📜

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส

ขุทฺทกนิกาเย

พุทฺธวํส-อฏฺกถา

คนฺถารมฺภกถา

อนนฺตาณํ กรุณาลยํ ลยํ, มลสฺส พุทฺธํ สุสมาหิตํ หิตํ;

นมามิ ธมฺมํ ภวสํวรํ วรํ, คุณากรฺเจว นิรงฺคณํ คณํ.

ปฺาย เสฏฺโ ชินสาวกานํ, ยํ ธมฺมเสนาปติ ธมฺมราชํ;

อปุจฺฉิ สตฺถารมปารปารคุํ, นิรงฺคณํ าติคณสฺส มชฺเฌ.

สุพุทฺธวํเสนิธ พุทฺธวํโส, วิสุทฺธวํเสน วินายเกน;

หตาวกาเสน ปกาสิโต โย, สมาธิวาเสน ตถาคเตน.

ยาวชฺชกาลา อวินาสยนฺตา, ปาฬิกฺกมฺเจว จ ปาฬิยตฺถํ;

กถานุสนฺธึ สุคตสฺส ปุตฺตา, ยถาสุตํเยว สมาหรึสุ.

ตสฺเสว สมฺพุทฺธวรนฺวยสฺส, สทา ชนานํ สวนามตสฺส;

ปสาทปฺาชนนสฺส ยสฺมา, สํวณฺณนานุกฺกมโต ปวตฺตา.

สกฺกจฺจสทฺธมฺมรเตน พุทฺธสีเหน สีลาทิคุโณทิเตน;

อายาจิโตหํ สุจิรมฺปิ กาลํ, ตสฺมาสฺส สํวณฺณนมารภิสฺสํ.

สทา ชนานํ กลินาสนสฺส, จิรฏฺิตตฺถํ ชินสาสนสฺส;

มมาปิ ปุฺโทยวุทฺธิยตฺถํ, ปสาทนตฺถฺจ มหาชนสฺส.

มหาวิหาราคตปาฬิมคฺคสนฺนิสฺสิตา สงฺกรโทสหีนา;

สมาสโตยํ ปน พุทฺธวํสสํวณฺณนา เหสฺสติ สารภูตา.

โสตพฺพรูปํ ปน พุทฺธวํสกถาย อฺํ อิธ นตฺถิ ยสฺมา;

ปสาทนํ พุทฺธคุเณ รตานํ, ปวาหนํ ปาปมหามลสฺส.

ตสฺมา หิ สกฺกจฺจสมาธิยุตฺตา, วิหาย วิกฺเขปมนฺจิตฺตา;

สํวณฺณนํ วณฺณยโต สุวณฺณํ, นิธาย กณฺณํ มธุรํ สุณาถ.

สพฺพมฺปิ หิตฺวา ปน กิจฺจมฺํ, สกฺกจฺจ มจฺเจนิธ นิจฺจกาลํ;

โสตุํ กเถตุมฺปิ พุเธน ยุตฺตา, กถา ปนายํ อติทุลฺลภาติ.

ตตฺถ ‘‘พุทฺธวํสสํวณฺณนา เหสฺสติ สารภูตา’’ติ วุตฺตตฺตา พุทฺธวํโส ตาว ววตฺถเปตพฺโพ. ตตฺริทํ ววตฺถานํ – อิโต เหฏฺา กปฺปสตสหสฺสาธิเกสุ จตูสุ อสงฺขฺเยยฺเยสุ อุปฺปนฺนานํ ปฺจวีสติยา พุทฺธานํ อุปฺปนฺนกปฺปาทิปริจฺเฉทวเสน ปเวณิวิตฺถารกถา ‘‘พุทฺธวํโส นามา’’ติ เวทิตพฺโพ.

สฺวายํ กปฺปปริจฺเฉโท นามปริจฺเฉโท โคตฺตปริจฺเฉโท ชาติปริจฺเฉโท นครปริจฺเฉโท ปิตุปริจฺเฉโท มาตุปริจฺเฉโท โพธิรุกฺขปริจฺเฉโท ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนปริจฺเฉโท อภิสมยปริจฺเฉโท สาวกสนฺนิปาตปริจฺเฉโท อคฺคสาวกปริจฺเฉโท อุปฏฺากปริจฺเฉโท อคฺคสาวิกาปริจฺเฉโท ปริวารภิกฺขุปริจฺเฉโท รํสิปริจฺเฉโท สรีรปฺปมาณปริจฺเฉโท โพธิสตฺตาธิการปริจฺเฉโท พฺยากรณปริจฺเฉโท โพธิสตฺตปธานปริจฺเฉโท อายุปริจฺเฉโท ปรินิพฺพานปริจฺเฉโทติ อิเมหิ ปาฬิยา อาคเตหิ พาวีสติยา ปริจฺเฉเทหิ ปริจฺฉินฺโน ววตฺถิโต.

ปาฬิอนารุฬฺโห ปน สมฺพหุลวาโรเปตฺถ อาเนตพฺโพ. โส อคารวาสปริจฺเฉโท ปาสาทตฺตยปริจฺเฉโท นาฏกิตฺถิปริจฺเฉโท อคฺคมเหสิปริจฺเฉโท ปุตฺตปริจฺเฉโท ยานปริจฺเฉโท อภินิกฺขมนปริจฺเฉโท ปธานปริจฺเฉโท อุปฏฺากปริจฺเฉโท วิหารปริจฺเฉโทติ ทสธา ววตฺถิโต โหติ.

ตํ สมฺพหุลวารมฺปิ, ยถาฏฺาเน มยํ ปน;

ทสฺเสตฺวาว คมิสฺสาม, ตตฺถ ตตฺถ สมาสโต.

โส เอวํ ววตฺถิโต ปน –

เกนายํ เทสิโต กตฺถ, กสฺสตฺถาย จ เทสิโต;

กิมตฺถาย กทา กสฺส, วจนํ เกน จาภโต.

สพฺพเมตํ วิธึ วตฺวา, ปุพฺพเมว สมาสโต;

ปจฺฉาหํ พุทฺธวํสสฺส, กริสฺสามตฺถวณฺณนนฺติ.

ตตฺถ เกนายํ เทสิโตติ อยํ พุทฺธวํโส เกน เทสิโต? สพฺพธมฺเมสุ อปฺปฏิหตาณจาเรน ทสพเลน จตุเวสารชฺชวิสารเทน ธมฺมราเชน ธมฺมสฺสามินา ตถาคเตน สพฺพฺุนา สมฺมาสมฺพุทฺเธน เทสิโต.

กตฺถ เทสิโตติ? กปิลวตฺถุมหานคเร นิคฺโรธารามมหาวิหาเร ปรมรุจิรสนฺทสฺสเน เทวมนุสฺสนยนนิปาตภูเต รตนจงฺกเม จงฺกมนฺเตน เทสิโต.

กสฺสตฺถาย จ เทสิโตติ? ทฺวาสีติยา าติสหสฺสานํ อเนกโกฏีนฺจ เทวมนุสฺสานํ อตฺถาย เทสิโต.

กิมตฺถาย เทสิโตติ? จตุโรฆนิตฺถรณตฺถาย เทสิโต.

กทา เทสิโตติ ภควา หิ ปมโพธิยํ วีสติวสฺสานิ อนิพทฺธวาโส หุตฺวา ยตฺถ ยตฺถ ผาสุกํ โหติ, ตตฺถ ตตฺเถว คนฺตฺวา วสิ. กถํ? ปมํ วสฺสํ อิสิปตเน ธมฺมจกฺกํ (สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑; มหาว. ๑๓ อาทโย; ปฏิ. ม. ๒.๓๐) ปวตฺเตตฺวา อฏฺารส พฺรหฺมโกฏิโย อมตปานํ ปาเยตฺวา พาราณสึ อุปนิสฺสาย อิสิปตเน มิคทาเย วสิ. ทุติยํ วสฺสํ ราชคหํ อุปนิสฺสาย เวฬุวเน มหาวิหาเร. ตติยจตุตฺถานิปิ ตตฺเถว. ปฺจมํ เวสาลึ อุปนิสฺสาย มหาวเน กูฏาคารสาลายํ. ฉฏฺํ มกุลปพฺพเต. สตฺตมํ ตาวตึสภวเน. อฏฺมํ ภคฺเคสุ สํสุมารคิรึ อุปนิสฺสาย เภสกฬาวเน. นวมํ โกสมฺพิยํ. ทสมํ ปาลิเลยฺยกวนสณฺเฑ. เอกาทสมํ นาฬายํ พฺราหฺมณคาเม. ทฺวาทสมํ เวรฺชายํ. เตรสมํ จาลิยปพฺพเต. จุทฺทสมํ เชตวนมหาวิหาเร. ปฺจทสมํ กปิลวตฺถุมหานคเร. โสฬสมํ อาฬวกํ ทเมตฺวา จตุราสีติปาณสหสฺสานิ อมตปานํ ปาเยตฺวา อาฬวิยํ. สตฺตรสมํ ราชคเหเยว. อฏฺารสมํ จาลิยปพฺพเตเยว. ตถา เอกูนวีสติมํ วีสติมํ ปน วสฺสํ ราชคเหเยว วสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ภควา หิ ปมโพธิยํ วีสติวสฺสานิ อนิพทฺธวาโส หุตฺวา ยตฺถ ยตฺถ ผาสุกํ โหติ, ตตฺถ ตตฺเถว คนฺตฺวา วสี’’ติ. ตโต ปฏฺาย ปน สาวตฺถึเยว อุปนิสฺสาย เชตวนมหาวิหาเร จ ปุพฺพาราเม จ ธุวปริโภควเสน วสิ.

ยทา ปน สตฺถา พุทฺโธ หุตฺวา พาราณสิยํ อิสิปตเน มิคทาเย ปมํ วสฺสํ วสิตฺวา วุฏฺวสฺโส ปวาเรตฺวา อุรุเวลํ คนฺตฺวา ตตฺถ ตโย มาเส วสนฺโต เตภาติกชฏิเล ทเมตฺวา ภิกฺขุสหสฺเสหิ กตปริวาโร ผุสฺสมาสปุณฺณมายํ ราชคหํ คนฺตฺวา ทฺเว มาเส ตตฺเถว วสิ, ตทา พาราณสิโต นิกฺขนฺตสฺส ปนสฺส ปฺจ มาสา ชาตา. สกโล เหมนฺโต อติกฺกนฺโต. อุทายิตฺเถรสฺส อาคตทิวสโต สตฺตฏฺทิวสา วีติวตฺตา. โส ปน ผคฺคุนีปุณฺณมาสิยํ จินฺเตสิ – ‘‘อติกฺกนฺโต เหมนฺโต, วสนฺตกาโล อนุปฺปตฺโต, สมโย ตถาคตสฺส กปิลปุรํ คนฺตุ’’นฺติ. โส เอวํ จินฺเตตฺวา กุลนครคมนตฺถาย สฏฺิมตฺตาหิ คาถาหิ คมนวณฺณํ วณฺเณสิ. อถ สตฺถา จสฺส วจนํ สุตฺวา าติสงฺคหํ กาตุกาโม หุตฺวา องฺคมคธวาสีนํ กุลปุตฺตานํ ทสหิ สหสฺเสหิ กปิลวตฺถุวาสีนํ ทสหิ สหสฺเสหีติ สพฺเพเหว วีสติยา ขีณาสวสหสฺเสหิ ปริวุโต ราชคหโต นิกฺขมิตฺวา ทิวเส ทิวเส โยชนํ คจฺฉนฺโต ราชคหโต สฏฺิโยชนํ กปิลวตฺถุปุรํ ทฺวีหิ มาเสหิ สมฺปาปุณิตฺวา ตตฺถ าตีนํ วนฺทาปนตฺถํ ยมกปาฏิหาริยํ อกาสิ. ตทายํ พุทฺธวํโส เทสิโต.

กสฺส วจนนฺติ? สาวกปจฺเจกพุทฺธานํ อสาธารณํ สมฺมาสมฺพุทฺธสฺเสว วจนํ.

เกนาภโตติ? อาจริยปรมฺปราย อาภโต. อยฺหิ สาริปุตฺตตฺเถโร ภทฺทชี ติสฺโส โกสิยปุตฺโต สิคฺคโว โมคฺคลิปุตฺโต สุทตฺโต ธมฺมิโก ทาสโก โสณโก เรวโตติ เอวมาทีหิ ยาว ตติยสงฺคีติกาลา อาภโต, ตโต อุทฺธมฺปิ เตสํเยว สิสฺสานุสิสฺเสหีติ เอวํ ตาว อาจริยปรมฺปราย ยาวชฺชกาลา อาภโตติ เวทิตพฺโพ.

เอตฺตาวตา –

‘‘เกนายํ เทสิโต กตฺถ, กสฺสตฺถาย จ เทสิโต;

กิมตฺถาย กทา กสฺส, วจนํ เกน จาภโต’’ติ. –

อยํ คาถา วุตฺตตฺถา โหติ.

นิทานกถา

พาหิรนิทานํ

เอวํ อาภตสฺส ปนสฺส อิทานิ อตฺถวณฺณนา โหติ, สา ปนายํ อตฺถวณฺณนา ยสฺมา ทูเรนิทานํ อวิทูเรนิทานํ สนฺติเกนิทานนฺติ, อิมานิ ตีณิ นิทานานิ ทสฺเสตฺวาว วณฺณิตา สุวณฺณิตา นาม โหติ. เย จ นํ สุณนฺติ, เตหิ สมุทาคมโต ปฏฺาย วิฺาตตฺตา สุวิฺาตาว โหติ, ตสฺมา ตานิ นิทานานิ ทสฺเสตฺวาว วณฺณยิสฺสาม.

ตตฺถ อาทิโต ปฏฺาย ตาว เตสํ นิทานานํ ปริจฺเฉโท เวทิตพฺโพ. ตตฺรายํ สงฺเขปโต อตฺถทีปนา – ทีปงฺกรทสพลสฺส ปาทมูเล กตาภินีหารสฺส มหาสตฺตสฺส ยาว เวสฺสนฺตรตฺตภาวา จวิตฺวา ตุสิตภวเน นิพฺพตฺติ, ตาว ปวตฺตา กถา ทูเรนิทานํ นาม. ตุสิตภวนโต จวิตฺวา ยาว โพธิมณฺเฑ สพฺพฺุตฺาณปฺปตฺติ, ตาว ปวตฺตา กถา อวิทูเรนิทานํ นาม. ‘‘เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม’’ติ จ, ‘‘ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเป’’ติ จ, ‘‘เวสาลิยํ วิหรติ มหาวเน กูฏาคารสาลาย’’นฺติ จ เอวํ มหาโพธิมณฺเฑ สพฺพฺุตฺาณปฺปตฺติโต ยาว ปรินิพฺพานมฺจา เอตสฺมึ อนฺตเร ภควา ยตฺถ ยตฺถ วิหาสิ, ตํ ตํ สนฺติเกนิทานํ นามาติ เวทิตพฺพํ. เอตฺตาวตา สงฺเขเปเนว ติณฺณํ ทูราวิทูรสนฺติเกนิทานานํ วเสน พาหิรนิทานวณฺณนา สมตฺตา โหตีติ.

อพฺภนฺตรนิทานํ

๑. รตนจงฺกมนกณฺฑวณฺณนา

อิทานิ ปน –

.

‘‘พฺรหฺมา จ โลกาธิปตี สหมฺปตี, กตฺชลี อนธิวรํ อยาจถ;

สนฺตีธ สตฺตาปฺปรชกฺขชาติกา, เทเสหิ ธมฺมํ อนุกมฺปิมํ ปช’’นฺติ. –

อาทินยปฺปวตฺตสฺส อพฺภนฺตรนิทานสฺส อตฺถวณฺณนา โหติ.

เอตฺถ ‘‘เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเป’’ติอาทิสุตฺตนฺเตสุ วิย – ‘‘เอกํ สมยํ ภควา สกฺเกสุ วิหรติ กปิลวตฺถุสฺมึ นิคฺโรธาราเม. อถ โข อายสฺมา สาริปุตฺโต เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ พุทฺธวํสํ อปุจฺฉี’’ติ เอวมาทินา นเยน นิทานํ อวตฺวา กสฺมา ‘‘พฺรหฺมา จ โลกาธิปตี สหมฺปตี, กตฺชลี อนธิวรํ อยาจถา’’ติอาทินา นเยน นิทานํ วุตฺตนฺติ? วุจฺจเต – ภควโต สพฺพธมฺมเทสนาการณภูตาย พฺรหฺมุโน ธมฺมเทสนายาจนาย สนฺทสฺสนตฺถํ วุตฺตนฺติ.

‘‘กทายํ ธมฺมเทสนตฺถํ, อชฺฌิฏฺโ พฺรหฺมุนา ชิโน;

กทา กตฺถ จ เกนายํ, คาถา หิ สมุทีริตา’’ติ.

วุจฺจเต – พุทฺธภูตสฺส ปน ภควโต อฏฺเม สตฺตาเห สตฺถา ธมฺมเทสนตฺถาย พฺรหฺมุนา อชฺฌิฏฺโ อายาจิโต. ตตฺรายํ อนุปุพฺพิกถา – มหาปุริโส กิร กตาภินีหาโร มหาภินิกฺขมนทิวเส วิวฏปากฏพีภจฺฉสยนาสนเจฏิกา นาฏกิตฺถิโย ทิสฺวา อตีว สํวิคฺคหทโย ปเฏกเทสาวจฺฉนฺนํ ฉนฺนํ อามนฺเตตฺวา – ‘‘อรินรวรมนฺถกํ กณฺฑกํ นาม ตุรงฺควรมาหรา’’ติ กณฺฑกํ อาหราเปตฺวา ฉนฺนสหาโย วรตุรงฺคมารุยฺห นครทฺวาเร อธิวตฺถาย เทวตาย นครทฺวาเร วิวเฏ นครโต นิกฺขมิตฺวา ตีณิ รชฺชานิ เตน รตฺตาวเสเสน อติกฺกมิตฺวา อโนมสตฺโต อโนมาย นาม นทิยา ตีเร ตฺวา ฉนฺนเมวมาห – ‘‘ฉนฺน, ตฺวํ มม อิมานิ อฺเหิ อสาธารณานิ อาภรณานิ กณฺฑกฺจ วรตุรงฺคมาทาย กปิลปุรํ คจฺฉาหี’’ติ ฉนฺนํ วิสฺสชฺเชตฺวา อสิโตรคนีลุปฺปลสทิเสนาสินา สเกสมกุฏํ ฉินฺทิตฺวา อากาเส อุกฺขิปิตฺวา เทวทตฺติยํ ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา สยเมว ปพฺพชิตฺวา อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน อนิลพลสมุทฺธุตตรงฺคภงฺคํ อสงฺคํ คงฺคํ นทึ อุตฺตริตฺวา มณิคณรํสิชาลวิชฺโชติตราชคหํ ราชคหํ นาม นครํ ปวิสิตฺวา ตตฺถ อิสฺสริยมทมตฺตํ ชนํ ปริหาเสนฺโต วิย จ อุทฺธตเวสสฺส ชนสฺส ลชฺชมุปฺปาทยมาโน วิย จ วยกนฺตีหิ นาครชนหทยานิ อตฺตนิ พนฺธนฺโต วิย จ ทฺวตึสวรมหาปุริสลกฺขณวิราชิตาย รูปสิริยา สพฺพชนนยนานิ วิลุมฺปมาโน วิย จ รูปีปาทสฺจโร ปุฺสฺจโย วิย จ ปพฺพโต วิย จ คมเนน นิสฺสงฺโค สนฺตินฺทฺริโย สนฺตมานโส ยุคมตฺตํ เปกฺขมาโน ราชคหํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ยาปนมตฺตํ ภตฺตํ คเหตฺวา นครโต นิกฺขมิตฺวา ปณฺฑวปพฺพตปสฺเส ฉายูทกสมฺปนฺเน สุจิภูมิภาเค ปรมรมณีเย ปวิวิตฺเต โอกาเส นิสีทิตฺวา ปฏิสงฺขานพเลน มิสฺสกภตฺตํ ปริภุฺชิตฺวา ปณฺฑวคิรานุสาเรน พิมฺพิสาเรน มคธมหาราเชน มหาปุริสสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา นามโคตฺตํ ปุจฺฉิตฺวา เตน ปมุทิตหทเยน ‘‘มม รชฺชภาคํ คณฺหาหี’’ติ รชฺเชน นิมนฺติยมาโน – ‘‘อลํ, มหาราช, น มยฺหํ รชฺเชนตฺโถ อหํ รชฺชํ ปหาย โลกหิตตฺถาย ปธานมนุยุฺชิตฺวา โลเก วิวฏจฺฉโท พุทฺโธ ภวิสฺสามีติ นิกฺขนฺโต’’ติ วตฺวา เตน จ ‘‘พุทฺโธ หุตฺวา สพฺพปมํ มม วิชิตํ โอสเรยฺยาถา’’ติ วุตฺโต ‘สาธู’ติ ตสฺส ปฏิฺํ ทตฺวา อาฬารฺจ อุทกฺจ อุปสงฺกมิตฺวา เตสํ ธมฺมเทสนาย สารํ อวินฺทนฺโต ตโต ปกฺกมิตฺวา อุรุเวลายํ ฉพฺพสฺสานิ ทุกฺกรการิกํ กโรนฺโตปิ อมตํ อธิคนฺตุํ อสกฺโกนฺโต โอฬาริกาหารปฏิเสวเนน สรีรํ สนฺตปฺเปสิ.

ตทา ปน อุรุเวลายํ เสนานิคเม เสนานิคมกุฏุมฺพิกสฺส ธีตา สุชาตา นาม ทาริกา วยปฺปตฺตา เอกสฺมึ นิคฺโรธรุกฺเข ปตฺถนมกาสิ – ‘‘สจาหํ สมชาติกํ กุลฆรํ คนฺตฺวา ปมคพฺเภ ปุตฺตํ ลภิสฺสามิ, พลิกมฺมํ กริสฺสามี’’ติ. ตสฺสา สา ปตฺถนา สมิชฺฌิ. สา เวสาขปุณฺณมทิวเส ‘‘อชฺช พลิกมฺมํ กริสฺสามี’’ติ ปาโตว ปายาสํ อนายาสํ ปรมมธุรํ สมฺปฏิปาเทสิ. โพธิสตฺโตปิ ตทเหว กตสรีรปฏิชคฺคโน ภิกฺขาจารกาลํ อาคมยมาโน ปาโตว คนฺตฺวา ตสฺมึ นิคฺโรธรุกฺขมูเล นิสีทิ. อถ โข ปุณฺณา นาม ทาสี ตสฺสา ธาตี รุกฺขมูลโสธนตฺถาย คตา โพธิสตฺตํ ปาจีนโลกธาตุํ โอโลกยมานํ นิสินฺนํ สฺฌาปฺปภานุรฺชิตวรกนกคิริสิขรสทิสสรีรโสภํ ติมิรนิกรนิธานกรํ กมลวนวิกสนกรํ ฆนวิวรมุปคตํ ทิวสกรมิว ตรุวรมุปคตํ มุนิทิวสกรมทฺทส. สรีรโต จสฺส นิกฺขนฺตาหิ ปภาหิ สกลฺจ ตํ รุกฺขํ สุวณฺณวณฺณํ ทิสฺวา ตสฺสา เอตทโหสิ – ‘‘อชฺช อมฺหากํ เทวตา รุกฺขโต โอรุยฺห สหตฺเถเนว พลึ ปฏิคฺคเหตุกามา หุตฺวา นิสินฺนา’’ติ. สา เวเคน คนฺตฺวา สุชาตาย เอตมตฺถํ อาโรเจสิ.

ตโต สุชาตา สฺชาตสทฺธา หุตฺวา สพฺพาลงฺกาเรน อลงฺกริตฺวา สตสหสฺสคฺฆนิกํ สุวณฺณปาตึ ปรมมธุรสฺส มธุปายาสสฺส ปูเรตฺวา อปราย สุวณฺณปาติยา ปิทหิตฺวา สีเสนาทาย นิคฺโรธรุกฺขาภิมุขี อคมาสิ. สา คจฺฉนฺตี ทูรโตว ตํ โพธิสตฺตํ รุกฺขเทวตมิว สกลํ ตํ รุกฺขํ สรีรปฺปภาย สุวณฺณวณฺณํ กตฺวา ปุฺสฺจยมิว รูปวนฺตํ นิสินฺนํ ทิสฺวา ปีติโสมนสฺสชาตา สุชาตา ‘‘รุกฺขเทวตา’’ติ สฺาย ทิฏฺฏฺานโต ปฏฺาย โอนโตนตา คนฺตฺวา สีสโต ตํ สุวณฺณปาตึ โอตาเรตฺวา มหาสตฺตสฺส หตฺเถ เปตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา – ‘‘ยถา มม มโนรโถ นิปฺผนฺโน, เอวํ ตุมฺหากมฺปิ นิปฺผชฺชตู’’ติ วตฺวา ปกฺกามิ.

อถ โข โพธิสตฺโตปิ สุวณฺณปาตึ คเหตฺวา เนรฺชราย นทิยา ตีรํ คนฺตฺวา สุปฺปติฏฺิตสฺส นาม ติตฺถสฺส ตีเร สุวณฺณปาตึ เปตฺวา นฺหตฺวา ปจฺจุตฺตริตฺวา เอกูนปฺาสปิณฺเฑ กโรนฺโต ตํ ปายาสํ ปริภุฺชิตฺวา – ‘‘สจาหํ อชฺช พุทฺโธ ภวิสฺสามิ, อยํ สุวณฺณปาติ ปฏิโสตํ คจฺฉตู’’ติ ขิปิ. สา ปาติ ปฏิโสตํ คนฺตฺวา กาฬสฺส นาม นาคราชสฺส ภวนํ ปวิสิตฺวา ติณฺณํ พุทฺธานํ ถาลกานิ อุกฺขิปิตฺวา เตสํ เหฏฺา อฏฺาสิ.

มหาสตฺโต ตตฺเถว วนสณฺเฑ ทิวาวิหารํ วีตินาเมตฺวา สายนฺหสมเย โสตฺถิเยน นาม ติณหารเกน มหาปุริสสฺส อาการํ ตฺวา ทินฺนา อฏฺ ติณมุฏฺิโย คเหตฺวา โพธิมณฺฑมารุยฺห ทกฺขิณทิสาภาเค อฏฺาสิ. โส ปน ปเทโส ปทุมินิปตฺเต อุทกพินฺทุ วิย อกมฺปิตฺถ. มหาปุริโส – ‘‘อยํ ปเทโส มม คุณํ ธาเรตุํ อสมตฺโถ’’ติ ปจฺฉิมทิสาภาคมคมาสิ. โสปิ ตเถว กมฺปิตฺถ. ปุน อุตฺตรทิสาภาคมคมาสิ. โสปิ ตเถว กมฺปิตฺถ. ปุน ปุรตฺถิมทิสาภาคมคมาสิ. ตตฺถ ปลฺลงฺกปฺปมาณฏฺานํ นิจฺจลํ อโหสิ. มหาปุริโส – ‘‘อิทํ านํ กิเลสวิทฺธํสนฏฺาน’’นฺติ สนฺนิฏฺานํ กตฺวา ตานิ ติณานิ อคฺเค คเหตฺวา จาเลสิ. ตานิ ตูลิกคฺเคน ปริจฺฉินฺนานิ วิย อเหสุํ. โพธิสตฺโต – ‘‘โพธึ อปตฺวาว อิมํ ปลฺลงฺกํ น ภินฺทิสฺสามี’’ติ จตุรงฺควีริยํ อธิฏฺหิตฺวา ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา โพธิกฺขนฺธํ ปิฏฺิโต กตฺวา ปุรตฺถาภิมุโข นิสีทิ.

ตงฺขณฺเว สพฺพโลกาภิหาโร มาโร พาหุสหสฺสํ มาเปตฺวา ทิยฑฺฒโยชนสติกํ หิมคิริสิขรสทิสํ คิริเมขลํ นาม อริวรวารณํ วรวารณํ อภิรุยฺห นวโยชนิเกน ธนุอสิผรสุสรสตฺติสพเลนาติพหเลน มารพเลน สมฺปริวุโต สมนฺตา ปพฺพโต วิย อชฺโฌตฺถรนฺโต มหาสปตฺตํ วิย มหาสตฺตํ สมุปาคมิ. มหาปุริโส สูริเย ธรนฺเตเยว อติตุมูลํ มารพลํ วิธมิตฺวา วิกสิตชยสุมนกุสุมสทิสสฺส จีวรสฺส อุปริ ปตมาเนหิ รตฺตปวาลงฺกุรสทิสรุจิรทสฺสเนหิ โพธิรุกฺขงฺกุเรหิ ปีติยา วิย ปูชิยมาโน เอว ปมยาเม ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณํ ลภิตฺวา มชฺฌิมยาเม ทิพฺพจกฺขุาณํ วิโสเธตฺวา ปจฺฉิมยาเม ปฏิจฺจสมุปฺปาเท าณํ โอตาเรตฺวา วฏฺฏวิวฏฺฏํ สมฺมสนฺโต อรุโณทเย พุทฺโธ หุตฺวา –

‘‘อเนกชาติสํสารํ, สนฺธาวิสฺสํ อนิพฺพิสํ;

คหการํ คเวสนฺโต, ทุกฺขา ชาติ ปุนปฺปุนํ.

‘‘คหการก ทิฏฺโสิ, ปุน เคหํ น กาหสิ;

สพฺพา เต ผาสุกา ภคฺคา, คหกูฏํ วิสงฺขตํ;

วิสงฺขารคตํ จิตฺตํ, ตณฺหานํ ขยมชฺฌคา’’ติ. (ธ. ป. ๑๕๓-๑๕๔) –

อิมํ อุทานํ อุทาเนตฺวา สตฺตาหํ วิมุตฺติสุขปฏิเสวเนน วีตินาเมตฺวา อฏฺเม ทิวเส สมาปตฺติโต วุฏฺาย เทวตานํ กงฺขํ ตฺวา ตาสํ กงฺขาวิธมนตฺถํ อากาเส อุปฺปติตฺวา ยมกปาฏิหาริยํ ทสฺเสตฺวา ตาสํ กงฺขํ วิธมิตฺวา ปลฺลงฺกโต อีสกํ ปาจีนนิสฺสิเต อุตฺตรทิสาภาเค ตฺวา – ‘‘อิมสฺมึ วต เม ปลฺลงฺเก สพฺพฺุตฺาณํ ปฏิวิทฺธ’’นฺติ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ กปฺปสตสหสฺสฺจ ปูริตานํ ปารมีนํ ผลาธิคมฏฺานํ ปลฺลงฺกฺเจว โพธิรุกฺขฺจ อนิมิเสหิ อกฺขีหิ โอโลกยมาโน สตฺตาหํ วีตินาเมสิ, ตํ านํ อนิมิสเจติยํ นาม ชาตํ.

อถ ปลฺลงฺกสฺส จ ิตฏฺานสฺส จ อนฺตเร ปุรตฺถิมปจฺฉิมโต อายเต รตนจงฺกเม จงฺกมนฺโต สตฺตาหํ วีตินาเมสิ, ตํ านํ รตนจงฺกมเจติยํ นาม ชาตํ. ตโต ปจฺฉิมทิสาภาเค เทวตา รตนฆรํ นาม มาเปสุํ, ตตฺถ ปลฺลงฺเกน นิสีทิตฺวา อภิธมฺมปิฏกํ วิเสสโต เจตฺถ อนนฺตนยสมนฺตปฏฺานํ วิจินนฺโต สตฺตาหํ วีตินาเมสิ. ตํ านํ รตนฆรเจติยํ นาม ชาตํ. เอวํ โพธิสมีเปเยว จตฺตาริ สตฺตาหานิ วีตินาเมตฺวา ปฺจเม สตฺตาเห โพธิรุกฺขมูลา เยน อชปาลนิคฺโรโธ เตนุปสงฺกมิ; ตตฺถาปิ ธมฺมํ วิจินนฺโตเยว วิมุตฺติสุขฺจ ปฏิสํเวเทนฺโต อชปาลนิคฺโรเธ สตฺตาหํ วีตินาเมสิ.

เอวํ อปรํ สตฺตาหํ มุจลินฺเท นิสีทิ. ตสฺส นิสินฺนมตฺตสฺเสว ภควโต สกลจกฺกวาฬคพฺภํ ปูเรนฺโต มหาอกาลเมโฆ อุทปาทิ. ตสฺมึ ปน อุปฺปนฺเน มุจลินฺโท นาคราชา จินฺเตสิ – ‘‘อยํ มหาเมโฆ สตฺถริ มยฺหํ ภวนํ ปวิฏฺมตฺเต อุปฺปนฺโน วาสาคารมสฺส ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส สตฺตรตนมยํ เทววิมานสทิสํ ทิพฺพวิมานํ นิมฺมินิตุํ สมตฺโถปิ เอวํ กเต – ‘‘น มยฺหํ มหปฺผลํ ภวิสฺสติ, ทสพลสฺส กายเวยฺยาวจฺจํ กริสฺสามี’’ติ อติมหนฺตํ อตฺตภาวํ กตฺวา สตฺถารํ สตฺตกฺขตฺตุํ โภเคหิ ปริกฺขิปิตฺวา อุปริ มหนฺตํ ผณํ กตฺวา อฏฺาสิ. อถ ภควา ปริกฺเขปสฺส อนฺโตว มหติ โอกาเส สพฺพรตนมเย ปจฺจคฺฆปลฺลงฺเก อุปริ วินิคฺคลนฺตวิวิธสุรภิกุสุมทามวิตาเน วิวิธสุรภิคนฺธวาสิเต คนฺธกุฏิยํ วิหรนฺโต วิย วิหาสิ. เอวํ ภควา ตํ สตฺตาหํ ตตฺถ วีตินาเมตฺวา ตโต อปรํ สตฺตาหํ ราชายตเน นิสีทิ. ตตฺถาปิ วิมุตฺติสุขปฏิสํเวทิเยว. เอตฺตาวตา สตฺตสตฺตาหานิ ปริปุณฺณานิ อเหสุํ. เอตฺถนฺตเร ภควา ฌานสุเขน ผลสุเขน จ วีตินาเมสิ.

อถสฺส สตฺตสตฺตาหาติกฺกเม – ‘‘มุขํ โธวิสฺสามี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปชฺชิ. สกฺโก เทวานมินฺโท อคทหรีตกํ อาหริตฺวา อทาสิ. อถสฺส สกฺโก นาคลตาทนฺตกฏฺฺจ มุขโธวนอุทกฺจ อทาสิ. ตโต ภควา ทนฺตกฏฺํ ขาทิตฺวา อโนตตฺตทโหทเกน มุขํ โธวิตฺวา ราชายตนมูเล นิสีทิ. ตสฺมึ สมเย จตูหิ โลกปาเลหิ อุปนีเต ปจฺจคฺเฆ เสลมเย ปตฺเต ตปุสฺสภลฺลิกานํ วาณิชานํ มนฺถฺจ มธุปิณฺฑิกฺจ ปฏิคฺคเหตฺวา ปริภุฺชิตฺวา ปจฺจาคนฺตฺวา อชปาลนิคฺโรธรุกฺขมูเล นิสีทิ. อถสฺส ตตฺถ นิสินฺนมตฺตสฺเสว อตฺตนา อธิคตสฺส ธมฺมสฺส คมฺภีรภาวํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส สพฺพพุทฺธานํ อาจิณฺโณ – ‘‘อธิคโต โข มฺยายํ ธมฺโม คมฺภีโร ทุทฺทโส ทุรนุโพโธ สนฺโต ปณีโต อตกฺกาวจโร นิปุโณ ปณฺฑิตเวทนีโย’’ติ (ม. นิ. ๒.๒๘๑; สํ. นิ. ๑.๑๗๒; มหาว. ๗) ปเรสํ ธมฺมํ อเทเสตุกามตาการปฺปตฺโต ปริวิตกฺโก อุทปาทิ.

อถ พฺรหฺมา สหมฺปติ ทสพลสฺส เจตสา เจโตปริวิตกฺกมฺาย – ‘‘นสฺสติ วต, โภ, โลโก, วินสฺสติ วต, โภ, โลโก’’ติ (สํ. นิ. ๑.๑๗๒; ม. นิ. ๑.๒๘๒; มหาว. ๘) วาจํ นิจฺฉาเรนฺโต ทสสหสฺสจกฺกวาฬพฺรหฺมคณปริวุโต สกฺกสุยามสนฺตุสิตปรนิมฺมิตวสวตฺตีหิ อนุคโต อาคนฺตฺวา ภควโต ปุรโต ปาตุรโหสิ. โส อตฺตโน ปติฏฺานตฺถาย ปถวึ นิมฺมินิตฺวา ทกฺขิณํ ชาณุมณฺฑลํ ปถวิยํ นิหนฺตฺวา ชลชามลาวิกลกมลมกุลสทิสํ ทสนขสโมธานสมุชฺชลมฺชลึ สิรสฺมึ กตฺวา – ‘‘เทเสตุ, ภนฺเต, ภควา ธมฺมํ, เทเสตุ สุคโต ธมฺมํ, สนฺติ สตฺตา อปฺปรชกฺขชาติกา, อสฺสวนตา ธมฺมสฺส ปริหายนฺติ, ภวิสฺสนฺติ ธมฺมสฺส อฺาตาโร’’ติ (สํ. นิ. ๑.๑๗๒; มหาว. ๘) –

‘‘ปาตุรโหสิ มคเธสุ ปุพฺเพ, ธมฺโม อสุทฺโธ สมเลหิ จินฺติโต;

อปาปุเรตํ อมตสฺส ทฺวารํ, สุณนฺตุ ธมฺมํ วิมเลนานุพุทฺธํ.

‘‘เสเล ยถา ปพฺพตมุทฺธนิฏฺิโต, ยถาปิ ปสฺเส ชนตํ สมนฺตโต;

ตถูปมํ ธมฺมมยํ สุเมธ, ปาสาทมารุยฺห สมนฺตจกฺขุ;

โสกาวติณฺณํ ชนตมเปตโสโก, อเวกฺขสฺสุ ชาติชราภิภูตํ.

‘‘อุฏฺเหิ วีร วิชิตสงฺคาม, สตฺถวาห อนณ วิจร โลเก;

เทสสฺสุ ภควา ธมฺมํ, อฺาตาโร ภวิสฺสนฺตี’’ติ. (ม. นิ. ๑.๒๘๒; สํ. นิ. ๑.๑๗๒; มหาว. ๘) –

‘‘นนุ ตุมฺเหหิ ‘พุทฺโธ โพเธยฺยํ ติณฺโณ ตาเรยฺยํ มุตฺโต โมเจยฺย’’’นฺติ –

‘‘กึ เม อฺาตเวเสน, ธมฺมํ สจฺฉิกเตนิธ;

สพฺพฺุตํ ปาปุณิตฺวา, ตารยิสฺสํ สเทวก’’นฺติ. (พุ. วํ. ๒.๕๕) –

ปตฺถนํ กตฺวา ปารมิโย ปูเรตฺวา สพฺพฺุภาวํ ปตฺโตติ จ, ‘‘ตุมฺเหหิ ธมฺเม อเทสิยมาเน โก หิ นาม อฺโ ธมฺมํ เทเสสฺสติ, กิมฺํ โลกสฺส สรณํ ตาณํ เลณํ ปรายน’’นฺติ จ เอวมาทีหิ อเนเกหิ นเยหิ ภควนฺตํ ธมฺมเทสนตฺถํ อยาจิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘พุทฺธภูตสฺส ปน ภควโต อฏฺเม สตฺตาเห สตฺถา ธมฺมเทสนตฺถาย พฺรหฺมุนา อายาจิโต’’ติ.

อิทานิ ‘‘กทา กตฺถ จ เกนายํ, คาถา หิ สมุทีริตา’’ติ อิเมสํ ปฺหานํ วิสฺสชฺชนาย โอกาโส อนุปฺปตฺโต. ตตฺถ กทา วุตฺตาติ? ปมมหาสงฺคีติกาเล วุตฺตา. ปมมหาสงฺคีติ นาเมสา สงฺคีติกฺขนฺเธ (จูฬว. ๔๓๗) วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพา. กตฺถ เกน วุตฺตาติ? ภควติ กิร ปรินิพฺพุเต ราชคหนคเร เวภารปพฺพตปสฺเส สตฺตปณฺณิคุหาทฺวาเร วิชิตสพฺพสตฺตุนา อชาตสตฺตุนา มคธมหาราเชน ธมฺมสงฺคายนตฺถํ การิเต ปริปุณฺณจนฺทมณฺฑลสงฺกาเส ทฏฺพฺพสารมณฺเฑ มณฺฑเป ธมฺมาสนคเตนายสฺมตา อานนฺทตฺเถเรน ‘‘พฺรหฺมา จ โลกาธิปตี’’ติ อยํ คาถา วุตฺตาติ เวทิตพฺพา. อยเมตฺถ คาถาสมฺพนฺโธ.

เอตฺตาวตา –

‘‘กทายํ ธมฺมเทสนตฺถํ, อชฺฌิฏฺโ พฺรหฺมุนา ชิโน;

กทา กตฺถ จ เกนายํ, คาถา หิ สมุทีริตา’’ติ. –

อยมฺปิ คาถา วุตฺตตฺถา โหติ. เอวํ อิมินา สมฺพนฺเธน วุตฺตาย ปนสฺสา อนุตฺตานปทวณฺณนํ กริสฺสาม.

ตตฺถ พฺรหฺมาติ พฺรูหิโต เตหิ เตหิ คุณวิเสเสหีติ พฺรหฺมา. อยํ ปน พฺรหฺม-สทฺโท มหาพฺรหฺมพฺราหฺมณตถาคตมาตาปิตุเสฏฺาทีสุ ทิสฺสติ. ตถา หิ ‘‘ทฺวิสหสฺโส พฺรหฺมา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๑๖๖) มหาพฺรหฺมาติ อธิปฺเปโต.

‘‘ตโมนุโท พุทฺโธ สมนฺตจกฺขุ, โลกนฺตคู สพฺพภวาติวตฺโต;

อนาสโว สพฺพทุกฺขปฺปหีโน, สจฺจวฺหโย พฺรหฺเม อุปาสิโต เม’’ติ. (สุ. นิ. ๑๑๓๙) –

เอตฺถ พฺราหฺมโณ. ‘‘พฺรหฺมาติ โข, ภิกฺขเว, ตถาคตสฺเสตํ อธิวจน’’นฺติ เอตฺถ ตถาคโต. ‘‘พฺรหฺมาติ มาตาปิตโร ปุพฺพาจริยาติ วุจฺจเร’’ติ (อ. นิ. ๓.๓๑; ๔.๖๓; อิติวุ. ๑๐๖; ชา. ๒.๒๐.๑๘๑) เอตฺถ มาตาปิตโร. ‘‘พฺรหฺมจกฺกํ ปวตฺเตตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๔๘; สํ. นิ. ๒.๒๑; อ. นิ. ๔.๘; ๕.๑๑; ปฏิ. ม. ๒.๔๔) เอตฺถ เสฏฺโ อธิปฺเปโต. อิธ ปน ปมชฺฌานํ ปณีตํ ภาเวตฺวา ปมชฺฌานภูมิยํ นิพฺพตฺโต กปฺปายุโก มหาพฺรหฺมา อธิปฺเปโต (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๓). -สทฺโท สมฺปิณฺฑนตฺโถ, พฺรหฺมา จ อฺเ จ ทสสุ จกฺกวาฬสหสฺเสสุ พฺรหฺมาโน จาติ อตฺโถ, ปทปูรณมตฺโต วา. โลกาธิปตีติ เอตฺถ โลโกติ สงฺขารโลโก สตฺตโลโก โอกาสโลโกติ ตโย โลกา. เตสุ อิธ สตฺตโลโก อธิปฺเปโต. ตสฺส อิสฺสโร อธิปตีติ โลกาธิปติ, โลเกกเทสสฺสาปิ อธิปติ โลกาธิปตีติ วุจฺจติ เทวาธิปติ นราธิปติ วิย.

สหมฺปตีติ โส กิร กสฺสปสฺส ภควโต สาสเน สหโก นาม เถโร ปมชฺฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา อปริหีนชฺฌาโน ชีวิตปริโยสาเน ปมชฺฌานภูมิยํ กปฺปายุกมหาพฺรหฺมา หุตฺวา นิพฺพตฺโต, ตตฺร ปน นํ ‘‘สหมฺปติ พฺรหฺมา’’ติ สฺชานนฺติ. ‘‘สหกปตี’’ติ วตฺตพฺเพ อนุสฺสราคมํ กตฺวา รุฬฺหีวเสน ‘‘สหมฺปตี’’ติ วทนฺติ. กตฺชลีติ กตฺชลิโก, อฺชลิปุฏํ สิรสิ กตฺวาติ อตฺโถ. อนธิวรนฺติ อจฺจนฺตวโร อธิวโร นาสฺส อตฺถีติ อนธิวโร, น ตโต อธิโก วโร อตฺถีติ วา อนธิวโร, อนุตฺตโรติ อตฺโถ, ตํ อนธิวรํ. อยาจถาติ อยาจิตฺถ อชฺเฌสิ.

อิทานิ ยสฺสตฺถาย โส ภควนฺตํ อยาจิ, ตมตฺถํ ทสฺเสตุํ ‘‘สนฺตีธ สตฺตา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ สนฺตีติ สํวิชฺชนฺติ อุปลพฺภนฺติ, พุทฺธจกฺขุสฺส อาปาถํ อาคจฺฉนฺตา อตฺถีติ อตฺโถ. อิธาติ อยํ เทสาปเทเส นิปาโต. สฺวายํ กตฺถจิ สาสนํ อุปาทาย วุจฺจติ. ยถาห – ‘‘อิเธว, ภิกฺขเว, สมโณ, อิธ ทุติโย สมโณ, อิธ ตติโย สมโณ, อิธ จตุตฺโถ สมโณ, สุฺา ปรปฺปวาทา สมเณภิ อฺเหี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๓๙; ที. นิ. ๒.๒๑๔; อ. นิ. ๔.๒๔๑). กตฺถจิ โอกาสํ, ยถาห –

‘‘อิเธว ติฏฺมานสฺส, เทวภูตสฺส เม สโต;

ปุนรายุ จ เม ลทฺโธ, เอวํ ชานาหิ มาริสา’’ติ. (ที. นิ. ๒.๓๖๙) –

กตฺถจิ ปทปูรณมตฺตเมว โหติ. ยถาห – ‘‘อิธาหํ, ภิกฺขเว, ภุตฺตาวี อสฺสํ ปวาริโต’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๐). กตฺถจิ โลกํ อุปาทาย, ยถาห – ‘‘อิธ ตถาคโต โลเก อุปฺปชฺชติ พหุชนหิตาย พหุชนสุขายา’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๗๐). อิธาปิ โลกเมว อุปาทาย วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ. ตสฺมา อิมสฺมึ สตฺตโลเกติ อตฺโถ. สตฺตาติ รูปาทีสุ ขนฺเธสุ ฉนฺทราเคน สตฺตา วิสตฺตา อาสตฺตา ลคฺคา ลคิตาติ สตฺตา, สตฺตาติ ปาณิโน วุจฺจนฺติ. รุฬฺหีสทฺเทน ปน วีตราเคสุปิ อยํ โวหาโร วตฺตติเยว.

อปฺปรชกฺขชาติกาติ ปฺามเย อกฺขิมฺหิ อปฺปํ ปริตฺตํ ราคโทสโมหรชํ เอเตสํ เอวํสภาวา จ เตติ อปฺปรชกฺขชาติกา, อปฺปํ ราคาทิรชเมว วา เยสํ เต อปฺปรชกฺขา, เต อปฺปรชกฺขสภาวา อปฺปรชกฺขชาติกาติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เตสํ อปฺปรชกฺขชาติกานํ. ‘‘สตฺตาน’’นฺติ วิภตฺติวิปริณามํ กตฺวา – ‘‘เทเสหิ ธมฺม’’นฺติ อิมินา สมฺพนฺธํ กตฺวา อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เทเสหีติ อายาจนวจนเมตํ, เทเสหิ กเถหิ อุปทิสาติ อตฺโถ. ธมฺมนฺติ เอตฺถ อยํ ธมฺม-สทฺโท ปริยตฺติสมาธิปฺาปกติสภาวสุฺตาปุฺอาปตฺติเยฺยจตุสจฺจธมฺมาทีสุ ทิสฺสติ. ตถา หิ – ‘‘อิธ ภิกฺขุ ธมฺมํ ปริยาปุณาติ สุตฺตํ เคยฺยํ เวยฺยากรณํ…เป… เวทลฺล’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๓๙; อ. นิ. ๔.๑๐๒) ปริยตฺติยํ ทิสฺสติ. ‘‘เอวํธมฺมา เต ภควนฺโต อเหสุ’’นฺติอาทีสุ สมาธิมฺหิ.

‘‘ยสฺเสเต จตุโร ธมฺมา, วานรินฺท ยถา ตว;

สจฺจํ ธมฺโม ธิติ จาโค, ทิฏฺํ โส อติวตฺตตี’’ติ. –

อาทีสุ (ชา. ๑.๒.๑๔๗) ปฺาย. ‘‘ชาติธมฺมา ชราธมฺมา, อโถ มรณธมฺมิโน’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๓.๓๙) ปกติยํ. ‘‘กุสลา ธมฺมา, อกุสลา ธมฺมา, อพฺยากตา ธมฺมา’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ติกมาติกา) สภาเว. ‘‘ตสฺมึ โข ปน สมเย ธมฺมา โหนฺติ ขนฺธา โหนฺตี’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๑๒๑) สุฺตายํ. ‘‘ธมฺโม สุจิณฺโณ สุขมาวหาตี’’ติอาทีสุ (สุ. นิ. ๑๘๔; เถรคา. ๓๐๓; ชา. ๑.๑๐.๑๐๒; ๑.๑๕.๓๘๕) ปุฺเ. ‘‘ทฺเว อนิยตา ธมฺมา’’ติอาทีสุ อาปตฺติยํ. ‘‘สพฺเพ ธมฺมา สพฺพากาเรน พุทฺธสฺส ภควโต าณมุเข อาปาถํ อาคจฺฉนฺตี’’ติอาทีสุ (มหานิ. ๑๕๖; จูฬนิ. โมฆราชมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๘๕) เยฺเย. ‘‘ทิฏฺธมฺโม ปตฺตธมฺโม วิทิตธมฺโม’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๙๙; มหาว. ๒๗, ๕๗) จตุสจฺจธมฺเม. อิธาปิ จตุสจฺจธมฺเม ทฏฺพฺโพ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.สุตฺตนิกฺเขปวณฺณนา; ธ. ส. อฏฺ. จิตฺตุปฺปาทกณฺฑ ๑). อนุกมฺปาติ อนุกมฺปํ อนุทฺทยํ กโรหิ. อิมนฺติ ปชํ นิทฺทิสนฺโต อาห. ปชนฺติ ปชาตตฺตา ปชา, ตํ ปชํ, สตฺตนิกายํ สํสารทุกฺขโต โมเจหีติ อธิปฺปาโย. เกจิ ปน –

‘‘ภควาติ โลกาธิปตี นรุตฺตโม,

กตฺชลี พฺรหฺมคเณหิ ยาจิโต’’ติ. –

ปนฺติ. เอตฺตาวตา สพฺพโส อยํ คาถา วุตฺตตฺถา โหติ.

อถ ภควโต ตํ พฺรหฺมุโน สหมฺปติสฺส อายาจนวจนํ สุตฺวา อปริมิตสมยสมุทิตกรุณาพลสฺส ทสพลสฺส ปรหิตกรณนิปุณมติจารสฺส สพฺพสตฺเตสุ โอกาสกรณมตฺเตน มหากรุณา อุทปาทิ. ตํ ปน ภควโต กรุณุปฺปตฺตึ ทสฺเสนฺเตหิ สงฺคีติกาเล สงฺคีติการเกหิ –

.

‘‘สมฺปนฺนวิชฺชาจรณสฺส ตาทิโน, ชุตินฺธรสฺสนฺติมเทหธาริโน;

ตถาคตสฺสปฺปฏิปุคฺคลสฺส, อุปฺปชฺชิ การุฺตา สพฺพสตฺเต’’ติ. –

อยํ คาถา ปิตา.

ตตฺถ สมฺปนฺนวิชฺชาจรณสฺสาติ สมฺปนฺนํ นาม ติวิธํ ปริปุณฺณสมงฺคิมธุรวเสน. ตตฺถ –

‘‘สมฺปนฺนํ สาลิเกทารํ, สุวา ภุฺชนฺติ โกสิย;

ปฏิเวเทมิ เต พฺรหฺเม, น นํ วาเรตุมุสฺสเห’’ติ. (ชา. ๑.๑๔.๑) –

อิทํ ปริปุณฺณสมฺปนฺนํ นาม. ‘‘อิมินา ปาติโมกฺขสํวเรน อุเปโต โหติ สมุเปโต อุปคโต สมุปคโต สมฺปนฺโน สมนฺนาคโต’’ติ (วิภ. ๕๑๑) อิทํ สมงฺคิสมฺปนฺนํ นาม. ‘‘อิมิสฺสา, ภนฺเต, มหาปถวิยา เหฏฺิมตลํ สมฺปนฺนํ, เสยฺยถาปิ ขุทฺทมธุํ อนีลกํ, เอวมสฺสาท’’นฺติ (ปารา. ๑๘) อิทํ มธุรสมฺปนฺนํ นาม. อิธ ปริปุณฺณสมฺปนฺนมฺปิ สมงฺคิสมฺปนฺนมฺปิ ยุชฺชติ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๖๔). วิชฺชาติ ปฏิปกฺขธมฺเม วิชฺฌนฏฺเน วิทิตกรณฏฺเน วินฺทิตพฺพฏฺเน จ วิชฺชา. ตา ปน ติสฺโสปิ วิชฺชา อฏฺปิ วิชฺชา. ติสฺโส วิชฺชา ภยเภรวสุตฺเต (ม. นิ. ๑.๕๐ อาทโย) อาคตนเยเนว เวทิตพฺพา, อฏฺ อมฺพฏฺสุตฺเต (ที. นิ. ๑.๒๗๘ อาทโย). ตตฺร หิ วิปสฺสนาาเณน มโนมยิทฺธิยา จ สห ฉ อภิฺา ปริคฺคเหตฺวา อฏฺ วิชฺชา วุตฺตา. จรณนฺติ สีลสํวโร อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารตา โภชเน มตฺตฺุตา ชาคริยานุโยโค สทฺธา หิรี โอตฺตปฺปํ พาหุสจฺจํ อารทฺธวีริยตา อุปฏฺิตสฺสติตา ปฺาสมฺปนฺนตา จตฺตาริ รูปาวจรชฺฌานานีติ อิเม ปนฺนรส ธมฺมา เวทิตพฺพา. อิเมเยว หิ ปนฺนรส ธมฺมา ยสฺมา เอเตหิ จรติ อริยสาวโก คจฺฉติ อมตํ ทิสํ, ตสฺมา ‘‘จรณ’’นฺติ วุตฺตา. ยถาห – ‘‘อิธ, มหานาม, อริยสาวโก สีลวา โหตี’’ติ (ม. นิ. ๒.๒๔) สพฺพํ มชฺฌิมปณฺณาสเก วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. วิชฺชา จ จรณฺจ วิชฺชาจรณานิ, สมฺปนฺนานิ ปริปุณฺณานิ วิชฺชาจรณานิ ยสฺส โสยํ สมฺปนฺนวิชฺชาจรโณ, วิชฺชาจรเณหิ สมฺปนฺโน สมงฺคีภูโต, สมนฺนาคโตติ วา สมฺปนฺนวิชฺชาจรโณ. อุภยถาปิ อตฺโถ ยุชฺชเตว, ตสฺส สมฺปนฺนวิชฺชาจรณสฺส (ปารา. อฏฺ. ๑.๑ เวรฺชกณฺฑวณฺณนา).

ตาทิโนติ ‘‘อิฏฺเปิ ตาที อนิฏฺเปิ ตาที’’ติอาทินา นเยน มหานิทฺเทเส (มหานิ. ๓๘, ๑๙๒) อาคตตาทิลกฺขเณน ตาทิโน, อิฏฺานิฏฺาทีสุ อวิการสฺส ตาทิสสฺสาติ อตฺโถ. ชุตินฺธรสฺสาติ ชุติมโต, ยุคนฺธเร สรทสมเย สมุทิตทิวสกราติเรกตรสสฺสิริกสรีรชุติวิสรธรสฺสาติ อตฺโถ. ‘‘ปฺาปชฺโชตธรสฺสา’’ติ วา วตฺตุํ วฏฺฏติ. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘จตฺตาโร โลเก ปชฺโชตา, ปฺจเมตฺถ น วิชฺชติ;

ทิวา ตปติ อาทิจฺโจ, รตฺติมาภาติ จนฺทิมา.

‘‘อถ อคฺคิ ทิวารตฺตึ, ตตฺถ ตตฺถ ปภาสติ;

สมฺพุทฺโธ ตปตํ เสฏฺโ, เอสา อาภา อนุตฺตรา’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๒๖, ๘๕);

ตสฺมา อุภยถาปิ สรีรปฺาชุติวิสรธรสฺสาติ อตฺโถ. อนฺติมเทหธาริโนติ สพฺพปจฺฉิมสรีรธาริโน, อปุนพฺภวสฺสาติ อตฺโถ.

ตถาคตสฺสาติ เอตฺถ อฏฺหิ การเณหิ ภควา ‘‘ตถาคโต’’ติ วุจฺจติ. กตเมหิ อฏฺหิ? ตถา อาคโตติ ตถาคโต, ตถา คโตติ ตถาคโต, ตถลกฺขณํ อาคโตติ ตถาคโต, ตถธมฺเม ยาถาวโต อภิสมฺพุทฺโธติ ตถาคโต, ตถทสฺสิตาย ตถาคโต, ตถวาทิตาย ตถาคโต, ตถาการิตาย ตถาคโต, อภิภวนฏฺเน ตถาคโตติ.

กถํ ภควา ตถา อาคโตติ ตถาคโต? ยถา เยน อภินีหาเรน ทานปารมึ ปูเรตฺวา สีลเนกฺขมฺมปฺาวีริยขนฺติสจฺจอธิฏฺานเมตฺตุเปกฺขาปารมึ ปูเรตฺวา อิมา ทส ปารมิโย ทส อุปปารมิโย ทส ปรมตฺถปารมิโยติ สมตฺตึส ปารมิโย ปูเรตฺวา องฺคปริจฺจาคํ ชีวิตปริจฺจาคํ ธนรชฺชปุตฺตทารปริจฺจาคนฺติ อิเม ปฺจ มหาปริจฺจาเค ปริจฺจชิตฺวา ยถา วิปสฺสิอาทโย สมฺมาสมฺพุทฺธา อาคตา, ตถา อมฺหากมฺปิ ภควา อาคโตติ ตถาคโต. ยถาห –

‘‘ยเถว โลกมฺหิ วิปสฺสิอาทโย, สพฺพฺุภาวํ มุนโย อิธาคตา;

ตถา อยํ สกฺยมุนีปิ อาคโต, ตถาคโต วุจฺจติ เตน จกฺขุมา’’ติ.

กถํ ตถา คโตติ ตถาคโต? ยถา สมฺปติชาตา วิปสฺสิอาทโย สเมหิ ปาเทหิ ปถวิยํ ปติฏฺาย อุตฺตราภิมุขา สตฺตปทวีติหาเรน คตา, ตถา อมฺหากมฺปิ ภควา คโตติ ตถาคโต. ยถาห –

‘‘มุหุตฺตชาโตว ควมฺปตี ยถา, สเมหิ ปาเทหิ ผุสี วสุนฺธรํ;

โส วิกฺกมี สตฺตปทานิ โคตโม, เสตฺจ ฉตฺตํ อนุธารยุํ มรู.

‘‘คนฺตฺวาน โส สตฺตปทานิ โคตโม, ทิสา วิโลเกสิ สมา สมนฺตโต;

อฏฺงฺคุเปตํ คิรมพฺภุทีรยี, สีโห ยถา ปพฺพตมุทฺธนิฏฺิโต’’ติ.

กถํ ตถลกฺขณํ อาคโตติ ตถาคโต? สพฺเพสํ รูปารูปธมฺมานํ สลกฺขณํ สามฺลกฺขณฺจ ตถํ อวิตถํ าณคติยา อาคโต อวิรชฺฌิตฺวา ปตฺโต อนุพุทฺโธติ ตถาคโต.

‘‘สพฺเพสํ ปน ธมฺมานํ, สกสามฺลกฺขณํ;

ตถเมวาคโต ยสฺมา, ตสฺมา สตฺถา ตถาคโต’’ติ.

กถํ ตถธมฺเม ยาถาวโต อภิสมฺพุทฺโธติ ตถาคโต? ตถธมฺมา นาม จตฺตาริ อริยสจฺจานิ. ยถาห – ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, ตถานิ อวิตถานิ อนฺถานิ. กตมานิ จตฺตาริ? ‘อิทํ ทุกฺข’นฺติ, ภิกฺขเว, ตถเมตํ อวิตถเมตํ อนฺถเมต’’นฺติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๙๐) วิตฺถาโร. ตานิ จ ภควา อภิสมฺพุทฺโธ, ตสฺมา ตถานํ อภิสมฺพุทฺธตฺตา ‘‘ตถาคโต’’ติ วุจฺจติ. อภิสมฺพุทฺธตฺโถ หิ เอตฺถ คตสทฺโท.

‘‘ตถนามานิ สจฺจานิ, อภิสมฺพุชฺฌิ นายโก;

ตสฺมา ตถานํ สจฺจานํ, สมฺพุทฺธตฺตา ตถาคโต’’.

กถํ ตถทสฺสิตาย ตถาคโต? ภควา หิ อปริมาณาสุ โลกธาตูสุ อปริมาณานํ สตฺตานํ จกฺขุโสตฆาณชิวฺหากายมโนทฺวาเรสุ อาปาถํ อาคจฺฉนฺตํ รูปสทฺทคนฺธรสโผฏฺพฺพธมฺมารมฺมณํ ตถาคโต สพฺพาการโต ชานาติ ปสฺสตีติ, เอวํ ตถทสฺสิตาย ตถาคโต. อถ วา ยํ โลเก ตถํ, ตํ โลกสฺส ตเถว ทสฺเสติ. ตโตปิ ภควา ตถาคโต. เอตฺถ ตถทสฺสิอตฺเถ ‘‘ตถาคโต’’ติ ปทสมฺภโว เวทิตพฺโพ.

‘‘ตถากาเรน โย ธมฺเม, ชานาติ อนุปสฺสติ;

ตถทสฺสีติ สมฺพุทฺโธ, ตสฺมา วุตฺโต ตถาคโต’’.

กถํ ตถวาทิตาย ตถาคโต? ยฺจ อภิสมฺโพธิยา ปรินิพฺพานสฺส จ อนฺตเร ปฺจจตฺตาลีสวสฺสปริมาณกาเล สุตฺตาทินวงฺคสงฺคหิตํ ภาสิตํ ลปิตํ ตถาคเตน, สพฺพํ ตํ เอกตุลาย ตุลิตํ วิย ตถเมว อวิตถเมว โหติ. เตเนวาห –

‘‘ยฺจ, จุนฺท, รตฺตึ ตถาคโต อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุชฺฌติ, ยฺจ รตฺตึ อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายติ, ยํ เอตสฺมึ อนฺตเร ภาสติ ลปติ นิทฺทิสติ, สพฺพํ ตํ ตเถว โหติ, โน อฺถา. ตสฺมา ‘ตถาคโต’ติ วุจฺจตี’’ติ.

เอตฺถ ปน คทอตฺโถ หิ คตสทฺโท. เอวํ ตถวาทิตาย ตถาคโต. อาคทนํ อาคโท, วจนนฺติ อตฺโถ. ตโถ อวิปรีโต อาคโท อสฺสาติ ตถาคโต. ท-การสฺส ต-การํ กตฺวา วุตฺโต.

‘‘ตถาวาที ชิโน ยสฺมา, ตถธมฺมปฺปกาสโก;

ตถามาคทนฺจสฺส, ตสฺมา พุทฺโธ ตถาคโต’’.

กถํ ตถาการิตาย ตถาคโต? ภควา หิ ยํ ยํ วาจํ อภาสิ, ตํ ตํ เอว กาเยน กโรติ, วาจาย กาโย อนุโลเมติ, กายสฺสปิ วาจา. เตเนวาห –

‘‘ยถา วาที, ภิกฺขเว, ตถาคโต ตถา การี, ยถา การี ตถา วาที…เป… ตสฺมา ‘ตถาคโต’ติ วุจฺจตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๒๓; จูฬนิ. โปสาลมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๘๓).

ยถา จ วาจา คตา, กาโยปิ ตถา คโต, ยถา กาโย คโต, วาจาปิ ตถา คตา. เอวํ ตถาการิตาย ตถาคโต.

‘‘ยถา วาจา คตา ตสฺส, ตถา กาโย คโต ยโต;

ตถาวาทิตาย สมฺพุทฺโธ, สตฺถา ตสฺมา ตถาคโต’’.

กถํ อภิภวนฏฺเน ตถาคโต? อุปริ ภวคฺคํ เหฏฺา อวีจึ ปริยนฺตํ กตฺวา ติริยํ อปริมาณาสุ โลกธาตูสุ สพฺพสตฺเต อภิภวติ สีเลนปิ สมาธินาปิ ปฺายปิ วิมุตฺติยาปิ วิมุตฺติาณทสฺสเนนปิ, น ตสฺส ตุลา วา ปมาณํ วา อตฺถิ, อถ โข อตุโล อปฺปเมยฺโย อนุตฺตโร. เตเนวาห –

‘‘สเทวเก, ภิกฺขเว, โลเก…เป… ตถาคโต อภิภู อนภิภูโต อฺทตฺถุ ทโส วสวตฺตี, ตสฺมา ‘ตถาคโต’ติ วุจฺจตี’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๓; โปสาลมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๘๓).

ตตฺเรวํ ปทสิทฺธิ เวทิตพฺพา – อคโท วิย อคโท. โก ปเนส? เทสนาวิลาโส เจว ปุฺุสฺสโย จ. เตน เหส มหานุภาโว ภิสกฺโก ทิพฺพาคเทน สปฺเป วิย สพฺพปรปฺปวาทิโน สเทวกฺจ โลกํ อภิภวติ, อิติ สพฺพโลกาภิภวนโต อวิปรีโต เทสนาวิลาโส เจว ปุฺุสฺสโย จ อคโท อสฺสาติ ท-การสฺส ต-การํ กตฺวา ‘‘ตถาคโต’’ติ เวทิตพฺโพ. เอวํ อภิภวนฏฺเน ตถาคโต.

‘‘ตโถ อวิปรีโต จ, อคโท ยสฺส สตฺถุโน;

วสวตฺตีติ โส เตน, โหติ สตฺถา ตถาคโต’’.

อปฺปฏิปุคฺคลสฺสาติ ปฏิปุคฺคลวิรหิตสฺส, อฺโ โกจิ ‘‘อหํ พุทฺโธ’’ติ เอวํ ปฏิฺํ ทาตุํ สมตฺโถ นามสฺส ปุคฺคโล, นตฺถีติ อปฺปฏิปุคฺคโล, ตสฺส อปฺปฏิปุคฺคลสฺส. อุปฺปชฺชีติ อุปฺปนฺโน อุทปาทิ. การุฺตาติ กรุณาย ภาโว การุฺตา. สพฺพสตฺเตติ นิรวเสสสตฺตปริยาทานวจนํ, สกเล สตฺตนิกาเยติ อตฺโถ. เอตฺตาวตา อยมฺปิ คาถา วุตฺตตฺถา โหติ.

อถ ภควา พฺรหฺมุนา ธมฺมเทสนตฺถาย อายาจิโต สตฺเตสุ การุฺตํ อุปฺปาเทตฺวา ธมฺมํ เทเสตุกาโม มหาพฺรหฺมานํ คาถาย อชฺฌภาสิ –

‘‘อปารุตา เตสํ อมตสฺส ทฺวารา, เย โสตวนฺโต ปมุฺจนฺตุ สทฺธํ;

วิหึสสฺี ปคุณํ น ภาสึ, ธมฺมํ ปณีตํ มนุเชสุ พฺรหฺเม’’ติ. (ม. นิ. ๑.๒๘๓; ที. นิ. ๒.๗๑; สํ. นิ. ๑.๑๗๒; มหาว. ๙);

อถ โข พฺรหฺมา สหมฺปติ ‘‘กตาวกาโส โขมฺหิ ภควตา ธมฺมเทสนายา’’ติ ตฺวา ทสนขสโมธานสมุชฺชลํ อฺชลึ สิรสิ กตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา พฺรหฺมคณปริวุโต ปกฺกามิ. อถ สตฺถา ตสฺส พฺรหฺมุโน ปฏิฺํ ทตฺวา – ‘‘กสฺส นุ โข อหํ ปมํ ธมฺมํ เทเสยฺย’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๒๘๓; มหาว. ๑๐) จินฺเตนฺโต – ‘‘อาฬาโร ปณฺฑิโต โส อิมํ ธมฺมํ ขิปฺปํ อาชานิสฺสตี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา ปุน โอโลเกนฺโต ตสฺส สตฺตาหํ กาลงฺกตภาวํ ตฺวา อุทกสฺส จ อภิโทสกาลงฺกตภาวํ ตฺวา ปุน – ‘‘กหํ นุ โข เอตรหิ ปฺจวคฺคิยา ภิกฺขู วิหรนฺตี’’ติ ปฺจวคฺคิเย อาวชฺเชนฺโต ‘‘พาราณสิยํ อิสิปตเน มิคทาเย’’ติ ตฺวา อาสาฬฺหิยํ ปภาตาย รตฺติยา กาลสฺเสว ปตฺตจีวรมาทาย อฏฺารสโยชนิกํ มคฺคํ ปฏิปนฺโน อนฺตรามคฺเค อุปกํ นาม อาชีวกํ ทิสฺวา ตสฺส อตฺตโน พุทฺธภาวมาวิกตฺวา ตํทิวสเมว สายนฺหสมเย อิสิปตนมคมาสิ. ตตฺถ ปฺจวคฺคิยานํ อตฺตโน พุทฺธภาวํ ปกาเสตฺวา ปฺตฺตวรพุทฺธาสนคโต ปฺจวคฺคิเย ภิกฺขู อามนฺเตตฺวา ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสุตฺตนฺตํ (สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑; มหาว. ๑๓ อาทโย; ปฏิ. ม. ๒.๓๐) เทเสสิ.

เตสุ อฺาสิโกณฺฑฺตฺเถโร เทสนานุสาเรน าณํ เปเสตฺวา สุตฺตปริโยสาเน อฏฺารสหิ พฺรหฺมโกฏีหิ สทฺธึ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาสิ. สตฺถา ตตฺเถว วสฺสํ อุปคนฺตฺวา ปุนทิวเส วปฺปตฺเถรํ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาเปสิ. เอเตเนว อุปาเยน สพฺเพ เต โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาเปตฺวา ปุน ปฺจมิยํ ปกฺขสฺส ปฺจปิ เต เถเร สนฺนิปาเตตฺวา อนตฺตลกฺขณสุตฺตนฺตํ (สํ. นิ. ๓.๕๙; มหาว. ๒๐ อาทโย) เทเสสิ, เทสนาปริโยสาเน ปฺจปิ เถรา อรหตฺเต ปติฏฺหึสุ.

อถ สตฺถา ตตฺเถว ยสสฺส กุลปุตฺตสฺส อุปนิสฺสยํ ทิสฺวา เคหํ ปหาย นิกฺขนฺตํ ทิสฺวา – ‘‘เอหิ ยสา’’ติ (มหาว. ๒๖) ปกฺโกสิตฺวา ตสฺมิฺเว รตฺติภาเค โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาเปตฺวา ปุนทิวเส อรหตฺเต จ ปติฏฺาเปตฺวา อปเรปิ ตสฺส สหายเก จตุปณฺณาสชเน เอหิภิกฺขุปพฺพชฺชาย ปพฺพาเชตฺวา อรหตฺเต ปติฏฺาเปสิ. เอวํ โลเก เอกสฏฺิยา อรหนฺเตสุ ชาเตสุ สตฺถา วุฏฺวสฺโส ปวาเรตฺวา ภิกฺขู อามนฺเตตฺวา เอตทโวจ –

‘‘ปรตฺถํ จตฺตโน อตฺถํ, กโรนฺตา ปถวึ อิมํ;

พฺยาหรนฺตา มนุสฺสานํ, ธมฺมํ จรถ ภิกฺขโว.

‘‘วิหรถ วิวิตฺเตสุ, ปพฺพเตสุ วเนสุ จ;

ปกาสยนฺตา สทฺธมฺมํ, โลกสฺส สตตํ มม.

‘‘กโรนฺตา ธมฺมทูเตยฺยํ, วิขฺยาปยถ ภิกฺขโว;

สนฺติ อตฺถาย สตฺตานํ, สุพฺพตา วจนํ มม.

‘‘สพฺพํ ปิทหถ ทฺวารํ, อปายานมนาสวา;

สคฺคโมกฺขสฺส มคฺคสฺส, ทฺวารํ วิวรถาสมา.

‘‘เทสนาปฏิปตฺตีหิ, กรุณาทิคุณาลยา;

พุทฺธึ สทฺธฺจ โลกสฺส, อภิวฑฺเฒถ สพฺพโส.

‘‘คิหีนมุปกโรนฺตานํ, นิจฺจมามิสทานโต;

กโรถ ธมฺมทาเนน, เตสํ ปจฺจูปการกํ.

‘‘สมุสฺสยถ สทฺธมฺมํ, เทสยนฺตา อิสิทฺธชํ;

กตกตฺตพฺพกมฺมนฺตา, ปรตฺถํ ปฏิปชฺชถา’’ติ.

เอวฺจ ปน วตฺวา ภควา เต ภิกฺขู ทิสาสุ วิสฺสชฺเชตฺวา สยํ อุรุเวลํ คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค กปฺปาสิกวนสณฺเฑ ตึส ภทฺทวคฺคิยกุมาเร วิเนสิ. เตสุ โย สพฺพปจฺฉิมโก, โส โสตาปนฺโน, สพฺพเสฏฺโ อนาคามี, เอโกปิ อรหา วา ปุถุชฺชโน วา นาโหสิ. เตปิ สพฺเพ เอหิภิกฺขุปพฺพชฺชาย ปพฺพาเชตฺวา ทิสาสุ เปเสตฺวา สยํ อุรุเวลํ คนฺตฺวา อฑฺฒุฑฺฒานิ ปาฏิหาริยสหสฺสานิ ทสฺเสตฺวา อุรุเวลกสฺสปาทโย สหสฺสชฏิลปริวาเร เตภาติกชฏิเล ทเมตฺวา เอหิภิกฺขุภาเวน ปพฺพาเชตฺวา คยาสีเส นิสีทาเปตฺวา อาทิตฺตปริยายเทสนาย (สํ. นิ. ๔.๒๘; มหาว. ๕๔) อรหตฺเต ปติฏฺาเปตฺวา เตน อรหนฺตสหสฺเสน ภควา ปริวุโต ‘‘พิมฺพิสารสฺส รฺโ ปฏิฺํ โมเจสฺสามี’’ติ ราชคหนครูปจาเร ลฏฺิวนุยฺยานํ นาม อคมาสิ. ตโต อุยฺยานปาลโก รฺโ อาโรเจสิ. ราชา – ‘‘สตฺถา อาคโต’’ติ สุตฺวา ทฺวาทสนหุเตหิ พฺราหฺมณคหปติเกหิ ปริวุโต ทสพลํ ฆนวิวรคตมิว ทิวสกรํ วนวิวรคตํ มุนิวรทิวสกรํ อุปสงฺกมิตฺวา จกฺกาลงฺกตตเลสุ ชลชามลาวิกลกมลโกมเลสุ ทสพลสฺส ปาเทสุ มกุฏมณิชุติวิสรวิชฺโชตินา สิรสา นิปติตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ สทฺธึ ปริสาย.

อถ โข เตสํ พฺราหฺมณคหปติกานํ เอตทโหสิ – ‘‘กึ นุ โข มหาสมโณ อุรุเวลกสฺสเป พฺรหฺมจริยํ จรติ, อุทาหุ อุรุเวลกสฺสโป มหาสมเณ’’ติ? อถ โข ภควา เตสํ เจโตปริวิตกฺกมฺาย เถรํ คาถาย อชฺฌภาสิ –

‘‘กิเมว ทิสฺวา อุรุเวลวาสิ, ปหาสิ อคฺคึ กิสโกวทาโน;

ปุจฺฉามิ ตํ กสฺสป เอตมตฺถํ, กถํ ปหีนํ ตว อคฺคิหุตฺต’’นฺติ. (มหาว. ๕๕);

เถโร ภควโต อธิปฺปายํ วิทิตฺวา –

‘‘รูเป จ สทฺเท จ อโถ รเส จ, กามิตฺถิโย จาภิวทนฺติ ยฺา;

เอตํ มลนฺตี อุปธีสุ ตฺวา, ตสฺมา น ยิฏฺเ น หุเต อรฺชิ’’นฺติ. (มหาว. ๕๕) –

อิมํ คาถํ วตฺวา อตฺตโน สาวกภาวปฺปกาสนตฺถํ ตถาคตสฺส ปาเทสุ สิรสา นิปติตฺวา – ‘‘สตฺถา เม, ภนฺเต, ภควา, สาวโกหมสฺมี’’ติ วตฺวา เอกตาลทฺวิตาล…เป… สตฺตตาลปฺปมาณํ เวหาสํ สตฺตกฺขตฺตุํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ปาฏิหาริยํ กตฺวา อากาสโต โอรุยฺห ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ.

อถ โข มหาชโน ตสฺส ตํ ปาฏิหาริยํ ทิสฺวา – ‘‘อโห มหานุภาวา พุทฺธา นาม, เอวํ ถามคตทิฏฺิโก อตฺตานํ ‘อรหา อห’นฺติ มฺมาโน อุรุเวลกสฺสโปปิ ทิฏฺิชาลํ ภินฺทิตฺวา ตถาคเตน ทมิโต’’ติ ทสพลสฺส คุณกถํ กเถสิ. ตํ สุตฺวา สตฺถา – ‘‘นาหมิทานิเยว อิมํ อุรุเวลกสฺสปํ ทเมมิ, อตีเตปิ เอส มยา ทมิโตเยวา’’ติ อาห. อถ โข โส มหาชโน อุฏฺายาสนา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา สิรสิ อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา เอวมาห – ‘‘ภนฺเต, อิทานิ อมฺเหหิ เอส ทมิโต ทิฏฺโ, กถํ ปเนส อตีเต ภควตา ทมิโต’’ติ. ตโต สตฺถา เตน มหาชเนน ยาจิโต ภวนฺตเรน ปฏิจฺฉนฺนํ มหานารทกสฺสปชาตกํ (ชา. ๒.๒๒.๑๑๕๓) กเถตฺวา จตฺตาริ อริยสจฺจานิ ปกาเสสิ. ตโต สตฺถุ ธมฺมกถํ สุตฺวา ราชา พิมฺพิสาโร เอกาทสนหุเตหิ สทฺธึ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาสิ, เอกนหุตํ อุปาสกตฺตํ ปฏิเวเทสิ. ราชา สรณํ คนฺตฺวา สฺวาตนาย ภควนฺตํ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆน นิมนฺเตตฺวา ภควนฺตํ ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา วนฺทิตฺวา ปกฺกามิ.

ปุนทิวเส ภควา ภิกฺขุสหสฺสปริวุโต มรุคณปริวุโต วิย ทสสตนยโน เทวราชา, พฺรหฺมคณปริวุโต วิย มหาพฺรหฺมา ราชคหํ ปาวิสิ. ราชา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทานํ ทตฺวา โภชนปริโยสาเน ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อหํ, ภนฺเต, ตีณิ รตนานิ วินา วสิตุํ น สกฺขิสฺสามิ, เวลาย วา อเวลาย วา ภควโต สนฺติกํ อาคมิสฺสามิ, ลฏฺิวนํ นาม อติทูเร, อิทํ ปน อมฺหากํ เวฬุวนํ นาม อุยฺยานํ ปวิเวกกามานํ นาติทูรํ นจฺจาสนฺนํ คมนาคมนสมฺปนฺนํ นิชฺชนสมฺพาธํ ปวิเวกสุขํ ฉายูทกสมฺปนฺนํ สีตลสิลาตลสมลงฺกตํ ปรมรมณียภูมิภาคํ สุรภิกุสุมตรุวรนิรนฺตรํ รมณียปาสาทหมฺมิยวิมานวิหารฑฺฒุโยคมณฺฑปาทิปฏิมณฺฑิตํ. อิทํ เม, ภนฺเต, ภควา ปฏิคฺคณฺหาตุ นวตปนงฺคารสงฺกาเสน สุวณฺณภิงฺคาเรน สุรภิกุสุมวาสิตํ มณิวณฺณอุทกํ คเหตฺวา เวฬุวนารามํ ปริจฺจชนฺโต ทสพลสฺส หตฺเถ อุทกํ ปาเตสิ. ตสฺมึ อารามปฏิคฺคหเณ ‘‘พุทฺธสาสนสฺส มูลานิ โอติณฺณานี’’ติ ปีติวสํ คตา นจฺจนฺตี วิย อยํ มหาปถวี กมฺปิ. ชมฺพุทีเป ปน เปตฺวา เวฬุวนมหาวิหารํ อฺํ ปถวึ กมฺเปตฺวา คหิตเสนาสนํ นาม นตฺถิ. อถ สตฺถา เวฬุวนารามํ ปฏิคฺคเหตฺวา รฺโ วิหารทานานุโมทนมกาสิ –

‘‘อาวาสทานสฺส ปนานิสํสํ, โก นาม วตฺตุํ, ปุริโส สมตฺโถ;

อฺตฺร พุทฺธา ปน โลกนาถา, ยุตฺโต มุขานํ นหุเตน จาปิ.

‘‘อายุฺจ วณฺณฺจ สุขํ พลฺจ, วรํ ปสตฺถํ ปฏิภานเมว;

ททาติ นามาติ ปวุจฺจเต โส, โย เทติ สงฺฆสฺส นโร วิหารํ.

‘‘ทาตา นิวาสสฺส นิวารณสฺส, สีตาทิโน ชีวิตุปทฺทวสฺส;

ปาเลติ อายุํ ปน ตสฺส ยสฺมา, อายุปฺปโท โหติ ตมาหุ สนฺโต.

‘‘อจฺจุณฺหสีเต วสโต นิวาเส, พลฺจ วณฺโณ ปฏิภา น โหติ;

ตสฺมา หิ โส เทติ วิหารทาตา, พลฺจ วณฺณํ ปฏิภานเมว.

‘‘ทุกฺขสฺส สีตุณฺหสรีสปา จ, วาตาตปาทิปฺปภวสฺส โลเก;

นิวารณา เนกวิธสฺส นิจฺจํ, สุขปฺปโท โหติ วิหารทาตา.

‘‘สีตุณฺหวาตาตปฑํสวุฏฺิ, สรีสปาวาฬมิคาทิทุกฺขํ;

ยสฺมา นิวาเรติ วิหารทาตา, ตสฺมา สุขํ วินฺทติ โส ปรตฺถ.

‘‘ปสนฺนจิตฺโต ภวโภคเหตุํ, มโนภิรามํ มุทิโต วิหารํ;

โย เทติ สีลาทิคุโณทิตานํ, สพฺพํ ทโท นาม ปวุจฺจเต โส.

‘‘ปหาย มจฺเฉรมลํ สโลภํ, คุณาลยานํ นิลยํ ททาติ;

ขิตฺโตว โส ตตฺถ ปเรหิ สคฺเค, ยถาภตํ ชายติ วีตโสโก.

‘‘วเร จารุรูเป วิหาเร อุฬาเร, นโร การเย วาสเย ตตฺถ ภิกฺขู;

ทเทยฺยนฺนปานฺจ วตฺถฺจ เนสํ, ปสนฺเนน จิตฺเตน สกฺกจฺจ นิจฺจํ.

‘‘ตสฺมา มหาราช ภเวสุ โภเค, มโนรเม ปจฺจนุภุยฺย ภิยฺโย;

วิหารทานสฺส ผเลน สนฺตํ, สุขํ อโสกํ อธิคจฺฉ ปจฺฉา’’ติ.

อิจฺเจวํ มุนิราชา นรราชสฺส พิมฺพิสารสฺส วิหารทานานุโมทนํ กตฺวา อุฏฺายาสนา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ปรมทสฺสนียาย อตฺตโน สรีรปฺปภาย สุวณฺณรสเสกปิฺฉรานิ วิย นครวนวิมานาทีนิ กุรุมาโน อโนปมาย พุทฺธลีฬาย อนนฺตาย พุทฺธสิริยา เวฬุวนมหาวิหารเมว ปาวิสีติ.

‘‘อกีฬเน เวฬุวเน วิหาเร, ตถาคโต ตตฺถ มโนภิราเม;

นานาวิหาเรน วิหาสิ ธีโร, เวเนยฺยกานํ สมุทิกฺขมาโน’’.

อเถวํ ภควติ ตสฺมึ วิหรนฺเต สุทฺโธทนมหาราชา ‘‘ปุตฺโต เม ฉพฺพสฺสานิ ทุกฺกรการิกํ กตฺวา ปรมาภิสมฺโพธึ ปตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺโก ราชคหํ ปตฺวา เวฬุวนมหาวิหาเร วิหรตี’’ติ สุตฺวา อฺตรํ มหามจฺจํ อามนฺเตสิ – ‘‘เอหิ, ภเณ, ปุริสสหสฺสปริวาโร ราชคหํ คนฺตฺวา มม วจเนน ‘ปิตา โว สุทฺโธทนมหาราชา ตํ ทฏฺุกาโม’ติ วตฺวา ปุตฺตํ เม คณฺหิตฺวา เอหี’’ติ. โส ‘‘สาธุ, เทวา’’ติ รฺโ ปฏิสฺสุณิตฺวา ปุริสสหสฺสปริวาโร สฏฺิโยชนมคฺคํ คนฺตฺวา ธมฺมเทสนเวลาย วิหารํ ปาวิสิ. โส ‘‘ติฏฺตุ ตาว รฺา ปหิตสาสน’’นฺติ ปริสปริยนฺเต ิโต สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ยถาิโตว สทฺธึ ปุริสสหสฺเสน อรหตฺตํ ปตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิ. ภควา – ‘‘เอถ, ภิกฺขโว’’ติ หตฺถํ ปสาเรสิ. เต สพฺเพ ตงฺขณฺเว อิทฺธิมยปตฺตจีวรธรา วสฺสสฏฺิกตฺเถรา วิย อากปฺปสมฺปนฺนา หุตฺวา ภควนฺตํ ปริวาเรสุํ. ราชา ‘‘เนว คโต อาคจฺฉติ, น จ สาสนํ สุยฺยตี’’ติ จินฺเตตฺวา เตเนว นีหาเรน นวกฺขตฺตุํ อมจฺเจ เปเสสิ. เตสุ นวสุ ปุริสสหสฺเสสุ เอโกปิ รฺโ นาโรเจสิ, น สาสนํ วา ปหิณิ. สพฺเพ อรหตฺตํ ปตฺวาว ปพฺพชึสุ.

อถ ราชา จินฺเตสิ – ‘‘โก นุ โข มม วจนํ กริสฺสตี’’ติ สพฺพราชพลํ โอโลเกนฺโต อุทายึ อทฺทส. โส กิร รฺโ สพฺพตฺถสาธโก อมจฺโจ อพฺภนฺตริโก อติวิสฺสาสิโก โพธิสตฺเตน สทฺธึ เอกทิวเสเยว ชาโต สหปํสุกีฬิโต สหาโย. อถ นํ ราชา อามนฺเตสิ – ‘‘ตาต อุทายิ, อหํ มม ปุตฺตํ ทฏฺุกาโม นวปุริสสหสฺสานิ เปเสสึ, เอกปุริโสปิ อาคนฺตฺวา สาสนมตฺตมฺปิ อาโรเจตา นตฺถิ, ทุชฺชาโน โข ปน เม ชีวิตนฺตราโย, อหํ ชีวมาโนว ปุตฺตํ ทฏฺุมิจฺฉามิ. สกฺขิสฺสสิ เม ปุตฺตํ ทสฺเสตุ’’นฺติ? โส ‘‘สกฺขิสฺสามิ, เทว, สเจ ปพฺพชิตุํ ลภิสฺสามี’’ติ อาห. ‘‘ตาต, ตฺวํ ปพฺพชิตฺวา วา อปพฺพชิตฺวา วา มยฺหํ ปุตฺตํ ทสฺเสหี’’ติ. โส ‘‘สาธุ, เทวา’’ติ รฺโ สาสนํ อาทาย ราชคหํ คนฺตฺวา สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา สทฺธึ ปุริสสหสฺเสน อรหตฺตํ ปตฺวา เอหิภิกฺขุภาเว ปติฏฺาย ผคฺคุนีปุณฺณมาสิยํ จินฺเตสิ – ‘‘อติกฺกนฺโต เหมนฺโต, วสนฺตสมโย อนุปฺปตฺโต, สุปุปฺผิตา วนสณฺฑา, ปฏิปชฺชนกฺขโม มคฺโค, กาโล ทสพลสฺส าติสงฺคหํ กาตุ’’นฺติ จินฺเตตฺวา ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา สฏฺิมตฺตาหิ คาถาหิ ภควโต กุลนครํ คมนตฺถาย คมนวณฺณํ วณฺเณสิ –

‘‘องฺคาริโน ทานิ ทุมา ภทนฺเต, ผเลสิโน ฉทนํ วิปฺปหาย;

เต อจฺจิมนฺโตว ปภาสยนฺติ, สมโย มหาวีร องฺคีรสานํ.

‘‘ทุมา วิจิตฺตา สุวิราชมานา, รตฺตงฺกุเรเหว จ ปลฺลเวหิ;

รตนุชฺชลมณฺฑปสนฺนิภาสา, สมโย มหาวีร องฺคีรสานํ.

‘‘สุปุปฺผิตคฺคา กุสุเมหิ ภูสิตา, มนุฺภูตา สุจิสาธุคนฺธา;

รุกฺขา วิโรจนฺติ อุโภสุ ปสฺเสสุ, สมโย มหาวีร องฺคีรสานํ.

‘‘ผเลหิเนเกหิ สมิทฺธิภูตา, วิจิตฺตรุกฺขา อุภโตวกาเส;

ขุทฺทํ ปิปาสมฺปิ วิโนทยนฺติ, สมโย มหาวีร องฺคีรสานํ.

‘‘วิจิตฺตมาลา สุจิปลฺลเวหิ, สุสชฺชิตา โมรกลาปสนฺนิภา;

รุกฺขา วิโรจนฺติ อุโภสุ ปสฺเสสุ, สมโย มหาวีร องฺคีรสานํ.

‘‘วิโรจมานา ผลปลฺลเวหิ, สุสชฺชิตา วาสนิวาสภูตา;

โตเสนฺติ อทฺธานกิลนฺตสตฺเต, สมโย มหาวีร องฺคีรสานํ.

‘‘สุผุลฺลิตคฺคา วนคุมฺพนิสฺสิตา, ลตา อเนกา สุวิราชมานา;

โตเสนฺติ สตฺเต มณิมณฺฑปาว, สมโย มหาวีร องฺคีรสานํ.

‘‘ลตา อเนกา ทุมนิสฺสิตาว, ปิเยหิ สทฺธึ สหิตา วธูว;

ปโลภยนฺตี หิ สุคนฺธคนฺธา, สมโย มหาวีร องฺคีรสานํ.

‘‘วิจิตฺตนีลาทิมนุฺวณฺณา, ทิชา สมนฺตา อภิกูชมานา;

โตเสนฺติ มฺชุสฺสรตา รตีหิ, สมโย มหาวีร องฺคีรสานํ.

‘‘มิคา จ นานา สุวิราชมานา, อุตฺตุงฺคกณฺณา จ มนุฺเนตฺตา;

ทิสา สมนฺตา มภิธาวยนฺติ, สมโย มหาวีร องฺคีรสานํ.

‘‘มนุฺภูตา จ มหี สมนฺตา, วิราชมานา หริตาว สทฺทลา;

สุปุปฺผิรุกฺขา โมฬินิวลงฺกตา, สมโย มหาวีร องฺคีรสานํ.

‘‘สุสชฺชิตา มุตฺตมยาว วาลุกา, สุสณฺิตา จารุสุผสฺสทาตา;

วิโรจยนฺเตว ทิสา สมนฺตา, สมโย มหาวีร องฺคีรสานํ.

‘‘สมํ สุผสฺสํ สุจิภูมิภาคํ, มนุฺปุปฺโผทยคนฺธวาสิตํ;

วิราชมานํ สุจิมฺจ โสภํ, สมโย มหาวีร องฺคีรสานํ.

‘‘สุสชฺชิตํ นนฺทนกานนํว, วิจิตฺตนานาทุมสณฺฑมณฺฑิตํ;

สุคนฺธภูตํ ปวนํ สุรมฺมํ, สมโย มหาวีร องฺคีรสานํ.

‘‘สรา วิจิตฺตา วิวิธา มโนรมา, สุสชฺชิตา ปงฺกชปุณฺฑรีกา;

ปสนฺนสีโตทกจารุปุณฺณา, สมโย มหาวีร องฺคีรสานํ.

‘‘สุผุลฺลนานาวิธปงฺกเชหิ, วิราชมานา สุจิคนฺธคนฺธา;

ปโมทยนฺเตว นรามรานํ, สมโย มหาวีร องฺคีรสานํ.

‘‘สุผุลฺลปงฺเกรุหสนฺนิสินฺนา, ทิชา สมนฺตา มภินาทยนฺตา;

โมทนฺติ ภริยาหิ สมงฺคิโน เต, สมโย มหาวีร องฺคีรสานํ.

‘‘สุผุลฺลปุปฺเผหิ รชํ คเหตฺวา, อลี วิธาวนฺติ วิกูชมานา;

มธุมฺหิ คนฺโธ วิทิสํ ปวายติ, สมโย มหาวีร องฺคีรสานํ.

‘‘อภินฺนนาทา มทวารณา จ, คิรีหิ ธาวนฺติ จ วาริธารา;

สวนฺติ นชฺโช สุวิราชิตาว สมโย มหาวีร องฺคีรสานํ.

‘‘คิรี สมนฺตาว ปทิสฺสมานา, มยูรคีวา อิว นีลวณฺณา;

ทิสา รชินฺทาว วิโรจยนฺติ, สมโย มหาวีร องฺคีรสานํ.

‘‘มยูรสงฺฆา คิริมุทฺธนสฺมึ, นจฺจนฺติ นารีหิ สมงฺคิภูตา;

กูชนฺติ นานามธุรสฺสเรหิ, สมโย มหาวีร องฺคีรสานํ.

‘‘สุวาทิกา เนกทิชา มนุฺา, วิจิตฺตปตฺเตหิ วิราชมานา;

คิริมฺหิ ตฺวา อภินาทยนฺติ, สมโย มหาวีร องฺคีรสานํ.

‘‘สุผุลฺลปุปฺผากรมาภิกิณฺณา, สุคนฺธนานาทลลงฺกตา จ;

คิรี วิโรจนฺติ ทิสา สมนฺตา, สมโย มหาวีร องฺคีรสานํ.

‘‘ชลาสยา เนกสุคนฺธคนฺธา, สุรินฺทอุยฺยานชลาสยาว;

สวนฺติ นชฺโช สุวิราชมานา, สมโย มหาวีร องฺคีรสานํ.

‘‘วิจิตฺตติตฺเถหิ อลงฺกตา จ, มนุฺนานามิคปกฺขิปาสา;

นชฺโช วิโรจนฺติ สุสนฺทมานา, สมโย มหาวีร องฺคีรสานํ.

