📜
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
ขุทฺทกนิกาเย
จริยาปิฏก-อฏฺกถา
คนฺถารมฺภกถา
จริยา ¶ ¶ ¶ สพฺพโลกสฺส, หิตา ยสฺส มเหสิโน;
อจินฺเตยฺยานุภาวํ ตํ, วนฺเท โลกคฺคนายกํ.
วิชฺชาจรณสมฺปนฺนา, เยน นียนฺติ โลกโต;
วนฺเท ตมุตฺตมํ ธมฺมํ, สมฺมาสมฺพุทฺธปูชิตํ.
สีลาทิคุณสมฺปนฺโน, ิโต มคฺคผเลสุ โย;
วนฺเท อริยสงฺฆํ ตํ, ปฺุกฺเขตฺตํ อนุตฺตรํ.
วนฺทนาชนิตํ ¶ ปฺุํ, อิติ ยํ รตนตฺตเย;
หตนฺตราโย สพฺพตฺถ, หุตฺวาหํ ตสฺส เตชสา.
อิมสฺมึ ภทฺทกปฺปสฺมึ, สมฺภตา ยา สุทุกฺกรา;
อุกฺกํสปารมิปฺปตฺตา, ทานปารมิตาทโย.
ตาสํ สมฺโพธิจริยานํ, อานุภาววิภาวนํ;
สกฺเกสุ นิคฺโรธาราเม, วสนฺเตน มเหสินา.
ยํ ธมฺมเสนาปติโน, สพฺพสาวกเกตุโน;
โลกนาเถน จริยา-ปิฏกํ นาม เทสิตํ.
ยํ ขุทฺทกนิกายสฺมึ, สงฺคายึสุ มเหสโย;
ธมฺมสงฺคาหกา สตฺถุ, เหตุสมฺปตฺติทีปนํ.
ตสฺส ¶ สมฺโพธิสมฺภาร-วิภาคนยโยคโต;
กิฺจาปิ ทุกฺกรา กาตุํ, อตฺถสํวณฺณนา มยา.
สห สํวณฺณนํ ยสฺมา, ธรเต สตฺถุ สาสนํ;
ปุพฺพาจริยสีหานํ, ติฏฺเตว วินิจฺฉโย.
ตสฺมา ตํ อวลมฺพิตฺวา, โอคาหิตฺวา จ สพฺพโส;
ชาตกานุปนิสฺสาย, โปราณฏฺกถานยํ.
นิสฺสิตํ ¶ วาจนามคฺคํ, สุวิสุทฺธมนากุลํ;
มหาวิหารวาสีนํ, นิปุณตฺถวินิจฺฉยํ.
นีตเนยฺยตฺถเภทา จ, ปารมี ปริทีปยํ;
กริสฺสามิ ตํ จริยา-ปิฏกสฺสตฺถวณฺณนํ.
อิติ ¶ อากงฺขมานสฺส, สทฺธมฺมสฺส จิรฏฺิตึ;
วิภชนฺตสฺส ตสฺสตฺถํ, นิสามยถ สาธโวติ.
ตตฺถ จริยาปิฏกนฺติ เกนฏฺเน จริยาปิฏกํ? อตีตาสุ ชาตีสุ สตฺถุ จริยานุภาวปฺปกาสินี ปริยตฺตีติ กตฺวา, ปริยตฺติอตฺโถ หิ อยํ ปิฏกสทฺโท, ‘‘มา ปิฏกสมฺปทาเนนา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๓.๖๖) วิย. อถ วา ยสฺมา สา ปริยตฺติ ตสฺเสว สตฺถุ ปุริมชาตีสุ จริยานํ อานุภาวปฺปกาสเนน ภาชนภูตา, ตสฺมาปิ ‘‘จริยาปิฏก’’นฺติ วุจฺจติ, ภาชนตฺโถปิ หิ ปิฏกสทฺโท นิทฺทิฏฺโ ‘‘อถ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย, กุทาลปิฏกํ อาทายา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๒๘; อ. นิ. ๓.๗๐) วิย. ตํ ปเนตํ จริยาปิฏกํ วินยปิฏกํ, สุตฺตนฺตปิฏกํ, อภิธมฺมปิฏกนฺติ ตีสุ ปิฏเกสุ สุตฺตนฺตปิฏกปริยาปนฺนํ. ทีฆนิกาโย, มชฺฌิมนิกาโย, สํยุตฺตนิกาโย, องฺคุตฺตรนิกาโย, ขุทฺทกนิกาโยติ ปฺจสุ นิกาเยสุ ขุทฺทกนิกายปริยาปนฺนํ. สุตฺตํ, เคยฺยํ, เวยฺยากรณํ, คาถา, อุทานํ, อิติวุตฺตกํ, ชาตกํ, อพฺภุตธมฺมํ, เวทลฺลนฺติ นวสุ สาสนงฺเคสุ คาถาสงฺคหํ.
‘‘ทฺวาสีติ พุทฺธโต คณฺหึ, ทฺเวสหสฺสานิ ภิกฺขุโต;
จตุราสีติ สหสฺสานิ, เย เม ธมฺมา ปวตฺติโน’’ติ. (เถรคา. ๑๐๒๗) –
เอวํ ¶ ธมฺมภณฺฑาคาริเกน ปฏิฺาเตสุ จตุราสีติยา ธมฺมกฺขนฺธสหสฺเสสุ กติปยธมฺมกฺขนฺธสงฺคหํ. วคฺคโต อกิตฺติวคฺโค, หตฺถินาควคฺโค, ยุธฺชยวคฺโคติ วคฺคตฺตยสงฺคหํ. จริยโต อกิตฺติวคฺเค ทส, หตฺถินาควคฺเค ทส, ยุธฺชยวคฺเค ปฺจทสาติ ปฺจตึสจริยาสงฺคหํ. ตีสุ วคฺเคสุ อกิตฺติวคฺโค อาทิ, จริยาสุ อกิตฺติจริยา. ตสฺสาปิ –
‘‘กปฺเป จ สตสหสฺเส, จตุโร จ อสงฺขิเย;
เอตฺถนฺตเร ยํ จริตํ, สพฺพํ ตํ โพธิปาจน’’นฺติ. –
อยํ คาถา อาทิ. ตสฺส อิโต ปภุติ อนุกฺกเมน อตฺถสํวณฺณนา โหติ.
คนฺถารมฺภกถา นิฏฺิตา.
นิทานกถา
สา ¶ ปนายํ อตฺถสํวณฺณนา ยสฺมา ทูเรนิทานํ, อวิทูเรนิทานํ, สนฺติเกนิทานนฺติ อิมานิ ตีณิ นิทานานิ ¶ ทสฺเสตฺวา วุจฺจมานา สุณนฺเตหิ สมุทาคมโต ปฏฺาย สุฏฺุ วิฺาตา นาม โหติ. ตสฺมา เตสํ นิทานานํ อยํ วิภาโค เวทิตพฺโพ.
ทีปงฺกรทสพลสฺส ปาทมูลสฺมิฺหิ กตาภินีหารสฺส มหาโพธิสตฺตสฺส ยาว ตุสิตภวเน นิพฺพตฺติ, ตาว ปวตฺโต กถามคฺโค ทูเรนิทานํ นาม. ตุสิตภวนโต ปฏฺาย ยาว โพธิมณฺเฑ สพฺพฺุตฺาณปฺปตฺติ, ตาว ปวตฺโต กถามคฺโค อวิทูเรนิทานํ นาม. มหาโพธิมณฺฑโต ปน ปฏฺาย ยาว ปจฺจุปฺปนฺนวตฺถุ, ตาว ปวตฺโต กถามคฺโค สนฺติเกนิทานํ นาม. อิเมสุ ตีสุ นิทาเนสุ ยสฺมา ทูเรนิทานอวิทูเรนิทานานิ สพฺพสาธารณานิ, ตสฺมา ตานิ ชาตกฏฺกถายํ (ชา. อฏฺ. ๑.ทูเรนิทานกถา) วิตฺถาริตนเยเนว วิตฺถารโต เวทิตพฺพานิ. สนฺติเกนิทาเน ปน อตฺถิ วิเสโสติ ติณฺณมฺปิ นิทานานํ อยมาทิโต ปฏฺาย สงฺเขปกถา.
ทีปงฺกรสฺส ¶ ภควโต ปาทมูเล กตาภินีหาโร โพธิสตฺตภูโต โลกนาโถ อตฺตโน อภินีหารานุรูปํ สมตฺตึสปารมิโย ปูเรตฺวา, สพฺพฺุตฺาณสมฺภารํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา, ตุสิตภวเน นิพฺพตฺโต พุทฺธภาวาย อุปฺปตฺติกาลํ อาคมยมาโน, ตตฺถ ยาวตายุกํ ตฺวา ตโต จุโต สกฺยราชกุเล ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา อนนฺเตน ปริหาเรน มหนฺเตน สิริโสภคฺเคน วฑฺฒมาโน อนุกฺกเมน โยพฺพนํ ปตฺวา เอกูนตึเส วยสฺมึ กตมหาภินิกฺขมโน, ฉพฺพสฺสานิ มหาปธานํ ปทหิตฺวา, เวสาขปุณฺณมายํ โพธิรุกฺขมูเล นิสินฺโน สูริเย อนตฺถงฺคมิเตเยว มารพลํ วิธมิตฺวา ปุริมยาเม ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสริตฺวา, มชฺฌิมยาเม ทิพฺพจกฺขุํ วิโสเธตฺวา, ปจฺฉิมยาเม ทิยฑฺฒกิเลสสหสฺสํ เขเปตฺวา, อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธิมภิสมฺพุชฺฌิ.
ตโต ตตฺเถว สตฺตสตฺตาเห วีตินาเมตฺวา, อาสาฬฺหิปุณฺณมายํ พาราณสึ คนฺตฺวา อิสิปตเน มิคทาเย อฺาสิโกณฺฑฺปฺปมุขา อฏฺารส พฺรหฺมโกฏิโย ธมฺมามตํ ปาเยนฺโต, ธมฺมจกฺกํ (สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑; มหาว. ๑๓ อาทโย; ปฏิ. ม. ๒.๓๐) ปวตฺเตตฺวา, ยสาทิเก เวเนยฺเย อรหตฺเต ปติฏฺาเปตฺวา, เต สพฺเพว สฏฺิ อรหนฺเต โลกานุคฺคหาย วิสฺสชฺเชตฺวา, อุรุเวลํ คจฺฉนฺโต กปฺปาสิกวนสณฺเฑ ตึส ภทฺทวคฺคิเย โสตาปตฺติผลาทีสุ ปติฏฺาเปตฺวา, อุรุเวลํ คนฺตฺวา อฑฺฒุฑฺฒานิ ปาฏิหาริยสหสฺสานิ ¶ ทสฺเสตฺวา อุรุเวลกสฺสปาทโย สหสฺสชฏิลปริวาเร เตภาติกชฏิเล ¶ วิเนตฺวา, เตหิ ปริวุโต ราชคหนครูปจาเร ลฏฺิวนุยฺยาเน นิสินฺโน พิมฺพิสารปฺปมุเข ทฺวาทสนหุเต พฺราหฺมณคหปติเก สาสเน โอตาเรตฺวา, มคธราเชน การิเต เวฬุวนวิหาเร วิหรติ.
อเถวํ ภควติ เวฬุวเน วิหรนฺเต สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเนสุ อคฺคสาวกฏฺาเน ปิเตสุ สาวกสนฺนิปาเต ชาเต, สุทฺโธทนมหาราชา ‘‘ปุตฺโต กิร เม ฉพฺพสฺสานิ ทุกฺกรการิกํ จริตฺวา ปรมาภิสมฺโพธึ ปตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺโก ราชคหํ นิสฺสาย เวฬุวเน วิหรตี’’ติ สุตฺวา ทสปุริสสหสฺสปริวาเร, อนุกฺกเมน ทส อมจฺเจ เปเสสิ ‘‘ปุตฺตํ เม อิธาเนตฺวา ทสฺเสถา’’ติ. เตสุ ราชคหํ คนฺตฺวา สตฺถุ ธมฺมเทสนาย อรหตฺเต ปติฏฺิเตสุ กาฬุทายิตฺเถเรน รฺโ อธิปฺปาเย อาโรจิเต ภควา วีสติสหสฺสขีณาสวปริวุโต ราชคหโต นิกฺขมิตฺวา สฏฺิโยชนํ ¶ กปิลวตฺถุํ ทฺวีหิ มาเสหิ สมฺปาปุณิ. สกฺยราชาโน ‘‘อมฺหากํ าติเสฏฺํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ สนฺนิปติตฺวา นิคฺโรธารามํ ภควโต จ ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ วสนโยคฺคํ กาเรตฺวา, คนฺธปุปฺผาทิหตฺถา ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา, สตฺถารํ นิคฺโรธารามํ ปเวเสสุํ. ตตฺร ภควา วีสติสหสฺสขีณาสวปริวุโต ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสีทิ. สากิยา มานตฺถทฺธา สตฺถุ ปณิปาตํ นากํสุ. ภควา เตสํ อชฺฌาสยํ โอโลเกตฺวา มานํ ภฺชิตฺวา เต ธมฺมเทสนาย ภาชเน กาตุํ อภิฺาปาทกํ จตุตฺถชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย อากาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา เตสํ สีเส ปาทปํสุํ โอกิรมาโน วิย, กณฺฑมฺพรุกฺขมูเล กตปาฏิหาริยสทิสํ ยมกปาฏิหาริยํ อกาสิ. ราชา ตํ อจฺฉริยํ ทิสฺวา ‘‘อยํ โลเก อคฺคปุคฺคโล’’ติ วนฺทิ. รฺา ปน วนฺทิเต เต าตุํ นาม น สกฺโกนฺติ, สพฺเพปิ สากิยา วนฺทึสุ.
ตทา กิร ภควา ยมกปาฏิหาริยํ กโรนฺโต โลกวิวรณปาฏิหาริยมฺปิ อกาสิ – ยสฺมึ วตฺตมาเน มนุสฺสา มนุสฺสโลเก ยถาิตา ยถานิสินฺนาว จาตุมหาราชิกโต ปฏฺาย ยาว อกนิฏฺภวนา สพฺเพ เทเว ตตฺถ ตตฺถ อตฺตโน ภวเน กีฬนฺเต ทิพฺพานุภาเวน โชตนฺเต มหตึ ทิพฺพสมฺปตฺตึ อนุภวนฺเต สนฺตานิ สมาปตฺติสุขานิ ¶ อนุภวนฺเต อฺมฺํ ธมฺมํ สากจฺฉนฺเต จ พุทฺธานุภาเวน อตฺตโน มํสจกฺขุนาว ปสฺสนฺติ. ตถา เหฏฺาปถวิยํ อฏฺสุ มหานิรเยสุ, โสฬสสุ จ อุสฺสทนิรเยสุ, โลกนฺตรนิรเย จาติ ตตฺถ ตตฺถ มหาทุกฺขํ อนุภวมาเน สตฺเต ปสฺสนฺติ. ทสสหสฺสิโลกธาตุยํ เทวา มหจฺจเทวานุภาเวน ตถาคตํ อุปสงฺกมิตฺวา อจฺฉริยพฺภุตจิตฺตชาตา ปฺชลิกา นมสฺสมานา ปยิรุปาสนฺติ, พุทฺธคุณปฏิสํยุตฺตา คาถาโย อุทาหรนฺตา โถเมนฺติ อปฺโผเฏนฺติ หสนฺติ ปีติโสมนสฺสํ ปเวเทนฺติ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –
‘‘ภุมฺมา ¶ มหาราชิกา ตาวตึสา, ยามา จ เทวา ตุสิตา จ นิมฺมิตา;
ปรนิมฺมิตา เยปิ จ พฺรหฺมกายิกา, อานนฺทิตา วิปุลมกํสุ โฆส’’นฺติ. (พุ. วํ. ๑.๖)
ตทา ¶ หิ ทสพโล ‘‘อตุลํ อตฺตโน พุทฺธพลํ ทสฺเสสฺสามี’’ติ มหากรุณาย สมุสฺสาหิโต อากาเส ทสสหสฺสจกฺกวาฬสมาคเม จงฺกมํ มาเปตฺวา, ทฺวาทสโยชนวิตฺถเต สพฺพรตนมเย จงฺกเม ิโต ยถาวุตฺตํ เทวมนุสฺสนยนวิหงฺคานํ เอกนิปาตภูตมจฺฉริยํ อนฺสาธารณํ พุทฺธานํ สมาธิาณานุภาวทีปนํ ปาฏิหาริยํ ทสฺเสตฺวา, ปุน ตสฺมึ จงฺกเม จงฺกมนฺโต เวเนยฺยานํ อชฺฌาสยานุรูปํ อจินฺเตยฺยานุภาวาย อโนปมาย พุทฺธลีฬาย ธมฺมํ เทเสสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘น เหเต ชานนฺติ สเทวมานุสา, พุทฺโธ อยํ กีทิสโก นรุตฺตโม;
อิทฺธิพลํ ปฺาพลฺจ กีทิสํ, พุทฺธพลํ โลกหิตสฺส กีทิสํ.
‘‘น เหเต ชานนฺติ สเทวมานุสา, พุทฺโธ อยํ เอทิสโก นรุตฺตโม;
อิทฺธิพลํ ปฺาพลฺจ เอทิสํ, พุทฺธพลํ โลกหิตสฺส เอทิสํ.
‘‘หนฺทาหํ ทสฺสยิสฺสามิ, พุทฺธพลมนุตฺตรํ;
จงฺกมํ มาปยิสฺสามิ, นเภ รตนมณฺฑิต’’นฺติ. (พุ. วํ. ๑.๓-๕);
เอวํ ตถาคเต อตฺตโน พุทฺธานุภาวทีปนํ ปาฏิหาริยํ ¶ ทสฺเสตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺเต อายสฺมา ธมฺมเสนาปติ สาริปุตฺโต ราชคเห คิชฺฌกูฏปพฺพเต ิโต ทิพฺพจกฺขุนา ปสฺสิตฺวา, เตน พุทฺธานุภาวสนฺทสฺสเนน อจฺฉริยพฺภุตจิตฺตชาโต ‘‘หนฺทาหํ ภิยฺโยโสมตฺตาย พุทฺธานุภาวํ โลกสฺส ปากฏํ กริสฺสามี’’ติ สฺชาตปริวิตกฺโก อตฺตโน ปริวารภูตานํ ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ ตมตฺถํ อาโรเจตฺวา อิทฺธิยา อากาเสน ตาวเทว อาคนฺตฺวา สปริวาโร ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา ทสนขสโมธานสมุชฺชลมฺชลึ สิรสิ ปคฺคยฺห ตถาคตสฺส มหาภินีหารํ ปารมิปริปูรณฺจ ปุจฺฉิ. ภควา ตํ กายสกฺขึ กตฺวา ตตฺถ สนฺนิปติตมนุสฺสานฺเจว ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวพฺรหฺมานฺจ อตฺตโน พุทฺธานุภาวํ ปริทีปยนฺโต พุทฺธวํสํ เทเสสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘สาริปุตฺโต ¶ ¶ มหาปฺโ, สมาธิชฺฌานโกวิโท;
ปฺาย ปารมิปฺปตฺโต, ปุจฺฉติ โลกนายกํ.
‘‘กีทิโส เต มหาวีร, อภินีหาโร นรุตฺตม;
กมฺหิ กาเล ตยา ธีร, ปตฺถิตา โพธิมุตฺตมา.
‘‘ทานํ สีลฺจ เนกฺขมฺมํ, ปฺา วีริยฺจ กีทิสํ;
ขนฺติ สจฺจมธิฏฺานํ, เมตฺตุเปกฺขา จ กีทิสา.
‘‘ทส ปารมี ตยา ธีร, กีทิสี โลกนายก;
กถํ อุปปารมี ปุณฺณา, ปรมตฺถปารมี กถํ.
‘‘ตสฺส ปุฏฺโ วิยากาสิ, กรวีกมธุรคิโร;
นิพฺพาปยนฺโต หทยํ, หาสยนฺโต สเทวก’’นฺติ. (พุ. วํ. ๑.๗๔-๗๘);
เอวํ ภควตา พุทฺธวํเส เทสิเต อายสฺมา ธมฺมเสนาปติ ‘‘อโห พุทฺธานํ เหตุสมฺปทา, อโห สมุทาคมสมฺปตฺติ, อโห มหาภินีหารสมิชฺฌนา, ทุกฺกรํ วต ภควตา กตํ เอตฺตกํ กาลํ เอวํ ปารมิโย ปูเรนฺเตน, เอวํวิธสฺส โพธิสมฺภารสมฺภรณสฺส อนุจฺฉวิกเมว เจตํ ผลํ, ยทิทํ สพฺพฺุตา พเลสุ จ วสีภาโว เอวํมหิทฺธิกตา เอวํมหานุภาวตา’’ติ พุทฺธคุณารมฺมณํ าณํ เปเสสิ. โส อนฺสาธารณํ ภควโต สีลํ สมาธิ ปฺา วิมุตฺติ วิมุตฺติาณทสฺสนํ หิริโอตฺตปฺปํ ¶ สทฺธาวีริยํ สติสมฺปชฺํ สีลวิสุทฺธิ ทิฏฺิวิสุทฺธิ สมถวิปสฺสนา ตีณิ กุสลมูลานิ ตีณิ สุจริตานิ ตโย สมฺมาวิตกฺกา ติสฺโส อนวชฺชสฺาโย ติสฺโส ธาตุโย จตฺตาโร สติปฏฺานา จตฺตาโร สมฺมปฺปธานา จตฺตาโร อิทฺธิปาทา จตฺตาโร อริยมคฺคา จตฺตาริ อริยผลานิ จตสฺโส ปฏิสมฺภิทา จตุโยนิปริจฺเฉทกาณานิ จตฺตาโร อริยวํสา จตฺตาริ เวสารชฺชาณานิ ปฺจ ปธานิยงฺคานิ ปฺจงฺคิโก สมฺมาสมาธิ ปฺจินฺทฺริยานิ ปฺจ พลานิ ปฺจ นิสฺสรณิยา ธาตุโย ปฺจ วิมุตฺตายตนาณานิ ปฺจ วิมุตฺติปริปาจนียา ธมฺมา ฉ สารณียา ธมฺมา ฉ อนุสฺสติฏฺานานิ ฉ คารวา ฉ นิสฺสรณิยา ธาตุโย ฉ สตตวิหารา ฉ อนุตฺตริยานิ ฉ นิพฺเพธภาคิยา สฺา ฉ อภิฺา ¶ ฉ อสาธารณาณานิ สตฺต อปริหานิยา ธมฺมา สตฺต อริยธนานิ สตฺต โพชฺฌงฺคา สตฺต สปฺปุริสธมฺมา สตฺต นิทฺทสวตฺถูนิ สตฺต สฺา สตฺต ทกฺขิเณยฺยปุคฺคลเทสนา สตฺต ขีณาสวพลเทสนา ¶ อฏฺ ปฺาปฏิลาภเหตุเทสนา อฏฺ สมฺมตฺตานิ อฏฺ โลกธมฺมาติกฺกมา อฏฺ อารมฺภวตฺถูนิ อฏฺ อกฺขณเทสนา อฏฺ มหาปุริสวิตกฺกา อฏฺ อภิภายตนเทสนา อฏฺ วิโมกฺขา นว โยนิโสมนสิการมูลกา ธมฺมา นว ปาริสุทฺธิปธานิยงฺคานิ นว สตฺตาวาสเทสนา นว อาฆาตปฺปฏิวินยา นว ปฺา นว นานตฺตเทสนา นว อนุปุพฺพวิหารา ทส นาถกรณา ธมฺมา ทส กสิณายตนานิ ทส กุสลกมฺมปถา ทส สมฺมตฺตานิ ทส อริยวาสา ทส อเสกฺขา ธมฺมา ทส รตนานิ ทส ตถาคตพลานิ เอกาทส เมตฺตานิสํสา ทฺวาทส ธมฺมจกฺกาการา เตรส ธุตงฺคคุณา จุทฺทส พุทฺธาณานิ ปฺจทส วิมุตฺติปริปาจนียา ธมฺมา โสฬสวิธา อานาปานสฺสตี โสฬส อปรมฺปริยา ธมฺมา อฏฺารส พุทฺธธมฺมา เอกูนวีสติ ปจฺจเวกฺขณาณานิ จตุจตฺตาลีส าณวตฺถูนิ ปฺาส อุทยพฺพยาณานิ ปโรปณฺณาส กุสลธมฺมา สตฺตสตฺตติ าณวตฺถูนิ จตุวีสติโกฏิสตสหสฺสสมาปตฺติสฺจาริตมหาวชิราณํ อนนฺตนยสมนฺตปฏฺานปวิจยปจฺจเวกฺขณเทสนาาณานิ ตถา อนนฺตาสุ โลกธาตูสุ อนนฺตานํ สตฺตานํ อาสยาทิวิภาวนาณานิ จาติ เอวมาทิเก อจินฺเตยฺยานุภาเว พุทฺธคุเณ ธมฺมนฺวยโต อนุคจฺฉนฺโต อนุสฺสรนฺโต เนว อนฺตํ, น ปมาณํ ปสฺสิ. เถโร หิ อตฺตโนปิ นาม คุณานํ อนฺตํ วา ปมาณํ วา อาวชฺเชนฺโต น ¶ ปสฺสติ, โส ภควโต คุณานํ ปมาณํ กึ ปสฺสิสฺสติ? ยสฺส ยสฺส หิ ปฺา มหตี าณํ วิสทํ, โส โส พุทฺธคุเณ มหนฺตโต สทฺทหติ, อิติ เถโร ภควโต คุณานํ ปมาณํ วา ปริจฺเฉทํ วา อปสฺสนฺโต ‘‘มาทิสสฺส นาม สาวกปารมิาเณ ิตสฺส พุทฺธคุณา าเณน ปริจฺฉินฺทิตุํ น สกฺกา, ปเคว อิตเรสํ. อโห อจินฺเตยฺยา อปริเมยฺยเภทา มหานุภาวา สพฺพฺุคุณา, เกวลํ ปเนเต เอกสฺส พุทฺธาณสฺเสว สพฺพโส โคจรา, นาฺเสํ. กเถตุํ ปน สมฺมาสมฺพุทฺเธหิปิ วิตฺถารโต น สกฺกาเยวา’’ติ นิฏฺมคมาสิ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘พุทฺโธปิ ¶ พุทฺธสฺส ภเณยฺย วณฺณํ, กปฺปมฺปิ เจ อฺมภาสมาโน;
ขีเยถ กปฺโป จิรทีฆมนฺตเร, วณฺโณ น ขีเยถ ตถาคตสฺสา’’ติ. (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๓๐๔; ๓.๑๔๑; อุทา. อฏฺ. ๕๓);
เอวํ พุทฺธานํ คุณมหนฺตตํ นิสฺสาย อุปฺปนฺนพลวปีติโสมนสฺโส ปุน จินฺเตสิ – ‘‘เอวรูปานํ นาม พุทฺธคุณานํ เหตุภูตา พุทฺธการกา ธมฺมา ปารมิโย อโห มหานุภาวา. กตมาสุ นุ โข ชาตีสุ ปารมิตา ปริปาจิตา, กถํ วา ปริปากํ คตา, หนฺทาหํ อิมมตฺถํ ปุจฺฉนฺโต เอวมฺปิ สมุทาคมโต ปฏฺาย พุทฺธานุภาวํ อิมสฺส สเทวกสฺส โลกสฺส ปากฏตรํ กริสฺสามี’’ติ. โส เอวํ จินฺเตตฺวา ภควนฺตํ อิมํ ปฺหํ อปุจฺฉิ – ‘‘กตมาสุ นุ โข, ภนฺเต ¶ , ชาตีสุ อิเม พุทฺธการกา ธมฺมา ปริปาจิตา, กถํ วา ปริปากํ คตา’’ติ? อถสฺส ภควา ตสฺมึ รตนจงฺกเม ติสนฺธิปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา ยุคนฺธรปพฺพเต พาลสูริโย วิย วิโรจมาโน นิสินฺโน ‘‘สาริปุตฺต, มยฺหํ พุทฺธการกา ธมฺมา สมาทานโต ปฏฺาย นิรนฺตรํ สกฺกจฺจการิตาย วีริยูปตฺถมฺเภน จ สพฺเพสุ กปฺเปสุ ภวโต ภวํ ชาติโต ชาตึ ปริปจฺจนฺตาเยว อเหสุํ, อิมสฺมึ ปน ภทฺทกปฺเป อิมาสุ ชาตีสุ เต ปริปกฺกา ชาตา’’ติ ทสฺเสนฺโต ‘‘กปฺเป จ สตสหสฺเส’’ติอาทินา จริยาปิฏกํ พุทฺธาปทานิยนฺติ ทุติยาภิธานํ ธมฺมปริยายํ อภาสิ. อปเร ปน ‘‘รตนจงฺกเม จงฺกมนฺโต เทวาติเทโว เทวพฺรหฺมาทีหิ ปูชิยมาโน นิคฺโรธาราเม โอตริตฺวา วีสติสหสฺสขีณาสวปริวุโต ¶ ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสินฺโน ภควา วุตฺตนเยเนว อายสฺมตา สาริปุตฺเตน ปุจฺฉิโต จริยาปิฏกํ เทเสสี’’ติ วทนฺติ. เอตฺตาวตา ทูเรนิทานอวิทูเรนิทานานิ สงฺเขปโต ทสฺเสตฺวา จริยาปิฏกสฺส สนฺติเกนิทานํ วิตฺถารโต นิทฺทิฏฺนฺติ เวทิตพฺพํ. ทูเรนิทานํ ปน อสงฺขฺเยยฺยวิภาวนายํ อาวิ ภวิสฺสตีติ.
๑. อิทานิ ‘‘กปฺเป จ สตสหสฺเส’’ติอาทินยปฺปวตฺตาย จริยาปิฏกปาฬิยา อตฺถสํวณฺณนา โหติ. ตตฺรายํ ¶ กปฺป-สทฺโท สอุปสคฺโค อนุปสคฺโค ¶ จ วิตกฺกวิธานปฏิภาคปฺตฺติกาลปรมายุสมณโวหารสมนฺตภาวาภิสทฺทหน- เฉทนวินิโยควินยกิริยาเลสนฺตรกปฺปตณฺหาทิฏฺิอสงฺขฺเยยฺยกปฺปมหากปฺปาทีสุ ทิสฺสติ. ตถา เหส ‘‘เนกฺขมฺมสงฺกปฺโป อพฺยาปาทสงฺกปฺโป’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๑๓๗) วิตกฺเก อาคโต. ‘‘จีวเร วิกปฺปํ อาปชฺเชยฺยา’’ติอาทีสุ (ปารา. ๖๔๒) วิธาเน, อธิกวิธานํ อาปชฺเชยฺยาติ อตฺโถ. ‘‘สตฺถุกปฺเปน วต กิร, โภ, สาวเกน สทฺธึ มนฺตยมานา น ชานิมฺหา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๖๐) ปฏิภาเค. สตฺถุสทิเสนาติ อยฺหิ ตตฺถ อตฺโถ. ‘‘อิธายสฺมา, กปฺโป’’ติอาทีสุ (สุ. นิ. ๑๐๙๘) ปฺตฺติยํ. ‘‘เยน สุทํ นิจฺจกปฺปํ วิหรามี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๘๗) กาเล. ‘‘อากงฺขมาโน, อานนฺท, ตถาคโต กปฺปํ วา ติฏฺเยฺย กปฺปาวเสสํ วา’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๒.๑๗๘; อุทา. ๕๑) ปรมายุมฺหิ. อายุกปฺโป หิ อิธ กปฺโปติ อธิปฺเปโต. ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ปฺจหิ สมณกปฺเปหิ ผลํ ปริภฺุชิตุ’’นฺติอาทีสุ (จูฬว. ๒๕๐) สมณโวหาเร. ‘‘เกวลกปฺปํ เชตวนํ โอภาเสตฺวา’’ติอาทีสุ (ขุ. ปา. ๕.๑; สุ. นิ. มงฺคลสุตฺต) สมนฺตภาเว. ‘‘สทฺธา สทฺทหนา โอกปฺปนา อภิปฺปสาโท’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ๑๒) อภิสทฺทหเน, สทฺธายนฺติ อตฺโถ. ‘‘อลงฺกโต กปฺปิตเกสมสฺสู’’ติอาทีสุ (วิ. ว. ๑๐๙๔; ชา. ๒.๒๒.๑๓๖๘) เฉทเน. ‘‘เอวเมว อิโต ทินฺนํ, เปตานํ อุปกปฺปตี’’ติอาทีสุ (ขุ. ปา. ๗.๗; เป. ว. ๒๐) วินิโยเค. ‘‘กปฺปกเตน อกปฺปกตํ สํสิพฺพิตํ ¶ โหตี’’ติอาทีสุ (ปาจิ. ๓๗๑) วินยกิริยายํ. ‘‘อตฺถิ กปฺโป นิปชฺชิตุํ, หนฺทาหํ นิปชฺชามี’’ติอาทีสุ เลเส. ‘‘อาปายิโก เนรยิโก กปฺปฏฺโ สงฺฆเภทโก…เป… กปฺปํ นิรยมฺหิ ปจฺจตี’’ติ (อิติวุ. ๑๘; จูฬว. ๓๕๔; กถา. ๖๕๗, ๘๖๒) จ อาทีสุ อนฺตรกปฺเป.
‘‘น กปฺปยนฺติ น ปุเรกฺขโรนฺติ, ธมฺมาปิ เตสํ น ปฏิจฺฉิตาเส;
น ¶ พฺราหฺมโณ สีลวเตน เนยฺโย, ปารงฺคโต น ปจฺเจติ ตาที’’ติ. –
อาทีสุ (สุ. นิ. ๘๐๙) ตณฺหาทิฏฺีสุ. ตถา หิ วุตฺตํ นิทฺเทเส ‘‘กปฺปาติ อุทฺทานโต ทฺเว กปฺปา ตณฺหากปฺโป ทิฏฺิกปฺโป’’ติ (มหานิ. ๒๘). ‘‘อเนเกปิ สํวฏฺฏกปฺเป อเนเกปิ วิวฏฺฏกปฺเป’’ติอาทีสุ ¶ (ที. นิ. ๑.๒๔๔; ม. นิ. ๑.๖๘) อสงฺขฺเยยฺยกปฺเป. ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, กปฺปสฺส อสงฺขฺเยยฺยานี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๑๕๖) มหากปฺเป. อิธาปิ มหากปฺเปเยว ทฏฺพฺโพ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๒๙; ๓.๒๗๕; สํ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๑; อ. นิ. อฏฺ. ๒.๓.๑๒๘; ขุ. ปา. อฏฺ. ๕.เอวมิจฺจาทิปาวณฺณนา).
ตตฺรายํ ปทสิทฺธิ – กปฺปียตีติ กปฺโป, เอตฺตกานิ วสฺสานีติ วา เอตฺตกานิ วสฺสสตานีติ วา เอตฺตกานิ วสฺสสหสฺสานีติ วา เอตฺตกานิ วสฺสสตสหสฺสานีติ วา สํวจฺฉรวเสน คเณตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา เกวลํ สาสปราสิอุปมาทีหิ กปฺเปตพฺโพ ปริกปฺเปตพฺพปริมาโณติ อตฺโถ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘กีว ทีโฆ นุ โข, ภนฺเต, กปฺโปติ? ทีโฆ โข, ภิกฺขุ, กปฺโป, โส น สุกโร สงฺขาตุํ ‘เอตฺตกานิ วสฺสานี’ติ วา ‘เอตฺตกานิ วสฺสสตานี’ติ วา ‘เอตฺตกานิ วสฺสสหสฺสานี’ติ วา ‘เอตฺตกานิ วสฺสสตสหสฺสานี’ติ วา. สกฺกา ปน, ภนฺเต, อุปมํ กาตุนฺติ? ‘สกฺกา, ภิกฺขู’ติ ภควา อโวจ. เสยฺยถาปิ, ภิกฺขุ, โยชนํ อายาเมน โยชนํ วิตฺถาเรน โยชนํ อุพฺเพเธน มหาสาสปราสิ. ตโต วสฺสสตสฺส วสฺสสหสฺสสฺส อจฺจเยน เอกเมกํ สาสปํ อุทฺธเรยฺย, ขิปฺปตรํ โข โส, ภิกฺขุ, มหาสาสปราสิ อิมินา อุปกฺกเมน ปริกฺขยํ ปริยาทานํ คจฺเฉยฺย, น ตฺเวว กปฺโป, เอวํ ทีโฆ โข, ภิกฺขุ, กปฺโป’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๒๘).
สฺวายํ ¶ มหากปฺโป สํวฏฺฏาทิวเสน จตุอสงฺขฺเยยฺยกปฺปสงฺคโห. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, กปฺปสฺส อสงฺขฺเยยฺยานิ. กตมานิ จตฺตาริ? สํวฏฺโฏ, สํวฏฺฏฏฺายี, วิวฏฺโฏ, วิวฏฺฏฏฺายี’’ติ (อ. นิ. ๔.๑๕๖).
ตตฺถ ตโย สํวฏฺฏา – เตโชสํวฏฺโฏ, อาโปสํวฏฺโฏ, วาโยสํวฏฺโฏติ. ติสฺโส สํวฏฺฏสีมา – อาภสฺสรา, สุภกิณฺหา, เวหปฺผลาติ. ยทา หิ กปฺโป เตเชน สํวฏฺฏติ, อาภสฺสรโต เหฏฺา อคฺคินา ฑยฺหติ. ยทา อาเปน สํวฏฺฏติ, สุภกิณฺหโต เหฏฺา อุทเกน วิลียติ. ยทา วายุนา สํวฏฺฏติ, เวหปฺผลโต เหฏฺา วาเตน วิทฺธํสติ. วิตฺถารโต ปน โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาฬํ วินสฺสติ, ยํ พุทฺธานํ ¶ อาณากฺเขตฺตนฺติ วุจฺจติ. เตสุ ตีสุ สํวฏฺเฏสุ ยถากฺกมํ กปฺปวินาสกมหาเมฆโต ยาว ชาลาย วา อุทกสฺส วา วาตสฺส วา อุปจฺเฉโท อิทํ เอกํ ¶ อสงฺขฺเยยฺยํ สํวฏฺโฏ นาม. กปฺปวินาสกชาลาทิปจฺเฉทโต ยาว โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาฬปริปูรโก สมฺปตฺติมหาเมโฆ อุฏฺหติ, อิทํ ทุติยํ อสงฺขฺเยยฺยํ สํวฏฺฏฏฺายี นาม.
สมฺปตฺติมหาเมฆโต ยาว จนฺทิมสูริยปาตุภาโว, อิทํ ตติยํ อสงฺขฺเยยฺยํ วิวฏฺโฏ นาม. จนฺทิมสูริยปาตุภาวโต ยาว ปุน กปฺปวินาสกมหาเมโฆ, อิทํ จตุตฺถํ อสงฺขฺเยยฺยํ วิวฏฺฏฏฺายี นาม. อิเมสุ จตุสฏฺิอนฺตรกปฺปสงฺคหํ วิวฏฺฏฏฺายี. เตน สมานกาลปริจฺเฉทา วิวฏฺฏาทโย เวทิตพฺพา. ‘‘วีสติอนฺตรกปฺปสงฺคห’’นฺติ เอเก. อิติ อิมานิ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ เอโก มหากปฺโป โหติ. เตน วุตฺตํ ‘‘สฺวายํ มหากปฺโป สํวฏฺฏาทิวเสน จตุอสงฺขฺเยยฺยกปฺปสงฺคโห’’ติ.
กปฺเปติ จ อจฺจนฺตสํโยควเสน อุปโยคพหุวจนํ. สตสหสฺเสติ กปฺปสทฺทสมฺพนฺเธน จายํ ปุลฺลิงฺคนิทฺเทโส, อิธาปิ อจฺจนฺตสํโยควเสเนว พหุวจนํ. สมานาธิกรณฺเหตํ ปททฺวยํ. จตุโร จ อสงฺขิเยติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย. กสฺส ปน อสงฺขิเยติ อฺสฺส อวุตฺตตฺตา กปฺปสฺส จ วุตฺตตฺตา ปกรณโต กปฺปานนฺติ อยมตฺโถ วิฺายเตว. น หิ วุตฺตํ วชฺเชตฺวา อวุตฺตสฺส กสฺสจิ คหณํ ยุตฺตนฺติ. จ-สทฺโท สมฺปิณฺฑนตฺโถ, มหากปฺปานํ จตุโร อสงฺขฺเยยฺเย สตสหสฺเส จ มหากปฺเปติ อยฺเหตฺถ อตฺโถ. อสงฺขิเยติ เอตฺถ สงฺขาตุํ น สกฺกาติ อสงฺขิยา, คณนํ อติกฺกนฺตาติ อตฺโถ. ‘‘อสงฺขฺเยยฺยนฺติ เอโก คณนวิเสโส’’ติ เอเก. เต หิ เอกโต ปฏฺาย มหาพลกฺขปริโยสานานิ เอกูนสฏฺิฏฺานานิ วชฺเชตฺวา ทสมหาพลกฺขานิ อสงฺขฺเยยฺยํ นาม, สฏฺิมฏฺานนฺตรนฺติ วทนฺติ. ตํ น ยุชฺชติ, สงฺขฺยาานนฺตรํ นาม คณนวิเสโส, ตสฺส อสงฺขฺเยยฺยภาวาภาวโต ¶ เอกํ านนฺตรํ อสงฺขฺเยยฺยฺจาติ วิรุทฺธเมตํ. นนุ จ อสงฺขฺยภาเวน อสงฺขฺเยยฺยตฺเตปิ ตสฺส จตุพฺพิธภาโว น ยุชฺชตีติ? โน น ยุชฺชติ. จตูสุ าเนสุ อสงฺขฺเยยฺยภาวสฺส อิจฺฉิตตฺตา. ตตฺรายมาทิโต ปฏฺาย วิภาวนา –
อตีเต กิร เอกสฺมึ กปฺเป ตณฺหงฺกโร เมธงฺกโร สรณงฺกโร ¶ ทีปงฺกโรติ จตฺตาโร สมฺมาสมฺพุทฺธา อนุกฺกเมน โลเก อุปฺปชฺชึสุ. เตสุ ทีปงฺกรสฺส ภควโต กาเล อมรวตี นาม นครํ อโหสิ. ตตฺถ ¶ สุเมโธ นาม พฺราหฺมโณ ปฏิวสติ อุภโต สุชาโต มาติโต จ ปิติโต จ, สํสุทฺธคหณิโก ยาว สตฺตมา กุลปริวฏฺฏา อกฺขิตฺโต อนุปกฺกุฏฺโ ชาติวาเทน, อภิรูโป ทสฺสนีโย ปาสาทิโก ปรมาย วณฺณโปกฺขรตาย สมนฺนาคโต. โส อฺํ กมฺมํ อกตฺวา พฺราหฺมณสิปฺปเมว อุคฺคณฺหิ. ตสฺส ทหรกาเลเยว มาตาปิตโร กาลมกํสุ. อถสฺส ราสิวฑฺฒโก อมจฺโจ อายโปตฺถกํ อาหริตฺวา สุวณฺณรชตมณิมุตฺตาทิภริเต สารคพฺเภ วิวริตฺวา ‘‘เอตฺตกํ เต, กุมาร, มาตุสนฺตกํ, เอตฺตกํ เต ปิตุสนฺตกํ, เอตฺตกํ เต อยฺยกปยฺยกาน’’นฺติ ยาว สตฺตมา กุลปริวฏฺฏา ธนํ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘เอตํ ธนํ ปฏิปชฺชาหี’’ติ อาห. สุเมธปณฺฑิโต จินฺเตสิ – ‘‘อิมํ เอวํ พหุํ ธนํ สํหริตฺวา มยฺหํ มาตาปิตาทโย ปรโลกํ คจฺฉนฺตา เอกกหาปณมฺปิ คเหตฺวา น คตา, มยา ปน คเหตฺวา คมนการณํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส รฺโ อาโรเจตฺวา นคเร เภรึ จราเปตฺวา มหาชนสฺส ทานํ ทตฺวา หิมวนฺตปฺปเทสํ คนฺตฺวา ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา สตฺตาเหเนว อฏฺ สมาปตฺติโย ปฺจ จ อภิฺาโย นิพฺพตฺเตตฺวา สมาปตฺติวิหาเรหิ วิหรติ.
ตสฺมิฺจ กาเล ทีปงฺกรทสพโล ปรมาภิสมฺโพธึ ปตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺโก จตูหิ ขีณาสวสตสหสฺเสหิ ปริวุโต อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน รมฺมวตีนครํ นาม ปตฺวา ตสฺส อวิทูเร สุทสฺสนมหาวิหาเร ปฏิวสติ. รมฺมวตีนครวาสิโน ‘‘สตฺถา กิร อมฺหากํ นครํ ปตฺวา สุทสฺสนมหาวิหาเร ปฏิวสตี’’ติ สุตฺวา คนฺธมาลาทิหตฺถา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา คนฺธมาลาทีหิ ปูเชตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺนา ธมฺมเทสนํ สุตฺวา สฺวาตนาย นิมนฺเตตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกมึสุ. เต ปุนทิวเส มหาทานํ สชฺเชตฺวา นครํ อลงฺกริตฺวา ทสพลสฺส อาคมนมคฺคํ หฏฺตุฏฺา โสเธนฺติ.
ตสฺมิฺจ กาเล สุเมธตาปโส อากาเสน คจฺฉนฺโต ¶ เต หฏฺตุฏฺเ มนุสฺเส ทิสฺวา ‘‘อมฺโภ, กสฺส ตุมฺเห อิมํ มคฺคํ โสเธถา’’ติ ปุจฺฉิ? เตหิ ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อาคมนมคฺคํ โสเธมา’’ติ วุตฺเต อตีเตสุ พุทฺเธสุ กตาธิการตฺตา ‘‘พุทฺโธ’’ติ วจนํ สุตฺวา อุปฺปนฺนปีติโสมนสฺโส ¶ ตาวเทว อากาสโต โอรุยฺห ‘‘มยฺหมฺปิ โอกาสํ เทถ, อหมฺปิ โสเธสฺสามี’’ติ ¶ เตหิ ทสฺสิตํ โอกาสํ ‘‘กิฺจาปิ อหํ อิมํ อิทฺธิยา สตฺตรตนวิจิตฺตํ กตฺวา อลงฺกริตุํ ปโหมิ, อชฺช ปน มยา กายเวยฺยาวจฺจํ กาตุํ วฏฺฏติ, กายารหํ ปฺุํ คณฺหิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ติณกจวราทโย นีหริตฺวา ปํสุํ อาหริตฺวา สมํ กโรนฺโต โสเธติ. อนิฏฺิเตเยว ปน ตสฺส ปเทสสฺส โสธเน ทีปงฺกโร ภควา มหานุภาวานํ ฉฬภิฺานํ ขีณาสวานํ จตูหิ สตสหสฺเสหิ ปริวุโต ตํ มคฺคํ ปฏิปชฺชิ. สุเมธปณฺฑิโต ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ พุทฺธสาวกา จ มา จิกฺขลฺลํ อกฺกมนฺตู’’ติ อตฺตโน วากจีรฺจ จมฺมขณฺฑฺจ ชฏากลาปฺจ ปสาเรตฺวา สยฺจ เยน ภควา เตน สีสํ กตฺวา อวกุชฺโช นิปชฺชิ. เอวฺจ จินฺเตสิ – ‘‘สจาหํ อิจฺฉิสฺสามิ, อิมสฺส ภควโต สาวโก หุตฺวา อชฺเชว กิเลเส ฆาเตสฺสามิ. กึ มยฺหํ เอกเกเนว สํสารมโหฆโต นิตฺถรเณน? ยํนูนาหมฺปิ เอวรูโป สมฺมาสมฺพุทฺโธ หุตฺวา สเทวกํ โลกํ สํสารมหณฺณวโต ตาเรยฺย’’นฺติ. อิติ โส อฏฺงฺคสมนฺนาคตมหาภินีหารวเสน จิตฺตํ ปณิเธสิ. อถ ภควา อาคนฺตฺวา ตสฺส อุสฺสีสเก ตฺวา จิตฺตาจารํ สมิชฺฌนภาวฺจสฺส ตฺวา ‘‘อยํ อิโต กปฺปสตสหสฺสาธิกานํ จตุนฺนํ อสงฺขฺเยยฺยานํ มตฺถเก โคตโม นาม สมฺมาสมฺพุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ สพฺพํ อิมํ ภควโต ปวตฺตึ พฺยากริตฺวา ปกฺกามิ.
ตโต อปเรปิ โกณฺฑฺภควนฺตํ อาทึ กตฺวา อนุกฺกเมน อุปฺปนฺนา ยาว กสฺสปทสพลปริโยสานา สมฺมาสมฺพุทฺธา มหาสตฺตํ ‘‘พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากรึสุ. อิติ อมฺหากํ โพธิสตฺตสฺส ปารมิโย ปูเรนฺตสฺเสว จตุวีสติ สมฺมาสมฺพุทฺธา อุปฺปนฺนา. ยสฺมึ ปน กปฺเป ทีปงฺกรทสพโล อุทปาทิ, ตสฺมึ อฺเปิ ตโย พุทฺธา อเหสุํ. เตสํ สนฺติเก โพธิสตฺตสฺส พฺยากรณํ นาโหสิ, ตสฺมา เต อิธ ¶ น คหิตา. โปราณฏฺกถายํ ปน ตมฺหา กปฺปา ปฏฺาย สพฺพพุทฺเธ ทสฺเสตุํ อิทํ วุตฺตํ –
‘‘ตณฺหงฺกโร เมธงฺกโร, อโถปิ สรณงฺกโร;
ทีปงฺกโร จ สมฺพุทฺโธ, โกณฺฑฺโ ทฺวิปทุตฺตโม.
‘‘มงฺคโล จ สุมโน จ, เรวโต โสภิโต มุนิ;
อโนมทสฺสี ปทุโม, นารโท ปทุมุตฺตโร.
‘‘สุเมโธ ¶ ¶ จ สุชาโต จ, ปิยทสฺสี มหายโส;
อตฺถทสฺสี ธมฺมทสฺสี, สิทฺธตฺโถ โลกนายโก.
‘‘ติสฺโส ผุสฺโส จ สมฺพุทฺโธ, วิปสฺสี สิขิ เวสฺสภู;
กกุสนฺโธ โกณาคมโน, กสฺสโป จาปิ นายโก.
‘‘เอเต อเหสุํ สมฺพุทฺธา, วีตราคา สมาหิตา;
สตรํสีว อุปฺปนฺนา, มหาตมวิโนทนา;
ชลิตฺวา อคฺคิกฺขนฺธาว, นิพฺพุตา เต สสาวกา’’ติ. (ชา. อฏฺ. ๑.ทูเรนิทานกถา; อป. อฏฺ. ๑.ทูเรนิทานกถา);
ตตฺถ ทีปงฺกรทสพลสฺส จ โกณฺฑฺทสพลสฺส จ อนฺตเร มหากปฺปานํ เอกํ อสงฺขฺเยยฺยํ พุทฺธสฺุโ โลโก อโหสิ, ตถา ภควโต โกณฺฑฺสฺส จ ภควโต มงฺคลสฺส จ อนฺตเร, ตถา ภควโต โสภิตสฺส จ ภควโต อโนมทสฺสิสฺส จ อนฺตเร, ตถา ภควโต นารทสฺส จ ภควโต ปทุมุตฺตรสฺส จ อนฺตเร. วุตฺตฺเหตํ พุทฺธวํเส (พุ. วํ. ๒๘.๓, ๔, ๖, ๙) –
‘‘ทีปงฺกรสฺส ภควโต, โกณฺฑฺสฺส จ สตฺถุโน;
เอเตสํ อนฺตรา กปฺปา, คณนาโต อสงฺขิยา.
‘‘โกณฺฑฺสฺส อปเรน, มงฺคโล นาม นายโก;
เตสมฺปิ อนฺตรา กปฺปา, คณนาโต อสงฺขิยา.
‘‘โสภิตสฺส อปเรน, อโนมทสฺสี มหายโส;
เตสมฺปิ อนฺตรา กปฺปา, คณนาโต อสงฺขิยา.
‘‘นารทสฺส ภควโต, ปทุมุตฺตรสฺส สตฺถุโน;
เตสมฺปิ อนฺตรา กปฺปา, คณนาโต อสงฺขิยา’’ติ.
เอวํ คณนาตีตตาย อสงฺขฺเยยฺยตฺเตปิ จตูสุ าเนสุ มหากปฺปานํ คณนาติกฺกเมน ‘‘จตุโร จ อสงฺขิเย’’ติ วุตฺตํ, น สงฺขฺยาวิเสเสนาติ เวทิตพฺพํ. ยสฺมา ปน ปทุมุตฺตรทสพลสฺส จ สุเมธทสพลสฺส จ อนฺตเร ตึสกปฺปสหสฺสานิ, สุชาตทสพลสฺส จ ปิยทสฺสีทสพลสฺส จ อนฺตเร นวสหสฺสาธิกานํ กปฺปานํ สฏฺิสหสฺสานิ ทฺวาสีตุตฺตรานิ อฏฺ จ ¶ สตานิ, ธมฺมทสฺสีทสพลสฺส จ สิทฺธตฺถทสพลสฺส จ อนฺตเร วีสติ กปฺปา, สิทฺธตฺถทสพลสฺส ¶ จ ติสฺสทสพลสฺส จ อนฺตเร เอโก กปฺโป ¶ , ภควโต วิปสฺสิสฺส จ ภควโต สิขิสฺส จ อนฺตเร สฏฺิ กปฺปา, ภควโต จ เวสฺสภุสฺส ภควโต จ กกุสนฺธสฺส อนฺตเร ตึส กปฺปา, อิติ ปทุมุตฺตรทสพลสฺส อุปฺปนฺนกปฺปโต ปฏฺาย เหฏฺา เตสํ เตสํ พุทฺธานํ อุปฺปนฺนกปฺเปหิ อิมินา จ ภทฺทกปฺเปน สทฺธึ สตสหสฺสมหากปฺปา. เต สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘กปฺเป จ สตสหสฺเส’’ติ. อิมสฺมึ ปนตฺเถ วิตฺถาริยมาเน สพฺพํ พุทฺธวํสปาฬึ อาหริตฺวา สํวณฺเณตพฺพํ โหตีติ อติวิตฺถารภีรุกสฺส มหาชนสฺส จิตฺตํ อนุรกฺขนฺตา น วิตฺถารยิมฺห. อตฺถิเกหิ พุทฺธวํสโต (พุ. วํ. ๑.๑ อาทโย) คเหตพฺโพ. โยปิ เจตฺถ วตฺตพฺโพ กถามคฺโค, โสปิ อฏฺสาลินิยา (ธ. ส. อฏฺ. สุเมธกถา) ธมฺมสงฺคหวณฺณนาย ชาตกฏฺกถาย (ชา. อฏฺ. ๑.ทูเรนิทานกถา) จ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ.
เอตฺถนฺตเรติ เอตฺถ อนฺตรสทฺโท –
‘‘นทีตีเรสุ สณฺาเน, สภาสุ รถิยาสุ จ;
ชนา สงฺคมฺม มนฺเตนฺติ, มฺจ ตฺจ กิมนฺตร’’นฺติ. (สํ. นิ. ๑.๒๒๘) –
อาทีสุ การเณ อาคโต. ‘‘อทฺทสา โข มํ, ภนฺเต, อฺตรา อิตฺถี วิชฺชนฺตริกาย ภาชนํ โธวนฺตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๑๔๙) ขเณ, วิชฺชุนิจฺฉรณกฺขเณติ อตฺโถ. ‘‘ยสฺสนฺตรโต น สนฺติ โกปา’’ติอาทีสุ (อุทา. ๒๐) จิตฺเต. ‘‘อนฺตรา จ คยํ อนฺตรา จ โพธิ’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๘๕; มหาว. ๑๑) วิวเร. ‘‘น อุปชฺฌายสฺส ภณมานสฺส อนฺตรนฺตรา กถา โอปาเตตพฺพา’’ติอาทีสุ (มหาว. ๖๖) เวมชฺเฌ. อิธาปิ เวมชฺเฌเยว ทฏฺพฺโพ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๑; อ. นิ. อฏฺ. ๒.๔.๓๖), ตสฺมา เอตสฺมึ อนฺตเร เวมชฺเฌติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยสฺมึ มหากปฺเป อมฺหากํ ภควา สุเมธปณฺฑิโต หุตฺวา ทีปงฺกรสฺส ภควโต ปาทมูเล –
‘‘มนุสฺสตฺตํ ลิงฺคสมฺปตฺติ, เหตุ สตฺถารทสฺสนํ;
ปพฺพชฺชา คุณสมฺปตฺติ, อธิกาโร จ ฉนฺทตา’’ติ. (พุ. วํ. ๒.๕๙) –
เอวํ ¶ วุตฺเตหิ อฏฺหิ องฺเคหิ สมนฺนาคตํ มหาภินีหารํ อกาสิ, สมตฺตึส ปารมิโย ปวิจินิ สมาทิยิ, สพฺเพปิ พุทฺธการเก ธมฺเม สมฺปาเทตุํ ¶ อารภิ, ยมฺหิ เจตสฺมึ ภทฺทกปฺเป สพฺพโส ปูริตปารมี หุตฺวา อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุชฺฌิ. อิเมสํ ทฺวินฺนํ มหากปฺปานํ อนฺตเร ยถาวุตฺตปริจฺเฉเท กาลวิเสเสติ. กถํ ¶ ปเนตํ วิฺายตีติ? ‘‘กปฺเป จ สตสหสฺเส, จตุโร จ อสงฺขิเย’’ติ อิทฺหิ มหากปฺปานํ ปริจฺเฉทโต อปริจฺเฉทโต จ สงฺขฺยาทสฺสนํ. สา โข ปนายํ สงฺขฺยา สงฺขฺเยยฺยสฺส อาทิปริโยสานคฺคหณํ วินา น สมฺภวตีติ ยตฺถ โพธิสมฺภารานมารมฺโภ ยตฺถ จ เต ปริโยสิตา ตทุภยมฺปิ อวธิภาเวน ‘‘เอตฺถนฺตเร’’ติ เอตฺถ อตฺถโต ทสฺสิตนฺติ วิฺายติ. อวธิ จ ปนายํ อภิวิธิวเสน เวทิตพฺโพ, น มริยาทาวเสน, อารมฺโภสานกปฺปานํ เอกเทเสน อนฺโตคธตฺตา. นนุ จ นิปฺปเทเสน เตสํ อปริยาทานโต อภิวิธิ จ อิธ น สมฺภวตีติ? น อิทเมวํ ตเทกเทเสปิ ตพฺโพหารโต. โย หิ ตเทกเทสภูโต กปฺโป, โส นิปฺปเทสโต ปริยาทินฺโนติ.
ยํ จริตํ, สพฺพํ ตํ โพธิปาจนนฺติ เอตฺถ จริตนฺติ จริยา, สมตฺตึสปารมิสงฺคหา ทานสีลาทิปฏิปตฺติ, าตตฺถจริยาโลกตฺถจริยาพุทฺธตฺถจริยานํ ตทนฺโตคธตฺตา. ตถา ยา จิมา อฏฺ จริยา, เสยฺยถิทํ – ปณิธิสมฺปนฺนานํ จตูสุ อิริยาปเถสุ อิริยาปถจริยา, อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารานํ อชฺฌตฺติกายตเนสุ อายตนจริยา, อปฺปมาทวิหารีนํ จตูสุ สติปฏฺาเนสุ สติจริยา, อธิจิตฺตมนุยุตฺตานํ จตูสุ ฌาเนสุ สมาธิจริยา, พุทฺธิสมฺปนฺนานํ จตูสุ อริยสจฺเจสุ าณจริยา, สมฺมา ปฏิปนฺนานํ จตูสุ อริยมคฺเคสุ มคฺคจริยา, อธิคตผลานํ จตูสุ สามฺผเลสุ ปตฺติจริยา, ติณฺณํ พุทฺธานํ สพฺพสตฺเตสุ โลกตฺถจริยาติ. ตตฺถ ปเทสโต ทฺวินฺนํ โพธิสตฺตานํ ปจฺเจกพุทฺธพุทฺธสาวกานฺจ โลกตฺถจริยา, มหาโพธิสตฺตานํ ปน สมฺมาสมฺพุทฺธานฺจ นิปฺปเทสโต. วุตฺตฺเหตํ นิทฺเทเส (จูฬนิ. ขคฺควิสาณสุตฺตนิทฺเทส ๑๒๑; ปฏิ. ม. ๑.๑๙๗) ‘‘จริยาติ อฏฺ จริยาโย อิริยาปถจริยา อายตนจริยา’’ติ วิตฺถาโร. ‘‘อธิมุจฺจนฺโต สทฺธาย จรติ, ปคฺคณฺหนฺโต วีริเยน จรติ, อุปฏฺหนฺโต สติยา จรติ, อวิกฺขิปนฺโต สมาธินา จรติ, ปชานนฺโต ปฺาย จรติ, วิชานนฺโต วิฺาเณน จรติ, เอวมฺปิ ปฏิปนฺนสฺส กุสลา ธมฺมา อายตนฺตีติ อายตนจริยาย จรติ, เอวมฺปิ ปฏิปนฺโน วิเสสมธิคจฺฉตีติ วิเสสจริยาย จรตี’’ติ ยา ¶ อิมา อปราปิ อฏฺ จริยา วุตฺตา, ตาสํ สพฺพาสํ ปารมิตาสฺเวว สโมโรโธ เวทิตพฺโพ. เตน วุตฺตํ ‘‘จริตนฺติ จริยา, สมตฺตึสปารมิสงฺคหา ¶ ทานสีลาทิปฏิปตฺตี’’ติ. เหตุจริยาย เอว ปน อิธาธิปฺเปตตฺตา มคฺคจริยาปตฺติจริยานํ อิธ อนวโรโธ เวทิตพฺโพ. เตน วุตฺตํ ‘‘สพฺพํ ตํ โพธิปาจน’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ สพฺพ-สทฺโท สพฺพสพฺพํ อายตนสพฺพํ สกฺกายสพฺพํ ปเทสสพฺพนฺติ จตูสุ อตฺเถสุ ทิสฺสติ. ตถา หิ ‘‘สพฺเพ ธมฺมา สพฺพากาเรน พุทฺธสฺส ภควโต าณมุเข อาปาถมาคจฺฉนฺตี’’ติอาทีสุ (มหานิ. ๑๕๖; จูฬนิ. โมฆราชมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๘๕) สพฺพสพฺพสฺมึ. ‘‘สพฺพํ โว, ภิกฺขเว, เทเสสฺสามิ ตํ สุณาถ, กิฺจ, ภิกฺขเว, สพฺพํ จกฺขฺุเจว รูปา จ…เป… มโน เจว ธมฺมา จา’’ติ (สํ. นิ. ๔.๒๓) เอตฺถ อายตนสพฺพสฺมึ. ‘‘สพฺพํ สพฺพโต สฺชานาตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๖) สกฺกายสพฺพสฺมึ. ‘‘สพฺเพสมฺปิ โว, สาริปุตฺต, สุภาสิตํ ปริยาเยนา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๓๔๕) ปเทสสพฺพสฺมึ. อิธาปิ ปเทสสพฺพสฺมึ เอว เวทิตพฺโพ, โพธิสมฺภารภูตสฺส จริตสฺส อธิปฺเปตตฺตา.
โพธีติ รุกฺโขปิ อริยมคฺโคปิ นิพฺพานมฺปิ สพฺพฺุตฺาณมฺปิ. ‘‘โพธิรุกฺขมูเล ปมาภิสมฺพุทฺโธ’’ติ (มหาว. ๑; อุทา. ๑) จ ‘‘อนฺตรา จ คยํ อนฺตรา จ โพธิ’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๒๘๕; มหาว. ๑๑) จ อาคตฏฺาเน พุชฺฌติ เอตฺถาติ รุกฺโข โพธิ. ‘‘โพธิ วุจฺจติ จตูสุ มคฺเคสุ าณ’’นฺติ (จูฬนิ. ขคฺควิสาณสุตฺตนิทฺเทส ๑๒๑) อาคตฏฺาเน จตฺตาริ อริยสจฺจานิ พุชฺฌติ เอเตนาติ อริยมคฺโค โพธิ. ‘‘ปตฺวาน โพธึ อมตํ อสงฺขต’’นฺติ อาคตฏฺาเน พุชฺฌติ เอตสฺมึ นิมิตฺตภูเตติ นิพฺพานํ โพธิ. ‘‘ปปฺโปติ โพธึ วรภูริเมธโส’’ติ (ที. นิ. ๓.๒๑๗) อาคตฏฺาเน สพฺเพ ธมฺเม สพฺพากาเรน พุชฺฌติ เอเตนาติ สพฺพฺุตฺาณํ โพธิ. อิธาปิ สพฺพฺุตฺาณํ อธิปฺเปตํ. อรหตฺตมคฺคสพฺพฺุตฺาณานิ วา อิธ โพธีติ เวทิตพฺพานิ (ปารา. อฏฺ. ๑.๑๑), มหาโพธิยา อธิปฺเปตตฺตา ภควโต. อาสวกฺขยาณปทฏฺานฺหิ สพฺพฺุตฺาณํ สพฺพฺุตฺาณปทฏฺานฺจ อาสวกฺขยาณํ ‘‘มหาโพธี’’ติ วุจฺจติ. เอตฺถายํ สงฺเขปตฺโถ – ยถาวุตฺตกาลปริจฺเฉเท ยํ มม ทานาสีลาทิปฏิปตฺติสงฺขาตํ จริตํ, ตํ สพฺพํ อนวเสสํ มหาโพธิยา ปาจนํ สาธกํ นิพฺพตฺตกนฺติ. เอเตน โพธิสมฺภารานํ นิรนฺตรภาวนํ ทสฺเสติ. อถ วา ¶ สพฺพนฺติ เอตฺถนฺตเร ยถาวุตฺตกาลปริจฺเฉเท ยํ จริตํ, ตํ สพฺพํ สกลเมว อนวเสสํ โพธิสมฺภารภูตเมว. เอเตน สพฺพสมฺภารภาวนํ ทสฺเสติ.
ตสฺโส หิ โพธิสมฺภาเรสุ ¶ ภาวนา สพฺพสมฺภารภาวนา นิรนฺตรภาวนา จิรกาลภาวนา สกฺกจฺจภาวนา จาติ. ตาสุ ‘‘กปฺเป จ สตสหสฺเส, จตุโร จ อสงฺขิเย’’ติ อิมินา จิรกาลภาวนา วุตฺตา. โย เจตฺถ อจฺจนฺตสํโยโค, เตน ปเม อตฺถวิกปฺเป สพฺพคฺคหเณน จ นิรนฺตรภาวนา, ทุติเย อตฺถวิกปฺเป สพฺพํ จริต’’นฺติ อิมินา สพฺพสมฺภารภาวนา, โพธิปาจน’’นฺติ ¶ อิมินา สกฺกจฺจภาวนา วุตฺตา โหติ, ยถา ตํ จริตํ สมฺมาสมฺโพธึ ปาเจติ เอวํภูตภาวทีปนโต. ตถา หิ ตํ ‘‘โพธิปาจน’’นฺติ วตฺตพฺพตํ อรหติ, น อฺถาติ. กถํ ปเนตฺถ โพธิจริยาย นิรนฺตรภาโว เวทิตพฺโพ? ยทิ จิตฺตนิรนฺตรตาย ตํ น ยุชฺชติ, น หิ มหาโพธิสตฺตานํ มหาภินีหารโต อุทฺธํ โพธิสมฺภารสมฺภรณจิตฺตโต อฺํ จิตฺตํ นปฺปวตฺตตีติ สกฺกา วตฺตุํ. อถ กิริยมยจิตฺตปฺปวตฺตึ สนฺธาย วุจฺเจยฺย, เอวมฺปิ น ยุชฺชติ, น หิ สพฺพานิ เตสํ กิริยมยจิตฺตานิ โพธิสมฺภารสมฺภรณวเสเนว ปวตฺตนฺติ. เอเตเนว ปโยคนิรนฺตรตาปิ ปฏิกฺขิตฺตาติ ทฏฺพฺพา. ชาตินิรนฺตรตาย ปน นิรนฺตรภาวนา เวทิตพฺพา. ยสฺสฺหิ ชาติยํ มหาโพธิสตฺเตน มหาปณิธานํ นิพฺพตฺติตํ, ตโต ปฏฺาย ยาว จริมตฺตภาวา น สา นาม ชาติ อุปลพฺภติ, ยา สพฺเพน สพฺพํ โพธิสมฺภารสมฺภตา น สิยา อนฺตมโส ทานปารมิมตฺตํ อุปาทาย. อยฺหิ นิยติปตฺถิตานํ โพธิสตฺตานํ ธมฺมตา. ยาว จ เต กมฺมาทีสุ วสีภาวํ น ปาปุณนฺติ, ตาว สปฺปเทสมฺปิ สมฺภาเรสุ ปโยคมาปชฺชนฺติ. ยทา ปน สพฺพโส กมฺมาทีสุ วสีภาวปฺปตฺตา โหนฺติ, อถ ตโต ปฏฺาย นิปฺปเทสโต เอว โพธิสมฺภาเรสุ สมีหนํ สาตจฺจกิริยา จ สมฺปชฺชติ. สกฺกจฺจการิตา ปน สพฺพกาลํ โหติ, เอวํ เยน เยน โพธิสตฺตานํ ตตฺถ ตตฺถ ยถาธิปฺปายํ สมิชฺฌนํ สมฺปชฺชตีติ. เอวเมตาย คาถาย โพธิสมฺภาเรสุ สพฺพสมฺภารภาวนา จิรกาลภาวนา นิรนฺตรภาวนา สกฺกจฺจภาวนา จาติ จตสฺโสปิ ภาวนา ปกาสิตาติ เวทิตพฺพา.
ตตฺร ยสฺมา โพธิสตฺตจริตํ โพธิสมฺภารา โพธิจริยา อคฺคยานํ ปารมิโยติ อตฺถโต เอกํ, พฺยฺชนเมว นานํ, ยสฺมา จ ปรโต วิภาเคน ¶ วกฺขมานานํ ¶ ทานปารมิอาทีนํ จริตนฺติ อิทํ อวิเสสวจนํ, ตสฺมา สพฺพโพธิสมฺภาเรสุ โกสลฺลชนนตฺถํ ปารมิโย อิธ สํวณฺเณตพฺพา. ตา ปรโต ปกิณฺณกกถายํ สพฺพากาเรน สํวณฺณยิสฺสาม.
๒. อิติ ภควา อตฺตโน โพธิสตฺตภูมิยํ จริตํ อารมฺภโต ปฏฺาย ยาว ปริโยสานา มหาโพธิยา ปริปาจนเมวาติ อวิเสสโต ทสฺเสตฺวา อิทานิ ตสฺส ปรมุกฺกํสคมเนน อติสยโต โพธิปริปาจนภาวํ ทสฺเสตุํ อิมสฺมึ ภทฺทกปฺเป กติปยา ปุพฺพจริยา วิภาคโต วิภาเวนฺโต ‘‘อตีตกปฺเป’’ติอาทิมาห.
ตตฺถ อตีตกปฺเปติ อิโต ปุริเม ปุริมตเร วา สพฺพสฺมึ อติกฺกนฺเต ยถาวุตฺตปริจฺเฉเท มหากปฺเป, กปฺปานํ สตสหสฺสาธิเกสุ จตูสุ อสงฺขฺเยยฺเยสูติ อตฺโถ. จริตนฺติ จิณฺณํ ทานาทิปฏิปตฺตึ. ปยิตฺวาติ มฺุจิตฺวา อคฺคเหตฺวา, อวตฺวาติ อตฺโถ. ภวาภเวติ ภเว จ อภเว ¶ จ, ‘‘อิติภวาภวกถ’’นฺติ (ที. นิ. ๑.๑๗) เอตฺถ หิ วุทฺธิหานิโย ภวาภวาติ วุตฺตา. ‘‘อิติภวาภวตฺจ วีติวตฺโต’’ติ (อุทา. ๒๐) เอตฺถ สมฺปตฺติวิปตฺติวุทฺธิหานิสสฺสตุจฺเฉทปฺุปาปานิภวาภวาติ อธิปฺเปตานิ. ‘‘อิติภวาภวเหตุ วา, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน ตณฺหา อุปฺปชฺชมานา อุปฺปชฺชตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๙; อิติวุ. ๑๐๕) เอตฺถ ปน ปณีตปณีตตรานิ สปฺปินวนีตาทิเภสชฺชานิ ภวาภวาติ อธิปฺเปตานิ. สมฺปตฺติภเวสุ ปณีตตรา ปณีตตมา ภวาภวาติปิ วทนฺติ เอว, ตสฺมา อิธาปิ โส เอว อตฺโถ เวทิตพฺโพ, ขุทฺทเก เจว มหนฺเต จ ภวสฺมินฺติ วุตฺตํ โหติ. อิมมฺหิ กปฺเปติ อิมสฺมึ ภทฺทกปฺเป. ปวกฺขิสฺสนฺติ กถยิสฺสํ. สุโณหีติ ธมฺมเสนาปตึ สวเน นิโยเชติ. เมติ มม สนฺติเก, มม ภาสโตติ อตฺโถ.
นิทานกถา นิฏฺิตา.
๑. อกิตฺติวคฺโค
๑. อกิตฺติจริยาวณฺณนา
๓. เอวํ ¶ ¶ ภควา อายสฺมโต สาริปุตฺตตฺเถรสฺส สเทวมนุสฺสาย จ ปริสาย อตฺตโน ปุพฺพจริยาย สวเน อุสฺสาหํ ชเนตฺวา อิทานิ ตํ ปุพฺพจริตํ ภวนฺตรปฏิจฺฉนฺนํ หตฺถตเล อามลกํ วิย ปจฺจกฺขํ กโรนฺโต ‘‘ยทา อหํ พฺรหารฺเ’’ติอาทิมาห.
ตตฺถ ยทาติ ยสฺมึ กาเล. พฺรหารฺเติ มหาอรฺเ, อรฺานิยํ, มหนฺเต วเนติ อตฺโถ. สฺุเติ ชนวิวิตฺเต. วิปินกานเนติ วิปินภูเต กานเน, ปททฺวเยนาปิ ตสฺส อรฺสฺส คหนภาวเมว ทีเปติ, สพฺพเมตํ การทีปํ ¶ สนฺธาย วุตฺตํ. อชฺโฌคาเหตฺวาติ อนุปวิสิตฺวา. วิหรามีติ ทิพฺพพฺรหฺมอริยอาเนฺชวิหาเรหิ สมุปฺปาทิตสุขวิเสเสน อิริยาปถวิหาเรน สรีรทุกฺขํ วิจฺฉินฺทิตฺวา หรามิ อตฺตภาวํ ปวตฺเตมิ. อกิตฺติ นาม ตาปโสติ เอวํนามโก ตาปโส หุตฺวา ยทา อหํ ตสฺมึ อรฺเ วิหรามีติ อตฺโถ. สตฺถา ตทา อตฺตโน อกิตฺติตาปสภาวํ ธมฺมเสนาปติสฺส วทติ. ตตฺรายํ อนุปุพฺพิกถา –
อตีเต กิร อิมสฺมึเยว ภทฺทกปฺเป พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต นาม ราชินิ รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต อสีติโกฏิวิภวสฺส พฺราหฺมณมหาสาลสฺส กุเล นิพฺพตฺติ, ‘‘อกิตฺตี’’ติสฺส นามํ กรึสุ. ตสฺส ปทสา คมนกาเล ภคินีปิ ชายิ. ‘‘ยสวตี’’ติสฺสา นามํ กรึสุ. โส โสฬสวสฺสกาเล ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคเหตฺวา ปจฺจาคมาสิ. อถสฺส มาตาปิตโร กาลมกํสุ. โส เตสํ เปตกิจฺจานิ กาเรตฺวา กติปยทิวสาติกฺกเมน รตนาวโลกนํ อายุตฺตกปุริเสหิ การยมาโน ‘‘เอตฺตกํ มตฺติกํ, เอตฺตกํ เปตฺติกํ, เอตฺตกํ ปิตามห’’นฺติ สุตฺวา สํวิคฺคมานโส หุตฺวา ‘‘อิทํ ธนเมว ปฺายติ, น ธนสฺส สํหารกา, สพฺเพ อิมํ ธนํ ปหาเยว คตา, อหํ ปน นํ อาทาย คมิสฺสามี’’ติ ราชานํ อาปุจฺฉิตฺวา เภรึ จราเปสิ – ‘‘ธเนน อตฺถิกา อกิตฺติปณฺฑิตสฺส เคหํ อาคจฺฉนฺตู’’ติ.
โส ¶ ¶ สตฺตาหํ มหาทานํ ปวตฺเตตฺวา ธเน อขียมาเน ‘‘กึ เม อิมาย ธนกีฬาย, อตฺถิกา คณฺหิสฺสนฺตี’’ติ นิเวสนทฺวารํ วิวริตฺวา หิรฺสุวณฺณาทิภริเต สารคพฺเภ วิวราเปตฺวา ‘‘ทินฺนํเยว หรนฺตู’’ติ เคหํ ปหาย าติปริวฏฺฏสฺส ปริเทวนฺตสฺส ภคินึ คเหตฺวา พาราณสิโต นิกฺขมิตฺวา ¶ นทึ อุตฺตริตฺวา ทฺเว ตีณิ โยชนานิ คนฺตฺวา ปพฺพชิตฺวา รมณีเย ภูมิภาเค ปณฺณสาลํ กริตฺวา วสติ. เยน ปน ทฺวาเรน ตทา นิกฺขมิ, ตํ อกิตฺติทฺวารํ นาม ชาตํ. เยน ติตฺเถน นทึ โอติณฺโณ, ตํ อกิตฺติติตฺถํ นาม ชาตํ. ตสฺส ปพฺพชิตภาวํ สุตฺวา พหู มนุสฺสา คามนิคมราชธานิวาสิโน ตสฺส คุเณหิ อากฑฺฒิยมานหทยา อนุปพฺพชึสุ. มหาปริวาโร อโหสิ, มหาลาภสกฺกาโร นิพฺพตฺติ, พุทฺธุปฺปาโท วิย อโหสิ. อถ มหาสตฺโต ‘‘อยํ ลาภสกฺกาโร มหา, ปริวาโรปิ มหนฺโต, กายวิเวกมตฺตมฺปิ อิธ น ลภติ, มยา เอกากินา วิหริตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา ปรมปฺปิจฺฉภาวโต วิเวกนินฺนตาย จ กสฺสจิ อชานาเปตฺวา เอกโกว นิกฺขมิตฺวา อนุปุพฺเพน ทมิฬรฏฺํ ปตฺวา กาวีรปฏฺฏนสมีเป อุยฺยาเน วิหรนฺโต ฌานาภิฺาโย นิพฺพตฺเตสิ. ตตฺราปิสฺส มหาลาภสกฺกาโร อุปฺปชฺชิ. โส ตํ ชิคุจฺฉนฺโต ฉฑฺเฑตฺวา อากาเสน คนฺตฺวา การทีเป โอตริ. ตทา การทีโป อหิทีโป นาม. โส ตตฺถ มหนฺตํ การรุกฺขํ อุปนิสฺสาย ปณฺณสาลํ มาเปตฺวา วาสํ กปฺเปสิ. อปฺปิจฺฉตาย ปน กตฺถจิ อคนฺตฺวา ตสฺส รุกฺขสฺส ผลกาเล ผลานิ ขาทนฺโต ผเล อสติ ปตฺตานิ อุทกสิตฺตานิ ขาทนฺโต ฌานสมาปตฺตีหิ วีตินาเมสิ.
ตสฺส สีลเตเชน สกฺกสฺส ปณฺฑุกมฺพลสิลาสนํ อุณฺหาการํ ทสฺเสสิ. สกฺโก ‘‘โก นุ โข มํ อิมมฺหา านา จาเวตุกาโม’’ติ อาวชฺเชนฺโต ปณฺฑิตํ ทิสฺวา ‘‘กิมตฺถํ นุ โข อยํ ตาปโส เอวํ ทุกฺกรํ ตปํ จรติ, สกฺกตฺตํ นุ โข ปตฺเถติ, อุทาหุ อฺํ, วีมํสิสฺสามิ นํ. อยฺหิ สุวิสุทฺธกายวจีมโนสมาจาโร ชีวิเต นิรเปกฺโข อุทกสิตฺตานิ การปตฺตานิ ขาทติ, สเจ สกฺกตฺตํ ปตฺเถติ อตฺตโน สิตฺตานิ การปตฺตานิ มยฺหํ ทสฺสติ, โน เจ, น ทสฺสตี’’ติ พฺราหฺมณวณฺเณน ตสฺส สนฺติกํ อคมาสิ ¶ . โพธิสตฺโตปิ การปตฺตานิ เสเทตฺวา ‘‘สีตลีภูตานิ ขาทิสฺสามี’’ติ ปณฺณสาลทฺวาเร นิสีทิ. อถสฺส ปุรโต สกฺโก พฺราหฺมณรูเปน ¶ ภิกฺขาย อตฺถิโก หุตฺวา อฏฺาสิ. มหาสตฺโต ตํ ทิสฺวา ‘‘ลาภา วต เม, สุลทฺธํ วต เม, จิรสฺสํ วต เม ยาจโก ทิฏฺโ’’ติ โสมนสฺสปฺปตฺโต หุตฺวา ‘‘อชฺช มม มโนรถํ มตฺถกํ ปาเปตฺวา ทานํ ทสฺสามี’’ติ ปกฺกภาชเนเนว อาทาย คนฺตฺวา ทานปารมึ อาวชฺเชตฺวา อตฺตโน อเสเสตฺวาว ตสฺส ภิกฺขาภาชเน ปกฺขิปิ. สกฺโก ตํ คเหตฺวา โถกํ คนฺตฺวา อนฺตรธายิ. มหาสตฺโตปิ ตสฺส ทตฺวา ปุน ปริเยฏฺึ อนาปชฺชิตฺวา เตเนว ปีติสุเขน วีตินาเมสิ.
ทุติยทิวเส ¶ ปน การปตฺตานิ ปจิตฺวา ‘‘หิยฺโย ทกฺขิเณยฺยํ อลภึ, อชฺช นุ โข กถ’’นฺติ ปณฺณสาลทฺวาเร นิสีทิ. สกฺโกปิ ตเถว อาคมิ. มหาสตฺโต ปุนปิ ตเถว ทตฺวา วีตินาเมสิ. ตติยทิวเส จ ตเถว ทตฺวา ‘‘อโห วต เม ลาภา, พหุํ วต ปฺุํ ปสวามิ, สจาหํ ทกฺขิเณยฺยํ ลเภยฺยํ, เอวเมว มาสมฺปิ ทฺเวมาสมฺปิ ทานํ ทเทยฺย’’นฺติ จินฺเตสิ. ตีสุปิ ทิวเสสุ ‘‘เตน ทาเนน น ลาภสกฺการสิโลกํ น จกฺกวตฺติสมฺปตฺตึ น สกฺกสมฺปตฺตึ น พฺรหฺมสมฺปตฺตึ น สาวกโพธึ น ปจฺเจกโพธึ ปตฺเถมิ, อปิ จ อิทํ เม ทานํ สพฺพฺุตฺาณสฺส ปจฺจโย โหตู’’ติ ยถาธิการํ จิตฺตํ เปสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ตทา มํ ตปเตเชน, สนฺตตฺโต ติทิวาภิภู;
ธาเรนฺโต พฺราหฺมณวณฺณํ, ภิกฺขาย มํ อุปาคมิ.
‘‘ปวนา อาภตํ ปณฺณํ, อเตลฺจ อโลณิกํ;
มม ทฺวาเร ิตํ ทิสฺวา, สกฏาเหน อากิรึ.
‘‘ตสฺส ทตฺวานหํ ปณฺณํ, นิกุชฺชิตฺวาน ภาชนํ;
ปุเนสนํ ชหิตฺวาน, ปาวิสึ ปณฺณสาลกํ.
‘‘ทุติยมฺปิ ตติยมฺปิ, อุปคฺฉิ มมนฺติกํ;
อกมฺปิโต อโนลคฺโค, เอวเมวมทาสหํ.
‘‘น เม ตปฺปจฺจยา อตฺถิ, สรีรสฺมึ วิวณฺณิยํ;
ปีติสุเขน รติยา, วีตินาเมมิ ตํ ทิวํ.
‘‘ยทิ มาสมฺปิ ทฺเวมาสํ, ทกฺขิเณยฺยํ วรํ ลเภ;
อกมฺปิโต อโนลีโน, ทเทยฺยํ ทานมุตฺตมํ.
‘‘น ¶ ¶ ตสฺส ทานํ ททมาโน, ยสํ ลาภฺจ ปตฺถยึ;
สพฺพฺุตํ ปตฺถยาโน, ตานิ กมฺมานิ อาจริ’’นฺติ.
ตตฺถ ตทาติ ยทา อหํ อกิตฺตินามโก ตาปโส หุตฺวา ตสฺมึ ทีเป การารฺเ วิหรามิ, ตทา ¶ . มนฺติ มม. ตปเตเชนาติ สีลปารมิตานุภาเวน. สีลฺหิ ทุจฺจริตสํกิเลสสฺส ตปนโต ‘‘ตโป’’ติ วุจฺจติ, เนกฺขมฺมวีริยปารมิตานุภาเวน วา. ตาปิ หิ ตณฺหาสํกิเลสสฺส โกสชฺชสฺส จ ตปนโต ‘‘ตโป’’ติ วุจฺจติ, อุกฺกํสคตา จ ตา โพธิสตฺตสฺส อิมสฺมึ อตฺตภาเวติ. ขนฺติสํวรสฺส จาปิ ปรมุกฺกํสคมนโต ‘‘ขนฺติปารมิตานุภาเวนา’’ติปิ วตฺตุํ วฏฺฏเตว. ‘‘ขนฺตี ปรมํ ตโป’’ติ (ที. นิ. ๒.๙๐; ธ. ป. ๑๘๔) หิ วุตฺตํ. สนฺตตฺโตติ ยถาวุตฺตคุณานุภาวชนิเตน ธมฺมตาสิทฺเธน ปณฺฑุกมฺพลสิลาสนสฺส อุณฺหากาเรน สนฺตาปิโต. ติทิวาภิภูติ เทวโลกาธิปติ, สกฺโกติ อตฺโถ. ปณฺณสาลาย สมีเป คหิตมฺปิ การปณฺณํ ปณฺณสาลาย อรฺมชฺฌคตตฺตา ‘‘ปวนา อาภต’’นฺติ วุตฺตํ.
อเตลฺจ อโลณิกนฺติ เทยฺยธมฺมสฺส อนุฬารภาเวปิ อชฺฌาสยสมฺปตฺติยา ทานธมฺมสฺส มหาชุติกภาวํ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ. มม ทฺวาเรติ มยฺหํ ปณฺณสาลาย ทฺวาเร. สกฏาเหน อากิรินฺติ อิมินา อตฺตโน กิฺจิปิ อเสเสตฺวา ทินฺนภาวํ ทสฺเสติ.
ปุเนสนํ ชหิตฺวานาติ ‘‘เอกทิวสํ ทฺวิกฺขตฺตุํ ฆาเสสนํ น สลฺเลข’’นฺติ จินฺเตตฺวา ทานปีติยา ติตฺโต วิย หุตฺวา ตสฺมึ ทิวเส ปุน อาหารปริเยฏฺึ อกตฺวา.
อกมฺปิโตติ สุทูรวิกฺขมฺภิตตฺตา มจฺฉริเยน อจลิโต ทานชฺฌาสยโต จลนมตฺตมฺปิ อการิโต. อโนลคฺโคติ โลภวเสน อีสกมฺปิ อลคฺโค. ตติยมฺปีติ ปิ-สทฺเทน ทุติยมฺปีติ อิมํ สมฺปิณฺเฑติ. เอวเมวมทาสหนฺติ ยถา ปมํ, เอวเมวํ ทุติยมฺปิ, ตติยมฺปิ อทาสึ อหํ.
น เม ตปฺปจฺจยาติ คาถาย วุตฺตเมวตฺถํ ปากฏํ กโรติ. ตตฺถ ตปฺปจฺจยาติ ทานปจฺจยา ตีสุ ทิวเสสุ ฉินฺนาหารตาย สรีรสฺมึ เยน เววณฺณิเยน ภวิตพฺพํ, ตมฺปิ เม สรีรสฺมึ วิวณฺณิยํ ทานปจฺจยาเยว นตฺถิ ¶ . กสฺมา? ทานวิสเยน ปีติสุเขน ทานวิสยาย เอว จ รติยา. วีตินาเมมิ ตํ ทิวนฺติ ตํ สกลํ ติมตฺตทิวสํ วีตินาเมมิ, น เกวลฺจ ตีณิ เอว ทิวสานิ, อถ โข มาสทฺวิมาสมตฺตมฺปิ กาลํ, เอวเมว ทาตุํ ปโหมีติ ทสฺเสตุํ ¶ ‘‘ยทิ มาสมฺปี’’ติอาทิ วุตฺตํ. อโนลีโนติ อลีนจิตฺโต, ทาเน อสงฺกุจิตจิตฺโตติ อตฺโถ.
ตสฺสาติ พฺราหฺมณรูเปน อาคตสฺส สกฺกสฺส. ยสนฺติ กิตฺตึ, ปริวารสมฺปตฺตึ วา. ลาภฺจาติ เทวมนุสฺเสสุ จกฺกวตฺติอาทิภาเวน ลทฺธพฺพํ ลาภํ วา น ปตฺถยึ. อถ โข สพฺพฺุตํ สมฺมาสมฺโพธึ ปตฺถยาโน อากงฺขมาโน ตานิ ตีสุ ทิวเสสุ อเนกวารํ อุปฺปนฺนานิ ทานมยานิ ¶ ปฺุกมฺมานิ ทานสฺส วา ปริวารภูตานิ กายสุจริตาทีนิ ปฺุกมฺมานิ อาจรึ อกาสินฺติ.
อิติ ภควา ตสฺมึ อตฺตภาเว อตฺตโน สุทุกฺกรํ ปฺุจริตมตฺตเมว อิธ มหาเถรสฺส ปกาเสสิ. ชาตกเทสนายํ ปน จตุตฺถทิวเส สกฺกสฺส อุปสงฺกมิตฺวา โพธิสตฺตสฺส อชฺฌาสยชานนํ วเรน อุปนิมนฺตนา โพธิสตฺตสฺส วรสมฺปฏิจฺฉนสีเสน ธมฺมเทสนา เทยฺยธมฺมทกฺขิเณยฺยานํ ปุน สกฺกสฺส อนาคมนสฺส จ อากงฺขมานตา จ ปกาสิตา. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘อกิตฺตึ ทิสฺวาน สมฺมนฺตํ, สกฺโก ภูตปตี พฺรวิ;
กึ ปตฺถยํ มหาพฺรหฺเม, เอโก สมฺมสิ ฆมฺมนิ.
‘‘ทุกฺโข ปุนพฺภโว สกฺก, สรีรสฺส จ เภทนํ;
สมฺโมหมรณํ ทุกฺขํ, ตสฺมา สมฺมามิ, วาสว.
‘‘เอตสฺมึ เต สุลปิเต, ปติรูเป สุภาสิเต;
วรํ กสฺสป เต ทมฺมิ, ยํ กิฺจิ มนสิจฺฉสิ.
‘‘วรฺเจ เม อโท สกฺก, สพฺพภูตานมิสฺสร;
เยน ปุตฺเต จ ทาเร จ, ธนธฺํ ปิยานิ จ;
ลทฺธา นรา น ตปฺปนฺติ, โส โลโภ น มยี วเส.
เอตสฺมึ เต สุลปิเต…เป… มนสิจฺฉสิ.
‘‘วรฺเจ ¶ เม อโท สกฺก, สพฺพภูตานมิสฺสร;
เขตฺตํ วตฺถุํ หิรฺฺจ, ควาสฺสํ ทาสโปริสํ;
เยน ชาเตน ชียนฺติ, โส โทโส น มยี วเส.
‘‘เอตสฺมึ เต สุลปิเต…เป… มนสิจฺฉสิ.
‘‘วรฺเจ ¶ เม อโท สกฺก, สพฺพภูตานมิสฺสร;
พาลํ น ปสฺเส น สุเณ, น จ พาเลน สํวเส;
พาเลนลฺลาปสลฺลาปํ, น กเร น จ โรจเย.
‘‘กึ ¶ นุ เต อกรํ พาโล, วท กสฺสป การณํ;
เกน กสฺสป พาลสฺส, ทสฺสนํ นาภิกงฺขสิ.
‘‘อนยํ นยติ ทุมฺเมโธ, อธุรายํ นิยฺุชติ;
ทุนฺนโย เสยฺยโส โหติ, สมฺมา วุตฺโต ปกุปฺปติ;
วินยํ โส น ชานาติ, สาธุ ตสฺส อทสฺสนํ.
‘‘เอตสฺมึ เต สุลปิเต…เป… มนสิจฺฉสิ.
‘‘วรฺเจ เม อโท สกฺก, สพฺพภูตานมิสฺสร;
ธีรํ ปสฺเส สุเณ ธีรํ, ธีเรน สห สํวเส;
ธีเรนลฺลาปสลฺลาปํ, ตํ กเร ตฺจ โรจเย.
‘‘กึ นุ เต อกรํ ธีโร, วท กสฺสป การณํ;
เกน กสฺสป ธีรสฺส, ทสฺสนํ อภิกงฺขสิ.
‘‘นยํ นยติ เมธาวี, อธุรายํ น ยฺุชติ;
สุนโย เสยฺยโส โหติ, สมฺมา วุตฺโต น กุปฺปติ;
วินยํ โส ปชานาติ, สาธุ เตน สมาคโม.
‘‘เอตสฺมึ เต สุลปิเต…เป… มนสิจฺฉสิ.
‘‘วรฺเจ เม อโท สกฺก, สพฺพภูตานมิสฺสร;
ตโต รตฺยา วิวสาเน, สูริยุคฺคมนํ ปติ;
ทิพฺพา ภกฺขา ปาตุภเวยฺยุํ, สีลวนฺโต จ ยาจกา.
‘‘ททโต ¶ เม น ขีเยถ, ทตฺวา นานุตเปยฺยหํ;
ททํ จิตฺตํ ปสาเทยฺยํ, เอตํ สกฺก วรํ วเร.
‘‘เอตสฺมึ เต สุลปิเต…เป… มนสิจฺฉสิ.
‘‘วรฺเจ ¶ เม อโท สกฺก, สพฺพภูตานมิสฺสร;
น มํ ปุน อุเปยฺยาสิ, เอตํ สกฺก วรํ วเร.
‘‘พหูหิ วตจริยาหิ, นรา จ อถ นาริโย;
ทสฺสนํ อภิกงฺขนฺติ, กึ นุ เม ทสฺสเน ภยํ.
‘‘ตํ ตาทิสํ เทววณฺณํ, สพฺพกามสมิทฺธินํ;
ทิสฺวา ตโป ปมชฺเชยฺยํ, เอตํ เต ทสฺสเน ภย’’นฺติ. (ชา. ๑.๑๓.๘๓-๑๐๓);
อถ สกฺโก ‘‘สาธุ, ภนฺเต, น เต อิโต ปฏฺาย สนฺติกํ อาคมิสฺสามี’’ติ ตํ อภิวาเทตฺวา ปกฺกามิ. มหาสตฺโต ยาวชีวํ ตตฺเถว วสนฺโต อายุปริโยสาเน พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺติ.
อนุรุทฺธตฺเถโร ตทา สกฺโก อโหสิ, โลกนาโถ อกิตฺติปณฺฑิโต.
ตสฺส มหาภินิกฺขมนสทิสํ นิกฺขนฺตตฺตา เนกฺขมฺมปารมี. สุวิสุทฺธสีลาจารตาย สีลปารมี. กามวิตกฺกาทีนํ ¶ สุฏฺุ วิกฺขมฺภิตตฺตา วีริยปารมี. ขนฺติสํวรสฺส ปรมุกฺกํสคมนโต ขนฺติปารมี. ปฏิฺานุรูปํ ปฏิปตฺติยา สจฺจปารมี. สพฺพตฺถ อจลสมาทานาธิฏฺาเนน อธิฏฺานปารมี. สพฺพสตฺเตสุ หิตชฺฌาสเยน เมตฺตาปารมี. สตฺตสงฺขารกตวิปฺปกาเรสุ มชฺฌตฺตภาวปฺปตฺติยา อุเปกฺขาปารมี. ตาสํ อุปการานุปกาเร ธมฺเม ชานิตฺวา อนุปกาเร ธมฺเม ปหาย อุปการธมฺเมสุ ปวตฺตาปนปุเรจรา สหชาตา จ อุปายโกสลฺลภูตา อติสลฺเลขวุตฺติสาธนี จ ปฺา ปฺาปารมีติ อิมาปิ ทส ปารมิโย ลพฺภนฺติ.
ทานชฺฌาสยสฺส ¶ ปน อติอุฬารภาเวน ทานมุเขน เทสนา ปวตฺตา. ตสฺมา สพฺพตฺถ สมกา มหากรุณา, ทฺเวปิ ปฺุาณสมฺภารา, กายสุจริตาทีนิ ตีณิ โพธิสตฺตสุจริตานิ, สจฺจาธิฏฺานาทีนิ จตฺตาริ อธิฏฺานานิ, อุสฺสาหาทโย จตสฺโส พุทฺธภูมิโย, สทฺธาทโย ปฺจ มหาโพธิปริปาจนียา ธมฺมา, อโลภชฺฌาสยาทโย ฉ โพธิสตฺตานํ อชฺฌาสยา, ติณฺโณ ตาเรสฺสามีติอาทโย สตฺต ปฏิฺา ธมฺมา, อปฺปิจฺฉสฺสายํ ธมฺโม, นายํ ธมฺโม มหิจฺฉสฺสาติอาทโย (ที. นิ. ๓.๓๕๘; อ. นิ. ๘.๓๐) อฏฺ มหาปุริสวิตกฺกา (ที. นิ. ๓.๓๕๘), นว โยนิโสมนสิการมูลกา ธมฺมา, ทานชฺฌาสยาทโย ทส มหาปุริสชฺฌาสยา, ทานสีลาทโย ทส ปฺุกิริยวตฺถูนีติ เอวมาทโย เย อเนกสตอเนกสหสฺสปฺปเภทา โพธิสมฺภารภูตา ¶ มหาโพธิสตฺตคุณา. เต สพฺเพปิ ยถารหํ อิธ นิทฺธาเรตฺวา วตฺตพฺพา.
