราควเสน, กามภวาทีสุ ภเวสุ ภวปตฺถนาวเสน สเจ ธาวติ สรติ ชวติ. ขิปฺปํ นิคฺคณฺห สติยา, กิฏฺาทํ วิย ทุปฺปสุนฺติ ตถา ธาวิตุํ อเทนฺโต ยถา นาม ปุริโส กิฏฺาทํ สสฺสขาทกํ ทุปฺปสุํ ทุฏฺโคณํ โยตฺเตน ถมฺเภ พนฺธิตฺวา อตฺตโน วเส วตฺเตติ, เอวํ สติยา สติโยตฺเตน สมฺมาธิถมฺเภ พนฺธนฺโต ขิปฺปํ สีฆเมว นิคฺคณฺห, ยถา กิเลสวิคเมน นิพฺพิเสวนํ โหติ, ตถา ทเมหีติ. เกจิ ปน ‘‘เถโร ปุถุชฺชโนว หุตฺวา อกฺโกสํ อธิวาเสนฺโต เตสํ มนุสฺสานํ อริยคุเณ ปกาเสนฺโต ธมฺมํ กเถตฺวา ปจฺฉา ทฺวีหิ คาถาหิ อตฺตานํ โอวทนฺโต วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปตฺวา อฺํ พฺยากโรนฺโต อิมาเยว คาถา อภาสี’’ติ วทนฺติ.

พฺรหฺมทตฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๓. สิริมณฺฑตฺเถรคาถาวณฺณนา

ฉนฺนมติวสฺสตีติอาทิกา อายสฺมโต สิริมณฺฑตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินิตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สํสุมารคิเร พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา สิริมณฺโฑติ ลทฺธนาโม วยปฺปตฺโต เภสกลาวเน ภควติ วิหรนฺเต สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา ลทฺธูปสมฺปโท สมณธมฺมํ กโรนฺโต เอกสฺมึ อุโปสถทิวเส ปาติโมกฺขุทฺเทสฏฺาเน นิสินฺโน นิทานุทฺเทสสฺส ปริโยสาเน ‘‘อาวิกตา หิสฺส ผาสุ โหตี’’ติ (มหาว. ๑๓๔) ปาฬิยา อตฺถํ อุปธาเรนฺโต อาปนฺนํ อาปตฺตึ อนาวิกตฺวา ปฏิจฺฉาเทนฺโต อุปรูปริ อาปตฺติโย อาปชฺชติ, เตนสฺส น ผาสุ โหติ, อาวิกตฺวา ปน ยถาธมฺมํ ปฏิกโรนฺตสฺส ผาสุ โหตีติ อิมมตฺถํ มนสิ กตฺวา ‘‘อโห สตฺถุ สาสนํ สุวิสุทฺธ’’นฺติ ลทฺธปฺปสาโท ตถา อุปฺปนฺนํ ปีตึ วิกฺขมฺเภตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปตฺวา อตฺตโน ปฏิปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปสนฺนมานโส ภิกฺขูนํ โอวาทํ เทนฺโต –

๔๔๗.

‘‘ฉนฺนมติวสฺสติ, วิวฏํ นาติวสฺสติ;

ตสฺมา ฉนฺนํ วิวเรถ, เอวํ ตํ นาติวสฺสติ.

๔๔๘.

‘‘มจฺจุนาพฺภาหโต โลโก, ชราย ปริวาริโต;

ตณฺหาสลฺเลน โอติณฺโณ, อิจฺฉาธูปายิโต สทา. (สํ. นิ. ๑.๖๖);

๔๔๙.

‘‘มจฺจุนาพฺภาหโต โลโก, ปริกฺขิตฺโต ชราย จ;

หฺติ นิจฺจมตฺตาโณ, ปตฺตทณฺโฑว ตกฺกโร.

๔๕๐.

‘‘อาคจฺฉนฺตคฺคิขนฺธาว, มจฺจุ พฺยาธิ ชรา ตโย;

ปจฺจุคฺคนฺตุํ พลํ นตฺถิ, ชโว นตฺถิ ปลายิตุํ.

๔๕๑.

‘‘อโมฆํ ทิวสํ กยิรา, อปฺเปน พหุเกน วา;

ยํ ยํ วิชหเต รตฺตึ, ตทูนํ ตสฺส ชีวิตํ.

๔๕๒.

‘‘จรโต ติฏฺโต วาปิ, อาสีนสยนสฺส วา;

อุเปติ จริมา รตฺติ, น เต กาโล ปมชฺชิตุ’’นฺติ. –

อิมา คาถา อภาสิ.

ตตฺถ ฉนฺนนฺติ ฉาทิตํ ยถาภูตํ อวิวฏํ อปฺปกาสิตํ ทุจฺจริตํ. อติวสฺสตีติ อาปตฺติวสฺสฺเจว กิเลสวสฺสฺจ อติวิย วสฺสติ. อาปตฺติยา หิ ฉาทนํ อลชฺชิภาวาทินา ตาทิโสว, ฉาทเนน ตโต อฺถาว ปุนปิ ตถารูปํ ตโต วา ปาปิฏฺตรํ อาปตฺตึ อาปชฺเชยฺยาติ ฉาทนํ วสฺสนสฺส การณํ วุตฺตํ. วิวฏนฺติ ปกาสิตํ อปฺปฏิจฺฉนฺนํ. นาติวสฺสตีติ เอตฺถ อตีติ อุปสคฺคมตฺตํ, น วสฺสตีติ อตฺโถ. อวสฺสนฺเจตฺถ วุตฺตวิปริยาเยน เวทิตพฺพํ จิตฺตสนฺตานสฺส วิโสธิตตฺตา. ตสฺมาติ วุตฺตเมวตฺถํ การณภาเวน ปจฺจามสติ, ฉนฺนสฺส ทุจฺจริตสฺส อาปตฺติวสฺสาทีนํ อติวสฺสนโต วิวฏสฺส จ อวสฺสนโตติ อตฺโถ. ฉนฺนํ วิวเรถาติ ปุถุชฺชนภาเวน ฉาทนาธิปฺปาเย อุปฺปนฺเนปิ ตํ อนนุวตฺติตฺวา วิวเรถ อาวิกเรยฺย, ยถาธมฺมํ ปฏิกเรยฺย. เอวนฺติ วิวรเณน ยถาธมฺมํ ปฏิปตฺติยา. นฺติ ตํ ฉนฺนํ ทุจฺจริตํ. นาติวสฺสติ อาปตฺติวสฺสํ กิเลสวสฺสฺจ น วสฺสติ, สุทฺธนฺเต ปุคฺคลํ ปติฏฺเปตีติ อตฺโถ.

อิทานิ ‘‘เอกํเสน สีฆํเยว จ อตฺตา โสเธตพฺโพ, อปฺปมาโท กาตพฺโพ’’ติ ตสฺส การณํ สํเวควตฺถุํ ทสฺเสนฺโต ‘‘มจฺจุนาพฺภาหโต โลโก’’ติอาทิมาห. ตตฺถ มจฺจุนาพฺภาหโต โลโกติ อยํ สพฺโพปิ สตฺตโลโก โจโร วิย โจรฆาตเกน, สพฺพวฏฺฏนิปาตินา มจฺจุนา มรเณน อภิหโต, น ตสฺส หตฺถโต มุจฺจติ. ชราย ปริวาริโตติ อยํ โลโก อุปฺปาทโต อุทฺธํ มรณูปนยนรสาย ชราย ปริวาริโต อชฺโฌตฺถโฏ, ชราสงฺฆาตปริมุกฺโกติ อตฺโถ. ตณฺหาสลฺเลน โอติณฺโณติ สรีรสฺส อนฺโต นิมุคฺเคน วิสปีตขุรปฺเปน วิย อุปาทานลกฺขเณน ตณฺหาสงฺขาเตน สลฺเลน โอติณฺโณ หทยพฺภนฺตเร โอคาฬฺโห. ตณฺหา หิ ปีฬาชนนโต อนฺโต ตุทนโต ทุรุทฺธารโต จ ‘‘สลฺโล’’ติ วุจฺจติ. อิจฺฉาธูปายิโตติ อารมฺมณาภิปตฺถนลกฺขณาย อิจฺฉาย สนฺตาปิโต. ตํ วิสยํ อิจฺฉนฺโต หิ ปุคฺคโล ยทิจฺฉิตํ วิสยํ ลภนฺโต วา อลภนฺโต วา ตาย เอว อนุทหนลกฺขณาย อิจฺฉาย สนฺตตฺโต ปริฬาหปฺปตฺโต โหติ. สทาติ สพฺพกาลํ, อิทฺจ ปทํ สพฺพปเทสุ โยเชตพฺพํ.

ปริกฺขิตฺโต ชราย จาติ น เกวลํ มจฺจุนา อพฺภาหโตเยว, อถ โข ชราย จ ปริกฺขิตฺโต. ชราย สมวรุทฺโธ ชราปาการปริกฺขิตฺโต, น ตํ สมติกฺกมตีติ อตฺโถ. หฺติ นิจฺจมตฺตาโณติ อตาโณ อสรโณ หุตฺวา นิจฺจกาลํ ชรามรเณหิ หฺติ วิพาธียติ. ยถา กึ? ปตฺตทณฺโฑว ตกฺกโร ยถา ตกฺกโร โจโร กตาปราโธ วชฺฌปฺปตฺโต อตาโณ ราชาณาย หฺติ, เอวมยํ โลโก ชรามรเณหีติ ทสฺเสติ.

อาคจฺฉนฺตคฺคิขนฺธาวาติ มหาวเน ฑยฺหมาเน ตํ อภิภวนฺตา มหนฺตา อคฺคิกฺขนฺธา วิย มจฺจุ พฺยาธิ ชราติ อิเม ตโย อนุทหนฏฺเน อคฺคิกฺขนฺธา อิมํ สตฺตโลกํ อภิภวนฺตา อาคจฺฉนฺติ, เตสํ ปน ปฏิพโล หุตฺวา ปจฺจุคฺคนฺตุํ อภิภวิตุํ พลํ อุสฺสาโห นตฺถิ, อิมสฺส โลกสฺส, ชโว นตฺถิ ปลายิตุํ ชวนฺเตสุ, อชฺโฌตฺถรนฺเตสุ. ยตฺถ เต นาภิภวนฺติ, ปิฏฺึ ทสฺเสตฺวา ตโต ปลายิตุมฺปิ อิมสฺส โลกสฺส ชงฺฆาชโว นตฺถิ, เอวํ อตฺตนา อสมตฺโถ มายาทีหิ อุปาเยหิ อปฺปฏิกาเร ติวิเธ พลวติ ปจฺจามิตฺเต นิจฺจุปฏฺิเต กึ กาตพฺพนฺติ เจ? อโมฆํ ทิวสํ กยิรา, อปฺเปน พหุเกน วาติ อปฺเปน อนฺตมโส คทฺทูหนมตฺตมฺปิ กาลํ ปวตฺติเตน พหุเกน วา สกลํ อโหรตฺตํ ปวตฺติเตน วิปสฺสนามนสิกาเรน อโมฆํ อวฺฌํ ทิวสํ กเรยฺย, ยสฺมา ยํ ยํ วิชหเต รตฺตึ, ตทูนํ ตสฺส ชีวิตํ อยํ สตฺโต ยํ ยํ รตฺตึ วิชหติ นาเสติ เขเปติ, ตทูนํ เตน อูนํ ตสฺส สตฺตสฺส ชีวิตํ โหติ. เอเตน รตฺติกฺขโย นาม ชีวิตกฺขโย ตสฺส อนิวตฺตนโตติ ทสฺเสติ. เตนาห –

‘‘ยเมกรตฺตึ ปมํ, คพฺเภ วสติ มาณโว;

อพฺภุฏฺิโตว โส ยาติ, ส คจฺฉํ น นิวตฺตตี’’ติ. (ชา. ๑.๑๕.๓๖๓);

น เกวลํ รตฺติวเสเนว, อถ โข อิริยาปถวเสนาปิ ชีวิตกฺขโย อุปธาเรตพฺโพติ อาห ‘‘จรโต’’ติอาทิ. จรโตติ คจฺฉนฺตสฺส. ติฏฺโตติ ิตํ กปฺเปนฺตสฺส. อาสีนสยนสฺส วาติ อาสีนสฺส สยนสฺส วา, นิสินฺนสฺส นิปชฺชนฺตสฺส วาติ อตฺโถ. ‘‘อาสีทน’’นฺติปิ ปนฺติ, ตตฺถ สามิอตฺเถ อุปโยควจนํ ทฏฺพฺพํ. อุเปติ จริมา รตฺตีติ จริมกจิตฺตสหิตา รตฺติ อุปคจฺฉติ, รตฺติคฺคหณฺเจตฺถ เทสนาสีสมตฺตํ. คมนาทีสุ เยน เกนจิ อิริยาปเถน สมงฺคีภูตสฺส จริมกาโลเยว, เตเนวสฺส อิริยาปถกฺขณา ชีวิตํ เขเปตฺวา เอว คจฺฉนฺติ, ตสฺมา น เต กาโล ปมชฺชิตุํ นายํ ตุยฺหํ ปมาทํ อาปชฺชิตุํ กาโล ‘‘อิมสฺมึ นาม กาเล มรณํ น โหตี’’ติ อวิทิตตฺตา. วุตฺตํ หิ –

‘‘อนิมิตฺตมนฺาตํ, มจฺจานํ อิธ ชีวิตํ;

กสิรฺจ ปริตฺตฺจ, ตฺจ ทุกฺเขน สํยุต’’นฺติ. (สุ. นิ. ๕๗๙);

ตสฺมา เอวํ อตฺตานํ โอวทิตฺวา อปฺปมตฺเตน ตีสุ สิกฺขาสุ อนุโยโค กาตพฺโพติ อธิปฺปาโย.

สิริมณฺฑตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๔. สพฺพกามิตฺเถรคาถาวณฺณนา

ทฺวิปาทโกติอาทิกา อายสฺมโต สพฺพกามิตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต สาสเน อุปฺปนฺนํ อพฺพุทํ โสเธตฺวา ปฏิปากติกํ เปนฺตํ เอกํ เถรํ ทิสฺวา, ‘‘อหมฺปิ อนาคเต เอกสฺส พุทฺธสฺส สาสเน อพฺพุทํ โสเธตฺวา ปฏิปากติกํ เปตุํ สมตฺโถ ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ ปฏฺเปตฺวา ตทนุรูปานิ ปุฺานิ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท อปรินิพฺพุเต เอว ภควติ เวสาลิยํ ขตฺติยกุเล นิพฺพตฺติตฺวา สพฺพกาโมติ ลทฺธนาโม วยปฺปตฺโต าตเกหิ ทารปริคฺคหํ การิโต นิสฺสรณชฺฌาสยตาย ฆราวาสํ ชิคุจฺฉนฺโต ธมฺมภณฺฑาคาริกสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา สมณธมฺมํ กโรนฺโต อุปชฺฌาเยน สทฺธึ เวสาลึ อุปคโต าติฆรํ อคมาสิ. ตตฺถ นํ ปุราณทุติยิกา ปติวิโยคทุกฺขิตา กิสา ทุพฺพณฺณา อนลงฺกตา กิลิฏฺวตฺถนิวสนา วนฺทิตฺวา โรทมานา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. ตํ ทิสฺวา เถรสฺส กรุณาปุรสฺสรํ เมตฺตํ อุปฏฺาปยโต อนุภูตารมฺมเณ อโยนิโสมนสิการวเสน สหสา กิเลโส อุปฺปชฺชิ.

โส เตน กสาหิ ตาฬิโต อาชานีโย วิย สฺชาตสํเวโค ตาวเทว สุสานํ คนฺตฺวา, อสุภนิมิตฺตํ อุคฺคเหตฺวา, ตตฺถ ปฏิลทฺธฌานํ ปาทกํ กตฺวา, วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา, อรหตฺตํ ปาปุณิ. อถสฺส สสุโร อลงฺกตปฏิยตฺตํ ธีตรํ อาทาย มหตา ปริวาเรน นํ อุปฺปพฺพาเชตุกาโม วิหารํ อคมาสิ. เถโร ตสฺสา อธิปฺปายํ ตฺวา อตฺตโน กาเมสุ วิรตฺตภาวํ สพฺพตฺถ จ อนุปลิตฺตตํ ปกาเสนฺโต –

๔๕๓.

‘‘ทฺวิปาทโกยํ อสุจิ, ทุคฺคนฺโธ ปริหีรติ;

นานากุณปปริปูโร, วิสฺสวนฺโต ตโต ตโต.

๔๕๔.

‘‘มิคํ นิลีนํ กูเฏน, พฬิเสเนว อมฺพุชํ;

วานรํ วิย เลเปน, พาธยนฺติ ปุถุชฺชนํ.

๔๕๕.

‘‘รูปา สทฺทา รสา คนฺธา, โผฏฺพฺพา จ มโนรมา;

ปฺจ กามคุณา เอเต, อิตฺถิรูปสฺมิ ทิสฺสเร.

๔๕๖.

‘‘เย เอตา อุปเสวนฺติ, รตฺตจิตฺตา ปุถุชฺชนา;

วฑฺเฒนฺติ กฏสึ โฆรํ, อาจินนฺติ ปุนพฺภวํ.

๔๕๗.

‘‘โย เจตา ปริวชฺเชติ, สปฺปสฺเสว ปทา สิโร;

โสมํ วิสตฺติกํ โลเก, สโต สมติวตฺตติ.

๔๕๘.

‘‘กาเมสฺวาทีนวํ ทิสฺวา, เนกฺขมฺมํ ทฏฺุ เขมโต;

นิสฺสโฏ สพฺพกาเมหิ, ปตฺโต เม อาสวกฺขโย’’ติ. –

อิมา คาถา อภาสิ.

ตตฺถ ทฺวิปาทโกติ ยทิปิ อปาทกาทโยปิ กายา อสุจีเยว, อธิการวเสน ปน อุกฺกฏฺปริจฺเฉเทน วา เอวํ วุตฺตํ. ยสฺมา วา อฺเ อสุจิภูตาปิ กายา โลณมฺพิลาทีหิ อภิสงฺขริตฺวา มนุสฺสานํ โภชเนปิ อุปนียนฺติ, น ปน มนุสฺสกาโย, ตสฺมา อสุจิตรสภาวมสฺส ทสฺเสนฺโต ‘‘ทฺวิปาทโก’’ติ อาห. อยนฺติ ตทา อุปฏฺิตํ อิตฺถิรูปํ สนฺธายาห. อสุจีติ อสุจิ เอว, น เอตฺถ กิฺจิปิ สุจีติ อตฺโถ. ทุคฺคนฺโธ ปริหีรตีติ ทุคฺคนฺโธ สมาโน ปุปฺผคนฺธาทีหิ สงฺขริตฺวา ปริหรียติ. นานากุณปปริปูโรติ เกสาทิอเนกปฺปการกุณปภริโต. วิสฺสวนฺโต ตโต ตโตติ ปุปฺผคนฺธาทีหิสฺส เชคุจฺฉภาวํ ปฏิจฺฉาเทตุํ วายมนฺตานมฺปิ ตํ วายามํ นิปฺผลํ กตฺวา นวหิ ทฺวาเรหิ เขฬสิงฺฆาณิกาทีนิ โลมกูเปหิ จ เสทชลฺลิกํ ‘วิสฺสวนฺโตเยว ปริหีรตี’ติ สมฺพนฺโธ.

เอวํ เชคุจฺโฉปิ สมาโน จายํ กาโย กูฏาทีหิ วิย มิคาทิเก อตฺตโน รูปาทีหิ อนฺธปุถุชฺชเน วฺเจติเยวาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘มิค’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ มิคํ นิลีนํ กูเฏนาติ ปาสวากราทินา กูเฏน นิลีนํ, ปฏิจฺฉนฺนํ กตฺวา มิคํ วิย เนสาโท. วกฺขมาโน หิ อิว-สทฺโท อิธาปิ อาเนตฺวา โยเชตพฺโพ. พฬิเสเนว อมฺพุชนฺติ อมฺพุชํ มจฺฉํ อามิสพทฺเธน พฬิเสน วิย พาฬิสิโก. วานรํ วิย เลเปนาติ รุกฺขสิลาทีสุ ปกฺขิตฺเตน มกฺกฏเลเปน มกฺกฏํ วิย มิคลุทฺโท อนฺธปุถุชฺชนํ วฺเจนฺโต พาเธนฺตีติ.

เก ปน พาเธนฺตีติ อาห. ‘‘รูปา สทฺทา’’ติอาทิ. รูปาทโย หิ ปฺจ กามโกฏฺาสา วิเสสโต วิสภาควตฺถุสนฺนิสฺสยา วิปลฺลาสูปนิสฺสเยน อโยนิโสมนสิกาเรน ปริกฺขิตฺตานํ อนฺธปุถุชฺชนานํ มโน รเมนฺโต กิเลสวตฺถุตาย อนตฺถาวหภาวโต เต พาเธนฺติ นาม. เตน วุตฺตํ ‘‘รูปา สทฺทา…เป… อิตฺถิรูปสฺมิ ทิสฺสเร’’ติ.

อิตฺถิคฺคหณฺเจตฺถ อธิการวเสน กตนฺติ เวทิตพฺพํ. เตเนวาห ‘‘เย เอตา อุปเสวนฺตี’’ติอาทิ. ตสฺสตฺโถ – เย ปุถุชฺชนา เอตา อิตฺถิโย รตฺตจิตฺตา ราคาภิภูตจิตฺตา อุปโภควตฺถุสฺาย อุปเสวนฺติ. วฑฺเฒนฺติ กฏสึ โฆรนฺติ เต ชาติอาทีหิ นิรยาทีหิ จ โฆรํ, ภยานกํ, อนฺธพาเลหิ อภิรมิตพฺพโต กฏสิสงฺขาตํ สํสารํ ปุนปฺปุนํ อุปฺปตฺติมรณาทินา วฑฺเฒนฺติ. เตนาห ‘‘อาจินนฺติ ปุนพฺภว’’นฺติ.

โย เจตาติ โย ปน ปุคฺคโล เอตา อิตฺถิโย ตตฺถ ฉนฺทราคสฺส วิกฺขมฺภเนน วา สมุจฺฉินฺทเนน วา อตฺตโน ปาเทน สปฺปสฺส สิรํ วิย ปริวชฺเชติ, โส สพฺพํ โลกํ วิสชิตฺวา ิตตฺตา โลเก วิสตฺติกาสงฺขาตํ ตณฺหํ สโต หุตฺวา สมติวตฺตติ.

กาเมสฺวาทีนวํ ทิสฺวาติ ‘‘อฏฺิกงฺกลูปมา กามา พหุทุกฺขา พหุปายาสา’’ติอาทินา (ปาจิ. ๔๑๗; จูฬว. ๖๕; ม. นิ. ๑.๒๓๔) วตฺถุกาเมสุ กิเลสกาเมสุ อเนกาการโวการํ อาทีนวํ, โทสํ, ทิสฺวา. เนกฺขมฺมํ ทฏฺุ เขมโตติ กาเมหิ ภเวหิ จ นิกฺขนฺตภาวโต เนกฺขมฺมํ, ปพฺพชฺชํ, นิพฺพานฺจ, เขมโต, อนุปทฺทวโต, ทฏฺุ, ทิสฺวา. สพฺพกาเมหิปิ เตภูมกธมฺเมหิ นิสฺสโฏ วิสํยุตฺโต. สพฺเพปิ เตภูมกา ธมฺมา กามนียฏฺเน กามา, เตหิ จ เถโร วิสํยุตฺโต. เตนาห ‘‘ปตฺโต เม อาสวกฺขโย’’ติ.

เอวํ เถโร อาทิโต ปฺจหิ คาถาหิ ธมฺมํ กเถตฺวา ฉฏฺคาถาย อฺํ พฺยากาสิ. ตํ สุตฺวา สสุโร ‘‘อยํ สพฺพตฺถ อนุปลิตฺโต, น สกฺกา อิมํ กาเมสุ ปตาเรตุ’’นฺติ ยถาคตมคฺเคเนว คโต. เถโรปิ วสฺสสตปรินิพฺพุเต ภควติ อุปสมฺปทาย วีสวสฺสสติโก ปถพฺยา เถโร หุตฺวา, เวสาลิเกหิ วชฺชิปุตฺเตหิ อุปฺปาทิตํ สาสนสฺส อพฺพุทํ โสเธตฺวา, ทุติยํ ธมฺมสงฺคีตึ สงฺคายิตฺวา ‘‘อนาคเต ธมฺมาโสกกาเล อุปฺปชฺชนกํ อพฺพุทํ โสเธหี’’ติ ติสฺสมหาพฺรหฺมานํ อาณาเปตฺวา อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายิ.

สพฺพกามิตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

ฉกฺกนิปาตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. สตฺตกนิปาโต

๑. สุนฺทรสมุทฺทตฺเถรคาถาวณฺณนา

สตฺตกนิปาเต อลงฺกตาติอาทิกา อายสฺมโต สุนฺทรสมุทฺทตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินิตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคเห อฺตรสฺส มหาวิภวสฺส เสฏฺิโน ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ. สมุทฺโทติสฺส นามํ อโหสิ. รูปสมฺปตฺติยา ปน สุนฺทรสมุทฺโทติ ปฺายิตฺถ. โส ปมวเย ิโต ภควโต ราชคหปฺปเวเส พุทฺธานุภาวํ ทิสฺวา, ปฏิลทฺธสทฺโธ นิสฺสรณชฺฌาสยตาย ปพฺพชิตฺวา, ลทฺธูปสมฺปโท สมาทินฺนธุตธมฺโม ราชคหโต สาวตฺถึ คนฺตฺวา, กลฺยาณมิตฺตสฺส สนฺติเก วิปสฺสนาจารํ อุคฺคเหตฺวา, กมฺมฏฺานํ อนุยุฺชนฺโต วิหรติ. ตสฺส มาตา ราชคเห อุสฺสวทิวเส อฺเ เสฏฺิปุตฺเต สปชาปติเก อลงฺกตปฏิยตฺเต อุสฺสวกีฬํ กีฬนฺเต ทิสฺวา, ปุตฺตํ อนุสฺสริตฺวา โรทติ. ตํ ทิสฺวา อฺตรา คณิกา โรทนการณํ ปุจฺฉิ. สา ตสฺสา ตํ การณํ กเถสิ. ตํ สุตฺวา คณิกา ‘‘อหํ ตํ อาเนสฺสามิ, ปสฺส ตาว มม อิตฺถิภาว’’นฺติ วตฺวา ‘‘ยทิ เอวํ ตํเยว ตสฺส ปชาปตึ กตฺวา อิมสฺส กุลสฺส สามินึ กริสฺสามี’’ติ ตาย พหุํ ธนํ ทตฺวา, วิสฺสชฺชิตา มหตา ปริวาเรน สาวตฺถึ คนฺตฺวา, เถรสฺส ปิณฺฑาย วิจรณฏฺาเน เอกสฺมึ เคเห วสมานา ทิวเส ทิวเส อฺเหิ เถรสฺส สกฺกจฺจํ ปิณฺฑปาตํ ทาเปสิ. อลงฺกตปฏิยตฺตา จ หุตฺวา สุวณฺณปาทุกา อารุยฺห อตฺตานํ ทสฺเสสิ. อเถกทิวสํ เคหทฺวาเรน คจฺฉนฺตํ เถรํ ทิสฺวา, สุวณฺณปาทุกา โอมุฺจิตฺวา, อฺชลึ ปคฺคยฺห ปุรโต คจฺฉนฺตี นานปฺปการํ เถรํ กามนิมนฺตนาย นิมนฺเตสิ. ตํ สุตฺวา เถโร ‘‘ปุถุชฺชนจิตฺตํ นาม จฺจลํ, ยํนูน มยา อิทาเนว อุสฺสาโห กรณีโย’’ติ ตตฺเถว ิโต ภาวนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา ฉฬภิฺโ อโหสิ. ตํ สนฺธาย วุตฺตํ –

๔๕๙.

‘‘อลงฺกตา สุวสนา, มาลธารี วิภูสิตา;

อลตฺตกกตาปาทา, ปาทุการุยฺห เวสิกา.

๔๖๐.

‘‘ปาทุกา โอรุหิตฺวาน, ปุรโต ปฺชลีกตา;

สา มํ สณฺเหน มุทุนา, มฺหิตปุพฺพํ อภาสถ.

๔๖๑.

‘‘‘ยุวาสิ ตฺวํ ปพฺพชิโต, ติฏฺาหิ มม สาสเน;

ภุฺช มานุสเก กาเม, อหํ วิตฺตํ ททามิ เต;

สจฺจํ เต ปฏิชานามิ, อคฺคึ วา เต หรามหํ.

๔๖๒.

‘‘‘ยทา ชิณฺณา ภวิสฺสาม, อุโภ ทณฺฑปรายนา;

อุโภปิ ปพฺพชิสฺสาม, อุภยตฺถ กฏคฺคโห’’’.

๔๖๓.

‘‘ตฺจ ทิสฺวาน ยาจนฺตึ, เวสิกํ ปฺชลีกตํ;

อลงฺกตํ สุวสนํ, มจฺจุปาสํว โอฑฺฑิตํ.

๔๖๔.

‘‘ตโต เม มนสีกาโร, โยนิโส อุทปชฺชถ;

อาทีนโว ปาตุรหุ, นิพฺพิทา สมติฏฺถ.

๔๖๕.

‘‘ตโต จิตฺตํ วิมุจฺจิ เม, ปสฺส ธมฺมสุธมฺมตํ;

ติสฺโส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

ตตฺถ มาลธารีติ มาลาธารินี ปิฬนฺธปุปฺผทามา. วิภูสิตาติ อูนฏฺานสฺส ปูรณวเสน ปุปฺเผหิ เจว คนฺธวิเลปนาทีหิ จ วิภูสิตคตฺตา. ‘‘อลงฺกตา’’ติ อิมินา หตฺถูปคคีวูปคาทีหิ อาภรเณหิ อลงฺกรณํ อธิปฺเปตํ. อลตฺตกกตาปาทาติ ปริณตชยสุมนปุปฺผวณฺเณน ลาขารเสน รฺชิตจรณยุคฬา. สมาสปทฺเหตํ, ‘‘อลตฺตกกตปาทา’’ติ วตฺตพฺเพ คาถาสุขตฺถํ ทีฆํ กตฺวา วุตฺตํ. อสมาสภาเว ปน ‘‘ตสฺสา’’ติ วจนเสโส เวทิตพฺโพ. ปาทุการุยฺห เวสิกาติ เอกา รูปูปชีวิกา อิตฺถี ยถาวุตฺตเวสา สุวณฺณปาทุกา ปฏิมุฺจิตฺวา ‘‘ิตา’’ติ วจนเสโส.

ปาทุกา โอรุหิตฺวานาติ ปาทุกาหิ โอตริตฺวา, สุวณฺณปาทุกาโย โอมุฺจิตฺวาติ อตฺโถ. ปฺชลีกตาติ ปคฺคหิตอฺชลิกา สา เวสี มํ. สามํ วา วจนปรมฺปรํ วินา สยเมว อภาสถ. สณฺเหนาติ มฏฺเน. มุทุนาติ มธุเรน. ‘‘วจเนนา’’ติ อวุตฺตมฺปิ วุตฺตเมว โหติ, อภาสถาติ, วุตฺตตฺตา.

ยุวาสิ ตฺวํ ปพฺพชิโตติ ตฺวํ ปพฺพชนฺโต ยุวา, ทหโรเยว หุตฺวา ปพฺพชิโตสิ, นนุ ปพฺพชนฺเตน สตฺตเม ทสเก สมฺปตฺเตว ปพฺพชิตพฺพนฺติ ทสฺเสติ. ติฏฺาหิ มม สาสเนติ มม วจเน ติฏฺ.

กึ ปน ตนฺติ อาห ‘‘ภุฺช มานุสเก กาเม’’ติ กาเม ปริภุฺชิตุกามสฺส รูปสมฺปตฺติ, วยสมฺปตฺติ, ปริวารสมฺปตฺติ, โภคสมฺปตฺติ จ อิจฺฉิตพฺพา. ตตฺถ ‘‘กุโต เม โภคสมฺปตฺตี’’ติ วเทยฺยาติ, อาห ‘‘อหํ วิตฺตํ ททามิ เต’’ติ. ‘‘ตยิทํ วจนํ กถํ สทฺทหาตพฺพ’’นฺติ มฺเยฺยาติ ตํ สทฺทหาเปนฺตี อาห ‘‘สจฺจํ เต ปฏิชานามิ, อคฺคึ วา เต หรามห’’นฺติ. ‘‘ภุฺช มานุสเก กาเม, อหํ วิตฺตํ ททามิ เต’’ติ ยทิทํ มยา ปฏิฺาตํ, ตํ เอกํเสน สจฺจเมว ปฏิชานามิ, สเจ เม น ปตฺติยายสิ, อคฺคึ วา เต หรามหํ อคฺคึ หริตฺวา อคฺคิปจฺจยํ สปถํ กโรมีติ อตฺโถ. อุภยตฺถ กฏคฺคโหติ อมฺหากํ อุภินฺนํ ชิณฺณกาเล ปพฺพชฺชนํ อุภยตฺถ ชยคฺคาโห. ยํ มยํ ยาว ทณฺฑปรายนกาลา โภเค ภุฺชาม, เอวํ อิธโลเกปิ โภเคหิ น ชียาม, มยํ ปจฺฉา ปพฺพชิสฺสาม, เอวํ ปรโลเกปิ โภเคหิ น ชียามาติ อธิปฺปาโย. ตโตติ ตํ นิมิตฺตํ, กาเมหิ นิมนฺเตนฺติยา ‘‘ยุวาสิ ตฺว’’นฺติอาทินา ‘‘ยทา ชิณฺณา ภวิสฺสามา’’ติอาทินา จ ตสฺสา เวสิยา วุตฺตวจนเหตุ. ตฺหิ วจนํ องฺกุสํ กตฺวา เถโร สมณธมฺมํ กโรนฺโต สทตฺถํ ปริปูเรสิ. เสสํ เหฏฺา วุตฺตนยเมว.

สุนฺทรสมุทฺทตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. ลกุณฺฑกภทฺทิยตฺเถรคาถาวณฺณนา

ปเร อมฺพาฏการาเมติอาทิกา อายสฺมโต ลกุณฺฑกภทฺทิยตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล หํสวตีนคเร มหาโภเค กุเล นิพฺพตฺติตฺวา, วยปฺปตฺโต สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุณนฺโต นิสินฺโน ตสฺมึ ขเณ สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ มฺชุสฺสรานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา, สยมฺปิ ตํ านํ ปตฺเถนฺโต พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ ทตฺวา, ‘‘อโห วตาหมฺปิ อนาคเต อยํ ภิกฺขุ วิย เอกสฺส พุทฺธสฺส สาสเน มฺชุสฺสรานํ อคฺโค ภเวยฺย’’นฺติ ปณิธานํ อกาสิ. ภควา จ ตสฺส อนนฺตรายตํ ทิสฺวา พฺยากริตฺวา ปกฺกามิ.

โส ตตฺถ ยาวชีวํ ปุฺานิ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต ผุสฺสสฺส ภควโต กาเล จิตฺตปตฺตโกกิโล หุตฺวา ราชุยฺยานโต มธุรํ อมฺพผลํ ตุณฺเฑนาทาย คจฺฉนฺโต สตฺถารํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส ‘‘ทสฺสามี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทสิ. สตฺถา ตสฺส จิตฺตํ ตฺวา ปตฺตํ คเหตฺวา นิสีทิ. โกกิโล ทสพลสฺส ปตฺเต อมฺพปกฺกํ ปติฏฺาเปสิ. สตฺถา ตํ ปริภุฺชิ. โส โกกิโล ปสนฺนมานโส เตเนว ปีติสุเขน สตฺตาหํ วีตินาเมสิ. เตน จ ปุฺกมฺเมน มฺชุสฺสโร อโหสิ. กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล ปน เจติเย อารทฺเธ กึ ปมาณํ กโรม? สตฺตโยชนปฺปมาณํ. อติมหนฺตเมตํ. ฉโยชนปฺปมาณํ. เอตมฺปิ อติมหนฺตํ. ปฺจโยชนํ, จตุโยชนํ, ติโยชนํ, ทฺวิโยชนนฺติ วุตฺเต อยํ ตทา เชฏฺวฑฺฒกี หุตฺวา ‘‘เอถ, โภ, อนาคเต สุขปฏิชคฺคิยํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา รชฺชุยา ปริกฺขิปนฺโต คาวุตมตฺตเก ตฺวา ‘‘เอเกกํ มุขํ คาวุตํ คาวุตํ โหตุ, เจติยํ เอกโยชนาวฏฺฏํ โยชนุพฺเพธํ ภวิสฺสตี’’ติ อาห. เต ตสฺส วจเน อฏฺํสุ. อิติ อปฺปมาณสฺส พุทฺธสฺส ปมาณํ อกาสีติ. เตน ปน กมฺเมน นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน อฺเหิ นีจตรปฺปมาโณ โหติ.

โส อมฺหากํ สตฺถุ กาเล สาวตฺถิยํ มหาโภคกุเล นิพฺพตฺติ, ภทฺทิโยติสฺส นามํ อโหสิ. อติรสฺสตาย ปน ลกุณฺฑกภทฺทิโยติ ปฺายิตฺถ. โส สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา, ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา, พหุสฺสุโต ธมฺมกถิโก หุตฺวา มธุเรน สเรน ปเรสํ ธมฺมํ กเถสิ. อเถกสฺมึ อุสฺสวทิวเส เอเกน พฺราหฺมเณน สทฺธึ รเถน คจฺฉนฺตี อฺตรา คณิกา เถรํ ทิสฺวา ทนฺตวิทํสกํ หสิ. เถโร ตสฺสา ทนฺตฏฺิเก นิมิตฺตํ คเหตฺวา ฌานํ อุปฺปาเทตฺวา, ตํ ปาทกํ กตฺวา, วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา, อนาคามี อโหสิ. โส อภิณฺหํ กายคตาย สติยา วิหรนฺโต เอกทิวสํ อายสฺมตา ธมฺมเสนาปตินา โอวทิยมาโน อรหตฺเต ปติฏฺหิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๕.๑-๓๓) –

‘‘ปทุมุตฺตโร นาม ชิโน, สพฺพธมฺเมสุ จกฺขุมา;

อิโต สตสหสฺสมฺหิ, กปฺเป อุปฺปชฺชิ นายโก.

‘‘ตทาหํ หํสวติยํ เสฏฺิปุตฺโต มหทฺธโน;

ชงฺฆาวิหารํ วิจรํ, สงฺฆารามํ อคจฺฉหํ.

‘‘ตทา โส โลกปชฺโชโต, ธมฺมํ เทเสสิ นายโก;

มฺชุสฺสรานํ ปวรํ, สาวกํ อภิกิตฺตยิ.

‘‘ตํ สุตฺวา มุทิโต หุตฺวา, การํ กตฺวา มเหสิโน;

วนฺทิตฺวา สตฺถุโน ปาเท, ตํ านมภิปตฺถยึ.

‘‘ตทา พุทฺโธ วิยากาสิ, สงฺฆมชฺเฌ วินายโก;

อนาคตมฺหิ อทฺธาเน, ลจฺฉเส ตํ มโนรถํ.

‘‘สตสหสฺสิโต กปฺเป, โอกฺกากกุลสมฺภโว;

โคตโม นาม โคตฺเตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติ.

‘‘ตสฺส ธมฺเมสุ ทายาโท, โอรโส ธมฺมนิมฺมิโต;

ภทฺทิโย นาม นาเมน, เหสฺสติ สตฺถุ สาวโก.

‘‘เตน กมฺเมน สุกเตน, เจตนาปณิธีหิ จ;

ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวตึสมคจฺฉหํ.

‘‘ทฺเวนวุเต อิโต กปฺเป, ผุสฺโส อุปฺปชฺชิ นายโก;

ทุราสโท ทุปฺปสโห, สพฺพโลกุตฺตโม ชิโน.

‘‘จรเณน จ สมฺปนฺโน, พฺรหา อุชุ ปตาปวา;

หิเตสี สพฺพสตฺตานํ, พหุํ โมเจสิ พนฺธนา.

‘‘นนฺทารามวเน ตสฺส, อโหสึ ผุสฺสโกกิโล;

คนฺธกุฏิสมาสนฺเน, อมฺพรุกฺเข วสามหํ.

‘‘ตทา ปิณฺฑาย คจฺฉนฺตํ, ทกฺขิเณยฺยํ ชินุตฺตมํ;

ทิสฺวา จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, มฺชุนาภินิกูชหํ.

‘‘ราชุยฺยานํ ตทา คนฺตฺวา, สุปกฺกํ กนกตฺตจํ;

อมฺพปิณฺฑํ คเหตฺวาน, สมฺพุทฺธสฺโสปนามยึ.

‘‘ตทา เม จิตฺตมฺาย, มหาการุณิโก ชิโน;

อุปฏฺากสฺส หตฺถโต, ปตฺตํ ปคฺคณฺหิ นายโก.

‘‘อทาสึ หฏฺจิตฺโตหํ, อมฺพปิณฺฑํ มหามุเน;

ปตฺเต ปกฺขิปฺป ปกฺเขหิ, ปฺชลึ กตฺวาน มฺชุนา.

‘‘สเรน รชนีเยน, สวนีเยน วคฺคุนา;

วสฺสนฺโต พุทฺธปูชตฺถํ, นีฬํ คนฺตฺวา นิปชฺชหํ.

‘‘ตทา มุทิตจิตฺตํ มํ, พุทฺธเปมคตาสยํ;

สกุณคฺฆิ อุปาคนฺตฺวา, ฆาตยี ทุฏฺมานโส.

‘‘ตโต จุโตหํ ตุสิเต, อนุโภตฺวา มหาสุขํ;

มนุสฺสโยนิมาคจฺฉึ, ตสฺส กมฺมสฺส วาหสา.

‘‘อิมมฺหิ ภทฺทเก กปฺเป, พฺรหฺมพนฺธุ มหายโส;

กสฺสโป นาม โคตฺเตน, อุปฺปชฺชิ วทตํ วโร.

‘‘สาสนํ โชตยิตฺวา โส, อภิภุยฺย กุติตฺถิเย;

วินยิตฺวาน เวเนยฺเย, นิพฺพุโต โส สสาวโก.

‘‘นิพฺพุเต ตมฺหิ โลกคฺเค, ปสนฺนา ชนตา พหู;

ปูชนตฺถาย พุทฺธสฺส, ถูปํ กุพฺพนฺติ สตฺถุโน.

‘‘สตฺตโยชนิกํ ถูปํ, สตฺตรตนภูสิตํ;

กริสฺสาม มเหสิสฺส, อิจฺเจวํ มนฺตยนฺติ เต.

‘‘กิกิโน กาสิราชสฺส, ตทา เสนาย นายโก;

หุตฺวาหํ อปฺปมาณสฺส, ปมาณํ เจติเย วทึ.

‘‘ตทา เต มม วากฺเยน, เจติยํ โยชนุคฺคตํ;

อกํสุ นรวีรสฺส, นานารตนภูสิตํ.

‘‘เตน กมฺเมน สุกเตน, เจตนาปณิธีหิ จ;

ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวตึสมคจฺฉหํ.

‘‘ปจฺฉิเม จ ภเว ทานิ, ชาโต เสฏฺิกุเล อหํ;

สาวตฺถิยํ ปุรวเร, อิทฺเธ ผีเต มหทฺธเน.

‘‘ปุรปฺปเวเส สุคตํ, ทิสฺวา วิมฺหิตมานโส;

ปพฺพชิตฺวาน น จิรํ, อรหตฺตมปาปุณึ.

‘‘เจติยสฺส ปมาณํ ยํ, อกรึ เตน กมฺมุนา;

ลกุณฺฑกสรีโรหํ, ชาโต ปริภวารโห.

‘‘สเรน มธุเรนาหํ, ปูชิตฺวา อิสิสตฺตมํ;

มฺชุสฺสรานํ ภิกฺขูนํ, อคฺคตฺตมนุปาปุณึ.

‘‘ผลทาเนน พุทฺธสฺส, คุณานุสฺสรเณน จ;

สามฺผลสมฺปนฺโน, วิหรามิ อนาสโว.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อปรภาเค อฺํ พฺยากโรนฺโต –

๔๖๖.

‘‘ปเร อมฺพาฏการาเม, วนสณฺฑมฺหิ ภทฺทิโย;

สมูลํ ตณฺหมพฺพุยฺห, ตตฺถ ภทฺโทว ฌายติ.

๔๖๗.

‘‘รมนฺเตเก มุทิงฺเคหิ, วีณาหิ ปณเวหิ จ;

อหฺจ รุกฺขมูลสฺมึ, รโต พุทฺธสฺส สาสเน.

๔๖๘.

‘‘พุทฺโธ เจ เม วรํ ทชฺชา, โส จ ลพฺเภถ เม วโร;

คณฺเหหํ สพฺพโลกสฺส, นิจฺจํ กายคตํ สติ’’นฺติ. –

อิมา ติสฺโส คาถา อภาสิ.

ตตฺถ ปเรติ เสฏฺเ อธิเก, วิสิฏฺเติ อตฺโถ. อธิกวาจี หิ อยํ ปรสทฺโท ‘‘ปรํ วิย มตฺตายา’’ติอาทีสุ วิย. อมฺพาฏการาเมติ เอวํนามเก อาราเม. โส กิร ฉายูทกสมฺปนฺโน วนสณฺฑมณฺฑิโต รมณีโย โหติ เตน ‘‘ปเร’’ติ วิเสเสตฺวา วุตฺโต. ‘‘อมฺพาฏกวเน อมฺพาฏเกหิ อภิลกฺขิตวเน’’ติ จ วทนฺติ. วนสณฺฑมฺหีติ วนคหเน, ฆนนิจิตรุกฺขคจฺฉลตาสมูเห วเนติ อตฺโถ. ภทฺทิโยติ เอวํนามโก, อตฺตานเมว เถโร อฺํ วิย วทติ. สมูลํ ตณฺหมพฺพุยฺหาติ ตณฺหาย มูลํ นาม อวิชฺชา. ตสฺมา สาวิชฺชํ ตณฺหํ อคฺคมคฺเคน สมุคฺฆาเฏตฺวาติ อตฺโถ. ตตฺถ ภทฺโทว ฌายตีติ โลกุตฺตเรหิ สีลาทีหิ ภทฺโท สุนฺทโร ตสฺมึเยว วนสณฺเฑ กตกิจฺจตาย ทิฏฺธมฺมสุขวิหารวเสน อคฺคผลฌาเนน ฌายติ.

ผลสุเขน จ ฌานสมาปตฺตีหิ จ วีตินาเมตีติ อตฺตโน วิเวกรตึ ทสฺเสตฺวา ‘‘รมนฺเตเก’’ติ คาถายปิ พฺยติเรกมุเขน ตเมวตฺถํ ทสฺเสติ. ตตฺถ มุทิงฺเคหีติ องฺคิกาทีหิ มุรเชหิ. วีณาหีติ นนฺทินีอาทีหิ วีณาหิ. ปณเวหีติ ตุริเยหิ รมนฺติ เอเก กามโภคิโน, สา ปน เตสํ รติ อนริยา อนตฺถสํหิตา. อหฺจา ติ อหํ ปน, เอกโก พุทฺธสฺส ภควโต สาสเน รโต, ตโต เอว รุกฺขมูลสฺมึ รโต อภิรโต วิหรามีติ อตฺโถ.