‘‘อุโภสุ ปสฺเสสุ ชลาสเยสุ, สุปุปฺผิตา จารุสุคนฺธรุกฺขา;

วิภูสิตคฺคา สุรสุนฺทรี จ, สมโย มหาวีร องฺคีรสานํ.

‘‘สุคนฺธนานาทุมชาลกิณฺณํ, วนํ วิจิตฺตํ สุรนนฺทนํว;

มโนภิรามํ สตตํ คตีนํ, สมโย มหาวีร องฺคีรสานํ.

‘‘สมฺปนฺนนานาสุจิอนฺนปานา, สพฺยฺชนา สาทุรเสน ยุตฺตา;

ปเถสุ คาเม สุลภา มนุฺา, สมโย มหาวีร องฺคีรสานํ.

‘‘วิราชิตา อาสิ มหี สมนฺตา, วิจิตฺตวณฺณา กุสุมาสนสฺส;

รตฺตินฺทโคเปหิ อลงฺกตาว สมโย มหาวีร องฺคีรสานํ.

‘‘วิสุทฺธสทฺธาทิคุเณหิ ยุตฺตา, สมฺพุทฺธราชํ อภิปตฺถยนฺตา;

พหูหิ ตตฺเถว ชนา สมนฺตา, สมโย มหาวีร องฺคีรสานํ.

‘‘วิจิตฺรอารามสุโปกฺขรฺโ, วิจิตฺรนานาปทุเมหิ ฉนฺนา;

ภิเสหิ ขีรํว รสํ ปวายติ, สมโย มหาวีร องฺคีรสานํ.

‘‘วิจิตฺรนีลจฺฉทเนนลงฺกตา, มนุฺรุกฺขา อุภโตวกาเส;

สมุคฺคตา สตฺตสมูหภูตา, สมโย มหาวีร องฺคีรสานํ.

‘‘วิจิตฺรนีลพฺภมิวายตํ วนํ, สุรินฺทโลเก อิว นนฺทนํ วนํ;

สพฺโพตุกํ สาธุสุคนฺธปุปฺผํ, สมโย มหาวีร องฺคีรสานํ.

‘‘สุภฺชสํ โยชนโยชเนสุ, สุภิกฺขคามา สุลภา มนุฺา;

ชนาภิกิณฺณา สุลภนฺนปานา, สมโย มหาวีร องฺคีรสานํ.

‘‘ปหูตฉายูทกรมฺมภูตา, นิวาสินํ สพฺพสุขปฺปทาตา;

วิสาลสาลา จ สภา จ พหู, สมโย มหาวีร องฺคีรสานํ.

‘‘วิจิตฺตนานาทุมสณฺฑมณฺฑิตา, มนุฺอุยฺยานสุโปกฺขรฺโ;

สุมาปิตา สาธุสุคนฺธคนฺธา, สมโย มหาวีร องฺคีรสานํ.

‘‘วาโต มุทูสีตลสาธุรูโป, นภา จ อพฺภา วิคตา สมนฺตา;

ทิสา จ สพฺพาว วิโรจยนฺติ, สมโย มหาวีร องฺคีรสานํ.

‘‘ปเถ รโชนุคฺคมนตฺถเมว, รตฺตึ ปวสฺสนฺติ จ มนฺทวุฏฺี;

นเภ จ สูโร มุทุโกว ตาโป, สมโย มหาวีร องฺคีรสานํ.

‘‘มทปฺปพาหา มทหตฺถิสงฺฆา, กเรณุสงฺเฆหิ สุกีฬยนฺติ;

ทิสา วิธาวนฺติ จ คชฺชยนฺตา, สมโย มหาวีร องฺคีรสานํ.

‘‘วนํ สุนีลํ อภิทสฺสนียํ, นีลพฺภกูฏํ อิว รมฺมภูตํ;

วิโลกิตานํ อติวิมฺหนียํ, สมโย มหาวีร องฺคีรสานํ.

‘‘วิสุทฺธมพฺภํ คคนํ สุรมฺมํ, มณิมเยหิ สมลงฺกตาว;

ทิสา จ สพฺพา อติโรจยนฺติ, สมโย มหาวีร องฺคีรสานํ.

‘‘คนฺธพฺพวิชฺชาธรกินฺนรา จ, สุคีติยนฺตา มธุรสฺสเรน;

จรนฺติ ตสฺมึ ปวเน สุรมฺเม, สมโย มหาวีร องฺคีรสานํ.

‘‘กิเลสสงฺฆสฺส ภิตาสเกหิ, ตปสฺสิสงฺเฆหิ นิเสวิตํ วนํ;

วิหารอารามสมิทฺธิภูตํ, สมโย มหาวีร องฺคีรสานํ.

‘‘สมิทฺธินานาผลิโน วนนฺตา, อนากุลา นิจฺจมโนภิรมฺมา;

สมาธิปีตึ อภิวฑฺฒยนฺติ, สมโย มหาวีร องฺคีรสานํ.

‘‘นิเสวิตํ เนกทิเชหิ นิจฺจํ, คาเมน คามํ สตตํ วสนฺตา;

ปุเร ปุเร คามวรา จ สนฺติ, สมโย มหาวีร องฺคีรสานํ.

‘‘วตฺถนฺนปานํ สยนาสนฺจ, คนฺธฺจ มาลฺจ วิเลปนฺจ;

ตหึ สมิทฺธา ชนตา พหู จ, สมโย มหาวีร องฺคีรสานํ.

‘‘ปุฺิทฺธิยา สพฺพยสคฺคปตฺตา, ชนา จ ตสฺมึ สุขิตา สมิทฺธา;

ปหูตโภคา วิวิธา วสนฺติ, สมโย มหาวีร องฺคีรสานํ.

‘‘นเภ จ อพฺภา สุวิสุทฺธวณฺณา, ทิสา จ จนฺโท สุวิราชิโตว;

รตฺติฺจ วาโต มุทุสีตโล จ, สมโย มหาวีร องฺคีรสานํ.

‘‘จนฺทุคฺคเม สพฺพชนา ปหฏฺา, สกงฺคเณ จิตฺรกถา วทนฺตา;

ปิเยหิ สทฺธึ อภิโมทยนฺติ, สมโย มหาวีร องฺคีรสานํ.

‘‘จนฺทสฺส รํสีหิ นภํ วิโรจิ, มหี จ สํสุทฺธมนุฺวณฺณา;

ทิสา จ สพฺพา ปริสุทฺธรูปา, สมโย มหาวีร องฺคีรสานํ.

‘‘ทูเร จ ทิสฺวา วรจนฺทรํสึ, ปุปฺผึสุ ปุปฺผานิ มหีตลสฺมึ;

สมนฺตโต คนฺธคุณตฺถิกานํ, สมโย มหาวีร องฺคีรสานํ.

‘‘จนฺทสฺส รํสีหิ วิลิมฺปิตาว, มหี สมนฺตา กุสุเมนลงฺกตา;

วิโรจิ สพฺพงฺคสุมาลินีว, สมโย มหาวีร องฺคีรสานํ.

‘‘กุจนฺติ หตฺถีปิ มเทน มตฺตา, วิจิตฺตปิฺฉา จ ทิชา สมนฺตา;

กโรนฺติ นาทํ ปวเน สุรมฺเม, สมโย มหาวีร องฺคีรสานํ.

‘‘ปถฺจ สพฺพํ ปฏิปชฺชนกฺขมํ, อิทฺธฺจ รฏฺํ สธนํ สโภคํ;

สพฺพตฺถุตํ สพฺพสุขปฺปทานํ, สมโย มหาวีร องฺคีรสานํ.

‘‘วนฺจ สพฺพํ สุวิจิตฺตรูปํ, สุมาปิตํ นนฺทนกานนํว;

ยตีน ปีตึ สตตํ ชเนติ, สมโย มหาวีร องฺคีรสานํ.

‘‘อลงฺกตํ เทวปุรํว รมฺมํ, กปีลวตฺถุํ อิติ นามเธยฺยํ;

กุลนครํ อิธ สสฺสิริกํ, สมโย มหาวีร องฺคีรสานํ.

‘‘มนุฺอฏฺฏาลวิจิตฺตรูปํ, สุผุลฺลปงฺเกรุหสณฺฑมณฺฑิตํ;

วิจิตฺตปริขาหิ ปุรํ สุรมฺมํ, สมโย มหาวีร องฺคีรสานํ.

‘‘วิจิตฺตปาการฺจ โตรณฺจ, สุภงฺคณํ เทวนิวาสภูตํ;

มนุฺวีถิ สุรโลกสนฺนิภํ, สมโย มหาวีร องฺคีรสานํ.

‘‘อลงฺกตา สากิยราชปุตฺตา, วิราชมานา วรภูสเนหิ;

สุรินฺทโลเก อิว เทวปุตฺตา, สมโย มหาวีร องฺคีรสานํ.

‘‘สุทฺโธทโน มุนิวรํ อภิทสฺสนาย, อมจฺจปุตฺเต ทสธา อเปสยิ;

พเลน สทฺธึ มหตา มุนินฺท, สมโย มหาวีร องฺคีรสานํ.

‘‘เนวาคตํ ปสฺสติ เนว วาจํ, โสกาภิภูตํ นรวีรเสฏฺํ;

โตเสตุมิจฺฉามิ นราธิปตฺตํ, สมโย มหาวีร องฺคีรสานํ.

‘‘ตํทสฺสเนนพฺภุตปีติราสิ, อุทิกฺขมานํ ทฺวิปทานมินฺทํ;

โตเสหิ ตํ มุนินฺท คุณเสฏฺํ, สมโย มหาวีร องฺคีรสานํ.

‘‘อาสาย กสฺสเต เขตฺตํ, พีชํ อาสาย วปฺปติ;

อาสาย วาณิชา ยนฺติ, สมุทฺทํ ธนหารกา;

ยาย อาสาย ติฏฺามิ, สา เม อาสา สมิชฺฌตุ.

‘‘นาติสีตํ นาติอุณฺหํ, นาติทุพฺภิกฺขฉาตกํ;

สทฺทลา หริตา ภูมิ, เอส กาโล มหามุนี’’ติ.

อถ นํ สตฺถา – ‘‘กึ นุ โข, อุทายิ, คมนวณฺณํ วณฺเณสี’’ติ อาห. ‘‘ภนฺเต, ตุมฺหากํ ปิตา สุทฺโธทนมหาราชา ทฏฺุกาโม, กโรถ าตกานํ สงฺคห’’นฺติ อาห. ‘‘สาธุ, อุทายิ, กริสฺสามิ าติสงฺคหํ, เตน หิ ภิกฺขุสงฺฆสฺส อาโรเจหิ, คมิยวตฺตํ ปูเรสฺสนฺตี’’ติ อาห. ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ เถโร ภิกฺขุสงฺฆสฺส อาโรเจสิ.

สตฺถา องฺคมคธวาสีนํ กุลปุตฺตานํ ทสหิ สหสฺเสหิ, กปิลวตฺถุวาสีนํ ทสหิ สหสฺเสหีติ สพฺเพเหว วีสติยา ขีณาสวภิกฺขุสหสฺเสหิ ปริวุโต ราชคหา นิกฺขมิตฺวา ทิวเส ทิวเส โยชนํ โยชนํ คจฺฉนฺโต ทฺวีหิ มาเสหิ กปิลวตฺถุปุรํ สมฺปาปุณิ. สากิยาปิ อนุปฺปตฺเตเยว ภควติ – ‘‘อมฺหากํ าติเสฏฺํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ ภควโต วสนฏฺานํ วีมํสมานา ‘‘นิคฺโรธสกฺกสฺสาราโม รมณีโย’’ติ สลฺลกฺเขตฺวา สพฺพํ ปฏิชคฺคนวิธึ กาเรตฺวา คนฺธปุปฺผหตฺถา ปจฺจุคฺคมนํ กโรนฺตา สพฺพาลงฺกาเรหิ สมลงฺกตคตฺตา คนฺธปุปฺผจุณฺณาทีหิ ปูชยมานา ภควนฺตํ ปุรกฺขตฺวา นิคฺโรธารามเมว อคมํสุ.

ตตฺร ภควา วีสติยา ขีณาสวสหสฺเสหิ ปริวุโต ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสีทิ. สากิยา ปน มานชาติกา มานตฺถทฺธา, ‘‘สิทฺธตฺถกุมาโร อมฺเหหิ ทหรตโร, อมฺหากํ กนิฏฺโ ภาตา, ปุตฺโต, ภาคิเนยฺโย, นตฺตา’’ติ จินฺเตตฺวา ทหรทหเร ราชกุมาเร อาหํสุ – ‘‘ตุมฺเห วนฺทถ, มยํ ตุมฺหากํ ปิฏฺิโต ปิฏฺิโต นิสีทิสฺสามา’’ติ. เตสฺเววํ นิสินฺเนสุ ภควา เตสํ อชฺฌาสยํ โอโลเกตฺวา – ‘‘อิเม าตกา อตฺตโน โมฆชิณฺณภาเวน น มํ วนฺทนฺติ, น ปเนเต ชานนฺติ ‘พุทฺโธ นาม กีทิโส, พุทฺธพลํ นาม กีทิส’นฺติ วา, ‘พุทฺโธ นาม เอทิโส, พุทฺธพลํ นาม เอทิส’นฺติ วา, หนฺทาหํ อตฺตโน พุทฺธพลํ อิทฺธิพลฺจ ทสฺเสนฺโต ปาฏิหาริยฺจ กเรยฺยํ, อากาเส ทสสหสฺสจกฺกวาฬวิตฺถตํ สพฺพรตนมยํ จงฺกมํ มาเปตฺวา ตตฺถ จงฺกมนฺโต มหาชนสฺส อชฺฌาสยํ โอโลเกตฺวา ธมฺมฺจ เทเสยฺย’’นฺติ จินฺเตสิ. เตน วุตฺตํ สงฺคีติการเกหิ ภควโต ปริวิตกฺกทสฺสนตฺถํ –

.

‘‘น เหเต ชานนฺติ สเทวมานุสา, พุทฺโธ อยํ กีทิสโก นรุตฺตโม;

อิทฺธิพลํ ปฺาพลฺจ กีทิสํ, พุทฺธพลํ โลกหิตสฺส กีทิสํ.

.

‘‘น เหเต ชานนฺติ สเทวมานุสา, พุทฺโธ อยํ เอทิสโก นรุตฺตโม;

อิทฺธิพลํ ปฺาพลฺจ เอทิสํ, พุทฺธพลํ โลกหิตสฺส เอทิสํ.

.

‘‘หนฺทาหํ ทสฺสยิสฺสามิ, พุทฺธพลมนุตฺตรํ;

จงฺกมํ มาปยิสฺสามิ, นเภ รตนมณฺฑิต’’นฺติ.

ตตฺถ น เหเต ชานนฺตีติ น หิ เอเต ชานนฺติ. -กาโร ปฏิเสธตฺโถ. หิ-กาโร การณตฺเถ นิปาโต. ยสฺมา ปเนเต มม าติอาทโย เทวมนุสฺสา มยา พุทฺธพเล จ อิทฺธิพเล จ อนาวิกเต น ชานนฺติ ‘‘เอทิโส พุทฺโธ, เอทิสํ อิทฺธิพล’’นฺติ, ตสฺมา อหํ มม พุทฺธพลฺจ อิทฺธิพลฺจ ทสฺเสยฺยนฺติ อตฺโถ. สเทวมานุสาติ เอตฺถ เทวาติ อุปปตฺติเทวา อธิปฺเปตา. สห เทเวหีติ สเทวา. เก เต? มานุสา, สเทวา เอว มานุสา สเทวมานุสา. อถ วา เทโวติ สมฺมุติเทโว, สุทฺโธทโน ราชา อธิปฺเปโต. สห เทเวน รฺา สุทฺโธทเนนาติ สเทวา. มานุสาติ าติมานุสา, สเทวา สสุทฺโธทนา มานุสา สเทวมานุสา สราชาโน วา เอเต มม าติมานุสา มม พลํ น วิชานนฺตีติ อตฺโถ. เสสเทวาปิ สงฺคหํ คจฺฉนฺติเยว. สพฺเพปิ เทวา เทวนฏฺเน ‘‘เทวา’’ติ วุจฺจนฺติ. เทวนํ นาม ธาตุอตฺโถ กีฬาทิ. อถ วา เทวา จ มานุสา จ เทวมานุสา, สห เทวมานุเสหิ สเทวมานุสา. เก เต? โลกาติ วจนเสโส ทฏฺพฺโพ. พุทฺโธติ จตุสจฺจธมฺเม พุทฺโธ อนุพุทฺโธติ พุทฺโธ. ยถาห –

‘‘อภิฺเยฺยํ อภิฺาตํ, ภาเวตพฺพฺจ ภาวิตํ;

ปหาตพฺพํ ปหีนํ เม, ตสฺมา พุทฺโธสฺมิ พฺราหฺมณา’’ติ. (ม. นิ. ๒.๓๙๙; สุ. นิ. ๕๖๓);

อิธ ปน กตฺตุการเก พุทฺธสทฺทสิทฺธิ ทฏฺพฺพา. อธิคตวิเสเสหิ เทวมนุสฺเสหิ ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ วต โส ภควา’’ติ เอวํ พุทฺธตฺตา าตตฺตา พุทฺโธ. อิธ กมฺมการเก พุทฺธสทฺทสิทฺธิ ทฏฺพฺพา. พุทฺธมสฺส อตฺถีติ วา พุทฺโธ, พุทฺธวนฺโตติ อตฺโถ. ตํ สพฺพํ สทฺทสตฺถานุสาเรน เวทิตพฺพํ. กีทิสโกติ กีทิโส กึสริกฺขโก กึสทิโส กึวณฺโณ กึสณฺาโน ทีโฆ วา รสฺโส วาติ อตฺโถ.

นรุตฺตโมติ นรานํ นเรสุ วา อุตฺตโม ปวโร เสฏฺโติ นรุตฺตโม. อิทฺธิพลนฺติ เอตฺถ อิชฺฌนํ อิทฺธิ นิปฺผตฺติอตฺเถน ปฏิลาภฏฺเน จ อิทฺธิ. อถ วา อิชฺฌนฺติ ตาย สตฺตา อิทฺธา วุทฺธา อุกฺกํสคตา โหนฺตีติ อิทฺธิ. สา ปน ทสวิธา โหติ. ยถาห –

‘‘อิทฺธิโยติ ทส อิทฺธิโย. กตมา ทส? อธิฏฺานา อิทฺธิ, วิกุพฺพนา อิทฺธิ, มโนมยา อิทฺธิ, าณวิปฺผารา อิทฺธิ, สมาธิวิปฺผารา อิทฺธิ, อริยา อิทฺธิ, กมฺมวิปากชา อิทฺธิ, ปุฺวโต อิทฺธิ, วิชฺชามยา อิทฺธิ, ตตฺถ ตตฺถ สมฺมาปโยคปจฺจยา อิชฺฌนฏฺเน อิทฺธี’’ติ (ปฏิ. ม. ๓.๑๐).

ตาสํ อิทํ นานตฺตํ – ปกติยา เอโก พหุกํ อาวชฺเชติ, สตํ วา สหสฺสํ วา อาวชฺชิตฺวา าเณน อธิฏฺาติ ‘‘พหุโก โหมี’’ติ (ปฏิ. ม. ๓.๑๐) เอวํ วิภชิตฺวา ทสฺสิตา อิทฺธิ อธิฏฺานวเสน นิปฺผนฺนตฺตา อธิฏฺานา อิทฺธิ นาม. ตสฺสายมตฺโถ – อภิฺาปาทกํ จตุตฺถชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา ตโต วุฏฺาย สเจ สตํ อิจฺฉติ ‘‘สตํ โหมิ, สตํ โหมี’’ติ กามาวจรปริกมฺมจิตฺเตหิ ปริกมฺมํ กตฺวา ปุน อภิฺาปาทกํ ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา ตโต วุฏฺาย ปุน อาวชฺชิตฺวา อธิฏฺาติ, อธิฏฺานจิตฺเตน สเหว สตํ โหติ. สหสฺสาทีสุปิ เอเสว นโย.

ตตฺถ ปาทกชฺฌานจิตฺตํ นิมิตฺตารมฺมณํ ปริกมฺมจิตฺตานิ สตารมฺมณานิ วา สหสฺสาทีสุ อฺตรารมฺมณานิ วา, ตานิ จ โข วณฺณวเสน, โน ปณฺณตฺติวเสน. อธิฏฺานจิตฺตมฺปิ สตารมฺมณเมว, ตํ ปน อปฺปนาจิตฺตํ วิย โคตฺรภุอนนฺตรเมว อุปฺปชฺชติ รูปาวจรจตุตฺถฌานิกํ. โส ปน ปกติวณฺณํ วิชหิตฺวา กุมารวณฺณํ วา ทสฺเสติ นาควณฺณํ วา ทสฺเสติ. สุปณฺณวณฺณํ วา…เป… วิวิธมฺปิ เสนาพฺยูหํ วา ทสฺเสตีติ (ปฏิ. ม. ๓.๑๓) เอวํ อาคตา อิทฺธิ ปกติวณฺณวิชหนวิการวเสน ปวตฺตตฺตา วิกุพฺพนิทฺธิ นาม.

‘‘อิธ ภิกฺขุ อิมมฺหา กายา อฺํ กายํ อภินิมฺมินาติ รูปึ มโนมยํ สพฺพงฺคปจฺจงฺคึ อหีนินฺทฺริย’’นฺติ (ปฏิ. ม. ๓.๑๔) อิมินา นเยน อาคตา อิทฺธิ สรีรสฺเสว อพฺภนฺตเร อฺสฺส มโนมยสฺส สรีรสฺส นิปฺผตฺติวเสน ปวตฺตตฺตา มโนมยิทฺธิ นาม.

าณุปฺปตฺติโต ปุพฺเพ วา ปจฺฉา วา ตงฺขเณ วา เตน อตฺตภาเวน ปฏิลภิตพฺพอรหตฺตาณานุภาเวน นิพฺพตฺโต วิเสโส าณวิปฺผาโร อิทฺธิ นาม. อายสฺมโต พากุลสฺส จ อายสฺมโต สํกิจฺจสฺส จ าณวิปฺผารา อิทฺธิ, เตสํ วตฺถุ เจตฺถ กเถตพฺพํ (อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๒๒๖).

สมาธิโต ปุพฺเพ วา ปจฺฉา วา ตงฺขเณ วา สมถานุภาเวน นิพฺพตฺโต วิเสโส สมาธิวิปฺผารา อิทฺธิ นาม. อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส สมาธิวิปฺผารา อิทฺธิ (อุทา. ๓๔), อายสฺมโต สฺชีวสฺส สมาธิวิปฺผารา อิทฺธิ (ม. นิ. ๑.๕๐๗), อายสฺมโต ขาณุโกณฺฑฺสฺส สมาธิวิปฺผารา อิทฺธิ (ธ. ป. อฏฺ. ๑.ขาณุโกณฺฑฺตฺเถรวตฺถุ), อุตฺตราย อุปาสิกาย สมาธิวิปฺผารา อิทฺธิ (ธ. ป. อฏฺ. ๒.อุตฺตราอุปาสิกาวตฺถุ; อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๒๖๒), สามาวติยา อุปาสิกาย สมาธิวิปฺผารา อิทฺธีติ (ธ. ป. อฏฺ. ๑.สามาวตีวตฺถุ; อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๒๖๐-๒๖๑) เตสํ วตฺถูเนตฺถ กเถตพฺพานิ, คนฺถวิตฺถารโทสปริหารตฺถํ ปน มยา น วิตฺถาริตานิ.

กตมา อริยา อิทฺธิ? อิธ ภิกฺขุ สเจ อากงฺขติ ‘‘ปฏิกฺกูเล อปฺปฏิกฺกูลสฺี วิหเรยฺย’’นฺติ อปฺปฏิกฺกูลสฺี ตตฺถ วิหรติ, สเจ อากงฺขติ ‘‘อปฺปฏิกฺกูเล ปฏิกฺกูลสฺี วิหเรยฺย’’นฺติ ปฏิกฺกูลสฺี ตตฺถ วิหรติ…เป… อุเปกฺขโก ตตฺถ วิหรติ สโต สมฺปชาโนติ (ปฏิ. ม. ๓.๑๗). อยฺหิ เจโตวสิปฺปตฺตานํ อริยานํเยว สมฺภวโต อริยา อิทฺธิ นาม.

กตมา กมฺมวิปากชา อิทฺธิ? สพฺเพสํ ปกฺขีนํ สพฺเพสํ เทวานํ ปมกปฺปิกานํ มนุสฺสานํ เอกจฺจานฺจ วินิปาติกานํ เวหาสคมนาทิกา กมฺมวิปากชา อิทฺธิ นาม. กตมา ปุฺวโต อิทฺธิ? ราชา จกฺกวตฺตี เวหาสํ คจฺฉติ สทฺธึ จตุรงฺคินิยา เสนาย. ชฏิลกสฺส คหปติสฺส อสีติหตฺโถ สุวณฺณปพฺพโต นิพฺพตฺติ. อยํ ปุฺวโต อิทฺธิ นาม. โฆสกสฺส คหปติโน (ธ. ป. อฏฺ. ๑.กุมฺภโฆสกเสฏฺิวตฺถุ) สตฺตสุ าเนสุ มารณตฺถาย อุปกฺกเม กเตปิ อโรคภาโว ปุฺวโต อิทฺธิ. เมณฺฑกเสฏฺิสฺส (ธ. ป. อฏฺ. ๒.เมณฺฑกเสฏฺิวตฺถุ) อฏฺกรีสมตฺเต ปเทเส สตฺตรตนมยานํ เมณฺฑกานํ ปาตุภาโว ปุฺวโต อิทฺธิ.

กตมา วิชฺชามยา อิทฺธิ? วิชฺชาธรา วิชฺชํ ปริชปฺปิตฺวา เวหาสํ คจฺฉนฺติ, อากาเส อนฺตลิกฺเข หตฺถิมฺปิ ทสฺเสนฺติ…เป… วิวิธมฺปิ เสนาพฺยูหํ ทสฺเสนฺตีติ (ปฏิ. ม. ๓.๑๘). อาทินยปฺปวตฺตา วิชฺชามยา อิทฺธิ นาม. ตํ ตํ กมฺมํ กตฺวา นิพฺพตฺโต วิเสโส ‘สมฺมาปโยคปจฺจยา อิชฺฌนฏฺเน อิทฺธี’ติ อยํ ตตฺถ ตตฺถ สมฺมาปโยคปจฺจยา อิชฺฌนฏฺเน อิทฺธิ นาม. อิมิสฺสา ทสวิธาย อิทฺธิยา พลํ อิทฺธิพลํ นาม, อิทํ มยฺหํ อิทฺธิพลํ น ชานนฺตีติ อตฺโถ (วิสุทฺธิ. ๒.๓๗๕ อาทโย).

ปฺาพลนฺติ สพฺพโลกิยโลกุตฺตรคุณวิเสสทายกํ อรหตฺตมคฺคปฺาพลํ อธิปฺเปตํ, ตมฺปิ เอเต น ชานนฺติ. เกจิ ‘‘ฉนฺนํ อสาธารณาณานเมตํ อธิวจนํ ปฺาพล’’นฺติ วทนฺติ. พุทฺธพลนฺติ เอตฺถ พุทฺธพลํ นาม พุทฺธานุภาโว, ทสพลาณานิ วา. ตตฺถ ทสพลาณานิ นาม านาฏฺานาณํ, อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนกมฺมวิปากชานนาณํ, สพฺพตฺถคามินิปฏิปทาาณํ, อเนกธาตุนานาธาตุโลกชานนาณํ, นานาธิมุตฺติกาณํ, อาสยานุสยาณํ, ฌานวิโมกฺขสมาธิสมาปตฺตีนํ สํกิเลสโวทานวุฏฺาเนสุ ยถาภูตาณํ, ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณํ, จุตูปปาตาณํ, อาสวกฺขยาณนฺติ อิมานิ ทส. อิเมสํ ทสนฺนํ าณานํ อธิวจนํ พุทฺธพลนฺติ. เอทิสนฺติ อีทิสํ, อยเมว วา ปาโ.

หนฺทาติ ววสฺสคฺคตฺเถ นิปาโต. อหนฺติ อตฺตานํ นิทฺทิสติ. กึ วุตฺตํ โหติ? ยสฺมา ปเนเต มม าตกา พุทฺธพลํ วา พุทฺธคุเณ วา น ชานนฺติ, เกวลํ อตฺตโน โมฆชิณฺณภาวํ นิสฺสาย มานวเสน สพฺพโลกเชฏฺเสฏฺํ มํ น วนฺทนฺติ. ตสฺมา เตสํ มานเกตุ อตฺถิ, ตํ ภฺชิตฺวา วนฺทนตฺถํ พุทฺธพลํ ทสฺเสยฺยนฺติ วุตฺตํ โหติ. ทสฺสยิสฺสามีติ ทสฺเสยฺยํ. ‘‘ทสฺเสสฺสามี’’ติ จ ปาโ, โสเยวตฺโถ. พุทฺธพลนฺติ พุทฺธานุภาวํ, พุทฺธาณวิเสสํ วา. อนุตฺตรนฺติ นิรุตฺตรํ. จงฺกมนฺติ จงฺกมิตพฺพฏฺานํ วุจฺจติ. มาปยิสฺสามีติ มาเปยฺยํ. ‘‘จงฺกมนํ มาเปสฺสามี’’ติ จ ปาโ, โสเยวตฺโถ. นเภติ อากาเส. สพฺพรตนมณฺฑิตนฺติ สพฺเพหิ รติชนนฏฺเน รตเนหิ มุตฺตา-มณิ-เวฬุริย-สงฺข-สิลา-ปวาฬ-รชต-สุวณฺณ-มสารคลฺล-โลหิตงฺเกหิ ทสหิ ทสหิ มณฺฑิโต อลงฺกโต สพฺพรตนมณฺฑิโต, ตํ สพฺพรตนมณฺฑิตํ. ‘‘นเภ รตนมณฺฑิต’’นฺติ ปนฺติ เกจิ.

อเถวํ ภควตา จินฺติตมตฺเต ทสสหสฺสจกฺกวาฬวาสิโน ภุมฺมาทโย เทวา ปมุทิตหทยา สาธุการมทํสุ. ตมตฺถํ ปกาเสนฺเตหิ สงฺคีติการเกหิ –

.

‘‘ภุมฺมา มหาราชิกา ตาวตึสา, ยามา จ เทวา ตุสิตา จ นิมฺมิตา;

ปรนิมฺมิตา เยปิ จ พฺรหฺมกายิกา, อานนฺทิตา วิปุลมกํสุ โฆส’’นฺติ. –

อาทิคาถาโย ปิตาติ เวทิตพฺพา.

ตตฺถ ภุมฺมาติ ภุมฺมฏฺา, ปาสาณปพฺพตวนรุกฺขาทีสุ ิตา. มหาราชิกาติ มหาราชปกฺขิกา. ภุมฺมฏฺานํ เทวตานํ สทฺทํ สุตฺวา อากาสฏฺกเทวตา, ตโต อพฺภวลาหกา เทวตา, ตโต อุณฺหวลาหกา เทวตา, ตโต สีตวลาหกา เทวตา, ตโต วสฺสวลาหกา เทวตา, ตโต วาตวลาหกา เทวตา, ตโต จตฺตาโร มหาราชาโน, ตโต ตาวตึสา, ตโต ยามา, ตโต ตุสิตา, ตโต นิมฺมานรตี, ตโต ปรนิมฺมิตวสวตฺตี, ตโต พฺรหฺมกายิกา, ตโต พฺรหฺมปุโรหิตา, ตโต มหาพฺรหฺมาโน, ตโต ปริตฺตาภา, ตโต อปฺปมาณาภา, ตโต อาภสฺสรา, ตโต ปริตฺตสุภา, ตโต อปฺปมาณสุภา, ตโต สุภกิณฺหา, ตโต เวหปฺผลา, ตโต อวิหา, ตโต อตปฺปา, ตโต สุทสฺสา, ตโต สุทสฺสี, ตโต อกนิฏฺา เทวตา สทฺทํ สุตฺวา มหนฺตํ สทฺทํ อกํสุ. อสฺิโน จ อรูปาวจรสตฺเต จ เปตฺวา โสตายตนปวตฺติฏฺาเน สพฺเพ เทวมนุสฺสนาคาทโย ปีติวสํ คตหทยา อุกฺกุฏฺิสทฺทมกํสูติ อตฺโถ. อานนฺทิตาติ ปมุทิตหทยา, สฺชาตปีติโสมนสฺสา หุตฺวาติ อตฺโถ. วิปุลนฺติ ปุถุลํ.

อถ สตฺถา จินฺติตสมนนฺตรเมว โอทาตกสิณสมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา – ‘‘ทสสุ จกฺกวาฬสหสฺเสสุ อาโลโก โหตู’’ติ อธิฏฺาสิ. เตน อธิฏฺานจิตฺเตน สเหว อาโลโก อโหสิ ปถวิโต ปฏฺาย ยาว อกนิฏฺภวนา. เตน วุตฺตํ –

.

‘‘โอภาสิตา จ ปถวี สเทวกา, ปุถู จ โลกนฺตริกา อสํวุตา;

ตโม จ ติพฺโพ วิหโต ตทา อหุ, ทิสฺวาน อจฺเฉรกํ ปาฏิหีร’’นฺติ.

ตตฺถ โอภาสิตาติ ปกาสิตา. ปถวีติ เอตฺถายํ ปถวี จตุพฺพิธา – กกฺขฬปถวี, สสมฺภารปถวี, นิมิตฺตปถวี, สมฺมุติปถวีติ. ตาสุ ‘‘กตมา จาวุโส, อชฺฌตฺติกา ปถวีธาตุ? ยํ อชฺฌตฺตํ ปจฺจตฺตํ กกฺขฬํ ขริคต’’นฺติอาทีสุ (วิภ. ๑๗๓) วุตฺตา อยํ กกฺขฬปถวี นาม. ‘‘โย ปน ภิกฺขุ ปถวึ ขเณยฺย วา ขณาเปยฺย วา’’ติอาทีสุ (ปาจิ. ๘๕) วุตฺตา สสมฺภารปถวี, เย จ เกสาทโย วีสติ โกฏฺาสา, อโยโลหาทโย จ พาหิรา; สาปิ วณฺณาทีหิ สมฺภาเรหิ สทฺธึ ปถวีติ สสมฺภารปถวี นาม. ‘‘ปถวีกสิณเมโก สฺชานาตี’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๓๖๐) นิมิตฺตปถวี ‘‘อารมฺมณปถวี’’ติปิ วุจฺจติ. ปถวีกสิณฌานลาภี เทวโลเก นิพฺพตฺโต อาคมนวเสน ‘‘ปถวีเทโว’’ติ นามํ ลภติ. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘อาโป จ เทวา ปถวี’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๓๔๐) อยํ สมฺมุติปถวี, ปฺตฺติปถวี นามาติ เวทิตพฺพา. อิธ ปน สสมฺภารปถวี อธิปฺเปตา (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๒ ปถวีวารวณฺณนา).

สเทวกาติ สเทวโลกา. ‘‘สเทวตา’’ติปิ ปาโ อตฺถิ เจ สุนฺทรตรํ, สเทวโก มนุสฺสโลโก โอภาสิโตติ อตฺโถ. ปุถูติ พหู. โลกนฺตริกาติ อสุรกายนรกานเมตํ อธิวจนํ, ตา ปน ติณฺณํ จกฺกวาฬานํ อนฺตรา เอกา โลกนฺตริกา โหติ, ติณฺณํ สกฏจกฺกานํ อฺมฺํ อาหจฺจ ิตานํ มชฺเฌ โอกาโส วิย เอเกโก โลกนฺตริกนิรโย, ปริมาณโต อฏฺโยชนสหสฺโส โหติ. อสํวุตาติ เหฏฺา อปฺปติฏฺา. ตโม จาติ อนฺธกาโร. ติพฺโพติ พหโล ฆโน. จนฺทิมสูริยาโลกาภาวโต นิจฺจนฺธกาโรว โหติ. วิหโตติ วิทฺธสฺโต. ตทาติ ยทา ปน ภควา สตฺเตสุ การุฺตํ ปฏิจฺจ ปาฏิหาริยกรณตฺถํ อาโลกํ ผริ, ตทา โส ตโม ติพฺโพ โลกนฺตริกาสุ ิโต, วิหโต วิทฺธสฺโต อโหสีติ อตฺโถ.

อจฺเฉรกนฺติ อจฺฉราปหรณโยคฺคํ, วิมฺหยวเสน องฺคุลีหิ ปหรณโยคฺคนฺติ อตฺโถ. ปาฏิหีรนฺติ ปฏิปกฺขหรณโต ปาฏิหีรํ. ปฏิหรติ สตฺตานํ ทิฏฺิมาโนปคตานิ จิตฺตานีติ วา ปาฏิหีรํ, อปฺปสนฺนานํ สตฺตานํ ปสาทํ ปฏิอาหรตีติ วา ปาฏิหีรํ. ‘‘ปาฏิเหร’’นฺติปิ ปาโ, โสเยวตฺโถ. เอตฺถ อาโลกวิธานวิเสสสฺเสตํ อธิวจนํ. ทิสฺวาน อจฺเฉรกํ ปาฏิหีรนฺติ เอตฺถ เทวา จ มนุสฺสา จ โลกนฺตริกาสุ นิพฺพตฺตสตฺตาปิ จ ตํ ภควโต ปาฏิหาริยํ ทิสฺวา ปรมปฺปีติโสมนสฺสํ อคมํสูติ อิทํ วจนํ อาหริตฺวา อตฺโถ ทฏฺพฺโพ, อิตรถา น ปุพฺเพน วา ปรํ, น ปเรน วา ปุพฺพํ ยุชฺชติ.

อิทานิ น เกวลํ มนุสฺสโลเกสุเยว อาโลโก อตฺถิ, สพฺพตฺถ ติวิเธปิ สงฺขารสตฺโตกาสสงฺขาเต โลเก อาโลโกเยวาติ ทสฺสนตฺถํ –

.

‘‘สเทวคนฺธพฺพมนุสฺสรกฺขเส,

อาภา อุฬารา วิปุลา อชายถ;

อิมสฺมึ โลเก ปรสฺมิฺโจภยสฺมึ,

อโธ จ อุทฺธํ ติริยฺจ วิตฺถต’’นฺติ. – อยํ คาถา วุตฺตา;

ตตฺถ เทวาติ สมฺมุติเทวา อุปปตฺติเทวา วิสุทฺธิเทวาติ สพฺเพปิ เทวา อิธ สงฺคหิตา. เทวา จ คนฺธพฺพา จ มนุสฺสา จ รกฺขสา จ เทวคนฺธพฺพมนุสฺสรกฺขสา. สห เทวคนฺธพฺพมนุสฺสรกฺขเสหีติ สเทวคนฺธพฺพมนุสฺสรกฺขโส. โก ปน โส? โลโก, ตสฺมึ สเทวคนฺธพฺพมนุสฺสรกฺขเส โลเก. อาภาติ อาโลโก. อุฬาราติ เอตฺถายํ อุฬาร-สทฺโท มธุรเสฏฺวิปุลาทีสุ ทิสฺสติ. ตถา เหส ‘‘อุฬารานิ ขาทนียโภชนียานิ ขาทนฺติ ภุฺชนฺตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๖๖) มธุเร ทิสฺสติ. ‘‘อุฬาราย โข ปน ภวํ วจฺฉายโน ปสํสาย สมณํ โคตมํ ปสํสตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๘๘) เสฏฺเ. ‘‘อติกฺกมฺม เทวานํ เทวานุภาวํ อปฺปมาโณ อุฬาโร โอภาโส’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๓๒; ม. นิ. ๓.๒๐๑) วิปุเล. สฺวายํ อิธ เสฏฺเ ทฏฺพฺโพ (ที. นิ. อฏฺ. ๓.๑๔๒; วิ. ว. อฏฺ. ๑). วิปุลาติ อปฺปมาณา. อชายถาติ อุปฺปชฺชิ อุทปาทิ ปวตฺติตฺถ. อิมสฺมึ โลเก ปรสฺมิฺจาติ อิมสฺมึ มนุสฺสโลเก จ ปรสฺมึ เทวโลเก จาติ อตฺโถ. อุภยสฺมินฺติ ตทุภยสฺมึ, อชฺฌตฺตพหิทฺธาทีสุ วิย ทฏฺพฺพํ. อโธ จาติ อวีจิอาทีสุ นิรเยสุ. อุทฺธนฺติ ภวคฺคโตปิ อุทฺธํ อชฏากาเสปิ. ติริยฺจาติ ติริยโตปิ ทสสุ จกฺกวาฬสหสฺเสสุ. วิตฺถตนฺติ วิสฏํ. อนฺธการํ วิธมิตฺวา วุตฺตปฺปการํ โลกฺจ ปเทสฺจ อชฺโฌตฺถริตฺวา อาภา ปวตฺติตฺถาติ อตฺโถ. อถ วา ติริยฺจ วิตฺถตนฺติ ติริยโต วิตฺถตํ มหนฺตํ, อปฺปมาณํ ปเทสํ อาภา ผริตฺวา อฏฺาสีติ อตฺโถ.

อถ ภควา ทสสหสฺสจกฺกวาเฬสุ อาโลกผรณํ กตฺวา อภิฺาปาทกํ จตุตฺถชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา ตโต วุฏฺาย อาวชฺชิตฺวา อธิฏฺานจิตฺเตน อากาสมพฺภุคฺคนฺตฺวา เตสํ าตีนํ สีเสสุ ปาทปํสุํ โอกิรมาโน วิย มหติยา เทวมนุสฺสปริสาย มชฺเฌ ยมกปาฏิหาริยํ ทสฺเสติ. ตํ ปน ปาฬิโต เอวํ เวทิตพฺพํ (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๖) –

‘‘กตมํ ตถาคตสฺส ยมกปาฏิหีเร าณํ? อิธ ตถาคโต ยมกปาฏิหีรํ กโรติ อสาธารณํ สาวเกหิ อุปริมกายโต อคฺคิกฺขนฺโธ ปวตฺตติ, เหฏฺิมกายโต อุทกธารา ปวตฺตติ. เหฏฺิมกายโต อคฺคิกฺขนฺโธ ปวตฺตติ, อุปริมกายโต อุทกธารา ปวตฺตติ…เป… ปุรตฺถิมกายโต อคฺคิกฺขนฺโธ ปวตฺตติ, ปจฺฉิมกายโต อุทกธารา ปวตฺตติ. ปจฺฉิมกายโต อคฺคิกฺขนฺโธ ปวตฺตติ, ปุรตฺถิมกายโต อุทกธารา ปวตฺตติ…เป… ทกฺขิณอกฺขิโต อคฺคิกฺขนฺโธ ปวตฺตติ, วามอกฺขิโต อุทกธารา ปวตฺตติ. วามอกฺขิโต อคฺคิกฺขนฺโธ ปวตฺตติ, ทกฺขิณอกฺขิโต อุทกธารา ปวตฺตติ…เป… ทกฺขิณกณฺณโสตโต อคฺคิกฺขนฺโธ ปวตฺตติ, วามกณฺณโสตโต อุทกธารา ปวตฺตติ. วามกณฺณโสตโต อคฺคิกฺขนฺโธ ปวตฺตติ, ทกฺขิณกณฺณโสตโต อุทกธารา ปวตฺตติ…เป… ทกฺขิณนาสิกาโสตโต อคฺคิกฺขนฺโธ ปวตฺตติ, วามนาสิกาโสตโต อุทกธารา ปวตฺตติ. วามนาสิกาโสตโต อคฺคิกฺขนฺโธ ปวตฺตติ, ทกฺขิณนาสิกาโสตโต อุทกธารา ปวตฺตติ…เป… ทกฺขิณอํสกูฏโต อคฺคิกฺขนฺโธ ปวตฺตติ, วามอํสกูฏโต อุทกธารา ปวตฺตติ. วามอํสกูฏโต อคฺคิกฺขนฺโธ ปวตฺตติ, ทกฺขิณอํสกูฏโต อุทกธารา ปวตฺตติ…เป… ทกฺขิณหตฺถโต อคฺคิกฺขนฺโธ ปวตฺตติ, วามหตฺถโต อุทกธารา ปวตฺตติ. วามหตฺถโต อคฺคิกฺขนฺโธ ปวตฺตติ, ทกฺขิณหตฺถโต อุทกธารา ปวตฺตติ…เป… ทกฺขิณปสฺสโต อคฺคิกฺขนฺโธ ปวตฺตติ, วามปสฺสโต อุทกธารา ปวตฺตติ. วามปสฺสโต อคฺคิกฺขนฺโธ ปวตฺตติ, ทกฺขิณปสฺสโต อุทกธารา ปวตฺตติ…เป… ทกฺขิณปาทโต อคฺคิกฺขนฺโธ ปวตฺตติ, วามปาทโต อุทกธารา ปวตฺตติ. วามปาทโต อคฺคิกฺขนฺโธ ปวตฺตติ, ทกฺขิณปาทโต อุทกธารา ปวตฺตติ…เป… องฺคุลงฺคุเลหิ อคฺคิกฺขนฺโธ ปวตฺตติ, องฺคุลนฺตริกาหิ อุทกธารา ปวตฺตติ. องฺคุลนฺตริกาหิ อคฺคิกฺขนฺโธ ปวตฺตติ, องฺคุลงฺคุเลหิ อุทกธารา ปวตฺตติ…เป… เอเกกโลมโต อคฺคิกฺขนฺโธ ปวตฺตติ, เอเกกโลมโต อุทกธารา ปวตฺตติ. โลมกูปโต โลมกูปโต อคฺคิกฺขนฺโธ ปวตฺตติ, โลมกูปโต โลมกูปโต อุทกธารา ปวตฺตติ – ฉนฺนํ วณฺณานํ นีลานํ ปีตกานํ โลหิตกานํ โอทาตานํ มฺชิฏฺานํ ปภสฺสรานํ.

‘‘ภควา จงฺกมติ, นิมฺมิโต ติฏฺติ วา นิสีทติ วา เสยฺยํ วา กปฺเปติ. ภควา ติฏฺติ, นิมฺมิโต จงฺกมติ วา นิสีทติ วา เสยฺยํ วา กปฺเปติ. ภควา นิสีทติ, นิมฺมิโต จงฺกมติ วา ติฏฺติ วา เสยฺยํ วา กปฺเปติ. ภควา เสยฺยํ กปฺเปติ, นิมฺมิโต จงฺกมติ วา ติฏฺติ วา นิสีทติ วา. นิมฺมิโต จงฺกมติ, ภควา ติฏฺติ วา นิสีทติ วา เสยฺยํ วา กปฺเปติ. นิมฺมิโต ติฏฺติ, ภควา จงฺกมติ วา นิสีทติ วา เสยฺยํ วา กปฺเปติ. นิมฺมิโต นิสีทติ, ภควา จงฺกมติ วา ติฏฺติ วา เสยฺยํ วา กปฺเปติ. นิมฺมิโต เสยฺยํ กปฺเปติ, ภควา จงฺกมติ วา ติฏฺติ วา นิสีทติ วา, อิทํ ตถาคตสฺส ยมกปาฏิหีเร าณนฺติ เวทิตพฺพํ’’.

ตสฺส ปน ภควโต เตโชกสิณสมาปตฺติวเสน อุปริมกายโต อคฺคิกฺขนฺโธ ปวตฺตติ. อาโปกสิณสมาปตฺติวเสน เหฏฺิมกายโต อุทกธารา ปวตฺตตีติ ปุน อุทกธาราย ปวตฺตฏฺานโต อคฺคิกฺขนฺโธ ปวตฺตติ, อคฺคิกฺขนฺธสฺส ปวตฺตฏฺานโต อุทกธารา ปวตฺตตีติ ทสฺเสตุํ, ‘‘เหฏฺิมกายโต อคฺคิกฺขนฺโธ ปวตฺตติ, อุปริมกายโต อุทกธารา ปวตฺตตี’’ติ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพา. เอเสว นโย เสสปเทสุปิ. อคฺคิกฺขนฺโธ ปเนตฺถ อุทกธาราย อสมฺมิสฺโสว อโหสิ. ตถา อุทกธารา อคฺคิกฺขนฺเธน. รสฺมีสุ ปน ทุติยา ทุติยา รสฺมิ ปุริมาย ปุริมาย ยมกา วิย เอกกฺขเณ ปวตฺตติ. ทฺวินฺนฺจ จิตฺตานํ เอกกฺขเณ ปวตฺติ นาม นตฺถิ, พุทฺธานํ ปน ภวงฺคปริวาสสฺส ลหุกตาย ปฺจหากาเรหิ จิณฺณวสิตาย เอตา รสฺมิโย เอกกฺขเณ วิย ปวตฺตนฺติ, ตสฺสา ปน รสฺมิยา อาวชฺชนปริกมฺมาธิฏฺานานิ วิสุํเยว. นีลรสฺมิอตฺถาย หิ ภควา นีลกสิณํ สมาปชฺชติ. ปีตรสฺมิอาทีนํ อตฺถาย ปีตกสิณาทีนิ สมาปชฺชติ.

เอวํ ภควโต ยมกปาฏิหีเร กยิรมาเน สกลสฺสาปิ ทสสหสฺสจกฺกวาฬสฺส อลงฺการกรณกาโล วิย อโหสิ. เตน วุตฺตํ –

.

‘‘สตฺตุตฺตโม อนธิวโร วินายโก, สตฺถา อหู เทวมนุสฺสปูชิโต;

มหานุภาโว สตปุฺลกฺขโณ, ทสฺเสสิ อจฺเฉรกํ ปาฏิหีร’’นฺติ.

ตตฺถ สตฺตุตฺตโมติ อตฺตโน สีลาทีหิ คุเณหิ สพฺเพสุ สตฺเตสุ อุตฺตโม ปวโร เสฏฺโติ สตฺตุตฺตโม, สตฺตานํ วา อุตฺตโม สตฺตุตฺตโม. สตฺตนฺติ หิ าณสฺส นามํ, เตน ทสพลจตุเวสารชฺชฉอสาธารณาณสงฺขาเตน สตฺเตน เสฏฺโ อุตฺตโมติ สตฺตุตฺตโม, สมานาธิกรณวเสน สตฺโต อุตฺตโมติ วา สตฺตุตฺตโม. ยทิ เอวํ ‘‘อุตฺตมสตฺโต’’ติ วตฺตพฺพํ อุตฺตม-สทฺทสฺส ปุพฺพนิปาตปาโต. น ปเนส เภโท อนิยมโต พหุลวจนโต จ นรุตฺตมปุริสุตฺตมนรวราทิ-สทฺทา วิย ทฏฺพฺโพ. อถ วา สตฺตํ อุตฺตมํ ยสฺส โส สตฺตุตฺตโม, อิธาปิ จ อุตฺตม-สทฺทสฺส ปุพฺพนิปาโต ภวติ. อุตฺตมสตฺโตติ วิเสสนสฺส ปุพฺพนิปาตปาโต ‘‘จิตฺตคู ปทฺธคู’’ติ เอตฺถ วิยาติ นายํ โทโส. อุภยวิเสสนโต วา อาหิตคฺคิอาทิปาโ วิย ทฏฺพฺโพ. วินายโกติ พหูหิ วินยนูปาเยหิ สตฺเต วิเนติ ทเมตีติ วินายโก. สตฺถาติ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกตฺเถหิ ยถารหํ สตฺเต อนุสาสตีติ สตฺถา. อหูติ อโหสิ. เทวมนุสฺสปูชิโตติ ทิพฺเพหิ ปฺจกามคุเณหิ ทิพฺพนฺติ กีฬนฺตีติ เทวา. มนสฺส อุสฺสนฺนตฺตา มนุสฺสา, เทวา จ มนุสฺสา จ เทวมนุสฺสา, เทวมนุสฺเสหิ ปูชิโต เทวมนุสฺสปูชิโต. ปุปฺผาทิปูชาย จ ปจฺจยปูชาย จ ปูชิโต, อปจิโตติ อตฺโถ. กสฺมา ปน เทวมนุสฺสานเมว คหณํ กตํ, นนุ ภควา ติรจฺฉานคเตหิปิ อารวาฬกาฬาปลาลธนปาลปาลิเลยฺยกนาคาทีหิ สาตาคิราฬวกเหมวตสูจิโลมขรโลมยกฺขาทีหิ วินิปาตคเตหิปิ ปูชิโตเยวาติ? สจฺจเมเวตํ, อุกฺกฏฺปริจฺเฉทวเสน สพฺพปุคฺคลปริจฺเฉทวเสน เจตํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. มหานุภาโวติ มหตา พุทฺธานุภาเวน สมนฺนาคโต. สตปุฺลกฺขโณติ อนนฺเตสุ จกฺกวาเฬสุ สพฺเพ สตฺตา เอเกกํ ปุฺกมฺมํ สตกฺขตฺตุํ กเรยฺยุํ เอตฺตเกหิ ชเนหิ กตกมฺมํ โพธิสตฺโต สยเมว เอกโก สตคุณํ กตฺวา นิพฺพตฺโต. ตสฺมา ‘‘สตปุฺลกฺขโณ’’ติ วุจฺจติ. เกจิ ปน ‘‘สเตน สเตน ปุฺกมฺเมน นิพฺพตฺตเอเกกลกฺขโณ’’ติ วทนฺติ. ‘‘เอวํ สนฺเต โย โกจิ พุทฺโธ ภเวยฺยา’’ติ ตํ อฏฺกถาสุ ปฏิกฺขิตฺตํ. ทสฺเสสีติ สพฺเพสํ เทวมนุสฺสานํ อติวิมฺหยกรํ ยมกปาฏิหาริยํ ทสฺเสสิ.

อถ สตฺถา อากาเส ปาฏิหาริยํ กตฺวา มหาชนสฺส จิตฺตาจารํ โอโลเกตฺวา ตสฺส อชฺฌาสยานุกูลํ ธมฺมกถํ จงฺกมนฺโต กเถตุกาโม อากาเส ทสสหสฺสจกฺกวาฬวิตฺถตํ สพฺพรตนมยํ รตนจงฺกมํ มาเปสิ. เตน วุตฺตํ –

๑๐.

‘‘โส ยาจิโต เทววเรน จกฺขุมา, อตฺถํ สเมกฺขิตฺวา ตทา นรุตฺตโม;

จงฺกมํ มาปยิ โลกนายโก, สุนิฏฺิตํ สพฺพรตนนิมฺมิต’’นฺติ.

ตตฺถ โสติ โส สตฺถา. ยาจิโตติ ปมเมว อฏฺเม สตฺตาเห ธมฺมเทสนาย ยาจิโตติ อตฺโถ. เทววเรนาติ สหมฺปติพฺรหฺมุนา. จกฺขุมาติ เอตฺถ จกฺขตีติ จกฺขุ, สมวิสมํ วิภาวยตีติ อตฺโถ. ตํ ปน จกฺขุ ทุวิธํ – าณจกฺขุ, มํสจกฺขูติ. ตตฺถ าณจกฺขุ ปฺจวิธํ – พุทฺธจกฺขุ, ธมฺมจกฺขุ, สมนฺตจกฺขุ, ทิพฺพจกฺขุ, ปฺาจกฺขูติ. เตสุ พุทฺธจกฺขุ นาม อาสยานุสยาณฺเจว อินฺทฺริยปโรปริยตฺตาณฺจ, ยํ ‘‘พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกนฺโต’’ติ (ที. นิ. ๒.๖๙; ม. นิ. ๑.๒๘๓; ๒.๓๓๙; สํ. นิ. ๑.๑๗๒; มหาว. ๙) อาคตํ. ธมฺมจกฺขุ นาม เหฏฺิมา ตโย มคฺคา ตีณิ จ ผลานิ, ยํ ‘‘วิรชํ วีตมลํ ธมฺมจกฺขุํ อุทปาที’’ติ (ที. นิ. ๑.๓๕๕; สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑; มหาว. ๑๖; ปฏิ. ม. ๒.๓๐) อาคตํ. สมนฺตจกฺขุ นาม สพฺพฺุตฺาณํ, ยํ ‘‘ตถูปมํ ธมฺมมยํ, สุเมธ, ปาสาทมารุยฺห สมนฺตจกฺขู’’ติ (ที. นิ. ๒.๗๐; ม. นิ. ๑.๒๘๒; ๒.๓๓๘; สํ. นิ. ๑.๑๗๒; มหาว. ๘) อาคตํ. ทิพฺพจกฺขุ นาม อาโลกวฑฺฒเนน อุปฺปนฺนาภิฺาจิตฺเตน สมฺปยุตฺตาณํ, ยํ ‘‘ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธนา’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๔๘, ๒๘๔, ๓๘๕, ๔๓๒; ๒.๓๔๑; ๓.๘๒, ๒๖๑; มหาว. ๑๐) อาคตํ. ปฺาจกฺขุ นาม ‘‘จกฺขุํ อุทปาทิ, าณํ อุทปาที’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๘๒; มหาว. ๑๕; กถา. ๔๐๕; ปฏิ. ม. ๒.๓๐) เอตฺถ ปุพฺเพนิวาสาทิาณํ ปฺาจกฺขูติ อาคตํ.

มํสจกฺขุ นาม ‘‘จกฺขุฺจ ปฏิจฺจ รูเป จา’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๐๔, ๔๐๐; ๓.๔๒๑, ๔๒๕-๔๒๖; สํ. นิ. ๒.๔๓; ๔.๖๐; กถา. ๔๖๕, ๔๖๗) เอตฺถ ปสาทมํสจกฺขุ วุตฺตํ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๒๑๓). ตํ ปน ทุวิธํ – สสมฺภารจกฺขุ ปสาทจกฺขูติ. เตสุ ยฺวายํ อกฺขิกูปเก อกฺขิปตฺตเกหิ ปริวาริโต มํสปิณฺโฑ ยตฺถ จตสฺโส ธาตุโย วณฺณคนฺธรโสชา สมฺภโว ชีวิตํ ภาโว จกฺขุปสาโท กายปสาโทติ สงฺเขปโต เตรส สมฺภารา โหนฺติ. วิตฺถารโต ปน สมฺภวมานานิ จตุสมุฏฺานานิ ฉตฺตึส ชีวิตํ ภาโว จกฺขุปสาโท กายปสาโทติ อิเม กมฺมสมุฏฺานา จตฺตาโร จาติ สสมฺภารา โหนฺติ, อิทํ สสมฺภารจกฺขุ นาม. ยํ ปน เสตมณฺฑลปริจฺฉินฺเนน กณฺหมณฺฑเลน ปริวาริเต ทิฏฺมณฺฑเล สนฺนิวิฏฺํ รูปทสฺสนสมตฺถํ ปสาทมตฺตํ, อิทํ ปสาทจกฺขุ นาม. สพฺพานิ ปเนตานิ เอกวิธานิ อนิจฺจโต สงฺขตโต, ทุวิธานิ สาสวานาสวโต โลกิยโลกุตฺตรโต, ติวิธานิ ภูมิโต อุปาทิณฺณตฺติกโต, จตุพฺพิธานิ เอกนฺตปริตฺตอปฺปมาณานิยตารมฺมณโต, ปฺจวิธานิ รูปนิพฺพานารูปสพฺพารมฺมณานารมฺมณวเสน, ฉพฺพิธานิ โหนฺติ พุทฺธจกฺขาทิวเสน. อิจฺเจวเมตานิ วุตฺตปฺปการานิ จกฺขูนิ อสฺส ภควโต สนฺตีติ ภควา จกฺขุมาติ วุจฺจติ. อตฺถํ สเมกฺขิตฺวาติ จงฺกมํ มาเปตฺวา, ธมฺมเทสนานิมิตฺตํ เทวมนุสฺสานํ หิตตฺถํ อุปปริกฺขิตฺวา อุปธาเรตฺวาติ อธิปฺปาโย. มาปยีติ มาเปสิ. โลกนายโกติ สคฺคโมกฺขาภิมุขํ โลกํ นยตีติ โลกนายโก. สุนิฏฺิตนฺติ สุฏฺุ นิฏฺิตํ, ปริโยสิตนฺติ อตฺโถ. สพฺพรตนนิมฺมิตนฺติ ทสวิธรตนมยํ.

อิทานิ ภควโต ติวิธปาฏิหาริยสมฺปตฺติทสฺสนตฺถํ –

๑๑.

‘‘อิทฺธี จ อาเทสนานุสาสนี, ติปาฏิหีเร ภควา วสี อหุ;

จงฺกมํ มาปยิ โลกนายโก, สุนิฏฺิตํ สพฺพรตนนิมฺมิต’’นฺติ. – วุตฺตํ;

ตตฺถ อิทฺธีติ อิทฺธิวิธํ อิทฺธิปาฏิหาริยํ นาม. ตํ ปน เอโกปิ หุตฺวา พหุธา โหติ, พหุธาปิ หุตฺวา เอโก โหตีติอาทินยปฺปวตฺตํ (ที. นิ. ๑.๒๓๙; ม. นิ. ๑.๑๔๗; ปฏิ. ม. ๓.๑๐). อาเทสนาติ ปรสฺส จิตฺตาจารํ ตฺวา กถนํ อาเทสนาปาฏิหาริยํ, ตํ สาวกานฺจ พุทฺธานฺจ สตตธมฺมเทสนา. อนุสาสนีติ อนุสาสนิปาฏิหาริยํ, ตสฺส ตสฺส อชฺฌาสยานุกูลโมวาโทติ อตฺโถ. อิติ เอตานิ ตีณิ ปาฏิหาริยานิ. ตตฺถ อิทฺธิปาฏิหาริเยน อนุสาสนิปาฏิหาริยํ มหาโมคฺคลฺลานสฺส อาจิณฺณํ, อาเทสนาปาฏิหาริเยน อนุสาสนิปาฏิหาริยํ ธมฺมเสนาปติสฺส, อนุสาสนิปาฏิหาริยํ ปน พุทฺธานํ สตตธมฺมเทสนา. ติปาฏิหีเรติ เอเตสุ ตีสุ ปาฏิหาริเยสูติ อตฺโถ. ภควาติ อิทํ คุณวิสิฏฺสตฺตุตฺตมครุคารวาธิวจนํ. วุตฺตฺเหตํ โปราเณหิ –

‘‘ภควาติ วจนํ เสฏฺํ, ภควาติ วจนมุตฺตมํ;

ครุคารวยุตฺโต โส, ภควา เตน วุจฺจตี’’ติ. (วิสุทฺธิ. ๑.๑๔๒; ม. นิ. อฏฺ. ๑.มูลปริยายสุตฺตวณฺณนา; ปารา. อฏฺ. ๑.๑ เวรฺชกณฺฑวณฺณนา; อิติวุ. อฏฺ. นิทานวณฺณนา; มหานิ. อฏฺ. ๕๐);

วสีติ เอตสฺมึ ติวิเธปิ ปาฏิหาริเย วสิปฺปตฺโต, จิณฺณวสีติ อตฺโถ. วสิโย นาม ปฺจ วสิโย – อาวชฺชนสมาปชฺชนอธิฏฺานวุฏฺานปจฺจเวกฺขณสงฺขาตา. ตตฺร ยํ ยํ ฌานํ ยถิจฺฉกํ ยทิจฺฉกํ ยาวติจฺฉกํ อาวชฺชติ อาวชฺชนาย ทนฺธายิตตฺตํ นตฺถีติ สีฆํ อาวชฺเชตุํ สมตฺถตา อาวชฺชนวสี นาม. ตถา ยํ ยํ ฌานํ ยถิจฺฉกํ…เป… สมาปชฺชติ สมาปชฺชนาย ทนฺธายิตตฺตํ นตฺถีติ สีฆํ สมาปชฺชนสมตฺถตา สมาปชฺชนวสี นาม. ทีฆํ กาลํ เปตุํ สมตฺถตา อธิฏฺานวสี นาม. ตเถว ลหุํ วุฏฺาตุํ สมตฺถตา วุฏฺานวสี นาม. ปจฺจเวกฺขณวสี ปน ปจฺจเวกฺขณชวนาเนว โหนฺติ ตานิ อาวชฺชนานนฺตราเนว หุตฺวา อุปฺปชฺชนฺตีติ อาวชฺชนวสิยา เอว วุตฺตานิ. อิติ อิมาสุ ปฺจสุ วสีสุ จิณฺณวสิตา วสี นาม โหติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ติปาฏิหีเร ภควา วสี อหู’’ติ.

อิทานิ ตสฺส รตนจงฺกมสฺส นิมฺมิตวิธานสฺส ทสฺสนตฺถํ –

๑๒.

‘‘ทสสหสฺสีโลกธาตุยา, สิเนรุปพฺพตุตฺตเม;

ถมฺเภว ทสฺเสสิ ปฏิปาฏิยา, จงฺกเม รตนามเย’’ติ. – อาทิคาถาโย วุตฺตา;

ตตฺถ ทสสหสฺสีโลกธาตุยาติ ทสสุ จกฺกวาฬสหสฺเสสุ. สิเนรุปพฺพตุตฺตเมติ มหาเมรุสงฺขาเต เสฏฺปพฺพเต. ถมฺเภวาติ ถมฺเภ วิย ทสจกฺกวาฬสหสฺเสสุ เย สิเนรุปพฺพตา, เต ปฏิปาฏิยา ิเต สุวณฺณถมฺเภ วิย กตฺวา เตสํ อุปริ จงฺกมํ มาเปตฺวา ทสฺเสสีติ อตฺโถ. รตนามเยติ รตนมเย.

๑๓. ทสสหสฺสี อติกฺกมฺมาติ รตนจงฺกมํ ปน ภควา มาเปนฺโต ตสฺส เอกํ โกฏึ สพฺพปริยนฺตํ ปาจีนจกฺกวาฬมุขวฏฺฏึ เอกํ โกฏึ ปจฺฉิมจกฺกวาฬมุขวฏฺฏึ อติกฺกมิตฺวา ิตํ กตฺวา มาเปสิ. เตน วุตฺตํ –

‘‘ทสสหสฺสี อติกฺกมฺม, จงฺกมํ มาปยี ชิโน;

สพฺพโสณฺณมยา ปสฺเส, จงฺกเม รตนามเย’’ติ.

ตตฺถ ชิโนติ กิเลสาริชยนโต ชิโน. สพฺพโสณฺณมยา ปสฺเสติ ตสฺส ปน เอวํ นิมฺมิตสฺส จงฺกมสฺส อุภยปสฺเสสุ สุวณฺณมยา ปรมรมณียา มริยาทภูมิ อโหสิ, มชฺเฌ มณิมยาติ อธิปฺปาโย.

๑๔. ตุลาสงฺฆาฏาติ ตุลายุคฬา, ตา นานารตนมยาติ เวทิตพฺพา. อนุวคฺคาติ อนุรูปา. โสวณฺณผลกตฺถตาติ โสวณฺณมเยหิ ผลเกหิ อตฺถตา, ตุลาสงฺฆาตานํ อุปริ สุวณฺณมโย ปทรจฺฉโทติ อตฺโถ. เวทิกา สพฺพโสวณฺณาติ เวทิกา ปน สพฺพาปิ สุวณฺณมยา, ยา ปเนสา จงฺกมนปริกฺเขปเวทิกา, สา เอกาว อฺเหิ รตเนหิ อสมฺมิสฺสาติ อตฺโถ. ทุภโต ปสฺเสสุ นิมฺมิตาติ อุโภสุ ปสฺเสสุ นิมฺมิตา. -กาโร ปทสนฺธิกโร.

๑๕. มณิมุตฺตาวาลุกากิณฺณาติ มณิมุตฺตามยวาลุกากิณฺณา. อถ วา มณโย จ มุตฺตา จ วาลุกา จ มณิมุตฺตาวาลุกา. ตาหิ มณิมุตฺตาวาลุกาหิ อากิณฺณา สนฺถตาติ มณิมุตฺตาวาลุกากิณฺณา. นิมฺมิโตติ อิมินากาเรน นิมฺมิโต กโต. รตนามโยติ สพฺพรตนมโย, จงฺกโมติ อตฺโถ. โอภาเสติ ทิสา สพฺพาติ สพฺพาปิ ทส ทิสา โอภาเสติ ปกาเสติ. สตรํสีวาติ สหสฺสรํสิอาทิจฺโจ วิย. อุคฺคโตติ อุทิโต. ยถา ปน อพฺภุคฺคโต สหสฺสรํสิ สพฺพาปิ ทส ทิสา โอภาเสติ, เอวเมว เอโสปิ สพฺพรตนมโย จงฺกโม โอภาเสตีติ อตฺโถ.

อิทานิ ปน นิฏฺิเต จงฺกเม ตตฺถ ภควโต ปวตฺติทสฺสนตฺถํ –

๑๖.

‘‘ตสฺมึ จงฺกมเน ธีโร, ทฺวตฺตึสวรลกฺขโณ;

วิโรจมาโน สมฺพุทฺโธ, จงฺกเม จงฺกมี ชิโน.

๑๗.

‘‘ทิพฺพํ มนฺทารวํ ปุปฺผํ, ปทุมํ ปาริฉตฺตกํ;

จงฺกมเน โอกิรนฺติ, สพฺเพ เทวา สมาคตา.

๑๘.

‘‘ปสฺสนฺติ ตํ เทวสงฺฆา, ทสสหสฺสี ปโมทิตา;

นมสฺสมานา นิปตนฺติ, ตุฏฺหฏฺา ปโมทิตา’’ติ. – คาถาโย วุตฺตา;

ตตฺถ ธีโรติ ธิติยุตฺโต. ทฺวตฺตึสวรลกฺขโณติ สุปฺปติฏฺิตปาทตลาทีหิ ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขเณหิ สมนฺนาคโตติ อตฺโถ. ทิพฺพนฺติ เทวโลเก ภวํ ชาตํ ทิพฺพํ. ปาริฉตฺตกนฺติ เทวานํ ตาวตึสานํ โกวิฬารรุกฺขสฺส นิสฺสนฺเทน สมนฺตา โยชนสตปริมาโณ ปรมทสฺสนีโย ปาริจฺฉตฺตกรุกฺโข นิพฺพตฺติ. ยสฺมึ ปุปฺผิเต สกลํ เทวนครํ เอกสุรภิคนฺธวาสิตํ โหติ, ตสฺส กุสุมเรณุโอกิณฺณานิ นวกนกวิมานานิ ปิฺชรานิ หุตฺวา ขายนฺติ. อิมสฺส ปน ปาริจฺฉตฺตกรุกฺขสฺส ปุปฺผฺจ ปาริจฺฉตฺตกนฺติ วุตฺตํ. จงฺกเม โอกิรนฺตีติ ตสฺมึ รตนจงฺกเม อวกิรนฺติ, เตน วุตฺตปฺปกาเรน ปุปฺเผน ตสฺมึ จงฺกเม จงฺกมมานํ ภควนฺตํ ปูเชนฺตีติ อตฺโถ. สพฺเพ เทวาติ กามาวจรเทวาทโย เทวา. เตนาห ‘‘ปสฺสนฺติ ตํ เทวสงฺฆา’’ติ. ตํ ภควนฺตํ รตนจงฺกมเน จงฺกมนฺตํ สเกสุ อาลเยสุปิ ปสฺสนฺตีติ อตฺโถ. ทสสหสฺสีติ ภุมฺมตฺเถ ปจฺจตฺตวจนํ, ทสสหสฺสิยํ เทวสงฺฆา ตํ ปสฺสนฺตีติ อตฺโถ. ปโมทิตาติ ปมุทิตา. นิปตนฺตีติ สนฺนิปตนฺติ. ตุฏฺหฏฺาติ ปีติวเสน ตุฏฺหฏฺา. ปโมทิตาติ อิทานิ วตฺตพฺเพหิ ตาวตึสาทิเทเวหิ สทฺธินฺติ สมฺพนฺโธ ทฏฺพฺโพ, อิตรถา ปุนรุตฺติโทสโต น มุจฺจติ. อถ วา ปโมทิตา ตํ ภควนฺตํ ปสฺสนฺติ, ตุฏฺหฏฺา ปโมทิตา ตหึ ตหึ สนฺนิปตนฺตีติ อตฺโถ.

อิทานิ เย ปสฺสึสุ เย สนฺนิปตึสุ, เต สรูปโต ทสฺเสตุํ –

๑๙.

‘‘ตาวตึสา จ ยามา จ, ตุสิตา จาปิ เทวตา;

นิมฺมานรติโน เทวา, เย เทวา วสวตฺติโน;

อุทคฺคจิตฺตา สุมนา, ปสฺสนฺติ โลกนายกํ.

๒๐.

‘‘สเทวคนฺธพฺพมนุสฺสรกฺขสา, นาคา สุปณฺณา อถ วาปิ กินฺนรา;

ปสฺสนฺติ ตํ โลกหิตานุกมฺปกํ, นเภว อจฺจุคฺคตจนฺทมณฺฑลํ.

๒๑.

‘‘อาภสฺสรา สุภกิณฺหา, เวหปฺผลา อกนิฏฺา จ เทวตา;

สุสุทฺธสุกฺกวตฺถวสนา, ติฏฺนฺติ ปฺชลีกตา.

๒๒.

‘‘มุฺจนฺติ ปุปฺผํ ปน ปฺจวณฺณิกํ, มนฺทารวํ จนฺทนจุณฺณมิสฺสิตํ;

ภเมนฺติ เจลานิ จ อมฺพเร ตทา, อโห ชิโน โลกหิตานุกมฺปโก’’ติ. –

อิมา คาถาโย วุตฺตา.

ตตฺถ อุทคฺคจิตฺตาติ ปีติโสมนสฺสวเสน อุทคฺคจิตฺตา. สุมนาติ อุทคฺคจิตฺตตฺตา เอว สุมนา. โลกหิตานุกมฺปกนฺติ โลกหิตฺจ โลกานุกมฺปกฺจ. โลกหิเตน วา อนุกมฺปกํ โลกหิตานุกมฺปกํ. นเภว อจฺจุคฺคตจนฺทมณฺฑลนฺติ เอตฺถ อากาเส อภินโวทิตํ ปริปุณฺณํ สพฺโพปทฺทววินิมุตฺตํ สรทสมเย จนฺทมณฺฑลํ วิย พุทฺธสิริยา วิโรจมานํ นยนานนฺทกรํ ปสฺสนฺตีติ อตฺโถ.

อาภสฺสราติ อุกฺกฏฺปริจฺเฉทวเสน วุตฺตํ. ปริตฺตาภอปฺปมาณาภอาภสฺสราปริตฺตมชฺฌิมปณีตเภเทน ทุติยชฺฌาเนนาภินิพฺพตฺตา สพฺเพว คหิตาติ เวทิตพฺพา. สุภกิณฺหาติ อิทํ อุกฺกฏฺปริจฺเฉทวเสเนว วุตฺตํ, ตสฺมา ปริตฺตสุภอปฺปมาณสุภสุภกิณฺหาปริตฺตาทิเภเทน ตติยชฺฌาเนน นิพฺพตฺตา สพฺเพว คหิตาติ เวทิตพฺพา. เวหปฺผลาติ วิปุลา ผลาติ เวหปฺผลา. เต จตุตฺถชฺฌานนิพฺพตฺตา อสฺสตฺเตหิ เอกตลวาสิโน. เหฏฺา ปน ปมชฺฌานนิพฺพตฺตา พฺรหฺมกายิกาทโย ทสฺสิตา. ตสฺมา อิธ น ทสฺสิตา. จกฺขุโสตานมภาวโต อสฺสตฺตา จ อรูปิโน จ อิธ น อุทฺทิฏฺา. อกนิฏฺา จ เทวตาติ อิธาปิ อุกฺกฏฺปริจฺเฉทวเสเนว วุตฺตํ. ตสฺมา อวิหาตปฺปสุทสฺสาสุทสฺสิอกนิฏฺสงฺขาตา ปฺจปิ สุทฺธาวาสา คหิตาติ เวทิตพฺพา. สุสุทฺธสุกฺกวตฺถวสนาติ สุฏฺุ สุทฺธานิ สุสุทฺธานิ สุกฺกานิ โอทาตานิ. สุสุทฺธานิ สุกฺกานิ วตฺถานิ นิวตฺถานิ เจว ปารุตานิ จ เยหิ เต สุสุทฺธสุกฺกวตฺถวสนา, ปริทหิตปริสุทฺธปณฺฑรวตฺถาติ อตฺโถ. ‘‘สุสุทฺธสุกฺกวสนา’’ติปิ ปาโ. ปฺชลีกตาติ กตปฺชลิกา กมลมกุลสทิสํ อฺชลึ สิรสิ กตฺวา ติฏฺนฺติ.

มุฺจนฺตีติ โอกิรนฺติ. ปุปฺผํ ปนาติ กุสุมํ ปน. ‘‘ปุปฺผานิ วา’’ติปิ ปาโ, วจนวิปริยาโส ทฏฺพฺโพ, อตฺโถ ปนสฺส โสเยว. ปฺจวณฺณิกนฺติ ปฺจวณฺณํ – นีลปีตโลหิโตทาตมฺชิฏฺกวณฺณวเสน ปฺจวณฺณํ. จนฺทนจุณฺณมิสฺสิตนฺติ จนฺทนจุณฺเณน มิสฺสิตํ. ภเมนฺติ เจลานีติ ภมยนฺติ วตฺถานิ. อโห ชิโน โลกหิตานุกมฺปโกติ ‘‘อโห ชิโน โลกหิโต อโห จ โลกหิตานุกมฺปโก อโห การุณิโก’’ติ เอวมาทีนิ ถุติวจนานิ อุคฺคิรนฺตา. มุฺจนฺติ ปุปฺผํ ภมยนฺติ เจลานีติ สมฺพนฺโธ.

อิทานิ เตหิ ปยุตฺตานิ ถุติวจนานิ ทสฺเสตุํ อิมา คาถาโย วุตฺตา –

๒๓.

‘‘ตุวํ สตฺถา จ เกตู จ, ธโช ยูโป จ ปาณินํ;

ปรายโน ปติฏฺา จ, ทีโป จ ทฺวิปทุตฺตโม.

๒๔.

‘‘ทสสหสฺสีโลกธาตุยา, เทวตาโย มหิทฺธิกา;

ปริวาเรตฺวา นมสฺสนฺติ, ตุฏฺหฏฺา ปโมทิตา.

๒๕.

‘‘เทวตา เทวกฺา จ, ปสนฺนา ตุฏฺมานสา;

ปฺจวณฺณิกปุปฺเผหิ, ปูชยนฺติ นราสภํ.

๒๖.

‘‘ปสฺสนฺติ ตํ เทวสงฺฆา, ปสนฺนา ตุฏฺมานสา;

ปฺจวณฺณิกปุปฺเผหิ, ปูชยนฺติ นราสภํ.

๒๗.

‘‘อโห อจฺฉริยํ โลเก, อพฺภุตํ โลมหํสนํ;

น เมทิสํ ภูตปุพฺพํ, อจฺเฉรํ โลมหํสนํ.

๒๘.

‘‘สกสกมฺหิ ภวเน, นิสีทิตฺวาน เทวตา;

หสนฺติ ตา มหาหสิตํ, ทิสฺวานจฺเฉรกํ นเภ.

๒๙.

‘‘อากาสฏฺา จ ภูมฏฺา, ติณปนฺถนิวาสิโน;

กตฺชลี นมสฺสนฺติ, ตุฏฺหฏฺา ปโมทิตา.

๓๐.

‘‘เยปิ ทีฆายุกา นาคา, ปุฺวนฺโต มหิทฺธิโก;

ปโมทิตา นมสฺสนฺติ, ปูชยนฺติ นรุตฺตมํ.

๓๑.

‘‘สงฺคีติโย ปวตฺเตนฺติ, อมฺพเร อนิลฺชเส;

จมฺมนทฺธานิ วาเทนฺติ, ทิสฺวานจฺเฉรกํ นเภ.

๓๒.

‘‘สงฺขา จ ปณวา เจว, อโถปิ ฑิณฺฑิมา พหู;

อนฺตลิกฺขสฺมึ วชฺชนฺติ, ทิสฺวานจฺเฉรกํ นเภ.

๓๓.

‘‘อพฺภุโต วต โน อชฺช, อุปฺปชฺชิ โลมหํสโน;

ธุวมตฺถสิทฺธึ ลภาม, ขโณ โน ปฏิปาทิโต.

๓๔.

‘‘พุทฺโธติ เตสํ สุตฺวาน, ปีติ อุปฺปชฺชิ ตาวเท;

พุทฺโธ พุทฺโธติ กถยนฺตา, ติฏฺนฺติ ปฺชลีกตา.

๓๕.

‘‘หิงฺการา สาธุการา จ, อุกฺกุฏฺิ สมฺปหํสนํ;

ปชา จ วิวิธา คคเน, วตฺตนฺติ ปฺชลีกตา.

๓๖.

‘‘คายนฺติ เสเฬนฺติ จ วาทยนฺติ จ, ภุชานิ โปเถนฺติ จ นจฺจยนฺติ จ;

มุฺจนฺติ ปุปฺผํ ปน ปฺจวณฺณิกํ, มนฺทารวํ จนฺทนจุณฺณมิสฺสิตํ.

๓๗.

‘‘ยถา ตุยฺหํ มหาวีร, ปาเทสุ จกฺกลกฺขณํ;

ธชวชิรปฏากา, วฑฺฒมานงฺกุสาจิต’’นฺติ.

ตตฺถ อิธโลกปรโลกหิตตฺถํ สาสตีติ สตฺถา. เกตูติ เกตุโน อปจิติกาตพฺพฏฺเน เกตุ วิยาติ เกตุ. ธโชติ อินฺทธโช สมุสฺสยฏฺเน ทสฺสนียฏฺเน จ ตุวํ ธโช วิยาติ ธโชติ. อถ วา ยถา หิ โลเก ยสฺส กสฺสจิ ธชํ ทิสฺวาว – ‘‘อยํ ธโช อิตฺถนฺนามสฺสา’’ติ ธชวา ธชีติ ปฺายติ, เอวเมว ภควา ปฺานิพฺพานาธิคมาย ภควนฺตํ ทิสฺวาว นิพฺพานาธิคโม ปฺายติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ธโช ยูโป จา’’ติ. กูฏทนฺตสุตฺเต วุตฺตานํ ทานาทิอาสวกฺขยาณปริโยสานานํ สพฺพยาคานํ ยชนตฺถาย สมุสฺสิโต ยูโป ตุวนฺติ อตฺโถ. ปรายโนติ ปฏิสรณํ. ปติฏฺาติ ยถา มหาปถวี สพฺพปาณีนํ อาธารภาเวน ปติฏฺา นิสฺสยภูตา, เอวํ ตุวมฺปิ ปติฏฺาภูตา. ทีโป จาติ ปทีโป. ยถา จตุรงฺเค ตมสิ วตฺตมานานํ สตฺตานํ อาโรปิโต ปทีโป รูปสนฺทสฺสโน โหติ. เอวํ อวิชฺชนฺธกาเร วตฺตมานานํ สตฺตานํ ปรมตฺถสนฺทสฺสโน ปทีโป ตุวนฺติ อตฺโถ. อถ วา มหาสมุทฺเท ภินฺนนาวานํ สตฺตานํ สมุทฺททีโป ยถา ปติฏฺา โหติ, เอวํ ตุวมฺปิ สํสารสาคเร อลพฺภเนยฺยปติฏฺเ โอสีทนฺตานํ ปาณีนํ ทีโป วิยาติ ทีโปติ อตฺโถ.

ทฺวิปทุตฺตโมติ ทฺวิปทานํ อุตฺตโม ทฺวิปทุตฺตโม, เอตฺถ ปน นิทฺธารณลกฺขณสฺส อภาวโต ฉฏฺีสมาสสฺส ปฏิเสโธ นตฺถิ, นิทฺธารณลกฺขณาย ฉฏฺิยา สมาโส ปฏิสิทฺโธ. สมฺมาสมฺพุทฺโธ ปน อปทานํ ทฺวิปทานํ จตุปฺปทานํ พหุปฺปทานํ รูปีนํ อรูปีนํ สฺีนํ อสฺีนํ เนวสฺีนาสฺีนํ อุตฺตโมว. กสฺมา ปนิธ ‘‘ทฺวิปทุตฺตโม’’ติ วุตฺโตติ เจ? เสฏฺตรวเสน. อิมสฺมิฺหิ โลเก เสฏฺโ นาม อุปฺปชฺชมาโน อปทจตุปฺปทพหุปฺปเทสุปิ นุปฺปชฺชติ. อยํ ทฺวิปเทสุเยว อุปฺปชฺชติ. กตรทฺวิปเทสูติ? มนุสฺเสสุ เจว เทเวสุ จ. มนุสฺเสสุ อุปฺปชฺชมาโน ติสหสฺสิมหาสหสฺสิโลกธาตุ วเส กตฺตุํ สมตฺโถ พุทฺโธ หุตฺวา นิพฺพตฺตติ. เทเวสุ อุปฺปชฺชมาโน ทสสหสฺสิโลกธาตุ วสวตฺตี มหาพฺรหฺมา หุตฺวา นิพฺพตฺตติ. โส ตสฺส กปฺปิยการโก วา อารามิโก วา สมฺปชฺชติ. อิติ ตโตปิ เสฏฺตรวเสน ‘‘ทฺวิปทุตฺตโม’’ติ วุตฺโต.

ทสสหสฺสิโลกธาตุยาติ ทสสหสฺสิสงฺขาตาย โลกธาตุยา. มหิทฺธิกาติ มหติยา อิทฺธิยา ยุตฺตา, มหานุภาวาติ อตฺโถ. ปริวาเรตฺวาติ ภควนฺตํ สมนฺตโต ปริกฺขิปิตฺวา. ปสนฺนาติ สฺชาตสทฺธา. นราสภนฺติ นรปุงฺควํ. อโห อจฺฉริยนฺติ เอตฺถ อนฺธสฺส ปพฺพตาโรหนํ วิย นิจฺจํ น โหตีติ อจฺฉริยํ, อจฺฉราโยคฺคนฺติ วา อจฺฉริยํ, ‘‘อโห, อิทํ วิมฺหย’’นฺติ อจฺฉรํ ปหริตุํ ยุตฺตนฺติ อตฺโถ. อพฺภุตนฺติ อภูตปุพฺพํ อภูตนฺติ อพฺภุตํ. อุภยมฺเปตํ วิมฺหยาวหสฺสาธิวจนํ. โลมหํสนนฺติ โลมานํ อุทฺธคฺคภาวกรณํ. น เมทิสํ ภูตปุพฺพนฺติ น มยา อีทิสํ ภูตปุพฺพํ, อพฺภุตํ ทิฏฺนฺติ อตฺโถ. ทิฏฺนฺติ วจนํ อาหริตฺวา คเหตพฺพํ. อจฺเฉรนฺติ อจฺฉริยํ.

สกสกมฺหิ ภวเนติ อตฺตโน อตฺตโน ภวเน. นิสีทิตฺวานาติ อุปวิสฺส. เทวตาติ อิทํ ปน วจนํ เทวานมฺปิ เทวธีตานมฺปิ สาธารณวจนนฺติ เวทิตพฺพํ. หสนฺติตาติ ตา เทวตา มหาหสิตํ หสนฺติ, ปีติวสํ คตหทยตาย มิหิตมตฺตํ อกตฺวา อฏฺฏหาสํ หสนฺตีติ อตฺโถ. นเภติ อากาเส.

อากาสฏฺาติ อากาเส วิมานาทีสุ ิตา, เอเสว นโย ภูมฏฺเสุปิ. ติณปนฺถนิวาสิโนติ ติณคฺเคสุ เจว ปนฺเถสุ จ นิวาสิโน. ปุฺวนฺโตติ มหาปุฺา. มหิทฺธิกาติ มหานุภาวา. สงฺคีติโย ปวตฺเตนฺตีติ เทวนาฏกสงฺคีติโย ปวตฺเตนฺติ, ตถาคตํ ปูชนตฺถาย ปยุชฺชนฺตีติ อตฺโถ. อมฺพเรติ อากาเส. อนิลฺชเสติ อนิลปเถ, อมฺพรสฺส อเนกตฺถตฺตา ‘‘อนิลฺชเส’’ติ วุตฺตํ, ปุริมสฺเสว เววจนํ. จมฺมนทฺธานีติ จมฺมวินทฺธานิ. อยเมว วา ปาโ, เทวทุนฺทุภิโยติ อตฺโถ. วาเทนฺตีติ วาทยนฺติ เทวตา.

สงฺขาติ ธมนสงฺขา. ปณวาติ ตนุมชฺฌตุริยวิเสสา. ฑิณฺฑิมาติ ติณวาขุทฺทกเภริโย วุจฺจนฺติ. วชฺชนฺตีติ วาทยนฺติ. อพฺภุโต วต โนติ อจฺฉริโย วต นุ. อุปฺปชฺชีติ อุปฺปนฺโน. โลมหํสโนติ โลมหํสนกโร. ธุวนฺติ ยสฺมา ปน อพฺภุโต อยํ สตฺถา โลเก อุปฺปนฺโน, ตสฺมา ธุวํ อวสฺสํ อตฺถสิทฺธึ ลภามาติ อธิปฺปาโย. ลภามาติ ลภิสฺสาม. ขโณติ อฏฺกฺขณวิรหิโต นวโม ขโณติ อตฺโถ. โนติ อมฺหากํ. ปฏิปาทิโตติ ปฏิลทฺโธ.

พุทฺโธติ เตสํ สุตฺวานาติ พุทฺโธติ อิทํ วจนํ สุตฺวา เตสํ เทวานํ ปฺจวณฺณา ปีติ อุทปาทีติ อตฺโถ. ตาวเทติ ตสฺมึ กาเล. หิงฺการาติ หิงฺการสทฺทา, หึหินฺติ ยกฺขาทโย ปหฏฺกาเล กโรนฺติ. สาธุการาติ สาธุการสทฺทา จ ปวตฺตนฺติ. อุกฺกุฏฺีติ อุกฺกุฏฺิสทฺโท จ อุนฺนาทสทฺโท จาติ อตฺโถ. ปชาติ เทวาทโย อธิปฺเปตา. เกจิ ‘‘ปฏากา วิวิธา คคเน วตฺตนฺตี’’ติ ปนฺติ. คายนฺตีติ พุทฺธคุณปฏิสํยุตฺตํ คีตํ คายนฺติ.

เสเฬนฺตีติ มุเขน เสฬิตสทฺทํ กโรนฺติ. วาทยนฺตีติ มหตี วิปฺจิกามกรมุขาทโย วีณา จ ตุริยานิ จ ตถาคตสฺส ปูชนตฺถาย วาเทนฺติ ปโยเชนฺติ. ภุชานิ โปเถนฺตีติ ภุเช อปฺโผเฏนฺติ. ลิงฺควิปริยาโส ทฏฺพฺโพ. นจฺจนฺติ จาติ อฺเ จ นจฺจาเปนฺติ สยฺจ นจฺจนฺติ.

ยถา ตุยฺหํ มหาวีร, ปาเทสุ จกฺกลกฺขณนฺติ เอตฺถ เยน ปกาเรน ยถา. มหาวีริเยน โยคโต มหาวีโร. ปาเทสุ จกฺกลกฺขณนฺติ ตว อุโภสุ ปาทตเลสุ สหสฺสารํ สเนมิกํ สนาภิกํ สพฺพาการปริปูรํ จกฺกลกฺขณํ โสภตีติ อตฺโถ. จกฺก-สทฺโท ปนายํ สมฺปตฺติรถงฺคอิริยาปถทานรตนธมฺมขุรจกฺกลกฺขณาทีสุ ทิสฺสติ. ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, จกฺกานิ เยหิ สมนฺนาคตานํ เทวมนุสฺสาน’’นฺติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๓๑) สมฺปตฺติยํ ทิสฺสติ. ‘‘จกฺกํว วหโต ปท’’นฺติอาทีสุ (ธ. ป. ๑) รถงฺเค. ‘‘จตุจกฺกํ นวทฺวาร’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๒๙) อิริยาปเถ. ‘‘ททํ ภุฺช จ มา จ ปมาโท, จกฺกํ วตฺตย สพฺพปาณิน’’นฺติ (ชา. ๑.๗.๑๔๙) เอตฺถ ทาเน. ‘‘ทิพฺพํ จกฺกรตนํ ปาตุภูต’’นฺติ (ที. นิ. ๒.๒๔๓; ๓.๘๕; ม. นิ. ๓.๒๕๖) เอตฺถ รตนจกฺเก. ‘‘มยา ปวตฺติตํ จกฺก’’นฺติ (สุ. นิ. ๕๖๒; พุ. วํ. ๒๘.๑๗) เอตฺถ ปน ธมฺมจกฺเก. ‘‘อิจฺฉาหตสฺส โปสสฺส, จกฺกํ ภมติ มตฺถเก’’ติ (ชา. ๑.๑.๑๐๔; ๑.๕.๑๐๓) เอตฺถ ขุรจกฺเก, ปหรณจกฺเกติ อตฺโถ. ‘‘ปาทตเลสุ จกฺกานิ ชาตานี’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๕; ๓.๒๐๐, ๒๐๔; ม. นิ. ๒.๓๘๖) เอตฺถ ลกฺขเณ. อิธาปิ ลกฺขณจกฺเก ทฏฺพฺโพ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๔๘; อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๑๘๗; ๒.๔.๘; ปฏิ. ม. อฏฺ. ๒.๒.๔๔). ธชวชิรปฏากา, วฑฺฒมานงฺกุสาจิตนฺติ ธเชน จ วชิเรน จ ปฏากาย จ วฑฺฒมาเนน จ องฺกุเสน จ อาจิตํ อลงฺกตํ ปริวาริตํ ปาเทสุ จกฺกลกฺขณนฺติ อตฺโถ. จกฺกลกฺขเณ ปน คหิเต เสสลกฺขณานิ คหิตาเนว โหนฺติ. ตถา อสีติ อนุพฺยฺชนานิ พฺยามปฺปภา จ. ตสฺมา เตหิ ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณาสีติอนุพฺยฺชนพฺยามปฺปภาหิ สมลงฺกโต ภควโต กาโย สพฺพผาลิผุลฺโล วิย ปาริจฺฉตฺตโก วิกสิตปทุมํ วิย กมลวนํ วิวิธรตนวิจิตฺตํ วิย นวกนกโตรณํ ตารามรีจิวิราชิตมิว คคนตลํ อิโต จิโต จ วิธาวมานา วิปฺผนฺทมานา ฉพฺพณฺณพุทฺธรสฺมิโย มุฺจมาโน อติวิย โสภติ.

อิทานิ ภควโต รูปกายธมฺมกายสมฺปตฺติทสฺสนตฺถํ –

๓๘.

