📜

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส

ขุทฺทกนิกาเย

อปทาน-อฏฺกถา

(ปโม ภาโค)

คนฺถารมฺภกถา

วนฺทิตฺวา สิรสา เสฏฺํ, พุทฺธมปฺปฏิปุคฺคลํ;

เยฺยสาครมุตฺติณฺณํ, ติณฺณํ สํสารสาครํ.

ตเถว ปรมํ สนฺตํ, คมฺภีรํ ทุทฺทสํ อณุํ;

ภวาภวกรํ สุทฺธํ, ธมฺมํ สมฺพุทฺธปูชิตํ.

ตเถว อนฆํ สงฺฆํ, อสงฺคํ สงฺฆมุตฺตมํ;

อุตฺตมํ ทกฺขิเณยฺยานํ, สนฺตินฺทฺริยมนาสวํ.

กเตน ตสฺส เอตสฺส, ปณาเมน วิเสสโต;

รตนตฺตเย วิเสเสน, วิเสสสฺสาทเรน เม.

เถเรหิ ธีรธีเรหิ, อาคมฺูหิ วิฺุภิ;

‘‘อปทานฏฺกถา ภนฺเต, กาตพฺพา’’ติ วิเสสโต.

ปุนปฺปุนาทเรเนว, ยาจิโตหํ ยสสฺสิภิ;

ตสฺมาหํ สาปทานสฺส, อปทานสฺสเสสโต.

วิเสสนยทีปสฺส, ทีปิสฺสํ ปิฏกตฺตเย;

ยถา ปาฬินเยเนว, อตฺถสํวณฺณนํ สุภํ.

เกน กตฺถ กทา เจตํ, ภาสิตํ ธมฺมมุตฺตมํ;

กิมตฺถํ ภาสิตฺเจตํ, เอตํ วตฺวา วิธึ ตโต.

นิทาเนสุ โกสลฺลตฺถํ, สุขุคฺคหณธารณํ;

ตสฺมา ตํ ตํ วิธึ วตฺวา, ปุพฺพาปรวิเสสิตํ.

ปุรา สีหฬภาสาย, โปราณฏฺกถาย จ;

ปิตํ ตํ น สาเธติ, สาธูนํ อิจฺฉิติจฺฉิตํ.

ตสฺมา ตมุปนิสฺสาย, โปราณฏฺกถานยํ;

วิวชฺเชตฺวา วิรุทฺธตฺถํ, วิเสสตฺถํ ปกาสยํ;

วิเสสวณฺณนํ เสฏฺํ, กริสฺสามตฺถวณฺณนนฺติ.

นิทานกถา

‘‘เกน กตฺถ กทา เจตํ, ภาสิตํ ธมฺมมุตฺตม’’นฺติ จ, ‘‘กริสฺสามตฺถวณฺณน’’นฺติ จ ปฏิฺาตตฺตา สา ปนายํ อปทานสฺสตฺถวณฺณนา ทูเรนิทานํ, อวิทูเรนิทานํ, สนฺติเกนิทานนฺติ อิมานิ ตีณิ นิทานานิ ทสฺเสตฺวา วณฺณิยมานา เย นํ สุณนฺติ, เตหิ สมุทาคมโต ปฏฺาย วิฺาตตฺตา ยสฺมา สุฏฺุ วิฺาตา นาม โหติ, ตสฺมา นํ ตานิ นิทานานิ ทสฺเสตฺวาว วณฺณยิสฺสาม.

ตตฺถ อาทิโต ตาว เตสํ นิทานานํ ปริจฺเฉโท เวทิตพฺโพ. ทีปงฺกรปาทมูลสฺมิฺหิ กตาภินีหารสฺส มหาสตฺตสฺส ยาว เวสฺสนฺตรตฺตภาวา จวิตฺวา ตุสิตปุเร นิพฺพตฺติ, ตาว ปวตฺโต กถามคฺโค ทูเรนิทานํ นาม. ตุสิตภวนโต ปน จวิตฺวา ยาว โพธิมณฺเฑ สพฺพฺุตปฺปตฺติ, ตาว ปวตฺโต กถามคฺโค อวิทูเรนิทานํ นาม. สนฺติเกนิทานํ ปน เตสุ เตสุ าเนสุ วิหรโต ตสฺมึ ตสฺมึเยว าเน ลพฺภตีติ.

๑. ทูเรนิทานกถา

ตตฺริทํ ทูเรนิทานํ นาม – อิโต กิร กปฺปสตสหสฺสาธิกานํ จตุนฺนํ อสงฺขฺเยยฺยานํ มตฺถเก อมรวตี นาม นครํ อโหสิ. ตตฺถ สุเมโธ นาม พฺราหฺมโณ ปฏิวสติ, อุภโต สุชาโต มาติโต จ ปิติโต จ, สํสุทฺธคหณิโก ยาว สตฺตมา กุลปริวฏฺฏา, อกฺขิตฺโต อนุปกุฏฺโ ชาติวาเทน, อภิรูโป ทสฺสนีโย ปาสาทิโก ปรมาย วณฺณโปกฺขรตาย สมนฺนาคโต. โส อฺํ กมฺมํ อกตฺวา พฺราหฺมณสิปฺปเมว อุคฺคณฺหิ. ตสฺส ทหรกาเลเยว มาตาปิตโร กาลมกํสุ. อถสฺส ราสิวฑฺฒโก อมจฺโจ อายโปตฺถกํ อาหริตฺวา สุวณฺณรชตมณิมุตฺตาทิภริเต คพฺเภ วิวริตฺวา ‘‘เอตฺตกํ เต, กุมาร, มาตุ สนฺตกํ, เอตฺตกํ ปิตุ สนฺตกํ, เอตฺตกํ อยฺยกปยฺยกาน’’นฺติ ยาว สตฺตมา กุลปริวฏฺฏา ธนํ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘เอตํ ปฏิปชฺชาหี’’ติ อาห. สุเมธปณฺฑิโต จินฺเตสิ – ‘‘อิมํ ธนํ สํหริตฺวา มยฺหํ ปิตุปิตามหาทโย ปรโลกํ คจฺฉนฺตา เอกกหาปณมฺปิ คเหตฺวา น คตา, มยา ปน คเหตฺวา คมนการณํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ, โส รฺโ อาโรเจตฺวา นคเร เภรึ จราเปตฺวา มหาชนสฺส ทานํ ทตฺวา ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิ. อิมสฺส ปนตฺถสฺส อาวิภาวตฺถํ อิมสฺมึ าเน สุเมธกถา กเถตพฺพา. สา ปเนสา กิฺจาปิ พุทฺธวํเส นิรนฺตรํ อาคตาเยว, คาถาพนฺเธน ปน อาคตตฺตา น สุฏฺุ ปากฏา, ตสฺมา ตํ อนฺตรนฺตรา คาถาสมฺพนฺธทีปเกหิ วจเนหิ สทฺธึ กเถสฺสาม.

สุเมธกถา

กปฺปสตสหสฺสาธิกานฺหิ จตุนฺนํ อสงฺขฺเยยฺยานํ มตฺถเก ทสหิ สทฺเทหิ อวิวิตฺตํ ‘‘อมรวตี’’ติ จ ‘‘อมร’’นฺติ จ ลทฺธนามํ นครํ อโหสิ, ยํ สนฺธาย พุทฺธวํเส วุตฺตํ –

‘‘กปฺเป จ สตสหสฺเส, จตุโร จ อสงฺขิเย;

อมรํ นาม นครํ, ทสฺสเนยฺยํ มโนรมํ;

ทสหิ สทฺเทหิ อวิวิตฺตํ, อนฺนปานสมายุต’’นฺติ. (พุ. วํ. ๒.๑-๒);

ตตฺถ ทสหิ สทฺเทหิ อวิวิตฺตนฺติ หตฺถิสทฺเทน อสฺสสทฺเทน รถสทฺเทน เภริสทฺเทน มุทิงฺคสทฺเทน วีณาสทฺเทน คีตสทฺเทน สงฺขสทฺเทน สมฺมสทฺเทน ตาฬสทฺเทน ‘‘อสฺนาถ ปิวถ ขาทถา’’ติ ทสเมน สทฺเทนาติ อิเมหิ ทสหิ สทฺเทหิ อวิวิตฺตํ อโหสิ. เตสํ ปน สทฺทานํ เอกเทสเมว คเหตฺวา –

‘‘หตฺถิสทฺทํ อสฺสสทฺทํ, เภริสงฺขรถานิ จ;

ขาทถ ปิวถ เจว, อนฺนปาเนน โฆสิต’’นฺติ. –

พุทฺธวํเส (พุ. วํ. ๒.๓-๕) อิมํ คาถํ วตฺวา –

‘‘นครํ สพฺพงฺคสมฺปนฺนํ, สพฺพกมฺมมุปาคตํ;

สตฺตรตนสมฺปนฺนํ, นานาชนสมากุลํ;

สมิทฺธํ เทวนครํว, อาวาสํ ปุฺกมฺมินํ.

‘‘นคเร อมรวติยา, สุเมโธ นาม พฺราหฺมโณ;

อเนกโกฏิสนฺนิจโย, ปหูตธนธฺวา.

‘‘อชฺฌายโก มนฺตธโร, ติณฺณํ เวทาน ปารคู;

ลกฺขเณ อิติหาเส จ, สธมฺเม ปารมึ คโต’’ติ. – วุตฺตํ;

อเถกทิวสํ โส สุเมธปณฺฑิโต อุปริปาสาทวรตเล รโหคโต หุตฺวา ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา นิสินฺโน เอวํ จินฺเตสิ – ‘‘ปุนพฺภเว, ปณฺฑิต, ปฏิสนฺธิคฺคหณํ นาม ทุกฺขํ, ตถา นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน สรีรสฺส เภทนํ, อหฺจ ชาติธมฺโม, ชราธมฺโม, พฺยาธิธมฺโม, มรณธมฺโม, เอวํภูเตน มยา อชาตึ อชรํ อพฺยาธึ อมรณํ อทุกฺขํ สุขํ สีตลํ อมตมหานิพฺพานํ ปริเยสิตุํ วฏฺฏติ. อวสฺสํ ภวโต มุจฺจิตฺวา นิพฺพานคามินา เอเกน มคฺเคน ภวิตพฺพ’’นฺติ. เตน วุตฺตํ –

‘‘รโหคโต นิสีทิตฺวา, เอวํ จินฺเตสหํ ตทา;

ทุกฺโข ปุนพฺภโว นาม, สรีรสฺส จ เภทนํ.

‘‘ชาติธมฺโม ชราธมฺโม, พฺยาธิธมฺโม สหํ ตทา;

อชรํ อมรํ เขมํ, ปริเยสิสฺสามิ นิพฺพุตึ.

‘‘ยํนูนิมํ ปูติกายํ, นานากุณปปูริตํ;

ฉฑฺฑยิตฺวาน คจฺเฉยฺยํ, อนเปกฺโข อนตฺถิโก.

‘‘อตฺถิ เหหิติ โส มคฺโค, น โส สกฺกา น เหตุเย;

ปริเยสิสฺสามิ ตํ มคฺคํ, ภวโต ปริมุตฺติยา’’ติ.

ตโต อุตฺตริปิ เอวํ จินฺเตสิ – ‘‘ยถา หิ โลเก ทุกฺขสฺส ปฏิปกฺขภูตํ สุขํ นาม อตฺถิ, เอวํ ภเว สติ ตปฺปฏิปกฺเขน วิภเวนาปิ ภวิตพฺพํ. ยถา จ อุณฺเห สติ ตสฺส วูปสมภูตํ สีตลมฺปิ อตฺถิ, เอวํ ราคคฺคิอาทีนํ วูปสเมน นิพฺพาเนนาปิ ภวิตพฺพํ. ยถา นาม ปาปสฺส ลามกสฺส ธมฺมสฺส ปฏิปกฺขภูโต กลฺยาโณ อนวชฺชภูโต ธมฺโมปิ อตฺถิเยว, เอวเมว ปาปิกาย ชาติยา สติ สพฺพชาติเขปนโต อชาติสงฺขาเตน นิพฺพาเนนาปิ ภวิตพฺพเมวา’’ติ. เตน วุตฺตํ –

‘‘ยถาปิ ทุกฺเข วิชฺชนฺเต, สุขํ นามปิ วิชฺชติ;

เอวํ ภเว วิชฺชมาเน, วิภโวปิจฺฉิตพฺพโก.

‘‘ยถาปิ อุณฺเห วิชฺชนฺเต, อปรํ วิชฺชติ สีตลํ;

เอวํ ติวิธคฺคิ วิชฺชนฺเต, นิพฺพานมฺปิจฺฉิตพฺพกํ.

‘‘ยถาปิ ปาเป วิชฺชนฺเต, กลฺยาณมปิ วิชฺชติ;

เอวเมว ชาติ วิชฺชนฺเต, อชาติปิจฺฉิตพฺพก’’นฺติ.

อปรมฺปิ จินฺเตสิ – ‘‘ยถา นาม คูถราสิมฺหิ นิมุคฺเคน ปุริเสน ทูรโตว ปฺจวณฺณปทุมสฺฉนฺนํ มหาตฬากํ ทิสฺวา ‘กตเรน นุ โข มคฺเคน เอตฺถ คนฺตพฺพ’นฺติ ตํ ตฬากํ คเวสิตุํ ยุตฺตํ. ยํ ตสฺส อคเวสนํ, น โส ตฬากสฺส โทโส, ปุริสสฺเสว โทโส. เอวํ กิเลสมลโธวเน อมตมหานิพฺพานตฬาเก วิชฺชนฺเต ยํ ตสฺส อคเวสนํ, น โส อมตมหานิพฺพานตฬากสฺส โทโส, ปุริสสฺเสว โทโส. ยถา จ โจเรหิ สมฺปริวาริโต ปุริโส ปลายนมคฺเค วิชฺชมาเนปิ สเจ น ปลายติ, น โส มคฺคสฺส โทโส, ปุริสสฺเสว โทโส. เอวเมว กิเลเสหิ ปริวาเรตฺวา คหิตสฺส ปุริสสฺส วิชฺชมาเนเยว นิพฺพานคามิมฺหิ สิเว มคฺเค มคฺคสฺส อคเวสนํ นาม น มคฺคสฺส โทโส, ปุริสสฺเสว โทโส. ยถา จ พฺยาธิปีฬิโต ปุริโส วิชฺชมาเน พฺยาธิติกิจฺฉเก เวชฺเช สเจ ตํ เวชฺชํ คเวสิตฺวา พฺยาธึ น ติกิจฺฉาเปติ, น โส เวชฺชสฺส โทโส, ปุริสสฺเสว โทโส. เอวเมว โย กิเลสพฺยาธิปีฬิโต กิเลสวูปสมมคฺคโกวิทํ วิชฺชมานเมว อาจริยํ น คเวสติ, ตสฺเสว โทโส, น กิเลสวินาสกสฺส อาจริยสฺส โทโส’’ติ. เตน วุตฺตํ –

‘‘ยถา คูถคโต ปุริโส, ตฬากํ ทิสฺวาน ปูริตํ;

น คเวสติ ตํ ตฬากํ, น โทโส ตฬากสฺส โส.

‘‘เอวํ กิเลสมลโธเว, วิชฺชนฺเต อมตนฺตเฬ;

น คเวสติ ตํ ตฬากํ, น โทโส อมตนฺตเฬ.

‘‘ยถา อรีหิ ปริรุทฺโธ, วิชฺชนฺเต คมนมฺปเถ;

น ปลายติ โส ปุริโส, น โทโส อฺชสสฺส โส.

‘‘เอวํ กิเลสปริรุทฺโธ, วิชฺชมาเน สิเว ปเถ;

น คเวสติ ตํ มคฺคํ, น โทโส สิวมฺชเส.

‘‘ยถาปิ พฺยาธิโต ปุริโส, วิชฺชมาเน ติกิจฺฉเก;

น ติกิจฺฉาเปติ ตํ พฺยาธึ, น โทโส โส ติกิจฺฉเก.

‘‘เอวํ กิเลสพฺยาธีหิ, ทุกฺขิโต ปริปีฬิโต;

น คเวสติ ตํ อาจริยํ, น โทโส โส วินายเก’’ติ.

อปรมฺปิ จินฺเตสิ – ‘‘ยถา มณฺฑนกชาติโก ปุริโส กณฺเ อาสตฺตํ กุณปํ ฉฑฺเฑตฺวา สุขํ คจฺเฉยฺย, เอวํ มยาปิ อิมํ ปูติกายํ ฉฑฺเฑตฺวา อนเปกฺเขน นิพฺพานนครํ ปวิสิตพฺพํ. ยถา จ นรนาริโย อุกฺการภูมิยํ อุจฺจารปสฺสาวํ กตฺวา น ตํ อุจฺฉงฺเคน วา อาทาย, ทุสฺสนฺเตน วา เวเตฺวา คจฺฉนฺติ, ชิคุจฺฉมานา ปน อนเปกฺขาว, ฉฑฺเฑตฺวา คจฺฉนฺติ, เอวํ มยาปิ อิมํ ปูติกายํ อนเปกฺเขน ฉฑฺเฑตฺวา อมตนิพฺพานนครํ ปวิสิตุํ วฏฺฏติ. ยถา จ นาวิกา นาม ชชฺชรํ นาวํ อนเปกฺขาว ฉฑฺเฑตฺวา คจฺฉนฺติ, เอวํ อหมฺปิ อิมํ นวหิ วณมุเขหิ ปคฺฆรนฺตํ กายํ ฉฑฺเฑตฺวา อนเปกฺโข นิพฺพานปุรํ ปวิสิสฺสามิ. ยถา จ ปุริโส นานารตนานิ อาทาย โจเรหิ สทฺธึ มคฺคํ คจฺฉนฺโต อตฺตโน รตนนาสภเยน เต ฉฑฺเฑตฺวา เขมํ มคฺคํ คณฺหาติ, เอวํ อยมฺปิ กรชกาโย รตนวิโลปกโจรสทิโส. สจาหํ เอตฺถ ตณฺหํ กริสฺสามิ, อริยมคฺคกุสลธมฺมรตนํ เม นสฺสิสฺสติ, ตสฺมา มยา อิมํ โจรสทิสํ กายํ ฉฑฺเฑตฺวา อมตมหานิพฺพานนครํ ปวิสิตุํ วฏฺฏตี’’ติ. เตน วุตฺตํ –

‘‘ยถาปิ กุณปํ ปุริโส, กณฺเ พทฺธํ ชิคุจฺฉิย;

โมจยิตฺวาน คจฺเฉยฺย, สุขี เสรี สยํวสี.

‘‘ตเถวิมํ ปูติกายํ, นานากุณปสฺจยํ;

ฉฑฺฑยิตฺวาน คจฺเฉยฺยํ, อนเปกฺโข อนตฺถิโก.

‘‘ยถา อุจฺจารฏฺานมฺหิ, กรีสํ นรนาริโย;

ฉฑฺฑยิตฺวาน คจฺฉนฺติ, อนเปกฺขา อนตฺถิกา.

‘‘เอวเมวาหํ อิมํ กายํ, นานากุณปปูริตํ;

ฉฑฺฑยิตฺวาน คจฺฉิสฺสํ, วจฺจํ กตฺวา ยถา กุฏึ.

‘‘ยถาปิ ชชฺชรํ นาวํ, ปลุคฺคํ อุทคาหินึ;

สามี ฉฑฺเฑตฺวา คจฺฉนฺติ, อนเปกฺขา อนตฺถิกา.

‘‘เอวเมวาหํ อิมํ กายํ, นวจฺฉิทฺทํ ธุวสฺสวํ;

ฉฑฺฑยิตฺวาน คจฺฉิสฺสํ, ชิณฺณนาวํว สามิกา.

‘‘ยถาปิ ปุริโส โจเรหิ, คจฺฉนฺโต ภณฺฑมาทิย;

ภณฺฑจฺเฉทภยํ ทิสฺวา, ฉฑฺฑยิตฺวาน คจฺฉติ.

‘‘เอวเมว อยํ กาโย, มหาโจรสโม วิย;

ปหายิมํ คมิสฺสามิ, กุสลจฺเฉทนา ภยา’’ติ.

เอวํ สุเมธปณฺฑิโต นานาวิธาหิ อุปมาหิ อิมํ เนกฺขมฺมูปสํหิตํ อตฺถํ จินฺเตตฺวา สกนิเวสเน อปริมิตโภคกฺขนฺธํ เหฏฺา วุตฺตนเยน กปณทฺธิกาทีนํ วิสฺสชฺเชตฺวา มหาทานํ ทตฺวา วตฺถุกาเม จ กิเลสกาเม จ ปหาย อมรนครโต นิกฺขมิตฺวา เอกโกว หิมวนฺเต ธมฺมิกํ นาม ปพฺพตํ นิสฺสาย อสฺสมํ กตฺวา ตตฺถ ปณฺณสาลฺจ จงฺกมฺจ มาเปตฺวา ปฺจหิ นีวรณโทเสหิ วชฺชิตํ ‘‘เอวํ สมาหิเต จิตฺเต’’ติอาทินา นเยน วุตฺเตหิ อฏฺหิ การณคุเณหิ สมุเปตํ อภิฺาสงฺขาตํ พลํ อาหริตุํ ตสฺมึ อสฺสมปเท นวโทสสมนฺนาคตํ สาฏกํ ปชหิตฺวา, ทฺวาทสคุณสมนฺนาคตํ วากจีรํ นิวาเสตฺวา, อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิ. เอวํ ปพฺพชิโต อฏฺโทสสมากิณฺณํ ตํ ปณฺณสาลํ ปหาย ทสคุณสมนฺนาคตํ รุกฺขมูลํ อุปคนฺตฺวา สพฺพํ ธฺวิกตึ ปหาย ปวตฺตผลโภชโน หุตฺวา นิสชฺชฏฺานจงฺกมนวเสเนว ปธานํ ปทหนฺโต สตฺตาหพฺภนฺตเรเยว อฏฺนฺนํ สมาปตฺตีนํ ปฺจนฺนฺจ อภิฺานํ ลาภี อโหสิ. เอวํ ตํ ยถาปตฺถิตํ อภิฺาพลํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ –

‘‘เอวาหํ จินฺตยิตฺวาน, เนกโกฏิสตํ ธนํ;

นาถานาถานํ ทตฺวาน, หิมวนฺตมุปาคมึ.

‘‘หิมวนฺตสฺสาวิทูเร, ธมฺมิโก นาม ปพฺพโต;

อสฺสโม สุกโต มยฺหํ, ปณฺณสาลา สุมาปิตา.

‘‘จงฺกมํ ตตฺถ มาเปสึ, ปฺจโทสวิวชฺชิตํ;

อฏฺคุณสมุเปตํ, อภิฺาพลมาหรึ.

‘‘สาฏกํ ปชหึ ตตฺถ, นวโทสมุปาคตํ;

วากจีรํ นิวาเสสึ, ทฺวาทสคุณมุปาคตํ.

‘‘อฏฺโทสสมากิณฺณํ, ปชหึ ปณฺณสาลกํ;

อุปาคมึ รุกฺขมูลํ, คุเณ ทสหุปาคตํ.

‘‘วาปิตํ โรปิตํ ธฺํ, ปชหึ นิรวเสสโต;

อเนกคุณสมฺปนฺนํ, ปวตฺตผลมาทิยึ.

‘‘ตตฺถปฺปธานํ ปทหึ, นิสชฺชฏฺานจงฺกเม;

อพฺภนฺตรมฺหิ สตฺตาเห, อภิฺาพล ปาปุณิ’’นฺติ.

ตตฺถ ‘‘อสฺสโม สุกโต มยฺหํ, ปณฺณสาลา สุมาปิตา’’ติ อิมาย ปน ปาฬิยา สุเมธปณฺฑิเตน อสฺสมปณฺณสาลจงฺกมา สหตฺถา มาปิตา วิย วุตฺตา. อยํ ปเนตฺถ อตฺโถ – มหาสตฺตฺหิ ‘‘หิมวนฺตํ อชฺโฌคาเหตฺวา อชฺช ธมฺมิกปพฺพตํ ปวิสิสฺสตี’’ติ ทิสฺวา สกฺโก วิสฺสกมฺมเทวปุตฺตํ อามนฺเตสิ – ‘‘ตาต, อยํ สุเมธปณฺฑิโต ‘ปพฺพชิสฺสามี’ติ นิกฺขนฺโต, เอตสฺส วสนฏฺานํ มาเปหี’’ติ. โส ตสฺส วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา รมณียํ อสฺสมํ, สุคุตฺตํ ปณฺณสาลํ, มโนรมํ จงฺกมฺจ มาเปสิ. ภควา ปน ตทา อตฺตโน ปุฺานุภาเวน นิปฺผนฺนํ ตํ อสฺสมปทํ สนฺธาย ‘‘สาริปุตฺต, ตสฺมึ ธมฺมิกปพฺพเต –

‘‘อสฺสโม สุกโต มยฺหํ, ปณฺณสาลา สุมาปิตา;

จงฺกมํ ตตฺถ มาเปสึ, ปฺจโทสวิวชฺชิต’’’นฺติ. –

อาห. ตตฺถ สุกโต มยฺหนฺติ สุฏฺุ กโต มยา. ปณฺณสาลา สุมาปิตาติ ปณฺณจฺฉทนสาลาปิ เม สุมาปิตา อโหสิ.

ปฺจโทสวิวชฺชิตนฺติ ปฺจิเม จงฺกมโทสา นาม ถทฺธวิสมตา, อนฺโตรุกฺขตา, คหนจฺฉนฺนตา, อติสมฺพาธตา, อติวิสาลตาติ. ถทฺธวิสมภูมิภาคสฺมิฺหิ จงฺกเม จงฺกมนฺตสฺส ปาทา รุชฺชนฺติ, โผฏา อุฏฺหนฺติ, จิตฺตํ เอกคฺคตํ น ลภติ, กมฺมฏฺานํ วิปชฺชติ. มุทุสมตเล ปน ผาสุวิหารํ อาคมฺม กมฺมฏฺานํ สมฺปชฺชติ. ตสฺมา ถทฺธวิสมภูมิภาคตา เอโก โทโสติ เวทิตพฺโพ. จงฺกมสฺส อนฺโต วา มชฺเฌ วา โกฏิยํ วา รุกฺเข สติ ปมาทมาคมฺม จงฺกมนฺตสฺส นลาฏํ วา สีสํ วา ปฏิหฺตีติ อนฺโตรุกฺขตา ทุติโย โทโส. ติณลตาทิคหนจฺฉนฺเน จงฺกเม จงฺกมนฺโต อนฺธการเวลายํ อุรคาทิเก ปาเณ อกฺกมิตฺวา วา มาเรติ, เตหิ วา ทฏฺโ ทุกฺขํ อาปชฺชตีติ คหนจฺฉนฺนตา ตติโย โทโส. อติสมฺพาเธ จงฺกเม วิตฺถารโต รตนิเก วา อฑฺฒรตนิเก วา จงฺกมนฺตสฺส ปริจฺเฉเท ปกฺขลิตฺวา นขาปิ องฺคุลิโยปิ ภิชฺชนฺตีติ อติสมฺพาธตา จตุตฺโถ โทโส. อติวิสาเล จงฺกเม จงฺกมนฺตสฺส จิตฺตํ วิธาวติ, เอกคฺคตํ น ลภตีติ อติวิสาลตา ปฺจโม โทโส. ปุถุลโต ปน ทิยฑฺฒรตนํ ทฺวีสุ ปสฺเสสุ รตนมตฺตํ อนุจงฺกมํ ทีฆโต สฏฺิหตฺถํ มุทุตลํ สมวิปฺปกิณฺณวาลุกํ จงฺกมํ วฏฺฏติ เจติยคิริมฺหิ ทีปปฺปสาทกมหามหินฺทตฺเถรสฺส จงฺกมํ วิย, ตาทิสํ ตํ อโหสิ. เตนาห – ‘‘จงฺกมํ ตตฺถ มาเปสึ, ปฺจโทสวิวชฺชิต’’นฺติ.

อฏฺคุณสมุเปตนฺติ อฏฺหิ สมณสุเขหิ อุเปตํ. อฏฺิมานิ สมณสุขานิ นาม ธนธฺปริคฺคหาภาโว, อนวชฺชปิณฺฑปาตปริเยสนภาโว, นิพฺพุตปิณฺฑปาตภุฺชนภาโว, รฏฺํ ปีเฬตฺวา ธนสารํ วา สีสกหาปณาทีนิ วา คณฺหนฺเตสุ ราชกุเลสุ รฏฺปีฬนกิเลสาภาโว, อุปกรเณสุ นิจฺฉนฺทราคภาโว, โจรวิโลเป นิพฺภยภาโว, ราชราชมหามตฺเตหิ อสํสฏฺภาโว, จตูสุ ทิสาสุ อปฺปฏิหตภาโวติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘ยถา ตสฺมึ อสฺสเม วสนฺเตน สกฺกา โหนฺติ อิมานิ อฏฺ สุขานิ วินฺทิตุํ, เอวํ อฏฺคุณสมุเปตํ ตํ อสฺสมํ มาเปสิ’’นฺติ.

อภิฺาพลมาหรินฺติ ปจฺฉา ตสฺมึ อสฺสเม วสนฺโต กสิณปริกมฺมํ กตฺวา อภิฺานฺจ สมาปตฺตีนฺจ อุปฺปาทนตฺถาย อนิจฺจโต จ ทุกฺขโต จ วิปสฺสนํ อารภิตฺวา ถามปฺปตฺตํ วิปสฺสนาพลํ อาหรึ. ยถา ตสฺมึ วสนฺโต ตํ พลํ อาหริตุํ สกฺโกมิ, เอวํ ตํ อสฺสมํ อภิฺตฺถาย วิปสฺสนาพลสฺส อนุจฺฉวิกํ กตฺวา มาเปสินฺติ อตฺโถ.

สาฏกํ ปชหึ ตตฺถ, นวโทสมุปาคตนฺติ เอตฺถายํ อนุปุพฺพิกถา. ตทา กิร กุฏิเลณจงฺกมาทิปฏิมณฺฑิตํ ปุปฺผูปคผลูปครุกฺขสฺฉนฺนํ รมณียํ มธุรสลิลาสยํ อปคตวาฬมิคภึสนกสกุณํ ปวิเวกกฺขมํ อสฺสมํ มาเปตฺวา อลงฺกตจงฺกมสฺส อุโภสุ อนฺเตสุ อาลมฺพนผลกํ สํวิธาย นิสีทนตฺถาย จงฺกมเวมชฺเฌ สมตลํ มุคฺควณฺณสิลํ มาเปตฺวา อนฺโต ปณฺณสาลาย ชฏามณฺฑลวากจีรติทณฺฑกุณฺฑิกาทิเก ตาปสปริกฺขาเร มณฺฑเป ปานียฆฏปานียสงฺขปานียสราวานิ, อคฺคิสาลายํ องฺคารกปลฺลทารุอาทีนีติ เอวํ ยํ ยํ ปพฺพชิตานํ อุปการาย สํวตฺตติ, ตํ สพฺพํ มาเปตฺวา ปณฺณสาลาย ภิตฺติยํ – ‘‘เย เกจิ ปพฺพชิตุกามา อิเม ปริกฺขาเร คเหตฺวา ปพฺพชนฺตู’’ติ อกฺขรานิ ฉินฺทิตฺวา เทวโลกเมว คเต วิสฺสกมฺมเทวปุตฺเต สุเมธปณฺฑิโต หิมวนฺตปาเท คิริกนฺทรานุสาเรน อตฺตโน นิวาสานุรูปํ ผาสุกฏฺานํ โอโลเกนฺโต นทีนิวตฺตเน วิสฺสกมฺมนิมฺมิตํ สกฺกทตฺติยํ รมณียํ อสฺสมํ ทิสฺวา จงฺกมนโกฏึ คนฺตฺวา ปทวฬฺชํ อปสฺสนฺโต ‘‘ธุวํ ปพฺพชิตา ธุรคาเม ภิกฺขํ ปริเยสิตฺวา กิลนฺตรูปา อาคนฺตฺวา ปณฺณสาลํ ปวิสิตฺวา นิสินฺนา ภวิสฺสนฺตี’’ติ จินฺเตตฺวา โถกํ อาคเมตฺวา ‘‘อติวิย จิรายนฺติ, ชานิสฺสามี’’ติ ปณฺณสาลทฺวารํ วิวริตฺวา อนฺโต ปวิสิตฺวา อิโต จิโต จ โอโลเกนฺโต มหาภิตฺติยํ อกฺขรานิ วาเจตฺวา ‘‘มยฺหํ กปฺปิยปริกฺขารา เอเต, อิเม คเหตฺวา ปพฺพชิสฺสามี’’ติ อตฺตนา นิวตฺถปารุตํ สาฏกยุคํ ปชหิ. เตนาห ‘‘สาฏกํ ปชหึ ตตฺถา’’ติ. เอวํ ปวิฏฺโ อหํ, สาริปุตฺต, ตสฺสํ ปณฺณสาลายํ สาฏกํ ปชหึ.

นวโทสมุปาคตนฺติ สาฏกํ ปชหนฺโต นว โทเส ทิสฺวา ปชหินฺติ ทีเปติ. ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตานฺหิ สาฏกสฺมึ นว โทสา อุปฏฺหนฺติ. มหคฺฆภาโว เอโก โทโส, ปรปฏิพทฺธตาย อุปฺปชฺชนภาโว เอโก, ปริโภเคน ลหุํ กิลิสฺสนภาโว เอโก, กิลิฏฺโ หิ โธวิตพฺโพ จ รชิตพฺโพ จ โหติ, ปริโภเคน ชีรณภาโว เอโก, ชิณฺณสฺส หิ ตุนฺนํ วา อคฺคฬทานํ วา กาตพฺพํ โหติ, ปุน ปริเยสนาย ทุรภิสมฺภวภาโว เอโก, ตาปสปพฺพชฺชาย อสารุปฺปภาโว เอโก, ปจฺจตฺถิกานํ สาธารณภาโว เอโก, ยถา หิ นํ ปจฺจตฺถิกา น คณฺหนฺติ, เอวํ โคเปตพฺโพ โหติ, ปริภุฺชนฺตสฺส วิภูสนฏฺานภาโว เอโก, คเหตฺวา วิจรนฺตสฺส ขนฺธภารมหิจฺฉภาโว เอโกติ.

วากจีรํ นิวาเสสินฺติ ตทาหํ, สาริปุตฺต, อิเม นว โทเส ทิสฺวา สาฏกํ ปหาย วากจีรํ นิวาเสสึ, มุฺชติณํ หีรํ หีรํ กตฺวา คนฺเถตฺวา กตํ วากจีรํ นิวาสนปารุปนตฺถาย อาทิยินฺติ อตฺโถ.

ทฺวาทส คุณมุปาคตนฺติ ทฺวาทสหิ อานิสํเสหิ สมนฺนาคตํ. วากจีรสฺมิฺหิ ทฺวาทส อานิสํสา – อปฺปคฺฆํ สุนฺทรํ กปฺปิยนฺติ อยํ ตาว เอโก อานิสํโส, สหตฺถา กาตุํ สกฺกาติ อยํ ทุติโย, ปริโภเคน สณิกํ กิลิสฺสติ, โธวิยมาเนปิ ปปฺโจ นตฺถีติ อยํ ตติโย, ปริโภเคน ชิณฺเณปิ สิพฺพิตพฺพาภาโว จตุตฺโถ, ปุน ปริเยสนฺตสฺส สุเขน กรณภาโว ปฺจโม, ตาปสปพฺพชฺชาย สารุปฺปภาโว ฉฏฺโ, ปจฺจตฺถิกานํ นิรุปโภคภาโว สตฺตโม, ปริภุฺชนฺตสฺส วิภูสนฏฺานาภาโว อฏฺโม, ธารเณ สลฺลหุกภาโว นวโม, จีวรปจฺจเย อปฺปิจฺฉภาโว ทสโม, วากุปฺปตฺติยา ธมฺมิกอนวชฺชภาโว เอกาทสโม, วากจีเร นฏฺเปิ อนเปกฺขภาโว ทฺวาทสโมติ.

อฏฺโทสสมากิณฺณํ, ปชหึ ปณฺณสาลกนฺติ กถํ ปชหึ? โส กิร วรสาฏกยุคํ โอมุฺจนฺโต จีวรวํเส ลคฺคิตํ อโนชปุปฺผทามสทิสํ รตฺตํ วากจีรํ คเหตฺวา นิวาเสตฺวา ตสฺสูปริ อปรํ สุวณฺณวณฺณํ วากจีรํ ปริทหิตฺวา ปุนฺนาคปุปฺผสนฺถรสทิสํ สขุรํ อชินจมฺมํ เอกํสํ กตฺวา ชฏามณฺฑลํ ปฏิมุฺจิตฺวา จูฬาย สทฺธึ นิจฺจลภาวกรณตฺถํ สารสูจึ ปเวเสตฺวา มุตฺตาชาลสทิสาย สิกฺกาย ปวาฬวณฺณํ กุณฺฑิกํ โอทหิตฺวา ตีสุ าเนสุ วงฺกํ กาชํ อาทาย เอกิสฺสา กาชโกฏิยา กุณฺฑิกํ, เอกิสฺสา องฺกุสปจฺฉิติทณฺฑกาทีนิ โอลคฺเคตฺวา ขาริกาชํ อํเส กตฺวา ทกฺขิเณน หตฺเถน กตฺตรทณฺฑํ คเหตฺวา ปณฺณสาลโต นิกฺขมิตฺวา สฏฺิหตฺเถ มหาจงฺกเม อปราปรํ จงฺกมนฺโต อตฺตโน เวสํ โอโลเกตฺวา – ‘‘มยฺหํ มโนรโถ มตฺถกํ ปตฺโต, โสภติ วต เม ปพฺพชฺชา, พุทฺธปจฺเจกพุทฺธาทีหิ สพฺเพหิ ธีรปุริเสหิ วณฺณิตา โถมิตา อยํ ปพฺพชฺชา นาม, ปหีนํ เม คิหิพนฺธนํ, นิกฺขนฺโตสฺมิ เนกฺขมฺมํ, ลทฺธา เม อุตฺตมปพฺพชฺชา, กริสฺสามิ สมณธมฺมํ, ลภิสฺสามิ มคฺคผลสุข’’นฺติ อุสฺสาหชาโต ขาริกาชํ โอตาเรตฺวา จงฺกมเวมชฺเฌ มุคฺควณฺณสิลาปฏฺเฏ สุวณฺณปฏิมา วิย นิสินฺโน ทิวสภาคํ วีตินาเมตฺวา สายนฺหสมยํ ปณฺณสาลํ ปวิสิตฺวา พิทลมฺจกปสฺเส กฏฺตฺถริกาย นิปนฺโน สรีรํ อุตุํ คาหาเปตฺวา พลวปจฺจูเส ปพุชฺฌิตฺวา อตฺตโน อาคมนํ อาวชฺเชสิ – ‘‘อหํ ฆราวาเส อาทีนวํ ทิสฺวา อมิตโภคํ อนนฺตยสํ ปหาย อรฺํ ปวิสิตฺวา เนกฺขมฺมคเวสโก หุตฺวา ปพฺพชิโต. อิโต ทานิ ปฏฺาย ปมาทจารํ จริตุํ น วฏฺฏติ, ปวิเวกฺหิ ปหาย วิจรนฺตํ มิจฺฉาวิตกฺกมกฺขิกา ขาทนฺติ, อิทานิ มยา วิเวกมนุพฺรูเหตุํ วฏฺฏติ, อหฺหิ ฆราวาสํ ปลิโพธโต ทิสฺวา นิกฺขนฺโต, อยฺจ มนาปา ปณฺณสาลา, เพลุวปกฺกวณฺณา ปริภณฺฑกตา ภูมิ, รชตวณฺณา เสตภิตฺติโย, กโปตปาทวณฺณํ ปณฺณจฺฉทนํ, วิจิตฺตตฺถรณวณฺโณ พิทลมฺจโก, นิวาสผาสุกํ วสนฏฺานํ, น เอตฺโต อติเรกตรา วิย เม เคหสมฺปทา ปฺายตี’’ติ ปณฺณสาลาย โทเส วิจินนฺโต อฏฺ โทเส ปสฺสิ.

ปณฺณสาลปริโภคสฺมิฺหิ อฏฺ อาทีนวา – มหาสมารมฺเภน ทพฺพสมฺภาเร สโมธาเนตฺวา กรณปริเยสนภาโว เอโก อาทีนโว, ติณปณฺณมตฺติกาสุ ปติตาสุ ตาสํ ปุนปฺปุนํ เปตพฺพตาย นิพทฺธชคฺคนภาโว ทุติโย, เสนาสนํ นาม มหลฺลกสฺส ปาปุณาติ, อเวลาย วุฏฺาปิยมานสฺส จิตฺเตกคฺคตา น โหตีติ อุฏฺาปนียภาโว ตติโย, สีตุณฺหาทิปฏิฆาเตน กายสฺส สุขุมาลกรณภาโว จตุตฺโถ, เคหํ ปวิฏฺเน ยํกิฺจิ ปาปํ สกฺกา กาตุนฺติ ครหาปฏิจฺฉาทนภาโว ปฺจโม, ‘‘มยฺห’’นฺติ ปริคฺคหกรณภาโว ฉฏฺโ, เคหสฺส อตฺถิภาโว นาเมส สทุติยกวาโส วิยาติ สตฺตโม, อูกามงฺคุลฆรโคฬิกาทีนํ สาธารณตาย พหุสาธารณภาโว อฏฺโม. อิติ อิเม อฏฺ อาทีนเว ทิสฺวา มหาสตฺโต ปณฺณสาลํ ปชหิ. เตนาห – ‘‘อฏฺโทสสมากิณฺณํ, ปชหึ ปณฺณสาลก’’นฺติ.

อุปาคมึ รุกฺขมูลํ, คุเณ ทสหุปาคตนฺติ ฉนฺนํ ปฏิกฺขิปิตฺวา ทสหิ คุเณหิ อุเปตํ รุกฺขมูลํ อุปคโตสฺมีติ วทติ. ตตฺริเม ทส คุณา – อปฺปสมารมฺภตา เอโก คุโณ, อุปคมนมตฺตกเมว หิ ตตฺถ โหตีติ. อปฺปฏิชคฺคนตา ทุติโย, ตฺหิ สมฺมฏฺมฺปิ อสมฺมฏฺมฺปิ ปริโภคผาสุกํ โหติเยว. อนุฏฺาปนียภาโว ตติโย. ครหํ นปฺปฏิจฺฉาเทติ, ตตฺถ หิ ปาปํ กโรนฺโต ลชฺชตีติ ครหาย อปฺปฏิจฺฉนฺนภาโว จตุตฺโถ. อพฺโภกาสวาโส วิย กายํ น สนฺถมฺเภตีติ กายสฺส อสนฺถมฺภนภาโว ปฺจโม, ปริคฺคหกรณาภาโว ฉฏฺโ, เคหาลยปฏิกฺเขโป สตฺตโม. พหุสาธารเณ เคเห วิย ‘‘ปฏิชคฺคิสฺสามิ นํ, นิกฺขมถา’’ติ นีหรณกาภาโว อฏฺโม, วสนฺตสฺส สปฺปีติกภาโว นวโม, รุกฺขมูลเสนาสนสฺส คตคตฏฺาเน สุลภตาย อนเปกฺขภาโว ทสโมติ อิเม ทสคุเณ ทิสฺวา รุกฺขมูลํ อุปคโตสฺมีติ วทติ.

อิมานิ หิ เอตฺตกานิ การณานิ สลฺลกฺเขตฺวา มหาสตฺโต ปุนทิวเส ภิกฺขาย คามํ ปาวิสิ. อถสฺส สมฺปตฺตคาเม มนุสฺสา มหนฺเตน อุสฺสาเหน ภิกฺขํ อทํสุ. โส ภตฺตกิจฺจํ นิฏฺาเปตฺวา อสฺสมํ อาคมฺม นิสีทิตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘นาหํ ‘อาหารํ ลภามี’ติ ปพฺพชิโต, สินิทฺธาหาโร นาเมส มานมทปุริสมเท วฑฺเฒติ, อาหารมูลกสฺส จ ทุกฺขสฺส อนฺโต นตฺถิ, ยํนูนาหํ วาปิตโรปิตธฺนิพฺพตฺตกํ อาหารํ ปชหิตฺวา ปวตฺตผลโภชโน ภเวยฺย’’นฺติ. โส ตโต ปฏฺาย ตถา กตฺวา ฆเฏนฺโต วายมนฺโต สตฺตาหพฺภนฺตเรเยว อฏฺ สมาปตฺติโย ปฺจ จ อภิฺาโย นิพฺพตฺเตสิ. เตน วุตฺตํ –

‘‘วาปิตํ โรปิตํ ธฺํ, ปชหึ นิรวเสสโต;

อเนกคุณสมฺปนฺนํ, ปวตฺตผลมาทิยึ.

‘‘ตตฺถปฺปธานํ ปทหึ, นิสชฺชฏฺานจงฺกเม;

อพฺภนฺตรมฺหิ สตฺตาเห, อภิฺาพล ปาปุณิ’’นฺติ.

ทีปงฺกโร พุทฺโธ

เอวํ อภิฺาพลํ ปตฺวา สุเมธตาปเส สมาปตฺติสุเขน วีตินาเมนฺเต ทีปงฺกโร นาม สตฺถา โลเก อุทปาทิ. ตสฺส ปฏิสนฺธิชาติโพธิ ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตเนสุ สกลาปิ ทสสหสฺสิโลกธาตุ สงฺกมฺปิ สมฺปกมฺปิ สมฺปเวธิ, มหาวิรวํ รวิ, ทฺวตฺตึส ปุพฺพนิมิตฺตานิ ปาตุรเหสุํ. สุเมธตาปโส สมาปตฺติสุเขน วีตินาเมนฺโต เนว ตํ สทฺทมสฺโสสิ, น จ ตานิ นิมิตฺตานิ อทฺทส. เตน วุตฺตํ –

‘‘เอวํ เม สิทฺธิปฺปตฺตสฺส, วสีภูตสฺส สาสเน;

ทีปงฺกโร นาม ชิโน, อุปฺปชฺชิ โลกนายโก.

‘‘อุปฺปชฺชนฺเต จ ชายนฺเต, พุชฺฌนฺเต ธมฺมเทสเน;

จตุโร นิมิตฺเต นาทฺทสํ, ฌานรติสมปฺปิโต’’ติ.

ตสฺมึ กาเล ทีปงฺกรทสพโล จตูหิ ขีณาสวสตสหสฺเสหิ ปริวุโต อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน รมฺมํ นาม นครํ ปตฺวา สุทสฺสนมหาวิหาเร ปฏิวสติ. รมฺมนครวาสิโน ‘‘ทีปงฺกโร กิร สมณิสฺสโร ปรมาภิสมฺโพธึ ปตฺวา ปวตฺตวรธมฺมจกฺโก อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน อมฺหากํ รมฺมนครํ ปตฺวา สุทสฺสนมหาวิหาเร ปฏิวสตี’’ติ สุตฺวา สปฺปินวนีตาทีนิ เจว เภสชฺชานิ วตฺถจฺฉาทนานิ จ คาหาเปตฺวา คนฺธมาลาทิหตฺถา เยน พุทฺโธ, เยน ธมฺโม, เยน สงฺโฆ, ตนฺนินฺนา ตปฺโปณา ตปฺปพฺภารา หุตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา คนฺธมาลาทีหิ ปูเชตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺนา ธมฺมเทสนํ สุตฺวา สฺวาตนาย นิมนฺเตตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกมึสุ.

เต ปุนทิวเส มหาทานํ สชฺเชตฺวา นครํ อลงฺกริตฺวา ทสพลสฺส อาคมนมคฺคํ อลงฺกโรนฺตา อุทกภินฺนฏฺาเนสุ ปํสุํ ปกฺขิปิตฺวา สมํ ภูมิตลํ กตฺวา รชตปฏฺฏวณฺณํ วาลุกํ อากิรนฺติ, ลาเช เจว ปุปฺผานิ จ วิกิรนฺติ, นานาวิราเคหิ วตฺเถหิ ธชปฏาเก อุสฺสาเปนฺติ, กทลิโย เจว ปุณฺณฆฏปนฺติโย จ ปติฏฺาเปนฺติ. ตสฺมึ กาเล สุเมธตาปโส อตฺตโน อสฺสมปทา อากาสํ อุคฺคนฺตฺวา, เตสํ มนุสฺสานํ อุปริภาเคน อากาเสน คจฺฉนฺโต เต หฏฺตุฏฺเ มนุสฺเส ทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข การณ’’นฺติ อากาสโต โอรุยฺห เอกมนฺตํ ิโต มนุสฺเส ปุจฺฉิ – ‘‘อมฺโภ, กสฺส ตุมฺเห อิธ วิสมํ มคฺคํ อลงฺกโรถา’’ติ? เตน วุตฺตํ –

‘‘ปจฺจนฺตเทสวิสเย, นิมนฺเตตฺวา ตถาคตํ;

ตสฺส อาคมนํ มคฺคํ, โสเธนฺติ ตุฏฺมานสา.

‘‘อหํ เตน สมเยน, นิกฺขมิตฺวา สกสฺสมา;

ธุนนฺโต วากจีรานิ, คจฺฉามิ อมฺพเร ตทา.

‘‘เวทชาตํ ชนํ ทิสฺวา, ตุฏฺหฏฺํ ปโมทิตํ;

โอโรหิตฺวาน คคนา, มนุสฺเส ปุจฺฉิ ตาวเท.

‘‘‘ตุฏฺหฏฺโ ปมุทิโต, เวทชาโต มหาชโน;

กสฺส โสธียติ มคฺโค, อฺชสํ วฏุมายน’’’นฺติ.

มนุสฺสา อาหํสุ – ‘‘ภนฺเต สุเมธ, น ตฺวํ ชานาสิ, ทีปงฺกโร ทสพโล สมฺมาสมฺพุทฺโธ สมฺโพธึ ปตฺวา ปวตฺตวรธมฺมจกฺโก จาริกํ จรมาโน อมฺหากํ นครํ ปตฺวา สุทสฺสนมหาวิหาเร ปฏิวสติ. มยํ ตํ ภควนฺตํ นิมนฺตยิมฺห, ตสฺเสตํ พุทฺธสฺส ภควโต อาคมนมคฺคํ อลงฺกโรมา’’ติ. อถ สุเมธตาปโส จินฺเตสิ – ‘‘พุทฺโธติ โข โฆสมตฺตกมฺปิ โลเก ทุลฺลภํ, ปเคว พุทฺธุปฺปาโท, มยาปิ อิเมหิ มนุสฺเสหิ สทฺธึ ทสพลสฺส มคฺคํ อลงฺกริตุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส เต มนุสฺเส อาห – ‘‘สเจ, โภ, ตุมฺเห เอตํ มคฺคํ พุทฺธสฺส อลงฺกโรถ, มยฺหมฺปิ เอกํ โอกาสํ เทถ, อหมฺปิ ตุมฺเหหิ สทฺธึ มคฺคํ อลงฺกริสฺสามี’’ติ. เต ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ‘‘สุเมธตาปโส อิทฺธิมา’’ติ ชานนฺตา อุทกภินฺโนกาสํ สลฺลกฺเขตฺวา – ‘‘ตฺวํ อิมํ านํ อลงฺกโรหี’’ติ อทํสุ. สุเมโธ พุทฺธารมฺมณํ ปีตึ คเหตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อหํ อิมํ โอกาสํ อิทฺธิยา อลงฺกริตุํ ปโหมิ, เอวํ อลงฺกโต น มํ ปริโตเสสฺสติ, อชฺช มยา กายเวยฺยาวจฺจํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ ปํสุํ อาหริตฺวา ตสฺมึ ปเทเส ปกฺขิปิ.

ตสฺส ตสฺมึ ปเทเส อนิฏฺิเตเยว ทีปงฺกรทสพโล มหานุภาวานํ ฉฬภิฺานํ ขีณาสวานํ จตูหิ สตสหสฺเสหิ ปริวุโต เทวตาสุ ทิพฺพคนฺธมาลาทีหิ ปูชยนฺตาสุ ทิพฺพตุริเยหิ วชฺชนฺตาสุ ทิพฺพสงฺคีเตสุ ปวตฺเตนฺเตสุ มนุสฺเสสุ มานุสเกหิ คนฺธมาลาทีหิ เจว ตุริเยหิ จ ปูชยนฺเตสุ อโนปมาย พุทฺธลีลาย มโนสิลาตเล วิชมฺภมาโน สีโห วิย ตํ อลงฺกตปฏิยตฺตํ มคฺคํ ปฏิปชฺชิ. สุเมธตาปโส อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา อลงฺกตมคฺเคน อาคจฺฉนฺตสฺส ทสพลสฺส ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณปฏิมณฺฑิตํ อสีติยา อนุพฺยฺชเนหิ อนุรฺชิตํ พฺยามปฺปภาย สมฺปริวาริตํ มณิวณฺณคคนตเล นานปฺปการา วิชฺชุลตา วิย อาเวฬาเวฬภูตา เจว ยุคฬยุคฬภูตา จ ฉพฺพณฺณฆนพุทฺธรสฺมิโย วิสฺสชฺเชนฺตํ รูปโสภคฺคปฺปตฺตํ อตฺตภาวํ โอโลเกตฺวา – ‘‘อชฺช มยา ทสพลสฺส ชีวิตปริจฺจาคํ กาตุํ วฏฺฏติ, มา ภควา กลลํ อกฺกมิ, มณิผลกเสตุํ ปน อกฺกมนฺโต วิย สทฺธึ จตูหิ ขีณาสวสตสหสฺเสหิ มม ปิฏฺึ มทฺทมาโน คจฺฉตุ, ตํ เม ภวิสฺสติ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’’ติ เกเส โมเจตฺวา อชินจมฺมชฏามณฺฑลวากจีรานิ กาฬวณฺเณ กลเล ปตฺถริตฺวา มณิผลกเสตุ วิย กลลปิฏฺเ นิปชฺชิ. เตน วุตฺตํ –

‘‘เต เม ปุฏฺา วิยากํสุ, ‘พุทฺโธ โลเก อนุตฺตโร;

ทีปงฺกโร นาม ชิโน, อุปฺปชฺชิ โลกนายโก;

ตสฺส โสธียติ มคฺโค, อฺชสํ วฏุมายนํ’.

‘‘พุทฺโธติวจนํ สุตฺวาน, ปีติ อุปฺปชฺชิ ตาวเท;

พุทฺโธ พุทฺโธติ กถยนฺโต, โสมนสฺสํ ปเวทยึ.

‘‘ตตฺถ ตฺวา วิจินฺเตสึ, ตุฏฺโ สํวิคฺคมานโส;

‘อิธ พีชานิ โรปิสฺสํ, ขโณ เว มา อุปจฺจคา’.

‘‘ยทิ พุทฺธสฺส โสเธถ, เอโกกาสํ ททาถ เม;

อหมฺปิ โสธยิสฺสามิ, อฺชสํ วฏุมายนํ.

‘‘อทํสุ เต มโมกาสํ, โสเธตุํ อฺชสํ ตทา;

พุทฺโธ พุทฺโธติ จินฺเตนฺโต, มคฺคํ โสเธมหํ ตทา.

‘‘อนิฏฺิเต มโมกาเส, ทีปงฺกโร มหามุนิ;

จตูหิ สตสหสฺเสหิ, ฉฬภิฺเหิ ตาทิหิ;

ขีณาสเวหิ วิมเลหิ, ปฏิปชฺชิ อฺชสํ ชิโน.

‘‘ปจฺจุคฺคมนา วตฺตนฺติ, วชฺชนฺติ เภริโย พหู;

อาโมทิตา นรมรู, สาธุการํ ปวตฺตยุํ.

‘‘เทวา มนุสฺเส ปสฺสนฺติ, มนุสฺสาปิ จ เทวตา;

อุโภปิ เต ปฺชลิกา, อนุยนฺติ ตถาคตํ.

‘‘เทวา ทิพฺเพหิ ตุริเยหิ, มนุสฺสา มานุเสหิ จ;

อุโภปิ เต วชฺชยนฺตา, อนุยนฺติ ตถาคตํ.

‘‘ทิพฺพํ มนฺทารวํ ปุปฺผํ, ปทุมํ ปาริฉตฺตกํ;

ทิโสทิสํ โอกิรนฺติ, อากาสนภคตา มรู.

‘‘ทิพฺพํ จนฺทนจุณฺณฺจ, วรคนฺธฺจ เกวลํ;

ทิโสทิสํ โอกิรนฺติ, อากาสนภคตา มรู.

‘‘จมฺปกํ สลลํ นีปํ, นาคปุนฺนาคเกตกํ;

ทิโสทิสํ อุกฺขิปนฺติ, ภูมิตลคตา นรา.

‘‘เกเส มุฺจิตฺวาหํ ตตฺถ, วากจีรฺจ จมฺมกํ;

กลเล ปตฺถริตฺวาน, อวกุชฺโช นิปชฺชหํ.

‘‘อกฺกมิตฺวาน มํ พุทฺโธ, สห สิสฺเสหิ คจฺฉตุ;

มา นํ กลเล อกฺกมิตฺถ, หิตาย เม ภวิสฺสตี’’ติ.

โส ปน กลลปิฏฺเ นิปนฺนโกว ปุน อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา ทีปงฺกรทสพลสฺส พุทฺธสิรึ สมฺปสฺสมาโน เอวํ จินฺเตสิ – ‘‘สเจ อหํ อิจฺเฉยฺยํ, สพฺพกิเลเส ฌาเปตฺวา สงฺฆนวโก หุตฺวา รมฺมนครํ ปวิเสยฺยํ, อฺาตกเวเสน ปน เม กิเลเส ฌาเปตฺวา นิพฺพานปฺปตฺติยา กิจฺจํ นตฺถิ, ยํนูนาหํ ทีปงฺกรทสพโล วิย ปรมาภิสมฺโพธึ ปตฺวา ธมฺมนาวํ อาโรเปตฺวา มหาชนํ สํสารสาครา อุตฺตาเรตฺวา ปจฺฉา ปรินิพฺพาเยยฺยํ, อิทํ มยฺหํ ปติรูป’’นฺติ. ตโต อฏฺ ธมฺเม สโมธาเนตฺวา พุทฺธภาวาย อภินีหารํ กตฺวา นิปชฺชิ. เตน วุตฺตํ –

‘‘ปถวิยํ นิปนฺนสฺส, เอวํ เม อาสิ เจตโส;

‘อิจฺฉมาโน อหํ อชฺช, กิเลเส ฌาปเย มม.

‘‘‘กึ เม อฺาตเวเสน, ธมฺมํ สจฺฉิกเตนิธ;

สพฺพฺุตํ ปาปุณิตฺวา, พุทฺโธ เหสฺสํ สเทวเก.

‘‘‘กึ เม เอเกน ติณฺเณน, ปุริเสน ถามทสฺสินา;

สพฺพฺุตํ ปาปุณิตฺวา, สนฺตาเรสฺสํ สเทวกํ.

‘‘‘อิมินา เม อธิกาเรน, กเตน ปุริสุตฺตเม;

สพฺพฺุตํ ปาปุณิตฺวา, ตาเรมิ ชนตํ พหุํ.

‘‘‘สํสารโสตํ ฉินฺทิตฺวา, วิทฺธํเสตฺวา ตโย ภเว;

ธมฺมนาวํ สมารุยฺห, สนฺตาเรสฺสํ สเทวก’’’นฺติ.

ยสฺมา ปน พุทฺธตฺตํ ปตฺเถนฺตสฺส –

‘‘มนุสฺสตฺตํ ลิงฺคสมฺปตฺติ, เหตุ สตฺถารทสฺสนํ;

ปพฺพชฺชา คุณสมฺปตฺติ, อธิกาโร จ ฉนฺทตา;

อฏฺธมฺมสโมธานา, อภินีหาโร สมิชฺฌตี’’ติ.

มนุสฺสตฺตภาวสฺมึเยว หิ ตฺวา พุทฺธตฺตํ ปตฺเถนฺตสฺส ปตฺถนา สมิชฺฌติ, นาคสฺส วา สุปณฺณสฺส วา เทวตาย วา สกฺกสฺส วา ปตฺถนา โน สมิชฺฌติ. มนุสฺสตฺตภาเวปิ ปุริสลิงฺเค ิตสฺเสว ปตฺถนา สมิชฺฌติ, อิตฺถิยา วา ปณฺฑกนปุํสกอุภโตพฺยฺชนกานํ วา โน สมิชฺฌติ. ปุริสสฺสปิ ตสฺมึ อตฺตภาเว อรหตฺตปฺปตฺติยา เหตุสมฺปนฺนสฺเสว ปตฺถนา สมิชฺฌติ, โน อิตรสฺส. เหตุสมฺปนฺนสฺสาปิ ชีวมานพุทฺธสฺเสว สนฺติเก ปตฺเถนฺตสฺเสว ปตฺถนา สมิชฺฌติ, ปรินิพฺพุเต พุทฺเธ เจติยสนฺติเก วา โพธิมูเล วา ปตฺเถนฺตสฺส น สมิชฺฌติ. พุทฺธานํ สนฺติเก ปตฺเถนฺตสฺสปิ ปพฺพชฺชาลิงฺเค ิตสฺเสว สมิชฺฌติ, โน คิหิลิงฺเค ิตสฺส. ปพฺพชิตสฺสปิ ปฺจาภิฺาอฏฺสมาปตฺติลาภิโนเยว สมิชฺฌติ, น อิมาย คุณสมฺปตฺติยา วิรหิตสฺส. คุณสมฺปนฺเนนปิ เยน อตฺตโน ชีวิตํ พุทฺธานํ ปริจฺจตฺตํ โหติ, ตสฺเสว อิมินา อธิกาเรน อธิการสมฺปนฺนสฺส สมิชฺฌติ, น อิตรสฺส. อธิการสมฺปนฺนสฺสาปิ ยสฺส พุทฺธการกธมฺมานํ อตฺถาย มหนฺโต ฉนฺโท จ อุสฺสาโห จ วายาโม จ ปริเยฏฺิ จ, ตสฺเสว สมิชฺฌติ, น อิตรสฺส.

ตตฺริทํ ฉนฺทมหนฺตตาย โอปมฺมํ – สเจ หิ เอวมสฺส โย สกลจกฺกวาฬคพฺภํ เอโกทกีภูตํ อตฺตโน พาหุพเลน อุตฺตริตฺวา ปารํ คนฺตุํ สมตฺโถ, โส พุทฺธตฺตํ ปาปุณาติ. โย วา ปน สกลจกฺกวาฬคพฺภํ เวฬุคุมฺพสฺฉนฺนํ วิยูหิตฺวา มทฺทิตฺวา ปทสา คจฺฉนฺโต ปารํ คนฺตุํ สมตฺโถ, โส พุทฺธตฺตํ ปาปุณาติ. โย วา ปน สกลจกฺกวาฬคพฺภํ สตฺติโย อาโกเฏตฺวา นิรนฺตรํ สตฺติผลสมากิณฺณํ ปทสา อกฺกมมาโน ปารํ คนฺตุํ สมตฺโถ, โส พุทฺธตฺตํ ปาปุณาติ. โย วา ปน สกลจกฺกวาฬคพฺภํ วีตจฺจิตงฺคารภริตํ ปาเทหิ มทฺทมาโน ปารํ คนฺตุํ สมตฺโถ, โส พุทฺธตฺตํ ปาปุณาตีติ. โย เอเตสุ เอกมฺปิ อตฺตโน ทุกฺกรํ น มฺติ, ‘‘อหํ เอตมฺปิ ตริตฺวา วา คนฺตฺวา วา ปารํ คมิสฺสามี’’ติ เอวํ มหนฺเตน ฉนฺเทน จ อุสฺสาเหน จ วายาเมน จ ปริเยฏฺิยา จ สมนฺนาคโต โหติ, เอตสฺเสว ปตฺถนา สมิชฺฌติ, น อิตรสฺส. ตสฺมา สุเมธตาปโส อิเม อฏฺ ธมฺเม สโมธาเนตฺวาว พุทฺธภาวาย อภินีหารํ กตฺวา นิปชฺชิ.

ทีปงฺกโรปิ ภควา อาคนฺตฺวา สุเมธตาปสสฺส สีสภาเค ตฺวา มณิสีหปฺชรํ อุคฺฆาเฏนฺโต วิย ปฺจวณฺณปสาทสมฺปนฺนานิ อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา กลลปิฏฺเ นิปนฺนํ สุเมธตาปสํ ทิสฺวา ‘‘อยํ ตาปโส พุทฺธตฺตาย อภินีหารํ กตฺวา นิปนฺโน, สมิชฺฌิสฺสติ นุ โข เอตสฺส ปตฺถนา, อุทาหุ โน’’ติ อนาคตํสาณํ เปเสตฺวา อุปธาเรนฺโต – ‘‘อิโต กปฺปสตสหสฺสาธิกานิ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ อติกฺกมิตฺวา อยํ โคตโม นาม พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ ตฺวา ิตโกว ปริสมชฺเฌ พฺยากาสิ – ‘‘ปสฺสถ โน ตุมฺเห อิมํ อุคฺคตปํ ตาปสํ กลลปิฏฺเ นิปนฺน’’นฺติ? ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ. อยํ พุทฺธตฺตาย อภินีหารํ กตฺวา นิปนฺโน, สมิชฺฌิสฺสติ อิมสฺส ปตฺถนา. อยฺหิ อิโต กปฺปสตสหสฺสาธิกานํ จตุนฺนํ อสงฺขเยยฺยานํ มตฺถเก โคตโม นาม พุทฺโธ ภวิสฺสติ. ตสฺมึ ปนสฺส อตฺตภาเว กปิลวตฺถุ นาม นครํ นิวาโส ภวิสฺสติ, มายา นาม เทวี มาตา, สุทฺโธทโน นาม ราชา ปิตา, อคฺคสาวโก อุปติสฺโส นาม เถโร, ทุติยสาวโก โกลิโต นาม, พุทฺธุปฏฺาโก อานนฺโท นาม, อคฺคสาวิกา เขมา นาม เถรี, ทุติยสาวิกา อุปฺปลวณฺณา นาม เถรี ภวิสฺสติ. อยํ ปริปกฺกาโณ มหาภินิกฺขมนํ กตฺวา มหาปธานํ ปทหิตฺวา นิคฺโรธรุกฺขมูเล ปายาสํ ปฏิคฺคเหตฺวา เนรฺชราย ตีเร ปริภุฺชิตฺวา โพธิมณฺฑํ อารุยฺห อสฺสตฺถรุกฺขมูเล อภิสมฺพุชฺฌิสฺสตีติ. เตน วุตฺตํ –

‘‘ทีปงฺกโร โลกวิทู, อาหุตีนํ ปฏิคฺคโห;

อุสฺสีสเก มํ ตฺวาน, อิทํ วจนมพฺรวิ.

‘‘‘ปสฺสถ อิมํ ตาปสํ, ชฏิลํ อุคฺคตาปนํ;

อปริเมยฺเย อิโต กปฺเป, พุทฺโธ โลเก ภวิสฺสติ.

‘‘‘อหุ กปิลวฺหยา รมฺมา, นิกฺขมิตฺวา ตถาคโต;

ปธานํ ปทหิตฺวาน, กตฺวา ทุกฺกรการิกํ.

‘‘‘อชปาลรุกฺขมูเล, นิสีทิตฺวา ตถาคโต;

ตตฺถ ปายาสํ ปคฺคยฺห, เนรฺชรมุเปหิติ.

‘‘‘เนรฺชราย ตีรมฺหิ, ปายาสํ อท โส ชิโน;

ปฏิยตฺตวรมคฺเคน, โพธิมูลมุเปหิติ.

‘‘‘ตโต ปทกฺขิณํ กตฺวา, โพธิมณฺฑํ อนุตฺตโร;

อสฺสตฺถรุกฺขมูลมฺหิ, พุชฺฌิสฺสติ มหายโส.

‘‘‘อิมสฺส ชนิกา มาตา, มายา นาม ภวิสฺสติ;

ปิตา สุทฺโธทโน นาม, อยํ เหสฺสติ โคตโม.

‘‘‘อนาสวา วีตราคา, สนฺตจิตฺตา สมาหิตา;

โกลิโต อุปติสฺโส จ, อคฺคา เหสฺสนฺติ สาวกา;

อานนฺโท นามุปฏฺาโก, อุปฏฺิสฺสติ ตํ ชินํ.

‘‘‘เขมา อุปฺปลวณฺณา จ, อคฺคา เหสฺสนฺติ สาวิกา;

อนาสวา วีตราคา, สนฺตจิตฺตา สมาหิตา;

โพธิ ตสฺส ภควโต, อสฺสตฺโถติ ปวุจฺจตี’’’ติ. (พุ. วํ. ๒.๖๐-๖๘);

ตํ สุตฺวา สุเมธตาปโส – ‘‘มยฺหํ กิร ปตฺถนา สมิชฺฌิสฺสตี’’ติ โสมนสฺสปฺปตฺโต อโหสิ. มหาชโน ทีปงฺกรทสพลสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘สุเมธตาปโส กิร พุทฺธพีชํ พุทฺธงฺกุโร’’ติ หฏฺตุฏฺโ อโหสิ. เอวฺจสฺส อโหสิ – ‘‘ยถา นาม มนุสฺสา นทึ ตรนฺตา อุชุเกน ติตฺเถน อุตฺตริตุํ อสกฺโกนฺตา เหฏฺาติตฺเถน อุตฺตรนฺติ, เอวเมว มยมฺปิ ทีปงฺกรทสพลสฺส สาสเน มคฺคผลํ อลภมานา อนาคเต ยทา ตฺวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ, ตทา ตว สมฺมุขา มคฺคผลํ สจฺฉิกาตุํ สมตฺถา ภเวยฺยามา’’ติ ปตฺถนํ ปยึสุ. ทีปงฺกรทสพโลปิ โพธิสตฺตํ ปสํสิตฺวา อฏฺปุปฺผมุฏฺีหิ ปูเชตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิ. เตปิ จตุสตสหสฺสสงฺขา ขีณาสวา โพธิสตฺตํ คนฺเธหิ จ มาลาหิ จ ปูเชตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกมึสุ. เทวมนุสฺสา ปน ตเถว ปูเชตฺวา วนฺทิตฺวา ปกฺกนฺตา.

โพธิสตฺโต สพฺเพสํ ปฏิกฺกนฺตกาเล สยนา วุฏฺาย ‘‘ปารมิโย วิจินิสฺสามี’’ติ ปุปฺผราสิมตฺถเก ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา นิสีทิ. เอวํ นิสินฺเน โพธิสตฺเต สกลทสสหสฺสจกฺกวาเฬ เทวตา สาธุการํ ทตฺวา ‘‘อยฺย สุเมธตาปส, โปราณกโพธิสตฺตานํ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา ‘ปารมิโย วิจินิสฺสามา’ติ นิสินฺนกาเล ยานิ ปุพฺพนิมิตฺตานิ นาม ปฺายนฺติ, ตานิ สพฺพานิปิ อชฺช ปาตุภูตานิ, นิสฺสํสเยน ตฺวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ. มยเมตํ ชานาม ‘ยสฺเสตานิ นิมิตฺตานิ ปฺายนฺติ, เอกนฺเตน โส พุทฺโธ โหติ’, ตฺวํ อตฺตโน วีริยํ ทฬฺหํ กตฺวา ปคฺคณฺหา’’ติ โพธิสตฺตํ นานปฺปการาหิ ถุตีหิ อภิตฺถวึสุ. เตน วุตฺตํ –

‘‘อิทํ สุตฺวาน วจนํ, อสมสฺส มเหสิโน;

อาโมทิตา นรมรู, พุทฺธพีชํ กิร อยํ.

‘‘อุกฺกุฏฺิสทฺทา วตฺตนฺติ, อปฺโผเฏนฺติ หสนฺติ จ;

กตฺชลี นมสฺสนฺติ, ทสสหสฺสี สเทวกา.

‘‘ยทิมสฺส โลกนาถสฺส, วิรชฺฌิสฺสาม สาสนํ;

อนาคตมฺหิ อทฺธาเน, เหสฺสาม สมฺมุขา อิมํ.

‘‘ยถา มนุสฺสา นทึ ตรนฺตา, ปฏิติตฺถํ วิรชฺฌิย;

เหฏฺา ติตฺเถ คเหตฺวาน, อุตฺตรนฺติ มหานทึ.

‘‘เอวเมว มยํ สพฺเพ, ยทิ มุฺจามิมํ ชินํ;

อนาคตมฺหิ อทฺธาเน, เหสฺสาม สมฺมุขา อิมํ.

‘‘ทีปงฺกโร โลกวิทู, อาหุตีนํ ปฏิคฺคโห;

มม กมฺมํ ปกิตฺเตตฺวา, ทกฺขิณํ ปาทมุทฺธริ.

‘‘เย ตตฺถาสุํ ชินปุตฺตา, สพฺเพ ปทกฺขิณมกํสุ มํ;

นรา นาคา จ คนฺธพฺพา, อภิวาเทตฺวาน ปกฺกมุํ.

‘‘ทสฺสนํ เม อติกฺกนฺเต, สสงฺเฆ โลกนายเก;

หฏฺตุฏฺเน จิตฺเตน, อาสนา วุฏฺหึ ตทา.

‘‘สุเขน สุขิโต โหมิ, ปาโมชฺเชน ปโมทิโต;

ปีติยา จ อภิสฺสนฺโน, ปลฺลงฺกํ อาภุชึ ตทา.

‘‘ปลฺลงฺเกน นิสีทิตฺวา, เอวํ จินฺเตสหํ ตทา;

‘วสีภูโต อหํ ฌาเน, อภิฺาปารมึ คโต.

‘‘‘ทสสหสฺสิโลกมฺหิ, อิสโย นตฺถิ เม สมา;

อสโม อิทฺธิธมฺเมสุ, อลภึ อีทิสํ สุขํ’.

‘‘ปลฺลงฺกาภุชเน มยฺหํ, ทสสหสฺสาธิวาสิโน;

มหานาทํ ปวตฺเตสุํ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

‘‘ยา ปุพฺเพ โพธิสตฺตานํ, ปลฺลงฺกวรมาภุเช;

นิมิตฺตานิ ปทิสฺสนฺติ, ตานิ อชฺช ปทิสฺสเร.

‘‘สีตํ พฺยาปคตํ โหติ, อุณฺหฺจ อุปสมฺมติ;

ตานิ อชฺช ปทิสฺสนฺติ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

‘‘ทสสหสฺสี โลกธาตู, นิสฺสทฺทา โหนฺติ นิรากุลา;

ตานิ อชฺช ปทิสฺสนฺติ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

‘‘มหาวาตา น วายนฺติ, น สนฺทนฺติ สวนฺติโย;

ตานิ อชฺช ปทิสฺสนฺติ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

‘‘ถลชา ทกชา ปุปฺผา, สพฺเพ ปุปฺผนฺติ ตาวเท;

เตปชฺช ปุปฺผิตา สพฺเพ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

‘‘ลตา วา ยทิ วา รุกฺขา, ผลภารา โหนฺติ ตาวเท;

เตปชฺช ผลิตา สพฺเพ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

‘‘อากาสฏฺา จ ภูมฏฺา, รตนา โชตนฺติ ตาวเท;

เตปชฺช รตนา โชตนฺติ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

‘‘มานุสกา จ ทิพฺพา จ, ตุริยา วชฺชนฺติ ตาวเท;

เตปชฺชุโภ อภิรวนฺติ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

‘‘วิจิตฺตปุปฺผา คคนา, อภิวสฺสนฺติ ตาวเท;

เตปิ อชฺช ปวสฺสนฺติ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

‘‘มหาสมุทฺโท อาภุชติ, ทสสหสฺสี ปกมฺปติ;

เตปชฺชุโภ อภิรวนฺติ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

‘‘นิรเยปิ ทสสหสฺเส, อคฺคี นิพฺพนฺติ ตาวเท;

เตปชฺช นิพฺพุตา อคฺคี, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

‘‘วิมโล โหติ สูริโย, สพฺพา ทิสฺสนฺติ ตารกา;

เตปิ อชฺช ปทิสฺสนฺติ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

‘‘อโนวฏฺเน อุทกํ, มหิยา อุพฺภิชฺชิ ตาวเท;

ตมฺปชฺชุพฺภิชฺชเต มหิยา, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

‘‘ตาราคณา วิโรจนฺติ, นกฺขตฺตา คคนมณฺฑเล;

วิสาขา จนฺทิมายุตฺตา, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

‘‘พิลาสยา ทรีสยา, นิกฺขมนฺติ สกาสยา;

เตปชฺช อาสยา ฉุทฺธา, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

‘‘น โหติ อรติ สตฺตานํ, สนฺตุฏฺา โหนฺติ ตาวเท;

เตปชฺช สพฺเพ สนฺตุฏฺา, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

‘‘โรคา ตทุปสมฺมนฺติ, ชิฆจฺฉา จ วินสฺสติ;

ตานิปชฺช ปทิสฺสนฺติ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

‘‘ราโค ตทา ตนุ โหติ, โทโส โมโห วินสฺสติ;

เตปชฺช วิคตา สพฺเพ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

‘‘ภยํ ตทา น ภวติ, อชฺชเปตํ ปทิสฺสติ;

เตน ลิงฺเคน ชานาม, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

‘‘รโช นุทฺธํสติ อุทฺธํ, อชฺชเปตํ ปทิสฺสติ;

เตน ลิงฺเคน ชานาม, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

‘‘อนิฏฺคนฺโธ ปกฺกมติ, ทิพฺพคนฺโธ ปวายติ;

โสปชฺช วายติ คนฺโธ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

‘‘สพฺเพ เทวา ปทิสฺสนฺติ, ปยิตฺวา อรูปิโน;

เตปชฺช สพฺเพ ทิสฺสนฺติ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

‘‘ยาวตา นิรยา นาม, สพฺเพ ทิสฺสนฺติ ตาวเท;

เตปชฺช สพฺเพ ทิสฺสนฺติ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

‘‘กุฏฺฏา กวาฏา เสลา จ, น โหนฺตาวรณา ตทา;

อากาสภูตา เตปชฺช, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

‘‘จุตี จ อุปปตฺติ จ, ขเณ ตสฺมึ น วิชฺชติ;

ตานิปชฺช ปทิสฺสนฺติ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

‘‘ทฬฺหํ ปคฺคณฺห วีริยํ, มา นิวตฺต อภิกฺกม;

มยมฺเปตํ วิชานาม, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ. (พุ. วํ. ๒.๗๐-๑๐๗);

โพธิสตฺโต ทีปงฺกรทสพลสฺส จ ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตานฺจ วจนํ สุตฺวา ภิยฺโยโสมตฺตาย สฺชาตุสฺสาโห หุตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘พุทฺธา นาม อโมฆวจนา, นตฺถิ พุทฺธานํ กถาย อฺถตฺตํ. ยถา หิ อากาเส ขิตฺตเลฑฺฑุสฺส ปตนํ ธุวํ, ชาตสฺส มรณํ, รตฺติกฺขเย สูริยุคฺคมนํ, อาสยา นิกฺขนฺตสีหสฺส สีหนาทนทนํ, ครุคพฺภาย อิตฺถิยา ภารโมโรปนํ ธุวํ อวสฺสมฺภาวี, เอวเมว พุทฺธานํ วจนํ นาม ธุวํ อโมฆํ, อทฺธา อหํ พุทฺโธ ภวิสฺสามี’’ติ. เตน วุตฺตํ –

‘‘พุทฺธสฺส วจนํ สุตฺวา, ทสสหสฺสีน จูภยํ;

ตุฏฺหฏฺโ ปโมทิโต, เอวํ จินฺเตสหํ ตทา.

‘‘อทฺเวชฺฌวจนา พุทฺธา, อโมฆวจนา ชินา;

วิตถํ นตฺถิ พุทฺธานํ, ธุวํ พุทฺโธ ภวามหํ.

‘‘ยถา ขิตฺตํ นเภ เลฑฺฑุ, ธุวํ ปตติ ภูมิยํ;

ตเถว พุทฺธเสฏฺานํ, วจนํ ธุวสสฺสตํ;

วิตถํ นตฺถิ พุทฺธานํ, ธุวํ พุทฺโธ ภวามหํ.

‘‘ยถาปิ สพฺพสตฺตานํ, มรณํ ธุวสสฺสตํ;

ตเถว พุทฺธเสฏฺานํ, วจนํ ธุวสสฺสตํ.

‘‘ยถา รตฺติกฺขเย ปตฺเต, สูริยุคฺคมนํ ธุวํ;

ตเถว พุทฺธเสฏฺานํ, วจนํ ธุวสสฺสตํ.

‘‘ยถา นิกฺขนฺตสยนสฺส, สีหสฺส นทนํ ธุวํ;

ตเถว พุทฺธเสฏฺานํ, วจนํ ธุวสสฺสตํ.

‘‘ยถา อาปนฺนสตฺตานํ, ภารโมโรปนํ ธุวํ;

ตเถว พุทฺธเสฏฺานํ, วจนํ ธุวสสฺสต’’นฺติ. (พุ. วํ. ๒.๑๐๘-๑๑๔);

โส ‘‘ธุวาหํ พุทฺโธ ภวิสฺสามี’’ติ เอวํ กตสนฺนิฏฺาโน พุทฺธการเก ธมฺเม อุปธาเรตุํ – ‘‘กหํ นุ โข พุทฺธการกา ธมฺมา, กึ อุทฺธํ, อุทาหุ อโธ, ทิสาวิทิสาสู’’ติ อนุกฺกเมน สกลํ ธมฺมธาตุํ วิจินนฺโต โปราณกโพธิสตฺเตหิ อาเสวิตนิเสวิตํ ปมํ ทานปารมึ ทิสฺวา เอวํ อตฺตานํ โอวทิ – ‘‘สุเมธปณฺฑิต, ตฺวํ อิโต ปฏฺาย ปมํ ทานปารมึ ปูเรยฺยาสิ. ยถา หิ นิกฺกุชฺชิโต อุทกกุมฺโภ นิสฺเสสํ กตฺวา อุทกํ วมติเยว, น ปจฺจาหรติ, เอวเมว ธนํ วา ยสํ วา ปุตฺตทารํ วา องฺคปจฺจงฺคํ วา อโนโลเกตฺวา สมฺปตฺตยาจกานํ สพฺพํ อิจฺฉิติจฺฉิตํ นิสฺเสสํ กตฺวา ททมาโน โพธิมูเล นิสีทิตฺวา พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ ปมํ ทานปารมึ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ –

‘‘หนฺท พุทฺธกเร ธมฺเม, วิจินามิ อิโต จิโต;

อุทฺธํ อโธ ทส ทิสา, ยาวตา ธมฺมธาตุยา.

‘‘วิจินนฺโต ตทา ทกฺขึ, ปมํ ทานปารมึ;

ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อนุจิณฺณํ มหาปถํ.

‘‘อิมํ ตฺวํ ปมํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;

ทานปารมิตํ คจฺฉ, ยทิ โพธึ ปตฺตุมิจฺฉสิ.

‘‘ยถาปิ กุมฺโภ สมฺปุณฺโณ, ยสฺส กสฺสจิ อโธกโต;

วมเตวุทกํ นิสฺเสสํ, น ตตฺถ ปริรกฺขติ.

‘‘ตเถว ยาจเก ทิสฺวา, หีนมุกฺกฏฺมชฺฌิเม;

ททาหิ ทานํ นิสฺเสสํ, กุมฺโภ วิย อโธกโต’’ติ. (พุ. วํ. ๒.๑๑๕-๑๑๙);

อถสฺส ‘‘น เอตฺตเกเหว พุทฺธการกธมฺเมหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ อุตฺตริมฺปิ อุปธารยโต ทุติยํ สีลปารมึ ทิสฺวา เอตทโหสิ – ‘‘สุเมธปณฺฑิต, ตฺวํ อิโต ปฏฺาย สีลปารมิมฺปิ ปูเรยฺยาสิ. ยถา หิ จมรี มิโค นาม ชีวิตํ อโนโลเกตฺวา อตฺตโน วาลเมว รกฺขติ, เอวํ ตฺวมฺปิ อิโต ปฏฺาย ชีวิตมฺปิ อโนโลเกตฺวา สีลเมว รกฺขมาโน พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ ทุติยํ สีลปารมึ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ –

‘‘น เหเต เอตฺตกาเยว, พุทฺธธมฺมา ภวิสฺสเร;

อฺเปิ วิจินิสฺสามิ, เย ธมฺมา โพธิปาจนา.

‘‘วิจินนฺโต ตทา ทกฺขึ, ทุติยํ สีลปารมึ;

ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อาเสวิตนิเสวิตํ.

‘‘อิมํ ตฺวํ ทุติยํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;

สีลปารมิตํ คจฺฉ, ยทิ โพธึ ปตฺตุมิจฺฉสิ.

‘‘ยถาปิ จมรี วาลํ, กิสฺมิฺจิ ปฏิลคฺคิตํ;

อุเปติ มรณํ ตตฺถ, น วิโกเปติ วาลธึ.

‘‘ตเถว จตูสุ ภูมีสุ, สีลานิ ปริปูรย;

ปริรกฺข สทา สีลํ, จมรี วิย วาลธิ’’นฺติ. (พุ. วํ. ๒.๑๒๐-๑๒๔);

อถสฺส ‘‘น เอตฺตเกเหว พุทฺธการกธมฺเมหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ อุตฺตริมฺปิ อุปธารยโต ตติยํ เนกฺขมฺมปารมึ ทิสฺวา เอตทโหสิ – ‘‘สุเมธปณฺฑิต, ตฺวํ อิโต ปฏฺาย เนกฺขมฺมปารมิมฺปิ ปูเรยฺยาสิ. ยถา หิ จิรํ พนฺธนาคาเร วสมาโน ปุริโส น ตตฺถ สิเนหํ กโรติ, อถ โข อุกฺกณฺติเยว, อวสิตุกาโม โหติ, เอวเมว ตฺวมฺปิ สพฺพภเว พนฺธนาคารสทิเส กตฺวา สพฺพภเวหิ อุกฺกณฺิโต มุจฺจิตุกาโม หุตฺวา เนกฺขมฺมาภิมุโขว โหหิ. เอวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ ตติยํ เนกฺขมฺมปารมึ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ –

‘‘น เหเต เอตฺตกาเยว, พุทฺธธมฺมา ภวิสฺสเร;

อฺเปิ วิจินิสฺสามิ, เย ธมฺมา โพธิปาจนา.

‘‘วิจินนฺโต ตทา ทกฺขึ, ตติยํ เนกฺขมฺมปารมึ;

ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อาเสวิตนิเสวิตํ.

‘‘อิมํ ตฺวํ ตติยํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;

เนกฺขมฺมปารมิตํ คจฺฉ, ยทิ โพธึ ปตฺตุมิจฺฉสิ.

‘‘ยถา อนฺทุฆเร ปุริโส, จิรวุตฺโถ ทุขฏฺฏิโต;

น ตตฺถ ราคํ ชเนติ, มุตฺติเมว คเวสติ.

‘‘ตเถว ตฺวํ สพฺพภเว, ปสฺส อนฺทุฆรํ วิย;

เนกฺขมฺมาภิมุโข โหหิ, ภวโต ปริมุตฺติยา’’ติ. (พุ. วํ. ๒.๑๒๕-๑๒๙);

อถสฺส ‘‘น เอตฺตเกเหว พุทฺธการกธมฺเมหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ อุตฺตริมฺปิ อุปธารยโต จตุตฺถํ ปฺาปารมึ ทิสฺวา เอตทโหสิ – ‘‘สุเมธปณฺฑิต, ตฺวํ อิโต ปฏฺาย ปฺาปารมิมฺปิ ปูเรยฺยาสิ. หีนมชฺฌิมุกฺกฏฺเสุ กฺจิ อวชฺเชตฺวา สพฺเพปิ ปณฺฑิเต อุปสงฺกมิตฺวา ปฺหํ ปุจฺเฉยฺยาสิ. ยถา หิ ปิณฺฑปาติโก ภิกฺขุ หีนาทิเภเทสุ กุเลสุ กิฺจิ อวชฺเชตฺวา ปฏิปาฏิยา ปิณฺฑาย จรนฺโต ขิปฺปํ ยาปนํ ลภติ, เอวํ ตฺวมฺปิ สพฺพปณฺฑิเต อุปสงฺกมิตฺวา ปฺหํ ปุจฺฉนฺโต พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ จตุตฺถํ ปฺาปารมึ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ –

‘‘น เหเต เอตฺตกาเยว, พุทฺธธมฺมา ภวิสฺสเร;

อฺเปิ วิจินิสฺสามิ, เย ธมฺมา โพธิปาจนา.

‘‘วิจินนฺโต ตทา ทกฺขึ, จตุตฺถํ ปฺาปารมึ;

ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อาเสวิตนิเสวิตํ.

‘‘อิมํ ตฺวํ จตุตฺถํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;

ปฺาปารมิตํ คจฺฉ, ยทิ โพธึ ปตฺตุมิจฺฉสิ.

‘‘ยถาปิ ภิกฺขุ ภิกฺขนฺโต, หีนมุกฺกฏฺมชฺฌิเม;

กุลานิ น วิวชฺเชนฺโต, เอวํ ลภติ ยาปนํ.

‘‘ตเถว ตฺวํ สพฺพกาลํ, ปริปุจฺฉํ พุธํ ชนํ;

ปฺาปารมิตํ คนฺตฺวา, สมฺโพธึ ปาปุณิสฺสสี’’ติ. (พุ. วํ. ๒.๑๓๐-๑๓๔);

อถสฺส ‘‘น เอตฺตเกเหว พุทฺธการกธมฺเมหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ อุตฺตริมฺปิ อุปธารยโต ปฺจมํ วีริยปารมึ ทิสฺวา เอตทโหสิ – ‘‘สุเมธปณฺฑิต, ตฺวํ อิโต ปฏฺาย วีริยปารมิมฺปิ ปูเรยฺยาสิ, ยถา หิ สีโห มิคราชา สพฺพิริยาปเถสุ ทฬฺหวีริโย โหติ, เอวํ ตฺวมฺปิ สพฺพภเวสุ สพฺพิริยาปเถสุ ทฬฺหวีริโย อโนลีนวีริโย สมาโน พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ ปฺจมํ วีริยปารมึ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ –

‘‘น เหเต เอตฺตกาเยว, พุทฺธธมฺมา ภวิสฺสเร;

อฺเปิ วิจินิสฺสามิ, เย ธมฺมา โพธิปาจนา.

‘‘วิจินนฺโต ตทา ทกฺขึ, ปฺจมํ วีริยปารมึ;

ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อาเสวิตนิเสวิตํ.

‘‘อิมํ ตฺวํ ปฺจมํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;

วีริยปารมิตํ คจฺฉ, ยทิ โพธึ ปตฺตุมิจฺฉสิ.

‘‘ยถาปิ สีโห มิคราชา, นิสชฺชฏฺานจงฺกเม;

อลีนวีริโย โหติ, ปคฺคหิตมโน สทา.

‘‘ตเถว ตฺวํ สพฺพภเว, ปคฺคณฺห วีริยํ ทฬฺหํ;

วีริยปารมิตํ คนฺตฺวา, สมฺโพธึ ปาปุณิสฺสสี’’ติ. (พุ. วํ. ๒.๑๓๕-๑๓๙);

อถสฺส ‘‘น เอตฺตเกเหว พุทฺธการกธมฺเมหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ อุตฺตริมฺปิ อุปธารยโต ฉฏฺํ ขนฺติปารมึ ทิสฺวา เอตทโหสิ – ‘‘สุเมธปณฺฑิต, ตฺวํ อิโต ปฏฺาย ขนฺติปารมิมฺปิ ปูเรยฺยาสิ, สมฺมานเนปิ อวมานเนปิ ขโมว ภเวยฺยาสิ. ยถา หิ ปถวิยํ นาม สุจิมฺปิ นิกฺขิปนฺติ อสุจิมฺปิ, น เตน ปถวี สิเนหํ ปฏิฆํ กโรติ, ขมติ สหติ อธิวาเสติเยว, เอวเมว ตฺวมฺปิ สมฺมานเนปิ อวมานเนปิ ขโมว สมาโน พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ ฉฏฺํ ขนฺติปารมึ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ –

‘‘น เหเต เอตฺตกาเยว, พุทฺธธมฺมา ภวิสฺสเร;

อฺเปิ วิจินิสฺสามิ, เย ธมฺมา โพธิปาจนา.

‘‘วิจินนฺโต ตทา ทกฺขึ, ฉฏฺมํ ขนฺติปารมึ;

ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อาเสวิตนิเสวิตํ.

‘‘อิมํ ตฺวํ ฉฏฺมํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;

ตตฺถ อทฺเวชฺฌมานโส, สมฺโพธึ ปาปุณิสฺสสิ.

‘‘ยถาปิ ปถวี นาม, สุจิมฺปิ อสุจิมฺปิ จ;

สพฺพํ สหติ นิกฺเขปํ, น กโรติ ปฏิฆํ ตยา.

‘‘ตเถว ตฺวมฺปิ สพฺเพสํ, สมฺมานาวมานกฺขโม;

ขนฺติปารมิตํ คนฺตฺวา, สมฺโพธึ ปาปุณิสฺสสี’’ติ. (พุ. วํ. ๒.๑๔๐-๑๔๔);

อถสฺส ‘‘น เอตฺตเกเหว พุทฺธการกธมฺเมหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ อุตฺตริมฺปิ อุปธารยโต สตฺตมํ สจฺจปารมึ ทิสฺวา เอตทโหสิ – ‘‘สุเมธปณฺฑิต, ตฺวํ อิโต ปฏฺาย สจฺจปารมิมฺปิ ปูเรยฺยาสิ, อสนิยา มตฺถเก ปตมานายปิ ธนาทีนํ อตฺถาย ฉนฺทาทีนํ วเสน สมฺปชานมุสาวาทํ นาม มา ภาสิ. ยถา หิ โอสธี ตารกา นาม สพฺพอุตูสุ อตฺตโน คมนวีถึ ชหิตฺวา อฺาย วีถิยา น คจฺฉติ, สกวีถิยาว คจฺฉติ, เอวเมว ตฺวมฺปิ สจฺจํ ปหาย มุสาวาทํ นาม อวทนฺโตเยว พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ สตฺตมํ สจฺจปารมึ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ –

‘‘น เหเต เอตฺตกาเยว, พุทฺธธมฺมา ภวิสฺสเร;

อฺเปิ วิจินิสฺสามิ, เย ธมฺมา โพธิปาจนา.

‘‘วิจินนฺโต ตทา ทกฺขึ, สตฺตมํ สจฺจปารมึ;

ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อาเสวิตนิเสวิตํ.

‘‘อิมํ ตฺวํ สตฺตมํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;

ตตฺถ อทฺเวชฺฌวจโน, สมฺโพธึ ปาปุณิสฺสสิ.

‘‘ยถาปิ โอสธี นาม, ตุลาภูตา สเทวเก;

สมเย อุตุวสฺเส วา, น โวกฺกมติ วีถิโต.

‘‘ตเถว ตฺวมฺปิ สจฺเจสุ, มา โวกฺกมสิ วีถิโต;

สจฺจปารมิตํ คนฺตฺวา, สมฺโพธึ ปาปุณิสฺสสี’’ติ. (พุ. วํ. ๒.๑๔๕-๑๔๙);

อถสฺส ‘‘น เอตฺตเกเหว พุทฺธการกธมฺเมหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ อุตฺตริมฺปิ อุปธารยโต อฏฺมํ อธิฏฺานปารมึ ทิสฺวา เอตทโหสิ – ‘‘สุเมธปณฺฑิต, ตฺวํ อิโต ปฏฺาย อธิฏฺานปารมิมฺปิ ปูเรยฺยาสิ, ยํ อธิฏฺาสิ, ตสฺมึ อธิฏฺาเน นิจฺจโลว ภเวยฺยาสิ. ยถา หิ ปพฺพโต นาม สพฺพาสุ ทิสาสุ วาเตหิ ปหโฏ น กมฺปติ น จลติ, อตฺตโน าเนเยว ติฏฺติ, เอวเมว ตฺวมฺปิ อตฺตโน อธิฏฺาเน นิจฺจโล โหนฺโตว พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ อฏฺมํ อธิฏฺานปารมึ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ –

‘‘น เหเต เอตฺตกาเยว, พุทฺธธมฺมา ภวิสฺสเร;

อฺเปิ วิจินิสฺสามิ, เย ธมฺมา โพธิปาจนา.

‘‘วิจินนฺโต ตทา ทกฺขึ, อฏฺมํ อธิฏฺานปารมึ;

ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อาเสวิตนิเสวิตํ.

‘‘อิมํ ตฺวํ อฏฺมํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;

ตตฺถ ตฺวํ อจโล หุตฺวา, สมฺโพธึ ปาปุณิสฺสสิ.

‘‘ยถาปิ ปพฺพโต เสโล, อจโล สุปฺปติฏฺิโต;

น กมฺปติ ภุสวาเตหิ, สกฏฺาเนว ติฏฺติ.

‘‘ตเถว ตฺวมฺปิ อธิฏฺาเน, สพฺพทา อจโล ภว;

อธิฏฺานปารมิตํ คนฺตฺวา, สมฺโพธึ ปาปุณิสฺสสี’’ติ. (พุ. วํ. ๒.๑๕๐-๑๕๔);

อถสฺส ‘‘น เอตฺตเกเหว พุทฺธการกธมฺเมหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ อุตฺตริมฺปิ อุปธารยโต นวมํ เมตฺตาปารมึ ทิสฺวา เอตทโหสิ – ‘‘สุเมธปณฺฑิต, ตฺวํ อิโต ปฏฺาย เมตฺตาปารมิมฺปิ ปูเรยฺยาสิ, หิเตสุปิ อหิเตสุปิ เอกจิตฺโต ภเวยฺยาสิ. ยถา หิ อุทกํ นาม ปาปชนสฺสปิ กลฺยาณชนสฺสปิ สีตภาวํ เอกสทิสํ กตฺวา ผรติ, เอวเมว ตฺวมฺปิ สพฺเพสุ สตฺเตสุ เมตฺตจิตฺเตน เอกจิตฺโตว โหนฺโต พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ นวมํ เมตฺตาปารมึ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ –

‘‘น เหเต เอตฺตกาเยว, พุทฺธธมฺมา ภวิสฺสเร;

อฺเปิ วิจินิสฺสามิ, เย ธมฺมา โพธิปาจนา.

‘‘วิจินนฺโต ตทา ทกฺขึ, นวมํ เมตฺตาปารมึ;

ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อาเสวิตนิเสวิตํ.

‘‘อิมํ ตฺวํ นวมํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;

เมตฺตาย อสโม โหหิ, ยทิ โพธึ ปตฺตุมิจฺฉสิ.

‘‘ยถาปิ อุทกํ นาม, กลฺยาเณ ปาปเก ชเน;

สมํ ผรติ สีเตน, ปวาเหติ รโชมลํ.

‘‘ตเถว ตฺวมฺปิ หิตาหิเต, สมํ เมตฺตาย ภาวย;

เมตฺตาปารมิตํ คนฺตฺวา, สมฺโพธึ ปาปุณิสฺสสี’’ติ. (พุ. วํ. ๒.๑๕๕-๑๕๙);

อถสฺส ‘‘น เอตฺตเกเหว พุทฺธการกธมฺเมหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ อุตฺตริมฺปิ อุปธารยโต ทสมํ อุเปกฺขาปารมึ ทิสฺวา เอตทโหสิ – ‘‘สุเมธปณฺฑิต, ตฺวํ อิโต ปฏฺาย อุเปกฺขาปารมิมฺปิ ปูเรยฺยาสิ, สุเขปิ ทุกฺเขปิ มชฺฌตฺโตว ภเวยฺยาสิ. ยถา หิ ปถวี นาม สุจิมฺปิ อสุจิมฺปิ ปกฺขิปมาเน มชฺฌตฺตาว โหติ, เอวเมว ตฺวมฺปิ สุขทุกฺเขสุ มชฺฌตฺโตว โหนฺโต พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ ทสมํ อุเปกฺขาปารมึ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ –

‘‘น เหเต เอตฺตกาเยว, พุทฺธธมฺมา ภวิสฺสเร;

อฺเปิ วิจินิสฺสามิ, เย ธมฺมา โพธิปาจนา.

‘‘วิจินนฺโต ตทา ทกฺขึ, ทสมํ อุเปกฺขาปารมึ;

ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อาเสวิตนิเสวิตํ.

‘‘อิมํ ตฺวํ ทสมํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;

ตุลาภูโต ทฬฺโห หุตฺวา, สมฺโพธึ ปาปุณิสฺสสิ.

‘‘ยถาปิ ปถวี นาม, นิกฺขิตฺตํ อสุจึ สุจึ;

อุเปกฺขติ อุโภเปเต, โกปานุนยวชฺชิตา.

‘‘ตเถว ตฺวมฺปิ สุขทุกฺเข, ตุลาภูโต สทา ภว;

อุเปกฺขาปารมิตํ คนฺตฺวา, สมฺโพธึ ปาปุณิสฺสสี’’ติ. (พุ. วํ. ๒.๑๖๐-๑๖๔);

ตโต จินฺเตสิ – ‘‘อิมสฺมึ โลเก โพธิสตฺเตหิ ปูเรตพฺพา โพธิปริปาจนา พุทฺธการกธมฺมา เอตฺตกาเยว, ทส ปารมิโย เปตฺวา อฺเ นตฺถิ. อิมาปิ ทส ปารมิโย อุทฺธํ อากาเสปิ นตฺถิ, เหฏฺา ปถวิยมฺปิ, ปุรตฺถิมาทีสุ ทิสาสุปิ นตฺถิ, มยฺหํเยว ปน หทยพฺภนฺตเร ปติฏฺิตา’’ติ. เอวํ ตาสํ หทเย ปติฏฺิตภาวํ ทิสฺวา สพฺพาปิ ตา ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาย ปุนปฺปุนํ สมฺมสนฺโต อนุโลมปฏิโลมํ สมฺมสติ, ปริยนฺเต คเหตฺวา อาทึ ปาเปติ, อาทิมฺหิ คเหตฺวา ปริยนฺตํ ปาเปติ, มชฺเฌ คเหตฺวา อุภโต โกฏึ ปาเปตฺวา โอสาเปติ, อุภโต โกฏีสุ คเหตฺวา มชฺฌํ ปาเปตฺวา โอสาเปติ. พาหิรกภณฺฑปริจฺจาโค ทานปารมี นาม, องฺคปริจฺจาโค ทานอุปปารมี นาม, ชีวิตปริจฺจาโค ทานปรมตฺถปารมี นามาติ ทส ปารมิโย ทส อุปปารมิโย ทส ปรมตฺถปารมิโยติ สมตฺตึส ปารมิโย เตลยนฺตํ วินิวฏฺเฏนฺโต วิย มหาเมรุํ มตฺถํ กตฺวา จกฺกวาฬมหาสมุทฺทํ อาลุเฬนฺโต วิย จ สมฺมสติ. ตสฺเสวํ ทส ปารมิโย สมฺมสนฺตสฺส ธมฺมเตเชน จตุนหุตาธิกทฺวิโยชนสตสหสฺสพหลา อยํ มหาปถวี หตฺถินา อกฺกนฺตนฬกลาโป วิย, ปีฬิยมานํ อุจฺฉุยนฺตํ วิย จ มหาวิรวํ วิรวมานา สงฺกมฺปิ สมฺปกมฺปิ สมฺปเวธิ. กุลาลจกฺกํ วิย เตลยนฺตจกฺกํ วิย จ ปริพฺภมิ. เตน วุตฺตํ –

‘‘เอตฺตกาเยว เต โลเก, เย ธมฺมา โพธิปาจนา;

ตทุทฺธํ นตฺถิ อฺตฺร, ทฬฺหํ ตตฺถ ปติฏฺห.

‘‘อิเม ธมฺเม สมฺมสโต, สภาวรสลกฺขเณ;

ธมฺมเตเชน วสุธา, ทสสหสฺสี ปกมฺปถ.

‘‘จลติ รวติ ปถวี, อุจฺฉุยนฺตํว ปีฬิตํ;

เตลยนฺเต ยถา จกฺกํ, เอวํ กมฺปติ เมทนี’’ติ. (พุ. วํ. ๒.๑๖๕-๑๖๗);

มหาปถวิยา กมฺปมานาย รมฺมนครวาสิโน สณฺาตุํ อสกฺโกนฺตา ยุคนฺตวาตพฺภาหตา มหาสาลา วิย มุจฺฉิตา ปปตึสุ. ฆฏาทีนิ กุลาลภาชนานิ ปวฏฺฏนฺตานิ อฺมฺํ ปหรนฺตานิ จุณฺณวิจุณฺณานิ อเหสุํ. มหาชโน ภีตตสิโต สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘กึ นุ โข ภควา นาคาวฏฺโฏ อยํ, ภูตยกฺขเทวตาสุ อฺตราวฏฺโฏ วาติ น หิ มยํ เอตํ ชานาม, อปิจ โข สพฺโพปิ อยํ มหาชโน อุปทฺทุโต, กึ นุ โข อิมสฺส โลกสฺส ปาปกํ ภวิสฺสติ, อุทาหุ กลฺยาณํ, กเถถ โน เอตํ การณ’’นฺติ อาห. อถ สตฺถา เตสํ กถํ สุตฺวา ‘‘ตุมฺเห มา ภายถ, มา จินฺตยิตฺถ, นตฺถิ โว อิโตนิทานํ ภยํ. โย โส มยา อชฺช ‘สุเมธปณฺฑิโต อนาคเต โคตโม นาม พุทฺโธ ภวิสฺสตี’ติ พฺยากโต, โส อิทานิ ทส ปารมิโย สมฺมสติ, ตสฺส สมฺมสนฺตสฺส วิโลเฬนฺตสฺส ธมฺมเตเชน สกลทสสหสฺสี โลกธาตุ เอกปฺปหาเรน กมฺปติ เจว รวติ จา’’ติ อาห. เตน วุตฺตํ –

‘‘ยาวตา ปริสา อาสิ, พุทฺธสฺส ปริเวสเน;

ปเวธมานา สา ตตฺถ, มุจฺฉิตา เสสิ ภูมิยา.

‘‘ฆฏาเนกสหสฺสานิ, กุมฺภีนฺจ สตา พหู;

สฺจุณฺณมถิตา ตตฺถ, อฺมฺํ ปฆฏฺฏิตา.

‘‘อุพฺพิคฺคา ตสิตา ภีตา, ภนฺตา พฺยถิตมานสา;

มหาชนา สมาคมฺม, ทีปงฺกรมุปาคมุํ.

‘‘กึ ภวิสฺสติ โลกสฺส, กลฺยาณมถ ปาปกํ;

สพฺโพ อุปทฺทุโต โลโก, ตํ วิโนเทหิ จกฺขุม.

‘‘เตสํ ตทา สฺาเปสิ, ทีปงฺกโร มหามุนิ;

วิสฺสตฺถา โหถ มา ภาถ, อิมสฺมึ ปถวิกมฺปเน.

‘‘ยมหํ อชฺช พฺยากาสึ, ‘พุทฺโธ โลเก ภวิสฺสติ’;

เอโส สมฺมสติ ธมฺมํ, ปุพฺพกํ ชินเสวิตํ.

‘‘ตสฺส สมฺมสโต ธมฺมํ, พุทฺธภูมึ อเสสโต;

เตนายํ กมฺปิตา ปถวี, ทสสหสฺสี สเทวเก’’ติ. (พุ. วํ. ๒.๑๖๘-๑๗๔);

มหาชโน ตถาคตสฺส วจนํ สุตฺวา หฏฺตุฏฺโ มาลาคนฺธวิเลปนํ อาทาย รมฺมนครา นิกฺขมิตฺวา โพธิสตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา มาลาคนฺธาทีหิ ปูเชตฺวา วนฺทิตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา รมฺมนครเมว ปาวิสิ. โพธิสตฺโตปิ ทส ปารมิโย สมฺมสิตฺวา วีริยํ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาย นิสินฺนาสนา วุฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ –

‘‘พุทฺธสฺส วจนํ สุตฺวา, มโน นิพฺพายิ ตาวเท;

สพฺเพ มํ อุปสงฺกมฺม, ปุนาปิ อภิวนฺทิสุํ.

‘‘สมาทิยิตฺวา พุทฺธคุณํ, ทฬฺหํ กตฺวาน มานสํ;

ทีปงฺกรํ นมสฺสิตฺวา, อาสนา วุฏฺหึ ตทา’’ติ. (พุ. วํ. ๒.๑๗๕-๑๗๖);

อถ โพธิสตฺตํ อาสนา วุฏฺหนฺตํ สกลทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตา สนฺนิปติตฺวา ทิพฺเพหิ มาลาคนฺเธหิ ปูเชตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘อยฺย สุเมธตาปส, ตยา อชฺช ทีปงฺกรทสพลสฺส ปาทมูเล มหตี ปตฺถนา ปตฺถิตา, สา เต อนนฺตราเยน สมิชฺฌตุ, มา เต ภยํ วา ฉมฺภิตตฺตํ วา อโหสิ, สรีเร อปฺปมตฺตโกปิ โรโค มา อุปฺปชฺชตุ, ขิปฺปํ ปารมิโย ปูเรตฺวา สมฺมาสมฺโพธึ ปฏิวิชฺฌ. ยถา ปุปฺผูปคผลูปครุกฺขา สมเย ปุปฺผนฺติ เจว ผลนฺติ จ, ตเถว ตฺวมฺปิ ตํ สมยํ อนติกฺกมิตฺวา ขิปฺปํ สมฺโพธิมุตฺตมํ ผุสสฺสู’’ติอาทีนิ ถุติมงฺคลานิ ปยิรุทาหํสุ. เอวฺจ ปยิรุทาหิตฺวา อตฺตโน อตฺตโน เทวฏฺานเมว อคมํสุ. โพธิสตฺโตปิ เทวตาหิ อภิตฺถวิโต – ‘‘อหํ ทส ปารมิโย ปูเรตฺวา กปฺปสตสหสฺสาธิกานํ จตุนฺนํ อสงฺขฺเยยฺยานํ มตฺถเก พุทฺโธ ภวิสฺสามี’’ติ วีริยํ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาย นภํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา หิมวนฺตเมว อคมาสิ. เตน วุตฺตํ –

‘‘ทิพฺพํ มานุสกํ ปุปฺผํ, เทวา มานุสกา อุโภ;

สโมกิรนฺติ ปุปฺเผหิ, วุฏฺหนฺตสฺส อาสนา.

‘‘เวทยนฺติ จ เต โสตฺถึ, เทวา มานุสกา อุโภ;

มหนฺตํ ปตฺถิตํ ตุยฺหํ, ตํ ลภสฺสุ ยถิจฺฉิตํ.

‘‘สพฺพีติโย วิวชฺชนฺตุ, โสโก โรโค วินสฺสตุ;

มา เต ภวนฺตฺวนฺตรายา, ผุส ขิปฺปํ โพธิมุตฺตมํ.

‘‘ยถาปิ สมเย ปตฺเต, ปุปฺผนฺติ ปุปฺผิโน ทุมา;

ตเถว ตฺวํ มหาวีร, พุทฺธาเณน ปุปฺผสุ.

‘‘ยถา เย เกจิ สมฺพุทฺธา, ปูรยุํ ทส ปารมี;

ตเถว ตฺวํ มหาวีร, ปูรย ทส ปารมี.

‘‘ยถา เย เกจิ สมฺพุทฺธา, โพธิมณฺฑมฺหิ พุชฺฌเร;

ตเถว ตฺวํ มหาวีร, พุชฺฌสฺสุ ชินโพธิยํ.

‘‘ยถา เย เกจิ สมฺพุทฺธา, ธมฺมจกฺกํ ปวตฺตยุํ;

ตเถว ตฺวํ มหาวีร, ธมฺมจกฺกํ ปวตฺตย.

‘‘ปุณฺณมาเย ยถา จนฺโท, ปริสุทฺโธ วิโรจติ;

ตเถว ตฺวํ ปุณฺณมโน, วิโรจ ทสสหสฺสิยํ.

‘‘ราหุมุตฺโต ยถา สูริโย, ตาเปน อติโรจติ;

ตเถว โลกา มุจฺจิตฺวา, วิโรจ สิริยา ตุวํ.

‘‘ยถา ยา กาจิ นทิโย, โอสรนฺติ มโหทธึ;

เอวํ สเทวกา โลกา, โอสรนฺตุ ตวนฺติเก.

‘‘เตหิ ถุตปฺปสตฺโถ โส, ทส ธมฺเม สมาทิย;

เต ธมฺเม ปริปูเรนฺโต, ปวนํ ปาวิสี ตทา’’ติ. (พุ. วํ. ๒.๑๗๗-๑๘๗);

สุเมธกถา นิฏฺิตา.

รมฺมนครวาสิโนปิ โข นครํ ปวิสิตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ อทํสุ. สตฺถา เตสํ ธมฺมํ เทเสตฺวา มหาชนํ สรณาทีสุ ปติฏฺเปตฺวา รมฺมนครา นิกฺขมิ. ตโต อุทฺธมฺปิ ยาวตายุกํ ติฏฺนฺโต สพฺพํ พุทฺธกิจฺจํ กตฺวา อนุกฺกเมน อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายิ. ตตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ สพฺพํ พุทฺธวํเส วุตฺตนเยเนว วิตฺถาเรตพฺพํ. วุตฺตฺหิ ตตฺถ –

‘‘ตทา เต โภชยิตฺวาน, สสงฺฆํ โลกนายกํ;

อุปคจฺฉุํ สรณํ ตสฺส, ทีปงฺกรสฺส สตฺถุโน.

‘‘สรณคมเน กฺจิ, นิเวเสสิ ตถาคโต;

กฺจิ ปฺจสุ สีเลสุ, สีเล ทสวิเธ ปรํ.

‘‘กสฺสจิ เทติ สามฺํ, จตุโร ผลมุตฺตเม;

กสฺสจิ อสเม ธมฺเม, เทติ โส ปฏิสมฺภิทา.

‘‘กสฺสจิ วรสมาปตฺติโย, อฏฺ เทติ นราสโภ;

ติสฺโส กสฺสจิ วิชฺชาโย, ฉฬภิฺา ปเวจฺฉติ.

‘‘เตน โยเคน ชนกายํ, โอวทติ มหามุนิ;

เตน วิตฺถาริกํ อาสิ, โลกนาถสฺส สาสนํ.

‘‘มหาหนูสภกฺขนฺโธ, ทีปงฺกรสนามโก;

พหู ชเน ตารยติ, ปริโมเจติ ทุคฺคตึ.

‘‘โพธเนยฺยํ ชนํ ทิสฺวา, สตสหสฺเสปิ โยชเน;

ขเณน อุปคนฺตฺวาน, โพเธติ ตํ มหามุนิ.

‘‘ปมาภิสมเย พุทฺโธ, โกฏิสตมโพธยิ;

ทุติยาภิสมเย นาโถ, นวุติโกฏิมโพธยิ.

‘‘ยทา จ เทวภวนมฺหิ, พุทฺโธ ธมฺมมเทสยิ;

นวุติโกฏิสหสฺสานํ, ตติยาภิสมโย อหุ.

‘‘สนฺนิปาตา ตโย อาสุํ, ทีปงฺกรสฺส สตฺถุโน;

โกฏิสตสหสฺสานํ, ปโม อาสิ สมาคโม.

‘‘ปุน นารทกูฏมฺหิ, ปวิเวกคเต ชิเน;

ขีณาสวา วีตมลา, สมึสุ สตโกฏิโย.

‘‘ยมฺหิ กาเล มหาวีโร, สุทสฺสนสิลุจฺจเย;

นวุติโกฏิสหสฺเสหิ, ปวาเรสิ มหามุนิ.

‘‘อหํ เตน สมเยน, ชฏิโล อุคฺคตาปโน;

อนฺตลิกฺขมฺหิ จรโณ, ปฺจาภิฺาสุ ปารคู.

‘‘ทสวีสสหสฺสานํ, ธมฺมาภิสมโย อหุ;

เอกทฺวินฺนํ อภิสมยา, คณนโต อสงฺขิยา.

‘‘วิตฺถาริกํ พาหุชฺํ, อิทฺธํ ผีตํ อหู ตทา;

ทีปงฺกรสฺส ภควโต, สาสรํ สุวิโสธิตํ.

‘‘จตฺตาริ สตสหสฺสานิ, ฉฬภิฺา มหิทฺธิกา;

ทีปงฺกรํ โลกวิทุํ ปริวาเรนฺติ สพฺพทา.

‘‘เย เกจิ เตน สมเยน, ชหนฺติ มานุสํ ภวํ;

อปฺปตฺตมานสา เสขา, ครหิตา ภวนฺติ เต.

‘‘สุปุปฺผิตํ ปาวจนํ, อรหนฺเตหิ ตาทิภิ;

ขีณาสเวหิ วิมเลหิ, อุปโสภติ สพฺพทา.

‘‘นครํ รมฺมวตี นาม, สุเทโว นาม ขตฺติโย;

สุเมธา นาม ชนิกา, ทีปงฺกรสฺส สตฺถุโน.

‘‘ทสวสฺสสหสฺสานิ, อคารํ อชฺฌ โส วสิ;

หํสา โกฺจา มยูรา จ, ตโย ปาสาทมุตฺตมา.

‘‘ตีณิ สตสหสฺสานิ, นาริโย สมลงฺกตา;

ปทุมา นาม สา นารี, อุสภกฺขนฺโธ อตฺรโช.

‘‘นิมิตฺเต จตุโร ทิสฺวา, หตฺถิยาเนน นิกฺขมิ;

อนูนทสมาสานิ, ปธาเน ปทหี ชิโน.

‘‘ปธานจารํ จริตฺวาน, อพุชฺฌิ มานสํ มุนิ;

พฺรหฺมุนา ยาจิโต สนฺโต, ทีปงฺกโร มหามุนิ.

‘‘วตฺติ จกฺกํ มหาวีโร, นนฺทาราเม สิรีฆเร;

นิสินฺโน สิรีสมูลมฺหิ, อกาสิ ติตฺถิยมทฺทนํ.

‘‘สุมงฺคโล จ ติสฺโส จ, อเหสุํ อคฺคสาวกา;

สาคโต นามุปฏฺาโก, ทีปงฺกรสฺส สตฺถุโน.

สุนนฺทา จ‘‘นนฺทา เจว สุนนฺทา จ, อเหสุํ อคฺคสาวิกา;

โพธิ ตสฺส ภควโต, ปิปฺผลีติ ปวุจฺจติ.

‘‘ตปุสฺสภลฺลิกา นาม, อเหสุํ อคฺคุปฏฺกา;

สิริมา โกณา อุปฏฺิกา, ทีปงฺกรสฺส สตฺถุโน.

‘‘อสีติหตฺถมุพฺเพโธ, ทีปงฺกโร มหามุนิ;

โสภติ ทีปรุกฺโขว, สาลราชาว ผุลฺลิโต.

‘‘ปภา วิธาวติ ตสฺส, สมนฺตา ทฺวาทส โยชเน;

สตสหสฺสวสฺสานิ, อายุ ตสฺส มเหสิโน;

ตาวตา ติฏฺมาโน โส, ตาเรสิ ชนตํ พหุํ.

‘‘โชตยิตฺวาน สทฺธมฺมํ, สนฺตาเรตฺวา มหาชนํ;

ชลิตฺวา อคฺคิขนฺโธว, นิพฺพุโต โส สสาวโก.

‘‘สา จ อิทฺธิ โส จ ยโส, ตานิ จ ปาเทสุ จกฺกรตนานิ;

สพฺพํ ตมนฺตรหิตํ, นนุ ริตฺตา สพฺพสงฺขาราติ.

‘‘ทีปงฺกโร ชิโน สตฺถา, นนฺทารามมฺหิ นิพฺพุโต;

ตตฺเถตสฺส ชินถูโป, ฉตฺตึสุพฺเพธโยชโน’’ติ. (พุ. วํ. ๓.๑-๓๑);

โกณฺฑฺโ พุทฺโธ

ทีปงฺกรสฺส ปน ภควโต อปรภาเค เอกํ อสงฺขฺเยยฺยํ อติกฺกมิตฺวา โกณฺฑฺโ นาม สตฺถา อุทปาทิ. ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา อเหสุํ. ปมสนฺนิปาเต โกฏิสตสหสฺสํ, ทุติเย โกฏิสหสฺสํ, ตติเย นวุติโกฏิโย. ตทา โพธิสตฺโต วิชิตาวี นาม จกฺกวตฺตี หุตฺวา โกฏิสตสหสฺสสฺส พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ อทาสิ. สตฺถา โพธิสตฺตํ ‘‘พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากริตฺวา ธมฺมํ เทเสสิ. โส สตฺถุ ธมฺมกถํ สุตฺวา รชฺชํ นิยฺยาเตตฺวา ปพฺพชิ. โส ตีณิ ปิฏกานิ อุคฺคเหตฺวา อฏฺ สมาปตฺติโย จ ปฺจ อภิฺาโย จ อุปฺปาเทตฺวา อปริหีนชฺฌาโน พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺติ. โกณฺฑฺพุทฺธสฺส ปน รมฺมวตี นาม นครํ, สุนนฺโท นาม ขตฺติโย ปิตา, สุชาตา นาม เทวี มาตา, ภทฺโท จ สุภทฺโท จ ทฺเว อคฺคสาวกา, อนุรุทฺโธ นามุปฏฺาโก, ติสฺสา จ อุปติสฺสา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, สาลกลฺยาณิรุกฺโข โพธิ, อฏฺาสีติหตฺถุพฺเพธํ สรีรํ, วสฺสสตสหสฺสํ อายุปฺปมาณํ อโหสิ.

‘‘ทีปงฺกรสฺส อปเรน, โกณฺฑฺโ นาม นายโก;

อนนฺตเตโช อมิตยโส, อปฺปเมยฺโย ทุราสโท’’.

ตสฺส อปรภาเค เอกํ อสงฺขฺเยยฺยํ อติกฺกมิตฺวา เอกสฺมึ กปฺเปเยว จตฺตาโร พุทฺธา นิพฺพตฺตึสุ – มงฺคโล, สุมโน, เรวโต, โสภิโตติ. มงฺคลสฺส ภควโต ตีสุ สาวกสนฺนิปาเตสุ ปมสนฺนิปาเต โกฏิสตสหสฺสํ ภิกฺขู อเหสุํ, ทุติเย โกฏิสตสหสฺสํ, ตติเย นวุฏิโกฏิโย. เวมาติกภาตา กิรสฺส อานนฺทกุมาโร นาม นวุติโกฏิสงฺขาย ปริสาย สทฺธึ ธมฺมสฺสวนตฺถาย สตฺถุ สนฺติกํ อคมาสิ. สตฺถา ตสฺส อนุปุพฺพิกถํ กเถสิ. โส สทฺธึ ปริสาย สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. สตฺถา เตสํ กุลปุตฺตานํ ปุพฺพจริตํ โอโลเกนฺโต อิทฺธิมยปตฺตจีวรสฺส อุปนิสฺสยํ ทิสฺวา ทกฺขิณหตฺถํ ปสาเรตฺวา ‘‘เอถ ภิกฺขโว’’ติ อาห. สพฺเพ ตงฺขณฺเว อิทฺธิมยปตฺตจีวรธรา สฏฺิวสฺสิกเถรา วิย อากปฺปสมฺปนฺนา หุตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ปริวารยึสุ. อยมสฺส ตติโย สาวกสนฺนิปาโต อโหสิ.

ยถา ปน อฺเสํ พุทฺธานํ สมนฺตา อสีติหตฺถปฺปมาณาเยว สรีรปฺปภา อโหสิ, น เอวํ ตสฺส. ตสฺส ปน ภควโต สรีรปฺปภา นิจฺจกาลํ ทสสหสฺสิโลกธาตุํ ผริตฺวา อฏฺาสิ. รุกฺขปถวีปพฺพตสมุทฺทาทโย อนฺตมโส อุกฺขลิยาทีนิ อุปาทาย สุวณฺณปฏฺฏปริโยนทฺธา วิย อเหสุํ. อายุปฺปมาณํ ปนสฺส นวุติวสฺสสหสฺสานิ อโหสิ. เอตฺตกํ กาลํ จนฺทิมสูริยาทโย อตฺตโน ปภาย วิโรจิตุํ นาสกฺขึสุ, รตฺตินฺทิวปริจฺเฉโท น ปฺายิตฺถ. ทิวา สูริยาโลเกน วิย สตฺตา นิจฺจํ พุทฺธาโลเกเนว วิจรึสุ. สายํ ปุปฺผิตกุสุมานํ ปาโต จ รวนกสกุณาทีนฺจ วเสน โลโก รตฺตินฺทิวปริจฺเฉทํ สลฺลกฺเขสิ.

กึ ปน อฺเสํ พุทฺธานํ อยมานุภาโว นตฺถีติ? โน นตฺถิ. เตปิ หิ อากงฺขมานา ทสสหสฺสิโลกธาตุํ วา ตโต วา ภิยฺโย อาภาย ผเรยฺยุํ. มงฺคลสฺส ปน ภควโต ปุพฺพปตฺถนาวเสน อฺเสํ พฺยามปฺปภา วิย สรีรปฺปภา นิจฺจเมว ทสสหสฺสิโลกธาตุํ ผริตฺวา อฏฺาสิ. โส กิร โพธิสตฺตจริยจรณกาเล เวสฺสนฺตรสทิเส อตฺตภาเวิโต สปุตฺตทาโร วงฺกปพฺพตสทิเส ปพฺพเต วสิ. อเถโก ขรทาิโก นาม ยกฺโข มหาปุริสสฺส ทานชฺฌาสยตํ สุตฺวา พฺราหฺมณวณฺเณน อุปสงฺกมิตฺวา มหาสตฺตํ ทฺเว ทารเก ยาจิ. มหาสตฺโต ‘‘ททามิ, พฺราหฺมณ, ปุตฺตเก’’ติ วตฺวา หฏฺปหฏฺโ อุทกปริยนฺตํ มหาปถวึ กมฺเปนฺโต ทฺเวปิ ทารเก อทาสิ. ยกฺโข จงฺกมนโกฏิยํ อาลมฺพนผลกํ นิสฺสาย ตฺวา ปสฺสนฺตสฺเสว มหาสตฺตสฺส มุลาลกลาปํ วิย ทารเก ขาทิ. มหาปุริสสฺส ยกฺขํ โอโลเกตฺวา มุเข วิวฏมตฺเต อคฺคิชาลํ วิย โลหิตธารํ อุคฺคิรมานํ ตสฺส มุขํ ทิสฺวาปิ เกสคฺคมตฺตมฺปิ โทมนสฺสํ น อุปฺปชฺชิ. ‘‘สุทินฺนํ วต เม ทาน’’นฺติ จินฺตยโต ปนสฺส สรีเร มหนฺตํ ปีติโสมนสฺสํ อุทปาทิ. โส ‘‘อิมสฺส เม ทานสฺส นิสฺสนฺเทน อนาคเต อิมินาว นีหาเรน สรีรโต รสฺมิโย นิกฺขมนฺตู’’ติ ปตฺถนํ อกาสิ. ตสฺส ตํ ปตฺถนํ นิสฺสาย พุทฺธภูตสฺส สรีรโต รสฺมิโย นิกฺขมิตฺวา เอตฺตกํ านํ ผรึสุ.

อปรมฺปิสฺส ปุพฺพจริยํ อตฺถิ. โส กิร โพธิสตฺตกาเล เอกสฺส พุทฺธสฺส เจติยํ ทิสฺวา ‘‘อิมสฺส พุทฺธสฺส มยา ชีวิตํ ปริจฺจชิตุํ วฏฺฏตี’’ติ ทณฺฑกทีปิกาเวนนิยาเมน สกลสรีรํ เวาเปตฺวา รตนมตฺตมกุฬํ สตสหสฺสคฺฆนิกํ สุวณฺณปาตึ สปฺปิสฺส ปูราเปตฺวา ตตฺถ สหสฺสวฏฺฏิโย ชาเลตฺวา ตํ สีเสนาทาย สกลสรีรํ ชาลาเปตฺวา เจติยํ ปทกฺขิณํ กโรนฺโต สกลรตฺตึ วีตินาเมติ. เอวํ ยาว อรุณุคฺคมนา วายมนฺตสฺสาปิสฺส โลมกูปมตฺตมฺปิ อุสุมํ น คณฺหิ. ปทุมคพฺภํ ปวิฏฺกาโล วิย อโหสิ. ธมฺโม หิ นาเมส อตฺตานํ รกฺขนฺตํ รกฺขติ. เตนาห ภควา –

‘‘ธมฺโม หเว รกฺขติ ธมฺมจารึ, ธมฺโม สุจิณฺโณ สุขมาวหาติ;

เอสานิสํโส ธมฺเม สุจิณฺเณ, น ทุคฺคตึ คจฺฉติ ธมฺมจารี’’ติ. (เถรคา. ๓๐๓; ชา. ๑.๑๐.๑๐๒) –

อิมสฺสปิ กมฺมสฺส นิสฺสนฺเทน ตสฺส ภควโต สรีโรภาโส ทสสหสฺสิโลกธาตุํ ผริตฺวา อฏฺาสิ.

ตทา อมฺหากํ โพธิสตฺโต สุรุจิ นาม พฺราหฺมโณ หุตฺวา ‘‘สตฺถารํ นิมนฺเตสฺสามี’’ติ อุปสงฺกมิตฺวา มธุรธมฺมกถํ สุตฺวา ‘‘สฺเว มยฺหํ ภิกฺขํ คณฺหถ, ภนฺเต’’ติ อาห. ‘‘พฺราหฺมณ, กิตฺตเกหิ เต ภิกฺขูหิ อตฺโถ’’ติ? ‘‘กิตฺตกา ปน โว, ภนฺเต, ปริวารภิกฺขู’’ติ อาห. ตทา สตฺถุ ปมสนฺนิปาโตเยว โหติ, ตสฺมา ‘‘โกฏิสตสหสฺส’’นฺติ อาห. ‘‘ภนฺเต, สพฺเพหิปิ สทฺธึ มยฺหํ ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ. สตฺถา อธิวาเสสิ. พฺราหฺมโณ สฺวาตนาย นิมนฺเตตฺวา เคหํ คจฺฉนฺโต จินฺเตสิ – ‘‘อหํ เอตฺตกานํ ภิกฺขูนํ ยาคุภตฺตวตฺถาทีนิ ทาตุํ สกฺโกมิ, นิสีทนฏฺานํ ปน กถํ ภวิสฺสตี’’ติ?

ตสฺส สา จินฺตา จตุราสีติโยชนสหสฺสมตฺถเก ิตสฺส เทวรฺโ ปณฺฑุกมฺพลสิลาสนสฺส อุณฺหภาวํ ชเนสิ. สกฺโก ‘‘โก นุ โข มํ อิมมฺหา านา จาเวตุกาโม’’ติ ทิพฺพจกฺขุนา โอโลเกนฺโต มหาปุริสํ ทิสฺวา ‘‘สุรุจิ นาม พฺราหฺมโณ พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิมนฺเตตฺวา นิสีทนฏฺานตฺถาย จินฺเตสิ, มยาปิ ตตฺถ คนฺตฺวา ปุฺโกฏฺาสํ คเหตุํ วฏฺฏตี’’ติ วฑฺฒกิวณฺณํ นิมฺมินิตฺวา วาสิผรสุหตฺโถ มหาปุริสสฺส ปุรโต ปาตุรโหสิ. ‘‘อตฺถิ นุ โข กสฺสจิ ภติยา กตฺตพฺพกิจฺจ’’นฺติ อาห. มหาปุริโส ตํ ทิสฺวา ‘‘กึ กมฺมํ กริสฺสสี’’ติ อาห. ‘‘มม อชานนสิปฺปํ นาม นตฺถิ, เคหํ วา มณฺฑปํ วา โย ยํ กาเรติ, ตสฺส ตํ กาตุํ ชานามี’’ติ. ‘‘เตน หิ มยฺหํ กมฺมํ อตฺถี’’ติ. ‘‘กึ, อยฺยา’’ติ? ‘‘สฺวาตนาย เม โกฏิสตสหสฺสภิกฺขู นิมนฺติตา. เตสํ นิสีทนมณฺฑปํ กริสฺสสี’’ติ? ‘‘อหํ นาม กเรยฺยํ สเจ เม ภตึ ทาตุํ สกฺขิสฺสถา’’ติ. ‘‘สกฺขิสฺสามิ, ตาตา’’ติ. ‘‘สาธุ กริสฺสามี’’ติ คนฺตฺวา เอกํ ปเทสํ โอโลเกสิ. ทฺวาทสเตรสโยชนปฺปมาโณ ปเทโส กสิณมณฺฑลํ วิย สมตโล อโหสิ. โส ‘‘เอตฺตเก าเน สตฺตรตนมโย มณฺฑโป อุฏฺหตู’’ติ จินฺเตตฺวา โอโลเกสิ. ตาวเทว ปถวึ ภินฺทิตฺวา มณฺฑโป อุฏฺหิ. ตสฺส โสวณฺณมเยสุ ถมฺเภสุ รชตมยา ฆฏกา อเหสุํ, รชตมเยสุ โสวณฺณมยา, มณิมเยสุ ถมฺเภสุ ปวาฬมยา, ปวาฬมเยสุ มณิมยา, สตฺตรตนมเยสุ ถมฺเภสุ สตฺตรตนมยา ฆฏกา อเหสุํ. ตโต ‘‘มณฺฑปสฺส อนฺตรนฺตเร กิงฺกณิกชาลํ โอลมฺพตู’’ติ โอโลเกสิ. สห โอโลกเนเนว ชาลํ โอลมฺพิ. ยสฺส มนฺทวาเตริตสฺส ปฺจงฺคิกสฺเสว ตูริยสฺส มธุรสทฺโท นิจฺฉรติ. ทิพฺพสงฺคีติวตฺตนกาโล วิย อโหสิ. ‘‘อนฺตรนฺตรา คนฺธทามมาลาทามานิ โอลมฺพนฺตู’’ติ จินฺเตนฺตสฺส มาลาทามานิ โอลมฺพึสุ. ‘‘โกฏิสตสหสฺสสงฺขานํ ภิกฺขูนํ อาสนานิ จ อาธารกานิ จ ปถวึ ภินฺทิตฺวา อุฏฺหนฺตู’’ติ จินฺเตสิ, ตาวเทว อุฏฺหึสุ. ‘‘โกเณ โกเณ เอเกกา อุทกจาฏิโย อุฏฺหนฺตู’’ติ จินฺเตสิ, อุทกจาฏิโย อุฏฺหึสุ.

โส เอตฺตกํ มาเปตฺวา พฺราหฺมณสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘เอหิ, อยฺย, ตว มณฺฑปํ โอโลเกตฺวา มยฺหํ ภตึ เทหี’’ติ อาห. มหาปุริโส คนฺตฺวา มณฺฑปํ โอโลเกสิ. โอโลเกนฺตสฺเสว จ สกลสรีรํ ปฺจวณฺณาย ปีติยา นิรนฺตรํ ผุฏํ อโหสิ. อถสฺส มณฺฑปํ โอโลเกตฺวา เอตทโหสิ – ‘‘นายํ มณฺฑโป มนุสฺสภูเตน กโต, มยฺหํ ปน อชฺฌาสยํ มยฺหํ คุณํ อาคมฺม อทฺธา สกฺกภวนํ อุณฺหํ ภวิสฺสติ. ตโต สกฺเกน เทวรฺา อยํ มณฺฑโป การิโต ภวิสฺสตี’’ติ. ‘‘น โข ปน เม ยุตฺตํ เอวรูเป มณฺฑเป เอกทิวสํเยว ทานํ ทาตุํ, สตฺตาหํ ทสฺสามี’’ติ จินฺเตสิ. พาหิรกทานฺหิ ตตฺตกมฺปิ สมานํ โพธิสตฺตานํ ตุฏฺึ กาตุํ น สกฺโกติ, อลงฺกตสีสํ ปน ฉินฺทิตฺวา อฺชิตอกฺขีนิ อุปฺปาเฏตฺวา หทยมํสํ วา อุพฺพฏฺเฏตฺวา ทินฺนกาเล โพธิสตฺตานํ จาคํ นิสฺสาย ตุฏฺิ นาม โหติ. อมฺหากมฺปิ หิ โพธิสตฺตสฺส สิวิราชชาตเก เทวสิกํ ปฺจกหาปณสตสหสฺสานิ วิสฺสชฺเชตฺวา จตูสุ ทฺวาเรสุ นครมชฺเฌ จ ทานํ เทนฺตสฺส ตํ ทานํ จาคตุฏฺึ อุปฺปาเทตุํ นาสกฺขิ. ยทา ปนสฺส พฺราหฺมณวณฺเณน อาคนฺตฺวา สกฺโก เทวราชา อกฺขีนิ ยาจิ, ตทา ตานิ อุปฺปาเฏตฺวา ททมานสฺเสว หาโส อุปฺปชฺชิ, เกสคฺคมตฺตมฺปิ จิตฺตํ อฺถตฺตํ นาโหสิ. เอวํ ทินฺนทานํ นิสฺสาย โพธิสตฺตานํ ติตฺติ นาม นตฺถิ. ตสฺมา โสปิ มหาปุริโส ‘‘สตฺตาหํ มยา โกฏิสตสหสฺสสงฺขานํ ภิกฺขูนํ ทานํ ทาตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา ตสฺมึ มณฺฑเป นิสีทาเปตฺวา สตฺตาหํ ควปานํ นาม อทาสิ. ควปานนฺติ มหนฺเต มหนฺเต โกลมฺเพ ขีรสฺส ปูเรตฺวา อุทฺธเนสุ อาโรเปตฺวา ฆนปากปกฺเก ขีเร โถเก ตณฺฑุเล ปกฺขิปิตฺวา ปกฺกมธุสกฺกรจุณฺณสปฺปีหิ อภิสงฺขตโภชนํ วุจฺจติ. มนุสฺสาเยว ปน ปริวิสิตุํ นาสกฺขึสุ. เทวาปิ เอกนฺตริกา หุตฺวา ปริวิสึสุ. ทฺวาทสเตรสโยชนปฺปมาณํ านมฺปิ ภิกฺขู คณฺหิตุํ นปฺปโหสิเยว, เต ปน ภิกฺขู อตฺตโน อานุภาเวน นิสีทึสุ. ปริโยสานทิวเส ปน สพฺพภิกฺขูนํ ปตฺตานิ โธวาเปตฺวา เภสชฺชตฺถาย สปฺปินวนีตเตลมธุผาณิตานํ ปูเรตฺวา ติจีวเรหิ สทฺธึ อทาสิ, สงฺฆนวกภิกฺขุนา ลทฺธจีวรสาฏกา สตสหสฺสคฺฆนิกา อเหสุํ.

สตฺถา อนุโมทนํ กโรนฺโต – ‘‘อยํ ปุริโส เอวรูปํ มหาทานํ อทาสิ, โก นุ โข ภวิสฺสตี’’ติ อุปธาเรนฺโต – ‘‘อนาคเต กปฺปสตสหสฺสาธิกานํ ทฺวินฺนํ อสงฺขฺเยยฺยานํ มตฺถเก โคตโม นาม พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ ทิสฺวา มหาปุริสํ อามนฺเตตฺวา ‘‘ตฺวํ เอตฺตกํ นาม กาลํ อติกฺกมิตฺวา โคตโม นาม พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิ. มหาปุริโส พฺยากรณํ สุตฺวา ‘‘อหํ กิร พุทฺโธ ภวิสฺสามิ, โก เม ฆราวาเสน อตฺโถ, ปพฺพชิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ตถารูปํ สมฺปตฺตึ เขฬปิณฺฑํ วิย ปหาย สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา พุทฺธวจนํ อุคฺคณฺหิตฺวา อภิฺาโย จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา อายุปริโยสาเน พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺติ.

มงฺคโล พุทฺโธ

มงฺคลสฺส ปน ภควโต นครํ อุตฺตรํ นาม อโหสิ, ปิตาปิ อุตฺตโร นาม ขตฺติโย, มาตาปิ อุตฺตรา นาม เทวี, สุเทโว จ ธมฺมเสโน จ ทฺเว อคฺคสาวกา, ปาลิโต นามุปฏฺาโก, สีวลี จ อโสกา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, นาครุกฺโข โพธิ, อฏฺาสีติหตฺถุพฺเพธํ สรีรํ อโหสิ. นวุติ วสฺสสหสฺสานิ ตฺวา ปรินิพฺพุเต ปน ตสฺมึ เอกปฺปหาเรเนว ทส จกฺกวาฬสหสฺสานิ เอกนฺธการานิ อเหสุํ. สพฺพจกฺกวาเฬสุ มนุสฺสานํ มหนฺตํ อาโรทนปริเทวนํ อโหสิ.

‘‘โกณฺฑฺสฺส อปเรน, มงฺคโล นาม นายโก;

ตมํ โลเก นิหนฺตฺวาน, ธมฺโมกฺกมภิธารยี’’ติ. (พุ. วํ. ๕.๑);

สุมโน พุทฺโธ

เอวํ ทสสหสฺสิโลกธาตุํ อนฺธการํ กตฺวา ปรินิพฺพุตสฺส ตสฺส ภควโต อปรภาเค สุมโน นาม สตฺถา โลเก อุทปาทิ. ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา. ปมสนฺนิปาเต โกฏิสตสหสฺสภิกฺขู อเหสุํ. ทุติเย กฺจนปพฺพตมฺหิ นวุติโกฏิสหสฺสานิ, ตติเย อสีติโกฏิสหสฺสานิ. ตทา มหาสตฺโต อตุโล นาม นาคราชา อโหสิ มหิทฺธิโก มหานุภาโว. โส ‘‘พุทฺโธ อุปฺปนฺโน’’ติ สุตฺวา าติสงฺฆปริวุโต นาคภวนา นิกฺขมิตฺวา โกฏิสตสหสฺสภิกฺขุปริวารสฺส ตสฺส ภควโต ทิพฺพตูริเยหิ อุปหารํ กาเรตฺวา มหาทานํ ปวตฺเตตฺวา ปจฺเจกํ ทุสฺสยุคานิ ทตฺวา สรเณสุ ปติฏฺาสิ. โสปิ นํ สตฺถา ‘‘อนาคเต พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิ. ตสฺส ภควโต นครํ เมขลํ นาม อโหสิ, สุทตฺโต นาม ราชา ปิตา, สิริมา นาม มาตา เทวี, สรโณ จ ภาวิตตฺโต จ ทฺเว อคฺคสาวกา, อุเทโน นามุปฏฺาโก, โสณา จ อุปโสณา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, นาครุกฺโข โพธิ, นวุติหตฺถุพฺเพธํ สรีรํ อโหสิ, นวุติเยว วสฺสสหสฺสานิ อายุปฺปมาณํ อโหสิ.

‘‘มงฺคลสฺส อปเรน, สุมโน นาม นายโก;

สพฺพธมฺเมหิ อสโม, สพฺพสตฺตานมุตฺตโม’’ติ. (พุ. วํ. ๖.๑);

เรวโต พุทฺโธ

ตสฺส อปรภาเค เรวโต นาม สตฺถา อุทปาทิ. ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา. ปมสนฺนิปาเต คณนา นตฺถิ, ทุติเย โกฏิสตสหสฺสภิกฺขู อเหสุํ, ตถา ตติเย. ตทา โพธิสตฺโต อติเทโว นาม พฺราหฺมโณ หุตฺวา สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา สรเณสุ ปติฏฺาย สิรสิ อฺชลึ เปตฺวา ตสฺส สตฺถุโน กิเลสปฺปหาเน วณฺณํ สุตฺวา อุตฺตราสงฺเคน ปูชํ อกาสิ. โสปิ นํ ‘‘พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิ. ตสฺส ปน ภควโต นครํ สุธฺวตี นาม อโหสิ, ปิตา วิปุโล นาม ขตฺติโย, มาตา วิปุลา นาม, วรุโณ จ พฺรหฺมเทโว จ ทฺเว อคฺคสาวกา, สมฺภโว นามุปฏฺาโก, ภทฺทา จ สุภทฺทา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, นาครุกฺโข โพธิ, สรีรํ อสีติหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, อายุ สฏฺิ วสฺสสหสฺสานีติ.

‘‘สุมนสฺส อปเรน, เรวโต นาม นายโก;

อนูปโม อสทิโส, อตุโล อุตฺตโม ชิโน’’ติ. (พุ. วํ. ๗.๑);

โสภิโต พุทฺโธ

ตสฺส อปรภาเค โสภิโต นาม สตฺถา อุทปาทิ. ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา. ปมสนฺนิปาเต โกฏิสตํ ภิกฺขู อเหสุํ, ทุติเย นวุติโกฏิโย, ตติเย อสีติโกฏิโย. ตทา โพธิสตฺโต อชิโต นาม พฺราหฺมโณ หุตฺวา สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา สรเณสุ ปติฏฺาย พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ อทาสิ. โสปิ นํ ‘‘พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิ. ตสฺส ปน ภควโต นครํ สุธมฺมํ นาม อโหสิ, ปิตา สุธมฺโม นาม ราชา, มาตาปิ สุธมฺมา นาม เทวี, อสโม จ สุเนตฺโต จ ทฺเว อคฺคสาวกา, อโนโม นามุปฏฺาโก, นกุลา จ สุชาตา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, นาครุกฺโข โพธิ, อฏฺปณฺณาสหตฺถุพฺเพธํ สรีรํ อโหสิ, นวุติ วสฺสสหสฺสานิ อายุปฺปมาณนฺติ.

‘‘เรวตสฺส อปเรน, โสภิโต นาม นายโก;

สมาหิโต สนฺตจิตฺโต, อสโม อปฺปฏิปุคฺคโล’’ติ. (พุ. วํ. ๘.๑);

อโนมทสฺสี พุทฺโธ

ตสฺส อปรภาเค เอกํ อสงฺขเยยฺยํ อติกฺกมิตฺวา เอกสฺมึ กปฺเป ตโย พุทฺธา นิพฺพตฺตึสุ อโนมทสฺสี, ปทุโม, นารโทติ. อโนมทสฺสิสฺส ภควโต ตโย สาวกสนฺนิปาตา. ปเม อฏฺ ภิกฺขุสตสหสฺสานิ อเหสุํ, ทุติเย สตฺต, ตติเย ฉ. ตทา โพธิสตฺโต เอโก ยกฺขเสนาปติ อโหสิ มหิทฺธิโก มหานุภาโว, อเนกโกฏิสตสหสฺสานํ ยกฺขานํ อธิปติ. โส ‘‘พุทฺโธ อุปฺปนฺโน’’ติ สุตฺวา อาคนฺตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ อทาสิ. โสปิ นํ สตฺถา ‘‘อนาคเต พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิ. อโนมทสฺสิสฺส ปน ภควโต จนฺทวตี นาม นครํ อโหสิ, ยสวา นาม ราชา ปิตา, ยโสธรา นาม มาตา เทวี, นิสโภ จ อโนโม จ ทฺเว อคฺคสาวกา, วรุโณ นามุปฏฺาโก, สุนฺทรี จ สุมนา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, อชฺชุนรุกฺโข โพธิ, อฏฺปฺาสหตฺถุพฺเพธํ สรีรํ อโหสิ, วสฺสสตสหสฺสํ อายุปฺปมาณนฺติ.

‘‘โสภิตสฺส อปเรน, สมฺพุทฺโธ ทฺวิปทุตฺตโม;

อโนมทสฺสี อมิตยโส, เตชสฺสี ทุรติกฺกโม’’ติ. (พุ. วํ. ๙.๑);

ปทุโม พุทฺโธ

ตสฺส อปรภาเค ปทุโม นาม สตฺถา อุทปาทิ. ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา. ปมสนฺนิปาเต โกฏิสตสหสฺสํ ภิกฺขู อเหสุํ, ทุติเย ตีณิ สตสหสฺสานิ, ตติเย อคามเก อรฺเ มหาวนสณฺฑวาสีนํ ภิกฺขูนํ ทฺเว สตสหสฺสานิ. ตทา โพธิสตฺโต สีโห หุตฺวา สตฺถารํ นิโรธสมาปตฺตึ สมาปนฺนํ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺโต วนฺทิตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปีติโสมนสฺสชาโต ติกฺขตฺตุํ สีหนาทํ นทิตฺวา สตฺตาหํ พุทฺธารมฺมณํ ปีตึ อวิชหิตฺวา ปีติสุเขเนว โคจราย อปกฺกมิตฺวา ชีวิตปริจฺจาคํ กตฺวา ภควนฺตํ ปยิรุปาสมาโน อฏฺาสิ. สตฺถา สตฺตาหจฺจเยน นิโรธา วุฏฺิโต สีหํ โอโลเกตฺวา ‘‘ภิกฺขุสงฺเฆปิ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา สงฺฆํ วนฺทิสฺสตี’’ติ ‘‘ภิกฺขุสงฺโฆ อาคจฺฉตู’’ติ จินฺเตสิ. ภิกฺขู ตาวเทว อาคมึสุ. สีโหปิ ภิกฺขุสงฺเฆ จิตฺตํ ปสาเทติ. สตฺถา ตสฺส มนํ โอโลเกตฺวา ‘‘อนาคเต พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิ. ปทุมสฺส ปน ภควโต จมฺปกํ นาม นครํ อโหสิ, อสโม นาม ราชา ปิตา, มาตา อสมา นาม เทวี, สาโล จ อุปสาโล จ ทฺเว อคฺคสาวกา, วรุโณ นามุปฏฺาโก, รามา จ สุรามา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, โสณรุกฺโข นาม โพธิ, อฏฺปณฺณาสหตฺถุพฺเพธํ สรีรํ อโหสิ, อายุ วสฺสสตสหสฺสนฺติ.

‘‘อโนมทสฺสิสฺส อปเรน, สมฺพุทฺโธ ทฺวิปทุตฺตโม;

ปทุโม นาม นาเมน, อสโม อปฺปฏิปุคฺคโล’’ติ. (พุ. ว. ๑๐.๑);

นารโท พุทฺโธ

ตสฺส อปรภาเค นารโท นาม สตฺถา อุทปาทิ. ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา. ปมสนฺนิปาเต โกฏิสตสหสฺสํ ภิกฺขู อเหสุํ, ทุติเย นวุติโกฏิสหสฺสานิ, ตติเย อสีติโกฏิสหสฺสานิ. ตทา โพธิสตฺโต อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ปฺจสุ อภิฺาสุ อฏฺสุ จ สมาปตฺตีสุ จิณฺณวสี หุตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ ทตฺวา โลหิตจนฺทเนน ปูชํ อกาสิ. โสปิ นํ สตฺถา ‘‘อนาคเต พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิ. ตสฺส ปน ภควโต ธฺวตี นาม นครํ อโหสิ, สุเทโว นาม ขตฺติโย ปิตา, อโนมา นาม มาตา เทวี, ภทฺทสาโล จ ชิตมิตฺโต จ ทฺเว อคฺคสาวกา, วาเสฏฺโ นามุปฏฺาโก, อุตฺตรา จ ผคฺคุนี จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, มหาโสณรุกฺโข นาม โพธิ, สรีรํ อฏฺาสีติหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, นวุติ วสฺสสหสฺสานิ อายูติ.

‘‘ปทุมสฺส อปเรน, สมฺพุทฺโธ ทฺวิปทุตฺตโม;

นารโท นาม นาเมน, อสโม อปฺปฏิปุคฺคโล’’ติ. (พุ. วํ. ๑๑.๑);

ปทุมุตฺตโร พุทฺโธ

นารทพุทฺธสฺส ปน อปรภาเค อิโต สตสหสฺสกปฺปมตฺถเก เอกสฺมึ กปฺเป เอโกว ปทุมุตฺตโร นาม พุทฺโธ อุทปาทิ. ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา. ปเม สนฺนิปาเต โกฏิสตสหสฺสํ ภิกฺขู อเหสุํ, ทุติเย เวภารปพฺพเต นวุติโกฏิสหสฺสานิ, ตติเย อสีติโกฏิสหสฺสานิ. ตทา โพธิสตฺโต ชฏิโล นาม มหารฏฺิโย หุตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆส สจีวรํ ทานํ อทาสิ. โสปิ นํ สตฺถา ‘‘อนาคเต พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิ. ปทุมุตฺตรสฺส ปน ภควโต กาเล ติตฺถิยา นาม นาเหสุํ. สพฺพเทวมนุสฺสา พุทฺธเมว สรณํ อคมํสุ. ตสฺส นครํ หํสวตี นาม อโหสิ, ปิตา อานนฺโท นาม ขตฺติโย, มาตา สุชาตา นาม เทวี, เทวโล จ สุชาโต จ ทฺเว อคฺคสาวกา, สุมโน นามุปฏฺาโก, อมิตา จ อสมา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, สาลรุกฺโข โพธิ, สรีรํ อฏฺปณฺณาสหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, สรีรปฺปภา สมนฺตโต ทฺวาทสโยชนานิ คณฺหิ, วสฺสสตสหสฺสํ อายูติ.

‘‘นารทสฺส อปเรน, สมฺพุทฺโธ ทฺวิปทุตฺตโม;

ปทุมุตฺตโร นาม ชิโน, อกฺโขโภ สาครูปโม’’ติ. (พุ. วํ. ๑๒.๑);

สุเมโธ พุทฺโธ

ตสฺส อปรภาเค ตึส กปฺปสหสฺสานิ อติกฺกมิตฺวา สุเมโธสุชาโต จาติ เอกสฺมึ กปฺเป ทฺเว พุทฺธา นิพฺพตฺตึสุ. สุเมธสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา. ปมสนฺนิปาเต สุทสฺสนนคเร โกฏิสตํ ขีณาสวา อเหสุํ, ทุติเย นวุติโกฏิโย, ตติเย อสีติโกฏิโย. ตทา โพธิสตฺโต อุตฺตโร นาม มาณโว หุตฺวา นิทหิตฺวา ปิตํเยว อสีติโกฏิธนํ วิสฺสชฺเชตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ ทตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา สรเณสุ ปติฏฺาย นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิ. โสปิ นํ ‘‘อนาคเต พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิ. สุเมธสฺส ภควโต สุทสฺสนํ นาม นครํ อโหสิ, สุทตฺโต นาม ราชา ปิตา, มาตาปิ สุทตฺตา นาม เทวี, สรโณ จ สพฺพกาโม จ ทฺเว อคฺคสาวกา, สาคโร นามุปฏฺาโก, รามา จ สุรามา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, มหานีปรุกฺโข โพธิ, สรีรํ อฏฺาสีติหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, อายุ นวุติ วสฺสสหสฺสนฺติ.

‘‘ปทุมุตฺตรสฺส อปเรน, สุเมโธ นาม นายโก;

ทุราสโท อุคฺคเตโช, สพฺพโลกุตฺตโม มุนี’’ติ. (พุ. วํ. ๑๓.๑);

สุชาโต พุทฺโธ

ตสฺส อปรภาเค สุชาโต นาม สตฺถา อุทปาทิ. ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา. ปมสนฺนิปาเต สฏฺิ ภิกฺขุสตสหสฺสานิ อเหสุํ, ทุติเย ปฺาสํ, ตติเย จตฺตาลีสํ. ตทา โพธิสตฺโต จกฺกวตฺติราชา หุตฺวา ‘‘พุทฺโธ อุปฺปนฺโน’’ติ สุตฺวา อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส สทฺธึ สตฺตหิ รตเนหิ จตุมหาทีปรชฺชํ ทตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิ. สกลรฏฺวาสิโน รฏฺุปฺปาทํ คเหตฺวา อารามิกกิจฺจํ สาเธนฺตา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส นิจฺจํ มหาทานํ อทํสุ. โสปิ นํ สตฺถา ‘‘อนาคเต พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิ. ตสฺส ภควโต นครํ สุมงฺคลํ นาม อโหสิ, อุคฺคโต นาม ราชา ปิตา, ปภาวตี นาม มาตา, สุทสฺสโน จ สุเทโว จ ทฺเว อคฺคสาวกา, นารโท นามุปฏฺาโก, นาคา จ นาคสมาลา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, มหาเวฬุรุกฺโข โพธิ. โส กิร มนฺทจฺฉิทฺโท ฆนกฺขนฺโธ อุปริ นิคฺคตาหิ มหาสาขาหิ โมรปิฺฉกลาโป วิย วิโรจิตฺถ. ตสฺส ภควโต สรีรํ ปณฺณาสหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, อายุ นวุติ วสฺสสหสฺสนฺติ.

‘‘ตตฺเถว มณฺฑกปฺปมฺหิ, สุชาโต นาม นายโก;

สีหหนูสภกฺขนฺโธ, อปฺปเมยฺโย ทุราสโท’’ติ. (พุ. วํ. ๑๔.๑);

ปิยทสฺสี พุทฺโธ

ตสฺส อปรภาเค อิโต อฏฺารสกปฺปสตมตฺถเก เอกสฺมึ กปฺเป ปิยทสฺสี, อตฺถทสฺสี, ธมฺมทสฺสีติ ตโย พุทฺธา นิพฺพตฺตึสุ. ปิยทสฺสิสฺสปิ ภควโต ตโย สาวกสนฺนิปาตา. ปเม โกฏิสตสหสฺสํ ภิกฺขู อเหสุํ, ทุติเย นวุติโกฏิโย, ตติเย อสีติโกฏิโย. ตทา โพธิสตฺโต กสฺสโป นาม มาณโว ติณฺณํ เวทานํ ปารงฺคโต หุตฺวา สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา โกฏิสตสหสฺสธนปริจฺจาเคน สงฺฆารามํ กาเรตฺวา สรเณสุ จ สีเลสุ จ ปติฏฺาสิ. อถ นํ สตฺถา ‘‘อฏฺารสกปฺปสตจฺจเยน พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิ. ตสฺส ภควโต อโนมํ นาม นครํ อโหสิ, ปิตา สุทินฺโน นาม ราชา, มาตา จนฺทา นาม, ปาลิโต จ สพฺพทสฺสี จ ทฺเว อคฺคสาวกา, โสภิโต นามุปฏฺาโก, สุชาตา จ ธมฺมทินฺนา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, กกุธรุกฺโข โพธิ, สรีรํ อสีติหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, นวุติ วสฺสสหสฺสํ อายูติ.

‘‘สุชาตสฺส อปเรน, สยมฺภู โลกนายโก;

ทุราสโท อสมสโม, ปิยทสฺสี มหายโส’’ติ. (พุ. วํ. ๑๕.๑);

อตฺถทสฺสี พุทฺโธ

ตสฺส อปรภาเค อตฺถทสฺสี นาม ภควา อุทปาทิ. ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา. ปเม อฏฺนวุติ ภิกฺขุสตสหสฺสานิ อเหสุํ, ทุติเย อฏฺาสีติสตสหสฺสานิ, ตถา ตติเย. ตทา โพธิสตฺโต สุสีโม นาม มหิทฺธิโก ตาปโส หุตฺวา เทวโลกโต มนฺทารวปุปฺผจฺฉตฺตํ อาหริตฺวา สตฺถารํ ปูเชสิ, โสปิ นํ ‘‘อนาคเต พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิ. ตสฺส ภควโต โสภนํ นาม นครํ อโหสิ, สาคโร นาม ราชา ปิตา, สุทสฺสนา นาม มาตา, สนฺโต จ อุปสนฺโต จ ทฺเว อคฺคสาวกา, อภโย นามุปฏฺาโก, ธมฺมา จ สุธมฺมา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, จมฺปกรุกฺโข โพธิ, สรีรํ อสีติหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, สรีรปฺปภา สมนฺตโต สพฺพกาลํ โยชนมตฺตํ ผริตฺวา อฏฺาสิ, อายุ วสฺสสตสหสฺสนฺติ.

‘‘ตตฺเถว มณฺฑกปฺปมฺหิ, อตฺถทสฺสี นราสโภ;

มหาตมํ นิหนฺตฺวาน, ปตฺโต สมฺโพธิมุตฺตม’’นฺติ. (พุ. วํ. ๑๖.๑);

ธมฺมทสฺสี พุทฺโธ

ตสฺส อปรภาเค ธมฺมทสฺสี นาม สตฺถา อุทปาทิ. ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา. ปเม โกฏิสตํ ภิกฺขู อเหสุํ, ทุติเย นวุติโกฏิโย, ตติเย อสีติโกฏิโย. ตทา โพธิสตฺโต สกฺโก เทวราชา หุตฺวา ทิพฺพคนฺธปุปฺเผหิ จ ทิพฺพตูริเยหิ จ ปูชํ อกาสิ, โสปิ นํ สตฺถา ‘‘อนาคเต พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิ. ตสฺส ภควโต สรณํ นาม นครํ อโหสิ, ปิตา สรโณ นาม ราชา, มาตา สุนนฺทา นาม เทวี, ปทุโม จ ผุสฺสเทโว จ ทฺเว อคฺคสาวกา, สุเนตฺโต นามุปฏฺาโก, เขมา จ สพฺพนามา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, รตฺตงฺกุรรุกฺโข โพธิ, ‘‘พิมฺพิชาโล’’ติปิ วุจฺจติ, สรีรํ ปนสฺส อสีติหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, วสฺสสตสหสฺสํ อายูติ.

‘‘ตตฺเถว มณฺฑกปฺปมฺหิ, ธมฺมทสฺสี มหายโส;

ตมนฺธการํ วิธมิตฺวา, อติโรจติ สเทวเก’’ติ. (พุ. วํ. ๑๗.๑);

สิทฺธตฺโถ พุทฺโธ

ตสฺส อปรภาเค อิโต จตุนวุติกปฺปมตฺถเก เอกสฺมึ กปฺเป เอโกว สิทฺธตฺโถ นาม สมฺมาสมฺพุทฺโธ อุทปาทิ. ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา. ปมสนฺนิปาเต โกฏิสตํ ภิกฺขู อเหสุํ, ทุติเย นวุติโกฏิโย, ตติเย อสีติโกฏิโย. ตทา โพธิสตฺโต อุคฺคเตโช อภิฺาพลสมฺปนฺโน มงฺคโล นาม ตาปโส หุตฺวา มหาชมฺพุผลํ อาหริตฺวา ตถาคตสฺส อทาสิ. สตฺถา ตํ ผลํ ปริภุฺชิตฺวา ‘‘จตุนวุติกปฺปมตฺถเก พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิ. ตสฺส ภควโต นครํ เวภารํ นาม อโหสิ, ปิตา ชยเสโน นาม ราชา, มาตา สุผสฺสา นาม เทวี, สมฺพโล จ สุมิตฺโต จ ทฺเว อคฺคสาวกา, เรวโต นามุปฏฺาโก, สีวลา จ สุรามา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, กณิการรุกฺโข โพธิ, สรีรํ สฏฺิหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, วสฺสสตสหสฺสํ อายูติ.