เอวํ อตฺตโน วิเวกาภิรตึ กิตฺเตตฺวา อิทานิ ยํ กายคตาสติกมฺมฏฺานํ ภาเวตฺวา อรหตฺตํ ปตฺโต, ตสฺส ปสํสนตฺถํ ‘‘พุทฺโธ เจ เม’’ติ คาถมาห. ตสฺสตฺโถ – สเจ พุทฺโธ ภควา ‘‘เอกาหํ, ภนฺเต, ภควนฺตํ วรํ ยาจามี’’ติ มยา ยาจิโต ‘‘อติกฺกนฺตวรา โข, ภิกฺขุ, ตถาคตา’’ติ อปฏิกฺขิปิตฺวา มยฺหํ ยถายาจิตํ วรํ ทเทยฺย, โส จ วโร มมาธิปฺปายปูรโก ลพฺเภถ มยฺหํ มโนรถํ มตฺถกํ ปาเปยฺยาติ เถโร ปริกปฺปวเสน วทติ. ‘‘ภนฺเต, สพฺโพ โลโก สพฺพกาลํ กายคตาสติกมฺมฏฺานํ ภาเวตู’’ติ ‘‘สพฺพโลกสฺส นิจฺจํ กายคตาสติ ภาเวตพฺพา’’ติ กตฺวา วรํ คณฺเห อหนฺติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘คณฺเหหํ สพฺพโลกสฺส, นิจฺจํ กายคตํ สติ’’นฺติ. อิทานิ อปริกฺขณครหามุเขน ปริกฺขณํ ปสํสนฺโต –

๔๖๙.

‘‘เย มํ รูเปน ปามึสุ, เย จ โฆเสน อนฺวคู;

ฉนฺทราควสูเปตา, น มํ ชานนฺติ เต ชนา.

๔๗๐.

‘‘อชฺฌตฺตฺจ น ชานาติ, พหิทฺธา จ น ปสฺสติ;

สมนฺตาวรโณ พาโล, ส เว โฆเสน วุยฺหติ.

๔๗๑.

‘‘อชฺฌตฺตฺจ น ชานาติ, พหิทฺธา จ วิปสฺสติ;

พหิทฺธา ผลทสฺสาวี, โสปิ โฆเสน วุยฺหติ.

๔๗๒.

‘‘อชฺฌตฺตฺจ ปชานาติ, พหิทฺธา จ วิปสฺสติ;

อนาวรณทสฺสาวี, น โส โฆเสน วุยฺหตี’’ติ. –

อิมา จตสฺโส คาถา อภาสิ.

ตตฺถ เย มํ รูเปน ปามึสูติ เย ชนา อวิทฺทสู มม รูเปน อปสาทิเกน นิหีเนน ‘‘อาการสทิสี ปฺา’’ติ, ธมฺมสรีเรน จ มํ นิหีนํ ปามึสุ, ‘‘โอรโก อย’’นฺติ หีเฬนฺตา ปริจฺฉินฺทนวเสน มฺึสูติ อตฺโถ. เย จ โฆเสน อนฺวคูติ เย จ สตฺตา โฆเสน มฺชุนา มํ สมฺภาวนาวเสน อนุคตา พหุ มฺึสุ, ตํ เตสํ มิจฺฉา, น หิ อหํ รูปมตฺเตน อวมนฺตพฺโพ, โฆสมตฺเตน วา น พหุํ มนฺตพฺโพ, ตสฺมา ฉนฺทราควสูเปตา, น มํ ชานนฺติ เต ชนาติ เต ทุวิธาปิ ชนา ฉนฺทราคสฺส วสํ อุเปตา อปฺปหีนฉนฺทราคา สพฺพโส ปหีนฉนฺทราคํ มํ น ชานนฺติ.

อวิสโย เตสํ มาทิโส อชฺฌตฺตํ พหิทฺธา จ อปริฺาตวตฺถุตายาติ ทสฺเสตุํ ‘‘อชฺฌตฺต’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. อชฺฌตฺตนฺติ อตฺตโน สนฺตาเน ขนฺธายตนาทิธมฺมํ. พหิทฺธาติ ปรสนฺตาเน. อถ วา อชฺฌตฺตนฺติ, มม อพฺภนฺตเร อเสกฺขสีลกฺขนฺธาทึ. พหิทฺธาติ, มเมว อากปฺปสมฺปตฺติยาทิยุตฺตํ พหิทฺธา รูปธมฺมปฺปวตฺตึ จกฺขุวิฺาณาทิปฺปวตฺติฺจ. สมนฺตาวรโณติ เอวํ อชฺฌตฺตฺจ พหิทฺธา จ อชานเนน สมนฺตโต อาวรณยุตฺโต อาวฏาณคติโก. ส เว โฆเสน วุยฺหตีติ โส ปรเนยฺยพุทฺธิโก พาโล โฆเสน ปเรสํ วจเนน วุยฺหติ นิยฺยติ อากฑฺฒียติ.

พหิทฺธา จ วิปสฺสตีติ โย จ วุตฺตนเยน อชฺฌตฺตํ น ชานาติ, พหิทฺธา ปน สุตานุสาเรน อากปฺปสมฺปตฺติอาทิอุปธารเณน วา วิเสสโต ปสฺสติ. ‘‘คุณวิเสสยุตฺโต สิยา’’ติ มฺติ, โสปิ พหิทฺธา ผลทสฺสาวี นยคฺคาเหน ผลมตฺตํ คณฺหนฺโต วุตฺตนเยน โฆเสน วุยฺหติ, โสปิ มาทิเส น ชานาตีติ อตฺโถ.

โย ปน อชฺฌตฺตฺจ ขีณาสวสฺส อพฺภนฺตเร อเสกฺขสีลกฺขนฺธาทิคุณํ ชานาติ, พหิทฺธา จสฺส ปฏิปตฺติสลฺลกฺขเณน วิเสสโต คุณวิเสสโยคํ ปสฺสติ. อนาวรณทสฺสาวี เกนจิ อนาวโฏ หุตฺวา อริยานํ คุเณ ทฏฺุํ าตุํ สมตฺโถ, น โส โฆสมตฺเตน วุยฺหติ ยาถาวโต ทสฺสนโตติ.

ลกุณฺฑกภทฺทิยตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. ภทฺทตฺเถรคาถาวณฺณนา

เอกปุตฺโตติอาทิกา อายสฺมโต ภทฺทตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร ปทุมุตฺตรํ ภควนฺตํ ภิกฺขุสงฺฆฺจ สตสหสฺสปริมาณํ จีวราทีหิ จตูหิ ปจฺจเยหิ ปูเชสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ เสฏฺิกุเล นิพฺพตฺติ. นิพฺพตฺตมาโน จ อปุตฺตเกสุ มาตาปิตูสุ เทวตายาจนาทีนิ กตฺวาปิ อลภนฺเตสุ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘สเจ, ภนฺเต, มยํ เอกํ ปุตฺตํ ลจฺฉาม, ตํ ตุมฺหากํ ทาสตฺถาย ทสฺสามา’’ติ วตฺวา อายาจิตฺวา คเตสุ สตฺถุ อธิปฺปายํ ตฺวา อฺตโร เทวปุตฺโต ขีณายุโก หุตฺวา ิโต สกฺเกน เทวรฺา ‘‘อมุกสฺมึ กุเล นิพฺพตฺตาหี’’ติ อาณตฺโต ตตฺถ นิพฺพตฺติ, ภทฺโทติสฺส นามํ อกํสุ. ตํ สตฺตวสฺสุทฺเทสิกํ ชาตํ มาตาปิตโร อลงฺกริตฺวา ภควโต สนฺติกํ เนตฺวา ‘‘อยํ โส, ภนฺเต, ตุมฺเห อายาจิตฺวา ลทฺธทารโก, อิมํ ตุมฺหากํ นิยฺยาเตมา’’ติ อาหํสุ. สตฺถา อานนฺทตฺเถรํ อาณาเปสิ – ‘‘อิมํ ปพฺพาเชหี’’ติ. อาณาเปตฺวา จ คนฺธกุฏึ ปาวิสิ. เถโร ตํ ปพฺพาเชตฺวา สงฺเขเปน วิปสฺสนามุขํ อาจิกฺขิ. โส อุปนิสฺสยสมฺปนฺนตฺตา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต สูริเย อโนคฺคเตเยว ภาวนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา ฉฬภิฺโ อโหสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๕.๕๔-๖๙) –

‘‘ปทุมุตฺตรสมฺพุทฺธํ, เมตฺตจิตฺตํ มหามุนึ;

อุเปติ ชนตา สพฺพา, สพฺพโลกคฺคนายกํ.

‘‘สตฺตุกฺจ พทฺธกฺจ, อามิสํ ปานโภชนํ;

ททนฺติ สตฺถุโน สพฺเพ, ปุฺกฺเขตฺเต อนุตฺตเร.

‘‘อหมฺปิ ทานํ ทสฺสามิ, เทวเทวสฺส ตาทิโน;

พุทฺธเสฏฺํ นิมนฺเตตฺวา, สงฺฆมฺปิ จ อนุตฺตรํ.

‘‘อุยฺโยชิตา มยา เจเต, นิมนฺเตสุํ ตถาคตํ;

เกวลํ ภิกฺขุสงฺฆฺจ, ปุฺกฺเขตฺตํ อนุตฺตรํ.

‘‘สตสหสฺสปลฺลงฺกํ, โสวณฺณํ โคนกตฺถตํ;

ตูลิกาปฏลิกาย, โขมกปฺปาสิเกหิ จ;

มหารหํ ปฺาปยึ, อาสนํ พุทฺธยุตฺตกํ.

‘‘ปทุมุตฺตโร โลกวิทู, เทวเทโว นราสโภ;

ภิกฺขุสงฺฆปริพฺยูฬฺโห, มม ทฺวารมุปาคมิ.

‘‘ปจฺจุคฺคนฺตฺวาน สมฺพุทฺธํ, โลกนาถํ ยสสฺสินํ;

ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, อภินามยึ สงฺฆรํ.

‘‘ภิกฺขูนํ สตสหสฺสํ, พุทฺธฺจ โลกนายกํ;

ปสนฺนจิตฺโต สุมโน, ปรมนฺเนน ตปฺปยึ.

‘‘ปทุมุตฺตโร โลกวิทู, อาหุตีนํ ปฏิคฺคโห;

ภิกฺขุสงฺเฆ นิสีทิตฺวา, อิมา คาถา อภาสถ.

‘‘เยนิทํ อาสนํ ทินฺนํ, โสวณฺณํ โคนกตฺถตํ;

ตมหํ กิตฺตยิสฺสามิ, สุณาถ มม ภาสโต.

‘‘จตุสตฺตติกฺขตฺตุํ โส, เทวรชฺชํ กริสฺสติ;

อนุโภสฺสติ สมฺปตฺตึ, อจฺฉราหิ ปุรกฺขโต.

‘‘ปเทสรชฺชํ สหสฺสํ, วสุธํ อาวสิสฺสติ;

เอกปฺาสกฺขตฺตุฺจ, จกฺกวตฺตี ภวิสฺสติ.

‘‘สพฺพาสุ ภวโยนีสุ, อุจฺจากุลี ภวิสฺสติ;

โส จ ปจฺฉา ปพฺพชิตฺวา, สุกฺกมูเลน โจทิโต;

ภทฺทิโย นาม นาเมน, เหสฺสติ สตฺถุ สาวโก.

‘‘วิเวกมนุยุตฺโตมฺหิ, ปนฺตเสนนิวาสหํ;

ผลฺจาธิคตํ สพฺพํ, จตฺตกฺเลโสมฺหิ อชฺชหํ.

‘‘มม สพฺพํ อภิฺาย, สพฺพฺู โลกนายโก;

ภิกฺขุสงฺเฆ นิสีทิตฺวา, เอตทคฺเค เปสิ มํ.

‘‘ปฏิสมฺภิทา จตสฺโส, วิโมกฺขาปิ จ อฏฺิเม;

ฉฬภิฺา สจฺฉิกตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

ตสฺส ภควา ฉฬภิฺุปฺปตฺตึ ตฺวา ‘‘เอหิ, ภทฺทา’’ติ อาห. โส ตาวเทว สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา ปฺชลิโก สตฺถุ สมีเป อฏฺาสิ, สา เอว จสฺส อุปสมฺปทา อโหสิ. พุทฺธูปสมฺปทา นาม กิเรสา. เถโร ชาติโต ปฏฺาย อตฺตโน ปวตฺติยา กถนมุเขน อฺํ พฺยากโรนฺโต –

๔๗๓.

‘‘เอกปุตฺโต อหํ อาสึ, ปิโย มาตุ ปิโย ปิตุ;

พหูหิ วตจริยาหิ, ลทฺโธ อายาจนาหิ จ.

๔๗๔.

‘‘เต จ มํ อนุกมฺปาย, อตฺถกามา หิเตสิโน;

อุโภ ปิตา จ มาตา จ, พุทฺธสฺส อุปนามยุํ.

๔๗๕.

‘‘กิจฺฉา ลทฺโธ อยํ ปุตฺโต, สุขุมาโล สุเขธิโต;

อิมํ ททาม เต นาถ, ชินสฺส ปริจารกํ.

๔๗๖.

‘‘สตฺถา จ มํ ปฏิคฺคยฺห, อานนฺทํ เอตทพฺรวิ;

ปพฺพาเชหิ อิมํ ขิปฺปํ, เหสฺสตฺยาชานิโย อยํ.

๔๗๗.

‘‘ปพฺพาเชตฺวาน มํ สตฺถา, วิหารํ ปาวิสี ชิโน;

อโนคฺคตสฺมึ สูริยสฺมึ, ตโต จิตฺตํ วิมุจฺจิ เม.

๔๗๘.

‘‘ตโต สตฺถา นิรากตฺวา, ปฏิสลฺลานวุฏฺิโต;

เอหิ ภทฺทาติ มํ อาห, สา เม อาสูปสมฺปทา.

๔๗๙.

‘‘ชาติยา สตฺตวสฺเสน, ลทฺธา เม อุปสมฺปทา;

ติสฺโส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, อโห ธมฺมสุธมฺมตา’’ติ. –

อิมา คาถา อภาสิ.

ตตฺถ วตจริยาหีติ, ‘‘เอวํ กตฺวา ปุตฺตํ ลภิสฺสถา’’ติ วุตฺตํ สมณพฺราหฺมณานํ วจนํ สุตฺวา, ขีรํ ปายิตฺวา, อนสนาทิวตจรเณหิ. อายาจนาหีติ เทวตายาจนาหิ สตฺถุอายาจนาย จ, อิทเมว เจตฺถ การณํ, อิตรํ เถโร มาตาปิตูนํ ปฏิปตฺติทสฺสนตฺถฺเจว กิจฺฉลทฺธภาวทสฺสนตฺถฺจ วทติ.

เตติ มาตาปิตโร. อุปนามยุนฺติ อุปนาเมสุํ.

สุเขธิโตติ สุขสํวฑฺฒิโต. เตติ ตุยฺหํ. ปริจารกนฺติ กึการํ.

เหสฺสตฺยาชานิโย อยนฺติ อยํ ทารโก มม สาสเน อาชานีโย ภวิสฺสติ. ตสฺมา ขิปฺปํ อชฺเชว ปพฺพาเชหีติ เอตํ อพฺรวิ, อาห.

ปพฺพาเชตฺวานาติ อานนฺทตฺเถเรน ปพฺพาเชตฺวา. วิหารนฺติ คนฺธกุฏึ. อโนคฺคตสฺมึ สูริยสฺมินฺติ สูริเย อนตฺถงฺคเตเยว. ตโต จิตฺตํ วิมุจฺจิ เมติ ตโต วิปสฺสนารมฺภโต ปรํ น จิเรเนว ขเณน สพฺพาสเวหิ เม จิตฺตํ วิมุจฺจิ, ขีณาสโว อโหสึ.

ตโตติ มม อาสวกฺขยโต ปจฺฉา. นิรากตฺวาติ อตฺตนา สมาปนฺนํ ผลสมาปตฺตึ อปฺเปตฺวา ตโต วุฏฺาย. เตนาห ‘‘ปฏิสลฺลานวุฏฺิโต’’ติ. สา เม อาสูปสมฺปทาติ ยา มํ อุทฺทิสฺส ‘‘เอหิ, ภทฺทา’’ติ สตฺถุ วาจา ปวตฺตา, สา เอว เม มยฺหํ อุปสมฺปทา อาสิ. เอวํ ชาติยา สตฺตวสฺเสน, ลทฺธา เม อุปสมฺปทาติ สาติสยํ สตฺถารา อตฺตโน กตํ อนุคฺคหํ สาสนสฺส จ นิยฺยานิกตํ ทสฺเสติ. เตนาห ‘‘อโห ธมฺมสุธมฺมตา’’ติ.

เอตฺถ จ ‘‘จิตฺตํ วิมุจฺจิ เม’’ติ ขีณาสวภาวํ ปกาเสตฺวาปิ ปุน ‘‘ติสฺโส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา’’ติ โลกิยาภิฺเกเทสทสฺสนํ ฉฬภิฺภาววิภาวนตฺถํ. เตนาห อปทาเน ‘‘ฉฬภิฺา สจฺฉิกตา’’ติ.

ภทฺทตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. โสปากตฺเถรคาถาวณฺณนา

ทิสฺวา ปาสาทฉายายนฺติอาทิกา อายสฺมโต โสปากตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต สิทฺธตฺถสฺส ภควโต กาเล พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต พฺราหฺมณานํ วิชฺชาสิปฺเปสุ นิปฺผตฺตึ คโต กาเมสุ อาทีนวํ ทิสฺวา ฆราวาสํ ปหาย ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา เอกสฺมึ ปพฺพเต วิหรติ. สตฺถา อาสนฺนมรณํ ตํ ตฺวา ตสฺส สนฺติกํ อคมาสิ. โส ภควนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺโต อุฬารํ ปีติโสมนสฺสํ ปเวเทนฺโต ปุปฺผมยํ อาสนํ ปฺเปตฺวา อทาสิ. สตฺถา ตตฺถ นิสีทิตฺวา, อนิจฺจตาปฏิสํยุตฺตํ ธมฺมึ กถํ กเถตฺวา ตสฺส ปสฺสนฺตสฺเสว อากาเสน อคมาสิ. โส ปุพฺเพ คหิตํ นิจฺจคฺคาหํ ปหาย อนิจฺจสฺํ หทเย เปตฺวา, กาลงฺกตฺวา, เทวโลเก อุปฺปชิตฺวา, อปราปรํ เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต, อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคเห โสปากโยนิยํ นิพฺพตฺติ. โส ชาติอาคเตน โสปาโกติ นาเมน ปฺายิ. เกจิ ปน ‘‘วาณิชกุเล นิพฺพตฺโต, ‘โสปาโก’ติ ปน นามมตฺต’’นฺติ วทนฺติ. ตํ อปทานปาฬิยา วิรุชฺฌติ ‘‘ปจฺฉิเม ภเว สมฺปตฺเต, โสปากโยนุปาคมิ’’นฺติ วจนโต.

ตสฺส จตุมาสชาตสฺส ปิตา กาลมกาสิ, จูฬปิตา โปเสสิ. อนุกฺกเมน สตฺตวสฺสิโก ชาโต. เอกทิวสํ จูฬปิตา ‘‘อตฺตโน ปุตฺเตน กลหํ กโรตี’’ติ กุชฺฌิตฺวา, ตํ สุสานํ เนตฺวา, ทฺเว หตฺเถ รชฺชุยา เอกโต พนฺธิตฺวา, ตาย เอว รชฺชุยา มตมนุสฺสสฺส สรีเร คาฬฺหํ พนฺธิตฺวา คโต ‘‘สิงฺคาลาทโย ขาทนฺตู’’ติ. ปจฺฉิมภวิกตาย ทารกสฺส ปุฺผเลน สยํ มาเรตุํ น วิสหิ, สิงฺคาลาทโยปิ น อภิภวึสุ. ทารโก อฑฺฒรตฺตสมเย เอวํ วิปฺปลปติ –

‘‘กา คติ เม อคติสฺส, โก วา พนฺธุ อพนฺธุโน;

สุสานมชฺเฌ พนฺธสฺส, โก เม อภยทายโก’’ติ.

สตฺถา ตาย เวลาย เวเนยฺยพนฺธเว โอโลเกนฺโต ทารกสฺส หทยพฺภนฺตเร ปชฺชลนฺตํ อรหตฺตูปนิสฺสยํ ทิสฺวา โอภาสํ ผริตฺวา สตึ ชเนตฺวา เอวมาห –

‘‘เอหิ โสปาก มา ภายิ, โอโลกสฺสุ ตถาคตํ;

อหํ ตํ ตารยิสฺสามิ, ราหุมุเขว จนฺทิม’’นฺติ.

ทารโก พุทฺธานุภาเวน ฉินฺนพนฺธโน คาถาปริโยสาเน โสตาปนฺโน หุตฺวา คนฺธกุฏิสมฺมุเข อฏฺาสิ. ตสฺส มาตา ปุตฺตํ อปสฺสนฺตี จูฬปิตรํ ปุจฺฉิตฺวา เตนสฺส ปวตฺติยา อกถิตาย ตตฺถ ตตฺถ คนฺตฺวา วิจินนฺตี ‘‘พุทฺธา กิร อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ ชานนฺติ, ยํนูนาหํ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา มม ปุตฺตสฺส ปวตฺตึ ชาเนยฺย’’นฺติ สตฺถุ สนฺติกํ อคมาสิ. สตฺถา, อิทฺธิยา ตํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา, ‘‘ภนฺเต, มม ปุตฺตํ น ปสฺสามิ, อปิจ ภควา ตสฺส ปวตฺตึ ชานาตี’’ติ ตาย ปุฏฺโ –

‘‘น สนฺติ ปุตฺตา ตาณาย, น ปิตา นาปิ พนฺธวา;

อนฺตเกนาธิปนฺนสฺส, นตฺถิ าตีสุ ตาณตา’’ติ. (ธ. ป. ๒๘๘) –

ธมฺมํ กเถสิ. ตํ สุตฺวา สา โสตาปนฺนา อโหสิ. ทารโก อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๒.๑๑๒-๑๒๓) –

‘‘ปพฺภารํ โสธยนฺตสฺส, วิปิเน ปพฺพตุตฺตเม;

สิทฺธตฺโถ นาม ภควา, อาคจฺฉิ มม สนฺติกํ.

‘‘พุทฺธํ อุปคตํ ทิสฺวา, โลกเชฏฺสฺส ตาทิโน;

สนฺถรํ สนฺถริตฺวาน, ปุปฺผาสนมทาสหํ.

‘‘ปุปฺผาสเน นิสีทิตฺวา, สิทฺธตฺโถ โลกนายโก;

มมฺจ คติมฺาย, อนิจฺจตมุทาหริ.

‘‘อนิจฺจา วต สงฺขารา, อุปฺปาทวยธมฺมิโน;

อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌนฺติ, เตสํ วูปสโม สุโข.

‘‘อิทํ วตฺวาน สพฺพฺู, โลกเชฏฺโ นราสโภ;

นภํ อพฺภุคฺคมี วีโร, หํสราชาว อมฺพเร.

‘‘สกํ ทิฏฺึ ชหิตฺวาน, ภาวยานิจฺจสฺหํ;

เอกาหํ ภาวยิตฺวาน, ตตฺถ กาลํ กโต อหํ.

‘‘ทฺเว สมฺปตฺตี อนุโภตฺวา, สุกฺกมูเลน โจทิโต;

ปจฺฉิเม ภเว สมฺปตฺเต, สปากโยนุปาคมึ.

‘‘อคารา อภินิกฺขมฺม, ปพฺพชึ อนคาริยํ;

ชาติยา สตฺตวสฺโสหํ, อรหตฺตมปาปุณึ.

‘‘อารทฺธวีริโย ปหิตตฺโต, สีเลสุ สุสมาหิโต;

โตเสตฺวาน มหานาคํ, อลตฺถํ อุปสมฺปทํ.

‘‘จตุนฺนวุติโต กปฺเป, ยํ กมฺมมกรึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, ปุปฺผทานสฺสิทํ ผลํ.

‘‘จตุนฺนวุติโต กปฺเป, ยํ สฺํ ภาวยึ ตทา;

ตํ สฺํ ภาวยนฺตสฺส, ปตฺโต เม อาสวกฺขโย.

‘‘ปฏิสมฺภิทา จตสฺโส…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อถ ภควา อิทฺธึ ปฏิสํหริ. สาปิ ปุตฺตํ ทิสฺวา หฏฺตุฏฺโ ตสฺส ขีณาสวภาวํ สุตฺวา ปพฺพาเชตฺวา คตา. โส สตฺถารํ คนฺธกุฏิจฺฉายายํ จงฺกมนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา, วนฺทิตฺวา อนุจงฺกมิ. ตสฺส ภควา อุปสมฺปทํ อนุชานิตุกาโม ‘‘เอกํ นาม กิ’’นฺติอาทินา ทส ปฺเห ปุจฺฉิ. โสปิ สตฺถุ อธิปฺปายํ คณฺหนฺโต สพฺพฺุตฺาเณน สํสนฺเทนฺโต ‘‘สพฺเพ สตฺตา อาหารฏฺิติกา’’ติอาทินา (ขุ. ปา. ๔.๑) เต ปฺเห วิสฺสชฺเชสิ. เตเนว เต กุมารปฺหา นาม ชาตา. สตฺถา ตสฺส ปฺหพฺยากรเณน อาราธิตจิตฺโต อุปสมฺปทํ อนุชานิ. เตน สา ปฺหพฺยากรณูปสมฺปทา นาม ชาตา. ตสฺสิมํ อตฺตโน ปวตฺตึ ปกาเสตฺวา เถโร อฺํ พฺยากโรนฺโต –

๔๘๐.

‘‘ทิสฺวา ปาสาทฉายายํ, จงฺกมนฺตํ นรุตฺตมํ;

ตตฺถ นํ อุปสงฺกมฺม, วนฺทิสฺสํ ปุริสุตฺตมํ.

๔๘๑.

‘‘เอกํสํ จีวรํ กตฺวา, สํหริตฺวาน ปาณโย;

อนุจงฺกมิสฺสํ วิรชํ, สพฺพสตฺตานมุตฺตมํ.

๔๘๒.

‘‘ตโต ปฺเห อปุจฺฉิ มํ, ปฺหานํ โกวิโท วิทู;

อจฺฉมฺภี จ อภีโต จ, พฺยากาสึ สตฺถุโน อหํ.

๔๘๓.

‘‘วิสฺสชฺชิเตสุ ปฺเหสุ, อนุโมทิ ตถาคโต;

ภิกฺขุสงฺฆํ วิโลเกตฺวา, อิมมตฺถํ อภาสถ.

๔๘๔.

‘‘‘ลาภา องฺคานํ มคธานํ, เยสายํ ปริภุฺชติ;

จีวรํ ปิณฺฑปาตฺจ, ปจฺจยํ สยนาสนํ;

ปจฺจุฏฺานฺจ สามีจึ, เตสํ ลาภา’ติ จาพฺรวิ.

๔๘๕.

‘‘‘อชฺชทคฺเค มํ โสปาก, ทสฺสนาโยปสงฺกม;

เอสา เจว เต โสปาก, ภวตุ อุปสมฺปทา’’’.

๔๘๖.

‘‘ชาติยา สตฺตวสฺเสน, ลทฺธาน อุปสมฺปทํ;

ธาเรมิ อนฺติมํ เทหํ, อโห ธมฺมสุธมฺมตา’’ติ. – อิมา คาถา อภาสิ;

ตตฺถ ปาสาทฉายายนฺติ คนฺธกุฏิจฺฉายายํ. วนฺทิสฺสนฺติ, อภิวนฺทึ.

สํหริตฺวาน ปาณโยติ อุโภ หตฺเถ กมลมกุฬากาเรน สงฺคเต กตฺวา, อฺชลึ ปคฺคเหตฺวาติ อตฺโถ. อนุจงฺกมิสฺสนฺติ จงฺกมนฺตสฺส สตฺถุโน อนุปจฺฉโต อนุคมนวเสน จงฺกมึ. วิรชนฺติ วิคตราคาทิรชํ.

ปฺเหติ กุมารปฺเห. วิทูติ เวทิตพฺพํ วิทิตวา, สพฺพฺูติ อตฺโถ. ‘‘สตฺถา มํ ปุจฺฉตี’’ติ อุปฺปชฺชนกสฺส ฉมฺภิตตฺตสฺส ภยสฺส จ เสตุฆาเตน ปหีนตฺตา อจฺฉมฺภีอภีโต จ พฺยากาสิ.

เยสายนฺติ เยสํ องฺคมคธานํ อยํ โสปาโก. ปจฺจยนฺติ คิลานปจฺจยํ. สามีจินฺติ มคฺคทานพีชนาทิสามีจิกิริยํ.

อชฺชทคฺเคติ ท-กาโร ปทสนฺธิกโร, อชฺช อคฺเค อาทึ กตฺวา, อชฺช ปฏฺาย. ‘‘อชฺชตคฺเค’’ติปิ ปาฬิ, อชฺชตํ อาทึ กตฺวาติ อตฺโถ. ทสฺสนาโยปสงฺกมาติ ‘‘หีนชจฺโจ, วยสา ตรุณตโร’’ติ วา อจินฺเตตฺวา ทสฺสนาย มํ อุปสงฺกม. เอสา เจวาติ ยา ตสฺส มม สพฺพฺุตฺาเณน สทฺธึ สํสนฺเทตฺวา กตา ปฺหวิสฺสชฺชนา. เอสาเยว เต ภวตุ อุปสมฺปทา อิติ จ อพฺรวีติ โยชนา. ‘‘ลทฺธา เม อุปสมฺปทา’’ติปิ ปาฬิ. เย ปน ‘‘ลทฺธาน อุปสมฺปท’’นฺติปิ ปนฺติ, เตสํ สตฺตวสฺเสนาติ สตฺตเมน วสฺเสนาติ อตฺโถ, สตฺตวสฺเสน วา หุตฺวาติ วจนเสโส. ยํ ปเนตฺถ อวุตฺตํ, ตํ สุวิฺเยฺยเมว.

โสปากตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. สรภงฺคตฺเถรคาถาวณฺณนา

สเร หตฺเถหีติอาทิกา อายสฺมโต สรภงฺคตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินิตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคเห อฺตรสฺส พฺราหฺมณสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, อนภิลกฺขิโตติสฺส กุลวํสาคตํ นามํ อโหสิ. โส วยปฺปตฺโต กาเม ปหาย ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา สรติณานิ สยเมว ภฺชิตฺวา ปณฺณสาลํ กตฺวา วสติ. ตโต ปฏฺาย สรภงฺโคติสฺส สมฺา อโหสิ. อถ ภควา พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกนฺโต ตสฺส อรหตฺตูปนิสฺสยํ ทิสฺวา, ตตฺถ คนฺตฺวา, ธมฺมํ เทเสสิ. โส ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปตฺวา ตตฺเถว วสติ. อถสฺส ตาปสกาเล กตา ปณฺณสาลา ชิณฺณา ปลุคฺคา อโหสิ. ตํ ทิสฺวา มนุสฺสา ‘‘กิสฺส, ภนฺเต, อิมํ กุฏิกํ น ปฏิสงฺขโรถา’’ติ อาหํสุ. เถโร ‘‘กุฏิกา ยถา ตาปสกาเล กตา, อิทานิ ตถา กาตุํ น สกฺกา’’ติ ตํ สพฺพํ ปกาเสนฺโต –

๔๘๗.

‘‘สเร หตฺเถหิ ภฺชิตฺวา, กตฺวาน กุฏิมจฺฉิสํ;

เตน เม สรภงฺโคติ, นามํ สมฺมุติยา อหุ.

๔๘๘.

‘‘น มยฺหํ กปฺปเต อชฺช, สเร หตฺเถหิ ภฺชิตุํ;

สิกฺขาปทา โน ปฺตฺตา, โคตเมน ยสสฺสินา’’ติ. – ทฺเว คาถา อภาสิ;

ตตฺถ สเร หตฺเถหิ ภฺชิตฺวาติ, ปุพฺเพ ตาปสกาเล สรติณานิ มม หตฺเถหิ ฉินฺทิตฺวา ติณกุฏึ กตฺวา อจฺฉิสํ วสึ, นิสีทิฺเจว นิปชฺชิฺจ. เตนาติ กุฏิกรณตฺถํ สรานํ ภฺชเนน. สมฺมุติยาติ อนฺวตฺถสมฺมุติยา สรภงฺโคติ, นามํ อหุ อโหสิ.

น มยฺหํ กปฺปเต อชฺชาติ อชฺช อิทานิ อุปสมฺปนฺนสฺส มยฺหํ สเร สรติเณ หตฺเถหิ ภฺชิตุํ น กปฺปเต น วฏฺฏติ. กสฺมา? สิกฺขาปทา โน ปฺตฺตา, โคตเมน ยสสฺสินาติ. เตน ยํ อมฺหากํ สตฺถารา สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ, ตํ มยํ ชีวิตเหตุนาปิ นาติกฺกมามาติ ทสฺเสติ.

เอวํ เอเกน ปกาเรน ติณกุฏิกาย อปฏิสงฺขรเณ การณํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อปเรนปิ ปริยาเยน นํ ทสฺเสนฺโต –

๔๘๙.

‘‘สกลํ สมตฺตํ โรคํ, สรภงฺโค นาทฺทสํ ปุพฺเพ;

โสยํ โรโค ทิฏฺโ, วจนกเรนาติเทวสฺสา’’ติ. – อิมํ คาถมาห;

ตตฺถ สกลนฺติ สพฺพํ. สมตฺตนฺติ สมฺปุณฺณํ, สพฺพภาคโต อนวเสสนฺติ อตฺโถ. โรคนฺติ ทุกฺขทุกฺขตาทิวเสน รุชนฏฺเน โรคภูตํ อุปาทานกฺขนฺธปฺจกํ สนฺธาย วทติ. นาทฺทสํ ปุพฺเพติ สตฺถุ โอวาทปฏิลาภโต ปุพฺเพ น อทฺทกฺขึ. โสยํ โรโค ทิฏฺโ, วจนกเรนาติเทวสฺสาติ สมฺมุติเทวา อุปปตฺติเทวา วิสุทฺธิเทวาติ สพฺเพปิ เทเว อตฺตโน สีลาทิคุเณหิ อติกฺกมิตฺวา ิตตฺตา อติเทวสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส โอวาทปฏิกเรน สรภงฺเคน โส อยํ ขนฺธปฺจกสงฺขาโต โรโค วิปสฺสนาปฺาสหิตาย มคฺคปฺาย ปฺจกฺขนฺธโต ทิฏฺโ, ปริฺาโตติ อตฺโถ. เอเตน เอวํ อตฺตภาวกุฏิกายมฺปิ อนเปกฺโข พาหิรํ ติณกุฏิกํ กถํ ปฏิสงฺขริสฺสตีติ ทสฺเสติ.

อิทานิ ยํ มคฺคํ ปฏิปชฺชนฺเตน มยา อยํ อตฺตภาวโรโค ยาถาวโต ทิฏฺโ, สฺวายํ มคฺโค สพฺพพุทฺธสาธารโณ. เยน เนสํ โอวาทธมฺโมปิ มชฺเฌ ภินฺนสุวณฺณสทิโส ยตฺถาหํ ปติฏฺาย ทุกฺขกฺขยํ ปตฺโตติ เอวํ อตฺตโน อรหตฺตปฏิปตฺตึ พฺยากโรนฺโต –

๔๙๐.

‘‘เยเนว มคฺเคน คโต วิปสฺสี, เยเนว มคฺเคน สิขี จ เวสฺสภู;

กกุสนฺธโกณาคมโน จ กสฺสโป, เตนฺชเสน อคมาสิ โคตโม.

๔๙๑.

‘‘วีตตณฺหา อนาทานา, สตฺต พุทฺธา ขโยคธา;

เยหายํ เทสิโต ธมฺโม, ธมฺมภูเตหิ ตาทิภิ.

๔๙๒.

‘‘จตฺตาริ อริยสจฺจานิ, อนุกมฺปาย ปาณินํ;

ทุกฺขํ สมุทโย มคฺโค, นิโรโธ ทุกฺขสงฺขโย.

๔๙๓.

‘‘ยสฺมึ นิวตฺตเต ทุกฺขํ, สํสารสฺมึ อนนฺตกํ;

เภทา อิมสฺส กายสฺส, ชีวิตสฺส จ สงฺขยา;

อฺโ ปุนพฺภโว นตฺถิ, สุวิมุตฺโตมฺหิ สพฺพธี’’ติ. –

อิมา คาถา อภาสิ –

ตตฺถ เยเนว มคฺเคนาติ เยเนว สปุพฺพภาเคน อริเยน อฏฺงฺคิเกน มคฺเคน. คโตติ ปฏิปนฺโน นิพฺพานํ อธิคโต. วิปสฺสีติ วิปสฺสี สมฺมาสมฺพุทฺโธ. กกุสนฺธาติ อวิภตฺติโก นิทฺเทโส. ‘‘กกุสนฺธโกณาคมนา’’ติปิ ปาโ. เตนฺชเสนาติ เตเนว อฺชเสน อริยมคฺเคน.

อนาทานาติ อนุปาทานา อปฺปฏิสนฺธิกา วา. ขโยคธาติ นิพฺพาโนคธา นิพฺพานปติฏฺา. เยหายํ เทสิโต ธมฺโมติ เยหิ สตฺตหิ สมฺมาสมฺพุทฺเธหิ อยํ สาสนธมฺโม เทสิโต ปเวทิโต. ธมฺมภูเตหีติ ธมฺมกายตาย ธมฺมสภาเวหิ, นวโลกุตฺตรธมฺมโต วา ภูเตหิ ชาเตหิ, ธมฺมํ วา ปตฺเตหิ. ตาทิภีติ, อิฏฺาทีสุ ตาทิภาวปฺปตฺเตหิ.

‘‘จตฺตาริ อริยสจฺจานี’’ติอาทินา เตหิ เทสิตํ ธมฺมํ ทสฺเสติ. ตตฺถ จตฺตารีติ คณนปริจฺเฉโท. อริยสจฺจานีติ ปริจฺฉินฺนธมฺมทสฺสนํ. วจนตฺถโต ปน อริยานิ จ อวิตถฏฺเน สจฺจานิ จาติ อริยสจฺจานิ, อริยสฺส วา ภควโต สจฺจานิ เตน เทสิตตฺตา, อริยภาวกรานิ วา สจฺจานีติ อริยสจฺจานิ. กุจฺฉิตภาวโต ตุจฺฉภาวโต จ ทุกฺขํ, อุปาทานกฺขนฺธปฺจกํ. ตํ ทุกฺขํ สมุเทติ เอตสฺมาติ สมุทโย, ตณฺหา. กิเลเส มาเรนฺโต คจฺฉติ, นิพฺพานตฺถิเกหิ มคฺคียตีติ วา มคฺโค, สมฺมาทิฏฺิอาทโย อฏฺ ธมฺมา. สํสารจารกสงฺขาโต นตฺถิ เอตฺถ โรโธ, เอตสฺมึ วา อธิคเต ปุคฺคลสฺส โรธาภาโว โหติ, นิรุชฺฌติ ทุกฺขเมตฺถาติ วา นิโรโธ, นิพฺพานํ. เตนาห ‘‘ทุกฺขสงฺขโย’’ติ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ.

ยสฺมินฺติ ยสฺมึ นิโรเธ นิพฺพาเน อธิคเต. นิวตฺตเตติ อริยมคฺคภาวนาย สติ อนนฺตกํ อปริยนฺตํ อิมสฺมึ สํสาเร ชาติอาทิทุกฺขํ น ปวตฺตติ อุจฺฉิชฺชติ, โส นิโรโธติ อยํ ธมฺมภูเตหิ สมฺมาสมฺพุทฺเธหิ เทสิโต ธมฺโมติ โยชนา. ‘‘เภทา’’ติอาทินา ‘‘โรโค ทิฏฺโ’’ติ ทุกฺขปริฺาย สูจิตํ อตฺตโน อรหตฺตปฺปตฺตึ สรูปโต ทสฺเสติ. ‘‘ยสฺมึ นิพฺพตฺตเต ทุกฺข’’นฺติ ปน ปาเ สกลคาถาย ตตฺถายํ โยชนา – ยสฺมึ ขนฺธาทิปฏิปาฏิสฺิเต สํสาเร อิทํ อนนฺตกํ ชาติอาทิทุกฺขํ นิพฺพตฺตํ, โส อิโต ทุกฺขปฺปตฺติโต อฺโ ปุนปฺปุนํ ภวนภาวโต ปุนพฺภโว. อิมสฺส ชีวิตินฺทฺริยสฺส สงฺขยา กายสงฺขาตสฺส ขนฺธปฺจกสฺส เภทา วินาสา อุทฺธํ นตฺถิ, ตสฺมา สพฺพธิ สพฺเพหิ กิเลเสหิ สพฺเพหิ ภเวหิ สุฏฺุ วิมุตฺโต วิสํยุตฺโต อมฺหีติ.

สรภงฺคตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

สตฺตกนิปาตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. อฏฺกนิปาโต

๑. มหากจฺจายนตฺเถรคาถาวณฺณนา

อฏฺกนิปาเต กมฺมํ พหุกนฺติอาทิกา อายสฺมโต มหากจฺจายนตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล คหปติมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วุทฺธิปฺปตฺโต, เอกทิวสํ สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุณนฺโต สตฺถารา สํขิตฺเตน ภาสิตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ วิภชนฺตานํ อคฺคฏฺาเน ปิยมานํ เอกํ ภิกฺขุํ ทิสฺวา, สยมฺปิ ตํ านํ ปตฺเถนฺโต ปณิธานํ กตฺวา, ทานาทีนิ ปุฺานิ กตฺวา, เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต สุเมธสฺส ภควโต กาเล วิชฺชาธโร หุตฺวา อากาเสน คจฺฉนฺโต สตฺถารํ หิมวนฺตปพฺพเต เอกสฺมึ วนสณฺเฑ นิสินฺนํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส กณิการปุปฺเผหิ ปูชํ อกาสิ.

โส เตน ปุฺกมฺเมน อปราปรํ สุคตีสุเยว ปริวตฺเตนฺโต กสฺสปทสพลสฺส กาเล พาราณสิยํ กุลฆเร นิพฺพตฺติตฺวา ปรินิพฺพุเต ภควติ สุวณฺณเจติยกรณฏฺาเน สตสหสฺสคฺฆนิกาย สุวณฺณิฏฺกาย ปูชํ กตฺวา, ‘‘ภควา มยฺหํ นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน สรีรํ สุวณฺณวณฺณํ โหตู’’ติ ปตฺถนํ อกาสิ.

ตโต ยาวชีวํ กุสลกมฺมํ กตฺวา เอกํ พุทฺธนฺตรํ เทวมนุสฺเสสุ สํสริตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท อุชฺเชนิยํ รฺโ จณฺฑปชฺโชตสฺส ปุโรหิตเคเห นิพฺพตฺติ. ตสฺส นามคฺคหณทิวเส มาตา ‘‘มยฺหํ ปุตฺโต สุวณฺณวณฺโณ, อตฺตโน นามํ คเหตฺวา อาคโต’’ติ กฺจนมาณโว ตฺเวว นามํ อกาสิ. โส วุฑฺฒิมนฺวาย ตโย เวเท อุคฺคเหตฺวา ปิตุ อจฺจเยน ปุโรหิตฏฺานํ ลภิ. โส โคตฺตวเสน กจฺจายโนติ ปฺายิตฺถ. ตํ ราชา จณฺฑปชฺโชโต พุทฺธุปฺปาทํ สุตฺวา, ‘‘อาจริย, ตฺวํ ตตฺถ คนฺตฺวา สตฺถารํ อิธาเนหี’’ติ เปเสสิ. โส อตฺตฏฺโม สตฺถุ สนฺติกํ อุปคโต. ตสฺส สตฺถา ธมฺมํ เทเสติ. เทสนาปริโยสาเน โส สตฺตหิ ชเนหิ สทฺธึ สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺเต ปติฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๔.๑-๒๗) –

‘‘ปทุมุตฺตโร นาม ชิโน, อเนโช อชิตํ ชโย;

สตสหสฺเส กปฺปานํ, อิโต อุปฺปชฺชิ นายโก.

‘‘วีโร กมลปตฺตกฺโข, สสงฺกวิมลานโน;

กนกาจลสงฺกาโส, รวิทิตฺติสมปฺปโภ.

‘‘สตฺตเนตฺตมโนหารี, วรลกฺขณภูสิโต;

สพฺพวากฺยปถาตีโต, มนุชามรสกฺกโต.

‘‘สมฺพุทฺโธ โพธยํ สตฺเต, วาคีโส มธุรสฺสโร;

กรุณานิพนฺธสนฺตาโน, ปริสาสุ วิสารโท.

‘‘เทเสติ มธุรํ ธมฺมํ, จตุสจฺจูปสํหิตํ;

นิมุคฺเค โมหปงฺกมฺหิ, สมุทฺธรติ ปาณิเน.

‘‘ตทา เอกจโร หุตฺวา, ตาปโส หิมวาลโย;

นภสา มานุสํ โลกํ, คจฺฉนฺโต ชินมทฺทสํ.

‘‘อุเปจฺจ สนฺติกํ ตสฺส, อสฺโสสึ ธมฺมเทสนํ;

วณฺณยนฺตสฺส วีรสฺส, สาวกสฺส มหาคุณํ.

‘‘สํขิตฺเตน มยา วุตฺตํ, วิตฺถาเรน ปกาสยํ;

ปริสํ มฺจ โตเสติ, ยถา กจฺจายโน อยํ.

‘‘นาหํ เอวมิเธกจฺจํ, อฺํ ปสฺสามิ สาวกํ;

ตสฺมาตทคฺเค เอสคฺโค, เอวํ ธาเรถ ภิกฺขโว.

‘‘ตทาหํ วิมฺหิโต หุตฺวา, สุตฺวา วากฺยํ มโนรมํ;

หิมวนฺตํ คมิตฺวาน, อาหิตฺวา ปุปฺผสฺจยํ.

‘‘ปูเชตฺวา โลกสรณํ, ตํ านมภิปตฺถยึ;

ตทา มมาสยํ ตฺวา, พฺยากาสิ ส รณฺชโห.

‘‘ปสฺสเถตํ อิสิวรํ, นิทฺธนฺตกนกตฺตจํ;

อุทฺธคฺคโลมํ ปีณํสํ, อจลํ ปฺชลึ ิตํ.

‘‘หาสํ สุปุณฺณนยนํ, พุทฺธวณฺณคตาสยํ;

ธมฺมชํ อุคฺคหทยํ, อมตาสิตฺตสนฺนิภํ.

‘‘กจฺจานสฺส คุณํ สุตฺวา, ตํ านํ ปตฺถยํ ิโต;

อนาคตมฺหิ อทฺธาเน, โคตมสฺส มหามุเน.

‘‘ตสฺส ธมฺเมสุ ทายาโท, โอรโส ธมฺมนิมฺมิโต;

กจฺจาโน นาม นาเมน, เหสฺสติ สตฺถุ สาวโก.

‘‘พหุสฺสุโต มหาาณี, อธิปฺปายวิทู มุเน;

ปาปุณิสฺสติ ตํ านํ, ยถายํ พฺยากโต มยา.

‘‘สตสหสฺสิโต กปฺเป, ยํ กมฺมมกรึ ตทา;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘ทุเว ภเว สํสรามิ, เทวตฺเต อถ มานุเส;

อฺํ คตึ น คจฺฉามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘ทุเว กุเล ปชายามิ, ขตฺติเย อถ พฺราหฺมเณ;

นีเจ กุเล น ชายามิ, พุทฺธปูชายิทํ ผลํ.