‘‘รูเป สีเล สมาธิมฺหิ, ปฺาย จ อสาทิโส;

วิมุตฺติยา อสมสโม, ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตเน’’ติ. – อยํ คาถา วุตฺตา;

ตตฺถ รูเปติ อยํ รูป-สทฺโท ขนฺธภวนิมิตฺตปจฺจยสรีรวณฺณสณฺานาทีสุ ทิสฺสติ. ยถาห – ‘‘ยํ กิฺจิ รูปํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺน’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๓๖๑; ๓.๘๖, ๘๙; วิภ. ๒; มหาว. ๒๒) เอตฺถ รูปกฺขนฺเธ ทิสฺสติ. ‘‘รูปูปปตฺติยา มคฺคํ ภาเวตี’’ติ (ธ. ส. ๑๖๐-๑๖๑; วิภ. ๖๒๔) เอตฺถ รูปภเว. ‘‘อชฺฌตฺตํ อรูปสฺี พหิทฺธา รูปานิ ปสฺสตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๓๘; ม. นิ. ๒.๒๔๙; อ. นิ. ๑.๔๓๕-๔๔๒; ธ. ส. ๒๐๔-๒๐๕) เอตฺถ กสิณนิมิตฺเต. ‘‘สรูปา, ภิกฺขเว, อุปฺปชฺชนฺติ ปาปกา อกุสลา ธมฺมา โน อรูปา’’ติ (อ. นิ. ๒.๘๓) เอตฺถ ปจฺจเย. ‘‘อากาโส ปริวาริโต รูปนฺตฺเวว สงฺขํ คจฺฉตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๐๖) เอตฺถ สรีเร. ‘‘จกฺขุฺจ ปฏิจฺจ รูเป จ อุปฺปชฺชติ จกฺขุวิฺาณ’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๒๐๔, ๔๐๐; ๓.๔๒๑, ๔๒๕-๔๒๖; สํ. นิ. ๔.๖๐; กถา. ๔๖๕) เอตฺถ วณฺเณ. ‘‘รูปปฺปมาโณ รูปปฺปสนฺโน’’ติ (อ. นิ. ๔.๖๕) เอตฺถ สณฺาเน. อิธาปิ สณฺาเน ทฏฺพฺโพ (อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๑ รูปาทิวคฺควณฺณนา). สีเลติ จตุพฺพิเธ สีเล. สมาธิมฺหีติ ติวิเธปิ สมาธิมฺหิ. ปฺายาติ โลกิยโลกุตฺตราย ปฺาย. อสาทิโสติ อสทิโส อนุปโม. วิมุตฺติยาติ ผลวิมุตฺติยา. อสมสโมติ อสมา อตีตา พุทฺธา เตหิ อสเมหิ พุทฺเธหิ สีลาทีหิ สโมติ อสมสโม. เอตฺตาวตา ภควโต รูปกายสมฺปตฺติ ทสฺสิตา.

อิทานิ ภควโต กายพลาทึ ทสฺเสตุํ –

๓๙.

‘‘ทสนาคพลํ กาเย, ตุยฺหํ ปากติกํ พลํ;

อิทฺธิพเลน อสโม, ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตเน’’ติ. – วุตฺตํ;

ตตฺถ ทสนาคพลนฺติ ทสฉทฺทนฺตนาคพลํ. ทุวิธฺหิ ตถาคตสฺส พลํ – กายพลํ, าณพลฺจาติ. ตตฺถ กายพลํ หตฺถิกุลานุสาเรน เวทิตพฺพํ. กถํ?

‘‘กาฬาวกฺจ คงฺเคยฺยํ, ปณฺฑรํ ตมฺพปิงฺคลํ;

คนฺธมงฺคลเหมฺจ, อุโปสถฉทฺทนฺติเม ทสา’’ติ.(ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๔๘; สํ. นิ. อฏฺ. ๒.๒.๒๒; อ. นิ. อฏฺ. ๓.๑๐.๒๑; ที. นิ. อฏฺ. ๒.๑๙๘; วิภ. อฏฺ. ๗๖๐; อุทา. อฏฺ. ๗๕; จูฬนิ. อฏฺ. ๘๑; ปฏิ. ม. อฏฺ. ๒.๒.๔๔) –

อิมานิ ทส หตฺถิกุลานิ เวทิตพฺพานิ. กาฬาวโกติ ปกติหตฺถิกุลํ. ยํ ทสนฺนํ ปุริสานํ กายพลํ, ตํ เอกสฺส กาฬาวกสฺส หตฺถิโน พลํ. ยํ ทสนฺนํ กาฬาวกานํ พลํ, ตํ เอกสฺส คงฺเคยฺยสฺสาติ เอเตเนว อุปาเยน ยาว ฉทฺทนฺตพลํ เนตพฺพนฺติ. ยํ ทสนฺนํ ฉทฺทนฺตานํ พลํ, ตํ เอกสฺส ตถาคตสฺส พลํ, นารายนพลํ วชิรพลนฺติ อิทเมว วุจฺจติ. ตเทตํ ปกติหตฺถิคณนาย หตฺถิโกฏิสหสฺสานํ พลํ, ปุริสคณนาย ทสนฺนํ ปุริสโกฏิสหสฺสานํ พลํ โหติ. อิทํ ตาว ตถาคตสฺส ปกติกายพลํ, าณพลํ ปน อปฺปเมยฺยํ ทสพลาณํ จตุเวสารชฺชาณํ อฏฺสุ ปริสาสุ อกมฺปนาณํ จตุโยนิปริจฺเฉทกาณํ ปฺจคติปริจฺเฉทกาณํ จุทฺทส พุทฺธาณานีติ เอวมาทิกํ าณพลํ. อิธ ปน กายพลํ อธิปฺเปตํ. กาเย, ตุยฺหํ ปากติกํ พลนฺติ ตฺจ ปน ตว กาเย ปากติกพลนฺติ อตฺโถ. ตสฺมา ‘‘ทสนาคพล’’นฺติ ทสฉทฺทนฺตนาคพลนฺติ อตฺโถ.

อิทานิ าณพลํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิทฺธิพเลน อสโม, ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตเน’’ติ อาห. ตตฺถ อิทฺธิพเลน อสโมติ วิกุพฺพนาธิฏฺานาทินา อิทฺธิพเลน อสโม อสทิโส อนุปโม. ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตเนติ เทสนาาเณปิ อสโมติ อตฺโถ.

อิทานิ ‘‘โย เอวมาทิคุณสมนฺนาคโต สตฺถา, โส สพฺพโลเกกนายโก, ตํ สตฺถารํ นมสฺสถา’’ติ ตถาคตสฺส ปณามเน นิโยคทสฺสนตฺถํ –

๔๐.

‘‘เอวํ สพฺพคุณูเปตํ, สพฺพงฺคสมุปาคตํ;

มหามุนึ การุณิกํ, โลกนาถํ นมสฺสถา’’ติ. – วุตฺตํ;

ตตฺถ เอวนฺติ วุตฺตปฺปการนิทสฺสเน นิปาโต. สพฺพคุณูเปตนฺติ เอตฺถ สพฺโพติ อยํ นิรวเสสวาจี. คุโณติ อยํ คุณ-สทฺโท อเนเกสุ อตฺเถสุ ทิสฺสติ. ตถา เหส – ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อหตานํ วตฺถานํ ทิคุณํ สงฺฆาฏิ’’นฺติ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๕๔๖; มหาว. ๓๔๘) เอตฺถ ปฏลตฺเถ ทิสฺสติ. ‘‘อจฺเจนฺติ กาลา ตรยนฺติ รตฺติโย, วโยคุณา อนุปุพฺพํ ชหนฺตี’’ติ (สํ. นิ. ๑.๔) เอตฺถ ราสตฺเถ. ‘‘สตคุณา ทกฺขิณา ปาฏิกงฺขิตพฺพา’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๗๙) เอตฺถ อานิสํสตฺเถ. ‘‘อนฺตํ อนฺตคุณํ’’ (ที. นิ. ๒.๓๗๗; ม. นิ. ๑.๑๑๐, ๓๐๒; ๒.๑๑๔; ๓.๑๕๔, ๓๔๙; ขุ. ปา. ๓.ทฺวตฺตึสาการ) ‘‘กยิรา มาลาคุเณ พหู’’ติ (ธ. ป. ๕๓) เอตฺถ พนฺธนตฺเถ. ‘‘อฏฺคุณสมุเปตํ, อภิฺาพลมาหริ’’นฺติ (พุ. วํ. ๒.๒๙) เอตฺถ สมฺปตฺติอตฺเถ. อิธาปิ สมฺปตฺติอตฺเถ ทฏฺพฺโพ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๕๔๖; ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๖๖; จูฬนิ. อฏฺ. ๑๓๖). ตสฺมา สพฺเพหิ โลกิยโลกุตฺตเรหิ คุเณหิ สพฺพสมฺปตฺตีหิ อุเปตํ สมนฺนาคตนฺติ อตฺโถ. สพฺพงฺคสมุปาคตนฺติ สพฺเพหิ พุทฺธคุเณหิ คุณงฺเคหิ วา สมุปาคตํ สมนฺนาคตํ. มหามุนินฺติ อฺเหิ ปจฺเจกพุทฺธาทีหิ มุนีหิ อธิกภาวโต มหนฺโต มุนีติ วุจฺจติ มหามุนิ. การุณิกนฺติ กรุณาคุณโยคโต การุณิกํ. โลกนาถนฺติ สพฺพโลเกกนาถํ, สพฺพโลเกหิ ‘‘อยํ โน ทุกฺโขปตาปสฺส อาหนฺตา สเมตา’’ติ เอวมาสีสียตีติ อตฺโถ.

อิทานิ ทสพลสฺส สพฺพนิปจฺจาการสฺส อรหภาวทสฺสนตฺถํ –

๔๑.

‘‘อภิวาทนํ โถมนฺจ, วนฺทนฺจ ปสํสนํ;

นมสฺสนฺจ ปูชฺจ, สพฺพํ อรหสี ตุวํ.

๔๒.

‘‘เย เกจิ โลเก วนฺทเนยฺยา, วนฺทนํ อรหนฺติ เย;

สพฺพเสฏฺโ มหาวีร, สทิโส เต น วิชฺชตี’’ติ. – วุตฺตํ;

ตตฺถ อภิวาทนนฺติ อฺเหิ อตฺตโน อภิวาทนการาปนํ. โถมนนฺติ ปรมฺมุขโต ถุติ. วนฺทนนฺติ ปณามนํ. ปสํสนนฺติ สมฺมุขโต ปสํสนํ. นมสฺสนนฺติ อฺชลิกรณํ, มนสา นมสฺสนํ วา. ปูชนนฺติ มาลาคนฺธวิเลปนาทีหิ ปูชนฺจ. สพฺพนฺติ สพฺพมฺปิ ตํ วุตฺตปฺปการํ สกฺการวิเสสํ ตุวํ อรหสิ ยุตฺโตติ อตฺโถ. เย เกจิ โลเก วนฺทเนยฺยาติ เย เกจิ โลเก วนฺทิตพฺพา วนฺทนียา วนฺทนํ อรหนฺติ. เยติ เย ปน โลเก วนฺทนํ อรหนฺติ. อิทํ ปน ปุริมปทสฺเสว เววจนํ. สพฺพเสฏฺโติ สพฺเพสํ เตสํ เสฏฺโ อุตฺตโม, ตฺวํ มหาวีร สทิโส เต โลเก โกจิ น วิชฺชตีติ อตฺโถ.

อถ ภควติ ยมกปาฏิหาริยํ ทสฺเสตฺวา รตนจงฺกมํ มาเปตฺวา ตตฺร จงฺกมมาเน อายสฺมา สาริปุตฺโต ราชคเห วิหรติ คิชฺฌกูเฏ ปพฺพเต ปฺจหิ ปริวารภิกฺขุสเตหิ. อถ เถโร ภควนฺตํ โอโลเกนฺโต อทฺทส กปิลปุเร อากาเส รตนจงฺกเม จงฺกมมานํ. เตน วุตฺตํ –

๔๓.

‘‘สาริปุตฺโต มหาปฺโ, สมาธิชฺฌานโกวิโท;

คิชฺฌกูเฏ ิโตเยว, ปสฺสติ โลกนายก’’นฺติ. – อาทิ;

ตตฺถ สาริปุตฺโตติ รูปสาริยา นาม พฺราหฺมณิยา ปุตฺโตติ สาริปุตฺโต. มหาปฺโติ มหติยา โสฬสวิธาย ปฺาย สมนฺนาคโตติ มหาปฺโ. สมาธิชฺฌานโกวิโทติ เอตฺถ สมาธีติ จิตฺตํ สมํ อาทหติ อารมฺมเณ เปตีติ สมาธิ. โส ติวิโธ โหติ สวิตกฺกสวิจาโร อวิตกฺกวิจารมตฺโต อวิตกฺกอวิจาโร สมาธีติ. ฌานนฺติ ปมชฺฌานํ ทุติยชฺฌานํ ตติยชฺฌานํ จตุตฺถชฺฌานนฺติ อิเมหิ ปมชฺฌานาทีหิ เมตฺตาฌานาทีนิปิ สงฺคหิตาเนว โหนฺติ, ฌานมฺปิ ทุวิธํ โหติ ลกฺขณูปนิชฺฌานํ อารมฺมณูปนิชฺฌานนฺติ. ตตฺถ อนิจฺจาทิลกฺขณํ อุปนิชฺฌายตีติ วิปสฺสนาาณํ ‘‘ลกฺขณูปนิชฺฌาน’’นฺติ วุจฺจติ. ปมชฺฌานาทิกํ ปน อารมฺมณูปนิชฺฌานโต ปจฺจนีกฌาปนโต วา ฌานนฺติ วุจฺจติ. สมาธีสุ จ ฌาเนสุ จ โกวิโทติ สมาธิชฺฌานโกวิโท, สมาธิชฺฌานกุสโลติ อตฺโถ. คิชฺฌกูเฏติ เอวํนามเก ปพฺพเต ิโตเยว ปสฺสตีติ ปสฺสิ.

๔๔. สุผุลฺลํ สาลราชํ วาติ สมวฏฺฏกฺขนฺธํ สมุคฺคตวิปุลโกมลผลปลฺลวงฺกุรสมลงฺกตสาขํ สพฺพผาลิผุลฺลํ สาลราชํ วิย สีลมูลํ สมาธิกฺขนฺธํ ปฺาสาขํ อภิฺาปุปฺผํ วิมุตฺติผลํ ทสพลสาลราชํ โอโลเกสีติ เอวํ โอโลกปเทน สมฺพนฺโธ. จนฺทํว คคเน ยถาติ อพฺภาหิมธูมรโชราหุปสคฺควินิมุตฺตํ ตารคณปริวุตํ สรทสมเย ปริปุณฺณํ วิย รชนิกรํ สพฺพกิเลสติมิรวิธมนกรํ เวเนยฺยชนกุมุทวนวิกสนกรํ มุนิวรรชนิกรํ โอโลเกตีติ อตฺโถ. ยถาติ นิปาตมตฺตํ. มชฺฌนฺหิเกว สูริยนฺติ มชฺฌนฺหิกสมเย สิริยา ปฏุตรกิรณมาลินํ อํสุมาลินมิว วิโรจมานํ. นราสภนฺติ นรวสภํ.

๔๕. ชลนฺตนฺติ ททฺทฬฺหมานํ, สรทสมยํ ปริปุณฺณจนฺทสสฺสิริกจารุวทนโสภํ ลกฺขณานุพฺยฺชนสมลงฺกตวรสรีรํ ปรมาย พุทฺธสิริยา วิโรจมานนฺติ อตฺโถ. ทีปรุกฺขํ วาติ อาโรปิตทีปํ ทีปรุกฺขมิว. ตรุณสูริยํว อุคฺคตนฺติ อภินโวทิตาทิจฺจมิว, โสมฺมภาเวน ชลนฺตนฺติ อตฺโถ. สูริยสฺส ตรุณภาโว ปน อุทยํ ปฏิจฺจ วุจฺจติ. น หิ จนฺทสฺส วิย หานิวุทฺธิโย อตฺถิ. พฺยามปฺปภานุรฺชิตนฺติ พฺยามปฺปภาย อนุรฺชิตํ. ธีรํ ปสฺสติ โลกนายกนฺติ สพฺพโลเกกธีรํ ปสฺสติ นายกนฺติ อตฺโถ.

อถายสฺมา ธมฺมเสนาปติ อติสีตลสลิลธรนิกรปริจุมฺพิตกูเฏ นานาวิธสุรภิตรุกุสุมวาสิตกูเฏ ปรมรุจิรจิตฺตกูเฏ คิชฺฌกูเฏ ปพฺพเต ตฺวาว ทสหิ จกฺกวาฬสหสฺเสหิ อาคเตหิ เทวพฺรหฺมคเณหิ ปริวุตํ ภควนฺตํ อนุตฺตราย พุทฺธสิริยา อโนปมาย พุทฺธลีฬาย สพฺพรตนมเย จงฺกเม จงฺกมมานํ ทิสฺวา – ‘‘หนฺทาหํ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา พุทฺธคุณปริทีปนํ พุทฺธวํสเทสนํ ยาเจยฺย’’นฺติ จินฺเตตฺวา อตฺตนา สทฺธึ วสมานานิ ปฺจ ภิกฺขุสตานิ สนฺนิปาเตสิ. เตน วุตฺตํ –

๔๖.

‘‘ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ, กตกิจฺจาน ตาทินํ;

ขีณาสวานํ วิมลานํ, ขเณน สนฺนิปาตยี’’ติ.

ตตฺถ ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานนฺติ ปฺจ ภิกฺขุสตานิ, อุปโยคตฺเถ สามิวจนํ ทฏฺพฺพํ. กตกิจฺจานนฺติ จตูสุ สจฺเจสุ จตูหิ มคฺเคหิ ปริฺาปหานสจฺฉิกิริยภาวนาวเสน ปรินิฏฺิตโสฬสกิจฺจานนฺติ อตฺโถ. ขีณาสวานนฺติ ปริกฺขีณจตุราสวานํ. วิมลานนฺติ วิคตมลานํ, ขีณาสวตฺตา วา วิมลานํ ปรมปริสุทฺธจิตฺตสนฺตานานนฺติ อตฺโถ. ขเณนาติ ขเณเยว. สนฺนิปาตยีติ สนฺนิปาเตสิ.

อิทานิ เตสํ ภิกฺขูนํ สนฺนิปาเต คมเน จ การณํ ทสฺสนตฺถํ –

๔๗.

‘‘โลกปฺปสาทนํ นาม, ปาฏิหีรํ นิทสฺสยิ;

อมฺเหปิ ตตฺถ คนฺตฺวาน, วนฺทิสฺสาม มยํ ชินํ.

๔๘.

‘‘เอถ สพฺเพ คมิสฺสาม, ตุจฺฉิสฺสาม มยํ ชินํ;

กงฺขํ วิโนทยิสฺสาม, ปสฺสิตฺวา โลกนายก’’นฺติ. – อิมา คาถาโย วุตฺตา;

ตตฺถ โลกปฺปสาทนํ นามาติ โลกสฺส ปสาทกรณโต โลกปฺปสาทนํ ปาฏิหีรํ วุจฺจติ. ‘‘อุลฺโลกปฺปสาทนํ นามาติปิ ปาโ, ตสฺส โลกวิวรณปาฏิหาริยนฺติ อตฺโถ. ตํ ปน อุทฺธํ อกนิฏฺภวนโต เหฏฺา ยาว อวีจิ เอตฺถนฺตเร เอกาโลกํ กตฺวา เอตฺถนฺตเร สพฺเพสมฺปิ สตฺตานํ อฺมฺํ ทสฺสนกรณาธิฏฺานนฺติ วุจฺจติ. นิทสฺสยีติ ทสฺเสสิ. อมฺเหปีติ มยมฺปิ. ตตฺถาติ ยตฺถ ภควา, ตตฺถ คนฺตฺวานาติ อตฺโถ. วนฺทิสฺสามาติ มยํ ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทิสฺสาม. เอตฺถ ปน อมฺเหปิ, มยนฺติ อิเมสํ ทฺวินฺนํ สทฺทานํ ปุริมสฺส คมนกิริยาย สมฺพนฺโธ ทฏฺพฺโพ, ปจฺฉิมสฺส วนฺทนกิริยาย. อิตรถา หิ ปุนรุตฺติโทสโต น มุจฺจติ.

เอถาติ อาคจฺฉถ. กงฺขํ วิโนทยิสฺสามาติ เอตฺถาห – ขีณาสวานํ ปน กงฺขา นาม กาจิปิ นตฺถิ, กสฺมา เถโร เอวมาหาติ? สจฺจเมเวตํ, ปมมคฺเคเนว สมุจฺเฉทํ คตา. ยถาห –

‘‘กตเม ธมฺมา ทสฺสเนน ปหาตพฺพาติ? จตฺตาโร ทิฏฺิคตสมฺปยุตฺตจิตฺตุปฺปาทา วิจิกิจฺฉาสหคโต จิตฺตุปฺปาโท อปายคมนีโย โลโภ โทโส โมโห มาโน ตเทกฏฺา จ กิเลสา’’ติ (ธ. ส. ๑๔๐๕ โถกํ วิสทิสํ).

น ปเนสา วิจิกิจฺฉาสงฺขาตา กงฺขาติ, กินฺตุ ปฺตฺติอชานนํ นาม. เถโร ปน ภควนฺตํ พุทฺธวํสํ ปุจฺฉิตุกาโม, โส ปน พุทฺธานํเยว วิสโย, น ปจฺเจกพุทฺธพุทฺธสาวกานํ, ตสฺมา เถโร อวิสยตฺตา เอวมาหาติ เวทิตพฺพํ. วิโนทยิสฺสามาติ วิโนเทสฺสาม.

อถ โข เต ภิกฺขู เถรสฺส วจนํ สุตฺวา อตฺตโน อตฺตโน ปตฺตจีวรมาทาย สุวมฺมิตา วิย มหานาคา ปภินฺนกิเลสา ฉินฺนพนฺธนา อปฺปิจฺฉา สนฺตุฏฺา ปวิวิตฺตา อสํสฏฺา สีลสมาธิปฺาวิมุตฺติวิมุตฺติาณทสฺสนสมฺปนฺนา ตรมานา สนฺนิปตฺตึสุ. เตน วุตฺตํ –

๔๙.

‘‘สาธูติ เต ปฏิสฺสุตฺวา, นิปกา สํวุตินฺทฺริยา;

ปตฺตจีวรมาทาย, ตรมานา อุปาคมุ’’นฺติ.

ตตฺถ สาธูติ อยํ สาธุ-สทฺโท อายาจนสมฺปฏิจฺฉนสมฺปหํสนสุนฺทราทีสุ ทิสฺสติ. ตถา เหส – ‘‘สาธุ เม, ภนฺเต ภควา, สํขิตฺเตน ธมฺมํ เทเสตู’’ติอาทีสุ (สํ. นิ. ๔.๙๕; ๕.๓๘๒; อ. นิ. ๔.๒๕๗) อายาจเน ทิสฺสติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเตติ โข โส ภิกฺขุ ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๘๖) สมฺปฏิจฺฉเน. ‘‘สาธุ สาธุ, สาริปุตฺตา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๓.๓๔๙) สมฺปหํสเน.

‘‘สาธุ ธมฺมรุจิ ราชา, สาธุ ปฺาณวา นโร;

สาธุ มิตฺตานมทฺทุพฺโภ, ปาปสฺสากรณํ สุข’’นฺติ. –

อาทีสุ (ชา. ๒.๑๘.๑๐๑) สุนฺทเร. อิธ สมฺปฏิจฺฉเน. ตสฺมา สาธุ สุฏฺูติ เถรสฺส วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวาติ อตฺโถ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๑๘๙; ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑ สุตฺตนิกฺเขปวณฺณนา; สํ. นิ. อฏฺ. ๑.๑๑๕ อคฺคิกภารทฺวาชสุตฺตวณฺณนา). นิปกาติ ปณฺฑิตา ปฺวนฺตา. สํวุตินฺทฺริยาติ อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารา, อินฺทฺริยสํวรสมนฺนาคตาติ อตฺโถ. ตรมานาติ ตุริตา. อุปาคมุนฺติ เถรํ อุปสงฺกมึสุ.

๕๐-๑. อิทานิ ธมฺมเสนาปติสฺส ปวตฺตึ ทสฺเสนฺเตหิ สงฺคีติการเกหิ ‘‘ขีณาสเวหิ วิมเลหี’’ติอาทิคาถาโย วุตฺตา ตตฺถ ทนฺเตหีติ กาเยน จ จิตฺเตน จ ทนฺเตหิ. อุตฺตเม ทเมติ อรหตฺเต, นิมิตฺตตฺเถ ภุมฺมํ ทฏฺพฺพํ. เตหิ ภิกฺขูหีติ ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ. มหาคณีติ สีลาทีหิ จ สงฺขฺยาวเสน จ มหนฺโต คโณ อสฺส อตฺถีติ มหาคณี, นานาปทวเสน วา สีลาทีหิ คุเณหิ มหนฺโต คโณติ มหาคโณ, มหาคโณ อสฺส อตฺถีติ มหาคณี. ลฬนฺโต เทโวว คคเนติ อิทฺธิวิลาเสน วิลาเสนฺโต เทโว วิย คคนตเล ภควนฺตํ อุปสงฺกมีติ อตฺโถ.

๕๒. อิทานิ ‘‘เต อิตฺถมฺภูตา อุปสงฺกมึสู’’ติ อุปสงฺกมวิธานทสฺสนตฺถํ ‘‘อุกฺกาสิตฺจ ขิปิต’’นฺติอาทิ อารทฺธํ. ตตฺถ อุกฺกาสิตฺจาติ อุกฺกาสิตสทฺทฺจ. ขิปิตนฺติ ขิปิตสทฺทฺจ. อชฺฌุเปกฺขิยาติ อุเปกฺขิตฺวา, ตํ อุภยํ อกตฺวาติ อธิปฺปาโย. สุพฺพตาติ สุวิมลธุตคุณา. สปฺปติสฺสาติ สหปติสฺสยา, นีจวุตฺติโนติ อตฺโถ.

๕๓. สยมฺภุนฺติ สยเมว อฺาปเทสํ วินา ปารมิโย ปูเรตฺวา อธิคตพุทฺธภาวนฺติ อตฺโถ. อจฺจุคฺคตนฺติ อภินโวทิตํ. จนฺทํ วาติ จนฺทํ วิย, นเภ ชลนฺตํ ภควนฺตํ คคเน จนฺทํ วิย ปสฺสนฺตีติ เอวํ ปทสมฺพนฺโธ ทฏฺพฺโพ. อิธาปิ ยถา-สทฺโท นิปาตมตฺโตว.

๕๔. วิชฺชุํ วาติ วิชฺชุฆนํ วิย. ยทิ จิรฏฺิติกา อจิรปฺปภา อสฺส ตาทิสนฺติ อตฺโถ. คคเน ยถาติ อากาเส ยถา, อิธาปิ ยถา-สทฺโท นิปาตมตฺโตว. อิโต ปรมฺปิ อีทิเสสุ าเนสุ ยถา-สทฺโท นิปาตมตฺโตติ ทฏฺพฺโพ.

๕๕. รหทมิว วิปฺปสนฺนนฺติ อติคมฺภีรวิตฺถตํ มหารหทํ วิย อนาวิลํ วิปฺปสนฺนํ สลิลํ. สุผุลฺลํ ปทุมํ ยถาติ สุวิกสิตปทุมวนํ รหทมิวาติ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ‘‘สุผุลฺลํ กมลํ ยถา’’ติปิ ปาโ, ตสฺส กมนียภาเวน สุผุลฺลํ กมลวนมิวาติ อตฺโถ.

๕๖. อถ เต ภิกฺขู ธมฺมเสนาปติปฺปมุขา อฺชลึ สิรสิ กตฺวา ทสพลสฺส จกฺกาลงฺกตตเลสุ ปาเทสุ นิปตึสูติ อตฺโถ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อฺชลึ ปคฺคเหตฺวาน, ตุฏฺหฏฺา ปโมทิตา’’ติอาทิ. ตตฺถ นิปตนฺตีติ นิปตึสุ, วนฺทึสูติ อตฺโถ. จกฺกลกฺขเณติ จกฺกํ ลกฺขณํ ยสฺมึ ปาเท โส ปาโท จกฺกลกฺขโณ, ตสฺมึ จกฺกลกฺขเณ. ชาติวเสน ‘‘ปาเท’’ติ วุตฺตํ, สตฺถุโน จกฺกาลงฺกตตเลสุ ปาเทสุ นิปตึสูติ อตฺโถ.

๕๗. อิทานิ เตสํ เกสฺจิ เถรานํ นามํ ทสฺเสนฺเตหิ ‘‘สาริปุตฺโต มหาปฺโ, โกรณฺฑสมสาทิโส’’ติอาทิ คาถาโย วุตฺตา. ตตฺถ โกรณฺฑสมสาทิโสติ โกรณฺฑกุสุมสทิสวณฺโณ, ยทิ เอวํ ‘‘โกรณฺฑสโม’’ติ วา, ‘‘โกรณฺฑสทิโส’’ติ วา วตฺตพฺพํ, กึ ทฺวิกฺขตฺตุํ ‘‘สมสาทิโส’’ติ วุตฺตนฺติ เจ? นายํ โทโส, ตาทิโส โกรณฺฑสมตฺตา โกรณฺฑสทิสภาเวเนว โกรณฺฑสมสาทิโส. น ปนาธิกวจนวเสนาติ อธิปฺปาโย. สมาธิชฺฌานกุสโลติ เอตฺถ อยํ กุสล-สทฺโท ตาว อโรคฺยานวชฺชเฉกสุขวิปากาทีสุ ทิสฺสติ. อยฺหิ ‘‘กจฺจิ นุ โภโต กุสลํ, กจฺจิ โภโต อนามย’’นฺติอาทีสุ (ชา. ๑.๑๕.๑๔๖; ๒.๒๐.๑๒๙) อาโรคฺเย ทิสฺสติ. ‘‘กตโม ปน, ภนฺเต, กายสมาจาโร กุสโล? โย โข, มหาราช, กายสมาจาโร อนวชฺโช’’ติ (ม. นิ. ๒.๓๖๑) เอวมาทีสุ อนวชฺเช. ‘‘กุสโล ตฺวํ รถสฺส องฺคปจฺจงฺคาน’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๘๗) เฉเก. ‘‘กุสลสฺส กมฺมสฺส กตตฺตา อุปจิตตฺตา’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๔๓๑ อาทโย) สุขวิปาเก. อิธ ปน เฉเก ทฏฺพฺโพ. วนฺทเตติ วนฺทิตฺถ.

๕๘. คชฺชิตาติ คชฺชนฺตีติ คชฺชิตา. กาลเมโฆ วาติ นีลสลิลธโร วิย คชฺชิตา อิทฺธิวิสเยติ อธิปฺปาโย. นีลุปฺปลสมสาทิโสติ นีลกุวลยสทิสวณฺโณ. เหฏฺา วุตฺตนเยเนเวตฺถาปิ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. โมคฺคลฺลาโนติ เอวํ โคตฺตวเสน ลทฺธนาโม โกลิโต.

๕๙. มหากสฺสโปปิ จาติ อุรุเวลกสฺสปนทีกสฺสปคยากสฺสปกุมารกสฺสเป ขุทฺทานุขุทฺทเก เถเร อุปาทาย อยํ มหา, ตสฺมา ‘‘มหากสฺสโป’’ติ วุตฺโต. ปิ จาติ สมฺภาวนสมฺปิณฺฑนตฺโถ. อุตฺตตฺตกนกสนฺนิโภติ สนฺตตฺตสุวณฺณสทิสฉวิวณฺโณ. ธุตคุเณติ เอตฺถ กิเลสธุนนโต ธมฺโม ธุโต นาม, ธุตคุโณ นาม ธุตธมฺโม. กตโม ปน ธุตธมฺโม นาม? อปฺปิจฺฉตา, สนฺตุฏฺิตา, สลฺเลขตา, ปวิเวกตา, อิทมฏฺิกตาติ อิเม ธุตงฺคเจตนาย ปริวารภูตา ปฺจ ธมฺมา ‘‘อปฺปิจฺฉํเยว นิสฺสายา’’ติอาทิวจนโต ธุตธมฺมา นาม. อถ วา กิเลเส ธุนนโต าณํ ธุตํ นาม, ตสฺมึ ธุตคุเณ. อคฺคนิกฺขิตฺโตติ อคฺโค เสฏฺโ โกฏิภูโตติ ปิโต. ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ ธุตวาทานํ ยทิทํ มหากสฺสโป’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๘๘, ๑๙๑) านนฺตเร ปิโตติ อตฺโถ. อยํ ปน อคฺค-สทฺโท อาทิโกฏิโกฏฺาสเสฏฺาทีสุ ทิสฺสติ. ตถา เหส – ‘‘อชฺชตคฺเค, สมฺม โทวาริก, อาวรามิ ทารํ นิคณฺานํ นิคณฺีน’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๗๐) อาทิมฺหิ ทิสฺสติ. ‘‘เตเนว องฺคุลคฺเคน ตํ องฺคุลคฺคํ ปรามเสยฺย’’ (กถา. ๔๔๑), ‘‘อุจฺฉคฺคํ เวฬคฺค’’นฺติอาทีสุ โกฏิยํ. ‘‘อมฺพิลคฺคํ วา มธุรคฺคํ วา’’ (สํ. นิ. ๕.๓๗๔) ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, วิหารคฺเคน วา ปริเวณคฺเคน วา ภาเชตุ’’นฺติอาทีสุ (จูฬว. ๓๑๘) โกฏฺาเส. ‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, สตฺตา อปทา วา ทฺวิปทา วา…เป… ตถาคโต เตสํ อคฺคมกฺขายตี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๓๔) เสฏฺเ. สฺวายมิธ เสฏฺเ ทฏฺพฺโพ. โกฏิยมฺปิ วตฺตติ. เถโร อตฺตโน าเน เสฏฺโ เจว โกฏิภูโต จ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อคฺคนิกฺขิตฺโต’’ติ, อคฺโค เสฏฺโ โกฏิภูโตติ อตฺโถ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๒๕๐ สรณคมนกถา; ปารา. อฏฺ. ๑.๑๕). โถมิโตติ ปสํสิโต เทวมนุสฺสาทีหิ. สตฺถุ วณฺณิโตติ สตฺถารา วณฺณิโต ถุโต, ‘‘กสฺสโป, ภิกฺขเว, จนฺทูปโม กุลานิ อุปสงฺกมติ อปกสฺเสว กายํ อปกสฺส จิตฺตํ นิจฺจนวโก กุเลสุ อปฺปคพฺโภ’’ติ เอวมาทีหิ อเนเกหิ สุตฺตนเยหิ (สํ. นิ. ๒.๑๔๖) วณฺณิโต ปสตฺโถ, โสปิ ภควนฺตํ วนฺทตีติ อตฺโถ.

๖๐. ทิพฺพจกฺขูนนฺติ ทิพฺพํ จกฺขุ เยสํ อตฺถิ เต ทิพฺพจกฺขู, เตสํ ทิพฺพจกฺขูนํ ภิกฺขูนํ อคฺโค เสฏฺโติ อตฺโถ. ยถาห – ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ ทิพฺพจกฺขุกานํ ยทิทํ อนุรุทฺโธ’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๘๘, ๑๙๒). อนุรุทฺธตฺเถโร ภควโต จูฬปิตุโน อมิโตทนสฺส นาม สกฺกสฺส ปุตฺโต มหานามสฺส กนิฏฺภาตา มหาปุฺโ ปรมสุขุมาโล, โส อตฺตสตฺตโม นิกฺขมิตฺวา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต, ตสฺส ปพฺพชฺชานุกฺกโม สงฺฆเภทกกฺขนฺธเก (จูฬว. ๓๓๐ อาทโย) อาคโตว. อวิทูเร วาติ ภควโต สนฺติเกเยว.

๖๑. อาปตฺติอนาปตฺติยาติ อาปตฺติยฺจ อนาปตฺติยฺจ โกวิโท. สเตกิจฺฉายาติ สปฺปฏิกมฺมายปิ อปฺปฏิกมฺมายปิ จาติ อตฺโถ. ตตฺถ สปฺปฏิกมฺมา สา ฉพฺพิธา โหติ, อปฺปฏิกมฺมา สา ปาราชิกาปตฺติ. ‘‘อาปตฺติอนาปตฺติยา, สเตกิจฺฉาย โกวิโท’’ติปิ ปาโ, โสเยว อตฺโถ. วินเยติ วินยปิฏเก. อคฺคนิกฺขิตฺโตติ ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ วินยธรานํ ยทิทํ, อุปาลี’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๑๙, ๒๒๘) เอตทคฺคฏฺาเน ปิโตติ อตฺโถ. อุปาลีติ อุปาลิตฺเถโร. สตฺถุ วณฺณิโตติ สตฺถารา วณฺณิโต ปสตฺโถ. เถโร กิร ตถาคตสฺเสว สนฺติเก วินยปิฏกํ อุคฺคณฺหิตฺวา ภารุกจฺฉกวตฺถุํ (ปารา. ๗๘), อชฺชุกวตฺถุํ (ปารา. ๑๕๘), กุมารกสฺสปวตฺถุนฺติ (ม. นิ. ๑.๒๔๙) อิมานิ ตีณิ วตฺถูนิ สพฺพฺุตฺาเณน สทฺธึ สํสนฺทิตฺวา กเถสิ. ตสฺมา เถโร วินยธรานํ อคฺโคติ เอวมาทินา นเยน สตฺถารา วณฺณิโตติ วุตฺโต.

๖๒. สุขุมนิปุณตฺถปฏิวิทฺโธติ ปฏิวิทฺธสุขุมนิปุณตฺโถ, ปฏิวิทฺธทุทฺทสนิปุณตฺโถติ อตฺโถ. กถิกานํ ปวโรติ ธมฺมกถิกานํ เสฏฺโ. ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ ธมฺมกถิกานํ ยทิทํ ปุณฺโณ มนฺตาณิปุตฺโต’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๘๘, ๑๙๖) เอตทคฺคปาฬิยํ อาโรปิโต. เตน วุตฺตํ ‘‘กถิกานํ ปวโร’’ติ. คณีติ สสงฺโฆ. เถรสฺส กิร สนฺติเก ปพฺพชิตา กุลปุตฺตา ปฺจสตา อเหสุํ. สพฺเพปิ เต ทสพลสฺส ชาตภูมิกา ชาตรฏฺวาสิโน สพฺเพว ขีณาสวา สพฺเพว ทสกถาวตฺถุลาภิโน. เตน วุตฺตํ ‘‘คณี’’ติ. อิสีติ เอสติ คเวสติ กุสเล ธมฺเมติ อิสิ. มนฺตาณิยา ปุตฺโตติ มนฺตาณิยา นาม พฺราหฺมณิยา ปุตฺโต. ปุณฺโณติ ตสฺส นามํ. วิสฺสุโตติ อตฺตโน อปฺปิจฺฉตาทีหิ คุเณหิ วิสฺสุโต.

อฺาสิโกณฺฑฺตฺเถโร ปน สตฺถริ อภิสมฺโพธึ ปตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺเก อนุปุพฺเพน อาคนฺตฺวา ราชคหํ อุปนิสฺสาย วิหรนฺเต กปิลวตฺถุํ อาคนฺตฺวา อตฺตโน ภาคิเนยฺยํ ปุณฺณํ นาม มาณวํ ปพฺพาเชตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา อาปุจฺฉิตฺวา นิวาสตฺถาย สยํ ฉทฺทนฺตทหํ คโต. ปุณฺโณ ปน ภควนฺตํ ทสฺสนาย เถเรน สทฺธึ อาคนฺตฺวา – ‘‘มยฺหํ ปพฺพชิตกิจฺจํ มตฺถกํ ปาเปตฺวาว ทสพลสฺส สนฺติกํ คมิสฺสามี’’ติ กปิลปุเรเยว โอหีโน, โส โยนิโสมนสิการํ กโรนฺโต นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปตฺวา ภควนฺตํ อุปสงฺกมิ. เอตฺถ ปน อนุรุทฺธตฺเถโรอุปาลิตฺเถโร จ อิเม ทฺเว เถรา ภควโต กปิลวตฺถุปุรํ ปวิสิตฺวา าติสมาคมทิวเส ปพฺพชิตา วิย ทสฺสิตา, ตํ ปน ขนฺธกปาฬิยา อฏฺกถาย จ น สเมติ. วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํ.

อถ สตฺถา สาริปุตฺตตฺเถราทีนํ ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ จิตฺตาจารมฺาย อตฺตโน คุเณ กเถตุมารภิ. เตน วุตฺตํ –

๖๓.

‘‘เอเตสํ จิตฺตมฺาย, โอปมฺมกุสโล มุนิ;

กงฺขจฺเฉโท มหาวีโร, กเถสิ อตฺตโน คุณ’’นฺติ.

ตตฺถ โอปมฺมกุสโลติ อุปมาย กุสโล. กงฺขจฺเฉโทติ สพฺพสตฺตานํ สํสยจฺเฉทโก.

อิทานิ เต อตฺตโน คุเณ กเถสิ, เต ทสฺเสตุํ –

๖๔.

‘‘จตฺตาโร เต อสงฺขฺเยยฺยา, โกฏิ เยสํ น นายติ;

สตฺตกาโย จ อากาโส, จกฺกวาฬา จนนฺตกา;

พุทฺธาณํ อปฺปเมยฺยํ, น สกฺกา เอเต วิชานิตุ’’นฺติ. – วุตฺตํ;

ตตฺถ จตฺตาโรติ คณนปริจฺเฉโท. เอเตติ อิทานิ วตฺตพฺเพ อตฺเถ นิทสฺเสติ. อสงฺขฺเยยฺยาติ สงฺขฺยาตุมสกฺกุเณยฺยตฺตา อสงฺขฺเยยฺยา, คณนปถํ วีติวตฺตาติ อตฺโถ. โกฏีติอาทิ วา อนฺโต วา มริยาทา. เยสนฺติ เยสํ จตุนฺนํ อสงฺขฺเยยฺยานํ. น นายตีติ น ปฺายติ. อิทานิ เต วุตฺตปฺปกาเร จตฺตาโร อสงฺขฺเยยฺเย ทสฺเสตุํ ‘‘สตฺตกาโย’’ติอาทิ วุตฺตํ. สตฺตกาโยติ สตฺตสมูโห, สตฺตกาโย อนนฺโต อปริมาโณ อปฺปเมยฺโย. ตถา อากาโส อากาสสฺสาปิ อนฺโต นตฺถิ. ตถา จกฺกวาฬานิ อนนฺตานิ เอว. พุทฺธาณํ สพฺพฺุตฺาณํ อปฺปเมยฺยํ. น สกฺกา เอเต วิชานิตุนฺติ ยสฺมา ปเนเต อนนฺตา, ตสฺมา น สกฺกา วิชานิตุํ.

๖๕. อิทานิ สตฺถา อตฺตโน อิทฺธิวิกุพฺพเน สฺชาตจฺฉริยพฺภุตานํ เทวมนุสฺสาทีนํ กินฺนาเมตํ อจฺฉริยํ, อิโตปิ วิสิฏฺตรํ อจฺฉริยํ อพฺภุตํ อตฺถิ, มม ตํ สุณาถาติ ธมฺมเทสนํ วฑฺเฒนฺโต –

‘‘กิเมตํ อจฺฉริยํ โลเก, ยํ เม อิทฺธิวิกุพฺพนํ;

อฺเ พหู อจฺฉริยา, อพฺภุตา โลมหํสนา’’ติ. – อาทิมาห;

ตตฺถ กินฺติ ปฏิกฺเขปวจนํ.เอตนฺติ อิทํ อิทฺธิวิกุพฺพนํ สนฺธายาห. นฺติ อยํ ยํ-สทฺโท ‘‘ยํ ตํ อปุจฺฉิมฺห อกิตฺตยี โน, อฺํ ตํ ปุจฺฉาม ตทิงฺฆ พฺรูหี’’ติอาทีสุ (สุ. นิ. ๑๐๕๘; มหานิ. ๑๑๐; จูฬนิ. เมตฺตคูมาณวปุจฺฉา ๗๗) อุปโยควจเน ทิสฺสติ. ‘‘อฏฺานเมตํ, ภิกฺขเว, อนวกาโส; ยํ เอกิสฺสา โลกธาตุยา ทฺเว อรหนฺโต สมฺมาสมฺพุทฺธา’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๗๗; วิภ. ๘๐๙; มิ. ป. ๕.๑.๑) เอตฺถ การณวจเน. ‘‘ยํ วิปสฺสี ภควา กปฺเป อุทปาที’’ติ (ที. นิ. ๒.๔) เอตฺถ ภุมฺเม. ‘‘ยํ โข เม, ภนฺเต, เทวานํ ตาวตึสานํ สมฺมุขา สุตํ สมฺมุขา ปฏิคฺคหิตํ, อาโรเจมิ ตํ ภควโต’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๒๙๓) ปจฺจตฺตวจเน. อิธาปิ ปจฺจตฺตวจเน ทฏฺพฺโพ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๔). อฺเ พหู มม อจฺฉริยา อพฺภุตวิเสสา สนฺตีติ ทีเปติ.

อิทานิ เต อจฺฉริเย ทสฺเสนฺโต –

๖๖.

‘‘ยทาหํ ตุสิเต กาเย, สนฺตุสิโต นามหํ ตทา;

ทสสหสฺสี สมาคมฺม, ยาจนฺติ ปฺชลี มม’’นฺติ. – อาทิมาห;

ตตฺถ ยทาติ ยสฺมึ กาเล. อหนฺติ อตฺตานํ นิทฺทิสติ. ตุสิเต กาเยติ ตุสิตสงฺขาเต เทวนิกาเย. ยทา ปนาหํ สมตฺตึสปารมิโย ปูเรตฺวา ปฺจมหาปริจฺจาเค ปริจฺจชิตฺวา าตตฺถจริยโลกตฺถจริยพุทฺธตฺถจริยานํ โกฏึ ปตฺวา สตฺตสตกมหาทานานิ ทตฺวา สตฺตกฺขตฺตุํ ปถวึ กมฺเปตฺวา เวสฺสนฺตรตฺตภาวโต จวิตฺวา ทุติเย จิตฺตวาเร ตุสิตภวเน นิพฺพตฺโต ตทาปิ สนฺตุสิโต นาม เทวราชา อโหสึ. ทสสหสฺสี สมาคมฺมาติ ทสสหสฺสจกฺกวาเฬสุ เทวตา สนฺนิปติตฺวาติ อตฺโถ. ยาจนฺติ ปฺชลี มมนฺติ มํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘มาริส, ตยา ทส ปารมิโย ปูเรนฺเตน น สกฺกสมฺปตฺตึ น มาร น พฺรหฺม น จกฺกวตฺติสมฺปตฺตึ ปตฺเถนฺเตน ปูริตา, โลกนิตฺถรณตฺถาย ปน พุทฺธตฺตํ ปตฺถยมาเนน ปูริตา, โส ตว กาโล, มาริส, พุทฺธตฺตาย สมโย, มาริส, พุทฺธตฺตายา’’ติ (ชา. อฏฺ. ๑.นิทานกถา, อวิทูเรนิทานกถา) ยาจนฺติ มมนฺติ. เตน วุตฺตํ –

๖๗.

‘‘กาโล โข เต มหาวีร, อุปฺปชฺช มาตุกุจฺฉิยํ;

สเทวกํ ตารยนฺโต, พุชฺฌสฺสุ อมตํ ปท’’นฺติ.

ตตฺถ กาโล เตติ กาโล ตว, อยเมว วา ปาโ. อุปฺปชฺชาติ ปฏิสนฺธึ คณฺห, ‘‘โอกฺกมา’’ติปิ ปาโ. สเทวกนฺติ สเทวกํ โลกนฺติ อตฺโถ. ตารยนฺโตติ เอตฺถ ปารมิโย ปูเรนฺโตปิ ตารยติ นาม, ปารมิโย มตฺถกํ ปาเปนฺโตปิ ตารยติ นาม, เวสฺสนฺตรตฺตภาวโต จวิตฺวา ตุสิตปุเร ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา สฏฺิวสฺสสตสหสฺสาธิกานิ สตฺตปณฺณาสวสฺสโกฏิโย ตตฺถ ติฏฺนฺโตปิ ตารยติ นาม, เทวตาหิ ยาจิโต ปฺจวิธํ มหาวิโลกิตํ วิโลเกตฺวา มหามายาเทวิยา กุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธึ คณฺหนฺโตปิ ทสมาเส คพฺภวาสํ วสนฺโตปิ ตารยติ นาม, เอกูนตึส วสฺสานิ อคารมชฺเฌ ติฏฺนฺโตปิ ตารยติ นาม. ราหุลภทฺทสฺส ชาตทิวเส ฉนฺนสหาโย กณฺฑกํ อารุยฺห นิกฺขมนฺโตปิ ตีณิ รชฺชานิ อติกฺกมิตฺวา อโนมาย นาม นทิยา ตีเร ปพฺพชนฺโตปิ ตารยติ นาม, ฉพฺพสฺสานิ ปธานํ กโรนฺโตปิ วิสาขปุณฺณมายํ มหาโพธิมณฺฑํ อารุยฺห มารพลํ วิธมิตฺวา ปมยาเม ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสริตฺวา มชฺฌิมยาเม ทิพฺพจกฺขุํ วิโสเธตฺวา ปจฺฉิมยาเม ทฺวาทสงฺคํ ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ อนุโลมปฏิโลมโต สมฺมสิตฺวา โสตาปตฺติมคฺคํ ปฏิวิชฺฌนฺโตปิ ตารยติ นาม, โสตาปตฺติผลกฺขเณปิ, สกทาคามิมคฺคกฺขเณปิ, สกทาคามิผลกฺขเณปิ, อนาคามิมคฺคกฺขเณปิ, อนาคามิผลกฺขเณปิ, อรหตฺตมคฺคกฺขเณปิ, อรหตฺตผลกฺขเณปิ ตารยติ นาม, ยทา อฏฺารสเทวตาโกฏิสหสฺเสหิ ปฺจวคฺคิยานํ อมตปานํ อทาสิ, ตโต ปฏฺาย ตารยิ นามาติ วุจฺจติ. เตน วุตฺตํ –

‘‘สเทวกํ ตารยนฺโต, พุชฺฌสฺสุ อมตํ ปท’’นฺติ.

อถ มหาสตฺโต เทวตาหิ ยาจิยมาโนปิ เทวตานํ ปฏิฺํ อทตฺวาว กาลทีปเทสกุลชเนตฺติอายุปริจฺเฉทวเสน ปฺจวิธํ มหาวิโลกนํ นาม วิโลเกสิ. ตตฺถ ‘‘กาโล นุ โข, น กาโล’’ติ ปมํ กาลํ วิโลเกสิ. ตตฺถ วสฺสสตสหสฺสโต อุทฺธํ อายุกาโล กาโล นาม น โหติ. กสฺมา? ชาติชรามรณาทีนํ อปากฏตฺตา, พุทฺธานฺจ ธมฺมเทสนา นาม ติลกฺขณมุตฺตา นาม นตฺถิ, เตสํ อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตาติ กเถนฺตานํ ‘‘กินฺนาเมเต กเถนฺตี’’ติ น สทฺทหนฺติ, ตโต อภิสมโย น โหติ, ตสฺมึ อสติ อนิยฺยานิกํ สาสนํ โหติ. ตสฺมา โส อกาโล. วสฺสสตโต อูโน อายุกาโลปิ กาโล น โหติ. กสฺมา? ตทา สตฺตา อุสฺสนฺนกิเลสา โหนฺติ, อุสฺสนฺนกิเลสานฺจ ทินฺโน โอวาโท โอวาทฏฺาเน น ติฏฺติ, ตสฺมา โสปิ อกาโล. วสฺสสตสหสฺสโต ปฏฺาย เหฏฺา วสฺสสตโต ปฏฺาย อุทฺธํ อายุกาโล กาโล นาม. อิทานิ วสฺสสตายุกา มนุสฺสาติ อถ โพธิสตฺโต ‘‘นิพฺพตฺติตพฺพกาโล’’ติ อทฺทส.

ตโต ทีปํ โอโลเกนฺโต ‘‘ชมฺพุทีเปเยว พุทฺธา นิพฺพตฺตนฺตี’’ติ ทีปํ ปสฺสิ. ตโต ชมฺพุทีโป นาม มหา ทสโยชนสหสฺสปริมาโณ, กตรสฺมึ นุ โข ปเทเส พุทฺธา นิพฺพตฺตนฺตี’’ติ เทสํ วิโลเกนฺโต มชฺฌิมเทสํ ปสฺสิ. ตโต กุลํ วิโลเกนฺโต ‘‘พุทฺธา นาม โลกสมฺมเต กุเล นิพฺพตฺตนฺติ, อิทานิ ขตฺติยกุลํ โลกสมฺมตํ, ตตฺถ นิพฺพตฺติสฺสามิ, สุทฺโธทโน นาม เม ราชา ปิตา ภวิสฺสตี’’ติ กุลํ อทฺทส. ตโต มาตรํ วิโลเกนฺโต ‘‘พุทฺธมาตา นาม โลลา สุราธุตฺตา น โหติ, อขณฺฑปฺจสีลาติ อยฺจ มหามายา นาม เทวี เอทิสา, อยํ เม มาตา ภวิสฺสตีติ กิตฺตกํ อสฺสา อายู’’ติ อาวชฺเชนฺโต ทสนฺนํ มาสานํ อุปริ สตฺตทิวสานิ ปสฺสิ. อิติ อิมํ ปฺจวิธวิโลกนํ วิโลเกตฺวา – ‘‘กาโล เม, มาริส, พุทฺธภาวายา’’ติ เทวตานํ ปฏิฺํ ทตฺวา ตตฺถ ยาวตายุกํ ตฺวา ตโต จวิตฺวา สกฺยราชกุเล มายาเทวิยา กุจฺฉิยํ ปฏิสนฺธึ อคฺคเหสิ (ชา. อฏฺ. ๑.นิทานกถา, อวิทูเรนิทานกถา; อป. อฏฺ. ๑.นิทานกถา, อวิทูเรนิทานกถา). เตน วุตฺตํ –

๖๘.

‘‘ตุสิตา กายา จวิตฺวาน, ยทา โอกฺกมิ กุจฺฉิยํ;

ทสสหสฺสีโลกธาตุ, กมฺปิตฺถ ธรณี ตทา’’ติ. – อาทิ;

ตตฺถ โอกฺกมีติ โอกฺกมึ ปาวิสึ. กุจฺฉิยนฺติ มาตุกุจฺฉิมฺหิ. ทสสหสฺสีโลกธาตุ, กมฺปิตฺถาติ สโต สมฺปชาโน ปน โพธิสตฺโต มาตุกุจฺฉึ โอกฺกมนฺโต เอกูนวีสติยา ปฏิสนฺธิจิตฺเตสุ เมตฺตาปุพฺพภาคสฺส โสมนสฺสสหคตาณสมฺปยุตฺตอสงฺขาริกกุสลจิตฺตสฺส สทิส มหาวิปากจิตฺเตน อาสาฬฺหิปุณฺณมายํ อุตฺตราสาฬฺหนกฺขตฺเตเนว ปฏิสนฺธึ อคฺคเหสิ. ตทา ทสสหสฺสีโลกธาตุ สกลาปิ กมฺปิ สงฺกมฺปิ สมฺปกมฺปีติ อตฺโถ. ธรณีติ ธาเรติ สพฺเพ ถาวรชงฺคเมติ ธรณี, ปถวี.

๖๙. สมฺปชาโนว นิกฺขมินฺติ เอตฺถ ยทา ปนาหํ สโต สมฺปชาโนว มาตุกุจฺฉิโต ธมฺมาสนโต โอตรนฺโต ธมฺมกถิโก วิย นิสฺเสณิโต โอตรนฺโต ปุริโส วิย จ ทฺเว หตฺเถ จ ปาเท จ ปสาเรตฺวา ิตโกว มาตุกุจฺฉิสมฺภเวน เกนจิ อสุจินา อมกฺขิโตว นิกฺขมึ. สาธุการํ ปวตฺเตนฺตีติ สาธุการํ ปวตฺตยนฺติ, สาธุการํ เทนฺตีติ อตฺโถ. ปกมฺปิตฺถาติ กมฺปิตฺถ, โอกฺกมเนปิ มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขมเนปิ ทสสหสฺสี ปกมฺปิตฺถาติ อตฺโถ.

๗๐. อถ ภควา คพฺโภกฺกนฺติอาทีสุ อตฺตนา สมสมํ อทิสฺวา คพฺโภกฺกนฺติอาทีสุ อตฺตโน อจฺฉริยทสฺสนตฺถํ ‘‘โอกฺกนฺติ เม สโม นตฺถี’’ติ อิมํ คาถมาห. ตตฺถ โอกฺกนฺตีติ คพฺโภกฺกนฺติยํ, ภุมฺมตฺเถ ปจฺจตฺตวจนํ, ปฏิสนฺธิคฺคหเณติ อตฺโถ. เมติ มยา. สโมติ สทิโส นตฺถิ. ชาติโตติ เอตฺถ ชายติ เอตาย มาตุยาติ มาตา ‘‘ชาตี’’ติ วุจฺจติ, ตโต ชาติโต มาตุยาติ อตฺโถ. อภินิกฺขเมติ มาตุกุจฺฉิโต อภินิกฺขมเน ปสเว สตีติ อตฺโถ. สมฺโพธิยนฺติ เอตฺถ ปสตฺถา สุนฺทรา โพธิ สมฺโพธิ. อยํ ปน โพธิ-สทฺโท รุกฺขมคฺคนิพฺพานสพฺพฺุตฺาณาทีสุ ทิสฺสติ – ‘‘โพธิรุกฺขมูเล ปมาภิสมฺพุทฺโธ’’ติ (มหาว. ๑; อุทา. ๑) จ, ‘‘อนฺตรา จ คยํ อนฺตรา จ โพธิ’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๒๘๕; ๒.๓๔๑; มหาว. ๑๑) จ อาคตฏฺาเน หิ รุกฺโข โพธีติ วุจฺจติ. ‘‘โพธิ วุจฺจติ จตูสุ มคฺเคสุ าณ’’นฺติ (จูฬนิ. ขคฺควิสาณสุตฺตนิทฺเทส ๑๒๑) อาคตฏฺาเน มคฺโค. ‘‘ปตฺวาน โพธึ อมตํ อสงฺขต’’นฺติ อาคตฏฺาเน นิพฺพานํ. ‘‘ปปฺโปติ โพธึ วรภูริเมธโส’’ติ (ที. นิ. ๓.๒๑๗) อาคตฏฺาเน สพฺพฺุตฺาณํ. อิธ ปน ภควโต อรหตฺตมคฺคาณํ อธิปฺเปตํ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๓; ปารา. อฏฺ. ๑.๑๑; อุทา. อฏฺ. ๒๐; จริยา. อฏฺ. นิทานกถา). อปเร ‘‘สพฺพฺุตฺาณ’’นฺติปิ วทนฺติ, ตสฺสํ สมฺโพธิยํ อหํ เสฏฺโติ อตฺโถ.

กสฺมา ปน ภควา สมฺโพธึ ปฏิจฺจ อตฺตานํ ปสํสตีติ? สพฺพคุณทายกตฺตา. ภควโต หิ สมฺโพธิ สพฺพคุณทายิกา สพฺเพปิ นิรวเสเส พุทฺธคุเณ ททาติ, น ปน อฺเสํ. อฺเสํ ปน กสฺสจิ อรหตฺตมคฺโค อรหตฺตผลเมว เทติ, กสฺสจิ ติสฺโส วิชฺชา, กสฺสจิ ฉ อภิฺา, กสฺสจิ จตสฺโส ปฏิสมฺภิทา, กสฺสจิ สาวกปารมิาณํ, ปจฺเจกพุทฺธานํ ปจฺเจกโพธิาณเมว เทติ. พุทฺธานํ ปน สพฺพคุณสมฺปตฺตึ เทติ. ตสฺมา ภควา สพฺพคุณทายกตฺตา ‘‘สมฺโพธิยํ อหํ เสฏฺโ’’ติ อตฺตานํ ปสํสติ. อปิ จ ภูมึ จาเลตฺวา สมฺโพธึ ปาปุณิ, ตสฺมา ‘‘สมฺโพธิยํ อหํ เสฏฺโ’’ติ วทติ. ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตเนติ เอตฺถ ธมฺมจกฺกํ ปน ทุวิธํ โหติ – ปฏิเวธาณฺจ เทสนาาณฺจาติ. ตตฺถ ปฺาปภาวิตํ อตฺตโน อริยผลาวหํ ปฏิเวธาณํ, กรุณาปภาวิตํ สาวกานํ อริยผลาวหํ เทสนาาณํ. ปฏิเวธาณํ โลกุตฺตรํ กุสลํ อุเปกฺขาสหคตํ อวิตกฺกอวิจารํ, เทสนาาณํ โลกิยํ อพฺยากตํ, อุภยมฺปิ ปเนตํ อฺเหิ อสาธารณํ. อิธ ปน เทสนาาณํ อธิปฺเปตํ (ปฏิ. ม. อฏฺ. ๒.๒.๔๔).

๗๑. อิทานิ ภควโต คพฺโภกฺกมเนว ปถวิกมฺปนาทิกํ ปวตฺตึ สุตฺวา ‘‘อโห อจฺฉริยํ โลเก’’ติ เทวตาหิ อยํ คาถา วุตฺตา. ตตฺถ พุทฺธานํ คุณมหนฺตตาติ อโห พุทฺธานํ คุณมหนฺตภาโว, อโห พุทฺธานํ มหานุภาโวติ อตฺโถ ทสสหสฺสีโลกธาตุ, ฉปฺปการํ ปกมฺปถาติ ทสสุ จกฺกวาฬสหสฺเสสุ มหาปถวี ฉปฺปการํ ปกมฺปิตฺถ จลิตฺถ. กถํ? ปุรตฺถิมโต อุนฺนมติ ปจฺฉิมโต โอนมติ, ปจฺฉิมโต อุนฺนมติ ปุรตฺถิมโต โอนมติ, อุตฺตรโต อุนฺนมติ ทกฺขิณโต โอนมติ, ทกฺขิณโต อุนฺนมติ อุตฺตรโต โอนมติ, มชฺฌิมโต อุนฺนมติ ปริยนฺตโต โอนมติ, ปริยนฺตโต อุนฺนมติ มชฺฌิมโต โอนมตีติ เอวํ ฉปฺปการํ อนิลพลจลิตชลตรงฺคภงฺคสงฺฆฏฺฏิตา วิย นาวา จตุนหุตาธิกทฺวิโยชนสตสหสฺสพหลา ปถวิสนฺธารกชลปริยนฺตา อเจตนาปิ สมานา สเจตนา วิย อยํ มหาปถวี ปีติยา นจฺจนฺตี วิย อกมฺปิตฺถาติ อตฺโถ. โอภาโส จ มหา อาสีติ อติกฺกมฺเมว เทวานํ เทวานุภาวํ อุฬาโร โอภาโส อโหสีติ อตฺโถ. อจฺเฉรํ โลมหํสนนฺติ อจฺเฉรฺจ โลมหํสนฺจ อโหสีติ อตฺโถ.

๗๒. อิทานิ ปถวิกมฺปนาโลกปาตุภาวาทีสุ อจฺฉริเยสุ วตฺตมาเนสุ ภควโต ปวตฺติทสฺสนตฺถํ ‘‘ภควา ตมฺหิ สมเย’’ติอาทิคาถาโย วุตฺตา. ตตฺถ โลกเชฏฺโติ โลกเสฏฺโ. สเทวกนฺติ สเทวกสฺส โลกสฺส, สามิอตฺเถ อุปโยควจนํ ทฏฺพฺพํ. ทสฺสยนฺโตติ ปาฏิหาริยํ ทสฺเสนฺโต.

๗๓. จงฺกมนฺโตวาติ ทสโลกธาตุสหสฺสานิ อชฺโฌตฺถริตฺวา ิเต ตสฺมึ รตนมเย จงฺกเม จงฺกมมาโนว กเถสิ. โลกนายโกติ อถ สตฺถา มโนสิลาตเล สีหนาทํ นทนฺโต สีโห วิย คชฺชนฺโต ปาวุสฺสกเมโฆ วิย จ อากาสคงฺคํ โอตาเรนฺโต วิย จ อฏฺงฺคสมนฺนาคเตน (ที. นิ. ๒.๒๘๕, ๓๐๑) สวนีเยน กมนีเยน พฺรหฺมสฺสเรน นานานยวิจิตฺตํ จตุสจฺจปฏิสํยุตฺตํ ติลกฺขณาหตํ มธุรธมฺมกถํ กเถสีติ อตฺโถ.

อนฺตรา น นิวตฺเตติ, จตุหตฺเถ จงฺกเม ยถาติ เอตฺถ สตฺถารา ปน นิมฺมิตสฺส ตสฺส จงฺกมสฺส เอกา โกฏิ ปาจีนจกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ เอกา ปจฺฉิมจกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ เอวํ ิเต ตสฺมึ รตนจงฺกเม จงฺกมมาโน สตฺถา อุโภ โกฏิโย ปตฺวาว นิวตฺตติ, อนฺตรา อุโภ โกฏิโย อปตฺวา น นิวตฺตติ. ยถา จตุหตฺถปฺปมาเณ จงฺกเม จงฺกมมาโน อุโภ โกฏิโย สีฆเมว ปตฺวา นิวตฺตติ, เอวํ อนฺตรา น นิวตฺตตีติ อตฺโถ. กึ ปน ภควา ทสสหสฺสโยชนปฺปมาณายามํ จงฺกมํ รสฺสมกาสิ, ตาวมหนฺตํ วา อตฺตภาวํ นิมฺมินีติ? น ปเนวมกาสิ. อจินฺเตยฺโย พุทฺธานํ พุทฺธานุภาโว. อกนิฏฺภวนโต ปฏฺาย ยาว อวีจิ, ตาว เอกงฺคณา อโหสิ. ติริยโต จ ทสจกฺกวาฬสหสฺสานิ เอกงฺคณานิ อเหสุํ. เทวา มนุสฺเส ปสฺสนฺติ, มนุสฺสาปิ เทเว ปสฺสนฺติ. ยถา สพฺเพ เทวมนุสฺสา ปกติยา จงฺกมมานํ ปสฺสนฺติ, เอวํ ภควนฺตํ จงฺกมมานํ ปสฺสึสูติ. ภควา ปน จงฺกมนฺโตว ธมฺมํ เทเสติ อนฺตราสมาปตฺติฺจ สมาปชฺชติ.

อถ อายสฺมา สาริปุตฺโต อปริมิตสมยสมุปจิตกุสลพลชนิตทฺวตฺตึสวรลกฺขโณปโสภิตํ อสีตานุพฺยฺชนวิราชิตํ วรสรีรํ สรทสมเย ปริปุณฺณํ วิย รชนิกรํ สพฺพผาลิผุลฺลํ วิย จ โยชนสตุพฺเพธํ ปาริจฺฉตฺตกํ อฏฺารสรตนุพฺเพธํ พฺยามปฺปภาปริกฺเขปสสฺสิริกํ วรกนกคิริมิว ชงฺคมํ อโนปมาย พุทฺธลีฬาย อโนปเมน พุทฺธสิริวิลาเสน จงฺกมนฺตํ ทสสหสฺสิเทวคณปริวุตํ ภควนฺตํ อทฺทส. ทิสฺวาน อยํ ปน สกลาปิ ทสสหสฺสี โลกธาตุ สนฺนิปติตา, มหติยา ปเนตฺถ ธมฺมเทสนาย ภวิตพฺพํ, พุทฺธวํสเทสนา ปน พหูปการา ภควติ ปสาทาวหา, ยํนูนาหํ ทสพลสฺส อภินีหารโต ปฏฺาย พุทฺธวํสํ ปริปุจฺเฉยฺย’’นฺติ จินฺเตตฺวา เอกํสํ จีวรํ กตฺวา ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ทสนขสมุชฺชลํ ชลชามลาวิกล-กมล-มกุลสทิสํ อฺชลึ สิรสิ กตฺวา ภควนฺตํ ‘‘กีทิโส เต มหาวีรา’’ติอาทิกํ ปริปุจฺฉิ. เตน วุตฺตํ –

๗๔.

‘‘สาริปุตฺโต มหาปฺโ, สมาธิชฺฌานโกวิโท;

ปฺาย ปารมิปฺปตฺโต, ปุจฺฉติ โลกนายกํ.

๗๕.

‘‘กีทิโส เต มหาวีร, อภินีหาโร นรุตฺตม;

กมฺหิ กาเล ตยา ธีร, ปตฺถิตา โพธิมุตฺตมา’’ติ. –

อาทิ. กา นามายํ อนุสนฺธีติ? ปุจฺฉานุสนฺธิ นาม. ติสฺโส หิ อนุสนฺธิโย – ปุจฺฉานุสนฺธิ อชฺฌาสยานุสนฺธิ ยถานุสนฺธีติ. ตตฺถ ‘‘เอวํ วุตฺเต อฺตโร ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘กึ นุ โข, ภนฺเต, โอริมํ ตีรํ กึ ปาริมํ ตีร’’นฺติ (สํ. นิ. ๔.๒๔๑) เอวํ ปุจฺฉนฺตานํ ภควตา วิสฺสชฺชิตสุตฺตวเสน ปุจฺฉานุสนฺธิ เวทิตพฺพา.

‘‘อถ โข อฺตรสฺส ภิกฺขุโน เอวํ เจตโส ปริวิตกฺโก อุทปาทิ ‘อิติ กิร, โภ, รูปํ อนตฺตา, เวทนา อนตฺตา, สฺา อนตฺตา, สงฺขารา อนตฺตา, วิฺาณํ อนตฺตา, อนตฺตกตานิ กมฺมานิ กมตฺตานํ ผุสิสฺสนฺตี’ติ. อถ โข ภควา ตสฺส ภิกฺขุโน เจตสา เจโตปริวิตกฺกมฺาย ภิกฺขู อามนฺเตสิ – านํ โข ปเนตํ, ภิกฺขเว, วิชฺชติ, ยํ อิเธกจฺโจ โมฆปุริโส อวิทฺวา อวิชฺชาคโต ตณฺหาธิปเตยฺเยน เจตสา สตฺถุสาสนํ อติธาวิตพฺพํ มฺเยฺย ‘อิติ กิร, โภ, รูปํ อนตฺตา, เวทนา อนตฺตา, สฺา อนตฺตา, สงฺขารา อนตฺตา, วิฺาณํ อนตฺตา, อนตฺตกตานิ กมฺมานิ กมตฺตานํ ผุสิสฺสนฺตี’ติ…เป… ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, รูปํ นิจฺจํ วา อนิจฺจํ วา’’ติ (ม. นิ. ๓.๙๐) เอวํ ปเรสํ อชฺฌาสยํ วิทิตฺวา ภควตา วุตฺตวเสน อชฺฌาสยานุสนฺธิ เวทิตพฺพา.

เยน ปน ธมฺเมน อาทิมฺหิ เทสนา อุฏฺิตา, ตสฺส ธมฺมสฺส อนุรูปธมฺมวเสน วา ปฏิกฺเขปวเสน วา เยสุ สุตฺเตสุ อุปริเทสนา อาคจฺฉติ, เตสํ วเสน ยถานุสนฺธิ เวทิตพฺพา. เตน วุตฺตํ ‘‘ปุจฺฉานุสนฺธี’’ติ.

ตตฺถ ปฺาย ปารมิปฺปตฺโตติ สาวกปารมิาณสฺส มตฺถกํ ปตฺโต. ปุจฺฉตีติ อปุจฺฉิ. ตตฺถ ปุจฺฉา นาม อทิฏฺโชตนาปุจฺฉา, ทิฏฺสํสนฺทนาปุจฺฉา, วิมติจฺเฉทนาปุจฺฉา, อนุมติปุจฺฉา, กเถตุกมฺยตาปุจฺฉาติ ปฺจวิธา โหติ. ตตฺถายํ เถรสฺส กตมา ปุจฺฉาติ เจ? ยสฺมา ปนายํ พุทฺธวํโส กปฺปสตสหสฺสาธิกอสงฺขฺเยยฺโยปจิตปุฺสมฺภารานํ ปจฺเจกพุทฺธานํ กปฺปสตสหสฺสาธิกอสงฺขฺเยยฺโยปจิตปุฺสมฺภารานํ ทฺวินฺนํ อคฺคสาวกานฺจ กปฺปสตสหสฺโสปจิตปุฺสมฺภารานํ เสสมหาสาวกานํ วา อวิสโย, สพฺพฺุพุทฺธานํเยว วิสโย, ตสฺมา เถรสฺส อทิฏฺโชตนา ปุจฺฉาติ เวทิตพฺพา.

กีทิโสติ ปุจฺฉนากาโร, กึปกาโรติ อตฺโถ. เตติ ตว. อภินีหาโรติ อภินีหาโร นาม พุทฺธภาวตฺถํ มานสํ พนฺธิตฺวา ‘‘พุทฺธพฺยากรณํ อลทฺธา น อุฏฺหิสฺสามี’’ติ วีริยมธิฏฺาย นิปชฺชนํ. เตน วุตฺตํ –

‘‘กีทิโส เต มหาวีร, อภินีหาโร นรุตฺตมา’’ติ.

กมฺหิ กาเลติ ตสฺมึ กาเล. ปตฺถิตาติ อิจฺฉิตา อภิกงฺขิตา, ‘‘พุทฺโธ โพเธยฺยํ มุตฺโต โมเจยฺย’’นฺติอาทินา นเยน พุทฺธภาวาย ปณิธานํ กทา กตนฺติ อปุจฺฉิ. โพธีติ สมฺมาสมฺโพธิ, อรหตฺตมคฺคาณสฺส จ สพฺพฺุตฺาณสฺส เจตํ อธิวจนํ. อุตฺตมาติ สาวกโพธิปจฺเจกโพธีหิ เสฏฺตฺตา อุตฺตมาติ วุตฺตา. อุภินฺนมนฺตรา -กาโร ปทสนฺธิกโร.

อิทานิ พุทฺธภาวการเก ธมฺเม ปุจฺฉนฺโต –

๗๖.

‘‘ทานํ สีลฺจ เนกฺขมฺมํ, ปฺาวีริยฺจ กีทิสํ;

ขนฺติสจฺจมธิฏฺานํ, เมตฺตุเปกฺขา จ กีทิสา.

๗๗.

‘‘ทส ปารมี ตยา ธีร, กีทิสี โลกนายก;

กถํ อุปปารมี ปุณฺณา, ปรมตฺถปารมี กถ’’นฺติ. – อาห;

ตตฺถ ทานปารมิยํ ตาว พาหิรภณฺฑปริจฺจาโค ปารมี นาม, องฺคปริจฺจาโค อุปปารมี นาม, ชีวิตปริจฺจาโค ปรมตฺถปารมี นามาติ. เอส นโย เสสปารมีสุปิ. เอวํ ทส ปารมิโย ทส อุปปารมิโย ทส ปรมตฺถปารมิโยติ สมตฺตึส ปารมิโย โหนฺติ. ตตฺถ โพธิสตฺตสฺส ทานปารมิตาย ปูริตตฺตภาวานํ ปริมาณํ นาม นตฺถิ. เอกนฺเตน ปนสฺส สสปณฺฑิตชาตเก

‘‘ภิกฺขาย อุปคตํ ทิสฺวา, สกตฺตานํ ปริจฺจชึ;

ทาเนน เม สโม นตฺถิ, เอสา เม ทานปารมี’’ติ. (จริยา. ๑.๑๔๓ ตสฺสุทฺทานํ) –

เอวํ ปรํ ชีวิตปริจฺจาคํ กโรนฺตสฺส ทานปารมี ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา.

ตถา สีลปารมิตาย ปูริตตฺตภาวานํ ปริมาณํ นาม นตฺถิ. เอกนฺเตเนว ปนสฺส สงฺขปาลชาตเก

‘‘สูเลหิ วินิวิชฺฌนฺเต, โกฏฺฏยนฺเตปิ สตฺติภิ;

โภชปุตฺเต น กุปฺปามิ, เอสา เม สีลปารมี’’ติ. (จริยา. ๒.๙๑) –

เอวํ อตฺตปริจฺจาคํ กโรนฺตสฺส สีลปารมี ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา.

ตถา มหารชฺชํ ปหาย เนกฺขมฺมปารมิยา ปูริตตฺตภาวานํ ปริมาณํ นาม นตฺถิ. เอกนฺเตน ปนสฺส จูฬสุตโสมชาตเก

‘‘มหารชฺชํ หตฺถคตํ, เขฬปิณฺฑํว ฉฑฺฑยึ;

จชโต น โหติ ลคฺคนํ, เอสา เม เนกฺขมฺมปารมี’’ติ. (ธ. ส. อฏฺ. นิทานกถา; ชา. อฏฺ. ๑.ทูเรนิทานกถา; อป. อฏฺ. ๑.ทูเรนิทานกถา) –

เอวํ นิสฺสงฺคตาย รชฺชํ ฉฑฺเฑตฺวา นิกฺขมนฺตสฺส เนกฺขมฺมปารมี ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา.

ตถา มโหสธปณฺฑิตกาลาทีสุ ปฺาปารมิยา ปูริตตฺตภาวานํ ปริมาณํ นาม นตฺถิ. เอกนฺเตน ปนสฺส สตฺตุภตฺตกปณฺฑิตกาเล

‘‘ปฺาย วิจินนฺโตหํ, พฺราหฺมณํ โมจยึ ทุขา;

ปฺาย เม สโม นตฺถิ, เอสา เม ปฺาปารมี’’ติ. (ธ. ส. อฏฺ. นิทานกถา; ชา. อฏฺ. ๑.ทูเรนิทานกถา; อป. อฏฺ. ๑.ทูเรนิทานกถา) –

อนฺโตภสฺตคตํ สปฺปํ ทสฺเสนฺตสฺส ปฺาปารมี ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา.

ตถา วีริยปารมิตาย ปูริตตฺตภาวานํ ปริมาณํ นาม นตฺถิ. เอกนฺเตน ปนสฺส มหาชนกชาตเก

‘‘อตีรทสฺสี ชลมชฺเฌ, หตา สพฺเพว มานุสา;

จิตฺตสฺส อฺถา นตฺถิ, เอสา เม วีริยปารมี’’ติ. (ธ. ส. อฏฺ. นิทานกถา; ชา. อฏฺ. ๑.ทูเรนิทานกถา; อป. อฏฺ. ๑.ทูเรนิทานกถา) –

เอวํ มหาสมุทฺทํ ตรนฺตสฺส วีริยปารมี ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา.

ตถา ขนฺติวาทิชาตเก

‘‘อเจตนํว โกฏฺเฏนฺเต, ติณฺเหน ผรสุนา มมํ;

กาสิราเช น กุปฺปามิ, เอสา เม ขนฺติปารมี’’ติ. (ธ. ส. อฏฺ. นิทานกถา; ชา. อฏฺ. ๑.ทูเรนิทานกถา; อป. อฏฺ. ๑.ทูเรนิทานกถา) –

เอวํ อเจตนภาเวน วิย มหาทุกฺขํ อธิวาเสนฺตสฺส ขนฺติปารมี ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา.

ตถา มหาสุตโสมชาตเก

‘‘สจฺจวาจํนุรกฺขนฺโต, จชิตฺวา มม ชีวิตํ;

โมเจสึ เอกสตํ ขตฺติเย, เอสา เม สจฺจปารมี’’ติ. (ธ. ส. อฏฺ. นิทานกถา; ชา. อฏฺ. ๑.ทูเรนิทานกถา; อป. อฏฺ. ๑.ทูเรนิทานกถา) –

เอวํ ชีวิตํ จชิตฺวา สจฺจํ อนุรกฺขนฺตสฺส สจฺจปารมี ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา.

ตถา มูคปกฺขชาตเก

‘‘มาตา ปิตา น เม เทสฺสา, อตฺตา เม น จ เทสฺสิโย;

สพฺพฺุตํ ปิยํ มยฺหํ, ตสฺมา วตํ อธิฏฺหิ’’นฺติ. (ธ. ส. อฏฺ. นิทานกถา; ชา. อฏฺ. ๑.ทูเรนิทานกถา; อป. อฏฺ. ๑.ทูเรนิทานกถา; จริยา ๓.๖๕) –

เอวํ ชีวิตมฺปิ ปริจฺจชิตฺวา วตํ อธิฏฺหนฺตสฺส อธิฏฺานปารมี ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา.

ตถา สุวณฺณสามชาตเก

‘‘น มํ โกจิ อุตฺตสติ, นปิ ภายามิ กสฺสจิ;

เมตฺตาพเลนุปตฺถทฺโธ, รมามิ ปวเน ตทา’’ติ. (ธ. ส. อฏฺ. นิทานกถา; ชา. อฏฺ. ๑.ทูเรนิทานกถา; อป. อฏฺ. ๑.ทูเรนิทานกถา; จริยา. ๓.๑๑๓) –

เอวํ ชีวิตมฺปิ อโนโลเกตฺวา เมตฺตายนฺตสฺส เมตฺตาปารมี ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา.

ตโต โลมหํสชาตเก

‘‘สุสาเน เสยฺยํ กปฺเปมิ, ฉวฏฺิกํ อุปนิธายหํ;

คามณฺฑลา อุปคนฺตฺวา, รูปํ ทสฺเสนฺตินปฺปก’’นฺติ. (ธ. ส. อฏฺ. นิทานกถา; ชา. อฏฺ. ๑.ทูเรนิทานกถา; อป. อฏฺ. ๑.ทูเรนิทานกถา; จริยา. ๓.๑๑๙) –

เอวํ คามทารเกสุ นิฏฺุภนาทีหิ เจว มาลาคนฺธูปหาราทีหิ จ สุขทุกฺขํ อุปฺปาเทนฺเตสุปิ อุเปกฺขํ อนติวตฺตนฺตสฺส อุเปกฺขาปารมี ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน จริยาปิฏกโต คเหตพฺโพ.

อิทานิ เถเรน ปุฏฺสฺส ภควโต พฺยากรณํ ทสฺเสนฺเตหิ สงฺคีติการเกหิ –

๗๘.

‘‘ตสฺส ปุฏฺโ วิยากาสิ, กรวีกมธุรคิโร;

นิพฺพาปยนฺโต หทยํ, หาสยนฺโต สเทวกํ.

๗๙.

‘‘อตีตพุทฺธานํ ชินานํ เทสิตํ, นิกีลิตํ พุทฺธปรมฺปราคตํ;

ปุพฺเพนิวาสานุคตาย พุทฺธิยา, ปกาสยี โลกหิตํ สเทวเก’’ติ. – วุตฺตํ;

ตตฺถ ตสฺส ปุฏฺโ วิยากาสีติ เตน ธมฺมเสนาปตินา ปุฏฺโ หุตฺวา ตสฺส พฺยากาสิ, อตฺตโน อภินีหารโต ปฏฺาย อภิสมฺโพธิปริโยสานํ สพฺพํ พุทฺธวํสํ กเถสีติ อตฺโถ. กรวีกมธุรคิโรติ กรวีกสกุณสฺส วิย มธุรา คิรา ยสฺส โส กรวีกมธุรคิโร, กรวีกมธุรมฺชุสฺสโรติ อตฺโถ. ตตฺริทํ กรวีกานํ มธุรสฺสรตา – กรวีกสกุณา กิร มธุรรสํ อมฺพปกฺกํ มุขตุณฺฑเกน ปหริตฺวา ปคฺฆริตํ ผลรสํ ปิวิตฺวา ปกฺเขน ตาฬํ ทตฺวา วิกูชมาเน จตุปฺปทา มทมตฺตา วิย ลฬิตุํ อารภนฺติ, โคจรปสุตาปิ จตุปฺปทคณา มุขคตานิปิ ติณานิ ฉฑฺเฑตฺวา ตํ นาทํ สุณนฺติ, วาฬมิคา ขุทฺทกมิเค อนุพนฺธมานา อุกฺขิตฺตํ ปาทํ อนิกฺขิปิตฺวา จิตฺตกตา วิย ติฏฺนฺติ, อนุพนฺธมิคาปิ มรณภยํ หิตฺวา ติฏฺนฺติ, อากาเส ปกฺขนฺทนฺตา ปกฺขิโนปิ ปกฺเข ปสาเรตฺวา ติฏฺนฺติ, อุทเก มจฺฉาปิ กณฺณปฏลํ อจาเลนฺตา ตํ สทฺทํ สุณมานา ติฏฺนฺติ. เอวํ มธุรสฺสรา กรวีกา (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๓๘; ม. นิ. อฏฺ. ๒.๓๘๖). นิพฺพาปยนฺโต หทยนฺติ กิเลสคฺคิสนฺตตฺตสพฺพชนมานสํ ธมฺมกถามตธาราย สีติภาวํ ชนยนฺโตติ อตฺโถ. หาสยนฺโตติ โตสยนฺโต. สเทวกนฺติ สเทวกํ โลกํ.

อตีตพุทฺธานนฺติ อตีตานํ พุทฺธานํ. อมฺหากํ ภควโต อภินีหารสฺส ปุรโต ปน ตณฺหงฺกโร เมธงฺกโร สรณงฺกโร ทีปงฺกโรติ จตฺตาโร พุทฺธา เอกสฺมึ กปฺเป นิพฺพตฺตึสุ. เตสํ อปรภาเค โกณฺฑฺาทโย เตวีสติ พุทฺธาติ สพฺเพ ทีปงฺกราทโย จตุวีสติ พุทฺธา อิธ ‘‘อตีตพุทฺธา’’ติ อธิปฺเปตา, เตสํ อตีตพุทฺธานํ. ชินานนฺติ ตสฺเสว เววจนํ. เทสิตนฺติ กถิตํ. จตุวีสติยา พุทฺธานํ จตุสจฺจปฏิสํยุตฺตํ ธมฺมกถํ. นิกีลิตนฺติ เตสํ จริตํ กปฺปชาติโคตฺตายุโพธิสาวกสนฺนิปาตอุปฏฺากมาตาปิตุปุตฺตภริยาปริจฺเฉทาทิกํ นิกีลิตํ นาม. พุทฺธปรมฺปราคตนฺติ ทีปงฺกรทสพลโต ปฏฺาย ยาว กสฺสปปรมฺปรโต อาคตํ เทสิตํ นิกีลิตํ วาติ อตฺโถ. ปุพฺเพนิวาสานุคตาย พุทฺธิยาติ เอกมฺปิ ชาตึ ทฺเวปิ ชาติโยติ (ม. นิ. ๑.๑๔๘, ๓๘๔, ๔๒๑; ๒.๒๓๓; ๓.๘๒; ปารา. ๑๒) เอวํ วิภตฺตํ ปุพฺเพ นิวุฏฺกฺขนฺธสนฺตานสงฺขาตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุคตา อุปคตา ตาย ปุพฺเพนิวาสานุคตาย พุทฺธิยา, ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาเณนาติ อตฺโถ. ปกาสยีติ พฺยากาสิ. โลกหิตนฺติ สพฺพโลกหิตํ พุทฺธวํสํ. สเทวเกติ สเทวเก โลเกติ อตฺโถ.

๘๐. อถ ภควา กรุณาสีตเลน หทเยน สเทวกํ โลกํ สวเน นิโยเชนฺโต ‘‘ปีติปาโมชฺชชนน’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ ปีติปาโมชฺชชนนนฺติ ปีติปาโมชฺชกรํ ปีติยา ปุพฺพภาคํ ปาโมชฺชํ, ปฺจวณฺณาย ปีติยา ชนนนฺติ อตฺโถ. โสกสลฺลวิโนทนนฺติ โสกสงฺขาตานํ สลฺลานํ วิโนทนํ วิทฺธํสนํ. สพฺพสมฺปตฺติปฏิลาภนฺติ สพฺพาปิ เทวมนุสฺสสมฺปตฺติอาทโย สมฺปตฺติโย ปฏิลภนฺติ เอเตนาติ สพฺพสมฺปตฺติปฏิลาโภ, ตํ สพฺพสมฺปตฺติปฏิลาภํ พุทฺธวํสเทสนนฺติ อตฺโถ. จิตฺตีกตฺวาติ จิตฺเต กตฺวา, พุทฺธานุสฺสตึ ปุรกฺขตฺวาติ อตฺโถ. สุณาถาติ นิสาเมถ นิโพธถ. เมติ มม.

๘๑. มทนิมฺมทนนฺติ ชาติมทาทีนํ สพฺพมทานํ นิมฺมทนกรํ. โสกนุทนฺติ โสโก นาม าติพฺยสนาทีหิ ผุฏฺสฺส จิตฺตสนฺตาโป. กิฺจาปิ อตฺถโต โทมนสฺสเมว โหติ, เอวํ สนฺเตปิ อนฺโตนิชฺฌานลกฺขโณ, เจตโส ปรินิชฺฌายนรโส, อนุโสจนปจฺจุปฏฺาโน, ตํ โสกํ นุทตีติ โสกนุโท, ตํ โสกนุทํ. สํสารปริโมจนนฺติ สํสารพนฺธนโต ปริโมจนกรํ. ‘‘สํสารสมติกฺกม’’นฺติปิ ปาโ, ตสฺส สํสารสมติกฺกมกรนฺติ อตฺโถ.

สพฺพทุกฺขกฺขยนฺติ เอตฺถ ทุกฺข-สทฺโท ทุกฺขเวทนา-ทุกฺขวตฺถุ-ทุกฺขารมฺมณ-ทุกฺขปจฺจย-ทุกฺขฏฺานาทีสุ ทิสฺสติ. อยฺหิ ‘‘ทุกฺขสฺส จ ปหานา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๓๒; ม. นิ. ๑.๓๘๓, ๔๓๐; ปารา. ๑๑) ทุกฺขเวทนายํ ทิสฺสติ. ‘‘ชาติปิ ทุกฺขา ชราปิ ทุกฺขา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๓๘๗; สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑) ทุกฺขวตฺถุสฺมึ. ‘‘ยสฺมา จ โข, มหาลิ, รูปํ ทุกฺขํ ทุกฺขานุปติตํ ทุกฺขาวกฺกนฺต’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๓.๖๐) ทุกฺขารมฺมเณ. ‘‘ทุกฺโข ปาปสฺส อุจฺจโย’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๑๑๗) ทุกฺขปจฺจเย. ‘‘ยาวฺจิทํ, ภิกฺขเว, น สุกรา อกฺขาเนน ปาปุณิตํ ยาว ทุกฺขา นิรยา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๒๕๐) ทุกฺขฏฺาเน. อิธ ปนายํ ทุกฺขวตฺถุสฺมึ ทุกฺขปจฺจเยปิ จ ทฏฺพฺโพ. ตสฺมา ชาติอาทิสพฺพทุกฺขกฺขยกรนฺติ อตฺโถ (ธ. ส. อฏฺ. ๒ อาทโย). มคฺคนฺติ เอตฺถ กุสลตฺถิเกหิ มคฺคียติ, กิเลเส วา มาเรนฺโต คจฺฉตีติ มคฺโคติ พุทฺธวํสเทสนา วุจฺจติ, ตํ นิพฺพานสฺส มคฺคภูตํ พุทฺธวํสเทสนํ. สกฺกจฺจนฺติ สกฺกจฺจํ จิตฺตีกตฺวา, โอหิตโสตา หุตฺวาติ อตฺโถ. ปฏิปชฺชถาติ อธิติฏฺถ, สุณาถาติ อตฺโถ. อถ วา ปีติปาโมชฺชชนนํ โสกสลฺลวิโนทนํ สพฺพสมฺปตฺติปฏิลาภเหตุภูตํ อิมํ พุทฺธวํสเทสนํ สุตฺวา อิทานิ มทนิมฺมทนาทิคุณวิเสสาวหํ สพฺพทุกฺขกฺขยํ พุทฺธภาวมคฺคํ ปฏิปชฺชถาติ สพฺเพสํ เทวมนุสฺสานํ พุทฺธตฺตํ ปณิธาย อุสฺสาหํ ชเนติ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมวาติ.

อิติ มธุรตฺถวิลาสินิยา พุทฺธวํส-อฏฺกถาย

รตนจงฺกมนกณฺฑวณฺณนา นิฏฺิตา.

นิฏฺิตา จ สพฺพากาเรน อพฺภนฺตรนิทานสฺสตฺถวณฺณนา.

๒. สุเมธปตฺถนากถาวณฺณนา

อิทานิ

๑-๒.

‘‘กปฺเป จ สตสหสฺเส, จตุโร จ อสงฺขิเย;

อมรํ นาม นครํ, ทสฺสเนยฺยํ มโนรม’’นฺติ. –

อาทินยปฺปวตฺตาย พุทฺธวํสวณฺณนาย โอกาโส อนุปฺปตฺโต. สา ปเนสา พุทฺธวํสวณฺณนา ยสฺมา สุตฺตนิกฺเขปํ วิจาเรตฺวา วุจฺจมานา ปากฏา โหติ, ตสฺมา สุตฺตนิกฺเขปวิจารณา ตาว เวทิตพฺพา. จตฺตาโร หิ สุตฺตนิกฺเขปา อตฺตชฺฌาสโย ปรชฺฌาสโย ปุจฺฉาวสิโก อฏฺุปฺปตฺติโกติ. ตตฺถ ยานิ สุตฺตานิ ภควา ปเรหิ อนชฺฌิฏฺโ เกวลํ อตฺตโน อชฺฌาสเยน กเถสิ. เสยฺยถิทํ – อากงฺเขยฺยสุตฺตํ (ม. นิ. ๑.๖๔ อาทโย) วตฺถสุตฺตนฺติ (ม. นิ. ๑.๗๐ อาทโย) เอวมาทีนิ, เตสํ อตฺตชฺฌาสโย นิกฺเขโป.

ยานิ วา ปน ‘‘ปริปกฺกา โข ราหุลสฺส วิมุตฺติปริปาจนียา ธมฺมา, ยํนูนาหํ ราหุลํ อุตฺตรึ อาสวานํ ขเย วิเนยฺย’’นฺติ (สํ. นิ. ๔.๑๒๑) เอวํ ปเรสํ อชฺฌาสยํ ขนฺตึ มนํ พุชฺฌนกภาวฺจ โอโลเกตฺวา ปรชฺฌาสยวเสน กถิตานิ. เสยฺยถิทํ – ราหุโลวาทสุตฺตํ ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสุตฺตนฺติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑; มหาว. ๑๓ อาทโย; ปฏิ. ม. ๒.๓๐) เอวมาทีนิ, เตสํ ปรชฺฌาสโย นิกฺเขโป.

ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา เต เต เทวมนุสฺสา ปฺหํ ปุจฺฉนฺติ. เอวํ ปุฏฺเน ปน ภควตา ยานิ กถิตานิ เทวตาสํยุตฺต (สํ. นิ. ๑.๑ อาทโย) โพชฺฌงฺคสํยุตฺตาทีนิ (สํ. นิ. ๕.๑๘๒ อาทโย) เตสํ ปุจฺฉาวสิโก นิกฺเขโป.

ยานิ วา ปน อุปฺปนฺนํ การณํ ปฏิจฺจ เทสิตานิ ธมฺมทายาท- (ม. นิ. ๑.๒๙ อาทโย) ปุตฺตมํสูปมาทีนิ (สํ. นิ. ๒.๖๓), เตสํ อฏฺุปฺปตฺติโก นิกฺเขโป. เอวเมเตสุ จตูสุ สุตฺตนิกฺเขเปสุ อิมสฺส พุทฺธวํสสฺส ปุจฺฉาวสิโก นิกฺเขโป. ปุจฺฉาวเสน หิ ภควตา อยํ นิกฺขิตฺโต. กสฺส ปุจฺฉาวเสน? อายสฺมโต สาริปุตฺตตฺเถรสฺส. วุตฺตฺเหตํ อสฺมึ นิทานสฺมึ เอว –

‘‘สาริปุตฺโต มหาปฺโ, สมาธิชฺฌานโกวิโท;

ปฺาย ปารมิปฺปตฺโต, ปุจฺฉติ โลกนายกํ;

กีทิโส เต มหาวีร, อภินีหาโร นรุตฺตมา’’ติ. (พุ. วํ. ๑.๗๔-๗๕) –

อาทิ. เตเนสา พุทฺธวํสเทสนา ปุจฺฉาวสิกาติ เวทิตพฺพา.