อปิ เจตฺถ มหนฺตํ โภคกฺขนฺธํ มหนฺตฺจ าติปริวฏฺฏํ ปหาย มหาภินิกฺขมนสทิสํ เคหโต นิกฺขมนํ, นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิตสฺส พหุชนสมฺมตสฺส สโต ปรมปฺปิจฺฉภาเวน กุเลสุ คเณสุ จ อลคฺคตา, อจฺจนฺตเมว ลาภสกฺการสิโลกชิคุจฺฉา, ปวิเวกาภิรติ, กายชีวิตนิรเปกฺโข ปริจฺจาโค, อนาหารสฺเสว สโต ทิวสตฺตยมฺปิ ทานปีติยา ปริตุฏฺสฺส นิพฺพิการสรีรยาปนํ, มาสทฺวิมาสมตฺตมฺปิ กาลํ ยาจเก สติ อาหารํ ตเถว ทตฺวา ‘‘ทานคเตเนว ปีติสุเขน สรีรํ ยาเปสฺสามี’’ติ ปริจฺจาเค อโนลีนวุตฺติสาธโก อุฬาโร ทานชฺฌาสโย, ทานํ ทตฺวา ปุน ¶ อาหารปริเยฏฺิยา อกรณเหตุภูตา ปรมสลฺเลขวุตฺตีติ เอวมาทโย มหาสตฺตสฺส คุณานุภาวา เวทิตพฺพา. เตเนตํ วุจฺจติ –
‘‘เอวํ อจฺฉริยา เหเต, อพฺภุตา จ มเหสิโน;
มหาการุณิกา ธีรา, สพฺพโลเกกพนฺธวา.
‘‘อจินฺเตยฺยานุภาวา จ, สทา สทฺธมฺมโคจรา;
โพธิสตฺตา มหาสตฺตา, สุจิสลฺเลขวุตฺติโน.
‘‘มหาวาตสมุทฺธต-วีจิมาโล มโหทธิ;
อปิ ลงฺเฆยฺย เวลนฺตํ, โพธิสตฺตา น ธมฺมตํ.
‘‘โลเก ¶ สฺชาตวทฺธาปิ, น เต ภาวิตภาวิโน;
ลิมฺปนฺติ โลกธมฺเมหิ, โตเยน ปทุมํ ยถา.
‘‘เยสํ เว อตฺตนิ สฺเนโห, นิหียติ ยถา ยถา;
สตฺเตสุ กรุณาสฺเนโห, วฑฺฒเตว ตถา ตถา.
‘‘ยถา จิตฺตํ วเส โหติ, น จ จิตฺตวสานุคา;
ตถา กมฺมํ วเส โหติ, น จ กมฺมวสานุคา.
‘‘โทเสหิ นาภิภูยนฺติ, สมุคฺฆาเตนฺติ วา น เต;
จรนฺตา โพธิปริเยฏฺึ, ปุริสาชานิยา พุธา.
‘‘เตสุ ¶ จิตฺตปฺปสาโทปิ, ทุกฺขโต ปริโมจเย;
ปเควานุกิริยา เตสํ, ธมฺมสฺส อนุธมฺมโต’’ติ.
ปรมตฺถทีปนิยา จริยาปิฏกสํวณฺณนาย
อกิตฺติจริยาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. สงฺขพฺราหฺมณจริยาวณฺณนา
๑๑-๑๒. ทุติยสฺมึ ปุนาปรนฺติ ปุน อปรํ, น เกวลมิทํ อกิตฺติจริยเมว, อถ โข ปุน อปรํ อฺํ สงฺขจริยมฺปิ ปวกฺขิสฺสํ, สุโณหีติ อธิปฺปาโย. อิโต ปเรสุปิ เอเสว นโย. สงฺขสวฺหโยติ สงฺขนาโม. มหาสมุทฺทํ ตริตุกาโมติ สุวณฺณภูมึ คนฺตุํ นาวาย มหาสมุทฺทํ ตริตุกาโม. อุปคจฺฉามิ ปฏฺฏนนฺติ ตามลิตฺติปฏฺฏนํ อุทฺทิสฺส คจฺฉามิ. สยมฺภุาเณน ปจฺเจกโพธิยา อธิคตตฺตา สยเมว ภูตนฺติ สยมฺภุํ. กิเลสมาราทีสุ เกนจิปิ น ปราชิตนฺติ อปราชิตํ, ติณฺณํ มารานํ มตฺถกํ มทฺทิตฺวา ิตนฺติ อตฺโถ. ตตฺตาย กินภูมิยาติ ฆมฺมสนฺตาเปน สนฺตตฺตาย สกฺขรวาลุกานิจิตตฺตา ขราย กกฺขฬาย ภูมิยา ¶ .
๑๓. ตนฺติ ตํ ปจฺเจกพุทฺธํ. อิมมตฺถนฺติ อิมํ อิทานิ วกฺขมานํ ‘‘อิทํ เขตฺต’’นฺติอาทิกํ ¶ อตฺถํ. วิจินฺตยินฺติ ตทา สงฺขพฺราหฺมณภูโต จินฺเตสินฺติ สตฺถา วทติ. ตตฺรายํ อนุปุพฺพิกถา –
อตีเต อยํ พาราณสี โมฬินี นาม อโหสิ. โมฬินีนคเร พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต สงฺโข นาม พฺราหฺมโณ หุตฺวา อฑฺโฒ มหทฺธโน จตูสุ นครทฺวาเรสุ นครมชฺเฌ อตฺตโน นิเวสนทฺวาเรติ ฉสุ าเนสุ ฉ ทานสาลาโย กาเรตฺวา เทวสิกํ ฉสตสหสฺสานิ วิสฺสชฺเชนฺโต กปณทฺธิกาทีนํ มหาทานํ ปวตฺเตสิ. โส เอกทิวสํ จินฺเตสิ – ‘‘อหํ เคเห ธเน ขีเณ ทานํ ทาตุํ น สกฺขิสฺสามิ, อปริกฺขีเณเยว ธเน นาวาย สุวณฺณภูมึ คนฺตฺวา ธนํ อาหริสฺสามี’’ติ. โส นาวํ ภณฺฑสฺส ปูราเปตฺวา ปุตฺตทารํ อามนฺเตตฺวา ‘‘ยาวาหํ อาคจฺฉิสฺสามิ, ตาว เม ทานํ อนุปจฺฉินฺทนฺตา ปวตฺเตยฺยาถา’’ติ วตฺวา ทาสกมฺมกรปริวุโต อุปาหนํ อารุยฺห ฉตฺเตน ธาริยมาเนน ปฏฺฏนคามาภิมุโข ปายาสิ.
ตสฺมึ ¶ ขเณ คนฺธมาทเน เอโก ปจฺเจกพุทฺโธ สตฺตาหํ นิโรธสมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา นิโรธสมาปตฺติโต วุฏฺาย โลกํ โวโลเกนฺโต ตํ ธนาหรณตฺถํ คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘มหาปุริโส ธนํ อาหริตุํ คจฺฉติ, ภวิสฺสติ นุ โข อสฺส มหาสมุทฺเท อนฺตราโย, โน’’ติ อาวชฺเชตฺวา ‘‘ภวิสฺสตี’’ติ ตฺวา ‘‘เอส มํ ทิสฺวา ฉตฺตฺจ อุปาหนฺจ มยฺหํ ทตฺวา อุปาหนทานนิสฺสนฺเทน สมุทฺเท ภินฺนาย นาวาย ปติฏฺํ ลภิสฺสติ, กริสฺสามิสฺส อนุคฺคห’’นฺติ อากาเสน คนฺตฺวา ตสฺส อวิทูเร โอตริตฺวา มชฺฌนฺหิกสมเย จณฺฑวาตาตเปน องฺคารสนฺถตสทิสํ อุณฺหวาลุกํ มทฺทนฺโต ตสฺส อภิมุขํ อาคฺฉิ. โส ตํ ทิสฺวาว หฏฺตุฏฺโ ‘‘ปฺุกฺเขตฺตํ เม อาคตํ, อชฺช มยา เอตฺถ พีชํ โรเปตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘ตมหํ ปฏิปเถ ทิสฺวา, อิมมตฺถํ วิจินฺตยิ’’นฺติอาทิ.
ตตฺถ อิทํ เขตฺตนฺติอาทิ จินฺติตาการทสฺสนํ. เขตฺตนฺติ ¶ ขิตฺตํ พีชํ มหปฺผลภาวกรเณน ตายตีติ เขตฺตํ, ปุพฺพณฺณาปรณฺณวิรุหนภูมิ. อิธ ปน เขตฺตํ วิยาติ เขตฺตํ, อคฺคทกฺขิเณยฺโย ปจฺเจกพุทฺโธ. เตเนวาห ‘‘ปฺุกามสฺส ชนฺตุโน’’ติ.
๑๔. มหาคมนฺติ วิปุลผลาคมํ, สสฺสสมฺปตฺติทายกนฺติ อตฺโถ. พีชํ น โรเปตีติ พีชํ น วปติ.
เขตฺตวรุตฺตมนฺติ เขตฺตวเรสุปิ อุตฺตมํ. สีลาทิคุณสมฺปนฺนา หิ วิเสสโต อริยสาวกา ¶ เขตฺตวรา, ตโตปิ อคฺคภูโต ปจฺเจกพุทฺโธ เขตฺตวรุตฺตโม. การนฺติ สกฺการํ. ยทิ น กโรมีติ สมฺพนฺโธ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อิทมีทิสํ อนุตฺตรํ ปฺุกฺเขตฺตํ ลภิตฺวา ตตฺถ ปูชาสกฺการํ ยทิ น กโรมิ, ปฺุเน อตฺถิโก นามาหํ น ภเวยฺยนฺติ.
๑๖-๑๗. ยถา อมจฺโจติอาทีนํ ทฺวินฺนํ คาถานํ อยํ สงฺเขปตฺโถ – ยถา นาม โย โกจิ รฺา มุทฺทาธิกาเร ปิโต ลฺฉนธโร อมจฺจปุริโส เสนาปติ วา โส อนฺเตปุเร ชเน พหิทฺธา จ พลกายาทีสุ รฺโ ยถานุสิฏฺํ น ปฏิปชฺชติ น เตสํ ธนธฺํ เทติ, ตํ ตํ กตฺตพฺพํ วตฺตํ ปริหาเปติ. โส มุทฺทิโต ปริหายติ มุทฺทาธิการลทฺธวิภวโต ¶ ปริธํสติ, เอวเมว อหมฺปิ ปฺุกมฺมสฺส รโต ลทฺธพฺพปฺุผลสงฺขาตํ ปฺุกาโม ทกฺขิณาย วิปุลผลภาวกรเณน วิปุลํ ทิสฺวาน ตํ ทกฺขิณํ อุฬารํ ทกฺขิเณยฺยํ ลภิตฺวา ตสฺส ทานํ ยทิ น ททามิ ปฺุโต อายตึ ปฺุผลโต จ ปริธํสามิ. ตสฺมา อิธ มยา ปฺุํ กาตพฺพเมวาติ.
เอวํ ปน จินฺเตตฺวา มหาปุริโส ทูรโตว อุปาหนา โอโรหิตฺวา เวเคน อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘ภนฺเต, มยฺหํ อนุคฺคหตฺถาย อิมํ รุกฺขมูลํ อุปคจฺฉถา’’ติ วตฺวา ตสฺมึ รุกฺขมูลํ อุปสงฺกมนฺเต ตตฺถ วาลุกํ อุสฺสาเปตฺวา อุตฺตราสงฺคํ ปฺาเปตฺวา ปจฺเจกพุทฺเธ ตตฺถ นิสินฺเน วนฺทิตฺวา วาสิตปริสฺสาวิเตน อุทเกน ตสฺส ปาเท โธวิตฺวา, คนฺธเตเลน มกฺเขตฺวา, อตฺตโน อุปาหนํ ปฺุฉิตฺวา, คนฺธเตเลน มกฺเขตฺวา, ตสฺส ปาเท ปฏิมฺุจิตฺวา ‘‘ภนฺเต, อิมํ อุปาหนํ อารุยฺห, อิมํ ฉตฺตํ มตฺถเก กตฺวา คจฺฉถา’’ติ ฉตฺตุปาหนํ อทาสิ. โสปิสฺส อนุคฺคหตฺถาย ตํ คเหตฺวา ปสาทสํวฑฺฒนตฺถํ ปสฺสนฺตสฺเสว เวหาสํ อุปฺปติตฺวา คนฺธมาทนํ อคมาสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘เอวาหํ ¶ จินฺตยิตฺวาน, โอโรหิตฺวา อุปาหนา;
ตสฺส ปาทานิ วนฺทิตฺวา, อทาสึ ฉตฺตุปาหน’’นฺติ.
โพธิสตฺโต ตํ ทิสฺวา อติวิย ปสนฺนจิตฺโต ปฏฺฏนํ คนฺตฺวา นาวํ อภิรุหิ. อถสฺส มหาสมุทฺทํ ตรนฺตสฺส สตฺตเม ทิวเส นาวา วิวรมทาสิ. อุทกํ อุสฺสิฺจิตุํ นาสกฺขึสุ. มหาชโน มรณภยภีโต อตฺตโน อตฺตโน เทวตา นมสฺสิตฺวา มหาวิรวํ วิรวิ. โพธิสตฺโต เอกํ อุปฏฺากํ คเหตฺวา สกลสรีรํ เตเลน มกฺเขตฺวา สปฺปินา สทฺธึ สกฺขรจุณฺณานิ ยาวทตฺถํ ขาทิตฺวา ตมฺปิ ขาทาเปตฺวา เตน สทฺธึ กูปกยฏฺิมตฺถกํ อารุยฺห ‘‘อิมาย ทิสาย อมฺหากํ นคร’’นฺติ ทิสํ ววตฺถเปตฺวา มจฺฉกจฺฉปปริปนฺถโต อตฺตานํ สจฺจาธิฏฺาเนน ปโมเจนฺโต เตน สทฺธึ อุสภมตฺตฏฺานํ อติกฺกมิตฺวา ปติตฺวา สมุทฺทํ ตริตุํ อารภิ. มหาชโน ปน ตตฺเถว วินาสํ ¶ ปาปุณิ. ตสฺส ตรนฺตสฺเสว สตฺต ทิวสา คตา. โส ตสฺมิมฺปิ กาเล โลโณทเกน มุขํ วิกฺขาเลตฺวา อุโปสถิโก อโหสิเยว.
ตทา ¶ ปน อีทิสานํ ปุริสวิเสสานํ รกฺขณตฺถาย จตูหิ โลกปาเลหิ ปิตา มณิเมขลา นาม เทวธีตา อตฺตโน อิสฺสริเยน สตฺตาหํ ปมชฺชิตฺวา สตฺตเม ทิวเส ตํ ทิสฺวา ‘‘สจายํ อิธ มริสฺส, อติวิย คารยฺหา อภวิสฺส’’นฺติ สํวิคฺคหทยา สุวณฺณปาติยา ทิพฺพโภชนสฺส ปูเรตฺวา เวเคนาคนฺตฺวา ‘‘พฺราหฺมณ, อิทํ ทิพฺพโภชนํ ภฺุชา’’ติ อาห. โส ตํ อุลฺโลเกตฺวา ‘‘นาหํ ภฺุชามิ, อุโปสถิโกมฺหี’’ติ ปฏิกฺขิปิตฺวา ตํ ปุจฺฉนฺโต –
‘‘ยํ ตฺวํ สุเขนาภิสเมกฺขเส มํ, ภฺุชสฺสุ ภตฺตํ อิติ มํ วเทสิ;
ปุจฺฉามิ ตํ นาริ มหานุภาเว, เทวี นุสิ ตฺวํ อุท มานุสี นู’’ติ. (ชา. ๑.๑๐.๔๒) –
อาห. สา ตสฺส ปฏิวจนํ เทนฺตี –
‘‘เทวี อหํ สงฺข มหานุภาวา, อิธาคตา สาครวาริมชฺเฌ;
อนุกมฺปิกา โน จ ปทุฏฺจิตฺตา, ตเวว อตฺถาย อิธาคตาสฺมิ.
‘‘อิธนฺนปานํ สยนาสนฺจ, ยานานิ นานาวิวิธานิ สงฺข;
สพฺพสฺส ¶ ตฺยาหํ ปฏิปาทยามิ, ยํ กิฺจิ ตุยฺหํ มนสาภิปตฺถิต’’นฺติ. (ชา. ๑.๑๐.๔๓-๔๔) –
อิมา คาถา อภาสิ. ตํ สุตฺวา มหาสตฺโต ‘‘อยํ เทวธีตา สมุทฺทปิฏฺเ มยฺหํ ‘อิทฺจิทฺจ ทมฺมี’ติ วทติ, ยฺเจสา มยฺหํ เทติ, ตมฺปิ มม ปฺุเเนว, ตํ ปน ปฺุํ อยํ เทวธีตา ชานาติ นุ โข, อุทาหุ น ชานาติ, ปุจฺฉิสฺสามิ ตาว น’’นฺติ จินฺเตตฺวา ปุจฺฉนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘ยํ กิฺจิ ยิฏฺฺจ หุตฺจ มยฺหํ, สพฺพสฺส โน อิสฺสรา ตฺวํ สุคตฺเต;
สุสฺโสณิ สุพฺภูรุ วิลคฺคมชฺเฌ, กิสฺส เม กมฺมสฺส อยํ วิปาโก’’ติ. (ชา. ๑.๑๐.๔๕);
ตตฺถ ¶ ¶ ยิฏฺนฺติ ทานวเสน ยชิตํ. หุตนฺติ อาหุนปาหุนวเสน ทินฺนํ. สพฺพสฺส โน อิสฺสรา ตฺวนฺติ อมฺหากํ ปฺุกมฺมสฺส สพฺพสฺส ตฺวํ อิสฺสรา, ‘‘อยํ อิมสฺส วิปาโก, อยํ อิมสฺสา’’ติ พฺยากริตุํ สมตฺถา. สุสฺโสณีติ สุนฺทรชฆเน. สุพฺภูรูติ สุนฺทเรหิ ภมุเกหิ อูรูหิ จ สมนฺนาคเต. วิลคฺคมชฺเฌติ วิลคฺคตนุมชฺเฌ. กิสฺส เมติ มยา กตกมฺเมสุ กตรกมฺมสฺส อยํ วิปาโก, เยนาหํ อปฺปติฏฺเ มหาสมุทฺเท อชฺช ปติฏฺํ ลภามีติ.
ตํ สุตฺวา เทวธีตา ‘‘อยํ พฺราหฺมโณ ‘ยํ อตฺตนา กุสลกมฺมํ กตํ, ตํ กมฺมํ น ชานาตี’ติ สฺาย ปุจฺฉติ มฺเ, กเถสฺสามิ น’’นฺติ นาวาภิรุหนทิวเส ปจฺเจกพุทฺธสฺส ฉตฺตุปาหนทานปฺุเมว ตสฺส การณนฺติ กเถนฺตี –
‘‘ฆมฺเม ปเถ พฺราหฺมณ เอกภิกฺขุํ, อุคฺฆฏฺฏปาทํ ตสิตํ กิลนฺตํ;
ปฏิปาทยี สงฺข อุปาหนานิ, สา ทกฺขิณา กามทุหา ตวชฺชา’’ติ. (ชา. ๑.๑๐.๔๖) –
คาถมาห.
ตตฺถ เอกภิกฺขุนฺติ เอกํ ปจฺเจกพุทฺธํ สนฺธายาห. อุคฺฆฏฺฏปาทนฺติ อุณฺหวาลุกาย ฆฏฺฏปาทํ, วิพาธิตปาทนฺติ ¶ อตฺโถ. ตสิตนฺติ ปิปาสิตํ. ปฏิปาทยีติ ปฏิปาเทสิ โยเชสิ. กามทุหาติ สพฺพกามทายิกา.
ตํ สุตฺวา มหาสตฺโต ‘‘เอวรูเปปิ นาม อปฺปติฏฺเ มหาสมุทฺเท มยา ทินฺนํ ฉตฺตุปาหนทานํ มม สพฺพกามททํ ชาตํ อโห สุทินฺน’’นฺติ ตุฏฺจิตฺโต –
‘‘สา โหตุ นาวา ผลกูปปนฺนา, อนวสฺสุตา เอรกวาตยุตฺตา;
อฺสฺส ยานสฺส น เหตฺถ ภูมิ, อชฺเชว มํ โมฬินึ ปาปยสฺสู’’ติ. (ชา. ๑.๑๐.๔๗) –
คาถมาห.
ตตฺถ ¶ ¶ ผลกูปปนฺนาติ มหานาวตาย พหูหิ ผลเกหิ อุเปตา. อุทกปฺปเวสนาภาเวน อนวสฺสุตา. สมฺมา คเหตฺวา คมนกวาเตน เอรกวาตยุตฺตา.
เทวธีตา ตสฺส วจนํ สุตฺวา ตุฏฺหฏฺา ทีฆโต อฏฺอุสภํ วิตฺถารโต จตุอุสภํ คมฺภีรโต วีสติยฏฺิกํ สตฺตรตนมยํ นาวํ มาเปตฺวา กูปผิยาริตฺตยุตฺตานิ อินฺทนีลรชตสุวณฺณมยาทีนิ นิมฺมินิตฺวา สตฺตนฺนํ รตนานํ ปูเรตฺวา พฺราหฺมณํ อาลิงฺเคตฺวา นาวํ อาโรเปสิ, อุปฏฺากํ ปนสฺส น โอโลเกสิ. พฺราหฺมโณ อตฺตนา กตกลฺยาณโต ตสฺส ปตฺตึ อทาสิ, โส อนุโมทิ. อถ เทวธีตา ตมฺปิ อาลิงฺเคตฺวา นาวาย ปติฏฺาเปตฺวา ตํ นาวํ โมฬินีนครํ เนตฺวา พฺราหฺมณสฺส ฆเร ธนํ ปติฏฺาเปตฺวา อตฺตโน วสนฏฺานเมว อคมาสิ. เตนาห ภควา –
‘‘สา ตตฺถ วิตฺตา สุมนา ปตีตา, นาวํ สุจิตฺตํ อภินิมฺมินิตฺวา;
อาทาย สงฺขํ ปุริเสน สทฺธึ, อุปานยี นครํ สาธุรมฺม’’นฺติ. (ชา. ๑.๑๐.๔๘);
มหาปุริสสฺส หิ จิตฺตสมฺปตฺติยา ปจฺเจกพุทฺธสฺส จ นิโรธโต วุฏฺิตภาเวน สตฺตสุ เจตนาสุ อาทิเจตนา ทิฏฺธมฺมเวทนียา อติอุฬารผลา จ ชาตา. อิทมฺปิ ตสฺส ทานสฺส ¶ อปฺปมตฺตผลนฺติ ทฏฺพฺพํ. อปริมาณผลฺหิ ตํ ทานํ โพธิสมฺภารภูตํ. เตน วุตฺตํ –
‘‘เตเนวาหํ สตคุณโต, สุขุมาโล สุเขธิโต;
อปิ จ ทานํ ปริปูเรนฺโต, เอวํ ตสฺส อทาสห’’นฺติ.
ตตฺถ เตนาติ ตโต ปจฺเจกพุทฺธโต, สตคุณโตติ สตคุเณน อหํ ตทา สงฺขภูโต สุขุมาโล, ตสฺมา สุเขธิโต สุขสํวฑฺโฒ, อปิ จ เอวํ สนฺเตปิ ทานํ ปริปูเรนฺโต, เอวํ มยฺหํ ทานปารมี ปริปูเรตูติ ตสฺส ปจฺเจกพุทฺธสฺส อตฺตโน สรีรทุกฺขํ อนเปกฺขิตฺวา ฉตฺตุปาหนํ อทาสินฺติ อตฺตโน ทานชฺฌาสยสฺส อุฬารภาวํ สตฺถา ปเวเทสิ.
โพธิสตฺโตปิ ¶ ยาวชีวํ อมิตธนเคหํ อชฺฌาวสนฺโต ภิยฺโยโสมตฺตาย ทานานิ ทตฺวา สีลานิ รกฺขิตฺวา อายุปริโยสาเน สปริโส เทวนครํ ปูเรสิ.
ตทา เทวธีตา อุปฺปลวณฺณา อโหสิ, ปุริโส อานนฺทตฺเถโร, โลกนาโถ สงฺขพฺราหฺมโณ.
ตสฺส ¶ สุวิสุทฺธนิจฺจสีลอุโปสถสีลาทิวเสน สีลปารมี ทานสีลาทีนํ ปฏิปกฺขโต นิกฺขนฺตตฺตา กุสลธมฺมวเสน เนกฺขมฺมปารมี, ทานาทินิปฺผาทนตฺถํ อพฺภุสฺสหนวเสน ตถา มหาสมุทฺทตรณวายามวเสน จ วีริยปารมี, ตทตฺถํ อธิวาสนขนฺติวเสน ขนฺติปารมี, ปฏิฺานุรูปปฺปฏิปตฺติยา สจฺจปารมี, สพฺพตฺถ อจลสมาทานาธิฏฺานวเสน อธิฏฺานปารมี, สพฺพสตฺเตสุ หิตชฺฌาสยวเสน เมตฺตาปารมี, สตฺตสงฺขารกตวิปฺปกาเรสุ มชฺฌตฺตภาวปฺปตฺติยา อุเปกฺขาปารมี, สพฺพปารมีนํ อุปการานุปกาเร ธมฺเม ชานิตฺวา อนุปกาเร ธมฺเม ปหาย อุปการธมฺเมสุ ปวตฺตาปนปุเรจรา สหชาตา จ อุปายโกสลฺลภูตา ปฺา ปฺาปารมีติ อิมาปิ ปารมิโย ลพฺภนฺติ.
ทานชฺฌาสยสฺส ปน อติอุฬารภาเวน ทานปารมีวเสน เทสนา ปวตฺตา. ยสฺมา เจตฺถ ทส ปารมิโย ลพฺภนฺติ, ตสฺมา เหฏฺา วุตฺตา มหากรุณาทโย โพธิสตฺตคุณา อิธาปิ ยถารหํ นิทฺธาเรตพฺพา. ตถา อตฺตโน โภคสุขํ อนเปกฺขิตฺวา มหากรุณาย ‘‘ทานปารมึ ปูเรสฺสามี’’ติ ทานสมฺภารสํหรณตฺถํ สมุทฺทตรณํ, ตตฺถ จ สมุทฺทปติตสฺสปิ อุโปสถาธิฏฺานํ, สีลขณฺฑภเยน เทวธีตายปิ อุปคตาย อาหารานาหรณนฺติ เอวมาทโย มหาสตฺตสฺส คุณา เวทิตพฺพา. อิทานิ วกฺขมาเนสุ เสสจริเตสุ อิมินาว นเยน คุณนิทฺธารณํ เวทิตพฺพํ ¶ . ตตฺถ ตตฺถ วิเสสมตฺตเมว วกฺขาม. เตเนตํ วุจฺจติ –
‘‘เอวํ อจฺฉริยา เหเต, อพฺภุตา จ มเหสิโน…เป…;
ปเควานุกิริยา เตสํ, ธมฺมสฺส อนุธมฺมโต’’ติ.
สงฺขพฺราหฺมณจริยาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. กุรุราชจริยาวณฺณนา
ตติเย ¶ อินฺทปตฺเถ ปุรุตฺตเมติ อินฺทปตฺถนามเก กุรุรฏฺสฺส ปุรวเร อุตฺตมนคเร. ราชาติ ธมฺเมน สเมน จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ ปริสํ รฺเชตีติ ราชา. กุสเล ทสหุปาคโตติ กุสเลหิ ¶ ทสหิ สมนฺนาคโต, ทานาทีหิ ทสหิ ปฺุกิริยวตฺถูหิ, ทสหิ กุสลกมฺมปเถหิ วา ยุตฺโตติ อตฺโถ.
๒๑. กลิงฺครฏฺวิสยาติ กลิงฺครฏฺสงฺขาตวิสยา. พฺราหฺมณา อุปคฺฉุ มนฺติ กลิงฺคราเชน อุยฺโยชิตา อฏฺ พฺราหฺมณา มํ อุปสงฺกมึสุ. อุปสงฺกมิตฺวา จ ปน อายาจุํ มํ หตฺถินาคนฺติ หตฺถิภูตํ มหานาคํ มํ อายาจึสุ. ธฺนฺติ ธนายิตพฺพสิริโสภคฺคปฺปตฺตํ ลกฺขณสมฺปนฺนํ. มงฺคลสมฺมตนฺติ ตายเยว ลกฺขณสมฺปตฺติยา มงฺคลํ อภิวุฑฺฒิการณนฺติ อภิสมฺมตํ ชเนหิ.
๒๒. อวุฏฺิโกติ วสฺสรหิโต. ทุพฺภิกฺโขติ ทุลฺลภโภชโน. ฉาตโก มหาติ มหตี ชิฆจฺฉาพาธา วตฺตตีติ อตฺโถ. ททาหีติ เทหิ. นีลนฺติ นีลวณฺณํ. อฺชนสวฺหยนฺติ อฺชนสทฺเทน อวฺหาตพฺพํ, อฺชนนามกนฺติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อมฺหากํ กลิงฺครฏฺํ อวุฏฺิกํ, เตน อิทานิ มหาทุพฺภิกฺขํ ตตฺถ มหนฺตํ ฉาตกภยํ อุปฺปนฺนํ, ตสฺส วูปสมตฺถาย อิมํ อฺชนคิริสงฺกาสํ ตุยฺหํ อฺชนนามกํ มงฺคลหตฺถึ เทหิ, อิมสฺมิฺหิ ตตฺถ นีเต เทโว วสฺสิสฺสติ, เตน ตํ สพฺพภยํ วูปสมฺมิสฺสตีติ. ตตฺรายํ อนุปุพฺพิกถา –
อตีเต กุรุรฏฺเ อินฺทปตฺถนคเร โพธิสตฺโต กุรุราชสฺส อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา อนุปุพฺเพน วิฺุตํ ปตฺโต, ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา โยควิหิตานิ สิปฺปายตนานิ วิชฺชาฏฺานานิ จ อุคฺคเหตฺวา ปจฺจาคโต ปิตรา อุปรชฺเช ปิโต, อปรภาเค ปิตุ อจฺจเยน รชฺชํ ปตฺวา ทส ราชธมฺเม ¶ อโกเปนฺโต ธมฺเมน รชฺชํ กาเรสิ ธนฺชโย นาม นาเมน. โส จตูสุ นครทฺวาเรสุ นครมชฺเฌ นิเวสนทฺวาเรติ ฉ ทานสาลาโย กาเรตฺวา เทวสิกํ ฉสตสหสฺสํ ธนํ วิสฺสชฺเชนฺโต สกลชมฺพุทีปํ อุนฺนงฺคลํ กตฺวา ทานํ อทาสิ. ตสฺส ทานชฺฌาสยตา ทานาภิรติ สกลชมฺพุทีปํ ปตฺถริ.
ตสฺมึ ¶ กาเล กลิงฺครฏฺเ ทุพฺภิกฺขภยํ ฉาตกภยํ โรคภยนฺติ ตีณิ ภยานิ อุปฺปชฺชึสุ. สกลรฏฺวาสิโน ทนฺตปุรํ คนฺตฺวา ราชภวนทฺวาเร อุกฺกุฏฺิมกํสุ ‘‘เทวํ วสฺสาเปหิ เทวา’’ติ. ราชา ตํ สุตฺวา ‘‘กึการณา เอเต วิรวนฺตี’’ติ อมจฺเจ ปุจฺฉิ. อมจฺจา รฺโ ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. ราชา โปราณกราชาโน เทเว อวสฺสนฺเต กึ กโรนฺตีติ. ‘‘เทโว วสฺสตู’’ติ ทานํ ทตฺวา อุโปสถํ อธิฏฺาย สมาทินฺนสีลา สิริคพฺภํ ปวิสิตฺวา ทพฺพสนฺถเร สตฺตาหํ นิปชฺชนฺตีติ. ตํ สุตฺวา ตถา อกาสิ. เทโว น วสฺสิ, เอวํ ราชา อหํ มยา กตฺตพฺพกิจฺจํ อกาสึ, เทโว น วสฺสติ, กินฺติ กโรมาติ. เทว, อินฺทปตฺถนคเร ธนฺชยสฺส นาม กุรุราชสฺส มงฺคลหตฺถิมฺหิ อานีเต เทโว วสฺสิสฺสตีติ ¶ . โส ราชา พลวาหนสมฺปนฺโน ทุปฺปสโห, กถมสฺส หตฺถึ อาเนสฺสามาติ. มหาราช, เตน สทฺธึ ยุทฺธกิจฺจํ นตฺถิ, ทานชฺฌาสโย โส ราชา ทานาภิรโต ยาจิโต สมาโน อลงฺกตสีสมฺปิ ฉินฺทิตฺวา ปสาทสมฺปนฺนานิ อกฺขีนิปิ อุปฺปาเฏตฺวา สกลรชฺชมฺปิ นิยฺยาเตตฺวา ทเทยฺย, หตฺถิมฺหิ วตฺตพฺพเมว นตฺถิ, อวสฺสํ ยาจิโต สมาโน ทสฺสตีติ. เก ปน ยาจิตุํ สมตฺถาติ? พฺราหฺมณา, มหาราชาติ. ราชา อฏฺ พฺราหฺมเณ ปกฺโกสาเปตฺวา สกฺการสมฺมานํ กตฺวา ปริพฺพยํ ทตฺวา หตฺถิยาจนตฺถํ เปเสสิ. เต สพฺพตฺถ เอกรตฺติวาเสน ตุริตคมนํ คนฺตฺวา กติปาหํ นครทฺวาเร ทานสาลาสุ ภฺุชนฺตา สรีรํ สนฺตปฺเปตฺวา รฺโ ทานคฺคํ อาคมนปเถ กาลํ อาคมยมานา ปาจีนทฺวาเร อฏฺํสุ.
โพธิสตฺโตปิ ปาโตว นฺหาตานุลิตฺโต สพฺพาลงฺการปฺปฏิมณฺฑิโต อลงฺกตวรวารณขนฺธคโต มหนฺเตน ราชานุภาเวน ทานสาลํ คนฺตฺวา โอตริตฺวา สตฺตฏฺชนานํ สหตฺเถน ทานํ ทตฺวา ‘‘อิมินาว นีหาเรน เทถา’’ติ วตฺวา หตฺถึ อภิรุหิตฺวา ¶ ทกฺขิณทฺวารํ อคมาสิ. พฺราหฺมณา ปาจีนทฺวาเร อารกฺขสฺส พลวตาย โอกาสํ อลภิตฺวา ทกฺขิณทฺวารํ คนฺตฺวา ราชานํ อาคจฺฉนฺตํ อุลฺโลกยมานา ทฺวารโต นาติทูเร อุนฺนตฏฺาเน ิตา สมฺปตฺตํ ราชานํ หตฺเถ อุกฺขิปิตฺวา ชยาเปสุํ. ราชา วชิรงฺกุเสน วารณํ นิวตฺเตตฺวา เตสํ สนฺติกํ คนฺตฺวา เต พฺราหฺมเณ ‘‘กึ อิจฺฉถา’’ติ ปุจฺฉิ. พฺราหฺมณา ‘‘กลิงฺครฏฺํ ทุพฺภิกฺขภเยน ฉาตกภเยน โรคภเยน จ อุปทฺทุตํ. โส อุปทฺทโว อิมสฺมึ ตว มงฺคลหตฺถิมฺหิ นีเต ¶ วูปสมฺมิสฺสติ. ตสฺมา อิมํ อฺชนวณฺณํ นาคํ อมฺหากํ เทหี’’ติ อาหํสุ. ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต สตฺถา อาห ‘‘กลิงฺครฏฺวิสยา…เป… อฺชนสวฺหย’’นฺติ. ตสฺสตฺโถ วุตฺโต เอว.
อถ โพธิสตฺโต ‘‘น เมตํ ปติรูปํ, ยํ เม ยาจกานํ มโนรถวิฆาโต สิยา, มยฺหฺจ สมาทานเภโท สิยา’’ติ หตฺถิกฺขนฺธโต โอตริตฺวา ‘‘สเจ อนลงฺกตฏฺานํ อตฺถิ, อลงฺกริตฺวา ทสฺสามี’’ติ สมนฺตโต โอโลเกตฺวา อนลงฺกตฏฺานํ อทิสฺวา โสณฺฑาย นํ คเหตฺวา พฺราหฺมณานํ หตฺเถสุ เปตฺวา รตนภิงฺคาเรน ปุปฺผคนฺธวาสิตํ อุทกํ ปาเตตฺวา อทาสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘น เม ยาจกมนุปฺปตฺเต, ปฏิกฺเขโป อนุจฺฉโว;
มา เม ภิชฺชิ สมาทานํ, ทสฺสามิ วิปุลํ คชํ.
‘‘นาคํ คเหตฺวา โสณฺฑาย, ภิงฺคาเร รตนามเย;
ชลํ หตฺเถ อากิริตฺวา, พฺราหฺมณานํ อทํ คช’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ ยาจกมนุปฺปตฺเตติ ยาจเก อนุปฺปตฺเต. อนุจฺฉโวติ อนุจฺฉวิโก ปติรูโป. มา เม ภิชฺชิ สมาทานนฺติ สพฺพฺุตฺาณตฺถาย สพฺพสฺส ยาจกสฺส สพฺพํ อนวชฺชํ อิจฺฉิตํ ททนฺโต ทานปารมึ ปูเรสฺสามีติ ยํ มยฺหํ สมาทานํ, ตํ มา ภิชฺชิ. ตสฺมา ทสฺสามิ วิปุลํ คชนฺติ มหนฺตํ อิมํ มงฺคลหตฺถึ ทสฺสามีติ. อทนฺติ อทาสึ.
ตสฺมึ ปน หตฺถิมฺหิ ทินฺเน อมจฺจา โพธิสตฺตํ เอตทโวจุํ – ‘‘กสฺมา, มหาราช, มงฺคลหตฺถึ ททตฺถ, นนุ อฺโ หตฺถี ทาตพฺโพ, รฺา นาม เอวรูโป โอปวยฺโห มงฺคลหตฺถี อิสฺสริยํ อภิวิชยฺจ อากงฺขนฺเตน น ทาตพฺโพ’’ติ ¶ . มหาสตฺโต ยํ มํ ยาจกา ยาจนฺติ, ตเทว มยา ทาตพฺพํ, สเจ ปน มํ รชฺชํ ยาเจยฺยุํ, รชฺชมฺปิ เตสํ ทเทยฺยํ, มยฺหํ รชฺชโตปิ ชีวิตโตปิ สพฺพฺุตฺาณเมว ปิยตรํ, ตสฺมา ตํ หตฺถึ อทาสินฺติ อาห. เตน วุตฺตํ ‘‘ตสฺส นาเค ปทินฺนมฺหี’’ติอาทิ. ตตฺถ ตสฺสาติ ตสฺส เตน, ตสฺมึ นาเค หตฺถิมฺหิ ทินฺเน.
๒๖. มงฺคลสมฺปนฺนนฺติ มงฺคลคุเณหิ สมนฺนาคตํ. สงฺคามวิชยุตฺตมนฺติ สงฺคามวิชยา อุตฺตมํ, สงฺคามวิชเย วา อุตฺตมํ ปธานํ ปวรํ นาคํ. กึ เต รชฺชํ ¶ กริสฺสตีติ ตสฺมึ นาเค อปคเต ตว รชฺชํ กึ กริสฺสติ, รชฺชกิจฺจํ น กริสฺสติ, รชฺชมฺปิ อปคตเมวาติ ทสฺเสติ.
๒๗. รชฺชมฺปิ เม ทเท สพฺพนฺติ ติฏฺตุ นาโค ติรจฺฉานคโต, อิทํ เม สพฺพํ กุรุรฏฺมฺปิ ยาจกานํ ทเทยฺยํ. สรีรํ ทชฺชมตฺตโนติ รชฺเชปิ วา กึ วตฺตพฺพํ, อตฺตโน สรีรมฺปิ ยาจกานํ ทเทยฺยํ, สพฺโพปิ หิ เม อชฺฌตฺติกพาหิโร ปริคฺคโห โลกหิตตฺถเมว มยา ปริจฺจตฺโต. ยสฺมา สพฺพฺุตํ ปิยํ มยฺหํ สพฺพฺุตา จ ทานปารมึ อาทึ กตฺวา สพฺพปารมิโย อปูเรนฺเตน น สกฺกา ลทฺธุํ, ตสฺมา นาคํ อทาสึ อหนฺติ ทสฺเสติ.
เอวมฺปิ ตสฺมึ นาเค อานีเต กลิงฺครฏฺเ เทโว น วสฺสเตว. กลิงฺคราชา ‘‘อิทานิปิ น วสฺสติ, กึ นุ โข การณ’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘กุรุราชา ครุธมฺเม รกฺขติ, เตนสฺส รฏฺเ อนฺวทฺธมาสํ อนุทสาหํ เทโว วสฺสติ, รฺโ คุณานุภาโว เอส, น อิมสฺส ติรจฺฉานคตสฺสา’’ติ ชานิตฺวา ‘‘มยมฺปิ ครุธมฺเม รกฺขิสฺสาม, คจฺฉถ ธนฺจยโกรพฺยสฺส สนฺติเก เต สุวณฺณปฏฺเฏ ลิขาเปตฺวา อาเนถา’’ติ อมจฺเจ เปเสสิ. ครุธมฺมา วุจฺจนฺติ ปฺจ สีลานิ, ตานิ โพธิสตฺโต สุปริสุทฺธานิ กตฺวา รกฺขติ, ยถา จ โพธิสตฺโต. เอวมสฺส มาตา ¶ อคฺคมเหสี, กนิฏฺภาตา อุปราชา, ปุโรหิโต พฺราหฺมโณ, รชฺชุคฺคาหโก อมจฺโจ, สารถิ เสฏฺิ, โทณมาปโก โทวาริโก, นครโสภินี วณฺณทาสีติ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ราชา มาตา มเหสี จ, อุปราชา ปุโรหิโต;
รชฺชุคฺคาโห สารถี เสฏฺิ, โทโณ โทวาริโก ตถา;
คณิกา เต เอกาทส, ครุธมฺเม ปติฏฺิตา’’ติ.
เต ¶ อมจฺจา โพธิสตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. มหาสตฺโต ‘‘มยฺหํ ครุธมฺเม กุกฺกุจฺจํ อตฺถิ, มาตา ปน เม สุรกฺขิตํ รกฺขติ, ตสฺสา สนฺติเก คณฺหถา’’ติ วตฺวา เตหิ ‘‘มหาราช, กุกฺกุจฺจํ นาม สิกฺขากามสฺส สลฺเลขวุตฺติโน โหติ, เทถ โน’’ติ ยาจิโต ‘‘ปาโณ น หนฺตพฺโพ, อทินฺนํ น อาทาตพฺพํ, กาเมสุมิจฺฉาจาโร น จริตพฺโพ, มุสา น ภณิตพฺพํ, มชฺชํ น ปาตพฺพ’’นฺติ สุวณฺณปฏฺเฏ ลิขาเปตฺวา ‘‘เอวํ สนฺเตปิ มาตุ สนฺติเก คณฺหถา’’ติ อาห.
ทูตา ¶ ราชานํ วนฺทิตฺวา ตสฺสา สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘เทวิ, ตุมฺเห กิร ครุธมฺมํ รกฺขถ, ตํ โน เทถา’’ติ วทึสุ. โพธิสตฺตสฺส มาตาปิ ตเถว อตฺตโน กุกฺกุจฺจสฺส อตฺถิภาวํ วตฺวาว เตหิ ยาจิตา อทาสิ. ตถา มเหสิอาทโยปิ. เต สพฺเพสมฺปิ สนฺติเก สุวณฺณปฏฺเฏ ครุธมฺเม ลิขาเปตฺวา ทนฺตปุรํ คนฺตฺวา กลิงฺครฺโ ทตฺวา ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสุํ. โสปิ ราชา ตสฺมึ ธมฺเม วตฺตมาโน ปฺจ สีลานิ ปูเรสิ. ตโต สกลกลิงฺครฏฺเ เทโว วสฺสิ. ตีณิ ภยานิ วูปสนฺตานิ. รฏฺํ เขมํ สุภิกฺขํ อโหสิ. โพธิสตฺโต ยาวชีวํ ทานาทีนิ ปฺุานิ กตฺวา สปริโส สคฺคปุรํ ปูเรสิ.
ตทา คณิกาทโย อุปฺปลวณฺณาทโย อเหสุํ. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘คณิกา อุปฺปลวณฺณา, ปุณฺโณ โทวาริโก ตทา;
รชฺชุคฺคาโห จ กจฺจาโน, โทณมาปโก จ โกลิโต.
‘‘สาริปุตฺโต ตทา เสฏฺิ, อนุรุทฺโธ จ สารถิ;
พฺราหฺมโณ กสฺสโป เถโร, อุปราชานนฺทปณฺฑิโต.
‘‘มเหสี ¶ ราหุลมาตา, มายาเทวี ชเนตฺติกา;
กุรุราชา โพธิสตฺโต, เอวํ ธาเรถ ชาตก’’นฺติ. (ธ. ป. อฏฺ. ๒.๓๖๑ หํสฆาตกภิกฺขุวตฺถุ);
อิธาปิ เนกฺขมฺมปารมิอาทโย เสสธมฺมา จ วุตฺตนเยเนว นิทฺธาเรตพฺพาติ.
กุรุราชจริยาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. มหาสุทสฺสนจริยาวณฺณนา
๒๘. จตุตฺเถ ¶ กุสาวติมฺหิ นคเรติ กุสาวตีนามเก นคเร, ยสฺมึ าเน เอตรหิ กุสินารา นิวิฏฺา. มหีปตีติ ขตฺติโย, นาเมน มหาสุทสฺสโน นาม. จกฺกวตฺตีติ จกฺกรตนํ วตฺเตติ จตูหิ วา สมฺปตฺติจกฺเกหิ วตฺตติ, เตหิ จ ปรํ ปวตฺเตติ, ปรหิตาย จ อิริยาปถจกฺกานํ วตฺโต เอตสฺมึ อตฺถีติปิ จกฺกวตฺตี. อถ วา จตูหิ อจฺฉริยธมฺเมหิ สงฺคหวตฺถูหิ จ สมนฺนาคเตน, ปเรหิ อนภิภวนียสฺส อนติกฺกมนียสฺส อาณาสงฺขาตสฺส จกฺกสฺส วตฺโต เอตสฺมึ อตฺถีติปิ จกฺกวตฺตี. ปริณายกรตนปุพฺพงฺคเมน ¶ หตฺถิรตนาทิปมุเขน มหาพลกาเยน ปฺุานุภาวนิพฺพตฺเตน กายพเลน จ สมนฺนาคตตฺตา มหพฺพโล. ยทา อาสินฺติ สมฺพนฺโธ. ตตฺรายํ อนุปุพฺพิกถา –
อตีเต กิร มหาปุริโส สุทสฺสนตฺตภาวโต ตติเย อตฺตภาเว คหปติกุเล นิพฺพตฺโต ธรมานกสฺส พุทฺธสฺส สาสเน เอกํ เถรํ อรฺวาสํ วสนฺตํ อตฺตโน กมฺเมน อรฺํ ปวิฏฺโ รุกฺขมูเล นิสินฺนํ ทิสฺวา ‘‘อิธ มยา อยฺยสฺส ปณฺณสาลํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา อตฺตโน กมฺมํ ปหาย ทพฺพสมฺภารํ ฉินฺทิตฺวา นิวาสโยคฺคํ ปณฺณสาลํ กตฺวา ทฺวารํ โยเชตฺวา กฏฺตฺถรณํ กตฺวา ‘‘กริสฺสติ นุ โข ปริโภคํ, น นุ โข กริสฺสตี’’ติ เอกมนฺเต นิสีทิ. เถโร อนฺโตคามโต อาคนฺตฺวา ปณฺณสาลํ ปวิสิตฺวา กฏฺตฺถรเณ นิสีทิ. มหาสตฺโตปิ นํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ผาสุกา, ภนฺเต, ปณฺณสาลา’’ติ ปุจฺฉิ. ผาสุกา, ภทฺทมุข, ปพฺพชิตสารุปฺปาติ. วสิสฺสถ, ภนฺเต, อิธาติ? อาม, อุปาสกาติ. โส อธิวาสนากาเรเนว ‘‘วสิสฺสตี’’ติ ตฺวา ‘‘นิพทฺธํ มยฺหํ ฆรทฺวารํ อาคนฺตพฺพ’’นฺติ ปฏิชานาเปตฺวา นิจฺจํ อตฺตโน ¶ ฆเรเยว ภตฺตวิสฺสคฺคํ การาเปสิ. โส ปณฺณสาลายํ กฏสารกํ ปตฺถริตฺวา มฺจปีํ ปฺเปสิ, อปสฺเสนํ นิกฺขิปิ, ปาทกลิกํ เปสิ, โปกฺขรณึ ขณิ, จงฺกมํ กตฺวา วาลุกํ โอกิริ, ปริสฺสยวิโนทนตฺถํ ปณฺณสาลํ กณฺฏกวติยา ปริกฺขิปิ, ตถา โปกฺขรณึ จงฺกมฺจ. เตสํ อนฺโตวติปริยนฺเต ตาลปนฺติโย โรเปสิ. เอวมาทินา ¶ อาวาสํ นิฏฺาเปตฺวา เถรสฺส ติจีวรํ อาทึ กตฺวา สพฺพํ สมณปริกฺขารํ อทาสิ. เถรสฺส หิ ตทา โพธิสตฺเตน ติจีวรปิณฺฑปาตปตฺตถาลกปริสฺสาวนธมกรณปริโภคภาชนฉตฺตุปาหนอุทกตุมฺพสูจิกตฺตร- ยฏฺิอารกณฺฏกปิปฺผลินขจฺเฉทนปทีเปยฺยาทิ ปพฺพชิตานํ ปริโภคชาตํ อทินฺนํ นาม นาโหสิ. โส ปฺจ สีลานิ รกฺขนฺโต อุโปสถํ กโรนฺโต ยาวชีวํ เถรํ อุปฏฺหิ. เถโร ตตฺเถว วสนฺโต อรหตฺตํ ปตฺวา ปรินิพฺพายิ.
๒๙. โพธิสตฺโตปิ ยาวตายุกํ ปฺุํ กตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา ตโต จุโต มนุสฺสโลกํ อาคจฺฉนฺโต กุสาวติยา ราชธานิยา นิพฺพตฺติตฺวา มหาสุทสฺสโน นาม ราชา อโหสิ จกฺกวตฺตี. ตสฺสิสฺสริยานุภาโว ‘‘ภูตปุพฺพํ, อานนฺท, ราชา มหาสุทสฺสโน นาม อโหสิ ขตฺติโย ¶ มุทฺธาวสิตฺโต’’ติอาทินา (ที. นิ. ๒.๒๔๒) นเยน สุตฺเต อาคโต เอว. ตสฺส กิร จตุราสีติ นครสหสฺสานิ กุสาวตีราชธานิปฺปมุขานิ, จตุราสีติ ปาสาทสหสฺสานิ ธมฺมปาสาทปฺปมุขานิ, จตุราสีติ กูฏาคารสหสฺสานิ มหาพฺยูหกูฏาคารปฺปมุขานิ, ตานิ สพฺพานิ ตสฺส เถรสฺส กตาย เอกิสฺสา ปณฺณสาลาย นิสฺสนฺเทน นิพฺพตฺตานิ, จตุราสีติ ปลฺลงฺกสหสฺสานิ นาคสหสฺสานิ อสฺสสหสฺสานิ รถสหสฺสานิ ตสฺส ทินฺนสฺส มฺจปีสฺส, จตุราสีติ มณิสหสฺสานิ ตสฺส ทินฺนสฺส ปทีปสฺส, จตุราสีติ โปกฺขรณิสหสฺสานิ เอกโปกฺขรณิยา, จตุราสีติ อิตฺถิสหสฺสานิ ปุตฺตสหสฺสานิ คหปติสหสฺสานิ จ ปตฺตถาลกาทิปริโภคารหสฺส ปพฺพชิตปริกฺขารทานสฺส, จตุราสีติ เธนุสหสฺสานิ ปฺจโครสทานสฺส, จตุราสีติ วตฺถโกฏฺสหสฺสานิ นิวาสนปารุปนทานสฺส, จตุราสีติ ถาลิปากสหสฺสานิ โภชนทานสฺส นิสฺสนฺเทน นิพฺพตฺตานิ. โส สตฺตหิ รตเนหิ จตูหิ อิทฺธีหิ จ สมนฺนาคโต ราชาธิราชา หุตฺวา สกลํ สาครปริยนฺตํ ปถวิมณฺฑลํ ธมฺเมน อภิวิชิย อชฺฌาวสนฺโต อเนกสเตสุ าเนสุ ทานสาลาโย กาเรตฺวา มหาทานํ ปฏฺเปสิ. ทิวสสฺส ติกฺขตฺตุํ นคเร เภรึ จราเปสิ ‘‘โย ยํ อิจฺฉติ, โส ทานสาลาสุ อาคนฺตฺวา ตํ คณฺหาตู’’ติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ตตฺถาหํ ทิวเส ติกฺขตฺตุํ, โฆสาเปมิ ตหึ ตหิ’’นฺติอาทิ.
ตตฺถ ตตฺถาติ ตสฺมึ นคเร. ‘‘ตทาห’’นฺติปิ ปาโ, ตสฺส ตทา อหํ, มหาสุทสฺสนกาเลติ ¶ อตฺโถ. ตหึ ตหินฺติ ตสฺมึ ตสฺมึ าเน, ตสฺส ตสฺส ปาการสฺส อนฺโต จ พหิ จาติ ¶ อตฺโถ. โก กึ อิจฺฉตีติ พฺราหฺมณาทีสุ โย โกจิ สตฺโต อนฺนาทีสุ เทยฺยธมฺเมสุ ยํ กิฺจิ อิจฺฉติ. ปตฺเถตีติ ตสฺเสว เววจนํ. กสฺส กึ ทียตุ ธนนฺติ อเนกวารํ ปริยายนฺตเรหิ จ ทานโฆสนาย ปวตฺติตภาวทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, เอเตน ทานปารมิยา สรูปํ ทสฺเสติ. เทยฺยธมฺมปฏิคฺคาหกวิกปฺปรหิตา หิ โพธิสตฺตานํ ทานปารมีติ.
๓๐. อิทานิ ทานโฆสนาย ตสฺส ตสฺส เทยฺยธมฺมสฺส อนุจฺฉวิกปุคฺคลปริกิตฺตนํ ทสฺเสตุํ ‘‘โก ฉาตโก’’ติอาทิ วุตฺตํ.
ตตฺถ ¶ ฉาตโกติ ชิฆจฺฉิโต. ตสิโตติ ปิปาสิโต. โก มาลํ โก วิเลปนนฺติปิ ‘‘อิจฺฉตี’’ติ ปทํ อาเนตฺวา โยเชตพฺพํ. นคฺโคติ วตฺถวิกโล, วตฺเถน อตฺถิโกติ อธิปฺปาโย. ปริทหิสฺสตีติ นิวาสิสฺสติ.
๓๑. โก ปเถ ฉตฺตมาเทตีติ โก ปถิโก ปเถ มคฺเค อตฺตโน วสฺสวาตาตปรกฺขณตฺถํ ฉตฺตํ คณฺหาติ, ฉตฺเตน อตฺถิโกติ อตฺโถ. โกปาหนา มุทู สุภาติ ทสฺสนียตาย สุภา สุขสมฺผสฺสตาย มุทู อุปาหนา อตฺตโน ปาทานํ จกฺขูนฺจ รกฺขณตฺถํ. โก อาเทตีติ โก ตาหิ อตฺถิโกติ อธิปฺปาโย. สายฺจ ปาโต จาติ เอตฺถ จ-สทฺเทน มชฺฌนฺหิเก จาติ อาหริตฺวา วตฺตพฺพํ. ‘‘ทิวเส ติกฺขตฺตุํ โฆสาเปมี’’ติ หิ วุตฺตํ.
๓๒. น ตํ ทสสุ าเนสูติ ตํ ทานํ น ทสสุ าเนสุ ปฏิยตฺตนฺติ โยชนา. นปิ านสเตสุ วา ปฏิยตฺตํ, อปิ จ โข อเนกสเตสุ าเนสุ ปฏิยตฺตํ. ยาจเก ธนนฺติ ยาจเก อุทฺทิสฺส ธนํ ปฏิยตฺตํ อุปกฺขฏํ. ทฺวาทสโยชนายาเม หิ นคเร สตฺตโยชนวิตฺถเต สตฺตสุ ปาการนฺตเรสุ สตฺต ตาลปนฺติปริกฺเขปา, ตาสุ ตาลปนฺตีสุ จตุราสีติ โปกฺขรณิสหสฺสานิ ปาฏิเยกฺกํ โปกฺขรณิตีเร มหาทานํ ปฏฺปิตํ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –
‘‘ปฏฺเปสิ โข, อานนฺท, ราชา มหาสุทสฺสโน ตาสํ โปกฺขรณีนํ ตีเร เอวรูปํ ทานํ อนฺนํ อนฺนตฺถิกสฺส, ปานํ ปานตฺถิกสฺส, วตฺถํ วตฺถตฺถิกสฺส, ยานํ ยานตฺถิกสฺส, สยนํ สยนตฺถิกสฺส, อิตฺถึ อิตฺถิตฺถิกสฺส, หิรฺํ หิรฺตฺถิกสฺส, สุวณฺณํ สุวณฺณตฺถิกสฺสา’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๕๔).
๓๓. ตตฺถายํ ¶ ทานสฺส ปวตฺติตากาโร – มหาปุริโส หิ อิตฺถีนฺจ ปุริสานฺจ อนุจฺฉวิเก อลงฺกาเร กาเรตฺวา อิตฺถิมตฺตเมว ตตฺถ ปริจารวเสน เสสฺจ สพฺพํ ปริจฺจาควเสน ¶ เปตฺวา ‘‘ราชา มหาสุทสฺสโน ทานํ เทติ, ตํ ยถาสุขํ ปริภฺุชถา’’ติ เภรึ จราเปสิ. มหาชนา โปกฺขรณิตีรํ คนฺตฺวา นฺหตฺวา วตฺถาทีนิ นิวาเสตฺวา มหาสมฺปตฺตึ อนุภวิตฺวา เยสํ ตาทิสานิ อตฺถิ, เต ปหาย คจฺฉนฺติ ¶ . เยสํ นตฺถิ, เต คเหตฺวา คจฺฉนฺติ. เย หตฺถิยานาทีสุปิ นิสีทิตฺวา ยถาสุขํ วิจริตฺวา วรสยเนสุปิ สยิตฺวา สมฺปตฺตึ อนุภวิตฺวา อิตฺถีหิปิ สทฺธึ สมฺปตฺตึ อนุภวิตฺวา สตฺตวิธรตนปสาธนานิ ปสาเธตฺวา สมฺปตฺตึ อนุภวิตฺวา ยํ ยํ อตฺถิกา, ตํ ตํ คเหตฺวา คจฺฉนฺติ, อนตฺถิกา โอหาย คจฺฉนฺติ. ตมฺปิ ทานํ อุฏฺาย สมุฏฺาย เทวสิกํ ทียเตว. ตทา ชมฺพุทีปวาสีนํ อฺํ กมฺมํ นตฺถิ, ทานํ ปริภฺุชนฺตา สมฺปตฺตึ อนุภวนฺตา วิจรนฺติ. น ตสฺส ทานสฺส กาลปริจฺเฉโท อโหสิ. รตฺติฺจาปิ ทิวาปิ ยทา ยทา อตฺถิกา อาคจฺฉนฺติ, ตทา ตทา ทียเตว. เอวํ มหาปุริโส ยาวชีวํ สกลชมฺพุทีปํ อุนฺนงฺคลํ กตฺวา มหาทานํ ปวตฺเตสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘ทิวา วา ยทิ วา รตฺตึ, ยทิ เอติ วนิพฺพโก’’ติอาทิ.
ตตฺถ ทิวา วา ยทิ วา รตฺตึ, ยทิ เอตีติ เอเตนสฺส ยถากาลํ ทานํ ทสฺเสติ. ยาจกานฺหิ ลาภาสาย อุปสงฺกมนกาโล เอว โพธิสตฺตานํ ทานสฺส กาโล นาม. วนิพฺพโกติ ยาจโก. ลทฺธา ยทิจฺฉกํ โภคนฺติ เอเตน ยถาภิรุจิตํ ทานํ. โย โย หิ ยาจโก ยํ ยํ เทยฺยธมฺมํ อิจฺฉติ, ตสฺส ตสฺส ตํตเทว โพธิสตฺโต เทติ. น ตสฺส มหคฺฆทุลฺลภาทิภาวํ อตฺตโน อุปโรธํ จินฺเตสิ. ปูรหตฺโถว คจฺฉตีติ เอเตน ยาวทิจฺฉกํ ทานํ ทสฺเสติ, ยตฺตกฺหิ ยาจกา อิจฺฉนฺติ, ตตฺตกํ อปริหาเปตฺวาว มหาสตฺโต เทติ อุฬารชฺฌาสยตาย จ มหิทฺธิกตาย จ.
๓๔. ‘‘ยาวชีวิก’’นฺติ เอเตน ทานสฺส กาลปริยนฺตาภาวํ ทสฺเสติ. สมาทานโต ปฏฺาย หิ มหาสตฺตา ยาวปาริปูริ เวมชฺเฌ น กาลปริจฺเฉทํ กโรนฺติ, โพธิสมฺภารสมฺภรเณ สงฺโกจาภาเวน อนฺตรนฺตรา อโวสานาปตฺติโต มรเณนปิ อนุปจฺเฉโท เอว, ตโต ปรมฺปิ ตเถว ปฏิปชฺชนโต, ‘‘ยาวชีวิก’’นฺติ ปน มหาสุทสฺสนจริตสฺส วเสน วุตฺตํ. นปาหํ เทสฺสํ ธนํ ทมฺมีติ อิทํ ธนํ นาม มยฺหํ ¶ น เทสฺสํ อมนาปนฺติ เอวรูปํ มหาทานํ เทนฺโต เคหโต จ ธนํ นีหราเปมิ. นปิ นตฺถิ นิจโย มยีติ มม สมีเป ธนนิจโย ธนสงฺคโห นาปิ นตฺถิ, สลฺเลขวุตฺติสมโณ วิย อสงฺคโหปิ น โหมีติ อตฺโถ. อิทํ เยน อชฺฌาสเยน ตสฺสิทํ มหาทานํ ปวตฺติตํ, ตํ ทสฺเสตุํ วุตฺตํ.
๓๕. อิทานิ ¶ ¶ ตํ อุปมาย วิภาเวตุํ ‘‘ยถาปิ อาตุโร นามา’’ติอาทิมาห. ตตฺถิทํ อุปมาสํสนฺทเนน สทฺธึ อตฺถทสฺสนํ – ยถา นาม อาตุโร โรคาภิภูโต ปุริโส โรคโต อตฺตานํ ปริโมเจตุกาโม ธเนน หิรฺสุวณฺณาทินา เวชฺชํ ติกิจฺฉกํ ตปฺเปตฺวา อาราเธตฺวา ยถาวิธิ ปฏิปชฺชนฺโต ตโต โรคโต วิมุจฺจติ.
๓๖. ตเถว เอวเมว อหมฺปิ อฏฺฏภูตํ สกลโลกํ กิเลสโรคโต สกลสํสารทุกฺขโรคโต จ ปริโมเจตุกาโม ตสฺส ตโต ปริโมจนสฺส อยํ สพฺพสาปเตยฺยปริจฺจาโค ทานปารมิอุปาโยติ ชานมาโน พุชฺฌมาโน อเสสโต เทยฺยธมฺมสฺส ปฏิคฺคาหกานฺจ วเสน อนวเสสโต มหาทานสฺส วเสน สตฺตานํ อชฺฌาสยํ ปริปูเรตุํ อตฺตโน จ น มยฺหํ ทานปารมี ปริปุณฺณา, ตสฺมา อูนมนนฺติ ปวตฺตํ อูนํ มนํ ปูรยิตุํ ปวตฺตยิตุํ วนิพฺพเก ยาจเก อทาสึ ตํ ทานํ เอวรูปํ มหาทานํ ททามิ, ตฺจ โข ตสฺมึ ทานธมฺเม ตสฺส จ ผเล นิราลโย อนเปกฺโข อปจฺจาโส กิฺจิปิ อปจฺจาสีสมาโน เกวลํ สมฺโพธิมนุปตฺติยา สพฺพฺุตฺาณเมว อธิคนฺตุํ เทมีติ.
เอวํ มหาสตฺโต มหาทานํ ปวตฺเตนฺโต อตฺตโน ปฺุานุภาวนิพฺพตฺตํ ธมฺมปาสาทํ อภิรุยฺห มหาพฺยูหกูฏาคารทฺวาเร เอว กามวิตกฺกาทโย นิวตฺเตตฺวา ตตฺถ โสวณฺณมเย ราชปลฺลงฺเก นิสินฺโน ฌานาภิฺาโย นิพฺพตฺเตตฺวา ตโต นิกฺขมิตฺวา โสวณฺณมยํ กูฏาคารํ ปวิสิตฺวา ตตฺถ รชตมเย ปลฺลงฺเก นิสินฺโน จตฺตาโร พฺรหฺมวิหาเร ภาเวตฺวา จตุราสีติ วสฺสสหสฺสานิ ฌานสมาปตฺตีหิ วีตินาเมตฺวา มรณสมเย ทสฺสนาย อุปคตานํ สุภทฺทาเทวีปมุขานํ จตุราสีติยา อิตฺถาคารสหสฺสานํ อมจฺจปาริสชฺชาทีนฺจ –
‘‘อนิจฺจา ¶ วต สงฺขารา, อุปฺปาทวยธมฺมิโน;
อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌนฺติ, เตสํ วูปสโม สุโข’’ติ. (ที. นิ. ๒.๒๒๑, ๒๗๒; สํ. นิ. ๑.๑๘๖; ๒.๑๔๓) –
อิมาย คาถาย โอวทิตฺวา อายุปริโยสาเน พฺรหฺมโลกปรายโน อโหสิ.
ตทา สุภทฺทาเทวี ราหุลมาตา อโหสิ, ปริณายกรตนํ ราหุโล, เสสปริสา พุทฺธปริสา, มหาสุทสฺสโน ปน โลกนาโถ.
อิธาปิ ¶ ¶ ทส ปารมิโย สรูปโต ลพฺภนฺติ เอว, ทานชฺฌาสยสฺส ปน อุฬารตาย ทานปารมี เอว ปาฬิยํ อาคตา. เสสธมฺมา เหฏฺา วุตฺตนยา เอว. ตถา อุฬาเร สตฺตรตนสมุชฺชเล จตุทีปิสฺสริเยปิ ิตสฺส ตาทิสํ โภคสุขํ อนลงฺกริตฺวา กามวิตกฺกาทโย ทูรโต วิกฺขมฺเภตฺวา ตถารูเป มหาทาเน ปวตฺเตนฺตสฺเสว จตุราสีติ วสฺสสหสฺสานิ สมาปตฺตีหิ วีตินาเมตฺวา อนิจฺจตาทิปฏิสํยุตฺตํ ธมฺมกถํ กตฺวาปิ วิปสฺสนาย อนุสฺสุกฺกนํ สพฺพตฺถ อนิสฺสงฺคตาติ เอวมาทโย คุณานุภาวา นิทฺธาเรตพฺพาติ.
มหาสุทสฺสนจริยาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. มหาโควินฺทจริยาวณฺณนา
ปฺจเม สตฺตราชปุโรหิโตติ สตฺตภูอาทีนํ สตฺตนฺนํ ราชูนํ สพฺพกิจฺจานุสาสกปุโรหิโต. ปูชิโต นรเทเวหีติ เตหิ เอว อฺเหิ จ ชมฺพุทีเป สพฺเพเหว ขตฺติเยหิ จตุปจฺจยปูชาย สกฺการสมฺมาเนน จ ปูชิโต. มหาโควินฺทพฺราหฺมโณติ มหานุภาวตาย โควินฺทสฺสาภิเสเกน อภิสิตฺตตาย จ ‘‘มหาโควินฺโท’’ติ สงฺขํ คโต พฺราหฺมโณ, อภิสิตฺตกาลโต ปฏฺาย หิ โพธิสตฺตสฺส อยํ สมฺา ชาตา, นาเมน ปน โชติปาโล นาม. ตสฺส กิร ชาตทิวเส สพฺพาวุธานิ โชตึสุ. ราชาปิ ปจฺจูสสมเย อตฺตโน มงฺคลาวุธํ ปชฺชลิตํ ทิสฺวา ภีโต อตฺตโน ปุโรหิตํ โพธิสตฺตสฺส ปิตรํ อุปฏฺานํ อาคตํ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘มา ภายิ, มหาราช, มยฺหํ ปุตฺโต ชาโต, ตสฺสานุภาเวน น เกวลํ ราชเคเหเยว, สกลนคเรปิ อาวุธานิ ปชฺชลึสุ, น ¶ ตํ นิสฺสาย ตุยฺหํ อนฺตราโย อตฺถิ, สกลชมฺพุทีเป ปน ปฺาย เตน สโม น ภวิสฺสติ, ตสฺเสตํ ปุพฺพนิมิตฺต’’นฺติ ปุโรหิเตน สมสฺสาสิโต ตุฏฺจิตฺโต ‘‘กุมารสฺส ขีรมูลํ โหตู’’ติ สหสฺสํ ทตฺวา ‘‘วยปฺปตฺตกาเล มยฺหํ ทสฺเสถา’’ติ อาห. โส วุทฺธิปฺปตฺโต อปรภาเค อลมตฺถทสฺโส สตฺตนฺนํ ราชูนํ สพฺพกิจฺจานุสาสโก หุตฺวา ปพฺพชิตฺวา จ สตฺเต ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิเกหิ อนตฺเถหิ ปาเลตฺวา อตฺเถหิ นิโยเชสิ. อิติ โชติตตฺตา ปาลนสมตฺถตาย ¶ จ ‘‘โชติปาโล’’ติสฺส นามํ อกํสุ. เตน วุตฺตํ ‘‘นาเมน โชติปาโล นามา’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๐๔).
ตตฺถ โพธิสตฺโต ทิสมฺปติสฺส นาม รฺโ ปุโรหิตสฺส โควินฺทพฺราหฺมณสฺส ปุตฺโต หุตฺวา อตฺตโน ปิตุ ตสฺส จ รฺโ อจฺจเยน ตสฺส ปุตฺโต เรณุ, สหายา จสฺส สตฺตภู, พฺรหฺมทตฺโต, เวสฺสภู ¶ , ภรโต, ทฺเว จ ธตรฏฺาติ อิเม สตฺต ราชาโน ยถา อฺมฺํ น วิวทนฺติ. เอวํ รชฺเช ปติฏฺาเปตฺวา เตสํ อตฺถธมฺเม อนุสาสนฺโต ชมฺพุทีปตเล สพฺเพสํ ราชูนํ อฺเสฺจ พฺราหฺมณานํ เทวนาคคหปติกานํ สกฺกโต ครุกโต มานิโต ปูชิโต อปจิโต อุตฺตมํ คารวฏฺานํ ปตฺโต อโหสิ. ตสฺส อตฺถธมฺเมสุ กุสลตาย ‘‘มหาโควินฺโท’’ตฺเวว สมฺา อุทปาทิ. ยถาห ‘‘โควินฺโท วต, โภ พฺราหฺมโณ, มหาโควินฺโท วต, โภ พฺราหฺมโณ’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๐๕). เตน วุตฺตํ –
‘‘ปุนาปรํ ยทา โหมิ, สตฺตราชปุโรหิโต;
ปูชิโต นรเทเวหิ, มหาโควินฺทพฺราหฺมโณ’’ติ.
อถ โพธิสตฺตสฺส ปฺุานุภาวสมุสฺสาหิเตหิ ราชูหิ เตสํ อนุยุตฺเตหิ ขตฺติเยหิ พฺราหฺมณคหปติเกหิ เนคมชานปเทหิ จ อุปรูปริ อุปนีโต สมนฺตโต มโหโฆ วิย อชฺโฌตฺถรมาโน อปริเมยฺโย อุฬาโร ลาภสกฺกาโร อุปฺปชฺชิ, ยถา ตํ อปริมาณาสุ ชาตีสุ อุปจิตวิปุลปฺุสฺจยสฺส อุฬาราภิชาตสฺส ปริสุทฺธสีลาจารสฺส เปสลสฺส ปริโยทาตสพฺพสิปฺปสฺส สพฺพสตฺเตสุ ปุตฺตสทิสมหากรุณาวิปฺผารสินิทฺธมุทุหทยสฺส. โส จินฺเตสิ – ‘‘เอตรหิ โข มยฺหํ มหาลาภสกฺกาโร, ยํนูนาหํ อิมินา สพฺพสตฺเต สนฺตปฺเปตฺวา ทานปารมึ ปริปูเรยฺย’’นฺติ. โส นครสฺส มชฺเฌ จตูสุ ทฺวาเรสุ อตฺตโน นิเวสนทฺวาเรติ ฉ ทานสาลาโย กาเรตฺวา เทวสิกํ อปริมิตธนปริจฺจาเคน มหาทานํ ¶ ปวตฺเตสิ. ยํ ยํ อุปายนํ อานียติ, ยฺจ อตฺตโน อตฺถาย อภิสงฺขรียติ, สพฺพํ ตํ ทานสาลาสุ เอว เปเสสิ. เอวํ ทิวเส ทิวเส มหาปริจฺจาคํ กโรนฺตสฺส จสฺส จิตฺตสฺส ติตฺติ วา สนฺโตโส วา นาโหสิ, กุโต ปน สงฺโกโจ. ทานคฺคฺจสฺส ลาภาสาย อาคจฺฉนฺเตหิ เทยฺยธมฺมํ คเหตฺวา คจฺฉนฺเตหิ จ มหาสตฺตสฺส จ คุณวิเสเส กิตฺตยนฺเตหิ มหาชนกาเยหิ อนฺโตนครํ พหินครฺจ ¶ สมนฺตโต เอโกฆภูตํ กปฺปวุฏฺานมหาวายุสงฺฆฏฺฏปริพฺภมิตํ วิย มหาสมุทฺทํ เอกโกลาหลํ เอกนินฺนาทํ อโหสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ตทาหํ สตฺตรชฺเชสุ, ยํ เม อาสิ อุปายนํ;
เตน เทมิ มหาทานํ, อกฺโขภํ สาครูปม’’นฺติ.
ตตฺถ ตทาหนฺติ ยทา สตฺตราชปุโรหิโต มหาโควินฺทพฺราหฺมโณ โหมิ, ตทา อหํ. สตฺตรชฺเชสูติ เรณุอาทีนํ สตฺตนฺนํ ราชูนํ รชฺเชสุ. อกฺโขภนฺติ อพฺภนฺตเรหิ จ พาหิเรหิ จ ปจฺจตฺถิเกหิ ¶ อปฺปฏิเสธนียตาย เกนจิ อกฺโขภนียํ. ‘‘อจฺจุพฺภ’’นฺติปิ ปาโ. อติปุณฺณทานชฺฌาสยสฺส เทยฺยธมฺมสฺส จ อุฬารภาเวน วิปุลภาเวน จ อติวิย ปริปุณฺณนฺติ อตฺโถ. สาครูปมนฺติ สาครสทิสํ, ยถา สาคเร อุทกํ สกเลนปิ โลเกน หรนฺเตน เขเปตุํ น สกฺกา, เอวํ ตสฺส ทานคฺเค เทยฺยธมฺมนฺติ.
๓๙. โอสานคาถาย วรํ ธนนฺติ อุตฺตมํ อิจฺฉิตํ วา ธนํ. เสสํ วุตฺตนยเมว.
เอวํ มหาสตฺโต ปมกปฺปิกมหาเมโฆ วิย มหาวสฺสํ อวิภาเคน มหนฺตํ ทานวสฺสํ วสฺสาเปนฺโต ทานพฺยาวโฏ หุตฺวาปิ เสสํ สตฺตนฺนํ ราชูนํ อตฺถธมฺเม อปฺปมตฺโต อนุสาสติ. สตฺต จ พฺราหฺมณมหาสาเล วิชฺชาสิปฺปํ สิกฺขาเปติ, สตฺต จ นฺหาตกสตานิ มนฺเต วาเจติ. ตสฺส อปเรน สมเยน เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต ‘‘สกฺขิ มหาโควินฺโท พฺราหฺมโณ พฺรหฺมานํ ปสฺสติ, สกฺขิ มหาโควินฺโท พฺราหฺมโณ พฺรหฺมุนา สากจฺเฉติ สลฺลปติ มนฺเตตี’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๑๒). โส จินฺเตสิ – ‘‘เอตรหิ โข มยฺหํ อยํ อภูโต กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต ‘พฺรหฺมานํ ปสฺสติ, สกฺขิ มหาโควินฺโท พฺราหฺมโณ พฺรหฺมุนา สากจฺเฉติ สลฺลปติ มนฺเตตี’ติ, ยํนูนาหํ อิมํ ภูตํ เอว กเรยฺย’’นฺติ. โส ‘‘เต สตฺต ราชาโน สตฺต จ พฺราหฺมณมหาสาเล สตฺต จ นฺหาตกสตานิ อตฺตโน ปุตฺตทารฺจ อาปุจฺฉิตฺวา พฺรหฺมานํ ¶ ปสฺเสยฺย’’นฺติ จิตฺตํ ปณิธาย วสฺสิเก จตฺตาโร มาเส พฺรหฺมวิหารภาวนมนุยฺุชิ. ตสฺส เจตสา เจโตปริวิตกฺกมฺาย พฺรหฺมา สนงฺกุมาโร ปุรโต ปาตุรโหสิ. ตํ ทิสฺวา มหาปุริโส ปุจฺฉิ –
‘‘วณฺณวา ¶ ยสวา สิริมา, โก นุ ตฺวมสิ มาริส;
อชานนฺตา ตํ ปุจฺฉาม, กถํ ชาเนมุ ตํ มย’’นฺติ. (ที. นิ. ๒.๓๑๘);
ตสฺส พฺรหฺมา อตฺตานํ ชานาเปนฺโต –
‘‘มํ เว กุมารํ ชานนฺติ, พฺรหฺมโลเก สนนฺตนํ;
สพฺเพ ชานนฺติ มํ เทวา, เอวํ โควินฺท ชานาหี’’ติ. (ที. นิ. ๒.๓๑๘) –
วตฺวา เตน –
‘‘อาสนํ ¶ อุทกํ ปชฺชํ, มธุสากฺจ พฺรหฺมุโน;
อคฺเฆ ภวนฺตํ ปุจฺฉาม, อคฺฆํ กุรุตุ โน ภว’’นฺติ. (ที. นิ. ๒.๓๑๘) –
อุปนีตํ อติถิสกฺการํ อนตฺถิโกปิ พฺรหฺมา ตสฺส จิตฺตสมฺปหํสนตฺถํ วิสฺสาสกรณตฺถฺจ สมฺปฏิจฺฉนฺโต ‘‘ปฏิคฺคณฺหาม เต อคฺฆํ, ยํ, ตฺวํ โควินฺท, ภาสสี’’ติ. วตฺวา โอกาสทานตฺถํ –
‘‘ทิฏฺธมฺมหิตตฺถาย, สมฺปรายสุขาย จ;
กตาวกาโส ปุจฺฉสฺสุ, ยํกิฺจิ อภิปตฺถิต’’นฺติ. (ที. นิ. ๒.๓๑๘) –
โอกาสมกาสิ.
อถ นํ มหาปุริโส สมฺปรายิกํ เอว อตฺถํ –
‘‘ปุจฺฉามิ พฺรหฺมานํ สนงฺกุมารํ, กงฺขี อกงฺขึ ปรเวทิเยสุ;
กตฺถฏฺิโต กิมฺหิ จ สิกฺขมาโน, ปปฺโปติ มจฺโจ อมตํ พฺรหฺมโลก’’นฺติ. (ที. นิ. ๒.๓๑๙) –
ปุจฺฉิ.
ตสฺส พฺรหฺมา พฺยากโรนฺโต –
‘‘หิตฺวา มมตฺตํ มนุเชสุ พฺรหฺเม, เอโกทิภูโต กรุเณธิมุตฺโต;
นิรามคนฺโธ วิรโต เมถุนสฺมา, เอตฺถฏฺิโต เอตฺถ จ สิกฺขมาโน;
ปปฺโปติ มจฺโจ อมตํ พฺรหฺมโลก’’นฺติ. (ที. นิ. ๒.๓๑๙) –
พฺรหฺมโลกคามิมคฺคํ กเถสิ.
ตตฺถ ¶ ¶ มํ เว กุมารํ ชานนฺตีติ เว เอกํเสน มํ ‘‘กุมาโร’’ติ ชานนฺติ. พฺรหฺมโลเกติ เสฏฺโลเก. สนนฺตนนฺติ จิรตนํ โปราณํ. เอวํ, โควินฺท, ชานาหีติ, โควินฺท, เอวํ มํ ธาเรหิ.
อาสนนฺติ ¶ อิทํ โภโต พฺรหฺมุโน นิสีทนตฺถาย อาสนํ ปฺตฺตํ. อิทํ อุทกํ ปริโภชนียํ ปาทานํ โธวนตฺถํ ปานียํ ปิปาสหรณตฺถาย. อิทํ ปชฺชํ ปริสฺสมวิโนทนตฺถํ ปาทพฺภฺชนเตลํ. อิทํ มธุสากํ อตกฺกํ อโลณิกํ อธูปนํ อุทเกน เสทิตํ สากํ สนฺธาย วทติ. ตทา หิ โพธิสตฺตสฺส ตํ จตุมาสํ พฺรหฺมจริยํ อภิสลฺเลขวุตฺติปรมุกฺกฏฺํ อโหสิ. ตสฺสิเม สพฺเพ อคฺเฆ กตฺวา ปุจฺฉาม, ตยิทํ อคฺฆํ กุรุตุ ปฏิคฺคณฺหาตุ โน ภวํ อิทํ อคฺฆนฺติ วุตฺตํ โหติ. อิติ มหาปุริโส พฺรหฺมุโน เนสํ อปริภฺุชนํ ชานนฺโตปิ วตฺตสีเส ตฺวา อตฺตโน อาจิณฺณํ อติถิปูชนํ ทสฺเสนฺโต เอวมาห. พฺรหฺมาปิสฺส อธิปฺปายํ ชานนฺโต ‘‘ปฏิคฺคณฺหาม เต อคฺฆํ, ยํ ตฺวํ, โควินฺท, ภาสสี’’ติ อาห.
ตตฺถ ตสฺส เต อาสเน มยํ นิสินฺนา นาม โหม, ปาโททเกน ปาทา โธตา นาม โหนฺตุ, ปานียํ ปีตา นาม โหม, ปาทพฺภฺชเนน ปาทา มกฺขิตา นาม โหนฺตุ, อุทกสากมฺปิ ปริภุตฺตํ นาม โหตูติ อตฺโถ.
กงฺขี อกงฺขึ ปรเวทิเยสูติ อหํ สวิจิกิจฺโฉ ปเรน สยํ อภิสงฺขตตฺตา ปรสฺส ปากเฏสุ ปรเวทิเยสุ ปฺเหสุ นิพฺพิจิกิจฺฉํ.
หิตฺวา มมตฺตนฺติ ‘‘อิทํ มม, อิทํ มมา’’ติ ปวตฺตนกํ อุปกรณตณฺหํ จชิตฺวา. มนุเชสูติ สตฺเตสุ. พฺรหฺเมติ โพธิสตฺตํ อาลปติ. เอโกทิภูโตติ เอโก อุเทติ ปวตฺตตีติ เอโกทิภูโต เอกีภูโต, เอเกน กายวิเวกํ ทสฺเสติ. อถ วา เอโก อุเทตีติ เอโกทิ, สมาธิ. ตํ ภูโต ปตฺโตติ เอโกทิภูโต, อุปจารปฺปนาสมาธีหิ สมาหิโตติ อตฺโถ. เอตํ เอโกทิภาวํ กรุณาพฺรหฺมวิหารวเสน ทสฺเสนฺโต ‘‘กรุเณธิมุตฺโต’’ติ อาห. กรุณชฺฌาเน อธิมุตฺโต, ตํ ฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวาติ อตฺโถ. นิรามคนฺโธติ กิเลสสงฺขาตวิสฺสคนฺธรหิโต. เอตฺถฏฺิโตติ เอเตสุ ธมฺเมสุ ิโต, เอเต ธมฺเม สมฺปาเทตฺวา. เอตฺถ จ สิกฺขมาโนติ เอเตสุ ธมฺเมสุ สิกฺขมาโน ¶ , เอตํ พฺรหฺมวิหารภาวนํ ภาเวนฺโตติ อตฺโถ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน ปาฬิยํ (ที. นิ. ๒.๒๙๓ อาทโย) อาคโตเยวาติ.
อถ มหาปุริโส ตสฺส พฺรหฺมุโน วจนํ สุตฺวา อามคนฺเธ ชิคุจฺฉนฺโต ‘‘อิทาเนวาหํ ปพฺพชิสฺสามี’’ติ อาห. พฺรหฺมาปิ ¶ ‘‘สาธุ, มหาปุริส, ปพฺพชสฺสุ. เอวํ สติ มยฺหมฺปิ ตว สนฺติเก อาคมนํ สฺวาคมนเมว ภวิสฺสติ, ตฺวํ, ตาต, สกลชมฺพุทีเป อคฺคปุริโส ปมวเย ิโต, เอวํ มหนฺตํ นาม สมฺปตฺตึ อิสฺสริยฺจ ปหาย ปพฺพชนํ นาม คนฺธหตฺถิโน อโยพนฺธนํ ฉินฺทิตฺวา ¶ วนคมนํ วิย อติอุฬารํ, พุทฺธตนฺติ นาเมสา’’ติ มหาโพธิสตฺตสฺส ทฬฺหีกมฺมํ กตฺวา พฺรหฺมโลกเมว คโต. มหาสตฺโตปิ ‘‘มม อิโต นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชนํ นาม น ยุตฺตํ, อหํ ราชกุลานํ อตฺถํ อนุสาสามิ, ตสฺมา เตสํ อาโรเจตฺวา สเจ เตปิ ปพฺพชนฺติ สุนฺทรเมว, โน เจ ปุโรหิตฏฺานํ นิยฺยาเตตฺวา ปพฺพชิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา เรณุสฺส ตาว รฺโ อาโรเจตฺวา เตน ภิยฺโยโสมตฺตาย กาเมหิ นิมนฺติยมาโน อตฺตโน สํเวคเหตุํ เอกนฺเตน ปพฺพชิตุกามตฺจสฺส นิเวเทตฺวา เตน ‘‘ยทิ เอวํ อหมฺปิ ปพฺพชิสฺสามี’’ติ วุตฺเต ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา เอเตเนว นเยน สตฺตภูอาทโย ฉ ขตฺติเย, สตฺต จ พฺราหฺมณมหาสาเล, สตฺต จ นฺหาตกสตานิ, อตฺตโน ภริยาโย จ อาปุจฺฉิตฺวา สตฺตาหมตฺตเมว เตสํ จิตฺตานุรกฺขณตฺถํ ตฺวา มหาภินิกฺขมนสทิสํ นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิ.
ตสฺส เต สตฺตราชาโน อาทึ กตฺวา สพฺเพว อนุปพฺพชึสุ. สา อโหสิ มหตี ปริสา. อเนกโยชนวิตฺถาราย ปริสาย ปริวุโต มหาปุริโส ธมฺมํ เทเสนฺโต คามนิคมชนปทราชธานีสุ จาริกํ จรติ, มหาชนํ ปฺุเ ปติฏฺาเปติ. คตคตฏฺาเน พุทฺธโกลาหลํ วิย โหติ. มนุสฺสา ‘‘โควินฺทปณฺฑิโต กิร อาคจฺฉตี’’ติ สุตฺวา ปุเรตรเมว มณฺฑปํ กาเรตฺวา ตํ อลงฺการาเปตฺวา ปจฺจุคฺคนฺตฺวา มณฺฑปํ ปเวเสตฺวา นานคฺครสโภชเนน ปติมาเนนฺติ. มหาลาภสกฺกาโร มโหโฆ วิย อชฺโฌตฺถรนฺโต อุปฺปชฺชิ. มหาปุริโส มหาชนํ ปฺุเ ปติฏฺาเปสิ สีลสมฺปทาย อินฺทฺริยสํวเร โภชเน มตฺตฺุตาย ชาคริยานุโยเค กสิณปริกมฺเม ฌาเนสุ อภิฺาสุ อฏฺสมาปตฺตีสุ พฺรหฺมวิหาเรสูติ. พุทฺธุปฺปาทกาโล วิย อโหสิ.
โพธิสตฺโต ¶ ยาวตายุกํ ปารมิโย ปูเรนฺโต สมาปตฺติสุเขน วีตินาเมตฺวา อายุปริโยสาเน พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺติ. ตสฺส ตํ พฺรหฺมจริยํ อิทฺธฺเจว ผีตฺจ วิตฺถาริกํ พาหุชฺํ ปุถุภูตํ ยาว เทวมนุสฺเสหิ สุปฺปกาสิตํ จิรํ ทีฆมทฺธานํ ปวตฺติตฺถ. ตสฺส ¶ เย สาสนํ สพฺเพน สพฺพํ อาชานึสุ, เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ พฺรหฺมโลกํ อุปปชฺชึสุ. เย น อาชานึสุ, เต อปฺเปกจฺเจ ปรนิมฺมิตวสวตฺตีนํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชึสุ. อปฺเปกจฺเจ นิมฺมานรตีนํ…เป… ตุสิตานํ ยามานํ ตาวตึสานํ จาตุมหาราชิกานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชึสุ. เย สพฺพนิหีนา, เต คนฺธพฺพกายํ ปริปูเรสุํ. อิติ มหาชโน เยภุยฺเยน พฺรหฺมโลกูปโค สคฺคูปโค จ อโหสิ. ตสฺมา เทวพฺรหฺมโลกา ปริปูรึสุ. จตฺตาโร อปายา สฺุา วิย อเหสุํ.
อิธาปิ ¶ อกิตฺติชาตเก (ชา. ๑.๑๓.๘๓ อาทโย) วิย โพธิสมฺภารนิทฺธารณา เวทิตพฺพา – ตทา สตฺต ราชาโน มหาเถรา อเหสุํ, เสสปริสา พุทฺธปริสา, มหาโควินฺโท โลกนาโถ. ตถา เรณุอาทีนํ สตฺตนฺนํ ราชูนํ อฺมฺาวิโรเธน ยถา สกรชฺเช ปติฏฺาปนํ, ตถา มหติ สตฺตวิเธ รชฺเช เตสํ อตฺถธมฺมานุสาสเน อปฺปมาโท, ‘‘พฺรหฺมุนาปิ สากจฺฉํ สมาปชฺชตี’’ติ ปวตฺตสมฺภาวนํ ยถาภูตํ กาตุํ จตฺตาโร มาเส ปรมุกฺกํสคโต พฺรหฺมจริยวาโส. เตน พฺรหฺมุโน อตฺตนิ สมาปชฺชนํ, พฺรหฺมุโน โอวาเท ตฺวา สตฺตหิ ราชูหิ สกเลน จ โลเกน อุปนีตํ ลาภสกฺการํ เขฬปิณฺฑํ วิย ฉฑฺเฑตฺวา อปริมาณาย ขตฺติยพฺราหฺมณาทิปริสาย อนุปพฺพชฺชานิมิตฺตาย ปพฺพชฺชาย อนุฏฺานํ, พุทฺธานํ สาสนสฺส วิย อตฺตโน สาสนสฺส จิรกาลานุปฺปพนฺโธติ เอวมาทโย คุณานุภาวา วิภาเวตพฺพาติ.
มหาโควินฺทจริยาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. นิมิราชจริยาวณฺณนา
๔๐. ฉฏฺเ มิถิลายํ ปุรุตฺตเมติ มิถิลานามเก วิเทหานํ อุตฺตมนคเร. นิมิ นาม มหาราชาติ เนมึ ฆเฏนฺโต วิย อุปฺปนฺโน ‘‘นิมี’’ติ ลทฺธนาโม, มหนฺเตหิ ทานสีลาทิคุณวิเสเสหิ มหตา จ ¶ ราชานุภาเวน สมนฺนาคตตฺตา มหนฺโต ราชาติ มหาราชา. ปณฺฑิโต กุสลตฺถิโกติ อตฺตโน จ ปเรสฺจ ปฺุตฺถิโก.
อตีเต กิร วิเทหรฏฺเ มิถิลานคเร อมฺหากํ โพธิสตฺโต ¶ มฆเทโว นาม ราชา อโหสิ. โส จตุราสีติ วสฺสสหสฺสานิ กุมารกีฬํ กีฬิตฺวา จตุราสีติ วสฺสหสฺสานิ อุปรชฺชํ กาเรตฺวา จตุราสีติ วสฺสสหสฺสานิ รชฺชํ กาเรนฺโต ‘‘ยทา เม สิรสฺมึ ปลิตานิ ปสฺเสยฺยาสิ, ตทา เม อาโรเจยฺยาสี’’ติ กปฺปกสฺส วตฺวา อปรภาเค เตน ปลิตานิ ทิสฺวา อาโรจิเต สุวณฺณสณฺฑาเสน อุทฺธราเปตฺวา หตฺเถ ปติฏฺาเปตฺวา ปลิตํ โอโลเกตฺวา ‘‘ปาตุภูโต โข มยฺหํ เทวทูโต’’ติ สํเวคชาโต ‘‘อิทานิ มยา ปพฺพชิตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา สตสหสฺสุฏฺานกํ คามวรํ กปฺปกสฺส ทตฺวา เชฏฺกุมารํ ปกฺโกสาเปตฺวา ตสฺส –
‘‘อุตฺตมงฺครุหา มยฺหํ, อิเม ชาตา วโยหรา;
ปาตุภูตา เทวทูตา, ปพฺพชฺชาสมโย มมา’’ติ. (ชา. ๑.๑.๙) –
วตฺวา ¶ สาธุกํ รชฺเช สมนุสาสิตฺวา ยทิปิ อตฺตโน อฺานิปิ จตุราสีติ วสฺสสหสฺสานิ อายุ อตฺถิ, เอวํ สนฺเตปิ มจฺจุโน สนฺติเก ิตํ วิย อตฺตานํ มฺมาโน สํวิคฺคหทโย ปพฺพชฺชํ โรเจติ. เตน วุตฺตํ –
‘‘สิรสฺมึ ปลิตํ ทิสฺวา, มฆเทโว ทิสมฺปติ;
สํเวคํ อลภี ธีโร, ปพฺพชฺชํ สมโรจยี’’ติ. (ม. นิ. อฏฺ. ๒.๓๐๙);
โส ปุตฺตํ ‘‘อิมินาว นีหาเรน วตฺเตยฺยาสิ ยถา มยา ปฏิปนฺนํ, มา โข ตฺวํ อนฺติมปุริโส อโหสี’’ติ โอวทิตฺวา นครา นิกฺขมฺม ภิกฺขุปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา จตุราสีติ วสฺสสหสฺสานิ ฌานสมาปตฺตีหิ วีตินาเมตฺวา อายุปริโยสาเน พฺรหฺมโลกปรายโน อโหสิ. ปุตฺโตปิสฺส พหูนิ วสฺสสหสฺสานิ ธมฺเมน รชฺชํ กาเรตฺวา เตเนว อุปาเยน ปพฺพชิตฺวา พฺรหฺมโลกปรายโน อโหสิ. ตถา ตสฺส ปุตฺโต, ตถา ตสฺส ปุตฺโตติ เอวํ ทฺวีหิ อูนานิ จตุราสีติ ขตฺติยสหสฺสานิ สีเส ปลิตํ ทิสฺวาว ปพฺพชิตานิ. อถ โพธิสตฺโต พฺรหฺมโลเก ิโตว ‘‘ปวตฺตติ นุ โข มยา มนุสฺสโลเก กตํ กลฺยาณํ น ปวตฺตตี’’ติ อาวชฺเชนฺโต อทฺทส ¶ ‘‘เอตฺตกํ อทฺธานํ ปวตฺตํ, อิทานิ นปฺปวตฺติสฺสตี’’ติ. โส ‘‘น โข ปนาหํ มยฺหํ ปเวณิยา อุจฺฉิชฺชิตุํ ทสฺสามี’’ติ อตฺตโน วํเส ชาตรฺโ เอว อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ คณฺหิตฺวา อตฺตโน วํสสฺส เนมึ ฆเฏนฺโต วิย นิพฺพตฺโต. เตน วุตฺตํ ‘‘เนมึ ฆเฏนฺโต วิย อุปฺปนฺโนติ ¶ นิมีติ ลทฺธนาโม’’ติ.