‘‘ปจฺฉิเม จ ภเว ทานิ, ชาโต อุชฺเชนิยํ ปุเร;

ปชฺโชตสฺส จ จณฺฑสฺส, ปุโรหิตทิชาธิโน.

‘‘ปุตฺโต ติริฏิวจฺฉสฺส, นิปุโณ เวทปารคู;

มาตา จ จนฺทิมา นาม, กจฺจาโนหํ วรตฺตโจ.

‘‘วีมํสนตฺถํ พุทฺธสฺส, ภูมิปาเลน เปสิโต;

ทิสฺวา โมกฺขปุรทฺวารํ, นายกํ คุณสฺจยํ.

‘‘สุตฺวา จ วิมลํ วากฺยํ, คติปงฺกวิโสสนํ;

ปาปุณึ อมตํ สนฺตํ, เสเสหิ สห สตฺตหิ.

‘‘อธิปฺปายวิทู ชาโต, สุคตสฺส มหามเต.

ปิโต เอตทคฺเค จ, สุสมิทฺธมโนรโถ.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อถ สตฺถา ‘‘เอถ, ภิกฺขโว’’ติ หตฺถํ ปสาเรสิ. เต ตาวเทว ทฺวงฺคุลมตฺตเกสมสฺสุกา อิทฺธิมยปตฺตจีวรธรา วสฺสสฏฺิกตฺเถรา วิย อเหสุํ. เอวํ เถโร สทตฺถํ นิปฺผาเทตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ราชา ปชฺโชโต ตุมฺหากํ ปาเท วนฺทิตุํ ธมฺมฺจ โสตุํ อิจฺฉตี’’ติ สตฺถุ อาโรเจสิ. สตฺถา, ‘‘ตฺวํเยว, ภิกฺขุ, ตตฺถ คจฺฉ, ตยิ คเตปิ ราชา ปสีทิสฺสตี’’ติ อาห. เถโร สตฺถุ อาณาย อตฺตฏฺโม ตตฺถ คนฺตฺวา ราชานํ ปสาเทตฺวา อวนฺตีสุ สาสนํ ปติฏฺาเปตฺวา ปุน สตฺถุ สนฺติกเมว คโต. โส เอกทิวสํ สมฺพหุเล ภิกฺขู สมณธมฺมํ ปหาย กมฺมาราเม สงฺคณิการาเม รสตณฺหานุคเต จ ปมาทวิหาริโน ทิสฺวา เตสํ โอวาทวเสน –

๔๙๔.

‘‘กมฺมํ พหุกํ น การเย, ปริวชฺเชยฺย ชนํ น อุยฺยเม;

โส อุสฺสุกฺโก รสานุคิทฺโธ, อตฺถํ ริฺจติ โย สุขาธิวาโห.

๔๙๕.

‘‘ปงฺโกติ หิ นํ อเวทยุํ, ยายํ วนฺทนปูชนา กุเลสุ;

สุขุมํ สลฺลํ ทุรุพฺพหํ, สกฺกาโร กาปุริเสน ทุชฺชโห’’ติ. –

ทฺเว คาถา อภาสิ.

ตตฺถ กมฺมํ พหุกํ น การเยติ นวาวาสการาปนาทึ สมณธมฺมกรณสฺส ปริพนฺธภูตํ มหนฺตํ นวกมฺมํ น ปฏฺเปยฺย, ขุทฺทกํ อปฺปสมารมฺภํ ขณฺฑผุลฺลปฏิสงฺขรณาทึ สตฺถุ วจนปฏิปูชนตฺถํ กาตพฺพเมว. ปริวชฺเชยฺย ชนนฺติ คณสงฺคณิกวเสน ชนํ วิวชฺเชยฺย. ชนนฺติ วา ยาทิสํ สํเสวโต ภชโต ปยิรุปาสโต กุสลา ธมฺมา ปริหายนฺติ, อกุสลา ธมฺมา อภิวฑฺฒนฺติ, ตาทิสํ อกลฺยาณมิตฺตภูตํ ชนํ ปริวชฺเชยฺย. น อุยฺยเมติ, ปจฺจยุปฺปาทนตฺถํ กุลสงฺคณฺหนวเสน น วายเมยฺย, ยสฺมา โส อุสฺสุกฺโก รสานุคิทฺโธ, อตฺถํ ริฺจติ โย สุขาธิวาโหติ โย รสานุคิทฺโธ รสตณฺหาวสิโก ภิกฺขุ ปจฺจยุปฺปาทนปสุโต, โส กุลสงฺคณฺหนตฺถํ อุสฺสุกฺโก, เตสุ สุขิเตสุ สุขิโต, ทุกฺขิเตสุ ทุกฺขิโต, อุปฺปนฺเนสุ กิจฺจกรณีเยสุ อตฺตนา โยคํ อาปชฺชติ, โย สุขาธิวาโห สมถวิปสฺสนามคฺคผลนิพฺพานสุขาวโห สีลาทิอตฺโถ, ตํ ริฺจติ ปชหติ เอกํเสน อตฺตานํ ตโต วิเวเจตีติ อตฺโถ.

เอวํ ปมคาถาย ‘‘กมฺมารามตํ สงฺคณิการามตํ ปจฺจยเคธฺจ วชฺเชถา’’ติ โอวทิตฺวา อิทานิ สกฺการาภิลาสํ ครหนฺโต ทุติยํ คาถมาห. ตสฺสตฺโถ – ยา อยํ ภิกฺขาย อุปคตานํ ปพฺพชิตานํ กุเลสุ เคหวาสีหิ คุณสมฺภาวนาย กรียมานา วนฺทนา ปูชนา จ, ยสฺมา ตํ อภาวิตตฺตานํ โอสีทาปนฏฺเน มลินภาวกรณฏฺเน จ ปงฺโก กทฺทโมติ พุทฺธาทโย อริยา ปเวทยุํ อพฺภฺํสุ ปเวเทสุํ วา, ยสฺมา จ อปริฺาตกฺขนฺธานํ อนฺธปุถุชฺชนานํ สกฺการาภิลาสํ ทุวิฺเยฺยสภาวตาย ปีฬาชนนโต อนฺโต ตุทนโต ทุรุทฺธรณโต จ สุขุมํ สลฺลํ ทุรุพฺพหํ ปเวทยุํ, ตโต เอว สกฺกาโร กาปุริเสน ทุชฺชโห ทุปฺปชเหยฺโย ตสฺส ปหานปฏิปตฺติยา อปฺปฏิปชฺชนโต. สกฺการาภิลาสปฺปหาเนน หิ สกฺกาโร ปหีโน โหติ, ตสฺมา ตสฺส ปหานาย อาโยโค กรณีโยติ ทสฺเสติ –

๔๙๖.

‘‘น ปรสฺสุปนิธาย, กมฺมํ มจฺจสฺส ปาปกํ;

อตฺตนา ตํ น เสเวยฺย, กมฺมพนฺธู หิ มาติยา.

๔๙๗.

‘‘น ปเร วจนา โจโร, น ปเร วจนา มุนิ;

อตฺตา จ นํ ยถา เวทิ, เทวาปิ นํ ตถา วิทู.

๔๙๘.

‘‘ปเร จ น วิชานนฺติ, มยเมตฺถ ยมามเส;

เย จ ตตฺถ วิชานนฺติ, ตโต สมฺมนฺติ เมธคา.

๔๙๙.

‘‘ชีวเต วาปิ สปฺปฺโ, อปิ วิตฺตปริกฺขโย;

ปฺาย จ อลาเภน, วิตฺตวาปิ น ชีวติ.

๕๐๐.

‘‘สพฺพํ สุณาติ โสเตน, สพฺพํ ปสฺสติ จกฺขุนา;

น จ ทิฏฺํ สุตํ ธีโร, สพฺพํ อุชฺฌิตุมรหติ.

๕๐๑.

‘‘จกฺขุมาสฺส ยถา อนฺโธ, โสตวา พธิโร ยถา;

ปฺวาสฺส ยถา มูโค, พลวา ทุพฺพโลริว;

อถ อตฺเถ สมุปฺปนฺเน, สเยถ มตสายิก’’นฺติ. –

อิมา ฉ คาถา รฺโ ปชฺโชตสฺส โอวาทวเสน อภาสิ. โส กิร พฺราหฺมเณ สทฺทหิตฺวา ปสุฆาตยฺํ กาเรติ, กมฺมํ อโสเธตฺวาว อโจเร โจรสฺาย ทณฺเฑสิ, อฏฺฏกรเณ จ อสฺสามิเก สามิเก กโรติ, สามิเก จ อสฺสามิเก. ตโต นํ เถโร วิเวเจตุํ ‘‘น ปรสฺสา’’ติอาทินา ฉ คาถา อภาสิ.

ตตฺถ น ปรสฺสุปนิธาย, กมฺมํ มจฺจสฺส ปาปกนฺติ ปรสฺส มจฺจสฺส สตฺตสฺส อุปนิธาย อุทฺทิสฺส การณํ กตฺวา ปาปกํ วธพนฺธาทิกมฺมํ น เสเวยฺย, ปเรน น การาเปยฺยาติ อตฺโถ. อตฺตนา ตํ น เสเวยฺยาติ อตฺตนาปิ ตํ ปาปกํ น กเรยฺย. กสฺมา? กมฺมพนฺธู หิ มาติยา อิเม มาติยา มจฺจา กมฺมทายาทา, ตสฺมา อตฺตนา จ กิฺจิ ปาปกมฺมํ น กเรยฺย, ปเรนปิ น การาเปยฺยาติ อตฺโถ.

น ปเร วจนา โจโรติ อตฺตนา โจริยํ อกตฺวา ปรวจนา ปรสฺส วจนมตฺเตน โจโร นาม น โหติ, ตถา น ปเร วจนา มุนิ ปรสฺส วจนมตฺเตน มุนิ สุวิสุทฺธกายวจีมโนสมาจาโร น โหติ. เอตฺถ หิ ปเรติ วิภตฺติอโลปํ กตฺวา นิทฺเทโส. เกจิ ปน ‘‘ปเรสนฺติ วตฺตพฺเพ ปเรติ สํ-การโลปํ กตฺวา นิทฺทิฏฺ’’นฺติ วทนฺติ. อตฺตา จ นํ ยถา เวทีติ นํ สตฺตํ ตสฺส อตฺตา จิตฺตํ ยถา ‘‘อหํ ปริสุทฺโธ, อปริสุทฺโธ วา’’ติ ยาถาวโต อเวทิ ชานาติ. เทวาปิ นํ ตถา วิทูติ วิสุทฺธิเทวา, อุปปตฺติเทวา จ ตถา วิทู วิทนฺติ ชานนฺติ, ตสฺมา สยํ ตาทิสา เทวา จ ปมาณํ สุทฺธาสุทฺธานํ สุทฺธาสุทฺธภาวชานเน, น เย เกจิ อิจฺฉาโทสปเรตา สตฺตาติ อธิปฺปาโย.

ปเรติ ปณฺฑิเต เปตฺวา ตโต อฺเ, กุสลากุสลสาวชฺชานวชฺชํ กมฺมํ กมฺมผลํ กายสฺส อสุภตํ สงฺขารานํ อนิจฺจตํ อชานนฺตา อิธ ปเร นาม. เต มยเมตฺถ อิมสฺมึ ชีวโลเก ยมาม อุปรมาม, ‘‘สตตํ สมิตํ มจฺจุ สนฺติกํ คจฺฉามา’’ติ น ชานนฺติ. เย จ ตตฺถ วิชานนฺตีติ เย จ ตตฺถ ปณฺฑิตา ‘‘มยํ มจฺจุ สมีปํ คจฺฉามา’’ติ วิชานนฺติ. ตโต สมฺมนฺติ เมธคาติ เอวฺหิ เต ชานนฺตา เมธคานํ ปรวิหึสนานํ วูปสมาย ปฏิปชฺชนฺติ, อตฺตนา ปเร จ อฺเ น เมธนฺติ น พาเธนฺตีติ อตฺโถ. ตฺวํ ปน ชีวิตนิมิตฺตํ อโจเร โจเร กโรนฺโตปิ ทณฺฑเนน สามิเก อสฺสามิเก กโรนฺโตปิ ธนชานิยา พาธสิ ปฺาเวกลฺลโต. ตถา อกโรนฺโตปิ ชีวเต วาปิ สปฺปฺโ, อปิ วิตฺตปริกฺขโย ปริกฺขีณธโนปิ สปฺปฺชาติโก อิตรีตรสนฺโตเสน สนฺตุฏฺโ อนวชฺชาย ชีวิกาย ชีวติเยว. ตสฺส หิ ชีวิตํ นาม. เตนาห ภควา – ‘‘ปฺาชีวึ ชีวิตมาหุ เสฏฺ’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๗๓, ๒๔๖; สุ. นิ. ๑๘๔). ทุมฺเมธปุคฺคโล ปน ปฺาย จ อลาเภน ทิฏฺธมฺมิกํ สมฺปรายิกฺจ อตฺถํ วิราเธนฺโต วิตฺตวาปิ น ชีวติ ครหาทิปวตฺติยา ชีวนฺโต นาม น โหติ, อนุปายฺุตาย ยถาธิคตํ ธนํ นาเสนฺโต ชีวิตมฺปิ สนฺธาเรตุํ น สกฺโกติเยว.

อิมา กิร จตสฺโสปิ คาถา เถโร สุปินนฺเตน รฺโ กเถสิ. ราชา สุปินํ ทิสฺวา เถรํ นมสฺสนฺโตเยว ปพุชฺฌิตฺวา ปภาตาย รตฺติยา เถรํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา อตฺตนา ทิฏฺนิยาเมน สุปินํ กเถสิ. ตํ สุตฺวา เถโร ตา คาถา ปจฺจุนุภาสิตฺวา ‘‘สพฺพํ สุณาตี’’ติอาทินา ทฺวีหิ คาถาหิ ราชานํ โอวทิ. ตตฺถ สพฺพํ สุณาติ โสเตนาติ อิธ โสตพฺพํ สทฺทํ อาปาถคตํ สพฺพํ สุภาสิตํ ทุพฺภาสิตฺจ อพธิโร โสเตน สุณาติ. ตถา สพฺพํ รูปํ สุนฺทรํ อสุนฺทรมฺปิ จกฺขุนา อนนฺโธ ปสฺสติ, อยมินฺทฺริยานํ สภาโว. ตตฺถ ปน น จ ทิฏฺํ สุตํ ธีโร, สพฺพํ อุชฺฌิตุนฺติ จ นิทสฺสนมตฺตเมตํ. ยฺหิ ตํ ทิฏฺํ สุตํ วา, น ตํ สพฺพํ ธีโร สปฺปฺโ อุชฺฌิตุํ ปริจฺจชิตุํ คเหตุํ วา อรหติ. คุณาคุณํ ปน ตตฺถ อุปปริกฺขิตฺวา อุชฺฌิตพฺพเมว อุชฺฌิตุํ คเหตพฺพฺจ คเหตุํ อรหติ, ตสฺมา จกฺขุมาสฺส ยถา อนฺโธ จกฺขุมาปิ สมาโน อุชฺฌิตพฺเพ ทิฏฺเ อนฺโธ ยถา อสฺส อปสฺสนฺโต วิย ภเวยฺย, ตถา อุชฺฌิตพฺเพ สุเต โสตวาปิ พธิโร ยถา อสฺส อสุณนฺโต วิย ภเวยฺย. ปฺวาสฺส ยถา มูโคติ วิจารณปฺาย ปฺวา วจนกุสโลปิ อวตฺตพฺเพ มูโค วิย ภเวยฺย. พลวา ถามสมฺปนฺโนปิ อกตฺตพฺเพ ทุพฺพโลริว, รกาโร ปทสนฺธิกโร, อสมตฺโถ วิย ภเวยฺย. อถ อตฺเถ สมุปฺปนฺเน, สเยถ มตสายิกนฺติ อตฺตนา กาตพฺพกิจฺเจ อุปฺปนฺเน อุปฏฺิเต มตสายิกํ สเยถ, มตสายิกํ สยิตฺวาปิ ตํ กิจฺจํ ตีเรตพฺพเมว, น วิราเธตพฺพํ. อถ วา อถ อตฺเถ สมุปฺปนฺเนติ อตฺตนา อกรณีเย อตฺเถ กิจฺเจ อุปฺปนฺเน อุปฏฺิเต มตสายิกํ สเยถ, มตสายิกํ สยิตฺวาปิ ตํ น กาตพฺพเมว. น หิ ปณฺฑิโต อยุตฺตํ กาตุมรหตีติ เอวํ เถเรน โอวทิโต ราชา อกตฺตพฺพํ ปหาย กาตพฺเพเยว ยุตฺตปฺปยุตฺโต อโหสีติ.

มหากจฺจายนตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. สิริมิตฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา

อกฺโกธโนติอาทิกา อายสฺมโต สิริมิตฺตตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินิตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคเห มหทฺธนกุฏุมฺพิกสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, สิริมิตฺโตติ ลทฺธนาโม. ตสฺส กิร มาตา สิริคุตฺตสฺส ภคินี. ตสฺส วตฺถุ ธมฺมปทวณฺณนายํ (ธ. ป. อฏฺ. ๑.ครหทินฺนวตฺถุ) อาคตเมว. โส สิริคุตฺตสฺส ภาคิเนยฺโย สิริมิตฺโต วยปฺปตฺโต สตฺถุ ธนปาลทมเน ลทฺธปฺปสาโท ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปตฺโต. เอกทิวสํ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิตุํ อาสนํ อภิรุหิตฺวา จิตฺตพีชนึ คเหตฺวา นิสินฺโน ภิกฺขูนํ ธมฺมํ กเถสิ. กเถนฺโต จ อุฬารตเร คุเณ วิภชิตฺวา ทสฺเสนฺโต –

๕๐๒.

‘‘อกฺโกธโนนุปนาหี, อมาโย ริตฺตเปสุโณ;

ส เว ตาทิสโก ภิกฺขุ, เอวํ เปจฺจ น โสจติ.

๕๐๓.

‘‘อกฺโกธโนนุปนาหี, อมาโย ริตฺตเปสุโณ;

คุตฺตทฺวาโร สทา ภิกฺขุ, เอวํ เปจฺจ น โสจติ.

๕๐๔.

‘‘อกฺโกธโนนุปนาหี, อมาโย ริตฺตเปสุโณ;

กลฺยาณสีโล โส ภิกฺขุ, เอวํ เปจฺจ น โสจติ.

๕๐๕.

‘‘อกฺโกธโนนุปนาหี, อมาโย ริตฺตเปสุโณ;

กลฺยาณมิตฺโต โส ภิกฺขุ, เอวํ เปจฺจ น โสจติ.

๕๐๖.

‘‘อกฺโกธโนนุปนาหี, อมาโย ริตฺตเปสุโณ;

กลฺยาณปฺโ โส ภิกฺขุ, เอวํ เปจฺจ น โสจติ.

๕๐๗.

‘‘ยสฺส สทฺธา ตถาคเต, อจลา สุปฺปติฏฺิตา;

สีลฺจ ยสฺส กลฺยาณํ, อริยกนฺตํ ปสํสิตํ.

๕๐๘.

‘‘สงฺเฆ ปสาโท ยสฺสตฺถิ, อุชุภูตฺจ ทสฺสนํ;

อทลิทฺโทติ ตํ อาหุ, อโมฆํ ตสฺส ชีวิตํ.

๕๐๙.

‘‘ตสฺมา สทฺธฺจ สีลฺจ, ปสาทํ ธมฺมทสฺสนํ;

อนุยุฺเชถ เมธาวี, สรํ พุทฺธาน สาสน’’นฺติ. – อิมา คาถา อภาสิ;

ตตฺถ อกฺโกธโนติ อกุชฺฌนสีโล. อุปฏฺิเต หิ โกธุปฺปตฺตินิมิตฺเต อธิวาสนขนฺติยํ ตฺวา โกปสฺส อนุปฺปาทโก. อนุปนาหีติ น อุปนาหโก, ปเรหิ กตํ อปราธํ ปฏิจฺจ ‘‘อกฺโกจฺฉิ มํ อวธิ มํ, อชินิ มํ อหาสิ เม’’ติอาทินา (ธ. ป. ๓; มหาว. ๔๖๔; ม. นิ. ๓.๒๓๗) โกธสฺส อนุปนยฺหนสีโล. สนฺตโทสปฏิจฺฉาทนลกฺขณาย มายาย อภาวโต อมาโย. ปิสุณวาจาวิรหิตโต ริตฺตเปสุโณ, ส เว ตาทิสโก ภิกฺขูติ โส ตถารูโป ตถาชาติโก ยถาวุตฺตคุณสมนฺนาคโต ภิกฺขุ. เอวํ ยถาวุตฺตปฏิปตฺติยา เปจฺจ ปรโลเก น โสจติ โสกนิมิตฺตสฺส อภาวโต. จกฺขุทฺวาราทโย กายทฺวาราทโย จ คุตฺตา ปิหิตา สํวุตา เอตสฺสาติ คุตฺตทฺวาโร. กลฺยาณสีโลติ สุนฺทรสีโล สุวิสุทฺธสีโล. กลฺยาณมิตฺโตติ –

‘‘ปิโย ครุภาวนิโย, วตฺตา จ วจนกฺขโม;

คมฺภีรฺจ กถํ กตฺตา, โน จฏฺาเน นิโยชเย’’ติ. (อ. นิ. ๗.๓๗) –

เอวํ วิภาวิตลกฺขโณ กลฺยาณมิตฺโต เอตสฺสาติ กลฺยาณมิตฺโต. กลฺยาณปฺโติ สุนฺทรปฺโ. ยทิปิ ปฺา นาม อสุนฺทรา นตฺถิ, นิยฺยานิกาย ปน ปฺาย วเสน เอวํ วุตฺตํ

เอวเมตฺถ โกธาทีนํ วิกฺขมฺภนวเสน สมุจฺเฉทวเสน จ อกฺโกธนาทิมุเขน, ปุคฺคลาธิฏฺานาย คาถาย สมฺมาปฏิปตฺตึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ นิปฺผตฺติตโลกุตฺตรสทฺธาทิเก อุทฺธริตฺวา ปุคฺคลาธิฏฺานาย เอว คาถาย สมฺมาปฏิปตฺตึ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยสฺส สทฺธา’’ติอาทิมาห. ตสฺสตฺโถ – ยสฺส ปุคฺคลสฺส ตถาคเต สมฺมาสมฺพุทฺเธ ‘‘อิติปิ โส ภควา’’ติอาทินยปฺปวตฺตา มคฺเคนาคตสทฺธา, ตโต เอว อจลา อวิกมฺปา สุฏฺุ ปติฏฺิตา. ‘‘อตฺถี’’ติ, ปทํ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํ. อริยกนฺตนฺติ อริยานํ กนฺตํ ปิยายิตํ ภวนฺตเรปิ อวิชหนโต. ปสํสิตนฺติ พุทฺธาทีหิ ปสฏฺํ, วณฺณิตํ โถมิตํ อตฺถีติ โยชนา. ตํ ปเนตํ สีลํ คหฏฺสีลํ ปพฺพชิตสีลนฺติ ทุวิธํ. ตตฺถ คหฏฺสีลํ นาม ปฺจสิกฺขาปทสีลํ, ยํ คหฏฺเน รกฺขิตุํ สกฺกา. ปพฺพชิตสีลํ นาม ทสสิกฺขาปทสีลํ อุปาทาย สพฺพํ จตุปาริสุทฺธิสีลํ, ตยิทํ สพฺพมฺปิ อขณฺฑาทิภาเวน อปรามฏฺตาย ‘‘กลฺยาณ’’นฺติ เวทิตพฺพํ.

สงฺเฆ ปสาโท ยสฺสตฺถีติ ‘‘สุปฺปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ’’ติอาทินา อริยสงฺเฆ ปสาโท สทฺธา ยสฺส ปุคฺคลสฺส อตฺถิ อจโล สุปฺปติฏฺิโตติ อาเนตฺวา โยเชตพฺพํ. อุชุภูตฺจ ทสฺสนนฺติ ทิฏฺิวงฺกาภาวโต กิเลสวงฺกาภาวโต จ อุชุภูตํ. อกุฏิลํ อชิมฺหํ กมฺมสฺสกตาทสฺสนฺเจว สปฺปจฺจยนามรูปทสฺสนฺจาติ ทุวิธมฺปิ ทสฺสนํ ยสฺส อตฺถิ อจลํ สุปฺปติฏฺิตนฺติ โยชนา. อทลิทฺโทติ ตํ อาหุ สทฺธาธนํ, สีลธนํ, สุตธนํ, จาคธนํ, ปฺาธนนฺติ อิเมสํ สุวิสุทฺธานํ ธนานํ อตฺถิตาย ‘‘อทลิทฺโท’’ติ ตํ ตาทิสํ ปุคฺคลํ พุทฺธาทโย อริยา อาหุ. อโมฆํ ตสฺส ชีวิตํ ตสฺส ตถารูปสฺส ชีวิตํ ทิฏฺธมฺมิกาทิอตฺถาธิคเมน อโมฆํ อวฺฌํ สผลเมวาติ อาหูติ อตฺโถ.

ตสฺมาติ, ยสฺมา ยถาวุตฺตสทฺธาทิคุณสมนฺนาคโต ปุคฺคโล ‘‘อทลิทฺโท อโมฆชีวิโต’’ติ วุจฺจติ, ตสฺมา อหมฺปิ ตถารูโป ภเวยฺยนฺติ. สทฺธฺจ…เป… สาสนนฺติ ‘‘สพฺพปาปสฺส อกรณ’’นฺติอาทินา (ธ. ป. ๑๘๓; ที. นิ. ๒.๙๐) วุตฺตํ พุทฺธานํ สาสนํ อนุสฺสรนฺโต กุลปุตฺโต วุตฺตปฺปเภทํ สทฺธฺเจว สีลฺจ ธมฺมทสฺสนเหตุกํ ธมฺเม สุนิจฺฉยา วิโมกฺขภูตํ ปสาทฺจ อนุยุฺเชยฺย วฑฺเฒยฺยาติ.

เอวํ เถโร ภิกฺขูนํ ธมฺมเทสนามุเขน อตฺตนิ วิชฺชมาเน คุเณ ปกาเสนฺโต อฺํ พฺยากาสิ.

สิริมิตฺตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. มหาปนฺถกตฺเถรคาถาวณฺณนา

ยทา ปมมทฺทกฺขินฺติอาทิกา อายสฺมโต มหาปนฺถกตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล หํสวตีนคเร วิภวสมฺปนฺโน กุฏุมฺพิโย หุตฺวา เอกทิวสํ สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ สฺาวิวฏฺฏกุสลานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา สยมฺปิ ตํ านนฺตรํ ปตฺเถนฺโต พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส สตฺตาหํ มหาทานํ ปวตฺเตตฺวา, ‘‘ภนฺเต, ยํ ภิกฺขุํ ตุมฺเห อิโต สตฺตทิวสมตฺถเก – ‘สฺาวิวฏฺฏกุสลานํ อยํ มม สาสเน อคฺโค’ติ เอตทคฺเค ปยิตฺถ, อหมฺปิ อิมสฺส อธิการกมฺมสฺส พเลน โส ภิกฺขุ วิย อนาคเต เอกสฺส พุทฺธสฺส สาสเน อคฺโค ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ อกาสิ. กนิฏฺภาตา ปนสฺส ตเถว ภควติ อธิการกมฺมํ กตฺวา มโนมยสฺส กายสฺสาภินิมฺมานํ เจโตวิวฏฺฏโกสลฺลนฺติ ทฺวินฺนํ องฺคานํ วเสน วุตฺตนเยเนว ปณิธานํ อกาสิ. ภควา ทฺวินฺนมฺปิ ปตฺถนํ อนนฺตราเยน สมิชฺฌนภาวํ ทิสฺวา ‘‘อนาคเต กปฺปสตสหสฺสมตฺถเก โคตมสฺส นาม สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สาสเน ตุมฺหากํ ปตฺถนา สมิชฺฌิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิ.

เต อุโภปิ ชนา ตตฺถ ยาวชีวํ ปุฺานิ กตฺวา ตโต จุโต เทวโลเก นิพฺพตฺตึสุ. ตตฺถ มหาปนฺถกสฺส อนฺตรากตํ กลฺยาณธมฺมํ น กถียติ. จูฬปนฺถโก ปน กสฺสปสฺส ภควโต สาสเน ปพฺพชิตฺวา วีสติ วสฺสสหสฺสานิ โอทาตกสิณกมฺมํ กตฺวา เทวปุเร นิพฺพตฺติ. อปทาเน ปน ‘‘จูฬปนฺถโก ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล ตาปโส หุตฺวา หิมวนฺเต วสนฺโต ตตฺถ ภควนฺตํ ทิสฺวา ปุปฺผจฺฉตฺเตน ปูชํ อกาสี’’ติ อาคตํ. เตสํ เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺตานํเยว กปฺปสตสหสฺสํ อติกฺกนฺตํ. อถ อมฺหากํ สตฺถา อภิสมฺโพธึ ปตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺโก ราชคหํ อุปนิสฺสาย เวฬุวเน มหาวิหาเร วิหรติ.

เตน จ สมเยน ราชคเห ธนเสฏฺิสฺส ธีตา อตฺตโน ทาเสน สทฺธึ สนฺถวํ กตฺวา าตเกหิ ภีตา หตฺถสารํ คเหตฺวา เตน สทฺธึ ปลายิตฺวา อฺตฺถ วสนฺตี ตํ ปฏิจฺจ คพฺภํ ลภิตฺวา ปริปกฺกคพฺภา ‘‘าติฆรํ คนฺตฺวา วิชายิสฺสามี’’ติ คจฺฉนฺตี อนฺตรามคฺเคเยว ปุตฺตํ วิชายิตฺวา สามินา นิวตฺติตา ปุพฺเพ วสิตฏฺาเน วสนฺตี ปุตฺตสฺส ปนฺเถ ชาตตฺตา ปนฺถโกติ, นามํ อกาสิ. ตสฺมึ อาธาวิตฺวา วิธาวิตฺวา วิจรณกาเล ตเมว ปฏิจฺจ ทุติยํ คพฺภํ ปฏิลภิตฺวา ปริปกฺกคพฺภา ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว อนฺตรามคฺเค ปุตฺตํ วิชายิตฺวา สามินา นิวตฺติตา เชฏฺปุตฺตสฺส มหาปนฺถโกติ กนิฏฺสฺส จูฬปนฺถโกติ นามํ กตฺวา ยถาวสิตฏฺาเนเยว วสนฺตี อนุกฺกเมน ทารเกสุ วฑฺฒนฺเตสุ เตหิ, ‘‘อมฺม, อยฺยกกุลํ โน ทสฺเสหี’’ติ นิพุนฺธิยมานา ทารเก มาตาปิตูนํ สนฺติกํ เปเสสิ. ตโต ปฏฺาย ทารกา ธนเสฏฺิโน เคเห วฑฺฒนฺติ. เตสุ จูฬปนฺถโก อติทหโร. มหาปนฺถโก ปน อยฺยเกน สทฺธึ ภควโต สนฺติกํ คโต สตฺถารํ ทิสฺวา สห ทสฺสเนน ปฏิลทฺธสทฺโธ ธมฺมํ สุตฺวา อุปนิสฺสยสมฺปนฺนตาย ปพฺพชิตุกาโม หุตฺวา ปิตามหํ อาปุจฺฉิ. โส สตฺถุ ตมตฺถํ อาโรเจตฺวา ตํ ปพฺพาเชสิ. โส ปพฺพชิตฺวา พหุํ พุทฺธวจนํ อุคฺคณฺหิตฺวา ปริปุณฺณวสฺโส อุปสมฺปชฺชิตฺวา โยนิโสมนสิกาเร กมฺมํ กโรนฺโต วิเสสโต จตุนฺนํ อรูปชฺฌานานํ ลาภี หุตฺวา ตโต วุฏฺาย วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. อิติ โส สฺาวิวฏฺฏกุสลานํ อคฺโค ชาโต. โส ฌานสุเขน ผลสุเขน วีตินาเมนฺโต เอกทิวสํ อตฺตโน ปฏิปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตฺวา อธิคตสมฺปตฺตึ ปฏิจฺจ สฺชาตโสมนสฺโส สีหนาทํ นทนฺโต –

๕๑๐.

‘‘ยทา ปมมทฺทกฺขึ, สตฺถารมกุโตภยํ;

ตโต เม อหุ สํเวโค, ปสฺสิตฺวา ปุริสุตฺตมํ.

๕๑๑.

‘‘สิรึ หตฺเถหิ ปาเทหิ, โย ปณาเมยฺย อาคตํ;

เอตาทิสํ โส สตฺถารํ, อาราเธตฺวา วิราธเย.

๕๑๒.

‘‘ตทาหํ ปุตฺตทารฺจ, ธนธฺฺจ ฉฑฺฑยึ;

เกสมสฺสูนิ เฉเทตฺวา, ปพฺพชึ อนคาริยํ.

๕๑๓.

‘‘สิกฺขาสาชีวสมฺปนฺโน, อินฺทฺริเยสุ สุสํวุโต;

นมสฺสมาโน สมฺพุทฺธํ, วิหาสึ อปราชิโต.

๕๑๔.

‘‘ตโต เม ปณิธี อาสิ, เจตโส อภิปตฺถิโต;

น นิสีเท มุหุตฺตมฺปิ, ตณฺหาสลฺเล อนูหเต.

๕๑๕.

‘‘ตสฺส เมวํ วิหรโต, ปสฺส วีริยปรกฺกมํ;

ติสฺโส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสนํ.

๕๑๖.

‘‘ปุพฺเพนิวาสํ ชานามิ, ทิพฺพจกฺขุ วิโสธิตํ;

อรหา ทกฺขิเณยฺโยมฺหิ, วิปฺปมุตฺโต นิรูปธิ.

๕๑๗.

‘‘ตโต รตฺยาวิวสาเน, สูริยุคฺคมนํ ปติ;

สพฺพํ ตณฺหํ วิโสเสตฺวา, ปลฺลงฺเกน อุปาวิสิ’’นฺติ. – อิมา คาถา อภาสิ;

ตตฺถ ยทาติ ยสฺมึ กาเล. ปมนฺติ อาทิโต. อทฺทกฺขินฺติ ปสฺสึ, สตฺถารนฺติ, ภควนฺตํ. อกุโตภยนฺติ นิพฺภยํ. อยฺเหตฺถ อตฺโถ – สพฺเพสํ ภยเหตูนํ โพธิมูเลเยว ปหีนตฺตา กุโตจิปิ ภยาภาวโต อกุโตภยํ นิพฺภยํ, จตุเวสารชฺชวิสารทํ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺเถหิ เวเนยฺยานํ ยถารหมนุสาสนโต สตฺถารํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ มยฺหํ ปิตามเหน สทฺธึ คนฺตฺวา ยาย เวลาย สพฺพปมํ ปสฺสึ, ตํ ปุริสุตฺตมํ สเทวเก โลเก อคฺคปุคฺคลํ ปสฺสิตฺวา ตโต ทสฺสนเหตุ ตโต ทสฺสนโต ปจฺฉา ‘‘เอตฺตกํ กาลํ สตฺถารํ ทฏฺุํ ธมฺมฺจ โสตุํ นาลตฺถ’’นฺติ มยฺหํ สํเวโค อหุ สโหตฺตปฺปํ าณํ อุปฺปชฺชิ. อุปฺปนฺนสํเวโค ปนาหํ เอวํ จินฺเตสินฺติ ทสฺเสติ สิรึ หตฺเถหีติ คาถาย. ตสฺสตฺโถ – โย วิภวตฺถิโก ปุริโส ‘‘อุปฏฺายิโก หุตฺวา ตว สนฺติเก วสิสฺสามี’’ติ สวิคฺคหํ สิรึ สยเน อุปคตํ หตฺเถหิ จ ปาเทหิ จ โกฏฺเฏนฺโต ปณาเมยฺย นีหเรยฺย, โส ตถารูโป อลกฺขิกปุริโส เอตาทิสํ สตฺถารํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ อาราเธตฺวา อิมสฺมึ นวเม ขเณ ปฏิลภิตฺวา วิราธเย ตสฺส โอวาทากรเณน ตํ วิรชฺเฌยฺย, อหํ ปเนวํ น กโรมีติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘ตทาหํ…เป… อนคาริย’’นฺติ. ตตฺถ ฉฑฺฑยินฺติ, ปชหึ. ‘‘ฉฑฺฑิย’’นฺติปิ ปาโ. นนุ อยํ เถโร ทารปริคฺคหํ อกตฺวาว ปพฺพชิโต, โส กสฺมา ‘‘ปุตฺตทารฺจ ฉฑฺฑยิ’’นฺติ อโวจาติ? ยถา นาม ปุริโส อนิพฺพตฺตผลเมว รุกฺขํ ฉินฺทนฺโต อจฺฉินฺเน ตโต ลทฺธผเลหิ ปริหีโน นาม โหติ. เอวํสมฺปทมิทํ ทฏฺพฺพํ.

สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโนติ ยา อธิสีลสิกฺขา, ตาย จ, ยตฺถ ภิกฺขู สห ชีวนฺติ, เอกชีวิกา สภาควุตฺติโน โหนฺติ, เตน ภควตา ปฺตฺตสิกฺขาปทสงฺขาเตน สาชีเวน จ สมนฺนาคโต สิกฺขนภาเวน สมงฺคีภูโต, สิกฺขํ ปริปูเรนฺโต สาชีวฺจ อวีติกฺกมนฺโต หุตฺวา ตทุภยํ สมฺปาเทนฺโตติ อตฺโถ. เตน สุวิสุทฺเธ ปาติโมกฺเข สีเล ปติฏฺิตภาวํ ทสฺเสติ. อินฺทฺริเยสุ สุสํวุโตติ มนจฺฉฏฺเสุ อินฺทฺริเยสุ สุฏฺุ สํวุโต. รูปาทิวิสเยสุ อุปฺปชฺชนกานํ อภิชฺฌาทีนํ ปวตฺตินิวารณวเสน สติกวาเฏน สุปิหิตจกฺขาทิทฺวาโรติ อตฺโถ. เอวํ ปาติโมกฺขสํวรอินฺทฺริยสํวรสีลสมฺปตฺติทสฺสเนน อิตรสีลมฺปิ อตฺถโต ทสฺสิตเมว โหตีติ เถโร อตฺตโน จตุปาริสุทฺธิสีลสมฺปทํ ทสฺเสตฺวา ‘‘นมสฺสมาโน สมฺพุทฺธ’’นฺติ อิมินา พุทฺธานุสฺสติภาวนานุโยคมาห. วิหาสึ อปราชิโตติ กิเลสมาราทีหิ อปราชิโต เอว หุตฺวา วิหรึ, ยาว อรหตฺตปฺปตฺติ, ตาว เตหิ อนภิภูโต, อฺทตฺถุ เต อภิภวนฺโต เอว วิหาสินฺติ อตฺโถ.

ตโตติ ตสฺมา, ยสฺมา สุวิสุทฺธสีโล สตฺถริ อภิปฺปสนฺโน กิเลสาภิภวนปฏิปตฺติยฺจ ิโต, ตสฺมา. ปณิธีติ ปณิธานํ. ตโต วา จิตฺตาภินีหาโร. อาสีติ อโหสิ. เจตโส อภิปตฺถิโตติ, มม จิตฺเตน อิจฺฉิโต. กีทิโส ปน โสติ อาห ‘‘น นิสีเท มุหุตฺตมฺปิ, ตณฺหาสลฺเล อนูหเต’’ติ. ‘‘อคฺคมคฺคสณฺฑาเสน มม หทยโต ตณฺหาสลฺเล อนุทฺธเฏ มุหุตฺตมฺปิ น นิสีเท, นิสชฺชํ น กปฺเปยฺย’’นฺติ เอวํ เม จิตฺตาภินีหาโร อโหสีติ อตฺโถ.

เอวํ ปน จิตฺตํ อธิฏฺาย ภาวนํ ภาวยิตฺวา านจงฺกเมเหว รตฺตึ วีตินาเมนฺโต อรูปสมาปตฺติโต วุฏฺาย ฌานงฺคมุเขน วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา อรหตฺตํ สจฺฉากาสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘ตสฺส เม’’ติอาทิ. นิรูปธีติ กิเลสุปธิอาทีนํ อภาเวน นิรุปธิ. รตฺยาวิวสาเนติ รตฺติภาคสฺส วิคมเน วิภาตาย รตฺติยา. สูริยุคฺคมนํ ปตีติ สูริยุคฺคมนํ ลกฺขณํ กตฺวา. สพฺพํ ตณฺหนฺติ กามตณฺหาทิเภทํ สพฺพํ ตณฺหาโสตํ อคฺคมคฺเคน วิโสเสตฺวา สุกฺขาเปตฺวา ‘‘ตณฺหาสลฺเล อนูหเต น นิสีเท’’ติ, ปฏิฺาย โมจิตตฺตา. ปลฺลงฺเกน อุปาวิสินฺติ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา นิสีทินฺติ. เสสํ อุตฺตานตฺถเมว.

มหาปนฺถกตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

อฏฺกนิปาตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. นวกนิปาโต

๑. ภูตตฺเถรคาถาวณฺณนา

นวกนิปาเต ยทา ทุกฺขนฺติอาทิกา อายสฺมโต ภูตตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ ปุฺํ อุปจินนฺโต สิทฺธตฺถสฺส ภควโต กาเล พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา เสโนติ ลทฺธนาโม วิฺุตํ ปตฺโต เอกทิวสํ สตฺถารํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส ‘‘อุสภํ ปวร’’นฺติอาทินา จตูหิ คาถาหิ อภิตฺถวิ.

โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาเกตนครสฺส ทฺวารคาเม มหาวิภวสฺส เสฏฺิสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ตสฺส กิร เสฏฺิโน ชาตา ชาตา ทารกา พทฺธาฆาเตน เอเกน ยกฺเขน ขาทิตา, อิมสฺส ปน ปจฺฉิมภวิกตฺตา ภูตา อารกฺขํ คณฺหึสุ. ยกฺโข ปน เวสฺสวณสฺส อุปฏฺานํ คโต, ปุน นาคมาสิ. นามกรณทิวเส จสฺส ‘‘เอวํ กเต อมนุสฺสา อนุกมฺปนฺตา ปริหเรยฺยุ’’นฺติ ภูโตติ นามํ อกํสุ. โส ปน อตฺตโน ปุฺพเลน อนนฺตราโย วฑฺฒิ, ตสฺส ‘‘ตโย ปาสาทา อเหสุ’’นฺติอาทิ สพฺพํ ยสสฺส กุลปุตฺตสฺส วิภวกิตฺตเน วิย เวทิตพฺพํ. โส วิฺุตํ ปตฺโต สตฺถริ สาเกเต วสนฺเต อุปาสเกหิ สทฺธึ วิหารํ คโต. สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา อชกรณิยา นาม นทิยา ตีเร เลเณ วสนฺโต วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๗.๒๐-๒๘) –

‘‘อุสภํ ปวรํ วีรํ, มเหสึ วิชิตาวินํ;

สุวณฺณวณฺณํ สมฺพุทฺธํ, โก ทิสฺวา นปฺปสีทติ.

‘‘หิมวา วาปริเมยฺโย, สาคโรว ทุรุตฺตโร;

ตเถว ฌานํ พุทฺธสฺส, โก ทิสฺวา นปฺปสีทติ.

‘‘วสุธา ยถาปฺปเมยฺยา, จิตฺตา วนวฏํสกา;

ตเถว สีลํ พุทฺธสฺส, โก ทิสฺวา นปฺปสีทติ.

‘‘อนิลฺชสาสงฺขุพฺโภ, ยถากาโส อสงฺขิโย;

ตเถว าณํ พุทฺธสฺส, โก ทิสฺวา นปฺปสีทติ.

‘‘อิมาหิ จตุคาถาหิ, พฺราหฺมโณ เสนสวฺหโย;

พุทฺธเสฏฺํ ถวิตฺวาน, สิทฺธตฺถํ อปราชิตํ.

‘‘จตุนฺนวุติกปฺปานิ, ทุคฺคตึ นุปปชฺชถ;

สุคตึ สุขสมฺปตฺตึ, อนุโภสิมนปฺปกํ.

‘‘จตุนฺนวุติโต กปฺเป, ถวิตฺวา โลกนายกํ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, โถมนาย อิทํ ผลํ.

‘‘จาตุทฺทสมฺหิ กปฺปมฺหิ, จตุโร อาสุมุคฺคตา;

สตฺตรตนสมฺปนฺนา, จกฺกวตฺตี มหพฺพลา.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อปเรน สมเยน าตีนํ อนุกมฺปาย สาเกตํ คนฺตฺวา กติปาหํ เตหิ อุปฏฺิยมาโน อฺชนวเน วสิตฺวา ปุน อตฺตนา วสิตฏฺานเมว คนฺตุกาโม คมนาการํ ทสฺเสสิ. าตกา ‘‘อิเธว, ภนฺเต, วสถ, ตุมฺเหปิ น กิลมิสฺสถ, มยมฺปิ ปุฺเน วฑฺฒิสฺสามา’’ติ เถรํ ยาจึสุ. เถโร อตฺตโน วิเวกาภิรตึ ตตฺถ จ ผาสุวิหารํ ปกาเสนฺโต –

๕๑๘.

‘‘ยทา ทุกฺขํ ชรามรณนฺติ ปณฺฑิโต, อวิทฺทสู ยตฺถ สิตา ปุถุชฺชนา;

ทุกฺขํ ปริฺาย สโตว ฌายติ, ตโต รตึ ปรมตรํ น วินฺทติ.

๕๑๙.

‘‘ยทา ทุกฺขสฺสาวหนึ วิสตฺติกํ, ปปฺจสงฺฆาตทุขาธิวาหินึ;

ตณฺหํ ปหนฺตฺวาน สโตว ฌายติ, ตโต รตึ ปรมตรํ น วินฺทติ.

๕๒๐.

‘‘ยทา สิวํ ทฺเวจตุรงฺคคามินํ, มคฺคุตฺตมํ สพฺพกิเลสโสธนํ;

ปฺาย ปสฺสิตฺว สโตว ฌายติ, ตโต รตึ ปรมตรํ น วินฺทติ.

๕๒๑.

‘‘ยทา อโสกํ วิรชํ อสงฺขตํ, สนฺตํ ปทํ สพฺพกิเลสโสธนํ;

ภาเวติ สฺโชนพนฺธนจฺฉิทํ, ตโต รตึ ปรมตรํ น วินฺทติ.

๕๒๒.

‘‘ยทา นเภ คชฺชติ เมฆทุนฺทุภิ, ธารากุลา วิหคปเถ สมนฺตโต;

ภิกฺขู จ ปพฺภารคโตว ฌายติ, ตโต รตึ ปรมตรํ น วินฺทติ.

๕๒๓.

‘‘ยทา นทีนํ กุสุมากุลานํ, วิจิตฺต-วาเนยฺย-วฏํสกานํ;

ตีเร นิสินฺโน สุมโนว ฌายติ, ตโต รตึ ปรมตรํ น วินฺทติ.

๕๒๔.

‘‘ยทา นิสีเถ รหิตมฺหิ กานเน, เทเว คฬนฺตมฺหิ นทนฺติ ทาิโน;

ภิกฺขู จ ปพฺภารคโตว ฌายติ, ตโต รตึ ปรมตรํ น วินฺทติ.

๕๒๕.

‘‘ยทา วิตกฺเก อุปรุนฺธิยตฺตโน, นคนฺตเร นควิวรํ สมสฺสิโต;

วีตทฺทโร วีตขิโลว ฌายติ, ตโต รตึ ปรมตรํ น วินฺทติ.

๕๒๖.