ตตฺถ กปฺเป จ สตสหสฺเสติ เอตฺถ กปฺป-สทฺโท ปนายํ อภิสทฺทหนโวหารกาลปฺตฺติเฉทนวิกปฺปนเลสสมนฺตภาวอายุกปฺปมหากปฺปาทีสุ ทิสฺสติ. ตถา หิ ‘‘โอกปฺปนียเมตํ โภโต โคตมสฺส. ยถา ตํ อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๘๗) อภิสทฺทหเน ทิสฺสติ. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปฺจหิ สมณกปฺเปหิ ผลํ ปริภุฺชิตุ’’นฺติ เอวมาทีสุ (จูฬว. ๒๕๐) โวหาเร. ‘‘เยน สุทํ นิจฺจกปฺปํ วิหรามี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๘๗) กาเล. ‘‘อิจฺจายสฺมา กปฺโป’’ติ (สุ. นิ. ๑๐๙๘; จูฬนิ. กปฺปมาณวปุจฺฉา ๑๑๗; กปฺปมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๖๑) จ, ‘‘นิคฺโรธกปฺโป อิติ ตสฺส นามํ, ตยา กตํ ภควา พฺราหฺมณสฺสา’’ติ จ เอวมาทีสุ (สุ. นิ. ๓๔๖) ปฺตฺติยํ. ‘‘อลงฺกโต กปฺปิตเกสมสฺสู’’ติ เอวมาทีสุ (ชา. ๒.๒๒.๑๓๖๘) เฉทเน. ‘‘กปฺปติ ทฺวงฺคุลกปฺโป’’ติอาทีสุ (จูฬว. ๔๔๖) วิกปฺเป. ‘‘อตฺถิ กปฺโป นิปชฺชิตุ’’นฺติอาทีสุ (อ. นิ. ๘.๘๐) เลเส. ‘‘เกวลกปฺปํ เชตวนํ โอภาเสตฺวา’’ติอาทีสุ สมนฺตภาเว. ‘‘ติฏฺตุ, ภนฺเต, ภควา กปฺปํ, ติฏฺตุ สุคโต กปฺป’’นฺติ (ที. นิ. ๒.๑๗๘; อุทา. ๕๑) เอตฺถ อายุกปฺเป. ‘‘กีว ทีโฆ นุ โข, ภนฺเต, กปฺโป’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๒๘-๑๒๙) เอตฺถ มหากปฺเป. อาทิสทฺเทน ‘‘สตฺถุกปฺเปน วต กิร, โภ, มยํ สาวเกน สทฺธึ มนฺตยมานา น ชานิมฺหา’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๖๐) เอตฺถ ปฏิภาเค. ‘‘กปฺโป นฏฺโ โหติ. กปฺปกโตกาโส ชิณฺโณ โหตี’’ติ (ปาจิ. ๓๗๑) เอตฺถ วินยกปฺเป. อิธ ปน มหากปฺเป ทฏฺพฺโพ. ตสฺมา กปฺเป จ สตสหสฺเสติ มหากปฺปานํ สตสหสฺสานนฺติ อตฺโถ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๒๙; ๓.๒๗๕; สํ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๑; อ. นิ. อฏฺ. ๒.๓.๑๒๘; ขุ. ปา. อฏฺ. ๕.มงฺคลสุตฺต, เอวมิจฺจาทิปาวณฺณนา; สุ. นิ. อฏฺ. ๒.มงฺคลสุตฺตวณฺณนา; จริยา. อฏฺ. นิทานกถา.๑; จูฬนิ. อฏฺ. ขคฺควิสาณสุตฺตนิทฺเทสวณฺณนา). จตุโร จ อสงฺขิเยติ ‘‘จตุนฺนํ อสงฺขฺเยยฺยานํ มตฺถเก’’ติ วจนเสโส ทฏฺพฺโพ. กปฺปสตสหสฺสาธิกานํ จตุนฺนํ อสงฺขฺเยยฺยานํ มตฺถเกติ อตฺโถ. อมรํ นาม นครนฺติ ‘‘อมร’’นฺติ จ ‘‘อมรวตี’’ติ จ ลทฺธนามํ นครํ อโหสิ. เกจิ ปเนตฺถ อฺเนาปิ ปกาเรน วณฺณยนฺติ, กึ เตหิ, นามมตฺตํ ปเนตํ ตสฺส นครสฺส. ทสฺสเนยฺยนฺติ สุวิภตฺตวิจิตฺร-จจฺจรทฺวาร-จตุกฺกสิงฺฆาฏิก-ปาการ-ปริกฺเขปปาสาท- หมฺมิย-ภวน-สมลงฺกตตฺตา ทสฺสนียํ. มโนรมนฺติ สมสุจิปรมรมณียภูมิภาคตฺตา ฉายูทกสมฺปนฺนตฺตา สุลภาหารตฺตา สพฺโพปกรณยุตฺตตฺตา จ สมิทฺธตฺตา เทวมนุสฺสาทีนํ มโน รมยตีติ มโนรมํ.

ทสหิ สทฺเทหิ อวิวิตฺตนฺติ หตฺถิสทฺเทน อสฺสสทฺเทน รถสทฺเทน เภริสทฺเทน สงฺขสทฺเทน มุทิงฺคสทฺเทน วีณาสทฺเทน คีตสทฺเทน สมฺมตาฬสทฺเทน ‘‘ภุฺชถ ปิวถ ขาทถา’’ติ ทสเมน สทฺเทนาติ; อิเมหิ ทสหิ สทฺเทหิ อวิวิตฺตํ อโหสิ, สพฺพกาลํ อนุปมุสฺสวสมชฺชนาฏกา กีฬนฺตีติ อตฺโถ. อนฺนปานสมายุตนฺติ อนฺเนน จตุพฺพิเธนาหาเรน จ ปาเนน จ สุฏฺุ อายุตํ อนฺนปานสมายุตํ, อิมินา สุภิกฺขตา ทสฺสิตา, พหุอนฺนปานสมายุตนฺติ อตฺโถ.

อิทานิ เต ทส สทฺเท วตฺถุโต ทสฺสนตฺถํ –

‘‘หตฺถิสทฺทํ อสฺสสทฺทํ, เภริสงฺขรถานิ จ;

ขาทถ ปิวถ เจว, อนฺนปาเนน โฆสิต’’นฺติ. – วุตฺตํ;

ตตฺถ หตฺถิสทฺทนฺติ หตฺถีนํ โกฺจนาทสทฺเทน, กรณตฺเถ อุปโยควจนํ ทฏฺพฺพํ. เอส นโย เสสปเทสุปิ. เภริสงฺขรถานิ จาติ เภริสทฺเทน จ สงฺขสทฺเทน จ รถสทฺเทน จาติ อตฺโถ. ลิงฺควิปริยาเสน วุตฺตํ, ‘ขาทถ ปิวถา’ติ เอวมาทินยปฺปวตฺเตน อนฺนปานปฏิสํยุตฺเตน โฆสิตํ อภินาทิตนฺติ อตฺโถ. เอตฺถาห – เตสํ ปน สทฺทานํ เอกเทโสว ทสฺสิโต, น สกโลติ? น เอกเทโส สกโล ทสวิโธ ทสฺสิโตว. กถํ? เภริสทฺเทน มุทิงฺคสทฺโท สงฺคหิโต, สงฺขสทฺเทน วีณาคีตสมฺมตาฬสทฺทา สงฺคหิตาติ ทเสว ทสฺสิตา.

เอวํ เอเกน ปริยาเยน นครสมฺปตฺตึ วณฺเณตฺวา ปุน ตเมว ทสฺเสตุํ –

.

‘‘นครํ สพฺพงฺคสมฺปนฺนํ, สพฺพกมฺมมุปาคตํ, สตฺตรตนสมฺปนฺนํ, นานาชนสมากุลํ;

สมิทฺธํ เทวนครํว, อาวาสํ ปุฺกมฺมิน’’นฺติ. – วุตฺตํ;

ตตฺถ สพฺพงฺคสมฺปนฺนนฺติ ปาการโคปุรฏฺฏาลกาทิสพฺพนคราวยวสมฺปนฺนํ, ปริปุณฺณสพฺพวิตฺตูปกรณธนธฺติณกฏฺโทกนฺติ วา อตฺโถ. สพฺพกมฺมมุปาคตนฺติ สพฺพกมฺมนฺเตน อุปคตํ, สมุปคตสพฺพกมฺมนฺตนฺติ อตฺโถ. สตฺตรตนสมฺปนฺนนฺติ ปริปุณฺณมุตฺตาทิสตฺตรตนํ, จกฺกวตฺตินิวาสภูมิโต วา หตฺถิรตนาทีหิ สตฺตรตเนหิ สมฺปนฺนํ. นานาชนสมากุลนฺติ นานาวิธเทสภาเสหิ ชเนหิ สมากุลํ. สมิทฺธนฺติ มนุสฺโสปโภคสพฺโพปกรเณหิ สมิทฺธํ ผีตํ. เทวนครํ วาติ เทวนครํ วิย อาลกมนฺทา วิย อมรวตี สมิทฺธนฺติ วุตฺตํ โหติ. อาวาสํ ปุฺกมฺมินนฺติ อาวสนฺติ เอตฺถ ปุฺกมฺมิโน ชนาติ อาวาโส. ‘‘อาวาโส’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘อาวาส’’นฺติ ลิงฺคเภทํ กตฺวา วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ปฺายติ เตนาติ ปุฺํ, กุลรูปมหาโภคิสฺสริยวเสน ปฺายตีติ อตฺโถ. ปุนาตีติ วา ปุฺํ. สพฺพกุสลมลรชาปวาหกตฺตา ปุฺํ กมฺมํ เยสํ อตฺถิ เต ปุฺกมฺมิโน, เตสํ ปุฺกมฺมินํ อาวาสภูตนฺติ อตฺโถ.

ตตฺถ สุเมโธ นาม พฺราหฺมโณ ปฏิวสติ อุภโต สุชาโต มาติโต จ ปิติโต จ, สํสุทฺธคหณิโก ยาว สตฺตมา กุลปริวฏฺฏา อกฺขิตฺโต อนุปกุฏฺโ ชาติวาเทน, อภิรูโป ทสฺสนีโย ปาสาทิโก ปรมาย วณฺณโปกฺขรตาย สมนฺนาคโต, โส ติณฺณํ เวทานํ ปารคู อโหสิ สนิฆณฺฑุเกฏุภานํ สากฺขรปฺปเภทานํ อิติหาสปฺจมานํ ปทโก เวยฺยากรโณ อนวโย โลกายตมหาปุริสลกฺขเณสุ. ตสฺส ปน ทหรกาเลเยว มาตาปิตโร กาลมกํสุ. อถสฺส ราสิวฑฺฒโก อมจฺโจ อายโปตฺถกํ อาหริตฺวา สุวณฺณรชตมณิมุตฺตาทิวิวิธรตนภริเต คพฺเภ วิวริตฺวา – ‘‘เอตฺถกํ เต, กุมาร, มาตุ สนฺตกํ, เอตฺถกํ ปิตุ สนฺตกํ, เอตฺถกํ อยฺยกปยฺยกาน’’นฺติ ยาว สตฺตมา กุลปริวฏฺฏา ธนํ อาจิกฺขิตฺวา – ‘‘เอตํ ปฏิปชฺชาหี’’ติ นิยฺยาเตสิ. โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ปุฺานิ กโรนฺโต อคารํ อชฺฌาวสิ. เตน วุตฺตํ –

.

‘‘นคเร อมรวติยา, สุเมโธ นาม พฺราหฺมโณ;

อเนกโกฏิสนฺนิจโย, ปหูตธนธฺวา.

.

‘‘อชฺฌายโก มนฺตธโร, ติณฺณํ เวทาน ปารคู;

ลกฺขเณ อิติหาเส จ, สธมฺเม ปารมึ คโต’’ติ.

ตตฺถ นคเร อมรวติยาติ อมรวตีสงฺขาเต นคเร. สุเมโธ นามาติ เอตฺถ ‘‘เมธา’’ติ ปฺา วุจฺจติ. สา ตสฺส สุนฺทรา ปสตฺถาติ สุเมโธติ ปฺายิตฺถ. พฺราหฺมโณติ พฺรหฺมํ อณติ สิกฺขตีติ พฺราหฺมโณ, มนฺเต สชฺฌายตีติ อตฺโถ. อกฺขรจินฺตกา ปน ‘‘พฺรหฺมุโน อปจฺจํ พฺราหฺมโณ’’ติ วทนฺติ. อริยา ปน พาหิตปาปตฺตา พฺราหฺมณาติ. อเนกโกฏิสนฺนิจโยติ โกฏีนํ สนฺนิจโย โกฏิสนฺนิจโย, อเนโก โกฏิสนฺนิจโย ยสฺส โสยํ อเนกโกฏิสนฺนิจโย, อเนกโกฏิ ธนสนฺนิจโยติ อตฺโถ. ปหูตธนธฺวาติ พหุลธนธฺวา. ปุริมํ ภูมิคตคพฺภคตธนธฺวเสน วุตฺตํ, อิทํ นิจฺจปริโภคูปคตธนธฺวเสน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.

อชฺฌายโกติ น ฌายตีติ อชฺฌายโก, ฌานภาวนารหิโตติ อตฺโถ. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘น ทานิเม ฌายนฺตีติ. น ทานิเม ฌายนฺตีติ โข, วาเสฏฺ, ‘อชฺฌายกา อชฺฌายกา’ ตฺเวว ตติยํ อกฺขรํ อุปนิพฺพตฺต’’นฺติ (ที. นิ. ๓.๑๓๒) เอวํ ปมกปฺปิกกาเล ฌานวิรหิตานํ พฺราหฺมณานํ ครหวจนํ อุปฺปนฺนํ. อิทานิ มนฺตํ ฌายตีติ อชฺฌายโก, มนฺเต ปริวตฺเตตีติ อิมินา อตฺเถน ปสํสวจนํ กตฺวา โวหรนฺติ. มนฺเต ธาเรตีติ มนฺตธโร. ติณฺณํ เวทานนฺติ อิรุเวทยชุเวทสามเวทานํ ติณฺณํ เวทานํ. อยํ ปน เวท-สทฺโท าณโสมนสฺสคนฺเถสุ ทิสฺสติ. ตถา เหส – ‘‘ยํ พฺราหฺมณํ เวทคุมาภิชฺา, อกิฺจนํ กามภเว อสตฺต’’นฺติอาทีสุ (สุ. นิ. ๑๐๖๕) าเณ ทิสฺสติ. ‘‘เย เวทชาตา วิจรนฺติ โลเก’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๕๗) โสมนสฺเส. ‘‘ติณฺณํ เวทานํ ปารคู สนิฆณฺฑุเกฏุภาน’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๕๖) คนฺเถ. อิธาปิ คนฺเถ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๗๕). ปารคูติ ติณฺณํ เวทานํ โอฏฺปหตกรณมตฺเตน ปารํ คโตติ ปารคู. ลกฺขเณติ อิตฺถิลกฺขณปุริสลกฺขณมหาปุริสลกฺขณาทิเก ลกฺขเณ. อิติหาเสติ อิติห อาส, อิติห อาสาติ อีทิสวจนปฏิสํยุตฺเต ปุราณสงฺขาเต คนฺถวิเสเส. สธมฺเมติ พฺราหฺมณานํ สเก ธมฺเม, สเก อาจริยเก วา. ปารมึ คโตติ ปารํ คโต, ทิสาปาโมกฺโข อาจริโย อโหสีติ อตฺโถ.

อเถกทิวสํ โส ทสคุณคณาราธิตปณฺฑิโต สุเมธปณฺฑิโต อุปริปาสาทวรตเล รโหคโต หุตฺวา ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา นิสินฺโน จินฺเตสิ – ‘‘ปุนพฺภเว ปฏิสนฺธิคฺคหณํ นาม ทุกฺขํ, ตถา นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน สรีรเภทนํ, อหฺจ ชาติธมฺโม, ชราธมฺโม, พฺยาธิธมฺโม, มรณธมฺโม, เอวํภูเตน มยา อชาตึ อชรํ อพฺยาธึ อมรณํ สุขํ สิวํ นิพฺพานํ ปริเยสิตุํ วฏฺฏติ, อวสฺสํ ภวจารกโต มุจฺจิตฺวา นิพฺพานคามินา เอเกน มคฺเคน ภวิตพฺพ’’นฺติ. เตน วุตฺตํ –

.

‘‘รโหคโต นิสีทิตฺวา, เอวํ จินฺเตสหํ ตทา;

ทุกฺโข ปุนพฺภโว นาม, สรีรสฺส จ เภทนํ.

.

‘‘ชาติธมฺโม ชราธมฺโม, พฺยาธิธมฺโม สหํ ตทา;

อชรํ อมรํ เขมํ, ปริเยสิสฺสามิ นิพฺพุตึ.

.

‘‘ยํนูนิมํ ปูติกายํ, นานากุณปปูริตํ;

ฉฑฺฑยิตฺวาน คจฺเฉยฺยํ, อนเปกฺโข อนตฺถิโก.

.

‘‘อตฺถิ เหหิติ โส มคฺโค, น โส สกฺกา น เหตุเย;

ปริเยสิสฺสามิ ตํ มคฺคํ, ภวโต ปริมุตฺติยา’’ติ.

เอตฺถ ปน คาถาสมฺพนฺธฺจ อนุตฺตานปทานมตฺถฺจ วตฺวาว คมิสฺสาม. ตตฺถ รโหคโตติ รหสิ คโต, รหสิ าเน นิสินฺโน. เอวํ จินฺเตสหนฺติ เอวํ จินฺเตสึ อหํ. เอวนฺติ อิมินา จินฺตนาการํ ทสฺเสติ. ตทาติ ตสฺมึ สุเมธปณฺฑิตกาเล. ‘‘เอวํ จินฺเตสห’’นฺติ ภควา อิมินา อตฺตนา สทฺธึ สุเมธปณฺฑิตํ เอกตฺตํ กโรติ. ตสฺมา ตทา โส สุเมโธ อหเมวาติ ปกาเสนฺโต ‘‘เอวํ จินฺเตสหํ ตทา’’ติ ภควา อุตฺตมปุริสวเสนาห. ชาติธมฺโมติ ชาติสภาโว. เอส นโย เสสปเทสุปิ. นิพฺพุตินฺติ นิพฺพานํ.

ยํนูนาติ ปริวิตกฺกนตฺเถ นิปาโต, ยทิ ปนาหนฺติ อตฺโถ. ปูติกายนฺติ ปูติภูตํ กายํ. นานากุณปปูริตนฺติ มุตฺต-กรีส-ปุพฺพโลหิต-ปิตฺต-เสมฺห-เขฬสิงฺฆาณิกาทิอเนกกุณปปูริตํ. อนเปกฺโขติ อนาลโย. อตฺถีติ อวสฺสํ อุปลพฺภติ. เหหิตีติ ภวิสฺสติ, ปริวิตกฺกนวจนมิทํ. น โส สกฺกา น เหตุเยติ เตน มคฺเคน น สกฺกา น ภวิตุํ. โส ปน มคฺโค เหตุเยติ เหตุภาวาย น น โหติ, เหตุเยวาติ อตฺโถ. ภวโต ปริมุตฺติยาติ ภวพนฺธนวิมุตฺติยาติ อตฺโถ.

อิทานิ อตฺตนา ปริวิตกฺกิตมตฺถํ สมฺปาทยิตุํ ‘‘ยถาปี’’ติ อาทิมาห. ยถา หิ โลเก ทุกฺขสฺส ปฏิปกฺขภูตํ สุขํ นาม อตฺถิ, เอวํ ภเว สติ ตปฺปฏิปกฺเขน วิภเวนาปิ ภวิตพฺพํ, ยถา จ อุณฺเห สติ ตสฺส วูปสมภูตํ สีตลมฺปิ อตฺถิ, เอวํ ราคาทิอคฺคีนํ วูปสเมน นิพฺพาเนน ภวิตพฺพํ. ยถา จ ปาปสฺส ลามกสฺส ธมฺมสฺส ปฏิปกฺขภูโต กลฺยาโณ อนวชฺชธมฺโมปิ อตฺถิเยว, เอวเมว ปาปิกาย ชาติยา สติ สพฺพชาติเขปนโต อชาติสงฺขาเตน นิพฺพาเนนาปิ ภวิตพฺพเมวาติ. เตน วุตฺตํ –

๑๐.

‘‘ยถาปิ ทุกฺเข วิชฺชนฺเต, สุขํ นามปิ วิชฺชติ;

เอวํ ภเว วิชฺชมาเน, วิภโวปิจฺฉิตพฺพโก.

๑๑.

‘‘ยถาปิ อุณฺเห วิชฺชนฺเต, อปรํ วิชฺชติ สีตลํ;

เอวํ ติวิธคฺคิ วิชฺชนฺเต, นิพฺพานํ อิจฺฉิตพฺพกํ.

๑๒.

‘‘ยถาปิ ปาเป วิชฺชนฺเต, กลฺยาณมปิ วิชฺชติ;

เอวเมว ชาติ วิชฺชนฺเต, อชาติปิจฺฉิตพฺพก’’นฺติ.

ตตฺถ ยถาปีติ โอปมฺมตฺเถ นิปาโต. สุขนฺติ กายิกเจตสิกสุขํ, สุฏฺุ ทุกฺขํ ขณตีติ สุขํ. ภเวติ ชนเน. วิภโวติ อชนนํ, ชนเน วิชฺชมาเน อชนนธมฺโมปิ อิจฺฉิตพฺโพ. ติวิธคฺคิ วิชฺชนฺเตติ ติวิเธ ราคาทิเก อคฺคิมฺหิ วิชฺชมาเนติ อตฺโถ. นิพฺพานนฺติ ตสฺส ติวิธสฺส ราคาทิอคฺคิสฺส นิพฺพาปนํ อุปสมนํ นิพฺพานฺจ อิจฺฉิตพฺพํ. ปาเปติ อกุสเล ลามเก. กลฺยาณมปีติ กุสลมปิ. เอวเมวาติ เอวเมวํ. ชาติ วิชฺชนฺเตติ ชาติยา วิชฺชมานายาติ อตฺโถ. ลิงฺคเภทฺจ วิภตฺติโลปฺจ กตฺวา วุตฺตํ. อชาติปีติ ชาติเขปนํ อชาตินิพฺพานมฺปิ อิจฺฉิตพฺพํ.

อถาหํ ปรมฺปิ จินฺเตสึ – ‘‘ยถา นาม คูถราสิมฺหิ นิมุคฺเคน ปุริเสน ทูรโตว กมลกุวลยปุณฺฑรีกสณฺฑมณฺฑิตํ วิมลสลิลํ ตฬากํ ทิสฺวา – ‘กตเรน นุ โข มคฺเคน ตตฺถ คนฺตพฺพ’นฺติ ตฬากํ คเวสิตุํ ยุตฺตํ. ยํ ตสฺส อคเวสนํ, น โส ตสฺส ตฬากสฺส โทโส, ตสฺส ปุริสสฺเสว โทโส. เอวเมว กิเลสมลโธวเน อมตมหาตฬาเก วิชฺชมาเน ยํ ตสฺส อคเวสนํ, น โส อมตสงฺขาตสฺส นิพฺพานมหาตฬากสฺส โทโส, ปุริสสฺเสว โทโส. ยถา ปน โจเรหิ สํปริวาริโต ปุริโส ปลายนมคฺเค วิชฺชมาเนปิ สเจ โส น ปลายติ, น โส ตสฺส มคฺคสฺส โทโส, ตสฺส ปุริสสฺเสว โทโส. เอวเมว กิเลสโจเรหิ ปริวาเรตฺวา คหิตสฺส ปุริสสฺส วิชฺชมาเนเยว นิพฺพานมหานครคามิมฺหิ สิเว มหามคฺเค ตสฺส มคฺคสฺส อคเวสนํ นาม น มคฺคสฺส โทโส, ปุริสสฺเสว โทโส. ยถา พฺยาธิปีฬิโต ปุริโส วิชฺชมาเน พฺยาธิติกิจฺฉเก เวชฺเช สเจ ตํ เวชฺชํ คเวสิตฺวา ตํ พฺยาธึ น ติกิจฺฉาเปติ, น โส เวชฺชสฺส โทโส, ตสฺส ปุริสสฺเสว โทโส. เอวเมว ปน โย กิเลสพฺยาธิปริปีฬิโต กิเลสวูปสมมคฺคโกวิทํ วิชฺชมานเมว อาจริยํ น คเวสติ, ตสฺเสว โทโส, น กิเลสพฺยาธิวินายกสฺส อาจริยสฺส โทโส’’ติ. เตน วุตฺตํ –

๑๓.

‘‘ยถา คูถคโต ปุริโส, ตฬากํ ทิสฺวาน ปูริตํ;

น คเวสติ ตํ ตฬากํ, น โทโส ตฬากสฺส โส.

๑๔.

‘‘เอวํ กิเลสมลโธวํ, วิชฺชนฺเต อมตนฺตเฬ;

น คเวสติ ตํ ตฬากํ, น โทโส อมตนฺตเฬ.

๑๕.

‘‘ยถา อรีหิ ปริรุทฺโธ, วิชฺชนฺเต คมนมฺปเถ;

น ปลายติ โส ปุริโส, น โทโส อฺชสสฺส โส.

๑๖.

‘‘เอวํ กิเลสปริรุทฺโธ, วิชฺชมาเน สิเว ปเถ;

น คเวสติ ตํ มคฺคํ, น โทโส สิวมฺชเส.

๑๗.

‘‘ยถาปิ พฺยาธิโต ปุริโส, วิชฺชมาเน ติกิจฺฉเก;

น ติกิจฺฉาเปติ ตํ พฺยาธึ, น โทโส โส ติกิจฺฉเก.

๑๘.

‘‘เอวํ กิเลสพฺยาธีหิ, ทุกฺขิโต ปติปีฬิโต;

น คเวสติ ตํ อาจริยํ, น โทโส โส วินายเก’’ติ.

ตตฺถ คูถคโตติ คูถกูปคโต, คูเถน คโต มกฺขิโต วา. กิเลสมลโธวนฺติ กิเลสมลโสธเน, ภุมฺมตฺเถ ปจฺจตฺตวจนํ. อมตนฺตเฬติ อมตสงฺขาตสฺส ตฬากสฺส, สามิอตฺเถ ภุมฺมวจนํ ทฏฺพฺพํ, อนุสฺสรํ ปกฺขิปิตฺวา วุตฺตํ. อรีหีติ ปจฺจตฺถิเกหิ. ปริรุทฺโธติ สมนฺตโต นิรุทฺโธ. คมนมฺปเถติ คมนปเถ. ฉนฺทาวินาสตฺถํ อนุสฺสราคมนํ กตฺวา วุตฺตํ. น ปลายตีติ ยทิ น ปลาเยยฺย. โส ปุริโสติ โส โจเรหิ ปริรุทฺโธ ปุริโส. อฺชสสฺสาติ มคฺคสฺส. มคฺคสฺส หิ –

‘‘มคฺโค ปนฺโถ ปโถ ปชฺโช, อฺชสํ วฏุมายนํ;

นาวา อุตฺตรเสตุ จ, กุลฺโล จ ภิสิ สงฺกโม’’ติ. (จูฬนิ. ปารายนตฺถุติคาถานิทฺเทส ๑๐๑) –

พหูนิ นามานิ. สฺวายมิธ อฺชสนาเมน วุตฺโต. สิเวติ สพฺพุปทฺทวาภาวโต สิเว. สิวมฺชเสติ สิวสฺส อฺชสสฺสาติ อตฺโถ. ติกิจฺฉเกติ เวชฺเช. น ติกิจฺฉาเปตีติ น ติกิจฺฉาเปยฺย. น โทโส โส ติกิจฺฉเกติ ติกิจฺฉกสฺส โทโส นตฺถิ, พฺยาธิตสฺเสว โทโสติ อตฺโถ. ทุกฺขิโตติ สฺชาตกายิกเจตสิกทุกฺโข. อาจริยนฺติ โมกฺขมคฺคาจริยํ. วินายเกติ อาจริยสฺส.

เอวํ ปนาหํ จินฺเตตฺวา อุตฺตริมฺปิ เอวํ จินฺเตสึ – ‘‘ยถาปิ มณฺฑนกชาติโก ปุริโส กณฺเ อาสตฺตํ กุณปํ ฉฑฺเฑตฺวา สุขี คจฺเฉยฺย, เอวํ มยาปิ อิมํ ปูติกายํ ฉฑฺเฑตฺวา อนเปกฺเขน นิพฺพานมหานครํ ปวิสิตพฺพํ. ยถา จ นรนาริโย อุกฺการภูมิยํ อุจฺจารปสฺสาวํ กตฺวา น ตํ อุจฺฉงฺเคน วา อาทาย ทสนฺเต วา เวเตฺวา อาทาย คจฺฉนฺติ, อถ โข ชิคุจฺฉมานา โอโลเกตุมฺปิ อนิจฺฉนฺตา อนเปกฺขา ฉฑฺเฑตฺวา คจฺฉนฺติ, เอวํ มยาปิ อิมํ ปูติกายํ อนเปกฺเขน ฉฑฺเฑตฺวา อมตํ นิพฺพานนครํ ปวิสิตุํ วฏฺฏติ. ยถา จ นาวิกา นาม ชชฺชรํ นาวํ อุทกคาหินึ ฉฑฺเฑตฺวา อนเปกฺขาว คจฺฉนฺติ, เอวมหมฺปิ อิมํ นวหิ วณมุเขหิ ปคฺฆรนฺตํ กายํ ฉฑฺเฑตฺวา อนเปกฺโข นิพฺพานมหานครํ ปวิสิสฺสามิ. ยถา จ โกจิ ปุริโส มุตฺตามณิเวฬุริยาทีนิ นานาวิธานิ รตนานิ อาทาย โจเรหิ สทฺธึ มคฺคํ คจฺฉนฺโต อตฺตโน รตนวินาสภเยน เต โจเร ฉฑฺเฑตฺวา เขมํ มคฺคํ คณฺหาติ, เอวมยมฺปิ ปูติกาโย รตนวิโลปกโจรสทิโส. สจาหํ เอตฺถ ตณฺหํ กริสฺสามิ, อริยมคฺคกุสลธมฺมรตนานิ เม นสฺสิสฺสนฺติ, ตสฺมา มยา อิมํ มหาโจรสทิสํ กรชกายํ ฉฑฺเฑตฺวา นิพฺพานมหานครํ ปวิสิตุํ วฏฺฏตี’’ติ. เตน วุตฺตํ –

๑๙.

‘‘ยถาปิ กุณปํ ปุริโส, กณฺเ พทฺธํ ชิคุจฺฉิย;

โมจยิตฺวาน คจฺเฉยฺย, สุขี เสรี สยํวสี.

๒๐.

‘‘ตเถวิมํ ปูติกายํ, นานากุณปสฺจยํ;

ฉฑฺฑยิตฺวาน คจฺเฉยฺยํ, อนเปกฺโข อนตฺถิโก.

๒๑.

‘‘ยถา อุจฺจารฏฺานมฺหิ, กรีสํ นรนาริโย;

ฉฑฺฑยิตฺวาน คจฺฉนฺติ, อนเปกฺขา อนตฺถิกา.

๒๒.

‘‘เอวเมวาหํ อิมํ กายํ, นานากุณปปูริตํ;

ฉฑฺฑยิตฺวาน คจฺฉิสฺสํ, วจฺจํ กตฺวา ยถา กุฏึ.

๒๓.

‘‘ยถาปิ ชชฺชรํ นาวํ, ปลุคฺคํ อุทคาหินึ;

สามี ฉฑฺเฑตฺวา คจฺฉนฺติ, อนเปกฺขา อนตฺถิกา.

๒๔.

‘‘เอวเมวาหํ อิมํ กายํ, นวจฺฉิทฺทํ ธุวสฺสวํ;

ฉฑฺฑยิตฺวาน คจฺฉิสฺสํ, ชิณฺณนาวํว สามิกา.

๒๕.

‘‘ยถาปิ ปุริโส โจเรหิ, คจฺฉนฺโต ภณฺฑมาทิย;

ภณฺฑจฺเฉทภยํ ทิสฺวา, ฉฑฺฑยิตฺวาน คจฺฉติ.

๒๖.

‘‘เอวเมว อิมํ กาโย, มหาโจรสโม วิย;

ปหายิมํ คมิสฺสามิ, กุสลจฺเฉทนาภยา’’ติ.

ตตฺถ ยถาปิ กุณปํ ปุริโสติ ยถาปิ ทหโร ยุวา มณฺฑนกชาติโก ปุริโส อหิกุณเปน วา กุกฺกุรกุณเปน วา มนุสฺสกุณเปน วา กณฺเ อาสตฺเตน อฏฺฏียิตฺวา หรายิตฺวา ชิคุจฺฉิตฺวา ตํ กุณปํ โมเจตฺวา คจฺเฉยฺย. สุขีติ สุขิโต. เสรีติ ยถิจฺฉกวิหารี. นานากุณปสฺจยนฺติ อเนกวิธกุณปราสิภูตํ ‘‘นานากุณปปูริต’’นฺติปิ ปาโ.

อุจฺจารฏฺานมฺหีติ อุจฺจาเรนฺติ วจฺจํ กโรนฺติ เอตฺถาติ อุจฺจาโร, อุจฺจาโร จ โส านํ เจติ อุจฺจารฏฺานํ. อถ วา อุสฺสาสิยฺยตีติ อุสฺสาโส, วจฺจสฺเสตํ นามํ, ตสฺส านํ อุสฺสาสฏฺานํ, ตสฺมึ อุสฺสาสฏฺานมฺหิ, อุกฺการฏฺาเนติ อตฺโถ. วจฺจํ กตฺวา ยถา กุฏินฺติ วจฺจํ กตฺวา กุฏึ นรนาริโย วิยาติ อตฺโถ.

ชชฺชรนฺติ ชิณฺณํ. ปลุคฺคนฺติ ปลุชฺชนฺตึ, วิกิรนฺตินฺติ อตฺโถ. อุทคาหินินฺติ อุทกคาหินึ. สามีติ นาวาสามิกา. นวจฺฉิทฺทนฺติ จกฺขุโสตาทีหิ นวหิ วณมุเขหิ ฉิทฺทาวจฺฉิทฺเทหิ ยุตฺตตฺตา นวจฺฉิทฺทํ. ธุวสฺสวนฺติ ธุวนิสฺสนฺทํ, นิจฺจํ ปคฺฆรณาสุจินฺติ อตฺโถ.

ภณฺฑมาทิยาติ ยํกิฺจิ รตนาทิกํ ภณฺฑํ อาทิย. ภณฺฑจฺเฉทภยํ ทิสฺวาติ ภณฺฑสฺส อจฺฉินฺทเนน ภยํ ทิสฺวาติ อตฺโถ. เอวเมวาติ โส ภณฺฑมาทาย คจฺฉนฺโต ปุริโส วิย. อยํ กาโยติ อยํ ปน กุจฺฉิตานํ ปรมเชคุจฺฉานํ อาโยติ กาโย. อาโยติ อุปตฺติฏฺานํ. อายนฺติ ตโตติ อาโย, กุจฺฉิตา เกสาทโย. อิติ กุจฺฉิตานํ เกสาทีนํ อาโยติ กาโย. มหาโจรสโม วิยาติ จกฺขุอาทีหิ รูปาทีสุ ปิยรูเปสุ สารชฺชนาทิวเสน ปาณาติปาตาทินฺนาทานาทิโจโร หุตฺวา สพฺพกุสลํ วิลุมฺปตีติ มหาโจรสโม. ตสฺมา ยถา โส รตนภณฺฑมาทาย โจเรหิ สทฺธึ คจฺฉนฺโต ปุริโส เต โจเร ปหาย คจฺฉติ, เอวเมวาหมฺปิ อิมํ มหาโจรสมํ กายํ ปหาย อตฺตโน โสตฺถิภาวกรํ มคฺคํ คเวสิตุํ คมิสฺสามีติ อตฺถสมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ. กุสลจฺเฉทนาภยาติ กุสลธมฺมวิโลปนภเยนาติ อตฺโถ.

อเถวํ สุเมธปณฺฑิโต นานาวิธาหิ อุปมาหิ เนกฺขมฺมการณํ จินฺเตตฺวา ปุนปิ จินฺเตสิ – ‘‘อิมํ มหาธนราสึ สํหริตฺวา มยฺหํ ปิตุปิตามหาทโย ปรโลกํ คจฺฉนฺตา เอกกหาปณมฺปิ คเหตฺวา น คตา, มยา ปน คเหตฺวา คมนการณํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ คนฺตฺวา รฺโ อาโรเจสิ – ‘‘อหํ, มหาราช, ชาติชราทีหิ อุปทฺทุตหทโย อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิสฺสามิ, มยฺหํ อเนกโกฏิสตสหสฺสํ ธนํ อตฺถิ, ตํ เทโว ปฏิปชฺชตู’’ติ. ราชา อาห – ‘‘น มยฺหํ เต ธเนน อตฺโถ, ตฺวํเยว ยถิจฺฉกํ กโรหี’’ติ.

โส จ ‘‘สาธุ เทวา’’ติ นคเร เภรึ จราเปตฺวา มหาชนสฺส ทานํ ทตฺวา วตฺถุกาเม จ กิเลสกาเม จ ปหาย อมรวรนครสทิสโต อมรนครโต นิกฺขมิตฺวา เอกโกว นานามิคคณวนฺเต หิมวนฺเต ธมฺมิกํ นาม ปพฺพตํ นิสฺสาย อสฺสมํ กตฺวา ตตฺถ ปณฺณสาลํ กตฺวา ปฺจโทสวิวชฺชิตํ จงฺกมํ มาเปตฺวา อฏฺคุณสมุเปตํ อภิฺาพลํ สมาหริตุํ นวโทสสมนฺนาคตํ สาฏกํ ปชหิตฺวา ทฺวาทสคุณมุปาคตํ วากจีรํ นิวาเสตฺวา ปพฺพชิ. เอวํ ปน โส ปพฺพชิโต อฏฺโทสสมากิณฺณํ ปณฺณสาลํ ปหาย ทสคุณสมนฺนาคตํ รุกฺขมูลํ อุปคนฺตฺวา สพฺพธฺวิกตึ ปหาย ปวตฺตผลโภชโน หุตฺวา นิสชฺชฏฺานจงฺกมนวเสน ปธานํ ปทหนฺโต สตฺตาหพฺภนฺตเรเยว อฏฺนฺนํ สมาปตฺตีนํ ปฺจนฺนฺจ อภิฺานํ ลาภี อโหสิ. เตน วุตฺตํ –

๒๗.

‘‘เอวาหํ จินฺตยิตฺวาน, เนกโกฏิสตํ ธนํ;

นาถานาถานํ ทตฺวาน, หิมวนฺตมุปาคมึ.

๒๘.

‘‘หิมวนฺตสฺสาวิทูเร, ธมฺมิโก นาม ปพฺพโต;

อสฺสโม สุกโต มยฺหํ, ปณฺณสาลา สุมาปิตา.

๒๙.

‘‘จงฺกมํ ตตฺถ มาเปสึ, ปฺจโทสวิวชฺชิตํ.

อฏฺคุณสมุเปตํ, อภิฺาพลมาหรึ.

๓๐.

‘‘สาฏกํ ปชหึ ตตฺถ, นวโทสมุปาคตํ;

วากจีรํ นิวาเสสึ, ทฺวาทสคุณมุปาคตํ.

๓๑.

‘‘อฏฺโทสสมากิณฺณํ, ปชหึ ปณฺณสาลกํ;

อุปาคมึ รุกฺขมูลํ, คุเณ ทสหุปาคตํ.

๓๒.

‘‘วาปิตํ โรปิตํ ธฺํ, ปชหึ นิรวเสสโต;

อเนกคุณสมฺปนฺนํ, ปวตฺตผลมาทิยึ.

๓๓.

‘‘ตตฺถปฺปธานํ ปทหึ, นิสฺสชฺชฏฺานจงฺกเม;

อพฺภนฺตรมฺหิ สตฺตาเห, อภิฺาพลปาปุณิ’’นฺติ.

ตตฺถ เอวาหนฺติ เอวํ อหํ, เหฏฺา วุตฺตปฺปกาเรน จินฺเตตฺวาติ อตฺโถ. นาถานาถานนฺติ สนาถานมนาถานฺจ อฑฺฒานฺเจว ทลิทฺทานฺจ ‘‘อตฺถิกา คณฺหนฺตู’’ติ สห โกฏฺาคาเรหิ ทตฺวาติ อตฺโถ. หิมวนฺตสฺสาวิทูเรติ หิมวนฺตปพฺพตราชสฺส อวิทูเร สมีเป. ธมฺมิโก นาม ปพฺพโตติ เอวํนามโก ปพฺพโต. กสฺมา ปนายํ ธมฺมิโกติ? เยภุยฺเยน ปน โพธิสตฺตา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ตํ ปพฺพตํ อุปนิสฺสาย อภิฺาโย นิพฺพตฺเตตฺวา สมณธมฺมํ อกํสุ. ตสฺมา สมณธมฺมสฺส นิสฺสยภูตตฺตา ‘‘ธมฺมิโก’’ตฺเวว ปากโฏ อโหสิ. อสฺสโม สุกโต มยฺหนฺติอาทินา สุเมธปณฺฑิเตน อสฺสมปณฺณสาลา จงฺกมา สหตฺถา มาปิตา วิย วุตฺตา, น จ ปน สหตฺถา มาปิตา, กินฺตุ สกฺเกน เทเวน เปสิเต วิสฺสกมฺมุนา เทวปุตฺเตน นิมฺมิตา. ภควา ปน ตทา อตฺตโน ปุฺานุภาเวน นิพฺพตฺตํ ตํ สมฺปทํ สนฺธาย – ‘‘สาริปุตฺต, ตสฺมึ ปพฺพเต –

‘อสฺสโม สุกโต มยฺหํ, ปณฺณสาลา สุมาปิตา;

จงฺกมํ ตตฺถ มาเปสึ, ปฺจโทสวิวชฺชิต’’’นฺติ. – อาทิมาห;

ตตฺถ ปณฺณสาลาติ ปณฺณฉทนสาลา. ตตฺถาติ ตสฺมึ อสฺสมปเท. ปฺจโทสวิวชฺชิตนฺติ ปฺจหิ จงฺกมโทเสหิ วิวชฺชิตํ. กตเม ปฺจ จงฺกมโทสา นาม? ถทฺธวิสมตา, อนฺโตรุกฺขตา, คหนจฺฉนฺนตา, อติสมฺพาธตา, อติวิสาลตาติ อิเมหิ ปฺจหิ โทเสหิ วิวชฺชิตํ. อุกฺกฏฺปริจฺเฉเทน ทีฆโต สฏฺิรตโน วิตฺถารโต ทิยฑฺฒรตโน จงฺกโม วุตฺโต. อถ วา ปฺจโทสวิวชฺชิตนฺติ ปฺจหิ นีวรณโทเสหิ วิวชฺชิตํ ปริหีนํ อภิฺาพลมาหรินฺติ อิมินา อุตฺตรปเทน สมฺพนฺโธ ทฏฺพฺโพ (ธ. ส. อฏฺ. นิทานกถา, สุเมธกถา). อฏฺคุณสมุเปตนฺติ ‘‘เอวํ สมาหิเต จิตฺเต ปริสุทฺเธ ปริโยทาเต อนงฺคเณ วิคตูปกฺกิเลเส มุทุภูเต กมฺมนิเย ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต’’ติ เอวํ วุตฺเตหิ อฏฺคุเณหิ (ที. นิ. ๑.๒๔๔-๒๔๕; ม. นิ. ๑.๓๘๔-๓๘๖, ๔๓๑-๔๓๓; ปารา. ๑๒-๑๔) สมนฺนาคตํ อภิฺาพลํ อาหรึ อาเนสินฺติ อตฺโถ.

เกจิ ปน ‘‘อฏฺหิ สมณสุเขหิ อุเปตํ, อฏฺิมานิ สมณสุขานิ นาม ธนธฺปริคฺคหาภาโว, อนวชฺชปิณฺฑปาตปริเยสนภาโว, นิพฺพุตปิณฺฑภุฺชนภาโว, รฏฺํ ปีเฬตฺวา ธนธฺาทีสุ คณฺหนฺเตสุ ราชปุริเสสุ รฏฺปีฬนกิเลสาภาโว, อุปกรเณสุ นิจฺฉนฺทราคภาโว, โจรวิโลปเน นิพฺภยภาโว, ราชราชมหามตฺเตหิ อสํสฏฺภาโว, จตูสุ ทิสาสุ อปฺปฏิหตภาโวติ อิเมหิ อฏฺหิ สมณสุเขหิ (อป. อฏฺ. ๑.ทูเรนิทาน, สุเมธกถา; ธ. ส. อฏฺ. นิทานกถา) อุเปตํ สมุเปตํ อสฺสมํ มาเปสิ’’นฺติ อสฺสเมน สมฺพนฺธํ กตฺวา วทนฺติ, ตํ ปาฬิยา น สเมติ.

สาฏกนฺติ วตฺถํ. ตตฺถาติ ตสฺมึ อสฺสเม. นวโทสมุปาคตนฺติ, สาริปุตฺต, ตตฺถ วสนฺโต อตฺตโน นิวตฺถปารุตํ มหคฺฆสาฏกํ ปชหึ ปริจฺจชึ. สาฏกํ ปชหนฺโต จ ตตฺถ นว โทเส ทิสฺวา ปชหินฺติ ทีเปติ. ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตานฺหิ สาฏกสฺมึ นว โทสา ปกาสิตา. กตเม นว? สาฏกสฺส มหคฺฆภาโว, ปรปฏิพทฺธภาโว, ปริโภเคน ลหุกํ กิลิสฺสนภาโว, กิลิฏฺโ จ โธวิตพฺโพ ปุน รชิตพฺโพ จ โหติ ปริโภเคน ชีรณภาโว, ชิณฺณสฺส ปุน ตุนฺนกรณํ วา อคฺคฬทานํ วา กาตพฺพํ โหติ ปุน ปริเยสนาย ทุรภิสมฺภวภาโว, ตาปสปพฺพชฺชาย อนนุจฺฉวิกภาโว, ปจฺจตฺถิกานํ สาธารณภาโว, ยถา นํ น ปจฺจตฺถิกา คณฺหนฺติ, เอวํ โคเปตพฺโพ โหติ ปริทหโต วิภูสนฏฺานภาโว, คเหตฺวา จรนฺตสฺส มหิจฺฉภาโวติ เอเตหิ นวหิ โทเสหิ (อป. อฏฺ. ๑.ทูเรนิทาน, สุเมธกถา) อุปคตํ สาฏกํ ปหาย วากจีรํ นิวาเสสินฺติ ทีเปติ. วากจีรนฺติ มุฺชติณํ หีราหีรํ กตฺวา คนฺเถตฺวา กตํ วากมยจีรํ นิวาสนปารุปนตฺถาย อาทิยินฺติ อตฺโถ. ทฺวาทสคุณมุปาคตนฺติ ทฺวาทสหิ อานิสํเสหิ อุเปตํ. เอตฺถ คุณ-สทฺโท อานิสํสฏฺโ ‘‘สตคุณา ทกฺขิณา ปาฏิกงฺขิตพฺพา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๓๗๙) วิย. -กาโร ปทสนฺธิกโร. วากจีรสฺมึ ทฺวาทสานิสํสา อปฺปคฺฆตา, อปรายตฺตตา, สหตฺถา กาตุํ สกฺกุเณยฺยตา, ปริโภเคน ชิณฺเณปิ สิพฺพิตพฺพาภาโว, โจรภยาภาโว ปริเยสนฺตสฺส สุเขน กรณภาโว, ตาปสปพฺพชฺชาย สารุปฺปภาโว, เสวมานสฺส วิภูสนฏฺานาภาโว, จีวรปฺปจฺจเย อปฺปิจฺฉภาโว, ปริโภคสุขภาโว, วากุปฺปตฺติยา สุลภภาโว, วากจีเร นฏฺเปิ อนเปกฺขภาโวติ อิเมหิ ทฺวาทสหิ คุเณหิ สมฺปนฺนํ (อป. อฏฺ. ๑.ทูเรนิทาน, สุเมธกถา; ธ. ส. อฏฺ. นิทานกถา).

อถ สุเมธปณฺฑิโต ตตฺถ ปณฺณสาลายํ วิหรนฺโต ปจฺจูสสมเย ปจฺจุฏฺาย อตฺตโน นิกฺขมนการณํ ปจฺจเวกฺขมาโน เอวํ กิร จินฺเตสิ – ‘‘อหํ ปน นวกนกกฏกนูปุราทิสงฺฆฏฺฏนสทฺทสมฺมิสฺสิต-มธุรหสิตกถิตเคหชนรมณียํ อุฬารวิภวโสภิตํ สุรวรภวนาการมคารํ เขฬปิณฺฑํ วิย ปหาย วิเวการามตาย สพฺพชนปาปปวาหนํ ตโปวนํ ปวิฏฺโสฺมิ, อิธ ปน เม ปณฺณสาลาย วาโส ทุติโย ฆราวาโส วิย โหติ, หนฺทาหํ รุกฺขมูเล วเสยฺย’’นฺติ. เตน วุตฺตํ –

๓๑.

‘‘อฏฺโทสสมากิณฺณํ, ปชหึ ปณฺณสาลก’’นฺติ.

ตตฺถ อฏฺโทสสมากิณฺณนฺติ อฏฺหิ โทเสหิ สมากิณฺณํ สํยุตฺตํ. กตเมหิ อฏฺหิ? มหาสมฺภาเรหิ นิปฺผาทนียตา, ติณปณฺณมตฺติกาทีหิ นิจฺจํ ปฏิชคฺคนียตา, เสนาสนํ นาม มหลฺลกสฺส ปาปุณาตีติ อเวลาย วุฏฺาปิยมานสฺส จิตฺเตกคฺคตา น โหตีติ วุฏฺาปนียภาโว, สีตุณฺหสฺส ปฏิฆาเตน กายสฺส สุขุมาลกรณภาโว, ฆรํ ปวิฏฺเน ยํ กิฺจิ ปาปํ สกฺกา กาตุนฺติ ครหปฏิจฺฉาทนกรณภาโว, ‘‘มยฺหมิท’’นฺติ สปริคฺคหภาโว, เคหสฺส อตฺถิภาโว สทุติยกวาโส, อูกามงฺคุลฆรโคฬิกาทีนํ สาธารณตาย พหุสาธารณภาโวติ อิติ อิเม อฏฺ อาทีนเว (อป. อฏฺ. ๑.ทูเรนิทาน, สุเมธกถา) ทิสฺวา มหาสตฺโต ปณฺณสาลํ ปชหึ.

คุเณ ทสหุปาคตนฺติ ฉนฺนํ ปฏิกฺขิปิตฺวา ทสหิ คุเณหิ อุเปตํ, รุกฺขมูลํ อุปคโตสฺมีติ อตฺโถ. กตเมหิ ทสหิ? อปฺปสมารมฺภตา, อุปคมนมตฺตเมเวตฺถ โหตีติ สุลภานวชฺชตา, อภิณฺหํ ตรุปณฺณวิการทสฺสเนน อนิจฺจสฺาสมุฏฺาปนตา, เสนาสนมจฺเฉราภาโว, ตตฺถ หิ ปาปํ กโรนฺโต ลชฺชตีติ ปาปกรณารหาภาโว, ปริคฺคหกรณาภาโว, เทวตาหิ สห วาโส, ฉนฺนปฏิกฺเขโป, ปริโภคสุขตา, รุกฺขมูลเสนาสนสฺส คตคตฏฺาเน สุลภตาย อนเปกฺขภาโวติ อิติ อิเม ทส คุเณ (อป. อฏฺ. ๑.ทูเรนิทาน, สุเมธกถา) ทิสฺวา รุกฺขมูลํ อุปคโตสฺมีติ วทติ. อาห จ –

‘‘วณฺณิโต พุทฺธเสฏฺเน, นิสฺสโยติ จ ภาสิโต;

นิวาโส ปวิวิตฺตสฺส, รุกฺขมูลสโม กุโต.

‘‘อาวาสมจฺเฉรหเร, เทวตาปริปาลิเต;

ปวิวิตฺเต วสนฺโต หิ, รุกฺขมูลมฺหิ สุพฺพโต.

‘‘อภิรตฺตานิ นีลานิ, ปณฺฑูนิ ปติตานิ จ;

ปสฺสนฺโต ตรุปณฺณานิ, นิจฺจสฺํ ปนูทติ.

‘‘ตสฺมา หิ พุทฺธทายชฺชํ, ภาวนาภิรตาลยํ;

วิวิตฺตํ นาติมฺเยฺย, รุกฺขมูลํ วิจกฺขโณ’’ติ. (วิสุทฺธิ. ๑.๓๒);

อถ สุเมธปณฺฑิโต ปณฺณสาลาย ทิฏฺโทโส หุตฺวา รุกฺขมูลเสนาสเน ลทฺธานิสํโส วิหรนฺโต อุตฺตริปิ จินฺเตสิ – ‘‘อาหารตฺถาย เม คามคมนํ อาหารปริเยสนทุกฺขํ, นาหํ เกนจิ ปาริชุฺเน นิกฺขมิตฺวา อาหารตฺถาย ปพฺพชิโต, อาหารปริเยสนมูลสฺส จ ทุกฺขสฺส ปมาณํ นตฺถิ, ยํนูนาหํ ปวตฺตผเลน ยาเปยฺย’’นฺติ. อิมํ ปน อตฺถวิเสสํ ทีเปนฺโต –

๓๒-๓๓. ‘‘วาปิตํ โรปิตํ ธฺํ, ปชหึ นิรวเสสโต.

อเนกคุณสมฺปนฺนํ, ปวตฺตผลมาทิยิ’’นฺติ. – อาทิมาห;

ตตฺถ วาปิตนฺติ วปิตฺวา นิปฺผนฺนํ. โรปิตนฺติ โรปิตฺวา นิปฺผนฺนํ, วปนโรปนวเสน ทุวิธาว สสฺสนิปฺผตฺติ, ตํ ทุวิธมฺปิ อตฺตโน อปฺปิจฺฉตาย ปหาย ปวตฺตผเลน ยาเปสึ. ปวตฺตผลนฺติ สยเมว ปติตผลํ. อาทิยินฺติ ปริภุฺชึ.

‘‘ปวตฺตผลสนฺตุฏฺโ, อปรายตฺตชีวิโก;

ปหีนาหารโลลุปฺโป, โหติ จาตุทฺทิโส มุนิ.

‘‘ชหาติ รสตณฺหฺจ, อาชีโว ตสฺส สุชฺฌติ;

ตสฺมา หิ นาติมฺเยฺย, ปวตฺตผลโภชน’’นฺติ. (วิสุทฺธิ. ๑.๒๖ โถกํ วิสทิสํ) –

เอวํ ปวตฺตมาโน สุเมธปณฺฑิโต นจิรสฺเสว อนฺโตสตฺตาเห อฏฺ สมาปตฺติโย ปฺจ อภิฺาโย จ ปาปุณิ. อิมมตฺถํ ปกาเสนฺเตน ‘‘ตตฺถปฺปธานํ ปทหิ’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ตตฺถาติ ตสฺมึ อสฺสเม. ปธานนฺติ วีริยํ, วีริยฺหิ ปทหิตพฺพโต ปธานภาวกรณโต วา ‘‘ปธาน’’นฺติ วุจฺจติ. ปทหินฺติ วีริยมารภึ. นิสฺสชฺชฏฺานจงฺกเมติ นิสชฺชาย จ าเนน จ จงฺกเมน จ.

สุเมธปณฺฑิโต ปน เสยฺยํ ปฏิกฺขิปิตฺวา นิสชฺชฏฺานจงฺกเมเหว รตฺตินฺทิวํ วีตินาเมตฺวา สตฺตาหพฺภนฺตเรเยว อภิฺาพลํ ปาปุณิ. เอวํ ปน อภิฺาพลํ ปตฺวา สุเมธตาปเส สมาปตฺติสุเขน วีตินาเมนฺเต ตทา สพฺพชนสงฺคหกโร มารพลภยํกโร าณทีปงฺกโร ทีปงฺกโร นาม สตฺถา โลเก อุทปาทิ.

สงฺเขเปเนว ตสฺสายมานุปุพฺพิกถา – อยํ กิร ทีปงฺกโร นาม มหาสตฺโต สมตฺตึส ปารมิโย ปูเรตฺวา เวสฺสนฺตรตฺตภาวสทิเส อตฺตภาเว ิโต ปถวิกมฺปนาทีนิ มหาทานานิ ทตฺวา อายุปริโยสาเน ตุสิตปุเร นิพฺพตฺติตฺวา ตตฺถ ยาวตายุกํ ตฺวา ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตาหิ สนฺนิปติตฺวา –

‘‘กาโล โข เต มหาวีร, อุปฺปชฺช มาตุกุจฺฉิยํ;

สเทวกํ ตารยนฺโต, พุชฺฌสฺสุ อมตํ ปท’’นฺติ. (พุ. วํ. ๑.๖๗) –

วุตฺเต ตโต โส เทวตานํ วจนํ สุตฺวา จ ปฺจ มหาวิโลกนานิ วิโลเกตฺวา ตโต จุโต รมฺมวตีนคเร อตฺตโน ยสวิภูติยา วิชิตวาสุเทวสฺส นรเทวสฺส สุเทวสฺส นาม รฺโ กุเล สุเมธาย เทวิยา กุจฺฉิสฺมึ อาสาฬฺหิปุณฺณมิยา อุตฺตราสาฬฺหนกฺขตฺเตน ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา มหตา ปริวาเรน ปริหริยมาโน มหาเทวิยา กุจฺฉิมฺหิ มณิกูฏคโต วิย เกนจิ อสุจินา อมกฺขิโต ทส มาเส วสิตฺวา สลิลธรวิวรคโต สรทกาลจนฺโท วิย ตสฺสา อุทรโต นิกฺขมิ.

ทฺวตฺตึส ปุพฺพนิมิตฺตานิ

ตสฺส ปน ทีปงฺกรกุมารสฺส ปฏิสนฺธิกฺขเณปิ วิชาตกฺขเณปิ ทฺวตฺตึส ปุพฺพนิมิตฺตานิ ปาฏิหาริยานิ ปาตุรเหสุํ. สพฺพสพฺพฺุโพธิสตฺเตสุ มาตุกุจฺฉึ โอกฺกมนฺเตสุ นิกฺขมนฺเตสุ สมฺพุชฺฌนฺเตสุ ธมฺมจกฺกํ ปวตฺตนฺเตสูติ อิเมสุ จตูสุ าเนสุ ทฺวตฺตึส ปาฏิหาริยานิ ปวตฺตนฺเตว. ตสฺมา มยา ปากฏตฺตา ทีปงฺกรกุมารสฺส ชาติยํ ทสฺสิตานิ –

‘‘ทีปงฺกเร จารุกเร กุมาเร, สิวํกเร สนฺติกเรว ชาเต;

ปกมฺปิ สงฺกมฺปิ ตทา สมนฺตา, สหสฺสสงฺขฺยา ทสโลกธาตุ.

‘‘จกฺกวาฬสหสฺเสสุ, ทสสหสฺเสว เทวตา;

เอกสฺมึ จกฺกวาฬสฺมึ, ตทา สนฺนิปตึสุ ตา.

‘‘โพธิสตฺตํ มหาสตฺตํ, ชาตมตฺตนฺตุ เทวตา;

ปมํ ปฏิคฺคณฺหึสุ, ปจฺฉา ตํ มนุชา ปน.

‘‘อวาทิตา เกนจิ จมฺมนทฺธา, สุโปกฺขรา ทุนฺทุภิโย จ วีณา;

อฆฏฺฏิตานาภรณานิ ตสฺมึ, ขเณ สมนฺตา มธุรํ รวึสุ.

‘‘ฉิชฺชึสุ สพฺพตฺถ จ พนฺธนานิ, สยํ วิคจฺฉึสุ จ สพฺพโรคา;

รูปานิ ปสฺสึสุ จ ชาติอนฺธา, สทฺทํ สมนฺตา พธิรา สุณึสุ.

‘‘อนุสฺสตึ ชาติชฬา มนุสฺสา, ลภึสุ ยานํ ปทสาว ปงฺคุลา;

วิเทสยาตา สยเมว นาวา, สปฏฺฏนํ สีฆมุปาคมึสุ.

‘‘อากาสฏฺํ ภูมิคตฺจ สพฺพํ, สยํ สมนฺตา รตนํ วิโรจิ;

นิพฺพายิ โฆเร นิรเย หุตาโส, นทีสุ โตยมฺปิ จ นปฺปวตฺติ.

‘‘โลกนฺตเร ทุกฺขนิรนฺตเรปิ, ปภา อุฬารา วิปุลา อโหสิ;

ตถา ตทา สนฺตตรงฺคมาโล, มหาสมุทฺโท มธุโรทโกยํ.

‘‘น วายิ วาโต ผรุโส ขโร วา, สมฺผุลฺลปุปฺผา ตรโว อเหสุํ;

วิโรจิ จนฺโท อธิกํ สตาโร, น จาปิ อุณฺโห สูริโย อโหสิ.

‘‘ขคา นภมฺหาปิ จ รุกฺขโต จ, หฏฺาว เหฏฺา ปถวึ ภชึสุ;

มหาจตุทฺทีปคโต จ เมโฆ, ปวสฺสิ โตยํ มธุรํ สมนฺตา.

‘‘ตฺวาว ทิพฺเพ ภวเน สกสฺมึ, ปสนฺนจิตฺตา ปน เทวตาโย;

นจฺจึสุ คายึสุ จ วาทยึสุ, เสฬึสุ ตา เกฬิมกํสุ เจว.

‘‘สยํ กิร ทฺวารมหากวาฏา, ขเณว ตสฺมึ วิวฏา อเหสุํ;

มหาชเน เนว ขุทา ปิปาสา, ปีเฬสิ โลกํ กิร กฺจิ กฺจิ.

‘‘เย นิจฺจเวรา ปน ปาณิสงฺฆา, เต เมตฺตจิตฺตํ ปรมํ ลภึสุ;

กากา อุลูเกหิ จรึสุ สทฺธึ, โกณา วราเหหิ อกํสุ เกฬึ.

‘‘โฆราปิ สปฺปานมุขาปิ สปฺปา, กีฬึสุ กามํ นกุเลหิ สทฺธึ;

คณฺหึสุ มชฺชารสิเรสุ ยูกา, วิสฺสตฺถจิตฺตา ฆรมูสิกาปิ.

‘‘พุทฺธนฺตเรนาปิ อลทฺธโตเย, ปิสาจโลเก วิคตา ปิปาสา;

ขุชฺชา อเหสุํ สมจารุกายา, มูคา จ วาจํ มธุรํ ลปึสุ.

‘‘ปสนฺนจิตฺตา ปน ปาณิสงฺฆา, ตทฺมฺํ ปิยมาลปึสุ;

อสฺสา จ เหสึสุ ปหฏฺจิตฺตา, คชฺชึสุ มตฺตา วรวารณาปิ.

‘‘สุรภิจนฺทนจุณฺณสมากุลา, กุสุมกุงฺกุมธูปสุคนฺธินี;

วิวิธจารุมหทฺธชมาลินี, ทสสหสฺสิ อโหสิ สมนฺตโต’’ติ.

ตตฺร หิสฺส ทสสหสฺสิโลกธาตุกมฺโป สพฺพฺุตฺาณปฏิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, เทวตานํ เอกจกฺกวาเฬ สนฺนิปาโต ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนกาเล เอกปฺปหาเรเนว สนฺนิปติตฺวา ธมฺมปฏิคฺคหณสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, ปมํ เทวตานํ ปฏิคฺคหณํ จตุนฺนํ รูปาวจรชฺฌานานํ ปฏิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, ปจฺฉา มนุสฺสานํ ปฏิคฺคหณํ จตุนฺนํ อรูปาวจรชฺฌานานํ ปฏิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, จมฺมนทฺธทุนฺทุภีนํ สยเมว วชฺชนํ มหนฺติยา ธมฺมเภริยา อนุสาวนสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, วีณาภรณานํ สยเมว วชฺชนํ อนุปุพฺพวิหารปฏิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, พนฺธนานํ สยเมว เฉโท อสฺมิมานสมุจฺเฉทสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, มหาชนสฺส สพฺพโรควิคโม จตุสจฺจผลปฏิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, ชจฺจนฺธานํ รูปทสฺสนํ ทิพฺพจกฺขุปฏิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, พธิรานํ สทฺทสฺสวนํ ทิพฺพโสตธาตุปฏิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ.

ชาติชฬานํ อนุสฺสตุปฺปาโท จตุสติปฏฺานปฏิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, ปงฺคุลานํ ปทสา คมนํ จตุริทฺธิปาทปฏิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ, วิเทสคตานํ นาวานํ สปฏฺฏนาคมนํ จตุปฏิสมฺภิทาธิคมสฺส, รตนานํ สยเมว วิโรจนํ ธมฺโมภาสปฏิลาภสฺส, นิรเย อคฺคินิพฺพายนํ เอกาทสคฺคินิพฺพายนสฺส, นทีสุ โตยสฺส นปฺปวตฺตนํ จตุเวสารชฺชปฏิลาภสฺส, โลกนฺตเร อาโลโก อวิชฺชนฺธการํ วิธเมตฺวา าณโลกทสฺสนสฺส, มหาสมุทฺทสฺส มธุโรทกตา นิพฺพานรเสน เอกรสภาวสฺส, วาตสฺส อวายนํ ทฺวาสฏฺิทิฏฺิคตเภทนสฺส, ตรูนํ ปุปฺผิตภาโว วิมุตฺติปุปฺเผหิ ปุปฺผิตภาวสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ.

จนฺทสฺส อติวิโรจนํ พหุชนกนฺตตาย ปุพฺพนิมิตฺตํ, สูริยสฺส นาติอุณฺหวิมลภาโว กายิกเจตสิกสุขุปฺปตฺติยา, ขคานํ นคาทีหิ ปถวิคมนํ โอวาทํ สุตฺวา มหาชนสฺส ปาเณหิ สรณคมนสฺส, มหโต จตุทฺทีปคตเมฆสฺส ปวสฺสนํ มหโต ธมฺมวสฺสสฺส, เทวตานํ สกสกภวเนสฺเวว ตฺวา นจฺจาทีหิ กีฬนํ พุทฺธภาวํ ปตฺวา อุทานุทานสฺส, ทฺวารกวาฏานํ สยเมว วิวรณํ อฏฺงฺคิกมคฺคทฺวารวิวรณสฺส, ขุทาปีฬนสฺส อภาโว วิมุตฺติสุเขน สุขิตภาวสฺส, เวรีนํ เมตฺตจิตฺตปฏิลาโภ จตุพฺรหฺมวิหารปฏิลาภสฺส, ทสสหสฺสิโลกธาตุยา เอกธชมาลิตา อริยธชมาลิตาย ปุพฺพนิมิตฺตํ, เสสวิเสสา ปน เสสพุทฺธคุณปฏิลาภสฺส ปุพฺพนิมิตฺตานีติ เวทิตพฺพา.

อถ ทีปงฺกรกุมาโร มหติยา สมฺปตฺติยา ปริจาริยมาโน อนุกฺกเมน ภทฺทํ โยพฺพนํ ปตฺวา ติณฺณํ อุตูนํ อนุจฺฉวิเกสุ ตีสุ ปาสาเทสุ เทวโลกสิรึ วิย รชฺชสิริมนุภวนฺโต อุยฺยานกีฬาย คมนสมเย อนุกฺกเมน ชิณฺณพฺยาธิมตสงฺขาเต ตโย เทวทูเต ทิสฺวา สฺชาตสํเวโค นิวตฺติตฺวา สุทสฺสนนครสทิสวิภวโสภํ รมฺมวตี นาม นครํ ปาวิสิ. นครํ ปวิสิตฺวา ปุน จตุตฺถวาเร หตฺถาจริยํ ปกฺโกสาเปตฺวา เอตทโวจ – ‘‘อหํ, ตาต, อุยฺยานทสฺสนตฺถาย นิกฺขมิสฺสามิ หตฺถิยานานิ กปฺปาเปหี’’ติ. โส ‘‘สาธุ, เทวา’’ติ ปฏิสุณิตฺวา จตุราสีติหตฺถิสหสฺสานิ กปฺปาเปสิ. อถ วิสฺสกมฺโม นาม เทวปุตฺโต โพธิสตฺตํ นานาวิราควสนนิวาสนํ อามุกฺกมุตฺตาหารเกยูรํ รุจิรนวกนกกฏกมกุฏกุณฺฑลธรํ ปรมสุรภิกุสุมมาลสมลงฺกตสิโรรุหํ สมลงฺกริ กิร. อถ ทีปงฺกรกุมาโร เทวกุมาโร วิย จตุราสีติยา หตฺถิสหสฺเสหิ ปริวุโต หตฺถิกฺขนฺธวรคโต มหตา พลกาเยน ปริวุโต รติชนนํ อุยฺยานํ ปวิสิตฺวา หตฺถิกฺขนฺธโต โอรุยฺห ตํ อุยฺยานมนุสฺจริตฺวา ปรมรุจิรทสฺสเน สกหทยสีตเล สิลาตเล นิสีทิตฺวา ปพฺพชฺชาย จิตฺตํ อุปฺปาเทสิ. ตงฺขณฺเว สุทฺธาวาสขีณาสโว มหาพฺรหฺมา อฏฺ สมณปริกฺขาเร อาทาย มหาปุริสสฺส จกฺขุปเถ ปาตุรโหสิ.

มหาปุริโส ตํ ทิสฺวา – ‘‘กิมิท’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา, ‘‘สมณปริกฺขาโร’’ติ สุตฺวา อลงฺการภณฺฑํ โอมุฺจิตฺวา ปสาธนภณฺฑาคาริกสฺส หตฺเถ ทตฺวา มงฺคลขคฺคมาทาย สทฺธึ มกุเฏน เกเส ฉินฺทิตฺวา อนฺตลิกฺเข อากาเส อุกฺขิปิ. อถ สกฺโก เทวราชา สุวณฺณจงฺโกฏเกน ตํ เกสมกุฏํ อาทาย สิเนรุมุทฺธนิ ติโยชนปฺปมาณํ อินฺทนีลมณิมยํ มกุฏเจติยํ นาม อกาสิ. อถ มหาปุริโส เทวทตฺติยํ อรหตฺตธชํ กาสาวํ ปริทหิตฺวา สาฏกยุคํ อากาเส ขิปิ. ตํ พฺรหฺมา ปฏิคฺคเหตฺวา พฺรหฺมโลเก ทฺวาทสโยชนิกํ สพฺพรตนมยํ เจติยมกาสิ. ทีปงฺกรกุมารํ ปน ปพฺพชนฺตํ เอกา ปุริสโกฏิ อนุปพฺพชิ. ตาย ปน ปริสาย ปริวุโต โพธิสตฺโต ทส มาเส ปธานจริยํ อจริ. อถ วิสาขปุณฺณมาย อฺตรํ นครํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ.

ตสฺมึ กิร นคเร ตํทิวสํ เทวตานํ พลิกรณตฺถาย นิรุทกปายาสํ ปจึสุ. ตสฺส ปน มหาสตฺตสฺส สปริสสฺส ปิณฺฑาย ปวิฏฺสฺส มนุสฺสา อทํสุ. ตํ กิร สพฺเพสํ โกฏิสงฺขฺยายานํ ภิกฺขูนํ ปริยตฺตํ อโหสิ. มหาปุริสสฺส ปน ปตฺเต เทวตา ทิพฺโพชํ ปกฺขิปึสุ. ตํ ปริภุฺชิตฺวา ตตฺเถว สาลวเน ทิวาวิหารํ วีตินาเมตฺวา สายนฺหสมเย ปฏิสลฺลานา วุฏฺาย คณํ วิสฺสชฺเชตฺวา สุนนฺเทน นามาชีวเกน ทินฺนา อฏฺ ติณมุฏฺิโย คเหตฺวา ปิปฺผลิโพธิรุกฺขมูลํ คนฺตฺวา ติณสนฺถรํ สนฺถริตฺวา นวุติหตฺถํ โพธิกฺขนฺธํ ปิฏฺิโต กตฺวา ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา จตุรงฺควีริยํ อธิฏฺหิตฺวา โพธิรุกฺขมูเล นิสีทิ.

ตโต มารพลํ วิธมิตฺวา รตฺติยา ปมยาเม ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสริตฺวา มชฺฌิมยาเม ทิพฺพจกฺขุํ วิโสเธตฺวา ปจฺฉิมยาเม อนุโลมปฏิโลมวเสน ปจฺจยาการํ สมฺมสิตฺวา อานาปานจตุตฺถชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา ตโต วุฏฺาย ปฺจสุ ขนฺเธสุ อภินิวิสิตฺวา อุทยพฺพยวเสน สมปฺาส ลกฺขณานิ ทิสฺวา ยาว โคตฺรภุาณํ วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรุโณทเย อริยมคฺเคน สกลพุทฺธคุเณ ปฏิวิชฺฌิตฺวา พุทฺธสีหนาทํ นทิตฺวา สตฺตสตฺตาหํ โพธิสมีเปเยว วีตินาเมตฺวา พฺรหฺมุโน ธมฺมเทสนํ ปฏิฺาย สุนนฺทาราเม ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตตฺวา โกฏิสตานํ เทวมนุสฺสานํ ธมฺมามตํ ปาเยตฺวา จตุทฺทีปิกมหาเมโฆ วิย ธมฺมวสฺสํ วสฺเสนฺโต มหาชนสฺส พนฺธนโมกฺขํ กโรนฺโต ชนปทจาริกํ วิจริ.

ตทา กิร สุเมธปณฺฑิโต สมาปตฺติสุเขน วีตินาเมนฺโต เนว ปถวิกมฺปนมทฺทส น ตานิ นิมิตฺตานิ. เตน วุตฺตํ –

๓๔.

‘‘เอวํ เม สิทฺธิปฺปตฺตสฺส, วสีภูตสฺส สาสเน;

ทีปงฺกโร นาม ชิโน, อุปฺปชฺชิ โลกนายโก.

๓๕.

‘‘อุปฺปชฺชนฺเต จ ชายนฺเต, พุชฺฌนฺเต ธมฺมเทสเน;

จตุโร นิมิตฺเต นาทฺทสํ, ฌานรติสมปฺปิโต’’ติ.

ตตฺถ เอวนฺติ อิทานิ วตฺตพฺพํ นิทสฺเสติ. เมติ มม. สิทฺธิปฺปตฺตสฺสาติ ปฺจาภิฺาสิทฺธิปฺปตฺตสฺส. วสีภูตสฺสาติ ภูตวสิสฺส, จิณฺณวสีภาวมุปคตสฺสาติ อตฺโถ. สาสเนติ วิเวกมานสานํ สาสเน, อนาทรลกฺขเณ สามิวจนํ ทฏฺพฺพํ. ชิโนติ กิเลสาริชยเนน ชิโน.

อุปฺปชฺชนฺเตติ ปฏิสนฺธิคฺคหเณ. ชายนฺเตติ มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขมเน. พุชฺฌนฺเตติ อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุชฺฌนฺเต. ธมฺมเทสเนติ ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตเน. จตุโร นิมิตฺเตติ จตฺตาริ นิมิตฺตานิ. ทีปงฺกรสฺส ทสพลสฺส ปฏิสนฺธิ-ชาติ-โพธิ-ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตเนสุ จตูสุ าเนสุ ทสสหสฺสิโลกธาตุกมฺปนาทีนิ นิมิตฺตานีติ อตฺโถ. เอตฺถาห – ตานิ ปน พหูนิ นิมิตฺตานิ, กสฺมา ‘‘จตุโร นิมิตฺเต’’ติ วุตฺตํ, อยุตฺตํ นนูติ? นายุตฺตํ, ยทิปิ เอตานิ พหูนิ นิมิตฺตานิ, จตูสุ าเนสุ ปน ปวตฺตตฺตา ‘‘จตุโร นิมิตฺเต’’ติ วุตฺตํ. นาทฺทสนฺติ นาทฺทสึ. อิทานิ เตสํ จตุนฺนํ นิมิตฺตานํ อทสฺสเน การณํ นิทฺทิสนฺโต ‘‘ฌานรติสมปฺปิโต’’ติ อาห. ฌานรตีติ สมาปตฺติสุขสฺเสตํ อธิวจนํ. ฌานรติยา สมปฺปิตตฺตา สมงฺคีภูตตฺตา ตานิ นิมิตฺตานิ นาทฺทสนฺติ อตฺโถ.

อถ ตสฺมึ กาเล ทีปงฺกรทสพโล จตูหิ ขีณาสวสตสหสฺเสหิ ปริวุโต อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน ปรมรมฺมํ รมฺมํ นาม นครํ ปตฺวา สุทสฺสนมหาวิหาเร ปฏิวสติ. รมฺมนครวาสิโน ‘‘ทีปงฺกโร กิร ทสพโล อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ ปตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺโก อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน รมฺมนครํ ปตฺวา สุทสฺสนมหาวิหาเร ปฏิวสตี’’ติ สุตฺวา สปฺปิอาทีนิ เภสชฺชานิ คเหตฺวา ภุตฺตปาตราสา สุทฺธุตฺตราสงฺคา ปุปฺผธูปคนฺธหตฺถา เยน พุทฺโธ เตนุปสงฺกมึสุ, อุปสงฺกมิตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ปุปฺผาทีหิ ปูเชตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิตฺวา อติมธุรํ ธมฺมกถํ สุตฺวา สฺวาตนาย ภควนฺตํ นิมนฺเตตฺวา อุฏฺายาสนา ทสพลํ ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกมึสุ.

เต ปุนทิวเส อสทิสมหาทานํ สชฺเชตฺวา มณฺฑปํ กาเรตฺวา วิมลโกมเลหิ นีลุปฺปเลหิ ฉาเทตฺวา จตุชฺชาติคนฺเธน ปริภณฺฑํ กาเรตฺวา ลาชปฺจมานิ สุรภิกุสุมานิ วิกิริตฺวา มณฺฑปสฺส จตูสุ โกเณสุ สีตลมธุรวาริปุณฺณา จาฏิโย เปตฺวา กทลิปณฺเณหิ ปิทหิตฺวา มณฺฑโปปริ ชยสุมนกุสุมสทิสํ ปรมรุจิรทสฺสนํ เจลวิตานํ พนฺธิตฺวา สุวณฺณมณิรชตตารกาหิ รจยิตฺวา ตตฺถ คนฺธทามปุปฺผทามปตฺตทามรตนทามานิ โอลมฺเพตฺวา ธูเปหิ ทุทฺทินํ กตฺวา สกลฺจ ตํ รมฺมํ รมฺมนครํ สมฺมฏฺํ สผลกทลิโย จ ปุปฺผสมลงฺกเต ปุณฺณฆเฏ จ ปาเปตฺวา นานาวิราคา ธชปฏากาโย จ สมุสฺสาเปตฺวา มหาวีถิยา อุโภสุ ปสฺเสสุ สาณิปากาเรหิ ปริกฺขิปิตฺวา ทีปงฺกรทสพลสฺส อาคมนมคฺคํ อลงฺกโรนฺตา อุทกปริภินฺนฏฺาเนสุ ปํสุํ ปกฺขิปิตฺวา จิกฺขลฺลกมฺปิ ปถวึ อสมํ สมํ กตฺวา มุตฺตาสทิสาหิ วาลุกาหิ อากิรนฺติ, ลาชปฺจเมหิ จ ปุปฺเผหิ อากิรนฺติ, สผลกทลิกมุเก จ ปติฏฺาเปนฺติ.

อถ ตสฺมึ กาเล สุเมธตาปโส อตฺตโน อสฺสมปทโต อุคฺคนฺตฺวา รมฺมนครวาสีนํ เตสํ มนุสฺสานํ อุปริภาเคน อากาเสน คจฺฉนฺโต เต หฏฺปหฏฺเ มคฺคํ โสเธนฺเต จ อลงฺกโรนฺเต จ ทิสฺวา – ‘‘กึ นุ โข การณ’’นฺติ จินฺเตตฺวา สพฺเพสํ ปสฺสนฺตานฺเว อากาสโต โอรุยฺห เอกมนฺเต ตฺวา เต มนุสฺเส ปุจฺฉิ – ‘‘อมฺโภ! กสฺสตฺถาย ตุมฺเห อิมํ มคฺคํ โสเธถา’’ติ? เตน วุตฺตํ –

๓๖.

‘‘ปจฺจนฺตเทสวิสเย, นิมนฺเตตฺวา ตถาคตํ;

ตสฺส อาคมนํ มคฺคํ, โสเธนฺติ ตุฏฺมานสา.

๓๗.

‘‘อหํ เตน สมเยน, นิกฺขมิตฺวา สกสฺสมา;

ธุนนฺโต วากจีรานิ, คจฺฉามิ อมฺพเร ตทา.

๓๘.

‘‘เวทชาตํ ชนํ ทิสฺวา, ตุฏฺหฏฺํ ปโมทิตํ;

โอโรหิตฺวาน คคนา, มนุสฺเส ปุจฺฉิ ตาวเท.

๓๙.

‘‘ตุฏฺหฏฺโ ปมุทิโต, เวทชาโต มหาชโน;

กสฺส โสธียติ มคฺโค, อฺชสํ วฏุมายน’’นฺติ.

ตตฺถ ปจฺจนฺตเทสวิสเยติ มชฺฌิมเทสสฺเสว เอกปสฺเส ปจฺจนฺตเทสสฺิเต ชนปเท. ตสฺส อาคมนํ มคฺคนฺติ เตน อาคนฺตพฺพํ มคฺคนฺติ อตฺโถ. อหํ เตน สมเยนาติ อหํ ตสฺมึ สมเย, ภุมฺมตฺเถ เจตํ กรณวจนํ ทฏฺพฺพํ. สกสฺสมาติ อตฺตโน อสฺสมปทโต นิกฺขมิตฺวา. ธุนนฺโตติ โอธุนนฺโต. ‘‘เตน สมเยน’’ จ, ‘‘ตทา’’ จาติ อิเมสํ ทฺวินฺนํ ปทานํ เอกตฺถตฺตา ปุริมสฺส นิกฺขมนกิริยาย ปจฺฉิมสฺส จ คมนกิริยาย สทฺธึ สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ, อิตรถา ปุนรุตฺติโทสา น มุจฺจติ. ตทาติ ตสฺมึ สมเย.

เวทชาตนฺติ สฺชาตโสมนสฺสํ. ตุฏฺหฏฺํ ปโมทิตนฺติ อิมานิ ตีณิ ปทานิ อฺมฺเววจนานิ อฺมฺสฺส อตฺถทีปนานิ. อถ วา สุเขน ตุฏฺํ, ปีติยา หฏฺํ, ปาโมชฺเชน ปมุทิตํ. โอโรหิตฺวานาติ โอตริตฺวา. มนุสฺเส ปุจฺฉีติ มานุเส ปุจฺฉิ. อยเมว วา ปาโ. ตาวเทติ ตทา, ตงฺขเณเยวาติ อตฺโถ. อิทานิ ปุจฺฉิตมตฺถํ ทสฺเสนฺเตน ‘‘ตุฏฺหฏฺโ ปมุทิโต’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ อยํ มหาชโน ตุฏฺหฏฺโ ปโมทิตหทโย หุตฺวา มคฺคํ โสเธติ, กึ การณา โสเธติ, กสฺสตฺถาย วา โสเธตีติ? เอวํ ‘‘โสเธติ’’ สทฺทํ อาหริตฺวา อตฺโถ ทฏฺพฺโพ, อิตรถา น ยุชฺชติ. โสธียตีติ สุทฺธภาโว กรียติ. มคฺโค อฺชสํ วฏุมายนนฺติ มคฺคสฺเสเวตานิ เววจนานิ.

เอวํ เตน สุเมธตาปเสน ปุฏฺา เต มนุสฺสา อาหํสุ – ‘‘ภนฺเต สุเมธ, กึ น ชานาถ ทีปงฺกโร นาม พุทฺโธ อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ ปตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺโก ชนปทจาริกํ จรมาโน อนุกฺกเมน อมฺหากํ นครํ ปตฺวา สุทสฺสนมหาวิหาเร ปฏิวสติ, มยํ ตํ ภควนฺตํ นิมนฺตยิตฺวา ตสฺเสว พุทฺธสฺส ภควโต อาคมนมคฺคํ โสเธมา’’ติ. ตโต ตํ สุตฺวา สุเมธปณฺฑิโต จินฺเตสิ – ‘‘พุทฺโธติ โข ปเนส โฆโสปิ ทุลฺลโภ, ปเคว พุทฺธุปฺปาโท, เตน หิ มยาปิ อิเมหิ มนุสฺเสหิ สทฺธึ ทสพลสฺส อาคมนมคฺคํ โสเธตุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส เต มนุสฺเส อาห – ‘‘สเจ, โภ, ตุมฺเห อิมํ มคฺคํ พุทฺธสฺส โสเธถ, มยฺหมฺปิ เอกํ โอกาสํ เทถ, อหมฺปิ ตุมฺเหหิ สทฺธึ พุทฺธสฺส มคฺคํ โสเธสฺสามี’’ติ. ตโต เต ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา – ‘‘อยํ สุเมธปณฺฑิโต มหิทฺธิโก มหานุภาโว’’ติ ชานมานา ทุพฺพิโสธนํ อุทกสมฺภินฺนํ อติวิย วิสมํ เอกํ โอกาสํ สลฺลกฺเขตฺวา – ‘‘อิมํ โอกาสํ ตุมฺเห โสเธถ อลงฺกโรถ จา’’ติ อทํสุ. ตโต สุเมธปณฺฑิโต พุทฺธารมฺมณํ ปีตึ อุปฺปาเทตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อหํ ปน อิมํ โอกาสํ อิทฺธิยา ปรมทสฺสนียํ กาตุํ ปโหมิ, เอวํ กเต ปน มํ น ปริโตเสสฺสติ. อชฺช ปน มยา กายเวยฺยาวจฺจํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ ปํสุํ อาหริตฺวา ตํ ปเทสํ ปูเรติ.

ตสฺส ปน ตสฺมึ ปเทเส อโสธิเต วิปฺปกเตเยว รมฺมนครวาสิโน มนุสฺสา ภควโต กาลมาโรเจสุํ – ‘‘นิฏฺิตํ, ภนฺเต, ภตฺต’’นฺติ. เอวํ เตหิ กาเล อาโรจิเต ทสพโล ชยสุมนกุสุมสทิสวณฺณํ ทุปฏฺฏจีวรํ ติมณฺฑลํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา นิวาเสตฺวา ตสฺสุปริ สุวณฺณปามงฺเคน ชยสุมนกุสุมกลาปํ ปริกฺขิปนฺโต วิย วิชฺชุลตาสสฺสิริกํ กายพนฺธนํ พนฺธิตฺวา กนกคิริสิขรมตฺถเก ลาขารสํ ปริสิฺจนฺโต วิย สุวณฺณเจติยํ ปวาฬชาเลน ปริกฺขิปนฺโต วิย จ สุวณฺณคฺฆิกํ รตฺตกมฺพเลน ปฏิมุฺจนฺโต วิย จ สรทสมยรชนิกรํ รตฺตวลาหเกน ปฏิจฺฉาเทนฺโต วิย จ ลาขารเสน ตินฺตกึสุกกุสุมสทิสวณฺณํ รตฺตวรปํสุกูลจีวรํ ปารุปิตฺวา คนฺธกุฏิทฺวารโต กฺจนคุหโต สีโห วิย นิกฺขมิตฺวา คนฺธกุฏิปมุเข อฏฺาสิ. อถ สพฺเพ ภิกฺขู อตฺตโน อตฺตโน ปตฺตจีวรมาทาย ภควนฺตํ ปริวารยึสุ. เต ปน ปริวาเรตฺวา ิตา ภิกฺขู เอวรูปา อเหสุํ –

‘‘อปฺปิจฺฉา ปน สนฺตุฏฺา, วตฺตาโร วจนกฺขมา;

ปวิวิตฺตา อสํสฏฺา, วินีตา ปาปครหิโน.

‘‘สพฺเพปิ สีลสมฺปนฺนา, สมาธิชฺฌานโกวิทา;

ปฺาวิมุตฺติสมฺปนฺนา, ติปฺจจรณายุตา.

‘‘ขีณาสวา วสิปฺปตฺตา, อิทฺธิมนฺโต ยสสฺสิโน;

สนฺตินฺทฺริยา ทมปฺปตฺตา, สุทฺธา ขีณปุนพฺภวา’’ติ.

อิติ ภควา สยํ วีตราโค วีตราเคหิ วีตโทโส วีตโทเสหิ วีตโมโห วีตโมเหหิ ปริวุโต อติวิย วิโรจิตฺถ. อถ สตฺถา มหานุภาวานํ ขีณาสวานํ ฉฬภิฺานํ จตูหิ สตสหสฺเสหิ ปริวุโต มรุคณปริวุโต ทสสตนยโน วิย พฺรหฺมคณปริวุโต หาริตมหาพฺรหฺมา วิย จ อปริมิตสมยสมุปจิตกุสลพลชนิตาย อโนปมาย พุทฺธลีฬาย ตาราคณปริวุโต สรทสมยรชนิกโร วิย จ คคนตลํ ตํ มคฺคํ อลงฺกตปฏิยตฺตํ ปฏิปชฺชิ.

‘‘สุวณฺณวณฺณาย ปภาย ธีโร, สุวณฺณวณฺเณ กิร มคฺครุกฺเข;

สุวณฺณวณฺเณ กุสุเม กโรนฺโต, สุวณฺณวณฺโณ ปฏิปชฺชิ มคฺคํ’’.

สุเมธตาปโสปิ เตน อลงฺกตปฏิยตฺเตน มคฺเคน อาคจฺฉนฺตสฺส ทีปงฺกรสฺส ภควโต ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณปฏิมณฺฑิตํ อสีติยา อนุพฺยฺชเนหิ อนุรฺชิตํ พฺยามปฺปภาย ปริกฺเขปํ สสฺสิริกํ อินฺทนีลมณิสทิสํ อากาเส นานปฺปการา วิชฺชุลตา วิย ฉพฺพณฺณพุทฺธรสฺมิโย วิสฺสชฺเชนฺตํ รูปโสภคฺคปฺปตฺตํ อตฺตภาวํ อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา โอโลเกตฺวา – ‘‘อชฺช มยา ทสพลสฺส ชีวิตปริจฺจาคํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ, ‘‘มา ภควา กลเล อกฺกมิ, มณิมยผลกเสตุํ อกฺกมนฺโต วิย สทฺธึ จตูหิ ขีณาสวสตสหสฺเสหิ มม ปิฏฺึ อกฺกมนฺโต คจฺฉตุ, ตํ เม ภวิสฺสติ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’’ติ เกเส โมเจตฺวา อชินชฏาวากจีรานิ กาฬวณฺเณ กลเล ปตฺถริตฺวา ตตฺเถว กลลปิฏฺเ นิปชฺชิ. เตน วุตฺตํ –

๔๐.

‘‘เต เม ปุฏฺา วิยากํสุ, พุทฺโธ โลเก อนุตฺตโร;

ทีปงฺกโร นาม ชิโน, อุปฺปชฺชิ โลกนายโก;

ตสฺส โสธียติ มคฺโค, อฺชสํ วฏุมายนํ.

๔๑.

‘‘พุทฺโธติ วจนํ สุตฺวาน, ปีติ อุปฺปชฺชิ ตาวเท;

พุทฺโธ พุทฺโธติ กถยนฺโต, โสมนสฺสํ ปเวทยึ.

๔๒.

‘‘ตตฺถ ตฺวา วิจินฺเตสึ, ตุฏฺโ สํวิคฺคมานโส;

อิธ พีชานิ โรปิสฺสํ, ขโณ เว มา อุปจฺจคา.

๔๓.

‘‘ยทิ พุทฺธสฺส โสเธถ, เอโกกาสํ ททาถ เม;

อหมฺปิ โสธยิสฺสามิ, อฺชสํ วฏุมายนํ.

๔๔.

‘‘อทํสุ เต มโมกาสํ, โสเธตุํ อฺชสํ ตทา;

พุทฺโธ พุทฺโธติ จินฺเตนฺโต, มคฺคํ โสเธมหํ ตทา.

๔๕.

‘‘อนิฏฺิเต มโมกาเส, ทีปงฺกโร มหามุนิ;

จตูหิ สตสหสฺเสหิ, ฉฬภิฺเหิ ตาทิหิ;

ขีณาสเวหิ วิมเลหิ, ปฏิปชฺชิ อฺชสํ ชิโน.

๔๖.

‘‘ปจฺจุคฺคมนา วตฺตนฺติ, วชฺชนฺติ เภริโย พหู;

อาโมทิตา นรมรู, สาธุการํ ปวตฺตยุํ.

๔๗.

‘‘เทวา มนุสฺเส ปสฺสนฺติ, มนุสฺสาปิ จ เทวตา;

อุโภปิ เต ปฺชลิกา, อนุยนฺติ ตถาคตํ.

๔๘.

‘‘เทวา ทิพฺเพหิ ตุริเยหิ, มนุสฺสา มานุเสหิ จ;

อุโภปิ เต วชฺชยนฺตา, อนุยนฺติ ตถาคตํ.

๔๙.

‘‘ทิพฺพํ มนฺทารวํ ปุปฺผํ, ปทุมํ ปาริฉตฺตกํ;

ทิโสทิสํ โอกิรนฺติ, อากาสนภคตา มรู.

๕๐.

‘‘ทิพฺพํ จนฺทนจุณฺณฺจ, วรคนฺธฺจ เกวลํ;

ทิโสทิสํ โอกิรนฺติ, อากาสนภคตา มรู.

๕๑.

‘‘จมฺปกํ สรลํ นีปํ, นาคปุนฺนาคเกตลํ;

ทิโสทิสํ อุกฺขิปนฺติ, ภูมิตลคตา นรา.

๕๒.

‘‘เกเส มุฺจิตฺวาหํ ตตฺถ, วากจีรฺจ จมฺมกํ;

กลเล ปตฺถริตฺวาน, อวกุชฺโช นิปชฺชหํ.

๕๓.

‘‘อกฺกมิตฺวาน มํ พุทฺโธ, สห สิสฺเสหิ คจฺฉตุ;

มา นํ กลเล อกฺกมิตฺถ, หิตาย เม ภวิสฺสตี’’ติ.

ตตฺถ วิยากํสูติ พฺยากรึสุ. ‘‘ทีปงฺกโร นาม ชิโน, ตสฺส โสธียติ ปโถ’’ติปิ ปาโ. โสมนสฺสํ ปเวทยินฺติ โสมนสฺสมนุภวินฺติ อตฺโถ. ตตฺถ ตฺวาติ ยสฺมึ ปเทเส อากาสโต โอตริ, ตตฺเถว ตฺวา. สํวิคฺคมานโสติ ปีติวิมฺหิตมานโส. อิธาติ อิมสฺมึ ทีปงฺกเร ปุฺกฺเขตฺเต. พีชานีติ กุสลพีชานิ. โรปิสฺสนฺติ โรปิสฺสามิ. ขโณติ อฏฺกฺขณวิรหิโต นวโม ขณสนฺนิปาโต. อติทุลฺลโภ โส มยา ปฏิลทฺโธ. เวติ นิปาตมตฺตํ. มา อุปจฺจคาติ โส มา อจฺจคมา, มา อติกฺกมีติ อตฺโถ. ททาถาติ เทถ. เตติ เย เม ปุฏฺา มนุสฺสา, เตติ อตฺโถ. โสเธมหํ ตทาติ โสเธมิ อหํ ตทา. อนิฏฺิเตติ อปริโยสิเต วิปฺปกเต. ขีณาสเวหีติ เอตฺถ จตฺตาโร อาสวา – กามาสโว, ภวาสโว, ทิฏฺาสโว, อวิชฺชาสโวติ (จูฬนิ. ชตุกณฺณิมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๖๙) อิเม จตฺตาโร อาสวา เยสํ ขีณา ปหีนา สมุจฺฉินฺนา ปฏิปฺปสฺสทฺธา อภพฺพุปฺปตฺติกา าณคฺคินา ทฑฺฒา, เต ขีณาสวา, เตหิ ขีณาสเวหิ. ขีณาสวตฺตาเยว วิมเลหิ.