ตสฺส หิ นามคฺคหณทิวเส ปิตรา อานีตา ลกฺขณปากา. ลกฺขณานิ โอโลเกตฺวา ‘‘มหาราช, อยํ กุมาโร ตุมฺหากํ วํสํ ปคฺคณฺหาติ, ปิตุปิตามเหหิปิ มหานุภาโว มหาปฺุโ’’ติ พฺยากรึสุ. ตํ สุตฺวา ราชา ยถาวุตฺเตนตฺเถน ‘‘นิมี’’ติสฺส นามํ อกาสิ, โส ทหรกาลโต ปฏฺาย สีเล อุโปสถกมฺเม จ ยุตฺตปฺปยุตฺโต อโหสิ. อถสฺส ปิตา ปุริมนเยเนว ปลิตํ ทิสฺวา กปฺปกสฺส คามวรํ ทตฺวา ปุตฺตํ รชฺเช สมนุสาสิตฺวา นครา นิกฺขมฺม ปพฺพชิตฺวา ฌานานิ นิพฺพตฺเตตฺวา พฺรหฺมโลกปรายโน อโหสิ.
นิมิราชา ปน ทานชฺฌาสยตาย จตูสุ นครทฺวาเรสุ นครมชฺเฌ จาติ ปฺจ ทานสาลาโย กาเรตฺวา มหาทานํ ปวตฺเตสิ. เอเกกาย ทานสาลาย สตสหสฺสํ สตสหสฺสํ กตฺวา เทวสิกํ ปฺจสตสหสฺสานิ ปริจฺจชิ, ปฺจ สีลานิ รกฺขิ, ปกฺขทิวเสสุ อุโปสถกมฺมํ สมาทิยิ ¶ , มหาชนมฺปิ ทานาทีสุ ปฺุเสุ สมาทเปสิ, สคฺคมคฺคํ อาจิกฺขิ, นิรยภเยน ตชฺเชสิ, ปาปโต นิวาเรสิ. ตสฺส โอวาเท ตฺวา มหาชโน ทานาทีนิ ปฺุานิ กตฺวา ตโต จุโต เทวโลเก นิพฺพตฺติ, เทวโลโก ปริปูริ, นิรโย ตุจฺโฉ วิย อโหสิ. ตทา ปน อตฺตโน ทานชฺฌาสยสฺส อุฬารภาวํ สวิเสสํ ทานปารมิยา ปูริตภาวฺจ ปเวเทนฺโต สตฺถา –
‘‘ตทาหํ มาปยิตฺวาน, จตุสฺสาลํ จตุมฺมุขํ;
ตตฺถ ทานํ ปวตฺเตสึ, มิคปกฺขินราทิน’’นฺติ. – อาทิมาห;
ตตฺถ ตทาติ ตสฺมึ นิมิราชกาเล. มาปยิตฺวานาติ การาเปตฺวา. จตุสฺสาลนฺติ จตูสุ ทิสาสุ สมฺพนฺธสาลํ. จตุมฺมุขนฺติ จตูสุ ทิสาสุ จตูหิ ทฺวาเรหิ ยุตฺตํ. ทานสาลาย หิ มหนฺตภาวโต เทยฺยธมฺมสฺส ยาจกชนสฺส จ พหุภาวโต น สกฺกา เอเกเนว ทฺวาเรน ¶ ทานธมฺมํ ปริยนฺตํ กาตุํ เทยฺยธมฺมฺจ ปริโยสาเปตุนฺติ สาลาย จตูสุ ทิสาสุ จตฺตาริ มหาทฺวารานิ การาเปสิ. ตตฺถ ทฺวารโต ปฏฺาย ยาว โกณา เทยฺยธมฺโม ราสิกโต ติฏฺติ. อรุณุคฺคํ อาทึ กตฺวา ยาว ปกติยา สํเวสนกาโล, ตาว ทานํ ปวตฺเตติ. อิตรสฺมิมฺปิ กาเล อเนกสตา ปทีปา ฌายนฺติ. ยทา ยทา อตฺถิกา อาคจฺฉนฺติ, ตทา ตทา ทียเตว. ตฺจ ทานํ น กปณทฺธิกวนิพฺพกยาจกานฺเว ¶ , อถ โข อฑฺฒานํ มหาโภคานมฺปิ อุปกปฺปนวเสน มหาสุทสฺสนทานสทิสํ อุฬารตรปณีตตรานํ เทยฺยธมฺมานํ ปริจฺจชนโต สพฺเพปิ สกลชมฺพุทีปวาสิโน มนุสฺสา ปฏิคฺคเหสฺุเจว ปริภฺุชึสุ จ. สกลชมฺพุทีปฺหิ อุนฺนงฺคลํ กตฺวา มหาปุริโส ตทา มหาทานํ ปวตฺเตสิ. ยถา จ มนุสฺสานํ, เอวํ มิคปกฺขิเก อาทึ กตฺวา ติรจฺฉานคตานมฺปิ ทานสาลาย พหิ เอกมนฺเต เตสํ อุปกปฺปนวเสน ทานํ ปวตฺเตสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ตตฺถ ทานํ ปวตฺเตสึ, มิคปกฺขินราทิน’’นฺติ. น เกวลฺจ ติรจฺฉานานเมว, เปตานมฺปิ ทิวเส ทิวเส ปตฺตึ ทาเปสิ. ยถา จ เอกิสฺสา ทานสาลาย, เอวํ ปฺจสุปิ ทานสาลาสุ ทานํ ปวตฺติตฺถ. ปาฬิยํ ปน ‘‘ตทาหํ มาปยิตฺวาน, จตุสฺสาลํ จตุมฺมุข’’นฺติ เอกํ วิย วุตฺตํ, ตํ นครมชฺเฌ ทานสาลํ สนฺธาย วุตฺตํ.
๔๒. อิทานิ ตตฺถ เทยฺยธมฺมํ เอกเทเสน ทสฺเสนฺโต ‘‘อจฺฉาทนฺจ สยนํ, อนฺนํ ปานฺจ โภชน’’นฺติ อาห.
ตตฺถ อจฺฉาทนนฺติ โขมสุขุมาทินานาวิธนิวาสนปารุปนํ. สยนนฺติ มฺจปลฺลงฺกาทิฺเจว โคนกจิตฺตกาทิฺจ อเนกวิธํ สยิตพฺพกํ, อาสนมฺปิ เจตฺถ สยนคฺคหเณเนว ¶ คหิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. อนฺนํ ปานฺจ โภชนนฺติ เตสํ เตสํ สตฺตานํ ยถาภิรุจิตํ นานคฺครสํ อนฺนฺเจว ปานฺจ อวสิฏฺํ นานาวิธโภชนวิกติฺจ. อพฺโพจฺฉินฺนํ กริตฺวานาติ อารมฺภโต ปฏฺาย ยาว อายุปริโยสานา อโหรตฺตํ อวิจฺฉินฺนํ กตฺวา.
๔๓-๔. อิทานิ ตสฺส ทานสฺส สมฺมาสมฺโพธึ อารพฺภ ทานปารมิภาเวน ปวตฺติตภาวํ ทสฺเสนฺโต ยถา ตทา อตฺตโน อชฺฌาสโย ปวตฺโต, ตํ อุปมาย ทสฺเสตุํ ‘‘ยถาปิ เสวโก’’ติอาทิมาห. ตสฺสตฺโถ – ยถา นาม เสวกปุริโส อตฺตโน สามิกํ กาลานุกาลํ เสวนวเสน ¶ อุปคโต ลทฺธพฺพธนเหตุ กาเยน วาจาย มนสา สพฺพถาปิ กายวจีมโนกมฺเมหิ ยถา โส อาราธิโต โหติ, เอวํ อาราธนียํ อาราธนเมว เอสติ คเวสติ, ตถา อหมฺปิ โพธิสตฺตภูโต สเทวกสฺส โลกสฺส สามิภูตํ อนุตฺตรํ พุทฺธภาวํ เสเวตุกาโม ตสฺส อาราธนตฺถํ สพฺพภเว สพฺพสฺมึ ¶ นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตภเว ทานปารมิปริปูรณวเสน ทาเนน สพฺพสตฺเต สนฺตปฺเปตฺวา โพธิสงฺขาตโต อริยมคฺคาณโต ชาตตฺตา ‘‘โพธิช’’นฺติ ลทฺธนามํ สพฺพฺุตฺาณํ ปรโต สพฺพถา นานูปาเยหิ เอสิสฺสามิ คเวสิสฺสามิ, ตํ อุตฺตมํ โพธึ สมฺมาสมฺโพธึ ชีวิตปริจฺจาคาทึ ยํกิฺจิ กตฺวา อิจฺฉามิ อภิปตฺเถมีติ.
เอวมิธ ทานชฺฌาสยสฺส อุฬารภาวํ ทสฺเสตุํ ทานปารมิวเสเนว เทสนา กตา. ชาตกเทสนายํ ปนสฺส สีลปารมิอาทีนมฺปิ ปริปูรณํ วิภาวิตเมว, ตถา หิสฺส เหฏฺา วุตฺตนเยเนว สีลาทิคุเณหิ อตฺตานํ อลงฺกริตฺวา มหาชนํ ตตฺถ ปติฏฺเปนฺตสฺส โอวาเท ตฺวา นิพฺพตฺตเทวตา สุธมฺมายํ เทวสภายํ สนฺนิปติตา ‘‘อโห อมฺหากํ นิมิราชานํ นิสฺสาย มยํ อิมํ สมฺปตฺตึ ปตฺตา, เอวรูปาปิ นาม อนุปฺปนฺเน พุทฺเธ มหาชนสฺส พุทฺธกิจฺจํ สาธยมานา อจฺฉริยมนุสฺสา โลเก อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ มหาปุริสสฺส คุเณ วณฺเณนฺตา อภิตฺถวึสุ. เตน วุตฺตํ –
‘‘อจฺเฉรํ วต โลกสฺมึ, อุปฺปชฺชนฺติ วิจกฺขณา;
ยทา อหุ นิมิราชา, ปณฺฑิโต กุสลตฺถิโก’’ติ. (ชา. ๒.๒๒.๔๒๑) –
อาทิ.
ตํ สุตฺวา สกฺกํ เทวานมินฺทํ อาทึ กตฺวา สพฺเพ เทวา โพธิสตฺตํ ทฏฺุกามา อเหสุํ. อเถกทิวสํ ¶ มหาปุริสสฺส อุโปสถิกสฺส อุปริปาสาทวรคตสฺส ปจฺฉิมยาเม ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา นิสินฺนสฺส เอวํ เจตโส ปริวิตกฺโก อุทปาทิ ‘‘ทานํ นุ โข วรํ, อุทาหุ พฺรหฺมจริย’’นฺติ. โส ตํ อตฺตโน กงฺขํ ฉินฺทิตุํ นาสกฺขิ. ตสฺมึ ขเณ สกฺกสฺส ภวนํ อุณฺหาการํ ทสฺเสสิ. สกฺโก ตํ การณํ อาวชฺเชนฺโต โพธิสตฺตํ ตถา วิตกฺเกนฺตํ ทิสฺวา ‘‘หนฺทสฺส วิตกฺกํ ฉินฺทิสฺสามี’’ติ อาคนฺตฺวา ปุรโต ิโต เตน ‘‘โกสิ ตฺว’’นฺติ ปุฏฺโ อตฺตโน เทวราชภาวํ อาโรเจตฺวา ¶ ‘‘กึ, มหาราช, จินฺเตสี’’ติ วุตฺเต ตมตฺถํ อาโรเจสิ. สกฺโก พฺรหฺมจริยเมว อุตฺตมํ กตฺวา ทสฺเสนฺโต –
‘‘หีเนน พฺรหฺมจริเยน, ขตฺติเย อุปปชฺชติ;
มชฺฌิเมน จ เทวตฺตํ, อุตฺตเมน วิสุชฺฌติ.
‘‘น ¶ เหเต สุลภา กายา, ยาจโยเคน เกนจิ;
เย กาเย อุปปชฺชนฺติ, อนคารา ตปสฺสิโน’’ติ. (ชา. ๒.๒๒.๔๒๙-๔๓๐) –
อาห.
ตตฺถ ปุถุติตฺถายตเนสุ เมถุนวิรติมตฺตํ หีนํ พฺรหฺมจริยํ นาม, เตน ขตฺติยกุเล อุปปชฺชติ. ฌานสฺส อุปจารมตฺตํ มชฺฌิมํ นาม, เตน เทวตฺตํ อุปปชฺชติ. อฏฺสมาปตฺตินิพฺพตฺตนํ ปน อุตฺตมํ นาม, เตน พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺตติ. ตฺหิ พาหิรกา ‘‘นิพฺพาน’’นฺติ กเถนฺติ. เตนาห ‘‘วิสุชฺฌตี’’ติ. สาสเน ปน ปริสุทฺธสีลสฺส ภิกฺขุโน อฺตรํ เทวนิกายํ ปตฺเถนฺตสฺส พฺรหฺมจริยเจตนา หีนตาย หีนํ นาม, เตน ยถาปตฺถิเต เทวโลเก นิพฺพตฺตติ. ปริสุทฺธสีลสฺส อฏฺสมาปตฺตินิพฺพตฺตนํ มชฺฌิมํ นาม, เตน พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺตติ. ปริสุทฺธสีลสฺส ปน วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตปฺปตฺติ อุตฺตมํ นาม, เตน วิสุชฺฌตีติ. อิติ สกฺโก ‘‘มหาราช, ทานโต พฺรหฺมจริยวาโสว สตคุเณน สหสฺสคุเณน สตสหสฺสคุเณน มหปฺผโล’’ติ วณฺเณสิ. กายาติ พฺรหฺมคณา. ยาจโยเคนาติ ยาจนยุตฺเตน. ‘‘ยาชโยเคนา’’ติปิ ปาฬิ, ยชนยุตฺเตน, ทานยุตฺเตนาติ อตฺโถ. ตปสฺสิโนติ ตปนิสฺสิตกา. อิมายปิ คาถาย พฺรหฺมจริยวาสสฺเสว มหานุภาวตํ ทีเปติ. เอวฺจ ปน วตฺวา ‘‘กิฺจาปิ, มหาราช, ทานโต พฺรหฺมจริยเมว มหปฺผลํ, ทฺเวปิ ปเนเต มหาปุริสกตฺตพฺพาว ¶ . ทฺวีสุปิ อปฺปมตฺโต หุตฺวา ทานฺจ เทหิ สีลฺจ รกฺขาหี’’ติ วตฺวา ตํ โอวทิตฺวา สกฏฺานเมว คโต.
อถ นํ เทวคโณ ‘‘มหาราช, กุหึ คตตฺถา’’ติ อาห. สกฺโก ‘‘มิถิลายํ นิมิรฺโ กงฺข ฉินฺทิตุ’’นฺติ ตมตฺถํ ปกาเสตฺวา โพธิสตฺตสฺส คุเณ วิตฺถารโต วณฺเณสิ. ตํ สุตฺวา เทวา ‘‘มหาราช, มยฺหํ นิมิราชานํ ทฏฺุกามมฺหา, สาธุ นํ ปกฺโกสาเปหี’’ติ วทึสุ. สกฺโก ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา มาตลึ อามนฺเตสิ – ‘‘คจฺฉ นิมิราชานํ เวชยนฺตํ อาโรเปตฺวา อาเนหี’’ติ ¶ . โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา รเถน คนฺตฺวา ตตฺถ มหาสตฺตํ อาโรเปตฺวา เตน ยาจิโต ยถากมฺมํ ปาปกมฺมีนํ ปฺุกมฺมีนฺจ านานิ อาจิกฺขนฺโต อนุกฺกเมน เทวโลกํ เนสิ ¶ . เทวาปิ โข ‘‘นิมิราชา อาคโต’’ติ สุตฺวา ทิพฺพคนฺธวาสปุปฺผหตฺถา ยาว จิตฺตกูฏทฺวารโกฏฺกา ปจฺจุคฺคนฺตฺวา มหาสตฺตํ ทิพฺพคนฺธาทีหิ ปูเชนฺตา สุธมฺมํ เทวสภํ อานยึสุ. ราชา รถา โอตริตฺวา เทวสภํ ปวิสิตฺวา สกฺเกน สทฺธึ เอกาสเน นิสีทิตฺวา เตน ทิพฺเพหิ กาเมหิ นิมนฺติยมาโน ‘‘อลํ, มหาราช, มยฺหํ อิเมหิ ยาจิตกูปเมหิ กาเมหี’’ติ ปฏิกฺขิปิตฺวา อเนกปริยาเยน ธมฺมํ เทเสตฺวา มนุสฺสคณนาย สตฺตาหเมว ตฺวา ‘‘คจฺฉามหํ มนุสฺสโลกํ, ตตฺถ ทานาทีนิ ปฺุานิ กริสฺสามี’’ติ อาห. สกฺโก ‘‘นิมิราชานํ มิถิลํ เนหี’’ติ มาตลึ อาณาเปสิ. โส ตํ เวชยนฺตรถํ อาโรเปตฺวา ปาจีนทิสาภาเคน มิถิลํ ปาปุณิ. มหาชโน ทิพฺพรถํ ทิสฺวา รฺโ ปจฺจุคฺคมนํ อกาสิ. มาตลิ สีหปฺชเร มหาสตฺตํ โอตาเรตฺวา อาปุจฺฉิตฺวา สกฏฺานเมว คโต. มหาชโนปิ ราชานํ ปริวาเรตฺวา ‘‘กีทิโส, เทว, เทวโลโก’’ติ ปุจฺฉิ. ราชา เทวโลกสมฺปตฺตึ วณฺเณตฺวา ‘‘ตุมฺเหปิ ทานาทีนิ ปฺุานิ กโรถ, เอวํ ตสฺมึ เทวโลเก อุปฺปชฺชิสฺสถา’’ติ ธมฺมํ เทเสสิ. โส อปรภาเค ปุพฺเพ วุตฺตนเยน ปลิตํ ทิสฺวา ปุตฺตสฺส รชฺชํ ปฏิจฺฉาเปตฺวา กาเม ปหาย ปพฺพชิตฺวา จตฺตาโร พฺรหฺมวิหาเร ภาเวตฺวา พฺรหฺมโลกูปโค อโหสิ.
ตทา สกฺโก อนุรุทฺโธ อโหสิ. มาตลิ อานนฺโท. จตุราสีติ ราชสหสฺสานิ พุทฺธปริสา. นิมิราชา โลกนาโถ.
ตสฺส อิธาปิ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว โพธิสมฺภารา นิทฺธาเรตพฺพา. ตถา พฺรหฺมโลกสมฺปตฺตึ ปหาย ปุพฺเพ อตฺตนา ปวตฺติตํ กลฺยาณวตฺตํ อนุปฺปพนฺเธสฺสามีติ มหากรุณาย มนุสฺสโลเก นิพฺพตฺตนํ, อุฬาโร ทานชฺฌาสโย, ตทนุรูปา ทานาทีสุ ปฏิปตฺติ, มหาชนสฺส จ ตตฺถ ปติฏฺาปนํ, ยาว เทวมนุสฺสานํ ปตฺถฏยสตา, สกฺกสฺส เทวราชสฺส อุปสงฺกมเน อติวิมฺหยตา, เตน ทิพฺพสมฺปตฺติยา นิมนฺติยมาโนปิ ¶ ตํ อนลงฺกริตฺวา ปฺุสมฺภารปริพฺรูหนตฺถํ ปุน มนุสฺสวาสูปคมนํ, ลาภสมฺปตฺตีสุ สพฺพตฺถ อลคฺคภาโวติ เอวมาทโย คุณานุภาวา นิทฺธาเรตพฺพาติ.
นิมิราชจริยาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. จนฺทกุมารจริยาวณฺณนา
๔๕. สตฺตเม ¶ ¶ เอกราชสฺส อตฺรโชติ เอกราชสฺส นาม กาสิรฺโ โอรสปุตฺโต. นคเร ปุปฺผวติยาติ ปุปฺผวตินามเก นคเร. จนฺทสวฺหโยติ จนฺทสทฺเทน อวฺหาตพฺโพ, จนฺทนาโมติ อตฺโถ.
อตีเต กิร อยํ พาราณสี ปุปฺผวตี นาม อโหสิ. ตตฺถ วสวตฺติรฺโ ปุตฺโต เอกราชา นาม รชฺชํ กาเรสิ. โพธิสตฺโต ตสฺส โคตมิยา นาม อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ อคฺคเหสิ. ‘‘จนฺทกุมาโร’’ติสฺส นามมกํสุ. ตสฺส ปทสา คมนกาเล อปโรปิ ปุตฺโต อุปฺปนฺโน, ตสฺส ‘‘สูริยกุมาโร’’ติ นามมกํสุ. ตสฺส ปทสา คมนกาเล เอกา ธีตา อุปฺปนฺนา, ‘‘เสลา’’ติสฺสา นามมกํสุ. เวมาติกา จ เนสํ ภทฺทเสโน สูโร จาติ ทฺเว ภาตโร อเหสุํ. โพธิสตฺโต อนุปุพฺเพน วุทฺธิปฺปตฺโต สิปฺเปสุ จ วิชฺชาฏฺาเนสุ จ ปารํ อคมาสิ. ตสฺส ราชา อนุจฺฉวิกํ จนฺทํ นาม ราชธีตรํ อาเนตฺวา อุปรชฺชํ อทาสิ. โพธิสตฺตสฺส เอโก ปุตฺโต อุปฺปนฺโน, ตสฺส ‘‘วาสุโล’’ติ นามมกํสุ. ตสฺส ปน รฺโ ขณฺฑหาโล นาม ปุโรหิโต, ตํ ราชา วินิจฺฉเย เปสิ. โส ลฺชวิตฺตโก หุตฺวา ลฺชํ คเหตฺวา อสฺสามิเก สามิเก กโรติ, สามิเก จ อสฺสามิเก กโรติ. อเถกทิวสํ อฏฺฏปราชิโต เอโก ปุริโส วินิจฺฉยฏฺาเน อุปกฺโกเสนฺโต นิกฺขมิตฺวา ราชูปฏฺานํ คจฺฉนฺตํ โพธิสตฺตํ ทิสฺวา ตสฺส ปาเทสุ นิปติตฺวา ‘‘สามิ ขณฺฑหาโล วินิจฺฉเย วิโลปํ ขาทติ, อหํ เตน ลฺชํ คเหตฺวา ปราชยํ ปาปิโต’’ติ อฏฺฏสฺสรมกาสิ. โพธิสตฺโต ‘‘มา ภายี’’ติ ตํ อสฺสาเสตฺวา วินิจฺฉยํ เนตฺวา สามิกเมว สามิกํ อกาสิ. มหาชโน มหาสทฺเทน สาธุการมทาสิ.
ราชา ‘‘โพธิสตฺเตน กิร อฏฺโฏ สุวินิจฺฉิโต’’ติ สุตฺวา ตํ อามนฺเตตฺวา ‘‘ตาต, อิโต ปฏฺาย ¶ ตฺวเมว อฏฺฏกรเณ วินิจฺฉยํ วินิจฺฉินาหี’’ติ วินิจฺฉยํ โพธิสตฺตสฺส อทาสิ. ขณฺฑหาลสฺส อาโย ปจฺฉิชฺชิ. โส ตโต ปฏฺาย โพธิสตฺเต อาฆาตํ พนฺธิตฺวา ¶ โอตาราเปกฺโข วิจริ. โส ปน ราชา มุธปฺปสนฺโน. โส เอกทิวสํ สุปินนฺเตน เทวโลกํ ปสฺสิตฺวา ตตฺถ คนฺตุกาโม หุตฺวา ‘‘ปุโรหิตํ ¶ พฺรหฺมโลกคามิมคฺคํ อาจิกฺขา’’ติ อาห. โส ‘‘อติทานํ ททนฺโต สพฺพจตุกฺเกน ยฺํ ยชสฺสู’’ติ วตฺวา รฺา ‘‘กึ อติทาน’’นฺติ ปุฏฺโ ‘‘อตฺตโน ปิยปุตฺตา ปิยภริยา ปิยธีตโร มหาวิภวเสฏฺิโน มงฺคลหตฺถิอสฺสาทโยติ เอเต จตฺตาโร จตฺตาโร กตฺวา ทฺวิปทจตุปฺปเท ยฺตฺถาย ปริจฺจชิตฺวา เตสํ คลโลหิเตน ยชนํ อติทานํ นามา’’ติ สฺาเปสิ. อิติ โส ‘‘สคฺคมคฺคํ อาจิกฺขิสฺสามี’’ติ นิรยมคฺคํ อาจิกฺขิ.
ราชาปิ ตสฺมึ ปณฺฑิตสฺี หุตฺวา ‘‘เตน วุตฺตวิธิ สคฺคมคฺโค’’ติ สฺาย ตํ ปฏิปชฺชิตุกาโม มหนฺตํ ยฺาวาฏํ การาเปตฺวา ตตฺถ โพธิสตฺตาทิเก จตฺตาโร ราชกุมาเร อาทึ กตฺวา ขณฺฑหาเลน วุตฺตํ สพฺพํ ทฺวิปทจตุปฺปทํ ยฺปสุตฏฺาเน เนถาติ อาณาเปสิ. สพฺพฺจ ยฺสมฺภารํ อุปกฺขฏํ อโหสิ. ตํ สุตฺวา มหาชโน มหนฺตํ โกลาหลํ อกาสิ. ราชา วิปฺปฏิสารี หุตฺวา ขณฺฑหาเลน อุปตฺถมฺภิโต ปุนปิ ตถา ตํ อาณาเปสิ. โพธิสตฺโต ‘‘ขณฺฑหาเลน วินิจฺฉยฏฺานํ อลภนฺเตน มยิ อาฆาตํ พนฺธิตฺวา มเมว มรณํ อิจฺฉนฺเตน มหาชนสฺส อนยพฺยสนํ อุปฺปาทิต’’นฺติ ชานิตฺวา นานาวิเธหิ อุปาเยหิ ราชานํ ตโต ทุคฺคหิตคฺคาหโต วิเวเจตุํ วายมิตฺวาปิ นาสกฺขิ. มหาชโน ปริเทวิ, มหนฺตํ การฺุมกาสิ. มหาชนสฺส ปริเทวนฺตสฺเสว ยฺาวาเฏ สพฺพกมฺมานิ นิฏฺาเปสิ. ราชปุตฺตํ เนตฺวา คีวาย นาเมตฺวา นิสีทาเปสุํ. ขณฺฑหาโล สุวณฺณปาตึ อุปนาเมตฺวา ขคฺคํ อาทาย ‘‘ตสฺส คีวํ ฉินฺทิสฺสามี’’ติ อฏฺาสิ. ตํ ทิสฺวา จนฺทา นาม ราชปุตฺตสฺส เทวี ‘‘อฺํ เม ปฏิสรณํ นตฺถิ, อตฺตโน สจฺจพเลน สามิกสฺส โสตฺถึ กริสฺสามี’’ติ อฺชลึ ปคฺคยฺห ปริสาย อนฺตเร วิจรนฺตี ‘‘อิทํ เอกนฺเตเนว ปาปกมฺมํ, ยํ ขณฺฑหาโล สคฺคมคฺโคติ กโรติ. อิมินา มยฺหํ สจฺจวจเนน มม สามิกสฺส โสตฺถิ โหตุ.
‘‘ยา เทวตา อิธ โลเก, สพฺพา ตา สรณํ คตา;
อนาถํ ตายถ มมํ, ยถาหํ ปติมา สิย’’นฺติ. –
สจฺจกิริยมกาสิ. สกฺโก ¶ เทวราชา ตสฺสา ปริเทวนสทฺทํ สุตฺวา ตํ ปวตฺตึ ตฺวา ชลิตํ อโยกูฏํ อาทาย อาคนฺตฺวา ราชานํ ตาเสตฺวา ¶ สพฺเพ วิสฺสชฺชาเปสิ. สกฺโกปิ ตทา อตฺตโน ทิพฺพรูปํ ทสฺเสตฺวา สมฺปชฺชลิตํ สโชติภูตํ วชิรํ ปริพฺภมนฺโต ‘‘อเร, ปาปราช กาฬกณฺณิ, กทา ตยา ปาณาติปาเตน สุคติคมนํ ทิฏฺปุพฺพํ, จนฺทกุมารํ สพฺพฺจ อิมํ ชนํ พนฺธนโต ¶ โมเจหิ, โน เจ โมเจสฺสสิ, เอตฺเถว เต อิมสฺส จ ทุฏฺพฺราหฺมณสฺส สีสํ ผาเลสฺสามี’’ติ อากาเส อฏฺาสิ. ตํ อจฺฉริยํ ทิสฺวา ราชา พฺราหฺมโณ จ สีฆํ สพฺเพ พนฺธนา โมเจสุํ.
อถ มหาชโน เอกโกลาหลํ กตฺวา สหสา ยฺาวาฏํ อชฺโฌตฺถริตฺวา ขณฺฑหาลสฺส เอเกกํ เลฑฺฑุปฺปหารํ เทนฺโต ตตฺเถว นํ ชีวิตกฺขยํ ปาเปตฺวา ราชานมฺปิ มาเรตุํ อารภิ. โพธิสตฺโต ปุเรตรเมว ปิตรํ ปลิสฺสชิตฺวา ิโต มาเรตุํ น อทาสิ. มหาชโน ‘‘ชีวิตํ ตาวสฺส ปาปรฺโ เทม, ฉตฺตํ ปนสฺส น ทสฺสาม, นคเร วาสํ วา น ทสฺสาม, ตํ จณฺฑาลํ กตฺวา พหินคเร วาสาเปสฺสามา’’ติ ราชเวสํ หาเรตฺวา กาสาวํ นิวาสาเปตฺวา หลิทฺทิปิโลติกาย สีสํ เวเตฺวา จณฺฑาลํ กตฺวา จณฺฑาลคามํ ปหิณึสุ. เย ปน ตํ ปสุฆาตยฺํ ยชึสุ เจว ยชาเปสฺุจ อนุโมทึสุ จ, สพฺเพ เต นิรยปรายนา อเหสุํ. เตนาห ภควา –
‘‘สพฺเพ ปติฏฺา นิรยํ, ยถา ตํ ปาปกํ กริตฺวาน;
น หิ ปาปกมฺมํ กตฺวา, ลพฺภา สุคตึ อิโต คนฺตุ’’นฺติ. (ชา. ๒.๒๒.๑๑๔๓);
อถ สพฺพาปิ ราชปริสา นาครา เจว ชานปทา จ สมาคนฺตฺวา โพธิสตฺตํ รชฺเช อภิสิฺจึสุ. โส ธมฺเมน รชฺชํ อนุสาสนฺโต ตํ อตฺตโน มหาชนสฺส จ อการเณเนว อุปฺปนฺนํ อนยพฺยสนํ อนุสฺสริตฺวา สํเวคชาโต ปฺุกิริยาสุ ภิยฺโยโสมตฺตาย อุสฺสาหชาโต มหาทานํ ปวตฺเตสิ, สีลานิ รกฺขิ, อุโปสถกมฺมํ สมาทิยิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ตทาหํ ยชนา มุตฺโต, นิกฺขนฺโต ยฺวาฏโต;
สํเวคํ ชนยิตฺวาน, มหาทานํ ปวตฺตยิ’’นฺติ. – อาทิ;
ตตฺถ ¶ ¶ ยชนา มุตฺโตติ ขณฺฑหาเลน วิหิตยฺวิธิโต วุตฺตนเยน ฆาเตตพฺพโต มุตฺโต. นิกฺขนฺโต ยฺวาฏโตติ อภิเสกกรณตฺถาย อุสฺสาหชาเตน มหาชเนน สทฺธึ ตโต ยฺภูมิโต นิคฺคโต. สํเวคํ ชนยิตฺวานาติ เอวํ ‘‘พหุอนฺตราโย โลกสนฺนิวาโส’’ติ อติวิย สํเวคํ อุปฺปาเทตฺวา. มหาทานํ ปวตฺตยินฺติ ฉ ทานสาลาโย การาเปตฺวา มหตา ธนปริจฺจาเคน เวสฺสนฺตรทานสทิสํ ¶ มหาทานมทาสึ. เอเตน อภิเสกกรณโต ปฏฺาย ตสฺส มหาทานสฺส ปวตฺติตภาวํ ทสฺเสติ.
๔๗. ทกฺขิเณยฺเย อทตฺวานาติ ทกฺขิณารเห ปุคฺคเล เทยฺยธมฺมํ อปริจฺจชิตฺวา. อปิ ฉปฺปฺจ รตฺติโยติ อปฺเปกทา ฉปิ ปฺจปิ รตฺติโย อตฺตโน ปิวนขาทนภฺุชนานิ น กโรมีติ ทสฺเสติ.
ตทา กิร โพธิสตฺโต สกลชมฺพุทีปํ อุนฺนงฺคลํ กตฺวา มหาเมโฆ วิย อภิวสฺสนฺโต มหาทานํ ปวตฺเตสิ. ตตฺถ กิฺจาปิ ทานสาลาสุ อนฺนปานาทิอุฬารุฬารปณีตปณีตเมว ยาจกานํ ยถารุจิตํ ทิวเส ทิวเส ทียติ, ตถาปิ อตฺตโน สชฺชิตํ อาหารํ ราชารหโภชนมฺปิ ยาจกานํ อทตฺวา น ภฺุชติ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘นาหํ ปิวามี’’ติอาทิ.
๔๘. อิทานิ ตถา ยาจกานํ ทาเน การณํ ทสฺเสนฺโต อุปมํ ตาว อาหรติ ‘‘ยถาปิ วาณิโช นามา’’ติอาทินา. ตสฺสตฺโถ – ยถา นาม วาณิโช ภณฺฑฏฺานํ คนฺตฺวา อปฺเปน ปาภเตน พหุํ ภณฺฑํ วิกฺกิณิตฺวา วิปุลํ ภณฺฑสนฺนิจยํ กตฺวา เทสกาลํ ชานนฺโต ยตฺถสฺส ลาโภ อุทโย มหา โหติ, ตตฺถ เทเส กาเล วา ตํ ภณฺฑํ หรติ อุปเนติ วิกฺกิณาติ.
๔๙. สกภุตฺตาปีติ สกภุตฺตโตปิ อตฺตนา ปริภุตฺตโตปิ. ‘‘สกปริภุตฺตาปี’’ติปิ ปาโ. ปเรติ ปรสฺมึ ปฏิคฺคาหกปุคฺคเล. สตภาโคติ อเนกสตภาโค อายตึ ภวิสฺสติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา วาณิเชน กีตภณฺฑํ ตตฺเถว อวิกฺกิณิตฺวา ตถารูเป เทเส กาเล จ วิกฺกิณิยมานํ พหุํ อุทยํ วิปุลํ ผลํ โหติ, ตเถว อตฺตโน สนฺตกํ อตฺตนา อนุปภฺุชิตฺวา ปรสฺมึ ปฏิคฺคาหกปุคฺคเล ทินฺนํ มหปฺผลํ อเนกสตภาโค ภวิสฺสติ, ตสฺมา อตฺตนา ¶ อภฺุชิตฺวาปิ ปรสฺส ทาตพฺพเมวาติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา – ‘‘ติรจฺฉานคเต ทานํ ทตฺวา สตคุณา ¶ ทกฺขิณา ปาฏิกงฺขิตพฺพา. ปุถุชฺชนทุสฺสีเล ทานํ ทตฺวา สหสฺสคุณา’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๗๙) วิตฺถาโร. อปรมฺปิ วุตฺตํ ‘‘เอวํ เจ, ภิกฺขเว, สตฺตา ชาเนยฺยุํ ทานสํวิภาคสฺส วิปากํ, ยถาหํ ชานามิ, น อทตฺวา ภฺุเชยฺยุํ, น จ เนสํ มจฺเฉรมลํ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺเยฺย. โยปิ เนสํ อสฺส จริโม อาโลโป จริมํ กพฬํ, ตโตปิ น อสํวิภชิตฺวา ภฺุเชยฺยุ’’นฺติอาทิ (อิติวุ. ๒๖).
๕๐. เอตมตฺถวสํ ตฺวาติ เอตํ ทานสฺส มหปฺผลภาวสงฺขาตฺเจว สมฺมาสมฺโพธิยา ปจฺจยภาวสงฺขาตฺจ ¶ อตฺถวสํ การณํ ชานิตฺวา. น ปฏิกฺกมามิ ทานโตติ ทานปารมิโต อีสกมฺปิ น นิวตฺตามิ อภิกฺกมามิ เอว. กิมตฺถํ? สมฺโพธิมนุปตฺติยาติ สมฺโพธึ สพฺพฺุตฺาณํ อนุปฺปตฺติยา อนุปฺปตฺติยตฺถํ, อธิคนฺตุนฺติ อตฺโถ.
ตทา โพธิสตฺโต มหาชเนน ปิตริ จณฺฑาลคามํ ปเวสิเต ทาตพฺพยุตฺตกํ ปริพฺพยํ ทาเปสิ นิวาสนานิ ปารุปนานิ จ. โสปิ นครํ ปวิสิตุํ อลภนฺโต โพธิสตฺเต อุยฺยานกีฬาทิอตฺถํ พหิคเต อุปสงฺกมติ, ปุตฺตสฺาย ปน น วนฺทติ, น อฺชลิกมฺมํ กโรติ, ‘‘จิรํ ชีว, สามี’’ติ วทติ. โพธิสตฺโตปิ ทิฏฺทิวเส อติเรกสมฺมานํ กโรติ. โส เอวํ ธมฺเมน รชฺชํ กาเรตฺวา อายุปริโยสาเน สปริโส เทวโลกํ ปูเรสิ.
ตทา ขณฺฑหาโล เทวทตฺโต อโหสิ, โคตมี เทวี มหามายา, จนฺทา ราชธีตา ราหุลมาตา, วาสุโล ราหุโล, เสลา อุปฺปลวณฺณา, สูโร มหากสฺสโป, ภทฺทเสโน มหาโมคฺคลฺลาโน, สูริยกุมาโร สาริปุตฺโต, จนฺทราชา โลกนาโถ.
ตสฺส อิธาปิ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว ยถารหํ เสสปารมิโย นิทฺธาเรตพฺพา. ตทา ขณฺฑหาลสฺส กกฺขฬผรุสภาวํ ชานนฺโตปิ อชฺฌุเปกฺขิตฺวา ธมฺเมน สเมน อฏฺฏสฺส วินิจฺฉโย, อตฺตานํ มาเรตุกามสฺเสว ขณฺฑหาลสฺส ตถา ยฺวิธานํ ชานิตฺวาปิ ตสฺส อุปริ จิตฺตปฺปโกปาภาโว, อตฺตโน ปริสํ คเหตฺวา ปิตุ สตฺตุ ภวิตุํ สมตฺโถปิ ‘‘มาทิสสฺส นาม ครูหิ วิโรโธ น ยุตฺโต’’ติ อตฺตานํ ปุริสปสุํ กตฺวา ฆาตาเปตุกามสฺส ปิตุ อาณายํ อวฏฺานํ, โกสิยา อสึ คเหตฺวา สีสํ ¶ ฉินฺทิตุํ อุปกฺกมนฺเต ¶ ปุโรหิเต อตฺตโน ปิตริ ปุตฺเต สพฺพสตฺเตสุ จ เมตฺตาผรเณน สมจิตฺตตา, มหาชเน ปิตรํ มาเรตุํ อุปกฺกมนฺเต สยํ ปลิสฺสชิตฺวา ตสฺส ชีวิตทานฺจ, ทิวเส ทิวเส เวสฺสนฺตรทานสทิสํ มหาทานํ ททโตปิ ทาเนน อติตฺตภาโว, มหาชเนน จณฺฑาเลสุ วาสาปิตสฺส ปิตุ ทาตพฺพยุตฺตกํ ทตฺวา โปสนํ, มหาชนํ ปฺุกิริยาสุ ปติฏฺาปนนฺติ เอวมาทโย คุณานุภาวา นิทฺธาเรตพฺพาติ.
จนฺทกุมารจริยาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. สิวิราชจริยาวณฺณนา
๕๑. อฏฺเม ¶ อริฏฺสวฺหเย นคเรติ อริฏฺปุรนามเก นคเร. สิวิ นามาสิ ขตฺติโยติ สิวีติ โคตฺตโต เอวํนามโก ราชา อโหสิ.
อตีเต กิร สิวิรฏฺเ อริฏฺปุรนคเร สิวิราเช รชฺชํ กาเรนฺเต มหาสตฺโต ตสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ‘‘สิวิกุมาโร’’ติสฺส นามมกํสุ. โส วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา อุคฺคหิตสิปฺโป อาคนฺตฺวา ปิตุ สิปฺปํ ทสฺเสตฺวา อุปรชฺชํ ลภิตฺวา อปรภาเค ปิตุ อจฺจเยน ราชา หุตฺวา อคติคมนํ ปหาย ทส ราชธมฺเม อโกเปตฺวา รชฺชํ กาเรนฺโต นครสฺส จตูสุ ทฺวาเรสุ นครมชฺเฌ นิเวสนทฺวาเรติ ฉ ทานสาลาโย กาเรตฺวา เทวสิกํ ฉสตสหสฺสปริจฺจาเคน มหาทานํ ปวตฺเตสิ. อฏฺมีจาตุทฺทสีปนฺนรสีสุ สยํ ทานสาลํ คนฺตฺวา ทานคฺคํ โอโลเกติ.
โส เอกทา ปุณฺณมทิวเส ปาโตว สมุสฺสิตเสตจฺฉตฺเต ราชปลฺลงฺเก นิสินฺโน อตฺตนา ทินฺนทานํ อาวชฺเชนฺโต พาหิรวตฺถุํ อตฺตนา อทินฺนํ นาม อทิสฺวา ‘‘น เม พาหิรกทานํ ตถา จิตฺตํ โตเสติ, ยถา อชฺฌตฺติกทานํ, อโห วต มม ทานสาลํ คตกาเล โกจิ ยาจโก พาหิรวตฺถุํ อยาจิตฺวา ¶ อชฺฌตฺติกเมว ยาเจยฺย, สเจ หิ เม โกจิ สรีเร มํสํ วา โลหิตํ วา สีสํ วา หทยมํสํ วา อกฺขีนิ วา อุปฑฺฒสรีรํ วา สกลเมว วา อตฺตภาวํ ทาสภาเวน ยาเจยฺย, ตํตเทวสฺส ¶ อธิปฺปายํ ปูเรนฺโต ทาตุํ สกฺโกมี’’ติ จินฺเตสิ. ปาฬิยํ ปน อกฺขีนํ เอว วเสน อาคตา. เตน วุตฺตํ –
‘‘นิสชฺช ปาสาทวเร, เอวํ จินฺเตสหํ ตทา’’.
‘‘ยํกิฺจิ มานุสํ ทานํ, อทินฺนํ เม น วิชฺชติ;
โยปิ ยาเจยฺย มํ จกฺขุํ, ทเทยฺยํ อวิกมฺปิโต’’ติ.
ตตฺถ มานุสํ ทานนฺติ ปกติมนุสฺเสหิ ทาตพฺพทานํ อนฺนปานาทิ. เอวํ ปน มหาสตฺตสฺส อุฬาเร ทานชฺฌาสเย อุปฺปนฺเน สกฺกสฺส ปณฺฑุกมฺพลสิลาสนํ อุณฺหาการํ ทสฺเสสิ. โส ตสฺส การณํ อาวชฺเชนฺโต โพธิสตฺตสฺส อชฺฌาสยํ ทิสฺวา ‘‘สิวิราชา อชฺช สมฺปตฺตยาจกา จกฺขูนิ เจ ยาจนฺติ, จกฺขูนิ อุปฺปาเฏตฺวา เนสํ ทสฺสามีติ จินฺเตสี’’ติ สกฺโก เทวปริสาย ¶ วตฺวา ‘‘โส สกฺขิสฺสติ นุ โข ตํ ทาตุํ, อุทาหุ โนติ วีมํสิสฺสามิ ตาว น’’นฺติ โพธิสตฺเต โสฬสหิ คนฺโธทกฆเฏหิ นฺหตฺวา สพฺพาลงฺกาเรหิ ปฏิมณฺฑิเต อลงฺกตหตฺถิกฺขนฺธวรคเต ทานคฺคํ คจฺฉนฺเต ชราชิณฺโณ อนฺธพฺราหฺมโณ วิย หุตฺวา ตสฺส จกฺขุปเถ เอกสฺมึ อุนฺนตปฺปเทเส อุโภ หตฺเถ ปสาเรตฺวา ราชานํ ชยาเปตฺวา ิโต โพธิสตฺเตน ตทภิมุขํ วารณํ เปเสตฺวา ‘‘พฺราหฺมณ, กึ อิจฺฉสี’’ติ ปุจฺฉิโต ‘‘ตว ทานชฺฌาสยํ นิสฺสาย สมุคฺคเตน กิตฺติโฆเสน สกลโลกสนฺนิวาโส นิรนฺตรํ ผุโฏ, อหฺจ อนฺโธ, ตสฺมา ตํ ยาจามี’’ติ อุปจารวเสน เอกํ จกฺขุํ ยาจิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘มม สงฺกปฺปมฺาย, สกฺโก เทวานมิสฺสโร;
นิสินฺโน เทวปริสาย, อิทํ วจนมพฺรวิ.
‘‘นิสชฺช ปาสาทวเร, สิวิราชา มหิทฺธิโก;
จินฺเตนฺโต วิวิธํ ทานํ, อเทยฺยํ โส น ปสฺสติ.
‘‘ตถํ นุ วิตถํ เนตํ, หนฺท วีมํสยามิ ตํ;
มุหุตฺตํ อาคเมยฺยาถ, ยาว ชานามิ ตํ มนํ.
‘‘ปเวธมาโน ปลิตสิโร, วลิคตฺโต ชราตุโร;
อนฺธวณฺโณว หุตฺวาน, ราชานํ อุปสงฺกมิ.
‘‘โส ¶ ตทา ปคฺคเหตฺวาน, วามํ ทกฺขิณพาหุ จ;
สิรสฺมึ อฺชลึ กตฺวา, อิทํ วจนมพฺรวิ.
‘‘‘ยาจามิ ตํ มหาราช, ธมฺมิก รฏฺวฑฺฒน;
ตว ทานรตา กิตฺติ, อุคฺคตา เทวมานุเส.
‘‘‘อุโภปิ เนตฺตา นยนา, อนฺธา อุปหตา มม;
เอกํ เม นยนํ เทหิ, ตฺวมฺปิ เอเกน ยาปยา’’’ติ.
ตตฺถ จินฺเตนฺโต วิวิธํ ทานนฺติ อตฺตนา ทินฺนํ วิวิธํ ทานํ จินฺเตนฺโต, อาวชฺเชนฺโต ทานํ วา อตฺตนา ทินฺนํ วิวิธํ พาหิรํ เทยฺยธมฺมํ จินฺเตนฺโต. อเทยฺยํ โส น ปสฺสตีติ พาหิรํ วิย อชฺฌตฺติกวตฺถุมฺปิ อเทยฺยํ ทาตุํ อสกฺกุเณยฺยํ น ปสฺสติ, ‘‘จกฺขูนิปิ อุปฺปาเฏตฺวา ทสฺสามี’’ติ จินฺเตสีติ ¶ อธิปฺปาโย. ตถํ นุ วิตถํ เนตนฺติ เอตํ อชฺฌตฺติกวตฺถุโนปิ ¶ อเทยฺยสฺส อทสฺสนํ เทยฺยภาเวเนว ทสฺสนํ จินฺตนํ สจฺจํ นุ โข, อุทาหุ, อสจฺจนฺติ อตฺโถ. โส ตทา ปคฺคเหตฺวาน, วามํ ทกฺขิณพาหุ จาติ วามพาหุํ ทกฺขิณพาหฺุจ ตทา ปคฺคเหตฺวา, อุโภ พาหู อุกฺขิปิตฺวาติ อตฺโถ. รฏฺวฑฺฒนาติ รฏฺวฑฺฒีกร. ตฺวมฺปิ เอเกน ยาปยาติ เอเกน จกฺขุนา สมวิสมํ ปสฺสนฺโต สกํ อตฺตภาวํ ตฺวํ ยาเปหิ, อหมฺปิ ภวโต ลทฺเธน เอเกน ยาเปมีติ ทสฺเสติ.
ตํ สุตฺวา มหาสตฺโต ตุฏฺมานโส ‘‘อิทาเนวาหํ ปาสาเท นิสินฺโน เอวํ จินฺเตตฺวา อาคโต, อยฺจ เม จิตฺตํ ตฺวา วิย จกฺขุํ ยาจติ, อโห วต เม ลาภา, อชฺช เม มโนรโถ มตฺถกํ ปาปุณิสฺสติ, อทินฺนปุพฺพํ วต ทานํ ทสฺสามี’’ติ อุสฺสาหชาโต อโหสิ. ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต สตฺถา อาห –
‘‘ตสฺสาหํ วจนํ สุตฺวา, หฏฺโ สํวิคฺคมานโส;
กตฺชลี เวทชาโต, อิทํ วจนมพฺรวึ.
‘‘‘อิทานาหํ จินฺตยิตฺวาน, ปาสาทโต อิธาคโต;
ตฺวํ มม จิตฺตมฺาย, เนตฺตํ ยาจิตุมาคโต.
‘‘‘อโห ¶ เม มานสํ สิทฺธํ, สงฺกปฺโป ปริปูริโต;
อทินฺนปุพฺพํ ทานวรํ, อชฺช ทสฺสามิ ยาจเก’’’ติ.
ตตฺถ ตสฺสาติ ตสฺส พฺราหฺมณรูปธรสฺส สกฺกสฺส. หฏฺโติ ตุฏฺโ. สํวิคฺคมานโสติ มม จิตฺตํ ชานิตฺวา วิย อิมินา พฺราหฺมเณน จกฺขุ ยาจิตํ, เอตฺตกํ กาลํ เอวํ อจินฺเตตฺวา ปมชฺชิโต วตมฺหีติ สํวิคฺคจิตฺโต. เวทชาโตติ ชาตปีติปาโมชฺโช. อพฺรวินฺติ อภาสึ. มานสนฺติ มนสิ ภวํ มานสํ, ทานชฺฌาสโย, ‘‘จกฺขุํ ทสฺสามี’’ติ อุปฺปนฺนทานชฺฌาสโยติ อตฺโถ. สงฺกปฺโปติ มโนรโถ. ปริปูริโตติ ปริปุณฺโณ.
อถ โพธิสตฺโต จินฺเตสิ – ‘‘อยํ พฺราหฺมโณ มม จิตฺตาจารํ ตฺวา วิย ทุจฺจชมฺปิ จกฺขุํ มํ ยาจติ, สิยา นุ โข กายจิ เทวตาย อนุสิฏฺโ ภวิสฺสติ, ปุจฺฉิสฺสามิ ตาว น’’นฺติ จินฺเตตฺวา ตํ พฺราหฺมณํ ปุจฺฉิ. เตนาห ภควา ชาตกเทสนายํ –
‘‘เกนานุสิฏฺโ ¶ อิธมาคโตสิ, วนิพฺพก จกฺขุปถานิ ยาจิตุํ;
สุทุจฺจชํ ¶ ยาจสิ อุตฺตมงฺคํ, ยมาหุ เนตฺตํ ปุริเสน ทุจฺจช’’นฺติ.(ชา. ๑.๑๕.๕๓);
ตํ สุตฺวา พฺราหฺมณรูปธโร สกฺโก อาห –
‘‘ยมาหุ เทเวสุ สุชมฺปตีติ, มฆวาติ นํ อาหุ มนุสฺสโลเก;
เตนานุสิฏฺโ อิธมาคโตสฺมิ, วนิพฺพโก จกฺขุปถานิ ยาจิตุํ.
‘‘วนิพฺพโต มยฺหํ วนึ อนุตฺตรํ, ททาหิ เต จกฺขุปถานิ ยาจิโต;
ททาหิ เม จกฺขุปถํ อนุตฺตรํ, ยมาหุ เนตฺตํ ปุริเสน ทุจฺจช’’นฺติ. (ชา. ๑.๑๕.๕๔-๕๕);
มหาสตฺโต อาห –
‘‘เยน อตฺเถน อาคจฺฉิ, ยมตฺถมภิปตฺถยํ;
เต เต อิชฺฌนฺตุ สงฺกปฺปา, ลภ จกฺขูนิ พฺราหฺมณ.
‘‘เอกํ ¶ เต ยาจมานสฺส, อุภยานิ ททามหํ;
ส จกฺขุมา คจฺฉ ชนสฺส เปกฺขโต,
ยทิจฺฉเส ตฺวํ ตท เต สมิชฺฌตู’’ติ. (ชา. ๑.๑๕.๕๖-๕๗);
ตตฺถ วนิพฺพกาติ ตํ อาลปติ. จกฺขุปถานีติ ทสฺสนสฺส ปถภาวโต จกฺขูนเมเวตํ นามํ. ยมาหูติ ยํ โลเก ‘‘ทุจฺจช’’นฺติ กเถนฺติ. วนิพฺพโตติ ยาจนฺตสฺส. วนินฺติ ยาจนํ. เต เตติ เต ตว ตสฺส อนฺธสฺส สงฺกปฺปา. ส จกฺขุมาติ โส ตฺวํ มม จกฺขูหิ จกฺขุมา หุตฺวา. ตท เต สมิชฺฌตูติ ยํ ตฺวํ มม สนฺติกา อิจฺฉสิ, ตํ เต สมิชฺฌตูติ.
ราชา เอตฺตกํ กเถตฺวา ‘‘อยํ พฺราหฺมโณ สกฺเกน อนุสิฏฺโ อิธาคโตสฺมีติ ภณติ, นูน อิมสฺส อิมินา อุปาเยน จกฺขุ สมฺปชฺชิสฺสตี’’ติ ตฺวา ‘‘อิเธว มยา จกฺขูนิ อุปฺปาเฏตฺวา ทาตุํ อสารุปฺป’’นฺติ จินฺเตตฺวา พฺราหฺมณํ อาทาย อนฺเตปุรํ คนฺตฺวา ราชาสเน นิสีทิตฺวา สิวกํ นาม เวชฺชํ ปกฺโกสาเปสิ. อถ ‘‘อมฺหากํ กิร ราชา อกฺขีนิ อุปฺปาเฏตฺวา พฺราหฺมณสฺส ทาตุกาโม’’ติ สกลนคเร เอกโกลาหลํ ¶ อโหสิ. อถ นํ รฺโ าติเสนาปติอาทโย ราชวลฺลภา ¶ อมจฺจา ปาริสชฺชา นาครา โอโรธา จ สพฺเพ สนฺนิปติตฺวา นานาอุปาเยหิ นิวาเรสุํ. ราชาปิ เน อนุวาเรสิ เตนาห –
‘‘มา โน เทว อทา จกฺขุํ, มา โน สพฺเพ ปรากริ;
ธนํ เทหิ มหาราช, มุตฺตา เวฬุริยา พหู.
‘‘ยุตฺเต เทว รเถ เทหิ, อาชานีเย จลงฺกเต;
นาเค เทหิ มหาราช, เหมกปฺปนวาสเส.
‘‘ยถา ตํ สิวโย สพฺเพ, สโยคฺคา สรถา สทา;
สมนฺตา ปริกิเรยฺยุํ, เอวํ เทหิ รเถสภา’’ติ. (ชา. ๑.๑๕.๕๘-๖๐);
อถ ราชา ติสฺโส คาถา อภาสิ –
‘‘โย เว ทสฺสนฺติ วตฺวาน, อทาเน กุรุเต มโน;
ภูมฺยํ โส ปติตํ ปาสํ, คีวายํ ปฏิมฺุจติ.
‘‘โย ¶ เว ทสฺสนฺติ วตฺวาน, อทาเน กุรุเต มโน;
ปาปา ปาปตโร โหติ, สมฺปตฺโต ยมสาธนํ.
‘‘ยฺหิ ยาเจ ตฺหิ ทเท, ยํ น ยาเจ น ตํ ทเท;
สฺวาหํ ตเมว ทสฺสามิ, ยํ มํ ยาจติ พฺราหฺมโณ’’ติ. (ชา. ๑.๑๕.๖๑-๖๓);
ตตฺถ มา โน, เทวาติ โนติ นิปาตมตฺตํ. เทว, มา จกฺขุํ อทาสิ. มา โน สพฺเพ ปรากรีติ อมฺเห สพฺเพ มา ปริจฺจชิ. อกฺขีสุ หิ ทินฺเนสุ ตฺวํ รชฺชํ น กริสฺสสิ, เอวํ ตยา มยํ ปริจฺจตฺตา นาม ภวิสฺสามาติ อธิปฺปาเยน เอวมาหํสุ. ปริกิเรยฺยุนฺติ ปริวาเรยฺยุํ. เอวํ เทหีติ ยถา ตํ อวิกลจกฺขุํ สิวโย จิรํ ปริวาเรยฺยุํ, เอวํ เทหิ ธนเมวสฺส เทหิ, มา อกฺขีนิ, อกฺขีสุ หิ ทินฺเนสุ น ตํ สิวโย ปริวาเรสฺสนฺตีติ ทสฺเสติ.
ปฏิมฺุจตีติ ปฏิปเวเสติ. ปาปา ปาปตโร โหตีติ ลามกา ลามกตโร นาม โหติ. สมฺปตฺโต ยมสาธนนฺติ ยมสฺส อาณาปวตฺติฏฺานํ อุสฺสทนิรยํ เอส ปตฺโต นาม โหติ. ยฺหิ ยาเจติ ¶ ยํ วตฺถุํ ยาจโก ยาจติ, ทายโกปิ ตเทว ทเทยฺย, น อยาจิตํ, อยฺจ พฺราหฺมโณ จกฺขุํ มํ ยาจติ, น มุตฺตาทิกํ ธนํ, ตํ ทสฺสามีติ วทติ.
อถ ¶ นํ ‘‘อายุอาทีสุ กึ ปตฺเถตฺวา จกฺขูนิ เทสิ เทวา’’ติ ปุจฺฉึสุ. มหาปุริโส ‘‘นาหํ ทิฏฺธมฺมิกํ สมฺปรายิกํ วา สมฺปตฺตึ ปตฺเถตฺวา เทมิ, อปิ จ โพธิสตฺตานํ อาจิณฺณสมาจิณฺโณ โปราณกมคฺโค เอส, ยทิทํ ทานปารมิปูรณํ นามา’’ติ อาห. เตน วุตฺตํ –
‘‘อายุํ นุ วณฺณํ นุ สุขํ พลํ นุ, กึ ปตฺถยาโน นุ ชนินฺท เทสิ;
กถฺหิ ราชา สิวินํ อนุตฺตโร, จกฺขูนิ ทชฺชา ปรโลกเหตุ.
‘‘น วาหเมตํ ยสสา ททามิ, น ปุตฺตมิจฺเฉ น ธนํ น รฏฺํ;
สตฺจ ธมฺโม จริโต ปุราโณ, อิจฺเจว ทาเน รมเต มโน มมา’’ติ. (ชา. ๑.๑๕.๖๔-๖๕);
ตตฺถ ¶ ปรโลกเหตูติ, มหาราช, กถํ นาม ตุมฺหาทิโส ปณฺฑิตปุริโส สกฺกสมฺปตฺติสทิสํ สนฺทิฏฺิกํ อิสฺสริยํ ปหาย ปรโลกเหตุ จกฺขูนิ ทเทยฺยาติ.
น วาหนฺติ น เว อหํ. ยสสาติ ทิพฺพสฺส วา มานุสสฺส วา อิสฺสริยสฺส การณา, อปิจ สตํ โพธิสตฺตานํ ธมฺโม พุทฺธการโก จริโต อาจริโต อาจิณฺโณ ปุราตโน อิจฺเจว อิมินา การเณน ทาเนเยว อีทิโส มม มโน นิรโตติ.
เอวฺจ ปน วตฺวา ราชา อมจฺเจ สฺาเปตฺวา สิวกํ เวชฺชํ อาณาเปสิ – ‘‘เอหิ, สิวก, มม อุโภปิ อกฺขีนิ อิมสฺส พฺราหฺมณสฺส ทาตุํ สีฆํ อุปฺปาเฏตฺวา หตฺเถ ปติฏฺเปหี’’ติ. เตน วุตฺตํ –
‘‘เอหิ สิวก อุฏฺเหิ, มา ทนฺธยิ มา ปเวธยิ;
อุโภปิ นยนํ เทหิ, อุปฺปาเฏตฺวา วนิพฺพเก.
‘‘ตโต โส โจทิโต มยฺหํ, สิวโก วจนํกโร;
อุทฺธริตฺวาน ปาทาสิ, ตาลมิฺชํว ยาจเก’’ติ.
ตตฺถ ¶ อุฏฺเหีติ อุฏฺานวีริยํ กโรหิ. อิมสฺมึ มม จกฺขุทาเน สหายกิจฺจํ กโรหีติ ทสฺเสติ. มา ทนฺตยีติ มา จิรายิ. อยฺหิ อติทุลฺลโภ จิรกาลํ ปตฺถิโต มยา อุตฺตโม ทานกฺขโณ ปฏิลทฺโธ, โส มา วิรชฺฌีติ อธิปฺปาโย. มา ปเวธยีติ ‘‘อมฺหากํ รฺโ จกฺขูนิ อุปฺปาเฏมี’’ติ จิตฺตุตฺราสวเสน มา เวธยิ สรีรกมฺปํ มา อาปชฺชิ. อุโภปิ ¶ นยนนฺติ อุโภปิ นยเน. วนิพฺพเกติ ยาจกสฺส มยฺหนฺติ มยา. อุทฺธริตฺวาน ปาทาสีติ โส เวชฺโช รฺโ อกฺขิกูปโต อุโภปิ อกฺขีนิ อุปฺปาเฏตฺวา รฺโ หตฺเถ อทาสิ.
เทนฺโต จ น สตฺถเกน อุทฺธริตฺวา อทาสิ. โส หิ จินฺเตสิ – ‘‘อยุตฺตํ มาทิสสฺส สุสิกฺขิตเวชฺชสฺส รฺโ อกฺขีสุ สตฺถปาตน’’นฺติ เภสชฺชานิ ฆํเสตฺวา เภสชฺชจุณฺเณน นีลุปฺปลํ ปริภาเวตฺวา ทกฺขิณกฺขึ อุปสิงฺฆาเปสิ, อกฺขิ ปริวตฺติ, ทุกฺขา เวทนา อุปฺปชฺชิ. โส ปริภาเวตฺวา ปุนปิ อุปสิงฺฆาเปสิ, อกฺขิ อกฺขิกูปโต มุจฺจิ, พลวตรา เวทนา อุทปาทิ, ตติยวาเร ขรตรํ ปริภาเวตฺวา อุปนาเมสิ, อกฺขิ โอสธพเลน ปริพฺภมิตฺวา อกฺขิกูปโต นิกฺขมิตฺวา นฺหารุสุตฺตเกน โอลมฺพมานํ อฏฺาสิ, อธิมตฺตา ¶ เวทนา อุทปาทิ, โลหิตํ ปคฺฆริ, นิวตฺถสาฏกาปิ โลหิเตน เตมึสุ. โอโรธา จ อมจฺจา จ รฺโ ปาทมูเล ปติตฺวา ‘‘เทว, อกฺขีนิ มา เทหิ, เทว, อกฺขีนิ มา เทหี’’ติ มหาปริเทวํ ปริเทวึสุ.
ราชา เวทนํ อธิวาเสตฺวา ‘‘ตาต, มา ปปฺจํ กรี’’ติ อาห. โส ‘‘สาธุ, เทวา’’ติ วามหตฺเถน อกฺขึ ธาเรตฺวา ทกฺขิณหตฺเถน สตฺถกํ อาทาย อกฺขิสุตฺตกํ ฉินฺทิตฺวา อกฺขึ คเหตฺวา มหาสตฺตสฺส หตฺเถ เปสิ. โส วามกฺขินา ทกฺขิณกฺขึ โอโลเกตฺวา ปริจฺจาคปีติยา อภิภุยฺยมานํ ทุกฺขเวทนํ เวเทนฺโต ‘‘เอหิ, พฺราหฺมณา’’ติ พฺราหฺมณํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘มม อิโต จกฺขุโต สตคุเณน สหสฺสคุเณน สตสหสฺสคุเณน สมนฺตจกฺขุเมว ปิยตรํ, ตสฺส เม อิทํ อกฺขิทานํ ปจฺจโย โหตู’’ติ พฺราหฺมณสฺส อกฺขึ อทาสิ. โส ตํ อุกฺขิปิตฺวา อตฺตโน อกฺขิมฺหิ เปสิ, ตํ ตสฺสานุภาเวน วิกสิตนีลุปฺปลํ วิย หุตฺวา อุปฏฺาสิ. มหาสตฺโต วามกฺขินา ตสฺส ตํ อกฺขึ ทิสฺวา ‘‘อโห สุทินฺนํ มยา อกฺขี’’ติ อนฺโตสมุคฺคตาย ปีติยา นิรนฺตรํ ผุฏสรีโร หุตฺวา อปรมฺปิ อทาสิ. สกฺโกปิ ตํ ¶ ตเถว กตฺวา ราชนิเวสนา นิกฺขมิตฺวา มหาชนสฺส โอโลเกนฺตสฺเสว นครา นิกฺขมิตฺวา เทวโลกเมว คโต.
รฺโ นจิรสฺเสว อกฺขีนิ อาวาฏภาวํ อปฺปตฺตานิ กมฺพลเคณฺฑุกํ วิย อุคฺคเตน มํสปิณฺเฑน ปูเรตฺวา จิตฺตกมฺมรูปสฺส วิย รุหึสุ, เวทนา ปจฺฉิชฺชิ. อถ มหาสตฺโต กติปาหํ ปาสาเท วสิตฺวา ‘‘กึ อนฺธสฺส รชฺเชนาติ อมจฺจานํ รชฺชํ นิยฺยาเตตฺวา อุยฺยานํ คนฺตฺวา ปพฺพชิตฺวา สมณธมฺมํ ¶ กริสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา อมจฺจานํ ตมตฺถํ อาโรเจตฺวา ‘‘มุขโธวนาทิทายโก เอโก ปุริโส มยฺหํ สนฺติเก โหตุ, สรีรกิจฺจฏฺาเนสุปิ เม รชฺชุกํ พนฺธถา’’ติ วตฺวา สิวิกาย คนฺตฺวา โปกฺขรณิตีเร ราชปลฺลงฺเก นิสีทิ. อมจฺจาปิ วนฺทิตฺวา ปฏิกฺกมึสุ. โพธิสตฺโตปิ อตฺตโน ทานํ อาวชฺเชสิ. ตสฺมึ ขเณ สกฺกสฺส อาสนํ อุณฺหาการํ ทสฺเสสิ. สกฺโก ตํ ทิสฺวา ‘‘มหาราชสฺส วรํ ทตฺวา จกฺขุํ ปฏิปากติกํ กริสฺสามี’’ติ โพธิสตฺตสฺส สมีปํ คนฺตฺวา ปทสทฺทมกาสิ. มหาสตฺเตน จ ‘‘โก เอโส’’ติ วุตฺเต –
‘‘สกฺโกหมสฺมิ ¶ เทวินฺโท, อาคโตสฺมิ ตวนฺติเก;
วรํ วรสฺสุ ราชีสิ, ยํ กิฺจิ มนสิจฺฉสี’’ติ. (ชา. ๑.๑๕.๗๑) –
วตฺวา เตน –
‘‘ปหูตํ เม ธนํ สกฺก, พลํ โกโส จนปฺปโก;
อนฺธสฺส เม สโต ทานิ, มรณฺเว รุจฺจตี’’ติ. (ชา. ๑.๑๕.๗๒) –
วุตฺเต อถ นํ สกฺโก อาห – ‘‘สิวิราช, กึ ปน ตฺวํ มริตุกาโม หุตฺวา มรณํ โรเจสิ, อุทาหุ อนฺธภาเวนา’’ติ. อนฺธภาเวน, เทวาติ. ‘‘มหาราช, ทานํ นาม น เกวลํ สมฺปรายตฺถเมว ทิยฺยติ, ทิฏฺธมฺมตฺถายปิ ปจฺจโย โหติ, ตสฺมา ตว ทานปฺุเมว นิสฺสาย สจฺจกิริยํ กโรหิ, ตสฺส พเลเนว เต จกฺขุ อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ วุตฺเต ‘‘เตน หิ มยา มหาทานํ สุทินฺน’’นฺติ วตฺวา สจฺจกิริยํ กโรนฺโต –
‘‘เย ¶ มํ ยาจิตุมายนฺติ, นานาโคตฺตา วนิพฺพกา;
โยปิ มํ ยาจเต ตตฺถ, โสปิ เม มนโส ปิโย;
เอเตน สจฺจวชฺเชน, จกฺขุ เม อุปปชฺชถา’’ติ. (ชา. ๑.๑๕.๗๔) –
อาห.
ตตฺถ เย มนฺติ เย มํ ยาจิตุมาคจฺฉนฺติ, เตสุปิ อาคเตสุ โย อิมํ นาม เทหีติ วาจํ นิจฺฉาเรนฺโต ¶ มํ ยาจเต, โสปิ เม มนโส ปิโย. เอเตนาติ สเจ มยฺหํ สพฺเพปิ ยาจกา ปิยา, สจฺจเมเวตํ มยา วุตฺตํ, เอเตน เม สจฺจวจเนน เอกํ จกฺขุ อุปปชฺชถ อุปฺปชฺชตูติ.
อถสฺส วจนสมนนฺตรเมว ปมํ จกฺขุ อุทปาทิ. ตโต ทุติยสฺส อุปฺปชฺชนตฺถาย –
‘‘ยํ มํ โส ยาจิตุํ อาคา, เทหิ จกฺขุนฺติ พฺราหฺมโณ;
ตสฺส จกฺขูนิ ปาทาสึ, พฺราหฺมณสฺส วนิพฺพโต.
‘‘ภิยฺโย มํ อาวิสี ปีติ, โสมนสฺสฺจนปฺปกํ;
เอเตน สจฺจวชฺเชน, ทุติยํ เม อุปปชฺชถา’’ติ. (ชา. ๑.๑๕.๗๕-๗๖) –
อาห.
ตตฺถ ยํ มนฺติ โย มํ. โสติ โส จกฺขุยาจโก พฺราหฺมโณ. อาคาติ อาคโต. วนิพฺพโตติ ยาจนฺตสฺส. มํ อาวิสีติ พฺราหฺมณสฺส ¶ จกฺขูนิ ทตฺวา อนฺธกาเลปิ ตถารูปํ เวทนํ อคเณตฺวา ‘‘อโห สุทินฺนํ เม ทาน’’นฺติ ปจฺจเวกฺขนฺตํ มํ ภิยฺโย อติเรกตรา ปีติ อาวิสิ. โสมนสฺสฺจนปฺปกนฺติ อปริมาณํ โสมนสฺสํ อุปฺปชฺชิ. เอเตนาติ สเจ ตทา มม อนปฺปกํ ปีติโสมนสฺสํ อุปฺปนฺนํ, สจฺจเมเวตํ มยา วุตฺตํ, เอเตน เม สจฺจวจเนน ทุติยมฺปิ จกฺขุ อุปปชฺชตูติ.
ตํขณฺเว ทุติยมฺปิ จกฺขุ อุทปาทิ. ตานิ ปนสฺส จกฺขูนิ เนว ปากติกานิ, น ทิพฺพานิ. สกฺกพฺราหฺมณสฺส หิ ทินฺนํ จกฺขุํ ปุน ปากติกํ กาตุํ น สกฺกา, อุปหตจกฺขุโน จ ทิพฺพจกฺขุ นาม นุปฺปชฺชติ, วุตฺตนเยน ปนสฺส อาทิมชฺฌปริโยสาเนสุ อวิปรีตํ อตฺตโน ทานปีตึ อุปาทาย ปีติผรณวเสน นิพฺพตฺตานิ ‘‘สจฺจปารมิตาจกฺขูนี’’ติ วุตฺตานิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ททมานสฺส ¶ เทนฺตสฺส, ทินฺนทานสฺส เม สโต;
จิตฺตสฺส อฺถา นตฺถิ, โพธิยาเยว การณา’’ติ.
ตตฺถ ททมานสฺสาติ จกฺขูนิ ทาตุํ เวชฺเชน อุปฺปาเฏนฺตสฺส. เทนฺตสฺสาติ อุปฺปาฏิตานิ ตานิ สกฺกพฺราหฺมณสฺส ¶ หตฺเถ เปนฺตสฺส. ทินฺนทานสฺสาติ จกฺขุทานํ ทินฺนวโต. จิตฺตสฺส อฺถาติ ทานชฺฌาสยสฺส อฺถาภาโว. โพธิยาเยว การณาติ ตฺจ สพฺพฺุตฺาณสฺเสว เหตูติ อตฺโถ.
๖๖. สพฺพฺุตฺาณสฺส สุทุลฺลภตาย เอวํ สุทุกฺกรํ มยา กตนฺติ น จกฺขูนํ น อตฺตภาวสฺสปิ อปฺปิยตายาติ ทสฺเสนฺโต ‘‘น เม เทสฺสา’’ติ โอสานคาถมาห. ตตฺถ อตฺตา น เม น เทสฺสิโยติ ปโม น-กาโร นิปาตมตฺโต. อตฺตา น เม กุชฺฌิตพฺโพ, น อปฺปิโยติ อตฺโถ. ‘‘อตฺตานํ เม น เทสฺสิย’’นฺติปิ ปาโ. ตสฺสตฺโถ – เม อตฺตานํ อหํ น เทสฺสิยํ น กุชฺเฌยฺยํ น กุชฺฌิตุํ อรหามิ น โส มยา กุชฺฌิตพฺโพติ. ‘‘อตฺตาปิ เม น เทสฺสิโย’’ติปิ ปนฺติ. อทาสหนฺติ อทาสึ อหํ. ‘‘อทาสิห’’นฺติปิ ปาโ.
ตทา ปน โพธิสตฺตสฺส สจฺจกิริยาย จกฺขูสุ อุปฺปนฺเนสุ สกฺกานุภาเวน สพฺพา ราชปริสา สนฺนิปติตาว อโหสิ. อถสฺส สกฺโก มหาชนมชฺเฌ อากาเส ตฺวา –
‘‘ธมฺเมน ¶ ภาสิตา คาถา, สิวีนํ รฏฺวฑฺฒน;
เอตานิ ตว เนตฺตานิ, ทิพฺพานิ ปฏิทิสฺสเร.
‘‘ติโรกุฏฺฏํ ติโรเสลํ, สมติคฺคยฺห ปพฺพตํ;
สมนฺตา โยชนสตํ, ทสฺสนํ อนุโภนฺตุ เต’’ติ. (ชา. ๑.๑๕.๗๗-๗๘) –
อิมาหิ คาถาหิ ถุตึ กตฺวา เทวโลกเมว คโต. โพธิสตฺโตปิ มหาชนปริวุโต มหนฺเตน สกฺกาเรน นครํ ปวิสิตฺวา ราชเคหทฺวาเร สุสชฺชิเต มหามณฺฑเป สมุสฺสิตเสตจฺฉตฺเต ราชปลฺลงฺเก นิสินฺโน จกฺขุปฏิลาเภน ตุฏฺหฏฺปมุทิตานํ ทฏฺุํ อาคตานํ นาครานํ ชานปทานํ ราชปริสาย จ ธมฺมํ เทเสนฺโต –
‘‘โก นีธ วิตฺตํ น ทเทยฺย ยาจิโต, อปิ วิสิฏฺํ สุปิยมฺปิ อตฺตโน;
ตทิงฺฆ สพฺเพ สิวโย สมาคตา, ทิพฺพานิ เนตฺตานิ มมชฺช ปสฺสถ.
‘‘ติโรกุฏฺฏํ ¶ ติโรเสลํ, สมติคฺคยฺห ปพฺพตํ;
สมนฺตา โยชนสตํ, ทสฺสนํ อนุโภนฺติ เม.
‘‘น ¶ จาคมตฺตา ปรมตฺถิ กิฺจิ, มจฺจานํ อิธ ชีวิเต;
ทตฺวาน มานุสํ จกฺขุํ, ลทฺธํ เม จกฺขุ อมานุสํ.
‘‘เอตมฺปิ ทิสฺวา สิวโย, เทถ ทานานิ ภฺุชถ;
ทตฺวา จ ภุตฺวา จ ยถานุภาวํ, อนินฺทิตา สคฺคมุเปถ าน’’นฺติ. (ชา. ๑.๑๕.๗๙-๘๒) –
อิมา คาถา อภาสิ. ตตฺถ ธมฺเมน ภาสิตาติ, มหาราช, อิมา เต คาถา ธมฺเมน สภาเวเนว ภาสิตา. ทิพฺพานีติ ทิพฺพานุภาวยุตฺตานิ. ปฏิทิสฺสเรติ ปฏิทิสฺสนฺติ. ติโรกุฏฺฏนฺติ ปรกุฏฺฏํ. ติโรเสลนฺติ ปรเสลํ. สมติคฺคยฺหาติ อติกฺกมิตฺวา. สมนฺตา ทสทิสา โยชนสตํ รูปทสฺสนํ อนุโภนฺตุ สาเธนฺตุ.
โก นีธาติ โก นุ อิธ. อปิ วิสิฏฺนฺติ อุตฺตมมฺปิ สมานํ. น จาคมตฺตาติ จาคปฺปมาณโต อฺํ วรํ นาม นตฺถิ. อิธ ชีวิเตติ อิมสฺมึ ¶ ชีวโลเก. ‘‘อิธ ชีวต’’นฺติปิ ปนฺติ. อิมสฺมึ โลเก ชีวมานานนฺติ อตฺโถ. อมานุสนฺติ ทิพฺพจกฺขุ มยา ลทฺธํ, อิมินา การเณน เวทิตพฺพเมตํ ‘‘จาคโต อุตฺตมํ นาม นตฺถี’’ติ. เอตมฺปิ ทิสฺวาติ เอตํ มยา ลทฺธํ ทิพฺพจกฺขุํ ทิสฺวาปิ.
อิติ อิมาหิ จตูหิ คาถาหิ น เกวลํ ตสฺมึเยว ขเณ, อถ โข อนฺวทฺธมาสมฺปิ อุโปสเถ มหาชนํ สนฺนิปาเตตฺวา ธมฺมํ เทเสสิ. ตํ สุตฺวา มหาชโน ทานาทีนิ ปฺุานิ กตฺวา เทวโลกปรายโน อโหสิ.
ตทา เวชฺโช อานนฺทตฺเถโร อโหสิ, สกฺโก อนุรุทฺธตฺเถโร, เสสปริสา พุทฺธปริสา, สิวิราชา โลกนาโถ.
ตสฺส อิธาปิ วุตฺตนเยเนว ยถารหํ ปารมิโย นิทฺธาเรตพฺพา. ตถา ทิวเส ทิวเส ยถา อทินฺนปุพฺพํ พาหิรเทยฺยธมฺมวตฺถุ น โหติ, เอวํ อปริมิตํ มหาทานํ ปวตฺเตนฺตสฺส เตน อปริตุฏฺสฺส กถํ นุ โข อหํ อชฺฌตฺติกวตฺถุกํ ทานํ ทเทยฺยํ, กทา นุ โข มํ โกจิ อาคนฺตฺวา ¶ อชฺฌตฺติกํ เทยฺยธมฺมํ ยาเจยฺย, สเจ หิ โกจิ ยาจโก เม หทยมํสสฺส นามํ คณฺเหยฺย, กณเยน นํ นีหริตฺวา ปสนฺนอุทกโต สนาฬํ ปทุมํ อุทฺธรนฺโต วิย โลหิตพินฺทุํ ปคฺฆรนฺตํ ¶ หทยํ นีหริตฺวา ทสฺสามิ. สเจ สรีรมํสสฺส นามํ คณฺเหยฺย, อวเลขเนน ตาลคุฬปฏลํ อุปฺปาเฏนฺโต วิย สรีรมํสํ อุปฺปาเฏตฺวา ทสฺสามิ. สเจ โลหิตสฺส นามํ คณฺเหยฺย, อสินา วิชฺฌิตฺวา ยนฺตมุเข วา ปติตฺวา อุปนีตํ ภาชนํ ปูเรตฺวา โลหิตํ ทสฺสามิ. สเจ ปน โกจิ ‘‘เคเห เม กมฺมํ นปฺปวตฺตติ, ตตฺถ เม ทาสกมฺมํ กโรหี’’ติ วเทยฺย, ราชเวสํ อปเนตฺวา ตสฺส อตฺตานํ สาเวตฺวา ทาสกมฺมํ กริสฺสามิ. สเจ วา ปน โกจิ อกฺขีนํ นามํ คณฺเหยฺย, ตาลมิฺชํ นีหรนฺโต วิย อกฺขีนิ อุปฺปาเฏตฺวา ตสฺส ทสฺสามีติ เอวํ อนฺสาธารณวสีภาวปฺปตฺตานํ มหาโพธิสตฺตานํเยว อาเวณิกา อุฬารตรา ปริวิตกฺกุปฺปตฺติ, จกฺขุยาจกํ ลภิตฺวา อมจฺจปาริสชฺชาทีหิ นิวาริยมานสฺสาปิ เตสํ วจนํ อนาทิยิตฺวา อตฺตโน ปริวิตกฺกานุรูปํ ปฏิปตฺติยา จ ปรมา ปีติปฏิสํเวทนา, ตสฺสา ปีติมนตาย อวิตถภาวํ นิสฺสาย สกฺกสฺส ปุรโต สจฺจกิริยากรณํ, เตน จ อตฺตโน จกฺขูนํ ปฏิปากติกภาโว, เตสฺจ ทิพฺพานุภาวตาติ เอวมาทโย มหาสตฺตสฺส คุณานุภาวา เวทิตพฺพาติ.
สิวิราชจริยาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. เวสฺสนฺตรจริยาวณฺณนา
๖๗. นวเม ¶ ยา เม อโหสิ ชนิกาติ เอตฺถ เมติ เวสฺสนฺตรภูตํ อตฺตานํ สนฺธาย สตฺถา วทติ. เตเนวาห – ‘‘ผุสฺสตี นาม ขตฺติยา’’ติ. ตทา หิสฺส มาตา ‘‘ผุสฺสตี’’ติ เอวํนามิกา ขตฺติยานี อโหสิ. สา อตีตาสุ ชาตีสูติ สา ตโต อนนฺตราตีตชาติยํ. เอกตฺเถ หิ เอตํ พหุวจนํ. สกฺกสฺส มเหสี ปิยา อโหสีติ สมฺพนฺโธ. อถ วา ยา เม อโหสิ ชนิกา อิมสฺมึ จริมตฺตภาเว, สา อตีตาสุ ชาตีสุ ผุสฺสตี นาม, ตตฺถ อตีตาย ชาติยา ขตฺติยา, ยตฺถาหํ ตสฺสา กุจฺฉิมฺหิ เวสฺสนฺตโร ¶ หุตฺวา นิพฺพตฺตึ, ตโต อนนฺตราตีตาย สกฺกสฺส มเหสี ปิยา อโหสีติ. ตตฺรายํ อนุปุพฺพิกถา –
อิโต หิ เอกนวุเต กปฺเป วิปสฺสี นาม สตฺถา โลเก อุทปาทิ. ตสฺมึ พนฺธุมตีนครํ อุปนิสฺสาย เขเม มิคทาเย วิหรนฺเต พนฺธุมา ราชา เกนจิ รฺา เปสิตํ มหคฺฆํ จนฺทนสารํ อตฺตโน ¶ เชฏฺธีตาย อทาสิ. สา เตน สุขุมํ จนฺทนจุณฺณํ กาเรตฺวา สมุคฺคํ ปูเรตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถุ สุวณฺณวณฺณํ สรีรํ ปูเชตฺวา เสสจุณฺณานิ คนฺธกุฏิยํ วิกิริตฺวา ‘‘ภนฺเต, อนาคเต ตุมฺหาทิสสฺส พุทฺธสฺส มาตา ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ อกาสิ. สา ตโต จุตา ตสฺสา จนฺทนจุณฺณปูชาย ผเลน รตฺตจนฺทนปริปฺโผสิเตน วิย สรีเรน เทเวสุ จ มนุสฺเสสุ จ สํสรนฺตี ตาวตึสภวเน สกฺกสฺส เทวรฺโ อคฺคมเหสี หุตฺวา นิพฺพตฺติ. อถสฺสา อายุปริโยสาเน ปุพฺพนิมิตฺเตสุ อุปฺปนฺเนสุ สกฺโก เทวราชา ตสฺสา ปริกฺขีณายุกตํ ตฺวา ตสฺสา อนุกมฺปาย ‘‘ภทฺเท, ผุสฺสติ ทส เต วเร ทมฺมิ, เต คณฺหสฺสู’’ติ อาห. เตน วุตฺตํ –
‘‘ตสฺสา อายุกฺขยํ ตฺวา, เทวินฺโท เอตทพฺรวิ;
‘ททามิ เต ทส วเร, วร ภทฺเท ยทิจฺฉสี’’’ติ.
ตตฺถ วราติ วรสฺสุ วรํ คณฺห. ภทฺเท, ยทิจฺฉสีติ, ภทฺเท, ผุสฺสติ ยํ อิจฺฉสิ ยํ ตว ปิยํ, ตํ ทสหิ โกฏฺาเสหิ ‘‘วรํ วรสฺสุ ปฏิคฺคณฺหาหี’’ติ วทติ.
๖๙. ปุนิทมพฺรวีติ ปุน อิทํ สา อตฺตโน จวนธมฺมตํ อชานนฺตี ‘‘กึ นุ เม อปราธตฺถี’’ติอาทิกํ อภาสิ. สา หิ ปมตฺตา หุตฺวา อตฺตโน อายุกฺขยํ ¶ อชานนฺตี อยํ ‘‘วรํ คณฺหา’’ติ วทนฺโต ‘‘กตฺถจิ มม อุปฺปชฺชนํ อิจฺฉตี’’ติ ตฺวา เอวมาห. ตตฺถ อปราธตฺถีติ อปราโธ อตฺถิ. กึ นุ เทสฺสา อหํ ตวาติ กึ การณํ อหํ ตว เทสฺสา กุชฺฌิตพฺพา อปฺปิยา ชาตา. รมฺมา จาเวสิ มํ านาติ รมณียา อิมสฺมา านา จาเวสิ. วาโตว ธรณีรุหนฺติ เยน พลวา มาลุโต วิย รุกฺขํ อุมฺมูเลนฺโต อิมมฺหา เทวโลกา จาเวตุกาโมสิ กึ นุ การณนฺติ ตํ ปุจฺฉติ.
๗๐. ตสฺสิทนฺติ ตสฺสา อิทํ. น เจว เต กตํ ปาปนฺติ น เจว ตยา กิฺจิ ปาปํ กตํ เยน เต อปราโธ ¶ สิยา. น จ เม ตฺวํสิ อปฺปิยาติ มม ตฺวํ น จาปิ อปฺปิยา, เยน เทสฺสา นาม มม อปฺปิยาติ อธิปฺปาโย.
๗๑. อิทานิ เยน อธิปฺปาเยน วเร ทาตุกาโม, ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอตฺตกํเยว เต อายุ, จวนกาโล ภวิสฺสตี’’ติ วตฺวา วเร คณฺหาเปนฺโต ‘‘ปฏิคฺคณฺห มยา ทินฺเน, วเร ทส วรุตฺตเม’’ติ อาห.
ตตฺถ วรุตฺตเมติ วเรสุ อุตฺตเม อคฺควเร.
๗๒. ทินฺนวราติ ¶ ‘‘วเร ทสฺสามี’’ติ ปฏิฺาทานวเสน ทินฺนวรา. ตุฏฺหฏฺาติ อิจฺฉิตลาภปริโตเสน ตุฏฺา เจว ตสฺส จ สิขาปฺปตฺติทสฺสเนน หาสวเสน หฏฺา จ. ปโมทิตาติ พลวปาโมชฺเชน ปมุทิตา. มมํ อพฺภนฺตรํ กตฺวาติ เตสุ วเรสุ มํ อพฺภนฺตรํ กริตฺวา. ทส วเร วรีติ สา อตฺตโน ขีณายุกภาวํ ตฺวา สกฺเกน วรทานตฺถํ กโตกาสา สกลชมฺพุทีปตลํ โอโลเกนฺตี อตฺตโน อนุจฺฉวิกํ สิวิรฺโ นิเวสนํ ทิสฺวา ตตฺถ ตสฺส อคฺคมเหสิภาโว นีลเนตฺตตา นีลภมุกตา ผุสฺสตีตินามํ คุณวิเสสยุตฺตปุตฺตปฏิลาโภ อนุนฺนตกุจฺฉิภาโว อลมฺพตฺถนตา อปลิตภาโว สุขุมจฺฉวิตา วชฺฌชนานํ โมจนสมตฺถตา จาติ อิเม ทส วเร คณฺหิ.
อิติ สา ทส วเร คเหตฺวา ตโต จุตา มทฺทรฺโ อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติ. ชายมานา จ สา จนฺทนจุณฺณปริปฺโผสิเตน วิย สรีเรน ชาตา. เตนสฺสา นามคฺคหณทิวเส ‘‘ผุสฺสตี’’ ตฺเวว นามํ กรึสุ. สา มหนฺเตน ปริวาเรน วฑฺฒิตฺวา โสฬสวสฺสกาเล อุตฺตมรูปธรา ¶ อโหสิ. อถ นํ เชตุตฺตรนคเร สิวิมหาราชา ปุตฺตสฺส สฺชยกุมารสฺสตฺถาย อาเนตฺวา เสตจฺฉตฺตํ อุสฺสาเปตฺวา ตํ โสฬสนฺนํ อิตฺถิสหสฺสานํ เชฏฺกํ กตฺวา อคฺคมเหสิฏฺาเน เปสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ตโต จุตา สา ผุสฺสตี, ขตฺติเย อุปปชฺชถ;
เชตุตฺตรมฺหิ นคเร, สฺชเยน สมาคมี’’ติ.
สา สฺชยรฺโ ปิยา อโหสิ มนาปา. อถ สกฺโก อาวชฺเชนฺโต ‘‘มยา ผุสฺสติยา ทินฺนวเรสุ นว วรา สมิทฺธา’’ติ ทิสฺวา ‘‘ปุตฺตวโร น สมิทฺโธ, ตมฺปิสฺสา สมิชฺฌาเปสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา โพธิสตฺตํ ตทา ตาวตึสเทวโลเก ขีณายุกํ ทิสฺวา ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘มาริส, ตยา มนุสฺสโลเก ¶ สิวิสฺชยรฺโ อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ คณฺหิตุํ วฏฺฏตี’’ติ ตสฺส เจว อฺเสฺจ จวนธมฺมานํ สฏฺิสหสฺสานํ เทวปุตฺตานํ ปฏิฺํ คเหตฺวา สกฏฺานเมว คโต. มหาสตฺโตปิ ตโต จวิตฺวา ตตฺถุปฺปนฺโน. เสสา เทวปุตฺตาปิ สฏฺิสหสฺสานํ อมจฺจานํ เคเหสุ นิพฺพตฺตึสุ. มหาสตฺเต กุจฺฉิคเต ผุสฺสติเทวี จตูสุ นครทฺวาเรสุ นครมชฺเฌ นิเวสนทฺวาเรติ ฉ ทานสาลาโย กาเรตฺวา เทวสิกํ ฉสตสหสฺสานิ วิสฺสชฺเชตฺวา ทานํ ทาตุํ โทหฬินี อโหสิ. ราชา ตสฺสา โทหฬํ สุตฺวา เนมิตฺตเก พฺราหฺมเณ ปกฺโกสาเปตฺวา ปุจฺฉิตฺวา ‘‘มหาราช, เทวิยา กุจฺฉิมฺหิ ทานาภิรโต อุฬาโร สตฺโต อุปฺปนฺโน, ทาเนน ติตฺตึ น ปาปุณิสฺสตี’’ติ สุตฺวา ตุฏฺมานโส วุตฺตปฺปการํ ทานํ ปฏฺเปสิ. สมณพฺราหฺมณชิณฺณาตุรกปณทฺธิกวนิพฺพกยาจเก ¶ สนฺตปฺเปสิ. โพธิสตฺตสฺส ปฏิสนฺธิคฺคหณโต ปฏฺาย รฺโ อายสฺส ปมาณํ นาโหสิ. ตสฺส ปฺุานุภาเวน สกลชมฺพุทีเป ราชาโน ปณฺณาการํ ปหิณนฺติ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ยทาหํ ผุสฺสติยา กุจฺฉึ, โอกฺกนฺโต ปิยมาตุยา;
มม เตเชน เม มาตา, ตทา ทานรตา อหุ.
‘‘อธเน ¶ อาตุเร ชิณฺเณ, ยาจเก อทฺธิเก ชเน;
สมเณ พฺราหฺมเณ ขีเณ, เทติ ทานํ อกิฺจเน’’ติ;
ตตฺถ มม เตเชนาติ มม ทานชฺฌาสยานุภาเวน. ขีเณติ โภคาทีหิ ปริกฺขีเณ ปาริชฺุปฺปตฺเต. อกิฺจเนติ อปริคฺคเห. สพฺพตฺถ วิสเย ภุมฺมํ. อธนาทโย หิ ทานธมฺมสฺส ปวตฺติยา วิสโย.
เทวี มหนฺเตน ปริหาเรน คพฺภํ ธาเรนฺตี ทสมาเส ปริปุณฺเณ นครํ ทฏฺุกามา หุตฺวา รฺโ อาโรเจสิ. ราชา เทวนครํ วิย นครํ อลงฺการาเปตฺวา เทวึ รถวรํ อาโรเปตฺวา นครํ ปทกฺขิณํ กาเรสิ. ตสฺสา เวสฺสวีถิยา มชฺฌปฺปตฺตกาเล กมฺมชวาตา จลึสุ. อมจฺจา รฺโ อาโรเจสุํ. โส เวสฺสวีถิยํเยวสฺสา สูติฆรํ กาเรตฺวา ¶ อารกฺขํ คณฺหาเปสิ. สา ตตฺถ ปุตฺตํ วิชายิ. เตนาห –
‘‘ทสมาเส ธารยิตฺวาน, กโรนฺเต ปุรํ ปทกฺขิณํ;
เวสฺสานํ วีถิยา มชฺเฌ, ชเนสิ ผุสฺสตี มมํ.
๗๗. ‘‘น มยฺหํ มตฺติกํ นามํ, นาปิ เปตฺติกสมฺภวํ.
ชาเตตฺถ เวสฺสวีถิยํ, ตสฺมา เวสฺสนฺตโร อหู’’ติ.
ตตฺถ กโรนฺเต ปุรํ ปทกฺขิณนฺติ เทวึ คเหตฺวา สฺชยมหาราเช นครํ ปทกฺขิณํ กุรุมาเน. เวสฺสานนฺติ วาณิชานํ.
น มตฺติกํ นามนฺติ น มาตุอาคตํ มาตามหาทีนํ นามํ. เปตฺติกสมฺภวนฺติ ปิตุ อิทนฺติ เปตฺติกํ ¶ , สมฺภวติ เอตสฺมาติ สมฺภโว, ตํ เปตฺติกํ สมฺภโว เอตสฺสาติ เปตฺติกสมฺภวํ, นามํ. มาตาปิตุสมฺพนฺธวเสน น กตนฺติ ทสฺเสติ. ชาเตตฺถาติ ชาโต เอตฺถ. ‘‘ชาโตมฺหี’’ติปิ ปาโ. ตสฺมา เวสฺสนฺตโร อหูติ ยสฺมา ตทา เวสฺสวีถิยํ ชาโต, ตสฺมา เวสฺสนฺตโร นาม อโหสิ, เวสฺสนฺตโรติ นามํ อกํสูติ อตฺโถ.
มหาสตฺโต มาตุ กุจฺฉิโต นิกฺขมนฺโต วิสโท หุตฺวา อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวาว นิกฺขมิ. นิกฺขนฺตมตฺเต เอว มาตุ หตฺถํ ปสาเรตฺวา ‘‘อมฺม, ทานํ ทสฺสามิ, อตฺถิ กิฺจี’’ติ อาห. อถสฺส มาตา ‘‘ตาต, ยถาชฺฌาสยํ ทานํ เทหี’’ติ หตฺถสมีเป สหสฺสตฺถวิกํ เปสิ. โพธิสตฺโต หิ อุมฺมงฺคชาตเก ¶ (ชา. ๒.๒๒.๕๙๐ อาทโย) อิมสฺมึ ชาตเก ปจฺฉิมตฺตภาเวติ ตีสุ าเนสุ ชาตมตฺโตว กเถสิ. ราชา มหาสตฺตสฺส อติทีฆาทิโทสวิวชฺชิตา มธุรขีรา จตุสฏฺิธาติโย อุปฏฺาเปสิ. เตน สทฺธึ ชาตานํ สฏฺิยา ทารกสหสฺสานมฺปิ ธาติโย ทาเปสิ. โส สฏฺิทารกสหสฺเสหิ สทฺธึ มหนฺเตน ปริวาเรน วฑฺฒติ. ตสฺส ราชา สตสหสฺสคฺฆนกํ กุมารปิฬนฺธนํ การาเปตฺวา อทาสิ. โส จตุปฺจวสฺสิกกาเล ตํ โอมฺุจิตฺวา ธาตีนํ ทตฺวา ปุน ตาหิ ทียมานํ น คณฺหาติ. ตํ ¶ สุตฺวา ราชา ‘‘มม ปุตฺเตน ทินฺนํ สุทินฺน’’นฺติ วตฺวา อปรมฺปิ กาเรสิ. ตมฺปิ เทติ. ทารกกาเลเยว ธาตีนํ นววาเร ปิฬนฺธนํ อทาสิ.