‘‘ธมฺมทสฺสิสฺส อปเรน, สิทฺธตฺโถ โลกนายโก;

นิหนิตฺวา ตมํ สพฺพํ, สูริโย อพฺภุคฺคโต ยถา’’ติ. (พุ. วํ. ๑๘.๑);

ติสฺโส พุทฺโธ

ตสฺส อปรภาเค อิโต ทฺวานวุติกปฺปมตฺถเก ติสฺโส ผุสฺโสติ เอกสฺมึ กปฺเป ทฺเว พุทฺธา นิพฺพตฺตึสุ. ติสฺสสฺส ภควโต ตโย สาวกสนฺนิปาตา. ปมสนฺนิปาเต ภิกฺขูนํ โกฏิสตํ อโหสิ, ทุติเย นวุติโกฏิโย, ตติเย อสีติโกฏิโย. ตทา โพธิสตฺโต มหาโภโค มหายโส สุชาโต นาม ขตฺติโย หุตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา มหิทฺธิกภาวํ ปตฺวา ‘‘พุทฺโธ อุปฺปนฺโน’’ติ สุตฺวา ทิพฺพมนฺทารวปทุมปาริจฺฉตฺตกปุปฺผานิ อาทาย จตุปริสมชฺเฌ คจฺฉนฺตํ ตถาคตํ ปูเชสิ, อากาเส ปุปฺผวิตานํ อกาสิ. โสปิ นํ สตฺถา ‘‘อิโต ทฺเวนวุติกปฺปมตฺถเก พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิ. ตสฺส ภควโต เขมํ นาม นครํ อโหสิ, ปิตา ชนสนฺโธ นาม ขตฺติโย, มาตา ปทุมา นาม เทวี, พฺรหฺมเทโว จ อุทโย จ ทฺเว อคฺคสาวกา, สุมโน นามุปฏฺาโก, ผุสฺสา จ สุทตฺตา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, อสนรุกฺโข โพธิ, สรีรํ สฏฺิหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, วสฺสสตสหสฺสํ อายูติ.

‘‘สิทฺธตฺถสฺส อปเรน, อสโม อปฺปฏิปุคฺคโล;

อนนฺตเตโช อมิตยโส, ติสฺโส โลกคฺคนายโก’’ติ. (พุ. วํ. ๑๙.๑);

ผุสฺโส พุทฺโธ

ตสฺส อปรภาเค ผุสฺโส นาม สตฺถา อุทปาทิ. ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา. ปมสนฺนิปาเต สฏฺิ ภิกฺขุสตสหสฺสานิ อเหสุํ, ทุติเย ปณฺณาส, ตติเย ทฺวตฺตึส. ตทา โพธิสตฺโต วิชิตาวี นาม ขตฺติโย หุตฺวา มหารชฺชํ ปหาย สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ตีณิ ปิฏกานิ อุคฺคเหตฺวา มหาชนสฺส ธมฺมกถํ กเถสิ, สีลปารมิฺจ ปูเรสิ. โสปิ นํ ‘‘พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิ. ตสฺส ภควโต กาสิ นาม นครํ อโหสิ, ชยเสโน นาม ราชา ปิตา, สิริมา นาม มาตา, สุรกฺขิโต จ ธมฺมเสโน จ ทฺเว อคฺคสาวกา, สภิโย นามุปฏฺาโก, จาลา จ อุปจาลา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, อามลกรุกฺโข โพธิ, สรีรํ อฏฺปณฺณาสหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, นวุติ วสฺสสหสฺสานิ อายูติ.

‘‘ตตฺเถว มณฺฑกปฺปมฺหิ, อหุ สตฺถา อนุตฺตโร;

อนูปโม อสมสโม, ผุสฺโส โลกคฺคนายโก’’ติ. (พุ. วํ. ๒๐.๑);

วิปสฺสี พุทฺโธ

ตสฺส อปรภาเค อิโต เอกนวุติกปฺเป วิปสฺสี นาม ภควา อุทปาทิ. ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา. ปมสนฺนิปาเต อฏฺสฏฺิ ภิกฺขุสตสหสฺสํ อโหสิ, ทุติเย เอกสตสหสฺสํ, ตติเย อสีติสหสฺสานิ. ตทา โพธิสตฺโต มหิทฺธิโก มหานุภาโว อตุโล นาม นาคราชา หุตฺวา สตฺตรตนขจิตํ โสวณฺณมยํ มหาปีํ ภควโต อทาสิ. โสปิ นํ ‘‘อิโต เอกนวุติกปฺเป พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิ. ตสฺส ภควโต พนฺธุมตี นาม นครํ อโหสิ, พนฺธุมา นาม ราชา ปิตา, พนฺธุมตี นาม มาตา, ขณฺโฑ จ ติสฺโส จ ทฺเว อคฺคสาวกา, อโสโก นามุปฏฺาโก, จนฺทา จ จนฺทมิตฺตา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, ปาฏลิรุกฺโข โพธิ, สรีรํ อสีติหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, สรีรปฺปภา สทา สตฺต โยชนานิ ผริตฺวา อฏฺาสิ, อสีติ วสฺสสหสฺสานิ อายูติ.

‘‘ผุสฺสสฺส จ อปเรน, สมฺพุทฺโธ ทฺวิปทุตฺตโม;

วิปสฺสี นาม นาเมน, โลเก อุปฺปชฺชิ จกฺขุมา’’ติ. (พุ. วํ. ๒๑.๑);

สิขี พุทฺโธ

ตสฺส อปรภาเค อิโต เอกตฺตึสกปฺเป สิขี จ เวสฺสภูจาติ ทฺเว พุทฺธา อเหสุํ. สิขิสฺสาปิ ภควโต ตโย สาวกสนฺนิปาตา. ปมสนฺนิปาเต ภิกฺขุสตสหสฺสํ อโหสิ, ทุติเย อสีติสหสฺสานิ, ตติเย สตฺตติสหสฺสานิ. ตทา โพธิสตฺโต อรินฺทโม นาม ราชา หุตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส สจีวรํ มหาทานํ ปวตฺเตตฺวา สตฺตรตนปฏิมณฺฑิตํ หตฺถิรตนํ ทตฺวา หตฺถิปฺปมาณํ กตฺวา กปฺปิยภณฺฑํ อทาสิ. โสปิ นํ สตฺถา ‘‘อิโต เอกตฺตึสกปฺเป พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิ. ตสฺส ปน ภควโต อรุณวตี นาม นครํ อโหสิ, อรุโณ นาม ขตฺติโย ปิตา, ปภาวตี นาม มาตา, อภิภู จ สมฺภโว จ ทฺเว อคฺคสาวกา, เขมงฺกโร นามุปฏฺาโก, สขิลา จ ปทุมา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, ปุณฺฑรีกรุกฺโข โพธิ, สรีรํ สตฺตติหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, สรีรปฺปภา โยชนตฺตยํ ผริตฺวา อฏฺาสิ, สตฺตติ วสฺสสหสฺสานิ อายูติ.

‘‘วิปสฺสิสฺส อปเรน, สมฺพุทฺโธ ทฺวิปทุตฺตโม;

สิขิวฺหโย อาสิ ชิโน, อสโม อปฺปฏิปุคฺคโล’’ติ. (พุ. วํ. ๒๒.๑);

เวสฺสภู พุทฺโธ

ตสฺส อปรภาเค เวสฺสภู นาม สตฺถา อุทปาทิ. ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา. ปมสนฺนิปาเต อสีติ ภิกฺขุสหสฺสานิ อเหสุํ, ทุติเย สตฺตติ, ตติเย สฏฺิ. ตทา โพธิสตฺโต สุทสฺสโน นาม ราชา หุตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส สจีวรํ มหาทานํ ทตฺวา ตสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา อาจารคุณสมฺปนฺโน พุทฺธรตเน จิตฺตีการปีติพหุโล อโหสิ. โสปิ นํ ภควา ‘‘อิโต เอกตฺตึสกปฺเป พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิ. ตสฺส ปน ภควโต อโนมํ นาม นครํ อโหสิ, สุปฺปตีโต นาม ราชา ปิตา, ยสวตี นาม มาตา, โสโณ จ อุตฺตโร จ ทฺเว อคฺคสาวกา, อุปสนฺโต นามุปฏฺาโย, รามา จ สุรามา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, สาลรุกฺโข โพธิ, สรีรํ สฏฺิหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, สฏฺิ วสฺสสหสฺสานิ อายูติ.

‘‘ตตฺเถว มณฺฑกปฺปมฺหิ, อสโม อปฺปฏิปุคฺคโล;

เวสฺสภู นาม นาเมน, โลเก อุปฺปชฺชิ โส ชิโน’’ติ. (พุ. วํ. ๒๓.๑);

กกุสนฺโธ พุทฺโธ

ตสฺส อปรภาเค อิมสฺมึ กปฺเป จตฺตาโร พุทฺธา นิพฺพตฺตา กกุสนฺโธ, โกณาคมโน, กสฺสโป, อมฺหากํ ภควาติ. กกุสนฺธสฺส ภควโต เอโกว สาวกสนฺนิปาโต, ตตฺถ จตฺตาลีส ภิกฺขุสหสฺสานิ อเหสุํ. ตทา โพธิสตฺโต เขโม นาม ราชา หุตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส สปตฺตจีวรํ มหาทานฺเจว อฺชนาทิเภสชฺชานิ จ ทตฺวา สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปพฺพชิ. โสปิ นํ สตฺถา ‘‘พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิ. กกุสนฺธสฺส ปน ภควโต เขมํ นาม นครํ อโหสิ, อคฺคิทตฺโต นาม พฺราหฺมโณ ปิตา, วิสาขา นาม พฺราหฺมณี มาตา, วิธุโร จ สฺชีโว จ ทฺเว อคฺคสาวกา, พุทฺธิโช นามุปฏฺาโก, สามา จ จมฺปา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, มหาสิรีสรุกฺโข โพธิ, สรีรํ จตฺตาลีสหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, จตฺตาลีส วสฺสสหสฺสานิ อายูติ.

‘‘เวสฺสภุสฺส อปเรน, สมฺพุทฺโธ ทฺวิปทุตฺตโม;

กกุสนฺโธ นาม นาเมน, อปฺปเมยฺโย ทุราสโท’’ติ. (พุ. วํ. ๒๔.๑);

โกณาคมโน พุทฺโธ

ตสฺส อปรภาเค โกณาคมโน นาม สตฺถา อุทปาทิ. ตสฺสาปิ เอโกว สาวกสนฺนิปาโต, ตตฺถ ตึส ภิกฺขุสหสฺสานิ อเหสุํ. ตทา โพธิสตฺโต ปพฺพโต นาม ราชา หุตฺวา อมจฺจคณปริวุโต สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ธมฺมเทสนํ สุตฺวา พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิมนฺเตตฺวา มหาทานํ ปวตฺเตตฺวา ปตฺตุณฺณจีนปฏโกเสยฺยกมฺพลทุกูลานิ เจว สุวณฺณปฏิกฺจ ทตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิ. โสปิ นํ สตฺถา ‘‘พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิ. ตสฺส ภควโต โสภวตี นาม นครํ อโหสิ, ยฺทตฺโต นาม พฺราหฺมโณ ปิตา, อุตฺตรา นาม พฺราหฺมณี มาตา, ภิยฺยโส จ อุตฺตโร จ ทฺเว อคฺคสาวกา, โสตฺถิโช นามุปฏฺาโก, สมุทฺทา จ อุตฺตรา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, อุทุมฺพรรุกฺโข โพธิ, สรีรํ ตึสหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, ตึส วสฺสสหสฺสานิ อายูติ.

‘‘กกุสนฺธสฺส อปเรน, สมฺพุทฺโธ ทฺวิปทุตฺตโม;

โกณาคมโน นาม ชิโน, โลกเชฏฺโ นราสโภ’’ติ. (พุ. วํ. ๒๕.๑);

กสฺสโป พุทฺโธ

ตสฺส อปรภาเค กสฺสโป นาม สตฺถา อุทปาทิ. ตสฺสาปิ เอโกว สาวกสนฺนิปาโต, ตตฺถ วีสติ ภิกฺขุสหสฺสานิ อเหสุํ. ตทา โพธิสตฺโต โชติปาโล นาม มาณโว หุตฺวา ติณฺณํ เวทานํ ปารคู ภูมิยฺเจว อนฺตลิกฺเข จ ปากโฏ ฆฏิการสฺส กุมฺภการสฺส มิตฺโต อโหสิ. โส เตน สทฺธึ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมกถํ สุตฺวา ปพฺพชิตฺวา อารทฺธวีริโย ตีณิ ปิฏกานิ อุคฺคเหตฺวา วตฺตาวตฺตสมฺปตฺติยา พุทฺธสาสนํ โสเภสิ. โสปิ นํ สตฺถา ‘‘พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิ. ตสฺส ภควโต ชาตนครํ พาราณสี นาม อโหสิ, พฺรหฺมทตฺโต นาม พฺราหฺมโณ ปิตา, ธนวตี นาม พฺราหฺมณี มาตา, ติสฺโส จ ภารทฺวาโช จ ทฺเว อคฺคสาวกา, สพฺพมิตฺโต นามุปฏฺาโก, อนุฬา จ อุรุเวฬา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, นิคฺโรธรุกฺโข โพธิ, สรีรํ วีสติหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, วีสติ วสฺสสหสฺสานิ อายูติ.

‘‘โกณาคมนสฺส อปเรน, สมฺพุทฺโธ ทฺวิปทุตฺตโม;

กสฺสโป นาม โคตฺเตน, ธมฺมราชา ปภงฺกโร’’ติ. (พุ. วํ. ๒๖.๑);

ยสฺมึ ปน กปฺเป ทีปงฺกรทสพโล อุทปาทิ, ตสฺมึ อฺเปิ ตโย พุทฺธา อเหสุํ. เตสํ สนฺติเก โพธิสตฺตสฺส พฺยากรณํ นตฺถิ, ตสฺมา เต อิธ น ทสฺสิตา. อฏฺกถายํ ปน ตณฺหงฺกรโต ปฏฺาย สพฺเพปิ พุทฺเธ ทสฺเสตุํ อิทํ วุตฺตํ –

‘‘ตณฺหงฺกโร เมธงฺกโร, อโถปิ สรณงฺกโร;

ทีปงฺกโร จ สมฺพุทฺโธ, โกณฺฑฺโ ทฺวิปทุตฺตโม.

‘‘มงฺคโล จ สุมโน จ, เรวโต โสภิโต มุนิ;

อโนมทสฺสี ปทุโม, นารโท ปทุมุตฺตโร.

‘‘สุเมโธ จ สุชาโต จ, ปิยทสฺสี มหายโส;

อตฺถทสฺสี ธมฺมทสฺสี, สิทฺธตฺโถ โลกนายโก.

‘‘ติสฺโส ผุสฺโส จ สมฺพุทฺโธ, วิปสฺสี สิขี เวสฺสภู;

กกุสนฺโธ โกณาคมโน, กสฺสโป จาปิ นายโก.

‘‘เอเต อเหสุํ สมฺพุทฺธา, วีตราคา สมาหิตา;

สตรํสีว อุปฺปนฺนา, มหาตมวิโนทนา;

ชลิตฺวา อคฺคิขนฺธาว, นิพฺพุตา เต สสาวกา’’ติ.

โคตโม พุทฺโธ

ตตฺถ อมฺหากํ โพธิสตฺโต ทีปงฺกราทีนํ จตุวีสติยา พุทฺธานํ สนฺติเก อธิการํ กโรนฺโต กปฺปสตสหสฺสาธิกานิ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ อาคโต. กสฺสปสฺส ปน ภควโต โอรภาเค เปตฺวา อิมํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ อฺโ พุทฺโธ นาม นตฺถิ. อิติ ทีปงฺกราทีนํ จตุวีสติยา พุทฺธานํ สนฺติเก ลทฺธพฺยากรโณ ปน โพธิสตฺโต เยเนน –

‘‘มนุสฺสตฺตํ ลิงฺคสมฺปตฺติ, เหตุ สตฺถารทสฺสนํ;

ปพฺพชฺชา คุณสมฺปตฺติ, อธิกาโร จ ฉนฺทตา;

อฏฺธมฺมสโมธานา, อภินีหาโร สมิชฺฌตี’’ติ. (พุ. วํ. ๒.๕๙) –

อิเม อฏฺ ธมฺเม สโมธาเนตฺวา ทีปงฺกรปาทมูเล กตาภินีหาเรน ‘‘หนฺท พุทฺธกเร ธมฺเม, วิจินามิ อิโต จิโต’’ติ อุสฺสาหํ กตฺวา ‘‘วิจินนฺโต ตทา ทกฺขึ, ปมํ ทานปารมิ’’นฺติ ทานปารมิตาทโย พุทฺธการกธมฺมา ทิฏฺา, ปูเรนฺโตเยว ยาว เวสฺสนฺตรตฺตภาโว อาคมิ. อาคจฺฉนฺโต จ เย เต กตาภินีหารานํ โพธิสตฺตานํ อานิสํสา สํวณฺณิตา –

‘‘เอวํ สพฺพงฺคสมฺปนฺนา, โพธิยา นิยตา นรา;

สํสรํ ทีฆมทฺธานํ, กปฺปโกฏิสเตหิปิ.

‘‘อวีจิมฺหิ นุปฺปชฺชนฺติ, ตถา โลกนฺตเรสุ จ;

นิชฺฌามตณฺหา ขุปฺปิปาสา, น โหนฺติ กาลกฺชิกา.

‘‘น โหนฺติ ขุทฺทกา ปาณา, อุปฺปชฺชนฺตาปิ ทุคฺคตึ;

ชายมานา มนุสฺเสสุ, ชจฺจนฺธา น ภวนฺติ เต.

‘‘โสตเวกลฺลตา นตฺถิ, น ภวนฺติ มูคปกฺขิกา;

อิตฺถิภาวํ น คจฺฉนฺติ, อุภโตพฺยฺชนปณฺฑกา.

‘‘น ภวนฺติ ปริยาปนฺนา, โพธิยา นิยตา นรา;

มุตฺตา อานนฺตริเกหิ, สพฺพตฺถ สุทฺธโคจรา.

‘‘มิจฺฉาทิฏฺึ น เสวนฺติ, กมฺมกิริยทสฺสนา;

วสมานาปิ สคฺเคสุ, อสฺํ นุปปชฺชเร.

‘‘สุทฺธาวาเสสุ เทเวสุ, เหตุ นาม น วิชฺชติ;

เนกฺขมฺมนินฺนา สปฺปุริสา, วิสํยุตฺตา ภวาภเว;

จรนฺติ โลกตฺถจริยาโย, ปูเรนฺติ สพฺพปารมี’’ติ.

เต อานิสํเส อธิคนฺตฺวาว อาคโต. ปารมิโย ปูเรนฺตสฺส จสฺส อกิตฺติพฺราหฺมณกาเล, สงฺขพฺราหฺมณกาเล, ธนฺจยราชกาเล, มหาสุทสฺสนราชกาเล, มหาโควินฺทกาเล, นิมิมหาราชกาเล, จนฺทกุมารกาเล, วิสยฺหเสฏฺิกาเล, สิวิราชกาเล, เวสฺสนฺตรราชกาเลติ ทานปารมิตาย ปูริตตฺตภาวานํ ปริมาณํ นาม นตฺถิ. เอกนฺเตน ปนสฺส สสปณฺฑิตชาตเก –

‘‘ภิกฺขาย อุปคตํ ทิสฺวา, สกตฺตานํ ปริจฺจชึ;

ทาเนน เม สโม นตฺถิ, เอสา เม ทานปารมี’’ติ. (จริยา. ๑.ตสฺสุทฺทาน) –

เอวํ อตฺตปริจฺจาคํ กโรนฺตสฺส ทานปารมิตา ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา. ตถา สีลวนาคราชกาเล, จมฺเปยฺยนาคราชกาเล, ภูริทตฺตนาคราชกาเล, ฉทฺทนฺตนาคราชกาเล, ชยทฺทิสราชปุตฺตกาเล, อลีนสตฺตุกุมารกาเลติ สีลปารมิตาย ปูริตตฺตภาวานํ ปริมาณํ นาม นตฺถิ. เอกนฺเตน ปนสฺส สงฺขปาลชาตเก –

‘‘สูเลหิ วิชฺฌยนฺโตปิ, โกฏฺฏิยนฺโตปิ สตฺติภิ;

โภชปุตฺเต น กุปฺปามิ, เอสา เม สีลปารมี’’ติ. (จริยา. ๒.๙๑) –

เอวํ อตฺตปริจฺจาคํ กโรนฺตสฺส สีลปารมิตา ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา. ตถา โสมนสฺสกุมารกาเล, หตฺถิปาลกุมารกาเล, อโยฆรปณฺฑิตกาเลติ มหารชฺชํ ปหาย เนกฺขมฺมปารมิตาย ปูริตตฺตภาวานํ ปริมาณํ นาม นตฺถิ. เอกนฺเตน ปนสฺส จูฬสุตโสมชาตเก –

‘‘มหารชฺชํ หตฺถคตํ, เขฬปิณฺฑํว ฉฑฺฑยึ;

จชโต น โหติ ลคฺคนํ, เอสา เม เนกฺขมฺมปารมี’’ติ. –

เอวํ นิสฺสงฺคตาย รชฺชํ ฉฑฺเฑตฺวา นิกฺขมนฺตสฺส เนกฺขมฺมปารมิตา ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา. ตถา วิธุรปณฺฑิตกาเล, มหาโควินฺทปณฺฑิตกาเล, กุทฺทาลปณฺฑิตกาเล, อรกปณฺฑิตกาเล, โพธิปริพฺพาชกกาเล, มโหสธปณฺฑิตกาเลติ ปฺาปารมิตาย ปูริตตฺตภาวานํ ปริมาณํ นาม นตฺถิ. เอกนฺเตน ปนสฺส สตฺตุภสฺตชาตเก เสนกปณฺฑิตกาเล –

‘‘ปฺาย วิจินนฺโตหํ, พฺราหฺมณํ โมจยึ ทุขา;

ปฺาย เม สโม นตฺถิ, เอสา เม ปฺาปารมี’’ติ. –

อนฺโตภสฺตคตํ สปฺปํ ทสฺเสนฺตสฺส ปฺาปารมิตา ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา. ตถา วีริยปารมิตาทีนมฺปิ ปูริตตฺตภาวานํ ปริมาณํ นาม นตฺถิ. เอกนฺเตน ปนสฺส มหาชนกชาตเก –

‘‘อตีรทสฺสี ชลมชฺเฌ, หตา สพฺเพว มานุสา;

จิตฺตสฺส อฺถา นตฺถิ, เอสา เม วีริยปารมี’’ติ. –

เอวํ มหาสมุทฺทํ ตรนฺตสฺส วีริยปารมิตา ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา. ขนฺติวาทิชาตเก –

‘‘อเจตนํว โกฏฺเฏนฺเต, ติณฺเหน ผรสุนา มมํ;

กาสิราเช น กุปฺปามิ, เอสา เม ขนฺติปารมี’’ติ. –

เอวํ อเจตนภาเวน วิย มหาทุกฺขํ อธิวาเสนฺตสฺส ขนฺติปารมิตา ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา. มหาสุตโสมชาตเก –

‘‘สจฺจวาจํ อนุรกฺขนฺโต, จชิตฺวา มม ชีวิตํ;

โมเจสึ เอกสตํ ขตฺติเย, เอสา เม สจฺจปารมี’’ติ. –

เอวํ ชีวิตํ จชิตฺวา สจฺจมนุรกฺขนฺตสฺส สจฺจปารมิตา ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา. มูคปกฺขชาตเก –

‘‘มาตาปิตา น เม เทสฺสา, นปิ เทสฺสํ มหายสํ;

สพฺพฺุตํ ปิยํ มยฺหํ, ตสฺมา วตมธิฏฺหิ’’นฺติ. (จริยา. ๓.๖๕) –

เอวํ ชีวิตมฺปิ จชิตฺวา วตํ อธิฏฺหนฺตสฺส อธิฏฺานปารมิตา ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา. สุวณฺณสามชาตเก –

‘‘น มํ โกจิ อุตฺตสติ, นปิหํ ภายามิ กสฺสจิ;

เมตฺตาพเลนุปตฺถทฺโธ, รมามิ ปวเน ตทา’’ติ. (จริยา. ๓.๑๑๓) –

เอวํ ชีวิตมฺปิ อโนโลเกตฺวา เมตฺตายนฺตสฺส เมตฺตาปารมิตา ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา. โลมหํสชาตเก –

‘‘สุสาเน เสยฺยํ กปฺเปมิ, ฉวฏฺิกํ อุปนิธายหํ;

คามณฺฑลา อุปาคนฺตฺวา, รูปํ ทสฺเสนฺตินปฺปก’’นฺติ. (จริยา. ๓.๑๑๙) –

เอวํ คามทารเกสุ นิฏฺุภนาทีหิ เจว มาลาคนฺธูปหาราทีหิ จ สุขทุกฺขํ อุปฺปาเทนฺเตสุปิ อุเปกฺขํ อนติวตฺเตนฺตสฺส อุเปกฺขาปารมิตา ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา. อยเมตฺถ สงฺเขโป. วิตฺถารโต ปเนส อตฺโถ จริยาปิฏกโต คเหตพฺโพติ. เอวํ ปารมิโย ปูเรตฺวา เวสฺสนฺตรตฺตภาเว ิโต –

‘‘อเจตนายํ ปถวี, อวิฺาย สุขํ ทุขํ;

สาปิ ทานพลา มยฺหํ, สตฺตกฺขตฺตุํ ปกมฺปถา’’ติ. (จริยา. ๑.๑๒๔) –

เอวํ มหาปถวิกมฺปนาทีนิ มหาปุฺานิ กริตฺวา อายุปริโยสาเน ตโต จุโต ตุสิตภวเน นิพฺพตฺติ. อิติ ทีปงฺกรปาทมูลโต ปฏฺาย ยาว อยํ ตุสิตปุเร นิพฺพตฺติ, เอตฺตกํ านํ ทูเรนิทานํ นามาติ เวทิตพฺพํ.

ทูเรนิทานกถา นิฏฺิตา.

๒. อวิทูเรนิทานกถา

ตุสิตปุเร วสนฺเตเยว ปน โพธิสตฺเต พุทฺธโกลาหลํ นาม อุทปาทิ. โลกสฺมิฺหิ ตีณิ โกลาหลานิ มหนฺตานิ อุปฺปชฺชนฺติ กปฺปโกลาหลํ, พุทฺธโกลาหลํ, จกฺกวตฺติโกลาหลนฺติ. ตตฺถ ‘‘วสฺสสตสหสฺสจฺจเยน กปฺปุฏฺานํ ภวิสฺสตี’’ติ โลกพฺยูหา นาม กามาวจรเทวา มุตฺตสิรา วิกิณฺณเกสา รุทมุขา อสฺสูนิ หตฺเถหิ ปุฺฉมานา รตฺตวตฺถนิวตฺถา อติวิย วิรูปเวสธาริโน หุตฺวา มนุสฺสปเถ วิจรนฺตา เอวํ อาโรเจนฺติ – ‘‘มาริสา, อิโต วสฺสสตสหสฺสจฺจเยน กปฺปุฏฺานํ ภวิสฺสติ, อยํ โลโก วินสฺสิสฺสติ, มหาสมุทฺโทปิ สุสฺสิสฺสติ, อยฺจ มหาปถวี สิเนรุ จ ปพฺพตราชา อุฑฺฑยฺหิสฺสนฺติ วินสฺสิสฺสนฺติ, ยาว พฺรหฺมโลกา โลกวินาโส ภวิสฺสติ, เมตฺตํ มาริสา, ภาเวถ, กรุณํ, มุทิตํ, อุเปกฺขํ มาริสา, ภาเวถ, มาตรํ อุปฏฺหถ, ปิตรํ อุปฏฺหถ, กุเล เชฏฺาปจายิโน โหถา’’ติ. อิทํ กปฺปโกลาหลํ นาม. ‘‘วสฺสสหสฺสจฺจเยน ปน สพฺพุฺุพุทฺโธ โลเก อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ โลกปาลเทวตา ‘‘อิโต, มาริสา, วสฺสสหสฺสจฺจเยน สพฺพฺุพุทฺโธ โลเก อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ อุคฺโฆเสนฺติโย อาหิณฺฑนฺติ. อิทํ พุทฺธโกลาหลํ นาม. ‘‘วสฺสสตสฺสจฺจเยน จกฺกวตฺติราชา อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ เทวตาโย ‘‘อิโต มาริสา วสฺสสตจฺจเยน จกฺกวตฺติราชา โลเก อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ อุคฺโฆเสนฺติโย อาหิณฺฑนฺติ. อิทํ จกฺกวตฺติโกลาหลํ นาม. อิมานิ ตีณิ โกลาหลานิ มหนฺตานิ โหนฺติ.

เตสุ พุทฺธโกลาหลสทฺทํ สุตฺวา สกลทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตา เอกโต สนฺนิปติตฺวา ‘‘อสุโก นาม สตฺโต พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ ตฺวา ตํ อุปสงฺกมิตฺวา อายาจนฺติ. อายาจมานา จ ปุพฺพนิมิตฺเตสุ อุปฺปนฺเนสุ อายาจนฺติ. ตทา ปน สพฺพาปิ ตา เอเกกจกฺกวาเฬ จาตุมหาราชสกฺกสุยามสนฺตุสิตสุนิมฺมิตวสวตฺติมหาพฺรหฺเมหิ สทฺธึ เอกจกฺกวาเฬ สนฺนิปติตฺวา ตุสิตภวเน โพธิสตฺตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘มาริส, ตุมฺเหหิ ทส ปารมิโย ปูเรนฺเตหิ น สกฺกสมฺปตฺตึ, น มารพฺรหฺมจกฺกวตฺติสมฺปตฺตึ ปตฺเถนฺเตหิ ปูริตา, โลกนิตฺถรณตฺถาย ปน สพฺพฺุตํ ปตฺเถนฺเตหิ ปูริตา, โส โว ทานิ กาโล, มาริส, พุทฺธตฺตาย, สมโย, มาริส, พุทฺธตฺตายา’’ติ ยาจึสุ.

อถ มหาสตฺโต เทวตานํ ปฏิฺํ อทตฺวาว กาลทีปเทสกุลชเนตฺติอายุปริจฺเฉทวเสน ปฺจมหาวิโลกนํ นาม วิโลเกสิ. ตตฺถ ‘‘กาโล นุ โข, อกาโล นุ โข’’ติ ปมํ กาลํ วิโลเกสิ. ตตฺถ วสฺสสตสหสฺสโต อุทฺธํ วฑฺฒิตอายุกาโล กาโล นาม น โหติ. กสฺมา? ตทา หิ สตฺตานํ ชาติชรามรณานิ น ปฺายนฺติ. พุทฺธานฺจ ธมฺมเทสนา ติลกฺขณมุตฺตา นาม นตฺถิ. เตสํ ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา’’ติ กเถนฺตานํ ‘‘กึ นาเมตํ กเถนฺตี’’ติ เนว โสตพฺพํ น สทฺธาตพฺพํ มฺนฺติ, ตโต อภิสมโย น โหติ, ตสฺมึ อสติ อนิยฺยานิกํ สาสนํ โหติ. ตสฺมา โส อกาโล. วสฺสสตโต อูนอายุกาโลปิ กาโล นาม น โหติ. กสฺมา? ตทา หิ สตฺตา อุสฺสนฺนกิเลสา โหนฺติ, อุสฺสนฺนกิเลสานฺจ ทินฺโน โอวาโท โอวาทฏฺาเน น ติฏฺติ, อุทเก ทณฺฑราชิ วิย ขิปฺปํ วิคจฺฉติ. ตสฺมา โสปิ อกาโล. วสฺสสตสหสฺสโต ปน ปฏฺาย เหฏฺา, วสฺสสตโต ปฏฺาย อุทฺธํ อายุกาโล กาโล นาม. ตทา จ วสฺสสตายุกาโล, อถ มหาสตฺโต ‘‘นิพฺพตฺติตพฺพกาโล’’ติ กาลํ ปสฺสิ.

ตโต ทีปํ วิโลเกนฺโต สปริวาเร จตฺตาโร ทีเป โอโลเกตฺวา ‘‘ตีสุ ทีเปสุ พุทฺธา น นิพฺพตฺตนฺติ, ชมฺพุทีเปเยว นิพฺพตฺตนฺตี’’ติ ทีปํ ปสฺสิ.

ตโต ‘‘ชมฺพุทีโป นาม มหา, ทสโยชนสหสฺสปริมาโณ, กตรสฺมึ นุ โข ปเทเส พุทฺธา นิพฺพตฺตนฺตี’’ติ โอกาสํ วิโลเกนฺโต มชฺฌิมเทสํ ปสฺสิ. มชฺฌิมเทโส นาม ‘‘ปุรตฺถิมาย ทิสาย คชงฺคลํ นาม นิคโม, ตสฺส ปเรน มหาสาลา, ตโต ปรา ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ. ปุรตฺถิมทกฺขิณาย ทิสาย สลฺลวตี นาม นที, ตโต ปรา ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ. ทกฺขิณาย ทิสาย เสตกณฺณิกํ นาม นิคโม, ตโต ปรา ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ. ปจฺฉิมาย ทิสาย ถูณํ นาม พฺราหฺมณคาโม, ตโต ปรา ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ. อุตฺตราย ทิสาย อุสีรทฺธโช นาม ปพฺพโต, ตโต ปรา ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ’’ติ เอวํ วินเย (มหาว. ๒๕๙) วุตฺโต ปเทโส. โส อายามโต ตีณิ โยชนสตานิ, วิตฺถารโต อฑฺฒเตยฺยานิ, ปริกฺเขปโต นว โยชนสตานีติ เอตสฺมึ ปเทเส พุทฺธา, ปจฺเจกพุทฺธา, อคฺคสาวกา, อสีติ มหาสาวกา, จกฺกวตฺติราชาโน, อฺเ จ มเหสกฺขา ขตฺติยพฺราหฺมณคหปติมหาสาลา อุปฺปชฺชนฺติ. อิทฺเจตฺถ กปิลวตฺถุ นาม นครํ, ตตฺถ มยา นิพฺพตฺติตพฺพนฺติ นิฏฺํ อคมาสิ.

ตโต กุลํ วิโลเกนฺโต ‘‘พุทฺธา นาม เวสฺสกุเล วา สุทฺทกุเล วา น นิพฺพตฺตนฺติ. โลกสมฺมเต ปน ขตฺติยกุเล วา พฺราหฺมณกุเล วาติ ทฺวีสุเยว กุเลสุ นิพฺพตฺตนฺติ. อิทานิ จ ขตฺติยกุลํ โลกสมฺมตํ, ตตฺถ นิพฺพตฺติสฺสามิ. สุทฺโธทโน นาม ราชา เม ปิตา ภวิสฺสตี’’ติ กุลํ ปสฺสิ.

ตโต มาตรํ วิโลเกนฺโต ‘‘พุทฺธมาตา นาม โลลา สุราธุตฺตา น โหติ, กปฺปสตสหสฺสํ ปน ปูริตปารมี ชาติโต ปฏฺาย อขณฺฑปฺจสีลาเยว โหติ. อยฺจ มหามายา นาม เทวี เอทิสี, อยํ เม มาตา ภวิสฺสติ. กิตฺตกํ ปนสฺสา อายูติ ทสนฺนํ มาสานํ อุปริ สตฺต ทิวสานี’’ติ ปสฺสิ.

อิติ อิมํ ปฺจมหาวิโลกนํ วิโลเกตฺวา ‘‘กาโล เม, มาริสา, พุทฺธภาวายา’’ติ เทวตานํ สงฺคหํ กโรนฺโต ปฏิฺํ ทตฺวา ‘‘คจฺฉถ, ตุมฺเห’’ติ ตา เทวตา อุยฺโยเชตฺวา ตุสิตเทวตาหิ ปริวุโต ตุสิตปุเร นนฺทนวนํ ปาวิสิ. สพฺพเทวโลเกสุ หิ นนฺทนวนํ อตฺถิเยว. ตตฺถ นํ เทวตา ‘‘อิโต จุโต สุคตึ คจฺฉ, อิโต จุโต สุคตึ คจฺฉา’’ติ ปุพฺเพ กตกุสลกมฺโมกาสํ สารยมานา วิจรนฺติ. โส เอวํ เทวตาหิ กุสลํ สารยมานาหิ ปริวุโต ตตฺถ วิจรนฺโตเยว จวิตฺวา มหามายาย เทวิยา กุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ.

ตสฺส อาวิภาวตฺถํ อยํ อนุปุพฺพิกถา – ตทา กิร กปิลวตฺถุนคเร อาสาฬฺหินกฺขตฺตํ สงฺฆุฏฺํ อโหสิ, มหาชโน นกฺขตฺตํ กีฬติ. มหามายาปิ เทวี ปุเร ปุณฺณมาย สตฺตมทิวสโต ปฏฺาย วิคตสุราปานํ มาลาคนฺธวิภูติสมฺปนฺนํ นกฺขตฺตกีฬํ อนุภวมานา สตฺตเม ทิวเส ปาโตว อุฏฺาย คนฺโธทเกน นฺหายิตฺวา จตฺตาริ สตสหสฺสานิ วิสฺสชฺเชตฺวา มหาทานํ ทตฺวา สพฺพาลงฺการวิภูสิตา วรโภชนํ ภุฺชิตฺวา อุโปสถงฺคานิ อธิฏฺาย อลงฺกตปฏิยตฺตํ สิริคพฺภํ ปวิสิตฺวา สิริสยเน นิปนฺนา นิทฺทํ โอกฺกมมานา อิมํ สุปินํ อทฺทส – จตฺตาโร กิร นํ มหาราชาโน สยเนเนว สทฺธึ อุกฺขิปิตฺวา หิมวนฺตํ เนตฺวา สฏฺิโยชนิเก มโนสิลาตเล สตฺตโยชนิกสฺส มหาสาลรุกฺขสฺส เหฏฺา เปตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺํสุ. อถ เนสํ เทวิโย อาคนฺตฺวา เทวึ อโนตตฺตทหํ เนตฺวา มนุสฺสมลหรณตฺถํ นฺหาเปตฺวา ทิพฺพวตฺถํ นิวาสาเปตฺวา คนฺเธหิ วิลิมฺปาเปตฺวา ทิพฺพปุปฺผานิ ปิฬนฺธาเปตฺวา ตโต อวิทูเร เอโก รชตปพฺพโต อตฺถิ, ตสฺส อนฺโต กนกวิมานํ อตฺถิ, ตตฺถ ปาจีนสีสกํ ทิพฺพสยนํ ปฺาเปตฺวา นิปชฺชาเปสุํ. อถ โพธิสตฺโต เสตวรวารโณ หุตฺวา ตโต อวิทูเร เอโก สุวณฺณปพฺพโต อตฺถิ, ตตฺถ วิจริตฺวา ตโต โอรุยฺห รชตปพฺพตํ อภิรุหิตฺวา อุตฺตรทิสโต อาคมฺม รชตทามวณฺณาย โสณฺฑาย เสตปทุมํ คเหตฺวา โกฺจนาทํ นทิตฺวา กนกวิมานํ ปวิสิตฺวา มาตุสยนํ ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา ทกฺขิณปสฺสํ ผาเลตฺวา กุจฺฉึ ปวิฏฺสทิโส อโหสีติ. เอวํ อุตฺตราสาฬฺหนกฺขตฺเตน ปฏิสนฺธึ คณฺหิ.

ปุนทิวเส ปพุทฺธา เทวี ตํ สุปินํ รฺโ อาโรเจสิ. ราชา จตุสฏฺิมตฺเต พฺราหฺมณปาโมกฺเข ปกฺโกสาเปตฺวา โคมยหริตูปลิตฺตาย ลาชาทีหิ กตมงฺคลสกฺการาย ภูมิยา มหารหานิ อาสนานิ ปฺาเปตฺวา ตตฺถ นิสินฺนานํ พฺราหฺมณานํ สปฺปิมธุสกฺขราภิสงฺขตสฺส วรปายาสสฺส สุวณฺณรชตปาติโย ปูเรตฺวา สุวณฺณรชตปาตีหิเยว ปฏิกุชฺชิตฺวา อทาสิ, อฺเหิ จ อหตวตฺถกปิลคาวิทานาทีหิ เต สนฺตปฺเปสิ. อถ เนสํ สพฺพกาเมหิ สนฺตปฺปิตานํ พฺราหฺมณานํ สุปินํ อาโรจาเปตฺวา ‘‘กึ ภวิสฺสตี’’ติ ปุจฺฉิ. พฺราหฺมณา อาหํสุ – ‘‘มา จินฺตยิ, มหาราช, เทวิยา เต กุจฺฉิมฺหิ คพฺโภ ปติฏฺิโต, โส จ โข ปุริสคพฺโภ, น อิตฺถิคพฺโภ, ปุตฺโต เต ภวิสฺสติ, โส สเจ อคารํ อชฺฌาวสิสฺสติ, ราชา ภวิสฺสติ จกฺกวตฺตี. สเจ อคารา นิกฺขมฺม ปพฺพชิสฺสติ, พุทฺโธ ภวิสฺสติ โลเก วิวฏจฺฉโท’’ติ.

โพธิสตฺตสฺส ปน มาตุกุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธิคฺคหณกฺขเณเยว เอกปฺปหาเรเนว สกลทสสหสฺสี โลกธาตุ สงฺกมฺปิ สมฺปกมฺปิ สมฺปเวธิ. ทฺวตฺตึส ปุพฺพนิมิตฺตานิ ปาตุรเหสุํ – ทสสุ จกฺกวาฬสหสฺเสสุ อปฺปมาโณ โอภาโส ผริ. ตสฺส ตํ สิรึ ทฏฺุกามา วิย อนฺธา จกฺขูนิ ปฏิลภึสุ, พธิรา สทฺทํ สุณึสุ, มูคา สมาลปึสุ, ขุชฺชา อุชุคตฺตา อเหสุํ, ปงฺคุลา ปทสา คมนํ ปฏิลภึสุ, พนฺธนคตา สพฺพสตฺตา อนฺทุพนฺธนาทีหิ มุจฺจึสุ, สพฺพนิรเยสุ อคฺคี นิพฺพายึสุ, เปตฺติวิสเยสุ ขุปฺปิปาสา วูปสมึสุ, ติรจฺฉานานํ ภยํ นาโหสิ, สพฺพสตฺตานํ โรโค วูปสมิ, สพฺพสตฺตา ปิยํวทา อเหสุํ, มธุเรนากาเรน อสฺสา หสึสุ, วารณา คชฺชึสุ, สพฺพตูริยานิ สกํ สกํ นินฺนาทํ มุฺจึสุ, อฆฏฺฏิตานิเยว มนุสฺสานํ หตฺถูปคาทีนิ อาภรณานิ วิรวึสุ, สพฺพา ทิสา วิปฺปสนฺนา อเหสุํ, สตฺตานํ สุขํ อุปฺปาทยมาโน มุทุสีตโล วาโต วายิ, อกาลเมโฆ วสฺสิ, ปถวิโตปิ อุทกํ อุพฺภิชฺชิตฺวา วิสฺสนฺทิ, ปกฺขิโน อากาสคมนํ วิชหึสุ, นทิโย อสนฺทมานา อฏฺํสุ, มหาสมุทฺโท มธุโรทโก อโหสิ, สพฺพตฺถกเมว ปฺจวณฺเณหิ ปทุเมหิ สฺฉนฺนตโล อโหสิ, ถลชชลชาทีนิ สพฺพปุปฺผานิ ปุปฺผึสุ, รุกฺขานํ ขนฺเธสุ ขนฺธปทุมานิ, สาขาสุ สาขาปทุมานิ, ลตาสุ ลตาปทุมานิ ปุปฺผึสุ, ฆนสิลาตลานิ ภินฺทิตฺวา อุปรูปริ สตปตฺตานิ หุตฺวา ทณฺฑปทุมานิ นาม นิกฺขมึสุ, อากาเส โอลมฺพกปทุมานิ นาม นิพฺพตฺตึสุ, สมนฺตโต ปุปฺผวสฺสานิ วสฺสึสุ. อากาเส ทิพฺพตูริยานิ วชฺชึสุ, สกลทสสหสฺสี โลกธาตุ วฏฺเฏตฺวา วิสฺสฏฺมาลาคุโฬ วิย, อุปฺปีเฬตฺวา พทฺธมาลากลาโป วิย, อลงฺกตปฏิยตฺตมาลาสนํ วิย จ เอกมาลามาลินี วิปฺผุรนฺตวาฬพีชนี ปุปฺผธูปคนฺธปริวาสิตา ปรมโสภคฺคปฺปตฺตา อโหสิ.

เอวํ คหิตปฏิสนฺธิกสฺส โพธิสตฺตสฺส ปฏิสนฺธิคฺคหณกาลโต ปฏฺาย โพธิสตฺตสฺส เจว โพธิสตฺตมาตุยา จ อุปทฺทวนิวารณตฺถํ ขคฺคหตฺถา จตฺตาโร เทวปุตฺตา อารกฺขํ คณฺหึสุ. โพธิสตฺตสฺส มาตุยา ปุริเสสุ ราคจิตฺตํ นุปฺปชฺชิ, ลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺตา จ อโหสิ สุขินี อกิลนฺตกายา. โพธิสตฺตฺจ อนฺโตกุจฺฉิคตํ วิปฺปสนฺเน มณิรตเน อาวุตปณฺฑุสุตฺตํ วิย ปสฺสติ. ยสฺมา จ โพธิสตฺเตน วสิตกุจฺฉิ นาม เจติยคพฺภสทิสา โหติ, น สกฺกา อฺเน สตฺเตน อาวสิตุํ วา ปริภุฺชิตุํ วา, ตสฺมา โพธิสตฺตมาตา สตฺตาหชาเต โพธิสตฺเต กาลํ กตฺวา ตุสิตปุเร นิพฺพตฺติ. ยถา จ อฺา อิตฺถิโย ทสมาเส อปฺปตฺวาปิ อติกฺกมิตฺวาปิ นิสินฺนาปิ นิปนฺนาปิ วิชายนฺติ, น เอวํ โพธิสตฺตมาตา. สา ปน โพธิสตฺตํ ทสมาเส กุจฺฉินา ปริหริตฺวา ิตาว วิชายติ. อยํ โพธิสตฺตมาตุธมฺมตา.

มหามายาปิ เทวี ปตฺเตน เตลํ วิย ทสมาเส กุจฺฉินา โพธิสตฺตํ ปริหริตฺวา ปริปุณฺณคพฺภา าติฆรํ คนฺตุกามา สุทฺโธทนมหาราชสฺส อาโรเจสิ – ‘‘อิจฺฉามหํ, เทว, กุลสนฺตกํ เทวทหนครํ คนฺตุ’’นฺติ. ราชา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา กปิลวตฺถุโต ยาว เทวทหนครา มคฺคํ สมํ กาเรตฺวา กทลิปุณฺณฆฏธชปฏากาทีหิ อลงฺกาเรหิ อลงฺการาเปตฺวา เทวึ โสวณฺณสิวิกาย นิสีทาเปตฺวา อมจฺจสหสฺเสน อุกฺขิปาเปตฺวา มหนฺเตน ปริวาเรน เปเสสิ. ทฺวินฺนํ ปน นครานํ อนฺตเร อุภยนครวาสีนมฺปิ ลุมฺพินีวนํ นาม มงฺคลสาลวนํ อตฺถิ. ตสฺมึ สมเย มูลโต ปฏฺาย ยาว อคฺคสาขา สพฺพํ เอกปาลิผุลฺลํ อโหสิ, สาขนฺตเรหิ เจว ปุปฺผนฺตเรหิ จ ปฺจวณฺณา ภมรคณา นานปฺปการา จ สกุณสงฺฆา มธุรสฺสเรน วิกูชนฺตา วิจรนฺติ. สกลํ ลุมฺพินีวนํ จิตฺตลตาวนสทิสํ, มหานุภาวสฺส รฺโ สุสชฺชิตอาปานมณฺฑลํ วิย อโหสิ. เทวิยา ตํ ทิสฺวา สาลวเน กีฬิตุกามตา อุทปาทิ. อมจฺจา เทวึ คเหตฺวา สาลวนํ ปวิสึสุ. สา มงฺคลสาลมูลํ อุปคนฺตฺวา สาลสาขํ คณฺหิตุกามา อโหสิ, สาลสาขา สุเสทิตเวตฺตคฺคํ วิย โอณมิตฺวา เทวิยา หตฺถสมีปํ อุปคฺฉิ. สา หตฺถํ ปสาเรตฺวา สาขํ อคฺคเหสิ. ตาวเทว จ เทวิยา กมฺมชวาตา จลึสุ, อถสฺสา สาณึ ปริกฺขิปาเปตฺวา มหาชโน ปฏิกฺกมิ, สาลสาขํ คเหตฺวา ติฏฺมานาย เอว จสฺสา คพฺภวุฏฺานํ อโหสิ. ตงฺขณฺเว จตฺตาโร วิสุทฺธจิตฺตา มหาพฺรหฺมาโน สุวณฺณชาลํ อาทาย สมฺปตฺตา. เต เตน สุวณฺณชาเลน โพธิสตฺตํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา มาตุ ปุรโต ตฺวา ‘‘อตฺตมนา, เทวิ, โหหิ, มเหสกฺโข เต ปุตฺโต อุปฺปนฺโน’’ติ อาหํสุ.

ยถา ปน อฺเ สตฺตา มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขมนฺตา ปฏิกูเลน อสุจินา มกฺขิตา นิกฺขมนฺติ, น เอวํ โพธิสตฺโต. โส ปน ธมฺมาสนโต โอตรนฺโต ธมฺมกถิโก วิย, นิสฺเสณิโต โอตรนฺโต ปุริโส วิย จ ทฺเว หตฺเถ ทฺเว จ ปาเท ปสาเรตฺวา ิตโกว มาตุกุจฺฉิสมฺภเวน เกนจิ อสุจินา อมกฺขิโต สุทฺโธ วิสโท กาสิกวตฺเถ นิกฺขิตฺตมณิรตนํ วิย โชเตนฺโต มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขมิ. เอวํ สนฺเตปิ โพธิสตฺตสฺส จ โพธิสตฺตมาตุยา จ สกฺการตฺถํ อากาสโต ทฺเว อุทกธารา นิกฺขมิตฺวา โพธิสตฺตสฺส จ โพธิสตฺตมาตุยา จ สรีเร อุตุํ คาหาเปสุํ.

อถ นํ สุวณฺณชาเลน ปฏิคฺคเหตฺวา ิตานํ พฺรหฺมานํ หตฺถโต จตฺตาโร มหาราชาโน มงฺคลสมฺมตาย สุขสมฺผสฺสาย อชินปฺปเวณิยา คณฺหึสุ, เตสํ หตฺถโต มนุสฺสา ทุกูลจุมฺพฏเกน คณฺหึสุ, มนุสฺสานํ หตฺถโต มุจฺจิตฺวา ปถวิยํ ปติฏฺาย ปุรตฺถิมทิสํ โอโลเกสิ, อเนกานิ จกฺกวาฬสหสฺสานิ เอกงฺคณานิ อเหสุํ. ตตฺถ เทวมนุสฺสา คนฺธมาลาทีหิ ปูชยมานา ‘‘มหาปุริส, อิธ ตุมฺเหหิ สทิโส อฺโ นตฺถิ, กุเตตฺถ อุตฺตริตโร’’ติ อาหํสุ. เอวํ จตสฺโส ทิสา, จตสฺโส อนุทิสา จ เหฏฺา, อุปรีติ ทสปิ ทิสา อนุวิโลเกตฺวา อตฺตนา สทิสํ กฺจิ อทิสฺวา ‘‘อยํ อุตฺตราทิสา’’ติ สตฺตปทวีติหาเรน อคมาสิ มหาพฺรหฺมุนา เสตจฺฉตฺตํ ธารยมาเนน, สุยาเมน วาฬพีชนึ, อฺาหิ จ เทวตาหิ เสสราชกกุธภณฺฑหตฺถาหิ อนุคมฺมมาโน. ตโต สตฺตมปเท ิโต ‘‘อคฺโคหมสฺมิ โลกสฺสา’’ติอาทิกํ อาสภึ วาจํ นิจฺฉาเรนฺโต สีหนาทํ นทิ.

โพธิสตฺโต หิ ตีสุ อตฺตภาเวสุ มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขนฺตมตฺโตว วาจํ นิจฺฉาเรสิ มโหสธตฺตภาเว, เวสฺสนฺตรตฺตภาเว, อิมสฺมึ อตฺตภาเว จาติ. มโหสธตฺตภาเว กิรสฺส มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขมนฺตสฺเสว สกฺโก เทวราชา อาคนฺตฺวา จนฺทนสารํ หตฺเถ เปตฺวา คโต. โส ตํ มุฏฺิยํ กตฺวาว นิกฺขนฺโต. อถ นํ มาตา ‘‘ตาต, กึ คเหตฺวา อาคโตสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘โอสธํ, อมฺมา’’ติ. อิติ โอสธํ คเหตฺวา อาคตตฺตา ‘‘โอสธทารโก’’ตฺเววสฺส นามํ อกํสุ. ตํ โอสธํ คเหตฺวา จาฏิยํ ปกฺขิปึสุ, อาคตาคตานํ อนฺธพธิราทีนํ ตเทว สพฺพโรควูปสมาย เภสชฺชํ อโหสิ. ตโต ‘‘มหนฺตํ อิทํ โอสธํ, มหนฺตํ อิทํ โอสธ’’นฺติ อุปฺปนฺนวจนํ อุปาทาย ‘‘มโหสโธ’’ตฺเววสฺส นามํ ชาตํ. เวสฺสนฺตรตฺตภาเว ปน มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขมนฺโต ทกฺขิณหตฺถํ ปสาเรตฺวาว ‘‘อตฺถิ นุ โข, อมฺม, กิฺจิ เคหสฺมึ, ทานํ ทสฺสามี’’ติ วทนฺโต นิกฺขมิ. อถสฺส มาตา ‘‘สธเน กุเล นิพฺพตฺโตสิ, ตาตา’’ติ ปุตฺตสฺส หตฺถํ อตฺตโน หตฺถตเล กตฺวา สหสฺสตฺถวิกํ ปาเปสิ. อิมสฺมึ ปน อตฺตภาเว อิมํ สีหนาทํ นทีติ เอวํ โพธิสตฺโต ตีสุ อตฺตภาเวสุ มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขนฺตมตฺโตว วาจํ นิจฺฉาเรสิ. ยถา จ ปฏิสนฺธิคฺคหณกฺขเณ ตถา ชาติกฺขเณปิสฺส ทฺวตฺตึส ปุพฺพนิมิตฺตานิ ปาตุรเหสุํ. ยสฺมึ ปน สมเย อมฺหากํ โพธิสตฺโต ลุมฺพินีวเน ชาโต, ตสฺมึเยว สมเย ราหุลมาตาเทวี, อานนฺทตฺเถโร,ฉนฺโน อมจฺโจ, กาฬุทายี อมจฺโจ, กณฺฑโก อสฺสราชา, มหาโพธิรุกฺโข, จตสฺโส นิธิกุมฺภิโย จ ชาตา. ตตฺถ เอกา นิธิกุมฺภี คาวุตปฺปมาณา, เอกา อฑฺฒโยชนปฺปมาณา, เอกา ติคาวุตปฺปมาณา, เอกา โยชนปฺปมาณา. คมฺภีรโต ปถวีปริยนฺตา เอว อโหสีติ. อิเม สตฺต สหชาตา นาม.

อุภยนครวาสิโน โพธิสตฺตํ คเหตฺวา กปิลวตฺถุนครเมว อคมํสุ. ตํ ทิวสํเยว จ ‘‘กปิลวตฺถุนคเร สุทฺโธทนมหาราชสฺส ปุตฺโต ชาโต, อยํ กุมาโร โพธิมูเล นิสีทิตฺวา พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ ตาวตึสภวเน หฏฺตุฏฺา เทวสงฺฆา เจลุกฺเขปาทีนิ ปวตฺเตนฺตา กีฬึสุ. ตสฺมึ สมเย สุทฺโธทนมหาราชสฺส กุลูปโก อฏฺสมาปตฺติลาภี กาลเทวโล นาม ตาปโส ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา ทิวาวิหารตฺถาย ตาวตึสภวนํ คนฺตฺวา ตตฺถ ทิวาวิหารํ นิสินฺโน ตา เทวตา ตถา กีฬมานา ทิสฺวา ‘‘กึ การณา ตุมฺเห เอวํ ตุฏฺมานสา กีฬถ, มยฺหมฺเปตํ การณํ กเถถา’’ติ ปุจฺฉิ. เทวตา อาหํสุ – ‘‘มาริส, สุทฺโธทนมหาราชสฺส ปุตฺโต ชาโต, โส โพธิมณฺเฑ นิสีทิตฺวา พุทฺโธ หุตฺวา ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตสฺสติ, ‘ตสฺส อนนฺตํ พุทฺธลีฬํ ทฏฺุํ, ธมฺมฺจ โสตุํ ลจฺฉามา’ติ อิมินา การเณน ตุฏฺามฺหา’’ติ. ตาปโส ตาสํ วจนํ สุตฺวา ขิปฺปํ เทวโลกโต โอรุยฺห ราชนิเวสนํ ปวิสิตฺวา ปฺตฺตาสเน นิสินฺโน ‘‘ปุตฺโต กิร เต, มหาราช, ชาโต, ปสฺสิสฺสามิ น’’นฺติ อาห. ราชา อลงฺกตปฏิยตฺตํ กุมารํ อาหราเปตฺวา ตาปสํ วนฺทาเปตุํ อภิหริ. โพธิสตฺตสฺส ปาทา ปริวตฺติตฺวา ตาปสสฺส ชฏาสุ ปติฏฺหึสุ. โพธิสตฺตสฺส หิ เตนตฺตภาเวน วนฺทิตพฺพยุตฺตโก นาม อฺโ นตฺถิ. สเจ หิ อชานนฺตา โพธิสตฺตสฺส สีสํ ตาปสสฺส ปาทมูเล เปยฺยุํ, สตฺตธา ตสฺส มุทฺธา ผเลยฺย. ตาปโส ‘‘น เม อตฺตานํ นาเสตุํ ยุตฺต’’นฺติ อุฏฺายาสนา โพธิสตฺตสฺส อฺชลึ ปคฺคเหสิ. ราชา ตํ อจฺฉริยํ ทิสฺวา อตฺตโน ปุตฺตํ วนฺทิ.

ตาปโส อตีเต จตฺตาลีส กปฺเป, อนาคเต จตฺตาลีสาติ อสีติ กปฺเป อนุสฺสรติ. โพธิสตฺตสฺส ลกฺขณสมฺปตฺตึ ทิสฺวา ‘‘ภวิสฺสติ นุ โข พุทฺโธ, อุทาหุ โน’’ติ อาวชฺเชตฺวา อุปธาเรนฺโต ‘‘นิสฺสํสเยน พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ ตฺวา ‘‘อจฺฉริยปุริโส อย’’นฺติ สิตํ อกาสิ. ตโต ‘‘อหํ อิมํ อจฺฉริยปุริสํ พุทฺธภูตํ ทฏฺุํ ลภิสฺสามิ นุ โข, โน’’ติ อุปธาเรนฺโต ‘‘น ลภิสฺสามิ, อนฺตราเยว กาลํ กตฺวา พุทฺธสเตนปิ พุทฺธสหสฺเสนปิ คนฺตฺวา โพเธตุํ อสกฺกุเณยฺเย อรูปภเว นิพฺพตฺติสฺสามี’’ติ ทิสฺวา ‘‘เอวรูปํ นาม อจฺฉริยปุริสํ พุทฺธภูตํ ทฏฺุํ น ลภิสฺสามิ, มหตี วต เม ชานิ ภวิสฺสตี’’ติ ปโรทิ.

มนุสฺสา ทิสฺวา ‘‘อมฺหากํ อยฺโย อิทาเนว หสิตฺวา ปุน ปโรทิตฺวา ปติฏฺิโต, กึ นุ โข, ภนฺเต, อมฺหากํ อยฺยปุตฺตสฺส โกจิ อนฺตราโย ภวิสฺสตี’’ติ ตํ ปุจฺฉึสุ. ‘‘นตฺเถตสฺส อนฺตราโย, นิสฺสํสเยน พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ. ‘‘อถ กสฺมา, ภนฺเต, ปโรทิตฺถา’’ติ? ‘‘เอวรูปํ ปุริสํ พุทฺธภูตํ ทฏฺุํ น ลภิสฺสามิ, ‘มหตี วต เม ชานิ ภวิสฺสตี’ติ อตฺตานํ อนุโสจนฺโต โรทามี’’ติ อาห. ตโต โส ‘‘กึ นุ โข เม าตเกสุ โกจิ เอกํ พุทฺธภูตํ ทฏฺุํ ลภิสฺสตี’’ติ อุปธาเรนฺโต อตฺตโน ภาคิเนยฺยํ นาลกทารกํ อทฺทส. โส ภคินิยา เคหํ คนฺตฺวา ‘‘กหํ เต ปุตฺโต นาลโก’’ติ? ‘‘อตฺถิ เคเห, อยฺยา’’ติ. ‘‘ปกฺโกสาหิ น’’นฺติ ปกฺโกสาเปตฺวา อตฺตโน สนฺติกํ อาคตํ กุมารํ อาห – ‘‘ตาต, สุทฺโธทนมหาราชสฺส กุเล ปุตฺโต ชาโต, พุทฺธงฺกุโร เอโส, ปฺจตึส วสฺสานิ อติกฺกมิตฺวา พุทฺโธ ภวิสฺสติ, ตฺวํ เอตํ ทฏฺุํ ลภิสฺสสิ, อชฺเชว ปพฺพชาหี’’ติ. สตฺตาสีติโกฏิธเน กุเล นิพฺพตฺตทารโกปิ ‘‘น มํ มาตุโล อนตฺเถ นิโยเชสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา ตาวเทว อนฺตราปณโต กาสายานิ เจว มตฺติกาปตฺตฺจ อาหราเปตฺวา เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา ‘‘โย โลเก อุตฺตมปุคฺคโล, ตํ อุทฺทิสฺส มยฺหํ ปพฺพชฺชา’’ติ โพธิสตฺตาภิมุขํ อฺชลึ ปคฺคยฺห ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา ปตฺตํ ถวิกาย ปกฺขิปิตฺวา อํสกูเฏ โอลคฺเคตฺวา หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา สมณธมฺมํ อกาสิ. โส ปรมาภิสมฺโพธิปฺปตฺตํ ตถาคตํ อุปสงฺกมิตฺวา นาลกปฏิปทํ กถาเปตฺวา ปุน หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา อรหตฺตํ ปตฺวา อุกฺกฏฺปฏิปทํ ปฏิปนฺโน สตฺเตว มาเส อายุํ ปาเลตฺวา เอกํ สุวณฺณปพฺพตํ นิสฺสาย ิตโกว อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายิ.

โพธิสตฺตมฺปิ โข ปฺจมทิวเส สีสํ นฺหาเปตฺวา ‘‘นามคฺคหณํ คณฺหิสฺสามา’’ติ ราชภวนํ จตุชฺชาติยคนฺเธหิ วิลิมฺเปตฺวา ลาชปฺจมกานิ ปุปฺผานิ วิกิริตฺวา อสมฺภินฺนปายาสํ สมฺปาเทตฺวา ติณฺณํ เวทานํ ปารงฺคเต อฏฺสตํ พฺราหฺมเณ นิมนฺเตตฺวา ราชภวเน นิสีทาเปตฺวา สุโภชนํ โภชาเปตฺวา มหาสกฺการํ กตฺวา ‘‘กึ นุ โข ภวิสฺสตี’’ติ ลกฺขณานิ ปริคฺคหาเปสุํ. เตสุ –

‘‘ราโม ธโช ลกฺขโณ จาปิ มนฺตี, ยฺโ สุโภโช สุยาโม สุทตฺโต;

เอเต ตทา อฏฺ อเหสุํ พฺราหฺมณา, ฉฬงฺควา มนฺตํ วิยากรึสู’’ติ. (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๒๘๔) –

อิเม อฏฺเว พฺราหฺมณา ลกฺขณปริคฺคาหกา อเหสุํ. ปฏิสนฺธิคฺคหณทิวเส สุปิโนปิ เอเตเหว ปริคฺคหิโต. เตสุ สตฺต ชนา ทฺเว องฺคุลิโย อุกฺขิปิตฺวา ทฺวิธา นํ พฺยากรึสุ – ‘‘อิเมหิ ลกฺขเณหิ สมนฺนาคโต สเจ อคารํ อชฺฌาวสิสฺสติ, ราชา ภวิสฺสติ จกฺกวตฺตี, สเจ ปพฺพชิสฺสติ, พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ สพฺพํ จกฺกวตฺติรฺโ สิริวิภวํ อาจิกฺขึสุ. เตสํ ปน สพฺพทหโร โคตฺตโต โกณฺฑฺโ นาม มาณโว โพธิสตฺตสฺส วรลกฺขณสมฺปตฺตึ โอโลเกตฺวา ‘‘อิมสฺส อคารมชฺเฌ านการณํ นตฺถิ, เอกนฺเตเนส วิวฏจฺฉโท พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ เอกเมว องฺคุลึ อุกฺขิปิตฺวา เอกํสพฺยากรณํ พฺยากาสิ. อยฺหิ กตาธิกาโร ปจฺฉิมภวิกสตฺโต ปฺาย อิตเร สตฺต ชเน อภิภวิตฺวา อิเมหิ ลกฺขเณหิ สมนฺนาคตสฺส โพธิสตฺตสฺส เอกนฺตพุทฺธภาวสงฺขาตํ เอกเมว คหึ อทฺทส, ตสฺมา เอกํ องฺคุลึ อุกฺขิปิตฺวา เอวํ พฺยากาสิ. อถสฺส นามํ คณฺหนฺตา สพฺพโลกสฺส อตฺถสิทฺธิกรตฺตา ‘‘สิทฺธตฺโถ’’ติ นามํ อกํสุ.

อถ โข เต พฺราหฺมณา อตฺตโน อตฺตโน ฆรานิ คนฺตฺวา ปุตฺเต อามนฺตยึสุ – ‘‘ตาตา, อมฺเห มหลฺลกา, สุทฺโธทนมหาราชสฺส ปุตฺตํ สพฺพฺุตํ ปตฺตํ มยํ สมฺภาเวยฺยาม วา โน วา, ตุมฺเห ตสฺมึ กุมาเร สพฺพฺุตํ ปตฺเต ตสฺส สาสเน ปพฺพเชยฺยาถา’’ติ. เต สตฺตปิ ชนา ยาวตายุกํ ตฺวา ยถากมฺมํ คตา, โกณฺฑฺมาณโวเยว ปน อโรโค อโหสิ. โส มหาสตฺเต วุทฺธิมนฺวาย มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิตฺวา อนกฺกเมน อุรุเวลํ คนฺตฺวา ‘‘รมณีโย วต อยํ ภูมิภาโค, อลํ วติทํ ปธานตฺถิกสฺส กุลปุตฺตสฺส ปธานายา’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา ตตฺถ วาสํ อุปคเต ‘‘มหาปุริโส ปพฺพชิโต’’ติ สุตฺวา เตสํ พฺราหฺมณานํ ปุตฺเต อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาห – ‘‘สิทฺธตฺถกุมาโร กิร ปพฺพชิโต, โส นิสฺสํสเยน พุทฺโธ ภวิสฺสติ. สเจ ตุมฺหากํ ปิตโร อโรคา อสฺสุ, อชฺช นิกฺขมิตฺวา ปพฺพเชยฺยุํ. สเจ ตุมฺเหปิ อิจฺเฉยฺยาถ, เอถ, มยํ ตํ มหาปุริสํ อนุปพฺพชิสฺสามา’’ติ. เต สพฺเพ เอกจฺฉนฺทา ภวิตุํ นาสกฺขึสุ, เตสุ ตโย ชนา น ปพฺพชึสุ, โกณฺฑฺพฺราหฺมณํ เชฏฺกํ กตฺวา อิตเร จตฺตาโร ปพฺพชึสุ. เต ปฺจปิ ชนา ปฺจวคฺคิยตฺเถรา นาม ชาตา.

ตทา ปน สุทฺโธทนราชา – ‘‘กึ ทิสฺวา มยฺหํ ปุตฺโต ปพฺพชิสฺสตี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘จตฺตาริ ปุพฺพนิมิตฺตานี’’ติ. ‘‘กตรฺจ กตรฺจา’’ติ? ‘‘ชราชิณฺณํ, พฺยาธิตํ, มตํ, ปพฺพชิต’’นฺติ. ราชา ‘‘อิโต ปฏฺาย เอวรูปานํ มม ปุตฺตสฺส สนฺติกํ อุปสงฺกมิตุํ มา อทตฺถ, มยฺหํ ปุตฺตสฺส พุทฺธภาเวน กมฺมํ นตฺถิ, อหํ มม ปุตฺตํ ทฺวิสหสฺสทีปปริวารานํ, จตุนฺนํ มหาทีปานํ, อิสฺสริยาธิปจฺจํ จกฺกวตฺติรชฺชํ กโรนฺตํ ฉตฺตึสโยชนปริมณฺฑลาย ปริสาย ปริวุตํ คคนตเล วิจรมานํ ปสฺสิตุกาโม’’ติ. เอวฺจ ปน วตฺวา อิเมสํ จตุปฺปการานํ นิมิตฺตานํ กุมารสฺส จกฺขุปเถ อาคมนนิวารณตฺถํ จตูสุ ทิสาสุ คาวุเต คาวุเต อารกฺขํ เปสิ. ตํ ทิวสฺจ มงฺคลฏฺาเน สนฺนิปติเตสุ อสีติยา าติกุลสหสฺเสสุ เอกเมโก เอกเมกํ ปุตฺตํ ปฏิชานิ – ‘‘อยํ พุทฺโธ วา โหตุ ราชา วา, มยํ เอกเมตํ ปุตฺตํ ทสฺสาม. สเจปิ พุทฺโธ ภวิสฺสติ, ขตฺติยสมณคเณเหว ปริวาริโต วิจริสฺสติ. สเจปิ ราชา ภวิสฺสติ, ขตฺติยกุมาเรเหว ปุรกฺขตปริวาริโต วิจริสฺสตี’’ติ. ราชาปิ โพธิสตฺตสฺส อุตฺตมรูปสมฺปนฺนา วิคตสพฺพโทสา ธาติโย ปจฺจุปฏฺาเปสิ. โพธิสตฺโต มหนฺเตน ปริวาเรน มหนฺเตน สิริโสภคฺเคน วฑฺฒติ.

อเถกทิวสํ รฺโ วปฺปมงฺคลํ นาม อโหสิ. ตํ ทิวสํ สกลนครํ เทวนครํ วิย อลงฺกโรนฺติ, สพฺเพ ทาสกมฺมกราทโย อหตวตฺถนิวตฺถา คนฺธมาลาทิปฏิมณฺฑิตา ราชกุเล สนฺนิปตนฺติ, รฺโ กมฺมนฺเต นงฺคลสหสฺสํ โยชยนฺติ, ตสฺมึ ปน ทิวเส เอเกนูนอฏฺสตนงฺคลานิ สทฺธึ พลิพทฺทรสฺมิโยตฺเตหิ รชตปริกฺขตานิ โหนฺติ. รฺโ อาลมฺพนนงฺคลํ ปน รตฺตสุวณฺณปริกฺขตํ โหติ. พลิพทฺทานํ สิงฺครสฺมิปโตทาปิ สุวณฺณปริกฺขตาว โหนฺติ. ราชา มหาปริวาเรน นิกฺขมนฺโต ปุตฺตํ คเหตฺวาว อคมาสิ. กมฺมนฺตฏฺาเน เอโก ชมฺพุรุกฺโข พหลปลาโส สนฺทจฺฉาโย อโหสิ. ตสฺส เหฏฺา กุมารสฺส สยนํ ปฺาเปตฺวา อุปริ สุวณฺณตารกขจิตวิตานํ พนฺธาเปตฺวา สาณิปากาเรน ปริกฺขิปาเปตฺวา อารกฺขํ เปตฺวา ราชา สพฺพาลงฺการํ อลงฺกริตฺวา อมจฺจคณปริวุโต นงฺคลกรณฏฺานํ อคมาสิ. ตตฺถ ราชา สุวณฺณนงฺคลํ คณฺหาติ, อมจฺจา เอเกนูนอฏฺสตรชตนงฺคลานิ, กสฺสกา เสสนงฺคลานิ. เต ตานิ คเหตฺวา อิโต จิโต จ กสนฺติ. ราชา ปน โอรโต วา ปารํ คจฺฉติ, ปารโต วา โอรํ อาคจฺฉติ.

เอตสฺมึ าเน มหาสมฺปตฺติ อโหสิ. โพธิสตฺตํ ปริวาเรตฺวา นิสินฺนา ธาติโย ‘‘รฺโ สมฺปตฺตึ ปสฺสามา’’ติ อนฺโตสาณิโต พหิ นิกฺขนฺตา. โพธิสตฺโต อิโต จิโต จ โอโลเกนฺโต กฺจิ อทิสฺวาว เวเคน อุฏฺาย ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อานาปาเน ปริคฺคเหตฺวา ปมชฺฌานํ นิพฺพตฺเตสิ. ธาติโย ขชฺชโภชฺชนฺตเร วิจรมานา โถกํ จิรายึสุ. เสสรุกฺขานํ ฉายา วีติวตฺตา, ตสฺส ปน ชมฺพุรุกฺขสฺส ฉายา ปริมณฺฑลา หุตฺวา อฏฺาสิ. ธาติโย ‘‘อยฺยปุตฺโต เอกโก’’ติ เวเคน สาณึ อุกฺขิปิตฺวา อนฺโต ปวิสมานา โพธิสตฺตํ สยเน ปลฺลงฺเกน นิสินฺนํ ตฺจ ปาฏิหาริยํ ทิสฺวา คนฺตฺวา รฺโ อาโรเจสุํ – ‘‘เทว, กุมาโร เอวํ นิสินฺโน, อฺเสํ รุกฺขานํ ฉายา วีติวตฺตา, ชมฺพุรุกฺขสฺส ปน ฉายา ปริมณฺฑลา ิตา’’ติ. ราชา เวเคนาคนฺตฺวา ปาฏิหาริยํ ทิสฺวา ‘‘อยํ เต, ตาต, ทุติยวนฺทนา’’ติ ปุตฺตํ วนฺทิ.

อถ อนุกฺกเมน โพธิสตฺโต โสฬสวสฺสุทฺเทสิโก ชาโต. ราชา โพธิสตฺตสฺส ติณฺณํ อุตูนํ อนุจฺฉวิเก ตโย ปาสาเท กาเรสิ – เอกํ นวภูมิกํ, เอกํ สตฺตภูมิกํ, เอกํ ปฺจภูมิกํ, จตฺตาลีสสหสฺสา จ นาฏกิตฺถิโย อุปฏฺาเปสิ. โพธิสตฺโต เทโว วิย อจฺฉราสงฺฆปริวุโต อลงฺกตนาฏกิตฺถีหิ ปริวุโต นิปฺปุริเสหิ ตูริเยหิ ปริจาริยมาโน มหาสมฺปตฺตึ อนุภวนฺโต อุตุวาเรน ตีสุ ปาสาเทสุ วิหาสิ. ราหุลมาตา ปนสฺส เทวี อคฺคมเหสี อโหสิ.

ตสฺเสวํ มหาสมฺปตฺตึ อนุภวนฺตสฺส เอกทิวสํ าติสงฺฆสฺส อพฺภนฺตเร อยํ กถา อุทปาทิ – ‘‘สิทฺธตฺโถ กีฬาปสุโตว วิจรติ, น กิฺจิ สิปฺปํ สิกฺขติ, สงฺคาเม ปจฺจุปฏฺิเต กึ กริสฺสตี’’ติ? ราชา โพธิสตฺตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘ตาต, ตว าตกา ‘สิทฺธตฺโถ กิฺจิ สิปฺปํ อสิกฺขิตฺวา กีฬาปสุโตว วิจรตี’ติ วทนฺติ, เอตฺถ กึ สตฺตุ ปตฺตกาเล มฺสี’’ติ? ‘‘เทว, มม สิปฺปํ สิกฺขนกิจฺจํ นตฺถิ, นคเร มม สิปฺปทสฺสนตฺถํ เภรึ จราเปถ ‘อิโต สตฺตเม ทิวเส าตกานํ สิปฺปํ ทสฺเสสฺสามี’’’ติ. ราชา ตถา อกาสิ. โพธิสตฺโต อกฺขณเวธิวาลเวธิธนุคฺคเห สนฺนิปาตาเปตฺวา มหาชนสฺส มชฺเฌ อฺเหิ ธนุคฺคเหหิ อสาธารณํ าตกานํ ทฺวาทสวิธํ สิปฺปํ ทสฺเสสิ. ตํ สรภงฺคชาตเก อาคตนเยเนว เวทิตพฺพํ. ตทา ตสฺส าติสงฺโฆ นิกฺกงฺโข อโหสิ.

อเถกทิวสํ โพธิสตฺโต อุยฺยานภูมึ คนฺตุกาโม สารถึ อามนฺเตตฺวา ‘‘รถํ โยเชหี’’ติ อาห. โส ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา มหารหํ อุตฺตมรถํ สพฺพาลงฺกาเรน อลงฺกริตฺวา กุมุทปตฺตวณฺเณ จตฺตาโร มงฺคลสินฺธเว โยเชตฺวา โพธิสตฺตสฺส ปฏิเวเทสิ. โพธิสตฺโต เทววิมานสทิสํ รถํ อภิรุหิตฺวา อุยฺยานาภิมุโข อคมาสิ. เทวตา ‘‘สิทฺธตฺถกุมารสฺส อภิสมฺพุชฺฌนกาโล อาสนฺโน, ปุพฺพนิมิตฺตํ ทสฺเสสฺสามา’’ติ เอกํ เทวปุตฺตํ ชราชิณฺณํ ขณฺฑทนฺตํ ปลิตเกสํ วงฺกํ โอภคฺคสรีรํ ทณฺฑหตฺถํ ปเวธมานํ กตฺวา ทสฺเสสุํ. ตํ โพธิสตฺโต เจว สารถิ จ ปสฺสนฺติ. ตโต โพธิสตฺโต, ‘‘สมฺม, โก นาเมส ปุริโส, เกสาปิสฺส น ยถา อฺเส’’นฺติ มหาปทาเน (ที. นิ. ๒.๔๕) อาคตนเยน สารถึ ปุจฺฉิตฺวา ตสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘ธิรตฺถุ วต, โภ, ชาติ, ยตฺร หิ นาม ชาตสฺส ชรา ปฺายิสฺสตี’’ติ สํวิคฺคหทโย ตโตว ปฏินิวตฺติตฺวา ปาสาทเมว อภิรุหิ. ราชา ‘‘กึ การณา มม ปุตฺโต ขิปฺปํ ปฏินิวตฺตี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ชิณฺณปุริสํ ทิสฺวา, เทวา’’ติ. ‘‘ชิณฺณกํ ทิสฺวา ปพฺพชิสฺสตีติ อาหํสุ, กสฺมา มํ นาเสถ, สีฆํ ปุตฺตสฺส นาฏกานิ สชฺเชถ, สมฺปตฺตึ อนุภวนฺโต ปพฺพชฺชาย สตึ น กริสฺสตี’’ติ วตฺวา อารกฺขํ วฑฺเฒตฺวา สพฺพทิสาสุ อทฺธโยชเน อทฺธโยชเน อารกฺขํ เปสิ.

ปุเนกทิวสํ โพธิสตฺโต ตเถว อุยฺยานํ คจฺฉนฺโต เทวตาภินิมฺมิตํ พฺยาธิตํ ปุริสํ ทิสฺวา ปุริมนเยเนว ปุจฺฉิตฺวา สํวิคฺคหทโย นิวตฺติตฺวา ปาสาทํ อภิรุหิ. ราชาปิ ปุจฺฉิตฺวา เหฏฺา วุตฺตนเยเนว สํวิทหิตฺวา ปุน วฑฺเฒตฺวา สมนฺตา ติคาวุตปฺปมาเณ ปเทเส อารกฺขํ เปสิ. อปรมฺปิ เอกทิวสํ โพธิสตฺโต ตเถว อุยฺยานํ คจฺฉนฺโต เทวตาภินิมฺมิตํ กาลงฺกตํ ทิสฺวา ปุริมนเยเนว ปุจฺฉิตฺวา สํวิคฺคหทโย ปุน นิวตฺติตฺวา ปาสาทํ อภิรุหิ. ราชาปิ ปุจฺฉิตฺวา เหฏฺา วุตฺตนเยเนว สํวิทหิตฺวา ปุน วฑฺเฒตฺวา สมนฺตโต โยชนปฺปมาเณ ปเทเส อารกฺขํ เปสิ. อปรํ ปเนกทิวสํ อุยฺยานํ คจฺฉนฺโต ตเถว เทวตาภินิมฺมิตํ สุนิวตฺถํ สุปารุตํ ปพฺพชิตํ ทิสฺวา ‘‘โก นาเมโส สมฺมา’’หิ สารถึ ปุจฺฉิ. สารถิ กิฺจาปิ พุทฺธุปฺปาทสฺส อภาวา ปพฺพชิตํ วา ปพฺพชิตคุเณ วา น ชานาติ, เทวตานุภาเวน ปน ‘‘ปพฺพชิโต นามายํ, เทวา’’ติ วตฺวา ปพฺพชฺชาย คุเณ วณฺเณสิ. โพธิสตฺโต ปพฺพชฺชาย รุจึ อุปฺปาเทตฺวา ตํ ทิวสํ อุยฺยานํ อคมาสิ. ทีฆภาณกา ปนาหุ – ‘‘จตฺตาริปิ นิมิตฺตานิ เอกทิวเสเนว ทิสฺวา อคมาสี’’ติ.

โส ตตฺถ ทิวสภาคํ กีฬิตฺวา มงฺคลโปกฺขรณิยํ นฺหายิตฺวา อตฺถงฺคเต สูริเย มงฺคลสิลาปฏฺเฏ นิสีทิ อตฺตานํ อลงฺการาเปตุกาโม, อถสฺส ปริจารกปุริสา นานาวณฺณานิ ทุสฺสานิ นานปฺปการา อาภรณวิกติโย มาลาคนฺธวิเลปนานิ จ อาทาย สมนฺตา ปริวาเรตฺวา อฏฺํสุ. ตสฺมึ ขเณ สกฺกสฺส นิสินฺนาสนํ อุณฺหํ อโหสิ. โส ‘‘โก นุ โข มํ อิมมฺหา านา จาเวตุกาโมสี’’ติ อุปธาเรนฺโต โพธิสตฺตสฺส อลงฺกาเรตุกามตํ ตฺวา วิสฺสกมฺมํ อามนฺเตสิ – ‘‘สมฺม วิสฺสกมฺม, สิทฺธตฺถกุมาโร อชฺช อฑฺฒรตฺตสมเย มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิสฺสติ, อยมสฺส ปจฺฉิโม อลงฺกาโร, ตฺวํ อุยฺยานํ คนฺตฺวา มหาปุริสํ ทิพฺพาลงฺกาเรหิ อลงฺกโรหี’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา เทวานุภาเวน ตงฺขณฺเว โพธิสตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ตสฺเสว กปฺปกสทิโส หุตฺวา ทิพฺพทุสฺเสน โพธิสตฺตสฺส สีสํ เวเสิ. โพธิสตฺโต หตฺถสมฺผสฺเสเนว ‘‘นามํ มนุสฺโส, เทวปุตฺโต อย’’นฺติ อฺาสิ. เวเนน เวิตมตฺเต สีเส โมฬิยํ มณิรตนากาเรน ทุสฺสสหสฺสํ อพฺภุคฺคฺฉิ, ปุน เวเนฺตสฺส ทุสฺสสหสฺสนฺติ ทสกฺขตฺตุํ เวเนฺตสฺส ทส ทุสฺสสหสฺสานิ อพฺภุคฺคจฺฉึสุ. ‘‘สีสํ ขุทฺทกํ, ทุสฺสานิ พหูนิ, กถํ อพฺภุคฺคตานี’’ติ น จินฺเตตพฺพํ. เตสุ หิ สพฺพมหนฺตํ อามลกปุปฺผปฺปมาณํ, อวเสสานิ กทมฺพกปุปฺผปฺปมาณานิ อเหสุํ. โพธิสตฺตสฺส สีสํ กิฺชกฺขควจฺฉิตํ วิย กุยฺยกปุปฺผํ อโหสิ.

อถสฺส สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิตสฺส สพฺพตาลาวจเรสุ สกานิ สกานิ ปฏิภานานิ ทสฺสยนฺเตสุ, พฺราหฺมเณสุ ‘‘ชยนนฺทา’’ติอาทิวจเนหิ, สุตมงฺคลิกาทีสุ จ นานปฺปกาเรหิ มงฺคลวจนตฺถุติโฆเสหิ สมฺภาเวนฺเตสุ สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิตํ ตํ รถวรํ อภิรุหิ. ตสฺมึ สมเย ‘‘ราหุลมาตา ปุตฺตํ วิชาตา’’ติ สุตฺวา สุทฺโธทนมหาราชา ‘‘ปุตฺตสฺส เม ตุฏฺึ นิเวเทถา’’ติ สาสนํ ปหิณิ. โพธิสตฺโต ตํ สุตฺวา ‘‘ราหุ ชาโต, พนฺธนํ ชาต’’นฺติ อาห. ราชา ‘‘กึ เม ปุตฺโต อวจา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ตํ วจนํ สุตฺวา ‘‘อิโต ปฏฺาย เม นตฺตา ‘ราหุลกุมาโร’ตฺเวว นาม โหตู’’ติ อาห.

โพธิสตฺโตปิ โข รถวรํ อารุยฺห อติมหนฺเตน ยเสน อติมโนรเมน สิริโสภคฺเคน นครํ ปาวิสิ. ตสฺมึ สมเย กิสาโคตมี นาม ขตฺติยกฺา อุปริปาสาทวรตลคตา นครํ ปทกฺขิณํ กุรุมานสฺส โพธิสตฺตสฺส รูปสิรึ ทิสฺวา ปีติโสมนสฺสชาตา อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –

‘‘นิพฺพุตา นูน สา มาตา, นิพฺพุโต นูน โส ปิตา;

นิพฺพุตา นูน สา นารี, ยสฺสายํ อีทิโส ปตี’’ติ. (ธ. ส. อฏฺ. นิทานกถา); –

โพธิสตฺโต ตํ สุตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อยํ เอวมาห – ‘เอวรูปํ อตฺตภาวํ ปสฺสนฺติยา มาตุ หทยํ นิพฺพายติ, ปิตุ หทยํ นิพฺพายติ, ปชาปติยา หทยํ นิพฺพายตี’ติ. กิสฺมึ นุ โข นิพฺพุเต หทยํ นิพฺพุตํ นาม โหตี’’ติ. อถสฺส กิเลเสสุ วิรตฺตมนสฺส เอตทโหสิ – ‘‘ราคคฺคิมฺหิ นิพฺพุเต นิพฺพุตํ นาม โหติ, โทสคฺคิมฺหิ นิพฺพุเต นิพฺพุตํ นาม โหติ, โมหคฺคิมฺหิ นิพฺพุเต นิพฺพุตํ นาม โหติ, มานทิฏฺิอาทีสุ สพฺพกิเลสทรเถสุ นิพฺพุเตสุ นิพฺพุตํ นาม โหตี’’ติ. ‘‘อยํ เม สุสฺสวนํ สาเวติ, อหฺหิ นิพฺพานํ คเวสนฺโต วิจรามิ, อชฺเชว มยา ฆราวาสํ ฉฑฺเฑตฺวา นิกฺขมฺม ปพฺพชิตฺวา นิพฺพานํ คเวสิตุํ วฏฺฏติ, อยํ อิมิสฺสา อาจริยภาโค โหตู’’ติ กณฺโต โอมุฺจิตฺวา กิสาโคตมิยา สตสหสฺสคฺฆนกํ มุตฺตาหารํ เปเสสิ. สา ‘‘สิทฺธตฺถกุมาโร มยิ ปฏิพทฺธจิตฺโต หุตฺวา ปณฺณาการํ เปเสตี’’ติ โสมนสฺสชาตา อโหสิ.

โพธิสตฺโตปิ มหนฺเตน สิริโสภคฺเคน อตฺตโน ปาสาทํ อภิรุหิตฺวา สิริสยเน นิปชฺชิ. ตาวเทว จ นํ สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิตา นจฺจคีตาทีสุ สุสิกฺขิตา เทวกฺา วิย รูปโสภคฺคปฺปตฺตา นาฏกิตฺถิโย นานาตูริยานิ คเหตฺวา สมฺปริวาเรตฺวา อภิรมาเปนฺติโย นจฺจคีตวาทิตานิ ปโยชยึสุ. โพธิสตฺโต กิเลเสสุ วิรตฺตจิตฺตตาย นจฺจาทีสุ อนภิรโต มุหุตฺตํ นิทฺทํ โอกฺกมิ. ตาปิ อิตฺถิโย ‘‘ยสฺสตฺถาย มยํ นจฺจาทีนิ ปโยเชม, โส นิทฺทํ อุปคโต, อิทานิ กิมตฺถํ กิลมิสฺสามา’’ติ คหิตคหิตานิ ตูริยานิ อชฺโฌตฺถริตฺวา นิปชฺชึสุ, คนฺธเตลปฺปทีปา ฌายนฺติ. โพธิสตฺโต ปพุชฺฌิตฺวา สยนปิฏฺเ ปลฺลงฺเกน นิสินฺโน อทฺทส ตา อิตฺถิโย ตูริยภณฺฑานิ อวตฺถริตฺวา นิทฺทายนฺติโย – เอกจฺจา ปคฺฆริตเขฬา, กิลินฺนคตฺตา, เอกจฺจา ทนฺเต ขาทนฺติโย, เอกจฺจา กากจฺฉนฺติโย, เอกจฺจา วิปฺปลปนฺติโย, เอกจฺจา วิวฏมุขี, เอกจฺจา อปคตวตฺถา ปากฏพีภจฺฉสมฺพาธฏฺานา. โส ตาสํ ตํ วิปฺปการํ ทิสฺวา ภิยฺโยโสมตฺตาย กาเมสุ วิรตฺตจิตฺโต อโหสิ. ตสฺส อลงฺกตปฏิยตฺตํ สกฺกภวนสทิสมฺปิ ตํ มหาตลํ วิวิธนานากุณปภริตํ อามกสุสานํ วิย อุปฏฺาสิ, ตโย ภวา อาทิตฺตเคหสทิสา ขาทึสุ – ‘‘อุปทฺทุตํ วต, โภ, อุปสฺสฏฺํ วต, โภ’’ติ อุทานํ ปวตฺเตสิ, อติวิยสฺส ปพฺพชฺชาย จิตฺตํ นมิ.

โส ‘‘อชฺเชว มยา มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิตุํ วฏฺฏตี’’ติ สยนา วุฏฺาย ทฺวารสมีปํ คนฺตฺวา ‘‘โก เอตฺถา’’ติ อาห. อุมฺมาเร สีสํ กตฺวา นิปนฺโน ฉนฺโน – ‘‘อหํ, อยฺยปุตฺต, ฉนฺโน’’ติ อาห. ‘‘อชฺชาหํ มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิตุกาโม, เอกํ เม อสฺสํ กปฺเปหี’’ติ อาห. โส ‘‘สาธุ, เทวา’’ติ อสฺสภณฺฑกํ คเหตฺวา อสฺสสาลํ คนฺตฺวา คนฺธเตลปฺปทีเปสุ ชลนฺเตสุ สุมนปฏฺฏวิตานสฺส เหฏฺา รมณีเย ภูมิภาเค ิตํ กณฺฑกํ อสฺสราชานํ ทิสฺวา ‘‘อชฺช มยา อิมเมว กปฺเปตุํ วฏฺฏตี’’ติ กณฺฑกํ กปฺเปสิ. โส กปฺปิยมาโนว อฺาสิ ‘‘อยํ กปฺปนา อติวิย คาฬฺหา, อฺเสุ ทิวเสสุ อุยฺยานกีฬาทิคมนกาเล กปฺปนา วิย น โหติ, มยฺหํ อยฺยปุตฺโต อชฺช มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิตุกาโม ภวิสฺสตี’’ติ. ตโต ตุฏฺมานโส มหาหสิตํ หสิ, โส สทฺโท สกลนครํ ปตฺถริตฺวา คจฺเฉยฺย. เทวตา ปน นํ สนฺนิรุมฺภิตฺวา น กสฺสจิ โสตุํ อทํสุ.

โพธิสตฺโตปิ โข ฉนฺนํ เปเสตฺวาว ‘‘ปุตฺตํ ตาว ปสฺสิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา นิสินฺนปลฺลงฺกโต อุฏฺาย ราหุลมาตุยา วสนฏฺานํ คนฺตฺวา คพฺภทฺวารํ วิวริ. ตสฺมึ ขเณ อนฺโตคพฺเภ คนฺธเตลปฺปทีโป ฌายติ, ราหุลมาตา สุมนมลฺลิกาทีนํ ปุปฺผานํ อมฺพณมตฺเตน อภิปฺปกิณฺเณ สยเน ปุตฺตสฺส มตฺถเก หตฺถํ เปตฺวา นิทฺทายติ. โพธิสตฺโต อุมฺมาเร ปาทํ เปตฺวา ิตโกว โอโลเกตฺวา ‘‘สจาหํ เทวิยา หตฺถํ อปเนตฺวา มม ปุตฺตํ คณฺหิสฺสามิ, เทวี ปพุชฺฌิสฺสติ, เอวํ เม คมนนฺตราโย ภวิสฺสติ, พุทฺโธ หุตฺวาว อาคนฺตฺวา ปุตฺตํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ ปาสาทตลโต โอตริ. ยํ ปน ชาตกฏฺกถายํ ‘‘ตทา สตฺตาหชาโต ราหุลกุมาโร โหตี’’ติ วุตฺตํ, ตํ เสสฏฺกถาสุ นตฺถิ, ตสฺมา อิทเมว คเหตพฺพํ.

เอวํ โพธิสตฺโต ปาสาทตลา โอตริตฺวา อสฺสสมีปํ คนฺตฺวา เอวมาห – ‘‘ตาต กณฺฑก, ตฺวํ อชฺช เอกรตฺตึ มํ ตารย, อหํ ตํ นิสฺสาย พุทฺโธ หุตฺวา สเทวกํ โลกํ ตารยิสฺสามี’’ติ. ตโต อุลฺลงฺฆิตฺวา กณฺฑกสฺส ปิฏฺึ อภิรุหิ. กณฺฑโก คีวโต ปฏฺาย อายาเมน อฏฺารสหตฺโถ โหติ, ตทนุจฺฉวิเกน อุพฺเพเธน สมนฺนาคโต ถามชวสมฺปนฺโน สพฺพเสโต โธตสงฺขสทิโส. โส สเจ หเสยฺย วา ปทสทฺทํ วา กเรยฺย, สทฺโท สกลนครํ อวตฺถเรยฺย, ตสฺมา เทวตา อตฺตโน อานุภาเวน ตสฺส ยถา น โกจิ สุณาติ, เอวํ หสิตสทฺทํ สนฺนิรุมฺภิตฺวา อกฺกมนอกฺกมนปทวาเร หตฺถตลานิ อุปนาเมสุํ. โพธิสตฺโต อสฺสวรสฺส ปิฏฺิเวมชฺฌคโต ฉนฺนํ อสฺสสฺส วาลธึ คาหาเปตฺวา อฑฺฒรตฺตสมเย มหาทฺวารสมีปํ ปตฺโต. ตทา ปน ราชา ‘‘เอวํ มม ปุตฺโต ยาย กายจิ เวลาย นครทฺวารํ วิวริตฺวา นิกฺขมิตุํ น สกฺขิสฺสตี’’ติ ทฺวีสุ ทฺวารกวาเฏสุ เอเกกํ ปุริสสหสฺเสน วิวริตพฺพํ กาเรสิ. โพธิสตฺโต ปน ถามพลสมฺปนฺโน หตฺถิคณนาย โกฏิสหสฺสหตฺถีนํ พลํ ธาเรสิ, ปุริสคณนาย ทสโกฏิสหสฺสปุริสานํ พลํ ธาเรสิ. โส จินฺเตสิ – ‘‘สเจ ทฺวารํ น วิวริยฺยติ, อชฺช กณฺฑกสฺส ปิฏฺเ นิสินฺโนว วาลธึ คเหตฺวา ิเตน ฉนฺเนน สทฺธึเยว กณฺฑกํ อูรุหิ นิปฺปีเฬตฺวา อฏฺารสหตฺถุพฺเพธํ ปาการํ อุปฺปติตฺวา อติกฺกมิสฺสามี’’ติ. ฉนฺโนปิ จินฺเตสิ – ‘‘สเจ ทฺวารํ น วิวริยฺยติ, อหํ อตฺตโน สามิกํ อยฺยปุตฺตํ ขนฺเธ นิสีทาเปตฺวา กณฺฑกํ ทกฺขิเณน หตฺเถน กุจฺฉิยํ ปริกฺขิปนฺโต อุปกจฺฉนฺตเร กตฺวา ปาการํ อุปฺปติตฺวา อติกฺกมิสฺสามี’’ติ. กณฺฑโกปิ จินฺเตสิ – ‘‘สเจ ทฺวารํ น วิวริยฺยติ, อหํ อตฺตโน สามิกํ ปิฏฺเ ยถานิสินฺนเมว ฉนฺเนน วาลธึ คเหตฺวา ิเตน สทฺธึเยว อุกฺขิปิตฺวา ปาการํ อุปฺปติตฺวา อติกฺกมิสฺสามี’’ติ. สเจ ทฺวารํ น วิวเรยฺย, ยถาจินฺติตเมว เตสุ ตีสุ ชเนสุ อฺตโร สมฺปาเทยฺย. ทฺวาเร ปน อธิวตฺถา เทวตา ทฺวารํ วิวริ.

ตสฺมึเยว ขเณ มาโร ปาปิมา ‘‘โพธิสตฺตํ นิวตฺเตสฺสามี’’ติ อาคนฺตฺวา อากาเส ิโต อาห – ‘‘มาริส, มา นิกฺขมิ, อิโต เต สตฺตเม ทิวเส จกฺกรตนํ ปาตุภวิสฺสติ, ทฺวิสหสฺสปริตฺตทีปปริวารานํ จตุนฺนํ มหาทีปานํ รชฺชํ กาเรสฺสสิ, นิวตฺต, มาริสา’’ติ. ‘‘โกสิ ตฺว’’นฺติ? ‘‘อหํ วสวตฺตี’’ติ. ‘‘มาร, ชานามหํ มยฺหํ จกฺกรตนสฺส ปาตุภาวํ, อนตฺถิโกหํ รชฺเชน, ทสสหสฺสิโลกธาตุํ อุนฺนาเทตฺวา พุทฺโธ ภวิสฺสามี’’ติ อาห. มาโร ‘‘อิโต ทานิ เต ปฏฺาย กามวิตกฺกํ วา พฺยาปาทวิตกฺกํ วา วิหึสาวิตกฺกํ วา จินฺติตกาเล ชานิสฺสามี’’ติ โอตาราเปกฺโข ฉายา วิย อนุคจฺฉนฺโต อนุพนฺธิ.

โพธิสตฺโตปิ หตฺถคตํ จกฺกวตฺติรชฺชํ เขฬปิณฺฑํ วิย อนเปกฺโข ฉฑฺเฑตฺวา มหนฺเตน สกฺกาเรน นครา นิกฺขมิ. อาสาฬฺหิปุณฺณมาย อุตฺตราสาฬฺหนกฺขตฺเต วตฺตมาเน, นิกฺขมิตฺวา จ ปุน นครํ อปโลเกตุกาโม ชาโต. เอวฺจ ปนสฺส จิตฺเต อุปฺปนฺนมตฺเตเยว – ‘‘มหาปุริส, น ตยา นิวตฺเตตฺวา โอโลกนกมฺมํ กต’’นฺติ วทมานา วิย มหาปถวี กุลาลจกฺกํ วิย ฉิชฺชิตฺวา ปริวตฺติ. โพธิสตฺโต นคราภิมุโข ตฺวา นครํ โอโลเกตฺวา ตสฺมึ ปถวิปฺปเทเส กณฺฑกนิวตฺตนเจติยฏฺานํ ทสฺเสตฺวา คนฺตพฺพมคฺคาภิมุขํ กณฺฑกํ กตฺวา ปายาสิ มหนฺเตน สกฺกาเรน อุฬาเรน สิริโสภคฺเคน. ตทา กิรสฺส เทวตา ปุรโต สฏฺิ อุกฺกาสหสฺสานิ ธารยึสุ, ปจฺฉโต สฏฺิ, ทกฺขิณปสฺสโต สฏฺิ, วามปสฺสโต สฏฺีติ. อปรา เทวตา จกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ อปริมาณา อุกฺกา ธารยึสุ. อปรา เทวตา จ นาคสุปณฺณาทโย จ ทิพฺเพหิ คนฺเธหิ มาลาหิ จุณฺเณหิ ธูเปหิ ปูชยมานา คจฺฉนฺติ, ปาริจฺฉตฺตกปุปฺเผหิ เจว มนฺทารวปุปฺเผหิ จ ฆนเมฆวุฏฺิกาเล ธาราหิ วิย นภํ นิรนฺตรํ อโหสิ, ทิพฺพานิ สํคีตานิ ปวตฺตึสุ, สมนฺตโต อฏฺ ตูริยานิ, สฏฺิ ตูริยานีติ อฏฺสฏฺิ ตูริยสตสหสฺสานิ ปวตฺตยึสุ. เตสํ สทฺโท สมุทฺทกุจฺฉิยํ เมฆธนิตกาโล วิย, ยุคนฺธรกุจฺฉิยํ สาครนิคฺโฆสกาโล วิย จ วตฺตติ.

อิมินา สิริโสภคฺเคน คจฺฉนฺโต โพธิสตฺโต เอกรตฺเตเนว ตีณิ รชฺชานิ อติกฺกมฺม ตึสโยชนมตฺถเก อโนมานทีตีรํ ปาปุณิ. กึ ปน อสฺโส ตโต ปรํ คนฺตุํ น สกฺโกตีติ? โน น สกฺโกติ. โส หิ เอกํ จกฺกวาฬคพฺภํ นาภิยา ิตจกฺกสฺส เนมิวฏฺฏึ มทฺทนฺโต วิย อนฺตนฺเตน จริตฺวา ปุเรปาตราสเมว อาคนฺตฺวา อตฺตโน สมฺปาทิตํ ภตฺตํ ภุฺชิตุํ สมตฺโถ. ตทา ปน เทวนาคสุปณฺณาทีหิ อากาเส ตฺวา โอสฺสฏฺเหิ คนฺธมาลาทีหิ ยาว อูรุปฺปเทสา สฺฉนฺนสรีรํ อากฑฺฒิตฺวา คนฺธมาลาชฏํ ฉินฺทนฺตสฺส อติปปฺโจ อโหสิ, ตสฺมา ตึสโยชนมตฺตเมว อคมาสิ. อถ โพธิสตฺโต นทีตีเร ตฺวา ฉนฺนํ ปุจฺฉิ – ‘‘กา นาม อยํ นที’’ติ? ‘‘อโนมา นาม, เทวา’’ติ. ‘‘อมฺหากมฺปิ ปพฺพชฺชา อโนมา ภวิสฺสตี’’ติ ปณฺหิยา ฆฏฺเฏนฺโต อสฺสสฺส สฺํ อทาสิ. อสฺโส จ อุปฺปติตฺวา อฏฺุสภวิตฺถาราย นทิยา ปาริมตีเร อฏฺาสิ.

โพธิสตฺโต อสฺสปิฏฺิโต โอรุยฺห รชตปฏฺฏสทิเส วาฬุกาปุลิเน ตฺวา ฉนฺนํ อามนฺเตสิ – ‘‘สมฺม ฉนฺน, ตฺวํ มยฺหํ อาภรณานิ เจว กณฺฑกฺจ อาทาย คจฺฉ, อหํ ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. ‘‘อหมฺปิ, เทว, ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. โพธิสตฺโต ‘‘น ลพฺภา ตยา ปพฺพชิตุํ, คจฺเฉว ตฺว’’นฺติ ติกฺขตฺตุํ ปฏิพาหิตฺวา อาภรณานิ เจว กณฺฑกฺจ ปฏิจฺฉาเปตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อิเม มยฺหํ เกสา สมณสารุปฺปา น โหนฺติ, อฺโ โพธิสตฺตสฺส เกเส ฉินฺทิตุํ ยุตฺตรูโป นตฺถี’’ติ. ตโต ‘‘สยเมว ขคฺเคน ฉินฺทิสฺสามี’’ติ ทกฺขิเณน หตฺเถน อสึ คเหตฺวา วามหตฺเถน โมฬิยา สทฺธึ จูฬํ คเหตฺวา ฉินฺทิ. เกสา ทฺวงฺคุลมตฺตา หุตฺวา ทกฺขิณโต อาวฏฺฏมานา สีสํ อลฺลียึสุ. เตสํ ยาวชีวํ ตเทว ปมาณํ อโหสิ, มสฺสุ จ ตทนุรูปํ, ปุน เกสมสฺสุโอหารณกิจฺจํ นาม นาโหสิ. โพธิสตฺโต สห โมฬิยา จูฬํ คเหตฺวา ‘‘สจาหํ สมฺพุทฺโธ ภวิสฺสามิ, อากาเส ติฏฺตุ. โน เจ, ภูมิยํ ปตตู’’ติ อนฺตลิกฺเข ขิปิ. สา จูฬา โยชนปฺปมาณํ านํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา อากาเส อฏฺาสิ. สกฺโก เทวราชา ทิพฺพจกฺขุนา โอโลเกตฺวา โยชนิยรตนจงฺโกฏเกน สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตาวตึสภวเน จูฬามณิเจติยํ นาม ปติฏฺาเปสิ.

‘‘เฉตฺวาน โมฬึ วรคนฺธวาสิตํ, เวหายสํ อุกฺขิปิ สกฺยปุงฺคโว;

สหสฺสเนตฺโต สิรสา ปฏิคฺคหิ, รตนจงฺโกฏวเรน วาสโว’’ติ. (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๒๒๒);

ปุน โพธิสตฺโต จินฺเตสิ – ‘‘อิมานิ กาสิกวตฺถานิ มยฺหํ น สมณสารุปฺปานี’’ติ. อถสฺส กสฺสปพุทฺธกาเล ปุราณสหายโก ฆฏิการมหาพฺรหฺมา เอกํ พุทฺธนฺตรํ ชรํ อปฺปตฺเตน มิตฺตภาเวน จินฺเตสิ – ‘‘อชฺช เม สหายโก มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขนฺโต, สมณปริกฺขารมสฺส คเหตฺวา คจฺฉิสฺสามี’’ติ.

‘‘ติจีวรฺจ ปตฺโต จ, วาสี สูจิ จ พนฺธนํ;

ปริสฺสาวเนน อฏฺเเต, ยุตฺตโยคสฺส ภิกฺขูโน’’ติ. –

อิเม อฏฺ ปริกฺขาเร อาหริตฺวา อทาสิ. โพธิสโต อรหทฺธชํ นิวาเสตฺวา อุตฺตมปพฺพชิตเวสํ คณฺหิตฺวา ‘‘ฉนฺน, ตฺวํ มม วจเนน มาตาปิตูนํ อาโรคฺยํ วเทหี’’ติ วตฺวา อุยฺโยเชสิ. ฉนฺโน โพธิสตฺตํ วนฺทิตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิ. กณฺฑโก ปน ฉนฺเนน สทฺธึ มนฺตยมานสฺส โพธิสตฺตสฺส วจนํ สุณนฺโตว ‘‘นตฺถิ ทานิ มยฺหํ ปุน สามิโน ทสฺสน’’นฺติ จินฺเตตฺวา จกฺขุปถํ วิชหนฺโต โสกํ อธิวาเสตุํ อสกฺโกนฺโต หทเยน ผลิเตน กาลํ กตฺวา ตาวตึสภวเน กณฺฑโก นาม เทวปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ฉนฺนสฺส ปมํ เอโกว โสโก อโหสิ, กณฺฑกสฺส ปน กาลกิริยาย ทุติเยน โสเกน ปีฬิโต โรทนฺโต ปริเทวนฺโต นครํ อคมาสิ.

โพธิสตฺโต ปพฺพชิตฺวา ตสฺมึเยว ปเทเส อนุปิยํ นาม อมฺพวนํ อตฺถิ, ตตฺถ สตฺตาหํ ปพฺพชฺชาสุเขน วีตินาเมตฺวา เอกทิวเสเนว ตึสโยชนมคฺคํ ปทสา คนฺตฺวา ราชคหํ ปาวิสิ. ปวิสิตฺวา จ สปทานํ ปิณฺฑาย จริ. สกลนครํ โพธิสตฺตสฺส รูปทสฺสเนเนว ธนปาลเก ปวิฏฺเ ราชคหํ วิย จ, อสุรินฺเท ปวิฏฺเ เทวนครํ วิย จ สงฺโขภํ อคมาสิ. ราชปุริสา คนฺตฺวา ‘‘เทว, เอวรูโป นาม สตฺโต นคเร ปิณฺฑาย จรติ, ‘เทโว วา มนุสฺโส วา นาโค วา สุปณฺโณ วา อสุโก นาม เอโส’ติ น ชานามา’’ติ อาโรเจสุํ. ราชา ปาสาทตเล ตฺวา มหาปุริสํ ทิสฺวา อจฺฉริยพฺภุตจิตฺโต ปุริเส อาณาเปสิ – ‘‘คจฺฉถ, ภเณ, วีมํสถ, สเจ อมนุสฺโส ภวิสฺสติ, นครา นิกฺขมิตฺวา อนฺตรธายิสฺสติ, สเจ เทวตา ภวิสฺสติ, อากาเสน คจฺฉิสฺสติ, สเจ นาโค ภวิสฺสติ, ปถวิยํ นิมุชฺชิตฺวา คมิสฺสติ, สเจ มนุสฺโส ภวิสฺสติ, ยถาลทฺธํ ภิกฺขํ ปริภุฺชิสฺสตี’’ติ.

มหาปุริโสปิ โข มิสฺสกภตฺตํ สํหริตฺวา ‘‘อลํ เม เอตฺตกํ ยาปนายา’’ติ ตฺวา ปวิฏฺทฺวาเรเนว นครา นิกฺขมิตฺวา ปณฺฑวปพฺพตจฺฉายายํ ปุรตฺถิมาภิมุโข นิสีทิตฺวา อาหารํ ปริภุฺชิตุํ อารทฺโธ. อถสฺส อนฺตานิ ปริวตฺติตฺวา มุเขน นิกฺขมนาการปฺปตฺตานิ อเหสุํ. ตโต โส เตน อตฺตภาเวน เอวรูปสฺส อาหารสฺส จกฺขุนาปิ อทิฏฺปุพฺพตาย เตน ปฏิกูลาหาเรน อฏฺฏียมาโนปิ เอวํ อตฺตนา เอว อตฺตานํ โอวทิ – ‘‘สิทฺธตฺถ, ตฺวํ สุลภอนฺนปาเน กุเล ติวสฺสิกคนฺธสาลิโภชนํ นานคฺครเสหิ ภุฺชนฏฺาเน นิพฺพตฺติตฺวาปิ เอกํ ปํสุกูลิกํ ทิสฺวา ‘กทา นุ โข อหมฺปิ เอวรูโป หุตฺวา ปิณฺฑาย จริตฺวา ภุฺชิสฺสามิ, ภวิสฺสติ นุ โข เม โส กาโล’ติ จินฺเตตฺวา นิกฺขนฺโต, อิทานิ กินฺนาเมตํ กโรสี’’ติ เอวํ อตฺตานํ โอวทิตฺวา นิพฺพิกาโร หุตฺวา อาหารํ ปริภุฺชิ.

ราชปุริสา ตํ ปวตฺตึ ทิสฺวา คนฺตฺวา รฺโ อาโรเจสุํ. ราชา ทูตวจนํ สุตฺวา เวเคน นครา นิกฺขมิตฺวา โพธิสตฺตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา อิริยาปถสฺมึเยว ปสีทิตฺวา โพธิสตฺตสฺส สพฺพํ อิสฺสริยํ นิยฺยาเตสิ. โพธิสตฺโต ‘‘มยฺหํ, มหาราช, วตฺถุกาเมหิ วา กิเลสกาเมหิ วา อตฺโถ นตฺถิ, อหํ ปรมาภิสมฺโพธึ ปตฺถยนฺโต นิกฺขนฺโต’’ติ อาห. ราชา อเนกปฺปการํ ยาจนฺโตปิ ตสฺส จิตฺตํ อลภิตฺวา ‘‘อทฺธา ตฺวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ, พุทฺธภูเตน ปน ตยา ปมํ มม วิชิตํ อาคนฺตพฺพ’’นฺติ ปฏิฺํ คณฺหิ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน ‘‘ปพฺพชฺชํ กิตฺตยิสฺสามิ, ยถา ปพฺพชิ จกฺขุมา’’ติ อิมํ ปพฺพชฺชาสุตฺตํ (สุ. นิ. ๔๐๗) สทฺธึ อฏฺกถาย โอโลเกตฺวา เวทิตพฺโพ.

โพธิสตฺโตปิ โข รฺโ ปฏิฺํ ทตฺวา อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน อาฬารฺจ กาลามํ อุทกฺจ รามปุตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวา ‘‘นายํ มคฺโค โพธายา’’ติ ตมฺปิ สมาปตฺติภาวนํ อนลงฺกริตฺวา สเทวกสฺส โลกสฺส อตฺตโน ถามวีริยสนฺทสฺสนตฺถํ มหาปธานํ ปทหิตุกาโม อุรุเวลํ คนฺตฺวา ‘‘รมณีโย วตายํ ภูมิภาโค’’ติ ตตฺเถว วาสํ อุปคนฺตฺวา มหาปธานํ ปทหิ. เตปิ โข โกณฺฑฺปฺปมุขา ปฺจวคฺคิยา คามนิคมราชธานีสุ ภิกฺขาย จรนฺตา ตตฺถ โพธิสตฺตํ สมฺปาปุณึสุ. อถ นํ ฉพฺพสฺสานิ มหาปธานํ ปทหนฺตํ ‘‘อิทานิ พุทฺโธ ภวิสฺสติ, อิทานิ พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ ปริเวณสมฺมชฺชนาทิกาย วตฺตปฏิปตฺติยา อุปฏฺหมานา สนฺติกาวจรา อเหสุํ. โพธิสตฺโตปิ โข ‘‘โกฏิปฺปตฺตํ ทุกฺกรการิกํ กริสฺสามี’’ติ เอกติลตณฺฑุลาทีหิปิ วีตินาเมสิ, สพฺพโสปิ อาหารุปจฺเฉทนํ อกาสิ. เทวตาปิ โลมกูเปหิ โอชํ อุปสํหรมานา ปกฺขิปึสุ.

อถสฺส ตาย นิราหารตาย ปรมกสิรปฺปตฺตตาย สุวณฺณวณฺโณปิ กาโย กาฬวณฺโณ อโหสิ, ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณานิ ปฏิจฺฉนฺนานิ อเหสุํ. อปฺเปกทา อานาปานกชฺฌานํ ฌายนฺโต มหาเวทนาภิตุนฺโน วิสฺีภูโต จงฺกมนโกฏิยํ ปตติ. อถ นํ เอกจฺจา เทวตา ‘‘กาลงฺกโต สมโณ โคตโม’’ติ วทนฺติ. เอกจฺจา ‘‘วิหาโรตฺเวเวโส อรหต’’นฺติ จ อาหํสุ. ตตฺถ ยาสํ ‘‘กาลงฺกโต’’ติ สฺา อโหสิ, ตา คนฺตฺวา สุทฺโธทนมหาราชสฺส อาโรเจสุํ – ‘‘ตุมฺหากํ ปุตฺโต กาลงฺกโต’’ติ. ‘‘มม ปุตฺโต พุทฺโธ หุตฺวา กาลงฺกโต, อหุตฺวา’’ติ? ‘‘พุทฺโธ ภวิตุํ นาสกฺขิ, ปธานภูมิยํเยว ปติตฺวา กาลงฺกโต’’ติ. อิทํ สุตฺวา ราชา – ‘‘นาหํ สทฺทหามิ, มม ปุตฺตสฺส โพธึ อปฺปตฺวา กาลกิริยา นาม นตฺถี’’ติ ปฏิกฺขิปิ. ‘‘กสฺมา ปน ราชา น สทฺทหตี’’ติ? กาลเทวลตาปสวนฺทาปนทิวเส ชมฺพุรุกฺขมูเล จ ปาฏิหาริยานํ ทิฏฺตฺตา.

ปุน โพธิสตฺเต สฺํ ปฏิลภิตฺวา อุฏฺิเต ตา เทวตา คนฺตฺวา ‘‘อโรโค เต, มหาราช, ปุตฺโต’’ติ อาโรเจสุํ. ราชา ‘‘ชานามหํ มม ปุตฺตสฺส อมรณภาว’’นฺติ วทติ. มหาสตฺตสฺส ฉพฺพสฺสานิ ทุกฺกรการิกํ กโรนฺตสฺเสว อากาเส คณฺิกรณกาโล วิย อโหสิ. โส ‘‘อยํ ทุกฺกรการิกา นาม โพธาย มคฺโค น โหตี’’ติ โอฬาริกํ อาหารํ อาหาเรตุํ คามนิคเมสุ ปิณฺฑาย จริตฺวา อาหารํ อาหริ. อถสฺส ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณานิ ปากติกานิ อเหสุํ, กาโยปิ สุวณฺณวณฺโณ อโหสิ. ปฺจวคฺคิยา ภิกฺขู ‘‘อยํ ฉพฺพสฺสานิ ทุกฺกรการิกํ กโรนฺโตปิ สพฺพฺุตํ ปฏิวิชฺฌิตุํ นาสกฺขิ, อิทานิ คามนิคมาทีสุ ปิณฺฑาย จริตฺวา โอฬาริกํ อาหารํ อาหรมาโน กึ สกฺขิสฺสติ, พาหุลิโก เอส ปธานวิพฺภนฺโต, สีสํ นฺหายิตุกามสฺส อุสฺสาวพินฺทุตกฺกนํ วิย อมฺหากํ เอตสฺส สนฺติกา วิเสสตกฺกนํ, กึ โน อิมินา’’ติ มหาปุริสํ ปหาย อตฺตโน อตฺตโน ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา อฏฺารสโยชนมคฺคํ คนฺตฺวา อิสิปตนํ ปวิสึสุ.

เตน โข ปน สมเยน อุรุเวลายํ เสนานิคเม เสนานิกุฏุมฺพิกสฺส เคเห นิพฺพตฺตา สุชาตา นาม ทาริกา วยปฺปตฺตา เอกสฺมึ นิคฺโรธรุกฺเข ปตฺถนํ อกาสิ – ‘‘สจาหํ สมชาติกํ กุลฆรํ คนฺตฺวา ปมคพฺเภ ปุตฺตํ ลภิสฺสามิ, อนุสํวจฺฉรํ เต สตสหสฺสปริจฺจาเคน พลิกมฺมํ กริสฺสามี’’ติ. ตสฺสา สา ปตฺถนา สมิชฺฌิ. สา มหาสตฺตสฺส ทุกฺกรการิกํ กโรนฺตสฺส ฉฏฺเ วสฺเส ปริปุณฺเณ วิสาขาปุณฺณมายํ พลิกมฺมํ กาตุกามา หุตฺวา ปุเรตรํเยว เธนุสหสฺสํ ลฏฺิมธุกวเน จราเปตฺวา, ตาสํ ขีรํ ปฺจ เธนุสตานิ ปาเยตฺวา, ตาสํ ขีรํ อฑฺฒติยานิ จ สตานีติ เอวํ ยาว โสฬสนฺนํ เธนูนํ ขีรํ อฏฺ เธนุโย ปิวนฺติ, ตาว ขีรสฺส พหลตฺจ มธุรตฺจ โอชวนฺตตฺจ ปตฺถยมานา ขีรปริวตฺตนํ นาม อกาสิ. สา วิสาขาปุณฺณมทิวเส ‘‘ปาโตว พลิกมฺมํ กริสฺสามี’’ติ รตฺติยา ปจฺจูสสมยํ ปจฺจุฏฺาย ตา อฏฺ เธนุโย ทุหาเปสิ. วจฺฉกา เธนูนํ ถนมูลํ น อาคมํสุ, ถนมูเล ปน นวภาชเนสุ อุปนีตมตฺเตสุ อตฺตโน ธมฺมตาย ขีรธารา ปคฺฆรึสุ. ตํ อจฺฉริยํ ทิสฺวา สุชาตา สหตฺเถเนว ขีรํ คเหตฺวา นวภาชเน ปกฺขิปิตฺวา สหตฺเถเนว อคฺคึ กตฺวา ปจิตุํ อารภิ.

ตสฺมึ ปายาเส ปจฺจมาเน มหนฺตา มหนฺตา ปุพฺพุฬา อุฏฺหิตฺวา ทกฺขิณาวฏฺฏา หุตฺวา สฺจรนฺติ. เอกผุสิตมฺปิ พหิ น อุปฺปตติ, อุทฺธนโต อปฺปมตฺตโกปิ ธูโม น อุฏฺหติ. ตสฺมึ สมเย จตฺตาโร โลกปาลา อาคนฺตฺวา อุทฺธเน อารกฺขํ คณฺหึสุ, มหาพฺรหฺมา ฉตฺตํ ธาเรสิ, สกฺโก อลาตานิ สมาเนนฺโต อคฺคึ ชาเลสิ. เทวตา ทฺวิสหสฺสทีปปริวาเรสุ จตูสุ มหาทีเปสุ เทวมนุสฺสานํ อุปกปฺปนโอชํ อตฺตโน เทวานุภาเวน ทณฺฑกพทฺธํ มธุปฏลํ ปีเฬตฺวา มธุํ คณฺหมานา วิย สํหริตฺวา ตตฺถ ปกฺขิปึสุ. อฺเสุ หิ กาเลสุ เทวตา กพเฬ กพเฬ โอชํ ปกฺขิปึสุ, สมฺโพธิปฺปตฺตทิวเส จ ปรินิพฺพานทิวเส จ อุกฺขลิยํเยว ปกฺขิปึสุ. สุชาตา เอกทิวเสเยว ตตฺถ อตฺตโน ปากฏานิ อเนกานิ อจฺฉริยานิ ทิสฺวา ปุณฺณํ นาม ทาสึ อามนฺเตสิ – ‘‘อมฺม ปุณฺเณ, อชฺช อมฺหากํ เทวตา อติวิย ปสนฺนา, มยา หิ เอตฺตเก กาเล เอวรูปํ อจฺฉริยํ นาม น ทิฏฺปุพฺพํ, เวเคน คนฺตฺวา เทวฏฺานํ ปฏิชคฺคาหี’’ติ. สา ‘‘สาธุ, อยฺเย’’ติ ตสฺสา วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตุริตตุริตา รุกฺขมูลํ อคมาสิ.

โพธิสตฺโตปิ โข ตสฺมึ รตฺติภาเค ปฺจ มหาสุปิเน (อ. นิ. ๕.๑๙๖) ทิสฺวา ปริคฺคณฺหนฺโต ‘‘นิสฺสํสยํ อชฺชาหํ พุทฺโธ ภวิสฺสามี’’ติ กตสนฺนิฏฺาโน ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน กตสรีรปฏิชคฺคโน ภิกฺขาจารกาลํ อาคมยมาโน ปาโตว อาคนฺตฺวา ตสฺมึ รุกฺขมูเล นิสีทิ, อตฺตโน ปภาย สกลํ รุกฺขมูลํ โอภาสยมาโน. อถ โข สา ปุณฺณา อาคนฺตฺวา อทฺทส โพธิสตฺตํ รุกฺขมูเล ปาจีนโลกธาตุํ โอโลกยมานํ นิสินฺนํ, สรีรโต จสฺส นิกฺขนฺตาหิ ปภาหิ สกลรุกฺขํ สุวณฺณวณฺณํ. ทิสฺวานสฺสา เอตทโหสิ – ‘‘อชฺช อมฺหากํ เทวตา รุกฺขโต โอรุยฺห สหตฺเถเนว พลิกมฺมํ สมฺปฏิจฺฉิตุํ นิสินฺนา มฺเ’’ติ อุพฺเพคปฺปตฺตา หุตฺวา เวเคน อาคนฺตฺวา สุชาตาย เอตมตฺถํ อาโรเจสิ.

สุชาตา ตสฺสา วจนํ สุตฺวา ตุฏฺมานสา หุตฺวา ‘‘อชฺช ทานิ ปฏฺาย มม เชฏฺธีตุฏฺาเน ติฏฺาหี’’ติ ธีตุ อนุจฺฉวิกํ สพฺพาลงฺการํ อทาสิ. ยสฺมา ปน พุทฺธภาวํ ปาปุณนทิวเส สตสหสฺสคฺฆนิกา เอกา สุวณฺณปาติ ลทฺธุํ วฏฺฏติ, ตสฺมา สา ‘‘สุวณฺณปาติยํ ปายาสํ ปกฺขิปิสฺสามี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา สตสหสฺสคฺฆนิกํ สุวณฺณปาตึ นีหราเปตฺวา ตตฺถ ปายาสํ ปกฺขิปิตุกามา ปกฺกภาชนํ อาวชฺเชสิ. สพฺโพ ปายาโส ปทุมปตฺตโต อุทกํ วิย วตฺติตฺวา ปาติยํ ปติฏฺาสิ, เอกปาติปูรมตฺโตว อโหสิ. สา ตํ ปาตึ อฺาย ปาติยา ปฏิกุชฺชิตฺวา โอทาตวตฺเถน เวเตฺวา สยํ สพฺพาลงฺกาเรหิ อตฺตภาวํ อลงฺกริตฺวา ตํ ปาตึ อตฺตโน สีเส เปตฺวา มหนฺเตน อานุภาเวน นิคฺโรธรุกฺขมูลํ คนฺตฺวา โพธิสตฺตํ ทิสฺวา พลวโสมนสฺสชาตา ‘‘รุกฺขเทวตา’’ติ สฺาย ทิฏฺฏฺานโต ปฏฺาย โอนโตนตา คนฺตฺวา สีสโต ปาตึ โอตาเรตฺวา วิวริตฺวา สุวณฺณภิงฺคาเรน คนฺธปุปฺผวาสิตํ อุทกํ คเหตฺวา โพธิสตฺตํ อุปคนฺตฺวา อฏฺาสิ. ฆฏิการมหาพฺรหฺมุนา ทินฺโน มตฺติกาปตฺโต เอตฺตกํ กาลํ โพธิสตฺตํ อวิชหิตฺวา ตสฺมึ ขเณ อทสฺสนํ คโต, โพธิสตฺโต ปตฺตํ อปสฺสนฺโต ทกฺขิณหตฺถํ ปสาเรตฺวา อุทกํ สมฺปฏิจฺฉิ. สุชาตา สเหว ปาติยา ปายาสํ มหาปุริสสฺส หตฺเถ เปสิ, มหาปุริโส สุชาตํ โอโลเกสิ. สา อาการํ สลฺลกฺเขตฺวา ‘‘อยฺย, มยา ตุมฺหากํ ปริจฺจตฺตา, ตํ คณฺหิตฺวา ยถารุจิ กโรถา’’ติ วนฺทิตฺวา ‘‘ยถา มยฺหํ มโนรโถ นิปฺผนฺโน, เอวํ ตุมฺหากมฺปิ นิปฺผชฺชตู’’ติ วตฺวา สตสหสฺสคฺฆนิกมฺปิ สุวณฺณปาตึ ปุราณกปณฺณํ วิย ปริจฺจชิตฺวา อนเปกฺขาว ปกฺกามิ.

โพธิสตฺโตปิ โข นิสินฺนฏฺานา วุฏฺาย รุกฺขํ ปทกฺขิณํ กตฺวา ปาตึ อาทาย เนรฺชราย ตีรํ คนฺตฺวา อเนเกสํ โพธิสตฺตสตสหสฺสานํ อภิสมฺพุชฺฌนทิวเส โอตริตฺวา นฺหานฏฺานํ สุปติฏฺิตํ นาม อตฺถิ, ตสฺสา ตีเร ปาตึ เปตฺวา สุปติฏฺิตติตฺเถ โอตริตฺวา นฺหตฺวา อเนกพุทฺธสตสหสฺสานํ นิวาสนํ อรหทฺธชํ นิวาเสตฺวา ปุรตฺถาภิมุโข นิสีทิตฺวา เอกฏฺิตาลปกฺกปฺปมาเณ เอกูนปณฺณาสปิณฺเฑ กตฺวา สพฺพํ อปฺโปทกมธุปายาสํ ปริภุฺชิ. โสเยวสฺส พุทฺธภูตส สตฺตสตฺตาหํ โพธิมณฺเฑ วสนฺตสฺส เอกูนปณฺณาสทิวสานิ อาหาโร อโหสิ. เอตฺตกํ กาลํ อฺโ อาหาโร นตฺถิ, น นฺหานํ, น มุขโธวนํ, น สรีรวฬฺโช, ฌานสุเขน ผลสมาปตฺติสุเขน จ วีตินาเมสิ. ตํ ปน ปายาสํ ภุฺชิตฺวา สุวณฺณปาตึ คเหตฺวา ‘‘สจาหํ อชฺช พุทฺโธ ภวิสฺสามิ, อยํ ปาติ ปฏิโสตํ คจฺฉตุ, โน เจ ภวิสฺสามิ, อนุโสตํ คจฺฉตู’’ติ วตฺวา นทีโสเต ปกฺขิปิ. สา โสตํ ฉินฺทมานา นทีมชฺฌํ คนฺตฺวา มชฺฌฏฺาเนเนว ชวสมฺปนฺโน อสฺโส วิย อสีติหตฺถมตฺตฏฺานํ ปฏิโสตํ คนฺตฺวา เอกสฺมึ อาวฏฺเฏ นิมุชฺชิตฺวา กาฬนาคราชภวนํ คนฺตฺวา ติณฺณํ พุทฺธานํ ปริโภคปาติโย ‘‘กิลิ กิลี’’ติ รวํ การยมานา ปหริตฺวา ตาสํ สพฺพเหฏฺิมา หุตฺวา อฏฺาสิ. กาโฬ นาคราชา ต สทฺทํ สุตฺวา ‘‘หิยฺโย เอโก พุทฺโธ นิพฺพตฺติ, ปุน อชฺช เอโก นิพฺพตฺโต’’ติ วตฺวา อเนเกหิ ปทสเตหิ ถุติโย วทมาโน อุฏฺาสิ. ตสฺส กิร มหาปถวิยา เอกโยชนติคาวุตปฺปมาณํ นภํ ปูเรตฺวา อาโรหนกาโล อชฺช วา หิยฺโย วา สทิโส อโหสิ.

โพธิสตฺโตปิ นทีตีรมฺหิ สุปุปฺผิตสาลวเน ทิวาวิหารํ กตฺวา สายนฺหสมยํ ปุปฺผานํ วณฺฏโต มุจฺจนกาเล เทวตาหิ อลงฺกเตน อฏฺูสภวิตฺถาเรน มคฺเคน สีโห วิย วิชมฺภมาโน โพธิรุกฺขาภิมุโข ปายาสิ. นาคยกฺขสุปณฺณาทโย ทิพฺเพหิ คนฺธปุปฺผาทีหิ ปูชยึสุ, ทิพฺพสํคีตาทีนิ ปวตฺตยึสุ, ทสสหสฺสี โลกธาตุ เอกคนฺธา เอกมาลา เอกสาธุการา อโหสิ. ตสฺมึ สมเย โสตฺถิโย นาม ติณหารโก ติณํ อาทาย ปฏิปเถ อาคจฺฉนฺโต มหาปุริสสฺส อาการํ ตฺวา อฏฺ ติณมุฏฺิโย อทาสิ. โพธิสตฺโต ติณํ คเหตฺวา โพธิมณฺฑํ อารุยฺห ทกฺขิณทิสาภาเค อุตฺตราภิมุโข อฏฺาสิ. ตสฺมึ ขเณ ทกฺขิณจกฺกวาฬํ โอสีทิตฺวา เหฏฺา อวีจิสมฺปตฺตํ วิย อโหสิ. อุตฺตรจกฺกวาฬํ อุลฺลงฺฆิตฺวา อุปริ ภวคฺคปฺปตฺตํ วิย อโหสิ. โพธิสตฺโต ‘‘อิทํ สมฺโพธิปาปุณนฏฺานํ น ภวิสฺสติ มฺเ’’ติ ปทกฺขิณํ กโรนฺโต ปจฺฉิมทิสาภาคํ คนฺตฺวา ปุรตฺถิมาภิมุโข อฏฺาสิ, ตโต ปจฺฉิมจกฺกวาฬํ โอสีทิตฺวา เหฏฺา อวีจิสมฺปตฺตํ วิย อโหสิ, ปุรตฺถิมจกฺกวาฬํ อุลฺลงฺฆิตฺวา อุปริ ภวคฺคปฺปตฺตํ วิย อโหสิ. ิตฏฺิตฏฺาเน กิรสฺส เนมิวฏฺฏิปริยนฺเต อกฺกนฺตํ นาภิยา ปติฏฺิตมหาสกฏจกฺกํ วิย มหาปถวี โอนตุนฺนตา อโหสิ. โพธิสตฺโต ‘‘อิทมฺปิ สมฺโพธิปาปุณนฏฺานํ น ภวิสฺสติ มฺเ’’ติ ปทกฺขิณํ กโรนฺโต อุตฺตรทิสาภาคํ คนฺตฺวา ทกฺขิณาภิมุโข อฏฺาสิ. ตโต อุตฺตรจกฺกวาฬํ โอสีทิตฺวา เหฏฺา อวีจิสมฺปตฺตํ วิย อโหสิ, ทกฺขิณจกฺกวาฬํ อุลฺลงฺฆิตฺวา อุปริ ภวคฺคปฺปตฺตํ วิย อโหสิ. โพธิสตฺโต ‘‘อิทมฺปิ สมฺโพธิปาปุณนฏฺานํ น ภวิสฺสติ มฺเ’’ติ ปทกฺขิณํ กโรนฺโต ปุรตฺถิมทิสาภาคํ คนฺตฺวา ปจฺฉิมาภิมุโข อฏฺาสิ. ปุรตฺถิมทิสาภาเค ปน สพฺพพุทฺธานํ ปลฺลงฺกฏฺานํ อโหสิ, ตํ เนว ฉมฺภติ, น กมฺปติ. โพธิสตฺโต ‘‘อิทํ สพฺพพุทฺธานํ อวิชหิตํ อจลฏฺานํ กิเลสปฺชรวิทฺธํสนฏฺาน’’นฺติ ตฺวา ตานิ ติณานิ อคฺเค คเหตฺวา จาเลสิ, ตาวเทว จุทฺทสหตฺโถ ปลฺลงฺโก อโหสิ. ตานิปิ โข ติณานิ ตถารูเปน สณฺาเนน สณฺหึสุ, ยถารูปํ สุกุสโล จิตฺตกาโร วา โปตฺถกาโร วา อาลิขิตุมฺปิ สมตฺโถ นตฺถิ. โพธิสตฺโต โพธิกฺขนฺธํ ปิฏฺิโต กตฺวา ปุรตฺถาภิมุโข ทฬฺหมานโส หุตฺวา –

‘‘กามํ ตโจ จ นฺหารุ จ, อฏฺิ จ อวสิสฺสตุ;

อุปสุสฺสตุ นิสฺเสสํ, สรีเร มํสโลหิตํ. (อ. นิ. ๒.๕; ม. นิ. ๒.๑๘๔) –

‘น ตฺเววาหํ สมฺมาสมฺโพธึ อปฺปตฺวา อิมํ ปลฺลงฺกํ ภินฺทิสฺสามี’’’ติ อสนิสตสนฺนิปาเตนปิ อเภชฺชรูปํ อปราชิตปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา นิสีทิ.

ตสฺมึ สมเย มาโร ปาปิมา – ‘‘สิทฺธตฺถกุมาโร มยฺหํ วสํ อติกฺกมิตุกาโม, น ทานิสฺส อติกฺกมิตุํ ทสฺสามี’’ติ มารพลสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา เอตมตฺถํ อาโรเจตฺวา มารโฆสนํ นาม โฆสาเปตฺวา มารพลํ อาทาย นิกฺขมิ. สา มารเสนา มารสฺส ปุรโต ทฺวาทสโยชนา โหติ, ทกฺขิณโต จ วามโต จ ทฺวาทสโยชนา, ปจฺฉโต จกฺกวาฬปริยนฺตํ กตฺวา ิตา, อุทฺธํ นวโยชนุพฺเพธา โหติ, ยสฺสา อุนฺนทนฺติยา อุนฺนาทสทฺโท โยชนสหสฺสโต ปฏฺาย ปถวิอุนฺทฺริยนสทฺโทวิย สูยติ. อถ มาโร เทวปุตฺโต ทิยฑฺฒโยชนสติกํ คิริเมขลํ นาม หตฺถึ อภิรุหิตฺวา พาหุสหสฺสํ มาเปตฺวา นานาวุธานิ อคฺคเหสิ. อวเสสายปิ มารปริสาย ทฺเว ชนา เอกสทิสา เอกสทิสํ อาวุธํ คณฺหนฺตา นาเหสุํ. นานาวณฺณา นานปฺปการมุขา หุตฺวา นานาวุธานิ คณฺหนฺตา โพธิสตฺตํ อชฺโฌตฺถรมานา อาคมํสุ.

ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตา ปน มหาสตฺตสฺส ถุติโย วทมานา อฏฺํสุ. สกฺโก เทวราชา วิชยุตฺตรสงฺขํ ธมมาโน อฏฺาสิ. โส กิร สงฺโข วีสหตฺถสติโก โหติ, สกึ วาตํ คาหาเปตฺวา ธมิยมาโน จตฺตาโร มาเส สทฺทํ กริตฺวา นิสฺสทฺโท โหติ. มหากาฬนาคราชา อติเรกปทสเตน วณฺณํ วณฺเณนฺโตว อฏฺาสิ, มหาพฺรหฺมา เสตจฺฉตฺตํ ธารยมาโน อฏฺาสิ. มารพเล ปน โพธิมณฺฑํ อุปสงฺกมนฺเต เตสํ เอโกปิ าตุํ นาสกฺขิ, สมฺมุขสมฺมุขฏฺาเนเนว ปลายึสุ. กาโฬ นาม นาคราชาปิ ปถวิยํ นิมุชฺชิตฺวา ปฺจโยชนสติกํ มฺเชริกนาคภวนํ คนฺตฺวา อุโภหิ หตฺเถหิ มุขํ ปิทหิตฺวา นิปนฺโน. สกฺโก เทวราชาปิ วิชยุตฺตรสงฺขํ ปิฏฺิยํ กตฺวา จกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ อฏฺาสิ, มหาพฺรหฺมา เสตจฺฉตฺตํ โกฏิยํ คเหตฺวา พฺรหฺมโลกเมว อคมาสิ. เอกเทวตาปิ าตุํ สมตฺถา นาม นาโหสิ. มหาปุริโส ปน เอกโกว นิสีทิ.

มาโรปิ อตฺตโน ปริสํ อาห – ‘‘ตาตา, สุทฺโธทนปุตฺเตน สิทฺธตฺเถน สทิโส อฺโ ปุริโส นาม นตฺถิ, มยํ สมฺมุขา ยุทฺธํ ทาตุํ น สกฺขิสฺสาม, ปจฺฉาภาเคน ทสฺสามา’’ติ. มหาปุริโสปิ ตีณิ ปสฺสานิ โอโลเกตฺวา สพฺพเทวตานํ ปลาตตฺตา สุฺานิ อทฺทส. ปุน อุตฺตรปสฺเสน มารพลํ อชฺโฌตฺถรมานํ ทิสฺวา ‘‘อยํ เอตฺตโก ชโน มํ เอกกํ สนฺธาย มหนฺตํ วายามํ กโรติ, อิมสฺมึ าเน มยฺหํ มาตา วา ปิตา วา ภาตา วา อฺโ วา โกจิ าตโก นตฺถิ, อิมา ปน ทส ปารมิโยว มยฺหํ ทีฆรตฺตํ ปุฏฺปริชนสทิสา. ตสฺมา มยา ปารมิโยว พลคฺคํ กตฺวา ปารมิสตฺเถเนว ปหริตฺวา อิมํ พลกายํ วิทฺธํเสตุํ วฏฺฏตี’’ติ ทส ปารมิโย อาวชฺชมาโน นิสีทิ.

อถ โข มาโร เทวปุตฺโต – ‘‘วาเตเนว สิทฺธตฺถํ ปลาเปสฺสามี’’ติ วาตมณฺฑลํ สมุฏฺาเปสิ. ตงฺขณฺเว ปุรตฺถิมาทิเภทาวาตา สมุฏฺหิตฺวา อทฺธโยชนโยชนทฺวิโยชนติโยชนปฺปมาณานิ ปพฺพตกูฏานิ ปทาเลตฺวา วนคจฺฉรุกฺขาทีนิ อุทฺธํมูลานิ กตฺวา สมนฺตา คามนิคเม จุณฺณวิจุณฺเณ กาตุํ สมตฺถาปิ มหาปุริสสฺส ปุฺเตเชน วิหตานุภาวา โพธิสตฺตํ ปตฺวา โพธิสตฺตสฺส จีวรกณฺณมตฺตมฺปิ จาเลตุํ นาสกฺขึสุ. ตโต – ‘‘อุทเกน นํ อชฺโฌตฺถริตฺวา มาเรสฺสามี’’ติ มหาวสฺสํ สมุฏฺาเปสิ. ตสฺสานุภาเวน อุปรูปริ สตปฏลสหสฺสปฏลาทิเภทา วลาหกา อุฏฺหิตฺวา วสฺสึสุ. วุฏฺิธาราเวเคน ปถวี ฉิทฺทาวฉิทฺทา อโหสิ. วนรุกฺขาทีนํ อุปริภาเคน มหาเมโฆ อาคนฺตฺวา มหาสตฺตสฺส จีวเร อุสฺสาวพินฺทุคหณมตฺตมฺปิ เตเมตุํ นาสกฺขิ. ตโต ปาสาณวสฺสํ สมุฏฺาเปสิ. มหนฺตานิ มหนฺตานิ ปพฺพตกูฏานิ ธูมายนฺตานิ ปชฺชลนฺตานิ อากาเสนาคนฺตฺวา โพธิสตฺตํ ปตฺวา ทิพฺพมาลาคุฬภาวํ อาปชฺชึสุ. ตโต ปหรณวสฺสํ สมุฏฺาเปสิ. เอกโตธารา อุภโตธารา อสิสตฺติขุรปฺปาทโย ธูมายนฺตา ปชฺชลนฺตา อากาเสนาคนฺตฺวา โพธิสตฺตํ ปตฺวา ทิพฺพปุปฺผานิ อเหสุํ. ตโต องฺคารวสฺสํ สมุฏฺาเปสิ. กึสุกวณฺณา องฺคารา อากาเสนาคนฺตฺวา โพธิสตฺตสฺส ปาทมูเล ทิพฺพปุปฺผานิ หุตฺวา วิกิรึสุ. ตโต กุกฺกุฬวสฺสํ สมุฏฺาเปสิ. อจฺจุณฺโห อคฺคิวณฺโณ กุกฺกุโฬ อากาเสนาคนฺตฺวา โพธิสตฺตสฺส ปาทมูเล จนฺทนจุณฺณํ หุตฺวา นิปตติ. ตโต วาลุกาวสฺสํ สมุฏฺาเปสิ. อติสุขุมา วาลุกา ธูมายนฺตา ปชฺชลนฺตา อากาเสนาคนฺตฺวา มหาสตฺตสฺส ปาทมูเล ทิพฺพปุปฺผานิ หุตฺวา นิปตึสุ. ตโต กลลวสฺสํ สมุฏฺาเปสิ, ตํ กลลํ ธูมายนฺตํ ปชฺชลนฺตํ อากาเสนาคนฺตฺวา โพธิสตฺตสฺส ปาทมูเล ทิพฺพวิเลปนํ หุตฺวา นิปตติ. ตโต ‘‘อิมินา ภึเสตฺวา สิทฺธตฺถํ ปลาเปสฺสามี’’ติ อนฺธการํ สมุฏฺาเปสิ. ตํ จตุรงฺคสมนฺนาคตํ อนฺธการํ วิย มหาตมํ หุตฺวา โพธิสตฺตํ ปตฺวา สูริยปฺปภาวิหตํ วิย อนฺธการํ อนฺตรธายิ.

เอวํ โส มาโร อิมาหิ นวหิ วาตวสฺสปาสาณปหรณองฺคารกุกฺกุฬวาลุกากลลนฺธการวุฏฺีหิ โพธิสตฺตํ ปลาเปตุํ อสกฺโกนฺโต – ‘‘กึ, ภเณ, ติฏฺถ, อิมํ สิทฺธตฺถกุมารํ คณฺหถ หนถ ปลาเปถา’’ติ อตฺตโน ปริสํ อาณาเปตฺวา สยมฺปิ คิริเมขลสฺส หตฺถิโน ขนฺเธ นิสินฺโน จกฺกาวุธํ อาทาย โพธิสตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘สิทฺธตฺถ, อุฏฺเหิ เอตสฺมา ปลฺลงฺกา, นายํ ตุยฺหํ ปาปุณาติ, มยฺหํ เอส ปาปุณาตี’’ติ อาห. มหาสตฺโต ตสฺส วจนํ สุตฺวา อโวจ – ‘‘มาร, เนว ตยา ทส ปารมิโย ปูริตา, น อุปปารมิโย, น ปรมตฺถปารมิโย, นาปิ ปฺจ มหาปริจฺจาคา ปริจฺจตฺตา, น าตตฺถจริยา, น โลกตฺถจริยา, น พุทฺธตฺถจริยา ปูริตา, สพฺพา ตา มยาเยว ปูริตา, ตสฺมา นายํ ปลฺลงฺโก ตุยฺหํ ปาปุณาติ, มยฺเหเวโส ปาปุณาตี’’ติ.

มาโร กุทฺโธ โกธเวคํ อสหนฺโต มหาปุริสสฺส จกฺกาวุธํ วิสฺสชฺเชสิ. ตํ ตสฺส ทส ปารมิโย อาวชฺเชนฺตสฺเสว อุปริภาเค มาลาวิตานํ หุตฺวา อฏฺาสิ. ตํ กิร ขุรธารํ จกฺกาวุธํ อฺทา กุทฺเธน วิสฺสฏฺํ เอกคฺฆนปาสาณตฺถมฺเภ วํสกฬีเร วิย ฉินฺทนฺตํ คจฺฉติ. อิทานิ ปน ตสฺมึ มาลาวิตานํ หุตฺวา ิเต อวเสสา มารปริสา ‘‘อิทานิ สิทฺธตฺโถ ปลฺลงฺกโต วุฏฺาย ปลายิสฺสตี’’ติ มหนฺตมหนฺตานิ เสลกูฏานิ วิสฺสชฺเชสุํ, ตานิปิ มหาปุริสสฺส ทส ปารมิโย อาวชฺเชนฺตสฺส มาลาคุฬภาวํ อาปชฺชิตฺวา ภูมิยํ ปตึสุ. เทวตา จกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ ิตา คีวํ ปสาเรตฺวา สีสํ อุกฺขิปิตฺวา ‘‘นฏฺโ วต, โภ, สิทฺธตฺถกุมารสฺส รูปคฺคปฺปตฺโต อตฺตภาโว, กึ นุ โข โส กริสฺสตี’’ติ โอโลเกนฺติ.

ตโต โพธิสตฺโต ‘‘ปูริตปารมีนํ โพธิสตฺตานํ สมฺพุชฺฌนทิวเส ปตฺตปลฺลงฺโก มยฺหํ ปาปุณาตี’’ติ วตฺวา ิตํ มารํ อาห – ‘‘มาร, ตุยฺหํ ทานสฺส ทินฺนภาเว โก สกฺขี’’ติ. มาโร ‘‘อิเม เอตฺตกาว ชนา สกฺขิโน’’ติ มารพลาภิมุขํ หตฺถํ ปสาเรสิ. ตสฺมึ ขเณ มารปริสาย ‘‘อหํ สกฺขิ, อหํ สกฺขี’’ติ ปวตฺตสทฺโท ปถวิอุนฺทฺริยนสทฺทสทิโส อโหสิ. อถ มาโร มหาปุริสํ อาห – ‘‘สิทฺธตฺถ, ตุยฺหํ ทานสฺส ทินฺนภาเว โก สกฺขี’’ติ. มหาปุริโส ‘‘ตุยฺหํ ตาว ทานสฺส ทินฺนภาเว สเจตนา สกฺขิโน, มยฺหํ ปน อิมสฺมึ าเน สเจตโน โกจิ สกฺขิ นาม นตฺถิ, ติฏฺตุ ตาว เม อวเสสอตฺตภาเวสุ ทินฺนทานํ, เวสฺสนฺตรตฺตภาเว ปน ตฺวา มยฺหํ สตฺตสตกมหาทานสฺส ตาว ทินฺนภาเว อเจตนาปิ อยํ ฆนมหาปถวี สกฺขี’’ติ จีวรคพฺภนฺตรโต ทกฺขิณหตฺถํ อภินีหริตฺวา ‘‘เวสฺสนฺตรตฺตภาเว ตฺวา มยฺหํ สตฺตสตกมหาทานสฺส ทินฺนภาเว ตฺวํ สกฺขิ, น สกฺขี’’ติ มหาปถวิยาภิมุขํ หตฺถํ ปสาเรสิ. มหาปถวี ‘‘อหํ เต ตทา สกฺขี’’ติ วิรวสเตน วิรวสหสฺเสน วิรวสตสหสฺเสน มารพลํ อวตฺถรมานา วิย อุนฺนทิ.

ตโต มหาปุริเส ‘‘ทินฺนํ เต, สิทฺธตฺถ, มหาทานํ อุตฺตมทาน’’นฺติ เวสฺสนฺตรทานํ สมฺมสนฺเต ทิยฑฺฒโยชนสติโก คิริเมขลหตฺถี ชณฺณุเกหิ ปถวิยํ ปติฏฺาสิ, มารปริสา ทิสาวิทิสา ปลายึสุ, ทฺเว เอกมคฺเคน คตา นาม นตฺถิ, สีสาภรณานิ เจว นิวตฺถวสนานิ จ ฉฑฺเฑตฺวา สมฺมุขสมฺมุขทิสาหิเยว ปลายึสุ. ตโต เทวสงฺฆา ปลายมานํ มารพลํ ทิสฺวา ‘‘มารสฺส ปราชโย ชาโต, สิทฺธตฺถกุมารสฺส ชโย ชาโต, ชยปูชํ กริสฺสามา’’ติ เทวตา เทวตานํ, นาคา นาคานํ, สุปณฺณา สุปณฺณานํ, พฺรหฺมาโน พฺรหฺมานํ โฆเสตฺวา คนฺธมาลาทิหตฺถา มหาปุริสสฺส สนฺติกํ โพธิปลฺลงฺกํ อาคมํสุ.

เอวํ คเตสุ ปน เตสุ –

‘‘ชโย หิ พุทฺธสฺส สิรีมโต อยํ, มารสฺส จ ปาปิมโต ปราชโย;

อุคฺโฆสยุํ โพธิมณฺเฑ ปโมทิตา, ชยํ ตทา เทวคณา มเหสิโน.

‘‘ชโย หิ พุทฺธสฺส สิรีมโต อยํ, มารสฺส จ ปาปิมโต ปราชโย;

อุคฺโฆสยุํ โพธิมณฺเฑ ปโมทิตา, ชยํ ตทา นาคคณา มเหสิโน.

‘‘ชโย หิ พุทฺธสฺส สิรีมโต อยํ, มารสฺส จ ปาปิมโต ปราชโย;

อุคฺโฆสยุํ โพธิมณฺเฑ ปโมทิตา, ชยํ ตทา สุปณฺณสงฺฆาปิ มเหสิโน.

‘‘ชโย หิ พุทฺธสฺส สิรีมโต อยํ, มารสฺส จ ปาปิมโต ปราชโย;

อุคฺโฆสยุํ โพธิมณฺเฑ ปโมทิตา, ชยํ ตทา พฺรหฺมคณา มเหสิโน’’ติ. –

อวเสสา ทสสุ จกฺกวาฬสหสฺเสสุ เทวตา มาลาคนฺธวิเลปเนหิ ปูชยมานา นานปฺปการา จ ถุติโย วทมานา อฏฺํสุ. เอวํ ธรมาเนเยว สูริเย มหาปุริโส มารพลํ วิธมิตฺวา จีวรูปริ ปตมาเนหิ โพธิรุกฺขงฺกุเรหิ รตฺตปวาฬทเลหิ วิย ปูชิยมาโน ปมยาเม ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสริตฺวา มชฺฌิมยาเม ทิพฺพจกฺขุํ วิโสเธตฺวา ปจฺฉิมยาเม ปฏิจฺจสมุปฺปาเท าณํ โอตาเรสิ. อถสฺส ทฺวาทสปทิกํ ปจฺจยาการํ วฏฺฏวิวฏฺฏวเสน อนุโลมปฏิโลมโต สมฺมสนฺตสฺส ทสสหสฺสี โลกธาตุ อุทกปริยนฺตํ กตฺวา ทฺวาทสกฺขตฺตุํ สงฺกมฺปิ.

มหาปุริเส ปน ทสสหสฺสิโลกธาตุํ อุนฺนาเทตฺวา อรุณุคฺคมนเวลาย สพฺพฺุตฺาณํ ปฏิวิชฺฌนฺเต สกลา ทสสหสฺสี โลกธาตุ อลงฺกตปฏิยตฺตา อโหสิ. ปาจีนจกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ อุสฺสาปิตานํ ธชานํ ปฏากา ปจฺฉิมจกฺกวาฬมุขวฏฺฏึ ปหรนฺติ, ตถา ปจฺฉิมจกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ อุสฺสาปิตานํ ธชานํ ปฏากา ปาจีนจกฺกวาฬมุขวฏฺฏึ ปหรนฺติ, ทกฺขิณจกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ อุสฺสาปิตานํ ธชานํ ปฏากา อุตฺตรจกฺกวาฬมุขวฏฺฏึ ปหรนฺติ, อุตฺตรจกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ อุสฺสาปิตานํ ธชานํ ปฏากา ทกฺขิณจกฺกวาฬมุขวฏฺฏึ ปหรนฺติ, ปถวิตเล อุสฺสาปิตานํ ธชานํ ปฏากา พฺรหฺมโลกํ อาหจฺจ อฏฺํสุ, พฺรหฺมโลเก พทฺธานํ ธชานํ ปฏากา ปถวิตเล ปติฏฺหึสุ, ทสสหสฺเสสุ จกฺกวาเฬสุ ปุปฺผูปคา รุกฺขา ปุปฺผํ คณฺหึสุ, ผลูปคา รุกฺขา ผลปิณฺฑิภารสหิตา อเหสุํ. ขนฺเธสุ ขนฺธปทุมานิ ปุปฺผึสุ, สาขาสุ สาขาปทุมานิ, ลตาสุ ลตาปทุมานิ, อากาเส โอลมฺพกปทุมานิ, ฆนสิลาตลานิ ภินฺทิตฺวา อุปรูปริ สตปตฺตานิ หุตฺวา ทณฺฑกปทุมานิ อุฏฺหึสุ. ทสสหสฺสี โลกธาตุ วฏฺเฏตฺวา วิสฺสฏฺมาลาคุฬา วิย สุสนฺถตปุปฺผสนฺถาโร วิย จ ปุปฺผาภิกิณฺณา อโหสิ. จกฺกวาฬนฺตเรสุ อฏฺโยชนสหสฺสา โลกนฺตริกนิรยา สตฺตสูริยปฺปภาหิปิอโนภาสิตปุพฺพา ตทา เอโกภาสา อเหสุํ. จตุราสีติโยชนสหสฺสคมฺภีโร มหาสมุทฺโท มธุโรทโก อโหสิ, นทิโย น ปวตฺตึสุ, ชจฺจนฺธา รูปานิ ปสฺสึสุ, ชาติพธิรา สทฺทํ สุณึสุ, ชาติปีสปฺปิโน ปทสา คจฺฉึสุ, อนฺทุพนฺธนาทีนิ ฉิชฺชิตฺวา ปตึสุ.

เอวํ อปริมาเณน สิริวิภเวน ปูชิยมาโน มหาปุริโส อเนกปฺปกาเรสุ อจฺฉริยธมฺเมสุ ปาตุภูเตสุ สพฺพฺุตํ ปฏิวิชฺฌิตฺวา สพฺพพุทฺเธหิ อวิชหิตํ อุทานํ อุทาเนสิ –

‘‘อเนกชาติสํสารํ, สนฺธาวิสฺสํ อนิพฺพิสํ;

คหการํ คเวสนฺโต, ทุกฺขา ชาติ ปุนปฺปุนํ.

‘‘คหการก ทิฏฺโสิ, ปุน เคหํ น กาหสิ;

สพฺพา เต ผาสุกา ภคฺคา, คหกูฏํ วิสงฺขตํ;

วิสงฺขารคตํ จิตฺตํ, ตณฺหานํ ขยมชฺฌคา’’ติ. (ธ. ป. ๑๕๓-๑๕๔);

อิติ ตุสิตภวนโต ปฏฺาย ยาว อยํ โพธิมณฺเฑ สพฺพฺุตปฺปตฺติ, เอตฺตกํ านํ อวิทูเรนิทานํ นามาติ เวทิตพฺพํ.

อวิทูเรนิทานกถา นิฏฺิตา.

๓. สนฺติเกนิทานกถา

‘‘สนฺติเกนิทานํ ปน ‘เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม’. ‘เวสาลิยํ วิหรติ มหาวเน กูฏาคารสาลาย’นฺติ จ เอวํ ตสฺมึ ตสฺมึ าเนเยว ลพฺภตี’’ติ วุตฺตํ. กิฺจาปิ เอวํ วุตฺตํ, อถ โข ปน ตมฺปิ อาทิโต ปฏฺาย เอวํ เวทิตพฺพํ – อุทานฺหิ อุทาเนตฺวา ชยปลฺลงฺเก นิสินฺนสฺส ภควโต เอตทโหสิ – ‘‘อหํ กปฺปสตสหสฺสาธิกานิ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ อิมสฺส ปลฺลงฺกสฺส การณา สนฺธาวึ, เอตฺตกํ เม กาลํ อิมสฺเสว ปลฺลงฺกสฺส การณา อลงฺกตสีสํ คีวาย ฉินฺทิตฺวา ทินฺนํ, สุอฺชิตานิ อกฺขีนิ หทยมํสฺจ อุปฺปาเฏวา ทินฺนํ, ชาลีกุมารสทิสา ปุตฺตา, กณฺหาชินกุมาริสทิสา ธีตโร, มทฺทีเทวิสทิสา ภริยาโย จ ปเรสํ ทาสตฺถาย ทินฺนา. อยํ เม ปลฺลงฺโก ชยปลฺลงฺโก ถิรปลฺลงฺโก, เอตฺถ เม นิสินฺนสฺส สงฺกปฺปา ปริปุณฺณา, น ตาว อิโต วุฏฺหิสฺสามี’’ติ อเนกโกฏิสตสหสฺสสมาปตฺติโย สมาปชฺชนฺโต สตฺตาหํ ตตฺเถว นิสีทิ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘อถ โข ภควา สตฺตาหํ เอกปลฺลงฺเกน นิสีทิ วิมุตฺติสุขปฏิสํเวที’’ติ (มหาว. ๑; อุทา. ๑).

อถ เอกจฺจานํ เทวตานํ ‘‘อชฺชาปิ นูน สิทฺธตฺถสฺส กตฺตพฺพกิจฺจํ อตฺถิ, ปลฺลงฺกสฺมิฺหิ อาลยํ น วิชหตี’’ติ ปริวิตกฺโก อุทปาทิ. สตฺถา เทวตานํ ปริวิตกฺกํ ตฺวา ตาสํ วิตกฺกวูปสมตฺถํ เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ยมกปาฏิหาริยํ ทสฺเสสิ. มหาโพธิมณฺเฑ หิ กตปาฏิหาริยฺจ าติสมาคเม กตปาฏิหาริยฺจ ปาถิกปุตฺตสมาคเม กตปาฏิหาริยฺจ สพฺพํ กณฺฑมฺพรุกฺขมูเล กตยมกปาฏิหาริยสทิสํ อโหสิ.

เอวํ สตฺถา อิมินา ปาฏิหาริเยน เทวตานํ วิตกฺกํ วูปสเมตฺวา ปลฺลงฺกโต อีสกํ ปาจีนนิสฺสิเต อุตฺตรทิสาภาเค ตฺวา ‘‘อิมสฺมึ วต เม ปลฺลงฺเก สพฺพฺุตํ ปฏิวิทฺธ’’นฺติ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ กปฺปสตสหสฺสฺจ ปูริตานํ ปารมีนํ พลาธิคมฏฺานํ ปลฺลงฺกํ โพธิรุกฺขฺจ อนิมิเสหิ อกฺขีหิ โอโลกยมาโน สตฺตาหํ วีตินาเมสิ, ตํ านํ อนิมิสเจติยํ นาม ชาตํ. อถ สตฺถา ปลฺลงฺกสฺส จ ิตฏฺานสฺส จ อนฺตรา จงฺกมํ มาเปตฺวา ปุรตฺถิมปจฺฉิมโต อายเต รตนจงฺกเม จงฺกมนฺโต สตฺตาหํ วีตินาเมสิ. ตํ านํ รตนจงฺกมเจติยํ นาม ชาตํ.