เทวา มนุสฺเส ปสฺสนฺตีติ เอตฺถ เทวานํ มนุสฺสทสฺสเน วตฺตพฺพํ นตฺถิ, ปกติทสฺสนวเสน ปน ยถา มนุสฺสา อิธ ตฺวา ปสฺสนฺติ, เอวํ เทวาปิ มนุสฺเส ปสฺสนฺตีติ อตฺโถ. เทวตาติ เทเว. อุโภปีติ อุโภ เทวมนุสฺสา. ปฺชลิกาติ กตปฺชลิกา, อุโภปิ หตฺเถ สิรสิ ปติฏฺาเปตฺวาติ อตฺโถ. อนุยนฺติ ตถาคตนฺติ ตถาคตสฺส ปจฺฉโต ยนฺติ, อนุโยเค สติ สามิอตฺเถ อุปโยควจนํ โหตีติ ลกฺขณํ. เตน วุตฺตํ ‘‘อนุยนฺติ ตถาคต’’นฺติ. วชฺชยนฺตาติ วาเทนฺตา.

มนฺทารวนฺติ มนฺทารวปุปฺผํ. ทิโสทิสนฺติ ทิสโต ทิสโต. โอกิรนฺตีติ อวกิรนฺติ. อากาสนภคตาติ อากาสสงฺขาเต นภสิ คตา. อถ วา อากาสํ คตา สคฺคคตาว. ‘‘นโภ’’ติ หิ สคฺโค วุจฺจติ. มรูติ อมรา. สรลนฺติ สรลตรุกุสุมํ. นีปนฺติ กทมฺพปุปฺผํ. นาคปุนฺนาคเกตกนฺติ นาคปุนฺนาคเกตกปุปฺผานิ จ. ภูมิตลคตาติ ภูมิคตา.

เกเส มุฺจิตฺวาหนฺติ อหํ เกเส พทฺธา กลาปกุฏิลชฏา มุฺจิตฺวา, วิปฺปกิริตฺวาติ อตฺโถ. ตตฺถาติ มยฺหํ ทินฺเน โอกาเส. จมฺมกนฺติ จมฺมกฺขณฺฑํ. กลเลติ จิกฺขลฺลกทฺทเม. อวกุชฺโชติ อโธมุโข หุตฺวา. นิปชฺชหนฺติ นิปชฺชึ อหํ. มา นนฺติ เอตฺถ มาติ ปฏิเสธตฺเถ นิปาโต. นฺติ ปทปูรณตฺเถ นิปาโต, พุทฺโธ กลเล มา อกฺกมิตฺถาติ อตฺโถ. หิตาย เม ภวิสฺสตีติ ตํ กลเล อนกฺกมนํ ทีฆรตฺตํ มม หิตตฺถาย ภวิสฺสตีติ. ‘‘สุขาย เม ภวิสฺสตี’’ติปิ ปาโ.

ตโต สุเมธปณฺฑิโต กลลปิฏฺเ นิปนฺโน เอวํ จินฺเตสิ – ‘‘สจาหํ อิจฺเฉยฺยํ สพฺพกิเลเส ฌาเปตฺวา สงฺฆนวโก หุตฺวา รมฺมนครํ ปวิเสยฺยํ, อฺาตกเวเสน ปน เม กิเลเส ฌาเปตฺวา นิพฺพานปฺปตฺติยา กิจฺจํ นตฺถิ, ยํนูนาหํ ทีปงฺกรทสพโล วิย ปรมาภิสมฺโพธึ ปตฺวา ธมฺมนาวํ อาโรเปตฺวา มหาชนํ สํสารสาครา อุตฺตาเรตฺวา ปจฺฉา ปรินิพฺพาเยยฺยํ, อิทํ เม ปติรูป’’นฺติ. ตโต อฏฺ ธมฺเม สโมธาเนตฺวา พุทฺธภาวาย อภินีหารํ กตฺวา นิปชฺชิ. เตน วุตฺตํ –

๕๔.

‘‘ปถวิยํ นิปนฺนสฺส, เอวํ เม อาสิ เจตโส;

อิจฺฉมาโน อหํ อชฺช, กิเลเส ฌาปเย มม.

๕๕.

‘‘กึ เม อฺาตเวเสน, ธมฺมํ สจฺฉิกเตนิธ;

สพฺพฺุตํ ปาปุณิตฺวา, พุทฺโธ เหสฺสํ สเทวเก.

๕๖.

‘‘กึ เม เอเกน ติณฺเณน, ปุริเสน ถามทสฺสินา;

สพฺพฺุตํ ปาปุณิตฺวา, สนฺตาเรสฺสํ สเทวกํ.

๕๗.

‘‘อิมินา เม อธิกาเรน, กเตน ปุริสุตฺตเม;

สพฺพฺุตํ ปาปุณิตฺวา, ตาเรมิ ชนตํ พหุํ.

๕๘.

‘‘สํสารโสตํ ฉินฺทิตฺวา, วิทฺธํเสตฺวา ตโย ภเว;

ธมฺมนาวํ สมารุยฺห, สนฺตาเรสฺสํ สเทวก’’นฺติ.

ตตฺถ ปถวิยํ นิปนฺนสฺสาติ ปุถวิยา นิปนฺนสฺส. อยเมว วา ปาโ. เจตโสติ เจตโส ปริวิตกฺโก อโหสีติ อตฺโถ. ‘‘เอวํ เม อาสิ เจตนา’’ติปิ ปาโ. อิจฺฉมาโนติ อากงฺขมาโน. กิเลเสติ กิลิสฺสนฺติ อุปตาเปนฺตีติ กิเลสา, ราคาทโย ทส. ฌาปเยติ ฌาเปยฺยํ, มม กิเลเส ฌาปเย อหนฺติ อตฺโถ.

กินฺติ ปฏิกฺเขปวจนํ. อฺาตเวเสนาติ อปากฏเวเสน, อวิฺาเตน ปฏิจฺฉนฺเนน. อิธ ปน ภิกฺขู วิย อาสวกฺขยํ กตฺวา กึ, พุทฺธกเร ธมฺเม ปูเรตฺวา ปฏิสนฺธิชาติโพธิธมฺมจกฺกปฺปวตฺตเนสุ มหาปถวิกมฺปนํ กตฺวา พุทฺโธ โพเธตา, ติณฺโณ ตาเรตา, มุตฺโต โมเจตา ภเวยฺยนฺติ อธิปฺปาโย. สเทวเกติ สเทวเก โลเก.

ถามทสฺสินาติ อตฺตโน ถามพลํ ปสฺสมาเนน. สนฺตาเรสฺสนฺติ สนฺตาเรสฺสามิ. สเทวกนฺติ สเทวกํ สตฺตนิกายํ, สเทวกํ โลกํ วา. อธิกาเรนาติ อธิวิสิฏฺเน กาเรน, พุทฺธสฺส มม ชีวิตํ ปริจฺจชิตฺวา กลลปิฏฺเ สยเนนาธิกาเรนาติ อตฺโถ.

สํสารโสตนฺติ กมฺมกิเลสวเสน โยนิคติวิฺาณฏฺิตินวสตฺตาวาเสสุ อิโต จิโต จ สํสรณํ สํสาโร. ยถาห –

‘‘ขนฺธานฺจ ปฏิปาฏิ, ธาตุอายตนานฺจ;

อพฺโพจฺฉินฺนํ วตฺตมานา, สํสาโรติ ปวุจฺจตี’’ติ. (วิสุทฺธิ. ๒.๖๑๙; ที. นิ. อฏฺ. ๒.๙๕ อปสาทนาวณฺณนา; สํ. นิ. อฏฺ. ๒.๒.๖๐; อ. นิ. อฏฺ. ๒.๔.๑๙๙; ธ. ส. อฏฺ. นิทานกถา; วิภ. อฏฺ. ๒๒๖ สงฺขาปทนิทฺเทส; สุ. นิ. อฏฺ. ๒.๕๒๓; อุทา. อฏฺ. ๓๙; อิติวุ. อฏฺ. ๑๔, ๕๘; เถรคา. อฏฺ. ๑.๖๗, ๙๙; จูฬนิ. อฏฺ. ๖; ปฏิ. ม. อฏฺ. ๒.๑.๑๑๗);

สํสาโร จ โส โสตํ เจติ สํสารโสตํ, ตํ สํสารโสตํ. อถ วา สํสารสฺส โสตํ สํสารโสตํ, สํสารการณํ ตณฺหาโสตํ ฉินฺทิตฺวาติ อตฺโถ. ตโย ภเวติ กามรูปารูปภเว. ติภวนิพฺพตฺตกกมฺมกิเลสา ตโย ภวาติ อธิปฺเปตา. ธมฺมนาวนฺติ อริยํ อฏฺงฺคิกํ มคฺคํ. โส หิ จตุโรฆุตฺตรณฏฺเน ‘‘ธมฺมนาวา’’ติ วุจฺจติ. สมารุยฺหาติ อารุยฺห. สนฺตาเรสฺสนฺติ สนฺตาเรสฺสามิ. ยสฺมา ปน พุทฺธตฺตํ ปตฺเถนฺตสฺส –

๕๙.

‘‘มนุสฺสตฺตํ ลิงฺคสมฺปตฺติ, เหตุ สตฺถารทสฺสนํ;

ปพฺพชฺชา คุณสมฺปตฺติ, อธิกาโร จ ฉนฺทตา;

อฏฺธมฺมสโมธานา, อภินีหาโร สมิชฺฌติ’’.

ตตฺถ มนุสฺสตฺตนฺติ มนุสฺสตฺตภาเวเยว ตฺวา พุทฺธตฺตํ ปตฺเถนฺตสฺส ปตฺถนา สมิชฺฌติ, น นาคชาติอาทีสุ ิตานํ. กสฺมาติ เจ? อเหตุกภาวโต.

ลิงฺคสมฺปตฺตีติ มนุสฺสตฺตภาเว วตฺตมานสฺสาปิ ปุริสลิงฺเค ิตสฺเสว ปตฺถนา สมิชฺฌติ, น อิตฺถิยา วา ปณฺฑกนปุํสกอุภโตพฺยฺชนกานํ วา สมิชฺฌติ. กสฺมาติ เจ? ลกฺขณปาริปูริยา อภาวโต. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘อฏฺานเมตํ, ภิกฺขเว, อนวกาโส, ยํ อิตฺถี อรหํ อสฺส สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ (ม. นิ. ๓.๑๓๐; อ. นิ. ๑.๒๗๙; วิภ. ๘๐๙) วิตฺถาโร. ตสฺมา อิตฺถิลิงฺเค ิตสฺส มนุสฺสชาติกสฺสาปิ ปตฺถนา น สมิชฺฌติ.

เหตูติ ปุริสสฺสาปิ ตสฺมึ อตฺตภาเว อรหตฺตปฺปตฺติยา เหตุสมฺปนฺนสฺเสว ปตฺถนา สมิชฺฌติ, โน อิตรสฺส.

สตฺถารทสฺสนนฺติ สเจ ชีวมานกพุทฺธสฺเสว สนฺติเก ปตฺเถติ ปตฺถนา สมิชฺฌติ. ปรินิพฺพุเต ภควติ เจติยสฺส สนฺติเก วา โพธิรุกฺขมูเล วา ปฏิมาย วา ปจฺเจกพุทฺธพุทฺธสาวกานํ วา สนฺติเก ปตฺถนา น สมิชฺฌติ. กสฺมา? ภพฺพาภพฺพเก ตฺวา กมฺมวิปากปริจฺเฉทกาเณน ปริจฺฉินฺทิตฺวา พฺยากาตุํ อสมตฺถตฺตา. ตสฺมา พุทฺธสฺส สนฺติเกเยว ปตฺถนา สมิชฺฌติ.

ปพฺพชฺชาติ พุทฺธสฺส ภควโต สนฺติเก ปตฺเถนฺตสฺสาปิ กมฺมกิริยวาทีสุ ตาปเสสุ วา ภิกฺขูสุ วา ปพฺพชิตสฺเสว ปตฺถนา สมิชฺฌติ, โน คิหิลิงฺเค ิตสฺส. กสฺมา? ปพฺพชิตาเยว หิ โพธิสตฺตา สมฺโพธึ อธิคจฺฉนฺติ, น คหฏฺา. ตสฺมา อาทิมฺหิ ปณิธานกาเลปิ ปพฺพชิเตเนว ภวิตพฺพํ.

คุณสมฺปตฺตีติ ปพฺพชิตสฺสาปิ อฏฺสมาปตฺติลาภิโน ปฺจาภิฺสฺเสว สมิชฺฌติ, น ปน อิมาย คุณสมฺปตฺติยา วิรหิตสฺส. กสฺมา? นิคฺคุณสฺส ตทภาวโต.

อธิกาโรติ คุณสมฺปนฺเนนาปิ เยน อตฺตโน ชีวิตํ พุทฺธานํ ปริจฺจตฺตํ โหติ, ตสฺส อิมินา อธิกาเรน สมฺปนฺนสฺเสว สมิชฺฌติ, น อิตรสฺส.

ฉนฺทตาติ อภินีหารสมฺปนฺนสฺสาปิ ยสฺส พุทฺธการกธมฺมานํ อตฺถาย มหนฺโต ฉนฺโท วายาโม จ อุสฺสาโห จ ปริเยฏฺิ จ, ตสฺเสว สมิชฺฌติ, น อิตรสฺส. ตตฺริทํ ฉนฺทมหนฺตตาย โอปมฺมํ – สเจ หิ เอวมสฺส, ‘‘โย ปน สกลจกฺกวาฬคพฺภํ เอโกทกีภูตํ อตฺตโน พาหุพเลน อุตฺตริตฺวา ปารํ คนฺตุํ สมตฺโถ, โส พุทฺธตฺตํ ปาปุณาติ. โย ปนิมํ อตฺตโน ทุกฺกรํ น มฺติ ‘อหํ อิมํ อุตฺตริตฺวา ปารํ คมิสฺสามี’’’ติ เอวํ มหตา ฉนฺเทน อุสฺสาเหน สมนฺนาคโต โหติ, ตสฺส ปตฺถนา สมิชฺฌติ, น อิตรสฺส (สุ. นิ. อฏฺ. ๑.ขคฺควิสาณสุตฺตวณฺณนา; อป. อฏฺ. ๑.ทูเรนิทาน, สุเมธกถา; จริยา. อฏฺ. ปกิณฺณกกถา).

สุเมธปณฺฑิโต ปน อิเม อฏฺ ธมฺเม สโมธาเนตฺวาว พุทฺธภาวาย อภินีหารํ กตฺวา นิปชฺชิ. ทีปงฺกโรปิ ภควา อาคนฺตฺวา สุเมธปณฺฑิตสฺส สีสภาเค ตฺวา กลลปิฏฺเ นิปนฺนํ สุเมธตาปสํ ทิสฺวา – ‘‘อยํ ตาปโส พุทฺธตฺตาย อภินีหารํ กตฺวา นิปนฺโน, อิชฺฌิสฺสติ นุ โข เอตสฺส ปตฺถนา, อุทาหุ โน’’ติ อนาคตํสาณํ เปเสตฺวา อุปธาเรนฺโต – ‘‘อิโต กปฺปสตสหสฺสาธิกานิ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ อติกฺกมิตฺวา โคตโม นาม พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ ตฺวา ิตโกว ปริสมชฺเฌ พฺยากาสิ – ‘‘ปสฺสถ โน, ตุมฺเห ภิกฺขเว, อิมํ อุคฺคตปํ ตาปสํ กลลปิฏฺเ นิปนฺน’’นฺติ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ. อยํ พุทฺธตฺตาย อภินีหารํ กตฺวา นิปนฺโน, สมิชฺฌิสฺสติ อิมสฺส ตาปสสฺส ปตฺถนา, อยฺหิ อิโต กปฺปสตสหสฺสาธิกานํ จตุนฺนํ อสงฺขฺเยยฺยานํ มตฺถเก โคตโม นาม พุทฺโธ โลเก ภวิสฺสติ. ตสฺมึ ปนสฺส อตฺตภาเว กปิลวตฺถุ นาม นครํ นิวาโส ภวิสฺสติ, มหามายา นาม เทวี มาตา, สุทฺโธทโน นาม ราชา ปิตา, อุปติสฺโส จ โกลิโต จ ทฺเว อคฺคสาวกา, อานนฺโท นาม อุปฏฺาโก, เขมา จ อุปฺปลวณฺณา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา ภวิสฺสนฺติ. อยํ ปริปกฺกาโณ หุตฺวา มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิตฺวา มหาปธานํ ปทหิตฺวา นิคฺโรธมูเล สุชาตาย นาม กุมาริยา ทินฺนํ ปายาสํ ปฏิคฺคเหตฺวา เนรฺชราย ตีเร ปริภุฺชิตฺวา โพธิมณฺฑํ อารุยฺห อสฺสตฺถรุกฺขมูเล อภิสมฺพุชฺฌิสฺสตีติ. เตน วุตฺตํ –

๖๐.

‘‘ทีปงฺกโร โลกวิทู, อาหุตีนํ ปฏิคฺคโห;

อุสฺสีสเก มํ ตฺวาน, อิทํ วจนมพฺรวิ.

๖๑.

‘‘ปสฺสถ อิมํ ตาปสํ, ชฏิลํ อุคฺคตาปนํ;

อปริเมยฺยิโต กปฺเป, พุทฺโธ โลเก ภวิสฺสติ.

๖๒.

‘‘อหู กปิลวฺหยา รมฺมา, นิกฺขมิตฺวา ตถาคโต;

ปธานํ ปทหิตฺวาน, กตฺวา ทุกฺกรการิกํ.

๖๓.

‘‘อชปาลรุกฺขมูลสฺมึ, นิสีทิตฺวา ตถาคโต;

ตตฺถ ปายาสํ ปคฺคยฺห, เนรฺชรมุเปหิติ.

๖๔.

‘‘เนรฺชราย ตีรมฺหิ, ปายาสํ อท โส ชิโน;

ปฏิยตฺตวรมคฺเคน, โพธิมูลมุเปหิติ.

๖๕.

‘‘ตโต ปทกฺขิณํ กตฺวา, โพธิมณฺฑํ อนุตฺตโร;

อสฺสตฺถรุกฺขมูลมฺหิ, พุชฺฌิสฺสติ มหายโส.

๖๖.

‘‘อิมสฺส ชนิกา มาตา, มายา นาม ภวิสฺสติ;

ปิตา สุทฺโธทโน นาม, อยํ เหสฺสติ โคตโม.

๖๗.

‘‘อนาสวา วีตราคา, สนฺตจิตฺตา สมาหิตา;

โกลิโต อุปติสฺโส จ, อคฺคา เหสฺสนฺติ สาวกา;

อานนฺโท นามุปฏฺาโก, อุปฏฺิสฺสติมํ ชินํ.

๖๘.

‘‘เขมา อุปฺปลวณฺณา จ, อคฺคา เหสฺสนฺติ สาวิกา;

อนาสวา วีตราคา, สนฺตจิตฺตา สมาหิตา.

๖๙.

‘‘โพธิ ตสฺส ภควโต, อสฺสตฺโถติ ปวุจฺจติ;

จิตฺโต จ หตฺถาฬวโก, อคฺคา เหสฺสนฺตุปฏฺกา;

อุตฺตรา นนฺทมาตา จ, อคฺคา เหสฺสนฺตุปฏฺิกา’’ติ.

ตตฺถ โลกวิทูติ สพฺพถา วิทิตโลกตฺตา ปน โลกวิทู. ภควา หิ สภาวโต สมุทยโต นิโรธโต นิโรธูปายโตติ สพฺพถาปิ โลกํ อเวทิ อฺาสิ ปฏิวิชฺฌิ. ตสฺมา โลกวิทูติ วุจฺจติ. ยถาห –

‘‘ตสฺมา หเว โลกวิทู สุเมโธ, โลกนฺตคู วูสิตพฺรหฺมจริโย;

โลกสฺส อนฺตํ สมิตาวิ ตฺวา, นาสีสตี โลกมิมํ ปรฺจา’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๑๐๗; อ. นิ. ๔.๔๖);

อปิ จ ตโย โลกา – สงฺขารโลโก, สตฺตโลโก, โอกาสโลโกติ. ตตฺถ สงฺขารโลโก นาม ปฏิจฺจสมุปฺปนฺนา ปถวิอาทโย ธมฺมา. สตฺตโลโก นาม สฺิโน อสฺิโน เนวสฺินาสฺิโน จ สตฺตา. โอกาสโลโก นาม สตฺตานํ นิวาสฏฺานํ. อิเม ปน ตโยปิ โลกา ภควตา ยถาสภาวโต วิทิตา, ตสฺมา โลกวิทูติ วุจฺจติ. อาหุตีนํ ปฏิคฺคโหติ ทานานํ ปฏิคฺคเหตุํ อรหตฺตา ทกฺขิเณยฺยตฺตา อาหุตีนํ ปฏิคฺคโห. อุสฺสีสเก มํ ตฺวานาติ มม สีสสมีเป ตฺวา. อิทํ อิทานิ วตฺตพฺพํ วจนํ อพฺรวีติ อตฺโถ. ชฏิลนฺติ ชฏา อสฺส สนฺตีติ ชฏิโล, ตํ ชฏิลํ. อุคฺคตาปนนฺติ อุคฺคตาปสํ. อหูติ อหนิ, อถาติ อตฺโถ. อยเมว วา ปาโ. กปิลวฺหยาติ กปิลอวฺหยา อภิธานา. รมฺมาติ รมณียโต. ปธานนฺติ วีริยํ. เอหิตีติ เอสฺสติ คมิสฺสติ. เสสคาถาสุ อุตฺตานเมวาติ.

ตโต สุเมธปณฺฑิโต – ‘‘มยฺหํ กิร ปตฺถนา สมิชฺฌิสฺสตี’’ติ สฺชาตโสมนสฺโส อโหสิ. มหาชโน ทีปงฺกรทสพลสฺส วจนํ สุตฺวา – ‘‘สุเมธตาปโส กิร พุทฺธพีชงฺกุโร’’ติ หฏฺตุฏฺโ อโหสิ. เอวฺจสฺส อโหสิ – ‘‘ยถา นาม ปุริโส นทึ ตรนฺโต อุชุเกน ติตฺเถน ตริตุํ อสกฺโกนฺโต เหฏฺาติตฺเถน อุตฺตรติ, เอวเมว มยํ ทีปงฺกรทสพลสฺส สาสเน มคฺคผลํ อลภมานา อนาคเต ยทา ตฺวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ, ตทา ตว สมฺมุขา มคฺคผลํ สจฺฉิกาตุํ สมตฺถา ภเวยฺยามา’’ติ ปตฺถนํ อกํสุ. ทีปงฺกรทสพโล โพธิสตฺตํ มหาสตฺตํ ปสํสิตฺวา อฏฺหิ ปุปฺผมุฏฺีหิ ปูเชตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิ. เตปิ จตุสตสหสฺสา ขีณาสวา โพธิสตฺตํ ปุปฺเผหิ จ คนฺเธหิ จ ปูเชตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกมึสุ. เทวมนุสฺสา ปน ตเถว ปูเชตฺวา วนฺทิตฺวา ปกฺกมึสุ.

อถ สพฺพโลกมติทีปงฺกโร ทีปงฺกโร ภควา จตูหิ ขีณาสวสตสหสฺเสหิ ปริวุโต รมฺมนครวาสีหิ ปูชิยมาโน เทวตาหิ อภิวนฺทิยมาโน สฺฌาปฺปภานุรฺชิตวรกนกคิริสิขโร วิย ชงฺคมมาโน อเนเกสุ ปาฏิหาริเยสุ วตฺตมาเนสุ เตน อลงฺกตปฏิยตฺเตน มคฺเคน คนฺตฺวา นานาสุรภิกุสุมคนฺธวาสิตํ จุณฺณสมฺโมทคนฺธํ สมุสฺสิตธชปฏากํ คนฺธานุพทฺธหทเยหิ ภมรคเณหิ คุมฺพคุมฺพายมานํ ธูปนฺธการํ อมรปุรสทิสโสภํ อภิรมฺมํ รมฺมนครํ ปวิสิตฺวา ปฺตฺเต มหารเห พุทฺธาสเน ยุคนฺธรมตฺถเก สรทสมยรุจิรกรรชนิกโร ติมิรนิกรนิธนกโร กมลวนวิกสนกโร ทิวสกโร วิย ทสพลทิวสกโร นิสีทิ. ภิกฺขุสงฺโฆปิ ปฏิปาฏิยา อตฺตโน อตฺตโน ปตฺตาสเน นิสีทิ. รมฺมนครวาสิโน ปน อุปาสกา สทฺธาทิคุณสมฺปนฺนา นานาวิธขชฺชาทีหิ สมลงฺกตํ วณฺณคนฺธรสสมฺปนฺนํ อสทิสํ สุขนิทานํ ทานํ พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส อทํสุ.

อถ โข โพธิสตฺโต ทสพลสฺส พฺยากรณํ สุตฺวา พุทฺธภาวํ กรตลคตมิว มฺมาโน ปมุทิตหทโย สพฺเพสุ ปฏิกฺกนฺเตสุ สยนา วุฏฺาย – ‘‘ปารมิโย วิจินิสฺสามี’’ติ ปุปฺผราสิมตฺถเก ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา นิสีทิ. เอวํ นิสินฺเน มหาสตฺเต สกลทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตา สาธุการํ ทตฺวา – ‘‘อยฺย สุเมธตาปส, โปราณกโพธิสตฺตานํ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา – ‘ปารมิโย วิจินิสฺสามี’ติ นิสินฺนกาเล ยานิ ปุพฺพนิมิตฺตานิ นาม ปฺายนฺติ, ตานิ สพฺพานิปิ อชฺช ปาตุภูตานิ นิสฺสํสเยน ตฺวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ, มยเมตํ ชานาม – ‘ยสฺเสตานิ นิมิตฺตานิ ปฺายนฺติ, โส เอกนฺเตเนว พุทฺโธ ภวิสฺสติ’ ตสฺมา ตฺวํ อตฺตโน วีริยํ ทฬฺหํ กตฺวา ปคฺคณฺหา’’ติ โพธิสตฺตํ นานปฺปการาหิ ถุตีหิ อภิตฺถวึสุ. เตน วุตฺตํ –

๗๐.

‘‘อิทํ สุตฺวาน วจนํ, อสมสฺส มเหสิโน;

อาโมทิตา นรมรู, พุทฺธพีชํ กิร อยํ.

๗๑.

‘‘อุกฺกุฏฺิสทฺทา วตฺตนฺติ, อปฺโผเฏนฺติ หสนฺติ จ;

กตฺชลี นมสฺสนฺติ, ทสสหสฺสี สเทวกา.

๗๒.

‘‘ยทิมสฺส โลกนาถสฺส, วิรชฺฌิสฺสาม สาสนํ;

อนาคตมฺหิ อทฺธาเน, เหสฺสาม สมฺมุขา อิมํ.

๗๓.

‘‘ยถา มนุสฺสา นทึ ตรนฺตา, ปฏิติตฺถํ วิรชฺฌิย;

เหฏฺาติตฺเถ คเหตฺวาน, อุตฺตรนฺติ มหานทึ.

๗๔.

‘‘เอวเมว มยํ สพฺเพ, ยทิ มุฺจามิมํ ชินํ;

อนาคตมฺหิ อทฺธาเน, เหสฺสาม สมฺมุขา อิมํ.

๗๕.

‘‘ทีปงฺกโร โลกวิทู, อาหุตีนํ ปฏิคฺคโห;

มม กมฺมํ ปกิตฺเตตฺวา, ทกฺขิณํ ปาทมุทฺธริ.

๗๖.

‘‘เย ตตฺถาสุํ ชินปุตฺตา, ปทกฺขิณมกํสุ มํ;

เทวา มนุสฺสา อสุรา จ, อภิวาเทตฺวาน ปกฺกมุํ.

๗๗.

‘‘ทสฺสนํ เม อติกฺกนฺเต, สสงฺเฆ โลกนายเก;

สยนา วุฏฺหิตฺวาน, ปลฺลงฺกํ อาภุชึ ตทา.

๗๘.

‘‘สุเขน สุขิโต โหมิ, ปาโมชฺเชน ปโมทิโต;

ปีติยา จ อภิสฺสนฺโน, ปลฺลงฺกํ อาภุชึ ตทา.

๗๙.

‘‘ปลฺลงฺเกน นิสีทิตฺวา, เอวํ จินฺเตสหํ ตทา;

วสีภูโต อหํ ฌาเน, อภิฺาสุ ปารมึ คโต.

๘๐.

‘‘สหสฺสิยมฺหิ โลกมฺหิ, อิสโย นตฺถิ เม สมา;

อสโม อิทฺธิธมฺเมสุ, อลภึ อีทิสํ สุขํ.

๘๑.

‘‘ปลฺลงฺกาภุชเน มยฺหํ, ทสสหสฺสาธิวาสิโน;

มหานาทํ ปวตฺเตสุํ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

๘๒.

‘‘ยา ปุพฺเพ โพธิสตฺตานํ, ปลฺลงฺกวรมาภุเช;

นิมิตฺตานิ ปทิสฺสนฺติ, ตานิ อชฺช ปทิสฺสเร.

๘๓.

‘‘สีตํ พฺยปคตํ โหติ, อุณฺหฺจ อุปสมฺมติ;

ตานิ อชฺช ปทิสฺสนฺติ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

๘๔.

‘‘ทสสหสฺสี โลกธาตุ, นิสฺสทฺทา โหนฺติ นิรากุลา;

ตานิ อชฺช ปทิสฺสนฺติ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

๘๕.

‘‘มหาวาตา น วายนฺติ, น สนฺทนฺติ สวนฺติโย;

ตานิ อชฺช ปทิสฺสนฺติ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

๘๖.

‘‘ถลชา ทกชา ปุปฺผา, สพฺเพ ปุปฺผนฺติ ตาวเท;

เตปชฺช ปุปฺผิตา สพฺเพ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

๘๗.

‘‘ลตา วา ยทิ วา รุกฺขา, ผลภารา โหนฺติ ตาวเท;

เตปชฺช ผลิตา สพฺเพ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

๘๘.

‘‘อากาสฏฺา จ ภูมฏฺา, รตนา โชตนฺติ ตาวเท;

เตปชฺช รตนา โชตนฺติ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

๘๙.

‘‘มานุสฺสกา จ ทิพฺพา จ, ตุริยา วชฺชนฺติ ตาวเท;

เตปชฺชุโภ อภิรวนฺติ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

๙๐.

‘‘วิจิตฺตปุปฺผา คคนา, อภิวสฺสนฺติ ตาวเท;

เตปิ อชฺช ปวสฺสนฺติ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

๙๑.

‘‘มหาสมุทฺโท อาภุชติ, ทสสหสฺสี ปกมฺปติ;

เตปชฺชุโภ อภิรวนฺติ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

๙๒.

‘‘นิรเยปิ ทสสหสฺเส, อคฺคี นิพฺพนฺติ ตาวเท;

เตปชฺช นิพฺพุตา อคฺคี, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

๙๓.

‘‘วิมโล โหติ สูริโย, สพฺพา ทิสฺสนฺติ ตารกา;

เตปิ อชฺช ปทิสฺสนฺติ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

๙๔.

‘‘อโนวฏฺเน อุทกํ, มหิยา อุพฺภิชฺชิ ตาวเท;

ตมฺปชฺชุพฺภิชฺชเต มหิยา, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

๙๕.

‘‘ตาราคณา วิโรจนฺติ, นกฺขตฺตา คคนมณฺฑเล;

วิสาขา จนฺทิมายุตฺตา, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

๙๖.

‘‘พิลาสยา ทรีสยา, นิกฺขมนฺติ สกาสยา;

เตปชฺช อาสยา ฉุทฺธา, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

๙๗.

‘‘น โหนฺติ อรตี สตฺตานํ, สนฺตุฏฺา โหนฺติ ตาวเท;

เตปชฺช สพฺเพ สนฺตุฏฺา, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

๙๘.

‘‘โรคา ตทุปสมฺมนฺติ, ชิฆจฺฉา จ วินสฺสสิ;

ตานิ อชฺช ปทิสฺสนฺติ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

๙๙.

‘‘โรคา ตทา ตนุ โหติ, โทโส โมโห วินสฺสสิ;

เตปชฺช วิคตา สพฺเพ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

๑๐๐.

‘‘ภยํ ตทา น ภวติ, อชฺชเปตํ ปทิสฺสติ;

เตน ลิงฺเคน ชานาม, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

๑๐๑.

‘‘รโชนุทฺธํสตี อุทฺธํ, อชฺชเปตํ ปทิสฺสติ;

เตน ลิงฺเคน ชานาม, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

๑๐๒.

‘‘อนิฏฺคนฺโธ ปกฺกมติ, ทิพฺพคนฺโธ ปวายติ;

โสปชฺช วายตี คนฺโธ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

๑๐๓.

‘‘สพฺเพ เทวา ปทิสฺสนฺติ, ปยิตฺวา อรูปิโน;

เตปชฺช สพฺเพ ทิสฺสนฺติ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

๑๐๔.

‘‘ยาวตา นิรยา นาม, สพฺเพ ทิสฺสนฺติ ตาวเท;

เตปชฺช สพฺเพ ทิสฺสนฺติ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

๑๐๕.

‘‘กุฏฺฏา กวาฏา เสลา จ, น โหนฺตาวรณา ตทา;

อากาสภูตา เตปชฺช, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

๑๐๖.

‘‘จุตี จ อุปปตฺตี จ, ขเณ ตสฺมึ น วิชฺชติ;

ตานิปชฺช ปทิสฺสนฺติ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

๑๐๗.

‘‘ทฬฺหํ ปคฺคณฺห วีริยํ, มา นิวตฺต อภิกฺกม;

มยมฺเปตํ วิชานาม, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ.

ตตฺถ อิทํ สุตฺวาน วจนนฺติ อิทํ ทีปงฺกรสฺส ภควโต โพธิสตฺตสฺส พฺยากรณวจนํ สุตฺวา. อสมสฺสาติ สมสฺส สทิสสฺส อภาวโต อสมสฺส. ยถาห –

‘‘น เม อาจริโย อตฺถิ, สทิโส เม น วิชฺชติ;

สเทวกสฺมึ โลกสฺมึ, นตฺถิ เม ปฏิปุคฺคโล’’ติ. (ม. นิ. ๑.๒๘๕; ๒.๓๔๑; มหาว. ๑๑; กถา. ๔๐๕; มิ. ป. ๔.๕.๑๑);

มเหสิโนติ มหนฺเต สีลสมาธิปฺากฺขนฺเธ เอสิ คเวสีติ มเหสี, ตสฺส มเหสิโน. นรมรูติ นรา จ อมรา จ, อุกฺกฏฺนิทฺเทโส ปนายํ สพฺเพปิ ทสสหสฺสิโลกธาตุยา นาคสุปณฺณยกฺขาทโยปิ อาโมทิตาว. พุทฺธพีชํ กิร อยนฺติ อยํ กิร พุทฺธงฺกุโร อุปฺปนฺโนติ อาโมทิตาติ อตฺโถ.

อุกฺกุฏฺิสทฺทาติ อุนฺนาทสทฺทา วตฺตนฺติ. อปฺโผเฏนฺตีติ หตฺเถหิ พาหา อภิหนนฺติ. ทสสหสฺสีติ ทสสหสฺสิโลกธาตุโย. สเทวกาติ สห เทเวหิ สเทวกา ทสสหสฺสี นมสฺสนฺตีติ อตฺโถ. ยทิมสฺสาติ ยทิ อิมสฺส, อยเมว วา ปาโ. วิรชฺฌิสฺสามาติ ยทิ น สมฺปาปุณิสฺสาม. อนาคตมฺหิ อทฺธาเนติ อนาคเต กาเล. เหสฺสามาติ ภวิสฺสาม. สมฺมุขาติ สมฺมุขีภูตา. อิมนฺติ อิมสฺส, สามิอตฺเถ อุปโยควจนํ.

นทึ ตรนฺตาติ นทีตรณกา, ‘‘นทิตรนฺตา’’ติปิ ปาโ. ปฏิติตฺถนฺติ ปฏิมุขติตฺถํ. วิรชฺฌิยาติ วิรชฺฌิตฺวา. ยทิ มุฺจามาติ ยทิ อิมํ ภควนฺตํ มุฺจิตฺวา อกตกิจฺจา คมิสฺสามาติ อตฺโถ. มม กมฺมํ ปกิตฺเตตฺวาติ มม ภาวิตมตฺถํ พฺยากริตฺวา. ทกฺขิณํ ปาทมุทฺธรีติ ทกฺขิณํ ปาทํ อุกฺขิปิ, ‘‘กตปทกฺขิโณ’’ติปิ ปาโ.

ชินปุตฺตาติ ทีปงฺกรสฺส สตฺถุโน สาวกา. เทวา มนุสฺสา อสุรา จ, อภิวาเทตฺวาน ปกฺกมุนฺติ เทวาทโย สพฺเพปิ อิเม มํ ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา ปุปฺผาทีหิ ปูเชตฺวา สุปฺปติฏฺิตปฺจงฺคา วนฺทิตฺวา นิวตฺติตฺวา ปุนปฺปุนํ โอโลเกตฺวา มธุรตฺถพฺยฺชนาหิ นานปฺปการาหิ ถุตีหิ วณฺเณนฺตา ปกฺกมึสุ. ‘‘นรา นาคา จ คนฺธพฺพา, อภิวาเทตฺวาน ปกฺกมุ’’นฺติปิ ปาโ.

ทสฺสนํ เม อติกฺกนฺเตติ มม ทสฺสนวิสยํ ภควติ อติกฺกนฺเต. ‘‘ชหิเต ทสฺสนูปจาเร’’ติปิ ปาโ. สสงฺเฆติ สทฺธึ สงฺเฆน สสงฺโฆ, ตสฺมึ สสงฺเฆ. สยนา วุฏฺหิตฺวานาติ นิปนฺนฏฺานโต กลลโต อุฏฺหิตฺวา. ปลฺลงฺกํ อาภุชินฺติ กตปลฺลงฺโก หุตฺวา ปุปฺผราสิมฺหิ นิสีทินฺติ อตฺโถ. ‘‘หฏฺโ หฏฺเน จิตฺเตน, อาสนา วุฏฺหึ ตทา’’ติปิ ปาโ, โส อุตฺตานตฺโถว.

ปีติยา จ อภิสฺสนฺโนติ ปีติปริปฺผุโฏ. วสีภูโตติ วสีภาวปฺปตฺโต. ฌาเนติ รูปาวจรารูปาวจรฌาเนสุ. สหสฺสิยมฺหีติ ทสสหสฺสิยํ. โลกมฺหีติ โลกธาตุยา. เม สมาติ มยา สทิสา. อวิเสเสน ‘‘เม สมา นตฺถี’’ติ วตฺวา อิทานิ ตเมว นิยเมนฺโต ‘‘อสโม อิทฺธิธมฺเมสู’’ติ อาห. ตตฺถ อิทฺธิธมฺเมสูติ ปฺจสุ อิทฺธิธมฺเมสูติ อตฺโถ. อลภินฺติ ปฏิลภึ. อีทิสํ สุขนฺติ อีทิสํ โสมนสฺสํ.

อถ สุเมธตาปโส ทสพลสฺส พฺยากรณํ สุตฺวา พุทฺธภาวํ กรตลคตกาลมิว มฺมาโน ปมุทิตหทโย ทสสุ โลกธาตุสหสฺเสสุ สุทฺธาวาสมหาพฺรหฺมาโน อตีตพุทฺธทสฺสาวิโน นิยตโพธิสตฺตานํ พฺยากรเณ อุปฺปชฺชมานปาฏิหาริยทสฺสเนน ตถาคตวจนสฺส อวิตถตํ ปกาเสนฺโต มํ ปริโตสยนฺตา อิมา คาถาโย อาหํสูติ ทสฺเสนฺโต ภควา ‘‘ปลฺลงฺกาภุชเน มยฺห’’นฺติอาทิมาห.

ตตฺถ ปลฺลงฺกาภุชเน มยฺหนฺติ มม ปลฺลงฺกาภุชเน. อยเมว วา ปาโ. ทสสหสฺสาธิวาสิโนติ ทสสหสฺสิวาสิโน มหาพฺรหฺมาโน. ยา ปุพฺเพติ ยานิ ปุพฺเพ, วิภตฺติโลปํ กตฺวา วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ปลฺลงฺกวรมาภุเชติ วรปลฺลงฺกาภุชเน. นิมิตฺตานิ ปทิสฺสนฺตีติ นิมิตฺตานิ ปทิสฺสึสูติ อตฺโถ. อตีตวจเน วตฺตพฺเพ วตฺตมานวจนํ วุตฺตํ. กิฺจาปิ วุตฺตํ, อตีตวเสน อตฺโถ คเหตพฺโพ. ตานิ อชฺช ปทิสฺสเรติ ปุพฺเพปิ นิยตโพธิสตฺตานํ ปลฺลงฺกาภุชเน ยานิ นิมิตฺตานิ อุปฺปชฺชึสุ, ตานิ นิมิตฺตานิ อชฺช ปทิสฺสเร. ตสฺมา ตฺวํ ธุวเมว พุทฺโธ ภวิสฺสสีติ อตฺโถ. น ปน ตานิเยว นิมิตฺตานิ อุปฺปชฺชึสุ, ตํสทิสตฺตา ‘‘ตานิ อชฺช ปทิสฺสเร’’ติ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.

สีตนฺติ สีตตฺตํ. พฺยปคตนฺติ คตํ วิคตํ. ตานีติ สีตวิคมนอุณฺหุปสมนานีติ อตฺโถ. นิสฺสทฺทาติ อสทฺทา อนิคฺโฆสา. นิรากุลาติ อนากุลา, อยเมว วา ปาโ. น สนฺทนฺตีติ น วหนฺติ นปฺปวตฺตนฺติ. สวนฺติโยติ นทิโย. ตานีติ อวายนอสนฺทนานิ. ถลชาติ ปถวิตลปพฺพตรุกฺเขสุ ชาตานิ. ทกชาติ โอทกานิ ปุปฺผานิ. ปุปฺผนฺตีติ ปุพฺเพ โพธิสตฺตานํ ปุปฺผึสุ, อตีตตฺเถ วตฺตมานวจนํ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. เตปชฺช ปุปฺผิตานีติ ตานิ ปุปฺผานิ อชฺช ปุปฺผิตานีติ อตฺโถ.

ผลภาราติ ผลธรา. เตปชฺชาติ เตปิ อชฺช, ปุลฺลิงฺควเสน ‘‘เตปี’’ติ วุตฺตํ, ‘‘ลตา วา รุกฺขา วา’’ติ วุตฺตตฺตา. ผลิตาติ สฺชาตผลา. อากาสฏฺา จ ภูมฏฺา จาติ อากาสคตา จ ภูมิคตา จ รตนานีติ มุตฺตาทีนิ รตนานิ. โชตนฺตีติ โอภาสนฺติ. มานุสฺสกาติ มนุสฺสานํ สนฺตกา มานุสฺสกา. ทิพฺพาติ เทวานํ สนฺตกา ทิพฺพา. ตุริยาติ อาตตํ วิตตํ อาตตวิตตํ สุสิรํ ฆนนฺติ ปฺจ ตุริยานิ. ตตฺถ อาตตํ นาม จมฺมปริโยนทฺเธสุ เภริอาทีสุ เอกตลตุริยํ. วิตตํ นาม อุภยตลํ. อาตตวิตตํ นาม สพฺพโต ปริโยนทฺธํ มหติวลฺลกิอาทิกํ. สุสิรํ นาม วํสาทิกํ. ฆนํ นาม สมฺมตาฬาทิกํ. วชฺชนฺตีติ เหฏฺา วุตฺตนเยน วชฺชึสุ, อตีตตฺเถ วตฺตมานวจนํ เวทิตพฺพํ. เอส นโย อุปริ อีทิเสสุ วจเนสุปิ. อภิรวนฺตีติ ตตฺร ตตฺร กุสเลหิ สุมุฺจิตา สุปฺปตาฬิตา สุวาทิตา วิย อภิรวนฺติ, อภินทนฺตีติ อตฺโถ.

วิจิตฺตปุปฺผาติ วิจิตฺรานิ นานาคนฺธวณฺณานิ ปุปฺผานิ. อภิวสฺสนฺตีติ อภิวสฺสึสุ, นิปตึสูติ อตฺโถ. เตปีติ ตานิปิ วิจิตฺรปุปฺผานิ อภิวสฺสนฺตานิ ปทิสฺสนฺติ, เทวพฺรหฺมคเณหิ โอกิริยมานานีติ อธิปฺปาโย. อาภุชตีติ โอสกฺกติ. เตปชฺชุโภติ เตปิ อชฺช อุโภ มหาสมุทฺททสสหสฺสิโย. อภิรวนฺตีติ อภินทนฺติ. นิรเยติ นิรเยสุ. ทสสหสฺสาติ อเนกทสสหสฺสา. นิพฺพนฺตีติ สมฺมนฺติ, สนฺตึ อุเปนฺตีติ อตฺโถ. ตารกาติ นกฺขตฺตานิ. เตปิ อชฺช ปทิสฺสนฺตีติ เตปิ สูริยสฺส วิมลภาวา ตารกา อชฺช ทิวา ทิสฺสนฺติ.

อโนวฏฺเนาติ อโนวฏฺเ, ภุมฺมตฺเถ กรณวจนํ. อถ วา อโนวฏฺเติ อนภิวฏฺเปิ. นาติ นิปาตมตฺตํ ‘‘สุตฺวา น ทูตวจน’’นฺติอาทีสุ วิย. ตมฺปชฺชุพฺภิชฺชเตติ ตมฺปิ อุทกํ อชฺช อุพฺภิชฺชติ, อุพฺภิชฺชิตฺวา อุฏฺหตีติ อตฺโถ. มหิยาติ ปถวิยา, นิสฺสกฺกวจนํ. ตาราคณาติ คหนกฺขตฺตาทโย สพฺเพ ตารคณา. นกฺขตฺตาติ นกฺขตฺตตารกา จ. คคนมณฺฑเลติ สกลคคนมณฺฑลํ วิโรจนฺตีติ อตฺโถ. พิลาสยาติ พิลาสยา อหินกุลกุมฺภีลโคธาทโย. ทรีสยาติ ฌราสยา. อยเมว วา ปาโ. นิกฺขมนฺตีติ นิกฺขมึสุ. สกาสยาติ อตฺตโน อตฺตโน อาสยโต. ‘‘ตทาสยา’’ติปิ ปาโ. ตสฺส ตทา ตสฺมึ กาเล, อาสยโต, พิลโตติ อตฺโถ. ฉุทฺธาติ สุฉุทฺธา สุวุทฺธาริตา, นิกฺขนฺตาติ อตฺโถ.

อรตีติ อุกฺกณฺา. สนฺตุฏฺาติ ปรเมน สนฺตุฏฺเน สนฺตุฏฺา. วินสฺสตีติ วิคจฺฉติ. ราโคติ กามราโค. ตทา ตนุ โหตีติ โอรมตฺตโก โหติ, อิมินา ปริยุฏฺานาภาวํ ทีเปติ. วิหตาติ วินฏฺา. ตทาติ ปุพฺเพ, โพธิสตฺตานํ ปลฺลงฺกาภุชเนติ อตฺโถ. น ภวตีติ น โหติ. อชฺชเปตนฺติ อชฺช ตว ปลฺลงฺกาภุชเนปิ เอตํ ภยํ น โหเตวาติ อตฺโถ. เตน ลิงฺเคน ชานามาติ เตน การเณน สพฺเพว มยํ ชานาม, ยํ ตฺวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสีติ อตฺโถ.

อนุทฺธํสตีติ น อุคฺคจฺฉติ. อนิฏฺคนฺโธติ ทุคฺคนฺโธ. ปกฺกมตีติ ปกฺกมิ วิคจฺฉิ. ปวายตีติ ปวายิ. โสปชฺชาติ โสปิ ทิพฺพคนฺโธ อชฺช. ปทิสฺสนฺตีติ ปทิสฺสึสุ. เตปชฺชาติ เตปิ สพฺเพ เทวา อชฺช. ยาวตาติ ปริจฺเฉทนตฺเถ นิปาโต, ยตฺตกาติ อตฺโถ. กุฏฺฏาติ ปาการา. น โหนฺตาวรณาติ อาวรณกรา น อเหสุํ. ตทาติ ปุพฺเพ. อากาสภูตาติ เต กุฏฺฏกวาฏปพฺพตา อาวรณํ ติโรกรณํ กาตุํ อสกฺโกนฺตา, อชฏากาสภูตาติ อตฺโถ. จุตีติ มรณํ. อุปปตฺตีติ ปฏิสนฺธิคฺคหณํ. ขเณติ ปุพฺเพ โพธิสตฺตานํ ปลฺลงฺกาภุชนกฺขเณ. น วิชฺชตีติ นาโหสิ. ตานิปชฺชาติ ตานิปิ อชฺช จวนภวนานีติ อตฺโถ. มา นิวตฺตีติ มา ปฏิกฺกมิ. อภิกฺกมาติ ปรกฺกม. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมวาติ.

ตโต สุเมธปณฺฑิโต ทีปงฺกรสฺส ทสพลสฺส จ ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตานฺจ วจนํ สุตฺวา ภิยฺโยโสมตฺตาย สฺชาตุสฺสาโห หุตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘พุทฺธา นาม อโมฆวจนา, นตฺถิ พุทฺธานํ กถาย อฺถตฺตํ. ยถา หิ อากาเส ขิตฺตสฺส เลฑฺฑุสฺส ปตนํ ธุวํ, ชาตสฺส มรณํ, อรุเณ อุคฺคเต สูริยสฺส อพฺภุคฺคมนํ, อาสยา นิกฺขนฺตสฺส สีหสฺส สีหนาทนทนํ, ครุคพฺภาย อิตฺถิยา ภารโมโรปนํ ธุวํ อวสฺสมฺภาวี, เอวเมว พุทฺธานํ วจนํ นาม ธุวํ อโมฆํ, อทฺธา อหํ พุทฺโธ ภวิสฺสามีติ. เตน วุตฺตํ –

๑๐๘.

‘‘พุทฺธสฺส วจนํ สุตฺวา, ทสสหสฺสีนจูภยํ;

ตุฏฺหฏฺโ ปมุทิโต, เอวํ จินฺเตสหํ ตทา.

๑๐๙.

‘‘อทฺเวชฺฌวจนา พุทฺธา, อโมฆวจนา ชินา;

วิตถํ นตฺถิ พุทฺธานํ, ธุวํ พุทฺโธ ภวามหํ.

๑๑๐.

‘‘ยถา ขิตฺตํ นเภ เลฑฺฑุ, ธุวํ ปตติ ภูมิยํ;

ตเถว พุทฺธเสฏฺานํ, วจนํ ธุวสสฺสตํ;

วิตถํ นตฺถิ พุทฺธานํ, ธุวํ พุทฺโธ ภวามหํ.

๑๑๑.

‘‘ยถาปิ สพฺพสตฺตานํ, มรณํ ธุวสสฺสตํ;

ตเถว พุทฺธเสฏฺานํ, วจนํ ธุวสสฺสตํ;

วิตถํ นตฺถิ พุทฺธานํ, ธุวํ พุทฺโธ ภวามหํ.

๑๑๒.

‘‘ยถา รตฺติกฺขเย ปตฺเต, สูริยุคฺคมนํ ธุวํ;

ตเถว พุทฺธเสฏฺานํ, วจนํ ธุวสสฺสตํ;

วิตถํ นตฺถิ พุทฺธานํ, ธุวํ พุทฺโธ ภวามหํ.

๑๑๓.

‘‘ยถา นิกฺขนฺตสยนสฺส, สีหสฺส นทนํ ธุวํ;

ตเถว พุทฺธเสฏฺานํ, วจนํ ธุวสสฺสตํ;

วิตถํ นตฺถิ พุทฺธานํ, ธุวํ พุทฺโธ ภวามหํ.

๑๑๔.

‘‘ยถา อาปนฺนสตฺตานํ, ภารโมโรปนํ ธุวํ;

ตเถว พุทฺธเสฏฺานํ, วจนํ ธุวสสฺสตํ;

วิตถํ นตฺถิ พุทฺธานํ, ธุวํ พุทฺโธ ภวามห’’นฺติ.

ตตฺถ พุทฺธสฺส วจนํ สุตฺวา, ทสสหสฺสี น จูภยนฺติ ทีปงฺกรสมฺมาสมฺพุทฺธสฺส จ ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตานฺจ วจนํ สุตฺวา. อุภยนฺติ อุภเยสํ, สามิอตฺเถ ปจฺจตฺตวจนํ, อุภยวจนํ วา. เอวํ จินฺเตสหนฺติ เอวํ จินฺเตสึ อหํ.

อทฺเวชฺฌวจนาติ ทฺเวธา อปฺปวตฺตวจนา, เอกํสวจนาติ อตฺโถ. ‘‘อจฺฉิทฺทวจนา’’ติปิ ปาโ, ตสฺส นิทฺโทสวจนาติ อตฺโถ. อโมฆวจนาติ อวิตถวจนา. วิตถนฺติ วิตถวจนํ นตฺถีติ อตฺโถ. ธุวํ พุทฺโธ ภวามหนฺติ อหํ เอกํเสเนว พุทฺโธ ภวิสฺสามีติ นิยตวเสน อวสฺสมฺภาวิวเสน จ วตฺตมานวจนํ กตนฺติ เวทิตพฺพํ.

สูริยุคฺคมนนฺติ สูริยสฺส อุทยนํ, อยเมว วา ปาโ. ธุวสสฺสตนฺติ เอกํสภาวี เจว สสฺสตฺจ. นิกฺขนฺตสยนสฺสาติ สยนโต นิกฺขนฺตสฺส. อาปนฺนสตฺตานนฺติ ครุคพฺภานํ, คพฺภินีนนฺติ อตฺโถ. ภารโมโรปนนฺติ ภารโอโรปนํ, คพฺภสฺส โอโรปนนฺติ อตฺโถ. -กาโร ปทสนฺธิกโร. เสสเมตฺถาปิ อุตฺตานเมวาติ.

‘‘สฺวาหํ อทฺธา พุทฺโธ ภวิสฺสามี’’ติ เอวํ กตสนฺนิฏฺาโน พุทฺธการเก ธมฺเม อุปธาเรตุํ – ‘‘กหํ นุ โข พุทฺธการกา ธมฺมา’’ติ, อุทฺธํ อโธ ทิสาสุ วิทิสาสูติ อนุกฺกเมน สกลํ ธมฺมธาตุํ วิจินนฺโต ปุพฺเพ โปราณเกหิ โพธิสตฺเตหิ อาเสวิตนิเสวิตํ ปมํ ทานปารมึ ทิสฺวา เอวํ อตฺตานํ โอวทิ – ‘‘สุเมธปณฺฑิต, ตฺวํ อิโต ปฏฺาย ปมํ ทานปารมึ ปูเรยฺยาสิ. ยถา หิ นิกุชฺชิโต อุทกกุมฺโภ นิสฺเสสํ กตฺวา อุทกํ วมติเยว น ปจฺจาหรติ, เอวเมว ธนํ วา ยสํ วา ปุตฺตทารํ วา องฺคปจฺจงฺคํ วา อโนโลเกตฺวา สพฺพตฺถ ยาจกานํ สพฺพํ อิจฺฉิติจฺฉิตํ นิสฺเสสํ กตฺวา ททมาโน โพธิมูเล นิสีทิตฺวา พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ ปมํ ทานปารมึ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ –

๑๑๕.

‘‘หนฺท พุทฺธกเร ธมฺเม, วิจินามิ อิโต จิโต;

อุทฺธํ อโธ ทส ทิสา, ยาวตา ธมฺมธาตุยา.

๑๑๖.

‘‘วิจินนฺโต ตทา ทกฺขึ, ปมํ ทานปารมึ;

ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อนุจิณฺณํ มหาปถํ.

๑๑๗.

‘‘อิมํ ตฺวํ ปมํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;

ทานปารมิตํ คจฺฉ, ยทิ โพธึ ปตฺตุมิจฺฉสิ.

๑๑๘.

‘‘ยถาปิ กุมฺโภ สมฺปุณฺโณ, ยสฺส กสฺสจิ อโธ กโต;

วมเตวุทกํ นิสฺเสสํ, น ตตฺถ ปริรกฺขติ.

๑๑๙.

‘‘ตเถว ยาจเก ทิสฺวา, หีนมุกฺกฏฺมชฺฌิเม;

ททาหิ ทานํ นิสฺเสสํ, กุมฺโภ วิย อโธ กโต’’ติ.

ตตฺถ หนฺทาติ ววสฺสคฺคตฺเถ นิปาโต. พุทฺธกเร ธมฺเมติ พุทฺธตฺตกเร ธมฺเม. พุทฺธตฺตกรา นาม ธมฺมา ทานปารมิตาทโย ทส ธมฺมา. วิจินามีติ วิจินิสฺสามิ, วีมํสิสฺสามิ อุปปริกฺขิสฺสามีติ อตฺโถ. อิโต จิโตติ อิโต อิโต, อยเมว วา ปาโ. ตตฺถ ตตฺถ วิจินามีติ อตฺโถ. อุทฺธนฺติ เทวโลเก. อโธติ มนุสฺสโลเก. ทส ทิสาติ ทสสุ ทิสาสุ; กตฺถ นุ โข เต พุทฺธการกธมฺมา อุทฺธํ อโธ ติริยํ ทิสาสุ วิทิสาสูติ อธิปฺปาโย. ยาวตา ธมฺมธาตุยาติ เอตฺถ ยาวตาติ ปริจฺเฉทวจนํ. ธมฺมธาตุยาติ สภาวธมฺมสฺส, ปวตฺตนีติ วจนเสโส ทฏฺพฺโพ. กึ วุตฺตํ โหติ? ยาวติกา สภาวธมฺมานํ กามรูปารูปธมฺมานํ ปวตฺติ, ตาวติกํ วิจินิสฺสามีติ วุตฺตํ โหติ.

วิจินนฺโตติ วีมํสนฺโต อุปปริกฺขนฺโต. ปุพฺพเกหีติ โปราเณหิ โพธิสตฺเตหิ. อนุจิณฺณนฺติ อชฺฌาจิณฺณํ อาเสวิตํ. สมาทิยาติ สมาทิยนํ กโรหิ, อชฺช ปฏฺาย อยํ ปมํ ทานปารมี ปูเรตพฺพา มยาติ เอวํ สมาทิยาติ อตฺโถ. ทานปารมิตํ คจฺฉาติ ทานปารมึ คจฺฉ, ปูรยาติ อตฺโถ. ยทิ โพธึ ปตฺตุมิจฺฉสีติ โพธิมูลมุปคนฺตฺวา อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ ปตฺตุํ อิจฺฉสิ เจ. ยสฺส กสฺสจีติ อุทกสฺส วา ขีรสฺส วา ยสฺส กสฺสจิ สมฺปุณฺโณ. สมฺปุณฺณสทฺทโยเค สติ สามิวจนํ อิจฺฉนฺติ สทฺทวิทู. กรณตฺเถ วา สามิวจนํ, เยน เกนจีติ อตฺโถ. อโธ กโตติ เหฏฺามุขีกโต. น ตตฺถ ปริรกฺขตีติ ตสฺมึ วมเน น ปริรกฺขติ, นิสฺเสสํ อุทกํ วมเตวาติ อตฺโถ. หีนมุกฺกฏฺมชฺฌิเมติ หีนมชฺฌิมปณีเต. -กาโร ปทสนฺธิกโร. กุมฺโภ วิย อโธ กโตติ เหฏฺามุขีกโต วิย กุมฺโภ. ยาจเก อุปคเต ทิสฺวา – ‘‘ตฺวํ, สุเมธ, อตฺตโน อนวเสเสตฺวา สพฺพธนปริจฺจาเคน ทานปารมึ, องฺคปริจฺจาเคน อุปปารมึ, ชีวิตปริจฺจาเคน ปรมตฺถปารมิฺจ ปูเรหี’’ติ เอวํ อตฺตนาว อตฺตานํ โอวทิ.

อถสฺส ‘‘น เอตฺตเกเหว พุทฺธการเกหิ ธมฺเมหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ อุตฺตริมฺปิ อุปธารยโต ทุติยํ สีลปารมึ ทิสฺวา เอตทโหสิ – ‘‘สุเมธปณฺฑิต, ตฺวํ อิโต ปฏฺาย สีลปารมึ ปูเรยฺยาสิ. ยถา จมรี มิโค นาม ชีวิตมฺปิ อโนโลเกตฺวา อตฺตโน วาลเมว รกฺขติ, เอวํ ตฺวมฺปิ อิโต ปฏฺาย ชีวิตมฺปิ อโนโลเกตฺวา สีลเมว รกฺขนฺโต พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ ทุติยํ สีลปารมึ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ –

๑๒๐.

‘‘น เหเต เอตฺตกาเยว, พุทฺธธมฺมา ภวิสฺสเร;

อฺเปิ วิจินิสฺสามิ, เย ธมฺมา โพธิปาจนา.

๑๒๑.

‘‘วิจินนฺโต ตทา ทกฺขึ, ทุติยํ สีลปารมึ;

ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อาเสวิตนิเสวิตํ.

๑๒๒.

‘‘อิมํ ตฺวํ ทุติยํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;

สีลปารมิตํ คจฺฉ, ยทิ โพธึ ปตฺตุมิจฺฉสิ.

๑๒๓.

‘‘ยถาปิ จมรี วาลํ, กิสฺมิฺจิ ปฏิลคฺคิตํ;

อุเปติ มรณํ ตตฺถ, น วิโกเปติ วาลธึ.

๑๒๔.

‘‘ตเถว ตฺวํ จตูสุ ภูมีสุ, สีลานิ ปริปูรย;

ปริรกฺข สพฺพทา สีลํ, จมรี วิย วาลธิ’’นฺติ.

ตตฺถ น เหเตติ น หิ เอเตเยว. โพธิปาจนาติ มคฺคปริปาจนา สพฺพฺุตฺาณปริปาจนา วา. ทุติยํ สีลปารมินฺติ สีลํ นาม สพฺเพสํ กุสลธมฺมานํ ปติฏฺา, สีเล ปติฏฺิโต กุสลธมฺเมหิ น ปริหายติ, สพฺเพปิ โลกิยโลกุตฺตรคุเณ ปฏิลภติ. ตสฺมา สีลปารมี ปูเรตพฺพาติ ทุติยํ สีลปารมึ อทฺทกฺขินฺติ อตฺโถ.

อาเสวิตนิเสวิตนฺติ ภาวิตฺเจว พหุลีกตฺจ. จมรีติ จมรี มิโค. กิสฺมิฺจีติ ยตฺถ กตฺถจิ รุกฺขลตากณฺฏกาทีสุ อฺตรสฺมึ. ปฏิลคฺคิตนฺติ ปฏิวิลคฺคิตํ. ตตฺถาติ ยตฺถ วิลคฺคิตํ, ตตฺเถว ตฺวา มรณํ อุปคจฺฉติ. น วิโกเปตีติ น ฉินฺทติ. วาลธินฺติ วาลํ ฉินฺทิตฺวา น คจฺฉติ, ตตฺเถว มรณํ อุเปตีติ อตฺโถ.

จตูสุ ภูมีสุ สีลานีติ จตูสุ าเนสุ วิภตฺตสีลานิ, ปาติโมกฺขสํวรอินฺทฺริยสํวรอาชีวปาริสุทฺธิปจฺจยสนฺนิสฺสิตวเสนาติ อตฺโถ. ภูมิวเสน ปน ทฺวีสุเยว ภูมีสุ ปริยาปนฺนํ ตมฺปิ จตุสีลเมวาติ. ปริปูรยาติ ขณฺฑฉิทฺทสพลาทิอภาเวน ปริปูรย. สพฺพทาติ สพฺพกาลํ. จมรี วิยาติ จมรี มิโค วิย. เสสเมตฺถาปิ อุตฺตานตฺถเมวาติ.

อถสฺส ‘‘น เอตฺตเกเหว พุทฺธการเกหิ ธมฺเมหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ อุตฺตริมฺปิ อุปธารยโต ตติยํ เนกฺขมฺมปารมึ ทิสฺวา เอตทโหสิ – ‘‘สุเมธปณฺฑิต, ตฺวํ อิโต ปฏฺาย เนกฺขมฺมปารมิมฺปิ ปูเรยฺยาสิ. ยถาปิ สุจิรํ พนฺธนาคาเร วสมาโน ปุริโส น ตตฺถ สิเนหํ กโรติ, อถ โข อุกฺกณฺิโต อวสิตุกาโม โหติ, เอวเมว ตฺวมฺปิ สพฺพภเว พนฺธนาคารสทิเส กตฺวา ปสฺส, สพฺพภเวหิ อุกฺกณฺิโต มุจฺจิตุกาโม หุตฺวา เนกฺขมฺมาภิมุโขว โหติ, เอวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ ตติยํ เนกฺขมฺมปารมึ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ –

๑๒๕.

‘‘น เหเต เอตฺตกาเยว, พุทฺธธมฺมา ภวิสฺสเร;

อฺเปิ วิจินิสฺสามิ, เย ธมฺมา โพธิปาจนา.

๑๒๖.

‘‘วิจินนฺโต ตทา ทกฺขึ, ตติยํ เนกฺขมฺมปารมึ;

ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อาเสวิตนิเสวิตํ.

๑๒๗.

‘‘อิมํ ตฺวํ ตติยํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;

เนกฺขมฺมปารมิตํ คจฺฉ, ยทิ โพธึ ปตฺตุมิจฺฉสิ.

๑๒๘.

‘‘ยถา อนฺทุฆเร ปุริโส, จิรวุฏฺโ ทุขฏฺฏิโต;

น ตตฺถ ราคํ ชเนติ, มุตฺตึเยว คเวสติ.

๑๒๙.

‘‘ตเถว ตฺวํ สพฺพภเว, ปสฺส อนฺทุฆเร วิย;

เนกฺขมฺมาภิมุโข โหติ, ภวโต ปริมุตฺติยา’’ติ.

ตตฺถ อนฺทุฆเรติ พนฺธนาคาเร. จิรวุฏฺโติ จิรกาลํ วุฏฺโ. ทุขฏฺฏิโตติ ทุกฺขปีฬิโต. ตตฺถ ราคํ ชเนตีติ ตตฺถ อนฺทุฆเร ราคํ สิเนหํ น ชเนติ น อุปฺปาเทติ. ‘‘อิมํ อนฺทุฆรํ มุฺจิตฺวา นาหํ อฺตฺถ คมิสฺสามี’’ติ เอวํ ตตฺถ ราคํ น ชเนติ, กินฺตุ มุตฺตึเยว โมกฺขเมว คเวสตีติ อธิปฺปาโย. เนกฺขมฺมาภิมุโขติ นิกฺขมนาภิมุโข โหติ. ภวโตติ สพฺพภเวหิ. ปริมุตฺติยาติ ปริโมจนตฺถาย. เนกฺขมฺมาภิมุโข หุตฺวา, สมฺโพธึ ปาปุณิสฺสสี’’ติปิ ปาโ. เสสเมตฺถ อุตฺตานตฺถเมวาติ.

อถสฺส ‘‘น เอตฺตเกเหว พุทฺธการกธมฺเมหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ อุตฺตริมฺปิ อุปธารยโต จตุตฺถํ ปฺาปารมึ ทิสฺวา เอตทโหสิ – ‘‘สุเมธปณฺฑิต, ตฺวํ อิโต ปฏฺาย ปฺาปารมิมฺปิ ปูเรยฺยาสิ. หีนมชฺฌิมุกฺกฏฺเสุ กฺจิ อวชฺเชตฺวา สพฺเพปิ ปณฺฑิเต อุปสงฺกมิตฺวา ปฺหํ ปุจฺเฉยฺยาสิ. ยถาปิ ปิณฺฑจาริโก ภิกฺขุ หีนาทิเภเทสุ กุเลสุ กิฺจิ กุลํ อวิวชฺเชตฺวา ปฏิปาฏิยา ปิณฺฑาย จรนฺโต ขิปฺปํ ยาปนมตฺตํ ลภติ, เอวเมว ตฺวมฺปิ สพฺเพ ปณฺฑิเต อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉนฺโต พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ จตุตฺถํ ปฺาปารมึ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ –

๑๓๐.

‘‘น เหเต เอตฺตกาเยว, พุทฺธธมฺมา ภวิสฺสเร;

อฺเปิ วิจินิสฺสามิ, เย ธมฺมา โพธิปาจนา.

๑๓๑.

‘‘วิจินนฺโต ตทา ทกฺขึ, จตุตฺถํ ปฺาปารมึ;

ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อาเสวิตนิเสวิตํ.

๑๓๒.

‘‘อิมํ ตฺวํ จตุตฺถํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;

ปฺาปารมิตํ คจฺฉ, ยทิ โพธึ ปตฺตุมิจฺฉสิ.

๑๓๓.

‘‘ยถา หิ ภิกฺขุ ภิกฺขนฺโต, หีนมุกฺกฏฺมชฺฌิเม;

กุลานิ น วิวชฺเชนฺโต, เอวํ ลภติ ยาปนํ.

๑๓๔.

‘‘ตเถว ตฺวํ สพฺพกาลํ, ปริปุจฺฉํ พุธํ ชนํ;

ปฺาย ปารมึ คนฺตฺวา, สมฺโพธึ ปาปุณิสฺสสี’’ติ.

ตตฺถ ภิกฺขนฺโตติ ปิณฺฑาย จรนฺโต. หีนมุกฺกฏฺมชฺฌิเมติ หีนมุกฺกฏฺมชฺฌิมานิ กุลานีติ อตฺโถ. ลิงฺควิปริยาโส กโต. น วิวชฺเชนฺโตติ น ปริหรนฺโต, ฆรปฏิปาฏึ มุฺจิตฺวา จรนฺโต วิวชฺเชติ นาม, เอวมกตฺวาติ อตฺโถ. ยาปนนฺติ ยาปนมตฺตํ ปาณธารณํ อาหารํ ลภตีติ อตฺโถ. ปริปุจฺฉนฺติ – ‘‘กึ, ภนฺเต, กุสลํ, กึ อกุสลํ; กึ สาวชฺชํ, กึ อนวชฺช’’นฺติอาทินา (ที. นิ. ๓.๘๔, ๒๑๖) นเยน ตตฺถ ตตฺถ อภิฺาเต ปณฺฑิเต ชเน อุปสงฺกมิตฺวา ปริปุจฺฉนฺโตติ อตฺโถ. พุธํ ชนนฺติ ปณฺฑิตํ ชนํ. ‘‘พุเธ ชเน’’ติปิ ปาโ. ปฺาย ปารมินฺติ ปฺาย ปารํ. ‘‘ปฺาปารมิตํ คนฺตฺวา’’ติปิ ปาโ. เสสเมตฺถาปิ อุตฺตานเมวาติ.

อถสฺส ‘‘น เอตฺตเกเหว พุทฺธการกธมฺเมหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ อุตฺตริมฺปิ อุปธารยโต ปฺจมํ วีริยปารมึ ทิสฺวา เอตทโหสิ – ‘‘สุเมธปณฺฑิต, ตฺวํ อิโต ปฏฺาย วีริยปารมิมฺปิ ปูเรยฺยาสิ. ยถาปิ สีโห มิคราชา สพฺพอิริยาปเถสุ ทฬฺหวีริโย โหติ, เอวํ ตฺวมฺปิ สพฺพภเวสุ สพฺพอิริยาปเถสุ ทฬฺหวีริโย อโนลีนวีริโย สมาโน พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ ปฺจมํ วีริยปารมึ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ –

๑๓๕.

‘‘น เหเต เอตฺตกาเยว, พุทฺธธมฺมา ภวิสฺสเร;

อฺเปิ วิจินิสฺสามิ, เย ธมฺมา โพธิปาจนา.

๑๓๖.

‘‘วิจินนฺโต ตทา ทกฺขึ, ปฺจมํ วีริยปารมึ;

ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อาเสวิตนิเสวิตํ.

๑๓๗.

‘‘อิมํ ตฺวํ ปฺจมํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;

วีริยปารมิตํ คจฺฉ, ยทิ โพธึ ปตฺตุมิจฺฉสิ.

๑๓๘.

‘‘ยถาปิ สีโห มิคราชา, นิสชฺชฏฺานจงฺกเม;

อลีนวีริโย โหติ, ปคฺคหิตมโน สทา.

๑๓๙.

‘‘ตเถว ตฺวํ สพฺพภเว, ปคฺคณฺห วีริยํ ทฬฺหํ;

วีริยปารมิตํ คนฺตฺวา, สมฺโพธึ ปาปุณิสฺสสี’’ติ.

ตตฺถ อลีนวีริโยติ อโนลีนวีริโย. สพฺพภเวติ ชาตชาตภเว, สพฺเพสุ ภเวสูติ อตฺโถ. อารทฺธวีริโย หุตฺวา, สมฺโพธึ ปาปุณิสฺสสีติปิ ปาโ. เสสเมตฺถาปิ อุตฺตานเมวาติ.

อถสฺส ‘‘น เอตฺตเกเหว พุทฺธการกธมฺเมหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ อุตฺตริมฺปิ อุปธารยโต ฉฏฺมํ ขนฺติปารมึ ทิสฺวา เอตทโหสิ – ‘‘สุเมธปณฺฑิต, ตฺวํ อิโต ปฏฺาย ขนฺติปารมึ ปริปูเรยฺยาสิ, สมฺมานเนปิ อวมานเนปิ ขโมว ภเวยฺยาสิ. ยถา หิ ปถวิยํ นาม สุจิมฺปิ ปกฺขิปนฺติ อสุจิมฺปิ, น จ เตน ปถวี สิเนหํ วา ปฏิฆํ วา กโรติ, ขมติ สหติ อธิวาเสติเยว, เอวเมว ตฺวมฺปิ สพฺเพสํ สมฺมานนาวมานเนสุ ขโม สมาโน พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ ฉฏฺมํ ขนฺติปารมึ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ –

๑๔๐.

‘‘น เหเต เอตฺตกาเยว, พุทฺธธมฺมา ภวิสฺสเร;

อฺเปิ วิจินิสฺสามิ, เย ธมฺมา โพธิปาจนา.

๑๔๑.

‘‘วิจินนฺโต ตทา ทกฺขึ, ฉฏฺมํ ขนฺติปารมึ;

ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อาเสวิตนิเสวิตํ.

๑๔๒.

‘‘อิมํ ตฺวํ ฉฏฺมํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;

ตตฺถ อทฺเวชฺฌมานโส, สมฺโพธึ ปาปุณิสฺสสิ.

๑๔๓.

‘‘ยถาปิ ปถวี นาม, สุจิมฺปิ อสุจิมฺปิ จ;

สพฺพํ สหติ นิกฺเขปํ, น กโรติ ปฏิฆํ ตยา.

๑๔๔.

‘‘ตเถว ตฺวมฺปิ สพฺเพสํ, สมฺมานาวมานกฺขโม;

ขนฺติปารมิตํ คนฺตฺวา, สมฺโพธึ ปาปุณิสฺสสี’’ติ.

ตตฺถ ตตฺถาติ ตสฺสํ ขนฺติปารมิยํ. อทฺเวชฺฌมานโสติ เอกํสมานโส. สุจิมฺปีติ จนฺทนกุงฺกุมคนฺธมาลาทิสุจิมฺปิ. อสุจิมฺปีติ อหิกุกฺกุรมนุสฺสกุณปคูถมุตฺตเขฬสิงฺฆาณิกาทิอสุจิมฺปิ. สหตีติ ขมติ, อธิวาเสติ. นิกฺเขปนฺติ นิกฺขิตฺตํ. ปฏิฆนฺติ โกธํ. ตยาติ ตาย วุตฺติยา, ตาย นิกฺขิตฺตตาย วา. ‘‘ปฏิฆํ ทย’’นฺติปิ ปาโ, ตสฺส เตน นิกฺเขเปน ปฏิฆานุโรธํ น กโรตีติ อตฺโถ. สมฺมานาวมานกฺขโมติ สพฺเพสํ สมฺมานนาวมานนสโห ตฺวมฺปิ ภวาติ อตฺโถ. ‘‘ตเถว ตฺวมฺปิ สพฺพภเว, สมฺมานนวิมานกฺขโม’’ติปิ ปนฺติ. ‘‘ขนฺติยา ปารมึ คนฺตฺวา’’ติปิ ปาโ, ตสฺสา ขนฺติยา ปารมิปูรณวเสน คนฺตฺวาติ อตฺโถ. เสสเมตฺถาปิ อุตฺตานเมวาติ. อิโต ปรํ เอตฺตกมฺปิ อวตฺวา ยตฺถ ยตฺถ วิเสโส อตฺถิ, ตํ ตเมว วตฺวา ปานฺตรํ ทสฺเสตฺวา คมิสฺสามาติ.

อถสฺส ‘‘น เอตฺตเกเหว พุทฺธการกธมฺเมหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ อุตฺตริมฺปิ อุปธารยโต สตฺตมํ สจฺจปารมึ ทิสฺวา เอตทโหสิ – ‘‘สุเมธปณฺฑิต, ตฺวํ อิโต ปฏฺาย สจฺจปารมิมฺปิ ปูเรยฺยาสิ, อสนิยา มตฺถเก ปตมานายปิ ธนาทีนํ อตฺถาย ฉนฺทาทีนํ วเสน สมฺปชานมุสาวาทํ นาม มา ภาสิ. ยถาปิ โอสธีตารกา นาม สพฺพอุตูสุ อตฺตโน คมนวีถึ วิชหิตฺวา อฺาย วีถิยา น คจฺฉติ, สกวีถิยาว คจฺฉติ, เอวเมว ตฺวมฺปิ สจฺจํ ปหาย มุสาวาทํ นาม อวทนฺโตเยว พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ สตฺตมํ สจฺจปารมึ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ –

๑๔๕.

‘‘น เหเต เอตฺตกาเยว, พุทฺธธมฺมา ภวิสฺสเร;

อฺเปิ วิจินิสฺสามิ, เย ธมฺมา โพธิปาจนา.

๑๔๖.

‘‘วิจินนฺโต ตทา ทกฺขึ, สตฺตมํ สจฺจปารมึ;

ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อาเสวิตนิเสวิตํ.

๑๔๗.

‘‘อิมํ ตฺวํ สตฺตมํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;

ตตฺถ อทฺเวชฺฌวจโน, สมฺโพธึ ปาปุณิสฺสสิ.

๑๔๘.

‘‘ยถาปิ โอสธี นาม, ตุลาภูตา สเทวเก;

สมเย อุตุวสฺเส วา, น โวกฺกมติ วีถิโต.

๑๔๙.

‘‘ตเถว ตฺวมฺปิ สจฺเจสุ, มา โวกฺกม หิ วีถิโต;

สจฺจปารมิตํ คนฺตฺวา, สมฺโพธึ ปาปุณิสฺสสี’’ติ.

ตตฺถ ตตฺถาติ สจฺจปารมิยํ. อทฺเวชฺฌวจโนติ อวิตถวจโน. โอสธี นามาติ โอสธีตารกา, โอสธคหเณ โอสธีตารกํ อุทิตํ ทิสฺวา โอสธํ คณฺหนฺติ. ตสฺมา ‘‘โอสธีตารกา’’ติ วุจฺจติ. ตุลาภูตาติ ปมาณภูตา. สเทวเกติ สเทวกสฺส โลกสฺส. สมเยติ วสฺสสมเย. อุตุวสฺเสติ เหมนฺตคิมฺเหสุ. ‘‘สมเย อุตุวฏฺเฏ’’ติปิ ปาโ. ตสฺส สมเยติ คิมฺเห. อุตุวฏฺเฏติ เหมนฺเต จ วสฺสาเน จาติ อตฺโถ. โวกฺกมติ วีถิโตติ ตํ ตํ อุตุมฺหิ อตฺตโน คมนวีถิโต น โวกฺกมติ น วิคจฺฉติ, ฉ มาเส ปจฺฉิมํ ทิสํ คจฺฉติ, ฉ มาเส ปุพฺพํ ทิสํ คจฺฉตีติ. อถ วา โอสธี นามาติ สิงฺคิเวรปิปฺผลิมริจาทิกํ โอสธํ. น โวกฺกมตีติ ยํ ยํ ผลทานสมตฺถํ โอสธํ, ตํ ตํ ผลทานํ โอกฺกมฺม อตฺตโน ผลํ อทตฺวา น นิวตฺตติ. วีถิโตติ คมนวีถิโต, ปิตฺตหโร ปิตฺตํ หรเตว, วาตหโร วาตํ หรเตว, เสมฺหหโร เสมฺหํ หรเตวาติ อตฺโถ. เสสเมตฺถาปิ อุตฺตานเมวาติ.

อถสฺส ‘‘น เอตฺตเกเหว พุทฺธการกธมฺเมหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ อุตฺตริมฺปิ อุปธารยโต อฏฺมํ อธิฏฺานปารมึ ทิสฺวา เอตทโหสิ – ‘‘สุเมธปณฺฑิต, ตฺวํ อิโต ปฏฺาย อธิฏฺานปารมิมฺปิ ปูเรยฺยาสิ, ยํ อธิฏฺาสิ, ตสฺมึ อธิฏฺาเน นิจฺจโล ภเวยฺยาสิ, ยถา ปพฺพโต นาม สพฺพทิสาสุ วาเต ปหรนฺเตปิ น กมฺปติ น จลติ, อตฺตโน าเนเยว ติฏฺติ, เอวเมว ตฺวมฺปิ อตฺตโน อธิฏฺาเน นิจฺจโล โหนฺโตว พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ อฏฺมํ อธิฏฺานปารมึ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาสีติ. เตน วุตฺตํ –

๑๕๐.

‘‘น เหเต เอตฺตกาเยว, พุทฺธธมฺมา ภวิสฺสเร;

อฺเปิ วิจินิสฺสามิ, เย ธมฺมา โพธิปาจนา.

๑๕๑.

‘‘วิจินนฺโต ตทา ทกฺขึ, อฏฺมํ อธิฏฺานปารมึ;

ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อาเสวิตนิเสวิตํ.

๑๕๒.

‘‘อิมํ ตฺวํ อฏฺมํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;

ตตฺถ ตฺวํ อจโล หุตฺวา, สมฺโพธึ ปาปุณิสฺสสิ.

๑๕๓.

‘‘ยถาปิ ปพฺพโต เสโล, อจโล สุปฺปติฏฺิโต;

น กมฺปติ ภุสวาเตหิ, สกฏฺาเนว ติฏฺติ.

๑๕๔.

‘‘ตตฺเถว ตฺวมฺปิ อธิฏฺาเน, สพฺพทา อจโล ภว;

อธิฏฺานปารมิตํ คนฺตฺวา, สมฺโพธึ ปาปุณิสฺสสี’’ติ.

ตตฺถ เสโลติ สิลามโย. อจโลติ นิจฺจโล สุปฺปติฏฺิโตติ อจลตฺตาว สุฏฺุ ปติฏฺิโต. ‘‘ยถาปิ ปพฺพโต อจโล, นิขาโต สุปฺปติฏฺิโต’’ติปิ ปาโ. ภุสวาเตหีติ พลววาเตหิ. สกฏฺาเนวาติ อตฺตโน าเนเยว, ยถาิตฏฺาเนเยวาติ อตฺโถ. เสสเมตฺถาปิ อุตฺตานเมวาติ.

อถสฺส ‘‘น เอตฺตเกเหว พุทฺธการกธมฺเมหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ อุตฺตริมฺปิ อุปธารยโต นวมํ เมตฺตาปารมึ ทิสฺวา เอตทโหสิ – ‘‘สุเมธปณฺฑิต, ตฺวํ อิโต ปฏฺาย เมตฺตาปารมึ ปูเรยฺยาสิ, หิเตสุปิ อหิเตสุปิ เอกจิตฺโตว ภเวยฺยาสิ. ยถาปิ อุทกํ นาม ปาปชนสฺสปิ กลฺยาณชนสฺสปิ สีตภาวํ เอกสทิสํ กตฺวา ผรติ, เอวเมว ตฺวมฺปิ สพฺพสตฺเตสุ เมตฺตจิตฺเตน เอกจิตฺโตว หุตฺวา พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ นวมํ เมตฺตาปารมึ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาสีติ. เตน วุตฺตํ –

๑๕๕.

‘‘น เหเต เอตฺตกาเยว, พุทฺธธมฺมา ภวิสฺสเร;

อฺเปิ วิจินิสฺสามิ, เย ธมฺมา โพธิปาจนา.

๑๕๖.

‘‘วิจินนฺโต ตทา ทกฺขึ, นวมํ เมตฺตาปารมึ;

ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อาเสวิตนิเสวิตํ.

๑๕๗.

‘‘อิมํ ตฺวํ นวมํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;

เมตฺตาย อสโม โหติ, ยทิ โพธึ ปตฺตุมิจฺฉสิ.

๑๕๘.

‘‘ยถาปิ อุทกํ นาม, กลฺยาเณ ปาปเก ชเน;

สมํ ผรติ สีเตน, ปวาเหติ รโชมลํ.

๑๕๙.

‘‘ตเถว ตฺวํ หิตาหิเต, สมํ เมตฺตาย ภาวย;

เมตฺตาปารมิตํ คนฺตฺวา, สมฺโพธึ ปาปุณิสฺสสี’’ติ.

ตตฺถ อสโม โหหีติ เมตฺตาภาวนาย อสทิโส โหหิ. ตตฺถ ‘‘ตฺวํ สมสโม โหหี’’ติปิ ปาโ, โส อุตฺตานตฺโถว. สมนฺติ ตุลฺยํ. ผรตีติ ผุสติ. ปวาเหตีติ วิโสเธติ. รโชติ อาคนฺตุกรชํ. มลนฺติ สรีเร อุฏฺิตํ เสทมลาทึ. ‘‘รชมล’’นฺติปิ ปาโ, โสเยวตฺโถ. หิตาหิเตติ หิเต จ อหิเต จ, มิตฺเต จ อมิตฺเต จาติ อตฺโถ. เมตฺตาย ภาวยาติ เมตฺตํ ภาวย วฑฺเฒหิ. เสสเมตฺถาปิ อุตฺตานเมวาติ.

อถสฺส ‘‘น เอตฺตเกเหว พุทฺธการกธมฺเมหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ อุตฺตริมฺปิ อุปธารยโต ทสมํ อุเปกฺขาปารมึ ทิสฺวา เอตทโหสิ – ‘‘สุเมธปณฺฑิต, ตฺวํ อิโต ปฏฺาย อุเปกฺขาปารมึ ปริปูเรยฺยาสิ, สุเขปิ ทุกฺเขปิ มชฺฌตฺโตว ภเวยฺยาสิ. ยถาปิ ปถวี นาม สุจิมฺปิ อสุจิมฺปิ จ ปกฺขิปมาเน มชฺฌตฺตาว โหติ, เอวเมว ตฺวมฺปิ สุขทุกฺเขสุ มชฺฌตฺโตว โหนฺโต พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ ทสมํ อุเปกฺขาปารมึ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ –

๑๖๐.

‘‘น เหเต เอตฺตกาเยว, พุทฺธธมฺมา ภวิสฺสเร;

อฺเปิ วิจินิสฺสามิ, เย ธมฺมา โพธิปาจนา.

๑๖๑.

‘‘วิจินนฺโต ตทา ทกฺขึ, ทสมํ อุเปกฺขาปารมึ;

ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อาเสวิตนิเสวิตํ.

๑๖๒.

‘‘อิมํ ตฺวํ ทสมํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;

ตุลาภูโต ทฬฺโห หุตฺวา, สมฺโพธึ ปาปุณิสฺสสิ.

๑๖๓.

‘‘ยถาปิ ปถวี นาม, นิกฺขิตฺตํ อสุจึ สุจึ;

อุเปกฺขติ อุโภเปเต, โกปานุนยวชฺชิตา.

๑๖๔.

‘‘ตเถว ตฺวํ สุขทุกฺเข, ตุลาภูโต สทา ภว;

อุเปกฺขาปารมิตํ คนฺตฺวา, สมฺโพธึ ปาปุณิสฺสสี’’ติ.

ตตฺถ ตุลาภูโตติ มชฺฌตฺตภาเว ิโต ยถา ตุลาย ทณฺโฑ สมํ ตุลิโต สมํ ติฏฺติ, น นมติ น อุนฺนมติ, เอวเมว ตฺวมฺปิ สุขทุกฺเขสุ ตุลาสทิโส หุตฺวา สมฺโพธึ ปาปุณิสฺสสิ. โกปานุนยวชฺชิตาติ ปฏิฆานุโรธวชฺชิตา. ‘‘ทยาโกปวิวชฺชิตา’’ติปิ ปาโ, โสเยวตฺโถ. เสสํ ขนฺติปารมิยํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ.

ตโต สุเมธปณฺฑิโต อิเม ทส ปารมิธมฺเม วิจินิตฺวา ตโต ปรํ จินฺเตสิ – ‘‘อิมสฺมึ โลเก โพธิสตฺเตหิ ปริปูเรตพฺพา โพธิปาจนา พุทฺธตฺตกรา ธมฺมา เอตฺตกาเยว, น อิโต ภิยฺโย, อิมา ปน ปารมิโย อุทฺธํ อากาเสปิ นตฺถิ, น เหฏฺา ปถวิยมฺปิ, น ปุรตฺถิมาทีสุ ทิสาสุปิ อตฺถิ, มยฺหํเยว ปน หทยมํสนฺตเรเยว ปติฏฺิตา’’ติ. เอวํ ตาสํ อตฺตโน หทเย ปติฏฺิตภาวํ ทิสฺวา สพฺพาปิ ตา ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาย ปุนปฺปุนํ สมฺมสนฺโต อนุโลมปฏิโลมํ สมฺมสิ, ปริยนฺเต คเหตฺวา อาทิมฺหิ ปาเปสิ, อาทิมฺหิ คเหตฺวา ปริยนฺเต เปสิ, มชฺเฌ คเหตฺวา อุภโต โอสาเปสิ, อุภโต โกฏีสุ คเหตฺวา มชฺเฌ โอสาเปสิ. พาหิรภณฺฑปริจฺจาโค ปารมิโย นาม, องฺคปริจฺจาโค อุปปารมิโย นาม, ชีวิตปริจฺจาโค ปรมตฺถปารมิโย นามาติ ทส ปารมิโย ทส อุปปารมิโย ทส ปรมตฺถปารมิโยติ สมตฺตึส ปารมิโย ยมกเตลํ วินิวฏฺเฏนฺโต วิย สมฺมสิ. ตสฺส ทส ปารมิโย สมฺมสนฺตสฺส ธมฺมเตเชน จตุนหุตาธิกทฺวิโยชนสตสหสฺสพหลา วิปุลา อยํ มหาปถวี หตฺถินา อกฺกนฺตนฬกลาโป วิย อุปฺปีฬิยมานํ อุจฺฉุยนฺตํ วิย จ มหาวิรวํ วิรวมานา สงฺกมฺปิ สมฺปกมฺปิ สมฺปเวธิ. กุลาลจกฺกํ วิย เตลยนฺตจกฺกํ วิย จ ปริพฺภมิ. เตน วุตฺตํ –

๑๖๕.

‘‘เอตฺตกาเยว เต โลเก, เย ธมฺมา โพธิปาจนา;

ตตุทฺธํ นตฺถิ อฺตฺร, ทฬฺหํ ตตฺถ ปติฏฺห.

๑๖๖.

‘‘อิเม ธมฺเม สมฺมสโต, สภาวสรสลกฺขเณ;

ธมฺมเตเชน วสุธา, ทสสหสฺสี ปกมฺปถ.

๑๖๗.

‘‘จลตี รวตี ปถวี, อุจฺฉุยนฺตํว ปีฬิตํ;

เตลยนฺเต ยถา จกฺกํ, เอวํ กมฺปติ เมทนี’’ติ.

ตตฺถ เอตฺตกาเยวาติ นิทฺทิฏฺานํ ทสนฺนํ ปารมิตานํ อนูนาธิกภาวสฺส ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ตตุทฺธนฺติ ตโต ทสปารมีหิ อุทฺธํ นตฺถิ. อฺตฺราติ อฺํ, ลกฺขณํ สทฺทสตฺถโต คเหตพฺพํ. ตโต ทสปารมิโต อฺโ พุทฺธการกธมฺโม นตฺถีติ อตฺโถ. ตตฺถาติ ตาสุ ทสสุ ปารมีสุ. ปติฏฺหาติ ปติฏฺ, ปริปูเรนฺโต ติฏฺาติ อตฺโถ.

อิเม ธมฺเมติ ปารมิธมฺเม. สมฺมสโตติ อุปปริกฺขนฺตสฺส, อนาทรตฺเถ สามิวจนํ ทฏฺพฺพํ. สภาวสรสลกฺขเณติ สภาวสงฺขาเตน สรสลกฺขเณน สมฺมสนฺตสฺสาติ อตฺโถ. ธมฺมเตเชนาติ ปารมิปวิจยาณเตเชน. วสุธาติ วสูติ รตนํ วุจฺจติ, ตํ ธาเรติ ธียติ วา เอตฺถาติ วสุธา. กา สา? เมทนี. ปกมฺปถาติ ปกมฺปิตฺถ. สุเมธปณฺฑิเต ปน ปารมิโย วิจินนฺเต ตสฺส าณเตเชน ทสสหสฺสี ปกมฺปิตฺถาติ อตฺโถ.

จลตีติ ฉปฺปการา กมฺปิ. รวตีติ นทติ วิกูชติ. อุจฺฉุยนฺตํว ปีฬิตนฺติ นิปฺปีฬิตํ อุจฺฉุยนฺตํ วิย. ‘‘คุฬยนฺตํว ปีฬิต’’นฺติปิ ปาโ, โสเยวตฺโถ. เตลยนฺเตติ เตลปีฬนยนฺเต. ยถา จกฺกนฺติ จกฺกิกานํ มหาจกฺกยนฺตํ วิย. เอวนฺติ ยถา เตลปีฬนจกฺกยนฺตํ ปริพฺภมติ กมฺปติ, เอวํ อยํ เมทนี กมฺปตีติ อตฺโถ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมวาติ.

เอวํ มหาปถวิยา กมฺปมานาย รมฺมนครวาสิโน มนุสฺสา ภควนฺตํ ปริวิสยมานา สณฺาตุํ อสกฺโกนฺตา ยุคนฺธรวาตพฺภาหตา มหาสาลา วิย มุจฺฉิตา ปปตึสุ. ฆฏาทีนิ กุลาลภณฺฑานิ ปวฏฺเฏนฺตานิ อฺมฺํ ปหรนฺตานิ จุณฺณวิจุณฺณานิ อเหสุํ. มหาชโน ภีตตสิโต สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา – ‘‘กึ นุ โข ภควา ‘นาคาวฏฺโฏ อยํ, ภูตยกฺขเทวตาสุ อฺตราวฏฺโฏ วา’ติ น หิ มยํ เอตํ ชานาม. อปิ จ โข สพฺโพปิ อยํ มหาชโน ภเยน อุปทฺทุโต, กึ นุ โข อิมสฺส โลกสฺส ปาปกํ ภวิสฺสติ, อุทาหุ กลฺยาณํ, กเถถ โน เอตํ การณ’’นฺติ ปุจฺฉึสุ.

อถ สตฺถา เตสํ กถํ สุตฺวา – ‘‘ตุมฺเห มา ภายิตฺถ, มา โข จินฺตยิตฺถ, นตฺถิ โว อิโตนิทานํ ภยํ, โย โส มยา อชฺช สุเมธปณฺฑิโต ‘อนาคเต โคตโม นาม พุทฺโธ ภวิสฺสตี’ติ พฺยากโต, โส อิทานิ ปารมิโย สมฺมสติ, ตสฺส สมฺมสนฺตสฺส ธมฺมเตเชน สกลทสสหสฺสี โลกธาตุ เอกปฺปหาเรน กมฺปติ เจว วิรวติ จา’’ติ อาห. เตน วุตฺตํ –

๑๖๘.