‘‘ยทา สุขี มลขิลโสกนาสโน,

นิรคฺคโฬ นิพฺพนโถ วิสลฺโล;

สพฺพาสเว พฺยนฺติกโตว ฌายติ,

ตโต รตึ ปรมตรํ น วินฺทตี’’ติ. – อิมา คาถา อภาสิ;

ตตฺถายํ ปทโยชนามุเขน ปมคาถาย อตฺถวณฺณนา – ขนฺธานํ ปริปาโก ชรา. เภโท มรณํ. ชรามรณสีเสน เจตฺถ ชรามรณวนฺโต ธมฺมา คหิตา. ‘‘ตยิทํ ชรามรณํ ทุกฺข’’นฺติ อวิทฺทสู ยถาภูตํ อชานนฺตา ปุถุชฺชนา ยตฺถ ยสฺมึ อุปาทานกฺขนฺธปฺจเก สิตา ปฏิพนฺธา อลฺลีนา, ตํ ‘‘อิทํ ทุกฺขํ, เอตฺตกํ ทุกฺขํ, น อิโต ภิยฺโย’’ติ วิปสฺสนาปฺาสหิตาย มคฺคปฺาย ปริชานิตฺวา, อิธ อิมสฺมึ สาสเน สโต สมฺปชาโน, ปณฺฑิโต ภิกฺขุ, ยทา ยสฺมึ กาเล ลกฺขณูปนิชฺฌาเนน ฌายติ. ตโต วิปสฺสนารติโต มคฺคผลรติโต จ ปรมตรํ อุตฺตมตรํ รตึ น วินฺทติ นปฺปฏิลภติ. เตนาห ภควา –

‘‘ยโต ยโต สมฺมสติ, ขนฺธานํ อุทยพฺพยํ;

ลภตี ปีติปาโมชฺชํ, อมตํ ตํ วิชานตํ.

‘‘ปพฺยา เอกรชฺเชน, สคฺคสฺส คมเนน วา;

สพฺพโลกาธิปจฺเจน, โสตาปตฺติผลํ วร’’นฺติ. (ธ. ป. ๓๗๔, ๑๗๘);

เอวํ ปริฺาภิสมยมุเขน วิเวกรตึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ปหานาภิสมยาทิมุเขนปิ ตํ ทสฺเสตุํ ทุติยาทิกา ติสฺโส คาถา อภาสิ. ตตฺถ ทุกฺขสฺสาวหนินฺติ ทุกฺขสฺส อายตึ ปวตฺตึ, ทุกฺขสฺส นิปฺผตฺติกนฺติ อตฺโถ. วิสตฺติกนฺติ ตณฺหํ. สา หิ วิสตาติ วิสตฺติกา, วิสาลาติ วิสตฺติกา, วิสฏาติ วิสตฺติกา, วิสกฺกตีติ วิสตฺติกา, วิสํ หรตีติ วิสตฺติกา, วิสํวาทิกาติ วิสตฺติกา, วิสมูลาติ วิสตฺติกา, วิสผลาติ วิสตฺติกา, วิสปริโภคาติ วิสตฺติกา, วิสาลา วา ปน สา ตณฺหา รูเป สทฺเท คนฺเธ รเส โผฏฺพฺเพ ธมฺเม กุเล คเณ วิตฺถฏาติ วิสตฺติกาติ วุจฺจติ. ปปฺจสงฺฆาตทุขาธิวาหินินฺติ สตฺตสนฺตานํ สํสาเร ปปฺเจนฺติ วิตฺถาเรนฺตีติ ปปฺจา, ราคาทโย มานาทโย จ. เต เอว ปวตฺติทุกฺขสฺส สงฺฆาตฏฺเน สงฺฆาตา, สทรถปริฬาหสภาวตฺตา ทุกฺขฺจาติ ปปฺจสงฺฆาตทุขํ, ตสฺส อธิวาหโต นิพฺพตฺตนโต ปปฺจสงฺฆาตทุขาธิวาหินี. ตํ ตณฺหํ ปหนฺตฺวานาติ อริยมคฺเคน สมุจฺฉินฺทิตฺวา.

สิวนฺติ เขมํ, อเขมกรานํ กิเลสานํ สมุจฺฉินฺทเนน เตหิ อนุปทฺทุตนฺติ อตฺโถ. สมฺมาทิฏฺิอาทีนํ วเสน ทฺวิจตุรงฺโค หุตฺวา อริเย นิพฺพานํ คเมตีติ ทฺเวจตุรงฺคคามินํ, คาถาสุขตฺถฺเจตฺถ วิภตฺติอโลโป กโตติ ทฏฺพฺพํ. รูปูปปตฺติมคฺคาทีสุ สพฺเพสุ มคฺเคสุ อุตฺตมตฺตา มคฺคุตฺตมํ. เตนาห ภควา – ‘‘มคฺคานฏฺงฺคิโก เสฏฺโ’’ติอาทิ (ธ. ป. ๒๗๓). สพฺเพหิ กิเลสมเลหิ สตฺตานํ โสธนโต สพฺพกิเลสโสธนํ. ปฺาย ปสฺสิตฺวาติ ปฏิเวธปฺาย ภาวนาภิสมยวเสน อภิสเมจฺจ.

โสกเหตูนํ อภาวโต ปุคฺคลสฺส จ โสกาภาวเหตุโต นตฺถิ เอตฺถ โสโกติ อโสกํ. ตถา วิคตราคาทิรชตฺตา วิรชํ. น เกนจิ ปจฺจเยน สงฺขตนฺติ อสงฺขตํ. สพฺเพสํ กิเลสานํ สพฺพสฺส จ ทุกฺขสฺส วูปสมภาวโต, สํสารทุกฺขทฺทิเตหิ ปชฺชิตพฺพโต อธิคนฺตพฺพโต จ สนฺตํ ปทํ. สพฺเพหิ กิเลสมเลหิ สตฺตสนฺตานสฺส โสธนนิมิตฺตโต สพฺพกิเลสโสธนํ. ภาเวตีติ สจฺฉิกิริยาภิสมยวเสน อภิสเมติ. พหุกฺขตฺตุฺหิ นิพฺพานํ อารพฺภ สจฺฉิกิริยาภิสมยํ ปวตฺเตนฺตสฺส อาลมฺพเก ลพฺภมานวิเสสกํ อาลมฺพิตพฺเพ อาโรเปตฺวา เอวํ วุตฺตํ. สํโยชนสงฺขาตานํ พนฺธนานํ เฉทนโต สํโยชนพนฺธนจฺฉิทํ. นิมิตฺตฺเหตฺถ กตฺตุภาเวน อุปจาริตํ, ยถา อริยภาวกรานิ สจฺจานิ อริยสจฺจานีติ. ยถา ปุริมคาถาสุ ยทา ฌายติ, ตทา ตโต รตึ ปรมตรํ น วินฺทตีติ โยชนา. เอวํ อิธ ยทา ภาเวติ, ตทา ตโต รตึ ปรมตรํ น วินฺทตีติ โยชนา.

เอวํ เถโร จตูหิ คาถาหิ อตฺตานํ อนุปเนตฺวาว จตุสจฺจปฏิเวธกิตฺตเนน อฺํ พฺยากริตฺวา อิทานิ อตฺตนา วสิตฏฺานสฺส วิวิตฺตภาเวน ผาสุตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยทา นเภ’’ติอาทิกา คาถา อภาสิ. ตตฺถ นเภติ อากาเส. สินิทฺธคมฺภีรนิคฺโฆสตาย เมโฆเยว ทุนฺทุภิ เมฆทุนฺทุภิ. สมนฺตโต ปคฺฆรนฺตีหิ ธาราหิ อากุลาติ ธารากุลา. วิหคานํ ปกฺขีนํ คมนมคฺคตฺตา วิหคปเถ นเภติ โยชนา. ตโตติ ฌานรติโต.

กุสุมากุลานนฺติ ตรูหิ คฬิตกุสุเมหิ สโมหิตานํ. วิจิตฺตวาเนยฺยวฏํสกานนฺติ วเน ชาตตฺตา วาเนยฺยานิ วนปุปฺผานิ, วิจิตฺตานิ วาเนยฺยานิ วฏํสกานิ เอตาสนฺติ วิจิตฺตวาเนยฺยวฏํสกา นทิโย, ตาสํ นานาวิธวนปุปฺผวฏํสกานนฺติ อตฺโถ. อุตฺตริมนุสฺสธมฺมวเสน สุนฺทโร มโน เอตสฺสาติ สุมโน ฌายติ.

นิสีเถติ รตฺติยํ. รหิตมฺหีติ, ชนสมฺพาธวิรหิเต วิวิตฺเต. เทเวติ เมเฆ. คฬนฺตมฺหีติ วุฏฺิธาราโย ปคฺฆรนฺเต วสฺสนฺเต. ทาิโนติ สีหพฺยคฺฆาทโย ปฏิปกฺขสตฺตา. เต หิ ทาาวุธาติ ‘‘ทาิโน’’ติ วุจฺจนฺติ, นทนฺติ ทาิโนติ อิทมฺปิ ชนวิเวกทสฺสนตฺถเมว คหิตํ.

วิตกฺเก อุปรุนฺธิยตฺตโนติ อตฺตสนฺตานปริยาปนฺนตาย อตฺตโน กามวิตกฺกาทิเก มิจฺฉาวิตกฺเก ปฏิปกฺขพเลน นิเสเธตฺวา. อตฺตโนติ วา อิทํ วินฺทตีติ อิมินา โยเชตพฺพํ ‘‘ตโต รตึ ปรมตรํ อตฺตนา น วินฺทตี’’ติ. นคนฺตเรติ ปพฺพตนฺตเร. นควิวรนฺติ ปพฺพตคุหํ ปพฺภารํ วา. สมสฺสิโตติ นิสฺสิโต อุปคโต. วีตทฺทโรติ วิคตกิเลสทรโถ. วีตขิโลติ ปหีนเจโตขิโล.

สุขีติ ฌานาทิสุเขน สุขิโต. มลขิลโสกนาสโนติ ราคาทีนํ มลานํ ปฺจนฺนฺจ เจโตขิลานํ าติวิโยคาทิเหตุกสฺส โสกสฺส จ ปหายโก. นิรคฺคโฬติ, อคฺคฬํ วุจฺจติ อวิชฺชา นิพฺพานปุรปเวสนิวารณโต, ตทภาวโต นิรคฺคโฬ. นิพฺพนโถติ นิตณฺโห. วิสลฺโลติ, วิคตราคาทิสลฺโล. สพฺพาสเวติ, กามาสวาทิเก สพฺเพปิ อาสเว. พฺยนฺติกโตติ พฺยนฺติกตาวี อริยมคฺเคน วิคตนฺเต กตฺวา ิโต ทิฏฺธมฺมสุขวิหารตฺถํ ยทา ฌายติ, ตโต ฌานรติโต ปรมตรํ รตึ น วินฺทตีติ โยชนา. เอวํ ปน วตฺวา เถโร อชกรณีตีรเมว คโต.

ภูตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

นวกนิปาตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐. ทสกนิปาโต

๑. กาฬุทายิตฺเถรคาถาวณฺณนา

ทสกนิปาเต องฺคาริโนติอาทิกา อายสฺมโต กาฬุทายิตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปทุมุตฺตรพุทฺธสฺส กาเล หํสวตีนคเร กุลเคเห นิพฺพตฺโต สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ กุลปฺปสาทกานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา ตชฺชํ อภินีหารกมฺมํ กตฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถสิ.

โส ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อมฺหากํ โพธิสตฺตสฺส มาตุกุจฺฉิยํ ปฏิสนฺธิคฺคหณทิวเส กปิลวตฺถุสฺมึเยว อมจฺจเคเห ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. โพธิสตฺเตน สทฺธึ เอกทิวสํเยว ชาโตติ ตํทิวสํเยว นํ ทุกูลจุมฺพเฏ นิปชฺชาเปตฺวา โพธิสตฺตสฺส อุปฏฺานํ นยึสุ. โพธิสตฺเตน หิ สทฺธึ โพธิรุกฺโข, ราหุลมาตา, จตฺตาโร นิธี, อาโรหนิยหตฺถี, อสฺสกณฺฑโก, ฉนฺโน กาฬุทายีติ อิเม สตฺต เอกทิวสํเยว ชาตตฺตา สหชาตา นาม อเหสุํ. อถสฺส นามคฺคหณทิวเส สกลนครสฺส อุทคฺคจิตฺตทิวเส ชาตตฺตา อุทายีตฺเวว นามํ อกํสุ, โถกํ กาฬธาตุกตฺตา ปน กาฬุทายีติ ปฺายิตฺถ. โส โพธิสตฺเตน สทฺธึ กุมารกีฬํ กีฬนฺโต วุทฺธึ อคมาสิ.

อปรภาเค โลกนาเถ มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิตฺวา อนุกฺกเมน สพฺพฺุตํ ปตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺเก ราชคหํ อุปนิสฺสาย เวฬุวเน วิหรนฺเต สุทฺโธทนมหาราชา ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา ปุริสสหสฺสปริวารํ เอกํ อมจฺจํ ‘‘ปุตฺตํ เม อิธาเนหี’’ติ เปเสสิ. โส ธมฺมเทสนาเวลาย สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ปริสปริยนฺเต ิโต ธมฺมํ สุตฺวา สปริโส อรหตฺตํ ปาปุณิ. อถ เน สตฺถา ‘‘เอถ, ภิกฺขโว’’ติ หตฺถํ ปสาเรติ. สพฺเพ ตงฺขณํเยว อิทฺธิมยปตฺตจีวรธรา วสฺสสฏฺิกตฺเถรา วิย อเหสุํ. อรหตฺตํ ปตฺตโต ปฏฺาย ปน อริยา มชฺฌตฺตาว โหนฺติ, ตสฺมา รฺา ปหิตสาสนํ ทสพลสฺส น กเถสิ. ราชา ‘‘เนว คตพลโกฏฺโก อาคจฺฉติ, น สาสนํ สุยฺยตี’’ติ อปรมฺปิ อมจฺจํ ปุริสสหสฺเสน เปเสสิ. ตสฺมิมฺปิ ตถา ปฏิปนฺเน อปรนฺติ เอวํ นวหิ อมจฺเจหิ สทฺธึ นว ปุริสสหสฺสานิ เปเสสิ สพฺเพ อรหตฺตํ ปตฺวา ตุณฺหี อเหสุํ.

อถ ราชา จินฺเตสิ – ‘‘เอตฺตกา ชนา มยิ สิเนหาภาเวน ทสพลสฺส อิธาคมนตฺถาย น กิฺจิ กถยึสุ, อยํ โข ปน อุทายี ทสพเลน สมวโย สหปํสุกีฬิโก, มยิ จ สิเนหวา, อิมํ เปเสสฺสามี’’ติ ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา, ‘‘ตาต, ตฺวํ ปุริสสหสฺสปริวาโร ราชคหํ คนฺตฺวา ทสพลํ อาเนหี’’ติ วตฺวา เปเสสิ. โส ปน คจฺฉนฺโต ‘‘สจาหํ, เทว, ปพฺพชิตุํ ลภิสฺสามิ, เอวาหํ ภควนฺตํ อิธาเนสฺสามี’’ติ วตฺวา ‘‘ยํ กิฺจิ กตฺวา มม ปุตฺตํ ทสฺเสหี’’ติ วุตฺโต ราชคหํ คนฺตฺวา สตฺถุ ธมฺมเทสนาเวลาย ปริสปริยนฺเต ิโต ธมฺมํ สุตฺวา สปริวาโร อรหตฺตํ ปตฺวา เอหิภิกฺขุภาเว ปติฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๔.๔๘-๖๓) –

‘‘ปทุมุตฺตรพุทฺธสฺส, โลกเชฏฺสฺส ตาทิโน;

อทฺธานํ ปฏิปนฺนสฺส, จรโต จาริกํ ตทา.

‘‘สุผุลฺลํ ปทุมํ คยฺห, อุปฺปลํ มลฺลิกฺจหํ;

ปรมนฺนํ คเหตฺวาน, อทาสึ สตฺถุโน อหํ.

‘‘ปริภุฺชิ มหาวีโร, ปรมนฺนํ สุโภชนํ;

ตฺจ ปุปฺผํ คเหตฺวาน, ชนสฺส สมฺปทสฺสยิ.

‘‘อิฏฺํ กนฺตํ ปิยํ โลเก, ชลชํ ปุปฺผมุตฺตมํ;

สุทุกฺกรํ กตํ เตน, โย เม ปุปฺผํ อทาสิทํ.

‘‘โย ปุปฺผมภิโรเปสิ, ปรมนฺนฺจทาสิ เม;

ตมหํ กิตฺตยิสฺสามิ, สุณาถ มม ภาสโต.

‘‘ทส อฏฺ จกฺขตฺตุํ โส, เทวรชฺชํ กริสฺสติ;

อุปฺปลํ ปทุมฺจาปิ, มลฺลิกฺจ ตทุตฺตริ.

‘‘อสฺส ปุฺวิปาเกน, ทิพฺพคนฺธสมายุตํ;

อากาเส ฉทนํ กตฺวา, ธารยิสฺสติ ตาวเท.

‘‘ปฺจวีสติกฺขตฺตุฺจ, จกฺกวตฺตี ภวิสฺสติ;

ปถพฺยา รชฺชํ ปฺจสตํ, วสุธํ อาวสิสฺสติ.

‘‘กปฺปสตสหสฺสมฺหิ, โอกฺกากกุลสมฺภโว;

โคตโม นาม โคตฺเตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติ.

‘‘สกกมฺมาภิรทฺโธ โส, สุกฺกมูเลน โจทิโต;

สกฺยานํ นนฺทิชนโน, าติพนฺธุ ภวิสฺสติ.

‘‘โส ปจฺฉา ปพฺพชิตฺวาน, สุกฺกมูเลน โจทิโต;

สพฺพาสเว ปริฺาย, นิพฺพายิสฺสตินาสโว.

‘‘ปฏิสมฺภิทมนุปฺปตฺตํ, กตกิจฺจมนาสวํ;

โคตโม โลกพนฺธุ ตํ, เอตทคฺเค เปสฺสติ.

‘‘ปธานปหิตตฺโต โส, อุปสนฺโต นิรูปธิ;

อุทายี นาม นาเมน, เหสฺสติ สตฺถุ สาวโก.

‘‘ราโค โทโส จ โมโห จ, มาโน มกฺโข จ ธํสิโต;

สพฺพาสเว ปริฺาย, วิหรามิ อนาสโว.

‘‘โตสยิฺจาปิ สมฺพุทฺธํ, อาตาปี นิปโก อหํ;

ปสาทิโต จ สมฺพุทฺโธ, เอตทคฺเค เปสิ มํ.

‘‘ปฏิสมฺภิทา จตสฺโส…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา ‘‘น ตาวายํ ทสพลสฺส กุลนครํ คนฺตุํ กาโล, วสนฺเต ปน อุปคเต ปุปฺผิเตสุ วนสณฺเฑสุ หริตติณสฺฉนฺนาย ภูมิยา คมนกาโล ภวิสฺสตี’’ติ กาลํ ปฏิมาเนนฺโต วสนฺเต สมฺปตฺเต สตฺถุ กุลนครํ คนฺตุํ คมนมคฺควณฺณํ สํวณฺเณนฺโต –

๕๒๗.

‘‘องฺคาริโน ทานิ ทุมา ภทนฺเต, ผเลสิโน ฉทนํ วิปฺปหาย;

เต อจฺจิมนฺโตว ปภาสยนฺติ, สมโย มหาวีร ภาคีรสานํ.

๕๒๘.

‘‘ทุมานิ ผุลฺลานิ มโนรมานิ, สมนฺตโต สพฺพทิสา ปวนฺติ;

ปตฺตํ ปหาย ผลมาสสานา, กาโล อิโต ปกฺกมนาย วีร.

๕๒๙.

‘‘เนวาติสีตํ น ปนาติอุณฺหํ, สุขา อุตุ อทฺธนิยา ภทนฺเต;

ปสฺสนฺตุ ตํ สากิยา โกฬิยา จ, ปจฺฉามุขํ โรหินิยํ ตรนฺตํ.

๕๓๐.

‘‘อาสาย กสเต เขตฺตํ, พีชํ อาสาย วปฺปติ;

อาสาย วาณิชา ยนฺติ, สมุทฺทํ ธนหารกา;

ยาย อาสาย ติฏฺามิ, สา เม อาสา สมิชฺฌตุ.

๕๓๑.

‘‘ปุนปฺปุนฺเจว วปนฺติ พีชํ, ปุนปฺปุนํ วสฺสติ เทวราชา;

ปุนปฺปุนํ เขตฺตํ กสนฺติ กสฺสกา, ปุนปฺปุนํ ธฺมุเปติ รฏฺํ.

๕๓๒.

‘‘ปุนปฺปุนํ ยาจนกา จรนฺติ, ปุนปฺปุนํ ทานปตี ททนฺติ;

ปุนปฺปุนํ ทานปตี ททิตฺวา, ปุนปฺปุนํ สคฺคมุเปนฺติ านํ.

๕๓๓.

‘‘วีโร หเว สตฺตยุคํ ปุเนติ, ยสฺมึ กุเล ชายติ ภูริปฺโ;

มฺามหํ สกฺกติ เทวเทโว, ตยา หิ ชาโต มุนิ สจฺจนาโม.

๕๓๔.

‘‘สุทฺโธทโน นาม ปิตา มเหสิโน, พุทฺธสฺส มาตา ปน มายนามา;

ยา โพธิสตฺตํ ปริหริย กุจฺฉินา, กายสฺส เภทา ติทิวมฺหิ โมทติ.

๕๓๕.

‘‘สา โคตมี กาลกตา อิโต จุตา, ทิพฺเพหิ กาเมหิ สมงฺคิภูตา;

สา โมทติ กามคุเณหิ ปฺจหิ, ปริวาริตา เทวคเณหิ เตหิ.

๕๓๖.

‘‘พุทฺธสฺส ปุตฺโตมฺหิ อสยฺหสาหิโน, องฺคีรสสฺสปฺปฏิมสฺส ตาทิโน;

ปิตุปิตา มยฺหํ ตุวํสิ สกฺก, ธมฺเมน เม โคตม อยฺยโกสี’’ติ. –

อิมา คาถา อภาสิ.

ตตฺถ องฺคาริโนติ องฺคารานิ วิยาติ องฺคารานิ, รตฺตปวาฬวณฺณานิ รุกฺขานํ ปุปฺผปลฺลวานิ, ตานิ เอเตสํ สนฺตีติ องฺคาริโน, อติโลหิตกุสุมกิสลเยหิ องฺคารวุฏฺิสํปริกิณฺณา วิยาติ อตฺโถ. อิทานีติ อิมสฺมึ กาเล. ทุมาติ รุกฺขา. ภทนฺเตติ, ภทฺทํ อนฺเต เอตสฺสาติ ภทนฺเตติ เอกสฺส ทการสฺส โลปํ กตฺวา วุจฺจติ, คุณวิเสสยุตฺโต, คุณวิเสสยุตฺตานฺจ อคฺคภูโต สตฺถา. ตสฺมา ภทนฺเตติ สตฺถุ อาลปนํ. ปจฺจตฺตวจนฺเจตํ เอการนฺตํ ‘‘สุกเฏ ปฏิกมฺเม สุเข ทุกฺเขปิ เจ’’ติอาทีสุ วิย. อิธ ปน สมฺโพธนตฺเถ ทฏฺพฺพํ. เตน วุตฺตํ ‘‘ภทนฺเตติ อาลปน’’นฺติ. ‘‘ภทฺทสทฺทสมานตฺถํ ปทนฺตรเมก’’นฺติ เกจิ. ผลานิ เอสนฺตีติ ผเลสิโน. อเจตเนปิ หิ สเจตนกิริยมาโรเปตฺวา โวหรนฺติ, ยถา กุลํ ปติตุกามนฺติ, ผลานิ คเหตุมารทฺธา สมฺปตฺติผลคหณกาลาติ อตฺโถ. ฉทนํ วิปฺปหายาติ ปุราณปณฺณานิ ปชหิตฺวา สมฺปนฺนปณฺฑุปลาสาติ อตฺโถ. เตติ ทุมา. อจฺจิมนฺโตว ปภาสยนฺตีติ ทีปสิขาวนฺโต วิย ชลิตอคฺคี วิย วา โอภาสยนฺติ สพฺพา ทิสาติ อธิปฺปาโย. สมโยติ กาโล, ‘‘อนุคฺคหายา’’ติ วจนเสโส. มหาวีราติ มหาวิกฺกนฺต. ภาคี รสานนฺติ อตฺถรสาทีนํ ภาคี. วุตฺตฺเหตํ ธมฺมเสนาปตินา – ‘‘ภาคี วา ภควา อตฺถรสสฺส ธมฺมรสสฺสา’’ติอาทิ (จูฬนิ. อชิตมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๒). มหาวีร, ภาคีติ จ อิทมฺปิ ทฺวยํ สมฺโพธนวจนํ ทฏฺพฺพํ. ภาคีรถานนฺติ ปน ปาเ ภคีรโถ นาม อาทิราชา. ตพฺพํสชาตตาย สากิยา ภาคีรถา, เตสํ ภาคีรถานํ อุปการตฺถนฺติ อธิปฺปาโย.

ทุมานีติ ลิงฺควิปลฺลาเสน วุตฺตํ, ทุมา รุกฺขาติ อตฺโถ. สมนฺตโต สพฺพทิสา ปวนฺตีติ, สมนฺตโต สพฺพภาคโต สพฺพทิสาสุ จ ผุลฺลานิ, ตถา ผุลฺลตฺตา เอว สพฺพทิสา ปวนฺติ คนฺธํ วิสฺสชฺเชนฺติ. อาสมานาติ อาสีสนฺตา คหิตุกามา. เอวํ รุกฺขโสภาย คมนมคฺคสฺส รามเณยฺยตํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ‘‘เนวาติสีต’’นฺติอาทินา อุตุสมฺปตฺตึ ทสฺเสติ. สุขาติ นาติสีตนาติอุณฺหภาเวเนว สุขา อิฏฺา. อุตุ อทฺธนิยาติ อทฺธานคมนโยคฺคา อุตุ. ปสฺสนฺตุ ตํ สากิยา โกฬิยา จ, ปจฺฉามุขํ โรหินิยํ ตรนฺตนฺติ โรหินี นาม นที สากิยโกฬิยชนปทานํ อนฺตเร อุตฺตรทิสโต ทกฺขิณมุขา สนฺทติ, ราชคหํ จสฺสา ปุรตฺถิมทกฺขิณาย ทิสาย, ตสฺมา ราชคหโต กปิลวตฺถุํ คนฺตุํ ตํ นทึ ตรนฺตา ปจฺฉามุขา หุตฺวา ตรนฺติ. เตนาห ‘‘ปสฺสนฺตุ ตํ…เป… ตรนฺต’’นฺติ. ‘‘ภควนฺตํ ปจฺฉามุขํ โรหินึ นาม นทึ อติกฺกมนฺตํ สากิยโกฬิยชนปทวาสิโน ปสฺสนฺตู’’ติ กปิลวตฺถุคมนาย ภควนฺตํ อายาจนฺโต อุสฺสาเหติ.

อิทานิ อตฺตโน ปตฺถนํ อุปมาหิ ปกาเสนฺโต ‘‘อาสาย กสเต’’ติ คาถมาห. อาสาย กสเต เขตฺตนฺติ กสฺสโก กสนฺโต เขตฺตํ ผลาสาย กสติ. พีชํ อาสาย วปฺปตีติ กสิตฺวา จ วปนฺเตน ผลาสาย เอว พีชํ วปฺปติ นิกฺขิปียติ. อาสาย วาณิชา ยนฺตีติ ธนหารกา วาณิชา ธนาสาย สมุทฺทํ ตริตุํ เทสํ อุปคนฺตุํ สมุทฺทํ นาวาย ยนฺติ คจฺฉนฺติ. ยาย อาสาย ติฏฺามีติ เอวํ อหมฺปิ ยาย อาสาย ปตฺถนาย ภควา ตุมฺหากํ กปิลปุรคมนปตฺถนาย อิธ ติฏฺามิ. สา เม อาสา สมิชฺฌตุ, ตุมฺเหหิ ‘‘กปิลวตฺถุ คนฺตพฺพ’’นฺติ วทติ, อาสาย สทิสตาย เจตฺถ กตฺตุกมฺยตาฉนฺทํ อาสาติ อาห.

คมนมคฺคสํวณฺณนาทินา อเนกวารํ ยาจนาย การณํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปุนปฺปุน’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตสฺสตฺโถ – สกึ วุตฺตมตฺเตน วปฺเป อสมฺปชฺชมาเน กสฺสกา ปุนปฺปุนํ ทุติยมฺปิ ตติยมฺปิ พีชํ วปนฺติ. ปชฺชุนฺโน เทวราชาปิ เอกวารเมว อวสฺสิตฺวา ปุนปฺปุนํ กาเลน กาลํ วสฺสติ. กสฺสกาปิ เอกวารเมว อกสิตฺวา สสฺสสมฺปตฺติอตฺถํ ปํสุํ กทฺทมํ วา มุทุํ กาตุํ เขตฺตํ ปุนปฺปุนํ กสนฺติ. เอกวารเมว ธฺํ สงฺคหํ กตฺวา ‘‘อลเมตฺตาวตา’’ติ อปริตุสฺสนโต โกฏฺาคาราทีสุ ปฏิสามนวเสน มนุสฺเสหิ อุปนียมานํ ปุนปฺปุนํ สาลิอาทิธฺํ รฏฺํ อุเปติ อุปคจฺฉติ.

ยาจนกาปิ ยาจนฺตา ปุนปฺปุนํ กุลานิ จรนฺติ อุปคจฺฉนฺติ, น เอกวารเมว, ยาจิตา ปน เตสํ ปุนปฺปุนํ ทานปตี ททนฺติ, น สกึเยว. ตถา ปน เทยฺยธมฺมํ ปุนปฺปุนํ ทานปตี ททิตฺวา ทานมยํ ปุฺํ อุปจินิตฺวา ปุนปฺปุนํ อปราปรํ สคฺคมุเปนฺติ านํ ปฏิสนฺธิวเสน เทวโลกํ อุปคจฺฉนฺติ. ตสฺมา อหมฺปิ ปุนปฺปุนํ ยาจามิ ภควา มยฺหํ มโนรถํ มตฺถกํ ปาเปหีติ อธิปฺปาโย.

อิทานิ ยทตฺถํ สตฺถารํ กปิลวตฺถุคมนํ ยาจติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘วีโร หเว’’ติคาถมาห. ตสฺสตฺโถ – วีโร วีริยวา มหาวิกฺกนฺโต ภูริปฺโ มหาปฺโ ปุริโส ยสฺมึ กุเล ชายติ นิพฺพตฺตติ, ตตฺถ หเว เอกํเสน สตฺตยุคํ สตฺตปุริสยุคํ ยาวสตฺตมํ ปิตามหยุคํ สมฺมาปฏิปตฺติยา ปุเนติ โสเธตีติ โลกวาโท อติวาโท อฺเสุ. ภควา ปน สพฺเพสํ เทวานํ อุตฺตมเทวตาย เทวเทโว ปาปนิวารเณน กลฺยาณปติฏฺาปเนน ตโต ปรมฺปิ โสเธตุํ สกฺกติ สกฺโกตีติ มฺามิ อหํ. กสฺมา? ตยา หิ ชาโต มุนิ สจฺจนาโม ยสฺมา ตยา สตฺถารา อริยาย ชาติยา ชาโต มุนิภาโว, มุนิ วา สมาโน อตฺตหิตปรหิตานํ อิธโลกปรโลกานฺจ มุนนฏฺเน ‘‘มุนี’’ติ อวิตถนาโม, โมนวา วา มุนิ, ‘‘สมโณ ปพฺพชิโต อิสี’’ติ อวิตถนาโม ตยา ชาโต. ตสฺมา สตฺตานํ เอกนฺตหิตปฏิลาภเหตุภาวโต ภควา ตว ตตฺถ คมนํ ยาจามาติ อตฺโถ.

อิทานิ ‘‘สตฺตยุค’’นฺติ วุตฺเต ปิตุยุคํ ทสฺเสตุํ ‘‘สุทฺโธทโน นามา’’ติอาทิ วุตฺตํ. สุทฺธํ โอทนํ ชีวนํ เอตสฺสาติ สุทฺโธทโน. พุทฺธปิตา หิ เอกํสโต สุวิสุทฺธกายวจีมโนสมาจาโร สุวิสุทฺธาชีโว โหติ ตถา อภินีหารสมฺปนฺนตฺตา. มายนามาติ กุลรูปสีลาจาราทิสมฺปตฺติยา าติมิตฺตาทีหิ ‘‘มา ยาหี’’ติ วตฺตพฺพคุณตาย ‘‘มายา’’ติ ลทฺธนามา. ปริหริยาติ ธาเรตฺวา. กายสฺส เภทาติ สเทวกสฺส โลกสฺส เจติยสทิสสฺส อตฺตโน กายสฺส วินาสโต อุทฺธํ. ติทิวมฺหีติ ตุสิตเทวโลเก.

สาติ มายาเทวี. โคตมีติ โคตฺเตน ตํ กิตฺเตติ. ทิพฺเพหิ กาเมหีติ, ตุสิตภวนปริยาปนฺเนหิ ทิพฺเพหิ วตฺถุกาเมหิ. สมงฺคิภูตาติ สมนฺนาคตา. กามคุเณหีติ กามโกฏฺาเสหิ, ‘‘กาเมหี’’ติ วตฺวา ปุน ‘‘กามคุเณหี’’ติ วจเนน อเนกภาเคหิ วตฺถุกาเมหิ ปริจาริยตีติ ทีเปติ. เตหีติ ยสฺมึ เทวนิกาเย นิพฺพตฺติ, เตหิ ตุสิตเทวคเณหิ, เตหิ วา กามคุเณหิ. ‘‘สมงฺคิภูตา ปริวาริตา’’ติ จ อิตฺถิลิงฺคนิทฺเทโส ปุริมตฺตภาวสิทฺธํ อิตฺถิภาวํ, เทวตาภาวํ วา สนฺธาย กโต, เทวูปปตฺติ ปน ปุริสภาเวเนว ชาตา.

เอวํ เถเรน ยาจิโต ภควา ตตฺถ คมเน พหูนํ วิเสสาธิคมํ ทิสฺวา วีสติสหสฺส ขีณาสวปริวุโต ราชคหโต อตุริตจาริกาวเสน กปิลวตฺถุคามิมคฺคํ ปฏิปชฺชิ. เถโร อิทฺธิยา กปิลวตฺถุํ คนฺตฺวา รฺโ ปุรโต อากาเส ิโต อทิฏฺปุพฺพํ เวสํ ทิสฺวา รฺา ‘‘โกสิ ตฺว’’นฺติ ปุจฺฉิโต, ‘‘สเจ อมจฺจปุตฺตํ ตยา ภควโต สนฺติกํ เปสิตํ มํ น ชานาสิ, เอวํ ปน ชานาหี’’ติ ทสฺเสนฺโต –

‘‘พุทฺธสฺส ปุตฺโตมฺหิ อสยฺหสาหิโน, องฺคีรสสฺสปฺปฏิมสฺส ตาทิโน;

ปิตุปิตา มยฺหํ ตุวํสิ สกฺก, ธมฺเมน เม โคตม อยฺยโกสี’’ติ. –

โอสานคาถมาห.

ตตฺถ พุทฺธสฺส ปุตฺโตมฺหีติ, สพฺพฺุพุทฺธสฺส อุเร ชาตตาย โอรสปุตฺโต อมฺหิ. อสยฺหสาหิโนติ, อภิสมฺโพธิโต ปุพฺเพ เปตฺวา มหาโพธิสตฺตํ อฺเหิ สหิตุํ วหิตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา อสยฺหสฺส สกลสฺส โพธิสมฺภารสฺส มหาการุณิกาธิการสฺส จ สหนโต วหนโต, ตโต ปรมฺปิ อฺเหิ สหิตุํ อภิภวิตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา อสยฺหานํ ปฺจนฺนํ มารานํ สหนโต อภิภวนโต, อาสยานุสยจริตาธิมุตฺติอาทิวิภาคาวโพธเนน ยถารหํ เวเนยฺยานํ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺเถหิ อนุสาสนีสงฺขาตสฺส อฺเหิ อสยฺหสฺส พุทฺธกิจฺจสฺส จ สหนโต, ตตฺถ วา สาธุการีภาวโต อสยฺหสาหิโน. องฺคีรสสฺสาติ องฺคีกตสีลาทิสมฺปตฺติกสฺส. ‘‘องฺคมงฺเคหิ นิจฺฉรณกโอภาสสฺสา’’ติ อปเร. เกจิ ปน ‘‘องฺคีรโส, สิทฺธตฺโถติ ทฺเว นามานิ ปิตราเยว คหิตานี’’ติ วทนฺติ. อปฺปฏิมสฺสาติ อนูปมสฺส. อิฏฺานิฏฺเสุ ตาทิลกฺขณปฺปตฺติยา ตาทิโน. ปิตุปิตา มยฺหํ ตุวํสีติ อริยชาติวเสน มยฺหํ ปิตุ สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส โลกโวหาเรน ตฺวํ ปิตา อสิ. สกฺกาติ ชาติวเสน ราชานํ อาลปติ. ธมฺเมนาติ สภาเวน อริยชาติ โลกิยชาตีติ ทฺวินฺนํ ชาตีนํ สภาวสโมธาเนน โคตมาติ ราชานํ โคตฺเตน อาลปติ. อยฺยโกสีติ ปิตามโห อสิ. เอตฺถ จ ‘‘พุทฺธสฺส ปุตฺโตมฺหี’’ติอาทึ วทนฺโต เถโร อฺํ พฺยากาสิ.

เอวํ ปน อตฺตานํ ชานาเปตฺวา หฏฺตุฏฺเน รฺา มหารเห ปลฺลงฺเก นิสีทาเปตฺวา อตฺตโน ปฏิยาทิตสฺส นานคฺครสสฺส โภชนสฺส ปตฺตํ ปูเรตฺวา ทินฺเน คมนาการํ ทสฺเสติ. ‘‘กสฺมา คนฺตุกามตฺถ, ภุฺชถา’’ติ จ วุตฺเต, ‘‘สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ภุฺชิสฺสามี’’ติ. ‘‘กหํ ปน สตฺถา’’ติ? ‘‘วีสติสหสฺสภิกฺขุปริวาโร ตุมฺหากํ ทสฺสนตฺถาย มคฺคํ ปฏิปนฺโน’’ติ. ‘‘ตุมฺเห อิมํ ปิณฺฑปาตํ ปริภุฺชิตฺวา ยาว มม ปุตฺโต อิมํ นครํ สมฺปาปุณาติ, ตาวสฺส อิโตว ปิณฺฑปาตํ หรถา’’ติ. เถโร ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา รฺโ ปริสาย จ ธมฺมํ กเถตฺวา สตฺถุ อาคมนโต ปุเรตรเมว สกลํ ราชนิเวสนํ รตนตฺตเย อภิปฺปสนฺนํ กโรนฺโต สพฺเพสํ ปสฺสนฺตานํเยว สตฺถุ อาหริตพฺพภตฺตปุณฺณํ ปตฺตํ อากาเส วิสฺสชฺเชตฺวา สยมฺปิ เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ปิณฺฑปาตํ อุปเนตฺวา สตฺถุ หตฺเถ เปสิ. สตฺถา ตํ ปิณฺฑปาตํ ปริภุฺชิ. เอวํ สฏฺิโยชนํ มคฺคํ ทิวเส ทิวเส โยชนํ คจฺฉนฺตสฺส สตฺถุ ราชเคหโตว ภตฺตํ อาหริตฺวา อทาสิ. อถ นํ ภควา ‘‘มยฺหํ ปิตุ มหาราชสฺส สกลนิเวสนํ ปสาเทสี’’ติ กุลปฺปสาทกานํ อคฺคฏฺาเน เปสีติ.

กาฬุทายิตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. เอกวิหาริยตฺเถรคาถาวณฺณนา

ปุรโต ปจฺฉโต วาติอาทิกา อายสฺมโต เอกวิหาริยตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต กสฺสปทสพลสฺส กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา วิเวกวาสํ วสิ.

โส เตน ปุฺกมฺเมน เอกํ พุทฺธนฺตรํ เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ภควติ ปรินิพฺพุเต ธมฺมาโสกรฺโ กนิฏฺภาตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ. อโสกมหาราชา กิร สตฺถุ ปรินิพฺพานโต ทฺวินฺนํ วสฺสสตานํ อุปริ อฏฺารสเม วสฺเส สกลชมฺพุทีเป เอกรชฺชาภิเสกํ ปตฺวา อตฺตโน กนิฏฺํ ติสฺสกุมารํ โอปรชฺเช เปตฺวา เอเกน อุปาเยน ตํ สาสเน อภิปฺปสนฺนํ อกาสิ. โส เอกทิวสํ มิควํ คโต อรฺเ โยนกมหาธมฺมรกฺขิตตฺเถรํ หตฺถินาเคน สาลสาขํ คเหตฺวา พีชิยมานํ นิสินฺนํ ทิสฺวา สฺชาตปสาโท ‘‘อโห วตาหมฺปิ อยํ มหาเถโร วิย ปพฺพชิตฺวา อรฺเ วิหเรยฺย’’นฺติ จินฺเตสิ. เถโร ตสฺส จิตฺตาจารํ ตฺวา ตสฺส ปสฺสนฺตสฺเสว อากาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา อโสการาเม โปกฺขรณิยา อภิชฺชมาเน อุทเก ตฺวา จีวรฺจ อุตฺตราสงฺคฺจ อากาเส โอลคฺเคตฺวา นฺหายิตุํ อารภิ. กุมาโร เถรสฺส อานุภาวํ ทิสฺวา อภิปฺปสนฺโน อรฺโต นิวตฺติตฺวา ราชเคหํ คนฺตฺวา ‘‘ปพฺพชิสฺสามี’’ติ รฺโ อาโรเจสิ. ราชา ตํ อเนกปฺปการํ ยาจิตฺวา ปพฺพชฺชาธิปฺปายํ นิวตฺเตตุํ นาสกฺขิ. โส อุปาสโก หุตฺวา ปพฺพชฺชาสุขํ ปตฺเถนฺโต –

๕๓๗.

‘‘ปุรโต ปจฺฉโต วาปิ, อปโร เจ น วิชฺชติ;

อตีว ผาสุ ภวติ, เอกสฺส วสโต วเน.

๕๓๘.

‘‘หนฺท เอโก คมิสฺสามิ, อรฺํ พุทฺธวณฺณิตํ;

ผาสุ เอกวิหาริสฺส, ปหิตตฺตสฺส ภิกฺขุโน.

๕๓๙.

‘‘โยคี-ปีติกรํ รมฺมํ, มตฺตกุฺชรเสวิตํ;

เอโก อตฺถวสี ขิปฺปํ, ปวิสิสฺสามิ กานนํ.

๕๔๐.

‘‘สุปุปฺผิเต สีตวเน, สีตเล คิริกนฺทเร;

คตฺตานิ ปริสิฺจิตฺวา, จงฺกมิสฺสามิ เอกโก.

๕๔๑.

‘‘เอกากิโย อทุติโย, รมณีเย มหาวเน;

กทาหํ วิหริสฺสามิ, กตกิจฺโจ อนาสโว.

๕๔๒.

‘‘เอวํ เม กตฺตุกามสฺส, อธิปฺปาโย สมิชฺฌตุ;

สาธยิสฺสามหํเยว, นาฺโ อฺสฺส การโก’’ติ. –

อิมา ฉ คาถา อภาสิ.

ตตฺถ ปุรโต ปจฺฉโต วาติ อตฺตโน ปุรโต วา ปจฺฉโต วา, วา-สทฺทสฺส วิกปฺปตฺถตฺตา ปสฺสโต วา อปโร อฺโ ชโน น วิชฺชติ เจ, อตีว อติวิย ผาสุ จิตฺตสุขํ ภวติ. เอกวิหารีภาเวน เอกสฺส อสหายสฺส. วเน วสโตติ จิรปริจิเตน วิเวกชฺฌาสเยน อากฑฺฒิยมานหทโย โส รตฺตินฺทิวํ มหาชนปริวุตสฺส วสโต สงฺคณิกวิหารํ นิพฺพินฺทนฺโต วิเวกสุขฺจ พหุํ มฺนฺโต วทติ.

หนฺทาติ โวสฺสคฺคตฺเถ นิปาโต, เตน อิทานิ กรียมานสฺส อรฺคมนสฺส นิจฺฉิตภาวมาห. เอโก คมิสฺสามีติ ‘‘สุฺาคาเร โข, คหปติ, ตถาคตา อภิรมนฺตี’’ติอาทิวจนโต (จูฬว. ๓๐๖) พุทฺเธหิ วณฺณิตํ ปสฏฺํ อรฺํ เอโก อสหาโย คมิสฺสามิ วาสาธิปฺปาเยน อุปคจฺฉามิ. ยสฺมา เอกวิหาริสฺส านาทีสุ อสหายภาเวน เอกวิหาริสฺส นิพฺพานํ ปฏิเปสิตจิตฺตตาย ปหิตตฺตสฺส อธิสีลสิกฺขาทิกา ติสฺโส สิกฺขา สิกฺขโต ภิกฺขุโน อรฺํ ผาสุ อิฏฺํ สุขาวหนฺติ อตฺโถ.

โยคี-ปีติกรนฺติ โยคีนํ ภาวนาย ยุตฺตปฺปยุตฺตานํ อปฺปสทฺทาทิภาเวน ฌานวิปสฺสนาทิปีตึ อาวหนโต โยคี-ปีติกรํ. วิสภาคารมฺมณาภาเวน ปฏิสลฺลานสารุปฺปตาย รมฺมํ. มตฺตกุฺชรเสวิตนฺติ มตฺตวรวารณวิจริตํ, อิมินาปิ พฺรหารฺภาเวน ชนวิเวกํเยว ทสฺเสติ. อตฺถวสีติ อิธ อตฺโถติ สมณธมฺโม อธิปฺเปโต. ‘‘กถํ นุ โข โส เม ภเวยฺยา’’ติ ตสฺส วสํ คโต.

สุปุปฺผิเตติ สุฏฺุ ปุปฺผิเต. สีตวเนติ ฉายูทกสมฺปตฺติยา สีเต วเน. อุภเยนปิ ตสฺส รมณียตํเยว วิภาเวติ. คิริกนฺทเรติ คิรีนํ อพฺภนฺตเร กนฺทเร. กนฺติ หิ อุทกํ, เตน ทาริตํ นินฺนฏฺานํ กนฺทรํ นาม. ตาทิเส สีตเล คิริกนฺทเร ฆมฺมปริตาปํ วิโนเทตฺวา อตฺตโน คตฺตานิ ปริสิฺจิตฺวา นฺหายิตฺวา จงฺกมิสฺสามิ เอกโกติ กตฺถจิ อนายตฺตวุตฺติตํ ทสฺเสติ.

เอกากิโยติ เอกากี อสหาโย. อทุติโยติ ตณฺหาสงฺขาตทุติยาภาเวน อทุติโย. ตณฺหา หิ ปุริสสฺส สพฺพทา อวิชหนฏฺเน ทุติยา นาม. เตนาห ภควา – ‘‘ตณฺหาทุติโย ปุริโส, ทีฆมทฺธาน สํสร’’นฺติ (อิติวุ. ๑๕, ๑๐๕).