จตุตฺเถ ปน สตฺตาเห โพธิโต ปจฺฉิมุตฺตรทิสาภาเค เทวตา รตนฆรํ มาปยึสุ. ตตฺถ ภควา ปลฺลงฺเกน นิสีทิตฺวา อภิธมฺมปิฏกํ วิเสสโต เจตฺถ อนนฺตนยสมนฺตปฏฺานํ วิจินนฺโต สตฺตาหํ วีตินาเมสิ. อาภิธมฺมิกา ปนาหุ – ‘‘รตนฆรํ นาม น สตฺตรตนมยํ เคหํ, สตฺตนฺนํ ปน ปกรณานํ สมฺมสิตฏฺานํ ‘รตนฆร’นฺติ วุจฺจตี’’ติ. ยสฺมา ปเนตฺถ อุโภเปเต ปริยาเยน ยุชฺชนฺติ, ตสฺมา อุภยมฺเปตํ คเหตพฺพเมว. ตโต ปฏฺาย ปน ตํ านํ รตนฆรเจติยํ นาม ชาตํ. เอวํ สตฺถา โพธิสมีเปเยว จตฺตาริ สตฺตาหานิ วีตินาเมตฺวา ปฺจเม สตฺตาเห โพธิรุกฺขมูลา เยน อชปาลนิคฺโรโธ เตนุปสงฺกมิ. ตตฺราปิ ธมฺมํ วิจินนฺโต วิมุตฺติสุขฺจ ปฏิสํเวเทนฺโต นิสีทิ.

ตสฺมึ สมเย มาโร ปาปิมา ‘‘เอตฺตกํ กาลํ อนุพนฺธนฺโต โอตาราเปกฺโขปิ อิมสฺส น กิฺจิ ขลิตํ อทฺทสํ, อติกฺกนฺโตทานิ เอส มม วส’’นฺติ โทมนสฺสปฺปตฺโต มหามคฺเค นิสีทิตฺวา โสฬส การณานิ จินฺเตนฺโต ภูมิยํ โสฬส เลขา อากฑฺฒิ – ‘‘อหํ เอโส วิย ทานปารมึ น ปูเรสึ, เตนมฺหิ อิมินา สทิโส น ชาโต’’ติ เอกํ เลขํ อากฑฺฒิ. ตถา ‘‘อหํ เอโส วิย สีลปารมึ…เป… เนกฺขมฺมปารมึ, ปฺาปารมึ, วีริยปารมึ, ขนฺติปารมึ, สจฺจปารมึ, อธิฏฺานปารมึ, เมตฺตาปารมึ, อุเปกฺขาปารมึ น ปูเรสึ, เตนมฺหิ อิมินา สทิโส น ชาโต’’ติ ทสมํ เลขํ อากฑฺฒิ. ตถา ‘‘อหํ เอโส วิย อสาธารณสฺส อินฺทฺริยปโรปริยตฺตาณสฺส ปฏิเวธาย อุปนิสฺสยภูตา ทส ปารมิโย น ปูเรสึ, เตนมฺหิ อิมินา สทิโส น ชาโต’’ติ เอกาทสมํ เลขํ อากฑฺฒิ. ตถา ‘‘อหํ เอโส วิย อสาธารณสฺส อาสยานุสยาณสฺส…เป… มหากรุณาสมาปตฺติาณสฺส, ยมกปาฏิหาริยาณสฺส, อนาวรณาณสฺส, สพฺพฺุตฺาณสฺส ปฏิเวธาย อุปนิสฺสยภูตา ทส ปารมิโย น ปูเรสึ, เตนมฺหิ อิมินา สทิโส น ชาโต’’ติ โสฬสมํ เลขํ อากฑฺฒิ. เอวํ มาโร อิเมหิ การเณหิ มหามคฺเค โสฬส เลขา อากฑฺฒิตฺวา นิสีทิ.

ตสฺมิฺจ สมเย ตณฺหา, อรติ, รคา จาติ ติสฺโส มารธีตโร (สํ. นิ. ๑.๑๖๑) ‘‘ปิตา โน น ปฺายติ, กหํ นุ โข เอตรหี’’ติ โอโลกยมานา ตํ โทมนสฺสปฺปตฺตํ ภูมึ เลขมานํ นิสินฺนํ ทิสฺวา ปิตุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘กสฺมา, ตาต, ตฺวํ ทุกฺขี ทุมฺมโน’’ติ ปุจฺฉึสุ. ‘‘อมฺมา, อยํ มหาสมโณ มยฺหํ วสํ อติกฺกนฺโต, เอตฺตกํ กาลํ โอโลเกนฺโต โอตารมสฺส ทฏฺุํ นาสกฺขึ, เตนมฺหิ ทุกฺขี ทุมฺมโน’’ติ. ‘‘ยทิ เอวํ มา จินฺตยิตฺถ, มยเมตํ อตฺตโน วเส กตฺวา อาทาย อาคมิสฺสามา’’ติ อาหํสุ. ‘‘น สกฺกา, อมฺมา, เอส เกนจิ วเส กาตุํ, อจลาย สทฺธาย ปติฏฺิโต เอส ปุริโส’’ติ. ‘‘ตาต, มยํ อิตฺถิโย นาม, อิทาเนว นํ ราคปาสาทีหิ พนฺธิตฺวา อาเนสฺสาม, ตุมฺเห มา จินฺตยิตฺถา’’ติ วตฺวา ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ปาเท เต, สมณ, ปริจาเรมา’’ติ อาหํสุ. ภควา เนว ตาสํ วจนํ มนสิ อกาสิ, น อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา โอโลเกสิ, อนุตฺตเร อุปธิสงฺขเย วิมุตฺติยา วิเวกสุขฺเว อนุภวนฺโต นิสีทิ.

ปุน มารธีตโร ‘‘อุจฺจาวจา โข ปุริสานํ อธิปฺปายา, เกสฺจิ กุมาริกาสุ เปมํ โหติ, เกสฺจิ ปมวเย ิตาสุ, เกสฺจิ มชฺฌิมวเย ิตาสุ, เกสฺจิ ปจฺฉิมวเย ิตาสุ, ยํนูน มยํ นานปฺปกาเรหิ รูเปหิ ปโลเภตฺวา คณฺเหยฺยามา’’ติ เอกเมกา กุมาริกวณฺณาทิวเสน สกํ สกํ อตฺตภาวํ อภินิมฺมินิตฺวา กุมาริกา, อวิชาตา, สกึวิชาตา, ทุวิชาตา, มชฺฌิมิตฺถิโย, มหิตฺถิโย จ หุตฺวา ฉกฺขตฺตุํ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ปาเท เต, สมณ, ปริจาเรมา’’ติ อาหํสุ. ตมฺปิ ภควา น มนสากาสิ, ยถา ตํ อนุตฺตเร อุปธิสงฺขเย วิมุตฺโต. เกจิ ปนาจริยา วทนฺติ – ‘‘ตา มหิตฺถิภาเวน อุปคตา ทิสฺวา ภควา – ‘เอตา ขณฺฑทนฺตา ปลิตเกสา โหนฺตู’ติ อธิฏฺาสี’’ติ. ตํ น คเหตพฺพํ. น หิ ภควา เอวรูปํ อธิฏฺานํ อกาสิ. ภควา ปน ‘‘อเปถ ตุมฺเห, กึ ทิสฺวา เอวํ วายมถ, เอวรูปํ นาม อวีตราคาทีนํ ปุรโต กาตุํ วฏฺฏติ. ตถาคตสฺส ปน ราโค ปหีโน, โทโส ปหีโน, โมโห ปหีโน’’ติ อตฺตโน กิเลสปฺปหานํ อารพฺภ –

‘‘ยสฺส ชิตํ นาวชียติ, ชิตมสฺส โนยาติ โกจิ โลเก;

ตํ พุทฺธมนนฺตโคจรํ, อปทํ เกน ปเทน เนสฺสถ.

‘‘ยสฺส ชาลินี วิสตฺติกา, ตณฺหา นตฺถิ กุหิฺจิ เนตเว;

ตํ พุทฺธมนนฺตโคจรํ, อปทํ เกน ปเทน เนสฺสถา’’ติ. (ธ. ป. ๑๗๙-๑๘๐) –

อิมา ธมฺมปเท พุทฺธวคฺเค ทฺเว คาถา วทนฺโต ธมฺมํ เทเสสิ. ตา ‘‘สจฺจํ กิร โน ปิตา อโวจ, ‘อรหํ สุคโต โลเก, น ราเคน สุวานโย’’’ติอาทีนิ (สํ. นิ. ๑.๑๖๑) วตฺวา ปิตุ สนฺติกํ อาคมึสุ.

ภควาปิ ตตฺเถว สตฺตาหํ วีตินาเมตฺวา ตโต มุจลินฺทมูลํ อคมาสิ. ตตฺถ สตฺตาหวทฺทลิกาย อุปฺปนฺนาย สีตาทิปฏิพาหนตฺถํ มุจลินฺเทน นาม นาคราเชน สตฺตกฺขตฺตุํ โภเคหิ ปริกฺขิตฺโต อสมฺพาธาย คนฺธกุฏิยํ วิหรนฺโต วิย วิมุตฺติสุขํ ปฏิสํเวทิยมาโน สตฺตาหํ วีตินาเมตฺวา ราชายตนํ อุปสงฺกมิตฺวา ตตฺถปิ วิมุตฺติสุขํ ปฏิสํเวทิยมาโนเยว สตฺตาหํ วีตินาเมสิ. เอตฺตาวตา สตฺต สตฺตาหานิ ปริปุณฺณานิ. เอตฺถนฺตเร เนว มุขโธวนํ, น สรีรปฏิชคฺคนํ, น อาหารกิจฺจํ อโหสิ, ฌานสุขผลสุเขเนว จ วีตินาเมสิ.

อถสฺส ตสฺมึ สตฺตสตฺตาหมตฺถเก เอกูนปฺาสติเม ทิวเส ตตฺถ นิสินฺนสฺส ‘‘มุขํ โธวิสฺสามี’’ติ จิตฺตํ อุทปาทิ. สกฺโก เทวานมินฺโท อคทหรีตกํ อาหริตฺวา อทาสิ, สตฺถา ตํ ปริภุฺชิ, เตนสฺส สรีรวฬฺโช อโหสิ. อถสฺส สกฺโกเยว นาคลตาทนฺตกฏฺฺเจว มุขโธวโนทกฺจ อทาสิ. สตฺถา ตํ ทนฺตกฏฺํ ขาทิตฺวาว อโนตตฺตทโหทเกน มุขํ โธวิตฺวา ตตฺเถว ราชายตนมูเล นิสีทิ.

ตสฺมึ สมเย ตปุสฺส ภลฺลิกา นาม ทฺเว วาณิชา ปฺจหิ สกฏสเตหิ อุกฺกลา ชนปทา มชฺฌิมเทสํ คจฺฉนฺตา ปุพฺเพ อตฺตโน าติสาโลหิตาย เทวตาย สกฏานิ สนฺนิรุมฺภิตฺวา สตฺถุ อาหารสมฺปาทเน อุสฺสาหิตา มนฺถฺจ มธุปิณฺฑิกฺจ อาทาย – ‘‘ปฏิคฺคณฺหาตุ โน, ภนฺเต, ภควา อิมํ อาหารํ อนุกมฺปํ อุปาทายา’’ติ สตฺถารํ อุปนาเมตฺวา อฏฺํสุ. ภควา ปายาสปฏิคฺคหณทิวเสเยว ปตฺตสฺส อนฺตรหิตตฺตา ‘‘น โข ตถาคตา หตฺเถสุ ปฏิคฺคณฺหนฺติ, กิมฺหิ นุ โข อหํ ปฏิคฺคณฺเหยฺย’’นฺติ จินฺเตสิ. อถสฺส จิตฺตํ ตฺวา จตูหิ ทิสาหิ จตฺตาโร มหาราชาโน อินฺทนีลมณิมเย ปตฺเต อุปนาเมสุํ, ภควา เต ปฏิกฺขิปิ. ปุน มุคฺควณฺณเสลมเย จตฺตาโร ปตฺเต อุปนาเมสุํ. ภควา จตุนฺนมฺปิ มหาราชานํ สทฺธานุรกฺขณตฺถาย จตฺตาโรปิ ปตฺเต ปฏิคฺคเหตฺวา อุปรูปริ เปตฺวา ‘‘เอโก โหตู’’ติ อธิฏฺาสิ. จตฺตาโรปิ มุขวฏฺฏิยํ ปฺายมานเลขา หุตฺวา มชฺฌิมปฺปมาเณน เอกตฺตํ อุปคมึสุ. ภควา ตสฺมึ ปจฺจคฺเฆ เสลมเย ปตฺเต อาหารํ ปฏิคฺคเหตฺวา ปริภุฺชิตฺวา อนุโมทนํ อกาสิ. เต ทฺเว ภาตโร วาณิชา พุทฺธฺจ ธมฺมฺจ สรณํ คนฺตฺวา ทฺเววาจิกา อุปาสกา อเหสุํ. อถ เนสํ ‘‘เอกํ โน, ภนฺเต, ปริจริตพฺพฏฺานํ เทถา’’ติ วทนฺตานํ ทกฺขิณหตฺเถน อตฺตโน สีสํ ปรามสิตฺวา เกสธาตุโย อทาสิ. เต อตฺตโน นคเร ตา ธาตุโย สุวณฺณสมุคฺคสฺส อนฺโต ปกฺขิปิตฺวา เจติยํ ปติฏฺาเปสุํ.

สมฺมาสมฺพุทฺโธ ปน ตโต วุฏฺาย ปุน อชปาลนิคฺโรธเมว คนฺตฺวา นิคฺโรธมูเล นิสีทิ. อถสฺส ตตฺถ นิสินฺนมตฺตสฺเสว อตฺตนา อธิคตธมฺมสฺส คมฺภีรตํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส สพฺพพุทฺธานํ อาจิณฺโณ – ‘‘กิจฺเฉน อธิคโต โข มฺยายํ ธมฺโม’’ติ ปเรสํ อเทเสตุกามตาการปฺปตฺโต วิตกฺโก อุทปาทิ. อถ โข พฺรหฺมา สหมฺปติ ‘‘นสฺสติ วต โภ โลโก, วินสฺสติ วต โภ โลโก’’ติ ทสหิ จกฺกวาฬสหสฺเสหิ สกฺกสุยามสนฺตุสิตนิมฺมานรติวสวตฺติมหาพฺรหฺมาโน อาทาย สตฺถุ สนฺติกํ อาคนฺตฺวา ‘‘เทเสตุ, ภนฺเต, ภควา ธมฺม’’นฺติอาทินา นเยน ธมฺมเทสนํ อายาจิ.

สตฺถา ตสฺส ปฏิฺํ ทตฺวา ‘‘กสฺส นุ โข อหํ ปมํ ธมฺมํ เทเสยฺย’’นฺติ จินฺเตนฺโต ‘‘อาฬาโร ปณฺฑิโต, โส อิมํ ธมฺมํ ขิปฺปํ อาชานิสฺสตี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา ปุน โอโลเกนฺโต ตสฺส สตฺตาหกาลงฺกตภาวํ ตฺวา อุทกํ อาวชฺเชสิ. ตสฺสาปิ อภิโทสกาลงฺกตภาวํ ตฺวา ‘‘พหูปการา โข เม ปฺจวคฺคิยา ภิกฺขู’’ติ ปฺจวคฺคิเย อารพฺภ มนสิ กตฺวา ‘‘กหํ นุ โข เต เอตรหิ วิหรนฺตี’’ติ อาวชฺเชนฺโต ‘‘พาราณสิยํ อิสิปตเน มิคทาเย’’ติ ตฺวา กติปาหํ โพธิมณฺฑสามนฺตาเยว ปิณฺฑาย จรนฺโต วิหริตฺวา ‘‘อาสาฬฺหิปุณฺณมายํ พาราณสึ คนฺตฺวา ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตสฺสามี’’ติ ปกฺขสฺส จาตุทฺทสิยํ ปจฺจูสสมเย ปจฺจุฏฺาย ปภาตาย รตฺติยา กาลสฺเสว ปตฺตจีวรมาทาย อฏฺารสโยชนมคฺคํ ปฏิปนฺโน อนฺตรามคฺเค อุปกํ นาม อาชีวกํ ทิสฺวา ตสฺส อตฺตโน พุทฺธภาวํ อาจิกฺขิตฺวา ตํ ทิวสเมว สายนฺหสมเย อิสิปตนํ สมฺปาปุณิ.

ปฺจวคฺคิยา ตถาคตํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ อาวุโส, สมโณ โคตโม ปจฺจยพาหุลฺลาย อาวตฺติตฺวา ปริปุณฺณกาโย ปีณินฺทฺริโย สุวณฺณวณฺโณ หุตฺวา อาคจฺฉติ. อิมสฺส วนฺทนาทีนิ น กริสฺสาม, มหากุลปฺปสุโต โข ปเนส อาสนาภิหารํ อรหติ, เตนสฺส อาสนมตฺตํ ปฺาเปสฺสามา’’ติ กติกํ อกํสุ. ภควา สเทวกสฺส โลกสฺส จิตฺตาจารชานนสมตฺเถน าเณน ‘‘กึ นุ โข อิเม จินฺตยึสู’’ติ อาวชฺเชตฺวา จิตฺตํ อฺาสิ. อถ เตสุ สพฺพเทวมนุสฺเสสุ อโนทิสฺสกวเสน ผรณสมตฺถํ เมตฺตจิตฺตํ สงฺขิปิตฺวา โอทิสฺสกวเสน เมตฺตจิตฺเตน ผริ. เต ภควตา เมตฺตจิตฺเตน สํผุฏฺา ตถาคเต อุปสงฺกมนฺเต สกาย กติกาย สณฺาตุํ อสกฺโกนฺตา ปจฺจุคฺคนฺตฺวา อภิวาทนาทีนิ สพฺพกิจฺจานิ อกํสุ. สมฺมาสมฺพุทฺธภาวํ ปนสฺส อชานนฺตา เกวลํ นาเมน จ อาวุโสวาเทน จ สมุทาจรึสุ.

อถ เน ภควา – ‘‘มา, ภิกฺขเว, ตถาคตํ นาเมน จ อาวุโสวาเทน จ สมุทาจรถ. อรหํ, ภิกฺขเว, ตถาคโต สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ อตฺตโน พุทฺธภาวํ าเปตฺวา ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสินฺโน อุตฺตราสาฬฺหนกฺขตฺตโยเค วตฺตมาเน อฏฺารสหิ พฺรหฺมโกฏีหิ ปริวุโต ปฺจวคฺคิยตฺเถเร อามนฺเตตฺวา ติปริวฏฺฏํ ทฺวาทสาการํ ฉาณวิชมฺภนํ อนุตฺตรํ ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสุตฺตนฺตํ (มหาว. ๑๓ อาทโย; สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑) เทเสสิ. เตสุ โกณฺฑฺตฺเถโร เทสนานุสาเรน าณํ เปเสนฺโต สุตฺตปริโยสาเน อฏฺารสหิ พฺรหฺมโกฏีหิ สทฺธึ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาสิ. สตฺถา ตตฺเถว วสฺสํ อุปคนฺตฺวา ปุนทิวเส วปฺปตฺเถรํ โอวทนฺโต วิหาเรเยว นิสีทิ, เสสา จตฺตาโรปิ ปิณฺฑาย จรึสุ. วปฺปตฺเถโร ปุพฺพณฺเหเยว โสตาปตฺติผลํ ปาปุณิ. เอเตเนวุปาเยน ปุนทิวเส ภทฺทิยตฺเถรํ, ปุนทิวเส มหานามตฺเถรํ, ปุนทิวเส อสฺสชิตฺเถรนฺติ สพฺเพ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาเปตฺวา ปฺจมิยํ ปกฺขสฺส ปฺจปิ เถเร สนฺนิปาเตตฺวา อนตฺตลกฺขณสุตฺตนฺตํ (มหาว. ๒๐ อาทโย; สํ. นิ. ๓.๕๙) เทเสสิ. เทสนาปริโยสาเน ปฺจปิ เถรา อรหตฺเต ปติฏฺหึสุ. อถ สตฺถา ยสสฺส กุลปุตฺตสฺส อุปนิสฺสยํ ทิสฺวา ตํ รตฺติภาเค นิพฺพิชฺชิตฺวา เคหํ ปหาย นิกฺขนฺตํ ‘‘เอหิ ยสา’’ติ ปกฺโกสิตฺวา ตสฺมึเยว รตฺติภาเค โสตาปตฺติผเล, ปุนทิวเส อรหตฺเต ปติฏฺาเปตฺวา, อปเรปิ ตสฺส สหายเก จตุปฺาสชเน เอหิภิกฺขุปพฺพชฺชาย ปพฺพาเชตฺวา อรหตฺตํ ปาเปสิ.

เอวํ โลเก เอกสฏฺิยา อรหนฺเตสุ ชาเตสุ สตฺถา วุฏฺวสฺโส ปวาเรตฺวา ‘‘จรถ ภิกฺขเว จาริก’’นฺติ สฏฺิภิกฺขู ทิสาสุ เปเสตฺวา สยํ อุรุเวลํ คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค กปฺปาสิกวนสณฺเฑ ตึสภทฺทวคฺคิยกุมาเร วิเนสิ. เตสุ สพฺพปจฺฉิมโก โสตาปนฺโน, สพฺพุตฺตโม อนาคามี อโหสิ. เตปิ สพฺเพ เอหิภิกฺขุภาเวเนว ปพฺพาเชตฺวา ทิสาสุ เปเสตฺวา อุรุเวลํ คนฺตฺวา อฑฺฒุฑฺฒปาฏิหาริยสหสฺสานิ ทสฺเสตฺวา อุรุเวลกสฺสปาทโย สหสฺสชฏิลปริวาเร เตภาติกชฏิเล วิเนตฺวา เอหิภิกฺขุภาเวน ปพฺพาเชตฺวา คยาสีเส นิสีทาเปตฺวา อาทิตฺตปริยายเทสนาย (มหาว. ๕๔) อรหตฺเต ปติฏฺาเปตฺวา เตน อรหนฺตสหสฺเสน ปริวุโต ‘‘พิมฺพิสารรฺโ ทินฺนปฏิฺํ โมเจสฺสามี’’ติ ราชคหนครูปจาเร ลฏฺิวนุยฺยานํ อคมาสิ. ราชา อุยฺยานปาลสฺส สนฺติกา ‘‘สตฺถา อาคโต’’ติ สุตฺวา ทฺวาทสนหุเตหิ พฺราหฺมณคหปติเกหิ ปริวุโต สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา จกฺกวิจิตฺตตเลสุ สุวณฺณปฏฺฏวิตานํ วิย ปภาสมุทยํ วิสฺสชฺเชนฺเตสุ ตถาคตสฺส ปาเทสุ สิรสา นิปติตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ สทฺธึ ปริสาย.

อถ โข เตสํ พฺราหฺมณคหปติกานํ เอตทโหสิ – ‘‘กึ นุ โข มหาสมโณ อุรุเวลกสฺสเป พฺรหฺมจริยํ จรติ, อุทาหุ อุรุเวลกสฺสโป มหาสมเณ’’ติ. ภควา เตสํ เจตสฺสา เจโตปริวิตกฺกมฺาย อุรุเวลกสฺสปํ คาถาย อชฺฌภาสิ –

‘‘กิเมว ทิสฺวา อุรุเวลวาสิ, ปหาสิ อคฺคึ กิสโกวทาโน;

ปุจฺฉามิ ตํ กสฺสป เอตมตฺถํ, กถํ ปหีนํ ตว อคฺคิหุตฺต’’นฺติ. –

เถโรปิ ภควโต อธิปฺปายํ วิทิตฺวา –

‘‘รูเป จ สทฺเท จ อโถ รเส จ, กามิตฺถิโย จาภิวทนฺติ ยฺา;

เอตํ มลนฺตี อุปธีสุ ตฺวา, ตสฺมา น ยิฏฺเ น หุเต อรฺชิ’’นฺติ. (มหาว. ๕๕) –

อิมํ คาถํ วตฺวา อตฺตโน สาวกภาวปฺปกาสนตฺถํ ตถาคตสฺส ปาทปิฏฺเ สีสํ เปตฺวา ‘‘สตฺถา เม, ภนฺเต ภควา, สาวโกหมสฺมี’’ติ วตฺวา เอกตาลํ ทฺวิตาลํ ติตาลนฺติ ยาว สตฺตตาลปฺปมาณํ สตฺตกฺขตฺตุํ เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา โอรุยฺห ตถาคตํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. ตํ ปาฏิหาริยํ ทิสฺวา มหาชโน ‘‘อโห มหานุภาวา พุทฺธา, เอวฺหิ ถามคตทิฏฺิโก นาม ‘อรหา’ติ มฺมาโน อุรุเวลกสฺสโปปิ ทิฏฺิชาลํ ภินฺทิตฺวา ตถาคเตน ทมิโต’’ติ สตฺถุ คุณกถํเยว กเถสิ. ภควา ‘‘นาหํ อิทานิเยว อุรุเวลกสฺสปํ ทเมมิ, อตีเตปิ เอส มยา ทมิโต’’ติ วตฺวา อิมิสฺสา อฏฺุปฺปตฺติยา มหานารทกสฺสปชาตกํ (ชา. ๒.๒๒.๑๑๕๓ อาทโย) กเถตฺวา จตฺตาริ สจฺจานิ ปกาเสสิ. ราชา เอกาทสหิ นหุเตหิ สทฺธึ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาสิ, เอกนหุตํ อุปาสกตฺตํ ปฏิเวเทสิ. ราชา สตฺถุ สนฺติเก นิสินฺโนเยว ปฺจ อสฺสาสเก ปเวเทตฺวา สรณํ คนฺตฺวา สฺวาตนาย นิมนฺเตตฺวา อุฏฺายาสนา ภควนฺตํ ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกมิ.

ปุนทิวเส เยหิ จ ภควา หิยฺโย ทิฏฺโ, เยหิ จ อทิฏฺโ, เต สพฺเพปิ ราชคหวาสิโน อฏฺารสโกฏิสงฺขา มนุสฺสา ตถาคตํ ทฏฺุกามา ปาโตว ราชคหโต ลฏฺิวนุยฺยานํ อคมํสุ. ติคาวุโต มคฺโค นปฺปโหสิ, สกลลฏฺิวนุยฺยานํ นิรนฺตรํ ผุฏํ อโหสิ. มหาชโน ทสพลสฺส รูปโสภคฺคปฺปตฺตํ อตฺตภาวํ ปสฺสนฺโตปิ ติตฺตึ กาตุํ นาสกฺขิ. วณฺณภูมิ นาเมสา. เอวรูเปสุ หิ าเนสุ ภควโต ลกฺขณานุพฺยฺชนาทิปฺปเภทา สพฺพาปิ รูปกายสิรี วณฺเณตพฺพา. เอวํ รูปโสภคฺคปฺปตฺตํ ทสพลสฺส สรีรํ ปสฺสมาเนน มหาชเนน นิรนฺตรํ ผุเฏ อุยฺยาเน จ คมนมคฺเค จ เอกภิกฺขุสฺสปิ นิกฺขมโนกาโส นาโหสิ. ตํ ทิวสํ กิร ภควโต ภตฺตํ ฉินฺนํ ภเวยฺย, ตสฺมา ‘‘ตํ มา อโหสี’’ติ สกฺกสฺส นิสินฺนาสนํ อุณฺหาการํ ทสฺเสสิ. โส อาวชฺชมาโน ตํ การณํ ตฺวา มาณวกวณฺณํ อภินิมฺมินิตฺวา พุทฺธธมฺมสงฺฆปฏิสํยุตฺตา ถุติโย วทมาโน ทสพลสฺส ปุรโต โอตริตฺวา เทวานุภาเวน โอกาสํ กตฺวา –

‘‘ทนฺโต ทนฺเตหิ สห ปุราณชฏิเลหิ, วิปฺปมุตฺโต วิปฺปมุตฺเตหิ;

สิงฺคีนิกฺขสวณฺโณ, ราชคหํ ปาวิสิ ภควา.

‘‘มุตฺโต มุตฺเตหิ…เป….

‘‘ติณฺโณ ติณฺเณหิ…เป….

‘‘สนฺโต สนฺเตหิ…เป… ราชคหํ ปาวิสิ ภควา.

‘‘ทสวาโส ทสพโล, ทสธมฺมวิทู ทสภิ จุเปโต;

โส ทสสตปริวาโร, ราชคหํ ปาวิสิ ภควา’’ติ. (มหาว. ๕๘) –

อิมาหิ คาถาหิ สตฺถุ วณฺณํ วทมาโน ปุรโต ปายาสิ. ตทา มหาชโน มาณวกสฺส รูปสิรึ ทิสฺวา ‘‘อติวิย อภิรูโป วตายํ มาณวโก, น โข ปน อมฺเหหิ ทิฏฺปุพฺโพ’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘กุโต อยํ มาณวโก, กสฺส วา อย’’นฺติ อาห. ตํ สุตฺวา มาณโว –

‘‘โย ธีโร สพฺพธิ ทนฺโต, สุทฺโธ อปฺปฏิปุคฺคโล;

อรหํ สุคโต โลเก, ตสฺสาหํ ปริจารโก’’ติ. – คาถมาห;

สตฺถา สกฺเกน กโตกาสํ มคฺคํ ปฏิปชฺชิตฺวา ภิกฺขุสหสฺสปริวุโต ราชคหํ ปาวิสิ. ราชา พุทฺธปฺปมุขสฺส สงฺฆสฺส มหาทานํ ทตฺวา ‘‘อหํ, ภนฺเต, ตีณิ รตนานิ วินา วสิตุํ น สกฺขิสฺสามิ, เวลาย วา อเวลาย วา ภควโต สนฺติกํ อาคมิสฺสามิ, ลฏฺิวนุยฺยานฺจ นาม อติทูเร, อิทํ ปน อมฺหากํ เวฬุวนุยฺยานํ นาติทูรํ นจฺจาสนฺนํ คมนาคมนสมฺปนฺนํ พุทฺธารหํ เสนาสนํ. อิทํ เม, ภนฺเต, ภควา ปฏิคฺคณฺหาตู’’ติ สุวณฺณภิงฺคาเรน ปุปฺผคนฺธวาสิตํ มณิวณฺณํ อุทกมาทาย เวฬุวนุยฺยานํ ปริจฺจชนฺโต ทสพลสฺส หตฺเถ อุทกํ ปาเตสิ. ตสฺมึ อาราเม ปฏิคฺคหิเตเยว ‘‘พุทฺธสาสนสฺส มูลานิ โอติณฺณานี’’ติ มหาปถวี กมฺปิ. ชมฺพุทีปตลสฺมิฺหิ เปตฺวา เวฬุวนํ อฺํ มหาปถวึ กมฺเปตฺวา คหิตเสนาสนํ นาม นตฺถิ. ตมฺพปณฺณิทีเปปิ เปตฺวา มหาวิหารํ อฺํ ปถวึ กมฺเปตฺวา คหิตเสนาสนํ นาม นตฺถิ. สตฺถา เวฬุวนารามํ ปฏิคฺคเหตฺวา รฺโ อนุโมทนํ กตฺวา อุฏฺายาสนา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต เวฬุวนํ อคมาสิ.

ตสฺมึ โข ปน สมเย สาริปุตฺโต จ โมคฺคลฺลาโน จาติ ทฺเว ปริพฺพาชกา ราชคหํ อุปนิสฺสาย วิหรนฺติ อมตํ ปริเยสมานา. เตสุ สาริปุตฺโต อสฺสชิตฺเถรํ ปิณฺฑาย ปวิฏฺํ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺโต ปยิรุปาสิตฺวา ‘‘เย ธมฺมา เหตุปฺปภวา’’ติอาทิคาถํ (มหาว. ๖๐; อป. เถร ๑.๑.๒๘๖) สุตฺวา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาย อตฺตโน สหายกสฺส โมคฺคลฺลานสฺสปิ ตเมว คาถํ อภาสิ. โสปิ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. เต อุโภปิ สฺจยํ โอโลเกตฺวา อตฺตโน ปริสาย สทฺธึ ภควโต สนฺติเก ปพฺพชึสุ. เตสุ โมคฺคลฺลาโน สตฺตาเหน อรหตฺตํ ปาปุณิ, สาริปุตฺโต อฑฺฒมาเสน. อุโภปิ เต สตฺถา อคฺคสาวกฏฺาเน เปสิ. สาริปุตฺตตฺเถเรน จ อรหตฺตํ ปตฺตทิวเสเยว สนฺนิปาตํ อกาสิ.

ตถาคเต ปน ตสฺมิฺเว เวฬุวนุยฺยาเน วิหรนฺเต สุทฺโธทนมหาราชา ‘‘ปุตฺโต กิร เม ฉพฺพสฺสานิ ทุกฺกรการิกํ จริตฺวา ปรมาภิสมฺโพธึ ปตฺวา ปวตฺตวรธมฺมจกฺโก ราชคหํ อุปนิสฺสาย เวฬุวเน วิหรตี’’ติ สุตฺวา อฺตรํ อมจฺจํ อามนฺเตสิ – ‘‘เอหิ ภเณ, ตฺวํ ปุริสสหสฺสปริวาโร ราชคหํ คนฺตฺวา มม วจเนน ‘ปิตา เต สุทฺโธทนมหาราชา ทฏฺุกาโม’ติ วตฺวา มม ปุตฺตํ คณฺหิตฺวา เอหี’’ติ อาห. โส ‘‘เอวํ, เทวา’’ติ รฺโ วจนํ สิรสา สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ปุริสสหสฺสปริวาโร ขิปฺปเมว สฏฺิโยชนมคฺคํ คนฺตฺวา ทสพลสฺส จตุปริสมชฺเฌ นิสีทิตฺวา ธมฺมเทสนาเวลายํ วิหารํ ปาวิสิ. โส ‘‘ติฏฺตุ ตาว รฺา ปหิตสาสน’’นฺติ ปริสปริยนฺเต ิโต สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ยถาิโตว สทฺธึ ปุริสสหสฺเสน อรหตฺตํ ปตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิ. ภควา ‘‘เอถ ภิกฺขโว’’ติ หตฺถํ ปสาเรสิ. สพฺเพ ตงฺขณฺเว อิทฺธิมยปตฺตจีวรธรา สฏฺิวสฺสิกตฺเถรา วิย อเหสุํ. อรหตฺตํ ปตฺตกาลโต ปฏฺาย ปน อริยา นาม มชฺฌตฺตาว โหนฺตีติ, โส รฺา ปหิตสาสนํ ทสพลสฺส น กเถสิ. ราชา – ‘‘เนว คโต อาคจฺฉติ, น สาสนํ สุยฺยตี’’ติ ‘‘เอหิ ภเณ, ตฺวํ คจฺฉา’’ติ เอเตเนว นิยาเมน อฺํ อมจฺจํ เปเสสิ. โสปิ คนฺตฺวา ปุริมนเยเนว สทฺธึ ปริสาย อรหตฺตํ ปตฺวา ตุณฺหี อโหสิ. ปุน ราชา ‘‘เอหิ ภเณ, ตฺวํ คจฺฉ, ตฺวํ คจฺฉา’’ติ เอเตเนว นิยาเมน อปเรปิ สตฺต อมจฺเจ เปเสสิ. เต สพฺเพ นว ปุริสสหสฺสปริวารา นว อมจฺจา อตฺตโน กิจฺจํ นิฏฺาเปตฺวา ตุณฺหีภูตา ตตฺเถว วิหรึสุ.

ราชา สาสนมตฺตมฺปิ อาหริตฺวา อาจิกฺขนฺตํ อลภิตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘เอตฺตกาปิ ชนา มยิ สิเนหาภาเวน สาสนมตฺตมฺปิ น ปจฺจาหรึสุ, โก นุ โข เม สาสนํ กริสฺสตี’’ติ สพฺพํ ราชพลํ โอโลเกนฺโต กาฬุทายึ อทฺทส. โส กิร รฺโ สพฺพตฺถสาธโก อพฺภนฺตริโก อติวิย วิสฺสาสิโก อมจฺโจ โพธิสตฺเตน สทฺธึ เอกทิวเส ชาโต สหปํสุกีฬโก สหาโย. อถ นํ ราชา อามนฺเตสิ – ‘‘ตาต กาฬุทายิ, อหํ มม ปุตฺตํ ทฏฺุกาโม นวปุริสสหสฺสปริวาเรน นว อมจฺเจ เปเสสึ, เตสุ เอโกปิ อาคนฺตฺวา สาสนมตฺตํ อาโรเจนฺโต นาม นตฺถิ. ทุชฺชาโน โข ปน เม ชีวิตนฺตราโย, ชีวมาโนเยวาหํ ปุตฺตํ ทฏฺุกาโม. สกฺขิสฺสสิ นุ โข เม ปุตฺตํ ทสฺเสตุ’’นฺติ? ‘‘สกฺขิสฺสามิ, เทว, สเจ ปพฺพชิตุํ ลภิสฺสามี’’ติ. ‘‘ตาต, ตฺวํ ปพฺพชิโต วา อปพฺพชิโต วา มยฺหํ ปุตฺตํ ทสฺเสหี’’ติ. โส ‘‘สาธุ, เทวา’’ติ รฺโ สาสนํ อาทาย ราชคหํ คนฺตฺวา สตฺถุ ธมฺมเทสนาเวลาย ปริสปริยนฺเต ิโต ธมฺมํ สุตฺวา สปริวาโร อรหตฺตํ ปตฺวา เอหิภิกฺขุภาเวน ปพฺพชิตฺวา วิหาสิ.

สตฺถา พุทฺโธ หุตฺวา ปมํ อนฺโตวสฺสํ อิสิปตเน วสิตฺวา วุฏฺวสฺโส ปวาเรตฺวา อุรุเวลํ คนฺตฺวา ตตฺถ ตโย มาเส วสนฺโต เตภาติกชฏิเล วิเนตฺวา ภิกฺขุสหสฺสปริวาโร ผุสฺสมาสปุณฺณมายํ ราชคหํ คนฺตฺวา ทฺเว มาเส วสิ. เอตฺตาวตา พาราณสิโต นิกฺขนฺตสฺส ปฺจ มาสา ชาตา, สกโล เหมนฺโต อติกฺกนฺโต. กาฬุทายิตฺเถรสฺส อาคตทิวสโต สตฺตฏฺทิวสา วีติวตฺตา. เถโร ผคฺคุณมาสปุณฺณมายํ จินฺเตสิ – ‘‘อติกฺกนฺโต ทานิ เหมนฺโต, วสนฺตสมโย อนุปฺปตฺโต, มนุสฺเสหิ สสฺสาทีนิ อุทฺธริตฺวา สมฺมุขสมฺมุขฏฺาเนหิ มคฺคา ทินฺนา, หริตติณสฺฉนฺนา ปถวี, สุปุปฺผิตา วนสณฺฑา, ปฏิปชฺชนกฺขมา มคฺคา, กาโล ทสพลสฺส าติสงฺคหํ กาตุ’’นฺติ. อถ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา –

‘‘องฺคาริโน ทานิ ทุมา ภทนฺเต, ผเลสิโน ฉทนํ วิปฺปหาย;

เต อจฺจิมนฺโตว ปภาสยนฺติ, สมโย มหาวีร ภาคี รสานํ…เป…. (เถรคา. ๕๒๗);

‘‘นาติสีตํ นาติอุณฺหํ, นาติทุพฺภิกฺขฉาตกํ;

สทฺทลา หริตา ภูมิ, เอส กาโล มหามุนี’’ติ. –

สฏฺิมตฺตาหิ คาถาหิ ทสพลสฺส กุลนครคมนวณฺณํ วณฺเณสิ. อถ นํ สตฺถา – ‘‘กึ นุ โข, อุทายิ, มธุรสฺสเรน คมนวณฺณํ วณฺเณสี’’ติ อาห. ‘‘ตุมฺหากํ, ภนฺเต, ปิตา สุทฺโธทนมหาราชา ตุมฺเห ปสฺสิตุกาโม, กโรถ าตกานํ สงฺคห’’นฺติ. ‘‘สาธุ, อุทายิ, กริสฺสามิ าตกานํ สงฺคหํ, ภิกฺขุสงฺฆสฺส อาโรเจหิ, คมิยวตฺตํ ปริปูเรสฺสนฺตี’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ เถโร เตสํ อาโรเจสิ.

ภควา องฺคมคธวาสีนํ กุลปุตฺตานํ ทสหิ สหสฺเสหิ, กปิลวตฺถุวาสีนํ ทสหิ สหสฺเสหีติ สพฺเพเหว วีสติสหสฺเสหิ ขีณาสวภิกฺขูหิ ปริวุโต ราชคหา นิกฺขมิตฺวา ทิวเส ทิวเส โยชนํ คจฺฉติ. ‘‘ราชคหโต สฏฺิโยชนํ กปิลวตฺถุํ ทฺวีหิ มาเสหิ ปาปุณิสฺสามี’’ติ อตุริตจาริกํ ปกฺกามิ. เถโรปิ ‘‘ภควโต นิกฺขนฺตภาวํ รฺโ อาโรเจสฺสามี’’ติ เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา รฺโ นิเวสเน ปาตุรโหสิ. ราชา เถรํ ทิสฺวา ตุฏฺจิตฺโต มหารเห ปลฺลงฺเก นิสีทาเปตฺวา อตฺตโน ปฏิยาทิตสฺส นานคฺครสโภชนสฺส ปตฺตํ ปูเรตฺวา อทาสิ. เถโร อุฏฺาย คมนาการํ ทสฺเสสิ. ‘‘นิสีทิตฺวา ภุฺช, ตาตา’’ติ. ‘‘สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ภุฺชิสฺสามิ, มหาราชา’’ติ. ‘‘กหํ ปน, ตาต, สตฺถา’’ติ? ‘‘วีสติสหสฺสภิกฺขุปริวาโร ตุมฺหากํ ทสฺสนตฺถาย จาริกํ นิกฺขนฺโต, มหาราชา’’ติ. ราชา ตุฏฺมานโส อาห – ‘‘ตุมฺเห อิมํ ปริภุฺชิตฺวา ยาว มม ปุตฺโต อิมํ นครํ ปาปุณาติ, ตาวสฺส อิโตว ปิณฺฑปาตํ ปริหรถา’’ติ. เถโร อธิวาเสสิ. ราชา เถรํ ปริวิสิตฺวา ปตฺตํ คนฺธจุณฺเณน อุพฺพฏฺเฏตฺวา อุตฺตมสฺส โภชนสฺส ปูเรตฺวา ‘‘ตถาคตสฺส เทถา’’ติ เถรสฺส หตฺเถ ปติฏฺาเปสิ. เถโร สพฺเพสํ ปสฺสนฺตานํเยว ปตฺตํ อากาเส ขิปิตฺวา สยมฺปิ เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ปิณฺฑปาตํ อาหริตฺวา สตฺถุ หตฺเถ เปสิ. สตฺถา ตํ ปริภุฺชิ. เอเตเนว อุปาเยน เถโร ทิวเส ทิวเส ปิณฺฑปาตํ อาหริ. สตฺถาปิ อนฺตรามคฺเค รฺโเยว ปิณฺฑปาตํ ปริภุฺชิ. เถโรปิ ภตฺตกิจฺจาวสาเน ทิวเส ทิวเส ‘‘อชฺช ภควา เอตฺตกํ อาคโต, อชฺช เอตฺตก’’นฺติ พุทฺธคุณปฏิสํยุตฺตาย จ กถาย สกลํ ราชกุลํ สตฺถุทสฺสนํ วินาเยว สตฺถริ สฺชาตปฺปสาทํ อกาสิ. เตเนว นํ ภควา ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ กุลปฺปสาทกานํ ยทิทํ กาฬุทายี’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๑๙, ๒๒๕) เอตทคฺเค เปสิ.

สากิยาปิ โข อนุปฺปตฺเต ภควติ ‘‘อมฺหากํ าติเสฏฺํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ สนฺนิปติตฺวา ภควโต วสนฏฺานํ วีมํสมานา ‘‘นิคฺโรธสกฺกสฺส อาราโม รมณีโย’’ติ สลฺลกฺเขตฺวา ตตฺถ สพฺพํ ปฏิชคฺคนวิธึ กาเรตฺวา คนฺธปุปฺผหตฺถา ปจฺจุคฺคมนํ กโรนฺตา สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิเต ทหรทหเร นาครทารเก จ นาครทาริกาโย จ ปมํ ปหิณึสุ, ตโต ราชกุมาเร จ ราชกุมาริกาโย จ, เตสํ อนนฺตรา สามํ คนฺธปุปฺผาทีหิ ปูชยมานา ภควนฺตํ คเหตฺวา นิคฺโรธารามเมว อคมํสุ. ตตฺถ ภควา วีสติสหสฺสขีณาสวปริวุโต ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสีทิ. สากิยา นาม มานชาติกา มานตฺถทฺธา, เต ‘‘สิทฺธตฺถกุมาโร อมฺเหหิ ทหรตโร, อมฺหากํ กนิฏฺโ, ภาคิเนยฺโย, ปุตฺโต, นตฺตา’’ติ จินฺเตตฺวา ทหรทหเร ราชกุมาเร อาหํสุ – ‘‘ตุมฺเห วนฺทถ, มยํ ตุมฺหากํ ปิฏฺิโต นิสีทิสฺสามา’’ติ.

เตสุ เอวํ อวนฺทิตฺวา นิสินฺเนสุ ภควา เตสํ อชฺฌาสยํ โอโลเกตฺวา ‘‘น มํ าตโย วนฺทนฺติ, หนฺท ทานิ เต วนฺทาเปสฺสามี’’ติ อภิฺาปาทกํ จตุตฺถํ ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา ตโต วุฏฺาย อากาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา เตสํ สีเส ปาทปํสุํ โอกิรมาโน วิย กณฺฑมฺพรุกฺขมูเล ยมกปาฏิหาริยสทิสํ ปาฏิหาริยํ อกาสิ. ราชา ตํ อจฺฉริยํ ทิสฺวา อาห – ‘‘ภนฺเต, ตุมฺหากํ ชาตทิวเส กาลเทวลสฺส วนฺทนตฺถํ อุปนีตานํ โวปาเท ปริวตฺเตตฺวา พฺราหฺมณสฺส มตฺถเก ปติฏฺิเต ทิสฺวาปิ อหํ ตุมฺหากํ ปาเท วนฺทึ, อยํ เม ปมวนฺทนา. วปฺปมงฺคลทิวเส จ ชมฺพุจฺฉายาย สิริสยเน นิปนฺนานํ โวชมฺพุจฺฉายาย อปริวตฺตนํ ทิสฺวาปิ ปาเท วนฺทึ, อยํ เม ทุติยวนฺทนา. อิทานิ ปน อิมํ อทิฏฺปุพฺพํ ปาฏิหาริยํ ทิสฺวาปิ อหํ ตุมฺหากํ ปาเท วนฺทามิ, อยํ เม ตติยวนฺทนา’’ติ. รฺา ปน วนฺทิเต ภควนฺตํ อวนฺทิตฺวา าตุํ สมตฺโถ นาม เอกสากิโยปิ นาโหสิ, สพฺเพ วนฺทึสุเยว.

อิติ ภควา าตโย วนฺทาเปตฺวา อากาสโต โอตริตฺวา ปฺตฺตาสเน นิสีทิ. นิสินฺเน ภควติ สิขาปตฺโต าติสมาคโม อโหสิ, สพฺเพ เอกคฺคจิตฺตา หุตฺวา นิสีทึสุ. ตโต มหาเมโฆ โปกฺขรวสฺสํ วสฺสิ. ตมฺพวณฺณํ อุทกํ เหฏฺา วิรวนฺตํ คจฺฉติ, เตมิตุกาโมว เตเมติ, อเตมิตุกามสฺส สรีเร เอกพินฺทุมตฺตมฺปิ น ปตติ. ตํ ทิสฺวา สพฺเพ อจฺฉริยพฺภุตจิตฺตา ชาตา ‘‘อโห อจฺฉริยํ, อโห อพฺภุต’’นฺติ กถํ สมุฏฺาเปสุํ. สตฺถา ‘‘น อิทาเนว มยฺหํ าติสมาคเม โปกฺขรวสฺสํ วสฺสติ, อตีเตปิ วสฺสี’’ติ อิมิสฺสา อฏฺุปฺปตฺติยา เวสฺสนฺตรชาตกํ (ชา. ๒.๒๒.๑๖๕๕ อาทโย) กเถสิ. ธมฺมกถํ สุตฺวา สพฺเพ อุฏฺาย วนฺทิตฺวา ปกฺกมึสุ. เอโกปิ ราชา วา ราชมหามตฺโต วา ‘‘สฺเว อมฺหากํ ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ วตฺวา คโต นาม นตฺถิ.

สตฺถา ปุนทิวเส วีสติภิกฺขุสหสฺสปริวุโต กปิลวตฺถุํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. ตํ น โกจิ คนฺตฺวา นิมนฺเตสิ, น ปตฺตํ วา อคฺคเหสิ. ภควา อินฺทขีเล ิโตว อาวชฺเชสิ – ‘‘กถํ นุ โข ปุพฺพพุทฺธา กุลนคเร ปิณฺฑาย จรึสุ, กึ อุปฺปฏิปาฏิยา อิสฺสรชนานํ ฆรานิ อคมํสุ, อุทาหุ สปทานจาริกํ จรึสู’’ติ? ตโต เอกพุทฺธสฺสปิ อุปฺปฏิปาฏิยา คมนํ อทิสฺวา ‘‘มยาปิ ทานิ อยเมว เตสํ วํโส ปคฺคเหตพฺโพ, อายติฺจ มม สาวกา มมฺเว อนุสิกฺขนฺตา ปิณฺฑจาริกวตฺตํ ปริปูเรสฺสนฺตี’’ติ โกฏิยํ นิวิฏฺเคหโต ปฏฺาย สปทานํ ปิณฺฑาย จริ. ‘‘อยฺโย กิร สิทฺธตฺถกุมาโร ปิณฺฑาย จรตี’’ติ ทฺวิภูมิกติภูมิกาทีสุ ปาสาเทสุ สีหปฺชรํ วิวริตฺวา มหาชโน ทสฺสนพฺยาวโฏ อโหสิ.

ราหุลมาตาปิ เทวี – ‘‘อยฺยปุตฺโต กิร อิมสฺมึเยว นคเร มหนฺเตน ราชานุภาเวน สุวณฺณสิวิกาทีหิ วิจริตฺวา อิทานิ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายวตฺถนิวาสโน กปาลหตฺโถ ปิณฺฑาย จรติ, โสภติ นุ โข’’ติ สีหปฺชรํ วิวริตฺวา โอโลกยมานา ภควนฺตํ นานาวิราคสมุชฺชลาย สรีรปฺปภาย นครวีถิโย โอภาเสตฺวา พฺยามปฺปภาปริกฺเขปสมุปพฺยูฬฺหาย อสีตานุพฺยฺชนปฺปภาสิตาย ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณปฏิมณฺฑิตาย อโนปมาย พุทฺธสิริยา วิโรจมานํ ทิสฺวา อุณฺหีสโต ปฏฺาย ยาว ปาทตลา –

‘‘สินิทฺธนีลมุทุกุฺจิตเกโส, สูริยนิมฺมลตลาภินลาโฏ;

ยุตฺตตุงฺคมุทุกายตนาโส, รํสิชาลวิกสิโต นรสีโห’’ติ. –

เอวมาทิกาหิ ทสหิ นรสีหคาถาหิ อภิตฺถวิตฺวา ‘‘ตุมฺหากํ ปุตฺโต ปิณฺฑาย จรตี’’ติ รฺโ อาโรเจสิ. ราชา สํวิคฺคหทโย หตฺเถน สาฏกํ สณฺฑเปนฺโต ตุริตตุริโต นิกฺขมิตฺวา เวเคน คนฺตฺวา ภควโต ปุรโต ตฺวา อาห – ‘‘กินฺนุ โข, ภนฺเต, อมฺเห ลชฺชาเปถ, กิมตฺถํ ปิณฺฑาย จรถ, กึ ‘เอตฺตกานํ ภิกฺขูนํ น สกฺกา ภตฺตํ ลทฺธุ’นฺติ สฺํ กริตฺถา’’ติ? ‘‘วํสจาริตฺตเมตํ, มหาราช, อมฺหาก’’นฺติ. ‘‘นนุ, ภนฺเต, อมฺหากํ วํโส นาม มหาสมฺมตขตฺติยวํโส, เอตฺถ จ เอกขตฺติโยปิ ภิกฺขาจรโก นาม นตฺถี’’ติ. ‘‘อยํ, มหาราช, ขตฺติยวํโส นาม ตว วํโส. อมฺหากํ ปน ‘ทีปงฺกโร โกณฺฑฺโ…เป… กสฺสโป’ติ อยํ พุทฺธวํโส นาม. เอเต จ อฺเ จ อเนกสหสฺสสงฺขา พุทฺธา ภิกฺขาจาเรเนว ชีวิกํ กปฺเปสุ’’นฺติ อนฺตรวีถิยํ ิโตว –

‘‘อุตฺติฏฺเ นปฺปมชฺเชยฺย, ธมฺมํ สุจริตํ จเร;

ธมฺมจารี สุขํ เสติ, อสฺมึ โลเก ปรมฺหิ จา’’ติ. (ธ. ป. ๑๖๘) –

อิมํ คาถมาห. คาถาปริโยสาเน ราชา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาสิ.

‘‘ธมฺมฺจเร สุจริตํ, น นํ ทุจฺจริตํ จเร;

ธมฺมจารี สุขํ เสติ, อสฺมึ โลเก ปรมฺหิ จา’’ติ. (ธ. ป. ๑๖๙) –

อิมํ คาถํ สุตฺวา สกทาคามิผเล ปติฏฺาสิ, มหาธมฺมปาลชาตกํ (ชา. ๑.๑๐.๙๒ อาทโย) สุตฺวา อนาคามิผเล ปติฏฺาสิ, มรณสมเย เสตจฺฉตฺตสฺส เหฏฺา สิริสยเน นิปนฺโนเยว อรหตฺตํ ปาปุณิ. อรฺวาเสน ปธานานุโยคกิจฺจํ รฺโ นาโหสิ. โส โสตาปตฺติผลํ สจฺฉิกตฺวาเยว ปน ภควโต ปตฺตํ คเหตฺวา สปริสํ ภควนฺตํ มหาปาสาทํ อาโรเปตฺวา ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน ปริวิสิ. ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน สพฺพํ อิตฺถาคารํ อาคนฺตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิ เปตฺวา ราหุลมาตรํ. สา ปน ‘‘คจฺฉ, อยฺยปุตฺตํ วนฺทาหี’’ติ ปริชเนน วุจฺจมานาปิ ‘‘สเจ มยฺหํ คุโณ อตฺถิ, สยเมว มม สนฺติกํ อยฺยปุตฺโต อาคมิสฺสติ, อาคตเมว นํ วนฺทิสฺสามี’’ติ วตฺวา น อคมาสิ.

ภควา ราชานํ ปตฺตํ คาหาเปตฺวา ทฺวีหิ อคฺคสาวเกหิ สทฺธึ ราชธีตาย สิริคพฺภํ คนฺตฺวา ‘‘ราชธีตา ยถารุจิ วนฺทมานา น กิฺจิ วตฺตพฺพา’’ติ วตฺวา ปฺตฺตาสเน นิสีทิ. สา เวเคนาคนฺตฺวา โคปฺผเกสุ คเหตฺวา ปาทปิฏฺิยํ สีสํ ปริวตฺเตตฺวา ยถาชฺฌาสยํ วนฺทิ. ราชา ราชธีตาย ภควติ สิเนหพหุมานาทิคุณสมฺปตฺตึ กเถสิ – ‘‘ภนฺเต, มม ธีตา ‘ตุมฺเหหิ กาสายานิ วตฺถานิ นิวาสิตานี’ติ สุตฺวา ตโต ปฏฺาย กาสายวตฺถนิวตฺถา ชาตา, ตุมฺหากํ เอกภตฺติกภาวํ สุตฺวา เอกภตฺติกาว ชาตา, ตุมฺเหหิ มหาสยนสฺส ฉฑฺฑิตภาวํ สุตฺวา ปฏฺฏิกามฺจเกเยว นิปนฺนา, ตุมฺหากํ มาลาคนฺธาทีหิ วิรตภาวํ ตฺวา วิรตมาลาคนฺธาว ชาตา, อตฺตโน าตเกหิ ‘มยํ ปฏิชคฺคิสฺสามา’ติ สาสเน เปสิเตปิ เตสุ เอกาตกมฺปิ น โอโลเกสิ, เอวํ คุณสมฺปนฺนา เม, ภนฺเต, ธีตา’’ติ. ‘‘อนจฺฉริยํ, มหาราช, อยํ อิทานิ ตยา รกฺขิยมานา ราชธีตา ปริปกฺเก าเณ อตฺตานํ รกฺเขยฺย, เอสา ปุพฺเพ อนารกฺขา ปพฺพตปาเท วิจรมานา อปริปกฺเกปิ าเณ อตฺตานํ รกฺขี’’ติ วตฺวา จนฺทกินฺนรีชาตกํ (ชา. ๑.๑๔.๑๘ อาทโย) กเถตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกามิ.

ปุนทิวเส ปน นนฺทสฺส ราชกุมารสฺส อภิเสกเคหปฺปเวสนวิวาหมงฺคเลสุ วตฺตมาเนสุ ตสฺส เคหํ คนฺตฺวา กุมารํ ปตฺตํ คาหาเปตฺวา ปพฺพาเชตุกาโม มงฺคลํ วตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกามิ. ชนปทกลฺยาณี กุมารํ คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘ตุวฏํ โข, อยฺยปุตฺต, อาคจฺเฉยฺยาสี’’ติ วตฺวา คีวํ ปสาเรตฺวา โอโลเกสิ. โส ภควนฺตํ ‘‘ปตฺตํ คณฺหถา’’ติ วตฺตุํ อวิสหมาโน วิหารํเยว อคมาสิ. ตํ อนิจฺฉมานํเยว ภควา ปพฺพาเชสิ. อิติ ภควา กปิลวตฺถุํ คนฺตฺวา ตติยทิวเส นนฺทํ ปพฺพาเชสิ.

สตฺตเม ทิวเส ราหุลมาตาปิ กุมารํ อลงฺกริตฺวา ภควโต สนฺติกํ เปเสสิ – ‘‘ปสฺส, ตาต, เอตํ วีสติสหสฺสสมณปริวุตํ สุวณฺณวณฺณํ พฺรหฺมรูปวณฺณํ สมณํ, อยํ เต ปิตา, เอตสฺส มหนฺตา นิธโย อเหสุํ ตฺยสฺส นิกฺขมนกาลโต ปฏฺาย น ปสฺสาม, คจฺฉ, นํ ทายชฺชํ ยาจาหิ – ‘อหํ, ตาต, กุมาโร อภิเสกํ ปตฺวา จกฺกวตฺตี ภวิสฺสามิ, ธเนน เม อตฺโถ, ธนํ เม เทหิ. สามิโก หิ ปุตฺโต ปิตุสนฺตกสฺสา’’’ติ. กุมาโร จ ภควโต สนฺติกํ คนฺตฺวาว ปิตุสิเนหํ ลภิตฺวา หฏฺจิตฺโต ‘‘สุขา เต, สมณ, ฉายา’’ติ วตฺวา อฺฺจ พหุํ อตฺตโน อนุรูปํ วทนฺโต อฏฺาสิ. ภควา กตภตฺตกิจฺโจ อนุโมทนํ วตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกามิ. กุมาโรปิ ‘‘ทายชฺชํ เม, สมณ, เทหิ, ทายชฺชํ เม, สมณ, เทหี’’ติ ภควนฺตํ อนุพนฺธิ. น ภควา กุมารํ นิวตฺตาเปสิ, ปริชโนปิ ภควตา สทฺธึ คจฺฉนฺตํ นิวตฺเตตุํ นาสกฺขิ. อิติ โส ภควตา สทฺธึ อารามเมว อคมาสิ.

ตโต ภควา จินฺเตสิ – ‘‘ยํ อยํ ปิตุสนฺตกํ ธนํ อิจฺฉติ, ตํ วฏฺฏานุคตํ สวิฆาตํ, หนฺทสฺส เม โพธิมณฺเฑ ปฏิลทฺธํ สตฺตวิธํ อริยธนํ เทมิ, โลกุตฺตรทายชฺชสฺส นํ สามิกํ กโรมี’’ติ อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ อามนฺเตสิ – ‘‘เตน หิ, สาริปุตฺต, ราหุลํ ปพฺพาเชหี’’ติ. เถโร ตํ ปพฺพาเชสิ. ปพฺพชิเต จ ปน กุมาเร รฺโ อธิมตฺตํ ทุกฺขํ อุปฺปชฺชิ, ตํ อธิวาเสตุํ อสกฺโกนฺโต ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘สาธุ, ภนฺเต, อยฺยา มาตาปิตูหิ อนนุฺาตํ ปุตฺตํ น ปพฺพาเชยฺยุ’’นฺติ วรํ ยาจิ. ภควา จ ตสฺส วรํ ทตฺวา ปุเนกทิวเส ราชนิเวสเน กตภตฺตกิจฺโจ เอกมนฺตํ นิสินฺเนน รฺา ‘‘ภนฺเต, ตุมฺหากํ ทุกฺกรการิกกาเล เอกา เทวตา มํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘ปุตฺโต เต กาลงฺกโต’ติ อาห, ตสฺสา วจนํ อสทฺทหนฺโต ‘น มยฺหํ ปุตฺโต สมฺโพธึ อปฺปตฺวา กาลํ กโรตี’ติ ตํ ปฏิกฺขิปิ’’นฺติ วุตฺเต ‘‘ตุมฺเห อิทานิ กึ สทฺทหิสฺสถ, เย ตุมฺเห ปุพฺเพปิ อฏฺิกานิ ทสฺเสตฺวา ‘ปุตฺโต เต มโต’ติ วุตฺเต น สทฺทหิตฺถา’’ติ อิมิสฺสา อฏฺุปฺปตฺติยา มหาธมฺมปาลชาตกํ กเถสิ. กถาปริโยสาเน ราชา อนาคามิผเล ปติฏฺหิ.

อิติ ภควา ปิตรํ ตีสุ ผเลสุ ปติฏฺาเปตฺวา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ปุนเทว ราชคหํ คนฺตฺวา สีตวเน วิหาสิ. ตสฺมึ สมเย อนาถปิณฺฑิโก คหปติ ปฺจหิ สกฏสเตหิ ภณฺฑํ อาทาย ราชคหํ คนฺตฺวา อตฺตโน ปิยสหายกสฺส เสฏฺิโน เคหํ คนฺตฺวา ตตฺถ พุทฺธสฺส ภควโต อุปฺปนฺนภาวํ สุตฺวา พลวปจฺจูเส เทวตานุภาเวน วิวเฏน ทฺวาเรน สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาย, ทุติเย ทิวเส พุทฺธปฺปมุขสฺส สงฺฆสฺส มหาทานํ ทตฺวา สาวตฺถึ อาคมนตฺถาย สตฺถุ ปฏิฺํ คเหตฺวา อนฺตรามคฺเค ปฺจจตฺตาลีสโยชนฏฺาเน สตสหสฺสํ ทตฺวา โยชนิเก โยชนิเก วิหารํ กาเรตฺวา เชตวนํ โกฏิสนฺถาเรน อฏฺารสหิ หิรฺโกฏีหิ กิณิตฺวา นวกมฺมํ ปฏฺเปสิ. โส มชฺเฌ ทสพลสฺส คนฺธกุฏึ กาเรสิ, ตํ ปริวาเรตฺวา อสีติยา มหาเถรานํ ปาฏิเยกฺกํ เอกสนฺนิเวสเน อาวาเส เอกกุฏิกทฺวิกุฏิกหํสวฏฺฏกทีฆรสฺสสาลามณฺฑปาทิวเสน เสสเสนาสนานิ โปกฺขรณิจงฺกมนรตฺติฏฺานทิวาฏฺานานิ จาติ อฏฺารสโกฏิปริจฺจาเคน รมณีเย ภูมิภาเค มโนรมํ วิหารํ กาเรตฺวา ทสพลสฺส อาคมนตฺถาย ทูตํ ปาเหสิ. สตฺถา ตสฺส วจนํ สุตฺวา มหาภิกฺขุสงฺฆปริวาโร ราชคหา นิกฺขมิตฺวา อนุปุพฺเพน สาวตฺถินครํ ปาปุณิ.

มหาเสฏฺิปิ โข วิหารมหํ สชฺเชตฺวา ตถาคตสฺส เชตวนํ ปวิสนทิวเส ปุตฺตํ สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิตํ กตฺวา อลงฺกตปฏิยตฺเตเหว ปฺจหิ กุมารสเตหิ สทฺธึ เปเสสิ. โส สปริวาโร ปฺจวณฺณวตฺถสมุชฺชลานิ ปฺจ ธชสตานิ คเหตฺวา ทสพลสฺส ปุรโต อโหสิ, เตสํ ปจฺฉโต มหาสุภทฺทา จูฬสุภทฺทาติ ทฺเว เสฏฺิธีตโร ปฺจหิ กุมาริกาสเตหิ สทฺธึ ปุณฺณฆเฏ คเหตฺวา นิกฺขมึสุ, ตาสํ ปจฺฉโต เสฏฺิภริยา สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิตา ปฺจหิ มาตุคามสเตหิ สทฺธึ ปุณฺณปาติโย คเหตฺวา นิกฺขมิ, สพฺเพสํ ปจฺฉโต มหาเสฏฺิ อหตวตฺถนิวตฺโถ อหตวตฺถนิวตฺเถเหว ปฺจหิ เสฏฺิสเตหิ สทฺธึ ภควนฺตํ อพฺภุคฺคฺฉิ. ภควา อิมํ อุปาสกปริสํ ปุรโต กตฺวา มหาภิกฺขุสงฺฆปริวุโต อตฺตโน สรีรปฺปภาย สุวณฺณรสเสกสิฺจนานิ วิย วนนฺตรานิ กุรุมาโน อนนฺตาย พุทฺธลีลาย อปริมาณาย พุทฺธสิริยา เชตวนวิหารํ ปาวิสิ.

อถ นํ อนาถปิณฺฑิโก อาปุจฺฉิ – ‘‘กถาหํ, ภนฺเต, อิมสฺมึ วิหาเร ปฏิปชฺชามี’’ติ? ‘‘เตน หิ, คหปติ, อิมํ วิหารํ อาคตานาคตสฺส จาตุทฺทิสสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ปติฏฺาเปหี’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ มหาเสฏฺิ สุวณฺณภิงฺคารํ อาทาย ทสพลสฺส หตฺเถ อุทกํ ปาเตตฺวา ‘‘อิมํ เชตวนวิหารํ อาคตานาคตสฺส จาตุทฺทิสสฺส พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทมฺมี’’ติ อทาสิ. สตฺถา วิหารํ ปฏิคฺคเหตฺวา อนุโมทนํ กโรนฺโต –

‘‘สีตํ อุณฺหํ ปฏิหนฺติ, ตโต วาฬมิคานิ จ;

สรีสเป จ มกเส, สิสิเร จาปิ วุฏฺิโย.

‘‘ตโต วาตาตโป โฆโร, สฺชาโต ปฏิหฺติ;

เลณตฺถฺจ สุขตฺถฺจ, ฌายิตุฺจ วิปสฺสิตุํ.

‘‘วิหารทานํ สงฺฆสฺส, อคฺคํ พุทฺเธน วณฺณิตํ;

ตสฺมา หิ ปณฺฑิโต โปโส, สมฺปสฺสํ อตฺถมตฺตโน.

‘‘วิหาเร การเย รมฺเม, วาสเยตฺถ พหุสฺสุเต;

เตสํ อนฺนฺจ ปานฺจ, วตฺถเสนาสนานิ จ.

‘‘ทเทยฺย อุชุภูเตสุ, วิปฺปสนฺเนน เจตสา;

เต ตสฺส ธมฺมํ เทเสนฺติ, สพฺพทุกฺขาปนูทนํ;

ยํ โส ธมฺมํ อิธฺาย, ปรินิพฺพาติ อนาสโว’’ติ. (จูฬว. ๒๙๕) –

วิหารานิสํสํ กเถสิ. อนาถปิณฺฑิโก ทุติยทิวสโต ปฏฺาย วิหารมหํ อารภิ. วิสาขาย วิหารมโห จตูหิ มาเสหิ นิฏฺิโต, อนาถปิณฺฑิกสฺส ปน วิหารมโห นวหิ มาเสหิ นิฏฺาสิ. วิหารมเหปิ อฏฺารเสว โกฏิโย ปริจฺจาคํ อคมํสุ. อิติ เอกสฺมึเยว วิหาเร จตุปณฺณาสโกฏิสงฺขํ ธนํ ปริจฺจชิ.

อตีเต ปน วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล ปุนพฺพสุมิตฺโต นาม เสฏฺิ สุวณฺณิฏฺกาสนฺถาเรน กิณิตฺวา ตสฺมึเยว าเน โยชนปฺปมาณํ สงฺฆารามํ กาเรสิ. สิขิสฺส ปน ภควโต กาเล สิริวฑฺโฒ นาม เสฏฺิ สุวณฺณผาลสนฺถาเรน กิณิตฺวา ตสฺมึเยว าเน ติคาวุตปฺปมาณํ สงฺฆารามํ กาเรสิ. เวสฺสภุสฺส ภควโต กาเล โสตฺถิโย นาม เสฏฺิ สุวณฺณหตฺถิปทสนฺถาเรน กิณิตฺวา ตสฺมึเยว าเน อฑฺฒโยชนปฺปมาณํ สงฺฆารามํ กาเรสิ. กกุสนฺธสฺส ภควโต กาเล อจฺจุโต นาม เสฏฺิ สุวณฺณิฏฺกาสนฺถาเรน กิณิตฺวา ตสฺมึเยว าเน คาวุตปฺปมาณํ สงฺฆารามํ กาเรสิ. โกณาคมนสฺส ภควโต กาเล อุคฺโค นาม เสฏฺิ สุวณฺณกจฺฉปสนฺถาเรน กิณิตฺวา ตสฺมึเยว าเน อฑฺฒคาวุตปฺปมาณํ สงฺฆารามํ กาเรสิ. กสฺสปสฺส ภควโต กาเล สุมงฺคโล นาม เสฏฺิ สุวณฺณยฏฺิสนฺถาเรน กิณิตฺวา ตสฺมึเยว าเน โสฬสกรีสปฺปมาณํ สงฺฆารามํ กาเรสิ. อมฺหากํ ปน ภควโต กาเล อนาถปิณฺฑิโก นาม เสฏฺิ กหาปณโกฏิสนฺถาเรน กิณิตฺวา ตสฺมึเยว าเน อฏฺกรีสปฺปมาณํ สงฺฆารามํ กาเรสิ. อิทํ กิร านํ สพฺพพุทฺธานํ อวิชหิตฏฺานเมว.

อิติ มหาโพธิมณฺเฑ สพฺพฺุตปฺปตฺติโต ยาว มหาปรินิพฺพานมฺจา ยสฺมึ ยสฺมึ าเน ภควา วิหาสิ, อิทํ สนฺติเกนิทานํ นามาติ เวทิตพฺพํ.

สนฺติเกนิทานกถา นิฏฺิตา.

นิทานกถา นิฏฺิตา.

เถราปทานํ

๑. พุทฺธวคฺโค

อพฺภนฺตรนิทานวณฺณนา

.

‘‘อถ พุทฺธาปทานานิ, สุณาถ สุทฺธมานสา;

ตึสปารมิสมฺปุณฺณา, ธมฺมราชา อสงฺขิยา’’ติ. –

เอตฺถ อถาติ อธิการนฺตรูปทสฺสนตฺเถ นิปาตปทํ, วิภตฺติยุตฺตายุตฺตนิปาตทฺวเยสุ วิภตฺติยุตฺตนิปาตปทํ. อถ วา –

‘‘อธิกาเร มงฺคเล เจว, นิปฺผนฺนตฺเถวธารเณ;

อนนฺตเรปคมเน, อถ-สทฺโท ปวตฺตติ’’.

ตถา หิ –

‘‘อธิกิจฺจํ อธิฏฺานํ, อธิอตฺถํ วิภาสติ;

เสฏฺเชฏฺกภาเวน, อธิกาโร วิธียเต’’ติ. –

วุตฺตตฺตา พุทฺธานํ สมตฺตึสปารมิธมฺมานํ อธิกิจฺจโต, เสฏฺเชฏฺโต อธิการฏฺเน อถ-สทฺเทน ยุตฺตมปทานานีติ. ติวิธโพธิสตฺตานํ ปูชามงฺคลสภาวโต ‘‘ปูชา จ ปูชเนยฺยานํ, เอตํ มงฺคลมุตฺตม’’นฺติ วจนโต (ขุ. ปา. ๕.๓; สุ. นิ. ๒๖๒) มงฺคลฏฺเน อถ-สทฺเทน ยุตฺตมปทานานีติ. พุทฺธาทีนํ ภควนฺตานํ สมฺปตฺติกิจฺจสฺส อรหตฺตมคฺเคน นิปฺผนฺนโต นิปฺผนฺนฏฺเน อถ-สทฺเทน ยุตฺตมปทานานีติ. พุทฺธาทีนํ อรหตฺตมคฺคาทิกุสลโต อฺกุสลานํ อภาวโต อวธารณฏฺเน นิวารณฏฺเน อถ-สทฺเทน ยุตฺตมปทานานีติ. ขุทฺทกปาสงฺคหานนฺตรํ สงฺคหิตนฺติ อนนฺตรฏฺเน อถ-สทฺเทน ยุตฺตมปทานานีติ. อิโต ขุทฺทกปาโต ปฏฺายาติ อปคมนฏฺเน อถ-สทฺเทน ยุตฺตมปทานานีติ.

พุทฺโธติ เอตฺถ พุชฺฌิตา สจฺจานีติ พุทฺโธ, โพเธตา ปชายาติ พุทฺโธ, สพฺพฺุตาย พุทฺโธ, สพฺพทสฺสาวิตาย พุทฺโธ, อนฺเนยฺยตาย พุทฺโธ, วิสวิตาย พุทฺโธ, ขีณาสวสงฺขาเตน พุทฺโธ, นิรุปกฺกิเลสสงฺขาเตน พุทฺโธ, ปพฺพชฺชาสงฺขาเตน พุทฺโธ, อทุติยฏฺเน พุทฺโธ, ตณฺหาปหานฏฺเน พุทฺโธ, เอกายนมคฺคํ คโตติ พุทฺโธ, เอโก อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธติ พุทฺโธ, อพุทฺธิวิหตตฺตา พุทฺธิปฏิลาภา พุทฺโธ, พุทฺธิ พุทฺธํ โพโธติ อนตฺถนฺตรเมตํ. ยถา นีลาทิวณฺณโยคโต ปโฏ ‘‘นีโล ปโฏ, รตฺโต ปโฏ’’ติ วุจฺจติ, เอวํ พุทฺธคุณโยคโต พุทฺโธ. อถ วา ‘‘โพธิ’’วุจฺจติ จตูสุ มคฺเคสุ าณํ, เตน าเณน สกลทิยฑฺฒสหสฺสกิเลสาริคเณ เขเปตฺวา นิพฺพานาธิคมนโต าณํ ‘‘โพธี’’ติ วุจฺจติ. เตน สมฺปยุตฺโต สมงฺคีปุคฺคโล พุทฺโธ. เตเนว าเณน ปจฺเจกพุทฺโธปิ สพฺพกิเลเส เขเปตฺวา นิพฺพานมธิคจฺฉติ. พุทฺธานํ ปน จตูสุ อสงฺขฺเยยฺเยสุ กปฺปสตสหสฺเสสุ จ ปารมิโย ปูเรตฺวา โพธิาณสฺสาธิคตตฺตา จ อินฺทฺริยปโรปริยตฺตาณมหากรุณาสมาปตฺติาณยมกปาฏิหีราณสพฺพฺุตฺาณ- อนาวรณอาสยานุสยาทิอสาธารณาณานํ สมธิคตตฺตา จ เอกายปิ ธมฺมเทสนาย อสงฺขฺเยยฺยาสตฺตนิกาเย ธมฺมามตํ ปาเยตฺวา นิพฺพานสฺส ปาปนโต จ ตเทว าณํ พุทฺธานเมวาธิกภาวโต เตสเมว สมฺพุทฺธานํ อปทานํ การณํ พุทฺธาปทานํ. ตฺหิ ทุวิธํ กุสลากุสลวเสน. ปจฺเจกพุทฺธา ปน น ตถา กาตุํ สมตฺถา, อนฺนาทิปจฺจยทายกานํ สงฺคหํ กโรนฺตาปิ –

‘‘อิจฺฉิตํ ปตฺถิตํ ตุยฺหํ, ขิปฺปเมว สมิชฺฌตุ;

ปูเรนฺตุ จิตฺตสงฺกปฺปา, จนฺโท ปนฺนรโส ยถา.

‘‘อิจฺฉิตํ ปตฺถิตํ ตุยฺหํ, ขิปฺปเมว สมิชฺฌตุ;

ปูเรนฺตุ จิตฺตสงฺกปฺปา, มณิ โชติรโส ยถา’’ติ. (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๙๕ ปุพฺพูปนิสฺสยสมฺปตฺติกถา; อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๑๙๒; ธ. ป. อฏฺ. ๑.สามาวตีวตฺถุ) –

อิมาหิ ทฺวีหิเยว คาถาหิ ธมฺมํ เทเสนฺติ. เทเสนฺตาปิ อสงฺขฺเยยฺยสตฺตนิกาเย โพเธตุํ น สกฺกุณนฺติ, ตสฺมา น สพฺพฺุพุทฺธสทิสา หุตฺวา ปาฏิเอกฺกํ วิสุํ พุทฺธาติ ปจฺเจกพุทฺธา. เตสํ อปทานํ การณํ ปจฺเจกพุทฺธาปทานํ.

จิรํ ิตาติ เถรา. อถ วา ถิรตรสีลาจารมทฺทวาทิคุเณหิ ยุตฺตาติ เถรา. อถ วา ถิรวรสีลสมาธิปฺาวิมุตฺติวิมุตฺติาณทสฺสนคุเณหิ ยุตฺตาติ เถรา. อถ วา ถิรตรสงฺขาตปณีตานุตฺตรสนฺตินิพฺพานมธิคตาติ เถรา, เถรานํ อปทานานิ เถราปทานานิ. ตถา ตาทิคุเณหิ ยุตฺตาติ เถรี, เถรีนํ อปทานานิ เถรีปทานานิ. เตสุ พุทฺธาปทาเน ปฺเจว อปทานานิ, ปฺเจว สุตฺตนฺตา. เตนาหุ โปราณา –

‘‘ปฺเจว อปทานานิ, ปฺจ สุตฺตานิ ยสฺส จ;

อิทํ พุทฺธาปทานนฺติ, ปมํ อนุโลมโต’’ติ.

ปจฺเจกพุทฺธาปทาเนปิ ปฺเจว อปทานานิ, ปฺเจว สุตฺตนฺตา. เตนาหุ โปราณา –

‘‘ปฺเจว อปทานานิ, ปฺจ สุตฺตานิ ยสฺส จ;

อิทํ ปจฺเจกพุทฺธาปทานนฺติ, ทุติยํ อนุโลมโต’’ติ.

เถราปทาเนสุ ทสาธิกปฺจสตาปทานานิ, วคฺคโต เอกปฺาส วคฺคา. เตนาหุ โปราณา –

‘‘ปฺจสตทสปทานานิ, เอกปฺาส วคฺคโต;

อิทํ เถราปทานนฺติ, ตติยํ อนุโลมโต’’ติ.

เถรีอปทาเนสุ จตฺตาลีสํ อปทานานิ, วคฺคโต จตุโร วคฺคา. เตนาหุ โปราณา –

‘‘จตฺตาลีสํปทานานิ, จตุวคฺคานิ ยสฺส จ;

อิทํ เถรีปทานนฺติ, จตุตฺถํ อนุโลมโต’’ติ.

อปทานนฺติ เอตฺถ อปทาน-สทฺโท การณคหณอปคมนปฏิปาฏิอกฺโกสนาทีสุ ทิสฺสติ. ตถา หิ เอส ‘‘ขตฺติยานํ อปทานํ, พฺราหฺมณานํ อปทาน’’นฺติอาทีสุ การเณ ทิสฺสติ, ขตฺติยานํ การณํ พฺราหฺมณานํ การณนฺติ อตฺโถ. ‘‘อุปาสกานํ อปทาน’’นฺติอาทีสุ คหเณ ทิสฺสติ, สํสุฏฺุ คหณนฺติ อตฺโถ. ‘‘วาณิชานํ อปทานํ, สุทฺทานํ อปทาน’’นฺติอาทีสุ อปคมเน ทิสฺสติ, ตโต ตโต เตสํ อปคมนนฺติ อตฺโถ. ‘‘ปิณฺฑปาติโก ภิกฺขุ สปทานจารวเสน ปิณฺฑาย จรตี’’ติอาทีสุ ปฏิปาฏิยา ทิสฺสติ, ฆรปฏิปาฏิยา จรตีติ อตฺโถ. ‘‘อปคตา อิเม สามฺา, อปคตา อิเม พฺรหฺมฺาติ อปทาเนตี’’ติอาทีสุ อกฺโกสเน ทิสฺสติ, อกฺโกสติ ปริภาสตีติ อตฺโถ. อิธ ปน การเณ ทิสฺสติ. ตสฺมา พุทฺธานํ อปทานานิ พุทฺธาปทานิ, พุทฺธการณานีติ อตฺโถ. คงฺคาวาลุกูปมานํ อเนเกสํ พุทฺธานํ ทานปารมิตาทิสมตฺตึสปารมิตา การณนฺติ ทฏฺพฺพํ. อถ อธิการาทีสุ ยุตฺตอปทานานิ สุทฺธมานสา สุณาถาติ สมฺพนฺโธ.

ตตฺถ สุทฺธมานสาติ อรหตฺตมคฺคาเณน ทิยฑฺฒกิเลสสหสฺสํ เขเปตฺวา ิตตฺตา สุทฺธมานสา ปริสุทฺธจิตฺตา สุทฺธหทยา ปฺจสตา ขีณาสวา อิมสฺมึ ธมฺมสภาเย สนฺนิสินฺนา สุณาถ, โอหิตโสตา มนสิ กโรถาติ อตฺโถ.

เอตฺถ ปน ‘‘อปทานานี’’ติ อวตฺวา ปจฺเจกพุทฺธาปทานเถราปทานเถรีอปทาเนสุ วิชฺชมาเนสุปิ ‘‘อถ พุทฺธาปทานานี’’ติ วจนํ ขนฺธยมกอายตนธาตุสจฺจสงฺขารอนุสยยมเกสุ วิชฺชมาเนสุปิ ปธานวเสน อาทิวเสน จ ‘‘มูลยมก’’นฺติ วจนํ วิย, เตรสสงฺฆาทิเสสทฺเวอนิยตตึสนิสฺสคฺคิเยสุ วิชฺชมาเนสุปิ ปธานวเสน อาทิวเสน จ ‘‘ปาราชิกกณฺโฑ’’ติ วจนํ วิย จ อิธาปิ ปธานวเสน อาทิวเสน จ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.

‘‘สมฺมาสมฺพุทฺธาปทานานี’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘วณฺณาคโม…เป… ปฺจวิธํ นิรุตฺต’’นฺติ นิรุตฺตินเยน วา ‘‘เตสุ วุทฺธิโลปาคมวิการวิปรีตาเทสา จา’’ติ สุตฺเตน วา ตติยตฺถวาจกสฺส สมฺมาตินิปาตปทสฺส, สยํสทฺทตฺถวาจกสฺส -นฺติอุปสคฺคปทสฺส จ โลปํ กตฺวา กิตนฺตวาจีพุทฺธสทฺทเมว คเหตฺวา คาถาพนฺธสุขตฺถํ ‘‘พุทฺธาปทานานี’’ติ วุตฺตํ. ตสฺมา สมฺมาสมฺพุทฺธาปทานานีติ อตฺโถ.

อิติ วิสุทฺธชนวิลาสินิยา อปทาน-อฏฺกถาย

อพฺภนฺตรนิทานวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑. พุทฺธอปทานวณฺณนา

อิทานิ อพฺภนฺตรนิทานานนฺตรํ อปทานฏฺกถํ กเถตุกาโม –

‘‘สปทานํ อปทานํ, วิจิตฺรนยเทสนํ;

ยํ ขุทฺทกนิกายสฺมึ, สงฺคายึสุ มเหสโย;

ตสฺส ทานิ อนุปฺปตฺโต, อตฺถสํวณฺณนากฺกโม’’ติ.

ตตฺถ ยํ อปทานํ ตาว ‘‘สกลํ พุทฺธวจนํ เอกวิมุตฺติรส’’นฺติ วุตฺตตฺตา เอกรเส สงฺคหํ คจฺฉติ, ธมฺมวินยวเสน ทฺวิธาสงฺคเห ธมฺเม สงฺคหํ คจฺฉติ, ปมมชฺฌิมปจฺฉิมพุทฺธวจเนสุ มชฺฌิมพุทฺธวจเน สงฺคหํ คจฺฉติ, วินยาภิธมฺมสุตฺตนฺตปิฏเกสุ สุตฺตนฺตปิฏเก สงฺคหํ คจฺฉติ, ทีฆนิกายมชฺฌิมสํยุตฺตองฺคุตฺตรขุทฺทกนิกาเยสุ ปฺจสุ ขุทฺทกนิกาเย สงฺคหํ คจฺฉติ, สุตฺตํ เคยฺยํ เวยฺยากรณํ คาถา อุทานํ อิติวุตฺตกํ ชาตกํ อพฺภุตธมฺมํ เวทลฺลนฺติ นวสุ สาสนงฺเคสุ คาถาย สงฺคหิตํ.

‘‘ทฺวาสีติ พุทฺธโต คณฺหึ, ทฺเวสหสฺสานิ ภิกฺขุโต;

จตุราสีติสหสฺสานิ, เยเม ธมฺมา ปวตฺติโน’’ติ. –

เอวํ วุตฺตจตุราสีติสหสฺสธมฺมกฺขนฺเธสุ กติปยธมฺมกฺขนฺธสงฺคหิตํ โหตีติ.

อิทานิ ตํ อปทานํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตึสปารมิสมฺปุณฺณา, ธมฺมราชา อสงฺขิยา’’ติ อาห. ตตฺถ ทสปารมิตาว ปจฺฉิมมชฺฌิมุกฺกฏฺวเสน ทสปารมีทสอุปปารมีทสปรมตฺถปารมีนํ วเสน สมตฺตึสปารมี. ตาหิ สํสุฏฺุ ปุณฺณา สมฺปุณฺณา สมนฺนาคตา สมงฺคีภูตา อชฺฌาปนฺนา สํยุตฺตาติ ตึสปารมิสมฺปุณฺณา. สกลโลกตฺตยวาสิเน สตฺตนิกาเย เมตฺตากรุณามุทิตาอุเปกฺขาสงฺขาตาหิ จตูหิ พฺรหฺมวิหารสมาปตฺตีหิ วา ผลสมาปตฺติวิหาเรน วา เอกจิตฺตภาเวน อตฺตโน จ กาเย รฺเชนฺติ อลฺลียาเปนฺตีติ ราชาโน, ธมฺเมน ราชาโน ธมฺมราชา, อิตฺถมฺภูตา พุทฺธา. ทสสตํ สหสฺสํ ทสสหสฺสํ สตสหสฺสํ ทสสตสหสฺสํ โกฏิ ปโกฏิ โกฏิปฺปโกฏิ นหุตํ นินฺนหุตํ อกฺโขภิณิ พินฺทุ อพฺพุทํ นิรพฺพุทํ อหหํ อพพํ อฏฏํ โสคนฺธิกํ อุปฺปลํ กุมุทํ ปุณฺฑริกํ ปทุมํ กถานํ มหากถานํ อสงฺขฺเยยฺยานํ วเสน อสงฺขิยา สงฺขารหิตา ธมฺมราชาโน อตีตา วิคตา นิรุทฺธา อพฺภตฺถํ คตาติ อธิปฺปาโย.

. เตสุ อตีตพุทฺเธสุ กตาธิการฺจ อตฺตนา โพธิสตฺตภูเตน จกฺกวตฺติรฺา หุตฺวา กตสมฺภารฺจ อานนฺทตฺเถเรน ปุฏฺโ ภควา ‘‘สมฺโพธึ พุทฺธเสฏฺาน’’นฺติอาทิมาห. โภ อานนฺท, มม อปทานํ สุโณหีติ อธิปฺปาโย. อานนฺท, อหํ ปุพฺเพ โพธิสมฺภารปูรณกาเล จกฺกวตฺติราชา หุตฺวา เสฏฺานํ ปสฏฺานํ ปฏิวิทฺธจตุสจฺจานํ พุทฺธานํ สมฺโพธึ จตุสจฺจมคฺคาณํ สพฺพฺุตฺาณํ วา สิรสา อภิวาทเยติ สมฺพนฺโธ. สสงฺเฆ สาวกสงฺฆสหิเต โลกนายเก โลกเชฏฺเ พุทฺเธ ทสหิ องฺคุลีหิ อุโภหิ หตฺถปุเฏหิ นมสฺสิตฺวา วนฺทิตฺวา สิรสา สีเสน อภิวาทเย อาทเรน โถมนํ กตฺวา ปณามํ กโรมีติ อตฺโถ.

. ยาวตา พุทฺธเขตฺเตสูติ ทสสหสฺสจกฺกวาเฬสุ พุทฺธเขตฺเตสุ, อากาสฏฺา อากาสคตา, ภูมฏฺา ภูมิตลคตา, เวฬุริยาทโย สตฺต รตนา อสงฺขิยา สงฺขารหิตา, ยาวตา ยตฺตกา, วิชฺชนฺติ. ตานิ สพฺพานิ มนสา จิตฺเตน สมาหเร, สํ สุฏฺุ จิตฺเตน อธิฏฺหิตฺวา อาหริสฺสามีติ อตฺโถ, มม ปาสาทสฺส สามนฺตา ราสึ กโรมีติ อตฺโถ.

. ตตฺถ รูปิยภูมิยนฺติ ตสฺมึ อเนกภูมิมฺหิ ปาสาเท รูปิยมยํ รชตมยํ ภูมึ นิมฺมิตนฺติ อตฺโถ. อหํ รตนมยํ สตฺตหิ รตเนหิ นิมฺมิตํ อเนกสตภูมิกํ ปาสาทํ อุพฺพิทฺธํ อุคฺคตํ นภมุคฺคตํ อากาเส โชตมานํ มาปยินฺติ อตฺโถ.

. ตเมว ปาสาทํ วณฺเณนฺโต ‘‘วิจิตฺตถมฺภ’’นฺตฺยาทิมาห. วิจิตฺเตหิ อเนเกหิ มสารคลฺลาทิวณฺเณหิ ถมฺเภหิ อุสฺสาปิตํ สุกตํ สุฏฺุ กตํ ลกฺขณยุตฺตํ อาโรหปริณาหวเสน สุฏฺุ วิภตฺตํ อเนกโกฏิสตคฺฆนโตรณนิมฺมิตตฺตา มหารหํ. ปุนปิ กึ วิสิฏฺํ? กนกมยสงฺฆาฏํ สุวณฺเณหิ กตตุลาสงฺฆาฏวลเยหิ ยุตฺตํ, ตตฺถ อุสฺสาปิตโกนฺเตหิ จ ฉตฺเตหิ จ มณฺฑิตํ โสภิตํ ปาสาทนฺติ สมฺพนฺโธ.

๑๐. ปุนปิ ปาสาทสฺเสว โสภํ วณฺเณนฺโต ‘‘ปมา เวฬุริยา ภูมี’’ตฺยาทิมาห. ตสฺส อเนกสตภูมิปาสาทสฺส สุภา อิฏฺา กนฺตา มนาปา อพฺภสมา วลาหกปฏลสทิสา วิมลา นิมฺมลา เวฬุริยมณิมยา นีลวณฺณา ปมา ภูมิ อโหสีติ อตฺโถ. ชลชนฬินปทุเมหิ อากิณฺณา สมงฺคีภูตา วราย อุตฺตมาย กฺจนภูมิยา สุวณฺณภูมิยาว โสภตีติ อตฺโถ.

๑๑. ตสฺเสว ปาสาทสฺส กาจิ ภูมิ ปวาฬํสา ปวาฬโกฏฺาสา ปวาฬวณฺณา, กาจิ ภูมิ โลหิตกา โลหิตวณฺณา, กาจิ ภูมิ สุภา มโนหรา อินฺทโคปกวณฺณาภา รสฺมิโย นิจฺฉรมานา, กาจิ ภูมิ ทส ทิสา โอภาสตีติ อตฺโถ.

๑๒. ตสฺมึเยว ปาสาเท นิยฺยูหา นิคฺคตปมุขสาลา จ สุวิภตฺตา สุฏฺุ วิภตฺตา โกฏฺาสโต วิสุํ วิสุํ กตา สีหปฺชรา สีหทฺวารา จ. จตุโร เวทิกาติ จตูหิ เวทิกาวลเยหิ ชาลกวาเฏหิ จ มโนรมา มนอลฺลียนกา คนฺธาเวฬา คนฺธทามา จ โอลมฺพนฺตีติ อตฺโถ.

๑๓. ตสฺมึเยว ปาสาเท สตฺตรตนภูสิตา สตฺตรตเนหิ โสภิตา กูฏาคารา. กึ ภูตา? นีลา นีลวณฺณา, ปีตา ปีตวณฺณา สุวณฺณวณฺณา, โลหิตกา โลหิตกวณฺณา รตฺตวณฺณา, โอทาตา โอทาตวณฺณา เสตวณฺณา, สุทฺธกาฬกา อมิสฺสกาฬวณฺณา, กูฏาคารวรูเปตา กูฏาคารวเรหิ กณฺณิกกูฏาคารวเรหิ อุเปโต สมนฺนาคโต โส ปาสาโทติ อตฺโถ.

๑๔. ตสฺมึเยว ปาสาเท โอโลกมยา อุทฺธมฺมุขา ปทุมา สุปุปฺผิตา ปทุมา โสภนฺติ, สีหพฺยคฺฆาทีหิ วาฬมิคคเณหิ จ หํสโกฺจมยูราทิปกฺขิสมูเหหิ จ โสภิโต โส ปาสาโทติ อตฺโถ. อติอุจฺโจ หุตฺวา นภมุคฺคตตฺตา นกฺขตฺตตารกาหิ อากิณฺโณ จนฺทสูเรหิ จนฺทสูริยรูเปหิ จ มณฺฑิโต โส ปาสาโทติ อตฺโถ.

๑๕. โส เอว จกฺกวตฺติสฺส ปาสาโท เหมชาเลน สุวณฺณชาเลน สฺฉนฺนา, โสณฺณกิงฺกณิกายุโต สุวณฺณกิงฺกณิกชาเลหิ ยุโต สมนฺนาคโตติ อตฺโถ. มโนรมา มนลฺลียนกา โสณฺณมาลา สุวณฺณปุปฺผปนฺติโย วาตเวเคน วาตปฺปหาเรน กูชนฺติ สทฺทํ กโรนฺตีติ อตฺโถ.

๑๖. มฺเชฏฺกํ มฺชิฏฺวณฺณํ, โลหิตกํ โลหิตวณฺณํ, ปีตกํ ปีตวณฺณํ, หริปิฺชรํ ชมฺโพนทสุวณฺณวณฺณํ ปฺชรวณฺณฺจ ธชํ นานารงฺเคหิ อเนเกหิ วณฺเณหิ, สมฺปีตํ รฺชิตํ ธชํ, อุสฺสิตํ ตสฺมึ ปาสาเท อุสฺสาปิตํ. ธชมาลินีติ ลิงฺควิปลฺลาสวเสน วุตฺตํ, ธชมาลายุตฺโต โส ปาสาโทติ อตฺโถ.

๑๗. ตสฺมึ ปาสาเท อตฺถรณาทโย วณฺเณนฺโต ‘‘น นํ พหู’’ตฺยาทิมาห. ตตฺถ นํ ปาสาทํ พหูหิ อวิชฺชมานํ นาม นตฺถีติ อตฺโถ, นานาสยนวิจิตฺตา อเนเกหิ อตฺถรเณหิ วิจิตฺตา โสภิตา มฺจปีาทิสยนา อเนกสตา อเนกสตสงฺขฺยา, กึ ภูตา? ผลิกา ผลิกมณิมยา ผลิกาหิ กตา, รชตามยา รชเตหิ กตา, มณิมยา นีลมณีหิ กตา, โลหิตงฺคา รตฺตชาติมณีหิ กตา, มสารคลฺลมยา กพรวณฺณมณีหิ กตา, สณฺหกาสิกสนฺถตา สณฺเหหิ สุขุเมหิ กาสิกวตฺเถหิ อตฺถตา.

๑๘. ปาวุราติ ปาวุรณา. กีทิสา? กมฺพลา โลมสุตฺเตหิ กตา, ทุกูลา ทุกูลปเฏหิ กตา, จีนา จีนปเฏหิ กตา, ปตฺตุณฺณา ปตฺตุณฺณเทเส ชาตปเฏหิ กตา, ปณฺฑุ ปณฺฑุวณฺณา, วิจิตฺตตฺถรณํ อเนเกหิ อตฺถรเณหิ ปาวุรเณหิ จ วิจิตฺตํ, สพฺพํ สยนํ, มนสา จิตฺเตน, อหํ ปฺเปสินฺติ อตฺโถ.

๑๙. ตเทว ปาสาทํ วณฺเณนฺโต ‘‘ตาสุ ตาสฺเวว ภูมีสู’’ติอาทิมาห. ตตฺถ รตนกูฏลงฺกตนฺติ รตนมยกูเฏหิ รตนกณฺณิกาหิ อลงฺกตํ โสภิตนฺติ อตฺโถ. มณิเวโรจนา อุกฺกาติ เวโรจนมณีหิ รตฺตมณีหิ กตา, อุกฺกา ทณฺฑปทีปา. ธารยนฺตา สุติฏฺเรติ อากาเส สุฏฺุ ธารยนฺตา คณฺหนฺตา อเนกสตชนา สุฏฺุ ติฏฺนฺตีติ อตฺโถ.

๒๐. ปุน ตเทว ปาสาทํ วณฺเณนฺโต ‘‘โสภนฺติ เอสิกาถมฺภา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ เอสิกาถมฺภา นาม นครทฺวาเร โสภนตฺถาย นิขาตา ถมฺภา, สุภา อิฏฺา, กฺจนโตรณา สุวณฺณมยา, ชมฺโพนทา ชมฺโพนทสุวณฺณมยา จ, สารมยา ขทิรรุกฺขสารมยา จ รชตมยา จ โตรณา โสภนฺติ, เอสิกา จ โตรณา จ ตํ ปาสาทํ โสภยนฺตีติ อตฺโถ.

๒๑. ตสฺมึ ปาสาเท สุวิภตฺตา อเนกา สนฺธี กวาเฏหิ จ อคฺคเฬหิ จ จิตฺติตา โสภิตา สนฺธิปริกฺเขปา โสภยนฺตีติ อตฺโถ, อุภโตติ ตสฺส ปาสาทสฺส อุโภสุ ปสฺเสสุ, ปุณฺณฆฏา อเนเกหิ ปทุเมหิ อเนเกหิ จ อุปฺปเลหิ, สํยุตา ปุณฺณา ตํ ปาสาทํ โสภยนฺตีติ อตฺโถ.

๒๒-๒๓. เอวํ ปาสาทสฺส โสภํ วณฺเณตฺวา รตนมยํ ปาสาทฺจ สกฺการสมฺมานฺจ ปกาเสนฺโต ‘‘อตีเต สพฺพพุทฺเธ จา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อตีเตติ อติกฺกนฺเต วิคเต กาเล ชาเต ภูเต, สสงฺเฆ สาวกสมูหสหิเต, สพฺเพ โลกนายเก พุทฺเธ สภาเวน ปกติวณฺเณน รูเปน สณฺาเนน จ, สสาวเก สาวกสหิเต, พุทฺเธ นิมฺมินิตฺวา เยน ทฺวาเรน ปาสาโท ปวิสิตพฺโพ โหติ, เตน ทฺวาเรน ปวิสิตฺวา สสาวกา สพฺเพ พุทฺธา สพฺพโสณฺณมเย สกลสุวณฺณมเย, ปีเ นิสินฺนา อริยมณฺฑลา อริยสมูหา อเหสุนฺติ อตฺโถ.

๒๔-๒๕. เอตรหิ วตฺตมาเน กาเล อนุตฺตรา อุตฺตรวิรหิตา เยพุทฺธา อตฺถิ สํวิชฺชนฺติ, เต จ ปจฺเจกพุทฺเธ อเนกสเต สยมฺภู สยเมว ภูเต อฺาจริยรหิเต, อปราชิเต ขนฺธกิเลสาภิสงฺขารมจฺจุเทวปุตฺตมาเรหิ อปราชิเต, ชยมาปนฺเน สนฺตปฺเปสินฺติ อตฺโถ. ภวนํ มยฺหํ ปาสาทํ อตีตกาเล จ วตฺตมานกาเล จ, สพฺเพ พุทฺธา สมารุหุํ สํ สุฏฺุ อารุหึสูติ อตฺโถ.

๒๖. เย ทิพฺพา ทิวิ ภวา ทิพฺพา เทวโลเก ชาตา, เยพหู กปฺปรุกฺขา อตฺถิ. เย จ มานุสา มนุสฺเส ชาตา เย จ พหู กปฺปรุกฺขา อตฺถิ, ตโต สพฺพํ ทุสฺสํ สมาหนฺตฺวา สํ สุฏฺุ อาหริตฺวา เตจีวรานิ กาเรตฺวา เต ปจฺเจกพุทฺเธ ติจีวเรหิ อจฺฉาเทมีติ สมฺพนฺโธ.

๒๗. เอวํ ติจีวเรหิ อจฺฉาเทตฺวา ปารุปาเปตฺวา เตสํ นิสินฺนานํ ปจฺเจกพุทฺธานํ สมฺปนฺนํ มธุรํ ขชฺชํ ขาทิตพฺพํ ปูวาทิ กิฺจิ, มธุรํ โภชฺชํ ภุฺชิตพฺพํ อาหารฺจ, มธุรํ สายนียํ เลหนียฺจ, สมฺปนฺนํ มธุรํ ปิวิตพฺพํ อฏฺปานฺจ, โภชนํ ภุฺชิตพฺพํ อาหารฺจ, สุเภ สุนฺทเร มณิมเย เสลมเย ปตฺเต สํ สุฏฺุ ปูเรตฺวา อทาสึ ปฏิคฺคหาเปสินฺติ อตฺโถ.

๒๘. สพฺเพ เต อริยมณฺฑลา สพฺเพ เต อริยสมูหา, ทิพฺพจกฺขุ สมา หุตฺวา มฏฺาติ ทิพฺพจกฺขุสมงฺคิโน หุตฺวา มฏฺา กิเลเสหิ รหิตตฺตา สิลิฏฺา โสภมานา จีวรสํยุตา ติจีวเรหิ สมงฺคีภูตา มธุรสกฺขราหิ จ เตเลน จ มธุผาณิเตหิ จ ปรมนฺเนน อุตฺตเมน อนฺเนน จ มยา ตปฺปิตา อปฺปิตา ปริปูริตา อเหสุนฺติ อตฺโถ.

๒๙. เต เอวํ สนฺตปฺปิตา อริยมณฺฑลา รตนคพฺภํ สตฺตหิ รตเนหิ นิมฺมิตคพฺภํ เคหํ, ปวิสิตฺวา คุหาสยา คุหายํ สยมานา, เกสรีว เกสรสีหา อิว, มหารหมฺหิ สยเน อนคฺเฆ มฺเจ, สีหเสยฺยมกปฺปยุํ ยถา สีโห มิคราชา ทกฺขิณปสฺเสน สยนฺโต ปาเท ปาทํ อจฺจาธาย ทกฺขิณหตฺถํ สีสูปธานํ กตฺวา วามหตฺถํ อุชุกํ เปตฺวา วาลธึ อนฺตรสตฺถิยํ กตฺวา นิจฺจโล สยติ, เอวํ เสยฺยํ กปฺปยุํ กรึสูติ อตฺโถ.

๓๐. เต เอวํ สีหเสยฺยํ กปฺเปตฺวา สมฺปชานา สติสมฺปชฺสมฺปนฺนา. สมุฏฺาย สํ สุฏฺุ อุฏฺหิตฺวา สยเน ปลฺลงฺกมาภุชุํ อูรุพทฺธาสนํ กรึสูติ อตฺโถ.

๓๑. โคจรํ สพฺพพุทฺธานนฺติ สพฺเพสํ อตีตานาคตานํ พุทฺธานํ โคจรํ อารมฺมณภูตํ ฌานรติสมปฺปิตา ฌานรติยา สํ สุฏฺุ อปฺปิตา สมงฺคีภูตา อเหสุนฺติ อตฺโถ, อฺเ ธมฺมานิ เทเสนฺตีติ เตสุ ปจฺเจกพุทฺเธสุ อฺเ เอกจฺเจ ธมฺเม เทเสนฺติ, อฺเ เอกจฺเจ อิทฺธิยา ปมาทิชฺฌานกีฬาย กีฬนฺติ รมนฺติ.

๓๒. อฺเ เอกจฺเจ อภิฺา ปฺจ อภิฺาโย วสิภาวิตา วสีกรึสุ, ปฺจสุ อภิฺาสุ อาวชฺชนสมาปชฺชนวุฏฺานอธิฏฺานปจฺจเวกฺขณสงฺขาตาหิ ปฺจวสิตาหิ วสีภาวํ อิตา คตา ปตฺตา อภิฺาโย, อปฺเปนฺติ สมาปชฺชนฺติ. อฺเ เอกจฺเจ อเนกสหสฺสิโย วิกุพฺพนานิ เอโกปิ หุตฺวา พหุธา โหติ, พหุธาปิ หุตฺวา เอโก โหตีติ เอวมาทีนิ อิทฺธิวิกุพฺพนานิ วิกุพฺพนฺติ กโรนฺตีติ อตฺโถ.

๓๓. พุทฺธาปิ พุทฺเธติ เอวํ สนฺนิปติเตสุ ปจฺเจกพุทฺเธสุ สพฺพฺุตฺาณสฺส วิสยํ อารมฺมณภูตํ ปฺหํ พุทฺธา พุทฺเธ ปุจฺฉนฺตีติ อตฺโถ. เต พุทฺธา อตฺถคมฺภีรตาย คมฺภีรํ นิปุณํ สุขุมํ, านํ การณํ, ปฺาย วินิพุชฺฌเร วิเสเสน นิรวเสสโต พุชฺฌนฺติ.

๓๔. ตทา มม ปาสาเท สนฺนิปติตา สาวกาปิ พุทฺเธ ปฺหํ ปุจฺฉนฺติ, พุทฺธา สาวเก สิสฺเส ปฺหํ ปุจฺฉนฺติ, เต พุทฺธา จ สาวกา จ อฺมฺํ ปฺหํ ปุจฺฉิตฺวา อฺมฺํ พฺยากโรนฺติ วิสฺสชฺเชนฺติ.

๓๕. ปุน เต สพฺเพ เอกโต ทสฺเสนฺโต ‘‘พุทฺธา ปจฺเจกพุทฺธา จา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ พุทฺธา สมฺมาสมฺพุทฺธา, ปจฺเจกพุทฺธาสาวกา จ สิสฺสา ปริจารกา นิสฺสิตกา เอเต สพฺเพ, สกาย สกาย รติยา รมมานา สลฺลีนา มม ปาสาเท อภิรมนฺตีติ อตฺโถ.

๓๖. เอวํ ตสฺมึ เวชยนฺตปาสาเท ปจฺเจกพุทฺธานํ อาจารสมฺปตฺตึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อตฺตโน อานุภาวํ ทสฺเสนฺโต โส ติโลกวิชโย จกฺกวตฺติราชา ‘‘ฉตฺตา ติฏฺนฺตุ รตนา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ รตนา สตฺตรตนมยา, ฉตฺตา กฺจนาเวฬปนฺติกา สุวณฺณชาเลหิ โอลมฺพิตา ติฏฺนฺตุ. มุตฺตาชาลปริกฺขิตฺตา มุตฺตาชาเลหิ ปริวาริตา, สพฺเพ ฉตฺตา มม มตฺถเก มุทฺธนิ, ธาเรนฺตูติ จินฺติตมตฺเตเยว ฉตฺตา ปาตุภูตา โหนฺตีติ อตฺโถ.

๓๗. โสณฺณตารกจิตฺติตา สุวณฺณตารกาหิ ททฺทลฺลมานา เจลวิตานา ภวนฺตุ นิพฺพตฺตนฺตุ. วิจิตฺตา อเนกวณฺณา, มลฺยวิตตา ปุปฺผปตฺถฏา, สพฺเพ อเนกวิตานา, มตฺถเก นิสีทนฏฺานสฺส อุปริภาเค ธาเรนฺตูติ อตฺโถ.

๓๘-๔๐. มลฺยทาเมหิ อเนกสุคนฺธปุปฺผทาเมหิ วิตตา ปริกิณฺณา, คนฺธทาเมหิ จนฺทนกุงฺกุมตคราทิสุคนฺธทาเมหิ, โสภิตา โปกฺขรณีติ สมฺพนฺโธ. ทุสฺสทาเมหิ ปตฺตุณฺณจีนาทิอนคฺฆทุสฺสทาเมหิ, ปริกิณฺณา สตฺตรตนทาเมหิ ภูสิตา อลงฺกตา โปกฺขรณี, ปุปฺผาภิกิณฺณา จมฺปกสฬลโสคนฺธิกาทิสุคนฺธปุปฺเผหิ อภิกิณฺณา สุฏฺุ วิจิตฺตา โสภิตา. ปุนรปิ กึ ภูตา โปกฺขรณี? สุรภิคนฺธสุคนฺเธหิ ภูสิตา วาสิตา. สมนฺตโต คนฺธปฺจงฺคุลลงฺกตา ปฺจหิ องฺคุเลหิ ลิมฺปิตคนฺเธหิ อลงฺกตา, เหมจฺฉทนฉาทิตา สุวณฺณฉทเนหิ สุวณฺณวิตาเนหิ ฉาทิตา, ปาสาทสฺส จาตุทฺทิสา โปกฺขรณิโย ปทุเมหิ จ อุปฺปเลหิ จ สุฏฺุ สนฺถตา ปตฺถฏา สุวณฺณรูเป สุวณฺณวณฺณา, ขายนฺตุ, ปทฺมเรณุรชุคฺคตา ปทุมเรณูหิ ธูลีหิ จ อากิณฺณา โปกฺขรณิโย โสภนฺตูติ อตฺโถ.

๔๑. มม เวชยนฺตปาสาทสฺส สมนฺตโต ปาทปา จมฺปกาทโย รุกฺขา สพฺเพ ปุปฺผนฺตุ เอเต ปุปฺผรุกฺขา. สยเมว ปุปฺผา มุฺจิตฺวา วิคฬิตฺวา คนฺตฺวา ภวนํ โอกิรุํ, โอกิณฺณา ปาสาทสฺส อุปริ กโรนฺตูติ อตฺโถ.

๔๒. ตตฺถ ตสฺมึ มม เวชยนฺตปาสาเท สิขิโน มยูรา นจฺจนฺตู, ทิพฺพหํสา เทวตาหํสา, ปกูชเร สทฺทํ กโรนฺตุ, กรวีกา จ มธุรสทฺทา โกกิลา คายนฺตุ คีตวากฺยํ กโรนฺตุ, อปเร อนุตฺตา จ ทิชสงฺฆา ปกฺขิโน สมูหา ปาสาทสฺส สมนฺตโต มธุรรวํ รวนฺตูติ อตฺโถ.

๔๓. ปาสาทสฺส สมนฺตโก สพฺพา อาตตวิตตาทโย เภริโย วชฺชนฺตุ หฺนฺตุ, สพฺพา ตา อเนกตนฺติโย วีณา รสนฺตุ สทฺทํ กโรนฺตุ, สพฺพา อเนกปฺปการา สงฺคีติโย ปาสาทสฺส สมนฺตโต วตฺตนฺตุ ปวตฺตนฺตุ คายนฺตูติ อตฺโถ.

๔๔-๕. ยาวตา ยตฺตเก าเน พุทฺธเขตฺตมฺหิ ทสสหสฺสิจกฺกวาเฬ ตโต ปเร จกฺกวาเฬ, โชติสมฺปนฺนา ปภาสมฺปนฺนา อจฺฉินฺนา มหนฺตา สมนฺตโต รตนามยา สตฺตหิ รตเนหิ กตา ขจิตา โสณฺณปลฺลงฺกา สุวณฺณปลฺลงฺกา ติฏฺนฺตุ, ปาสาทสฺส สมนฺตโต ทีปรุกฺขา ปทีปธารณา เตลรุกฺขา ชลนฺตุ, ปทีเปหิ ปชฺชลนฺตุ, ทสสหสฺสิปรมฺปรา ทสสหสฺสีนํ ปรมฺปรา ทสสหสฺสิโย เอกปชฺโชตา เอกปทีปา วิย ภวนฺตุ อุชฺโชตนฺตูติ อตฺโถ.

๔๖. นจฺจคีเตสุ เฉกา คณิกา นจฺจิตฺถิโย จ ลาสิกา มุเขน สทฺทการิกา จ ปาสาทสฺส สมนฺตโต นจฺจนฺตุ, อจฺฉราคณา เทวิตฺถิสมูหา นจฺจนฺตุ, นานารงฺคา อเนกวณฺณา นานารงฺคมณฺฑลา ปาสาทสฺส สมนฺตโต นจฺจนฺตุ, ปทิสฺสนฺตุ ปากฏา โหนฺตูติ อตฺโถ.

๔๗. ตทา อหํ ติโลกวิชโย นาม จกฺกวตฺติราชา หุตฺวา สกลจกฺกวาเฬ ทุมคฺเค รุกฺขคฺเค ปพฺพตคฺเค หิมวนฺตจกฺกวาฬปพฺพตาทีนํ อคฺเค สิเนรูปพฺพตมุทฺธนิ จ สพฺพฏฺาเนสุ วิจิตฺตํ อเนกวณฺณวิจิตฺตํ ปฺจวณฺณิกํ นีลปีตาทิปฺจวณฺณํ สพฺพํ ธชํ อุสฺสาเปมีติ อตฺโถ.

๔๘. นรา โลกนฺตรา นรา จ นาคโลกโต นาคา จ เทวโลกโต คนฺธพฺพาเทวาสพฺเพ อุเปนฺตุ อุปคจฺฉนฺตุ, เต นราทโย นมสฺสนฺตา มม นมกฺการํ กโรนฺตา ปฺชลิกา กตหตฺถปุฏา มม เวชยนฺตํ ปาสาทํ ปริวารยุนฺติ อตฺโถ.

๔๙. เอวํ โส ติโลกวิชโย จกฺกวตฺติราชา ปาสาทสฺส จ อตฺตโน จ อานุภาวํ วณฺเณตฺวา อิทานิ อตฺตนา สมฺปตฺติกตปุฺผลํ สมาทเปนฺโต ‘‘ยํ กิฺจิ กุสลํ กมฺม’’นฺติอาทิมาห. ยํ กิฺจิ กุสลกมฺมสงฺขาตํ กิริยํ กตฺตพฺพํ อตฺถิ, ตํ สพฺพํ มม มยา กาเยน วา วาจาย วา มนสา วา ตีหิ ทฺวาเรหิ กตํ ติทเส สุกตํ สุฏฺุ กตํ, ตาวตึสภวเน อุปฺปชฺชนารหํ กตนฺติ อตฺโถ.

๕๐. ปุน สมาทเปนฺโต ‘‘เย สตฺตา สฺิโน’’ติอาทิมาห. ตตฺถ เย สตฺตา มนุสฺสา วา เทวา วา พฺรหฺมาโน วา สฺิโน สฺาสหิตา อตฺถิ, เย จ สตฺตา อสฺิโน สฺารหิตา อสฺา สตฺตา สนฺติ, เต สพฺเพ สตฺตา มยฺหํ มยา กตํ ปุฺผลํ, ภาคี ภวนฺตุ ปุฺวนฺตา โหนฺตูติ อตฺโถ.

๕๑. ปุนปิ สมาทเปนฺโต โพธิสตฺโต ‘‘เยสํ กต’’นฺติอาทิมาห. มยา กตํ ปุฺํ เยหิ นรนาคคนฺธพฺพเทเวหิ สุวิทิตํ าตํ, เตสํ มยา ทินฺนํ ปุฺผลํ, ตสฺมึ มยา กเต ปุฺเ ทินฺนภาวํ เย นราทโย น ชานนฺติ, เทวา คนฺตฺวา เตสํ ตํ นิเวทยุํ อาโรจยุนฺติ อตฺโถ.

๕๒. สพฺพโลกมฺหิ เย สตฺตา อาหารนิสฺสิตา ชีวนฺติ, เต สพฺเพ สตฺตา มนุฺํ โภชนํ สพฺพํ มม เจตสา มม จิตฺเตน ลภนฺตุ, มม ปุฺิทฺธิยา ลภนฺตูติ อตฺโถ.

๕๓. มนสา ปสนฺเนน จิตฺเตน ยํ ทานํ มยา ทินฺนํ ตสฺมึ ทาเน จิตฺเตน ปสาทํ อาวหึ อุปฺปาเทสึ. สพฺพสมฺพุทฺธา ปจฺเจกา ปฏิเอกฺกา ชินสาวกา จ มยา จกฺกวตฺติรฺา ปูชิตา.

๕๔. สุกเตน เตน กมฺเมน สทฺทหิตฺวา กเตน กุสลกมฺเมน, เจตนาปณิธีหิ จ จิตฺเตน กตปตฺถนาหิ จ, มานุสํ เทหํ มนุสฺสสรีรํ, ชหิตฺวา ฉฑฺเฑตฺวา, อหํ ตาวตึสํ เทวโลกํ อคจฺฉึ อคมาสึ, สุตฺตปฺปพุทฺโธ วิย ตตฺถ อุปฺปชฺชินฺติ อตฺโถ.

๕๕. ตโต ติโลกวิชโย จกฺกวตฺติราชา กาลงฺกโต, ตโต ปฏฺาย อาคเต ทุเว ภเว ทฺเว ชาติโย ปชานามิ เทวตฺเต เทวตฺตภาเว มานุเส มนุสฺสตฺตภาเว จ, ตโต ชาติทฺวยโต อฺํ คตึ อฺํ อุปปตฺตึ น ชานามิ น ปสฺสามิ, มนสา จิตฺเตน ปตฺถนาผลํ ปตฺถิตปตฺถนาผลนฺติ อตฺโถ.

๕๖. เทวานํ อธิโก โหมีติ ยทิ เทเวสุ ชาโต, อายุวณฺณพลเตเชหิ เทวานํ อธิโก เชฏฺโ เสฏฺโ อโหสินฺติ อตฺโถ. ยทิ มนุสฺเสสุ ชาโต, มนุชาธิโป มนุสฺสานํ อธิปติ อิสฺสโร ภวามิ, ตถา ราชภูโต อภิรูเปน รูปสมฺปตฺติยา จ ลกฺขเณน อาโรหปริณาหาทิลกฺขเณน จ สมฺปนฺโน สมฺปุณฺโณ อุปฺปนฺนุปฺปนฺนภเว ปฺาย ปรมตฺถชานนปฺาย อสโม สมรหิโต, มยา สทิโส โกจิ นตฺถีติ อตฺโถ.

๕๗. มยา กตปุฺสมฺภาเรน ปุฺผเลน อุปฺปนฺนุปฺปนฺนภเว เสฏฺํ ปสฏฺํ มธุรํ วิวิธํ อเนกปฺปการํ โภชนฺจ อนปฺปกํ พหุสตฺตรตนฺจ วิวิธานิ, อเนกปฺปการานิ ปตฺตุณฺณโกเสยฺยาทิวตฺถานินภา อากาสโต มํ มม สนฺติกํ ขิปฺปํ สีฆํ อุเปนฺติ อุปคจฺฉนฺติ.

๕๘-๖๖. ปถพฺยา ปถวิยา ปพฺพเตอากาเสอุทเกวเนยํ ยํ ยตฺถ ยตฺถ หตฺถํ ปสาเรมิ นิกฺขิปามิ, ตโต ตโต ทิพฺพา ภกฺขา ทิพฺพา อาหารา มํ มม สนฺติกํ อุเปนฺติ อุปคจฺฉนฺติ, ปาตุภวนฺตีติ อตฺโถ. ตถา ยถากฺกมํ สพฺเพ รตนา. สพฺเพ จนฺทนาทโย คนฺธา. สพฺเพ ยานา วาหนา. สพฺเพ จมฺปกนาคปุนฺนาคาทโย มาลา ปุปฺผา. สพฺเพ อลงฺการา อาภรณา. สพฺพา ทิพฺพกฺา. สพฺเพ มธุสกฺขรา. สพฺเพ ปูปาทโย ขชฺชา ขาทิตพฺพา มํ มม สนฺติกํ อุเปนฺติ อุปคจฺฉนฺติ.

๖๗-๖๘. สมฺโพธิวรปตฺติยาติ อุตฺตมจตุมคฺคาณปตฺติยา ปาปุณนตฺถาย. มยา ยํ อุตฺตมทานํ กตํ ปูริตํ, เตน อุตฺตมทาเนน เสลสงฺขาตํ ปพฺพตํ สกลํ เอกนินฺนาทํ กโรนฺโต พหลํ คิรํ ปุถุลํ โฆสํ คชฺเชนฺโต, สเทวกํ โลกํ สกลํ มนุสฺสเทวโลกํ หาสยนฺโต โสมนสฺสปฺปตฺตํ กโรนฺโต โลเก สกลโลกตฺตเย วิวฏฺฏจฺฉโท พุทฺโธ อหํ ภวามีติ อตฺโถ.

๖๙. ทิสา ทสวิธา โลเกติ จกฺกวาฬโลเก ทสวิธา ทสโกฏฺาสา ทิสา โหนฺติ, ตตฺถ โกฏฺาเส ยายโต ยายนฺตสฺส คจฺฉนฺตสฺส อนฺตกํ นตฺถีติ อตฺโถ, จกฺกวตฺติกาเล ตสฺมึ มยา คตคตฏฺาเน ทิสาภาเค วา พุทฺธเขตฺตา พุทฺธวิสยา อสงฺขิยา สงฺขารหิตา.

๗๐. ปภา ปกิตฺติตาติ ตทา จกฺกวตฺติราชกาเล มยฺหํ ปภา จกฺกรตนมณิรตนาทีนํ ปภา อาโลกา ยมกา ยุคฬยุคฬา หุตฺวา รํสิวาหนา รํสึ มุฺจมานา ปกิตฺติตา ปากฏา, เอตฺถนฺตเร ทสสหสฺสิจกฺกวาฬนฺตเร รํสิชาลํ รํสิสมูหํ, อาโลโก วิปุโล พหุตโร ภเว อโหสีติ อตฺโถ.

๗๑. เอตฺตเก โลกธาตุมฺหีติ ทสสหสฺสิจกฺกวาเฬสุ สพฺเพ ชนา มํ ปสฺสนฺตุ ทกฺขนฺตูติ อตฺโถ. สพฺเพ เทวา ยาว พฺรหฺมนิเวสนา ยาว พฺรหฺมโลกา มํ อนุวตฺตนฺตุ อนุกูลา ภวนฺตุ.

๗๒. วิสิฏฺมธุนาเทนาติ วิสฏฺเน มธุเรน นาเทน, อมตเภริมาหนินฺติ อมตเภรึ เทวทุนฺทุภึ ปหรึ, เอตฺถนฺตเร เอตสฺมึ ทสสหสฺสิจกฺกวาฬพฺภนฺตเร สพฺเพ ชนา มน มธุรํ คิรํ สทฺทํ สุณนฺตุ มนสิ กโรนฺตุ.

๗๓. ธมฺมเมเฆน วสฺสนฺเต ธมฺมเทสนามเยน นาเทน ตพฺโพหารปรมตฺถคมฺภีรมธุรสุขุมตฺถวสฺเส วสฺสนฺเต วสฺสมาเน สมฺมาสมฺพุทฺธานุภาเวน สพฺเพ ภิกฺขุภิกฺขุนีอาทโย อนาสวา นิกฺกิเลสา โหนฺตุ ภวนฺตุ. เยตฺถ ปจฺฉิมกา สตฺตาติ เอตฺถ เอเตสุ ราสิภูเตสุ จตูสุ ปริสสตฺเตสุ เย สตฺตา ปจฺฉิมกา คุณวเสน เหฏฺิมกา, เต สพฺเพ โสตาปนฺนา ภวนฺตูติ อธิปฺปาโย.

๗๔. ตทา ติโลกวิชยจกฺกวตฺติราชกาเล ทาตพฺพกํ ทาตพฺพยุตฺตกํ, ทานํ กตฺวา, อเสสโต นิสฺเสเสน, สีลํ สีลปารมึ, ปูเรตฺวา เนกฺขมฺเม เนกฺขมฺมปารมิตาย, ปารมึ โกฏึ ปตฺวา, อุตฺตมํ สมฺโพธึ จตุมคฺคาณํ, ปตฺโต ภวามิ ภเวยฺยํ.

๗๕. ปณฺฑิเต ปฺวนฺเต เมธาวิโน ปริปุจฺฉิตฺวา ‘‘กึ, ภนฺเต, กตฺตพฺพํ? กึ น กตฺตพฺพํ? กึ กุสลํ? กึ อกุสลํ? กึ กตฺวา สคฺคโมกฺขทฺวยสฺส ภาคี โหตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา, เอวํ ปฺาปารมึ ปูเรตฺวาติ อตฺโถ. กตฺวา วีริยมุตฺตมนฺติ อุตฺตมํ เสฏฺํ านนิสชฺชาทีสุ อวิจฺฉินฺนํ วีริยํ กตฺวา, วีริยปารมึ ปูเรตฺวาติ อตฺโถ. สกลวิรุทฺธชเนหิ กตอนาทราธิวาสนาขนฺติยา ปารมึ โกฏึ คนฺตฺวา ขนฺติปารมึ ปูเรตฺวา อุตฺตมํ สมฺโพธึ อุตฺตมํ สมฺพุทฺธตฺตํ ปตฺโต ภวามิ ภเวยฺยํ.

๗๖. กตฺวา ทฬฺหมธิฏฺานนฺติ ‘‘มม สรีรชีวิเตสุ วินสฺสนฺเตสุปิ ปุฺกมฺมโต น วิรมิสฺสามี’’ติ อจลวเสน ทฬฺหํ อธิฏฺานปารมึ กตฺวา ‘‘สีเส ฉิชฺชมาเนปิ มุสาวาทํ น กเถสฺสามี’’ติ สจฺจปารมิตาย โกฏึ ปูริย ปูเรตฺวา ‘‘สพฺเพ สตฺตา สุขี อเวรา’’ติอาทินา เมตฺตาปารมิตาย โกฏึ ปตฺวา อุตฺตมํ สมฺโพธึ ปตฺโตติ อตฺโถ.

๗๗. สชีวกาชีวกวตฺถูนํ ลาเภ จ เตสํ อลาเภ จ กายิกเจตสิกสุเข เจว ตถา ทุกฺเข จ สาทรชเนหิ กเต, สมฺมาเน เจว โอมาเน, จ สพฺพตฺถ สมโก สมานมานโส อุเปกฺขาปารมึ ปูเรตฺวา อุตฺตมํ สมฺโพธึ ปตฺโต ปาปุเณยฺยนฺติ อตฺโถ.

๗๘. โกสชฺชํ กุสีตภาวํ, ภยโต ภยวเสน ‘‘อปายทุกฺขภาคี’’ติ ทิสฺวา ตฺวา อโกสชฺชํ อกุสีตภาวํ อลีนวุตฺตึ, วีริยํ เขมโต เขมวเสน ‘‘นิพฺพานคามี’’ติ ทิสฺวา ตฺวา อารทฺธวีริยา โหถ ภวถ. เอสา พุทฺธานุสาสนี เอสา พุทฺธานํ อนุสิฏฺิ.

๗๙. วิวาทํ ภยโต ทิสฺวาติ วิวาทํ กลหํ ภยโต ทิสฺวา ‘‘อปายภาคี’’ติ ทิสฺวา ตฺวา อวิวาทํ วิวาทโต วิรมณํ ‘‘นิพฺพานปฺปตฺตี’’ติ, เขมโต ทิสฺวา ตฺวา สมคฺคา เอกคฺคจิตฺตา สขิลา สิลิฏฺา เมตฺตาย ธุรคตาย โสภมานา โหถาติ อตฺโถ. เอสา กถา มนฺตนา อุทีรณา พุทฺธานํ อนุสาสนี โอวาททานํ.

๘๐. ปมาทํ านนิสชฺชาทีสุ สติวิปฺปวาเสน วิหรณํ ภยโต ‘‘นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเนสุ ทุกฺขิตทุรูปอปฺปนฺนปานตาทิสํวตฺตนกํ อปายาทิคมนฺจา’’ติ ทิสฺวา ตฺวา, อปฺปมาทํ สพฺพกิริยาสุ สติยา วิหรณํ, เขมโต วฑฺฒิโต ‘‘นิพฺพานสมฺปาปุณน’’นฺติ ทิสฺวา ปจฺจกฺขโต ตฺวา อฏฺงฺคิกํ มคฺคํ สมฺมาทิฏฺิ สมฺมาสงฺกปฺโป สมฺมาวาจา สมฺมากมฺมนฺโต สมฺมาอาชีโว สมฺมาวายาโม สมฺมาสติ สมฺมาสมาธีติ อฏฺอวยวํ สมฺมาสมฺโพธิยา มคฺคํ อธิคมูปายํ ภาเวถ วฑฺเฒถ มนสิ กโรถ, เอสา กถา ภาสนา อุทีรณา พุทฺธานุสาสนี พุทฺธานํ อนุสิฏฺีติ อตฺโถ.

๘๑. สมาคตา พหู พุทฺธาติ อเนกสตสหสฺสสงฺขฺยา ปจฺเจกพุทฺธา สมาคตา ราสิภูตา, สพฺพโส สพฺพปฺปกาเรน อรหนฺตา จ ขีณาสวา อเนกสตสหสฺสา สมาคตา ราสิภูตา. ตสฺมา เต พุทฺเธ จ อรหนฺเตวนฺทมาเน วนฺทนารเห นมสฺสถ องฺคปจฺจงฺคนมกฺกาเรน นมสฺสถ วนฺทถ.

๘๒. เอวํ อิมินา มยา วุตฺตปฺปกาเรน อจินฺติยา จินฺเตตุํ อสกฺกุเณยฺยา, พุทฺธา, พุทฺธธมฺมาติ พุทฺเธหิ เทสิตา จตฺตาโร สติปฏฺานา…เป… อฏฺงฺคิโก มคฺโค, ปฺจกฺขนฺธา, เหตุปจฺจโย อารมฺมณปจฺจโยติอาทโย ธมฺมา, พุทฺธานํ วา สภาวา อจินฺติยา จินฺเตตุํ อสกฺกุเณยฺยา, อจินฺติเย จินฺตาวิสยาติกฺกนฺเต ปสนฺนานํ เทวมนุสฺสานํ วิปาโก เทวมนุสฺสสมฺปตฺตินิพฺพานสมฺปตฺติสงฺขาโต จินฺเตตุํ อสกฺกุเณยฺโย สงฺขฺยาติกฺกนฺโต โหติ ภวติ.

อิติ เอตฺตาวตา จ ยถา อทฺธานคามิโน ‘‘มคฺคํ โน อาจิกฺขา’’ติ ปุฏฺเน ‘‘วามํ มุฺจิตฺวา ทกฺขิณํ คณฺหถา’’ติ วุตฺเต เตน มคฺเคน คามนิคมราชธานีสุ กตฺตพฺพกิจฺจํ นิฏฺาเปตฺวา ปุน มุฺจิเตน อปเรน วามมคฺเคน คตาปิ คามนิคมาทีสุ กตฺตพฺพกิจฺจํ นิฏฺาเปนฺติ, เอวเมว พุทฺธาปทานํ กุสลาปทานวเสน นิฏฺาเปตฺวา ตเทว อกุสลาปทานวเสน วิตฺถาเรตุํ อิทํ ปฺหกมฺมํ –

‘‘ทุกฺกรฺจ อพฺภกฺขานํ, อพฺภกฺขานํ ปุนาปรํ;

อพฺภกฺขานํ สิลาเวโธ, สกลิกาปิ จ เวทนา.

‘‘นาฬาคิริ สตฺตจฺเฉโท, สีสทุกฺขํ ยวขาทนํ;

ปิฏฺิทุกฺขมตีสาโร, อิเม อกุสลการณา’’ติ.

อตฺถ ปมปฺเห – ทุกฺกรนฺติ ฉพฺพสฺสานิ ทุกฺกรการิกา. อตีเต กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล โพธิสตฺโต โชติปาโล นาม พฺราหฺมณมาณโว หุตฺวา นิพฺพตฺโต พฺราหฺมณชาติวเสน สาสเน อปฺปสนฺโน ตสฺส ภควโต ปิโลติกกมฺมนิสฺสนฺเทน ‘‘กสฺสโป ภควา’’ติ สุตฺวา ‘‘กุโต มุณฺฑกสฺส สมณสฺส โพธิ, โพธิ ปรมทุลฺลภา’’ติ อาห. โส เตน กมฺมนิสฺสนฺเทน อเนกชาติสเตสุ นรกาทิทุกฺขมนุภวิตฺวา ตสฺเสว ภควโต อนนฺตรํ เตเนว ลทฺธพฺยากรเณน กมฺเมน ชาติสํสารํ เขเปตฺวา ปริโยสาเน เวสฺสนฺตรตฺตภาวํ ปตฺวา ตโต จุโต ตุสิตภวเน นิพฺพตฺโต. เทวตายาจเนน ตโต จวิตฺวา สกฺยกุเล นิพฺพตฺโต าณสฺส ปริปากตฺตา สกลชมฺพุทีปรชฺชํ ปหาย อโนมานทีตีเร สุนิสิเตนาสินา สมกุฏเกสกลาปํ ฉินฺทิตฺวา พฺรหฺมุนา อานีเต อิทฺธิมเย กปฺปสฺส สณฺานกาเล ปทุมคพฺเภ นิพฺพตฺเต อฏฺ ปริกฺขาเร ปฏิคฺคเหตฺวา ปพฺพชิตฺวา โพธิาณทสฺสนสฺส ตาว อปริปกฺกตฺตา พุทฺธภาวาย มคฺคามคฺคํ อชานิตฺวา ฉพฺพสฺสานิ อุรุเวลชนปเท เอกาหารเอกาโลปเอกปุคฺคลเอกมคฺคเอกาสนโภชนวเสน อฏฺิจมฺมนหารุเสสํ นิมฺมํสรุธิรเปตรูปสทิสสรีโร ปธานสุตฺเต (สุ. นิ. ๔๒๗ อาทโย) วุตฺตนเยเนว ปธานํ มหาวีริยํ ทุกฺกรการิกํ อกาสิ. โส อิมํ ทุกฺกรการิกํ ‘‘สมฺโพธิยา มคฺคํ น โหตี’’ติ จินฺเตตฺวา คามนิคมราชธานีสุ ปณีตาหารํ ปริภุฺชิตฺวา ปีณินฺทฺริโย ปริปุณฺณทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขโณ กเมน โพธิมณฺฑมุปคนฺตฺวา ปฺจ มาเร ชินิตฺวา พุทฺโธ ชาโตติ.

‘‘อวจาหํ โชติปาโล, สุคตํ กสฺสปํ ตทา;

กุโต นุ โพธิ มุณฺฑสฺส, โพธิ ปรมทุลฺลภา.

‘‘เตน กมฺมวิปาเกน, อจรึ ทุกฺกรํ พหุํ;

ฉพฺพสฺสานุรุเวลายํ, ตโต โพธิมปาปุณึ.

‘‘นาหํ เอเตน มคฺเคน, ปาปุณึ โพธิมุตฺตมํ;

กุมฺมคฺเคน คเวสิสฺสํ, ปุพฺพกมฺเมน วาริโต.

‘‘ปุฺปาปปริกฺขีโณ, สพฺพสนฺตาปวชฺชิโต;

อโสโก อนุปายาโส, นิพฺพายิสฺสมนาสโว’’ติ. (อป. เถร ๑.๓๙.๙๒-๙๕);

ทุติยปฺเห – อพฺภกฺขานนฺติ อภิ อกฺขานํ ปริภาสนํ. อตีเต กิร โพธิสตฺโต สุทฺทกุเล ชาโต อปากโฏ อปฺปสิทฺโธ มุนาฬิ นาม ธุตฺโต หุตฺวา ปฏิวสติ. ตทา มหิทฺธิโก มหานุภาโว สุรภิ นาม ปจฺเจกพุทฺโธ เกนจิ กรณีเยน ตสฺส สมีปฏฺานํ ปาปุณิ. โส ตํ ทิสฺวาว ‘‘ทุสฺสีโล ปาปธมฺโม อยํ สมโณ’’ติอาทินา อพฺภาจิกฺขิ. โส เตน อกุสลนิสฺสนฺเทน นรกาทีสุ อเนกวสฺสสหสฺสานิ ทุกฺขมนุภวิตฺวา อิมสฺมึ ปจฺฉิมตฺตภาเว ยทา ติตฺถิยา ปมตรํ ภควโต ตุสิตภวเน วสนสมเย จ ปากฏา หุตฺวา สกลชนํ วฺเจตฺวา ทฺวาสฏฺิทิฏฺิโย ทีเปตฺวา วิจรนฺติ, ตทา ตุสิตปุรา จวิตฺวา สกฺยราชกุเล นิพฺพตฺติตฺวา กเมน พุทฺโธ ชาโต. ติตฺถิยา สูริยุคฺคมเน ขชฺโชปนกา วิย วิหตลาภสกฺการา ภควติ อาฆาตํ พนฺธิตฺวา วิจรนฺติ. ตสฺมึ สมเย ราชคหเสฏฺิ คงฺคาย ชาลํ พนฺธิตฺวา กีฬนฺโต รตฺตจนฺทนฆฏิกํ ทิสฺวา อมฺหากํ เคเห จนฺทนานิ พหูนิ, อิมํ ภมํ อาโรเปตฺวา เตน ภมกาเรหิ ปตฺตํ ลิขาเปตฺวา เวฬุปรมฺปราย ลคฺเคตฺวา ‘‘เย อิมํ ปตฺตํ อิทฺธิยา อาคนฺตฺวา คณฺหนฺติ, เตสํ ภตฺติโก ภวิสฺสามี’’ติ เภรึ จราเปสิ.

ตทา ติตฺถิยา ‘‘นฏฺมฺหา ทานิ นฏฺมฺหา ทานี’’ติ มนฺเตตฺวา นิคณฺโ นาฏปุตฺโต สกปริสํ เอวมาห – ‘‘อหํ เวฬุสมีปํ คนฺตฺวา อากาเส อุลฺลงฺคนาการํ กโรมิ, ‘ตุมฺเห ฉวทารุมยํ ปตฺตํ ปฏิจฺจ มา อิทฺธึ กโรถา’ติ มํ ขนฺเธ คเหตฺวา วาเรถา’’ติ, เต ตถา คนฺตฺวา ตถา อกํสุ.

ตทา ปิณฺโฑลภารทฺวาโช จ โมคฺคลฺลาโน จ ติคาวุเต เสลปพฺพตมตฺถเก ตฺวา ปิณฺฑปาตคณฺหนตฺถาย จีวรํ ปารุปนฺตา ตํ โกลาหลํ สุณึสุ. เตสุ โมคฺคลฺลาโน ปิณฺโฑลภารทฺวาชํ ‘‘ตฺวํ อากาเสน คนฺตฺวา ตํ ปตฺตํ คณฺหาหี’’ติ อาห. โส ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเหเยว ภควตา อิทฺธิมนฺตานํ อคฺคฏฺาเน ปิตา, ตุมฺเหว คณฺหถา’’ติ อาห. ตถาปิ ‘‘มยา อาณตฺโต ตฺวเมว คณฺหาหี’’ติ อาณตฺโต อตฺตนา ิตํ ติคาวุตํ เสลปพฺพตํ ปาทตเล ลคฺเคตฺวา อุกฺขลิยา ปิธานํ วิย สกลราชคหนครํ ฉาเทสิ, ตทา นครวาสิโน ผฬิกปพฺพเต อาวุตํ รตฺตสุตฺตมิว ตํ เถรํ ปสฺสิตฺวา ‘‘ภนฺเต ภารทฺวาช, อมฺเห รกฺขถา’’ติ อุคฺโฆสยึสุ, ภีตา สุปฺปาทีนิ สีเส อกํสุ. ตทา เถโร ตํ ปพฺพตํ ิตฏฺาเน วิสฺสชฺเชตฺวา อิทฺธิยา คนฺตฺวา ตํ ปตฺตํ อคฺคเหสิ, ตทา นครวาสิโน มหาโกลาหลมกํสุ.

ภควา เวฬุวนาราเม นิสินฺโน ตํ สทฺทํ สุตฺวา ‘‘กึ เอโส สทฺโท’’ติ อานนฺทํ ปุจฺฉิ. ‘‘ภารทฺวาเชน, ภนฺเต, ปตฺตสฺส คหิตตฺตา สนฺตุฏฺา นครวาสิโน อุกฺกุฏฺิสทฺทมกํสู’’ติ อาห. ตทา ภควา อายตึ ปรูปวาทโมจนตฺถํ ตํ ปตฺตํ อาหราเปตฺวา เภทาเปตฺวา อฺชนุปปิสนํ กตฺวา ภิกฺขูนํ ทาเปสิ, ทาเปตฺวา จ ปน ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทฺธิวิกุพฺพนา กาตพฺพา, โย กเรยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (จูฬว. ๒๕๒ โถกํ วิสทิสํ) สิกฺขาปทํ ปฺาเปสิ.

ตโต ติตฺถิยา ‘‘สมเณน กิร โคตเมน สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ, เต ชีวิตเหตุปิ ตํ นาติกฺกมนฺติ, มยํ อิทฺธิปาฏิหาริยํ กริสฺสามา’’ติ ตตฺถ ตตฺถ ราสิภูตา โกลาหลมกํสุ. อถ ราชา พิมฺพิสาโร ตํ สุตฺวา ภควโต สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺโน ภควนฺตเมวมาห – ‘‘ติตฺถิยา, ภนฺเต, ‘อิทฺธิปาฏิหาริยํ กริสฺสามา’ติ อุคฺโฆเสนฺตี’’ติ. ‘‘อหมฺปิ, มหาราช, กริสฺสามี’’ติ. ‘‘นนุ, ภนฺเต, ภควตา สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปฺตฺต’’นฺติ. ‘‘ตเมว, มหาราช, ปุจฺฉิสฺสามิ, ตวุยฺยาเน อมฺพผลาทีนิ ขาทนฺตานํ ‘เอตฺตโก ทณฺโฑ’ติ ทณฺฑํ เปนฺโต ตวาปิ เอกโต กตฺวา เปสี’’ติ. ‘‘น มยฺหํ, ภนฺเต, ทณฺโฑ’’ติ. ‘‘เอวํ, มหาราช, น มยฺหํ สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ อตฺถี’’ติ. ‘‘กตฺถ, ภนฺเต, ปาฏิหาริยํ ภวิสฺสตี’’ติ? ‘‘สาวตฺถิยา สมีเป กณฺฑมฺพรุกฺขมูเล, มหาราชา’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต, ตํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ. ตโต ติตฺถิยา ‘‘กณฺฑมฺพรุกฺขมูเล กิร ปาฏิหาริยํ ภวิสฺสตี’’ติ สุตฺวา นครสฺส สามนฺตา อมฺพรุกฺเข เฉทาเปสุํ, นาครา มหาองฺคณฏฺาเน มฺจาติมฺจํ อฏฺฏาทโย พนฺธึสุ, สกลชมฺพุทีปวาสิโน ราสิภูตา ปุรตฺถิมทิสายเมว ทฺวาทสโยชนานิ ผริตฺวา อฏฺํสุ. เสสทิสาสุปิ ตทนุรูเปนากาเรน สนฺนิปตึสุ.

ภควาปิ กาเล สมฺปตฺเต อาสาฬฺหิปุณฺณมาสิยํ ปาโตว กตฺตพฺพกิจฺจํ นิฏฺาเปตฺวา ตํ านํ คนฺตฺวา นิสีทิ. ตสฺมึ ขเณ กณฺโฑ นาม อุยฺยานปาโล กิปิลฺลิกปุเฏ สุปกฺกํ อมฺพผลํ ทิสฺวา ‘‘สจาหํ อิมํ รฺโ ทเทยฺยํ, กหาปณาทิสารํ ลเภยฺยํ, ภควโต อุปนามิเต ปน อิธโลกปรโลเกสุ สมฺปตฺติ ภวิสฺสตี’’ติ ภควโต อุปนาเมสิ. ภควา ตํ ปฏิคฺคเหตฺวา อานนฺทตฺเถรํ อาณาเปสิ – ‘‘อิมํ ผลํ มทฺทิตฺวา ปานํ เทหี’’ติ. เถโร ตถา อกาสิ. ภควา อมฺพรสํ ปิวิตฺวา อมฺพฏฺึ อุยฺยานปาลสฺส ทตฺวา ‘‘อิมํ โรเปหี’’ติ อาห. โส วาลุกํ วิยูหิตฺวา ตํ โรเปสิ, อานนฺทตฺเถโร กุณฺฑิกาย อุทกํ อาสิฺจิ. ตสฺมึ ขเณ อมฺพงฺกุโร อุฏฺหิตฺวา มหาชนสฺส ปสฺสนฺตสฺเสว สาขาวิฏปปุปฺผผลปลฺลวภริโต ปฺายิตฺถ. ปติตํ อมฺพผลํ ขาทนฺตา สกลชมฺพุทีปวาสิโน ขยํ ปาเปตุํ นาสกฺขึสุ.

อถ ภควา ปุรตฺถิมจกฺกวาฬโต ยาว ปจฺฉิมจกฺกวาฬํ, ตาว อิมสฺมึ จกฺกวาเฬ มหาเมรุมุทฺธนิ รตนจงฺกมํ มาเปตฺวา อเนกปริสาหิ สีหนาทํ นทาเปนฺโต ธมฺมปทฏฺกถายํ วุตฺตนเยน มหาอิทฺธิปาฏิหาริยํ กตฺวา ติตฺถิเย มทฺทิตฺวา เต วิปฺปการํ ปาเปตฺวา ปาฏิหีราวสาเน ปุริมพุทฺธาจิณฺณวเสน ตาวตึสภวนํ คนฺตฺวา ตตฺถ วสฺสํวุฏฺโ นิรนฺตรํ เตมาสํ อภิธมฺมํ เทเสตฺวา มาตุปฺปมุขานํ อเนกเทวตานํ โสตาปตฺติมคฺคาธิคมนํ กตฺวา, วุฏฺวสฺโส เทโวโรหนํ กตฺวา อเนกเทวพฺรหฺมคณปริวุโต สงฺกสฺสปุรทฺวารํ โอรุยฺห โลกานุคฺคหํ อกาสิ. ตทา ภควโต ลาภสกฺกาโร ชมฺพุทีปมชฺโฌตฺถรมาโน ปฺจมหาคงฺคา วิย อโหสิ.

อถ ติตฺถิยา ปริหีนลาภสกฺการา ทุกฺขี ทุมฺมนา ปตฺตกฺขนฺธา อโธมุขา นิสีทึสุ. ตทา เตสํ อุปาสิกา จิฺจมาณวิกา นาม อติวิย รูปคฺคปฺปตฺตา เต ตถา นิสินฺเน ทิสฺวา ‘‘กึ, ภนฺเต, เอวํทุกฺขี ทุมฺมนา นิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘กึ ปน ตฺวํ, ภคินิ, อปฺโปสฺสุกฺกาสี’’ติ? ‘‘กึ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘ภคินิ, สมณสฺส โคตมสฺส อุปฺปาทกาลโต ปฏฺาย มยํ หตลาภสกฺการา, นครวาสิโน อมฺเห น กิฺจิ มฺนฺตี’’ติ. ‘‘มยา เอตฺถ กึ กาตพฺพ’’นฺติ? ‘‘ตยา สมณสฺส โคตมสฺส อวณฺณํ อุปฺปาเทตุํ วฏฺฏตี’’ติ. สา ‘‘น มยฺหํ ภาโร’’ติ วตฺวา ตตฺถ อุสฺสาหํ กโรนฺตี วิกาเล เชตวนวิหารํ คนฺตฺวา ติตฺถิยานํ อุปสฺสเย วสิตฺวา ปาโต นครวาสีนํ คนฺธาทีนิ คเหตฺวา ภควนฺตํ วนฺทนตฺถาย คมนสมเย เชตวนา วิย นิกฺขนฺตา, ‘‘กตฺถ สยิตา’’ติ ปุฏฺา ‘‘กึ ตุมฺหากํ มม สยิตฏฺาเนนา’’ติ วตฺวา ปกฺกามิ. สา กเมน คจฺฉนฺเต กาเล ปุจฺฉิตา ‘‘สมเณนาหํ โคตเมน เอกคนฺธกุฏิยํ สยิตฺวา นิกฺขนฺตา’’ติ อาห. ตํ พาลปุถุชฺชนา สทฺทหึสุ, ปณฺฑิตา โสตาปนฺนาทโย น สทฺทหึสุ. เอกทิวสํ สา ทารุมณฺฑลํ อุทเร พนฺธิตฺวา อุปริ รตฺตปฏํ ปริทหิตฺวา คนฺตฺวา สราชิกาย ปริสาย ธมฺมเทสนตฺถาย นิสินฺนํ ภควนฺตํ เอวมาห – ‘‘โภ สมณ, ตฺวํ ธมฺมํ เทเสสิ, ตุยฺหํ ปฏิจฺจ อุปฺปนฺนทารกคพฺภินิยา มยฺหํ ลสุณมริจาทีนิ น วิจาเรสี’’ติ? ‘‘ตถาภาวํ, ภคินิ, ตฺวฺเจว ปชานาสิ, อหฺจา’’ติ. สา ‘‘เอวเมว เมถุนสํสคฺคสมยํ ทฺเวเยว ชานนฺติ, น อฺเ’’ติ อาห.

ตสฺมึ ขเณ สกฺกสฺส ปณฺฑุกมฺพลสิลาสนํ อุณฺหาการํ ทสฺเสสิ. สกฺโก อาวชฺเชนฺโต ตํ การณํ ตฺวา ทฺเว เทวปุตฺเต อาณาเปสิ – ‘‘ตุมฺเหสุ เอโก มูสิกวณฺณํ มาเปตฺวา ตสฺสา ทารุมณฺฑลสฺส พนฺธนํ ฉินฺทตุ, เอโก วาตมณฺฑลํ สมุฏฺาเปตฺวา ปารุตปฏํ อุทฺธํ ขิปตู’’ติ. เต คนฺตฺวา ตถา อกํสุ. ทารุมณฺฑลํ ปตมานํ ตสฺสา ปาทปิฏฺึ ภินฺทิ. ธมฺมสภายํ สนฺนิปติตา ปุถุชฺชนา สพฺเพ ‘‘อเร, ทุฏฺโจริ, ตฺวํ เอวรูปสฺส โลกตฺตยสามิโน เอวรูปํ อพฺภกฺขานํ อกาสี’’ติ อุฏฺหิตฺวา เอเกกมุฏฺิปหารํ ทตฺวา สภาย นีหรึสุ, ทสฺสนาติกฺกนฺตาย ปถวี วิวรมทาสิ. ตสฺมึ ขเณ อวีจิโต ชาลา อุฏฺหิตฺวา กุลทตฺติเกน รตฺตกมฺพเลเนว ตํ อจฺฉาเทตฺวา อวีจิมฺหิ ปกฺขิปิ, ภควโต ลาภสกฺกาโร อติเรกตโร อโหสิ. เตน วุตฺตํ –

‘‘สพฺพาภิภุสฺส พุทฺธสฺส, นนฺโท นามาสิ สาวโก;

ตํ อพฺภกฺขาย นิรเย, จิรํ สํสริตํ มยา.

‘‘ทสวสฺสสหสฺสานิ, นิรเย สํสรึ จิรํ;

มนุสฺสภาวํ ลทฺธาหํ, อพฺภกฺขานํ พหุํ ลภึ.

‘‘เตน กมฺมาวเสเสน, จิฺจมาณวิกา มมํ;

อพฺภาจิกฺขิ อภูเตน, ชนกายสฺส อคฺคโต’’ติ. (อป. เถร ๑.๓๙.๗๐-๗๒);

ตติยปฺเห – อพฺภกฺขานนฺติ อภิ อกฺขานํ อกฺโกสนํ. อตีเต กิร โพธิสตฺโต อปากฏชาติยํ อุปฺปนฺโน มุนาฬิ นาม ธุตฺโต หุตฺวา ทุชฺชนสํสคฺคพเลน สุรภึ นาม ปจฺเจกพุทฺธํ ‘‘ทุสฺสีโล ปาปธมฺโม อยํ ภิกฺขู’’ติ อกฺโกสิ. โส เตน อกุสเลน วจีกมฺเมน พหูนิ วสฺสสหสฺสานิ นิรเย ปจฺจิตฺวา อิมสฺมึ ปจฺฉิมตฺตภาเว ทสปารมิตาสํสิทฺธิพเลน พุทฺโธ ชาโต ลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺโต อโหสิ. ปุน ติตฺถิยา อุสฺสาหชาตา – ‘‘กถํ นุ โข สมณสฺส โคตมสฺส อยสํ อุปฺปาเทสฺสามา’’ติ ทุกฺขี ทุมฺมนา นิสีทึสุ. ตทา สุนฺทรี นาเมกา ปริพฺพาชิกา เต อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา ิตา ตุณฺหีภูเต กิฺจิ อวทนฺเต ทิสฺวา ‘‘กึ มยฺหํ โทโส’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘สมเณน โคตเมน อมฺเห วิเหิยมาเน ตฺวํ อปฺโปสฺสุกฺกา วิหริสฺสสิ, อิทํ ตว โทโส’’ติ. ‘‘เอวมหํ ตตฺถ กึ กริสฺสามี’’ติ? ‘‘ตฺวํ สมณสฺส โคตมสฺส อวณฺณํ อุปฺปาเทตุํ สกฺขิสฺสสี’’ติ? ‘‘สกฺขิสฺสามิ, อยฺยา’’ติ วตฺวา ตโต ปฏฺาย วุตฺตนเยน ทิฏฺทิฏฺานํ ‘‘สมเณน โคตเมน เอกคนฺธกุฏิยํ สยิตฺวา นิกฺขนฺตา’’ติ วตฺวา อกฺโกสติ ปริภาสติ. ติตฺถิยาปิ ‘‘ปสฺสถ, โภ, สมณสฺส โคตมสฺส กมฺม’’นฺติ อกฺโกสนฺติ ปริภาสนฺติ. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘มุนาฬิ นามหํ ธุตฺโต, ปุพฺเพ อฺาสุ ชาติสุ;

ปจฺเจกพุทฺธํ สุรภึ, อพฺภาจิกฺขึ อทูสกํ.

‘‘เตน กมฺมวิปาเกน, นิรเย สํสรึ จิรํ;

พหู วสฺสสหสฺสานิ, ทุกฺขํ เวเทสิ เวทนํ.

‘‘เตน กมฺมาวเสเสน, อิธ ปจฺฉิมเก ภเว;

อพฺภกฺขานํ มยา ลทฺธํ, สุนฺทริกาย การณา’’ติ. (อป. เถร ๑.๓๙.๖๗-๖๙);

จตุตฺถปฺเห – อพฺภกฺขานํ อภิ วิเสเสน อกฺโกสนํ ปริภาสนํ. อตีเต กิร โพธิสตฺโต พฺราหฺมณกุเล อุปฺปนฺโน พหุสฺสุโต พหูหิ สกฺกโต ปูชิโต ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา หิมวนฺเต วนมูลผลาหาโร พหุมาณเว มนฺเต วาเจนฺโต วาสํ กปฺเปสิ. เอโก ปฺจาภิฺาอฏฺสมาปตฺติลาภี ตาปโส ตสฺส สนฺติกํ อคมาสิ. โส ตํ ทิสฺวาว อิสฺสาปกโต ตํ อทูสกํ อิสึ ‘‘กามโภคี กุหโก อยํ อิสี’’ติ อพฺภาจิกฺขิ, อตฺตโน สิสฺเส จ อาห – ‘‘อยํ อิสิ เอวรูโป อนาจารโก’’ติ. เตปิ ตเถว อกฺโกสึสุ ปริภาสึสุ. โส เตน อกุสลกมฺมวิปาเกน วสฺสสหสฺสานิ นิรเย ทุกฺขมนุภวิตฺวา อิมสฺมึ ปจฺฉิมตฺตภาเว พุทฺโธ หุตฺวา ลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺโต อากาเส ปุณฺณจนฺโท วิย ปากโฏ ชาโต. ตเถว ติตฺถิยา อพฺภกฺขาเนนปิ อสนฺตุฏฺา ปุนปิ สุนฺทริยา อพฺภกฺขานํ กาเรตฺวา สุราธุตฺเต ปกฺโกสาเปตฺวา ลฺชํ ทตฺวา ‘‘ตุมฺเห สุนฺทรึ มาเรตฺวา เชตวนทฺวารสมีเป มาลากจวเรน ฉาเทถา’’ติ อาณาเปสุํ. เต ตถา กรึสุ. ตโต ติตฺถิยา ‘‘สุนฺทรึ น ปสฺสามา’’ติ รฺโ อาโรเจสุํ. ราชา ‘‘ปริเยสถา’’ติ อาห. เต อตฺตนา ปาติตฏฺานโต คเหตฺวา มฺจกํ อาโรเปตฺวา รฺโ ทสฺเสตฺวา ‘‘ปสฺสถ, โภ, สมณสฺส โคตมสฺส สาวกานํ กมฺม’’นฺติ ภควโต ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ สกลนคเร อวณฺณํ อุคฺโฆเสนฺตา วิจรึสุ. สุนฺทรึ อามกสุสาเน อฏฺฏเก เปสุํ. ราชา ‘‘สุนฺทริมารเก ปริเยสถา’’ติ อาณาเปสิ. ตทา ธุตฺตา สุรํ ปิวิตฺวา ‘‘ตฺวํ สุนฺทรึ มาเรสิ, ตฺวํ มาเรสี’’ติ กลหํ กรึสุ. ราชปุริสา เต ธุตฺเต คเหตฺวา รฺโ ทสฺเสสุํ. ราชา ‘‘กึ, ภเณ, ตุมฺเหหิ สุนฺทรี มาริตา’’ติ? ‘‘อาม, เทวา’’ติ. ‘‘เกหิ อาณตฺตา’’ติ? ‘‘ติตฺถิเยหิ, เทวา’’ติ. ราชา ติตฺถิเย อาหราเปตฺวา พนฺธาเปตฺวา ‘‘คจฺฉถ, ภเณ, ‘พุทฺธสฺส อวณฺณตฺถาย อมฺเหหิ สยเมว สุนฺทรี มาราปิตา, ภควา ตสฺส สาวกา จ อการกา’ติ อุคฺโฆสถา’’ติ อาห. เต ตถา อกํสุ. สกลนครวาสิโน นิกฺกงฺขา อเหสุํ. ราชา ติตฺถิเย จ ธุตฺเต จ มาราเปตฺวา ฉฑฺฑาเปติ. ตโต ภควโต ภิยฺโยโสมตฺตาย ลาภสกฺกาโร วฑฺฒิ. เตน วุตฺตํ –

‘‘พฺราหฺมโณ สุตวา อาสึ, อหํ สกฺกตปูชิโต;

มหาวเน ปฺจสเต, มนฺเต วาเจมิ มาณเว.

‘‘ตตฺถาคโต อิสิ ภีโม, ปฺจาภิฺโ มหิทฺธิโก;

ตฺจาหํ อาคตํ ทิสฺวา, อพฺภาจิกฺขึ อทูสกํ.

‘‘ตโตหํ อวจํ สิสฺเส, กามโภคี อยํ อิสิ;

มยฺหมฺปิ ภาสมานสฺส, อนุโมทึสุ มาณวา.

‘‘ตโต มาณวกา สพฺเพ, ภิกฺขมานํ กุเล กุเล;

มหาชนสฺส อาหํสุ, กามโภคี อยํ อิสิ.

‘‘เตน กมฺมวิปาเกน, ปฺจภิกฺขุสตา อิเม;

อพฺภกฺขานํ ลภุํ สพฺเพ, สุนฺทริกาย การณา’’ติ. (อป. เถร ๑.๓๙.๗๓-๗๗);

ปฺจเม ปฺเห – สิลาเวโธติ อาหตจิตฺโต สิลํ ปวิชฺฌิ. อตีเต กิร โพธิสตฺโต จ กนิฏฺภาตา จ เอกปิตุปุตฺตา อเหสุํ. เต ปิตุ อจฺจเยน ทาเส ปฏิจฺจ กลหํ กโรนฺตา อฺมฺํ วิรุทฺธา อเหสุํ. โพธิสตฺโต อตฺตโน พลวภาเวน กนิฏฺภาตรํ อชฺโฌตฺถริตฺวา ตสฺสุปริ ปาสาณํ ปวิชฺเฌสิ. โส เตน กมฺมวิปาเกน นรกาทีสุ อเนกวสฺสสหสฺสานิ ทุกฺขมนุภวิตฺวา อิมสฺมึ ปจฺฉิมตฺตภาเว พุทฺโธ ชาโต. เทวทตฺโต ราหุลกุมารสฺส มาตุโล ปุพฺเพ เสริวาณิชกาเล โพธิสตฺเตน สทฺธึ วาณิโช อโหสิ, เต เอกํ ปฏฺฏนคามํ ปตฺวา ‘‘ตฺวํ เอกวีถึ คณฺหาหิ, อหมฺปิ เอกวีถึ คณฺหามี’’ติ ทฺเวปิ ปวิฏฺา. เตสุ เทวทตฺตสฺส ปวิฏฺวีถิยํ ชิณฺณเสฏฺิภริยา จ นตฺตา จ ทฺเวเยว อเหสุํ, เตสํ มหนฺตํ สุวณฺณถาลกํ มลคฺคหิตํ ภาชนนฺตเร ปิตํ โหติ, ตํ สุวณฺณถาลกภาวํ อชานนฺตี ‘‘อิมํ ถาลกํ คเหตฺวา ปิฬนฺธนํ เทถา’’ติ อาห. โส ตํ คเหตฺวา สูจิยา เลขํ กฑฺฒิตฺวา สุวณฺณถาลกภาวํ ตฺวา ‘‘โถกํ ทตฺวา คณฺหิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา คโต. อถ โพธิสตฺตํ ทฺวารสมีปํ อาคตํ ทิสฺวา ‘‘นตฺตา, อยฺเย, มยฺหํ กจฺฉปุฏํ ปิฬนฺธนํ เทถา’’ติ. สา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา นิสีทาเปตฺวา ตํ ถาลกํ ทตฺวา ‘‘อิมํ คเหตฺวา มยฺหํ นตฺตาย กจฺฉปุฏํ ปิฬนฺธนํ เทถา’’ติ. โพธิสตฺโต ตํ คเหตฺวา สุวณฺณถาลกภาวํ ตฺวา ‘‘เตน วฺจิตา’’ติ ตฺวา อตฺตโน ปสิพฺพกาย ปิตอฏฺกหาปเณ อวเสสภณฺฑฺจ ทตฺวา กจฺฉปุฏํ ปิฬนฺธนํ กุมาริกาย หตฺเถ ปิฬนฺธาเปตฺวา อคมาสิ. โส วาณิโช ปุนาคนฺตฺวา ปุจฺฉิ. ‘‘ตาต, ตฺวํ น คณฺหิตฺถ, มยฺหํ ปุตฺโต อิทฺจิทฺจ ทตฺวา ตํ คเหตฺวา คโต’’ติ. โส ตํ สุตฺวาว หทเยน ผาลิเตน วิย ธาวิตฺวา อนุพนฺธิ. โพธิสตฺโต นาวํ อารุยฺห ปกฺขนฺทิ. โส ‘‘ติฏฺ, มา ปลายิ มา ปลายี’’ติ วตฺวา ‘‘นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตภเว ตํ นาเสตุํ สมตฺโถ ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ อกาสิ.