อฏฺวสฺสิกกาเล ปน สยนปีเ นิสินฺโน จินฺเตสิ – ‘‘อหํ พาหิรกทานํ เทมิ, น ตํ มํ ปริโตเสติ, อชฺฌตฺติกทานํ ทาตุกาโมมฺหิ. สเจ หิ มํ โกจิ หทยํ ยาเจยฺย, หทยํ นีหริตฺวา ทเทยฺยํ. สเจ อกฺขีนิ ยาเจยฺย, อกฺขีนิ อุปฺปาเฏตฺวา ทเทยฺยํ. สเจ สกลสรีเร มํสํ รุธิรมฺปิ วา ยาเจยฺย, สกลสรีรโต มํสํ ฉินฺทิตฺวา รุธิรมฺปิ อสินา วิชฺฌิตฺวา ทเทยฺยํ. อถาปิ โกจิ ‘ทาโส เม โหหี’ติ วเทยฺย, อตฺตานํ ตสฺส สาเวตฺวา ทเทยฺย’’นฺติ. ตสฺเสวํ สภาวํ สรสํ จินฺเตนฺตสฺส จตุนหุตาธิกทฺวิโยชนสตสหสฺสพหลา อยํ มหาปถวี อุทกปริยนฺตํ กตฺวา กมฺปิ. สิเนรุปพฺพตราชา โอนมิตฺวา เชตุตฺตรนคราภิมุโข อฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ยทาหํ ทารโก โหมิ, ชาติยา อฏฺวสฺสิโก;
ตทา นิสชฺช ปาสาเท, ทานํ ทาตุํ วิจินฺตยึ.
‘‘หทยํ ¶ ทเทยฺยํ จกฺขุํ, มํสมฺปิ รุธิรมฺปิ จ;
ทเทยฺยํ กายํ สาเวตฺวา, ยทิ โกจิ ยาจเย มมํ.
‘‘สภาวํ จินฺตยนฺตสฺส, อกมฺปิตมสณฺิตํ;
อกมฺปิ ตตฺถ ปถวี, สิเนรุวนวฏํสกา’’ติ.
ตตฺถ สาเวตฺวาติ ‘‘อชฺช ปฏฺาย อหํ อิมสฺส ทาโส’’ติ ทาสภาวํ สาเวตฺวา. ยทิ โกจิ ยาจเย มมนฺติ โกจิ มํ ยทิ ยาเจยฺย. สภาวํ จินฺตยนฺตสฺสาติ อวิปรีตํ อตฺตโน ยถาภูตํ สภาวํ อติตฺติมํ ¶ ยถาชฺฌาสยํ จินฺเตนฺตสฺส มม, มยิ จินฺเตนฺเตติ อตฺโถ. อกมฺปิตนฺติ กมฺปิตรหิตํ. อสณฺิตนฺติ สงฺโกจรหิตํ. เยน หิ โลภาทินา อโพธิสตฺตานํ จกฺขาทิทาเน จิตฺตุตฺราสสงฺขาตํ กมฺปิตํ สงฺโกจสงฺขาตํ สณฺิตฺจ สิยา, เตน วินาติ อตฺโถ. อกมฺปีติ อจลิ. สิเนรุวนวฏํสกาติ สิเนรุมฺหิ อุฏฺิตนนฺทนวนผารุสกวนมิสฺสกวนจิตฺตลตาวนาทิกปฺปกตรุวนํ สิเนรุวนํ. อถ วา สิเนรุ จ ชมฺพุทีปาทีสุ รมณียวนฺจ สิเนรุวนํ ¶ , ตํ วนํ วฏํสกํ เอติสฺสาติ สิเนรุวนวฏํสกา.
เอวฺจ ปถวิกมฺปเน วตฺตมาเน มธุรคมฺภีรเทโว คชฺชนฺโต ขณิกวสฺสํ วสฺสิ, วิชฺชุลตา นิจฺฉรึสุ, มหาสมุทฺโท อุพฺภิชฺชิ, สกฺโก เทวราชา อปฺโผเฏสิ, มหาพฺรหฺมา สาธุการมทาสิ, ยาว พฺรหฺมโลกา เอกโกลาหลํ อโหสิ. มหาสตฺโต โสฬสวสฺสกาเลเยว สพฺพสิปฺปานํ นิปฺผตฺตึ ปาปุณิ. ตสฺส ปิตา รชฺชํ ทาตุกาโม มาตรา สทฺธึ มนฺเตตฺวา มทฺทราชกุลโต มาตุลธีตรํ มทฺทึ นาม ราชกฺํ อาเนตฺวา โสฬสนฺนํ อิตฺถิสหสฺสานํ เชฏฺกํ อคฺคมเหสึ กตฺวา มหาสตฺตํ รชฺเช อภิสิฺจิ. มหาสตฺโต รชฺเช ปติฏฺิตกาลโต ปฏฺาย เทวสิกํ ฉสตสหสฺสานิ วิสฺสชฺเชตฺวา มหาทานํ ปวตฺเตนฺโต อนฺวทฺธมาสํ ทานํ โอโลเกตุํ อุปสงฺกมติ. อปรภาเค มทฺทิเทวี ปุตฺตํ วิชายิ. ตํ กฺจนชาเลน สมฺปฏิจฺฉึสุ, เตนสฺส ‘‘ชาลิกุมาโร’’ตฺเวว นามํ กรึสุ. ตสฺส ปทสา คมนกาเล สา ธีตรํ วิชายิ. ตํ กณฺหาชิเนน สมฺปฏิจฺฉึสุ, เตนสฺสา ‘‘กณฺหาชินา’’ตฺเวว นามํ กรึสุ. เตน วุตฺตํ –
‘‘อนฺวทฺธมาเส ปนฺนรเส, ปุณฺณมาเส อุโปสเถ;
ปจฺจยํ นาคมารุยฺห, ทานํ ทาตุํ อุปาคมิ’’นฺติ.
ตตฺถ อนฺวทฺธมาเสติ อนุอทฺธมาเส, อทฺธมาเส อทฺธมาเสติ อตฺโถ. ปุณฺณมาเสติ ปุณฺณมาสิยํ, มาสปริปูริยา ¶ จนฺทปริปูริยา จ สมนฺนาคเต ปนฺนรเส ทานํ ทาตุํ อุปาคมินฺติ สมฺพนฺโธ. ตตฺรายํ โยชนา – ปจฺจยํ นาคมารุยฺห อทฺธมาเส อทฺธมาเส ทานํ ทาตุํ ทานสาลํ อุปาคมึ, เอวํ อุปคจฺฉนฺโต จ ยทา เอกสฺมึ ปนฺนรเส ปุณฺณมาสิอุโปสเถ ทานํ ทาตุํ อุปาคมึ, ตทา กลิงฺครฏฺวิสยา พฺราหฺมณา อุปคฺฉุ ¶ มนฺติ ตตฺถ ปจฺจยํ นาคนฺติ ปจฺจยนามกํ มงฺคลหตฺถึ. โพธิสตฺตสฺส หิ ชาตทิวเส เอกา อากาสจารินี กเรณุกา อภิมงฺคลสมฺมตํ สพฺพเสตหตฺถิโปตกํ อาเนตฺวา มงฺคลหตฺถิฏฺาเน เปตฺวา ปกฺกามิ. ตสฺส มหาสตฺตํ ¶ ปจฺจยํ กตฺวา ลทฺธตฺตา ‘‘ปจฺจโย’’ตฺเวว นามํ กรึสุ. ตํ ปจฺจยนามกํ โอปวยฺหํ หตฺถินาคํ อารุยฺห ทานํ ทาตุํ อุปาคมินฺติ. เตน วุตฺตํ –
‘‘กลิงฺครฏฺวิสยา, พฺราหฺมณา อุปคฺฉุ มํ;
อยาจุํ มํ หตฺถินาคํ, ธฺํ มงฺคลสมฺมตํ.
‘‘อวุฏฺิโก ชนปโท, ทุพฺภิกฺโข ฉาตโก มหา;
ททาหิ ปวรํ นาคํ, สพฺพเสตํ คชุตฺตม’’นฺติ.
ตตฺถ ‘‘กลิงฺครฏฺวิสยา’’ติอาทิคาถา เหฏฺา กุรุราชจริเตปิ (จริยา. ๑.๒๑-๒๒) อาคตา เอว, ตสฺมา ตาสํ อตฺโถ กถามคฺโค จ ตตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. อิธ ปน มงฺคลหตฺถิโน เสตตฺตา ‘‘สพฺพเสตํ คชุตฺตม’’นฺติ วุตฺตํ. โพธิสตฺโต หตฺถิกฺขนฺธวรคโต –
‘‘ททามิ น วิกมฺปามิ, ยํ มํ ยาจนฺติ พฺราหฺมณา;
สนฺตํ นปฺปฏิคูหามิ, ทาเน เม รมเต มโน’’ติ. –
อตฺตโน ทานาภิรตึ ปเวเทนฺโต –
‘‘น เม ยาจกมนุปฺปตฺเต, ปฏิกฺเขโป อนุจฺฉโว;
มา เม ภิชฺชิ สมาทานํ, ทสฺสามิ วิปุลํ คช’’นฺติ. (จริยา. ๑.๒๓) –
ปฏิชานิตฺวา หตฺถิกฺขนฺธโต โอรุยฺห อนลงฺกตฏฺานํ โอโลกนตฺถํ อนุปริยายิตฺวา อนลงฺกตฏฺานํ อทิสฺวา กุสุมมิสฺสคนฺโธทกภริตํ สุวณฺณภิงฺคารํ คเหตฺวา ‘‘โภนฺโต อิโต เอถา’’ติ ¶ อลงฺกตรชตทามสทิสํ หตฺถิโสณฺฑํ เตสํ หตฺเถ เปตฺวา อุทกํ ปาเตตฺวา อลงฺกตวารณํ อทาสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘นาคํ คเหตฺวา โสณฺฑาย, ภิงฺคาเร รตนามเย;
ชลํ หตฺเถ อากิริตฺวา, พฺราหฺมณานํ อทํ คช’’นฺติ. (จริยา. ๑.๒๔);
ตตฺถ ¶ สนฺตนฺติ วิชฺชมานํ เทยฺยธมฺมํ. นปฺปฏิคูหามีติ น ปฏิจฺฉาเทมิ. โย หิ อตฺตโน สนฺตกํ ‘‘มยฺหเมว โหตู’’ติ จินฺเตติ, ยาจิโต วา ปฏิกฺขิปติ, โส ยาจกานํ อภิมุเข ิตมฺปิ อตฺถโต ปฏิจฺฉาเทติ นาม. มหาสตฺโต ปน อตฺตโน สีสํ อาทึ กตฺวา อชฺฌตฺติกทานํ ทาตุกาโมว, กถํ พาหิรํ ปฏิกฺขิปติ, ตสฺมา อาห ‘‘สนฺตํ นปฺปฏิคูหามี’’ติ. เตเนวาห ‘‘ทาเน เม รมเต มโน’’ติ. เสสํ เหฏฺา วุตฺตตฺถเมว.
ตสฺส ปน หตฺถิโน จตูสุ ปาเทสุ อลงฺการา จตฺตาริ สตสหสฺสานิ ¶ อคฺฆนฺติ, อุโภสุ ปสฺเสสุ อลงฺการา ทฺเว สตสหสฺสานิ, เหฏฺา อุทเร กมฺพลํ สตสหสฺสํ, ปิฏฺิยํ มุตฺตาชาลํ มณิชาลํ กฺจนชาลนฺติ ตีณิ ชาลานิ ตีณิ สตสหสฺสานิ, อุโภ กณฺณาลงฺการา ทฺเว สตสหสฺสานิ, ปิฏฺิยํ อตฺถตกมฺพลํ สตสหสฺสํ, กุมฺภาลงฺกาโร สตสหสฺสํ, ตโย วฏํสกา ตีณิ สตสหสฺสานิ, กณฺณจูฬาลงฺกาโร สตสหสฺสํ, ทฺวินฺนํ ทนฺตานํ อลงฺการา ทฺเว สตสหสฺสานิ, โสณฺฑาย โสวตฺถิกาลงฺกาโร สตสหสฺสํ, นงฺคุฏฺาลงฺกาโร สตสหสฺสํ, อาโรหณนิสฺเสณิ สตสหสฺสํ, ภฺุชนกฏาหํ สตสหสฺสํ, เปตฺวา อนคฺฆภณฺฑํ อิทํ ตาว เอตฺตกํ จตุวีสติ สตสหสฺสานิ อคฺฆติ. ฉตฺตปิณฺฑิยํ ปน มณิ, จูฬามณิ, มุตฺตาหาเร มณิ, องฺกุเส มณิ, หตฺถิกณฺเวนมุตฺตาหาเร มณิ, หตฺถิกุมฺเภ มณีติ อิมานิ ฉ อนคฺฆานิ, หตฺถีปิ อนคฺโฆ เอวาติ หตฺถินา สทฺธึ สตฺต อนคฺฆานิ, ตานิ สพฺพานิ พฺราหฺมณานํ อทาสิ. ตถา หตฺถิโน ปริจารกานิ ปฺจ กุลสตานิ หตฺถิเมณฺฑหตฺถิโคปเกหิ สทฺธึ อทาสิ. สห ทาเนน ปนสฺส เหฏฺา วุตฺตนเยเนว ภูมิกมฺปาทโย อเหสุํ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ปุนาปรํ ททนฺตสฺส, สพฺพเสตํ คชุตฺตมํ;
ตทาปิ ปถวี กมฺปิ, สิเนรุวนวฏํสกา’’ติ.
ชาตเกปิ (ชา. ๒.๒๒.๑๖๗๓) วุตฺตํ –
‘‘ตทาสิ ¶ ยํ ภึสนกํ, ตทาสิ โลมหํสนํ;
หตฺถินาเค ปทินฺนมฺหิ, เมทนี สมฺปกมฺปถา’’ติ.
๘๘. ตสฺส ¶ นาคสฺส ทาเนนาติ ฉหิ อนคฺเฆหิ สทฺธึ จตุวีสติสตสหสฺสคฺฆนิกอลงฺการภณฺฑสหิตสฺส ตสฺส มงฺคลหตฺถิสฺส ปริจฺจาเคน. สิวโยติ สิวิราชกุมารา เจว สิวิรฏฺวาสิโน จ. ‘‘สิวโย’’ติ จ เทสนาสีสเมตํ. ตตฺถ หิ อมจฺจา ปาริสชฺชา พฺราหฺมณคหปติกา เนคมชานปทา นาครา สกลรฏฺวาสิโน จ สฺชยมหาราชํ ผุสฺสติเทวึ มทฺทิเทวิฺจ เปตฺวา สพฺเพ เอว. กุทฺธาติ เทวตาวตฺตเนน โพธิสตฺตสฺส กุทฺธา. สมาคตาติ สนฺนิปติตา. เต ¶ กิร พฺราหฺมณา หตฺถึ ลภิตฺวา ตํ อภิรุหิตฺวา มหาทฺวาเรน ปวิสิตฺวา นครมชฺเฌน ปายึสุ. มหาชเนน จ ‘‘อมฺโภ พฺราหฺมณา, อมฺหากํ หตฺถี กุโต อภิรุฬฺโห’’ติ วุตฺเต ‘‘เวสฺสนฺตรมหาราเชน โน หตฺถี ทินฺโน, เก ตุมฺเห’’ติ หตฺถวิการาทีหิ ฆฏฺเฏนฺตา อคมํสุ. อถ อมจฺเจ อาทึ กตฺวา มหาชนา ราชทฺวาเร สนฺนิปติตฺวา ‘‘รฺา นาม พฺราหฺมณานํ ธนํ วา ธฺํ วา เขตฺตํ วา วตฺถุ วา ทาสิทาสปริจาริกา วา ทาตพฺพา สิยา, กถฺหิ นามายํ เวสฺสนฺตรมหาราชา ราชารหํ มงฺคลหตฺถึ ทสฺสติ, น อิทานิ เอวํ รชฺชํ วินาเสตุํ ทสฺสามา’’ติ อุชฺฌายิตฺวา สฺชยมหาราชสฺส ตมตฺถํ อาโรเจตฺวา เตน อนุนียมานา อนนุยนฺตา อคมํสุ. เกวลํ ปน –
‘‘มา นํ ทณฺเฑน สตฺเถน, น หิ โส พนฺธนารโห;
ปพฺพาเชหิ จ นํ รฏฺา, วงฺเก วสตุ ปพฺพเต’’ติ. (ชา. ๒.๒๒.๑๖๘๗) –
วทึสุ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ปพฺพาเชสุํ สกา รฏฺา, วงฺกํ คจฺฉตุ ปพฺพต’’นฺติ.
ตตฺถ ปพฺพาเชสุนฺติ รชฺชโต พหิ วาสตฺถาย อุสฺสุกฺกมกํสุ; –
ราชาปิ ‘‘มหา โข อยํ ปฏิปกฺโข, หนฺท มม ปุตฺโต กติปาหํ รชฺชโต พหิ วสตู’’ติ จินฺเตตฺวา –
‘‘เอโส ¶ เจ สิวีนํ ฉนฺโท, ฉนฺทํ นปฺปนุทามเส;
อิมํ โส วสตุ รตฺตึ, กาเม จ ปริภฺุชตุ.
‘‘ตโต รตฺยา วิวสาเน, สูริยุคฺคมนํ ปติ;
สมคฺคา สิวโย หุตฺวา, รฏฺา ปพฺพาชยนฺตุ น’’นฺติ. (ชา. ๒.๒๒.๑๖๘๘-๑๖๘๙) –
วตฺวา ¶ ปุตฺตสฺส สนฺติเก กตฺตารํ เปเสสิ ‘‘อิมํ ปวตฺตึ มม ปุตฺตสฺส อาโรเจหี’’ติ. โส ตถา อกาสิ.
มหาสตฺโตปิ ตํ สุตฺวา –
‘‘กิสฺมึ เม สิวโย กุทฺธา, นาหํ ปสฺสามิ ทุกฺกฏํ;
ตํ เม กตฺเต วิยาจิกฺข, กสฺมา ปพฺพาชยนฺติ ม’’นฺติ. (ชา. ๒.๒๒.๑๗๐๑) –
การณํ ปุจฺฉิ. เตน ‘‘ตุมฺหากํ หตฺถิทาเนนา’’ติ วุตฺเต โสมนสฺสปฺปตฺโต หุตฺวา –
‘‘หทยํ จกฺขุมฺปหํ ทชฺชํ, กึ เม พาหิรกํ ธนํ;
หิรฺํ วา สุวณฺณํ วา, มุตฺตา เวฬุริยา มณิ.
‘‘ทกฺขิณํ ¶ วาปหํ พาหุํ, ทิสฺวา ยาจกมาคเต;
ทเทยฺยํ น วิกมฺเปยฺยํ, ทาเน เม รมเต มโน.
‘‘กามํ มํ สิวโย สพฺเพ, ปพฺพาเชนฺตุ หนนฺตุ วา;
เนว ทานา วิรมิสฺสํ, กามํ ฉินฺทนฺตุ สตฺตธา’’ติ. (ชา. ๒.๒๒.๑๗๐๓-๑๗๐๕) –
วตฺวา ‘‘นาครา เม เอกทิวสํ ทานํ ทาตุํ โอกาสํ เทนฺตุ, สฺเว ทานํ ทตฺวา ตติยทิวเส คมิสฺสามี’’ติ วตฺวา กตฺตารํ เตสํ สนฺติเก เปเสตฺวา ‘‘อหํ สฺเว สตฺตสตกํ นาม มหาทานํ ทสฺสามิ ¶ , สตฺตหตฺถิสตานิ สตฺตอสฺสสตานิ สตฺตรถสตานิ สตฺตอิตฺถิสตานิ สตฺตทาสสตานิ สตฺตทาสิสตานิ สตฺตเธนุสตานิ ปฏิยาเทหิ, นานปฺปการฺจ อนฺนปานาทึ สพฺพํ ทาตพฺพยุตฺตกํ อุปฏฺเปหี’’ติ สพฺพกมฺมิกํ อมจฺจํ อาณาเปตฺวา เอกโกว มทฺทิเทวิยา วสนฏฺานํ คนฺตฺวา ‘‘ภทฺเท มทฺทิ, อนุคามิกนิธึ นิทหมานา, สีลวนฺเตสุ ทเทยฺยาสี’’ติ ตมฺปิ ทาเน นิโยเชตฺวา ตสฺสา อตฺตโน คมนการณํ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘อหํ วนํ วสนตฺถาย คมิสฺสามิ, ตฺวํ อิเธว อนุกฺกณฺิตา วสาหี’’ติ อาห. สา ‘‘นาหํ, มหาราช, ตุมฺเหหิ วินา เอกทิวสมฺปิ วสิสฺสามี’’ติ อาห.
ทุติยทิวเส สตฺตสตกํ มหาทานํ ปวตฺเตสิ. ตสฺส สตฺตสตกํ ทานํ เทนฺตสฺเสว สายํ อโหสิ. อลงฺกตรเถน มาตาปิตูนํ วสนฏฺานํ คนฺตฺวา ‘‘อหํ สฺเว คมิสฺสามี’’ติ เต อาปุจฺฉิตฺวา อกามกานํ เตสํ อสฺสุมุขานํ โรทนฺตานํเยว วนฺทิตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ตโต นิกฺขมิตฺวา ¶ ตํ ทิวสํ อตฺตโน นิเวสเน วสิตฺวา ปุนทิวเส ‘‘คมิสฺสามี’’ติ ปาสาทโต โอตริ. มทฺทิเทวี สสฺสุสสุเรหิ นานานเยหิ ยาจิตฺวา นิวตฺติยมานาปิ เตสํ วจนํ อนาทิยิตฺวา เต วนฺทิตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา เสสิตฺถิโย อปโลเกตฺวา ทฺเว ปุตฺเต อาทาย เวสฺสนฺตรสฺส ปมตรํ คนฺตฺวา รเถ อฏฺาสิ.
มหาปุริโส รถํ อภิรุหิตฺวา รเถ ิโต มหาชนํ อาปุจฺฉิตฺวา ‘‘อปฺปมตฺตา ทานาทีนิ ปฺุานิ กโรถา’’ติ โอวาทมสฺส ทตฺวา นครโต นิกฺขมิ. โพธิสตฺตสฺส มาตา ‘‘ปุตฺโต เม ทานวิตฺตโก ทานํ เทตู’’ติ อาภรเณหิ สทฺธึ สตฺตรตนปูรานิ สกฏานิ อุโภสุ ปสฺเสสุ เปเสสิ. โสปิ อตฺตโน กายารุฬฺหเมว อาภรณภณฺฑํ สมฺปตฺตยาจกานํ ¶ อฏฺารส วาเร ทตฺวา เสสํ สพฺพมทาสิ. นครา นิกฺขมิตฺวาว นิวตฺติตฺวา โอโลเกตุกาโม อโหสิ. อถสฺส ปฺุานุภาเวน รถปฺปมาเณ าเน มหาปถวี ภิชฺชิตฺวา ปริวตฺติตฺวา รถํ นคราภิมุขํ อกาสิ. โส มาตาปิตูนํ วสนฏฺานํ โอโลเกสิ. เตน การฺุเน ปถวิกมฺโป อโหสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘เตสํ นิจฺฉุภมานาน’’นฺติอาทิ.
๘๙-๙๐. ตตฺถ นิจฺฉุภมานานนฺติ เตสุ สิวีสุ นิกฺกฑฺฒนฺเตสุ, ปพฺพาเชนฺเตสูติ อตฺโถ. เตสํ วา นิกฺขมนฺตานํ. มหาทานํ ปวตฺเตตุนฺติ สตฺตสตกมหาทานํ ทาตุํ. อายาจิสฺสนฺติ ยาจึ. สาวยิตฺวาติ โฆสาเปตฺวา. กณฺณเภรินฺติ ยุคลมหาเภรึ. ททามหนฺติ ททามิ อหํ.
๙๑. อเถตฺถาติ อเถวํ ทาเน ทียมาเน เอตสฺมึ ทานคฺเค. ตุมูโลติ เอกโกลาหลีภูโต. เภรโวติ ¶ ภยาวโห. มหาสตฺตฺหิ เปตฺวา อฺเสํ โส ภยํ ชเนติ, ตสฺส ภยชนนาการํ ทสฺเสตุํ. ‘‘ทาเนนิม’’นฺติอาทิ วุตฺตํ. อิมํ เวสฺสนฺตรมหาราชานํ ทาเนน เหตุนา สิวโย รฏฺโต นีหรนฺติ ปพฺพาเชนฺติ, ตถาปิ ปุน จ เอวรูปํ ทานํ เทติ อยนฺติ.
๙๒-๙๔. อิทานิ ตํ ทานํ ทสฺเสตุํ ‘‘หตฺถิ’’นฺติ คาถมาห. ตตฺถ ควนฺติ เธนุํ. จตุวาหึ รถํ ทตฺวาติ วหนฺตีติ วาหิโน, อสฺสา, จตุโร อาชฺสินฺธเว ¶ รถฺจ พฺราหฺมณานํ ทตฺวาติ อตฺโถ. มหาสตฺโต หิ ตถา นครโต นิกฺขมนฺโต สหชาเต สฏฺิสหสฺเส อมจฺเจ เสสชนฺจ อสฺสุปุณฺณมุขํ อนุพทฺธนฺตํ นิวตฺเตตฺวา รถํ ปาเชนฺโต มทฺทึ อาห – ‘‘สเจ, ภทฺเท, ปจฺฉโต ยาจกา อาคจฺฉนฺติ, อุปธาเรยฺยาสี’’ติ. สา โอโลเกนฺตี นิสีทิ. อถสฺส สตฺตสตกมหาทานํ คมนกาเล กตทานฺจ สมฺปาปุณิตุํ อสกฺโกนฺตา จตฺตาโร พฺราหฺมณา อาคนฺตฺวา ‘‘เวสฺสนฺตโร กุหิ’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ทานํ ทตฺวา รเถน คโต’’ติ วุตฺเต ‘‘อสฺเส ยาจิสฺสามา’’ติ อนุพนฺธึสุ. มทฺที เต อาคจฺฉนฺเต ทิสฺวา ‘‘ยาจกา, เทวา’’ติ อาโรเจสิ. มหาสตฺโต รถํ เปสิ. เต อาคนฺตฺวา อสฺเส ยาจึสุ. มหาสตฺโต อสฺเส อทาสิ. เต เต คเหตฺวา คตา. อสฺเสสุ ¶ ปน ทินฺเนสุ รถธุรํ อากาเสเยว อฏฺาสิ. อถ จตฺตาโร เทวปุตฺตา โรหิตมิควณฺเณนาคนฺตฺวา รถธุรํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา อคมํสุ. มหาสตฺโต เตสํ เทวปุตฺตภาวํ ตฺวา –
‘‘อิงฺฆ มทฺทิ นิสาเมหิ, จิตฺตรูปํว ทิสฺสติ;
มิคโรหิจฺจวณฺเณน, ทกฺขิณสฺสา วหนฺติ ม’’นฺติ. (ชา. ๒.๒๒.๑๘๖๔) –
มทฺทิยา อาห.
ตตฺถ จิตฺตรูปํวาติ อจฺฉริยรูปํ วิย. ทกฺขิณสฺสาติ สุสิกฺขิตอสฺสา วิย มํ วหนฺติ.
อถ นํ เอวํ คจฺฉนฺตํ อปโร พฺราหฺมโณ อาคนฺตฺวา รถํ ยาจิ. มหาสตฺโต ปุตฺตทารํ โอตาเรตฺวา รถํ อทาสิ. รเถ ปน ทินฺเน เทวปุตฺตา อนฺตรธายึสุ. ตโต ปฏฺาย ปน สพฺเพปิ ปตฺติกาว อเหสุํ. อถ มหาสตฺโต ‘‘มทฺทิ, ตฺวํ กณฺหาชินํ คณฺหาหิ, อหํ ชาลิกุมารํ คณฺหามี’’ติ อุโภปิ ทฺเว ทารเก องฺเกนาทาย อฺมฺํ ปิยสลฺลาปา ปฏิปถํ อาคจฺฉนฺเต มนุสฺเส วงฺกปพฺพตสฺส มคฺคํ ปุจฺฉนฺตา สยเมว โอนเตสุ ผลรุกฺเขสุ ผลานิ ทารกานํ ททนฺตา อตฺถกามาหิ ¶ เทวตาหิ มคฺคสฺส สงฺขิปิตตฺตา ตทเหว เจตรฏฺํ สมฺปาปุณึสุ. เตน วุตฺตํ ‘‘จตุวาหึ รถํ ทตฺวา’’ติอาทิ.
ตตฺถ ตฺวา จาตุมฺมหาปเถติ อตฺตโน คมนมคฺเคน ปสฺสโต อาคเตน เตน พฺราหฺมเณน อาคตมคฺเคน จ วินิวิชฺฌิตฺวา คตฏฺานตฺตา จตุกฺกสงฺขาเต ¶ จตุมหาปเถ ตฺวา ตสฺส พฺราหฺมณสฺส รถํ ทตฺวา. เอกากิโยติ อมจฺจเสวกาทิสหายาภาเวน เอกโก. เตเนวาห ‘‘อทุติโย’’ติ. มทฺทิเทวึ อิทมพฺรวีติ มทฺทิเทวึ อิทํ อภาสิ.
๙๖-๙๙. ปทุมํ ปุณฺฑรีกํวาติ ปทุมํ วิย, ปุณฺฑรีกํ วิย จ. กณฺหาชินคฺคหีติ กณฺหาชินํ อคฺคเหสิ. อภิชาตาติ ชาติสมฺปนฺนา. วิสมํ สมนฺติ วิสมํ สมฺจ ภูมิปฺปเทสํ. เอนฺตีติ อาคจฺฉนฺติ. อนุมคฺเค ปฏิปฺปเถติ อนุมคฺเค วา ปฏิปเถ วาติ วา-สทฺทสฺส โลโป ทฏฺพฺโพ. กรุณนฺติ ภาวนปุํสกนิทฺเทโส, กรุณายิตตฺตนฺติ อตฺโถ. ทุกฺขํ เต ปฏิเวเทนฺตีติ อิเม เอวํ สุขุมาลา ปทสา คจฺฉนฺติ, ทูเรว อิโต วงฺกปพฺพโตติ เต ตทา อมฺเหสุ การฺุวเสน อตฺตนา ทุกฺขํ ปฏิลภนฺติ, ตถา อตฺตโน ¶ อุปฺปนฺนทุกฺขํ ปฏิเวเทนฺติ วาติ อตฺโถ.
๑๐๐-๑. ปวเนติ มหาวเน. ผลิเนติ ผลวนฺเต. อุพฺพิทฺธาติ อุทฺธํ อุคฺคตา อุจฺจา. อุปคจฺฉนฺติ ทารเกติ ยถา ผลานิ ทารกานํ หตฺถูปคยฺหกานิ โหนฺติ, เอวํ รุกฺขา สยเมว สาขาหิ โอนมิตฺวา ทารเก อุเปนฺติ.
๑๐๒. อจฺฉริยนฺติ อจฺฉราโยคฺคํ, อจฺฉรํ ปหริตุํ ยุตฺตํ. อภูตปุพฺพํ ภูตนฺติ อพฺภุตํ. โลมานํ หํสนสมตฺถตาย โลมหํสนํ. สาหุการนฺติ สาธุการํ, อยเมว วา ปาโ. อิตฺถิรตนภาเวน สพฺเพหิ องฺเคหิ อวยเวหิ โสภตีติ สพฺพงฺคโสภนา.
๑๐๓-๔. อจฺเฉรํ วตาติ อจฺฉริยํ วต. เวสฺสนฺตรสฺส เตเชนาติ เวสฺสนฺตรสฺส ปฺุานุภาเวน. สงฺขิปึสุ ปถํ ยกฺขาติ เทวตา มหาสตฺตสฺส ปฺุเตเชน โจทิตา ตํ มคฺคํ ปริกฺขยํ ปาเปสุํ, อปฺปกํ อกํสุ, ตํ ปน ทารเกสุ กรุณาย กตํ วิย กตฺวา วุตฺตํ ‘‘อนุกมฺปาย ทารเก’’ติ. เชตุตฺตรนครโต หิ สุวณฺณคิริตาโล นาม ปพฺพโต ปฺจ โยชนานิ, ตโต โกนฺติมารา นาม นที ปฺจ โยชนานิ, ตโต มารฺชนาคิริ นาม ปพฺพโต ปฺจ โยชนานิ, ตโต ทณฺฑพฺราหฺมณคาโม นาม ปฺจ โยชนานิ, ตโต มาตุลนครํ ทส ¶ โยชนานิ, อิติ ตํ รฏฺํ เชตุตฺตรนครโต ตึส โยชนานิ โหติ. เทวตา ¶ โพธิสตฺตสฺส ปฺุเตเชน โจทิตา มคฺคํ ปริกฺขยํ ปาเปสุํ. ตํ สพฺพํ เอกาเหเนว อติกฺกมึสุ. เตน วุตฺตํ ‘‘นิกฺขนฺตทิวเสเนว, เจตรฏฺมุปาคมุ’’นฺติ.
เอวํ มหาสตฺโต สายนฺหสมยํ เจตรฏฺเ มาตุลนครํ ปตฺวา ตสฺส นครสฺส ทฺวารสมีเป สาลายํ นิสีทิ. อถสฺส มทฺทิเทวี ปาเทสุ รชํ ปฺุฉิตฺวา ปาเท สมฺพาหิตฺวา ‘‘เวสฺสนฺตรสฺส อาคตภาวํ ชานาเปสฺสามี’’ติ สาลโต นิกฺขมิตฺวา ตสฺส จกฺขุปเถ สาลทฺวาเร อฏฺาสิ. นครํ ปวิสนฺติโย จ นิกฺขมนฺติโย จ อิตฺถิโย ตํ ทิสฺวา ปริวาเรสุํ. มหาชโน ตฺจ เวสฺสนฺตรฺจ ปุตฺเต จสฺส ตถา อาคเต ทิสฺวา ราชูนํ อาจิกฺขิ. สฏฺิสหสฺสา ราชาโน โรทนฺตา ปริเทวนฺตา ตสฺส สนฺติกํ อาคนฺตฺวา มคฺคปริสฺสมํ วิโนเทตฺวา ¶ ตถา อาคมนการณํ ปุจฺฉึสุ.
มหาสตฺโต หตฺถิทานํ อาทึ กตฺวา สพฺพํ กเถสิ. ตํ สุตฺวา เต อตฺตโน รชฺเชน นิมนฺตยึสุ. มหาปุริโส ‘‘มยา ตุมฺหากํ รชฺชํ ปฏิคฺคหิตเมว โหตุ, ราชา ปน มํ รฏฺา ปพฺพาเชติ, ตสฺมา วงฺกปพฺพตเมว คมิสฺสามี’’ติ วตฺวา เตหิ นานปฺปการํ ตตฺถ วาสํ ยาจิยมาโนปิ ตํ อนลงฺกริตฺวา เตหิ คหิตารกฺโข ตํ รตฺตึ สาลายเมว วสิตฺวา ปุนทิวเส ปาโตว นานคฺครสโภชนํ ภฺุชิตฺวา เตหิ ปริวุโต นิกฺขมิตฺวา ปนฺนรสโยชนมคฺคํ คนฺตฺวา วนทฺวาเร ตฺวา เต นิวตฺเตตฺวา ปุรโต ปนฺนรสโยชนมคฺคํ เตหิ อาจิกฺขิตนิยาเมเนว อคมาสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘สฏฺิราชสหสฺสานิ, ตทา วสนฺติ มาตุเล;
สพฺเพ ปฺชลิกา หุตฺวา, โรทมานา อุปาคมุํ.
‘‘ตตฺถ วตฺเตตฺวา สลฺลาปํ, เจเตหิ เจตปุตฺเตหิ;
เต ตโต นิกฺขมิตฺวาน, วงฺกํ อคมุ ปพฺพต’’นฺติ.
ตตฺถ ตตฺถ วตฺเตตฺวา สลฺลาปนฺติ ตตฺถ เตหิ ราชูหิ สมาคเมหิ สทฺธึ ปฏิสมฺโมทมานา กถํ ปวตฺเตตฺวา. เจตปุตฺเตหีติ เจตราชปุตฺเตหิ. เต ตโต นิกฺขมิตฺวานาติ เต ราชาโน ตโต วนทฺวารฏฺาเน นิวตฺเตตฺวา. วงฺกํ อคมุ ปพฺพตนฺติ อมฺเห จตฺตาโร ชนา วงฺกปพฺพตํ อุทฺทิสฺส อคมมฺหา.
อถ ¶ มหาสตฺโต เตหิ อาจิกฺขิตมคฺเคน คจฺฉนฺโต คนฺธมาทนปพฺพตํ ปตฺวา ตํ ทิวสํ ตตฺถ ¶ วสิตฺวา ตโต อุตฺตรทิสาภิมุโข เวปุลฺลปพฺพตปาเทน คนฺตฺวา เกตุมตีนทีตีเร นิสีทิตฺวา วนจรเกน ทินฺนํ มธุมํสํ ขาทิตฺวา ตสฺส สุวณฺณสูจึ ทตฺวา นฺหตฺวา ปิวิตฺวา ปฏิปฺปสฺสทฺธทรโถ นทึ อุตฺตริตฺวา สานุปพฺพตสิขเร ิตสฺส นิคฺโรธสฺส มูเล โถกํ นิสีทิตฺวา อุฏฺาย คจฺฉนฺโต นาลิกปพฺพตํ ปริหรนฺโต มุจลินฺทสรํ คนฺตฺวา สรตีเรน ปุพฺพุตฺตรกณฺณํ ปตฺวา เอกปทิกมคฺเคเนว วนฆฏํ ปวิสิตฺวา ตํ อติกฺกมฺม คิริวิทุคฺคานํ นทีปภวานํ ปุรโต จตุรสฺสโปกฺขรณึ ปาปุณิ.
๑๐๗. ตสฺมึ ¶ ขเณ สกฺโก อาวชฺเชนฺโต ‘‘มหาสตฺโต หิมวนฺตํ ปวิฏฺโ, วสนฏฺานํ ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา วิสฺสกมฺมํ เปเสสิ – ‘‘คจฺฉ วงฺกปพฺพตกุจฺฉิมฺหิ รมณีเย าเน อสฺสมปทํ มาเปหี’’ติ. โส ตตฺถ ทฺเว ปณฺณสาลาโย ทฺเว จงฺกเม ทฺเว จ รตฺติฏฺานทิวาฏฺานานิ มาเปตฺวา เตสุ เตสุ าเนสุ นานาปุปฺผวิจิตฺเต รุกฺเข ผลิเต รุกฺเข ปุปฺผคจฺเฉ กทลิวนาทีนิ จ ทสฺเสตฺวา สพฺเพ ปพฺพชิตปริกฺขาเร ปฏิยาเทตฺวา ‘‘เยเกจิ ปพฺพชิตุกามา, เต คณฺหนฺตู’’ติ อกฺขรานิ ลิขิตฺวา อมนุสฺเส จ เภรวสทฺเท มิคปกฺขิโน จ ปฏิกฺกมาเปตฺวา สกฏฺานเมว คโต.
มหาสตฺโต เอกปทิกมคฺคํ ทิสฺวา ‘‘ปพฺพชิตานํ วสนฏฺานํ ภวิสฺสตี’’ติ มทฺทิฺจ ปุตฺเต จ ตตฺเถว เปตฺวา อสฺสมปทํ ปวิสิตฺวา อกฺขรานิ โอโลเกตฺวา ‘‘สกฺเกน ทินฺโนสฺมี’’ติ ปณฺณสาลทฺวารํ วิวริตฺวา ปวิฏฺโ ขคฺคฺจ ธนฺุจ อปเนตฺวา สาฏเก โอมฺุจิตฺวา อิสิเวสํ คเหตฺวา กตฺตรทณฺฑํ อาทาย นิกฺขมิตฺวา ปจฺเจกพุทฺธสทิเสน อุปสเมน ทารกานํ สนฺติกํ อคมาสิ. มทฺทิเทวีปิ มหาสตฺตํ ทิสฺวา ปาเทสุ ปติตฺวา โรทิตฺวา เตเนว สทฺธึ อสฺสมํ ปวิสิตฺวา อตฺตโน ปณฺณสาลํ คนฺตฺวา อิสิเวสํ คณฺหิ. ปจฺฉา ปุตฺเตปิ ตาปสกุมารเก กรึสุ. โพธิสตฺโต มทฺทึ วรํ ยาจิ ‘‘มยํ อิโต ปฏฺาย ปพฺพชิตา นาม, อิตฺถี จ นาม พฺรหฺมจริยสฺส มลํ, มา ทานิ อกาเล มม สนฺติกํ อาคจฺฉา’’ติ. สา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา มหาสตฺตมฺปิ วรํ ยาจิ ‘‘เทว, ตุมฺเห ปุตฺเต คเหตฺวา อิเธว โหถ, อหํ ผลาผลํ อาหริสฺสามี’’ติ. สา ตโต ปฏฺาย อรฺโต ผลาผลานิ อาหริตฺวา ตโย ชเน ปฏิชคฺคิ. อิติ จตฺตาโร ขตฺติยา วงฺกปพฺพตกุจฺฉิยํ สตฺตมาสมตฺตํ วสึสุ. เตน วุตฺตํ ‘‘อามนฺตยิตฺวา เทวินฺโท, วิสฺสกมฺมํ มหิทฺธิก’’นฺติอาทิ.
ตตฺถ ¶ อามนฺตยิตฺวาติ ปกฺโกสาเปตฺวา. มหิทฺธิกนฺติ มหติยา เทวิทฺธิยา สมนฺนาคตํ. อสฺสมํ สุกตนฺติ อสฺสมปทํ สุกตํ กตฺวา. รมฺมํ เวสฺสนฺตรสฺส วสนานุจฺฉวิกํ ปณฺณสาลํ. สุมาปยาติ สุฏฺุ มาปย. อาณาเปสีติ วจนเสโส. สุมาปยีติ สมฺมา มาเปสิ.
๑๑๑. อสฺุโติ ¶ ยถา โส อสฺสโม อสฺุโ โหติ, เอวํ ตสฺส อสฺุภาวกรเณน ¶ อสฺุโ โหมิ. ‘‘อสฺุเ’’ติ วา ปาโ, มม วสเนเนว อสฺุเ อสฺสเม ทารเก อนุรกฺขนฺโต วสามิ ตตฺถ ติฏฺามิ. โพธิสตฺตสฺส เมตฺตานุภาเวน สมนฺตา ติโยชเน สพฺเพ ติรจฺฉานาปิ เมตฺตํ ปฏิลภึสุ.
เอวํ เตสุ ตตฺถ วสนฺเตสุ กลิงฺครฏฺวาสี ชูชโก นาม พฺราหฺมโณ อมิตฺตตาปนาย นาม ภริยาย ‘‘นาหํ เต นิจฺจํ ธฺโกฏฺฏนอุทกาหรณยาคุภตฺตปจนาทีนิ กาตุํ สกฺโกมิ, ปริจารกํ เม ทาสํ วา ทาสึ วา อาเนหี’’ติ วุตฺเต ‘‘กุโตหํ เต โภติ ทุคฺคโต ทาสํ วา ทาสึ วา ลภิสฺสามี’’ติ วตฺวา ตาย ‘‘เอส เวสฺสนฺตโร ราชา วงฺกปพฺพเต วสติ. ตสฺส ปุตฺเต มยฺหํ ปริจารเก ยาจิตฺวา อาเนหี’’ติ วุตฺเต กิเลสวเสน ตสฺสา ปฏิพทฺธจิตฺตตาย ตสฺสา วจนํ อติกฺกมิตุํ อสกฺโกนฺโต ปาเถยฺยํ ปฏิยาทาเปตฺวา อนุกฺกเมน เชตุตฺตรนครํ ปตฺวา ‘‘กุหึ เวสฺสนฺตรมหาราชา’’ติ ปุจฺฉิ.
มหาชโน ‘‘อิเมสํ ยาจกานํ อติทาเนน อมฺหากํ ราชา รฏฺา ปพฺพาชิโต, เอวํ อมฺหากํ ราชานํ นาเสตฺวา ปุนปิ อิเธว อาคจฺฉตี’’ติ เลฑฺฑุทณฺฑาทิหตฺโถ อุปกฺโกสนฺโต พฺราหฺมณํ อนุพนฺธิ. โส เทวตาวิคฺคหิโต หุตฺวา ตโต นิกฺขมิตฺวา วงฺกปพฺพตคามิมคฺคํ อภิรุฬฺโห อนุกฺกเมน วนทฺวารํ ปตฺวา มหาวนํ อชฺโฌคาเหตฺวา มคฺคมูฬฺโห หุตฺวา วิจรนฺโต เตหิ ราชูหิ โพธิสตฺตสฺส อารกฺขณตฺถาย ปิเตน เจตปุตฺเตน สมาคฺฉิ. เตน ‘‘กหํ, โภ พฺราหฺมณ, คจฺฉสี’’ติ ปุฏฺโ ‘‘เวสฺสนฺตรมหาราชสฺส สนฺติก’’นฺติ วุตฺเต ‘‘อทฺธา อยํ พฺราหฺมโณ ตสฺส ปุตฺเต วา เทวึ วา ยาจิตุํ คจฺฉตี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘มา โข, ตฺวํ พฺราหฺมณ, ตตฺถ คฺฉิ, สเจ คจฺฉสิ, เอตฺเถว เต สีสํ ฉินฺทิตฺวา มยฺหํ สุนขานํ ฆาสํ กริสฺสามี’’ติ เตน สนฺตชฺชิโต มรณภยภีโต ‘‘อหมสฺส ปิตรา เปสิโต ทูโต, ‘ตํ อาเนสฺสามี’ติ อาคโต’’ติ มุสาวาทํ อภาสิ. ตํ สุตฺวา เจตปุตฺโต ตุฏฺหฏฺโ พฺราหฺมณสฺส ¶ สกฺการสมฺมานํ กตฺวา วงฺกปพฺพตคามิมคฺคํ อาจิกฺขิ. โส ตโต ปรํ คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค อจฺจุเตน นาม ตาปเสน สทฺธึ สมาคนฺตฺวา ตมฺปิ มคฺคํ ปุจฺฉิตฺวา เตนาปิ มคฺเค อาจิกฺขิเต เตน อาจิกฺขิตสฺาย มคฺคํ คจฺฉนฺโต อนุกฺกเมน โพธิสตฺตสฺส อสฺสมปทฏฺานสมีปํ คนฺตฺวา มทฺทิเทวิยา ผลาผลตฺถํ ¶ คตกาเล โพธิสตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา อุโภ ทารเก ยาจิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ปวเน วสมานสฺส, อทฺธิโก มํ อุปาคมิ;
อยาจิ ปุตฺตเก มยฺหํ, ชาลึ กณฺหาชินํ จุโภ’’ติ.
เอวํ ¶ พฺราหฺมเณน ทารเกสุ ยาจิเตสุ มหาสตฺโต ‘‘จิรสฺสํ วต เม ยาจโก อธิคโต, อชฺชาหํ อนวเสสโต ทานปารมึ ปูเรสฺสามี’’ติ อธิปฺปาเยน โสมนสฺสชาโต ปสาริตหตฺเถ สหสฺสตฺถวิกํ เปนฺโต วิย พฺราหฺมณสฺส จิตฺตํ ปริโตเสนฺโต สกลฺจ ตํ ปพฺพตกุจฺฉึ อุนฺนาเทนฺโต ‘‘ททามิ ตว มยฺหํ ปุตฺตเก, อปิ จ มทฺทิเทวี ปน ปาโตว ผลาผลตฺถาย วนํ คนฺตฺวา สายํ อาคมิสฺสติ, ตาย อาคตาย เต ปุตฺตเก ทสฺเสตฺวา ตฺวฺจ มูลผลาผลํ ขาทิตฺวา เอกรตฺตึ วสิตฺวา วิคตปริสฺสโม ปาโตว คมิสฺสสี’’ติ อาห. พฺราหฺมโณ ‘‘กามฺเจส อุฬารชฺฌาสยตาย ปุตฺตเก ททาติ, มาตา ปน วจฺฉคิทฺธา อาคนฺตฺวา ทานสฺส อนฺตรายมฺปิ กเรยฺย, ยํนูนาหํ อิมํ นิปฺปีเฬตฺวา ทารเก คเหตฺวา อชฺเชว คจฺเฉยฺย’’นฺติ จินฺเตตฺวา ‘‘ปุตฺตา เจ เต มยฺหํ ทินฺนา, กึ ทานิ มาตรํ ทสฺเสตฺวา เปสิเตหิ, ทารเก คเหตฺวา อชฺเชว คมิสฺสามี’’ติ อาห. ‘‘สเจ, ตฺวํ พฺราหฺมณ, ราชปุตฺตึ มาตรํ ทฏฺุํ น อิจฺฉสิ, อิเม ทารเก คเหตฺวา เชตุตฺตรนครํ คจฺฉ, ตตฺถ สฺชยมหาราชา ทารเก คเหตฺวา มหนฺตํ เต ธนํ ทสฺสติ, เตน ทาสทาสิโย คณฺหิสฺสสิ, สุขฺจ ชีวิสฺสสิ, อฺถา อิเม สุขุมาลา ราชทารกา, กึ เต เวยฺยาวจฺจํ กริสฺสนฺตี’’ติ อาห.
พฺราหฺมโณ ‘‘เอวมฺปิ มยา น สกฺกา กาตุํ, ราชทณฺฑโต ภายามิ, มยฺหเมว คามํ เนสฺสามี’’ติ อาห. อิมํ เตสํ กถาสลฺลาปํ สุตฺวา ทารกา ‘‘ปิตา โน โข อมฺเห พฺราหฺมณสฺส ทาตุกาโม’’ติ ปกฺกมิตฺวา โปกฺขรณึ คนฺตฺวา ปทุมินิคจฺเฉ นิลียึสุ. พฺราหฺมโณ เต อทิสฺวาว ‘‘ตฺวํ ¶ ‘ทารเก ททามี’ติ วตฺวา เต อปกฺกมาเปสิ, เอโส เต สาธุภาโว’’ติ อาห. อถ มหาสตฺโต สหสาว อุฏฺหิตฺวา ทารเก คเวสนฺโต ปทุมินิคจฺเฉ นิลีเน ทิสฺวา ‘‘เอถ, ตาตา, มา มยฺหํ ทานปารมิยา อนฺตรายํ อกตฺถ, มม ทานชฺฌาสยํ มตฺถกํ ปาเปถ, อยฺจ พฺราหฺมโณ ตุมฺเห คเหตฺวา ตุมฺหากํ อยฺยกสฺส สฺชยมหาราชสฺส สนฺติกํ คมิสฺสติ ¶ , ตาต ชาลิ, ตฺวํ ภุชิสฺโส โหตุกาโม พฺราหฺมณสฺส นิกฺขสหสฺสํ ทตฺวา ภุชิสฺโส ภเวยฺยาสิ, กณฺหาชิเน ตฺวํ ทาสสตํ ทาสิสตํ หตฺถิสตํ อสฺสสตํ อุสภสตํ นิกฺขสตนฺติ สพฺพสตํ ทตฺวา ภุชิสฺสา ภเวยฺยาสี’’ติ กุมาเร อคฺฆาเปตฺวา สมสฺสาเสตฺวา คเหตฺวา อสฺสมปทํ คนฺตฺวา กมณฺฑลุนา อุทกํ คเหตฺวา สพฺพฺุตฺาณสฺส ปจฺจยํ กตฺวา พฺราหฺมณสฺส หตฺเถ อุทกํ ปาเตตฺวา อติวิย ปีติโสมนสฺสชาโต หุตฺวา ปถวึ อุนฺนาเทนฺโต ปิยปุตฺตทานํ อทาสิ. อิธาปิ ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว ปถวิกมฺปาทโย อเหสุํ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ยาจกํ อุปคตํ ทิสฺวา, หาโส เม อุปปชฺชถ;
อุโภ ปุตฺเต คเหตฺวาน, อทาสึ พฺราหฺมเณ ตทา.
‘‘สเก ¶ ปุตฺเต จชนฺตสฺส, ชูชเก พฺราหฺมเณ ยทา;
ตทาปิ ปถวี กมฺปิ, สิเนรุวนวฏํสกา’’ติ.
อถ พฺราหฺมโณ ทารเก อคนฺตุกาเม ลตาย หตฺเถสุ พนฺธิตฺวา อากฑฺฒิ. เตสํ พนฺธฏฺาเน ฉวึ ฉินฺทิตฺวา โลหิตํ ปคฺฆริ. โส ลตาทณฺเฑน ปหรนฺโต อากฑฺฒิ. เต ปิตรํ โอโลเกตฺวา.
‘‘อมฺมา จ ตาต นิกฺขนฺตา, ตฺวฺจ โน ตาต ทสฺสสิ;
มา โน ตฺวํ ตาต อททา, ยาว อมฺมาปิ เอตุ โน;
ตทายํ พฺราหฺมโณ กามํ, วิกฺกิณาตุ หนาตุ วา’’ติ. (ชา. ๒.๒๒.๒๑๒๖) –
วตฺวา ปุนปิ อยํ เอวรูโป โฆรทสฺสโน กุรูรกมฺมนฺโต –
‘‘มนุสฺโส อุทาหุ ยกฺโข, มํสโลหิตโภชโน;
คามา อรฺมาคมฺม, ธนํ ตํ ตาต ยาจติ;
นียมาเน ปิสาเจน, กึ นุ ตาต อุทิกฺขสี’’ติ. (ชา. ๒.๒๒.๒๑๓๐-๒๑๓๑) –
อาทีนิ วทนฺตา ปริเทวึสุ. ตตฺถ ธนนฺติ ปุตฺตธนํ.
ชูชโก ¶ ทารเก ตถา ปริเทวนฺเตเยว โปเถนฺโตว คเหตฺวา ปกฺกามิ. มหาสตฺตสฺส ทารกานํ กรุณํ ปริเทวิเตน ตสฺส จ พฺราหฺมณสฺส อการฺุภาเวน พลวโสโก อุปฺปชฺชิ, วิปฺปฏิสาโร จ อุทปาทิ. โส ตงฺขณฺเว โพธิสตฺตานํ ปเวณึ อนุสฺสริ. ‘‘สพฺเพว หิ โพธิสตฺตา ปฺจ มหาปริจฺจาเค ปริจฺจชิตฺวา พุทฺธา ภวิสฺสนฺติ, อหมฺปิ ¶ เตสํ อพฺภนฺตโร, ปุตฺตทานฺจ มหาปริจฺจาคานํ อฺตรํ, ตสฺมา เวสฺสนฺตร ทานํ ทตฺวา ปจฺฉานุตาโป น เต อนุจฺฉวิโก’’ติ อตฺตานํ ปริภาเสตฺวา ‘‘ทินฺนกาลโต ปฏฺาย มม เต น กิฺจิ โหนฺตี’’ติ อตฺตานํ อุปตฺถมฺเภตฺวา ทฬฺหสมาทานํ อธิฏฺาย ปณฺณสาลทฺวาเร ปาสาณผลเก กฺจนปฏิมา วิย นิสีทิ.
อถ มทฺทิเทวี อรฺโต ผลาผลํ คเหตฺวา นิวตฺตนฺตี ‘‘มา มหาสตฺตสฺส ทานนฺตราโย โหตู’’ติ ¶ วาฬมิครูปธราหิ เทวตาหิ อุปรุทฺธมคฺคา เตสุ อปคเตสุ จิเรน อสฺสมํ ปตฺวา ‘‘อชฺช เม ทุสฺสุปินํ ทิฏฺํ, ทุนฺนิมิตฺตานิ จ อุปฺปนฺนานิ, กึ นุ โข ภวิสฺสตี’’ติ จินฺเตนฺตี อสฺสมํ ปวิสิตฺวา ปุตฺตเก อปสฺสนฺตี โพธิสตฺตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘เทว, น โข อมฺหากํ ปุตฺตเก ปสฺสามิ, กุหึ เต คตา’’ติ อาห. โส ตุณฺหี อโหสิ. สา ปุตฺตเก อุปธาเรนฺตี ตหึ ตหึ อุปธาวิตฺวา คเวสนฺตี อทิสฺวา ปุนปิ คนฺตฺวา ปุจฺฉิ. โพธิสตฺโต ‘‘กกฺขฬกถาย นํ ปุตฺตโสกํ ชหาเปสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา –
‘‘นูน มทฺที วราโรหา, ราชปุตฺตี ยสสฺสินี;
ปาโต คตาสิ อฺุฉาย, กิมิทํ สายมาคตา’’ติ. (ชา. ๒.๒๒.๒๒๒๕) –
วตฺวา ตาย จิรายนการเณ กถิเต ปุนปิ ทารเก สนฺธาย น กิฺจิ อาห. สา ปุตฺตโสเกน เต อุปธาเรนฺตี ปุนปิ วาตเวเคน วนานิ วิจริ. ตาย เอกรตฺติยํ วิจริตฏฺานํ ปริคฺคณฺหนฺตํ ปนฺนรสโยชนมตฺตํ อโหสิ. อถ วิภาตาย รตฺติยา มหาสตฺตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ิตา ทารกานํ อทสฺสเนน พลวโสกาภิภูตา ตสฺส ปาทมูเล ฉินฺนกทลี วิย ภูมิยํ วิสฺี หุตฺวา ปติ. โส ‘‘มตา’’ติ สฺาย กมฺปมาโน อุปฺปนฺนพลวโสโกปิ สตึ ปจฺจุปฏฺเปตฺวา ‘‘ชานิสฺสามิ ตาว ชีวติ, น ชีวตี’’ติ สตฺตมาเส กายสํสคฺคํ อนาปนฺนปุพฺโพปิ ¶ อฺสฺส อภาเวน ตสฺสา สีสํ อุกฺขิปิตฺวา อูรูสุ เปตฺวา อุทเกน ปริปฺโผสิตฺวา อุรฺจ มุขฺจ หทยฺจ ปริมชฺชิ. มทฺทีปิ โข โถกํ วีตินาเมตฺวา สตึ ปฏิลภิตฺวา หิโรตฺตปฺปํ ปจฺจุปฏฺเปตฺวา ‘‘เทว, ทารกา เต กุหึ คตา’’ติ ปุจฺฉิ. โส อาห – ‘‘เทวิ, เอกสฺส เม พฺราหฺมณสฺส มํ ยาจิตฺวา อาคตสฺส ทาสตฺถาย ทินฺนา’’ติ วตฺวา ตาย ‘‘กสฺมา, เทว, ปุตฺเต พฺราหฺมณสฺส ¶ ทตฺวา มม สพฺพรตฺตึ ปริเทวิตฺวา วิจรนฺติยา นาจิกฺขี’’ติ วุตฺเต ‘‘ปมเมว วุตฺเต ตว จิตฺตทุกฺขํ พหุ ภวิสฺสติ, อิทานิ ปน สรีรทุกฺเขน ตนุกํ ภวิสฺสตี’’ติ วตฺวา –
‘‘มํ ปสฺส มทฺทิ มา ปุตฺเต, มา พาฬฺหํ ปริเทวสิ;
ลจฺฉาม ปุตฺเต ชีวนฺตา, อโรคา จ ภวามเส’’ติ. (ชา. ๒.๒๒.๒๒๖๐) –
โส สมสฺสาเสตฺวา ปุน –
‘‘ปุตฺเต ¶ ปสฺุจ ธฺฺจ, ยฺจ อฺํ ฆเร ธนํ;
ทชฺชา สปฺปุริโส ทานํ, ทิสฺวา ยาจกมาคตํ;
อนุโมทาหิ เม มทฺทิ, ปุตฺตเก ทานมุตฺตม’’นฺติ. (ชา. ๒.๒๒.๒๒๖๑) –
วตฺวา อตฺตโน ปุตฺตทานํ ตํ อนุโมทาเปสิ.
สาปิ –
‘‘อนุโมทามิ เต เทว, ปุตฺตเก ทานมุตฺตมํ;
ทตฺวา จิตฺตํ ปสาเทหิ, ภิยฺโย ทานํ ทโท ภวา’’ติ. (ชา. ๒.๒๒.๒๒๖๒) –
วตฺวา อนุโมทิ.
เอวํ เตสุ อฺมฺํ สมฺโมทนียํ กถํ กเถนฺเตสุ สกฺโก จินฺเตสิ – ‘‘มหาปุริโส หิยฺโย ชูชกสฺส ปถวึ อุนฺนาเทตฺวา ทารเก อทาสิ. อิทานิ นํ โกจิ หีนปุริโส อุปสงฺกมิตฺวา มทฺทิเทวึ ยาจิตฺวา คเหตฺวา คจฺเฉยฺย, ตโต ราชา นิปฺปจฺจโย ภเวยฺย, หนฺทาหํ พฺราหฺมณวณฺเณน นํ อุปสงฺกมิตฺวา มทฺทึ ยาจิตฺวา ปารมิกูฏํ คาหาเปตฺวา กสฺสจิ อวิสฺสชฺชิยํ กตฺวา ปุน นํ ตสฺเสว ทตฺวา อาคมิสฺสามี’’ติ. โส สูริยุคฺคมนเวลายํ พฺราหฺมณวณฺเณน ตสฺส สนฺติกํ อคมาสิ. ตํ ทิสฺวา มหาปุริโส ‘‘อติถิ โน อาคโต’’ติ ปีติโสมนสฺสชาโต เตน สทฺธึ มธุรปฏิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘พฺราหฺมณ, เกนตฺเถน อิธาคโตสี’’ติ ¶ ปุจฺฉิ. อถ นํ สกฺโก มทฺทิเทวึ ยาจิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ปุนเทว สกฺโก โอรุยฺห, หุตฺวา พฺราหฺมณสนฺนิโภ;
อยาจิ มํ มทฺทิเทวึ, สีลวนฺตึ ปติพฺพต’’นฺติ.
ตตฺถ ปุนเทวาติ ทารเก ทินฺนทิวสโต ปจฺฉา เอว. ตทนนฺตรเมวาติ อตฺโถ. โอรุยฺหาติ เทวโลกโต โอตริตฺวา. พฺราหฺมณสนฺนิโภติ พฺราหฺมณสมานวณฺโณ.
อถ ¶ มหาสตฺโต ‘‘หิยฺโย เม ทฺเวปิ ทารเก พฺราหฺมณสฺส ทินฺนา, อหมฺปิ อรฺเ เอกโกว, กถํ เต มทฺทึ สีลวนฺตึ ¶ ปติพฺพตํ ทสฺสามี’’ติ อวตฺวาว ปสาริตหตฺเถ อนคฺฆรตนํ เปนฺโต วิย อสชฺชิตฺวา อพชฺฌิตฺวา อโนลีนมานโส ‘‘อชฺช เม ทานปารมี มตฺถกํ ปาปุณิสฺสตี’’ติ หฏฺตุฏฺโ คิรึ อุนฺนาเทนฺโต วิย –
‘‘ททามิ น วิกมฺปามิ, ยํ มํ ยาจสิ พฺราหฺมณ;
สนฺตํ นปฺปฏิคูหามิ, ทาเน เม รมตี มโน’’ติ. (ชา. ๒.๒๒.๒๒๗๘) –
วตฺวา สีฆเมว กมณฺฑลุนา อุทกํ อาหริตฺวา พฺราหฺมณสฺส หตฺเถ อุทกํ ปาเตตฺวา ภริยมทาสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘มทฺทึ หตฺเถ คเหตฺวาน, อุทกฺชลิ ปูริย;
ปสนฺนมนสงฺกปฺโป, ตสฺส มทฺทึ อทาสห’’นฺติ.
ตตฺถ อุทกฺชลีติ อุทกํ อฺชลึ, ‘‘อุทก’’นฺติ จ กรณตฺเถ ปจฺจตฺตวจนํ, อุทเกน ตสฺส พฺราหฺมณสฺส อฺชลึ ปสาริตหตฺถตลํ ปูเรตฺวาติ อตฺโถ. ปสนฺนมนสงฺกปฺโปติ ‘‘อทฺธา อิมินา ปริจฺจาเคน ทานปารมึ มตฺถกํ ปาเปตฺวา สมฺมาสมฺโพธึ อธิคมิสฺสามี’’ติ อุปนฺนสทฺธาปสาเทน ปสนฺนจิตฺตสงฺกปฺโป. ตงฺขณฺเว เหฏฺา วุตฺตปฺปการานิ สพฺพปาฏิหาริยานิ ปาตุรเหสุํ. ‘‘อิทานิสฺส น ทูเร สมฺมาสมฺโพธี’’ติ เทวคณา พฺรหฺมคณา อติวิย ปีติโสมนสฺสชาตา อเหสุํ. เตน วุตฺตํ –
‘‘มทฺทิยา ทียมานาย, คคเน เทวา ปโมทิตา;
ตทาปิ ปถวี กมฺปิ, สิเนรุวนวฏํสกา’’ติ.
ตโต ¶ ปน ทียมานาย มทฺทิยา เทวิยา รุณฺณํ วา ทุมฺมุขํ วา ภากุฏิมตฺตํ วา นาโหสิ, เอวํ จสฺสา อโหสิ ‘‘ยํ เทโว อิจฺฉติ, ตํ กโรตู’’ติ.
‘‘โกมารี ¶ ยสฺสาหํ ภริยา, สามิโก มม อิสฺสโร;
ยสฺสิจฺเฉ ตสฺส มํ ทชฺชา, วิกฺกิเณยฺย หเนยฺย วา’’ติ. (ชา. ๒.๒๒.๒๒๘๒) –
อาห.
มหาปุริโสปิ ‘‘อมฺโภ, พฺราหฺมณ, มทฺทิโต เม สตคุเณน สหสฺสคุเณน สตสหสฺสคุเณน สพฺพฺุตฺาณเมว ปิยตรํ, อิทํ เม ทานํ สพฺพฺุตฺาณปฺปฏิเวธสฺส ปจฺจโย โหตู’’ติ วตฺวา อทาสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ชาลึ กณฺหาชินํ ธีตํ, มทฺทิเทวึ ปติพฺพตํ;
จชมาโน น จินฺเตสึ, โพธิยาเยว การณา.
น ¶ เม เทสฺสา อุโภ ปุตฺตา, มทฺทิเทวี น เทสฺสิยา;
สพฺพฺุตํ ปิยํ มยฺหํ, ตสฺมา ปิเย อทาสห’’นฺติ.
ตตฺถ จชมาโน น จินฺเตสินฺติ ปริจฺจชนฺโต สนฺตาปวเสน น จินฺเตสึ, วิสฺสฏฺโ หุตฺวา ปริจฺจชินฺติ อตฺโถ.
เอตฺถาห – กสฺมา ปนายํ มหาปุริโส อตฺตโน ปุตฺตทาเร ชาติสมฺปนฺเน ขตฺติเย ปรสฺส ทาสภาเวน ปริจฺจชิ, น หิ เยสํ เกสฺจิปิ ภุชิสฺสานํ อภุชิสฺสภาวกรณํ สาธุธมฺโมติ? วุจฺจเต – อนุธมฺมภาวโต. อยฺหิ พุทฺธการเก ธมฺเม อนุคตธมฺมตา, ยทิทํ สพฺพสฺส อตฺตนิยสฺส มมนฺติ ปริคฺคหิตวตฺถุโน อนวเสสปริจฺจาโค, น หิ เทยฺยธมฺมปฏิคฺคาหกวิกปฺปรหิตํ ทานปารมึ ปริปูเรตุํ อุสฺสุกฺกมาปนฺนานํ โพธิสตฺตานํ มมนฺติ ปริคฺคหิตวตฺถุํ ยาจนฺตสฺส ยาจกสฺส น ปริจฺจชิตุํ ยุตฺตํ, โปราโณปิ จายมนุธมฺโม. สพฺเพสฺหิ โพธิสตฺตานํ อยํ อาจิณฺณสมาจิณฺณธมฺโม กุลวํโส กุลปฺปเวณี, ยทิทํ สพฺพสฺส ปริจฺจาโค. ตตฺถ จ วิเสสโต ปิยตรวตฺถุปริจฺจาโค, น หิ เกจิ โพธิสตฺตา วํสานุคตํ รชฺชิสฺสริยาทิธนปริจฺจาคํ, อตฺตโน สีสนยนาทิองฺคปริจฺจาคํ, ปิยชีวิตปริจฺจาคํ, กุลวํสปติฏฺาปกปิยปุตฺตปริจฺจาคํ, มนาปจารินีปิยภริยาปริจฺจาคนฺติ ¶ อิเม ปฺจ มหาปริจฺจาเค อปริจฺจชิตฺวา พุทฺธา นาม ภูตปุพฺพา อตฺถิ. ตถา หิ มงฺคเล ภควติ โพธิสตฺตภูเต ¶ โพธิปริเยสนํ จรมาเน จ จริมตฺตภาวโต ตติเย อตฺตภาเว สปุตฺตทาเร เอกสฺมึ ปพฺพเต วสนฺเต ขรทาิโก นาม ยกฺโข มหาปุริสสฺส ทานชฺฌาสยตํ สุตฺวา พฺราหฺมณวณฺเณน อุปสงฺกมิตฺวา มหาสตฺตํ ทฺเว ทารเก ยาจิ.
มหาสตฺโต ‘‘ททามิ พฺราหฺมณสฺส ปุตฺตเก’’ติ หฏฺปหฏฺโ อุทกปริยนฺตํ ปถวึ กมฺเปนฺโต ทฺเวปิ ทารเก อทาสิ. ยกฺโข จงฺกมนโกฏิยํ อาลมฺพนผลกํ นิสฺสาย ิโต มหาสตฺตสฺส ปสฺสนฺตสฺเสว มุฬาลกลาปํ วิย ทฺเว ทารเก ขาทิ. อคฺคิชาลํ วิย โลหิตธารํ อุคฺคิรมานํ ยกฺขสฺส มุขํ โอโลเกนฺตสฺส มหาปุริสสฺส ‘‘วฺเจสิ วต มํ ยกฺโข’’ติ อุปฺปชฺชนกจิตฺตุปฺปาทสฺส โอกาสํ อเทนฺตสฺส อุปายโกสลฺลสฺส สุภาวิตตฺตา อตีตธมฺมานํ ¶ อปฺปฏิสนฺธิสภาวโต อนิจฺจาทิวเสน สงฺขารานํ สุปริมทฺทิตภาวโต จ เอวํ อิตฺตรฏฺิติเกน ปภงฺคุนา อสาเรน สงฺขารกลาเปน ‘‘ปูริตา วต เม ทานปารมี, มหนฺตํ วต เม อตฺถํ สาเธตฺวา อิทํ อธิคต’’นฺติ โสมนสฺสเมว อุปฺปชฺชิ. โส อิทํ อนฺสาธารณํ ตสฺมึ ขเณ อตฺตโน จิตฺตาจารํ ตฺวา ‘‘อิมสฺส นิสฺสนฺเทน อนาคเต อิมินาว นีหาเรน สรีรโต รสฺมิโย นิกฺขมนฺตู’’ติ ปตฺถนมกาสิ. ตสฺส ตํ ปตฺถนํ นิสฺสาย พุทฺธภูตสฺส สรีรปฺปภา นิจฺจเมว ทสสหสฺสิโลกธาตุํ ผริตฺวา อฏฺาสิ (ธ. ส. อฏฺ. นิทานกถา). เอวํ อฺเปิ โพธิสตฺตา อตฺตโน ปิยตรํ ปุตฺตทารํ ปริจฺจชิตฺวา สพฺพฺุตฺาณํ ปฏิวิชฺฌึสุ.
อปิ จ ยถา นาม โกจิ ปุริโส กสฺสจิ สนฺติเก คามํ วา ชนปทํ วา เกณิยา คเหตฺวา กมฺมํ กโรนฺโต อตฺตโน อนฺเตวาสิกานํ วา ปมาเทน ปูติภูตํ ธนํ ธาเรยฺย, ตเมนํ โส คาหาเปตฺวา พนฺธนาคารํ ปเวเสยฺย. ตสฺส เอวมสฺส ‘‘อหํ โข อิมสฺส รฺโ กมฺมํ กโรนฺโต เอตฺตกํ นาม ธนํ ธาเรมิ, เตนาหํ รฺา พนฺธนาคาเร ปเวสิโต, สจาหํ อิเธว โหมิ, อตฺตานฺจ ชีเยยฺย, ปุตฺตทารกมฺมกรโปริสา จ เม ชีวิกาปคตา มหนฺตํ อนยพฺยสนํ อาปชฺเชยฺยุํ. ยํนูนาหํ รฺโ อาโรเจตฺวา อตฺตโน ปุตฺตํ วา กนิฏฺภาตรํ วา อิธ เปตฺวา นิกฺขเมยฺยํ ¶ . เอวาหํ อิโต พนฺธนโต มุตฺโต นจิรสฺเสว ยถามิตฺตํ ยถาสนฺทิฏฺํ ธนํ สํหริตฺวา รฺโ ทตฺวา ตมฺปิ พนฺธนโต โมเจมิ, อปฺปมตฺโตว หุตฺวา อุฏฺานพเลน อตฺตโน สมฺปตฺตึ ปฏิปากติกํ กริสฺสามี’’ติ. โส ตถา กเรยฺย. เอวํ สมฺปทมิทํ ทฏฺพฺพํ.
ตตฺริทํ โอปมฺมสํสนฺทนํ – ราชา วิย กมฺมํ, พนฺธนาคาโร วิย สํสาโร, รฺา พนฺธนาคาเร ปิตปุริโส วิย กมฺมวเสน สํสารจารเก ิโต มหาปุริโส, ตสฺส พนฺธนาคาเร ิตปุริสสฺส ตตฺถ ปุตฺตสฺส วา ภาตุโน วา ปราธีนภาวกรเณน เตสํ อตฺตโน จ ทุกฺขปฺปโมจนํ ¶ วิย มหาปุริสสฺส อตฺตโน ปุตฺตาทิเก ปเรสํ ทตฺวา สพฺพฺุตฺาณปฺปฏิลาเภน สพฺพสตฺตานํ วฏฺฏทุกฺขปฺปโมจนํ, ตสฺส วิคตทุกฺขสฺส เตหิ สทฺธึ ยถาธิปฺเปตสมฺปตฺติยํ ปติฏฺานํ วิย มหาปุริสสฺส อรหตฺตมคฺเคน ¶ อปคตวฏฺฏทุกฺขสฺส พุทฺธภาเวน ทสพลาทิสพฺพฺุตฺาณสมฺปตฺติสมนฺนาคโม อตฺตโน วจนการกานํ วิชฺชตฺตยาทิสมฺปตฺติสมนฺนาคโม จาติ เอวํ อนวชฺชสภาโว เอว มหาปุริสานํ ปุตฺตทารปริจฺจาโค. เอเตเนว นเยน เนสํ องฺคชีวิตปริจฺจาเค ยา โจทนา, สาปิ วิโสธิตาติ เวทิตพฺพาติ.
เอวํ ปน มหาสตฺเตน มทฺทิเทวิยา ทินฺนาย สกฺโก อจฺฉริยพฺภุตจิตฺตชาโต หุตฺวา –
‘‘สพฺเพ ชิตา เต ปจฺจูหา, เย ทิพฺพา เย จ มานุสา;
นินฺนาทิตา เต ปถวี, สทฺโท เต ติทิวํ คโต. (ชา. ๒.๒๒.๒๒๘๓-๒๒๘๔);
‘‘ทุทฺททํ ททมานานํ, ทุกฺกรํ กมฺม กุพฺพตํ;
อสนฺโต นานุกุพฺพนฺติ, สตํ ธมฺโม ทุรนฺนโย.
‘‘ตสฺมา สตฺจ อสตํ, นานา โหติ อิโต คติ;
อสนฺโต นิรยํ ยนฺติ, สนฺโต สคฺคปรายนา’’ติ. (ชา. ๒.๒๒.๒๒๘๖-๒๒๘๗) –
อาทินา นเยน มหาปุริสสฺส ทานานุโมทนวเสน ถุตึ อกาสิ.
ตตฺถ ปจฺจูหาติ ปจฺจตฺถิกา. ทิพฺพาติ ทิพฺพยสปฏิพาหกา. มานุสาติ มนุสฺสยสปฏิพาหกา. เก ปน เตติ? มจฺฉริยธมฺมา, เต สพฺเพ ปุตฺตทารํ เทนฺเตน มหาสตฺเตน ชิตาติ ทสฺเสติ. ทุทฺททนฺติ ปุตฺตทาราทิทุทฺททํ ททมานานํ ¶ ตเมว ทุกฺกรํ กุพฺพตํ ตุมฺหาทิสานํ กมฺมํ อฺเ สาวกปจฺเจกโพธิสตฺตา นานุกุพฺพนฺติ, ปเคว อสนฺโต มจฺฉริโน. ตสฺมา สตํ ธมฺโม ทุรนฺนโย สาธูนํ มหาโพธิสตฺตานํ ปฏิปตฺติธมฺโม อฺเหิ ทุรนุคโม.
เอวํ สกฺโก มหาปุริสสฺส อนุโมทนวเสน ถุตึ กตฺวา มทฺทิเทวึ นิยฺยาเตนฺโต –
‘‘ททามิ ¶ โภโต ภริยํ, มทฺทึ สพฺพงฺคโสภนํ;
ตฺวฺเจว มทฺทิยา ฉนฺโน, มทฺที จ ปติโน ตวา’’ติ. (ชา. ๒.๒๒.๒๒๘๙) –
วตฺวา ตํ มทฺทึ ปฏิทตฺวา ทิพฺพตฺตภาเวน ชลนฺโต ตรุณสูริโย วิย อากาเส ตฺวา อตฺตานํ อาจิกฺขนฺโต –
‘‘สกฺโกหมสฺมิ ¶ เทวินฺโท, อาคโตสฺมิ ตวนฺติเก;
วรํ วรสฺสุ ราชิสิ, วเร อฏฺ ททามิ เต’’ติ. (ชา. ๒.๒๒.๒๒๙๒) –
วตฺวา วเรหิ นิมนฺเตสิ. มหาสตฺโตปิ ‘‘ปิตา มํ ปุนเทว รชฺเช ปติฏฺาเปตุ, วชฺฌปฺปตฺตํ วธโต โมเจยฺยํ, สพฺพสตฺตานํ อวสฺสโย ภเวยฺยํ, ปรทารํ น คจฺเฉยฺยํ, อิตฺถีนํ วสํ น คจฺเฉยฺยํ, ปุตฺโต เม ทีฆายุโก สิยา, อนฺนปานาทิเทยฺยธมฺโม พหุโก สิยา, ตฺจ อปริกฺขยํ ปสนฺนจิตฺโต ทเทยฺยํ, เอวํ มหาทานานิ ปวตฺเตตฺวา เทวโลกํ คนฺตฺวา ตโต อิธาคโต สพฺพฺุตํ ปาปุเณยฺย’’นฺติ อิเม อฏฺ วเร ยาจิ. สกฺโก ‘‘นจิรสฺเสว ปิตา สฺชยมหาราชา อิเธว อาคนฺตฺวา ตํ คเหตฺวา รชฺเช ปติฏฺาเปสฺสติ, อิตโร จ สพฺโพ เต มโนรโถ มตฺถกํ ปาปุณิสฺสติ, มา จินฺตยิ, อปฺปมตฺโต โหหี’’ติ โอวทิตฺวา สกฏฺานเมว คโต. โพธิสตฺโต จ มทฺทิเทวี จ สมฺโมทมานา สกฺกทตฺติเย อสฺสเม วสึสุ.
ชูชเกปิ กุมาเร คเหตฺวา คจฺฉนฺเต เทวตา อารกฺขมกํสุ. ทิวเส ทิวเส เอกา เทวธีตา รตฺติภาเค อาคนฺตฺวา มทฺทิวณฺเณน กุมาเร ปฏิชคฺคิ. โส เทวตาวิคฺคหิโต หุตฺวา ‘‘กลิงฺครฏฺํ คมิสฺสามี’’ติ อฑฺฒมาเสน เชตุตฺตรนครเมว สมฺปาปุณิ. ราชา วินิจฺฉเย นิสินฺโน พฺราหฺมเณน สทฺธึ ทารเก ราชงฺคเณน คจฺฉนฺเต ทิสฺวา สฺชานิตฺวา พฺราหฺมเณน ¶ สทฺธึ เต ปกฺโกสาเปตฺวา ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา โพธิสตฺเตน กถิตนิยาเมเนว ธนํ ทตฺวา กุมาเร กิณิตฺวา นฺหาเปตฺวา โภเชตฺวา สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิเต กตฺวา ราชา ทารกํ ผุสฺสติเทวี ทาริกํ อุจฺฉงฺเค กตฺวา โพธิสตฺตสฺส ราชปุตฺติยา จ ปวตฺตึ สุณึสุ.
ตํ สุตฺวา ราชา ‘‘ภูนหจฺจํ วต มยา กต’’นฺติ สํวิคฺคมานโส ตาวเทว ทฺวาทสอกฺโขภนีปริมาณํ เสนํ สนฺนยฺหิตฺวา วงฺกปพฺพตาภิมุโข ปายาสิ สทฺธึ ผุสฺสติเทวิยา เจว ¶ ทารเกหิ จ. อนุกฺกเมน คนฺตฺวา ปุตฺเตน จ สุณิสาย จ สมาคฺฉิ. เวสฺสนฺตโร ปิยปุตฺเต ทิสฺวา โสกํ สนฺธาเรตุํ อสกฺโกนฺโต วิสฺี หุตฺวา ตตฺเถว ปติ, ตถา มทฺที มาตาปิตโร สหชาตา สฏฺิสหสฺสา จ อมจฺจา. ตํ การฺุํ ปสฺสนฺเตสุ เอโกปิ สกภาเวน สนฺธาเรตุํ ¶ นาสกฺขิ, สกลํ อสฺสมปทํ ยุคนฺธรวาตปมทฺทิตํ วิย สาลวนํ อโหสิ. สกฺโก เทวราชา เตสํ วิสฺิภาววิโนทนตฺถํ โปกฺขรวสฺสํ วสฺสาเปสิ, เตเมตุกามา เตเมนฺติ, โปกฺขเร ปติตวสฺสํ วิย วินิวตฺติตฺวา อุทกํ คจฺฉติ. สพฺเพ สฺํ ปฏิลภึสุ. ตทาปิ ปถวิกมฺปาทโย เหฏฺา วุตฺตปฺปการา อจฺฉริยา ปาตุรเหสุํ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ปุนาปรํ พฺรหารฺเ, มาตาปิตุสมาคเม;
กรุณํ ปริเทวนฺเต, สลฺลปนฺเต สุขํ ทุขํ.
‘‘หิโรตฺตปฺเปน ครุนา, อุภินฺนํ อุปสงฺกมิ;
ตทาปิ ปถวี กมฺปิ, สิเนรุวนวฏํสกา’’ติ.
ตตฺถ กรุณํ ปริเทวนฺเตติ มาตาปิตโร อาทึ กตฺวา สพฺพสฺมึ อาคตชเน กรุณํ ปริเทวมาเน. สลฺลปนฺเต สุขํ ทุขนฺติ สุขทุกฺขํ ปุจฺฉิตฺวา ปฏิสนฺถารวเสน อาลาปสลฺลาปํ กโรนฺเต. หิโรตฺตปฺเปน ครุนา อุภินฺนนฺติ อิเม สิวีนํ วจนํ คเหตฺวา อทูสกํ ธมฺเม ิตํ มํ ปพฺพาชยึสูติ จิตฺตปฺปโกปํ อกตฺวา อุโภสุ เอเตสุ มาตาปิตูสุ ธมฺมคารวสมุสฺสิเตน หิโรตฺตปฺเปเนว ยถารูเป อุปสงฺกมิ. เตน เม ธมฺมเตเชน ตทาปิ ปถวี กมฺปิ.
อถ ¶ สฺชยมหาราชา โพธิสตฺตํ ขมาเปตฺวา รชฺชํ ปฏิจฺฉาเปตฺวา ตงฺขณฺเว เกสมสฺสุกมฺมาทีนิ การาเปตฺวา นฺหาเปตฺวา สพฺพาภรณวิภูสิตํ เทวราชานมิว วิโรจมานํ สห มทฺทิเทวิยา รชฺเช อภิสิฺจิตฺวา ตาวเทว จ ตโต ปฏฺาย ทฺวาทสอกฺโขภนีปริมาณาย จตุรงฺคินิยา เสนาย จ ปุตฺตํ ปริวารยิตฺวา วงฺกปพฺพตโต ยาว เชตุตฺตรนครา สฏฺิโยชนมคฺคํ อลงฺการาเปตฺวา ทฺวีหิ มาเสหิ สุเขเนว นครํ ปเวเสสิ. มหาชโน อุฬารํ ปีติโสมนสฺสํ ปฏิสํเวเทสิ. เจลุกฺเขปาทโย ปวตฺตึสุ. นคเร จ นนฺทิเภรึ จราเปสุํ. อนฺตมโส พิฬาเร อุปาทาย สพฺเพสํ พนฺธเน ิตานํ พนฺธนโมกฺโข อโหสิ. โส นครํ ปวิฏฺทิวเสเยว ปจฺจูสกาเล จินฺเตสิ – ‘‘สฺเว วิภาตาย รตฺติยา มมาคตภาวํ สุตฺวา ยาจกา อาคมิสฺสนฺติ, เตสาหํ กึ ทสฺสามี’’ติ. ตสฺมึ ขเณ สกฺกสฺส อาสนํ อุณฺหาการํ ทสฺเสสิ. โส อาวชฺเชนฺโต ¶ ตํ การณํ ตฺวา ¶ ตาวเทว ราชนิเวสนสฺส ปุริมวตฺถุํ ปจฺฉิมวตฺถฺุจ กฏิปฺปมาณํ ปูเรนฺโต ฆนเมโฆ วิย สตฺตรตนวสฺสํ วสฺสาเปสิ. สกลนคเร ชณฺณุปฺปมาณํ วสฺสาเปสีติ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ปุนาปรํ พฺรหารฺา, นิกฺขมิตฺวา สาติภิ;
ปวิสามิ ปุรํ รมฺมํ, เชตุตฺตรํ ปุรุตฺตมํ.
‘‘รตนานิ สตฺต วสฺสึสุ, มหาเมโฆ ปวสฺสถ;
ตทาปิ ปถวี กมฺปิ, สิเนรุวนวฏํสกา.
‘‘อเจตนายํ ปถวี, อวิฺาย สุขํ ทุขํ;
สาปิ ทานพลา มยฺหํ, สตฺตกฺขตฺตุํ ปกมฺปถา’’ติ.
เอวํ สตฺตรตนวสฺเส วุฏฺเ ปุนทิวเส มหาสตฺโต ‘‘เยสํ กุลานํ ปุริมปจฺฉิมวตฺถูสุ วุฏฺธนํ, เตสฺเว โหตู’’ติ ทาเปตฺวา อวเสสํ อาหราเปตฺวา อตฺตโน เคหวตฺถุสฺมึ ธเนน สทฺธึ โกฏฺาคาเรสุ โอกิราเปตฺวา มหาทานํ ปวตฺเตสิ. อเจตนายํ ปถวีติ เจตนารหิตา อยํ มหาภูตา ปถวี, เทวตา ปน เจตนาสหิตา. อวิฺาย สุขํ ทุขนฺติ อเจตนตฺตา เอว สุขํ ทุกฺขํ อชานิตฺวา. สติปิ สุขทุกฺขปจฺจยสํโยเค ¶ ตํ นานุภวนฺตี. สาปิ ทานพลา มยฺหนฺติ เอวํภูตาปิ สา มหาปถวี มม ทานปฺุานุภาวเหตุ. สตฺตกฺขตฺตุํ ปกมฺปถาติ อฏฺวสฺสิกกาเล หทยมํสาทีนิปิ ยาจกานํ ทเทยฺยนฺติ ทานชฺฌาสยุปฺปาเท มงฺคลหตฺถิทาเน ปพฺพาชนกาเล ปวตฺติตมหาทาเน ปุตฺตทาเน ภริยาทาเน วงฺกปพฺพเต าติสมาคเม นครํ ปวิฏฺทิวเส รตนวสฺสกาเลติ อิเมสุ าเนสุ สตฺตวารํ อกมฺปิตฺถ. เอวํ เอกสฺมึเยว อตฺตภาเว สตฺตกฺขตฺตุํ มหาปถวิกมฺปนาทิอจฺฉริยปาตุภาวเหตุภูตานิ ยาวตายุกํ มหาทานานิ ปวตฺเตตฺวา มหาสตฺโต อายุปริโยสาเน ตุสิตปุเร อุปฺปชฺชิ. เตนาห ภควา –
‘‘ตโต เวสฺสนฺตโร ราชา, ทานํ ทตฺวาน ขตฺติโย;
กายสฺส เภทา สปฺปฺโ, สคฺคํ โส อุปปชฺชถา’’ติ. (ชา. ๒.๒๒.๒๔๔๐);
ตทา ชูชโก เทวทตฺโต อโหสิ, อมิตฺตตาปนา จิฺจมาณวิกา ¶ , เจตปุตฺโต ฉนฺโน, อจฺจุตตาปโส ¶ สาริปุตฺโต, สกฺโก อนุรุทฺโธ, มทฺที ราหุลมาตา, ชาลิกุมาโร ราหุโล, กณฺหาชินา อุปฺปลวณฺณา, มาตาปิตโร มหาราชกุลานิ, เสสปริสา พุทฺธปริสา, เวสฺสนฺตโร ราชา โลกนาโถ.
อิธาปิ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว ยถารหํ เสสปารมิโย นิทฺธาเรตพฺพา. ตถา มหาสตฺเต กุจฺฉิคเต มาตุ เทวสิกํ ฉสตสหสฺสานิ วิสฺสชฺเชตฺวา ทานํ ทาตุกามตาโทหโฬ, ตถา ทียมาเนปิ ธนสฺส ปริกฺขยาภาโว, ชาตกฺขเณ เอว หตฺถํ ปสาเรตฺวา ‘‘ทานํ ทสฺสามิ, อตฺถิ กิฺจี’’ติ วาจานิจฺฉารณํ, จตุปฺจวสฺสิกกาเล อตฺตโน อลงฺการสฺส ธาตีนํ หตฺถคตสฺส ปุน อคฺคเหตุกามตา, อฏฺวสฺสิกกาเล หทยมํสาทิกสฺส อตฺตโน สรีราวยวสฺส ทาตุกามตาติ เอวมาทิกา สตฺตกฺขตฺตุํ มหาปถวิกมฺปนาทิอเนกจฺฉริยปาตุภาวเหตุภูตา อิธ มหาปุริสสฺส คุณานุภาวา วิภาเวตพฺพา. เตเนตํ วุจฺจติ –
‘‘เอวํ อจฺฉริยา เหเต, อพฺภุตา จ มเหสิโน…เป…;
เตสุ จิตฺตปฺปสาโทปิ, ทุกฺขโต ปริโมจเย;
ปเควานุกิริยา เตสํ, ธมฺมสฺส อนุธมฺมโต’’ติ.
เวสฺสนฺตรจริยาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. สสปณฺฑิตจริยาวณฺณนา
๑๒๕-๖. ทสเม ¶ ยทา โหมิ, สสโกติ อหํ, สาริปุตฺต, โพธิปริเยสนํ จรมาโน ยทา สสปณฺฑิโต โหมิ. โพธิสตฺตา หิ กมฺมวสิปฺปตฺตาปิ ตาทิสานํ ติรจฺฉานานํ อนุคฺคณฺหนตฺถํ ติรจฺฉานโยนิยํ นิพฺพตฺตนฺติ. ปวนจารโกติ มหาวนจารี. ทพฺพาทิติณานิ รุกฺขคจฺเฉสุ ปณฺณานิ ยํกิฺจิ สากํ รุกฺขโต ปติตผลานิ จ ภกฺโข เอตสฺสาติ ติณปณฺณสากผลภกฺโข. ปรเหนวิวชฺชิโตติ ปรปีฬาวิรหิโต. สุตฺตโปโต จาติ อุทฺทโปโต จ. อหํ ตทาติ ยทาหํ สสโก โหมิ, ตทา เอเต มกฺกฏาทโย ตโย สหาเย โอวทามิ.
๑๒๗. กิริเย กลฺยาณปาปเกติ กุสเล เจว อกุสเล จ กมฺเม. ปาปานีติ อนุสาสนาการทสฺสนํ. ตตฺถ ปาปานิ ¶ ปริวชฺเชถาติ ปาณาติปาโต…เป… มิจฺฉาทิฏฺีติ อิมานิ ปาปานิ ปริวชฺเชถ. กลฺยาเณ อภินิวิสฺสถาติ ทานํ สีลํ…เป… ทิฏฺุชุกมฺมนฺติ อิทํ ¶ กลฺยาณํ, อิมสฺมึ กลฺยาเณ อตฺตโน กายวาจาจิตฺตานิ อภิมุขภาเวน นิวิสฺสถ, อิมํ กลฺยาณปฏิปตฺตึ ปฏิปชฺชถาติ อตฺโถ.
เอวํ มหาสตฺโต ติรจฺฉานโยนิยํ นิพฺพตฺโตปิ าณสมฺปนฺนตาย กลฺยาณมิตฺโต หุตฺวา เตสํ ติณฺณํ ชนานํ กาเลน กาลํ อุปคตานํ โอวาทวเสน ธมฺมํ เทเสสิ. เต ตสฺส โอวาทํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา อตฺตโน วสนฏฺานํ ปวิสิตฺวา วสนฺติ. เอวํ กาเล คจฺฉนฺเต โพธิสตฺโต อากาสํ โอโลเกตฺวา จนฺทปาริปูรึ ทิสฺวา ‘‘อุโปสถกมฺมํ กโรถา’’ติ โอวทิ. เตนาห –
‘‘อุโปสถมฺหิ ทิวเส, จนฺทํ ทิสฺวาน ปูริตํ;
เอเตสํ ตตฺถ อาจิกฺขึ, ทิวโส อชฺชุโปสโถ.
‘‘ทานานิ ปฏิยาเทถ, ทกฺขิเณยฺยสฺส ทาตเว;
ทตฺวา ทานํ ทกฺขิเณยฺเย, อุปวสฺสถุโปสถ’’นฺติ.
ตตฺถ จนฺทํ ทิสฺวา น ปูริตนฺติ ชุณฺหปกฺขจาตุทฺทสิยํ อีสกํ อปริปุณฺณภาเวน จนฺทํ น ปริปูริตํ ทิสฺวา ตโต วิภาตาย รตฺติยา อรุณุคฺคมนเวลายเมว อุโปสถมฺหิ ทิวเส ปนฺนรเส เอเตสํ มกฺกฏาทีนํ มยฺหํ ¶ สหายานํ ทิวโส อชฺชุโปสโถ. ตสฺมา ‘‘ทานานิ ปฏิยาเทถา’’ติอาทินา ตตฺถ อุโปสถทิวเส ปฏิปตฺติวิธานํ อาจิกฺขินฺติ โยเชตพฺพํ. ตตฺถ ทานานีติ เทยฺยธมฺเม. ปฏิยาเทถาติ ยถาสตฺติ ยถาพลํ สชฺเชถ. ทาตเวติ ทาตุํ. อุปวสฺสถาติ อุโปสถกมฺมํ กโรถ, อุโปสถสีลานิ รกฺขถ, สีเล ปติฏฺาย ทินฺนทานํ มหปฺผลํ โหติ, ตสฺมา ยาจเก สมฺปตฺเต ตุมฺเหหิ ขาทิตพฺพาหารโต ทตฺวา ขาเทยฺยาถาติ ทสฺเสติ.
เต ‘‘สาธู’’ติ โพธิสตฺตสฺส โอวาทํ สิรสา สมฺปฏิจฺฉิตฺวา อุโปสถงฺคานิ อธิฏฺหึสุ. เตสุ อุทฺทโปโต ปาโตว ‘‘โคจรํ ปริเยสิสฺสามี’’ติ นทีตีรํ คโต. อเถโก พาฬิสิโก สตฺต โรหิตมจฺเฉ อุทฺธริตฺวา วลฺลิยา อาวุณิตฺวา นทีตีเร วาลุกาย ปฏิจฺฉาเทตฺวา มจฺเฉ คณฺหนฺโต นทิยา อโธ โสตํ ¶ ภสฺสิ. อุทฺโท มจฺฉคนฺธํ ฆายิตฺวา วาลุกํ วิยูหิตฺวา มจฺเฉ ทิสฺวา นีหริตฺวา ‘‘อตฺถิ นุ โข เอเตสํ สามิโก’’ติ ติกฺขตฺตุํ โฆเสตฺวา สามิกํ อปสฺสนฺโต วลฺลิยํ ฑํสิตฺวา อตฺตโน วสนคุมฺเพ เปตฺวา ‘‘เวลายเมว ขาทิสฺสามี’’ติ อตฺตโน สีลํ อาวชฺเชนฺโต นิปชฺชิ. สิงฺคาโลปิ โคจรํ ปริเยสนฺโต เอกสฺส เขตฺตโคปกสฺส กุฏิยํ ทฺเว มํสสูลานิ เอกํ โคธํ เอกฺจ ทธิวารกํ ทิสฺวา ‘‘อตฺถิ นุ โข เอเตสํ สามิโก’’ติ ติกฺขตฺตุํ ¶ โฆเสตฺวา สามิกํ อทิสฺวา ทธิวารกสฺส อุคฺคหณรชฺชุกํ คีวายํ ปเวเสตฺวา มํสสูเล จ โคธฺจ มุเขน ฑํสิตฺวา อตฺตโน วสนคุมฺเพ เปตฺวา ‘‘เวลายเมว ขาทิสฺสามี’’ติ อตฺตโน สีลํ อาวชฺเชนฺโต นิปชฺชิ. มกฺกโฏปิ วนสณฺฑํ ปวิสิตฺวา อมฺพปิณฺฑํ อาหริตฺวา อตฺตโน วสนคุมฺเพ เปตฺวา ‘‘เวลายเมว ขาทิสฺสามี’’ติ อตฺตโน สีลํ อาวชฺเชนฺโต นิปชฺชิ. ติณฺณมฺปิ ‘‘อโห อิธ นูน ยาจโก อาคจฺเฉยฺยา’’ติ จิตฺตํ อุปฺปชฺชิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘เต เม สาธูติ วตฺวาน, ยถาสตฺติ ยถาพลํ;
ทานานิ ปฏิยาเทตฺวา, ทกฺขิเณยฺยํ คเวสิสุ’’นฺติ.