‘‘ยาวตา ปริสา อาสิ, พุทฺธสฺส ปริเวสเน;

ปเวธมานา สา ตตฺถ, มุจฺฉิตา เสติ ภูมิยํ.

๑๖๙.

‘‘ฆฏาเนกสหสฺสานิ, กุมฺภีนฺจ สตา พหู;

สฺจุณฺณมถิตา ตตฺถ, อฺมฺํ ปฆฏฺฏิตา.

๑๗๐.

‘‘อุพฺพิคฺคา ตสิตา ภีตา, ภนฺตา พฺยถิตมานสา;

มหาชนา สมาคมฺม, ทีปงฺกรมุปาคมุํ.

๑๗๑.

‘‘กึ ภวิสฺสติ โลกสฺส, กลฺยาณมถ ปาปกํ;

สพฺโพ อุปทฺทุโต โลโก, ตํ วิโนเทหิ จกฺขุม.

๑๗๒.

‘‘เตสํ ตทา สฺาเปสิ, ทีปงฺกโร มหามุนิ;

วิสฺสตฺถา โหถ มา ภาถ, อิมสฺมึ ปถวิกมฺปเน.

๑๗๓.

‘‘ยมหํ อชฺช พฺยากาสึ, พุทฺโธ โลเก ภวิสฺสติ;

เอโส สมฺมสตี ธมฺมํ, ปุพฺพกํ ชินเสวิตํ.

๑๗๔.

‘‘ตสฺส สมฺมสโต ธมฺมํ, พุทฺธภูมึ อเสสโต;

เตนายํ กมฺปิตา ปถวี, ทสสหสฺสี สเทวเก’’ติ.

ตตฺถ ยาวตาติ ยาวติกา. อาสีติ อโหสิ. ‘‘ยา ตทา ปริสา อาสี’’ติปิ ปาโ, ตสฺส ยา ตตฺถ ปริสา ิตา อาสีติ อตฺโถ. ปเวธมานาติ กมฺปมานา. สาติ สา ปริสา. ตตฺถาติ ตสฺมึ ปริเวสนฏฺาเน. เสตีติ สยิตฺถ.

ฆฏาติ ฆฏานํ, สามิอตฺเถ ปจฺจตฺตวจนํ, ฆฏานํ เนกสหสฺสานีติ อตฺโถ. สฺจุณฺณมถิตาติ จุณฺณา เจว มถิตา จ, มถิตสฺจุณฺณาติ อตฺโถ. อฺมฺํ ปฆฏฺฏิตาติ อฺมฺํ ปหฏา. อุพฺพิคฺคาติ อุตฺราสหทยา. ตสิตาติ สฺชาตตาสา. ภีตาติ ภยภีตา. ภนฺตาติ ผนฺทนมานสา, วิพฺภนฺตจิตฺตาติ อตฺโถ. สพฺพานิ ปเนตานิ อฺมฺเววจนานิ. สมาคมฺมาติ สมาคนฺตฺวา. อยเมว วา ปาโ.

อุปทฺทุโตติ อุปหโต. ตํ วิโนเทหีติ ตํ อุปทฺทุตภยํ วิโนเทหิ, วินาสยาติ อตฺโถ. จกฺขุมาติ ปฺจหิ จกฺขูหิ จกฺขุม. เตสํ ตทาติ เต ชเน ตทา, อุปโยคตฺเถ สามิวจนํ. สฺาเปสีติ าเปสิ โพเธสิ. วิสตฺถาติ วิสฺสตฺถจิตฺตา. มา ภาถาติ มา ภายถ. ยมหนฺติ ยํ อหํ สุเมธปณฺฑิตํ. ธมฺมนฺติ ปารมิธมฺมํ. ปุพฺพกนฺติ โปราณํ. ชินเสวิตนฺติ ชิเนหิ โพธิสตฺตกาเล เสวิตนฺติ อตฺโถ. พุทฺธภูมินฺติ ปารมิธมฺมํ. เตนาติ เตน สมฺมสนการเณน. กมฺปิตาติ จลิตา. สเทวเกติ สเทวเก โลเก.

ตโต มหาชโน ตถาคตสฺส วจนํ สุตฺวา หฏฺตุฏฺโ มาลาคนฺธวิเลปนาทีนิ อาทาย รมฺมนครโต นิกฺขมิตฺวา โพธิสตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา มาลาคนฺธาทีหิ ปูเชตฺวา วนฺทิตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา รมฺมนครเมว ปาวิสิ. อถ โข โพธิสตฺโต ทส ปารมิโย สมฺมสิตฺวา วีริยํ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาย นิสินฺนาสนา วุฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ –

๑๗๕.

‘‘พุทฺธสฺส วจนํ สุตฺวา, มโน นิพฺพายิ ตาวเท;

สพฺเพ มํ อุปสงฺกมฺม, ปุนาปิ มํ อภิวนฺทิสุํ.

๑๗๖.

‘‘สมาทิยิตฺวา พุทฺธคุณํ, ทฬฺหํ กตฺวาน มานสํ;

ทีปงฺกรํ นมสฺสิตฺวา, อาสนา วุฏฺหึ ตทา’’ติ.

ตตฺถ มโน นิพฺพายีติ มหาชนสฺส ปถวิกมฺปเน อุพฺพิคฺคหทยสฺส ตตฺถ การณํ สุตฺวา มโน นิพฺพายิ, สนฺตึ อคมาสีติ อตฺโถ. ‘‘ชโน นิพฺพายี’’ติปิ ปาโ, โส อุตฺตาโนเยว. สมาทิยิตฺวาติ สมฺมา อาทิยิตฺวา, สมาทายาติ อตฺโถ. พุทฺธคุณนฺติ ปารมิโย. เสสํ อุตฺตานเมว.

อถ โข โพธิสตฺตํ ทยิตสพฺพสตฺตํ อาสนา วุฏฺหนฺตํ สกลทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตา สนฺนิปติตฺวา ทิพฺเพหิ มาลาคนฺธาทีหิ ปูเชตฺวา – ‘‘อยฺย สุเมธตาปส, ตยา อชฺช ทีปงฺกรทสพลสฺส ปาทมูเล มหติ ปตฺถนา ปตฺถิตา, สา เต อนนฺตราเยน สมิชฺฌตุ, มา เต ตตฺถ ภยํ วา ฉมฺภิตตฺตํ วา อโหสิ. สรีเร เต อปฺปมตฺตโกปิ โรโค มา อุปฺปชฺชตุ, ขิปฺปํ ปารมิโย ปูเรตฺวา สมฺมาสมฺโพธึ ปฏิวิชฺฌ. ยถา ปุปฺผูปคผลูปคา รุกฺขา สมเย ปุปฺผนฺติ เจว ผลนฺติ จ, ตเถว ตฺวมฺปิ ตํ สมยํ อนติกฺกมิตฺวา ขิปฺปํ สมฺโพธึ ผุสสฺสู’’ติอาทีนิ ถุติมงฺคลานิ ปยิรุทาหํสุ, เอวํ ปยิรุทาหิตฺวา โพธิสตฺตํ อภิวาเทตฺวา อตฺตโน อตฺตโน เทวฏฺานเมว อคมํสุ. โพธิสตฺโตปิ เทวตาหิ อภิตฺถุโต – ‘‘อหํ ทส ปารมิโย ปูเรตฺวา กปฺปสตสหสฺสาธิกานํ จตุนฺนํ อสงฺขฺเยยฺยานํ มตฺถเก พุทฺโธ ภวิสฺสามี’’ติ วีริยํ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาย อากาสมพฺภุคฺคนฺตฺวา อิสิคณวนฺตํ หิมวนฺตํ อคมาสิ. เตน วุตฺตํ –

๑๗๗.

‘‘ทิพฺพํ มานุสกํ ปุปฺผํ, เทวา มานุสกา อุโภ;

สโมกิรนฺติ ปุปฺเผหิ, วุฏฺหนฺตสฺส อาสนา.

๑๗๘.

‘‘เวทยนฺติ จ เต โสตฺถึ, เทวา มานุสกา อุโภ;

มหนฺตํ ปตฺถิตํ ตุยฺหํ, ตํ ลภสฺสุ ยถิจฺฉิตํ.

๑๗๙.

‘‘สพฺพีติโย วิวชฺชนฺตุ, โสโก โรโค วินสฺสตุ;

มา เต ภวนฺตฺวนฺตรายา, ผุส ขิปฺปํ โพธิมุตฺตมํ.

๑๘๐.

‘‘ยถาปิ สมเย ปตฺเต, ปุปฺผนฺติ ปุปฺผิโน ทุมา;

ตเถว ตฺวํ มหาวีร, พุทฺธาเณหิ ปุปฺผสุ.

๑๘๑.

‘‘ยถา เย เกจิ สมฺพุทฺธา, ปูรยุํ ทสปารมี;

ตเถว ตฺวํ มหาวีร, ปูรย ทสปารมี.

๑๘๒.

‘‘ยถา เย เกจิ สมฺพุทฺธา, โพธิมณฺฑมฺหิ พุชฺฌเร;

ตเถว ตฺวํ มหาวีร, พุชฺฌสฺสุ ชินโพธิยํ.

๑๘๓.

‘‘ยถา เย เกจิ สมฺพุทฺธา, ธมฺมจกฺกํ ปวตฺตยุํ;

ตเถว ตฺวํ มหาวีร, ธมฺมจกฺกํ ปวตฺตย.

๑๘๔.

‘‘ปุณฺณมาเย ยถา จนฺโท, ปริสุทฺโธ วิโรจติ;

ตเถว ตฺวํ ปุณฺณมโน, วิโรจ ทสสหสฺสิยํ.

๑๘๕.

‘‘ราหุมุตฺโต ยถา สูริโย, ตาเปน อติโรจติ;

ตเถว โลกา มุจฺจิตฺวา, วิโรจ สิริยา ตุวํ.

๑๘๖.

‘‘ยถา ยา กาจิ นทิโย, โอสรนฺติ มโหทธึ;

เอวํ สเทวกา โลกา, โอสรนฺตุ ตวนฺติเก.

๑๘๗.

‘‘เตหิ ถุตปฺปสตฺโถ โส, ทส ธมฺเม สมาทิย;

เต ธมฺเม ปริปูเรนฺโต, ปวนํ ปาวิสี ตทา’’ติ.

ตตฺถ ทิพฺพนฺติ มนฺทารวปาริจฺฉตฺตกสนฺตานกุเสสยาทิกํ ทิพฺพกุสุมํ เทวา มานุสกา จ มานุสปุปฺผํ คเหตฺวาติ อตฺโถ. สโมกิรนฺตีติ มโมปริ สโมกิรึสูติ อตฺโถ. วุฏฺหนฺตสฺสาติ วุฏฺหโต. เวทยนฺตีติ นิเวทยึสุ สฺาเปสุํ. โสตฺถินฺติ โสตฺถิภาวํ. อิทานิ เวทยิตาการทสฺสนตฺถํ ‘‘มหนฺตํ ปตฺถิตํ ตุยฺห’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. ตยา ปน, สุเมธปณฺฑิต, มหนฺตํ านํ ปตฺถิตํ, ตํ ยถาปตฺถิตํ ลภสฺสูติ อตฺโถ.

สพฺพีติโยติ เอนฺตีติ อีติโย, สพฺพา อีติโย สพฺพีติโย, อุปทฺทวา. วิวชฺชนฺตูติ มา โหนฺตุ. โสโก โรโค วินสฺสตูติ โสจนสงฺขาโต โสโก รุชนสงฺขาโต โรโค จ วินสฺสตุ. เตติ ตว. มา ภวนฺตฺวนฺตรายาติ มา ภวนฺตุ อนฺตรายา. ผุสาติ อธิคจฺฉ ปาปุณาหิ. โพธินฺติ อรหตฺตมคฺคาณํ สพฺพฺุตฺาณมฺปิ วฏฺฏติ. อุตฺตมนฺติ เสฏฺํ สพฺพพุทฺธคุณทายกตฺตา อรหตฺตมคฺคาณํ ‘‘อุตฺตม’’นฺติ วุตฺตํ.

สมเยติ ตสฺส ตสฺส รุกฺขสฺส ปุปฺผนสมเย สมฺปตฺเตติ อตฺโถ. ปุปฺผิโนติ ปุปฺผนกา. พุทฺธาเณหีติ อฏฺารสหิ พุทฺธาเณหิ. ปุปฺผสูติ ปุปฺผสฺสุ. ปูรยุนฺติ ปูรยึสุ. ปูรยาติ ปริปูรย. พุชฺฌเรติ พุชฺฌึสุ. ชินโพธิยนฺติ ชินานํ พุทฺธานํ โพธิยา, สพฺพฺุโพธิมูเลติ อตฺโถ. ปุณฺณมาเยติ ปุณฺณมาสิยํ. ปุณฺณมโนติ ปริปุณฺณมโนรโถ.

ราหุมุตฺโตติ ราหุนา โสพฺภานุนา มุตฺโต. ตาเปนาติ ปตาเปน, อาโลเกน. โลกา มุจฺจิตฺวาติ โลกธมฺเมหิ อลิตฺโต หุตฺวาติ อตฺโถ. วิโรจาติ วิราช. สิริยาติ พุทฺธสิริยา. โอสรนฺตีติ มหาสมุทฺทํ ปวิสนฺติ. โอสรนฺตูติ อุปคจฺฉนฺตุ. ตวนฺติเกติ ตว สนฺติกํ. เตหีติ เทเวหิ. ถุตปฺปสตฺโถติ ถุโต เจว ปสตฺโถ จ, ถุเตหิ วา ทีปงฺกราทีหิ ปสตฺโถติ ถุตปฺปสตฺโถ. ทส ธมฺเมติ ทส ปารมิธมฺเม. ปวนนฺติ มหาวนํ, ธมฺมิกปพฺพเต มหาวนํ ปาวิสีติ อตฺโถ. เสสคาถา สุอุตฺตานา เอวาติ.

อิติ มธุรตฺถวิลาสินิยา พุทฺธวํส-อฏฺกถาย

สุเมธปตฺถนากถาวณฺณนา นิฏฺิตา.

๓. ทีปงฺกรพุทฺธวํสวณฺณนา

รมฺมนครวาสิโนปิ เต อุปาสกา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ ทตฺวา ปุน ภควนฺตํ ภุตฺตาวึ โอนีตปตฺตปาณึ มาลาคนฺธาทีหิ ปูเชตฺวา วนฺทิตฺวา ทานานุโมทนํ โสตุกามา อุปนิสีทึสุ. อถ สตฺถา เตสํ ปรมมธุรํ หทยงฺคมํ ทานานุโมทนมกาสิ –

‘‘ทานํ นาม สุขาทีนํ, นิทานํ ปรมํ มตํ;

นิพฺพานํ ปน โสปานํ, ปติฏฺาติ ปวุจฺจติ.

‘‘ทานํ ตาณํ มนุสฺสานํ, ทานํ พนฺธุ ปรายนํ;

ทานํ ทุกฺขาธิปนฺนานํ, สตฺตานํ ปรมา คติ.

‘‘ทุกฺขนิตฺถรณฏฺเน, ทานํ นาวาติ ทีปิตํ;

ภยรกฺขณโต ทานํ, นครนฺติ จ วณฺณิตํ.

‘‘ทานํ ทุราสทฏฺเน, วุตฺตมาสิวิโสติ จ;

ทานํ โลภมลาทีหิ, ปทุมํ อนุปลิตฺตโต.

‘‘นตฺถิ ทานสโม โลเก, ปุริสสฺส อวสฺสโย;

ปฏิปชฺชถ ตสฺมา ตํ, กิริยาชฺฌาสเยน จ.

‘‘สคฺคโลกนิทานานิ, ทานานิ มติมา อิธ;

โก หิ นาม นโร โลเก, น ทเทยฺย หิเต รโต.

‘‘สุตฺวา เทเวสุ สมฺปตฺตึ, โก นโร ทานสมฺภวํ;

น ทชฺชา สุขปฺปทํ ทานํ, ทานํ จิตฺตปฺปโมทนํ.

‘‘ทาเนน ปฏิปนฺเนน, อจฺฉราปริวาริโต;

รมเต สุจิรํ กาลํ, นนฺทเน สุรนนฺทเน.

‘‘ปีติมุฬารํ วินฺทติ ทาตา, คารวมสฺมึ คจฺฉติ โลเก;

กิตฺติมนนฺตํ ยาติ จ ทาตา, วิสฺสสนีโย โหติ จ ทาตา.

‘‘ทตฺวา ทานํ ยาติ นโร โส, โภคสมิทฺธึ ทีฆฺจายุ;

สุสฺสรตมฺปิ จ วินฺทติ รูปํ, สคฺเค สทฺธึ กีฬติ เทเวหิ;

วิมาเนสุ ตฺวา นานา, มตฺตมยูราภิรุเตสุ.

‘‘โจราริราโชทกปาวกานํ, ธนํ อสาธารณเมว ทานํ;

ททาติ ตํ สาวกาณภูมึ, ปจฺเจกภูมึ ปน พุทฺธภูมิ’’นฺติ. –

เอวมาทินา นเยน ทานานุโมทนํ กตฺวา ทานานิสํสํ ปกาเสตฺวา ตทนนฺตรํ สีลกถํ กเถสิ. สีลํ นาเมตํ อิธโลกปรโลกสมฺปตฺตีนํ มูลํ.

‘‘สีลํ สุขานํ ปรมํ นิทานํ, สีเลน สีลี ติทิวํ ปยาติ;

สีลฺหิ สํสารมุปาคตสฺส, ตาณฺจ เลณฺจ ปรายนฺจ.

‘‘อวสฺสโย สีลสโม ชนานํ, กุโต ปนฺโ อิธ วา ปรตฺถ;

สีลํ คุณานํ ปรมา ปติฏฺา, ยถา ธรา ถาวรชงฺคมานํ.

‘‘สีลํ กิเรว กลฺยาณํ, สีลํ โลเก อนุตฺตรํ;

อริยวุตฺติสมาจาโร, เยน วุจฺจติ สีลวา’’. (ชา. ๑.๓.๑๑๘);

สีลาลงฺการสโม อลงฺกาโร นตฺถิ, สีลคนฺธสโม คนฺโธ นตฺถิ, สีลสมํ กิเลสมลวิโสธนํ นตฺถิ, สีลสมํ ปริฬาหูปสมํ นตฺถิ, สีลสมํ กิตฺติชนนํ นตฺถิ, สีลสมํ สคฺคาโรหณโสปานํ นตฺถิ, นิพฺพานนครปฺปเวสเน จ สีลสมํ ทฺวารํ นตฺถิ. ยถาห –

‘‘โสภนฺเตวํ น ราชาโน, มุตฺตามณิวิภูสิตา;

ยถา โสภนฺติ ยติโน, สีลภูสนภูสิตา.

‘‘สีลคนฺธสโม คนฺโธ, กุโต นาม ภวิสฺสติ;

โย สมํ อนุวาเต จ, ปฏิวาเต จ วายติ. (วิสุทฺธิ. ๑.๙);

‘‘น ปุปฺผคนฺโธ ปฏิวาตเมติ, น จนฺทนํ ตคฺครมลฺลิกา วา;

สตฺจ คนฺโธ ปฏิวาตเมติ, สพฺพา ทิสา สปฺปุริโส ปวายติ.

‘‘จนฺทนํ ตครํ วาปิ, อุปฺปลํ อถ วสฺสิกี;

เอเตสํ คนฺธชาตานํ, สีลคนฺโธ อนุตฺตโร. (ธ. ป. ๕๔-๕๕; มิ. ป. ๕.๔.๑);

‘‘น คงฺคา ยมุนา จาปิ, สรภู วา สรสฺวตี;

นินฺนคา วาจิรวตี, มหี วาปิ มหานที.

‘‘สกฺกุณนฺติ วิโสเธตุํ, ตํ มลํ อิธ ปาณินํ;

วิโสธยติ สตฺตานํ, ยํ เว สีลชลํ มลํ.

‘‘น ตํ สชลทา วาตา, น จาปิ หริจนฺทนํ;

เนว หารา น มณโย, น จนฺทกิรณงฺกุรา.

‘‘สมยนฺตีธ สตฺตานํ, ปริฬาหํ สุรกฺขิตํ;

ยํ สเมติ อิทํ อริยํ, สีลํ อจฺจนฺตสีตลํ.

‘‘อตฺตานุวาทาทิภยํ, วิทฺธํสยติ สพฺพทา;

ชเนติ กิตฺติหาสฺจ, สีลํ สีลวโต สทา.

‘‘สคฺคาโรหณโสปานํ, อฺํ สีลสมํ กุโต;

ทฺวารํ วา ปน นิพฺพาน, นครสฺส ปเวสเน.

‘‘คุณานํ มูลภูตสฺส, โทสานํ พลฆาติโน;

อิติ สีลสฺส ชานาถ, อานิสํสมนุตฺตร’’นฺติ. (วิสุทฺธิ. ๑.๙);

เอวํ ภควา สีลานิสํสํ ทสฺเสตฺวา – ‘‘อิทํ ปน สีลํ นิสฺสาย อยํ สคฺโค ลภตี’’ติ ทสฺสนตฺถํ ตทนนฺตรํ สคฺคกถํ กเถสิ. อยํ สคฺโค นาม อิฏฺโ กนฺโต มนาโป เอกนฺตสุโข นิจฺจเมตฺถ กีฬา นิจฺจํ สมฺปตฺติโย ลภนฺติ. จาตุมหาราชิกา เทวา นวุติวสฺสสตสหสฺสานิ ทิพฺพสุขํ ทิพฺพสมฺปตฺตึ ปฏิลภนฺติ. ตาวตึสา ติสฺโส วสฺสโกฏิโย สฏฺิ จ วสฺสสตสหสฺสานีติ เอวมาทิสคฺคคุณปฏิสํยุตฺตกถํ กเถสิ. เอวํ สคฺคกถาย ปโลเภตฺวา ปุน – ‘‘อยมฺปิ สคฺโค อนิจฺโจ อธุโว น ตตฺถ ฉนฺทราโค กาตพฺโพ’’ติ กามานํ อาทีนวํ โอการํ สํกิเลสํ เนกฺขมฺเม อานิสํสฺจ ปกาเสตฺวา อมตปริโยสานํ ธมฺมกถํ กเถสิ. เอวํ ตสฺส มหาชนสฺส ธมฺมํ เทเสตฺวา เอกจฺเจ สรเณสุ จ เอกจฺเจ ปฺจสีเลสุ จ เอกจฺเจ โสตาปตฺติผเล จ เอกจฺเจ สกทาคามิผเล เอกจฺเจ อนาคามิผเล เอกจฺเจ จตูสุปิ ผเลสุ เอกจฺเจ ตีสุ วิชฺชาสุ เอกจฺเจ ฉสุ อภิฺาสุ เอกจฺเจ อฏฺสุ สมาปตฺตีสุ ปติฏฺาเปตฺวา อุฏฺายาสนา รมฺมนครโต นิกฺขมิตฺวา สุทสฺสนมหาวิหารเมว ปาวิสิ. เตน วุตฺตํ –

.

‘‘ตทา เต โภชยิตฺวาน, สสงฺฆํ โลกนายกํ;

อุปคจฺฉุํ สรณํ ตสฺส, ทีปงฺกรสฺส สตฺถุโน.

.

‘‘สรณาคมเน กฺจิ, นิเวเสติ ตถาคโต;

กฺจิ ปฺจสุ สีเลสุ, สีเล ทสวิเธ ปรํ.

.

‘‘กสฺสจิ เทติ สามฺํ, จตุโร ผลมุตฺตเม;

กสฺสจิ อสเม ธมฺเม, เทติ โส ปฏิสมฺภิทา.

.

‘‘กสฺสจิ วรสมาปตฺติโย, อฏฺ เทติ นราสโภ;

ติสฺโส กสฺสจิ วิชฺชาโย, ฉฬภิฺา ปเวจฺฉติ.

.

‘‘เตน โยเคน ชนกายํ, โอวทติ มหามุนิ;

เตน วิตฺถาริกํ อาสิ, โลกนาถสฺส สาสนํ.

.

‘‘มหาหนุสภกฺขนฺโธ, ทีปงฺกรสนามโก;

พหู ชเน ตารยติ, ปริโมเจติ ทุคฺคตึ.

.

‘‘โพธเนยฺยํ ชนํ ทิสฺวา, สตสหสฺเสปิ โยชเน;

ขเณน อุปคนฺตฺวาน, โพเธติ ตํ มหามุนี’’ติ.

ตตฺถ เตติ รมฺมนครวาสิโน อุปาสกา. สรณนฺติ เอตฺถ สรณํ สรณคมนํ สรณสฺส คนฺตา จ เวทิตพฺพา. สรติ หึสติ วินาเสตีติ สรณํ, กึ ตํ? รตนตฺตยํ. ตํ ปน สรณคตานํ เตเนว สรณคมเนน ภยํ สนฺตาสํ ทุกฺขํ ทุคฺคตึ ปริกฺกิเลสํ หนติ หึสติ วินาเสตีติ สรณนฺติ วุจฺจตีติ. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘เย เกจิ พุทฺธํ สรณํ คตาเส, น เต คมิสฺสนฺติ อปายภูมึ;

ปหาย มานุสํ เทหํ, เทวกายํ ปริปูเรสฺสนฺติ. (ที. นิ. ๒.๓๓๒; สํ. นิ. ๑.๓๗);

‘‘เย เกจิ ธมฺมํ สรณํ คตาเส, น เต คมิสฺสนฺติ อปายภูมึ;

ปหาย มานุสํ เทหํ, เทวกายํ ปริปูเรสฺสนฺติ. (ที. นิ. ๒.๓๓๒; สํ. นิ. ๑.๓๗);

‘‘เย เกจิ สงฺฆํ สรณํ คตาเส, น เต คมิสฺสนฺติ อปายภูมึ;

ปหาย มานุสํ เทหํ, เทวกายํ ปริปูเรสฺสนฺตี’’ติ. (ที. นิ. ๒.๓๓๒; สํ. นิ. ๑.๓๗);

สรณคมนํ นาม รตนตฺตยปรายนาการปฺปวตฺโต จิตฺตุปฺปาโท. สรณสฺส คนฺตา นาม ตํสมงฺคีปุคฺคโล. เอวํ ตาว สรณํ สรณคมนํ สรณสฺส คนฺตา จาติ อิทํ ตยํ เวทิตพฺพํ.

ตสฺสาติ ตํ ทีปงฺกรํ, อุปโยคตฺเถ สามิวจนํ ทฏฺพฺพํ. ‘‘อุปคจฺฉุํ สรณํ ตตฺถา’’ติปิ ปาโ. สตฺถุโนติ สตฺถารํ. สรณาคมเน กฺจีติ กฺจิ ปุคฺคลํ สรณคมเน นิเวเสตีติ อตฺโถ. กิฺจาปิ ปจฺจุปฺปนฺนวเสน วุตฺตํ, อตีตกาลวเสน ปน อตฺโถ คเหตพฺโพ. เอส นโย เสเสสุปิ. ‘‘กสฺสจิ สรณาคมเน’’ติปิ ปาโ, ตสฺสปิ โสเยวตฺโถ. กฺจิ ปฺจสุ สีเลสูติ กฺจิ ปุคฺคลํ ปฺจสุ วิรติสีเลสุ นิเวเสสีติ อตฺโถ. ‘‘กสฺสจิ ปฺจสุ สีเลสู’’ติปิ ปาโ, โสเยวตฺโถ. สีเล ทสวิเธ ปรนฺติ อปรํ ปุคฺคลํ ทสวิเธ สีเล นิเวเสสีติ อตฺโถ. ‘‘กสฺสจิ กุสเล ทสา’’ติปิ ปาโ, ตสฺส กฺจิ ปุคฺคลํ ทส กุสลธมฺเม สมาทเปสีติ อตฺโถ. กสฺสจิ เทติ สามฺนฺติ เอตฺถ ปรมตฺถโต สามฺนฺติ มคฺโค วุจฺจติ. ยถาห –

‘‘กตมฺจ, ภิกฺขเว, สามฺํ? อยเมว อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค, เสยฺยถิทํ – สมฺมาทิฏฺิ…เป… สมฺมาสมาธิ. อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, สามฺ’’นฺติ (สํ. นิ. ๕.๓๖).

จตุโร ผลมุตฺตเมติ จตฺตาริ อุตฺตมานิ ผลานีติ อตฺโถ. -กาโร ปทสนฺธิกโร. ลิงฺควิปริยาเสน วุตฺตํ. ยโถปนิสฺสยํ จตฺตาโร มคฺเค จตฺตาริ จ สามฺผลานิ กสฺสจิ อทาสีติ อตฺโถ. กสฺสจิ อสเม ธมฺเมติ กสฺสจิ อสทิเส จตฺตาโร ปฏิสมฺภิทาธมฺเม อทาสิ.

กสฺสจิ วรสมาปตฺติโยติ กสฺสจิ ปน นีวรณวิคเมน ปธานภูตา อฏฺ สมาปตฺติโย อทาสิ. ติสฺโส กสฺสจิ วิชฺชาโยติ กสฺสจิ ปุคฺคลสฺส อุปนิสฺสยวเสน ทิพฺพจกฺขุาณปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณอาสวกฺขยาณานํ วเสน ติสฺโส วิชฺชาโย. ฉฬภิฺา ปเวจฺฉตีติ ฉ อภิฺาโย กสฺสจิ อทาสิ.

เตน โยเคนาติ เตน นเยน เตนานุกฺกเมน จ. ชนกายนฺติ ชนสมูหํ. โอวทตีติ โอวทิ. กาลวิปริยาเสน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. อิโต อุปริปิ อีทิเสสุ วจเนสุ อตีตกาลวเสเนว อตฺโถ คเหตพฺโพ. เตน วิตฺถาริกํ อาสีติ เตน ทีปงฺกรสฺส ภควโต โอวาเทน อนุสาสนิยา วิตฺถาริกํ วิตฺถตํ วิสาลีภูตํ สาสนํ อโหสิ.

มหาหนูติ มหาปุริสานํ กิร ทฺเวปิ หนูนิ ปริปุณฺณานิ ทฺวาทสิยา ปกฺขสฺส จนฺทสทิสาการานิ โหนฺตีติ มหนฺตานิ หนูนิ ยสฺส โส มหาหนุ, สีหหนูติ วุตฺตํ โหติ. อุสภกฺขนฺโธติ อุสภสฺเสว ขนฺโธ ยสฺส ภวติ, โส อุสภกฺขนฺโธ. สุวฏฺฏิตสุวณฺณาลิงฺคสทิสรุจิรกฺขนฺโธ สมวฏฺฏจารุกฺขนฺโธติ อตฺโถ. ทีปงฺกรสนามโกติ ทีปงฺกรสนาโม. พหู ชเน ตารยตีติ พหู พุทฺธเวเนยฺเย ชเน ตาเรสิ. ปริโมเจตีติ ปริโมเจสิ. ทุคฺคตินฺติ ทุคฺคติโต. นิสฺสกฺกตฺเถ อุปโยควจนํ.

อิทานิ ตารณปริโมจนกรณาการทสฺสนตฺถํ ‘‘โพธเนยฺยํ ชน’’นฺติ คาถา วุตฺตา. ตตฺถ โพธเนยฺยํ ชนนฺติ โพธเนยฺยํ ปชํ, อยเมว วา ปาโ. ทิสฺวาติ พุทฺธจกฺขุนา วา สมนฺตจกฺขุนา วา ทิสฺวา. สตสหสฺเสปิ โยชเนติ อเนกสตสหสฺเสปิ โยชเน ิตํ. อิทํ ปน ทสสหสฺสิยํเยว สนฺธาย วุตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.

ทีปงฺกโร กิร สตฺถา พุทฺธตฺตํ ปตฺวา โพธิมูเล สตฺตสตฺตาหํ วีตินาเมตฺวา อฏฺเม สตฺตาเห มหาพฺรหฺมุโน ธมฺมชฺเฌสนํ ปฏิฺาย สุนนฺทาราเม ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตตฺวา โกฏิสตํ เทวมนุสฺสานํ ธมฺมามตํ ปาเยสิ. อยํ ปโม อภิสมโย อโหสิ.

อถ สตฺถา อตฺตโน ปุตฺตสฺส สมวฏฺฏกฺขนฺธสฺส อุสภกฺขนฺธสฺส นาม าณปริปากํ ตฺวา ตํ อตฺรชํ ปมุขํ กตฺวา ราหุโลวาทสทิสํ ธมฺมํ เทเสตฺวา เทวมนุสฺสานํ นวุติโกฏิโย ธมฺมามตํ ปาเยสิ. อยํ ทุติโย อภิสมโย อโหสิ.

ปุน ภควา อมรวตีนครทฺวาเร มหาสิรีสรุกฺขมูเล ยมกปาฏิหาริยํ กตฺวา มหาชนสฺส พนฺธนาโมกฺขํ กตฺวา เทวคณปริวุโต ทิวสกราติเรกชุติวิสรภวเน ตาวตึสภวเน ปาริจฺฉตฺตกมูเล ปรมสีตเล ปณฺฑุกมฺพลสิลาตเล นิสีทิตฺวา สพฺพเทวคณปีติสฺชนนึ อตฺตโน ชนนึ สุเมธาเทวึ ปมุขํ กตฺวา สพฺพโลกวิทิตวิสุทฺธิเทโว เทวเทโว ทีปงฺกโร ภควา สพฺพสตฺตหิตกรํ ปรมาติเรกคมฺภีรสุขุมํ พุทฺธิวิสทกรํ สตฺตปฺปกรณํ อภิธมฺมปิฏกํ เทเสตฺวา นวุติเทวโกฏิสหสฺสานํ ธมฺมามตํ ปาเยสิ. อยํ ตติโย อภิสมโย อโหสิ. เตน วุตฺตํ –

.

‘‘ปมาภิสมเย พุทฺโธ, โกฏิสตมโพธยิ;

ทุติยาภิสมเย นาโถ, นวุติโกฏิมโพธยิ.

.

‘‘ยทา จ เทวภวนมฺหิ, พุทฺโธ ธมฺมมเทสยิ;

นวุติโกฏิสหสฺสานํ, ตติยาภิสมโย อหู’’ติ.

ทีปงฺกรสฺส ปน ภควโต ตโย สาวกสนฺนิปาตา อเหสุํ. ตตฺถ สุนนฺทาราเม โกฏิสตสหสฺสานํ ปโม สนฺนิปาโต อโหสิ. เตน วุตฺตํ –

๑๐.

‘‘สนฺนิปาตา ตโย อาสุํ, ทีปงฺกรสฺส สตฺถุโน;

โกฏิสตสหสฺสานํ, ปโม อาสิ สมาคโม’’ติ.

อถาปเรน สมเยน ทสพโล จตูหิ ภิกฺขุสตสหสฺเสหิ ปริวุโต คามนิคมนครปฏิปาฏิยา มหาชนานุคฺคหํ กโรนฺโต จาริกํ จรมาโน อนุกฺกเมน เอกสฺมึ ปเทเส มหาชนกตสกฺการํ สพฺพโลกวิสฺสุตํ อมนุสฺสปริคฺคหิตํ อติภยานกํ โอลมฺพามฺพุธรปริจุมฺพิตกูฏํ วิวิธสุรภิตรุกุสุมวาสิตกูฏํ นานามิคคณวิจริตกูฏํ นารทกูฏํ นาม ปรมรมณียํ ปพฺพตํ สมฺปาปุณิ. โส กิร ปพฺพโต นารเทน นาม ยกฺเขน ปริคฺคหิโต อโหสิ. ตตฺถ ปน ตสฺส ยกฺขสฺส อนุสํวจฺฉรํ มหาชโน มนุสฺสพลึ อุปสํหรติ.

อถ ทีปงฺกโร กิร ภควา ตสฺส มหาชนสฺส อุปนิสฺสยสมฺปตฺตึ ทิสฺวา ตโต ภิกฺขุสงฺฆํ จาตุทฺทิสํ เปเสตฺวา อทุติโย อสหาโย มหากรุณาพลวสงฺคตหทโย ตฺจ ยกฺขํ วิเนตุํ ตํ นารทปพฺพตํ อภิรุหิ. อถ โส มนุสฺสภกฺโข สกหิตนิรเปกฺโข ปรวธทกฺโข ยกฺโข มกฺขํ อสหมาโน โกธปเรตมานโส ทสพลํ ภึสาเปตฺวา ปลาเปตุกาโม ตํ ปพฺพตํ จาเลสิ. โส กิร ปพฺพโต เตน จาลิยมาโน ภควโต อานุภาเวน ตสฺเสว มตฺถเก ปตมาโน วิย อโหสิ.

ตโต โส ภีโต – ‘‘หนฺท นํ อคฺคินา ฌาเปสฺสามี’’ติ มหนฺตํ อติภีมทสฺสนํ อคฺคิกฺขนฺธํ นิพฺพตฺเตสิ. โส อคฺคิกฺขนฺโธ ปฏิวาเต ขิตฺโต วิย อตฺตโนว ทุกฺขํ ชเนสิ, น ปน ภควโต จีวเร อํสุมตฺตมฺปิ ทฑฺฒุํ สมตฺโถ อโหสิ. ยกฺโข ปน ‘‘สมโณ ทฑฺโฒ, น ทฑฺโฒ’’ติ โอโลเกนฺโต ทสพลํ สรทสมยวิมลกรนิกรํ สพฺพชนรติกรํ รชนิกรมิว สีตลชลตลคตกมลกณฺณิกาย นิสินฺนํ วิย ภควนฺตํ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อโห อยํ สมโณ มหานุภาโว, ยํ ยํ อิมสฺสาหํ อนตฺถํ กโรมิ, โส โส มมูปริเยว ปตติ, อิมํ ปน สมณํ มุฺจิตฺวา อฺํ เม ปฏิสรณํ ปรายนํ นตฺถิ, ปถวิยํ อุปกฺขลิตา ปถวึเยว นิสฺสาย อุฏฺหนฺติ, หนฺทาหํ อิมํเยว สมณํ สรณํ คมิสฺสามี’’ติ.

อเถวํ ปน โส จินฺเตตฺวา ภควโต จกฺกาลงฺกตตเลสุ ปาเทสุ สิรสา นิปติตฺวา – ‘‘อจฺจโย มํ, ภนฺเต, อจฺจคมา’’ติ วตฺวา ภควนฺตํ สรณมคมาสิ. อถสฺส ภควา อนุปุพฺพิกถํ กเถสิ. โส เทสนาปริโยสาเน ทสหิ ยกฺขสหสฺเสหิ สทฺธึ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ตสฺมึ กิร ทิวเส สกลชมฺพุทีปตลวาสิโน มนุสฺสา ตสฺส พลิกมฺมตฺถํ เอเกกคามโต เอเกกํ ปุริสํ อาหรึสุ. อฺฺจ พหุติลตณฺฑุลกุลตฺถมุคฺคมาสาทึ สปฺปินวนีตเตลมธุผาณิตาทิฺจ อาหรึสุ. อถ โส ยกฺโข ตํ ทิวสํ อาภตตณฺฑุลาทิกํ สพฺพํ เตสํเยว ทตฺวา เต พลิกมฺมตฺถาย อานีตมนุสฺเส ทสพลสฺส นิยฺยาเตสิ.

อถ สตฺถา เต มนุสฺเส เอหิภิกฺขุปพฺพชฺชาย ปพฺพาเชตฺวา อนฺโตสตฺตาเหเยว สพฺเพ อรหตฺเต ปติฏฺาเปตฺวา มาฆปุณฺณมาย โกฏิสตภิกฺขุมชฺฌคโต จตุรงฺคสมนฺนาคเต สนฺนิปาเต ปาติโมกฺขมุทฺทิสิ. จตุรงฺคานิ นาม สพฺเพว เอหิภิกฺขู โหนฺติ, สพฺเพ ฉฬภิฺา โหนฺติ, สพฺเพ อนามนฺติตาว อาคตา, ปนฺนรสูโปสถทิวโส จาติ อิมานิ จตฺตาริ องฺคานิ นาม. อยํ ทุติโย สนฺนิปาโต อโหสิ. เตน วุตฺตํ –

๑๑.

‘‘ปุน นารทกูฏมฺหิ, ปวิเวกคเต ชิเน;

ขีณาสวา วีตมลา, สมึสุ สตโกฏิโย’’ติ.

ตตฺถ ปวิเวกคเตติ คณํ ปหาย คเต. สมึสูติ สนฺนิปตึสุ.

ยทา ปน ทีปงฺกโร โลกนายโก สุทสฺสนนามเก ปพฺพเต วสฺสาวาสมุปคฺฉิ, ตทา กิร ชมฺพุทีปวาสิโน มนุสฺสา อนุสํวจฺฉรํ คิรคฺคสมชฺชํ กโรนฺติ. ตสฺมึ กิร สมชฺเช สนฺนิปติตา มนุสฺสา ทสพลํ ทิสฺวา ธมฺมกถํ สุตฺวา ตตฺร ปสีทิตฺวา ปพฺพชึสุ. มหาปวารณทิวเส สตฺถา เตสํ อชฺฌาสยานุกูลํ วิปสฺสนากถํ กเถสิ. ตํ สุตฺวา เต สพฺเพ สงฺขาเร สมฺมสิตฺวา วิปสฺสนานุปุพฺเพน มคฺคานุปุพฺเพน จ อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. อถ สตฺถา นวุติโกฏิสหสฺเสหิ สทฺธึ ปวาเรสิ. อยํ ตติโย สนฺนิปาโต อโหสิ. เตน วุตฺตํ –

๑๒.

‘‘ยมฺหิ กาเล มหาวีโร, สุทสฺสนสิลุจฺจเย;

นวุติโกฏิสหสฺเสหิ, ปวาเรสิ มหามุนิ.

‘‘อหํ เตน สมเยน, ชฏิโล อุคฺคตาปโน;

อนฺตลิกฺขมฺหิ จรโณ, ปฺจาภิฺาสุ ปารคู’’ติ. (ธ. ส. อฏฺ. นิทานกถา);

อยํ คาถา อฏฺสาลินิยา ธมฺมสงฺคหฏฺกถาย นิทานวณฺณนาย ทีปงฺกรพุทฺธวํเส ลิขิตา. อิมสฺมึ ปน พุทฺธวํเส นตฺถิ. นตฺถิภาโวเยว ปนสฺสา ยุตฺตตโร. กสฺมาติ เจ? เหฏฺา สุเมธกถาสุ กถิตตฺตาติ.

ทีปงฺกเร กิร ภควติ ธมฺมํ เทเสนฺเต ทสสหสฺสานฺจ วีสติสหสฺสานฺจ ธมฺมาภิสมโย อโหสิเยว. เอกสฺส ปน ทฺวินฺนํ ติณฺณํ จตุนฺนนฺติ จ อาทิวเสน อภิสมยานํ อนฺโต นตฺถิ. ตสฺมา ทีปงฺกรสฺส ภควโต สาสนํ วิตฺถาริกํ พาหุชฺํ อโหสิ. เตน วุตฺตํ –

๑๓.

‘‘ทสวีสสหสฺสานํ, ธมฺมาภิสมโย อหุ;

เอกทฺวินฺนํ อภิสมยา, คณนาโต อสงฺขิยา’’ติ.

ตตฺถ ทสวีสสหสฺสานนฺติ ทสสหสฺสานํ วีสติสหสฺสานฺจ. ธมฺมาภิสมโยติ จตุสจฺจธมฺมปฺปฏิเวโธ. เอกทฺวินฺนนฺติ เอกสฺส เจว ทฺวินฺนฺจ, ติณฺณํ จตุนฺนํ…เป… ทสนฺนนฺติอาทินา นเยน อสงฺขฺเยยฺยาติ อตฺโถ. เอวํ อสงฺขฺเยยฺยาภิสมยตฺตา จ วิตฺถาริกํ มหนฺตปฺปตฺตํ พหูหิ ปณฺฑิเตหิ เทวมนุสฺเสหิ นิยฺยานิกนฺติ ชฺํ ชานิตพฺพํ อธิสีลสิกฺขาทีหิ อิทฺธฺจ สมาธิอาทีหิ ผีตฺจ อโหสิ. เตน วุตฺตํ –

๑๔.

‘‘วิตฺถาริกํ พาหุชฺํ, อิทฺธํ ผีตํ อหู ตทา;

ทีปงฺกรสฺส ภควโต, สาสนํ สุวิโสธิต’’นฺติ.

ตตฺถ สุวิโสธิตนฺติ สุฏฺุ ภควตา โสธิตํ วิสุทฺธํ กตํ. ทีปงฺกรํ กิร สตฺถารํ สพฺพกาลํ ฉฬภิฺานํ มหิทฺธิกานํ ภิกฺขูนํ จตฺตาริ สตสหสฺสานิ ปริวาเรนฺติ. เตน จ สมเยน เย เสกฺขา กาลกิริยํ กโรนฺติ, เต ครหิตา ภวนฺติ, สพฺเพ ขีณาสวา หุตฺวาว ปรินิพฺพายนฺตีติ อธิปฺปาโย. ตสฺมา หิ ตสฺส ภควโต สาสนํ สุปุปฺผิตํ สุสมิทฺธํ ขีณาสเวหิ ภิกฺขูหิ อติวิย โสภิตฺถ. เตน วุตฺตํ –

๑๕.

‘‘จตฺตาริ สตสหสฺสานิ, ฉฬภิฺา มหิทฺธิกา;

ทีปงฺกรํ โลกวิทุํ, ปริวาเรนฺติ สพฺพทา.

๑๖.

‘‘เย เกจิ เตน สมเยน, ชหนฺติ มานุสํ ภวํ;

อปฺปตฺตมานสา เสขา, ครหิตา ภวนฺติ เต.

๑๗.

‘‘สุปุปฺผิตํ ปาวจนํ, อรหนฺเตหิ ตาทิหิ;

ขีณาสเวหิ วิมเลหิ, อุปโสภติ สพฺพทา’’ติ.

ตตฺถ จตฺตาริ สตสหสฺสานีติ คณนาย ทสฺสิตา เอวํ ทสฺสิตคณนา อิเม ภิกฺขูติ ทสฺสนตฺถํ ‘‘ฉฬภิฺา มหิทฺธิกา’’ติ วุตฺตนฺติ เอวมตฺโถ คเหตพฺโพ. อถ วา ฉฬภิฺา มหิทฺธิกาติ ฉฬภิฺานํ มหิทฺธิกานนฺติ สามิอตฺเถ ปจฺจตฺตวจนํ ทฏฺพฺพํ. ปริวาเรนฺติ สพฺพทาติ นิจฺจกาลํ ทสพลํ ปริวาเรนฺติ, ภควนฺตํ มุฺจิตฺวา กตฺถจิ น คจฺฉนฺตีติ อธิปฺปาโย. เตน สมเยนาติ ตสฺมึ สมเย. อยํ ปน สมย-สทฺโท สมวายาทีสุ นวสุ อตฺเถสุ ทิสฺสติ. ยถาห –

‘‘สมวาเย ขเณ กาเล, สมูเห เหตุทิฏฺิสุ;

ปฏิลาเภ ปหาเน จ, ปฏิเวเธ จ ทิสฺสตี’’ติ. (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๑; ม. นิ. อฏฺ. ๑.มูลปริยายสุตฺตวณฺณนา; สํ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๑; อ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๑; ธ. ส. อฏฺ. ๑ กามาวจรกุสลปทภาชนีย; ขุ. ปา. อฏฺ. มํคลสุตฺตวณฺณนา, เอวมิจฺจาทิปาวณฺณนา; ปฏิ. ม. อฏฺ. ๒.๑.๑๘๔);

อิธ โส กาเล ทฏฺพฺโพ; ตสฺมึ กาเลติ อตฺโถ. มานุสํ ภวนฺติ มนุสฺสภาวํ. อปฺปตฺตมานสาติ อปฺปตฺตํ อนธิคตํ มานสํ เยหิ เต อปฺปตฺตมานสา. มานสนฺติ ราคสฺส จ จิตฺตสฺส จ อรหตฺตสฺส จ อธิวจนํ. ‘‘อนฺตลิกฺขจโร ปาโส, ยฺวายํ จรติ มานโส’’ติ (สํ. นิ. ๑.๑๕๑; มหาว. ๓๓) หิ เอตฺถ ปน ราโค ‘‘มานโส’’ติ วุตฺโต. ‘‘จิตฺตํ มโน มานสํ หทยํ ปณฺฑร’’นฺติ (ธ. ส. ๖; วิภ. ๑๘๔; มหานิ. ๑; จูฬนิ. ปารายนานุคีติคาถานิทฺเทส ๑๑๔) เอตฺถ จิตฺตํ. ‘‘อปฺปตฺตมานโส เสโข, กาลํ กยิรา ชเนสุตา’’ติ (สํ. นิ. ๑.๑๕๙) เอตฺถ อรหตฺตํ. อิธาปิ อรหตฺตเมว อธิปฺเปตํ (ธ. ส. อฏฺ. ๕ กามาวจรกุสลนิทฺเทสวารกถา; มหานิ. อฏฺ. ๑). ตสฺมา อปฺปตฺตอรหตฺตผลาติ อตฺโถ. เสขาติ เกนฏฺเน เสขา? เสขธมฺมปฏิลาภฏฺเน เสขา. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘กิตฺตาวตา นุ โข, ภนฺเต, เสโข โหตีติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เสขาย สมฺมาทิฏฺิยา สมนฺนาคโต โหติ…เป… เสเขน สมฺมาสมาธินา สมนฺนาคโต โหติ. เอตฺตาวตา โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เสโข โหตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๓). อปิ จ สิกฺขนฺตีติ เสขา. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘สิกฺขติ, สิกฺขตีติ โข, ภิกฺขุ, ตสฺมา เสโขติ วุจฺจติ. กิฺจ สิกฺขติ? อธิสีลมฺปิ สิกฺขติ อธิจิตฺตมฺปิ อธิปฺมฺปิ สิกฺขตีติ โข, ภิกฺขุ, ตสฺมา เสโขติ วุจฺจตี’’ติ (อ. นิ. ๓.๘๖).

สุปุปฺผิตนฺติ สุฏฺุ วิกสิตํ. ปาวจนนฺติ ปสตฺถํ วจนํ, วุทฺธิปฺปตฺตํ วา วจนํ ปวจนํ, ปวจนเมว ปาวจนํ, สาสนนฺติ อตฺโถ. อุปโสภตีติ อภิราชติ อติวิโรจติ. สพฺพทาติ สพฺพกาลํ. ‘‘อุปโสภติ สเทวเก’’ติปิ ปาโ.

ตสฺส ทีปงฺกรสฺส ภควโต รมฺมวตี นาม นครํ อโหสิ, สุเทโว นาม ขตฺติโย ปิตา, สุเมธา นาม เทวี มาตา, สุมงฺคโล จ ติสฺโส จาติ ทฺเว อคฺคสาวกา, สาคโต นาม อุปฏฺาโก, นนฺทา จ สุนนฺทา จาติ ทฺเว อคฺคสาวิกา, โพธิ ตสฺส ภควโต ปิปฺผลิรุกฺโข อโหสิ, อสีติหตฺถุพฺเพโธ, สตสหสฺสวสฺสานิ อายูติ. กึ ปนิเมสํ ชาตนคราทีนํ ทสฺสเน ปโยชนนฺติ เจ? วุจฺจเต – ยสฺส ยทิ เนว ชาตนครํ น ปิตา น มาตา ปฺาเยยฺย, อิมสฺส ปน เนว ชาตนครํ น ปิตา น มาตา ปฺายติ, เทโว วา สกฺโก วา ยกฺโข วา มาโร วา พฺรหฺมา วา เอส มฺเ, เทวานมฺปิ อีทิสํ ปาฏิหาริยํ อนจฺฉริยนฺติ มฺมานา น โสตพฺพํ น สทฺทหิตพฺพํ มฺเยฺยุํ, ตโต อภิสมโย น ภเวยฺย, อสติ อภิสมเย นิรตฺถโก พุทฺธุปฺปาโท ภเวยฺย, อนิยฺยานิกํ สาสนํ. ตสฺมา สพฺพพุทฺธานํ ชาตนคราทิโก ปริจฺเฉโท ทสฺเสตพฺโพ. เตน วุตฺตํ –

๑๘.

‘‘นครํ รมฺมวตี นาม, สุเทโว นาม ขตฺติโย;

สุเมธา นาม ชนิกา, ทีปงฺกรสฺส สตฺถุโน.

๒๔.

‘‘สุมงฺคโล จ ติสฺโส จ, อเหสุํ อคฺคสาวกา;

สาคโต นามุปฏฺาโก, ทีปงฺกรสฺส สตฺถุโน.

๒๕.

‘‘นนฺทา เจว สุนนฺทา จ, อเหสุํ อคฺคสาวิกา;

โพธิ ตสฺส ภควโต, ปิปฺผลีติ ปวุจฺจติ.

๒๗.

‘‘อสีติหตฺถมุพฺเพโธ, ทีปงฺกโร มหามุนิ;

โสภติ ทีปรุกฺโขว, สาลราชาว ผุลฺลิโต.

๒๘.

‘‘สตสหสฺสวสฺสานิ, อายุ ตสฺส มเหสิโน;

ตาวตา ติฏฺมาโน โส, ตาเรสิ ชนตํ พหุํ.

๒๙.

‘‘โชตยิตฺวาน สทฺธมฺมํ, สนฺตาเรตฺวา มหาชนํ;

ชลิตฺวา อคฺคิกฺขนฺโธว, นิพฺพุโต โส สสาวโก.

๓๐.

‘‘สา จ อิทฺธิ โส จ ยโส, ตานิ จ ปาเทสุ จกฺกรตนานิ;

สพฺพํ ตมนฺตรหิตํ, นนุ ริตฺตา สพฺพสงฺขารา’’ติ.

ตตฺถ สุเทโว นาม ขตฺติโยติ สุเทโว นามสฺส ขตฺติโย ปิตา อโหสีติ อตฺโถ. ชนิกาติ ชเนตฺติ. ปิปฺผลีติ ปิลกฺขกปีตนรุกฺโข โพธิ. อสีติหตฺถมุพฺเพโธติ อสีติหตฺถํ อุจฺจคฺคโต. ทีปรุกฺโข วาติ สมฺปชฺชลิตทีปมาลากุโล ทีปรุกฺโข วิย อาโรหปริณาหสณฺานปาริปูริสมฺปนฺโน ทฺวตฺตึสวรลกฺขณานุพฺยฺชนสมลงฺกตสรีโร วิปฺผุริตรํสิชาลาวิสรตาราคณสมุชฺชลมิว คคนตลํ ภควา ธรมานกาเล โสภตีติ โสภิตฺถ. สาลราชาว ผุลฺลิโตติ ปุปฺผิโต สพฺพผาลิผุลฺโล สาลราชรุกฺโข วิย จ สพฺพผาลิผุลฺโล โยชนสตุพฺเพโธ ปาริจฺฉตฺโต วิย จ อสีติหตฺถุพฺเพโธ ภควา อติวิย โสภติ.

สตสหสฺสวสฺสานีติ วสฺสสตสหสฺสานิ ตสฺส อายูติ อตฺโถ. ตาวตา ติฏฺมาโนติ ตาวตกํ กาลํ ติฏฺมาโน. ชนตนฺติ ชนสมูหํ. สนฺตาเรตฺวา มหาชนนฺติ ตารยิตฺวา มหาชนํ. ‘‘สนฺตาเรตฺวา สเทวก’’นฺติปิ ปาโ, ตสฺส สเทวกํ โลกนฺติ อตฺโถ. สา จ อิทฺธีติ สา จ สมฺปตฺติ อานุภาโว. โส จ ยโสติ โส จ ปริวาโร. สพฺพํ ตมนฺตรหิตนฺติ ตํ สพฺพํ วุตฺตปฺปการํ สมฺปตฺติชาตํ อนฺตรหิตํ อปคตนฺติ อตฺโถ. นนุ ริตฺตา สพฺพสงฺขาราติ สพฺเพ ปน สงฺขตธมฺมา นนุ ริตฺตา ตุจฺฉา, นิจฺจสาราทิรหิตาติ อตฺโถ.

เอตฺถ ปน นคราทิปริจฺเฉโท ปาฬิยมาคโตว. สมฺพหุลวาโร ปน นาคโต, โส อาเนตฺวา ทีเปตพฺโพ. เสยฺยถิทํ – ปุตฺตปริจฺเฉโท, ภริยาปริจฺเฉโท, ปาสาทปริจฺเฉโท, อคารวาสปริจฺเฉโท, นาฏกิตฺถิปริจฺเฉโท, อภินิกฺขมนปริจฺเฉโท, ปธานปริจฺเฉโท, วิหารปริจฺเฉโท, อุปฏฺากปริจฺเฉโทติ. เอเตสมฺปิ ทีปเน การณํ เหฏฺา วุตฺตเมว. ตสฺส ปน ทีปงฺกรสฺส ภริยานํ ติสตสหสฺสํ อโหสิ. ตสฺส อคฺคมเหสี ปทุมา นาม, ตสฺส ปน ปุตฺโต อุสภกฺขนฺโธ นาม. เตน วุตฺตํ –

‘‘ภริยา ปทุมา นาม, วิพุทฺธปทุมานนา;

อตฺรโช อุสภกฺขนฺโธ, ทีปงฺกรสฺส สตฺถุโน.

‘‘หํสา โกฺจา มยูราขฺยา, ปาสาทาปิ ตโย มตา;

ทสวสฺสสหสฺสานิ, อคารํ อวสี กิร.

‘‘หตฺถิยาเนน นิกฺขนฺโต, นนฺทาราเม ชิโน วสี;

นนฺโท นามสฺสุปฏฺาโก, โลกานนฺทกโร กิรา’’ติ.

สพฺพพุทฺธานํ ปน ปฺจ เวมตฺตานิ โหนฺติ อายุเวมตฺตํ ปมาณเวมตฺตํ กุลเวมตฺตํ ปธานเวมตฺตํ รสฺมิเวมตฺตนฺติ. ตตฺถ อายุเวมตฺตํ นาม เกจิ ทีฆายุกา โหนฺติ เกจิ อปฺปายุกา. ตถา หิ ทีปงฺกรสฺส ปน ภควโต วสฺสสตสหสฺสํ อายุปฺปมาณํ อโหสิ, อมฺหากํ ภควโต วสฺสสตํ.

ปมาณเวมตฺตํ นาม เกจิ ทีฆา โหนฺติ เกจิ รสฺสา. ตถา หิ ทีปงฺกโร อสีติหตฺถปฺปมาโณ อโหสิ, อมฺหากํ ปน ภควา อฏฺารสหตฺถปฺปมาโณ.

กุลเวมตฺตํ นาม เกจิ ขตฺติยกุเล นิพฺพตฺตนฺติ เกจิ พฺราหฺมณกุเล. ตถา หิ ทีปงฺกราทโย ขตฺติยกุเล นิพฺพตฺตึสุ, กกุสนฺธโกณาคมนาทโย พฺราหฺมณกุเล.

ปธานเวมตฺตํ นาม เกสฺจิ ปธานํ อิตฺตรเมว โหติ ยถา กสฺสปสฺส ภควโต, เกสฺจิ อทฺธนิยํ อมฺหากํ ภควโต วิย.

รสฺมิเวมตฺตํ นาม มงฺคลสฺส ภควโต สรีรสฺมิ ทสสหสฺสิโลกธาตุํ ผริตฺวา อฏฺาสิ, อมฺหากํ ภควโต พฺยามมตฺตํ. ตตฺร รสฺมิเวมตฺตํ อชฺฌาสยปฏิพทฺธํ โหติ. โย ยตฺตกํ อิจฺฉสิ, ตสฺส ตตฺตกํ สรีรปฺปภา ผรติ. มงฺคลสฺส ปน ‘‘ทสสหสฺสิโลกธาตุํ ผรตู’’ติ อชฺฌาสโย อโหสิ. ปฏิวิทฺธคุเณสุ ปน กสฺสจิ เวมตฺตํ นาม นตฺถิ (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๑๒ อาทโย).

ตถา สพฺพพุทฺธานํ จตฺตาริ อวิชหิตฏฺานานิ นาม โหนฺติ. โพธิปลฺลงฺโก อวิชหิโต เอกสฺมึเยว าเน โหติ. ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนฏฺานํ อิสิปตเน มิคทาเย อวิชหิตเมว โหติ. เทโวโรหณกาเล สงฺกสฺสนครทฺวาเร ปมปาทกฺกโม อวิชหิโตว โหติ. เชตวเน คนฺธกุฏิยา จตฺตาริ มฺจปาทฏฺานานิ อวิชหิตาเนว โหนฺติ. วิหาโรปิ อวิชหิโตว. โส ปน ขุทฺทโก วา มหนฺโต วา โหติ.

อปรํ ปน อมฺหากํเยว ภควโต สหชาตปริจฺเฉทฺจ นกฺขตฺตปริจฺเฉทฺจ วิเสสํ. อมฺหากํ สพฺพฺุโพธิสตฺเตน กิร สทฺธึ ราหุลมาตา อานนฺทตฺเถโร ฉนฺโน กณฺฑโก อสฺสราชา นิธิกุมฺภา มหาโพธิรุกฺโข กาฬุทายีติ อิมานิ สต สหชาตานิ. มหาปุริโส กิร อุตฺตราสาฬฺหนกฺขตฺเตเนว มาตุกุจฺฉึ โอกฺกมิ, มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิ, ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตสิ, ยมกปาฏิหาริยํ อกาสิ. วิสาขนกฺขตฺเตน ชาโต จ อภิสมฺพุทฺโธ จ ปรินิพฺพุโต จ, มาฆนกฺขตฺเตน ตสฺส สาวกสนฺนิปาโต เจว อายุสงฺขารโวสชฺชนฺจ อโหสิ, อสฺสยุชนกฺขตฺเตน เทโวโรหณนฺติ เอตฺตกํ อาหริตฺวา ทีเปตพฺพํ. อยํ สมฺพหุลวารปริจฺเฉโท. เสสคาถา สอุตฺตานา เอวาติ.

อิติ ภควา ทีปงฺกโร ยาวตายุกํ ตฺวา สพฺพพุทฺธกิจฺจํ กตฺวา อนุกฺกเมน อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายิ.

ยสฺมึ กิร กปฺเป ทีปงฺกรทสพโล อุทปาทิ, ตสฺมึ อฺเปิ ตณฺหงฺกโร, เมธงฺกโร, สรณงฺกโรติ ตโย พุทฺธา อเหสุํ. เตสํ สนฺติเก โพธิสตฺตสฺส พฺยากรณํ นตฺถิ. ตสฺมา เต อิธ น ทสฺสิตา. อฏฺกถายํ ปน ตมฺหา กปฺปา อาทิโต ปฏฺายุปฺปนฺนุปฺปนฺเน สพฺพพุทฺเธ ทสฺเสตุํ อิทํ วุตฺตํ –

‘‘ตณฺหงฺกโร เมธงฺกโร, อโถปิ สรณงฺกโร;

ทีปงฺกโร จ สมฺพุทฺโธ, โกณฺฑฺโ ทฺวิปทุตฺตโม.

‘‘มงฺคโล จ สุมโน จ, เรวโต โสภิโต มุนิ;

อโนมทสฺสี ปทุโม, นารโท ปทุมุตฺตโร.

‘‘สุเมโธ จ สุชาโต จ, ปิยทสฺสี มหายโส;

อตฺถทสฺสี ธมฺมทสฺสี, สิทฺธตฺโถ โลกนายโก.

‘‘ติสฺโส ผุสฺโส จ สมฺพุทฺโธ, วิปสฺสี สิขิ เวสฺสภู;

กกุสนฺโธ โกณาคมโน, กสฺสโป จาปิ นายโก.

‘‘เอเต อเหสุํ สมฺพุทฺธา, วีตราคา สมาหิตา;

สตรํสีว อุปฺปนฺนา, มหาตมวิโนทนา;

ชลิตฺวา อคฺคิกฺขนฺธาว, นิพฺพุตา เต สสาวกา’’ติ. (อป. อฏฺ. ๑.ทูเรนิทานกถา; จริยา. อฏฺ. นิทานกถา; ชา. อฏฺ. ๑.ทูเรนิทานกถา);

เอตฺตาวตา นาติสงฺเขปวิตฺถารวเสน กตาย

มธุรตฺถวิลาสินิยา พุทฺธวํส-อฏฺกถาย

ทีปงฺกรพุทฺธวํสวณฺณนา นิฏฺิตา.

นิฏฺิโต ปโม พุทฺธวํโส.

๔. โกณฺฑฺพุทฺธวํสวณฺณนา

ทีปงฺกเร กิร ภควติ ปรินิพฺพุเต ตสฺส สาสนํ วสฺสสตสหสฺสํ ปวตฺติตฺถ. อถ พุทฺธานุพุทฺธานํ สาวกานํ อนฺตรธาเนน สาสนมฺปิสฺส อนฺตรธายิ. อถสฺส อปรภาเค เอกมสงฺขฺเยยฺยมติกฺกมิตฺวา เอกสฺมึ กปฺเป โกณฺฑฺโ นาม สตฺถา อุทปาทิ. โส ปน ภควา โสฬสอสงฺขฺเยยฺยํ กปฺปานฺจ สตสหสฺสํ ปารมิโย ปูเรตฺวา โพธิาณํ ปริปาเจตฺวา เวสฺสนฺตรตฺตภาวสทิเส อตฺตภาเว ตฺวา ตโต จวิตฺวา ตุสิตปุเร นิพฺพตฺติตฺวา ตตฺถ ยาวตายุกํ ตฺวา เทวตานํ ปฏิฺํ ทตฺวา ตุสิตปุรโต จวิตฺวา รมฺมวตีนคเร สุนนฺทสฺส นาม รฺโ กุเล สุชาตาย นาม เทวิยา กุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธึ อคฺคเหสิ. ตสฺสปิ ปฏิสนฺธิกฺขเณ ทีปงฺกรพุทฺธวํเส วุตฺตปฺปการานิ ทฺวตฺตึส ปาฏิหาริยานิ นิพฺพตฺตึสุ. โส เทวตาหิ กตารกฺขสํวิธาโน ทสนฺนํ มาสานํ อจฺจเยน มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขมิตฺวา สพฺพสตฺตุตฺตโร อุตฺตราภิมุโข สตฺตปทวีติหาเรน คนฺตฺวา สพฺพา จ ทิสา วิโลเกตฺวา อาสภึ วาจํ นิจฺฉาเรสิ – ‘‘อคฺโคหมสฺมิ โลกสฺส, เชฏฺโหมสฺมิ โลกสฺส, เสฏฺโหมสฺมิ โลกสฺส, อยมนฺติมา ชาติ, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๑; ม. นิ. ๓.๒๐๗).

ตโต กุมารสฺส นามกรณทิวเส นามํ กโรนฺตา ‘‘โกณฺฑฺโ’’ติ นามมกํสุ. โส หิ ภควา โกณฺฑฺโคตฺโต อโหสิ. ตสฺส กิร ตโย ปาสาทา อเหสุํ – ราม, สุราม, สุภนามกา ปรมรมณียา. เตสุ ตีณิ สตสหสฺสานิ นาฏกิตฺถีนํ นจฺจคีตวาทิตกุสลานํ สพฺพกาลํ ปจฺจุปฏฺิตานิ อเหสุํ. ตสฺส รุจิเทวี นาม อคฺคมเหสี อโหสิ. วิชิตเสโน นามสฺส ปุตฺโต อโหสิ. โส ทสวสฺสสหสฺสานิ อคารํ อชฺฌาวสิ.

โส ปน ชิณฺณพฺยาธิมตปพฺพชิเต ทิสฺวา อาชฺรเถน นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิตฺวา ทส มาเส ปธานจริยํ จริ. โกณฺฑฺกุมารํ ปน ปพฺพชนฺตํ ทส ชนโกฏิโย อนุปพฺพชึสุ. โส เตหิ ปริวุโต ทส มาเส ปธานจริยํ จริตฺวา วิสาขปุณฺณมาย สุนนฺทคาเม สมสหิตฆนปโยธราย ยโสธราย นาม เสฏฺิธีตาย ทินฺนํ ปรมมธุรํ มธุปายาสํ ปริภุฺชิตฺวา ผลปลฺลวงฺกุรสมลงฺกเต สาลวเน ทิวาวิหารํ วีตินาเมตฺวา สายนฺหสมเย คณํ ปหาย สุนนฺทกาชีวเกน ทินฺนา อฏฺ ติณมุฏฺิโย คเหตฺวา สาลกลฺยาณิรุกฺขํ ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา ปุพฺพทิสาภาคํ โอโลเกตฺวา โพธิรุกฺขํ ปิฏฺิโต กตฺวา อฏฺปณฺณาสหตฺถวิตฺถตํ ติณสนฺถรํ สนฺถริตฺวา ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา จตุรงฺควีริยํ อธิฏฺาย มารพลํ วิธมิตฺวา รตฺติยา ปมยาเม ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณํ วิโสเธตฺวา มชฺฌิมยาเม ทิพฺพจกฺขุํ วิโสเธตฺวา ปจฺฉิมยาเม ปจฺจยาการํ สมฺมสิตฺวา อานาปานจตุตฺถชฺฌานโต วุฏฺาย ปฺจสุ ขนฺเธสุ อภินิวิสิตฺวา อุทยพฺพยวเสน สมปฺาส ลกฺขณานิ ทิสฺวา ยาว โคตฺรภุาณํ วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา จตฺตาริ มคฺคาณานิ จตฺตาริ จ ผลาณานิ จตสฺโส ปฏิสมฺภิทา จตุโยนิปริจฺเฉทกาณํ ปฺจคติปริจฺเฉทกาณํ ฉ อสาธารณาณานิ สกเล จ พุทฺธคุเณ ปฏิวิชฺฌิตฺวา ปริปุณฺณสงฺกปฺโป โพธิมูเล นิสินฺโนว –

‘‘อเนกชาติสํสารํ, สนฺธาวิสฺสํ อนิพฺพิสํ;

คหการํ คเวสนฺโต, ทุกฺขา ชาติ ปุนปฺปุนํ.

‘‘คหการก ทิฏฺโสิ, ปุน เคหํ น กาหสิ;

สพฺพา เต ผาสุกา ภคฺคา, คหกูฏํ วิสงฺขตํ;

วิสงฺขารคตํ จิตฺตํ, ตณฺหานํ ขยมชฺฌคา. (ธ. ป. ๑๕๓-๑๕๔);

‘‘อโยฆนหตสฺเสว, ชลโต ชาตเวทโส;

อนุปุพฺพูปสนฺตสฺส, ยถา น ายเต คติ.

‘‘เอวํ สมฺมา วิมุตฺตานํ, กามพนฺโธฆตารินํ;

ปฺาเปตุํ คตี นตฺถิ, ปตฺตานํ อจลํ สุข’’นฺติ. (อุทา. ๘๐) –

เอวํ อุทานํ อุทาเนตฺวา สตฺตสตฺตาหํ โพธิมูเลเยว ผลสมาปตฺติสุเขน วีตินาเมตฺวา อฏฺเม สตฺตาเห พฺรหฺมุโน อชฺเฌสนํ ปฏิจฺจ – ‘‘กสฺส นุ โข อหํ ปมํ ธมฺมํ เทเสยฺย’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๒๘๔; ๒.๓๔๑; มหาว. ๑๐) อุปธาเรนฺโต อตฺตนา สทฺธึ ปพฺพชิตา ทส ภิกฺขุโกฏิโย อทฺทส. ‘‘อิเม ปน กุลปุตฺตา สมุปจิตกุสลมูลา มํ ปพฺพชนฺตํ อนุปพฺพชิตา มยา สทฺธึ ปธานํ จริตฺวา มํ อุปฏฺหึสุ, หนฺทาหํ อิเมสํ สพฺพปมํ ธมฺมํ เทเสยฺย’’นฺติ เอวํ อุปธาเรตฺวา – ‘‘อิทานิ ปน เต กตฺถ วสนฺตี’’ติ โอโลเกนฺโต – ‘‘อิโต อฏฺารสโยชนิเก อรุนฺธวตีนคเร เทววเน วิหรนฺตี’’ติ ทิสฺวา – ‘‘เตสํ ธมฺมํ เทเสตุํ คมิสฺสามี’’ติ ปตฺตจีวรมาทาย เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส สมิฺชิตํ วา พาหํ ปสาเรยฺย, ปสาริตํ วา พาหํ สมิฺเชยฺย, เอวเมว โพธิมูเล อนฺตรหิโต เทววเน ปาตุรโหสิ.

ตสฺมิฺจ สมเย ตา ทส ภิกฺขุโกฏิโย อรุนฺธวตีนครํ อุปนิสฺสาย เทววเน วิหรนฺติ. เต ปน ภิกฺขู ทสพลํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ปสนฺนมานสา ปจฺจุคฺคนฺตฺวา, ภควโต ปตฺตจีวรํ ปฏิคฺคเหตฺวา, พุทฺธาสนํ ปฺาเปตฺวา, สตฺถุ คารวํ กตฺวา, ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา, ปริวาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. ตตฺร โกณฺฑฺโ ทสพโล มุนิคณปริวุโต พุทฺธาสเน นิสินฺโน ติทสคณปริวุโต ทสสตนยโน วิย วิมลคคนตลคโต สรทสมยรชนิกโร วิย ตาราคณปริวุโต ปุณฺณจนฺโท วิย วิโรจิตฺถ. อถ สตฺถา เตสํ สพฺพพุทฺธนิเสวิตํ อนุตฺตรํ ติปริวฏฺฏํ ทฺวาทสาการํ ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสุตฺตนฺตํ กเถตฺวา ทสภิกฺขุโกฏิปฺปมุขา สตสหสฺสเทวมนุสฺสโกฏิโย ธมฺมามตํ ปาเยสิ. เตน วุตฺตํ –

.

‘‘ทีปงฺกรสฺส อปเรน, โกณฺฑฺโ นาม นายโก;

อนนฺตเตโช อมิตยโส, อปฺปเมยฺโย ทุราสโท.

.

‘‘ธรณูปโม ขมเนน, สีเลน สาครูปโม;

สมาธินา เมรูปโม, าเณน คคนูปโม.

.

‘‘อินฺทฺริยพลโพชฺฌงฺค-มคฺคสจฺจปฺปกาสนํ;

ปกาเสสิ สทา พุทฺโธ หิตาย สพฺพปาณินํ.

.

‘‘ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตนฺเต, โกณฺฑฺเ โลกนายเก;

โกฏิสตสหสฺสานํ, ปมาภิสมโย อหู’’ติ.

ตตฺถ ทีปงฺกรสฺส อปเรนาติ ทีปงฺกรสฺส สตฺถุโน อปรภาเคติ อตฺโถ. โกณฺฑฺโ นามาติ อตฺตโน โคตฺตวเสน สมธิคตนามเธยฺโย. นายโกติ วินายโก. อนนฺตเตโชติ อตฺตโน สีลคุณาณปุฺเตเชน อนนฺตเตโช. เหฏฺโต อวีจิ อุปริ ภวคฺคํ ติริยโต อนนฺตา โลกธาตุโย เอตฺถนฺตเร เอกปุคฺคโลปิ ตสฺส มุขํ โอโลเกตฺวา าตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ. เตน วุตฺตํ ‘‘อนนฺตเตโช’’ติ. อมิตยโสติ อนนฺตปริวาโร. ตสฺส หิ ภควโต วสฺสสตสหสฺสานิ ยาว ปรินิพฺพานสมยํ เอตฺถนฺตเร ภิกฺขุปริสาย คณนปริจฺเฉโท นาม นาโหสิ. ตสฺมา ‘‘อมิตยโส’’ติ วุจฺจติ. อมิตคุณกิตฺติปิ ‘‘อมิตยโส’’ติ วุจฺจติ. อปฺปเมยฺโยติ คุณคณปริมาณวเสน นปฺปเมยฺโยติ อปฺปเมยฺโย. ยถาห –

‘‘พุทฺโธปิ พุทฺธสฺส ภเณยฺย วณฺณํ, กปฺปมฺปิ เจ อฺมภาสมาโน;

ขีเยถ กปฺโป จิรทีฆมนฺตเร, วณฺโณ น ขีเยถ ตถาคตสฺสา’’ติ. (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๓๐๔; ๓.๑๔๑; ม. นิ. อฏฺ. ๒.๔๒๕; อุทา. อฏฺ. ๕๓; จริยา. อฏฺ. นิทานกถา);

ตสฺมา อปฺปเมยฺยคุณคณตฺตา ‘‘อปฺปเมยฺโย’’ติ วุจฺจติ. ทุราสโทติ ทุรุปสงฺกมนีโย, อาสชฺช ฆฏฺเฏตฺวา อุปสงฺกมิตุมสกฺกุเณยฺยภาวโต ทุราสโท, ทุรภิภวนีโยติ อตฺโถ.

ธรณูปโมติ ธรณีสโม. ขมเนนาติ ขนฺติยา, จตุนหุตาธิกทฺวิโยชนสตสหสฺสพหลา มหาปถวี วิย ปกติวาเตน ลาภาลาภอิฏฺานิฏฺาทีหิ อกมฺปนภาวโต ‘‘ธรณูปโม’’ติ วุจฺจติ. สีเลน สาครูปโมติ สีลสํวเรน เวลานาติกฺกมนภาเวน สาครสโม. ‘‘มหาสมุทฺโท, ภิกฺขเว, ิตธมฺโม เวลํ นาติวตฺตตี’’ติ (อ. นิ. ๘.๑๙; จูฬว. ๓๘๔; มิ. ป. ๖.๒.๑๐) หิ วุตฺตํ.

สมาธินา เมรูปโมติ สมาธิปฏิปกฺขภูตธมฺมชนิตกมฺปาภาวโต เมรุนา คิริวเรน สโม, สทิโสติ อตฺโถ. เมรุคิริวโร วิย ถิรตรสรีโรติ วา. าเณน คคนูปโมติ เอตฺถ ภควโต าณสฺส อนนฺตภาเวน อนนฺตากาเสน อุปมา กตา. จตฺตาริ อนนฺตานิ วุตฺตานิ ภควตา. ยถาห –

‘‘สตฺตกาโย จ อากาโส, จกฺกวาฬา จนนฺตกา;

พุทฺธาณํ อปฺปเมยฺยํ, น สกฺกา เอเต วิชานิตุ’’นฺติ. (พุ. วํ. ๑.๖๔);

ตสฺมา อนนฺตสฺส าณสฺส อนนฺเตน อากาเสน อุปมา กตาติ.

อินฺทฺริยพลโพชฺฌงฺคมคฺคสจฺจปฺปกาสนนฺติ เอเตสํ อินฺทฺริยพลโพชฺฌงฺคมคฺคสจฺจานํ คหเณน สติปฏฺานสมฺมปฺปธานิทฺธิปาทาปิ คหิตาว โหนฺติ. ตสฺมา อินฺทฺริยาทีนํ จตุสงฺเขปานํ วเสน สตฺตตฺตึสโพธิปกฺขิยธมฺมานํ ปกาสนธมฺมํ ปกาเสสิ, เทเสสีติ อตฺโถ. หิตายาติ หิตตฺถํ. ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตนฺเตติ เทสนาาเณ ปวตฺติยมาเน.

ตโต อปรภาเค มหามงฺคลสมาคเม ทสสุ จกฺกวาฬสหสฺเสสุ เทวตาโย สุขุเม อตฺตภาเว มาเปตฺวา อิมสฺมิฺเว จกฺกวาเฬ สนฺนิปตึสุ. ตตฺถ กิร อฺตโร เทวปุตฺโต โกณฺฑฺทสพลํ มงฺคลปฺหํ ปุจฺฉิ. ตสฺส ภควา มงฺคลานิ กเถสิ. ตตฺถ นวุติโกฏิสหสฺสานิ อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. โสตาปนฺนาทีนํ คณนปริจฺเฉโท นาม นาโหสิ. เตน วุตฺตํ –

.

‘‘ตโต ปรมฺปิ เทเสนฺเต, นรมรูนํ สมาคเม;

นวุติโกฏิสหสฺสานํ, ทุติยาภิสมโย อหู’’ติ.

ตตฺถ ตโต ปรมฺปีติ ตโต อปรภาเคปิ. เทเสนฺเตติ ภควติ ธมฺมํ เทเสนฺเต. นรมรูนนฺติ นรานฺเจว อมรานฺจ, ยทา ปน ภควา คคนตเล ติตฺถิยมานมทฺทนํ ยมกปาฏิหาริยํ กโรนฺโต ธมฺมํ เทเสสิ ตทา อสีติโกฏิสหสฺสานิ อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. ตีสุ ผเลสุ ปติฏฺิตา คณนปถํ วีติวตฺตา. เตน วุตฺตํ –

.

‘‘ติตฺถิเย อภิมทฺทนฺโต, ยทา ธมฺมมเทสยิ;

อสีติโกฏิสหสฺสานํ, ตติยาภิสมโย อหู’’ติ.

ตตฺถ ตทา-สทฺทํ อาเนตฺวา อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ยทา ภควา ธมฺมํ เทเสสิ, ตทา อสีติโกฏิสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อหูติ.

โกณฺฑฺโ กิร สตฺถา อภิสมฺโพธึ ปตฺวา ปมวสฺสํ จนฺทวตีนครํ อุปนิสฺสาย จนฺทาราเม วิหาสิ. ตตฺถ สุจินฺธรสฺส นาม พฺราหฺมณมหาสาลสฺส ปุตฺโต ภทฺทมาณโว นาม ยโสธรพฺราหฺมณสฺส ปุตฺโต สุภทฺทมาณโว จ โกณฺฑฺสฺส พุทฺธสฺส สมฺมุขา ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปสนฺนมานสา ทสหิ มาณวกสหสฺเสหิ สทฺธึ ตสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณึสุ.

อถ โกณฺฑฺโ สตฺถา เชฏฺมาสปุณฺณมาย สุภทฺทตฺเถรปฺปมุเขน โกฏิสตสหสฺเสน ปริวุโต ปาติโมกฺขมุทฺทิสิ, โส ปโม สนฺนิปาโต อโหสิ. ตโต อปรภาเค โกณฺฑฺสตฺถุโน ปุตฺเต วิชิตเสเน นาม อรหตฺตํ ปตฺเต ตํปมุขสฺส โกฏิสหสฺสสฺส มชฺเฌ ภควา ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิ, โส ทุติโย สนฺนิปาโต อโหสิ. อถาปเรน สมเยน ทสพโล ชนปทจาริกํ จรนฺโต อุเทนราชานํ นาม นวุติโกฏิชนปริวารํ ปพฺพาเชสิ สทฺธึ ตาย ปริสาย. ตสฺมึ ปน อรหตฺตํ ปตฺเต ตํปมุเขหิ นวุติยา อรหนฺตโกฏีหิ ภควา ปริวุโต ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิ, โส ตติโย สนฺนิปาโต อโหสิ. เตน วุตฺตํ –

.

‘‘สนฺนิปาตา ตโย อาสุํ, โกณฺฑฺสฺส มเหสิโน;

ขีณาสวานํ วิมลานํ, สนฺตจิตฺตาน ตาทินํ.

.

‘‘โกฏิสตสหสฺสานํ, ปโม อาสิ สมาคโม;

ทุติโย โกฏิสหสฺสานํ, ตติโย นวุติโกฏิน’’นฺติ.

ตทา กิร อมฺหากํ โพธิสตฺโต วิชิตาวี นาม จกฺกวตฺตี หุตฺวา จนฺทวตีนคเร ปฏิวสติ. โส กิร อเนกนรวรปริวุโต สลิลนิธินิวสนํ สเมรุยุคนฺธรํ อปริมิตวสุธรํ วสุนฺธรํ อทณฺเฑน อสตฺเถน ธมฺเมน ปริปาเลติ. อถ โกณฺฑฺโ พุทฺโธปิ โกฏิสตสหสฺสขีณาสวปริวุโต ชนปทจาริกํ จรมาโน อนุปุพฺเพน จนฺทวตีนครํ สมฺปาปุณิ.

โส วิชิตาวี กิร ราชา – ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ กิร อมฺหากํ นครํ อนุปฺปตฺโต’’ติ สุตฺวา ปจฺจุคฺคนฺตฺวา ภควโต วสนฏฺานํ สํวิทหิตฺวา สฺวาตนาย สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆน นิมนฺเตตฺวา ปุนทิวเส ภตฺตวิธึ สุฏฺุ ปฏิยาเทตฺวา โกฏิสตสหสฺสสงฺขสฺส พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ อทาสิ. โพธิสตฺโต ภควนฺตํ โภเชตฺวา อนุโมทนาวสาเน – ‘‘ภนฺเต, เตมาสํ มหาชนสงฺคหํ กโรนฺโต อิเธว วสถา’’ติ ยาจิตฺวา ตโย มาเส นิรนฺตรํ พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส อสทิสมหาทานํ อทาสิ.

อถ สตฺถา โพธิสตฺตํ – ‘‘อนาคเต โคตโม นาม พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากริตฺวา ธมฺมมสฺส เทเสสิ. โส สตฺถุ ธมฺมกถํ สุตฺวา รชฺชํ นิยฺยาเตตฺวา ปพฺพชิตฺวา ตีณิ ปิฏกานิ อุคฺคเหตฺวา อฏฺ สมาปตฺติโย ปฺจ จ อภิฺาโย อุปฺปาเทตฺวา อปริหีนชฺฌาโน พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺติ. เตน วุตฺตํ –

.

‘‘อหํ เตน สมเยน, วิชิตาวี นาม ขตฺติโย;

สมุทฺทํ อนฺตมนฺเตน, อิสฺสริยํ วตฺตยามหํ.

๑๐.

‘‘โกฏิสตสหสฺสานํ, วิมลานํ มเหสินํ;

สห โลกคฺคนาเถน, ปรมนฺเนน ตปฺปยึ.

๑๑.

‘‘โสปิ มํ พุทฺโธ พฺยากาสิ, โกณฺฑฺโ โลกนายโก;

อปริเมยฺยิโต กปฺเป, พุทฺโธ โลเก ภวิสฺสติ.

๑๒.

‘‘ปธานํ ปทหิตฺวาน, กตฺวา ทุกฺกรการิกํ;

อสฺสตฺถมูเล สมฺพุทฺโธ, พุชฺฌิสฺสติ มหายโส.

๑๓.

‘‘อิมสฺส ชนิกา มาตา, มายา นาม ภวิสฺสติ;

ปิตา สุทฺโธทโน นาม, อยํ เหสฺสติ โคตโม.

๑๔.

‘‘โกลิโต อุปติสฺโส จ, อคฺคา เหสฺสนฺติ สาวกา;

อานนฺโท นามุปฏฺาโก, อุปฏฺิสฺสติ ตํ ชินํ.

๑๕.

‘‘เขมา อุปฺปลวณฺณา จ, อคฺคา เหสฺสนฺติ สาวิกา;

โพธิ ตสฺส ภควโต, อสฺสตฺโถติ ปวุจฺจติ.

๑๖.

‘‘จิตฺโต จ หตฺถาฬวโก, อคฺคา เหสฺสนฺตุปฏฺกา;

นนฺทมาตา จ อุตฺตรา, อคฺคา เหสฺสนฺตุปฏฺิกา;

อายุ วสฺสสตํ ตสฺส, โคตมสฺส ยสสฺสิโน.

๑๗.

‘‘อิทํ สุตฺวาน วจนํ, อสมสฺส มเหสิโน;

อาโมทิตา นรมรู, พุทฺธพีชํ กิร อยํ.

๑๘.

‘‘อุกฺกุฏฺิสทฺทา วตฺตนฺติ, อปฺโผเฏนฺติ หสนฺติ จ;

กตฺชลี นมสฺสนฺติ, ทสสหสฺสิเทวตา.

๑๙.

‘‘ยทิมสฺส โลกนาถสฺส, วิรชฺฌิสฺสาม สาสนํ;

อนาคตมฺหิ อทฺธาเน, เหสฺสาม สมฺมุขา อิมํ.

๒๐.

‘‘ยถา มนุสฺสา นทึ ตรนฺตา, ปฏิติตฺถํ วิรชฺฌิย;

เหฏฺาติตฺเถ คเหตฺวาน, อุตฺตรนฺติ มหานทึ.

๒๑.

‘‘เอวเมว มยํ สพฺเพ, ยทิ มุฺจามิมํ ชินํ;

อนาคตมฺหิ อทฺธาเน, เหสฺสาม สมฺมุขา อิมํ.

๒๒.

‘‘ตสฺสาหํ วจนํ สุตฺวา, ภิยฺโย จิตฺตํ ปสาทยึ;

ตเมว อตฺถํ สาเธนฺโต, มหารชฺชํ ชิเน อทํ;

มหารชฺชํ ททิตฺวาน, ปพฺพชึ ตสฺส สนฺติเก.

๒๓.

‘‘สุตฺตนฺตํ วินยํ จาปิ, นวงฺคํ สตฺถุสาสนํ;

สพฺพํ ปริยาปุณิตฺวาน, โสภยึ ชินสาสนํ.

๒๔.

‘‘ตตฺถปฺปมตฺโต วิหรนฺโต, นิสชฺชฏฺานจงฺกเม;

อภิฺาปารมึ คนฺตฺวา, พฺรหฺมโลกมคฺฉห’’นฺติ.

ตตฺถ อหํ เตน สมเยนาติ อหํ ตสฺมึ สมเย. วิชิตาวี นามาติ เอวํนามโก จกฺกวตฺติราชา อโหสึ. สมุทฺทํ อนฺตมนฺเตนาติ เอตฺถ จกฺกวาฬปพฺพตํ สีมํ มริยาทํ กตฺวา ิตํ สมุทฺทํ อนฺตํ กตฺวา อิสฺสริยํ วตฺตยามีติ อตฺโถ. เอตฺตาวตา น ปากฏํ โหติ.

ราชา กิร จกฺกวตฺตี จกฺกรตนานุภาเวน วามปสฺเสน สิเนรุํ กตฺวา สมุทฺทสฺส อุปริภาเคน อฏฺโยชนสหสฺสปฺปมาณํ ปุพฺพวิเทหํ คจฺฉติ. ตตฺถ ราชา จกฺกวตฺตี – ‘‘ปาโณ น หนฺตพฺโพ, อทินฺนํ นาทาตพฺพํ, กาเมสุมิจฺฉา น จริตพฺพา, มุสา น ภาสิตพฺพา, มชฺชํ น ปาตพฺพํ, ยถาภุตฺตฺจ ภุฺชถา’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๔๔; ๓.๘๕; ม. นิ. ๓.๒๕๗) โอวาทํ เทติ. เอวํ โอวาเท ทินฺเน ตํ จกฺกรตนํ เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ปุรตฺถิมํ สมุทฺทํ อชฺโฌคาหติ. ยถา ยถา จ ตํ อชฺโฌคาหติ, ตถา ตถา สํขิตฺตอูมิวิปฺผารํ หุตฺวา โอคจฺฉมานํ มหาสมุทฺทสลิลํ โยชนมตฺตํ โอคฺคนฺตฺวา อนฺโตสมุทฺทํ อุโภสุ ปสฺเสสุ เวฬุริยมณิภิตฺติ วิย ปรมทสฺสนียํ หุตฺวา ติฏฺติ, เอวํ ปุรตฺถิมสาครปริยนฺตํ คนฺตฺวา ตํ จกฺกรตนํ ปฏินิวตฺตติ. ปฏินิวตฺตมาเน จ ตสฺมึ สา ปริสา อคฺคโต โหติ, มชฺเฌ ราชา จกฺกวตฺตี อนฺเต จกฺกรตนํ โหติ. ตมฺปิ ชลํ ชลนฺเตน วิโยคํ อสหมานมิว เนมิมณฺฑลปริยนฺตํ อภิหนนฺตเมว ตีรมุปคจฺฉติ.

เอวํ ราชา จกฺกวตฺตี ปุรตฺถิมสมุทฺทปริยนฺตํ ปุพฺพวิเทหํ อภิวิชินิตฺวา ทกฺขิณสมุทฺทปริยนฺตํ ชมฺพุทีปํ วิเชตุกาโม จกฺกรตนเทสิเตน มคฺเคน ทกฺขิณสมุทฺทาภิมุโข คจฺฉติ. ตํ ทสสหสฺสโยชนปฺปมาณํ ชมฺพุทีปํ อภิวิชินิตฺวา ทกฺขิณสมุทฺทโต ปจฺจุตฺตริตฺวา สตฺตโยชนสหสฺสปฺปมาณํ อปรโคยานํ วิเชตุํ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว คนฺตฺวา ตมฺปิ สาครปริยนฺตํ อภิวิชินิตฺวา ปจฺฉิมสมุทฺทโตปิ อุตฺตริตฺวา อฏฺโยชนสหสฺสปฺปมาณํ อุตฺตรกุรุํ วิเชตุํ ตเถว คนฺตฺวา ตํ สมุทฺทปริยนฺตํ กตฺวา ตเถว อภิวิชิย อุตฺตรสมุทฺทโตปิ ปจฺจุตฺตรติ. เอตฺตาวตา รฺา จกฺกวตฺตินา สาครปริยนฺตาย ปถวิยา อิสฺสริยํ อธิคตํ โหติ. เตน วุตฺตํ สมุทฺทํ อนฺตมนฺเตน, อิสฺสริยํ วตฺตยามห’’นฺติ.

โกฏิสตสหสฺสานนฺติ โกฏิสตสหสฺสานิ. อยเมว วา ปาโ. วิมลานนฺติ ขีณาสวานํ. สห โลกคฺคนาเถนาติ สทฺธึ ทสพเลน โกฏิสตสหสฺสานนฺติ อตฺโถ. ปรมนฺเนนาติ ปณีเตน อนฺเนน. ตปฺปยินฺติ ตปฺเปสึ. อปริเมยฺยิโต กปฺเปติ อิโต ปฏฺาย สตสหสฺสกปฺปาธิกานิ ตีณิ อสงฺขฺเยยฺยานิ อติกฺกมิตฺวา เอกสฺมึ ภทฺทกปฺเปติ อตฺโถ.

ปธานนฺติ วีริยํ. ตเมว อตฺถํ สาเธนฺโตติ ตเมว พุทฺธการกมตฺถํ ทานปารมึ ปูเรนฺโต สาเธนฺโต นิปฺผาเทนฺโตติ อตฺโถ. มหารชฺชนฺติ จกฺกวตฺติรชฺชํ. ชิเนติ ภควติ, สมฺปทานตฺเถ วา ภุมฺมํ ทฏฺพฺพํ. อทนฺติ อทาสึ. เอวมตฺถํ สาเธนฺโตติ อิมินา สมฺพนฺโธ ทฏฺพฺโพ. ‘‘มหารชฺชํ ชิเน ททิ’’นฺติ ปนฺติ เกจิ. ททิตฺวานาติ จชิตฺวา. สุตฺตนฺตนฺติ สุตฺตนฺตปิฏกํ. วินยนฺติ วินยปิฏกํ. นวงฺคนฺติ สุตฺตเคยฺยาทินวงฺคํ. โสภยึ ชินสาสนนฺติ อาคมาธิคเมหิ โลกิเยหิ สมลงฺกรึ. ตตฺถาติ ตสฺส ภควโต สาสเน. อปฺปมตฺโตติ สติสมฺปนฺโน. พฺรหฺมโลกมคฺฉหนฺติ พฺรหฺมโลกํ อคฺฉึ อหํ.

อิมสฺส ปน โกณฺฑฺพุทฺธสฺส รมฺมวตี นาม นครํ อโหสิ, สุนนฺโท นาม ราชา ปิตา, สุชาตา นาม เทวี มาตา, ภทฺโท จ สุภทฺโท จ ทฺเว อคฺคสาวกา, อนุรุทฺโธ นามุปฏฺาโก, ติสฺสา จ อุปติสฺสา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, สาลกลฺยาณิรุกฺโข โพธิ, อฏฺาสีติหตฺถุพฺเพธํ สรีรํ, วสฺสสตสหสฺสานิ อายุปฺปมาณํ อโหสิ, ตสฺส รุจิเทวี นาม อคฺคมเหสี อโหสิ, วิชิตเสโน นามสฺส ปุตฺโต, จนฺโท นามุปฏฺาโก ราชา. จนฺทาราเม กิร วสีติ. เตน วุตฺตํ –

๒๕.