โส ปตฺถนาวเสน อเนเกสุ ชาติสตสหสฺเสสุ อฺมฺํ วิเหเตฺวา อิมสฺมึ อตฺตภาเว สกฺยกุเล นิพฺพตฺติตฺวา กเมน ภควติ สพฺพฺุตํ ปตฺวา ราชคเห วิหรนฺเต อนุรุทฺธาทีหิ สทฺธึ ภควโต สนฺติกํ คนฺตฺวา ปพฺพชิตฺวา ฌานลาภี หุตฺวา ปากโฏ ภควนฺตํ วรํ ยาจิ – ‘‘ภนฺเต, สพฺโพ ภิกฺขุสงฺโฆ ปิณฺฑปาติกาทีนิ เตรส ธุตงฺคานิ สมาทิยตุ, สกโล ภิกฺขุสงฺโฆ มม ภาโร โหตู’’ติ. ภควา น อนุชานิ. เทวทตฺโต เวรํ พนฺธิตฺวา ปริหีนชฺฌาโน ภควนฺตํ มาเรตุกาโม เอกทิวสํ เวภารปพฺพตปาเท ิตสฺส ภควโต อุปริ ิโต ปพฺพตกูฏํ ปวิทฺเธสิ. ภควโต อานุภาเวน อปโร ปพฺพตกูโฏ ตํ ปตมานํ สมฺปฏิจฺฉิ. เตสํ ฆฏฺฏเนน อุฏฺิตา ปปฏิกา อาคนฺตฺวา ภควโต ปาทปิฏฺิยํ ปหริ. เตน วุตฺตํ –

‘‘เวมาตุภาตรํ ปุพฺเพ, ธนเหตุ หนึ อหํ;

ปกฺขิปึ คิริทุคฺคสฺมึ, สิลาย จ อปึสยึ.

‘‘เตน กมฺมวิปาเกน, เทวทตฺโต สิลํ ขิปิ;

องฺคุฏฺํ ปึสยี ปาเท, มม ปาสาณสกฺขรา’’ติ. (อป. เถร ๑.๓๙.๗๘-๗๙);

ฉฏฺปฺเห – สกลิกาเวโธติ สกลิกาย ฆฏฺฏนํ. อตีเต กิร โพธิสตฺโต เอกสฺมึ กุเล นิพฺพตฺโต ทหรกาเล มหาวีถิยํ กีฬมาโน วีถิยํ ปิณฺฑาย จรมานํ ปจฺเจกพุทฺธํ ทิสฺวา ‘‘อยํ มุณฺฑโก สมโณ กุหึ คจฺฉตี’’ติ ปาสาณสกลิกํ คเหตฺวา ตสฺส ปาทปิฏฺิยํ ขิปิ. ปาทปิฏฺิจมฺมํ ฉินฺทิตฺวา รุหิรํ นิกฺขมิ. โส เตน ปาปกมฺเมน อเนกวสฺสสหสฺสานิ นิรเย มหาทุกฺขํ อนุภวิตฺวา พุทฺธภูโตปิ กมฺมปิโลติกวเสน ปาทปิฏฺิยํ ปาสาณสกลิกฆฏฺฏเนน รุหิรุปฺปาทํ ลภิ. เตน วุตฺตํ –

‘‘ปุเรหํ ทารโก หุตฺวา, กีฬมาโน มหาปเถ;

ปจฺเจกพุทฺธํ ทิสฺวาน, มคฺเค สกลิกํ ขิปึ.

‘‘เตน กมฺมวิปาเกน, อิธ ปจฺฉิมเก ภเว;

วธตฺถํ มํ เทวทตฺโต, อภิมาเร ปยฺโยชยี’’ติ. (อป. เถร ๑.๓๙.๘๐-๘๑);

สตฺตมปฺเห – นาฬาคิรีติ ธนปาลโก หตฺถี มารณตฺถาย เปสิโต. อตีเต กิร โพธิสตฺโต หตฺถิโคปโก หุตฺวา นิพฺพตฺโต หตฺถึ อารุยฺห วิจรมาโน มหาปเถ ปจฺเจกพุทฺธํ ทิสฺวา ‘‘กุโต อาคจฺฉติ อยํ มุณฺฑโก’’ติ อาหตจิตฺโต ขิลชาโต หตฺถินา อาสาเทสิ. โส เตน กมฺเมน อปาเยสุ อเนกวสฺสสหสฺสานิ ทุกฺขํ อนุภวิตฺวา ปจฺฉิมตฺตภาเว พุทฺโธ ชาโต. เทวทตฺโต อชาตสตฺตุราชานํ สหายํ กตฺวา ‘‘ตฺวํ, มหาราช, ปิตรํ ฆาเตตฺวา ราชา โหหิ, อหํ พุทฺธํ มาเรตฺวา พุทฺโธ ภวิสฺสามี’’ติ สฺาเปตฺวา เอกทิวสํ รฺโ อนุฺาตาย หตฺถิสาลํ คนฺตฺวา – ‘‘สฺเว ตุมฺเห นาฬาคิรึ โสฬสสุราฆเฏ ปาเยตฺวา ภควโต ปิณฺฑาย จรณเวลายํ เปเสถา’’ติ หตฺถิโคปเก อาณาเปสิ. สกลนครํ มหาโกลาหลํ อโหสิ, ‘‘พุทฺธนาเคน หตฺถินาคสฺส ยุทฺธํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ อุภโต ราชวีถิยํ มฺจาติมฺจํ พนฺธิตฺวา ปาโตว สนฺนิปตึสุ. ภควาปิ กตสรีรปฏิชคฺคโน ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ราชคหํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. ตสฺมึ ขเณ วุตฺตนิยาเมเนว นาฬาคิรึ วิสฺสชฺเชสุํ. โส วีถิจจฺจราทโย วิธเมนฺโต อาคจฺฉติ. ตทา เอกา อิตฺถี ทารกํ คเหตฺวา วีถิโต วีถึ คจฺฉติ, หตฺถี ตํ อิตฺถึ ทิสฺวา อนุพนฺธิ. ภควา ‘‘นาฬาคิริ, น ตํ หนตฺถาย เปสิโต, อิธาคจฺฉาหี’’ติ อาห. โส ตํ สทฺทํ สุตฺวา ภควนฺตาภิมุโข ธาวิ. ภควา อปริมาเณสุ จกฺกวาเฬสุ อนนฺตสตฺเตสุ ผรณารหํ เมตฺตํ เอกสฺมึเยว นาฬาคิริมฺหิ ผริ. โส ภควโต เมตฺตาย ผุโฏ นิพฺภโย หุตฺวา ภควโต ปาทมูเล นิปติ. ภควา ตสฺส มตฺถเก หตฺถํ เปสิ. ตทา เทวพฺรหฺมาทโย อจฺฉริยพฺภุตชาตจิตฺตา ปุปฺผปราคาทีหิ ปูเชสุํ. สกลนคเร ชณฺณุกมตฺตา ธนราสโย อเหสุํ. ราชา ‘‘ปจฺฉิมทฺวาเร ธนานิ นครวาสีนํ โหนฺตุ, ปุรตฺถิมทฺวาเร ธนานิ ราชภณฺฑาคาเร โหนฺตู’’ติ เภรึ จราเปสิ. สพฺเพ ตถา กรึสุ. ตทา นาฬาคิริ ธนปาโล นาม อโหสิ. ภควา เวฬุวนารามํ อคมาสิ. เตน วุตฺตํ –

‘‘หตฺถาโรโห ปุเร อาสึ, ปจฺเจกมุนิมุตฺตมํ;

ปิณฺฑาย วิจรนฺตํ ตํ, อาสาเทสึ คเชนหํ.

‘‘เตน กมฺมวิปาเกน, ภนฺโต นาฬาคิรี คโช;

คิริพฺพเช ปุรวเร, ทารุโณ สมุปาคมี’’ติ. (อป. เถร ๑.๓๙.๘๒-๘๓);

อฏฺมปฺเห – สตฺถจฺเฉโทติ สตฺเถน คณฺฑผาลนํ กุาราย สตฺเถน เฉโท. อตีเต กิร โพธิสตฺโต ปจฺจนฺตเทเส ราชา อโหสิ. โส ทุชฺชนสํสคฺควเสน ปจฺจนฺตเทเส วาสวเสน จ ธุตฺโต สาหสิโก เอกทิวสํ ขคฺคหตฺโถ ปตฺติโกว นคเร วิจรนฺโต นิราปราเธ ชเน ขคฺเคน ผาเลนฺโต อคมาสิ. โส เตน ปาปกมฺมวิปาเกน พหูนิ วสฺสสหสฺสานิ นิรเย ปจฺจิตฺวา ติรจฺฉานาทีสุ ทุกฺขมนุภวิตฺวา ปกฺกาวเสเสน ปจฺฉิมตฺตภาเว พุทฺธภูโตปิ เหฏฺา วุตฺตนเยน เทวทตฺเตน ขิตฺตปาสาณสกฺขลิกปหาเรน อุฏฺิตคณฺโฑ อโหสิ. ชีวโก เมตฺตจิตฺเตน ตํ คณฺฑํ ผาเลสิ. เวริจิตฺตสฺส เทวทตฺตสฺส รุหิรุปฺปาทกมฺมํ อนนฺตริกํ อโหสิ, เมตฺตจิตฺตสฺส ชีวกสฺส คณฺฑผาลนํ ปุฺเมว อโหสิ. เตน วุตฺตํ –

‘‘ราชาหํ ปตฺติโก อาสึ, สตฺติยา ปุริเส หนึ;

เตน กมฺมวิปาเกน, นิรเย ปจฺจิสํ ภุสํ.

‘‘กมฺมุโน ตสฺส เสเสน, อิทานิ สกลํ มม;

ปาเท ฉวึ ปกปฺเปสิ, น หิ กมฺมํ วินสฺสตี’’ติ. (อป. เถร ๑.๓๙.๘๔-๘๕);

นวเม ปฺเห – ‘‘สีสทุกฺขนฺติ สีสาพาโธ สีสเวทนา. อตีเต กิร โพธิสตฺโต เกวฏฺฏคาเม เกวฏฺโฏ หุตฺวา นิพฺพตฺติ. โส เอกทิวสํ เกวฏฺฏปุริเสหิ สทฺธึ มจฺฉมารณฏฺานํ คนฺตฺวา มจฺเฉ มาเรนฺเต ทิสฺวา ตตฺถ โสมนสฺสํ อุปฺปาเทสิ, สหคตาปิ ตเถว โสมนสฺสํ อุปฺปาทยึสุ. โส เตน อกุสลกมฺเมน จตุราปาเย ทุกฺขมนุภวิตฺวา อิมสฺมึ ปจฺฉิมตฺตภาเว เตหิ ปุริเสหิ สทฺธึ สกฺยราชกุเล นิพฺพตฺติตฺวา กเมน พุทฺธตฺตํ ปตฺโตปิ สยํ สีสาพาธํ ปจฺจนุโภสิ. เต จ สกฺยราชาโน ธมฺมปทฏฺกถายํ (ธ. ป. อฏฺ. ๑.วิฑฑูภวตฺถุ) วุตฺตนเยน วิฑฑูภสงฺคาเม สพฺเพ วินาสํ ปาปุณึสุ. เตน วุตฺตํ –

‘‘อหํ เกวฏฺฏคามสฺมึ, อหุํ เกวฏฺฏทารโก;

มจฺฉเก ฆาติเต ทิสฺวา, ชนยึ โสมนสฺสกํ.

‘‘เตน กมฺมวิปาเกน, สีสทุกฺขํ อหู มม;

สพฺเพ สกฺกา จ หฺึสุ, ยทา หนิ วิฏฏูโภ’’ติ. (อป. เถร ๑.๓๙.๘๖-๘๗);

ทสมปฺเห – ยวขาทนนฺติ เวรฺชายํ ยวตณฺฑุลขาทนํ. อตีเต กิร โพธิสตฺโต อฺตรสฺมึ กุเล นิพฺพตฺโต ชาติวเสน จ อนฺธพาลภาเวน จ ผุสฺสสฺส ภควโต สาวเก มธุรนฺนปาเน สาลิโภชนาทโย จ ภุฺชมาเน ทิสฺวา ‘‘อเร มุณฺฑกสมณา, ยวํ ขาทถ, มา สาลิโภชนํ ภุฺชถา’’ติ อกฺโกสิ. โส เตน อกุสลกมฺมวิปาเกน อเนกวสฺสสหสฺสานิ จตุราปาเย ทุกฺขมนุภวิตฺวา อิมสฺมึ ปจฺฉิมตฺตภาเว กเมน พุทฺธตฺตํ ปตฺวา โลกสงฺคหํ กโรนฺโต คามนิคมราชธานีสุ จริตฺวา เอกสฺมึ สมเย เวรฺชพฺราหฺมณคามสมีเป สาขาวิฏปสมฺปนฺนํ ปุจิมนฺทรุกฺขมูลํ ปาปุณิ. เวรฺชพฺราหฺมโณ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา อเนกปริยาเยน ภควนฺตํ ชินิตุํ อสกฺโกนฺโต โสตาปนฺโน หุตฺวา ‘‘ภนฺเต, อิเธว วสฺสํ อุปคนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ อาโรเจสิ. ภควา ตุณฺหีภาเวน อธิวาเสสิ. อถ ปุนทิวสโต ปฏฺาย มาโร ปาปิมา สกลเวรฺชพฺราหฺมณคามวาสีนํ มาราวฏฺฏนํ อกาสิ. ปิณฺฑาย ปวิฏฺสฺส ภควโต มาราวฏฺฏนวเสน เอโกปิ กฏจฺฉุภิกฺขามตฺตํ ทาตา นาโหสิ. ภควา ตุจฺฉปตฺโตว ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ปุนาคฺฉิ. ตสฺมึ เอวํ อาคเต ตตฺเถว นิวุฏฺา อสฺสวาณิชา ตํ ทิวสํ ทานํ ทตฺวา ตโต ปฏฺาย ภควนฺตํ ปฺจสตภิกฺขุปริวารํ นิมนฺเตตฺวา ปฺจนฺนํ อสฺสสตานํ ภตฺตโต วิภาคํ กตฺวา ยวํ โกฏฺเฏตฺวา ภิกฺขูนํ ปตฺเตสุ ปกฺขิปึสุ. สกลสฺส สหสฺสจกฺกวาฬเทวตา สุชาตาย ปายาสปจนทิวเส วิย ทิพฺโพชํ ปกฺขิปึสุ. ภควา ปริภุฺชิ, เอวํ เตมาสํ ยวํ ปริภุฺชิ. เตมาสจฺจเยน มาราวฏฺฏเน วิคเต ปวารณาทิวเส เวรฺโช พฺราหฺมโณ สริตฺวา มหาสํเวคปฺปตฺโต พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ ทตฺวา วนฺทิตฺวา ขมาเปสิ. เตน วุตฺตํ –

‘‘ผุสฺสสฺสาหํ ปาวจเน, สาวเก ปริภาสยึ;

ยวํ ขาทถ ภุฺชถ, มา จ ภุฺชถ สาลโย.

‘‘เตน กมฺมวิปาเกน, เตมาสํ ขาทิตํ ยวํ;

นิมนฺติโต พฺราหฺมเณน, เวรฺชายํ วสึ ตทา’’ติ. (อป. เถร ๑.๓๙.๘๘-๘๙);

เอกาทสมปฺเห ปิฏฺิทุกฺขนฺติ ปิฏฺิอาพาโธ. อตีเต กิร โพธิสตฺโต คหปติกุเล นิพฺพตฺโต ถามสมฺปนฺโน กิฺจิ รสฺสธาตุโก อโหสิ. เตน สมเยน เอโก มลฺลยุทฺธโยโธ สกลชมฺพุทีเป คามนิคมราชธานีสุ มลฺลยุทฺเธ วตฺตมาเน ปุริเส ปาเตตฺวา ชยปฺปตฺโต กเมน โพธิสตฺตสฺส วสนนครํ ปตฺวา ตสฺมิมฺปิ ชเน ปาเตตฺวา คนฺตุมารทฺโธ. ตทา โพธิสตฺโต ‘‘มยฺหํ วสนฏฺาเน เอส ชยํ ปตฺวา คจฺฉตี’’ติ ตตฺถ นครมณฺฑลมาคมฺม อปฺโปเฏตฺวา อาคจฺฉ มยา สทฺธึ ยุชฺฌิตฺวา คจฺฉาติ. โส หสิตฺวา ‘‘อหํ มหนฺเต ปุริเส ปาเตสึ, อยํ รสฺสธาตุโก วามนโก มม เอกหตฺถสฺสาปิ นปฺปโหตี’’ติ อปฺโปเฏตฺวา นทิตฺวา อาคจฺฉิ. เต อุโภปิ อฺมฺํ หตฺถํ ปรามสึสุ, โพธิสตฺโต ตํ อุกฺขิปิตฺวา อากาเส ภมิตฺวา ภูมิยํ ปาเตนฺโต ขนฺธฏฺึ ภินฺทิตฺวา ปาเตสิ. สกลนครวาสิโน อุกฺกุฏฺึ กโรนฺตา อปฺโปเฏตฺวา วตฺถาภรณาทีหิ โพธิสตฺตํ ปูเชสุํ. โพธิสตฺโต ตํ มลฺลโยธํ อุชุํ สยาเปตฺวา ขนฺธฏฺึ อุชุกํ กตฺวา ‘‘คจฺฉ อิโต ปฏฺาย เอวรูปํ มา กโรสี’’ติ วตฺวา อุยฺโยเชสิ. โส เตน กมฺมวิปาเกน นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตภเว สรีรสีสาทิ ทุกฺขมนุภวิตฺวา อิมสฺมึ ปจฺฉิมตฺตภาเว พุทฺธภูโตปิ ปิฏฺิรุชาทิทุกฺขมนุโภสิ. ตสฺมา กทาจิ ปิฏฺิทุกฺเข อุปฺปนฺเน สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเน ‘‘อิโต ปฏฺาย ธมฺมํ เทเสถา’’ติ วตฺวา สยํ สุคตจีวรํ ปฺาเปตฺวา สยติ, กมฺมปิโลติกํ นาม พุทฺธมปิ น มุฺจติ. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘นิพฺพุทฺเธ วตฺตมานมฺหิ, มลฺลปุตฺตํ นิเหยึ;

เตน กมฺมวิปาเกน, ปิฏฺิทุกฺขํ อหู มมา’’ติ. (อป. เถร ๑.๓๙.๙๐);

ทฺวาทสมปฺเห อติสาโรติ โลหิตปกฺขนฺทิกาวิเรจนํ. อตีเต กิร โพธิสตฺโต คหปติกุเล นิพฺพตฺโต เวชฺชกมฺเมน ชีวิกํ กปฺเปสิ. โส เอกํ เสฏฺิปุตฺตํ โรเคน วิจฺฉิตํ ติกิจฺฉนฺโต เภสชฺชํ กตฺวา ติกิจฺฉิตฺวา ตสฺส เทยฺยธมฺมทาเน ปมาทมาคมฺม อปรํ โอสธํ ทตฺวา วมนวิเรจนํ อกาสิ. เสฏฺิ พหุธนํ อทาสิ. โส เตน กมฺมวิปาเกน นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตภเว โลหิตปกฺขนฺทิกาพาเธน วิจฺฉิโต อโหสิ. อิมสฺมิมฺปิ ปจฺฉิมตฺตภาเว ปรินิพฺพานสมเย จุนฺเทน กมฺมารปุตฺเตน ปจิตสูกรมทฺทวสฺส สกลจกฺกวาฬเทวตาหิ ปกฺขิตฺตทิพฺโพเชน อาหาเรน สห ภุตฺตกฺขเณ โลหิตปกฺขนฺทิกาวิเรจนํ อโหสิ. โกฏิสตสหสฺสานํ หตฺถีนํ พลํ ขยมคมาสิ. ภควา วิสาขปุณฺณมายํ กุสินารายํ ปรินิพฺพานตฺถาย คจฺฉนฺโต อเนเกสุ าเนสุ นิสีทนฺโต ปิปาสิโต ปานียํ ปิวิตฺวา มหาทุกฺเขน กุสินารํ ปตฺวา ปจฺจูสสมเย ปรินิพฺพายิ. กมฺมปิโลติกํ เอวรูปํ โลกตฺตยสามิมฺปิ น วิชหติ. เตน วุตฺตํ –

‘‘ติกิจฺฉโก อหํ อาสึ, เสฏฺิปุตฺตํ วิเรจยึ;

เตน กมฺมวิปาเกน, โหติ ปกฺขนฺทิกา มมาติ.

‘‘เอวํ ชิโน วิยากาสิ, ภิกฺขุสงฺฆสฺส อคฺคโต;

สพฺพาภิฺาพลปฺปตฺโต, อโนตตฺเต มหาสเร’’ติ. (อป. เถร ๑.๓๙.๙๑, ๙๖);

เอวํ ปฏิฺาตปฺหานํ, มาติกาปนวเสน อกุสลาปทานํ สมตฺตํ นาม โหตีติ วุตฺตํ อิตฺถํ สุทนฺติ อิตฺถํ อิมินา ปกาเรน เหฏฺา วุตฺตนเยน. สุทนฺติ นิปาโต ปทปูรณตฺเถ อาคโต. ภควา ภาคฺยสมฺปนฺโน ปูริตปารมิมหาสตฺโต –

‘‘ภาคฺยวา ภคฺควา ยุตฺโต, ภเคหิ จ วิภตฺตวา;

ภตฺตวา วนฺตคมโน, ภเวสุ ภควา ตโต’’ติ. –

เอวมาทิคุณยุตฺโต เทวาติเทโว สกฺกาติสกฺโก พฺรหฺมาติพฺรหฺมา พุทฺธาติพุทฺโธ โส มหาการุณิโก ภควา อตฺตโน พุทฺธจริยํ พุทฺธการณํ สมฺภาวยมาโน ปากฏํ กุรุมาโน พุทฺธาปทานิยํ นาม พุทฺธการณปกาสกํ นาม ธมฺมปริยายํ ธมฺมเทสนํ สุตฺตํ อภาสิตฺถ กเถสีติ.

อิติ วิสุทฺธชนวิลาสินิยา อปทาน-อฏฺกถาย

พุทฺธอปทานสํวณฺณนา สมตฺตา.

๒.ปจฺเจกพุทฺธอปทานวณฺณนา

ตโต อนนฺตรํ อปทานํ สงฺคายนฺโต ‘‘ปจฺเจกพุทฺธาปทานํ, อาวุโส อานนฺท, ภควตา กตฺถ ปฺตฺต’’นฺติ ปุฏฺโ ‘‘อถ ปจฺเจกพุทฺธาปทานํ สุณาถา’’ติ อาห. เตสํ อปทานตฺโถ เหฏฺา วุตฺโตเยว.

๘๓. ‘‘สุณาถา’’ติ วุตฺตปทํ อุปฺปตฺตินิพฺพตฺติวเสน ปกาเสนฺโต ‘‘ตถาคตํ เชตวเน วสนฺต’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ เชตกุมารสฺส นามวเสน ตถาสฺิเต วิหาเร จตูหิ อิริยาปถวิหาเรหิ ทิพฺพพฺรหฺมอริยวิหาเรหิ วา วสนฺตํ วิหรนฺตํ ยถา ปุริมกา วิปสฺสิอาทโย พุทฺธา สมตฺตึสปารมิโย ปูเรตฺวา อาคตา, ตถา อมฺหากมฺปิ ภควา อาคโตติ ตถาคโต. ตํ ตถาคตํ เชตวเน วสนฺตนฺติ สมฺพนฺโธ. เวเทหมุนีติ เวเทหรฏฺเ ชาตา เวเทหี, เวเทหิยา ปุตฺโต เวเทหิปุตฺโต. โมนํ วุจฺจติ าณํ, เตน อิโต คโต ปวตฺโตติ มุนิ. เวเทหิปุตฺโต จ โส มุนิ เจติ ‘‘เวเทหิปุตฺตมุนี’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘วณฺณาคโม’’ติอาทินา นิรุตฺตินเยน อิ-การสฺส อตฺตํ ปุตฺต-สทฺทสฺส จ โลปํ กตฺวา ‘‘เวเทหมุนี’’ติ วุตฺตํ. ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ สติมนฺตานํ ธิติมนฺตานํ คติมนฺตานํ พหุสฺสุตานํ อุปฏฺากานํ ยทิทํ อานนฺโท’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๑๙-๒๒๓) เอตทคฺเค ปิโต อายสฺมา อานนฺโท นตงฺโค นมนกายงฺโค อฺชลิโก หุตฺวา ‘‘ภนฺเต, ปจฺเจกพุทฺธา นาม กีทิสา โหนฺตี’’ติ อปุจฺฉีติ สมฺพนฺโธ. เต ปจฺเจกพุทฺธา เกหิ เหตุภิ เกหิ การเณหิ ภวนฺติ อุปฺปชฺชนฺติ. วีราติ ภควนฺตํ อาลปติ.

๘๔-๘๕. ตโต ปรํ วิสฺสชฺชิตาการํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตทาห สพฺพฺุวโร มเหสี’’ติอาทิมาห. สพฺพํ อตีตาทิเภทํ หตฺถามลกํ วิย ชานาตีติ สพฺพฺู, สพฺพฺู จ โส วโร อุตฺตโม เจติ สพฺพฺุวโร. มหนฺตํ สีลกฺขนฺธํ, สมาธิกฺขนฺธํ, ปฺากฺขนฺธํ, วิมุตฺติกฺขนฺธํ, มหนฺตํ วิมุตฺติาณทสฺสนกฺขนฺธํ เอสติ คเวสตีติ มเหสิ. อานนฺทภทฺทํ มธุเรน สเรน ตทา ตสฺมึ ปุจฺฉิตกาเล อาห กเถสีติ สมฺพนฺโธ. โภ อานนฺท, เย ปจฺเจกพุทฺธา ปุพฺพพุทฺเธสุ ปุพฺเพสุ อตีตพุทฺเธสุ กตาธิการา กตปุฺสมฺภารา ชินสาสเนสุ อลทฺธโมกฺขา อปฺปตฺตนิพฺพานา. เต สพฺเพ ปจฺเจกพุทฺธา ธีรา อิธ อิมสฺมึ โลเก สํเวคมุเขน เอกปุคฺคลํ ปธานํ กตฺวา ปจฺเจกพุทฺธา ชาตาติ อตฺโถ. สุติกฺขปฺา สุฏฺุ ติกฺขปฺา. วินาปิ พุทฺเธหิ พุทฺธานํ โอวาทานุสาสนีหิ รหิตา อปิ. ปริตฺตเกนปิ อปฺปมตฺตเกนปิ อารมฺมเณน ปจฺเจกโพธึ ปฏิเอกฺกํ โพธึ สมฺมาสมฺพุทฺธานนฺตรํ โพธึ อนุปาปุณนฺติ ปฏิวิชฺฌนฺติ.

๘๖. สพฺพมฺหิ โลกมฺหิ สกลสฺมึ โลกตฺตเย มมํ เปตฺวา มํ วิหาย ปเจกพุทฺเธหิ สโมว สทิโส เอว นตฺถิ, เตสํ มหามุนีนํ ปจฺเจกพุทฺธานํ อิมํ วณฺณํ อิมํ คุณํ ปเทสมตฺตํ สงฺเขปมตฺตํ อหํ ตุมฺหากํ สาธุ สาธุกํ วกฺขามิ กเถสฺสามีติ อตฺโถ.

๘๗. อนาจริยกา หุตฺวา สยเมว พุทฺธานํ อตฺตนาว ปฏิวิทฺธานํ อิสีนํ อนฺตเร มหาอิสีนํ มธูวขุทฺทํ ขุทฺทกมธุปฏลํ อิว สาธูนิ มธุรานิ วากฺยานิ อุทานวจนานิ อนุตฺตรํ อุตฺตรวิรหิตํ เภสชํ โอสธํ นิพฺพานํ ปตฺถยนฺตา อิจฺฉนฺตา สพฺเพ ตุมฺเห สุปสนฺนจิตฺตา สุปฺปสนฺนมนา สุณาถ มนสิ กโรถาติ อตฺโถ.

๘๘-๘๙. ปจฺเจกพุทฺธานํ สมาคตานนฺติ ราสิภูตานํ อุปฺปนฺนานํ ปจฺเจกพุทฺธานํ. อริฏฺโ, อุปริฏฺโ, ตครสิขิ, ยสสฺสี, สุทสฺสโน, ปิยทสฺสี, คนฺธาโร, ปิณฺโฑโล, อุปาสโภ, นิโถ, ตโถ, สุตวา, ภาวิตตฺโต, สุมฺโภ, สุโภ, เมถุโล, อฏฺโม, สุเมโธ, อนีโฆ, สุทาโ, หิงฺคุ, หิงฺโค, ทฺเวชาลิโน, อฏฺโก, โกสโล, สุพาหุ, อุปเนมิโส, เนมิโส, สนฺตจิตฺโต, สจฺโจ, ตโถ, วิรโช, ปณฺฑิโต, กาโล, อุปกาโล, วิชิโต, ชิโต, องฺโค, ปงฺโค, คุตฺติชฺชิโต, ปสฺสี, ชหี, อุปธึ, ทุกฺขมูลํ, อปราชิโต, สรภงฺโค, โลมหํโส, อุจฺจงฺคมาโย, อสิโต, อนาสโว, มโนมโย, มานจฺฉิโท, พนฺธุมา, ตทาธิมุตฺโต, วิมโล, เกตุมา, โกตุมฺพรงฺโค, มาตงฺโค, อริโย, อจฺจุโต, อจฺจุตคามิ, พฺยามโก, สุมงฺคโล, ทิพฺพิโล จาติอาทีนํ ปจฺเจกพุทฺธสตานํ ยานิ อปทานานิ ปรมฺปรํ ปจฺเจกํ พฺยากรณานิ โย จ อาทีนโว ยฺจ วิราควตฺถุํ อนลฺลียนการณํ ยถา จ เยน การเณน โพธึ อนุปาปุณึสุ จตุมคฺคาณํ ปจฺจกฺขํ กรึสุ. สราควตฺถุสูติ สุฏฺุ อลฺลียิตพฺพวตฺถูสุ วตฺถุกามกิเลสกาเมสุ วิราคสฺี วิรตฺตสฺวนฺโต รตฺตมฺหิ โลกมฺหิ อลฺลียนสภาวโลเก วิรตจิตฺตา อนลฺลียนมนา หิตฺวา ปปฺเจติ ราโค ปปฺจํ โทโส ปปฺจํ สพฺพกิเลสา ปปฺจาติ ปปฺจสงฺขาเต กิเลเส หิตฺวา ชิย ผนฺทิตานีติ ผนฺทิตานิ ทฺวาสฏฺิ ทิฏฺิคตานิ ชินิตฺวา ตเถว เตน การเณน เอวํ โพธึ อนุปาปุณึสุ ปจฺเจกโพธิาณํ ปจฺจกฺขํ กรึสูติ อตฺโถ.

๙๐-๙๑. สพฺเพสุ ภูเตสุ นิธาย ทณฺฑนฺติ ตชฺชนผาลนวธพนฺธนํ นิธาย เปตฺวา เตสํ สพฺพสตฺตานํ อนฺตเร อฺตรํ กฺจิ เอกมฺปิ สตฺตํ อวิเหยํ อวิเหยนฺโต อทุกฺขาเปนฺโต เมตฺเตน จิตฺเตน ‘‘สพฺเพ สตฺตา สุขิตา โหนฺตู’’ติ เมตฺตาสหคเตน เจตสา หิตานุกมฺปี หิเตน อนุกมฺปนสภาโว. อถ วา สพฺเพสุ ภูเตสุ นิธาย ทณฺฑนฺติ สพฺเพสูติ สพฺเพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพํ อเสสํ นิสฺเสสํ ปริยาทิยนวจนเมตํ. ภูเตสูติ ภูตา วุจฺจนฺติ ตสา จ ถาวรา จ. เยสํ ตสิณา ตณฺหา อปฺปหีนา, เยสฺจ ภยเภรวา อปฺปหีนา, เต ตสา. กึ การณา วุจฺจนฺติ ตสา? ตสนฺติ อุตฺตสนฺติ ปริตสนฺติ ภายนฺติ สนฺตาสํ อาปชฺชนฺติ, ตํ การณา วุจฺจนฺติ ตสา. เยสํ ตสิณา ตณฺหา ปหีนา, เยสฺจ ภยเภรวา ปหีนา, เต ถาวรา. กึ การณา วุจฺจนฺติ ถาวรา? ถิรนฺติ น ตสนฺติ น อุตฺตสนฺติ น ปริตสนฺติ น ภายนฺติ น สนฺตาสํ อาปชฺชนฺติ, ตํ การณา วุจฺจนฺติ ถาวรา.

ตโย ทณฺฑา – กายทณฺโฑ, วจีทณฺโฑ, มโนทณฺโฑติ. ติวิธํ กายทุจฺจริตํ กายทณฺโฑ, จตุพฺพิธํ วจีทุจฺจริตํ วจีทณฺโฑ, ติวิธํ มโนทุจฺจริตํ มโนทณฺโฑ. สพฺเพสุ สกเลสุ ภูเตสุ สตฺเตสุ ตํ ติวิธํ ทณฺฑํ นิธาย นิทหิตฺวา โอโรปยิตฺวา สโมโรปยิตฺวา นิกฺขิปิตฺวา ปฏิปฺปสฺสมฺเภตฺวา หึสนตฺถํ อคเหตฺวาติ สพฺเพสุ ภูเตสุ นิธาย ทณฺฑํ. อวิเหยํ อฺตรมฺปิ เตสนฺติ เอกเมกมฺปิ สตฺตํ ปาณินา วา เลฑฺฑุนา วา ทณฺเฑน วา สตฺเถน วา อนฺทุยา วา รชฺชุยา วา อวิเหยนฺโต, สพฺเพปิ สตฺเต ปาณินา วา เลฑฺฑุนา วา ทณฺเฑน วา สตฺเถน วา อนฺทุยา วา รชฺชุยา วา อวิเหยํ อวิเหยนฺโต อฺตรมฺปิ เตสํ. น ปุตฺตมิจฺเฉยฺย กุโต สหายนฺติ นาติ ปฏิกฺเขโป. ปุตฺตนฺติ จตฺตาโร ปุตฺตา อตฺรโช ปุตฺโต, เขตฺตโช, ทินฺนโก, อนฺเตวาสิโก ปุตฺโต. สหายนฺติ สหาโย วุจฺจติ เยน สห อาคมนํ ผาสุ, คมนํ ผาสุ, านํ ผาสุ, นิสชฺชา ผาสุ, อาลปนํ ผาสุ, สลฺลปนํ ผาสุ, สมุลฺลปนํ ผาสุ. น ปุตฺตมิจฺเฉยฺย กุโต สหายนฺติ ปุตฺตมฺปิ น อิจฺเฉยฺย น สาทิเยยฺย น ปตฺเถยฺย น ปิหเยยฺย นาภิชปฺเปยฺย, กุโต มิตฺตํ วา สนฺทิฏฺํ วา สมฺภตฺตํ วา สหายํ วา อิจฺเฉยฺย สาทิเยยฺย ปตฺเถยฺย ปิหเยยฺย อภิชปฺเปยฺยาติ น ปุตฺตมิจฺเฉยฺย กุโต สหายํ. เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโปติ โส ปจฺเจกสมฺพุทฺโธ ปพฺพชฺชาสงฺขาเตน เอโก, อทุติยฏฺเน เอโก, ตณฺหาย ปหานฏฺเน เอโก, เอกนฺตวีตราโคติ เอโก, เอกนฺตวีตโทโสติ เอโก, เอกนฺตวีตโมโหติ เอโก, เอกนฺตนิกฺกิเลโสติ เอโก, เอกายนมคฺคํ คโตติ เอโก, เอโก อนุตฺตรํ ปจฺเจกสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธติ เอโก.

กถํ โส ปจฺเจกสมฺพุทฺโธ ปพฺพชฺชาสงฺขาเตน เอโก? โส หิ ปจฺเจกสมฺพุทฺโธ สพฺพํ ฆราวาสปลิโพธํ ฉินฺทิตฺวา, ปุตฺตทารปลิโพธํ ฉินฺทิตฺวา, าติปลิโพธํ, มิตฺตามจฺจปลิโพธํ, สนฺนิธิปลิโพธํ ฉินฺทิตฺวา เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา อคารสฺมา นิกฺขมฺม อนคาริยํ ปพฺพชิตฺวา อกิฺจนภาวํ อุปคนฺตฺวา เอโกว จรติ วิหรติ อิริยติ วตฺตติ ปาเลติ ยเปติ ยาเปตีติ เอวํ โส ปจฺเจกสมฺพุทฺโธ ปพฺพชฺชาสงฺขาเตน เอโก.

กถํ โส ปจฺเจกสมฺพุทฺโธ อทุติยฏฺเน เอโก? โส เอวํ ปพฺพชิโต สมาโน เอโก อรฺวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฏิเสวติ อปฺปสทฺทานิ อปฺปนิคฺโฆสานิ วิชนวาตานิ มนุสฺสราหสฺเสยฺยกานิ ปฏิสลฺลานสารุปฺปานิ. โส เอโก ติฏฺติ, เอโก คจฺฉติ, เอโก นิสีทติ, เอโก เสยฺยํ กปฺเปติ, เอโก คามํ ปิณฺฑาย ปวิสติ, เอโก ปฏิกฺกมติ, เอโก รโห นิสีทติ, เอโก จงฺกมติ, เอโก จรติ วิหรติ อิริยติ วตฺตติ ปาเลติ ยเปติ ยาเปตีติ เอวํ โส อทุติยฏฺเน เอโก.

กถํ โส ปจฺเจกสมฺพุทฺโธ ตณฺหาย ปหานฏฺเน เอโก? โส เอโก อทุติโย อปฺปมตฺโต อาตาปี ปหิตตฺโต วิหรนฺโต มหาปธานํ ปทหนฺโต มารํ สเสนกํ นมุจึ กณฺหํ ปมตฺตพนฺธุํ วิธเมตฺวา จ ตณฺหาชาลินึ วิสริตํ วิสตฺติกํ ปชหิ วิโนเทสิ พฺยนฺตึ อกาสิ อนภาวํ คเมสิ.

‘‘ตณฺหาทุติโย ปุริโส, ทีฆมทฺธาน สํสรํ;

อิตฺถภาวฺถาภาวํ, สํสารํ นาติวตฺตติ.

‘‘เอตมาทีนวํ ตฺวา, ตณฺหํ ทุกฺขสฺส สมฺภวํ;

วีตตณฺโห อนาทาโน, สโต ภิกฺขุ ปริพฺพเช’’ติ. (อิติวุ. ๑๕, ๑๐๕; มหานิ. ๑๙๑) –

เอวํ โส ปจฺเจกสมฺพุทฺโธ ตณฺหาย ปหานฏฺเน เอโก.

กถํ โส ปจฺเจกสมฺพุทฺโธ เอกนฺตวีตราโคติ เอโก? ราคสฺส ปหีนตฺตา เอกนฺตวีตราโคติ เอโก, โทสสฺส ปหีนตฺตา เอกนฺตวีตโทโสติ เอโก, โมหสฺส ปหีนตฺตา เอกนฺตวีตโมโหติ เอโก, กิเลสานํ ปหีนตฺตา เอกนฺตนิกฺกิเลโสติ เอโก, เอวํ โส ปจฺเจกสมฺพุทฺโธ เอกนฺตวีตราโคติ เอโก.

กถํ โส ปจฺเจกสมฺพุทฺโธ เอกายนมคฺคํ คโตติ เอโก? เอกายนมคฺโค วุจฺจติ จตฺตาโร สติปฏฺานา, จตฺตาโร สมฺมปฺปธานา, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา, ปฺจินฺทฺริยานิ, ปฺจ พลานิ, สตฺต โพชฺฌงฺคา, อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค.

‘‘เอกายนํ ชาติขยนฺตทสฺสี, มคฺคํ ปชานาติ หิตานุกมฺปี;

เอเตน มคฺเคน ตรึสุ ปุพฺเพ, ตริสฺสนฺติ เย จ ตรนฺติ โอฆ’’นฺติ. (สํ. นิ. ๕.๓๘๔; มหานิ. ๑๙๑) –

เอวํ โส เอกายนมคฺคํ คโตติ เอโก.

กถํ โส ปจฺเจกสมฺพุทฺโธ เอโก อนุตฺตรํ ปจฺเจกสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธติ เอโก? โพธิ วุจฺจติ จตูสุ มคฺเคสุ าณํ (มหานิ. ๑๙๑; จูฬนิ. ขคฺควิสาณสุตฺตนิทฺเทส ๑๒๑). ปฺา ปฺินฺทฺริยํ ปฺาพลํ ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺโค วีมํสา วิปสฺสนา สมฺมาทิฏฺิ. โส ปจฺเจกสมฺพุทฺโธ เตน ปจฺเจกโพธิาเณน ‘‘สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา’’ติ พุชฺฌิ, ‘‘สพฺเพ สงฺขารา ทุกฺขา’’ติ พุชฺฌิ, ‘‘สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา’’ติ พุชฺฌิ. ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา’’ติ พุชฺฌิ, ‘‘สงฺขารปจฺจยา วิฺาณ’’นฺติ พุชฺฌิ, ‘‘วิฺาณปจฺจยา นามรูป’’นฺติ พุชฺฌิ, ‘‘นามรูปปจฺจยา สฬายตน’’นฺติ พุชฺฌิ, ‘‘สฬายตนปจฺจยา ผสฺโส’’ติ พุชฺฌิ, ‘‘ผสฺสปจฺจยา เวทนา’’ติ พุชฺฌิ, ‘‘เวทนาปจฺจยา ตณฺหา’’ติ พุชฺฌิ, ‘‘ตณฺหาปจฺจยา อุปาทาน’’นฺติ พุชฺฌิ, ‘‘อุปาทานปจฺจยา ภโว’’ติ พุชฺฌิ, ‘‘ภวปจฺจยา ชาตี’’ติ พุชฺฌิ, ‘‘ชาติปจฺจยา ชรามรณ’’นฺติ พุชฺฌิ. ‘‘อวิชฺชานิโรธา สงฺขารนิโรโธ’’ติ พุชฺฌิ, ‘‘สงฺขารนิโรธา วิฺาณนิโรโธ’’ติ พุชฺฌิ…เป… ‘‘ภวนิโรธา ชาตินิโรโธ’’ติ พุชฺฌิ, ‘‘ชาตินิโรธา ชรามรณนิโรโธ’’ติ พุชฺฌิ. ‘‘อิทํ ทุกฺข’’นฺติ พุชฺฌิ, ‘‘อยํ ทุกฺขสมุทโย’’ติ พุชฺฌิ, ‘‘อยํ ทุกฺขนิโรโธ’’ติ พุชฺฌิ, ‘‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินิปฏิปทา’’ติ พุชฺฌิ. ‘‘อิเม อาสวา’’ติ พุชฺฌิ, ‘‘อยํ อาสวสมุทโย’’ติ พุชฺฌิ…เป… ‘‘ปฏิปทา’’ติ พุชฺฌิ, ‘‘อิเม ธมฺมา อภิฺเยฺยา’’ติ พุชฺฌิ, ‘‘อิเม ธมฺมา ปหาตพฺพา’’ติ พุชฺฌิ, ‘‘อิเม ธมฺมา สจฺฉิกาตพฺพา’’ติ พุชฺฌิ, ‘‘อิเม ธมฺมา ภาเวตพฺพา’’ติ พุชฺฌิ. ฉนฺนํ ผสฺสายตนานํ สมุทยฺจ อตฺถงฺคมฺจ อสฺสาทฺจ อาทีนวฺจ นิสฺสรณฺจ พุชฺฌิ, ปฺจนฺนํ อุปาทานกฺขนฺธานํ สมุทยฺจ…เป… นิสฺสรณฺจ พุชฺฌิ, จตุนฺนํ มหาภูตานํ สมุทยฺจ อตฺถงฺคมฺจ อสฺสาทฺจ อาทีนวฺจ นิสฺสรณฺจ พุชฺฌิ, ‘‘ยํ กิฺจิ สมุทยธมฺมํ, สพฺพํ ตํ นิโรธธมฺม’’นฺติ พุชฺฌิ.

อถ วา ยํ พุชฺฌิตพฺพํ อนุพุชฺฌิตพฺพํ ปฏิพุชฺฌิตพฺพํ สมฺพุชฺฌิตพฺพํ อธิคนฺตพฺพํ ผสฺสิตพฺพํ สจฺฉิกาตพฺพํ, สพฺพํ ตํ เตน ปจฺเจกโพธิาเณน พุชฺฌิ อนุพุชฺฌิ ปฏิพุชฺฌิ สมฺพุชฺฌิ อธิคฺฉิ ผสฺเสสิ สจฺฉากาสีติ, เอวํ โส ปจฺเจกสมฺพุทฺโธ เอโก อนุตฺตรํ ปจฺเจกสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธติ เอโก.

จเรติ อฏฺ จริยาโย (จูฬนิ. ขคฺควิสาณสุตฺตนิทฺเทส ๑๒๑) – อิริยาปถจริยา, อายตนจริยา, สติจริยา, สมาธิจริยา, าณจริยา, มคฺคจริยา, ปตฺติจริยา, โลกตฺถจริยา. อิริยาปถจริยาติ จตูสุ อิริยาปเถสุ, อายตนจริยาติ ฉสุ อชฺฌตฺติกพาหิเรสุ อายตเนสุ, สติจริยาติ จตูสุ สติปฏฺาเนสุ, สมาธิจริยาติ จตูสุ ฌาเนสุ, าณจริยาติ จตูสุ อริยสจฺเจสุ, มคฺคจริยาติ จตูสุ อริยมคฺเคสุ, ปตฺติจริยาติ จตูสุ สามฺผเลสุ, โลกตฺถจริยาติ ตถาคเตสุ อรหนฺเตสุ สมฺมาสมฺพุทฺเธสุ, ปเทสโต ปจฺเจกสมฺพุทฺเธสุ, ปเทสโต สาวเกสุ.

อิริยาปถจริยา จ ปณิธิสมฺปนฺนานํ, อายตนจริยา จ อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารานํ, สติจริยา จ อปฺปมาทวิหารีนํ, สมาธิจริยา จ อธิจิตฺตมนุยุตฺตานํ, าณจริยา จ พุทฺธิสมฺปนฺนานํ, มคฺคจริยา จ สมฺมาปฏิปนฺนานํ, ปตฺติจริยา จ อธิคตผลานํ, โลกตฺถจริยา จ ตถาคตานํ อรหนฺตานํ สมฺมาสมฺพุทฺธานํ, ปเทสโต ปจฺเจกสมฺพุทฺธานํ, ปเทสโต สาวกานํ. อิมา อฏฺ จริยาโย.

อปราปิ อฏฺ จริยาโย – อธิมุจฺจนฺโต สทฺธาย จรติ, ปคฺคณฺหนฺโต วีริเยน จรติ, อุปฏฺเปนฺโต สติยา จรติ, อวิกฺเขปํ กโรนฺโต สมาธินา จรติ, ปชานนฺโต ปฺาย จรติ, วิชานนฺโต วิฺาณจริยาย จรติ, เอวํ ปฏิปนฺนสฺส กุสลา ธมฺมา อายตนนฺติ อายตนจริยาย จรติ. เอวํ ปฏิปนฺโน วิเสสมธิคจฺฉตีติ วิเสสจริยาย จรติ. อิมา อฏฺ จริยาโย.

อปราปิ อฏฺ จริยาโย – ทสฺสนจริยา จ สมฺมาทิฏฺิยา, อภินิโรปนจริยา จ สมฺมาสงฺกปฺปสฺส, ปริคฺคหจริยา จ สมฺมาวาจาย, สมุฏฺานจริยา จ สมฺมากมฺมนฺตสฺส, โวทานจริยา จ สมฺมาอาชีวสฺส, ปคฺคหจริยา จ สมฺมาวายามสฺส, อุปฏฺานจริยา จ สมฺมาสติยา, อวิกฺเขปจริยา จ สมฺมาสมาธิสฺส. อิมา อฏฺ จริยาโย.

ขคฺควิสาณกปฺโปติ ยถา ขคฺคสฺส นาม วิสาณํ เอกเมว โหติ, อทุติยํ, เอวเมว โส ปจฺเจกสมฺพุทฺโธ ตกฺกปฺโป ตสฺสทิโส ตปฺปฏิภาโค. ยถา อติโลณํ วุจฺจติ โลณกปฺโป, อติติตฺตกํ วุจฺจติ ติตฺตกปฺโป, อติมธุรํ วุจฺจติ มธุรกปฺโป, อติอุณฺหํ วุจฺจติ อคฺคิกปฺโป, อติสีตํ วุจฺจติ หิมกปฺโป, มหาอุทกกฺขนฺโธ วุจฺจติ สมุทฺทกปฺโป, มหาภิฺาพลปฺปตฺโต สาวโก วุจฺจติ สตฺถุกปฺโปติ. เอวเมว โส ปจฺเจกสมฺพุทฺโธ ขคฺควิสาณกปฺโป, ขคฺควิสาณสทิโส ขคฺควิสาณปฏิภาโค เอโก อทุติโย มุตฺตพนฺธโน สมฺมา โลเก จรติ วิหรติ อิริยติ วตฺตติ ปาเลติ ยเปติ ยาเปตีติ เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป. เตนาหุ ปจฺเจกสมฺพุทฺธา –

‘‘สพฺเพสุ ภูเตสุ นิธาย ทณฺฑํ, อวิเหยํ อฺตรมฺปิ เตสํ;

น ปุตฺตมิจฺเฉยฺย กุโต สหายํ, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป.

‘‘สํสคฺคชาตสฺส ภวนฺติ สฺเนหา, สฺเนหนฺวยํ ทุกฺขมิทํ ปโหติ;

อาทีนวํ สฺเนหชํ เปกฺขมาโน; เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป.

‘‘มิตฺเต สุหชฺเช อนุกมฺปมาโน, หาเปติ อตฺถํ ปฏิพทฺธจิตฺโต;

เอตํ ภยํ สนฺถเว เปกฺขมาโน, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป.

‘‘วํโส วิสาโลว ยถา วิสตฺโต, ปุตฺเตสุ ทาเรสุ จ ยา อเปกฺขา;

วํเส กฬีโรว อสชฺชมาโน, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป.

‘‘มิโค อรฺมฺหิ ยถา อพทฺโธ, เยนิจฺฉกํ คจฺฉติ โคจราย;

วิฺู นโร เสริตํ เปกฺขมาโน, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป.

‘‘อามนฺตนา โหติ สหายมชฺเฌ, วาเส จ าเน คมเน จาริกาย;

อนภิชฺฌิตํ เสริตํ เปกฺขมาโน, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป.

‘‘ขิฑฺฑา รตี โหติ สหายมชฺเฌ, ปุตฺเตสุ เปมํ วิปุลฺจ โหติ;

ปิยวิปฺปโยคํ วิชิคุจฺฉมาโน, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป.

‘‘จาตุทฺทิโส อปฺปฏิโฆ จ โหติ, สนฺตุสฺสมาโน อิตรีตเรน;

ปริสฺสยานํ สหิตา อฉมฺภี, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป.

‘‘ทุสฺสงฺคหา ปพฺพชิตาปิ เอเก, อโถ คหฏฺา ฆรมาวสนฺตา;

อปฺโปสฺสุกฺโก ปรปุตฺเตสุ หุตฺวา, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป.

‘‘โอโรปยิตฺวา คิหิพฺยฺชนานิ, สฺฉินฺนปตฺโต ยถา โกวิฬาโร;

เฉตฺวาน วีโร คิหิพนฺธนานิ, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป.

‘‘สเจ ลเภถ นิปกํ สหายํ, สทฺธึ จรํ สาธุวิหาริธีรํ;

อภิภุยฺย สพฺพานิ ปริสฺสยานิ, จเรยฺย เตนตฺตมโน สตีมา.

‘‘โน เจ ลเภถ นิปกํ สหายํ, สทฺธึ จรํ สาธุวิหาริธีรํ;

ราชาว รฏฺํ วิชิตํ ปหาย, เอโก จเร มาตงฺครฺเว นาโค.

‘‘อทฺธา ปสํสาม สหายสมฺปทํ, เสฏฺา สมา เสวิตพฺพา สหายา;

เอเต อลทฺธา อนวชฺชโภชี, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป.

‘‘ทิสฺวา สุวณฺณสฺส ปภสฺสรานิ, กมฺมารปุตฺเตน สุนิฏฺิตานิ;

สงฺฆฏฺฏมานานิ ทุเว ภุชสฺมึ, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป.

‘‘เอวํ ทุตีเยน สหา มมสฺส, วาจาภิลาโป อภิสชฺชนา วา;

เอตํ ภยํ อายตึ เปกฺขมาโน, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป.

‘‘กามา หิ จิตฺรา มธุรา มโนรมา, วิรูปรูเปน มเถนฺติ จิตฺตํ;

อาทีนวํ กามคุเณสุ ทิสฺวา, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป.

‘‘อีตี จ คณฺโฑ จ อุปทฺทโว จ, โรโค จ สลฺลฺจ ภยฺจ เมตํ;

เอตํ ภยํ กามคุเณสุ ทิสฺวา, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป.

‘‘สีตฺจ อุณฺหฺจ ขุทํ ปิปาสํ, วาตาตเป ฑํสสรีสเป จ;

สพฺพานิเปตานิ อภิพฺภวิตฺวา, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป.

‘‘นาโคว ยูถานิ วิวชฺชยิตฺวา, สฺชาตขนฺโธ ปทุมี อุฬาโร;

ยถาภิรนฺตํ วิหรํ อรฺเ, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป.

‘‘อฏฺานตํ สงฺคณิการตสฺส, ยํ ผสฺสเย สามยิกํ วิมุตฺตึ;

อาทิจฺจพนฺธุสฺส วโจ นิสมฺม, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป.

‘‘ทิฏฺีวิสูกานิ อุปาติวตฺโต, ปตฺโต นิยามํ ปฏิลทฺธมคฺโค;

อุปฺปนฺนาโณมฺหิ อนฺเนยฺโย, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป.

‘‘นิลฺโลลุโป นิกฺกุโห นิปฺปิปาโส, นิมฺมกฺข นิทฺธนฺตกสาวโมโห;

นิราสโย สพฺพโลเก ภวิตฺวา, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป.

‘‘ปาปํ สหายํ ปริวชฺชเยถ, อนตฺถทสฺสึ วิสเม นิวิฏฺํ;

สยํ น เสเว ปสุตํ ปมตฺตํ, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป.

‘‘พหุสฺสุตํ ธมฺมธรํ ภเชถ, มิตฺตํ อุฬารํ ปฏิภานวนฺตํ;

อฺาย อตฺถานิ วิเนยฺย กงฺขํ, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป.

‘‘ขิฑฺฑํ รตึ กามสุขฺจ โลเก, อนลงฺกริตฺวา อนเปกฺขมาโน;

วิภูสฏฺานา วิรโต สจฺจวาที, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป.

‘‘ปุตฺตฺจ ทารํ ปิตรฺจ มาตรํ, ธนานิ ธฺานิ จ พนฺธวานิ;

หิตฺวาน กามานิ ยโถธิกานิ, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป.

‘‘สงฺโค เอโส ปริตฺตเมตฺถ โสขฺยํ, อปฺปสฺสาโท ทุกฺขเมเวตฺถ ภิยฺโย;

คโฬ เอโส อิติ ตฺวา มติมา, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป.

‘‘สนฺทาลยิตฺวาน สํโยชนานิ, ชาลํว เภตฺวา สลิลมฺพุจารี,

อคฺคีว ทฑฺฒํ อนิวตฺตมาโน, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป.

‘‘โอกฺขิตฺตจกฺขู น จ ปาทโลโล, คุตฺตินฺทฺริโย รกฺขิตมานสาโน;

อนวสฺสุโต อปริฑยฺหมาโน, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป.

‘‘โอหารยิตฺวา คิหิพฺยฺชนานิ, สฺฉนฺนปตฺโต ยถา ปาริฉตฺโต;

กาสายวตฺโถ อภินิกฺขมิตฺวา, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป.

‘‘รเสสุ เคธํ อกรํ อโลโล, อนฺโปสี สปทานจารี;

กุเล กุเล อปฺปฏิพทฺธจิตฺโต, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป.

‘‘ปหาย ปฺจาวรณานิ เจตโส, อุปกฺกิเลเส พฺยปนุชฺช สพฺเพ;

อนิสฺสิโต เฉชฺช สิเนหโทสํ, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป.

‘‘วิปิฏฺิกตฺวาน สุขฺจ ทุกฺขํ, ปุพฺเพว โสมนสฺสโทมนสฺสํ;

ลทฺธานุเปกฺขํ สมถํ วิสุทฺธํ, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป.

‘‘อารทฺธวีริโย ปรมตฺถปตฺติยา, อลีนจิตฺโต อกุสีตวุตฺติ;

ทฬฺหนิกฺกโม ถามพลูปปนฺโน, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป.

‘‘ปฏิสลฺลานํ ฌานมริฺจมาโน, ธมฺเมสุ นิจฺจํ อนุธมฺมจารี;

อาทีนวํ สมฺมสิตา ภเวสุ, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป.

‘‘ตณฺหกฺขยํ ปตฺถยมปฺปมตฺโต, อเนฬมูโค สุตวา สตีมา;

สงฺขาตธมฺโม นิยโต ปธานวา, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป.

‘‘สีโหว สทฺเทสุ อสนฺตสนฺโต, วาโตว ชาลมฺหิ อสชฺชมาโน;

ปทุมํว โตเยน อลิมฺปมาโน, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป.

‘‘สีโห ยถา ทาพลี ปสยฺห, ราชา มิคานํ อภิภุยฺย จารี;

เสเวถ ปนฺตานิ เสนาสนานิ, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป.

‘‘เมตฺตํ อุเปกฺขํ กรุณํ วิมุตฺตึ, อาเสวมาโน มุทิตฺจ กาเล;

สพฺเพน โลเกน อวิรุชฺฌมาโน, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป.

‘‘ราคฺจ โทสฺจ ปหาย โมหํ, สนฺทาลยิตฺวาน สํโยชนานิ;

อสนฺตสํ ชีวิตสงฺขยมฺหิ, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป.

‘‘ภชนฺติ เสวนฺติ จ การณตฺถา, นิกฺการณา ทุลฺลภา อชฺช มิตฺตา;

อตฺตตฺถปฺา อสุจีมนุสฺสา, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ.

ตตฺถ สพฺเพสุ ภูเตสูติ ขคฺควิสาณปจฺเจกพุทฺธาปทานสุตฺตํ. กา อุปฺปตฺติ? สพฺพสุตฺตานํ จตุพฺพิธา อุปฺปตฺติ – อตฺตชฺฌาสยโต, ปรชฺฌาสยโต, อฏฺุปฺปตฺติโต, ปุจฺฉาวสิโตติ. ตตฺถ ขคฺควิสาณสุตฺตสฺส อวิเสเสน ปุจฺฉาวสิโต อุปฺปตฺติ. วิเสเสน ปน ยสฺมา เอตฺถ กาจิ คาถา เตน เตน ปจฺเจกพุทฺเธน ปุฏฺเน วุตฺตา, กาจิ อปุฏฺเน อตฺตนา อธิคตมคฺคนยานุรูปํ อุทานํเยว อุทาเนนฺเตน, ตสฺมา กายจิ คาถาย ปุจฺฉาวสิโต, กายจิ อตฺตชฺฌาสยโต อุปฺปตฺติ. ตตฺถ ยา อยํ อวิเสเสน ปุจฺฉาวสิโต อุปฺปตฺติ, สา อาทิโต ปภุติ เอวํ เวทิตพฺพา –

เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ. อถ โข อายสฺมโต อานนฺทสฺส รโหคตสฺส ปฏิสลฺลีนสฺส เอวํ เจตโส ปริวิตกฺโก อุทปาทิ – ‘‘พุทฺธานํ ปตฺถนา จ อภินีหาโร จ ทิสฺสติ, ตถา สาวกานํ, ปจฺเจกพุทฺธานํ น ทิสฺสติ, ยํนูนาหํ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺเฉยฺย’’นฺติ? โส ปฏิสลฺลานา วุฏฺิโต ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ยถากฺกเมน เอตมตฺถํ ปุจฺฉิ. อถสฺส ภควา ปุพฺพโยคาวจรสุตฺตํ อภาสิ –

‘‘ปฺจิเม, อานนฺท, อานิสํสา ปุพฺพโยคาวจเร ทิฏฺเว ธมฺเม ปฏิกจฺเจว อฺํ อาราเธติ. โน เจ ทิฏฺเว ธมฺเม ปฏิกจฺเจว อฺํ อาราเธติ, อถ มรณกาเล อฺํ อาราเธติ. อถ เทวปุตฺโต สมาโน อฺํ อาราเธติ. อถ พุทฺธานํ สมฺมุขีภาเว ขิปฺปาภิฺโ โหติ. อถ ปจฺฉิเม กาเล ปจฺเจกสมฺพุทฺโธ โหตี’’ติ.

เอวํ วตฺวา ปุน อาห –

‘‘ปจฺเจกสมฺพุทฺธา นาม, อานนฺท, อภินีหารสมฺปนฺนา ปุพฺพโยคาวจรา โหนฺติ, ตสฺมา ปจฺเจกพุทฺธพุทฺธสาวกานํ สพฺเพสํ ปตฺถนา จ อภินีหาโร จ อิจฺฉิตพฺโพ’’ติ.

โส อาห – ‘‘พุทฺธานํ, ภนฺเต, ปตฺถนา กีว จิรํ วฏฺฏตี’’ติ. พุทฺธานํ, อานนฺท, เหฏฺิมปริจฺเฉเทน จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ กปฺปสตสหสฺสฺจ, มชฺฌิมปริจฺเฉเทน อฏฺ อสงฺขฺเยยฺยานิ กปฺปสตสหสฺสฺจ, อุปริมปริจฺเฉเทน โสฬส อสงฺขฺเยยฺยานิ กปฺปสตสหสฺสฺจ. เอเต จ เภทา ปฺาธิกสทฺธาธิกวีริยาธิกานํ วเสน าตพฺพา. ปฺาธิกานฺหิ สทฺธา มนฺทา โหติ, ปฺา ติกฺขา. สทฺธาธิกานํ ปฺา มชฺฌิมา โหติ, สทฺธา ติกฺขา. วีริยาธิกานํ สทฺธา ปฺา มนฺทา โหติ, วีริยํ ติกฺขนฺติ. อปฺปตฺวา ปน จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ กปฺปสตสหสฺสฺจ ทิวเส ทิวเส เวสฺสนฺตรทานสทิสํ ทานํ เทนฺโตปิ ตทนุรูเป สีลาทิปารมิธมฺเม อาจินนฺโตปิ อนฺตรา พุทฺโธ ภวิสฺสตีติ เนตํ านํ วิชฺชติ. กสฺมา? าณํ คพฺภํ น คณฺหาติ, เวปุลฺลํ นาปชฺชติ, ปริปากํ น คจฺฉตีติ. ยถา นาม ติมาสจตุมาสปฺจมาสจฺจเยน นิปฺผชฺชนกํ สสฺสํ ตํ ตํ กาลํ อปฺปตฺวา ทิวเส ทิวเส สตกฺขตฺตุํ สหสฺสกฺขตฺตุํ เกฬายนฺโตปิ อุทเกน สิฺจนฺโตปิ อนฺตรา ปกฺเขน วา มาเสน วา นิปฺผาเทสฺสตีติ เนตํ านํ วิชฺชติ. กสฺมา? สสฺสํ คพฺภํ น คณฺหาติ, เวปุลฺลํ นาปชฺชติ, ปริปากํ น คจฺฉตีติ. เอวเมวํ อปฺปตฺวา จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ กปฺปสตสหสฺสฺจ อนฺตรา พุทฺโธ ภวิสฺสตีติ เนตํ านํ วิชฺชติ. ตสฺมา ยถาวุตฺตเมว กาลํ ปารมิปูรณํ กาตพฺพํ าณปริปากตฺถาย. เอตฺตเกนาปิ จ กาเลน พุทฺธตฺตํ ปตฺถยโต อภินีหารกรเณ อฏฺ สมฺปตฺติโย อิจฺฉิตพฺพา. อยฺหิ –

‘‘มนุสฺสตฺตํ ลิงฺคสมฺปตฺติ, เหตุ สตฺถารทสฺสนํ;

ปพฺพชฺชา คุณสมฺปตฺติ, อธิกาโร จ ฉนฺทตา;

อฏฺธมฺมสโมธานา, อภินีหาโร สมิชฺฌติ’’. (พุ. วํ. ๒.๕๙);

อภินีหาโรติ มูลปณิธานสฺเสตํ อธิวจนํ. ตตฺถ มนุสฺสตฺตนฺติ มนุสฺสชาติ. อฺตฺร หิ มนุสฺสชาติยา อวเสสชาตีสุ เทวชาติยมฺปิ ิตสฺส ปณิธิ น อิชฺฌติ, ตตฺถ ิเตน ปน พุทฺธตฺตํ ปตฺถยนฺเตน ทานาทีนิ ปุฺกมฺมานิ กตฺวา มนุสฺสตฺตํเยว ปตฺเถตพฺพํ, ตตฺถ ตฺวา ปณิธิ กาตพฺโพ. เอวฺหิ สมิชฺฌติ. ลิงฺคสมฺปตฺตีติ ปุริสภาโว. มาตุคามนปุํสกอุภโตพฺยฺชนกานฺหิ มนุสฺสชาติยํ ิตานมฺปิ ปณิธิ น อิชฺฌติ. ตตฺถ ิเตน ปน พุทฺธตฺตํ ปตฺเถนฺเตน ทานาทีนิ ปุฺกมฺมานิ กตฺวา ปุริสภาโวเยว ปตฺเถตพฺโพ, ตตฺถ ตฺวา ปณิธิ กาตพฺโพ. เอวฺหิ สมิชฺฌติ. เหตูติ อรหตฺตสฺส อุปนิสฺสยสมฺปตฺติ. โย หิ ตสฺมึ อตฺตภาเว วายมนฺโต อรหตฺตํ ปาปุณิตุํ สมตฺโถ, ตสฺส ปณิธิ สมิชฺฌติ, โน อิตรสฺส ยถา สุเมธปณฺฑิตสฺส. โส หิ ทีปงฺกรปาทมูเล ปพฺพชิตฺวา เตนตฺตภาเวน อรหตฺตํ ปาปุณิตุํ สมตฺโถ อโหสิ. สตฺถารทสฺสนนฺติ พุทฺธานํ สมฺมุขาทสฺสนํ. เอวฺหิ อิชฺฌติ, โน อฺถา ยถา สุเมธปณฺฑิตสฺส. โส หิ ทีปงฺกรํ สมฺมุขา ทิสฺวา ปณิธึ อกาสิ. ปพฺพชฺชาติ อนคาริยภาโว. โส จ โข สาสเน วา กมฺมวาทิกิริยวาทิตาปสปริพฺพาชกนิกาเย วา วฏฺฏติ ยถา สุเมธปณฺฑิตสฺส. โส หิ สุเมโธ นาม ตาปโส หุตฺวา ปณิธึ อกาสิ. คุณสมฺปตฺตีติ ฌานาทิคุณปฏิลาโภ. ปพฺพชิตสฺสปิ หิ คุณสมฺปนฺนสฺเสว อิชฺฌติ, โน อิตรสฺส ยถา สุเมธปณฺฑิตสฺส. โส หิ ปฺจาภิฺโ จ อฏฺสมาปตฺติลาภี จ หุตฺวา ปณิเธสิ. อธิกาโรติ อธิกกาโร, ปริจฺจาโคติ อตฺโถ. ชีวิตาทิปริจฺจาคฺหิ กตฺวา ปณิทหโตเยว อิชฺฌติ, โน อิตรสฺส ยถา สุเมธปณฺฑิตสฺส. โส หิ –

‘‘อกฺกมิตฺวาน มํ พุทฺโธ, สห สิสฺเสหิ คจฺฉตุ;

มา นํ กลเล อกฺกมิตฺถ, หิตาย เม ภวิสฺสตี’’ติ. (พุ. วํ. ๒.๕๓);

เอวํ อตฺตปริจฺจาคํ กตฺวา ปณิเธสิ. ฉนฺทตาติ กตฺตุกมฺยตา. สา ยสฺส พลวตี โหติ, ตสฺส อิชฺฌติ ปณิธิ. สา จ สเจ โกจิ วเทยฺย ‘‘โก จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ กปฺปสตสหสฺสฺจ นิรเย ปจฺจิตฺวา พุทฺธตฺตํ อิจฺฉตี’’ติ. ตํ สุตฺวา โย ‘‘อห’’นฺติ วตฺตุํ อุสฺสหติ, ตสฺส พลวตีติ เวทิตพฺพา. ตถา ยทิ โกจิ วเทยฺย ‘‘โก สกลจกฺกวาฬํ วีตจฺจิกานํ องฺคารานํ ปูรํ อกฺกมิตฺวา พุทฺธตฺตํ อิจฺฉติ, โก สกลจกฺกวาฬํ สตฺติสูเลหิ อากิณฺณํ อกฺกมนฺโต อติกฺกมิตฺวา พุทฺธตฺตํ อิจฺฉติ, โก สกลจกฺกวาฬํ สมติตฺติกํ อุทกปุณฺณํ อุตฺตริตฺวา พุทฺธตฺตํ อิจฺฉติ, โก สกลจกฺกวาฬํ นิรนฺตรํ เวฬุคุมฺพสฺฉนฺนํ มทฺทนฺโต อติกฺกมิตฺวา พุทฺธตฺตํ อิจฺฉตี’’ติ, ตํ สุตฺวา โย ‘‘อห’’นฺติ วตฺตุํ อุสฺสหติ, ตสฺส พลวตีติ เวทิตพฺพา. เอวรูเปน จ กตฺตุกมฺยตาฉนฺเทน สมนฺนาคโต สุเมธปณฺฑิโต ปณิเธสีติ.

เอวํ สมิทฺธาภินีหาโร จ โพธิสตฺโต อิมานิ อฏฺารส อภพฺพฏฺานานิ น อุเปติ. โส หิ ตโต ปภุติ น ชจฺจนฺโธ โหติ น ชจฺจปธิโร, น อุมฺมตฺตโก, น เอฬมุโค, น ปีสปฺปิ, น มิลกฺเขสุ อุปฺปชฺชติ, น ทาสิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺตติ, น นิยตมิจฺฉาทิฏฺิโก โหติ, นาสฺส ลิงฺคํ ปริวตฺตติ, น ปฺจานนฺตริยกมฺมานิ กโรติ, น กุฏฺี โหติ, น ติรจฺฉานโยนิยํ วฏฺฏกโต ปจฺฉิมตฺตภาโว หตฺถิโต อธิกตฺตภาโว โหติ, น ขุปฺปิปาสิกนิชฺฌามตณฺหิกเปเตสุ อุปฺปชฺชติ, น กาลกฺจิกาสุเรสุ, น อวีจินิรเย, น โลกนฺตริเกสุ อุปฺปชฺชติ. กามาวจเรสุ ปน น มาโร โหติ, รูปาวจเรสุ น อสฺีภเว, น สุทฺธาวาเสสุ อุปฺปชฺชติ, น อรูปภเวสุ, น อฺํ จกฺกวาฬํ สงฺกมติ.

ยา จิมา อุสฺสาโห จ อุมฺมงฺโค จ อวตฺถานฺจ หิตจริยา จาติ จตสฺโส พุทฺธภูมิโย, ตาหิ สมนฺนาคโต โหติ. ตตฺถ –

‘‘อุสฺสาโห วีริยํ วุตฺตํ, อุมฺมงฺโค ปฺา ปวุจฺจติ;

อวตฺถานํ อธิฏฺานํ, หิตจริยา เมตฺตาภาวนา’’ติ. –

เวทิตพฺพา. เย จ อิเม เนกฺขมฺมชฺฌาสโย, ปวิเวกชฺฌาสโย, อโลภชฺฌาสโย, อโทสชฺฌาสโย, อโมหชฺฌาสโย, นิสฺสรณชฺฌาสโยติ ฉ อชฺฌาสยา โพธิปริปากาย สํวตฺตนฺติ, เยหิ สมนฺนาคตตฺตา เนกฺขมฺมชฺฌาสยา จ โพธิสตฺตา กาเมสุ โทสทสฺสาวิโน, ปวิเวกชฺฌาสยา จ โพธิสตฺตา สงฺคณิกาย โทสทสฺสาวิโน, อโลภชฺฌาสยา จ โพธิสตฺตา โลเภ โทสทสฺสาวิโน, อโทสชฺฌาสยา จ โพธิสตฺตา โทเส โทสทสฺสาวิโน, อโมหชฺฌาสยา จ โพธิสตฺตา โมเห โทสทสฺสาวิโน, นิสฺสรณชฺฌาสยา จ โพธิสตฺตา สพฺพภเวสุ โทสทสฺสาวิโนติ วุจฺจนฺติ, เตหิ จ สมนฺนาคโต โหติ.

ปจฺเจกพุทฺธานํ ปน กีว จิรํ ปตฺถนา วฏฺฏตีติ? ปจฺเจกพุทฺธานํ ทฺเว อสงฺขฺเยยฺยานิ กปฺปสตสหสฺสฺจ, ตโต โอรํ น สกฺกา, ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนเวตฺถ การณํ เวทิตพฺพํ. เอตฺตเกนาปิ จ กาเลน ปจฺเจกพุทฺธตฺตํ ปตฺถยโต อภินีหารกรเณ ปฺจ สมฺปตฺติโย อิจฺฉิตพฺพา. เตสฺหิ –

‘‘มนุสฺสตฺตํ ลิงฺคสมฺปตฺติ, วิคตาสวทสฺสนํ;

อธิกาโร จ ฉนฺทตา, เอเต อภินีหารการณา’’.

ตตฺถ วิคตาสวทสฺสนนฺติ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธพุทฺธสาวกานํ ยสฺส กสฺสจิ ทสฺสนนฺติ อตฺโถ. เสสํ วุตฺตนยเมว.

อถ ‘‘สาวกานํ ปตฺถนา กิตฺตกํ วฏฺฏตี’’ติ? ทฺวินฺนํ อคฺคสาวกานํ เอกํ อสงฺขฺเยยฺยํ กปฺปสตสหสฺสฺจ, อสีติมหาสาวกานํ กปฺปสตสหสฺสเมว. ตถา พุทฺธสฺส มาตาปิตูนํ อุปฏฺากสฺส ปุตฺตสฺส จาติ, ตโต โอรํ น สกฺกา, ตตฺถ การณํ วุตฺตนยเมว. อิเมสํ ปน สพฺเพสมฺปิ อธิกาโร จ ฉนฺทตาติ ทฺวงฺคสมนฺนาคโตเยว อภินีหาโร โหติ.

เอวํ อิมาย ปตฺถนาย อิมินา จ อภินีหาเรน ยถาวุตฺตปฺปเภทํ กาลํ ปารมิโย ปูเรตฺวา พุทฺธา โลเก อุปฺปชฺชนฺตา ขตฺติยกุเล วา พฺราหฺมณกุเล วา อุปฺปชฺชนฺติ, ปจฺเจกพุทฺธา ขตฺติยพฺราหฺมณคหปติกุลานํ อฺตรสฺมึ, อคฺคสาวกา ปน พุทฺธา วิย ขตฺติยพฺราหฺมณกุเลสฺเวว. สพฺพพุทฺธา สํวฏฺฏมาเน กปฺเป น อุปฺปชฺชนฺติ, วิวฏฺฏมาเน กปฺเป อุปฺปชฺชนฺติ, ตถา ปจฺเจกพุทฺธา. เต ปน พุทฺธานํ อุปฺปชฺชนกาเล น อุปฺปชฺชนฺติ. พุทฺธา สยฺจ พุชฺฌนฺติ, ปเร จ โพเธนฺติ. ปจฺเจกพุทฺธา สยเมว พุชฺฌนฺติ, น ปเร โพเธนฺติ. อตฺถรสเมว ปฏิวิชฺฌนฺติ, น ธมฺมรสํ. น หิ เต โลกุตฺตรธมฺมํ ปฺตฺตึ อาโรเปตฺวา เทเสตุํ สกฺโกนฺติ, มูเคน ทิฏฺสุปิโน วิย วนจรเกน นคเร สายิตพฺยฺชนรโส วิย จ เนสํ ธมฺมาภิสมโย โหติ. สพฺพํ อิทฺธิสมาปตฺติปฏิสมฺภิทาปเภทํ ปาปุณนฺติ. คุณวิสิฏฺตาย พุทฺธานํ เหฏฺา สาวกานํ อุปริ โหนฺติ, น อฺเ ปพฺพาเชตฺวา อาภิสมาจาริกํ สิกฺขาเปนฺติ, ‘‘จิตฺตสลฺเลโข กาตพฺโพ, โวสานํ นาปชฺชิตพฺพ’’นฺติ อิมินา อุทฺเทเสน อุโปสถํ กโรนฺติ, อชฺช อุโปสโถติ วจนมตฺเตน วา, อุโปสถํ กโรนฺตา จ คนฺธมาทเน มฺชูสกรุกฺขมูเล รตนมาเฬ สนฺนิปติตฺวา กโรนฺตีติ. เอวํ ภควา อายสฺมโต อานนฺทสฺส ปจฺเจกพุทฺธานํ สพฺพาการปริปูรํ ปตฺถนฺจ อภินีหารฺจ กเถตฺวา อิทานิ อิมาย ปตฺถนาย อิมินา จ อภินีหาเรน สมุทาคเต เต เต ปจฺเจกพุทฺเธ กเถตุํ ‘‘สพฺเพสุ ภูเตสุ นิธาย ทณฺฑ’’นฺติอาทินา นเยน อิมํ ขคฺควิสาณสุตฺตํ อภาสิ. อยํ ตาว อวิเสเสน ปุจฺฉาวสิโต ขคฺควิสาณสุตฺตสฺส อุปฺปตฺติ.

อิทานิ วิเสเสน วตฺตพฺพา. ตตฺถ อิมิสฺสา ตาว คาถาย เอวํ อุปฺปตฺติ เวทิตพฺพา – อยํ กิร ปจฺเจกพุทฺโธ ปจฺเจกโพธิสตฺตภูมึ โอคาหนฺโต ทฺเว อสงฺขฺเยยฺยานิ กปฺปสตสหสฺสฺจ ปารมิโย ปูเรตฺวา กสฺสปสฺส ภควโต สาสเน ปพฺพชิตฺวา อารฺิโก หุตฺวา คตปจฺจาคตวตฺตํ ปูเรนฺโต สมณธมฺมํ อกาสิ. เอตํ กิร วตฺตํ อปริปูเรตฺวา ปจฺเจกโพธึ ปาปุณนฺโต นาม นตฺถิ. กึ ปเนตํ คตปจฺจาคตวตฺตํ นาม? หรณปจฺจาหรณนฺติ. ตํ ยถา วิภูตํ โหติ, ตถา กเถสฺสาม.

อิธ เอกจฺโจ ภิกฺขุ หรติ น ปจฺจาหรติ, เอกจฺโจ ปจฺจาหรติ น หรติ, เอกจฺโจ เนว หรติ น ปจฺจาหรติ, เอกจฺโจ หรติ จ ปจฺจาหรติ จ. ตตฺถ โย ภิกฺขุ ปเคว วุฏฺาย เจติยงฺคณโพธิยงฺคณวตฺตํ กตฺวา โพธิรุกฺเข อุทกํ อาสิฺจิตฺวา ปานียฆฏํ ปูเรตฺวา ปานียมาเฬ เปตฺวา อาจริยวตฺตํ อุปชฺฌายวตฺตํ กตฺวา ทฺเวอสีติ ขนฺธกวตฺตานิ จ จุทฺทส มหาวตฺตานิ สมาทาย วตฺตติ. โส สรีรปริกมฺมํ กตฺวา เสนาสนํ ปวิสิตฺวา ยาว ภิกฺขาจารเวลา, ตาว วิวิตฺตาสเน วีตินาเมตฺวา เวลํ ตฺวา นิวาเสตฺวา กายพนฺธนํ พนฺธิตฺวา อุตฺตราสงฺคํ กตฺวา สงฺฆาฏึ ขนฺเธ กริตฺวา ปตฺตํ อํเส อาลคฺเคตฺวา กมฺมฏฺานํ มนสิ กโรนฺโต เจติยงฺคณํ คนฺตฺวา เจติยฺจ โพธิฺจ วนฺทิตฺวา คามสมีเป จีวรํ ปารุปิตฺวา ปตฺตํ อาทาย คามํ ปิณฺฑาย ปวิสติ. เอวํ ปวิฏฺโ จ ลาภี ภิกฺขุ ปุฺวา อุปาสเกหิ สกฺกโต ครุกโต อุปฏฺากกุเล วา ปฏิกฺกมนสาลายํ วา ปฏิกฺกมิตฺวา อุปาสเกหิ ตํ ตํ ปฺหํ ปุจฺฉิยมาโน เตสํ ปฺหวิสฺสชฺชเนน ธมฺมเทสนาวิกฺเขเปน จ ตํ มนสิการํ ฉฑฺเฑตฺวา นิกฺขมติ. วิหารํ อาคโตปิ ภิกฺขูหิ ปฺหํ ปุฏฺโ กเถติ, ธมฺมํ ภณติ, ตํ ตํ พฺยาปารฺจ อาปชฺชติ. ปจฺฉาภตฺตมฺปิ ปุริมยามมฺปิ มชฺฌิมยามมฺปิ เอวํ ภิกฺขูหิ สทฺธึ ปปฺเจตฺวา กายทุฏฺุลฺลาภิภูโต ปจฺฉิมยาเมปิ สยติ, เนว กมฺมฏฺานํ มนสิ กโรติ. อยํ วุจฺจติ ‘‘หรติ น ปจฺจาหรตี’’ติ.

โย ปน พฺยาธิพหุโล โหติ, ภุตฺตาหาโร ปจฺจูสสมเย น สมฺมา ปริณมติ. ปเคว วุฏฺาย ยถาวุตฺตํ วตฺตํ กาตุํ น สกฺโกติ กมฺมฏฺานํ วา มนสิ กาตุํ, อฺทตฺถุ ยาคุํ วา ขชฺชกํ วา เภสชฺชํ วา ภตฺตํ วา ปตฺถยมาโน กาลสฺเสว ปตฺตจีวรมาทาย คามํ ปวิสติ. ตตฺถ ยาคุํ วา ขชฺชกํ วา เภสชฺชํ วา ภตฺตํ วา ลทฺธา ปตฺตํ นีหริตฺวา ภตฺตกิจฺจํ นิฏฺาเปตฺวา ปฺตฺตาสเน นิสินฺโน กมฺมฏฺานํ มนสิ กริตฺวา วิเสสํ ปตฺวา วา อปตฺวา วา วิหารํ อาคนฺตฺวา เตเนว มนสิกาเรน วิหรติ. อยํ วุจฺจติ ‘‘ปจฺจาหรติ น หรตี’’ติ. เอทิสา หิ ภิกฺขู ยาคุํ ปิวิตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา พุทฺธสาสเน อรหตฺตํ ปตฺตา คณนปถํ วีติวตฺตา, สีหฬทีเปเยว เตสุ เตสุ คาเมสุ อาสนสาลายํ ตํ อาสนํ นตฺถิ, ยตฺถ ภิกฺขู นิสินฺนา ยาคุํ ปิวิตฺวา อรหตฺตํ อปฺปตฺตา.

โย ปน ปมาทวิหารี โหติ นิกฺขิตฺตธุโร, สพฺพวตฺตานิ ภินฺทิตฺวา ปฺจวิธเจโตขิลวินิพนฺธนพทฺธจิตฺโต วิหรนฺโต กมฺมฏฺานมนสิการมนนุยุตฺโต คามํ ปิณฺฑาย ปวิสิตฺวา คิหีหิ สทฺธึ กถาปปฺเจน ปปฺจิโต ตุจฺฉโกว นิกฺขมติ. อยํ วุจฺจติ ‘‘เนว หรติ น ปจฺจาหรตี’’ติ.

โย ปน ปเคว วุฏฺาย ปุริมนเยเนว สพฺพวตฺตานิ ปริปูเรตฺวา ยาว ภิกฺขาจารเวลา, ตาว ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา กมฺมฏฺานํ มนสิ กโรติ. กมฺมฏฺานํ นาม ทุวิธํ – สพฺพตฺถกฺจ ปาริหาริยฺจ. ตตฺถ สพฺพตฺถกํ นาม เมตฺตา จ มรณานุสฺสติ จ. ตฺหิ สพฺพตฺถ อตฺถยิตพฺพํ อิจฺฉิตพฺพนฺติ ‘‘สพฺพตฺถก’’นฺติ วุจฺจติ. เมตฺตา นาม อาวาสาทีสุ สพฺพตฺถ อิจฺฉิตพฺพา. อาวาเสสุ หิ เมตฺตาวิหารี ภิกฺขุ สพฺรหฺมจารีนํ ปิโย โหติ มนาโป, เตน ผาสุ อสงฺฆฏฺโ วิหรติ. เทวตาสุ เมตฺตาวิหารี เทวตาหิ รกฺขิตโคปิโต สุขํ วิหรติ. ราชราชมหามตฺตาทีสุ เมตฺตาวิหารี เตหิ มมายิโต สุขํ วิหรติ. คามนิคมาทีสุ เมตฺตาวิหารี สพฺพตฺถ ภิกฺขาจริยาทีสุ มนุสฺเสหิ สกฺกโต ครุกโต สุขํ วิหรติ. มรณานุสฺสติภาวนาย ชีวิตนิกนฺตึ ปหาย อปฺปมตฺโต วิหรติ.

ยํ ปน สทา ปริหริตพฺพํ จริยานุกูเลน คหิตํ. ตํ ทสาสุภกสิณานุสฺสตีสุ อฺตรํ, จตุธาตุววตฺถานเมว วา, ตํ สทา ปริหริตพฺพโต รกฺขิตพฺพโต ภาเวตพฺพโต จ ‘‘ปาริหาริย’’นฺติ วุจฺจติ, มูลกมฺมฏฺานนฺติปิ ตเทว. อตฺถกามา หิ กุลปุตฺตา สาสเน ปพฺพชิตฺวา ทสปิ วีสมฺปิ ตึสมฺปิ จตฺตาลีสมฺปิ ปฺาสมฺปิ สตมฺปิ เอกโต วสนฺตา กติกวตฺตํ กตฺวา วิหรนฺติ – ‘‘อาวุโส, ตุมฺเห น อิณฏฺฏา น ภยฏฺฏา น ชีวิกาปกตา ปพฺพชิตา, ทุกฺขา มุจฺจิตุกามา ปเนตฺถ ปพฺพชิตา. ตสฺมา คมเน อุปฺปนฺนกิเลเส คมเนเยว นิคฺคณฺหถ, าเน, นิสชฺชาย, สยเน อุปฺปนฺนกิเลเส สยเนเยว นิคฺคณฺหถา’’ติ.

เต เอวํ กติกวตฺตํ กตฺวา ภิกฺขาจารํ คจฺฉนฺตา อฑฺฒอุสภอุสภอฑฺฒคาวุตคาวุตนฺตเรสุ ปาสาณา โหนฺติ, ตาย สฺาย กมฺมฏฺานํ มนสิกโรนฺตาว คจฺฉนฺติ. สเจ กสฺสจิ คมเน กิเลโส อุปฺปชฺชติ, โส ตตฺเถว นํ นิคฺคณฺหาติ. ตถา อสกฺโกนฺโต ติฏฺติ, อถสฺส ปจฺฉโต อาคจฺฉนฺโตปิ ติฏฺติ. โส ‘‘อยํ ภิกฺขุ ตุยฺหํ อุปฺปนฺนํ วิตกฺกํ ชานาติ, อนนุจฺฉวิกํ เต เอต’’นฺติ อตฺตานํ ปฏิโจเทตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา ตตฺเถว อริยภูมึ โอกฺกมติ. ตถา อสกฺโกนฺโต นิสีทติ. อถสฺส ปจฺฉโต อาคจฺฉนฺโตปิ นิสีทตีติ. โสเยว นโย อริยภูมึ โอกฺกมิตุํ อสกฺโกนฺโตปิ ตํ กิเลสํ วิกฺขมฺเภตฺวา กมฺมฏฺานํ มนสิกโรนฺโตว คจฺฉติ, น กมฺมฏฺานวิปฺปยุตฺเตน จิตฺเตน ปาทํ อุทฺธรติ. อุทฺธรติ เจ, ปฏินิวตฺติตฺวา ปุริมปเทเสเยว ติฏฺติ. อาลินฺทกวาสี มหาผุสฺสเทวตฺเถโร วิย.

โส กิร เอกูนวีสติวสฺสานิ คตปจฺจาคตวตฺตํ ปูเรนฺโต เอวํ วิหาสิ. มนุสฺสาปิ สุทํ อนฺตรามคฺเค กสนฺตา จ วปนฺตา จ มทฺทนฺตา จ กมฺมานิ กโรนฺตา จ เถรํ ตถา คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ เถโร ปุนปฺปุนํ นิวตฺติตฺวา คจฺฉติ, กึ นุ โข มคฺคมูฬฺโห, อุทาหุ กิฺจิ ปมุฏฺโ’’ติ สมุลฺลปนฺติ. โส ตํ อนาทิยิตฺวา กมฺมฏฺานยุตฺเตน จิตฺเตเนว สมณธมฺมํ กโรนฺโต วีสติวสฺสพฺภนฺตเร อรหตฺตํ ปาปุณิ. อรหตฺตปตฺตทิวเสเยวสฺส จงฺกมนโกฏิยํ อธิวตฺถา เทวตา องฺคุลีหิ ทีปํ อุชฺชาเลตฺวา อฏฺาสิ, จตฺตาโรปิ มหาราชาโน สกฺโก จ เทวานมินฺโท พฺรหฺมา จ สหมฺปติ อุปฏฺานํ อาคมึสุ. ตฺจ โอภาสํ ทิสฺวา วนวาสี มหาติสฺสตฺเถโร ตํ ทุติยทิวเส ปุจฺฉิ – ‘‘รตฺติภาเค อายสฺมโต สนฺติเก โอภาโส อโหสิ, กึ โส’’ติ? เถโร วิกฺเขปํ กโรนฺโต ‘‘โอภาโส นาม ทีโปภาโสปิ โหติ มณิโอภาโสปี’’ติ เอวมาทิมาห. โส ‘‘ปฏิจฺฉาเทถ ตุมฺเห’’ติ นิพทฺโธ ‘‘อามา’’ติ ปฏิชานิตฺวา อาโรเจสิ.

กาฬวลฺลิมณฺฑปวาสี มหานาคตฺเถโร วิย จ. โสปิ กิร คตปจฺจาคตวตฺตํ ปูเรนฺโต ‘‘ปมํ ตาว ภควโต มหาปธานํ ปูเชสฺสามี’’ติ สตฺต วสฺสานิ านจงฺกมเมว อธิฏฺาสิ, ปุน โสฬส วสฺสานิ คตปจฺจาคตวตฺตํ ปูเรตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. เอวํ กมฺมฏฺานมนุยุตฺตจิตฺเตเนว ปาทํ อุทฺธรนฺโต วิปฺปยุตฺเตน จิตฺเตน อุทฺธเฏ ปฏินิวตฺตนฺโต คามสมีปํ คนฺตฺวา ‘‘คาวี นุ โข ปพฺพชิโต นุ โข’’ติ อาสงฺกนียปฺปเทเส ตฺวา สงฺฆาฏึ ปารุปิตฺวา ปตฺตํ คเหตฺวา คามทฺวารํ ปตฺวา กจฺฉกนฺตรโต อุทกํ คเหตฺวา คณฺฑูสํ กตฺวา คามํ ปวิสติ ‘‘ภิกฺขํ วา ทาตุํ วนฺทิตุํ วา อุปคเต มนุสฺเส ‘ทีฆายุกา โหถา’ติ วจนมตฺเตนาปิ มา เม กมฺมฏฺานวิกฺเขโป อโหสี’’ติ. สเจ ปน นํ ‘‘อชฺช, ภนฺเต, กึ สตฺตมี, อุทาหุ อฏฺมี’’ติ ทิวสํ ปุจฺฉนฺติ, อุทกํ คิลิตฺวา อาโรเจติ. สเจ ทิวสปุจฺฉกา น โหนฺติ, นิกฺขมนเวลายํ คามทฺวาเร นิฏฺุภิตฺวาว ยาติ.

สีหฬทีเป กลมฺพติตฺถวิหาเร วสฺสูปคตา ปฺาส ภิกฺขู วิย จ. เต กิร วสฺสูปนายิกอุโปสถทิวเส กติกวตฺตํ อกํสุ – ‘‘อรหตฺตํ อปฺปตฺวา น อฺมฺํ อาลปิสฺสามา’’ติ. คามฺจ ปิณฺฑาย ปวิสนฺตา คามทฺวาเร อุทกคณฺฑูสํ กตฺวา ปวิสึสุ, ทิวเส ปุจฺฉิเต อุทกํ คิลิตฺวา อาโรเจสุํ, อปุจฺฉิเต คามทฺวาเร นิฏฺุภิตฺวา วิหารํ อาคมํสุ. ตตฺถ มนุสฺสา นิฏฺุภนฏฺานํ ทิสฺวา ชานึสุ – ‘‘อชฺช เอโก อาคโต, อชฺช ทฺเว’’ติ. เอวฺจ จินฺเตสุํ – ‘‘กึ นุ โข เอเต อมฺเหเหว สทฺธึ น สลฺลปนฺติ, อุทาหุ อฺมฺมฺปิ, ยทิ อฺมฺมฺปิ น สลฺลปนฺติ, อทฺธา วิวาทชาตา ภวิสฺสนฺติ, หนฺท เนสํ อฺมฺํ ขมาเปสฺสามา’’ติ. สพฺเพ วิหารํ อคมํสุ. ตตฺถ ปฺาสาย ภิกฺขูสุ วสฺสํ อุปคเตสุ ทฺเว ภิกฺขู เอโกกาเส นาทฺทสํสุ. ตโต เตสุ โย จกฺขุมา ปุริโส, โส เอวมาห – ‘‘น, โภ, กลหการกานํ วสโนกาโส อีทิโส โหติ, สุสมฺมฏฺํ เจติยงฺคณํ โพธิยงฺคณํ, สุนิกฺขิตฺตา สมฺมชฺชนิโย, สูปฏฺปิตํ ปานียปริโภชนีย’’นฺติ, เต ตโต นิวตฺตา. เตปิ ภิกฺขู อนฺโตวสฺเสเยว วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปตฺวา มหาปวารณาย วิสุทฺธิปวารณํ ปวาเรสุํ.

เอวํ กาฬวลฺลิมณฺฑปวาสี มหานาคตฺเถโร วิย กลมฺพติตฺถวิหาเร วสฺสูปคตา ภิกฺขู วิย จ กมฺมฏฺานยุตฺเตเนว จิตฺเตน ปาทํ อุทฺธรนฺโต คามสมีปํ คนฺตฺวา อุทกคณฺฑูสํ กตฺวา วีถิโย สลฺลกฺเขตฺวา ยตฺถ สุราโสณฺฑธุตฺตาทโย กลหการกา จณฺฑหตฺถิอสฺสาทโย วา นตฺถิ, ตํ วีถึ ปฏิปชฺชติ. ตตฺถ จ ปิณฺฑาย จรนฺโต น ตุริตตุริโต ชเวน คจฺฉติ, ชวนปิณฺฑปาติกธุตงฺคํ นาม นตฺถิ, วิสมภูมิภาคปฺปตฺตํ ปน อุทกภริตสกฏมิว นิจฺจโล หุตฺวา คจฺฉติ. อนุฆรํ ปวิฏฺโ จ ทาตุกามํ วา อทาตุกามํ วา สลฺลกฺเขตุํ ตทนุรูปํ กาลํ อาคเมนฺโต ภิกฺขํ คเหตฺวา ปติรูเป โอกาเส นิสีทิตฺวา กมฺมฏฺานํ มนสิกโรนฺโต อาหาเร ปฏิกฺกูลสฺํ อุปฏฺเปตฺวา อกฺขพฺภฺชนวณาเลปนปุตฺตมํสูปมาวเสน ปจฺจเวกฺขนฺโต อฏฺงฺคสมนฺนาคตํ อาหารํ อาหาเรติ เนว ทวาย น มทาย…เป… ภุตฺตาวี จ อุทกกิจฺจํ กตฺวา มุหุตฺตํ ภตฺตกิลมถํ วิโนเทตฺวา ยถา ปุเรภตฺตํ, เอวํ ปจฺฉาภตฺตํ, ปุริมยามํ ปจฺฉิมยามฺจ กมฺมฏฺานํ มนสิ กโรติ. อยํ วุจฺจติ ‘‘หรติ จ ปจฺจาหรติ จา’’ติ. เอวเมตํ หรณปจฺจาหรณํ คตปจฺจาคตวตฺตนฺติ วุจฺจติ.

เอตํ ปูเรนฺโต ยทิ อุปนิสฺสยสมฺปนฺโน โหติ, ปมวเย เอว อรหตฺตํ ปาปุณาติ. โน เจ ปมวเย ปาปุณาติ, อถ มชฺฌิมวเย ปาปุณาติ. โน เจ มชฺฌิมวเย ปาปุณาติ, อถ มรณสมเย ปาปุณาติ. โน เจ มรณสมเย ปาปุณาติ, อถ เทวปุตฺโต หุตฺวา ปาปุณาติ. โน เจ เทวปุตฺโต หุตฺวา ปาปุณาติ, อถ ปจฺเจกสมฺพุทฺโธ หุตฺวา ปรินิพฺพาติ. โน เจ ปจฺเจกสมฺพุทฺโธ หุตฺวา ปรินิพฺพาติ, อถ พุทฺธานํ สมฺมุขีภาเว ขิปฺปาภิฺโ โหติ เสยฺยถาปิ เถโร พาหิโย, มหาปฺโ วา โหติ เสยฺยถาปิ เถโร สาริปุตฺโตติ.

อยํ ปน ปจฺเจกโพธิสตฺโต กสฺสปสฺส ภควโต สาสเน ปพฺพชิตฺวา อารฺิโก หุตฺวา วีสติ วสฺสสหสฺสานิ เอตํ คตปจฺจาคตวตฺตํ ปูเรตฺวา กาลํ กตฺวา กามาวจรเทวโลเก อุปฺปชฺชิ. ตโต จวิตฺวา พาราณสิรฺโ อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ อคฺคเหสิ. กุสลา อิตฺถิโย ตทเหว คพฺภสณฺานํ ชานนฺติ. สา จ ตาสํ อฺตรา, ตสฺมา เอสาปิ ตํ คพฺภปติฏฺานํ รฺโ นิเวเทสิ. ธมฺมตา เอสา, ยํ ปุฺวนฺเต สตฺเต คพฺเภ อุปฺปนฺเน มาตุคาโม คพฺภปริหารํ ลภติ. ตสฺมา ราชา ตสฺสา คพฺภปริหารํ อทาสิ. สา ตโต ปภุติ นาจฺจุณฺหํ กิฺจิ อชฺโฌหริตุํ ลภติ, นาติสีตํ นาจฺจมฺพิลํ นาติโลณํ นาติกฏุกํ นาติติตฺตกํ. อจฺจุณฺเห หิ มาตรา อชฺโฌหเฏ คพฺภสฺส โลหกุมฺภิวาโส วิย โหติ, อติสีเต โลกนฺตริกวาโส วิย, อจฺจมฺพิลโลณกฏุกติตฺตเกสุ ภุตฺเตสุ สตฺเถน ผาเลตฺวา อมฺพิลาทีหิ สิตฺตานิ วิย ทารกสฺส องฺคานิ ติพฺพเวทนานิ โหนฺติ. อติจงฺกมนฏฺานนิสชฺชสยนโตปิ นํ นิวาเรนฺติ ‘‘กุจฺฉิคตสฺส สฺจลนทุกฺขํ มา อโหสี’’ติ. มุทุกตฺถรณตฺถตาย ภูมิยา จงฺกมนาทีนิ มตฺตาย กาตุํ ลภติ, วณฺณคนฺธาทิสมฺปนฺนํ สาทุํ สปฺปายํ อนฺนปานํ ภุฺชิตุํ ลภติ. ปริคฺคเหตฺวาว นํ จงฺกมาเปนฺติ นิสีทาเปนฺติ วุฏฺาเปนฺติ.

สา เอวํ ปริหริยมานา คพฺภปริปากกาเล สูติฆรํ ปวิสิตฺวา ปจฺจูสสมเย ปุตฺตํ วิชายิ ปกฺกเตลมทฺทิตมโนสิลาปิณฺฑิสทิสํ ธฺปุฺลกฺขณูเปตํ. ตโต นํ ปฺจมทิวเส อลงฺกตปฏิยตฺตํ รฺโ ทสฺเสสุํ, ราชา ตุฏฺโ ฉสฏฺิยา ธาตีหิ อุปฏฺาเปสิ. โส สพฺพสมฺปตฺตีหิ วฑฺฒมาโน นจิรสฺเสว วิฺุตํ ปาปุณิ. โสฬสวสฺสุทฺเทสิกํ นํ ราชา รชฺเชน อภิสิฺจิ, วิวิธนาฏกาหิ จ อุปฏฺาเปสิ. อภิสิตฺโต ราชปุตฺโต รชฺชํ กาเรสิ นาเมน พฺรหฺมทตฺโต, สกลชมฺพุทีเป วีสติยา นครสหสฺเสสุ. ชมฺพุทีเป กิร ปุพฺเพ จตุราสีติ นครสตสหสฺสานิ อเหสุํ, ตานิ ปริหายนฺตานิ สฏฺิ อเหสุํ, ตโต ปริหายนฺตานิ จตฺตาลีสํ, สพฺพปริหายนกาเล ปน วีสติสหสฺสานิ โหนฺติ. อยฺจ พฺรหฺมทตฺโต สพฺพปริหายนกาเล อุปฺปชฺชิ, เตนสฺส วีสติ นครสหสฺสานิ อเหสุํ วีสติ ปาสาทสหสฺสานิ, วีสติ หตฺถิสหสฺสานิ, วีสติ อสฺสสหสฺสานิ, วีสติ รถสหสฺสานิ, วีสติ ปตฺติสหสฺสานิ, วีสติ อิตฺถิสหสฺสานิ โอโรธา จ นาฏกิตฺถิโย จ, วีสติ อมจฺจสหสฺสานิ.

โส มหารชฺชํ การยมาโนเยว กสิณปริกมฺมํ กตฺวา ปฺจ อภิฺาโย, อฏฺ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตสิ. ยสฺมา ปน อภิสิตฺตรฺา นาม อวสฺสํ อฏฺฏกรเณ นิสีทิตพฺพํ, ตสฺมา เอกทิวสํ ปเคว ปาตราสํ ภุฺชิตฺวา วินิจฺฉยฏฺาเน นิสีทิ. ตตฺถ อุจฺจาสทฺทมหาสทฺทํ อกํสุ, โส ‘‘อยํ สทฺโท สมาปตฺติยา อุปกฺกิเลโส’’ติ ปาสาทตลํ อภิรุหิตฺวา ‘‘สมาปตฺตึ อปฺเปมี’’ติ นิสินฺโน นาสกฺขิ อปฺเปตุํ รชฺชวิกฺเขเปน สมาปตฺติ ปริหีนา. ตโต จินฺเตสิ – ‘‘กึ รชฺชํ วรํ, อุทาหุ สมณธมฺโม’’ติ? ตโต ‘‘รชฺชสุขํ ปริตฺตํ อเนกาทีนวํ, สมณธมฺมสุขํ ปน วิปุลํ อเนกานิสํสํ อุตฺตมปุริเสหิ เสวิตฺจา’’ติ ตฺวา อฺตรํ อมจฺจํ อาณาเปสิ ‘‘อิมํ รชฺชํ ธมฺเมน สเมน อนุสาส, มา โข อธมฺมการํ กาเรสี’’ติ สพฺพํ ตสฺส นิยฺยาเตตฺวา ปาสาทํ อภิรุหิตฺวา สมาปตฺติสุเขน วีตินาเมสิ, น โกจิ อุปสงฺกมิตุํ ลภติ อฺตฺร มุขโธวนทนฺตกฏฺทายกภตฺตนีหารกาทีหิ.

ตโต อทฺธมาสมตฺเต วีติกฺกนฺเต มเหสี ปุจฺฉิ – ‘‘ราชา อุยฺยานคมนพลทสฺสนนาฏกาทีสุ กตฺถจิ น ทิสฺสติ, กุหึ คโต’’ติ? ตสฺสา ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. สา อมจฺจสฺส ปาเหสิ – ‘‘รชฺเช ปฏิจฺฉิเต อหมฺปิ ปฏิจฺฉิตา โหมิ, เอตุ มยา สทฺธึ สํวาสํ กปฺเปตู’’ติ. โส อุโภ กณฺเณ ถเกตฺวา ‘‘อสวนียเมต’’นฺติ ปฏิกฺขิปิ. สา ปุนปิ ทฺวตฺติกฺขตฺตุํ เปเสตฺวา อนิจฺฉมานํ สนฺตชฺชาเปสิ ‘‘ยทิ น กโรสิ, านาปิ ตํ จาเวมิ. ชีวิตาปิ ตํ โวโรเปมี’’ติ. โส ภีโต ‘‘มาตุคาโม นาม ทฬฺหนิจฺฉโย, กทาจิ เอวมฺปิ การาเปยฺยา’’ติ. เอกทิวสํ รโห คนฺตฺวา ตาย สทฺธึ สิริสยเน สํวาสํ กปฺเปสิ. สา ปุฺวตี สุขสมฺผสฺสา, โส ตสฺสา สมฺผสฺสราเคน รตฺโต ตตฺถ อภิกฺขณํ สงฺกิตสงฺกิโตว อคมาสิ. อนุกฺกเมน อตฺตโน ฆรสามิโก วิย นิพฺพิสงฺโก ปวิสิตุมารทฺโธ.

ตโต ราชมนุสฺสา ตํ ปวตฺตึ รฺโ อาโรเจสุํ. ราชา น สทฺทหติ. ทุติยมฺปิ ตติยมฺปิ อาโรเจสุํ, ตโต ราชา นิลีโน สยเมว ทิสฺวา สพฺเพ อมจฺเจ สนฺนิปาตาเปตฺวา อาโรเจสิ. เต ‘‘อยํ ราชาปราธิโก หตฺถจฺเฉทํ อรหติ, ปาทจฺเฉทํ อรหตี’’ติ ยาว สูเล อุตฺตาสนํ, ตาว สพฺพกมฺมการณานิ นิทฺทิสึสุ. ราชา ‘‘เอตสฺส วธพนฺธนตาฬเน มยฺหํ วิหึสา อุปฺปชฺเชยฺย, ชีวิตา โวโรปเน ปาณาติปาโต ภเวยฺย, ธนหรเณ อทินฺนาทานํ ภเวยฺย, อลํ เอวรูเปหิ กเตหิ, อิมํ มม รชฺชา นิกฺกฑฺฒถา’’ติ อาห. อมจฺจา ตํ นิพฺพิสยํ อกํสุ. โส อตฺตโน ธนสารฺจ ปุตฺตทารฺจ คเหตฺวา ปรวิสยํ อคมาสิ. ตตฺถ ราชา สุตฺวา ‘‘กึ อาคโตสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘เทว, อิจฺฉามิ ตํ อุปฏฺาตุ’’นฺติ. โส ตํ สมฺปฏิจฺฉิ. อมจฺโจ กติปาหจฺจเยน ลทฺธวิสฺสาโส ตํ ราชานํ เอตทโวจ – ‘‘มหาราช, อมกฺขิกํ มธุํ ปสฺสามิ, ตํ ขาทนฺโต นตฺถี’’ติ. ราชา ‘‘กึ เอตํ อุปฺปณฺเฑตุกาโม ภณตี’’ติ น สุณาติ. โส อนฺตรํ ลภิตฺวา ปุนปิ สุฏฺุตรํ วณฺเณตฺวา อโวจ. ราชา ‘‘กึ เอต’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘พาราณสิรชฺชํ, เทวา’’ติ. ราชา ‘‘กึ มํ เนตฺวา มาเรตุกาโมสี’’ติ อาห. โส ‘‘มา, เทว, เอวํ อวจ, ยทิ น สทฺทหสิ, มนุสฺเส เปเสหี’’ติ. โส มนุสฺเส เปเสสิ. เต คนฺตฺวา โคปุรํ ขณิตฺวา รฺโ สยนฆเร อุฏฺหึสุ.

ราชา ทิสฺวา ‘‘กิสฺส อาคตตฺถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘โจรา มยํ, มหาราชา’’ติ. ราชา เตสํ ธนํ ทาเปตฺวา ‘‘มา ปุน เอวํ อกตฺถา’’ติ โอวทิตฺวา วิสฺสชฺเชสิ. เต อาคนฺตฺวา ตสฺส รฺโ อาโรเจสุํ. โส ปุนปิ ทฺวตฺติกฺขตฺตุํ ตเถว วีมํสิตฺวา ‘‘สีลวา ราชา’’ติ จตุรงฺคินึ เสนํ สนฺนยฺหิตฺวา สีมนฺตเร เอกํ นครํ อุปคมฺม ตตฺถ อมจฺจสฺส ปาเหสิ ‘‘นครํ วา เม เทหิ, ยุทฺธํ วา’’ติ. โส พฺรหฺมทตฺตสฺส รฺโ ตมตฺถํ อาโรจาเปสิ – ‘‘อาณาเปตุ, เทว, ‘กึ ยุชฺฌามิ, อุทาหุ นครํ เทมี’’’ติ. ราชา ‘‘น ยุชฺฌิตพฺพํ, นครํ ทตฺวา อิธาคจฺฉา’’ติ เปเสสิ. โส ตถา อกาสิ. ปฏิราชาปิ ตํ นครํ คเหตฺวา อวเสสนคเรสุปิ ตเถว ทูตํ เปเสสิ. เตปิ อมจฺจา ตเถว พฺรหฺมทตฺตสฺส อาโรเจตฺวา เตน ‘‘น ยุชฺฌิตพฺพํ, อิธาคนฺตพฺพ’’นฺติ วุตฺตา พาราณสึ อาคมํสุ.

ตโต อมจฺจา พฺรหฺมทตฺตํ อาหํสุ – ‘‘มหาราช, เตน สห ยุชฺฌมา’’ติ. ราชา ‘‘มม ปาณาติปาโต ภวิสฺสตี’’ติ วาเรสิ. อมจฺจา ‘‘มยํ, มหาราช, ตํ ชีวคฺคาหํ คเหตฺวา อิเธว อาเนสฺสามา’’ติ นานาอุปาเยหิ ราชานํ สฺาเปตฺวา ‘‘เอหิ, มหาราชา’’ติ คนฺตุมารทฺธา. ราชา ‘‘สเจ สตฺตมารณปฺปหรณวิลุมฺปนกมฺมํ น กโรถ, คจฺฉามี’’ติ ภณติ. อมจฺจา ‘‘น, เทว, กโรม, ภยํ ทสฺเสตฺวา ปลาเปมา’’ติ จตุรงฺคินึ เสนํ สนฺนยฺหิตฺวา ฆเฏสุ ทีเป ปกฺขิปิตฺวา รตฺตึ คจฺฉึสุ. ปฏิราชา ตํ ทิวสํ พาราณสิสมีเป นครํ คเหตฺวา อิทานิ กินฺติ รตฺตึ สนฺนาหํ โมจาเปตฺวา ปมตฺโต นิทฺทํ โอกฺกมิ สทฺธึ พลกาเยน. ตโต อมจฺจา พฺรหฺมทตฺตราชานํ อาทาย ปฏิรฺโ ขนฺธาวารํ คนฺตฺวา สพฺพฆเฏหิ ทีเป นีหราเปตฺวา เอกปชฺโชตํ กตฺวา อุกฺกุฏฺึ อกํสุ. ปฏิรฺโ อมจฺโจ มหาพลกายํ ทิสฺวา ภีโต อตฺตโน ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘อุฏฺเหิ อมกฺขิกํ มธุํ ขาทาหี’’ติ มหาสทฺทํ อกาสิ. ตถา ทุติโยปิ ตติโยปิ. ปฏิราชา เตน สทฺเทน ปฏิพุชฺฌิตฺวา ภยํ สนฺตาสํ อาปชฺชิ. อุกฺกุฏฺิสตานิ ปวตฺตึสุ. โส ‘‘ปรวจนํ สทฺทหิตฺวา อมิตฺตหตฺถํ ปตฺโตมฺหี’’ติ สพฺพรตฺตึ ตํ ตํ วิปฺปลปิตฺวา ทุติยทิวเส ‘‘ธมฺมิโก ราชา, อุปโรธํ น กเรยฺย คนฺตฺวา ขมาเปมี’’ติ จินฺเตตฺวา ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา ชณฺณุเกหิ ปติฏฺหิตฺวา ‘‘ขม, มหาราช, มยฺหํ อปราธ’’นฺติ อาห. ราชา ตํ โอวทิตฺวา ‘‘อุฏฺเหิ, ขมามิ เต’’ติ อาห. โส รฺา เอวํ วุตฺตมตฺเตเยว ปรมสฺสาสปฺปตฺโต อโหสิ. พาราณสิรฺโ สมีเปเยว ชนปเท รชฺชํ ลภิ. เต อฺมฺํ สหายกา อเหสุํ.

อถ พฺรหฺมทตฺโต ทฺเวปิ เสนา สมฺโมทมานา เอกโต ิตา ทิสฺวา ‘‘มเมเวกสฺส จิตฺตานุรกฺขณาย อสฺมึ มหาชนกาเย ขุทฺทกมกฺขิกาย ปิวนมตฺตมฺปิ โลหิตพินฺทุ น อุปฺปนฺนํ, อโห สาธุ, อโห สุฏฺุ, สพฺเพ สตฺตา สุขิตา โหนฺตุ, อเวรา โหนฺตุ, อพฺยาปชฺชา โหนฺตู’’ติ เมตฺตาฌานํ อุปฺปาเทตฺวา ตเทว ปาทกํ กตฺวา สงฺขาเร สมฺมสิตฺวา ปจฺเจกโพธิาณํ สจฺฉิกตฺวา สยมฺภุตํ ปาปุณิ. ตํ มคฺคผลสุเขน สุขิตํ หตฺถิกฺขนฺเธ นิสินฺนํ อมจฺจา ปณิปาตํ กตฺวา อาหํสุ – ‘‘ยานกาโล, มหาราช, วิชิตพลกายสฺส สกฺกาโร กาตพฺโพ, ปราชิตพลกายสฺส ภตฺตปริพฺพโย ทาตพฺโพ’’ติ. โส อาห – ‘‘นาหํ, ภเณ, ราชา, ปจฺเจกพุทฺโธ นามาห’’นฺติ. ‘‘กึ เทโว ภณติ, น เอทิสา ปจฺเจกพุทฺธา โหนฺตี’’ติ. ‘‘กีทิสา, ภเณ, ปจฺเจกพุทฺธา’’ติ? ‘‘ปจฺเจกพุทฺธา นาม ทฺวงฺคุลเกสมสฺสู อฏฺปริกฺขารยุตฺตา ภวนฺตี’’ติ. โส ทกฺขิณหตฺเถน สีสํ ปรามสิ, ตาวเทว คิหิลิงฺคํ อนฺตรธายิ, ปพฺพชิตเวโส ปาตุรโหสิ. ทฺวงฺคุลเกสมสฺสุ อฏฺปริกฺขารสมนฺนาคโต วสฺสสติกตฺเถรสทิโส อโหสิ. โส จตุตฺถชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา หตฺถิกฺขนฺธโต เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ปทุมปุปฺเผ นิสีทิ. อมจฺจา วนฺทิตฺวา ‘‘กึ, ภนฺเต, กมฺมฏฺานํ, กถํ อธิคโตสี’’ติ ปุจฺฉึสุ. โส ยโต อสฺส เมตฺตาฌานกมฺมฏฺานํ อโหสิ, ตฺจ วิปสฺสนํ วิปสฺสิตฺวา อธิคโต, ตสฺมา ตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต อุทานคาถฺจ พฺยากรณคาถฺจ อิมํเยว คาถํ อภาสิ ‘‘สพฺเพสุ ภูเตสุ นิธาย ทณฺฑ’’นฺติ.

ตตฺถ สพฺเพสูติ อนวเสเสสุ. ภูเตสูติ สตฺเตสุ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถารํ ปน รตนสุตฺตวณฺณนายํ วกฺขาม. นิธายาติ นิกฺขิปิตฺวา. ทณฺฑนฺติ กายวจีมโนทณฺฑํ, กายทุจฺจริตาทีนเมตํ อธิวจนํ. กายทุจฺจริตฺหิ ทณฺฑยตีติ ทณฺฑํ, พาเธติ อนยพฺยสนํ ปาเปตีติ วุตฺตํ โหติ. เอวํ วจีทุจฺจริตํ มโนทุจฺจริตฺจ. ปหรณทณฺโฑ เอว วา ทณฺโฑ, ตํ นิธายาติปิ วุตฺตํ โหติ. อวิเหยนฺติ อวิเหยนฺโต. อฺตรมฺปีติ ยํกิฺจิ เอกมฺปิ. เตสนฺติ เตสํ สพฺพภูตานํ. น ปุตฺตมิจฺเฉยฺยาติ อตฺรโช, เขตฺตโช, ทินฺนโก, อนฺเตวาสิโกติ อิเมสุ จตูสุ ปุตฺเตสุ ยํกิฺจิ ปุตฺตํ น อิจฺเฉยฺย. กุโต สหายนฺติ สหายํ ปน อิจฺเฉยฺยาติ กุโต เอว เอตํ.

เอโกติ ปพฺพชฺชาสงฺขาเตน เอโก, อทุติยฏฺเน เอโก, ตณฺหาย ปหานฏฺเน เอโก, เอกนฺตวิคตกิเลโสติ เอโก, เอโก ปจฺเจกสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธติ เอโก. สมณสหสฺสสฺสาปิ หิ มชฺเฌ วตฺตมาโน คิหิสํโยชนสฺส ฉินฺนตฺตา เอโก, เอวํ ปพฺพชฺชาสงฺขาเตน เอโก. เอโก ติฏฺติ, เอโก คจฺฉติ, เอโก นิสีทติ, เอโก เสยฺยํ กปฺเปติ, เอโก อิริยติ วตฺตตีติ เอวํ อทุติยฏฺเน เอโก.

‘‘ตณฺหาทุติโย ปุริโส, ทีฆมทฺธานสํสรํ;

อิตฺถภาวฺถาภาวํ, สํสารํ นาติวตฺตติ.

‘‘เอตมาทีนวํ ตฺวา, ตณฺหํ ทุกฺขสฺส สมฺภวํ;

วีตตณฺโห อนาทาโน, สโต ภิกฺขุ ปริพฺพเช’’ติ. (อิติวุ. ๑๕, ๑๐๕; มหานิ. ๑๙๑; จูฬนิ.ปารายนานุคีติคาถานิทฺเทส ๑๐๗) –

เอวํ ตณฺหาปหานฏฺเน เอโก. สพฺพกิเลสาสฺส ปหีนา อุจฺฉินฺนมูลา ตาลาวตฺถุกตา อนภาวํกตา อายตึ อนุปฺปาทธมฺมาติ เอวํ เอกนฺตวิคตกิเลโสติ เอโก. อนาจริยโก หุตฺวา สยมฺภู สามํเยว ปจฺเจกสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธติ เอวํ เอโก ปจฺเจกสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธติ เอโก.

จเรติ ยา อิมา อฏฺ จริยาโย. เสยฺยถิทํ – ปณิธิสมฺปนฺนานํ จตูสุ อิริยาปเถสุ อิริยาปถจริยา, อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารานํ ฉสุ อชฺฌตฺติกายตเนสุ อายตนจริยา, อปฺปมาทวิหารีนํ จตูสุ สติปฏฺาเนสุ สติจริยา, อธิจิตฺตมนุยุตฺตานํ จตูสุ ฌาเนสุ สมาธิจริยา, พุทฺธิสมฺปนฺนานํ จตูสุ อริยสจฺเจสุ าณจริยา, สมฺมาปฏิปนฺนานํ จตูสุ อริยสจฺเจสุ มคฺคจริยา, อธิคตปฺผลานํ จตูสุ สามฺผเลสุ ปตฺติจริยา, ติณฺณํ พุทฺธานํ สพฺพสตฺเตสุ โลกตฺถจริยา, ตตฺถ ปเทสโต ปจฺเจกพุทฺธพุทฺธสาวกานนฺติ. ยถาห – ‘‘จริยาติ อฏฺ จริยาโย อิริยาปถจริยา’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๑๙๗; ๓.๒๘) วิตฺถาโร. ตาหิ จริยาหิ สมนฺนาคโต ภเวยฺยาติ อตฺโถ. อถ วา ยา อิมา อธิมุจฺจนฺโต สทฺธาย จรติ, ปคฺคณฺหนฺโต วีริเยน จรติ, อุปฏฺหนฺโต สติยา จรติ, อวิกฺขิตฺโต สมาธินา จรติ, ปชานนฺโต ปฺาย จรติ, วิชานนฺโต วิฺาเณน จรติ, เอวํ ปฏิปนฺนสฺส กุสลา ธมฺมา อายตนฺตีติ อายตนจริยาย จรติ, เอวํ ปฏิปนฺโน วิเสสํ อธิคจฺฉตีติ วิเสสจริยาย จรตีติ (ปฏิ. ม. ๑.๑๙๗; ๓.๒๘) เอวํ อปราปิ อฏฺ จริยาโย วุตฺตา, ตาหิปิ สมนฺนาคโต ภเวยฺยาติ อตฺโถ. ขคฺควิสาณกปฺโปติ เอตฺถ ขคฺควิสาณํ นาม ขคฺคมิคสิงฺคํ. กปฺป-สทฺทสฺส อตฺถํ วิตฺถารโต มงฺคลสุตฺตวณฺณนายํ ปกาสยิสฺสาม, อิธ ปนายํ ‘‘สตฺถุกปฺเปน วต, โภ, กิร สาวเกน สทฺธึ มนฺตยมานา’’ติ เอวมาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๖๐) วิย ปฏิภาโค เวทิตพฺโพ. ขคฺควิสาณกปฺโปติ ขคฺควิสาณสทิโสติ วุตฺตํ โหติ. อยํ ตาเวตฺถ ปทโต อตฺถวณฺณนา.

อธิปฺปายานุสนฺธิโต ปน เอวํ เวทิตพฺโพ – ยฺวายํ วุตฺตปฺปกาโร ทณฺโฑ ภูเตสุ ปวตฺติยมาโน อหิโต โหติ, ตํ เตสุ อปฺปวตฺตเนน ตปฺปฏิปกฺขภูตาย เมตฺตาย ปรหิตูปสํหาเรน จ สพฺเพสุ ภูเตสุ นิธาย ทณฺฑํ, นิหิตทณฺฑตฺตา เอว จ ยถา อนิหิตทณฺฑา สตฺตา ภูตานิ ทณฺเฑน วา สตฺเถน วา ปาณินา วา เลฑฺฑุนา วา วิเหยนฺติ, ตถา อวิเหยํ, อฺตรมฺปิ เตสํ อิมํ เมตฺตากมฺมฏฺานมาคมฺม ยเทว ตตฺถ เวทนาคตํ สฺาสงฺขารวิฺาณคตํ ตฺจ ตทนุสาเรเนว ตทฺฺจ สงฺขารคตํ วิปสฺสิตฺวา อิมํ ปจฺเจกโพธึ อธิคโตมฺหีติ อยํ ตาว อธิปฺปาโย.

อยํ ปน อนุสนฺธิ – เอวํ วุตฺเต เต อมจฺจา อาหํสุ – ‘‘อิทานิ, ภนฺเต, กุหึ คจฺฉถา’’ติ? ตโต เตน ‘‘ปุพฺเพ ปจฺเจกพุทฺธา กตฺถ วสนฺตี’’ติ อาวชฺเชตฺวา ตฺวา ‘‘คนฺธมาทนปพฺพเต’’ติ วุตฺเต ปุน อาหํสุ – ‘‘อมฺเห ทานิ, ภนฺเต, ปชหถ น อิจฺฉถา’’ติ. อถ ปจฺเจกสมฺพุทฺโธ อาห ‘‘น ปุตฺตมิจฺเฉยฺยา’’ติ สพฺพํ. ตตฺราธิปฺปาโย – อหํ อิทานิ อตฺรชาทีสุ ยํกิฺจิ ปุตฺตมฺปิ น อิจฺเฉยฺยํ, กุโต ปน ตุมฺหาทิสํ สหายํ. ตสฺมา ตุมฺเหสุปิ โย มยา สทฺธึ คนฺตุํ มาทิโส วา โหตุํ อิจฺฉติ, โส เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป. อถ วา เตหิ ‘‘อมฺเห ทานิ, ภนฺเต, ปชหถ น อิจฺฉถา’’ติ วุตฺเต โส ปจฺเจกสมฺพุทฺโธ ‘‘น ปุตฺตมิจฺเฉยฺย กุโต สหาย’’นฺติ วตฺวา อตฺตโน ยถาวุตฺเตนตฺเถน เอกจริยาย คุณํ ทิสฺวา ปมุทิโต ปีติโสมนสฺสชาโต อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ – ‘‘เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ. เอวํ วตฺวา เปกฺขมานสฺเสว มหาชนสฺส อากาเส อุปฺปติตฺวา คนฺธมาทนํ อคมาสิ.

คนฺธมาทโน นาม หิมวติ จูฬกาฬปพฺพตํ มหากาฬปพฺพตํ นาคปลิเวนํ จนฺทคพฺภํ สูริยคพฺภํ สุวณฺณปสฺสํ หิมวนฺตปพฺพตนฺติ สตฺต ปพฺพเต อติกฺกมฺม โหติ. ตตฺถ นนฺทมูลกํ นาม ปพฺภารํ ปจฺเจกพุทฺธานํ วสโนกาโส, ติสฺโส จ คุหาโย – สุวณฺณคุหา, มณิคุหา, รชตคุหาติ. ตตฺถ มณิคุหาทฺวาเร มฺชูสโก นาม รุกฺโข โยชนํ อุพฺเพเธน, โยชนํ วิตฺถาเรน. โส ยตฺตกานิ อุทเก วา ถเล วา ปุปฺผานิ, สพฺพานิ ตานิ ปุปฺผยติ, วิเสเสน ปจฺเจกพุทฺธาคมนทิวเส. ตสฺสูปริโต สพฺพรตนมาโฬ โหติ. ตตฺถ สมฺมชฺชนกวาโต กจวรํ ฉฑฺเฑติ, สมกรณวาโต สพฺพรตนมยวาลุกํ สมํ กโรติ, สิฺจนกวาโต อโนตตฺตทหโต อาเนตฺวา อุทกํ สิฺจติ, สุคนฺธกรณวาโต หิมวนฺตโต สพฺเพสํ สุคนฺธรุกฺขานํ คนฺเธ อาเนติ, โอจินกวาโต ปุปฺผานิ โอจินิตฺวา ปาเตติ, สนฺถรกวาโต สพฺพตฺถ สนฺถรติ. สทา สุปฺตฺตาเนว เจตฺถ อาสนานิ โหนฺติ, เยสุ ปจฺเจกพุทฺธุปฺปาททิวเส, อุโปสถทิวเส จ สพฺเพ ปจฺเจกพุทฺธา สนฺนิปติตฺวา นิสีทนฺติ. อยํ ตตฺถ ปกติ. อยํ ปจฺเจกพุทฺโธ ตตฺถ คนฺตฺวา ปฺตฺตาสเน นิสีทติ. ตโต สเจ ตสฺมึ กาเล อฺเปิ ปจฺเจกพุทฺธา สํวิชฺชนฺติ, เตปิ ตงฺขเณเยว สนฺนิปติตฺวา ปฺตฺตาสเนสุ นิสีทนฺติ. นิสีทิตฺวา จ กิฺจิเทว สมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺหนฺติ. ตโต สงฺฆตฺเถโร อธุนาคตปจฺเจกพุทฺธํ สพฺเพสํ อนุโมทนตฺถาย ‘‘กถมธิคต’’นฺติ เอวํ กมฺมฏฺานํ ปุจฺฉติ, ตทาปิ โส ตเมว อตฺตโน อุทานพฺยากรณคาถํ ภาสติ. ปุน ภควาปิ อายสฺมตา อานนฺเทน ปุฏฺโ ตเมว คาถํ ภาสติ. อานนฺโทปิ สงฺคีติยนฺติ เอวํ เอเกกา คาถา ปจฺเจกสมฺโพธิอภิสมฺพุทฺธฏฺาเน, มฺชูสกมาเฬ, อานนฺเทน ปุจฺฉิตกาเล, สงฺคีติยนฺติ จตุกฺขตฺตุํ ภาสิตา โหตีติ.

ปมคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙๒. สํสคฺคชาตสฺสาติ คาถา กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปจฺเจกโพธิสตฺโต กสฺสปสฺส ภควโต สาสเน วีสติ วสฺสสหสฺสานิ ปุริมนเยเนว สมณธมฺมํ กโรนฺโต กสิณปริกมฺมํ กตฺวา ปมํ ฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา นามรูปํ ววตฺถเปตฺวา ลกฺขณสมฺมสนํ กตฺวา อริยมคฺคํ อนธิคมฺม พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺติ. โส ตโต จุโต พาราณสิรฺโ อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ อุปฺปชฺชิตฺวา ปุริมนเยเนว วฑฺฒมาโน ยโต ปภุติ ‘‘อยํ อิตฺถี, อยํ ปุริโส’’ติ วิเสสํ อฺาสิ. ตทุปาทาย อิตฺถีนํ หตฺเถ น รมติ, อุจฺฉาทนนฺหาปนมณฺฑนาทิมตฺตมฺปิ น สาทิยติ. ตํ ปุริสา เอว โปเสนฺติ. ถฺปายนกาเล ธาติโย กฺจุกํ ปฏิมุฺจิตฺวา ปุริสเวเสน ถฺํ ปาเยนฺติ. โส อิตฺถีนํ คนฺธํ ฆายิตฺวา สทฺทํ วา สุตฺวา โรทติ, วิฺุตํ ปตฺโตปิ อิตฺถิโย ปสฺสิตุํ น อิจฺฉติ. เตน ตํ อนิตฺถิคนฺโธตฺเวว สฺชานึสุ.

ตสฺมึ โสฬสวสฺสุทฺเทสิเก ชาเต ราชา ‘‘กุลวํสํ สณฺเปสฺสามี’’ติ นานากุเลหิ ตสฺส อนุรูปา กฺาโย อาเนตฺวา อฺตรํ อมจฺจํ อาณาเปสิ ‘‘กุมารํ รมาเปหี’’ติ. อมจฺโจ อุปาเยน ตํ รมาเปตุกาโม ตสฺส อวิทูเร สาณิปาการํ ปริกฺขิปาเปตฺวา นาฏกานิ ปโยชาเปสิ. กุมาโร คีตวาทิตสทฺทํ สุตฺวา ‘‘กสฺเสโส สทฺโท’’ติ อาห. อมจฺโจ ‘‘ตเวโส, เทว, นาฏกิตฺถีนํ สทฺโท, ปุฺวนฺตานํ อีทิสานิ นาฏกานิ โหนฺติ. อภิรม, เทว, มหาปุฺโสิ ตฺว’’นฺติ อาห. กุมาโร อมจฺจํ ทณฺเฑน ตาฬาเปตฺวา นิกฺกฑฺฒาเปสิ. โส รฺโ อาโรเจสิ. ราชา กุมารสฺส มาตรา สห คนฺตฺวา กุมารํ ขมาเปตฺวา ปุน อมจฺจํ อาณาเปสิ. กุมาโร เตหิ อตินิปฺปีฬิยมาโน เสฏฺสุวณฺณํ ทตฺวา สุวณฺณกาเร อาณาเปสิ ‘‘สุนฺทรํ อิตฺถิรูปํ กโรถา’’ติ. เต วิสฺสกมฺมุนา นิมฺมิตสทิสํ สพฺพาลงฺการวิภูสิตํ อิตฺถิรูปํ กริตฺวา ทสฺเสสุํ. กุมาโร ทิสฺวา วิมฺหเยน สีสํ จาเลตฺวา มาตาปิตูนํ เปเสสิ – ‘‘ยทิ อีทิสึ อิตฺถึ ลภิสฺสามิ, คณฺหิสฺสามี’’ติ. มาตาปิตโร ‘‘อมฺหากํ ปุตฺโต มหาปุฺโ, อวสฺสํ เตน สห กตปุฺา กาจิ ทาริกา โลเก อุปฺปนฺนา ภวิสฺสตี’’ติ ตํ สุวณฺณรูปํ รถํ อาโรเปตฺวา อมจฺจานํ อปฺเปสุํ – ‘‘คจฺฉถ, อีทิสึ ทาริกํ คเวสถา’’ติ. เต ตํ คเหตฺวา โสฬสมหาชนปเท วิจรนฺตา ตํ ตํ คามํ คนฺตฺวา อุทกติตฺถาทีสุ ยตฺถ ยตฺถ ชนสมูหํ ปสฺสนฺติ, ตตฺถ ตตฺถ เทวตํ วิย สุวณฺณรูปํ เปตฺวา นานาปุปฺผวตฺถาลงฺกาเรหิ ปูชํ กตฺวา วิตานํ พนฺธิตฺวา เอกมนฺตํ ติฏฺนฺติ ‘‘ยทิ เกนจิ เอวรูปา ทิฏฺปุพฺพา ภวิสฺสติ, โส กถํ สมุฏฺาเปสฺสตี’’ติ? เอเตนุปาเยน อฺตฺร มทฺทรฏฺา สพฺพชนปเท อาหิณฺฑิตฺวา ตํ ‘‘ขุทฺทกรฏฺ’’นฺติ อวมฺมานา ตตฺถ ปมํ อคนฺตฺวา นิวตฺตึสุ.

ตโต เนสํ เอตทโหสิ – ‘‘มทฺทรฏฺมฺปิ ตาว คจฺฉาม, มา โน พาราณสึ ปวิฏฺเปิ ราชา ปุน เปเสสี’’ติ มทฺทรฏฺเ สาคลนครํ อคมํสุ. สาคลนคเร จ มทฺทโว นาม ราชา. ตสฺส ธีตา โสฬสวสฺสุทฺเทสิกา อภิรูปา อโหสิ. ตสฺสา วณฺณทาสิโย นฺหาโนทกตฺถาย ติตฺถํ คจฺฉนฺติ. ตตฺถ อมจฺเจหิ ปิตํ ตํ สุวณฺณรูปํ ทูรโตว ทิสฺวา ‘‘อมฺเห อุทกตฺถาย เปเสตฺวา ราชปุตฺตี สยเมว อาคตา’’ติ ภณนฺติโย สมีปํ คนฺตฺวา ‘‘นายํ สามินี, อมฺหากํ สามินี อิโต อภิรูปตรา’’ติ อาหํสุ. อมจฺจา ตํ สุตฺวา ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา อนุรูเปน นเยน ทาริกํ ยาจึสุ. โสปิ อทาสิ. เต พาราณสิรฺโ ปาเหสุํ – ‘‘ลทฺธา, เทว, กุมาริกา, สามํ อาคจฺฉถ, อุทาหุ อมฺเหว อาเนมา’’ติ. โส ‘‘มยิ อาคจฺฉนฺเต ชนปทปีฬา ภวิสฺสติ, ตุมฺเหว นํ อาเนถา’’ติ เปเสสิ.

อมจฺจาปิ ทาริกํ คเหตฺวา นครา นิกฺขมิตฺวา กุมารสฺส ปาเหสุํ – ‘‘ลทฺธา สุวณฺณรูปสทิสา กุมาริกา’’ติ. กุมาโร สุตฺวาว ราเคน อภิภูโต ปมชฺฌานา ปริหายิ. โส ทูตปรมฺปราย เปเสสิ – ‘‘สีฆํ อาเนถ, สีฆํ อาเนถา’’ติ. เต สพฺพตฺถ เอกรตฺติวาเสน พาราณสึ ปตฺวา พหินคเร ิตา รฺโ เปเสสุํ – ‘‘อชฺเชว ปวิสิตพฺพํ, โน’’ติ. ราชา ‘‘เสฏฺกุลา อานีตา ทาริกา, มงฺคลกิริยํ กตฺวา มหาสกฺกาเรน ปเวเสสฺสาม, อุยฺยานํ ตาว นํ เนถา’’ติ อาห. เต ตถา อกํสุ. สา อจฺจนฺตสุขุมาลา กุมาริกา ยานุคฺฆาเฏน อุพฺพาฬฺหา อทฺธานปริสฺสเมน อุปฺปนฺนวาตโรคา มิลาตมาลา วิย หุตฺวา รตฺติภาเค กาลมกาสิ. อมจฺจา ‘‘สกฺการา ปริภฏฺมฺหา’’ติ ปริเทวึสุ. ราชา จ นาครา จ ‘‘กุลวํโส วินฏฺโ’’ติ ปริเทวึสุ. สกลนครํ โกลาหลํ อโหสิ. กุมารสฺส สุตมตฺเตเยว มหาโสโก อุทปาทิ.

ตโต กุมาโร โสกสฺส มูลํ ขนิตุํ อารทฺโธ. โส เอวํ จินฺเตสิ – ‘‘อยํ โสโก นาม น อชาตสฺส โหติ, ชาตสฺส ปน โหติ. ตสฺมา ชาตึ ปฏิจฺจ โสโก. ชาติ ปน กึ ปฏิจฺจาติ? ภวํ ปฏิจฺจ ชาตี’’ติ. เอวํ ปุพฺพภาวนานุภาเวน โยนิโส มนสิกโรนฺโต อนุโลมปฏิโลมํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ ทิสฺวา ปุน อนุโลมฺจ สงฺขาเร สมฺมสนฺโต ตตฺเถว นิสินฺโน ปจฺเจกสมฺโพธึ สจฺฉากาสิ. อมจฺจา ตํ มคฺคผลสุเขน สุขิตํ สนฺตินฺทฺริยํ สนฺตมานสํ นิสินฺนํ ทิสฺวา ปณิปาตํ กตฺวา อาหํสุ – ‘‘มา โสจิ, เทว, มหนฺโต ชมฺพุทีโป, อฺํ ตโต สุนฺทรตรํ กฺํ อาเนสฺสามา’’ติ. โส อาห – ‘‘น โสจามิ, นิสฺโสโก ปจฺเจกพุทฺโธ อห’’นฺติ. อิโต ปรํ สพฺพํ วุตฺตปุริมคาถาสทิสเมว เปตฺวา คาถาวณฺณนํ.

คาถาวณฺณนา ปน เอวํ เวทิตพฺพา – สํสคฺคชาตสฺสาติ ชาตสํสคฺคสฺส. ตตฺถ ทสฺสนสวนกายสมุลฺลปนสมฺโภคสํสคฺควเสน ปฺจวิโธ สํสคฺโค. ตตฺถ อฺมฺํ ทิสฺวา จกฺขุวิฺาณวีถิวเสน อุปฺปนฺนราโค ทสฺสนสํสคฺโค นาม. ตตฺถ สีหฬทีเป กาฬทีฆวาปี คาเม ปิณฺฑาย จรนฺตํ กลฺยาณวิหารวาสิทีฆภาณกทหรภิกฺขุํ ทิสฺวา ปฏิพทฺธจิตฺตา เกนจิ อุปาเยน ตํ อลภิตฺวา กาลงฺกตา กุฏุมฺพิยธีตา จ ตสฺสา นิวาสนโจฬขณฺฑํ ทิสฺวา ‘‘เอวรูปํ วตฺถํ ธารินิยา นาม สทฺธึ สํวาสํ นาลภิ’’นฺติ ผลิตหทโย กาลงฺกโต. โส เอว ทหโร จ นิทสฺสนํ.

ปเรหิ ปน กถิยมานํ รูปาทิสมฺปตฺตึ อตฺตนา วา หสิตลปิตคีตสทฺทํ สุตฺวา โสตวิฺาณวีถิวเสน อุปฺปนฺนราโค สวนสํสคฺโค นาม. ตตฺราปิ คิริคามวาสิกมฺมารธีตาย ปฺจหิ กุมาริกาหิ สทฺธึ ปทุมสฺสรํ คนฺตฺวา นฺหตฺวา มาลํ อาโรเปตฺวา อุจฺจาสทฺเทน คายนฺติยา สทฺทํ สุตฺวา อากาเสน คจฺฉนฺโต กามราเคน วิเสสา ปริหายิตฺวา พฺยสนํ ปตฺโต ปฺจคฺคฬเลณวาสี ติสฺสทหโร นิทสฺสนํ.

อฺมฺํ องฺคปรามสเนน อุปฺปนฺนราโค กายสํสคฺโค นาม. ธมฺมภาสนทหรภิกฺขุ จ ราชธีตา เจตฺถ นิทสฺสนํ. มหาวิหาเร กิร ทหรภิกฺขุ ธมฺมํ ภาสติ. ตตฺถ มหาชโน อาคโต, ราชาปิ อคฺคมเหสิยา ราชธีตาย จ สทฺธึ อคมาสิ. ตโต ราชธีตาย ตสฺส รูปฺจ สรฺจ อาคมฺม พลวราโค อุปฺปนฺโน, ตสฺส ทหรสฺสาปิ. ตํ ทิสฺวา ราชา สลฺลกฺเขตฺวา สาณิปากาเรน ปริกฺขิปาเปสิ. เต อฺมฺํ ปรามสิตฺวา อาลิงฺคึสุ. ปุน สาณิปาการํ อปเนตฺวา ปสฺสนฺตา ทฺเวปิ กาลงฺกเตเยว อทฺทสํสูติ.

อฺมฺํ อาลปนสมุลฺลปนวเสน อุปฺปนฺนราโค ปน สมุลฺลปนสํสคฺโค นาม. ภิกฺขุ ภิกฺขุนีหิ สทฺธึ ปริโภคกรเณ อุปฺปนฺนราโค สมฺโภคสํสคฺโค นาม. ทฺวีสุปิ เอเตสุ ปาราชิกปฺปตฺโต ภิกฺขุ จ ภิกฺขุนี จ นิทสฺสนํ. มริจวฏฺฏินามมหาวิหารมเห กิร ทุฏฺคามณิอภยราชา มหาทานํ ปฏิยาเทตฺวา อุภโตสงฺฆํ ปริวิสติ. ตตฺถ อุณฺหยาคุยา ทินฺนาย สงฺฆนวกสามเณรี อนาธารกสฺส สงฺฆนวกสฺส สามเณรสฺส ทนฺตวลยํ ทตฺวา สมุลฺลปนมกาสิ. เต อุโภปิ อุปสมฺปชฺชิตฺวา สฏฺิวสฺสา หุตฺวา ปรตีรํ คตา อฺมฺํ สมุลฺลปเนน ปุพฺพสฺํ ปฏิลภิตฺวา ตาวเทว สฺชาตสิเนหา สิกฺขาปทํ วีติกฺกมิตฺวา ปาราชิกา อเหสุนฺติ. เอวํ ปฺจวิเธ สํสคฺเค เยน เกนจิ สํสคฺเคน ชาตสํสคฺคสฺส ภวติ สฺเนโห, ปุริมราคปจฺจโย พลวราโค อุปฺปชฺชติ. ตโต สฺเนหนฺวยํ ทุกฺขมิทํ ปโหติ ตเมว สฺเนหํ อนุคจฺฉนฺตํ สนฺทิฏฺิกสมฺปรายิกํ โสกปริเทวาทินานปฺปการกํ อิทํ ทุกฺขํ ปโหติ ปภวติ ชายติ.

อปเร ‘‘อารมฺมเณ จิตฺตสฺส โวสฺสคฺโค สํสคฺโค’’ติ ภณนฺติ. ตโต สฺเนโห, สฺเนหทุกฺขมิทนฺติ. เอวมตฺถปฺปเภทํ อิมํ อฑฺฒคาถํ วตฺวา โส ปจฺเจกพุทฺโธ อาห – ‘‘สฺวายํ ยมิทํ สฺเนหนฺวยํ โสกาทิทุกฺขํ ปโหติ, ตเมว สฺเนหํ อนุคตสฺส ทุกฺขสฺส มูลํ ขนนฺโต ปจฺเจกโพธึ อธิคโต’’ติ.

เอวํ วุตฺเต เต อมจฺจา อาหํสุ – ‘‘อมฺเหหิ ทานิ, ภนฺเต, กึ กตฺตพฺพ’’นฺติ? ตโต โส อาห – ‘‘ตุมฺเห วา อฺตโร วา อิมมฺหา ทุกฺขา มุจฺจิตุกาโม, โส สพฺโพปิ อาทีนวํ สฺเนหชํ เปกฺขมาโน, เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป’’ติ. เอตฺถ จ ยํ ตํ ‘‘สฺเนหนฺวยํ ทุกฺขมิทํ ปโหตี’’ติ วุตฺตํ, ตเทว สนฺธาย ‘‘อาทีนวํ สฺเนหชํ เปกฺขมาโน’’ติ อิทํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. อถ วา ยถาวุตฺเตน สํสคฺเคน ‘สํสคฺคชาตสฺส ภวติ สฺเนโห, สฺเนหนฺวยํ ทุกฺขมิทํ ปโหติ’, เอวํ ยถาภูตํ อาทีนวํ สฺเนหชํ เปกฺขมาโน อหมธิคโตติ เอวํ สมฺพนฺธิตฺวา จตุตฺถปาโท ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว สฺเนหวเสน วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ. ตโต ปรํ สพฺพํ ปุริมคาถาย วุตฺตสทิสเมวาติ.

สํสคฺคคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙๓. มิตฺเต สุหชฺเชติ กา อุปฺปตฺติ? อยํ ปจฺเจกโพธิสตฺโต ปุริมคาถาย วุตฺตนเยเนว อุปฺปชฺชิตฺวา พาราณสิยํ รชฺชํ กาเรนฺโต ปมชฺฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา ‘‘กึ สมณธมฺโม วโร, รชฺชํ วร’’นฺติ วีมํสิตฺวา อมจฺจานํ รชฺชํ นิยฺยาเตตฺวา สมณธมฺมํ อกาสิ. อมจฺจา ‘‘ธมฺเมน สเมน กโรถา’’ติ วุตฺตาปิ ลฺชํ คเหตฺวา อธมฺเมน กโรนฺติ. เต ลฺชํ คเหตฺวา สามิเก ปราชยนฺตา เอกทา อฺตรํ ราชวลฺลภํ ปราเชสุํ. โส รฺโ ภตฺตการเกหิ สทฺธึ ปวิสิตฺวา สพฺพํ อาโรเจสิ. ราชา ทุติยทิวเส สยํ วินิจฺฉยฏฺานํ อคมาสิ. ตโต มหาชนา – ‘‘อมจฺจา, เทว, สามิเก อสามิเก กโรนฺตี’’ติ อุจฺจาสทฺทํ กโรนฺตา มหายุทฺธํ วิย อกํสุ. อถ ราชา วินิจฺฉยฏฺานา วุฏฺาย ปาสาทํ อภิรุหิตฺวา สมาปตฺตึ อปฺเปตุํ นิสินฺโน. เตน สทฺเทน วิกฺขิตฺตจิตฺโต น สกฺโกติ อปฺเปตุํ. โส ‘‘กึ เม รชฺเชน, สมณธมฺโม วร’’นฺติ รชฺชสุขํ ปหาย ปุน สมาปตฺตึ นิพฺพตฺเตตฺวา ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว วิปสฺสิตฺวา ปจฺเจกสมฺโพธึ สจฺฉากาสิ. กมฺมฏฺานฺจ ปุจฺฉิโต อิมํ คาถํ อภาสิ.

ตตฺถ เมตฺตายนวเสน มิตฺตา. สุหทยภาเวน สุหชฺชา. เกจิ เอกนฺตหิตกามตาย มิตฺตาว โหนฺติ น สุหชฺชา. เกจิ คมนาคมนฏฺานนิสชฺชาสมุลฺลาปาทีสุ, หทยสุขชนเนน สุหชฺชาว โหนฺติ, น มิตฺตา. เกจิ ตทุภยวเสน สุหชฺชา เจว มิตฺตา จ โหนฺติ. เต ทุวิธา อคาริยา จ อนคาริยา จ. ตตฺถ อคาริยา ติวิธา โหนฺติ อุปกาโร สมานสุขทุกฺโข อนุกมฺปโกติ. อนคาริยา วิเสเสน อตฺถกฺขายิโน เอว. เต จตูหิ องฺเคหิ สมนฺนาคตา โหนฺติ. ยถาห –

‘‘จตูหิ โข, คหปติปุตฺต, าเนหิ อุปกาโร มิตฺโต สุหโท เวทิตพฺโพ. ปมตฺตํ รกฺขติ, ปมตฺตสฺส สาปเตยฺยํ รกฺขติ, ภีตสฺส สรณํ โหติ, อุปฺปนฺเนสุ กิจฺจกรณีเยสุ ตทฺทิคุณํ โภคํ อนุปฺปเทติ’’ (ที. นิ. ๓.๒๖๑).

ตถา –

‘‘จตูหิ โข, คหปติปุตฺต, าเนหิ สมานสุขทุกฺโข มิตฺโต สุหโท เวทิตพฺโพ. คุยฺหมสฺส อาจิกฺขติ, คุยฺหมสฺส ปริคูหติ, อาปทาสุ น วิชหติ, ชีวิตํปิสฺส อตฺถาย ปริจฺจตฺตํ โหติ’’ (ที. นิ. ๓.๒๖๒).

ตถา –

‘‘จตูหิ โข, คหปติปุตฺต, าเนหิ อนุกมฺปโก มิตฺโต สุหโท เวทิตพฺโพ. อภเวนสฺส น นนฺทติ, ภเวนสฺส นนฺทติ, อวณฺณํ ภณมานํ นิวาเรติ, วณฺณํ ภณมานํ ปสํสติ’’ (ที. นิ. ๓.๒๖๔).

ตถา

‘‘จตูหิ โข, คหปติปุตฺต, าเนหิ อตฺถกฺขายี มิตฺตา สุหโท เวทิตพฺโพ. ปาปา นิวาเรติ, กลฺยาเณ นิเวเสติ, อสฺสุตํ สาเวติ, สคฺคสฺส มคฺคํ อาจิกฺขตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๒๖๓).

เตสฺวิธ อคาริยา อธิปฺเปตา, อตฺถโต ปน สพฺเพปิ ยุชฺชนฺติ. เต มิตฺเต สุหชฺเช อนุกมฺปมาโนติ อนุทยมาโน, เตสํ สุขํ อุปสํหริตุกาโม ทุกฺขํ อปหริตุกาโม จ.

หาเปติ อตฺถนฺติ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺถวเสน ติวิธํ, ตถา อตฺตตฺถปรตฺถอุภยตฺถวเสนาปิ ติวิธํ อตฺถํ ลทฺธวินาสเนน อลทฺธานุปฺปาทเนนาติ ทฺวิธาปิ หาเปติ วินาเสติ. ปฏิพทฺธจิตฺโตติ ‘‘อหํ อิมํ วินา น ชีวามิ, เอส เม คติ, เอส เม ปรายณ’’นฺติ เอวํ อตฺตานํ นีเจ าเน เปนฺโตปิ ปฏิพทฺธจิตฺโต โหติ. ‘‘อิเม มํ วินา น ชีวนฺติ, อหํ เตสํ คติ, อหํ เตสํ ปรายณ’’นฺติ เอวํ อตฺตานํ อุจฺเจ าเน เปนฺโตปิ ปฏิพทฺธจิตฺโต โหติ. อิธ ปน เอวํ ปฏิพทฺธจิตฺโต อธิปฺเปโต. เอตํ ภยนฺติ เอตํ อตฺถหาปนภยํ, อตฺตโน สมาปตฺติหานึ สนฺธายาห. สนฺถเวติ ติวิโธ สนฺถโว ตณฺหาทิฏฺิมิตฺตสนฺถววเสน. ตตฺถ อฏฺสตปเภทาปิ ตณฺหา ตณฺหาสนฺถโว, ทฺวาสฏฺิเภทาปิ ทิฏฺิ ทิฏฺิสนฺถโว, ปฏิพทฺธจิตฺตตาย มิตฺตานุกมฺปนา มิตฺตสนฺถโว. เตสุ โส อิธ อธิปฺเปโต. เตน หิสฺส สมาปตฺติ ปริหีนา. เตนาห – ‘‘เอตํ ภยํ สนฺถเว เปกฺขมาโน อหํ อธิคโต’’ติ. เสสํ วุตฺตสทิสเมวาติ.

มิตฺตสุหชฺชคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙๔. วํโส วิสาโลติ กา อุปฺปตฺติ? ปุพฺเพ กิร กสฺสปสฺส ภควโต สาสเน ตโย ปจฺเจกโพธิสตฺตา ปพฺพชิตฺวา วีสติ วสฺสสหสฺสานิ คตปจฺจาคตวตฺตํ ปูเรตฺวา เทวโลเก อุปฺปนฺนา. ตโต จวิตฺวา เตสํ เชฏฺโก พาราณสิราชกุเล นิพฺพตฺโต, อิตเร ทฺเว ปจฺจนฺตราชกุเลสุ. เต อุโภปิ กมฺมฏฺานํ อุคฺคเหตฺวา รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา อนุกฺกเมน ปจฺเจกพุทฺธา หุตฺวา นนฺทมูลกปพฺภาเร วสนฺตา เอกทิวสํ สมาปตฺติโต วุฏฺาย ‘‘มยํ กึ กมฺมํ กตฺวา อิมํ โลกุตฺตรสุขํ อนุปฺปตฺตา’’ติ อาวชฺเชตฺวา ปจฺจเวกฺขมานา กสฺสปพุทฺธกาเล อตฺตโน อตฺตโน จริยํ อทฺทสํสุ. ตโต ‘‘ตติโย กุหิ’’นฺติ อาวชฺเชนฺตา พาราณสิรชฺชํ กาเรนฺตํ ทิสฺวา ตสฺส คุเณ สริตฺวา ‘‘โส ปกติยาว อปฺปิจฺฉตาทิคุณสมนฺนาคโต โหติ, อมฺหากํเยว โอวาทโก วตฺตา วจนกฺขโม ปาปครหี, หนฺท, นํ อารมฺมณํ ทสฺเสตฺวา อาโรเจมา’’ติ โอกาสํ คเวสนฺตา ตํ เอกทิวสํ สพฺพาลงฺการวิภูสิตํ อุยฺยานํ คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา อากาเสนาคนฺตฺวา อุยฺยานทฺวาเร เวฬุคุมฺพมูเล อฏฺํสุ. มหาชโน อติตฺโต ราชทสฺสเนน ราชานํ อุลฺโลเกติ. ตโต ราชา ‘‘อตฺถิ นุ โข โกจิ มม ทสฺสเน พฺยาปารํ น กโรตี’’ติ โอโลเกนฺโต ปจฺเจกพุทฺเธ อทฺทกฺขิ. สห ทสฺสเนเนว จสฺส เตสุ สิเนโห อุปฺปชฺชิ. โส หตฺถิกฺขนฺธา โอรุยฺห สนฺเตน อาจาเรน อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ภนฺเต, กึ นาม ตุมฺเห’’ติ ปุจฺฉิ. เต ‘‘มยํ, มหาราช, อสชฺชมานา นามา’’ติ อาหํสุ. ‘‘ภนฺเต, อสชฺชมานาติ เอตสฺส โก อตฺโถ’’ติ? ‘‘อลคฺคนตฺโถ, มหาราชา’’ติ. ตโต เวฬุคุมฺพํ ทสฺเสตฺวา อาหํสุ – ‘‘เสยฺยถาปิ, มหาราช, อิมํ เวฬุคุมฺพํ สพฺพโส มูลขนฺธสาขานุสาขาหิ สํสิพฺพิตฺวา ิตํ อสิหตฺโถ ปุริโส มูเล เฉตฺวา อาวิฺฉนฺโต น สกฺกุเณยฺย อุทฺธริตุํ, เอวเมว ตฺวํ อนฺโต จ พหิ จ ชฏาย ชฏิโต อาสตฺตวิสตฺโต ตตฺถ วิลคฺโค. เสยฺยถาปิ วา ปนสฺส เวมชฺฌคโตปิ อยํ วํสกฬีโร อสฺชาตสาขตฺตา เกนจิ อลคฺโคว ิโต, สกฺกา จ ปน อคฺเค วา มูเล วา เฉตฺวา อุทฺธริตุํ, เอวเมว มยํ กตฺถจิ อสชฺชมานา สพฺพา ทิสา คจฺฉามา’’ติ ตาวเทว จตุตฺถชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา ปสฺสโต เอว รฺโ อากาเสน นนฺทมูลกปพฺภารํ อคมํสุ. ตโต ราชา จินฺเตสิ – ‘‘กทา นุ โข อหมฺปิ เอวํ อสชฺชมาโน ภเวยฺย’’นฺติ ตตฺเถว ิโต วิปสฺสนฺโต ปจฺเจกโพธึ สจฺฉากาสิ. ปุริมนเยเนว กมฺมฏฺานํ ปุจฺฉิโต อิมํ คาถํ อภาสิ.

ตตฺถ วํโสติ เวฬุ. วิสาโลติ วิตฺถิณฺโณ. -กาโร อวธารณตฺโถ, เอว-กาโร วา อยํ, สนฺธิวเสน เอตฺถ เอ-กาโร นฏฺา. ตสฺส ปรปเทน สมฺพนฺโธ. ตํ ปจฺฉา โยเชสฺสาม. ยถาติ ปฏิภาเค. วิสตฺโตติ ลคฺโค ชฏิโต สํสิพฺพิโต. ปุตฺเตสุ ทาเรสุ จาติ ปุตฺตธีตุภริยาสุ. ยา อเปกฺขาติ ยา ตณฺหา โย สิเนโห. วํสกฺกฬีโรว อสชฺชมาโนติ วํสกฬีโร วิย อลคฺคมาโน. กึ วุตฺตํ โหติ? ยถา วํโส วิสาโล วิสตฺโต เอว โหติ, ปุตฺเตสุ ทาเรสุ จ ยา อเปกฺขา, สาปิ เอวํ ตานิ วตฺถูนิ, สํสิพฺพิตฺวา ิตตฺตา วิสตฺตา เอว. สฺวาหํ ตาย อเปกฺขาย อเปกฺขวา วิสาโล วํโส วิย วิสตฺโตติ เอวํ อเปกฺขาย อาทีนวํ ทิสฺวา ตํ อเปกฺขํ มคฺคาเณน ฉินฺทนฺโต อยํ วํสกฬีโรว รูปาทีสุ วา ลาภาทีสุ วา กามภวาทีสุ วา ทิฏฺาทีสุ วา ตณฺหามานทิฏฺิวเสน อสชฺชมาโน ปจฺเจกโพธึ อธิคโตติ. เสสํ ปุริมนเยเนว เวทิตพฺพํ.

วํสกฺกฬีรคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙๕. มิโค อรฺมฺหีติ กา อุปฺปตฺติ? เอโก กิร ภิกฺขุ กสฺสปสฺส ภควโต สาสเน โยคาวจโร กาลํ กตฺวา พาราณสิยํ เสฏฺิกุเล อุปฺปนฺโน อฑฺเฒ มหทฺธเน มหาโภเค. โส สุภโค อโหสิ, ตโต ปรทาริโก หุตฺวา กาลงฺกโต นิรเย นิพฺพตฺโต ตตฺถ ปจฺจิตฺวา ปกฺกาวเสเสน เสฏฺิภริยาย กุจฺฉิมฺหิ อิตฺถี หุตฺวา ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. นิรยโต อาคตานํ สตฺตานํ คตฺตานิ อุณฺหานิ โหนฺติ. เตน เสฏฺิภริยา ฑยฺหมาเนน อุทเรน กิจฺเฉน กสิเรน ตํ คพฺภํ ธาเรตฺวา กาเลน ทาริกํ วิชายิ. สา ชาตทิวสโต ปภุติ มาตาปิตูนํ เสสพนฺธุปริชนานฺจ เทสฺสา อโหสิ. วยปฺปตฺตา จ ยมฺหิ กุเล ทินฺนา, ตตฺถาปิ สามิกสสฺสุสสุรานํ เทสฺสาว อโหสิ อปฺปิยา อมนาปา. อถ นกฺขตฺเต โฆสิเต เสฏฺิปุตฺโต ตาย สทฺธึ กีฬิตุํ อนิจฺฉนฺโต เวสึ อาเนตฺวา กีฬติ. สา ตํ ทาสีนํ สนฺติกา สุตฺวา เสฏฺิปุตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา นานปฺปกาเรหิ อนุนยิตฺวา จ อาห – ‘‘อยฺยปุตฺต, อิตฺถี นาม สเจปิ ทสนฺนํ ราชูนํ กนิฏฺา โหติ, จกฺกวตฺติโน วา ธีตา, ตถาปิ สามิกสฺส เปสนกรา โหติ. สามิเก อนาลปนฺเต สูเล อาโรปิตา วิย ทุกฺขํ ปฏิสํเวเทติ. สเจ อหํ อนุคฺคหารหา อนุคฺคเหตพฺพา, โน เจ, วิสฺสชฺเชตพฺพา. อตฺตโน าติกุลํ คมิสฺสามี’’ติ. เสฏฺิปุตฺโต – ‘‘โหตุ, ภทฺเท, มา โสจิ กีฬนสชฺชา โหหิ, นกฺขตฺตํ กีฬิสฺสามา’’ติ อาห. เสฏฺิธีตา ตาวตฺตเกน สลฺลาปมตฺเตน อุสฺสาหชาตา ‘‘สฺเว นกฺขตฺตํ กีฬิสฺสามี’’ติ พหุํ ขชฺชโภชฺชํ ปฏิยาเทติ. เสฏฺิปุตฺโต ทุติยทิวเส อนาโรเจตฺวาว กีฬนฏฺานํ คโต. สา ‘‘อิทานิ เปเสสฺสติ, อิทานิ เปเสสฺสตี’’ติ มคฺคํ โอโลเกนฺตี นิสินฺนา อุสฺสูรํ ทิสฺวา มนุสฺเส เปเสสิ. เต ปจฺจาคนฺตฺวา ‘‘เสฏฺิปุตฺโต คโต’’ติ อาโรเจสุํ. สา ตํ สพฺพํ ปฏิยาทิตํ อาทาย ยานํ อภิรุหิตฺวา อุยฺยานํ คนฺตุํ อารทฺธา.

อถ นนฺทมูลกปพฺภาเร ปจฺเจกสมฺพุทฺโธ สตฺตเม ทิวเส นิโรธา วุฏฺาย นาคลตาทนฺตกฏฺํ ขาทิตฺวา อโนตตฺตทเห มุขํ โธวิตฺวา ‘‘กตฺถ อชฺช ภิกฺขํ จริสฺสามา’’ติ อาวชฺเชนฺโต ตํ เสฏฺิธีตรํ ทิสฺวา ‘‘มยิ อิมิสฺสา สทฺธาการํ กาเรตฺวา ตํ กมฺมํ ปริกฺขยํ คมิสฺสตี’’ติ ตฺวา ปพฺภารสมีเป สฏฺิโยชนมโนสิลาตเล ตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย อภิฺาปาทกํ ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา อากาเสนาคนฺตฺวา ตสฺสา ปฏิปเถ โอรุยฺห พาราณสึ อภิมุโข อคมาสิ. ตํ ทิสฺวาว ทาสิโย เสฏฺิธีตาย อาโรเจสุํ. สา ยานา โอรุยฺห สกฺกจฺจํ วนฺทิตฺวา ปตฺตํ สพฺพรสสมฺปนฺเนน ขาทนีเยน โภชนีเยน ปูเรตฺวา ปทุมปุปฺเผน ปฏิจฺฉาเทตฺวา เหฏฺาปิ ปทุมปุปฺผํ กตฺวา ปุปฺผกลาปํ หตฺเถน คเหตฺวา ปจฺเจกพุทฺธสฺส หตฺเถ ปตฺตํ ทตฺวา วนฺทิตฺวา ปุปฺผกลาปหตฺถา ปตฺถนํ อกาสิ – ‘‘ภนฺเต, ยถา อิทํ ปุปฺผํ, เอวาหํ ยตฺถ ยตฺถ อุปปชฺชามิ, ตตฺถ ตตฺถ มหาชนสฺส ปิยา ภเวยฺยํ มนาปา’’ติ. เอวํ ปตฺเถตฺวา ทุติยมฺปิ ปตฺเถสิ – ‘‘ภนฺเต, ทุกฺโข คพฺภวาโส, ตํ อนุปคมฺม ปทุมปุปฺเผ เอว ปฏิสนฺธิ ภเวยฺยา’’ติ. ตติยมฺปิ ปตฺเถสิ – ‘‘ภนฺเต, เชคุจฺโฉ มาตุคาโม, จกฺกวตฺติธีตาปิ ปรวสํ คจฺฉติ. ตสฺมา อหํ อิตฺถิภาวํ อนุปคมฺม ปุริโส ภเวยฺย’’นฺติ. จตุตฺถมฺปิ ปตฺเถสิ – ‘‘ภนฺเต, อิมํ สํสารทุกฺขํ อติกฺกมฺม ปริโยสาเน ตุมฺเหหิ ปตฺตํ อมตํ ปาปุเณยฺย’’นฺติ. เอวํ จตุโร ปณิธี กตฺวา ตํ ปทุมปุปฺผกลาปํ ปูเชตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา ‘‘ปุปฺผสทิโส เอว เม คนฺโธ เจว วณฺโณ จ โหตู’’ติ อิมํ ปฺจมํ ปณิธึ อกาสิ.

ตโต ปจฺเจกพุทฺโธ ปตฺตฺจ ปุปฺผกลาปฺจ คเหตฺวา อากาเส ตฺวา –

‘‘อิจฺฉิตํ ปตฺถิตํ ตุยฺหํ, ขิปฺปเมว สมิชฺฌตุ;

สพฺเพ ปูเรนฺตุ สงฺกปฺปา, จนฺโท ปนฺนรโส ยถา’’ติ. –

อิมาย คาถาย เสฏฺิธีตาย อนุโมทนํ กตฺวา ‘‘เสฏฺิธีตา มํ คจฺฉนฺตํ ปสฺสตู’’ติ อธิฏฺหิตฺวา อากาเสน นนฺทมูลกปพฺภารํ อคมาสิ. เสฏฺิธีตาย ตํ ปสฺสนฺติยา มหตี ปีติ อุปฺปชฺชิ. ภวนฺตเร กตํ อกุสลํ กมฺมํ อโนกาสตาย ปริกฺขีณํ จิฺจมฺพิลโธตตมฺพโลหภาชนมิว สุทฺธา ชาตา. ตาวเทวสฺสา ปติกุเล าติกุเล จ สพฺโพ ชโน ตุฏฺโ. ‘‘กึ กโรมา’’ติ ปิยวจนานิ จ ปณฺณาการานิ จ เปเสสิ. สามิโกปิ มนุสฺเส เปเสสิ – ‘‘เสฏฺิธีตรํ สีฆํ อาเนถ, อหํ วิสฺสริตฺวา อุยฺยานํ อาคโต’’ติ. ตโต ปภุติ จ นํ อุเร วิลิตฺตจนฺทนํ วิย อามุตฺตมุตฺตาหารํ วิย ปุปฺผมาลา วิย จ ปิยายนฺโต ปริหริ. สา ตตฺถ ยาวตายุกํ อิสฺสริยโภคยุตฺตสุขํ อนุภวิตฺวา กาลํ กตฺวา ปุริสภาเวน เทวโลเก ปทุมปุปฺเผ อุปฺปชฺชิ. โส เทวปุตฺโต คจฺฉนฺโตปิ ปทุมปุปฺผคพฺเภ เอว คจฺฉติ, ติฏฺนฺโตปิ นิสีทนฺโตปิ สยนฺโตปิ ปทุมปุปฺผคพฺเภเยว สยติ. ‘‘มหาปทุมเทวปุตฺโต’’ติ จ นํ โวหรึสุ. เอวํ โส เตน อิทฺธานุภาเวน อนุโลมปฏิโลมํ ฉ เทวโลเก เอว สํสรติ.

เตน จ สมเยน พาราณสิรฺโ วีสติ อิตฺถิสหสฺสานิ โหนฺติ. ตาสุ เอกาปิ ปุตฺตํ น ลภติ. อมจฺจา ราชานํ วิฺาเปสุํ – ‘‘เทว, กุลวํสานุปาลโก ปุตฺโต อิจฺฉิตพฺโพ, อตฺรเช อวิชฺชมาเน เขตฺตโชปิ กุลวํสธโร โหตี’’ติ. อถ ราชา ‘‘เปตฺวา มเหสึ อวเสสา อิตฺถิโย สตฺตาหํ ธมฺมนาฏกํ กโรถา’’ติ ยถากามํ พหิ จราเปสิ, ตถาปิ ปุตฺตํ นาลตฺถ. ปุน อมจฺจา อาหํสุ – ‘‘มหาราช, มเหสี นาม ปุฺเน จ ปฺาย จ สพฺพอิตฺถีนํ อคฺคา, อปฺเปว นาม เทโว มเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ ปุตฺตํ ลเภยฺยา’’ติ. ราชา มเหสิยา เอตมตฺถํ อาโรเจสิ. สา อาห – ‘‘มหาราช, ยา อิตฺถี สีลวตี สจฺจวาทินี, สา ปุตฺตํ ลเภยฺย, หิโรตฺตปฺปรหิตาย กุโต ปุตฺโต’’ติ ปาสาทํ อภิรุหิตฺวา ปฺจ สีลานิ สมาทิยิตฺวา ปุนปฺปุนํ อาวชฺเชสิ, สีลวติยา ราชธีตาย ปฺจ สีลานิ อาวชฺเชนฺติยา ปุตฺตปตฺถนาจิตฺเต อุปฺปนฺนมตฺเต สกฺกสฺส อาสนํ สํกมฺปิ.

อถ สกฺโก อาวชฺเชนฺโต เอตมตฺถํ วิทิตฺวา – ‘‘สีลวติยา ราชธีตาย ปุตฺตวรํ เทมี’’ติ อากาเสนาคนฺตฺวา เทวิยา สมฺมุเข ิโต ‘‘กึ วเรสิ, เทวี’’ติ? ‘‘ปุตฺตํ, มหาราชา’’ติ. ‘‘ทมฺมิ เต, เทวิ, ปุตฺตํ, มา จินฺตยี’’ติ วตฺวา เทวโลกํ คนฺตฺวา ‘‘อตฺถิ นุ โข เอตฺถ ขีณายุโก’’ติ อาวชฺเชนฺโต ‘‘อยํ มหาปทุโม อุปริเทวโลกํ คนฺตุกาโม จ ภวิสฺสตี’’ติ ตฺวา ตสฺส วิมานํ คนฺตฺวา ‘‘ตาต มหาปทุม, มนุสฺสโลกํ คจฺฉาหี’’ติ ยาจิ. โส ‘‘มา เอวํ, มหาราช, ภณ, เชคุจฺฉิโต มนุสฺสโลโก’’ติ. ‘‘ตาต, ตฺวํ มนุสฺสโลเก ปุฺํ กตฺวา อิธูปปนฺโน, ตตฺเถว ตฺวา ปารมิโย ปูเรตพฺพา, คจฺฉ, ตาตา’’ติ. ‘‘ทุกฺโข, มหาราช, คพฺภวาโส, น สกฺโกมิ ตตฺถ วสิตุ’’นฺติ. ‘‘ตาต, เต คพฺภวาโส นตฺถิ, ตถา หิ ตฺวํ กมฺมมกาสิ, ยถา ปทุมคพฺเภเยว นิพฺพตฺติสฺสสิ, คจฺฉ, ตาตา’’ติ ปุนปฺปุนํ วุจฺจมาโน อธิวาเสสิ.

โส เทวโลกา จวิตฺวา พาราณสิรฺโ อุยฺยาเน สิลาปฏฺฏโปกฺขรณิยํ ปทุมคพฺเภ นิพฺพตฺโต. ตฺจ รตฺตึ ปจฺจูสสมเย มเหสี สุปินนฺเตน วีสติอิตฺถิสหสฺสปริวุตา อุยฺยานํ คนฺตฺวา สิลาปฏฺฏโปกฺขรณิยํ ปทุมคพฺเภ ปุตฺตํ ลทฺธา วิย อโหสิ. สา ปภาตาย รตฺติยา สีลานิ รกฺขมานา ตตฺถ คนฺตฺวา เอกํ ปทุมปุปฺผํ อทฺทส, ตํ เนว ตีเร โหติ น คมฺภีเร. สห ทสฺสเนเนว จสฺสา ตตฺถ ปุตฺตสิเนโห อุปฺปชฺชิ. สา สยํ เอว โอตริตฺวา ตํ ปุปฺผํ อคฺคเหสิ, ปุปฺเผ คหิตมตฺเตเยว ปตฺตานิ วิกสึสุ. ตตฺถ สุวณฺณปฏิมํ วิย ทารกํ อทฺทส, ทิสฺวาว ‘‘ปุตฺโต เม ลทฺโธ’’ติ สทฺทํ นิจฺฉาเรสิ. มหาชโน สาธุการสหสฺสานิ ปวตฺเตสิ. รฺโ จ เปเสสิ. ราชา สุตฺวา ‘‘กตฺถ ลทฺโธ’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ลทฺโธกาสํ สุตฺวา ‘‘อุยฺยานฺจ โปกฺขรณิยํ ปทุมฺจ อมฺหากํเยว, ตสฺมา อมฺหากํ เขตฺเต ชาตตฺตา เขตฺตโช นามายํ ปุตฺโต’’ติ วตฺวา นครํ ปเวเสตฺวา วีสติสหสฺสอิตฺถิโย ธาติกิจฺจํ กาเรสิ. ยา ยา กุมารสฺส รุจึ ตฺวา ปตฺถิตํ ปตฺถิตํ ขาทนียํ ขาทาเปติ, สา สา สหสฺสํ ลภติ. สกลพาราณสี จลิตา, สพฺโพ ชโน กุมารสฺส ปณฺณาการสหสฺสานิ เปเสสิ. กุมาโร ตํ ตํ อติเนตฺวา ‘‘อิมํ ขาท, อิมํ ภุฺชา’’ติ วุจฺจมาโน โภชเนน อุพฺพาฬฺโห อุกฺกณฺิโต หุตฺวา โคปุรทฺวารํ คนฺตฺวา ลาขาคุฬเกน กีฬติ.

ตทา อฺตโร ปจฺเจกพุทฺโธ พาราณสึ นิสฺสาย อิสิปตเน วสติ. โส กาลสฺเสว วุฏฺาย เสนาสนวตฺตสรีรปริกมฺมมนสิการาทีนิ สพฺพกิจฺจานิ กตฺวา ปฏิสลฺลานา วุฏฺิโต ‘‘อชฺช กตฺถ ภิกฺขํ คเหสฺสามี’’ติ อาวชฺเชนฺโต กุมารสฺส สมฺปตฺตึ ทิสฺวา ‘‘เอส ปุพฺเพ กึ กมฺมํ กรี’’ติ วีมํสนฺโต ‘‘มาทิสสฺส ปิณฺฑปาตํ ทตฺวา จตสฺโส ปตฺถนา ปตฺเถสิ, ตตฺถ ติสฺโส สิทฺธา, เอกา ตาว น สิชฺฌติ, ตสฺส อุปาเยน อารมฺมณํ ทสฺเสมี’’ติ ภิกฺขาจารวเสน กุมารสฺส สนฺติกํ อคมาสิ. กุมาโร ตํ ทิสฺวา ‘‘สมณ, มา อิธ อาคจฺฉิ, อิเม หิ ตมฺปิ ‘อิมํ ขาท, อิมํ ภุฺชา’ติ วเทยฺยุ’’นฺติ อาห. โส เอกวจเนเนว ตโต นิวตฺติตฺวา อตฺตโน เสนาสนํ อคมาสิ. กุมาโร ปริชนํ อาห – ‘‘อยํ สมโณ มยา วุตฺตมตฺโตว นิวตฺโต, กุทฺโธ นุ โข มมา’’ติ. โส เตหิ ‘‘ปพฺพชิตา นาม น โกธปรายณา โหนฺติ, ปเรน ปสนฺนมเนน ยํ ทินฺนํ, เตน ยาเปนฺตี’’ติ วุจฺจมาเนปิ ‘‘ทุฏฺโ เอวรูโป นาม สมโณ, ขมาเปสฺสามิ น’’นฺติ มาตาปิตูนํ อาโรเจตฺวา หตฺถึ อภิรุหิตฺวา มหตา ราชานุภาเวน อิสิปตนํ คนฺตฺวา มิคยูถํ ทิสฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘กินฺนาเมเต’’ติ? ‘‘เอเต, สามิ, มิคา นามา’’ติ. ‘‘เอเตสํ ‘อิมํ ขาทถ, อิมํ ภุฺชถ, อิมํ สายถา’ติ วตฺวา ปฏิชคฺคนฺตา อตฺถี’’ติ? ‘‘นตฺถิ, สามิ, ยตฺถ ติโณทกํ สุลภํ ตตฺถ วสนฺตี’’ติ.

กุมาโร ‘‘ยถา อิเม อรกฺขิยมานาว ยตฺถ อิจฺฉนฺติ, ตตฺถ วสนฺติ, กทา นุ โข อหมฺปิ เอวํ วเสยฺย’’นฺติ เอตํ อารมฺมณํ อคฺคเหสิ. ปจฺเจกพุทฺโธปิ ตสฺส อาคมนํ ตฺวา เสนาสนมคฺคฺจ จงฺกมนฺจ สมฺมชฺชิตฺวา มฏฺํ กตฺวา เอกทฺวตฺติกฺขตฺตุํ จงฺกมิตฺวา ปทนิกฺเขปํ ทสฺเสตฺวา ทิวาวิหาโรกาสฺจ ปณฺณสาลฺจ สมฺมชฺชิตฺวา มฏฺํ กตฺวา ปวิสนปทนิกฺเขปํ ทสฺเสตฺวา นิกฺขมนปทนิกฺเขปํ อทสฺเสตฺวา อฺตฺร อคมาสิ. กุมาโร ตตฺถ คนฺตฺวา ตํ ปเทสํ สมฺมชฺชิตฺวา มฏฺกตํ ทิสฺวา ‘‘วสติ มฺเ เอตฺถ โส ปจฺเจกพุทฺโธ’’ติ ปริชเนน ภาสิตํ สุตฺวา อาห – ‘‘ปาโตปิ โส สมโณ ทุสฺสติ, อิทานิ หตฺถิอสฺสาทีหิ อตฺตโน โอกาสํ อกฺกนฺตํ ทิสฺวา สุฏฺุตรํ ทุสฺเสยฺย, อิเธว ตุมฺเห ติฏฺถา’’ติ หตฺถิกฺขนฺธา โอรุยฺห เอกโกว เสนาสนํ ปวิฏฺโ วตฺตสีเสน สุสมฺมฏฺโกาเส ปทนิกฺเขปํ ทิสฺวา ‘‘โส ทานายํ สมโณ เอตฺถ จงฺกมนฺโต น วณิชฺชาทิกมฺมํ จินฺเตสิ, อทฺธายํ อตฺตโน หิตเมว จินฺเตสิ มฺเ’’ติ ปสนฺนมานโส จงฺกมํ อภิรุหิตฺวา ทูรีกตปุถุวิตกฺโก คนฺตฺวา ปาสาณผลเก นิสีทิตฺวา สฺชาตเอกคฺโค หุตฺวา ปณฺณสาลํ ปวิสิตฺวา วิปสฺสนฺโต ปจฺเจกโพธิาณํ อธิคนฺตฺวา ปุริมนเยเนว ปุโรหิเตน กมฺมฏฺานํ ปุจฺฉิโต คคนตเล นิสินฺโน อิมํ คาถมภาสิ.

ตตฺถ มิโคติ ทฺเว มิคา – เอณีมิโค จ ปสทมิโค จ. อปิจ สพฺเพสํ อารฺิกานํ จตุปฺปทานํ เอตํ อธิวจนํ. อิธ ปน ปสทมิโค อธิปฺเปโตติ วทนฺติ. อรฺมฺหีติ คามฺจ คามูปจารฺจ เปตฺวา อวเสสํ อรฺํ, อิธ ปน อุยฺยานํ อธิปฺเปตํ, ตสฺมา ‘‘อุยฺยานมฺหี’’ติ วุตฺตํ โหติ. ยถาติ ปฏิภาเค. อพทฺโธติ รชฺชุพนฺธนาทีหิ อพทฺโธ, เอเตน วิสฺสตฺถจริยํ ทีเปติ. เยนิจฺฉกํ คจฺฉติ โวจรายาติ เยน เยน ทิสาภาเคน คนฺตุมิจฺฉติ, เตน เตน ทิสาภาเคน โคจราย คจฺฉติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ ภควตา –

‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, อารฺโก มิโค อรฺเ ปวเน จรมาโน วิสฺสตฺโถ คจฺฉติ, วิสฺสตฺโถ ติฏฺติ, วิสฺสตฺโถ นิสีทติ, วิสฺสตฺโถ เสยฺยํ กปฺเปติ. ตํ กิสฺส เหตุ? อนาปาถคโต, ภิกฺขเว, ลุทฺทสฺส, เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วิวิจฺเจว กาเมหิ…เป… ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อนฺตมกาสิ มารํ อปทํ, วธิตฺวา มารจกฺขุํ อทสฺสนํ คโต ปาปิมโต’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๘๗; จูฬนิ. ขคฺควิสาณสุตฺตนิทฺเทส ๑๒๕) วิตฺถาโร.

เสริตนฺติ สจฺฉนฺทวุตฺติตํ อปรายตฺตตํ วา, อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา มิโค อรฺมฺหิ อพทฺโธ เยนิจฺฉกํ คจฺฉติ โคจราย, ตถา กทา นุ โข อหมฺปิ ตณฺหาพนฺธนํ ฉินฺทิตฺวา เอวํ คจฺเฉยฺยนฺติ. วิฺู ปณฺฑิโต นโร เสริตํ เปกฺขมาโน เอโก จเรติ.

มิโคอรฺคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙๖. อามนฺตนา โหตีติ กา อุปฺปตฺติ? พาราณสิรฺโ กิร มหาอุปฏฺานสมเย อมจฺจา อุปสงฺกมึสุ. เตสุ เอโก อมจฺโจ ‘‘เทว, โสตพฺพํ อตฺถี’’ติ เอกมนฺตํ คมนํ ยาจิ. โส อุฏฺายาสนา อคมาสิ. ปุน เอโก มหาอุปฏฺาเน นิสินฺนํ ยาจิ, เอโก หตฺถิกฺขนฺเธ นิสินฺนํ, เอโก อสฺสปิฏฺิยํ นิสินฺนํ, เอโก สุวณฺณรเถ นิสินฺนํ, เอโก สิวิกาย นิสีทิตฺวา อุยฺยานํ คจฺฉนฺตํ ยาจิ. ราชา ตโต โอโรหิตฺวา อคมาสิ. อปโร ชนปทจาริกํ คจฺฉนฺตํ ยาจิ, ตสฺสปิ วจนํ สุตฺวา หตฺถิกฺขนฺธโต โอรุยฺห เอกมนฺตํ อคมาสิ. เอวํ โส เตหิ นิพฺพินฺโน หุตฺวา ปพฺพชิ. อมจฺจา อิสฺสริเยน วฑฺฒนฺติ. เตสุ เอโก คนฺตฺวา ราชานํ อาห – ‘‘อสุกํ นาม, มหาราช, ชนปทํ มยฺหํ เทหี’’ติ. ราชา ตํ ‘‘อิตฺถนฺนาโม ภุฺชตี’’ติ ภณติ. โส รฺโ วจนํ อนาทิยิตฺวา ‘‘คจฺฉามหํ ตํ ชนปทํ คเหตฺวา ภุฺชามี’’ติ ตตฺถ คนฺตฺวา กลหํ กตฺวา ปุน อุโภปิ รฺโ สนฺติกํ อาคนฺตฺวา อฺมฺสฺส โทสํ อาโรเจนฺติ. ราชา ‘‘น สกฺกา อิเม โตเสตุ’’นฺติ เตสํ โลเภ อาทีนวํ ทิสฺวา วิปสฺสนฺโต ปจฺเจกโพธึ สจฺฉากาสิ. โส ปุริมนเยน อิมํ อุทานํ อภาสิ.

ตสฺสตฺโถ – สหายมชฺเฌ ิตสฺส ทิวาเสยฺยสงฺขาเต วาเส จ, มหาอุปฏฺานสงฺขาเต าเน จ, อุยฺยานคมนสงฺขาเต คมเน จ, ชนปทจาริกสงฺขาตาย จาริกาย จ, ‘‘อิทํ เม สุณ, อิทํ เม เทหี’’ติอาทินา นเยน ตถา ตถา อามนฺตนา โหติ, ตสฺมา อหํ ตตฺถ นิพฺพิชฺชิตฺวา ยายํ อริยชนเสวิตา อเนกานิสํสา เอกนฺตสุขา, เอวํ สนฺเตปิ โลภาภิภูเตหิ สพฺพกาปุริเสหิ อนภิปตฺถิตา ปพฺพชฺชา, ตํ อนภิชฺฌิตํ ปเรสํ อวสวตฺตเนน ภพฺพปุคฺคลวเสน เสริตฺจ เปกฺขมาโน วิปสฺสนํ อารภิตฺวา อนุกฺกเมน ปจฺเจกโพธึ อธิคโตสฺมิ. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ.

อามนฺตนาคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙๗. ขิฑฺฑารตีติ กา อุปฺปตฺติ? พาราณสิยํ กิร เอกปุตฺตกพฺรหฺมทตฺโต นาม ราชา อโหสิ. โส ตสฺส เอกปุตฺตโก ปิโย อโหสิ มนาโป ปาณสโม, ราชา สพฺพอิริยาปเถสุ ปุตฺตกํ คเหตฺวาว วตฺตติ. โส เอกทิวสํ อุยฺยานํ คจฺฉนฺโต ตํ เปตฺวา คโต. กุมาโรปิ ตํ ทิวสํเยว อุปฺปนฺเนน พฺยาธินา มโต. อมจฺจา ‘‘ปุตฺตสิเนเหน รฺโ หทยมฺปิ ผเลยฺยา’’ติ อนาโรเจตฺวาว นํ ฌาเปสุํ. ราชา อุยฺยาเน สุรามเทน มตฺโต ปุตฺตํ เนว สรติ, ตถา ทุติยทิวเสปิ นฺหานโภชนเวลาสุ. อถ ภุตฺตาวี นิสินฺโน สริตฺวา ‘‘ปุตฺตํ เม อาเนถา’’ติ อาห. ตสฺส อนุรูเปน วิธาเนน ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสุํ. ตโต โสกาภิภูโต นิสินฺโน เอวํ โยนิโส มนสากาสิ – ‘‘อิมสฺมึ สติ อิทํ โหติ, อิมสฺสุปฺปาทา อิทํ อุปฺปชฺชตี’’ติ. เอวํ อนุกฺกเมน อนุโลมปฏิโลมํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ สมฺมสนฺโต ปจฺเจกสมฺโพธึ สจฺฉากาสิ. เสสํ สํสคฺคคาถาวณฺณนายํ วุตฺตสทิสเมว เปตฺวา คาถายตฺถวณฺณนํ.

อตฺถวณฺณนา ปน – ขิฑฺฑาติ กีฬนา. สา ทุวิธา โหติ กายิกา จ วาจสิกา จ. ตตฺถ กายิกา นาม หตฺถีหิปิ กีฬนฺติ, อสฺเสหิปิ รเถหิปิ ธนูหิปิ ถรูหิปีติ เอวมาทิ. วาจสิกา นาม คีตํ สิโลกภณนํ มุขเภริอาลมฺพรเภรีติ เอวมาทิ. รตีติ ปฺจกามคุณรติ. วิปุลนฺติ ยาว อฏฺิมิฺชํ อหจฺจ าเนน สกลตฺตภาวพฺยาปกํ. เสสํ ปากฏเมว. อนุสนฺธิโยชนาปิ เจตฺถ สํสคฺคคาถาย วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพา, ตโต ปรฺจ สพฺพํ.

ขิฑฺฑารติคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙๘. จาตุทฺทิโสติ กา อุปฺปตฺติ? ปุพฺเพ กิร กสฺสปสฺส ภควโต สาสเน ปฺจ ปจฺเจกโพธิสตฺตา ปพฺพชิตฺวา วีสติ วสฺสสหสฺสานิ คตปจฺจาคตวตฺตํ ปูเรตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺตา. ตโต จวิตฺวา เตสํ เชฏฺโก พาราณสิราชา อโหสิ, เสสา ปากติกราชาโน. เต จตฺตาโรปิ กมฺมฏฺานํ อุคฺคณฺหิตฺวา รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา อนุกฺกเมน ปจฺเจกพุทฺธา หุตฺวา นนฺทมูลกปพฺภาเร วสนฺตา เอกทิวสํ สมาปตฺติโต วุฏฺาย วํสกฺกฬีรคาถายํ วุตฺตนเยเนว อตฺตโน กมฺมฺจ สหายฺจ อาวชฺเชตฺวา ตฺวา พาราณสิรฺโ อุปาเยน อารมฺมณํ ทสฺเสตุํ โอกาสํ คเวสนฺติ. โส จ ราชา ติกฺขตฺตุํ รตฺติยา อุพฺพิชฺชติ, ภีโต วิสฺสรํ กโรติ, มหาตเล ธาวติ. ปุโรหิเตน กาลสฺเสว วุฏฺาย สุขเสยฺยํ ปุจฺฉิโตปิ ‘‘กุโต เม, อาจริย, สุข’’นฺติ สพฺพํ ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ. ปุโรหิโตปิ ‘‘อยํ โรโค น สกฺกา เยน เกนจิ อุทฺธํ วิเรจนาทินา เภสชฺชกมฺเมน วิเนตุํ, มยฺหํ ปน ขาทนูปาโย อุปฺปนฺโน’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘รชฺชหานิชีวิตนฺตรายาทีนํ ปุพฺพนิมิตฺตํ เอตํ, มหาราชา’’ติ ราชานํ สุฏฺุตรํ อุพฺเพเชตฺวา ‘‘ตสฺส วูปสมนตฺถํ เอตฺตเก จ เอตฺตเก จ หตฺถิอสฺสรถาทโย หิรฺสุวณฺณฺจ ทกฺขิณํ ทตฺวา ยฺโ ยชิตพฺโพ’’ติ ยฺยชเน สมาทเปสิ.

ตโต ปจฺเจกพุทฺธา อเนกานิ ปาณสหสฺสานิ ยฺตฺถาย สมฺปิณฺฑิยมานานิ ทิสฺวา ‘‘เอตสฺมึ กมฺเม กเต ทุพฺโพธเนยฺโย ภวิสฺสติ, หนฺท นํ ปฏิกจฺเจว คนฺตฺวา เปกฺขามา’’ติ วํสกฺกฬีรคาถายํ วุตฺตนเยน อาคนฺตฺวา ปิณฺฑาย จรมานา ราชงฺคเณ ปฏิปาฏิยา อคมํสุ. ราชา สีหปฺชเร ิโต ราชงฺคณํ โอโลกยมาโน เต อทฺทกฺขิ, สห ทสฺสเนเนว จสฺส สิเนโห อุปฺปชฺชิ. ตโต เต ปกฺโกสาเปตฺวา อากาสตเล ปฺตฺตาสเน นิสีทาเปตฺวา สกฺกจฺจํ โภเชตฺวา กตภตฺตกิจฺเจ ‘‘เก ตุมฺเห’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘มยํ, มหาราช, จาตุทฺทิสา นามา’’ติ. ‘‘ภนฺเต, จาตุทฺทิสาติ อิมสฺส โก อตฺโถ’’ติ? ‘‘จตูสุ ทิสาสุ กตฺถจิ กุโตจิ ภยํ วา จิตฺตุตฺราโส วา อมฺหากํ นตฺถิ, มหาราชา’’ติ. ‘‘ภนฺเต, ตุมฺหากํ ตํ ภยํ กึ การณา น โหตี’’ติ? ‘‘มยํ, มหาราช, เมตฺตํ ภาเวม, กรุณํ ภาเวม, มุทิตํ ภาเวม, อุเปกฺขํ ภาเวม. เตน โน ตํ ภยํ น โหตี’’ติ วตฺวา อุฏฺายาสนา อตฺตโน วสนฏฺานํ อคมํสุ.

ตโต ราชา จินฺเตสิ – ‘‘อิเม สมณา ‘เมตฺตาทิภาวนาย ภยํ น โหตี’ติ ภณนฺติ, พฺราหฺมณา ปน อเนกสหสฺสปาณวธํ วณฺณยนฺติ, เกสํ นุ โข วจนํ สจฺจ’’นฺติ? อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘สมณา สุทฺเธน อสุทฺธํ โธวนฺติ, พฺราหฺมณา ปน อสุทฺเธน อสุทฺธํ. น สกฺกา โข ปน อสุทฺเธน อสุทฺธํ โธวิตุํ, ปพฺพชิตานํ เอว วจนํ สจฺจ’’นฺติ. โส ‘‘สพฺเพ สตฺตา สุขิตา โหนฺตู’’ติอาทินา นเยน เมตฺตาทโย จตฺตาโรปิ พฺรหฺมวิหาเร ภาเวตฺวา หิตผรเณน จิตฺเตน อมจฺเจ อาณาเปสิ – ‘‘สพฺเพ ปาเณ มุฺจถ, สีตานิ ปานียานิ ปิวนฺตุ, หริตานิ ติณานิ ขาทนฺตุ, สีโต จ วาโต เตสํ อุปวายตู’’ติ. เต ตถา อกํสุ.

ตโต ราชา ‘‘กลฺยาณมิตฺตานํ วจเนน ปาปกมฺมโต มุตฺโตมฺหี’’ติ ตตฺเถว นิสินฺโน วิปสฺสิตฺวา ปจฺเจกโพธึ สจฺฉากาสิ. อมจฺเจหิ จ โภชนเวลายํ ‘‘ภุฺช, มหาราช, กาโล’’ติ วุตฺเต ‘‘นาหํ ราชา’’ติ ปุริมนเยเนว สพฺพํ วตฺวา อิมํ อุทานพฺยากรณคาถํ อภาสิ.

ตตฺถ จาตุทฺทิโสติ จตูสุ ทิสาสุ ยถาสุขวิหารี, ‘‘เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรตี’’ติอาทินา วา นเยน พฺรหฺมวิหารภาวนาย ผริตา จตสฺโส ทิสา อสฺส สนฺตีติ จาตุทฺทิโส. ตาสุ จตูสุ ทิสาสุ กตฺถจิ สตฺเต วา สงฺขาเร วา ภเยน น ปฏิหนตีติ อปฺปฏิโฆ. สนฺตุสฺสมาโนติ ทฺวาทสวิธสฺส สนฺโตสสฺส วเสน สนฺตุสฺสโก จ. อิตรีตเรนาติ อุจฺจาวเจน ปจฺจเยน. ปริสฺสยานํ สหิตา อฉมฺภีติ เอตฺถ ปริสฺสยนฺติ กายจิตฺตานิ, ปริหาเปนฺติ วา เตสํ สมฺปตฺตึ, ตานิ วา ปฏิจฺจ สยนฺตีติ ปริสฺสยา, พาหิรานํ สีหพฺยคฺฆาทีนํ อพฺภนฺตรานฺจ กามจฺฉนฺทาทีนํ กายจิตฺตุปทฺทวานํ เอตํ อธิวจนํ. เต ปริสฺสเย อธิวาสนขนฺติยา จ วีริยาทีหิ ธมฺเมหิ จ สหตีติ ปริสฺสยานํ สหิตา. ถทฺธภาวกรภยาภาเวน อฉมฺภี. กึ วุตฺตํ โหติ? ยถา เต จตฺตาโร สมณา, เอวํ อิตรีตเรน ปจฺจเยน สนฺตุสฺสมาโน เอตฺถ ปฏิปตฺติปทฏฺาเน สนฺโตเส ิโต จตูสุ ทิสาสุ เมตฺตาทิภาวนาย จาตุทฺทิโส, สตฺตสงฺขาเรสุ ปฏิหนนภยาภาเวน อปฺปฏิโฆ จ โหติ. โส จาตุทฺทิสตฺตา วุตฺตปฺปการานํ ปริสฺสยานํ สหิตา, อปฺปฏิฆตฺตา อฉมฺภี จ โหตีติ เอวํ ปฏิปตฺติคุณํ ทิสฺวา โยนิโส ปฏิปชฺชิตฺวา ปจฺเจกโพธึ อธิคโตมฺหีติ. อถ วา เต สมณา วิย สนฺตุสฺสมาโน อิตรีตเรน วุตฺตนเยน จาตุทฺทิโส โหตีติ ตฺวา เอวํ จาตุทฺทิสภาวํ ปตฺถยนฺโต โยนิโส ปฏิปชฺชิตฺวา อธิคโตมฺหิ. ตสฺมา อฺโปิ อีทิสํ านํ ปตฺถยนฺโต จาตุทฺทิสตาย ปริสฺสยานํ สหิตา อปฺปฏิฆตาย จ อฉมฺภี หุตฺวา เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโปติ. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ.

จาตุทฺทิสคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙๙. ทุสฺสงฺคหาติ กา อุปฺปตฺติ? พาราณสิรฺโ กิร อคฺคมเหสี กาลมกาสิ. ตโต วีติวตฺเตสุ โสกทิวเสสุ เอกทิวสํ อมจฺจา ‘‘ราชูนํ นาม เตสุ เตสุ กิจฺเจสุ อคฺคมเหสี อวสฺสํ อิจฺฉิตพฺพา, สาธุ เทโว อฺมฺปิ เทวึ อาเนตู’’ติ ยาจึสุ. ราชา ‘‘เตน หิ, ภเณ, ชานาถา’’ติ อาห. เต ปริเยสนฺตา สามนฺตรชฺเช ราชา มโต, ตสฺส เทวี รชฺชํ อนุสาสติ, สา จ คพฺภินี อโหสิ, อมจฺจา ‘‘อยํ รฺโ อนุรูปา’’ติ ตฺวา ตํ ยาจึสุ. สา ‘‘คพฺภินี นาม มนุสฺสานํ อมนาปา โหติ. สเจ อาคเมถ, ยาว วิชายามิ, เอวํ สาธุ. โน เจ, อฺํ ปริเยสถา’’ติ อาห. เต รฺโปิ เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. ราชา ‘‘คพฺภินีปิ โหตุ, อาเนถา’’ติ อาห. เต อาเนสุํ. ราชา ตํ อภิสิฺจิตฺวา สพฺพํ มเหสิยา โภคํ อทาสิ, ตสฺสา ปริชนานฺจ นานาวิเธหิ ปณฺณากาเรหิ สงฺคณฺหาติ. สา กาเลน ปุตฺตํ วิชายิ. ราชา ตํ อตฺตโน ปุตฺตํ วิย สพฺพิริยาปเถสุ องฺเก จ อุเร จ กตฺวา วิหรติ. ตทา เทวิยา ปริชนา จินฺเตสุํ – ‘‘ราชา อติวิย สงฺคณฺหาติ, กุมาเร อติวิสฺสาสํ กโรติ, หนฺท, นํ ปริภินฺทิสฺสามา’’ติ.

ตโต กุมารํ อาหํสุ – ‘‘ตฺวํ, ตาต, อมฺหากํ รฺโ ปุตฺโต, น อิมสฺส รฺโ ปุตฺโต. มา เอตฺถ วิสฺสาสํ อาปชฺชี’’ติ. อถ กุมาโร ‘‘เอหิ ปุตฺตา’’ติ รฺา วุจฺจมาโนปิ หตฺเถน อากฑฺฒิยมาโนปิ ปุพฺเพ วิย ราชานํ น อลฺลียติ. ราชา ‘‘กึ การณ’’นฺติ วีมํสนฺโต ตํ ปวตฺตึ ตฺวา ‘‘เอเต มยา สงฺคหิตาปิ ปฏิกฺกูลวุตฺติโน เอวา’’ติ นิพฺพิชฺชิตฺวา รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิโต. ‘‘ราชา ปพฺพชิโต’’ติ อมจฺจปริชนาปิ พหู ปพฺพชึสุ. สปริชโน ราชา ปพฺพชิโตปิ มนุสฺสา ปณีเต ปจฺจเย อุปเนนฺติ, ราชา ปณีเต ปจฺจเย ยถาวุฑฺฒํ ทาเปสิ. ตตฺถ เย สุนฺทรํ ลภนฺติ, เต ตุสฺสนฺติ. อิตเร อุชฺฌายนฺติ ‘‘มยํ ปริเวณาทีนิ สมฺมชฺชนฺตา สพฺพกิจฺจานิ กโรนฺติ, ลูขภตฺตํ ชิณฺณวตฺถฺจ ลภามา’’ติ. โส ตมฺปิ ตฺวา ‘‘อิเม ยถาวุฑฺฒํ ทียมานาปิ อุชฺฌายนฺติ, อโห ทุสฺสงฺคหา ปริสา’’ติ ปตฺตจีวรมาทาย เอโกว อรฺํ ปวิสิตฺวา วิปสฺสนํ อารภิตฺวา ปจฺเจกโพธึ สจฺฉากาสิ. ตตฺถ อาคเตหิ จ กมฺมฏฺานํ ปุจฺฉิโต อิมํ คาถมภาสิ. สา อตฺถโต ปากฏา เอว. อยํ ปน โยชนา – ทุสฺสงฺคหา ปพฺพชิตาปิ เอเก, เย อสนฺโตสาภิภูตา, ตถาวิธา เอว จ อโถ คหฏฺา ฆรมาวสนฺตา. เอตาหํ ทุสฺสงฺคหภาวํ ชิคุจฺฉนฺโต วิปสฺสนํ อารภิตฺวา อธิคโตติ. เสสํ ปุริมนเยเนว เวทิตพฺพนฺติ.

ทุสฺสงฺคหคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐๐. โอโรปยิตฺวาติ กา อุปฺปตฺติ? พาราณสิยํ กิร จาตุมาสิกพฺรหฺมทตฺโต นาม ราชา คิมฺหานํ ปเม มาเส อุยฺยานํ คโต. ตตฺถ รมณีเย ภูมิภาเค นีลฆนปตฺตสฺฉนฺนํ โกวิฬารรุกฺขํ ทิสฺวา ‘‘โกวิฬารมูเล มม สยนํ ปฺาเปถา’’ติ วตฺวา อุยฺยาเน กีฬิตฺวา สายนฺหสมยํ ตตฺถ เสยฺยํ กปฺเปสิ. ปุน คิมฺหานํ มชฺฌิเม มาเส อุยฺยานํ คโต, ตทา โกวิฬาโร ปุปฺผิโต โหติ, ตทาปิ ตเถว อกาสิ. ปุนปิ คิมฺหานํ ปจฺฉิเม มาเส คโต, ตทา โกวิฬาโร สฺฉินฺนปตฺโต สุกฺขรุกฺโข วิย โหติ, ตทาปิ ราชา อทิสฺวาว ตํ รุกฺขํ ปุพฺพปริจเยน ตตฺเถว เสยฺยํ อาณาเปสิ. อมจฺจา ชานนฺตาปิ รฺโ อาณตฺติยา ตตฺถ สยนํ ปฺาเปสุํ. โส อุยฺยาเน กีฬิตฺวา สายนฺหสมเย ตตฺถ เสยฺยํ กปฺเปนฺโต ตํ รุกฺขํ ทิสฺวา ‘‘อเร, อยํ ปุพฺเพ สฺฉนฺนปตฺโต มณิมโย วิย อภิรูปทสฺสโน อโหสิ, ตโต มณิวณฺณสาขนฺตเร ปิตปวาฬงฺกุรสทิเสหิ ปุปฺเผหิ สสฺสิริกทสฺสโน อโหสิ, มุตฺตชาลสทิสวาลิกากิณฺโณ จสฺส เหฏฺาภูมิภาโค พนฺธนา ปวุตฺตปุปฺผสฺฉนฺโน รตฺตกมฺพลสนฺถโต วิย อโหสิ. โส นามชฺช สุกฺขรุกฺโข วิย สาขามตฺตาวเสโส ิโต, อโห ชราย อุปหโต โกวิฬาโร’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘อนุปาทิณฺณมฺปิ ตาย ชราย หฺติ, กิมงฺคํ ปน อุปาทิณฺณ’’นฺติ อนิจฺจสฺํ ปฏิลภิ. ตทนุสาเรเนว สพฺพสงฺขาเร ทุกฺขโต อนตฺตโต จ วิปสฺสนฺโตว ‘‘อโห วตาหมฺปิ สฺฉินฺนปตฺโต โกวิฬาโร วิย อปคตคิหิพฺยฺชโน ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถยมาโน อนุปุพฺเพน ตสฺมึ สยนตเล ทกฺขิเณน ปสฺเสน นิปนฺโนเยว วิปสฺสิตฺวา ปจฺเจกโพธึ สจฺฉากาสิ. ตโต คมนกาเล อมจฺเจหิ ‘‘กาโล, เทว, คนฺตุ’’นฺติ วุตฺเต ‘‘นาหํ ราชา’’ติอาทีนิ วตฺวา ปุริมนเยเนว อิมํ คาถมภาสิ.

ตตฺถ โอโรปยิตฺวาติ อปเนตฺวา. คิหิพฺยฺชนานีติ เกสมสฺสุโอทาตวตฺถาลงฺการมาลาคนฺธวิเลปนปุตฺตทารทาสิทาสาทีนิ. เอตานิ คิหิภาวํ พฺยฺชยนฺติ, ตสฺมา ‘‘คิหิพฺยฺชนานี’’ติ วุจฺจนฺติ. สฺฉินฺนปตฺโตติ ปติตปตฺโต. เฉตฺวานาติ มคฺคาเณน ฉินฺทิตฺวา. วีโรติ มคฺควีริเยน สมนฺนาคโต. คิหิพนฺธนานีติ กามพนฺธนานิ. กามา หิ คิหีนํ พนฺธนานิ. อยํ ตาว ปทตฺโถ. อยํ ปน อธิปฺปาโย – ‘‘อโห วตาหมฺปิ โอโรปยิตฺวา คิหิพฺยฺชนานิ สฺฉินฺนปตฺโต ยถา โกวิฬาโร ภเวยฺย’’นฺติ เอวํ จินฺตยมาโน วิปสฺสนํ อารภิตฺวา อธิคโตติ. เสสํ ปุริมนเยเนว เวทิตพฺพนฺติ.

โกวิฬารคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

ปมวคฺโค นิฏฺิโต.

๑๐๑-๒. สเจ ลเภถาติ กา อุปฺปตฺติ? ปุพฺเพ กิร กสฺสปสฺส ภควโต สาสเน ทฺเว ปจฺเจกโพธิสตฺตา ปพฺพชิตฺวา วีสติ วสฺสสหสฺสานิ คตปจฺจาคตวตฺตํ ปูเรตฺวา เทวโลเก อุปฺปนฺนา. ตโต จวิตฺวา เตสํ เชฏฺโก พาราณสิรฺโ ปุตฺโต, กนิฏฺโ ปุโรหิตสฺส ปุตฺโต อโหสิ. เต เอกทิวสํเยว ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา เอกทิวสเมว มาตุ กุจฺฉิโต นิกฺขมิตฺวา สหปํสุกีฬกา สหายกา อเหสุํ. ปุโรหิตปุตฺโต ปฺวา อโหสิ. โส ราชปุตฺตํ อาห – ‘‘สมฺม, ตฺวํ ตว ปิตุโน อจฺจเยน รชฺชํ ลภิสฺสสิ, อหํ ปุโรหิตฏฺานํ, สุสิกฺขิเตน จ รชฺชํ อนุสาสิตุํ สกฺกา, เอหิ สิปฺปํ อุคฺคณฺหิสฺสามา’’ติ. ตโต อุโภปิ ยฺโปจิตา หุตฺวา คามนิคมาทีสุ ภิกฺขํ จรมานา ปจฺจนฺตชนปทคามํ คตา. ตฺจ คามํ ปฺจ ปจฺเจกพุทฺธา ภิกฺขาจารเวลาย ปวิสึสุ. ตตฺถ มนุสฺสา ปจฺเจกพุทฺเธ ทิสฺวา อุสฺสาหชาตา อาสนานิ ปฺาเปตฺวา ปณีตํ ขาทนียํ วา โภชนียํ วา อุปนาเมตฺวา ปูเชนฺติ. เตสํ เอตทโหสิ – ‘‘อมฺเหหิ สทิสา อุจฺจากุลิกา นาม นตฺถิ, อปิ จ ปนิเม มนุสฺสา ยทิ อิจฺฉนฺติ, อมฺหากํ ภิกฺขํ เทนฺติ, ยทิ นิจฺฉนฺติ, น เทนฺติ, อิเมสํ ปน ปพฺพชิตานํ เอวรูปํ สกฺการํ กโรนฺติ, อทฺธา เอเต กิฺจิ สิปฺปํ ชานนฺติ, หนฺท, เนสํ สนฺติเก สิปฺปํ อุคฺคณฺหามา’’ติ. เต มนุสฺเสสุ ปฏิกฺกนฺเตสุ โอกาสํ ลภิตฺวา ‘‘ยํ, ภนฺเต, ตุมฺเห สิปฺปํ ชานาถ, ตํ อมฺเหหิ สิกฺขาเปถา’’ติ ยาจึสุ. ปจฺเจกพุทฺธา ‘‘น สกฺกา อปพฺพชิเตน สิกฺขิตุ’’นฺติ อาหํสุ. เต ปพฺพชฺชํ ยาจิตฺวา ปพฺพชึสุ. ตโต เนสํ ปจฺเจกพุทฺธา ‘‘เอวํ โว นิวาเสตพฺพํ, เอวํ ปารุปิตพฺพ’’นฺติอาทินา นเยน อาภิสมาจาริกํ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘อิมสฺส สิปฺปสฺส เอกีภาวาภิรติ นิปฺผตฺติ, ตสฺมา เอเกเนว นิสีทิตพฺพํ, เอเกน จงฺกมิตพฺพํ, เอเกน าตพฺพํ, เอเกน สยิตพฺพ’’นฺติ ปาฏิเยกฺกํ ปณฺณสาลํ อทํสุ, ตโต เต อตฺตโน อตฺตโน ปณฺณสาลํ ปวิสิตฺวา นิสีทึสุ. ปุโรหิตปุตฺโต นิสินฺนกาลโต ปภุติ จิตฺตสมาธานํ ลทฺธา ฌานํ ปฏิลภิ. ราชปุตฺโต มุหุตฺเตเนว อุกฺกณฺิโต ตสฺส สนฺติกํ อาคโต. โส ตํ ทิสฺวา ‘‘กึ, สมฺมา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อุกฺกณฺิโตมฺหี’’ติ อาห. ‘‘เตน หิ อิธ นิสีทา’’ติ. โส ตตฺถ มุหุตฺตํ นิสีทิตฺวา อาห – ‘‘อิมสฺส กิร, สมฺม, สิปฺปสฺส เอกีภาวาภิรติ นิปฺผตฺตี’’ติ? ปุโรหิตปุตฺโต ‘‘เอวํ, สมฺม, เตน หิ ตฺวํ อตฺตโน นิสินฺโนกาสํ เอว คจฺฉ, อุคฺคณฺหิสฺสามิ อิมสฺส สิปฺปสฺส นิปฺผตฺติ’’นฺติ อาห. โส คนฺตฺวา ปุนปิ มุหุตฺตเกเนว อุกฺกณฺิโต ปุริมนเยเนว ติกฺขตฺตุํ อาคโต.

ตโต นํ ปุโรหิตปุตฺโต ตเถว อุยฺโยเชตฺวา ตสฺมึ คเต จินฺเตสิ – ‘‘อยํ อตฺตโน จ กมฺมํ หาเปติ มม จ, อิธาภิกฺขณํ อาคจฺฉตี’’ติ. โส ปณฺณสาลโต นิกฺขมฺม อรฺํ ปวิฏฺโ. อิตโร อตฺตโน ปณฺณสาลาเยว นิสินฺโน ปุนปิ มุหุตฺตเกเนว อุกฺกณฺิโต ตสฺส สนฺติกํ อาคนฺตฺวา อิโต จิโต จ มคฺคนฺโตปิ ตํ อทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘โย คหฏฺกาเล ปณฺณาการํ อาทาย อาคโตปิ มํ ทฏฺุํ น ลภติ, โส ทานิ มยิ อาคเต ทสฺสนมฺปิ อทาตุกาโม อปกฺกมิ. อโห อเร, จิตฺต, น ลชฺชสิ, ยํ มํ จตุกฺขตฺตุํ อิธาเนสิ, น โส ทานิ เต วเส วตฺติสฺสามิ, อฺทตฺถุ ตํเยว มม วเส วตฺตาเปสฺสามี’’ติ อตฺตโน เสนาสนํ ปวิสิตฺวา วิปสฺสนํ อารภิตฺวา ปจฺเจกโพธึ สจฺฉิกตฺวา อากาเสน นนฺทมูลกปพฺภารํ อคมาสิ. อิตโรปิ อรฺํ ปวิสิตฺวา วิปสฺสนํ อารภิตฺวา ปจฺเจกโพธึ สจฺฉิกตฺวา ตตฺเถว อคมาสิ. เต อุโภปิ มโนสิลาตเล นิสีทิตฺวา ปาฏิเยกฺกํ ปาฏิเยกฺกํ อิมา อุทานคาถาโย อภาสึสุ.

ตตฺถ นิปกนฺติ ปกตินิปกํ ปณฺฑิตํ กสิณปริกมฺมาทิกุสลํ. สาธุวิหารินฺติ อปฺปนาวิหาเรน วา อุปจาเรน วา สมนฺนาคตํ. ธีรนฺติ ธิติสมฺปนฺนํ. ตตฺถ นิปกตฺเตน ธิติสมฺปทา วุตฺตา. อิธ ปน ธิติสมฺปนฺนเมวาติ อตฺโถ. ธิติ นาม อสิถิลปรกฺกมตา, ‘‘กามํ ตโจ จ นฺหารุ จา’’ติ (ม. นิ. ๒.๑๘๔; อ. นิ. ๒.๕; มหานิ. ๑๙๖) เอวํ ปวตฺตวีริยสฺเสตํ อธิวจนํ. อปิจ ธิกฺกตปาโปติปิ ธีโร. ราชาว รฏฺํ วิชิตํ ปหายาติ ยถา ปกติราชา ‘‘วิชิตํ รฏฺํ อนตฺถาวห’’นฺติ ตฺวา รชฺชํ ปหาย เอโก จรติ, เอวํ พาลสหายํ ปหาย เอโก จเร. อถ วา ราชาว รฏฺนฺติ ยถา สุตโสโม ราชา รฏฺํ วิชิตํ ปหาย เอโก จริ, ยถา จ มหาชนโก ราชา, เอวํ เอโก จรีติ อยมฺปิ ตสฺส อตฺโถ. เสสํ วุตฺตานุสาเรน สกฺกา ชานิตุนฺติ น วิตฺถาริตนฺติ.

สหายคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐๓. อทฺธา ปสํสามาติ อิมิสฺสา คาถาย ยาว อากาสตเล ปฺตฺตาสเน ปจฺเจกพุทฺธานํ นิสชฺชา, ตาว จาตุทฺทิสคาถาย อุปฺปตฺติสทิสา เอว อุปฺปตฺติ. อยํ ปน วิเสโส – ยถา โส ราชา รตฺติยา ติกฺขตฺตุํ อุพฺพิชฺชิ, น ตถา อยํ, เนวสฺส ยฺโ ปจฺจุปฏฺิโต อโหสิ. โส อากาสตเล ปฺตฺเตสุ อาสเนสุ ปจฺเจกพุทฺเธ นิสีทาเปตฺวา ‘‘เก ตุมฺเห’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘มยํ, มหาราช, อนวชฺชโภชิโน นามา’’ติ. ‘‘ภนฺเต, อนวชฺชโภชิโนติ อิมสฺส โก อตฺโถ’’ติ? ‘‘สุนฺทรํ วา อสุนฺทรํ วา ลทฺธา นิพฺพิการา ภุฺชาม, มหาราชา’’ติ. ตํ สุตฺวา รฺโ เอตทโหสิ – ‘‘ยํนูนาหํ อิเม อุปปริกฺเขยฺยํ ‘เอทิสา วา โน วา’’’ติ? ตํ ทิวสํ กณาชเกน พิลงฺคทุติเยน ปริวิสิ. ตํ ปจฺเจกพุทฺธา อมตํ วิย นิพฺพิการา ภุฺชึสุ. ราชา ‘‘อิเม ปฏิฺาตตฺตา เอกทิวสํ นิพฺพิการา โหนฺติ, ปุน สฺเว ชานิสฺสามี’’ติ สฺวาตนาย นิมนฺเตสิ. ทุติยทิวเสปิ ตเถวากาสิ. เตปิ ตเถว ปริภุฺชึสุ. อถ ราชา ‘‘สุนฺทรํ ทตฺวา วีมํสิสฺสามี’’ติ ปุนปิ นิมนฺเตตฺวา ทฺเว ทิวเส มหาสกฺการํ กตฺวา ปณีเตน อติวิจิตฺเรน ขาทนีเยน โภชนีเยน ปริวิสิ. เตปิ ตเถว นิพฺพิการา ปริภุฺชิตฺวา รฺโ มงฺคลํ วตฺวา ปกฺกมึสุ. ราชา อจิรปกฺกนฺเตสุ เตสุ ‘‘อนวชฺชโภชิโน เอเต, อโห วตาหมฺปิ อนวชฺชโภชี ภเวยฺย’’นฺติ จินฺเตตฺวา มหารชฺชํ ปหาย ปพฺพชฺชํ สมาทาย วิปสฺสนํ อารภิตฺวา ปจฺเจกพุทฺโธ หุตฺวา มฺชูสกรุกฺขมูเล ปจฺเจกพุทฺธานํ มชฺเฌ อตฺตโน อารมฺมณํ วิภาเวนฺโต อิมํ คาถมภาสิ. สา ปทตฺถโต อุตฺตานเมว. เกวลํ ปน สหายสมฺปทนฺติ เอตฺถ อเสเขหิ สีลาทิกฺขนฺเธหิ สมฺปนฺนา สหายา เอว สหายสมฺปทาติ เวทิตพฺพา.

อยํ ปเนตฺถ โยชนา – ยา อยํ วุตฺตา สหายสมฺปทา, ตํ สหายสมฺปทํ อทฺธา ปสํสาม, เอกํเสเนว โถเมมาติ วุตฺตํ โหติ. กถํ? เสฏฺา สมา เสวิตพฺพา สหายาติ. กสฺมา? อตฺตโน สีลาทีหิ เสฏฺเ เสวมานสฺส สีลาทโย ธมฺมา อนุปฺปนฺนา อุปฺปชฺชนฺติ, อุปฺปนฺนา จ วุทฺธึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ ปาปุณนฺติ. สเม เสวมานสฺส อฺมฺํ สาธารเณน กุกฺกุจฺจสฺส วิโนทเนน จ ลทฺธา น ปริหายนฺติ. เอเต ปน สหายเก เสฏฺเ จ สเม จ อลทฺธา กุหนาทิมิจฺฉาชีวํ ปหาย ธมฺเมน สเมน อุปฺปนฺนํ โภชนํ ภุฺชนฺโต ตตฺถ จ ปฏิฆานุนยํ อนุปฺปาเทนฺโต อนวชฺชโภชี หุตฺวา อตฺถกาโม กุลปุตฺโต เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป. อหมฺปิ เอวํ จรนฺโต อิมํ สมฺปตฺตึ อธิคโตมฺหีติ.

อทฺธาปสํสาคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐๔. ทิสฺวา สุวณฺณสฺสาติ กา อุปฺปตฺติ? อฺตโร กิร พาราณสิยํ ราชา คิมฺหสมเย ทิวาเสยฺยํ อุปคโต อโหสิ, สนฺติเก จสฺส วณฺณทาสี โคสีตจนฺทนํ ปิสติ. ตสฺสา เอกพาหาย เอกํ สุวณฺณวลยํ, เอกพาหาย ทฺเว. ตานิ สงฺฆฏฺเฏนฺติ, อิตรํ น สงฺฆฏฺฏติ. ราชา ตํ ทิสฺวา ‘‘เอวเมว คณวาเส สงฺฆฏฺฏนา, เอกวาเส อสงฺฆฏฺฏนา’’ติ จินฺเตตฺวา ปุนปฺปุนํ ทาสึ โอโลเกสิ. เตน จ สมเยน สพฺพาลงฺการวิภูสิตา เทวี ตํ พีชยนฺตี ิตา โหติ. สา ‘‘วณฺณทาสิยา ปฏิพทฺธจิตฺโต มฺเ ราชา’’ติ จินฺเตตฺวา ตํ ทาสึ อุฏฺาเปตฺวา สยเมว ปิสิตุมารทฺธา. อถสฺสา จ อุโภสุ พาหาสุ อเนเก สุวณฺณวลยา, เต สงฺฆฏฺฏยนฺตา มหาสทฺทํ ชนยึสุ. ราชา อติสุฏฺุตรํ นิพฺพินฺโท ทกฺขิณปสฺเสน นิปนฺโนเยว วิปสฺสนํ อารภิตฺวา ปจฺเจกโพธึ สจฺฉากาสิ. ตํ อนุตฺตรสุเขน สุขิตํ นิปนฺนํ จนฺทนหตฺถา เทวี อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘อาลิมฺปามิ, มหาราชา’’ติ อาห. โส ‘‘อเปหิ, มา อาลิมฺปาหี’’ติ อาห. สา ‘‘กิสฺส, มหาราชา’’ติ? โส ‘‘นาหํ, ราชา’’ติ. เอวเมเตสํ กถาสลฺลาปํ สุตฺวา อมจฺจา อุปสงฺกมึสุ, เตหิปิ มหาราชวาเทน อาลปิโต ‘‘นาหํ, ภเณ, ราชา’’ติ อาห. เสสํ ปมคาถาย วุตฺตสทิสเมว.

อยํ ปน คาถาวณฺณนา ตตฺถ ทิสฺวาติ โอโลเกตฺวา. สุวณฺณสฺสาติ กฺจนสฺส. ‘‘วลยานี’’ติ ปาเสโส. สาวเสสปทตฺโถ หิ อยํ อตฺโถ. ปภสฺสรานีติ ปภาสนสีลานิ, ชุติมนฺตานีติ วุตฺตํ โหติ. เสสํ อุตฺตานปทตฺถเมว. อยํ ปน โยชนา – ทิสฺวา ภุชสฺมึ สุวณฺณสฺส วลยานิ ‘‘คณวาเส สติ สงฺฆฏฺฏนา, เอกวาเส อสงฺฆฏฺฏนา’’ติ เอวํ จินฺเตตฺวา วิปสฺสนํ อารภิตฺวา อธิคโตมฺหีติ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมวาติ.

สุวณฺณวลยคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐๕. เอวํ ทุติเยนาติ กา อุปฺปตฺติ? อฺตโร กิร พาราณสิราชา ทหโรว ปพฺพชิตุกาโม อมจฺเจ อาณาเปสิ – ‘‘เทวึ คเหตฺวา รชฺชํ ปริหรถ, อหํ ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. อมจฺจา – ‘‘มหาราช, อราชกํ รชฺชํ อมฺเหหิ น สกฺกา รกฺขิตุํ สามนฺตราชาโน อาคมฺม วิลุมฺปิสฺสนฺติ, ยาว เอโกปิ ปุตฺโต อุปฺปชฺชติ, ตาว อาคเมหี’’ติ สฺาเปสุํ. มุทุจิตฺโต ราชา อธิวาเสสิ. อถ เทวี คพฺภํ คณฺหิ. ราชา ปุน เต อาณาเปสิ – ‘‘เทวี คพฺภินี, ปุตฺตํ ชาตํ รชฺเช อภิสิฺจิตฺวา รชฺชํ ปริหรถ, อหํ ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. อมจฺจา ‘‘ทุชฺชานํ, มหาราช, เอตํ, ยํ เทวี ปุตฺตํ วา วิชายิสฺสติ, ธีตรํ วาติ, ตาว วิชายนกาลํ อาคเมหี’’ติ ปุนปิ ราชานํ สฺาเปสุํ. อถ สา ปุตฺตํ วิชายิ. ตทาปิ ราชา ตเถว อมจฺเจ อาณาเปสิ. อมจฺจา ปุนปิ ราชานํ – ‘‘อาคเมหิ, มหาราช, ยาว ปฏิพโล โหตี’’ติ พหูหิ การเณหิ สฺาเปสุํ. ตโต กุมาเร ปฏิพเล ชาเต อมจฺเจ สนฺนิปาตาเปตฺวา ‘‘ปฏิพโล ทานิ อยํ, ตํ รชฺเช อภิสิฺจิตฺวา ปฏิปชฺชถา’’ติ อมจฺจานํ โอกาสํ อทตฺวา อนฺตราปณโต กาสายวตฺถาทโย สพฺพปริกฺขาเร อาหราเปตฺวา อนฺเตปุเร เอว ปพฺพชิตฺวา มหาชนโก วิย นิกฺขมิตฺวา คโต. สพฺพปริชโน นานปฺปการํ ปริเทวมาโน ราชานํ อนุพนฺธิ. โส ราชา ยาว อตฺตโน รชฺชสีมา, ตาว คนฺตฺวา กตฺตรทณฺเฑน เลขํ อากฑฺฒิตฺวา – ‘‘อยํ เลขา นาติกฺกมิตพฺพา’’ติ อาห. มหาชโน เลขาย สีสํ กตฺวา ภูมิยํ นิปนฺโน ปริเทวมาโน ‘‘ตุยฺหํ ทานิ, ตาต, รฺโ อาณา, กึ กริสฺสตี’’ติ กุมารํ เลขํ อติกฺกมาเปสิ. กุมาโร ‘‘ตาต, ตาตา’’ติ ธาวิตฺวา ราชานํ สมฺปาปุณิ. ราชา กุมารํ ทิสฺวา ‘‘เอตํ มหาชนํ ปริหรนฺโต รชฺชํ กาเรสึ, กึ ทานิ เอกํ ทารกํ ปริหริตุํ น สกฺขิสฺส’’นฺติ กุมารํ คเหตฺวา อรฺํ ปวิฏฺโ, ตตฺถ ปุพฺพปจฺเจกพุทฺเธหิ วสิตปณฺณสาลํ ทิสฺวา วาสํ กปฺเปสิ สทฺธึ ปุตฺเตน.

ตโต กุมาโร วรสยนาทีสุ กตปริจโย ติณสนฺถารเก วา รชฺชุมฺจเก วา สยมาโน โรทติ. สีตวาตาทีหิ ผุฏฺโ สมาโน – ‘‘สีตํ ตาต อุณฺหํ ตาต มกสา ตาต ฑํสนฺติ. ฉาโตมฺหิ ตาต, ปิปาสิโตมฺหิ ตาตา’’ติ วทติ. ราชา ตํ สฺาเปนฺโตเยว รตฺตึ วีตินาเมสิ. ทิวาปิสฺส ปิณฺฑาย จริตฺวา ภตฺตํ อุปนาเมสิ, กุมาโร มิสฺสกภตฺตํ กงฺคุวรกมุคฺคาทิพหุลํ อจฺฉาเทนฺตมฺปิ ตํ ชิฆจฺฉาวเสน ภุฺชมาโน กติปาหจฺจเยน อุณฺเห ปิตปทุมํ วิย มิลายิ. ราชา ปน ปฏิสงฺขานพเลน นิพฺพิกาโร ภุฺชติ. ตโต โส กุมารํ สฺาเปนฺโต อาห – ‘‘นคเร, ตาต, ปณีตาหาโร ลพฺภติ, ตตฺถ คจฺฉามา’’ติ. กุมาโร ‘‘อาม, ตาตา’’ติ. ตโต นํ ปุรกฺขตฺวา อาคตมคฺเคเนว นิวตฺติ. กุมารมาตาปิ เทวี ‘‘น ทานิ ราชา กุมารํ คณฺหิตฺวา อรฺเ จิรํ วสิสฺสติ, กติปาเหเนว นิวตฺติสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา รฺา กตฺตรทณฺเฑน ลิขิตฏฺาเนเยว วตึ การาเปตฺวา วาสํ กปฺเปสิ. ราชา ตสฺสา วติยา อวิทูเร ตฺวา ‘‘เอตฺถ เต, ตาต, มาตา นิสินฺนา, คจฺฉาหี’’ติ เปเสสิ. ยาว โส ตํ านํ ปาปุณาติ, ตาว อุทิกฺขนฺโต อฏฺาสิ – ‘‘มา เหว นํ โกจิ วิเหเยฺยา’’ติ. กุมาโร มาตุ สนฺติกํ ธาวนฺโต อคมาสิ.

อารกฺขปุริสา กุมารํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา เทวิยา อาโรเจสิ. เทวี วีสตินาฏกิตฺถิสหสฺสปริวุตา ปจฺจุคฺคนฺตฺวา ปฏิคฺคเหสิ. รฺโ จ ปวตฺตึ ปุจฺฉิ. ‘‘ปจฺฉโต อาคจฺฉตี’’ติ สุตฺวา มนุสฺเส เปเสสิ. ราชาปิ ตาวเทว สกวสนฏฺานํ อคมาสิ. มนุสฺสา ราชานํ อทิสฺวา นิวตฺตึสุ. ตโต เทวี นิราสาว หุตฺวา ปุตฺตํ คเหตฺวา นครํ คนฺตฺวา รชฺเช อภิสิฺจิ. ราชาปิ อตฺตโน วสนฏฺาเน นิสินฺโน วิปสฺสิตฺวา ปจฺเจกโพธึ ปตฺวา มฺชูสกรุกฺขมูเล ปจฺเจกพุทฺธานํ มชฺเฌ อิมํ อุทานคาถํ อภาสิ. สา อตฺถโต อุตฺตานา เอว.

อยํ ปเนตฺถาธิปฺปาโย – ยฺวายํ เอเกน ทุติเยน กุมาเรน สีตุณฺหาทีหิ นิเวเทนฺเตน สหวาเสน ตํ สฺาเปนฺตสฺส มม วาจาภิลาโป ตสฺมึ สิเนหวเสน อภิสชฺชนา วา ชาตา. สจาหํ อิมํ น ปริจฺจชามิ, ตโต อายติมฺปิ ตเถว เหสฺสติ, ยถา อิทานิ, เอวํ ทุติเยน สห มมสฺส วาจาภิลาโป อภิสชฺชนา วา. ‘‘อุภยมฺเปตํ อนฺตรายกรํ วิเสสาธิคมสฺสา’’ติ เอตํ ภยํ อายตึ เปกฺขมาโน ตํ ฉฑฺเฑตฺวา โยนิโส ปฏิปชฺชิตฺวา ปจฺเจกโพธิมธิคโตมฺหีติ. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ.

อายติภยคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐๖. กามา หิ จิตฺราติ กา อุปฺปตฺติ? พาราณสิยํ กิร เสฏฺิปุตฺโต ทหโรว เสฏฺิฏฺานํ ลภิ. ตสฺส ติณฺณํ อุตูนํ อนุจฺฉวิกา ตโย ปาสาทา อเหสุํ. โส สพฺพสมฺปตฺตีหิ เทวกุมาโร วิย ปริจาเรติ. อถ โส ทหโรว สมาโน ‘‘ปพฺพชิสฺสามี’’ติ มาตาปิตโร อาปุจฺฉิ, เต นํ นิวาเรนฺติ. โส ตเถว นิพนฺธติ. ปุนปิ นํ มาตาปิตโร ‘‘ตฺวํ, ตาต, สุขุมาโล, ทุกฺกรา ปพฺพชฺชา, ขุรธาราย อุปริ จงฺกมนสทิสา’’ติ นานปฺปกาเรหิ นิวาเรนฺติ. โส ตเถว นิพนฺธติ. เต จินฺเตสุํ – ‘‘สจายํ ปพฺพชติ, อมฺหากํ โทมนสฺสํ โหติ. สเจ นํ นิวาเรม, เอตสฺส โทมนสฺสํ โหติ. อปิจ อมฺหากํ โทมนสฺสํ โหตุ, มา จ เอตสฺสา’’ติ อนุชานึสุ. ตโต โส สพฺพํ ปริชนํ ปริเทวมานํ อนาทิยิตฺวา อิสิปตนํ คนฺตฺวา ปจฺเจกพุทฺธานํ สนฺติเก ปพฺพชิ. ตสฺส อุฬารเสนาสนํ น ปาปุณาติ, มฺจเก ตฏฺฏิกํ อตฺถริตฺวา สยิ. โส วรสยเน กตปริจโย สพฺพรตฺตึ อติทุกฺขิโต อโหสิ. ปภาเต สรีรปริกมฺมํ กตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ปจฺเจกพุทฺเธหิ สทฺธึ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. ตตฺถ วุฑฺฒา อคฺคาสนฺจ อคฺคปิณฺฑฺจ ลภนฺติ, นวกา ยํกิฺจิเทว อาสนลูขํ โภชนฺจ. โส เตน ลูขโภชเนนาปิ อติทุกฺขิโต อโหสิ. โส กติปาหํเยว กิโส ทุพฺพณฺโณ หุตฺวา นิพฺพิชฺชิ, ยถา ตํ อปริปกฺกคเต สมณธมฺเม. ตโต มาตาปิตูนํ ทูตํ เปเสตฺวา อุปฺปพฺพชิ. โส กติปาหํเยว พลํ คเหตฺวา ปุนปิ ปพฺพชิตุกาโม อโหสิ, ตโต ทุติยมฺปิ ปพฺพชิตฺวา ปุนปิ อุปฺปพฺพชิ. ตติยวาเร ปน ปพฺพชิตฺวา สมฺมา ปฏิปนฺโน วิปสฺสิตฺวา ปจฺเจกโพธึ สจฺฉิกตฺวา อิมํ อุทานคาถํ วตฺวา ปุน ปจฺเจกพุทฺธานํ มชฺเฌ อิมเมว พฺยากรณคาถมฺปิ อภาสิ.

ตตฺถ กามาติ ทฺเว กามา วตฺถุกาโม จ กิเลสกาโม จ. ตตฺถ วตฺถุกาโม นาม ปิยรูปาทิอารมฺมณธมฺโม, กิเลสกาโม นาม สพฺโพ ราคปฺปเภโท. อิธ ปน วตฺถุกาโม อธิปฺเปโต. รูปาทิอเนกปฺปการวเสน จิตฺรา. โลกสฺสาทวเสน มธุรา. พาลปุถุชฺชนานํ มนํ รมาเปนฺตีติ มโนรมา. วิรูปรูเปนาติ วิวิเธน รูเปน, อเนกวิเธน สภาเวนาติ วุตฺตํ โหติ. เต หิ รูปาทิวเสน จิตฺรา, รูปาทีสุปิ นีลาทิวเสน วิวิธรูปา. เอวํ เตน เตน วิรูปรูเปน ตถา ตถา อสฺสาทํ ทสฺเสตฺวา มเถนฺติ จิตฺตํ, ปพฺพชฺชาย อภิรมิตุํ น เทนฺตีติ. เสสเมตฺถ ปากฏเมว. นิคมนมฺปิ ทฺวีหิ ตีหิ วา ปเทหิ โยเชตฺวา ปุริมคาถาสุ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพนฺติ.

กามคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐๗. อีตี จาติ กา อุปฺปตฺติ? พาราณสิยํ กิร รฺโ คณฺโฑ อุทปาทิ, พาฬฺหา เวทนา วฑฺฒนฺติ. เวชฺชา ‘‘สตฺถกมฺเมน วินา ผาสุ น โหตี’’ติ ภณนฺติ. ราชา เตสํ อภยํ ทตฺวา สตฺถกมฺมํ การาเปสิ. เต ตํ ผาเลตฺวา ปุพฺพโลหิตํ นีหริตฺวา นิเวทนํ กตฺวา วณํ ปิโลติเกน พนฺธึสุ. ลูขมํสาหาเรสุ จ นํ สมฺมา โอวทึสุ. ราชา ลูขโภชเนน กิสสรีโร อโหสิ, คณฺโฑ จสฺส มิลายิ. โส ผาสุกสฺี หุตฺวา สินิทฺธาหารํ ภุฺชิ, เตน สฺชาตพโล วิสเยเยว ปฏิเสวิ, ตสฺส คณฺโฑ ปุริมสภาวเมว สมฺปาปุณิ. เอวํ ยาว ติกฺขตฺตุํ สตฺถกมฺมํ การาเปตฺวา เวชฺเชหิ ปริวชฺชิโต นิพฺพินฺทิตฺวา มหารชฺชํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา วิปสฺสนํ อารภิตฺวา สตฺตหิ วสฺเสหิ ปจฺเจกโพธึ สจฺฉิกตฺวา อิมํ อุทานคาถํ ภาสิตฺวา นนฺทมูลกปพฺภารํ อคมาสิ.

ตตฺถ เอตีติ อีติ, อาคนฺตุกานํ อกุสลภาคีนํ พฺยสนเหตูนํ เอตํ อธิวจนํ. ตสฺมา กามคุณาปิ เอเต อเนกพฺยสนาวหฏฺเน อนตฺถานํ สนฺนิปาตฏฺเน จ อีติ. คณฺโฑปิ อสุจึ ปคฺฆรติ, อุทฺธุมาตปริปกฺกปริภินฺโน โหติ. ตสฺมา เอเต กิเลสาสุจิปคฺฆรณโต อุปฺปาทชราภงฺเคหิ อุทฺธุมาตปริปกฺกปริภินฺนภาวโต จ คณฺโฑ. อุปทฺทวตีติ อุปทฺทโว, อนตฺถํ ชเนนฺโต อภิภวติ อชฺโฌตฺถรตีติ อตฺโถ, ราคคณฺฑาทีนเมตมธิวจนํ. ตสฺมา กามคุณาเปเต อวิทิตนิพฺพานตฺถาวหเหตุตาย สพฺพุปทฺทวกมฺมปริวตฺถุตาย จ อุปทฺทโว. ยสฺมา ปเนเต กิเลสาตุรภาวํ ชเนนฺตา สีลสงฺขาตํ อาโรคฺยํ โลลุปฺปํ วา อุปฺปาเทนฺตา ปากติกเมว อาโรคฺยํ วิลุมฺปนฺติ, ตสฺมา อิมินา อาโรคฺยวิลุมฺปนฏฺเน โรโค. อพฺภนฺตรมนุปวิฏฺฏฺเน ปน อนฺโตตุทนฏฺเน จ ทุนฺนีหรณียฏฺเน จ สลฺลํ. ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกภยาวหนโต ภยํ. เม เอตนฺติ เมตํ. เสสเมตฺถ ปากฏเมว. นิคมนมฺปิ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพนฺติ.

อีติคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐๘. สีตฺจาติ กา อุปฺปตฺติ? พาราณสิยํ กิร สีตาลุกพฺรหฺมทตฺโต นาม ราชา อโหสิ. โส ปพฺพชิตฺวา อรฺเ ติณกุฏิกาย วิหรติ. ตสฺมิฺจ ปเทเส สีเต สีตํ, อุณฺเห ทณฺหเมว โหติ อพฺโภกาสตฺตา ปเทสสฺส. โคจรคาเม ภิกฺขา ยาวทตฺถํ น ลพฺภติ, ปานียมฺปิ ทุลฺลภํ, วาตาตปฑํสสรีสปาปิ พาเธนฺติ. ตสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อิโต อฑฺฒโยชนมตฺเต สมฺปนฺโน ปเทโส, ตตฺถ สพฺเพปิ เอเต ปริสฺสยา นตฺถิ, ยํนูนาหํ ตตฺถ คจฺเฉยฺยํ, ผาสุกํ วิหรนฺเตน สกฺกา สุขมธิคนฺตุ’’นฺติ? ตสฺส ปุน อโหสิ – ‘‘ปพฺพชิตา นาม น ปจฺจยคิทฺธา โหนฺติ, เอวรูปฺจ จิตฺตํ อตฺตโน วเส วตฺตาเปนฺติ, น จิตฺตสฺส วเส วตฺตนฺติ, นาหํ คมิสฺสามี’’ติ เอวํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา น อคมาสิ. เอวํ ยาวตติยกํ อุปฺปนฺนจิตฺตํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา นิวตฺเตสิ. ตโต ตตฺเถว สตฺต วสฺสานิ วสิตฺวา สมฺมา ปฏิปชฺชมาโน ปจฺเจกโพธึ สจฺฉิกตฺวา อิมํ อุทานคาถํ ภาสิตฺวา นนฺทมูลกปพฺภารํ อคมาสิ.

ตตฺถ สีตฺจาติ สีตํ ทุวิธํ อพฺภนฺตรธาตุกฺโขภปจฺจยฺจ พาหิรธาตุกฺโขภปจฺจยฺจ, ตถา อุณฺหมฺปิ. ฑํสาติ ปิงฺคลมกฺขิกา. สรีสปาติ เย เกจิ ทีฆชาติกา สรนฺตา คจฺฉนฺติ. เสสํ ปากฏเมว. นิคมนมฺปิ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพนฺติ.

สีตาลุกคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๐๙. นาโควาติ กา อุปฺปตฺติ? พาราณสิยํ กิร อฺตโร ราชา วีสติ วสฺสานิ รชฺชํ กาเรตฺวา กาลงฺกโต นิรเย วีสติ วสฺสานิ เอว ปจฺจิตฺวา, หิมวนฺตปฺปเทเส หตฺถิโยนิยํ อุปฺปชฺชิตฺวา สฺชาตกฺขนฺโธ ปทุมวณฺณสกลสรีโร อุฬาโร ยูถปติ มหานาโค อโหสิ. ตสฺส โอภคฺโคภคฺคสาขาภงฺคานิ หตฺถิฉาปาว ขาทนฺติ, โอคาเหปิ นํ หตฺถินิโย กทฺทเมน วิลิมฺปึสุ, สพฺพํ ปาลิเลยฺยกนาคสฺเสว อโหสิ. โส ยูถา นิพฺพิชฺชิตฺวา ปกฺกามิ. ตโต นํ ปทานุสาเรน ยูถา อนุพนฺธนฺติ, เอวํ ยาวตติยํ ปกฺกนฺตมฺปิ อนุพนฺธึสุเยว. ตโต จินฺเตสิ ‘‘อิทานิ มยฺหํ นตฺตโก พาราณสิยํ รชฺชํ กาเรติ, ยํนูนาหํ อตฺตโน ปุริมชาติยา อุยฺยานํ คจฺเฉยฺยํ. ตตฺร โส มํ รกฺขิสฺสตี’’ติ. ตโต รตฺติยํ นิทฺทุปคเต ยูเถ ยูถํ ปหาย ตเมว อุยฺยานํ ปาวิสิ. อุยฺยานปาโล ทิสฺวา รฺโ อาโรเจสิ. ราชา ‘‘หตฺถึ คเหสฺสามี’’ติ เสนาย ปริวาเรสิ. หตฺถี ราชานเมว อภิมุโข คจฺฉติ. ราชา ‘‘มํ อภิมุโข เอตี’’ติ ขุรปฺปํ สนฺนยฺหิตฺวา อฏฺาสิ. ตโต หตฺถี ‘‘วิชฺเฌยฺยาปิ มํ เอโส’’ติ มานุสิกาย วาจาย ‘‘พฺรหฺมทตฺต, มา มํ วิชฺฌ, อหํ เต อยฺยโก’’ติ อาห. ราชา ‘‘กึ ภณสี’’ติ สพฺพํ ปุจฺฉิ. หตฺถีปิ รชฺเช จ นรเก จ หตฺถิโยนิยฺจ ปวตฺตึ สพฺพํ อาโรเจสิ. ราชา ‘‘สุนฺทรํ มา ภายิ, มา กฺจิ ภึสาเปหี’’ติ หตฺถิโน วฏฺฏฺจ อารกฺขเก จ หตฺถิภณฺเฑ จ อุปฏฺาเปสิ.

อเถกทิวสํ ราชา หตฺถิกฺขนฺธวรคโต ‘‘อยํ วีสติ วสฺสานิ รชฺชํ กาเรตฺวา นิรเย ปจฺจิตฺวา ปกฺกาวเสเสน ติรจฺฉานโยนิยํ อุปฺปนฺโน, ตตฺถาปิ คณสํวาสสงฺฆฏฺฏนํ อสหนฺโต อิธาคโตสิ, อโห ทุกฺโขว คณสํวาโส, เอกีภาโว เอว ปน สุโข’’ติ จินฺเตตฺวา ตตฺเถว วิปสฺสนํ อารภิตฺวา ปจฺเจกโพธึ สจฺฉากาสิ. ตํ โลกุตฺตรสุเขน สุขิตํ อมจฺจา อุปสงฺกมิตฺวา ปณิปาตํ กตฺวา ‘‘ยานกาโล, มหาราชา’’ติ อาหํสุ. ตโต ‘‘นาหํ, ราชา’’ติ วตฺวา ปุริมนเยเนว อิมํ คาถมภาสิ. สา ปทตฺถโต ปากฏา เอว.

อยํ ปเนตฺถ อธิปฺปายโยชนา – สา จ โข ยุตฺติวเสเนว, น อนุสฺสววเสน. ยถา อยํ หตฺถี อริยกนฺเตสุ สีเลสุ ทนฺตตฺตา อทนฺตภูมึ นาคจฺฉตีติ วา, สรีรมหนฺตตาย วา นาโค, เอวํ กุทาสฺสุ นามาหมฺปิ อริยกนฺเตสุ สีเลสุ ทนฺตตฺตา อทนฺตภูมึ นาคมเนน, อาคุมกรเณน, ปุน อิตฺถตฺตํ อนาคมเนน จ คุณสรีรมหนฺตตาย วา นาโค ภเวยฺยํ. ยถา เจส ยูถานิ วิวชฺชยิตฺวา เอกจริยสุเขน ยถาภิรนฺตํ วิหรํ อรฺเ เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป, กุทาสฺสุ นามาหมฺปิ เอวํ คณํ วิวชฺเชตฺวา เอกวิหารสุเขน ยถาภิรนฺตํ วิหรํ อรฺเ อตฺตโน ยถา ยถา สุขํ, ตถา ตถา ยตฺตกํ วา อิจฺฉามิ, ตตฺตกํ อรฺเ นิวาสํ เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป เอโก จเรยฺยนฺติ อตฺโถ. ยถา เจส สุสณฺิตกฺขนฺธมหนฺตตาย สฺชาตกฺขนฺโธ, กุทาสฺสุ นามาหมฺปิ เอวํ อเสขสีลกฺขนฺธมหนฺตตาย สฺชาตกฺขนฺโธ ภเวยฺยํ. ยถา เจส ปทุมสทิสคตฺตตาย วา, ปทุมกุเล อุปฺปนฺนตาย วา ปทุมี, กุทาสฺสุ นามาหมฺปิ เอวํ ปทุมสทิสอุชุกตาย วา, อริยชาติปทุเม อุปฺปนฺนตาย วา ปทุมี ภเวยฺยํ. ยถา เจส ถามพลาทีหิ อุฬาโร, กุทาสฺสุ นามาหมฺปิ เอวํ ปริสุทฺธกายสมาจารตาทีหิ สีลสมาธินิพฺเพธิกปฺาทีหิ วา อุฬาโร ภเวยฺยนฺติ. เอวํ จินฺเตนฺโต วิปสฺสนํ อารภิตฺวา ปจฺเจกโพธึ อธิคโตมฺหีติ.

นาคคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๑๐. อฏฺานตนฺติ กา อุปฺปตฺติ? พาราณสิรฺโ กิร ปุตฺโต ทหโร เอว สมาโน ปพฺพชิตุกาโม มาตาปิตโร ยาจิ. มาตาปิตโร นํ นิวาเรนฺติ. โส นิวาริยมาโนปิ นิพนฺธติเยว ‘‘ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. ตโต ปุพฺเพ วุตฺตเสฏฺิปุตฺตํ วิย สพฺพํ วตฺวา อนุชานึสุ. ‘‘ปพฺพชิตฺวา จ อุยฺยาเนเยว วสิตพฺพ’’นฺติ ปฏิชานาเปสุํ, โส ตถา อกาสิ. ตสฺส มาตา ปาโตว วีสติสหสฺสนาฏกิตฺถิปริวุตา อุยฺยานํ คนฺตฺวา ปุตฺตํ ยาคุํ ปาเยตฺวา อนฺตรา ขชฺชกาทีนิ จ ขาทาเปตฺวา ยาว มชฺฌนฺหิกสมยา เตน สทฺธึ สมุลฺลปิตฺวา นครํ ปวิสติ. ปิตาปิ มชฺฌนฺหิเก อาคนฺตฺวา ตํ โภเชตฺวา อตฺตนาปิ ภุฺชิตฺวา ทิวสํ เตน สทฺธึ สมุลฺลปิตฺวา สายนฺหสมยํ ปฏิชคฺคนกปุริเส เปตฺวา นครํ ปวิสติ. โส เอวํ รตฺตินฺทิวํ อวิวิตฺโต วิหรติ.

เตน โข ปน สมเยน อาทิจฺจพนฺธุ นาม ปจฺเจกพุทฺโธ นนฺทมูลกปพฺภาเร วิหรติ. โส อาวชฺเชนฺโต ตํ อทฺทส – ‘‘อยํ กุมาโร ปพฺพชิตุํ อสกฺขิ, ชฏํ ฉินฺทิตุํ น สกฺโกตี’’ติ. ตโต ปรํ อาวชฺชิ – ‘‘อตฺตโน ธมฺมตาย นิพฺพิชฺชิสฺสติ นุ โข, โน’’ติ. อถ ‘‘ธมฺมตาย นิพฺพินฺทนฺโต อติจิรํ ภวิสฺสตี’’ติ ตฺวา ‘‘ตสฺส อารมฺมณํ ทสฺเสสฺสามี’’ติ ปุริมนเยเนว มโนสิลาตลโต อาคนฺตฺวา อุยฺยาเน อฏฺาสิ. ราชปริสา ทิสฺวา ‘‘ปจฺเจกพุทฺโธ อาคโต, มหาราชา’’ติ อาโรเจสิ. ราชา ‘‘อิทานิ เม ปุตฺโต ปจฺเจกพุทฺเธน สทฺธึ อนุกฺกณฺิโต วสิสฺสตี’’ติ ปมุทิตมโน หุตฺวา ปจฺเจกพุทฺธํ สกฺกจฺจํ อุปฏฺหิตฺวา ตตฺเถว วาสํ ยาจิตฺวา ปณฺณสาลาทิวาวิหารจงฺกมาทิสพฺพํ กาเรตฺวา วาเสสิ. โส ตตฺถ วสนฺโต เอกทิวสํ โอกาสํ ลภิตฺวา กุมารํ ปุจฺฉิ – ‘‘โกสิ ตฺว’’นฺติ? ‘‘อหํ ปพฺพชิโต’’ติ. ‘‘ปพฺพชิตา นาม น อีทิสา โหนฺตี’’ติ. อถ ‘‘ภนฺเต, กีทิสา โหนฺติ, กึ มยฺหํ อนนุจฺฉวิก’’นฺติ วุตฺเต ‘‘ตฺวํ อตฺตโน อนนุจฺฉวิกํ น เปกฺขสิ, นนุ เต มาตา วีสติสหสฺสิตฺถีติ สทฺธึ ปุพฺพณฺหสมเย อาคจฺฉนฺตี อุยฺยานํ อวิวิตฺตํ กโรติ, ปิตา จสฺส มหตา พลกาเยน สายนฺหสมเย ชคฺคนกปริสา สกลํ รตฺตึ, ปพฺพชิตา นาม ตว สทิสา น โหนฺติ, อีทิสา ปน โหนฺตี’’ติ ตตฺถ ิตสฺเสว อิทฺธิยา หิมวนฺเต อฺตรํ วิหารํ ทสฺเสสิ. โส ตตฺถ ปจฺเจกพุทฺเธ อาลมฺพนผลกํ นิสฺสาย ิเต จ จงฺกมนฺเต จ รชนกกมฺมสูจิกมฺมาทีนิ กโรนฺเต จ ทิสฺวา อาห – ‘‘ตุมฺเห อิธ นาคจฺฉถ, ปพฺพชฺชา จ ตุมฺเหหิ อนุฺาตา’’ติ? ‘‘อาม, ปพฺพชฺชา อนุฺาตา, ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย สมณา นาม อตฺตโน นิสฺสรณํ กาตุํ, ปเทสฺจ อิจฺฉิตํ ปตฺถิตํ คนฺตุํ ลภนฺติ, เอตฺตกํว วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา อากาเส ตฺวา อฏฺาน ตํ สงฺคณิการตสฺส, ยํ ผสฺสเย สามยิกํ วิมุตฺตินฺติ อิมํ อุปฑฺฒุคาถํ วตฺวา ทิสฺสมาโนเยว อากาเสน นนฺทมูลกปพฺภารํ อคมาสิ. เอวํ คเต ปจฺเจกพุทฺเธ โส อตฺตโน ปณฺณสาลํ ปวิสิตฺวา นิปชฺชิ. อารกฺขปุริโสปิ ‘‘สยิโต กุมาโร, อิทานิ กุหึ คมิสฺสตี’’ติ ปมตฺโต นิทฺทํ โอกฺกมิ. โส ตสฺส ปมตฺตภาวํ ตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย อรฺํ ปาวิสิ. ตตฺร จ ิโต วิปสฺสนํ อารภิตฺวา ปจฺเจกโพธึ สจฺฉิกตฺวา ปจฺเจกพุทฺธฏฺานํ คโต. ตตฺร จ ‘‘กถมธิคต’’นฺติ ปุจฺฉิโต อาทิจฺจพนฺธุนา วุตฺตํ อุปฑฺฒคาถํ ปริปุณฺณํ กตฺวา อภาสิ.

ตสฺสตฺโถ – อฏฺาน ตนฺติ อฏฺานํ ตํ, อการณํ ตนฺติ วุตฺตํ โหติ. อนุนาสิกโลโป กโต ‘‘อริยสจฺจาน ทสฺสน’’นฺติอาทีสุ (ขุ. ปา. ๕.๑๑; สุ. นิ. ๒๗๐) วิย. สงฺคณิการตสฺสาติ คณาภิรตสฺส. นฺติ การณวจนเมตํ ‘‘ยํ หิรียติ หิรียิตพฺเพนา’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๓๐) วิย. ผสฺสเยติ อธิคจฺเฉ. สามยิกํ วิมุตฺตินฺติ โลกิยสมาปตฺตึ. สา หิ อปฺปิตปฺปิตสมเย เอว ปจฺจตฺถิเกหิ วิมุจฺจนโต ‘‘สามยิกา วิมุตฺตี’’ติ วุจฺจติ. ตํ สามยิกํ วิมุตฺตึ. อฏฺานํ ตํ, น ตํ การณํ วิชฺชติ สงฺคณิการตสฺส, เยน การเณน วิมุตฺตึ ผสฺสเย อิติ เอตํ อาทิจฺจพนฺธุสฺส ปจฺเจกพุทฺธสฺส วโจ นิสมฺม สงฺคณิการตึ ปหาย โยนิโส ปฏิปชฺชนฺโต อธิคโตมฺหีติ อาห. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ.

อฏฺานคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

ทุติยวคฺโค นิฏฺิโต.

๑๑๑. ทิฏฺีวิสูกานีติ กา อุปฺปตฺติ? อฺตโร กิร พาราณสิราชา รโหคโต จินฺเตสิ – ‘‘ยถา สีตาทีนํ ปฏิฆาตกานิ อุณฺหาทีนิ อตฺถิ, อตฺถิ นุ โข เอวํ วฏฺฏปฏิฆาตกํ วิวฏฺฏํ, โน’’ติ? โส อมจฺเจ ปุจฺฉิ – ‘‘วิวฏฺฏํ ชานาถา’’ติ? เต ‘‘ชานาม, มหาราชา’’ติ อาหํสุ. ราชา ‘‘กึ ต’’นฺติ? ตโต ‘‘อนฺตวา โลโก’’ติอาทินา นเยน สสฺสตุจฺเฉทํ กเถสุํ. ราชา ‘‘อิเม น ชานนฺติ, สพฺเพปิเม ทิฏฺิคติกา’’ติ สยเมว เตสํ วิโลมตฺจ อยุตฺตตฺจ ทิสฺวา ‘‘วฏฺฏปฏิฆาตกํ วิวฏฺฏํ อตฺถิ, ตํ คเวสิตพฺพ’’นฺติ จินฺเตตฺวา รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนฺโต ปจฺเจกโพธึ สจฺฉากาสิ. อิมฺจ อุทานคาถํ อภาสิ ปจฺเจกพุทฺธานํ มชฺเฌ พฺยากรณคาถฺจ.

ตสฺสตฺโถ – ทิฏฺีวิสูกานีติ ทฺวาสฏฺิทิฏฺิคตานิ. ตานิ หิ มคฺคสมฺมาทิฏฺิยา วิสูกฏฺเน วิชฺฌนฏฺเน วิโลมฏฺเน จ วิสูกานิ, เอวํ ทิฏฺิยา วิสูกานิ, ทิฏฺิ เอว วา วิสูกานิ ทิฏฺิวิสูกานิ. อุปาติวตฺโตติ ทสฺสนมคฺเคน อติกฺกนฺโต. ปตฺโต นิยามนฺติ อวินิปาตธมฺมตาย สมฺโพธิปรายณตาย จ นิยตภาวํ อธิคโต, สมฺมตฺตนิยามสงฺขาตํ วา ปมมคฺคนฺติ. เอตฺตาวตา ปมมคฺคกิจฺจนิปฺผตฺติ จ ตสฺส ปฏิลาโภ จ วุตฺโต. อิทานิ ปฏิลทฺธมคฺโคติ อิมินา เสสมคฺคปฏิลาภํ ทสฺเสติ. อุปฺปนฺนาโณมฺหีติ อุปฺปนฺนปจฺเจกโพธิาโณ อมฺหิ. เอเตน ผลํ ทสฺเสติ. อนฺเนยฺโยติ อฺเหิ อิทํ สจฺจนฺติ น เนตพฺโพ. เอเตน สยมฺภุตํ ทสฺเสติ, ปตฺเต วา ปจฺเจกโพธิาเณ อฺเนยฺยตาย อภาวา สยํวสิตํ. สมถวิปสฺสนาย วา ทิฏฺิวิสูกานิ อุปาติวตฺโต, อาทิมคฺเคน นิยามํ ปตฺโต, เสเสหิ ปฏิลทฺธมคฺโค, ผลาเณน อุปฺปนฺนาโณ, ตํ สพฺพํ อตฺตนาว อธิคโตติ อนฺเนยฺโยติ. เสสํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพนฺติ.

ทิฏฺีวิสูกคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๑๒. นิลฺโลลุโปติ กา อุปฺปตฺติ? พาราณสิรฺโ กิร สูโท อนฺตรภตฺตํ ปจิตฺวา อุปนาเมสิ มนุฺทสฺสนํ สาทุรสํ ‘‘อปฺเปว นาม เม ราชา ธนมนุปฺปาเทยฺยา’’ติ. ตํ รฺโ คนฺเธเนว โภตฺตุกมฺยตํ ชเนสิ, มุเข เขฬํ อุปฺปาเทติ. ปมกพเฬ ปน มุเข ปกฺขิตฺตมตฺเต สตฺตรสหรณิสหสฺสานิ อมเตเนว ผุสิตานิ อเหสุํ. สูโท ‘‘อิทานิ เม ทสฺสติ, อิทานิ เม ทสฺสตี’’ติ จินฺเตสิ. ราชาปิ ‘‘สกฺการารโห สูโท’’ติ จินฺเตสิ, ‘‘รสํ สายิตฺวา ปน สกฺกโรนฺตํ มํ ปาปโก กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคจฺเฉยฺย ‘โลโล อยํ ราชา รสครุโก’’’ติ น กิฺจิ อภณิ. เอวํ ยาว โภชนปริโยสานํ, ตาว สูโท ‘‘อิทานิ ทสฺสติ, อิทานิ ทสฺสตี’’ติ จินฺเตสิ. ราชาปิ อวณฺณภเยน น กิฺจิ อภณิ. ตโต สูโท ‘‘นตฺถิ มฺเ อิมสฺส รฺโ ชิวฺหาวิฺาณ’’นฺติ. ทุติยทิวเส อสาทุรสํ อุปนาเมสิ. ราชา ภุฺชนฺโต ‘‘นิคฺคหารโห วต, โภ, อชฺช สูโท’’ติ ชานนฺโตปิ ปุพฺเพ วิย ปจฺจเวกฺขิตฺวา อวณฺณภเยน น กิฺจิ อภณิ. ตโต สูโท ‘‘ราชา เนว สุนฺทรํ นาสุนฺทรํ ชานาตี’’ติ จินฺเตตฺวา สพฺพํ ปริพฺพยํ อตฺตนาว คเหตฺวา กิฺจิเทว ปจิตฺวา รฺโ เทติ. ราชา ‘‘อโห วต โลโภ, อหํ นาม วีสติ นครสหสฺสานิ ภุฺชนฺโต อิมสฺส โลเภน ภตฺตมตฺตมฺปิ น ลภามี’’ติ นิพฺพิชฺชิตฺวา รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนฺโต ปจฺเจกโพธึ สจฺฉากาสิ. ปุริมนเยเนว อิมํ คาถํ อภาสิ.

ตตฺถ นิลฺโลลุโปติ อโลลุโป. โย หิ รสตณฺหาภิภูโต โหติ, โส ภุสํ ลุปฺปติ ปุนปฺปุนํ ลุปฺปติ, เตน ‘‘โลลุโป’’ติ วุจฺจติ. ตสฺมา เอส ตํ ปฏิกฺขิปนฺโต ‘‘นิลฺโลลุโป’’ติ อาห. นิกฺกุโหติ เอตฺถ กิฺจาปิ ยสฺส ติวิธํ กุหนวตฺถุ นตฺถิ, โส ‘‘นิกฺกุโห’’ติ วุจฺจติ. อิมิสฺสา ปน คาถาย มนุฺโภชนาทีสุ วิมฺหยมนาปชฺชนโต นิกฺกุโหติ อยมธิปฺปาโย. นิปฺปิปาโสติ เอตฺถ ปาตุมิจฺฉา ปิปาสา, ตสฺสา อภาเวน นิปฺปิปาโส, สาทุรสโลเภน โภตฺตุกมฺยตาวิรหิโตติ อตฺโถ. นิมฺมกฺโขติ เอตฺถ ปรคุณวินาสนลกฺขโณ มกฺโข, ตสฺส อภาเวน นิมฺมกฺโข. อตฺตโน คิหิกาเล สูทสฺส คุณมกฺขนาภาวํ สนฺธายาห. นิทฺธนฺตกสาวโมโหติ เอตฺถ ราคาทโย ตโย กายทุจฺจริตาทีนิ จ ตีณีติ ฉ ธมฺมา ยถาสมฺภวํ อปฺปสนฺนฏฺเน สกภาวํ วิชหาเปตฺวา ปรภาวํ คณฺหาปนฏฺเน กสฏฏฺเน จ ‘‘กสาวา’’ติ เวทิตพฺพา. ยถาห –

‘‘ตตฺถ กตเม ตโย กสาวา? ราคกสาโว, โทสกสาโว, โมหกสาโว. อิเม ตโย กสาวา. ตตฺถ กตเม อปเรปิ ตโย กสาวา? กายกสาโว, วจีกสาโว, มโนกสาโว’’ติ (วิภ. ๙๒๔).

เตสุ โมหํ เปตฺวา ปฺจนฺนํ กสาวานํ เตสฺจ สพฺเพสํ มูลภูตสฺส โมหสฺส นิทฺธนฺตตฺตา นิทฺธนฺตกสาวโมโห. ติณฺณํ เอว วา กายวจีมโนกสาวานํ โมหสฺส จ นิทฺธนฺตตฺตา นิทฺธนฺตกสาวโมโห. อิตเรสุ นิลฺโลลุปตาทีหิ ราคกสาวสฺส, นิมฺมกฺขตาย โทสกสาวสฺส นิทฺธนฺตภาโว สิทฺโธ เอว. นิราสโยติ นิตฺตณฺโห. สพฺพโลเก ภวิตฺวาติ สกลโลเก, ตีสุ ภเวสุ ทฺวาทสสุ วา อายตเนสุ ภววิภวตณฺหาวิรหิโต หุตฺวาติ อตฺโถ. เสสํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. อถ วา ตโยปิ ปาเท วตฺวา เอโก จเรติ เอโก จริตุํ สกฺกุเณยฺยาติ เอวมฺเปตฺถ สมฺพนฺโธ กาตพฺโพ.

นิลฺโลลุปคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๑๓. ปาปํ สหายนฺติ กา อุปฺปตฺติ? พาราณสิยํ กิร อฺตโร ราชา มหจฺจราชานุภาเวน นครํ ปทกฺขิณํ กโรนฺโต มนุสฺเส โกฏฺาคารโต ปุราณธฺาทีนิ พหิทฺธา นีหรนฺเต ทิสฺวา ‘‘กึ, ภเณ, อิท’’นฺติ อมจฺเจ ปุจฺฉิ. อมจฺจา ‘‘อิทานิ, มหาราช, นวธฺาทีนิ อุปฺปชฺชิสฺสนฺติ, เตสํ โอกาสํ กาตุํ อิเม มนุสฺสา ปุราณธฺาทีนิ ฉฑฺเฑนฺตี’’ติ อาหํสุ. ราชา ‘‘กึ, ภเณ, อิตฺถาคารพลกายาทีนํ วตฺตํ ปริปุณฺณ’’นฺติ อาห. ‘‘อาม, มหาราช, ปริปุณฺณ’’นฺติ. ‘‘เตน หิ, ภเณ, ทานสาลํ กาเรถ, ทานํ ทสฺสามิ, มา อิมานิ ธฺานิ อนุปการานิ วินสฺสนฺตู’’ติ. ตโต นํ อฺตโร ทิฏฺิคติโก อมจฺโจ ‘‘มหาราช, นตฺถิ ทินฺน’’นฺติ อารพฺภ ยาว ‘‘พาเล จ ปณฺฑิเต จ สนฺธาวิตฺวา สํสริตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสนฺตี’’ติ วตฺวา นิวาเรสิ. ราชา ทุติยมฺปิ ตติยมฺปิ โกฏฺาคาเร วิลุมฺปนฺเต ทิสฺวา ตเถว อาณาเปสิ. โสปิ ตติยมฺปิ นํ ‘‘มหาราช, ทตฺตุปฺตฺตํ ยทิทํ ทาน’’นฺติอาทีนิ วตฺวา นิวาเรสิ. โส ‘‘อเร, อหํ อตฺตโน สนฺตกมฺปิ น ลภามิ ทาตุํ, กึ เม อิเมหิ ปาปสหาเยหี’’ติ นิพฺพินฺโน รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนฺโต ปจฺเจกโพธึ สจฺฉากาสิ. ตฺจ ปาปสหายํ ครหนฺโต อิมํ อุทานคาถมาห.

ตสฺสายํ สงฺเขปตฺโถ – ยฺวายํ ทสวตฺถุกาย ปาปทิฏฺิยา สมนฺนาคตตฺตา ปาโป, ปเรสมฺปิ อนตฺถํ ปสฺสตีติ อนตฺถทสฺสี, กายทุจฺจริตาทิมฺหิ จ วิสเม นิวิฏฺโ, ตํ อตฺถกาโม กุลปุตฺโต ปาปํ สหายํ ปริวชฺชเยถ, อนตฺถทสฺสึ วิสเม นิวิฏฺํ. สยํ น เสเวติ อตฺตโน วเสน ตํ น เสเวยฺย. ยทิ ปน ปรสฺส วโส โหติ, กึ สกฺกา กาตุนฺติ วุตฺตํ โหติ. ปสุตนฺติ ปสฏํ, ทิฏฺิวเสน ตตฺถ ตตฺถ ลคฺคนฺติ อตฺโถ. ปมตฺตนฺติ กามคุเณสุ โวสฺสฏฺจิตฺตํ, กุสลภาวนารหิตํ วา. ตํ เอวรูปํ สหายํ น เสเว น ภเช น ปยิรุปาเส, อฺทตฺถุ เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโปติ.

ปาปสหายคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๑๔. พหุสฺสุตนฺติ กา อุปฺปตฺติ? ปุพฺเพ กิร กสฺสปสฺส ภควโต สาสเน อฏฺ ปจฺเจกโพธิสตฺตา ปพฺพชิตฺวา คตปจฺจาคตวตฺตํ ปูเรตฺวา เทวโลเก อุปฺปนฺนาติอาทิ สพฺพํ อนวชฺชโภชีคาถาย วุตฺตสทิสเมว. อยํ ปน วิเสโส – ปจฺเจกพุทฺเธ นิสีทาเปตฺวา ราชา อาห – ‘‘เก ตุมฺเห’’ติ? เต อาหํสุ – ‘‘มยํ, มหาราช, พหุสฺสุตา นามา’’ติ. ราชา ‘‘อหํ สุตพฺรหฺมทตฺโต นาม, สุเตน ติตฺตึ น คจฺฉามิ, หนฺท, เนสํ สนฺติเก วิจิตฺรนยธมฺมเทสนํ โสสฺสามี’’ติ อตฺตมโน ทกฺขิโณทกํ ทตฺวา ปริวิสิตฺวา ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน สงฺฆตฺเถรสฺส สนฺติเก นิสีทิตฺวา ‘‘ธมฺมกถํ, ภนฺเต, กเถถา’’ติ อาห. โส ‘‘สุขิโต โหตุ, มหาราช, ราคกฺขโย โหตู’’ติ วตฺวา อุฏฺิโต. ราชา ‘‘อยํ น พหุสฺสุโต, ทุติโย พหุสฺสุโต ภวิสฺสติ, สฺเว ตสฺส วิจิตฺรธมฺมเทสนํ โสสฺสามี’’ติ สฺวาตนาย นิมนฺเตสิ. เอวํ ยาว สพฺเพสํ ปฏิปาฏิ คจฺฉติ, ตาว นิมนฺเตสิ, เต สพฺเพปิ ‘‘โทสกฺขโย โหตุ, โมหกฺขโย, คติกฺขโย, ภวกฺขโย, วฏฺฏกฺขโย, อุปธิกฺขโย, ตณฺหกฺขโย โหตู’’ติ เอวํ เอเกกปทํ วิเสเสตฺวา เสสํ ปมสทิสเมว วตฺวา อุฏฺหึสุ.

ตโต ราชา – ‘‘อิเม ‘พหุสฺสุตา มย’นฺติ ภณนฺติ, น จ เตสํ วิจิตฺรกถา, กิเมเตหิ วุตฺต’’นฺติ เตสํ วจนตฺถํ อุปปริกฺขิตุมารทฺโธ. อถ ‘‘ราคกฺขโย โหตู’’ติ อุปปริกฺขนฺโต ‘‘ราเค ขีเณ โทโสปิ โมโหปิ อฺตรฺตเรปิ กิเลสา ขีณา โหนฺตี’’ติ ตฺวา อตฺตมโน อโหสิ ‘‘นิปฺปริยายพหุสฺสุตา อิเม สมณา. ยถาปิ หิ ปุริเสน มหาปถวึ วา อากาสํ วา องฺคุลิยา นิทฺทิสนฺเตน น องฺคุลิมตฺโตว ปเทโส นิทฺทิฏฺโ โหติ. อปิ จ โข ปน สกลปถวี อากาสา เอว นิทฺทิฏฺา โหนฺติ. เอวํ อิเมหิ เอเกกํ อตฺถํ นิทฺทิสนฺเตหิ อปริมาณา อตฺถา นิทฺทิฏฺา โหนฺตี’’ติ. ตโต โส ‘‘กุทาสฺสุ นามาหมฺปิ เอวํ พหุสฺสุโต ภวิสฺสามี’’ติ ตถารูปํ พหุสฺสุตภาวํ ปตฺเถนฺโต รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนฺโต ปจฺเจกโพธึ สจฺฉิกตฺวา อิมํ อุทานคาถมภาสิ.

ตตฺถายํ สงฺเขปตฺโถ – พหุสฺสุตนฺติ ทุวิโธ พหุสฺสุโต ตีสุ ปิฏเกสุ อตฺถโต นิขิโล ปริยตฺติพหุสฺสุโต จ, มคฺคผลวิชฺชาภิฺาปฏิเวธโก ปฏิเวธพหุสฺสุโต จ. อาคตาคโม ธมฺมธโร. อุฬาเรหิ ปน กายวจีมโนกมฺเมหิ สมนฺนาคโต อุฬาโร. ยุตฺตปฏิภาโน จ มุตฺตปฏิภาโน จ ยุตฺตมุตฺตปฏิภาโน จ ปฏิภานวา. ปริยตฺติปริปุจฺฉาธิคมวเสน วา ติวิโธ ปฏิภานวา เวทิตพฺโพ. ยสฺส หิ ปริยตฺติ ปฏิภาติ, โส ปริยตฺติปฏิภานวา. ยสฺส อตฺถฺจ าณฺจ ลกฺขณฺจ านาฏฺานฺจ ปริปุจฺฉนฺตสฺส ปริปุจฺฉา ปฏิภาติ, โส ปริปุจฺฉาปฏิภานวา. ยสฺส มคฺคาทโย ปฏิวิทฺธา โหนฺติ, โส อธิคมปฏิภานวา. ตํ เอวรูปํ พหุสฺสุตํ ธมฺมธรํ ภเชถ มิตฺตํ อุฬารํ ปฏิภานวนฺตํ. ตโต ตสฺสานุภาเวน อตฺตตฺถปรตฺถอุภยตฺถเภทโต วา ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺถเภทโต วา อเนกปฺปการานิ อฺาย อตฺถานิ, ตโต ‘‘อโหสึ นุ โข อหํ อตีตมทฺธาน’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑๘; สํ. นิ. ๒.๒๐) กงฺขาฏฺานิเยสุ วิเนยฺย กงฺขํ วิจิกิจฺฉํ วิเนตฺวา วินาเสตฺวา เอวํ กตสพฺพกิจฺโจ เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโปติ.

พหุสฺสุตคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๑๕. ขิฑฺฑํ รตินฺติ กา อุปฺปตฺติ? พาราณสิยํ กิร วิภูสกพฺรหฺมทตฺโต นาม ราชา ปาโตว ยาคุํ วา ภตฺตํ วา ภุฺชิตฺวา นานาวิธวิภูสเนหิ อตฺตานํ วิภูสาเปตฺวา มหาอาทาเส สกลํ สรีรํ ทิสฺวา ยํ น อิจฺฉติ, ตํ อปเนตฺวา อฺเน วิภูสเนน วิภูสาเปติ. ตสฺส เอกทิวสํ เอวํ กโรนฺตสฺส ภตฺตเวลา มชฺฌนฺหิกา สมฺปตฺตา. วิปฺปกตวิภูสิโตว ทุสฺสปฏฺเฏน สีสํ เวเตฺวา ภุฺชิตฺวา ทิวาเสยฺยํ อุปคฺฉิ. ปุนปิ อุฏฺหิตฺวา ตเถว กโรโต สูริโย โอคฺคโต. เอวํ ทุติยทิวเสปิ ตติยทิวเสปิ. อถสฺส เอวํ มณฺฑนปฺปสุตสฺส ปิฏฺิโรโค อุทปาทิ. ตสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อโห เร, อหํ สพฺพถาเมน วิภูสนฺโตปิ อิมสฺมึ กปฺปเก วิภูสเน อสนฺตุฏฺโ โลภํ อุปฺปาเทสึ, โลโภ จ นาเมส อปายคมนีโย ธมฺโม, หนฺทาหํ โลภํ นิคฺคณฺหามี’’ติ รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนฺโต ปจฺเจกโพธึ สจฺฉิกตฺวา อิมํ อุทานคาถมภาสิ.

ตตฺถ ขิฑฺฑารติ จ ปุพฺเพ วุตฺตาว. กามสุขนฺติ วตฺถุกามสุขํ. วตฺถุกามาปิ หิ สุขสฺส วิสยาทิภาเวน ‘‘สุข’’นฺติ วุจฺจนฺติ. ยถาห – ‘‘อตฺถิ รูปํ สุขํ สุขานุปติต’’นฺติ (สํ. นิ. ๓.๖๐). เอวเมตํ ขิฑฺฑํ รตึ กามสุขฺจ อิมสฺมึ โอกาสโลเก อนลงฺกริตฺวา อลนฺติ อกตฺวา, เอตํ ตปฺปกนฺติ วา สารภูตนฺติ วา เอวํ อคฺคเหตฺวา. อนเปกฺขมาโนติ เตน อนลงฺกรเณน อนเปกฺขณสีโล อปิหาลุโก นิตฺตณฺโห. วิภูสฏฺานา วิรโต สจฺจวาทีติ ตตฺถ วิภูตา ทุวิธา – อคาริกวิภูสา จ อนคาริกวิภูสา จ. สาฏกเวนมาลาคนฺธาทิวิภูสา อคาริกวิภูสา นาม. ปตฺตมณฺฑนาทิวิภูสา อนคาริกวิภูสา. วิภูสา เอว วิภูสฏฺานํ, ตสฺมา วิภูสฏฺานา ติวิธาย วิรติยา วิรโต. อวิตถวจนโต สจฺจวาทีติ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ.

วิภูสฏฺานคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๑๖. ปุตฺตฺจ ทารนฺติ กา อุปฺปตฺติ? พาราณสิยํ กิร รฺโ ปุตฺโต ทหรกาเลเยว อภิสิตฺโต รชฺชํ กาเรสิ. โส ปมคาถาย วุตฺตปจฺเจกโพธิสตฺโต วิย รชฺชสิรึ อนุภวนฺโต เอกทิวสํ จินฺเตสิ – ‘‘อหํ รชฺชํ กาเรนฺโต พหูนํ ทุกฺขํ กโรมิ, กึ เม เอกภตฺตตฺถาย อิมินา ปาเปน, หนฺท, สุขมุปฺปาเทมี’’ติ รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนฺโต ปจฺเจกโพธึ สจฺฉิกตฺวา อิมํ อุทานคาถํ อภาสิ.

ตตฺถ ธนานีติ มุตฺตามณิเวฬุริยสงฺขสิลาปวาฬรชตชาตรูปาทีนิ รตนานิ. ธฺานีติ สาลิวีหิยวโคธุมกงฺคุวรกกุทฺรูสกปฺปเภทานิ สตฺต เสสาปรณฺณานิ จ. พนฺธวานีติ าติพนฺธุโคตฺตพนฺธุมิตฺตพนฺธุสิปฺปพนฺธุวเสน จตุพฺพิธพนฺธเว. ยโถธิกานีติ สกสกโอธิวเสน ิตานิเยว. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ.

ปุตฺตทารคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๑๗. สงฺโค เอโสติ กา อุปฺปตฺติ? พาราณสิยํ กิร ปาทโลลพฺรหฺมทตฺโต นาม ราชา อโหสิ. โส ปาโตว ยาคุํ วา ภตฺตํ วา ภุฺชิตฺวา ตีสุ ปาสาเทสุ ติวิธานิ นาฏกานิ ปสฺสติ. ติวิธา นาม นาฏกา ปุพฺพราชโต อาคตํ, อนนฺตรราชโต อาคตํ, อตฺตโน กาเล อุฏฺิตนฺติ. โส เอกทิวสํ ปาโตว ทหรนาฏกปาสาทํ คโต. ตา นาฏกิตฺถิโย ‘‘ราชานํ รมาเปสฺสามา’’ติ สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส อจฺฉราโย วิย อติมโนหรํ นจฺจคีตวาทิตํ ปโยเชสุํ. ราชา ‘‘อนจฺฉริยเมตํ ทหราน’’นฺติ อสนฺตุฏฺโ หุตฺวา มชฺฌิมนาฏกปาสาทํ คโต, ตาปิ นาฏกิตฺถิโย ตเถว อกํสุ. โส ตตฺถปิ ตเถว อสนฺตุฏฺโ หุตฺวา มหลฺลกนาฏกปาสาทํ คโต, ตาปิ ตเถว อกํสุ. ราชา ทฺเว ตโย ราชปริวฏฺเฏ อตีตานํ ตาสํ มหลฺลกภาเวน อฏฺิกีฬนสทิสํ นจฺจํ ทิสฺวา คีตฺจ อมธุรํ สุตฺวา ปุนเทว ทหรนาฏกปาสาทํ, ปุน มชฺฌิมนาฏกปาสาทนฺติ เอวมฺปิ วิจริตฺวา กตฺถจิ อสนฺตุฏฺโ จินฺเตสิ – ‘‘อิมา นาฏกิตฺถิโย สกฺกํ เทวานมินฺทํ อจฺฉราโย วิย มํ รมาเปตุกามา สพฺพถาเมน นจฺจคีตวาทิตํ ปโยเชสุํ. สฺวาหํ กตฺถจิ อสนฺตุฏฺโ โลภํ วฑฺเฒมิ. โลโภ จ นาเมส อปายคมนีโย ธมฺโม, หนฺทาหํ โลภํ นิคฺคณฺหามี’’ติ รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนฺโต ปจฺเจกโพธึ สจฺฉิกตฺวา อิมํ อุทานคาถํ อภาสิ.

ตสฺสตฺโถ – สงฺโค เอโสติ อตฺตโน อุปโภคํ นิทฺทิสติ. โส หิ สชฺชนฺติ ตตฺถ ปาณิโน กทฺทเม ปวิฏฺโ หตฺถี วิยาติ สงฺโค. ปริตฺตเมตฺถ โสขฺยนฺติ เอตฺถ ปฺจกามคุณูปโภคกาเล วิปรีตสฺาย อุปฺปาเทตพฺพโต กามาวจรธมฺมปริยาปนฺนโต วา ลามกฏฺเน โสขฺยํ ปริตฺตํ, วิชฺชุปฺปภาย โอภาสิตนจฺจทสฺสนสุขํ อิว อิตฺตรํ, ตาวกาลิกนฺติ วุตฺตํ โหติ. อปฺปสฺสาโท ทุกฺขเมเวตฺถ ภิยฺโยติ เอตฺถ จ ยฺวายํ ‘‘ยํ โข, ภิกฺขเว, อิเม ปฺจ กามคุเณ ปฏิจฺจ อุปฺปชฺชติ สุขํ โสมนสฺสํ, อยํ กามานํ อสฺสาโท’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๖๖) วุตฺโต, โส ยมิทํ ‘‘โก จ, ภิกฺขเว, กามานํ อาทีนโว, อิธ, ภิกฺขเว, กุลปุตฺโต เยน สิปฺปฏฺาเนน ชีวิกํ กปฺเปติ, ยทิ มุทฺทาย ยทิ คณนายา’’ติ เอวมาทินา (ม. นิ. ๑.๑๖๗) นเยเนตฺถ ทุกฺขํ วุตฺตํ, ตํ อุปนิธาย อปฺโป อุทกพินฺทุมตฺโต โหติ, อถ โข ทุกฺขเมว ภิยฺโย พหุ, จตูสุ สมุทฺเทสุ อุทกสทิสํ โหติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อปฺปสฺสาโท ทุกฺขเมเวตฺถ ภิยฺโย’’ติ. คโฬ เอโสติ อสฺสาทํ ทสฺเสตฺวา อากฑฺฒนวเสน พฬิโส วิย เอโส, ยทิทํ ปฺจกามคุณา. อิติ ตฺวา มติมาติ เอวํ ชานิตฺวา พุทฺธิมา ปณฺฑิโต ปุริโส สพฺพเมตํ ปหาย เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโปติ.

สงฺคคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๑๘. สนฺทาลยิตฺวานาติ กา อุปฺปตฺติ? พาราณสิยํ กิร อนิวตฺตพฺรหฺมทตฺโต นาม ราชา อโหสิ. โส สงฺคามํ โอติณฺโณ อชินิตฺวา อฺํ วา กิจฺจํ อารทฺโธ อนิฏฺเปตฺวา น นิวตฺตติ, ตสฺมา นํ เอวํ สฺชานึสุ. โส เอกทิวสํ อุยฺยานํ คจฺฉติ. เตน จ สมเยน ทวฑาโห อุฏฺาสิ. โส อคฺคิ สุกฺขานิ เจว หริตานิ จ ติณาทีนิ ทหนฺโต อนิวตฺตมาโน เอว คจฺฉติ. ราชา ตํ ทิสฺวา ตปฺปฏิภาคนิมิตฺตํ อุปฺปาเทสิ. ‘‘ยถายํ ทวฑาโห, เอวเมว เอกาทสวิโธ อคฺคิ สพฺเพ สตฺเต ทหนฺโต อนิวตฺตมาโน คจฺฉติ มหาทุกฺขํ อุปฺปาเทนฺโต, กุทาสฺสุ นามาหมฺปิ อิมสฺส ทุกฺขสฺส นิวตฺตนตฺถํ อยํ อคฺคิ วิย อริยมคฺคาณคฺคินา กิเลเส ทหนฺโต อนิวตฺตมาโน คจฺเฉยฺย’’นฺติ? ตโต มุหุตฺตํ คนฺตฺวา เกวฏฺเฏ อทฺทส นทิยํ มจฺเฉ คณฺหนฺเต. เตสํ ชาลนฺตเร ปวิฏฺโ เอโก มหามจฺโฉ ชาลํ เภตฺวา ปลายิ. เต ‘‘มจฺโฉ ชาลํ เภตฺวา คโต’’ติ สทฺทมกํสุ. ราชา ตมฺปิ วจนํ สุตฺวา ตปฺปฏิภาคนิมิตฺตํ อุปฺปาเทสิ – ‘‘กุทาสฺสุ นามาหมฺปิ อริยมคฺคาเณน ตณฺหาทิฏฺิชาลํ เภตฺวา อสชฺชมาโน คจฺเฉยฺย’’นฺติ? โส รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนํ อารภิตฺวา ปจฺเจกโพธึ สจฺฉากาสิ, อิมฺจ อุทานคาถมภาสิ.

ตสฺสา ทุติยปาเท ชาลนฺติ สุตฺตมยํ วุจฺจติ. อมฺพูติ อุทกํ, ตตฺถ จรตีติ อมฺพุจารี, มจฺฉสฺเสตํ อธิวจนํ. สลิเล อมฺพุจารี สลิลมฺพุจารี. ตสฺมึ นทีสลิเล ชาลํ เภตฺวา คตอมฺพุจารีวาติ วุตฺตํ โหติ. ตติยปาเท ทฑฺฒนฺติ ทฑฺฒฏฺานํ วุจฺจติ. ยถา อคฺคิ ทฑฺฒฏฺานํ ปุน น นิวตฺตติ, น ตตฺถ ภิยฺโย อาคจฺฉติ, เอวํ มคฺคาณคฺคินา ทฑฺฒกามคุณฏฺานํ อนิวตฺตมาโน ตตฺถ ภิยฺโย อนาคจฺฉนฺโตติ วุตฺตํ โหติ. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ.

สนฺทาลคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๑๙. โอกฺขิตฺตจกฺขูติ กา อุปฺปตฺติ? พาราณสิยํ กิร จกฺขุโลลพฺรหฺมทตฺโต นาม ราชา ปาทโลลพฺรหฺมทตฺโต วิย นาฏกทสฺสนํ อนุยุตฺโต โหติ. อยํ ปน วิเสโส – โส อสนฺตุฏฺโ ตตฺถ ตตฺถ คจฺฉติ. อยํ ตํ ตํ นาฏกํ ทิสฺวา อตีว อภินนฺทิตฺวา นาฏกทสฺสนปริวตฺตเนน ตณฺหํ วฑฺเฒนฺโต วิจรติ. โส กิร นาฏกทสฺสนตฺถํ อาคตํ อฺตรํ กุฏุมฺพิยภริยํ ทิสฺวา ราคํ อุปฺปาเทสิ. ตโต สํเวคํ อาปชฺชิตฺวา ปุน ‘‘อเร, อหํ อิมํ ตณฺหํ วฑฺเฒนฺโต อปายปริปูรโก ภวิสฺสามิ, หนฺท, นํ นิคฺคณฺหามี’’ติ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนฺโต ปจฺเจกโพธึ สจฺฉิกตฺวา อตฺตโน ปุริมปฏิปตฺตึ ครหนฺโต ตปฺปฏิปกฺขคุณทีปิกํ อิมํ อุทานคาถํ อภาสิ.

ตตฺถ โอกฺขิตฺตจกฺขูติ เหฏฺาขิตฺตจกฺขุ, สตฺตคีวฏฺิกานิ ปฏิปาฏิยา เปตฺวา ปริวชฺชนคเหตพฺพทสฺสนตฺถํ ยุคมตฺตํ เปกฺขมาโนติ วุตฺตํ โหติ. น ตุ หนุกฏฺินา หทยฏฺึ สงฺฆฏฺเฏนฺโต. เอวฺหิ โอกฺขิตฺตจกฺขุตา น สมณสารุปฺปา โหติ. น จ ปาทโลโลติ เอกสฺส ทุติโย, ทฺวินฺนํ ตติโยติ เอวํ คณมชฺฌํ ปวิสิตุกามตาย กณฺฑูยมานปาโท วิย อภวนฺโต, ทีฆจาริกอนิวตฺตจาริกวิรโต. คุตฺตินฺทฺริโยติ ฉสุ อินฺทฺริเยสุ อิธ มนินฺทฺริยสฺส วิสุํ วุตฺตตฺตา วุตฺตาวเสสวเสน จ โคปิตินฺทฺริโย. รกฺขิตมานสาโนติ มานสํ เอว มานสานํ, ตํ รกฺขิตมสฺสาติ รกฺขิตมานสาโน. ยถา กิเลเสหิ น วิลุปฺปติ, เอวํ รกฺขิตจิตฺโตติ วุตฺตํ โหติ. อนวสฺสุโตติ อิมาย ปฏิปตฺติยา เตสุ เตสุ อารมฺมเณสุ กิเลสอนฺวสฺสววิรหิโต. อปริฑยฺหมาโนติ กิเลสคฺคีหิ อปริฑยฺหมาโน. พหิทฺธา วา อนวสฺสุโต, อชฺฌตฺตํ อปริฑยฺหมาโน. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ.

โอกฺขิตฺตจกฺขุคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๒๐. โอหารยิตฺวาติ กา อุปฺปตฺติ? พาราณสิยํ กิร อฺโปิ จาตุมาสิกพฺรหฺมทตฺโต นาม ราชา จตุมาเส จตุมาเส อุยฺยานกีฬํ คจฺฉติ. โส เอกทิวสํ คิมฺหานํ มชฺฌิมมาเส อุยฺยานํ ปวิสนฺโต อุยฺยานทฺวาเร ปตฺตสฺฉนฺนํ ปุปฺผาลงฺกตสาขาวิฏปํ ปาริจฺฉตฺตกโกวิฬารํ ทิสฺวา เอกํ ปุปฺผํ คเหตฺวา อุยฺยานํ ปาวิสิ. ตโต ‘‘รฺา อคฺคปุปฺผํ คหิต’’นฺติ อฺตโรปิ อมจฺโจ หตฺถิกฺขนฺเธ ิโต เอกเมว ปุปฺผํ อคฺคเหสิ. เอเตเนวุปาเยน สพฺโพ พลกาโย อคฺคเหสิ. ปุปฺเผหิ อนสฺสาเทนฺตา ปตฺตมฺปิ คณฺหึสุ. โส รุกฺโข นิปฺปตฺตปุปฺโผ ขนฺธมตฺโตว อโหสิ. ราชา สายนฺหสมเย อุยฺยานา นิกฺขมนฺโต ตํ ทิสฺวา ‘‘กึ กโต อยํ รุกฺโข, มมาคมนเวลาย มณิวณฺณสาขนฺตเรสุ ปวาฬสทิสปุปฺผาลงฺกโต อโหสิ, อิทานิ นิปฺปตฺตปุปฺโผ ชาโต’’ติ จินฺเตนฺโต ตสฺเสว อวิทูเร อปุปฺผิตรุกฺขํ สฺฉนฺนปลาสํ อทฺทส. ทิสฺวา จสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อยํ รุกฺโข ปุปฺผภริตสาขตฺตา พหุชนสฺส โลภนีโย อโหสิ, เตน มุหุตฺเตเนว พฺยสนํ ปตฺโต. อยํ ปนฺโ อโลภนียตฺตา ตเถว ิโต. อิทฺจาปิ รชฺชํ ปุปฺผิตรุกฺโข วิย โลภนียํ, ภิกฺขุภาโว ปน อปุปฺผิตรุกฺโข วิย อโลภนีโย. ตสฺมา ยาว อิทมฺปิ อยํ รุกฺโข วิย น วิลุปฺปติ, ตาว อยมฺโ สฺฉนฺนปตฺโต ยถา ปาริจฺฉตฺตโก, เอวํ กาสาเวน สฺฉนฺโน หุตฺวา ปพฺพเชยฺย’’นฺติ. โส รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนฺโต ปจฺเจกโพธึ สจฺฉิกตฺวา อิมํ อุทานคาถํ อภาสิ.

ตตฺถ กาสายวตฺโถ อภินิกฺขมิตฺวาติ อิมสฺส ปาทสฺส เคหา นิกฺขมิตฺวา กาสายวตฺถนิวตฺโถ หุตฺวาติ เอวมตฺโถ เวทิตพฺโพ. เสสํ วุตฺตนเยเนว สกฺกา วิฺาตุนฺติ น วิตฺถาริตนฺติ.

ปาริจฺฉตฺตกคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

ตติยวคฺโค นิฏฺิโต.

๑๒๑. รเสสูติ กา อุปฺปตฺติ? อฺตโร กิร พาราณสิราชา อุยฺยาเน อมจฺจปุตฺเตหิ ปริวุโต สิลาปฏฺฏโปกฺขรณิยํ กีฬติ. ตสฺส สูโท สพฺพมํสานํ รสํ คเหตฺวา อตีว สุสงฺขตํ อมตกปฺปํ อนฺตรภตฺตํ ปจิตฺวา อุปนาเมสิ. โส ตตฺถ เคธมาปนฺโน กสฺสจิ กิฺจิ อทตฺวา อตฺตนาว ภุฺชิ. อุทกํ กีฬนฺโต อติวิกาเล นิกฺขนฺโต สีฆํ สีฆํ ภุฺชิ. เยหิ สทฺธึ ปุพฺเพ ภุฺชติ, น เตสํ กฺจิ สริ. อถ ปจฺฉา ปฏิสงฺขานํ อุปฺปาเทตฺวา ‘‘อโห! มยา ปาปํ กตํ, ยฺวายํ รสตณฺหาภิภูโต สพฺพชนํ วิสฺสริตฺวา เอกโกว ภุฺชึ, หนฺท, นํ รสตณฺหํ นิคฺคณฺหามี’’ติ รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนฺโต ปจฺเจกโพธึ สจฺฉิกตฺวา อตฺตโน ปุริมปฏิปตฺตึ ครหนฺโต ตปฺปฏิปกฺขคุณทีปิกํ อิมํ อุทานคาถํ อภาสิ.

ตตฺถ รเสสูติ อมฺพิลมธุรติตฺตกกฏุกโลณขาริกกสาวาทิเภเทสุ สายนีเยสุ. เคธํ อกรนฺติ คิทฺธึ อกโรนฺโต, ตณฺหํ อนุปฺปาเทนฺโตติ วุตฺตํ โหติ. อโลโลติ ‘‘อิทํ สายิสฺสามิ, อิทํ สายิสฺสามี’’ติ เอวํ รสวิเสเสสุ อนากุโล. อนฺโปสีติ โปเสตพฺพกสทฺธิวิหาริกาทิวิรหิโต. กายสนฺธารณมตฺเตน สนฺตุฏฺโติ วุตฺตํ โหติ. ยถา วา ปุพฺเพ อุยฺยาเน รเสสุ เคธกรณสีโล อฺโปสี อาสึ, เอวํ อหุตฺวา ยาย ตณฺหาย โลโล หุตฺวา รเสสุ เคธํ กโรติ, ตํ ตณฺหํ หิตฺวา อายตึ ตณฺหามูลกสฺส อฺสฺส อตฺตภาวสฺสานิพฺพตฺตาปเนน อนฺโปสีติ วุตฺตํ โหติ. อถ วา อตฺถภฺชนกฏฺเน กิเลสา ‘‘อฺเ’’ติ วุจฺจนฺติ, เตสํ อโปสเนน อนฺโปสีติ อยเมตฺถ อตฺโถ. สปทานจารีติ อโวกฺกมฺมจารี อนุปุพฺพจารี, ฆรปฏิปาฏึ อฉฑฺเฑตฺวา อฑฺฒกุลฺจ ทลิทฺทกุลฺจ นิรนฺตรํ ปิณฺฑาย ปวิสมาโนติ อตฺโถ. กุเล กุเล อปฺปฏิพทฺธจิตฺโตติ ขตฺติยกุลาทีสุ ยตฺถ กตฺถจิ กิเลสวเสน อลคฺคจิตฺโต, จนฺโทปโม นิจฺจนวโก หุตฺวาติ อตฺโถ. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ.

รสเคธคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๒๒. ปหาย ปฺจาวรณานีติ กา อุปฺปตฺติ? พาราณสิยํ กิร อฺตโร ราชา ปมชฺฌานลาภี อโหสิ. โส ฌานานุรกฺขณตฺถํ รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนฺโต ปจฺเจกโพธึ ปตฺวา อตฺตโน ปฏิปตฺติสมฺปทํ ทีเปนฺโต อิมํ อุทานคาถํ อภาสิ.

ตตฺถ ปฺจาวรณานีติ ปฺจ นีวรณานิ เอว, ตานิ อุรคสุตฺเต (สุ. นิ. ๑ อาทโย) อตฺถโต วุตฺตานิ. ตานิ ปน ยสฺมา อพฺภาทโย วิย จนฺทสูริเย เจโต อาวรนฺติ, ตสฺมา ‘‘อาวรณานิ เจตโส’’ติ วุตฺตานิ. ตานิ อุปจาเรน วา อปฺปนาย วา ปหาย วิชหิตฺวาติ อตฺโถ. อุปกฺกิเลเสติ อุปคมฺม จิตฺตํ วิพาเธนฺเต อกุสลธมฺเม, วตฺโถปมาทีสุ (ม. นิ. ๑.๗๐ อาทโย) วุตฺเต อภิชฺฌาทโย วา. พฺยปนุชฺชาติ ปนุทิตฺวา, วิปสฺสนามคฺเคน ปชหิตฺวาติ อตฺโถ. สพฺเพติ อนวเสเส. เอวํ สมถวิปสฺสนาสมฺปนฺโน ปมมคฺเคน ทิฏฺินิสฺสยสฺส ปหีนตฺตา อนิสฺสิโต, เสสมคฺเคหิ เฉตฺวา เตธาตุกํ สิเนหโทสํ, ตณฺหาราคนฺติ วุตฺตํ โหติ. สิเนโห เอว หิ คุณปฏิปกฺขโต สิเนหโทโสติ วุตฺโต. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ.

อาวรณคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๒๓. วิปิฏฺิกตฺวานาติ กา อุปฺปตฺติ? พาราณสิยํ กิร อฺตโร ราชา จตุตฺถชฺฌานลาภี อโหสิ. โสปิ ฌานานุรกฺขณตฺถํ รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนฺโต ปจฺเจกโพธึ สจฺฉิกตฺวา อตฺตโน ปฏิปตฺติสมฺปทํ ทีเปนฺโต อิมํ อุทานคาถํ อภาสิ.

ตตฺถ วิปิฏฺิกตฺวานาติ ปิฏฺิโต กตฺวา, ฉฑฺเฑตฺวา วิชหิตฺวาติ อตฺโถ. สุขฺจ ทุกฺขนฺติ กายิกํ สาตาสาตํ. โสมนสฺสโทมนสฺสนฺติ เจตสิกํ สาตาสาตํ. อุเปกฺขนฺติ จตุตฺถชฺฌานุเปกฺขํ. สมถนฺติ จตุตฺถชฺฌานสมาธึ เอว. วิสุทฺธนฺติ ปฺจนีวรณวิตกฺกวิจารปีติสุขสงฺขาเตหิ นวหิ ปจฺจนีกธมฺเมหิ วิมุตฺตตฺตา อติสุทฺธํ, นิทฺธนฺตสุวณฺณมิว วิคตูปกฺกิเลสนฺติ อตฺโถ.

อยํ ปน โยชนา – วิปิฏฺิกตฺวาน สุขฺจ ทุกฺขฺจ ปุพฺเพว, ปมชฺฌานูปจาเรเยว ทุกฺขํ ตติยชฺฌานูปจาเรเยว สุขนฺติ อธิปฺปาโย. ปุน อาทิโต วุตฺตํ -การํ ปรโต เนตฺวา ‘‘โสมนสฺสํ โทมนสฺสฺจ วิปิฏฺิกตฺวาน ปุพฺเพวา’’ติ อธิกาโร. เตน โสมนสฺสํ จตุตฺถชฺฌานูปจาเร, โทมนสฺสฺจ ทุติยชฺฌานูปจาเรเยวาติ ทีเปติ. เอตานิ หิ เอเตสํ ปริยายโต ปหานฏฺานานิ. นิปฺปริยายโต ปน ทุกฺขสฺส ปมชฺฌานํ, โทมนสฺสสฺส ทุติยชฺฌานํ, สุขสฺส ตติยชฺฌานํ, โสมนสฺสสฺส จตุตฺถชฺฌานํ ปหานฏฺานํ. ยถาห – ‘‘ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ เอตฺถุปฺปนฺนํ ทุกฺขินฺทฺริยํ อปริเสสํ นิรุชฺฌตี’’ติอาทิกํ (สํ. นิ. ๕.๕๑๐) สพฺพํ อฏฺสาลินิยา ธมฺมสงฺคหฏฺกถายํ (ธ. ส. อฏฺ. ๑๖๕) วุตฺตํ. ยถา ปุพฺเพวาติ ตีสุ ปมชฺฌานาทีสุ ทุกฺขโทมนสฺสสุขานิ วิปิฏฺิกตฺวา เอวเมตฺถ จตุตฺถชฺฌาเน โสมนสฺสํ วิปิฏฺิกตฺวา อิมาย ปฏิปทาย ลทฺธานุเปกฺขํ สมถํ วิสุทฺธํ เอโก จเรติ. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ.

วิปิฏฺิคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๒๔. อารทฺธวีริโยติ กา อุปฺปตฺติ? อฺตโร กิร ปจฺจนฺตราชา สหสฺสโยธพลกาโย รชฺเชน ขุทฺทโก, ปฺาย มหนฺโต อโหสิ. โส เอกทิวสํ ‘‘กิฺจาปิ อหํ ขุทฺทโก รชฺเชน, ปฺวตา ปน สกฺกา สกลชมฺพุทีปํ คเหตุ’’นฺติ จินฺเตตฺวา สามนฺตรฺโ ทูตํ ปาเหสิ – ‘‘สตฺตาหพฺภนฺตเร เม รชฺชํ วา เทตุ ยุทฺธํ วา’’ติ. ตโต โส อตฺตโน อมจฺเจ สนฺนิปาตาเปตฺวา อาห – ‘‘มยา ตุมฺเห อนาปุจฺฉาเยว สาหสํ กมฺมํ กตํ, อมุกสฺส รฺโ เอวํ เปสิตํ, กึ กาตพฺพ’’นฺติ? เต อาหํสุ – ‘‘สกฺกา, มหาราช, โส ทูโต นิวตฺเตตุ’’นฺติ. ‘‘น สกฺกา, คโต ภวิสฺสตี’’ติ. ‘‘ยทิ เอวํ วินาสิตมฺหา ตยา, เตน หิ ทุกฺขํ อฺสฺส สตฺเถน มริตุํ, หนฺท, มยํ อฺมฺํ ปหริตฺวา มราม, อตฺตานํ ปหริตฺวา มราม, อุพฺพนฺธาม, วิสํ ขาทามา’’ติ. เอวํ เอเตสุ เอกเมโก มรณเมว สํวณฺเณติ. ตโต ราชา ‘‘กึ เม อิเมหิ, อตฺถิ, ภเณ, มยฺหํ โยธา’’ติ อาห. อถ ‘‘อหํ มหาราช โยโธ, อหํ มหาราช โยโธ’’ติ โยธสหสฺสํ อุฏฺหิ.

ราชา ‘‘เอเต อุปปริกฺขิสฺสามี’’ติ มหนฺตํ จิตกํ สชฺชาเปตฺวา อาห – ‘‘มยา, ภเณ, อิทํ สาหสํ กตํ, ตํ เม อมจฺจา ปฏิกฺโกสนฺติ, สฺวาหํ จิตกํ ปวิสิสฺสามิ. โก มยา สทฺธึ ปวิสิสฺสติ, เกน มยฺหํ ชีวิตํ ปริจฺจตฺต’’นฺติ? เอวํ วุตฺเต ปฺจสตา โยธา อุฏฺหึสุ ‘‘มยํ, มหาราช, ปวิสิสฺสามา’’ติ. ตโต ราชา อิตเร ปฺจสเต อาห – ‘‘ตุมฺเห ทานิ, ตาตา, กึ กริสฺสถา’’ติ? เต อาหํสุ – ‘‘นายํ, มหาราช, ปุริสกาโร, อิตฺถิจริยา เอสา, อปิจ มหาราเชน ปฏิรฺโ ทูโต เปสิโต, เต มยํ เตน รฺา สทฺธึ ยุชฺฌิตฺวา มริสฺสามา’’ติ. ตโต ราชา ‘‘ปริจฺจตฺตํ ตุมฺเหหิ มม ชีวิต’’นฺติ จตุรงฺคินึ เสนํ สนฺนยฺหิตฺวา เตน โยธสหสฺเสน ปริวุโต คนฺตฺวา รชฺชสีมาย นิสีทิ.

โสปิ ปฏิราชา ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา ‘‘อเร, โส ขุทฺทกราชา มม ทาสสฺสาปิ นปฺปโหตี’’ติ ทุสฺสิตฺวา สพฺพํ พลกายํ อาทาย ยุชฺฌิตุํ นิกฺขมิ. ขุทฺทกราชา ตํ อพฺภุยฺยาตํ ทิสฺวา พลกายํ อาห – ‘‘ตาตา, ตุมฺเห น พหุกา, สพฺเพ สมฺปิณฺฑิตฺวา อสิจมฺมํ คเหตฺวา สีฆํ อิมสฺส รฺโ ปุรโต อุชุกํ เอว คจฺฉถา’’ติ. เต ตถา อกํสุ. อถสฺส สา เสนา ทฺวิธา ภินฺทิตฺวา อนฺตรมทาสิ. เต ตํ ราชานํ ชีวคฺคาหํ คเหตฺวา อตฺตโน รฺโ ‘‘ตํ มาเรสฺสามี’’ติ อาคจฺฉนฺตสฺส อทํสุ. ปฏิราชา ตํ อภยํ ยาจิ. ราชา ตสฺส อภยํ ทตฺวา สปถํ การาเปตฺวา อตฺตโน วเส กตฺวา เตน สห อฺํ ราชานํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ตสฺส รชฺชสีมาย ตฺวา เปเสสิ – ‘‘รชฺชํ วา เม เทตุ ยุทฺธํ วา’’ติ. โส ‘‘อหํ เอกยุทฺธมฺปิ น สหามี’’ติ รชฺชํ นิยฺยาเทสิ. เอเตนุปาเยน สพฺเพ ราชาโน คเหตฺวา อนฺเต พาราณสิราชานมฺปิ อคฺคเหสิ.

โส เอกสตราชปริวุโต สกลชมฺพุทีปรชฺชํ อนุสาสนฺโต จินฺเตสิ – ‘‘อหํ ปุพฺเพ ขุทฺทโก อโหสึ, โสมฺหิ อิทานิ อตฺตโน าณสมฺปตฺติยา สกลชมฺพุทีปมณฺฑลสฺส อิสฺสโร ราชา ชาโต. ตํ โข ปน เม าณํ โลกิยวีริยสมฺปยุตฺตํ, เนว นิพฺพิทาย น วิราคาย สํวตฺตติ, ยํนูนาหํ อิมินา าเณน โลกุตฺตรธมฺมํ คเวเสยฺย’’นฺติ. ตโต พาราณสิรฺโ รชฺชํ ทตฺวา ปุตฺตทารฺจ สกชนปเทเยว เปตฺวา สพฺพํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนํ อารภิตฺวา ปจฺเจกโพธึ สจฺฉิกตฺวา อตฺตโน วีริยสมฺปตฺตึ ทีเปนฺโต อิมํ อุทานคาถํ อภาสิ.

ตตฺถ อารทฺธํ วีริยํ อสฺสาติ อารทฺธวีริโย. เอเตน อตฺตโน มหาวีริยตํ ทสฺเสติ. ปรมตฺโถ วุจฺจติ นิพฺพานํ, ปรมตฺถสฺส ปตฺติ ปรมตฺถปตฺติ, ตสฺสา ปรมตฺถปตฺติยา. เอเตน วีริยารมฺเภน ปตฺตพฺพํ ผลํ ทสฺเสติ. อลีนจิตฺโตติ เอเตน วีริยูปตฺถมฺภานํ จิตฺตเจตสิกานํ อลีนตํ ทสฺเสติ. อกุสีตวุตฺตีติ เอเตน านจงฺกมาทีสุ กายสฺส อนวสีทนํ ทสฺเสติ. ทฬฺหนิกฺกโมติ เอเตน ‘‘กามํ ตโจ จ นฺหารุ จา’’ติ (ม. นิ. ๒.๑๘๔; อ. นิ. ๒.๕; มหานิ. ๑๙๖) เอวํ ปวตฺตํ ปทหนวีริยํ ทสฺเสติ, ยํ ตํ อนุปุพฺพสิกฺขาทีสุ ปทหนฺโต ‘‘กาเยน เจว ปรมตฺถสจฺจํ สจฺฉิกโรตี’’ติ วุจฺจติ. อถ วา เอเตน มคฺคสมฺปยุตฺตํ วีริยํ ทสฺเสติ. ตมฺปิ ทฬฺหฺจ ภาวนาปาริปูริคตตฺตา, นิกฺกโม จ สพฺพโส ปฏิปกฺขา นิกฺขนฺตตฺตา, ตสฺมา ตํสมงฺคีปุคฺคโลปิ ทฬฺโห นิกฺกโม อสฺสาติ ‘‘ทฬฺหนิกฺกโม’’ติ วุจฺจติ. ถามพลูปปนฺโนติ มคฺคกฺขเณ กายถาเมน จ าณพเลน จ อุปปนฺโน. อถ วา ถามภูเตน พเลน อุปปนฺโน, ถิราณพลูปปนฺโนติ วุตฺตํ โหติ. เอเตน ตสฺส วีริยสฺส วิปสฺสนาาณสมฺปโยคํ ทีเปนฺโต โยคปธานภาวํ สาเธติ. ปุพฺพภาคมชฺฌิมอุกฺกฏฺวีริยวเสน วา ตโยปิ ปาทา โยเชตพฺพา. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ.

อารทฺธวีริยคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๒๕. ปฏิสลฺลานนฺติ กา อุปฺปตฺติ? อิมิสฺสา คาถาย อาวรณคาถาย วิย อุปฺปตฺติ, นตฺถิ โกจิ วิเสโส. อตฺถวณฺณนาย ปนสฺสา ปฏิสลฺลานนฺติ เตหิ เตหิ สตฺตสงฺขาเรหิ ปฏินิวตฺติตฺวา สลฺลานํ, เอกมนฺตเสวิตา เอกีภาโว กายวิเวโกติ อตฺโถ. ฌานนฺติ ปจฺจนีกฌาปนโต อารมฺมณลกฺขณูปนิชฺฌานโต จ จิตฺตวิเวโก วุจฺจติ. ตตฺถ อฏฺ สมาปตฺติโย นีวรณาทิปจฺจนีกฌาปนโต กสิณาทิอารมฺมณูปนิชฺฌานโต จ ‘‘ฌาน’’นฺติ วุจฺจติ. วิปสฺสนามคฺคผลานิ สตฺตสฺาทิปจฺจนีกฌาปนโต ลกฺขณูปนิชฺฌานโต จ ‘‘ฌาน’’นิ วุจฺจติ. อิธ ปน อารมฺมณูปนิชฺฌานเมว อธิปฺเปตํ. เอวเมตํ ปฏิสลฺลานฺจ ฌานฺจ อริฺจมาโน อชหมาโน อนิสฺสชฺชมาโน. ธมฺเมสูติ วิปสฺสนูปเคสุ ปฺจกฺขนฺธาทิธมฺเมสุ. นิจฺจนฺติ สตตํ สมิตํ อพฺโพกิณฺณํ. อนุธมฺมจารีติ เต ธมฺเม อารพฺภ ปวตฺตเนน อนุคตํ วิปสฺสนาธมฺมํ จรมาโน. อถ วา ธมฺเมสูติ เอตฺถ ธมฺมาติ นวโลกุตฺตรธมฺมา, เตสํ ธมฺมานํ อนุโลโม ธมฺโมติ อนุธมฺโม, วิปสฺสนาเยตํ อธิวจนํ. ตตฺถ ‘‘ธมฺมานํ นิจฺจํ อนุธมฺมจารี’’ติ วตฺตพฺเพ คาถาพนฺธสุขตฺถํ วิภตฺติพฺยตฺตเยน ‘‘ธมฺเมสู’’ติ วุตฺตํ สิยา. อาทีนวํ สมฺมสิตา ภเวสูติ ตาย อนุธมฺมจาริตาสงฺขาตาย วิปสฺสนาย อนิจฺจาการาทิโทสํ ตีสุ ภเวสุ สมนุปสฺสนฺโต เอวํ อิมาย กายจิตฺตวิเวกสิขาปตฺตวิปสฺสนาสงฺขาตาย ปฏิปทาย อธิคโตติ วตฺตพฺโพ เอโก จเรติ เอวํ โยชนา เวทิตพฺพา.

ปฏิสลฺลานคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๒๖. ตณฺหกฺขยนฺติ กา อุปฺปตฺติ? อฺตโร กิร พาราณสิราชา มหจฺจราชานุภาเวน นครํ ปทกฺขิณํ กโรติ. ตสฺส สรีรโสภาย อาวชฺชิตหทยา สตฺตา ปุรโต คจฺฉนฺตาปิ นิวตฺติตฺวา ตเมว อุลฺโลเกนฺติ, ปจฺฉโต คจฺฉนฺตาปิ, อุโภหิ ปสฺเสหิ คจฺฉนฺตาปิ. ปกติยา เอว หิ พุทฺธทสฺสเน ปุณฺณจนฺทสมุทฺทราชทสฺสเน จ อติตฺโต โลโก. อถ อฺตรา กุฏุมฺพิยภริยาปิ อุปริปาสาทคตา สีหปฺชรํ วิวริตฺวา โอโลกยมานา อฏฺาสิ. ราชา ตํ ทิสฺวา ปฏิพทฺธจิตฺโต หุตฺวา อมจฺจํ อาณาเปสิ – ‘‘ชานาหิ ตาว, ภเณ, ‘อยํ อิตฺถี สสามิกา วา อสามิกา วา’’’ติ? โส ตฺวา ‘‘สสามิกา, เทวา’’ติ อาโรเจสิ. อถ ราชา จินฺเตสิ – ‘‘อิมา วีสติสหสฺสนาฏกิตฺถิโย เทวจฺฉราโย วิย มํ เอว เอกํ อภิรมาเปนฺติ, โส ทานาหํ เอตาปิ อตุสฺสิตฺวา ปรสฺส อิตฺถิยา ตณฺหํ อุปฺปาเทสึ. สา อุปฺปนฺนา อปายเมว อากฑฺฒตี’’ติ ตณฺหาย อาทีนวํ ทิสฺวา ‘‘หนฺท, นํ นิคฺคณฺหามี’’ติ รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนฺโต ปจฺเจกโพธึ สจฺฉิกตฺวา อิมํ อุทานคาถํ อภาสิ.

ตตฺถ ตณฺหกฺขยนฺติ นิพฺพานํ, เอวํ ทิฏฺาทีนวาย วา ตณฺหาย อปฺปวตฺตึ. อปฺปมตฺโตติ สาตจฺจการี, สกฺกจฺจการี. อเนฬมูโคติ อลาลามุโข. อถ วา อเนโฬ จ อมูโค จ, ปณฺฑิโต พฺยตฺโตติ วุตฺตํ โหติ. หิตสุขสมฺปาปกํ สุตมสฺส อตฺถีติ สุตวา, อาคมสมฺปนฺโนติ วุตฺตํ โหติ. สตีมาติ จิรกตาทีนํ อนุสฺสริตา. สงฺขาตธมฺโมติ ธมฺมูปปริกฺขาย ปริฺาตธมฺโม. นิยโตติ อริยมคฺเคน นิยตภาวปฺปตฺโต. ปธานวาติ สมฺมปฺปธานวีริยสมฺปนฺโน. อุปฺปฏิปาฏิยา เอส ปาโ โยเชตพฺโพ. เอวเมว เตหิ อปฺปมาทาทีหิ สมนฺนาคโต นิยามสมฺปาปเกน ปธาเนน ปธานวา, เตน ปธาเนน สมฺปตฺตนิยามโต นิยโต, ตโต อรหตฺตปฺปตฺติยา สงฺขาตธมฺโม. อรหา หิ ปุน สงฺขาตพฺพาภาวโต ‘‘สงฺขาตธมฺโม’’ติ วุจฺจติ. ยถาห – ‘‘เย จ สงฺขาตธมฺมาเส, เย จ เสขา ปุถู อิธา’’ติ (สุ. นิ. ๑๐๔๔; จูฬนิ. อชิตมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๗). เสสํ วุตฺตนยเมวาติ.

ตณฺหกฺขยคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๒๗. สีโหวาติ กา อุปฺปตฺติ? อฺตรสฺส กิร พาราณสิรฺโ ทูเร อุยฺยานํ โหติ, โส ปเคว อุฏฺาย อุยฺยานํ คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค ยานา โอรุยฺห อุทกฏฺานํ อุปคโต ‘‘มุขํ โธวิสฺสามี’’ติ. ตสฺมิฺจ ปเทเส สีหี สีหโปตกํ ชเนตฺวา โคจราย คตา. ราชปุริโส ตํ ทิสฺวา ‘‘สีหโปตโก, เทวา’’ติ อาโรเจสิ. ราชา ‘‘สีโห กิร กสฺสจิ น ภายตี’’ติ ตํ อุปปริกฺขิตุํ เภริอาทีนิ อาโกฏาเปสิ, สีหโปตโก ตํ สทฺทํ สุตฺวาปิ ตเถว สยิ. อถ ยาวตติยํ อาโกฏาเปสิ. โส ตติยวาเร สีสํ อุกฺขิปิตฺวา สพฺพํ ปริสํ โอโลเกตฺวา ตเถว สยิ. อถ ราชา ‘‘ยาวสฺส มาตา นาคจฺฉติ, ตาว คจฺฉามา’’ติ วตฺวา คจฺฉนฺโต จินฺเตสิ – ‘‘ตทหุชาโตปิ สีหโปตโก น สนฺตสติ น ภายติ, กุทาสฺสุ นามาหมฺปิ ตณฺหาทิฏฺิปริตาสํ ฉฑฺเฑตฺวา น สนฺตเสยฺยํ น ภาเยยฺย’’นฺติ? โส ตํ อารมฺมณํ คเหตฺวา คจฺฉนฺโต ปุน เกวฏฺเฏหิ มจฺเฉ คเหตฺวา สาขาสุ พนฺธิตฺวา ปสาริเต ชาเล วาตํ อสงฺคํเยว คจฺฉมานํ ทิสฺวา ตสฺมึ นิมิตฺตํ อคฺคเหสิ – ‘‘กุทาสฺสุ นามาหมฺปิ ตณฺหาทิฏฺิโมหชาลํ ผาเลตฺวา เอวํ อสชฺชมาโน คจฺเฉยฺย’’นฺติ?

อถ อุยฺยานํ คนฺตฺวา สิลาปฏฺฏโปกฺขรณิยา ตีเร นิสินฺโน วาตพฺภาหตานิ ปทุมานิ โอนมิตฺวา อุทกํ ผุสิตฺวา วาตวิคเม ปุน ยถาาเน ิตานิ อุทเกน อนุปลิตฺตานิ ทิสฺวา ตสฺมึ นิมิตฺตํ อคฺคเหสิ – ‘‘กุทาสฺสุ นามาหมฺปิ ยถา เอตานิ อุทเก ชาตานิ อุทเกน อนุปลิตฺตานิ ติฏฺนฺติ. เอวํ โลเก ชาโต โลเกน อนุปลิตฺโต ติฏฺเยฺย’’นฺติ. โส ปุนปฺปุนํ ‘‘ยถา สีโห วาโต ปทุมานิ, เอวํ อสนฺตสนฺเตน อสชฺชมาเนน อนุปลิตฺเตน ภวิตพฺพ’’นฺติ จินฺเตตฺวา รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนฺโต ปจฺเจกโพธึ สจฺฉิกตฺวา อิมํ อุทานคาถํ อภาสิ.

ตตฺถ สีโหติ จตฺตาโร สีหา – ติณสีโห, ปณฺฑุสีโห, กาฬสีโห, เกสรสีโหติ. เตสํ เกสรสีโห อคฺคมกฺขายติ. โส อิธ อธิปฺเปโต. วาโต ปุรตฺถิมาทิวเสน อเนกวิโธ. ปทุมํ รตฺตเสตาทิวเสน. เตสุ โย โกจิ วาโต ยํ กิฺจิ ปทุมฺจ วฏฺฏติเยว. ตตฺถ ยสฺมา สนฺตาโส นาม อตฺตสิเนเหน โหติ, อตฺตสิเนโห จ นาม ตณฺหาเลโป, โสปิ ทิฏฺิสมฺปยุตฺเตน วา ทิฏฺิวิปฺปยุตฺเตน วา โลเภน โหติ, โสปิ จ ตณฺหาเยว. สชฺชนํ ปน ตตฺถ อุปปริกฺขาทิวิรหิตสฺส โมเหน โหติ, โมโห จ อวิชฺชา. ตตฺถ สมเถน ตณฺหาย ปหานํ, วิปสฺสนาย อวิชฺชาย. ตสฺมา สมเถน อตฺตสิเนหํ ปหาย สีโหว สทฺเทสุ อนิจฺจทุกฺขาทีสุ อสนฺตสนฺโต, วิปสฺสนาย โมหํ ปหาย วาโตว ชาลมฺหิ ขนฺธายตนาทีสุ อสชฺชมาโน, สมเถเนว โลภํ โลภสมฺปยุตฺตทิฏฺิฺจ ปหาย, ปทุมํว โตเยน สพฺพภวโภคโลเภน อลิปฺปมาโน. เอตฺถ จ สมถสฺส สีลํ ปทฏฺานํ, สมโถ สมาธิสฺส, สมาธิ วิปสฺสนายาติ เอวํ ทฺวีสุ ธมฺเมสุ สิทฺเธสุ ตโย ขนฺธา สิทฺธาว โหนฺติ. ตตฺถ สีลกฺขนฺเธน สูโร โหติ. โส สีโหว สทฺเทสุ อาฆาตวตฺถูสุ กุชฺฌิตุกามตาย น สนฺตสติ, ปฺากฺขนฺเธน ปฏิวิทฺธสภาโว วาโตว ชาลมฺหิ ขนฺธาทิธมฺมเภเท น สชฺชติ, สมาธิกฺขนฺเธน วีตราโค ปทุมํว โตเยน ราเคน น ลิปฺปติ. เอวํ สมถวิปสฺสนาหิ สีลสมาธิปฺากฺขนฺเธหิ จ ยถาสมฺภวํ ตณฺหาวิชฺชานํ ติณฺณฺจ อกุสลมูลานํ ปหานวเสน อสนฺตสนฺโต อสชฺชมาโน อลิปฺปมาโน จ เวทิตพฺโพ. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ.

สีหาทิคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๒๘. สีโห ยถาติ กา อุปฺปตฺติ? อฺตโร กิร พาราณสิราชา ปจฺจนฺตํ กุปิตํ วูปสเมตุํ คามานุคามิมคฺคํ ฉฑฺเฑตฺวา อุชุํ อฏวิมคฺคํ คเหตฺวา มหติยา เสนาย คจฺฉติ. เตน จ สมเยน อฺตรสฺมึ ปพฺพตปาเท สีโห พาลสูริยาตปํ ตปฺปมาโน นิปนฺโน โหติ. ตํ ทิสฺวา ราชปุริสา รฺโ อาโรเจสุํ. ราชา ‘‘สีโห กิร น สนฺตสตี’’ติ เภริปณวาทิสทฺทํ การาเปสิ, สีโห ตเถว นิปชฺชิ. ทุติยมฺปิ การาเปสิ, สีโห ตเถว นิปชฺชิ. ตติยมฺปิ การาเปสิ, ตทา ‘‘สีโห มม ปฏิสตฺตุ อตฺถี’’ติ จตูหิ ปาเทหิ สุปฺปติฏฺิตํ ปติฏฺหิตฺวา สีหนาทํ นทิ. ตํ สุตฺวา หตฺถาโรหาทโย หตฺถิอาทีหิ โอโรหิตฺวา ติณคหนานิ ปวิฏฺา, หตฺถิอสฺสคณา ทิสาวิทิสา ปลาตา. รฺโ หตฺถีปิ ราชานํ คเหตฺวา วนคหนานิ โปถยมาโน ปลายิ. ราชา ตํ สนฺธาเรตุํ อสกฺโกนฺโต รุกฺขสาขาย โอลมฺพิตฺวา ปถวึ ปติตฺวา เอกปทิกมคฺเคน คจฺฉนฺโต ปจฺเจกพุทฺธานํ วสนฏฺานํ ปาปุณิ. ตตฺถ ปจฺเจกพุทฺเธ ปุจฺฉิ – ‘‘อปิ, ภนฺเต, สทฺทมสฺสุตฺถา’’ติ? ‘‘อาม, มหาราชา’’ติ. ‘‘กสฺส สทฺทํ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘ปมํ เภริสงฺขาทีนํ, ปจฺฉา สีหสฺสา’’ติ. ‘‘น ภายิตฺถ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘น มยํ, มหาราช, กสฺสจิ สทฺทสฺส ภายามา’’ติ. ‘‘สกฺกา ปน, ภนฺเต, มยฺหมฺปิ เอทิสํ กาตุ’’นฺติ? ‘‘สกฺกา, มหาราช, สเจ ปพฺพชิสฺสสี’’ติ. ‘‘ปพฺพชามิ, ภนฺเต’’ติ. ตโต นํ ปพฺพาเชตฺวา ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว อาภิสมาจาริกํ สิกฺขาเปสุํ. โสปิ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว วิปสฺสนฺโต ปจฺเจกโพธึ สจฺฉิกตฺวา อิมํ อุทานคาถํ อภาสิ.

ตตฺถ สหนา จ หนนา จ สีฆชวตฺตา จ สีโห. เกสรสีโหว อิธ อธิปฺเปโต. ทาา พลมสฺส อตฺถีติ ทาพลี. ปสยฺห อภิภุยฺยาติ อุภยํ จารี-สทฺเทน สห โยเชตพฺพํ ปสยฺหจารี อภิภุยฺยจารีติ. ตตฺถ ปสยฺห นิคฺคเหตฺวา จรเณน ปสยฺหจารี, อภิภวิตฺวา สนฺตาเสตฺวา วสีกตฺวา จรเณน อภิภุยฺยจารี. สฺวายํ กายพเลน ปสยฺหจารี, เตชสา อภิภุยฺยจารี, ตตฺถ สเจ โกจิ วเทยฺย – ‘‘กึ ปสยฺห อภิภุยฺย จารี’’ติ, ตโต มิคานนฺติ สามิวจนํ อุปโยคตฺเถ กตฺวา ‘‘มิเค ปสยฺห อภิภุยฺย จารี’’ติ ปฏิวตฺตพฺพํ. ปนฺตานีติ ทูรานิ. เสนาสนานีติ วสนฏฺานานิ. เสสํ วุตฺตนเยเนว สกฺกา ชานิตุนฺติ น วิตฺถาริตนฺติ.

ทาพลีคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๒๙. เมตฺตํ อุเปกฺขนฺติ กา อุปฺปตฺติ? อฺตโร กิร ราชา เมตฺตาทิฌานลาภี อโหสิ. โส ‘‘ฌานสุขนฺตราโย รชฺช’’นฺติ ฌานานุรกฺขณตฺถํ รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนฺโต ปจฺเจกโพธึ สจฺฉิกตฺวา อิมํ อุทานคาถํ อภาสิ.

ตตฺถ ‘‘สพฺเพ สตฺตา สุขิตา ภวนฺตู’’ติอาทินา นเยน หิตสุขูปนยนกามตา เมตฺตา. ‘‘อโห วต อิมมฺหา ทุกฺขา มุจฺเจยฺยุ’’นฺติอาทินา นเยน อหิตทุกฺขาปนยนกามตา กรุณา. ‘‘โมทนฺติ วต โภนฺโต สตฺตา, โมทนฺติ สาธุ สุฏฺู’’ติอาทินา นเยน หิตสุขาวิปฺปโยคกามตา มุทิตา. ‘‘ปฺายิสฺสนฺติ สเกน กมฺเมนา’’ติ สุขทุกฺขอชฺฌุเปกฺขนตา อุเปกฺขา. คาถาพนฺธสุขตฺถํ ปน อุปฺปฏิปาฏิยา เมตฺตํ วตฺวา อุเปกฺขา วุตฺตา, มุทิตา จ ปจฺฉา. วิมุตฺตินฺติ จตสฺโสปิ เอตา อตฺตโน ปจฺจนีกธมฺเมหิ วิมุตฺตตฺตา วิมุตฺติโย. เตน วุตฺตํ – ‘‘เมตฺตํ อุเปกฺขํ กรุณํ วิมุตฺตึ, อาเสวมาโน มุทิตฺจ กาเล’’ติ.

ตตฺถ อาเสวมาโนติ ติสฺโส ติกจตุกฺกชฺฌานวเสน, อุเปกฺขํ จตุตฺถชฺฌานวเสน ภาวยมาโน. กาเลติ เมตฺตํ อาเสวิตฺวา ตโต วุฏฺาย กรุณํ, ตโต วุฏฺาย มุทิตํ, ตโต อิตรโต วา นิปฺปีติกชฺฌานโต วุฏฺาย อุเปกฺขํ อาเสวมาโน เอว ‘‘กาเล อาเสวมาโน’’ติ วุจฺจติ, อาเสวิตุํ วา ผาสุกกาเล. สพฺเพน โลเกน อวิรุชฺฌมาโนติ ทสสุ ทิสาสุ สพฺเพน สตฺตโลเกน อวิรุชฺฌมาโน. เมตฺตาทีนฺหิ ภาวิตตฺตา สตฺตา อปฺปฏิกูลา โหนฺติ, สตฺเตสุ จ วิโรธิภูโต ปฏิโฆ วูปสมฺมติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘สพฺเพน โลเกน อวิรุชฺฌมาโน’’ติ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน เมตฺตาทิกถา อฏฺสาลินิยา ธมฺมสงฺคหฏฺกถายํ (ธ. ส. อฏฺ. ๒๕๑) วุตฺตา. เสสํ วุตฺตสทิสเมวาติ.

อปฺปมฺาคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๓๐. ราคฺจ โทสฺจาติ กา อุปฺปตฺติ? ราชคหํ กิร นิสฺสาย มาตงฺโค นาม ปจฺเจกพุทฺโธ วิหรติ สพฺพปจฺฉิโม ปจฺเจกพุทฺธานํ. อถ อมฺหากํ โพธิสตฺเต อุปฺปนฺเน เทวตาโย โพธิสตฺตสฺส ปูชนตฺถาย อาคจฺฉนฺติโย ตํ ทิสฺวา ‘‘มาริสา, มาริสา, พุทฺโธ โลเก อุปฺปนฺโน’’ติ ภณึสุ. โส นิโรธา วุฏฺหนฺโต ตํ สุตฺวา อตฺตโน ชีวิตกฺขยํ ทิสฺวา หิมวนฺเต มหาปปาโต นาม ปพฺพโต ปจฺเจกพุทฺธานํ ปรินิพฺพานฏฺานํ. ตตฺถ อากาเสน คนฺตฺวา ปุพฺเพ ปรินิพฺพุตปจฺเจกพุทฺธสฺส อฏฺิสงฺฆาตํ ปปาเต ปกฺขิปิตฺวา สิลาตเล นิสีทิตฺวา อิมํ อุทานคาถํ อภาสิ.

ตตฺถ ราคโทสโมหา อุรคสุตฺเต วุตฺตาว. สํโยชนานีติ ทส สํโยชนานิ, ตานิ จ เตน เตน มคฺเคน สนฺทาลยิตฺวา. อสนฺตสํ ชีวิตสงฺขยมฺหีติ ชีวิตสงฺขโย วุจฺจติ จุติจิตฺตสฺส ปริเภโท. ตสฺมิฺจ ชีวิตสงฺขเย ชีวิตนิกนฺติยา ปหีนตฺตา อสนฺตสนฺติ. เอตฺตาวตา โสปาทิเสสํ นิพฺพานธาตุํ อตฺตโน ทสฺเสตฺวา คาถาปริโยสาเน อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายีติ.

ชีวิตสงฺขยคาถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๑๓๑. ภชนฺตีติ กา อุปฺปตฺติ? พาราณสิยํ กิร อฺตโร ราชา อาทิคาถาย วุตฺตปฺปการเมว ผีตํ รชฺชํ สมนุสาสติ. ตสฺส ขโร อาพาโธ อุปฺปชฺชิ, ทุกฺขา เวทนา ปวตฺตนฺติ. วีสติสหสฺสิตฺถิโย ตํ ปริวาเรตฺวา หตฺถปาทสมฺพาหนาทีนิ กโรนฺติ. อมจฺจา ‘‘น ทานายํ ราชา ชีวิสฺสติ, หนฺท, มยํ อตฺตโน สรณํ คเวสามา’’ติ จินฺเตตฺวา อฺตรสฺส รฺโ สนฺติกํ คนฺตฺวา อุปฏฺานํ ยาจึสุ. เต ตตฺถ อุปฏฺหนฺติเยว, น กิฺจิ ลภนฺติ. ราชา อาพาธา วุฏฺหิตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘อิตฺถนฺนาโม จ อิตฺถนฺนาโม จ กุหิ’’นฺติ? ตโต ตํ ปวตฺตึ สุตฺวาว สีสํ จาเลตฺวา ตุณฺหี อโหสิ. เตปิ อมจฺจา ‘‘ราชา วุฏฺิโต’’ติ สุตฺวา ตตฺถ กิฺจิ อลภมานา ปรเมน ปาริชุฺเน ปีฬิตา ปุนเทว อาคนฺตฺวา ราชานํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺํสุ. เตน จ รฺา ‘‘กุหึ, ตาตา, ตุมฺเห คตา’’ติ วุตฺตา อาหํสุ – ‘‘เทวํ ทุพฺพลํ ทิสฺวา อาชีวิกภเยนมฺหา อสุกํ นาม ชนปทํ คตา’’ติ. ราชา สีสํ จาเลตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘ยํนูนาหํ ตเมว อาพาธํ ทสฺเสสฺสํ, กึ ปุนปิ เอวํ กเรยฺยุํ, โน’’ติ? โส ปุพฺเพ โรเคน ผุฏฺโ วิย พาฬฺหํ เวทนํ ทสฺเสนฺโต คิลานาลยํ อกาสิ. อิตฺถิโย สมฺปริวาเรตฺวา ปุพฺพสทิสเมว สพฺพํ อกํสุ. เตปิ อมจฺจา ตเถว ปุน พหุตรํ ชนํ คเหตฺวา ปกฺกมึสุ. เอวํ ราชา ยาวตติยํ สพฺพํ ปุพฺพสทิสํ อกาสิ, เตปิ ตเถว ปกฺกมึสุ. ตโต จตุตฺถมฺปิ เต อาคเต ทิสฺวา ราชา – ‘‘อโห! อิเม ทุกฺกรํ อกํสุ, เย มํ พฺยาธิตํ ปหาย อนเปกฺขา ปกฺกมึสู’’ติ นิพฺพินฺโน รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนฺโต ปจฺเจกโพธึ สจฺฉิกตฺวา อิมํ อุทานคาถํ อภาสิ.

ตตฺถ ภชนฺตีติ สรีเรน อลฺลียนฺตา ปยิรุปาสนฺติ. เสวนฺตีติ อฺชลิกมฺมาทีหิ กึการปฏิสฺสาวิตาย จ ปริจรนฺติ. การณํ อตฺโถ เอเตสนฺติ การณตฺถา, ภชนาย จ เสวนาย จ นาฺํ การณมตฺถิ, อตฺโถ เอว เนสํ การณํ, อตฺถเหตุ เสวนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. นิกฺการณา ทุลฺลภา อชฺช มิตฺตาติ ‘‘อิโต กิฺจิ ลจฺฉามา’’ติ เอวํ อตฺตปฏิลาภการเณน นิกฺการณา, เกวลํ –

‘‘อุปกาโร จ โย มิตฺโต, โย มิตฺโต สุขทุกฺขโก;

อตฺถกฺขายี จ โย มิตฺโต, โย มิตฺโต อนุกมฺปโก’’ติ. (ที. นิ. ๓.๒๖๕) –

เอวํ วุตฺเตน อริเยน มิตฺตภาเวน สมนฺนาคตา ทุลฺลภา อชฺช มิตฺตา. อตฺตฏฺปฺาติ อตฺตนิ ิตา เอเตสํ ปฺา. อตฺตานเมว โอโลเกติ, น อฺนฺติ อตฺโถ. ‘‘อตฺตตฺถปฺา’’ติปิ ปาโ, ตสฺส อตฺตโน อตฺถเมว โอโลเกติ, น ปรตฺถนฺติ อตฺโถ. ‘‘ทิฏฺตฺถปฺา’’ติ อยมฺปิ กิร โปราณปาโ, ตสฺส สมฺปติ ทิฏฺเเยว อตฺเถ เอเตสํ ปฺา, น อายตินฺติ อตฺโถ. ทิฏฺธมฺมิกตฺถํเยว โอโลเกติ, น สมฺปรายิกตฺถนฺติ วุตฺตํ โหติ. อสุจีติ อสุจินา อนริเยน กายวจีมโนกมฺเมน สมนฺนาคตา.

ขคฺควิสาณกปฺโปติ ขคฺเคน รุกฺขาทโย ฉินฺทนฺโต วิย สกสิงฺเคน ปพฺพตาทโย จุณฺณวิจุณฺณํ กุรุมาโน วิจรตีติ ขคฺควิสาโณ. วิสสทิสา อาณาติ วิสาณา. ขคฺคํ วิยาติ ขคฺคํ. ขคฺคํ วิสาณํ ยสฺส มิคสฺส โสยํ มิโค ขคฺควิสาโณ, ตสฺส ขคฺควิสาณสฺส กปฺโป ขคฺควิสาณกปฺโป. ขคฺควิสาณสทิโส ปจฺเจกพุทฺโธ เอโก อทุติโย อสหาโย จเรยฺย วิหเรยฺย วตฺเตยฺย ยเปยฺย ยาเปยฺยาติ อตฺโถ.

๑๓๒. วิสุทฺธสีลาติ วิเสเสน สุทฺธสีลา, จตุปาริสุทฺธิยา สุทฺธสีลา. สุวิสุทฺธปฺาติ สุฏฺุ วิสุทฺธปฺา, ราคาทิวิรหิตตฺตา ปริสุทฺธมคฺคผลปฏิสมฺภิทาทิปฺา. สมาหิตาติ สํ สุฏฺุ อาหิตา, สนฺติเก ปิตจิตฺตา. ชาคริยานุยุตฺตาติ ชาครณํ ชาคโร, นิทฺทาติกฺกโมติ อตฺโถ. ชาครสฺส ภาโว ชาคริยํ, ชาคริเย อนุยุตฺตา ชาคริยานุยุตฺตา. วิปสฺสกาติ ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา’’ติ วิเสเสน ปสฺสนสีลา, วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา วิหรนฺตีติ อตฺโถ. ธมฺมวิเสสทสฺสีติ ทสกุสลธมฺมานํ จตุสจฺจธมฺมสฺส นวโลกุตฺตรธมฺมสฺส วา วิเสเสน ปสฺสนสีลา. มคฺคงฺคโพชฺฌงฺคคเตติ สมฺมาทิฏฺาทีหิ มคฺคงฺเคหิ สติสมฺโพชฺฌงฺคาทีหิ โพชฺฌงฺเคหิ คเต สมฺปยุตฺเต อริยธมฺเม. วิชฺาติ วิเสเสน ชฺา, ชานนฺตาติ อตฺโถ.

๑๓๓. สุฺตาปฺปณิหิตฺจานิมิตฺตนฺติ อนตฺตานุปสฺสนาวเสน สุฺตวิโมกฺขฺจ ทุกฺขานุปสฺสนาวเสน อปฺปณิหิตวิโมกฺขฺจ, อนิจฺจานุปสฺสนาวเสน อนิมิตฺตวิโมกฺขฺจ. อาเสวยิตฺวาติ วฑฺเฒตฺวา. เย กตสมฺภารา ธีรา ชนา ชินสาสนมฺหิ สาวกตฺตํ สาวกภาวํ น วชนฺติ น ปาปุณนฺติ, เต ธีรา กตสมฺภารา สยมฺภู สยเมว ภูตา ปจฺเจกชินา ปจฺเจกพุทฺธา ภวนฺติ.

๑๓๔. กึ ภูตา? มหนฺตธมฺมา ปูริตมหาสมฺภารา พหุธมฺมกายา อเนกธมฺมสภาวสรีรา. ปุนปิ กึ ภูตา? จิตฺติสฺสรา จิตฺตคติกา ฌานสมฺปนฺนาติ อตฺโถ. สพฺพทุกฺโขฆติณฺณา สกลสํสารโอฆํ ติณฺณา อติกฺกนฺตา อุทคฺคจิตฺตา โกธมานาทิกิเลสวิรหิตตฺตา โสมนสฺสจิตฺตา สนฺตมนาติ อตฺโถ. ปรมตฺถทสฺสี ปฺจกฺขนฺธทฺวาทสายตนทฺวตฺตึสาการสจฺจปฏิจฺจสมุปฺปาทาทิวเสน ปรมตฺถํ อุตฺตมตฺถํ ทสฺสนสีลา. อจลาภีตฏฺเน สีโหปมา สีหสทิสาติ อตฺโถ. ขคฺควิสาณกปฺปา ขคฺควิสาณมิคสิงฺคสทิสา คณสงฺคณิกาภาเวนาติ อตฺโถ.

๑๓๕. สนฺตินฺทฺริยาติ จกฺขุนฺทฺริยาทีนํ สกสการมฺมเณ อปฺปวตฺตนโต สนฺตสภาวอินฺทฺริยา. สนฺตมนาติ สนฺตจิตฺตา, นิกฺกิเลสภาเวน สนฺตสภาวจิตฺตสงฺกปฺปาติ อตฺโถ. สมาธีติ สุฏฺุ เอกคฺคจิตฺตา. ปจฺจนฺตสตฺเตสุ ปติปฺปจาราติ ปจฺจนฺตชนปเทสุ สตฺเตสุ ทยากรุณาทีหิ ปติจรณสีลา. ทีปา ปรตฺถ อิธ วิชฺชลนฺตาติ สกลโลกานุคฺคหกรเณน ปรโลเก จ อิธโลเก จ วิชฺชลนฺตา ทีปา ปทีปสทิสาติ อตฺโถ. ปจฺเจกพุทฺธา สตตํ หิตาเมติ อิเม ปจฺเจกพุทฺธา สตตํ สพฺพกาลํ สกลโลกหิตาย ปฏิปนฺนาติ อตฺโถ.

๑๓๖. ปหีนสพฺพาวรณา ชนินฺทาติ เต ปจฺเจกพุทฺธา ชนานํ อินฺทา อุตฺตมา กามจฺฉนฺทนีวรณาทีนํ สพฺเพสํ ปฺจาวรณานํ ปหีนตฺตา ปหีนสพฺพาวรณา. ฆนกฺจนาภาติ รตฺตสุวณฺณชมฺโพนทสุวณฺณปภา สทิสอาภาวนฺตาติ อตฺโถ. นิสฺสํสยํ โลกสุทกฺขิเณยฺยาติ เอกนฺเตน โลกสฺส สุทกฺขิณาย อคฺคทานสฺส ปฏิคฺคเหตุํ อรหา ยุตฺตา, นิกฺกิเลสตฺตา สุนฺทรทานปฏิคฺคหณารหาติ อตฺโถ. ปจฺเจกพุทฺธา สตตปฺปิตาเมติ อิเม ปจฺเจกาณาธิคมา พุทฺธา สตตํ นิจฺจกาลํ อปฺปิตา สุหิตา ปริปุณฺณา, สตฺตาหํ นิราหาราปิ นิโรธสมาปตฺติผลสมาปตฺติวเสน ปริปุณฺณาติ อตฺโถ.

๑๓๗. ปติเอกา วิสุํ สมฺมาสมฺพุทฺธโต วิสทิสา อฺเ อสาธารณพุทฺธา ปจฺเจกพุทฺธา. อถ วา –

‘‘อุปสคฺคา นิปาตา จ, ปจฺจยา จ อิเม ตโย;

เนเกเนกตฺถวิสยา, อิติ เนรุตฺติกาพฺรวุ’’นฺติ. –

วุตฺตตฺตา ปติสทฺทสฺส เอกอุปสคฺคตา ปติ ปธาโน หุตฺวา สามิภูโต อเนเกสํ ทายกานํ อปฺปมตฺตกมฺปิ อาหารํ ปฏิคฺคเหตฺวา สคฺคโมกฺขสฺส ปาปุณนโต. ตถา หิ อนฺนภารสฺส ภตฺตภาคํ ปฏิคฺคเหตฺวาปสฺสนฺตสฺเสว ภุฺชิตฺวา เทวตาหิ สาธุการํ ทาเปตฺวา ตทเหว ตํ ทุคฺคตํ เสฏฺิฏฺานํ ปาเปตฺวา โกฏิสงฺขธนุปฺปาทเนน จ, ขทิรงฺคารชาตเก (ชา. อฏฺ. ๑.๑.ขทิรงฺคารชาตกวณฺณนา) มาเรน นิมฺมิตขทิรงฺคารกูโปปริอุฏฺิตปทุมกณฺณิกํ มทฺทิตฺวา โพธิสตฺเตน ทินฺนํ ปิณฺฑปาตํ ปฏิคฺคเหตฺวา ตสฺส ปสฺสนฺตสฺเสว อากาสคมเนน โสมนสฺสุปฺปาทเนน จ, ปทุมวตีอคฺคมเหสีปุตฺตานํ มหาชนกรฺโ เทวิยา อาราธเนน คนฺธมาทนโต อากาเสน อาคมฺม ทานปฏิคฺคหเณน มหาชนกโพธิสตฺตสฺส จ เทวิยา จ โสมนสฺสุปฺปาทเนน จ, ตถา อพุทฺธุปฺปาเท ฉาตกภเย สกลชมฺพุทีเป อุปฺปนฺเน พาราณสิเสฏฺิโน ฉาตกภยํ ปฏิจฺจ ปูเรตฺวา รกฺขิเต สฏฺิสหสฺสโกฏฺาคาเร วีหโย เขเปตฺวา ภูมิยํ นิขาตธฺานิ จ จาฏิสหสฺเสสุ ปูริตธฺานิ จ เขเปตฺวา สกลปาสาทภิตฺตีสุ มตฺติกาหิ มทฺทิตฺวา ลิมฺปิตธฺานิ จ เขเปตฺวา ตทา นาฬิมตฺตเมวาวสิฏฺํ ‘‘อิทํ ภุฺชิตฺวา อชฺช มริสฺสามา’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา สยนฺตสฺส คนฺธมาทนโต เอโก ปจฺเจกพุทฺโธ อาคนฺตฺวา เคหทฺวาเร อฏฺาสิ. เสฏฺิ ตํ ทิสฺวา ปสาทํ อุปฺปาเทตฺวา ชีวิตํ ปริจฺจชมาโน ปจฺเจกพุทฺธสฺส ปตฺเต โอกิริ. ปจฺเจกพุทฺโธ วสนฏฺานํ คนฺตฺวา อตฺตโน อานุภาเวน ปสฺสนฺตสฺเสว เสฏฺิสฺส ปฺจปจฺเจกพุทฺธสเตหิ สห ปริภุฺชิ. ตทา ภตฺตปจิตอุกฺขลึ, ปิทหิตฺวา เปสุํ.

นิทฺทโมกฺกนฺตสฺส เสฏฺิโน ฉาตตฺเต อุปฺปนฺเน โส วุฏฺหิตฺวา ภริยํ อาห – ‘‘ภตฺเต อาจามกภตฺตมตฺตํ โอโลเกหี’’ติ. สุสิกฺขิตา สา ‘‘สพฺพํ ทินฺนํ นนู’’ติ อวตฺวา อุกฺขลิยา ปิธานํ วิวริ. สา อุกฺขลิ ตงฺขเณว สุมนปุปฺผมกุฬสทิสสฺส สุคนฺธสาลิภตฺตสฺส ปูริตา อโหสิ. สา จ เสฏฺิ จ สนฺตุฏฺา สยฺจ สกลเคหวาสิโน จ สกลนครวาสิโน จ ภุฺชึสุ. ทพฺพิยา คหิตคหิตฏฺานํ ปุน ปูริตํ. สกลสฏฺิสหสฺสโกฏฺาคาเรสุ สุคนฺธสาลิโย ปูเรสุํ. สกลชมฺพุทีปวาสิโน เสฏฺิสฺส เคหโตเยว ธฺพีชานิ คเหตฺวา สุขิตา ชาตา. เอวมาทีสุ อเนกสตฺตนิกาเยสุ สุโขตรณปริปาลนสคฺคโมกฺขปาปเนสุ ปติ สามิภูโต พุทฺโธติ ปจฺเจกพุทฺโธ. ปจฺเจกพุทฺธานํ สุภาสิตานีติ ปจฺเจกพุทฺเธหิ โอวาทานุสาสนีวเสน สุฏฺุ ภาสิตานิ กถิตานิ วจนานิ. จรนฺติ โลกมฺหิ สเทวกมฺหีติ เทวโลกสหิเต สตฺตโลเก จรนฺติ ปวตฺตนฺตีติ อตฺโถ. สุตฺวา ตถา เย น กโรนฺติ พาลาติ ตถารูปํ ปจฺเจกพุทฺธานํ สุภาสิตวจนํ เย พาลา ชนา น กโรนฺติ น มนสิ กโรนฺติ, เต พาลา ทุกฺเขสุ สํสารทุกฺเขสุ ปุนปฺปุนํ อุปฺปตฺติวเสน จรนฺติ ปวตฺตนฺติ, ธาวนฺตีติ อตฺโถ.

๑๓๘. ปจฺเจกพุทฺธานํ สุภาสิตานีติ สุฏฺุ ภาสิตานิ จตุราปายโต มุจฺจนตฺถาย ภาสิตานิ วจนานิ. กึ ภูตานิ? อวสฺสวนฺตํ ปคฺฆนฺตํ ขุทฺทํ มธุํ ยถา มธุรวจนานีติ อตฺโถ. เย ปฏิปตฺติยุตฺตา ปณฺฑิตชนาปิ ปฏิปตฺตีสุ วุตฺตานุสาเรน ปวตฺตนฺตา ตถารูปํ มธุรวจนํ สุตฺวา วจนกรา ภวนฺติ, เต ปณฺฑิตชนา สจฺจทสา จตุสจฺจทสฺสิโน สปฺา ปฺาสหิตา ภวนฺตีติ อตฺโถ.

๑๓๙. ปจฺเจกพุทฺเธหิ ชิเนหิ ภาสิตาติ กิเลเส ชินนฺติ ชินึสูติ ชินา, เตหิ ชิเนหิ ปจฺเจกพุทฺเธหิ วุตฺตา ภาสิตา กถิตา. กถา อุฬารา โอชวนฺตา ปากฏา สนฺติ ปวตฺตนฺติ. ตา, กถา สกฺยสีเหน สกฺยราชวํสสีเหน โคตเมน ตถาคเตน อภินิกฺขมิตฺวา พุทฺธภูเตน นรุตฺตเมน นรานํ อุตฺตเมน เสฏฺเน ปกาสิตา ปากฏีกตา เทสิตาติ สมฺพนฺโธ. กิมตฺถนฺติ อาห ‘‘ธมฺมวิชานนตฺถ’’นฺติ. นวโลกุตฺตรธมฺมํ วิเสเสน ชานาปนตฺถนฺติ อตฺโถ.

๑๔๐. โลกานุกมฺปาย อิมานิ เตสนฺติ โลกานุกมฺปตาย โลกสฺส อนุกมฺปํ ปฏิจฺจ อิมานิ วจนานิ อิมา คาถาโย. เตสํ ปจฺเจกพุทฺธานํ วิกุพฺพิตานิ วิเสเสน กุพฺพิตานิ ภาสิตานีติ อตฺโถ. สํเวคสงฺคมติวฑฺฒนตฺถนฺติ ปณฺฑิตานํ สํเวควฑฺฒนตฺถฺจ อสงฺควฑฺฒนตฺถํ เอกีภาววฑฺฒนตฺถฺจ มติวฑฺฒนตฺถํ ปฺาวฑฺฒนตฺถฺจ สยมฺภุสีเหน อนาจริยเกน หุตฺวา สยเมว ภูเตน ชาเตน ปฏิวิทฺเธน สีเหน อภีเตน โคตเมน สมฺมาสมฺพุทฺเธน อิมานิ วจนานิ ปกาสิตานิ, อิมา คาถาโย ปกาสิตา วิวริตา อุตฺตานีกตาติ อตฺโถ. อิตีติ ปริสมาปนตฺเถ นิปาโต.

อิติ วิสุทฺธชนวิลาสินิยา อปทาน-อฏฺกถาย

ปจฺเจกพุทฺธาปทานสํวณฺณนา สมตฺตา.

๓-๑. สาริปุตฺตตฺเถรอปทานวณฺณนา

ตทนนฺตรํ เถราปทานสงฺคหคาถาโย สํวณฺเณตุํ ‘‘อถ เถราปทานํ สุณาถา’’ติ อาห. อถ-อปทาน-สทฺทานมตฺโถ เหฏฺา วุตฺโตว. เอตฺถ เถร-สทฺโท ปนายํ กาลถิรปฺตฺตินามเธยฺยเชฏฺาทีสุ อเนเกสุ อตฺเถสุ วตฺตติ. ตถา หิ ‘‘เถโรวสฺสิกานิ ปูตีนิ จุณฺณกชาตานี’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๓๗๙; ม. นิ. ๑.๑๑๒) กาเล, เถโรวสฺสิกานิ จิรกาลํ โอวสฺสิกานีติ อตฺโถ. ‘‘เถโรปิ ตาว มหา’’อิจฺจาทีสุ ถิเร ถิรสีโลติ อตฺโถ. ‘‘เถรโก อยมายสฺมา มหลฺลโก’’ติอาทีสุ ปฺตฺติยํ, โลกปฺตฺติมตฺโตติ อตฺโถ. ‘‘จุนฺทตฺเถโร ผุสฺสตฺเถโร’’ติอาทีสุ นามเธยฺเย, เอวํ กตนาโมติ อตฺโถ. ‘‘เถโร จายํ กุมาโร มม ปุตฺเตสู’’ติอาทีสุ เชฏฺเ, เชฏฺโ กุมาโรติ อตฺโถ. อิธ ปนายํ กาเล จ ถิเร จ วตฺตติ. ตสฺมา จิรํ กาลํ ิโตติ เถโร, ถิรตรสีลาจารมทฺทวาทิคุณาภิยุตฺโต วา เถโรติ วุจฺจติ. เถโร จ เถโร เจติ เถรา, เถรานํ อปทานํ การณํ เถราปทานํ, ตํ เถราปทานํ สุณาถาติ สมฺพนฺโธ. หิมวนฺตสฺส อวิทูเร, ลมฺพโก นาม ปพฺพโตติอาทิ อายสฺมโต สาริปุตฺตตฺเถรสฺส อปทานํ, ตสฺสายสฺมโต มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรสฺส จ วตฺถุ เอวํ เวทิตพฺพํ –

อตีเต กิร อิโต กปฺปโต สตสหสฺสกปฺปาธิเก เอกอสงฺขฺเยยฺยมตฺถเก อายสฺมา สาริปุตฺโต พฺราหฺมณมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติตฺวา นาเมน สรทมาณโว นาม อโหสิ. มหาโมคฺคลฺลาโน คหปติมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติตฺวา นาเมน สิริวฑฺฒนกุฏุมฺพิโก นาม อโหสิ. เต อุโภปิ สหปํสุกีฬนสหายา อเหสุํ. เตสุ สรทมาณโว ปิตุ อจฺจเยน กุลสนฺตกํ ธนํ ปฏิปชฺชิตฺวา เอกทิวสํ รโหคโต จินฺเตสิ – ‘‘อิเมสํ สตฺตานํ มรณํ นาม เอกนฺติกํ, ตสฺมา มยา เอกํ ปพฺพชฺชํ อุปคนฺตฺวา วิโมกฺขมคฺโค คเวสิตพฺโพ’’ติ สหายํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘สมฺม, อหํ ปพฺพชิตุกาโม. กึ ตฺวํ ปพฺพชิตุํ สกฺขิสฺสสี’’ติ วตฺวา เตน ‘‘น สกฺขิสฺสามี’’ติ วุตฺเต ‘‘โหตุ อหเมว ปพฺพชิสฺสามี’’ติ รตนโกฏฺาคารานิ วิวราเปตฺวา กปณทฺธิกาทีนํ มหาทานํ ทตฺวา ปพฺพตปาทํ คนฺตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิ. ตสฺส ปพฺพชิตสฺส อนุปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตา จตุสตฺตติสหสฺสมตฺตา พฺราหฺมณปุตฺตา อเหสุํ. โส ปฺจ อภิฺาโย อฏฺ จ สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวา เตสมฺปิ ชฏิลานํ กสิณปริกมฺมํ อาจิกฺขิ. เต สพฺเพปิ ปฺจาภิฺา อฏฺ จ สมาปตฺติโย นิพฺพตฺติสุํ.

เตน สมเยน อโนมทสฺสี นาม สมฺมาสมฺพุทฺโธ โลเก อุปฺปชฺชิตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺโก สตฺเต สํสารมโหฆโต ตาเรตฺวา เอกทิวสํ สรทตาปสสฺส จ อนฺเตวาสิกานฺจ สงฺคหํ กตฺตุกาโม เอโก อทุติโย ปตฺตจีวรมาทาย อากาเสน คนฺตฺวา ‘‘พุทฺธภาวํ เม ชานาตู’’ติ ตาปสสฺส ปสฺสนฺตสฺเสว อากาสโต โอตริตฺวา ปถวิยํ ปติฏฺาสิ. สรทตาปโส สตฺถุ สรีเร มหาปุริสลกฺขณานิ อุปธาเรตฺวา ‘‘สพฺพฺุพุทฺโธเยวาย’’นฺติ นิฏฺํ คนฺตฺวา ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา อาสนํ ปฺาเปตฺวา อทาสิ. นิสีทิ ภควา ปฺตฺเต อาสเน. สรทตาปโส สตฺถุ สนฺติเก เอกมนฺตํ นิสีทิ.

ตสฺมึ สมเย ตสฺส อนฺเตวาสิกา จตุสตฺตติสหสฺสมตฺตา ชฏิลา ปณีตปณีตานิ โอชวนฺตานิ ผลาผลานิ คเหตฺวา อาคตา สตฺถารํ ทิสฺวา สฺชาตปสาทา อตฺตโน อาจริยสฺส สตฺถุ จ นิสินฺนาการํ โอโลเกตฺวา ‘‘อาจริย, มยํ ปุพฺเพ ‘ตุมฺเหหิ มหนฺตตโร โกจิ นตฺถี’ติ มฺาม, อยํ ปน ปุริโส ตุมฺเหหิ มหนฺตตโร มฺเ’’ติ อาหํสุ. กึ วเทถ, ตาตา, สาสเปน สทฺธึ อฏฺสฏฺิโยชนสตสหสฺสุพฺเพธํ สิเนรุํ สมํ กาตุํ อิจฺฉถ, สพฺพฺุพุทฺเธน มํ ตุลํ มา กริตฺถาติ. อถ เต ตาปสา อาจริยสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘ยาว มหา วตายํ ปุริสุตฺตโม’’ติ สพฺเพว ปาเทสุ นิปติตฺวา สตฺถารํ วนฺทึสุ.

อถ เต อาจริโย อาห – ‘‘ตาตา, สตฺถุ อนุจฺฉวิโก โน เทยฺยธมฺโม นตฺถิ, สตฺถา จ ภิกฺขาจรเวลาย อิธาคโต, หนฺท, มยํ เทยฺยธมฺมํ ยถาพลํ ทสฺสาม. ตุมฺเหหิ ยํ ยํ ปณีตํ ผลาผลํ อาภตํ, ตํ ตํ อาหรถา’’ติ อาหราเปตฺวา หตฺเถ โธวิตฺวา สยํ ตถาคตสฺส ปตฺเต ปติฏฺาเปสิ. สตฺถารา ผลาผเล ปฏิคฺคหิตมตฺเต เทวตา ทิพฺโพชํ ปกฺขิปึสุ. ตาปโส อุทกมฺปิ สยเมว ปริสฺสาเวตฺวา อทาสิ. ตโต โภชนกิจฺจํ นิฏฺาเปตฺวา สตฺถริ นิสินฺเน สพฺเพ อนฺเตวาสิเก ปกฺโกสาเปตฺวา สตฺถุ สนฺติเก สารณียํ กถํ กเถนฺโต นิสีทิ. สตฺถา ‘‘ทฺเว อคฺคสาวกา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ อาคจฺฉนฺตู’’ติ จินฺเตสิ. ตาวเทว สตสหสฺสขีณาสวปริวารา อคฺคสาวกา อาคนฺตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺํสุ.

ตโต สรทตาปโส อนฺเตวาสิเก อามนฺเตสิ – ‘‘ตาตา, สตฺถุ ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ ปุปฺผาสเนน ปูชา กาตพฺพา, ตสฺมา ปุปฺผานิ อาหรถา’’ติ. เต ตาวเทว อิทฺธิยา วณฺณคนฺธสมฺปนฺนานิ ปุปฺผานิ อาหริตฺวา พุทฺธสฺส โยชนปฺปมาณํ ปุปฺผาสนํ ปฺาเปสุํ, อุภินฺนํ อคฺคสาวกานํ ติคาวุตํ, เสสภิกฺขูนํ อฑฺฒโยชนิกาทิเภทํ, สงฺฆนวกสฺส อุสภมตฺตํ ปฺาเปสุํ. เอวํ ปฺตฺเตสุ อาสเนสุ สรทตาปโส ตถาคตสฺส ปุรโต อฺชลึ ปคฺคยฺห ‘‘ภนฺเต, มยฺหํ อนุคฺคหตฺถาย อิมํ ปุปฺผาสนํ อติรุหถา’’ติ อาห. นิสีทิ ภควา ปุปฺผาสเน. สตฺถริ นิสินฺเน ทฺเว อคฺคสาวกา เสสภิกฺขู จ อตฺตโน อตฺตโน ปตฺตาสเน นิสีทึสุ. สตฺถา ‘‘เตสํ มหปฺผลํ โหตู’’ติ นิโรธํ สมาปชฺชิ. สตฺถุ สมาปนฺนภาวํ ตฺวา ทฺเว อคฺคสาวกาปิ เสสภิกฺขูปิ นิโรธํ สมาปชฺชึสุ. ตาปโส สตฺตาหํ นิรนฺตรํ สตฺถุ ปุปฺผจฺฉตฺตํ ธาเรนฺโต อฏฺาสิ. อิตเร วนมูลผลํ ปริภุฺชิตฺวา เสสกาเล อฺชลึ ปคฺคยฺห อฏฺํสุ. สตฺถา สตฺตาหสฺส อจฺจเยน นิโรธโต วุฏฺหิตฺวา อคฺคสาวกํ นิสภตฺเถรํ อามนฺเตสิ – ‘‘ตาปสานํ ปุปฺผาสนานุโมทนํ กโรหี’’ติ. เถโร สาวกปารมีาเณ ตฺวา เตสํ ปุปฺผาสนานุโมทนํ อกาสิ. ตสฺส เทสนาวสาเน สตฺถา ทุติยํ อคฺคสาวกํ อโนมตฺเถรํ อามนฺเตสิ – ‘‘ตฺวมฺปิ อิเมสํ ธมฺมํ เทเสหี’’ติ. โสปิ เตปิฏกํ พุทฺธวจนํ สมฺมสิตฺวา เตสํ ธมฺมํ กเถสิ. ทฺวินฺนมฺปิ เทสนาย ธมฺมาภิสมโย นาโหสิ. อถ สตฺถา พุทฺธวิสเย ตฺวา ธมฺมเทสนํ อารภิ. เทสนาวสาเน เปตฺวา สรทตาปสํ อวเสสา สพฺเพปิ จตุสตฺตติสหสฺสชฏิลา อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. สตฺถา เต ‘‘เอถ ภิกฺขโว’’ติ หตฺถํ ปสาเรสิ. เต ตาวเทว อนฺตรหิตตาปสเวสา อฏฺปริกฺขารธรา สฏฺิวสฺสิกตฺเถโร วิย อเหสุํ.

สรทตาปโส ปน ‘‘อโห วตาหมฺปิ อยํ นิสภตฺเถโร วิย อนาคเต เอกสฺส พุทฺธสฺส สาวโก ภเวยฺย’’นฺติ เทสนากาเล อุปฺปนฺนปริวิตกฺกตาย อฺวิหิโต หุตฺวา มคฺคผลานิ ปฏิวิชฺฌิตุํ นาสกฺขิ. อถ สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ตถา ปณิธานํ อกาสิ. สตฺถา อนนฺตราเยน สมิชฺฌนภาวํ ทิสฺวา ‘‘อิโต กปฺปสตสหสฺสาธิกํ เอกํ อสงฺขฺเยยฺยํ อติกฺกมิตฺวา โคตมสฺส นาม สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อคฺคสาวโก สาริปุตฺโต นาม ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากริตฺวา ธมฺมกถํ วตฺวา ภิกฺขุสงฺฆปริวาโร อากาสํ ปกฺขนฺทิ. สรทตาปโสปิ สหายสฺส สิริวฑฺฒสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘สมฺม, มยา อโนมทสฺสิสฺส ภควโต ปาทมูเล อนาคเต อุปฺปชฺชนกสฺส โคตมสมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อคฺคสาวกฏฺานํ ปตฺถิตํ, ตฺวมฺปิ ตสฺส ทุติยสาวกฏฺานํ ปตฺเถหี’’ติ. สิริวฑฺโฒ ตํ อุปเทสํ สุตฺวา อตฺตโน นิเวสนทฺวาเร อฏฺกรีสมตฺตํ านํ สมตลํ กาเรตฺวา ลาชปฺจมานิ ปุปฺผานิ วิกิริตฺวา นีลุปฺปลจฺฉทนํ มณฺฑปํ กาเรตฺวา พุทฺธาสนํ ปฺาเปตฺวา ภิกฺขูนมฺปิ อาสนานิ ปฺาเปตฺวา มหนฺตํ สกฺการสมฺมานํ สชฺเชตฺวา สรทตาปเสน สตฺถารํ นิมนฺตาเปตฺวา สตฺตาหํ มหาทานํ ปวตฺเตตฺวา พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ มหารเหหิ วตฺเถหิ อจฺฉาเทตฺวา ทุติยสาวกภาวาย ปณิธานํ อกาสิ. สตฺถา ตสฺส อนนฺตราเยน สมิชฺฌนภาวํ ทิสฺวา วุตฺตนเยน พฺยากริตฺวา ภตฺตานุโมทนํ กตฺวา ปกฺกามิ. สิริวฑฺโฒ หฏฺปหฏฺโ ยาวชีวํ กุสลกมฺมํ กตฺวา ทุติยจิตฺตวาเร กามาวจรเทวโลเก นิพฺพตฺติ. สรทตาปโส จตฺตาโร พฺรหฺมวิหาเร ภาเวตฺวา พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺติ.

ตโต ปฏฺาย เตสํ อุภินฺนมฺปิ อนฺตรา กมฺมํ น กถิตํ. อมฺหากํ ปน ภควโต อุปฺปตฺติโต ปุเรตรเมว สรทตาปโส ราชคหสฺส อวิทูเร อุปติสฺสาคาเม รูปสาริยา พฺราหฺมณิยา กุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. ตํทิวสเมวสฺส สหาโยปิ ราชคหสฺเสว อวิทูเร โกลิตคาเม โมคฺคลิยา พฺราหฺมณิยา กุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. ตสฺมา โมคฺคลฺลาโน โมคฺคลิยา พฺราหฺมณิยา ปุตฺโตติ โมคฺคลฺลาโน. โมคฺคลิโคตฺเตน ชาโตติ วา โมคฺคลฺลาโน. อถ วา มาตุกุมาริกกาเล ตสฺสา มาตาปิตูหิ วุตฺตํ – ‘‘มา อุคฺคลิ มา อุคฺคลี’’ติ วจนมุปาทาย ‘‘มุคฺคลี’’ติ นามํ. ตสฺสา มุคฺคลิยา ปุตฺโตติ โมคฺคลฺลาโน. อถ วา โสตาปตฺติมคฺคาทิมคฺคสฺส ลาเภ อาทาเน ปฏิวิชฺฌเน อลํ สมตฺโถติ โมคฺคลฺลาโนติ. ตานิ กิร ทฺเว กุลานิ ยาว สตฺตมา กุลปริวฏฺฏา อาพทฺธสหายาเนว. เตสํ ทฺวินฺนํ เอกทิวสเมว คพฺภปริหารมทํสุ. ทสมาสจฺจเยน ชาตานมฺปิ เตสํ ฉสฏฺิ ธาติโย ปฏฺเปสุํ. นามคฺคหณทิวเส รูปสารีพฺราหฺมณิยา ปุตฺตสฺส อุปติสฺสคาเม เชฏฺกุลสฺส ปุตฺตตฺตา อุปติสฺโสติ นามํ กรึสุ. อิตรสฺส โกลิตคาเม เชฏฺกุลสฺส ปุตฺตตฺตา โกลิโตติ นามํ กรึสุ. เต อุโภปิ มหตา ปริวาเรน วฑฺฒนฺตา วุทฺธิมนฺวาย สพฺพสิปฺปานํ ปารํ อคมํสุ.

อเถกทิวสํ เต ราชคเห คิรคฺคสมชฺชํ ปสฺสนฺตา มหาชนํ สนฺนิปติตํ ทิสฺวา าณสฺส ปริปากํ คตตฺตา โยนิโส อุมฺมุชฺชนฺตา ‘‘สพฺเพปิเม โอรํ วสฺสสตาว มจฺจุมุขํ ปวิสนฺตี’’ติ สํเวคํ ปฏิลภิตฺวา ‘‘อมฺเหหิ โมกฺขธมฺโม ปริเยสิตพฺโพ, ตฺจ ปริเยสนฺเตหิ เอกา ปพฺพชฺชา ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ นิจฺฉยํ กตฺวา ปฺจมาณวกสเตหิ สทฺธึ สฺจยสฺส ปริพฺพาชกสฺส สนฺติเก ปพฺพชึสุ. เตสํ ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย สฺจโย ลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺโต อโหสิ. เต กติปาเหเนว สพฺพํ สฺจยสฺส สมยํ ปริมชฺชิตฺวา ตตฺถ สารํ อทิสฺวา ตโต นิพฺพิชฺชิตฺวา ตตฺถ ตตฺถ ปณฺฑิตสมฺมเต สมณพฺราหฺมเณ ปฺหํ ปุจฺฉนฺติ, เต เตหิ ปุฏฺา น สมฺปาเทนฺติ. อฺทตฺถุ เตเยว เตสํ ปฺหํ วิสฺสชฺเชนฺติ. เอวํ เต โมกฺขํ ปริเยสนฺตา กติกํ อกํสุ – ‘‘อมฺเหสุ โย ปมํ อมตํ อธิคจฺฉติ, โส อิตรสฺส อาโรเจตู’’ติ.

เตน จ สมเยน อมฺหากํ สตฺถริ ปมาภิสมฺโพธึ ปตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺเก อนุปุพฺเพน อุรุเวลกสฺสปาทิเก สหสฺสชฏิเล ทเมตฺวา ราชคเห วิหรนฺเต เอกทิวสํ อุปติสฺโส ปริพฺพาชโก ปริพฺพาชการามํ คจฺฉนฺโต อายสฺมนฺตํ อสฺสชิตฺเถรํ ราชคเห ปิณฺฑาย จรนฺตํ ทิสฺวา ‘‘น มยา เอวรูโป อากปฺปสมฺปนฺโน ปพฺพชิโต ทิฏฺปุพฺโพ, สนฺตธมฺเมน นาม เอตฺถ ภวิตพฺพ’’นฺติ สฺชาตปสาโท ปฺหํ ปุจฺฉิตุํ อายสฺมนฺตํ อุทิกฺขนฺโต ปิฏฺิโต ปิฏฺิโต อนุพนฺธิ. เถโรปิ ลทฺธปิณฺฑปาโต ปริภุฺชิตุํ ปติรูปํ โอกาสํ คโต. ปริพฺพาชโก อตฺตโน ปริพฺพาชกปีํ ปฺาเปตฺวา อทาสิ. ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน จสฺส อตฺตโน กุณฺฑิกาย อุทกํ อทาสิ. เอวํ โส อาจริยวตฺตํ กตฺวา กตภตฺตกิจฺเจน เถเรน สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กตฺวา – ‘‘โก วา เต สตฺถา, กสฺส วา ตฺวํ ธมฺมํ โรเจสี’’ติ ปุจฺฉิ. เถโร สมฺมาสมฺพุทฺธํ อปทิสิ. ปุน เตน ‘‘กึ วาที ปนายสฺมโต สตฺถา’’ติ ปุฏฺโ ‘‘อิมสฺส สาสนสฺส คมฺภีรตํ ทสฺเสสฺสามี’’ติ อตฺตโน นวกภาวํ ปเวเทตฺวา สงฺเขปวเสน จสฺส สาสนธมฺมํ กเถนฺโต ‘‘เย ธมฺมา เหตุปฺปภวา’’ติ (มหาว. ๖๐; อป. เถร ๑.๑.๒๘๖) คาถมาห. ปริพฺพาชโก ปมปททฺวยเมว สุตฺวา สหสฺสนยสมฺปนฺเน โสตาปตฺติมคฺคผเล ปติฏฺหิ. อิตรํ ปททฺวยํ โสตาปนฺนกาเล นิฏฺาสิ. คาถาปริโยสาเน ปน โสตาปนฺโน หุตฺวา อุปริวิเสเส อปวตฺตนฺเต ‘‘ภวิสฺสติ เอตฺถ การณ’’นฺติ สลฺลกฺเขตฺวา เถรํ อาห – ‘‘มา, ภนฺเต, อุปริ ธมฺมเทสนํ วฑฺฒยิตฺถ, เอตฺตกเมว อลํ, กหํ อมฺหากํ สตฺถา วสตี’’ติ? ‘‘เวฬุวเน’’ติ. ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเห ปุรโต คจฺฉถ, อหํ มยฺหํ สหายสฺส กตปฏิฺํ โมเจตฺวา ตํ คเหตฺวา อาคมิสฺสามี’’ติ ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา เถรํ อุยฺโยเชตฺวา ปริพฺพาชการามํ อคมาสิ.

โกลิตปริพฺพาชโก ตํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘มุขวณฺโณ น อฺทิวเสสุ วิย อทฺธาเนน อมตํ อธิคตํ ภวิสฺสตี’’ติ เตเนวสฺส วิเสสาธิคมํ สมฺภาเวตฺวา อมตาธิคมํ ปุจฺฉิ. โสปิสฺส ‘‘อาวุโส, อมตมธิคต’’นฺติ ปฏิชานิตฺวา ตเมว คาถํ อภาสิ. คาถาปริโยสาเน โกลิโต โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิตฺวา อาห – ‘‘กหํ โน สตฺถา’’ติ? ‘‘เวฬุวเน’’ติ. ‘‘เตน หิ, อาวุโส, อายาม, สตฺถารํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ. อุปติสฺโส สพฺพกาลมฺปิ อาจริยปูชโกว, ตสฺมา สฺจยสฺส สตฺถุ คุเณ ปกาเสตฺวา ตมฺปิ สตฺถุ สนฺติกํ เนตุกาโม อโหสิ. โส ลาภาสาปกโต อนฺเตวาสิกภาวํ อนิจฺฉนฺโต ‘‘น สกฺโกมิ จาฏิ หุตฺวา อุทกสิฺจนํ โหตุ’’นฺติ ปฏิกฺขิปิ. เต อเนเกหิ การเณหิ ตํ สฺาเปตุํ อสกฺโกนฺตา อตฺตโน โอวาเท วตฺตมาเนหิ อฑฺฒุเตยฺยสเตหิ อนฺเตวาสิเกหิ สทฺธึ เวฬุวนํ อคมํสุ. สตฺถา เต ทูรโตว อาคจฺฉนฺเต ทิสฺวา ‘‘เอตํ เม สาวกยุคํ ภวิสฺสติ, อคฺคํ ภทฺทยุค’’นฺติ วตฺวา เตสํ ปริสาย จริยวเสน ธมฺมํ เทเสตฺวา อรหตฺเต ปติฏฺาเปตฺวา เอหิภิกฺขุภาเวน อุปสมฺปทํ อทาสิ. ยถา เตสํ เอวํ อคฺคสาวกานมฺปิ อิทฺธิมยปตฺตจีวรํ อาคตเมว. อุปริมคฺคตฺตยกิจฺจํ ปน น นิฏฺาสิ. กสฺมา? สาวกปารมีาณสฺส มหนฺตตาย.

เตสุ อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ปพฺพชิตโต สตฺตเม ทิวเส มคธรฏฺเ กลฺลวาลคาเม สมณธมฺมํ กโรนฺโต ถินมิทฺเธ โอกฺกมนฺเต สตฺถารา สํเวชิโต ถินมิทฺธํ วิโนเทตฺวา ธาตุกมฺมฏฺานํ สุณนฺโต เอว อุปริมคฺคตฺตยํ อธิคนฺตฺวา สาวกปารมีาณสฺส มตฺถกํ ปาปุณิ. อายสฺมา สาริปุตฺโต ปพฺพชฺชาย อทฺธมาสํ อติกฺกมิตฺวา สตฺถารา สทฺธึ ราชคเห สูกรขตเลเณ วิหรนฺโต อตฺตโน ภาคิเนยฺยสฺส ทีฆนขปริพฺพาชกสฺส เวทนาปริคฺคหสุตฺตนฺเต (ม. นิ. ๒.๒๐๑ อาทโย) เทสิยมาเน เทสนานุสาเรน าณํ เปเสตฺวา ปรสฺส วฑฺฒิตํ ภตฺตํ ภุฺชนฺโต วิย สาวกปารมีาณสฺส มตฺถกํ ปาปุณิ. อิติ ทฺวินฺนํ อคฺคสาวกานํ สตฺถุ สมีเป เอว สาวกปารมีาณํ มตฺถกํ ปตฺตํ.

เอวํ ปตฺตสาวกปารมีาโณ อายสฺมา สาริปุตฺโต ‘‘เกน กมฺเมน อยํ สมฺปตฺติ ลทฺธา’’ติ อาวชฺเชนฺโต ตํ ตฺวา ปีติโสมนสฺสวเสน อุทานํ อุทาเนนฺโต ‘‘หิมวนฺตสฺส อวิทูเร’’ติอาทิมาห. เตน วุตฺตํ –

๑๔๑.

‘‘หิมวนฺตสฺส อวิทูเร, ลมฺพโก นาม ปพฺพโต;

อสฺสโม สุกโต มยฺหํ, ปณฺณสาลา สุมาปิตา’’ติ.

ตตฺถ หิมวนฺตสฺสาติ หิโม อสฺส อตฺถีติ หิมวา, ตสฺส หิมวนฺตสฺส อวิทูเร สมีเป, หิมาลยปฏิพทฺธวเนหิ อตฺโถ. ลมฺพโก นาม ปพฺพโตติ เอวํนามโก ปํสุมิสฺสกปพฺพโต. อสฺสโม สุกโต มยฺหนฺติ ตสฺมึ ลมฺพเก ปพฺพเต มยฺหํ มมตฺถาย กโต อสฺสโม อรฺวาโส อาสมนฺตโต สโมติ อสฺสโม. นตฺถิ ปวิฏฺานํ สโม ปริสฺสโม เอตฺถาติ วา อสฺสโม, โส อิตฺถมฺภูโต อรฺวาโส สุฏฺุ กโต, รตฺติฏฺานทิวาฏฺานกุฏิมณฺฑปาทิวเสน สุนฺทเรนากาเรน กโตติ อตฺโถ. ปณฺณสาลาติ อุสีรปพฺพชาทีหิ ปณฺเณหิ ฉาทิตา นิวสนปณฺณสาลาติ อตฺโถ.

๑๔๒.

‘‘อุตฺตานกูลา นทิกา, สุปติตฺถา มโนรมา;

สุสุทฺธปุลินากิณฺณา, อวิทูเร มมสฺสมํ’’.

ตตฺถ อุตฺตานกูลาติ อคมฺภีรา นที. สุปติตฺถาติ สุนฺทรปติตฺถา. มโนรมา มนลฺลีนา มนาปา. สุสุทฺธปุลินากิณฺณาติ สุฏฺุ ธวลมุตฺตาทลสทิสวาลุกากิณฺณา คหนีภูตาติ อตฺโถ. สา อิตฺถมฺภูตา นทิกา กุนฺนที มมสฺสมํ มยฺหํ อสฺสมสฺส อวิทูเร สมีเป อโหสีติ อตฺโถ. ‘‘อสฺสม’’นฺติ จ สตฺตมฺยตฺเถ อุปโยควจนนฺติ เวทิตพฺพํ.

๑๔๓.

‘‘อสกฺขรา อปพฺภารา, สาทุ อปฺปฏิคนฺธิกา;

สนฺทตี นทิกา ตตฺถ, โสภยนฺตา มมสฺสมํ’’.

ตตฺถ อสกฺขราติ ‘‘ปุลินากิณฺณา’’ติ วุตฺตตฺตา อสกฺขรา สกฺขรวิรหิตา. อปพฺภาราติ ปพฺภารวิรหิตา, อคมฺภีรกูลาติ อตฺโถ. สาทุ อปฺปฏิคนฺธิกาติ สาทุรโสทกา ทุคฺคนฺธรหิตา มยฺหํ อสฺสมปทํ โสภยนฺตี นทิกา ขุทฺทกนที สนฺทติ ปวตฺตตีติ อตฺโถ.

๑๔๔.

‘‘กุมฺภีลา มกรา เจตฺถ, สุสุมารา จ กจฺฉปา;

สนฺทติ นทิกา ตตฺถ, โสภยนฺตา มมสฺสมํ’’.

ตตฺถ กุมฺภีลมจฺฉา มกรมจฺฉา จ สุสุมารา จณฺฑมจฺฉา จ กจฺฉปมจฺฉา จ เอตฺถ เอติสฺสํ นทิยํ กีฬนฺตา อเหสุนฺติ สมฺพนฺโธ. มมสฺสมํ โสภยนฺตา นทิกา ขุทฺทกนที สนฺทติ ปวตฺตตีติ สมฺพนฺโธ.

๑๔๕.

‘‘ปาีนา ปาวุสา มจฺฉา, พลชา มุฺชโรหิตา;

วคฺคฬา ปปตายนฺตา, โสภยนฺติ มมสฺสมํ’’.

ปาีนมจฺฉา จ ปาวุสา มจฺฉาพลชมจฺฉา จ มุฺชมจฺฉา โรหิตมจฺฉา จ วคฺคฬมจฺฉา จ เอเต สพฺเพ มจฺฉชาติกา อิโต จิโต จ ปปตายนฺตา นทิยา สทฺธึ ปวตฺตนฺตา มม อสฺสมปทํ โสภยนฺตีติ อตฺโถ.

๑๔๖.

‘‘อุโภ กูเลสุ นทิยา, ปุปฺผิโน ผลิโน ทุมา;

อุภโต อภิลมฺพนฺตา, โสภยนฺติ มมสฺสมํ’’.

ตตฺถ อุโภ กูเลสูติ ตสฺสา นทิยา อุโภสุ ปสฺเสสุ ธุวปุปฺผิโน ธุวผลิโน รุกฺขา อุภโต อภิลมฺพนฺตา นทิยา อุโภ ตีเร เหฏฺา โอนมนฺตา มม อสฺสมํ โสภยนฺตีติ อตฺโถ.

๑๔๗.

‘‘อมฺพา สาลา จ ติลกา, ปาฏลี สินฺทุวารกา;

ทิพฺพคนฺธา สมฺปวนฺติ, ปุปฺผิตา มม อสฺสเม’’.

ตตฺถ อมฺพาติ มธุปิณฺฑิอมฺพา จ สาลรุกฺขา จ ติลกรุกฺขา จ ปาฏลิรุกฺขา จ สินฺทุวารกรุกฺขา จ เอเต รุกฺขา นิจฺจกาลํ ปุปฺผิตา ปุปฺผนฺตา. ทิพฺพา คนฺธา อิว มม อสฺสเม สุคนฺธา สมฺปวนฺติ สมนฺตโต ปวายนฺตีติ อตฺโถ.

๑๔๘.

‘‘จมฺปกา สฬลา นีปา, นาคปุนฺนาคเกตกา;

ทิพฺพคนฺธา สมฺปวนฺติ, ปุปฺผิตา มม อสฺสเม’’.

ตตฺถ จมฺปกรุกฺขา จ สฬลรุกฺขา จ สุวณฺณวฏฺฏลสทิสปุปฺผา นีปรุกฺขา จ นาครุกฺขา จ ปุนฺนาครุกฺขา จ สุคนฺธยนฺตา เกตกรุกฺขา จ เอเต สพฺเพ รุกฺขา ทิพฺพา คนฺธาริว มม อสฺสเม ปุปฺผิตา ผุลฺลิตา สมฺปวนฺติ สุคนฺธํ สุฏฺุ ปวายนฺตีติ อตฺโถ.

๑๔๙.

อโสกา จ‘‘อธิมุตฺตา อโสกา จ, ภคินีมาลา จ ปุปฺผิตา;

องฺโกลา พิมฺพิชาลา จ, ปุปฺผิตา มม อสฺสเม’’.

ตตฺถ ปุปฺผิตา อธิมุตฺตกรุกฺขา จ ปุปฺผิตา อโสกรุกฺขา จ ปุปฺผิตา ภคินีมาลา จ ปุปฺผิตา องฺโกลา จ ปุปฺผิตา พิมฺพิชาลา จ เอเต รุกฺขา มม อสฺสเม ผุลฺลิตา โสภยนฺตีติ สมฺพนฺโธ.

๑๕๐.

‘‘เกตกา กนฺทลิ เจว, โคธุกา ติณสูลิกา;

ทิพฺพคนฺธํ สมฺปวนฺตา, โสภยนฺติ มมสฺสมํ’’.

ตตฺถ เกตกาติ สุคนฺธเกตกคจฺฉา จ. กนฺทลิรุกฺขา จ โคธุกรุกฺขา จ ติณสูลิกคจฺฉา จ เอเต สพฺเพ รุกฺขชาติกา ทิพฺพคนฺธํ ปวายมานา มม อสฺสมํ สกลํ โสภยนฺตีติ อตฺโถ.

๑๕๑.

‘‘กณิการา กณฺณิกา จ, อสนา อชฺชุนา พหู;

ทิพฺพคนฺธํ สมฺปวนฺตา, โสภยนฺติ มมสฺสมํ’’.

เอเต กณิการาทโย รุกฺขา มม อสฺสมํ สกลํ โสภยนฺตา ทิพฺพคนฺธํ สมฺปวายนฺตีติ สมฺพนฺโธ.

๑๕๒.

‘‘ปุนฺนาคา คิริปุนฺนาคา, โกวิฬารา จ ปุปฺผิตา;

ทิพฺพคนฺธํ สมฺปวนฺตา, โสภยนฺติ มมสฺสมํ’’.

ปุนฺนาคาทโย รุกฺขา ทิพฺพคนฺธํ ปวายมานา มม อสฺสมํ โสภยนฺตีติ อตฺโถ.

๑๕๓.

‘‘อุทฺทาลกา จ กุฏชา, กทมฺพา วกุลา พหู;

ทิพฺพคนฺธํ สมฺปวนฺตา, โสภยนฺติ มมสฺสมํ’’.

อุทฺทาลกาทโย รุกฺขา ทิพฺพคนฺธํ วายมานา มม อสฺสมํ โสภยนฺตีติ สมฺพนฺโธ.

๑๕๔.

‘‘อาฬกา อิสิมุคฺคา จ, กทลิมาตุลุงฺคิโย;

คนฺโธทเกน สํวฑฺฒา, ผลานิ ธารยนฺติ เต’’.

ตตฺถ เอเต อาฬกาทโย คจฺฉา จนฺทนาทิสุคนฺธคนฺโธทเกน วฑฺฒิตฺวา สุวณฺณผลานิ ธาเรนฺตา มม อสฺสมํ โสภยนฺตีติ อตฺโถ.

๑๕๕.

‘‘อฺเ ปุปฺผนฺติ ปทุมา, อฺเ ชายนฺติ เกสรี;

อฺเ โอปุปฺผา ปทุมา, ปุปฺผิตา ตฬาเก ตทา’’.

ตตฺถ อฺเ ปุปฺผนฺติ ปทุมาติ มม อสฺสมสฺส อวิทูเร ตฬาเก อฺเ เอกจฺเจ ปทุมา ปุปฺผนฺติ, เอกจฺเจ เกสรี ปทุมา ชายนฺติ นิพฺพตฺตนฺติ, เอกจฺเจ ปทุมา โอปุปฺผา วิคลิตปตฺตเกสราติ อตฺโถ.

๑๕๖.

‘‘คพฺภํ คณฺหนฺติ ปทุมา, นิทฺธาวนฺติ มุฬาลิโย;

สิงฺฆาฏิปตฺตมากิณฺณา, โสภนฺติ ตฬาเก ตทา’’.

ตตฺถ คพฺภํ คณฺหนฺติ ปทุมาติ ตทา ตาปเสน หุตฺวา มม วสนสมเย เอกจฺเจ ปทุมา ตฬากพฺภนฺตเร มกุฬปุปฺผาทโย คณฺหนฺติ. มุฬาลิโย ปทุมมูลา นิทฺธาวนฺติ อิโต กทฺทมพฺภนฺตรโต หตฺถิทาา วิย คจฺฉนฺตีติ อตฺโถ. ปตฺตปุปฺผมากิณฺณา คหนีภูตา สิงฺฆาฏิโย โสภยนฺตีติ อตฺโถ.

๑๕๗.

‘‘นยิตา อมฺพคนฺธี จ, อุตฺตลี พนฺธุชีวกา;

ทิพฺพคนฺธา สมฺปวนฺติ, ปุปฺผิตา ตฬาเก ตทา’’.

ตทา มม วสนสมเย ตฬากสฺส สมีเป นยิตา จ คจฺฉา อมฺพคนฺธี จ คจฺฉา อุตฺตลี นาม คจฺฉา จ พนฺธุชีวกา จ เอเต สพฺเพ คจฺฉา ปุปฺผิตา ปุปฺผธาริตา สุคนฺธวาหกา ตฬากํ โสภยนฺตีติ อตฺโถ.

๑๕๘.

‘‘ปาีนา ปาวุสา มจฺฉา, พลชา มุฺชโรหิตา;

สํคุลา มคฺคุรา เจว, วสนฺติ ตฬาเก ตทา’’.

ตทา มม วสนสมเย นิพฺภีตา ปาีนาทโย มจฺฉา ตฬาเก วสนฺตีติ สมฺพนฺโธ.

๑๕๙.

‘‘กุมฺภีลา สุสุมารา จ, ตนฺติคาหา จ รกฺขสา;

โอคุหา อชครา จ, วสนฺติ ตฬาเก ตทา’’.

ตทา มม วสนสมเย มม อสฺสมสมีเป ตฬาเก เอเต กุมฺภีลาทโย มจฺฉา นิพฺภีตา นิรูปทฺทวา วสนฺตีติ สมฺพนฺโธ.

๑๖๐.

‘‘ปาเรวตา รวิหํสา, จกฺกวากา นทีจรา;

โกกิลา สุกสาฬิกา, อุปชีวนฺติ ตํ สรํ’’.

ตตฺถ มม อสฺสมสมีเป สรํ นิสฺสาย ปาเรวตาปกฺขี จ รวิหํสาปกฺขี จ นทีจรา จกฺกวากปกฺขี จ โกกิลาปกฺขี จ สุกปกฺขี จ สาฬิกาปกฺขี จ ตํ สรํ อุปนิสฺสาย ชีวนฺตีติ สมฺพนฺโธ.

๑๖๑.

‘‘กุกุตฺถกา กุฬีรกา, วเน โปกฺขรสาตกา;

ทินฺทิภา สุวโปตา จ, อุปชีวนฺติ ตํ สรํ’’.

ตตฺถ กุกุตฺถกาติ เอวํนามิกา ปกฺขี จ. กุฬีรกาติ เอวํนามิกา ปกฺขี จ. วเน โปกฺขรสาตกา ปกฺขี จ ทินฺทิภา ปกฺขี จ สุวโปตา ปกฺขี จ เอเต สพฺเพ ปกฺขิโน ตํ มม อสฺสมสมีเป สรํ นิสฺสาย ชีวนฺตีติ สมฺพนฺโธ.

๑๖๒.

‘‘หํสา โกฺจา มยูรา จ, โกกิลา ตมฺพจูฬกา;

ปมฺมกา ชีวํชีวา จ, อุปชีวนฺติ ตํ สรํ’’.

สพฺเพ เอเต หํสาทโย ปกฺขิโน ตํ สรํ อุปนิสฺสาย ชีวนฺติ ชีวิกํ ปาเลนฺตีติ อตฺโถ.

๑๖๓.

‘‘โกสิกา โปฏฺสีสา จ, กุรรา เสนกา พหู;

มหากาฬา จ สกุณา, อุปชีวนฺติ ตํ สรํ’’.

ตตฺถ โกสิกา จ ปกฺขี โปฏฺสีสา จ ปกฺขี กุรรา จ ปกฺขี เสนกา จ ปกฺขี มหากาฬา จ ปกฺขี ถเล พหู ปกฺขิโน ตํ สรํ ตสฺส สรสฺส สมีเป ชีวนฺติ ชีวิกํ กปฺเปนฺตีติ อตฺโถ.

๑๖๔.

‘‘ปสทา จ วราหา จ, จมรา คณฺฑกา พหู;

โรหิจฺจา สุกโปตา จ, อุปชีวนฺติ ตํ สรํ’’.

ตตฺถ ปสทาทโย เอเต มิคา ตํ สรํ ตสฺมึ สรสมีเป, ภุมฺมตฺเถ อุปโยควจนํ, ชีวิตํ ปริปาเลนฺตา วิหรนฺตีติ อตฺโถ.

๑๖๕.

‘‘สีหพฺยคฺฆา จ ทีปี จ, อจฺฉโกกตรจฺฉกา;

ติธา ปภินฺนมาตงฺคา, อุปชีวนฺติ ตํ สรํ’’.

เอเต สีหาทโย จตุปฺปทา สรสมีเป อุปทฺทวรหิตา ชีวนฺตีติ สมฺพนฺโธ.

๑๖๖.

‘‘กินฺนรา วานรา เจว, อโถปิ วนกมฺมิกา;

เจตา จ ลุทฺทกา เจว, อุปชีวนฺติ ตํ สรํ’’.

เอตฺถ เอเต เอวํนามิกา กินฺนราทโย สตฺตา ตสฺมึ สรสมีเป วสนฺตีติ อตฺโถ.

๑๖๗.

‘‘ตินฺทุกานิ ปิยาลานิ, มธุเกกา สุมาริโย;

ธุวํ ผลานิ ธาเรนฺติ, อวิทูเร มมสฺสมํ’’.

ตตฺถ เอเต ตินฺทุกาทโย รุกฺขา ธุวํ เหมนฺตคิมฺหวสฺสานสงฺขาเต กาลตฺตเย มม อสฺสมโต อวิทูเร าเน มธุรผลานิ ธาเรนฺตีติ สมฺพนฺโธ.

๑๖๘.

‘‘โกสมฺพา สฬลา นิมฺพา, สาทุผลสมายุตา;

ธุวํ ผลานิ ธาเรนฺติ, อวิทูเร มมสฺสมํ’’.

ตตฺถ เอเต โกสมฺพาทโย รุกฺขา สารผลา มธุรผลา อุตฺตมผลา สมายุตา สํ สุฏฺุ อายุตา สมงฺคีภูตา นิจฺจํ ผลธาริโน มม อสฺสมสมีเป โสภนฺตีติ อตฺโถ.

๑๖๙.

‘‘หรีตกา อามลกา, อมฺพชมฺพุวิภีตกา;

โกลา ภลฺลาตกา พิลฺลา, ผลานิ ธารยนฺติ เต’’.

เต หรีตกาทโย รุกฺขา มม อสฺสมสมีเป ชาตา นิจฺจํ ผลานิ ธารยนฺตีติ สมฺพนฺโธ.

๑๗๐.

‘‘อาลุวา จ กฬมฺพา จ, พิฬาลีตกฺกฬานิ จ;

ชีวกา สุตกา เจว, พหูกา มม อสฺสเม’’.

เอเต อาลุวาทโย มูลผลา ขุทฺทา มธุรสา มม อสฺสมสมีเป พหู สนฺตีติ สมฺพนฺโธ.

๑๗๑.

‘‘อสฺสมสฺสาวิทูรมฺหิ, ตฬากาสุํ สุนิมฺมิตา;

อจฺโฉทกา สีตชลา, สุปติตฺถา มโนรมา’’.

ตตฺถ อสฺสมสฺสาวิทูรมฺหิ อสฺสมสฺส สมีเป สุนิมฺมิตา สุฏฺุ อาโรหนโอโรหนกฺขมํ กตฺวา นิมฺมิตา อจฺโฉทกา วิปฺปสนฺโนทกา สีตชลา สีโตทกา สุปติตฺถา สุนฺทรติตฺถา มโนรมา โสมนสฺสกรา ตฬากา อาสุํ อเหสุนฺติ อตฺโถ.

๑๗๒.

‘‘ปทุมุปฺปลสฺฉนฺนา, ปุณฺฑรีกสมายุตา;

มนฺทาลเกหิ สฺฉนฺนา, ทิพฺพคนฺโธปวายติ’’.

ตตฺถ ปทุเมหิ จ อุปฺปเลหิ จ สฺฉนฺนา ปริปุณฺณา ปุณฺฑรีเกหิ สมายุตา สมงฺคีภูตา มนฺทาลเกหิสฺฉนฺนา คหนีภูตา ตฬากา ทิพฺพคนฺธานิ อุปวายนฺติ สมนฺตโต วายนฺตีติ อตฺโถ.

๑๗๓.

‘‘เอวํ สพฺพงฺคสมฺปนฺเน, ปุปฺผิเต ผลิเต วเน;

สุกเต อสฺสเม รมฺเม, วิหรามิ อหํ ตทา’’.

ตตฺถ เอวํ สพฺพงฺคสมฺปนฺเนติ อพฺเพหิ นทิกาทิอวยเวหิ สมฺปนฺเน ปริปุณฺเณ ปุปฺผผลรุกฺเขหิ คหนีภูเต วเน สุกเต รมณีเย อสฺสเม อรฺาวาเส ตทา ตาปสภูตกาเล อหํ วิหรามีติ อตฺโถ.

เอตฺตาวตา อสฺสมสมฺปตฺตึ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อตฺตโน สีลาทิคุณสมฺปตฺตึ ทสฺเสนฺโต –

๑๗๔.

‘‘สีลวา วตสมฺปนฺโน, ฌายี ฌานรโต สทา;

ปฺจาภิฺาพลปฺปตฺโต, สุรุจิ นาม ตาปโส’’ติ. – อาห;

ตตฺถ สีลวาติ ฌานสมฺปยุตฺตจตุปาริสุทฺธิสีลสทิเสหิ ปฺจหิ สีเลหิ สมฺปุณฺโณติ อตฺโถ. วตสมฺปนฺโนติ ‘‘อิโต ปฏฺาย ฆราวาสํ ปฺจ กามคุเณ วา น เสวิสฺสามี’’ติ วตสมาทาเนน สมฺปนฺโน. ฌายีติ ลกฺขณูปนิชฺฌานอารมฺมณูปนิชฺฌาเนหิ ฌายี ฌายนสีโล. ฌานรโตติ เอเตสุ ฌาเนสุ รโต อลฺลีโน สทา สมฺปุณฺโณ. ปฺจาภิฺาพลปฺปตฺโตติ อิทฺธิวิธทิพฺพโสตปรจิตฺตวิชานนปุพฺเพนิวาสานุสฺสติทิพฺพจกฺขุสงฺขาตาหิ ปฺจหิ อภิฺาหิ วิเสสปฺาหิ พลสมฺปนฺโน, ปริปุณฺโณติ อตฺโถ. นาเมน สุรุจิ นาม ตาปโส หุตฺวา วิหรามีติ สมฺพนฺโธ.

เอตฺตเกน อตฺตโน คุณสมฺปตฺตึ ทสฺเสตฺวา ปริสสมฺปตฺตึ ทสฺเสนฺโต –

๑๗๕.

‘‘จตุวีสสหสฺสานิ, สิสฺสา มยฺหํ อุปฏฺหุํ;

สพฺเพ มํ พฺราหฺมณา เอเต, ชาติมนฺโต ยสสฺสิโน’’ติ. – อาทิมาห;

ตตฺถ เอเต สพฺเพ จตุวีสติสหสฺสพฺราหฺมณา มยฺหํ สิสฺสา ชาติมนฺโต ชาติสมฺปนฺนา ยสสฺสิโน ปริวารสมฺปนฺนา มํ อุปฏฺหุนฺติ สมฺพนฺโธ.

๑๗๖.

‘‘ลกฺขเณ อิติหาเส จ, สนิฆณฺฑุสเกฏุเภ;

ปทกา เวยฺยากรณา, สธมฺเม ปารมึ คตา’’.

ตตฺถ ลกฺขเณติ ลกฺขณสตฺเถ. สพฺพโลกิยานํ อิตฺถิปุริสานํ ‘‘อิเมหิ ลกฺขเณหิ สมนฺนาคตา ทุกฺขิตา ภวนฺติ, อิเมหิ สุขิตา ภวนฺตี’’ติ ลกฺขณํ ชานาติ. ตปฺปกาสโก คนฺโถ ลกฺขณํ, ตสฺมึ ลกฺขเณ จ. อิติหาเสติ ‘‘อิติห อาส อิติห อาสา’’ติ วุตฺตวจนปฏิทีปเก คนฺเถ. ลกฺขเณ จ อิติหาเส จ ปารมึ ปริโยสานํ คตาติ สมฺพนฺโธ. รุกฺขปพฺพตาทีนํ นามปฺปกาสกคนฺถํ ‘‘นิฆณฺฑู’’ติ วุจฺจติ. เกฏูเภติ กิริยากปฺปวิกปฺปานํ กวีนํ อุปการโก คนฺโถ. นิฆณฺฑุยา สห วตฺตตีติ สนิฆณฺฑุ, เกฏุเภน สห วตฺตตีติ สเกฏุภํ, ตสฺมึ สนิฆณฺฑุสเกฏุเภ เวทตฺตเย ปารมึ คตาติ สมฺพนฺโธ. ปทกาติ นามปทสมาสตทฺธิตาขฺยาตกิตกาทิปเทสุ เฉกา. เวยฺยากรณานิ จนฺทปาณินียกลาปาทิพฺยากรเณ เฉกา. สธมฺเม ปารมึ คตาติ อตฺตโน ธมฺเม พฺราหฺมณธมฺเม เวทตฺตเย ปารมึ ปริโยสานํ คตา ปตฺตาติ อตฺโถ.

๑๗๗.

‘‘อุปฺปาเตสุ นิมิตฺเตสุ, ลกฺขเณสุ จ โกวิทา;

ปถพฺยา ภูมนฺตลิกฺเข, มม สิสฺสา สุสิกฺขิตา’’.

ตตฺถ อุกฺกาปาตภูมิกมฺปาทิเกสุ อุปฺปาเตสุ จ สุภนิมิตฺตาสุภนิมิตฺเตสุ จ อิตฺถิลกฺขณปุริสลกฺขณมหาปุริสลกฺขเณสุ จ โกวิทา เฉกา. ปถวิยา จ ภูมิยา จ สกลโลเก จ อนฺตลิกฺเข อากาเส จาติ สพฺพตฺถ มม สิสฺสา สุสิกฺขิตา.

๑๗๘.

‘‘อปฺปิจฺฉา นิปกา เอเต, อปฺปาหารา อโลลุปา;

ลาภาลาเภน สนฺตุฏฺา, ปริวาเรนฺติ มํ สทา’’.

ตตฺถ อปฺปิจฺฉาติ อปฺปเกนาปิ ยาเปนฺตา. นิปกาติ เนปกฺกสงฺขาตาย ปฺาย สมนฺนาคตา. อปฺปาหาราติ เอกาหารา เอกภตฺติกาติ อตฺโถ. อโลลุปาติ โลลุปตณฺหาย อปฺปวตฺตนกา. ลาภาลาเภนาติ ลาเภน อลาเภน จ สนฺตุฏฺา โสมนสฺสา เอเต มม สิสฺสา สทา นิจฺจกาลํ มํ ปริวาเรนฺติ อุปฏฺหนฺตีติ อตฺโถ.

๑๗๙.

‘‘ฌายี ฌานรตา ธีรา, สนฺตจิตฺตา สมาหิตา;

อากิฺจฺํ ปตฺถยนฺตา, ปริวาเรนฺติ มํ สทา’’.

ตตฺถ ฌายีติ ลกฺขณูปนิชฺฌานอารมฺมณูปนิชฺฌาเนหิ สมนฺนาคตา. ฌายนสีลา วา. ฌานรตาติ เตสุ จ ฌาเนสุ รตา อลฺลีนา. ธีราติ ธิติสมฺปนฺนา. สนฺตจิตฺตาติ วูปสนฺตมนา. สมาหิตาติ เอกคฺคจิตฺตา. อากิฺจฺนฺติ นิปฺปลิโพธภาวํ. ปตฺถยนฺตาติ อิจฺฉนฺตา. อิตฺถมฺภูตา เม สิสฺสา สทา มํ ปริวาเรนฺตีติ สมฺพนฺโธ.

๑๘๐.

‘‘อภิฺาปารมิปฺปตฺตา, เปตฺติเก โคจเร รตา;

อนฺตลิกฺขจรา ธีรา, ปริวาเรนฺติ มํ สทา’’.

ตตฺถ อภิฺาปารมิปฺปตฺตาติ ปฺจสุ อภิฺาสุ ปารมึ ปริโยสานํ ปตฺตา ปูริตาติ อตฺโถ. เปตฺติเก โคจเร รตาติ พุทฺธานุฺาตาย อวิฺตฺติยา ลทฺเธ อาหาเร รตาติ อตฺโถ. อนฺตลิกฺขจราติ อนฺตลิกฺเขน อากาเสน คจฺฉนฺตา อาคจฺฉนฺตา จาติ อตฺโถ. ธีราติ ถิรภูตา สีหพฺยคฺฆาทิปริสฺสเย อจฺฉมฺภิตสภาวาติ อตฺโถ. เอวํภูตา มม ตาปสา สทา มํ ปริวาเรนฺตีติ อตฺโถ.

๑๘๑.

‘‘สํวุตา ฉสุ ทฺวาเรสุ, อเนชา รกฺขิตินฺทฺริยา;

อสํสฏฺา จ เต ธีรา, มม สิสฺสา ทุราสทา’’.

ตตฺถ จกฺขาทีสุ ฉสุ ทฺวาเรสุ รูปาทีสุ ฉสุ อารมฺมเณสุ สํวุตา ปิหิตา ปฏิจฺฉนฺนา, รกฺขิตโคปิตทฺวาราติ อตฺโถ. อเนชา นิตฺตณฺหา รกฺขิตินฺทฺริยา โคปิตจกฺขาทิอินฺทฺริยา อสํสฏฺา าตีหิ คหฏฺเหิ อมิสฺสีภูตาติ อตฺโถ. ทุราสทาติ ทุฏฺุ อาสทา, อาสาเทตุํ ฆฏฺเฏตุํ อสกฺกุเณยฺยา อโยคฺคาติ อตฺโถ.

๑๘๒.

‘‘ปลฺลงฺเกน นิสชฺชาย, านจงฺกมเนน จ;

วีตินาเมนฺติ เต รตฺตึ, มม สิสฺสา ทุราสทา’’.

ตตฺถ มม สิสฺสา ปลฺลงฺเกน อูรุพทฺธาสเนน เสยฺยํ วิหาย นิสชฺชาย จ าเนน จ จงฺกเมน จ สกลํ รตฺตึ วิเสเสน อตินาเมนฺติ อติกฺกาเมนฺตีติ สมฺพนฺโธ.

๑๘๓.

‘‘รชนีเย น รชฺชนฺติ, ทุสฺสนีเย น ทุสฺสเร;

โมหนีเย น มุยฺหนฺติ, มม สิสฺสา ทุราสทา’’.

เต อิตฺถมฺภูตา มม สิสฺสา ตาปสา รชนีเย รชฺชิตพฺเพ วตฺถุสฺมึ น รชฺชนฺติ รชฺชํ น อุปฺปาเทนฺติ. ทุสฺสนีเย ทุสฺสิตพฺเพ โทสํ อุปฺปาเทตุํ ยุตฺเต วตฺถุมฺหิ น ทุสฺสเร โทสํ น กโรนฺติ. โมหนีเย โมหิตุํ ยุตฺเต วตฺถุมฺหิ น มุยฺหนฺติ โมหํ น กโรนฺติ, ปฺาสมฺปยุตฺตา ภวนฺตีติ อตฺโถ.

๑๘๔.

‘‘อิทฺธึ วีมํสมานา เต, วตฺตนฺติ นิจฺจกาลิกํ;

ปถวึ เต ปกมฺเปนฺติ, สารมฺเภน ทุราสทา’’.

เต มม สิสฺสา ‘‘เอโกปิ หุตฺวา พหุธา โหติ, พหุธาปิ หุตฺวา เอโก โหตี’’ติอาทิกํ (ปฏิ. ม. ๑.๑๐๒) อิทฺธิวิกุพฺพนํ นิจฺจกาลิกํ วีมํสมานา วตฺตนฺตีติ สมฺพนฺโธ. เต มม สิสฺสา อากาเสปิ อุทเกปิ ปถวึ นิมฺมินิตฺวา อิริยาปถํ ปกมฺเปนฺตีติ อตฺโถ. สารมฺเภน ยุคคฺคาเหน กลหกรเณน น อาสาเทตพฺพาติ อตฺโถ.

๑๘๕.

‘‘กีฬมานา จ เต สิสฺสา, กีฬนฺติ ฌานกีฬิตํ;

ชมฺพุโต ผลมาเนนฺติ, มม สิสฺสา ทุราสทา’’.

เต มม สิสฺสา กีฬมานา ปมชฺฌานาทิกีฬํ กีฬนฺติ ลฬนฺติ รมนฺตีติ อตฺโถ. ชมฺพุโต ผลมาเนนฺตีติ หิมวนฺตมฺหิ สตโยชนุพฺเพธชมฺพุรุกฺขโต ฆฏปฺปมาณํ ชมฺพุผลํ อิทฺธิยา คนฺตฺวา อาเนนฺตีติ อตฺโถ.

๑๘๖.

‘‘อฺเ คจฺฉนฺติ โคยานํ, อฺเ ปุพฺพวิเทหกํ;

อฺเ จ อุตฺตรกุรุํ, เอสนาย ทุราสทา’’.

เตสํ มม สิสฺสานํ อนฺตเร อฺเ เอกจฺเจ โคยานํ อปรโคยานํ ทีปํ คจฺฉนฺติ, เอกจฺเจ ปุพฺพวิเทหกํ ทีปํ คจฺฉนฺติ, เอกจฺเจ อุตฺตรกุรุํ ทีปํ คจฺฉนฺติ, เต ทุราสทา เอเตสุ าเนสุ เอสนาย คเวสนาย ปจฺจยปริเยสนาย คจฺฉนฺตีติ สมฺพนฺโธ.

๑๘๗.

‘‘ปุรโต เปเสนฺติ ขารึ, ปจฺฉโต จ วชนฺติ เต;

จตุวีสสหสฺเสหิ, ฉาทิตํ โหติ อมฺพรํ’’.

เต มม สิสฺสา อากาเสน คจฺฉมานา ขารึ ตาปสปริกฺขารภริตํ กาชํ ปุรโต เปเสนฺติ ปมํ อภิมุขฺจ ตํ เปเสตฺวา สยํ ตสฺส ปจฺฉโต คจฺฉนฺตีติ อตฺโถ. เอวํ คจฺฉมาเนหิ จตุวีสสหสฺเสหิ ตาปเสหิ อมฺพรํ อากาสตลํ ฉาทิตํ ปฏิจฺฉนฺนํ โหตีติ สมฺพนฺโธ.

๑๘๘.

‘‘อคฺคิปากี อนคฺคี จ, ทนฺโตทุกฺขลิกาปิ จ;

อสฺเมน โกฏฺฏิตา เกจิ, ปวตฺตผลโภชนา’’.

ตตฺถ เกจิ เอกจฺเจ มม สิสฺสา อคฺคิปากี ผลาผลปณฺณาทโย ปจิตฺวา ขาทนฺติ, เอกจฺเจ อนคฺคี อคฺคีหิ อปจิตฺวา อามกเมว ขาทนฺติ, เอกจฺเจ ทนฺติกา ทนฺเตหิเยว ตจํ อุปฺปาเฏตฺวา ขาทนฺติ. เอกจฺเจ อุทุกฺขลิกา อุทุกฺขเลหิ โกฏฺเฏตฺวา ขาทนฺติ. เอกจฺเจ อสฺเมน โกฏฺฏิตา ปาสาเณน โกฏฺเฏตฺวา ขาทนฺติ. เอกจฺเจ สยํปติตผลาหาราติ สมฺพนฺโธ.

๑๘๙.

‘‘อุทโกโรหณา เกจิ, สายํ ปาโต สุจีรตา;

โตยาภิเสจนกรา, มม สิสฺสา ทุราสทา’’.

ทุราสทา มม สิสฺสา เกจิ สุจีรตา สุทฺธิกามา สายํ ปาโต จ อุทโกโรหณา อุทกปเวสกาติ อตฺโถ. เกจิ โตยาภิเสจนกรา อุทเกน อตฺตนิ อภิสิฺจนกราติ อตฺโถ.

๑๙๐.

‘‘ปรูฬฺหกจฺฉนขโลมา, ปงฺกทนฺตา รชสฺสิรา;

คนฺธิตา สีลคนฺเธน, มม สิสฺสา ทุราสทา’’.

ตตฺถ เต ทุราสทา มม สิสฺสา กจฺเฉสุ อุภยกจฺเฉสุ จ หตฺถปาเทสุ จ ปรูฬฺหา สฺชาตา, ทีฆนขโลมาติ อตฺโถ. ขุรกมฺมรหิตตฺตา อมณฺฑิตา อปสาธิตาติ อธิปฺปาโย. ปงฺกทนฺตาติ อิฏฺกจุณฺณขีรปาสาณจุณฺณาทีหิ ธวลมกตตฺตา มลคฺคหิตทนฺตาติ อตฺโถ. รชสฺสิราติ เตลมกฺขนาทิรหิตตฺตา ธูลีหิ มกฺขิตสีสาติ อตฺโถ. คนฺธิตา สีลคนฺเธนาติ ฌานสมาธิสมาปตฺตีหิ สมฺปยุตฺตสีเลน สมงฺคีภูตตฺตา โลกิยสีลคนฺเธน สพฺพตฺถ สุคนฺธีภูตาติ อตฺโถ. มม สิสฺสา ทุราสทาติ อิเมหิ วุตฺตปฺปการคุเณหิ สมนฺนาคตตฺตา อาสาเทตุํ ฆฏฺเฏตุํ อสกฺกุเณยฺยา มม สิสฺสาติ สมฺพนฺโธ.

๑๙๑.

‘‘ปาโตว สนฺนิปติตฺวา, ชฏิลา อุคฺคตาปนา;

ลาภาลาภํ ปกิตฺเตตฺวา, คจฺฉนฺติ อมฺพเร ตทา’’.

ตตฺถ ปาโตว สนฺนิปติตฺวาติ สตฺตมฺยตฺเถ โตปจฺจโย, ปาตราสกาเลเยว มม สนฺติเก ราสิภูตาติ อตฺโถ. อุคฺคตาปนา ปากฏตปา ปตฺถฏตปา ชฏิลา ชฏาธาริโน ตาปสา. ลาภาลาภํ ปกิตฺเตตฺวา ขุทฺทเก จ มหนฺเต จ ลาเภ ปากเฏ กตฺวา ตทา ตสฺมึ กาเล อมฺพเร อากาสตเล คจฺฉนฺตีติ สมฺพนฺโธ.

๑๙๒. ปุน เตสํเยว คุเณ ปกาเสนฺโต เอเตสํ ปกฺกมนฺตานนฺติอาทิมาห. ตตฺถ อากาเส วา ถเล วา ปกฺกมนฺตานํ คจฺฉนฺตานํ เอเตสํ ตาปสานํ วากจีรชนิโต มหาสทฺโท ปวตฺตตีติ อตฺโถ. มุทิตา โหนฺติ เทวตาติ เอวํ มหาสทฺทํ ปวตฺเตตฺวา คจฺฉนฺตานํ อชินจมฺมสทฺเทน สนฺตุฏฺา ‘‘สาธุ สาธุ, อยฺยา’’ติ โสมนสฺสชาตา เทวตา มุทิตา สนฺตุฏฺา โหนฺตีติ สมฺพนฺโธ.

๑๙๓. ทิโสทิสนฺติ เต อิสโย อนฺตลิกฺขจรา อากาสจาริโน ทกฺขิณาทิสานุทิสํ ปกฺกมนฺติ คจฺฉนฺตีติ สมฺพนฺโธ. สเก พเลนุปตฺถทฺธาติ อตฺตโน สรีรพเลน วา ฌานพเลน วา สมนฺนาคตา ยทิจฺฉกํ ยตฺถ ยตฺถ คนฺตุกามา, ตตฺถ ตตฺเถว คจฺฉนฺตีติ สมฺพนฺโธ.

๑๙๔. ปุน เตสเมวานุภาวํ ปกาเสนฺโต ปถวีกมฺปกา เอเตติอาทิมาห. ตทา เอเต สพฺพตฺถ อิจฺฉาจารา ปถวีกมฺปกา เมทนีสฺจลนชาติกา นภจาริโน อากาสจาริโน. อุคฺคเตชาติ อุคฺคตเตชา ปตฺถฏเตชา ทุปฺปสหา ปสยฺห อภิภวิตฺวา ปวตฺติตุํ อสกฺกุเณยฺยาติ ทุปฺปสหา. สาคโรว อโขภิยาติ อฺเหิ อโขภิโย อนาลุฬิโต สาคโร อิว สมุทฺโท วิย อฺเหิ อโขภิยา กมฺเปตุํ อสกฺกุเณยฺยา โหนฺตีติ สมฺพนฺโธ.

๑๙๕. านจงฺกมิโน เกจีติ เตสํ มม สิสฺสานํ อนฺตเร เอกจฺเจ อิสโย านิริยาปถจงฺกมนิริยาปถสมฺปนฺนา, เอกจฺเจ อิสโย เนสชฺชิกา นิสชฺชิริยาปถสมฺปนฺนา, เอกจฺเจ อิสโย ปวตฺตโภชนา สยํปติตปณฺณาหารา เอวรูเปหิ คุเณหิ ยุตฺตตฺตา ทุราสทาติ สมฺพนฺโธ.

๑๙๖. เต สพฺเพ โถเมนฺโต เมตฺตาวิหาริโนติอาทิมาห. ตตฺถ ‘‘อปริมาเณสุ จกฺกวาเฬสุ อปริมาณา สตฺตา สุขี โหนฺตู’’ติอาทินา สิเนหลกฺขณาย เมตฺตาย ผริตฺวา วิหรนฺติ, อตฺตภาวํ ปวตฺเตนฺตีติ เมตฺตาวิหาริโน เอเต มม สิสฺสาติ อตฺโถ. สพฺเพ เต อิสโย สพฺพปาณินํ สพฺเพสํ สตฺตานํ หิเตสี หิตคเวสกา. อนตฺตุกฺกํสกา อตฺตานํ น อุกฺกํสกา อมานิโน กสฺสจิ กฺจิ ปุคฺคลํ น วมฺเภนฺติ นีจํ กตฺวา น มฺนฺตีติ อตฺโถ.

๑๙๗. เต มม สิสฺสา สีลสมาธิสมาปตฺติคุณยุตฺตตฺตา สีหราชา อิว อจฺฉมฺภีตา นิพฺภยา, คชราชา อิว หตฺถิราชา วิย ถามวา สรีรพลฌานพลสมฺปนฺนา พฺยคฺฆราชา อิว, ทุราสทา ฆฏฺเฏตุมสกฺกุเณยฺยา มม สนฺติเก อาคจฺฉนฺตีติ สมฺพนฺโธ.

๑๙๘. ตโต อตฺตโน อานุภาวสฺส ทสฺสนเลเสน ปกาเสนฺโต วิชฺชาธราติอาทิมาห. ตตฺถ มนฺตสชฺฌายาทิวิชฺชาธรา จ รุกฺขปพฺพตาทีสุ วสนฺตา ภุมฺมเทวตา จ ภูมฏฺถลฏฺา นาคาคนฺธพฺพเทวา จ จณฺฑา รกฺขสากุมฺภณฺฑา เทวา จ ทานวา เทวา จ อิจฺฉิติจฺฉิตนิมฺมานสมตฺถา ครุฬา จ ตํ สรํ อุปชีวนฺตีติ สมฺพนฺโธ, ตสฺมึ สเร สรสฺส สมีเป วสนฺตีติ อตฺโถ.

๑๙๙. ปุนปิ เตสํเยว อตฺตโน สิสฺสตาปสานํ คุเณ วณฺเณนฺโต เต ชฏา ขาริภริตาติอาทิมาห. ตํ สพฺพํ อุตฺตานตฺถเมว. ขาริภารนฺติ อุทฺจนกมณฺฑลุอาทิกํ ตาปสปริกฺขารํ.

๒๐๗. ปุนปิ อตฺตโน คุเณ ปกาเสนฺโต อุปฺปาเต สุปิเน จาปีติอาทิมาห. ตตฺถ พฺราหฺมณสิปฺเปสุ นิปฺผตฺตึ คตตฺตา นกฺขตฺตปาเ จ เฉกตฺตา ‘‘อิมสฺส ราชกุมารสฺส อุปฺปนฺนนกฺขตฺตํ สุภํ อสุภ’’นฺติ อุปฺปาตลกฺขเณ จ สุปิเน จ ปวตฺตึ ปุจฺฉิเตน ‘‘อิทํ สุปินํ สุภํ, อิทํ อสุภ’’นฺติ สุปินนิปฺผตฺติกถเน จ สพฺเพสํ อิตฺถิปุริสานํ หตฺถปาทลกฺขณกถเน จ สุฏฺุ สิกฺขิโต สกลชมฺพุทีเป ปวตฺตมานํ มนฺตปทํ ลกฺขณมนฺตโกฏฺาสํ สพฺพํ อหํ ตทา มม ตาปสกาเล ธาเรมีติ สมฺพนฺโธ.

๒๐๘. อตฺตโน พฺยากรณํ พุทฺธคุณปุพฺพงฺคมํ ปกาเสนฺโต อโนมทสฺสีติอาทิมาห. ตตฺถ น โอมกนฺติ อโนมํ. มํสจกฺขุทิพฺพจกฺขุสมนฺตจกฺขุธมฺมจกฺขุพุทฺธจกฺขูหิ สพฺพสตฺตานํ ปสฺสนํ ทสฺสนํ นาม, อโนมํ ทสฺสนํ ยสฺส ภควโต โส ภควา อโนมทสฺสี. ภาคฺยวนฺตตาทีหิ การเณหิ ภควา โลกสฺส เชฏฺเสฏฺตฺตา โลกเชฏฺโ อุสโภ นิสโภ อาสโภติ ตโย ควเชฏฺกา. ตตฺถ ควสตเชฏฺโก อุสโภ, ควสหสฺสเชฏฺโก นิสโภ, ควสตสหสฺสเชฏฺโก อาสโภ, นรานํ อาสโภ นราสโภ ปฏิวิทฺธสพฺพธมฺโม, สมฺพุทฺโธ วิเวกกาโม เอกีภาวํ อิจฺฉนฺโต หิมวนฺตํ หิมาลยปพฺพตํ อุปาคมีติ สมฺพนฺโธ.

๒๐๙. อชฺโฌคาเหตฺวา หิมวนฺตนฺติ หิมวนฺตสมีปํ โอคาเหตฺวา ปวิสิตฺวาติ อตฺโถ. เสสํ อุตฺตานตฺถเมว.

๒๑๐-๑. ชลิตํ ชลมานํ อินฺทีวรปุปฺผํ อิว, หุตาสนํ โหมสฺส อาสนํ, อาทิตฺตํ อาภายุตํ อคฺคิกฺขนฺธํ อิว, คคเน อากาเส โชตมานํ วิชฺชุ อิว, สุฏฺุ ผุลฺลํ สาลราชํ อิว, นิสินฺนํ โลกนายกํ อทฺทสนฺติ สมฺพนฺโธ.

๒๑๓. เทวานํ เทโว เทวเทโว, ตํ เทวเทวํ ทิสฺวาน ตสฺส ลกฺขณํ ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณสฺชานนการณํ. ‘‘พุทฺโธ นุ โข น วา พุทฺโธ’’ติ อุปธารยึ วิจาเรสึ. จกฺขุมํ ปฺจหิ จกฺขูหิ จกฺขุมนฺตํ ชินํ เกน การเณน ปสฺสามีติ สมฺพนฺโธ.

๒๑๔. จรณุตฺตเม อุตฺตมปาทตเล สหสฺสารานิ จกฺกลกฺขณานิ ทิสฺสนฺติ, อหํ ตสฺส ภควโต ตานิ ลกฺขณานิ ทิสฺวา ตถาคเต นิฏฺํ คจฺฉึ สนฺนิฏฺานํ อคมาสิ, นิสฺสนฺเทโห อาสินฺติ อตฺโถ. เสสํ อุตฺตานตฺถเมว.

๒๑๘. สยมฺภู สยเมว ภูตา. อมิโตทย อมิตานํ อปริมาณานํ คุณานํ อุทย อุฏฺานฏฺาน, อิทํ ปททฺวยํ อาลปนเมว. อิมํ โลกํ อิมํ สตฺตโลกํ สํ สุฏฺุ อุทฺธรสิ สํสารโต อุทฺธริตฺวา นิพฺพานถลํ ปาเปสีติ อตฺโถ. เต สพฺเพ สตฺตา ตว ทสฺสนํ อาคมฺม อาคนฺตฺวา กงฺขาโสตํ วิจิกิจฺฉามโหฆํ ตรนฺติ อติกฺกมนฺตีติ สมฺพนฺโธ.

๒๑๙. ภควนฺตํ โถเมนฺโต ตาปโส ตุวํ สตฺถาติอาทิมาห. ตตฺถ, ภนฺเต, สพฺพฺุ ตุวํ สเทวกสฺส โลกสฺส สตฺถา อาจริโย อุตฺตมฏฺเน ตฺวเมว เกตุ อุจฺโจ, สกลโลเก ปกาสนฏฺเน ตฺวเมว ธโช, โลกตฺตเย อุคฺคตตฺตา ตฺวเมว ยูโป อุสฺสาปิตถมฺภสทิโส, ปาณินํ สพฺพสตฺตานํ ตฺวเมว ปรายโณ อุตฺตมคมนียฏฺานํ ตฺวเมว ปติฏฺา ปติฏฺฏฺานํ โลกสฺส โมหนฺธการวิธมนโต ตฺวเมว ทีโป เตลปทีโป วิย, ทฺวิปทุตฺตโม ทฺวิปทานํ เทวพฺรหฺมมนุสฺสานํ อุตฺตโม เสฏฺโติ สมฺพนฺโธ.

๒๒๐. ปุน ภควนฺตํเยว โถเมนฺโต สกฺกา สมุทฺเท อุทกนฺติอาทิมาห. ตตฺถ จตุราสีติโยชนสหสฺสคมฺภีเร สมุทฺเท อุทกํ อาฬฺหเกน ปเมตุํ มินิตุํ สกฺกา ภเวยฺย, ภนฺเต, สพฺพฺุ ตว าณํ ‘‘เอตฺตกํ ปมาณ’’นฺติ ปเมตเว มินิตุํ น ตฺเวว สกฺกาติ อตฺโถ.

๒๒๑. ตุลมณฺฑเล ตุลปฺชเร เปตฺวา ปถวึ เมทนึ ธาเรตุํ สกฺกา, ภนฺเต, สพฺพฺุ ตว าณํ ธาเรตุํ น ตุ เอว สกฺกาติ สมฺพนฺโธ.

๒๒๒. ภนฺเต, สพฺพฺุ อากาโส สกลนฺตลิกฺขํ รชฺชุยา วา องฺคุเลน วา มินิตุํ สกฺกา ภเวยฺย, ตว ปน าณํ าณากาสํ น ตุ เอว ปเมตเว มินิตุํ สกฺกาติ อตฺโถ.

๒๒๓. มหาสมุทฺเท อุทกนฺติ จตุราสีติโยชนสหสฺสคมฺภีเร สาคเร อขิลํ อุทกฺจ, จตุนหุตาธิกทฺวิโยชนสตสหสฺสพหลํ อขิลํ ปถวิฺจ ชเห ชเหยฺย อติกฺกเมยฺย สมํ กเรยฺย พุทฺธสฺส าณํ อุปาทาย คเหตฺวา ตุเลยฺย สมํ กเรยฺย. อุปมาโต อุปมาวเสน น ยุชฺชเร น โยเชยฺยุํ. าณเมว อธิกนฺติ อตฺโถ.

๒๒๔. จกฺขุม ปฺจหิ จกฺขูหิ จกฺขุมนฺต, อาลปนเมตํ. สห เทเวหิ ปวตฺตสฺส โลกสฺส, ภุมฺมตฺเถ สามิวจนํ. สเทวเก โลกสฺมึ อนฺตเร เยสํ ยตฺตกานํ สตฺตานํ จิตฺตํ ปวตฺตติ. เอเต ตตฺตกา สจิตฺตกา สตฺตา ตว าณมฺหิ อนฺโตชาลคตา าณชาลสฺมึ อนฺโต ปวิฏฺาติ สมฺพนฺโธ, าณชาเลน สพฺพสตฺเต ปสฺสสีติ อตฺโถ.

๒๒๕. ภนฺเต, สพฺพฺุ สพฺพธมฺมชานนก, ตฺวํ เยน าเณน จตุมคฺคสมฺปยุตฺเตน สกลํ อุตฺตมํ โพธึ นิพฺพานํ ปตฺโต อธิคโต อสิ ภวสิ, เตน าเณน ปรติตฺถิเย อฺติตฺถิเย มทฺทสี อภิภวสีติ สมฺพนฺโธ.

๒๒๖. เตน ตาปเสน โถมิตาการํ ปกาเสนฺตา ธมฺมสงฺคาหกา เถรา อิมา คาถา ถวิตฺวานาติ อาหํสุ. ตตฺถ อิมา คาถาติ เอตฺตกาหิ คาถาหิ ถวิตฺวาน โถมนํ กตฺวาน นาเมน สุรุจิ นาม ตาปโส เสสฏฺกถาสุ (อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๑๘๙-๑๙๐; ธ. ป. อฏฺ. ๑.สาริปุตฺตตฺเถรวตฺถุ) ปน ‘‘สรทมาณโว’’ติ อาคโต. โส อฏฺกถานยโต ปาโเยว ปมาณํ, อถ วา สุนฺทรา รุจิ อชฺฌาสโย นิพฺพานาลโย อสฺสาติ สุรุจิ. สรติ คจฺฉติ อินฺทฺริยทมนาย ปวตฺตตีติ สรโท, อิติ ทฺวยมฺปิ ตสฺเสว นามํ. โส สุรุจิตาปโส อชินจมฺมํ ปตฺถริตฺวาน ปถวิยํ นิสีทิ, อจฺจาสนฺนาทโย ฉ นิสชฺชโทเส วชฺเชตฺวา สรโท นิสีทีติ อตฺโถ.

๒๒๗. ตตฺถ นิสินฺโน ตาปโส ตสฺส ภควโต าณเมว โถเมนฺโต จุลฺลาสีติสหสฺสานีติอาทิมาห. ตตฺถ จุลฺลาสีติสหสฺสานีติ จตุราสีติสหสฺสานิ, คิริราชา เมรุปพฺพตราชา, มหณฺณเว สาคเร อชฺโฌคาฬฺโห อธิโอคาฬฺโห ปวิฏฺโ, ตาวเทว ตตฺตกานิ จตุราสีติสหสฺสานิ อจฺจุคฺคโต อติอุคฺคโต อิทานิ ปวุจฺจตีติ สมฺพนฺโธ.

๒๒๘. ตาว อจฺจุคฺคโต ตถา อติอุคฺคโต เนรุ, โส มหาเนรุ อายโต อุจฺจโต จ วิตฺถารโต จ เอวํ มหนฺโต เนรุราชา โกฏิสตสหสฺสิโย สงฺขาณุเภเทน จุณฺณิโต จุณฺณวิจุณฺณํ กโต อสิ.

๒๒๙. ภนฺเต, สพฺพฺุ ตว าณํ ลกฺเข ปิยมานมฺหิ าเณ สตํ วา สหสฺสํ วา สตสหสฺสํ วา เอเกกํ พินฺทุํ กตฺวา ปิเต ตเทว มหาเนรุสฺส จุณฺณํ ขยํ คจฺเฉยฺย, ตว าณํ ปเมตเว ปมาณํ กาตุํ เอว น สกฺกาติ สมฺพนฺโธ.

๒๓๐. สุขุมจฺฉิเกน สุขุมจฺฉิทฺเทน ชาเลน โย สกลมหาสมุทฺเท อุทกํ ปริกฺขิเป สมนฺตโต ปริกฺขํ กเรยฺย, เอวํ ปริกฺขิเต เย เกจิ ปาณา อุทเก ชาตา สพฺเพ เต อนฺโตชาลคตา สิยุํ ภเวยฺยุนฺติ อตฺโถ.

๒๓๑. ตมุปเมยฺยํ ทสฺเสนฺโต ตเถว หีติอาทิมาห. ตตฺถ ยถา อุทชา ปาณา อนฺโตชาลคตา โหนฺติ, ตเถว มหาวีร มหาโพธิอธิคมาย วีริยกร. เย เกจิ ปุถุ อเนกา ติตฺถิยา มิจฺฉา ติตฺถกรา ทิฏฺิคหนปกฺขนฺทา ทิฏฺิสงฺขาตคหนํ ปวิฏฺา ปรามาเสน สภาวโต ปรโต อามสนลกฺขณาย ทิฏฺิยา โมหิตา ปิหิตา สนฺติ.

๒๓๒. ตว สุทฺเธน นิกฺกิเลเสน าเณน อนาวรณทสฺสินา สพฺพธมฺมานํ อาวรณรหิตทสฺสนสีเลน เอเต สพฺเพ ติตฺถิยา อนฺโตชาลคตา าณชาลสฺสนฺโต ปเวสิตา วา ตเถวาติ สมฺพนฺโธ. าณํ เต นาติวตฺตเรติ ตว าณํ เต ติตฺถิยา นาติกฺกมนฺตีติ อตฺโถ.

๒๓๓. เอวํ วุตฺตโถมนาวสาเน ภควโต อตฺตโน พฺยากรณารพฺภํ ทสฺเสตุํ ภควา ตมฺหิ สมเยติอาทิมาห. ตตฺถ ยสฺมึ สมเย ตาปโส ภควนฺตํ โถเมสิ, ตสฺมึ โถมนาย ปริโยสานกาเล สงฺขฺยาติกฺกนฺตปริวารตาย มหายโส อโนมทสฺสี ภควา กิเลสมาราทีนํ ชิตตฺตา ชิโน. สมาธิมฺหา อปฺปิตสมาธิโต วุฏฺหิตฺวา สกลชมฺพุทีปํ ทิพฺพจกฺขุนา โอโลเกสีติ สมฺพนฺโธ.

๒๓๔-๕. ตสฺส อโนมทสฺสิสฺส ภควโต มุนิโน โมนสงฺขาเตน าเณน สมนฺนาคตสฺส นิสโภ นาม สาวโก สนฺตจิตฺเตหิ วูปสนฺตกิเลสมานเสหิ ตาทีหิ อิฏฺานิฏฺเสุ อกมฺปิยสภาวตฺตา, ตาทิภิ ขีณาสเวหิ สุทฺเธหิ ปริสุทฺธกายกมฺมาทิยุตฺเตหิ ฉฬภิฺเหิ ตาทีหิ อฏฺหิ โลกธมฺเมหิ อกมฺปนสภาเวหิ สตสหสฺเสหิ ปริวุโต พุทฺธสฺส จิตฺตํ, อฺาย ชานิตฺวา โลกนายกํ อุเปสิ, ตาวเทว สมีปํ อคมาสีติ สมฺพนฺโธ.

๒๓๖. เต ตถา อาคตา สมานา ตตฺถ ภควโต สมีเป. อนฺตลิกฺเข อากาเส ิตา ภควนฺตํ ปทกฺขิณํ อกํสุ. เต สพฺเพ ปฺชลิกา นมสฺสมานา อากาสโต พุทฺธสฺส สนฺติเก โอตรุํ โอโรหึสูติ สมฺพนฺโธ.

๒๓๗. ปุน พฺยากรณทานสฺส ปุพฺพภาคการณํ ปกาเสนฺโต สิตํ ปาตุกรีติอาทิมาห. ตํ สพฺพํ อุตฺตานตฺถเมว.

๒๔๑. โย มํ ปุปฺเผนาติ โย ตาปโส มยิ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา อเนกปุปฺเผน มํ ปูเชสิ, าณฺจ เม อนุ ปุนปฺปุนํ ถวิ โถเมสิ, ตมหนฺติ ตํ ตาปสํ อหํ กิตฺตยิสฺสามิ ปากฏํ กริสฺสามิ, มม ภาสโต ภาสนฺตสฺส วจนํ สุโณถ สวนวิสยํ กโรถ มนสิ กโรถ.

๒๕๐. ปจฺฉิเม ภวสมฺปตฺเตติ พฺยากรณํ ททมาโน ภควา อาห. ตตฺถ ปจฺฉิเม ปริโยสานภูเต ภเว สมฺปตฺเต สติ. มนุสฺสตฺตํ มนุสฺสชาตึ คมิสฺสติ, มนุสฺสโลเก อุปฺปชฺชิสฺสตีติ อตฺโถ. รูปสารธนสารวยสารกุลสารโภคสารปุฺสาราทีหิ สาเรหิ สารวนฺตตาย สารี นาม พฺราหฺมณี กุจฺฉินา ธารยิสฺสติ.

๒๕๓. พฺยากรณมูลมารภิ อปริเมยฺเย อิโต กปฺเปติ. เอตฺถ ทฺวินฺนํ อคฺคสาวกานํ เอกํ อสงฺขฺเยยฺยํ กปฺปสตสหสฺสฺจ ปารมี ปูริตา, ตถาปิ คาถาพนฺธสุขตฺถํ อนฺตรกปฺปานิ อุปาทาย เอวํ วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.

๒๕๔. ‘‘สาริปุตฺโตติ นาเมน, เหสฺสติ อคฺคสาวโก’’ติ พฺยากรณมทาสิ, พฺยากรณํ ทตฺวา ตํ โถเมนฺโต โส ภควา อยํ ภาคีรถีติอาทิมาห. คงฺคา, ยมุนา, สรภู, มหี, อจิรวตีติ อิมาสํ ปฺจนฺนํ คงฺคานํ อนฺตเร อยํ ภาคีรถี นาม ปมมหาคงฺคา หิมวนฺตา ปภาวิตา หิมวนฺตโต อาคตา อโนตตฺตทหโต ปภวา, มโหทธึ มหาอุทกกฺขนฺธํ อปฺปยนฺติ ปาปุณนฺติ, มหาสมุทฺทํ มหาสาครํ อปฺเปติ อุปคจฺฉติ ยถา, ตถา เอว อยํ สาริปุตฺโต สเก ตีสุ วิสารโท อตฺตโน กุเล ปวตฺตมาเนสุ ตีสุ เวเทสุ วิสารโท อปกฺขลิตาโณ ปตฺถฏาโณ. ปฺาย ปารมึ คนฺตฺวา อตฺตโน สาวกาณสฺส ปริโยสานํ คนฺตฺวา, ปาณิเน สพฺพสตฺเต ตปฺปยิสฺสติ สนฺตปฺเปสฺสติ สุหิตฺตภาวํ กริสฺสตีติ อตฺโถ.

๒๕๗. หิมวนฺตมุปาทายาติ หิมาลยปพฺพตํ อาทึ กตฺวา มโหทธึ มหาสมุทฺทํ อุทกภารํ สาครํ ปริโยสานํ กตฺวา เอตฺถนฺตเร เอเตสํ ทฺวินฺนํ ปพฺพตสาครานํ มชฺเฌ ยํ ปุลินํ ยตฺตกา วาลุกราสิ อตฺถิ, คณนาโต คณนวเสน อสงฺขิยํ สงฺขฺยาติกฺกนฺตํ.

๒๕๘. ตมฺปิ สกฺกา อเสเสนาติ ตํ ปุลินมฺปิ นิเสเสน สงฺขาตุํ สกฺกา สกฺกุเณยฺย ภเวยฺย, สา คณนา ยถา โหตีติ สมฺพนฺโธ. ตถา สาริปุตฺตสฺส ปฺาย อนฺโต ปริโยสานํ น ตฺเวว ภวิสฺสตีติ อตฺโถ.

๒๕๙. ลกฺเข…เป… ภวิสฺสตีติ ลกฺเข าณลกฺเข าณสฺส เอกสฺมึ กเล ปิยมานมฺหิ ปิเต สติ คงฺคาย วาลุกา ขีเย ปริกฺขยํ คจฺเฉยฺยาติ อตฺโถ.

๒๖๐. มหาสมุทฺเทติ จตุราสีติโยชนสหสฺสคมฺภีเร จตุมหาสาคเร อูมิโย คาวุตาทิเภทา ตรงฺคราสโย คณนาโต อสงฺขิยา สงฺขฺยาวิรหิตา ยถา โหนฺติ, ตเถว สาริปุตฺตสฺส ปฺาย อนฺโต ปริโยสานํ น เหสฺสติ น ภวิสฺสตีติ สมฺพนฺโธ.

๒๖๑. โส เอวํ ปฺวา สาริปุตฺโต โคตมโคตฺตตฺตา โคตมํ สกฺยกุเล เชฏฺกํ สกฺยปุงฺควํ สมฺพุทฺธํ อาราธยิตฺวา วตฺตปฏิปตฺติสีลาจาราทีหิ จิตฺตาราธนํ กตฺวา ปฺาย สาวกาณสฺส ปารมึ ปริโยสานํ คนฺตฺวา ตสฺส ภควโต อคฺคสาวโก เหสฺสตีติ สมฺพนฺโธ.

๒๖๒. โส เอวํ อคฺคสาวกฏฺานํ ปตฺโต สกฺยปุตฺเตน ภควตา อิฏฺานิฏฺเสุ อกมฺปิยสภาเวน ปวตฺติตํ ปากฏํ กตํ ธมฺมจกฺกํ สทฺธมฺมํ อนุวตฺเตสฺสติ อวินสฺสมานํ ธาเรสฺสติ. ธมฺมวุฏฺิโย ธมฺมเทสนาสงฺขาตา วุฏฺิโย วสฺเสนฺโต เทเสนฺโต ปกาเสนฺโต วิวรนฺโต วิภชนฺโต อุตฺตานีกโรนฺโต ปวตฺติสฺสตีติ อตฺโถ.

๒๖๓. โคตโม สกฺยปุงฺคโว ภควา เอตํ สพฺพํ อภิฺาย วิเสเสน าเณน ชานิตฺวา ภิกฺขุสงฺเฆ อริยปุคฺคลมชฺเฌ นิสีทิตฺวา อคฺคฏฺาเน สกลปฺาทิคุณคณาภิรเม อุจฺจฏฺาเน เปสฺสตีติ สมฺพนฺโธ.

๒๖๔. เอวํ โส ลทฺธพฺยากรโณ โสมนสฺสปฺปตฺโต ปีติโสมนสฺสวเสน อุทานํ อุทาเนนฺโต อโห เม สุกตํ กมฺมนฺติอาทิมาห. ตตฺถ อโหติ วิมฺหยตฺเถ นิปาโต. อโนมทสฺสิสฺส ภควโต สตฺถุโน ครุโน สุกตํ สุฏฺุ กตํ สทฺทหิตฺวา กตํ กมฺมํ ปุฺโกฏฺาสํ อโห วิมฺหยํ อจินฺเตยฺยานุภาวนฺติ อตฺโถ. ยสฺส ภควโต อหํ การํ ปุฺสมฺภารํ กตฺวา สพฺพตฺถ สกลคุณคเณ ปารมึ ปริโยสานํ คโต ปรมํ โกฏึ สมฺปตฺโต, โส ภควา อโห วิมฺหโยติ สมฺพนฺโธ.

๒๖๕. อปริเมยฺเยติ สงฺขฺยาติกฺกนฺตกาลสฺมึ กตํ กุสลกมฺมํ, เม มยฺหํ อิธ อิมสฺมึ ปจฺฉิมตฺตภาเว ผลํ วิปากํ ทสฺเสสิ. สุมุตฺโต สุฏฺุ วิมุตฺโต เฉเกน ธนุคฺคเหน ขิตฺโต สรเวโค อิว อหํ เตน ปุฺผเลน กิเลเส ฌาปยึ ฌาเปสินฺติ อตฺโถ.

๒๖๖. อตฺตโน เอว วีริยํ ปกาเสนฺโต อสงฺขตนฺติอาทิมาห. ตตฺถ อสงฺขตนฺติ น สงฺขตํ, ปจฺจเยหิ สมาคมฺม น กตนฺติ อตฺโถ. ตํ อสงฺขตํ นิพฺพานํ กิเลสกาลุสฺสิยาภาเวน อจลํ กตสมฺภารานํ ปติฏฺฏฺเน ปทํ คเวสนฺโต ปริเยสนฺโต สพฺเพ ติตฺถิเย สกเล ติตฺถกเร ทิฏฺุปฺปาทเก ปุคฺคเล วิจินํ อุปปริกฺขนฺโต เอสาหํ เอโส อหํ ภเว กามภวาทิเก ภเว สํสรึ ปริพฺภมินฺติ สมฺพนฺโธ.

๒๖๗-๘. อตฺตโน อธิปฺปายํ ปกาเสนฺโต ยถาปิ พฺยาธิโต โปโสติอาทิมาห. ตตฺถ พฺยาธิโตติ พฺยาธินา ปีฬิโต โปโส ปุริโส โอสธํ ปริเยเสยฺย ยถา, ตถา อหํ อสงฺขตํ อมตํ ปทํ นิพฺพานํ คเวสนฺโต อพฺโพกิณฺณํ อวิจฺฉินฺนํ นิรนฺตรํ, ปฺจสตํ ชาติปฺจสเตสุ อตฺตภาเวสุ อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชินฺติ สมฺพนฺโธ.

๒๗๑. กุติตฺเถ สฺจรึ อหนฺติ ลามเก ติตฺเถ คมนมคฺเค อหํ สฺจรึ.

๒๗๒. สารตฺถิโก โปโส สารคเวสี ปุริโส. กทลึ เฉตฺวาน ผาลเยติ กทลิกฺขนฺธํ เฉตฺวา ทฺเวธา ผาเลยฺย. น ตตฺถ สารํ วินฺเทยฺยาติ ผาเลตฺวา จ ปน ตตฺถ กทลิกฺขนฺเธ สารํ น วินฺเทยฺย น ลเภยฺย, โส ปุริโส สาเรน ริตฺตโก ตุจฺโฉติ สมฺพนฺโธ.

๒๗๓. ยถา กทลิกฺขนฺโธ สาเรน ริตฺโต ตุจฺโฉ, ตเถว ตถา เอว โลเก ติตฺถิยา นานาทิฏฺิคติกา พหุชฺชนา อสงฺขเตน นิพฺพาเนน ริตฺตา ตุจฺฉาติ สมฺพนฺโธ. เสติ นิปาตมตฺตํ.

๒๗๔. ปจฺฉิมภเว ปริโยสานชาติยํ พฺรหฺมพนฺธุ พฺราหฺมณกุเล ชาโต อหํ อโหสินฺติ อตฺโถ. มหาโภคํ ฉฑฺเฑตฺวานาติ มหนฺตํ โภคกฺขนฺธํ เขฬปิณฺฑํ อิว ฉฑฺเฑตฺวา, อนคาริยํ กสิวาณิชฺชาทิกมฺมวิรหิตํ ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชึ ปฏิปชฺชินฺติ อตฺโถ.

ปมภาณวารวณฺณนา สมตฺตา.

๒๗๕-๗. อชฺฌายโก…เป… มุนึ โมเน สมาหิตนฺติ โมนํ วุจฺจติ าณํ, เตน โมเนน สมนฺนาคโต มุนิ, ตสฺมึ โมเน สมฺมา อาหิตํ ปิตํ สมาหิตํ จิตฺตนฺติ อตฺโถ. อาคุสงฺขาตํ ปาปํ น กโรตีติ นาโค, อสฺสชิตฺเถโร, ตํ มหานาคํ สุฏฺุ ผุลฺลํ วิกสิตปทุมํ ยถา วิโรจมานนฺติ อตฺโถ.

๒๗๘-๒๘๑. ทิสฺวา เม…เป… ปุจฺฉิตุํ อมตํ ปทนฺติ อุตฺตานตฺถเมว.

๒๘๒. วีถินฺตเรติ วีถิอนฺตเร อนุปฺปตฺตํ สมฺปตฺตํ อุปคตํ ตํ เถรํ อุปคนฺตฺวาน สมีปํ คนฺตฺวา อหํ ปุจฺฉินฺติ สมฺพนฺโธ.

๒๘๔. กีทิสํ เต มหาวีราติ สกลธิติปุริสสาสเน อรหนฺตานมนฺตเร ปมํ ธมฺมจกฺกปวตฺตเน, อรหตฺตปฺปตฺตมหาวีร, อนุชาตปริวารพหุลตาย มหายส เต ตว พุทฺธสฺส กีทิสํ สาสนํ ธมฺมํ ธมฺมเทสนาสงฺขาตํ สาสนนฺติ สมฺพนฺโธ. โส ภทฺรมุข, เม มยฺหํ สาธุ ภทฺทกํ สาสนํ กถยสฺสุ กเถหีติ อตฺโถ.

๒๘๕. ตโต กถิตาการํ ทสฺเสนฺโต โส เม ปุฏฺโติอาทิมาห. ตตฺถ โสติ อสฺสชิตฺเถโร, เม มยา ปุฏฺโ ‘‘สาสนํ กีทิส’’นฺติ กถิโต สพฺพํ กถํ กเถสิ. สพฺพํ สาสนํ สตฺถคมฺภีรตาย คมฺภีรํ เทสนาธมฺมปฏิเวธคมฺภีรตาย คมฺภีรํ ปรมตฺถสจฺจวิภาวิตาทิวเสน นิปุณํ ปทํ นิพฺพานํ ตณฺหาสลฺลสฺส หนฺตารํ วินาสกรํ สพฺพสฺส สํสารทุกฺขสฺส อปนุทนํ เขปนกรํ ธมฺมนฺติ สมฺพนฺโธ.

๒๘๖. เตน กถิตาการํ ทสฺเสนฺโต เย ธมฺมาติอาทิมาห. เหตุปฺปภวา เหตุโต การณโต อุปฺปนฺนา ชาตา ภูตา สฺชาตา นิพฺพตฺตา อภินิพฺพตฺตา, เย ธมฺมา เย สปฺปจฺจยา สภาวธมฺมา สนฺติ สํวิชฺชนฺติ อุปลภนฺตีติ สมฺพนฺโธ. เตสํ ธมฺมานํ เหตุํ การณํ ตถาคโต อาห กเถสิ. เตสฺจ โย นิโรโธติ เตสํ เหตุธมฺมานํ โย นิโรโธ นิรุชฺฌนสภาโว, เอวํวาที มหาสมโณติ สีลสมาธิปฺาทิคุณปริวารมหนฺตตาย สมิตปาปตฺตา วิทฺธํสิตปาปตฺตา จ มหาสมโณ ภควา เอวํวาที เหตุวูปสมนาทิวทนสีโล กเถตาติ อตฺโถ.

๒๘๗. ตโต วุตฺตธมฺมํ สุตฺวา อตฺตนา ปจฺจกฺขกตปฺปการํ ทสฺเสนฺโต โสหนฺติอาทิมาห. ตํ อุตฺตานเมว.

๒๘๙. เอเสว ธมฺโม ยทิตาวเทวาติ สเจปิ อิโต อุตฺตรึ นตฺถิ, เอตฺตกเมว อิทํ โสตาปตฺติผลเมว ปตฺตพฺพํ. ตถา เอโส เอว ธมฺโมติ อตฺโถ. ปจฺจพฺยถ ปฏิวิทฺธถ ตุมฺเห อโสกํ ปทํ นิพฺพานํ. อมฺเหหิ นาม อิทํ ปทํ พหุเกหิ กปฺปนหุเตหิ อทิฏฺเมว อพฺภตีตํ.

๒๙๐. ยฺวาหํ ธมฺมํ คเวสนฺโตติ โย อหํ ธมฺมํ สนฺติปทํ คเวสนฺโต ปริเยสนฺโต กุติตฺเถ กุจฺฉิตติตฺเถ นินฺทิตพฺพติตฺเถ สฺจรึ ปริพฺภมินฺติ อตฺโถ. โส เม อตฺโถ อนุปฺปตฺโตติ โส ปริเยสิตพฺโพ อตฺโถ มยา อนุปฺปตฺโต สมฺปตฺโต, อิทานิ ปน เม มยฺหํ นปฺปมชฺชิตุํ อปฺปมาเทน ภวิตุํ กาโลติ อตฺโถ.

๒๙๑. อหํ อสฺสชินา เถเรน โตสิโต กตโสมนสฺโส, อจลํ นิจฺจลํ นิพฺพานปทํ, ปตฺวาน ปาปุณิตฺวา สหายกํ โกลิตมาณวํ คเวสนฺโต ปริเยสนฺโต อสฺสมปทํ อคมาสินฺติ อตฺโถ.

๒๙๒. ทูรโตว มมํ ทิสฺวาติ อสฺสมปทโต ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ มมํ ทิสฺวา สุสิกฺขิโต เม มม สหาโย านนิสชฺชาทิอิริยาปเถหิ สมฺปนฺโน สมงฺคีภูโต อิทํ อุปริ วุจฺจมานวจนํ อพฺรวิ กเถสีติ อตฺโถ.

๒๙๓. โภ สหาย, ปสนฺนมุขเนตฺตาสิ ปสนฺเนหิ โสภเนหิ ททฺทลฺลมาเนหิ มุขเนตฺเตหิ สมนฺนาคโต อสิ. มุนิภาโว อิว เต ทิสฺสติ ปฺายติ. อิตฺถมฺภูโต ตฺวํ อมตาธิคโต อมตํ นิพฺพานํ อธิคโต อสิ, กจฺจิ อจฺจุตํ นิพฺพานปทํ อธิคโต อธิคจฺฉีติ ปุจฺฉามีติ อตฺโถ.

๒๙๔. สุภานุรูโป อายาสีติ สุภสฺส ปสนฺนวณฺณสฺส อนุรูโป หุตฺวา อายาสิ อาคจฺฉสิ. อาเนฺชการิโต วิยาติ โตมราทีหิ การิโต อาเนฺโช หตฺถี วิย ทนฺโตว ตีหิ มาเสหิ สุสิกฺขิโต อิว พาหิตปาปตฺตา, พฺราหฺมณ ทนฺตทมโถ สิกฺขิตสิกฺโข นิพฺพานปเท อุปสนฺโต อสีติ ปุจฺฉิ.

๒๙๕. เตน ปุฏฺโ อมตํ มยาติอาทิมาห. ตํ อุตฺตานตฺถเมว.

๒๙๙. อปริโยสิตสงฺกปฺโปติ ‘‘อนาคเต เอกสฺส พุทฺธสฺส อคฺคสาวโก ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถิตปตฺถนาย โกฏึ อปฺปตฺตสงฺกปฺโปติ อตฺโถ. กุติตฺเถ อคนฺตพฺพมคฺเค อหํ สฺจรึ ปริพฺภมึ. ภนฺเต โคตม, โลกเชฏฺ ตว ทสฺสนํ อาคมฺม ปตฺวา, มม สงฺกปฺโป มยฺหํ ปตฺถนา ปูริโต อรหตฺตมคฺคาธิคเมน สาวกปารมีาณสฺส ปาปุณเนน ปริปุณฺโณติ อธิปฺปาโย.

๓๐๐. ปถวิยํ ปติฏฺายาติ ปถวิยํ นิพฺพตฺตา สมเย เหมนฺตกาเล ปุปฺผนฺติ วิกสนฺติ, ทิพฺพคนฺธา สุคนฺธา สุฏฺุ ปวนฺติ ปวายนฺติ, สพฺพปาณินํ สพฺเพ เทวมนุสฺเส โตเสนฺติ โสมนสฺสยุตฺเต กโรนฺติ ยถา.

๓๐๑. ตเถวาหํ มหาวีราติ มหาวีริยวนฺตสกฺยกุลปสุตมหาปริวาร เต ตว สาสเน ปติฏฺาย อหํ ปติฏฺหิตฺวา ปุปฺผิตุํ อรหตฺตมคฺคาเณน วิกสิตุํ สมยํ กาลํ เอสามิ คเวสามิ ตเถวาติ สมฺพนฺโธ.

๓๐๒. วิมุตฺติปุปฺผนฺติ สพฺพกิเลเสหิ วิมุจฺจนโต วิโมจนโต วา วิมุตฺติ อรหตฺตผลวิมุตฺติสงฺขาตํ ปุปฺผํ เอสนฺโต คเวเสนฺโต, ตฺจ โข ภวสํสารโมจนํ กามภวาทิภเวสุ สํสรณํ คมนํ ภวสํสารํ, ตโต โมจนํ ภวสํสารโมจนํ. วิมุตฺติปุปฺผลาเภนาติ วิมุจฺจนํ วิมุจฺจนฺติ วา กตสมฺภารา เอตายาติ วิมุตฺติ, อคฺคผลํ. ปุปฺผนฺติ วิกสนฺติ เวเนยฺยา เอเตนาติ ปุปฺผํ. วิมุตฺติ เอว ปุปฺผํ วิมุตฺติปุปฺผํ. ลภนํ ลาโภ, วิมุตฺติปุปฺผสฺส ลาโภ วิมุตฺติปุปฺผลาโภ. เตน วิมุตฺติปุปฺผลาเภน อธิคมเนน สพฺพปาณินํ สพฺพสตฺเต โตเสมิ โสมนสฺสํ ปาเปมีติ อตฺโถ.

๓๐๓. ‘‘ยาวตา พุทฺธเขตฺตมฺหี’’ติอาทีสุ จกฺขุม ปฺจหิ จกฺขูหิ จกฺขุมนฺต ยตฺตเก าเน รตนสุตฺตาทีนํ ปริตฺตานํ อาณา อานุภาโว ปวตฺตติ, ตตฺตเก สตสหสฺสโกฏิจกฺกวาฬสงฺขาเต พุทฺธเขตฺเต เปตฺวาน มหามุนึ สมฺมาสมฺพุทฺธํ วชฺเชตฺวา อวเสเสสุ สตฺเตสุ อฺโ โกจิ ตว ปุตฺตสฺส ตุยฺหํ ปุตฺเตน มยา ปฺาย สทิโส สโม นตฺถีติ สมฺพนฺโธ. เสสํ อุตฺตานเมว.

๓๐๘. ปฏิปนฺนาติ จตุมคฺคสมงฺคิโน จ ผลฏฺา อรหตฺตผเล ิตา จ เสขา ผลสมงฺคิโน เหฏฺิเมหิ ตีหิ ผเลหิ สมนฺนาคตา จ เอเต อฏฺ อริยภิกฺขู, อุตฺตมตฺถํ นิพฺพานํ อาสีสกา คเวสกา, ตํ ปฺวนฺตํ ปริวาเรนฺติ สทา สพฺพกาลํ เสวนฺติ ภชนฺติ ปยิรุปาสนฺตีติ อตฺโถ.

๓๑๐. กายเวทนาจิตฺตธมฺมานุปสฺสนาสงฺขาตานํ จตุนฺนํ สติปฏฺานานํ กุสลา เฉกา สติสมฺโพชฺฌงฺคาทีนํ สตฺตนฺนํ สมฺโพชฺฌงฺคานํ ภาวนายวฑฺฒนาย รตา อลฺลีนา.

๓๑๔

. อุฬุราชาว ตารกราชา อิว จ โสภสิ.

๓๑๕. รุกฺขปพฺพตรตนสตฺตาทโย ธาเรตีติ ธรณี, ธรณิยํ รุหา สฺชาตา วฑฺฒิตา จาติ ธรณีรุหา รุกฺขา. ปถวิยํ ปติฏฺาย รุหนฺติ วฑฺฒนฺติ วุทฺธึ วิรูฬฺหึ อาปชฺชนฺติ. เวปุลฺลตํ วิปุลภาวํ ปริปูรภาวํ ปาปุณนฺติ, เต รุกฺขา กเมน ผลํ ทสฺสยนฺติ ผลธาริโน โหนฺติ.

๓๑๗-๙. ปุนปิ ภควนฺตเมว โถเมนฺโต สินฺธุ สรสฺสตีติอาทิมาห. ตตฺถ สินฺธุวาทิ นาม คงฺคา จ สรสฺสตี นาม คงฺคา จ นนฺทิยคงฺคา จ จนฺทภาคาคงฺคา จ คงฺคา นาม คงฺคา จ ยมุนา นาม คงฺคา จ สรภู นาม คงฺคา จ มหี นาม คงฺคา จ. สนฺทมานานํ คจฺฉนฺตีนํ เอตาสํ คงฺคานํ สาคโรว สมุทฺโท เอว สมฺปฏิจฺฉติ ปฏิคฺคณฺหาติ ธาเรติ. ตทา เอตา สพฺพคงฺคา ปุริมํ นามํ สินฺธุวาทิคงฺคาตฺยาทิกํ ปุริมํ นามปฺตฺติโวหารํ ชหนฺติ ฉฑฺเฑนฺติ สาคโรเตว สาคโร อิติ เอว ายติ ปากฏา ภวติ ยถา. ตเถว ตถา เอว อิเม จตุพฺพณฺณา ขตฺติยพฺราหฺมณเวสฺสสุทฺทสงฺขาตา จตฺตาโร กุลา ตวนฺติเก ตว อนฺติเก สมีเป ปพฺพชิตฺวา ปตฺตกาสายจีวรธาริโน ปริจรนฺตา ปุริมํ นามํ ขตฺติยาทินามเธยฺยํ ปฺตฺติโวหารํ ชหนฺติ จชนฺติ, พุทฺธปุตฺตาติ พุทฺธสฺส โอรสาติ ายเร ปากฏา ภเวยฺยุํ.

๓๒๐-๔. จนฺโท จนฺทมณฺฑโล อพฺภา มหิกา รโช ธุโม ราหูติ ปฺจหิ อุปกฺกิเลเสหิ วิรหิตตฺตา วิมโล วิคตมโล นิมฺมโล, อากาสธาตุยา อากาสคพฺเภ คจฺฉํ คจฺฉนฺโต, สพฺเพ ตารกสมูเห อาภาย มทฺทมาโน โลเก อติโรจติ ททฺทลฺลติ ยถา. ตเถว ตถา เอว ตฺวํ…เป….

๓๒๕-๗. อุทเก ชาตา อุทเก สํวฑฺฒา กุมุทา มนฺทาลกา จ พหู สงฺขาติกฺกนฺตา, โตเยน อุทเกน กทฺทมกลเลน จ อุปลิมฺปนฺติ อลฺลียนฺติ ยถา, ตเถว พหุกา สตฺตา อปริมาณา สตฺตา โลเก ชาตา สํวฑฺฒา ราเคน จ โทเสน จ อฏฺฏิตา พนฺธิตา วิรูหเร วิรุหนฺติ. กทฺทเม กุมุทํ ยถา วิรุหติ สฺชายติ. เกสรีติ ปทุมํ.

๓๒๙-๓๐. รมฺมเก มาเสติ กตฺติกมาเส ‘‘โกมุทิยา จาตุมาสินิยา’’ติ วุตฺตตฺตา. วาริชา ปทุมปุปฺผาทโย พหู ปุปฺผา ปุปฺผนฺติ วิกสนฺติ, ตํ มาสํ ตํ กตฺติกมาสํ นาติวตฺตนฺติ วาริชาติ สมฺพนฺโธ. สมโย ปุปฺผนาย โสติ โส กตฺติกมาโส ปุปฺผนาย วิกสนาย สมโย กาโลติ อตฺโถ. ยถา ปุปฺผนฺติ ตเถว ตฺวํ, สกฺยปุตฺต, ปุปฺผิโต วิกสิโต อสิ. ปุปฺผิโต เต วิมุตฺติยาติ เต ตุยฺหํ สิสฺสา กตสมฺภารา ภิกฺขู วิมุตฺติยา อรหตฺตผลาเณน ปุปฺผิโต วิกสิโต. ยถา วาริชํ ปทุมํ ปุปฺผนสมยํ นาติกฺกมติ, ตถา เต สาสนํ โอวาทานุสาสนึ นาติวตฺตนฺติ นาติกฺกมนฺตีติ อตฺโถ.

๓๓๓-๔. ยถาปิ เสโล หิมวาติ หิมวา นาม เสลมยปพฺพโต. สพฺพปาณินํ สพฺเพสํ พฺยาธิตานํ สตฺตานํ โอสโธ โอสธวนฺโต สพฺพนาคานํ สพฺพอสุรานํ สพฺพเทวานฺจ อาลโย อคารภูโต ยถา, ตเถว ตฺวํ, มหาวีร, สพฺพปาณินํ ชราพฺยาธิมรณาทีหิ ปโมจนโต โอสโธ วิย. ยถา โส หิมวา นาคาทีนํ อาลโย, ตถา เตวิชฺชาย จ ฉฬภิฺาย จ อิทฺธิยา จ ปารมึ ปริโยสานํ คตา ปตฺตา ตุวํ นิสฺสาย วสนฺตีติ สมฺพนฺโธ. เหฏฺา วา อุปริ วา อุปมาอุปเมยฺยวเสน คาถานํ สมฺพนฺธนยา สุวิฺเยฺยาว.

๓๔๒. อาสยานุสยํ ตฺวาติ เอตฺถ อาสโยติ อชฺฌาสโย จริยา, อนุสโยติ ถามคตกิเลโส. ‘‘อยํ ราคจริโต, อยํ โทสจริโต, อยํ โมหจริโต’’ติอาทินา อาสยฺจ อนุสยํ กิเลสปวตฺติฺจ ชานิตฺวาติ อตฺโถ. อินฺทฺริยานํ พลาพลนฺติ สทฺธินฺทฺริยาทีนํ ปฺจนฺนํ อินฺทฺริยานํ ติกฺขินฺทฺริโย มุทินฺทฺริโย สฺวากาโร ทฺวากาโร สุวิฺาปโย ทุวิฺาปโยติ เอวํ พลาพลํ ชานิตฺวา. ภพฺพาภพฺเพ วิทิตฺวานาติ ‘‘มยา เทสิตํ ธมฺมํ ปฏิวิชฺฌิตุํ อยํ ปุคฺคโล ภพฺโพ สมตฺโถ, อยํ ปุคฺคโล อภพฺโพ’’ติ วิทิตฺวา ปจฺจกฺขํ กตฺวา, ภนฺเต, สพฺพฺุ ตฺวํ จาตุทฺทีปิกมหาเมโฆ วิย ธมฺมเทสนาสีหนาเทน อภีตนาเทน คชฺชสิ สกลํ จกฺกวาฬํ เอกนินฺนาทํ กโรสิ.

๓๔๓-๔. จกฺกวาฬปริยนฺตาติ สมนฺตา จกฺกวาฬคพฺภํ ปูเรตฺวา ปริสา นิสินฺนา ภเวยฺย. เต เอวํ นิสินฺนา นานาทิฏฺี อเนกทสฺสนคาหิโน วิวทมานา ทฺเวฬฺหกชาตา วิวทนฺติ, ตํ เตสํ วิมติจฺเฉทนาย ทุพุทฺธิฉินฺทนตฺถาย สพฺเพสํ สตฺตานํ จิตฺตมฺาย จิตฺตาจารํ ตฺวา โอปมฺมกุสโล อุปมาอุปเมยฺเยสุ ทกฺโข ตฺวํ, มุนิ, เอกํ ปฺหํ กเถนฺโตว เอเกเนว ปฺหกถเนน สกลจกฺกวาฬคพฺเภ นิสินฺนานํ ปาณีนํ วิมตึ สํสยํ ฉินฺทสิ นิกฺกงฺขํ กโรตีติ อตฺโถ.

๓๔๕. อุปทิสสทิเสเหวาติ เอตฺถ อุทกสฺส อุปริ ทิสฺสนฺติ ปากฏา โหนฺตีติ อุปทิสา, เสวาลา. อุปทิเสหิ สทิสา อุปทิสสทิสา, มนุสฺสา. ยถา หิ อุปทิสา เสวาลา อุทกํ อทิสฺสมานํ กตฺวา ตสฺสุปริ ปตฺถริตฺวา ิตา โหนฺติ, ตถา วสุธา ปถวี เตหิ อุปทิสสทิเสหิ เอว มนุสฺเสหิ นิรนฺตรํ ปตฺถริตฺวา ิเตหิ ปูริตา ภเวยฺย. เต สพฺเพว ปถวึ ปูเรตฺวา ิตา มนุสฺสา ปฺชลิกา สิรสิ อฺชลึ ปคฺคหิตา กิตฺตยุํ โลกนายกํ โลกนายกสฺส พุทฺธสฺส คุณํ กเถยฺยุํ.

๓๔๖. เต สพฺเพ เทวมนุสฺสา กปฺปํ วา สกลํ กปฺปํ กิตฺตยนฺตา คุณํ กเถนฺตาปิ นานาวณฺเณหิ นานปฺปกาเรหิ คุเณหิ กิตฺตยุํ. ตถาปิ เต สพฺเพ ปริเมตุํ คุณปมาณํ กเถตุํ น ปปฺเปยฺยุํ น สมฺปาปุเณยฺยุํ น สกฺกุเณยฺยุํ. อปฺปเมยฺโย ตถาคโต สมฺมาสมฺพุทฺโธ อปริเมยฺโย คุณาติเรโก. เอเตน คุณมหนฺตตํ ทีเปติ.

๓๔๗. สเกน ถาเมน อตฺตโน พเลน เหฏฺา อุปมาอุปเมยฺยวเสน ชิโน ชิตกิเลโส พุทฺโธ มยา กิตฺติโต โถมิโต ยถา อโหสิ, เอวเมว สพฺเพ เทวมนุสฺสา กปฺปโกฏีปิ กปฺปโกฏิสเตปิ กิตฺเตนฺตา ปกิตฺตยุํ กเถยฺยุนฺติ อตฺโถ.

๓๔๘. ปุนปิ คุณานํ อปฺปมาณตํ ทีเปตุํ สเจ หิ โกจิ เทโว วาติอาทิมาห. ปูริตํ ปริกฑฺเฒยฺยาติ มหาสมุทฺเท ปูริตอุทกํ สมนฺตโต อากฑฺเฒยฺย. โส ปุคฺคโล วิฆาตํ ทุกฺขเมว ลเภยฺย ปาปุเณยฺยาติ อตฺโถ.

๓๕๐. วตฺเตมิ ชินสาสนนฺติ ชิเนน ภาสิตํ สกลํ ปิฏกตฺตยํ วตฺเตมิ ปวตฺเตมิ รกฺขามีติ อตฺโถ. ธมฺมเสนาปตีติ ธมฺเมน ปฺาย ภควโต จตุปริสสงฺขาตาย ปริสาย ปติ ปธาโนติ ธมฺมเสนาปติ. สกฺยปุตฺตสฺส ภควโต สาสเน อชฺช อิมสฺมึ วตฺตมานกาเล จกฺกวตฺติรฺโ เชฏฺปุตฺโต วิย สกลํ พุทฺธสาสนํ ปาเลมีติ อตฺโถ.

๓๕๒-๓. อตฺตโน สํสารปริพฺภมํ ทสฺเสนฺโต โย โกจิ มนุโช ภารนฺติอาทิมาห. โย โกจิ มนุโช มานุโส ภารํ สีสภารํ มตฺถเก สีเส เปตฺวา ธาเรยฺย วเหยฺย, สทา สพฺพกาลํ โส มนุโช เตน ภาเรน ทุกฺขิโต ปีฬิโต อติภูโต อสฺส ภเวยฺย. ภาโร ภริตภาโร ภริโต อตีว ภาริโต. ตถา เตน ปกาเรน อหํ ราคคฺคิโทสคฺคิโมหคฺคิสงฺขาเตหิ ตีหิ อคฺคีหิ ฑยฺหมาโน, คิรึ อุทฺธริโต ยถา มหาเมรุปพฺพตํ อุทฺธริตฺวา อุกฺขิปิตฺวา สีเส ปิโต ภวภาเรน ภวสํสารุปฺปตฺติภาเรน, ภริโต ทุกฺขิโต ภเวสุ สํสรึ ปริพฺภมินฺติ สมฺพนฺโธ.

๓๕๔. โอโรปิโต จ เม ภาโรติ อิทานิ ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย โส ภวภาโร มยา โอโรปิโต นิกฺขิตฺโต. ภวา อุคฺฆาฏิตา มยาติ สพฺเพ นว ภวา มยา วิทฺธํสิตา. สกฺยปุตฺตสฺส ภควโต สาสเน ยํ กรณียํ กตฺตพฺพํ มคฺคปฏิปาฏิยา กิเลสวิทฺธํสนกมฺมํ อตฺถิ, ตํ สพฺพํ มยา กตนฺติ อตฺโถ.

๓๕๕. ปุน อตฺตโน วิเสสํ ทสฺเสนฺโต ยาวตา พุทฺธเขตฺตมฺหีติอาทิมาห. ตตฺถ ยาวตา ยตฺตเก ทสสหสฺสจกฺกวาฬสงฺขาเต พุทฺธเขตฺเต สกฺยปุงฺควํ สกฺยกุลเชฏฺกํ ภควนฺตํ เปตฺวา อวเสสสตฺเตสุ โกจิปิ ปฺาย เม มยา สโม นตฺถีติ ทีเปติ. เตนาห – ‘‘อหํ อคฺโคมฺหิ ปฺาย, สทิโส เม น วิชฺชตี’’ติ.

๓๕๖. ปุน อตฺตโน อานุภาวํ ปกาเสนฺโต สมาธิมฺหีตฺยาทิมาห. ตํ สุวิฺเยฺยเมว.

๓๖๐. ฌานวิโมกฺขานขิปฺปปฏิลาภีติ ปมชฺฌานาทีนํ ฌานานํ โลกโต วิมุจฺจนโต ‘‘วิโมกฺข’’นฺติ สงฺขํ คตานํ อฏฺนฺนํ โลกุตฺตรวิโมกฺขานฺจ ขิปฺปลาภี สีฆํ ปาปุณาตีติ อตฺโถ.

๓๖๒. เอวํ มหานุภาวสฺสาปิ อตฺตโน สพฺรหฺมจารีสุ คารวพหุมานตํ ปกาเสนฺโต อุทฺธตวิโสวาติอาทิมาห. ตตฺถ อุทฺธตวิโส อุปฺปาฏิตโฆรวิโส สปฺโป อิว ฉินฺนวิสาโณว ฉินฺทิตสิงฺโค อุสโภ อิว อหํ อิทานิ นิกฺขิตฺตมานทปฺโปว ฉฑฺฑิตโคตฺตมทาทิมานทปฺโปว คณํ สงฺฆสฺส สนฺติกํ ครุคารเวน อาทรพหุมาเนน อุเปมิ อุปคจฺฉามิ.

๓๖๓. อิทานิ อตฺตโน ปฺาย มหตฺตตํ ปกาเสนฺโต ยทิรูปินีติอาทิมาห. เอวรูปา เม มหตี ปฺา อรูปินี สมานา ยทิ รูปินี ภเวยฺย, ตทา เม มม ปฺา วสุปตีนํ ปถวิสฺสรานํ ราชูนํ สเมยฺย สมา ภเวยฺยาติ อธิปฺปาโย. เอวํ อตฺตโน ปฺาย มหตฺตภาวํ ทสฺเสตฺวา ตโต ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาเณน ปุพฺเพ กมฺมํ สริตฺวา อโนมทสฺสิสฺสาติอาทิมาห. ตตฺถ อโนมทสฺสิสฺส ภควโต มยา กตาย าณโถมนาย ผลํ เอตํ มม ปฺามหตฺตนฺติ อตฺโถ.

๓๖๔. ปวตฺติตํ ธมฺมจกฺกนฺติ เอตฺถ จกฺก-สทฺโท ปนายํ ‘‘จตุจกฺกยาน’’นฺติอาทีสุ วาหเน วตฺตติ. ‘‘ปวตฺติเต จ ปน ภควตา ธมฺมจกฺเก’’ติอาทีสุ (มหาว. ๑๗; สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑) เทสนายํ. ‘‘จกฺกํ วตฺตย สพฺพปาณิน’’นฺติอาทีสุ (ชา. ๑.๗.๑๔๙) ทานมยปุฺกิริยายํ. ‘‘จกฺกํ วตฺเตติ อโหรตฺต’’นฺติอาทีสุ อิริยาปเถ. ‘‘อิจฺฉาหตสฺส โปสสฺส, จกฺกํ ภมติ มตฺถเก’’ติอาทีสุ (ชา. ๑.๑.๑๐๔; ๑.๕.๑๐๓) ขุรจกฺเก ‘‘ราชา จกฺกวตฺตี จกฺกานุภาเวน วตฺตนโก’’ติอาทีสุ (อิติวุ. ๒๒; ที. นิ. ๑.๒๕๘) รตนจกฺเก. อิธ ปนายํ เทสนายํ. ตาทินา ตาทิคุณสมนฺนาคเตน สกฺยปุตฺเตน โคตมสมฺพุทฺเธน ปวตฺติตํ เทสิตํ ปิฏกตฺตยสงฺขาตํ ธมฺมจกฺกํ อหํ สมฺมา อวิปรีเตน อนุวตฺเตมิ อนุคนฺตฺวา วตฺเตมิ, เทเสมิ เทสนํ กโรมิ. อิทํ อนุวตฺตนํ เทสิตสฺส อนุคนฺตฺวา ปจฺฉา เทสนํ ปุริมพุทฺธานํ กตาย าณโถมนาย ผลนฺติ สมฺพนฺโธ.

๓๖๕. ตโต สปฺปุริสูปนิสฺสยโยนิโสมนสิการาทิปุฺผลํ ทสฺเสนฺโต มา เม กทาจิ ปาปิจฺโฉติอาทิมาห. ตตฺถ ปาปิจฺโฉ ลามกาย อิจฺฉาย สมนฺนาคโต ปาปจารี ปุคฺคโล จ านนิสชฺชาทีสุ วตฺตปฏิวตฺตกรเณ กุสีโต จ ฌานสมาธิมคฺคภาวนาทีสุ หีนวีริโย จ คนฺถธุรวิปสฺสนาธุรวิรหิตตฺตา อปฺปสฺสุโต จ อาจริยุปชฺฌายาทีสุ อาจารวิรหิตตฺตา อนาจาโร จ ปุคฺคโล กทาจิ กาเล กตฺถจิ าเน เม มยา สห สเมโต สมาคโต มา อหุ มา ภวตูติ สมฺพนฺโธ.

๓๖๖. พหุสฺสุโตติ ปริยตฺติปฏิเวธวเสน ทุวิโธ พหุสฺสุโต จ ปุคฺคโล. เมธาวีติ เมธาย ปฺาย สมนฺนาคโต จ. สีเลสุ สุสมาหิโตติ จตุปาริสุทฺธิสีลมคฺคสมฺปยุตฺตสีลอฏฺงฺคุโปสถสีลาทีสุ สุฏฺุ อาหิโต ปิตจิตฺโต จ. เจโตสมถานุยุตฺโตติ จิตฺตสฺส เอกีภาวมนุยุตฺโต จ ปุคฺคโล. อปิ มุทฺธนิ ติฏฺตุ เอวรูโป ปุคฺคโล มยฺหํ มุทฺธนิ สิรสิ อปิ ติฏฺตูติ อตฺโถ.

๓๖๗. อตฺตโน ลทฺธผลานิสํสํ วตฺวา ตตฺถฺเ นิโยเชนฺโต ตํ โว วทามิ ภทฺทนฺเตติอาทิมาห. ตํ สุวิฺเยฺยเมว.

๓๖๘-๙. ยมหนฺติ ยํ อสฺสชิตฺเถรํ อหํ ปมํ อาทิมฺหิ ทิสฺวา โสตาปตฺติมคฺคปฏิลาเภน สกฺกายทิฏฺาทีนํ กิเลสานํ ปหีนตฺตา วิมโล มลรหิโต อหุํ อโหสิ, โส อสฺสชิตฺเถโร เม มยฺหํ อาจริโย โลกุตฺตรธมฺมสิกฺขาปโก อหุํ. อหํ ตสฺส สวนาย อนุสาสเนน อชฺช ธมฺมเสนาปติ อหุํ. สพฺพตฺถ สพฺเพสุ คุเณสุ ปารมึ ปตฺโต ปริโยสานํ ปตฺโต อนาสโว นิกฺกิเลโส วิหรามิ.

๓๗๐. อตฺตโน อาจริเย สคารวํ ทสฺเสนฺโต โย เม อาจริโยติอาทิมาห. โย อสฺสชิ นาม เถโร สตฺถุ สาวโก เม มยฺหํ อาจริโย อาสิ อโหสิ, โส เถโร ยสฺสํ ทิสายํ ยสฺมึ ทิสาภาเค วสติ, อหํ ตํ ทิสาภาคํ อุสฺสีสมฺหิ สีสุปริภาเค กโรมีติ สมฺพนฺโธ.

๓๗๑. ตโต อตฺตโน านนฺตรปฺปตฺตภาวํ ทสฺเสนฺโต มม กมฺมนฺติอาทิมาห. โคตโม ภควา สกฺยปุงฺคโว สกฺยกุลเกตุ สพฺพฺุตฺาเณน มม ปุพฺเพ กตกมฺมํ สริตฺวาน ตฺวา ภิกฺขุสงฺฆมชฺเฌ นิสินฺโน อคฺคฏฺาเน อคฺคสาวกฏฺาเน มํ เปสีติ สมฺพนฺโธ.

๓๗๔. อตฺถปฏิสมฺภิทา, ธมฺมปฏิสมฺภิทา, นิรุตฺติปฏิสมฺภิทา, ปฏิภานปฏิสมฺภิทาติ อิมา จตสฺโส ปฏิสมฺภิทา จ, ตาสํ เภโท ปฏิสมฺภิทามคฺเค (ปฏิ. ม. ๑.๗๖; วิภ. ๗๑๘) วุตฺโตเยว. จตุมคฺคจตุผลวเสน วา รูปารูปฌานวเสน วา อฏฺ วิโมกฺขา สํสารวิมุจฺจนธมฺมา จ อิทฺธิวิธาทโย ฉ อภิฺาโย จ สจฺฉิกตา ปจฺจกฺขํ กตา. กตํ พุทฺธสฺส สาสนนฺติ พุทฺธสฺส อนุสิฏฺิ โอวาทสงฺขาตํ สาสนํ กตํ อรหตฺตมคฺคาเณน นิปฺผาทิตนฺติ อตฺโถ.

อิตฺถํ สุทนฺติ เอตฺถ อิตฺถนฺติ นิทสฺสนตฺเถ นิปาโต, อิมินา ปกาเรนาติ อตฺโถ. เตน สกลสาริปุตฺตาปทานํ นิทสฺเสติ. สุทนฺติ ปทปูรเณ นิปาโต. อายสฺมาติ ครุคารวาธิวจนํ. สาริปุตฺโตติ มาตุ นามวเสน กตนามเธยฺโย เถโร. อิมา คาถาโยติ อิมา สกลา สาริปุตฺตตฺเถราปทานคาถาโย อภาสิ กเถสิ. อิติสทฺโท ปริสมาปนตฺเถ นิปาโต, สกลํ สาริปุตฺตาปทานํ นิฏฺิตนฺติ อตฺโถ.