โพธิสตฺโต ปน ‘‘เวลายเมว นิกฺขมิตฺวา ทพฺพาทิติณานิ ขาทิสฺสามี’’ติ อตฺตโน วสนคุมฺเพเยว นิสินฺโน จินฺเตสิ – ‘‘มม สนฺติกํ อาคตานํ ยาจกานํ ติณานิ ขาทิตุํ น สกฺกา, ติลตณฺฑุลาทโยปิ มยฺหํ ¶ นตฺถิ, สเจ เม สนฺติกํ ยาจโก อาคมิสฺสติ, อหํ ติเณน ยาเปมิ, อตฺตโน สรีรมํสํ ทสฺสามี’’ติ. เตนาห ภควา –
‘‘อหํ นิสชฺช จินฺเตสึ, ทานํ ทกฺขิณนุจฺฉวํ;
ยทิหํ ลเภ ทกฺขิเณยฺยํ, กึ เม ทานํ ภวิสฺสติ.
‘‘น เม อตฺถิ ติลา มุคฺคา, มาสา วา ตณฺฑุลา ฆตํ;
อหํ ติเณน ยาเปมิ, น สกฺกา ติณ ทาตเว.
‘‘ยทิ โกจิ เอติ ทกฺขิเณยฺโย, ภิกฺขาย มม สนฺติเก;
ทชฺชาหํ สกมตฺตานํ, น โส ตุจฺโฉ คมิสฺสตี’’ติ.
ตตฺถ ¶ ทานํ ทกฺขิณนุจฺฉวนฺติ ทกฺขิณาภาเวน อนุจฺฉวิกํ ทานํ ทกฺขิเณยฺยสฺส ทาตพฺพํ เทยฺยธมฺมํ จินฺเตสึ. ยทิหํ ลเภติ ยทิ อหํ กิฺจิ ทกฺขิเณยฺยํ อชฺช ลเภยฺยํ. กึ เม ทานํ ภวิสฺสตีติ กึ มม ทาตพฺพํ ภวิสฺสติ. น สกฺกา ติณ ทาตเวติ ยทิ ทกฺขิเณยฺยสฺส ทาตุํ ติลมุคฺคาทิกํ มยฺหํ นตฺถิ, ยํ ปน มม อาหารภูตํ, ตํ น สกฺกา ติณํ ทกฺขิเณยฺยสฺส ทาตุํ. ทชฺชาหํ สกมตฺตานนฺติ กึ วา มยฺหํ เอตาย เทยฺยธมฺมจินฺตาย, นนุ อิทเมว มยฺหํ อนวชฺชํ อปราธีนตาย สุลภํ ปเรสฺจ ปริโภคารหํ สรีรํ สเจ โกจิ ทกฺขิเณยฺโย ¶ มม สนฺติกํ อาคจฺฉติ, ตยิทํ สกมตฺตานํ ตสฺส ทชฺชามหํ. เอวํ สนฺเต น โส ตุจฺโฉ มม สนฺติกํ อาคโต อริตฺตหตฺโถ หุตฺวา คมิสฺสตีติ.
เอวํ มหาปุริสสฺส ยถาภูตสภาวํ ปริวิตกฺเกนฺตสฺส ปริวิตกฺกานุภาเวน สกฺกสฺส ปณฺฑุกมฺพลสิลาสนํ อุณฺหาการํ ทสฺเสสิ. โส อาวชฺเชนฺโต อิมํ การณํ ทิสฺวา ‘‘สสราชํ วีมํสิสฺสามี’’ติ ปมํ อุทฺทสฺส วสนฏฺานํ คนฺตฺวา พฺราหฺมณเวเสน อฏฺาสิ. เตน ‘‘กิมตฺถํ, พฺราหฺมณ, ิโตสี’’ติ จ วุตฺเต สเจ กฺจิ อาหารํ ลเภยฺยํ, อุโปสถิโก หุตฺวา สมณธมฺมํ กเรยฺยนฺติ. โส ‘‘สาธูติ เต อาหารํ ทสฺสามี’’ติ อาห. เตน วุตฺตํ –
‘‘สตฺต เม โรหิตา มจฺฉา, อุทกา ถลมุพฺภตา;
อิทํ พฺราหฺมณ เม อตฺถิ, เอตํ ภุตฺวา วเน วสา’’ติ. (ชา. ๑.๔.๖๑);
พฺราหฺมโณ ¶ ‘‘ปเคว ตาว โหตุ, ปจฺฉา ชานิสฺสามี’’ติ ตเถว สิงฺคาลสฺส มกฺกฏสฺส จ สนฺติกํ คนฺตฺวา เตหิปิ อตฺตโน วิชฺชมาเนหิ เทยฺยธมฺเมหิ นิมนฺติโต ‘‘ปเคว ตาว โหตุ, ปจฺฉา ชานิสฺสามี’’ติ อาห. เตน วุตฺตํ –
‘‘ทุสฺส เม เขตฺตปาลสฺส, รตฺติภตฺตํ อปาภตํ;
มํสสูลา จ ทฺเว โคธา, เอกฺจ ทธิวารกํ;
อิทํ พฺราหฺมณ เม อตฺถิ, เอตํ ภุตฺวา วเน วสา’’ติ.
‘‘อมฺพปกฺกํ ทกํ สีตํ, สีตจฺฉายา มโนรมา;
อิทํ พฺราหฺมณ เม อตฺถิ, เอตํ ภุตฺวา วเน วสา’’ติ. (ชา. ๑.๔.๖๒-๖๓);
ตตฺถ ทุสฺสาติ อมุสฺส. รตฺติภตฺตํ อปาภตนฺติ รตฺติโภชนโต อปนีตํ. มํสสูลา จ ทฺเว โคธาติ องฺคารปกฺกานิ ¶ ทฺเว มํสสูลานิ เอกา จ โคธา. ทธิวารกนฺติ ทธิวารโก.
๑๓๔. อถ พฺราหฺมโณ สสปณฺฑิตสฺส สนฺติกํ คโต. เตนาปิ ‘‘กิมตฺถมาคโตสี’’ติ วุตฺเต ตเถวาห. เตน วุตฺตํ ‘‘มม สงฺกปฺปมฺายา’’ติอาทิ.
ตตฺถ ¶ มม สงฺกปฺปมฺายาติ ปุพฺเพ วุตฺตปฺปการํ ปริวิตกฺกํ ชานิตฺวา. พฺราหฺมณวณฺณินาติ พฺราหฺมณรูปวตา อตฺตภาเวน. อาสยนฺติ วสนคุมฺพํ.
๑๓๕-๗. สนฺตุฏฺโติ สมํ สพฺพภาเคเนว ตุฏฺโ. ฆาสเหตูติ อาหารเหตุ. อทินฺนปุพฺพนฺติ เยหิ เกหิจิ อโพธิสตฺเตหิ อทินฺนปุพฺพํ. ทานวรนฺติ อุตฺตมทานํ. ‘‘อชฺช ทสฺสามิ เต อห’’นฺติ วตฺวา ตุวํ สีลคุณูเปโต, อยุตฺตํ เต ปรเหนนฺติ ตํ ปาณาติปาตโต อปเนตฺวา อิทานิ ตสฺส ปริโภคโยคฺคํ อตฺตานํ กตฺวา ทาตุํ ‘‘เอหิ อคฺคึ ปทีเปหี’’ติอาทิมาห.
ตตฺถ อหํ ปจิสฺสมตฺตานนฺติ ตยา กเต องฺคารคพฺเภ อหเมว ปติตฺวา อตฺตานํ ปจิสฺสํ. ปกฺกํ ตฺวํ ภกฺขยิสฺสสีติ ตถา ปน ปกฺกํ ตฺวํ ขาทิสฺสสิ.
๑๓๘-๙. นานากฏฺเ ¶ สมานยีติ โส พฺราหฺมณเวสธารี สกฺโก นานาทารูนิ สมาเนนฺโต วิย อโหสิ. มหนฺตํ อกาสิ จิตกํ, กตฺวา องฺคารคพฺภกนฺติ วีตจฺจิกํ วิคตธูมํ องฺคารภริตพฺภนฺตรํ สมนฺตโต ชลมานํ มม สรีรสฺส นิมุชฺชนปฺปโหนกํ ตงฺขณฺเว มหนฺตํ จิตกํ อกาสิ, สหสา อิทฺธิยา อภินิมฺมินีติ อธิปฺปาโย. เตนาห ‘‘อคฺคึ ตตฺถ ปทีเปสิ, ยถา โส ขิปฺปํ มหาภเว’’ติ.
ตตฺถ โสติ โส อคฺคิกฺขนฺโธ สีฆํ มหนฺโต ยถา ภเวยฺย, ตถา ปทีเปสิ. โผเฏตฺวา รชคเต คตฺเตติ ‘‘สเจ โลมนฺตเรสุ ปาณกา อตฺถิ, เต มา มรึสู’’ติ ปํสุคเต มม คตฺเต ติกฺขตฺตุํ วิธุนิตฺวา. เอกมนฺตํ อุปาวิสินฺติ น ตาว กฏฺานิ อาทิตฺตานีติ เตสํ อาทีปนํ อุทิกฺขนฺโต โถกํ เอกมนฺตํ นิสีทึ.
๑๔๐. ยทา มหากฏฺปฺุโช, อาทิตฺโต ธมธมายตีติ ยทา ปน โส ทารุราสิ สมนฺตโต อาทิตฺโต วายุเวคสมุทฺธฏานํ ชาลสิขานํ วเสน ‘‘ธมธมา’’ติ เอวํ กโรติ. ตทุปฺปติตฺวา ปตติ, มชฺเฌ ชาลสิขนฺตเรติ ตทา ตสฺมึ กาเล ‘‘มม สรีรสฺส ฌาปนสมตฺโถ อยํ องฺคารราสี’’ติ จินฺเตตฺวา อุปฺปติตฺวา อุลฺลงฺฆิตฺวา ชาลสิขานํ ¶ อพฺภนฺตรภูเต ตสฺส องฺคารราสิสฺส มชฺเฌ ปทุมปฺุเช ราชหํโส วิย ปมุทิตจิตฺโต สกลสรีรํ ทานมุเข ทตฺวา ปตติ.
๑๔๑-๒. ปวิฏฺํ ยสฺส กสฺสจีติ ยถา ฆมฺมกาเล สีตลํ อุทกํ เยน เกนจิ ปวิฏฺํ ตสฺส ¶ ทรถปริฬาหํ วูปสเมติ, อสฺสาทํ ปีติฺจ อุปฺปาเทติ. ตเถว ชลิตํ อคฺคินฺติ เอวํ ตถา ปชฺชลิตํ องฺคารราสิ ตทา มม ปวิฏฺสฺส อุสุมมตฺตมฺปิ นาโหสิ. อฺทตฺถุ ทานปีติยา สพฺพทรถปริฬาหวูปสโม เอว อโหสิ. จิรสฺสํ วต เม ฉวิจมฺมาทิโก สพฺโพ สรีราวยโว ทานมุเข ชุหิตพฺพตํ อุปคโต อภิปตฺถิโต มโนรโถ มตฺถกํ ปตฺโตติ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ฉวึ จมฺมํ มํสํ นฺหารุํ, อฏฺึ หทยพนฺธนํ;
เกวลํ สกลํ กายํ, พฺราหฺมณสฺส อทาสห’’นฺติ.
ตตฺถ หทยพนฺธนนฺติ หทยมํสเปสิ. ตฺหิ หทยวตฺถุํ พนฺธิตฺวา วิย ิตตฺตา ‘‘หทยพนฺธน’’นฺติ วุตฺตํ. อถ วา หทยพนฺธนนฺติ หทยฺจ พนฺธนฺจ, หทยมํสฺเจว ¶ ตํ พนฺธิตฺวา วิย ิตยกนมํสฺจาติ อตฺโถ. เกวลํ สกลํ กายนฺติ อนวเสสํ สพฺพํ สรีรํ.
เอวํ ตสฺมึ อคฺคิมฺหิ อตฺตโน สรีเร โลมกูปมตฺตมฺปิ อุณฺหํ กาตุํ อสกฺโกนฺโต โพธิสตฺโตปิ หิมคพฺภํ ปวิฏฺโ วิย หุตฺวา พฺราหฺมณรูปธรํ สกฺกํ เอวมาห – ‘‘พฺราหฺมณ, ตยา กโต อคฺคิ อติสีตโล, กึ นาเมต’’นฺติ? ปณฺฑิต, นาหํ พฺราหฺมโณ, สกฺโกหมสฺมิ, ตว วีมํสนตฺถํ อาคโต เอวมกาสินฺติ. ‘‘สกฺก, ตฺวํ ตาว ติฏฺตุ, สกโลปิ เจ โลโก มํ ทาเนน วีมํเสยฺย, เนว เม อทาตุกามตํ กถฺจิปิ อุปฺปาเทยฺย ปสฺเสถ น’’นฺติ โพธิสตฺโต สีหนาทํ นทิ.
อถ นํ สกฺโก ‘‘สสปณฺฑิต, ตว คุณา สกลกปฺปมฺปิ ปากฏา โหนฺตู’’ติ ปพฺพตํ ปีเฬตฺวา ปพฺพตรสํ อาทาย จนฺทมณฺฑเล สสลกฺขณํ อาลิขิตฺวา โพธิสตฺตํ ตสฺมึ ¶ วนสณฺเฑ ตตฺเถว วนคุมฺเพ ตรุณทพฺพติณปีเ นิปชฺชาเปตฺวา อตฺตโน เทวโลกเมว คโต. เตปิ จตฺตาโร ปณฺฑิตา สมคฺคา สมฺโมทมานา นิจฺจสีลํ อุโปสถสีลฺจ ปูเรตฺวา ยถารหํ ปฺุานิ กตฺวา ยถากมฺมํ คตา.
ตทา อุทฺโท อายสฺมา อานนฺโท อโหสิ, สิงฺคาโล มหาโมคฺคลฺลาโน, มกฺกโฏ สาริปุตฺโต, สสปณฺฑิโต ปน โลกนาโถ.
ตสฺส อิธาปิ สีลาทิปารมิโย เหฏฺา วุตฺตนเยเนว ยถารหํ นิทฺธาเรตพฺพา. ตถา สติปิ ติรจฺฉานุปปตฺติยํ กุสลาทิธมฺเม กุสลาทิโต ยถาภูตาวโพโธ, เตสุ อณุมตฺตมฺปิ วชฺชํ ภยโต ทิสฺวา ¶ สุฏฺุ อกุสลโต โอรมณํ, สมฺมเทว จ กุสลธมฺเมสุ อตฺตโน ปติฏฺาปนํ, ปเรสฺจ ‘‘อิเม นาม ปาปธมฺมา เต เอวํ คหิตา เอวํ ปรามฏฺา เอวํคติกา ภวนฺติ เอวํอภิสมฺปรายา’’ติ อาทีนวํ ทสฺเสตฺวา ตโต วิรมเณ นิโยชนํ, อิทํ ทานํ นาม, อิทํ สีลํ นาม, อิทํ อุโปสถกมฺมํ นาม, เอตฺถ ปติฏฺิตานํ เทวมนุสฺสสมฺปตฺติโย หตฺถคตา เอวาติอาทินา ปฺุกมฺเมสุ อานิสํสํ ทสฺเสตฺวา ปติฏฺาปนํ, อตฺตโน สรีรชีวิตนิรเปกฺขํ, ปเรสํ สตฺตานํ อนุคฺคณฺหนํ, อุฬาโร จ ทานชฺฌาสโยติ เอวมาทโย อิธ โพธิสตฺตสฺส คุณานุภาวา วิภาเวตพฺพา. เตเนตํ วุจฺจติ – ‘‘เอวํ อจฺฉริยา เหเต…เป… ธมฺมสฺส อนุธมฺมโต’’ติ.
สสปณฺฑิตจริยาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อิทานิ ¶ ‘‘อกิตฺติพฺราหฺมโณ’’ติอาทินา ยถาวุตฺเต ทสปิ จริยาวิเสเส อุทาเนตฺวา นิคเมติ. ตตฺถ อหเมว ตทา อาสึ, โย เต ทานวเร อทาติ โย ตานิ อุตฺตมทานานิ อทาสิ, โส อกิตฺติพฺราหณาทิโก อหเมว ตทา ตสฺมึ กาเล อโหสึ, น อฺโติ. อิติ เตสุ อตฺตภาเวสุ สติปิ สีลาทิปารมีนํ ยถารหํ ปูริตภาเว อตฺตโน ปน ตทา ทานชฺฌาสยสฺส อติวิย อุฬารภาวํ สนฺธาย ทานปารมิวเสเนว เทสนํ อาโรเปสิ. เอเต ทานปริกฺขารา, เอเต ทานสฺส ปารมีติ เย อิเม ¶ อกิตฺติชาตกาทีสุ (ชา. ๑.๑๓.๘๓ อาทโย) อเนกาการโวการา มยา ปวตฺติตา เทยฺยธมฺมปริจฺจาคา มม สรีราวยวปุตฺตทารปริจฺจาคา ปรมโกฏิกา, กิฺจาปิ เต กรุณูปายโกสลฺลปริคฺคหิตตฺตา สพฺพฺุตฺาณเมว อุทฺทิสฺส ปวตฺติตตฺตา ทานสฺส ปรมุกฺกํสคมเนน ทานปารมี เอว, ตถาปิ มม ทานสฺส ปรมตฺถปารมิภูตสฺส ปริกฺขรณโตสนฺตานสฺส ปริภาวนาวเสน อภิสงฺขรณโต เอเต ทานปริกฺขารา นาม. ยสฺส ปเนเต ปริกฺขารา, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ชีวิตํ ยาจเก ทตฺวา, อิมํ ปารมิ ปูรยิ’’นฺติ วุตฺตํ. เอตฺถ หิ เปตฺวา สสปณฺฑิตจริยํ เสสาสุ นวสุ จริยาสุ ยถารหํ ทานปารมิทานอุปปารมิโย เวทิตพฺพา, สสปณฺฑิตจริเย (จริยา. ๑.๑๒๕ อาทโย) ปน ทานปรมตฺถปารมี. เตน วุตฺตํ –
‘‘ภิกฺขาย อุปคตํ ทิสฺวา, สกตฺตานํ ปริจฺจชึ;
ทาเนน เม สโม นตฺถิ, เอสา เม ทานปารมี’’ติ. (จริยา. ๑.ตสฺสุทฺทาน);
กิฺจาปิ หิ มหาปุริสสฺส ยถาวุตฺเต อกิตฺติพฺราหฺมณาทิกาเล อฺสฺมิฺจ มหาชนกมหาสุตโสมาทิกาเล ¶ ทานปารมิยา ปูริตตฺตภาวานํ ปริมาณํ นาม นตฺถิ, ตถาปิ เอกนฺเตเนว สสปณฺฑิตกาเล ทานปารมิยา ปรมตฺถปารมิภาโว วิภาเวตพฺโพติ.
ปรมตฺถทีปนิยา จริยาปิฏกสํวณฺณนาย
ทสวิธจริยาสงฺคหสฺส วิเสสโต
ทานปารมิวิภาวนสฺส
ปมวคฺคสฺส อตฺถวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. หตฺถินาควคฺโค
๑. มาตุโปสกจริยาวณฺณนา
๑. ทุติยวคฺคสฺส ¶ ¶ ¶ ปเม กฺุชโรติ หตฺถี. มาตุโปสโกติ อนฺธาย ชราชิณฺณาย มาตุยา ปฏิชคฺคนโก. มหิยาติ ภูมิยํ. คุเณนาติ สีลคุเณน, ตทา มม สทิโส นตฺถิ.
โพธิสตฺโต หิ ตทา หิมวนฺตปฺปเทเส หตฺถิโยนิยํ นิพฺพตฺติ. โส สพฺพเสโต อภิรูโป ลกฺขณสมฺปนฺโน มหาหตฺถี อเนกหตฺถิสตสหสฺสปริวาโร อโหสิ. มาตา ปนสฺส อนฺธา. โส มธุรผลาผลานิ หตฺถีนํ หตฺเถสุ ทตฺวา มาตุ เปเสติ. หตฺถิโน ตสฺสา อทตฺวา สยํ ขาทนฺติ. โส ปริคฺคณฺหนฺโต ตํ ปวตฺตึ ตฺวา ‘‘ยูถํ ปหาย มาตรเมว โปเสสฺสามี’’ติ รตฺติภาเค อฺเสํ หตฺถีนํ อชานนฺตานํ มาตรํ คเหตฺวา จณฺโฑรณปพฺพตปาทํ คนฺตฺวา เอกํ นฬินึ อุปนิสฺสาย ิตาย ปพฺพตคุหาย มาตรํ เปตฺวา โปเสสิ.
๒-๓. ปวเน ทิสฺวา วนจโรติ เอโก วนจรโก ปุริโส ตสฺมึ มหาวเน วิจรนฺโต มํ ทิสฺวา. รฺโ มํ ปฏิเวทยีติ พาราณสิรฺโ มํ อาโรเจสิ.
โส หิ มคฺคมูฬฺโห ทิสํ ววตฺถเปตุํ อสกฺโกนฺโต มหนฺเตน สทฺเทน ปริเทวิ. โพธิสตฺโตปิ ตสฺส สทฺทํ สุตฺวา ‘‘อยํ ปุริโส อนาโถ, น โข ปเนตํ ปติรูปํ, ยํ เอส มยิ ิเต อิธ วินสฺเสยฺยา’’ติ ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ตํ ¶ ภเยน ปลายนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อมฺโภ ปุริส, นตฺถิ เต มํ นิสฺสาย ภยํ, มา ปลายิ, กสฺมา ตฺวํ ปริเทวนฺโต วิจรสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สามิ, อหํ มคฺคมูฬฺโห อชฺช เม สตฺตโม ทิวโส’’ติ วุตฺเต ‘‘โภ ปุริส, มา ภายิ, อหํ ตํ มนุสฺสปเถ เปสฺสามี’’ติ ตํ อตฺตโน ปิฏฺิยํ นิสีทาเปตฺวา อรฺโต นีหริตฺวา นิวตฺติ. โสปิ ปาโป ‘‘นครํ คนฺตฺวา รฺโ อาโรเจสฺสามี’’ติ รุกฺขสฺํ ปพฺพตสฺฺจ กโรนฺโตว นิกฺขมิตฺวา พาราณสึ อคมาสิ. ตสฺมึ กาเล รฺโ มงฺคลหตฺถี มโต ¶ . โส ปุริโส ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา มหาปุริสสฺส อตฺตโน ทิฏฺภาวํ อาโรเจสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘ตวานุจฺฉโว, มหาราช, คโช วสติ กานเน’’ติอาทิ.
ตตฺถ ¶ ตวานุจฺฉโวติ ตว โอปวยฺหํ กาตุํ อนุจฺฉวิโก ยุตฺโต. น ตสฺส ปริกฺขายตฺโถติ ตสฺส คหเณ คมนุปจฺเฉทนตฺถํ สมนฺตโต ขณิตพฺพปริกฺขาย วา กเรณุยา กณฺณปุเฏน อตฺตานํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา ขิตฺตปาสรชฺชุยา พนฺธิตพฺพอาฬกสงฺขาตอาลาเนน วา ยตฺถ ปวิฏฺโ กตฺถจิ คนฺตุํ น สกฺโกติ, ตาทิสวฺจนกาสุยา วา อตฺโถ ปโยชนํ นตฺถิ. สหคหิเตติ คหณสมกาลํ เอว. เอหิตีติ อาคมิสฺสติ.
ราชา อิมํ มคฺคเทสกํ กตฺวา อรฺํ คนฺตฺวา ‘‘อิมินา วุตฺตํ หตฺถินาคํ อาเนหี’’ติ หตฺถาจริยํ สห ปริวาเรน เปเสสิ. โส เตน สทฺธึ คนฺตฺวา โพธิสตฺตํ นฬินึ ปวิสิตฺวา โคจรํ คณฺหนฺตํ ปสฺสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ตสฺส ตํ วจนํ สุตฺวา, ราชาปิ ตุฏฺมานโส;
เปเสสิ หตฺถิทมกํ, เฉกาจริยํ สุสิกฺขิตํ.
‘‘คนฺตฺวา โส หตฺถิทมโก, อทฺทส ปทุมสฺสเร;
ภิสมุฬาลํ อุทฺธรนฺตํ, ยาปนตฺถาย มาตุยา’’ติ.
ตตฺถ เฉกาจริยนฺติ หตฺถิพนฺธนาทิวิธิมฺหิ กุสลํ หตฺถาจริยํ. สุสิกฺขิตนฺติ หตฺถีนํ สิกฺขาปนวิชฺชาย นิฏฺงฺคมเนน สุฏฺุ สิกฺขิตํ.
๖. วิฺาย เม สีลคุณนฺติ ‘‘ภทฺโท อยํ หตฺถาชานีโย น มนฺโท, น จณฺโฑ, น โวมิสฺสสีโล วา’’ติ มม สีลคุณํ ชานิตฺวา. กถํ? ลกฺขณํ ¶ อุปธารยีติ สุสิกฺขิตหตฺถิสิปฺปตฺตา มม ลกฺขณํ สมนฺตโต อุปธาเรสิ. เตน โส เอหิ ปุตฺตาติ วตฺวาน, มม โสณฺฑาย อคฺคหิ.
๗. โพธิสตฺโต หตฺถาจริยํ ทิสฺวา – ‘‘อิทํ ภยํ มยฺหํ เอตสฺส ปุริสสฺส สนฺติกา อุปฺปนฺนํ, อหํ โข ปน มหาพโล หตฺถิสหสฺสมฺปิ วิทฺธํเสตุํ สมตฺโถ, ปโหมิ กุชฺฌิตฺวา สรฏฺกํ เสนาวาหนํ นาเสตุํ, สเจ ปน กุชฺฌิสฺสามิ, สีลํ เม ภิชฺชิสฺสติ, ตสฺมา สตฺตีหิ โกฏฺฏิยมาโนปิ ¶ น กุชฺฌิสฺสามี’’ติ จิตฺตํ อธิฏฺาย สีสํ โอนาเมตฺวา นิจฺจโลว อฏฺาสิ. เตนาห ภควา ‘‘ยํ เม ตทา ปากติกํ, สรีรานุคตํ พล’’นฺติอาทิ.
ตตฺถ ¶ ปากติกนฺติ สภาวสิทฺธํ. สรีรานุคตนฺติ สรีรเมว อนุคตํ กายพลํ, น อุปายกุสลตาสงฺขาตาณานุคตนฺติ อธิปฺปาโย. อชฺช นาคสหสฺสานนฺติ อชฺชกาเล อเนเกสํ หตฺถิสหสฺสานํ สมุทิตานํ. พเลน สมสาทิสนฺติ เตสํ สรีรพเลน สมสมเมว หุตฺวา สทิสํ, น อุปมามตฺเตน. มงฺคลหตฺถิกุเล หิ ตทา โพธิสตฺโต อุปฺปนฺโนติ.
๘. ยทิหํ เตสํ ปกุปฺเปยฺยนฺติ มํ คหณาย อุปคตานํ เตสํ อหํ ยทิ กุชฺเฌยฺยํ, เตสํ ชีวิตมทฺทเน ปฏิพโล ภเวยฺยํ. น เกวลํ เตสฺเว, อถ โข ยาว รชฺชมฺปิ มานุสนฺติ ยโต รชฺชโต เตสํ อาคตานํ มนุสฺสานํ สพฺพมฺปิ รชฺชํ โปเถตฺวา จุณฺณวิจุณฺณํ กเรยฺยํ.
๙. อปิ จาหํ สีลรกฺขายาติ เอวํ สมตฺโถปิ จ อหํ อตฺตนิ ปติฏฺิตาย สีลรกฺขาย สีลคุตฺติยา คุตฺโต พนฺโธ วิย. น กโรมิ จิตฺเต อฺถตฺตนฺติ ตสฺส สีลสฺส อฺถตฺตภูตํ เตสํ สตฺตานํ โปถนาทิวิธึ มยฺหํ จิตฺเต น กโรมิ, ตตฺถ จิตฺตมฺปิ น อุปฺปาเทมิ. ปกฺขิปนฺตํ มมาฬเกติ อาลานตฺถมฺเภ ปกฺขิปนฺตํ, ‘‘ทิสฺวาปี’’ติ วจนเสโส. กสฺมาติ เจ, สีลปารมิปูริยา อีทิเสสุ าเนสุ สีลํ อขณฺเฑนฺตสฺส เม นจิรสฺเสว สีลปารมี ปริปูเรสฺสตีติ สีลปารมิปริปูรณตฺถํ ตสฺส อฺถตฺตํ จิตฺเต น กโรมีติ โยชนา.
๑๐. ‘‘ยทิ เต ม’’นฺติ คาถายปิ สีลรกฺขาย ทฬฺหํ กตฺวา สีลสฺส ¶ อธิฏฺิตภาวเมว ทสฺเสติ. ตตฺถ โกฏฺเฏยฺยุนฺติ ภินฺเทยฺยุํ. สีลขณฺฑภยา มมาติ มม สีลสฺส ขณฺฑนภเยน.
เอวํ ปน จินฺเตตฺวา โพธิสตฺเต นิจฺจเล ิเต หตฺถาจริโย ปทุมสรํ โอตริตฺวา ตสฺส ลกฺขณสมฺปตฺตึ ทิสฺวา ‘‘เอหิ ปุตฺตา’’ติ รชตทามสทิสาย โสณฺฑาย คเหตฺวา สตฺตเม ทิวเส พาราณสึ ปาปุณิ. โส อนฺตรามคฺเค วตฺตมาโนว รฺโ สาสนํ เปเสสิ. ราชา นครํ อลงฺการาเปสิ. หตฺถาจริโย โพธิสตฺตํ กตคนฺธปริภณฺฑํ อลงฺกตปฏิยตฺตํ หตฺถิสาลํ เนตฺวา วิจิตฺรสาณิยา ปริกฺขิปาเปตฺวา รฺโ อาโรเจสิ. ราชา นานคฺครสโภชนํ อาทาย คนฺตฺวา โพธิสตฺตสฺส ¶ ทาเปสิ. โส ‘‘มาตรํ วินา โคจรํ น คณฺหิสฺสามี’’ติ ปิณฺฑํ น คณฺหิ. ยาจิโตปิ อคฺคเหตฺวา –
‘‘สา ¶ นูนสา กปณิกา, อนฺธา อปริณายิกา;
ขาณุํ ปาเทน ฆฏฺเฏติ, คิรึ จณฺโฑรณํ ปตี’’ติ. –
อาห. ตํ สุตฺวา ราชา –
‘‘กา นุ เต สา มหานาค, อนฺธา อปริณายิกา;
ขาณุํ ปาเทน ฆฏฺเฏติ, คิรึ จณฺโฑรณํ ปตี’’ติ. – ปุจฺฉิตฺวา –
‘‘มาตา เม สา มหาราช, อนฺธา อปริณายิกา;
ขาณุํ ปาเทน ฆฏฺเฏติ, คิรึ จณฺโฑรณํ ปตี’’ติ. –
วุตฺเต อชฺช สตฺตโม ทิวโส ‘‘มาตา เม โคจรํ น ลภิตฺถา’’ติ วทโต อิมสฺส โคจรํ อคณฺหนฺตสฺส. ตสฺมา –
‘‘มฺุจเถตํ มหานาคํ, โยยํ ภรติ มาตรํ;
สเมตุ มาตรา นาโค, สห สพฺเพหิ าติภี’’ติ. – วตฺวา มฺุจาเปสิ –
‘‘มุตฺโต จ พนฺธนา นาโค, มุตฺตทามาย กฺุชโร;
มุหุตฺตํ อสฺสาสยิตฺวา, อคมา เยน ปพฺพโต’’ติ.
ตตฺถ กปณิกาติ วรากา. ขาณุํ ปาเทน ฆฏฺเฏตีติ อนฺธตาย ปุตฺตวิโยคทุกฺเขน จ ปริเทวมานา ตตฺถ ตตฺถ รุกฺขกฬิงฺคเร ปาเทน ฆฏฺเฏติ. จณฺโฑรณํ ปตีติ จณฺโฑรณปพฺพตาภิมุขี, ตสฺมึ ปพฺพตปาเท ปริพฺภมมานาติ อตฺโถ. อคมา เยน ปพฺพโตติ โส หตฺถินาโค ¶ พนฺธนา มุตฺโต โถกํ วิสฺสมิตฺวา รฺโ ทสราชธมฺมคาถาหิ ธมฺมํ เทเสตฺวา ‘‘อปฺปมตฺโต โหหิ, มหาราชา’’ติ โอวาทํ ทตฺวา มหาชเนน คนฺธมาลาทีหิ ปูชิยมาโน นครา นิกฺขมิตฺวา ตทเหว มาตรา สมาคนฺตฺวา สพฺพํ ปวตฺตึ อาจิกฺขิ. สา ตุฏฺมานสา –
‘‘จิรํ ¶ ชีวตุ โส ราชา, กาสีนํ รฏฺวฑฺฒโน;
โย เม ปุตฺตํ ปโมเจสิ, สทา วุทฺธาปจายิก’’นฺติ. (ชา. ๑.๑๑.๑๒) –
รฺโ อนุโมทนํ อกาสิ. ราชา โพธิสตฺตสฺส คุเณ ปสีทิตฺวา นฬินิยา อวิทูเร คามํ มาเปตฺวา โพธิสตฺตสฺส มาตุ จสฺส นิพทฺธํ วตฺตํ ปฏฺเปสิ ¶ . อปรภาเค โพธิสตฺโต มาตริ มตาย ตสฺสา สรีรปริหารํ กตฺวา กุรณฺฑกอสฺสมปทํ นาม คโต. ตสฺมึ ปน าเน หิมวนฺตโต โอตริตฺวา ปฺจสตา อิสโย วสึสุ. ตํ วตฺตํ เตสํ ทตฺวา ราชา โพธิสตฺตสฺส สมานรูปํ สิลาปฏิมํ กาเรตฺวา มหาสกฺการํ ปวตฺเตสิ. ชมฺพุทีปวาสิโน อนุสํวจฺฉรํ สนฺนิปติตฺวา หตฺถิมหํ นาม กรึสุ.
ตทา ราชา อานนฺโท อโหสิ, หตฺถินี มหามายา, วนจรโก เทวทตฺโต, มาตุโปสกหตฺถินาโค โลกนาโถ.
อิธาปิ ทานปารมิอาทโย ยถารหํ นิทฺธาเรตพฺพา. สีลปารมี ปน อติสยวตีติ สา เอว เทสนํ อารุฬฺหา. ตถา ติรจฺฉานโยนิยํ อุปฺปนฺโนปิ พฺรหฺมปุพฺพเทวปุพฺพาจริยอาหุเนยฺยาทิภาเวน สพฺพฺุพุทฺเธนปิ ปสตฺถภาวานุรูปํ มาตุยา ครุจิตฺตํ อุปฏฺเปตฺวา ‘‘มาตา นาเมสา ปุตฺตสฺส พหูปการา, ตสฺมา มาตุปฏฺานํ นาม ปณฺฑิเตน ปฺตฺต’’นฺติ มนสิ กตฺวา อเนเกสํ หตฺถิสหสฺสานํ อิสฺสราธิปติ มหานุภาโว ยูถปติ หุตฺวา เตหิ อนุวตฺติยมาโน เอกกวิหาเร อนฺตรายํ อคเณตฺวา ยูถํ ปหาย เอกโก หุตฺวา อุปการิเขตฺตํ ปูเชสฺสามีติ มาตุโปสนํ, มคฺคมูฬฺหปุริสํ ทิสฺวา อนุกมฺปาย ตํ คเหตฺวา มนุสฺสโคจรสมฺปาปนํ, เตน จ กตาปราธสหนํ ¶ , หตฺถาจริยปฺปมุขานํ อตฺตานํ พนฺธิตุํ อาคตปุริสานํ สมตฺโถปิ สมาโน สนฺตาสนมตฺเตนปิ เตสํ ปีฬนา ภวิสฺสติ, มยฺหฺจ สีลสฺส ขณฺฑาทิภาโวติ ตถา อกตฺวา สุทนฺเตน โอปวยฺโห วิย สุเขเนว คหณูปคมนํ, มาตรํ วินา น กฺจิ อชฺโฌหริสฺสามีติ สตฺตาหมฺปิ อนาหารตา, อิมินาปาหํ พนฺธาปิโตติ จิตฺตํ อนุปฺปาเทตฺวา ราชานํ เมตฺตาย ผรณํ, ตสฺส จ นานานเยหิ ธมฺมเทสนาติ เอวมาทโย อิธ มหาปุริสสฺส คุณานุภาวา วิภาเวตพฺพา. เตน วุตฺตํ – ‘‘เอวํ อจฺฉริยา เอเต, อพฺภุตา จ มเหสิโน…เป… ธมฺมสฺส อนุธมฺมโต’’ติ.
มาตุโปสกจริยาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. ภูริทตฺตจริยาวณฺณนา
๑๑. ทุติเย ¶ ¶ ภูริทตฺโตติ ภูริสมทตฺโต. ทตฺโตติ หิ ตทา โพธิสตฺตสฺส มาตาปิตูหิ กตํ นามํ. ยสฺมา ปเนโส นาคภวเน วิรูปกฺขมหาราชภวเน ตาวตึสภวเน จ อุปฺปนฺเน ปฺเห สมฺมเทว วินิจฺฉินาติ, เอกทิวสฺจ วิรูปกฺขมหาราเช นาคปริสาย สทฺธึ ติทสปุรํ คนฺตฺวา สกฺกํ ปริวาเรตฺวา นิสินฺเน เทวานมนฺตเร ปฺโห สมุฏฺาสิ. ตํ โกจิ กเถตุํ นาสกฺขิ. สกฺเกน ปน อนฺุาโต ปลฺลงฺกวรคโต หุตฺวา มหาสตฺโตว กเถสิ. อถ นํ เทวราชา ทิพฺพคนฺธปุปฺเผหิ ปูเชตฺวา ‘‘ทตฺต, ตฺวํ ปถวิสมาย วิปุลาย ปฺาย สมนฺนาคโต อิโต ปฏฺาย ภูริทตฺโต นามา’’ติ อาห. ภูรีติ หิ ปถวิยา นามํ, ตสฺมา ภูริสมตาย ภูเต อตฺเถ รมตีติ จ ภูริสงฺขาตาย มหติยา ปฺาย สมนฺนาคตตฺตา มหาสตฺโต ‘‘ภูริทตฺโต’’ติ ปฺายิตฺถ. มหติยา ปน นาคิทฺธิยา สมนฺนาคตตฺตา มหิทฺธิโก จาติ.
อตีเต หิ อิมสฺมึเยว กปฺเป พาราณสิรฺโ ปุตฺโต ปิตรา รฏฺโต ปพฺพาชิโต วเน วสนฺโต อฺตราย นาคมาณวิกาย ¶ สํวาสํ กปฺเปสิ. เตสํ สํวาสมนฺวาย ทฺเว ทารกา ชายึสุ – ปุตฺโต จ ธีตา จ. ปุตฺตสฺส ‘‘สาครพฺรหฺมทตฺโต’’ติ นามํ กรึสุ ธีตาย ‘‘สมุทฺทชา’’ติ. โส อปรภาเค ปิตุ อจฺจเยน พาราณสึ คนฺตฺวา รชฺชํ กาเรสิ. อถ ธตรฏฺโ นาม นาคราชา ปฺจโยชนสติเก นาคภวเน นาครชฺชํ กาเรนฺโต ตํ อภูตวาทิเกน จิตฺตจูเฬน นาม กจฺฉเปน ‘‘พาราณสิราชา อตฺตโน ธีตรํ ตุยฺหํ ทาตุกาโม, สา โข ปน ราชธีตา สมุทฺทชา นาม อภิรูปา ทสฺสนียา ปาสาทิกา จา’’ติ กถิตํ สุตฺวา ธตรฏฺโ จตฺตาโร นาคมาณวเก เปเสตฺวา ตํ ทาตุํ อนิจฺฉนฺตํ นาควิภึสิกาย ภึสาเปตฺวา ‘‘ทมฺมี’’ติ วุตฺเต มหนฺตํ ปณฺณาการํ เปเสตฺวา มหติยา นาคิทฺธิยา มหนฺเตน ปริวาเรน ตสฺส ธีตรํ นาคภวนํ เนตฺวา อคฺคมเหสิฏฺาเน เปสิ.
สา อปรภาเค ธตรฏฺํ ปฏิจฺจ สุทสฺสโน, ทตฺโต, สุโภโค, อริฏฺโติ จตฺตาโร ปุตฺเต ปฏิลภิ. เตสุ ทตฺโต โพธิสตฺโต, โส ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว สกฺเกน ตุฏฺจิตฺเตน ‘‘ภูริทตฺโต’’ติ คหิตนามตฺตา ‘‘ภูริทตฺโต’’ตฺเวว ¶ ปฺายิตฺถ. อถ เนสํ ปิตา โยชนสติกํ โยชนสติกํ รชฺชํ ภาเชตฺวา อทาสิ. มหนฺโต ยโส อโหสิ. โสฬสโสฬสนาคกฺาสหสฺสานิ ปริวารยึสุ. ปิตุปิ เอกโยชนสตเมว รชฺชํ อโหสิ. ตโย ปุตฺตา มาเส มาเส มาตาปิตโร ปสฺสิตุํ อาคจฺฉนฺติ, โพธิสตฺโต ปน อนฺวทฺธมาสํ อาคจฺฉติ.
โส ¶ เอกทิวสํ วิรูปกฺขมหาราเชน สทฺธึ สกฺกสฺส อุปฏฺานํ คโต เวชยนฺตปาสาทํ สุธมฺมเทวสภํ ปาริจฺฉตฺตกโกวิฬารํ ปณฺฑุกมฺพลสิลาสนํ เทวจฺฉราปริวารํ อติมโนหรํ สกฺกสมฺปตฺตึ ทิสฺวา ‘‘เอตฺตกมตฺตมฺปิ นาคตฺตภาเว ิตสฺส ทุลฺลภํ, กุโต สมฺมาสมฺโพธี’’ติ นาคตฺตภาวํ ชิคุจฺฉิตฺวา ‘‘นาคภวนํ คนฺตฺวา อุโปสถวาสํ วสิตฺวา สีลเมว ปคฺคณฺหิสฺสามิ, ตํ โพธิปริปาจนํ โหติ, อิมสฺมึ เทวโลเก อุปฺปตฺติการณํ ภวิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา นาคภวนํ คนฺตฺวา มาตาปิตโร อาห – ‘‘อมฺมตาตา, อหํ อุโปสถกมฺมํ กริสฺสามี’’ติ. เตหิ ‘‘อิเธว อุโปสถํ อุปวสาหิ, พหิคตานํ นาคานํ มหนฺตํ ภย’’นฺติ ¶ วุตฺเต เอกวารํ ตถา กตฺวา นาคกฺาหิ อุปทฺทุโต ปุนวาเร มาตาปิตูนํ อนาโรเจตฺวา อตฺตโน ภริยํ อามนฺเตตฺวา ‘‘ภทฺเท, อหํ มนุสฺสโลกํ คนฺตฺวา ยมุนาตีเร มหานิคฺโรธรุกฺโข อตฺถิ ตสฺส อวิทูเร วมฺมิกมตฺถเก โภเค อาภุชิตฺวา จตุรงฺคสมนฺนาคตํ อุโปสถํ อธิฏฺาย นิปชฺชิตฺวา ‘‘อุโปสถกมฺมํ กริสฺสามี’’ติ นาคภวนโต นิกฺขมิตฺวา ตถา กโรติ. เตน วุตฺตํ ‘‘วิรูปกฺเขน มหารฺา, เทวโลกมคฺฉห’’นฺติอาทิ.
ตตฺถ วิรูปกฺเขน มหารฺาติ วิรูปกฺเขน นาม นาคาธิปติมหาราเชน. เทวโลกนฺติ ตาวตึสเทวโลกํ. อคฺฉหนฺติ อคฺฉึ, อุปสงฺกมึ อหํ.
๑๒. ตตฺถาติ ตสฺมึ เทวโลเก. ปสฺสึ ตฺวาหนฺติ อทฺทกฺขึ อหํ ตุ-สทฺโท นิปาตมตฺโต. เอกนฺตํ สุขสมปฺปิเตติ เอกนฺตํ อจฺจนฺตเมว สุเขน สมงฺคีภูเต. วุตฺตฺเหตํ ภควตา – ‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว, ฉ ผสฺสายตนิกา นาม สคฺคา. ยาวฺจิทํ, ภิกฺขเว, น สุกรํ อกฺขาเนน ปาปุณิตุํ ยาว สุขา สคฺคา’’ติ ¶ (ม. นิ. ๓.๒๕๕) จ. ตํสคฺคคมนตฺถายาติ ตสฺมึ สคฺคสฺมึ อุปฺปตฺติวเสน คมนตฺถาย. สีลพฺพตนฺติ สีลสงฺขาตํ วตํ. อถ วา สีลพฺพตนฺติ อุโปสถสีลฺเจว ‘‘มม จมฺมํ จมฺมตฺถิกา หรนฺตู’’ติอาทินา อตฺตโน สรีราวยวปริจฺจาคสมาทิยนสงฺขาตํ วตฺจ.
๑๓. สรีรกิจฺจนฺติ มุขโธวนาทิสรีรปฏิชคฺคนํ. ภุตฺวา ยาปนมตฺตกนฺติ อินฺทฺริยานิ นิพฺพิเสวนานิ กาตุํ สรีรฏฺิติมตฺตกํ อาหารํ อาหริตฺวา. จตุโร องฺเคติ จตฺตาริ องฺคานิ. อธิฏฺายาติ อธิฏฺหิตฺวา. เสมีติ สยามิ.
๑๔. ฉวิยาติอาทิ เตสํ จตุนฺนํ องฺคานํ ทสฺสนํ. ตตฺถ จ ฉวิจมฺมานํ วิสฺสชฺชนํ เอกํ องฺคํ, เสสานิ เอเกกเมว, มํสคฺคหเณเนว เจตฺถ รุธิรมฺปิ สงฺคหิตนฺติ ทฏฺพฺพํ. เอเตนาติ เอเตหิ ¶ . หราตุ โสติ ยสฺส เอเตหิ ฉวิอาทีหิ กรณียํ อตฺถิ, ตสฺส มยา ทินฺนเมเวตํ. สพฺพํ โส หรตูติ อตฺตโน อตฺตภาเว อนเปกฺขปวารณํ ปวาเรติ.
เอวํ ¶ มหาสตฺตสฺส อิมินา นิยาเมเนว อนฺวทฺธมาสํ อุโปสถกมฺมํ กโรนฺตสฺส ทีโฆ อทฺธา วีติวตฺโต. เอวํ คจฺฉนฺเต กาเล เอกทิวสํ อฺตโร เนสาทพฺราหฺมโณ โสมทตฺเตน นาม อตฺตโน ปุตฺเตน สห ตํ านํ ปตฺวา อรุณุคฺคมนสมเย นาคกฺาหิ ปริวาริยมานํ มหาสตฺตํ ทิสฺวา ตสฺส สนฺติกํ อคมาสิ. ตาวเทว นาคกฺาโย ปถวิยํ นิมุชฺชิตฺวา นาคภวนเมว คตา. พฺราหฺมโณ มหาสตฺตํ ปุจฺฉิ – ‘‘โก นุ โข ตฺวํ, มาริส, เทโว วา ยกฺโข วา นาโค วา’’ติ? โพธิสตฺโต ยถาภูตํ อตฺตานํ อาวิ กตฺวา สจายํ อิโต คจฺเฉยฺย, อิธ เม วาสํ มหาชนสฺส ปากฏํ กเรยฺย, เตน เม อุโปสถวาสสฺส อนฺตราโยปิ สิยา. ยํนูนาหํ อิโต อิมํ นาคภวนํ เนตฺวา มหติยา สมฺปตฺติยา โยเชยฺยํ. เอวายํ ตตฺเถว อภิรมิสฺสติ, เตน เม อุโปสถกมฺมํ อทฺธนิยํ สิยาติ. อถ นํ อาห – ‘‘พฺราหฺมณ, มหนฺตํ เต ยสํ ทสฺสามิ, รมณียํ นาคภวนํ, เอหิ ตตฺถ คจฺฉามา’’ติ. สามิ, ปุตฺโต เม อตฺถิ, ตสฺมึ อาคจฺฉนฺเต อาคมิสฺสามีติ. คจฺฉ, พฺราหฺมณ, ปุตฺตํ อาเนหีติ. พฺราหฺมโณ คนฺตฺวา ปุตฺตสฺส ตมตฺถํ อาโรเจตฺวา ตํ อาเนสิ. มหาสตฺโต เต อุโภปิ อาทาย อตฺตโน อานุภาเวน นาคภวนํ ¶ อาเนสิ. เตสํ ตตฺถ ทิพฺโพ อตฺตภาโว ปาตุภวิ. อถ เตสํ มหาสตฺโต ทิพฺพสมฺปตฺตึ ทตฺวา จตฺตาริ จตฺตาริ นาคกฺาสตานิ อทาสิ. เต มหตึ สมฺปตฺตึ อนุภวึสุ.
โพธิสตฺโตปิ อปฺปมตฺโต อุโปสถกมฺมํ กโรติ. อนฺวทฺธมาสํ มาตาปิตูนํ อุปฏฺานํ คนฺตฺวา ธมฺมกถํ กเถตฺวา ตโต จ พฺราหฺมณสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา อาโรคฺยํ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘เยน เต อตฺโถ, ตํ วเทยฺยาสี’’ติ อาปุจฺฉิตฺวา ‘‘อนุกฺกณฺมาโน อภิรมา’’ติ วตฺวา โสมทตฺเตนปิ สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กตฺวา อตฺตโน นิเวสนํ คจฺฉติ. พฺราหฺมโณ สํวจฺฉรํ ตตฺถ วสิตฺวา มนฺทปฺุตาย อุกฺกณฺิตฺวา อนิจฺฉมานมฺปิ ปุตฺตํ คเหตฺวา โพธิสตฺตํ อาปุจฺฉิตฺวา เตน ทียมานํ พหุํ ธนํ สพฺพกามททํ มณิรตนมฺปิ อลกฺขิกตาย อคฺคเหตฺวา ‘‘มนุสฺสโลกํ คนฺตฺวา ปพฺพชิสฺสามี’’ติ อาห. มหาสตฺโต นาคมาณวเก อาณาเปตฺวา ตํ สปุตฺตกํ มนุสฺสโลกํ ปาเปสิ. เต อุโภปิ ทิพฺพาภรณานิ ทิพฺพวตฺถานิ จ โอมฺุจิตฺวา นฺหายิตุํ ¶ เอกํ โปกฺขรณึ โอตรึสุ, ตสฺมึ ขเณ ตานิ อนฺตรธายิตฺวา นาคภวนเมว อคมํสุ. อถ ปมนิวตฺถกาสาวปิโลติกาว สรีเร ปฏิมฺุจิ, ธนุสรสตฺติโย คเหตฺวา อรฺํ คนฺตฺวา มิเค วธิตฺวา ปุริมนิยาเมเนว ชีวิกํ กปฺเปสุํ.
เตน ¶ จ สมเยน อฺตโร ตาปโส สุปณฺณราชโต ลทฺธํ อลมฺปายนมนฺตํ ตสฺส อนุจฺฉวิกานิ โอสธานิ มนฺตูปจารฺจ อตฺตานํ อุปฏฺหนฺตสฺส อฺตรสฺส พฺราหฺมณสฺส อทาสิ. โส ‘‘ลทฺโธ เม ชีวิกูปาโย’’ติ กติปาหํ วสิตฺวา ตาปสํ อาปุจฺฉิตฺวา ปกฺกมนฺโต อนุปุพฺเพน ยมุนาตีรํ ปตฺวา ตํ มนฺตํ สชฺฌายนฺโต มหามคฺเคน คจฺฉติ. ตทา โพธิสตฺตสฺส ภวนโต ตสฺส ปริจาริกา นาคมาณวิกา ตํ สพฺพกามททํ มณิรตนํ อาทาย ยมุนาตีเร วาลุการาสิมตฺถเก เปตฺวา ตสฺโสภาเสน รตฺติยํ กีฬิตฺวา อรุณุคฺคมเน ตสฺส พฺราหฺมณสฺส มนฺตสทฺทํ สุตฺวา ‘‘สุปณฺโณ’’ติ สฺาย ภยตชฺชิตา มณิรตนํ อคฺคเหตฺวา ปถวิยํ นิมุชฺชิตฺวา นาคภวนํ อคมํสุ.
พฺราหฺมโณ ตํ มณิรตนํ อาทาย ปายาสิ. ตสฺมึ ขเณ โส เนสาทพฺราหฺมโณ ปุตฺเตน สทฺธึ มิควธาย อรฺํ คจฺฉนฺโต ตสฺส หตฺเถ ¶ ตํ มณิรตนํ ทิสฺวา ‘‘อิทํ ภูริทตฺตสฺส สพฺพกามททํ มณิรตน’’นฺติ สฺชานิตฺวา ตํ คณฺหิตุกาโม เตน สทฺธึ อลฺลาปสลฺลาปํ กตฺวา มนฺตวาทิภาวํ ชานิตฺวา เอวมาห – ‘‘สเจ เม ตฺวํ อิมํ มณิรตนํ ทสฺสสิ, เอวาหํ เต มหานุภาวํ นาคํ ทสฺเสสฺสามิ, ยํ ตฺวํ คเหตฺวา คามนิคมราชธานิโย จรนฺโต พหุธนํ ลจฺฉสี’’ติ. ‘‘เตน หิ ทสฺเสตฺวา คณฺหาหี’’ติ วุตฺเต ตํ อาทาย โพธิสตฺตํ อุโปสถกรณฏฺาเน วมฺมิกมตฺถเก โภเค อาภุชิตฺวา นิปนฺนํ อวิทูเร ิโต หตฺถํ ปสาเรตฺวา ทสฺเสสิ.
มหาสตฺโต ตํ เนสาทํ ทิสฺวา ‘‘อยํ อุโปสถสฺส เม อนฺตรายํ กเรยฺยาติ นาคภวนํ เนตฺวา มหาสมฺปตฺติยํ ปติฏฺาปิโตปิ น อิจฺฉิ. ตโต อปกฺกมิตฺวา สยํ คนฺตุกาโม มยา ทียมานมฺปิ มณิรตนํ คณฺหิตุํ น อิจฺฉิ. อิทานิ ปน อหิคุณฺฑิกํ คเหตฺวา อาคจฺฉติ. สจาหํ ¶ อิมสฺส มิตฺตทุพฺภิโน กุชฺเฌยฺยํ, สีลํ เม ขณฺฑํ ภวิสฺสติ. มยา โข ปน ปมํเยว จตุรงฺคสมนฺนาคโต อุโปสโถ อธิฏฺิโต, โส ยถาธิฏฺิโตว โหตุ. อลมฺปายโน มํ ฉินฺทตุ วา มา วา, เนวสฺส กุชฺฌิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา อกฺขีนิ นิมฺมีเลตฺวา อธิฏฺานปารมึ ปุเรจาริกํ กตฺวา โภคนฺตเร สีสํ ปกฺขิปิตฺวา นิจฺจโลว หุตฺวา นิปชฺชิ. เนสาทพฺราหฺมโณปิ ‘‘โภ อลมฺปายน, อิมํ นาคํ คณฺห, มณึ เม เทหี’’ติ อาห. อลมฺปายโน นาคํ ทิสฺวา ตุฏฺโ มณึ กิสฺมิฺจิ อคเณตฺวา ‘‘คณฺห, พฺราหฺมณา’’ติ หตฺเถ ขิปิ. โส ตสฺส หตฺถโต ภสฺสิตฺวา ปถวิยํ ปติตมตฺโตว ปถวึ ปวิสิตฺวา นาคภวนเมว คโต. เนสาทพฺราหฺมโณ มณิรตนโต ภูริทตฺเตน สทฺธึ มิตฺตภาวโต จ ปริหายิตฺวา นิปฺปจฺจโยว ปกฺกนฺโต.
๑๕. อลมฺปายโนปิ มหานุภาเวหิ โอสเธหิ อตฺตโน สรีรํ มกฺเขตฺวา โถกํ ขาทิตฺวา เขฬํ ¶ อตฺตโน กายสฺมึ ปริภาเวตฺวา ทิพฺพมนฺตํ ชปฺปนฺโต โพธิสตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา นงฺคุฏฺเ คเหตฺวา อากฑฺฒิตฺวา สีเส ทฬฺหํ คณฺหนฺโต มุขมสฺส วิวริตฺวา โอสธํ ขาทิตฺวา มุเข สหเขฬํ โอสิฺจิ. สุจิชาติโก มหาสตฺโต สีลเภทภเยน อกุชฺฌิตฺวา อกฺขีนิ น อุมฺมีเลสิ. อถ นํ โอสธมนฺตพเลน นงฺคุฏฺเ คเหตฺวา เหฏฺา สีสํ กตฺวา สฺจาเลตฺวา คหิตโคจรํ ฉฑฺฑาเปตฺวา ภูมิยํ ทีฆโส นิปชฺชาเปตฺวา ¶ มสูรกํ มทฺทนฺโต วิย หตฺเถหิ ปริมทฺทิ. อฏฺีนิ จุณฺณิยมานานิ วิย อเหสุํ.
ปุน นงฺคุฏฺเ คเหตฺวา ทุสฺสํ โปเถนฺโต วิย โปเถสิ. มหาสตฺโต เอวรูปํ ¶ ทุกฺขํ อนุโภนฺโตปิ เนว กุชฺฌิตฺถ. อฺทตฺถุ อตฺตโน สีลเมว อาวชฺเชสิ. อิติ โส มหาสตฺตํ ทุพฺพลํ กตฺวา วลฺลีหิ เปฬํ สชฺเชตฺวา มหาสตฺตํ ตตฺถ ปกฺขิปิ. สรีรํ ปนสฺส มหนฺตํ ตตฺถ น ปวิสติ. อถ นํ ปณฺหิยา โกฏฺเฏนฺโต ปเวเสตฺวา เปฬํ อาทาย เอกํ คามํ คนฺตฺวา คามมชฺเฌ โอตาเรตฺวา ‘‘นาคสฺส นจฺจํ ทฏฺุกามา อาคจฺฉนฺตู’’ติ สทฺทมกาสิ. สกลคามวาสิโน สนฺนิปตึสุ. ตสฺมึ ขเณ อลมฺปายโน ‘‘นิกฺขม มหานาคา’’ติ อาห. มหาสตฺโต จินฺเตสิ – ‘‘อชฺช มยา ปริสํ โตเสนฺเตน กีฬิตุํ วฏฺฏติ, เอวํ อลมฺปายโน พหุธนํ ลภิตฺวา ตุฏฺโ มํ วิสฺสชฺเชสฺสติ, ยํ ยํ เอส มํ กาเรติ, ตํ ตํ กริสฺสามี’’ติ.
อถ นํ โส เปฬโต นิกฺขมนฺตํ ‘‘มหา โหหี’’ติ อาห, โส มหา อโหสิ. ‘‘ขุทฺทโก วฏฺโฏ วิผโณ เอกผโณ ทฺวิผโณ ยาว สหสฺสผโณ อุจฺโจ นีโจ ทิสฺสมานกาโย อทิสฺสมานกาโย ทิสฺสมานอุปฑฺฒกาโย นีโล ปีโต โลหิโต โอทาโต มฺชิฏฺโ โหหิ, ธูมํ วิสฺสชฺเชหิ, ชาลสิขํ อุทกฺจ วิสฺสชฺเชหี’’ติ วุตฺเต เตน วุตฺตํ ตํ ตํ อาการํ นิมฺมินิตฺวา นจฺจํ ทสฺเสสิ. ตํ ทิสฺวา มนุสฺสา อจฺฉริยพฺภุตจิตฺตชาตา พหุํ หิรฺสุวณฺณวตฺถาลงฺการาทึ อทํสุ. อิติ ตสฺมึ คาเม สตสหสฺสมตฺตํ ลภิ. โส กิฺจาปิ มหาสตฺตํ คณฺหนฺโต ‘‘สหสฺสํ ลภิตฺวา ตํ วิสฺสชฺเชสฺสามี’’ติ อาห. ตํ ปน ธนํ ลภิตฺวา ‘‘คามเกปิ ตาว มยา เอตฺตกํ ธนํ ลทฺธํ, นคเร กิร พหุธนํ ลภิสฺสามี’’ติ ธนโลเภน น มฺุจิ.
โส ตสฺมึ คาเม กุฏุมฺพํ สณฺเปตฺวา รตนมยํ เปฬํ กาเรตฺวา ตตฺถ มหาสตฺตํ ปกฺขิปิตฺวา สุขยานกํ อารุยฺห มหนฺเตน ปริวาเรน ¶ คามนิคมราชธานีสุ ตํ กีฬาเปตฺวา พาราณสึ ปาปุณิ, นาคราชสฺส มธุลาชํ เทติ, อพทฺธสตฺตฺุจ เทติ. โส โคจรํ น คณฺหิ อวิสฺสชฺชนภเยน. โคจรํ อคณฺหนฺตมฺปิ จ นํ จตฺตาโร นครทฺวาเร อาทึ กตฺวา ตตฺถ ตตฺถ มาสมตฺตํ กีฬาเปสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘สํสิโต อกตฺุนา’’ติอาทิ.
ตตฺถ ¶ ¶ สํสิโตติ เอโส นาโค อมุกสฺส นิคฺโรธรุกฺขสฺส สมีเป วมฺมิกมตฺถเก สยิโตติ เอวํ านํ ทสฺเสตฺวา กถิโต. อกตฺุนาติ อตฺตนา กตํ อุปการํ อชานนฺเตน มิตฺตทุพฺภินา เนสาทพฺราหฺมเณนาติ อธิปฺปาโย. อลมฺปายโนติ อลมฺปายนวิชฺชาปริชปฺปเนน ‘‘อลมฺปายโน’’ติ เอวํ ลทฺธนาโม อหิตุณฺฑิกพฺราหฺมโณ. มมคฺคหีติ มํ อคฺคเหสิ. กีเฬติ มํ ตหึ ตหินฺติ ตตฺถ ตตฺถ คามนิคมราชธานีสุ อตฺตโน ชีวิกตฺถํ มํ กีฬาเปติ.
๑๗. ติณโตปิ ลหุโก มมาติ อตฺตโน ชีวิตปริจฺจาโค ติณสลากปริจฺจาคโตปิ ลหุโก หุตฺวา มม อุปฏฺาตีติ อตฺโถ. ปถวีอุปฺปตนํ วิยาติ สีลวีติกฺกโม ปน จตุนหุตาธิกทฺวิโยชนสตสหสฺสพหลาย มหาปถวิยา ปริวตฺตนํ วิย ตโตปิ ตํ ภาริยตรํ หุตฺวา มยฺหํ อุปฏฺาตีติ ทสฺเสติ.
๑๘. นิรนฺตรํ ชาติสตนฺติ มม ชาตีนํ อเนกสตมฺปิ อเนกสตาสุปิ ชาตีสุ นิรนฺตรเมว สีลสฺส อวีติกฺกมนเหตุ. มม ชีวิตํ จเชยฺยํ จชิตุํ สกฺโกมิ. เนว สีลํ ปภินฺเทยฺยนฺติ สีลํ ปน สมาทินฺนํ เอกมฺปิ เนว ภินฺเทยฺยํ น วินาเสยฺยํ. จตุทฺทีปาน เหตูติ จกฺกวตฺติรชฺชสิริยาปิ การณาติ ทสฺเสติ.
๑๙. อิทานิ ยทตฺถํ อตฺตโน ชีวิตมฺปิ ปริจฺจชิตฺวา ตทา สีลเมว รกฺขิตํ, ตาย จ สีลรกฺขาย ตถา อนตฺถการเกสุ เนสาทอลมฺปายนพฺราหฺมเณสุ จิตฺตสฺส อฺถตฺตํ ¶ น กตํ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อปิ จา’’ติ โอสานคาถมาห. ตํ เหฏฺา วุตฺตตฺถเมว.
เอวํ ปน มหาสตฺเต อหิตุณฺฑิกหตฺถคเต ตสฺส มาตา ทุสฺสุปินํ ทิสฺวา ปุตฺตฺจ ตตฺถ อปสฺสนฺตี โสกาภิภูตา อโหสิ. อถสฺสา เชฏฺปุตฺโต สุทสฺสโน ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา สุโภคํ ‘‘หิมวนฺตํ คนฺตฺวา ปฺจสุ มหานทีสุ สตฺตสุ มหาสเรสุ ภูริทตฺตํ อุปธาเรตฺวา เอหี’’ติ ปหิณิ. กาณาริฏฺํ ‘‘เทวโลกํ คนฺตฺวา สเจ เทวตาหิ ธมฺมํ โสตุกามาหิ ภูริทตฺโต ตตฺถ นีโต, ตโต นํ อาเนหี’’ติ ปหิณิ. สยํ ปน ‘‘มนุสฺสโลเก คเวสิสฺสามี’’ติ ตาปสเวเสน นาคภวนโต ¶ นิกฺขมิ. อจฺจิมุขี นามสฺส เวมาติกา ภคินี โพธิสตฺเต อธิมตฺตสิเนหา ตํ อนุพนฺธิ. ตํ มณฺฑูกจฺฉาปึ กตฺวา ชฏนฺตเร ปกฺขิปิตฺวา มหาสตฺตสฺส อุโปสถกรณฏฺานํ อาทึ กตฺวา สพฺพตฺถ คเวสนฺโต อนุกฺกเมน พาราณสึ ปตฺวา ราชทฺวารํ อคมาสิ. ตทา อลมฺปายโน ราชงฺคเณ มหาชนสฺส มชฺเฌ รฺโ ภูริทตฺตสฺส กีฬํ ทสฺเสตุํ เปฬํ วิวริตฺวา ‘‘เอหิ มหานาคา’’ติ สฺมทาสิ.
มหาสตฺโต ¶ สีสํ นีหริตฺวา โอโลเกนฺโต เชฏฺภาติกํ ทิสฺวา เปฬโต นิกฺขมฺม ตทภิมุโข ปายาสิ. มหาชโน ภีโต ปฏิกฺกมิ. โส คนฺตฺวา ตํ อภิวาเทตฺวา นิวตฺติตฺวา เปฬเมว ปาวิสิ. อลมฺปายโน ‘‘อิมินา อยํ ตาปโส ทฏฺโ’’ติ สฺาย ‘‘มา ภายิ, มา ภายี’’ติ อาห. สุทสฺสโน ‘‘อยํ นาโค มยฺหํ กึ กริสฺสติ, มยา สทิโส อหิตุณฺฑิโก นาม นตฺถี’’ติ เตน วาทปฺปฏิวาทํ สมุฏฺาเปตฺวา ‘‘ตฺวํ อิมํ นาคํ คเหตฺวา คชฺชสิ, อหํ ตํ อิมาย มณฺฑูกจฺฉาปิยา อิจฺฉนฺโต นาสยิสฺสามี’’ติ ภคินึ ปกฺโกสิตฺวา หตฺถํ ปสาเรสิ. สา ตสฺส สทฺทํ สุตฺวา ชฏนฺตเร นิปนฺนา ติกฺขตฺตุํ มณฺฑูกวสฺสิตํ วสฺสิตฺวา นิกฺขมิตฺวา อํสกูเฏ นิสีทิตฺวา อุปฺปติตฺวา ตสฺส หตฺถตเล ตีณิ วิสพินฺทูนิ ปาเตตฺวา ปุน ตสฺส ชฏนฺตรเมว ปาวิสิ.
สุทสฺสโน วิสพินฺทุํ ทสฺเสตฺวา ‘‘อิทํ พินฺทุํ สเจ ปถวิยํ ปาเตสฺสติ, โอสธิติณวนปฺปตโย สพฺเพ นสฺสิสฺสนฺติ. สเจ อากาเส ขิปิสฺสติ, สตฺตวสฺสานิ เทโว น วสฺสิสฺสติ. สเจ อุทเก ปาเตสฺสติ, ยาวตา ตตฺถ อุทกชาตา ปาณา สพฺเพ มเรยฺยุ’’นฺติ ¶ วตฺวา ราชานํ สทฺทหาเปตุํ ตโย อาวาเฏ ขณาเปตฺวา เอกํ นานาเภสชฺชานํ ปูเรสิ, ทุติยํ โคมยสฺส, ตติยํ ทิพฺโพสธานฺเจว ปูเรตฺวา มชฺเฌ อาวาเฏ วิสพินฺทุํ ปกฺขิปิ. ตงฺขณฺเว ธูมายิตฺวา ชาลา อุฏฺหิ. สา คนฺตฺวา โคมยาวาฏํ คณฺหิ. ตโตปิ ชาลา อุฏฺาย ทิพฺโพสธปุณฺณํ คเหตฺวา ทิพฺโพสธานิ ฌาเปตฺวา นิพฺพายิ. อลมฺปายนํ ตตฺถ อาวาฏสฺส อวิทูเร ิตํ อุสุมา ผริตฺวา สรีรจฺฉวึ อุปฺปาเฏตฺวา คตา. เสตกุฏฺี อโหสิ. โส ภยตชฺชิโต ‘‘นาคราชานํ วิสฺสชฺเชมี’’ติ ติกฺขตฺตุํ วาจํ นิจฺฉาเรสิ. ตํ สุตฺวา โพธิสตฺโต รตนเปฬาย นิกฺขมิตฺวา สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิตํ ¶ อตฺตภาวํ มาเปตฺวา เทวลีฬาย ิโต. สุทสฺสโน จ อจฺจิมุขี จ ตเถว อฏฺํสุ.
ตโต สุทสฺสโน อตฺตโน ภาคิเนยฺยภาวํ รฺโ อาโรเจสิ. ตํ สุตฺวา ราชา เต อาลิงฺคิตฺวา สีเส จุมฺพิตฺวา อนฺเตปุรํ เนตฺวา มหนฺตํ สกฺการสมฺมานํ กตฺวา ภูริทตฺเตน สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กโรนฺโต ‘‘ตาต, เอวํ มหานุภาวํ ตํ อลมฺปายโน กถํ คณฺหี’’ติ ปุจฺฉิ. โส สพฺพํ วิตฺถาเรน กเถตฺวา ‘‘มหาราช, รฺา นาม อิมินา นิยาเมน รชฺชํ กาเรตุํ วฏฺฏตี’’ติ มาตุลสฺส ธมฺมํ เทเสสิ. อถ สุทสฺสโน ‘‘มาตุล, มม มาตา ภูริทตฺตํ อปสฺสนฺตี กิลมติ, น สกฺกา อมฺเหหิ อิธ ปปฺจํ กาตุ’’นฺติ มาตุลํ อาปุจฺฉิตฺวา ภูริทตฺตอจฺจิมุขีหิ สทฺธึ นาคภวนเมว คโต.
อถ ¶ ตตฺถ มหาปุริโส คิลานเสยฺยาย นิปนฺโน คิลานปุจฺฉนตฺถํ อาคตาย มหติยา นาคปริสาย เวเท จ ยฺเ จ พฺราหฺมเณ จ สมฺภาเวตฺวา กาณาริฏฺเ กเถนฺเต ตํ วาทํ ภินฺทิตฺวา นานานเยหิ ธมฺมํ เทเสตฺวา สีลสมฺปทาย ¶ ทิฏฺิสมฺปทาย จ ปติฏฺาเปตฺวา ยาวชีวํ สีลานิ รกฺขิตฺวา อุโปสถกมฺมํ กตฺวา อายุปริโยสาเน สคฺคปุรํ ปูเรสิ.
ตทา มาตาปิตโร มหาราชกุลานิ อเหสุํ. เนสาทพฺราหฺมโณ เทวทตฺโต, โสมทตฺโต อานนฺโท, อจฺจิมุขี อุปฺปลวณฺณา, สุทสฺสโน สาริปุตฺโต, สุโภโค มหาโมคฺคลฺลาโน, กาณาริฏฺโ สุนกฺขตฺโต, ภูริทตฺโต โลกนาโถ.
ตสฺส อิธาปิ เสสปารมิโย เหฏฺา วุตฺตนเยเนว นิทฺธาเรตพฺพา. อิธาปิ โยชนสติเก อตฺตโน นาคภวนฏฺาเน โสฬสหิ นาคกฺาสหสฺเสหิ จิตฺตรูปํ วิย ปริจาริยมาโน เทวโลกสมฺปตฺติสทิเส นาคโลกิสฺสริเย ิโตปิ อิสฺสริยมทํ อกตฺวา อนฺวทฺธมาสํ มาตาปิตุอุปฏฺานํ, กุเล เชฏฺาปจายนํ, สกลาย นาคปริสาย จาตุมหาราชิกปริสาย ตาวตึสปริสาย จ สมุฏฺิตปฺหานํ ตํตํปริสมชฺเฌ กุมุทนาลกลาปํ วิย สุนิสิตสตฺเถน อตฺตโน ปฺาสตฺเถน ตาวเทว ปจฺฉินฺทิตฺวา เตสํ จิตฺตานุกูลธมฺมเทสนา, วุตฺตปฺปการํ โภคสมฺปตฺตึ ปหาย อตฺตโน สรีรชีวิตนิรเปกฺขํ จตุรงฺคสมนฺนาคตํ อุโปสถาธิฏฺานํ, ตตฺถ จ ปฏิฺาย วิสํวาทนภเยน ¶ อหิตุณฺฑิกหตฺถคมนํ, ตสฺมิฺจ มุเข วิสมิสฺสเขฬปาตนํ นงฺคุฏฺเ คเหตฺวา อาวิฺฉนํ กฑฺฒนํ ภูมิยํ ฆํสนํ มทฺทนํ โปถนนฺติ เอวมาทึ นานปฺปการวิปฺปการํ กโรนฺเตปิ เอวรูปํ มหาทุกฺขํ อนุภวโตปิ กุชฺฌิตฺวา โอโลกนมตฺเตน ตํ ฉาริกํ กาตุํ สมตฺถสฺสาปิ สีลปารมึ อาวชฺชิตฺวา สีลขณฺฑนภเยน อีสกมฺปิ จิตฺตสฺส วิการาภาโว, ธนํ ลภาเปมีติ วา ตสฺส จิตฺตานุวตฺตนํ, สุโภเคน ปุนานีตสฺส อกตฺุโน มิตฺตทุพฺภิสฺส เนสาทพฺราหฺมณสฺส สีลํ อนธิฏฺหิตฺวาปิ อกุชฺฌนํ, กาณาริฏฺเน กถิตํ มิจฺฉาวาทํ ภินฺทิตฺวา อเนกปริยาเยน ธมฺมํ ภาสิตฺวา นาคปริสาย สีเลสุ สมฺมาทิฏฺิยฺจ ปติฏฺาปนนฺติ เอวมาทโย โพธิสตฺตสฺส คุณานุภาวา วิภาเวตพฺพา. เตเนตํ ¶ วุจฺจติ – ‘‘เอวํ อจฺฉริยา เหเต…เป… ธมฺมสฺส อนุธมฺมโต’’ติ.
ภูริทตฺตจริยาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. จมฺเปยฺยนาคจริยาวณฺณนา
๒๐. ตติเย ¶ จมฺเปยฺยโกติ องฺคมคธรฏฺานํ อนฺตเร จมฺปา นาม นที, ตสฺสา เหฏฺา นาคภวนมฺปิ อวิทูรภวตฺตา จมฺปา นาม, ตตฺถ ชาโต นาคราชา จมฺเปยฺยโก. ตทาปิ ธมฺมิโก อาสินฺติ ตสฺมึ จมฺเปยฺยนาคราชกาเลปิ อหํ ธมฺมจารี อโหสึ.
โพธิสตฺโต หิ ตทา จมฺปานาคภวเน นิพฺพตฺติตฺวา จมฺเปยฺโย นาม นาคราชา อโหสิ, มหิทฺธิโก มหานุภาโว. โส ตตฺถ นาครชฺชํ กาเรนฺโต เทวราชโภคสมฺปตฺติสทิสอิสฺสริยสมฺปตฺตึ อนุภวนฺโต ปารมิปูรณสฺส อโนกาสภาวโต ‘‘กึ เม อิมาย ติรจฺฉานโยนิยา, อุโปสถวาสํ วสิตฺวา อิโต มุจฺจิตฺวา สมฺมเทว ปารมิโย ปูเรสฺสามี’’ติ ตโต ปฏฺาย อตฺตโน ปาสาเทเยว อุโปสถกมฺมํ กโรติ. อลงฺกตนาคมาณวิกา ตสฺส สนฺติกํ อาคจฺฉนฺติ. โส ‘‘อิธ เม สีลสฺส อนฺตราโย ภวิสฺสตี’’ติ ปาสาทโต นิกฺขมิตฺวา อุยฺยาเน นิสีทติ. ตตฺราปิ ตา อาคจฺฉนฺติ. โส จินฺเตสิ – ‘‘อิธ เม สีลสฺส สํกิเลโส ภวิสฺสติ, อิโต นาคภวนโต นิกฺขมิตฺวา มนุสฺสโลกํ ¶ คนฺตฺวา อุโปสถวาสํ วสิสฺสามี’’ติ. โส ตโต ปฏฺาย อุโปสถทิวเสสุ นาคภวนา นิกฺขมิตฺวา เอกสฺส ปจฺจนฺตคามสฺส อวิทูเร มคฺคสมีเป วมฺมิกมตฺถเก ‘‘มม จมฺมาทีหิ อตฺถิกา จมฺมาทีนิ คณฺหนฺตุ, กีฬาสปฺปํ วา กาตุกามา กีฬาสปฺปํ กโรนฺตู’’ติ สรีรํ ทานมุเข วิสฺสชฺเชตฺวา โภเค ¶ อาภุชิตฺวา นิปนฺโน อุโปสถวาสํ วสติ จาตุทฺทสิยํ ปฺจทสิยฺจ, ปาฏิปเท นาคภวนํ คจฺฉติ. ตสฺเสวํ อุโปสถํ กโรนฺตสฺส ทีโฆ อทฺธา วีติวตฺโต.
อถ โพธิสตฺโต สุมนาย นาม อตฺตโน อคฺคมเหสิยา ‘‘เทว, ตฺวํ มนุสฺสโลกํ คนฺตฺวา อุโปสถํ อุปวสสิ, โส จ สาสงฺโก สปฺปฏิภโย’’ติ วุตฺโต มงฺคลโปกฺขรณิตีเร ตฺวา ‘‘สเจ มํ, ภทฺเท, โกจิ ปหริตฺวา กิลเมสฺสติ, อิมิสฺสา โปกฺขรณิยา อุทกํ อาวิลํ ภวิสฺสติ. สเจ สุปณฺโณ คณฺหิสฺสติ, อุทกํ ปกฺกุถิสฺสติ. สเจ อหิตุณฺฑิโก คณฺหิสฺสติ, อุทกํ โลหิตวณฺณํ ภวิสฺสตี’’ติ ตีณิ นิมิตฺตานิ ตสฺสา อาจิกฺขิตฺวา จาตุทฺทสีอุโปสถํ อธิฏฺาย นาคภวนา นิกฺขมิตฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา วมฺมิกมตฺถเก นิปชฺชิ สรีรโสภาย วมฺมิกํ โสภยมาโน. สรีรฺหิสฺส รชตทามํ วิย เสตํ อโหสิ, มตฺถโก รตฺตกมฺพลเคณฺฑุโก วิย, สรีรํ นงฺคลสีสปฺปมาณํ ภูริทตฺตกาเล (ชา. ๒.๒๒.๗๘๔ อาทโย) ปน อูรุปฺปมาณํ, สงฺขปาลกาเล (ชา. ๒.๑๗.๑๔๓ อาทโย) เอกโทณิกนาวปฺปมาณํ.
ตทา ¶ เอโก พาราณสิมาณโว ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา อลมฺปายนมนฺตํ อุคฺคณฺหิตฺวา เตน มคฺเคน อตฺตโน คามํ คจฺฉนฺโต มหาสตฺตํ ทิสฺวา ‘‘กึ เม ตุจฺฉหตฺเถน คามํ คนฺตุํ, อิมํ นาคํ คเหตฺวา คามนิคมราชธานีสุ กีฬาเปนฺโต ธนํ อุปฺปาเทตฺวาว คมิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ทิพฺโพสธานิ คเหตฺวา ทิพฺพมนฺตํ ปริวตฺเตตฺวา ตสฺส สนฺติกํ อคมาสิ. ทิพฺพมนฺตํ สุตกาลโต ปฏฺาย มหาสตฺตสฺส กณฺเณสุ ตตฺตสลากาปเวสนกาโล วิย อโหสิ, มตฺถเก สิขเรน อภิมนฺถิยมาโน วิย. โส ‘‘โก นุ โข เอโส’’ติ โภคนฺตรโต สีสํ อุกฺขิปิตฺวา โอโลเกนฺโต อหิตุณฺฑิกํ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘มม วิสํ อุคฺคเตชํ, สจาหํ กุชฺฌิตฺวา ¶ นาสาวาตํ วิสฺสชฺเชสฺสามิ, เอตสฺส สรีรํ ภุสมุฏฺิ วิย วิปฺปกิริสฺสติ, อถ เม สีลํ ขณฺฑํ ภวิสฺสติ, น นํ โอโลเกสฺสามี’’ติ. โส อกฺขีนิ นิมฺมีเลตฺวา สีสํ โภคนฺตเร เปสิ. อหิตุณฺฑิกพฺราหฺมโณ ¶ โอสธํ ขาทิตฺวา มนฺตํ ปริวตฺเตตฺวา เขฬํ มหาสตฺตสฺส สรีเร โอสิฺจิ. โอสธานฺจ มนฺตสฺส จ อานุภาเวน เขเฬน ผุฏฺผุฏฺฏฺาเน โผฏานํ อุฏฺานกาโล วิย อโหสิ.
อถ โส นงฺคุฏฺเ คเหตฺวา อากฑฺฒิตฺวา ทีฆโส นิปชฺชาเปตฺวา อชปเทน ทณฺเฑน อุปฺปีเฬตฺวา ทุพฺพลํ กตฺวา สีสํ ทฬฺหํ คเหตฺวา นิปฺปีเฬสิ. มหาสตฺโต มุขํ วิวริ. อถสฺส มุเข เขฬํ โอสิฺจิตฺวา โอสธมนฺตพเลน ทนฺเต ภินฺทิ. มุขํ โลหิตสฺส ปูริ. มหาสตฺโต อตฺตโน สีลเภทภเยน เอวรูปํ ทุกฺขํ อธิวาเสนฺโต อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา โอโลกนมตฺตมฺปิ นากาสิ. โสปิ ‘‘นาคราชานํ ทุพฺพลํ กริสฺสามี’’ติ นงฺคุฏฺโต ปฏฺาย อฏฺีนิ สํจุณฺณยมาโน วิย สกลสรีรํ มทฺทิตฺวา ปฏฺฏกเวนํ นาม เวเสิ, ตนฺตมชฺชิตํ นาม มชฺชิ, นงฺคุฏฺเ คเหตฺวา ทุสฺสโปถนํ นาม โปเถสิ. มหาสตฺตสฺส สกลสรีรํ โลหิตมกฺขิตํ อโหสิ, โส มหาเวทนํ อธิวาเสสิ.
อถสฺส ทุพฺพลภาวํ ตฺวา วลฺลีหิ เปฬํ กริตฺวา ตตฺถ นํ ปกฺขิปิตฺวา ปจฺจนฺตคามํ เนตฺวา มหาชนสฺส มชฺเฌ กีฬาเปสิ. นีลาทีสุ วณฺเณสุ วฏฺฏจตุรสฺสาทีสุ สณฺาเนสุ อณุํถูลาทีสุ ปมาเณสุ ยํ ยํ พฺราหฺมโณ อิจฺฉติ, มหาสตฺโต ตํ ตเทว กตฺวา นจฺจติ, ผณสตมฺปิ ผณสหสฺสมฺปิ กโรติเยว. มหาชโน ปสีทิตฺวา พหุธนมทาสิ. เอกทิวสเมว กหาปณสหสฺสฺเจว สหสฺสคฺฆนิเก จ ปริกฺขาเร ลภิ. พฺราหฺมโณ ¶ อาทิโตว ‘‘สหสฺสํ ลภิตฺวา วิสฺสชฺเชสฺสามี’’ติ จินฺเตสิ. ตํ ปน ธนํ ลภิตฺวา ‘‘ปจฺจนฺตคาเมเยว ตาว เม เอตฺตกํ ธนํ ลทฺธํ, ราชราชมหามตฺตานํ ทสฺสิเต กีว พหุํ ธนํ ลภิสฺสามี’’ติ สกฏฺจ สุขยานกฺจ คเหตฺวา สกเฏ ปริกฺขาเร เปตฺวา สุขยานเก นิสินฺโน ‘‘มหนฺเตน ปริวาเรน มหาสตฺตํ ¶ คามนิคมราชธานีสุ กีฬาเปนฺโต พาราณสิยํ อุคฺคเสนรฺโ สนฺติเก กีฬาเปตฺวา วิสฺสชฺเชสฺสามี’’ติ อคมาสิ. โส มณฺฑูเก มาเรตฺวา นาครฺโ เทติ. นาคราชา ‘‘ปุนปฺปุนํ มํ นิสฺสาย มาเรสฺสตี’’ติ น ขาทติ. อถสฺส มธุลาเช อทาสิ. เตปิ ‘‘สจาหํ โคจรํ คณฺหิสฺสามิ, อนฺโตเปฬายเมว มรณํ ภวิสฺสตี’’ติ น ขาทติ.
๒๑. พฺราหฺมโณ ¶ มาสมตฺเตน พาราณสึ ปตฺวา ทฺวารคามเก ตํ กีฬาเปนฺโต พหุธนํ ลภิ. ราชาปิ นํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘อมฺหากมฺปิ กีฬาเปหี’’ติ อาห. ‘‘สาธุ, เทว, สฺเว ปนฺนรเส ตุมฺหากํ กีฬาเปสฺสามี’’ติ อาห. ราชา ‘‘สฺเว นาคราชา ราชงฺคเณ นจฺจิสฺสติ, มหาชโน สนฺนิปติตฺวา ปสฺสตู’’ติ เภรึ จราเปตฺวา ปุนทิวเส ราชงฺคณํ อลงฺการาเปตฺวา พฺราหฺมณํ ปกฺโกสาเปสิ. โส รตนเปฬาย มหาสตฺตํ เนตฺวา วิจิตฺตตฺถเร เปฬํ เปตฺวา นิสีทิ. ราชาปิ ปาสาทา โอรุยฺห มหาชนปริวุโต ราชาสเน นิสีทิ. พฺราหฺมโณ มหาสตฺตํ นีหริตฺวา นจฺจาเปสิ. มหาสตฺโต เตน จินฺติตจินฺติตาการํ ทสฺเสสิ. มหาชโน สกภาเวน สนฺธาเรตุํ น สกฺโกติ. เจลุกฺเขปสหสฺสานิ ปวตฺตนฺติ. โพธิสตฺตสฺส อุปริ รตนวสฺสํ วสฺสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘ตทาปิ มํ ธมฺมจาริ’’นฺติอาทิ.
ตตฺถ ตทาปีติ ยทาหํ จมฺเปยฺยโก นาคราชา โหมิ, ตทาปิ. ธมฺมจารินฺติ ทสกุสลกมฺมปถธมฺมํ ¶ เอว จรติ, น อณุมตฺตมฺปิ อธมฺมนฺติ ธมฺมจารี. อุปวุฏฺอุโปสถนฺติ อฏฺงฺคสมนฺนาคตสฺส อริยุโปสถสีลสฺส รกฺขณวเสน อุปวสิตอุโปสถํ. ราชทฺวารมฺหิ กีฬตีติ พาราณสิยํ อุคฺคเสนรฺโ เคหทฺวาเร กีฬาเปติ.
๒๒. ยํ ยํ โส วณฺณํ จินฺตยีติ โส อหิตุณฺฑิกพฺราหฺมโณ ‘‘ยํ ยํ นีลาทิวณฺณํ โหตู’’ติ จินฺเตสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘นีลํ ว ปีตโลหิต’’นฺติ. ตตฺถ นีลํ วาติ วา-สทฺโท อนิยมตฺโถ, คาถาสุขตฺถํ รสฺสํ กตฺวา วุตฺโต, เตน วาสทฺเทน วุตฺตาวสิฏฺํ โอทาตาทิวณฺณวิเสสฺเจว วฏฺฏาทิสณฺานวิเสสฺจ อณุํถูลาทิปมาณวิเสสฺจ สงฺคณฺหาติ. ตสฺส จิตฺตานุวตฺตนฺโตติ ตสฺส อหิตุณฺฑิกสฺส จิตฺตํ อนุวตฺตนฺโต. จินฺติตสนฺนิโภติ เตน จินฺติตจินฺติตากาเรน เปกฺขชนสฺส อุปฏฺหามีติ ทสฺเสติ.
๒๓. น เกวลฺจ เตน จินฺติตาการทสฺสนํ เอว มยฺหํ อานุภาโว. อปิ จ ถลํ กเรยฺยมุทกํ, อุทกมฺปิ ถลํ กเรติ ถลํ มหาปถวึ คเหตฺวา อุทกํ, อุทกมฺปิ คเหตฺวา ปถวึ กาตุํ ¶ สกฺกุเณยฺยํ เอวํ มหานุภาโว จ. ยทิหํ ตสฺส กุปฺเปยฺยนฺติ ตสฺส อหิตุณฺฑิกสฺส อหํ ยทิ กุชฺเฌยฺยํ. ขเณน ฉาริกํ กเรติ โกธุปฺปาทกฺขเณ เอว ภสฺมํ กเรยฺยํ.
๒๔. เอวํ ¶ ภควา ตทา อตฺตโน อุปฺปชฺชนกานตฺถปฏิพาหเน สมตฺถตํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ เยน อธิปฺปาเยน ตํ ปฏิพาหนํ น กตํ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยทิ จิตฺตวสี เหสฺส’’นฺติอาทิมาห.
ตสฺสตฺโถ – ‘‘อยํ อหิตุณฺฑิโก มํ อติวิย พาธติ, น เม อานุภาวํ ชานาติ, หนฺทสฺส เม อานุภาวํ ทสฺเสสฺสามี’’ติ กุชฺฌิตฺวา โอโลกนมตฺเตนาปิ ยทิ จิตฺตวสี อภวิสฺสํ, อถ โส ภุสมุฏฺิ วิย วิปฺปกิริสฺสติ. อหํ ยถาสมาทินฺนโต ปริหายิสฺสามิ สีลโต. ตถา จ สติ สีเลน ปริหีนสฺส ขณฺฑิตสีลสฺส ยฺวายํ มยา ทีปงฺกรทสพลสฺส ปาทมูลโต ปฏฺาย อภิปตฺถิโต ¶ , อุตฺตมตฺโถ พุทฺธภาโว โส น สิชฺฌติ.
๒๕. กามํ ภิชฺชตุยํ กาโยติ อยํ จาตุมหาภูติโก โอทนกุมฺมาสูปจโย อนิจฺจุจฺฉาทนปริมทฺทนเภทนวิทฺธํสนธมฺโม กาโย กิฺจาปิ ภิชฺชตุ วินสฺสตุ, อิเธว อิมสฺมึ เอว าเน มหาวาเต ขิตฺตภุสมุฏฺิ วิย วิปฺปกิรียตุ, เนว สีลํ ปภินฺเทยฺยํ, วิกิรนฺเต ภุสํ วิยาติ สีลํ ปน อุตฺตมตฺถสิทฺธิยา เหตุภูตํ อิมสฺมึ กเฬวเร ภุสมุฏฺิ วิย วิปฺปกิรนฺเตปิ เนว ภินฺเทยฺยํ, กายชีวิเตสุ นิรเปกฺโข หุตฺวา สีลปารมึเยว ปูเรมีติ จินฺเตตฺวา ตํ ตาทิสํ ทุกฺขํ ตทา อธิวาเสสินฺติ ทสฺเสติ.
อถ มหาสตฺตสฺส ปน อหิตุณฺฑิกหตฺถคตสฺส มาโส ปริปูริ, เอตฺตกํ กาลํ นิราหาโรว อโหสิ. สุมนา ‘‘อติจิรายติ เม สามิโก, โก นุ โข ปวตฺตี’’ติ โปกฺขรณึ โอโลเกนฺตี โลหิตวณฺณํ อุทกํ ทิสฺวา ‘‘อหิตุณฺฑิเกน คหิโต ภวิสฺสตี’’ติ ตฺวา นาคภวนา นิกฺขมิตฺวา วมฺมิกสนฺติกํ คนฺตฺวา มหาสตฺตสฺส คหิตฏฺานํ กิลมิตฏฺานฺจ ทิสฺวา โรทิตฺวา กนฺทิตฺวา ปจฺจนฺตคามํ คนฺตฺวา ปุจฺฉิตฺวา ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา พาราณสึ คนฺตฺวา ราชทฺวาเร อากาเส โรทมานา อฏฺาสิ. มหาสตฺโต นจฺจนฺโตว อากาสํ อุลฺโลเกนฺโต ตํ ทิสฺวา ลชฺชิโต เปฬํ ปวิสิตฺวา นิปชฺชิ.
ราชา ตสฺส เปฬํ ปวิฏฺกาเล ‘‘กึ นุ โข การณ’’นฺติ อิโต จิโต จ โอโลเกนฺโต ตํ อากาเส ิตํ ทิสฺวา ‘‘กา นุ ตฺว’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ตสฺสา นาคกฺาภาวํ สุตฺวา ‘‘นิสฺสํสยํ โข นาคราชา อิมํ ทิสฺวา ¶ ลชฺชิโต เปฬํ ปวิฏฺโ, อยฺจ ยถาทสฺสิโต อิทฺธานุภาโว นาคราชสฺเสว ¶ , น อหิตุณฺฑิกสฺสา’’ติ นิฏฺํ คนฺตฺวา ‘‘เอวํ มหานุภาโว อยํ นาคราชา, กถํ นาม อิมสฺส หตฺถํ คโต’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อยํ ธมฺมจารี สีลวา นาคราชา, จาตุทฺทสีปนฺนรสีสุ อุโปสถํ อุปวสนฺโต อตฺตโน สรีรํ ทานมุเข นิยฺยาเตตฺวา มหามคฺคสมีเป วมฺมิกมตฺถเก นิปชฺชติ, ตตฺถายเมเตน คหิโต, อิมสฺส เทวจฺฉราปฏิภาคา อเนกสหสฺสา อิตฺถิโย, เทวโลกสมฺปตฺติสทิสา นาคภวนสมฺปตฺติ, อยํ มหิทฺธิโก ¶ มหานุภาโว สกลปถวึ ปริวตฺเตตุํ สมตฺโถ, เกวลํ ‘สีลํ เม ภิชฺชิสฺสตี’ติ เอวรูปํ วิปฺปการํ ทุกฺขฺจ อนุโภตี’’ติ จ สุตฺวา สํเวคปฺปตฺโต ตาวเทว ตสฺส อหิตุณฺฑิกสฺส พฺราหฺมณสฺส พหุํ ธนํ มหนฺตฺจ ยสํ อิสฺสริยฺจ ทตฺวา – ‘‘หนฺท, โภ, อิมํ นาคราชานํ วิสฺสชฺเชหี’’ติ วิสฺสชฺชาเปสิ.
มหาสตฺโต นาควณฺณํ อนฺตรธาเปตฺวา มาณวกวณฺเณน เทวกุมาโร วิย อฏฺาสิ. สุมนาปิ อากาสโต โอตริตฺวา ตสฺส สนฺติเก อฏฺาสิ. นาคราชา รฺโ อฺชลึ กตฺวา ‘‘เอหิ, มหาราช, มยฺหํ นิเวสนํ ปสฺสิตุํ อาคจฺฉาหี’’ติ ยาจิ. เตนาห ภควา –
‘‘มุตฺโต จมฺเปยฺยโก นาโค, ราชานํ เอตทพฺรวิ;
‘นโม เต กาสิราชตฺถุ, นโม เต กาสิวฑฺฒน;
อฺชลึ เต ปคฺคณฺหามิ, ปสฺเสยฺยํ เม นิเวสน’’นฺติ.
อถ ราชา ตสฺส นาคภวนคมนํ อนุชานิ. มหาสตฺโต ตํ สปริสํ คเหตฺวา นาคภวนํ เนตฺวา อตฺตโน อิสฺสริยสมฺปตฺตึ ทสฺเสตฺวา กติปาหํ ตตฺถ วสาเปตฺวา เภรึ จราเปสิ – ‘‘สพฺพา ราชปริสา ยาวทิจฺฉกํ หิรฺสุวณฺณาทิกํ ธนํ คณฺหตู’’ติ. รฺโ จ อเนเกหิ สกฏสเตหิ ธนํ เปเสสิ. ‘‘มหาราช, รฺา นาม ทานํ ทาตพฺพํ, สีลํ รกฺขิตพฺพํ, ธมฺมิกา รกฺขาวรณคุตฺติ สพฺพตฺถ สํวิทหิตพฺพา’’ติ ทสหิ ราชธมฺมกถาหิ โอวทิตฺวา วิสฺสชฺเชสิ. ราชา มหนฺเตน ยเสน นาคภวนา นิกฺขมิตฺวา พาราณสิเมว คโต. ตโต ปฏฺาย กิร ชมฺพุทีปตเล หิรฺสุวณฺณํ ชาตํ. มหาสตฺโต สีลานิ รกฺขิตฺวา อนฺวทฺธมาสํ อุโปสถกมฺมํ กตฺวา สปริโส สคฺคปุรํ ปูเรสิ.
ตทา อหิตุณฺฑิโก ¶ เทวทตฺโต อโหสิ, สุมนา ราหุลมาตา, อุคฺคเสโน สาริปุตฺตตฺเถโร, จมฺเปยฺยโก นาคราชา โลกนาโถ.
ตสฺส ¶ อิธาปิ ยถารหํ เสสปารมิโย นิทฺธาเรตพฺพา. อิธ โพธิสตฺตสฺส อจฺฉริยานุภาวา เหฏฺา วุตฺตนยา เอวาติ.
จมฺเปยฺยนาคจริยาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. จูฬโพธิจริยาวณฺณนา
๒๖. จตุตฺเถ ¶ จูฬโพธีติ มหาโพธิปริพฺพาชกตฺตภาวํ อุปาทาย อิธ ‘‘จูฬโพธี’’ติ สมฺา อาโรปิตา, น ปน อิมสฺมึ เอว ชาตเก (ชา. ๑.๑๐.๔๙ อาทโย) อตฺตโน เชฏฺภาติกาทิโน มหาโพธิสฺส สมฺภวโตติ ทฏฺพฺพํ. สุสีลวาติ สุฏฺุ สีลวา, สมฺปนฺนสีโลติ อตฺโถ. ภวํ ทิสฺวาน ภยโตติ กามาทิภวํ ภายิตพฺพภาเวน ปสฺสิตฺวา. เนกฺขมฺมนฺติ เอตฺถ จ-สทฺทสฺส โลโป ทฏฺพฺโพ, เตน ‘‘ทิสฺวานา’’ติ ปทํ อากฑฺฒียติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ชาติชราพฺยาธิมรณํ อปายทุกฺขํ อตีเต วฏฺฏมูลกํ ทุกฺขํ, อนาคเต วฏฺฏมูลกํ ทุกฺขํ, ปจฺจุปฺปนฺเน อาหารปริเยฏฺิมูลกํ ทุกฺขนฺติ อิเมสํ อฏฺนฺนํ สํเวควตฺถูนํ ปจฺจเวกฺขเณน สพฺพมฺปิ กามาทิเภทํ ภวํ สํสารภยโต อุปฏฺหมานํ ทิสฺวา นิพฺพานํ ตสฺส อุปายภูตา สมถวิปสฺสนา ตทุปายภูตา จ ปพฺพชฺชาติ อิทํ ติวิธมฺปิ เนกฺขมฺมํ อนุสฺสวาทิสิทฺเธน าณจกฺขุนา ตปฺปฏิปกฺขโต ทิสฺวา ตาปสปพฺพชฺชูปคมเนน อเนกาทีนวากุลา คหฏฺภาวา อภินิกฺขมิตฺวา คโตติ.
๒๗. ทุติยิกาติ โปราณทุติยิกา, คิหิกาเล ปชาปติภูตา. กนกสนฺนิภาติ กฺจนสนฺนิภตฺตจา. วฏฺเฏ อนเปกฺขาติ สํสาเร นิราลยา. เนกฺขมฺมํ อภินิกฺขมีติ เนกฺขมฺมตฺถาย เคหโต นิกฺขมิ, ปพฺพชีติ อตฺโถ.
๒๘. อาลยนฺติ สตฺตา เอเตนาติ อาลโย, ตณฺหา, ตทภาเวน นิราลยา. ตโต เอว าตีสุ ตณฺหาพนฺธนสฺส ฉินฺนตฺตา ฉินฺนพนฺธุ. เอวํ คิหิพนฺธนาภาวํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ ปพฺพชิตานมฺปิ เกสฺจิ ยํ โหติ พนฺธนํ ¶ , ตสฺสาปิ อภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘อนเปกฺขา กุเล คเณ’’ติ วุตฺตํ. ตตฺถ กุเลติ อุปฏฺากกุเล. คเณติ ตาปสคเณ, เสสา พฺรหฺมจาริโนติ วุจฺจนฺติ. อุปาคมุนฺติ อุโภปิ มยํ อุปาคมิมฺหา.
๒๙. ตตฺถาติ ¶ พาราณสิสามนฺเต. นิปกาติ ปฺวนฺโต. นิรากุเลติ ชนสฺจารรหิตตฺตา ชเนหิ อนากุเล, อปฺปสทฺเทติ มิคปกฺขีนํ อุฏฺาปนโต เตสํ วสฺสิตสทฺเทนาปิ วิรหิตตฺตา อปฺปสทฺเท. ราชุยฺยาเน วสามุโภติ ¶ พาราณสิรฺโ อุยฺยาเน มยํ อุโภ ชนา ตทา วสาม.
ตตฺรายํ อนุปุพฺพิกถา – อตีเต อิมสฺมึ เอว ภทฺทกปฺเป โพธิสตฺโต พฺรหฺมโลกโต จวิตฺวา อฺตรสฺมึ กาสิคาเม เอกสฺส มหาวิภวสฺส พฺราหฺมณสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ตสฺส นามคฺคหณสมเย ‘‘โพธิกุมาโร’’ติ นามํ กรึสุ. วยปฺปตฺตกาเล ปนสฺส ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา ปจฺจาคตสฺส อนิจฺฉมานกสฺเสว มาตาปิตโร สมชาติกํ กุลกุมาริกํ อาเนสุํ. สาปิ พฺรหฺมโลกจุตาว อุตฺตมรูปธรา เทวจฺฉราปฏิภาคา. เตสํ อนิจฺฉมานานํ เอว อฺมฺํ อาวาหวิวาหํ กรึสุ. อุภินฺนมฺปิ ปน เนสํ กิเลสมุทาจาโร น ภูตปุพฺโพ, สาราควเสน อฺมฺํ โอโลกนมฺปิ นาโหสิ, กา ปน กถา อิตรสํสคฺเค. เอวํ ปริสุทฺธสีลา อเหสุํ.
อปรภาเค มหาสตฺโต มาตาปิตูสุ กาลํกเตสุ เตสํ สรีรกิจฺจํ กตฺวา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘ภทฺเท, ตฺวํ อิมํ อสีติโกฏิธนํ คเหตฺวา สุเขน ชีวาหี’’ติ อาห. ‘‘ตฺวํ ปน อยฺยปุตฺตา’’ติ? ‘‘มยฺหํ ธเนน กิจฺจํ นตฺถิ, ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. ‘‘กึ ปน ปพฺพชฺชา อิตฺถีนมฺปิ น วฏฺฏตี’’ติ? ‘‘วฏฺฏติ, ภทฺเท’’ติ. ‘‘เตน หิ มยฺหมฺปิ ธเนน กิจฺจํ นตฺถิ, อหมฺปิ ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. เต อุโภปิ สพฺพํ วิภวํ ปริจฺจชิตฺวา มหาทานํ ทตฺวา นิกฺขมิตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา ปพฺพชิตฺวา อฺุฉาจริยาย ผลาผเลหิ ยาเปนฺตา ปพฺพชฺชาสุเขเนว ทส สํวจฺฉรานิ วสิตฺวา โลณมฺพิลเสวนตฺถาย ชนปทจาริกํ จรนฺตา อนุปุพฺเพน พาราณสึ ปตฺวา ราชุยฺยาเน วสึสุ. เตน วุตฺตํ ‘‘ราชุยฺยาเน วสามุโภ’’ติ.
๓๐. อเถกทิวสํ ¶ ราชา อุยฺยานกีฬํ คโต. อุยฺยานสฺส เอกปสฺเส ปพฺพชฺชาสุเขน วีตินาเมนฺตานํ เตสํ สมีปฏฺานํ คนฺตฺวา ปรมปาสาทิกํ อุตฺตมรูปธรํ ¶ ปริพฺพาชิกํ โอโลเกนฺโต กิเลสวเสน ปฏิพทฺธจิตฺโต หุตฺวา โพธิสตฺตํ ‘‘อยํ เต ปริพฺพาชิกา กึ โหตี’’ติ ปุจฺฉิ. เตน ‘‘น จ กิฺจิ โหติ, เกวลํ เอกปพฺพชฺชาย ปพฺพชิตา, อปิ จ โข ปน คิหิกาเล ปาทปริจาริกา อโหสี’’ติ วุตฺเต ราชา ‘‘อยํ กิเรตสฺส น กิฺจิ โหติ, อปิ จ โข ปนสฺส คิหิกาเล ปาทปริจาริกา อโหสิ, ยํนูนาหํ อิมํ อนฺเตปุรํ ปเวเสยฺยํ, เตเนวสฺส อิมิสฺสา ¶ ปฏิปตฺตึ ชานิสฺสามี’’ติ อนฺธพาโล ตตฺถ อตฺตโน ปฏิพทฺธจิตฺตํ นิวาเรตุํ อสกฺโกนฺโต อฺตรํ ปุริสํ อาณาเปสิ ‘‘อิมํ ปริพฺพาชิกํ ราชนิเวสนํ เนหี’’ติ.
โส ตสฺส ปฏิสฺสุณิตฺวา ‘‘อธมฺโม โลเก วตฺตตี’’ติอาทีนิ วตฺวา ปริเทวมานํ เอว ตํ อาทาย ปายาสิ. โพธิสตฺโต ตสฺสา ปริเทวนสทฺทํ สุตฺวา เอกวารํ โอโลเกตฺวา ปุน น โอโลเกสิ. ‘‘สเจ ปนาหํ วาเรสฺสามิ, เตสุ จิตฺตํ ปโทเสตฺวา มยฺหํ สีลสฺส อนฺตราโย ภวิสฺสตี’’ติ สีลปารมึเยว อาวชฺเชนฺโต นิสีทิ. เตน วุตฺตํ ‘‘อุยฺยานทสฺสนํ คนฺตฺวา, ราชา อทฺทส พฺราหฺมณิ’’นฺติอาทิ.
ตตฺถ ตุยฺเหสา กา กสฺส ภริยาติ ตุยฺหํ ตว เอสา กา, กึ ภริยา, อุทาหุ ภคินี วา สมานา กสฺส อฺสฺส ภริยา.
๓๑. น มยฺหํ ภริยา เอสาติ กามฺเจสา มยฺหํ คิหิกาเล ภริยา อโหสิ, ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย น มยฺหํ ภริยา เอสา, นาปิ อหํ เอติสฺสา สามิโก, เกวลํ ปน สหธมฺมา เอกสาสนี, อหมฺปิ ปริพฺพาชโก อยมฺปิ ปริพฺพาชิกาติ สมานธมฺมา ปริพฺพาชกสาสเนน เอกสาสนี, สพฺรหฺมจารินีติ อตฺโถ.
๓๒. ติสฺสา สารตฺตคธิโตติ กามราเคน สารตฺโต หุตฺวา ปฏิพทฺโธ. คาหาเปตฺวาน เจฏเกติ เจฏเกหิ คณฺหาเปตฺวา เจฏเก วา อตฺตโน ราชปุริเส อาณาเปตฺวา ตํ ปริพฺพาชิกํ คณฺหาเปตฺวา. นิปฺปีฬยนฺโต พลสาติ ตํ อนิจฺฉมานํ เอว อากฑฺฒนปริกฑฺฒนาทินา นิปฺปีฬยนฺโต พาเธนฺโต, ตถาปิ อคจฺฉนฺตึ พลสา พลกฺกาเรน ราชปุริเสหิ คณฺหาเปตฺวา อตฺตโน อนฺเตปุรํ ปเวเสสิ.
๓๓. โอทปตฺตกิยาติ อุทกปตฺตํ อามสิตฺวา คหิตภริยา โอทปตฺติกา นาม, อิทํ วจนํ ปุราณทุติยิกาภาเวน อุปลกฺขณมตฺตํ ¶ ทฏฺพฺพํ ¶ , สา ปนสฺส พฺราหฺมณวิวาหวเสน มาตาปิตูหิ สมฺปฏิปาทิตา, ‘‘โอทปตฺตกิยา’’ติ จ ภาเวนภาวลกฺขเณ ภุมฺมํ. สหชาติ ปพฺพชฺชาชาติวเสน สหชาตา, เตเนวาห ‘‘เอกสาสนี’’ติ. ‘‘เอกสาสนี’’ติ จ อิทํ ภุมฺมตฺเถ ปจฺจตฺตํ, เอกสาสนิยาติ อตฺโถ. นยนฺติยาติ นียนฺติยา. โกโป เม อุปปชฺชถาติ อยํ เต คิหิกาเล ภริยา พฺราหฺมณี สีลวตี, ปพฺพชิตกาเล จ สพฺรหฺมจารินีภาวโต สหชาตา ภคินี, สา ตุยฺหํ ปุรโต พลกฺกาเรน อากฑฺฒิตฺวา นียติ. ‘‘โพธิพฺราหฺมณ, กึ เต ปุริสภาว’’นฺติ ¶ ปุริสมาเนน อุสฺสาหิโต จิรกาลสยิโต วมฺมิกพิลโต เกนจิ ปุริเสน ฆฏฺฏิโต ‘‘สุสู’’ติ ผณํ กโรนฺโต อาสิวิโส วิย เม จิตฺตโต โกโป สหสา วุฏฺาสิ.
๓๔-๕. สหโกเป สมุปฺปนฺเนติ โกปุปฺปตฺติยา สห, ตสฺส อุปฺปตฺติสมนนฺตรเมวาติ อตฺโถ. สีลพฺพตมนุสฺสรินฺติ อตฺตโน สีลปารมึ อาวชฺเชสึ. ตตฺเถว โกปํ นิคฺคณฺหินฺติ ตสฺมึ เอว อาสเน ยถานิสินฺโนว ตํ โกปํ นิวาเรสึ. นาทาสึ วฑฺฒิตูปรีติ ตโต เอกวารุปฺปตฺติโต อุปริ อุทฺธํ วฑฺฒิตุํ น อทาสึ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – โกเป อุปฺปนฺนมตฺเต เอว ‘‘นนุ ตฺวํ, โพธิปริพฺพาชก, สพฺพปารมิโย ปูเรตฺวา สพฺพฺุตฺาณํ ปฏิวิชฺฌิตุกาโม, ตสฺส เต กิมิทํ สีลมตฺเตปิ อุปกฺขลนํ, ตยิทํ คุนฺนํ ขุรมตฺโตทเก โอสีทนฺตสฺส มหาสมุทฺทสฺส ปรตีรํ คณฺหิตุกามตา วิย โหตี’’ติ อตฺตานํ ปริภาสิตฺวา ปฏิสงฺขานพเลน ตสฺมึ เอว ขเณ โกปํ นิคฺคเหตฺวา ปุน อุปฺปชฺชนวเสนสฺส วฑฺฒิตุํ น อทาสินฺติ. เตเนวาห ‘‘ยทิ นํ พฺราหฺมณิ’’นฺติอาทิ.
ตสฺสตฺโถ – ตํ ปริพฺพาชิกํ พฺราหฺมณึ โส ราชา วา อฺโ วา โกจิ ติณฺหายปิ นิสิตาย สตฺติยา โกฏฺเฏยฺย, ขณฺฑาขณฺฑิกํ ยทิ ฉินฺเทยฺย, เอวํ สนฺเตปิ สีลํ อตฺตโน สีลปารมึ เนว ภินฺเทยฺยํ. กสฺมา? โพธิยา เอว การณา, สพฺพตฺถ อขณฺฑิตสีเลเนว สกฺกา สมฺมาสมฺโพธึ ปาปุณิตุํ, น อิตเรนาติ.
๓๖. น ¶ เม สา พฺราหฺมณี เทสฺสาติ สา พฺราหฺมณี ชาติยา โคตฺเตน กุลปฺปเทเสน อาจารสมฺปตฺติยา จิรปริจเยน ปพฺพชฺชาทิคุณสมฺปตฺติยา จาติ สพฺพปฺปกาเรน ¶ น เม เทสฺสา น อปฺปิยา, เอติสฺสา มม อปฺปิยภาโว โกจิ นตฺถิ. นปิ เม พลํ น วิชฺชตีติ มยฺหมฺปิ พลํ น น วิชฺชติ, อตฺถิ เอว. อหํ นาคพโล ถามสมฺปนฺโน, อิจฺฉมาโน สหสา วุฏฺหิตฺวา ตํ อากฑฺฒนฺเต ปุริเส นิปฺโปเถตฺวา ตํ คเหตฺวา ยถิจฺฉิตฏฺานํ คนฺตุํ สมตฺโถติ ทสฺเสติ. สพฺพฺุตํ ปิยํ มยฺหนฺติ ตโต ปริพฺพาชิกโต สตคุเณน สหสฺสคุเณน สตสหสฺสคุเณน สพฺพฺุตฺาณเมว มยฺหํ ปิยํ. ตสฺมา สีลานุรกฺขิสฺสนฺติ เตน การเณน สีลเมว อนุรกฺขิสฺสํ.
อถ โส ราชา อุยฺยาเน ปปฺจํ อกตฺวาว สีฆตรํ คนฺตฺวา ตํ ปริพฺพาชิกํ ปกฺโกสาเปตฺวา มหนฺเตน ยเสน นิมนฺเตสิ. สา ยสสฺส อคุณํ ปพฺพชฺชาย คุณํ อตฺตโน โพธิสตฺตสฺส จ มหนฺตํ โภคกฺขนฺธํ ปหาย สํเวเคน ปพฺพชิตภาวฺจ กเถสิ. ราชา เกนจิ ปริยาเยน ¶ ตสฺสา มนํ อลภนฺโต จินฺเตสิ – ‘‘อยํ ปริพฺพาชิกา สีลวตี กลฺยาณธมฺมา, โสปิ ปริพฺพาชโก อิมาย อากฑฺฒิตฺวา นียมานาย น กิฺจิ วิปฺปการํ ทสฺเสสิ, สพฺพตฺถ นิรเปกฺขจิตฺโต, น โข ปน เมตํ ปติรูปํ, ยํ เอวรูเปสุ คุณวนฺเตสุ วิปฺปกาโร, ยํนูนาหํ อิมํ ปริพฺพาชิกํ คเหตฺวา อุยฺยานํ คนฺตฺวา อิมํ, ตฺจ ปริพฺพาชกํ ขมาเปยฺย’’นฺติ? เอวํ ปน จินฺเตตฺวา ‘‘ปริพฺพาชิกํ อุยฺยานํ อาเนถา’’ติ ปุริเส อาณาเปตฺวา สยํ ปมตรํ คนฺตฺวา โพธิสตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘โภ ปพฺพชิต, กึ มยา ตาย ปริพฺพาชิกาย นียมานาย โกโป เต อุปฺปชฺชิตฺถา’’ติ. มหาสตฺโต อาห –
‘‘อุปฺปชฺชิ เม น มุจฺจิตฺถ, น เม มุจฺจิตฺถ ชีวโต;
รชํว วิปุลา วุฏฺิ, ขิปฺปเมว นิวารยิ’’นฺติ. (ชา. ๑.๑๐.๕๒);
ตํ สุตฺวา ราชา ‘‘กึ นุ โข เอส โกปเมว สนฺธาย วทติ, อุทาหุ อฺํ กิฺจิ สิปฺปาทิก’’นฺติ จินฺเตตฺวา ปุน ปุจฺฉิ –
‘‘กึ ¶ เต อุปฺปชฺชิ โน มุจฺจิ, กึ เต โน มุจฺจิ ชีวโต;
รชํว วิปุลา วุฏฺิ, กตมํ ตํ นิวารยี’’ติ. (ชา. ๑.๑๐.๕๓);
ตตฺถ ¶ อุปฺปชฺชีติ เอกวารํ อุปฺปชฺชิ, น ปุน อุปฺปชฺชิ. น มุจฺจิตฺถาติ กายวจีวิการุปฺปาทนวเสน ปน น มุจฺจิตฺถ, น นํ พหิ ปวตฺติตุํ วิสฺสชฺเชสินฺติ อตฺโถ. รชํว วิปุลา วุฏฺีติ ยถา นาม คิมฺหานํ ปจฺฉิเม มาเส อุปฺปนฺนํ รชํ วิปุลา อกาลวุฏฺิธารา านโส นิวาเรติ, เอวํ ตํ วูปสเมนฺโต นิวารยึ, นิวาเรสินฺติ อตฺโถ.
อถสฺส มหาปุริโส นานปฺปกาเรน โกเธ อาทีนวํ ปกาเสนฺโต –
‘‘ยมฺหิ ชาเต น ปสฺสติ, อชาเต สาธุ ปสฺสติ;
โส เม อุปฺปชฺชิ โน มุจฺจิ, โกโธ ทุมฺเมธโคจโร.
‘‘เยน ชาเตน นนฺทนฺติ, อมิตฺตา ทุกฺขเมสิโน;
โส เม อุปฺปชฺชิ โน มุจฺจิ, โกโธ ทุมฺเมธโคจโร.
‘‘ยสฺมิฺจ ¶ ชายมานมฺหิ, สทตฺถํ นาวพุชฺฌติ;
โส เม อุปฺปชฺชิ โน มุจฺจิ, โกโธ ทุมฺเมธโคจโร.
‘‘เยนาภิภูโต กุสลํ ชหาติ, ปรกฺกเร วิปุลฺจาปิ อตฺถํ;
ส ภีมเสโน พลวา ปมทฺที, โกโธ มหาราชา น เม อมุจฺจถ.
‘‘กฏฺสฺมึ มนฺถมานสฺมึ, ปาวโก นาม ชายติ;
ตเมว กฏฺํ ฑหติ, ยสฺมา โส ชายเต คินิ.
‘‘เอวํ มนฺทสฺส โปสสฺส, พาลสฺส อวิชานโต;
สารมฺภา ชายเต โกโธ, สปิ เตเนว ฑยฺหติ.
‘‘อคฺคีว ติณกฏฺสฺมึ, โกโธ ยสฺส ปวฑฺฒติ;
นิหียติ ตสฺส ยโส, กาฬปกฺเขว จนฺทิมา.
‘‘อนินฺโธ ธูมเกตูว, โกโธ ยสฺสูปสมฺมติ;
อาปูรติ ตสฺส ยโส, สุกฺกปกฺเขว จนฺทิมา’’ติ. (ชา. ๑.๑๐.๕๔-๖๑) –
อิมาหิ คาถาหิ ธมฺมํ เทเสสิ.
ตตฺถ ¶ น ปสฺสตีติ อตฺตตฺถมฺปิ น ปสฺสติ, ปเคว ปรตฺถํ. สาธุ ปสฺสตีติ อตฺตตฺถํ ปรตฺถํ อุภยตฺถฺจ ¶ สมฺมเทว ปสฺสติ. ทุมฺเมธโคจโรติ นิปฺปฺานํ วิสยภูโต, นิปฺปฺโ วา โคจโร อาหาโร อินฺธนํ เอตสฺสาติ ทุมฺเมธโคจโร. ทุกฺขเมสิโนติ ทุกฺขํ อิจฺฉนฺตา. สทตฺถนฺติ อตฺตโน อตฺถํ วุฑฺฒึ. ปรกฺกเรติ อปเนยฺย วินาเสยฺย. สภีมเสโนติ โส ภีมาย ภยชนนิยา มหติยา กิเลสเสนาย สมนฺนาคโต. ปมทฺทีติ พลวภาเวน สตฺเต ปมทฺทนสีโล. น เม อมุจฺจถาติ มม สนฺติกา โมกฺขํ น ลภิ, อพฺภนฺตเร เอว ทมิโต, นิพฺพิเสวโน กโตติ อตฺโถ. ขีรํ วิย วา มุหุตฺตํ ทธิภาเวน จิตฺเตน ปติฏฺหิตฺถาติปิ อตฺโถ.
มนฺถมานสฺมินฺติ อรณิสหิเต มถิยมาเน. ‘‘มถมานสฺมิ’’นฺติปิ ปาโ. ยสฺมาติ ยโต กฏฺา ¶ . คินีติ อคฺคิ. พาลสฺส อวิชานโตติ พาลสฺส อชานนฺตสฺส. สารมฺภา ชายเตติ กรณุตฺตริยกรณลกฺขณา สารมฺภา อรณิมนฺถนโต วิย ปาวโก โกโธ ชายเต. สปิ เตเนวาติ โสปิ พาโล เตเนว โกเธน กฏฺํ วิย อคฺคินา ฑยฺหติ. อนินฺโธ ธูมเกตูวาติ อนินฺธโน อคฺคิ วิย. ตสฺสาติ ตสฺส อธิวาสนขนฺติยา สมนฺนาคตสฺส ปุคฺคลสฺส สุกฺกปกฺเข จนฺโท วิย ลทฺโธ, ยโส อปราปรํ อาปูรตีติ.
ราชา มหาสตฺตสฺส ธมฺมกถํ สุตฺวา มหาปุริสํ ปริพฺพาชิกมฺปิ ราชเคหโต อาคตํ ขมาเปตฺวา ‘‘ตุมฺเห ปพฺพชฺชาสุขํ อนุภวนฺตา อิเธว อุยฺยาเน วสถ, อหํ โว ธมฺมิกํ รกฺขาวรณคุตฺตึ กริสฺสามี’’ติ วตฺวา วนฺทิตฺวา ปกฺกามิ. เต อุโภปิ ตตฺเถว วสึสุ. อปรภาเค ปริพฺพาชิกา กาลมกาสิ. โพธิสตฺโต หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา ฌานาภิฺาโย นิพฺพตฺเตตฺวา อายุปริโยสาเน พฺรหฺมโลกปรายโน อโหสิ.
ตทา ปริพฺพาชิกา ราหุลมาตา อโหสิ, ราชา อานนฺทตฺเถโร, โพธิปริพฺพาชโก โลกนาโถ.
ตสฺส อิธาปิ ยถารหํ เสสปารมิโย นิทฺธาเรตพฺพา. ตถา มหนฺตํ โภคกฺขนฺธํ มหนฺตฺจ าติปริวฏฺฏํ ¶ ปหาย มหาภินิกฺขมนสทิสํ เคหโต นิกฺขมนํ, ตถา นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิตสฺส พหุชนสมฺมตสฺส สโต ปรมปฺปิจฺฉตาย กุเลสุ จ คเณสุ จ อลคฺคตา, อจฺจนฺตเมว ลาภสกฺการชิคุจฺฉาย ¶ ปวิเวกาภิรติ, อติสยวตี จ อภิสลฺเลขวุตฺติ, ตถารูปาย สีลวติยา กลฺยาณธมฺมาย ปริพฺพาชิกาย อนนฺุาตา อตฺตโน ปุรโต พลกฺกาเรน ปรามสิยมานาย สีลปารมึ อาวชฺเชตฺวา วิการานาปตฺติ, กตาปราเธ จ ตสฺมึ ราชินิ อุปคเต หิตจิตฺตตํ เมตฺตจิตฺตตํ อุปฏฺเปตฺวา ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิเกหิ สมนุสาสนนฺติ เอวมาทโย อิธ มหาปุริสสฺส คุณานุภาวา วิภาเวตพฺพา. เตเนตํ วุจฺจติ ‘‘เอวํ อจฺฉริยา เหเต…เป… ธมฺมสฺส อนุธมฺมโต’’ติ.
จูฬโพธิจริยาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. มหึสราชจริยาวณฺณนา
๓๗. ปฺจเม ¶ มหึโส ปวนจารโกติ มหาวนจารี วนมหึโส ยทา โหมีติ โยชนา. ปวฑฺฒกาโยติ วยสมฺปตฺติยา องฺคปจฺจงฺคานฺจ ถูลภาเวน อภิวฑฺฒกาโย. พลวาติ มหาพโล ถามสมฺปนฺโน. มหนฺโตติ วิปุลสรีโร. หตฺถิกลภปฺปมาโณ กิร ตทา โพธิสตฺตสฺส กาโย โหติ. ภีมทสฺสโนติ มหาสรีรตาย วนมหึสชาติตาย จ สีลํ อชานนฺตานํ ภยํ ชนนโต ภยานกทสฺสโน.
๓๘. ปพฺภาเรติ โอลมฺพกสิลากุจฺฉิยํ. ทกาสเยติ ชลาสยสมีเป. โหเตตฺถ านนฺติ เอตฺถ มหาวเน โย โกจิ ปเทโส วนมหึสานํ ติฏฺนฏฺานํ โหติ. ตหึ ตหินฺติ ตตฺถ ตตฺถ.
๓๙. วิจรนฺโตติ วิหารผาสุกํ วีมํสิตุํ วิจรนฺโต. านํ อทฺทส ภทฺทกนฺติ เอวํ วิจรนฺโต ตสฺมึ มหารฺเ ภทฺทกํ มยฺหํ ผาสุกํ รุกฺขมูลฏฺานํ อทฺทกฺขึ. ทิสฺวา จ ตํ านํ อุปคนฺตฺวาน, ติฏฺามิ จ สยามิ จ โคจรํ คเหตฺวา ทิวา ตํ ¶ รุกฺขมูลฏฺานํ คนฺตฺวา านสยเนหิ วีตินาเมมีติ ทสฺเสติ.
๔๐. ตทา กิร โพธิสตฺโต หิมวนฺตปฺปเทเส มหึสโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ถามสมฺปนฺโน มหาสรีโร หตฺถิกลภปฺปมาโณ ปพฺพตปาทปพฺภารคิริทุคฺควนฆฏาทีสุ ¶ วิจรนฺโต เอกํ ผาสุกํ มหารุกฺขมูลํ ทิสฺวา โคจรํ คเหตฺวา ทิวา ตตฺถ วสติ. อเถโก โลลมกฺกโฏ รุกฺขา โอตริตฺวา มหาสตฺตสฺส ปิฏฺึ อภิรุหิตฺวา อุจฺจารปสฺสาวํ กตฺวา สิงฺเคสุ คณฺหิตฺวา โอลมฺพนฺโต นงฺคุฏฺเ คเหตฺวา โทลายนฺโต กีฬิ. โพธิสตฺโต ขนฺติเมตฺตานุทฺทยสมฺปทาย ตํ ตสฺส อนาจารํ น มนสากาสิ. มกฺกโฏ ปุนปฺปุนํ ตเถว กโรติ. เตน วุตฺตํ ‘‘อเถตฺถ กปิ มาคนฺตฺวา’’ติอาทิ.
ตตฺถ กปิ มาคนฺตฺวาติ กปิ อาคนฺตฺวา, ม-กาโร ปทสนฺธิกโร. ปาโปติ ลามโก. อนริโยติ อนเย อิริยเนน อเย จ น อิริยเนน อนริโย, นิหีนาจาโรติ อตฺโถ. ลหูติ โลโล. ขนฺเธติ ขนฺธปฺปเทเส. มุตฺเตตีติ ปสฺสาวํ กโรติ. โอหเทตีติ กรีสํ โอสฺสชฺชติ. ตนฺติ ตํ มํ, ตทา มหึสภูตํ มํ.
๔๑. สกิมฺปิ ¶ ทิวสนฺติ เอกทิวสมฺปิ ทูเสติ มํ สพฺพกาลมฺปิ. เตนาห ‘‘ทูเสติ มํ สพฺพกาล’’นฺติ. น เกวลฺจ ทุติยตติยจตุตฺถทิวสมตฺตํ, อถ โข สพฺพกาลมฺปิ มํ ปสฺสาวาทีหิ ทูเสติ. ยทา ยทา มุตฺตาทีนิ กาตุกาโม, ตทา ตทา มยฺหเมว อุปริ กโรตีติ ทสฺเสติ. อุปทฺทุโตติ พาธิโต, เตน สิงฺเคสุ โอลมฺพนาทินา มุตฺตาทิอสุจิมกฺขเณน ตสฺส จ อปหรณตฺถํ อเนกวารํ สิงฺคโกฏีหิ วาลคฺเคน จ อเนกวารํ กทฺทมปํสุมิสฺสกํ อุทกํ สิฺจิตฺวา โธวเนน จ นิปฺปีฬิโต โหมีติ อตฺโถ.
๔๒. ยกฺโขติ ตสฺมึ รุกฺเข อธิวตฺถา เทวตา. มํ อิทมพฺรวีติ รุกฺขกฺขนฺเธ ตฺวา ‘‘มหึสราช, กสฺมา อิมสฺส ทุฏฺมกฺกฏสฺส อวมานํ สหสี’’ติ อิมมตฺถํ ปกาเสนฺโต นาเสเหตํ ฉวํ ปาปํ ¶ , สิงฺเคหิ จ ขุเรหิ จาติ อิทํ วจนํ มํ อภาสิ.
๔๓. เอวํ วุตฺเต ตทา ยกฺเขติ ตทา ตสฺมึ กาเล ตสฺมึ ยกฺเข เอวํ วุตฺเต สติ. อหํ ตํ อิทมพฺรวินฺติ อหํ ตํ ยกฺขํ อิทํ อิทานิ วกฺขมานํ อพฺรวึ อภาสึ. กุณเปนาติ กิเลสาสุจิปคฺฆรเณน สุจิชาติกานํ สาธูนํ ปรมชิคุจฺฉนียตาย อติทุคฺคนฺธวายเนน จ กุณปสทิสตาย กุณเปน. ปาเปนาติ ปาณาติปาตปาเปน. อนริเยนาติ อนริยานํ ¶ อสาธูนํ มาควิกเนสาทาทีนํ หีนปุริสานํ ธมฺมตฺตา อนริเยน, กึ เกน การเณน, ตฺวํ เทวเต มํ มกฺเขสิ, อยุตฺตํ ตยา วุตฺตํ มํ ปาเป นิโยเชนฺติยาติ ทสฺเสติ.
๔๔. อิทานิ ตสฺมึ ปาปธมฺเม อาทีนวํ ปกาเสนฺโต ‘‘ยทิห’’นฺติอาทิมาห. ตสฺสตฺโถ – ภทฺเท เทวเต, อหํ ตสฺส ยทิ กุชฺเฌยฺยํ, ตโตปิ ลามกตโร ภเวยฺยํ. เยน หิ อธมฺมจรเณน โส พาลมกฺกโฏ นิหีโน นาม ชาโต, สเจ ปนาหํ ตโตปิ พลวตรํ ปาปธมฺมํ จเรยฺยํ, นนุ เตน ตโต ปาปตโร ภเวยฺยํ, อฏฺานฺเจตํ ยทิหํ อิธโลกปรโลกํ ตทุตฺตริ จ ชานิตฺวา ิโต เอกนฺเตเนว ปรหิตาย ปฏิปนฺโน เอวรูปํ ปาปธมฺมํ จเรยฺยนฺติ. กิฺจ ภิยฺโย – สีลฺจ เม ปภิชฺเชยฺยาติ อหฺเจว โข ปน เอวรูปํ ปาปํ กเรยฺยํ, มยฺหํ สีลปารมี ขณฺฑิตา สิยา. วิฺู จ ครเหยฺยุ มนฺติ ปณฺฑิตา จ เทวมนุสฺสา มํ ครเหยฺยุํ ‘‘ปสฺสถ, โภ, อยํ โพธิสตฺโต โพธิปริเยสนํ จรมาโน เอวรูปํ ปาปํ อกาสี’’ติ.
๔๕. หีฬิตา ชีวิตา วาปีติ วา-สทฺโท อวธารเณ. เอวํ วิฺูหิ หีฬิตา ครหิตา ชีวิตาปิ ปริสุทฺเธน ปริสุทฺธสีเลน หุตฺวา มตํ วา มรณเมว วรํ อุตฺตมํ เสยฺโย. กฺยาหํ ชีวิตเหตุปิ ¶ , กาหามิ ปรเหนนฺติ เอวํ ชานนฺโต จ อหํ มยฺหํ ชีวิตนิมิตฺตมฺปิ ปรสตฺตวิหึสนํ กึ กาหามิ กึ กริสฺสามิ, เอตสฺส กรเณ การณํ นตฺถีติ อตฺโถ.
อยํ ปน อฺเปิ มํ วิย มฺมาโน เอวํ ¶ อนาจารํ กริสฺสติ, ตโต เยสํ จณฺฑมหึสานํ เอวํ กริสฺสติ, เต เอว เอตํ วธิสฺสนฺติ, สา เอตสฺส อฺเหิ มารณา มยฺหํ ทุกฺขโต จ ปาณาติปาตโต จ มุตฺติ ภวิสฺสตีติ อาห. เตน วุตฺตํ –
‘‘มเมวายํ มฺมาโน, อฺเเปวํ กริสฺสติ;
เตว ตสฺส วธิสฺสนฺติ, สา เม มุตฺติ ภวิสฺสตี’’ติ.
ตตฺถ มเมวายนฺติ มํ วิย อยํ. อฺเปีติ อฺเสมฺปิ. เสสํ วุตฺตตฺถเมว.
๔๗. หีนมชฺฌิมอุกฺกฏฺเติ ¶ หีเน จ มชฺฌิเม จ อุกฺกฏฺเ จ นิมิตฺตภูเต. สหนฺโต อวมานิตนฺติ วิภาคํ อกตฺวา เตหิ ปวตฺติตํ อวมานํ ปริภวํ สหนฺโต ขมนฺโต. เอวํ ลภติ สปฺปฺโติ เอวํ หีนาทีสุ วิภาคํ อกตฺวา ขนฺติเมตฺตานุทฺทยํ อุปฏฺเปตฺวา ตทปราธํ สหนฺโต สีลาทิปารมิโย พฺรูเหตฺวา มนสา ยถาปตฺถิตํ ยถิจฺฉิตํ สพฺพฺุตฺาณํ ลภติ ปฏิวิชฺฌติ, ตสฺส ตํ น ทูเรติ.
เอวํ มหาสตฺโต อตฺตโน อชฺฌาสยํ ปกาเสนฺโต เทวตาย ธมฺมํ เทเสสิ. โส กติปาหจฺจเยน อฺตฺถ คโต. อฺโ จณฺฑมหึโส นิวาสผาสุตาย ตํ านํ คนฺตฺวา อฏฺาสิ. ทุฏฺมกฺกโฏ ‘‘โส เอว อย’’นฺติ สฺาย ตสฺส ปิฏฺึ อภิรุหิตฺวา ตเถว อนาจารํ อกาสิ. อถ นํ โส วิธุนนฺโต ภูมิยํ ปาเตตฺวา สิงฺเคน หทเย วิชฺฌิตฺวา ปาเทหิ มทฺทิตฺวา สฺจุณฺเณสิ.
ตทา สีลวา มหึสราชา โลกนาโถ.
ตสฺส อิธาปิ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว ยถารหํ เสสปารมิโย นิทฺธาเรตพฺพา. ตถา หตฺถินาค- (จริยา. ๒.๑ อาทโย) ภูริทตฺต- (จริยา. ๒.๑๑ อาทโย) จมฺเปยฺยนาคราช- (จริยา. ๒.๒๐ อาทโย) จริยาสุ วิย อิธ มหาสตฺตสฺส คุณานุภาวา เวทิตพฺพา.
มหึสราชจริยาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๖. รุรุมิคราชจริยาวณฺณนา
๔๘. ฉฏฺเ ¶ ¶ สุตตฺตกนกสนฺนิโภติ ยถา สุฏฺุ อปคตสพฺพกาฬโก โหติ, เอวํ อคฺคิมฺหิ ปกฺขิปิตฺวา สุตตฺตกนกสนฺนิโภ. มิคราชา รุรุ นามาติ ชาติสิทฺเธน นาเมน รุรุ นาม มิคราชา, ชาติโต รุรุ, มิคานฺจ ราชาติ อตฺโถ. ปรมสีลสมาหิโตติ อุตฺตมสีลสมาหิโต, วิสุทฺธสีโล เจว สมาหิตจิตฺโต จ, วิสุทฺธสีเล วา สมฺมา อาหิตจิตฺโตติ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
ตทา โพธิสตฺโต รุรุมิคโยนิยํ นิพฺพตฺติ. ตสฺส สรีรจฺฉวิ สุฏฺุ ตาเปตฺวา มชฺชิตกฺจนปฏฺฏวณฺโณ อโหสิ, หตฺถปาทา ลาขารสปริกมฺมกตา วิย, นงฺคุฏฺํ จมรีนงฺคุฏฺํ วิย, สิงฺคานิ รชตทามวณฺณานิ อกฺขีนิ สุมชฺชิตมณิคุฬิกา ¶ วิย, มุขํ โอทหิตฺวา ปิตรตฺตกมฺพลเคณฺฑุกา วิย. โส ชนสํสคฺคํ ปหาย วิเวกวาสํ วสิตุกาโม ปริวารํ ฉฑฺเฑตฺวา เอกโกว คงฺคานิวตฺตเน รมณีเย สาลมิสฺสเก สุปุปฺผิตปวเน วสติ. เตน วุตฺตํ –
‘‘รมฺเม ปเทเส รมณีเย, วิวิตฺเต อมนุสฺสเก;
ตตฺถ วาสํ อุปคฺฉึ, คงฺคากูเล มโนรเม’’ติ.
ตตฺถ รมฺเม ปเทเสติ มุตฺตาตลสทิสวาลุกาจุณฺณปณฺฑเรหิ ภูมิภาเคหิ สินิทฺธหริตติณสฺจริเตหิ วนตฺถเลหิ จิตฺตตฺถรเณหิ วิย นานาวณฺณวิจิตฺเตหิ สิลาตเลหิ มณิกฺขนฺธนิมฺมลสลิเลหิ ชลาสเยหิ จ สมนฺนาคตตฺตา เยภุยฺเยน จ อินฺทโคปกวณฺณาย รตฺตาย สุขสมฺผสฺสาย ติณชาติยา สฺฉนฺนตฺตา รมฺเม อรฺปฺปเทเส. รมฺมณีเยติ ปุปฺผผลปลฺลวาลงฺกตวิปุลสาขาวินทฺเธหิ นานาวิธทิชคณูปกูชิเตหิ วิวิธตรุลตาวนวิราชิเตหิ เยภุยฺเยน อมฺพสาลวนสณฺฑมณฺฑิเตหิ วนคหเนหิ อุปโสภิตตฺตา ตตฺถ ปวิฏฺสฺส ชนสฺส รติชนนฏฺเน รมณีเย. วุตฺตมฺปิ เจตํ รุรุมิคราชชาตเก –
‘‘เอตสฺมึ ¶ วนสณฺฑสฺมึ, อมฺพา สาลา จ ปุปฺผิตา;
อินฺทโคปกสฺฉนฺโน, เอตฺเถโส ติฏฺเต มิโค’’ติ. (ชา. ๑.๑๓.๑๑๙);
วิวิตฺเตติ ชนวาสวิรเหน สฺุเ. อมนุสฺสเกติ สฺจรณมนุสฺสานมฺปิ ตตฺถ อภาเวน มนุสฺสรหิเต ¶ . มโนรเมติ ยถาวุตฺตคุณสมฺปตฺติยา วิเสสโต ปวิเวกกามานํ มโน รเมตีติ มโนรเม.
๕๐. อถ อุปริคงฺคายาติ เอตฺถ อถาติ อธิกาเร นิปาโต, เตน มยิ ตตฺถ ตถา วสนฺเต อิทํ อธิการนฺตรํ อุปฺปนฺนนฺติ ทีเปติ. อุปริคงฺคายาติ คงฺคาย นทิยา อุปริโสเต. ธนิเกหิ ปริปีฬิโตติ อิณํ คเหตฺวา ตํ ทาตุํ อสกฺโกนฺโต อิณายิเกหิ โจทิยมาโน.
เอโก กิร พาราณสิเสฏฺิ อตฺตโน ปุตฺตํ ‘‘อยํ สิปฺปํ อุคฺคณฺหนฺโต กิลมิสฺสตี’’ติ กิฺจิ สิปฺปํ น อุคฺคณฺหาเปสิ. คีตวาทิตนจฺจขาทนโภชนโต อุทฺธํ น กิฺจิ อฺาสิ. ตํ วยปฺปตฺตํ ปติรูเปน ทาเรน สํโยเชตฺวา ธนํ นิยฺยาเตตฺวา มาตาปิตโร กาลมกํสุ. โส เตสํ อจฺจเยน ¶ อิตฺถิธุตฺตสุราธุตฺตาทิปริวุโต นานาพฺยสนมุเขหิ สพฺพํ ธนํ วิทฺธํเสตฺวา ตตฺถ ตตฺถ อิณํ อาทาย ตมฺปิ ทาตุํ อสกฺโกนฺโต ธนิเกหิ โจทิยมาโน ‘‘กึ มยฺหํ ชีวิเตน, เตเนวมฺหิ อตฺตภาเวน อฺโ วิย ชาโต, มรณํ เม เสยฺโย’’ติ จินฺเตตฺวา อิณายิเก อาห – ‘‘ตุมฺหากํ อิณปณฺณานิ คเหตฺวา อาคจฺฉถ, คงฺคาตีเร เม นิหิตํ กุลสนฺตกํ ธนํ อตฺถิ, ตํ โว ทสฺสามี’’ติ. เต เตน สทฺธึ อคมํสุ. โส ‘‘อิธ ธนํ, เอตฺถ ธน’’นฺติ นิธิฏฺานํ อาจิกฺขนฺโต วิย ‘‘เอวํ เม อิณโมกฺโข ภวิสฺสตี’’ติ ปลายิตฺวา คงฺคายํ ปติ. โส จณฺฑโสเตน วุยฺหนฺโต การฺุรวํ รวิ. เตน วุตฺตํ ‘‘อถ อุปริคงฺคายา’’ติอาทิ.
ตตฺถ ชีวามิ วา มรามิ วาติ อิมสฺมึ คงฺคาโสเต ปติโต ชีวามิ วา มรามิ วา, ชีวิตํ วา เม เอตฺถ โหตุ มรณํ วา, อุภยถาปิ อิณายิกปีฬา น โหตีติ อธิปฺปาโย.
๕๑. มชฺเฌ คงฺคาย ¶ คจฺฉตีติ โส ปุริโส รตฺตินฺทิวํ คงฺคาย วุยฺหมาโน ชีวิตเปมสฺส วิชฺชมานตฺตา มรณํ อปฺปตฺโต มรณภยตชฺชิโต หุตฺวา กรุณํ รวํ รวนฺโต คงฺคาย มชฺเฌ มโหทเกน คจฺฉติ.
๕๒. อถ มหาปุริโส อฑฺฒรตฺตสมเย ตสฺส ตํ กรุณํ ปริเทวนฺตสฺส ปริเทวิตสทฺทํ สุตฺวา ‘‘มนุสฺสสทฺโท สูยติ, มา มยิ อิธ ธรนฺเต มรตุ, ชีวิตมสฺส ทสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา สยนคุมฺพา วุฏฺาย นทีตีรํ คนฺตฺวา ‘‘อมฺโภ ปุริส, มา ภายิ, ชีวิตํ เต ทสฺสามี’’ติ วตฺวา อสฺสาเสตฺวา โสตํ ฉินฺทนฺโต คนฺตฺวา ตํ ปิฏฺิยํ อาโรเปตฺวา ตีรํ ปาเปตฺวา อตฺตโน วสนฏฺานํ เนตฺวา ปริสฺสมํ วิโนเทตฺวา ผลาผลานิ ทตฺวา ทฺวีหตีหจฺจเยน ตํ อาห – ‘‘อมฺโภ ปุริส ¶ , อหํ ตํ พาราณสิคามิมคฺคํ ปาเปสฺสามิ, ตฺวํ ‘อสุกฏฺาเน นาม กฺจนมิโค วสตี’ติ มา กสฺสจิ อาโรเจหี’’ติ. โส ‘‘สาธุ, สามี’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ. มหาสตฺโต ตํ อตฺตโน ปิฏฺึ อาโรเปตฺวา พาราณสิมคฺเค โอตาเรตฺวา นิวตฺติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ตสฺสาหํ สทฺทํ สุตฺวาน, กรุณํ ปริเทวโต’’ติอาทิ.
ตตฺถ โกสิ ตฺวํ นโรติ ตฺวํ โก มนุสฺโส อสิ, กุโต อิธ วุยฺหมาโน อาคโตสีติ อตฺโถ.
๕๓. อตฺตโน ¶ กรณนฺติ อตฺตโน กิริยํ. ธนิเกหิ ภีโตติ อิณายิเกหิ อุพฺพิคฺโค. ตสิโตติ อุตฺรสฺโต.
๕๔. ตสฺส กตฺวาน การฺุํ, จชิตฺวา มม ชีวิตนฺติ การฺุํ กตฺวา มหากรุณาย สมุสฺสาหิโต มม ชีวิตํ ตสฺส ปุริสสฺส ปริจฺจชิตฺวา. ปวิสิตฺวา นีหรึ ตสฺสาติ นทึ ปวิสิตฺวา โสตํ ฉินฺทนฺโต อุชุกเมว คนฺตฺวา มม ปิฏฺึ อาโรเปตฺวา ตโต ตํ นีหรึ. ตสฺสาติ อุปโยคตฺเถ สามิวจนํ. ‘‘ตตฺถา’’ติปิ ปาฬิ, ตตฺถ นทิยนฺติ อตฺโถ. อนฺธการมฺหิ รตฺติยาติ รตฺติยา อนฺธการสมเย, กาฬปกฺขรตฺติยนฺติ อตฺโถ.
๕๕. อสฺสตฺถกาลมฺายาติ ปริสฺสมํ อปเนตฺวา ผลาผลานิ ทตฺวา ทฺวีหตีหจฺจเยน กิลมถสฺส ¶ วิคตกาลํ ชานิตฺวา. เอกํ ตํ วรํ ยาจามีติ อหํ ตํ เอกํ วรํ ยาจามิ, มยฺหํ เอกํ วรํ เทหีติ อตฺโถ. กึ ตํ วรนฺติ เจ? อาห – มา มํ กสฺสจิ ปาวทาติ ‘‘อสุกฏฺาเน สุวณฺณมิโค วสตี’’ติ กสฺสจิ รฺโ วา ราชมหามตฺตสฺส วา มํ มา ปาวท.
อถ ตสฺมึ ปุริเส พาราณสึ ปวิฏฺทิวเสเยว โส ราชา ‘‘อหํ, เทว, สุวณฺณวณฺณํ มิคํ มยฺหํ ธมฺมํ เทเสนฺตํ สุปิเนน อทฺทสํ, อหฺหิ สจฺจสุปินา, อทฺธา โส วิชฺชติ, ตสฺมา กฺจนมิคสฺส ธมฺมํ โสตุกามา ลภิสฺสามิ เจ ชีวิสฺสามิ, โน เจ เม ชีวิตํ นตฺถี’’ติ อคฺคมเหสิยา วุตฺโต ตํ อสฺสาเสตฺวา ‘‘สเจ มนุสฺสโลเก อตฺถิ, ลภิสฺสสี’’ติ วตฺวา พฺราหฺมเณ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สุวณฺณมิคา นาม โหนฺตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาม, เทว, โหนฺตี’’ติ สุตฺวา สหสฺสตฺถวิกํ สุวณฺณจงฺโกฏเก เปตฺวา ตํ หตฺถิกฺขนฺธํ อาโรเปตฺวา นคเร เภรึ จราเปสิ – ‘‘โย สุวณฺณมิคํ ¶ อาจิกฺขิสฺสติ, ตสฺส หตฺถินา สทฺธึ อิมํ ทสฺสามี’’ติ. ตโต อุตฺตริมฺปิ ทาตุกาโม หุตฺวา –
‘‘ตสฺส คามวรํ ทมฺมิ, นาริโย จ อลงฺกตา;
โย เมตํ มิคมกฺขาติ, มิคานํ มิคมุตฺตม’’นฺติ. (ชา. ๑.๑๓.๑๑๗) –
คาถํ สุวณฺณปฏฺเฏ ลิขาเปตฺวา สกลนคเร วาจาเปสิ. อถ โส เสฏฺิปุตฺโต ตํ คาถํ สุตฺวา ราชปุริสานํ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘รฺโ เอวรูปํ มิคํ ¶ อาจิกฺขิสฺสามิ, มํ ราชานํ ทสฺเสถา’’ติ อาห. ราชปุริสา ตํ รฺโ สนฺติกํ เนตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. ราชา ‘‘สจฺจํ, โภ, อทฺทสา’’ติ ปุจฺฉิ. โส ‘‘สจฺจํ, เทว, มยา สทฺธึ อาคจฺฉตุ, อหํ ตํ ทสฺเสสฺสามี’’ติ อาห. ราชา ตเมว ปุริสํ มคฺคเทสกํ กตฺวา มหนฺเตน ปริวาเรน ตํ านํ คนฺตฺวา เตน มิตฺตทุพฺภินา ปุริเสน ทสฺสิตํ ปเทสํ ¶ อาวุธหตฺเถ ปุริเส สมนฺตโตว ปริวาเรตฺวา ‘‘อุกฺกุฏฺึ กโรถา’’ติ วตฺวา สยํ กติปเยหิ ชเนหิ สทฺธึ เอกมนฺเต อฏฺาสิ. โสปิ ปุริโส อวิทูเร อฏฺาสิ. มหาสตฺโต สทฺทํ สุตฺวา ‘‘มหโต พลกายสฺส สทฺโท, อทฺธา ตมฺหา เม ปุริสา ภเยน อุปฺปนฺเนน ภวิตพฺพ’’นฺติ ตฺวา อุฏฺาย สกลปริสํ โอโลเกตฺวา ‘‘รฺโ ิตฏฺาเนเยว เม โสตฺถิ ภวิสฺสตี’’ติ ราชาภิมุโข ปายาสิ. ราชา ตํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘นาคพโล อวตฺถรนฺโต อาคจฺเฉยฺยา’’ติ สรํ สนฺนยฺหิตฺวา ‘‘อิมํ มิคํ สนฺตาเสตฺวา สเจ ปลายติ, วิชฺฌิตฺวา ทุพฺพลํ กตฺวา คณฺหิสฺสามี’’ติ โพธิสตฺตาภิมุโข อโหสิ. มหาสตฺโต –
‘‘อาคเมหิ มหาราช, มา มํ วิชฺฌิ รเถสภ;
โก นุ เต อิทมกฺขาสิ, เอตฺเถโส ติฏฺเต มิโค’’ติ. (ชา. ๑.๑๓.๑๒๑) –
คาถํ อภาสิ. ราชา ตสฺส มธุรกถาย พชฺฌิตฺวา สรํ ปฏิสํหริตฺวา คารเวน อฏฺาสิ. มหาสตฺโตปิ ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา มธุรปฏิสนฺถารํ อกาสิ. มหาชโนปิ สพฺพาวุธานิ อปเนตฺวา อาคนฺตฺวา ราชานํ ปริวาเรสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘นครํ คนฺตฺวาน อาจิกฺขิ, ปุจฺฉิโต ธนเหตุโก;
ราชานํ โส คเหตฺวาน, อุปคฺฉิ มมนฺติก’’นฺติ.
ตสฺสตฺโถ ¶ – โย มิตฺตทุพฺภี ปาปปุริโส ชีวิตํ ปริจฺจชิตฺวา ตถา มยา ปาณสํสยโต โมจิโต พาราณสินครํ คนฺตฺวา อตฺตนา ลทฺธพฺพธนนิมิตฺตํ รฺโ มํ อาจิกฺขิ, อาจิกฺขิตฺวา โส รฺโ คาหาเปตุํ มคฺคเทสโก หุตฺวา ราชานํ คเหตฺวา มม สนฺติกมุปาคมีติ.
มหาสตฺโต สุวณฺณกิงฺกิณิกํ จาเลนฺโต วิย มธุรสฺสเรน ราชานํ ปุน ปุจฺฉิ – ‘‘โก นุ เต อิทมกฺขาสิ, เอตฺเถโส ¶ ติฏฺเต มิโค’’ติ. ตสฺมึ ขเณ โส ปาปปุริโส โถกํ ปฏิกฺกมิตฺวา โสตปเถ อฏฺาสิ ¶ . ราชา ‘‘อิมินา เม ตฺวํ ทสฺสิโต’’ติ ตํ ปุริสํ นิทฺทิสิ. ตโต โพธิสตฺโต –
‘‘สจฺจํ กิเรว มาหํสุ, นรา เอกจฺจิยา อิธ;
กฏฺํ นิปฺลวิตํ เสยฺโย, น ตฺเวเวกจฺจิโย นโร’’ติ. (ชา. ๑.๑๓.๑๒๓) –
คาถมาห. ตํ สุตฺวา ราชา สํเวคชาโต –
‘‘กึ นุ รุรุ ครหสิ มิคานํ, กึ ปกฺขีนํ กึ ปน มานุสานํ;
ภยฺหิ มํ วินฺทตินปฺปรูปํ, สุตฺวาน ตํ มานุสึ ภาสมาน’’นฺติ. (ชา. ๑.๑๓.๑๒๔) –
คาถมาห. ตโต มหาปุริโส ‘‘มหาราช, น มิคํ น ปกฺขึ ครหามิ, มนุสฺสํ ปน ครหามี’’ติ ทสฺเสนฺโต –
‘‘ยมุทฺธรึ วาหเน วุยฺหมานํ, มโหทเก สลิเล สีฆโสเต;
ตโตนิทานํ ภยมาคตํ มม, ทุกฺโข หเว ราช อสพฺภิ สงฺคโม’’ติ. (ชา. ๑.๑๓.๑๒๕) –
อาห.
ตตฺถ นิปฺลวิตนฺติ อุทฺธริตํ, เอกจฺจิโยติ เอกจฺโจ มิตฺตทุพฺภี ปาปปุริโส อุทเก ปตนฺโตปิ ¶ อุตฺตาริโต นตฺเวว เสยฺโย. กฏฺฺหิ นานปฺปกาเรน อุปการาย สํวตฺตติ, มิตฺตทุพฺภี ปน วินาสาย, ตสฺมา ตโต กฏฺเมว วรตรนฺติ. มิคานนฺติ รุรุมิคราช, มิคานํ กึ อฺตรํ ครหสิ, อุทาหุ ปกฺขีนํ มนุสฺสานนฺติ ปุจฺฉติ. ภยฺหิ มํ วินฺทตินปฺปรูปนฺติ มหนฺตํ ภยํ มํ ปฏิลภติ, อตฺตโน สนฺตกํ วิย กโรตีติ อตฺโถ.
วาหเนติ ปติตปติเต วหิตุํ สมตฺเถ คงฺคาวเห. มโหทเก ¶ สลิเลติ มโหทกีภูเต สลิเล. อุภเยนาปิ คงฺคาวหสฺส พหูทกตํ ทสฺเสติ. ตโต นิทานนฺติ, มหาราช, โย มยฺหํ ตยา ทสฺสิโต ปุริโส, เอโส มยา คงฺคาย วุยฺหมาโน อฑฺฒรตฺตสมเย กรุณํ ปริเทวนฺโต ตโต อุตฺตาริโต, ตโตนิทานํ อิทํ มยฺหํ ภยมาคตํ, อสปฺปุริเสหิ สมาคโม นาม ทุกฺโขติ.
ตํ ¶ สุตฺวา ราชา ตสฺส กุชฺฌิตฺวา ‘‘เอวํ พหูปการสฺส นาม คุณํ น ชานาติ, ทุกฺขํ อุปฺปาเทติ, วิชฺฌิตฺวา นํ ชีวิตกฺขยํ ปาเปสฺสามี’’ติ สรํ สนฺนยฺหิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ยาวตา กรณํ สพฺพํ, รฺโ อาโรจิตํ มยา;
ราชา สุตฺวาน วจนํ, อุสุํ ตสฺส ปกปฺปยิ;
อิเธว ฆาตยิสฺสามิ, มิตฺตทุพฺภึ อนริย’’นฺติ.
ตตฺถ ยาวตา กรณนฺติ ยํ ตสฺส มยา กตํ อุปการกรณํ, ตํ สพฺพํ. ปกปฺปยีติ สนฺนยฺหิ. มิตฺตทุพฺภินฺติ อตฺตโน มิตฺเตสุ อุปการีสุ ทุพฺภนสีลํ.
ตโต มหาสตฺโต ‘‘เอส พาโล มํ นิสฺสาย มา นสฺสี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘มหาราช, วโธ นาเมส พาลสฺส วา ปณฺฑิตสฺส วา น สาธูหิ ปสํสิโต, อฺทตฺถุ ครหิโต เอว, ตสฺมา มา อิมํ ฆาเตหิ, อยํ ยถารุจิ คจฺฉตุ, ยฺเจว ตสฺส ‘ทสฺสามี’ติ ตยา ปฏิฺาตํ, ตมฺปิ อหาเปตฺวาว เทหี’’ติ อาห. ‘‘อหฺจ เต ยํ อิจฺฉิตํ, ตํ กริสฺสามิ, อตฺตานํ ตุยฺหํ ทมฺมี’’ติ อาห. เตน วุตฺตํ –
‘‘ตมหํ อนุรกฺขนฺโต, นิมฺมินึ มม อตฺตนา;
ติฏฺเตโส มหาราช, กามกาโร ภวามิ เต’’ติ.
ตตฺถ นิมฺมินินฺติ ตํ มิตฺตทุพฺภึ ปาปปุคฺคลํ อนุรกฺขนฺโต มม อตฺตโน อตฺตภาเวน ตํ ปริวตฺเตสึ ¶ , อตฺตานํ รฺโ นิยฺยาเตตฺวา ราชหตฺถโต ปตฺตํ ตสฺส มรณํ นิวาเรสินฺติ อตฺโถ. ติฏฺเตโสติอาทิ วินิมยาการทสฺสนํ ¶ .
๕๙. อิทานิ ยทตฺถํ โส อตฺตวินิมโย กโต, ตํ ทสฺเสตุํ โอสานคาถมาห. ตสฺสตฺโถ – ตทา มํ นิสฺสาย ตํ มิตฺตทุพฺภึ ปุริสํ ตสฺมึ รฺเ ชีวิตา โวโรเปตุกาเม อหํ อตฺตานํ รฺโ ปริจฺจชนฺโต มม สีลเมว อนุรกฺขึ, ชีวิตํ ปน นารกฺขึ. ยํ ปนาหเมว อตฺตโน ชีวิตนิรเปกฺขํ สีลวา อาสึ, ตํ สมฺมาสมฺโพธิยา เอว การณาติ.
อถ ราชา โพธิสตฺเตน อตฺตโน ชีวิตํ ปริจฺจชิตฺวา ตสฺส ปุริสสฺส มรเณ นิวาเรนฺเต ตุฏฺมานโส ‘‘คจฺฉ, โภ, มิคราชสฺส อนุคฺคเหน มม หตฺถโต ¶ มรณา มุตฺโต’’ติ วตฺวา ยถาปฏิฺาย ตฺจสฺส ธนํ ทาเปสิ. มหาสตฺตสฺส ยถารุจิยาว อนุชานิตฺวา ตํ นครํ เนตฺวา นครฺจ โพธิสตฺตฺจ อลงฺการาเปตฺวา เทวิยา ธมฺมํ เทสาเปสิ. มหาสตฺโต เทวึ อาทึ กตฺวา รฺโ จ ราชปริสาย จ มธุราย มนุสฺสภาสาย ธมฺมํ เทเสตฺวา ราชานํ ทสหิ ราชธมฺเมหิ โอวทิตฺวา มหาชนํ อนุสาสิตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา มิคคณปริวุโต วาสํ กปฺเปสิ. ราชาปิ มหาสตฺตสฺส โอวาเท ตฺวา สพฺพสตฺตานํ อภยํ ทตฺวา ทานาทีนิ ปฺุานิ กตฺวา สุคติปรายโน อโหสิ.
ตทา เสฏฺิปุตฺโต เทวทตฺโต อโหสิ, ราชา อานนฺโท, รุรุมิคราชา โลกนาโถ.
ตสฺส อิธาปิ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว ยถารหํ เสสปารมิโย นิทฺธาเรตพฺพา. ตถา อิธาปิ ปวิเวการามตาย ชนสํสคฺคํ อนิจฺฉโต ยูถํ ปหาย เอกกวิหาโร, อฑฺฒรตฺตสมเย นทิยา วุยฺหมานสฺส กรุณํ ปริเทวนฺตสฺส ปุริสสฺส อฏฺฏสฺสรํ สุตฺวา สยิตฏฺานโต วุฏฺาย นทีตีรํ คนฺตฺวา มหาคงฺคาย มหติ อุทโกเฆ วตฺตมาเน อตฺตโน ชีวิตํ ปริจฺจชิตฺวา โอตริตฺวา โสตํ ปจฺฉินฺทิตฺวา ตํ ปุริสํ อตฺตโน ปิฏฺิยํ อาโรเปตฺวา ตีรํ ปาเปตฺวา สมสฺสาเสตฺวา ผลาผลาทีนิ ทตฺวา ปริสฺสมวิโนทนํ, ปุน ตํ อตฺตโน ปิฏฺึ อาโรเปตฺวา อรฺโต นีหริตฺวา มหามคฺเค โอตารณํ, สรํ สนฺนยฺหิตฺวา วิชฺฌิสฺสามีติ อภิมุเข ิตสฺส รฺโ นิพฺภเยน หุตฺวา ปฏิมุขเมว คนฺตฺวา ปมตรํ มนุสฺสภาสาย อาลปิตฺวา มธุรปฏิสนฺถารกรณํ, มิตฺตทุพฺภี ปาปปุริสํ ¶ หนฺตุกามํ ราชานํ ธมฺมกถํ กตฺวา ปุนปิ อตฺตโน ชีวิตํ ปริจฺจชิตฺวา มรณโต ปโมจนํ, ตสฺส จ รฺโ ยถาปฏิฺํ ธนทาปนํ, รฺา อตฺตโน วเร ทียมาเน เตน สพฺพสตฺตานํ อภยทาปนํ, ราชานฺจ เทวิฺจ ปมุขํ กตฺวา มหาชนสฺส ธมฺมํ เทเสตฺวา ทานาทีสุ ¶ ปฺุเสุ เตสํ ปติฏฺาปนํ, ลทฺธาภยานํ มิคานํ โอวาทํ ทตฺวา มนุสฺสานํ สสฺสขาทนโต นิวารณํ, ปณฺณสฺาย จ ตสฺส ยาวชฺชกาลา ถาวรกรณนฺติ เอวมาทโย มหาสตฺตสฺส คุณานุภาวา วิภาเวตพฺพาติ.
รุรุมิคราชจริยาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๗. มาตงฺคจริยาวณฺณนา
๖๐. สตฺตเม ¶ ชฏิโลติ ชฏาวนฺโต, ชฏาพนฺธเกโสติ อตฺโถ. อุคฺคตาปโนติ มนจฺฉฏฺานํ อินฺทฺริยานํ ตาปนโต นิคฺคณฺหนโต ตปสงฺขาตํ อุคฺคตาปนํ เอตสฺสาติ อุคฺคตาปโน, โฆรตโป ปรมธิตินฺทฺริโยติ อตฺโถ. อถ วา นานปฺปกาเร ทิฏฺธมฺมิกาทิเภเท อนตฺเถ อุคฺคิรณโต พหิ ฉฑฺฑาปนโต โฆรภีมภยานกฏฺเน วา ‘‘อุคฺคา’’ติ ลทฺธนาเม กิเลเส วีริยาตเปน สนฺตาปนโต อุคฺเค ตาเปตีติ อุคฺคตาปโน. มาตงฺโค นาม นาเมนาติ นาเมน มาตงฺโค นาม. มาตงฺคกุเล นิพฺพตฺติยา ชาติยา อาคตํ หิสฺส เอตํ นามํ. สีลวาติ สีลสมฺปนฺโน สุปริสุทฺธสีโล. สุสมาหิโตติ อุปจารปฺปนาสมาธีหิ สุฏฺุ สมาหิโต, ฌานสมาปตฺติลาภีติ อตฺโถ.
ตทา หิ โพธิสตฺโต จณฺฑาลโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา รูเปน ทุทฺทสิโก พหินคเร จณฺฑาลคาเม วสติ. ‘‘มาตงฺคปณฺฑิโต’’ติ ปกาสนาโม. อเถกทิวสํ ตสฺมึ นคเร นกฺขตฺเต โฆสิเต เยภุยฺเยน นาครา นกฺขตฺตํ กีฬนฺติ. อฺตราปิ พฺราหฺมณมหาสาลกฺา โสฬสปนฺนรสวสฺสุทฺเทสิกา เทวกฺา วิย รูเปน ทสฺสนียา ปาสาทิกา ‘‘อตฺตโน ¶ วิภวานุรูปํ นกฺขตฺตํ กีฬิสฺสามี’’ติ ปหูตขชฺชโภชฺชาทีนิ สกเฏสุ อาโรเปตฺวา สพฺพเสตํ วฬวารถมารุยฺห มหตา ปริวาเรน อุยฺยานภูมึ คจฺฉติ. ทิฏฺมงฺคลิกา นาเมสา, สา กิร ทุสฺสณฺิตํ รูปํ ‘‘อวมงฺคล’’นฺติ ตํ ทฏฺุํ น อิจฺฉติ, เตนสฺสา ‘‘ทิฏฺมงฺคลิกา’’ตฺเวว สมฺา อุทปาทิ.
ตทา โพธิสตฺโต กาลสฺเสว อุฏฺาย ปฏปิโลติกํ นิวาเสตฺวา ชชฺชริตมุขภาคํ เวณุทณฺฑํ คเหตฺวา ภาชนหตฺโถ นครํ ปวิสติ มนุสฺเส ทิสฺวา ทูรโตว เตสํ ทูรีกรณตฺถํ เตน เวณุทณฺเฑน สฺํ กโรนฺโต. อถ ทิฏฺมงฺคลิกา ‘‘อุสฺสรถ อุสฺสรถา’’ติ อุสฺสารณํ กโรนฺเตหิ อตฺตโน ปุริเสหิ นียมานา นครทฺวารมชฺเฌ มาตงฺคํ ทิสฺวา ‘‘โก เอโส’’ติ อาห. ‘‘อยฺเย, มาตงฺคจณฺฑาโล’’ติ ¶ จ วุตฺเต ‘‘อีทิสํ ทิสฺวา คตานํ กุโต วุฑฺฒี’’ติ ยานํ นิวตฺตาเปสิ. มนุสฺสา ‘‘ยํ มยํ อุยฺยานํ คนฺตฺวา พหุํ ขชฺชโภชฺชาทึ ลเภยฺยาม, ตสฺส โน มาตงฺเคน ¶ อนฺตราโย กโต’’ติ กุปิตา ‘‘คณฺหถ, จณฺฑาล’’นฺติ เลฑฺฑูหิ ปหริตฺวา วิสฺีภูตํ ปาเตตฺวา อคมํสุ.
โส น จิเรเนว สตึ ปฏิลภิตฺวา วุฏฺาย มนุสฺเส ปุจฺฉิ – ‘‘กึ, อยฺยา, ทฺวารํ นาม สพฺพสาธารณํ, อุทาหุ พฺราหฺมณานํ เอว กต’’นฺติ? ‘‘สพฺเพสํ สาธารณ’’นฺติ. ‘‘เอวํ สพฺพสาธารณทฺวาเร เอกมนฺตํ อปกฺกมนฺตํ มํ ทิฏฺมงฺคลิกาย มนุสฺสา อิมํ อนยพฺยสนํ ปาเปสุ’’นฺติ รถิกาย มนุสฺสานํ อาโรเจตฺวา ‘‘หนฺทาหํ อิมิสฺสา มานํ ภินฺทิสฺสามี’’ติ ตสฺสา นิเวสนทฺวารํ คนฺตฺวา ‘‘อหํ ทิฏฺมงฺคลิกํ อลทฺธา น วุฏฺหิสฺสามี’’ติ นิปชฺชิ. ทิฏฺมงฺคลิกาย ปิตา ‘‘ฆรทฺวาเร มาตงฺโค นิปนฺโน’’ติ สุตฺวา ‘‘ตสฺส กากณิกํ เทถ, เตเลน สรีรํ มกฺเขตฺวา คจฺฉตู’’ติ อาห. โส ‘‘ทิฏฺมงฺคลิกํ อลทฺธา น อุฏฺหิสฺสามิ’’จฺเจว อาห. ตโต พฺราหฺมเณน – ‘‘ทฺเว กากณิเก เทถ, มาสกํ ปาทํ กหาปณํ ทฺเว ตีณิ ยาว กหาปณสตํ กหาปณสหสฺสํ เทถา’’ติ วุตฺเตปิ น สมฺปฏิจฺฉติ เอว. เอวํ เตสํ มนฺเตนฺตานํ เอว สูริโย อตฺถงฺคโต.
อถ ทิฏฺมงฺคลิกาย มาตา ปาสาทา โอรุยฺห สาณิปาการํ ปริกฺขิปาเปตฺวา ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘ตาต, มาตงฺค ¶ , ทิฏฺมงฺคลิกาย อปราธํ ขม, ทฺเว สหสฺสานิ คณฺหาหิ ยาว สตสหสฺสํ คณฺหาหี’’ติ วุตฺเตปิ น สมฺปฏิจฺฉิ, นิปชฺชิ เอว. ตสฺเสวํ ฉ ทิวเส นิปชฺชิตฺวา สตฺตเม ทิวเส สมฺปตฺเต สมนฺตา สามนฺตฆรา ปฏิวิสกฆรา จ มนุสฺสา อุฏฺหิตฺวา ‘‘ตุมฺเห มาตงฺคํ วา อุฏฺาเปถ, ทาริกํ วา เทถ, มา อมฺเห นาสยิตฺถา’’ติ อาหํสุ. ตทา กิร อยํ ตสฺมึ เทเส เทสธมฺโม ‘‘ยสฺส ฆรทฺวาเร เอวํ นิปชฺชิตฺวา จณฺฑาโล มรติ, เตน ฆเรน สทฺธึ สตฺตสตฺตฆรวาสิโน จณฺฑาลา โหนฺตี’’ติ.
ตโต ทิฏฺมงฺคลิกาย มาตาปิตโร ทิฏฺมงฺคลิกํ ปฏปิโลติกํ นิวาสาเปตฺวา จณฺฑาลานุจฺฉวิกํ ปริกฺขารํ ทตฺวา ปริเทวมานํ เอว ตสฺส สนฺติกํ เนตฺวา ‘‘หนฺท, ทานิ ทาริกํ อุฏฺาย คณฺหาหี’’ติ อทํสุ. สา ปสฺเส ตฺวา ‘‘อุฏฺาหี’’ติ อาห. โส ‘‘อหํ อติวิย กิลนฺโต, หตฺเถ คเหตฺวา มํ อุฏฺาเปหี’’ติ อาห. สา ตถา อกาสิ. มาตงฺโค ‘‘มยํ อนฺโตนคเร วสิตุํ น ลภาม, เอหิ, พหินคเร จณฺฑาลคามํ คมิสฺสามา’’ติ ตํ อปสฺสาย อตฺตโน เคหํ อคมาสิ. ‘‘ตสฺสา ปิฏฺึ อภิรุหิตฺวา’’ติ ชาตกภาณกา วทนฺติ.
เอวํ ¶ ¶ ปน เคหํ คนฺตฺวา ชาติสมฺเภทวีติกฺกมํ อกตฺวาว กติปาหํ เคเห วสิตฺวา พลํ คเหตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อหํ อิมํ พฺราหฺมณมหาสาลกฺํ มยฺหํ จณฺฑาลเคเห วาสาเปสึ, หนฺท, ทานิ ตํ ลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺตํ กริสฺสามี’’ติ. โส อรฺํ ปวิสิตฺวา ปพฺพชิตฺวา สตฺตาหพฺภนฺตเรเยว อฏฺ สมาปตฺติโย ปฺจาภิฺาโย นิพฺพตฺเตตฺวา อิทฺธิยา จณฺฑาลคามทฺวาเร โอตริตฺวา เคหทฺวาเร ิโต ทิฏฺมงฺคลิกํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สามิ, กิสฺส มํ อนาถํ กตฺวา ปพฺพชิโตสี’’ติ ปริเทวมานํ ‘‘ตฺวํ, ภทฺเท, มา จินฺตยิ, ตว โปราณกยสโต อิทานิ มหนฺตตรํ ยสํ กริสฺสามิ, ตฺวํ ปน ‘มหาพฺรหฺมา เม สามิโก ¶ , น มาตงฺโค, โส พฺรหฺมโลกํ คโต, อิโต สตฺตเม ทิวเส ปุณฺณมาย จนฺทมณฺฑลํ ภินฺทิตฺวา อาคมิสฺสตี’ติ ปริสาสุ วเทยฺยาสี’’ติ วตฺวา หิมวนฺตเมว คโต.
ทิฏฺมงฺคลิกาปิ พาราณสิยํ มหาชนมชฺเฌ เตสุ เตสุ าเนสุ ตถา กเถสิ. อถ ปุณฺณมทิวเส โพธิสตฺโต จนฺทมณฺฑลสฺส คคนมชฺเฌ ิตกาเล พฺรหฺมตฺตภาวํ มาเปตฺวา จนฺทมณฺฑลํ ภินฺทิตฺวา ทฺวาทสโยชนิกํ พาราณสึ สกลํ กาสิรฏฺฺจ เอโกภาสํ กตฺวา อากาสโต โอตริตฺวา พาราณสิยา อุปริ ติกฺขตฺตุํ ปริพฺภมิตฺวา มหาชเนน คนฺธมาลาทีหิ ปูชิยมาโน จณฺฑาลคามาภิมุโข อโหสิ. พฺรหฺมภตฺตา สนฺนิปติตฺวา ตํ จณฺฑาลคามกํ คนฺตฺวา ทิฏฺมงฺคลิกาย เคหํ สุทฺธวตฺถคนฺธมาลาทีหิ เทววิมานํ วิย อลงฺกรึสุ. ทิฏฺมงฺคลิกา จ ตทา อุตุนี โหติ. มหาสตฺโต ตตฺถ คนฺตฺวา ทิฏฺมงฺคลิกํ องฺคุฏฺเน นาภิยํ ปรามสิตฺวา ‘‘ภทฺเท, คพฺโภ เต ปติฏฺิโต, ตฺวํ ปุตฺตํ วิชายิสฺสสิ, ตฺวมฺปิ ปุตฺโตปิ เต ลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺตา ภวิสฺสถ, ตว สีสโธวนอุทกํ สกลชมฺพุทีเป ราชูนํ อภิเสโกทกํ ภวิสฺสติ, นฺหาโนทกํ ปน เต อมโตทกํ ภวิสฺสติ, เย นํ สีเส อาสิฺจิสฺสนฺติ, เต สพฺพโรเคหิ มุจฺจิสฺสนฺติ, กาฬกณฺณิยา จ ปริมุจฺจิสฺสนฺติ, ตว ปาทปิฏฺเ สีสํ เปตฺวา วนฺทนฺตา สหสฺสํ ทสฺสนฺติ, กถาสวนฏฺาเน ตฺวา วนฺทนฺตา สตํ ทสฺสนฺติ, จกฺขุปเถ ตฺวา วนฺทนฺตา เอเกกํ กหาปณํ ทตฺวา วนฺทิสฺสนฺติ, อปฺปมตฺตา โหหี’’ติ ตํ โอวทิตฺวา เคหา นิกฺขมฺม มหาชนสฺส ปสฺสนฺตสฺเสว จนฺทมณฺฑลํ ปาวิสิ.
พฺรหฺมภตฺตา ¶ สนฺนิปติตฺวา ทิฏฺมงฺคลิกํ มหนฺเตน ¶ สกฺกาเรน นครํ ปเวเสตฺวา มหนฺเตน สิริโสภคฺเคน ตตฺถ วสาเปสุํ. เทววิมานสทิสฺจสฺสา นิเวสนํ กาเรสุํ. ตตฺถ เนตฺวา อุฬารํ ลาภสกฺการํ อุปนาเมสุํ. ปุตฺตลาภาทิ สพฺโพ โพธิสตฺเตน วุตฺตสทิโสว อโหสิ. โสฬสสหสฺสา พฺราหฺมณา ทิฏฺมงฺคลิกาย ปุตฺเตน สห นิพทฺธํ ภฺุชนฺติ, สหสฺสมตฺตา นํ ปริวาเรนฺติ, อเนกสหสฺสานํ ทานํ ทียติ. อถ มหาสตฺโต ‘‘อยํ อฏฺาเน อภิปฺปสนฺโน, หนฺทสฺส ¶ ทกฺขิเณยฺเย ชานาเปสฺสามี’’ติ ภิกฺขาย จรนฺโต ตสฺสา เคหํ คนฺตฺวา เตน สทฺธึ สลฺลปิตฺวา อคมาสิ. อถ กุมาโร คาถมาห –
‘‘กุโต นุ อาคจฺฉสิ ทุมฺมวาสี, โอตลฺลโก ปํสุปิสาจโกว;
สงฺการโจฬํ ปฏิมฺุจ กณฺเ, โก เร ตุวํ โหสิ อทกฺขิเณยฺโย’’ติ. (ชา. ๑.๑๕.๑);
เตน วุตฺตํ อนาจารํ อสหมานา เทวตา ตสฺส เตสฺจ โสฬสสหสฺสานํ พฺราหฺมณานํ มุขํ วิปริวตฺเตสุํ. ตํ ทิสฺวา ทิฏฺมงฺคลิกา มหาสตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจสิ. โพธิสตฺโต ‘‘ตสฺส อนาจารํ อสหนฺเตหิ ยกฺเขหิ โส วิปฺปกาโร กโต, อปิ จ โข ปน อิมํ อุจฺฉิฏฺปิณฺฑกํ เตสํ มุเข อาสิฺจิตฺวา ตํ วิปฺปการํ วูปสเมหี’’ติ อาห. สาปิ ตถา กตฺวา ตํ วูปสเมสิ. อถ ทิฏฺมงฺคลิกา ปุตฺตํ อาห – ‘‘ตาต, อิมสฺมึ โลเก ทกฺขิเณยฺยา นาม มาตงฺคปณฺฑิตสทิสา ภวนฺติ, น อิเม พฺราหฺมณา วิย ชาติมตฺเตน, มนฺตสชฺฌายนมตฺเตน วา มานตฺถทฺธา’’ติ วตฺวา เย ตทา สีลาทิคุณวิเสสยุตฺตา ฌานสมาปตฺติลาภิโน เจว ปจฺเจกพุทฺธา จ, ตตฺเถวสฺส ปสาทํ อุปฺปาเทสีติ.
ตทา เวตฺตวตีนคเร ชาติมนฺโต นาม เอโก พฺราหฺมโณ ปพฺพชิตฺวาปิ ชาตึ นิสฺสาย มหนฺตํ มานมกาสิ. มหาสตฺโต ‘‘ตสฺส มานํ ภินฺทิสฺสามี’’ติ ตํ านํ คนฺตฺวา ตสฺสาสนฺเน อุปริโสเต วาสํ กปฺเปสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘อหฺจ พฺราหฺมโณ เอโก, คงฺคากูเล วสามุโภ;
อหํ วสามิ อุปริ, เหฏฺา วสติ พฺราหฺมโณ’’ติ.
อถ ¶ ¶ มหาสตฺโต เอกทิวสํ ทนฺตกฏฺํ ขาทิตฺวา ‘‘อิทํ ชาติมนฺตสฺส ชฏาสุ ลคฺคตู’’ติ อธิฏฺาย นทิยํ ปาเตสิ. ตํ ตสฺส อุทกํ อาจเมนฺตสฺส ชฏาสุ ลคฺคิ, โส ตํ ทิสฺวา ‘‘นสฺส วสลา’’ติ วตฺวา ‘‘กุโตยํ กาฬกณฺณี อาคโต, อุปธาเรสฺสามิ น’’นฺติ อุทฺธํโสตํ คจฺฉนฺโต มหาสตฺตํ ทิสฺวา ‘‘กึชาติโกสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘จณฺฑาโลสฺมี’’ติ. ‘‘ตยา นทิยํ ทนฺตกฏฺํ ปาติต’’นฺติ? ‘‘อาม, มยา’’ติ. ‘‘นสฺส, วสล, จณฺฑาล, กาฬกณฺณิ, มา อิธ วสิ, เหฏฺาโสเต วสา’’ติ วตฺวา เหฏฺาโสเต วสนฺเตนปิ ปาติเต ทนฺตกฏฺเ ปฏิโสตํ อาคนฺตฺวา ¶ ชฏาสุ ลคฺคนฺเต ‘‘นสฺส, วสล, สเจ อิธ วสิสฺสสิ, สตฺตเม ทิวเส สตฺตธา เต มุทฺธา ผลิสฺสตี’’ติ อาห. เตน วุตฺตํ –
‘‘วิจรนฺโต อนุกูลมฺหิ, อุทฺธํ เม อสฺสมทฺทส;
ตตฺถ มํ ปริภาเสตฺวา, อภิสปิ มุทฺธผาลน’’นฺติ.
ตตฺถ วิจรนฺโต อนุกูลมฺหีติ อุจฺฉิฏฺทนฺตกฏฺเ อตฺตโน ชฏาสุ ลคฺเค ตสฺส อาคมนคเวสนวเสน คงฺคาย ตีเร อนุวิจรนฺโต. อุทฺธํ เม อสฺสมทฺทสาติ อตฺตโน วสนฏฺานโต อุปริโสเต มม อสฺสมํ ปณฺณสาลํ อทฺทกฺขิ. ตตฺถ มํ ปริภาเสตฺวาติ มม อสฺสมํ อาคนฺตฺวา ชาตึ สุตฺวา ตโตว ปฏิกฺกมิตฺวา สวนูปจาเร ตฺวา ‘‘นสฺส, วสล จณฺฑาล, กาฬกณฺณิ มา อิธ วสี’’ติอาทีนิ วตฺวา ภเยน สนฺตชฺเชตฺวา. อภิสปิ มุทฺธผาลนนฺติ ‘‘สเจ ชีวิตุกาโมสิ, เอตฺโตว สีฆํ ปลายสฺสู’’ติ วตฺวา ‘‘สเจ น ปกฺกมิสฺสติ, อิโต เต สตฺตเม ทิวเส สตฺตธา มุทฺธา ผลตู’’ติ เม อภิสปํ อทาสิ.
กึ ปน ตสฺส อภิสเปน มุทฺธา ผลตีติ? น ผลติ, กุหโก ปน โส, เอวมยํ มรณภยตชฺชิโต สุทูรํ ปกฺกมิสฺสตีติ สฺาย สนฺตาสนตฺถํ ตถา อาห.
๖๓. ยทิหํ ตสฺส ปกุปฺเปยฺยนฺติ ตสฺส มานตฺถทฺธสฺส กูฏชฏิลสฺส อหํ ยทิ กุชฺเฌยฺยํ. ยทิ สีลํ น โคปเยติ สีลํ ยทิ น รกฺเขยฺยํ, อิทํ สีลํ นาม ชีวิตนิรเปกฺขํ สมฺมเทว รกฺขิตพฺพนฺติ ยทิ น จินฺเตยฺยนฺติ อตฺโถ. โอโลเกตฺวานหํ ตสฺส, กเรยฺยํ ฉาริกํ วิยาติ สจาหํ ตทา ตสฺส อปฺปตีโต อภวิสฺสํ ¶ . มม จิตฺตาจารํ ตฺวา มยิ อภิปฺปสนฺนา เทวตา ขเณเนว ตํ ภสฺมมุฏฺึ วิย วิทฺธํเสยฺยุนฺติ อธิปฺปาโย. สตฺถา ปน ¶ ตทา อตฺตโน อปฺปตีตภาเว สติ เทวตาหิ สาเธตพฺพํ ตสฺส อนตฺถํ อตฺตนา กตฺตพฺพํ วิย กตฺวา เทเสสิ ‘‘กเรยฺยํ ฉาริกํ วิยา’’ติ.
วิตณฺฑวาที ปนาห – ‘‘โพธิสตฺโตว ตํ ชฏิลํ อิจฺฉมาโน อิทฺธิยา ฉาริกํ กเรยฺย, เอวฺหิ สติ อิมิสฺสา ปาฬิยา อตฺโถ อุชุกเมว นีโต โหตี’’ติ. โส เอวมสฺส วจนีโย – ‘‘ตฺวํ อิทฺธิยา ปรูปฆาตํ วทสิ, อิทฺธิ นาเมสา อธิฏฺานา อิทฺธิ, วิกุพฺพนา อิทฺธิ, มโนมยา อิทฺธิ, าณวิปฺผารา อิทฺธิ, สมาธิวิปฺผารา อิทฺธิ, อริยา อิทฺธิ, กมฺมวิปากชา อิทฺธิ, ปฺุวโต อิทฺธิ, วิชฺชามยา อิทฺธิ, ตตฺถ ตตฺถ สมฺมาปโยคปฺปจฺจยา อิชฺฌนฏฺเน ¶ อิทฺธีติ ทสวิธา. ตตฺถ ‘‘กตรํ อิทฺธึ วเทสี’’ติ? ‘‘ภาวนามย’’นฺติ. ‘‘กึ ปน ภาวนามยาย ปรูปฆาตกมฺมํ โหตี’’ติ? อาม, เอกจฺเจ อาจริยา ‘‘เอกวารํ โหตี’’ติ วทนฺติ, ยถา หิ ปรํ ปหริตุกาเมน อุทกภริเต ฆเฏ ขิตฺเต ปโรปิ ปหรียติ, ฆโฏปิ ภิชฺชติ, เอวเมว ภาวนามยาย อิทฺธิยา เอกวารํ ปรูปฆาตกมฺมํ โหติ, ตโต ปฏฺาย ปน สา นสฺสติ.
อถ โส ‘‘ภาวนามยาย อิทฺธิยา เนว เอกวารํ น ทฺเววารํ ปรูปฆาตกมฺมํ โหตี’’ติ วตฺวา ปุจฺฉิตพฺโพ ‘‘กึ ภาวนามยา อิทฺธิ กุสลา อกุสลา อพฺยากตา, สุขาย เวทนาย สมฺปยุตฺตา ทุกฺขาย เวทนาย สมฺปยุตฺตา อทุกฺขมสุขาย เวทนาย สมฺปยุตฺตา, สวิตกฺกสวิจารา อวิตกฺกวิจารมตฺตา อวิตกฺกอวิจารา, กามาวจรา รูปาวจรา อรูปาวจรา’’ติ? ชานนฺโต ‘‘ภาวนามยา อิทฺธิ กุสลา อพฺยากตา วา อทุกฺขมสุขเวทนิยา อวิตกฺกอวิจารา รูปาวจรา จา’’ติ วกฺขติ. โส วตฺตพฺโพ ‘‘ปาณาติปาตเจตนา กุสลาทีสุ กตรํ โกฏฺาสํ ภชตี’’ติ? ชานนฺโต วกฺขติ ‘‘ปาณาติปาตเจตนา อกุสลาว ทุกฺขเวทนาว สวิตกฺกสวิจาราว กามาวจราวา’’ติ. เอวํ สนฺเต ‘‘ตว ปฺโห เนว กุสลตฺติเกน สเมติ, น เวทนาตฺติเกน น วิตกฺกตฺติเกน น ภูมนฺตเรนา’’ติ ปาฬิยา วิโรธํ ¶ ทสฺเสตฺวา สฺาเปตพฺโพ. ยทิ ปน โส ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อิเธกจฺโจ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา อิทฺธิมา เจโตวสิปฺปตฺโต อฺิสฺสา กุจฺฉิคตํ คพฺภํ ปาปเกน มนสานุเปกฺขิตา โหติ ‘อโห วต ยํ ตํ กุจฺฉิคตํ คพฺภํ น โสตฺถินา อภินิกฺขเมยฺยา’ติ. เอวมฺปิ, ภิกฺขเว, กุลุมฺปสฺส อุปฆาโต โหตี’’ติ ¶ สงฺคีตึ อนารุฬฺหํ กุลุมฺปสุตฺตํ อุทาหเรยฺย. ตสฺสาปิ ‘‘ตฺวํ อตฺถํ น ชานาสิ. อิทฺธิมา เจโตวสิปฺปตฺโตติ หิ เอตฺถ น ภาวนามยา อิทฺธิ อธิปฺเปตา, อาถพฺพนิกา อิทฺธิ อธิปฺเปตา. สา หิ เอตฺถ ลพฺภมานา ลพฺภตีติ ภาวนามยาย อิทฺธิยา ปรูปฆาโต น สมฺภวติเยวา’’ติ สฺาเปตพฺโพ. โน เจ สฺตฺตึ อุเปติ, กมฺมํ กตฺวา อุยฺโยเชตพฺโพ. ตสฺมา ยถาวุตฺตนเยเนเวตฺถ คาถาย อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
ตถา ปน เตน อภิสปิโต มหาสตฺโต ‘‘สจาหํ เอตสฺส กุชฺฌิสฺสามิ, สีลํ เม อรกฺขิตํ ภวิสฺสติ, อุปาเยเนวสฺส มานํ ภินฺทิสฺสามิ, สา จสฺส รกฺขา ภวิสฺสตี’’ติ สตฺตเม ทิวเส สูริยุคฺคมนํ วาเรสิ. มนุสฺสา สูริยสฺส อนุคฺคมเนน อุพฺพาฬฺหา ชาติมนฺตตาปสํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเห สูริยสฺส อุคฺคนฺตุํ น เทถา’’ติ ปุจฺฉึสุ. โส ‘‘น เมตํ กมฺมํ, คงฺคาตีเร ปน เอโก จณฺฑาลตาปโส วสติ, ตสฺเสตํ กมฺมํ สิยา’’ติ อาห ¶ . มนุสฺสา มหาสตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเห สูริยสฺส อุคฺคนฺตุํ น เทถา’’ติ ปุจฺฉึสุ. ‘‘อามาวุโส’’ติ. ‘‘กึการณา’’ติ? ‘‘ตุมฺหากํ กุลูปกตาปโส มํ นิรปราธํ อภิสปิ, ตสฺมึ อาคนฺตฺวา ขมาปนตฺถํ มม ปาเทสุ ปติเต สูริยํ วิสฺสชฺเชสฺสามี’’ติ. เต คนฺตฺวา ตํ อากฑฺฒนฺตา อาเนตฺวา มหาสตฺตสฺส ปาทมูเล นิปชฺชาเปตฺวา ขมาเปตฺวา ‘‘สูริยํ วิสฺสชฺเชถ, ภนฺเต’’ติ อาหํสุ. ‘‘น สกฺกา วิสฺสชฺเชตุํ, สจาหํ วิสฺสชฺเชสฺสามิ, อิมสฺส สตฺตธา มุทฺธา ผลิสฺสตี’’ติ. ‘‘อถ, ภนฺเต, กึ กโรมา’’ติ. มหาสตฺโต ‘‘มตฺติกาปิณฺฑํ อาหรถา’’ติ อาหราเปตฺวา ‘‘อิมํ ตาปสสฺส สีเส เปตฺวา ตาปสํ โอตาเรตฺวา อุทเก เปถ, ยทา สูริโย ทิสฺสติ, ตทา ตาปโส อุทเก นิมุชฺชตู’’ติ วตฺวา สูริยํ วิสฺสชฺเชสิ. สูริยรสฺมีหิ ผุฏฺมตฺเตว มตฺติกาปิณฺโฑ สตฺตธา ภิชฺชิ. ตาปโส อุทเก นิมุชฺชิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ยํ ¶ โส ตทา มํ อภิสปิ, กุปิโต ทุฏฺมานโส;
ตสฺเสว มตฺถเก นิปติ, โยเคน ตํ ปโมจยิ’’นฺติ.
ตตฺถ ยํ โส ตทา มํ อภิสปีติ โส ชาติมนฺตชฏิโล ยํ มุทฺธผาลนํ สนฺธาย ตทา มํ อภิสปิ, มยฺหํ สปํ อทาสิ. ตสฺเสว มตฺถเก ¶ นิปตีติ ตํ มยฺหํ อุปริ เตน อิจฺฉิตํ ตสฺเสว ปน อุปริ นิปติ นิปตนภาเวน อฏฺาสิ. เอวฺเหตํ โหติ ยถา ตํ อปฺปทุฏฺสฺส ปทุสฺสโต. วุตฺตฺเหตํ ภควตา – ‘‘โย อปฺปทุฏฺสฺส นรสฺส ทุสฺสติ…เป… ปฏิวาตํว ขิตฺโต’’ติ (ธ. ป. ๑๒๕; สุ. นิ. ๖๖๗; ชา. ๑.๕.๙๔). โยเคน ตํ ปโมจยินฺติ ตํ ตสฺส ภาสิตํ มตฺถกผาลนํ อุปาเยน ตโต ปโมเจสึ, ตํ วา ชฏิลํ ตโต ปโมเจสึ, เยน อุปาเยน ตํ น โหติ, ตถา อกาสินฺติ อตฺโถ.
ยฺหิ เตน ปารมิตาปริภาวนสมิทฺธาหิ นานาสมาปตฺติวิหารปริปูริตาหิ สีลทิฏฺิสมฺปทาหิ สุสงฺขตสนฺตาเน มหากรุณาธิวาเส มหาสตฺเต อริยูปวาทกมฺมํ อภิสปสงฺขาตํ ผรุสวจนํ ปยุตฺตํ, ตํ มหาสตฺตสฺส เขตฺตวิเสสภาวโต ตสฺส จ อชฺฌาสยผรุสตาย ทิฏฺธมฺมเวทนียํ หุตฺวา สเจ โส มหาสตฺตํ น ขมาเปสิ, สตฺตเม ทิวเส วิปจฺจนสภาวํ ชาตํ, ขมาปิเต ปน มหาสตฺเต ปโยคสมฺปตฺติปฏิพาหิตตฺตา อวิปากธมฺมตํ อาปชฺชิ อโหสิกมฺมภาวโต. อยฺหิ อริยูปวาทปาปสฺส ทิฏฺธมฺมเวทนียสฺส จ ธมฺมตา. ตตฺถ ยํ สตฺตเม ทิวเส โพธิสตฺเตน สูริยุคฺคมนนิวารณํ กตํ, อยเมตฺถ โยโคติ อธิปฺเปโต อุปาโย. เตน หิ อุพฺพาฬฺหา มนุสฺสา โพธิสตฺตสฺส สนฺติเก ตาปสํ อาเนตฺวา ขมาเปสุํ. โสปิ จ มหาสตฺตสฺส ¶ คุเณ ชานิตฺวา ตสฺมึ จิตฺตํ ปสาเทสีติ เวทิตพฺพํ. ยํ ปนสฺส มตฺถเก มตฺติกาปิณฺฑสฺส ปนํ, ตสฺส จ สตฺตธา ผาลนํ กตํ, ตํ มนุสฺสานํ จิตฺตานุรกฺขณตฺถํ, อฺถา หิ อิเม ปพฺพชิตาปิ สมานา จิตฺตสฺส วเส วตฺตนฺติ, น ปน จิตฺตํ อตฺตโน วเส วตฺตาเปนฺตีติ มหาสตฺตมฺปิ ¶ เตน สทิสํ กตฺวา คณฺเหยฺยุํ. ตทสฺส เนสํ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขายาติ.