เอวํ เม กตฺตุกามสฺสาติ ‘‘หนฺท เอโก คมิสฺสามี’’ติอาทินา วุตฺตวิธินา อรฺํ คนฺตฺวา ภาวนาภิโยคํ กตฺตุกามสฺส เม. อธิปฺปาโย สมิชฺฌตูติ ‘‘กทาหํ วิหริสฺสามิ, กตกิจฺโจ อนาสโว’’ติ เอวํ ปวตฺโต มโนรโถ อิชฺฌตุ สิทฺธึ ปาปุณาตุ. อรหตฺตปฺปตฺติ จ ยสฺมา น อายาจนมตฺเตน สิชฺฌติ, นาปิ อฺเน สาเธตพฺพา, ตสฺมา อาห ‘‘สาธยิสฺสามหํเยว, นาฺโ อฺสฺส การโก’’ติ.

เอวํ อุปราชสฺส ปพฺพชฺชาย ทฬฺหนิจฺฉยตํ ตฺวา ราชา อโสการามคมนียํ มคฺคํ อลงฺการาเปตฺวา กุมารํ สพฺพาลงฺการวิภูสิตํ มหติยา เสนาย มหจฺจราชานุภาเวน วิหารํ เนสิ. กุมาโร ปธานฆรํ คนฺตฺวา มหาธมฺมรกฺขิตตฺเถรสฺส สนฺติเก ปพฺพชิ, อเนกสตา มนุสฺสา ตํ อนุปพฺพชึสุ. รฺโ ภาคิเนยฺโย สงฺฆมิตฺตาย สามิโก อคฺคิพฺรหฺมาปิ ตเมว อนุปพฺพชิ. โส ปพฺพชิตฺวา หฏฺตุฏฺโ อตฺตนา กาตพฺพํ ปกาเสนฺโต –

๕๔๓.

‘‘เอส พนฺธามิ สนฺนาหํ, ปวิสิสฺสามิ กานนํ;

น ตโต นิกฺขมิสฺสามิ, อปฺปตฺโต อาสวกฺขยํ.

๕๔๔.

‘‘มาลุเต อุปวายนฺเต, สีเต สุรภิคนฺธิเก;

อวิชฺชํ ทาลยิสฺสามิ, นิสินฺโน นคมุทฺธนิ.

๕๔๕.

‘‘วเน กุสุมสฺฉนฺเน, ปพฺภาเร นูน สีตเล;

วิมุตฺติสุเขน สุขิโต, รมิสฺสามิ คิริพฺพเช’’ติ. –

ติสฺโส คาถา อภาสิ.

ตตฺถ เอส พนฺธามิ สนฺนาหนฺติ เอสาหํ วีริยสงฺขาตํ สนฺนาหํ พนฺธามิ, กาเย จ ชีวิเต จ นิรเปกฺโข วีริยสนฺนาเหน สนฺนยฺหามิ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา นาม สูโร ปุริโส ปจฺจตฺถิเก ปจฺจุปฏฺิเต ตํ เชตุกาโม อฺํ กิจฺจํ ปหาย กวจปฏิมุจฺจนาทินา ยุทฺธาย สนฺนยฺหติ, ยุทฺธภูมิฺจ คนฺตฺวา ปจฺจตฺถิเก อเชตฺวา ตโต น นิวตฺตติ, เอวมหมฺปิ กิเลสปจฺจตฺถิเก เชตุํ อาทิตฺตมฺปิ สีสํ เจลฺจ อชฺฌุเปกฺขิตฺวา จตุพฺพิธสมฺมปฺปธานวีริยสนฺนาหํ สนฺนยฺหามิ, กิเลเส อเชตฺวา กิเลสวิชยโยคฺคํ วิเวกฏฺานํ น วิสฺสชฺเชมีติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ปวิสิสฺสามิ กานนํ น ตโต นิกฺขมิสฺสามิ, อปฺปตฺโต อาสวกฺขย’’นฺติ.

‘‘มาลุเต อุปวายนฺเต’’ติอาทินา อรฺฏฺานสฺส กมฺมฏฺานภาวนาโยคฺยตํ วทติ, รมิสฺสามิ นูน คิริพฺพเชติ โยชนา. ปพฺพตปริกฺเขเป อภิรมิสฺสามิ มฺเติ อนาคตตฺถํ ปริกปฺเปนฺโต วทติ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.

เอวํ วตฺวา เถโร อรฺํ ปวิสิตฺวา สมณธมฺมํ กโรนฺโต อุปชฺฌาเยน สทฺธึ กลิงฺครฏฺํ อคมาสิ. ตตฺถสฺส ปาเท จมฺมิกาพาโธ อุปฺปชฺชิ, ตํ ทิสฺวา เอโก เวชฺโช ‘‘สปฺปึ, ภนฺเต, ปริเยสถ, ติกิจฺฉิสฺสามิ น’’นฺติ อาห. เถโร สปฺปิปริเยสนํ อกตฺวา วิปสฺสนาย เอว กมฺมํ กโรติ, โรโค วฑฺฒติ, เวชฺโช เถรสฺส ตตฺถ อปฺโปสฺสุกฺกตํ ทิสฺวา สยเมว สปฺปึ ปริเยสิตฺวา เถรํ อโรคํ อกาสิ. โส อโรโค หุตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๔๔.๑-๑๒) –

‘‘อิมมฺหิ ภทฺทเก กปฺเป, พฺรหฺมพนฺธุ มหายโส;

กสฺสโป นาม โคตฺเตน, อุปฺปชฺชิ วทตํ วโร.

‘‘นิปฺปปฺโจ นิราลมฺโพ, อากาสสมมานโส;

สุฺตาพหุโล ตาที, อนิมิตฺตรโต วสี.

‘‘อสงฺคจิตฺโต นิกฺเลโส, อสํสฏฺโ กุเล คเณ;

มหาการุณิโก วีโร, วินโยปายโกวิโท.

‘‘อุยฺยุตฺโต ปรกิจฺเจสุ, วินยนฺโต สเทวเก;

นิพฺพานคมนํ มคฺคํ, คตึ ปงฺกวิโสสนํ.

‘‘อมตํ ปรมสฺสาทํ, ชรามจฺจุนิวารณํ;

มหาปริสมชฺเฌ โส, นิสินฺโน โลกตารโก.

‘‘กรวีกรุโต นาโถ, พฺรหฺมโฆโส ตถาคโต;

อุทฺธรนฺโต มหาทุคฺคา, วิปฺปนฏฺเ อนายเก.

‘‘เทเสนฺโต วิรชํ ธมฺมํ, ทิฏฺโ เม โลกนายโก;

ตสฺส ธมฺมํ สุณิตฺวาน, ปพฺพชึ อนคาริยํ.

‘‘ปพฺพชิตฺวา ตทาปาหํ, จินฺเตนฺโต ชินสาสนํ;

เอกโกว วเน รมฺเม, วสึ สํสคฺคปีฬิโต.

‘‘สกฺกายวูปกาโส เม, เหตุภูโต มมาภวี;

มนโส วูปกาสสฺส, สํสคฺคภยทสฺสิโน.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา เถเร ตตฺถ วิหรนฺเต ราชา โกฏิธนปริจฺจาเคน โภชกคิริวิหารํ นาม กาเรตฺวา เถรํ ตตฺถ วาเสสิ. โส ตตฺถ วิหรนฺโต ปรินิพฺพานกาเล –

๕๔๖.

‘‘โสหํ ปริปุณฺณสงฺกปฺโป, จนฺโท ปนฺนรโส ยถา;

สพฺพาสวปริกฺขีโณ, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’’ติ. –

โอสานคาถมาห. สา อุตฺตานตฺถาว. ตเทว จ เถรสฺส อฺาพฺยากรณํ อโหสีติ.

เอกวิหาริยตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. มหากปฺปินตฺเถรคาถาวณฺณนา

อนาคตํ โย ปฏิกจฺจ ปสฺสตีติอาทิกา อายสฺมโต มหากปฺปินตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร ปทุมุตฺตรพุทฺธกาเล หํสวตีนคเร กุลฆเร นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ ภิกฺขุโอวาทกานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา ตชฺชํ อธิการกมฺมํ กตฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถสิ.

โส ตตฺถ ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล พาราณสิยํ กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต ปุริสสหสฺสคณเชฏฺโก หุตฺวา คพฺภสหสฺสปฏิมณฺฑิตํ มหนฺตํ ปริเวณํ การาเปสิ. เต สพฺเพปิ ชนา ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา ตํ อุปาสกํ เชฏฺกํ กตฺวา สปุตฺตทารา เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา เอกํ พุทฺธนฺตรํ เทวมนุสฺเสสุ สํสรึสุ. เตสุ คณเชฏฺโก อมฺหากํ สตฺถุ นิพฺพตฺติโต ปุเรตรเมว ปจฺจนฺตเทเส กุกฺกุฏนามเก นคเร ราชเคเห นิพฺพตฺติ, ตสฺส กปฺปิโนติ นามํ อโหสิ. เสสปุริสา ตสฺมึเยว นคเร อมจฺจกุเล นิพฺพตฺตึสุ. กปฺปินกุมาโร ปิตุ อจฺจเยน ฉตฺตํ อุสฺสาเปตฺวา มหากปฺปินราชา นาม ชาโต. โส สุตวิตฺตกตาย ปาโตว จตูหิ ทฺวาเรหิ สีฆํ ทูเต เปเสสิ – ‘‘ยตฺถ พหุสฺสุเต ปสฺสถ, ตโต นิวตฺติตฺวา มยฺหํ อาโรเจถา’’ติ.

เตน จ สมเยน อมฺหากํ สตฺถา โลเก อุปฺปชฺชิตฺวา สาวตฺถึ อุปนิสฺสาย วิหรติ. ตสฺมึ กาเล สาวตฺถิวาสิโน วาณิชา สาวตฺถิยํ อุฏฺานกภณฺฑํ คเหตฺวา ตํ นครํ คนฺตฺวา ภณฺฑํ ปฏิสาเมตฺวา ‘‘ราชานํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ ปณฺณาการหตฺถา รฺโ อาโรจาเปสุํ. เต ราชา ปกฺโกสาเปตฺวา นิยฺยาทิตปณฺณากาเร วนฺทิตฺวา ิเต ‘‘กุโต อาคตตฺถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘สาวตฺถิโต, เทวา’’ติ. ‘‘กจฺจิ โว รฏฺํ สุภิกฺขํ, ธมฺมิโก ราชา’’ติ? ‘‘อาม, เทวา’’ติ. ‘‘กีทิโส ธมฺโม ตุมฺหากํ เทเส อิทานิ ปวตฺตตี’’ติ? ‘‘ตํ, เทว, น สกฺกา อุจฺฉิฏฺมุเขหิ กเถตุ’’นฺติ. ราชา สุวณฺณภิงฺคาเรน อุทกํ ทาเปสิ. เต มุขํ วิกฺขาเลตฺวา ทสพลาภิมุขา อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา, ‘‘เทว, อมฺหากํ เทเส พุทฺธรตนํ นาม อุปฺปนฺน’’นฺติ อาหํสุ. รฺโ ‘‘พุทฺโธ’’ติ วจเน สุตมตฺเตเยว สกลสรีรํ ผรมานา ปีติ อุปฺปชฺชิ. ตโต ‘‘พุทฺโธติ, ตาตา, วเทถา’’ติ อาห. ‘‘พุทฺโธติ, เทว, วทามา’’ติ. เอวํ ติกฺขตฺตุํ วทาเปตฺวา ‘‘พุทฺโธติ ปทํ อปริมาณ’’นฺติ ตสฺมึเยว ปเท ปสนฺโน สตสหสฺสํ ทตฺวา ‘‘อปรํ วเทถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘เทว, โลเก ธมฺมรตนํ นาม อุปฺปนฺน’’นฺติ. ตมฺปิ สุตฺวา ตเถว สตสหสฺสํ ทตฺวา ‘‘อปรํ วเทถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘เทว, สงฺฆรตนํ นาม อุปฺปนฺน’’นฺติ. ตมฺปิ สุตฺวา ตเถว สตสหสฺสํ ทตฺวา ‘‘พุทฺธสฺส ภควโต สนฺติเก ปพฺพชิสฺสามี’’ติ ตโตว นิกฺขมิ. อมจฺจาปิ ตเถว นิกฺขมึสุ. โส อมจฺจสหสฺเสน สทฺธึ คงฺคาตีรํ ปตฺวา ‘‘สเจ สตฺถา สมฺมาสมฺพุทฺโธ, อิเมสํ อสฺสานํ ขุรมตฺตมฺปิ มา เตเมตู’’ติ สจฺจาธิฏฺานํ กตฺวา อุทกปิฏฺเเนว ปูรํ คงฺคานทึ อติกฺกมิตฺวา อปรมฺปิ อฑฺฒโยชนวิตฺถารํ นทึ ตเถว อติกฺกมิตฺวา ตติยํ จนฺทภาคํ นาม มหานทึ ปตฺวา ตมฺปิ ตาย เอว สจฺจกิริยาย อติกฺกมิ.

สตฺถาปิ ตํทิวสํ ปจฺจูสสมยํเยว มหากรุณาสมาปตฺติโต วุฏฺาย โลกํ โวโลเกนฺโต ‘‘อชฺช มหากปฺปิโน ติโยชนสติกํ รชฺชํ ปหาย อมจฺจสหสฺสปริวาโร มม สนฺติเก ปพฺพชิตุํ อาคมิสฺสตี’’ติ ทิสฺวา ‘‘มยา เตสํ ปจฺจุคฺคมนํ กาตุํ ยุตฺต’’นฺติ ปาโตว สรีรปฏิชคฺคนํ กตฺวา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต สยเมว อากาเสน คนฺตฺวา จนฺทภาคาย นทิยา ตีเร เตสํ อุตฺตรณติตฺถสฺสาภิมุขฏฺาเน มหานิคฺโรธมูเล ปลฺลงฺเกน นิสินฺโน ฉพฺพณฺณพุทฺธรสฺมิโย วิสฺสชฺเชสิ. เต เตน ติตฺเถน อุตฺตรนฺตา พุทฺธรสฺมิโย อิโต จิโต จ วิธาวนฺติโย โอโลเกนฺโต ภควนฺตํ ทิสฺวา ‘‘ยํ สตฺถารํ อุทฺทิสฺส มยํ อาคตา, อทฺธา โส เอโส’’ติ ทสฺสเนเนว นิฏฺํ คนฺตฺวา ทิฏฺฏฺานโต ปฏฺาย โอนมิตฺวา ปรมนิปจฺจาการํ กโรนฺตา ภควนฺตํ อุปสงฺกมึสุ. ราชา ภควโต โคปฺผเกสุ คเหตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ สทฺธึ อมจฺจสหสฺเสน. สตฺถา เตสํ ธมฺมํ เทเสสิ. เทสนาปริโยสาเน สทฺธึ ปริสาย อรหตฺเต ปติฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๔.๖๖-๑๐๗) –

‘‘ปทุมุตฺตโร นาม ชิโน, สพฺพธมฺมาน ปารคู;

อุทิโต อชฏากาเส, รวีว สรทมฺพเร.

‘‘วจนาภาย โพเธติ, เวเนยฺยปทุมานิ โส;

กิเลสปงฺกํ โสเสติ, มติรํสีหิ นายโก.

‘‘ติตฺถิยานํ ยเส หนฺติ, ขชฺโชตาภา ยถา รวิ;

สจฺจตฺถาภํ ปกาเสติ, รตนํว ทิวากโร.

‘‘คุณานํ อายติภูโต, รตนานํว สาคโร;

ปชฺชุนฺโนริว ภูตานิ, ธมฺมเมเฆน วสฺสติ.

‘‘อกฺขทสฺโส ตทา อาสึ, นคเร หํสสวฺหเย;

อุเปจฺจ ธมฺมมสฺโสสึ, ชลชุตฺตมนามิโน.

‘‘โอวาทกสฺส ภิกฺขูนํ, สาวกสฺส กตาวิโน;

คุณํ ปกาสยนฺตสฺส, ตปฺปยนฺตสฺส เม มนํ.

‘‘สุตฺวา ปตีโต สุมโน, นิมนฺเตตฺวา ตถาคตํ;

สสิสฺสํ โภชยิตฺวาน, ตํ านมภิปตฺถยึ.

‘‘ตทา หํสสมภาโค, หํสทุนฺทุภินิสฺสโน;

ปสฺสเถตํ มหามตฺตํ, วินิจฺฉยวิสารทํ.

‘‘ปติตํ ปาทมูเล เม, สมุคฺคตตนูรุหํ;

ชีมูตวณฺณํ ปีณํสํ, ปสนฺนนยนานนํ.

‘‘ปริวาเรน มหตา, ราชยุตฺตํ มหายสํ;

เอโส กตาวิโน านํ, ปตฺเถติ มุทิตาสโย.

‘‘อิมินา ปณิปาเตน, จาเคน ปณิธีหิ จ;

กปฺปสตสหสฺสานิ, นุปปชฺชติ ทุคฺคตึ.

‘‘เทเวสุ เทวโสภคฺคํ, มนุสฺเสสุ มหนฺตตํ;

อนุโภตฺวาน เสเสน, นิพฺพานํ ปาปุณิสฺสติ.

‘‘สตสหสฺสิโต กปฺเป, โอกฺกากกุลสมฺภโว;

โคตโม นาม โคตฺเตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติ.

‘‘ตสฺส ธมฺเมสุ ทายาโท, โอรโส ธมฺมนิมฺมิโต;

กปฺปิโน นาม นาเมน, เหสฺสติ สตฺถุ สาวโก.

‘‘ตโตหํ สุกตํ การํ, กตฺวาน ชินสาสเน;

ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตุสิตํ อคมาสหํ.

‘‘เทวมานุสรชฺชานิ, สตโส อนุสาสิย;

พาราณสิยมาสนฺเน, ชาโต เกณิยชาติยํ.

‘‘สหสฺสปริวาเรน, สปชาปติโก อหํ;

ปฺจปจฺเจกพุทฺธานํ, สตานิ สมุปฏฺหึ.

‘‘เตมาสํ โภชยิตฺวาน, ปจฺฉาทมฺห ติจีวรํ;

ตโต จุตา มยํ สพฺเพ, อหุมฺห ติทสูปคา.

‘‘ปุโน สพฺเพ มนุสฺสตฺตํ, อคมิมฺห ตโต จุตา;

กุกฺกุฏมฺหิ ปุเร ชาตา, หิมวนฺตสฺส ปสฺสโต.

‘‘กปฺปิโน นามหํ อาสึ, ราชปุตฺโต มหายโส;

เสสามจฺจกุเล ชาตา, มเมว ปริวารยุํ.

‘‘มหารชฺชสุขํ ปตฺโต, สพฺพกามสมิทฺธิมา;

วาณิเชหิ สมกฺขาตํ, พุทฺธุปฺปาทมหํ สุณึ.

‘‘พุทฺโธ โลเก สมุปฺปนฺโน, อสโม เอกปุคฺคโล;

โส ปกาเสติ สทฺธมฺมํ, อมตํ สุขมุตฺตมํ.

‘‘สุยุตฺตา ตสฺส สิสฺสา จ, สุมุตฺตา จ อนาสวา;

สุตฺวา เนสํ สุวจนํ, สกฺกริตฺวาน วาณิเช.

‘‘ปหาย รชฺชํ สามจฺโจ, นิกฺขมึ พุทฺธมามโก;

นทึ ทิสฺวา มหาจนฺทํ, ปูริตํ สมติตฺติกํ.

‘‘อปฺปติฏฺํ อนาลมฺพํ, ทุตฺตรํ สีฆวาหินึ;

คุณํ สริตฺวา พุทฺธสฺส, โสตฺถินา สมติกฺกมึ.

‘‘ภวโสตํ สเจ พุทฺโธ, ติณฺโณ โลกนฺตคู วิทู;

เอเตน สจฺจวชฺเชน, คมนํ เม สมิชฺฌตุ.

‘‘ยทิ สนฺติคโม มคฺโค, โมกฺโข จจฺจนฺติกํ สุขํ;

เอเตน สจฺจวชฺเชน, คมนํ เม สมิชฺฌตุ.

‘‘สงฺโฆ เจ ติณฺณกนฺตาโร, ปุฺกฺเขตฺโต อนุตฺตโร;

เอเตน สจฺจวชฺเชน, คมนํ เม สมิชฺฌตุ.

‘‘สห กเต สจฺจวเร, มคฺคา อปคตํ ชลํ;

ตโต สุเขน อุตฺติณฺโณ, นทีตีเร มโนรเม.

‘‘นิสินฺนํ อทฺทสํ พุทฺธํ, อุเทนฺตํว ปภงฺกรํ;

ชลนฺตํ เหมเสลํว, ทีปรุกฺขํว โชติตํ.

‘‘สสึว ตาราสหิตํ, สาวเกหิ ปุรกฺขตํ;

วาสวํ วิย วสฺสนฺตํ, เทสนาชลทนฺตรํ.

‘‘วนฺทิตฺวาน สหามจฺโจ, เอกมนฺตมุปาวิสึ;

ตโต โน อาสยํ ตฺวา, พุทฺโธ ธมฺมมเทสยิ.

‘‘สุตฺวาน ธมฺมํ วิมลํ, อโวจุมฺห มยํ ชินํ;

ปพฺพาเชหิ มหาวีร, นิพฺพินฺทามฺห มยํ ภเว.

‘‘สฺวกฺขาโต ภิกฺขเว ธมฺโม, ทุกฺขนฺตกรณาย โว;

จรถ พฺรหฺมจริยํ, อิจฺจาห มุนิสตฺตโม.

‘‘สห วาจาย สพฺเพปิ, ภิกฺขุเวสธรา มยํ;

อหุมฺห อุปสมฺปนฺนา, โสตาปนฺนา จ สาสเน.

‘‘ตโต เชตวนํ คนฺตฺวา, อนุสาสิ วินายโก;

อนุสิฏฺโ ชิเนนาหํ, อรหตฺตมปาปุณึ.

‘‘ตโต ภิกฺขุสหสฺสานิ, อนุสาสิมหํ ตทา;

มมานุสาสนกรา, เตปิ อาสุํ อนาสวา.

‘‘ชิโน ตสฺมึ คุเณ ตุฏฺโ, เอตทคฺเค เปสิ มํ;

ภิกฺขุโอวาทกานคฺโค, กปฺปิโนติ มหาชเน.

‘‘สตสหสฺเส กตํ กมฺมํ, ผลํ ทสฺเสสิ เม อิธ;

ปมุตฺโต สรเวโคว, กิเลเส ฌาปยึ มม.

‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปตฺวา ปน เต สพฺเพว สตฺถารํ ปพฺพชฺชํ ยาจึสุ. สตฺถา เต ‘‘เอถ, ภิกฺขโว’’ติ อาห. สา เอว เตสํ ปพฺพชฺชา อุปสมฺปทา จ อโหสิ. สตฺถา ตํ ภิกฺขุสหสฺสํ อาทาย อากาเสน เชตวนํ อคมาสิ. อเถกทิวสํ ภควา ตสฺสนฺเตวาสิเก ภิกฺขู อาห – ‘‘กจฺจิ, ภิกฺขเว, กปฺปิโน ภิกฺขูนํ ธมฺมํ เทเสตี’’ติ? ‘‘น, ภควา, เทเสติ. อปฺโปสฺสุกฺโก ทิฏฺธมฺมสุขวิหารมนุยุตฺโต วิหรติ, โอวาทมตฺตมฺปิ น เทตี’’ติ. สตฺถา เถรํ ปกฺโกสาเปตฺวา – ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, กปฺปิน, อนฺเตวาสิกานํ โอวาทมตฺตมฺปิ น เทสี’’ติ? ‘‘สจฺจํ, ภควา’’ติ. ‘‘พฺราหฺมณ, มา เอวํ กริ, อชฺช ปฏฺาย อุปคตานํ ธมฺมํ เทเสหี’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ เถโร สตฺถุ วจนํ สิรสา สมฺปฏิจฺฉิตฺวา เอโกวาเทเนว สมณสหสฺสํ อรหตฺเต ปติฏฺาเปสิ. เตน นํ สตฺถา ปฏิปาฏิยา อตฺตโน สาวเก เถเร านนฺตเร เปนฺโต ภิกฺขุโอวาทกานํ อคฺคฏฺาเน เปสิ. อเถกทิวสํ เถโร ภิกฺขุนิโย โอวทนฺโต –

๕๔๗.

‘‘อนาคตํ โย ปฏิกจฺจ ปสฺสติ, หิตฺจ อตฺถํ อหิตฺจ ตํ ทฺวยํ;

วิทฺเทสิโน ตสฺส หิเตสิโน วา, รนฺธํ น ปสฺสนฺติ สเมกฺขมานา.

๕๔๘.

‘‘อานาปานสตี ยสฺส, ปริปุณฺณา สุภาวิตา;

อนุปุพฺพํ ปริจิตา, ยถา พุทฺเธน เทสิตา;

โสมํ โลกํ ปภาเสติ, อพฺภา มุตฺโตว จนฺทิมา.

๕๔๙.

‘‘โอทาตํ วต เม จิตฺตํ, อปฺปมาณํ สุภาวิตํ;

นิพฺพิทฺธํ ปคฺคหีตฺจ, สพฺพา โอภาสเต ทิสา.

๕๕๐.

‘‘ชีวเต วาปิ สปฺปฺโ, อปิ วิตฺตปริกฺขโย;

ปฺาย จ อลาเภน, วิตฺตวาปิ น ชีวติ.

๕๕๑.

‘‘ปฺา สุตวินิจฺฉินี, ปฺา กิตฺติสิโลกวทฺธนี;

ปฺาสหิโต นโร อิธ, อปิ ทุกฺเขสุ สุขานิ วินฺทติ.

๕๕๒.

‘‘นายํ อชฺชตโน ธมฺโม, นจฺเฉโร นปิ อพฺภุโต;

ยตฺถ ชาเยถ มีเยถ, ตตฺถ กึ วิย อพฺภุตํ.

๕๕๓.

‘‘อนนฺตรฺหิ ชาตสฺส, ชีวิตา มรณํ ธุวํ;

ชาตา ชาตา มรนฺตีธ, เอวํ ธมฺมา หิ ปาณิโน.

๕๕๔.

‘‘น เหตทตฺถาย มตสฺส โหติ, ยํ ชีวิตตฺถํ ปรโปริสานํ;

มตมฺหิ รุณฺณํ น ยโส น โลกฺยํ, น วณฺณิตํ สมณพฺราหฺมเณหิ.

๕๕๕.

‘‘จกฺขุํ สรีรํ อุปหนฺติ เตน, นิหียติ วณฺณพลํ มตี จ;

อานนฺทิโน ตสฺส ทิสา ภวนฺติ, หิเตสิโน นาสฺส สุขี ภวนฺติ.

๕๕๖.

‘‘ตสฺมา หิ อิจฺเฉยฺย กุเล วสนฺเต, เมธาวิโน เจว พหุสฺสุเต จ;

เยสฺหิ ปฺาวิภเวน กิจฺจํ, ตรนฺติ นาวาย นทึว ปุณฺณ’’นฺติ. –

อิมา คาถา อภาสิ.

ตตฺถ อนาคตนฺติ น อาคตํ, อวินฺทนฺติ, อตฺโถ. ปฏิกจฺจาติ ปุเตตรํเยว. ปสฺสตีติ โอโลเกติ. อตฺถนฺติ กิจฺจํ. ตํ ทฺวยนฺติ หิตาหิตํ. วิทฺเทสิโนติ อมิตฺตา. หิเตสิโนติ มิตฺตา. รนฺธนฺติ ฉิทฺทํ. สเมกฺขมานาติ คเวสนฺตา. อิทํ วุตฺตํ โหติ – โย ปุคฺคโล อตฺตโน หิตาวหํ อหิตาวหํ ตทุภยฺจ อตฺถํ กิจฺจํ อนาคตํ อสมฺปตฺตํ ปุเรตรํเยว ปฺาจกฺขุนา อหํ วิย ปสฺสติ วีมํสติ วิจาเรติ, ตสฺส อมิตฺตา วา อหิตชฺฌาสเยน มิตฺตา วา หิตชฺฌาสเยน รนฺธํ คเวสนฺตา น ปสฺสนฺติ, ตาทิโส ปฺวา ปุคฺคโล อจฺฉิทฺทวุตฺติ, ตสฺมา ตุมฺเหหิ ตถารูเปหิ ภวิตพฺพนฺติ.

อิทานิ อานาปานสติภาวนาย คุณํ ทสฺเสนฺโต ตตฺถ ตานิ โยเชตุํ ‘‘อานาปานสตี ยสฺสา’’ติ ทุติยํ คาถมาห. ตตฺถ อานนฺติ อสฺสาโส. อปานนฺติ ปสฺสาโส. อสฺสาสปสฺสาสนิมิตฺตารมฺมณา สติ อานาปานสติ. สติสีเสน เจตฺถ ตํสมฺปยุตฺตสมาธิภาวนา อธิปฺเปตา. ยสฺสาติ, ยสฺส โยคิโน. ปริปุณฺณา สุภาวิตาติ จตุนฺนํ สติปฏฺานานํ โสฬสนฺนฺจ อาการานํ ปาริปูริยา สพฺพโส ปุณฺณา สตฺตนฺนํ โพชฺฌงฺคานํ วิชฺชาวิมุตฺตีนฺจ ปาริปูริยา สุฏฺุ ภาวิตา วฑฺฒิตา. อนุปุพฺพํ ปริจิตา, ยถา พุทฺเธน เทสิตาติ ‘‘โส สโตว อสฺสสตี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๒.๓๗๔; ม. นิ. ๑.๑๐๗) ยถา ภควตา เทสิตา, ตถา อนุปุพฺพํ อนุกฺกเมน ปริจิตา อาเสวิตา ภาวิตา. โสมํ โลกํ ปภาเสติ, อพฺภา มุตฺโตว จนฺทิมาติ โส โยคาวจโร ยถา อพฺภาทิอุปกฺกิเลสา วิมุตฺโต จนฺโท จนฺทาโลเกน อิมํ โอกาสโลกํ ปภาเสติ, เอวํ อวิชฺชาทิอุปกฺกิเลสวิมุตฺโต าณาโลเกน อตฺตสนฺตานปติตํ ปรสนฺตานปติตฺจ สงฺขารโลกํ ปภาเสติ ปกาเสติ. ตสฺมา ตุมฺเหหิ อานาปานสติภาวนา ภาเวตพฺพาติ อธิปฺปาโย.

อิทานิ อตฺตานํ นิทสฺสนํ กตฺวา ภาวนาภิโยคสฺส สผลตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘โอทาตํ วต เม จิตฺต’’นฺติ ตติยํ คาถมาห. ตสฺสตฺโถ – นีวรณมลวิคมโต โอทาตํ สุทฺธํ วต มม จิตฺตํ. ยถา ปมาณกรา ราคาทโย ปหีนา, อปฺปมาณฺจ นิพฺพานํ ปจฺจกฺขํ กตํ อโหสิ, ตถา ภาวิตตฺตา อปฺปมาณํ สุภาวิตํ, ตโต เอว จตุสจฺจํ นิพฺพิทฺธํ ปฏิวิชฺฌิตํ, สกลสํกิเลสปกฺขโต ปคฺคหิตฺจ หุตฺวา ทุกฺขาทิกา ปุพฺพนฺตาทิกา จ ทิสา โอภาสเต ตตฺถ วิติณฺณกงฺขตฺตา สพฺพธมฺเมสุ วิคตสมฺโมหตฺตา จ. ตสฺมา ตุมฺเหหิปิ เอวํ จิตฺตํ ภาเวตพฺพนฺติ ทสฺเสติ.

ยถา ภาวนามยา ปฺา จิตฺตมลวิโสธนาทินา ปุริสสฺส พหุปการา, เอวํ อิตราปีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ชีวเต วาปิ สปฺปฺโ’’ติ จตุตฺถคาถมาห. ตสฺสตฺโถ – ปริกฺขีณธโนปิ สปฺปฺชาติโก อิตรีตรสนฺโตเสน สนฺตุฏฺโ อนวชฺชาย ชีวิกาย ชีวติเยว. ตสฺส หิ ชีวิตํ ชีวิตํ นาม. เตนาห ภควา – ‘‘ปฺาชีวึ ชีวิตมาหุ เสฏฺ’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๗๓, ๒๔๖; สุ. นิ. ๑๘๔). ทุมฺเมธปุคฺคโล ปน ปฺาย อลาเภน ทิฏฺธมฺมิกํ สมฺปรายิกฺจ อตฺถํ วิราเธนฺโต วิตฺตวาปิ น ชีวติ, ครหาทิปฺปตฺติยา ชีวนฺโต นาม น ตสฺส โหติ, อนุปายฺุตาย วา ยถาธิคตํ ธนํ นาเสนฺโต ชีวิตมฺปิ สนฺธาเรตุํ น สกฺโกติเยว, ตสฺมา ปาริหาริยปฺาปิ ตุมฺเหหิ อปฺปมตฺเตหิ สมฺปาเทตพฺพาติ อธิปฺปาโย.

อิทานิ ปฺาย อานิสํเส ทสฺเสตุํ ‘‘ปฺา สุตวินิจฺฉินี’’ติ ปฺจมํ คาถมาห. ตตฺถ ปฺา สุตวินิจฺฉินีติ ปฺา นาเมสา สุตสฺส วินิจฺฉยินี, ยถาสุเต โสตปถมาคเต อตฺเถ ‘‘อยํ อกุสโล, อยํ กุสโล, อยํ สาวชฺโช, อยํ อนวชฺโช’’ติอาทินา วินิจฺฉยชนนี. กิตฺติสิโลกวทฺธนีติ กิตฺติยา สมฺมุขา ปสํสาย สิโลกสฺส ปตฺถฏยสภาวสฺส วทฺธนี, ปฺวโตเยว หิ กิตฺติอาทโย วิฺูนํ ปาสํสภาวโต. ปฺาสหิโตติ ปาริหาริยปฺาย, วิปสฺสนาปฺาย จ ยุตฺโต. อปิ ทุกฺเขสุ สุขานิ วินฺทตีติ เอกนฺตทุกฺขสภาเวสุ ขนฺธายตนาทีสุ สมฺมาปฏิปตฺติยา ยถาภูตสภาวาวโพเธน นิรามิสานิปิ สุขานิ ปฏิลภติ.

อิทานิ ตาสํ ภิกฺขุนีนํ อนิจฺจตาปฏิสํยุตฺตํ ธีรภาวาวหํ ธมฺมํ กเถนฺโต ‘‘นายํ อชฺชตโน ธมฺโม’’ติอาทินา เสสคาถา อภาสิ. ตตฺรายํ สงฺเขปตฺโถ – ยฺวายํ สตฺตานํ ชายนมียนสภาโว, อยํ ธมฺโม อชฺชตโน อธุนาคโต น โหติ, อภิณฺหปวตฺติกตาย น อจฺฉริโย, อพฺภุตปุพฺพตาภาวโต นาปิ อพฺภุโต. ตสฺมา ยตฺถ ชาเยถ มีเยถ, ยสฺมึ โลเก สตฺโต ชาเยยฺย, โส เอกํเสน มีเยถ, ตตฺถ กึ วิย? กึ นาม อพฺภุตํ สิยา? สภาวิกตฺตา มรณสฺส – น หิ ขณิกมรณสฺส กิฺจิ การณํ อตฺถิ. ยโต อนนฺตรฺหิ ชาตสฺส, ชีวิตา มรณํ ธุวํ ชาตสฺส ชาติสมนนฺตรํ ชีวิตโต มรณํ เอกนฺติกํ อุปฺปนฺนานํ ขนฺธานํ เอกํเสน ภิชฺชนโต. โย ปเนตฺถ ชีวตีติ โลกโวหาโร, โส ตทุปาทานสฺส อเนกปจฺจยายตฺตตาย อเนกนฺติโก, ยสฺมา เอตเทวํ, ตสฺมา ชาตา มรนฺตีธ, เอวํธมฺมา หิ ปาณิโนติ อยํ สตฺตานํ ปกติ, ยทิทํ ชาตานํ มรณนฺติ ชาติยา มรณานุพนฺธนตํ อาห.

อิทานิ ยสฺมา ตาสุ ภิกฺขุนีสุ กาจิ โสกพนฺธิตจิตฺตาปิ อตฺถิ, ตสฺมา ตาสํ โสกวิโนทนํ กาตุํ ‘‘น เหตทตฺถายาติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ น เหตทตฺถาย มตสฺส โหตีติ ยํ มตสฺส ชีวิตตฺถํ ชีวิตนิมิตฺตํ ปรโปริสานํ ปรปุคฺคลานํ รุณฺณํ, เอตํ ตสฺส มตสฺส สตฺตสฺส ชีวิตตฺถํ ตาว ติฏฺตุ, กสฺสจิปิ อตฺถาย น โหติ, เย ปน รุทนฺติ, เตสมฺปิ มตมฺหิ มตปุคฺคลนิมิตฺตํ รุณฺณํ, น ยโส น โลกฺยํ ยสาวหํ วิสุทฺธาวหฺจ น โหติ. น วณฺณิตํ สมณพฺราหฺมเณหีติ วิฺุปฺปสฏฺมฺปิ น โหติ, อถ โข วิฺุครหิตเมวาติ อตฺโถ.

น เกวลเมเตว เย รุทโต อาทีนวา, อถ โข อิเมปีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘จกฺขุํ สรีรํ อุปหนฺตี’’ติ คาถํ วตฺวา ตโต ปรํ โสกาทิอนตฺถปฏิพาหนตฺถํ กลฺยาณมิตฺตปยิรุปาสนายํ ตา นิโยเชนฺโต ‘‘ตสฺมา’’ติอาทินา โอสานคาถมาห. ตตฺถ ตสฺมาติ ยสฺมา รุณฺณํ รุทนฺตสฺส ปุคฺคลสฺส จกฺขุํ สรีรฺจ อุปหนฺติ วิพาธติ, เตน รุณฺเณน วณฺโณ พลํ มติ จ นิหียติ ปริหายติ, ตสฺส รุทนฺตสฺส ปุคฺคลสฺส ทิสา สปตฺตา อานนฺทิโน ปโมทวนฺโต ปีติวนฺโต ภวนฺติ. หิเตสิโน มิตฺตา ทุกฺขี ทุกฺขิตา ภวนฺติ ตสฺมา ธมฺโมชปฺาย สมนฺนาคตตฺตา เมธาวิโน ทิฏฺธมฺมิกาทิอตฺถสนฺนิสฺสิตสฺส พาหุสจฺจสฺส ปาริปูริยา พหุสฺสุเต, อตฺตโน กุเล วสนฺเต อิจฺเฉยฺย ปาฏิกงฺเขยฺย กุลูปเก กเรยฺย. เยสนฺติ เยสํ เมธาวีนํ พหุสฺสุตานํ ปณฺฑิตานํ ปฺาวิภเวน ปฺาพเลน ยถา มโหฆสฺส ปุณฺณํ นทึ นาวาย ตรนฺติ, เอวํ กุลปุตฺตา อตฺตโน อตฺถกิจฺจํ ตรนฺติ ปารํ ปาปุณนฺติ. เต อิจฺเฉยฺย กุเล วสนฺเตติ โยชนา.

เอวํ เถโร ตาสํ ภิกฺขุนีนํ ธมฺมํ กเถตฺวา วิสฺสชฺเชสิ. ตา เถรสฺส โอวาเท ตฺวา โสกํ วิโนเทตฺวา โยนิโส ปฏิปชฺชนฺติโย สทตฺถํ ปริปูเรสุํ.

มหากปฺปินตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๔. จูฬปนฺถกตฺเถรคาถาวณฺณนา

ทนฺธา มยฺหํ คตีติอาทิกา อายสฺมโต จูฬปนฺถกตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? ยเทตฺถ อฏฺุปฺปตฺติวเสน วตฺตพฺพํ, ตํ อฏฺกนิปาเต มหาปนฺถกวตฺถุสฺมึ (เถรคา. อฏฺ. ๒.มหาปนฺถกตฺเถรคาถาวณฺณนา) วุตฺตเมว. อยํ ปน วิเสโส – มหาปนฺถกตฺเถโร อรหตฺตํ ปตฺวา อคฺคผลสุเขน วีตินาเมนฺโต จินฺเตสิ – ‘‘กถํ นุ โข สกฺกา จูฬปนฺถกมฺปิ อิมสฺมึ สุเข ปติฏฺเปตุ’’นฺติ? โส อตฺตโน อยฺยกํ ธนเสฏฺึ อุปสงฺกมิตฺวา อาห – ‘‘สเจ, มหาเสฏฺิ, อนุชานาถ, อหํ จูฬปนฺถกํ ปพฺพาเชยฺย’’นฺติ. ‘‘ปพฺพาเชถ, ภนฺเต’’ติ. เถโร ตํ ปพฺพาเชสิ. โส ทสสุ สีเลสุ ปติฏฺิโต ภาตุ สนฺติเก –

‘‘ปทุมํ ยถา โกกนทํ สุคนฺธํ, ปาโต สิยา ผุลฺลมวีตคนฺธํ;

องฺคีรสํ ปสฺส วิโรจมานํ, ตปนฺตมาทิจฺจมิวนฺตลิกฺเข’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๑๒๓; อ. นิ. ๕.๑๙๕) –

คาถํ อุคฺคณฺหนฺโต จตูหิ มาเสหิ คเหตุํ นาสกฺขิ, คหิตคหิตํ ปทํ หทเย น ติฏฺติ. อถ นํ มหาปนฺถโก อาห – ‘‘ปนฺถก, ตฺวํ อิมสฺมึ สาสเน อภพฺโพ, จตูหิ มาเสหิ เอกคาถมฺปิ คเหตุํ น สกฺโกสิ. ปพฺพชิตกิจฺจํ ปน ตฺวํ กถํ มตฺถกํ ปาเปสฺสสิ? นิกฺขม อิโต’’ติ. โส เถเรน ปณามิโต ทฺวารโกฏฺกสมีเป โรทมาโน อฏฺาสิ.

เตน จ สมเยน สตฺถา ชีวกมฺพวเน วิหรติ. อถ ชีวโก ปุริสํ เปเสสิ, ‘‘ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ สตฺถารํ นิมนฺเตหี’’ติ. เตน จ สมเยน อายสฺมา มหาปนฺถโก ภตฺตุทฺเทสโก โหติ. โส ‘‘ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ ภิกฺขํ ปฏิจฺฉถ, ภนฺเต’’ติ วุตฺโต ‘‘จูฬปนฺถกํ เปตฺวา เสสานํ ปฏิจฺฉามี’’ติ อาห. ตํ สุตฺวา จูฬปนฺถโก ภิยฺโยโสมตฺตาย โทมนสฺสปฺปตฺโต อโหสิ. สตฺถา ตสฺส จิตฺตกฺเขทํ ตฺวา, ‘‘จูฬปนฺถโก มยา กเตน อุปาเยน พุชฺฌิสฺสตี’’ติ ตสฺส อวิทูเร าเน อตฺตานํ ทสฺเสตฺวา ‘‘กึ, ปนฺถก, โรทสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ภาตา มํ, ภนฺเต, ปณาเมตี’’ติ อาห. ‘‘ปนฺถก, มา จินฺตยิ, มม สาสเน ตุยฺหํ ปพฺพชฺชา, เอหิ, อิมํ คเหตฺวา ‘รโชหรณํ, รโชหรณ’นฺติ มนสิ กโรหี’’ติ อิทฺธิยา สุทฺธํ โจฬกฺขณฺฑํ อภิสงฺขริตฺวา อทาสิ. โส สตฺถารา ทินฺนํ โจฬกฺขณฺฑํ ‘‘รโชหรณํ, รโชหรณ’’นฺติ หตฺเถน ปริมชฺชนฺโต นิสีทิ. ตสฺส ตํ ปริมชฺชนฺตสฺส กิลิฏฺธาตุกํ ชาตํ, ปุน ปริมชฺชนฺตสฺส อุกฺขลิปริปุฺฉนสทิสํ ชาตํ. โส าณสฺส ปริปกฺกตฺตา เอวํ จินฺเตสิ – ‘‘อิทํ โจฬกฺขณฺฑํ ปกติยา ปริสุทฺธํ, อิมํ อุปาทิณฺณกสรีรํ นิสฺสาย กิลิฏฺํ อฺถา ชาตํ, ตสฺมา อนิจฺจํ ยถาเปตํ, เอวํ จิตฺตมฺปี’’ติ ขยวยํ ปฏฺเปตฺวา ตสฺมึเยว นิมิตฺเต ฌานานิ นิพฺพตฺเตตฺวา ฌานปาทกํ วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๒.๓๕-๕๔) –

‘‘ปทุมุตฺตโร นาม ชิโน, อาหุตีนํ ปฏิคฺคโห;

คณมฺหา วูปกฏฺโ โส, หิมวนฺเต วสี ตทา.

‘‘อหมฺปิ หิมวนฺตมฺหิ, วสามิ อสฺสเม ตทา;

อจิราคตํ มหาวีรํ, อุเปสึ โลกนายกํ.

‘‘ปุปฺผจฺฉตฺตํ คเหตฺวาน, อุปคจฺฉึ นราสภํ;

สมาธึ สมาปชฺชนฺตํ, อนฺตรายมกาสหํ.

‘‘อุโภ หตฺเถหิ ปคฺคยฺห, ปุปฺผจฺฉตฺตํ อทาสหํ;

ปฏิคฺคเหสิ ภควา, ปทุมุตฺตโร มหามุนิ.

‘‘สพฺเพ เทวา อตฺตมนา, หิมวนฺตํ อุเปนฺติ เต;

สาธุการํ ปวตฺเตสุํ, อนุโมทิสฺสติ จกฺขุมา.

‘‘อิทํ วตฺวาน เต เทวา, อุปคจฺฉุํ นรุตฺตมํ;

อากาเส ธารยนฺตสฺส, ปทุมจฺฉตฺตมุตฺตมํ.

‘‘สตปตฺตฉตฺตํ ปคฺคยฺห, อทาสิ ตาปโส มม;

ตมหํ กิตฺตยิสฺสามิ, สุณาถ มม ภาสโต.

‘‘ปฺจวีสติกปฺปานิ, เทวรชฺชํ กริสฺสติ;

จตุตฺตึสติกฺขตฺตุฺจ, จกฺกวตฺตี ภวิสฺสติ.

‘‘ยํ ยํ โยนึ สํสรติ, เทวตฺตํ อถ มานุสํ;

อพฺโภกาเส ปติฏฺนฺตํ, ปทุมํ ธารยิสฺสติ.

‘‘กปฺปสตสหสฺสมฺหิ, โอกฺกากกุลสมฺภโว;

โคตโม นาม โคตฺเตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติ.

‘‘ปกาสิเต ปาวจเน, มนุสฺสตฺตํ ลภิสฺสติ;

มโนมยมฺหิ กายมฺหิ, อุตฺตโม โส ภวิสฺสติ.

‘‘ทฺเว ภาตโร ภวิสฺสนฺติ, อุโภปิ ปนฺถกวฺหยา;

อนุโภตฺวา อุตฺตมตฺถํ, โชตยิสฺสนฺติ สาสนํ.

‘‘โสหํ อฏฺารสวสฺโส, ปพฺพชึ อนคาริยํ;

วิเสสาหํ น วินฺทามิ, สกฺยปุตฺตสฺส สาสเน.

‘‘ทนฺธา มยฺหํ คตี อาสิ, ปริภูโต ปุเร อหุํ;

ภาตา จ มํ ปณาเมสิ, คจฺฉ ทานิ สกํ ฆรํ.

‘‘โสหํ ปณามิโต สนฺโต, สงฺฆารามสฺส โกฏฺเก;

ทุมฺมโน ตตฺถ อฏฺาสึ, สามฺสฺมึ อเปกฺขวา.