สาริปุตฺตตฺเถรอปทานวณฺณนา สมตฺตา.

๓-๒. มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรอปทานวณฺณนา

อโนมทสฺสี ภควาตฺยาทิกํ อายสฺมโต โมคฺคลฺลานตฺเถรสฺส อปทานํ. อยฺจ เถโร ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยานิ ปุฺานิ อุปจินนฺโต อโนมทสฺสิสฺส ภควโต กาเลติอาทิ สาริปุตฺตตฺเถรสฺส ธมฺมเสนาปติโน วตฺถุมฺหิ วุตฺตเมว. เถโร หิ ปพฺพชิตทิวสโต ปฏฺาย สตฺตเม ทิวเส มคธรฏฺเ กลฺลวาลคามกํ อุปนิสฺสาย สมณธมฺมํ กโรนฺโต ถินมิทฺเธ โอกฺกมนฺเต สตฺถารา ‘‘โมคฺคลฺลาน, มา ตุจฺโฉ ตว วายาโม’’ติอาทินา สํเวชิโต ถินมิทฺธํ วิโนเทตฺวา ภควตา วุจฺจมานํ ธาตุกมฺมฏฺานํ สุณนฺโต เอว วิปสฺสนาปฏิปาฏิยา อุปริมคฺคตฺตยํ อธิคนฺตฺวา อคฺคผลกฺขเณ สาวกาณสฺส มตฺถกํ ปาปุณิ.

๓๗๕. เอวํ ทุติยสาวกภาวํ ปตฺวา อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร อตฺตโน ปุพฺพกมฺมํ สริตฺวา โสมนสฺสวเสน ปุพฺพจริยํ อปทานํ ปกาเสนฺโต อโนมทสฺสี ภควาติอาทิมาห. ตตฺถ น โอมํ อลามกํ ทสฺสนํ ปสฺสนํ อสฺสาติ อโนมทสฺสี. ตสฺส หิ ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณปฏิมณฺฑิตสรีรตฺตา สกลํ ทิวสํ สกลํ มาสํ สกลํ สํวจฺฉรํ สํวจฺฉรสตสหสฺสมฺปิ ปสฺสนฺตานํ เทวมนุสฺสานํ อติตฺติกรํ ทสฺสนนฺติ, อโนมํ อลามกํ นิพฺพานํ ทสฺสนสีโลติ วา ‘‘อโนมทสฺสี’’ติ ลทฺธนาโม ภาคฺยวนฺตตาทีหิ การเณหิ ภควา. โลกเชฏฺโติ สกลสตฺตโลกสฺส เชฏฺโ ปธาโน. อาสภสทิสตฺตา อาสโภ, นรานํ อาสโภ นราสโภ. โส โลกเชฏฺโ นราสโภ อโนมทสฺสี ภควา เทวสงฺฆปุรกฺขโต เทวสมูเหหิ ปริวาริโต. หิมวนฺตมฺหิ วิหาสีติ สมฺพนฺโธ.

๓๗๖. ยทา ทุติยสาวกภาวาย ทุติยวาเร ปตฺถนํ อกาสิ, ตทา นาเมน วรุโณ นาม อหํ นาคราชา หุตฺวา นิพฺพตฺโต อโหสินฺติ อตฺโถ. เตน วุตฺตํ – ‘‘วรุโณ นาม นาเมน, นาคราชา อหํ ตทา’’ติ. กามรูปีติ ยทิจฺฉิตกามนิมฺมานสีโล. วิกุพฺพามีติ วิวิธํ อิทฺธิวิกุพฺพนํ กโรมิ. มโหทธินิวาสหนฺติ มฺเชริกา นาคา, ภูมิคตา นาคา, ปพฺพตฏฺา นาคา, คงฺคาวเหยฺยา นาคา, สามุทฺทิกา นาคาติ อิเมสํ นาคานํ อนฺตเร สามุทฺทิกนาโค อหํ มโหทธิมฺหิ สมุทฺเท นิวาสึ, วาสํ กปฺเปสินฺติ อตฺโถ.

๓๗๗. สงฺคณิยํ คณํ หิตฺวาติ นิจฺจปริวารภูตํ สกปริวารํ นาคสมูหํ หิตฺวา วินา หุตฺวา. ตูริยํ ปฏฺเปสหนฺติ อหํ ตูริยํ ปฏฺเปสึ, วชฺชาเปสินฺติ อตฺโถ. สมฺพุทฺธํ ปริวาเรตฺวาติ อโนมทสฺสิสมฺพุทฺธํ สมนฺตโต เสวมานา อจฺฉรา นาคมาณวิกา วาเทสุํ ทิพฺพวาเทหิ คีตา วากฺยาทีหิ วาเทสุํ ลทฺธานุรูปโต วชฺเชสุํ ตทาติ อตฺโถ.

๓๗๘. วชฺชมาเนสุ ตูเรสูติ มนุสฺสนาคตูริเยสุ ปฺจงฺคิเกสุ วชฺชมาเนสุ. เทวา ตูรานิ วชฺชยุนฺติ จาตุมหาราชิกา เทวา ทิพฺพตูริยานิ วชฺชึสุ วาเทสุนฺติ อตฺโถ. อุภินฺนํ สทฺทํ สุตฺวานาติ อุภินฺนํ เทวมนุสฺสานํ เภริสทฺทํ สุตฺวา. ติโลกครุสมาโนปิ พุทฺโธ สมฺปพุชฺฌถ ชานาติ สุณาตีติ อตฺโถ.

๓๗๙. นิมนฺเตตฺวาน สมฺพุทฺธนฺติ สสาวกสงฺฆํ สมฺพุทฺธํ สฺวาตนาย นิมนฺเตตฺวา ปริวาเรตฺวา. สกภวนนฺติ อตฺตโน นาคภวนํ อุปาคมึ. คนฺตฺวา จ อาสนํ ปฺเปตฺวานาติ รตฺติฏฺานทิวาฏฺานกุฏิมณฺฑปสยนนิสีทนฏฺานานิ ปฺาเปตฺวา สชฺเชตฺวาติ อตฺโถ. กาลมาโรจยึ อหนฺติ เอวํ กตปุพฺพวิธาโน อหํ ‘‘กาโล, ภนฺเต, นิฏฺิตํ ภตฺต’’นฺติ กาลํ อาโรจยึ วิฺาเปสึ.

๓๘๐. ขีณาสวสหสฺเสหีติ ตทา โส ภควา อรหนฺตสหสฺเสหิ ปริวุโต โลกนายโก สพฺพา ทิสา โอภาเสนฺโต เม ภวนํ อุปาคมิ สมฺปตฺโตติ อตฺโถ.

๓๘๑. อตฺตโน ภวนํ ปวิฏฺํ ภควนฺตํ โภชนาการํ ทสฺเสนฺโต อุปวิฏฺํ มหาวีรนฺติอาทิมาห. ตํ สุวิฺเยฺยเมว.

๓๘๖. โอกฺกากกุลสมฺภโวติ โอกฺกากรฺโ ปรมฺปราคตราชกุเล อุปฺปนฺโน สกลชมฺพุทีเป ปากฏราชกุเล อุปฺปนฺโน วา โคตฺเตน โคตฺตวเสน โคตโม นาม สตฺถา มนุสฺสโลเก ภวิสฺสติ.

๓๘๘. โส ปจฺฉา ปพฺพชิตฺวานาติ โส นาคราชา ปจฺฉา ปจฺฉิมภเว กุสลมูเลน ปุฺสมฺภาเรน โจทิโต อุยฺโยชิโต สาสเน ปพฺพชิตฺวา โคตมสฺส ภควโต ทุติโย อคฺคสาวโก เหสฺสตีติ พฺยากรณมกาสิ.

๓๘๙. อารทฺธวีริโยติ านนิสชฺชาทีสุ อิริยาปเถสุ วีริยวา. ปหิตตฺโตติ นิพฺพาเน เปสิตจิตฺโต. อิทฺธิยา ปารมึ คโตติ ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ อิทฺธิมนฺตานํ ยทิทํ มหาโมคฺคลฺลาโน’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๘๐, ๑๙๐) อธิฏฺานิทฺธิวิกุพฺพนิทฺธิกมฺมวิปากชิทฺธิอาทีสุ ปารมึ ปริโยสานํ คโต ปตฺโต. สพฺพาสเวติ อา สมนฺตโต สวนโต ปวตฺตนโต ‘‘อาสวา’’ติ ลทฺธนาเม กามภวทิฏฺิอวิชฺชาธมฺเม สพฺเพ ปริฺาย สมนฺตโต อฺาย ชานิตฺวา ปชหิตฺวา อนาสโว นิกฺกิเลโส. นิพฺพายิสฺสตีติ กิเลสขนฺธปรินิพฺพาเนน นิพฺพายิสฺสตีติ สมฺพนฺโธ.

๓๙๐. เอวํ เถโร อตฺตโน ปุฺวเสน ลทฺธพฺยากรณํ วตฺวา ปุน ปาปจริยํ ปกาเสนฺโต ปาปมิตฺโตปนิสฺสายาติอาทิมาห. ตตฺถ ปาปมิตฺเต ปาปเก ลามเก มิตฺเต อุปนิสฺสาย นิสฺสเย กตฺวา เตหิ สํสคฺโค หุตฺวาติ อตฺโถ.

ตตฺรายมนุปุพฺพี กถา – เอกสฺมึ สมเย ติตฺถิยา สนฺนิปติตฺวา มนฺเตสุํ – ‘‘ชานาถาวุโส, เกน การเณน สมณสฺส โคตมสฺส ลาภสกฺกาโร มหา หุตฺวา นิพฺพตฺโต’’ติ? ‘‘น ชานาม’’. ‘‘ตุมฺเห ปน น ชานาถา’’ติ? ‘‘อาม, ชานาม’’ – โมคฺคลฺลานํ นาม เอกํ ภิกฺขุํ นิสฺสาย อุปฺปนฺโน. โส หิ เทวโลกํ คนฺตฺวา เทวตาหิ กตกมฺมํ ปุจฺฉิตฺวา อาคนฺตฺวา มนุสฺสานํ กเถสิ – ‘‘อิทํ นาม กตฺวา เอวรูปํ สมฺปตฺตึ ลภนฺตี’’ติ. นิรเย นิพฺพตฺตานมฺปิ กมฺมํ ปุจฺฉิตฺวา อาคนฺตฺวา มนุสฺสานํ กเถสิ – ‘‘อิทํ นาม กตฺวา เอวรูปํ ทุกฺขํ อนุภวนฺตี’’ติ. มนุสฺสา ตสฺส กถํ สุตฺวา มหนฺตํ ลาภสกฺการํ อภิหรนฺติ. สเจ ตํ มาเรตุํ สกฺขิสฺสาม, โส ลาภสกฺกาโร อมฺหากํ นิพฺพตฺติสฺสติ, อตฺเถโส อุปาโยติ สพฺเพ เอกจฺฉนฺทา หุตฺวา ‘‘ยํกิฺจิ กตฺวา ตํ มาเรสฺสามา’’ติ อตฺตโน อุปฏฺาเก สมาทเปตฺวา กหาปณสหสฺสํ ลภิตฺวา ปุริสฆาตเก โจเร ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร นาม สมณสฺส โคตมสฺส สาวโก กาฬสิลายํ วสติ, ตุมฺเห ตตฺถ คนฺตฺวา ตํ มาเรถา’’ติ เตสํ ตํ สหสฺสํ อทํสุ. โจรา ธนลาเภน สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ‘‘เถรํ มาเรสฺสามา’’ติ คนฺตฺวา ตสฺส วสนฏฺานํ ปริวาเรสุํ. เถโร เตหิ ปริกฺขิตฺตภาวํ ตฺวา กุฺจิกจฺฉิทฺเทน นิกฺขมิตฺวา ปกฺกามิ. โจรา ตํ ทิวสํ เถรํ อทิสฺวา ปุเนกทิวสํ ตสฺส วสนฏฺานํ ปริกฺขิปึสุ. เถโร ตฺวา กณฺณิกามณฺฑลํ ภินฺทิตฺวา อากาสํ ปกฺขนฺทิ. เอวํ เต ปมมาเสปิ, มชฺฌิมมาเสปิ เถรํ คเหตุํ นาสกฺขึสุ. ปจฺฉิมมาเส ปน สมฺปตฺเต เถโร อตฺตนา กตกมฺมสฺส อากฑฺฒนภาวํ ตฺวา น อปคจฺฉิ. โจรา ตํ ปหรนฺตา ตณฺฑุลกมตฺตานิ อฏฺีนิ กโรนฺตา ภินฺทึสุ. อถ นํ ‘‘มโต’’ติ สฺาย เอกสฺมึ คุมฺพปิฏฺเ ขิปิตฺวา ปกฺกมึสุ.

เถโร, ‘‘สตฺถารํ ปสฺสิตฺวา วนฺทิตฺวาว ปรินิพฺพายิสฺสามี’’ติ อตฺตภาวํ ฌานเวเนน เวเตฺวา อากาเสน สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ‘‘ภนฺเต, ปรินิพฺพายิสฺสามี’’ติ อาห. ‘‘ปรินิพฺพายิสฺสสิ, โมคฺคลฺลานา’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กตฺถ คนฺตฺวา ปรินิพฺพายิสฺสสี’’ติ? ‘‘กาฬสิลาปเทสํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘เตน หิ, โมคฺคลฺลาน, มยฺหํ ธมฺมํ กเถตฺวา ยาหิ. ตาทิสสฺส หิ เม สาวกสฺส น ทานิ ทสฺสนํ อตฺถี’’ติ. โส ‘‘เอวํ กริสฺสามิ, ภนฺเต’’ติ สตฺถารํ วนฺทิตฺวา อากาสํ อุปฺปติตฺวา สาริปุตฺตตฺเถโร วิย ปรินิพฺพานทิวเส นานปฺปการา อิทฺธิโย กตฺวา ธมฺมํ กเถตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา กาฬสิลาปเทสํ คนฺตฺวา ปรินิพฺพายิ. ‘‘เถรํ กิร โจรา มาเรสุ’’นฺติ อยํ กถา สกลชมฺพุทีเป ปตฺถริ.

ราชา อชาตสตฺตุ โจเร ปริเยสนตฺถาย จรปุริเส ปโยเชสิ. เตสุ โจเรสุ สุราปาเน สุรํ ปิวนฺเตสุ มทฺเทสุ เอโก เอกสฺส ปิฏฺึ ปหริตฺวา ปาเตสิ. โส ตํ สนฺตชฺเชนฺโต ‘‘อมฺโภ ทุพฺพินีต ตฺวํ, กสฺมา เม ปิฏฺึ ปหริตฺวา ปาเตสิ, กึ ปน, อเร ทุฏฺโจร, ตยา มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร ปมํ ปหโต’’ติ อาห. ‘‘กึ ปน ตฺวํ มยา ปมํ ปหตภาวํ น ชานาสี’’ติ? เอวํ เอเตสํ ‘‘มยา ปหโต, มยา ปหโต’’ติ วทนฺตานํ สุตฺวา เต จรปุริสา สพฺเพ เต โจเร คเหตฺวา รฺโ อาโรเจสุํ. ราชา เต โจเร ปกฺโกสาเปตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘ตุมฺเหหิ เถโร มาริโต’’ติ? ‘‘อาม, เทวา’’ติ. ‘‘เกหิ ตุมฺเห อุยฺโยชิตา’’ติ? ‘‘นคฺคสมเณหิ, เทวา’’ติ. ราชา ปฺจสเต นคฺคสมเณ คาหาเปตฺวา ปฺจสเตหิ โจเรหิ สทฺธึ ราชงฺคเณ นาภิปมาเณสุ อาวาเฏสุ นิขณาเปตฺวา ปลาเลหิ ปฏิจฺฉาเทตฺวา อคฺคึ ทาเปสิ. อถ เนสํ ฌามภาวํ ชานิตฺวา อยนงฺคเลหิ กสาเปตฺวา สพฺเพ ขณฺฑาขณฺฑํ การาเปสิ. ตทา ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร อตฺตโน อนนุรูปมรณํ ปตฺโต’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นาม, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘โมคฺคลฺลานสฺส, ภิกฺขเว, อิมสฺเสว อตฺตภาวสฺส อนนุรูปํ มรณํ, ปุพฺเพ ปน เตน กตกมฺมสฺส อนุรูปเมวา’’ติ วตฺวา ‘‘กึ ปนสฺส, ภนฺเต, ปุพฺพกมฺม’’นฺติ ปุฏฺโ ตํ วิตฺถาเรตฺวา กเถสิ.

อตีเต, ภิกฺขเว, พาราณสิยํ เอโก กุลปุตฺโต สยเมว โกฏฺฏนปจนาทีนิ กโรนฺโต มาตาปิตโร ปฏิชคฺคิ. อถสฺส มาตาปิตโร ‘‘ตาต, ตฺวํ เอกโกว เคเห จ อรฺเ จ กมฺมํ กโรนฺโต กิลมสิ, เอกํ เต กุมาริกํ อาเนสฺสามา’’ติ วตฺวา ‘‘อมฺมตาตา, ยาว ตุมฺเห ชีวถ, ตาว โว สหตฺถา อุปฏฺหิสฺสามี’’ติ เตน ปฏิกฺขิตฺตาปิ ปุนปฺปุนํ ยาจิตฺวา กุมาริกํ อาเนสุํ. สา กติปาหเมว เต อุปฏฺหิตฺวา ปจฺฉา เตสํ ทสฺสนมปิ อนิจฺฉนฺตี – ‘‘น สกฺกา ตว มาตาปิตูหิ สทฺธึ เอกฏฺาเน วสิตุ’’นฺติ อุชฺฌายิตฺวา ตสฺมึ อตฺตโน กถํ อคฺคณฺหนฺเต ตสฺส พหิคตกาเล มกจิวากขณฺฑานิ จ ยาคุเผณเก จ คเหตฺวา ตตฺถ ตตฺถ อากิริตฺวา เตนาคนฺตฺวา ‘‘กึ อิท’’นฺติ ปุฏฺา ‘‘อิเมสํ มหลฺลกอนฺธานํ เอตํ กมฺมํ, สพฺพํ เคหํ กิลิฏฺา กโรนฺตา วิจรนฺติ, น สกฺกา เอเตหิ สทฺธึ เอกฏฺาเน วสิตุ’’นฺติ เอวํ ตาย ปุนปฺปุนํ กถิยมานาย เอวรูโปปิ ปูริตปารมี สตฺโต มาตาปิตูหิ สทฺธึ ภิชฺชิ. โส ‘‘โหตุ, ชานิสฺสามิ เนสํ กตฺตพฺพกมฺม’’นฺติ เต โภเชตฺวา ‘‘อมฺมตาตา, อสุกฏฺาเน นาม ตุมฺหากํ าตกา อาคมนํ ปจฺจาสีสนฺติ, ตตฺถ คมิสฺสามา’’ติ เต ยานกํ อาโรเปตฺวา อาทาย คจฺฉนฺโต อฏวิมชฺฌํ ปตฺตกาเล ‘‘ตาต, รสฺมิโย คณฺหถ, โคณา ทณฺฑสฺาย คมิสฺสนฺติ, อิมสฺมึ าเน โจรา วสนฺติ, อหํ โอตริตฺวา จรามี’’ติ ปิตุ หตฺเถ รสฺมิโย ทตฺวา โอตริตฺวา คจฺฉนฺโต สทฺทํ ปริวตฺเตตฺวา โจรานํ อุฏฺิตสทฺทมกาสิ. มาตาปิตโร สทฺทํ สุตฺวา ‘‘โจรา อุฏฺิตา’’ติ สฺาย ‘‘ตาต, โจรา อุฏฺิตา, มหลฺลกา มยํ, ตฺวํ อตฺตานเมว รกฺขาหี’’ติ อาหํสุ. โส มาตาปิตโร วิรวนฺเตปิ โจรสทฺทํ กโรนฺโต โกฏฺเฏตฺวา มาเรตฺวา อฏวิยํ ขิปิตฺวา ปจฺจาคมิ.

สตฺถา อิทํ ตสฺส ปุพฺพกมฺมํ กเถตฺวา ‘‘ภิกฺขเว, โมคฺคลฺลาโน เอตฺตกํ กมฺมํ กตฺวา อเนกวสฺสสตสหสฺสานิ นิรเย ปจฺจิตฺวา ตาว ปกฺกาวเสเสน อตฺตภาวสเต เอวเมว โกฏฺเฏตฺวา สํจุณฺโณ มรณํ ปตฺโต, เอวํ โมคฺคลฺลาเนน อตฺตโน กมฺมานุรูปเมว มรณํ ลทฺธํ. ปฺจหิ โจรสเตหิ สทฺธึ ปฺจติตฺถิยสตานิปิ มม ปุตฺตํ อปฺปทุฏฺํ ทุสฺเสตฺวา อนุรูปเมว มรณํ ลภึสุ. อปฺปทุฏฺเสุ หิ ปทุสฺสนฺโต ทสหิ การเณหิ อนยพฺยสนํ ปาปุณาติเยวา’’ติ อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –

‘‘โย ทณฺเฑน อทณฺเฑสุ, อปฺปทุฏฺเสุ ทุสฺสติ;

ทสนฺนมฺตรํ านํ, ขิปฺปเมว นิคจฺฉติ.

‘‘เวทนํ ผรุสํ ชานึ, สรีรสฺส ว เภทนํ;

ครุกํ วาปิ อาพาธํ, จิตฺตกฺเขปํ ว ปาปุเณ.

‘‘ราชโต วา อุปสคฺคํ, อพฺภกฺขานํ ว ทารุณํ;

ปริกฺขยํ ว าตีนํ, โภคานํ ว ปภงฺคุนํ.

‘‘อถวสฺส อคารานิ, อคฺคิ ฑหติ ปาวโก;

กายสฺส เภทา ทุปฺปฺโ, นิรยํ โสปปชฺชตี’’ติ. (ธ. ป. ๑๓๗-๑๔๐);

๓๙๓. ปวิเวกมนุยุตฺโตติ ปกาเรน วิเวกํ เอกีภาวํ อนุยุตฺโต โยชิโต ยุตฺตปฺปยุตฺโต. สมาธิภาวนารโตติ ปมชฺฌานาทิภาวนาย รโต อลฺลีโน จ. สพฺพาสเว สกลกิเลเส, ปริฺาย ชานิตฺวา ปชหิตฺวา, อนาสโว นิกฺกิเลโส วิหรามีติ สมฺพนฺโธ.

๓๙๔. อิทานิ อตฺตโน ปุฺสมฺภารวเสน ปุพฺพจริตสฺส ผลํ ทสฺเสนฺโต ธรณิมฺปิ สุคมฺภีรนฺติอาทิมาห.

ตตฺรายมนุปุพฺพีกถา – พุทฺเธน โจทิโตติ สมฺมาสมฺพุทฺเธน โจทิโต อุยฺโยชิโต. ภิกฺขุสงฺฆสฺส เปกฺขโตติ มหโต ภิกฺขุสงฺฆสฺส ปสฺสนฺตสฺส. มิคารมาตุปาสาทํ, ปาทงฺคุฏฺเน กมฺปยีติ ปุพฺพาราเม วิสาขาย มหาอุปาสิกาย การิตํ สหสฺสตฺถมฺภปฏิมณฺฑิตํ มหาปาสาทํ อตฺตโน ปาทงฺคุฏฺเน กมฺเปสึ. เอกสฺมิฺหิ สมเย ปุพฺพาราเม ยถาวุตฺตปาสาเท ภควติ วิหรนฺเต สมฺพหุลา นวกตรา ภิกฺขู อุปริปาสาเท นิสินฺนา สตฺถารมฺปิ อจินฺเตตฺวา ติรจฺฉานกถํ กเถตุมารทฺธา. ตํ สุตฺวา ภควา เต สํเวเชตฺวา อตฺตโน ธมฺมเทสนาย ภาชนภูเต กาตุกาโม อายสฺมนฺตํ มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรํ อามนฺเตสิ – ‘‘ปสฺสสิ ตฺวํ, โมคฺคลฺลาน, นเว ภิกฺขู ติรจฺฉานกถมนุยุตฺเต’’ติ ตํ สุตฺวา เถโร สตฺถุ อชฺฌาสยํ ตฺวา อภิฺาปาทกํ อาโปกสิณารมฺมณํ จตุตฺถชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย ‘‘ปาสาทสฺส ปติฏฺิโตกาสํ อุทกํ โหตู’’ติ อธิฏฺาย ปาสาทมตฺถเก ถุปิกํ ปาทงฺคุฏฺเน ปหริ, ปาสาโท โอนมิตฺวา เอเกน ปสฺเสน อฏฺาสิ. ปุนปิ ปหริ, อปเรนปิ ปสฺเสน อฏฺาสิ. เต ภิกฺขู ภีตา สํวิคฺคา ปาสาทสฺส ปตนภเยน ตโต นิกฺขมิตฺวา ภควโต สมีเป อฏฺํสุ. สตฺถา เตสํ อชฺฌาสยํ โอโลเกตฺวา ธมฺมํ เทเสสิ. ตํ สุตฺวา เตสุ เกจิ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสุ, เกจิ สกทาคามิผเล, เกจิ อนาคามิผเล, เกจิ อรหตฺตผเล ปติฏฺหึสุ. สฺวายมตฺโถ ปาสาทกมฺปนสุตฺเตน ทีเปตพฺโพ.

เวชยนฺตปาสาทนฺติ โส เวชยนฺตปาสาโท ตาวตึสภวเน โยชนสหสฺสุพฺเพโธ อเนกสหสฺสนิยฺยูหกูฏาคารปฏิมณฺฑิโต เทวาสุรสงฺคาเม อสุเร ชินิตฺวา สกฺเก เทวานมินฺเท นครมชฺเฌ ิเต อุฏฺิโต วิชยนฺเตน นิพฺพตฺตตฺตา ‘‘เวชยนฺโต’’ติ ลทฺธนาโม ปาสาโท, ตํ สนฺธายาห – ‘‘เวชยนฺตปาสาท’’นฺติ, ตมฺปิ อยํ เถโร ปาทงฺคุฏฺเน กมฺเปติ. เอกสฺมิฺหิ สมเย ภควนฺตํ ปุพฺพาราเม วิหรนฺตํ สกฺโก เทวราชา อุปสงฺกมิตฺวา ตณฺหาสงฺขยวิมุตฺตึ ปุจฺฉิ. ตสฺส ภควา วิสฺสชฺเชสิ. โส ตํ สุตฺวา อตฺตมโน ปมุทิโต อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา อตฺตโน เทวโลกเมว คโต. อถายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เอวํ จินฺเตสิ – ‘‘อยํ สกฺโก ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวรูปํ คมฺภีรนิพฺพานปฏิสํยุตฺตํ ปฺหํ ปุจฺฉิ, ภควตา จ ปฺโห วิสฺสชฺชิโต, กึ นุ โข ชานิตฺวา คโต, อุทาหุ อชานิตฺวา. ยํนูนาหํ เทวโลกํ คนฺตฺวา ตมตฺถํ ชาเนยฺย’’นฺติ? โส ตาวเทว ตาวตึสภวนํ คนฺตฺวา สกฺกํ เทวานมินฺทํ ตมตฺถํ ปุจฺฉิ. สกฺโก ทิพฺพสมฺปตฺติยา ปมตฺโต หุตฺวา วิกฺเขปํ อกาสิ. เถโร ตสฺส สํเวคชนนตฺถํ เวชยนฺตปาสาทํ ปาทงฺคุฏฺเน กมฺเปสิ. เตน วุตฺตํ –

‘‘โย เวชยนฺตปาสาทํ, ปาทงฺคุฏฺเน กมฺปยิ;

อิทฺธิพเลนุปตฺถทฺโธ, สํเวเชสิ จ เทวตา’’ติ. (ม. นิ. ๑.๕๑๓);

อยํ ปนตฺโถ – จูฬตณฺหาสงฺขยวิมุตฺติสุตฺเตน (ม. นิ. ๑.๓๙๐ อาทโย) ทีเปตพฺโพ. กมฺปิตากาโร เหฏฺา วุตฺโตเยว. ‘‘สกฺกํ โส ปริปุจฺฉตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๕๑๓) ยถาวุตฺตเมว เถรสฺส ตณฺหาสงฺขยวิมุตฺติปุจฺฉํ สนฺธาย วุตฺตํ. เตนาห – ‘‘อปาวุโส, ชานาสิ, ตณฺหกฺขยวิมุตฺติโย’’ติ? ตสฺส สกฺโก วิยากาสิ. อิทํ เถเรน ปาสาทกมฺปเน กเต สํวิคฺคหทเยน ปมาทํ ปหาย โยนิโส มนสิ กริตฺวา ปฺหสฺส พฺยากตภาวํ สนฺธาย วุตฺตํ. สตฺถารา เทสิตนิยาเมเนว หิ โส ตทา กเถสิ. เตนาห – ‘‘ปฺหํ ปุฏฺโ ยถาตถ’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๕๑๓). ตตฺถ สกฺกํ โส ปริปุจฺฉตีติ สกฺกํ เทวราชํ มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร สตฺถารา เทสิตาย ตณฺหาสงฺขยวิมุตฺติยา สมฺมเทว คหิตภาวํ ปุจฺฉิ. อตีตตฺเถ หิ อิทํ วตฺตมานวจนํ. อปาวุโส, ชานาสีติ อาวุโส, อปิ ชานาสิ, กึ ชานาสิ? ตณฺหกฺขยวิมุตฺติโยติ (ม. นิ. ๑.๕๑๓) ตณฺหาสงฺขยวิมุตฺติโย สตฺถารา ตุยฺหํ เทสิตา, ตถา ‘‘กึ ชานาสี’’ติ ปุจฺฉติ. ตณฺหกฺขยวิมุตฺติโยติ วา ตณฺหาสงฺขยวิมุตฺติสุตฺตสฺส เทสนํ ปุจฺฉติ.

พฺรหฺมานนฺติ มหาพฺรหฺมานํ. สุธมฺมายาภิโต สภนฺติ (ม. นิ. ๑.๕๑๓) สุธมฺมาย สภาย. อยํ ปน พฺรหฺมโลเก สุธมฺมา สภา, น ตาวตึสภวเน. สุธมฺมาสภาวิรหิโต เทวโลโก นาม นตฺถิ. ‘‘อชฺชาปิ เต, อาวุโส, สา ทิฏฺิ, ยา เต ทิฏฺิ ปุเร อหู’’ติ อิมํ พฺรหฺมโลกํ อุปคนฺตุํ สมตฺโถ นตฺถิ โกจิ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา. สตฺถุ อิธาคมนโต ปุพฺเพ ยา ตุยฺหํ ทิฏฺิ อโหสิ, กึ อชฺชาปิ อิทานิปิ สา ทิฏฺิ น วิคตาติ? ปสฺสสิ วีติวตฺตนฺตํ พฺรหฺมโลเก ปภสฺสรนฺติ พฺรหฺมโลเก วีติปตนฺตํ มหากปฺปินมหากสฺสปาทีหิ สาวเกหิ ปริวาริตสฺส เตโชธาตุํ สมาปชฺชิตฺวา นิสินฺนสฺส สสาวกสฺส ภควโต โอกาสํ ปสฺสสีติ อตฺโถ. เอกสฺมิฺหิ สมเย ภควา พฺรหฺมโลเก สุธมฺมาย สภาย สนฺนิปติตฺวา สนฺนิสินฺนสฺส ‘‘อตฺถิ นุ โข โกจิ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา เอวํมหิทฺธิโก, โส อิธ อาคนฺตุํ สกฺกุเณยฺยา’’ติ จินฺเตนฺตสฺส พฺรหฺมุโน จิตฺตมฺาย ตตฺถ คนฺตฺวา พฺรหฺมุโน มตฺถเก อากาเส นิสินฺโน เตโชธาตุํ สมาปชฺชิตฺวา โอภาสํ มุฺจนฺโต มหาโมคฺคลฺลานาทีนํ อาคมนํ จินฺเตสิ. สห จินฺตเนน เตปิ ตตฺถ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา สตฺถุ อชฺฌาสยํ ตฺวา เตโชธาตุํ สมาปชฺชิตฺวา ปจฺเจกทิสาสุ นิสีทิตฺวา โอภาสํ วิสฺสชฺเชสุํ. สกลพฺรหฺมโลโก เอโกภาโส อโหสิ. สตฺถา พฺรหฺมุโน กลฺลจิตฺตตํ ตฺวา จตุสจฺจปกาสนํ ธมฺมํ เทเสสิ. เทสนาปริโยสาเน อเนกานิ พฺรหฺมสหสฺสานิ มคฺคผเลสุ ปติฏฺหึสุ. ตํ สนฺธาย โจเทนฺโต อชฺชาปิ เต, อาวุโส, สา ทิฏฺีติ คาถมาห. อยํ ปนตฺโถ พกพฺรหฺมสุตฺเตน (สํ. นิ. ๑.๑๗๕) ทีเปตพฺโพ. วุตฺตํ เหตํ (สํ. นิ. ๑.๑๗๖) –

‘‘เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. เตน โข ปน สมเยน อฺตรสฺส พฺรหฺมุโน เอวรูปํ ปาปกํ ทิฏฺิคตํ อุปฺปนฺนํ โหติ – ‘นตฺถิ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา โย อิธ อาคจฺเฉยฺยา’ติ. อถ โข ภควา ตสฺส พฺรหฺมุโน เจตสา เจโตปริวิตกฺกมฺาย เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส สมิฺชิตํ วา พาหํ ปสาเรยฺย, ปสาริตํ วา พาหํ สมิฺเชยฺย; เอวเมว เชตวเน อนฺตรหิโต ตสฺมึ พฺรหฺมโลเก ปาตุรโหสิ. อถ โข ภควา ตสฺส พฺรหฺมุโน อุปริเวหาสํ ปลฺลงฺเกน นิสีทิ เตโชธาตุํ สมาปชฺชิตฺวา.

‘‘อถ โข อายสฺมโต มหาโมคฺคลฺลานสฺส เอตทโหสิ ‘กหํ นุ โข ภควา เอตรหิ วิหรตี’ติ? อทฺทส โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ภควนฺตํ ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน ตสฺส พฺรหฺมุโน อุปริเวหาสํ ปลฺลงฺเกน นิสินฺนํ เตโชธาตุํ สมาปนฺนํ. ทิสฺวาน เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส สมิฺชิตํ วา พาหํ ปสาเรยฺย, ปสาริตํ วา พาหํ สมิฺเชยฺย; เอวเมว เชตวเน อนฺตรหิโต ตสฺมึ พฺรหฺมโลเก ปาตุรโหสิ. อถ โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ปุรตฺถิมํ ทิสํ นิสฺสาย ตสฺส พฺรหฺมุโน อุปริเวหาสํ ปลฺลงฺเกน นิสีทิ เตโชธาตุํ สมาปชฺชิตฺวา นีจตรํ ภควโต.

‘‘อถ โข อายสฺมโต มหากสฺสปสฺส เอตทโหสิ – ‘กหํ นุ โข ภควา เอตรหิ วิหรตี’ติ? อทฺทส โข อายสฺมา มหากสฺสโป ภควนฺตํ ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน ตสฺส พฺรหฺมุโน อุปริเวหาสํ ปลฺลงฺเกน นิสินฺนํ เตโชธาตุํ สมาปนฺนํ. ทิสฺวาน เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส…เป… เอวเมว เชตวเน อนฺตรหิโต ตสฺมึ พฺรหฺมโลเก ปาตุรโหสิ. อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป ทกฺขิณํ ทิสํ นิสฺสาย ตสฺส พฺรหฺมุโน อุปริเวหาสํ ปลฺลงฺเกน นิสีทิ เตโชธาตุํ สมาปชฺชิตฺวา นีจตรํ ภควโต.

‘‘อถ โข อายสฺมโต มหากปฺปินสฺส เอตทโหสิ – ‘กหํ นุ โข ภควา เอตรหิ วิหรตี’ติ? อทฺทส โข อายสฺมา มหากปฺปิโน ภควนฺตํ ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน ตสฺส พฺรหฺมุโน อุปริเวหาสํ ปลฺลงฺเกน นิสินฺนํ เตโชธาตุํ สมาปนฺนํ. ทิสฺวาน เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส…เป… เอวเมว เชตวเน อนฺตรหิโต ตสฺมึ พฺรหฺมโลเก ปาตุรโหสิ. อถ โข อายสฺมา มหากปฺปิโน ปจฺฉิมํ ทิสํ นิสฺสาย ตสฺส พฺรหฺมุโน อุปริเวหาสํ ปลฺลงฺเกน นิสีทิ เตโชธาตุํ สมาปชฺชิตฺวา นีจตรํ ภควโต.

‘‘อถ โข อายสฺมโต อนุรุทฺธสฺส เอตทโหสิ – ‘กหํ นุ โข ภควา เอตรหิ วิหรตี’ติ? อทฺทส โข อายสฺมา อนุรุทฺโธ ภควนฺตํ ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน ตสฺส พฺรหฺมุโน อุปริเวหาสํ ปลฺลงฺเกน นิสินฺนํ เตโชธาตุํ สมาปนฺนํ. ทิสฺวาน เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส…เป… เอวเมว เชตวเน อนฺตรหิโต ตสฺมึ พฺรหฺมโลเก ปาตุรโหสิ. อถ โข อายสฺมา อนุรุทฺโธ อุตฺตรํ ทิสํ นิสฺสาย ตสฺส พฺรหฺมุโน อุปริเวหาสํ ปลฺลงฺเกน นิสีทิ เตโชธาตุํ สมาปชฺชิตฺวา นีจตรํ ภควโต’’.

อถ โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ตํ พฺรหฺมานํ คาถาย อชฺฌภาสิ –

‘‘อชฺชาปิ เต อาวุโส สา ทิฏฺิ, ยา เต ทิฏฺิ ปุเร อหุ;

ปสฺสสิ วีติวตฺตนฺตํ, พฺรหฺมโลเก ปภสฺสร’’นฺติ.

‘‘น เม มาริส สา ทิฏฺิ, ยา เม ทิฏฺิ ปุเร อหุ;

ปสฺสามิ วีติวตฺตนฺตํ, พฺรหฺมโลเก ปภสฺสรํ;

สฺวาหํ อชฺช กถํ วชฺชํ, อหํ นิจฺโจมฺหิ สสฺสโต’’ติ.

‘‘อถ โข ภควา ตํ พฺรหฺมานํ สํเวเชตฺวา เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส…เป… เอวเมว ตสฺมึ พฺรหฺมโลเก อนฺตรหิโต เชตวเน ปาตุรโหสิ. อถ โข โส พฺรหฺมา อฺตรํ พฺรหฺมปาริสชฺชํ อามนฺเตสิ – ‘เอหิ ตฺวํ, มาริส, เยนายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เตนุปสงฺกม, อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ มหาโมคฺคลฺลานํ เอวํ วเทหิ – ‘‘อตฺถิ นุ โข, มาริส โมคฺคลฺลาน, อฺเปิ ตสฺส ภควโต สาวกา เอวํมหิทฺธิกา เอวํมหานุภาวา เสยฺยถาปิ ภวํ โมคฺคลฺลาโน กสฺสโป กปฺปิโน อนุรุทฺโธ’’ติ? ‘เอวํ, มาริสา’ติ โข โส พฺรหฺมปาริสชฺโช ตสฺส พฺรหฺมุโน ปฏิสฺสุตฺวา เยนายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ มหาโมคฺคลฺลานํ เอตทโวจ – ‘อตฺถิ นุ โข, มาริส โมคฺคลฺลาน, อฺเปิ ตสฺส ภควโต สาวกา เอวํมหิทฺธิกา เอวํมหานุภาวา เสยฺยถาปิ ภวํ โมคฺคลฺลาโน กสฺสโป กปฺปิโน อนุรุทฺโธ’ติ? อถ โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ตํ พฺรหฺมปาริสชฺชํ คาถาย อชฺฌภาสิ –

‘‘เตวิชฺชา อิทฺธิปตฺตา จ, เจโตปริยายโกวิทา;

ขีณาสวา อรหนฺโต, พหู พุทฺธสฺส สาวกา’’ติ.

‘‘อถ โข โส พฺรหฺมปาริสชฺโช อายสฺมโต มหาโมคฺคลฺลานสฺส ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา เยน โส พฺรหฺมา เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา ตํ พฺรหฺมานํ เอตทโวจ – ‘อายสฺมา มาริส มหาโมคฺคลฺลาโน เอวมาห –

‘‘‘เตวิชฺชา อิทฺธิปตฺตา จ, เจโตปริยายโกวิทา;

ขีณาสวา อรหนฺโต, พหู พุทฺธสฺส สาวกา’’’ติ. –

อิทมโวจ โส พฺรหฺมปาริสชฺโช. อตฺตมโน จ โส พฺรหฺมา ตสฺส พฺรหฺมปาริสชฺชสฺส ภาสิตํ อภินนฺทีติ (สํ. นิ. ๑.๑๗๖).

อิทํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘อยํ ปนตฺโถ พกพฺรหฺมสุตฺเตน ทีเปตพฺโพ’’ติ.

มหาเนรุโน กูฏนฺติ (ม. นิ. ๑.๕๑๓) กูฏสีเสน สกลเมว สิเนรุปพฺพตราชํ วทสิ. วิโมกฺเขน อปสฺสยีติ (ม. นิ. ๑.๕๑๓) ฌานวิโมกฺเขน นิสฺสเยน อภิฺาเยน ปสฺสยีติ อธิปฺปาโย. วนนฺติ (ม. นิ. ๑.๕๑๓) ชมฺพุทีปํ. โส หิ วนพาหุลฺลตาย ‘‘วน’’นฺติ วุตฺโต. เตนาห ‘‘ชมฺพุมณฺฑสฺส อิสฺสโร’’ติ. ปุพฺพวิเทหานนฺติ (ม. นิ. ๑.๕๑๓) ปุพฺพวิเทหฏฺานฺจ ปุพฺพวิเทหนฺติ อตฺโถ. เย จ ภูมิสยา นราติ (ม. นิ. ๑.๕๑๓) ภูมิสยา นรา นาม อปรโคยานอุตฺตรกุรุกา จ มนุสฺสา. เต หิ เคหาภาวโต ‘‘ภูมิสยา’’ติ วุตฺตา. เตปิ สพฺเพ อปสฺสยีติ สมฺพนฺโธ. อยํ ปนตฺโถ นนฺโทปนนฺททมเนน ทีเปตพฺโพ – เอกสฺมึ กิร สมเย อนาถปิณฺฑิโก คหปติ ภควโต ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ‘‘สฺเว, ภนฺเต, ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ มยฺหํ เคเห ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ นิมนฺเตตฺวา ปกฺกามิ. ตํทิวสฺจ ภควโต ปจฺจูสสมเย ทสสหสฺสิโลกธาตุํ โอโลเกนฺตสฺส นนฺโทปนนฺโท นาม นาคราชา าณมุเข อาปาถํ อาคจฺฉิ. ภควา ‘‘อยํ นาคราชา มยฺหํ าณมุเข อาปาถํ อาคจฺฉติ, กึ นุ โข ภวิสฺสตี’’ติ อาวชฺเชนฺโต สรณคมนสฺส อุปนิสฺสยํ ทิสฺวา ‘‘อยํ มิจฺฉาทิฏฺิโก ตีสุ รตเนสุ อปฺปสนฺโน, โก นุ โข อิมํ มิจฺฉาทิฏฺิโก วิโมเจยฺยา’’ติ อาวชฺเชนฺโต มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรํ อทฺทส. ตโต ปภาตาย รตฺติยา สรีรปฏิชคฺคนํ กตฺวา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามนฺเตสิ – ‘‘อานนฺท, ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ อาโรเจหิ – ‘ตถาคโต เทวจาริกํ คจฺฉตี’’’ติ. ตํทิวสฺจ นนฺโทปนนฺทสฺส อาปานภูมึ สชฺชยึสุ. โส ทิพฺพรตนปลฺลงฺเก ทิพฺเพน เสตจฺฉตฺเตน ธาริยมาโน ติวิธนาฏเกหิ เจว นาคปริสาย จ ปริวุโต ทิพฺพภาชเนสุ อุปฏฺาปิตอนฺนปานํ โอโลกยมาโน นิสินฺโน โหติ. อถ โข ภควา ยถา นาคราชา ปสฺสติ, ตถา กตฺวา ตสฺส วิมานมตฺถเกเนว ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ ตาวตึสเทวโลกาภิมุโข ปายาสิ.

เตน โข ปน สมเยน นนฺโทปนนฺทสฺส นาคราชสฺส เอวรูปํ ปาปกํ ทิฏฺิคตํ อุปฺปนฺนํ โหติ ‘‘อิเม หิ นาม มุณฺฑสมณกา อมฺหากํ อุปริภวเนน เทวานํ ตาวตึสานํ ภวนํ ปวิสนฺติปิ นิกฺขมนฺติปิ, น ทานิ อิโต ปฏฺาย อิเมสํ อมฺหากํ มตฺถเก ปาทปํสุํ โอกิรนฺตานํ คนฺตุํ ทสฺสามี’’ติ อุฏฺาย สิเนรุปาทํ คนฺตฺวา ตํ อตฺตภาวํ วิชหิตฺวา สิเนรุํ สตฺตกฺขตฺตุํ โภเคหิ ปริกฺขิปิตฺวา อุปริ ผณํ กตฺวา ตาวตึสภวนํ อวกุชฺเชน ผเณน ปริคฺคเหตฺวา อทสฺสนํ คเมสิ.

อถ โข อายสฺมา รฏฺปาโล ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ปุพฺเพ, ภนฺเต, อิมสฺมึ ปเทเส ิโต สิเนรุํ ปสฺสามิ, สิเนรุปริภณฺฑํ ปสฺสามิ, ตาวตึสํ ปสฺสามิ, เวชยนฺตํ ปสฺสามิ, เวชยนฺตสฺส ปาสาทสฺส อุปริธชํ ปสฺสามิ. โก นุ โข, ภนฺเต, เหตุ โก ปจฺจโย, ยํ เอตรหิ เนว สิเนรุํ ปสฺสามิ…เป… น เวชยนฺตสฺส ปาสาทสฺส อุปริธชํ ปสฺสามี’’ติ. ‘‘อยํ, รฏฺปาล, นนฺโทปนนฺโท นาม นาคราชา ตุมฺหากํ กุปิโต สิเนรุํ สตฺตกฺขตฺตุํ โภเคหิ ปริกฺขิปิตฺวา อุปริ ผเณน ปฏิจฺฉาเทตฺวา อนฺธการํ กตฺวา ิโต’’ติ. ‘‘ทเมมิ นํ, ภนฺเต’’ติ. น ภควา นํ อนุชานิ. อถ โข อายสฺมา ภทฺทิโย, อายสฺมา ราหุโลติ อนุกฺกเมน สพฺเพปิ ภิกฺขู อุฏฺหึสุ. ภควา อนุชานิ.

อวสาเน มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร – ‘‘อหํ, ภนฺเต, ทเมมิ น’’นฺติ อาห. ‘‘ทเมหิ, โมคฺคลฺลานา’’ติ ภควา อนุชานิ. เถโร อตฺตภาวํ วิชหิตฺวา มหนฺตํ นาคราชวณฺณํ อภินิมฺมินิตฺวา นนฺโทปนนฺทํ จุทฺทสกฺขตฺตุํ โภเคหิ ปริกฺขิปิตฺวา ตสฺส ผณมตฺถเก อตฺตโน ผณํ เปตฺวา สิเนรุนา สทฺธึ อภินิปฺปีเฬสิ. นาคราชา ธูมายิ. เถโรปิ ‘‘น ตุยฺหํเยว สรีเร ธูโม อตฺถิ, มยฺหมฺปิ อตฺถี’’ติ ธูมายิ. นาคราชสฺส ธูโม เถรํ น พาธติ, เถรสฺส ปน ธูโม นาคราชํ พาธติ. ตโต นาคราชา ปชฺชลิ, เถโรปิ ‘‘น ตุยฺหํเยว สรีเร อคฺคิ อตฺถิ, มยฺหมฺปิ อตฺถี’’ติ ปชฺชลิ. นาคราชสฺส เตโช เถรํ น พาธติ, เถรสฺส ปน เตโช นาคราชานํ พาธติ. นาคราชา – ‘‘อยํ มํ สิเนรุนา อภินิปฺปีเฬตฺวา ธูมายติ เจว ปชฺชลติ จา’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘โภ, ตุวํ โกสี’’ติ ปฏิปุจฺฉิ. ‘‘อหํ โข, นนฺท, โมคฺคลฺลาโน’’ติ. ‘‘ภนฺเต, อตฺตโน ภิกฺขุภาเวน ติฏฺาหี’’ติ.

เถโร ตํ อตฺตภาวํ วิชหิตฺวา ตสฺส ทกฺขิณกณฺณโสเตน ปวิสิตฺวา วามกณฺณโสเตน นิกฺขมิ, วามกณฺณโสเตน ปวิสิตฺวา ทกฺขิณกณฺณโสเตน นิกฺขมิ. ตถา ทกฺขิณนาสโสเตน ปวิสิตฺวา วามนาสโสเตน นิกฺขมิ, วามนาสโสเตน ปวิสิตฺวา ทกฺขิณนาสโสเตน นิกฺขมิ. ตโต นาคราชา มุขํ วิวริ, เถโร มุเขน ปวิสิตฺวา อนฺโตกุจฺฉิยํ ปาจีเนน จ ปจฺฉิเมน จ จงฺกมติ. ภควา – ‘‘โมคฺคลฺลาน, มนสิ กโรหิ, มหิทฺธิโก นาโค’’ติ อาห. เถโร ‘‘มยฺหํ โข, ภนฺเต, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา ภาวิตา พหุลีกตา ยานีกตา วตฺถุกตา อนุฏฺิตา ปริจิตา สุสมารทฺธา, ติฏฺตุ, ภนฺเต, นนฺโทปนนฺโท, อหํ นนฺโทปนนฺทสทิสานํ นาคราชานํ สตมฺปิ สหสฺสมฺปิ ทเมยฺย’’นฺติอาทิมาห.

นาคราชา จินฺเตสิ – ‘‘ปวิสนฺโต ตาว เม น ทิฏฺโ, นิกฺขมนกาเล ทานิ นํ ทานฺตเร ปกฺขิปิตฺวา ขาทิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘นิกฺขมถ, ภนฺเต, มา มํ อนฺโตกุจฺฉิยํ อปราปรํ จงฺกมนฺโต พาธยิตฺถา’’ติ อาห. เถโร นิกฺขมิตฺวา พหิ อฏฺาสิ. นาคราชา ‘‘อยํ โส’’ติ ทิสฺวา นาสวาตํ วิสฺสชฺชิ, เถโร จตุตฺถชฺฌานํ สมาปชฺชิ, โลมกูปมฺปิสฺส วาโต จาเลตุํ นาสกฺขิ. อวเสสา ภิกฺขู กิร อาทิโต ปฏฺาย สพฺพปาฏิหาริยานิ กาตุํ สกฺกุเณยฺยุํ, อิมํ ปน านํ ปตฺวา เอวํ ขิปฺปนิสนฺติโน หุตฺวา สมาปชฺชิตุํ น สกฺขิสฺสนฺตีติ เนสํ ภควา นาคราชทมนํ นานุชานิ.

นาคราชา ‘‘อหํ อิมสฺส สมณสฺส นาสวาเตน โลมกูปมฺปิ จาเลตุํ นาสกฺขิ, มหิทฺธิโก โส สมโณ’’ติ จินฺเตสิ. เถโร อตฺตภาวํ วิชหิตฺวา สุปณฺณรูปํ อภินิมฺมินิตฺวา สุปณฺณวาตํ ทสฺเสนฺโต นาคราชานํ อนุพนฺธิ. นาคราชา ตํ อตฺตภาวํ วิชหิตฺวา มาณวกวณฺณํ อภินิมฺมินิตฺวา ‘‘ภนฺเต, ตุมฺหากํ สรณํ คจฺฉามี’’ติ วทนฺโต เถรสฺส ปาเท วนฺทิ. เถโร ‘‘สตฺถา, นนฺท, อาคโต, เอหิ คมิสฺสามา’’ติ นาคราชานํ ทเมตฺวา นิพฺพิสํ กตฺวา คเหตฺวา ภควโต สนฺติกํ อคมาสิ. นาคราชา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ‘‘ภนฺเต, ตุมฺหากํ สรณํ คจฺฉามี’’ติ อาห. ภควา ‘‘สุขี โหหิ, นาคราชา’’ติ วตฺวา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต อนาถปิณฺฑิกสฺส นิเวสนํ อคมาสิ.

อนาถปิณฺฑิโก ‘‘กึ, ภนฺเต, อติทิวา อาคตตฺถา’’ติ อาห. ‘‘โมคฺคลฺลานสฺส จ นนฺโทปนนฺทสฺส จ สงฺคาโม อโหสี’’ติ. ‘‘กสฺส ปน, ภนฺเต, ชโย, กสฺส ปราชโย’’ติ? ‘‘โมคฺคลฺลานสฺส ชโย, นนฺทสฺส ปราชโย’’ติ. อนาถปิณฺฑิโก ‘‘อธิวาเสตุ เม, ภนฺเต, ภควา สตฺตาหํ เอกปฏิปาฏิยา ภตฺตํ สตฺตาหํ เถรสฺส สกฺการํ กริสฺสามี’’ติ วตฺวา สตฺตาหํ พุทฺธปฺปมุขานํ ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ มหาสกฺการํ อกาสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘นนฺโทปนนฺททมเนน ทีเปตพฺโพ’’ติ.

เอกสฺมิฺหิ สมเย ปุพฺพาราเม วิสาขาย มหาอุปาสิกาย การิตสหสฺสคพฺภปฏิมณฺฑิเต ปาสาเท ภควติ วิหรนฺเต…เป… สํเวเชสิ จ เทวตาติ. เตน วุตฺตํ –

‘‘ธรณิมฺปิ สุคมฺภีรํ, พหลํ ทุปฺปธํสิยํ;

วามงฺคุฏฺเน โขเภยฺยํ, อิทฺธิยา ปารมึ คโต’’ติ.

ตตฺถ อิทฺธิยา ปารมึ คโตติ วิกุพฺพนิทฺธิอาทิอิทฺธิยา ปริโยสานํ คโต ปตฺโต.

๓๙๕. อสฺมิมานนฺติ อหมสฺมิ ปฺาสีลสมาธิสมฺปนฺโนติอาทิ อสฺมิมานํ น ปสฺสามิ อกฺขามีติ อตฺโถ. ตเทว ทีเปนฺโต มาโน มยฺหํ น วิชฺชตีติ อาห. สามเณเร อุปาทายาติ สามเณเร อาทึ กตฺวา สกเล ภิกฺขุสงฺเฆ ครุจิตฺตํ คารวจิตฺตํ อาทรพหุมานํ อหํ กโรมีติ อตฺโถ.

๓๙๖. อปริเมยฺเย อิโต กปฺเปติ อิโต อมฺหากํ อุปฺปนฺนกปฺปโต อนฺตรกปฺปาทีหิ อปริเมยฺเย เอกอสงฺขฺเยยฺยสฺส อุปริ สตสหสฺสกปฺปมตฺถเกติ อตฺโถ. ยํ กมฺมมภินีหรินฺติ อคฺคสาวกภาวสฺส ปทํ ปุฺสมฺปตฺตึ ปูเรสึ. ตาหํ ภูมิมนุปฺปตฺโตติ อหํ ตํ สาวกภูมึ อนุปฺปตฺโต อาสวกฺขยสงฺขาตํ นิพฺพานํ ปตฺโต อสฺมิ อมฺหีติ อตฺโถ.

๓๙๗. อตฺถปฏิสมฺภิทาทโย จตสฺโส ปฏิสมฺภิทา โสตาปตฺติมคฺคาทโย อฏฺ วิโมกฺขา อิทฺธิวิธาทโย ฉ อภิฺาโย เม มยา สจฺฉิกตา ปจฺจกฺขํ กตา. พุทฺธสฺส ภควโต โอวาทานุสาสนีสงฺขาตํ สาสนํ มยา กตํ สีลปฏิปตฺตินิปฺผาทนวเสน ปริโยสาปิตนฺติ อตฺโถ.

อิตฺถนฺติ อิมินา ปกาเรน เหฏฺา วุตฺตกฺกเมน. เอวํ โส เอกสฺเสว อโนมทสฺสีพุทฺธสฺส สนฺติเก ทฺวิกฺขตฺตุํ พฺยากรณํ ลภิ. กถํ? เหฏฺา วุตฺตนเยน เสฏฺิ หุตฺวา ตสฺส ภควโต สนฺติเก ลทฺธพฺยากรโณ ตโต จุโต สามุทฺทิเก นาคภวเน นิพฺพตฺโต ตสฺเสว ภควโต สนฺติเก ทีฆายุกภาเวน อุปหารํ กตฺวา นิมนฺเตตฺวา โภเชตฺวา มหาปูชํ อกาสิ. ตทาปิ ภควา พฺยากรณํ กเถสิ. สุทนฺติ ปทปูรเณ นิปาโต. อายสฺมาติ ปิยวจนํ ครุคารวาธิวจนํ. มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร อิมา อปทานคาถาโย อภาสิตฺถ กเถสิ. อิตีติ ปริสมาปนตฺเถ นิปาโต.

มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรอปทานวณฺณนา สมตฺตา.

๓-๓. มหากสฺสปตฺเถรอปทานวณฺณนา

ปทุมุตฺตรสฺส ภควโตตฺยาทิกํ อายสฺมโต มหากสฺสปตฺเถรสฺส อปทานํ. อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยานิ ปุฺสมฺภารานิ อุปจินนฺโต ปทุมุตฺตรภควโต กาเล หํสวตีนคเร เวเทโห นาม อสีติโกฏิวิภโว กุฏุมฺพิโก อโหสิ. โส พุทฺธมามโก, ธมฺมมามโก, สงฺฆมามโก, อุปาสโก หุตฺวา วิหรนฺโต เอกสฺมึ อุโปสถทิวเส ปาโตว สุโภชนํ ภุฺชิตฺวา อุโปสถงฺคานิ อธิฏฺาย คนฺธปุปฺผาทีนิ คเหตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถารํ ปูเชตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ.

ตสฺมิฺจ ขเณ สตฺถา มหานิสภตฺเถรํ นาม ตติยสาวกํ ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ ธุตวาทานํ ยทิทํ นิสโภ’’ติ เอตทคฺเค เปสิ. อุปาสโก ตํ สุตฺวา ปสนฺโน ธมฺมกถาวสาเน มหาชเน อุฏฺาย คเต สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ‘‘สฺเว, ภนฺเต, มยฺหํ ภิกฺขํ อธิวาเสถา’’ติ นิมนฺเตสิ. ‘‘มหา โข, อุปาสก, ภิกฺขุสงฺโฆ’’ติ. ‘‘กิตฺตโก, ภนฺเต’’ติ? ‘‘อฏฺสฏฺิภิกฺขุสตสหสฺส’’นฺติ. ‘‘ภนฺเต, เอกํ สามเณรมฺปิ วิหาเร อเสเสตฺวา มยฺหํ ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ. สตฺถา อธิวาเสสิ. อุปาสโก สตฺถุ อธิวาสนํ ตฺวา เคหํ คนฺตฺวา มหาทานํ สชฺเชตฺวา ปุนทิวเส สตฺถุ กาลํ อาโรจาเปสิ. สตฺถา ปตฺตจีวรมาทาย ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต อุปาสกสฺส ฆรํ คนฺตฺวา ปฺตฺตาสเน นิสินฺโน ทกฺขิโณทกาวสาเน ยาคุอาทีนิ สมฺปฏิจฺฉนฺโต ภตฺตวิสฺสคฺคํ อกาสิ. อุปาสโกปิ สตฺถุ สนฺติเก นิสีทิ.

ตสฺมึ อนฺตเร มหานิสภตฺเถโร ปิณฺฑาย จรนฺโต ตเมว วีถึ ปฏิปชฺชิ. อุปาสโก ทิสฺวา อุฏฺาย คนฺตฺวา เถรํ วนฺทิตฺวา ‘‘ปตฺตํ, ภนฺเต, เทถา’’ติ อาห. เถโร ปตฺตํ อทาสิ. ‘‘ภนฺเต, อิเธว ปวิสถ, สตฺถาปิ เคเห นิสินฺโน’’ติ. ‘‘น วฏฺฏิสฺสติ, อุปาสกา’’ติ. โส เถรสฺส ปตฺตํ คเหตฺวา ปิณฺฑปาตสฺส ปูเรตฺวา อทาสิ. ตโต เถรํ อนุคนฺตฺวา นิวตฺโต สตฺถุ สนฺติเก นิสีทิตฺวา เอวมาห – ‘‘มหานิสภตฺเถโร, ภนฺเต, ‘สตฺถาปิ เคเห นิสินฺโน’ติ วุตฺเตปิ ปวิสิตุํ น อิจฺฉิ. อตฺถิ นุ โข เอตสฺส ตุมฺหากํ คุเณหิ อติเรกคุโณ’’ติ? พุทฺธานฺจ วณฺณมจฺเฉรํ นาม นตฺถิ, ตสฺมา สตฺถา เอวมาห – ‘‘อุปาสก, มยํ ภิกฺขํ อาคมยมานา เคเห นิสีทาม, โส ภิกฺขุ น เอวํ นิสีทิตฺวา ภิกฺขํ อุทิกฺขติ. มยํ คามนฺตเสนาสเน วสาม, โส อรฺเเยว วสติ. มยํ ฉนฺเน วสาม, โส อพฺโภกาเสเยว วสตี’’ติ ภควา ‘‘อยฺจ อยฺเจตสฺส คุโณ’’ติ มหาสมุทฺทํ ปูรยมาโน วิย ตสฺส คุณํ กเถสิ.

อุปาสโกปิ ปกติยา ชลมานทีโป เตเลน อาสิตฺโต วิย สุฏฺุตรํ ปสนฺโน หุตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘กึ มยฺหํ อฺาย สมฺปตฺติยา, ยํนูนาหํ อนาคเต เอกสฺส พุทฺธสฺส สนฺติเก ธุตวาทานํ อคฺคภาวตฺถาย ปตฺถนํ กริสฺสามี’’ติ. โส ปุนปิ สตฺถารํ นิมนฺเตตฺวา เตเนว นิยาเมน สตฺต ทิวเส มหาทานํ ทตฺวา สตฺตเม ทิวเส พุทฺธปฺปมุขสฺส มหาภิกฺขุสงฺฆสฺส ติจีวรานิ ทตฺวา สตฺถุ ปาทมูเล นิปชฺชิตฺวา เอวมาห – ‘‘ยํ เม, ภนฺเต, สตฺต ทิวเส ทานํ เทนฺตสฺส เมตฺตํ กายกมฺมํ เมตฺตํ วจีกมฺมํ เมตฺตํ มโนกมฺมํ ปจฺจุปฏฺิตํ, อิมินาหํ น อฺํ เทวสมฺปตฺตึ วา สกฺกมารพฺรหฺมสมฺปตฺตึ วา ปตฺเถมิ, อิทํ ปน เม กมฺมํ อนาคเต เอกสฺส พุทฺธสฺส สนฺติเก มหานิสภตฺเถเรน ปตฺตฏฺานนฺตรํ ปาปุณนตฺถาย เตรสธุตงฺคธรานํ อคฺคภาวสฺส อธิกาโร โหตู’’ติ. สตฺถา ‘‘มหนฺตํ านํ อิมินา ปตฺถิตํ, สมิชฺฌิสฺสติ นุ โข, โน’’ติ โอโลเกนฺโต สมิชฺฌนภาวํ ทิสฺวา อาห – ‘‘มนาปํ เต านํ ปตฺถิตํ, อนาคเต สตสหสฺสกปฺปาวสาเน โคตโม นาม พุทฺโธ อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตสฺส ตฺวํ ตติยสาวโก มหากสฺสปตฺเถโร นาม ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิ. ตํ สุตฺวา อุปาสโก ‘‘พุทฺธานํ ทฺเว กถา นาม นตฺถี’’ติ ปุนทิวเส ปตฺตพฺพํ วิย ตํ สมฺปตฺตึ อมฺิตฺถ. โส ยาวตายุกํ ทานํ ทตฺวา สีลํ สมาทาย รกฺขิตฺวา นานปฺปการํ ปุฺกมฺมํ กตฺวา กาลํกตฺวา สคฺเค นิพฺพตฺติ.

ตโต ปฏฺาย เทวมนุสฺเสสุ สมฺปตฺตึ อนุภวนฺโต อิโต เอกนวุติกปฺเป วิปสฺสิสมฺมาสมฺพุทฺเธ พนฺธุมตีนครํ อุปนิสฺสาย เขเม มิคทาเย วิหรนฺเต เทวโลกา จวิตฺวา อฺตรสฺมึ ปริชิณฺณพฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติ. ตสฺมิฺจ กาเล วิปสฺสี ภควา สตฺตเม สํวจฺฉเร ธมฺมํ กเถสิ, มหนฺตํ โกลาหลํ อโหสิ. สกลชมฺพุทีเป เทวตา ‘‘สตฺถา ธมฺมํ กเถสฺสตี’’ติ อาโรเจสุํ. พฺราหฺมโณ ตํ สาสนํ อสฺโสสิ. ตสฺส นิวาสนสาฏโก เอโกเยว, ตถา พฺราหฺมณิยา. ปารุปนํ ปน ทฺวินฺนมฺปิ เอกเมว. โส สกลนคเร ‘‘เอกสาฏกพฺราหฺมโณ’’ติ ปฺายิ. โส พฺราหฺมโณ เกนจิเทว กิจฺเจน พฺราหฺมณานํ สนฺนิปาเต สติ พฺราหฺมณึ เคเห เปตฺวา สยํ ตํ วตฺถํ ปารุปิตฺวา คจฺฉติ, พฺราหฺมณีนํ สนฺนิปาเต สติ สยํ เคเห อจฺฉติ, พฺราหฺมณี ตํ วตฺถํ ปารุปิตฺวา คจฺฉติ. ตสฺมึ ปน ทิวเส โส พฺราหฺมณึ อาห – ‘‘โภติ, กึ ตฺวํ รตฺตึ ธมฺมํ สุณิสฺสสิ, อุทาหุ ทิวา’’ติ? ‘‘สามิ, อหํ มาตุคาโม ภีรุกชาติกา รตฺตึ โสตุํ น สกฺโกมิ, ทิวา โสสฺสามี’’ติ ตํ พฺราหฺมณํ เคเห เปตฺวา ตํ วตฺถํ ปารุปิตฺวา อุปาสิกาหิ สทฺธึ วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺนา ธมฺมํ สุตฺวา อุปาสิกาหิ สทฺธึ อคมาสิ. อถ พฺราหฺมโณ ตํ เคเห เปตฺวา ตํ วตฺถํ ปารุปิตฺวา วิหารํ คโต.

ตสฺมิฺจ สมเย สตฺถา ปริสมชฺเฌ อลงฺกตธมฺมาสเน นิสินฺโน จิตฺตพีชนึ คเหตฺวา อากาสคงฺคํ โอตาเรนฺโต วิย สิเนรุํ มนฺถํ กตฺวา สาครํ นิมฺมนฺเถนฺโต วิย จ ธมฺมกถํ กเถสิ. พฺราหฺมณสฺส ปริสปริยนฺเตน นิสินฺนสฺส ธมฺมํ สุณนฺตสฺส ปมยาเมเยว สกลสรีรํ ปูรยมานา ปฺจวณฺณา ปีติ อุปฺปชฺชิ. โส ปารุตวตฺถํ สงฺฆริตฺวา ‘‘ทสพลสฺส ทสฺสามี’’ติ จินฺเตสิ. อถสฺส อาทีนวสหสฺสํ ทสฺสยมานํ มจฺเฉรํ อุปฺปชฺชิ. โส ‘‘พฺราหฺมณิยา ตุยฺหฺจ เอกเมว วตฺถํ, อฺํ กิฺจิ ปารุปนํ นาม นตฺถิ, อปารุปิตฺวา พหิ วิจริตุํ น สกฺโกมี’’ติ สพฺพถาปิ อทาตุกาโม อโหสิ. อถสฺส นิกฺขนฺเต ปเม มชฺฌิมยาเมติ ตเถว ปีติ อุปฺปชฺชิ. โส ตเถว จินฺเตตฺวา ตเถว อทาตุกาโม อโหสิ. อถสฺส มชฺฌิเม ยาเม นิกฺขนฺเต ปจฺฉิมยาเมปิ ตเถว ปีติ อุปฺปชฺชิ. ตทา โส มจฺเฉรํ ชินิตฺวา วตฺถํ สงฺฆริตฺวา สตฺถุ ปาทมูเล เปสิ. ตโต วามหตฺถํ อาภุชิตฺวา ทกฺขิเณน หตฺเถน อปฺโผเฏตฺวา ‘‘ชิตํ เม, ชิตํ เม’’ติ ติกฺขตฺตุํ นทิ.

ตสฺมึ สมเย พนฺธุมา ราชา ธมฺมาสนสฺส ปจฺฉโต อนฺโตสาณิยํ นิสินฺโน ธมฺมํ สุณาติ. รฺโ จ นาม ‘‘ชิตํ เม’’ติ สทฺโท อมนาโป โหติ. ราชา ปุริสํ อาณาเปสิ ‘‘คจฺฉ, ภเณ, เอตํ ปุจฺฉ – ‘กึ โส วทตี’’’ติ? พฺราหฺมโณ เตนาคนฺตฺวา ปุจฺฉิโต ‘‘อวเสสา หตฺถิยานาทีนิ อารุยฺห อสิจมฺมาทีนิ คเหตฺวา ปรเสนํ ชินนฺติ, น ตํ อจฺฉริยํ. อหํ ปน ปจฺฉโต อาคจฺฉนฺตสฺส กูฏโคณสฺส มุคฺคเรน สีสํ ภินฺทิตฺวา ตํ ปลาเปนฺโต วิย มจฺเฉรจิตฺตํ ชินิตฺวา ปารุตวตฺถํ ทสพลสฺส อทาสึ, ตํ เม ชิตํ มจฺเฉรํ อจฺฉริย’’นฺติ อาห. โส อาคนฺตฺวา ตํ ปวตฺตึ รฺโ อาโรเจสิ. ราชา ‘‘อมฺเห, ภเณ, ทสพลสฺส อนุรูปํ น ชานาม, พฺราหฺมโณ ชานาตี’’ติ ตสฺส ปสีทิตฺวา วตฺถยุคํ เปเสสิ. ตํ ทิสฺวา พฺราหฺมโณ จินฺเตสิ – ‘‘ราชา มยฺหํ ตุณฺหี นิสินฺนสฺส ปมํ กิฺจิ อทตฺวา สตฺถุ คุเณ กเถนฺตสฺส อทาสิ, สตฺถุ คุเณ ปฏิจฺจ อิทํ อุปฺปนฺนํ, สตฺถุเยว อนุจฺฉวิก’’นฺติ ตมฺปิ วตฺถยุคํ ทสพลสฺส อทาสิ. ราชา ‘‘กึ พฺราหฺมเณน กต’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ตมฺปิ เตน วตฺถยุคํ ตถาคตสฺเสว ทินฺน’’นฺติ สุตฺวา อฺานิปิ ทฺเว วตฺถยุคานิ เปเสสิ, โส ตานิปิ สตฺถุ อทาสิ. ปุน ราชา ‘อฺานิปิ จตฺตารี’ติ เอวํ วตฺวา ยาว เอวํ ทฺวตฺตึส วตฺถยุคานิ เปเสสิ. อถ พฺราหฺมโณ ‘‘อิทํ วฑฺเฒตฺวา วฑฺเฒตฺวา คหณํ วิย โหตี’’ติ อตฺตโน อตฺถาย เอกํ, พฺราหฺมณิยา เอกนฺติ ทฺเว วตฺถยุคานิ คเหตฺวา, ตึส ยุคานิ ตถาคตสฺเสว อทาสิ. ตโต ปฏฺาย จ โส สตฺถุ วิสฺสาสิโก ชาโต.

อถ ตํ ราชา เอกทิวสํ สีตสมเย สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุณนฺตํ ทิสฺวา สตสหสฺสคฺฆนกํ อตฺตโน ปารุตํ รตฺตกมฺพลํ ทตฺวา อาห – ‘‘อิโต ปฏฺาย อิมํ ปารุปิตฺวา ธมฺมํ สุณาหี’’ติ. โส ‘‘กึ เม อิมินา กมฺพเลน อิมสฺมึ ปูติกาเย อุปนีเตนา’’ติ จินฺเตตฺวา อนฺโตคนฺธกุฏิยํ ตถาคตสฺส มฺจสฺส อุปริ วิตานํ กตฺวา อคมาสิ. อเถกทิวสํ ราชา ปาโตว วิหารํ คนฺตฺวา อนฺโตคนฺธกุฏิยํ สตฺถุ สนฺติเก นิสีทิ. ตสฺมึ ขเณ ฉพฺพณฺณา พุทฺธรสฺมิโย กมฺพเล ปฏิหฺนฺติ, กมฺพโล อติวิย วิโรจิตฺถ. ราชา อุลฺโลเกนฺโต สฺชานิตฺวา อาห – ‘‘อมฺหากํ, ภนฺเต, เอส กมฺพโล, อมฺเหหิ เอกสาฏกพฺราหฺมณสฺส ทินฺโน’’ติ. ‘‘ตุมฺเหหิ, มหาราช, พฺราหฺมโณ ปูชิโต, พฺราหฺมเณน มยํ ปูชิตา’’ติ. ราชา ‘‘พฺราหฺมโณ ยุตฺตํ อฺาสิ, น มย’’นฺติ ปสีทิตฺวา ยํ มนุสฺสานํ อุปการภูตํ, ตํ สพฺพํ อฏฺฏฺกํ กตฺวา สพฺพฏฺกํ นาม ทานํ ทตฺวา ปุโรหิตฏฺาเน เปสิ. โสปิ ‘‘อฏฺฏฺกํ นาม จตุสฏฺิ โหตี’’ติ จตุสฏฺิสลากภตฺตานิ อุปฏฺเปตฺวา ยาวชีวํ ทานํ ทตฺวา สีลํ รกฺขิตฺวา ตโต จุโต สคฺเค นิพฺพตฺติ.

ปุน ตโต จุโต อิมสฺมึ กปฺเป ภควโต โกณาคมนสฺส ภควโต กสฺสปสฺส จาติ ทฺวินฺนํ อนฺตเร พาราณสิยํ กุฏุมฺพิยกุเล นิพฺพตฺโต. โส วฑฺฒิมนฺวาย ฆราวาสํ วสนฺโต เอกทิวสํ อรฺเ ชงฺฆวิหารํ วิจรติ. ตสฺมิฺจ สมเย ปจฺเจกพุทฺโธ นทีตีเร จีวรกมฺมํ กโรนฺโต อนุวาเต อปฺปโหนฺเต สงฺฆริตฺวา เปตุมารทฺโธ. โส ตํ ทิสฺวา ‘‘กสฺมา, ภนฺเต, สงฺฆริตฺวา เปถา’’ติ อาห. ‘‘อนุวาโต นปฺปโหตี’’ติ. ‘‘อิมินา, ภนฺเต, กโรถา’’ติ อุตฺตริสาฏกํ ทตฺวา ‘‘นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน เม กาจิ หานิ มา โหตู’’ติ ปตฺถนํ อกาสิ.

ฆเรปิสฺส ภคินิยา สทฺธึ ภริยาย กลหํ กโรนฺติยา ปจฺเจกพุทฺโธ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. อถสฺส ภคินี ปจฺเจกพุทฺธสฺส ปิณฺฑปาตํ ทตฺวา ตสฺส ภริยํ สนฺธาย – ‘‘เอวรูปํ พาลํ โยชนสเต ปริวชฺเชยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ เปสิ. สา เคหงฺคเณ ิตา สุตฺวา ‘‘อิมาย ทินฺนภตฺตํ เอส มา ภุฺชตู’’ติ ปตฺตํ คเหตฺวา ภตฺตํ ฉฑฺเฑตฺวา กลลสฺส ปูเรตฺวา อทาสิ. อิตรา ทิสฺวา ‘‘พาเล, มํ ตาว อกฺโกส วา ปหร วา, เอวรูปสฺส ปน ทฺเว อสงฺขฺเยยฺยานิ ปูริตปารมิสฺส ปจฺเจกพุทฺธสฺส ปตฺตโต ภตฺตํ ฉฑฺเฑตฺวา กลลํ ทาตุํ น ยุตฺต’’นฺติ อาห. อถสฺส ภริยาย ปฏิสงฺขานํ อุปฺปชฺชิ. สา ‘‘ติฏฺถ, ภนฺเต’’ติ กลลํ ฉฑฺเฑตฺวา ปตฺตํ โธวิตฺวา คนฺธจุณฺเณน อุพฺพฏฺเฏตฺวา ปณีตภตฺตสฺส จตุมธุรสฺส จ ปูเรตฺวา อุปริ อาสิตฺเตน ปทุมคพฺภวณฺเณน สปฺปินา วิชฺโชตมานํ ปตฺตํ ปจฺเจกพุทฺธสฺส หตฺเถ เปตฺวา ‘‘ยถา อยํ ปิณฺฑปาโต โอภาสชาโต, เอวํ โอภาสชาตํ เม สรีรํ โหตู’’ติ ปตฺถนํ อกาสิ. ปจฺเจกพุทฺโธ อนุโมทิตฺวา อากาสํ ปกฺขนฺทิ. เตปิ ทฺเว ชายมฺปติกา ยาวตายุกํ ตฺวา ตโต จุตา สคฺเค นิพฺพตฺตึสุ. ปุน ตโต จวิตฺวา อุปาสโก กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล พาราณสิยํ อสีติโกฏิวิภวสมฺปนฺเน กุเล นิพฺพตฺติ, อิตราปิ ตาทิสสฺเสว เสฏฺิโน ธีตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ, ตสฺส วยปฺปตฺตสฺส ตเมว เสฏฺิธีตรํ อานยึสุ. ตสฺสา ปุพฺเพ อนิฏฺวิปากสฺส ปาปกมฺมสฺส อานุภาเวน ปติกุลํ ปวิฏฺมตฺตาย อุมฺมารนฺตรโต ปฏฺาย สกลํ เคหํ อุคฺฆาฏิตวจฺจกูโป วิย ทุคฺคนฺธํ ชาตํ. กุมาโร ‘‘กสฺสายํ คนฺโธ’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘เสฏฺิกฺายา’’ติ สุตฺวา ‘‘นีหรถ น’’นฺติ ตสฺสาเยว กุลฆรํ เปเสสิ. สา เตเนว นีหาเรน สตฺตสุ าเนสุ ปฏินิวตฺติ.

เตน สมเยน กสฺสปทสพโล ปรินิพฺพายิ. ตสฺส สตสหสคฺฆนิกาหิ สุวณฺณิฏฺกาหิ โยชนุพฺเพธํ เจติยํ อารภึสุ. ตสฺมึ เจติเย กริยมาเน สา เสฏฺิธีตา จินฺเตสิ – ‘‘อหํ สตฺตสุ าเนสุ ปฏินิวตฺตา, กึ เม ชีวิเตนา’’ติ อตฺตโน อาภรณภณฺฑํ ภฺชาเปตฺวา สุวณฺณิฏฺกํ กาเรสิ รตนายตํ วิทตฺถิวิตฺถิณฺณํ จตุรงฺคุลุพฺเพธํ. ตโต หริตาลมโนสิลาปิณฺฑํ คเหตฺวา อฏฺ อุปฺปลปุปฺผหตฺถเก อาทาย เจติยกรณฏฺานํ คตา. ตสฺมิฺจ ขเณ เอกา อิฏฺกาปนฺติ ปริกฺขิปิตฺวา อาคจฺฉมานา ฆฏนิฏฺกาย อูนา โหติ. เสฏฺิธีตา วฑฺฒกึ อาห ‘‘อิมํ เม อิฏฺกํ เอตฺถ เปถา’’ติ. ‘‘อมฺม ภทฺทเก, กาเล อาคตาสิ, สยเมว เปหี’’ติ. สา อารุยฺห เตเลน หริตาลมโนสิลาปิณฺฑํ โยเชตฺวา เตน พนฺธเนน อิฏฺกํ ปติฏฺเปตฺวา อุปริ อฏฺหิ อุปฺปลปุปฺผหตฺถเกหิ ปูชํ กตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน เม กายโต จนฺทนคนฺโธ วายตุ, มุขโต อุปฺปลคนฺโธ’’ติ ปตฺถนํ กตฺวา เจติยํ วนฺทิตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา เคหํ อคมาสิ.

ตสฺมึเยว ขเณ สา ยสฺส เสฏฺิปุตฺตสฺส ปมํ เคหํ นีตา, ตสฺส ตํ อารพฺภ สติ อุทปาทิ. นคเรปิ นกฺขตฺตํ สงฺฆุฏฺํ โหติ. โส อุปฏฺาเก อาห ‘‘อิธ อานีตา เสฏฺิธีตา กุหิ’’นฺติ? ‘‘กุลเคเห, สามี’’ติ. ‘‘อาเนถ นํ, นกฺขตฺตํ กีฬิสฺสามี’’ติ. เต คนฺตฺวา ตํ วนฺทิตฺวา ิตา. ‘‘กึ, ตาตา, อาคตตฺถา’’ติ ตาย ปุฏฺา ตสฺสา ตํ ปวตฺตึ อาจิกฺขึสุ. ‘‘ตาตา, มยา อาภรณภณฺเฑหิ เจติยํ ปูชิตํ, อาภรณํ เม นตฺถี’’ติ. เต คนฺตฺวา เสฏฺิปุตฺตสฺส อาโรเจสุํ. ‘‘อาเนถ นํ, ปิฬนฺธนํ ลภิสฺสตี’’ติ. เต ตํ อานยึสุ. ตสฺสา สห เคหปเวสเนน สกลเคหํ จนฺทนคนฺโธ เจว อุปฺปลคนฺโธ จ วายิ. เสฏฺิปุตฺโต ตํ ปุจฺฉิ – ‘‘ภทฺเท, ตว สรีรโต ปมํ ทุคฺคนฺโธ วายิ, อิทานิ ปน เต สรีรโต จนฺทนคนฺโธ, มุขโต อุปฺปลคนฺโธ วายติ, กิเมต’’นฺติ? สา อาทิโต ปฏฺาย อตฺตนา กตกมฺมํ อาโรเจสิ. เสฏฺิปุตฺโต ‘‘นิยฺยานิกํ วต พุทฺธสาสน’’นฺติ ปสีทิตฺวา โยชนิกํ สุวณฺณเจติยํ กมฺพลกฺจุเกน ปฏิจฺฉาเทตฺวา ตตฺถ ตตฺถ รถจกฺกปมาเณหิ สุวณฺณปทุเมหิ อลงฺกริ. เตสํ ทฺวาทสหตฺถา โอลมฺพกา โหนฺติ.

โส ตตฺถ ยาวตายุกํ ตฺวา ตโต จุโต สคฺเค นิพฺพตฺติตฺวา, ปุน ตโต จวิตฺวา พาราณสิโต โยชนมตฺเต าเน อฺตรสฺมึ อมจฺจกุเล นิพฺพตฺติ. ภริยา ปนสฺส เทวโลกโต จวิตฺวา ราชกุเล เชฏฺราชธีตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ. เตสุ วยปฺปตฺเตสุ กุมารสฺส วสนคาเม นกฺขตฺตํ สงฺฆุฏฺํ. โส มาตรํ อาห – ‘‘อมฺม, สาฏกํ เม เทหิ, นกฺขตฺตํ กีฬิสฺสามี’’ติ. สา โธตวตฺถํ นีหริตฺวา อทาสิ. ‘‘อมฺม, ถูลมิท’’นฺติ อาห. สา อฺํ นีหริตฺวา อทาสิ. โส ตมฺปิ ปฏิกฺขิปิ. อถ นํ มาตา อาห – ‘‘ตาต, ยาทิเส เคเห มยํ ชาตา, นตฺถิ โน อิโต สุขุมตรสฺส ปฏิลาภาย ปุฺ’’นฺติ. ‘‘เตน หิ ลภนฏฺานํ คจฺฉามิ, อมฺมา’’ติ. ‘‘ปุตฺต, อหํ อชฺเชว ตุยฺหํ พาราณสินครรชฺชปฏิลาภํ อิจฺฉามี’’ติ. โส มาตรํ วนฺทิตฺวา ‘‘คจฺฉามิ, อมฺมา’’ติ. ‘‘คจฺฉ, ตาตา’’ติ. โส ปน ปุฺนิยาเมน นิกฺขมิตฺวา พาราณสึ คนฺตฺวา อุยฺยาเน มงฺคลสิลาปฏฺเฏ สสีสํ ปารุปิตฺวา นิปชฺชิ. โส จ พาราณสิรฺโ กาลงฺกตสฺส สตฺตโม ทิวโส โหติ.

อมจฺจา รฺโ สรีรกิจฺจํ กตฺวา ราชงฺคเณ นิสีทิตฺวา มนฺตยึสุ – ‘‘รฺโ เอกา ธีตาว อตฺถิ, ปุตฺโต นตฺถิ, อราชกํ รชฺชํ นสฺสิสฺสติ, โก ราชา ภวิตุํ อรหตี’’ติ? ‘‘ตฺวํ โหหิ, ตฺวํ โหหี’’ติ. ปุโรหิโต อาห – ‘‘พหุํ โอโลเกตุํ น วฏฺฏติ, ผุสฺสรถํ วิสฺสชฺเชสฺสามา’’ติ. เต กุมุทวณฺเณ จตฺตาโร สินฺธเว โยเชตฺวา ปฺจวิธราชกกุธภณฺฑํ เสตจฺฉตฺตฺจ ตสฺมึ เปตฺวา รถํ วิสฺสชฺเชตฺวา ปจฺฉโต ตูริยานิ ปคฺคณฺหาเปสุํ. รโถ ปาจีนทฺวาเรน นิกฺขมิตฺวา อุยฺยานาภิมุโข อคมาสิ. ‘‘ปริจเยน อุยฺยานาภิมุโข คจฺฉติ, นิวตฺเตมา’’ติ เกจิ อาหํสุ. ปุโรหิโต ‘‘มา นิวตฺตยิตฺถา’’ติ อาห. รโถ คนฺตฺวา กุมารํ ปทกฺขิณํ กตฺวา อารุหนสชฺโช หุตฺวา อฏฺาสิ. ปุโรหิโต ปารุปนกณฺณํ อปเนตฺวา ปาทตลานิ โอโลเกนฺโต ‘‘ติฏฺตุ อยํ ทีโป, ทฺวิสหสฺสปริตฺตทีปวาเรสุ จตูสุ มหาทีเปสุ เอส รชฺชํ กาเรตุํ ยุตฺโต’’ติ วตฺวา ‘‘ตูริยานิ ปคฺคณฺหถา’’ติ ติกฺขตฺตุํ ตูริยานิ ปคฺคณฺหาเปติ.

อถ กุมาโร มุขํ วิวริตฺวา โอโลเกนฺโต ‘‘เกน กมฺเมน อาคตตฺถา’’ติ อาห. ‘‘เทว, ตุมฺหากํ รชฺชํ ปาปุณาตี’’ติ. ‘‘ราชา โว กห’’นฺติ? ‘‘เทวตฺตํ คโต, สามี’’ติ. ‘‘กติ ทิวสา อติกฺกนฺตา’’ติ? ‘‘อชฺช สตฺตโม ทิวโส’’ติ. ‘‘ปุตฺโต วา ธีตา วา นตฺถี’’ติ? ‘‘ธีตา อตฺถิ, เทว, ปุตฺโต นตฺถี’’ติ. ‘‘เตน หิ กริสฺสามิ รชฺช’’นฺติ. เต ตาวเทว อภิเสกมณฺฑปํ กาเรตฺวา ราชธีตรํ สพฺพาลงฺกาเรหิ อลงฺกริตฺวา อุยฺยานํ อาเนตฺวา กุมารสฺส อภิเสกํ อกํสุ. อถสฺส กตาภิเสกสฺส สตสหสฺสคฺฆนกํ วตฺถํ อุปนยึสุ. โส ‘‘กิมิทํ, ตาตา’’ติ อาห. ‘‘นิวาสนวตฺถํ, เทวา’’ติ. ‘‘นนุ, ตาตา, ถูล’’นฺติ? ‘‘มนุสฺสปริโภควตฺเถสุ อิโต มุทุตรํ นตฺถิ, เทวา’’ติ. ‘‘ตุมฺหากํ ราชา เอวรูปํ นิวาเสสี’’ติ? ‘‘อาม, เทวา’’ติ. ‘‘น มฺเ ปุฺวา ตุมฺหากํ ราชา’’ติ ‘‘สุวณฺณภิงฺคารํ อาหรถ, ลภิสฺสามิ วตฺถ’’นฺติ สุวณฺณภิงฺคารํ อาหราเปตฺวา อุฏฺาย หตฺเถ โธวิตฺวา มุขํ วิกฺขาเลตฺวา หตฺเถน อุทกํ คเหตฺวา ปุรตฺถิมทิสายํ อพฺภุกฺกิริ. ฆนปถวึ ภินฺทิตฺวา อฏฺ กปฺปรุกฺขา อุฏฺหึสุ. ปุน อุทกํ คเหตฺวา ทกฺขิณปจฺฉิมอุตฺตรทิสายนฺติ เอวํ จตูสุ ทิสาสุ อพฺภุกฺกิริ. สพฺพทิสาสุ อฏฺอฏฺกํ กตฺวา ทฺวตฺตึส กปฺปรุกฺขา อุฏฺหึสุ. โส เอกํ ทิพฺพทุสฺสํ นิวาเสตฺวา เอกํ ปารุปิตฺวา ‘‘นนฺทรฺโ วิชิเต สุตฺตกนฺติกา อิตฺถิโย ‘มา สุตฺตํ กนฺตึสู’ติ เอวํ เภรึ จราเปถา’’ติ วตฺวา ฉตฺตํ อุสฺสาเปตฺวา อลงฺกตปฏิยตฺโต หตฺถิกฺขนฺธวรคโต นครํ ปวิสิตฺวา ปาสาทํ อภิรุยฺห มหาสมฺปตฺตึ อนุภวิ.

เอวํ คจฺฉนฺเต กาเล เทวี รฺโ สมฺปตฺตึ ทิสฺวา ‘‘อโห วต ตปสฺสี’’ติ การุฺาการํ ทสฺเสสิ. ‘‘กิมิทํ, เทวี’’ติ ปุฏฺา ‘‘อติมหตี, เทว, เต สมฺปตฺติ, อตีเต พุทฺธานํ สทฺทหิตฺวา กตกลฺยาณสฺส ผลํ, อิทานิ อนาคตสฺส ปจฺจยํ ปุฺํ น กโรถา’’ติ อาห. กสฺส ทสฺสาม, สีลวนฺโต นตฺถีติ. ‘‘อสุฺโ, เทว, ชมฺพุทีโป อรหนฺเตหิ; ตุมฺเห, เทว, ทานํ สชฺเชถ, อหํ อรหนฺเต ลจฺฉามี’’ติ อาห. ปุนทิวเส ราชา ปาจีนทฺวาเร ทานํ สชฺชาเปสิ. เทวี ปาโตว อุโปสถงฺคานิ อธิฏฺาย อุปริปาสาเท ปุรตฺถาภิมุขา อุเรน นิปชฺชิตฺวา ‘‘สเจ เอติสฺสาย ทิสาย อรหนฺโต อตฺถิ, สฺเว อาคนฺตฺวา อมฺหากํ ภิกฺขํ คณฺหนฺตู’’ติ อาห. ตสฺสํ ทิสายํ อรหนฺโต นาเหสุํ, ตํ สกฺการํ กปณยาจกานํ อทํสุ.

ปุนทิวเส ทกฺขิณทฺวาเร สชฺเชตฺวา ตเถว ทกฺขิเณยฺยํ นาลตฺถ, ปุนทิวเสปิ ปจฺฉิมทฺวาเร ตเถว. อุตฺตรทฺวาเร สชฺชิตทิวเสน ปน เทวิยา ตเถว นิมนฺเตนฺติยา หิมวนฺเต วสนฺตานํ ปทุมวติยา ปุตฺตานํ ปฺจสตานํ ปจฺเจกพุทฺธานํ เชฏฺโก มหาปทุมปจฺเจกพุทฺโธ ภาติเก อามนฺเตสิ – ‘‘มาริสา, นนฺทราชา ตุมฺเห นิมนฺเตติ, อธิวาเสถ ตสฺสา’’ติ. เต อธิวาเสตฺวา ปุนทิวเส อโนตตฺตทเห มุขํ โธวิตฺวา อากาเสนาคนฺตฺวา อุตฺตรทฺวาเร โอตรึสุ. มนุสฺสา ทิสฺวา คนฺตฺวา ‘‘ปฺจสตา, เทว, ปจฺเจกพุทฺธา อาคตา’’ติ รฺโ อาโรเจสุํ. ราชา สทฺธึ เทวิยา คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา ปจฺเจกพุทฺเธ ปาสาทํ อาโรเปตฺวา ตตฺร เนสํ ทานํ ทตฺวา ภตฺตกิจฺจาวสาเน ราชา สงฺฆตฺเถรสฺส, เทวี สงฺฆนวกสฺส ปาทมูเล นิปติตฺวา ‘‘อยฺยา, ภนฺเต, ปจฺจเยหิ น กิลมิสฺสนฺติ, มยฺจ ปุฺเน น ปริหายิสฺสามี, อมฺหากํ ยาวชีวํ อิธ นิวาสาย ปฏิฺํ เทถา’’ติ ปฏิฺํ กาเรตฺวา อุยฺยาเน ปฺจ ปณฺณสาลาสตานิ, ปฺจ จงฺกมนสตานีติ สพฺพากาเรน นิวาสนฏฺานานิ สมฺปาเทตฺวา ตตฺถ วสาเปสุํ.

เอวํ กาเล คจฺฉนฺเต รฺโ ปจฺจนฺเต กุปิเต ราชา ‘‘อหํ ปจฺจนฺตํ วูปสเมตุํ คจฺฉามิ, ตฺวํ ปจฺเจกพุทฺเธสุ มา ปมชฺชา’’ติ เทวึ โอวทิตฺวา คโต. ตสฺมึ อนาคเตเยว ปจฺเจกพุทฺธานํ อายุสงฺขารา ขีณา. มหาปทุมปจฺเจกพุทฺโธ ติยามรตฺตึ ฌานกีฬํ กีฬิตฺวา อรุณุคฺคมนสมเย อาลมฺพนผลกํ อาลมฺพิตฺวา ิตโกว อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายิ. เอเตนุปาเยน เสสาปีติ สพฺเพว ปรินิพฺพุตา. ปุนทิวเส เทวี ปจฺเจกพุทฺธานํ นิสีทนฏฺานานิ สชฺเชตฺวา ปุปฺผานิ วิกิริตฺวา ธูปํ วาเสตฺวา เตสํ อาคมนํ โอโลเกนฺตี นิสินฺนา อาคมนํ อทิสฺวา ปุริเส เปเสสิ – ‘‘คจฺฉถ, ตาตา, ชานาถ กึ อยฺยานํ อผาสุก’’นฺติ? เต คนฺตฺวา มหาปทุมสฺส ปณฺณสาลาย ทฺวารํ วิวริตฺวา ตตฺถ ตํ อปสฺสนฺตา จงฺกมนํ คนฺตฺวา อาลมฺพนผลกํ นิสฺสาย ิตํ ทิสฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘กาโล, ภนฺเต’’ติ อาหํสุ. ปรินิพฺพุตสรีรํ กึ กเถสฺสติ, เต ‘‘นิทฺทายติ มฺเ’’ติ วตฺวา ปิฏฺิปาเท หตฺเถน ปรามสิตฺวา ปาทานํ สีตลตาย เจว ถทฺธตาย จ ปรินิพฺพุตภาวํ ตฺวา ทุติยสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ตเถว ตฺวา ปุน ตติยสฺสาติ เอวํ สพฺเพปิ ปรินิพฺพุตภาวํ ตฺวา ราชกุลํ อาคมึสุ. ‘‘กหํ, ตาตา, ปจฺเจกพุทฺธา’’ติ ปุฏฺา ‘‘ปรินิพฺพุตา, เทวี’’ติ อาหํสุ. เทวี กนฺทนฺตี โรทนฺตี นิกฺขมิตฺวา นาคเรหิ สทฺธึ ตตฺถ คนฺตฺวา สาธุกีฬิตํ กาเรตฺวา ปจฺเจกพุทฺธานํ สรีรกิจฺจํ กาเรตฺวา ธาตุโย คาหาเปตฺวา เจติยํ ปติฏฺาเปสิ.

ราชา ปจฺจนฺตํ วูปสเมตฺวา อาคโต ปจฺจุคฺคมนํ อาคตํ เทวึ ปุจฺฉิ – ‘‘กึ, ภทฺเท, ตฺวํ ปจฺเจกพุทฺเธสุ น ปมชฺชสิ, นิโรคา จ อยฺยา’’ติ? ‘‘ปรินิพฺพุตา, เทวา’’ติ. ตํ สุตฺวา ราชา จินฺเตสิ – ‘‘เอวรูปานมฺปิ ปณฺฑิตานํ มรณํ อุปฺปชฺชติ, อมฺหากํ กุโต โมกฺขา’’ติ? โส นครํ อปวิสิตฺวา อุยฺยานเมว คนฺตฺวา เชฏฺปุตฺตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ตสฺส รชฺชํ นิยฺยาเตตฺวา สยํ สมณปพฺพชฺชํ ปพฺพชิ. เทวีปิ ‘‘รฺเ ปพฺพชิเต อหํ กึ กริสฺสามี’’ติ ตเถว อุยฺยาเน ปพฺพชิ. ทฺเวปิ ฌานํ ภาเวตฺวา ตโต จุตา พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺตึสุ.

เตสุ ตตฺเถว วสนฺเตสุ อมฺหากํ สตฺถา โลเก อุปฺปชฺชิตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺโก อนุปุพฺเพน ราชคหํ ปาปุณิ. สตฺถริ ตตฺถ ปฏิวสนฺเต อยํ ปิปฺปลิมาณโว มคธรฏฺเ มหาติตฺถพฺราหฺมณคาเม กปิลพฺราหฺมณสฺส ภริยาย กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺโต. อยํ ภทฺทกาปิลานี มทฺทรฏฺเ สาคลนคเร โกสิยโคตฺตพฺราหฺมณสฺส ภริยาย กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺตา. เตสํ อนุกฺกเมน วฑฺฒมานานํ ปิปฺปลิมาณวสฺส วีสติเม, ภทฺทาย โสฬสเม วเย สมฺปตฺเต มาตาปิตโร ปุตฺตํ โอโลเกตฺวา ‘‘ตาต, ตฺวํ วยปฺปตฺโต, กุลวํสํ ปติฏฺเปตุํ ยุตฺโต’’ติ อติวิย นิปฺปีฬิยึสุ. มาณโว อาห – ‘‘มยฺหํ โสตปเถ เอวรูปํ กถํ มา กถยิตฺถ, อหํ ยาว ตุมฺเห ธรถ, ตาว ปฏิชคฺคิสฺสามิ, ตุมฺหากํ อจฺจเยน นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. เต กติปาหํ อติกฺกมิตฺวา ปุน กถยึสุ. โสปิ ปุน ปฏิกฺขิปิ. ตโต ปฏฺาย มาตา นิรนฺตรํ กเถติเยว.

มาณโว ‘‘มาตรํ สฺาเปสฺสามี’’ติ รตฺตสุวณฺณสฺส นิกฺขสหสฺสํ ทตฺวา สุวณฺณกาเรหิ อิตฺถิรูปกํ กาเรตฺวา ตสฺส มชฺชนฆฏฺฏนาทิกมฺมปริโยสาเน ตํ รตฺตวตฺถํ นิวาเสตฺวา สุวณฺณสมฺปนฺเนหิ ปุปฺเผหิ เจว นานาลงฺกาเรหิ จ อลงฺการาเปตฺวา ‘‘อมฺม, เอวรูปํ อารมฺมณํ ลภนฺโต เคเห วสิสฺสามิ, อลภนฺโต น วสิสฺสามี’’ติ. ปณฺฑิตา พฺราหฺมณี จินฺเตสิ – ‘‘มยฺหํ ปุตฺโต ปุฺวา ทินฺนทาโน กตาภินีหาโร ปุพฺเพ ปุฺานิ กโรนฺโต น เอกโกว อกาสิ, อทฺธา เอเตน สห กตปุฺา สุวณฺณรูปกปฏิภาคา ภวิสฺสตี’’ติ. อฏฺ พฺราหฺมเณ ปกฺโกสาเปตฺวา สพฺพโภเคหิ สนฺตปฺเปตฺวา สุวณฺณรูปกํ รเถ อาโรเปตฺวา ‘‘คจฺฉถ, ตาตา, ยตฺถ อมฺเหหิ ชาติโคตฺตโภคาทิสมานกุเล เอวรูปํ ทาริกํ ปสฺสถ, ตตฺถ อิทเมว สุวณฺณรูปกํ สจฺจาการํ กตฺวา เทถา’’ติ อุยฺโยเชสิ.

เต ‘‘อมฺหากํ นาม เอตํ กมฺม’’นฺติ นิกฺขมิตฺวา ‘‘กตฺถ ลภิสฺสาม, มทฺทรฏฺํ นาม อิตฺถาคารํ, มทฺทรฏฺํ คมิสฺสามา’’ติ มทฺทรฏฺเ สาคลนครํ อคมํสุ. อตฺถ ตํ สุวณฺณรูปกํ นฺหานติตฺเถ เปตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. อถ ภทฺทาย ธาตี ภทฺทํ นฺหาเปตฺวา อลงฺกริตฺวา สยํ นฺหายิตุํ อุทกติตฺถํ คนฺตฺวา สุวณฺณรูปกํ ทิสฺวา ‘‘กิสฺสายํ อวินีตา อิธาคนฺตฺวา ิตา’’ติ ปิฏฺิปสฺเส ปหริตฺวา สุวณฺณรูปกํ ตฺวา ‘‘อยฺยธีตา เมติ สฺํ อุปฺปาเทสิ, อยํ ปน อยฺยธีตาย นิวาสนปฏิคฺคหิตายปิ อสทิสา’’ติ อาห. อถ นํ เต พฺราหฺมณา ‘‘เอวรูปา กิร เต สามิธีตา’’ติ ปุจฺฉึสุ. สา ‘‘อิมาย สุวณฺณปฏิมาย สตคุเณน สหสฺสคุเณน มยฺหํ อยฺยธีตา อภิรูปตรา’’, ตถา หิ ‘‘อปฺปทีเปปิ ทฺวาทสหตฺเถ คพฺเภ นิสินฺนา สรีโรภาเสน ตมํ วิธมตี’’ติ อาห. ‘‘เตน หิ ตสฺสา มาตาปิตูนํ สนฺติกํ คจฺฉามา’’ติ สุวณฺณรูปกํ รเถ อาโรเปตฺวา ตํ ธาตึ อนุคนฺตฺวา โกสิยโคตฺตสฺส ฆรทฺวาเร ตฺวา อาคมนํ อาโรจยึสุ.

พฺราหฺมโณ ปฏิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘กุโต อาคตตฺถา’’ติ ปุจฺฉิ. เต ‘‘มคธรฏฺเ มหาติตฺถคาเม กปิลพฺราหฺมณสฺส ฆรโต อิมินา นาม การเณน อาคตมฺหา’’ติ อาหํสุ. ‘‘สาธุ, ตาตา, อมฺเหหิ สมชาติโคตฺตวิภโว โส พฺราหฺมโณ, ทสฺสาม ทาริก’’นฺติ ปณฺณาการํ คณฺหิ. เต กปิลพฺราหฺมณสฺส สาสนํ ปหิณึสุ – ‘‘ลทฺธา โน ภทฺทา นาม ทาริกา, กตฺตพฺพํ ชานาถา’’ติ. ตํ สาสนํ สุตฺวา ปิปฺปลิมาณวสฺส อาโรจยึสุ ‘‘ลทฺธา ทาริกา’’ติ. ปิปฺปลิมาณโว ‘‘อหํ ‘น ลภิสฺสนฺตี’ติ จินฺเตสึ, อิเม ‘ลทฺธา’ติ เปเสนฺติ, อนตฺถิโก หุตฺวา ปณฺณํ เปเสสฺสามี’’ติ รโหคโต ปณฺณํ ลิขิ ‘‘ภทฺทา อตฺตโน ชาติโคตฺตโภคานุรูปํ ปตึ ลภตุ, อหํ นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิสฺสามิ, มา ปจฺฉา วิปฺปฏิสารินี อโหสี’’ติ. ภทฺทาปิ ‘‘อสุกสฺส กิร มํ ทาตุกามา’’ติ สุตฺวา รโหคตา ปณฺณํ ลิขิ – ‘‘อยฺยปุตฺโต อตฺตโน ชาติโคตฺตโภคานุรูปํ ทาริกํ ลภตุ, อหํ ปพฺพชิสฺสามิ, มา ปจฺฉา วิปฺปฏิสารี ภวาหี’’ติ. ทฺเวปิ ปณฺณานิ อนฺตรามคฺเค สมาคจฺฉึสุ. ‘‘อิทํ กสฺส ปณฺณ’’นฺติ? ‘‘ปิปฺปลิมาณเวน ภทฺทาย ปหิต’’นฺติ. ‘‘อิทํ กสฺสา’’ติ? ‘‘ภทฺทาย ปิปฺปลิมาณวสฺส ปหิต’’นฺติ จ วุตฺเต เต ทฺเวปิ วาเจตฺวา ‘‘ปสฺสถ ทารกานํ กมฺม’’นฺติ ผาเลตฺวา อรฺเ ฉฑฺเฑตฺวา อฺํ ตํสมานํ ปณฺณํ ลิขิตฺวา อิโต เอตฺโต จ เปเสสุํ. อิติ กุมารสฺส กุมาริกาย จ สทิสํ ปณฺณํ โลกสฺสาทรหิตเมวาติ อนิจฺฉมานานมฺปิ เตสํ ทฺวินฺนํ สมาคโม อโหสิ.

ตํทิวสเมว ปิปฺปลิมาณโวปิ ภทฺทํ เอกํ ปุปฺผทามํ คณฺหาเปสิ. ภทฺทาปิ ตานิ สยนมชฺเฌ เปสิ. อุโภปิ ภุตฺตสายมาสา สยนํ อารุหิตุํ อารภึสุ. เตสุ มาณโว ทกฺขิณปสฺเสน สยนํ อารุหิ, ภทฺทา วามปสฺเสน อภิรุหิตฺวา อาห – ‘‘ยสฺส ปสฺเส ปุปฺผานิ มิลายนฺติ, ตสฺส ราคจิตฺตํ อุปฺปนฺนนฺติ วิชานิสฺสาม, อิมํ ปุปฺผทามํ น อลฺลียิตพฺพ’’นฺติ. เต ปน อฺมฺํ สรีรสมฺผสฺสภเยน สกลรตฺตึ นิทฺทํ อโนกฺกมนฺตาว วีตินาเมสุํ. ทิวา ปน หสิตมตฺตมฺปิ นากํสุ. เต โลกามิเสน อสํสฏฺา ยาว มาตาปิตโร ธรนฺติ, ตาว กุฏุมฺพํ อวิจาเรตฺวา เตสุ กาลงฺกเตสุ วิจารยึสุ. มหตี มาณวสฺส สมฺปตฺติ. เอกทิวสํ สรีรํ อุพฺพฏฺเฏตฺวา ฉฑฺเฑตพฺพํ สุวณฺณจุณฺณํ เอว มคธนาฬิยา ทฺวาทสนาฬิมตฺตํ ลทฺธุํ วฏฺฏติ. ยนฺตพทฺธานิ สฏฺิ มหาตฬากานิ, กมฺมนฺโต ทฺวาทสโยชนิโก, อนุราธปุรปฺปมาณา จุทฺทสคามา, จุทฺทส หตฺถานีกานิ, จุทฺทส อสฺสานีกานิ, จุทฺทส รถานีกานิ.

โส เอกทิวสํ อลงฺกตอสฺสํ อารุยฺห มหาชนปริวุโต กมฺมนฺตฏฺานํ คนฺตฺวา เขตฺตโกฏิยํ ิโต นงฺคเลหิ ฉินฺนฏฺานโต กากาทโย สกุเณ คณฺฑุปฺปาทาทิเก ปาณเก อุทฺธริตฺวา ขาทนฺเต ทิสฺวา ‘‘ตาตา, อิเม กึ ขาทนฺตี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘คณฺฑุปฺปาเท, อยฺยา’’ติ. ‘‘เอเตหิ กตปาปํ กสฺส โหตี’’ติ? ‘‘ตุมฺหากํ, อยฺยา’’ติ. โส จินฺเตสิ – ‘‘สเจ เอเตหิ กตปาปํ มยฺหํ โหติ, กึ เม กริสฺสติ สตฺตอสีติโกฏิธนํ, ทฺวาทสโยชนกมฺมนฺโต กึ กริสฺสติ, กึ ยนฺตพทฺธานิ ตฬากานิ, กึ จุทฺทส คามานิ, สพฺพเมตํ ภทฺทาย กาปิลานิยา นิยฺยาเตตฺวา นิกฺขมฺม ปพฺพชิสฺสามี’’ติ.

ภทฺทา กาปิลานี ตสฺมึ ขเณ อนฺตรวตฺถุสฺมึ ตโย ติลกุมฺเภ ปตฺถริตฺวา ธาตีหิ ปริวุตา นิสินฺนา กาเก ติลปาณเก ขาทมาเน ทิสฺวา ‘‘อมฺมา, กึ อิเม ขาทนฺตี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ปาณเก, อยฺเย’’ติ. ‘‘อกุสลํ กสฺส โหตี’’ติ? ‘‘ตุมฺหากํ, อยฺเย’’ติ. สา จินฺเตสิ – ‘‘มยฺหํ จตุหตฺถํ วตฺถํ นาฬิโกทนมตฺตฺจ ลทฺธุํ วฏฺฏติ, ยทิ ปเนตํ เอเตหิ กตํ อกุสลํ มยฺหํ โหติ, ภวสหสฺเสนปิ วฏฺฏโต สีสํ อุกฺขิปิตุํ น สกฺกา, อยฺยปุตฺเต อาคตมตฺเตเยว สพฺพํ ตสฺส นิยฺยาเตตฺวา นิกฺขมฺม ปพฺพชิสฺสามี’’ติ.

มาณโว อาคนฺตฺวา นฺหตฺวา ปาสาทํ อารุยฺห มหารเห ปลฺลงฺเก นิสีทิ, อถสฺส จกฺกวตฺติโน อนุจฺฉวิกโภชนํ อุปนยึสุ. ทฺเวปิ ภุฺชิตฺวา ปริชเน นิกฺขนฺเต รโหคตา ผาสุกฏฺาเน นิสีทึสุ. ตโต มาณโว ภทฺทํ อาห – ‘‘ภทฺเท, อิมํ ฆรํ อาคจฺฉนฺตี กิตฺตกํ ธนมาหรสี’’ติ? ‘‘ปฺจปณฺณาส สกฏสหสฺสานิ, อยฺยา’’ติ. ‘‘สพฺพํ ตํ, ยา จ อิมสฺมึ ฆเร สตฺตาสีติ โกฏิโย ยนฺตพทฺธานิ สฏฺิ ตฬากานีติ เอวมาทิเภทา สมฺปตฺติ อตฺถิ, ตํ สพฺพํ ตุยฺเหว นิยฺยาเตมี’’ติ. ‘‘ตุมฺเห ปน กุหึ คจฺฉถ, อยฺยา’’ติ? ‘‘อหํ ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. ‘‘อยฺย, อหมฺปิ ตุมฺหากํ อาคมนํ โอโลกยมานา นิสินฺนา, อหมฺปิ ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. เตสํ อาทิตฺตปณฺณกุฏิ วิย ตโย ภวา อุปฏฺหนฺติ. เต ‘‘ปพฺพชิสฺสามา’’ติ วตฺวา อนฺตราปณโต กาสายรสปีตานิ จีวรานิ มตฺติกาปตฺเต จ อาหราเปตฺวา อฺมฺํ เกเส โอหาเรตฺวา ‘‘เย โลเก อรหนฺโต อตฺถิ, เต อุทฺทิสฺส อมฺหากํ ปพฺพชฺชา’’ติ ปพฺพชิตฺวา ถวิกาสุ ปตฺเต ปกฺขิปิตฺวา อํเส ลคฺเคตฺวา ปาสาทโต โอตรึสุ. เคเห ทาเสสุ จ กมฺมกาเรสุ จ น โกจิ สฺชานิ.

อถ เน พฺราหฺมณคามโต นิกฺขมิตฺวา ทาสคามทฺวาเรน คจฺฉนฺเต อากปฺปกุตวเสน ทาสคามวาสิโน สฺชานึสุ. เต โรทนฺตา ปาเทสุ ปติตฺวา ‘‘กึ อมฺเห อนาเถ กโรถ, อยฺยา’’ติ อาหํสุ. ‘‘มยํ, ภเณ, ‘ตโย ภวา อาทิตฺตปณฺณสาลา วิยา’ติ ปพฺพชิมฺห, สเจ ตุมฺเหสุ เอเกกํ ภุชิสฺสํ กโรม, วสฺสสตมฺปิ นปฺปโหติ. ตุมฺเหว ตุมฺหากํ สีสํ โธวิตฺวา ภุชิสฺสา หุตฺวา ชีวถา’’ติ วตฺวา เตสํ โรทนฺตานํเยว ปกฺกมึสุ.

เถโร ปุรโต คจฺฉนฺโต นิวตฺติตฺวา โอโลเกนฺโต จินฺเตสิ – ‘‘อยํ ภทฺทา กาปิลานี สกลชมฺพุทีปคฺฆนิกา อิตฺถี มยฺหํ ปจฺฉโต อาคจฺฉติ, านํ โข ปเนตํ วิชฺชติ, ยํ โกจิเทว เอวํ จินฺเตยฺย ‘อิเม ปพฺพชิตาปิ วินา ภวิตุํ น สกฺโกนฺติ, อนนุจฺฉวิกํ กโรนฺตี’ติ. เอวํ โกจิ ปาปเกน มนสา ปทูเสตฺวา อปายปูรโก ภเวยฺย, อิมํ ปหาย มยา คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา ปุรโต คจฺฉนฺโต ทฺเวธาปถํ ทิสฺวา ตสฺส มตฺถเก อฏฺาสิ. ภทฺทาปิ อาคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา อฏฺาสิ. อถ นํ อาห – ‘‘ภทฺเท, ตาทิสึ อิตฺถึ มม ปจฺฉโต อาคจฺฉนฺตึ ทิสฺวา ‘อิเม ปพฺพชิตาปิ วินา ภวิตุํ น สกฺโกนฺตี’ติ อมฺเหสุ ปทุฏฺจิตฺโต มหาชโน อปายปูรโก ภเวยฺย. อิมสฺมึ ทฺเวธาปเถ ตฺวํ เอตํ คณฺห, อหํ เอเกน คมิสฺสามี’’ติ. ‘‘อาม, อยฺย, มาตุคาโม ‘ปพฺพชิตานํ ปลิโพโธ, ปพฺพชิตาปิ วินา น ภวนฺตี’ติ อมฺหากํ โทสํ ทสฺเสยฺยุ’’นฺติ ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา จตูสุ าเนสุ ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา ทสนขสโมธานสมุชฺชลํ อฺชลึ ปคฺคยฺห ‘‘สตสหสฺสกปฺปปมาเณ อทฺธาเน กโต มิตฺตสนฺถโว อชฺช ภิชฺชติ, ตุมฺเหว ทกฺขิณา นาม, ตุมฺหากํ ทกฺขิณมคฺโค วฏฺฏติ, มยํ มาตุคามา นาม วามชาติกา, อมฺหากํ วามมคฺโค วฏฺฏตี’’ติ วนฺทิตฺวา มคฺคํ ปฏิปชฺชิ. เตสํ ทฺเวธาภูตกาเล อยํ มหาปถวี ‘‘อหํ จกฺกวาฬสิเนรุปพฺพตาทโย ธาเรตุํ สกฺโกนฺตีปิ ตุมฺหากํ คุเณ ธาเรตุํ น สกฺโกมี’’ติ วทนฺตี วิย วิรวมานา อกมฺปิตฺถ. อากาเส อสนิสทฺโท วิย ปวตฺติ, จกฺกวาฬปพฺพโต อุนฺนาทิ.

สมฺมาสมฺพุทฺโธปิ เวฬุวนมหาวิหาเร กุฏิยํ นิสินฺโน ปถวีกมฺปนสทฺทํ สุตฺวา ‘‘กิสฺส นุ โข ปถวี กมฺปตี’’ติ อาวชฺเชนฺโต ‘‘ปิปฺปลิมาณโว จ ภทฺทา จ กาปิลานี มํ อุทฺทิสฺส อปฺปเมยฺยํ สมฺปตฺตึ ปหาย ปพฺพชิตา, เตสํ วิโยคฏฺาเน อุภินฺนํ คุณพเลน อยํ ปถวีกมฺโป ชาโต, มยาปิ เอเตสํ สงฺคหํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ คนฺธกุฏิโต นิกฺขมฺม สยเมว ปตฺตจีวรมาทาย อสีติมหาเถเรสุ กฺจิ อนาปุจฺฉา ติคาวุตมคฺคํ ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา ราชคหสฺส จ นาลนฺทาย จ อนฺตเร พหุปุตฺตนิคฺโรธมูเล ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา นิสีทิ. นิสินฺโน ปน อฺตรปํสุกูลิโก วิย อนิสีทิตฺวา พุทฺธเวสํ คเหตฺวา อสีติหตฺถา พุทฺธรํสิโย วิสฺสชฺเชนฺโต นิสีทิ. อิติ ตสฺมึ ขเณ ปณฺณจฺฉตฺตสกฏจกฺกกูฏาคาราทิปฺปมาณา พุทฺธรํสิโย อิโต จิโต จ วิปฺผรนฺติโย วิธาวนฺติโย จนฺทสหสฺสสูริยสหสฺสอุคฺคมนกาลํ วิย กุรุมานา ตํ วนนฺตรํ เอโกภาสํ อกํสุ. ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณสิริยา สมุชฺชลตาราคเณน วิย คคนํ, สุปุปฺผิตกมลกุวลเยน วิย สลิลํ วนนฺตรํ วิโรจิตฺถ. นิคฺโรธรุกฺขสฺส ขนฺโธ ปกติยา เสโต โหติ, ปตฺตานิ นีลานิ ปกฺกานิ รตฺตานิ. ตสฺมึ ปน ทิวเส สพฺโพ นิคฺโรโธ สุวณฺณวณฺโณว อโหสิ.

มหากสฺสปตฺเถโร ตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ อมฺหากํ สตฺถา ภวิสฺสติ, อิมํ อหํ อุทฺทิสฺส ปพฺพชิโต’’ติ ทิฏฺฏฺานโต ปฏฺาย โอนโต คนฺตฺวา ตีสุ าเนสุ วนฺทิตฺวา ‘‘สตฺถา เม, ภนฺเต, ภควา, สาวโกหมสฺมิ, สตฺถา เม, ภนฺเต, ภควา, สาวโกหมสฺมี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๕๔) อาห. อถ นํ ภควา อาห – ‘‘กสฺสป, สเจ ตฺวํ อิมํ นิปจฺจการํ มหาปถวิยา กเรยฺยาสิ, สาปิ ธาเรตุํ น สกฺกุเณยฺย. ตถาคตสฺส ปน เอวํ คุณมหนฺตตํ ชานตา ตยา กโต นิปจฺจกาโร มยฺหํ โลมมฺปิ จาเลตุํ น สกฺโกติ. นิสีท, กสฺสป, ทายชฺชํ เต ทสฺสามี’’ติ. อถสฺส ภควา ตีหิ โอวาเทหิ อุปสมฺปทํ อทาสิ. ทตฺวา จ พหุปุตฺตนิคฺโรธมูลโต นิกฺขมิตฺวา เถรํ ปจฺฉาสมณํ กตฺวา มคฺคํ ปฏิปชฺชิ. สตฺถุ สรีรํ ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณวิจิตฺตํ, มหากสฺสปสฺส สตฺตมหาปุริสลกฺขณปฏิมณฺฑิตํ, โส กฺจนนาวาย ปจฺฉาพทฺโธ วิย สตฺถุ ปทานุปทิกํ อนุคฺฉิ. สตฺถา โถกํ มคฺคํ คนฺตฺวา มคฺคา โอกฺกมฺม อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล นิสชฺชาการํ ทสฺเสสิ. เถโร ‘‘สตฺถา นิสีทิตุกาโม’’ติ ตฺวา อตฺตโน ปฏปิโลติกํ สงฺฆาฏึ จตุคฺคุณํ กตฺวา ปฺเปสิ.

สตฺถา ตตฺถ นิสีทิตฺวา หตฺเถน จีวรํ ปริมชฺชนฺโต ‘‘มุทุกา โข ตฺยายํ, กสฺสป, ปฏปิโลติกา สงฺฆาฏี’’ติ อาห (สํ. นิ. ๒.๑๕๔). โส ‘‘สตฺถา เม สงฺฆาฏิยา มุทุภาวํ กเถสิ, ปารุปิตุกาโม ภวิสฺสตี’’ติ ตฺวา ‘‘ปารุปตุ, ภนฺเต, ภควา สงฺฆาฏิ’’นฺติ อาห. ‘‘กึ ตฺวํ ปารุปิสฺสสิ, กสฺสปา’’ติ? ‘‘ตุมฺหากํ นิวาสนํ ลภนฺโต ปารุปิสฺสามิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กึ ปน ตฺวํ, กสฺสป, อิมํ ปริโภคชิณฺณํ ปํสุกูลํ ธาเรตุํ สกฺขิสฺสสิ, มยา หิ อิมสฺส ปํสุกูลสฺส คหิตทิวเส อุทกปริยนฺตํ กตฺวา มหาปถวี กมฺปิ, อิมํ พุทฺธปริโภคชิณฺณจีวรํ นาม น สกฺกา ปริตฺตคุเณน ธาเรตุํ, ปฏิพเลเนวิทํ ปฏิปตฺติปูรณสมตฺเถน ชาติปํสุกูลิเกน ธาเรตุํ วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา เถเรน สทฺธึ จีวรํ ปริวตฺเตสิ.

เอวํ จีวรํ ปริวตฺเตตฺวา เถรสฺส จีวรํ ภควา ปารุปิ, สตฺถุ จีวรํ เถโร. ตสฺมึ ขเณ อเจตนาปิ อยํ มหาปถวี ‘‘ทุกฺกรํ, ภนฺเต, อกตฺถ, อตฺตโน ปารุตจีวรํ สาวเกน ปริวตฺติตปุพฺพํ นาม นาโหสิ, อหํ ตุมฺหากํ คุณํ ธาเรตุํ น สกฺโกมี’’ติ วทนฺตี วิย อุทกปริยนฺตํ กตฺวา กมฺปิ. เถโรปิ ‘‘ลทฺธํ เม พุทฺธานํ ปริโภคจีวรํ, กึ เม อิทานิ อุตฺตริ กตฺตพฺพ’’นฺติ อุนฺนตึ อกตฺวา สตฺถุ สนฺติเกเยว เตรส ธุตคุเณ สมาทาย สตฺตทิวสมตฺตํ ปุถุชฺชโน อโหสิ. อฏฺเม ทิวเส สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. อถ นํ สตฺถา ‘‘กสฺสโป, ภิกฺขเว, จนฺทูปโม กุลานิ อุปสงฺกมติ, อปกสฺเสว กายํ อปกสฺส จิตฺตํ นิจฺจนวโก กุเลสุ อปฺปคพฺโภ’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๔๖) เอวมาทินา ปสํสิตฺวา อปรภาเค อริยคณมชฺเฌ นิสินฺโน ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ ธุตวาทานํ ยทิทํ มหากสฺสโป’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๘๘, ๑๙๑) ธุตวาทานํ อคฺคฏฺาเน เปสิ.

๓๙๘. เอวํ ภควตา เอตทคฺคฏฺาเน ปิโต อายสฺมา มหากสฺสโป มหาสาวกภาวํ ปตฺโต อตฺตโน ปุพฺพกมฺมํ สริตฺวา โสมนสฺสวเสนํ ปุพฺพจริตาปทานํ ปกาเสนฺโต ปทุมุตฺตรสฺส ภควโตติอาทิมาห. ตตฺถ ปทุมุตฺตรสฺสาติ ตสฺส กิร ภควโต มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขมนกาลโต ปฏฺาย ปาทานํ นิกฺเขปนสมเย อกฺกนฺตกฺกนฺตปาเท สตสหสฺสปตฺตา ปทุมา ปถวึ ภินฺทิตฺวา อุฏฺหึสุ. ตสฺมาสฺส ตํ นามํ อโหสิ. สกลสตฺตนิกาเยสุ เอเกเกน สตสตปุฺเ กเต ตสฺส ปุฺสฺส สตคุณปุฺานํ กตตฺตา ภควโตติ อตฺโถ. โลกเชฏฺสฺส ตาทิโนติ สตฺตโลกสฺส ปธานภูตสฺส อิฏฺานิฏฺเสุ อกมฺปิยภาวํ ปตฺตตฺตา ตาทิโน. นิพฺพุเต โลกนาถมฺหีติ สตฺตโลกสฺส ปฏิสรณภูเต ภควติ ขนฺธปรินิพฺพาเนน ปรินิพฺพุเต, อทสฺสนํ คเตติ อตฺโถ. ปูชํ กุพฺพนฺติ สนฺถุโนติ สเทวกสฺส โลกสฺส สาสนโต ‘‘สตฺถา’’ติ ลทฺธนามสฺส ภควโต สาธุกีฬํ กีฬนฺตา ปูชํ กโรนฺตีติ สมฺพนฺโธ.

๓๙๙. อคฺคึ จินนฺตี ชนตาติ ชนสมูหา อาฬาหนตฺถาย อคฺคึ จินนฺตา ราสึ กโรนฺตา อาสมนฺตโต โมทิตา สนฺตุฏฺา ปกาเรน โมทิตา สนฺตุฏฺา ปูชํ กโรนฺตีติ สมฺพนฺโธ. เตสุ สํเวคชาเตสูติ เตสุ ชนสมูเหสุ สํเวคปฺปตฺเตสุ อุตฺราสํ ลภนฺเตสุ เม มยฺหํ ปีติ หาโส อุทปชฺชถ ปาตุภวีติ อตฺโถ.

๔๐๐. าติมิตฺเต สมาเนตฺวาติ มม พนฺธุสหาเย สมาเนตฺวา ราสึ กตฺวา. มหาวีโร ภควา ปรินิพฺพุโต อทสฺสนํ อคมาสีติ อิทํ วจนํ อพฺรวึ กเถสินฺติ สมฺพนฺโธ. หนฺท ปูชํ กโรมเสติ หนฺทาติ โวสฺสคฺคตฺเถ นิปาโต, เตน การเณน มยํ สพฺเพ สมาคตา ปูชํ กโรมาติ อตฺโถ. เสติ นิปาโต.

๔๐๑. สาธูติ เต ปฏิสฺสุตฺวาติ เต มม าติมิตฺตา สาธุ อิติ สุนฺทรํ ภทฺทกํ อิติ ปฏิสุณิตฺวา มม วจนํ สมฺปฏิฉิตฺวา เม มยฺหํ ภิยฺโย อติเรกํ หาสํ ปีตึ ชนึสุ อุปฺปาเทสุนฺติ อตฺโถ.

๔๐๒. ตโต อตฺตโน กตปุฺสฺจยํ ทสฺเสนฺโต พุทฺธสฺมึ โลกนาถมฺหีติอาทิมาห. สตหตฺถํ อุคฺคตํ อุพฺพิทฺธํ ทิยฑฺฒหตฺถสตํ วิตฺถตํ, วิมานํ นภสิ อากาเส อุคฺคตํ อคฺฆิยํ, สุกตํ สุนฺทรากาเรน กตํ, กตฺวา กาเรตฺวา จ ปุฺสฺจยํ ปุฺราสึ กาหาสึ อกาสินฺติ สมฺพนฺโธ.

๔๐๓. กตฺวาน อคฺฆิยํ ตตฺถาติ ตสฺมึ เจติยปูชนฏฺาเน ตาลปนฺตีหิ ตาลปาฬีหิ จิตฺติตํ โสภิตํ อคฺฆิยํ กตฺวาน กาเรตฺวา จ สกํ จิตฺตํ อตฺตโน จิตฺตํ ปสาเทตฺวา เจติยํ ปูชยุตฺตมนฺติ อุตฺตมํ พุทฺธธาตุนิธาปิตํ เจติยํ ปูชยินฺติ สมฺพนฺโธ.

๔๐๔. ตสฺส เจติยสฺส มหิมํ ทสฺเสนฺโต อคฺคิกฺขนฺโธวาติอาทิมาห. ตตฺถ อคฺคิกฺขนฺโธวาติ อากาเส ชลมาโน อคฺคิกฺขนฺโธว อคฺคิราสิ อิว ตํ เจติยํ สตฺตหิ รตเนหิ ชลติ ผุลฺลิโต วิกสิตปุปฺโผ สาลรุกฺขราชา อิว อากาเส อินฺทลฏฺีว อินฺทธนุ อิว จ จตุทฺทิสา จตูสุ ทิสาสุ โอภาสติ วิชฺโชตตีติ สมฺพนฺโธ.

๔๐๕. ตตฺถ จิตฺตํ ปสาเทตฺวาติ ตสฺมึ โชตมานธาตุคพฺภมฺหิ จิตฺตํ มนํ ปสาเทตฺวา โสมนสฺสํ กตฺวา เตน จิตฺตปฺปสาเทน พหุํ อเนกปฺปการํ กุสลํ ปุฺํ กตฺวาน ‘‘ธาตุคพฺเภ จ สาสเน จ เอตฺตกานิ ปุฺานิ มยา กตานี’’ติ เอวํ ปุฺกมฺมํ สริตฺวาน กาลํกตฺวา ติทสํ ตาวตึสภวนํ สุตฺตปฺปพุทฺโธ วิย อหํ อุปปชฺชึ ชาโตติ สมฺพนฺโธ.

๔๐๖. อตฺตโน อุปฺปนฺนเทวโลเก ลทฺธสมฺปตฺตึ ทสฺเสนฺโต สหสฺสยุตฺตนฺติอาทิมาห. ตตฺถ หยวาหึ สินฺธวสหสฺสโยชิตํ ทิพฺพรถํ อธิฏฺิโต. สตฺตหิ ภูมีหิ สํ สุฏฺุ อุคฺคตํ อุพฺพิทฺธํ อุจฺจํ มยฺหํ ภวนํ วิมานํ อโหสีติ อตฺโถ.

๔๐๗. ตสฺมึ วิมาเน สพฺพโสวณฺณมยา สกลโสวณฺณมยานิ กูฏาคารสหสฺสานิ อหุํ อเหสุนฺติ อตฺโถ. สกเตเชน อตฺตโน อานุภาเวน สพฺพา ทส ทิสา ปภาสยํ โอภาเสนฺตานิ ชลนฺติ วิชฺโชตนฺตีติ สมฺพนฺโธ.

๔๐๘. ตสฺมึ มยฺหํ ปาตุภูตวิมาเน อฺเปิ นิยฺยูหา ปมุขสาลาโย สนฺติ วิชฺชนฺติ. กึ ภูตา? โลหิตงฺคมยา รตฺตมณิมยา ตทา เตปิ นิยฺยูหา จตสฺโส ทิสา อาภาย ปภาย โชตนฺตีติ สมฺพนฺโธ.

๔๑๐. สพฺเพ เทเว สกลฉเทวโลเก เทเว อภิโภมิ อภิภวามิ. กสฺส ผลนฺติ เจ? มยา กตสฺส ปุฺกมฺมสฺส อิทํ ผลนฺติ อตฺโถ.

๔๑๑. ตโต มนุสฺสสมฺปตฺตึ ทสฺเสนฺโต สฏฺิกปฺปสหสฺสมฺหีติอาทิมาห. ตตฺถ อิโต กปฺปโต เหฏฺา สฏฺิสหสฺสกปฺปมตฺถเก จาตุรนฺโต จตุมหาทีปวนฺโต วิชิตาวี สพฺพํ ปจฺจตฺถิกํ วิชิตวนฺโต อหํ อุพฺพิทฺโธ นาม จกฺกวตฺตี ราชา หุตฺวา ปถวึ อาวสึ รชฺชํ กาเรสินฺติ สมฺพนฺโธ.

๔๑๒-๔. ตเถว ภทฺทเก กปฺเปติ ปฺจพุทฺธปฏิมณฺฑิตตฺตา ภทฺทเก นาม กปฺเป. ตึสกฺขตฺตุํ ตึสชาติยา จตุทีปมฺหิ อิสฺสโร ปธาโน จกฺกรตนาทีหิ สตฺตหิ รตเนหิ สมฺปนฺโน สมงฺคีภูโต สกกมฺมาภิรทฺโธ อตฺตโน กมฺเม ทส ราชธมฺเม อภิรทฺโธ อลฺลีโน จกฺกวตฺตี ราชา อมฺหี อโหสินฺติ สมฺพนฺโธ. อตฺตโน จกฺกวตฺติกาเล อนุภูตสมฺปตฺตึ ทสฺเสนฺโต ‘‘ตตฺถาปิ ภวนํ มยฺห’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ ตสฺมึ จกฺกวตฺติรชฺชมฺหิ มยฺหํ ภวนํ มม ปาสาทํ อินฺทลฏฺีว อุคฺคตํ อากาเส ิตวิชฺโชตมานา วิชฺชุลฺลตา อิว อุคฺคตํ สตฺตภูมิกาทิเภเทหิ อุจฺจํ อายามโต ทีฆโต จ อุจฺจโต จ จตุวีสติโยชนํ วิตฺถารโต ทฺวาทสโยชนํ อโหสีติ สมฺพนฺโธ. สพฺเพสํ ชนานํ มนํ อลฺลีนภาเวน รมฺมณํ นาม นครํ อโหสีติ อตฺโถ. ทฬฺเหหิ ทฺวาทสหตฺเถหิ วา ตึสหตฺเถหิ วา อุจฺเจหิ ปาการโตรเณหิ สมฺปนฺนนฺติ ทสฺเสติ.

๔๑๕-๒๐. ตทฑฺฒกํ ตโต อฑฺฒกํ อฑฺฒติยสตโยชนนฺติ อตฺโถ. ปกฺขิตฺตา ปณฺณวีสตีติ วีสติอาปณปกฺขิตฺตํ นิรนฺตรํ วีถิปริจฺเฉทนฺติ อตฺโถ. พฺราหฺมฺกุลสมฺภูโตติ พฺราหฺมณกุเล สุชาโต. เสสํ วุตฺตนยตฺตา สุวิฺเยฺยเมวาติ.

มหากสฺสปตฺเถรอปทานวณฺณนา สมตฺตา.

๓-๔. อนุรุทฺธตฺเถรอปทานวณฺณนา

สุเมธํ ภควนฺตาหนฺติอาทิกํ อายสฺมโต อนุรุทฺธตฺเถรสฺส อปทานํ. อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยานิ ปุฺานิ อุปจินนฺโต ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล วิภวสมฺปนฺเน กุฏุมฺพิกกุเล นิพฺพตฺติ. วยปฺปตฺโต เอกทิวสํ วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุณนฺโต สตฺถารา เอกํ ภิกฺขุํ ทิพฺพจกฺขุกานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา สยมฺปิ ตํ ทานํ ปตฺเถตฺวา สตสหสฺสภิกฺขุปริวารสฺส ภควโต สตฺตาหํ มหาทานํ ปวตฺเตตฺวา สตฺตเม ทิวเส ภควโต ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ อุตฺตมานิ วตฺถานิ ทตฺวา ปณิธานํ อกาสิ. สตฺถาปิสฺส อนนฺตราเยน สมิชฺฌนภาวํ ทิสฺวา ‘‘อนาคเต โคตมสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สาสเน ทิพฺพจกฺขุกานํ อคฺโค ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิ. โสปิ ตตฺถ ปุฺานิ กโรนฺโต สตฺถริ ปรินิพฺพุเต สตฺตโยชนิเก กนกถูเป พหุกํสปาติโย ทีปรุกฺเขหิ ทีปกปลฺลิกาหิ จ ‘‘ทิพฺพจกฺขุาณสฺส อุปนิสฺสโย โหตู’’ติ อุฬารํ ทีปปูชํ อกาสิ. เอวํ ยาวชีวํ ปุฺานิ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต กสฺสปสฺส ภควโต กาเล พาราณสิยํ กุฏุมฺพิกเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต สตฺถริ ปรินิพฺพุเต นิฏฺิเต โยชนิเก กนกถูเป พหุกํสปาติโย สปฺปิมณฺฑสฺส ปูเรตฺวา มชฺเฌ จ เอเกกํ คุฬปิณฺฑํ เปตฺวา มุขวฏฺฏิยา มุขวฏฺฏึ ผุสาเปนฺโต เจติยํ ปริกฺขิปาเปสิ. อตฺตนา คหิตกํสปาตึ สปฺปิมณฺฑสฺส ปูเรตฺวา สหสฺสวฏฺฏิโย ชาลาเปตฺวา สีเส เปตฺวา สพฺพรตฺตึ เจติยํ อนุปริยายิ.

เอวํ ตสฺมิมฺปิ อตฺตภาเว ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา ตตฺถ ยาวตายุกํ ตฺวา ตโต จุโต อนุปฺปนฺเน พุทฺเธ พาราณสิยํเยว ทุคฺคตกุเล นิพฺพตฺติ, ‘‘อนฺนภาโร’’ติสฺส นามํ อโหสิ. โส สุมนเสฏฺิสฺส นาม เคเห กมฺมํ กโรนฺโต ชีวติ. เอกทิวสํ โส อุปริฏฺํ นาม ปจฺเจกพุทฺธํ นิโรธสมาปตฺติโต วุฏฺาย คนฺธมาทนปพฺพตโต อากาเสนาคนฺตฺวา พาราณสีนครทฺวาเร โอตริตฺวา จีวรํ ปารุปิตฺวา นคเร ปิณฺฑาย จรนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส ปตฺตํ คเหตฺวา อตฺตโน อตฺถาย ปิตํ ภาคภตฺตํ ปตฺเต ปกฺขิปิตฺวา ปจฺเจกพุทฺธสฺส ทาตุกาโม อารภิ. ภริยาปิสฺส อตฺตโน ภาคภตฺตฺจ ตตฺเถว ปกฺขิปิ. โส ตํ เนตฺวา ปจฺเจกพุทฺธสฺส หตฺเถ เปสิ. ปจฺเจกพุทฺโธ ตํ คเหตฺวา อนุโมทนํ กตฺวา ปกฺกามิ. ตํ ทิวสํ สุมนเสฏฺิสฺส ฉตฺเต อธิวตฺถา เทวตา – ‘‘อโห ทานํ, ปรมทานํ, อุปริฏฺเ สุปฺปติฏฺิต’’นฺติ มหาสทฺเทน อนุโมทิ. ตํ สุตฺวา สุมนเสฏฺิ – ‘‘เอวํ เทวตาย อนุโมทิตํ อิทเมว อุตฺตมทาน’’นฺติ จินฺเตตฺวา ตตฺถ ปตฺตึ ยาจิ. อนฺนภาโร ปน ตสฺส ปตฺตึ อทาสิ. เตน ปสนฺนจิตฺโต สุมนเสฏฺิ ตสฺส สหสฺสํ ทตฺวา ‘‘อิโต ปฏฺาย ตุยฺหํ สหตฺเถน กมฺมกรณกิจฺจํ นตฺถิ, ปติรูปํ เคหํ กตฺวา นิจฺจํ วสาหี’’ติ อาห.

ยสฺมา นิโรธสมาปตฺติโต วุฏฺิตสฺส ปจฺเจกพุทฺธสฺส ทินฺนปิณฺฑปาโต ตํ ทิวสเมว อุฬารวิปาโก โหติ, ตสฺมา สุมนเสฏฺิ รฺโ สนฺติกํ คจฺฉนฺโต ตํ คเหตฺวา อคมาสิ. ราชา ปน ตํ อาทรวเสน โอโลเกสิ. เสฏฺิ – ‘‘มหาราช, อยํ โอโลเกตพฺพยุตฺโตเยวา’’ติ วตฺวา ตทา เตน กตกมฺมํ อตฺตนาปิสฺส สหสฺสทินฺนภาวฺจ กเถสิ. ตํ สุตฺวา ราชา ตสฺส ตุสฺสิตฺวา สหสฺสํ ทตฺวา ‘‘อสุกสฺมึ าเน เคหํ กตฺวา วสาหี’’ติ เคหฏฺานมสฺส อาณาเปสิ. ตสฺส ตํ านํ โสธาเปนฺตสฺส มหนฺตา มหนฺตา นิธิกุมฺภิโย อุฏฺหึสุ. โส ตา ทิสฺวา รฺโ อาโรเจสิ. ราชา สพฺพํ ธนํ อุทฺธราเปตฺวา ราสิกตํ ทิสฺวา – ‘‘เอตฺตกํ ธนํ อิมสฺมึ นคเร กสฺส เคเห อตฺถี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘น กสฺสจิ, เทวา’’ติ. ‘‘เตน หิ อยํ อนฺนภาโร อิมสฺมึ นคเร มหาธนเสฏฺิ นาม โหตู’’ติ ตํ ทิวสเมว ตสฺส เสฏฺิฉตฺตํ อุสฺสาเปสิ.

โส เสฏฺิ หุตฺวา ยาวชีวํ กลฺยาณกมฺมํ กตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺโต, ทีฆรตฺตํ เทวมนุสฺเสสุ สํสริตฺวา อมฺหากํ ภควโต อุปฺปชฺชนกกาเล กปิลวตฺถุนคเร สุกฺโกทนสกฺกสฺส เคเห ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. ตสฺส ชาตสฺส อนุรุทฺโธติ นามํ อกํสุ. โส มหานามสกฺกสฺส กนิฏฺภาตา ภควโต จูฬปิตุ ปุตฺโต ปรมสุขุมาโล มหาปุฺโ อโหสิ. สุวณฺณปาติยํเยว จสฺส ภตฺตํ อุปฺปชฺชิ. อถสฺส มาตา เอกทิวสํ ‘‘มม ปุตฺโต นตฺถีติ ปทํ น ชานาติ, ตํ ชานาเปสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา เอกํ สุวณฺณปาตึ ตุจฺฉกํเยว อฺาย สุวณฺณปาติยา ปิทหิตฺวา ตสฺส เปเสสิ, อนฺตรามคฺเค เทวตา ตํ, ทิพฺพปูเวหิ ปูเรสุํ. เอวํ มหาปุฺโ ติณฺณํ อุตูนํ อนุจฺฉวิเกสุ ตีสุ ปาสาเทสุ อลงฺกตนาฏกิตฺถีหิ ปริวุโต เทโว วิย มหาสมฺปตฺตึ อนุภวิ.

อมฺหากมฺปิ โพธิสตฺโต ตสฺมึ สมเย ตุสิตปุรา จวิตฺวา สุทฺโธทนมหาราชสฺส อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติตฺวา อนุกฺกเมน วุทฺธิปฺปตฺโต เอกูนตึส วสฺสานิ อคารมชฺเฌ วสิตฺวา มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิตฺวา อนุกฺกเมน ปฏิวิทฺธสพฺพฺุตฺาโณ โพธิมณฺเฑ สตฺตสตฺตาหํ วีตินาเมตฺวา อิสิปตเน มิคทาเย ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตตฺวา โลกานุคฺคหํ กโรนฺโต ราชคหํ คนฺตฺวา เวฬุวเน วิหาสิ. ตทา สุทฺโธทนมหาราชา – ‘‘ปุตฺโต กิร เม ราชคหํ อนุปฺปตฺโต; คจฺฉถ, ภเณ, มม ปุตฺตํ อาเนถา’’ติ สหสฺสสหสฺสปริวาเร ทส อมจฺเจ เปเสสิ. เต สพฺเพ เอหิภิกฺขุปพฺพชฺชาย ปพฺพชึสุ. เตสุ อุทายิตฺเถเรน จาริกาคมนํ อายาจิโต ภควา วีสติสหสฺสขีณาสวปริวุโต ราชคหโต นิกฺขมิตฺวา กปิลวตฺถุปุรํ คนฺตฺวา าติสมาคเม อเนกานิ ปาฏิหาริยานิ ทสฺเสตฺวา ปาฏิหาริยวิจิตฺตํ ธมฺมเทสนํ กเถตฺวา มหาชนํ อมตปานํ ปาเยตฺวา ทุติยทิวเส ปตฺตจีวรมาทาย นครทฺวาเร ตฺวา ‘‘กึ นุ โข กุลนครํ อาคตานํ สพฺพพุทฺธานํ อาจิณฺณ’’นฺติ อาวชฺชมาโน ‘‘สปทานํ ปิณฺฑาย จรณํ อาจิณฺณ’’นฺติ ตฺวา สปทานํ ปิณฺฑาย จรติ. ราชา ‘‘ปุตฺโต เต ปิณฺฑาย จรตี’’ติ สุตฺวา ตุริตตุริโต อาคนฺตฺวา อนฺตรวีถิยํ ธมฺมํ สุตฺวา อตฺตโน นิเวสนํ ปเวเสตฺวา มหนฺตํ สกฺการสมฺมานํ อกาสิ. ภควา ตตฺถ กตฺตพฺพํ าติสงฺคหํ กตฺวา ราหุลกุมารํ ปพฺพาเชตฺวา นจิรสฺเสว กปิลวตฺถุนครโต มลฺลรฏฺเ จาริกํ จรมาโน อนุปิยมฺพวนํ ปาปุณิ.

ตสฺมึ สมเย สุทฺโธทนมหาราชา สากิยคณํ สนฺนิปาเตตฺวา อาห – ‘‘สเจ มม ปุตฺโต อคารํ อชฺฌาวสิสฺส, ราชา อภวิสฺส จกฺกวตฺตี สตฺตรตนสมฺปนฺโน ขตฺติยคณปริวาโร, นตฺตาปิ เม ราหุลกุมาโร ขตฺติยคเณน สทฺธึ ตํ ปริวาเรตฺวา อจริสฺส, ตุมฺเหปิ เอตมตฺถํ ชานาถ. อิทานิ ปน มม ปุตฺโต พุทฺโธ ชาโต, ขตฺติยาวาสฺส ปริวารา โหนฺตุ, ตุมฺเห เอเกกกุลโต เอเกกํ ทารกํ เทถา’’ติ. เอวํ วุตฺเต เอกปฺปหาเรเนว ทฺเวอสีติสหสฺสขตฺติยกุมารา ปพฺพชึสุ.

ตสฺมึ สมเย มหานาโม สกฺโก กุฏุมฺพสามิโก, โส อตฺตโน กนิฏฺํ อนุรุทฺธํ สกฺกํ อุปสงฺกมิตฺวา เอตทโวจ – ‘‘เอตรหิ, ตาต อนุรุทฺธ, อภิฺาตา อภิฺาตา สกฺยกุมารา ภควนฺตํ ปพฺพชิตํ อนุปพฺพชนฺติ, อมฺหากฺจ กุลา นตฺถิ โกจิ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต, เตน หิ ตฺวํ วา ปพฺพชาหิ, อหํ วา ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. ตํ สุตฺวา อนุรุทฺโธ ฆราวาเส รุจึ อกตฺวา อตฺตสตฺตโม อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต. ตสฺส ปพฺพชฺชานุกฺกโม สงฺฆเภทกกฺขนฺธเก (จูฬว. ๓๓๐ อาทโย) อาคโตเยว. เอวํ อนุปิยํ คนฺตฺวา ปพฺพชิเตสุ ปน เตสุ ตสฺมึเยว อนฺโตวสฺเส ภทฺทิยตฺเถโร อรหตฺตํ ปาปุณิ, อนุรุทฺธตฺเถโร ทิพฺพจกฺขุํ นิพฺพตฺเตสิ, เทวทตฺโต อฏฺ สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตสิ, อานนฺทตฺเถโร โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาสิ, ภคุตฺเถโร จ กิมิลตฺเถโร จ ปจฺฉา อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. เตสํ สพฺเพสมฺปิ เถรานํ อตฺตโน อตฺตโน อาคตฏฺาเนสุ ปุพฺพปตฺถนาภินีหาโร อาวิ ภวิสฺสติ. อยํ อนุรุทฺธตฺเถโร ธมฺมเสนาปติสฺส สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา เจติยรฏฺเ ปาจีนวํสทายํ คนฺตฺวา สมณธมฺมํ กโรนฺโต สตฺต มหาปุริสวิตกฺเก วิตกฺเกสิ, อฏฺเม กิลมติ. สตฺถา ‘‘อนุรุทฺโธ อฏฺเม มหาปุริสวิตกฺเก กิลมตี’’ติ ตฺวา ‘‘ตสฺส สงฺกปฺปํ ปูเรสฺสามี’’ติ ตตฺถ คนฺตฺวา ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสินฺโน อฏฺมํ มหาปุริสวิตกฺกํ ปูเรตฺวา จตุปจฺจยสนฺโตสภาวนารามปฏิมณฺฑิตํ มหาอริยวํสปฏิปทํ กเถตฺวา อากาเส อุปฺปติตฺวา เภสกลาวนเมว คโต.

เถโร ตถาคเต คตมตฺเตเยว เตวิชฺโช มหาขีณาสโว หุตฺวา ‘‘สตฺถา มยฺหํ มนํ ชานิตฺวา อาคนฺตฺวา อฏฺมํ มหาปุริสวิตกฺกํ ปูเรตฺวา อทาสิ, โส จ เม มโนรโถ มตฺถกํ ปตฺโต’’ติ พุทฺธานํ ธมฺมเทสนํ อตฺตโน จ ปฏิเวธธมฺมํ อารพฺภ อิมา อุทานคาถา อภาสิ –

‘‘มม สงฺกปฺปมฺาย, สตฺถา โลเก อนุตฺตโร;

มโนมเยน กาเยน, อิทฺธิยา อุปสงฺกมิ.

‘‘ยทา เม อหุ สงฺกปฺโป, ตโต อุตฺตริ เทสยิ;

นิปฺปปฺจรโต พุทฺโธ, นิปฺปปฺจมเทสยิ.

‘‘ตสฺสาหํ ธมฺมมฺาย, วิหาสึ สาสเน รโต;

ติสฺโส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติ. (เถรคา. ๙๐๑-๙๐๓);

อถ นํ อปรภาเค สตฺถา เชตวเน มหาวิหาเร วิหรนฺโต ‘‘ทิพฺพจกฺขุกานํ ภิกฺขูนํ อนุรุทฺโธ อคฺโค’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๙๒) อคฺคฏฺาเน เปสิ.

๔๒๑. เอวํ โส ภควโต สนฺติกา ทิพฺพจกฺขุกานํ อคฺคฏฺานํ ลภิตฺวา อตฺตโน ปุพฺพกมฺมํ สริตฺวา โสมนสฺสวเสน ปุพฺพจริตาปทานํ ปกาเสนฺโต สุเมธํ ภควนฺตาหนฺติอาทิมาห. ตตฺถ สุนฺทรา อุปฏฺาปนปฺา มคฺคผลปฺา วิปสฺสนาปฺา จตุปฏิสมฺภิทาทิสงฺขาตา เมธา ยสฺส ภควโต โส สุเมโธ, ตํ สุเมธํ ภาคฺยสมฺปนฺนตฺตา ภควนฺตํ โลกสฺส เชฏฺํ เสฏฺํ ปธานภูตํ สํสารโต ปมํ นิคฺคตํ นรานํ อาสภํ ปุเรจาริกํ วูปกฏฺํ วิเวกภูตํ คณสงฺคณิการามโต อปคตํ วิหรนฺตํ อหํ อทฺทสนฺติ สมฺพนฺโธ.

๔๒๒. สพฺพธมฺมานํ สยเมว พุทฺธตฺตา สมฺพุทฺธํ, อุปคนฺตฺวาน สมีปํ คนฺตฺวาติ อตฺโถ. อฺชลึ ปคฺคเหตฺวานาติ ทสงฺคุลิปุฏํ มุทฺธนิ กตฺวาติ อตฺโถ. เสสํ อุตฺตานตฺถเมว.

๔๓๐. ทิวา รตฺติฺจ ปสฺสามีติ ตทา เทวโลเก จ มนุสฺสโลเก จ อุปฺปนฺนกาเล มํสจกฺขุนา สมนฺตโต โยชนํ ปสฺสามีติ อตฺโถ.

๔๓๑. สหสฺสโลกํ าเณนาติ ปฺาจกฺขุนา สหสฺสจกฺกวาฬํ ปสฺสามีติ อตฺโถ. สตฺถุ สาสเนติ อิทานิ โคตมสฺส ภควโต สาสเน. ทีปทานสฺส ทีปปูชาย อิทํ ผลํ, อิมินา ผเลน ทิพฺพจกฺขุํ อนุปฺปตฺโต ปฏิลทฺโธ อุปฺปาเทสินฺติ อตฺโถ.

อนุรุทฺธตฺเถรอปทานวณฺณนา สมตฺตา.

๓-๕. ปุณฺณมนฺตาณิปุตฺตตฺเถรอปทานวณฺณนา

อชฺฌายโก มนฺตธโรติอาทิกํ อายสฺมโต ปุณฺณสฺส มนฺตาณิปุตฺตตฺเถรสฺส อปทานํ. อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยานิ ปุฺานิ อุปจินนฺโต ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต อุปฺปตฺติโต ปุเรตรเมว หํสวตีนคเร พฺราหฺมณมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติตฺวา อนุกฺกเมน วิฺุตํ ปตฺโต. อปรภาเค ปทุมุตฺตเร ภควติ อุปฺปชฺชิตฺวา โพธเนยฺยานํ ธมฺมํ เทเสนฺเต เหฏฺา วุตฺตนเยน มหาชเนน สทฺธึ วิหารํ คนฺตฺวา ปริสปริยนฺเต นิสีทิตฺวา ธมฺมํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ ธมฺมกถิกานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา ‘‘มยาปิ อนาคเต เอวรูเปน ภวิตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา เทสนาวสาเน อุฏฺิตาย ปริสาย สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา นิมนฺเตตฺวา เหฏฺา วุตฺตนเยน มหาสกฺการํ กตฺวา ภควนฺตํ เอวมาห – ‘‘ภนฺเต, อหํ อิมินา อธิกาเรน น อฺํ สมฺปตฺตึ ปตฺเถมิ, ยถา ปเนโส ภิกฺขุ สตฺตมทิวสมตฺถเก ตุมฺเหหิ ธมฺมกถิกานํ อคฺคฏฺาเน ปิโต, เอวํ อหมฺปิ อนาคเต เอกสฺส พุทฺธสฺส สาสเน ธมฺมกถิกานํ อคฺโค ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ อกาสิ. สตฺถา อนาคตํ โอโลเกตฺวา ตสฺส ปตฺถนาย สมิชฺฌนภาวํ ทิสฺวา ‘‘อนาคเต กปฺปสตสหสฺสมตฺถเก โคตโม นาม พุทฺโธ อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตสฺส สาสเน ปพฺพชิตฺวา ตฺวํ ธมฺมกถิกานํ อคฺโค ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิ.

โส ยาวตายุกํ กลฺยาณกมฺมํ กตฺวา ตโต จุโต กปฺปสตสหสฺสํ ปุฺสมฺภารํ สมฺภรนฺโต เทวมนุสฺเสสุ สํสริตฺวา อมฺหากํ ภควโต กาเล กปิลวตฺถุนครสฺส อวิทูเร โทณวตฺถุนามเก พฺราหฺมณคาเม พฺราหฺมณมหาสาลกุเล อฺาสิโกณฺฑฺตฺเถรสฺส ภาคิเนยฺโย หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ตสฺส ปุณฺโณติ นามํ อกํสุ. โส สตฺถริ อภิสมฺโพธึ ปตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺเก อนุกฺกเมน ราชคหํ อุปนิสฺสาย วิหรนฺเต อฺาสิโกณฺฑฺสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ลทฺธูปสมฺปโท ปธานมนุยุฺชนฺโต สพฺพํ ปพฺพชิตกิจฺจํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา ‘‘ทสพลสฺส สนฺติกํ คมิสฺสามี’’ติ มาตุลตฺเถเรน สทฺธึ สตฺถุ สนฺติกํ อาคนฺตฺวา กปิลวตฺถุสามนฺตาเยว โอหิยิตฺวา โยนิโส มนสิกาเร กมฺมํ กโรนฺโต นจิรสฺเสว วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ.

ตสฺส ปน ปุณฺณตฺเถรสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตา กุลปุตฺตา ปฺจสตา อเหสุํ. เถโร เต ทสกถาวตฺถูหิ โอวทิ. เตปิ สพฺเพ ทสกถาวตฺถูหิ โอวทิตา ตสฺส โอวาเท ตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิตฺวา อตฺตโน ปพฺพชิตกิจฺจํ มตฺถกปฺปตฺตํ ตฺวา อุปชฺฌายํ อุปสงฺกมิตฺวา อาหํสุ – ‘‘ภนฺเต, มยํ ปพฺพชิตกิจฺจสฺส มตฺถกํ ปตฺตา, ทสนฺนฺจ กถาวตฺถูนํ ลาภิโน, สมโย ทานิ โน ทสพลํ ปสฺสิตุ’’นฺติ, เถโร เตสํ วจนํ สุตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘มยฺหํ ทสกถาวตฺถุลาภิตํ สตฺถา ชานาติ. อหํ ธมฺมํ เทเสนฺโต ทสกถาวตฺถูนิ อมุฺจิตฺวาว เทเสมิ, มยิ จ คจฺฉนฺเต สพฺเพปิเม ภิกฺขู มํ ปริวาเรตฺวา คจฺฉิสฺสนฺติ, เอวํ เม คเณน สทฺธึ คนฺตฺวา อยุตฺตํ ทสพลํ ปสฺสิตุํ, อิเม ตาว ทสพลํ ปสฺสิตุํ คจฺฉนฺตู’’ติ. อถ เต เอวมาห – ‘‘อาวุโส, ตุมฺเห ปุรโต คนฺตฺวา ทสพลํ ปสฺสถ, มม วจเนน ตถาคตสฺส ปาเท วนฺทถ, อหมฺปิ ตุมฺหากํ คตมคฺเคน อาคจฺฉิสฺสามี’’ติ. เตปิ เถรา สพฺเพ ทสพลสฺส ชาติภูมิรฏฺวาสิโน สพฺเพ ขีณาสวา สพฺเพ ทสกถาวตฺถุลาภิโน อุปชฺฌายสฺส โอวาทํ อจฺฉินฺทิตฺวา เถรํ วนฺทิตฺวา อนุปุพฺเพน จาริกํ จรนฺตา สฏฺิโยชนมคฺคํ อติกฺกมฺม ราชคเห เวฬุวนมหาวิหารํ คนฺตฺวา ทสพลสฺส ปาเท วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. อาจิณฺณํ โข ปเนตํ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ อาคนฺตุเกหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ ปฏิสมฺโมทิตุนฺติ ภควา เตหิ สทฺธึ ‘‘กจฺจิ, ภิกฺขเว, ขมนีย’’นฺติอาทินา นเยน มธุรปฏิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘กุโต จ ตุมฺเห, ภิกฺขเว, อาคตตฺถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ปุน เตหิ ‘‘ชาติภูมิโต’’ติ วุตฺเต ‘‘โก นุ โข, ภิกฺขเว, ชาติภูมิยํ ชาติภูมกานํ ภิกฺขูนํ สพฺรหฺมจารีนํ เอวํ สมฺภาวิโต ‘อตฺตนา จ อปฺปิจฺโฉ อปฺปิจฺฉกถฺจ ภิกฺขูนํ กตฺตา’’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๕๒) ทสกถาวตฺถุลาภึ ภิกฺขุํ ปุจฺฉิ. เตปิ ‘‘ปุณฺโณ นาม, ภนฺเต, อายสฺมา มนฺตาณิปุตฺโต’’ติ อาโรจยึสุ.

เตสํ กถํ สุตฺวา อายสฺมา สาริปุตฺโต เถรํ ทสฺสนกาโม อโหสิ. อถ สตฺถา ราชคหโต สาวตฺถึ อคมาสิ. ปุณฺณตฺเถโรปิ ทสพลสฺส ตตฺถ อาคตภาวํ สุตฺวา ‘‘สตฺถารํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ คนฺตฺวา อนฺโตคนฺธกุฏิยํเยว ตถาคตํ สมฺปาปุณิ. สตฺถา ตสฺส ธมฺมํ เทเสสิ. เถโร ธมฺมํ สุตฺวา ทสพลํ วนฺทิตฺวา ปฏิสลฺลานตฺถาย อนฺธวนํ คนฺตฺวา อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล ทิวาวิหารํ นิสีทิ. สาริปุตฺตตฺเถโรปิ ตสฺสาคมนํ สุตฺวา สีสานุโลกิโก คนฺตฺวา โอกาสํ สลฺลกฺเขตฺวา ตสฺมึ รุกฺขมูเล นิสินฺนกํ อุปสงฺกมิตฺวา เถเรน สทฺธึ สมฺโมทิตฺวา ตํ วิสุทฺธิกฺกมํ (ม. นิ. ๑.๒๕๗) ปุจฺฉิ. โสปิสฺส ปุจฺฉิตปุจฺฉิตํ พฺยากโรนฺโต รถวินีตูปมาย อติวิย จิตฺตํ อาราเธสิ. เต อฺมฺสฺส สุภาสิตํ สมนุโมทึสุ.