‘‘นครํ รมฺมวตี นาม, สุนนฺโท นาม ขตฺติโย;

สุชาตา นาม ชนิกา, โกณฺฑฺสฺส มเหสิโน.

๓๐.

‘‘ภทฺโท เจว สุภทฺโท จ, อเหสุํ อคฺคสาวกา;

อนุรุทฺโธ นามุปฏฺาโก, โกณฺฑฺสฺส มเหสิโน.

๓๑.

‘‘ติสฺสา จ อุปติสฺสา จ, อเหสุํ อคฺคสาวิกา;

สาลกลฺยาณิโก โพธิ, โกณฺฑฺสฺส มเหสิโน.

๓๓.

‘‘โส อฏฺาสีติ หตฺถานิ, อจฺจุคฺคโต มหามุนิ;

โสภเต อุฬุราชาว, สูริโย มชฺฌนฺหิเก ยถา.

๓๔.

‘‘วสฺสสตสหสฺสานิ, อายุ วิชฺชติ ตาวเท;

ตาวตา ติฏฺมาโน โส, ตาเรสิ ชนตํ พหุํ.

๓๕.

‘‘ขีณาสเวหิ วิมเลหิ, วิจิตฺตา อาสิ เมทนี;

ยถา หิ คคนมุฬูภิ, เอวํ โส อุปโสภถ.

๓๖.

‘‘เตปิ นาคา อปฺปเมยฺยา, อสงฺโขภา ทุราสทา;

วิชฺชุปาตํว ทสฺเสตฺวา, นิพฺพุตา เต มหายสา.

๓๗.

‘‘สา จ อตุลิยา ชินสฺส อิทฺธิ, าณปริภาวิโต จ สมาธิ;

สพฺพํ ตมนฺตรหิตํ, นนุ ริตฺตา สพฺพสงฺขารา’’ติ.

ตตฺถ สาลกลฺยาณิโกติ สาลกลฺยาณิรุกฺโข, โส พุทฺธกาเล เจว จกฺกวตฺติกาเล จ นิพฺพตฺตติ, นาฺทา. โส เอกาเหเนว อุฏฺาติ กิร. ขีณาสเวหิ วิมเลหิ, วิจิตฺตา อาสิ เมทนีติ อยํ เมทนี ขีณาสเวหิ เอกกาสาวปชฺโชตา วิจิตฺตา ปรมทสฺสนียา อโหสิ. ยถา หีติ โอปมฺมตฺเถ นิปาโต. อุฬูภีติ นกฺขตฺเตหิ, ตาราคเณหิ คคนตลํ วิย ขีณาสเวหิ วิจิตฺตา อยํ เมทนี โสภิตฺถาติ อตฺโถ.

อสงฺโขภาติ อฏฺหิ โลกธมฺเมหิ อกฺโขภา อวิการา. วิชฺชุปาตํว ทสฺเสตฺวาติ วิชฺชุปาตํ วิย ทสฺสยิตฺวา, ‘‘วิชฺชุปฺปาตํวา’’ติปิ ปาโ. โกณฺฑฺพุทฺธสฺส กิร กาเล ปรินิพฺพายมานา ภิกฺขู สตฺตตาลปฺปมาณมากาสมพฺภุคฺคนฺตฺวา อสิตชลธรวิวรคตา วิชฺชุลตา วิย สมนฺตโต วิชฺโชตมานา เตโชธาตุํ สมาปชฺชิตฺวา นิรุปาทานา ทหนา วิย ปรินิพฺพายึสุ. เตน วุตฺตํ ‘‘วิชฺชุปาตํว ทสฺเสตฺวา’’ติ. อตุลิยาติ อตุลฺยา อสทิสา. าณปริภาวิโตติ าเณน วฑฺฒิโต. เสสคาถา เหฏฺา วุตฺตนยตฺตา อุตฺตานา เอวาติ.

‘‘โกณฺฑฺโ นาม สมฺพุทฺโธ, จนฺทาราเม มโนรเม;

นิพฺพายิ เจติโย ตสฺส, สตฺตโยชนิโก กโต.

‘‘น เหว ธาตุโย ตสฺส, สตฺถุโน, วิกิรึสุ ตา;

ิตา เอกฆนา หุตฺวา, สุวณฺณปฏิมา วิย’’.

สกลชมฺพุทีปวาสิโน มนุสฺสา สมาคนฺตฺวา สตฺตโยชนิกํ สตฺตรตนมยํ หริตาลมโนสิลาย มตฺติกากิจฺจํ เตลสปฺปีหิ อุทกกิจฺจํ กตฺวา นิฏฺาเปสุนฺติ.

โกณฺฑฺพุทฺธวํสวณฺณนา นิฏฺิตา.

นิฏฺิโต ทุติโย พุทฺธวํโส.

๕. มงฺคลพุทฺธวํสวณฺณนา

โกณฺฑฺเ กิร สตฺถริ ปรินิพฺพุเต ตสฺส สาสนํ วสฺสสตสหสฺสํ ปวตฺติตฺถ. พุทฺธานุพุทฺธานํ สาวกานํ อนฺตรธาเนน สาสนมสฺส อนฺตรธายิ. โกณฺฑฺสฺส ปน อปรภาเค เอกมสงฺขฺเยยฺยมติกฺกมิตฺวา เอกสฺมึเยว กปฺเป จตฺตาโร พุทฺธา นิพฺพตฺตึสุ มงฺคโล, สุมโน, เรวโต, โสภิโตติ. ตตฺถ มงฺคโล ปน โลกนายโก กปฺปสตสหสฺสาธิกานิ โสฬส อสงฺขฺเยยฺยานิ ปารมิโย ปูเรตฺวา ตุสิตปุเร นิพฺพตฺติตฺวา ตตฺถ ยาวตายุกํ ตฺวา ปฺจสุ ปุพฺพนิมิตฺเตสุ อุปฺปนฺเนสุ พุทฺธโกลาหลํ นาม อุทปาทิ, ตทา ทสสหสฺสจกฺกวาเฬ เทวตาโย เอกสฺมึ จกฺกวาเฬ สนฺนิปติตฺวา อายาจนฺติ –

‘‘กาโล โข เต มหาวีร, อุปฺปชฺช มาตุกุจฺฉิยํ;

สเทวกํ ตารยนฺโต, พุชฺฌสฺสุ อมตํ ปท’’นฺติ. (พุ. วํ. ๑.๖๗);

เอวํ เทเวหิ อายาจิโต กตปฺจวิโลกโน ตุสิตา กายา จวิตฺวา สพฺพนครุตฺตเม อุตฺตรนคเร อนุตฺตรสฺส อุตฺตรสฺส นาม รฺโ กุเล อุตฺตราย นาม เทวิยา กุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. ตทา อเนกานิ ปาฏิหาริยานิ ปาตุรหุํ. ตานิ ทีปงฺกรพุทฺธวํเส วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพานิ. ตสฺสา อุตฺตราย กิร มหาเทวิยา กุจฺฉิสฺมึ สพฺพโลกมงฺคลสฺส มงฺคลสฺส มหาสตฺตสฺส ปฏิสนฺธิคฺคหณโต ปฏฺาย สรีรปฺปภา รตฺตินฺทิวํ อสีติหตฺถปฺปมาณํ ปเทสํ ผริตฺวา จนฺทาโลกสูริยาโลเกหิ อนภิภวนียา หุตฺวา อฏฺาสิ. สา จ อฺเนาโลเกน วินา อตฺตโน สรีรปฺปภาสมุทเยเนว อนฺธการํ วิธมิตฺวา อฏฺสฏฺิยา ธาตีหิ ปริจาริยมานา วิจรติ.

สา กิร เทวตาหิ กตารกฺขา ทสนฺนํ มาสานํ อจฺจเยน ปรมสุรภิกุสุมผลธรสาขาวิฏเป กมลกุวลยสมลงฺกเต รุรุ-สีห-พฺยคฺฆ-คช-ควย-มหึสปสทวิวิธมิคคณวิจริเต ปรมรมณีเย อุตฺตรมธุรุยฺยาเน นาม มงฺคลุยฺยาเน มงฺคลมหาปุริสํ วิชายิ. โส ชาตมตฺโตว มหาสตฺโต สพฺพา ทิสา วิโลเกตฺวา อุตฺตราภิมุโข สตฺตปทวีติหาเรน คนฺตฺวา อาสภึ วาจํ นิจฺฉาเรสิ. ตสฺมิฺจ ขเณ สกลทสสหสฺสิโลกธาตูสุ เทวตา ทิสฺสมานสรีรา ทิพฺพมาลาทีหิ สมลงฺกตคตฺตา ตตฺถ ตตฺถ ตฺวา ชยมงฺคลถุติวจนานิ สมฺปวตฺเตสุํ. ปาฏิหาริยานิ วุตฺตนยาเนว. นามคฺคหณทิวเส ปนสฺส ลกฺขณปากา สพฺพมงฺคลสมฺปตฺติยา ชาโตติ ‘‘มงฺคลกุมาโร’’ ตฺเวว นามํ กรึสุ.

ตสฺส กิร ยสวา รุจิมา สิริมาติ ตโย ปาสาทา อเหสุํ. ยสวตีเทวิปฺปมุขานิ ตึสนาฏกิตฺถิสหสฺสานิ อเหสุํ. ตตฺถ มหาสตฺโต นววสฺสสหสฺสานิ ทิพฺพสุขสทิสํ สุขํ อนุภวิตฺวา ยสวติยา อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิสฺมึ สีลวํ นาม ปุตฺตํ ลภิตฺวา จตฺตาริ นิมิตฺตานิ ทิสฺวา อลงฺกตํ ปณฺฑรํ นาม สุนฺทรตุรงฺควรมารุยฺห มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิ. ตํ ปน ปพฺพชนฺตํ ติสฺโส มนุสฺสโกฏิโย อนุปพฺพชึสุ. เตหิ ปริวุโต มหาปุริโส อฏฺ มาเส ปธานจริยมจริ.

ตโต วิสาขปุณฺณมาย อุตฺตรคาเม อุตฺตรเสฏฺิโน ธีตาย อุตฺตราย นาม ทินฺนํ ปกฺขิตฺตทิพฺโพชํ มธุปายาสํ ปริภุฺชิตฺวา สุรภิกุสุมาลงฺกเต นีโลภาเส มโนรเม สาลวเน ทิวาวิหารํ วีตินาเมตฺวา อุตฺตเรน นาม อาชีวเกน ทินฺนา อฏฺ ติณมุฏฺิโย คเหตฺวา อสิตฺชนคิริสงฺกาสํ อกฺกนฺตวรกนกชาลกูฏํว สีตจฺฉายํ วิวิธมิคคณสมฺปาตวิรหิตํ มนฺทมาลุเตริตาย ฆนสาขาย สมลงฺกตํ นจฺจนฺตมิว ปีติยา วิโรจมานํ นาคโพธึ อุปสงฺกมิตฺวา มตฺตวรนาคคามี นาคโพธึ ปทกฺขิณํ กตฺวา ปุพฺพุตฺตรปสฺเส ตฺวา อฏฺปณฺณาสหตฺถวิตฺถตํ ติณสนฺถรํ สนฺถริตฺวา ตตฺถ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา จตุรงฺคสมนฺนาคตํ วีริยํ อธิฏฺหิตฺวา สพลํ มารพลํ วิทฺธํเสตฺวา ปุพฺเพนิวาสทิพฺพจกฺขุาณานิ ปฏิลภิตฺวา ปจฺจยาการสมฺมสนํ กตฺวา ขนฺเธสุ อนิจฺจาทิวเสน อภินิวิสิตฺวา อนุกฺกเมน อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ ปตฺวา –

‘‘อเนกชาติสํสารํ, สนฺธาวิสฺสํ อนิพฺพิสํ;

คหการํ คเวสนฺโต, ทุกฺขา ชาติ ปุนปฺปุนํ.

‘‘คหการก ทิฏฺโสิ, ปุน เคหํ น กาหสิ;

สพฺพา เต ผาสุกา ภคฺคา, คหกูฏํ วิสงฺขตํ;

วิสงฺขารคตํ จิตฺตํ, ตณฺหานํ ขยมชฺฌคา’’ติ. (ธ. ป. ๑๕๓-๑๕๔) –

อุทานํ อุทาเนสิ.

มงฺคลสฺส ปน สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อฺเหิ พุทฺเธหิ อธิกตรา สรีรปฺปภา อโหสิ. ยถา ปน อฺเสํ สมฺมาสมฺพุทฺธานํ สมนฺตา อสีติหตฺถปฺปมาณา วา พฺยามปฺปมาณา วา สรีรปฺปภา อโหสิ, น เอวํ ตสฺส. ตสฺส ปน ภควโต สรีรปฺปภา นิจฺจกาลํ ทสสหสฺสิโลกธาตุํ ผริตฺวา อฏฺาสิ. ตรุคิริฆรปาการฆฏกวาฏาทโย สุวณฺณปฏฺฏปริโยนทฺธา วิย อเหสุํ. นวุติวสฺสสตสหสฺสานิ อายุ ตสฺส อโหสิ. เอตฺตกํ กาลํ จนฺทสูริยตารกาทีนํ ปภา นตฺถิ. รตฺตินฺทิวปริจฺเฉโท น ปฺายิตฺถ. ทิวา สูริยาโลเกน วิย สตฺตา นิจฺจํ พุทฺธาโลเกเนว สพฺพกมฺมานิ กโรนฺตา วิจรึสุ. สายํ ปุปฺผนกกุสุมานํ ปาโต จ รวนกสกุณาทีนฺจ วเสน โลโก รตฺตินฺทิวปริจฺเฉทํ สลฺลกฺเขสิ.

กึ ปน อฺเสํ พุทฺธานํ อยมานุภาโว นตฺถีติ? โน นตฺถิ. เตปิ หิ อากงฺขมานา ทสสหสฺสิโลกธาตุํ ตโต วา ภิยฺโย อาภาย ผเรยฺยุํ. มงฺคลสฺส ปน ภควโต ปุพฺพปตฺถนาวเสน อฺเสํ พฺยามปฺปภา วิย สรีรปฺปภา นิจฺจเมว ทสสหสฺสิโลกธาตุํ ผริตฺวา อฏฺาสิ. โส กิร โพธิสตฺตกาเล เวสฺสนฺตรตฺตภาวสทิเส อตฺตภาเว สปุตฺตทาโร วงฺกปพฺพตสทิเส ปพฺพเต วสิ. อเถโก สพฺพชนวิเหโก ขรทาิโก นาม มนุสฺสภกฺโข มเหสกฺโข ยกฺโข มหาปุริสสฺส ทานชฺฌาสยตํ สุตฺวา พฺราหฺมณวณฺเณน อุปสงฺกมิตฺวา มหาสตฺตํ ทฺเว ทารเก ยาจิ. มหาสตฺโต ‘‘ททามิ พฺราหฺมณสฺส ปุตฺตเก’’ติ หฏฺปหฏฺโ อุทกปริยนฺตํ ปถวึ กมฺเปนฺโต ทฺเว ทารเก อทาสิ. อถ โข ยกฺโข ตสฺส ปสฺสนฺตสฺเสว มหาปุริสสฺส ตํ พฺราหฺมณวณฺณํ ปหาย อนลชาลปิงฺคลวิรูปนยโน วิสมวิรูปกุฏิลภีมทาโ จิปิฏกวิรูปนาโส กปิลผรุสทีฆเกโส นวทฑฺฒตาลกฺขนฺธสทิสกาโย หุตฺวา เต ทารเก มุฬาลกลาปํ วิย คเหตฺวา ขาทิ. มหาปุริสสฺส ยกฺขํ โอโลเกตฺวา มุเข วิวฏมตฺเต อคฺคิชาลํ วิย โลหิตธารํ อุคฺคิรนฺตํ ตสฺส มุขํ ทิสฺวาปิ เกสคฺคมตฺตมฺปิ โทมนสฺสํ น อุปฺปชฺชิ. ‘‘สุทินฺนํ วต เม ทาน’’นฺติ จินฺตยโต ปนสฺส สรีเร มหนฺตํ ปีติโสมนสฺสํ อุทปาทิ. โส ‘‘อิมสฺส เม นิสฺสนฺเทน อนาคเต อิมินา นีหาเรน รสฺมิโย นิกฺขมนฺตู’’ติ ปตฺถนมกาสิ. ตสฺส ตํ ปตฺถนํ นิสฺสาย พุทฺธภูตสฺส สรีรโต รสฺมิโย นิกฺขมิตฺวา เอตฺตกํ านํ ผรึสุ.

อปรมฺปิ ปุพฺพจริยํ ตสฺส อตฺถิ. อยํ กิร โพธิสตฺตกาเล เอกสฺส พุทฺธสฺส เจติยํ ทิสฺวา – ‘‘อิมสฺส พุทฺธสฺส มม ชีวิตํ ปริจฺจชิตุํ วฏฺฏตี’’ติ ทณฺฑทีปิกาเวนนิยาเมน สกลสรีรํ เวาเปตฺวา รตนมตฺตมกุฬํ สตสหสฺสคฺฆนิกํ สุวณฺณปาตึ สุคนฺธสปฺปิสฺส ปูราเปตฺวา ตตฺถ สหสฺสวฏฺฏิโย ชาเลตฺวา ตํ สีเสนาทาย สกลสรีรํ ชาลาเปตฺวา ชินเจติยํ ปทกฺขิณํ กโรนฺโต สกลรตฺตึ วีตินาเมสิ. เอวํ ยาว อรุณุคฺคมนา วายมนฺตสฺส โลมกูปมตฺตมฺปิ อุสุมํ น คณฺหิ. ปทุมคพฺภํ ปวิฏฺกาโล วิย อโหสิ. ธมฺโม หิ นาเมส อตฺตานํ รกฺขนฺตํ รกฺขติ. เตนาห ภควา –

‘‘ธมฺโม หเว รกฺขติ ธมฺมจารึ, ธมฺโม สุจิณฺโณ สุขมาวหาติ;

เอสานิสํโส ธมฺเม สุจิณฺเณ, น ทุคฺคตึ คจฺฉติ ธมฺมจารี’’ติ. (เถรคา. ๓๐๓; ชา. ๑.๑๐.๑๐๒; ๑.๑๕.๓๘๕);

อิมสฺสาปิ กมฺมสฺส นิสฺสนฺเทน ตสฺส สรีโรภาโส ทสสหสฺสิโลกธาตุํ ผริตฺวา อฏฺาสิ (ธ. ส. อฏฺ. นิทานกถา). เตน วุตฺตํ –

.

‘‘โกณฺฑฺสฺส อปเรน, มงฺคโล นาม นายโก;

ตมํ โลเก นิหนฺตฺวาน, ธมฺโมกฺกมภิธารยิ.

.

‘‘อตุลาสิ ปภา ตสฺส, ชิเนหฺเหิ อุตฺตรึ;

จนฺทสูริยปฺปภํ หนฺตฺวา, ทสสหสฺสี วิโรจตี’’ติ.

ตตฺถ ตมนฺติ โลกนฺธการฺจ หทยตมฺจ. นิหนฺตฺวานาติ อภิภวิตฺวา. ธมฺโมกฺกนฺติ เอตฺถ อยํ ปน อุกฺกา-สทฺโท สุวณฺณการมูสาทีสุ อเนเกสุ อตฺเถสุ ทิสฺสติ. ตถาหิ ‘‘สณฺฑาเสน ชาตรูปํ คเหตฺวา อุกฺกามุเข ปกฺขิเปยฺยา’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๖๐) อาคตฏฺาเน สุวณฺณการานํ มูสา ‘‘อุกฺกา’’ติ เวทิตพฺพา. ‘‘อุกฺกํ พนฺเธยฺย, อุกฺกํ พนฺธิตฺวา อุกฺกามุขํ อาลิมฺเปยฺยา’’ติ อาคตฏฺาเน กมฺมารานํ องฺคารกปลฺลํ. ‘‘กมฺมารานํ ยถา อุกฺกา, อนฺโต ฌายติ โน พหี’’ติ (ชา. ๒.๒๒.๖๔๙) อาคตฏฺาเน กมฺมารุทฺธนํ. ‘‘เอวํวิปาโก อุกฺกาปาโต ภวิสฺสตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๒๔, ๒๐๘) อาคตฏฺาเน วายุเวโค ‘‘อุกฺกา’’ติ วุจฺจติ. ‘‘อุกฺกาสุ ธาริยมานาสู’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๕๙) อาคตฏฺาเน ทีปิกา ‘‘อุกฺกา’’ติ วุจฺจติ. อิธาปิ ทีปิกา อุกฺกาติ อธิปฺเปตา (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๗๖ อาทโย). ตสฺมา อิธ ธมฺมมยํ อุกฺกํ อภิธารยิ, อวิชฺชนฺธการปฏิจฺฉนฺนสฺส อวิชฺชนฺธการาภิภูตสฺส โลกสฺส ธมฺมมยํ อุกฺกํ ธาเรสีติ อตฺโถ.

อตุลาสีติ อตุลฺยา อาสิ. อยเมว วา ปาโ, อฺเหิ พุทฺเธหิ อสทิสา อโหสีติ อตฺโถ. ชิเนหฺเหีติ ชิเนหิ อฺเหิ. จนฺทสูริยปฺปภํ หนฺตฺวาติ จนฺทสูริยานํ ปภํ อภิหนฺตฺวา. ทสสหสฺสี วิโรจตีติ จนฺทสูริยาโลกํ วินา พุทฺธาโลเกเนว ทสสหสฺสี วิโรจตีติ อตฺโถ.

มงฺคลสมฺมาสมฺพุทฺโธ ปน อธิคตโพธิาโณ โพธิมูเลเยว สตฺตสตฺตาหานิ วีตินาเมตฺวา พฺรหฺมุโน ธมฺมายาจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา – ‘‘กสฺส นุ โข อหํ อิมํ ธมฺมํ เทเสยฺย’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๒๘๔; ๒.๓๔๑; มหาว. ๑๐) อุปธาเรนฺโต อตฺตนา สห ปพฺพชิตานํ ภิกฺขูนํ ติสฺโส โกฏิโย อุปนิสฺสยสมฺปนฺนํ อทฺทส. อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อิเม กุลปุตฺตา มํ ปพฺพชนฺตํ อนุปพฺพชิตา อุปนิสฺสยสมฺปนฺนา จ, เต มยา วิสาขปุณฺณมาย วิเวกตฺถิเกน วิสฺสชฺชิตา สิริวฑฺฒนนครํ อุปนิสฺสาย สิริวนคหนํ คนฺตฺวา วิหรนฺติ, หนฺทาหํ ตตฺถ คนฺตฺวา ธมฺมํ เตสํ เทเสสฺสามี’’ติ อตฺตโน ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา หํสราชา วิย คคนตลมพฺภุคฺคนฺตฺวา สิริวนคหเน ปจฺจุฏฺาสิ. เต จ ภิกฺขู ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา อนฺเตวาสิกวตฺตํ ทสฺเสตฺวา ภควนฺตํ ปริวาเรตฺวา นิสีทึสุ. เตสํ ภควา สพฺพพุทฺธนิเสวิตํ ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสุตฺตนฺตํ กเถสิ. ตโต ติสฺโส ภิกฺขุโกฏิโย อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. เทวมนุสฺสานํ โกฏิสตสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. เตน วุตฺตํ –

.

‘‘โสปิ พุทฺโธ ปกาเสสิ, จตุโร สจฺจวรุตฺตเม;

เต เต สจฺจรสํ ปีตฺวา, วิโนเทนฺติ มหาตมํ.

.

‘‘ปตฺวาน โพธิมตุลํ, ปเม ธมฺมเทสเน;

โกฏิสตสหสฺสานํ, ธมฺมาภิสมโย อหู’’ติ.

ตตฺถ จตุโรติ จตฺตาริ. สจฺจวรุตฺตเมติ สจฺจานิ จ วรานิ จ สจฺจวรานิ, สจฺจานิ อุตฺตมานีติ อตฺโถ. ‘‘จตฺตาโร สจฺจวรุตฺตเม’’ติปิ ปาโ, ตสฺส จตฺตาริ สจฺจวรานิ อุตฺตมานีติ อตฺโถ. เต เตติ เต เต เทวมนุสฺสา พุทฺเธน ภควตา วินีตา. สจฺจรสนฺติ จตุสจฺจปฏิเวธามตรสํ ปิวิตฺวา. วิโนเทนฺติ มหาตมนฺติ เตน เตน มคฺเคน ปหาตพฺพํ โมหตมํ วิโนเทนฺติ, วิทฺธํเสนฺตีติ อตฺโถ. ปตฺวานาติ ปฏิวิชฺฌิตฺวา. โพธินฺติ เอตฺถ ปนายํ โพธิ-สทฺโท –

‘‘มคฺเค ผเล จ นิพฺพาเน, รุกฺเข ปฺตฺติยํ ตถา;

สพฺพฺุเต จ าณสฺมึ, โพธิสทฺโท ปนาคโต’’.

ตถา หิ ปเนส – ‘‘โพธิ วุจฺจติ จตูสุ มคฺเคสุ าณ’’นฺติอาทีสุ (จูฬนิ. ขคฺควิสาณสุตฺตนิทฺเทส ๑๒๑) มคฺเค อาคโต. ‘‘อุปสมาย อภิฺาย สมฺโพธาย สํวตฺตตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๓; ๓.๓๒๓; มหาว. ๑๓; สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑; ปฏิ. ม. ๒.๓๐) เอตฺถ ผเล. ‘‘ปตฺวาน โพธึ อมตํ อสงฺขต’’นฺติ เอตฺถ นิพฺพาเน. ‘‘อนฺตรา จ คยํ อนฺตรา จ โพธิ’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๒๘๕; ๒.๓๔๑; มหาว. ๑๑) เอตฺถ อสฺสตฺถรุกฺเข. ‘‘โพธิ โข ราชกุมาโร โภโต โคตมสฺส ปาเท สิรสา วนฺทตี’’ติ เอตฺถ (ม. นิ. ๒.๓๒๔; จูฬว. ๒๖๘) ปฺตฺติยํ. ‘‘ปปฺโปติ โพธึ วรภูริเมธโส’’ติ (ที. นิ. ๓.๒๑๗) เอตฺถ สพฺพฺุตฺาเณ. อิธาปิ สพฺพฺุตฺาเณ ทฏฺพฺโพ. อรหตฺตมคฺคาเณปิ วฏฺฏติ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๑๓; อุทา. อฏฺ. ๑; ปารา. อฏฺ. ๑.๑๑; จริยา. อฏฺ. นิทานกถา). อตุลนฺติ ตุลรหิตํ ปมาณาตีตํ, อปฺปมาณนฺติ อตฺโถ. สมฺโพธึ ปตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺตสฺส ตสฺส ภควโต ปเม ธมฺมเทสเนติ อตฺโถ คเหตพฺโพ.

ยทา ปน จิตฺตํ นาม นครํ อุปนิสฺสาย วิหรนฺโต จมฺปกรุกฺขมูเล กณฺฑมฺพรุกฺขมูเล อมฺหากํ ภควา วิย ติตฺถิยานํ มานมทฺทนํ ยมกปาฏิหาริยํ กตฺวา สุราสุรยุวติรติสมฺภวเน รุจิรนวกนกรชตมยวรภวเน ตาวตึสภวเน ปาริจฺฉตฺตกรุกฺขมูเล ปณฺฑุกมฺพลสิลาตเล นิสีทิตฺวา อภิธมฺมํ กเถสิ, ตทา โกฏิสตสหสฺสานํ เทวตานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ, อยํ ทุติโย อภิสมโย. ยทา ปน สุนนฺโท นาม จกฺกวตฺติราชา สุรภินคเร ปูริตจกฺกวตฺติวตฺโต หุตฺวา จกฺกรตนํ ปฏิลภิ. ตํ กิร มงฺคลทสพเล โลเก อุปฺปนฺเน จกฺกรตนํ านา โอสกฺกิตํ ทิสฺวา สุนนฺโท ราชา วิคตานนฺโท พฺราหฺมเณ ปริปุจฺฉิ – ‘‘อิมํ จกฺกรตนํ มม กุสเลน นิพฺพตฺตํ, กสฺมา านา โอสกฺกิต’’นฺติ? ตโต เต ตสฺส รฺโ โอสกฺกนการณํ พฺยากรึสุ. ‘‘จกฺกวตฺติรฺโ อายุกฺขเยน วา ปพฺพชฺชูปคมเนน วา พุทฺธปาตุภาเวน วา จกฺกรตนํ านา โอสกฺกตีติ วตฺวา ตุยฺหํ ปน, มหาราช, อายุกฺขโย นตฺถิ, อติทีฆายุโก ตฺวํ, มงฺคโล ปน สมฺมาสมฺพุทฺโธ โลเก อุปฺปนฺโน, เตน เต จกฺกรตนํ โอสกฺกิต’’นฺติ. ตํ สุตฺวา สุนนฺโท จกฺกวตฺติราชา สปริชโน ตํ จกฺกรตนํ สิรสา วนฺทิตฺวา อายาจิ – ‘‘ยาวาหํ ตวานุภาเวน มงฺคลทสพลํ สกฺกริสฺสามิ, ตาว ตฺวํ มา อนฺตรธายสฺสู’’ติ. อถ นํ จกฺกรตนํ ยถาาเนเยว อฏฺาสิ.

ตโต สมุปาคตานนฺโท สุนนฺโท จกฺกวตฺติราชา ฉตฺตึสโยชนปริมณฺฑลาย ปริสาย ปริวุโต สพฺพโลกมงฺคลํ มงฺคลทสพลํ อุปสงฺกมิตฺวา สสาวกสงฺฆํ สตฺถารํ มหาทาเนน สนฺตปฺเปตฺวา อรหนฺตานํ โกฏิสตสหสฺสานํ กาสิกวตฺถานิ ทตฺวา ตถาคตสฺส สพฺพปริกฺขาเร ทตฺวา สกลโลกวิมฺหยกรํ ภควโต ปูชํ กตฺวา มงฺคลํ สพฺพโลกนาถํ อุปสงฺกมิตฺวา ทสนขสโมธานสมุชฺชลํ วิมลกมลมกุฬสมมฺชลึ สิรสิ กตฺวา วนฺทิตฺวา ธมฺมสฺสวนตฺถาย เอกมนฺตํ นิสีทิ. ปุตฺโตปิ ตสฺส อนุราชกุมาโร นาม ตเถว นิสีทิ.

ตทา สุนนฺทจกฺกวตฺติราชปฺปมุขานํ เตสํ ภควา อนุปุพฺพิกถํ กเถสิ. สุนนฺโท จกฺกวตฺตี สทฺธึ ปริสาย สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. อถ สตฺถา เตสํ ปุพฺพจริยํ โอโลเกนฺโต อิทฺธิมยปตฺตจีวรสฺส อุปนิสฺสยํ ทิสฺวา จกฺกชาลสมลงฺกตํ ทกฺขิณหตฺถํ ปสาเรตฺวา – ‘‘เอถ, ภิกฺขโว’’ติ อาห. สพฺเพ ตงฺขณํเยว ทุวงฺคุลเกสา อิทฺธิมยปตฺตจีวรธรา วสฺสสฏฺิกตฺเถรา วิย อากปฺปสมฺปนฺนา หุตฺวา ภควนฺตํ ปริวารยึสุ. อยํ ตติโย อภิสมโย อโหสิ. เตน วุตฺตํ –

.

‘‘สุรินฺทเทวภวเน, พุทฺโธ ธมฺมมเทสยิ;

โกฏิสตสหสฺสานํ, ทุติยาภิสมโย อหุ.

.

‘‘ยทา สุนนฺโท จกฺกวตฺตี, สมฺพุทฺธํ อุปสงฺกมิ;

ตทา อาหนิ สมฺพุทฺโธ, ธมฺมเภรึ วรุตฺตมํ.

.

‘‘สุนนฺทสฺสานุจรา ชนตา, ตทาสุํ นวุติโกฏิโย;

สพฺเพปิ เต นิรวเสสา, อเหสุํ เอหิภิกฺขุกา’’ติ.

ตตฺถ สุรินฺทเทวภวเนติ ปุน เทวินฺทภวเนติ อตฺโถ. ธมฺมนฺติ อภิธมฺมํ. อาหนีติ อภิหนิ. วรุตฺตมนฺติ วโร ภควา อุตฺตมํ ธมฺมเภรินฺติ อตฺโถ. อนุจราติ นิพทฺธจรา เสวกา. อาสุนฺติ อเหสุํ. ‘‘ตทาสิ นวุติโกฏิโย’’ติปิ ปาโ. ตสฺส ชนตา อาสิ, สา ชนตา กิตฺตกาติ เจ, นวุติโกฏิโยติ อตฺโถ.

อถ มงฺคเล กิร โลกนาเถ เมขเล ปุเร วิหรนฺเต ตสฺมึเยว ปุเร สุเทโว จ ธมฺมเสโน จ มาณวกา มาณวกสหสฺสปริวารา ตสฺส ภควโต สนฺติเก เอหิภิกฺขุปพฺพชฺชาย ปพฺพชึสุ. มาฆปุณฺณมาย ทฺวีสุ อคฺคสาวเกสุ สปริวาเรสุ อรหตฺตํ ปตฺเตสุ สตฺถา โกฏิสตสหสฺสภิกฺขุคณมชฺเฌ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิ, อยํ ปโม สนฺนิปาโต อโหสิ. ปุน อุตฺตราราเม นาม อนุตฺตเร าติสมาคเม ปพฺพชิตานํ โกฏิสตสหสฺสานํ สมาคเม ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิ, อยํ ทุติโย สนฺนิปาโต อโหสิ. สุนนฺทจกฺกวตฺติภิกฺขุคณสมาคเม นวุติโกฏิสหสฺสานํ ภิกฺขูนํ มชฺเฌ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิ, อยํ ตติโย สนฺนิปาโต อโหสิ. เตน วุตฺตํ –

.

‘‘สนฺนิปาตา ตโย อาสุํ, มงฺคลสฺส มเหสิโน;

โกฏิสตสหสฺสานํ, ปโม อาสิ สมาคโม.

.

‘‘ทุติโย โกฏิสตสหสฺสานํ, ตติโย นวุติโกฏินํ;

ขีณาสวานํ วิมลานํ, ตทา อาสิ สมาคโม’’ติ.

ตทา อมฺหากํ โพธิสตฺโต สุรุจิพฺราหฺมณคาเม สุรุจิ นาม พฺราหฺมโณ หุตฺวา ติณฺณํ เวทานํ ปารคู สนิฆณฺฑุเกฏุภานํ สากฺขรปฺปเภทานํ อิติหาสปฺจมานํ ปทโก เวยฺยากรโณ โลกายตมหาปุริสลกฺขเณสุ อนวโย อโหสิ. โส สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ทสพลสฺส มธุรธมฺมกถํ สุตฺวา ภควติ ปสีทิตฺวา สรณํ คนฺตฺวา – ‘‘สฺเว มยฺหํ ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ สสาวกสงฺฆํ ภควนฺตํ นิมนฺเตสิ. โส ภควตา ‘‘พฺราหฺมณ, กิตฺตเกหิ ภิกฺขูหิ เต อตฺโถ’’ติ วุตฺโต – ‘‘กิตฺตกา ปน โว, ภนฺเต, ปริวารา ภิกฺขู’’ติ อาห. ตทา ปมสนฺนิปาโตว โหติ, ตสฺมา ‘‘โกฏิสตสหสฺส’’นฺติ วุตฺเต – ‘‘ยทิ เอวํ, ภนฺเต, สพฺเพหิปิ สทฺธึ มยฺหํ ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ นิมนฺเตสิ. สตฺถา อธิวาเสสิ.

พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ สฺวาตนาย นิมนฺเตตฺวา อตฺตโน ฆรํ คจฺฉนฺโต จินฺเตสิ – ‘‘อหํ เอตฺตกานํ ภิกฺขูนํ ยาคุภตฺตวตฺถาทีนิ ทาตุํ สกฺโกมิ, นิสีทนฏฺานํ ปน กถํ ภวิสฺสตี’’ติ. ตสฺส กิร สา จินฺตนา จตุราสีติโยชนสหสฺสปฺปมาเณ เมรุมตฺถเก ิตสฺส เทวราชสฺส ทสสตนยนสฺส ปณฺฑุกมฺพลสิลาสนสฺส อุณฺหาการํ ชเนสิ. อถ สกฺโก เทวราชา อาสนสฺส อุณฺหภาวํ ทิสฺวา – ‘‘โก นุ โข มํ อิมมฺหา านา จาเวตุกาโม’’ติ สมุปฺปนฺนปริวิตกฺโก ทิพฺเพน จกฺขุนา มนุสฺสโลกํ โอโลเกนฺโต มหาปุริสํ ทิสฺวา – ‘‘อยํ มหาสตฺโต พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิมนฺเตตฺวา ตสฺส นิสีทนตฺถาย จินฺเตสิ, มยาปิ ตตฺถ คนฺตฺวา ปุฺโกฏฺาสํ คเหตุํ วฏฺฏตี’’ติ วฑฺฒกีวณฺณํ นิมฺมินิตฺวา วาสิผรสุหตฺโถ มหาปุริสสฺส ปุรโต ปาตุรโหสิ. โส ‘‘อตฺถิ นุ โข กสฺสจิ ภติยา กตฺตพฺพกมฺม’’นฺติ อาห.

มหาสตฺโต ทิสฺวา ‘‘กึ กมฺมํ กาตุํ สกฺขิสฺสสี’’ติ อาห. ‘‘มม อชานนสิปฺปํ นาม นตฺถิ, โย โย ยํ ยํ อิจฺฉติ มณฺฑปํ วา ปาสาทํ วา อฺํ วา กิฺจิ นิเวสนาทิกํ, ตสฺส ตสฺส ตํ ตํ กาตุํ สมตฺโถมฺหี’’ติ. ‘‘เตน หิ มยฺหํ กมฺมํ อตฺถี’’ติ. ‘‘กึ, อยฺยา’’ติ? ‘‘สฺวาตนาย มยา โกฏิสตสหสฺสภิกฺขู นิมนฺติตา, เตสํ นิสีทนมณฺฑปํ กริสฺสสี’’ติ? ‘‘อหํ นาม กเรยฺยํ, สเจ เม ภตึ ทาตุํ สกฺขิสฺสถา’’ติ. ‘‘สกฺขิสฺสามิ, ตาตา’’ติ. ‘‘ยทิ เอวํ, สาธุ, กริสฺสามี’’ติ วตฺวา เอกํ ปเทสํ โอโลเกสิ. โส ทฺวาทสโยชนปฺปมาโณ ปเทโส กสิณมณฺฑลํ วิย สมตโล ปรมรมณีโย อโหสิ. ปุน โส ‘‘เอตฺตเก าเน สตฺตรตนมโย ทฏฺพฺพสารมณฺโฑ มณฺฑโป อุฏฺหตู’’ติ จินฺเตตฺวา โอโลเกสิ. ตโต ตาวเทว มณฺฑปสทิโส ปถวิตลํ ภินฺทิตฺวา มณฺฑโป อุฏฺหิ. ตสฺส โสวณฺณมเยสุ ถมฺเภสุ รชตมยา ฆฏกา อเหสุํ, รชตมเยสุ ถมฺเภสุ โสวณฺณมยา ฆฏกา, มณิตฺถมฺเภสุ ปวาฬมยา ฆฏกา, ปวาฬมเยสุ ถมฺเภสุ มณิมยา ฆฏกา, สตฺตรตนมเยสุ ถมฺเภสุ สตฺตรตนมยา ฆฏกา อเหสุํ.

ตโต มณฺฑปสฺส อนฺตรนฺตราปิ กิงฺกิณิกชาลา โอลมฺพตู’’ติ โอโลเกสิ, สห โอโลกเนน กิงฺกิณิกชาลา โอลมฺพิ, ยสฺส มนฺทวาเตริตสฺส ปฺจงฺคิกสฺเสว ตุริยสฺส ปรมมโนรโม มธุโร สทฺโท นิจฺฉรติ, ทิพฺพสงฺคีติวตฺตนกาโล วิย อโหสิ. ‘‘อนฺตรนฺตรา ทิพฺพคนฺธทามปุปฺผทามปตฺตทามสตฺตรตนทามานิ โอลมฺพนฺตู’’ติ จินฺเตสิ, สห จินฺตาย ทามานิ โอลมฺพึสุ. ‘‘โกฏิสตสหสฺสสงฺขานํ ภิกฺขูนํ อาสนานิ จ กปฺปิยมหคฺฆปจฺจตฺถรณานิ อาธารกานิ จ ปถวึ ภินฺทิตฺวา อุฏฺหนฺตู’’ติ จินฺเตสิ, ตาวเทว อุฏฺหึสุ. ‘‘โกเณ โกเณ เอเกกา อุทกจาฏิ อุฏฺหตู’’ติ จินฺเตสิ, ตงฺขณํเยว อุทกจาฏิโย ปรมสีตเลน มธุเรน สุวิสุทฺธสุคนฺธกปฺปิยวารินา ปุณฺณา กทลิปณฺณปิหิตมุขา อุฏฺหึสุ. โส ทสสตนยโน เอตฺตกํ มาเปตฺวา พฺราหฺมณสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา – ‘‘เอหิ, อยฺย, ตว มณฺฑปํ ทิสฺวา มยฺหํ ภตึ เทหี’’ติ อาห. มหาปุริโส คนฺตฺวา ตํ มณฺฑปํ โอโลเกสิ. ตสฺส โอโลเกนฺตสฺเสว สกลสรีรํ ปฺจวณฺณาย ปีติยา นิรนฺตรํ ผุฏํ อโหสิ.

อถสฺส มณฺฑปํ โอโลกยโต เอตทโหสิ – ‘‘นายํ มณฺฑโป มนุสฺสภูเตน กโต, มยฺหํ อชฺฌาสยํ มยฺหํ คุณํ อาคมฺม อทฺธา สกฺกสฺส เทวรฺโ ภวนํ อุณฺหํ อโหสิ, ตโต สกฺเกน เทวานมินฺเทน อยํ มณฺฑโป นิมฺมิโต’’ติ. ‘‘น โข ปน เม ยุตฺตํ เอวรูเป มณฺฑเป เอกทิวสํเยว ทานํ ทาตุํ, สตฺตาหํ ทสฺสามี’’ติ จินฺเตสิ. พาหิรกทานํ นาม ตตฺตกมฺปิ สมานํ โพธิสตฺตานํ หทยํ ตุฏฺึ กาตุํ น สกฺโกติ, อลงฺกตสีสํ วา ฉินฺทิตฺวา อฺชิตานิ วา อกฺขีนิ อุปฺปาเฏตฺวา หทยมํสํ วา อุพฺพฏฺเฏตฺวา ทินฺนกาเล โพธิสตฺตานํ จาคํ นิสฺสาย ตุฏฺิ นาม โหติ. อมฺหากํ โพธิสตฺตสฺส หิ สิวิชาตเก (ชา. ๑.๑๕.๕๒ อาทโย) เทวสิกํ ปฺจกหาปณสตสหสฺสานิ วิสฺสชฺเชตฺวา จตูสุ นครทฺวาเรสุ นครมชฺเฌติ ปฺจสุ าเนสุ ทานํ เทนฺตสฺส ตํ ทานํ จาคตุฏฺึ อุปฺปาเทตุํ นาสกฺขิ. ยทา ปนสฺส พฺราหฺมณวณฺเณน อาคนฺตฺวา สกฺโก เทวราชา อกฺขีนิ ยาจิ, ตทา โส ตานิ จกฺขูนิ อุปฺปาเฏตฺวา อทาสิ, ททมานสฺเสว หาโส อุปฺปชฺชิ, เกสคฺคมตฺตมฺปิ จิตฺตสฺส อฺถตฺตํ นาโหสิ. เอวํ สพฺพฺุโพธิสตฺตานํ พาหิรทานํ นิสฺสาย ติตฺติ นาม นตฺถิ. ตสฺมา โสปิ มหาปุริโส – ‘‘มยา โกฏิสตสหสฺสสงฺขานํ ภิกฺขูนํ ทานํ ทาตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา ตสฺมึ มณฺฑเป นิสีทาเปตฺวา สตฺตาหํ ควปานํ นาม ทานํ อทาสิ.

เอตฺถ ควปานนฺติ มหนฺเต มหนฺเต โกลมฺเพ ขีรสฺส ปูเรตฺวา อุทฺธเนสุ อาโรเปตฺวา ฆนปากปกฺเก ขีเร โถกโถเก ตณฺฑุเล ปกฺขิปิตฺวา ปกฺกมธุสกฺขรจุณฺณสปฺปีหิ อภิสงฺขตโภชนํ วุจฺจติ. อิทเมว จตุมธุรโภชนนฺติปิ วุจฺจติ. มนุสฺสาเยว ปน ปริวิสิตุํ นาสกฺขึสุ. เทวาปิ เอกนฺตริกา หุตฺวา ปริวิสึสุ. ทฺวาทสโยชนปฺปมาณมฺปิ ตํ านํ เต ภิกฺขู คณฺหิตุํ นปฺปโหสิเยว, เต ปน ภิกฺขู อตฺตโน อตฺตโน อนุภาเวน นิสีทึสุ. ปริโยสานทิวเส สพฺเพสํ ภิกฺขูนํ ปตฺเต โธวาเปตฺวา เภสชฺชตฺถาย สปฺปินวนีตมธุผาณิตาทีนํ ปูเรตฺวา ติจีวเรหิ สทฺธึ อทาสิ. ตตฺถ สงฺฆนวกภิกฺขุนา ลทฺธจีวรสาฏกา สตสหสฺสคฺฆนิกา อเหสุํ.

อถ สตฺถา อนุโมทนํ กโรนฺโต – ‘‘อยํ มหาปุริโส เอวรูปํ มหาทานํ อทาสิ, โก นุ โข ภวิสฺสตี’’ติ อุปธาเรนฺโต – ‘‘อนาคเต กปฺปสตสหสฺสาธิกานํ ทฺวินฺนํ อสงฺขฺเยยฺยานํ มตฺถเก โคตโม นาม พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ ทิสฺวา ตโต มหาสตฺตํ อามนฺเตตฺวา – ‘‘ตฺวํ เอตฺตกํ นาม กาลํ อติกฺกมิตฺวา โคตโม นาม พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิ. อถ มหาปุริโส ภควโต พฺยากรณํ สุตฺวา ปมุทิตหทโย – ‘‘อหํ กิร พุทฺโธ ภวิสฺสามิ, น เม ฆราวาเสน อตฺโถ, ปพฺพชิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ตถารูปํ สมฺปตฺตึ เขฬปิณฺฑํ วิย ปหาย สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา พุทฺธวจนํ อุคฺคณฺหิตฺวา อภิฺา จ อฏฺ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา อปริหีนชฺฌาโน ยาวตายุกํ ตฺวา อายุปริโยสาเน พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺติ. เตน วุตฺตํ –

๑๐.

‘‘อหํ เตน สมเยน, สุรุจี นาม พฺราหฺมโณ;

อชฺฌายโก มนฺตธโร, ติณฺณํ เวทาน ปารคู.

๑๑.

‘‘ตมหํ อุปสงฺกมฺม, สรณํ คนฺตฺวาน สตฺถุโน;

สมฺพุทฺธปฺปมุขํ สงฺฆํ, คนฺธมาเลน ปูชยึ;

ปูเชตฺวา คนฺธมาเลน, ควปาเนน ตปฺปยึ.

๑๒.

‘‘โสปิ มํ พุทฺโธ พฺยากาสิ, มงฺคโล ทฺวิปทุตฺตโม;

อปริเมยฺยิโต กปฺเป, อยํ พุทฺโธ ภวิสฺสติ.

๑๓.

‘‘ปธานํ ปทหิตฺวาน…เป… เหสฺสาม สมฺมุขา อิม’’นฺติ. –

อฏฺ คาถา วิตฺถาเรตพฺพา.

๑๔.

‘‘ตสฺสาปิ วจนํ สุตฺวา, ภิยฺโย จิตฺตํ ปสาทยึ;

อุตฺตรึ วตมธิฏฺาสึ, ทสปารมิปูริยา.

๑๕.

‘‘ตทา ปีติมนุพฺรูหนฺโต, สมฺโพธิวรปตฺติยา;

พุทฺเธ ทตฺวาน มํ เคหํ, ปพฺพชึ ตสฺส สนฺติเก.

๑๖.

‘‘สุตฺตนฺตํ วินยํ จาปิ, นวงฺคํ สตฺถุสาสนํ;

สพฺพํ ปริยาปุณิตฺวา, โสภยึ ชินสาสนํ.

๑๗.

‘‘ตตฺถปฺปมตฺโต วิหรนฺโต, พฺรหฺมํ ภาเวตฺว ภาวนํ;

อภิฺาปารมึ คนฺตฺวา, พฺรหฺมโลกมคฺฉห’’นฺติ.

ตตฺถ คนฺธมาเลนาติ คนฺเธหิ เจว มาเลหิ จ. ควปาเนนาติ อิทํ วุตฺตเมว. ‘‘ฆตปาเนนา’’ติปิ เกจิ ปนฺติ. ตปฺปยินฺติ ตปฺเปสึ. อุตฺตรึ วตมธิฏฺาสินฺติ ภิยฺโยปิ วตมธิฏฺาสึ. ทสปารมิปูริยาติ ทสนฺนํ ปารมีนํ ปูรณตฺถาย. ปีตินฺติ หทยตุฏฺึ. อนุพฺรูหนฺโตติ วฑฺเฒนฺโต. สมฺโพธิวรปตฺติยาติ พุทฺธตฺตปฺปตฺติยา. พุทฺเธ ทตฺวานาติ พุทฺธสฺส ปริจฺจชิตฺวา. มํ เคหนฺติ มม เคหํ, สพฺพํ สาปเตยฺยํ จตุปจฺจยตฺถาย พุทฺธสฺส ภควโต ปริจฺจชิตฺวาติ อตฺโถ. ตตฺถาติ ตสฺมึ พุทฺธสาสเน. พฺรหฺมนฺติ พฺรหฺมวิหารภาวนํ ภาเวตฺวา.

มงฺคลสฺส ปน ภควโต นครํ อุตฺตรํ นาม อโหสิ, ปิตาปิสฺส อุตฺตโร นาม ราชา ขตฺติโย, มาตาปิ อุตฺตรา นาม, สุเทโว จ ธมฺมเสโน จ ทฺเว อคฺคสาวกา, ปาลิโต นาม อุปฏฺาโก, สีวลา จ อโสกา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, นาครุกฺโข โพธิ, อฏฺาสีติหตฺถุพฺเพธํ สรีรํ อโหสิ, นวุติวสฺสสหสฺสํ อายุปริมาณํ, ภริยา ปนสฺส ยสวตี นาม, สีวโล นาม ปุตฺโต, อสฺสยาเนน นิกฺขมิ. อุตฺตราราเม วสิ. อุตฺตโร นาม อุปฏฺาโก, ตสฺมึ ปน นวุติวสฺสสหสฺสานิ ตฺวา ปรินิพฺพุเต ภควติ เอกปฺปหาเรเนว ทสจกฺกวาฬสหสฺสานิ เอกนฺธการานิ อเหสุํ. สพฺพจกฺกวาเฬสุ มนุสฺสานํ มหนฺตํ อาโรทนปริเทวนํ อโหสิ. เตน วุตฺตํ –

๑๘.

‘‘อุตฺตรํ นาม นครํ, อุตฺตโร นาม ขตฺติโย;

อุตฺตรา นาม ชนิกา, มงฺคลสฺส มเหสิโน.

๒๓.

‘‘สุเทโว ธมฺมเสโน จ, อเหสุํ อคฺคสาวกา;

ปาลิโต นามุปฏฺาโก, มงฺคลสฺส มเหสิโน.

๒๔.

‘‘สีวลา จ อโสกา จ, อเหสุํ อคฺคสาวิกา;

โพธิ ตสฺส ภควโต, นาครุกฺโขติ วุจฺจติ.

๒๖.

‘‘อฏฺาสีติ รตนานิ, อจฺจุคฺคโต มหามุนิ;

ตโต นิทฺธาวตี รํสี, อเนกสตสหสฺสิโย.

๒๗.

‘‘นวุติวสฺสสหสฺสานิ, อายุ วิชฺชติ ตาวเท;

ตาวตา ติฏฺมาโน โส, ตาเรสิ ชนตํ พหุํ.

๒๘.

‘‘ยถาปิ สาคเร อูมี, น สกฺกา ตา คเณตุเย;

ตเถว สาวกา ตสฺส, น สกฺกา เต คเณตุเย.

๒๙.

‘‘ยาว อฏฺาสิ สมฺพุทฺโธ, มงฺคโล โลกนายโก;

น ตสฺส สาสเน อตฺถิ, สกิเลสมรณํ ตทา.

๓๐.

‘‘ธมฺโมกฺกํ ธารยิตฺวาน, สนฺตาเรตฺวา มหาชนํ;

ชลิตฺวา ธุมเกตูว, นิพฺพุโต โส มหายโส.

๓๑.

‘‘สงฺขารานํ สภาวตฺตํ, ทสฺสยิตฺวา สเทวเก;

ชลิตฺวา อคฺคิกฺขนฺโธว, สูริโย อตฺถงฺคโต ยถา’’ติ.

ตตฺถ ตโตติ ตสฺส มงฺคลสฺส สรีรโต. นิทฺธาวตีติ นิทฺธาวนฺติ, วจนวิปริยาโย ทฏฺพฺโพ. รํสีติ รสฺมิโย. อเนกสตสหสฺสิโยติ อเนกสตสหสฺสา. อูมีติ วีจิโย ตรงฺคา. คเณตุเยติ คเณตุํ สงฺขาตุํ. เอตฺตกา สาคเร อูมิโยติ ยถา น สกฺกา คเณตุํ, เอวํ ตสฺส ภควโต สาวกาปิ น สกฺกา คเณตุํ, อถ โข คณนปถํ วีติวตฺตาติ อตฺโถ. ยาวาติ ยาวตกํ กาลํ. สกิเลสมรณํ ตทาติ สห กิเลเสหิ สกิเลโส, สกิเลสสฺส มรณํ สกิเลสมรณํ, ตํ นตฺถิ. ตทา กิร ตสฺส ภควโต สาสเน สาวกา สพฺเพ อรหตฺตํ ปตฺวาเยว ปรินิพฺพายึสุ. ปุถุชฺชนา วา โสตาปนฺนาทโย วา หุตฺวา น กาลมกํสูติ อตฺโถ. เกจิ ‘‘สมฺโมหมารณํ ตทา’’ติ ปนฺติ.

ธมฺโมกฺกนฺติ ธมฺมทีปกํ. ธูมเกตูติ อคฺคิ วุจฺจติ, อิธ ปน ปทีโป ทฏฺพฺโพ ตสฺมา ปทีโป วิย ชลิตฺวา นิพฺพุโตติ อตฺโถ. มหายโสติ มหาปริวาโร. เกจิ ‘‘นิพฺพุโต โส สสาวโก’’ติ ปนฺติ. สงฺขารานนฺติ สงฺขาตธมฺมานํ สปฺปจฺจยธมฺมานํ. สภาวตฺตนฺติ อนิจฺจาทิสามฺลกฺขณํ. สูริโย อตฺถงฺคโต ยถาติ ยถา สหสฺสกิรโณ ทิวสกโร สพฺพํ ตมคณํ วิธมิตฺวา สพฺพฺจ โลกํ โอภาเสตฺวา อตฺถมุปคจฺฉติ, เอวํ มงฺคลทิวสกโรปิ เวเนยฺยกมลวนวิกสนกโร สพฺพํ อชฺฌตฺติกพาหิรโลกตมํ วิธมิตฺวา อตฺตโน สรีรปฺปภาย ชลิตฺวา อตฺถงฺคโตติ อตฺโถ. เสสคาถา สพฺพตฺถ อุตฺตานา เอวาติ.

มงฺคลพุทฺธวํสวณฺณนา นิฏฺิตา.

นิฏฺิโต ตติโย พุทฺธวํโส.

๖. สุมนพุทฺธวํสวณฺณนา

เอวํ เอกปฺปหาเรเนว ทสสหสฺสิโลกธาตุํ เอกนฺธการํ กตฺวา ตสฺมึ ภควติ ปรินิพฺพุเต ตสฺส อปรภาเค นวุติวสฺสสหสฺสายุเกสุ มนุสฺเสสุ อนุกฺกเมน ปริหายิตฺวา ทสวสฺเสสุ ชาเตสุ ปุน วฑฺฒิตฺวา อนุกฺกเมน อสงฺขฺเยยฺยายุกา หุตฺวา ปุน ปริหายิตฺวา นวุติวสฺสสหสฺสายุเกสุ ชาเตสุ สุมโน นาม โพธิสตฺโต ปารมิโย ปูเรตฺวา ตุสิตปุเร นิพฺพตฺติตฺวา ตโต จวิตฺวา เมขลนคเร สุทตฺตสฺส นาม รฺโ กุเล สิริมาย นาม เทวิยา กุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธึ อคฺคเหสิ. ปาฏิหาริยานิ ปุพฺเพ วุตฺตนยาเนว.

โส อนุกฺกเมน วุทฺธิปฺปตฺโต สิริวฑฺฒนโสมวฑฺฒนอิทฺธิวฑฺฒนนามเธยฺเยสุ ตีสุ ปาสาเทสุ เตสฏฺิยา นาฏกิตฺถิสตสหสฺเสหิ ปริจาริยมาโน สุรยุวตีหิ ปริจาริยมาโน เทวกุมาโร วิย นววสฺสสหสฺสานิ ทิพฺพสุขสทิสํ วิสยสุขมนุภวมาโน วฏํสิกาย นาม เทวิยา อนุปมํ นาม นิรุปมํ ปุตฺตํ ชเนตฺวา จตฺตาริ นิมิตฺตานิ ทิสฺวา หตฺถิยาเนน นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิ. ตํ ปน ปพฺพชนฺตํ ตึสโกฏิโย อนุปพฺพชึสุ.

โส เตหิ ปริวุโต ทสมาเส ปธานจริยํ จริตฺวา วิสาขปุณฺณมาย อโนมนิคเม อโนมเสฏฺิโน ธีตาย อนุปมาย นาม ทินฺนํ ปกฺขิตฺตทิพฺโพชํ ปายาสํ ปริภุฺชิตฺวา สาลวเน ทิวาวิหารํ วีตินาเมตฺวา อนุปมาชีวเกน ทินฺนา อฏฺ ติณมุฏฺิโย คเหตฺวา นาคโพธึ อุปคนฺตฺวา ตํ ปทกฺขิณํ กตฺวา อฏฺหิ ติณมุฏฺีหิ ตึสหตฺถวิตฺถตํ ติณสนฺถรํ กตฺวา ตตฺถ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา นิสีทิ. ตโต มารพลํ วิธมิตฺวา สพฺพฺุตฺาณํ ปฏิวิชฺฌิตฺวา – ‘‘อเนกชาติสํสารํ…เป… ตณฺหานํ ขยมชฺฌคา’’ติ (ธ. ป. ๑๕๓-๑๕๔) อุทานํ อุทาเนสิ. เตน วุตฺตํ –

.

‘‘มงฺคลสฺส อปเรน, สุมโน นาม นายโก;

สพฺพธมฺเมหิ อสโม, สพฺพสตฺตานมุตฺตโม’’ติ.

ตตฺถ มงฺคลสฺส อปเรนาติ มงฺคลสฺส ภควโต อปรภาเค. สพฺพธมฺเมหิ อสโมติ สพฺเพหิปิ สีลสมาธิปฺาธมฺเมหิ อสโม อสทิโส.

สุมโน กิร ภควา โพธิสมีเปเยว สตฺตสตฺตาหานิ วีตินาเมตฺวา ธมฺมเทสนตฺถํ พฺรหฺมายาจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา – ‘‘กสฺส นุ โข อหํ ปมํ ธมฺมํ เทเสยฺย’’นฺติ (ที. นิ. ๒.๗๒; ม. นิ. ๑.๒๘๔; ๒.๓๔๑; มหาว. ๑๐) อุปธาเรนฺโต อตฺตนา สห ปพฺพชิตานํ ตึสโกฏิโย จ อตฺตโน กนิฏฺภาติกํ เวมาติกํ สรณกุมารฺจ ปุโรหิตปุตฺตํ ภาวิตตฺตมาณวกฺจ อุปนิสฺสยสมฺปนฺเน ทิสฺวา – ‘‘เอเตสํ ปมํ ธมฺมํ เทเสยฺย’’นฺติ จินฺเตตฺวา หํสราชา วิย คคนปเถน เมขลุยฺยาเน โอตริตฺวา อุยฺยานปาลํ เปเสตฺวา อตฺตโน กนิฏฺภาติกํ สรณกุมารฺจ ปุโรหิตปุตฺตํ ภาวิตตฺตกุมารฺจ ปกฺโกสาเปตฺวา เตสํ ปริวารภูตา สตฺตตึสโกฏิโย อตฺตนา สห ปพฺพชิตา ตึสโกฏิโย จ อฺเ จ พหู เทวมนุสฺสโกฏิโย จาติ เอวํ โกฏิสตสหสฺสํ ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตเนน ธมฺมามตํ ปาเยสิ. เตน วุตฺตํ –

.

‘‘ตทา อมตเภรึ โส, อาหนี เมขเล ปุเร;

ธมฺมสงฺขสมายุตฺตํ, นวงฺคํ ชินสาสน’’นฺติ.

ตตฺถ อมตเภรินฺติ อมตาธิคมาย นิพฺพานาธิคมาย เภรึ. อาหนีติ วาทยิ, ธมฺมํ เทเสสีติ อตฺโถ. สายํ อมตเภรี นาม อมตปริโยสานํ นวงฺคํ พุทฺธวจนํ. เตเนวาห – ‘‘ธมฺมสงฺขสมายุตฺตํ, นวงฺคํ ชินสาสน’’นฺติ. ตตฺถ ธมฺมสงฺขสมายุตฺตนฺติ จตุสจฺจธมฺมกถาสงฺขวรสมายุตฺตํ.

สุมโน ปน โลกนายโก อภิสมฺโพธึ ปาปุณิตฺวา ปฏิฺานุรูปํ ปฏิปทํ ปฏิปชฺชมาโน มหาชนสฺส ภวพนฺธนโมกฺขตฺถาย กุสลรตนสฺส กิเลสโจเรหิ วิลุปฺปมานสฺส ปริตฺตานตฺถํ สีลวิปุลปาการํ สมาธิปริขาปริวาริตํ วิปสฺสนาาณทฺวารํ สติสมฺปชฺทฬฺหกวาฏํ สมาปตฺติมณฺฑปาทิปฏิมณฺฑิตํ โพธิปกฺขิยชนสมากุลํ อมตวรนครํ มาเปสิ. เตน วุตฺตํ –

.

‘‘นิชฺชินิตฺวา กิเลเส โส, ปตฺวา สมฺโพธิมุตฺตมํ;

มาเปสิ นครํ สตฺถา, สทฺธมฺมปุรวรุตฺตม’’นฺติ.

ตตฺถ นิชฺชินิตฺวาติ วิชินิตฺวา อภิภุยฺย, กิเลสาภิสงฺขารเทวปุตฺตมาเร วิทฺธํเสตฺวาติ อตฺโถ. โสติ โส สุมโน ภควา. ‘‘วิชินิตฺวา กิเลเส หี’’ติปิ ปาโ. ตตฺถ หิ-กาโร ปทปูรณมตฺเต นิปาโต. ปตฺวาติ อธิคนฺตฺวา. ‘‘ปตฺโต’’ติปิ ปาโ. นครนฺติ นิพฺพานนครํ. สทฺธมฺมปุรวรุตฺตมนฺติ สทฺธมฺมสงฺขาตํ ปุรวเรสุ อุตฺตมํ เสฏฺํ ปธานภูตํ. อถ วา สทฺธมฺมมเยสุ ปุเรสุ ปวเรสุ อุตฺตมํ สทฺธมฺมปุรวรุตฺตมํ. ปุริมสฺมึ อตฺถวิกปฺเป ‘‘นคร’’นฺติ ตสฺเสว เววจนนฺติ ทฏฺพฺพํ. ปฏิวิทฺธธมฺมสภาวานํ เสกฺขาเสกฺขานํ อริยปุคฺคลานํ ปติฏฺานํ โคจรนิวาสฏฺเน นิพฺพานํ ‘‘นคร’’นฺติ วุจฺจติ. ตสฺมึ ปน สทฺธมฺมวรนคเร โส สตฺถา อวิจฺฉินฺนํ อกุฏิลํ อุชุํ ปุถุลฺจ วิตฺถตฺจ สติปฏฺานมยํ มหาวีถึ มาเปสิ. เตน วุตฺตํ –

.

‘‘นิรนฺตรํ อกุฏิลํ, อุชุํ วิปุลวิตฺถตํ;

มาเปสิ โส มหาวีถึ, สติปฏฺานวรุตฺตม’’นฺติ.

ตตฺถ นิรนฺตรนฺติ กุสลชวนสฺจรณานนฺตรภาวโต นิรนฺตรํ. อกุฏิลนฺติ กุฏิลภาวกรโทสวิรหิตโต อกุฏิลํ. อุชุนฺติ อกุฏิลตฺตาว อุชุํ. ปุริมปทสฺเสว อตฺถทีปกมิทํ วจนํ. วิปุลวิตฺถตนฺติ อายามโต จ วิตฺถารโต จ ปุถุลวิตฺถตํ, ปุถุลวิตฺถตภาโว โลกิยโลกุตฺตรสติปฏฺานวเสน ทฏฺพฺโพ. มหาวีถินฺติ มหามคฺคํ. สติปฏฺานวรุตฺตมนฺติ สติปฏฺานฺจ ตํ วเรสุ อุตฺตมฺจาติ สติปฏฺานวรุตฺตมํ. อถ วา วรํ สติปฏฺานมยํ อุตฺตมวีถินฺติ อตฺโถ.

อิทานิ ตสฺส นิพฺพานมหานครสฺส ตสฺสํ สติปฏฺานวีถิยํ จตฺตาริ สามฺผลานิ จตสฺโส ปฏิสมฺภิทา ฉ อภิฺา อฏฺ สมาปตฺติโยติ อิมานิ มหคฺฆรตนานิ อุโภสุ ปสฺเสสุ ธมฺมาปเณ ปสาเรสิ. เตน วุตฺตํ –

.

‘‘ผเล จตฺตาริ สามฺเ, จตสฺโส ปฏิสมฺภิทา;

ฉฬภิฺาฏฺสมาปตฺตี, ปสาเรสิ ตตฺถ วีถิย’’นฺติ.

อิทานิ ภควา อิมานิ รตนภณฺฑานิ เย ปน อปฺปมตฺตา สติมนฺโต ปณฺฑิตา หิริโอตฺตปฺปวีริยาทีหิ สมนฺนาคตา, เต อาทียนฺตีติ เตสํ รตนานํ หรณูปายํ ทสฺเสนฺโต –

.

‘‘เย อปฺปมตฺตา อขิลา, หิริวีริเยหุปาคตา;

เต เต อิเม คุณวเร, อาทิยนฺติ ยถาสุข’’นฺติ. – อาห;

ตตฺถ เยติ อนิยมุทฺเทโส. อปฺปมตฺตาติ ปมาทสฺส ปฏิปกฺขภูเตน สติยา อวิปฺปวาสลกฺขเณน อปฺปมาเทน สมนฺนาคตา. อขิลาติ ปฺจเจโตขิลรหิตา. หิริวีริเยหุปาคตาติ กายทุจฺจริตาทีหิ หิรียตีติ หิรี, ลชฺชาเยตํ อธิวจนํ. วีรสฺส ภาโว วีริยํ, ตํ อุสฺสาหลกฺขณํ. เตหิ หิริวีริเยหิ อุปาคตา สมนฺนาคตา ภพฺพปุคฺคลา. เตติ อิทํ ปุพฺเพ อนิยมุทฺเทสสฺส นิยมุทฺเทโส. ปุน เตติ วุตฺตปฺปกาเร คุณรตนวิเสเส เต กุลปุตฺตา อาทิยนฺติ ปฏิลภนฺติ อธิคจฺฉนฺตีติ อตฺโถ. สพฺพํ ปน สุมโน ภควา กตวิทิตมโน ธมฺมเภรึ อาหนิตฺวา ธมฺมนครํ มาเปตฺวา อิมินา นเยน ปมเมว สตสหสฺสโกฏิโย โพเธสิ. เตน วุตฺตํ –

.

‘‘เอวเมเตน โยเคน, อุทฺธรนฺโต มหาชนํ;

โพเธสิ ปมํ สตฺถา, โกฏิสตสหสฺสิโย’’ติ.

ตตฺถ อุทฺธรนฺโตติ สํสารสาครโต อริยมคฺคนาวาย สมุทฺธรนฺโต. โกฏิสตสหสฺสิโยติ สตสหสฺสโกฏิโยติ อตฺโถ. วิปริยาเยน นิทฺทิฏฺํ.

ยทา ปน สุมโน โลกนายโก สุนนฺทวตีนคเร อมฺพรุกฺขมูเล ติตฺถิยมทมานมทฺทนํ ยมกปาฏิหาริยํ กตฺวา สตฺตานํ โกฏิสหสฺสํ ธมฺมามตํ ปาเยสิ. อยํ ทุติโย อภิสมโย อโหสิ. เตน วุตฺตํ –

.

‘‘ยมฺหิ กาเล มหาวีโร, โอวที ติตฺถิเย คเณ;

โกฏิสหสฺสา ภิสมึสุ, ทุติเย ธมฺมเทสเน’’ติ.

ตตฺถ ติตฺถิเย คเณติ ติตฺถิยภูเต คเณ, ติตฺถิยานํ คเณ วา ‘‘ติตฺถิเย อภิมทฺทนฺโต, พุทฺโธ ธมฺมมเทสยี’’ติ ปนฺติ เกจิ.

ยทา ปน ทสสุ จกฺกวาฬสหสฺเสสุ เทวตา อิมสฺมึ จกฺกวาเฬ สนฺนิปติตฺวา มนุสฺสา จ นิโรธกถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘กถํ นิโรธํ สมาปชฺชนฺติ, กถํ นิโรธสมาปนฺนา โหนฺติ, กถํ นิโรธา วุฏฺหนฺตี’’ติ? เอวํ สมาปชฺชนอธิฏฺานวุฏฺานาทีสุ วินิจฺฉยํ กาตุํ อสกฺโกนฺตา สห มนุสฺเสหิ ฉสุ กามาวจรเทวโลเกสุ เทวา จ นวสุ พฺรหฺมโลเกสุ พฺรหฺมาโน จ ทฺเวฬฺหกชาตา ทฺวิธา อเหสุํ. ตโต นรสุนฺทเรน อรินฺทเมน นาม รฺา สทฺธึ สายนฺหสมเย สุมนทสพลํ สพฺพโลกนาถํ อุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา อรินฺทโม ราชา ภควนฺตํ นิโรธปฺหํ ปุจฺฉิ. ตโต ภควตา นิโรธปฺเห วิสฺสชฺชิเต นวุติปาณโกฏิสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. อยํ ตติโย อภิสมโย อโหสิ. เตน วุตฺตํ –

.

‘‘ยทา เทวา มนุสฺสา จ, สมคฺคา เอกมานสา;

นิโรธปฺหํ ปุจฺฉึสุ, สํสยํ จาปิ มานสํ.

๑๐.

‘‘ตทาปิ ธมฺมเทสเน, นิโรธปริทีปเน;

นวุติโกฏิสหสฺสานํ, ตติยาภิสมโย อหู’’ติ.

ตสฺส ปน สุมนสฺส ภควโต ตโย สาวกสนฺนิปาตา อเหสุํ. ตตฺถ ปมสนฺนิปาเต เมขลนครํ อุปนิสฺสาย วสฺสํ วสิตฺวา ปมปวารณาย อรหนฺตานํ โกฏิสหสฺเสน เอหิภิกฺขุปพฺพชฺชาย ปพฺพชิเตน สทฺธึ ภควา ปวาเรสิ, อยํ ปโม สนฺนิปาโต อโหสิ. อถาปเรน สมเยน สงฺกสฺสนครสฺสาวิทูเร อรินฺทมราชกุสลพลนิพฺพตฺเต โยชนปฺปมาเณ กนกปพฺพเต นิสินฺโน สรทสมยรุจิรกรนิกโร ทิวสกโร วิย ยุคนฺธรปพฺพเต มุนิวรทิวสกโร อรินฺทมราชานํ ปริวาเรตฺวา อาคตานํ ปุริสานํ นวุติโกฏิสหสฺสานิ ทเมตฺวา สพฺเพ เอหิภิกฺขุปพฺพชฺชาย ปพฺพาเชตฺวา ตสฺมึเยว ทิวเส อรหตฺตํ ปตฺเตหิ ภิกฺขูหิ ปริวุโต จตุรงฺคสมนฺนาคเต สนฺนิปาเต ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิ. อยํ ทุติโย สนฺนิปาโต อโหสิ. ยทา ปน สกฺโก เทวราชา สุคตทสฺสนตฺถาย อุปสงฺกมิ, ตทา สุมโน ภควา อสีติยา อรหนฺตโกฏิสหสฺเสหิ ปริวุโต ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิ, อยํ ตติโย สนฺนิปาโต อโหสิ. เตน วุตฺตํ –

๑๑.

‘‘สนฺนิปาตา ตโย อาสุํ, สุมนสฺส มเหสิโน;

ขีณาสวานํ วิมลานํ, สนฺตจิตฺตาน ตาทินํ.

๑๒.

‘‘วสฺสํวุฏฺสฺส ภควโต, อภิฆุฏฺเ ปวารเณ;

โกฏิสตสหสฺเสหิ, ปวาเรสิ ตถาคโต.

๑๓.

‘‘ตโต ปรํ สนฺนิปาเต, วิมเล กฺจนปพฺพเต;

นวุติโกฏิสหสฺสานํ, ทุติโย อาสิ สมาคโม.

๑๔.

‘‘ยทา สกฺโก เทวราชา, พุทฺธทสฺสนุปาคมิ;

อสีติโกฏิสหสฺสานํ, ตติโย อาสิ สมาคโม’’ติ.

ตตฺถ อภิฆุฏฺเ ปวารเณติ ลิงฺควิปลฺลาโส ทฏฺพฺโพ, อภิฆุฏฺาย ปวารณายาติ อตฺโถ. ตโตปรนฺติ ตโต อปรภาเค. กฺจนปพฺพเตติ กนกมเย ปพฺพเต. พุทฺธทสฺสนุปาคมีติ พุทฺธทสฺสนตฺถมุปาคมิ. ตทา กิร อมฺหากํ โพธิสตฺโต อตุโล นาม นาคราชา อโหสิ มหิทฺธิโก มหานุภาโว. โส ‘‘โลเก พุทฺโธ อุปฺปนฺโน’’ติ สุตฺวา าติคณปริวุโต สกภวนา นิกฺขมิตฺวา โกฏิสตสหสฺสภิกฺขุปริวารสฺส สุมนสฺส ภควโต ทิพฺเพหิ ตุริเยหิ อุปหารํ กาเรตฺวา มหาทานํ ปวตฺเตตฺวา ปจฺเจกทุสฺสยุคานิ ทตฺวา สรเณสุ ปติฏฺาสิ. โสปิ นํ สตฺถา ‘‘อนาคเต พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิ. เตน วุตฺตํ –

๑๕.

‘‘อหํ เตน สมเยน, นาคราชา มหิทฺธิโก;

อตุโล นาม นาเมน, อุสฺสนฺนกุสลสฺจโย.

๑๖.

‘‘ตทาหํ นาคภวนา, นิกฺขมิตฺวา สาติภิ;

นาคานํ ทิพฺพตุริเยหิ, สสงฺฆํ ชินมุปฏฺหึ.

๑๗.

‘‘โกฏิสตสหสฺสานํ, อนฺนปาเนน ตปฺปยึ;

ปจฺเจกทุสฺสยุคํ ทตฺวา, สรณํ ตมุปาคมึ.

๑๘.

‘‘โสปิ มํ พุทฺโธ พฺยากาสิ, สุมโน โลกนายโก;

อปริเมยฺยิโต กปฺเป, อยํ พุทฺโธ ภวิสฺสติ.

๑๙.

‘‘ปธานํ ปทหิตฺวาน…เป… เหสฺสาม สมฺมุขา อิมํ’’.

ยถา โกณฺฑฺพุทฺธวํเส, เอวํ อฏฺ คาถา วิตฺถาเรตพฺพาติ.

๒๐.

‘‘ตสฺสาปิ วจนํ สุตฺวา, ภิยฺโย จิตฺตํ ปสาทยึ;

อุตฺตรึ วตมธิฏฺาสึ, ทสปารมิปูริยา’’ติ.

ตสฺส ปน สุมนสฺส ภควโต เมขลํ นาม นครํ อโหสิ, สุทตฺโต นาม ราชา ปิตา, สิริมา นาม เทวี มาตา, สรโณ จ ภาวิตตฺโต จ ทฺเว อคฺคสาวกา, อุเทโน นามุปฏฺาโก, โสณา จ อุปโสณา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, นาครุกฺโข โพธิ, นวุติหตฺถุพฺเพธํ สรีรํ, นวุติเยว วสฺสสหสฺสานิ อายุปฺปมาณํ อโหสิ, วฏํสิกา นามสฺส มเหสี เทวี, อนูปโม นาม ปุตฺโต อโหสิ, หตฺถิยาเนน นิกฺขมิ. อุปฏฺาโก องฺคราชา. องฺคาราเม วสีติ. เตน วุตฺตํ –

๒๑.

‘‘นครํ เมขลํ นาม, สุทตฺโต นาม ขตฺติโย;

สิริมา นาม ชนิกา, สุมนสฺส มเหสิโน.

๒๒.

‘‘นววสฺสสหสฺสานิ, อคารํ อชฺฌ โส วสิ;

จนฺโท สุจนฺโท วฏํโส จ, ตโย ปาสาทมุตฺตมา.

๒๓.

‘‘เตสฏฺิสตสหสฺสานิ, นาริโย สมลงฺกตา;

วฏํสิกา นาม นารี, อนูปโม นาม อตฺรโช.

๒๔.

‘‘นิมิตฺเต จตุโร ทิสฺวา, หตฺถิยาเนน นิกฺขมิ;

อนูนทสมาสานิ, ปธานํ ปทหี ชิโน.

๒๕.

‘‘พฺรหฺมุนา ยาจิโต สนฺโต, สุมโน โลกนายโก;

วตฺติ จกฺกํ มหาวีโร, เมขเล ปุรมุตฺตเม.

๒๖.

‘‘สรโณ ภาวิตตฺโต จ, อเหสุํ อคฺคสาวกา;

อุเทโน นามุปฏฺาโก, สุมนสฺส มเหสิโน.

๒๗.

‘‘โสณา จ อุปโสณา จ, อเหสุํ อคฺคสาวิกา;

โสปิ พุทฺโธ อมิตยโส, นาคมูเล อพุชฺฌถ.

๒๘.

‘‘วรุโณ เจว สรโณ จ, อเหสุํ อคฺคุปฏฺกา;

จาลา จ อุปจาลา จ, อเหสุํ อคฺคุปฏฺิกา.

๒๙.

‘‘อุจฺจตฺตเนน โส พุทฺโธ, นวุติหตฺถมุคฺคโต;

กฺจนคฺฆิยสงฺกาโส, ทสสหสฺสี วิโรจติ.

๓๐.

‘‘นวุติวสฺสสหสฺสานิ, อายุ วิชฺชติ ตาวเท;

ตาวตา ติฏฺมาโน โส, ตาเรสิ ชนตํ พหุํ.

๓๑.

‘‘ตารณีเย ตารยิตฺวา, โพธนีเย จ โพธยิ;

ปรินิพฺพายิ สมฺพุทฺโธ, อุฬุราชาว อตฺถมิ.

๓๒.

‘‘เต จ ขีณาสวา ภิกฺขู, โส จ พุทฺโธ อสาทิโส;

อตุลปฺปภํ ทสฺสยิตฺวา, นิพฺพุตา เต มหายสา.

๓๓.

‘‘ตฺจ าณํ อตุลิยํ, ตานิ จ อตุลานิ รตนานิ;

สพฺพํ ตมนฺตรหิตํ, นนุ ริตฺตา สพฺพสงฺขารา.

๓๔.

‘‘สุมโน ยสธโร พุทฺโธ, องฺคารามมฺหิ นิพฺพุโต;

ตตฺเถว ตสฺส ชินถูโป, จตุโยชนมุคฺคโต’’ติ.

ตตฺถ กฺจนคฺฆิยสงฺกาโสติ วิวิธรตนวิจิตฺตกฺจนมยคฺฆิกสทิสรูปโสโภ. ทสสหสฺสี วิโรจตีติ ตสฺส ปภาย ทสสหสฺสีปิ โลกธาตุ วิโรจตีติ อตฺโถ. ตารณีเยติ ตารยิตพฺเพ, ตารยิตุํ วุตฺเต สพฺเพ พุทฺธเวเนยฺเยติ อตฺโถ. อุฬุราชาวาติ จนฺโท วิย. อตฺถมีติ อตฺถงฺคโต. เกจิ ‘‘อตฺถํ คโต’’ติ ปนฺติ. อสาทิโสติ อสทิโส. มหายสาติ มหากิตฺติสทฺทา มหาปริวารา จ. ตฺจ าณนฺติ ตํ สพฺพฺุตฺาณฺจ. อตุลิยนฺติ อตุลฺยํ อสทิสํ. เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติ.

สุมนพุทฺธวํสวณฺณนา นิฏฺิตา.

นิฏฺิโต จตุตฺโถ พุทฺธวํโส.

๗. เรวตพุทฺธวํสวณฺณนา

สุมนสฺส ปน ภควโต อปรภาเค สาสเน จสฺส อนฺตรหิเต นวุติวสฺสสหสฺสายุกา มนุสฺสา อนุกฺกเมน ปริหายิตฺวา ทสวสฺสายุกา หุตฺวา ปุน อนุกฺกเมน วฑฺฒิตฺวา อสงฺขฺเยยฺยายุกา หุตฺวา ปุน ปริหายมานา สฏฺิวสฺสสหสฺสายุกา อเหสุํ. ตทา เรวโต นาม สตฺถา อุทปาทิ. โสปิ ปารมิโย ปูเรตฺวา อเนกรตนสมุชฺชลิตภวเน ตุสิตภวเน นิพฺพตฺติตฺวา ตโต จวิตฺวา สพฺพธนธฺวติสุธฺวตีนคเร สพฺพาลงฺการสมลงฺกตอมิตรุจิรปริวารปริวุตสฺส สิริวิภวสมุทเยนากุลสฺส สพฺพสมิทฺธิวิปุลสฺส วิปุลสฺส นาม รฺโ กุเล สพฺพชนนยนาลิปาลิสมากุลาย สมฺผุลฺลนยนกุวลยสสฺสิริกสินิทฺธวทนกมลากรโสภาสมุชฺชลาย สุรุจิรมโนหรคุณคณวิปุลาย วิปุลาย นาม อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา ทสนฺนํ มาสานํ อจฺจเยน จิตฺตกูฏปพฺพตโต สุวณฺณหํสราชา วิย มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขมิ.

ตสฺส ปฏิสนฺธิยํ ชาติยฺจ ปาฏิหาริยานิ ปุพฺเพ วุตฺตนยาเนว อเหสุํ. สุทสฺสนรตนคฺฆิอาเวฬนามกา ตโย จสฺส ปาสาทา อเหสุํ. สุทสฺสนาเทวิปฺปมุขานิ เตตฺตึส อิตฺถิสหสฺสานิ ปจฺจุปฏฺิตานิ อเหสุํ. ตาหิ ปริวุโต โส สุรยุวตีหิ ปริวุโต เทวกุมาโร วิย ฉพฺพสฺสสหสฺสานิ วิสยสุขมนุภวมาโน อคารํ อชฺฌาวสิ. โส สุทสฺสนาย นาม เทวิยา วรุเณ นาม ตนเย ชาเต จตฺตาริ นิมิตฺตานิ ทิสฺวา นานาวิราคตนุวรวสนนิวสโน อามุกฺกมุตฺตาหารมณิกุณฺฑโล วรเกยูรมกุฏกฏกธโร ปรมสุรภิคนฺธกุสุมสมลงฺกโต ปรมรุจิรกรนิกโร สรทสมยรชนิกโร วิย ตาราคณปริวุโต วิย จนฺโท ติทสคณปริวุโต วิย ทสสตนยโน พฺรหฺมคณปริวุโต วิย จ หาริตมหาพฺรหฺมา จตุรงฺคินิยา มหติยา เสนาย ปริวุโต อาชฺรเถน มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิตฺวา สพฺพาภรณานิ โอมุฺจิตฺวา ภณฺฑาคาริกสฺส หตฺเถ ทตฺวา ชลชามลาวิกลนีลกุวลยทลสทิเสนาตินิสิเตนาติติขิเณนาสินา สเกสมกุฏํ ฉินฺทิตฺวา อากาเส ขิปิ. ตํ สกฺโก เทวราชา สุวณฺณจงฺโกฏเกน ปฏิคฺคเหตฺวา ตาวตึสภวนํ เนตฺวา สิเนรุมุทฺธนิ สตฺตรตนมยํ เจติยํ อกาสิ.

มหาปุริโส ปน เทวทตฺตานิ กาสายานิ ปริทหิตฺวา ปพฺพชิ, เอกา จ นํ ปุริสโกฏิ อนุปพฺพชิ. โส เตหิ ปริวุโต สตฺตมาเส ปธานจริยํ จริตฺวา วิสาขปุณฺณมาย อฺตราย สาธุเทวิยา นาม เสฏฺิธีตาย ทินฺนํ มธุปายาสํ ปริภุฺชิตฺวา สาลวเน ทิวาวิหารํ วีตินาเมตฺวา สายนฺหสมเย อฺตเรนาชีวเกน ทินฺนา อฏฺ ติณมุฏฺิโย คเหตฺวา มตฺตวรนาคคามี นาคโพธึ ปทกฺขิณํ กตฺวา เตปณฺณาสหตฺถวิตฺถตํ ติณสนฺถรํ สนฺถริตฺวา จตุรงฺควีริยํ อธิฏฺาย นิสีทิตฺวา มารพลํ วิธมิตฺวา สพฺพฺุตฺาณํ ปฏิวิชฺฌิตฺวา – ‘‘อเนกชาติสํสารํ…เป… ตณฺหานํ ขยมชฺฌคา’’ติ (ธ. ป. ๑๕๓-๑๕๔) อุทานํ อุทาเนสิ. เตน วุตฺตํ –

.

‘‘สุมนสฺส อปเรน, เรวโต นาม นายโก;

อนุปโม อสทิโส, อตุโล อุตฺตโม ชิโน’’ติ.

เรวโต กิร สตฺถา โพธิสมีเปเยว สตฺตสตฺตาหานิ วีตินาเมตฺวา ธมฺมเทสนตฺถํ พฺรหฺมายาจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา – ‘‘กสฺส นุ โข อหํ ปมํ ธมฺมํ เทเสยฺย’’นฺติ (ที. นิ. ๒.๗๒; ม. นิ. ๑.๒๘๔; ๒.๓๔๑; มหาว. ๑๐) อุปธาเรนฺโต อตฺตนา สห ปพฺพชิตภิกฺขุโกฏิโย อฺเ จ พหู เทวมนุสฺเส อุปนิสฺสยสมฺปนฺเน ทิสฺวา อากาเสน คนฺตฺวา วรุณาราเม โอตริตฺวา เตหิ ปริวุโต คมฺภีรํ นิปุณํ ติปริวฏฺฏํ อปฺปฏิวตฺติยํ อฺเน อนุตฺตรํ ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตตฺวา ภิกฺขูนํ โกฏิ อรหตฺเต ปติฏฺาเปสิ. ตีสุ มคฺคผเลสุ ปติฏฺิตานํ คณนปริจฺเฉโท นตฺถิ. เตน วุตฺตํ –

.

‘‘โสปิ ธมฺมํ ปกาเสสิ, พฺรหฺมุนา อภิยาจิโต;

ขนฺธธาตุววตฺถานํ, อปฺปวตฺตํ ภวาภเว’’ติ.

ตตฺถ ขนฺธธาตุววตฺถานนฺติ ปฺจนฺนํ ขนฺธานํ อฏฺารสนฺนํ ธาตูนํ นามรูปววตฺถานาทิวเสน วิภาคกรณํ. สภาวลกฺขณสามฺลกฺขณาทิวเสน รูปารูปธมฺมปริคฺคโห ขนฺธธาตุววตฺถานํ นาม. อถ วา เผณปิณฺฑูปมํ รูปํ ปริมทฺทนาสหนโต ฉิทฺทาวฉิทฺทาทิภาวโต จ อุทกปุพฺพุฬกํ วิย เวทนา มุหุตฺตรมณียภาวโต, มรีจิกา วิย สฺา วิปฺปลมฺภนโต, กทลิกฺขนฺโธ วิย สงฺขารา อสารกโต, มายา วิย วิฺาณํ วฺจนกโต’’ติ เอวมาทินาปิ นเยน อนิจฺจานุปสฺสนาทิวเสนปิ ขนฺธธาตุววตฺถานํ เวทิตพฺพํ (วิภ. อฏฺ. ๒๖ กมาทิวินิจฺฉยกถา). อปฺปวตฺตํ ภวาภเวติ เอตฺถ ภโวติ วฑฺฒิ, อภโวติ หานิ. ภโวติ สสฺสตทิฏฺิ, อภโวติ อุจฺเฉททิฏฺิ. ภโวติ ขุทฺทกภโว, อภโวติ มหาภโว. ภโวติ กามภโว, อภโวติ รูปารูปภโวติ เอวมาทินา นเยน ภวาภวานํ อตฺโถ เวทิตพฺโพ (ม. นิ. อฏฺ. ๒.๒๒๓; สํ. นิ. อฏฺ. ๓.๕.๑๐๘๐; อุทา. อฏฺ. ๒๐). เตสํ ภวาภวานํ อปฺปวตฺติเหตุภูตํ ธมฺมํ ปกาเสสีติ อตฺโถ. อถ วา ภวติ อเนนาติ ภโว, ตีสุ ภเวสุ อุปฺปตฺตินิมิตฺตํ กมฺมาทิกํ. อุปปตฺติภโว อภโว นาม. อุภยตฺถ นิกนฺติยา ปหานกรํ อปฺปวตฺตํ ธมฺมํ เทเสสีติ อตฺโถ. ตสฺส ปน เรวตพุทฺธสฺส ตโยว อภิสมยา อเหสุํ. ปโม ปนสฺส คณนปถํ วีติวตฺโต. เตน วุตฺตํ –

.

‘‘ตสฺสาภิสมยา ตีณิ, อเหสุํ ธมฺมเทสเน;

คณนาย น วตฺตพฺโพ, ปมาภิสมโย อหู’’ติ.

ตตฺถ ตีณีติ ตโย, ลิงฺควิปลฺลาโส กโต, อยํ ปโม อภิสมโย อโหสิ.

อถาปเรน สมเยน นครุตฺตเร อุตฺตเร นคเร สพฺพารินฺทโม อรินฺทโม นาม ราชา อโหสิ. โส กิร ภควนฺตํ อตฺตโน นครมนุปฺปตฺตํ สุตฺวา ตีหิ ชนโกฏีหิ ปริวุโต ภควโต ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา สฺวาตนาย นิมนฺเตตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส สตฺตาหํ มหาทานํ ปวตฺเตตฺวา ติคาวุตวิตฺถตํ ทีปปูชํ กตฺวา ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา นิสีทิ. อถ ภควา ตสฺส มโนนุกูลํ วิจิตฺตนยํ ธมฺมํ เทเสสิ. ตตฺถ เทวมนุสฺสานํ โกฏิสหสฺสสฺส ทุติยาภิสมโย อโหสิ. เตน วุตฺตํ –

.

‘‘ยทา อรินฺทมํ ราชํ, วิเนสิ เรวโต มุนิ;

ตทา โกฏิสหสฺสานํ, ทุติยาภิสมโย อหู’’ติ.

อยํ ทุติโย อภิสมโย.

อถาปเรน สมเยน เรวโต สตฺถา อุตฺตรนิคมํ นาม อุปนิสฺสาย วิหรนฺโต สตฺตาหํ นิโรธสมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา นิสีทิ. ตทา กิร อุตฺตรนิคมวาสิโน มนุสฺสา ยาคุภตฺตขชฺชกเภสชฺชปานกาทีนิ อาหริตฺวา ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ ทตฺวา ภิกฺขู ปริปุจฺฉึสุ – ‘‘กุหึ, ภนฺเต, ภควา’’ติ? ตโต เตสํ ภิกฺขู อาหํสุ – ‘‘ภควา, อาวุโส, นิโรธสมาปตฺตึ สมาปนฺโน’’ติ. อถาตีเต ตสฺมึ สตฺตาเห ภควนฺตํ นิโรธสมาปตฺติโต วุฏฺิตํ สรทสมเย สูริโย วิย อตฺตโน อนูปมาย พุทฺธสิริยา วิโรจมานํ ทิสฺวา นิโรธสมาปตฺติยา คุณานิสํสํ ปุจฺฉึสุ. ภควา จ เตสํ นิโรธสมาปตฺติยา คุณานิสํสํ กเถสิ. ตทา เทวมนุสฺสานํ โกฏิสตํ อรหตฺเต ปติฏฺาสิ. อยํ ตติโย อภิสมโย อโหสิ. เตน วุตฺตํ –

.

‘‘สตฺตาหํ ปฏิสลฺลานา, วุฏฺหิตฺวา นราสโภ;

โกฏิสตํ นรมรูนํ, วิเนสิ อุตฺตเม ผเล’’ติ.

สุธฺวตีนคเร ปมมหาปาติโมกฺขุทฺเทเส เอหิภิกฺขุปพฺพชฺชาย ปพฺพชิตานํ อรหนฺตานํ คณนปถํ วีติวตฺตานํ ปโม สนฺนิปาโต อโหสิ. เมขลนคเร โกฏิสตสหสฺสสงฺขาตานํ เอหิภิกฺขุปพฺพชฺชาย ปพฺพชิตานํ อรหนฺตานํ ทุติโย สนฺนิปาโต อโหสิ. เรวตสฺส ปน ภควโต ธมฺมจกฺกานุวตฺตโก วรุโณ นาม อคฺคสาวโก ปฺวนฺตานํ อคฺโค อาพาธิโก อโหสิ. ตตฺถ คิลานปุจฺฉนตฺถาย สมฺปตฺตมหาชนสฺส ลกฺขณตฺตยปริทีปกํ ธมฺมํ เทเสตฺวา โกฏิสตสหสฺสํ ปุริสานํ เอหิภิกฺขุปพฺพชฺชาย ปพฺพาเชตฺวา อรหตฺเต ปติฏฺาเปตฺวา จตุรงฺคินิเก สนฺนิปาเต ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิ. อยํ ตติโย สนฺนิปาโต อโหสิ. เตน วุตฺตํ –

.

‘‘สนฺนิปาตา ตโย อาสุํ, เรวตสฺส มเหสิโน;

ขีณาสวานํ วิมลานํ, สุวิมุตฺตาน ตาทินํ.

.

‘‘อติกฺกนฺตา คณนปถํ, ปมํ เย สมาคตา;

โกฏิสตสหสฺสานํ, ทุติโย อาสิ สมาคโม.

.