‘‘ภควา ตตฺถ อาคจฺฉิ, สีสํ มยฺหํ ปรามสิ;

พาหาย มํ คเหตฺวาน, สงฺฆารามํ ปเวสยิ.

‘‘อนุกมฺปาย เม สตฺถา, อทาสิ ปาทปุฺฉนึ;

เอวํ สุทฺธํ อธิฏฺเหิ, เอกมนฺตมธิฏฺหํ.

‘‘หตฺเถหิ ตมหํ คยฺห, สรึ โกกนทํ อหํ;

ตตฺถ จิตฺตํ วิมุจฺจิ เม, อรหตฺตํ อปาปุณึ.

‘‘มโนมเยสุ กาเยสุ, สพฺพตฺถ ปารมึ คโต;

สพฺพาสเว ปริฺาย, วิหรามิ อนาสโว.

‘‘ปฏิสมฺภิทา จตสฺโส…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตมคฺเคเนวสฺส เตปิฏกํ ปฺจาภิฺา จ อาคมึสุ. สตฺถา เอเกน อูเนหิ ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ คนฺตฺวา ชีวกสฺส นิเวสเน ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ. จูฬปนฺถโก ปน อตฺตโน ภิกฺขาย อปฺปฏิจฺฉิตตฺตา เอว น คโต. ชีวโก ยาคุํ ทาตุํ อารภิ, สตฺถา ปตฺตํ หตฺเถน ปิทหิ. ‘‘กสฺมา, ภนฺเต, น คณฺหถา’’ติ วุตฺเต – ‘‘วิหาเร เอโก ภิกฺขุ อตฺถิ, ชีวกา’’ติ. โส ปุริสํ ปหิณิ, ‘‘คจฺฉ, ภเณ, วิหาเร นิสินฺนํ อยฺยํ คเหตฺวา เอหี’’ติ. จูฬปนฺถกตฺเถโรปิ รูเปน กิริยาย จ เอกมฺปิ เอเกน อสทิสํ ภิกฺขุสหสฺสํ นิมฺมินิตฺวา นิสีทิ. โส ปุริโส วิหาเร ภิกฺขูนํ พหุภาวํ ทิสฺวา คนฺตฺวา ชีวกสฺส กเถสิ – ‘‘อิมสฺมา ภิกฺขุสงฺฆา วิหาเร ภิกฺขุสงฺโฆ พหุตโร, ปกฺโกสิตพฺพํ อยฺยํ น ชานามี’’ติ. ชีวโก สตฺถารํ ปฏิปุจฺฉิ – ‘‘โกนาโม, ภนฺเต, วิหาเร นิสินฺโน ภิกฺขู’’ติ? ‘‘จูฬปนฺถโก นาม, ชีวกา’’ติ. ‘‘คจฺฉ, ภเณ, ‘จูฬปนฺถโก นาม กตโร’ติ ปุจฺฉิตฺวา ตํ อาเนหี’’ติ. โส วิหารํ คนฺตฺวา ‘‘จูฬปนฺถโก นาม กตโร, ภนฺเต’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อหํ จูฬปนฺถโก’’,‘‘อหํ จูฬปนฺถโก’’ติ เอกปหาเรเนว ภิกฺขุสหสฺสมฺปิ กเถสิ. โส ปุนาคนฺตฺวา ตํ ปวตฺตึ ชีวกสฺส อาโรเจสิ. ชีวโก ปฏิวิทฺธสจฺจตฺตา ‘‘อิทฺธิมา มฺเ, อยฺโย’’ติ นยโต ตฺวา ‘‘คจฺฉ, ภเณ, ปมํ กถนกมยฺยเมว ‘ตุมฺเห สตฺถา ปกฺโกสตี’ติ วตฺวา จีวรกณฺเณ คณฺหา’’ติ อาห. โส วิหารํ คนฺตฺวา ตถา อกาสิ, ตาวเทว นิมฺมิตภิกฺขู อนฺตรธายึสุ. โส เถรํ คเหตฺวา อคมาสิ.

สตฺถา ตสฺมึ ขเณ ยาคุฺจ ขชฺชกาทิเภทฺจ ปฏิคฺคณฺหิ. ทสพเล ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา วิหารํ คเต ธมฺมสภายํ กถา อุทปาทิ – ‘‘อโห พุทฺธานํ อานุภาโว, ยตฺร หิ นาม จตฺตาโร มาเส เอกคาถํ คเหตุํ อสกฺโกนฺตมฺปิ ลหุเกน ขเณเนว เอวํ มหิทฺธิกํ อกํสู’’ติ. สตฺถา เตสํ ภิกฺขูนํ กถาสลฺลาปํ สุตฺวา อาคนฺตฺวา พุทฺธาสเน นิสชฺช, ‘‘กึ วเทถ, ภิกฺขเว’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘อิมํ นาม, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต, ‘‘ภิกฺขเว, จูฬปนฺถเกน อิทานิ มยฺหํ โอวาเท ตฺวา โลกุตฺตรทายชฺชํ ลทฺธํ, ปุพฺเพ ปน โลกิยทายชฺช’’นฺติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต จูฬเสฏฺิชาตกํ (ชา. ๑.๑.๔) กเถสิ. อปรภาเค ตํ สตฺถา อริยคณปริวุโต ธมฺมาสเน นิสินฺโน มโนมยํ กายํ อภินิมฺมินนฺตานํ ภิกฺขูนํ เจโตวิวฏฺฏกุสลานฺจ อคฺคฏฺาเน เปสิ. โส อปเรน สมเยน ภิกฺขูหิ ‘‘ตถา ทนฺธธาตุเกน กถํ ตยา สจฺจานิ ปฏิวิทฺธานี’’ติ ปุฏฺโ ภาตุ ปณามนโต ปฏฺาย อตฺตโน ปฏิปตฺตึ ปกาเสนฺโต –

๕๕๗.

‘‘ทนฺธา มยฺหํ คตี อาสิ, ปริภูโต ปุเร อหํ;

ภาตา จ มํ ปณาเมสิ, คจฺฉ ทานิ ตุวํ ฆรํ.

๕๕๘.

‘‘โสหํ ปณามิโต สนฺโต, สงฺฆารามสฺส โกฏฺเก;

ทุมฺมโน ตตฺถ อฏฺาสึ, สาสนสฺมึ อเปกฺขวา.

๕๕๙.

‘‘ภควา ตตฺถ อาคจฺฉิ, สีสํ มยฺหํ ปรามสิ;

พาหาย มํ คเหตฺวาน, สงฺฆารามํ ปเวสยิ.

๕๖๐.

‘‘อนุกมฺปาย เม สตฺถา, ปาทาสิ ปาทปุฺฉนึ;

เอตํ สุทฺธํ อธิฏฺเหิ, เอกมนฺตํ สฺวธิฏฺิตํ.

๕๖๑.

‘‘ตสฺสาหํ วจนํ สุตฺวา, วิหาสึ สาสเน รโต;

สมาธึ ปฏิปาเทสึ, อุตฺตมตฺถสฺส ปตฺติยา.

๕๖๒.

‘‘ปุพฺเพนิวาสํ ชานามิ, ทิพฺพจกฺขุ วิโสธิตํ;

ติสฺโส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสนํ.

๕๖๓.

‘‘สหสฺสกฺขตฺตุมตฺตานํ, นิมฺมินิตฺวาน ปนฺถโก;

นิสีทมฺพวเน รมฺเม, ยาว กาลปฺปเวทนา.

๕๖๔.

‘‘ตโต เม สตฺถา ปาเหสิ, ทูตํ กาลปฺปเวทกํ;

ปเวทิตมฺหิ กาลมฺหิ, เวหาสาทุปสงฺกมึ.

๕๖๕.

‘‘วนฺทิตฺวา สตฺถุโน ปาเท, เอกมนฺตํ นิสีทหํ;

นิสินฺนํ มํ วิทิตฺวาน, อตฺถ สตฺถา ปฏิคฺคหิ.

๕๖๖.

‘‘อายาโค สพฺพโลกสฺส, อาหุตีนํ ปฏิคฺคโห;

ปุฺกฺเขตฺตํ มนุสฺสานํ, ปฏิคฺคณฺหิตฺถ ทกฺขิณ’’นฺติ. –

อิมา คาถา อภาสิ.

ตตฺถ ทนฺธาติ, มนฺทา, จตุปฺปทิกํ คาถํ จตูหิ มาเสหิ คเหตุํ อสมตฺถภาเวน ทุพฺพลา. คตีติ าณคติ. อาสีติ, อโหสิ. ปริภูโตติ, ตโต เอว ‘‘มุฏฺสฺสติ อสมฺปชาโน’’ติ หีฬิโต. ปุเรติ, ปุพฺเพ ปุถุชฺชนกาเล. ภาตา จาติ สมุจฺจยตฺโถ จ-สทฺโท, น เกวลํ ปริภูโตว, อถ โข ภาตาปิ มํ ปณาเมสิ, ‘‘ปนฺถก, ตฺวํ ทุปฺปฺโ อเหตุโก มฺเ, ตสฺมา ปพฺพชิตกิจฺจํ มตฺถกํ ปาเปตุํ อสมตฺโถ, น อิมสฺส สาสนสฺส อนุจฺฉวิโก, คจฺฉ ทานิ ตุยฺหํ อยฺยกฆร’’นฺติ นิกฺกฑฺเฒสิ. ภาตาติ, ภาตรา.

โกฏฺเกติ, ทฺวารโกฏฺกสมีเป. ทุมฺมโนติ, โทมนสฺสิโต. สาสนสฺมึ อเปกฺขวาติ, สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สาสเน สาเปกฺโข อวิพฺภมิตุกาโม.

ภควา ตตฺถ อาคจฺฉีติ, มหากรุณาสฺโจทิตมานโส มํ อนุคฺคณฺหนฺโต ภควา ยตฺถาหํ ิโต, ตตฺถ อาคจฺฉิ. อาคนฺตฺวา จ, ‘‘ปนฺถก, อหํ เต สตฺถา, น มหาปนฺถโก, มํ อุทฺทิสฺส ตว ปพฺพชฺชา’’ติ สมสฺสาเสนฺโต สีสํ มยฺหํ ปรามสิ ชาลาพนฺธนมุทุตลุนปีณวรายตงฺคุลิสมุปโสภิเตน วิกสิตปทุมสสฺสิรีเกน จกฺกงฺกิเตน หตฺถตเลน ‘‘อิทานิเยว มม ปุตฺโต ภวิสฺสตี’’ติ ทีเปนฺโต มยฺหํ สีสํ ปรามสิ. พาหาย มํ คเหตฺวานาติ, ‘‘กสฺมา ตฺวํ, อิธ ติฏฺสี’’ติ จนฺทนคนฺธคนฺธินา อตฺตโน หตฺเถน มํ ภุเช คเหตฺวา อนฺโตสงฺฆารามํ ปเวเสสิ. ปาทาสิ ปาทปุฺฉนินฺติ ปาทปุฺฉนึ กตฺวา ปาทาสิ ‘‘รโชหรณนฺติ มนสิ กโรหี’’ติ อทาสีติ อตฺโถ. ‘‘อทาสี’’ติ ‘‘ปาทปุฺฉนิ’’นฺติ จ ปนฺติ. เกจิ ปน ‘‘ปาทปุฺฉนิ’’นฺติ ปาทปุฺฉนโจฬกฺขณฺฑํ ปาทาสี’’ติ วทนฺติ. ตทยุตฺตํ อิทฺธิยา อภิสงฺขริตฺวา โจฬกฺขณฺฑสฺส ทินฺนตฺตา. เอตํ สุทฺธํ อธิฏฺเหิ, เอกมนฺตํ สฺวธิฏฺิตนฺติ, เอตํ สุทฺธํ โจฬกฺขณฺฑํ ‘‘รโชหรณํ, รโชหรณ’’นฺติ มนสิกาเรน สฺวธิฏฺิตํ กตฺวา เอกมนฺตํ เอกมนฺเต วิวิตฺเต คนฺธกุฏิปมุเข นิสินฺโน อธิฏฺเหิ ตถา จิตฺตํ สมาหิตํ กตฺวา ปวตฺเตหิ.

ตสฺสาหํ วจนํ สุตฺวาติ, ตสฺส ภควโต วจนํ โอวาทํ อหํ สุตฺวา ตสฺมึ สาสเน โอวาเท รโต อภิรโต หุตฺวา วิหาสึ ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชึ. ปฏิปชฺชนฺโต จ สมาธึ ปฏิปาเทสึ, อุตฺตมตฺถสฺส ปตฺติยาติ, อุตฺตมตฺโถ นาม อรหตฺตํ, ตสฺส อธิคมาย กสิณปริกมฺมวเสน รูปชฺฌานานิ นิพฺพตฺเตตฺวา ฌานปาทกํ วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา มคฺคปฏิปาฏิยา อคฺคมคฺคสมาธึ สมฺปาเทสินฺติ อตฺโถ. เอตฺถ หิ สมาธีติ อุปจารสมาธิโต ปฏฺาย ยาว จตุตฺถมคฺคสมาธิ, ตาว สมาธิสามฺเน คหิโต, อคฺคผลสมาธิ ปน อุตฺตมตฺถคฺคหเณน, สาติสยํ เจวายํ สมาธิกุสโล, ตสฺมา ‘‘สมาธึ ปฏิปาเทสิ’’นฺติ อาห. สมาธิกุสลตาย หิ อยมายสฺมา เจโตวิวฏฺฏกุสโล นาม ชาโต, มหาปนฺถกตฺเถโร ปน วิปสฺสนากุสลตาย สฺาวิวฏฺฏกุสโล นาม. เอโก เจตฺถ สมาธิลกฺขเณ เฉโก, เอโก วิปสฺสนาลกฺขเณ, เอโก สมาธิคาฬฺโห, เอโก วิปสฺสนาคาฬฺโห เอโก องฺคสํขิตฺเต เฉโก, เอโก อารมฺมณสํขิตฺเต, เอโก องฺคววตฺถาเน, เอโก อารมฺมณววตฺถาเนติ วณฺเณนฺติ. อปิจ จูฬปนฺถกตฺเถโร สาติสยํ จตุนฺนํ รูปาวจรชฺฌานานํ ลาภิตาย เจโตวิวฏฺฏกุสโล วุตฺโต, มหาปนฺถกตฺเถโร สาติสยํ จตุนฺนํ อรูปาวจรชฺฌานานํ ลาภิตาย สฺาวิวฏฺฏกุสโล. ปโม วา รูปาวจรชฺฌานลาภี หุตฺวา ฌานงฺเคหิ วุฏฺาย อรหตฺตํ ปตฺโตติ เจโตวิวฏฺฏกุสโล, อิตโร อรูปาวจรชฺฌานลาภี หุตฺวา ฌานงฺเคหิ วุฏฺาย อรหตฺตํ ปตฺโตติ สฺาวิวฏฺฏกุสโล. มโนมยํ ปน กายํ นิพฺพตฺเตนฺโต อฺเ ตโย วา จตฺตาโร วา นิพฺพตฺตนฺติ, น พหุเก, เอกสทิเสเยว จ กตฺวา นิพฺพตฺเตนฺติ, เอกวิธเมว กมฺมํ กุรุมาเน. อยํ ปน เถโร เอกาวชฺชเนน สมณสหสฺสํ มาเปสิ, ทฺเวปิ น กาเยน เอกสทิเส อกาสิ, น เอกวิธํ กมฺมํ กุรุมาเน. ตสฺมา มโนมยํ กายํ อภินิมฺมินนฺตานํ อคฺโค นาม ชาโต.

อิทานิ อตฺตโน อธิคตวิเสสํ ทสฺเสตุํ ‘‘ปุพฺเพนิวาสํ ชานามี’’ติอาทิมาห. กามฺจายํ เถโร ฉฬภิฺโ, ยา ปน อภิฺา อาสวกฺขยาณาธิคมสฺส พหูปการา, ตํ ทสฺสนตฺถํ ‘‘ปุพฺเพนิวาสํ ชานามิ, ทิพฺพจกฺขุ วิโสธิต’’นฺติ วตฺวา ‘‘ติสฺโส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา’’ติ วุตฺตํ. ปุพฺเพนิวาสยถากมฺมุปคอนาคตํสาณานิ หิ วิปสฺสนาจารสฺส พหูปการานิ, น ตถา อิตราณานิ.

สหสฺสกฺขตฺตุนฺติ สหสฺสํ. ‘‘สหสฺสวาร’’นฺติ เกจิ วทนฺติ. เอกาวชฺชเนน ปน เถโร สหสฺเส มโนมเย กาเย นิมฺมินิ, น วาเรน. เต จ โข อฺมฺมสทิเส วิวิธฺจ กมฺมํ กโรนฺเต. ‘‘กึ ปน สาวกานมฺปิ เอวรูปํ อิทฺธินิมฺมานํ สมฺภวตี’’ติ? น สมฺภวติ สพฺเพสํ, อภินีหารสมฺปตฺติยา ปน อยเมว เถโร เอวมกาสิ, ตถา เหส อิมินา องฺเคน เอตทคฺเค ปิโต. ปนฺถโก นิสีทีติ อตฺตานเมว ปรํ วิย วทติ. อมฺพวเนติ, อมฺพวเน ชีวเกน กตวิหาเร. เวหาสาทุปสงฺกมินฺติ เวหาสาติ กรเณ นิสฺสกฺกวจนํ, เวหาเสนาติ อตฺโถ, -กาโร ปทสนฺธิกโร. อถาติ, มม นิสชฺชาย ปจฺฉา. ปฏิคฺคหีติ ทกฺขิโณทกํ ปฏิคฺคณฺหิ. อายาโค สพฺพโลกสฺสาติ, สพฺพสฺส สเทวกสฺส โลกสฺส อคฺคทกฺขิเณยฺยตาย เทยฺยธมฺมํ อาเนตฺวา ยชิตพฺพฏฺานภูโต. อาหุตีนํ ปฏิคฺคโหติ, มหาผลภาวกรเณน ทกฺขิณาหุตีนํ ปฏิคฺคณฺหโก. ปฏิคฺคณฺหิตฺถ ทกฺขิณนฺติ ชีวเกน อุปนีตํ ยาคุขชฺชาทิเภทํ ทกฺขิณํ ปฏิคฺคเหสิ.

อถ โข ภควา กตภตฺตกิจฺโจ อายสฺมนฺตํ จูฬปนฺถกํ อาณาเปสิ – ‘‘อนุโมทนํ กโรหี’’ติ. โส สิเนรุํ คเหตฺวา มหาสมุทฺทํ มนฺเถนฺโต วิย ปภินฺนปฏิสมฺภิทาปฺปตฺตตาย เตปิฏกํ พุทฺธวจนํ สงฺโขเภนฺโต สตฺถุ อชฺฌาสยํ คณฺหนฺโต อนุโมทนํ อกาสิ. ตถา อุปนิสฺสยสมฺปนฺโนปิ จายมายสฺมา ตถารูปาย กมฺมปิโลติกาย ปริพาธิโต จตุปฺปทิกํ คาถํ จตูหิปิ มาเสหิ คเหตุํ นาสกฺขิ. ตํ ปนสฺส อุปนิสฺสยสมฺปตฺตึ โอโลเกตฺวา สตฺถา ปุพฺพจริยานุรูปํ โยนิโสมนสิกาเร นิโยเชสิ. ตถา หิ ภควา ตทา ชีวกสฺส นิเวสเน นิสินฺโน เอว ‘‘จูฬปนฺถกสฺส จิตฺตํ สมาหิตํ, วีถิปฏิปนฺนา วิปสฺสนา’’ติ ตฺวา ยถานิสินฺโนว อตฺตานํ ทสฺเสตฺวา, ‘‘ปนฺถก, ยทิปายํ ปิโลติกา สํกิลิฏฺา รชานุกิณฺณา, อิโต ปน อฺโ เอว อริยสฺส วินเย สํกิเลโส รโช จาติ ทสฺเสนฺโต –

‘‘ราโค รโช น จ ปน เรณุ วุจฺจติ, ราคสฺเสตํ อธิวจนํ รโชติ;

เอตํ รชํ วิปฺปชหิตฺวา ภิกฺขโว, วิหรนฺติ เต วีตรชสฺส สาสเน.

‘‘โทโส รโช…เป… สาสเน.

‘‘โมโห รโช…เป… วีตรชสฺส สาสเน’’ติ. –

อิมา ติสฺโส โอภาสคาถา อภาสิ. คาถาปริโยสาเน จูฬปนฺถโก อภิฺาปฏิสมฺภิทาปริวารํ อรหตฺตํ ปาปุณีติ.

จูฬปนฺถกตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. กปฺปตฺเถรคาถาวณฺณนา

นานากุลมลสมฺปุณฺโณติอาทิกา อายสฺมโต กปฺปตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต สิทฺธตฺถสฺส ภควโต กาเล วิภวสมฺปนฺเน กุเล นิพฺพตฺติตฺวา ปิตุ อจฺจเยน วิฺุตํ ปตฺโต นานาวิราควณฺณวิจิตฺเตหิ วตฺเถหิ อเนกวิเธหิ อาภรเณหิ นานาวิเธหิ มณิรตเนหิ พหุวิเธหิ ปุปฺผทามมาลาทีหิ จ กปฺปรุกฺขํ นาม อลงฺกริตฺวา เตน สตฺถุ ถูปํ ปูเชสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท มคธรฏฺเ มณฺฑลิกราชกุเล นิพฺพตฺติตฺวา ปิตุ อจฺจเยน รชฺเช ปติฏฺิโต กาเมสุ อติวิย รตฺโต คิทฺโธ หุตฺวา วิหรติ. ตํ สตฺถา มหากรุณาสมาปตฺติโต วุฏฺาย โลกํ โวโลเกนฺโต าณชาเล ปฺายมานํ ทิสฺวา, ‘‘กึ นุ โข ภวิสฺสตี’’ติ อาวชฺเชนฺโต, ‘‘เอส มม สนฺติเก อสุภกถํ สุตฺวา กาเมสุ วิรตฺตจิตฺโต หุตฺวา ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสตี’’ติ ตฺวา อากาเสน ตตฺถ คนฺตฺวา –

๕๖๗.

‘‘นานากุลมลสมฺปุณฺโณ, มหาอุกฺการสมฺภโว;

จนฺทนิกํว ปริปกฺกํ, มหาคณฺโฑ มหาวโณ.

๕๖๘.

‘‘ปุพฺพรุหิรสมฺปุณฺโณ, คูถกูเปน คาฬฺหิโต;

อาโปปคฺฆรโณ กาโย, สทา สนฺทติ ปูติกํ.

๕๖๙.

‘‘สฏฺิกณฺฑรสมฺพนฺโธ, มํสเลปนเลปิโต;

จมฺมกฺจุกสนฺนทฺโธ, ปูติกาโย นิรตฺถโก.

๕๗๐.

‘‘อฏฺิสงฺฆาตฆฏิโต, นฺหารุสุตฺตนิพนฺธโน;

เนเกสํ สํคตีภาวา, กปฺเปติ อิริยาปถํ.

๕๗๑.

‘‘ธุวปฺปยาโต มรณาย, มจฺจุราชสฺส สนฺติเก;

อิเธว ฉฑฺฑยิตฺวาน, เยนกามงฺคโม นโร.

๕๗๒.

‘‘อวิชฺชาย นิวุโต กาโย, จตุคนฺเถน คนฺถิโต;

โอฆสํสีทโน กาโย, อนุสยาชาลโมตฺถโต.

๕๗๓.

‘‘ปฺจนีวรเณ ยุตฺโต, วิตกฺเกน สมปฺปิโต;

ตณฺหามูเลนานุคโต, โมหจฺฉาทนฉาทิโต.

๕๗๔.

‘‘เอวายํ วตฺตเต กาโย, กมฺมยนฺเตน ยนฺติโต;

สมฺปตฺติ จ วิปตฺยนฺตา, นานาภาโว วิปชฺชติ.

๕๗๕.

‘‘เยมํ กายํ มมายนฺติ, อนฺธพาลา ปุถุชฺชนา;

วฑฺเฒนฺติ กฏสึ โฆรํ, อาทิยนฺติ ปุนพฺภวํ.

๕๗๖.

‘‘เยมํ กายํ วิวชฺเชนฺติ, คูถลิตฺตํว ปนฺนคํ;

ภวมูลํ วมิตฺวาน, ปรินิพฺพิสฺสนฺตินาสวา’’ติ. –

อิมาหิ คาถาหิ ตสฺส อสุภกถํ กเถสิ. โส สตฺถุ สมฺมุขา อเนกาการโวการํ ยาถาวโต สรีรสภาววิภาวนํ อสุภกถํ สุตฺวา สเกน กาเยน อฏฺฏียมาโน หรายมาโน ชิคุจฺฉมาโน สํวิคฺคหทโย สตฺถารํ วนฺทิตฺวา, ‘‘ลเภยฺยาหํ, ภนฺเต, ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺช’’นฺติ ปพฺพชฺชํ ยาจิ. สตฺถา สมีเป ิตมฺตรํ ภิกฺขุํ อาณาเปสิ – ‘‘คจฺฉ, ภิกฺขุ, อิมํ ปพฺพาเชตฺวา อุปสมฺปาเทตฺวา อาเนหี’’ติ. โส ตํ ตจปฺจกกมฺมฏฺานํ ทตฺวา ปพฺพาเชสิ. โส ขุรคฺเคเยว สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เตร ๑.๔.๑๐๒-๑๐๗) –

‘‘สิทฺธตฺถสฺส ภควโต, ถูปเสฏฺสฺส สมฺมุขา;

วิจิตฺตทุสฺเส ลเคตฺวา, กปฺปรุกฺขํ เปสหํ.

‘‘ยํ ยํ โยนุปปชฺชามิ, เทวตฺตํ อถ มานุสํ;

โสภยนฺโต มม ทฺวารํ, กปฺปรุกฺโข ปติฏฺติ.

‘‘อหฺจ ปริสา เจว, เย เกจิ มมวสฺสิตา;

ตมฺหา ทุสฺสํ คเหตฺวาน, นิวาเสม มยํ สทา.

‘‘จตุนฺนวุติโต กปฺเป, ยํ รุกฺขํ ปยึ อหํ;

ทุคฺคตึ นาภิชานามิ, กปฺปรุกฺขสฺสิทํ ผลํ.

‘‘อิโต จ สตฺตเม กปฺเป, สุเจฬา อฏฺ ขตฺติยา;

สตฺตรตนสมฺปนฺนา, จกฺกวตฺตี มหพฺพลา.

‘‘ปฏิสมฺภิทา จตสฺโส…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา ลทฺธูปสมฺปโท สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺโน อฺํ พฺยากโรนฺโต ตา เอว คาถา อภาสิ. เตเนว ตา เถรคาถา นาม ชาตา.

ตตฺถ นานากุลมลสมฺปุณฺโณติ, นานากุเลหิ นานาภาเคหิ มเลหิ สมฺปุณฺโณ, เกสโลมาทินานาวิธอสุจิโกฏฺาสภริโตติ อตฺโถ. มหาอุกฺการสมฺภโวติ, อุกฺกาโร วุจฺจติ วจฺจกูปํ. ยตฺตกวยา มาตา, ตตฺตกํ กาลํ การปริเสทิตวจฺจกูปสทิสตาย มาตุ กุจฺฉิ อิธ ‘‘มหาอุกฺกาโร’’ติ อธิปฺเปโต. โส กุจฺฉิ สมฺภโว อุปฺปตฺติฏฺานํ เอตสฺสาติ มหาอุกฺการสมฺภโว. จนฺทนิกํวาติ จนฺทนิกํ นาม อุจฺฉิฏฺโทกคพฺภมลาทีนํ ฉฑฺฑนฏฺานํ, ยํ ชณฺณุมตฺตํ อสุจิภริตมฺปิ โหติ, ตาทิสนฺติ อตฺโถ. ปริปกฺกนฺติ, ปริณตํ ปุราณํ. เตน ยถา จณฺฑาลคามทฺวาเร นิทาฆสมเย ถุลฺลผุสิตเก เทเว วสฺสนฺเต อุทเกน สมุปพฺยูฬฺหมุตฺตกรีสอฏฺิจมฺมนฺหารุขณฺฑเขฬสิงฺฆาณิกาทินานากุณปภริตํ กทฺทโมทกาลุฬิตํ กติปยทิวสาติกฺกเมน สํชาต กิมิกุลากุลํ สูริยาตปสนฺตาปกุถิตํ อุปริ เผณปุพฺพุฬกานิ มุฺจนฺตํ อภินีลวณฺณํ ปรมทุคฺคนฺธํ เชคุจฺฉํ จนฺทนิกาวาฏํ เนว อุปคนฺตุํ, น ทฏฺุํ อรหรูปํ หุตฺวา ติฏฺติ, ตถารูโปยํ กาโยติ ทสฺเสติ. สทา ทุกฺขตามูลโยคโต อสุจิปคฺฆรณโต อุปฺปาทชรามรเณหิ อุทฺธุมายนปริปจฺจนภิชฺชนสภาวตฺตา จ มหนฺโต คณฺโฑ วิยาติ มหาคณฺโฑ. สพฺพตฺถกเมว ทุกฺขเวทนานุพทฺธตฺตา คณฺฑานํ สหนโต อสุจิวิสฺสนฺทนโต จ มหนฺโต วโณ วิยาติ มหาวโณ คูถกูเปน คาฬิโตติ, วจฺจกูเปน วจฺเจเนว วา ภริโต. ‘‘คูถกูปนิคาฬฺหิโต’’ติปิ ปาฬิ, วจฺจกูปโต นิกฺขนฺโตติ อตฺโถ. อาโปปคฺฆรโณ กาโย, สทา สนฺทติ ปูติกนฺติ, อยํ กาโย อาโปธาตุยา สทา ปคฺฆรณสีโล, ตฺจ โข ปิตฺตเสมฺหเสทมุตฺตาทิกํ ปูติกํ อสุจึเยว สนฺทติ, น กทาจิ สุจินฺติ อตฺโถ.

สฏฺิกณฺฑรสมฺพนฺโธติ, คีวาย อุปริมภาคโต ปฏฺาย สรีรํ วินทฺธมานา สรีรสฺส ปุริมปจฺฉิมทกฺขิณวามปสฺเสสุ ปจฺเจกํ ปฺจ ปฺจ กตฺวา วีสติ, หตฺถปาเท วินทฺธมานา เตสํ ปุริมปจฺฉิมปสฺเสสุ ปฺจ ปฺจ กตฺวา จตฺตาลีสาติ สฏฺิยา กณฺฑเรหิ มหานฺหารูหิ สพฺพโส พทฺโธ วินทฺโธติ สฏฺิกณฺฑรสมฺพนฺโธ. มํสเลปนเลปิโตติ, มํสสงฺขาเตน เลปเนน ลิตฺโต, นวมํสเปสิสตานุลิตฺโตติ อตฺโถ. จมฺมกฺจุกสนฺนทฺโธติ, จมฺมสงฺขาเตน กฺจุเกน สพฺพโส โอนทฺโธ ปริโยนทฺโธ ปริจฺฉินฺโน. ปูติกาโยติ, สพฺพโส ปูติคนฺธิโก กาโย. นิรตฺถโกติ, นิปฺปโยชโน. อฺเสฺหิ ปาณีนํ กาโย จมฺมาทิวินิโยเคน สิยา สปฺปโยชโน, น ตถา มนุสฺสกาโยติ. อฏฺิสงฺฆาตฆฏิโตติ, อติเรกติสตานํ อฏฺีนํ สงฺฆาเตน ฆฏิโต สมฺพนฺโธ. นฺหารุสุตฺตนิพนฺธโนติ, สุตฺตสทิเสหิ นวหิ นฺหารุสเตหิ นิพนฺธิโต. เนเกสํ สํคตีภาวาติ, จตุมหาภูตชีวิตินฺทฺริยอสฺสาสปสฺสาสวิฺาณาทีนํ สมวายสมฺพนฺเธน สุตฺตเมรกสมวาเยน ยนฺตํ วิย านาทิอิริยาปถํ กปฺเปติ.

ธุวปฺปยาโต มรณายาติ, มรณสฺส อตฺถาย เอกนฺตคมโน, นิพฺพตฺติโต ปฏฺาย มรณํ ปติ ปวตฺโต. ตโต เอว มจฺจุราชสฺส มรณสฺส สนฺติเก ิโต. อิเธว ฉฑฺฑยิตฺวานาติ, อิมสฺมึเยว โลเก กายํ ฉฑฺเฑตฺวา, ยถารุจิตฏฺานคามี อยํ สตฺโต, ตสฺมา ‘‘ปหาย คมนีโย อยํ กาโย’’ติ เอวมฺปิ สงฺโค น กาตพฺโพติ ทสฺเสติ.

อวิชฺชาย นิวุโตติ, อวิชฺชานีวรเณน นิวุโต ปฏิจฺฉาทิตาทีนโว, อฺถา โก เอตฺถ สงฺคํ ชเนยฺยาติ อธิปฺปาโย. จตุคนฺเถนาติ, อภิชฺฌากายคนฺถาทินา จตุพฺพิเธน คนฺเถน คนฺถิโต, คนฺถนิยภาเวน วินทฺธิโต. โอฆสํสีทโนติ, โอฆนิยภาเวน กาโมฆาทีสุ จตูสุ โอเฆสุ สํสีทนโก. อปฺปหีนภาเวน สนฺตาเน อนุ อนุ เสนฺตีติ อนุสยา, กามราคาทโย อนุสยา. เตสํ ชาเลน โอตฺถโต อภิภูโตติ อนุสยาชาลโมตฺถโต. มกาโร ปทสนฺธิกโร, คาถาสุขตฺถํ ทีฆํ กตฺวา วุตฺตํ. กามจฺฉนฺทาทินา ปฺจวิเธน นีวรเณน ยุตฺโต อธิมุตฺโตติ ปฺจนีวรเณ ยุตฺโต, กรณตฺเถ ภุมฺมวจนํ.

กามวิตกฺกาทินา มิจฺฉาวิตกฺเกน สมปฺปิโต สมสฺสิโตติ วิตกฺเกน สมปฺปิโต. ตณฺหามูเลนานุคโตติ, ตณฺหาสงฺขาเตน ภวมูเลน อนุพทฺโธ. โมหจฺฉาทนฉาทิโตติ, สมฺโมหสงฺขาเตน อาวรเณน ปลิคุณฺิโต. สพฺพเมตํ สวิฺาณกํ กรชกายํ สนฺธาย วทติ. สวิฺาณโก หิ อตฺตภาโว ‘‘อุจฺฉินฺนภวเนตฺติโก, ภิกฺขเว, ตถาคตสฺส กาโย ติฏฺติ, อยฺเจว กาโย พหิทฺธา จ นามรูป’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๑.๑๔๗) กาโยติ วุจฺจติ, เอวายํ วตฺตเต กาโยติ เอวํ ‘‘นานากุลมลสมฺปุณฺโณ’’ติอาทินา ‘‘อวิชฺชาย นิวุโต’’ติอาทินา จ วุตฺตปฺปกาเรน อยํ กาโย วตฺตติ, วตฺตนฺโต จ กมฺมยนฺเตน สุกตทุกฺกเฏน กมฺมสงฺขาเตน ยนฺเตน ยนฺติโต สงฺฆฏิโต. ยถา วา เขมนฺตํ คนฺตุํ น สกฺโกติ, ตถา สงฺโขภิโต สุคติทุคฺคตีสุ วตฺตติ ปริพฺภมติ. สมฺปตฺติ จ วิปตฺยนฺตาติ ยา เอตฺถ สมฺปตฺติ, สา วิปตฺติปริโยสานา. สพฺพฺหิ โยพฺพนํ ชราปริโยสานํ, สพฺพํ อาโรคฺยํ พฺยาธิปริโยสานํ, สพฺพํ ชีวิตํ มรณปริโยสานํ, สพฺโพ สมาคโม วิโยคปริโยสาโน. เตนาห ‘‘นานาภาโว วิปชฺชตี’’ติ. นานาภาโวติ, วินาภาโว วิปฺปโยโค, โส กทาจิ วิปฺปยุฺชกสฺส วเสน, กทาจิ วิปฺปยุฺชิตพฺพสฺส วเสนาติ วิวิธํ ปชฺชติ ปาปุณียติ.

เยมํ กายํ มมายนฺตีติ เย อนฺธพาลา ปุถุชฺชนา เอวํ อสุภํ อนิจฺจํ อธุวํ ทุกฺขํ อสารํ อิมํ กายํ ‘‘มม อิท’’นฺติ คณฺหนฺตา มมายนฺติ ฉนฺทราคํ อุปฺปาเทนฺติ, เต ชาติอาทีหิ นิรยาทีหิ จ โฆรํ ภยานกํ อปณฺฑิเตหิ อภิรมิตพฺพโต กฏสิสงฺขาตํ สํสารํ ปุนปฺปุนํ ชนนมรณาทีหิ วฑฺเฒนฺติ, เตนาห ‘‘อาทิยนฺติ ปุนพฺภว’’นฺติ.

เยมํ กายํ วิวชฺเชนฺติ, คูถลิตฺตํว ปนฺนคนฺติ ยถา นาม ปุริโส สุขกาโม ชีวิตุกาโม คูถคตํ อาสีวิสํ ทิสฺวา ชิคุจฺฉนิยตาย วา สปฺปฏิภยตาย วา วิวชฺเชติ น อลฺลียติ, เอวเมวํ เย ปณฺฑิตา กุลปุตฺตา อสุจิภาเวน เชคุจฺฉํ อนิจฺจาทิภาเวน สปฺปฏิภยํ อิมํ กายํ วิวชฺเชนฺติ ฉนฺทราคปฺปหาเนน ปชหนฺติ. เต ภวมูลํ อวิชฺชํ ภวตณฺหฺจ วมิตฺวา ฉฑฺเฑตฺวา อจฺจนฺตเมว ปหาย ตโต เอว สพฺพโส อนาสวา สอุปาทิเสสาย อนุปาทิเสสาย จ นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายิสฺสนฺตีติ.

กปฺปตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. วงฺคนฺตปุตฺตอุปเสนตฺเถรคาถาวณฺณนา

วิวิตฺตํ อปฺปนิคฺโฆสนฺติอาทิกา อายสฺมโต อุปเสนตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล หํสวตีนคเร กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุณมาโน สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ สมนฺตปาสาทิกานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา สตฺถุ อธิการกมฺมํ กตฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถตฺวา ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท นาลกคาเม รูปสารีพฺราหฺมณิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติ, อุปเสโนติสฺส นามํ อโหสิ. โส วยปฺปตฺโต ตโย เวเท อุคฺคเหตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา อุปสมฺปทาย เอกวสฺสิโก ‘‘อริยคพฺภํ วฑฺเฒมี’’ติ เอกํ กุลปุตฺตํ อตฺตโน สนฺติเก อุปสมฺปาเทตฺวา เตน สทฺธึ สตฺถุ สนฺติกํ คโต. สตฺถารา จสฺส ตสฺส อวสฺสิกสฺส ภิกฺขุโน สทฺธิวิหาริกภาวํ สุตฺวา, ‘‘อติลหุํ โข ตฺวํ, โมฆปุริส, พาหุลฺลาย อาวตฺโต’’ติ (มหาว. ๗๕) ครหิโต. ‘‘อิทานาหํ ยทิปิ ปริสํ นิสฺสาย สตฺถารา ครหิโต, ปริสํเยว ปน นิสฺสาย สตฺถุ ปาสํโสปิ ภวิสฺสามี’’ติ วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๒.๘๖-๙๖) –

‘‘ปทุมุตฺตรํ ภควนฺตํ, โลกเชฏฺํ นราสภํ;

ปพฺภารมฺหิ นิสีทนฺตํ, อุปคจฺฉึ นรุตฺตมํ.

‘‘กณิการปุปฺผํ ทิสฺวา, วณฺเฏ เฉตฺวานหํ ตทา;

อลงฺกริตฺวา ฉตฺตมฺหิ, พุทฺธสฺส อภิโรปยึ.

‘‘ปิณฺฑปาตฺจ ปาทาสึ, ปรมนฺนํ สุโภชนํ;

พุทฺเธน นวเม ตตฺถ, สมเณ อฏฺ โภชยึ.

‘‘อนุโมทิ มหาวีโร, สยมฺภู อคฺคปุคฺคโล;

อิมินา ฉตฺตทาเนน, ปรมนฺนปเวจฺฉนา.

‘‘เตน จิตฺตปฺปสาเทน, สมฺปตฺติมนุโภสฺสสิ;

ฉตฺตึสกฺขตฺตุํ เทวินฺโท, เทวรชฺชํ กริสฺสติ.

‘‘เอกวีสติกฺขตฺตุฺจ, จกฺกวตฺตี ภวิสฺสติ;

ปเทสรชฺชํ วิปุลํ, คณนาโต อสงฺขิยํ.

‘‘สตสหสฺสิโต กปฺเป, โอกฺกากกุลสมฺภโว;

โคตโม นาม โคตฺเตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติ.

‘‘สาสเน ทิพฺพมานมฺหิ, มนุสฺสตฺตํ คมิสฺสติ;

ตสฺส ธมฺเมสุ ทายาโท, โอรโส ธมฺมนิมฺมิโต.

‘‘อุปเสโนติ นาเมน, เหสฺสติ สตฺถุ สาวโก;

สมนฺตปาสาทิกตฺตา, อคฺคฏฺาเน เปสฺสติ.

‘‘จริมํ วตฺตเต มยฺหํ, ภวา สพฺเพ สมูหตา;

ธาเรมิ อนฺติมํ เทหํ, เชตฺวา มารํ สวาหนํ.

‘‘ปฏิสมฺภิทา จตสฺโส…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา สยมฺปิ สพฺเพ ธุตงฺคธมฺเม สมาทาย วตฺตติ, อฺเปิ ตทตฺถาย สมาทเปติ, เตน นํ ภควา สมนฺตปาสาทิกานํ อคฺคฏฺาเน เปสิ. โส อปเรน สมเยน โกสมฺพิยํ กลเห อุปฺปนฺเน ภิกฺขุสงฺเฆ จ ทฺวิธาภูเต เอเกน ภิกฺขุนา ตํ กลหํ ปริวชฺชิตุกาเมน ‘‘เอตรหิ โข กลโห อุปฺปนฺโน, สงฺโฆ ทฺวิธาภูโต, กถํ นุ โข มยา ปฏิปชฺชิตพฺพ’’นฺติ ปุฏฺโ วิเวกวาสโต ปฏฺาย ตสฺส ปฏิปตฺตึ กเถนฺโต –

๕๗๗.

‘‘วิวิตฺตํ อปฺปนิคฺโฆสํ, วาฬมิคนิเสวิตํ;

เสเว เสนาสนํ ภิกฺขุ, ปฏิสลฺลานการณา.

๕๗๘.

‘‘สงฺการปุฺชา อาหตฺวา, สุสานา รถิยาหิ จ;

ตโต สงฺฆาฏิกํ กตฺวา, ลูขํ ธาเรยฺย จีวรํ.

๕๗๙.

‘‘นีจํ มนํ กริตฺวาน, สปทานํ กุลา กุลํ;

ปิณฺฑิกาย จเร ภิกฺขุ, คุตฺตทฺวาโร สุสํวุโต.

๕๘๐.

‘‘ลูเขนปิ วา สนฺตุสฺเส, นาฺํ ปตฺเถ รสํ พหุํ;

รเสสุ อนุคิทฺธสฺส, ฌาเน น รมตี มโน.

๕๘๑.

‘‘อปฺปิจฺโฉ เจว สนฺตุฏฺโ, ปวิวิตฺโต วเส มุนิ;

อสํสฏฺโ คหฏฺเหิ, อนาคาเรหิ จูภยํ.

๕๘๒.

‘‘ยถา ชโฬ ว มูโค ว, อตฺตานํ ทสฺสเย ตถา;

นาติเวลํ สมฺภาเสยฺย, สงฺฆมชฺฌมฺหิ ปณฺฑิโต.

๕๘๓.

‘‘น โส อุปวเท กฺจิ, อุปฆาตํ วิวชฺชเย;

สํวุโต ปาติโมกฺขสฺมึ, มตฺตฺู จสฺส โภชเน.

๕๘๔. ‘‘สุคฺคหีตนิมิตฺตสฺส, จิตฺตสฺสุปฺปาทโกวิโท.

สมถํ อนุยุฺเชยฺย, กาเลน จ วิปสฺสนํ.

๕๘๕.

‘‘วีริยสาตจฺจสมฺปนฺโน, ยุตฺตโยโค สทา สิยา;

น จ อปฺปตฺวา ทุกฺขนฺตํ, วิสฺสาสํ เอยฺย ปณฺฑิโต.

๕๘๖.

‘‘เอวํ วิหรมานสฺส, สุทฺธิกามสฺส ภิกฺขุโน;

ขียนฺติ อาสวา สพฺเพ, นิพฺพุติฺจาธิคจฺฉตี’’ติ. –

อิมา คาถา อภาสิ.

ตตฺถ วิวิตฺตนฺติ, ชนวิวิตฺตํ สุฺํ อรฺาทึ. อปฺปนิคฺโฆสนฺติ, นิสฺสทฺทํ สทฺทสงฺฆฏฺฏนรหิตํ. วาฬมิคนิเสวิตนฺติ, สีหพฺยคฺฆทีปิวาฬมิเคหิ จริตํ. อิมินาปิ ชนวิเวกํเยว ทสฺเสติ ปนฺตเสนาสนภาวทีปนโต. เสนาสนนฺติ, สยิตุํ อาสยิตุฺจ ยุตฺตภาเวน วสนฏฺานํ อิธ เสนาสนนฺติ อธิปฺเปตํ. ปฏิสลฺลานการณาติ, ปฏิสลฺลานนิมิตฺตํ, นานารมฺมณโต นิวตฺเตตฺวา กมฺมฏฺาเนเยว จิตฺตสฺส ปฏิ ปฏิ สมฺมเทว อลฺลียนตฺถํ.

เอวํ ภาวนานุรูปํ เสนาสนํ นิทฺทิสนฺโต เสนาสเน สนฺโตสํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ จีวราทีสุปิ ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘สํการปุฺชา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สํการปุฺชาติ สํการานํ ปุฺชํ สํการปุฺชํ, ตโต กจวรฏฺานา. อาหตฺวาติ อาหริตฺวา. ตโตติ ตถา อาหฏโจฬกฺขณฺเฑหิ. กรเณ หิ อิทํ นิสฺสกฺกวจนํ ลูขนฺติ สตฺถลูขรชนลูขาทินา ลูขํ อวณฺณามฏฺํ. ธาเรยฺยาติ นิวาสนาทิวเสน ปริหเรยฺย, เอเตน จีวรสนฺโตสํ วทติ.

นีจ มนํ กริตฺวานาติ ‘‘อนฺตมิทํ, ภิกฺขเว, ชีวิกาน’’นฺติอาทิกํ (อิติวุ. ๙๑; สํ. นิ. ๓.๘๐) สุคโตวาทํ อนุสฺสริตฺวา นิหตมานทปฺปํ จิตฺตํ กตฺวา. สปทานนฺติ ฆเรสุ อวขณฺฑรหิตํ; อนุฆรนฺติ อตฺโถ. เตนาห ‘‘กุลา กุล’’นฺติ. กุลา กุลนฺติ กุลโต กุลํ, กุลานุปุพฺพิยา ฆรปฏิปาฏิยาติ อตฺโถ. ปิณฺฑิกายาติ มิสฺสกภิกฺขาย, อิมินา ปิณฺฑปาตสนฺโตสํ วทติ. คุตฺตทฺวาโรติ สุปิหิตจกฺขาทิทฺวาโร. สุสํวุโตติ หตฺถกุกฺกุจฺจาทีนํ อภาเวน สุฏฺุ สํวุโต.