๖๕. อิทานิ ยทตฺถํ ตทา ตสฺมึ ตาปเส จิตฺตํ อทูเสตฺวา สุปริสุทฺธํ สีลเมว รกฺขิตํ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อนุรกฺขึ มม สีล’’นฺติ โอสานคาถมาห. ตํ เหฏฺา วุตฺตตฺถเมว.
ตทา มณฺฑพฺโย อุเทโน, มาตงฺโค โลกนาโถ.
อิธาปิ เสสปารมิโย นิทฺธาเรตพฺพา. ตถา นิหีนชาติกสฺส สโต ยถาธิปฺปายํ ทิฏฺมงฺคลิกาย มานนิคฺคโห, ปพฺพชิตฺวา ‘‘ทิฏฺมงฺคลิกาย อวสฺสโย ¶ ภวิสฺสามี’’ติ อุปฺปนฺนจิตฺโต อรฺํ คนฺตฺวา ปพฺพชิตฺวา สตฺตทิวสพฺภนฺตเรเยว ยถาธิปฺปายํ ฌานาภิฺานิพฺพตฺตนํ, ตโต อาคนฺตฺวา ทิฏฺมงฺคลิกาย ลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺติยา อุปายสมฺปาทนํ, มณฺฑพฺยกุมารสฺส มานนิคฺคโห, ชาติมนฺตตาปสสฺส มานนิคฺคโห, ตสฺส จ อชานนฺตสฺเสว ภาวิโน ชีวิตนฺตรายสฺส อปนยนํ, มหาปราธสฺสาปิ ตสฺส อกุชฺฌิตฺวา อตฺตโน สีลานุรกฺขณํ, อจฺฉริยพฺภุตปาฏิหาริยกรณนฺติ เอวมาทโย มหาสตฺตสฺส คุณานุภาวา วิภาเวตพฺพา.
มาตงฺคจริยาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. ธมฺมเทวปุตฺตจริยาวณฺณนา
๖๖. อฏฺเม มหาปกฺโขติ มหาปริวาโร. มหิทฺธิโกติ มหติยา เทวิทฺธิยา สมนฺนาคโต. ธมฺโม นาม มหายกฺโขติ นาเมน ธมฺโม นาม มหานุภาโว เทวปุตฺโต. สพฺพโลกานุกมฺปโกติ วิภาคํ อกตฺวา มหากรุณาย สพฺพโลกํ อนุคฺคณฺหนโก.
มหาสตฺโต หิ ตทา กามาวจรเทวโลเก ธมฺโม นาม เทวปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ. โส ทิพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิโต ¶ ทิพฺพรถมภิรุยฺห อจฺฉราคณปริวุโต มนุสฺเสสุ สายมาสํ ภฺุชิตฺวา อตฺตโน อตฺตโน ฆรทฺวาเรสุ สุขกถาย ¶ นิสินฺเนสุ ปุณฺณมุโปสถทิวเส คามนิคมราชธานีสุ อากาเส ตฺวา ‘‘ปาณาติปาตาทีหิ ทสหิ อกุสลกมฺมปเถหิ วิรมิตฺวา ติวิธสุจริตธมฺมํ ปูเรถ, มตฺเตยฺยา เปตฺเตยฺยา สามฺา พฺรหฺมฺา กุเล เชฏฺาปจายิโน ภวถ, สคฺคปรายนา หุตฺวา มหนฺตํ ยสํ อนุภวิสฺสถา’’ติ มนุสฺเส ทสกุสลกมฺมปเถ สมาทเปนฺโต ชมฺพุทีปํ ปทกฺขิณํ กโรติ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ทสกุสลกมฺมปเถ, สมาทเปนฺโต มหาชนํ;
จรามิ คามนิคมํ, สมิตฺโต สปริชฺชโน’’ติ.
ตตฺถ สมิตฺโตติ ธมฺมิเกหิ ธมฺมวาทีหิ สหาเยหิ สสหาโย.
เตน ¶ จ สมเยน อธมฺโม นาเมโก เทวปุตฺโต กามาวจรเทวโลเก นิพฺพตฺติ. ‘‘โส ปาณํ หนถ, อทินฺนํ อาทิยถา’’ติอาทินา นเยน สตฺเต อกุสลกมฺมปเถ สมาทเปนฺโต มหติยา ปริสาย ปริวุโต ชมฺพุทีปํ วามํ กโรติ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ปาโป กทริโย ยกฺโข, ทีเปนฺโต ทส ปาปเก;
โสเปตฺถ มหิยา จรติ, สมิตฺโต สปริชฺชโน’’ติ.
ตตฺถ ปาโปติ ปาปธมฺเมหิ สมนฺนาคโต. กทริโยติ ถทฺธมจฺฉรี. ยกฺโขติ เทวปุตฺโต. ทีเปนฺโต ทส ปาปเกติ สพฺพโลเก โคจรํ นาม สตฺตานํ อุปโภคปริโภคาย ชาตํ. ตสฺมา สตฺเต วธิตฺวา ยํกิฺจิ กตฺวา จ อตฺตา ปีเณตพฺโพ, อินฺทฺริยานิ สนฺตปฺเปตพฺพานีติอาทินา นเยน ปาณาติปาตาทิเก ทส ลามกธมฺเม กตฺตพฺเพ กตฺวา ปกาเสนฺโต. โสเปตฺถาติ โสปิ อธมฺโม เทวปุตฺโต อิมสฺมึ ชมฺพุทีเป. มหิยาติ ภูมิยา อาสนฺเน, มนุสฺสานํ ทสฺสนสวนูปจาเรติ อตฺโถ.
๖๙. ตตฺถ เย สตฺตา สาธุกมฺมิกา ธมฺมครุโน, เต ธมฺมํ เทวปุตฺตํ ตถา อาคจฺฉนฺตเมว ทิสฺวา อาสนา วุฏฺาย คนฺธมาลาทีหิ ปูเชนฺตา ยาว จกฺขุปถสมติกฺกมนา ตาว อภิตฺถวนฺติ ¶ , ปฺชลิกา นมสฺสมานา ติฏฺนฺติ, ตสฺส วจนํ สุตฺวา อปฺปมตฺตา สกฺกจฺจํ ปฺุานิ กโรนฺติ. เย ปน สตฺตา ปาปสมาจารา กุรูรกมฺมนฺตา, เต อธมฺมสฺส วจนํ สุตฺวา อพฺภนุโมทนฺติ ¶ , ภิยฺโยโสมตฺตาย ปาปานิ สมาจรนฺติ. เอวํ เต ตทา อฺมฺสฺส อุชุวิปจฺจนีกวาทา เจว อุชุวิปจฺจนีกกิริยา จ หุตฺวา โลเก วิจรนฺติ. เตนาห ภควา ‘‘ธมฺมวาที อธมฺโม จ, อุโภ ปจฺจนิกา มย’’นฺติ.
เอวํ ปน คจฺฉนฺเต กาเล อเถกทิวสํ เตสํ รถา อากาเส สมฺมุขา อเหสุํ. อถ เนสํ ปริสา ‘‘ตุมฺเห กสฺส, ตุมฺเห กสฺสา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘มยํ ธมฺมสฺส, มยํ อธมฺมสฺสา’’ติ วตฺวา มคฺคา โอกฺกมิตฺวา ทฺวิธา ชาตา. ธมฺมสฺส ปน อธมฺมสฺส จ รถา อภิมุขา หุตฺวา อีสาย อีสํ อาหจฺจ อฏฺํสุ. ‘‘ตว รถํ โอกฺกมาเปตฺวา มยฺหํ มคฺคํ เทหิ, ตว รถํ โอกฺกมาเปตฺวา มยฺหํ มคฺคํ เทหี’’ติ อฺมฺํ มคฺคทาปนตฺถํ วิวาทํ อกํสุ. ปริสา ¶ จ เนสํ อาวุธานิ อภิหริตฺวา ยุทฺธสชฺชา อเหสุํ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –
‘‘ธุเร ธุรํ ฆฏฺฏยนฺตา, สมิมฺหา ปฏิปเถ อุโภ’’.
‘‘กลโห วตฺตตี เภสฺมา, กลฺยาณปาปกสฺส จ;
มคฺคา โอกฺกมนตฺถาย, มหายุทฺโธ อุปฏฺิโต’’ติ.
ตตฺถ ธุเร ธุรนฺติ เอกสฺส รถีสาย อิตรสฺส รถีสํ ฆฏฺฏยนฺตา. สมิมฺหาติ สมาคตา สมฺมุขีภูตา. ปุน อุโภติ วจนํ อุโภปิ มยํ อฺมฺสฺส ปจฺจนีกา หุตฺวา โลเก วิจรนฺตา เอกทิวสํ ปฏิมุขํ อาคจฺฉนฺตา ทฺวีสุ ปริสาสุ อุโภสุ ปสฺเสสุ มคฺคโต โอกฺกนฺตาสุ สห รเถน มยํ อุโภ เอว สมาคตาติ ทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. เภสฺมาติ ภยชนโก. กลฺยาณปาปกสฺส จาติ กลฺยาณสฺส จ ปาปกสฺส จ. มหายุทฺโธ อุปฏฺิโตติ มหาสงฺคาโม ¶ ปจฺจุปฏฺิโต อาสิ.
อฺมฺสฺส หิ ปริสาย จ ยุชฺฌิตุกามตา ชาตา. ตตฺถ หิ ธมฺโม อธมฺมํ อาห – ‘‘สมฺม, ตฺวํ อธมฺโม, อหํ ธมฺโม, มคฺโค มยฺหํ อนุจฺฉวิโก, ตว รถํ โอกฺกมาเปตฺวา มยฺหํ มคฺคํ เทหี’’ติ. อิตโร ‘‘อหํ ทฬฺหยาโน พลวา อสนฺตาสี, ตสฺมา มคฺคํ น เทมิ, ยุทฺธํ ปน กริสฺสามิ, โย ยุทฺเธ ชินิสฺสติ, ตสฺส มคฺโค โหตู’’ติ อาห. เตเนวาห –
‘‘ยโสกโร ¶ ปฺุกโรหมสฺมิ, สทาตฺถุโต สมณพฺราหฺมณานํ;
มคฺคารโห เทวมนุสฺสปูชิโต, ธมฺโม อหํ เทหิ อธมฺม มคฺคํ.
‘‘อธมฺมยานํ ทฬฺหมารุหิตฺวา, อสนฺตสนฺโต พลวาหมสฺมิ;
ส กิสฺส เหตุมฺหิ ตวชฺช ทชฺชํ, มคฺคํ อหํ ธมฺม อทินฺนปุพฺพํ.
‘‘ธมฺโม ¶ หเว ปาตุรโหสิ ปุพฺเพ, ปจฺฉา อธมฺโม อุทปาทิ โลเก;
เชฏฺโ จ เสฏฺโ จ สนนฺตโน จ, อุยฺยาหิ เชฏฺสฺส กนิฏฺ มคฺคา.
‘‘น ยาจนาย นปิ ปาติรูปา, น อรหตา เตหํ ทเทยฺย มคฺคํ;
ยุทฺธฺจ โน โหตุ อุภินฺนมชฺช, ยุทฺธมฺหิ โย เชสฺสติ ตสฺส มคฺโค.
‘‘สพฺพา ทิสา อนุวิสโฏหมสฺมิ, มหพฺพโล อมิตยโส อตุลฺโย;
คุเณหิ สพฺเพหิ อุเปตรูโป, ธมฺโม อธมฺม ตฺวํ กถํ วิเชสฺสสิ.
‘‘โลเหน เว หฺติ ชาตรูปํ, น ชาตรูเปน หนนฺติ โลหํ;
สเจ อธมฺโม หฺฉติ ธมฺมมชฺช, อโย สุวณฺณํ วิย ทสฺสเนยฺยํ.
‘‘สเจ ¶ ตุวํ ยุทฺธพโล อธมฺม, น ตุยฺหํ วุฑฺฒา จ ครู จ อตฺถิ;
มคฺคฺจ เต ทมฺมิ ปิยาปฺปิเยน, วาจา ทุรุตฺตานิปิ เต ขมามี’’ติ. (ชา. ๑.๑๑.๒๖-๓๒);
อิมา หิ เตสํ วจนปฏิวจนกถา.
ตตฺถ ยโสกโรติ ธมฺเม นิโยชนวเสน เทวมนุสฺสานํ ยสทายโก. ทุติยปเทปิ เอเสว นโย. สทาตฺถุโตติ สทา ถุโต นิจฺจปฺปสตฺโถ. ส กิสฺส เหตุมฺหิ ตวชฺช ทชฺชนฺติ โสมฺหิ อหํ อธมฺโม อธมฺมยานรถํ อภิรุฬฺโห อภีโต พลวา, กึการณา อชฺช, โภ ธมฺม, กสฺสจิ อทินฺนปุพฺพํ มคฺคํ ตุยฺหํ ทมฺมิ. ปาตุรโหสีติ ปมกปฺปิกกาเล อิมสฺมึ โลเก ทสกุสลกมฺมปถธมฺโม ปุพฺเพ ปาตุรโหสิ, ปจฺฉา อธมฺโม. เชฏฺโ จาติ ปุเร นิพฺพตฺตภาเวน อหํ เชฏฺโ จ เสฏฺโ จ โปราณโก จ, ตฺวํ ปน กนิฏฺโ, ตสฺมา ‘‘มคฺคา อุยฺยาหี’’ติ วทติ.
นปิ ¶ ¶ ปาติรูปาติ อหฺหิ โภโต เนว ยาจนาย น ปฏิรูปวจเนน น มคฺคารหตาย มคฺคํ ทเทยฺยํ. อนุวิสโฏติ อหํ จตสฺโส ทิสา จตสฺโส อนุทิสาติ สพฺพา ทิสา อตฺตโน คุเณน ปตฺถโฏ ปฺาโต. โลเหนาติ อโยมุฏฺิเกน. หฺฉตีติ หนิสฺสติ. ยุทฺธพโล อธมฺมาติ สเจ ตุวํ ยุทฺธพโล อสิ อธมฺม. วุฑฺฒา จ ครู จาติ ยทิ ตุยฺหํ อิเม วุฑฺฒา อิเม ครู ปณฺฑิตาติ เอตํ นตฺถิ. ปิยาปฺปิเยนาติ ปิเยน วิย อปฺปิเยน, อปฺปิเยนปิ ททนฺโต (ชา. อฏฺ. ๔.๑๑.๓๒) ปิเยน วิย เต มคฺคํ ททามีติ อตฺโถ.
๗๑. มหาสตฺโต หิ ตทา จินฺเตสิ – ‘‘สจาหํ อิมํ ปาปปุคฺคลํ สพฺพโลกสฺส อหิตาย ปฏิปนฺนํ เอวํ มยา วิโลมคฺคาหํ คเหตฺวา ิตํ อจฺฉรํ ปหริตฺวา ‘อนาจาร มา อิธ ติฏฺ, สีฆํ ปฏิกฺกม วินสฺสา’ติ วเทยฺยํ, โส ตงฺขณฺเว มม ธมฺมเตเชน ภุสมุฏฺิ วิย วิกิเรยฺย, น โข ปน เมตํ ปติรูปํ, สฺวาหํ สพฺพโลกํ ¶ อนุกมฺปนฺโต ‘โลกตฺถจริยํ มตฺถกํ ปาเปสฺสามี’ติ ปฏิปชฺชามิ, อยํ โข ปน ปาโป อายตึ มหาทุกฺขภาคี, สฺวายํ มยา วิเสสโต อนุกมฺปิตพฺโพ, ตสฺมาสฺส มคฺคํ ทสฺสามิ, เอวํ เม สีลํ สุวิสุทฺธํ อขณฺฑิตํ ภวิสฺสตี’’ติ. เอวํ ปน จินฺเตตฺวา โพธิสตฺเต ‘‘สเจ ตุวํ ยุทฺธพโล’’ติ คาถํ วตฺวา โถกํ มคฺคโต โอกฺกนฺตมตฺเต เอว อธมฺโม รเถ าตุํ อสกฺโกนฺโต อวํสิโร ปถวิยํ ปติตฺวา ปถวิยา วิวเร ทินฺเน คนฺตฺวา อวีจิมฺหิ เอว นิพฺพตฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ยทิหํ ตสฺส กุปฺเปยฺย’’นฺติอาทิ.
ตตฺถ ยทิหํ ตสฺส กุปฺเปยฺยนฺติ ตสฺส อธมฺมสฺส ยทิ อหํ กุชฺเฌยฺยํ. ยทิ ภินฺเท ตโปคุณนฺติ เตเนวสฺส กุชฺฌเนน มยฺหํ ตโปคุณํ สีลสํวรํ ยทิ วินาเสยฺยํ. สหปริชนํ ตสฺสาติ สปริชนํ ตํ อธมฺมํ. รชภูตนฺติ รชมิว ภูตํ, รชภาวํ ปตฺตํ อหํ กเรยฺยํ.
๗๒. อปิจาหนฺติ เอตฺถ อหนฺติ นิปาตมตฺตํ. สีลรกฺขายาติ สีลรกฺขณตฺถํ. นิพฺพาเปตฺวานาติ ปฏิกจฺเจว ขนฺติเมตฺตานุทฺทยสฺส อุปฏฺาปิตตฺตา ตสฺมึ อธมฺเม อุปฺปชฺชนกโกธสฺส อนุปฺปาทเนเนว โทสปริฬาหวูปสมเนน มานสํ วูปสเมตฺวา. สห ชเนโนกฺกมิตฺวาติ มยฺหํ ปริชเนน สทฺธึ มคฺคา โอกฺกมิตฺวา ตสฺส ปาปสฺส อธมฺมสฺส อหํ มคฺคํ อทาสึ.
๗๓. สห ¶ ปถโต โอกฺกนฺเตติ วุตฺตนเยน จิตฺตสฺส วูปสมํ กตฺวา ‘‘มคฺคํ เต ทมฺมี’’ติ จ วตฺวา โถกํ มคฺคโต สห โอกฺกมเนน. ปาปยกฺขสฺสาติ อธมฺมเทวปุตฺตสฺส. ตาวเทติ ตงฺขณํ ¶ เอว มหาปถวี วิวรมทาสิ. ชาตกฏฺกถายํ ปน ‘‘มคฺคฺจ เต ทมฺมี’’ติ คาถาย กถิตกฺขเณเยวาติ วุตฺตํ.
เอวํ ตสฺมึ ภูมิยํ ปติเต จตุนหุตาธิกทฺวิโยชนสตสหสฺสพหลา สกลํ วราวรํ ธาเรนฺตีปิ มหาปถวี ‘‘นาหมิมํ ปาปปุริสํ ธาเรมี’’ติ กเถนฺตี วิย เตน ิตฏฺาเน ทฺวิธา ภิชฺชิ. มหาสตฺโต ปน ตสฺมึ นิปติตฺวา อวีจิมฺหิ นิพฺพตฺเต รถธุเร ยถาิโตว สปริชโน มหตา เทวานุภาเวน คมนมคฺเคเนว คนฺตฺวา อตฺตโน ภวนํ ปาวิสิ. เตนาห ภควา –
‘‘ขนฺตีพโล ¶ ยุทฺธพลํ วิเชตฺวา, หนฺตฺวา อธมฺมํ นิหนิตฺว ภูมฺยา;
ปายาสิ วิตฺโต อภิรุยฺห สนฺทนํ, มคฺเคเนว อติพโล สจฺจนิกฺกโม’’ติ. (ชา. ๑.๑๑.๓๔);
ตทา อธมฺโม เทวทตฺโต อโหสิ, ตสฺส ปริสา เทวทตฺตปริสา, ธมฺโม โลกนาโถ, ตสฺส ปริสา พุทฺธปริสา.
อิธาปิ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว เสสปารมิโย ยถารหํ นิทฺธาเรตพฺพา. ตถา อิธาปิ ทิพฺเพหิ อายุวณฺณยสสุขอาธิปเตยฺเยหิ ทิพฺเพเหว อุฬาเรหิ กามคุเณหิ สมปฺปิตสฺส สมงฺคีภูตสฺส อเนกสหสฺสสงฺขาหิ อจฺฉราหิ สพฺพกาลํ ปริจาริยมานสฺส มหติ ปมาทฏฺาเน ิตสฺส สโต อีสกมฺปิ ปมาทํ อนาปชฺชิตฺวา ‘‘โลกตฺถจริยํ มตฺถกํ ปาเปสฺสามี’’ติ มาเส มาเส ปุณฺณมิยํ ธมฺมํ ทีเปนฺโต สปริชโน มนุสฺสปเถ วิจริตฺวา มหากรุณาย สพฺพสตฺเต อธมฺมโต วิเวเจตฺวา ธมฺเม นิโยชนํ, อธมฺเมน สมาคโตปิ เตน กตํ อนาจารํ อคเณตฺวา ตตฺถ จิตฺตํ อโกเปตฺวา ขนฺติเมตฺตานุทฺทยเมว ปจฺจุปฏฺเปตฺวา อขณฺฑํ สุวิสุทฺธฺจ กตฺวา อตฺตโน สีลสฺส รกฺขณนฺติ เอวมาทโย มหาสตฺตสฺส คุณานุภาวา วิภาเวตพฺพาติ.
ธมฺมเทวปุตฺตจริยาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. อลีนสตฺตุจริยาวณฺณนา
๗๔. นวเม ¶ ปฺจาลรฏฺเติ เอวํนามเก ชนปเท. นครวเร, กปิลายนฺติ ‘‘กปิลา’’ติ เอวํลทฺธนาเม ¶ อุตฺตมนคเร. ‘‘นครวเร’’ติ วตฺวา ปุน ‘‘ปุรุตฺตเม’’ติ วจนํ ตสฺมึ กาเล ชมฺพุทีเป สพฺพนครานํ ตสฺส นครสฺส อคฺคนครภาวทสฺสนตฺถํ. ชยทฺทิโส นามาติ รฺา อตฺตโน ปจฺจตฺถิเก ชิเต ชาโต, อตฺตโน วา ปจฺจามิตฺตภูตํ ยกฺขินีสงฺขาตํ ชยทฺทิสํ ชิโตติ เอวํลทฺธนาโม. สีลคุณมุปาคโตติ อาจารสีลฺเจว อุสฺสาหสมฺปตฺติยาทิราชคุณฺจ ¶ อุปาคโต, เตน สมนฺนาคโตติ อตฺโถ.
๗๕. ตสฺส รฺโติ ชยทฺทิสราชสฺส, อหํ ปุตฺโต อโหสินฺติ วจนเสโส. สุตธมฺโมติ ยาวตา ราชปุตฺเตน โสตพฺพธมฺโม นาม, ตสฺส สพฺพสฺส สุตตฺตา สุตธมฺโม, พหุสฺสุโตติ อตฺโถ. อถ วา สุตธมฺโมติ วิสฺสุตธมฺโม, ธมฺมจริยาย สมจริยาย ปกาโส ปฺาโต, โลเก ปตฺถฏกิตฺติธมฺโมติ อตฺโถ. อลีนสตฺโตติ เอวํนาโม. คุณวาติ อุฬาเรหิ มหาปุริสคุเณหิ สมนฺนาคโต. อนุรกฺขปริชโน สทาติ สทฺธาทิคุณวิเสสโยคโต จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ สมฺมเทว สงฺคหณโต จ สพฺพกาลํ สมฺภตฺตปริวารชโน.
๗๖. ปิตา เม มิควํ คนฺตฺวา, โปริสาทํ อุปาคมีติ มยฺหํ ปิตา ชยทฺทิสราชา มิควํ จรนฺโต อรฺมชฺฌํ คนฺตฺวา โปริสาทํ มนุสฺสขาทกํ ยกฺขินิปุตฺตํ อุปคฺฉิ, เตน สมาคมิ.
ชยทฺทิสราชา กิร เอกทิวสํ ‘‘มิควํ คมิสฺสามี’’ติ ตทนุรูเปน มหตา ปริวาเรน กปิลนครโต นิกฺขมิ. ตํ นิกฺขนฺตมตฺตเมว ตกฺกสิลาวาสี นนฺโท นาม พฺราหฺมโณ จตสฺโส สตารหา คาถา นาม กเถตุํ อาทาย อุปสงฺกมิตฺวา อตฺตโน อาคมนการณํ รฺโ อาโรเจสิ. ราชา ‘‘นิวตฺติตฺวา สุณิสฺสามี’’ติ ตสฺส วสนเคหํ ปริพฺพยฺจ ทาเปตฺวา อรฺํ ปวิฏฺโ ‘‘ยสฺส ปสฺเสน มิโค ปลายติ, ตสฺเสว โส คีวา’’ติ วตฺวา มิเค ปริเยสนฺโต วิจรติ. อเถโก ปสทมิโค มหาชนสฺส ปทสทฺเทน อาสยโต นิกฺขมิตฺวา รฺโ อภิมุโข คนฺตฺวา ¶ ปลายิ. อมจฺจา ปริหาสํ กรึสุ. ราชา ตํ อนุพนฺธิตฺวา ติโยชนมตฺถเก ตํ ปริกฺขีณชวํ ิตํ วิชฺฌิตฺวา ปาเตสิ. ปติตํ ขคฺเคน ทฺวิธา กตฺวา อนตฺถิโกปิ ‘‘มํเสน มิคํ คเหตุํ นาสกฺขี’’ติ วจนโมจนตฺถํ กาเช กตฺวา อาคจฺฉนฺโต เอกสฺส นิคฺโรธสฺส มูเล ทพฺพติเณสุ นิสีทิตฺวา โถกํ วิสฺสมิตฺวา ¶ คนฺตุํ อารภิ.
เตน จ สมเยน ตสฺเสว รฺโ เชฏฺภาตา ชาตทิวเส เอว เอกาย ยกฺขินิยา ขาทิตุํ คหิโต อารกฺขมนุสฺเสหิ อนุพทฺธาย ตาย นิทฺธมนมคฺเคน คจฺฉนฺติยา อุเร ปิโต มาตุสฺาย ¶ มุเขน ถนคฺคหเณน ปุตฺตสิเนหํ อุปฺปาเทตฺวา สํวฑฺฒิยมาโน ตทาหาโรปโยคิตาย มนุสฺสมํสํ ขาทนฺโต อนุกฺกเมน วุทฺธิปฺปตฺโต อตฺตานํ อนฺตรธาปนตฺถํ ยกฺขินิยา ทินฺนโอสธมูลานุภาเวน อนฺตรหิโต หุตฺวา มนุสฺสมํสํ ขาทิตฺวา ชีวนฺโต ตาย ยกฺขินิยา มตาย ตํ โอสธมูลํ อตฺตโน ปมาเทน นาเสตฺวา ทิสฺสมานรูโปว มนุสฺสมํสํ ขาทนฺโต นคฺโค อุพฺพิคฺควิรูปทสฺสโน ราชปุริเสหิ ปสฺสิตฺวา อนุพทฺโธ ปลายิตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา ตสฺส นิคฺโรธสฺส มูเล วาสํ กปฺเปนฺโต ราชานํ ทิสฺวา ‘‘ภกฺโขสิ เม’’ติ หตฺเถ อคฺคเหสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘โส เม ปิตุมคฺคเหสิ, ภกฺโขสิ มม มา จลี’’ติอาทิ.
ตตฺถ โส เม ปิตุมคฺคเหสีติ โส โปริสาโท มม ปิตรํ ชยทฺทิสราชานํ อตฺตโน นิสินฺนรุกฺขสมีปมาคตํ ‘‘มม ภกฺโข ตฺวํ อาคโตสิ, หตฺถปริปฺผนฺทนาทิวเสน มา จลิ, จลนฺตมฺปิ อหํ ตํ ขาทิสฺสามี’’ติ หตฺเถ อคฺคเหสิ.
๗๗. ตสฺสาติ ตสฺส ยกฺขินิปุตฺตสฺส. ตสิตเวธิโตติ จิตฺตุตฺราเสน ตสิโต สรีรปริกมฺเปน เวธิโต. อูรุกฺขมฺโภติ อุภินฺนํ อูรูนํ ถทฺธภาโว, เยน โส ตโต ปลายิตุํ นาสกฺขิ.
มิควํ คเหตฺวา มฺุจสฺสูติ เอตฺถ มิควนฺติ มิคววเสน ลทฺธตฺตา ตํ มิคมํสํ ‘‘มิคว’’นฺติ อาห, อิมํ มิคมํสํ คเหตฺวา มํ มฺุจสฺสูติ อตฺโถ. โส หิ ราชา นํ ยกฺขินิปุตฺตํ ทิสฺวา ภีโต อูรุกฺขมฺภํ ปตฺวา ขาณุโก วิย อฏฺาสิ. โส เวเคน คนฺตฺวา ตํ หตฺเถ คเหตฺวา ‘‘ภกฺโขสิ เม อาคโตสี’’ติ อาห. อถ นํ ราชา สตึ ปจฺจุปฏฺเปตฺวา ‘‘สเจ อาหารตฺถิโก, อิมํ เต มํสํ ททามิ, ตํ คเหตฺวา ขาท, มํ มฺุจาหี’’ติ อาห ¶ . ตํ สุตฺวา โปริสาโท ‘‘กิมิทํ มยฺหเมว สนฺตกํ ¶ ทตฺวา มยา โวหารํ กโรสิ, นนุ อิมํ มํสฺจ ตฺวฺจ มม หตฺถคตกาลโต ปฏฺาย มยฺหเมว สนฺตกํ, ตสฺมา ตํ ปมํ ขาทิตฺวา ปจฺฉา มํสํ ขาทิสฺสามี’’ติ อาห.
อถ ราชา ‘‘มํสนิกฺกเยนายํ น มํ มฺุจติ, มยา จ มิควํ อาคจฺฉนฺเตน ตสฺส พฺราหฺมณสฺส ‘อาคนฺตฺวา เต ธนํ ทสฺสามี’ติ ปฏิฺา กตา. สจายํ ยกฺโข อนุชานิสฺสติ, สจฺจํ อนุรกฺขนฺโต เคหํ คนฺตฺวา ตํ ปฏิฺํ โมเจตฺวา ปุน อิมสฺส ยกฺขสฺส ภตฺตตฺถํ อาคจฺเฉยฺย’’นฺติ จินฺเตตฺวา ตสฺส ตมตฺถํ อาโรเจสิ. ตํ สุตฺวา โปริสาโท ‘‘สเจ ตฺวํ สจฺจํ อนุรกฺขนฺโต คนฺตุกาโมสิ, คนฺตฺวา ตสฺส พฺราหฺมณสฺส ทาตพฺพํ ธนํ ทตฺวา สจฺจํ อนุรกฺขนฺโต สีฆํ ¶ ปุน อาคจฺเฉยฺยาสี’’ติ วตฺวา ราชานํ วิสฺสชฺเชสิ. โส เตน วิสฺสฏฺโ ‘‘ตฺวํ มา จินฺตยิ, อหํ ปาโตว อาคมิสฺสามี’’ติ วตฺวา มคฺคนิมิตฺตานิ สลฺลกฺเขนฺโต อตฺตโน พลกายํ อุปคนฺตฺวา เตน ปริวุโต นครํ ปวิสิตฺวา นนฺทพฺราหฺมณํ ปกฺโกสาเปตฺวา มหารเห อาสเน นิสีทาเปตฺวา ตา คาถา สุตฺวา จตฺตาริ สหสฺสานิ ทตฺวา ยานํ อาโรเปตฺวา ‘‘อิมํ ตกฺกสิลเมว เนถา’’ติ มนุสฺเส ทตฺวา พฺราหฺมณํ อุยฺโยเชตฺวา ทุติยทิวเส โปริสาทสฺส สนฺติกํ คนฺตุกาโม ปุตฺตํ รชฺเช ปติฏฺเปตุํ อนุสาสนิฺจ เทนฺโต ตมตฺถํ อาโรเจสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘มิควํ คเหตฺวา มฺุจสฺสุ, กตฺวา อาคมนํ ปุน;
พฺราหฺมณสฺส ธนํ ทตฺวา, ปิตา อามนฺตยี มมํ.
‘‘รชฺชํ ปุตฺต ปฏิปชฺช, มา ปมชฺชิ ปุรํ อิทํ;
กตํ เม โปริสาเทน, มม อาคมนํ ปุนา’’ติ.
ตตฺถ อาคมนํ ปุนาติ ปุน อาคมนํ ปฏิฺาตสฺส โปริสาทสฺส สงฺครํ กตฺวา. พฺราหฺมณสฺส ธนํ ทตฺวาติ ตกฺกสิลโต อาคตสฺส นนฺทนามสฺส พฺราหฺมณสฺส ตา คาถา สุตฺวา จตุสหสฺสปริมาณํ ธนํ ทตฺวา. ปิตา อามนฺตยี มมนฺติ มม ปิตา ชยทฺทิสราชา มํ อามนฺเตสิ.
กถํ ¶ อามนฺเตสีติ เจ? อาห ‘‘รชฺช’’นฺติอาทิ. ตสฺสตฺโถ – ปุตฺต, ตฺวํ อิมํ กุลสนฺตกํ รชฺชํ ปฏิปชฺช, ยถาหํ ธมฺเมน สเมน รชฺชํ กาเรมิ, เอวํ ตฺวมฺปิ ฉตฺตํ อุสฺสาเปตฺวา รชฺชํ กาเรหิ. ตฺวํ อิทํ ปุรํ รกฺขนฺโต รชฺชฺจ กาเรนฺโต มา ปมาทมาปชฺชิ, อสุกสฺมึ ¶ าเน นิคฺโรธรุกฺขมูเล โปริสาเทน ยกฺเขน กตเมตํ มยา สงฺครํ มม ปุน ตสฺส สนฺติกํ อาคมนํ อุทฺทิสฺส, เกวลํ ตสฺส พฺราหฺมณสฺส ธนทานตฺถํ อิธาคโต สจฺจํ อนุรกฺขนฺโต, ตสฺมา ตตฺถาหํ คมิสฺสามีติ.
ตํ สุตฺวา มหาสตฺโต ‘‘มา โข ตฺวํ, มหาราช, ตตฺถ อคมาสิ, อหํ ตตฺถ คมิสฺสามิ. สเจ ปน ตฺวํ, ตาต, คมิสฺสสิเยว, อหมฺปิ ตยา สทฺธึ คมิสฺสามิเยวา’’ติ. ‘‘เอวํ สนฺเต มยํ อุโภปิ น ภวิสฺสาม, ตสฺมา อหเมว ตตฺถ คมิสฺสามี’’ติ นานปฺปกาเรน วาเรนฺตํ ราชานํ สฺาเปตฺวา มาตาปิตโร วนฺทิตฺวา ปิตุ อตฺถาย อตฺตานํ ปริจฺจชิตฺวา โสตฺถิภาวาย ปิตริ สาสิตวาทํ ปยฺุชมาเน มาตุภคินิภริยาสุ จ สจฺจกิริยํ กโรนฺตีสุ อาวุธํ คเหตฺวา นครโต ¶ นิกฺขมิตฺวา อสฺสุปุณฺณมุขํ มหาชนํ อนุพนฺธนฺตํ อาปุจฺฉิตฺวา ปิตรา อกฺขาตนเยน ยกฺขวาสมคฺคํ ปฏิปชฺชิ. ยกฺขินิปุตฺโตปิ ‘‘ขตฺติยา นาม พหุมายา, โก ชานาติ กึ ภวิสฺสตี’’ติ รุกฺขํ อภิรุหิตฺวา รฺโ อาคมนํ โอโลเกนฺโต นิสินฺโน กุมารํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘ปิตรํ นิวตฺเตตฺวา ปุตฺโต อาคโต ภวิสฺสติ, นตฺถิ เม ภย’’นฺติ โอตริตฺวา ตสฺส ปิฏฺึ ทสฺเสตฺวาว นิสีทิ. มหาสตฺโต อาคนฺตฺวา ตสฺส ปุรโต อฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘มาตาปิตู จ วนฺทิตฺวา, นิมฺมินิตฺวาน อตฺตนา;
นิกฺขิปิตฺวา ธนุํ ขคฺคํ, โปริสาทํ อุปาคมิ’’นฺติ.
๘๑. สสตฺถหตฺถูปคตนฺติ สสตฺถหตฺถํ อุปคตํ อาวุธปาณึ มํ อตฺตโน สนฺติกํ อุปคตํ ทิสฺวา. กทาจิ โส ตสิสฺสตีติ โส ยกฺโข อปิ ตเสยฺย. เตน ภิชฺชิสฺสติ สีลนฺติ เตน ตสฺส ตาสุปฺปาทเนน มยฺหํ สีลํ วินสฺสติ สํกิลิสฺสติ. ปริตาสํ กเต มยีติ มยิ ตสฺส ปริตาสํ กเต สติ.
๘๒. สีลขณฺฑภยา มยฺหํ, ตสฺส เทสฺสํ น พฺยาหรินฺติ ยถา จ สีลเภทภเยน นิหิตสตฺโถ ตสฺส สนฺติกํ อคมาสิ, เอวํ มยฺหํ สีลขณฺฑภยา ¶ เอว ตสฺส โปริสาทสฺส เทสฺสํ อนิฏฺมฺปิ น พฺยาหรึ, เกวลํ ปน เมตฺตจิตฺเตน หิตวาที อิทํ อิทานิ วกฺขมานํ วจนํ อภาสึ.
มหาสตฺโต ¶ จ คนฺตฺวา ปุรโต ิโต. ยกฺขินิปุตฺโต ตํ วีมํสิตุกาโม ‘‘โกสิ ตฺวํ, กุโต อาคโต, กึ มํ น ชานาสิ ‘ลุทฺโท มนุสฺสมํสขาทโก’ติ, กสฺมา จ อิธาคโตสี’’ติ ปุจฺฉิ. กุมาโร ‘‘อหํ ชยทฺทิสรฺโ ปุตฺโต, ตฺวํ โปริสาทโกติ ชานามิ, ปิตุ ชีวิตํ รกฺขิตุํ อิธาคโต, ตสฺมา ตํ มฺุจ, มํ ขาทา’’ติ อาห. ปุน ยกฺขินิปุตฺโต มุขากาเรเนว ‘‘ตํ ตสฺส ปุตฺโตติ อหํ ชานามิ, ทุกฺกรํ ปน ตยา กตํ เอวํ อาคจฺฉนฺเตนา’’ติ อาห. กุมาโร ‘‘น อิทํ ทุกฺกรํ, ยํ ปิตุ อตฺเถ ชีวิตปริจฺจชนํ, มาตาปิตุเหตุ หิ เอวรูปํ ปฺุํ กตฺวา เอกนฺเตเนว สคฺเค ปโมทติ, อหฺจ ‘อมรณธมฺโม นาม โกจิ สตฺโต นตฺถี’ติ ชานามิ, อตฺตนา จ กิฺจิ กตํ ปาปํ นาม น สรามิ, ตสฺมา มรณโตปิ เม ภยํ นตฺถิ, อิทํ สรีรํ มยา เต นิสฺสฏฺํ, อคฺคึ ชาเลตฺวา ขาทา’’ติ อาห. เตน วุตฺตํ –
‘‘อุชฺชาเลหิ มหาอคฺคึ, ปปติสฺสามิ รุกฺขโต;
ตฺวํ ปกฺกกาลมฺาย, ภกฺขย มํ ปิตามหา’’ติ.
ตํ ¶ สุตฺวา ยกฺขินิปุตฺโต ‘‘น สกฺกา อิมสฺส มํสํ ขาทิตุํ, อุปาเยน อิมํ ปลาเปสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘เตน หิ อรฺํ ปวิสิตฺวา สารทารูนิ อาหริตฺวา นิทฺธูเม องฺคาเร กโรหิ, ตตฺถ เต มํสํ ปจิตฺวา ขาทิสฺสามี’’ติ อาห. มหาสตฺโต ตถา กตฺวา ตสฺส อาโรเจสิ. โส ตํ โอโลเกนฺโต ‘‘อยํ ปุริสสีโห มรณโตปิ ภยํ นตฺถิ, เอวํ นิพฺภโย นาม น มยา ทิฏฺปุพฺโพ’’ติ โลมหํสชาโต กุมารํ โอโลเกสิ. กุมาโร กิสฺส มํ โอโลเกสิ, น ยถาวุตฺตํ กโรสีติ. ยกฺขินิปุตฺโต มหาสตฺตํ ‘‘สตฺตธา ตสฺส มุทฺธา ผเลยฺย, โย ตํ ขาเทยฺยา’’ติ อาห. ‘‘สเจ มํ น ขาทิตุกาโมสิ, อถ กสฺมา อคฺคึ กาเรสี’’ติ? ‘‘ตว ปริคฺคณฺหนตฺถ’’นฺติ. ‘‘ตฺวํ อิทานิ มํ กถํ ปริคฺคณฺหิสฺสสิ, สฺวาหํ ติรจฺฉานโยนิยํ นิพฺพตฺโตปิ สกฺกสฺส เทวรฺโ อตฺตานํ ปริคฺคณฺหิตุํ น อทาสิ’’นฺติ อิมมตฺถํ ทสฺเสนฺโต –
‘‘อิทฺหิ ¶ ¶ โส พฺราหฺมณํ มฺมาโน, สโส อวาเสสิ สเก สรีเร;
เตเนว โส จนฺทิมา เทวปุตฺโต, สสตฺถุโต กามทุหชฺช ยกฺขา’’ติ.(ชา. ๑.๑๖.๙๓) –
คาถมาห.
ตตฺถ สโส อวาเสสิ สเก สรีเรติ อตฺตโน สรีรเหตุ อิมํ สรีรํ ขาทิตฺวา อิธ วสาติ เอวํ สเก สรีเร อตฺตโน สรีรํ เทนฺโต ตํ พฺราหฺมณรูปํ สกฺกํ ตตฺถ วาเสสิ. สสตฺถุโตติ ‘‘สสี’’ติ เอวํ สสสทฺเทน ถุโต. กามทุโหติ กามวฑฺฒโน. ยกฺขาติ เทว.
เอวํ มหาสตฺโต จนฺเท สสลกฺขณํ กปฺปฏฺิยํ ปาฏิหาริยํ สกฺขึ กตฺวา อตฺตโน สกฺเกนปิ ปริคฺคณฺหิตุํ อสกฺกุเณยฺยตํ อภาสิ. ตํ สุตฺวา โปริสาโท อจฺฉริยพฺภุตจิตฺตชาโต –
‘‘จนฺโท ยถา ราหุมุขา ปมุตฺโต, วิโรจเต ปนฺนรเสว ภาณุมา;
เอวํ ตุวํ โปริสาทา ปมุตฺโต, วิโรจ กปิเล มหานุภาว;
อาโมทยํ ปิตรํ มาตรฺจ, สพฺโพ จ เต นนฺทตุ าติปกฺโข’’ติ. (ชา. ๑.๑๖.๙๔) –
คาถํ วตฺวา ‘‘คจฺฉ มหาวีรา’’ติ กุมารํ วิสฺสชฺเชสิ. โสปิ ตํ นิพฺพิเสวนํ กตฺวา ปฺจ สีลานิ ¶ ทตฺวา ‘‘ยกฺโข นุ โข เอส, โน’’ติ วีมํสนฺโต ‘‘ยกฺขานํ อกฺขีนิ รตฺตานิ โหนฺติ อนิมิสานิ จ, ฉายา จ น ปฺายติ, อสมฺภีโต โหติ, น อิมสฺส ตถา. ตสฺมา นายํ ยกฺโข มนุสฺโส เอโส, มยฺหํ กิร ปิตุ ตโย ภาตโร ยกฺขินิยา คหิตา, เตสุ ตาย ทฺเว ขาทิตา ภวิสฺสนฺติ, เอโก ปุตฺตสิเนเหน ปฏิชคฺคิโต ภวิสฺสติ. อิมินา เตน ภวิตพฺพ’’นฺติ นยคฺคาเหน อนุมาเนน สพฺพฺุตฺาเณน วิย อวิปรีตโต นิฏฺํ คนฺตฺวา ‘‘มยฺหํ ปิตุ อาจิกฺขิตฺวา รชฺเช ปติฏฺาเปสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘น ตฺวํ ยกฺโข, ปิตุ เม เชฏฺภาติโกสิ, เอหิ มยา สทฺธึ คนฺตฺวา กุลสนฺตกํ รชฺชํ ปฏิปชฺชาหี’’ติ อาห. เตน ¶ วุตฺตํ ‘‘ตฺวํ ปิตามหา’’ติ, ตฺวํ มม มหาปิตาติ ¶ อตฺโถ. อิตเรน ‘‘นาหํ มนุสฺโส’’ติ วุตฺเต เตน สทฺธาตพฺพสฺส ทิพฺพจกฺขุกตาปสสฺส สนฺติกํ เนสิ. ตาปเสน ‘‘กึ กโรนฺตา ปิตา ปุตฺตา อรฺเ วิจรถา’’ติ ปิตุภาเว กถิเต โปริสาโท สทฺทหิตฺวา ‘‘คจฺฉ, ตาต, ตฺวํ, น เม รชฺเชน อตฺโถ, ปพฺพชิสฺสามห’’นฺติ ตาปสสฺส สนฺติเก อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘อิติ สีลวตํ เหตุ, นารกฺขึ มม ชีวิตํ;
ปพฺพาเชสึ จหํ ตสฺส, สทา ปาณาติปาติก’’นฺติ.
ตตฺถ สีลวตํ เหตูติ สีลวนฺตานํ มม ปิตูนํ เหตุ. อถ วา สีลวตํ เหตูติ สีลวตเหตุ, มยฺหํ สีลวตสมาทานนิมิตฺตํ ตสฺส อภิชฺชนตฺถํ. ตสฺสาติ ตํ โปริสาทํ.
อถ มหาสตฺโต อตฺตโน มหาปิตรํ ปพฺพชิตํ วนฺทิตฺวา นครสฺส สมีปํ คนฺตฺวา ‘‘กุมาโร กิร อาคโต’’ติ สุตฺวา หฏฺตุฏฺเน รฺา นาคเรหิ เนคมชานปเทหิ จ ปจฺจุคฺคโต ราชานํ วนฺทิตฺวา สพฺพํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ. ตํ สุตฺวา ราชา ตงฺขณฺเว เภรึ จราเปตฺวา มหนฺเตน ปริวาเรน ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘เอหิ, ภาติก, รชฺชํ ปฏิปชฺชาหี’’ติ อาห. ‘‘อลํ, มหาราชา’’ติ. ‘‘เตน หิ มยฺหํ อุยฺยาเน วสา’’ติ. ‘‘น อาคจฺฉามี’’ติ. ราชา ตสฺส อสฺสมสฺส อวิทูเร คามํ นิเวเสตฺวา ภิกฺขํ ปฏฺเปสิ. โส จูฬกมฺมาสทมฺมนิคโม นาม ชาโต.
ตทา มาตาปิตโร มหาราชกุลานิ อเหสุํ, ตาปโส สาริปุตฺโต, โปริสาโท องฺคุลิมาโล, กนิฏฺา อุปฺปลวณฺณา, อคฺคมเหสี ราหุลมาตา, อลีนสตฺตุกุมาโร โลกนาโถ.
ตสฺส อิธาปิ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว ยถารหํ เสสปารมิโย นิทฺธาเรตพฺพา. ตถา ปิตรา นิวาริยมาโน อตฺตโน ชีวิตํ ปริจฺจชิตฺวา ปิตุ ชีวิตรกฺขณตฺถํ ‘‘โปริสาทสฺส สนฺติกํ คมิสฺสามี’’ติ ¶ นิจฺฉโย, ตสฺส จ สนฺตาสปริหรณตฺถํ นิหิตสตฺถสฺส คมนํ, ‘‘อตฺตโน สีลขณฺฑนํ มา โหตู’’ติ เตน ปิยวาจาย สมุทาจาโร, เตน จ นานานเยหิ ปริคฺคณฺหิยมานสฺส มรณสนฺตาสาภาโว, ปิตุ อตฺเถ มยฺหํ สรีรํ สผลํ กริสฺสามีติ หฏฺตุฏฺภาโว, สกฺเกนาปิ ปริคฺคณฺหิตุํ อสกฺกุเณยฺยสฺส สสชาติยมฺปิ ปริจฺจาคตฺถํ ¶ อตฺตโน ชีวิตนิรเปกฺขภาวสฺส ชานนํ, เตน ¶ สมาคเมปิ โอสฺสฏฺเปิ จิตฺตสฺส วิการาภาโว, ตสฺส จ มนุสฺสภาวมหาปิตุภาวานํ อวิปรีตโต ชานนํ, าตมตฺเต จ ตํ กุลสนฺตเก รชฺเช ปติฏฺาเปตุกามตา, ธมฺมเทสนาย สํเวเชตฺวา สีเลสุ ปติฏฺาปนนฺติ. เอวมาทโย อิธ โพธิสตฺตสฺส คุณานุภาวา วิภาเวตพฺพาติ.
อลีนสตฺตุจริยาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. สงฺขปาลจริยาวณฺณนา
๘๕. ทสเม สงฺขปาโลติอาทีสุ อยํ สงฺเขปตฺโถ – เทวโภคสมฺปตฺติสทิสาย มหติยา นาคิทฺธิยา สมนฺนาคตตฺตา มหิทฺธิโก. เหฏฺา ทฺเว, อุปริ ทฺเวติ จตสฺโส ทาา อาวุธา เอตสฺสาติ ทาาวุโธ. อุคฺคเตชวิสตาย โฆรวิโส. นาคโยนิสิทฺธาหิ ทฺวีหิ ชิวฺหาหิ สมนฺนาคโตติ ทฺวิชิวฺโห. มหานุภาวานมฺปิ อุเรน คมนโต ‘‘อุรคา’’ติ ลทฺธนามานํ นาคานํ อธิปติภาวโต อุรคาธิภู.
๘๖. ทฺวินฺนํ มคฺคานํ วินิวิชฺฌิตฺวา สนฺธิภาเวน คตฏฺานสงฺขาเต จตุปฺปเถ. อปราปรํ มหาชนสฺจรณฏฺานภูเต มหามคฺเค. ตโต เอว มหาชนสมากิณฺณภาเวน นานาชนสมากุเล. อิทานิ วกฺขมานานํ จตุนฺนํ องฺคานํ วเสน จตุโร องฺเค. อธิฏฺาย อธิฏฺหิตฺวา, จิตฺเต เปตฺวา. ยทาหํ สงฺขปาโล นาม ยถาวุตฺตรูโป นาคราชา โหมิ, ตทา เหฏฺา วุตฺตปฺปกาเร าเน วาสํ อุโปสถวาสวเสน นิวาสํ อกปฺปยึ กปฺเปสึ.
มหาสตฺโต หิ ทานสีลาทิปฺุปสุโต หุตฺวา โพธิปริเยสนวเสน อปราปรํ เทวมนุสฺสคตีสุ สํสรนฺโต กทาจิ เทวโภคสทิสสมฺปตฺติเก นาคภวเน นิพฺพตฺติตฺวา สงฺขปาโล นาม นาคราชา อโหสิ มหิทฺธิโก มหานุภาโว. โส คจฺฉนฺเต กาเล ตาย สมฺปตฺติยา วิปฺปฏิสารี หุตฺวา มนุสฺสโยนึ ปตฺเถนฺโต อุโปสถวาสํ วสิ. อถสฺส นาคภวเน ¶ วสนฺตสฺส อุโปสถวาโส ¶ น สมฺปชฺชติ, สีลํ สํกิลิสฺสติ, เตน โส นาคภวนา นิกฺขมิตฺวา กณฺหวณฺณาย นทิยา อวิทูเร มหามคฺคสฺส จ เอกปทิกมคฺคสฺส จ อนฺตเร เอกํ วมฺมิกํ ปริกฺขิปิตฺวา ¶ อุโปสถํ อธิฏฺาย จาตุทฺทสปนฺนรเสสุ สมาทินฺนสีโล ‘‘มม จมฺมาทีนิ อตฺถิกา คณฺหนฺตู’’ติ อตฺตานํ ทานมุเข วิสฺสชฺเชตฺวา นิปชฺชติ, ปาฏิปเท นาคภวนํ คจฺฉติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ปุนาปรํ ยทา โหมิ, สงฺขปาโล’’ติอาทิ. ตสฺสตฺโถ วุตฺโต เอว.
๘๗. ยํ ปเนตฺถ ฉวิยา จมฺเมนาติอาทิกํ ‘‘จตุโร องฺเค อธิฏฺายา’’ติ วุตฺตํ จตุรงฺคาธิฏฺานทสฺสนํ. ฉวิจมฺมานิ หิ อิธ เอกมงฺคํ. เอวํ อุโปสถวาสํ วสนฺตสฺส มหาสตฺตสฺส ทีโฆ อทฺธา วีติวตฺโต.
อเถกทิวสํ ตสฺมึ ตถา สีลํ สมาทิยิตฺวา นิปนฺเน โสฬส โภชปุตฺตา ‘‘มํสํ อาหริสฺสามา’’ติ อาวุธหตฺถา อรฺเ จรนฺตา กิฺจิ อลภิตฺวา นิกฺขมนฺตา ตํ วมฺมิกมตฺถเก นิปนฺนํ ทิสฺวา ‘‘มยํ อชฺช โคธาโปตกมฺปิ น ลภิมฺหา, อิมํ นาคราชานํ วธิตฺวา ขาทิสฺสามา’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘มหา โข ปเนส คยฺหมาโน ปลาเยยฺยาติ ยถานิปนฺนกํเยว นํ โภเคสุ สูเลหิ วิชฺฌิตฺวา ทุพฺพลํ กตฺวา คณฺหิสฺสามา’’ติ สูลานิ อาทาย อุปสงฺกมึสุ. โพธิสตฺตสฺสาปิ สรีรํ มหนฺตํ เอกโทณิกนาวปฺปมาณํ วฏฺเฏตฺวา ปิตสุมนปุปฺผทามํ วิย ชิฺชุกผลสทิเสหิ อกฺขีหิ ชยสุมนปุปฺผสทิเสน จ สีเสน สมนฺนาคตํ อติวิย โสภติ. โส เตสํ โสฬสนฺนํ ชนานํ ปทสทฺเทน โภคนฺตรโต สีสํ นีหริตฺวา รตฺตกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา เต สูลหตฺเถ ¶ อาคจฺฉนฺเต ทิสฺวา ‘‘อชฺช มยฺหํ มโนรโถ มตฺถกํ ปาปุณิสฺสตี’’ติ อตฺตานํ ทานมุเข นิยฺยาเตตฺวา ‘‘อิเม มม สรีรํ สตฺตีหิ โกฏฺเฏตฺวา ฉิทฺทาวฉิทฺทํ กโรนฺเต น โอโลเกสฺสามี’’ติ อตฺตโน สีลขณฺฑภเยน ทฬฺหํ อธิฏฺานํ อธิฏฺหิตฺวา สีสํ โภคนฺตเร เอว ปเวเสตฺวา นิปชฺชิ.
อถ นํ เต อุปคนฺตฺวา นงฺคุฏฺเ คเหตฺวา อากฑฺฒนฺตา ภูมิยํ ปาเตตฺวา ติขิณสูเลหิ อฏฺสุ าเนสุ วิชฺฌิตฺวา สกณฺฏกา กาฬเวตฺตยฏฺิโย ปหารมุเขหิ ปเวเสตฺวา อฏฺสุ าเนสุ กาเชหิ อาทาย มหามคฺคํ ปฏิปชฺชึสุ. มหาสตฺโต สูเลหิ วิชฺฌนโต ปฏฺาย เอกฏฺาเนปิ อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา เต น โอโลเกสิ. ตสฺส อฏฺหิ กาเชหิ อาทาย นียมานสฺส สีสํ โอลมฺพิตฺวา ภูมึ ปหรติ ¶ . อถ นํ ‘‘สีสมสฺส โอลมฺพตี’’ติ มหามคฺเค นิปชฺชาเปตฺวา สุขุเมน สูเลน นาสาปุเฏ วิชฺฌิตฺวา รชฺชุกํ ปเวเสตฺวา สีสํ อุกฺขิปิตฺวา กาชโกฏิยํ ลคฺเคตฺวา ปุนปิ อุกฺขิปิตฺวา มคฺคํ ปฏิปชฺชึสุ. เตน วุตฺตํ –
‘‘อทฺทสํสุ ¶ โภชปุตฺตา, ขรา ลุทฺทา อการุณา;
อุปคฺฉุํ มมํ ตตฺถ, ทณฺฑมุคฺครปาณิโน.
‘‘นาสาย วินิวิชฺฌิตฺวา, นงฺคุฏฺเ ปิฏฺิกณฺฏเก;
กาเช อาโรปยิตฺวาน, โภชปุตฺตา หรึสุ ม’’นฺติ.
ตตฺถ โภชปุตฺตาติ ลุทฺทปุตฺตา. ขราติ กกฺขฬา, ผรุสกายวจีกมฺมนฺตา. ลุทฺทาติ ทารุณา, โฆรมานสา. อการุณาติ นิกฺกรุณา. ทณฺฑมุคฺครปาณิโนติ จตุรสฺสทณฺฑหตฺถา. นาสาย วินิวิชฺฌิตฺวาติ รชฺชุกํ ปเวเสตุํ สุขุเมน สูเลน นาสาปุเฏ วิชฺฌิตฺวา. นงฺคุฏฺเ ปิฏฺิกณฺฏเกติ นงฺคุฏฺปฺปเทเส ตตฺถ ตตฺถ ปิฏฺิกณฺฏกสมีเป จ วินิวิชฺฌิตฺวาติ สมฺพนฺโธ. กาเช อาโรปยิตฺวานาติ อฏฺสุ าเนสุ วินิวิชฺฌิตฺวา พทฺเธสุ อฏฺสุ เวตฺตลตามณฺฑเลสุ ¶ เอเกกสฺมึ โอวิชฺฌิตํ เอเกกํ กาชํ ทฺเว ทฺเว โภชปุตฺตา อตฺตโน อตฺตโน ขนฺธํ อาโรเปตฺวา.
๙๐. สสาครนฺตํ ปถวินฺติ สมุทฺทปริยนฺตํ มหาปถวึ. สกานนํ สปพฺพตนฺติ สทฺธึ กานเนหิ ปพฺพเตหิ จาติ สกานนํ สปพฺพตฺจ. นาสาวาเตน ฌาปเยติ สจาหํ อิจฺฉมาโน อิจฺฉนฺโต กุชฺฌิตฺวา นาสาวาตํ วิสฺสชฺเชยฺยํ, สมุทฺทปริยนฺตํ สกานนํ สปพฺพตํ อิมํ มหาปถวึ ฌาเปยฺยํ, สห นาสาวาตวิสฺสชฺชเนน ฉาริกํ กเรยฺยํ, เอตาทิโส ตทา มยฺหํ อานุภาโว.
๙๑. เอวํ สนฺเตปิ สูเลหิ วินิวิชฺฌนฺเต, โกฏฺฏยนฺเตปิ สตฺติภิ. โภชปุตฺเต น กุปฺปามีติ ทุพฺพลภาวกรณตฺถํ เวตฺตลตาปเวสนตฺถฺจ สารทารูหิ ตจฺเฉตฺวา กเตหิ ติขิณสูเลหิ อฏฺสุ าเนสุ วิชฺฌนฺเตปิ ทุพฺพลภาวกรณตฺถํ ติขิณาหิ สตฺตีหิ ตหึ ตหึ โกฏฺฏยนฺเตปิ โภชปุตฺตานํ ลุทฺทานํ น กุปฺปามิ. เอสา เม สีลปารมีติ เอวํ มหานุภาวสฺส ตถา อธิฏฺหนฺตสฺส ยา เม มยฺหํ สีลขณฺฑภเยน เตสํ ¶ อกุชฺฌนา, เอสา เอกนฺเตเนว ชีวิตนิรเปกฺขภาเวน ปวตฺตา มยฺหํ สีลปารมี, สีลวเสน ปรมตฺถปารมีติ อตฺโถ.
ตถา ปน โพธิสตฺเต เตหิ นียมาเน มิถิลนครวาสี อาฬาโร นาม กุฏุมฺพิโก ปฺจสกฏสตานิ อาทาย สุขยานเก นิสีทิตฺวา คจฺฉนฺโต เต โภชปุตฺเต มหาสตฺตํ หรนฺเต ทิสฺวา การฺุํ อุปฺปาเทตฺวา เต ลุทฺเท ปุจฺฉิ – ‘‘กิสฺสายํ นาโค นียติ, เนตฺวา จิมํ กึ กริสฺสถา’’ติ? เต ‘‘อิมสฺส นาคสฺส มํสํ สาทฺุจ มุทฺุจ ถูลฺจ ปจิตฺวา ขาทิสฺสามา’’ติ อาหํสุ. อถ โส เตสํ โสฬสวาหโคเณ ปสตํ ปสตํ สุวณฺณมาสเก สพฺเพสํ นิวาสนปารุปนานิ ¶ ภริยานมฺปิ เตสํ วตฺถาภรณานิ ทตฺวา ‘‘สมฺมา, อยํ มหานุภาโว นาคราชา, อตฺตโน สีลคุเณน ตุมฺหากํ น ทุพฺภิ, อิมํ กิลมนฺเตหิ พหุํ ตุมฺเหหิ อปฺุํ ปสุตํ, วิสฺสชฺเชถา’’ติ อาห. เต ‘‘อยํ อมฺหากํ มนาโป ภกฺโข, พหู จ โน อุรคา ภุตฺตปุพฺพา, ตถาปิ ตว วจนํ อมฺเหหิ ปูเชตพฺพํ, ตสฺมา ¶ อิมํ นาคํ วิสฺสชฺเชสฺสามา’’ติ วิสฺสชฺเชตฺวา มหาสตฺตํ ภูมิยํ นิปชฺชาเปตฺวา อตฺตโน กกฺขฬตาย ตา กณฺฏกาจิตา อาวุตา กาฬเวตฺตลตา โกฏิยํ คเหตฺวา อากฑฺฒิตุํ อารภึสุ.
อถ โส นาคราชานํ กิลมนฺตํ ทิสฺวา อกิลเมนฺโตว อสินา ลตา ฉินฺทิตฺวา ทารกานํ กณฺณเวธโต ปฏิหรณนิยาเมน อทุกฺขาเปนฺโต สณิกํ นีหริ. ตสฺมึ กาเล เต โภชปุตฺตา ยํ พนฺธนํ ตสฺส นตฺถุโต ปเวเสตฺวา ปฏิมุกฺกํ, ตํ พนฺธนํ สณิกํ โมจยึสุ. มหาสตฺโต มุหุตฺตํ ปาจีนาภิมุโข คนฺตฺวา อสฺสุปุณฺเณหิ เนตฺเตหิ อาฬารํ โอโลเกสิ. ลุทฺทา โถกํ คนฺตฺวา ‘‘อุรโค ทุพฺพโล, มตกาเล คเหตฺวาว นํ คมิสฺสามา’’ติ นิลียึสุ. อาฬาโร มหาสตฺตสฺส อฺชลึ ปคฺคยฺห ‘‘คจฺเฉว โข ตฺวํ, มหานาค, มา ตํ ลุทฺทา ปุน คเหสุ’’นฺติ วทนฺโต โถกํ ตํ นาคํ อนุคนฺตฺวา นิวตฺติ.
โพธิสตฺโต นาคภวนํ คนฺตฺวา ตตฺถ ปปฺจํ อกตฺวา มหนฺเตน ปริวาเรน นิกฺขมิตฺวา อาฬารํ อุปสงฺกมิตฺวา นาคภวนสฺส วณฺณํ กเถตฺวา ตํ ตตฺถ เนตฺวา ตีหิ กฺาสเตหิ สทฺธึ มหนฺตมสฺส ยสํ ทตฺวา ทิพฺเพหิ กาเมหิ สนฺตปฺเปสิ. อาฬาโร นาคภวเน เอกวสฺสํ วสิตฺวา ทิพฺเพ ¶ กาเม ปริภฺุชิตฺวา ‘‘อิจฺฉามหํ, สมฺม, ปพฺพชิตุ’’นฺติ นาคราชสฺส กเถตฺวา ปพฺพชิตปริกฺขาเร คเหตฺวา ตโต นิกฺขมิตฺวา หิมวนฺตปฺปเทสํ คนฺตฺวา ปพฺพชิตฺวา ตตฺถ จิรํ วสิตฺวา อปรภาเค จาริกํ จรนฺโต พาราณสึ ปตฺวา พาราณสิรฺา สมาคโต เตน อาจารสมฺปตฺตึ นิสฺสาย ปสนฺเนน ‘‘ตฺวํ อุฬารโภคา มฺเ กุลา ปพฺพชิโต, เกน นุ โข การเณน ปพฺพชิโตสี’’ติ ปุฏฺโ อตฺตโน ปพฺพชฺชาการณํ กเถนฺโต ลุทฺทานํ หตฺถโต โพธิสตฺตสฺส วิสฺสชฺชาปนํ อาทึ กตฺวา สพฺพํ ปวตฺตึ รฺโ อาจิกฺขิตฺวา –
‘‘ทิฏฺา มยา มานุสกาปิ กามา, อสสฺสตา วิปริณามธมฺมา;
อาทีนวํ ¶ กามคุเณสุ ทิสฺวา, สทฺธายหํ ปพฺพชิโตมฺหิ, ราช.
‘‘ทุมปฺผลานีว ¶ ปตนฺติ มาณวา, ทหรา จ วุทฺธา จ สรีรเภทา;
เอตมฺปิ ทิสฺวา ปพฺพชิโตมฺหิ ราช, อปณฺณกํ สามฺเมว เสยฺโย’’ติ. (ชา. ๒.๑๗.๑๙๑-๑๙๒) –
อิมาหิ คาถาหิ ธมฺมํ เทเสสิ.
ตํ สุตฺวา ราชา –
‘‘อทฺธา หเว เสวิตพฺพา สปฺา, พหุสฺสุตา เย พหุานจินฺติโน;
นาคฺจ สุตฺวาน ตวฺจฬาร, กาหามิ ปฺุานิ อนปฺปกานี’’ติ. (ชา. ๒.๑๗.๑๙๓) –
อาห.
อถสฺส ตาปโส –
‘‘อทฺธา หเว เสวิตพฺพา สปฺา, พหุสฺสุตา เย พหุานจินฺติโน;
นาคฺจ สุตฺวาน มมฺจ ราช, กโรหิ ปฺุานิ อนปฺปกานี’’ติ. (ชา. ๒.๑๗.๑๙๔) –
เอวํ ¶ ธมฺมํ เทเสตฺวา ตตฺเถว จตฺตาโร วสฺสานมาเส วสิตฺวา ปุน หิมวนฺตํ คนฺตฺวา ยาวชีวํ จตฺตาโร พฺรหฺมวิหาเร ภาเวตฺวา พฺรหฺมโลกูปโค อโหสิ. โพธิสตฺโตปิ ยาวชีวํ อุโปสถวาสํ วสิตฺวา สคฺคปุรํ ปูเรสิ. โสปิ ราชา ทานาทีนิ ปฺุานิ กตฺวา ยถากมฺมํ คโต.
ตทา อาฬาโร สาริปุตฺตตฺเถโร อโหสิ, พาราณสิราชา อานนฺทตฺเถโร, สงฺขปาลนาคราชา โลกนาโถ.
ตสฺส สรีรปริจฺจาโค ทานปารมี, ตถารูเปนปิ วิสเตเชน สมนฺนาคตสฺส ตถารูปายปิ ปีฬาย สติ สีลสฺส อภินฺนตา สีลปารมี, เทวโภคสมฺปตฺติสทิสํ โภคํ ปหาย นาคภวนโต นิกฺขมิตฺวา สมณธมฺมกรณํ เนกฺขมฺมปารมี, ‘‘ทานาทิอตฺถํ อิทฺจิทฺจ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ ¶ สํวิทหนํ ปฺาปารมี, กามวิตกฺกวิโนทนํ อธิวาสนวีริยฺจ วีริยปารมี, อธิวาสนขนฺติ ขนฺติปารมี, สจฺจสมาทานํ สจฺจปารมี, อจลสมาทานาธิฏฺานํ ¶ อธิฏฺานปารมี, โภชปุตฺเต อุปาทาย สพฺพสตฺเตสุ เมตฺตานุทฺทยภาโว เมตฺตาปารมี, เวทนาย สตฺตสงฺขารกตวิปฺปกาเรสุ จ มชฺฌตฺตภาโว อุเปกฺขาปารมีติ เอวํ ทส ปารมิโย ลพฺภนฺติ. สีลปารมี ปน อติสยวตีติ กตฺวา สา เอว เทสนํ อารุฬฺหา. ตถา อิธ โพธิสตฺตสฺส คุณานุภาวา ‘‘โยชนสติเก นาคภวนฏฺาเน’’ติอาทินา ภูริทตฺตจริยายํ (จริยา. ๒.๑๑ อาทโย) วุตฺตนเยเนว ยถารหํ วิภาเวตพฺพาติ.
สงฺขปาลจริยาวณฺณนา นิฏฺิตา.
เอเตติ เย หตฺถินาคจริยาทโย อิมสฺมึ วคฺเค นิทฺทิฏฺา อนนฺตรคาถาย จ ‘‘หตฺถินาโค ภูริทตฺโต’’ติอาทินา อุทฺทานวเสน สงฺคเหตฺวา ทสฺสิตา นว จริยา, เต สพฺเพ วิเสสโต สีลปารมิปูรณวเสน ปวตฺติยา สีลํ พลํ เอเตสนฺติ สีลพลา. สีลสฺส ปรมตฺถปารมิภูตสฺส ปริกฺขรณโต สนฺตานสฺส จ ปริภาวนาวเสน อภิสงฺขรณโต ปริกฺขารา. อุกฺกํสคตาย สีลปรมตฺถปารมิยา อสมฺปุณฺณตฺตา ปเทโส เอเตสํ อตฺถิ, น นิปฺปเทโสติ ปเทสิกา สปฺปเทสา. กสฺมาติ เจ? อาห ‘‘ชีวิตํ ปริรกฺขิตฺวา, สีลานิ อนุรกฺขิส’’นฺติ, ยสฺมา เอเตสุ หตฺถินาคจริยาทีสุ (จริยา. ๒.๑ อาทโย) อหํ อตฺตโน ชีวิตํ เอกเทเสน ¶ ปริรกฺขิตฺวาว สีลานิ อนุรกฺขึ, ชีวิตํ น สพฺพถา ปริจฺจชึ, เอกนฺเตเนว ปน สงฺขปาลสฺส เม สโต สพฺพกาลมฺปิ ชีวิตํ ยสฺส กสฺสจิ นิยฺยตฺตํ, สงฺขปาลนาคราชสฺส ปน เม มหานุภาวสฺส อุคฺควิสเตชสฺส สโต สมานสฺส สพฺพกาลมฺปิ เตหิ ลุทฺเทหิ สมาคเม ตโต ปุพฺเพปิ ปจฺฉาปิ สโต เอวํ ปุคฺคลวิภาคํ อกตฺวา ยสฺส กสฺสจิ สีลานุรกฺขณตฺถเมว ชีวิตํ เอกํเสเนว นิยฺยตฺตํ นียาติตํ ทานมุเข นิสฺสฏฺํ, ตสฺมา สา สีลปารมีติ ยสฺมา เจตเทวํ, ตสฺมา เตน การเณน สา ปรมตฺถปารมิภาวํ ปตฺตา มยฺหํ สีลปารมีติ ทสฺเสตีติ.
ปรมตฺถทีปนิยา จริยาปิฏกสํวณฺณนาย
ทสวิธจริยาสงฺคหสฺส วิเสสโต
สีลปารมิวิภาวนสฺส
ทุติยวคฺคสฺส อตฺถวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ยุธฺชยวคฺโค
๑. ยุธฺชยจริยาวณฺณนา
๑. ตติยวคฺคสฺส ¶ ¶ ¶ ปเม อมิตยโสติ อปริมิตปริวารวิภโว. ราชปุตฺโต ยุธฺชโยติ รมฺมนคเร สพฺพทตฺตสฺส นาม รฺโ ปุตฺโต นาเมน ยุธฺชโย นาม.
อยฺหิ พาราณสี อุทยชาตเก (ชา. ๑.๑๑.๓๗ อาทโย) สุรุนฺธนนครํ นาม ชาตา. จูฬสุตโสมชาตเก (ชา. ๒.๑๗.๑๙๕ อาทโย) สุทสฺสนํ นาม, โสณนนฺทชาตเก (ชา. ๒.๒๐.๙๒ อาทโย) พฺรหฺมวฑฺฒนํ นาม, ขณฺฑหาลชาตเก(ชา. ๒.๒๒.๙๘๒ อาทโย) ปุปฺผวตี นาม, อิมสฺมึ ปน ยุธฺชยชาตเก (ชา. ๑.๑๑.๗๓ อาทโย) รมฺมนครํ นาม อโหสิ, เอวมสฺส กทาจิ นามํ ปริวตฺตติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ราชปุตฺโตติ รมฺมนคเร สพฺพทตฺตสฺส นาม รฺโ ปุตฺโต’’ติ. ตสฺส ปน รฺโ ปุตฺตสหสฺสํ อโหสิ. โพธิสตฺโต เชฏฺปุตฺโต, ตสฺส ราชา อุปรชฺชํ อทาสิ. โส เหฏฺา วุตฺตนเยเนว ทิวเส ทิวเส มหาทานํ ปวตฺเตสิ. เอวํ คจฺฉนฺเต กาเล โพธิสตฺโต เอกทิวสํ ปาโตว รถวรํ อภิรุหิตฺวา มหนฺเตน สิริวิภเวน อุยฺยานกีฬํ คจฺฉนฺโต รุกฺขคฺคติณคฺคสาขคฺคมกฺกฏกสุตฺตชาลาทีสุ มุตฺตาชาลากาเรน ลคฺเค อุสฺสาวพินฺทู ทิสฺวา ‘‘สมฺม สารถิ, กึ นาเมต’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘เอเต, เทว, หิมสมเย ปตนกอุสฺสาวพินฺทู นามา’’ติ สุตฺวา ทิวสภาคํ อุยฺยาเน กีฬิตฺวา สายนฺหกาเล ปจฺจาคจฺฉนฺโต เต อทิสฺวา ‘‘สมฺม สารถิ, กหํ เต อุสฺสาวพินฺทู, น เต อิทานิ ปสฺสามี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘เทว, สูริเย อุคฺคจฺฉนฺเต ¶ สพฺเพ ภิชฺชิตฺวา วิลยํ คจฺฉนฺตี’’ติ สุตฺวา ‘‘ยถา อิเม อุปฺปชฺชิตฺวา ภิชฺชนฺติ, เอวํ อิเมสํ สตฺตานํ ชีวิตสงฺขาราปิ ติณคฺเค อุสฺสาวพินฺทุสทิสาว, ตสฺมา มยา พฺยาธิชรามรเณหิ อปีฬิเตเนว มาตาปิตโร อาปุจฺฉิตฺวา ปพฺพชิตุํ วฏฺฏตี’’ติ อุสฺสาวพินฺทุเมว อารมฺมณํ กตฺวา อาทิตฺเต วิย ตโย ภเว ปสฺสนฺโต อตฺตโน เคหํ อาคนฺตฺวา อลงฺกตปฏิยตฺตาย วินิจฺฉยสาลาย นิสินฺนสฺส ปิตุ สนฺติกเมว คนฺตฺวา ปิตรํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ ิโต ปพฺพชฺชํ ยาจิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘อุสฺสาวพินฺทุํ ¶ ¶ สูริยาตเป, ปติตํ ทิสฺวาน สํวิชึ.
‘‘ตฺเวาธิปตึ กตฺวา, สํเวคมนุพฺรูหยึ;
มาตาปิตู จ วนฺทิตฺวา, ปพฺพชฺชมนุยาจห’’นฺติ.
ตตฺถ สูริยาตเปติ สูริยาตปเหตุ, สูริยรสฺมิสมฺผสฺสนิมิตฺตํ. ‘‘สูริยาตเปนา’’ติปิ ปาโ. ปติตํ ทิสฺวานาติ วินฏฺํ ปสฺสิตฺวา, ปุพฺเพ รุกฺขคฺคาทีสุ มุตฺตาชาลาทิอากาเรน ลคฺคํ หุตฺวา ทิสฺสมานํ สูริยรสฺมิสมฺผสฺเสน วินฏฺํ ปฺาจกฺขุนา โอโลเกตฺวา. สํวิชินฺติ ยถา เอตานิ, เอวํ สตฺตานํ ชีวิตานิปิ ลหุํ ลหุํ ภิชฺชมานสภาวานีติ อนิจฺจตามนสิการวเสน สํเวคมาปชฺชึ.
ตฺเวาธิปตึ กตฺวา, สํเวคมนุพฺรูหยินฺติ ตฺเว อุสฺสาวพินฺทูนํ อนิจฺจตํ อธิปตึ มุขํ ปุพฺพงฺคมํ ปุเรจาริกํ กตฺวา ตเถว สพฺพสงฺขารานํ อิตฺตรฏฺิติกตํ ปริตฺตกาลตํ มนสิกโรนฺโต เอกวารํ อุปฺปนฺนํ สํเวคํ ปุนปฺปุนํ อุปฺปาทเนน อนุวฑฺเฒสึ. ปพฺพชฺชมนุยาจหนฺติ ‘‘ติณคฺเค อุสฺสาวพินฺทู วิย น จิรฏฺิติเก สตฺตานํ ชีวิเต มยา พฺยาธิชรามรเณหิ อนภิภูเตเนว ปพฺพชิตฺวา ยตฺถ เอตานิ น สนฺติ, ตํ อมตํ มหานิพฺพานํ คเวสิตพฺพ’’นฺติ จินฺเตตฺวา มาตาปิตโร อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘ปพฺพชฺชํ เม อนุชานาถา’’ติ เต อหํ ปพฺพชฺชํ ยาจึ. เอวํ มหาสตฺเตน ปพฺพชฺชาย ยาจิตาย สกลนคเร มหนฺตํ โกลาหลมโหสิ – ‘‘อุปราชา กิร ยุธฺชโย ปพฺพชิตุกาโม’’ติ ¶ .
เตน จ สมเยน กาสิรฏฺวาสิโน ราชานํ ทฏฺุํ อาคนฺตฺวา รมฺมเก ปฏิวสนฺติ. เต สพฺเพปิ สนฺนิปตึสุ. อิติ สปริโส ราชา เนคมา เจว ชานปทา จ โพธิสตฺตสฺส มาตา เทวี จ สพฺเพ จ โอโรธา มหาสตฺตํ ‘‘มา โข ตฺวํ, ตาต กุมาร, ปพฺพชี’’ติ นิวาเรสุํ. ตตฺถ ราชา ‘‘สเจ เต กาเมหิ อูนํ, อหํ เต ปริปูรยามิ, อชฺเชว รชฺชํ ปฏิปชฺชาหี’’ติ อาห. ตสฺส มหาสตฺโต –
‘‘มา มํ เทว นิวาเรหิ, ปพฺพชนฺตํ รเถสภ;
มาหํ กาเมหิ สมฺมตฺโต, ชราย วสมนฺวคู’’ติ. (ชา. ๑.๑๑.๗๗) –
อตฺตโน ¶ ปพฺพชฺชาฉนฺทเมว วตฺวา ตํ สุตฺวา สทฺธึ โอโรเธหิ มาตุยา กรุณํ ปริเทวนฺติยา –
‘‘อุสฺสาโวว ¶ ติณคฺคมฺหิ, สูริยุคฺคมนํ ปติ;
เอวมายุ มนุสฺสานํ, มา มํ อมฺม นิวารยา’’ติ. (ชา. ๑.๑๑.๗๙) –
อตฺตโน ปพฺพชฺชาการณํ กเถตฺวา นานปฺปการํ เตหิ ยาจิยมาโนปิ อภิสํวฑฺฒมานสํเวคตฺตา อโนสกฺกิตมานโส ปิยตเร มหติ าติปริวฏฺเฏ อุฬาเร ราชิสฺสริเย จ นิรเปกฺขจิตฺโต ปพฺพชิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ยาจนฺติ มํ ปฺชลิกา, สเนคมา สรฏฺกา;
อชฺเชว ปุตฺต ปฏิปชฺช, อิทฺธํ ผีตํ มหามหึ.
‘‘สราชเก สโหโรเธ, สเนคเม สรฏฺเก;
กรุณํ ปริเทวนฺเต, อนเปกฺโข ปริจฺจชิ’’นฺติ.
ตตฺถ ปฺชลิกาติ ปคฺคหิตอฺชลิกา. สเนคมา สรฏฺกาติ เนคเมหิ เจว รฏฺวาสีหิ จ สทฺธึ สพฺเพ ราชปุริสา ‘‘มา โข, ตฺวํ เทว, ปพฺพชี’’ติ มํ ยาจนฺติ. มาตาปิตโร ปน อชฺเชว ปุตฺต ปฏิปชฺช, คามนิคมราชธานิอภิวุทฺธิยา เวปุลฺลปฺปตฺติยา จ, อิทฺธํ วิภวสารสมฺปตฺติยา สสฺสาทินิปฺผตฺติยา จ, ผีตํ อิมํ มหามหึ อนุสาส, ฉตฺตํ อุสฺสาเปตฺวา รชฺชํ กาเรหีติ ยาจนฺติ. เอวํ ปน สห รฺาติ สราชเก, ตถา สโหโรเธ สเนคเม สรฏฺเก มหาชเน ยถา สุณนฺตานมฺปิ ปเคว ปสฺสนฺตานํ มหนฺตํ การฺุํ โหติ, เอวํ กรุณํ ปริเทวนฺเต ตตฺถ ตตฺถ อนเปกฺโข อลคฺคจิตฺโต ‘‘อหํ ตทา ปพฺพชิ’’นฺติ ทสฺเสติ.
๕-๖. อิทานิ ¶ ยทตฺถํ จกฺกวตฺติสิริสทิสํ รชฺชสิรึ ปิยตเร าติพนฺธเว ปหาย สินิทฺธํ ปริคฺคหปริชนํ โลกาภิมตํ มหนฺตํ ยสฺจ นิรเปกฺโข ปริจฺจชินฺติ ทสฺเสตุํ ทฺเว คาถา อภาสิ.
ตตฺถ เกวลนฺติ อนวเสสํ อิตฺถาคารํ สมุทฺทปริยนฺตฺจ ปถวึ ปพฺพชฺชาธิปฺปาเยน จชมาโน เอวํ เม สมฺมาสมฺโพธิ สกฺกา อธิคนฺตุนฺติ โพธิยาเยว การณา น กิฺจิ จินฺเตสึ, น ตตฺถ อีสกํ ลคฺคํ ชเนสินฺติ อตฺโถ. ตสฺมาติ ยสฺมา มาตาปิตโร ตฺจ มหายสํ รชฺชฺจ เม น เทสฺสํ ¶ , ปิยเมว, ตโต ปน สตคุเณน สหสฺสคุเณน สตสหสฺสคุเณน สพฺพฺุตฺาณเมว มยฺหํ ปิยตรํ, ตสฺมา มาตาทีหิ สทฺธึ รชฺชํ อหํ ตทา ปริจฺจชินฺติ.
ตเทตํ ¶ สพฺพํ ปริจฺจชิตฺวา ปพฺพชฺชาย มหาสตฺเต นิกฺขมนฺเต ตสฺส กนิฏฺภาตา ยุธิฏฺิลกุมาโร นาม ปิตรํ วนฺทิตฺวา ปพฺพชฺชํ อนุชานาเปตฺวา โพธิสตฺตํ อนุพนฺธิ. เต อุโภปิ นครา นิกฺขมฺม มหาชนํ นิวตฺเตตฺวา หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา มโนรเม าเน อสฺสมปทํ กตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ฌานาภิฺาโย นิพฺพตฺเตตฺวา วนมูลผลาทีหิ ยาวชีวํ ยาเปตฺวา พฺรหฺมโลกปรายนา อเหสุํ. เตนาห ภควา –
‘‘อุโภ กุมารา ปพฺพชิตา, ยุธฺชโย ยุธิฏฺิโล;
ปหาย มาตาปิตโร, สงฺคํ เฉตฺวาน มจฺจุโน’’ติ. (ชา. ๑.๑๑.๘๓);
ตตฺถ สงฺคํ เฉตฺวาน มจฺจุโนติ มจฺจุมารสฺส สหการิการณภูตตฺตา สนฺตกํ ราคโทสโมหสงฺคํ วิกฺขมฺภนวเสน ฉินฺทิตฺวา อุโภปิ ปพฺพชิตาติ.
ตทา มาตาปิตโร มหาราชกุลานิ อเหสุํ, ยุธิฏฺิลกุมาโร อานนฺทตฺเถโร, ยุธฺชโย โลกนาโถ.
ตสฺส ปพฺพชฺชโต ปุพฺเพ ปวตฺติตมหาทานานิ เจว รชฺชาทิปริจฺจาโค จ ทานปารมี, กายวจีสํวโร สีลปารมี, ปพฺพชฺชา จ ฌานาธิคโม จ เนกฺขมฺมปารมี, อนิจฺจโต มนสิการํ อาทึ กตฺวา อภิฺาธิคมปริโยสานา ปฺา ทานาทีนํ อุปการานุปการธมฺมปริคฺคณฺหนปฺา จ ปฺาปารมี, สพฺพตฺถ ตทตฺถสาธนํ วีริยํ วีริยปารมี ¶ , าณขนฺติ อธิวาสนขนฺติ จ ขนฺติปารมี, ปฏิฺาย อวิสํวาทนํ สจฺจปารมี, สพฺพตฺถ อจลสมาทานาธิฏฺานํ อธิฏฺานปารมี, สพฺพสตฺเตสุ หิตจิตฺตตาย เมตฺตาพฺรหฺมวิหารวเสน จ เมตฺตาปารมี, สตฺตสงฺขารกตวิปฺปการอุเปกฺขนวเสน อุเปกฺขาพฺรหฺมวิหารวเสน จ อุเปกฺขาปารมีติ ทส ปารมิโย ลพฺภนฺติ. วิเสสโต ปน เนกฺขมฺมปารมีติ เวทิตพฺพา. ตถา อกิตฺติจริยายํ วิย อิธาปิ มหาปุริสสฺส อจฺฉริยคุณา ยถารหํ นิทฺธาเรตพฺพา. เตน วุจฺจติ ‘‘เอวํ อจฺฉริยา เหเต, อพฺภุตา จ มเหสิโน…เป… ธมฺมสฺส อนุธมฺมโต’’ติ.
ยุธฺชยจริยาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๒. โสมนสฺสจริยาวณฺณนา
๗. ทุติเย ¶ ¶ อินฺทปตฺเถ ปุรุตฺตเมติ เอวํนามเก นครวเร. กามิโตติ มาตาปิตุอาทีหิ ‘‘อโห วต เอโก ปุตฺโต อุปฺปชฺเชยฺยา’’ติ เอวํ จิรกาเล ปตฺถิโต. ทยิโตติ ปิยายิโต. โสมนสฺโสติ วิสฺสุโตติ ‘‘โสมนสฺโส’’ติ เอวํ ปกาสนาโม.
๘. สีลวาติ ทสกุสลกมฺมปถสีเลน เจว อาจารสีเลน จ สมนฺนาคโต. คุณสมฺปนฺโนติ สทฺธาพาหุสจฺจาทิคุเณหิ อุเปโต, ปริปุณฺโณ วา. กลฺยาณปฏิภานวาติ ตํตํอิติกตฺตพฺพสาธเนน อุปายโกสลฺลสงฺขาเตน จ สุนฺทเรน ปฏิภาเนน สมนฺนาคโต. วุฑฺฒาปจายีติ มาตาปิตโร กุเล เชฏฺาติ เอวํ เย ชาติวุฑฺฒา, เย จ สีลาทิคุเณหิ วุฑฺฒา, เตสํ อปจายนสีโล. หิรีมาติ ปาปชิคุจฺฉนลกฺขณาย หิริยา สมนฺนาคโต. สงฺคเหสุ จ โกวิโทติ ทานปิยวจนอตฺถจริยาสมานตฺตตาสงฺขาเตหิ จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ ยถารหํ สตฺตานํ สงฺคณฺหเนสุ กุสโล. เอวรูโป เรณุสฺส นาม กุรุราชสฺส ปุตฺโต โสมนสฺโสติ วิสฺสุโต ยทา โหมีติ สมฺพนฺโธ.
๙. ตสฺส รฺโ ปติกโรติ เตน กุรุราเชน ปติ อภิกฺขณํ อุปกตฺตพฺพภาเวน ปติกโร วลฺลโภ. กุหกตาปโสติ อสนฺตคุณสมฺภาวนลกฺขเณน โกหฺเน ¶ ชีวิตกปฺปนโก เอโก ตาปโส, ตสฺส รฺโ สกฺกาตพฺโพ อโหสิ. อารามนฺติ ผลารามํ, ยตฺถ เอฬาลุกลาพุกุมฺภณฺฑติปุสาทิวลฺลิผลานิ เจว ตณฺฑุเลยฺยกาทิสากฺจ โรปียติ. มาลาวจฺฉนฺติ ชาติอติมุตฺตกาทิปุปฺผคจฺฉํ, เตน ปุปฺผารามํ ทสฺเสติ. เอตฺถ จ อารามํ กตฺวา ตตฺถ มาลาวจฺฉฺจ ยถาวุตฺตผลวจฺฉฺจ โรเปตฺวา ตโต ลทฺธธนํ สํหริตฺวา เปนฺโต ชีวตีติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
ตตฺรายํ อนุปุพฺพิกถา – ตทา มหารกฺขิโต นาม ตาปโส ปฺจสตตาปสปริวาโร หิมวนฺเต วสิตฺวา โลณมฺพิลเสวนตฺถาย ชนปทจาริกํ จรนฺโต อินฺทปตฺถนครํ ปตฺวา ราชุยฺยาเน วสิตฺวา สปริโส ปิณฺฑาย ¶ จรนฺโต ราชทฺวารํ ปาปุณิ. ราชา อิสิคณํ ทิสฺวา อิริยาปเถ ปสนฺโน อลงฺกตมหาตเล นิสีทาเปตฺวา ปณีเตนาหาเรน ปริวิสิตฺวา ‘‘ภนฺเต, อิมํ วสฺสารตฺตํ มม อุยฺยาเนเยว วสถา’’ติ วตฺวา เตหิ สทฺธึ อุยฺยานํ คนฺตฺวา วสนฏฺานานิ กาเรตฺวา ปพฺพชิตปริกฺขาเร ทตฺวา นิกฺขมิ. ตโต ปฏฺาย สพฺเพปิ เต ราชนิเวสเน ภฺุชนฺติ.
ราชา ¶ ปน อปุตฺตโก ปุตฺเต ปตฺเถติ, ปุตฺตา นุปฺปชฺชนฺติ. วสฺสารตฺตจฺจเยน มหารกฺขิโต ‘‘หิมวนฺตํ คมิสฺสามา’’ติ ราชานํ อาปุจฺฉิตฺวา รฺา กตสกฺการสมฺมาโน นิกฺขมิตฺวา อนฺตรามคฺเค มชฺฌนฺหิกสมเย มคฺคา โอกฺกมฺม เอกสฺส สนฺทจฺฉายสฺส รุกฺขสฺส เหฏฺา สปริโส นิสีทิ. ตาปสา กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘ราชา อปุตฺตโก, สาธุ วตสฺส สเจ ราชปุตฺตํ ลเภยฺยา’’ติ. มหารกฺขิโต ตํ กถํ สุตฺวา ‘‘ภวิสฺสติ นุ โข รฺโ ปุตฺโต, อุทาหุ โน’’ติ อุปธาเรนฺโต ‘‘ภวิสฺสตี’’ติ ตฺวา ‘‘มา ตุมฺเห จินฺตยิตฺถ, อชฺช ปจฺจูสกาเล เอโก ¶ เทวปุตฺโต จวิตฺวา รฺโ อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติสฺสตี’’ติ อาห.
ตํ สุตฺวา เอโก กูฏชฏิโล ‘‘อิทานิ ราชกุลูปโก ภวิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ตาปสานํ คมนกาเล คิลานาลยํ กตฺวา นิปชฺชิตฺวา ‘‘เอหิ คจฺฉามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น สกฺโกมี’’ติ อาห. มหารกฺขิโต ตสฺส นิปนฺนการณํ ตฺวา ‘‘ยทา สกฺโกสิ, ตทา อาคจฺเฉยฺยาสี’’ติ อิสิคณํ อาทาย หิมวนฺตเมว คโต. กุหโก นิวตฺติตฺวา เวเคน คนฺตฺวา ราชทฺวาเร ตฺวา ‘‘มหารกฺขิตสฺส อุปฏฺากตาปโส อาคโต’’ติ รฺโ อาโรจาเปตฺวา รฺา เวเคน ปกฺโกสาปิโต ปาสาทํ อภิรุยฺห ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ. ราชา ตํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺโน อิสีนํ อาโรคฺยํ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ภนฺเต, อติขิปฺปํ นิวตฺติตฺถ, เกนตฺเถน อาคตตฺถา’’ติ อาห.
มหาราช, อิสิคโณ สุขนิสินฺโน ‘‘สาธุ วตสฺส สเจ รฺโ วํสานุรกฺขโก ปุตฺโต อุปฺปชฺเชยฺยา’’ติ กถํ สมุฏฺาเปสิ. อหํ ตํ กถํ สุตฺวา ‘‘ภวิสฺสติ นุ โข รฺโ ปุตฺโต, อุทาหุ โน’’ติ ทิพฺพจกฺขุนา โอโลเกนฺโต ‘‘มหิทฺธิโก เทวปุตฺโต จวิตฺวา อคฺคมเหสิยา สุธมฺมาย กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติสฺสตี’’ติ ทิสฺวา ‘‘อชานนฺตา คพฺภํ นาเสยฺยุํ, อาจิกฺขิสฺสามิ ¶ ตาว น’’นฺติ ตุมฺหากํ กถนตฺถาย อาคโต, กถิตํ โว มยา, คจฺฉามห’’นฺติ. ราชา ‘‘ภนฺเต, น สกฺกา คนฺตุ’’นฺติ หฏฺตุฏฺโ ปสนฺนจิตฺโต กุหกตาปสํ อุยฺยานํ เนตฺวา วสนฏฺานํ สํวิทหิตฺวา อทาสิ. โส ตโต ปฏฺาย ราชกุเล ภฺุชนฺโต วสติ, ‘‘ทิพฺพจกฺขุโก’’ตฺเววสฺส นามํ อโหสิ.
ตทา โพธิสตฺโต ตาวตึสภวนโต จวิตฺวา ตตฺถ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ, ชาตสฺส จ นามคฺคหณทิวเส ‘‘โสมนสฺโส’’ติ ¶ นามํ กรึสุ. โส กุมารปริหาเรน วฑฺฒติ. กุหกตาปโสปิ อุยฺยานสฺส เอกปสฺเส นานปฺปการํ สูเปยฺยสากฺจ ผลวลฺลิอาทโย จ โรเปตฺวา ปณฺณิกานํ หตฺเถ วิกฺกิณนฺโต ธนํ สํหรติ. อถ โพธิสตฺตสฺส สตฺตวสฺสิกกาเล รฺโ ปจฺจนฺโต ¶ กุปิโต. โส ‘‘ตาต, ทิพฺพจกฺขุตาปเส มา ปมชฺชา’’ติ กุมารํ ปฏิจฺฉาเปตฺวา ปจฺจนฺตํ วูปสเมตุํ คโต.
๑๐-๑๓. อเถกทิวสํ กุมาโร ‘‘ชฏิลํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ อุยฺยานํ คนฺตฺวา กูฏชฏิลํ เอกํ คนฺธิกกาสาวํ นิวาเสตฺวา เอกํ ปารุปิตฺวา อุโภหิ หตฺเถหิ ทฺเว ฆเฏ คเหตฺวา สากวตฺถุสฺมึ อุทกํ สิฺจนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ กูฏชฏิโล อตฺตโน สมณธมฺมํ อกตฺวา ปณฺณิกกมฺมํ กโรตี’’ติ ตฺวา ‘‘กึ กโรสิ ปณฺณิกคหปติกา’’ติ ตํ ลชฺชาเปตฺวา อวนฺทิตฺวา เอว นิกฺขมิ.
กูฏชฏิโล ‘‘อยํ อิทาเนว เอวรูโป, ปจฺฉา ‘โก ชานาติ กึ กริสฺสตี’ติ อิทาเนว นํ นาเสตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา รฺโ อาคมนกาเล ปาสาณผลกํ เอกมนฺตํ ขิปิตฺวา ปานียฆฏํ ภินฺทิตฺวา ปณฺณสาลาย ติณานิ วิกิริตฺวา สรีรํ เตเลน มกฺเขตฺวา ปณฺณสาลํ ปวิสิตฺวา สสีสํ ปารุปิตฺวา มหาทุกฺขปฺปตฺโต วิย มฺเจ นิปชฺชิ. ราชา อาคนฺตฺวา นครํ ปทกฺขิณํ กตฺวา นิเวสนํ อปวิสิตฺวาว ‘‘มม สามิกํ ทิพฺพจกฺขุกํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ ปณฺณสาลทฺวารํ คนฺตฺวา ตํ วิปฺปการํ ทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข เอต’’นฺติ อนฺโต ปวิสิตฺวา ตํ นิปนฺนกํ ทิสฺวา ปาเท ปริมชฺชนฺโต ปุจฺฉิ – ‘‘เกน, ตฺวํ ภนฺเต, เอวํ วิเหิโต, กมชฺช ยมโลกํ เนมิ, ตํ เม สีฆํ อาจิกฺขา’’ติ.