๔๓๔. อถ นํ สตฺถา อปรภาเค ภิกฺขุสงฺฆสฺส มชฺเฌ นิสินฺโน เถรํ ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ ธมฺมกถิกานํ ยทิทํ ปุณฺโณ’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๘๘, ๑๙๖) เอตทคฺเค เปสิ. โส ปุพฺพกมฺมํ สริตฺวา โสมนสฺสวเสน ปุพฺพจริตาปทานํ วิภาเวนฺโต อชฺฌายโกติอาทิมาห. ตตฺถ อชฺฌายโกติ อเนกพฺราหฺมณานํ วาเจตา สิกฺขาเปตา. มนฺตธโรติ มนฺตานํ ธาเรตาติ อตฺโถ, เวทสงฺขาตสฺส จตุตฺถเวทสฺส สชฺฌายนสวนทานานํ วเสน ธาเรตาติ วุตฺตํ โหติ. ติณฺณํ เวทานนฺติ อิรุเวทยชุเวทสามเวทสงฺขาตานํ ติณฺณํ เวทานํ าเณน ธาเรตพฺพตา ‘‘เวโท’’ติ ลทฺธนาเมสุ ตีสุ เวทคนฺเถสุ ปารํ ปริโยสานํ คโตติ อตฺโถ. ปุรกฺขโตมฺหิ สิสฺเสหีติ มม นิจฺจปริวารภูเตหิ สิสฺเสหิ ปริวุโต อหํ อมฺหิ. อุปคจฺฉึ นรุตฺตมนฺติ นรานํ อุตฺตมํ ภควนฺตํ อุปสงฺกมึ, สมีปํ คโตติ อตฺโถ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.

๔๓๘. อภิธมฺมนยฺูหนฺติ อหํ ตทา ตสฺส พุทฺธสฺส กาเล อภิธมฺมนยโกวิโทติ อตฺโถ. กถาวตฺถุวิสุทฺธิยาติ กถาวตฺถุปฺปกรเณ วิสุทฺธิยา เฉโก, อปฺปิจฺฉสนฺตุฏฺิกถาทีสุ ทสสุ กถาวตฺถูสุ วา เฉโก, ตาย กถาวตฺถุวิสุทฺธิยา สพฺเพสํ ยติชนานํ ปณฺฑิตานํ วิฺาเปตฺวาน โพเธตฺวาน อนาสโว นิกฺกิเลโส วิหรามิ วาสํ กปฺเปมิ.

๔๓๙. อิโต ปฺจสเต กปฺเปติ อิโต ปฺจพุทฺธปฏิมณฺฑิตโต ภทฺทกปฺปโต ปฺจสเต กปฺเป สุปฺปกาสกา สุฏฺุ ปากฏา จกฺกรตนาทิ สตฺตหิ รตเนหิ สมฺปนฺนา ชมฺพุทีปาทิจตุทีปมฺหิ อิสฺสรา ปธานา จตุโร จตฺตาโร จกฺกวตฺติราชาโน อเหสุนฺติ อตฺโถ. เสสํ วุตฺตนยเมวาติ.

ปุณฺณมนฺตาณิปุตฺตตฺเถรอปทานวณฺณนา สมตฺตา.

๓-๖. อุปาลิตฺเถรอปทานวณฺณนา

นคเร หํสวติยาติอาทิกํ อายสฺมโต อุปาลิตฺเถรสฺส อปทานํ. อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยานิ ปุฺานิ อุปจินนฺโต ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล หํสวตีนคเร วิภวสมฺปนฺเน พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺโต. เอกทิวสํ สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมกถํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ วินยธรานํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา สตฺถุ อธิการกมฺมํ กตฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถสิ.

โส ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท กปฺปกเคเห นิพฺพตฺโต. อุปาลีติสฺส นามํ อกํสุ. โส วยปฺปตฺโต อนุรุทฺธาทีนํ ฉนฺนํ ขตฺติยานํ ปิยสหาโย หุตฺวา ตถาคเต อนุปิยมฺพวเน วิหรนฺเต ปพฺพชฺชาย นิกฺขมนฺเตหิ ฉหิ ขตฺติเยหิ สทฺธึ นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิ. ตสฺส ปพฺพชฺชาวิธานํ ปาฬิยํ (จูฬว. ๓๓๐ อาทโย) อาคตเมว. โส ปพฺพชิตฺวา อุปสมฺปนฺโน หุตฺวา สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา ‘‘มยฺหํ, ภนฺเต, อรฺวาสํ อนุชานาถา’’ติ อาห. ‘‘ภิกฺขุ อรฺเ วสนฺตสฺส เอกเมว ธุรํ วฑฺฒิสฺสติ, มยฺหํ ปน สนฺติเก วสนฺตสฺส วิปสฺสนาธุรฺจ คนฺถธุรฺจ ปริปูเรสฺสตี’’ติ. โส สตฺถุ วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. สตฺถาปิ นํ สยเมว สกลํ วินยปิฏกํ อุคฺคณฺหาเปสิ. โส อปรภาเค ภารุกจฺฉวตฺถุํ อชฺชุกวตฺถุํ กุมารกสฺสปวตฺถุนฺติ อิมานิ ตีณิ วตฺถูนิ วินิจฺฉินิ. สตฺถา เอเกกสฺมึ วินิจฺฉเย สาธุการํ ทตฺวา ตโย วินิจฺฉเย อฏฺุปฺปตฺตึ กตฺวา เถรํ วินยธรานํ อคฺคฏฺาเน เปสิ.

๔๔๑. เอวํ โส เอตทคฺคฏฺานํ ปตฺวา อตฺตโน ปุพฺพกมฺมํ สริตฺวา โสมนสฺสปฺปตฺโต ตํ ปุพฺพจริตาปทานํ ปกาเสนฺโต นคเร หํสวติยาติอาทิมาห. ตตฺถ หํสวติยาติ หํสาวฏฺฏอากาเรน วติ ปาการปริกฺเขโป ยสฺมึ นคเร, ตํ นครํ หํสวตี. อถ วา อเนกสงฺขา หํสา ตฬากโปกฺขรณีสรปลฺลลาทีสุ นิวสนฺตา อิโต จิโต จ วิธาวมานา วสนฺติ เอตฺถาติ หํสวตี, ตสฺสา หํสวติยา. สุชาโต นาม พฺราหฺมโณติ สุฏฺุ ชาโตติ สุชาโต, ‘‘อกฺขิตฺโต อนุปกุฏฺโ’’ติ วจนโต อครหิโต หุตฺวา ชาโตติ อตฺโถ. อสีติโกฏินิจโยติ อสีติโกฏิธนราสิโก ปหูตธนธฺวา อสงฺขฺเยยฺยธนธฺวา พฺราหฺมโณ สุชาโต นาม อโหสินฺติ สมฺพนฺโธ.

๔๔๒. ปุนปิ ตสฺเสว มหนฺตภาวํ ทสฺเสนฺโต อชฺฌายโกติอาทิมาห. ตตฺถ อชฺฌายโกติ ปเรสํ เวทตฺตยาทึ วาเจตา. มนฺตธโรติ มนฺตา วุจฺจติ ปฺา, อถพฺพนเวทพฺยากรณาทิชานนปฺวาติ อตฺโถ. ติณฺณํ เวทาน ปารคูติ อิรุเวทยชุเวทสามเวทสงฺขาตานํ ติณฺณํ เวทานํ ปริโยสานํ ปตฺโตติ อตฺโถ. ลกฺขเณติ ลกฺขณสตฺเถ, พุทฺธปจฺเจกพุทฺธจกฺกวตฺติอิตฺถิปุริสานํ หตฺถปาทาทีสุ ทิสฺสมานลกฺขณปกาสนกคนฺเถ จาติ อตฺโถ. อิติหาเสติ ‘‘อิติห อาส อิติห อาสา’’ติ โปราณกถาปฺปกาสเก คนฺเถ. สธมฺเมติ สกธมฺเม พฺราหฺมณธมฺเม ปารมึ คโต ปริโยสานํ โกฏึ คโต ปตฺโตติ อตฺโถ.

๔๔๓. ปริพฺพาชาติ เย นิคณฺสาวกา, เต สพฺเพ นานาทิฏฺิกา ตทา มหิยา ปถวีตเล จรนฺตีติ สมฺพนฺโธ.

๔๔๕. ยาว ยตฺตกํ กาลํ ชิโน นุปฺปชฺชติ, ตาว ตตฺตกํ กาลํ พุทฺโธติ วจนํ นตฺถีติ อตฺโถ.

๔๔๖. อจฺจเยน อโหรตฺตนฺติ อโห จ รตฺติ จ อโหรตฺตํ, พหูนํ สํวจฺฉรานํ อติกฺกเมนาติ อตฺโถ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.

๔๕๔. มนฺตาณิปุตฺโตติ มนฺตาณีนามาย กปฺปกธีตุยา ปุตฺโต, มาสปุณฺณตาย ทิวสปุณฺณตาย ปุณฺโณติ ลทฺธนาโมติ อตฺโถ. ตสฺส สตฺถุสฺส สาวโก เหสฺสติ ภวิสฺสตีติ สมฺพนฺโธ.

๔๕๕. เอวํ กิตฺตยิ โส พุทฺโธติ โส ปทุมุตฺตโร ภควา เอวํ อิมินา ปกาเรน สุนนฺทํ สุนฺทรากาเรน โสมนสฺสทายกํ กิตฺตยิ พฺยากรณมทาสีติ อตฺโถ. สพฺพํ ชนํ สกลชนสมูหํ สาธุกํ หาสยนฺโต โสมนสฺสํ กโรนฺโต สกํ พลํ อตฺตโน พลํ ทสฺสยนฺโต ปากฏํ กโรนฺโตติ สมฺพนฺโธ.

๔๕๖. ตโต อนนฺตรํ อตฺตโน อานุภาวํ อฺาปเทเสน ทสฺเสนฺโต กตฺชลีติอาทิมาห. ตทา ตสฺมึ พุทฺธุปฺปาทโต ปุริมกาเล สุนนฺทํ ตาปสํ กตฺชลิปุฏา สพฺเพ ชนา นมสฺสนฺตีติ สมฺพนฺโธ. พุทฺเธ การํ กริตฺวานาติ เอวํ โส สพฺพชนปูชิโตปิ สมาโน ‘‘ปูชิโตมฺหี’’ติ มานํ อกตฺวา พุทฺธสาสเน อธิกํ กิจฺจํ กตฺวา อตฺตโน คตึ ชาตึ โสเธสิ ปริสุทฺธมกาสีติ อตฺโถ.

๔๕๗. สุตฺวาน มุนิโน วจนฺติ ตสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส วาจํ, คาถาพนฺธสุขตฺถํ อา-การสฺส รสฺสํ กตฺวา ‘‘วจ’’นฺติ วุตฺตํ. ‘‘อนาคตมฺหิ อทฺธาเน โคตโม นาม นาเมน สตฺถา โลเก ภวิสฺสตี’’ติ อิมํ มุนิโน วจนํ สุตฺวา ยถา เยน ปกาเรน โคตมํ ภควนฺตํ ปสฺสามิ, ตถา เตน ปกาเรน การํ อธิกกิจฺจํ ปุฺสมฺภารํ กสฺสามิ กริสฺสามีติ เม มยฺหํ สงฺกปฺโป เจตนามนสิกาโร อหุ อโหสีติ สมฺพนฺโธ.

๔๕๘. เอวาหํ จินฺตยิตฺวานาติ ‘‘อหํ การํ กริสฺสามี’’ติ เอวํ จินฺเตตฺวา. กิริยํ จินฺตยึ มมาติ ‘‘มยา กีทิสํ ปุฺํ กตฺตพฺพํ นุ โข’’ติ กิริยํ กตฺตพฺพกิจฺจํ จินฺตยินฺติ อตฺโถ. กฺยาหํ กมฺมํ อาจรามีติ อหํ กีทิสํ ปุฺกมฺมํ อาจรามิ ปูเรมิ นุ โขติ อตฺโถ. ปุฺกฺเขตฺเต อนุตฺตเรติ อุตฺตรวิรหิเต สกลปุฺสฺส ภาชนภูเต รตนตฺตเยติ อตฺโถ.

๔๕๙. อยฺจ ปาิโก ภิกฺขูติ อยํ ภิกฺขุ สรภฺวเสน คนฺถปาปนโต วาจนโต ‘‘ปาิโก’’ติ ลทฺธนาโม ภิกฺขุ. พุทฺธสาสเน สพฺเพสํ ปาีนํ ปากวาจกานํ อนฺตเร วินเย จ อคฺคนิกฺขิตฺโต อคฺโค อิติ ปิโต. ตํ านํ เตน ภิกฺขุนา ปตฺตฏฺานนฺตรํ อหํ ปตฺถเย ปตฺเถมีติ อตฺโถ.

๔๖๐. ตโต ปรํ อตฺตโน ปุฺกรณูปายํ ทสฺเสนฺโต อิทํ เม อมิตํ โภคนฺติอาทิมาห. เม มยฺหํ อมิตํ ปมาณวิรหิตํ โภคราสึ อกฺโขภํ โขเภตุํ อสกฺกุเณยฺยํ สาครูปมํ สาครสทิสํ เตน โภเคน ตาทิเสน ธเนน พุทฺธสฺส อารามํ มาปเยติ สมฺพนฺโธ. เสสํ อุตฺตานตฺถเมว.

๔๗๔. ภิกฺขุสงฺเฆ นิสีทิตฺวา สมฺพุทฺโธ เตน สุฏฺุ มาปิตํ การิตํ สงฺฆารามํ ปฏิคฺคเหตฺวา ตสฺสารามสฺสานิสํสทีปกํ อิทํ วจนํ อพฺรวิ กเถสีติ สมฺพนฺโธ.

๔๗๕. กถํ? โย โสติ โย สงฺฆารามทายโก ตาปโส สุมาปิตํ กุฏิเลณมณฺฑปปาสาทหมฺมิยปาการาทินา สุฏฺุ สชฺชิตํ สงฺฆารามํ พุทฺธสฺส ปาทาสิ ป-กาเรน โสมนสฺสสมฺปยุตฺตจิตฺเตน อทาสิ. ตมหํ กิตฺตยิสฺสามีติ ตํ ตาปสํ อหํ ปากฏํ กริสฺสามิ, อุตฺตานึ กริสฺสามีติ อตฺโถ. สุณาถ มม ภาสโตติ ภาสนฺตสฺส มยฺหํ วจนํ สุณาถ, โอหิตโสตา อวิกฺขิตฺตจิตฺตา มนสิ กโรถาติ อตฺโถ.

๔๗๖. เตน ทินฺนารามสฺส ผลํ ทสฺเสนฺโต หตฺถี อสฺสา รถา ปตฺตีติอาทิมาห. ตํ สุวิฺเยฺยเมว.

๔๗๗. สงฺฆารามสฺสิทํ ผลนฺติ อิทํ อายตึ อนุภวิตพฺพสมฺปตฺติสงฺขาตํ อิฏฺผลํ สงฺฆารามทานสฺส ผลํ วิปากนฺติ อตฺโถ.

๔๗๘. ฉฬาสีติสหสฺสานีติ ฉสหสฺสานิ อสีติสหสฺสานิ สมลงฺกตา สุฏฺุ อลงฺกตา สชฺชิตา นาริโย อิตฺถิโย วิจิตฺตวตฺถาภรณาติ วิจิตฺเตหิ อเนกรูเปหิ วตฺเถหิ อาภรเณหิ จ สมนฺนาคตา. อามุตฺตมณิกุณฺฑลาติ โอลมฺพิตมุตฺตาหารมณิกฺจิตกณฺณาติ อตฺโถ.

๔๗๙. ตาสํ อิตฺถีนํ รูปโสภาติสยํ วณฺเณนฺโต อาฬารปมฺหาติอาทิมาห. ตตฺถ อาฬารานิ มหนฺตานิ อกฺขีนิ มณิคุฬสทิสานิ ยาสํ อิตฺถีนํ ตา อาฬารปมฺหา ภมรานมิว มนฺทโลจนาติ อตฺโถ. หสุลา หาสปกติ, ลีลาวิลาสาติ อตฺโถ. สุสฺาติ สุนฺทรสฺิตพฺพสรีราวยวา. ตนุมชฺฌิมาติ ขุทฺทกอุทรปเทสา. เสสํ อุตฺตานเมว.

๔๘๔. ตสฺส ธมฺเมสุ ทายาโทติ ตสฺส โคตมสฺส ภควโต ธมฺเมสุ ทายาโท ธมฺมโกฏฺาสภาคี. โอรโสติ อุรสิ ชาโต, สิถิลธนิตาทิทสวิธพฺยฺชนพุทฺธิสมฺปนฺนํ กณฺตาลุโอฏฺาทิปฺจฏฺาเน ฆฏฺเฏตฺวา เทสิตธมฺมํ สุตฺวา โสตาปตฺติมคฺคาทิมคฺคปฏิปาฏิยา สพฺพกิเลเส เขเปตฺวา อรหตฺเต ิตภาเวน อุรสิ ชาตปุตฺโตติ อตฺโถ. ธมฺมนิมฺมิโตติ ธมฺเมน สเมน อทณฺเฑน อสตฺเถน นิมฺมิโต ปากโฏ ภวิสฺสสีติ อตฺโถ. อุปาลิ นาม นาเมนาติ กิฺจาปิ โส มาตุ นาเมน มนฺตาณิปุตฺตนาโม, อนุรุทฺธาทีหิ ปน สห คนฺตฺวา ปพฺพชิตตฺตา ขตฺติยานํ อุปสมีเป อลฺลีโน ยุตฺโต กายจิตฺเตหิ สมงฺคีภูโตติ อุปาลีติ นาเมน สตฺถุ สาวโก เหสฺสติ ภวิสฺสตีติ อตฺโถ.

๔๘๕. วินเย ปารมึ ปตฺวาติ วินยปิฏเก โกฏึ ปริโยสานํ ปตฺวา ปาปุณิตฺวา. านาฏฺาเน จ โกวิโทติ การณาการเณ จ ทกฺโข เฉโกติ อตฺโถ. ชินสาสนํ ธาเรนฺโตติ ชิเนน วุตฺตานุสาสนึ ชินสฺส ปิฏกตฺตยํ วาจนสวนจินฺตนธารณาทิวเสน ธาเรนฺโต, สลฺลกฺเขนฺโตติ อตฺโถ. วิหริสฺสตินาสโวติ นิกฺกิเลโส จตูหิ อิริยาปเถหิ อปริปตนฺตํ อตฺตภาวํ หริสฺสติ ปวตฺเตสฺสตีติ อตฺโถ.

๔๘๗. อปริเมยฺยุปาทายาติ อเนกสตสหสฺเส อาทึ กตฺวา. ปตฺเถมิ ตว สาสนนฺติ ‘‘โคตมสฺส ภควโต สาสเน วินยธรานํ อคฺโค ภเวยฺย’’นฺติ ตุยฺหํ สาสนํ ปตฺเถมิ อิจฺฉามีติ อตฺโถ. โส เม อตฺโถติ โส เอตทคฺคฏฺานนฺตรสงฺขาโต อตฺโถ เม มยา อนุปฺปตฺโตติ อตฺโถ. สพฺพสํโยชนกฺขโยติ สพฺเพสํ สํโยชนานํ ขโย มยา อนุปฺปตฺโตติ สมฺพนฺโธ, นิพฺพานํ อธิคตนฺติ อตฺโถ.

๔๘๘. ราชทณฺเฑน ตชฺชิโต ปีฬิโต สูลาวุโต สูเล อาวุโต อาวุณิโต โปโส ปุริโส สูเล สาตํ มธุรสุขํ อวินฺทนฺโต นานุภวนฺโต ปริมุตฺตึว ปริโมจนเมว อิจฺฉติ ยถาติ สมฺพนฺโธ.

๔๘๙-๙๐. มหาวีร วีรานมนฺตเร วีรุตฺตม อหํ ภวทณฺเฑน ชาติทณฺเฑน, ตชฺชิโต ปีฬิโต กมฺมสูลาวุโต กุสลากุสลกมฺมสูลสฺมึ อาวุโต สนฺโต สํวิชฺชมาโน, ปิปาสาเวทนาย ปิปาสาตุรภาเวน อฏฺฏิโต อภิภูโต ทุกฺขาปิโต ภเว สาตํ สํสาเร มธุรํ สุขํ น วินฺทามิ น ลภามิ. ราคคฺคิโทสคฺคิโมหคฺคิสงฺขาเตหิ, นรกคฺคิกปฺปุฏฺานคฺคิทุกฺขคฺคิสงฺขาเตหิ วา ตีหิ อคฺคีหิ ฑยฺหนฺโต ปริมุตฺตึ ปริมุจฺจนุปายํ คเวสามิ ปริเยสามิ ตเถวาติ สมฺพนฺโธ. ยถา ราชทณฺฑํ อิโต คโต ปตฺโต ปริมุตฺตึ คเวสติ, ตถา อหํ ภวทณฺฑปฺปตฺโต ปริมุตฺตึ คเวสามีติ สมฺพนฺโธ.

๔๙๑-๒. ปุน สํสารโต โมจนํ อุปโมปเมยฺยวเสน ทสฺเสนฺโต ยถา วิสาโทติอาทิมาห. ตตฺถ วิเสน สปฺปวิเสน อา สมนฺตโต ทํสียิตฺถ ทฏฺโ โหตีติ วิสาโท, สปฺปทฏฺโติ อตฺโถ. อถ วา วิสํ หลาหลวิสํ อทติ คิลตีติ วิสาโท, วิสขาทโกติ อตฺโถ. โย ปุริโส วิสาโท, เตน ตาทิเสน วิเสน ปริปีฬิโต, ตสฺส วิสสฺส วิฆาตาย วินาสาย อุปายนํ อุปายภูตํ อคทํ โอสธํ คเวเสยฺย ปริเยเสยฺย, ตํ คเวสมาโน วิสฆาตกํ วิสนาสกํ อคทํ โอสธํ ปสฺเสยฺย ทกฺเขยฺย. โส ตํ อตฺตโน ทิฏฺํ โอสธํ ปิวิตฺวา วิสมฺหา วิสโต ปริมุตฺติยา ปริโมจนการณา สุขี อสฺส ภเวยฺย ยถาติ สมฺพนฺโธ.

๔๙๓. ตเถวาหนฺติ ยถา เยน ปกาเรน โส นโร วิสหโต, สวิเสน สปฺเปน ทฏฺโ วิสขาทโก วา โอสธํ ปิวิตฺวา สุขี ภเวยฺย, ตเถว เตน ปกาเรน อหํ อวิชฺชาย โมเหน สํ สุฏฺุ ปีฬิโต. สทฺธมฺมาคทเมสหนฺติ อหํ สทฺธมฺมสงฺขาตํ โอสธํ เอสํ ปริเยสนฺโตติ อตฺโถ.

๔๙๔-๕. ธมฺมาคทํ คเวสนฺโตติ สํสารทุกฺขวิสสฺส วินาสาย ธมฺโมสธํ คเวสนฺโต. อทฺทกฺขึ สกฺยสาสนนฺติ สกฺยวํสปภวสฺส โคตมสฺส สาสนํ สทฺทกฺขินฺติ อตฺโถ. อคฺคํ สพฺโพสธานํ ตนฺติ สพฺเพสํ โอสธานํ อนฺตเร ตํ สกฺยสาสนสงฺขาตํ ธมฺโมสธํ อคฺคํ อุตฺตมนฺติ อตฺโถ. สพฺพสลฺลวิโนทนนฺติ ราคสลฺลาทีนํ สพฺเพสํ สลฺลานํ วิโนทนํ วูปสมกรํ ธมฺโมสธํ ธมฺมสงฺขาตํ โอสธํ ปิวิตฺวา สพฺพํ วิสํ สกลสํสารทุกฺขวิสํ สมูหนึ นาเสสินฺติ สมฺพนฺโธ. อชรามรนฺติ ตํ ทุกฺขวิสํ สมูหนิตฺวา อชรํ ชราวิรหิตํ อมรํ มรณวิรหิตํ สีติภาวํ ราคปริฬาหาทิวิรหิตตฺตา สีตลภูตํ นิพฺพานํ อหํ ผสฺสยึ ปจฺจกฺขมกาสินฺติ สมฺพนฺโธ.

๔๙๖. ปุน กิเลสตมสฺส อุปมํ ทสฺเสนฺโต ยถา ภูตฏฺฏิโตติอาทิมาห. ตตฺถ ยถา เยน ปกาเรน ภูตฏฺฏิโต ภูเตน ยกฺเขน อฏฺฏิโต ปีฬิโต โปโส ปุริโส ภูตคฺคาเหน ยกฺขคฺคาเหน ปีฬิโต ทุกฺขิโต ภูตสฺมา ยกฺขคฺคาหโต ปริมุตฺติยา โมจนตฺถาย ภูตเวชฺชํ คเวเสยฺย.

๔๙๗. ตํ คเวสมาโน จ ภูตวิชฺชาย สุฏฺุ โกวิทํ เฉกํ ภูตเวชฺชํ ปสฺเสยฺย, โส ภูตเวชฺโช ตสฺส ยกฺขคฺคหิตสฺส ปุริสสฺส อาเวสภูตํ วิหเน วินาเสยฺย, สมูลฺจ มูเลน สห อายตึ อนาเสวกํ กตฺวา วินาสเย วิทฺธํเสยฺยาติ สมฺพนฺโธ.

๔๙๘. มหาวีร วีรุตฺตม ตมคฺคาเหน กิเลสนฺธการคฺคาเหน ปีฬิโต อหํ ตเถว เตน ปกาเรเนว ตมโต กิเลสนฺธการโต ปริมุตฺติยา โมจนตฺถาย าณาโลกํ ปฺาอาโลกํ คเวสามีติ สมฺพนฺโธ.

๔๙๙. อถ ตทนนฺตรํ กิเลสตมโสธนํ กิเลสนฺธการนาสกํ สกฺยมุนึ อทฺทสนฺติ อตฺโถ. โส สกฺยมุนิ เม มยฺหํ ตมํ อนฺธการํ กิเลสติมิรํ ภูตเวชฺโชว ภูตกํ ยกฺขคฺคหิตํ อิว วิโนเทสิ ทูรี อกาสีติ สมฺพนฺโธ.

๕๐๐. โส อหํ เอวํ วิมุตฺโต สํสารโสตํ สํสารปวาหํ สํ สุฏฺุ ฉินฺทึ เฉเทสึ, ตณฺหาโสตํ ตณฺหามโหฆํ นิวารยึ นิรวเสสํ อปฺปวตฺตึ อกาสินฺติ อตฺโถ. ภวํ อุคฺฆาฏยึ สพฺพนฺติ กามภวาทิกํ สพฺพํ นวภวํ อุคฺฆาฏยึ วินาเสสินฺติ อตฺโถ. มูลโต วินาเสนฺโต ภูตเวชฺโช อิว มูลโต อุคฺฆาฏยินฺติ สมฺพนฺโธ.

๕๐๑. ตโต นิพฺพานปริเยสนาย อุปมํ ทสฺเสนฺโต ยถาติอาทิมาห. ตตฺถ ครุํ ภาริยํ นาคํ คิลตีติ ครุโฬ. ครุํ วา นาคํ ลาติ อาททาตีติ ครุโฬ, ครุฬราชา. อตฺตโน ภกฺขํ สกโคจรํ ปนฺนคํ ปกาเรน ปรหตฺถํ น คจฺฉตีติ ปนฺนโคติ ลทฺธนามํ นาคํ คหณตฺถาย โอปตติ อวปตติ, สมนฺตา สมนฺตโต โยชนสตํ สตโยชนปฺปมาณํ มหาสรํ มหาสมุทฺทํ อตฺตโน ปกฺขวาเตหิ วิกฺโขเภติ อาโลเฬติ ยถาติ สมฺพนฺโธ.

๕๐๒. โส สุปณฺโณ วิหงฺคโม เวหาสคมนสีโล ปนฺนคํ นามํ คเหตฺวา อโธสีสํ โอลมฺเพตฺวา วิเหยํ ตตฺถ ตตฺถ วิวิเธน เหเนน เหเนฺโต อาทาย ทฬฺหํ คเหตฺวา เยน กามํ ยตฺถ คนฺตุกาโม, ตตฺถ ปกฺกมติ คจฺฉตีติ สมฺพนฺโธ.

๕๐๓. ภนฺเต มหาวีร, ยถา ครุโฬ พลี พลวา ปนฺนคํ คเหตฺวา ปกฺกมติ, ตถา เอว อหํ อสงฺขตํ ปจฺจเยหิ อกตํ นิพฺพานํ คเวสนฺโต ปฏิปตฺติปูรณวเสน ปริเยสนฺโต โทเส สกลทิยฑฺฒกิเลสสหสฺเส วิกฺขาลยึ วิเสเสน สมุจฺเฉทปฺปหาเนน โสเธสึ อหนฺติ สมฺพนฺโธ.

๕๐๔. ยถา ครุโฬ ปนฺนคํ คเหตฺวา ภุฺชิตฺวา วิหรติ, ตถา อหํ ธมฺมวรํ อุตฺตมธมฺมํ ทิฏฺโ ปสฺสนฺโต เอตํ สนฺติปทํ นิพฺพานปทํ อนุตฺตรํ อุตฺตรวิรหิตํ มคฺคผเลหิ อาทาย คเหตฺวา วฬฺเชตฺวา วิหรามีติ สมฺพนฺโธ.

๕๐๕. อิทานิ นิพฺพานสฺส ทุลฺลภภาวํ ทสฺเสนฺโต อาสาวตี นาม ลตาติอาทิมาห. ตตฺถ สพฺเพสํ เทวานํ อาสา อิจฺฉา เอติสฺสํ ลตายํ อตฺถีติ อาสาวตี นาม ลตา, จิตฺตลตาวเน อเนกวิจิตฺตาหิ ลตาหิ คหนีภูเต วเน อุยฺยาเน ชาตา นิพฺพตฺตาติ อตฺโถ. ตสฺสา ลตาย วสฺสสหสฺเสน วสฺสสหสฺสจฺจเยน เอกํ ผลํ นิพฺพตฺตเต เอกํ ผลํ คณฺหาติ.

๕๐๖. ตํ เทวาติ ตํ อาสาวตึ ลตํ ตาว ทูรผลํ ตตฺตกํ จิรกาลํ อติกฺกมิตฺวา ผลํ คณฺหนฺตํ สํวิชฺชมานํ เทวา ตาวตึสเทวตา ปยิรุปาสนฺติ ภชนฺติ, สา อาสาวตี นาม ลตุตฺตมา ลตานํ อนฺตเร อุตฺตมลตา เอวํ เทวานํ ปิยา อโหสีติ สมฺพนฺโธ.

๕๐๗. สตสหสฺสุปาทายาติ สตสหสฺสสํวจฺฉรํ อาทึ กตฺวา. ตาหํ ปริจเร มุนีติ โมนํ วุจฺจติ าณํ, ภนฺเต, มุนิ าณวนฺต สพฺพฺุ, อหํ ตํ ภควนฺตํ ปริจเร ปยิรุปาสามิ. สายํปาตํ นมสฺสามีติ สายนฺหสมยฺจ ปุพฺพณฺหสมยฺจาติ ทฺวิกฺขตฺตุํ นมสฺสามิ ปณามํ กโรมิ. ยถา เทวา ตาวตึสา เทวา วิย อาสาวตีลตํ สายํปาตฺจ ปยิรุปาสนฺตีติ สมฺพนฺโธ.

๕๐๘. อวฺฌา ปาริจริยาติ ยสฺมา พุทฺธทสฺสนเหตุ นิพฺพานปฺปตฺติ อโหสิ, ตสฺมา พุทฺธปาริจริยา วตฺตปฏิปตฺติกิริยา อวฺฌา อตุจฺฉา นมสฺสนา ปณามกิริยา จ อโมฆา อตุจฺฉา. ตถา หิ ทูราคตํ ทูรโต สํสารทฺธานโต อาคตมฺปิ, สนฺตํ สํวิชฺชมานํ ขโณยํ อยํ พุทฺธุปฺปาทกฺขโณ น วิราธยิ นาติกฺกมิ, มํ อติกฺกมิตฺวา น คโตติ อตฺโถ.

๕๐๙. พุทฺธทสฺสนเหตุ นิพฺพานปฺปตฺโต อหํ อายตึ อุปฺปชฺชนกภเว มม ปฏิสนฺธึ วิจินนฺโต อุปปริกฺขนฺโต น ปสฺสามีติ สมฺพนฺโธ. นิรูปธิ ขนฺธูปธิกิเลสูปธีหิ วิรหิโต วิปฺปมุตฺโต สพฺพกิเลเสหิ วินาภูโต อุปสนฺโต กิเลสปริฬาหาภาเวน สนฺตมานโส จรามิ อหนฺติ สมฺพนฺโธ.

๕๑๐. ปุน อตฺตโน พุทฺธทสฺสนาย อุปมํ ทสฺเสนฺโต ยถาปิ ปทุมํ นามาติอาทิมาห. สูริยรํเสน สูริยรํสิสมฺผสฺเสน ยถา ปทุมํ นาม อปิ ปุปฺผติ วิกสติ มหาวีร วีรุตฺตม อหํ ตถา เอว พุทฺธรํเสน พุทฺเธน ภควตา เทสิตธมฺมรํสิปฺปภาเวน ปุปฺผิโตติ อตฺโถ.

๕๑๑-๑๒. ปุน พุทฺธทสฺสเนน นิพฺพานทสฺสนํ ทีเปนฺโต ยถา พลากาติอาทิมาห. ตตฺถ พลากโยนิมฺหิ พลากชาติยํ สทา สพฺพสฺมึ กาเล ปุมา ปุริโส ยถา น วิชฺชติ. ปุเม อวิชฺชมาเน กถํ พลากานํ คพฺภคฺคหณํ โหตีติ เจ? เมเฆสุ คชฺชมาเนสุ สทฺทํ กโรนฺเตสุ เมฆคชฺชนํ สุตฺวา ตา พลากินิโย สทา สพฺพกาเล คพฺภํ คณฺหนฺติ อณฺฑํ ธาเรนฺตีติ อตฺโถ. ยาว ยตฺตกํ กาลํ เมโฆ น คชฺชติ เมโฆ สทฺทํ น กโรติ, ตาว ตตฺตกํ กาลํ จิรํ จิรกาเลน คพฺภํ อณฺฑํ ธาเรนฺติ. ยทา ยสฺมึ กาเล เมโฆ ปวสฺสติ ปกาเรน คชฺชิตฺวา วสฺสติ วุฏฺิธารํ ปคฺฆรติ, ตทา ตสฺมึ กาเล ภารโต คพฺภธารณโต ปริมุจฺจนฺติ อณฺฑํ ปาเตนฺตีติ อตฺโถ.

๕๑๓. ตโต ปรํ อุปเมยฺยสมฺปทํ ทสฺเสนฺโต ปทุมุตฺตรพุทฺธสฺสาติอาทิมาห. ปทุมุตฺตรสฺส พุทฺธสฺส ธมฺมเมเฆน โวหารปรมตฺถเทสนาสงฺขาตเมเฆน คชฺชโต คชฺชนฺตสฺส เทเสนฺตสฺส ธมฺมเมฆสฺส สทฺเทน โฆสานุสาเรน อหํ ตทา ธมฺมคพฺภํ วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ ทานสีลาทิปุฺสมฺภารคพฺภํ อคณฺหึ คเหสึ ตถาติ สมฺพนฺโธ.

๕๑๔. สตสหสฺสุปาทาย กปฺปสตสหสฺสํ อาทึ กตฺวา ปุฺคพฺภํ ทานสีลาทิปุฺสมฺภารํ อหํ ธเรมิ ปูเรมิ. ยาว ธมฺมเมโฆ ธมฺมเทสนา น คชฺชติ พุทฺเธน น เทสียติ, ตาว อหํ ภารโต สํสารคพฺภภารโต นปฺปมุจฺจามิ น โมเจมิ น วิสุํ ภวามีติ สมฺพนฺโธ.

๕๑๕. ภนฺเต, สกฺยมุนิ สกฺยวํสปฺปภว ยทา ยสฺมึ กาเล สุทฺโธทนมหาราชสฺส ตว ปิตุ รมฺเม รมณีเย กปิลวตฺถเว กปิลวตฺถุนามเก นคเร ตุวํ ธมฺมเมเฆน คชฺชติ โฆเสติ, ตทา ตสฺมึ กาเล อหํ ภารโต สํสารคพฺภภารโต ปริมุจฺจึ มุตฺโต อโหสินฺติ สมฺพนฺโธ.

๕๑๖. ตโต ปรํ อตฺตนา อธิคเต มคฺคผเล ทสฺเสนฺโต สุฺตนฺติอาทิมาห. ตตฺถ อตฺตอตฺตนิยาทีนํ อภาวโต สุฺตํ วิโมกฺขฺจ ราคโทสโมหสพฺพกิเลสนิมิตฺตานํ อภาวโต, อนิมิตฺตํ วิโมกฺขฺจ ตณฺหาปณิธิสฺส อภาวโต, อปฺปณิหิตํ วิโมกฺขฺจ อริยมคฺคํ อธิคฺฉึ ภาเวสินฺติ สมฺพนฺโธ. จตุโร จ ผเล สพฺเพติ จตฺตาริ สามฺผลานิ สพฺพานิ สจฺฉิ อกาสินฺติ อตฺโถ. ธมฺเมวํ วิชฏยึ อหนฺติ อหํ เอวํ สพฺพธมฺเม ชฏํ คหนํ วิชฏยึ วิทฺธํเสสินฺติ อตฺโถ.

ทุติยภาณวารวณฺณนา สมตฺตา.

๕๑๗. ตโต ปรํ อตฺตนา อธิคตวิเสสเมว ทสฺเสนฺโต อปริเมยฺยุปาทายาติอาทิมาห. ตตฺถ น ปริเมยฺโยติ อปริเมยฺโย, สํวจฺฉรคณนวเสน ปเมตุํ สงฺขาตุํ อสกฺกุเณยฺโยติ อตฺโถ. ตํ อปริเมยฺยํ กปฺปํ อุปาทาย อาทึ กตฺวา ตว สาสนํ ตุยฺหํ สาสนํ ‘‘อนาคเต โคตมสฺส ภควโต สาสเน วินยธรานํ อคฺโค ภเวยฺย’’นฺติ เอวํ ปตฺเถมิ. อตีตตฺเถ วตฺตมานวจนํ, ปตฺเถสินฺติ อตฺโถ. โส เม อตฺโถติ โส ปตฺถนาสงฺขาโต อตฺโถ เม มยา อนุปฺปตฺโต นิปฺผาทิโตติ อตฺโถ. อนุตฺตรํ สนฺติปทํ นิพฺพานํ อนุปฺปตฺตํ อธิคตนฺติ สมฺพนฺโธ.

๕๑๘. โส อหํ อธิคตตฺตา วินเย วินยปิฏเก ปารมึ ปตฺโต ปริโยสานปฺปตฺโต. ยถาปิ ปาิโก อิสีติ ยถา ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต สาสเน วินยธรานํ อคฺโค อิสิ ภิกฺขุ ปาิโก ปากโฏ อโหสิ, ตเถวาหนฺติ อตฺโถ. น เม สมสโม อตฺถีติ วินยธาริตาย เม มยา สมสโม สมาโน อฺโ น อตฺถีติ อตฺโถ. สาสนํ โอวาทานุสาสนีสงฺขาตํ สาสนํ ธาเรมิ ปูเรมีติ อตฺโถ.

๕๑๙. ปุนปิ อตฺตโน วิเสสํ ทสฺเสนฺโต วินเย ขนฺธเก จาปีติอาทิมาห. ตตฺถ วินเยติ อุภโตวิภงฺเค. ขนฺธเกติ มหาวคฺคจูฬวคฺเค. ติกจฺเฉเท จาติ ติกสงฺฆาทิเสสติกปาจิตฺติยาทิเก จ. ปฺจเมติ ปริวาเร จ. เอตฺถ เอตสฺมึ สกเล วินยปิฏเก มยฺหํ วิมติ ทฺเวฬฺหกํ นตฺถิ น สํวิชฺชติ. อกฺขเรติ วินยปิฏกปริยาปนฺเน อ-การาทิเก อกฺขเร. พฺยฺชเนติ ก-การาทิเก พฺยฺชเน วา เม วิมติ สํสโย นตฺถีติ สมฺพนฺโธ.

๕๒๐. นิคฺคเห ปฏิกมฺเม จาติ ปาปภิกฺขูนํ นิคฺคเห จ สาปตฺติกานํ ภิกฺขูนํ ปริวาสทานาทิเก ปฏิกมฺเม จ านาฏฺาเน จ การเณ จ อการเณ จ โกวิโท เฉโกติ อตฺโถ. โอสารเณ จ ตชฺชนียาทิกมฺมสฺส ปฏิปฺปสฺสทฺธิวเสน โอสารเณ ปเวสเน จ. วุฏฺาปเน จ อาปตฺติโต วุฏฺาปเน นิราปตฺติกรเณ จ เฉโกติ สมฺพนฺโธ. สพฺพตฺถ ปารมึ คโตติ สพฺพสฺมึ วินยกมฺเม ปริโยสานํ ปตฺโต, ทกฺโข เฉโกติ อตฺโถ.

๕๒๑. วินเย ขนฺธเก จาปีติ วุตฺตปฺปกาเร วินเย จ ขนฺธเก จ, ปทํ สุตฺตปทํ นิกฺขิปิตฺวา ปฏฺเปตฺวา. อุภโต วินิเวเตฺวาติ วินยโต ขนฺธกโต จาติ อุภยโต นิพฺพตฺเตตฺวา วิชเฏตฺวา นยํ อาหริตฺวา. รสโตติ กิจฺจโต. โอสเรยฺยํ โอสารณํ กโรมีติ อตฺโถ.

๕๒๒. นิรุตฺติยา จ กุสโลติ ‘‘รุกฺโข ปโฏ กุมฺโภ มาลา จิตฺต’’นฺติอาทีสุ โวหาเรสุ เฉโก. อตฺถานตฺเถ จ โกวิโทติ อตฺเถ วฑฺฒิยํ อนตฺเถ หานิยฺจ โกวิโท ทกฺโขติ อตฺโถ. อนฺาตํ มยา นตฺถีติ วินยปิฏเก สกเล วา ปิฏกตฺตเย มยา อนฺาตํ อวิทิตํ อปากฏํ กิฺจิ นตฺถีติ อตฺโถ. เอกคฺโค สตฺถุ สาสเนติ พุทฺธสาสเน อหเมว เอโก วินยธรานํ อคฺโค เสฏฺโ อุตฺตโมติ อตฺโถ.

๕๒๓. รูปทกฺเข อหํ อชฺชาติ อชฺช เอตรหิ กาเล สกฺยปุตฺตสฺส ภควโต สาสเน ปาวจเน อหํ รูปทกฺเข รูปทสฺสเน วินยวินิจฺฉยทสฺสเน สพฺพํ กงฺขํ สกลํ สํสยํ วิโนเทมิ วินาเสมีติ สมฺพนฺโธ. ฉินฺทามิ สพฺพสํสยนฺติ ‘‘อโหสึ นุ โข อหมตีตมทฺธาน’’นฺติอาทิกํ (ม. นิ. ๑.๑๘; สํ. นิ. ๒.๒๐; มหานิ. ๑๗๔) กาลตฺตยํ อารพฺภ อุปฺปนฺนํ สพฺพํ โสฬสวิธํ กงฺขํ ฉินฺทามิ วูปสเมมิ สพฺพโส วิทฺธํเสมีติ อตฺโถ.

๕๒๔. ปทํ อนุปทฺจาปีติ ปทํ ปุพฺพปทฺจ อนุปทํ ปรปทฺจ อกฺขรํ เอเกกมกฺขรฺจ พฺยฺชนํ สิถิลธนิตาทิทสวิธํ พฺยฺชนวิธานฺจ. นิทาเนติ เตน สมเยนาติอาทิเก นิทาเน จ. ปริโยสาเนติ นิคมเน. สพฺพตฺถ โกวิโทติ สพฺเพสุ ฉสุ าเนสุ เฉโกติ อตฺโถ.

๕๒๕. ตโต ปรํ ภควโตเยว คุเณ ปกาเสนฺโต ยถาปิ ราชา พลวาติอาทิมาห. ตตฺถ ยถา พลวา ถามพลสมฺปนฺโน เสนาพลสมฺปนฺโน วา ราชา, ปรํ ปเรสํ ปฏิราชูนํ เสนํ นิคฺคณฺหิตฺวา นิสฺเสสโต คเหตฺวา ปลาเปตฺวา วา, ตเป ตเปยฺย สนฺตเปยฺย ทุกฺขาเปยฺย. วิชินิตฺวาน สงฺคามนฺติ สงฺคามํ ปรเสนาย สมาคมํ ยุทฺธํ วิชินิตฺวา วิเสเสน ชินิตฺวา ชยํ ปตฺวา. นครํ ตตฺถ มาปเยติ ตตฺถ ตสฺมึ วิชิตฏฺาเน นครํ ปาสาทหมฺมิยาทิวิภูสิตํ วสนฏฺานํ มาปเย การาเปยฺยาติ อตฺโถ.

๕๒๖. ปาการํ ปริขฺจาปีติ ตตฺถ มาปิตนคเร ปาการํ สุธาธวลอิฏฺกามยปาการฺจ การเยติ สมฺพนฺโธ. ปริขฺจาปิ กทฺทมปริขํ, อุทกปริขํ, สุกฺขปริขฺจ อปิ การเย. เอสิกํ ทฺวารโกฏฺกนฺติ นครโสภนตฺถํ อุสฺสาปิตเอสิกาถมฺภฺจ มหนฺตํ โกฏฺกฺจ จตุภูมกาทิทฺวารโกฏฺกฺจ การเย. อฏฺฏาลเก จ วิวิเธติ จตุภูมกาทิเภเท อติอุจฺจอฏฺฏาลเก จ วิวิเธ นานปฺปการเก พหู การเย การาเปยฺยาติ สมฺพนฺโธ.

๕๒๗. สิงฺฆาฏกํ จจฺจรฺจาติ น เกวลํ ปาการาทโย การเย, สิงฺฆาฏกํ จตุมคฺคสนฺธิฺจ จจฺจรํ อนฺตราวีถิฺจ การเยติ สมฺพนฺโธ. สุวิภตฺตนฺตราปณนฺติ สุฏฺุ วิภตฺตํ วิภาคโต โกฏฺาสวนฺตํ อนฺตราปณํ อเนกาปณสหสฺสํ การาเปยฺยาติ อตฺโถ. การเยยฺย สภํ ตตฺถาติ ตสฺมึ มาปิตนคเร สภํ ธมฺมาธิกรณสาลํ การเย. อตฺถานตฺถวินิจฺฉยํ วฑฺฒิฺจ อวฑฺฒิฺจ วินิจฺฉยกรณตฺถํ วินิจฺฉยสาลํ การเยติ สมฺพนฺโธ.

๕๒๘. นิคฺฆาตตฺถํ อมิตฺตานนฺติ ปฏิราชูนํ ปฏิพาหนตฺถํ. ฉิทฺทาฉิทฺทฺจ ชานิตุนฺติ โทสฺจ อโทสฺจ ชานิตุํ. พลกายสฺส รกฺขายาติ หตฺถิอสฺสรถปตฺติสงฺขาตสฺส พลกายสฺส เสนาสมูหสฺส อารกฺขณตฺถาย โส นครสามิโก ราชา, เสนาปจฺจํ เสนาปตึ เสนานายกํ มหามตฺตํ เปติ านนฺตเร ปติฏฺเปตีติ อตฺโถ.

๕๒๙. อารกฺขตฺถาย ภณฺฑสฺสาติ ชาตรูปรชตมุตฺตามณิอาทิราชภณฺฑสฺส อารกฺขณตฺถาย สมนฺตโต โคปนตฺถาย เม มยฺหํ ภณฺฑํ มา วินสฺสีติ นิธานกุสลํ รกฺขเณ กุสลํ เฉกํ นรํ ปุริสํ ภณฺฑรกฺขํ ภณฺฑรกฺขนฺตํ โส ราชา ภณฺฑาคาเร เปตีติ สมฺพนฺโธ.

๕๓๐. มมตฺโต โหติ โย รฺโติ โย ปณฺฑิโต รฺโ มมตฺโต มามโก ปกฺขปาโต โหติ. วุทฺธึ ยสฺส จ อิจฺฉตีติ อสฺส รฺโ วุทฺธิฺจ วิรูฬฺหึ โย อิจฺฉติ กาเมติ, ตสฺส อิตฺถมฺภูตสฺส ปณฺฑิตสฺส ราชา อธิกรณํ วินิจฺฉยาธิปจฺจํ เทติ มิตฺตสฺส มิตฺตภาวสฺส ปฏิปชฺชิตุนฺติ สมฺพนฺโธ.

๕๓๑. อุปฺปาเตสูติ อุกฺกาปาตทิสาฑาหาทิอุปฺปาเตสุ จ. นิมิตฺเตสูติ มูสิกจฺฉินฺนาทีสุ ‘‘อิทํ นิมิตฺตํ สุภํ, อิทํ นิมิตฺตํ อสุภ’’นฺติ เอวํ นิมิตฺตชานนสตฺเถสุ จ. ลกฺขเณสุ จาติ อิตฺถิปุริสานํ หตฺถปาทลกฺขณชานนสตฺเถสุ จ โกวิทํ เฉกํ อชฺฌายกํ อเนเกสํ สิสฺสานํ พฺยากรณวาจกํ มนฺตธรํ เวทตฺตยสงฺขาตมนฺตธารกํ ปณฺฑิตํ โส ราชา โปโรหิจฺเจ ปุโรหิตฏฺานนฺตเร เปตีติ สมฺพนฺโธ.

๕๓๒. เอเตหงฺเคหิ สมฺปนฺโนติ เอเตหิ วุตฺตปฺปกาเรหิ องฺเคหิ อวยเวหิ สมฺปนฺโน สมงฺคีภูโต โส ราชา ‘‘ขตฺติโย’’ติ ปวุจฺจติ กถียตีติ สมฺพนฺโธ. สทา รกฺขนฺติ ราชานนฺติ เอเต เสนาปจฺจาทโย อมจฺจา สทา สพฺพกาลํ ตํ ราชานํ รกฺขนฺติ โคเปนฺติ. กิมิว? จกฺกวาโกว ทุกฺขิตํ ทุกฺขปฺปตฺตํ สกาตึ รกฺขนฺโต จกฺกวาโก ปกฺขี อิวาติ อตฺโถ.

๕๓๓. ตเถว ตฺวํ มหาวีราติ วีรุตฺตม, ยถา โส ราชา เสนาปจฺจาทิองฺคสมฺปนฺโน นครทฺวารํ ถเกตฺวา ปฏิวสติ, ตเถว ตุวํ หตามิตฺโต นิหตปจฺจตฺถิโก ขตฺติโย อิว สเทวกสฺส โลกสฺส สห เทเวหิ ปวตฺตมานสฺส โลกสฺส ธมฺมราชา ธมฺเมน สเมน ราชา ทสปารมิตาธมฺมปริปูรเณน ราชภูตตฺตา ‘‘ธมฺมราชา’’ติ ปวุจฺจติ กถียตีติ สมฺพนฺโธ.

๕๓๔. ติตฺถิเย นีหริตฺวานาติ ธมฺมราชภาเวน ปฏิปกฺขภูเต สกลติตฺถิเย นีหริตฺวา นิสฺเสเสน หริตฺวา นิพฺพิเสวนํ กตฺวา สเสนกํ ธารฺจาปิ เสนาย สห วสวตฺติมารมฺปิ นีหริตฺวา. ตมนฺธการํ วิธมิตฺวาติ ตมสงฺขาตํ โมหนฺธการํ วิธมิตฺวา วิทฺธํเสตฺวา. ธมฺมนครํ สตฺตตึสโพธิปกฺขิยธมฺมสงฺขาตํ, ขนฺธายตนธาตุปฏิจฺจสมุปฺปาทพลโพชฺฌงฺคคมฺภีรนยสมนฺตปฏฺานธมฺมสงฺขาตํ วา นครํ อมาปยิ นิมฺมินิ ปติฏฺาเปสีติ อตฺโถ.

๕๓๕. สีลํ ปาการกํ ตตฺถาติ ตสฺมึ ปติฏฺาปิเต ธมฺมนคเร จตุปาริสุทฺธิสีลํ ปาการํ. าณํ เต ทฺวารโกฏฺกนฺติ เต ตุยฺหํ สพฺพฺุตฺาณอาสยานุสยาณอนาคตํสาณอตีตํสาณาทิกเมว าณํ ทฺวารโกฏฺกนฺติ อตฺโถ. สทฺธา เต เอสิกา วีราติ, ภนฺเต, อสิถิลปรกฺกม เต ตุยฺหํ ทีปงฺกรปาทมูลโต ปภุติ สพฺพฺุตฺาณการณา สทฺทหนสทฺธา อุสฺสาปิตอลงฺการอลงฺกตถมฺโภติ อตฺโถ. ทฺวารปาโล จ สํวโรติ เต ตุยฺหํ ฉทฺวาริกสํวโร รกฺขาวรณคุตฺติ ทฺวารปาโล ทฺวารรกฺขโกติ อตฺโถ.

๕๓๖. สติปฏฺานมฏฺฏาลนฺติ เต ตุยฺหํ จตุสติปฏฺานอฏฺฏาลมุณฺฑจฺฉทนํ. ปฺา เต จจฺจรํ มุเนติ, ภนฺเต, มุเน าณวนฺต เต ตุยฺหํ ปาฏิหาริยาทิอเนกวิธา ปฺา จจฺจรํ มคฺคสโมธานํ นครวีถีติ อตฺโถ. อิทฺธิปาทฺจ สิงฺฆาฏนฺติ ตุยฺหํ ฉนฺทวีริยจิตฺตวีมํสสงฺขาตา จตฺตาโร อิทฺธิปาทา สิงฺฆาฏํ จตุมคฺคสนฺติ. ธมฺมวีถิ สุมาปิตนฺติ สตฺตตึสโพธิปกฺขิยธมฺมสงฺขาตาย วีถิยา สุฏฺุ มาปิตํ สชฺชิตํ, ตํ ธมฺมนครนฺติ อตฺโถ.

๕๓๗. สุตฺตนฺตํ อภิธมฺมฺจาติ ตว ตุยฺหํ เอตฺถ ธมฺมนคเร สุตฺตนฺตํ อภิธมฺมํ วินยฺจ เกวลํ สกลํ สุตฺตเคยฺยาทิกํ นวงฺคํ พุทฺธวจนํ ธมฺมสภา ธมฺมาธิกรณสาลาติ อตฺโถ.

๕๓๘. สุฺตํ อนิมิตฺตฺจาติ อนตฺตานุปสฺสนาวเสน ปฏิลทฺธํ สุฺตวิหารฺจ, อนิจฺจานุปสฺสนาวเสน ปฏิลทฺธํ อนิมิตฺตวิหารฺจ. วิหารฺจปฺปณิหิตนฺติ ทุกฺขานุปสฺสนาวเสน ปฏิลทฺธํ อปฺปณิหิตวิหารฺจ. อาเนฺชฺจาติ อจลํ อผนฺทิตํ จตุสามฺผลสงฺขาตํ อาเนฺชวิหารฺจ. นิโรโธ จาติ สพฺพทุกฺขนิโรธํ นิพฺพานฺจ. เอสา ธมฺมกุฏี ตวาติ เอสา สพฺพนวโลกุตฺตรธมฺมสงฺขาตา ตว ตุยฺหํ ธมฺมกุฏิ วสนเคหนฺติ อตฺโถ.

๕๓๙. ปฺาย อคฺโค นิกฺขิตฺโตติ ปฺาวเสน ปฺวนฺตานํ อคฺโค. อิติ ภควตา นิกฺขิตฺโต ปิโต เถโร ปฏิภาเน จ ปฺาย กตฺตพฺเพ กิจฺเจ, ยุตฺตมุตฺตปฏิภาเน วา โกวิโท เฉโก นาเมน สาริปุตฺโตติ ปากโฏ ตว ตุยฺหํ ธมฺมเสนาปติ ตยา เทสิตสฺส ปิฏกตฺตยธมฺมสมูหสฺส ธารณโต ปติ ปธาโน หุตฺวา เสนากิจฺจํ กโรตีติ อตฺโถ.

๕๔๐. จุตูปปาตกุสโลติ ภนฺเต มุนิ, จุตูปปาเต จุติยา อุปปตฺติยา จ กุสโล เฉโก. อิทฺธิยา ปารมึ คโตติ ‘‘เอโกปิ หุตฺวา พหุธา โหติ, พหุธาปิ หุตฺวา เอโก โหตี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๒๓๘; ปฏิ. ม. ๑.๑๐๒) วุตฺตาย อิทฺธิปฺปเภทาย ปารมึ ปริโยสานํ คโต ปตฺโต นาเมน โกลิโต นาม โมคฺคลฺลานตฺเถโร โปโรหิจฺโจ ตว ตุยฺหํ ปุโรหิโตติ สมฺพนฺโธ.

๕๔๑. โปราณกวํสธโรติ ภนฺเต มุเน, าณวนฺตํ โปราณสฺส วํสสฺส ธารโก, ปรมฺปรชานนโก วา อุคฺคเตโช ปากฏเตโช, ทุราสโท อาสาเทตุํ ฆฏฺเฏตุํ ทุกฺโข อสกฺกุเณยฺโยติ อตฺโถ. ธุตวาทิคุเณนคฺโคติ เตจีวริกงฺคาทีนิ เตรส ธุตงฺคานิ วทติ โอวทตีติ ธุตวาทีคุเณน ธุตงฺคคุเณน อคฺโค เสฏฺโ มหากสฺสปตฺเถโร ตว ตุยฺหํ อกฺขทสฺโส โวหารกรเณ ปธาโนติ อตฺโถ.

๕๔๒. พหุสฺสุโต ธมฺมธโรติ ภนฺเต มุเน, พหูนํ จตุราสีติธมฺมกฺขนฺธสหสฺสานํ สุตตฺตา ภควตา ภิกฺขุสงฺฆโต จ อุคฺคหิตตฺตา พหุสฺสุโต อเนเกสํ ฉสตสหสฺสสงฺขฺยานํ อาคมธมฺมานํ สติปฏฺานาทีนฺจ ปรมตฺถธมฺมานํ ธารณโต ธมฺมธโร อานนฺโท. สพฺพปาี จ สาสเนติ พุทฺธสาสเน สพฺเพสํ ปาีนํ ปนฺตานํ สชฺฌายนฺตานํ ภิกฺขูนํ อคฺโค เสฏฺโติ สพฺพปาี นาเมน อานนฺโท นาม เถโร. ธมฺมารกฺโข ตวาติ ตว ตุยฺหํ ธมฺมสฺส ปิฏกตฺตยธมฺมภณฺฑสฺส อารกฺโข รกฺขโก ปาลโก, ธมฺมภณฺฑาคาริโกติ อตฺโถ.

๕๔๓. เอเต สพฺเพ อติกฺกมฺมาติ ภควา ภคฺยวา สมฺมาสมฺพุทฺโธ เอเต สาริปุตฺตาทโย มหานุภาเวปิ เถเร อติกฺกมฺม วชฺเชตฺวา มมํเยว ปเมสิ ปมาณํ อกาสิ, มนสิ อกาสีติ อตฺโถ. วินิจฺฉยํ เม ปาทาสีติ วินยฺูหิ ปณฺฑิเตหิ เทสิตํ ปกาสิตํ วินเย วินิจฺฉยํ โทสวิจารณํ เม มยฺหํ ภควา ปาทาสิ ปกาเรน อทาสิ, มยฺหเมว ภารํ อกาสีติ สมฺพนฺโธ.

๕๔๔. โย โกจิ วินเย ปฺหนฺติ โย โกจิ ภิกฺขุ พุทฺธสาวโก วินยนิสฺสิตํ ปฺหํ มํ ปุจฺฉติ, ตตฺถ ตสฺมึ ปุจฺฉิตปฺเห เม มยฺหํ จินฺตนา วิมติ กงฺขา นตฺถิ. ตฺเหวตฺถํ ตํ เอว ปุจฺฉิตํ อตฺถํ อหํ กเถมีติ สมฺพนฺโธ.

๕๔๕. ยาวตา พุทฺธเขตฺตมฺหีติ ยาวตา ยตฺตเก าเน พุทฺธสฺส อาณาเขตฺเต ตํ มหามุนึ สมฺมาสมฺพุทฺธํ เปตฺวา วินเย วินยปิฏเก วินยวินิจฺฉยกรเณ วา มาทิโส มยา สทิโส นตฺถิ, อหเมว อคฺโค, ภิยฺโย มมาธิโก กุโต ภวิสฺสตีติ สมฺพนฺโธ.

๕๔๖. ภิกฺขุสงฺเฆ นิสีทิตฺวา ภิกฺขุสงฺฆมชฺเฌ นิสินฺโน โคตโม ภควา เอวํ คชฺชติ สีหนาทํ กโรติ. กถํ? วินเย อุภโตวิภงฺเค, ขนฺธเกสุ มหาวคฺคจูฬวคฺเคสุ, จ-สทฺเทน ปริวาเร, อุปาลิสฺส อุปาลินา สโม สทิโส นตฺถีติ เอวํ คชฺชติ.

๕๔๗. ยาวตาติ ยตฺตกํ พุทฺธภณิตํ พุทฺเธน เทสิตํ นวงฺคํ สุตฺตเคยฺยาทิสตฺถุสาสนํ สตฺถุนา ปกาสิตํ สพฺพํ วินโยคธํ ตํ วินเย อนฺโตปวิฏฺํ วินยมูลกํ อิจฺเจวํ ปสฺสิโน ปสฺสนฺตสฺส.

๕๔๘. มม กมฺมํ สริตฺวานาติ โคตโม สกฺยปุงฺคโว สกฺยวํสปฺปธาโน, มม กมฺมํ มยฺหํ ปุพฺพปตฺถนากมฺมํ อตีตํสาเณน สริตฺวาน ปจฺจกฺขโต ตฺวา ภิกฺขุสงฺฆมชฺเฌ คโต ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ วินยธรานํ ยทิทํ อุปาลี’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๑๙, ๒๒๘) มํ เอตทคฺเค าเน เปสีติ สมฺพนฺโธ.

๕๔๙. สตสหสฺสุปาทายาติ สตสหสฺสกปฺเป อาทึ กตฺวา ยํ อิมํ านํ อปตฺถยึ ปตฺเถสึ, โส เม อตฺโถ มยา อนุปฺปตฺโต อธิคโต ปฏิลทฺโธ วินเย ปารมึ คโต โกฏึ ปตฺโตติ อตฺโถ.

๕๕๐. สกฺยานํ สกฺยวํสราชูนํ นนฺทิชนโน โสมนสฺสการโก อหํ ปุเร ปุพฺเพ กปฺปโก อาสึ อโหสึ, ตํ ชาตึ ตํ กุลํ ตํ โยนึ วิชหิตฺวา วิเสเสน ชหิตฺวา ฉฑฺเฑตฺวา มเหสิโน สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปุตฺโต ชาโต สกฺยปุตฺโตติ สงฺขฺยํ คโต สาสนธารณโตติ อตฺโถ.

๕๕๑. ตโต ปรํ อตฺตโน ทาสกุเล นิพฺพตฺตนาปทานํ ทสฺเสนฺโต อิโต ทุติยเก กปฺเปติอาทิมาห. ตตฺถ อิโต ภทฺทกปฺปโต เหฏฺา ทุติเย กปฺเป นาเมน อฺชโส นาม ขตฺติโย เอโก ราชา อนนฺตเตโช สงฺขฺยาติกฺกนฺตเตโช อมิตยโส ปมาณาติกฺกนฺตปริวาโร มหทฺธโน อเนกโกฏิสตสหสฺสธนวา ภูมิปาโล ปถวีปาลโก รกฺขโก อโหสีติ สมฺพนฺโธ.

๕๕๒. ตสฺส รฺโติ ตสฺส ตาทิสสฺส ราชิโน ปุตฺโต อหํ จนฺทโน นาม ขตฺติโย ขตฺติยกุมาโร อโหสินฺติ สมฺพนฺโธ. โส อหํ ชาติมเทน จ ยสมเทน จ โภคมเทน จ อุปตฺถทฺโธ ถมฺภิโต อุนฺนโตติ อตฺโถ.

๕๕๓. นาคสตสหสฺสานีติ สตสหสฺสหตฺถิโน มาตงฺคา มาตงฺคกุเล ชาตา ติธา ปภินฺนา อกฺขิกณฺณโกสสงฺขาเตหิ ตีหิ าเนหิ ปภินฺนา มทคฬิตา สพฺพาลงฺการภูสิตา สพฺเพหิ หตฺถาลงฺกาเรหิ อลงฺกตา สทา สพฺพกาลํ มํ ปริวาเรนฺตีติ สมฺพนฺโธ.

๕๕๔. สพเลหิ ปเรโตหนฺติ ตทา ตสฺมึ กาเล อหํ สพเลหิ อตฺตโน เสนาพเลหิ ปเรโต ปริวาริโต อุยฺยานํ คนฺตุกามโก อิจฺฉนฺโต สิริกํ นาม นาคํ หตฺถึ อารุยฺห อภิรุหิตฺวา นครโต นิกฺขมินฺติ สมฺพนฺโธ.

๕๕๕. จรเณน จ สมฺปนฺโนติ สีลสํวราทิปนฺนรสจรณธมฺเมน สมนฺนาคโต คุตฺตทฺวาโร ปิหิตจกฺขาทิฉทฺวาโร สุสํวุโต สุฏฺุ รกฺขิตกายจิตฺโต เทวโล นาม สมฺพุทฺโธ ปจฺเจกสมฺพุทฺโธ, มม มยฺหํ ปุรโต สมฺมุเข อาคจฺฉิ ปาปุณีติ อตฺโถ.

๕๕๖. เปเสตฺวา สิริกํ นาคนฺติ ตํ อาคตํ ปจฺเจกพุทฺธํ ทิสฺวา อหํ สิริกํ นาม นาคํ อภิมุขํ เปเสตฺวา พุทฺธํ อาสาทยึ ฆฏฺเฏสึ ปทุสฺเสสินฺติ อตฺโถ. ตโต สฺชาตโกโป โสติ ตโต ตสฺมา มยา อตีว ปีเฬตฺวา เปสิตตฺตา โส หตฺถินาโค มยิ สฺชาตโกโป ปทํ อตฺตโน ปาทํ นุทฺธรเต น อุทฺธรติ, นิจฺจโลว โหตีติ อตฺโถ.

๕๕๗. นาคํ ทุฏฺมนํ ทิสฺวาติ ทุฏฺมนํ กุทฺธจิตฺตํ นาทํ ทิสฺวา อหํ พุทฺเธ ปจฺเจกพุทฺเธ โกปํ อกาสึ โทสํ อุปฺปาเทสินฺติ อตฺโถ. วิเหสยิตฺวา สมฺพุทฺธนฺติ เทวลํ ปจฺเจกสมฺพุทฺธํ วิเหสยิตฺวา วิเหเตฺวา อหํ อุยฺยานํ อคมาสินฺติ สมฺพนฺโธ.

๕๕๘. สาตํ ตตฺถ น วินฺทามีติ ตสฺมึ อาสาทเน สาตํ น วินฺทามิ. อาสาทนนิมิตฺตํ มธุรํ สุขํ น ลภามีติ อตฺโถ. สิโร ปชฺชลิโต ยถาติ สิโร มม สีสํ ปชฺชลิโต ยถา ปชฺชลมานํ วิย โหตีติ อตฺโถ. ปริฬาเหน ฑยฺหามีติ ปจฺเจกพุทฺเธ โกปสฺส กตตฺตา ปจฺฉานุตาปปริฬาเหน ฑยฺหามิ อุณฺหจิตฺโต โหมีติ อตฺโถ.

๕๕๙. สสาครนฺตาติ เตเนว ปาปกมฺมพเลน สสาครนฺตา สาครปริโยสานา สกลมหาปถวี เม มยฺหํ อาทิตฺตา วิย ชลิตา วิย โหติ ขายตีติ อตฺโถ. ปิตุ สนฺติกุปาคมฺมาติ เอวํ ภเย อุปฺปนฺเน อหํ อตฺตโน ปิตุ รฺโ สนฺติกํ อุปาคมฺม อุปคนฺตฺวา อิทํ วจนํ อพฺรวึ กเถสินฺติ อตฺโถ.

๕๖๐. อาสีวิสํว กุปิตนฺติ อาสีวิสํ สพฺพํ กุปิตํ กุทฺธํ อิว ชลมานํ อคฺคิกฺขนฺธํ อิว มตฺตํ ติธา ปภินฺนํ ทนฺตึ ทนฺตวนฺตํ กุฺชรํ อุตฺตมํ หตฺถึ อิว จ อาคตํ ยํ ปจฺเจกพุทฺธํ สยมฺภุํ สยเมว พุทฺธภูตํ อหํ อาสาทยึ ฆฏฺเฏสินฺติ สมฺพนฺโธ.

๕๖๑. อาสาทิโต มยา พุทฺโธติ โส ปจฺเจกพุทฺโธ มยา อาสาทิโต ฆฏฺฏิโต โฆโร อฺเหิ ฆฏฺเฏตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา โฆโร, อุคฺคตโป ปากฏตโป ชิโน ปฺจ มาเร ชิตวา เอวํคุณสมฺปนฺโน ปจฺเจกพุทฺโธ มยา ฆฏฺฏิโตติ อตฺโถ. ปุรา สพฺเพ วินสฺสามาติ ตสฺมึ ปจฺเจกพุทฺเธ กตอนาทเรน สพฺเพ มยํ วินสฺสาม วิวิเธนากาเรน นสฺสาม, ภสฺมา วิย ภวามาติ อตฺโถ. ขมาเปสฺสาม ตํ มุนินฺติ ตํ ปจฺเจกพุทฺธํ มุนึ ยาว น วินสฺสาม, ตาว ขมาเปสฺสามาติ สมฺพนฺโธ.

๕๖๒. โน เจ ตํ นิชฺฌาเปสฺสามาติ อตฺตทนฺตํ ทมิตจิตฺตํ สมาหิตํ เอกคฺคจิตฺตํ ตํ ปจฺเจกพุทฺธํ โน เจ นิชฺฌาเปสฺสาม ขมาเปสฺสาม. โอเรน สตฺตทิวสา สตฺตทิวสโต โอรภาเค สตฺตทิวเส อนติกฺกมิตฺวา สมฺปุณฺณํ รฏฺํ เม สพฺพํ วิธมิสฺสติ วินสฺสิสฺสติ.

๕๖๓. สุเมขโล โกสิโย จาติ เอเต สุเมขลาทโย จตฺตาโร ราชาโน อิสโย อาสาทยิตฺวา ฆฏฺเฏตฺวา อนาทรํ กตฺวา สรฏฺกา สห รฏฺชนปทวาสีหิ ทุคฺคตา วินาสํ คตาติ อตฺโถ.

๕๖๔. ยทา กุปฺปนฺติ อิสโยติ ยทา ยสฺมึ กาเล สฺตา กายสฺมาทีหิ สฺตา สนฺตา พฺรหฺมจาริโน อุตฺตมจาริโน เสฏฺจาริโน อิสโย กุปฺปนฺติ โทมนสฺสา ภวนฺติ, ตทา สสาครํ สปพฺพตํ สเทวกํ โลกํ วินาเสนฺตีติ สมฺพนฺโธ.

๕๖๕. ติโยชนสหสฺสมฺหีติ เตสํ อิสีนํ อานุภาวํ ตฺวา เต ขมาเปตุํ อจฺจยํ อปราธํ เทสนตฺถาย ปกาสนตฺถาย ติโยชนสหสฺสปฺปมาเณ ปเทเส ปุริเส สนฺนิปาตยินฺติ สมฺพนฺโธ. สยมฺภุํ อุปสงฺกมินฺติ สยมฺภุํ ปจฺเจกพุทฺธํ อุปสงฺกมึ สมีปํ อคมาสินฺติ อตฺโถ.

๕๖๖. อลฺลวตฺถาติ มยา สทฺธึ ราสิภูตา สพฺเพ ชนา อลฺลวตฺถา อุทเกน ตินฺตวตฺถอุตฺตราสงฺคา อลฺลสิรา ตินฺตเกสา ปฺชลีกตา มุทฺธนิ กตอฺชลิปุฏา พุทฺธสฺส ปจฺเจกมุนิโน ปาเท ปาทสมีเป นิปติตฺวา นิปชฺชิตฺวา อิทํ วจนมพฺรวุนฺติ ‘‘ขมสฺสุ ตฺวํ, มหาวีรา’’ติอาทิกํ วจนํ อพฺรวุํ กเถสุนฺติ อตฺโถ.

๕๖๗. มหาวีร วีรุตฺตม ภนฺเต ปจฺเจกพุทฺธ, มยา ตุมฺเหสุ อฺาเณน กตํ อปราธํ ขมสฺสุ ตฺวํ วิโนเทหิ, มา มนสิ กโรหีติ อตฺโถ. ชโน ชนสมูโห ตํ ภควนฺตํ อภิ วิเสเสน ยาจติ. ปริฬาหํ โทสโมเหหิ กตจิตฺตทุกฺขปริฬาหํ อมฺหากํ วิโนเทหิ ตนุํ กโรหิ, โน อมฺหากํ รฏฺํ สกลรฏฺชนปทวาสิโน มา วินาสย มา วินาเสหีติ อตฺโถ.

๕๖๘. สเทวมานุสา สพฺเพติ สพฺเพ มานุสา สเทวา สทานวา ปหาราทาทีหิ อสุเรหิ สห สรกฺขสา อโยมเยน กูเฏน มหามุคฺคเรน สทา สพฺพกาลํ เม สิรํ มยฺหํ มตฺถกํ ภินฺเทยฺยุํ ปทาเลยฺยุํ.

๕๖๙. ตโต ปรํ พุทฺธานํ ขมิตภาวฺจ โกปาภาวฺจ ปกาเสนฺโต ทเก อคฺคิ น สณฺาตีติอาทิมาห. ตตฺถ ยถา อุทเก อคฺคิ น สณฺาติ น ปติฏฺาติ, ยถา พีชํ เสเล สิลามเย ปพฺพเต น วิรุหติ, ยถา อคเท โอสเธ กิมิ ปาณโก น สณฺาติ. ตถา โกโป จิตฺตปฺปโกโป ทุมฺมนตา พุทฺเธ ปฏิวิทฺธสจฺเจ ปจฺเจกพุทฺเธ น ชายติ น อุปฺปชฺชตีติ อตฺโถ.

๕๗๐. ปุนปิ พุทฺธานํ อานุภาวํ ปกาเสนฺโต ยถา จ ภูมีติอาทิมาห. ตตฺถ ยถา จ ภูมิ ปถวี อจลา นิจฺจลา, ตถา พุทฺโธ อจโลติ อตฺโถ. ยถา สาคโร มหาสมุทฺโท อปฺปเมยฺโย ปเมตุํ ปมาณํ คเหตุํ อสกฺกุเณยฺโย, ตถา พุทฺโธ อปฺปเมยฺโยติ อตฺโถ. ยถา อากาโส อผุฏฺากาโส อนนฺตโก ปริโยสานรหิโต, เอวํ ตถา พุทฺโธ อกฺโขภิโย โขเภตุํ อาโลเฬตุํ อสกฺกุเณยฺโยติ อตฺโถ.

๕๗๑. ตโต ปรํ ปจฺเจกพุทฺธสฺส ขมนวจนํ ทสฺเสนฺโต สทา ขนฺตา มหาวีราติอาทิมาห. ตตฺถ มหาวีรา อุตฺตมวีริยวนฺตา พุทฺธา ตปสฺสิโน ปาปานํ ตปนโต ‘‘ตโป’’ติ ลทฺธนาเมน วีริเยน สมนฺนาคตา ขนฺตา จ ขนฺติยา จ สมฺปนฺนา ขมิตา จ ปเรสํ อปราธํ ขมิตา สหิตา สทา สพฺพกาลํ ภวนฺตีติ สมฺพนฺโธ. ขนฺตานํ ขมิตานฺจาติ เตสํ พุทฺธานํ ขนฺตานํ ขนฺติยา ยุตฺตานํ ขมิตานํ ปราปราธขมิตานํ สหิตานฺจ คมนํ ฉนฺทาทีหิ อคติคมนํ น วิชฺชตีติ อตฺโถ.

๕๗๒. อิติ อิทํ วจนํ วตฺวา สมฺพุทฺโธ ปจฺเจกสมฺพุทฺโธ ปริฬาหํ สตฺตานํ อุปฺปนฺนทาหํ วิโนทยํ วิโนทยนฺโต มหาชนสฺส ปุรโต สนฺนิปติตสฺส สราชกสฺส มหโต ชนกายสฺส สมฺมุขโต ตทา ตสฺมึ กาเล นภํ อากาสํ อพฺภุคฺคมิ อุคฺคฺฉีติ อตฺโถ.

๕๗๓. เตน กมฺเมนหํ ธีราติ ธีร ธิติสมฺปนฺน อหํ เตน กมฺเมน ปจฺเจกพุทฺเธ กเตน อนาทรกมฺเมน อิมสฺมึ ปจฺฉิมตฺตภเว หีนตฺตํ ลามกภาวํ ราชูนํ กปฺปกกมฺมกรณชาตึ อชฺฌุปาคโต สมฺปตฺโตติ อตฺโถ. สมติกฺกมฺม ตํ ชาตินฺติ ตํ ปรายตฺตชาตึ สํ สุฏฺุ อติกฺกมฺม อติกฺกมิตฺวา. ปาวิสึ อภยํ ปุรนฺติ ภยรหิตํ นิพฺพานปุรํ นิพฺพานมหานครํ ปาวิสึ ปวิฏฺโ อาสินฺติ อตฺโถ.

๕๗๔. ตทาปิ มํ มหาวีราติ วีรุตฺตม ตทาปิ ตสฺมึ ปจฺเจกพุทฺธสฺส อาสาทนสมเย อปิ สยมฺภู ปจฺเจกพุทฺโธ ปริฬาหํ อาสาทนเหตุ อุปฺปนฺนํ กายจิตฺตทรถํ วิโนเทสิ ทูรีอกาสิ. ฑยฺหมานํ ตโต เอว ปจฺฉานุตาเปน กุกฺกุจฺเจน ฑยฺหมานํ สนฺตปนฺตํ มํ สุสณฺิตํ โทสํ โทสโต ทสฺสเน สุฏฺุ สณฺิตํ ทิสฺวา ขมาปยิ ตํ อปราธํ อธิวาเสสีติ สมฺพนฺโธ.

๕๗๕. อชฺชาปิ มํ มหาวีราติ วีรุตฺตม, อชฺชาปิ ตุยฺหํ สมาคมกาเล อปิ, ติหคฺคีภิ ราคคฺคิโทสคฺคิโมหคฺคิสงฺขาเตหิ วา นิรยคฺคิเปตคฺคิสํสารคฺคิสงฺขาเตหิ วา ตีหิ อคฺคีหิ ฑยฺหมานํ ทุกฺขมนุภวนฺตํ มํ ภควา สีติภาวํ โทมนสฺสวินาเสน สนฺตกายจิตฺตสงฺขาตํ สีติภาวํ นิพฺพานเมว วา อปาปยิ สมฺปาเปสิ. ตโย อคฺคี วุตฺตปฺปกาเร เต ตโย อคฺคี นิพฺพาเปสิ วูปสเมสีติ สมฺพนฺโธ.

๕๗๖. เอวํ อตฺตโน หีนาปทานํ ภควโต ทสฺเสตฺวา อิทานิ อฺเปิ ตสฺส สวเน นิโยเชตฺวา โอวทนฺโต ‘‘เยสํ โสตาวธานตฺถี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ เยสํ ตุมฺหากํ โสตาวธานํ โสตสฺส อวธานํ ปนํ อตฺถิ วิชฺชติ, เต ตุมฺเห ภาสโต สาสนฺตสฺส มม วจนํ สุณาถ มนสิ กโรถ. อตฺถํ ตุมฺหํ ปวกฺขามีติ ยถา เยน ปกาเรน มม มยา ทิฏฺํ ปทํ นิพฺพานํ, ตถา เตน ปกาเรน นิพฺพานสงฺขาตํ ปรมตฺถํ ตุมฺหากํ ปวกฺขามีติ สมฺพนฺโธ.

๕๗๗. ตํ ทสฺเสนฺโต สยมฺภุํ ตํ วิมาเนตฺวาติอาทิมาห. ตตฺถ สยมฺภุํ สยเมว ภูตํ อริยาย ชาติยา ชาตํ สนฺตจิตฺตํ สมาหิตํ ปจฺเจกพุทฺธํ วิมาเนตฺวา อนาทรํ กตฺวา เตน กมฺเมน กเตนากุสเลน อชฺช อิมสฺมึ วตฺตมานกาเล อหํ นีจโยนิยํ ปรายตฺตชาติยํ กปฺปกชาติยํ ชาโต นิพฺพตฺโต อมฺหิ ภวามิ.

๕๗๘. มา โว ขณํ วิราเธถาติ พุทฺธุปฺปาทกฺขณํ โว ตุมฺเห มา วิราเธถ คฬิตํ มา กโรถ, หิ สจฺจํ ขณาตีตา พุทฺธุปฺปาทกฺขณํ อตีตา อติกฺกนฺตา สตฺตา โสจเร โสจนฺติ, ‘‘มยํ อลกฺขิกา ทุมฺเมธา ภวามา’’ติ เอวํ โสจนฺตีติ อตฺโถ. สทตฺเถ อตฺตโน อตฺเถ วุฑฺฒิยํ วายเมยฺยาถ วีริยํ กโรถ. โว ตุมฺเหหิ ขโณ พุทฺธุปฺปาทกฺขโณ สมโย ปฏิปาทิโต นิปฺผาทิโต ปตฺโตติ อตฺโถ.

๕๗๙. ตโต ปรํ สํสารคตานํ อาทีนวํ อุปมาอุปเมยฺยวเสน ทสฺเสนฺโต เอกจฺจานฺจ วมนนฺติอาทิมาห. เอกจฺจานํ เกสฺจิ ปุคฺคลานํ วมนํ อุทฺธํ อุคฺคิรณํ เอกจฺจานํ วิเรจนํ อโธปคฺฆรณํ เอเก เอกจฺจานํ หลาหลํ วิสํ มุจฺฉากรณวิสํ, เอกจฺจานํ ปุคฺคลานํ โอสธํ รกฺขนุปายํ ภควา เอวํ ปฏิปาฏิยา อกฺขาสีติ สมฺพนฺโธ.

๕๘๐. วมนํ ปฏิปนฺนานนฺติ ปฏิปนฺนานํ มคฺคสมงฺคีนํ วมนํ สํสารฉฑฺฑนํ สํสารโมจนํ ภควา อกฺขาสีติ สมฺพนฺโธ. ผลฏฺานํ ผเล ิตานํ วิเรจนํ สํสารปคฺฆรณํ อกฺขาสิ. ผลลาภีนํ ผลํ ลภิตฺวา ิตานํ นิพฺพานโอสธํ อกฺขาสิ. คเวสีนํ มนุสฺสเทวนิพฺพานสมฺปตฺตึ คเวสีนํ ปริเยสนฺตานํ ปุฺเขตฺตภูตํ สงฺฆํ อกฺขาสีติ สมฺพนฺโธ.

๕๘๑. สาสเนน วิรุทฺธานนฺติ สาสนสฺส ปฏิปกฺขานํ หลาหลํ กุตูหลํ ปาปํ อกุสลํ อกฺขาสีติ สมฺพนฺโธ. ยถา อาสีวิโสติ อสฺสทฺธานํ กตปาปานํ ปุคฺคลานํ สํสาเร ทุกฺขาวหนโต อาสีวิสสทิสํ ยถา อาสีวิโส ทิฏฺมตฺเตน ภสฺมกรณโต ทิฏฺวิโส สปฺโป อตฺตนา ทฏฺํ นรํ ฌาเปติ ฑยฺหติ ทุกฺขาเปติ. ตํ นรํ ตํ อสฺสทฺธํ กตปาปํ นรํ หลาหลวิสํ เอวํ ฌาเปติ จตูสุ อปาเยสุ ฑยฺหติ โสเสสีติ สมฺพนฺโธ.

๕๘๒. สกึ ปีตํ หลาหลนฺติ วิสํ หลาหลํ ปีตํ สกึ เอกวารํ ชีวิตํ อุปรุนฺธติ นาเสติ. สาสเนน สาสนมฺหิ วิรชฺฌิตฺวา อปราธํ กตฺวา ปุคฺคโล กปฺปโกฏิมฺหิ โกฏิสงฺขฺเย กปฺเปปิ ฑยฺหติ นิชฺฌายตีติ อตฺโถ.

๕๘๓. เอวํ อสฺสทฺธานํ ปุคฺคลานํ ผลวิปากํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ พุทฺธานํ อานุภาวํ ทสฺเสนฺโต ขนฺติยาติอาทิมาห. ตตฺถ โย พุทฺโธ วมนาทีนิ อกฺขาสิ, โส พุทฺโธ ขนฺติยา ขมเนน จ อวิหึสาย สตฺตานํ อวิหึสเนน จ เมตฺตจิตฺตวตาย จ เมตฺตจิตฺตวนฺตภาเวน จ สเทวกํ สห เทเวหิ วตฺตมานํ โลกํ ตาเรติ อติกฺกมาเปติ นิพฺพาเปติ, ตสฺมา การณา พุทฺธา โว ตุมฺเหหิ อวิราธิยา วิรุชฺฌิตุํ น สกฺกุเณยฺยา, พุทฺธสาสเน ปฏิปชฺเชยฺยาถาติ อตฺโถ.

๕๘๔. ลาเภ จ อลาเภ จ น สชฺชนฺติ น ภชนฺติ น ลคฺคนฺติ. สมฺมานเน อาทรกรเณ จ วิมานเน อนาทรกรเณ จ อจลา ปถวีสทิสา พุทฺธา ภวนฺติ, ตสฺมา การณา เต พุทฺธา ตุมฺเหหิ น วิโรธิยา น วิโรเธตพฺพา วิรุชฺฌิตุํ อสกฺกุเณยฺยาติ อตฺโถ.

๕๘๕. พุทฺธานํ มชฺฌตฺตตํ ทสฺเสนฺโต เทวทตฺเตติอาทิมาห. ตตฺถ วธกาวธเกสุ สพฺเพสุ สตฺเตสุ สมโก สมมานโส มุนิ พุทฺธมุนีติ อตฺโถ.

๕๘๖. เอเตสํ ปฏิโฆ นตฺถีติ เอเตสํ พุทฺธานํ ปฏิโฆ จณฺฑิกฺกํ โทสจิตฺตตํ นตฺถิ น สํวิชฺชติ. ราโคเมสํ น วิชฺชตีติ อิเมสํ พุทฺธานํ ราโคปิ รชฺชนํ อลฺลียนํ น วิชฺชติ, น อุปลพฺภติ, ตสฺมา การณา, วธกสฺส จ โอรสสฺส จาติ สพฺเพสํ สมโก สมจิตฺโต พุทฺโธ โหตีติ สมฺพนฺโธ.

๕๘๗. ปุนปิ พุทฺธานํเยว อานุภาวํ ทสฺเสนฺโต ปนฺเถ ทิสฺวาน กาสาวนฺติอาทิมาห. ตตฺถ มีฬฺหมกฺขิตํ คูถสมฺมิสฺสํ กาสาวํ กสาเวน รชิตํ จีวรํ อิสิทฺธชํ อริยานํ ธชํ ปริกฺขารํ, ปนฺเถ มคฺเค ฉฑฺฑิตํ ทิสฺวาน ปสฺสิตฺวา อฺชลึ กตฺวา ทสงฺคุลิสโมธานํ อฺชลิปุฏํ สิรสิ กตฺวา สิรสา สิเรน วนฺทิตพฺพํ อิสิทฺธชํ อรหตฺตทฺธชํ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธสาวกทีปกํ จีวรํ นมสฺสิตพฺพํ มาเนตพฺพํ ปูเชตพฺพนฺติ อตฺโถ.

๕๘๘. อพฺภตีตาติ อภิ อตฺถงฺคตา นิพฺพุตา. เย จ พุทฺธา วตฺตมานา อิทานิ ชาตา จ เย พุทฺธา อนาคตา อชาตา อภูตา อนิพฺพตฺตา อปาตุภูตา จ เย พุทฺธา. ธเชนาเนน สุชฺฌนฺตีติ อเนน อิสิทฺธเชน จีวเรน เอเต พุทฺธา สุชฺฌนฺติ วิสุทฺธา ภวนฺติ โสภนฺติ. ตสฺมา เตน การเณน เอเต พุทฺธา นมสฺสิยา นมสฺสิตพฺพา วนฺทิตพฺพาติ อตฺโถ. ‘‘เอตํ นมสฺสิย’’นฺติปิ ปาโ, ตสฺส เอตํ อิสิทฺธชํ นมสฺสิตพฺพนฺติ อตฺโถ.

๕๘๙. ตโต ปรํ อตฺตโน คุณํ ทสฺเสนฺโต สตฺถุกปฺปนฺติอาทิมาห. ตตฺถ สตฺถุกปฺปํ พุทฺธสทิสํ สุวินยํ สุนฺทรวินยํ สุนฺทรากาเรน ทฺวารตฺตยทมนํ หทเยน จิตฺเตน อหํ ธาเรมิ สวนธารณาทินา ปจฺจเวกฺขามีติ อตฺโถ. วินยํ วินยปิฏกํ นมสฺสมาโน วนฺทมาโน วินเย อาทรํ กุรุมาโน วิหริสฺสามิ สพฺพทา สพฺพสฺมึ กาเล วาสํ กปฺเปมีติ อตฺโถ.

๕๙๐. วินโย อาสโย มยฺหนฺติ วินยปิฏกํ มยฺหํ โอกาสภูตํ สวนธารณมนสิกรณอุคฺคหปริปุจฺฉาปวตฺตนวเสน โอกาสภูตํ เคหภูตนฺติ อตฺโถ. วินโย านจงฺกมนฺติ วินโย มยฺหํ สวนาทิกิจฺจกรเณน ิตฏฺานฺจ จงฺกมนฏฺานฺจ. กปฺเปมิ วินเย วาสนฺติ วินยปิฏเก วินยตนฺติยา สวนธารณปวตฺตนวเสน วาสํ สยนํ กปฺเปมิ กโรมิ. วินโย มม โคจโรติ วินยปิฏกํ มยฺหํ โคจโร อาหาโร โภชนํ นิจฺจํ ธารณมนสิกรณวเสนาติ อตฺโถ.

๕๙๑. วินเย ปารมิปฺปตฺโตติ สกเล วินยปิฏเก ปารมึ ปริโยสานํ ปตฺโต. สมเถ จาปิ โกวิโทติ ปาราชิกาทิสตฺตาปตฺติกฺขนฺธานํ สมเถ วูปสเม จ วุฏฺาเน จ โกวิโท เฉโก, อธิกรณสมเถ วา –

‘‘วิวาทํ อนุวาทฺจ, อาปตฺตาธิกรณํ ตถา;

กิจฺจาธิกรณฺเจว, จตุราธิกรณา มตา’’ติ. –

วุตฺตาธิกรเณสุ จ –

‘‘สมฺมุขา สติวินโย, อมูฬฺหปฏิฺากรณํ;

เยภุยฺย ตสฺสปาปิยฺย, ติณวตฺถารโก ตถา’’ติ. –

เอวํ วุตฺเตสุ จ สตฺตสุ อธิกรณสมเถสุ อติโกวิโท เฉโกติ อตฺโถ. อุปาลิ ตํ มหาวีราติ ภนฺเต มหาวีร, จตูสุ อสงฺขฺเยยฺเยสุ กปฺปสตสหสฺเสสุ สพฺพฺุตฺาณาธิคมาย วีริยวนฺต สตฺถุโน เทวมนุสฺสานํ อนุสาสกสฺส ตํ ตว ปาเท ปาทยุเค อุปาลิ ภิกฺขุ วนฺทติ ปณามํ กโรตีติ อตฺโถ.

๕๙๒. โส อหํ ปพฺพชิตฺวา สมฺพุทฺธํ นมสฺสมาโน ปณามํ กุรุมาโน ธมฺมสฺส จ เตน ภควตา เทสิตสฺส นวโลกุตฺตรธมฺมสฺส สุธมฺมตํ สุนฺทรธมฺมภาวํ ชานิตฺวา ธมฺมฺจ นมสฺสมาโน คามโต คามํ ปุรโต ปุนํ นครโต นครํ วิจริสฺสามีติ สมฺพนฺโธ.

๕๙๓. กิเลสา ฌาปิตา มยฺหนฺติ มยา ปฏิวิทฺธอรหตฺตมคฺคาเณน มยฺหํ จิตฺตสนฺตานคตา สพฺเพ ทิยฑฺฒสหสฺสสงฺขา กิเลสา ฌาปิตา โสสิตา วิโสสิตา วิทฺธํสิตา. ภวา สพฺเพ สมูหตาติ กามภวาทโย สพฺเพ นว ภวา มยา สมูหตา สํ สุฏฺุ อูหตา เขปิตา วิทฺธํสิตา. สพฺพาสวา ปริกฺขีณาติ กามาสโว, ภวาสโว, ทิฏฺาสโว, อวิชฺชาสโวติ สพฺเพ จตฺตาโร อาสวา ปริกฺขีณา ปริสมนฺตโต ขยํ ปาปิตา. อิทานิ อิมสฺมึ อรหตฺตปฺปตฺตกาเล ปุนพฺภโว ปุนุปฺปตฺติสงฺขาโต ภโว ภวนํ ชาติ นตฺถีติ อตฺโถ.

๕๙๔. อุตฺตริ โสมนสฺสวเสน อุทานํ อุทาเนนฺโต สฺวาคตนฺติอาทิมาห. ตตฺถ พุทฺธเสฏฺสฺส อุตฺตมพุทฺธสฺส สนฺติเก สมีเป เอกนคเร วา มม อาคมนํ สฺวาคตํ สุฏฺุ อาคมนํ สุนฺทราคมนํ วต เอกนฺเตน อาสิ อโหสีติ สมฺพนฺโธ. ติสฺโส วิชฺชาติ ปุพฺเพนิวาสทิพฺพจกฺขุอาสวกฺขยวิชฺชา อนุปฺปตฺตา สมฺปตฺตา, ปจฺจกฺขํ กตาติ อตฺโถ. กตํ พุทฺธสฺส สาสนนฺติ พุทฺเธน ภควตา เทสิตํ อนุสิฏฺิ สาสนํ กตํ นิปฺผาทิตํ วตฺตปฏิปตฺตึ ปูเรตฺวา กมฺมฏฺานํ มนสิ กริตฺวา อรหตฺตมคฺคาณาธิคเมน สมฺปาทิตนฺติ อตฺโถ.

๕๙๕. ปฏิสมฺภิทา จตสฺโสติ อตฺถปฏิสมฺภิทาทโย จตสฺโส ปฺาโย สจฺฉิกตา ปจฺจกฺขํ กตา. วิโมกฺขาปิ จ อฏฺิเมติ จตฺตาริ มคฺคาณานิ จตฺตาริ ผลาณานีติ อิเม อฏฺ วิโมกฺขา สํสารโต มุจฺจนูปายา สจฺฉิกตาติ สมฺพนฺโธ. ฉฬภิฺา สจฺฉิกตาติ –

‘‘อิทฺธิวิธํ ทิพฺพโสตํ, เจโตปริยาณกํ;

ปุพฺเพนิวาสาณฺจ, ทิพฺพจกฺขาสวกฺขย’’นฺติ. –

อิมา ฉ อภิฺา สจฺฉิกตา ปจฺจกฺขํ กตา. อิเมสํ าณานํ สจฺฉิกรเณน พุทฺธสฺส สาสนํ กตนฺติ อตฺโถ.

อิตฺถนฺติ อิมินา เหฏฺา วุตฺตปฺปกาเรน. สุทนฺติ ปทปูรณมตฺเต นิปาโต. อายสฺมา อุปาลิ เถโรติ ถิรสีลาทิคุณยุตฺโต สาวโก อิมา ปุพฺพจริตาปทานทีปิกา คาถาโย อภาสิตฺถ กถยิตฺถาติ อตฺโถ.

อุปาลิตฺเถรอปทานวณฺณนา สมตฺตา.

๓-๗. อฺาสิโกณฺฑฺตฺเถรอปทานวณฺณนา

ปทุมุตฺตรสมฺพุทฺธนฺติอาทิกํ อายสฺมโต อฺาสิโกณฺฑฺตฺเถรสฺส อปทานํ. อยํ กิร ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยานิ ปุฺานิ อุปจินนฺโต ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล หํสวตีนคเร คหปติมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺวา เอกทิวสํ สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุณนฺโต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ อตฺตโน สาสเน ปมํ ปฏิวิทฺธธมฺมรตฺตฺูนํ อคฺคฏฺาเน เปนฺตํ ทิสฺวา สยมฺปิ ตํ านนฺตรํ ปตฺเถนฺโต สตสหสฺสภิกฺขุปริวารสฺส ภควโต สตฺตาหํ มหาทานํ ปวตฺเตตฺวา ปณิธานํ อกาสิ. สตฺถาปิสฺส อนนฺตรายตํ ทิสฺวา ภาวินึ สมฺปตฺตึ พฺยากาสิ. โส ยาวชีวํ ปุฺานิ กโรนฺโต สตฺถริ ปรินิพฺพุเต เจติเย ปติฏฺาปิยมาเน อนฺโตเจติเย รตนฆรํ การาเปสิ, เจติยํ ปริวาเรตฺวา สหสฺสรตนคฺฆิกานิ จ กาเรสิ.

โส เอวํ ปุฺานิ กตฺวา ตโต จวิตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล มหากาโล นาม กุฏุมฺพิโก หุตฺวา อฏฺกรีสมตฺเต เขตฺเต สาลิคพฺภํ ผาเลตฺวา คหิตสาลิตณฺฑุเลหิ อสมฺภินฺนขีรปายาสํ สมฺปาเทตฺวา ตตฺถ มธุสปฺปิสกฺกราทโย ปกฺขิปิตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส สงฺฆสฺส อทาสิ. สาลิคพฺภํ ผาเลตฺวา คหิตคหิตฏฺานํ ปุน ปูรติ. ปุถุกกาเล ปุถุกคฺคํ นาม อทาสิ. ลายเน ลายนคฺคํ, เวณิกรเณ เวณคฺคํ, กลาปาทิกรเณ กลาปคฺคํ, ขลคฺคํ, ภณฺฑคฺคํ, มินคฺคํ โกฏฺคฺคนฺติ เอวํ เอกสสฺเส นว วาเร อคฺคทานํ อทาสิ, ตมฺปิ สสฺสํ อติเรกตรํ สมฺปนฺนํ อโหสิ.

เอวํ ยาวชีวํ ปุฺานิ กตฺวา ตโต จุโต เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา เทเวสุ จ มนุสฺเสสุ จ สํสรนฺโต อมฺหากํ ภควโต อุปฺปตฺติโต ปุเรตรเมว กปิลวตฺถุนครสฺส อวิทูเร โทณวตฺถุนามเก พฺราหฺมณคาเม พฺราหฺมณมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติ. ตสฺส โกณฺฑฺโติ โคตฺตโต อาคตํ นามํ อโหสิ. โส วยปฺปตฺโต ตโย เวเท อุคฺคเหตฺวา ลกฺขณมนฺเตสุ จ ปารํ อคมาสิ. เตน สมเยน อมฺหากํ โพธิสตฺโต ตุสิตปุรโต จวิตฺวา กปิลวตฺถุปุเร สุทฺโธทนมหาราชสฺส เคเห นิพฺพตฺติ. ตสฺส นามคฺคหณทิวเส อฏฺุตฺตรสเตสุ พฺราหฺมเณสุ อุปนีเตสุ เย อฏฺ พฺราหฺมณา ลกฺขณปริคฺคหณตฺถํ มหาตลํ อุปนีตา. โส เตสุ สพฺพนวโก หุตฺวา มหาปุริสสฺส ลกฺขณนิปฺผตฺตึ ทิสฺวา ‘‘เอกํเสน อยํ พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ นิฏฺํ คนฺตฺวา มหาสตฺตสฺส อภินิกฺขมนํ อุทิกฺขนฺโต วิจรติ.

โพธิสตฺโตปิ โข มหตา ปริวาเรน วฑฺฒมาโน อนุกฺกเมน วุทฺธิปฺปตฺโต าณปริปากํ คนฺตฺวา เอกูนตึสติเม วสฺเส มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมนฺโต อโนมานทีตีเร ปพฺพชิตฺวา อนุกฺกเมน อุรุเวลํ คนฺตฺวา ปธานํ ปทหิ. ตทา โกณฺฑฺโ มาณโว มหาสตฺตสฺส ปพฺพชิตภาวํ สุตฺวา ลกฺขณปริคฺคาหกพฺราหฺมณานํ ปุตฺเตหิ วปฺปมาณวาทีหิ สทฺธึ อตฺตปฺจโม ปพฺพชิตฺวา อนุกฺกเมน โพธิสตฺตสฺส สนฺติกํ อุปสงฺกมิตฺวา ฉพฺพสฺสานิ ตํ อุปฏฺหนฺโต ตสฺส โอฬาริกาหารปริโภเคน นิพฺพินฺโน อปกฺกมิตฺวา อิสิปตนํ อคมาสิ. อถ โข โพธิสตฺโต โอฬาริกาหารปริโภเคน ลทฺธกายพโล เวสาขปุณฺณมายํ โพธิรุกฺขมูเล อปราชิตปลฺลงฺเก นิสินฺโน ติณฺณํ มารานํ มตฺถกํ มทฺทิตฺวา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา สตฺตสตฺตาหํ โพธิมณฺเฑเยว วีตินาเมตฺวา ปฺจวคฺคิยานํ าณปริปากํ ตฺวา อาสาฬฺหีปุณฺณมายํ อิสิปตนํ คนฺตฺวา เตสํ ธมฺมจกฺกปวตฺตนสุตฺตนฺตํ (มหาว. ๑๓ อาทโย; สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑) กเถสิ. เทสนาปริโยสาเน โกณฺฑฺตฺเถโร อฏฺารสหิ พฺรหฺมโกฏีหิ สทฺธึ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาสิ. อถ ปฺจมิยํ ปกฺขสฺส อนตฺตลกฺขณสุตฺตนฺตเทสนาย (มหาว. ๒๐ อาทโย; สํ. นิ. ๓.๕๙) อรหตฺตํ สจฺฉากาสิ.

๕๙๖. เอวํ โส อรหตฺตํ ปตฺวา ‘‘กึ กมฺมํ กตฺวา อหํ โลกุตฺตรสุขํ อธิคโตมฺหี’’ติ อุปธาเรนฺโต อตฺตโน ปุพฺพกมฺมํ ปจฺจกฺขโต ตฺวา โสมนสฺสวเสน ปุพฺพจริตาปทานํ อุทานวเสน ทสฺเสนฺโต ปทุมุตฺตรสมฺพุทฺธนฺติอาทิมาห. ตสฺสตฺโถ เหฏฺา วุตฺโตเยว. โลกเชฏฺํ วินายกนฺติ สกลสฺส สตฺตโลกสฺส เชฏฺํ ปธานนฺติ อตฺโถ. วิเสเสน เวเนยฺยสตฺเต สํสารสาครสฺส ปรตีรํ อมตมหานิพฺพานํ เนติ สมฺปาเปตีติ วินายโก, ตํ วินายกํ. พุทฺธภูมิมนุปฺปตฺตนฺติ พุทฺธสฺส ภูมิ ปติฏฺานฏฺานนฺติ พุทฺธภูมิ, สพฺพฺุตฺาณํ, ตํ อนุปฺปตฺโต ปฏิวิทฺโธติ พุทฺธภูมิมนุปฺปตฺโต, ตํ พุทฺธภูมิมนุปฺปตฺตํ, สพฺพฺุตปฺปตฺตํ พุทฺธภูตนฺติ อตฺโถ. ปมํ อทฺทสํ อหนฺติ ปมํ เวสาขปุณฺณมิยา รตฺติยา ปจฺจูสสมเย พุทฺธภูตํ ปทุมุตฺตรสมฺพุทฺธํ อหํ อทฺทกฺขินฺติ อตฺโถ.

๕๙๗. ยาวตา โพธิยา มูเลติ ยตฺตกา โพธิรุกฺขสมีเป ยกฺขา สมาคตา ราสิภูตา สมฺพุทฺธํ พุทฺธภูตํ ตํ พุทฺธํ ปฺชลีกตา ทสงฺคุลิสโมธานํ อฺชลิปุฏํ สิรสิ เปตฺวา วนฺทนฺติ นมสฺสนฺตีติ สมฺพนฺโธ.

๕๙๘. สพฺเพ เทวา ตุฏฺมนาติ พุทฺธภูตฏฺานํ อาคตา เต สพฺเพ เทวา ตุฏฺจิตฺตา อากาเส สฺจรนฺตีติ สมฺพนฺโธ. อนฺธการตโมนุโทติ อติวิย อนฺธการํ โมหํ นุโท เขปโน อยํ พุทฺโธ อนุปฺปตฺโตติ อตฺโถ.

๕๙๙. เตสํ หาสปเรตานนฺติ หาเสหิ ปีติโสมนสฺเสหิ สมนฺนาคตานํ เตสํ เทวานํ มหานาโท มหาโฆโส อวตฺตถ ปวตฺตติ, สมฺมาสมฺพุทฺธสาสเน กิเลเส สํกิเลเส ธมฺเม ฌาปยิสฺสามาติ สมฺพนฺโธ.

๖๐๐. เทวานํ คิรมฺายาติ วาจาย ถุติวจเนน สห อุทีริตํ เทวานํ สทฺทํ ชานิตฺวา หฏฺโ หฏฺเน จิตฺเตน โสมนสฺสสหคเตน จิตฺเตน อาทิภิกฺขํ ปมํ อาหารํ พุทฺธภูตสฺส อหํ อทาสินฺติ สมฺพนฺโธ.

๖๐๒. สตฺตาหํ อภินิกฺขมฺมาติ มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิตฺวา สตฺตาหํ ปธานํ กตฺวา สพฺพฺุตฺาณปทฏฺานํ อรหตฺตมคฺคาณสงฺขาตํ โพธึ อชฺฌคมํ อธิคฺฉึ อหนฺติ อตฺโถ. อิทํ เม ปมํ ภตฺตนฺติ อิทํ ภตฺตํ สรีรยาปนํ พฺรหฺมจาริสฺส อุตฺตมจาริสฺส เม มยฺหํ อิมินา เทวปุตฺเตน ปมํ ทินฺนํ อโหสีติ อตฺโถ.

๖๐๓. ตุสิตา หิ อิธาคนฺตฺวาติ ตุสิตภวนโต อิธ มนุสฺสโลเก อาคนฺตฺวา โย เทวปุตฺโต เม มม ภิกฺขํ อุปานยิ อทาสิ, ตํ เทวปุตฺตํ กิตฺตยิสฺสามิ กเถสฺสามิ ปากฏํ กริสฺสามิ. ภาสโต ภาสนฺตสฺส มม วจนํ สุณาถาติ สมฺพนฺโธ. อิโต ปรํ อนุตฺตานปทเมว วณฺณยิสฺสาม.

๖๐๗. ติทสาติ ตาวตึสภวนา. อคาราติ อตฺตโน อุปฺปนฺนพฺราหฺมณเคหโต นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิตฺวา ฉ สํวจฺฉรานิ ทุกฺกรการิกํ กโรนฺเตน โพธิสตฺเตน สห วสิสฺสตีติ สมฺพนฺโธ.

๖๐๘. ตโต สตฺตมเก วสฺเสติ ตโต ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย สตฺตเม สํวจฺฉเร. พุทฺโธ สจฺจํ กเถสฺสตีติ ฉพฺพสฺสานิ ทุกฺกรการิกํ กตฺวา สตฺตมสํวจฺฉเร พุทฺโธ หุตฺวา พาราณสิยํ อิสิปตเน มิคทาเย ธมฺมจกฺกปวตฺตนสุตฺตนฺตเทสนาย ทุกฺขสมุทยนิโรธมคฺคสจฺจสงฺขาตํ จตุสจฺจํ กเถสฺสตีติ อตฺโถ. โกณฺฑฺโ นาม นาเมนาติ นาเมน โคตฺตนามวเสน โกณฺฑฺโ นาม. ปมํ สจฺฉิกาหิตีติ ปฺจวคฺคิยานมนฺตเร ปมํ อาทิโต เอว โสตาปตฺติมคฺคาณํ สจฺฉิกาหิติ ปจฺจกฺขํ กริสฺสตีติ อตฺโถ.

๖๐๙. นิกฺขนฺเตนานุปพฺพชินฺติ นิกฺขนฺเตน โพธิสตฺเตน สห นิกฺขมิตฺวา อนุปพฺพชินฺติ อตฺโถ. ตถา อนุปพฺพชิตฺวา มยา ปธานํ วีริยํ สุกตํ สุฏฺุ กตํ ทฬฺหํ กตฺวา กตนฺติ อตฺโถ. กิเลเส ฌาปนตฺถายาติ กิเลเส โสสนตฺถาย วิทฺธํสนตฺถาย อนคาริยํ อคารสฺส อหิตํ กสิวณิชฺชาทิกมฺมวิรหิตํ สาสนํ ปพฺพชึ ปฏิปชฺชินฺติ อตฺโถ.

๖๑๐. อภิคนฺตฺวาน สพฺพฺูติ สพฺพํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ วา สงฺขารวิการลกฺขณนิพฺพานปฺตฺติสงฺขาตํ เยฺยํ วา ชานนฺโต เทเวหิ สห วตฺตมาเน สตฺต โลเก พุทฺโธ มิคารฺํ มิคทาย วิหารํ อภิคนฺตฺวา อุปสงฺกมิตฺวา เม มยา สจฺฉิกเตน อิมินา โสตาปตฺติมคฺคาเณน อมตเภรึ อมตมหานิพฺพานเภรึ อหริ ปหริ ทสฺเสสีติ อตฺโถ.

๖๑๑. โส ทานีติ โส อหํ ปมํ โสตาปนฺโน อิทานิ อรหตฺตมคฺคาเณน อมตํ สนฺตํ วูปสนฺตสภาวํ ปทํ ปชฺชิตพฺพํ ปาปุณิตพฺพํ, อนุตฺตรํ อุตฺตรวิรหิตํ นิพฺพานํ ปตฺโต อธิคโตติ อตฺโถ. สพฺพาสเว ปริฺายาติ กามาสวาทโย สพฺเพ อาสเว ปริฺาย ปหานปริฺาย ปชหิตฺวา อนาสโว นิกฺกิเลโส วิหรามิ อิริยาปถวิหาเรน วาสํ กปฺเปมิ. ปฏิสมฺภิทา จตสฺโสตฺยาทโย คาถาโย วุตฺตตฺถาเยว.

อถ นํ สตฺถา อปรภาเค เชตวนมหาวิหาเร ภิกฺขุสงฺฆมชฺเฌ ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสินฺโน ปมํ ปฏิวิทฺธธมฺมภาวํ ทีเปนฺโต ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ รตฺตฺูนํ ยทิทํ อฺาสิโกณฺฑฺโ’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๘๘) เอตทคฺเค เปสิ. โส ทฺวีหิ อคฺคสาวเกหิ อตฺตนิ กริยมานํ ปรมนิปจฺจการํ, คามนฺตเสนาสเน อากิณฺณวิหารฺจ ปริหริตุกาโม, วิเวกาภิรติยา วิหริตุกาโม จ อตฺตโน สนฺติกํ อุปคตานํ คหฏฺปพฺพชิตานํ ปฏิสนฺถารกรณมฺปิ ปปฺจํ มฺมาโน สตฺถารํ อาปุจฺฉิตฺวา หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา ฉทฺทนฺเตหิ นาเคหิ อุปฏฺิยมาโน ฉทฺทนฺตทหตีเร ทฺวาทส วสฺสานิ วสิ. เอวํ ตตฺถ วสนฺตํ เถรํ เอกทิวสํ สกฺโก เทวราชา อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา ิโต เอวมาห ‘‘สาธุ เม, ภนฺเต, อยฺโย ธมฺมํ เทเสตู’’ติ. เถโร ตสฺส จตุสจฺจคพฺภํ ติลกฺขณาหตํ สุฺตาปฏิสํยุตฺตํ นานานยวิจิตฺตํ อมโตคธํ พุทฺธลีลาย ธมฺมํ เทเสสิ. ตํ สุตฺวา สกฺโก อตฺตโน ปสาทํ ปเวเทนฺโต –

‘‘เอส ภิยฺโย ปสีทามิ, สุตฺวา ธมฺมํ มหารสํ;

วิราโค เทสิโต ธมฺโม, อนุปาทาย สพฺพโส’’ติ. (เถรคา. ๖๗๓) –

ถุตึ อกาสิ. เถโร ฉทฺทนฺตทหตีเร ทฺวาทส วสฺสานิ วสิตฺวา อุปกฏฺเ ปรินิพฺพาเน สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ปรินิพฺพานํ อนุชานาเปตฺวา ตตฺเถว คนฺตฺวา ปรินิพฺพายีติ.

อฺาสิโกณฺฑฺตฺเถรอปทานวณฺณนา สมตฺตา.

๓-๘. ปิณฺโฑลภารทฺวาชตฺเถรอปทานวณฺณนา

ปทุมุตฺตโร นาม ชิโนติอาทิกํ อายสฺมโต ปิณฺโฑลภารทฺวาชสฺส อปทานํ. อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยานิ ปุฺานิ อุปจินนฺโต ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล สีหโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา ปพฺพตปาเท คุหายํ วิหาสิ. ภควา ตสฺส อนุคฺคหํ กาตุํ โคจราย ปกฺกนฺตกาเล ตสฺส สยนคุหํ ปวิสิตฺวา นิโรธํ สมาปชฺชิตฺวา นิสีทิ. สีโห โคจรํ คเหตฺวา นิวตฺโต คุหทฺวาเร ตฺวา ภควนฺตํ ทิสฺวา หฏฺตุฏฺโ ชลชถลชปุปฺเผหิ ปูชํ กตฺวา จิตฺตํ ปสาเทนฺโต ภควโต อารกฺขณตฺถาย อฺเ วาฬมิเค อปเนตุํ ตีสุ เวลาสุ สีหนาทํ นทนฺโต พุทฺธคตาย สติยา อฏฺาสิ. ยถา ปมทิวเส, เอวํ สตฺตาหํ ปูเชสิ. ภควา ‘‘สตฺตาหจฺจเยน นิโรธา วุฏฺหิตฺวา วฏฺฏิสฺสติ อิมสฺส เอตฺตโก อุปนิสฺสโย’’ติ ตสฺส ปสฺสนฺตสฺเสว อากาสํ ปกฺขนฺทิตฺวา วิหารเมว คโต.

สีโห พุทฺธวิโยคทุกฺขํ อธิวาเสตุํ อสกฺโกนฺโต กาลํ กตฺวา หํสวตีนคเร มหาโภคกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต นครวาสีหิ สทฺธึ วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปสนฺโน สตฺตาหํ พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ ปวตฺเตตฺวา ยาวชีวํ ปุฺานิ กตฺวา อปราปรํ เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อมฺหากํ ภควโต กาเล โกสมฺพิยํ รฺโ อุเทนสฺส ปุโรหิตสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ภารทฺวาโชติสฺส นามํ อโหสิ. โส วยปฺปโต ตโย เวเท อุคฺคเหตฺวา ปฺจ มาณวกสตานิ มนฺเต วาเจนฺโต มหคฺฆสภาเวน อนนุรูปาจารตฺตา เตหิ ปริจฺจตฺโต ราชคหํ คนฺตฺวา ภควโต ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ ลาภสกฺการํ ทิสฺวา สาสเน ปพฺพชิตฺวา โภชเน อมตฺตฺู หุตฺวา วิหรติ. สตฺถารา อุปาเยน มตฺตฺุตาย ปติฏฺาเปนฺโต วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา นจิรสฺเสว ฉฬภิฺโ อโหสิ. ฉฬภิฺโ ปน หุตฺวา ภควโต สมฺมุขา ‘‘ยํ สาวเกหิ ปตฺตพฺพํ, ตํ มยา อนุปฺปตฺต’’นฺติ, ภิกฺขุสงฺเฆ จ ‘‘ยสฺส มคฺเค วา ผเล วา กงฺขา อตฺถิ, โส มํ ปุจฺฉตู’’ติ สีหนาทํ นทิ. เตน ตํ ภควา – ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ สีหนาทิกานํ ยทิทํ ปิณฺโฑลภารทฺวาโช’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๘๘, ๑๙๕) เอตทคฺเค เปสิ.

๖๑๓. เอวํ เอตทคฺคํ านํ ปตฺวา ปุพฺเพ กตปุฺสมฺภารํ สริตฺวา โสมนสฺสวเสน อตฺตโน ปุฺกมฺมาปทานํ วิภาเวนฺโต ปทุมุตฺตโรติอาทิมาห. ตสฺสตฺโถ เหฏฺา วุตฺโตว. ปุรโต หิมวนฺตสฺสาติ หิมาลยปพฺพตโต ปุพฺพทิสาภาเคติ อตฺโถ. จิตฺตกูเฏ วสี ตทาติ ยทา อหํ สีโห มิคราชา หุตฺวา หิมวนฺตปพฺพตสมีเป วสามิ, ตทา ปทุมุตฺตโร นาม สตฺถา อเนเกหิ จ โอสเธหิ, อเนเกหิ จ รตเนหิ จิตฺตวิจิตฺตตาย จิตฺตกูเฏ จิตฺตปพฺพตสิขเร วสีติ สมฺพนฺโธ.

๖๑๔. อภีตรูโป ตตฺถาสินฺติ อภีตสภาโว นิพฺภยสภาโว มิคราชา ตตฺถ อาสึ อโหสินฺติ อตฺโถ. จตุกฺกโมติ จตูหิ ทิสาหิ กโม คนฺตุํ สมตฺโถ. ยสฺส สทฺทํ สุณิตฺวานาติ ยสฺส มิครฺโ สีหนาทํ สุตฺวา พหุชฺชนา พหุสตฺตา วิกฺขมฺภนฺติ วิเสเสน ขมฺภนฺติ ภายนฺติ.

๖๑๕. สุผุลฺลํ ปทุมํ คยฺหาติ ภควติ ปสาเทน สุปุปฺผิตปทุมปุปฺผํ ฑํสิตฺวา. นราสภํ นรานํ อาสภํ อุตฺตมํ เสฏฺํ สมฺพุทฺธํ อุปคจฺฉึ, สมีปํ อคมินฺติ อตฺโถ. วุฏฺิตสฺส สมาธิมฺหาติ นิโรธสมาปตฺติโต วุฏฺิตสฺส พุทฺธสฺส ตํ ปุปฺผํ อภิโรปยึ ปูเชสินฺติ อตฺโถ.

๖๑๖. จตุทฺทิสํ นมสฺสิตฺวาติ จตูสุ ทิสาสุ นมสฺสิตฺวา สกํ จิตฺตํ อตฺตโน จิตฺตํ ปสาเทตฺวา อาทเรน ปติฏฺเปตฺวา สีหนาทํ อภีตนาทํ อนทึ โฆเสสินฺติ อตฺโถ.

๖๑๗. ตโต พุทฺเธน ทินฺนพฺยากรณํ ปกาเสนฺโต ปทุมุตฺตโรติอาทิมาห. ตํ อุตฺตานตฺถเมว.

๖๑๘. วทตํ เสฏฺโติ ‘‘มยํ พุทฺธา, มยํ พุทฺธา’’ติ วทนฺตานํ อฺติตฺถิยานํ เสฏฺโ อุตฺตโม พุทฺโธ อาคโตติ สมฺพนฺโธ. ตสฺส อาคตสฺส ภควโต ตํ ธมฺมํ โสสฺสาม สุณิสฺสามาติ อตฺโถ.

๖๑๙. เตสํ หาสปเรตานนฺติ หาเสหิ โสมนสฺเสหิ ปเรตานํ อภิภูตานํ สมนฺนาคตานํ เตสํ เทวมนุสฺสานํ. โลกนายโกติ โลกสฺส นายโก สคฺคโมกฺขสมฺปาปโก มม สทฺทํ มยฺหํ สีหนาทํ ปกิตฺเตสิ ปกาเสสิ กเถสิ, ทีฆทสฺสี อนาคตกาลทสฺสี มหามุนิ มุนีนมนฺตเร มหนฺโต มุนิ. เสสคาถา สุวิฺเยฺยเมว.

๖๒๒. นาเมน ปทุโม นาม จกฺกวตฺตี หุตฺวา จตุสฏฺิยา ชาติยา อิสฺสริยํ อิสฺสรภาวํ รชฺชํ การยิสฺสตีติ อตฺโถ.

๖๒๓. กปฺปสตสหสฺสมฺหีติ สามฺยตฺเถ ภุมฺมวจนํ, กปฺปสตสหสฺสานํ ปริโยสาเนติ อตฺโถ.

๖๒๔. ปกาสิเต ปาวจเนติ เตน โคตเมน ภควตา ปิฏกตฺตเย ปกาสิเต เทสิเตติ อตฺโถ. พฺรหฺมพนฺธุ ภวิสฺสตีติ ตทา โคตมสฺส ภควโต กาเล อยํ สีโห มิคราชา พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติสฺสตีติ อตฺโถ. พฺรหฺมฺา อภินิกฺขมฺมาติ พฺราหฺมณกุลโต นิกฺขมิตฺวา ตสฺส ภควโต สาสเน ปพฺพชิสฺสตีติ สมฺพนฺโธ.

๖๒๕. ปธานปหิตตฺโตติ วีริยกรณตฺถํ เปสิตจิตฺโต. อุปธิสงฺขาตานํ กิเลสานํ อภาเวน นิรุปธิ. กิเลสทรถานํ อภาเวน อุปสนฺโต. สพฺพาสเว สกลาสเว ปริฺาย ปหาย อนาสโว นิกฺกิเลโส นิพฺพายิสฺสติ ขนฺธปรินิพฺพาเนน นิพฺพุโต ภวิสฺสตีติ อตฺโถ.

๖๒๖. วิชเน ปนฺตเสยฺยมฺหีติ ชนสมฺพาธรหิเต ทูรารฺเสนาสเนติ อตฺโถ. วาฬมิคสมากุเลติ กาฬสีหาทีหิ จณฺฑมิคสงฺเคหิ อากุเล สํกิณฺเณติ อตฺโถ. เสสํ วุตฺตตฺถเมวาติ.

ปิณฺโฑลภารทฺวาชตฺเถรอปทานวณฺณนา สมตฺตา.

๓-๙. ขทิรวนิยตฺเถรอปทานวณฺณนา

คงฺคา ภาคีรถี นามาติอาทิกํ อายสฺมโต ขทิรวนิยตฺเถรสฺส อปทานํ. อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยานิ ปุฺานิ อุปจินนฺโต ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล หํสวตีนคเร ติตฺถนาวิกกุเล นิพฺพตฺติตฺวา มหาคงฺคาย ปยาคติตฺเถ ติตฺถนาวาย กมฺมํ กโรนฺโต เอกทิวสํ สสาวกสงฺฆํ ภควนฺตํ คงฺคาตีรํ อุปคตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส นาวาสงฺฆาฏํ โยเชตฺวา มหนฺเตน ปูชาสกฺกาเรน ปรตีรํ ปาเปตฺวา อฺตรํ ภิกฺขุํ สตฺถารา อารฺกานํ ภิกฺขูนํ อคฺคฏฺาเน ปิยมานํ ทิสฺวา ตํ านนฺตรํ ปตฺเถตฺวา ภควโต ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ มหาทานํ ปวตฺเตตฺวา ปณิธานํ อกาสิ. ภควา ตสฺส ปตฺถนาย อวฺฌภาวํ พฺยากาสิ.

โส ตโต ปฏฺาย ปุฺานิ อุปจินนฺโต เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต อุภยสมฺปตฺติโย อนุภวิตฺวา อิมสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท มคธรฏฺเ นาลกคาเม รูปสาริยา นาม พฺราหฺมณิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติ. ตํ วยปฺปตฺตํ มาตาปิตโร ฆรพนฺธเนน พนฺธิตุกามา หุตฺวา ตสฺส อาโรเจสุํ. โส สาริปุตฺตตฺเถรสฺส ปพฺพชิตภาวํ สุตฺวา ‘‘มยฺหํ เชฏฺภาตา อยฺโย อุปติสฺโส อิมํ วิภวํ ฉฑฺเฑตฺวา ปพฺพชิโต, เตน วนฺตํ เขฬปิณฺฑํ กถาหํ อนุภวิสฺสามี’’ติ ชาตสํเวโค ปาสํ อนุปคจฺฉมานมิโค วิย าตเก วฺเจตฺวา เหตุสมฺปตฺติยา โจทิยมาโน ภิกฺขูนํ สนฺติกํ คนฺตฺวา ธมฺมเสนาปติโน กนิฏฺภาวํ นิเวเทตฺวา อตฺตโน ปพฺพชฺชาย ฉนฺทํ อาโรเจสิ. ภิกฺขู ตํ ปพฺพาเชตฺวา ปริปุณฺณวีสติวสฺสํ อุปสมฺปาเทตฺวา กมฺมฏฺาเน นิโยเชสุํ. โส กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา ขทิรวนํ ปวิสิตฺวา วิสฺสมนฺโต ฆเฏนฺโต วายมนฺโต าณสฺส ปริปากํ คตตฺตา นจิรสฺเสว ฉฬภิฺโ อรหา อโหสิ. โส อรหา หุตฺวา สตฺถารํ ธมฺมเสนาปติฺจ วนฺทิตุํ เสนาสนํ สํสาเมตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย นิกฺขมิตฺวา อนุปุพฺเพน สาวตฺถึ ปตฺวา เชตวนํ ปวิสิตฺวา สตฺถารํ ธมฺมเสนาปติฺจ วนฺทิตฺวา กติปาหํ เชตวเน วิหาสิ. อถ นํ สตฺถา อริยคณมชฺเฌ นิสินฺโน อารฺกานํ ภิกฺขูนํ อคฺคฏฺาเน เปสิ – ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ อารฺกานํ ยทิทํ เรวโต’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๙๘, ๒๐๓).

๖๒๘. เอวํ เอตทคฺคฏฺานํ ปตฺวา อตฺตโน ปุพฺพกมฺมํ สริตฺวา ปีติโสมนสฺสวเสน ปุพฺพจริตาปทานํ ปกาเสนฺโต คงฺคา ภาคีรถีติอาทิมาห. ตตฺถ คงฺคาติ คายมานา โฆสํ กุรุมานา คจฺฉตีติ คงฺคา. อถ วา โค วุจฺจติ ปถวี, ตสฺมึ คตา ปวตฺตาติ คงฺคา. อโนตตฺตทหํ ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา คตฏฺาเน อาวฏฺฏคงฺคาติ จ ปพฺพตมตฺถเกน คตฏฺาเน พหลคงฺคาติ จ ติรจฺฉานปพฺพตํ วิชฺฌิตฺวา คตฏฺาเน อุมงฺคคงฺคาติ จ ตโต พหลปพฺพตํ ปหริตฺวา ปฺจโยชนํ อากาเสน คตฏฺาเน อากาสคงฺคาติ จ ตสฺสา ปติตฏฺานํ ภินฺทิตฺวา ชาตํ ปฺจ โยชนํ โปกฺขรณีกูลํ ภินฺทิตฺวา ตตฺถ ปน ปฺจงฺคุลิ วิย ปฺจ ธารา หุตฺวา คงฺคา ยมุนา สรภู มหี อจิรวตีติ ปฺจ นามา หุตฺวา ชมฺพุทีปํ ปฺจ ภาคํ ปฺจ โกฏฺาสํ กตฺวา ปฺจ ภาเค ปฺจ โกฏฺาเส อิตา คตา ปวตฺตาติ ภาคีรถี. คงฺคา จ สา ภาคีรถี เจติ คงฺคาภาคีรถี. ‘‘ภาคีรถี คงฺคา’’ติ วตฺตพฺเพ คาถาพนฺธสุขตฺถํ ปุพฺพจริยวเสน วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ. หิมวนฺตา ปภาวิตาติ สตฺเต หึสติ สีเตน หนติ มเถติ อาโลเฬตีติ หิโม, หิโม อสฺส อตฺถีติ หิมวา, ตโต หิมวนฺตโต ปฏฺาย ปภาวิตา ปวตฺตา สนฺทมานาติ หิมวนฺตปภาวิตา. กุติตฺเถ นาวิโก อาสินฺติ ตสฺสา คงฺคาย จณฺฑโสตสมาปนฺเน วิสมติตฺเถ เกวฏฺฏกุเล อุปฺปนฺโน นาวิโก อาสึ อโหสินฺติ อตฺโถ. โอริเม จ ตรึ อหนฺติ สมฺปตฺตสมฺปตฺตมนุสฺเส ปาริมา ตีรา โอริมํ ตีรํ อหํ ตรึ ตาเรสินฺติ อตฺโถ.

๖๒๙. ปทุมุตฺตโร นายโกติ ทฺวิปทานํ อุตฺตโม สตฺเต นิพฺพานํ นายโก ปาปนโก ปทุมุตฺตรพุทฺโธ มม ปุฺสมฺปตฺตึ นิปฺผาเทนฺโต. วสีสตสหสฺเสหิ ขีณาสวสตสหสฺเสหิ คงฺคาโสตํ ตริตุํ ติตฺถํ ปตฺโตติ สมฺพนฺโธ.

๖๓๐. พหู นาวา สมาเนตฺวาติ สมฺปตฺตํ ตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ ทิสฺวา วฑฺฒกีหิ สุฏฺุ สงฺขตํ กตํ นิปฺผาทิตํ พหู นาวาโย สมาเนตฺวา ทฺเว ทฺเว นาวาโย เอกโต กตฺวา ตสฺสา นาวาย อุปริ มณฺฑปฉทนํ กตฺวา นราสภํ ปทุมุตฺตรสมฺพุทฺธํ ปฏิมานึ ปูเชสินฺติ อตฺโถ.

๖๓๑. อาคนฺตฺวาน จ สมฺพุทฺโธติ เอวํ สงฺฆฏิตาย นาวาย ตตฺถ อาคนฺตฺวาน ตฺจ นาวกํ นาวมุตฺตมํ อารุหีติ สมฺพนฺโธ. วาริมชฺเฌ ิโต สตฺถาติ นาวมารูฬฺโห สตฺถา คงฺคาชลมชฺเฌ ิโต สมาโน อิมา โสมนสฺสปฏิสํยุตฺตคาถา อภาสถ กเถสีติ สมฺพนฺโธ.

๖๓๒. โย โส ตาเรสิ สมฺพุทฺธนฺติ โย โส นาวิโก คงฺคาโสตาย สมฺพุทฺธํ อตาเรสิ. สงฺฆฺจาปิ อนาสวนฺติ น เกวลเมว สมฺพุทฺธํ ตาเรสิ, อนาสวํ นิกฺกิเลสํ สงฺฆฺจาปิ ตาเรสีติ อตฺโถ. เตน จิตฺตปสาเทนาติ เตน นาวาปาชนกาเล อุปฺปนฺเนน โสมนสฺสสหคตจิตฺตปสาเทน เทวโลเก ฉสุ กามสคฺเคสุ รมิสฺสติ ทิพฺพสมฺปตฺตึ อนุภวิสฺสตีติ อตฺโถ.

๖๓๓. นิพฺพตฺติสฺสติ เต พฺยมฺหนฺติ เทวโลเก อุปฺปนฺนสฺส เต ตุยฺหํ พฺยมฺหํ วิมานํ สุกตํ สุฏฺุ นิพฺพตฺตํ นาวสณฺิตํ นาวาสณฺานํ นิพฺพตฺติสฺสติ ปาตุภวิสฺสตีติ อตฺโถ. อากาเส ปุปฺผฉทนนฺติ นาวาย อุปริมณฺฑปกตกมฺมสฺส นิสฺสนฺเทน สพฺพทา คตคตฏฺาเน อากาเส ปุปฺผฉทนํ ธารยิสฺสตีติ สมฺพนฺโธ.

๖๓๔. อฏฺปฺาสกปฺปมฺหีติ อิโต ปุฺกรณกาลโต ปฏฺาย อฏฺปณฺณาสกปฺปํ อติกฺกมิตฺวา นาเมน ตารโก นาม จกฺกวตฺตี ขตฺติโย จาตุรนฺโต จตูสุ ทีเปสุ อิสฺสโร วิชิตาวี ชิตวนฺโต ภวิสฺสตีติ สมฺพนฺโธ. เสสคาถา อุตฺตานตฺถาว.

๖๓๗. เรวโต นาม นาเมนาติ เรวตีนกฺขตฺเตน ชาตตฺตา ‘‘เรวโต’’ติ ลทฺธนาโม พฺรหฺมพนฺธุ พฺราหฺมณปุตฺตภูโต ภวิสฺสติ พฺราหฺมณกุเล อุปฺปชฺชิสฺสตีติ อตฺโถ.

๖๓๙. นิพฺพายิสฺสตินาสโวติ นิกฺกิเลโส ขนฺธปรินิพฺพาเนน นิพฺพายิสฺสติ.

๖๔๐. วีริยํ เม ธุรโธรยฺหนฺติ เอวํ ปทุมุตฺตเรน ภควตา พฺยากโต อหํ กเมน ปารมิตาโกฏึ ปตฺวา เม มยฺหํ วีริยํ อสิถิลวีริยํ ธุรโธรยฺหํ ธุรวาหํ ธุราธารํ โยเคหิ เขมสฺส นิพฺภยสฺส นิพฺพานสฺส อธิวาหนํ อาวหนํ อโหสีติ อตฺโถ. ธาเรมิ อนฺติมํ เทหนฺติ อิทานาหํ สมฺมาสมฺพุทฺธสาสเน ปริโยสานสรีรํ ธาเรมีติ สมฺพนฺโธ.

โส อปรภาเค อตฺตโน ชาตคามํ คนฺตฺวา ‘‘จาลา, อุปจาลา, สีสูปจาลา’’ติ ติสฺสนฺนํ ภคินีนํ ปุตฺเต ‘‘จาลา, อุปจาลา, สีสูปจาลา’’ติ ตโย ภาคิเนยฺเย อาเนตฺวา ปพฺพาเชตฺวา กมฺมฏฺาเน นิโยเชสิ. เต กมฺมฏฺานํ อนุยุตฺตา วิหรึสุ.

ตสฺมิฺจ สมเย เถรสฺส โกจิเทว อาพาโธ อุปฺปนฺโน, ตํ สุตฺวา สาริปุตฺตตฺเถโร – ‘‘เรวตสฺส คิลานปุจฺฉนํ อธิคมปุจฺฉนฺจ กริสฺสามี’’ติ อุปคฺฉิ. เรวตตฺเถโร ธมฺมเสนาปตึ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา เตสํ สามเณรานํ สตุปฺปาทวเสน โอวทิยมาโน จาเลติคาถํ อภาสิตฺถ. ตตฺถ จาเล อุปจาเล สีสูปจาเลติ เตสํ อาลปนํ. จาลา, อุปจาลา, สีสูปจาลาติ หิ อิตฺถิลิงฺควเสน ลทฺธนามา ตโย ทารกา ปพฺพชิตาปิ ตถา โวหริยฺยนฺติ. ‘‘จาลี, อุปจาลี, สีสูปจาลีติ เตสํ นามานี’’ติ จ วทนฺติ. ยทตฺถํ ‘‘จาเล’’ติอาทินา อามนฺตนํ กตํ, ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปติสฺสตา นุ โข วิหรถา’’ติ วตฺวา ตตฺถ การณํ อาห – ‘‘อาคโต โว วาลํ วิย เวธี’’ติ. ปติสฺสตาติ ปติสฺสติกา. โขติ อวธารเณ. อาคโตติ อาคฺฉิ. โวติ ตุมฺหากํ. วาลํ วิย เวธีติ วาลเวธิ วิย. อยฺเหตฺถ สงฺเขปตฺโถ – ติกฺขชวนนิพฺเพธิกปฺตาย วาลเวธิรูโป สตฺถุกปฺโป ตุมฺหากํ มาตุลตฺเถโร อาคโต, ตสฺมา สมณสฺํ อุปฏฺเปตฺวา สติสมฺปชฺยุตฺตา เอว หุตฺวา วิหรถ, ยถาธิคเต วิหาเร อปฺปมตฺตา ภวถาติ.

ตํ สุตฺวา เต สามเณรา ธมฺมเสนาปติสฺส ปจฺจุคฺคมนาทิวตฺตํ กตฺวา อุภินฺนํ มาตุลตฺเถรานํ ปฏิสนฺถารเวลายํ นาติทูเร สมาธึ สมาปชฺชิตฺวา นิสีทึสุ. ธมฺมเสนาปติ เรวตตฺเถเรน สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กตฺวา อุฏฺายาสนา เต สามเณเร อุปสงฺกมิ. เต ตถา กาลปริจฺเฉทสฺส กตตฺตา เถเร อุปสงฺกมนฺเต อุฏฺหิตฺวา วนฺทิตฺวา อฏฺํสุ. เถโร – ‘‘กตรกตรวิหาเรน วิหรถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา เตหิ ‘‘อิมาย อิมายา’’ติ วุตฺเต ทารเกปิ เอวํ วิเนนฺโต – ‘‘มยฺหํ ภาติโก สจฺจวาที วต ธมฺมสฺส อนุธมฺมจาริ’’นฺติ เถรํ ปสํสนฺโต ปกฺกามิ. เสสเมตฺถ อุตฺตานตฺถเมวาติ.

ขทิรวนิยตฺเถรอปทานวณฺณนา สมตฺตา.

๓-๑๐. อานนฺทตฺเถรอปทานวณฺณนา

อารามทฺวารา นิกฺขมฺมาติอาทิกํ อายสฺมโต อานนฺทตฺเถรสฺส อปทานํ. อยมฺปิ ปุริมพุทฺเธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฏฺฏูปนิสฺสยานิ ปุฺานิ อุปจินนฺโต ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล หํสวตีนคเร สตฺถุ เวมาติกภาตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ. สุมโนติสฺส นามํ อโหสิ. ปิตา ปนสฺส นนฺทราชา นาม. โส อตฺตโน ปุตฺตสฺส สุมนกุมารสฺส วยปฺปตฺตสฺส หํสวตีนครโต วีสโยชนสเต าเน โภคนครํ อทาสิ. โส กทาจิ กทาจิ อาคนฺตฺวา สตฺถารฺจ ปิตรฺจ ปสฺสติ. ตทา ราชา สตฺถารฺจ สตสหสฺสปริมาณํ ภิกฺขุสงฺฆฺจ สยเมว สกฺกจฺจํ อุปฏฺหิ, อฺเสํ อุปฏฺาตุํ น เทติ.

เตน สมเยน ปจฺจนฺโต กุปิโต อโหสิ. กุมาโร ตสฺส กุปิตภาวํ รฺโ อนาโรเจตฺวา สยเมว ตํ วูปสเมสิ. ตํ สุตฺวา ราชา ตุฏฺมานโส ‘‘วรํ เต ตาว ทมฺมิ, คณฺหาหี’’ติ อาห. กุมาโร ‘‘สตฺถารํ ภิกฺขุสงฺฆฺจ เตมาสํ อุปฏฺหนฺโต ชีวิตํ อวฺฌํ กาตุํ อิจฺฉามี’’ติ อาห. ‘‘เอตํ น สกฺกา, อฺํ วเทหี’’ติ. ‘‘เทว, ขตฺติยานํ ทฺเว กถา นาม นตฺถิ, เอตํ เม เทหิ, น มยฺหํ อฺเนตฺโถ, สเจ สตฺถา อนุชานาติ, ทินฺนเมวา’’ติ. โส ‘‘สตฺถุ จิตฺตํ ชานิสฺสามี’’ติ วิหารํ คโต. เตน จ สมเยน ภควา คนฺธกุฏึ ปวิฏฺโ โหติ. โส ภิกฺขู อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘อหํ, ภนฺเต, ภควนฺตํ ทสฺสนาย อาคโต, ทสฺเสถ ม’’นฺติ. ภิกฺขู ‘‘สุมโน นาม เถโร สตฺถุ อุปฏฺาโก, ตสฺส สนฺติกํ คจฺฉาหี’’ติ อาหํสุ. โส เถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘สตฺถารํ, ภนฺเต, ทสฺเสถา’’ติ อาห. อถ เถโร ตสฺส ปสฺสนฺตสฺเสว ปถวิยํ นิมุชฺชิตฺวา ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ราชปุตฺโต, ภนฺเต, ตุมฺหากํ ทสฺสนาย อาคโต’’ติ อาห. ‘‘เตน หิ ภิกฺขุ พหิ อาสนํ ปฺเปหี’’ติ. เถโร ปุนปิ พุทฺธาสนํ คเหตฺวา อนฺโตคนฺธกุฏิยํ นิมุชฺชิตฺวา ตสฺส ปสฺสนฺตสฺส พหิปริเวเณ ปาตุภวิตฺวา คนฺธกุฏิปริเวเณ อาสนํ ปฺาเปสิ. กุมาโร ตํ ทิสฺวา ‘‘มหนฺโต วตายํ ภิกฺขู’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทสิ.

ภควาปิ คนฺธกุฏิโต นิกฺขมิตฺวา ปฺตฺตาสเน นิสีทิ. ราชปุตฺโต สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ปฏิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘อยํ, ภนฺเต, เถโร ตุมฺหากํ สาสเน วลฺลโภ มฺเ’’ติ? ‘‘อาม, กุมาร, วลฺลโภ’’ติ. ‘‘กึ กตฺวา, ภนฺเต, เอส วลฺลโภ’’ติ? ‘‘ทานาทีนิ ปุฺานิ กตฺวา’’ติ. ‘‘ภควา, อหมฺปิ อยํ เถโร วิย อนาคเต พุทฺธสาสเน วลฺลโภ โหตุกาโม’’ติ โส พุทฺธปฺปมุขสฺส สงฺฆสฺส สตฺตาหํ ขนฺธาวาเร ภตฺตํ ทตฺวา สตฺตเม ทิวเส, ‘‘ภนฺเต, มยา ปิตุ สนฺติกา ตุมฺหากํ เตมาสํ ปฏิชคฺคนวโร ลทฺโธ, เตมาสํ เม วสฺสาวาสํ อธิวาเสถา’’ติ วตฺวา สตฺถุ อธิวาสนํ วิทิตฺวา สปริวารํ ภควนฺตํ คเหตฺวา โยชเน โยชเน สตฺถุ ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ วสนานุจฺฉวิเก วิหาเร กาเรตฺวา ตตฺถ ตตฺถ วสาเปนฺโต อตฺตโน วสนฏฺานสมีเป สตสหสฺเสน กีเต โสภนนามเก อุยฺยาเน สตสหสฺเสน การิตํ วิหารํ ปเวสาเปตฺวา –

‘‘สตสหสฺเสน เม กีตํ, สตสหสฺเสน การิตํ;

โสภนํ นาม อุยฺยานํ, ปฏิคฺคณฺห มหามุนี’’ติ. –

อุทกํ ปาเตสิ. โส วสฺสูปนายิกทิวเส สตฺถุ มหาทานํ ปวตฺเตตฺวา ‘‘อิมินา นีหาเรน ทานํ ทเทยฺยาถา’’ติ ปุตฺตทาเร อมจฺเจ จ ทาเน กิจฺจกรเณ จ นิโยเชตฺวา สยํ สุมนตฺเถรสฺส วสนฏฺานสมีเปเยว วสนฺโต เอวํ อตฺตโน วสนฏฺาเน สตฺถารํ เตมาสํ อุปฏฺหิ. อุปกฏฺาย ปน ปวารณาย คามํ ปวิสิตฺวา สตฺตาหํ มหาทานํ ปวตฺเตตฺวา สตฺตเม ทิวเส สตฺถุ ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ ปาทมูเล ติจีวเร เปตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘ภนฺเต, ยเทตํ มยา ขนฺธาวารโต ปฏฺาย ปุฺํ กตํ, น ตํ สกฺกสมฺปตฺติอาทีนํ อตฺถาย กตํ, อถ โข อหมฺปิ สุมนตฺเถโร วิย อนาคเต เอกสฺส พุทฺธสฺส อุปฏฺาโก วลฺลโภ ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ อกาสิ. สตฺถา ตสฺส อนนฺตรายตํ ทิสฺวา พฺยากริตฺวา ปกฺกามิ.

โส ตสฺมึ พุทฺธุปฺปาเท วสฺสสตสหสฺสํ ปุฺานิ กตฺวา ตโต ปรมฺปิ ตตฺถ ตตฺถ ภเว อุฬารานิ ปุฺกมฺมานิ อุปจินิตฺวา เทวมนุสฺเสสุ สํสรนฺโต กสฺสปภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺโต วิฺุตํ ปตฺวา เอกสฺส เถรสฺส ปิณฺฑาย จรโต ปตฺตคฺคหณตฺถํ อุตฺตรสาฏกํ กตฺวา ปูชํ อกาสิ. ปุน สคฺเค นิพฺพตฺติตฺวา ตโต จุโต พาราณสิราชา หุตฺวา อฏฺ ปจฺเจกพุทฺเธ ทิสฺวา เต โภเชตฺวา อตฺตโน มงฺคลุยฺยาเน อฏฺ ปณฺณสาลาโย กาเรตฺวา เตสํ นิสีทนตฺถาย อฏฺ สพฺพรตนมยปีเ เจว มณิอาธารเก จ ปฏิยาเทตฺวา ทสวสฺสสหสฺสานิ อุปฏฺานํ อกาสิ, เอตานิ ปากฏานิ.

กปฺปสตสหสฺสํ ปน ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุฺานิ อุปจินนฺโต อมฺหากํ โพธิสตฺเตน สทฺธึ ตุสิตปุเร นิพฺพตฺติตฺวา ตโต จุโต อมิโตทนสกฺกสฺส เคเห นิพฺพตฺติตฺวา สพฺเพ าตเก อานนฺทิเต กโรนฺโต ชาโตติ อานนฺโทตฺเวว นามํ ลภิ. โส อนุกฺกเมน วยปฺปตฺโต กตาภินิกฺขมเน สมฺมาสมฺโพธึ ปตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺเก ปมํ กปิลวตฺถุํ คนฺตฺวา ตโต นิกฺขมนฺเต ภควติ ตสฺส ปริวารตฺถํ ปพฺพชิตุํ นิกฺขมนฺเตหิ ภทฺทิยาทีหิ สทฺธึ นิกฺขมิตฺวา ภควโต สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา อายสฺมโต ปุณฺณสฺส มนฺตาณิปุตฺตสฺส สนฺติเก ธมฺมกถํ สุตฺวา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ.

เตน จ สมเยน ภควโต ปมโพธิยํ วีสติวสฺสานิ อนิพทฺธา อุปฏฺากา อเหสุํ. เอกทา นาคสมาโล ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา วิจรติ, เอกทา นาคิโต, เอกทา อุปวาโน, เอกทา สุนกฺขตฺโต, เอกทา จุนฺโท สมณุทฺเทโส, เอกทา สาคโต, เอกทา เมฆิโย, เต เยภุยฺเยน สตฺถุ จิตฺตํ นาราธยึสุ. อเถกทิวสํ ภควา คนฺธกุฏิปริเวเณ ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต นิสินฺโน ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘อหํ, ภิกฺขเว, อิทานิ มหลฺลโก เอกจฺเจ ภิกฺขู ‘อิมินา มคฺเคน คจฺฉามี’ติ วุตฺเต อฺเน มคฺเคน คจฺฉนฺติ, เอกจฺเจ มยฺหํ ปตฺตจีวรํ ภูมิยํ นิกฺขิปนฺติ, มยฺหํ นิพทฺธุปฏฺากํ เอกํ ภิกฺขุํ วิชานถา’’ติ. ตํ สุตฺวา ภิกฺขูนํ ธมฺมสํเวโค อุทปาทิ. อถายสฺมา สาริปุตฺโต อุฏฺาย ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ‘‘อหํ, ภนฺเต, ตุมฺเห อุปฏฺหิสฺสามี’’ติ อาห. ตํ ภควา ปฏิกฺขิปิ. เอเตนุปาเยน มหาโมคฺคลฺลานํ อาทึ กตฺวา สพฺเพ มหาสาวกา ‘‘อหํ อุปฏฺหิสฺสามิ, อหํ อุปฏฺหิสฺสามี’’ติ อุฏฺหึสุ เปตฺวา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ. เตปิ ภควา ปฏิกฺขิปิ.

อานนฺโท ปน ตุณฺหีเยว นิสีทิ. อถ นํ ภิกฺขู อาหํสุ – ‘‘อาวุโส, ตฺวมฺปิ สตฺถุ อุปฏฺากฏฺานํ ยาจาหี’’ติ. ‘‘ยาจิตฺวา ลทฺธุปฏฺานํ นาม กีทิสํ โหติ? สเจ รุจฺจติ, สตฺถา สยเมว วกฺขตี’’ติ. อถ ภควา – ‘‘น, ภิกฺขเว, อานนฺโท อฺเหิ อุสฺสาเหตพฺโพ, สยเมว ชานิตฺวา มํ อุปฏฺหิสฺสตี’’ติ อาห. ตโต ภิกฺขู ‘‘อุฏฺเหิ, อาวุโส อานนฺท, สตฺถารํ อุปฏฺากฏฺานํ ยาจาหี’’ติ อาหํสุ. เถโร อุฏฺหิตฺวา ‘‘สเจ เม, ภนฺเต, ภควา อตฺตนา ลทฺธํ ปณีตํ จีวรํ น ทสฺสติ, ปณีตํ ปิณฺฑปาตํ น ทสฺสติ, เอกคนฺธกุฏิยํ วสิตุํ น ทสฺสติ, นิมนฺตนํ คเหตฺวา น คมิสฺสติ, เอวาหํ ภควนฺตํ อุปฏฺหิสฺสามี’’ติ อาห. ‘‘เอตฺตเก คุเณ ลภโต สตฺถุ อุปฏฺานํ โก ภาโร’’ติ อุปวาทโมจนตฺถํ อิเม จตฺตาโร ปฏิกฺเขปา, ‘‘สเจ, ภนฺเต, ภควา มยา คหิตํ นิมนฺตนํ คมิสฺสติ, สจาหํ เทสนฺตรโต อาคตาคเต ตาวเทว ทสฺเสตุํ ลภามิ, ยทา เม กงฺขา อุปฺปชฺชติ, ตาวเทว ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิตุํ ลภามิ, สเจ ภควา ปรมฺมุขา เทสิตํ ธมฺมํ ปุน มยฺหํ พฺยากริสฺสสิ, เอวาหํ ภควนฺตํ อุปฏฺหิสฺสามิ’’. ‘‘เอตฺตกมฺปิ สตฺถุ สนฺติเก อนุคฺคหํ น ลภตี’’ติ อุปวาทโมจนตฺถฺเจว ธมฺมภณฺฑาคาริกภาวปริปูรณตฺถฺจ อิมา จตสฺโส ยาจนาติ อิเม อฏฺ วเร คเหตฺวา นิพทฺธุปฏฺาโก อโหสิ. ตสฺเสว านนฺตรสฺส อตฺถาย กปฺปสตสหสฺสํ ปูริตานํ ปารมีนํ ผลํ ปาปุณิ.

โส อุปฏฺากฏฺานํ ลทฺธทิวสโต ปฏฺาย ทสพลํ ทุวิเธน อุทเกน ติวิเธน ทนฺตกฏฺเน หตฺถปาทปริกมฺเมน ปิฏฺิปริกมฺเมน คนฺธกุฏิปริเวณสมฺมชฺชเนนาติ เอวมาทีหิ กิจฺเจหิ อุปฏฺหนฺโต – ‘‘อิมาย นาม เวลาย สตฺถุ อิทํ นาม ลทฺธุํ วฏฺฏติ, อิทํ นาม กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ ทิวสภาคํ สนฺติกาวจโร หุตฺวา รตฺติภาเค มหนฺตํ ทณฺฑทีปิกํ คเหตฺวา คนฺธกุฏิปริเวณํ นววาเร อนุปริยายติ สตฺถริ ปกฺโกสนฺเต ปฏิวจนทานาย, ถินมิทฺธวิโนทนตฺถํ. อถ นํ สตฺถา เชตวเน อริยคณมชฺเฌ นิสินฺโน อเนกปริยาเยน ปสํสิตฺวา พหุสฺสุตานํ สติมนฺตานํ คติมนฺตานํ ธิติมนฺตานํ อุปฏฺากานฺจ ภิกฺขูนํ อคฺคฏฺาเน เปสิ.

เอวํ สตฺถารา ปฺจสุ าเนสุ เอตทคฺเค ปิโต จตูหิ อจฺฉริยพฺภูตธมฺเมหิ สมนฺนาคโต สตฺถุ ธมฺมโกสารกฺโข อยํ มหาเถโร เสโขว สมาโน สตฺถริ ปรินิพฺพุเต เหฏฺา วุตฺตนเยน ภิกฺขูหิ สมุตฺเตชิโต เทวตาย จ สํเวชิโต ‘‘สฺเวเยว จ ทานิ ธมฺมสงฺคีติ กาตพฺพา, น โข ปน เมตํ ปติรูปํ, ยฺวายํ เสโข สกรณีโย อเสเขหิ เถเรหิ สทฺธึ ธมฺมํ คายิตุํ สนฺนิปาตํ คนฺตุ’’นฺติ สฺชาตุสฺสาโห วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา พหุเทว รตฺตึ วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺโต จงฺกเม วีริยสมตํ อลภิตฺวา ตโต วิหารํ ปวิสิตฺวา สยเน นิสีทิตฺวา สยิตุกาโม กายํ อาวฏฺเฏสิ. อปตฺตฺจ สีสํ พิมฺโพหนํ, ปาทา จ ภูมิโต มุตฺตมตฺตา, เอกสฺมึ อนฺตเร อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุจฺจิ, ฉฬภิฺโ อโหสิ.

๖๔๔. เอวํ ฉฬภิฺาทิคุณปฏิมณฺฑิโต อุปฏฺากาทิคุเณหิ เอตทคฺคฏฺานํ ปตฺโต อตฺตโน ปุพฺพกมฺมํ สริตฺวา โสมนสฺสวเสน ปุพฺพจริตาปทานํ ทสฺเสนฺโต อารามทฺวารา นิกฺขมฺมาติอาทิมาห. ตตฺถ อารามทฺวาราติ สพฺพสตฺตานํ ธมฺมเทสนตฺถาย วิหารทฺวารโต นิกฺขมิตฺวา พหิทฺวารสมีเป กตมณฺฑปมชฺเฌ สุปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสินฺโน ปทุมุตฺตโร นาม มหามุนิ สมฺมาสมฺพุทฺโธ. วสฺสนฺโต อมตํ วุฏฺินฺติ ธมฺมเทสนามหาอมตธาราหิ ธมฺมวสฺสํ วสฺสนฺโต. นิพฺพาเปสิ มหาชนนฺติ มหาชนสฺส จิตฺตสนฺตานคตกิเลสคฺคึ นิพฺพาเปสิ วูปสเมสิ, มหาชนํ นิพฺพานามตปาเนน สนฺตึ สีติภาวํ ปาเปสีติ อตฺโถ.

๖๔๕. สตสหสฺสํ เต ธีราติ ปริวารสมฺปตฺตึ ทสฺเสนฺโต อาห. ฉหิ อภิฺาหิ อิทฺธิวิธาทิาณโกฏฺาเสหิ สมนฺนาคตา อเนกสตสหสฺสจกฺกวาเฬสุ ขเณน คนฺตุํ สมตฺถาหิ อิทฺธีหิ สมนฺนาคตตฺตา มหิทฺธิกาเต ธีรา สตสหสฺสขีณาสวา ฉายาว อนปายินีติ กตฺถจิ อนปคตา ฉายา อิว ตํ สมฺพุทฺธํ ปทุมุตฺตรํ ภควนฺตํ ปริวาเรนฺติ ปริวาเรตฺวา ธมฺมํ สุณนฺตีติ อตฺโถ.

๖๔๖. หตฺถิกฺขนฺธคโต อาสินฺติ ตทา ภควโต ธมฺมเทสนาสมเย อหํ หตฺถิปิฏฺเ นิสินฺโน อาสึ อโหสินฺติ อตฺโถ. เสตจฺฉตฺตํ วรุตฺตมนฺติ ปตฺเถตพฺพํ อุตฺตมํ เสตจฺฉตฺตํ มม มตฺถเก ธารยนฺโต หตฺถิปิฏฺเ นิสินฺโนติ สมฺพนฺโธ. สุจารุรูปํ ทิสฺวานาติ สุนฺทรํ จารุํ มโนหรรูปวนฺตํ ธมฺมํ เทสิยมานํ สมฺพุทฺธํ ทิสฺวา เม มยฺหํ วิตฺติ สนฺตุฏฺิ โสมนสฺสํ อุทปชฺชถ อุปฺปชฺชตีติ อตฺโถ.

๖๔๗. โอรุยฺห หตฺถิกฺขนฺธมฺหาติ ตํ ภควนฺตํ นิสินฺนํ ทิสฺวา หตฺถิปิฏฺิโต โอรุยฺห โอโรหิตฺวา นราสภํ นรวสภํ อุปคจฺฉึ สมีปํ คโตติ อตฺโถ. รตนมยฉตฺตํ เมติ รตนภูสิตํ เม มยฺหํ ฉตฺตํ พุทฺธเสฏฺสฺส มตฺถเก ธารยินฺติ สมฺพนฺโธ.

๖๔๘. มม สงฺกปฺปมฺายาติ มยฺหํ ปสาเทน อุปฺปนฺนํ สงฺกปฺปํ ตฺวา อิสีนํ อนฺตเร มหนฺตภูโต โส ปทุมุตฺตโร ภควา. ตํ กถํ ปยิตฺวานาติ ตํ อตฺตนา เทสิยมานํ ธมฺมกถํ เปตฺวา มม พฺยากรณตฺถาย อิมา คาถา อภาสถ กเถสีติ อตฺโถ.

๖๔๙. กถนฺติ เจ? โย โสติอาทิมาห. โสณฺณาลงฺการภูสิตํ ฉตฺตํ โย โส ราชกุมาโร เม มตฺถเก ธาเรสีติ สมฺพนฺโธ. ตมหํ กิตฺตยิสฺสามีติ ตํ ราชกุมารํ อหํ กิตฺตยิสฺสามิ ปากฏํ กริสฺสามิ. สุโณถ มม ภาสโตติ ภาสนฺตสฺส มม วจนํ สุโณถ โอหิตโสตา มนสิ กโรถาติ อตฺโถ.

๖๕๐. อิโต คนฺตฺวา อยํ โปโสติ อยํ ราชกุมาโร อิโต มนุสฺสโลกโต จุโต ตุสิตํ คนฺตฺวา อาวสิสฺสติ ตตฺถ วิหริสฺสติ. ตตฺถ อจฺฉราหิ ปุรกฺขโต ปริวาริโต ตุสิตภวนสมฺปตฺตึ อนุโภสฺสตีติ สมฺพนฺโธ.

๖๕๑. จตุตฺตึสกฺขตฺตุนฺติ ตุสิตภวนโต จวิตฺวา ตาวตึสภวเน อุปฺปนฺโน จตุตฺตึสวาเร เทวินฺโท เทวรชฺชํ กริสฺสตีติ สมฺพนฺโธ. พลาธิโป อฏฺสตนฺติ ตาวตึสภวนโต จุโต มนุสฺสโลเก อุปฺปนฺโน พลาธิโป จตุรงฺคินิยา เสนาย อธิโป ปธาโน อฏฺสตชาตีสุ ปเทสราชา หุตฺวา วสุธํ อเนกรตนวรํ ปถวึ อาวสิสฺสติ ปุถพฺยํ วิหริสฺสตีติ อตฺโถ.

๖๕๒. อฏฺปฺาสกฺขตฺตุนฺติ อฏฺปฺาสชาตีสุ จกฺกวตฺตี ราชา ภวิสฺสตีติ อตฺโถ. มหิยา สกลชมฺพุทีปปถวิยา วิปุลํ อสงฺขฺเยยฺยํ ปเทสรชฺชํ การยิสฺสติ.

๖๕๔. สกฺยานํ กุลเกตุสฺสาติ สกฺยราชูนํ กุลสฺส ธชภูตสฺส พุทฺธสฺส าตโก ภวิสฺสตีติ อตฺโถ.

๖๕๕. อาตาปีติ วีริยวา. นิปโกติ เนปกฺกสงฺขาตาย ปฺาย สมนฺนาคโต. พาหุสจฺเจสุ พหุสฺสุตภาเวสุ ปิฏกตฺตยธารเณสุ โกวิโท เฉโก. นิวาตวุตฺติ อนวฺตฺติโก อถทฺโธ กายปาคพฺพิยาทิถทฺธภาววิรหิโต สพฺพปาี สกลปิฏกตฺตยธารี ภวิสฺสตีติ สมฺพนฺโธ.

๖๕๖. ปธานปหิตตฺโต โสติ โส อานนฺทตฺเถโร วีริยกรณาย เปสิตจิตฺโต. อุปสนฺโต นิรูปธีติ ราคูปธิโทสูปธิโมหูปธีหิ วิรหิโต, โสตาปตฺติมคฺเคน ปหาตพฺพกิเลสานํ ปหีนตฺตา อุปสนฺโต สนฺตกายจิตฺโต.

๖๕๗. สนฺติ อารฺกาติ อรฺเ ภวา มหาวเน ชาตา. สฏฺิหายนาติ สฏฺิวสฺสกาเล หายนพลา. ติธา ปภินฺนาติ อกฺขิกณฺณโกสสงฺขาเตหิ ตีหิ าเนหิ ภินฺนมทา. มาตงฺคาติ มาตงฺคหตฺถิกุเล ชาตา. อีสาทนฺตาติ รถีสาสทิสทนฺตา. อุรูฬฺหวา ราชวาหนา. กุฺชรสงฺขาตา นาคา หตฺถิราชาโน สนฺติ สํวิชฺชนฺติ ยถา, ตถา สตสหสฺสสงฺขฺยา ขีณาสวสงฺขาตา ปณฺฑิตา มหิทฺธิกา อรหนฺตนาคา สนฺติ, สพฺเพ เต อรหนฺตนาคา พุทฺธนาคราชสฺส. น โหนฺติ ปณิธิมฺหิ เตติ เต ปณิธิมฺหิ ตาทิสา น โหนฺติ, กึ สพฺเพ เต ภยภีตา สกภาเวน สณฺาตุํ อสมตฺถาติ อตฺโถ. เสสํ วุตฺตนยตฺตา อุตฺตานตฺถเมวาติ.

อานนฺทตฺเถรอปทานวณฺณนา สมตฺตา.

เอตฺตาวตา ปมา พุทฺธวคฺควณฺณนา สมตฺตา.

ปโม ภาโค นิฏฺิโต.