ลูเขนปิ วาติ อปิสทฺโท สมุจฺจเย, วา-สทฺโท วิกปฺเป. อุภเยนปิ ลูเขนปิ อปฺเปนปิ เยน เกนจิ สุลเภน อิตรีตเรน สนฺตุสฺเส สมํ สมฺมา ตุสฺเสยฺย. เตนาห ‘‘นาฺํ ปตฺเถ รสํ พหุ’’นฺติ. นาฺํ ปตฺเถ รสํ พหุนฺติ อตฺตนา ยถาลทฺธโต อฺํ มธุราทิรสํ พหุํ ปณีตฺจ น ปตฺเถยฺย น ปิเหยฺย, อิมินา คิลานปจฺจเยปิ สนฺโตโส ทสฺสิโต โหติ. รเสสุ เคธวารณตฺถํ ปน การณํ วทนฺโต รเสสุ อนุคิทฺธสฺส, ฌาเน น รมตี มโน’’ติ อาห. อินฺทฺริยสํวรมฺปิ อปริปูเรนฺตสฺส กุโต วิกฺขิตฺตจิตฺตสมาธานนฺติ อธิปฺปาโย.

เอวํ จตูสุ ปจฺจเยสุ สลฺเลขปฏิปตฺตึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อวสิฏฺกถาวตฺถูนิ ทสฺเสตุํ ‘‘อปฺปิจฺโฉ เจวา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อปฺปิจฺโฉติ, อนิจฺโฉ จตูสุ ปจฺจเยสุ อิจฺฉารหิโต, เตน จตุพฺพิธปจฺจเยสุ ตณฺหุปฺปาทวิกฺขมฺภนมาห. สนฺตุฏฺโติ, จตูสุ ปจฺจเยสุ ยถาลาภสนฺโตสาทินา สนฺตุฏฺโ. โย หิ –

‘‘อตีตํ นานุโสเจยฺย, นปฺปชปฺเปยฺยนาคตํ;

ปจฺจุปฺปนฺเนน ยาเปยฺย, โส ‘สนฺตุฏฺโ’ติ ปวุจฺจตี’’ติ.

ปวิวิตฺโตติ คณสงฺคณิกํ ปหาย กาเยน ปวิวิตฺโต วูปกฏฺโ. จิตฺตวิเวกาทิเก หิ ปรโต วกฺขติ. วเสติ สพฺพตฺถ โยเชตพฺพํ. โมเนยฺยธมฺมสมนฺนาคเมน มุนิ. อสํสฏฺโติ ทสฺสนสวนสมุลฺลปนสมฺโภคกายสํสคฺคานํ อภาเวน อสํสฏฺโ ยถาวุตฺตสํสคฺครหิโต. อุภยนฺติ, คหฏฺเหิ อนาคาเรหิ จาติ อุภเยหิปิ อสํสฏฺโ. กรเณ หิ อิทํ ปจฺจตฺตวจนํ.

อตฺตานํ ทสฺสเย ตถาติ อชโฬ อมูโคปิ สมาโน ยถา ชโฬ วา มูโค วา, ตถา อตฺตานํ ทสฺเสยฺย, เอเตน ปาคพฺพิยปฺปหานมาห. ชโฬ ว มูโค วาติ จ คาถาสุขตฺถํ รสฺสตฺตํ กตํ, สมุจฺจยตฺโถ จ วาสทฺโท. นาติเวลํ สมฺภาเสยฺยาติ อติเวลํ อติกฺกนฺตปมาณํ น ภาเสยฺย, มตฺตภาณี อสฺสาติ อตฺโถ. สงฺฆมชฺฌมฺหีติ ภิกฺขุสงฺเฆ, ชนสมูเห วา.

น โส อุปวเท กฺจีติ โส ยถาวุตฺตปฏิปตฺติโก ภิกฺขุ หีนํ วา มชฺฌิมํ วา อุกฺกฏฺํ วา ยํกิฺจิ น วาจาย อุปวเทยฺย. อุปฆาตํ วิวชฺชเยติ กาเยน อุปฆาตํ ปริวิเหนํ วชฺเชยฺย. สํวุโต ปาติโมกฺขสฺมินฺติ ปาติโมกฺขมฺหิ ปาติโมกฺขสํวรสีเล สํวุโต อสฺส, ปาติโมกฺขสํวเรน ปิหิตกายวาโจ สิยาติ อตฺโถ. มตฺตฺู จสฺส โภชเนติ ปริเยสนปฏิคฺคหณปริโภควิสฺสชฺชเนสุ โภชเน ปมาณฺู สิยา.

สุคฺคหีตนิมิตฺตสฺสาติ ‘‘เอวํ เม มนสิ กโรโต จิตฺตํ สมาหิตํ อโหสี’’ติ ตทาการํ สลฺลกฺเขนฺโต สุฏฺุ คหิตสมาธินิมิตฺโต อสฺส. ‘‘สุคฺคหีตนิมิตฺโต โส’’ติปิ ปาโ, โส โยคีติ อตฺโถ. จิตฺตสฺสุปฺปาทโกวิโทติ เอวํ ภาวยโต จิตฺตํ ลีนํ โหติ, ‘‘เอวํ อุทฺธต’’นฺติ ลีนสฺส อุทฺธตสฺส จ จิตฺตสฺส อุปฺปตฺติการเณ กุสโล อสฺส. ลีเน หิ จิตฺเต ธมฺมวิจยวีริยปีติสมฺโพชฺฌงฺคา ภาเวตพฺพา, อุทฺธเต ปสฺสทฺธิสมาธิอุเปกฺขาสมฺโพชฺฌงฺคา. สติสมฺโพชฺฌงฺโค ปน สพฺพตฺถ อิจฺฉิตพฺโพ. เตนาห ภควา – ‘‘ยสฺมิฺจ โข, ภิกฺขเว, สมเย ลีนํ จิตฺตํ โหติ, กาโล ตสฺมึ สมเย ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺคสฺส ภาวนายา’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๕.๒๓๔). สมถํ อนุยุฺเชยฺยาติ สมถภาวนํ ภาเวยฺย, อนุปฺปนฺนํ สมาธึ อุปฺปาเทยฺย, อุปฺปนฺนฺจ ยาว วสีภาวปฺปตฺติ, ตาว วฑฺเฒยฺย พฺยูเหยฺยาติ อตฺโถ. กาเลน จ วิปสฺสนนฺติ ยถาลทฺธํ สมาธึ นิกนฺติยา อปริยาทาเนน หานภาคิยํ ิติภาคิยํ วา อกตฺวา นิพฺเพธภาคิยํว กตฺวา กาเลน วิปสฺสนฺจ อนุยุฺเชยฺย. อถ วา กาเลน จ วิปสฺสนนฺติ สมถํ อนุยุฺชนฺโต ตสฺส ถิรีภูตกาเล สงฺโกจํ อนาปชฺชิตฺวา อริยมคฺคาธิคมาย วิปสฺสนํ อนุยุฺเชยฺย. ยถาห –

‘‘อถ วา สมาธิลาเภน, วิวิตฺตสยเนน วา;

ภิกฺขุ วิสฺสาสมาปาทิ, อปฺปตฺโต อาสวกฺขย’’นฺติ. (ธ. ป. ๒๗๑-๒๗๒);

เตน วุตฺตํ – ‘‘วีริยสาตจฺจสมฺปนฺโน’’ติอาทิ. สตตภาโว สาตจฺจํ, วีริยสฺส สาตจฺจํ, เตน สมฺปนฺโน สมนฺนาคโต, สตตปวตฺตวีริโย, นิจฺจปคฺคหิตวีริโยติ อตฺโถ. ยุตฺตโยโค สทา สิยาติ สพฺพกาลํ ภาวนานุยุตฺโต สิยา. ทุกฺขนฺตนฺติ วฏฺฏทุกฺขสฺส อนฺตํ ปริโยสานํ นิโรธํ นิพฺพานํ อปฺปตฺวา วิสฺสาสํ น เอยฺย น คจฺเฉยฺย. ‘‘อหํ ปริสุทฺธสีโล ฌานลาภี อภิฺาลาภี วิปสฺสนํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา ิโต’’ติ วา วิสฺสฏฺโ น ภเวยฺยาติ อตฺโถ.

เอวํ วิหรมานสฺสาติ, เอวํ วิวิตฺตเสนาสนเสวนาทินา วิปสฺสนาวเสน ยุตฺตโยคตาปริโยสาเนน วิธินา วิหรนฺตสฺส. สุทฺธิกามสฺสาติ, าณทสฺสนวิสุทฺธึ อจฺจนฺตวิสุทฺธึ นิพฺพานํ อรหตฺตฺจ อิจฺฉนฺตสฺส. สํสาเร ภยสฺส อิกฺขโต ภิกฺขุโน, กามาสวาทโย สพฺเพ อาสวา ขียนฺติ ขยํ อพฺภตฺถํ คจฺฉนฺติ, เตสํ ขยคมเนเนว สอุปาทิเสสอนุปาทิเสสปเภทํ ทุวิธมฺปิ นิพฺพานํ อธิคจฺฉติ ปาปุณาติ.

เอวํ เถโร ตสฺส ภิกฺขุโน โอวาททานาปเทเสน อตฺตนา ตถาปฏิปนฺนภาวํ ทีเปนฺโต อฺํ พฺยากาสิ.

วงฺคนฺตปุตฺตอุปเสนตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. (อปร)-โคตมตฺเถรคาถาวณฺณนา

วิชาเนยฺย สกํ อตฺถนฺติอาทิกา อายสฺมโต อปรสฺส โคตมตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินิตฺวา อมฺหากํ ภควโต อุปฺปตฺติโต ปุเรตรเมว สาวตฺถิยํ อุทิจฺจพฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ติณฺณํ เวทานํ ปารคู หุตฺวา, วาทมคฺคํ อุคฺคเหตฺวา อตฺตโน วาทสฺส อุปริ อุตฺตรึ วทนฺตํ อลภนฺโต เตหิ เตหิ วิคฺคาหิกกถํ อนุยุตฺโต วิจรติ. อถ อมฺหากํ ภควา โลเก อุปฺปชฺชิตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺโก อนุปุพฺเพน ยสาทิเก เวเนยฺเย วิเนตฺวา อนาถปิณฺฑิกสฺส อภิยาจนาย สาวตฺถึ อุปคจฺฉิ. ตทา สตฺถุ เชตวนปฏิคฺคเห ปฏิลทฺธสทฺโธ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิ. สตฺถา อฺตรํ ปิณฺฑจาริกํ ภิกฺขุํ อาณาเปสิ – ‘‘ภิกฺขุ, อิมํ ปพฺพาเชหี’’ติ. โส เตน ปพฺพาชิยมาโน ขุรคฺเคเยว อรหตฺตํ ปาปุณิตฺวา โกสลชนปทํ คนฺตฺวา ตตฺถ จิรํ วสิตฺวา ปุน สาวตฺถึ ปจฺจาคมิ. ตํ พหู าตกา พฺราหฺมณมหาสาลา อุปสงฺกมิตฺวา ปยิรุปาสิตฺวา นิสินฺนา ‘‘อิมสฺมึ โลเก พหู สมณพฺราหฺมณา สํสาเร สุทฺธิวาทา, เตสุ กตเมสํ นุ โข วาโท นิยฺยานิโก, กถํ ปฏิปชฺชนฺโต สํสารโต สุชฺฌตี’’ติ ปุจฺฉึสุ. เถโร เตสํ ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต –

๕๘๗.

‘‘วิชาเนยฺย สกํ อตฺถํ, อวโลเกยฺยาถ ปาวจนํ;

ยฺเจตฺถ อสฺส ปติรูปํ, สามฺํ อชฺฌูปคตสฺส.

๕๘๘.

‘‘มิตฺตํ อิธ จ กลฺยาณํ, สิกฺขา วิปุลํ สมาทานํ;

สุสฺสูสา จ ครูนํ, เอตํ สมณสฺส ปติรูปํ.

๕๘๙.

‘‘พุทฺเธสุ สคารวตา, ธมฺเม อปจิติ ยถาภูตํ;

สงฺเฆ จ จิตฺตีกาโร, เอตํ สมณสฺส ปติรูปํ.

๕๙๐.

‘‘อาจารโคจเร ยุตฺโต, อาชีโว โสธิโต อคารยฺโห;

จิตฺตสฺส จ สณฺปนํ, เอตํ สมณสฺส ปติรูปํ.

๕๙๑.

‘‘จาริตฺตํ อถ วาริตฺตํ, อิริยาปถิยํ ปสาทนิยํ;

อธิจิตฺเต จ อาโยโค, เอตํ สมณสฺส ปติรูปํ.

๕๙๒.

‘‘อารฺกานิ เสนาสนานิ, ปนฺตานิ อปฺปสทฺทานิ;

ภชิตพฺพานิ มุนินา, เอตํ สมณสฺส ปติรูปํ.

๕๙๓.

‘‘สีลฺจ พาหุสจฺจฺจ, ธมฺมานํ ปวิจโย ยถาภูตํ;

สจฺจานํ อภิสมโย, เอตํ สมณสฺส ปติรูปํ.

๕๙๔.

‘‘ภาเวยฺย จ อนิจฺจนฺติ, อนตฺตสฺํ อสุภสฺฺจ;

โลกมฺหิ จ อนภิรตึ, เอตํ สมณสฺส ปติรูปํ.

๕๙๕.

‘‘ภาเวยฺย จ โพชฺฌงฺเค, อิทฺธิปาทานิ อินฺทฺริยานิ พลานิ;

อฏฺงฺคมคฺคมริยํ, เอตํ สมณสฺส ปติรูปํ.

๕๙๖.

‘‘ตณฺหํ ปชเหยฺย มุนิ, สมูลเก อาสเว ปทาเลยฺย;

วิหเรยฺย วิปฺปมุตฺโต, เอตํ สมณสฺส ปติรูป’’นฺติ. –

อิมา คาถา อภาสิ.

ตตฺถ วิชาเนยฺย สกํ อตฺถนฺติ, วิฺูชาติโก ปุริโส อตฺตโน อตฺถํ ยาถาวโต วิจาเรตฺวา ชาเนยฺย. วิจาเรนฺโต จ อวโลเกยฺยาถ ปาวจนํ อิธ โลเก ปุถุสมณพฺราหฺมเณหิ สมฺมาสมฺพุทฺเธน จ ปวุตฺตํ ปาวจนํ, สมโย. ตตฺถ ยํ นิยฺยานิกํ, ตํ โอโลเกยฺย ปฺาจกฺขุนา ปสฺเสยฺย. อิเม หิ นานาติตฺถิยา สมณพฺราหฺมณา อนิจฺเจ ‘‘นิจฺจ’’นฺติ, อนตฺตนิ ‘‘อตฺตา’’ติ, อสุทฺธิมคฺคฺจ ‘‘สุทฺธิมคฺโค’’ติ มิจฺฉาภินิเวสิโน อฺมฺฺจ วิรุทฺธวาทา, ตสฺมา เนสํ วาโท อนิยฺยานิโก. สมฺมาสมฺพุทฺโธ ปน ‘‘สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา, สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา, สนฺตํ นิพฺพาน’’นฺติ สยมฺภูาเณน ยถาภูตํ อพฺภฺาย ปเวเทติ, ตสฺมา ‘‘ตสฺส วาโท นิยฺยานิโก’’ติ สตฺถุ สาสนมหนฺตตํ โอโลเกยฺยาติ อตฺโถ. ยฺเจตฺถ อสฺส ปติรูปํ, สามฺํ อชฺฌูปคตสฺสาติ, สามฺํ สมณภาวํ ปพฺพชฺชํ อุปคตสฺส กุลปุตฺตสฺส ยํ เอตฺถ สาสเน ปพฺพชิตภาเว วา ปติรูปํ ยุตฺตรูปํ สารุปฺปํ อสฺส สิยา, ตมฺปิ อปโลเกยฺย.

กึ ปน ตนฺติ อาห ‘‘มิตฺตํ อิธ จ กลฺยาณ’’นฺติอาทิ. อิมสฺมึ สาสเน กลฺยาณมิตฺตํ เสวิยมานํ สมณสฺส ปติรูปนฺติ โยชนา. เอส นโย อิตเรสุปิ. กลฺยาณมิตฺตฺหิ นิสฺสาย อกุสลํ ปชหติ, กุสลํ ภาเวติ, สุทฺธมตฺตานํ ปริหรติ. สิกฺขา วิปุลํ สมาทานนฺติ วิปุลํ สิกฺขาสมาทานํ, มหติยา นิพฺพานาวหาย อธิสีลาทิสิกฺขาย อนุฏฺานนฺติ อตฺโถ. สุสฺสูสา จ ครูนนฺติ ครูนํ อาจริยุปชฺฌายาทีนํ กลฺยาณมิตฺตานํ โอวาทสฺส โสตุกมฺยตา ปาริจริยา จ. เอตนฺติ กลฺยาณมิตฺตเสวนาทิ.

พุทฺเธสุ สคารวตาติ สพฺพฺุพุทฺเธสุ ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภควา’’ติ คารวโยโค ครุจิตฺตีกาโร. ธมฺเม อปจิติ ยถาภูตนฺติ อริยธมฺเม ยาถาวโต อปจายนํ อาทเรน อภิปูชนํ. สงฺเฆติ อริยสงฺเฆ. จิตฺตีกาโรติ สกฺกาโร สมฺมานนํ. เอตนฺติ รตนตฺตยครุกรณํ.

อาจารโคจเร ยุตฺโตติ กายิกวาจสิกวีติกฺกมนสงฺขาตํ อนาจารํ, ปิณฺฑปาตาทีนํ อตฺถาย อุปสงฺกมิตุํ อยุตฺตฏฺานภูตํ เวสิยาทิอโคจรฺจ ปหาย กายิกวาจสิกอวีติกฺกมนสงฺขาเตน อาจาเรน ปิณฺฑปาตาทีนํ อตฺถาย อุปสงฺกมิตุํ ยุตฺตฏฺานภูเตน โคจเรน จ ยุตฺโต สมฺปนฺโน, สมฺปนฺนอาจารโคจโรติ อตฺโถ. อาชีโว โสธิโตติ เวฬุทานาทึ พุทฺธปฏิกุฏฺํ อเนสนํ ปหาย อนวชฺชุปฺปาเท ปจฺจเย เสวนฺตสฺส อาชีโว โสธิโต โหติ สุวิสุทฺโธ, โสธิตตฺตา เอว อคารยฺโห วิฺูหิ. จิตฺตสฺส จ สณฺปนนฺติ ยถา จกฺขาทิทฺวาเรหิ รูปาทิอารมฺมเณสุ อภิชฺฌาทโย นปฺปวตฺตนฺติ, เอวํ ทิฏฺเ ทิฏฺมตฺตาทิวเสน จิตฺตสฺส สมฺมา ปนํ. เอตนฺติ อาจารโคจรสมฺปตฺติ อาชีวปาริสุทฺธิ อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารตาติ เอตํ ตยํ.

จาริตฺตนฺติ จริตฺวา ปริปูเรตพฺพสีลํ. วาริตฺตนฺติ วิรติยา อกรเณน ปริปูเรตพฺพสีลํ. อิริยาปถิยํ ปสาทนิยนฺติ ปเรสํ ปสาทาวหํ อากปฺปสมฺปตฺตินิมิตฺตํ อิริยาปถนิสฺสิตํ สมฺปชฺํ. อธิจิตฺเต จ อาโยโคติ สมถวิปสฺสนาสุ อนุโยโค ภาวนา.

อารฺกานีติ อรฺเ ปริยาปนฺนานิ. ปนฺตานีติ วิวิตฺตานิ.

สีลนฺติ จตุปาริสุทฺธิสีลํ. เหฏฺา หิ ภินฺทิตฺวา วุตฺตํ, อิธ อภินฺทิตฺวา วทติ. พาหุสจฺจนฺติ พหุสฺสุตภาโว. โส หิ ภาวนานุโยคสฺส พหุกาโร, โพชฺฌงฺคโกสลฺลอนุตฺตรสีติภาวอธิจิตฺตยุตฺตตาทีสุ สมฺมา ปวิจยพหุลสฺส สมถวิปสฺสนานุโยโค สมฺปชฺชติ. ธมฺมานํ ปวิจโย ยถาภูตนฺติ รูปารูปธมฺมานํ อวิปรีตสลกฺขณโต สามฺลกฺขณโต จ ปริวีมํสา. อิมินา อธิปฺาธมฺมวิปสฺสนมาห. สจฺจานํ อภิสมโยติ ทุกฺขาทีนํ อริยสจฺจานํ ปริฺาภิสมยาทิวเสน ปฏิเวโธ.

สฺวายํ สจฺจาภิสมโย ยถา โหติ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ภาเวยฺยา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ภาเวยฺย จ อนิจฺจนฺติ ‘‘สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา’’ติอาทินา (ธ. ป. ๒๗๗) อวิภาคโต ‘‘ยํ กิฺจิ รูปํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺน’’นฺติอาทินา (วิภ. ๒; สํ. นิ. ๓.๔๙) วิภาคโต วา สพฺพสงฺขาเรสุ อนิจฺจสฺํ ภาเวยฺย อุปฺปาเทยฺย เจว วฑฺเฒยฺย จาติ อตฺโถ. อนตฺตสฺนฺติ, ‘‘สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา’’ติ ปวตฺตํ อนตฺตสฺฺจ ภาเวยฺยาติ โยชนา. เอวํ เสเสสุปิ. อสุภสฺนฺติ, กรชกาเย สพฺพสฺมิมฺปิ วา เตภูมกสงฺขาเร กิเลสาสุจิปคฺฆรณโต ‘‘อสุภา’’ติ ปวตฺตสฺํ. ทุกฺขสฺาปริวารา หิ อยํ, เอเตเนว เจตฺถ ทุกฺขสฺาปิ คหิตาติ เวทิตพฺพํ. โลกมฺหิ จ อนภิรตินฺติ สพฺพโลเก เตภูมเกสุ สงฺขาเรสุ อนาภิรติสฺํ. เอเตน อาทีนวานุปสฺสนํ นิพฺพิทานุปสฺสนฺจ วทติ.

เอวํ ปน วิปสฺสนาภาวนํ อนุยุตฺโต ตํ อุสฺสุกฺกาเปนฺโต อิเม ธมฺเม วฑฺเฒยฺยาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ภาเวยฺย จ โพชฺฌงฺเค’’ติ คาถมาห. ตสฺสตฺโถ – โพธิยา สติอาทิสตฺตวิธธมฺมสามคฺคิยา, โพธิสฺส วา ตํสมงฺคิโน ปุคฺคลสฺส องฺคาติ โพชฺฌงฺคา, สติอาทโย ธมฺมา. เต สติอาทิเก สตฺตโพชฺฌงฺเค, ฉนฺทอาทีนิ จตฺตาริ อิทฺธิปาทานิ, สทฺธาทีนิ ปฺจินฺทฺริยานิ, สทฺธาทีนิเยว ปฺจ พลานิ, สมฺมาทิฏฺิอาทีนํ วเสน อฏฺงฺคอริยมคฺคฺจ. จ-สทฺเทน สติปฏฺานานิ สมฺมปฺปธานานิ จ คหิตานีติ สพฺเพปิ สตฺตตึสปฺปเภเท โพธิปกฺขิยธมฺเม ภาเวยฺย อุปฺปาเทยฺย เจว วฑฺเฒยฺย จ. ตตฺถ ยเทเตสํ ปมมคฺคกฺขเณ อุปฺปาทนํ, อุปริมคฺคกฺขเณ จ วฑฺฒนํ, เอตํ สมณสฺส ภิกฺขุโน สารุปฺปนฺติ.

เอวํ โพธิปกฺขิยสตฺตตึสธมฺเม ภาเวนฺโต ยถา มคฺคสจฺจํ ภาวนาภิสมยวเสน อภิสเมติ, เอวํ สมุทยสจฺจํ ปหานาภิสมยวเสน, นิโรธสจฺจํ สจฺฉิกิริยาภิสมยวเสน อภิสเมตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตณฺหํ ปชเหยฺยา’’ติ โอสานคาถมาห. ตตฺถ ตณฺหํ ปชเหยฺยาติ, กามตณฺหาทิปเภทํ สพฺพํ ตณฺหํ อริยมคฺเคน อนวเสสโต สมุจฺฉินฺเทยฺย, โมนํ วุจฺจติ าณํ, เตน สมนฺนาคตตฺตา มุนิ. สมูลเก อาสเว ปทาเลยฺยาติ กามราคานุสยาทิสมูลเก กามาสวาทิเก สพฺเพปิ อาสเว ภินฺเทยฺย สมุจฺฉินฺเทยฺย. วิหเรยฺย วิปฺปมุตฺโตติ เอวํ สพฺพโส กิเลสานํ ปหีนตฺตา สพฺพธิ วิมุตฺโต สพฺพูปธิปฏินิสฺสคฺคํ นิโรธํ นิพฺพานํ สจฺฉิกตฺวา วิหเรยฺย. เอตนฺติ ยเทตํ วิหรณํ, เอตํ สมณสฺส สมิตปาปสฺส ภิกฺขุโน ปติรูปํ สารุปฺปนฺติ อตฺโถ.

เอวํ เถโร สมณสารุปฺปปฏิปตฺติกิตฺตนมุเขน สาสนสฺส นิยฺยานิกภาวํ ตพฺพิโลมโต พาหิรกสมยสฺส อนิยฺยานิกตฺจ วิภาเวสิ. ตํ สุตฺวา เต พฺราหฺมณมหาสาลา สาสเน อภิปฺปสนฺนา สรณาทีสุ ปติฏฺหึสุ.

(อปร)-โคตมตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

ทสกนิปาตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๑. เอกาทสนิปาโต

๑. สํกิจฺจตฺเถรคาถาวณฺณนา

เอกาทสนิปาเต กึ ตวตฺโถ วเน ตาตาติอาทิกา อายสฺมโต สํกิจฺจตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินิตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ พฺราหฺมณมหาสาลกุเล ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. ตสฺมึ กุจฺฉิคเตเยว มาตา พฺยาธิตา หุตฺวา กาลมกาสิ. ตสฺสา สุสานํ เนตฺวา ฌาปิยมานาย คพฺภาสโย น ฌายิ. มนุสฺสา สูเลหิ กุจฺฉึ วิชฺฌนฺตา ทารกสฺส อกฺขิโกฏึ ปหรึสุ. เต ตํ วิชฺฌิตฺวา องฺคาเรหิ ปฏิจฺฉาเทตฺวา ปกฺกมึสุ. กุจฺฉิปเทโสปิ ฌายิ, องฺคารมตฺถเก ปน สุวณฺณพิมฺพสทิโส ทารโก ปทุมคพฺเภ นิปนฺโน วิย อโหสิ. ปจฺฉิมภวิกสตฺตสฺส หิ สิเนรุนา โอตฺถริยมานสฺสปิ อรหตฺตํ อปฺปตฺวา ชีวิตกฺขโย นาม นตฺถิ.

ปุนทิวเส อาฬาหนฏฺานํ คตา มนุสฺสา ตถานิปนฺนํ ทารกํ ทิสฺวา อจฺฉริยพฺภุตจิตฺตชาตา ทารกํ อาทาย คามํ ปวิสิตฺวา เนมิตฺตเก ปุจฺฉึสุ. เนมิตฺตกา ‘‘สเจ อยํ ทารโก อคารํ อชฺฌาวสิสฺสติ, ยาว สตฺตมา กุลปริวฏฺฏา ทุคฺคตา ภวิสฺสนฺติ. สเจ ปพฺพชิสฺสติ, ปฺจหิ สมณสเตหิ ปริวุโต วิจริสฺสตี’’ติ อาหํสุ. าตกา ‘‘โหตุ, วฑฺฒิตกาเล อมฺหากํ อยฺยสฺส สาริปุตฺตตฺเถรสฺส สนฺติเก ตํ ปพฺพาเชสฺสามา’’ติ วตฺวา สงฺกุนา ฉินฺนกฺขิโกฏิตาย สํกิจฺโจติ วทนฺตา อปรภาเค สํกิจฺโจติ โวหรึสุ. โส สตฺตวสฺสิกกาเล อตฺตโน คพฺภคตสฺเสว มาตุ มรณํ, คพฺเภ จ อตฺตโน ปวตฺตึ สุตฺวา สํเวคชาโต ‘‘ปพฺพชิสฺสามี’’ติ อาห. าตกา ‘‘สาธุ, ตาตา’’ติ ธมฺมเสนาปติสฺส สนฺติกํ เนตฺวา, ‘‘ภนฺเต, อิมํ ปพฺพาเชถา’’ติ อทํสุ. เถโร ตํ ตจปฺจกกมฺมฏฺานํ ทตฺวา ปพฺพาเชสิ. โส ขุรคฺเคเยว สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปตฺวา ตึสมตฺเตหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ อรฺเ วิหรนฺโต เจ โจรหตฺถโต โมเจตฺวา สยมฺปิ เต โจเร ทเมตฺวา ปพฺพาเชตฺวา อฺตรสฺมึ วิหาเร พหูหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ วิหรนฺโต เต วิวาทปสุเต ทิสฺวา ‘‘อฺตฺถ คจฺฉามี’’ติ ภิกฺขู อาปุจฺฉิ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน ธมฺมปทวตฺถุมฺหิ (ธ. ป. อฏฺ. ๑.สงฺกิจฺจสามเณรวตฺถุ) อาคตนเยเนว เวทิตพฺโพ. อถ นํ อฺตโร อุปาสโก อุปฏฺาตุกาโม อาสนฺนฏฺาเน วาสํ ยาจนฺโต –

๕๙๗.

‘‘กึ ตวตฺโถ วเน ตาต, อุชฺชุหาโนว ปาวุเส;

เวรมฺภา รมณียา เต, ปวิเวโก หิ ฌายิน’’นฺติ. –

ปมํ คาถมาห. ตํ สุตฺวา เถโร –

๕๙๘.

‘‘ยถา อพฺภานิ เวรมฺโภ, วาโต นุทติ ปาวุเส;

สฺา เม อภิกิรนฺติ, วิเวกปฏิสฺุตา.

๕๙๙.

‘‘อปณฺฑโร อณฺฑสมฺภโว, สีวถิกาย นิเกตจาริโก;

อุปฺปาทยเตว เม สตึ, สนฺเทหสฺมึ วิราคนิสฺสิตํ.

๖๐๐.

‘‘ยฺจ อฺเ น รกฺขนฺติ, โย จ อฺเ น รกฺขติ;

ส เว ภิกฺขุ สุขํ เสติ, กาเมสุ อนเปกฺขวา.

๖๐๑.

‘‘อจฺโฉทิกา ปุถุสิลา, โคนงฺคลมิคายุตา;

อมฺพุเสวาลสฺฉนฺนา, เต เสลา รมยนฺติ มํ.

๖๐๒.

‘‘วสิตํ เม อรฺเสุ, กนฺทราสุ คุหาสุ จ;

เสนาสเนสุ ปนฺเตสุ, วาฬมิคนิเสวิเต.

๖๐๓.

‘‘‘อิเม หฺนฺตุ วชฺฌนฺตุ, ทุกฺขํ ปปฺโปนฺตุ ปาณิโน’;

สงฺกปฺปํ นาภิชานามิ, อนริยํ โทสสํหิตํ.

๖๐๔.

‘‘ปริจิณฺโณ มยา สตฺถา, กตํ พุทฺธสฺส สาสนํ;

โอหิโต ครุโก ภาโร, ภวเนตฺติ สมูหตา.

๖๐๕.

‘‘ยสฺส จตฺถาย ปพฺพชิโต, อคารสฺมานคาริยํ;

โส เม อตฺโถ อนุปฺปตฺโต, สพฺพสํโยชนกฺขโย.

๖๐๖.

‘‘นาภินนฺทามิ มรณํ, นาภินนฺทามิ ชีวิตํ;

กาลฺจ ปฏิกงฺขามิ, นิพฺพิสํ ภตโก ยถา.

๖๐๗.

‘‘นาภินนฺทามิ มรณํ, นาภินนฺทามิ ชีวิตํ.

กาลฺจ ปฏิกงฺขามิ, สมฺปชาโน ปติสฺสโต’’ติ. – อิมา คาถา อภาสิ;

ตตฺถ กึ ตวตฺโถ วเนติ กินฺติ ลิงฺควิปลฺลาเสน วุตฺตํ. วเน โก ตวตฺโถ, กึ ปโยชนนฺติ อตฺโถ. ตาตาติ ทหรสามเณรตาย นํ อตฺตโน ปุตฺตฏฺาเน เปตฺวา อาลปติ. อุชฺชุหาโนว ปาวุเสติ อุชฺชุหาโน กิร นาม เอโก ปพฺพโต, โส ปน คหนสฺฉนฺโน พหุโสณฺฑิกนฺทโร, ตหํ ตหํ สนฺทมานสลิโล, วสฺสกาเล อสปฺปาโย, ตสฺมา อุชฺชุหาโน วา ปพฺพโต เอตรหิ ปาวุสกาเล ตว กิมตฺถิโยติ อตฺโถ. เกจิ ปเนตฺถ ‘‘อุชฺชุหาโน นาม เอโก สกุโณ สีตํ น สหติ, วสฺสกาเล วนคุมฺเพ นิลีโน อจฺฉตี’’ติ วทนฺติ. เตสํ มเตน อุชฺชุหานสฺส วิย สกุณสฺส ปาวุสกาเล โก ตว อตฺโถ วเนติ? เวรมฺภา รมณียา เตติ เวรมฺภวาตา วายนฺตา กึ เต รมณียาติ โยชนา. เกจิ ‘‘เวรมฺภา นาม เอกา ปพฺพตคุหา, ปพฺภาโร’’ติ จ วทนฺติ. ตฺจ านํ คมนาคมนยุตฺตํ ชนสมฺพาธรหิตํ ฉายูทกสมฺปนฺนฺจ, ตสฺมา เวรมฺภา รมณียา, วเน วสิตุํ ยุตฺตรูปา. กสฺมา? ปวิเวโก หิ ฌายินํ ยสฺมา ตาทิสานํ ฌายีนํ ยตฺถ กตฺถจิ ปวิเวโกเยว อิจฺฉิตพฺโพ, ตสฺมา ‘‘ทูรํ อรฺฏฺานํ อคนฺตฺวา เวรมฺภายํ วส, ตาตา’’ติ วทติ. อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย – ยสฺมา ฌายีนํ ปวิเวกกฺขเม นิวาสผาสุเก เสนาสเน ลทฺเธเยว ฌานาทโย สมฺปชฺชนฺติ, น อลทฺเธ, ตสฺมา น เอวรูเป สีตกาเล ยตฺถ กตฺถจิ วเน วสิตุํ สกฺกา, คุหาปพฺภาราทีสุ ปน สกฺกาติ.

เอวํ อุปาสเกน วุตฺเต เถโร วนาทโย เอว มํ รเมนฺตีติ ทสฺเสนฺโต ‘‘ยถา อพฺภานี’’ติอาทิมาห. ตสฺสตฺโถ – ยถา ปาวุเส กาเล อพฺภานิ วลาหกานิ เวรมฺภวาโต นุทติ ขิปติ นีหรติ, เอวเมว เม จิตฺตํ วิเวกปฏิสฺุตา สฺา อภิกิรนฺติ วิเวกฏฺานํเยว อากฑฺฒนฺติ.

กิฺจ? อปณฺฑโร กาฬวณฺโณ, อณฺฑสมฺภโว อณฺฑโช กาโก, สีวถิกาย สุสานฏฺาเน, นิเกตจาริโก ตเมว นิวาสนฏฺานํ กตฺวา วิจรณโก อุปฺปาทยเตว เม สตึ, สนฺเทหสฺมึ วิราคนิสฺสิตนฺติ, กายสฺมึ วิราคูปสํหิตํ กายคตาสติกมฺมฏฺานํ มยฺหํ อุปฺปาทยติเยว. เอกทิวสํ กิร เถโร กาเกน ขชฺชมานํ มนุสฺสกุณปํ ปสฺสิตฺวา อสุภสฺํ ปฏิลภิ, ตํ สนฺธาย เอวมาห. เตน กาเย สพฺพโส ฉนฺทราคสฺส นตฺถิตาย วเนเยว วสิตุกาโมมฺหีติ ทสฺเสติ. ยฺจาติ -สทฺโท สมุจฺจยตฺโถ, เตน อฺมฺปิ มม อรฺวาสการณํ สุณาหีติ ทสฺเสติ. ยํ ปพฺพชิตํ เมตฺตาวิหาริตาย อโลภนิยปริกฺขารตาย จ รกฺขิตพฺพสฺส อภาวโต อฺเ เสวกาทโย น รกฺขนฺติ. โย จ ปพฺพชิโต อฺเ เกนจิ กิฺจนปลิโพธภูเต น รกฺขติ ตาทิสานํเยว อภาวโต. ส เว ภิกฺขุ สุขํ เสตีติ, โส ภิกฺขุ สมุจฺฉินฺนกิเลสกามตาย สพฺพโส วตฺถุกาเมสุ อนเปกฺขวา อเปกฺขารหิโต ยตฺถ กตฺถจิ สุขํ เสติ. ตสฺส อนุสงฺกิตปริสงฺกิตาภาวโต อรฺมฺหิ คามมฺหิ สทิสเมวาติ อตฺโถ.

อิทานิ ปพฺพตวนาทีนํ รมณียตํ วสิตปุพฺพตฺจ ทสฺเสตุํ ‘‘อจฺโฉทิกา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ วสิตํ เมติ, วุฏฺปุพฺพํ มยา. วาฬมิคนิเสวิเตติ, สีหพฺยคฺฆาทีหิ วาฬมิเคหิ อุปเสวิเต วเน.

สงฺกปฺปํ นาภิชานามีติ, อิเม เย เกจิ ปาณิโน สตฺตา อุสุสตฺติอาทีหิ ปหรเณหิ หฺนฺตุ มาริยนฺตุ มุฏฺิปฺปหาราทีหิ วชฺฌนฺตุ พาธียนฺตุ, อฺเน วา เยน เกนจิ อากาเรน ทุกฺขํ ปปฺโปนฺตุ ปาปุณนฺตูติ; เอวํ โทสสํหิตํ ปฏิฆสํยุตฺตํ ตโต เอว อนริยํ พฺยาปาทวิหึสาทิปฺปเภทํ ปาปสงฺกปฺปํ อุปฺปาทิตํ นาภิชานามิ, มิจฺฉาวิตกฺโก น อุปฺปนฺนปุพฺโพติ เมตฺตาวิหาริตํ ทสฺเสติ.

อิทานิ ‘‘ปริจิณฺโณ’’ติอาทินา อตฺตโน กตกิจฺจตํ ทสฺเสติ. ตตฺถ ปริจิณฺโณติ อุปาสิโต โอวาทานุสาสนีกรณวเสน. โอหิโตติ โอโรหิโต. ครุโก ภาโรติ ครุตโร ขนฺธภาโร.

นาภินนฺทามิ มรณนฺติ ‘‘กถํ นุ โข เม มรณํ สิยา’’ติ มรณํ น อิจฺฉามิ. นาภินนฺทามิ ชีวิตนฺติ ‘‘กถํ นุ โข อหํ จิรํ ชีเวยฺย’’นฺติ ชีวิตมฺปิ น อิจฺฉามิ. เอเตน มรเณ ชีวิเต จ สมานจิตฺตตํ ทสฺเสติ. กาลฺจ ปฏิกงฺขามีติ ปรินิพฺพานกาลํว อาคเมมิ. นิพฺพิสนฺติ นิพฺพิสนฺโต, ภติยา กมฺมํ กโรนฺโต. ภตโก ยถาติ ยถา ภตโก ปรสฺส กมฺมํ กโรนฺโต กมฺมสิทฺธึ อนภินนฺทนฺโตปิ กมฺมํ กโรนฺโตว ทิวสกฺขยํ อุทิกฺขติ, เอวํ อหมฺปิ ชีวิตํ อนภินนฺทนฺโตปิ อตฺตภาวสฺส ยาปเนน มรณํ อนภินนฺทนฺโตปิ ปริโยสานกาลํ ปฏิกงฺขามีติ. เสสํ วุตฺตนยเมว.

สํกิจฺจตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

เอกาทสนิปาตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๒. ทฺวาทสกนิปาโต

๑. สีลวตฺเถรคาถาวณฺณนา

ทฺวาทสกนิปาเต สีลเมวาติอาทิกา อายสฺมโต สีลวตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ กุสลํ อุปจินิตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท ราชคเห พิมฺพิสารรฺโ ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, สีลวาติสฺส นามํ อโหสิ. ตํ วยปฺปตฺตํ ราชา อชาตสตฺตุ มาเรตุกาโม จณฺฑํ มตฺตหตฺถึ อาโรเปตฺวา นานาวิเธหิ อุปาเยหิ อุปกฺกมนฺโตปิ มาเรตุํ นาสกฺขิ ปจฺฉิมภวิกสฺส อรหตฺตํ อปฺปตฺวา อนฺตรา ชีวิตนฺตรายาภาวโต. ตสฺส ปวตฺตึ ทิสฺวา ภควา มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรํ อาณาเปสิ – ‘‘สีลวกุมารํ อาเนหี’’ติ. เถโร อิทฺธิพเลน สทฺธึ หตฺถินา ตํ อาเนสิ. กุมาโร หตฺถิโต โอรุยฺห ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. ภควา ตสฺส อชฺฌาสยานุรูปํ ธมฺมํ เทเสสิ. โส ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปตฺวา โกสลรฏฺเ วสติ. อถ นํ อชาตสตฺตุ ‘‘มาเรถา’’ติ ปุริเส อาณาเปสิ. เต เถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ิตา เถเรน กถิตํ ธมฺมกถํ สุตฺวา สฺชาตสํเวคา ปสนฺนจิตฺตา หุตฺวา ปพฺพชึสุ. เถโร เตสํ –

๖๐๘.

‘‘สีลเมวิธ สิกฺเขถ, อสฺมึ โลเก สุสิกฺขิตํ.

สีลฺหิ สพฺพสมฺปตฺตึ, อุปนาเมติ เสวิตํ.

๖๐๙.

‘‘สีลํ รกฺเขยฺย เมธาวี, ปตฺถยาโน ตโย สุเข;

ปสํสํ วิตฺติลาภฺจ, เปจฺจ สคฺเค ปโมทนํ.

๖๑๐.

‘‘สีลวา หิ พหู มิตฺเต, สฺเมนาธิคจฺฉติ;

ทุสฺสีโล ปน มิตฺเตหิ, ธํสเต ปาปมาจรํ.

๖๑๑.

‘‘อวณฺณฺจ อกิตฺติฺจ, ทุสฺสีโล ลภเต นโร;

วณฺณํ กิตฺตึ ปสํสฺจ, สทา ลภติ สีลวา.

๖๑๒.

‘‘อาทิ สีลํ ปติฏฺา จ, กลฺยาณานฺจ มาตุกํ;

ปมุขํ สพฺพธมฺมานํ, ตสฺมา สีลํ วิโสธเย.

๖๑๓.

‘‘เวลา จ สํวรํ สีลํ, จิตฺตสฺส อภิหาสนํ;

ติตฺถฺจ สพฺพพุทฺธานํ, ตสฺมา สีลํ วิโสธเย.

๖๑๔.

‘‘สีลํ พลํ อปฺปฏิมํ, สีลํ อาวุธมุตฺตมํ;

สีลมาภรณํ เสฏฺํ, สีลํ กวจมพฺภุตํ.

๖๑๕.

‘‘สีลํ เสตุ มเหสกฺโข, สีลํ คนฺโธ อนุตฺตโร;

สีลํ วิเลปนํ เสฏฺํ, เยน วาติ ทิโสทิสํ.

๖๑๖.

‘‘สีลํ สมฺพลเมวคฺคํ, สีลํ ปาเถยฺยมุตฺตมํ;

สีลํ เสฏฺโ อติวาโห, เยน ยาติ ทิโสทิสํ.

๖๑๗.

‘‘อิเธว นินฺทํ ลภติ, เปจฺจาปาเย จ ทุมฺมโน;

สพฺพตฺถ ทุมฺมโน พาโล, สีเลสุ อสมาหิโต.

๖๑๘.

‘‘อิเธว กิตฺตึ ลภติ, เปจฺจ สคฺเค จ สุมฺมโน;

สพฺพตฺถ สุมโน ธีโร, สีเลสุ สุสมาหิโต.

๖๑๙.

‘‘สีลเมว อิธ อคฺคํ, ปฺวา ปน อุตฺตโม;

มนุสฺเสสุ จ เทเวสุ, สีลปฺาณโต ชย’’นฺติ. –

อิมาหิ คาถาหิ ธมฺมํ เทเสสิ.

ตตฺถ สีลเมวิธ สิกฺเขถ, อสฺมึ โลเกติ อิธาติ, นิปาตมตฺตํ, อิมสฺมึ สตฺตโลเก อตฺถกาโม กุลปุตฺโต จาริตฺตวาริตฺตาทิเภทํ อาทิโต สีลเมว สิกฺเขยฺย, สิกฺขนฺโต จ นํ สุสิกฺขิตํ อขณฺฑาทิภาวาปาทเนน สุฏฺุ สิกฺขิตํ สุปริสุทฺธํ ปริปุณฺณฺจ กตฺวา สิกฺเขยฺย. อสฺมึ โลเกติ วา อิมสฺมึ สงฺขารโลเก สิกฺขิตพฺพธมฺเมสุ สีลํ อาทิโต สิกฺเขยฺย. ทิฏฺิสมฺปตฺติยาปิ สีลสฺส ปติฏฺาภาวโต อาห ‘‘สีลํ หี’’ติอาทิ. ตตฺถ หีติ การณวจนํ. ยสฺมา สีลํ เสวิตํ ปริจิตํ รกฺขิตํ มนุสฺสสมฺปตฺติ, ทิพฺพสมฺปตฺติ, นิพฺพานสมฺปตฺตีติ เอตํ สพฺพสมฺปตฺตึ ตํสมงฺคิโน สตฺตสฺส อุปนาเมติ อาวหติ.

สีลํ สพฺพสมฺปตฺตึ อุปนาเมตีติ สงฺเขปโต วุตฺตมตฺถํ วิตฺถารโต ทสฺเสนฺโต ‘‘สีลํ รกฺเขยฺยา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ รกฺเขยฺยาติ โคเปยฺย. ปาณาติปาตาทิโต หิ วิรมนฺโต วตฺตปฏิวตฺตฺจ ปูเรนฺโต ปฏิปกฺขาภิภวนโต ตํ รกฺขติ นาม. เมธาวีติ ปฺวา, อิทํ ตสฺส รกฺขนุปายทสฺสนํ าณพเลน หิสฺส สมาทานํ อวิโกปนฺจ โหติ. ปตฺถยาโนติ อิจฺฉนฺโต. ตโย สุเขติ ตีณิ สุขานิ. สุขนิมิตฺตํ วา ‘‘สุข’’นฺติ อธิปฺเปตํ. ปสํสนฺติ กิตฺตึ, วิฺูหิ วา ปสํสนํ. วิตฺติลาภนฺติ ตุฏฺิลาภํ. ‘‘วิตฺตลาภ’’นฺติ จ ปนฺติ, ธนลาภนฺติ อตฺโถ. สีลวา หิ อปฺปมตฺตตาย มหนฺตํ โภคกฺขนฺธํ อธิคจฺฉติ. เปจฺจาติ กาลงฺกตฺวา. สคฺเค ปโมทนนฺติ เทวโลเก อิฏฺเหิ กามคุเณหิ, โมทนฺจ ปตฺถยมาโนติ สมฺพนฺโธ. อิธโลเก ปสํสํ วิตฺติลาภํ ปรโลเก ทิพฺพสมฺปตฺติยา โมทนฺจ อิจฺฉนฺโต สีลํ รกฺเขยฺยาติ โยชนา.