‘‘โยปิ ปฺาย อสโม, ตสฺส จกฺกานุวตฺตโก;

โส ตทา พฺยาธิโต อาสิ, ปตฺโต ชีวิตสํสยํ.

.

‘‘ตสฺส คิลานปุจฺฉาย, เย ตทา อุปคตา มุนี;

โกฏิสตสหสฺสา อรหนฺโต, ตติโย อาสิ สมาคโม’’ติ.

ตตฺถ จกฺกานุวตฺตโกติ ธมฺมจกฺกานุวตฺตโก. ปตฺโต ชีวิตสํสยนฺติ เอตฺถ ชีวิเต สํสยํ ชีวิตสํสยํ, ชีวิตกฺขยํ ปาปุณาติ วา, น วา ปาปุณาตีติ เอวํ ชีวิตสํสยํ ปตฺโต, พฺยาธิตสฺส พลวภาเวน มรติ, น มรตีติ ชีวิเต สํสยํ ปตฺโตติ อตฺโถ. เย ตทา อุปคตา มุนีติ อิติ ทีฆภาเว สติ ภิกฺขูนํ อุปริ โหติ, รสฺเส อนุสฺสเรน สทฺธึ วรุณสฺส อุปริ โหติ.

ตทา อมฺหากํ โพธิสตฺโต รมฺมวตีนคเร อติเทโว นาม พฺราหฺมโณ หุตฺวา พฺราหฺมณธมฺเม ปารํ คโต เรวตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ ทิสฺวา ตสฺส ธมฺมกถํ สุตฺวา สรเณสุ ปติฏฺาย สิโลกสหสฺเสน ทสพลํ กิตฺเตตฺวา สหสฺสคฺฆนิเกน อุตฺตราสงฺเคน ภควนฺตํ ปูเชสิ. โสปิ นํ พุทฺโธ พฺยากาสิ – ‘‘อิโต กปฺปสตสหสฺสาธิกานํ ทฺวินฺนํ อสงฺขฺเยยฺยานํ มตฺถเก โคตโม นาม พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ. เตน วุตฺตํ –

๑๐.

‘‘อหํ เตน สมเยน, อติเทโว นาม พฺราหฺมโณ;

อุปคนฺตฺวา เรวตํ พุทฺธํ, สรณํ ตสฺส คฺฉหํ.

๑๑.

‘‘ตสฺส สีลํ สมาธิฺจ, ปฺาคุณมนุตฺตมํ;

โถมยิตฺวา ยถาถามํ, อุตฺตรียมทาสหํ.

๑๒.

‘‘โสปิ มํ พุทฺโธ พฺยากาสิ, เรวโต โลกนายโก;

อปริเมยฺยิโต กปฺเป, อยํ พุทฺโธ ภวิสฺสติ.

๑๓.

‘ปธานํ ปทหิตฺวาน…เป… เหสฺสาม สมฺมุขา อิม’’’นฺติ. –

อฏฺ คาถา วิตฺถาเรตพฺพา.

๑๔.

‘‘ตสฺสาปิ วจนํ สุตฺวา, ภิยฺโย จิตฺตํ ปสาทยึ;

อุตฺตรึ วตมธิฏฺาสึ, ทสปารมิปูริยา.

๑๕.

‘‘ตทาปิ ตํ พุทฺธธมฺมํ, สริตฺวา อนุพฺรูหยึ;

อาหริสฺสามิ ตํ ธมฺมํ, ยํ มยฺหํ อภิปตฺถิต’’นฺติ.

ตตฺถ สรณํ ตสฺส คฺฉหนฺติ ตํ สรณํ อคฺฉึ อหํ, อุปโยคตฺเถ สามิวจนํ. ปฺาคุณนฺติ ปฺาสมฺปตฺตึ. อนุตฺตมนฺติ เสฏฺํ. ‘‘ปฺาวิมุตฺติคุณมุตฺตม’’นฺติปิ ปาโ, โส อุตฺตาโนว. โถมยิตฺวาติ โถเมตฺวา วณฺณยิตฺวา. ยถาถามนฺติ ยถาพลํ. อุตฺตรียนฺติ อุตฺตราสงฺคํ. อทาสหนฺติ อทาสึ อหํ. พุทฺธธมฺมนฺติ พุทฺธภาวกรํ ธมฺมํ, ปารมีธมฺมนฺติ อตฺโถ. สริตฺวาติ อนุสฺสริตฺวา. อนุพฺรูหยินฺติ อภิวฑฺเฒสึ. อาหริสฺสามีติ อานยิสฺสามิ. ตํ ธมฺมนฺติ ตํ พุทฺธตฺตํ. ยํ มยฺหํ อภิปตฺถิตนฺติ ยํ มยา อภิปตฺถิตํ พุทฺธตฺตํ, ตํ อาหริสฺสามีติ อตฺโถ.

ตสฺส ปน เรวตสฺส ภควโต นครํ สุธฺวตี นาม อโหสิ, ปิตา วิปุโล นาม ขตฺติโย, มาตา วิปุลา นาม, วรุโณ จ พฺรหฺมเทโว จ ทฺเว อคฺคสาวกา, สมฺภโว นาม อุปฏฺาโก, ภทฺทา จ สุภทฺทา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, นาครุกฺโข โพธิ, สรีรํ อสีติหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, อายุ สฏฺิวสฺสสหสฺสานิ, สุทสฺสนา นาม อคฺคมเหสี, วรุโณ นาม ปุตฺโต, อาชฺรเถน นิกฺขมิ.

‘‘ตสฺส เทหาภินิกฺขนฺตํ, ปภาชาลมนุตฺตรํ;

ทิวา เจว ตทา รตฺตึ, นิจฺจํ ผรติ โยชนํ.

‘‘ธาตุโย มม สพฺพาปิ, วิกิรนฺตูติ โส ชิโน;

อธิฏฺาสิ มหาวีโร, สพฺพสตฺตานุกมฺปโก.

‘‘มหานาควนุยฺยาเน, มหโต นครสฺส โส;

ปูชิโต นรมรูหิ, ปรินิพฺพายิ เรวโต’’ติ.

เตน วุตฺตํ –

๑๖.

‘‘นครํ สุธฺวตี นาม, วิปุโล นาม ขตฺติโย;

วิปุลา นาม ชนิกา, เรวตสฺส มเหสิโน.

๒๑.

‘‘วรุโณ พฺรหฺมเทโว จ, อเหสุํ อคฺคสาวกา;

สมฺภโว นามุปฏฺาโก, เรวตสฺส มเหสิโน.

๒๒.

‘‘ภทฺทา เจว สุภทฺทา จ, อเหสุํ อคฺคสาวิกา;

โสปิ พุทฺโธ อสมสโม, นาคมูเล อพุชฺฌถ.

๒๓.

‘‘ปทุโม กุฺชโร เจว, อเหสุํ อคฺคุปฏฺกา;

สิริมา เจว ยสวตี, อเหสุํ อคฺคุปฏฺิกา.

๒๔.

‘‘อุจฺจตฺตเนน โส พุทฺโธ, อสีติหตฺถมุคฺคโต;

โอภาเสติ ทิสา สพฺพา, อินฺทเกตุว อุคฺคโต.

๒๕.

‘‘ตสฺส สรีเร นิพฺพตฺตา, ปภามาลา อนุตฺตรา;

ทิวา วา ยทิ วา รตฺตึ, สมนฺตา ผรติ โยชนํ.

๒๖.

‘‘สฏฺิวสฺสสหสฺสานิ, อายุ วิชฺชติ ตาวเท;

ตาวตา ทิฏฺมาโน โส, ตาเรสิ ชนตํ พหุํ.

๒๗.

‘‘ทสฺสยิตฺวา พุทฺธพลํ อมตํ โลเก ปกาสยํ;

นิพฺพายิ อนุปาทาโน, ยถคฺคุปาทานสงฺขยา.

๒๘.

‘‘โส จ กาโย รตนนิโภ, โส จ ธมฺโม อสาทิโส;

สพฺพํ ตมนฺตรหิตํ, นนุ ริตฺตา สพฺพสงฺขารา’’ติ.

ตตฺถ โอภาเสตีติ ปกาสยติ. อุคฺคโตติ อุสฺสิโต. ปภามาลาติ ปภาเวลา. ยถคฺคีติ อคฺคิ วิย. อุปาทานสงฺขยาติ อินฺธนกฺขยา. โส จ กาโย รตนนิโภติ โส จ ตสฺส ภควโต กาโย สุวณฺณวณฺโณ. ‘‘ตฺจ กายํ รตนนิภ’’นฺติปิ ปาโ, ลิงฺควิปลฺลาเสน วุตฺตํ. โสเยว ปนสฺสตฺโถ. เสสคาถาสุ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติ.

เรวตพุทฺธวํสวณฺณนา นิฏฺิตา.

นิฏฺิโต ปฺจโม พุทฺธวํโส.

๘. โสภิตพุทฺธวํสวณฺณนา

ตสฺส ปน อปรภาเค ตสฺส สาสเนปิ อนฺตรหิเต โสภิโต นาม โพธิสตฺโต กปฺปสตสหสฺสาธิกานิ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ ปารมิโย ปูเรตฺวา ตุสิตปุเร นิพฺพตฺติตฺวา ตตฺถ ยาวตายุกํ ตฺวา เทเวหิ อายาจิโต ตุสิตปุรโต จวิตฺวา สุธมฺมนคเร สุธมฺมราชสฺส กุเล สุธมฺมาย นาม เทวิยา กุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธึ อคฺคเหสิ. โส ทสนฺนํ มาสานํ อจฺจเยน สุธมฺมุยฺยาเน มาตุกุจฺฉิโต ปริสุทฺธวิราชิตฆนเมฆปฏลโต ปุณฺณจนฺโท วิย นิกฺขมิ. ตสฺส ปฏิสนฺธิยํ ชาติยฺจ ปาฏิหาริยานิ ปุพฺเพ วุตฺตปฺปการานิ.

โส ทสวสฺสสหสฺสานิ อคารํ อชฺฌาวสิตฺวา สตฺตตฺตึสนาฏกิตฺถิสหสฺสานํ อคฺคาย อคฺคมเหสิยา มขิลเทวิยา กุจฺฉิสฺมึ สีหกุมาเร นาม ปุตฺเต อุปฺปนฺเน จตฺตาริ นิมิตฺตานิ ทิสฺวา สฺชาตสํเวโค ปาสาเทเยว ปพฺพชิตฺวา ตตฺเถว อานาปานสฺสติสมาธึ ภาเวตฺวา จตฺตาริ ฌานานิ ปฏิลภิตฺวา สตฺตาหํ ตตฺเถว ปธานจริยมจริ. ตโต มขิลมหาเทวิยา ทินฺนํ ปรมมธุรํ มธุปายาสํ ปริภุฺชิตฺวา อภินิกฺขมนตฺถาย จิตฺตมุปฺปาเทสิ – ‘‘อยํ ปาสาโท อลงฺกตปฏิยตฺโต มหาชนสฺส ปสฺสนฺตสฺเสว อากาเสน คนฺตฺวา โพธิรุกฺขํ มชฺเฌกตฺวา ปถวิยํ โอตรตุ, อิมา จ อิตฺถิโย มยิ โพธิมูเล นิสินฺเน อวุตฺตา สยเมว ปาสาทโต นิกฺขมนฺตู’’ติ. สหจิตฺตุปฺปาทา ปาสาโท จ สุธมฺมราชภวนโต อุปฺปติตฺวา อสิตฺชนสงฺกาสมากาสมพฺภุคฺคฺฉิ. โส สโมสริตสุรภิกุสุมทามสมลงฺกตปาสาทตโล สกลมฺปิ คคนตลํ สมลงฺกุรุมาโน วิย กนกรสธาราสทิสรุจิรกรนิกโร ทิวสกโร วิย จ สรทสมยรชนิกโร วิย จ วิโรจมาโน วิลมฺพมานวิวิธวิจิตฺตกิงฺกิณิกชาโล ยสฺส กิร วาเตริตสฺส สุกุสลชนวาทิตสฺส ปฺจงฺคิกสฺส ตุริยสฺส วิย สทฺโท วคฺคุ จ รชนีโย จ กมนีโย จ อโหสิ.

ทูรโต ปฏฺาย สุยฺยมาเนน มธุเรน สเรน สตฺตานํ โสตานิ โอทหมาโน ฆรจจฺจรจตุกฺกวีถิอาทีสุ ตฺวา ปวตฺติตกถาสลฺลาเปสุ มนุสฺเสสุ นาตินีเจน นาติอุจฺเจน ตรุวรวนมตฺถกาวิทูเรนากาเสน ปโลภยมาโน วิย ตรุวรสาขานานารตนชุติวิสรสมุชฺชเลน วณฺเณน ชนนยนานิ อากฑฺเฒนฺโต วิย จ ปุฺานุภาวํ สมุคฺโฆสยนฺโต วิย จ คคนตลํ ปฏิปชฺชิ. ตตฺถ นาฏกิตฺถิโยปิ ปฺจงฺคิกสฺส วรตุริยสฺส มธุเรน สเรน อุปคายึสุ เจว วิลปึสุ จ. จตุรงฺคินี กิรสฺส เสนาปิ อลงฺการ-กายาภรณ-ชุติ-สมุทย-สมุชฺโชตนานาวิราค-สุรภิกุสุมวสนาภรณโสภิตา อมรวรเสนา วิย ปรมรุจิรทสฺสนา ธรณี วิย คคนตเลน ปาสาทํ ปริวาเรตฺวา อคมาสิ.

ตโต ปาสาโท คนฺตฺวา อฏฺาสีติหตฺถุพฺเพธํ อุชุวิปุลวฏฺฏกฺขนฺธํ กุสุมปลฺลวมกุลสมลงฺกตํ นาครุกฺขํ มชฺเฌกตฺวา โอตริตฺวา ภูมิยํ ปติฏฺหิ. นาฏกิตฺถิโย จ เกนจิ อวุตฺตาว ตโต ปาสาทโต โอตริตฺวา ปกฺกมึสุ. อเนกคุณโสภิโต กิร โสภิโตปิ มหาปุริโส มหาชนกตปริวาโรเยว รตฺติยา ตีสุ ยาเมสุ ติสฺโส วิชฺชาโย อุปฺปาเทสิ. มารพลํ ปนสฺส ธมฺมตาพเลเนว ยถาคตมคมาสิ. ปาสาโท ปน ตตฺเถว อฏฺาสิ. โสภิโต ปน ภควตา สมฺโพธึ ปตฺวา – ‘‘อเนกชาติสํสารํ…เป… ตณฺหานํ ขยมชฺฌคา’’ติ อุทานํ อุทาเนตฺวา โพธิสมีเปเยว สตฺตสตฺตาหํ วีตินาเมตฺวา พฺรหฺมุโน ธมฺมชฺเฌสนํ ปฏิชานิตฺวา – ‘‘กสฺส นุ โข ปมํ ธมฺมํ เทเสยฺย’’นฺติ พุทฺธจกฺขุนา โอโลเกนฺโต อตฺตโน เวมาติเก กนิฏฺภาติเก อสมกุมารฺจ สุเนตฺตกุมารฺจ ทิสฺวา – ‘‘อิเม ทฺเว กุมารา อุปนิสฺสยสมฺปนฺนา คมฺภีรํ นิปุณํ ธมฺมํ ปฏิวิชฺฌิตุํ สมตฺถา, หนฺทาหํ อิเมสํ ธมฺมํ เทเสยฺย’’นฺติ อากาเสนาคนฺตฺวา สุธมฺมุยฺยาเน โอตริตฺวา ทฺเวปิ กุมาเร อุยฺยานปาเลน ปกฺโกสาเปตฺวา เตหิ สปริวาเรหิ ปริวุโต มหาชนมชฺเฌ ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตสิ. เตน วุตฺตํ –

.

‘‘เรวตสฺส อปเรน, โสภิโต นาม นายโก;

สมาหิโต สนฺตจิตฺโต, อสโม อปฺปฏิปุคฺคโล.

.

‘‘โส ชิโน สกเคหมฺหิ, มานสํ วินิวตฺตยิ;

ปตฺวาน เกวลํ โพธึ, ธมฺมจกฺกํ ปวตฺตยิ.

.

‘‘ยาว เหฏฺา อวีจิโต, ภวคฺคา จาปิ อุทฺธโต;

เอตฺถนฺตเร เอกปริสา, อโหสิ ธมฺมเทสเน.

.

‘‘ตาย ปริสาย สมฺพุทฺโธ, ธมฺมจกฺกํ ปวตฺตยิ;

คณนาย น วตฺตพฺโพ, ปมาภิสมโย อหู’’ติ.

ตตฺถ สกเคหมฺหีติ อตฺตโน ภวเนเยว, อนฺโตปาสาทตเลเยวาติ อตฺโถ. มานสํ วินิวตฺตยีติ จิตฺตํ ปริวตฺเตสิ, สกเคเห ตฺวา สตฺตทิวสพฺภนฺตเรเยว ปุถุชฺชนภาวโต จิตฺตํ วินิวตฺเตตฺวา พุทฺธตฺตํ ปาปุณีติ อตฺโถ. เหฏฺาติ เหฏฺโต. ภวคฺคาติ อกนิฏฺภวนโต. ตาย ปริสายาติ ตสฺสา ปริสาย มชฺเฌ. คณนาย น วตฺตพฺโพติ คณนปถมตีตาติ อตฺโถ. ปมาภิสมโยติ ปโม ธมฺมาภิสมโย. อหูติ คณนาย น วตฺตพฺพา ปริสา อโหสีติ อตฺโถ. ‘‘ปเม อภิสมึสุเยวา’’ติปิ ปาโ, ตสฺส ปมธมฺมเทสเน อภิสมึสุ เย ชนา, เต คณนาย น วตฺตพฺพาติ อตฺโถ.

อถาปเรน สมเยน สุทสฺสนนครทฺวาเร จิตฺตปาฏลิยา มูเล ยมกปาฏิหาริยํ กตฺวา นวกนกมณิมยภวเน ตาวตึสภวเน ปาริจฺฉตฺตกมูเล ปณฺฑุกมฺพลสิลาตเล นิสีทิตฺวา อภิธมฺมํ เทเสสิ. เทสนาปริโยสาเน นวุติโกฏิสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. อยํ ทุติโย อภิสมโย อโหสิ. เตน วุตฺตํ –

.

‘‘ตโต ปรมฺปิ เทเสนฺเต, มรูนฺจ สมาคเม;

นวุติโกฏิสหสฺสานํ, ทุติยาภิสมโย อหู’’ติ.

อถาปเรน สมเยน สุทสฺสนนคเร ชยเสโน นาม ราชกุมาโร โยชนปฺปมาณํ วิหารํ กาเรตฺวา อโสกสฺสกณฺณจมฺปกนาคปุนฺนาควกุลสุรภิจูตปนสาสนสาลกุนฺท- สหการกรวีราทิตรุวรนิรนฺตรํ อารามํ โรเปตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส นิยฺยาเตสิ. ทานานุโมทนํ กตฺวา ยาคํ วณฺเณตฺวา ภควา ธมฺมํ เทเสสิ. ตทา โกฏิสตสหสฺสสตฺตนิกายสฺส ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. อยํ ตติยาภิสมโย อโหสิ. เตน วุตฺตํ –

.

‘‘ปุนาปรํ ราชปุตฺโต, ชยเสโน นาม ขตฺติโย;

อารามํ โรปยิตฺวาน, พุทฺเธ นิยฺยาตยี ตทา.

.

‘‘ตสฺส ยาคํ ปกิตฺเตนฺโต, ธมฺมํ เทเสสิ จกฺขุมา;

ตทา โกฏิสหสฺสานํ, ตติยาภิสมโย อหู’’ติ.

ปุน อุคฺคโต นาม ราชา สุนนฺทนคเร สุนนฺทํ นาม วิหารํ กาเรตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส อทาสิ. ตสฺมึ ทาเน เอหิภิกฺขุปพฺพชฺชาย ปพฺพชิตานํ โกฏิสตํ อรหนฺตานํ สนฺนิปาโต, เตสํ มชฺเฌ โสภิโต ภควา ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิ. อยํ ปโม สนฺนิปาโต อโหสิ. ปุน เมขลานคเร ธมฺมคโณ ธมฺมคณารามํ นาม ปวรารามํ มหาวิหารํ กาเรตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทตฺวา สห สพฺพปริกฺขาเรหิ ทานํ อทาสิ. ตสฺมึ สมาคเม เอหิภิกฺขุภาเวน ปพฺพชิตานํ นวุติยา อรหนฺตโกฏีนํ สนฺนิปาเต ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิ. อยํ ทุติโย สนฺนิปาโต อโหสิ. ยทา ปน ภควา ทสสตนยนปุเร วสฺสํ วสิตฺวา ปวารณาย สุรวรปริวุโต โอตริ, ตทา อสีติยา อรหนฺตโกฏีหิ สทฺธึ จตุรงฺคิเก สนฺนิปาเต ปวาเรสิ. อยํ ตติโย สนฺนิปาโต อโหสิ. เตน วุตฺตํ –

.

‘‘สนฺนิปาตา ตโย อาสุํ, โสภิตสฺส มเหสิโน;

ขีณาสวานํ วิมลานํ, สนฺตจิตฺตาน ตาทินํ.

.

‘‘อุคฺคโต นาม โส ราชา, ทานํ เทติ นรุตฺตเม;

ตมฺหิ ทาเน สมาคฺฉุํ, อรหนฺตา สตโกฏิโย.

๑๐.

‘‘ปุนาปรํ ปุรคโณ, เทติ ทานํ นรุตฺตเม;

ตทา นวุติโกฏีนํ, ทุติโย อาสิ สมาคโม.

๑๑.

‘‘เทวโลเก วสิตฺวาน, ยทา โอโรหตี ชิโน;

ตทา อสีติโกฏีนํ, ตติโย อาสิ สมาคโม’’ติ.

ตทา กิร อมฺหากํ โพธิสตฺโต รมฺมวตีนคเร อุภโต สุชาโต ‘สุชาโต’ นาม พฺราหฺมโณ หุตฺวา โสภิตสฺส ภควโต ธมฺมเทสนํ สุตฺวา สรเณสุ ปติฏฺาย พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส เตมาสํ มหาทานมทาสิ. โสปิ นํ ‘‘อนาคเต โคตโม นาม พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิ. เตน วุตฺตํ –

๑๒.

‘‘อหํ เตน สมเยน, สุชาโต นาม พฺราหฺมโณ;

ตทา สสาวกํ พุทฺธํ, อนฺนปาเนน ตปฺปยึ.

๑๓.

‘‘โสปิ มํ พุทฺโธ พฺยากาสิ, โสภิโต โลกนายโก;

อปริเมยฺยิโต กปฺเป, อยํ พุทฺโธ ภวิสฺสติ.

๑๔.

‘‘ปธานํ ปทหิตฺวาน…เป… เหสฺสาม สมฺมุขา อิมํ.

๑๕.

‘‘ตสฺสาปิ วจนํ สุตฺวา, หฏฺโ สํวิคฺคมานโส;

ตเมวตฺถมนุปฺปตฺติยา, อุคฺคํ ธิติมกาสห’’นฺติ.

ตตฺถ ตเมวตฺถมนุปฺปตฺติยาติ ตสฺส พุทฺธตฺตสฺส อนุปฺปตฺติอตฺถํ, ตสฺส ปน โสภิตพุทฺธสฺส – ‘‘อนาคเต อยํ โคตโม นาม พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ วจนํ สุตฺวา ‘‘อวิตถวจนา หิ พุทฺธา’’ติ พุทฺธตฺตปฺปตฺติอตฺถนฺติ อตฺโถ. อุคฺคนฺติ ติพฺพํ โฆรํ. ธิตินฺติ วีริยํ. อกาสหนฺติ อกาสึ อหํ.

ตสฺส ปน โสภิตสฺส ภควโต สุธมฺมํ นาม นครํ อโหสิ, ปิตา สุธมฺโม นาม ราชา, มาตา สุธมฺมา นาม เทวี, อสโม จ สุเนตฺโต จ ทฺเว อคฺคสาวกา, อโนโม นามุปฏฺาโก, นกุลา จ สุชาตา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, นาครุกฺโข โพธิ, อฏฺปณฺณาสหตฺถุพฺเพธํ สรีรํ อโหสิ, นวุติวสฺสสหสฺสานิ อายุปฺปมาณํ, มขิลา นามสฺส มหาเทวี, สีหกุมาโร นาม อตฺรโช, นาฏกิตฺถีนํ สตฺตตฺตึสสหสฺสานิ นววสฺสสหสฺสานิ อคารํ อชฺฌาวสิ. ปาสาเทน อภินิกฺขมิ. ชยเสโน นาม ราชา อุปฏฺาโก. เสตาราเม กิร วสีติ. เตน วุตฺตํ –

๑๖.

‘‘สุธมฺมํ นาม นครํ, สุธมฺโม นาม ขตฺติโย;

สุธมฺมา นาม ชนิกา, โสภิตสฺส มเหสิโน.

๒๑.

‘‘อสโม จ สุเนตฺโต จ, อเหสุํ อคฺคสาวกา;

อโนโม นามุปฏฺาโก, โสภิตสฺส มเหสิโน.

๒๒.

‘‘นกุลา จ สุชาตา จ, อเหสุํ อคฺคสาวิกา;

พุชฺฌมาโน จ โส พุทฺโธ, นาคมูเล อพุชฺฌถ.

๒๔.

‘‘อฏฺปณฺณาสรตนํ, อจฺจุคฺคโต มหามุนิ;

โอภาเสติ ทิสา สพฺพา, สตรํสีว อุคฺคโต.

๒๕.

‘‘ตถา สุผุลฺลํ ปวนํ, นานาคนฺเธหิ ธูปิตํ;

ตเถว ตสฺส ปาวจนํ, สีลคนฺเธหิ ธูปิตํ.

๒๖.

‘‘ยถาปิ สาคโร นาม, ทสฺสเนน อตปฺปิโย;

ตเถว ตสฺส ปาวจนํ, สวเนน อตปฺปิยํ.

๒๗.

‘‘นวุติวสฺสสหสฺสานิ, อายุ วิชฺชติ ตาวเท;

ตาวตา ติฏฺมาโน โส, ตาเรสิ ชนตํ พหุํ.

๒๘.

‘‘โอวาทํ อนุสิฏฺิฺจ, ทตฺวาน เสสเก ชเน;

หุตาสโนว ตาเปตฺวา, นิพฺพุโต โส สสาวโก.

๒๙.

‘‘โส จ พุทฺโธ อสมสโม, เตปิ สาวกา พลปฺปตฺตา;

สพฺพํ ตมนฺตรหิตํ, นนุ ริตฺตา สพฺพสงฺขารา’’ติ.

ตตฺถ สตรํสีวาติอาทิจฺโจ วิย, สพฺพา ทิสา โอภาเสตีติ อตฺโถ. ปวนนฺติ มหาวนํ. ธูปิตนฺติ วาสิตํ คนฺธิตํ. อตปฺปิโยติ อติตฺติกโร, อติตฺติชนโน วา. ตาวเทติ ตสฺมึ กาเล, ตาวตกํ กาลนฺติ อตฺโถ. ตาเรสีติ ตารยี. โอวาทนฺติ สกึ วาโท โอวาโท นาม. อนุสิฏฺินฺติ ปุนปฺปุนํ วจนํ อนุสิฏฺิ นาม. เสสเก ชเนติ สจฺจปฺปฏิเวธํ อปฺปตฺตสฺส เสสชนสฺส, สามิอตฺเถ ภุมฺมวจนํ. หุตาสโนว ตาเปตฺวาติ อคฺคิ วิย ตปฺเปตฺวา. อยเมว วา ปาโ, อุปาทานกฺขยา ภควา ปรินิพฺพุโตติ อตฺโถ. เสสคาถาสุ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติ.

โสภิตพุทฺธวํสวณฺณนา นิฏฺิตา.

นิฏฺิโต ฉฏฺโ พุทฺธวํโส.

๙. อโนมทสฺสีพุทฺธวํสวณฺณนา

โสภิตพุทฺเธ ปน ปรินิพฺพุเต ตสฺส อปรภาเค เอกมสงฺขฺเยยฺยํ พุทฺธุปฺปาทรหิตํ อโหสิ. อตีเต ปน ตสฺมึ อสงฺขฺเยยฺเย เอกสฺมึ กปฺเป ตโย พุทฺธา นิพฺพตฺตึสุ อโนมทสฺสี, ปทุโม, นารโทติ. ตตฺถ อโนมทสฺสี ภควา โสฬส อสงฺขฺเยยฺยานิ กปฺปสตสหสฺสฺจ ปารมิโย ปูเรตฺวา ตุสิตปุเร นิพฺพตฺติตฺวา เทเวหิ อภิยาจิโต ตโต จวิตฺวา จนฺทวติยํ นาม ราชธานิยํ ยสวา นามสฺส รฺโ กุเล สมุสฺสิตจารุปโยธราย ยโสธราย นาม อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธึ อคฺคเหสิ. อโนมทสฺสิกุมาเร กิร ยโสธราย เทวิยา กุจฺฉิคเต ตสฺส ปุฺปฺปภาเวน ปภา อสีติหตฺถปฺปมาณํ านํ ผริตฺวา อฏฺาสิ. จนฺทสูริยปฺปภาหิ อนภิภวนียาว อโหสิ. สา ทสนฺนํ มาสานํ อจฺจเยน โพธิสตฺตํ สุจนฺทนุยฺยาเน วิชายิ. ปาฏิหาริยานิ เหฏฺา วุตฺตนยาเนว.

นามคฺคหณทิวเส ปนสฺส นามํ คณฺหนฺตา, ยสฺมา ชาติยํ อากาสโต สตฺต รตนานิ ปตึสุ, ตสฺมา อโนมานํ รตนานํ อุปฺปตฺติเหตุภูตตฺตา ‘‘อโนมทสฺสี’’ติ นามมกํสุ. โส อนุกฺกเมน วุทฺธิปฺปตฺโต ทิพฺเพหิ กามคุเณหิ ปริจาริยมาโน ทสวสฺสสหสฺสานิ อคารํ อชฺฌาวสิ. ตสฺส กิร สิริ อุปสิริ สิริวฑฺโฒติ ตโย ปาสาทา อเหสุํ. สิริมาเทวิปฺปมุขานิ เตวีสติ อิตฺถิสหสฺสานิ ปจฺจุปฏฺิตานิ อเหสุํ. โส สิริมาย เทวิยา อุปวาเณ นาม ปุตฺเต ชาเต จตฺตาริ นิมิตฺตานิ ทิสฺวา สิวิกายาเนน มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิ. ตํ ติสฺโส ชนโกฏิโย อนุปพฺพชึสุ.

เตหิ ปริวุโต มหาปุริโส ทส มาเส ปธานจริยํ จริ. ตโต วิสาขปุณฺณมาย อนุปมพฺราหฺมณคาเม ปิณฺฑาย จริตฺวา อนุปมเสฏฺิธีตาย ทินฺนํ มธุปายาสํ ปริภุฺชิตฺวา สาลวเน ทิวาวิหารํ วีตินาเมตฺวา อโนมนามาชีวเกน ทินฺนา อฏฺ ติณมุฏฺิโย คเหตฺวา อชฺชุนรุกฺขโพธึ ปทกฺขิณํ กตฺวา อฏฺตฺตึสหตฺถวิตฺถตํ ติณสนฺถรํ สนฺถริตฺวา จตุรงฺควีริยํ อธิฏฺาย ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา สมารํ มารพลํ วิทฺธํเสตฺวา ตีสุ ยาเมสุ ติสฺโส วิชฺชา อุปฺปาเทตฺวา – ‘‘อเนกชาติสํสารํ…เป… ตณฺหานํ ขยมชฺฌคา’’ติ อุทานํ อุทาเนสิ. เตน วุตฺตํ –

.

‘‘โสภิตสฺส อปเรน, สมฺพุทฺโธ ทฺวิปทุตฺตโม;

อโนมทสฺสี อมิตยโส, เตชสฺสี ทุรติกฺกโม.

.

‘‘โส เฉตฺวา พนฺธนํ สพฺพํ, วิทฺธํเสตฺวา ตโย ภเว;

อนิวตฺติคมนํ มคฺคํ, เทเสสิ เทวมานุเส.

.

‘‘สาคโรว อสงฺโขโภ, ปพฺพโตว ทุราสโท;

อากาโสว อนนฺโต โส, สาลราชาว ผุลฺลิโต.

.

‘‘ทสฺสเนนปิ ตํ พุทฺธํ, โตสิตา โหนฺติ ปาณิโน;

พฺยาหรนฺตํ คิรํ สุตฺวา, อมตํ ปาปุณนฺติ เต’’ติ.

ตตฺถ อโนมทสฺสีติ อนุปมทสฺสโน, อมิตทสฺสโน วา. อมิตยโสติ อมิตปริวาโร, อมิตกิตฺติ วา. เตชสฺสีติ สีลสมาธิปฺาเตเชน สมนฺนาคโต. ทุรติกฺกโมติ ทุปฺปธํสิโย, อฺเน เทเวน วา มาเรน วา เกนจิ วา อติกฺกมิตุํ อสกฺกุเณยฺโยติ อตฺโถ. โส เฉตฺวา พนฺธนํ สพฺพนฺติ สพฺพํ ทสวิธํ สํโยชนํ ฉินฺทิตฺวา. วิทฺธํเสตฺวา ตโย ภเวติ ติภวูปคํ กมฺมํ กมฺมกฺขยกราเณน วิทฺธํเสตฺวา, อภาวํ กตฺวาติ อตฺโถ. อนิวตฺติคมนํ มคฺคนฺติ นิวตฺติยา ปวตฺติยา ปฏิปกฺขภูตํ นิพฺพานํ อนิวตฺตีติ วุจฺจติ, ตํ อนิวตฺตึ คจฺฉติ อเนนาติ อนิวตฺติคมโน. ตํ อนิวตฺติคมนํ อฏฺงฺคิกํ มคฺคํ เทเสสีติ อตฺโถ. ‘‘ทสฺเสตี’’ติปิ ปาโ, โสเยวตฺโถ. เทวมานุเสติ เทวมนุสฺสานํ, สามิอตฺเถ อุปโยควจนํ ทฏฺพฺพํ.

อสงฺโขโภติ โขเภตุํ จาเลตุํ อสกฺกุเณยฺโยติ อกฺโขภิโย. ยถา หิ สมุทฺโท จตุราสีติโยชนสหสฺสคมฺภีโร อเนกโยชนสหสฺสภูตาวาโส อกฺโขภิโย, เอวํ อกฺโขภิโยติ อตฺโถ. อากาโสว อนนฺโตติ ยถา ปน อากาสสฺส อนฺโต นตฺถิ, อถ โข อนนฺโต อปฺปเมยฺโย อปาโร, เอวํ ภควาปิ พุทฺธคุเณหิ อนนฺโต อปฺปเมยฺโย อปาโร. โสติ โส ภควา. สาลราชาว ผุลฺลิโตติ สพฺพลกฺขณานุพฺยฺชนสมลงฺกตสรีรตฺตา สุผุลฺลิตสาลราชา วิย โสภตีติ อตฺโถ. ทสฺสเนนปิ ตํ พุทฺธนฺติ ตสฺส พุทฺธสฺส ทสฺสเนนาปีติ อตฺโถ. อีทิเสสุปิ สามิวจนํ ปยุชฺชนฺติ สทฺทสตฺถวิทู. โตสิตาติ ปริโตสิตา ปีณิตา. พฺยาหรนฺตนฺติ พฺยาหรนฺตสฺส, สามิอตฺเถ อุปโยควจนํ. อมตนฺติ นิพฺพานํ. ปาปุณนฺตีติ อธิคจฺฉนฺติ. เตติ เย ตสฺส คิรํ ธมฺมเทสนํ สุณนฺติ, เต อมตํ ปาปุณนฺตีติ อตฺโถ.

ภควา ปน โพธิมูเล สตฺตสตฺตาหํ วีตินาเมตฺวา พฺรหฺมุนา อายาจิโต ธมฺมเทสนาย พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โอโลเกนฺโต อตฺตนา สห ปพฺพชิเต ติโกฏิสงฺเข ชเน อุปนิสฺสยสมฺปนฺเน ทิสฺวา – ‘‘กตฺถ นุ โข เต เอตรหิ วิหรนฺตี’’ติ อุปธาเรนฺโต สุภวตีนคเร สุทสฺสนุยฺยาเน วิหรนฺเต ทิสฺวา อากาเสน คนฺตฺวา สุทสฺสนุยฺยาเน โอตริ. โส เตหิ ปริวุโต สเทวมนุสฺสาย ปริสาย มชฺเฌ ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตสิ. ตตฺถ โกฏิสตานํ ปมาภิสมโย อโหสิ. เตน วุตฺตํ –

.

‘‘ธมฺมาภิสมโย ตสฺส, อิทฺโธ ผีโต ตทา อหุ;

โกฏิสตานิ อภิสมึสุ, ปเม ธมฺมเทสเน’’ติ.

ตตฺถ ผีโตติ ผาติปฺปตฺโต พาหุชฺวเสน. โกฏิสตานีติ โกฏีนํ สตานิ โกฏิสตานิ. ‘‘โกฏิสตโย’’ติปิ ปาโ, ตสฺส สตโกฏิโยติ อตฺโถ.

อถาปเรน สมเยน โอสธีนครทฺวาเร อสนรุกฺขมูเล ยมกปาฏิหาริยํ กตฺวา อสุเรหิ ทุรภิภวเน ตาวตึสภวเน ปณฺฑุกมฺพลสิลายํ นิสินฺโน เตมาสํ อภิธมฺมวสฺสํ วสฺสาปยิ. ตทา อสีติเทวตาโกฏิโย อภิสมึสุ. เตน วุตฺตํ –

.

‘‘ตโต ปรํ อภิสมเย, วสฺสนฺเต ธมฺมวุฏฺิโย;

อสีติโกฏิโยภิสมึสุ, ทุติเย ธมฺมเทสเน’’ติ.

ตตฺถ วสฺสนฺเตติ พุทฺธมหาเมเฆ วสฺสนฺเต. ธมฺมวุฏฺิโยติ ธมฺมกถาวสฺสวุฏฺิโย.

ตโต อปเรน สมเยน มงฺคลปฺหานิทฺเทเส อฏฺสตฺตติ โกฏิโย อภิสมึสุ. โส ตติโย อภิสมโย อโหสิ. เตน วุตฺตํ –

.

‘‘ตโต ปรมฺปิ วสฺสนฺเต, ตปฺปยนฺเต จ ปาณินํ;

อฏฺสตฺตติโกฏีนํ, ตติยาภิสมโย อหู’’ติ.

ตตฺถ วสฺสนฺเตติ ธมฺมกถาสลิลธารํ วสฺสนฺเต. ตปฺปยนฺเตติ ธมฺมามตวสฺเสน ตปฺปยนฺเต, ตปฺปนํ กโรนฺเต ภควตีติ อตฺโถ.

อโนมทสฺสิสฺสปิ ภควโต ตโย สาวกสนฺนิปาตา อเหสุํ. ตตฺถ โสเรยฺยนคเร อิสิทตฺตสฺส รฺโ ธมฺเม เทสิยมาเน ปสีทิตฺวา เอหิภิกฺขุปพฺพชฺชาย ปพฺพชิตานํ อฏฺนฺนํ อรหนฺตสตสหสฺสานํ มชฺเฌ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิ. อยํ ปโม สนฺนิปาโต อโหสิ. ราธวตีนคเร สุนฺทรินฺธรสฺส นาม รฺโ ธมฺเม เทสิยมาเน เอหิภิกฺขุปพฺพชฺชาย ปพฺพชิตานํ สตฺตนฺนํ อรหนฺตสตสหสฺสานํ มชฺเฌ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิ. อยํ ทุติโย สนฺนิปาโต อโหสิ. ปุน โสเรยฺยนคเรเยว โสเรยฺยรฺา สห เอหิภิกฺขุปพฺพชฺชาย ปพฺพชิตานํ ฉนฺนํ อรหนฺตสตสหสฺสานํ มชฺเฌ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิ. อยํ ตติโย สนฺนิปาโต อโหสิ. เตน วุตฺตํ –

.

‘‘สนฺนิปาตา ตโย อาสุํ, ตสฺสาปิ จ มเหสิโน;

อภิฺาพลปฺปตฺตานํ, ปุปฺผิตานํ วิมุตฺติยา.

.

‘‘อฏฺสตสหสฺสานํ, สนฺนิปาโต ตทา อหุ;

ปหีนมทโมหานํ, สนฺตจิตฺตาน ตาทินํ.

๑๐.

‘‘สตฺตสตสหสฺสานํ, ทุติโย อาสิ สมาคโม;

อนงฺคณานํ วิรชานํ, อุปสนฺตาน ตาทินํ.

๑๑.

‘‘ฉนฺนํ สตสหสฺสานํ, ตติโย อาสิ สมาคโม;

อภิฺาพลปฺปตฺตานํ, นิพฺพุตานํ ตปสฺสิน’’นฺติ.

ตตฺถ ตสฺสาปิ จ มเหสิโนติ ตสฺส มเหสิโน อโนมทสฺสิสฺสาปิ. ‘‘ตสฺสาปิ ทฺวิปทุตฺตโม’’ติปิ ปาโ, ตสฺสปิ ทฺวิปทุตฺตมสฺสาติ อตฺโถ. ลกฺขณํ สทฺทสตฺถโต คเหตพฺพํ. อภิฺาพลปฺปตฺตานนฺติ อภิฺานํ พลปฺปตฺตานํ, จิณฺณวสิตาย ขิปฺปนิสนฺติภาเวน อภิฺาสุ ถิรภาวปฺปตฺตานนฺติ อตฺโถ. ปุปฺผิตานนฺติ สพฺพผาลิผุลฺลภาเวน อติวิย โสภคฺคปฺปตฺตานํ. วิมุตฺติยาติ อรหตฺตผลวิมุตฺติยา.

อนงฺคณานนฺติ เอตฺถ อยํ องฺคณ-สทฺโท กตฺถจิ กิเลเสสุ ทิสฺสติ. ยถาห – ‘‘ตตฺถ กตมานิ ตีณิ องฺคณานิ? ราโค องฺคณํ โทโส องฺคณํ โมโห องฺคณ’’นฺติ (วิภ. ๙๒๔). ‘‘ปาปกานํ โข เอตํ, อาวุโส, อกุสลานํ อิจฺฉาวจรานํ อธิวจนํ ยทิทํ องฺคณ’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๖๐). กตฺถจิ กิสฺมิฺจิ มเล? ยถาห – ‘‘ตสฺเสว รชสฺส วา องฺคณสฺส วา ปหานาย วายมตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๘๔). กตฺถจิ ตถารูเป ภูมิภาเค ‘‘เจติยงฺคณํ โพธิยงฺคณํ ราชงฺคณ’’นฺติ. อิธ ปน กิเลเสสุ ทฏฺพฺโพ. ตสฺมา นิกฺกิเลสานนฺติ อตฺโถ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๕๗). วิรชานนฺติ ตสฺเสว เววจนํ. ตปสฺสินนฺติ กิเลสกฺขยกโร อริยมคฺคสงฺขาโต ตโป เยสํ อตฺถิ เต ตปสฺสิโน, เตสํ ตปสฺสีนํ, ขีณาสวานนฺติ อตฺโถ.

ตทา อมฺหากํ โพธิสตฺโต เอโก มเหสกฺโข ยกฺขเสนาปติ อโหสิ มหิทฺธิโก มหานุภาโว อเนกโกฏิสตสหสฺสานํ ยกฺขานํ อธิปติ. โส ‘‘พุทฺโธ โลเก อุปฺปนฺโน’’ติ สุตฺวา อาคนฺตฺวา ปรมรุจิรทสฺสนํ สตฺตรตนมยํ อภิรุจิรรชนิกรมณฺฑลสทิสํ มณฺฑปํ นิมฺมินิตฺวา ตตฺถ สตฺตาหํ มหาทานํ พุทฺธปฺปมุขสฺส สงฺฆสฺส อทาสิ. อถ นํ ภควา ภตฺตานุโมทนสมเย ‘‘อนาคเต กปฺปสตสหสฺสาธิเก เอกสฺมึ อสงฺขฺเยยฺเย อติกฺกนฺเต โคตโม นาม พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิ. เตน วุตฺตํ –

๑๒.

‘‘อหํ เตน สมเยน, ยกฺโข อาสึ มหิทฺธิโก;

เนกานํ ยกฺขโกฏีนํ, วสวตฺติมฺหิ อิสฺสโร.

๑๓.

‘‘ตทาปิ ตํ พุทฺธวรํ, อุปคนฺตฺวา มเหสินํ;

อนฺนปาเนน ตปฺเปสึ, สสงฺฆํ โลกนายกํ.

๑๔.

‘‘โสปิ มํ ตทา พฺยากาสิ, วิสุทฺธนยโน มุนิ;

อปริเมยฺยิโต กปฺเป, อยํ พุทฺโธ ภวิสฺสติ.

๑๕.

‘‘ปธานํ ปทหิตฺวาน…เป… เหสฺสาม สมฺมุขา อิมํ.

๑๖.

‘‘ตสฺสาปิ วจนํ สุตฺวา, หฏฺโ สํวิคฺคมานโส;

อุตฺตรึ วตมธิฏฺาสึ, ทสปารมิปูริยา’’ติ.

ตตฺถ อุตฺตรึ วตมธิฏฺาสินฺติ ปารมิปูรณตฺถาย ภิยฺโยปิ ทฬฺหตรํ ปรกฺกมมกาสีติ อตฺโถ.

ตสฺส ปน อโนมทสฺสิสฺส ภควโต จนฺทวตี นาม นครํ อโหสิ, ยสวา นาม ราชา ปิตา, ยโสธรา นาม มาตา, นิสโภ จ อโนโม จ ทฺเว อคฺคสาวกา, วรุโณ นามุปฏฺาโก, สุนฺทรี จ สุมนา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, อชฺชุนรุกฺโข โพธิ, สรีรํ อฏฺปณฺณาสหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, วสฺสสตสหสฺสํ อายุ, สิริมา นาม อคฺคมเหสี, อุปวาโณ นามสฺส ปุตฺโต, ทสวสฺสสหสฺสานิ อคารํ อชฺฌาวสิ. โส สิวิกายาเนน นิกฺขมิ. สิวิกายาเนน คมนํ ปน โสภิตพุทฺธวํสวณฺณนาย ปาสาทคมเน วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. ธมฺมโก นาม ราชา อุปฏฺาโก. ธมฺมาราเม กิร ภควา วิหาสีติ. เตน วุตฺตํ –

๑๗.

‘‘นครํ จนฺทวตี นาม, ยสวา นาม ขตฺติโย;

มาตา ยโสธรา นาม, อโนมทสฺสิสฺส สตฺถุโน.

๒๒.

‘‘นิสโภ จ อโนโม จ, อเหสุํ อคฺคสาวกา;

วรุโณ นามุปฏฺาโก, อโนมทสฺสิสฺส สตฺถุโน.

๒๓.

‘‘สุนฺทรี จ สุมนา จ, อเหสุํ อคฺคสาวิกา;

โพธิ ตสฺส ภควโต, อชฺชุโนติ ปวุจฺจติ.

๒๕.

‘‘อฏฺปณฺณาสรตนํ, อจฺจุคฺคโต มหามุนิ;

ปภา นิทฺธาวตี ตสฺส, สตรํสีว อุคฺคโต.

๒๖.

‘‘วสฺสสตสหสฺสานิ, อายุ วิชฺชติ ตาวเท;

ตาวตา ติฏฺมาโน โส, ตาเรสิ ชนตํ พหุํ.

๒๗.

‘‘สุปุปฺผิตํ ปาวจนํ, อรหนฺเตหิ ตาทิหิ;

วีตราเคหิ วิมเลหิ, โสภิตฺถ ชินสาสนํ.

๒๘.

‘‘โส จ สตฺถา อมิตยโส, ยุคานิ ตานิ อตุลิยานิ;

สพฺพํ ตมนฺตรหิตํ, นนุ ริตฺตา สพฺพสงฺขารา’’ติ.

ตตฺถ ปภา นิทฺธาวตีติ ตสฺส สรีรโต ปภา นิกฺขมติ. สรีรปฺปภา ปนสฺส นิจฺจกาลํ ทฺวาทสโยชนปฺปมาณํ ปเทสํ ผริตฺวา ติฏฺติ. ยุคานิ ตานีติ อคฺคสาวกยุคาทีนิ ยุคฬานิ. สพฺพํ ตมนฺตรหิตนฺติ วุตฺตปฺปการํ สพฺพมฺปิ อนิจฺจมุขํ ปวิฏฺํ วินฏฺนฺติ อตฺโถ. ‘‘นนุ ริตฺตกเมว สงฺขารา’’ติปิ ปาโ, ตสฺส นนุ ริตฺตกา ตุจฺฉกาเยว สพฺเพ สงฺขาราติ อตฺโถ. -กาโร ปทสนฺธิกโร. เสสคาถาสุ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติ.

อิมสฺส ปน อโนมทสฺสิสฺส ภควโต สนฺติเก สาริปุตฺโต จ มหาโมคฺคลฺลาโน จาติ อิเม ทฺเว อคฺคสาวกา อคฺคสาวกภาวตฺถาย ปณิธานมกํสุ. อิเมสํ ปน เถรานํ วตฺถุ เจตฺถ กเถตพฺพํ. มยา คนฺถวิตฺถารภเยน น อุทฺธฏนฺติ.

อโนมทสฺสีพุทฺธวํสวณฺณนา นิฏฺิตา.

นิฏฺิโต สตฺตโม พุทฺธวํโส.

๑๐. ปทุมพุทฺธวํสวณฺณนา

อโนมทสฺสิสฺส ปน ภควโต อปรภาเค วสฺสสตสหสฺสายุกา มนุสฺสา อนุกฺกเมน ปริหายิตฺวา ทสวสฺสายุกา หุตฺวา ปุน อนุกฺกเมน วฑฺฒิตฺวา อสงฺขฺเยยฺยายุกา หุตฺวา ปุน ปริหายมานา วสฺสสตสหสฺสายุกา อเหสุํ. ตถา ปทุโม นาม สตฺถา โลเก อุปฺปชฺชิ. โสปิ ปารมิโย ปูเรตฺวา ตุสิตปุเร นิพฺพตฺติตฺวา ตโต จวิตฺวา จมฺปกนคเร อสมสฺส นาม รฺโ กุเล รูปาทีหิ อสมาย อสมาย นาม อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธึ อคฺคเหสิ. โส ทสนฺนํ มาสานํ อจฺจเยน จมฺปกุยฺยาเน มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขมิ. ชาเต ปน กุมาเร อากาสโต สกลชมฺพุทีเป สมุทฺทปริยนฺเต ปทุมวสฺสํ นิปติ. เตนสฺส นามคฺคหณทิวเส นามํ คณฺหนฺตา เนมิตฺตกา จ าตกา จ ‘‘มหาปทุมกุมาโร’’ตฺเวว นามมกํสุ. โส ทสวสฺสสหสฺสานิ อคารํ อชฺฌาวสิ. นนฺทุตฺตร-วสุตฺตร-ยสุตฺตรานามกา ตโย ปาสาทา อเหสุํ. อุตฺตราเทวิปฺปมุขานิ เตตฺตึส อิตฺถิสหสฺสานิ ปจฺจุปฏฺิตานิ อเหสุํ.

อถ มหาสตฺโต อุตฺตราย นาม มหาเทวิยา รมฺมกุมาเร นาม อุปฺปนฺเน จตฺตาริ นิมิตฺตานิ ทิสฺวา อาชฺรเถน มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิ. ตํ ปพฺพชนฺตํ เอกา ปุริสโกฏิ อนุปพฺพชิ. โส เตหิ ปริวุโต อฏฺ มาเส ปธานจริยํ จริตฺวา วิสาขปุณฺณมาย ธฺวตีนคเร สุธฺเสฏฺิสฺส ธีตาย ธฺวติยา นาม ทินฺนํ มธุปายาสํ ปริภุฺชิตฺวา มหาสาลวเน ทิวาวิหารํ วีตินาเมตฺวา สายนฺหสมเย ติตฺถกาชีวเกน ทินฺนา อฏฺ ติณมุฏฺิโย คเหตฺวา มหาโสณโพธึ อุปสงฺกมิตฺวา อฏฺตฺตึสหตฺถวิตฺถตํ ติณสนฺถรกํ ปฺเปตฺวา ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา จตุรงฺควีริยํ อธิฏฺาย มารพลํ วิธมิตฺวา ตีสุ ยาเมสุ ติสฺโส วิชฺชา สจฺฉิกตฺวา – ‘‘อเนกชาติสํสารํ…เป… ตณฺหานํ ขยมชฺฌคา’’ติ (ธ. ป. ๑๕๓-๑๕๔) อุทานํ อุทาเนตฺวา สตฺตสตฺตาหํ โพธิสมีเปเยว วีตินาเมตฺวา พฺรหฺมุโน อายาจนํ อธิวาเสตฺวา ธมฺมเทสนาย ภาชนภูเต ปุคฺคเล อุปปริกฺขนฺโต อตฺตนา สห ปพฺพชิเต โกฏิสงฺเข ภิกฺขู ทิสฺวา ตงฺขเณเยว อนิลปเถน คนฺตฺวา ธฺวตีนครสมีเป ธนฺชยุยฺยาเน โอตริตฺวา เตหิ ปริวุโต เตสํ มชฺเฌ ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตสิ. ตทา โกฏิสตานํ อภิสมโย อโหสิ. เตน วุตฺตํ –

.

‘‘อโนมทสฺสิสฺส อปเรน, สมฺพุทฺโธ ทฺวิปทุตฺตโม;

ปทุโม นาม นาเมน, อสโม อปฺปฏิปุคฺคโล.

.

‘‘ตสฺสาปิ อสมํ สีลํ, สมาธิปิ อนนฺตโก;

อสงฺขฺเยยฺยํ าณวรํ, วิมุตฺติปิ อนูปมา.

.

‘‘ตสฺสาปิ อตุลเตชสฺส, ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตเน;

อภิสมยา ตโย อาสุํ, มหาตมปวาหนา’’ติ.

ตตฺถ อสมํ สีลนฺติ อฺเสํ สีเลน อสทิสํ, อุตฺตมํ เสฏฺนฺติ อตฺโถ. สมาธิปิ อนนฺตโกติ สมาธิปิ อปฺปเมยฺโย, ตสฺส อนนฺตภาโว โลกวิวรณยมกปาฏิหาริยาทีสุ ทฏฺพฺโพ. าณวรนฺติ สพฺพฺุตฺาณํ, อสาธารณาณานิ วา. วิมุตฺติปีติ อรหตฺตผลวิมุตฺติปิ ภควโต. อนูปมาติ อุปมาวิรหิตา. อตุลเตชสฺสาติ อตุลาณเตชสฺส. ‘‘อตุลาณเตชา’’ติปิ ปาโ. ตสฺส ‘‘ตโย อภิสมยา’’ติ อิมินา อุตฺตรปเทน สมฺพนฺโธ ทฏฺพฺโพ. มหาตมปวาหนาติ มหาโมหวินาสกา, โมหนฺธการวิทฺธํสกาติ อตฺโถ.

อถาปเรน สมเยน ปทุโม ภควา อตฺตโน กนิฏฺภาตรํ สาลกุมารฺจ อุปสาลกุมารฺจ าติสมาคเม สปริวาเร ปพฺพาเชตฺวา เตสํ ธมฺมํ เทเสนฺโต นวุติ โกฏิโย ธมฺมามตํ ปาเยสิ. ยทา ปน รมฺมตฺเถรสฺส ธมฺมํ เทเสสิ, ตทา อสีติโกฏีนํ ตติโย อภิสมโย อโหสิ. เตน วุตฺตํ –

.

‘‘ปมาภิสมเย พุทฺโธ, โกฏิสตมโพธยิ;

ทุติยาภิสมเย ธีโร, นวุติโกฏิมโพธยิ.

.

‘‘ยทา จ ปทุโม พุทฺโธ, โอวที สกมตฺรชํ;

ตทา อสีติโกฏีนํ, ตติยาภิสมโย อหู’’ติ.

ยทา ปน สุภาวิตตฺโต นาม ราชา ปทุมสฺส พุทฺธสฺส พุทฺธปทุมวทนสฺส สนฺติเก โกฏิสตสหสฺสปริวาโร เอหิภิกฺขุปพฺพชฺชาย ปพฺพชิโต, ตสฺมึ สนฺนิปาเต ภควา ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิ, โส ปน ปโม สนฺนิปาโต อโหสิ.

อถาปเรน สมเยน มหาปทุโม มุนิวสโภ อุสภสมคตี อุสภวตีนครํ อุปนิสฺสาย วสฺสํ อุปคฺฉิ. นครวาสิโน มนุสฺสา ภควนฺตํ ทสฺสนกามา อุปสงฺกมึสุ. เตสํ ภควา ธมฺมํ เทเสสิ. ตตฺถ จ พหโว มนุสฺสา ปสนฺนจิตฺตา ปพฺพชึสุ. ตโต ทสพโล เตหิ จ อฺเหิ จ ตีหิ ภิกฺขุสตสหสฺเสหิ สทฺธึ วิสุทฺธิปวารณํ ปวาเรสิ. โส ทุติโย สนฺนิปาโต อโหสิ. เย ปน ตตฺถ น ปพฺพชึสุ, เต กถินานิสํสํ สุตฺวา ปาฏิปเท ปฺจสุ มาเสสุ ปฺจานิสํสทายกํ กถินจีวรมทํสุ. ตโต ตํ ภิกฺขู ธมฺมเสนาปตึ อคฺคสาวกํ วิสาลมตึ สาลตฺเถรํ กถินตฺถารตฺถํ ยาจิตฺวา กถินจีวรํ ตสฺสาทํสุ. เถรสฺส กถินจีวเร กยิรมาเน ภิกฺขู สิพฺพเน สหายกา อเหสุํ. ปทุโม ปน สมฺมาสมฺพุทฺโธ สูจิจฺฉิทฺเท สุตฺตานิ อาวุนิตฺวา อทาสิ. นิฏฺิเต ปน จีวเร ภควา ตีหิ ภิกฺขุสตสหสฺเสหิ จาริกํ ปกฺกามิ.

อถาปเรน สมเยน สีหวิกฺกนฺตคามี ปุริสสีโห วิย พุทฺธสีโห โคสิงฺคสาลวนสทิเส ปรมสุรภิกุสุมผลภารวินมิตสาขาวิฏเป วิมลกมลกุวลยสมลงฺกเต สิสิรมธุรวาริวาเหน ปริปูริเต รุรุ-จมร-สีห-พฺยคฺฆ-อช-หย-ควย-มหึสาทิ วิวิธมิคคณวิจริเต สุรภิกุสุมคนฺธาวพทฺธหทยาหิ ภมรมธุกรยุวตีหิ อนุภูตปฺปจาราหิ สมนฺตโต คุมฺพคุมฺพายมาเน ผลรสปมุทิตหทยาหิ กากลิสทิสมธุรวิรุตาหิ โกกิลวธูหิ อุปคียมาเน ปรมรมณีเย วิวิตฺเต วิชเน โยคานุกูเล ปวเน วสฺสาวาสมุปคฺฉิ. ตสฺมึ วิหรนฺตํ สปริวารกํ ทสพลํ ตถาคตํ ธมฺมราชํ พุทฺธสิริยา วิโรจมานํ ทิสฺวา มนุสฺสา ตสฺส ธมฺมํ สุตฺวา ปสีทิตฺวา เอหิภิกฺขุปพฺพชฺชาย ปพฺพชึสุ. ตทา ทฺวีหิ ภิกฺขุสตสหสฺเสหิ ปริวุโต ปวาเรสิ. โส ตติโย สนฺนิปาโต อโหสิ. เตน วุตฺตํ –

.

‘‘สนฺนิปาตา ตโย อาสุํ, ปทุมสฺส มเหสิโน;

โกฏิสตสหสฺสานํ, ปโม อาสิ สมาคโม.

.

‘‘กถินตฺถารสมเย, อุปฺปนฺเน กถินจีวเร;

ธมฺมเสนาปติตฺถาย, ภิกฺขู สิพฺพึสุ จีวรํ.

.

‘‘ตทา เต วิมลา ภิกฺขู, ฉฬภิฺา มหิทฺธิกา;

ตีณิ สตสหสฺสานิ, สมึสุ อปราชิตา.

.

‘‘ปุนาปรํ โส นราสโภ, ปวเน วาสํ อุปาคมิ;

ตทา สมาคโม อาสิ, ทฺวินฺนํ สตสหสฺสิน’’นฺติ.

ตตฺถ กถินตฺถารสมเยติ กถินจีวรตฺถรณสมเย. ธมฺมเสนาปติตฺถายาติ ธมฺมเสนาปติสาลตฺเถรตฺถํ. อปราชิตาติ น ปราชิตา, วิภตฺติโลโป ทฏฺพฺโพ. โสติ โส มหาปทุโม. ปวเนติ มหาวเน. วาสนฺติ วสฺสาวาสํ. อุปาคมีติ อุปาคโต. ทฺวินฺนํ สตสหสฺสินนฺติ ทฺวินฺนํ สตสหสฺสานํ. ‘‘ตทา อาสิ สมาคโม’’ติปิ ปาโ ยทิ อตฺถิ สุนฺทโร ภเวยฺย.

ตทา ตถาคเต ตสฺมึ วนสณฺเฑ วสนฺเต อมฺหากํ โพธิสตฺโต สีโห หุตฺวา สตฺตาหํ นิโรธสมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา นิสินฺนํ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺโต หุตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา สฺชาตปีติโสมนสฺโส ติกฺขตฺตุํ สีหนาทํ นทิตฺวา สตฺตาหํ พุทฺธารมฺมณํ ปีตึ อวิชหิตฺวา ปีติสุเขเนว โคจราย อปกฺกมิตฺวา ชีวิตปริจฺจาคํ กตฺวา ปยิรุปาสมาโน อฏฺาสิ. อถ สตฺถา ตสฺส สตฺตาหสฺส อจฺจเยน นิโรธสมาปตฺติโต วุฏฺาย นรสีโห สีหํ โอโลเกตฺวา – ‘‘ภิกฺขุสงฺเฆปิสฺส จิตฺตปฺปสาโท โหตูติ สงฺโฆ อาคจฺฉตู’’ติ จินฺเตสิ. อเนกโกฏิภิกฺขู ตาวเทว อาคฺฉึสุ. สีโห สงฺเฆปิ จิตฺตํ ปสาเทสิ. อถ สตฺถา ตสฺส จิตฺตํ โอโลเกตฺวา – ‘‘อนาคเต โคตโม นาม พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิ. เตน วุตฺตํ –

๑๐.

‘‘อหํ เตน สมเยน, สีโห อาสึ มิคาธิภู;

ปวิเวกมนุพฺรูหนฺตํ, ปวเน อทฺทสํ ชินํ.

๑๑.

‘‘วนฺทิตฺวา สิรสา ปาเท, กตฺวาน ตํ ปทกฺขิณํ;

ติกฺขตฺตุํ อภินาทิตฺวา, สตฺตาหํ ชินมุปฏฺหํ.

๑๒.

‘‘สตฺตาหํ วรสมาปตฺติยา, วุฏฺหิตฺวา ตถาคโต;

มนสา จินฺตยิตฺวาน, โกฏิภิกฺขู สมานยิ.

๑๓.

‘‘ตทาปิ โส มหาวีโร, เตสํ มชฺเฌ วิยากริ;

อปริเมยฺยิโต กปฺเป, อยํ พุทฺโธ ภวิสฺสติ.

๑๔.

‘‘ปธานํ ปทหิตฺวาน…เป… เหสฺสาม สมฺมุขา อิมํ.

๑๕.

‘‘ตสฺสาปิ วจนํ สุตฺวา, ภิยฺโย จิตฺตํ ปสาทยึ;

อุตฺตรึ วตมธิฏฺาสึ, ทสปารมิปูริยา’’ติ.

ตตฺถ ปวิเวกมนุพฺรูหนฺตนฺติ นิโรธสมาปตฺตึ สมาปนฺนนฺติ อตฺโถ. ปทกฺขิณนฺติ ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา. อภินาทิตฺวาติ ติกฺขตฺตุํ สีหนาทํ นทิตฺวา. อุปฏฺหนฺติ อุปฏฺหึ. อยเมว วา ปาโ. วรสมาปตฺติยาติ นิโรธสมาปตฺติโต วุฏฺหิตฺวา. มนสา จินฺตยิตฺวานาติ ‘‘สพฺเพปิ ภิกฺขู อิธ อาคจฺฉนฺตู’’ติ มนสาว จินฺเตตฺวา. สมานยีติ สมาหริ.

ตสฺส ปน ปทุมสฺส ภควโต จมฺปกํ นาม นครํ อโหสิ. อสโม นาม ราชา ปิตา อโหสิ, มาตาปิ ตสฺส อสมา นาม, สาโล จ อุปสาโล จ ทฺเว อคฺคสาวกา, วรุโณ นามุปฏฺาโก, ราธา จ สุราธา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, มหาโสณรุกฺโข โพธิ, อฏฺปณฺณาสหตฺถุพฺเพธํ สรีรํ, อายุ วสฺสสตสหสฺสํ อโหสิ, รูปาทีหิ คุเณหิ อนุตฺตรา อุตฺตรา นามสฺส อคฺคมเหสี, รมฺมกุมาโร นามสฺส อติรมฺโม ตนโย อโหสิ. เตน วุตฺตํ –

๑๖.

‘‘จมฺปกํ นาม นครํ, อสโม นาม ขตฺติโย;

อสมา นาม ชนิกา, ปทุมสฺส มเหสิโน.

๒๑.

‘‘สาโล จ อุปสาโล จ, อเหสุํ อคฺคสาวกา;

วรุโณ นามุปฏฺาโก, ปทุมสฺส มเหสิโน.

๒๒.

‘‘ราธา เจว สุราธา จ, อเหสุํ อคฺคสาวิกา;

โพธิ ตสฺส ภควโต, มหาโสโณติ วุจฺจติ.

๒๔.

‘‘อฏฺปณฺณาสรตนํ, อจฺจุคฺคโต มหามุนิ;

ปภา นิทฺธาวตี ตสฺส, อสมา สพฺพโต ทิสา.

๒๕.

‘‘จนฺทปฺปภา สูริยปฺปภา, รตนคฺคิมณิปฺปภา;

สพฺพาปิ ตา หตา โหนฺติ, ปตฺวา ชินปภุตฺตมํ.

๒๖.

‘‘วสฺสสตสหสฺสานิ, อายุ วิชฺชติ ตาวเท;

ตาวตา ติฏฺมาโน โส, ตาเรสิ ชนตํ พหุํ.

๒๗.

‘‘ปริปกฺกมานเส สตฺเต, โพธยิตฺวา อเสสโต;

เสสเก อนุสาสิตฺวา, นิพฺพุโต โส สสาวโก.

๒๘.

‘‘อุรโคว ตจํ ชิณฺณํ, วทฺธปตฺตํว ปาทโป;

ชหิตฺวา สพฺพสงฺขาเร, นิพฺพุโต โส ยถา สิขี’’ติ.

ตตฺถ รตนคฺคิมณิปฺปภาติ รตนปฺปภา จ อคฺคิปฺปภา จ มณิปฺปภา จ. หตาติ อภิภูตา. ชินปภุตฺตมนฺติ ชินสฺส สรีรปฺปภํ อุตฺตมํ ปตฺวา หตาติ อตฺโถ. ปริปกฺกมานเสติ ปริปกฺกินฺทฺริเย เวเนยฺยสตฺเต. วทฺธปตฺตนฺติ ปุราณปตฺตํ. ปาทโป วาติ ปาทโป วิย. สพฺพสงฺขาเรติ สพฺเพปิ อชฺฌตฺติกพาหิเร สงฺขาเร. ‘‘หิตฺวา สพฺพสงฺขาร’’นฺติปิ ปาโ, โสเยวตฺโถ. ยถา สิขีติ อคฺคิ วิย นิรุปาทาโน นิพฺพุตึ สุคโต คโตติ. เสสเมตฺถ คาถาสุ เหฏฺา วุตฺตนยตฺตา อุตฺตานเมวาติ.

ปทุมพุทฺธวํสวณฺณนา นิฏฺิตา.

นิฏฺิโต อฏฺโม พุทฺธวํโส.

๑๑. นารทพุทฺธวํสวณฺณนา

ปทุมพุทฺเธ ปน ปรินิพฺพุเต ตสฺส สาสเน จ อนฺตรหิเต วสฺสสตสหสฺสายุกา มนุสฺสา อนุกฺกเมน ปริหายมานา ทสวสฺสายุกา อเหสุํ. ปุน วฑฺฒิตฺวา อสงฺขฺเยยฺยายุกา หุตฺวา ปริหายมานา นวุติวสฺสสหสฺสายุกา อเหสุํ. ตทา ทสพลธโร เตวิชฺโช จตุเวสารชฺชวิสารโท วิมุตฺติสารโท นารโท นาม นรสตฺตุตฺตโม สตฺถา โลเก อุทปาทิ. โส จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ กปฺปสตสหสฺสฺจ ปารมิโย ปูเรตฺวา ตุสิตภวเน นิพฺพตฺติตฺวา ตโต จวิตฺวา ธฺวตี นาม นคเร สกวีริยวิชิตวาสุเทวสฺส สุเทวสฺส นาม รฺโ กุเล อคฺคมเหสิยา นิรูปมาย อโนมาย นาม เทวิยา กุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธึ อคฺคเหสิ. โส ทสนฺนํ มาสานํ อจฺจเยน ธนฺชยุยฺยาเน มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขมิ. นามคฺคหณทิวเส ปน นามกรเณ กยิรมาเน สกลชมฺพุทีเป มนุสฺสานํ อุปโภคกฺขมานิ อนุรูปานิ อาภรณานิ อากาสโต กปฺปรุกฺขาทีหิ ปตึสุ. เตนสฺส นรานํ อรหานิ อาภรณานิ อทาสีติ ‘‘นารโท’’ติ นามํ อกํสุ.

โส นววสฺสสหสฺสานิ อคารมชฺเฌ วสิ. วิชิโต วิชิตาวี วิชิตาภิราโมติ ติณฺณํ อุตูนํ อนุจฺฉวิกา ตโย ปาสาทา อเหสุํ. ตสฺส นารทกุมารสฺส กุลสีลาจารรูปสมฺปนฺนํ มโนนุกูลํ วิชิตเสนํ นาม อติวิย ธฺํ ขตฺติยกฺํ อคฺคมเหสึ อกํสุ. ตํ อาทึ กตฺวา วีสติสหสฺสาธิกํ อิตฺถีนํ สตสหสฺสํ อโหสิ. ตสฺสา วิชิตเสนาย เทวิยา สพฺพโลกานนฺทกเร นนฺทุตฺตรกุมาเร นาม ชาเต โส จตฺตาริ นิมิตฺตานิ ทิสฺวา จตุรงฺคินิยา มหติยา เสนาย ปริวุโต นานาวิราคตนุวรวสนนิวสโน อามุกฺกมุตฺตาหารมณิกุณฺฑโล วรเกยูรมกุฏกฏกธโร ปรมสุรภิคนฺธกุสุมสมลงฺกโต ปทสาว อุยฺยานํ คนฺตฺวา สพฺพาภรณานิ โอมุฺจิตฺวา ภณฺฑาคาริกสฺส หตฺเถ ทตฺวา สยเมว วิมลนีลกุวลยทลสทิเสนาตินิสิเตนาสินา ปรมรุจิรรตนวิจิตฺตํ สเกสมกุฏํ ฉินฺทิตฺวา คคนตเล ขิปิ. ตํ สกฺโก เทวราชา สุวณฺณจงฺโกฏเกน ปฏิคฺคเหตฺวา ตาวตึสภวนํ เนตฺวา ติโยชนุพฺเพธํ สิเนรุมุทฺธนิ สตฺตรตนมยํ เจติยํ อกาสิ.

มหาปุริโส ปน เทวทตฺตานิ กาสายานิ วตฺถานิ ปริทหิตฺวา ตตฺเถว อุยฺยาเน ปพฺพชิ. ปุริสสตสหสฺสา จ ตํ อนุปพฺพชึสุ. โส สตฺตาหํ ตตฺเถว ปธานจริยํ จริตฺวา วิสาขปุณฺณมาย วิชิตเสนาย อคฺคมเหสิยา ทินฺนํ ปายาสํ ปริภุฺชิตฺวา ตตฺเถว อุยฺยาเน ทิวาวิหารํ กตฺวา สุทสฺสนุยฺยานปาเลน ทินฺนา อฏฺ ติณมุฏฺิโย คเหตฺวา มหาโสณโพธึ ปทกฺขิณํ กตฺวา อฏฺปณฺณาสหตฺถวิตฺถตํ ติณสนฺถรํ สนฺถริตฺวา นิสีทิตฺวา มารพลํ วิธมิตฺวา ตีสุ ยาเมสุ ติสฺโส วิชฺชา อุปฺปาเทตฺวา สพฺพฺุตฺาณํ ปฏิวิชฺฌิตฺวา – ‘‘อเนกชาติสํสารํ…เป… ตณฺหานํ ขยมชฺฌคา’’ติ อุทานํ อุทาเนตฺวา สตฺตสตฺตาหานิ วีตินาเมตฺวา พฺรหฺมุโน ยาจิโต ปฏิฺํ ทตฺวา ธนฺชยุยฺยาเน อตฺตนา สห ปพฺพชิเตหิ สตสหสฺสภิกฺขูหิ ปริวุโต ตตฺถ ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตสิ. ตทา โกฏิสตสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. เตน วุตฺตํ –

.

‘‘ปทุมสฺส อปเรน, สมฺพุทฺโธ ทฺวิปทุตฺตโม;

นารโท นาม นาเมน, อสโม อปฺปฏิปุคฺคโล.

.

‘‘โส พุทฺโธ จกฺกวตฺติสฺส, เชฏฺโ ทยิตโอรโส;

อามุกฺกมาลาภรโณ, อุยฺยานํ อุปสงฺกมิ.

.

‘‘ตตฺถาสิ รุกฺโข ยสวิปุโล, อภิรูโป พฺรหฺมา สุจิ;

ตมชฺฌปฺปตฺวา อุปนิสีทิ, มหาโสณสฺส เหฏฺโต.

.

‘‘ตตฺถ าณวรุปฺปชฺชิ, อนนฺตํ วชิรูปมํ;

เตน วิจินิ สงฺขาเร, อุกฺกุชฺชมวกุชฺชกํ.

.

‘‘ตตฺถ สพฺพกิเลสานิ, อเสสมภิวาหยิ;

ปาปุณี เกวลํ โพธึ, พุทฺธาเณ จ จุทฺทส.

.

‘‘ปาปุณิตฺวาน สมฺโพธึ, ธมฺมจกฺกํ ปวตฺตยิ;

โกฏิสตสหสฺสานํ, ปมาภิสมโย อหู’’ติ.

ตตฺถ จกฺกวตฺติสฺสาติ จกฺกวตฺติรฺโ. เชฏฺโติ ปุพฺพโช. ทยิตโอรโสติ ทยิโต ปิโย โอรโส ปุตฺโต, ทยิโต โอรสิ คเหตฺวา ลาลิโต ปุตฺโต ทยิตโอรโส นาม. อามุกฺกมาลาภรโณติ อามุกฺกมุตฺตาหารเกยูรกฏกมกุฏกุณฺฑลมาโล. อุยฺยานนฺติ พหินคเร ธนฺชยุยฺยานํ นามารามํ อคมาสิ.

ตตฺถาสิ รุกฺโขติ ตสฺมึ อุยฺยาเน เอโก กิร รุกฺโข รตฺตโสโณ นาม อโหสิ. โส กิร นวุติหตฺถุพฺเพโธ สมวฏฺฏกฺขนฺโธ สมฺปนฺนวิวิธวิฏปสาโข นีลพหลวิปุลปลาโส สนฺทจฺฉาโย เทวตาธิวุฏฺตฺตา วิคตวิวิธวิหคคณสฺจาโร ธรณีตลติลกภูโต ตรุรชฺชํ วิย กุรุมาโน ปรมรมณียทสฺสโน รตฺตกุสุมสมลงฺกตสพฺพสาโข เทวมนุสฺสนยนรสายนภูโต อโหสิ. ยสวิปุโลติ วิปุลยโส, สพฺพโลกวิขฺยาโต อตฺตโน สมฺปตฺติยา สพฺพตฺถ ปากโฏ วิสฺสุโตติ อตฺโถ. เกจิ ‘‘ตตฺถาสิ รุกฺโข วิปุโล’’ติ ปนฺติ. พฺรหาติ มหนฺโต, เทวานํ ปาริจฺฉตฺตกสทิโสติ อตฺโถ. ตมชฺฌปฺปตฺวาติ ตํ โสณรุกฺขํ ปตฺวา อธิปตฺวา อุปคมฺมาติ อตฺโถ. เหฏฺโตติ ตสฺส รุกฺขสฺส เหฏฺา.

าณวรุปฺปชฺชีติ าณวรํ อุทปาทิ. อนนฺตนฺติ อปฺปเมยฺยํ อปฺปมาณํ. วชิรูปมนฺติ วชิรสทิสํ ติขิณํ, อนิจฺจานุปสฺสนาทิกสฺส วิปสฺสนาาณสฺเสตํ อธิวจนํ. เตน วิจินิ สงฺขาเรติ เตน วิปสฺสนาาเณน รูปาทิเก สงฺขาเร วิจินิ. อุกฺกุชฺชมวกุชฺชกนฺติ สงฺขารานํ อุทยฺจ วยฺจ วิจินีติ อตฺโถ. ตสฺมา ปจฺจยาการํ สมฺมสิตฺวา อานาปานจตุตฺถชฺฌานโต วุฏฺาย ปฺจสุ ขนฺเธสุ อภินิวิสิตฺวา อุทยพฺพยวเสน สมปฺาส ลกฺขณานิ ทิสฺวา ยาว โคตฺรภุาณํ วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อริยมคฺคานุกฺกเมน สกเล พุทฺธคุเณ ปฏิลภีติ อตฺโถ.

ตตฺถาติ โสณรุกฺเข. สพฺพกิเลสานีติ สพฺเพปิ กิเลเส, ลิงฺควิปริยาสํ กตฺวา วุตฺตํ. เกจิ ‘‘ตตฺถ สพฺพกิเลเสหี’’ติ ปนฺติ. อเสสนฺติ นิรวเสสํ. อภิวาหยีติ มคฺโคธินา จ กิเลโสธินา จ สพฺเพ กิเลเส อภิวาหยิ, วินาสมุปเนสีติ อตฺโถ. โพธีติ อรหตฺตมคฺคาณํ. พุทฺธาเณ จ จุทฺทสาติ พุทฺธาณานิ จุทฺทส. ตานิ กตมานีติ? มคฺคผลาณานิ อฏฺ, ฉ อสาธารณาณานีติ เอวมิมานิ จุทฺทส พุทฺธาณานิ นาม, -สทฺโท สมฺปิณฺฑนตฺโถ, เตน อปรานิปิ จตสฺโส ปฏิสมฺภิทาาณานิ จตุเวสารชฺชาณานิ จตุโยนิปริจฺเฉทกาณานิ ปฺจคติปริจฺเฉทกาณานิ ทสพลาณานิ สกเล จ พุทฺธคุเณ ปาปุณีติ อตฺโถ.

เอวํ พุทฺธตฺตํ ปตฺวา พฺรหฺมายาจนํ อธิวาเสตฺวา ธนฺชยุยฺยาเน อตฺตนา สห ปพฺพชิเต สตสหสฺสภิกฺขู สมฺมุเข กตฺวา ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตสิ. ตทา โกฏิสตสหสฺสสฺส ปมาภิสมโย อโหสิ. ตทา กิร มหาโทณนคเร โทโณ นาม นาคราชา คงฺคาตีเร ปฏิวสติ มหิทฺธิโก มหานุภาโว มหาชเนน สกฺกโต ครุกโต มานิโต ปูชิโต. โส ยสฺมึ วิสเย ชนปทวาสิโน มนุสฺสา ตสฺส พลิกมฺมํ น กโรนฺติ, เตสํ วิสยํ อวสฺเสน วา อติวสฺเสน วา สกฺขรวสฺเสน วา วินาเสติ.

อถ ตีรทสฺสโน นารโท สตฺถา โทณสฺส นาคราชสฺส วินยเน พหูนํ ปาณีนํ อุปนิสฺสยํ ทิสฺวา มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน ปริวาริโต ตสฺส นาคราชสฺส นิวาสฏฺานมคมาสิ. ตโต ตํ มนุสฺสา ทิสฺวา เอวมาหํสุ – ‘‘ภควา, เอตฺถ โฆรวิโส อุคฺคเตโช มหิทฺธิโก มหานุภาโว นาคราชา ปฏิวสติ, โส ตํ มา วิเหเสฺสติ น คนฺตพฺพ’’นฺติ. ภควา ปน เตสํ วจนํ อสุณนฺโต วิย อคมาสิ. คนฺตฺวา จ ตตฺถสฺส นาคราชสฺส สกฺการตฺถาย กเต ปรมสุรภิคนฺเธ ปุปฺผสนฺถเร นิสีทิ. มหาชโน กิร ‘‘นารทสฺส จ มุนิราชสฺส โทณสฺส จ นาคราชสฺส ทฺวินฺนมฺปิ ยุทฺธํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ สนฺนิปติ.

อถ อหินาโค มุนินาคํ ตถา นิสินฺนํ ทิสฺวา มกฺขํ อสหมาโน สนฺทิสฺสมานกาโย หุตฺวา ปธูปายิ. ทสพโลปิ ปธูปายิ. ปุน นาคราชา ปชฺชลิ. มุนิราชาปิ ปชฺชลิ. อถ โส นาคราชา ทสพลสฺส สรีรโต นิกฺขนฺตาหิ ธูมชาลาหิ อติวิย กิลนฺตสรีโร ทุกฺขํ อสหมาโน ‘‘วิสเวเคน นํ มาเรสฺสามี’’ติ วิสํ วิสฺสชฺเชสิ. วิสสฺส เวเคน สกโลปิ ชมฺพุทีโป วินสฺเสยฺย. ตํ ปน วิสํ ทสพลสฺส สรีเร เอกโลมมฺปิ กมฺเปตุํ นาสกฺขิ. อถ โส นาคราชา – ‘‘กา นุ โข สมณสฺส ปวตฺตี’’ติ โอโลเกนฺโต สรทสมเย สูริยํ วิย จนฺทํ วิย จ ปริปุณฺณํ ฉพฺพณฺณาหิ พุทฺธรสฺมีหิ วิโรจมานํ วิปฺปสนฺนวทนโสภํ ภควนฺตํ ทิสฺวา – ‘‘อโห! มหิทฺธิโก วตายํ สมโณ, มยา ปน อตฺตโน พลํ อชานนฺเตน อปรทฺธ’’นฺติ จินฺเตตฺวา ตาณํ คเวสี ภควนฺตํเยว สรณมุปคฺฉิ. อถ นารโท มุนิราชา ตํ นาคราชํ วิเนตฺวา ตตฺถ สนฺนิปติตสฺส มหาชนสฺส จิตฺตปฺปสาทนตฺถํ ยมกปาฏิหาริยํ อกาสิ. ตทา ปาณีนํ นวุติโกฏิสหสฺสานิ อรหตฺเต ปติฏฺหึสุ. โส ทุติโย อภิสมโย อโหสิ. เตน วุตฺตํ –

.

‘‘มหาโทณํ นาคราชํ, วินยนฺโต มหามุนิ;

ปาฏิเหรํ ตทากาสิ, ทสฺสยนฺโต สเทวเก.

.

‘‘ตทา เทวมนุสฺสานํ, ตมฺหิ ธมฺมปฺปกาสเน;

นวุติโกฏิสหสฺสานิ, ตรึสุ สพฺพสํสย’’นฺติ.

ตตฺถ ปาฏิเหรํ ตทากาสีติ อกาสิ ยมกปาฏิหาริยนฺติ อตฺโถ. อยเมว วา ปาโ. ‘‘ตทา เทวมนุสฺสา วา’’ติปิ ปาโ. ตตฺถ เทวมนุสฺสานนฺติ สามิอตฺเถ ปจฺจตฺตํ. ตสฺมา เทวานํ มนุสฺสานฺจ นวุติโกฏิสหสฺสานีติ อตฺโถ. ตรึสูติ อติกฺกมึสุ.

ยทา ปน อตฺตโน ปุตฺตํ นนฺทุตฺตรกุมารํ โอวทิ, ตทา อสีติยา โกฏิสหสฺสานํ ตติยาภิสมโย อโหสิ. เตน วุตฺตํ –

.

‘‘ยมฺหิ กาเล มหาวีโร, โอวที สกมตฺรชํ;

อสีติโกฏิสหสฺสานํ, ตติยาภิสมโย อหู’’ติ.

ยทา ปน ถุลฺลโกฏฺิตนคเร ภทฺทสาโล จ วิชิตมิตฺโต จ ทฺเว พฺราหฺมณสหายกา อมตรหทํ คเวสมานา ปริสติ นิสินฺนํ อติวิสารทํ นารทสมฺมาสมฺพุทฺธํ อทฺทสํสุ. เต ภควโต กาเย ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณานิ ทิสฺวา – ‘‘อยํ โลเก วิวฏจฺฉโท สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ นิฏฺํ คนฺตฺวา ภควติ สฺชาตสทฺธา สปริวารา ภควโต สนฺติเก ปพฺพชึสุ. เตสุ ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปตฺเตสุ ภควา ภิกฺขูนํ โกฏิสตสหสฺสมชฺเฌ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิ, โส ปโม สนฺนิปาโต อโหสิ. เตน วุตฺตํ –

๑๐.

‘‘สนฺนิปาตา ตโย อาสุํ, นารทสฺส มเหสิโน;

โกฏิสตสหสฺสานํ, ปโม อาสิ สมาคโม’’ติ.

ยสฺมึ สมเย นารโท สมฺมาสมฺพุทฺโธ าติสมาคเม อตฺตโน ปณิธานโต ปฏฺาย พุทฺธวํสํ กเถสิ, ตทา นวุติโกฏิภิกฺขุสหสฺสานํ ทุติโย สนฺนิปาโต อโหสิ. เตน วุตฺตํ –

๑๑.

‘‘ยทา พุทฺโธ พุทฺธคุณํ, สนิทานํ ปกาสยิ;

นวุติโกฏิสหสฺสานิ, สมึสุ วิมลา ตทา’’ติ.

ตตฺถ วิมลาติ วิคตมลา, ขีณาสวาติ อตฺโถ.

ยทา ปน มหาโทณนาคราชสฺส วินยเน ปสนฺโน เวโรจโน นาม นาคราชา คงฺคาย นทิยา ติคาวุตปฺปมาณํ สตฺตรตนมยํ มณฺฑปํ นิมฺมินิตฺวา สปริวารํ ภควนฺตํ ตตฺถ นิสีทาเปตฺวา สปริวาโร สชนปเท อตฺตโน ทานคฺคทสฺสนตฺถาย นิมนฺเตตฺวา นาคนาฏกานิ จ ตาฬาวจเร วิวิธเวสาลงฺการธเร สนฺนิปาเตตฺวา มหาสกฺกาเรน ภควโต สปริวารสฺส มหาทานํ อทาสิ. โภชนาวสาเน ภควา มหาคงฺคํ โอตาเรนฺโต วิย อนุโมทนมกาสิ. ตทา ภตฺตานุโมทเน ธมฺมํ สุตฺวา ปสนฺนานํ เอหิภิกฺขุปพฺพชฺชาย ปพฺพชิตานํ อสีติภิกฺขุสตสหสฺสานํ มชฺเฌ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิ, โส ตติโย สนฺนิปาโต อโหสิ. เตน วุตฺตํ –

๑๒.

‘‘ยทา เวโรจโน นาโค, ทานํ ททาติ สตฺถุโน;

ตทา สมึสุ ชินปุตฺตา, อสีติสตสหสฺสิโย’’ติ.

ตตฺถ อสีติสตสหสฺสิโยติ สตสหสฺสานํ อสีติโย.

ตทา อมฺหากํ โพธิสตฺโต อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา หิมวนฺตปสฺเส อสฺสมํ มาเปตฺวา ปฺจสุ อภิฺาสุ อฏฺสุ สมาปตฺตีสุ จ จิณฺณวสี หุตฺวา ปฏิวสติ. อถ ตสฺมึ อนุกมฺปาย นารโท ภควา อสีติยา อรหนฺตโกฏีหิ ทสหิ จ อนาคามิผลฏฺเหิ อุปาสกสหสฺเสหิ ปริวุโต ตํ อสฺสมปทํ อคมาสิ. ตาปโส ภควนฺตํ ทิสฺวาว ปมุทิตหทโย สปริวารสฺส ภควโต นิวาสตฺถาย อสฺสมํ มาเปตฺวา สกลรตฺตึ สตฺถุคุณํ กิตฺเตตฺวา ภควโต ธมฺมกถํ สุตฺวา ปุนทิวเส อุตฺตรกุรุํ คนฺตฺวา ตโต อาหารํ อาหริตฺวา สปริวารสฺส พุทฺธสฺส มหาทานํ อทาสิ. เอวํ สตฺตาหํ มหาทานํ ทตฺวา หิมวนฺตโต อนคฺฆํ โลหิตจนฺทนํ อาหริตฺวา เตน โลหิตจนฺทเนน ภควนฺตํ ปูเชสิ. ตทา นํ ทสพโล อมรนรปริวุโต ธมฺมกถํ กเถตฺวา – ‘‘อนาคเต โคตโม นาม พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิ. เตน วุตฺตํ –

๑๓.

‘‘อหํ เตน สมเยน, ชฏิโล อุคฺคตาปโน;

อนฺตลิกฺขจโร อาสึ, ปฺจาภิฺาสุ ปารคู.

๑๔.

‘‘ตทาปาหํ อสมสมํ, สสงฺฆํ สปริชฺชนํ;

อนฺนปาเนน ตปฺเปตฺวา, จนฺทเนนาภิปูชยึ.

๑๕.

‘‘โสปิ มํ ตทา พฺยากาสิ, นารโท โลกนายโก;

อปริเมยฺยิโต กปฺเป, พุทฺโธ โลเก ภวิสฺสติ.

๑๖.

‘‘ปธานํ ปทหิตฺวาน…เป… เหสฺสาม สมฺมุขา อิมํ.

๑๗.

‘‘ตสฺสาปิ วจนํ สุตฺวา, ภิยฺโย หาเสตฺว มานสํ;

อธิฏฺหึ วตํ อุคฺคํ, ทสปารมิปูริยา’’ติ.

ตตฺถ ตทาปาหนฺติ ตทาปิ อหํ. อสมสมนฺติ อสมา นาม อตีตา พุทฺธา, เตหิ อสเมหิ สมํ ตุลฺยํ อสมสมํ. อถ วา อสมา วิสมา, สมา อวิสมา สาธโว, เตสุ อสมสเมสุ สโม ‘‘อสมสมสโม’’ติ วตฺตพฺเพ เอกสฺส สมสทฺทสฺส โลปํ กตฺวา วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ, อสมาวิสมสมนฺติ อตฺโถ. สปริชฺชนนฺติ สอุปาสกชนํ. ‘‘โสปิ มํ ตทา นรมรูนํ, มชฺเฌ พฺยากาสิ จกฺขุมา’’ติปิ ปาโ, โส อุตฺตานตฺโถว. ภิยฺโย หาเสตฺว มานสนฺติ อุตฺตริมฺปิ หาเสตฺวา โตเสตฺวา หทยํ. อธิฏฺหึ วตํ อุคฺคนฺติ อุคฺคํ วตํ อธิฏฺาสึ. ‘‘อุตฺตรึ วตมธิฏฺาสึ, ทสปารมิปูริยา’’ติปิ ปาโ.

ตสฺส ปน ภควโต นารทสฺส ธฺวตี นาม นครํ อโหสิ, สุเทโว นาม ขตฺติโย ปิตา, อโนมา นาม มาตา, ภทฺทสาโล จ ชิตมิตฺโต จ ทฺเว อคฺคสาวกา, วาเสฏฺโ นาม อุปฏฺาโก, อุตฺตรา จ ผคฺคุนี จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, มหาโสณรุกฺโข โพธิ, สรีรํ อฏฺาสีติหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ. ตสฺส สรีรปฺปภา นิจฺจํ โยชนํ ผรติ, นวุติวสฺสสหสฺสานิ อายุ, ตสฺส ปน วิชิตเสนา นาม อคฺคมเหสี, นนฺทุตฺตรกุมาโร นามสฺส ปุตฺโต อโหสิ, วิชิโต วิชิตาวี วิชิตาภิราโมติ ตโย ปาสาทา อเหสุํ. โส นววสฺสสหสฺสานิ อคารํ อชฺฌาวสิ. โส ปทสาว มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมีติ. เตน วุตฺตํ –

๑๘.

‘‘นครํ ธฺวตี นาม, สุเทโว นาม ขตฺติโย;

อโนมา นาม ชนิกา, นารทสฺส มเหสิโน.

๒๓.

‘‘ภทฺทสาโล ชิตมิตฺโต, อเหสุํ อคฺคสาวกา;

วาเสฏฺโ นามุปฏฺาโก, นารทสฺส มเหสิโน.

๒๔.

‘‘อุตฺตรา ผคฺคุนี เจว, อเหสุํ อคฺคสาวิกา;

โพธิ ตสฺส ภควโต, มหาโสโณติ วุจฺจติ.

๒๖.

‘‘อฏฺาสีติรตนานิ, อจฺจุคฺคโต มหามุนิ;

กฺจนคฺฆิยสงฺกาโส, ทสสหสฺสี วิโรจติ.

๒๗.

‘‘ตสฺส พฺยามปฺปภา กายา, นิทฺธาวติ ทิโสทิสํ;

นิรนฺตรํ ทิวารตฺตึ, โยชนํ ผรเต สทา.

๒๘.

‘‘น เกจิ เตน สมเยน, สมนฺตา โยชเน ชนา;

อุกฺกาปทีเป อุชฺชาเลนฺติ, พุทฺธรํสีหิ โอตฺถฏา.

๒๙.

‘‘นวุติวสฺสสหสฺสานิ, อายุ วิชฺชติ ตาวเท;

ตาวตา ติฏฺมาโน โส, ตาเรสิ ชนตํ พหุํ.

๓๐.

‘‘ยถา อุฬูหิ คคนํ, วิจิตฺตํ อุปโสภติ;

ตเถว สาสนํ ตสฺส, อรหนฺเตหิ โสภติ.

๓๑.

‘‘สํสารโสตํ ตรณาย, เสสเก ปฏิปนฺนเก;

ธมฺมเสตุํ ทฬฺหํ กตฺวา, นิพฺพุโต โส นราสโภ.

๓๒.

‘‘โสปิ พุทฺโธ อสมสโม, เตปิ ขีณาสวา อตุลเตชา;

สพฺพํ ตมนฺตรหิตํ, นนุ ริตฺตา สพฺพสงฺขารา’’ติ.

ตตฺถ กฺจนคฺฆิยสงฺกาโสติ วิวิธรตนวิจิตฺตกฺจนมยคฺฆิกสทิสรูปโสโภ. ทสสหสฺสี วิโรจตีติ ตสฺส ปภาย ทสสหสฺสีปิ โลกธาตุ วิโรจติ, วิราชตีติ อตฺโถ. ตเมวตฺถํ ปกาเสนฺโต ภควา ‘‘ตสฺส พฺยามปฺปภา กายา, นิทฺธาวติ ทิโสทิส’’นฺติ อาห. ตตฺถ พฺยามปฺปภา กายาติ พฺยามปฺปภา วิยาติ พฺยามปฺป