สฺเมนาติ กายาทีนํ สํยเมน. สํยโต หิ กายทุจฺจริตาทีหิ กฺจิ อวิเหเนฺโต อภยทานํ ททนฺโต ปิยมนาปตาย มิตฺตานิ คนฺถติ. ธํสเตติ อเปติ. ปาปมาจรนฺติ ปาณาติปาตาทิปาปกมฺมํ กโรนฺโต. ทุสฺสีลฺหิ ปุคฺคลํ อตฺถกามา สตฺตา น ภชนฺติ, อฺทตฺถุ ปริวชฺเชนฺติ.

อวณฺณนฺติ อคุณํ, สมฺมุขา ครหํ วา. อกิตฺตินฺติ, อยสํ อสิโลกํ. วณฺณนฺติ คุณํ. กิตฺตินฺติ สิโลกํ ปตฺถฏยสตํ. ปสํสนฺติ สมฺมุขา โถมนํ.

อาทีติ มูลํ. สีลฺหิ กุสลานํ ธมฺมานํ อาทิ. ยถาห – ‘‘ตสฺมาติห ตฺวํ, ภิกฺขุ, อาทิเมว วิโสเธหิ กุสเลสุ ธมฺเมสุ. โก จาทิ กุสลานํ ธมฺมานํ? สีลฺจ สุวิสุทฺธ’’นฺติ (สํ. นิ. ๕.๓๖๙). ปติฏฺาติ อธิฏฺานํ. สีลฺหิ สพฺเพสํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมานํ ปติฏฺา. เตนาห – ‘‘สีเล ปติฏฺายา’’ติอาทิ (สํ. นิ. ๑.๒๓; ๑๙๒; เปฏโก. ๒๒; มิ. ป. ๒.๑.๙). กลฺยาณานฺจ มาตุกนฺติ สมถวิปสฺสนาทีนํ กลฺยาณธมฺมานํ มาตุภูตํ, ชนกนฺติ, อตฺโถ. ปมุขํ สพฺพธมฺมานนฺติ, สพฺเพสํ ปาโมชฺชาทีนํ อนวชฺชธมฺมานํ ปมุขํ มุขภูตํ, ปวตฺติทฺวารนฺติ อตฺโถ. ตสฺมาติ อาทิภาวาทิโต. วิโสธเยติ อกฺขณฺฑาทิภาเวน สมฺปาเทยฺย.

เวลาติ ทุจฺจริเตหิ อนติกฺกมนียฏฺเน เวลา, สีมาติ อตฺโถ. เวลายติ วา ทุสฺสิลฺยํ จลยติ วิทฺธํเสตีติ เวลา. สํวรํ สีลํ กายทุจฺจริตาทีนํ อุปฺปตฺติทฺวารสฺส ปิทหนโต. อภิหาสนนฺติ โตสนํ อวิปฺปฏิสารเหตุตาย จิตฺตสฺสาภิปฺปโมทนโต. ติตฺถฺจ สพฺพพุทฺธานนฺติ สาวกพุทฺธา, ปจฺเจกพุทฺธา, สมฺมาสมฺพุทฺธาติ สพฺเพสํ พุทฺธานํ กิเลสมลปฺปวาหเน นิพฺพานมหาสมุทฺทาวคาหเณ จ ติตฺถภูตฺจ.

สีลํ พลํ อปฺปฏิมนฺติ มารเสนปฺปมทฺทเน อสทิสํ พลํ เสนาถาโม จ. อาวุธมุตฺตมนฺติ สํกิเลสธมฺมานํ เฉทเน อุตฺตมํ ปหรณํ. คุณสรีโรปโสภนฏฺเน อาภรณํ. เสฏฺนฺติ สพฺพกาลํ อุตฺตมํ ทพฺพฺจ. สปาณปริตฺตานโต กวจมพฺภุตํ. ‘‘อพฺภิท’’นฺติ จ ปนฺติ, อเภชฺชนฺติ อตฺโถ.

อปายมโหฆาติกฺกมเน สํสารมโหฆาติกฺกมเน จ กิเลเสหิ อสํสีทนฏฺเน เสตุ. มเหสกฺโขติ มหพฺพโล. คนฺโธ อนุตฺตโรติ ปฏิวาตํ สพฺพทิสาสุ วายนโต อนุตฺตโร คนฺโธ สพฺพชนมโนหรตฺตา. เตนาห ‘‘เยน วาติ ทิโสทิส’’นฺติ เยน สีลคนฺเธน ตํสมงฺคี ทิโสทิสํ สพฺพา ทิสา วายติ. ‘‘ทิโสทิสา’’ติปิ ปาฬิ, ทส ทิสาติ อตฺโถ.

สมฺพลเมวคฺคนฺติ สมฺพลํ นาม ปุฏภตฺตํ. ยถา ปุฏภตฺตํ คเหตฺวา มคฺคํ คจฺฉนฺโต ปุริโส อนฺตรามคฺเค ชิฆจฺฉาทุกฺเขน น กิลมติ, เอวํ สีลสมฺปนฺโนปิ สุทฺธํ สีลสมฺพลํ คเหตฺวา สํสารกนฺตารํ ปฏิปนฺโน คตคตฏฺาเน น กิลมตีติ สีลํ อคฺคํ สมฺพลํ นาม. ตถา สีลํ ปาเถยฺยมุตฺตมํ โจราทีหิ อสาธารณตฺตา ตตฺถ ตตฺถ อิจฺฉิตพฺพสมฺปตฺตินิปฺผาทนโต จ. อติกฺกาเมนฺโต ตํ ตํ านํ ยถิจฺฉิตฏฺานํ วา วาเหติ สมฺปาเปตีติ อติวาโห, ยานํ. เกนจิ อนุปทฺทุตํ หุตฺวา อิจฺฉิตฏฺานปฺปตฺติเหตุตาย สีลํ เสฏฺํ อติวาโห. เยนาติ เยน อติวาเหน ยาติ ทิโสทิสนฺติ อคตึ คติฺจาปิ ตํ ตํ ทิสํ สุเขเนว คจฺฉติ.

อิเธว นินฺทํ ลภตีติ อิธโลเกปิ ทุมฺมโน ราคาทีหิ ทูสิตจิตฺโต ‘‘ทุสฺสีโล ปาปธมฺโม’’ติ นินฺทํ ครหํ ลภติ. เปจฺจ ปรโลเกปิ อปาเย ‘‘ปุริสตฺตกลิ อวชาตา’’ติอาทินา ยมปุริสาทีหิ จ นินฺทํ ลภติ. น เกวลํ นินฺทเมว ลภติ, อถ โข สพฺพตฺถ ทุมฺมโน พาโล อิธโลเก ทุจฺจริตจรเณน ทูสิตจิตฺโต ปรโลเก กมฺมการณาทิวเสน ทุกฺขุปฺปตฺติยาติ สพฺพตฺถ พาโล ทุมฺมโน โหติ. กถํ? สีเลสุ อสมาหิโต สมฺมา สีเลสุ น ปิตจิตฺโต อปฺปติฏฺิตจิตฺโต.

อิเธว กิตฺตึ ลภตีติ อิธโลเกปิ สุมโน ‘‘สปฺปุริโส สีลวา กลฺยาณธมฺโม’’ติ กิตฺตึ ลภติ. เปจฺจ ปรโลเกปิ สคฺเค ‘‘อยํ สปฺปุริโส สีลวา กลฺยาณธมฺโม. ตถา หิ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปนฺโน’’ติอาทินา กิตฺตึ ลภติ. น เกวลํ กิตฺติเมว ลภติ, อถ โข ธีโร ธิติสมฺปนฺโน สีเลสุ สุฏฺุ สมาหิโต อปฺปิตจิตฺโต สุปติฏฺิตจิตฺโต สพฺพตฺถ อิธโลเก สุจริตจรเณน, ปรโลเก สมฺปตฺติปฏิลาเภน สุมโน โสมนสฺสปฺปตฺโต โหติ. สีลเมว อิธ อคฺคนฺติ ทุวิธํ สีลํ โลกิยํ โลกุตฺตรนฺติ. ตตฺถ โลกิยํ ตาว กามโลเก ขตฺติยมหาสาลาทีสุ, เทวโลเก พฺรหฺมโลเก จ อุปปตฺติวิเสสํ อาวหติ, ลาภีภาวาทิกสฺส จ การณํ โหติ. โลกุตฺตรํ ปน สกลมฺปิ วฏฺฏทุกฺขํ อติกฺกาเมตีติ สีลํ อคฺคเมว. ตถา หิ วุตฺตํ –

‘‘หีเนน พฺรหฺมจริเยน, ขตฺติเย อุปปชฺชติ;

มชฺฌิเมน จ เทวตฺตํ, อุตฺตเมน วิสุชฺฌตี’’ติ. (ชา. ๑.๘.๗๕);

อากงฺเขยฺย เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ – ‘‘ลาภี อสฺสํ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาราน’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๖๕), ‘‘สีเลสฺเววสฺส ปริปูรการี’’ติ (ม. นิ. ๑.๖๕), ‘‘อิชฺฌติ, ภิกฺขเว, สีลวโต เจโตปณิธิ วิสุทฺธตฺตา’’ติ (อ. นิ. ๘.๓๕; ที. นิ. ๓.๓๓๗) จ.

โลกุตฺตรสีลสฺส ปน สพฺพโส ปหีนปฏิปกฺขสฺส สตฺตมภวโต ปฏฺาย สํสารทุกฺขํ วินิวตฺเตนฺตสฺส อคฺคภาเว วตฺตพฺพเมว นตฺถิ. ปฺวา ปน อุตฺตโมติ ‘‘ปฺวา ปน ปุคฺคโล อุตฺตโม ปรโม เสฏฺโเยวา’’ติ ปุคฺคลาธิฏฺาเนน ปฺาย เอว เสฏฺภาวํ วทติ. อิทานิ สีลปฺานํ เสฏฺภาวํ กิจฺจโต ทสฺเสนฺโต ‘‘สีลปฺาณโต ชย’’นฺติ อาห. ชยนฺติ จ ลิงฺควิปลฺลาโส ทฏฺพฺโพ, อหูติ วา วจนเสโส. ตตฺถ ปชานนฏฺเน ปฺาณํ, สีลโต ปฺาณโต จ ปฏิปกฺขชโย. น หิ สีเลน วินา ปฺา สมฺภวติ, ปฺาย จ วินา สีลํ กิจฺจกรํ, อฺมฺโปการกฺเจตํ. วุตฺตฺหิ ‘‘สีลปริโธตา ปฺา, ปฺาปริโธตํ สีล’’นฺติ (ที. นิ. ๑.๓๑๗) มนุสฺเสสุ จ เทเวสูติ อิทํ เนสํ านวิเสสทสฺสนํ. ตตฺถ หิ ตานิ สวิเสสานิ วตฺตนฺติ, สมาธิ ปเนตฺถ สีลปกฺขิโก ปฺาย อธิฏฺานภาวโต, ปฺาปกฺขิโก วา ภาเวตพฺพโต สีลาธิฏฺานโต จ.

เอวํ เถโร เตสํ ภิกฺขูนํ สีลมุเขน ธมฺมํ เทเสนฺโต อตฺตโน สุวิสุทฺธสีลาทิคุณตาทีปเนน อฺํ พฺยากาสิ.

สีลวตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๒. สุนีตตฺเถรคาถาวณฺณนา

นีเจ กุลมฺหีติอาทิกา อายสฺมโต สุนีตตฺเถรสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินิตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต พุทฺธสฺส สุฺกาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต พาลชเนหิ สทฺธึ กีฬาปสุโต หุตฺวา วิจรนฺโต เอกํ ปจฺเจกพุทฺธํ คาเม ปิณฺฑาย จรนฺตํ ทิสฺวา, ‘‘กึ ตุยฺหํ สพฺพโส วณิตสรีรสฺส วิย สกลํ กายํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา ภิกฺขาจรเณน, นนุ นาม กสิวาณิชฺชาทีหิ ชีวิกา กปฺเปตพฺพา? ตานิ เจ กาตุํ น สกฺโกสิ, ฆเร ฆเร มุตฺตกรีสาทีนิ นีหรนฺโต ปจฺฉา วตฺถุโสธเนน ชีวาหี’’ติ อกฺโกสิ. โส เตน กมฺเมน นิรเย ปจฺจิตฺวา ตสฺเสว กมฺมสฺส วิปากาวเสเสน มนุสฺสโลเกปิ พหูนิ ชาติสตานิ ปุปฺผฉฑฺฑกกุเล นิพฺพตฺติตฺวา ตถา ชีวิกํ กปฺเปสิ. อิมสฺมิฺจ พุทฺธุปฺปาเท ปุปฺผฉฑฺฑกกุเล เอว นิพฺพตฺโต อุกฺการโสธนกมฺเมน ชีวิกํ กปฺเปติ ฆาสจฺฉาทนมตฺตมฺปิ อลภนฺโต.

อถ ภควา ปจฺฉิมยาเม พุทฺธาจิณฺณํ มหากรุณาสมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา ตโต วุฏฺาย พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกนฺโต สุนีตสฺส หทยพฺภนฺตเร ฆเฏ ปทีปํ วิย ปชฺชลนฺตํ อรหตฺตูปนิสฺสยํ ทิสฺวา วิภาตาย รตฺติยา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ราชคหํ ปิณฺฑาย ปวิฏฺโ. ยสฺสํ วีถิยํ สุนีโต อุกฺการโสธนกมฺมํ กโรติ, ตํ วีถึ ปฏิปชฺชิ. สุนีโตปิ ตตฺถ ตตฺถ วิฆาสุจฺจารสงฺการาทิกํ ราสึ กตฺวา ปิฏเกสุ ปกฺขิปิตฺวา กาเชนาทาย ปริหรนฺโต ภิกฺขุสงฺฆปริวุตํ สตฺถารํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา สารชฺชมาโน สมฺภมากุลหทโย คมนมคฺคํ นิลียโนกาสฺจ อลภนฺโต กาชํ ภิตฺติปสฺเส เปตฺวา เอเกน ปสฺเสน อนุปวิสนฺโต วิย ภิตฺตึ อลฺลีโน ปฺชลิโก อฏฺาสิ. ‘‘ภิตฺติฉิทฺเทน อปกฺกมิตุกาโม อโหสี’’ติปิ วทนฺติ.

สตฺถา ตสฺส สมีปํ ปตฺวา ‘‘อยํ อตฺตโน กุสลมูลสฺโจทิตํ อุปคตํ มํ สารชฺชมาโน ชาติยา กมฺมสฺส จ นิหีนตาย สมฺมุขีภาวมฺปิ ลชฺชติ, หนฺทสฺส เวสารชฺชํ อุปฺปาเทสฺสามี’’ติ กรวีกรุตมฺชุนา สกลนครนินฺนาทวร-คมฺภีเรน พฺรหฺมสฺสเรน ‘‘สุนีตา’’ติ อาลปิตฺวา ‘‘กึ อิมาย ทุกฺขชีวิกาย ปพฺพชิตุํ สกฺขิสฺสตี’’ติ อาห. สุนีโต เตน สตฺถุ วจเนน อมเตน วิย อภิสิตฺโต อุฬารํ ปีติโสมนสฺสํ ปฏิสํเวเทนฺโต ‘‘ภควา, สเจ มาทิสาปิ อิธ ปพฺพชฺชํ ลภนฺติ, กสฺมาหํ น ปพฺพชิสฺสามิ, ปพฺพาเชถ มํ ภควา’’ติ อาห. สตฺถา ‘‘เอหิ, ภิกฺขู’’ติ อาห. โส ตาวเทว เอหิภิกฺขุภาเวน ปพฺพชฺชํ อุปสมฺปทฺจ ลภิตฺวา อิทฺธิมยปตฺตจีวรธโร วสฺสสฏฺิกตฺเถโร วิย หุตฺวา สตฺถุ สนฺติเก อฏฺาสิ. ภควา ตํ วิหารํ เนตฺวา กมฺมฏฺานํ อาจิกฺขิ. โส ปมํ อฏฺ สมาปตฺติโย, ปฺจ จ อภิฺาโย นิพฺพตฺเตตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา ฉฬภิฺโ อโหสิ. ตํ สกฺกาทโย เทวา พฺรหฺมาโน จ อุปสงฺกมิตฺวา นมสฺสึสุ. เตน วุตฺตํ –

‘‘ตา เทวตา สตฺตสตา อุฬารา, พฺรหฺมา จ อินฺโท อุปสงฺกมิตฺวา;

อาชานียํ ชาติชราภิภูตํ, สุนีตํ นมสฺสนฺติ ปสนฺนจิตฺตา’’ติอาทิ.

ภควา ตํเยว เทวสงฺฆปุรกฺขตํ ทิสฺวา สิตํ กตฺวา ปสํสนฺโต ‘‘ตเปน พฺรหฺมจริเยนา’’ติ คาถาย ธมฺมํ เทเสสิ. อถ นํ สมฺพหุลา ภิกฺขู สีหนาทํ นทาเปตุกามา, ‘‘อาวุโส สุนีต, กสฺมา กุลา ตฺวํ ปพฺพชิโต, กถํ วา ปพฺพชิโต, กถฺจ สจฺจานิ ปฏิวิชฺฌี’’ติ ปุจฺฉึสุ. โส ตํ สพฺพํ ปกาเสนฺโต –

๖๒๐.

‘‘นีเจ กุลมฺหิ ชาโตหํ, ทลิทฺโท อปฺปโภชโน;

หีนกมฺมํ มมํ อาสิ, อโหสึ ปุปฺผฉฑฺฑโก.

๖๒๑.

‘‘ชิคุจฺฉิโต มนุสฺสานํ, ปริภูโต จ วมฺภิโต;

นีจํ มนํ กริตฺวาน, วนฺทิสฺสํ พหุกํ ชนํ.

๖๒๒.

‘‘อถทฺทสาสึ สมฺพุทฺธํ, ภิกฺขุสงฺฆปุรกฺขตํ;

ปวิสนฺตํ มหาวีรํ, มคธานํ ปุรุตฺตมํ.

๖๒๓.

‘‘นิกฺขิปิตฺวาน พฺยาภงฺคึ, วนฺทิตุํ อุปสงฺกมึ;

มเมว อนุกมฺปาย, อฏฺาสิ ปุริสุตฺตโม.

๖๒๔.

‘‘วนฺทิตฺวา สตฺถุโน ปาเท, เอกมนฺตํ ิโต ตทา;

ปพฺพชฺชํ อหมายาจึ, สพฺพสตฺตานมุตฺตมํ.

๖๒๕.

‘‘ตโต การุณิโก สตฺถา, สพฺพโลกานุกมฺปโก;

‘เอหิ ภิกฺขู’ติ มํ อาห, สา เม อาสูปสมฺปทา.

๖๒๖. ‘‘โสหํ เอโก อรฺสฺมึ, วิหรนฺโต อตนฺทิโต.

อกาสึ สตฺถุ วจนํ, ยถา มํ โอวที ชิโน.

๖๒๗.

‘‘รตฺติยา ปมํ ยามํ, ปุพฺพชาติมนุสฺสรึ;

รตฺติยา มชฺฌิมํ ยามํ, ทิพฺพจกฺขุํ วิโสธยึ;

รตฺติยา ปจฺฉิเม ยาเม, ตโมขนฺธํ ปทาลยึ.

๖๒๘.

‘‘ตโต รตฺยาวิวสาเน, สูริยุคฺคมนํ ปติ; (ชา. ๑.๑๑.๗๙);

อินฺโท พฺรหฺมา จ อาคนฺตฺวา, มํ นมสฺสึสุ ปฺชลี.

๖๒๙.

‘‘นโม เต ปุริสาชฺ, นโม เต ปุริสุตฺตม;

ยสฺส เต อาสวา ขีณา, ทกฺขิเณยฺโยสิ มาริส.

๖๓๐.

‘‘ตโต ทิสฺวาน มํ สตฺถา, เทวสงฺฆปุรกฺขตํ;

สิตํ ปาตุกริตฺวาน, อิมมตฺถํ อภาสถ.

๖๓๑.

‘‘ตเปน พฺรหฺมจริเยน, สํยเมน ทเมน จ;

เอเตน พฺราหฺมโณ โหติ, เอตํ พฺราหฺมณมุตฺตม’’นฺติ. –

อิมาหิ คาถาหิ สีหนาทํ นทิ.

ตตฺถ นีเจติ ลามเก สพฺพนิหีเน. อุจฺจนีจภาโว หิ นาม สตฺตานํ อุปาทายุปาทาย, อยํ ปน สพฺพนิหีเน ปุกฺกุสกุเล อุปฺปนฺนตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘นีเจ กุลมฺหิ ชาโต’’ติ อาห. เตน วุตฺตํ – ‘‘นีเจติ ลามเก สพฺพนิหีเน’’ติ. ทลิทฺโทติ ทุคฺคโต, ทลิทฺทาปิ เกจิ กทาจิ ฆาสจฺฉาทนสฺส ลาภิโน, อกสิรวุตฺติโน โหนฺติ, อหํ ปน สพฺพกาลํ กสิรวุตฺติตาย หีโน อุทฺธนํ อุปฏฺปิตอุกฺขลิโก ทสฺสนยุตฺตํ เถวกมฺปิ อปสฺสึ เยวาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อปฺปโภชโน’’ติ อาห. นีจกุลิกา ทลิทฺทาปิ เกจิ อนีจกมฺมาชีวา โหนฺติ, มยฺหํ ปน น ตถาติ ทสฺเสนฺโต อาห ‘‘หีนกมฺมํ มมํ อาสี’’ติ. กีทิสนฺติ เจ? อโหสึ ปุปฺผฉฑฺฑโก, หตฺถวิกลสฺส หตฺถวาติ วิย อุปจารวเสนายํ อิมสฺส สมฺา อโหสิ ยทิทํ ‘‘ปุปฺผฉฑฺฑโก’’ติ. มิลาตปุปฺผสนฺถรวณฺณตาย วา อุกฺการภูมิยา เอวํ วุตฺโต.

ชิคุจฺฉิโตติ ชาติยา เจว กมฺมุนา จ หีฬิโต. มนุสฺสานนฺติ มนุสฺเสหิ. ปริภูโตติ อวฺาโต. วมฺภิโตติ ขุํสิโต. นีจํ มนํ กริตฺวานาติ อฺเ มนุสฺเส สิเนรุํ วิย อุกฺขิปิตฺวา เตสํ ปาทปํสุโตปิ อตฺตานํ นิหีนํ กตฺวา ปวตฺติยา นีจํ นิหีนํ มนํ กตฺวา. วนฺทิสฺสํ พหุกํ ชนนฺติ ปุถุมหาชนํ ทิฏฺทิฏฺกาเล วนฺทึ สิรสิ อฺชลึ กโรนฺโต ปณามึ.

อถาติ อธิการนฺตรทีปเน นิปาโต. อทฺทสาสินฺติ อทฺทกฺขึ. มคธานนฺติ มคธา นาม ชานปทิโน ราชกุมารา, เตสํ นิวาโส เอโกปิ ชนปโท รุฬฺหิยา ‘‘มคธาน’’นฺติ วุตฺโต, มคธชนปทสฺสาติ อตฺโถ. ปุรุตฺตมนฺติ อุตฺตมํ นครํ.

พฺยาภงฺคินฺติ กาชํ. ปพฺพชฺชํ อหมายาจินฺติ, ‘‘สุนีต, ปพฺพชิตุํ สกฺขิสฺสสี’’ติ สตฺถารา โอกาเส กเต อหํ ปพฺพชฺชํ อยาจึ. อาสูปสมฺปทาติ ‘‘เอหิ, ภิกฺขู’’ติ สตฺถุ วจนมตฺเตน อาสิ อุปสมฺปทา. ยถา มํ โอวทีติ ‘‘เอวํ สมถปุพฺพงฺคมํ วิปสฺสนํ ภาเวหี’’ติ ยถา มํ โอวทิ, ตถา สตฺถุโน วจนํ อกาสึ ปฏิปชฺชึ. รตฺติยาติอาทิ ตสฺสา ปฏิปตฺติยา รสทสฺสนํ. ตตฺถ ปุพฺเพนิวาสาณํ อนาคตํสาณฺจ พหุกิจฺจนฺติ ‘‘ปมํ ยามํ มชฺฌิมํ ยาม’’นฺติ อจฺจนฺตสํโยควเสน อุปโยควจนํ วุตฺตํ. น ตถา อาสวกฺขยาณํ เอกาภิสมยวเสน ปวตฺตนโตติ ‘‘ปจฺฉิเม ยาเม’’ติ ภุมฺมวเสน วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อินฺโทติ สกฺโก เทวราชา. พฺรหฺมาติ มหาพฺรหฺมา. อินฺทพฺรหฺมคฺคหเณน อฺเสํ กามเทวานํ พฺรหฺมูนฺจ อาคมนํ วุตฺตเมวาติ ทฏฺพฺพํ. อุกฺกฏฺนิทฺเทโส เหส ยถา ‘‘ราชา อาคโต’’ติ. นมสฺสึสูติ กาเยน วาจาย จ นมกฺการํ อกํสุ.

ตตฺถ กาเยน กตํ นมกฺการํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปฺชลี’’ติ วตฺวา วาจาย กตํ ทสฺเสตุํ ‘‘นโม เต’’ติอาทิ วุตฺตํ. เทวสงฺฆปุรกฺขตนฺติ เทวคฺคหเณน อุปปตฺติเทวภาวโต พฺรหฺมาโนปิ คหิตา. สิตํ ปาตุกริตฺวานาติ อตฺตโน โอวาทสฺส มหปฺผลตํ เทวพฺรหฺมูนฺจ คุณสมฺปตฺตึ นิสฺสาย สตฺถา สิตํ ปาตฺวากาสิ. ปาตุกโรนฺโต จ น อฺเ วิย ทนฺเต วิทํเสติ, มุขาธานํ ปน โถกํ วิวรติ, ตตฺตเกน จ อภิภูตทิพฺพผลิกมุตฺตรสฺมิโย อวหสิตตารกาสสิมรีจิโย สุสุกฺกทาสมฺภวา ฆนรสฺมิโย นิกฺขมิตฺวา ติกฺขตฺตุํ สตฺถุ มุขํ ปทกฺขิณํ กโรนฺติ, ตํ ทิสฺวา ปจฺฉโต คจฺฉนฺตาปิ สตฺถา สิตํ ปาตฺวากาสีติ สฺชานนฺติ.

ตเปนาติ อินฺทฺริยสํวเรน, ‘‘ธุตธมฺมสมาทาเนนา’’ติ เกจิ. สํยเมนาติ สีเลน. ทเมนาติ ปฺาย. พฺรหฺมจริเยนาติ อวสิฏฺเสฏฺจริยาย. เอเตนาติ ยถาวุตฺเตน ตปาทินา. พฺราหฺมโณ โหติ พาหิตปาปภาวโต. เอตนฺติ ตปาทิ ยถาวุตฺตํ. พฺราหฺมณมุตฺตมนฺติ อุตฺตมํ พฺราหฺมณํ, พฺราหฺมเณสุ วา อุตฺตมํ สพฺพเสฏฺํ, อหูติ วจนเสโส. พฺราหฺมณนฺติ วา พฺรหฺมฺมาห, เอวํ อุตฺตมํ พฺรหฺมฺํ, น ชจฺจาทีติ อธิปฺปาโย. น หิ ชาติกุลปเทสโคตฺตสมฺปตฺติอาทโย อริยภาวสฺส การณํ, อธิสีลสิกฺขาทโย เอว ปน การณํ. เตนาห –

‘‘ยถา สงฺการานสฺมึ, อุชฺฌิตสฺมึ มหาปเถ;

ปทุมํ ตตฺถ ชาเยถ, สุจิคนฺธํ มโนรมํ.

‘‘เอวํ สงฺการภูเตสุ, อนฺธภูเต ปุถุชฺชเน;

อติโรจติ ปฺาย, สมฺมาสมฺพุทฺธสาวโก’’ติ. (ธ. ป. ๕๘-๕๙);

เอวํ เถโร เตหิ ภิกฺขูหิ ปุจฺฉิตมตฺถํ อิมาหิ คาถาหิ วิสฺสชฺเชนฺโต สีหนาทํ นทีติ.

สุนีตตฺเถรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

ทฺวาทสกนิปาตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๓. เตรสนิปาโต

๑. โสณโกฬิวิสตฺเถรคาถาวณฺณนา

เตรสนิปาเต ยาหุ รฏฺเติอาทิกา อายสฺมโต โสณสฺส โกฬิวิสสฺส คาถา. กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินิ. อยํ กิร อโนมทสฺสิสฺส ภควโต กาเล มหาวิภโว เสฏฺิ หุตฺวา อุปาสเกหิ สทฺธึ วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปสนฺนมานโส สตฺถุ จงฺกมนฏฺาเน สุธาย ปริกมฺมํ กาเรตฺวา นานาวณฺเณหิ ปุปฺเผหิ สนฺถริตฺวา อุปริ นานาวิราควตฺเถหิ วิตานํ พนฺธาเปสิ, ตถา สตฺถุ ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ ทีฆสาลํ กาเรตฺวา นิยฺยาเทสิ. โส เตน ปุฺกมฺเมน เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล หํสวตีนคเร เสฏฺิกุเล นิพฺพตฺติ, สิริวฑฺโฒติสฺส นามํ อโหสิ. โส วยปฺปตฺโต วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ อารทฺธวีริยานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา, สยมฺปิ ตํ านนฺตรํ ปตฺเถนฺโต สตฺตาหํ มหาทานํ ปวตฺเตตฺวา ปณิธานมกาสิ. สตฺถาปิ ตสฺส ปตฺถนาย สมิชฺฌนภาวํ ทิสฺวา พฺยากริตฺวา ปกฺกามิ.

โสปิ ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต ปรินิพฺพุเต กสฺสปทสพเล อนุปฺปนฺเน อมฺหากํ ภควติ พาราณสิยํ กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต คงฺคาตีเร ปณฺณสาลํ กริตฺวา เอกํ ปจฺเจกพุทฺธํ เตมาสํ จตูหิ ปจฺจเยหิ สกฺกจฺจํ อุปฏฺหิ. ปจฺเจกพุทฺโธ วุฏฺวสฺโส ปริปุณฺณปริกฺขาโร คนฺธมาทนเมว คโต. โสปิ กุลปุตฺโต ยาวชีวํ ตตฺถ ปุฺานิ กตฺวา ตโต จวิตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อมฺหากํ ภควโต กาเล จมฺปานคเร อุสภเสฏฺิสฺส เคเห ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. ตสฺส ปฏิสนฺธิคฺคหณโต ปฏฺาย เสฏฺิสฺส มหาโภคกฺขนฺโธ อภิวฑฺฒิ. ตสฺส ชาตทิวเส สกลนคเร มหาสกฺการสมฺปนฺโน อโหสิ, ตสฺส ปุพฺเพ ปจฺเจกพุทฺธสฺส สตสหสฺสคฺฆนิกรตฺตกมฺพลปริจฺจาเคน สุวณฺณวณฺโณ สุขุมาลตโร จ อตฺตภาโว อโหสิ, เตนสฺส โสโณติ นามํ อกํสุ. มหตา ปริวาเรน วฑฺฒติ, ตสฺส หตฺถปาทตลานิ พนฺธุชีวกปุปฺผวณฺณานิ อเหสุํ, สตวิหตกปฺปาสสฺส วิย สมฺผสฺโส ปาทตเลสุ มณิกุณฺฑลาวฏฺฏวณฺณานิ โลมานิ ชายึสุ. วยปฺปตฺตสฺส ตสฺส ติณฺณํ อุตูนํ อนุจฺฉวิเก ตโย ปาสาเท กาเรตฺวา นาฏกานิ อุปฏฺาเปสุํ. โส ตตฺถ มหตึ สมฺปตฺตึ อนุภวนฺโต เทวกุมาโร วิย ปฏิวสติ.

อถ อมฺหากํ สตฺถริ สพฺพฺุตํ ปตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺเก ราชคหํ อุปนิสฺสาย วิหรนฺเต พิมฺพิสารรฺา ปกฺโกสาปิโต อสีติยา คามิกสหสฺเสหิ สทฺธึ ราชคหํ อาคโต, สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา ปฏิลทฺธสทฺโธ มาตาปิตโร อนุชานาเปตฺวา สาสเน ปพฺพชิตฺวา ลทฺธูปสมฺปโท สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา, ชนสํสคฺคปริหรณตฺถํ สีตวเน วสนฺโต ‘‘มม สรีรํ สุขุมาลํ, น จ สกฺกา สุเขเนว สุขํ อธิคนฺตุํ, กายํ กิลเมตฺวา สมณธมฺมํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ านจงฺกมเมว อธิฏฺาย, ปธานมนุยุฺชนฺโต ปาทตเลสุ โผเฏสุ อุฏฺหิเตสุปิ เวทนํ อชฺฌุเปกฺขิตฺวา ทฬฺหํ วีริยํ กโรนฺโต อจฺจารทฺธวีริยตาย วิเสสํ นิพฺพตฺเตตุํ อสกฺโกนฺโต, ‘‘เอวํ วายมนฺโตปิ อหํ มคฺคํ วา ผลํ วา นิพฺพตฺเตตุํ น สกฺโกมิ, กึ เม ปพฺพชฺชาย, หีนายาวตฺติตฺวา โภเค จ ภุฺชิสฺสามิ, ปุฺานิ จ กริสฺสามี’’ติ จินฺเตสิ. สตฺถา ตสฺส จิตฺตาจารํ ตฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา วีณูปโมวาเทน โอวทิตฺวา วีริยสมตาโยชนวิธึ ทสฺเสนฺโต กมฺมฏฺานํ โสเธตฺวา คิชฺฌกูฏํ คโต. โสณตฺเถโรปิ สตฺถุ สมฺมุขา โอวาทํ ลภิตฺวา วีริยสมตํ โยเชตฺวา วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อรหตฺเต ปติฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๕.๒๕-๕๓) –

‘‘อโนมทสฺสิสฺส มุนิโน, โลกเชฏฺสฺส ตาทิโน;

สุธาย เลปนํ กตฺวา, จงฺกมํ การยึ อหํ.

‘‘นานาวณฺเณหิ ปุปฺเผหิ, จงฺกมํ สนฺถรึ อหํ;

อากาเส วิตานํ กตฺวา, โภชยึ พุทฺธมุตฺตมํ.

‘‘อฺชลึ ปคฺคเหตฺวาน, อภิวาเทตฺวาน สุพฺพตํ;

ทีฆสาลํ ภควโต, นิยฺยาเทสิมหํ ตทา.

‘‘มม สงฺกปฺปมฺาย, สตฺถา โลเก อนุตฺตโร;

ปฏิคฺคเหสิ ภควา, อนุกมฺปาย จกฺขุมา.

‘‘ปฏิคฺคเหตฺวาน สมฺพุทฺโธ, ทกฺขิเณยฺโย สเทวเก;

ภิกฺขุสงฺเฆ นิสีทิตฺวา, อิมา คาถา อภาสถ.

‘‘โย โส หฏฺเน จิตฺเตน, ทีฆสาลํ อทาสิ เม;

ตมหํ กิตฺตยิสฺสามิ, สุณาถ มม ภาสโต.

‘‘อิมสฺส มจฺจุกาลมฺหิ, ปุฺกมฺมสมงฺคิโน;

สหสฺสยุตฺตสฺสรโถ, อุปฏฺิสฺสติ ตาวเท.

‘‘เตน ยาเนนยํ โปโส, เทวโลกํ คมิสฺสติ;

อนุโมทิสฺสเร เทวา, สมฺปตฺเต กุลสมฺภเว.

‘‘มหารหํ พฺยมฺหํ เสฏฺํ, รตนมตฺติกเลปนํ;

กูฏาคารวรูเปตํ, พฺยมฺหํ อชฺฌาวสิสฺสติ.

‘‘ตึสกปฺปสหสฺสานิ, เทวโลเก รมิสฺสติ;

ปฺจวีสติ กปฺปานิ, เทวราชา ภวิสฺสติ.

‘‘สตฺตสตฺตติกฺขตฺตุฺจ, จกฺกวตฺตี ภวิสฺสติ;

ยโสธรสนามา เต, สพฺเพปิ เอกนามกา.

‘‘ทฺเว สมฺปตฺตี อนุโภตฺวา, วฑฺเฒตฺวา ปุฺสฺจยํ;

อฏฺวีสติกปฺปมฺหิ, จกฺกวตฺตี ภวิสฺสติ.

‘‘ตตฺราปิ พฺยมฺหํ ปวรํ, วิสฺสกมฺเมน มาปิตํ;

ทสสทฺทาวิวิตฺตํ ตํ, ปุรมชฺฌาวสิสฺสติ.

‘‘อปริเมยฺเย อิโต กปฺเป, ภูมิปาโล มหิทฺธิโก;

โอกฺกาโก นาม นาเมน, ราชา รฏฺเ ภวิสฺสติ.

‘‘โสฬสิตฺถิสหสฺสานํ, สพฺพาสํ ปวรา จ สา;

อภิชาตา ขตฺติยานี, นว ปุตฺเต ชเนสฺสติ.

‘‘นว ปุตฺเต ชเนตฺวาน, ขตฺติยานี มริสฺสติ;

ตรุณี จ ปิยา กฺา, มเหสิตฺตํ กริสฺสติ.

‘‘โอกฺกากํ โตสยิตฺวาน, วรํ กฺา ลภิสฺสติ;

วรํ ลทฺธาน สา กฺา, ปุตฺเต ปพฺพาชยิสฺสติ.

‘‘ปพฺพาชิตา จ เต สพฺเพ, คมิสฺสนฺติ นคุตฺตมํ;

ชาติเภทภยา สพฺเพ, ภคินีหิ วสิสฺสเร.

‘‘เอกา จ กฺา พฺยาธีหิ, ภวิสฺสติ ปริกฺขตา;

มา โน ชาติ ปภิชฺชีติ, นิขณิสฺสนฺติ ขตฺติยา.

‘‘ขตฺติโย นีหริตฺวาน, ตาย สทฺธึ วสิสฺสติ;

ภวิสฺสติ ตทา เภโท, โอกฺกากกุลสมฺภโว.

‘‘เตสํ ปชา ภวิสฺสนฺติ, โกฬิยา นาม ชาติยา;

ตตฺถ มานุสกํ โภคํ, อนุโภสฺสตินปฺปกํ.

‘‘ตมฺหา กายา จวิตฺวาน, เทวโลกํ คมิสฺสติ;

ตตฺราปิ ปวรํ พฺยมฺหํ, ลภิสฺสติ มโนรมํ.

‘‘เทวโลกา จวิตฺวาน, สุกฺกมูเลน โจทิโต;

อาคนฺตฺวาน มนุสฺสตฺตํ, โสโณ นาม ภวิสฺสติ.

‘‘อารทฺธวีริโย ปหิตตฺโต, ปทหํ สตฺถุ สาสเน;

สพฺพาสเว ปริฺาย, นิพฺพายิสฺสตินาสโว.

‘‘อนนฺตทสฺสี ภควา, โคตโม สกฺยปุงฺคโว;

วิเสสฺู มหาวีโร, อคฺคฏฺาเน เปสฺสติ.

‘‘วุฏฺมฺหิ เทเว จตุรงฺคุลมฺหิ, ติเณ อนิเลริตองฺคณมฺหิ;

ตฺวาน โยคสฺส ปยุตฺตตาทิโน, ตโตตฺตรึ ปารมตา น วิชฺชติ.

‘‘อุตฺตเม ทมเถ ทนฺโต, จิตฺตํ เม สุปณีหิตํ;

ภาโร เม โอหิโต สพฺโพ, นิพฺพุโตมฺหิ อนาสโว.

‘‘องฺคีรโส มหานาโค, อภิชาโตว เกสรี;

ภิกฺขุสงฺเฆ นิสีทิตฺวา, เอตทคฺเค เปสิ มํ.

‘‘ปฏิสมฺภิทา จตสฺโส…เป… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ.

อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อตฺตโน ปฏิปตฺตึ ปจฺจเวกฺขิตฺวา อุทานวเสน อฺาพฺยากรณวเสน จ –

๖๓๒.

‘‘ยาหุ รฏฺเ สมุกฺกฏฺโ, รฺโ องฺคสฺส ปทฺธคู;

สฺวาชฺช ธมฺเมสุ อุกฺกฏฺโ, โสโณ ทุกฺขสฺส ปารคู.

๖๓๓.

‘‘ปฺจ ฉินฺเท ปฺจ ชเห, ปฺจ จุตฺตริ ภาวเย;

ปฺจสงฺคาติโค ภิกฺขุ, โอฆติณฺโณติ วุจฺจติ.

๖๓๔.

‘‘อุนฺนฬสฺส ปมตฺตสฺส, พาหิราสสฺส ภิกฺขุโน;

สีลํ สมาธิ ปฺา จ, ปาริปูรึ น คจฺฉติ.

๖๓๕.

‘‘ยฺหิ กิจฺจํ อปวิทฺธํ, อกิจฺจํ ปน กรียติ;

อุนฺนฬานํ ปมตฺตานํ, เตสํ วฑฺฒนฺติ อาสวา.

๖๓๖.

‘‘เยสฺจ สุสมารทฺธา, นิจฺจํ กายคตา สติ;

อกิจฺจํ เต น เสวนฺติ, กิจฺเจ สาตจฺจการิโน;

สตานํ สมฺปชานานํ, อตฺถํ คจฺฉนฺติ อาสวา.

๖๓๗.

‘‘อุชุมคฺคมฺหิ อกฺขาเต, คจฺฉถ มา นิวตฺตถ;

อตฺตนา โจทยตฺตานํ, นิพฺพานมภิหารเย.

๖๓๘.

‘‘อจฺจารทฺธมฺหิ วีริยมฺหิ, สตฺถา โลเก อนุตฺตโร;

วีโณปมํ กริตฺวา เม, ธมฺมํ เทเสติ จกฺขุมา;

ตสฺสาหํ วจนํ สุตฺวา, วิหาสึ สาสเน รโต.

๖๓๙.

‘‘สมถํ ปฏิปาเทสึ, อุตฺตมตฺถสฺส ปตฺติยา;

ติสฺโส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสนํ.

๖๔๐.

‘‘เนกฺขมฺเม อธิมุตฺตสฺส, ปวิเวกฺจ เจตโส;

อพฺยาพชฺฌาธิมุตฺตสฺส, อุปาทานกฺขยสฺส จ.

๖๔๑.

‘‘ตณฺหกฺขยาธิมุตฺตสฺส, อสมฺโมหฺจ เจตโส;

ทิสฺวา อายตนุปฺปาทํ, สมฺมา จิตฺตํ วิมุจฺจติ.

๖๔๒.

‘‘ตสฺส สมฺมา วิมุตฺตสฺส, สนฺตจิตฺตสฺส ภิกฺขุโน;

กตสฺส ปติจโย นตฺถิ, กรณียํ น วิชฺชติ.

๖๔๓.

‘‘เสโล ยถา เอกฆโน, วาเตน น สมีรติ;

เอวํ รูปา รสา สทฺทา, คนฺธา ผสฺสา จ เกวลา.

๖๔๔.

‘‘อิฏฺา ธมฺมา อนิฏฺา จ, นปฺปเวเธนฺติ ตาทิโน;

ิตํ จิตฺตํ วิสฺุตฺตํ, วยฺจสฺสานุปสฺสตี’’ติ. – อิมา คาถา อภาสิ;

ตตฺถ ยาหุ รฏฺเ สมุกฺกฏฺโติ โย อหุ อโหสิ องฺครฏฺเ อสีติยา คามิกสหสฺเสหิ โภคสมฺปตฺติยา อิสฺสริยสมฺปตฺติยา จ สมฺมา อติวิย อุกฺกฏฺโ เสฏฺโ. รฺโ องฺคสฺส ปทฺธคูติ จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ ปริสาย รฺชนฏฺเน รฺโ องฺคาธิปติโน พิมฺพิสารสฺส ปริวารภูโต คหปติวิเสโส ตสฺส รฏฺเ กุฏุมฺพิโก อหูติ โยเชตพฺพํ. สฺวาชฺช ธมฺเมสุ อุกฺกฏฺโติ โส โสโณ อชฺเชตรหิ โลกุตฺตรธมฺเมสุ อุกฺกฏฺโ ชาโต, คิหิกาเลปิ เกหิจิ อุกฺกฏฺโเยว หุตฺวา อิทานิ ปพฺพชิตกาเลปิ อุกฺกฏฺโเยว โหตีติ อตฺตานเมว ปรํ วิย ทสฺเสติ. ทุกฺขสฺส ปารคูติ สกลสฺส วฏฺฏทุกฺขสฺส ปารํ ปริยนฺตํ คโต, เอเตน ธมฺเมสุ อุกฺกฏฺโติ อวิเสเสน วุตฺตํ อุกฺกฏฺภาวํ วิเสเสติ อรหตฺตาธิคมทีปนโต.

อิทานิ ยาย ปฏิปตฺติยา ทุกฺขปารคู ชาโต, อฺาปเทเสน ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปฺจ ฉินฺเท’’ติ คาถมาห. ตสฺสตฺโถ – อปายกามสุคติสมฺปาปกานิ ปฺโจรมฺภาคิยานิ สํโยชนานิ ปุริโส สตฺเถน ปาเท พทฺธรชฺชุกํ วิย เหฏฺิเมน มคฺคตฺตเยน ฉินฺเทยฺย, รูปารูปภวสมฺปาปกานิ ปฺจ อุทฺธมฺภาคิยานิ สํโยชนานิ ปุริโส คีวาย พทฺธรชฺชุกํ วิย อคฺคมคฺเคน ชเหยฺย, ฉินฺเทยฺย, เตสํ ปน อุทฺธมฺภาคิยสํโยชนานํ ปหานาย ปฺจ สทฺธาทีนิ อินฺทฺริยานิ อุตฺตริ ภาวเย ภาเวยฺย. เอวํภูโต ปน ภิกฺขุ ราคสงฺโค โทสโมหมานทิฏฺิสงฺโคติ ปฺจนฺนํ สงฺคานํ อติกฺกมเนน ปฺจสงฺคาติโค หุตฺวา, กาโมโฆ, ภโวโฆ, ทิฏฺโโฆ, อวิชฺโชโฆติ จตุนฺนํ โอฆานํ ติณฺณตฺตา โอฆติณฺโณติ วุจฺจติ.

อยฺจ โอฆตรณปฏิปตฺติสีลาทีนํ ปาริปูริยาว โหติ, สีลาทโย จ มานาทิปฺปหาเนน ปาริปูรึ คจฺฉนฺติ, น อฺถาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘อุนฺนฬสฺสา’’ติ คาถมาห. ตตฺถ อุนฺนฬสฺสาติ อุคฺคตตุจฺฉมานสฺส. มาโน หิ อุนฺนมนาการวุตฺติยา ตุจฺฉภาเวน นโฬ วิยาติ ‘‘นโฬ’’ติ วุจฺจติ. ปมตฺตสฺสาติ สติโวสฺสคฺเคน ปมาทํ อาปนฺนสฺส. พาหิราสสฺสาติ พาหิเรสุ อายตเนสุ อาสาวโต, กาเมสุ อวีตราคสฺสาติ อตฺโถ. สีลํ สมาธิ ปฺา จ, ปาริปูรึ น คจฺฉตีติ ตสฺส สีลาทีนํ ปฏิปกฺขเสวิโน โลกิโยปิ ตาว สีลาทิคุโณ ปาริปูรึ น คจฺฉติ, ปเคว โลกุตฺตโร.

ตตฺถ การณมาห ‘‘ยฺหิ กิจฺจ’’