ตํ ¶ สุตฺวา กูฏชฏิโล นิตฺถุนนฺโต อุฏฺาย ทิฏฺโ, ¶ มหาราช, ตฺวํ เม, ปสฺสิตฺวา ตยิ วิสฺสาเสน อหํ อิมํ วิปฺปการํ ปตฺโต, ตว ปุตฺเตนมฺหิ เอวํ วิเหิโตติ. ตํ สุตฺวา ราชา โจรฆาตเก อาณาเปสิ – ‘‘คจฺฉถ กุมารสฺส สีสํ ฉินฺทิตฺวา สรีรฺจสฺส ขณฺฑาขณฺฑิกํ ฉินฺทิตฺวา รถิยา รถิยํ วิกิรถา’’ติ. เต มาตรา อลงฺกริตฺวา อตฺตโน องฺเก นิสีทาปิตํ กุมารํ อากฑฺฒึสุ – ‘‘รฺา เต วโธ อาณตฺโต’’ติ. กุมาโร มรณภยตชฺชิโต มาตุ องฺกโต วุฏฺาย – ‘‘รฺโ มํ ทสฺเสถ, สนฺติ ราชกิจฺจานี’’ติ อาห. เต กุมารสฺส วจนํ สุตฺวา มาเรตุํ อวิสหนฺตา โคณํ วิย รชฺชุยา ปริกฑฺฒนฺตา เนตฺวา รฺโ ทสฺเสสุํ. เตน วุตฺตํ ‘‘ตมหํ ทิสฺวาน กุหก’’นฺติอาทิ.
ตตฺถ ถุสราสึว อตณฺฑุลนฺติ ตณฺฑุลกเณหิ วิรหิตํ ถุสราสึ วิย, ทุมํว รุกฺขํ วิย, อนฺโต มหาสุสิรํ. กทลึว อสารกํ สีลาทิสารรหิตํ ตาปสํ อหํ ทิสฺวา นตฺถิ อิมสฺส สตํ สาธูนํ ฌานาทิธมฺโม. กสฺมา? สามฺา สมณภาวา สีลมตฺตโตปิ อปคโต ปริหีโน ¶ อยํ, ตถา หิ อยํ หิรีสุกฺกธมฺมชหิโต ปชหิตหิริสงฺขาตสุกฺกธมฺโม. ชีวิตวุตฺติการณาติ ‘‘เกวลํ ชีวิตสฺเสว เหตุ อยํ ตาปสลิงฺเคน จรตี’’ติ จินฺเตสินฺติ ทสฺเสติ. ปรนฺติหีติ ปรนฺโต ปจฺจนฺโต นิวาสภูโต เอเตสํ อตฺถีติ ปรนฺติโน, สีมนฺตริกวาสิโน. เตหิ ปรนฺตีหิ อฏวิเกหิ ปจฺจนฺตเทโส โขภิโต อโหสิ. ตํ ปจฺจนฺตโกปํ นิเสเธตุํ วูปสเมตุํ คจฺฉนฺโต มม ปิตา กุรุราชา ‘‘ตาต โสมนสฺสกุมาร, มยฺหํ สามิกํ อุคฺคตาปนํ โฆรตปํ ปรมสนฺตินฺทฺริยํ ชฏิลํ มา ปมชฺชิ. โส หิ อมฺหากํ สพฺพกามทโท, ตสฺมา ยทิจฺฉกํ จิตฺตรุจิยํ ตสฺส จิตฺตานุกูลํ ปวตฺเตหิ อนุวตฺเตหี’’ติ ตทา มํ อนุสาสีติ ทสฺเสติ.
๑๔. ตมหํ คนฺตฺวานุปฏฺานนฺติ ปิตุ วจนํ อนติกฺกนฺโต ตํ กูฏตาปสํ อุปฏฺานตฺถํ คนฺตฺวา ตํ สากวตฺถุสฺมึ อุทกํ อาสิฺจนฺตํ ทิสฺวา ‘‘ปณฺณิโก อย’’นฺติ จ ตฺวา กจฺจิ เต, คหปติ, กุสลนฺติ, คหปติ, ¶ เต สรีรสฺส กจฺจิ กุสลํ กุสลเมว, ตถา หิ สากวตฺถุสฺมึ อุทกํ อาสิฺจสิ. กึ วา ตว หิรฺํ วา สุวณฺณํ วา อาหรียตุ, ตถา หิ ปณฺณิกวุตฺตึ อนุติฏฺสีติ อิทํ วจนํ อภาสึ.
๑๕. เตน ¶ โส กุปิโต อาสีติ เตน มยา วุตฺตคหปติวาเทน โส มานนิสฺสิโต มานํ อลฺลีโน กุหโก มยฺหํ กุปิโต กุทฺโธ อโหสิ. กุทฺโธ จ สมาโน ‘‘ฆาตาเปมิ ตุวํ อชฺช, รฏฺา ปพฺพาชยามิ วา’’ติ อาห.
ตตฺถ ตุวํ อชฺชาติ, ตฺวํ อชฺช, อิทานิเยว รฺโ อาคตกาเลติ อตฺโถ.
๑๖. นิเสธยิตฺวา ปจฺจนฺตนฺติ ปจฺจนฺตํ วูปสเมตฺวา นครํ อปวิฏฺโ ตงฺขณฺเว อุยฺยานํ คนฺตฺวา กุหกํ กุหกตาปสํ กจฺจิ เต, ภนฺเต, ขมนียํ, สมฺมาโน เต ปวตฺติโตติ กุมาเรน เต สมฺมาโน ปวตฺติโต อโหสิ.
๑๗. กุมาโร ยถา นาสิโยติ ยถา กุมาโร นาสิโย นาเสตพฺโพ ฆาตาเปตพฺโพ, ตถา โส ปาโป ตสฺส รฺโ อาจิกฺขิ. อาณาเปสีติ มยฺหํ สามิเก อิมสฺมึ ทิพฺพจกฺขุตาปเส สติ กึ มม น นิปฺผชฺชติ, ตสฺมา ปุตฺเตน เม อตฺโถ นตฺถิ, ตโตปิ อยเมว เสยฺโยติ จินฺเตตฺวา อาณาเปสิ.
๑๘. กินฺติ ¶ ? สีสํ ตตฺเถว ฉินฺทิตฺวาติ ยสฺมึ าเน ตํ กุมารํ ปสฺสถ, ตตฺเถว ตสฺส สีสํ ฉินฺทิตฺวา สรีรฺจสฺส กตฺวาน จตุขณฺฑิกํ จตุโร ขณฺเฑ กตฺวา รถิยา รถิยํ นียนฺตา วีถิโต วีถึ วิกฺขิปนฺตา ทสฺเสถ. กสฺมา? สา คติ ชฏิลหีฬิตาติ เยหิ อยํ ชฏิโล หีฬิโต, เตสํ ชฏิลหีฬิตานํ สา คติ สา นิปฺผตฺติ โส วิปาโกติ. ชฏิลหีฬิตาติ วา ชฏิลหีฬนเหตุ สา ตสฺส นิปฺผตฺตีติ เอวฺเจตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
๑๙. ตตฺถาติ ตสฺส รฺโ อาณายํ, ตสฺมึ วา ตาปสสฺส ปริภเว. การณิกาติ ฆาตกา, โจรฆาตกาติ อตฺโถ. จณฺฑาติ กุรูรา. ลุทฺทาติ สุทารุณา. อการุณาติ ตสฺเสว เววจนํ กตํ. ‘‘อกรุณา’’ติปิ ปาฬิ, นิกฺกรุณาติ อตฺโถ. มาตุ องฺเก นิสินฺนสฺสาติ มม มาตุ สุธมฺมาย เทวิยา อุจฺฉงฺเค นิสินฺนสฺส. ‘‘นิสินฺนสฺสา’’ติ อนาทเร สามิวจนํ. อากฑฺฒิตฺวา นยนฺติ มนฺติ มาตรา อลงฺกริตฺวา อตฺตโน องฺเก ¶ นิสีทาปิตํ ¶ มํ ราชาณาย เต โจรฆาตกา โคณํ วิย รชฺชุยา อากฑฺฒิตฺวา อาฆาตนํ นยนฺติ. กุมาเร ปน นียมาเน ทาสิคณปริวุตา สทฺธึ โอโรเธหิ สุธมฺมา เทวี นาคราปิ ‘‘มยํ นิรปราธํ กุมารํ มาเรตุํ น ทสฺสามา’’ติ เตน สทฺธึเยว อคมํสุ.
๒๐. พนฺธตํ คาฬฺหพนฺธนนฺติ คาฬฺหพนฺธนํ พนฺธนฺตานํ เตสํ การณิกปุริสานํ. ราชกิริยานิ อตฺถิ เมติ มยา รฺโ วตฺตพฺพานิ ราชกิจฺจานิ อตฺถิ. ตสฺมา รฺโ ทสฺเสถ มํ ขิปฺปนฺติ เตสํ อหํ เอวํ วจนํ อวจํ.
๒๑. รฺโ ทสฺสยึสุ, ปาปสฺส ปาปเสวิโนติ อตฺตนา ปาปสีลสฺส ลามกาจารสฺส กูฏตาปสสฺส เสวนโต ปาปเสวิโน รฺโ มํ ทสฺสยึสุ. ทิสฺวาน ตํ สฺาเปสินฺติ ตํ มม ปิตรํ กุรุราชานํ ปสฺสิตฺวา ‘‘กสฺมา มํ, เทว, มาราเปสี’’ติ วตฺวา เตน ‘‘กสฺมา จ ปน ตฺวํ มยฺหํ สามิกํ ทิพฺพจกฺขุตาปสํ คหปติวาเทน สมุทาจริ. อิทฺจิทฺจ วิปฺปการํ กรี’’ติ วุตฺเต ‘‘เทว, คหปติฺเว ‘คหปตี’ติ วทนฺตสฺส โก มยฺหํ โทโส’’ติ วตฺวา ตสฺส นานาวิธานิ มาลาวจฺฉานิ โรเปตฺวา ปุปฺผปณฺณผลาผลาทีนํ วิกฺกิณนํ หตฺถโต จสฺส ตานิ เทวสิกํ วิกฺกิณนฺเตหิ มาลาการปณฺณิเกหิ สทฺทหาเปตฺวา ‘‘มาลาวตฺถุปณฺณวตฺถูนิ อุปธาเรถา’’ติ วตฺวา ปณฺณสาลฺจสฺส ปวิสิตฺวา ปุปฺผาทิวิกฺกิยลทฺธํ กหาปณกภณฺฑิกํ อตฺตโน ปุริเสหิ นีหราเปตฺวา ราชานํ สฺาเปสึ ตสฺส กูฏตาปสภาวํ ชานาเปสึ. มมฺจ วสมานยินฺติ เตน สฺาปเนน ‘‘สจฺจํ โข ปน กุมาโร วทติ, อยํ กูฏตาปโส ปุพฺเพ อปฺปิจฺโฉ วิย หุตฺวา อิทานิ ¶ มหาปริคฺคโห ชาโต’’ติ ยถา ตสฺมึ นิพฺพินฺโน มม วเส วตฺตติ, เอวํ ราชานํ มม วสมาเนสึ.
ตโต มหาสตฺโต ‘‘เอวรูปสฺส พาลสฺส รฺโ สนฺติเก วสนโต หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา ปพฺพชิตุํ ยุตฺต’’นฺติ จินฺเตตฺวา ราชานํ อาปุจฺฉิ – ‘‘น เม, มหาราช, อิธ วาเสน อตฺโถ, อนุชานาถ มํ ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. ราชา ‘‘ตาต, มยา อนุปธาเรตฺวาว เต วโธ อาณตฺโต, ขม มยฺหํ อปราธ’’นฺติ มหาสตฺตํ ขมาเปตฺวา ‘‘อชฺเชว อิมํ รชฺชํ ปฏิปชฺชาหี’’ติ อาห. กุมาโร ‘‘เทว, กิมตฺถิ มานุสเกสุ ¶ โภเคสุ, อหํ ปุพฺเพ ทีฆรตฺตํ ¶ ทิพฺพโภคสมฺปตฺติโย อนุภวึ, น ตตฺถาปิ เม สงฺโค, ปพฺพชิสฺสาเมวาหํ, น ตาทิสสฺส พาลสฺส ปรเนยฺยพุทฺธิโน สนฺติเก วสามี’’ติ วตฺวา ตํ โอวทนฺโต –
‘‘อนิสมฺม กตํ กมฺมํ, อนวตฺถาย จินฺติตํ;
เภสชฺชสฺเสว เวภงฺโค, วิปาโก โหติ ปาปโก.
‘‘นิสมฺม จ กตํ กมฺมํ, สมฺมาวตฺถาย จินฺติตํ;
เภสชฺชสฺเสว สมฺปตฺติ, วิปาโก โหติ ภทฺรโก.
‘‘อลโส คิหี กามโภคี น สาธุ, อสฺโต ปพฺพชิโต น สาธุ;
ราชา น สาธุ อนิสมฺมการี, โย ปณฺฑิโต โกธโน ตํ น สาธุ.
‘‘นิสมฺม ขตฺติโย กยิรา, นานิสมฺม ทิสมฺปติ;
นิสมฺมการิโน ราช, ยโส กิตฺติ จ วฑฺฒติ.
‘‘นิสมฺม ทณฺฑํ ปณเยยฺย อิสฺสโร, เวคา กตํ ตปฺปติ ภูมิปาล;
สมฺมาปณีธี จ นรสฺส อตฺถา, อนานุตปฺปา เต ภวนฺติ ปจฺฉา.
‘‘อนานุตปฺปานิ หิ เย กโรนฺติ, วิภชฺช กมฺมายตนานิ โลเก;
วิฺุปฺปสตฺถานิ สุขุทฺรยานิ, ภวนฺติ พุทฺธานุมตานิ ตานิ.
‘‘อาคจฺฉุํ ¶ โทวาริกา ขคฺคพนฺธา, กาสาวิยา หนฺตุ มมํ ชนินฺท;
มาตฺุจ องฺกสฺมิมหํ นิสินฺโน, อากฑฺฒิโต สหสา เตหิ เทว.
‘‘กฏุกฺหิ ¶ สมฺพาธํ สุกิจฺฉํ ปตฺโต, มธุรมฺปิยํ ชีวิตํ ลทฺธ ราช;
กิจฺเฉนหํ อชฺช วธา ปมุตฺโต, ปพฺพชฺชเมวาภิมโนหมสฺมี’’ติ. (ชา. ๑.๑๕.๒๒๗-๒๓๔) –
อิมาหิ คาถาหิ ธมฺมํ เทเสสิ.
ตตฺถ ¶ อนิสมฺมาติ อนุปธาเรตฺวา. อนวตฺถายาติ อววตฺถเปตฺวา. เวภงฺโคติ วิปตฺติ. วิปาโกติ นิปฺผตฺติ. อสฺโตติ อสํวุโต ทุสฺสีโล. ปณเยยฺยาติ ปฏฺเปยฺย. เวคาติ เวเคน สหสา. สมฺมาปณีธี จาติ สมฺมาปณิธินา, โยนิโส ปิเตน จิตฺเตน กตา นรสฺส อตฺถา ปจฺฉา อนานุตปฺปา ภวนฺตีติ อตฺโถ. วิภชฺชาติ อิมานิ กาตุํ ยุตฺตานิ, อิมานิ อยุตฺตานีติ เอวํ ปฺาย วิภชิตฺวา. กมฺมายตนานีติ กมฺมานิ. พุทฺธานุมตานีติ ปณฺฑิเตหิ อนุมตานิ อนวชฺชานิ โหนฺติ. กฏุกนฺติ ทุกฺขํ อสาตํ, สมฺพาธํ สุกิจฺฉํ มรณภยํ ปตฺโตมฺหิ. ลทฺธาติ อตฺตโน าณพเลน ชีวิตํ ลภิตฺวา. ปพฺพชฺชเมวาภิมโนติ ปพฺพชฺชาภิมุขจิตฺโต เอวาหมสฺมิ.
เอวํ มหาสตฺเตน ธมฺเม เทสิเต ราชา เทวึ อามนฺเตสิ – ‘‘เทวิ, ตฺวํ ปุตฺตํ นิวตฺเตหี’’ติ. เทวีปิ กุมารสฺส ปพฺพชฺชเมว โรเจสิ. มหาสตฺโต มาตาปิตโร วนฺทิตฺวา ‘‘สเจ มยฺหํ โทโส อตฺถิ, ตํ ขมถา’’ติ ขมาเปตฺวา มหาชนํ อาปุจฺฉิตฺวา หิมวนฺตาภิมุโข อคมาสิ. คเต จ ปน มหาสตฺเต มหาชโน กูฏชฏิลํ โปเถตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปสิ. โพธิสตฺโตปิ สนาคเรหิ อมจฺจปาริสชฺชาทีหิ ราชปุริเสหิ อสฺสุมุเขหิ อนุพนฺธิยมาโน เต นิวตฺเตสิ. มนุสฺเสสุ นิวตฺเตสุ มนุสฺสวณฺเณนาคนฺตฺวา เทวตาหิ นีโต สตฺต ปพฺพตราชิโย อติกฺกมิตฺวา หิมวนฺเต วิสฺสกมฺมุนา นิมฺมิตาย ปณฺณสาลาย อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘โส มํ ตตฺถ ขมาเปสิ, มหารชฺชํ อทาสิ เม;
โสหํ ตมํ ทาลยิตฺวา, ปพฺพชึ อนคาริย’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ ตมํ ทาลยิตฺวาติ กามาทีนวทสฺสนสฺส ปฏิปกฺขภูตํ สมฺโมหตมํ วิธมิตฺวา. ปพฺพชินฺติ อุปาคจฺฉึ. อนคาริยนฺติ ปพฺพชฺชํ.
๒๓. อิทานิ ¶ ยทตฺถํ ตทา ตํ ราชิสฺสริยํ ปริจฺจตฺตํ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘น เม เทสฺส’’นฺติ โอสานคาถมาห. ตสฺสตฺโถ วุตฺตนโยว.
เอวํ ปน มหาสตฺเต ปพฺพชิเต ยาว โสฬสวสฺสกาลา ราชกุเล ¶ ปริจาริกเวเสน เทวตาเยว นํ อุปฏฺหึสุ. โส ตตฺถ ฌานาภิฺาโย นิพฺพตฺเตตฺวา พฺรหฺมโลกูปโค อโหสิ.
ตทา กุหโก เทวทตฺโต อโหสิ, มาตา มหามายา, มหารกฺขิตตาปโส สาริปุตฺตตฺเถโร, โสมนสฺสกุมาโร โลกนาโถ.
ตสฺส ยุธฺชยจริยายํ (จริยา. ๓.๑ อาทโย) วุตฺตนเยเนว ทส ปารมิโย นิทฺธาเรตพฺพา. อิธาปิ เนกฺขมฺมปารมี อติสยวตีติ สา เอว เทสนํ อารุฬฺหา. ตถา สตฺตวสฺสิกกาเล เอว ราชกิจฺเจสุ สมตฺถตา, ตสฺส ตาปสสฺส กูฏชฏิลภาวปริคฺคณฺหนํ, เตน ปยุตฺเตน รฺา วเธ อาณตฺเต สนฺตาสาภาโว, รฺโ สนฺติกํ คนฺตฺวา นานานเยหิ ตสฺส สโทสตํ อตฺตโน จ นิรปราธตํ มหาชนสฺส มชฺเฌ ปกาเสตฺวา รฺโ จ ปรเนยฺยพุทฺธิตํ พาลภาวฺจ ปฏฺเปตฺวา เตน ขมาปิเตปิ ตสฺส สนฺติเก วาสโต รชฺชิสฺสริยโต จ สํเวคมาปชฺชิตฺวา นานปฺปการํ ยาจิยมาเนนปิ หตฺถคตํ รชฺชสิรึ เขฬปิณฺฑํ วิย ฉฑฺเฑตฺวา กตฺถจิ อลคฺคจิตฺเตน หุตฺวา ปพฺพชนํ, ปพฺพชิตฺวา ปวิเวการาเมน หุตฺวา นจิรสฺเสว อปฺปกสิเรน ฌานาภิฺานิพฺพตฺตนนฺติ เอวมาทโย มหาสตฺตสฺส คุณานุภาวา วิภาเวตพฺพาติ.
โสมนสฺสจริยาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. อโยฆรจริยาวณฺณนา
๒๔. ตติเย อโยฆรมฺหิ สํวฑฺโฒติ อมนุสฺสอุปทฺทวปริวชฺชนตฺถํ จตุรสฺสสาลวเสน กเต มหติ สพฺพอโยมเย เคเห สํวฑฺโฒ. นาเมนาสิ อโยฆโรติ อโยฆเร ชาตสํวฑฺฒภาเวเนว ‘‘อโยฆรกุมาโร’’ติ นาเมน ปากโฏ อโหสิ.
๒๕-๖. ตทา ¶ ¶ หิ กาสิรฺโ อคฺคมเหสิยา ปุริมตฺตภาเว สปตฺติ ‘‘ตว ชาตํ ชาตํ ปชํ ขาเทยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ ปฏฺเปตฺวา ¶ ยกฺขินิโยนิยํ นิพฺพตฺตา โอกาสํ ลภิตฺวา ตสฺสา วิชาตกาเล ทฺเว วาเร ปุตฺเต ขาทิ. ตติยวาเร ปน โพธิสตฺโต ตสฺสา กุจฺฉิยํ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. ราชา ‘‘เทวิยา ชาตํ ชาตํ ปชํ เอกา ยกฺขินี ขาทติ, กึ นุ โข กาตพฺพ’’นฺติ มนุสฺเสหิ สมฺมนฺเตตฺวา ‘‘อมนุสฺสา นาม อโยฆรสฺส ภายนฺติ, อโยฆรํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺเต กมฺมาเร อาณาเปตฺวา ถมฺเภ อาทึ กตฺวา อโยมเยเหว สพฺพเคหสมฺภาเรหิ จตุรสฺสสาลํ มหนฺตํ อโยฆรํ นิฏฺาเปตฺวา ปริปกฺกคพฺภํ เทวึ ตตฺถ วาเสสิ. สา ตตฺถ ธฺปฺุลกฺขณํ ปุตฺตํ วิชายิ. ‘‘อโยฆรกุมาโร’’ตฺเววสฺส นามํ กรึสุ. ตํ ธาตีนํ ทตฺวา มหนฺตํ อารกฺขํ สํวิทหิตฺวา ราชา เทวึ อนฺเตปุรํ อาเนสิ. ยกฺขินีปิ อุทกวารํ คนฺตฺวา เวสฺสวณสฺส อุทกํ วหนฺตี ชีวิตกฺขยํ ปตฺตา.
มหาสตฺโต อโยฆเรเยว วฑฺฒิตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต, ตตฺเถว สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิ. ราชา ปุตฺตํ โสฬสวสฺสุทฺเทสิกํ วิทิตฺวา ‘‘รชฺชมสฺส ทสฺสามี’’ติ อมจฺเจ อาณาเปสิ – ‘‘ปุตฺตํ เม อาเนถา’’ติ. เต ‘‘สาธุ, เทวา’’ติ นครํ อลงฺการาเปตฺวา สพฺพาลงฺการวิภูสิตํ มงฺคลวารณํ อาทาย ตตฺถ คนฺตฺวา กุมารํ อลงฺกริตฺวา หตฺถิกฺขนฺเธ นิสีทาเปตฺวา นครํ ปทกฺขิณํ กาเรตฺวา รฺโ ทสฺเสสุํ. มหาสตฺโต ราชานํ วนฺทิตฺวา อฏฺาสิ. ราชา ตสฺส สรีรโสภํ โอโลเกตฺวา พลวสิเนเหน ตํ อาลิงฺคิตฺวา ‘‘อชฺเชว เม ปุตฺตํ อภิสิฺจถา’’ติ อมจฺเจ อาณาเปสิ. มหาสตฺโต ปิตรํ วนฺทิตฺวา ‘‘น มยฺหํ รชฺเชน อตฺโถ, อหํ ปพฺพชิสฺสามิ, ปพฺพชฺชํ เม อนุชานาถา’’ติ อาห. เตน วุตฺตํ ‘‘ทุกฺเขน ชีวิโต ลทฺโธ’’ติอาทิ.
ตตฺถ ทุกฺเขนาติ, ตาต, ตว ภาติกา ทฺเว เอกาย ยกฺขินิยา ขาทิตา, ตุยฺหํ ปน ตโต อมนุสฺสภยโต นิวารณตฺถํ กเตน ทุกฺเขน มหตา อายาเสน ชีวิโต ลทฺโธ. สํปีเฬ ปติโปสิโตติ นานาวิธาย อมนุสฺสรกฺขาย ¶ สมฺพาเธ อโยฆเร วิชายนกาลโต ปฏฺาย ยาว โสฬสวสฺสุปฺปตฺติยา สมฺพาเธ สํวฑฺฒิโตติ อตฺโถ. อชฺเชว, ปุตฺต, ปฏิปชฺช, เกวลํ วสุธํ อิมนฺติ กฺจนมาลาลงฺกตสฺส เสตจฺฉตฺตสฺส เหฏฺา รตนราสิมฺหิ เปตฺวา ตีหิ สงฺเขหิ อภิสิฺจิยมาโน ¶ อิมํ กุลสนฺตกํ เกวลํ สกลํ สมุทฺทปริยนฺตํ ตโตเยว สห รฏฺเหีติ สรฏฺกํ สห นิคเมหิ มหาคาเมหีติ สนิคมํ อปริมิเตน ปริวารชเนน สทฺธึ สชนํ อิมํ วสุธํ มหาปถวึ อชฺเชว, ปุตฺต, ปฏิปชฺช, รชฺชํ กาเรหีติ อตฺโถ. วนฺทิตฺวา ขตฺติยํ. อฺชลึ ปคฺคเหตฺวาน, อิทํ วจนมพฺรวินฺติ ขตฺติยํ กาสิราชานํ มม ปิตรํ วนฺทิตฺวา ตสฺส อฺชลึ ปณาเมตฺวา อิทํ วจนํ อภาสึ.
๒๗. เย ¶ เกจิ มหิยา สตฺตาติ อิมิสฺสา มหาปถวิยา เย เกจิ สตฺตา นาม. หีนมุกฺกฏฺมชฺฌิมาติ ลามกา เจว อุตฺตมา จ, อุภินฺนํ เวมชฺเฌ ภวตฺตา มชฺฌิมา จ. สเก เคเหติ สพฺเพ เต สเก เคเห. สกาติภีติ สเกหิ าตีหิ สมฺโมทมานา วิสฺสฏฺา อนุกฺกณฺิตา ยถาวิภวํ วฑฺฒนฺติ.
๒๘. อิทํ โลเก อุตฺตริยนฺติ อิทํ ปน อิมสฺมึ โลเก อสทิสํ, มยฺหํ เอว อาเวณิกํ. กึ ปน ตํ สํปีเฬ มม โปสนนฺติ สมฺพาเธ มม สํวฑฺฒนํ. ตถา หิ อโยฆรมฺหิ สํวฑฺโฒ, อปฺปเภ จนฺทสูริเยติ จนฺทสูริยานํ ปภารหิเต อโยฆเร สํวฑฺโฒมฺหีติ สํวฑฺโฒ อมฺหิ.
๒๙. ปูติกุณปสมฺปุณฺณาติ ปูติคนฺธนานปฺปการกุณปสมฺปุณฺณา คูถนิรยสทิสา. มาตุ กุจฺฉิโต ชีวิตสํสเย วตฺตมาเน กถํ มุจฺจิตฺวา นิกฺขมิตฺวา. ตโต โฆรตเรติ ตโตปิ คพฺภวาสโต ทารุณตเร, อวิสฺสฏฺวาเสน ทุกฺเข. ปกฺขิตฺตโยฆเรติ ปกฺขิตฺโต อโยฆเร, พนฺธนาคาเร ปิโต วิย อโหสินฺติ ทสฺเสติ.
๓๐. ยทิหนฺติ เอตฺถ ยทีติ นิปาตมตฺตํ. ตาทิสนฺติ ยาทิสํ ปุพฺเพ วุตฺตํ, ตาทิสํ ปรมทารุณํ ทุกฺขํ ปตฺวา อหํ รชฺเชสุ ยทิ รชฺชามิ ยทิ รมิสฺสามิ, เอวํ สนฺเต ปาปานํ ลามกานํ นิหีนปุริสานํ อุตฺตโม นิหีนตโม สิยํ ¶ .
๓๑. อุกฺกณฺิโตมฺหิ กาเยนาติ อปริมุตฺตคพฺภวาสาทินา ปูติกาเยน อุกฺกณฺิโต นิพฺพินฺโน อมฺหิ. รชฺเชนมฺหิ อนตฺถิโกติ รชฺเชนปิ อนตฺถิโก อมฺหิ. ยกฺขินิยา หตฺถโต มุตฺโตปิ หิ นาหํ อชรามโร, กึ ¶ เม รชฺเชน, รชฺชฺหิ นาม สพฺเพสํ อนตฺถานํ สนฺนิปาตฏฺานํ, ตตฺถ ิตกาลโต ปฏฺาย ทุนฺนิกฺขมํ โหติ, ตสฺมา ตํ อนุปคนฺตฺวา นิพฺพุตึ ปริเยสิสฺสํ, ยตฺถ มํ มจฺจุ น มทฺทิเยติ ยตฺถ ิตํ มํ มหาเสโน มจฺจุราชา น มทฺทิเย น โอตฺถเรยฺย น อภิภเวยฺย, ตํ นิพฺพุตึ อมตมหานิพฺพานํ ปริเยสิสฺสามีติ.
๓๒. เอวาหํ จินฺตยิตฺวานาติ เอวํ อิมินา วุตฺตปฺปกาเรน นานปฺปการํ สํสาเร อาทีนวํ ปจฺจเวกฺขเณน นิพฺพาเน อานิสํสทสฺสเนน จ โยนิโส จินฺเตตฺวา. วิรวนฺเต มหาชเนติ มยา วิปฺปโยคทุกฺขาสหเนน วิรวนฺเต ปริเทวนฺเต มาตาปิตุปฺปมุเข มหนฺเต ชเน. นาโคว พนฺธนํ เฉตฺวาติ ยถา นาม มหาพโล หตฺถินาโค ทุพฺพลตรํ รชฺชุพนฺธนํ สุเขเนว ฉินฺทติ, เอวเมว าติสงฺคาทิเภทสฺส ¶ ตสฺมึ ชเน ตณฺหาพนฺธนสฺส ฉินฺทเนน พนฺธนํ เฉตฺวา กานนสงฺขาตํ มหาวนํ ปพฺพชฺชูปคมนวเสน ปาวิสึ. โอสานคาถา วุตฺตตฺถา เอว.
ตตฺถ จ มหาสตฺโต อตฺตโน ปพฺพชฺชาธิปฺปายํ ชานิตฺวา ‘‘ตาต, กึการณา ปพฺพชสี’’ติ รฺา วุตฺโต ‘‘เทว, อหํ มาตุกุจฺฉิมฺหิ ทส มาเส คูถนิรเย วิย วสิตฺวา มาตุ กุจฺฉิโต นิกฺขนฺโต ยกฺขินิยา ภเยน โสฬสวสฺสานิ พนฺธนาคาเร วสนฺโต พหิ โอโลเกตุมฺปิ น ลภึ, อุสฺสทนิรเย ปกฺขิตฺโต วิย อโหสึ, ยกฺขินิโต มุตฺโตปิ อชรามโร น โหมิ, มจฺจุ นาเมส น สกฺกา เกนจิ ชินิตุํ, ภเว อุกฺกณฺิโตมฺหิ, ยาว เม พฺยาธิชรามรณานิ นาคจฺฉนฺติ, ตาวเทว ปพฺพชิตฺวา ธมฺมํ จริสฺสามิ, อลํ เม รชฺเชน, อนุชานาหิ มํ, เทว, ปพฺพชิตุ’’นฺติ วตฺวา –
‘‘ยเมกรตฺตึ ¶ ปมํ, คพฺเภ วสติ มาณโว;
อพฺภุฏฺิโตว โส ยาติ, ส คจฺฉํ น นิวตฺตตี’’ติ. (ชา. ๑.๑๕.๓๖๓) –
อาทินา จตุวีสติยา คาถาหิ ปิตุ ธมฺมํ เทเสตฺวา ‘‘มหาราช, ตุมฺหากํ รชฺชํ ตุมฺหากเมว โหตุ, น มยฺหํ อิมินา อตฺโถ, ตุมฺเหหิ สทฺธึ กเถนฺเตเยว พฺยาธิชรามรณานิ อาคจฺเฉยฺยุํ, ติฏฺถ ตุมฺเห’’ติ วตฺวา อยทามํ ฉินฺทิตฺวา มตฺตหตฺถี วิย, กฺจนปฺชรํ ภินฺทิตฺวา สีหโปตโก วิย, กาเม ปหาย มาตาปิตโร วนฺทิตฺวา นิกฺขมิ. อถสฺส ปิตา ‘‘อยํ นาม กุมาโร ปพฺพชิตุกาโม, กิมงฺคํ ปนาหํ, มมาปิ รชฺเชน อตฺโถ นตฺถี’’ติ ¶ รชฺชํ ปหาย เตน สทฺธึ เอว นิกฺขมิ. ตสฺมึ นิกฺขมนฺเต เทวีปิ อมจฺจาปิ พฺราหฺมณคหปติกาทโยปีติ สกลนครวาสิโน โภเค ฉฑฺเฑตฺวา นิกฺขมึสุ. สมาคโม มหา อโหสิ, ปริสา ทฺวาทสโยชนิกา ชาตา, เต อาทาย มหาสตฺโต หิมวนฺตํ ปาวิสิ.
สกฺโก เทวราชา ตสฺส นิกฺขนฺตภาวํ ตฺวา วิสฺสกมฺมํ เปเสตฺวา ทฺวาทสโยชนายามํ สตฺตโยชนวิตฺถารํ อสฺสมปทํ กาเรสิ, สพฺเพ จ ปพฺพชิตปริกฺขาเร ปฏิยาทาเปสิ. อิธ มหาสตฺตสฺส ปพฺพชฺชา จ โอวาททานฺจ พฺรหฺมโลกปรายนตา จ ปริสาย สมฺมา ปฏิปตฺติ จ สพฺพา มหาโควินฺทจริยายํ (จริยา. ๑.๓๗ อาทโย) วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพา.
ตทา ¶ มาตาปิตโร มหาราชกุลานิ อเหสุํ, ปริสา พุทฺธปริสา, อโยฆรปณฺฑิโต โลกนาโถ.
ตสฺส เสสปารมินิทฺธารณา อานุภาววิภาวนา จ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพาติ.
อโยฆรจริยาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๔. ภิสจริยาวณฺณนา
จตุตฺเถ ¶ ยทา โหมิ, กาสีนํ ปุรวรุตฺตเมติ ‘‘กาสี’’ติ พหุวจนวเสน ลทฺธโวหารสฺส รฏฺสฺส นครวเร พาราณสิยํ ยสฺมึ กาเล ชาตสํวฑฺโฒ หุตฺวา วสามีติ อตฺโถ. ภคินี จ ภาตโร สตฺต, นิพฺพตฺตา โสตฺติเย กุเลติ อุปกฺจนาทโย ฉ อหฺจาติ ภาตโร สตฺต สพฺพกนิฏฺา กฺจนเทวี นาม ภคินี จาติ สพฺเพ มยํ อฏฺ ชนา มนฺตชฺเฌนนิรตตาย โสตฺติเย อุทิโตทิเต มหติ พฺราหฺมณกุเล ตทา นิพฺพตฺตา ชาตาติ อตฺโถ.
โพธิสตฺโต หิ ตทา พาราณสิยํ อสีติโกฏิวิภวสฺส พฺราหฺมณมหาสาลสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ตสฺส ‘‘กฺจนกุมาโร’’ติ นามํ กรึสุ. อถสฺส ปทสา วิจรณกาเล อปโร ปุตฺโต วิชายิ. ‘‘อุปกฺจนกุมาโร’’ติสฺส นามํ กรึสุ. ตโต ปฏฺาย มหาสตฺตํ ‘‘มหากฺจนกุมาโร’’ติ ¶ สมุทาจรนฺติ. เอวํ ปฏิปาฏิยา สตฺต ปุตฺตา อเหสุํ. สพฺพกนิฏฺา ปน เอกา ธีตา. ตสฺสา ‘‘กฺจนเทวี’’ติ นามํ กรึสุ. มหาสตฺโต วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคเหตฺวา ปจฺจาคฺฉิ.
อถ นํ มาตาปิตโร ฆราวาเสน พนฺธิตุกามา ‘‘อตฺตโน สมานชาติกุลโต เต ทาริกํ อาเนสฺสามา’’ติ วทึสุ. โส ‘‘อมฺม, ตาต, น มยฺหํ ฆราวาเสน อตฺโถ. มยฺหฺหิ สพฺโพ โลกสนฺนิวาโส อาทิตฺโต วิย สปฺปฏิภโย, พนฺธนาคารํ วิย ปลิพุทฺธนํ, อุกฺการภูมิ วิย ชิคุจฺโฉ หุตฺวา อุปฏฺาติ, น เม จิตฺตํ กาเมสุ รชฺชติ, อฺเ โว ปุตฺตา อตฺถิ, เต ¶ ฆราวาเสน นิมนฺเตถา’’ติ วตฺวา ปุนปฺปุนํ ยาจิโตปิ สหาเยหิ ยาจาปิโตปิ น อิจฺฉิ, อถ นํ ¶ สหายา ‘‘สมฺม, กึ ปน ตฺวํ ปตฺถยนฺโต กาเม ปริภฺุชิตุํ น อิจฺฉสี’’ติ ปุจฺฉึสุ. โส เตสํ อตฺตโน เนกฺขมฺมชฺฌาสยํ อาโรเจสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘เอเตสํ ปุพฺพโช อาสิ’’นฺติอาทิ.
ตตฺถ เอเตสํ ปุพฺพโช อาสินฺติ เอเตสํ อุปกฺจนกาทีนํ สตฺตนฺนํ เชฏฺภาติโก อหํ ตทา อโหสึ. หิรีสุกฺกมุปาคโตติ สุกฺกวิปากตฺตา สนฺตานสฺส วิโสธนโต จ สุกฺกํ ปาปชิคุจฺฉนลกฺขณํ หิรึ ภุสํ อาคโต, อติวิย ปาปํ ชิคุจฺฉนฺโต อาสินฺติ อตฺโถ. ภวํ ทิสฺวาน ภยโต, เนกฺขมฺมาภิรโต อหนฺติ กามภวาทีนํ วเสน สพฺพํ ภวํ ปกฺขนฺทิตุํ อาคจฺฉนฺตํ จณฺฑหตฺถึ วิย, หึสิตุํ อาคจฺฉนฺตํ อุกฺขิตฺตาสิกํ วธกํ วิย, สีหํ วิย, ยกฺขํ วิย, รกฺขสํ วิย, โฆรวิสํ วิย, อาสิวิสํ วิย, อาทิตฺตํ องฺคารํ วิย, สปฺปฏิภยํ ภยานกภาวโต ปสฺสิตฺวา ตโต มุจฺจนตฺถฺจ ปพฺพชฺชาภิรโต ปพฺพชิตฺวา ‘‘กถํ นุ โข ธมฺมจริยํ สมฺมาปฏิปตฺตึ ปูเรยฺยํ, ฌานสมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตยฺย’’นฺติ ปพฺพชฺชากุสลธมฺมปมชฺฌานาทิอภิรโต ตทา อหํ อาสินฺติ อตฺโถ.
๓๖. ปหิตาติ มาตาปิตูหิ เปสิตา. เอกมานสาติ สมานชฺฌาสยา ปุพฺเพ มยา เอกจฺฉนฺทา มนาปจาริโน มาตาปิตูหิ ปหิตตฺตา ปน มม ปฏิกฺกูลํ อมนาปํ วทนฺตา. กาเมหิ มํ นิมนฺเตนฺตีติ มหาปิตูหิ วา เอกมานสา กาเมหิ มํ นิมนฺเตนฺติ. กุลวํสํ ธาเรหีติ ฆราวาสํ สณฺเปนฺโต อตฺตโน กุลวํสํ ธาเรหิ ปติฏฺเปหีติ กาเมหิ มํ นิมนฺเตสุนฺติ อตฺโถ.
๓๗. ยํ ¶ เตสํ วจนํ วุตฺตนฺติ เตสํ มม ปิยสหายานํ ยํ วจนํ วุตฺตํ. คิหิธมฺเม สุขาวหนฺติ คิหิภาเว สติ คหฏฺภาเว ิตสฺส ปุริสสฺส ายานุคตตฺตา ทิฏฺธมฺมิกสฺส สมฺปรายิกสฺส จ สุขสฺส อาวหนโต สุขาวหํ. ตํ เม อโหสิ กินนฺติ ตํ เตสํ มยฺหํ สหายานํ มาตาปิตูนฺจ วจนํ เอกนฺเตเนว เนกฺขมฺมาภิรตตฺตา อมนาปภาเวน เม กินํ ผรุสํ ทิวสํ สนฺตตฺตผาลสทิสํ อุโภปิ กณฺเณ ฌาเปนฺตํ วิย ¶ อโหสิ.
๓๘. เต มํ ตทา อุกฺขิปนฺตนฺติ เต มยฺหํ สหายา มาตาปิตูหิ อตฺตโน จ อุปนิมนฺตนวเสน อเนกวารํ อุปนียมาเน กาเม อุทฺธมุทฺธํ ขิปนฺตํ ฉฑฺเฑนฺตํ ปฏิกฺขิปนฺตํ มํ ปุจฺฉึสุ. ปตฺถิตํ มมาติ อิโต วิสุทฺธตรํ กึ นุ โข อิมินา ปตฺถิตนฺติ มยา อภิปตฺถิตํ มม ตํ ปตฺถนํ ปุจฺฉึสุ – ‘‘กึ ตฺวํ ปตฺถยเส, สมฺม, ยทิ กาเม น ภฺุชสี’’ติ.
๓๙. อตฺถกาโมติ ¶ อตฺตโน อตฺถกาโม, ปาปภีรูติ อตฺโถ. ‘‘อตฺตกาโม’’ติปิ ปาฬิ. หิเตสินนฺติ มยฺหํ หิเตสีนํ ปิยสหายานํ. เกจิ ‘‘อตฺถกามหิเตสิน’’นฺติ ปนฺติ, ตํ น สุนฺทรํ.
๔๐. ปิตุ มาตุ จ สาวยุนฺติ เต มยฺหํ สหายา อนิวตฺตนียํ มม ปพฺพชฺชาฉนฺทํ วิทิตฺวา ปพฺพชิตุกามตาทีปกํ มยฺหํ วจนํ ปิตุ มาตุ จ สาเวสุํ. ‘‘ยคฺเฆ, อมฺมตาตา, ชานาถ, เอกนฺเตเนว มหากฺจนกุมาโร ปพฺพชิสฺสติ, น โส สกฺกา เกนจิ อุปาเยน กาเมสุ อุปเนตุ’’นฺติ อโวจุํ. มาตาปิตา เอวมาหูติ ตทา มยฺหํ มาตาปิตโร มม สหาเยหิ วุตฺตํ มม วจนํ สุตฺวา เอวมาหํสุ – ‘‘สพฺเพว ปพฺพชาม, โภ’’ติ, ยทิ มหากฺจนกุมารสฺส เนกฺขมฺมํ อภิรุจิตํ, ยํ ตสฺส อภิรุจิตํ, ตทมฺหากมฺปิ อภิรุจิตเมว, ตสฺมา สพฺเพว ปพฺพชาม, โภติ. ‘‘โภ’’ติ เตสํ พฺราหฺมณานํ อาลปนํ. ‘‘ปพฺพชาม โข’’ติปิ ปาโ, ปพฺพชาม เอวาติ อตฺโถ. มหาสตฺตสฺส หิ ปพฺพชฺชาฉนฺทํ วิทิตฺวา อุปกฺจนาทโย ฉ ภาตโร ภคินี จ กฺจนเทวี ปพฺพชิตุกามาว อเหสุํ, เตน เตปิ มาตาปิตูหิ ฆราวาเสน นิมนฺติยมานา น อิจฺฉึสุเยว. ตสฺมา เอวมาหํสุ ‘‘สพฺเพว ปพฺพชาม, โภ’’ติ.
เอวฺจ ¶ ปน วตฺวา มหาสตฺตํ มาตาปิตโร ปกฺโกสิตฺวา อตฺตโนปิ อธิปฺปายํ ตสฺส อาจิกฺขิตฺวา ‘‘ตาต, ยทิ ปพฺพชิตุกาโมสิ, อสีติโกฏิธนํ ตว สนฺตกํ ยถาสุขํ วิสฺสชฺเชหี’’ติ อาหํสุ. อถ นํ มหาปุริโส กปณทฺธิกาทีนํ วิสฺสชฺเชตฺวา มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิตฺวา หิมวนฺตํ ปาวิสิ. เตน สทฺธึ มาตาปิตโร ฉ ภาตโร จ ภคินี จ เอโก ทาโส เอกา ทาสี เอโก จ สหาโย ฆราวาสํ ปหาย อคมํสุ. เตน วุตฺตํ –
‘‘อุโภ ¶ มาตา ปิตา มยฺหํ, ภคินี จ สตฺต ภาตโร;
อมิตธนํ ฉฑฺฑยิตฺวา, ปวิสิมฺหา มหาวน’’นฺติ.
ชาตกฏฺกถายํ (ชา. อฏฺ. ๔.๑๔.๗๗ ภิสชาตกวณฺณนา) ปน ‘‘มาตาปิตูสุ กาลํกเตสุ เตสํ กตฺตพฺพกิจฺจํ กตฺวา มหาสตฺโต มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมี’’ติ วุตฺตํ.
เอวํ หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา จ เต โพธิสตฺตปฺปมุขา เอกํ ปทุมสรํ นิสฺสาย รมณีเย ภูมิภาเค อสฺสมํ กตฺวา ปพฺพชิตฺวา วนมูลผลาหารา ยาปยึสุ. เตสุ อุปกฺจนาทโย อฏฺ ชนา วาเรน ผลาผลํ อาหริตฺวา เอกสฺมึ ปาสาณผลเก อตฺตโน อิตเรสฺจ โกฏฺาเส กตฺวา ฆณฺฏิสฺํ ¶ ทตฺวา อตฺตโน โกฏฺาสํ อาทาย วสนฏฺานํ ปวิสนฺติ. เสสาปิ ฆณฺฏิสฺาย ปณฺณสาลโต นิกฺขมิตฺวา อตฺตโน อตฺตโน ปาปุณนโกฏฺาสํ อาทาย วสนฏฺานํ คนฺตฺวา ปริภฺุชิตฺวา สมณธมฺมํ กโรนฺติ.
อปรภาเค ภิสานิ อาหริตฺวา ตเถว ขาทนฺติ. ตตฺถ เต โฆรตปา ปรมธิตินฺทฺริยา กสิณปริกมฺมํ กโรนฺตา วิหรึสุ. อถ เนสํ สีลเตเชน สกฺกสฺส ภวนํ กมฺปิ. สกฺโก ตํ การณํ ตฺวา ‘‘อิเม อิสโย วีมํสิสฺสามี’’ติ อตฺตโน อานุภาเวน มหาสตฺตสฺส โกฏฺาเส ตโย ทิวเส อนฺตรธาเปสิ. มหาสตฺโต ปมทิวเส โกฏฺาสํ อทิสฺวา ‘‘มม โกฏฺาโส ปมุฏฺโ ภวิสฺสตี’’ติ จินฺเตสิ. ทุติยทิวเส ‘‘มม โทเสน ภวิตพฺพํ, ปณามนวเสน มม โกฏฺาสํ น ปิตํ มฺเ’’ติ จินฺเตสิ. ตติยทิวเส ‘‘ตํ การณํ สุตฺวา ขมาเปสฺสามี’’ติ สายนฺหสมเย ฆณฺฏิสฺํ ทตฺวา ตาย สฺาย สพฺเพสุ สนฺนิปติเตสุ ตมตฺถํ อาโรเจตฺวา ตีสุปิ ทิวเสสุ ¶ เตหิ เชฏฺโกฏฺาสสฺส ปิตภาวํ สุตฺวา ‘‘ตุมฺเหหิ มยฺหํ โกฏฺาโส ปิโต, มยา ปน น ลทฺโธ, กึ นุ โข การณ’’นฺติ ¶ อาห. ตํ สุตฺวา สพฺเพว สํเวคปฺปตฺตา อเหสุํ.
ตสฺมึ อสฺสเม รุกฺขเทวตาปิ อตฺตโน ภวนโต โอตริตฺวา เตสํ สนฺติเก นิสีทิ. มนุสฺสานํ หตฺถโต ปลายิตฺวา อรฺํ ปวิฏฺโ เอโก วารโณ อหิตุณฺฑิกหตฺถโต ปลายิตฺวา มุตฺโต สปฺปกีฬาปนโก เอโก วานโร จ เตหิ อิสีหิ กตปริจยา ตทา เตสํ สนฺติกํ คนฺตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺํสุ. สกฺโกปิ ‘‘อิสิคณํ ปริคฺคณฺหิสฺสามี’’ติ อทิสฺสมานกาโย ตตฺเถว อฏฺาสิ. ตสฺมิฺจ ขเณ โพธิสตฺตสฺส กนิฏฺโ อุปกฺจนตาปโส อุฏฺาย โพธิสตฺตํ วนฺทิตฺวา เสสานํ อปจิตึ ทสฺเสตฺวา ‘‘อหํ สฺํ ปฏฺเปตฺวา อตฺตานฺเว โสเธตุํ ลภามี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาม, ลภสี’’ติ วุตฺเต อิสิคณมชฺเฌ ตฺวา สปถํ กโรนฺโต –
‘‘อสฺสํ ควํ รชตํ ชาตรูปํ, ภริยฺจ โส อิธ ลภตํ มนาปํ;
ปุตฺเตหิ ทาเรหิ สมงฺคิ โหตุ, ภิสานิ เต พฺราหฺมณ โย อหาสี’’ติ. (ชา. ๑.๑๔.๗๘) –
อิมํ คาถํ อภาสิ. อิมฺหิ โส ‘‘ยตฺตกานิ ปิยวตฺถูนิ โหนฺติ, เตหิ วิปฺปโยเค ตตฺตกานิ ทุกฺขานิ อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ วตฺถุกาเม ครหนฺโต อาห.
ตํ ¶ สุตฺวา อิสิคโณ ‘‘มาริส, มา กถย, อติภาริโย เต สปโถ’’ติ กณฺเณ ปิทหิ. โพธิสตฺโตปิ ‘‘อติภาริโย เต สปโถ, น, ตฺวํ ตาต, คณฺหสิ, ตว ปตฺตาสเน นิสีทา’’ติ อาห. เสสาปิ สปถํ กโรนฺตา ยถากฺกมํ –
‘‘มาลฺจ โส กาสิกจนฺทนฺจ, ธาเรตุ ปุตฺตสฺส พหู ภวนฺตุ;
กาเมสุ ¶ ติพฺพํ กุรุตํ อเปกฺขํ, ภิสานิ เต พฺราหฺมณ โย อหาสิ.
‘‘ปหูตธฺโ ¶ กสิมา ยสสฺสี, ปุตฺเต คิหี ธนิมา สพฺพกาเม;
วยํ อปสฺสํ ฆรมาวสาตุ, ภิสานิ เต พฺราหฺมณ โย อหาสิ.
‘‘โส ขตฺติโย โหตุ ปสยฺหการี, ราชาภิราชา พลวา ยสสฺสี;
สจาตุรนฺตํ มหิมาวสาตุ, ภิสานิ เต พฺราหฺมณ โย อหาสิ.
‘‘โส พฺราหฺมโณ โหตุ อวีตราโค, มุหุตฺตนกฺขตฺตปเถสุ ยุตฺโต;
ปูเชตุ นํ รฏฺปตี ยสสฺสี, ภิสานิ เต พฺราหฺมณ โย อหาสิ.
‘‘อชฺฌายกํ สพฺพสมนฺตเวทํ, ตปสฺสินํ มฺตุ สพฺพโลโก;
ปูเชนฺตุ นํ ชานปทา สเมจฺจ, ภิสานิ เต พฺราหฺมณ โย อหาสิ.
‘‘จตุสฺสทํ คามวรํ สมิทฺธํ, ทินฺนฺหิ โส ภฺุชตุ วาสเวน;
อวีตราโค มรณํ อุเปตุ, ภิสานิ เต พฺราหฺมณ โย อหาสิ.
‘‘โส คามณี โหตุ สหายมชฺเฌ, นจฺเจหิ คีเตหิ ปโมทมาโน;
โส ราชโต พฺยสนมาลตฺถ กิฺจิ, ภิสานิ เต พฺราหฺมณ โย อหาสิ.
‘‘ตํ เอกราชา ปถวึ วิเชตฺวา, อิตฺถีสหสฺสสฺส เปตุ อคฺเค;
สีมนฺตินีนํ ปวรา ภวาตุ, ภิสานิ เต พฺราหฺมณ ยา อหาสิ.
‘‘อิสีนฺหิ ¶ สา สพฺพสมาคตานํ, ภฺุเชยฺย สาทุํ อวิกมฺปมานา;
จราตุ ¶ ลาเภน วิกตฺถมานา, ภิสานิ เต พฺราหณ ยา อหาสิ.
‘‘อาวาสิโก ¶ โหตุ มหาวิหาเร, นวกมฺมิโก โหตุ คชงฺคลายํ;
อาโลกสนฺธึ ทิวสํ กโรตุ, ภิสานิ เต พฺราหฺมณ โย อหาสิ.
‘‘โส พชฺฌตํ ปาสสเตหิ ฉมฺหิ, รมฺมา วนา นียตุ ราชธานึ;
ตุตฺเตหิ โส หฺตุ ปาจเนหิ, ภิสานิ เต พฺราหฺมณ โย อหาสิ.
‘‘อลกฺกมาลี ติปุกณฺณปิฏฺโ, ลฏฺีหโต สปฺปมุขํ อุเปตุ;
สกจฺฉพนฺโธ วิสิขํ จราตุ, ภิสานิ เต พฺราหฺมณ โย อหาสี’’ติ. (ชา. ๑.๑๔.๗๙-๙๐) –
อิมา คาถาโย อโวจุํ.
ตตฺถ ติพฺพนฺติ วตฺถุกามกิเลสกาเมสุ พหลํ อเปกฺขํ กโรตุ. กสิมาติ สมฺปนฺนกสิกมฺโม. ปุตฺเต คิหี ธนิมา สพฺพกาเมติ ปุตฺเต ลภตุ, คิหี โหตุ, สตฺตวิเธน ธเนน ธนิมา โหตุ, รูปาทิเภเท สพฺพกาเม ลภตุ. วยํ อปสฺสนฺติ มหลฺลกกาเลปิ อปพฺพชิตฺวา อตฺตโน วยํ อปสฺสนฺโต ปฺจกามคุณสมิทฺธํ ฆรเมว อาวสตุ. ราชาภิราชาติ ราชูนํ อนฺตเร อติราชา. อวีตราโคติ ปุโรหิตฏฺานตณฺหาย สตณฺโห. ตปสฺสินนฺติ ตปสีลํ, สีลสมฺปนฺโนติ นํ มฺตุ. จตุสฺสทนฺติ อากิณฺณมนุสฺสตาย มนุสฺเสหิ ปหูตธฺตาย ธฺเน สุลภทารุตาย ทารูหิ สมฺปนฺโนทกตาย อุทเกนาติ จตูหิ อุสฺสนฺนํ. วาสเวนาติ วาสเวน ทินฺนํ วิย อจลํ, วาสวโต ลทฺธวรานุภาเวเนว ราชานํ อาราเธตฺวา เตน ทินฺนนฺติปิ อตฺโถ. อวีตราโคติ อวิคตราโค กทฺทเม สูกโร วิย กามปงฺเก นิมุคฺโคว โหตุ.
คามณีติ ¶ คามเชฏฺโก. ตนฺติ ตํ อิตฺถึ. เอกราชาติ อคฺคราชา. อิตฺถีสหสฺสสฺสาติ วจนมฏฺตาย วุตฺตํ. โสฬสนฺนํ อิตฺถิสหสฺสานํ อคฺคฏฺาเน ¶ เปตูติ อตฺโถ. สีมนฺตินีนนฺติ สีมนฺตธรานํ, อิตฺถีนนฺติ อตฺโถ. สพฺพสมาคตานนฺติ สพฺเพสํ สนฺนิปติตานํ มชฺเฌ นิสีทิตฺวา. อวิกมฺปมานาติ อโนสกฺกมานา สาทุรสํ ภฺุชตูติ อตฺโถ. จราตุ ลาเภน วิกตฺถมานาติ ลาภเหตุ สิงฺคารเวสํ คเหตฺวา ลาภํ อุปฺปาเทตุํ จรตุ. อาวาสิโกติ อาวาสชคฺคนโก. คชงฺคลายนฺติ เอวํนามเก นคเร. ตตฺถ กิร ทพฺพสมฺภารา สุลภา. อาโลกสนฺธึ ทิวสนฺติ เอกทิวเสน เอกเมว วาตปานํ กโรตุ. โส กิร เทวปุตฺโต กสฺสปพุทฺธกาเล คชงฺคลนครํ นิสฺสาย ¶ โยชนิเก มหาวิหาเร อาวาสิโก สงฺฆตฺเถโร หุตฺวา ชิณฺเณ วิหาเร นวกมฺมานิ กโรนฺโตว มหาทุกฺขํ อนุภวิ, ตํ สนฺธายาห.
ปาสสเตหีติ พหูหิ ปาเสหิ. ฉมฺหีติ จตูสุ ปาเทสุ คีวาย กฏิภาเค จาติ ฉสุ าเนสุ. ตุตฺเตหีติ ทฺวิกณฺฏกาหิ ทีฆลฏฺีหิ. ปาจเนหีติ รสฺสปาจเนหิ, องฺกุสเกหิ วา. อลกฺกมาลีติ อหิตุณฺฑิเกน กณฺเ ปริกฺขิปิตฺวา ปิตาย อลกฺกมาลาย สมนฺนาคโต. ติปุกณฺณปิฏฺโติ ติปุปิฬนฺธเนน ปิฬนฺธิตปิฏฺิกณฺโณ กณฺณปิฏฺโ. ลฏฺิหโตติ สปฺปกีฬาปนํ สิกฺขาปยมาโน ลฏฺิยา หโต หุตฺวา. สพฺพํ เต กามโภคํ ฆราวาสํ อตฺตนา อตฺตนา อนุภูตทุกฺขฺจ ชิคุจฺฉนฺตา ตถา ตถา สปถํ กโรนฺตา เอวมาหํสุ.
อถ โพธิสตฺโต ‘‘สพฺเพหิ อิเมหิ สปโถ กโต, มยาปิ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ สปถํ กโรนฺโต –
‘‘โย เว อนฏฺํว นฏฺนฺติ จาห, กาเมว โส ลภตํ ภฺุชตฺจ;
อคารมชฺเฌ มรณํ อุเปตุ, โย วา โภนฺโต สงฺกติ กฺจิ เทวา’’ติ. (ชา. ๑.๑๔.๙๑) –
อิมํ คาถมาห.
ตตฺถ โภนฺโตติ ภวนฺโต. สงฺกตีติ อาสงฺกติ. กฺจีติ อฺตรํ.
อถ ¶ สกฺโก ‘‘สพฺเพปิเม กาเมสุ นิรเปกฺขา’’ติ ชานิตฺวา สํวิคฺคมานโส น อิเมสุ เกนจิปิ ภิสานิ นีตานิ, นาปิ ตยา อนฏฺํ นฏฺนฺติ วุตฺตํ, อปิจ อหํ ตุมฺเห วีมํสิตุกาโม อนฺตรธาเปสินฺติ ทสฺเสนฺโต –
‘‘วีมํสมาโน ¶ อิสิโน ภิสานิ, ตีเร คเหตฺวาน ถเล นิเธสึ;
สุทฺธา อปาปา อิสโย วสนฺติ, เอตานิ เต พฺรหฺมจารี ภิสานี’’ติ. (ชา. ๑.๑๔.๙๕) –
โอสานคาถมาห.
ตํ ¶ สุตฺวา โพธิสตฺโต –
‘‘น เต นฏา โน ปน กีฬเนยฺยา, น พนฺธวา โน ปน เต สหายา;
กิสฺมึ วุปตฺถมฺภ สหสฺสเนตฺต, อิสีหิ ตฺวํ กีฬสิ เทวราชา’’ติ. (ชา. ๑.๑๔.๙๖) –
สกฺกํ ตชฺเชสิ.
อถ นํ สกฺโก –
‘‘อาจริโย เมสิ ปิตา จ มยฺหํ, เอสา ปติฏฺา ขลิตสฺส พฺรหฺเม;
เอกาปราธํ ขม ภูริปฺ, น ปณฺฑิตา โกธพลา ภวนฺตี’’ติ. (ชา. ๑.๑๔.๙๗) –
ขมาเปสิ.
มหาสตฺโต สกฺกสฺส เทวรฺโ ขมิตฺวา สยํ อิสิคณํ ขมาเปนฺโต –
‘‘สุวาสิตํ อิสินํ เอกรตฺตํ, ยํ วาสวํ ภูตปติทฺทสาม;
สพฺเพว โภนฺโต สุมนา ภวนฺตุ, ยํ พฺราหฺมโณ ปจฺจุปาที ภิสานี’’ติ. (ชา. ๑.๑๔.๙๘) –
อาห.
ตตฺถ ¶ น เต นฏาติ, เทวราช, มยํ ตว นฏา วา กีฬิตพฺพยุตฺตกา วา น โหม. นาปิ ตว าตกา, สหายา หสฺสํ กาตพฺพา. อถ ตฺวํ กิสฺมึ วุปตฺถมฺภาติ กึ อุปตฺถมฺภกํ กตฺวา, กึ นิสฺสาย อิสีหิ สทฺธึ กีฬสีติ อตฺโถ. เอสา ปติฏฺาติ เอสา ตว ปาทจฺฉายา อชฺช มม ขลิตสฺส อปราธสฺส ปติฏฺา โหตุ. สุวาสิตนฺติ อายสฺมนฺตานํ อิสีนํ เอกรตฺติมฺปิ อิมสฺมึ อรฺเ วสิตํ สุวสิตเมว. กึการณา? ยํ วาสวํ ภูตปตึ อทฺทสาม. สเจ หิ มยํ นคเร อวสิมฺหา, น อิมํ อทฺทสาม. โภนฺโตติ ภวนฺโต. สพฺเพปิ สุมนา ภวนฺตุ ตุสฺสนฺตุ, สกฺกสฺส เทวรฺโ ขมนฺตุ, กึการณา? ยํ พฺราหฺมโณ ปจฺจุปาที ภิสานิ ¶ ยสฺมา ตุมฺหากํ อาจริโย ภิสานิ อลภีติ. สกฺโก ¶ อิสิคณํ วนฺทิตฺวา เทวโลกํ คโต. อิสิคโณปิ ฌานาภิฺาโย นิพฺพตฺเตตฺวา พฺรหฺมโลกูปโค อโหสิ.
ตทา อุปกฺจนาทโย ฉ ภาตโร สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานมหากสฺสปอนุรุทฺธปุณฺณอานนฺทตฺเถรา, ภคินี อุปฺปลวณฺณา, ทาสี ขุชฺชุตฺตรา, ทาโส จิตฺโต คหปติ, รุกฺขเทวตา สาตาคิโร, วารโณ ปาลิเลยฺยนาโค, วานโร มธุวาสิฏฺโ, สกฺโก กาฬุทายี, มหากฺจนตาปโส โลกนาโถ.
ตสฺส อิธาปิ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว ทส ปารมิโย นิทฺธาเรตพฺพา. ตถา อจฺจนฺตเมว กาเมสุ อนเปกฺขตาทโย คุณานุภาวา วิภาเวตพฺพาติ.
ภิสจริยาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๕. โสณปณฺฑิตจริยาวณฺณนา
๔๒. ปฺจเม นคเร พฺรหฺมวฑฺฒเนติ พฺรหฺมวฑฺฒนนามเก นคเร. กุลวเรติ อคฺคกุเล. เสฏฺเติ ปาสํสตเม. มหาสาเลติ มหาสาเร. อชายหนฺติ อชายึ อหํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ตสฺมึ กาเล ‘‘พฺรหฺมวฑฺฒน’’นฺติ ลทฺธนาเม พาราณสินคเร ยทา โหมิ ภวามิ ปฏิวสามิ, ตทา อภิชาตสมฺปตฺติยา อุทิโตทิตภาเวน อคฺเค วิชฺชาวตสมฺปตฺติยา เสฏฺเ อสีติโกฏิวิภวตาย มหาสาเล พฺราหฺมณกุเล อหํ อุปฺปชฺชินฺติ.
ตทา ¶ หิ มหาสตฺโต พฺรหฺมโลกโต จวิตฺวา พฺรหฺมวฑฺฒนนคเร อสีติโกฏิวิภวสฺส อฺตรสฺส พฺราหฺมณมหาสาลสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ตสฺส นามคฺคหณทิวเส ‘‘โสณกุมาโร’’ติ นามํ กรึสุ. ตสฺส ปทสา คมนกาเล อฺโปิ สตฺโต พฺรหฺมโลกา จวิตฺวา โพธิสตฺตสฺส มาตุยา กุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. ตสฺส ชาตสฺส ‘‘นนฺทกุมาโร’’ติ นามํ กรึสุ. เตสํ อุคฺคหิตเวทานํ สพฺพสิปฺปนิปฺผตฺติปฺปตฺตานํ วยปฺปตฺตานํ รูปสมฺปทํ ทิสฺวา ตุฏฺหฏฺา มาตาปิตโร ‘‘ฆรพนฺธเนน พนฺธิสฺสามา’’ติ ปมํ โสณกุมารํ อาหํสุ – ‘‘ตาต, เต ปติรูปกุลโต ทาริกํ ¶ อาเนสฺสาม, ตฺวํ กุฏุมฺพํ ปฏิปชฺชาหี’’ติ.
มหาสตฺโต ¶ ‘‘อลํ มยฺหํ ฆราวาเสน, อหํ ยาวชีวํ ตุมฺเห ปฏิชคฺคิตฺวา ตุมฺหากํ อจฺจเยน ปพฺพชิสฺสามี’’ติ อาห. มหาสตฺตสฺส หิ ตทา ตโยปิ ภวา อาทิตฺตํ อคารํ วิย องฺคารกาสุ วิย จ อุปฏฺหึสุ. วิเสสโต ปเนส เนกฺขมฺมชฺฌาสโย เนกฺขมฺมาธิมุตฺโต อโหสิ. ตสฺส อธิปฺปายํ อชานนฺตา เต ปุนปฺปุนํ กเถนฺตาปิ ตสฺส จิตฺตํ อลภิตฺวา นนฺทกุมารํ อามนฺเตตฺวา ‘‘ตาต, เตน หิ ตฺวํ กุฏุมฺพํ ปฏิปชฺชาหี’’ติ วตฺวา เตนาปิ ‘‘นาหํ มม ภาตรา ฉฑฺฑิตเขฬํ สีเสน อุกฺขิปามิ, อหมฺปิ ตุมฺหากํ อจฺจเยน ภาตรา สทฺธึ ปพฺพชิสฺสามี’’ติ วุตฺเต ‘‘อิเม เอวํ ตรุณา กาเม ชหนฺติ, กิมงฺคํ ปน มยนฺติ สพฺเพว ปพฺพชิสฺสามา’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘ตาต, กึ โว อมฺหากํ อจฺจเยน ปพฺพชฺชาย, สพฺเพ สเหว ปพฺพชามา’’ติ วตฺวา าตีนํ ทาตพฺพยุตฺตกํ ทตฺวา ทาสชนํ ภุชิสฺสํ กตฺวา รฺโ อาโรเจตฺวา สพฺพํ ธนํ วิสฺสชฺเชตฺวา มหาทานํ ปวตฺเตตฺวา จตฺตาโรปิ ชนา พฺรหฺมวฑฺฒนนครา นิกฺขมิตฺวา หิมวนฺตปฺปเทเส ปทุมปุณฺฑรีกมณฺฑิตํ มหาสรํ นิสฺสาย รมณีเย วนสณฺเฑ อสฺสมํ มาเปตฺวา ปพฺพชิตฺวา ตตฺถ วสึสุ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ตทาปิ โลกํ ทิสฺวาน, อนฺธีภูตํ ตโมตฺถฏํ;
จิตฺตํ ภวโต ปติกุฏติ, ตุตฺตเวคหตํ วิย.
‘‘ทิสฺวาน วิวิธํ ปาปํ, เอวํ จินฺเตสหํ ตทา;
กทาหํ เคหา นิกฺขมฺม, ปวิสิสฺสามิ กานนํ.
‘‘ตทาปิ มํ นิมนฺตึสุ, กามโภเคหิ าตโย;
เตสมฺปิ ฉนฺทมาจิกฺขึ, มา นิมนฺเตถ เตหิ มํ.
‘‘โย ¶ เม กนิฏฺโก ภาตา, นนฺโท นามาสิ ปณฺฑิโต;
โสปิ มํ อนุสิกฺขนฺโต, ปพฺพชฺชํ สมโรจยิ.
‘‘อหํ ¶ โสโณ จ นนฺโท จ, อุโภ มาตาปิตา มม;
ตทาปิ โภเค ฉฑฺเฑตฺวา, ปาวิสิมฺหา มหาวน’’นฺติ.
ตตฺถ ตทาปีติ ยทา อหํ พฺรหฺมวฑฺฒนนคเร โสโณ นาม พฺราหฺมณกุมาโร อโหสึ, ตทาปิ. โลกํ ทิสฺวานาติ สกลมฺปิ สตฺตโลกํ ปฺาจกฺขุนา ปสฺสิตฺวา. อนฺธีภูตนฺติ ปฺาจกฺขุวิรเหน ¶ อนฺธชาตํ อนฺธภาวํ ปตฺตํ. ตโมตฺถฏนฺติ อวิชฺชนฺธกาเรน อภิภูตํ. จิตฺตํ ภวโต ปติกุฏตีติ ชาติอาทิสํเวควตฺถุปจฺจเวกฺขเณน กามาทิภวโต มม จิตฺตํ สงฺกุฏติ สนฺนิลียติ น วิสรติ. ตุตฺตเวคหตํ วิยาติ ตุตฺตํ วุจฺจติ อโยกณฺฏกสีโส ทีฆทณฺโฑ, โย ปโตโทติ วุจฺจติ. เตน เวคสา อภิหโต ยถา หตฺถาชานีโย สํเวคปฺปตฺโต โหติ, เอวํ มม จิตฺตํ ตทา กามาทีนวปจฺจเวกฺขเณน สํเวคปฺปตฺตนฺติ ทสฺเสติ.
ทิสฺวาน วิวิธํ ปาปนฺติ เคหํ อาวสนฺเตหิ ฆราวาสนิมิตฺตํ ฉนฺทโทสาทิวเสน กรียมานํ นานาวิธํ ปาณาติปาตาทิปาปกมฺมฺเจว ตนฺนิมิตฺตฺจ เนสํ ลามกภาวํ ปสฺสิตฺวา. เอวํ จินฺเตสหํ ตทาติ ‘‘กทา นุ โข อหํ มหาหตฺถี วิย อยพนฺธนํ ฆรพนฺธนํ ฉินฺทิตฺวา เคหโต นิกฺขมนวเสน วนํ ปวิสิสฺสามี’’ติ เอวํ ตทา โสณกุมารกาเล จินฺเตสึ อหํ. ตทาปิ มํ นิมนฺตึสูติ น เกวลํ อโยฆรปณฺฑิตาทิกาเลเยว, อถ โข ตทาปิ ตสฺมึ โสณกุมารกาเลปิ มํ มาตาปิตุอาทโย าตโย กามโภคิโน กามชฺฌาสยา ‘‘เอหิ, ตาต, อิมํ อสีติโกฏิธนํ วิภวํ ปฏิปชฺช, กุลวํสํ ปติฏฺาเปหี’’ติ อุฬาเรหิ โภเคหิ นิมนฺตยึสุ. เตสมฺปิ ฉนฺทมาจิกฺขินฺติ เตสมฺปิ มม าตีนํ เตหิ กามโภเคหิ มา มํ นิมนฺตยิตฺถาติ อตฺตโน ฉนฺทมฺปิ อาจิกฺขึ, ปพฺพชฺชาย นินฺนชฺฌาสยมฺปิ กเถสึ, ยถาชฺฌาสยํ ปฏิปชฺชถาติ อธิปฺปาโย.
โสปิ มํ อนุ สิกฺขนฺโตติ ‘‘อิเม กามา นาม อปฺปสฺสาทา พหุทุกฺขา พหูปายาสา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๓๔; ๒.๔๓-๔๕; ปาจิ.๔๑๗) นเยน นานปฺปการํ กาเมสุ อาทีนวํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ยถาหํ สีลาทีนิ สิกฺขนฺโต ปพฺพชฺชํ โรเจสึ. โสปิ นนฺทปณฺฑิโต ¶ ตเถว ตสฺส เนกฺขมฺเมน มํ อนุสิกฺขนฺโต ปพฺพชฺชํ สมโรจยีติ. อหํ โสโณ จ นนฺโท จาติ ตสฺมึ กาเล โสณนามโก อหํ มยฺหํ กนิฏฺภาตา นนฺโท จาติ. อุโภ มาตาปิตา ¶ มมาติ ‘‘อิเม นาม ปุตฺตกา เอวํ ตรุณกาเลปิ กาเม ชหนฺติ, กิมงฺคํ ปน มย’’นฺติ อุปฺปนฺนสํเวคา มาตาปิตโร จ. โภเค ฉฑฺเฑตฺวาติ อสีติโกฏิวิภวสมิทฺเธ มหา โภเค อนเปกฺขจิตฺตา เขฬปิณฺฑํ วิย ปริจฺจชิตฺวา มยํ จตฺตาโรปิ ชนา หิมวนฺตปฺปเทเส มหาวนํ เนกฺขมฺมชฺฌาสเยน ปวิสิมฺหาติ อตฺโถ.
ปวิสิตฺวา จ เต ตตฺถ รมณีเย ภูมิภาเค อสฺสมํ มาเปตฺวา ตาปสปพฺพชฺชาย ปพฺพชิตฺวา ตตฺถ วสึสุ. เต อุโภปิ ภาตโร มาตาปิตโร ปฏิชคฺคึสุ. เตสุ นนฺทปณฺฑิโต ‘‘มยา อาภตผลาผลาเนว มาตาปิตโร ขาทาเปสฺสามี’’ติ หิยฺโย จ ปุริมโคจรคหิตฏฺานโต จ ¶ ยานิ ตานิ อวเสสานิ ผลาผลานิ ปาโตว อาเนตฺวา มาตาปิตโร ขาทาเปติ. เต ตานิ ขาทิตฺวา มุขํ วิกฺขาเลตฺวา อุโปสถิกา โหนฺติ. โสณปณฺฑิโต ปน ทูรํ คนฺตฺวา มธุรมธุรานิ สุปกฺกานิ อาหริตฺวา อุปนาเมติ. อถ นํ เต ‘‘ตาต, กนิฏฺเน อาภตานิ มยํ ขาทิตฺวา อุโปสถิกา ชาตา, อิทานิ โน อตฺโถ นตฺถี’’ติ วทนฺติ. อิติ ตสฺส ผลาผลานิ ปริโภคํ น ลภนฺติ วินสฺสนฺติ, ปุนทิวสาทีสุปิ ตเถวาติ, เอวํ โส ปฺจาภิฺตาย ทูรมฺปิ คนฺตฺวา อาหรติ, เต ปน น ขาทนฺติ.
อถ มหาสตฺโต จินฺเตสิ – ‘‘มาตาปิตโร สุขุมาลา, นนฺโท จ ยานิ ตานิ อปกฺกานิ ทุปฺปกฺกานิ ผลาผลานิ อาหริตฺวา ขาทาเปติ, เอวํ สนฺเต อิเม น จิรํ ปวตฺติสฺสนฺติ, วาเรสฺสามิ น’’นฺติ. อถ นํ อามนฺเตตฺวา ‘‘นนฺท, อิโต ปฏฺาย ผลาผลํ อาหริตฺวา มมาคมนํ ปติมาเนหิ, อุโภ เอกโตว ขาทาเปสฺสามา’’ติ อาห. เอวํ วุตฺเตปิ อตฺตโน ปฺุํ ปจฺจาสีสนฺโต น ตสฺส วจนมกาสิ. มหาสตฺโต ตํ อุปฏฺานํ อาคตํ ‘‘น ตฺวํ ปณฺฑิตานํ วจนํ กโรสิ, อหํ เชฏฺโ, มาตาปิตโร จ มเมว ภาโร, อหเมว เน ปฏิชคฺคิสฺสามิ, ตฺวํ ¶ อิโต อฺตฺถ ยาหี’’ติ ตสฺส อจฺฉรํ ปหริ.
โส เตน ปณามิโต ตตฺถ าตุํ อสกฺโกนฺโต ตํ วนฺทิตฺวา มาตาปิตูนํ ตมตฺถํ อาโรเจตฺวา อตฺตโน ปณฺณสาลํ ปวิสิตฺวา กสิณํ ¶ โอโลเกตฺวา ตํทิวสเมว อฏฺ จ สมาปตฺติโย ปฺจ จ อภิฺาโย นิพฺพตฺเตตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘กึ นุ โข อหํ สิเนรุปาทโต รตนวาลุกํ อาหริตฺวา มม ภาตุ ปณฺณสาลาปริเวณํ อากิริตฺวา ขมาเปสฺสามิ, อุทาหุ อโนตตฺตโต อุทกํ อาหริตฺวา ขมาเปสฺสามิ? อถ วา เม ภาตา เทวตาวเสน ขเมยฺย, จตฺตาโร มหาราชาโน สกฺกฺจ เทวราชานํ อาเนตฺวา ขมาเปสฺสามิ, เอวํ ปน น โสภิสฺสติ, อยํ โข มโนโช พฺรหฺมวฑฺฒนราชา สกลชมฺพุทีเป อคฺคราชา, ตํ อาทึ กตฺวา สพฺเพ ราชาโน อาเนตฺวา ขมาเปสฺสามิ, เอวํ สนฺเต มม ภาตุ คุโณ สกลชมฺพุทีปํ อวตฺถริตฺวา คมิสฺสติ, จนฺโท วิย สูริโย วิย จ ปฺายิสฺสตี’’ติ.
โส ตาวเทว อิทฺธิยา คนฺตฺวา พฺรหฺมวฑฺฒนนคเร ตสฺส รฺโ นิเวสนทฺวาเร โอตริตฺวา ‘‘เอโก ตาปโส ตุมฺเห ทฏฺุกาโม’’ติ รฺโ อาโรจาเปตฺวา เตน กโตกาโส ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘อหํ อตฺตโน พเลน สกลชมฺพุทีเป รชฺชํ คเหตฺวา ตว ทสฺสามี’’ติ. ‘‘กถํ ปน ตุมฺเห, ภนฺเต, สกลชมฺพุทีเป รชฺชํ คเหตฺวา ทสฺสถา’’ติ? ‘‘มหาราช, กสฺสจิ วธจฺเฉทํ อกตฺวา อตฺตโน อิทฺธิยาว คเหตฺวา ทสฺสามี’’ติ มหติยา เสนาย สทฺธึ ตํ อาทาย โกสลรฏฺํ ¶ คนฺตฺวา นครสฺส อวิทูเร ขนฺธาวารํ นิเวเสตฺวา ‘‘ยุทฺธํ วา โน เทตุ, วเส วา วตฺตตู’’ติ โกสลรฺโ ทูตํ ปาเหสิ. เตน กุชฺฌิตฺวา ยุทฺธสชฺเชน หุตฺวา นิกฺขนฺเตน สทฺธึ ยุทฺเธ อารทฺเธ อตฺตโน อิทฺธานุภาเวน ยถา ทฺวินฺนํ เสนานํ ปีฬนํ น โหติ, เอวํ กตฺวา ยถา จ โกสลราชา ตสฺส วเส วตฺตติ, เอวํ วจนปฏิวจนหรเณหิ สํวิทหิ. เอเตนุปาเยน สกลชมฺพุทีเป ราชาโน ตสฺส วเส วตฺตาเปสิ.
โส เตน ปริตุฏฺโ นนฺทปณฺฑิตํ อาห – ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเหหิ ยถา มยฺหํ ปฏิฺาตํ, ตถา กตํ, พหูปการา เม ตุมฺเห, กิมหํ ¶ ตุมฺหากํ กริสฺสามิ, อหฺหิ เต สกลชมฺพุทีเป อุปฑฺฒรชฺชมฺปิ ทาตุํ อิจฺฉามิ, กิมงฺคํ ปน หตฺถิอสฺสรถมณิมุตฺตาปวาฬรชตสุวณฺณทาสิทาสปริชนปริจฺเฉท’’นฺติ? ตํ สุตฺวา นนฺทปณฺฑิโต ‘‘น เม เต, มหาราช, รชฺเชน อตฺโถ, นาปิ หตฺถิยานาทีหิ, อปิ จ โข เต รฏฺเ อสุกสฺมึ นาม อสฺสเม มม มาตาปิตโร ปพฺพชิตฺวา วสนฺติ. ตฺยาหํ อุปฏฺหนฺโต เอกสฺมึ ¶ อปราเธ มม เชฏฺภาติเกน โสณปณฺฑิเตน นาม มเหสินา ปณามิโต, สฺวาหํ ตํ อาทาย ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ขมาเปสฺสามิ, ตสฺส เม ตฺวํ ขมาปเน สหาโย โหหี’’ติ. ราชา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา จตุวีสติอกฺโขภนี ปริมาณาย เสนาย ปริวุโต เอกสตราชูหิ สทฺธึ นนฺทปณฺฑิตํ ปุรกฺขตฺวา ตํ อสฺสมปทํ ปตฺวา จตุรงฺคุลปฺปเทสํ มฺุจิตฺวา อากาเส ิเตน กาเชน อโนตตฺตโต อุทกํ อาหริตฺวา ปานียํ ปฏิสาเมตฺวา ปริเวณํ สมฺมชฺชิตฺวา มาตาปิตูนํ อาสนฺนปฺปเทเส นิสินฺนํ ฌานรติสมปฺปิตํ มหาสตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา นนฺทปณฺฑิโต นํ ขมาเปสิ. มหาสตฺโต นนฺทปณฺฑิตํ มาตรํ ปฏิจฺฉาเปตฺวา อตฺตนา ยาวชีวํ ปิตรํ ปฏิชคฺคิ. เตสํ ปน ราชูนํ –
‘‘อานนฺโท จ ปโมโท จ, สทา หสิตกีฬิตํ;
มาตรํ ปริจริตฺวาน, ลพฺภเมตํ วิชานตา.
‘‘อานนฺโท จ ปโมโท จ, สทา หสิตกีฬิตํ;
ปิตรํ ปริจริตฺวาน, ลพฺภเมตํ วิชานโต.
‘‘ทานฺจ เปยฺยวชฺชฺจ, อตฺถจริยา จ ยา อิธ;
สมานตฺตตา จ ธมฺเมสุ, ตตฺถ ตตฺถ ยถารหํ;
เอเต โข สงฺคหา โลเก, รถสฺสาณีว ยายโต.
‘‘เอเต ¶ จ สงฺคหา นาสฺสุ, น มาตา ปุตฺตการณา;
ลเภถ มานํ ปูชํ วา, ปิตา วา ปุตฺตการณา.
‘‘ยสฺมา จ สงฺคหา เอเต, สมฺมเปกฺขนฺติ ปณฺฑิตา;
ตสฺมา มหตฺตํ ปปฺโปนฺติ, ปาสํสา จ ภวนฺติ เต.
‘‘พฺรหฺมาติ มาตาปิตโร, ปุพฺพาจริยาติ วุจฺจเร;
อาหุเนยฺยา จ ปุตฺตานํ, ปชาย อนุกมฺปกา.
‘‘ตสฺมา หิ เน นมสฺเสยฺย, สกฺกเรยฺย จ ปณฺฑิโต;
อนฺเนน ¶ อถ ปาเนน, วตฺเถน สยเนน จ;
อุจฺฉาทเนน นฺหาปเนน, ปาทานํ โธวเนน จ.
‘‘ตาย นํ ปาริจริยาย, มาตาปิตูสุ ปณฺฑิตา;
อิเธว นํ ปสํสนฺติ, เปจฺจ สคฺเค ปโมทตี’’ติ. (ชา. ๒.๒๐.๑๗๖-๑๘๓) –
พุทฺธลีฬาย ¶ ธมฺมํ เทเสสิ, ตํ สุตฺวา สพฺเพปิ เต ราชาโน สพลกายา ปสีทึสุ. อถ เน ปฺจสุ สีเลสุ ปติฏฺาเปตฺวา ‘‘ทานาทีสุ อปฺปมตฺตา โหถา’’ติ โอวทิตฺวา วิสฺสชฺเชสิ. เต สพฺเพปิ ธมฺเมน รชฺชํ กาเรตฺวา อายุปริโยสาเน เทวนครํ ปูรยึสุ. โพธิสตฺโต ‘‘อิโต ปฏฺาย มาตรํ ปฏิชคฺคาหี’’ติ มาตรํ นนฺทปณฺฑิตํ ปฏิจฺฉาเปตฺวา อตฺตนา ยาวชีวํ ปิตรํ ปฏิชคฺคิ. เต อุโภปิ อายุปริโยสาเน พฺรหฺมโลกปรายนา อเหสุํ.
ตทา มาตาปิตโร มหาราชกุลานิ, นนฺทปณฺฑิโต อานนฺทตฺเถโร, มโนโช ราชา สาริปุตฺตตฺเถโร, เอกสตราชาโน อสีติมหาเถรา เจว อฺตรเถรา จ, จตุวีสติอกฺโขภนีปริสา พุทฺธปริสา, โสณปณฺฑิโต โลกนาโถ.
ตสฺส กิฺจาปิ สาติสยา เนกฺขมฺมปารมี, ตถาปิ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว เสสปารมิโย จ นิทฺธาเรตพฺพา. ตถา อจฺจนฺตเมว กาเมสุ อนเปกฺขตา, มาตาปิตูสุ ติพฺโพ สคารวสปฺปติสฺสภาโว ¶ , มาตาปิตุอุปฏฺาเนน อติตฺติ, สติปิ เนสํ อุปฏฺาเน สพฺพกาลํ สมาปตฺติวิหาเรหิ วีตินามนนฺติ เอวมาทโย มหาสตฺตสฺส คุณานุภาวา วิภาเวตพฺพาติ.
โสณปณฺฑิตจริยาวณฺณนา นิฏฺิตา.
เนกฺขมฺมปารมี นิฏฺิตา.
๖. เตมิยจริยาวณฺณนา
๔๘. ฉฏฺเ กาสิราชสฺส อตฺรโชติ กาสิรฺโ อตฺรโช ปุตฺโต ยทา โหมิ, ตทา มูคปกฺโขติ นาเมน, เตมิโยติ วทนฺติ มนฺติ เตมิโยติ นาเมน มูคปกฺขวตาธิฏฺาเนน ‘‘มูคปกฺโข’’ติ มาตาปิตโร อาทึ กตฺวา สพฺเพว มํ วทนฺตีติ สมฺพนฺโธ. มหาสตฺตสฺส หิ ชาตทิวเส สกลกาสิรฏฺเ ¶ เทโว วสฺสิ, ยสฺมา จ โส รฺโ เจว อมจฺจาทีนฺจ หทยํ อุฬาเรน ปีติสิเนเหน เตมยมาโน อุปฺปนฺโน, ตสฺมา ‘‘เตมิยกุมาโร’’ติ นามํ อโหสิ.
๔๙. โสฬสิตฺถิสหสฺสานนฺติ ¶ โสฬสนฺนํ กาสิรฺโ อิตฺถาคารสหสฺสานํ. น วิชฺชติ ปุโมติ ปุตฺโต น ลพฺภติ. น เกวลฺจ ปุตฺโต เอว, ธีตาปิสฺส นตฺถิ เอว. อโหรตฺตานํ อจฺจเยน, นิพฺพตฺโต อหเมกโกติ อปุตฺตกสฺเสว ตสฺส รฺโ พหูนํ สํวจฺฉรานํ อตีตตฺตา อเนเกสํ อโหรตฺตานํ อปคมเนน สกฺกทตฺติโย อหเมกโกว โพธิปริเยสนํ จรมาโน, ตทา ตสฺส ปุตฺโต หุตฺวา อุปฺปนฺโนติ สตฺถา วทติ.
ตตฺรายํ อนุปุพฺพิกถา – อตีเต พาราณสิยํ กาสิราชา รชฺชํ กาเรสิ. ตสฺส โสฬสสหสฺสา อิตฺถิโย อเหสุํ. ตาสุ เอกาปิ ปุตฺตํ วา ธีตรํ วา น ลภติ. นาครา ‘‘อมฺหากํ รฺโ วํสานุรกฺขโก เอโกปิ ปุตฺโต นตฺถี’’ติ วิปฺปฏิสารี ชาตา สนฺนิปติตฺวา ราชานํ ‘‘ปุตฺตํ ปตฺเถหี’’ติ อาหํสุ. ราชา โสฬสสหสฺสา อิตฺถิโย ‘‘ปุตฺตํ ปตฺเถถา’’ติ อาณาเปสิ. ตา จนฺทาทีนํ อุปฏฺานาทีนิ กตฺวา ปตฺเถนฺติโยปิ น ลภึสุ. อคฺคมเหสี ปนสฺส มทฺทราชธีตา จนฺทาเทวี นาม สีลสมฺปนฺนา อโหสิ. ราชา ‘‘ตฺวมฺปิ ปุตฺตํ ปตฺเถหี’’ติ อาห. สา ปุณฺณมทิวเส อุโปสถิกา หุตฺวา อตฺตโน สีลํ อาวชฺเชตฺวา ‘‘สจาหํ อขณฺฑสีลา, อิมินา เม สจฺเจน ปุตฺโต อุปฺปชฺชตู’’ติ สจฺจกิริยมกาสิ. ตสฺสา สีลเตเชน สกฺกสฺส อาสนํ ¶ อุณฺหาการํ ทสฺเสสิ. สกฺโก อาวชฺเชนฺโต ตํ การณํ ตฺวา ‘‘จนฺทาเทวิยา ปุตฺตปฏิลาภสฺส อุปายํ กริสฺสามี’’ติ ตสฺสา อนุจฺฉวิกํ ปุตฺตํ อุปธาเรนฺโต โพธิสตฺตํ ตาวตึสภวเน นิพฺพตฺติตฺวา ตตฺถ ยาวตายุกํ ตฺวา ตโต จวิตฺวา อุปริเทวโลเก อุปฺปชฺชิตุกามํ ทิสฺวา ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘สมฺม, ตยิ มนุสฺสโลเก อุปฺปนฺเน ปารมิโย จ เต ปูเรสฺสนฺติ, มหาชนสฺส จ วุฑฺฒิ ภวิสฺสติ, อยํ กาสิรฺโ จนฺทา นาม อคฺคมเหสี ปุตฺตํ ปตฺเถติ, ตสฺสา ¶ กุจฺฉิยํ อุปฺปชฺชาหี’’ติ อาห.
โส ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา ตสฺสา กุจฺฉิยํ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. ตสฺส สหายา ปฺจสตา เทวปุตฺตา ขีณายุกา เทวโลกา จวิตฺวา ตสฺเสว รฺโ อมจฺจภริยานํ กุจฺฉีสุ ปฏิสนฺธึ คณฺหึสุ. เทวี คพฺภสฺส ปติฏฺิตภาวํ ตฺวา รฺโ อาโรเจสิ. ราชา คพฺภปริหารํ ทาเปสิ. สา ปริปุณฺณคพฺภา ธฺปฺุลกฺขณสมฺปนฺนํ ปุตฺตํ วิชายิ. ตํทิวสเมว อมจฺจเคเหสุ ¶ ปฺจกุมารสตานิ วิชายึสุ. อุภยมฺปิ สุตฺวา ราชา ‘‘มม ปุตฺตสฺส ปริวารา เอเต’’ติ ปฺจนฺนํ ทารกสตานํ ปฺจธาติสตานิ เปเสตฺวา กุมารปสาธนานิ จ เปเสสิ. มหาสตฺตสฺส ปน อติทีฆาทิโทสวิวชฺชิตา อลมฺพตฺถนา มธุรถฺา จตุสฏฺิธาติโย ทตฺวา มหนฺตํ สกฺการํ กตฺวา จนฺทาเทวิยาปิ วรํ อทาสิ. สา คหิตกํ กตฺวา เปสิ. ทารโก มหตา ปริวาเรน วฑฺฒติ. อถ นํ เอกมาสิกํ อลงฺกริตฺวา รฺโ สนฺติกํ อานยึสุ. ราชา ปิยปุตฺตํ โอโลเกตฺวา อาลิงฺคิตฺวา องฺเก นิสีทาเปตฺวา รมยมาโน นิสีทิ.
๕๐. ตสฺมึ ขเณ จตฺตาโร โจรา อานีตา. ราชา เตสุ เอกสฺส สกณฺฏกาหิ กสาหิ ปหารสหสฺสํ อาณาเปสิ, เอกสฺส สงฺขลิกาย พนฺธิตฺวา พนฺธนาคารปฺปเวสนํ, เอกสฺส สรีเร สตฺติปฺปหารทานํ, เอกสฺส สูลาโรปนํ. มหาสตฺโต ปิตุ กถํ สุตฺวา สํเวคปฺปตฺโต หุตฺวา ‘‘อโห มม ปิตา รชฺชํ นิสฺสาย ภาริยํ นิรยคามิกมฺมํ กโรตี’’ติ จินฺเตสิ. ปุนทิวเส นํ เสตจฺฉตฺตสฺส เหฏฺา อลงฺกตสิริสยเน นิปชฺชาเปสุํ.
โส โถกํ นิทฺทายิตฺวา ปฏิพุทฺโธ อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา เสตจฺฉตฺตํ โอโลเกนฺโต มหนฺตํ สิริวิภวํ ปสฺสิ. อถสฺส ปกติยาปิ สํเวคปฺปตฺตสฺส อติเรกตรํ ภยํ อุปฺปชฺชิ. โส ‘‘กุโต นุ โข อหํ อิมํ ราชเคหํ อาคโต’’ติ อุปธาเรนฺโต ชาติสฺสราเณน เทวโลกโต อาคตภาวํ ตฺวา ตโต ปรํ โอโลเกนฺโต อุสฺสทนิรเย ปกฺกภาวํ ¶ ปสฺสิ. ตโต ปรํ โอโลเกนฺโต ตสฺมึเยว นคเร ราชภาวํ ปสฺสิ. อถ โส ‘‘อหํ วีสติวสฺสานิ รชฺชํ กาเรตฺวา ¶ อสีติวสฺสสหสฺสานิ อุสฺสทนิรเย ปจฺจึ, อิทานิ ปุนปิ อิมสฺมึ โจรเคเห นิพฺพตฺโตสฺมิ, ปิตาปิ เม หิยฺโย จตูสุ โจเรสุ อานีเตสุ ตถารูปํ ผรุสํ นิรยสํวตฺตนิกํ กถํ กเถสิ. น เม อิมินา อวิทิตวิปุลานตฺถาวเหน รชฺเชน อตฺโถ, กถํ นุ โข อิมมฺหา โจรเคหา มุจฺเจยฺย’’นฺติ จินฺเตนฺโต นิปชฺชิ. อถ นํ เอกา เทวธีตา ‘‘ตาต เตมิยกุมาร, มา ภายิ, ตีณิ องฺคานิ อธิฏฺหิตฺวา ตว โสตฺถิ ภวิสฺสตี’’ติ สมสฺสาเสสิ. ตํ สุตฺวา มหาสตฺโต รชฺชสงฺขาตา ¶ อนตฺถโต มุจฺจิตุกาโม โสฬสสํวจฺฉรานิ ตีณิ องฺคานิ อจลาธิฏฺานวเสน อธิฏฺหิ. เตน วุตฺตํ ‘‘กิจฺฉาลทฺธํ ปิยํ ปุตฺต’’นฺติอาทิ.
ตตฺถ กิจฺฉาลทฺธนฺติ กิจฺเฉน กสิเรน จิรกาลปตฺถนาย ลทฺธํ. อภิชาตนฺติ ชาติสมฺปนฺนํ. กายชุติยา เจว าณชุติยา จ สมนฺนาคตตฺตา ชุตินฺธรํ. เสตจฺฉตฺตํ ธารยิตฺวาน, สยเน โปเสติ มํ ปิตาติ ปิตา เม กาสิราชา ‘‘มา นํ กุมารํ รโช วา อุสฺสาโว วา’’ติ ชาตกาลโต ปฏฺาย เสตจฺฉตฺตสฺส เหฏฺา สิริสยเน สยาเปตฺวา มหนฺเตน ปริวาเรน มํ โปเสติ.
๕๑. นิทฺทายมาโน สยนวเร ปพุชฺฌิตฺวา อหํ โอโลเกนฺโต ปณฺฑรํ เสตจฺฉตฺตํ อทฺทสํ. เยนาหํ นิรยํ คโตติ เยน เสตจฺฉตฺเตน ตโต ตติเย อตฺตภาเว อหํ นิรยํ คโต, เสตจฺฉตฺตสีเสน รชฺชํ วทติ.
๕๒. สห ทิฏฺสฺส เม ฉตฺตนฺติ ตํ เสตจฺฉตฺตํ ทิฏฺสฺส ทิฏฺวโต เม สห เตน ทสฺสเนน, ทสฺสนสมกาลเมวาติ อตฺโถ. ตาโส อุปฺปชฺชิ เภรโวติ สุปริวิทิตาทีนวตฺตา ภยานโก จิตฺตุตฺราโส อุทปาทิ. วินิจฺฉยํ สมาปนฺโน, กถาหํ อิมํ มฺุจิสฺสนฺติ กถํ นุ โข อหํ อิมํ รชฺชํ กาฬกณฺณึ มฺุเจยฺยนฺติ เอวํ วิจารณํ อาปชฺชึ.
๕๓. ปุพฺพสาโลหิตา มยฺหนฺติ ปุพฺเพ เอกสฺมึ อตฺตภาเว มม มาตุภูตปุพฺพา ตสฺมึ ฉตฺเต อธิวตฺถา เทวตา มยฺหํ อตฺถกามินี หิเตสินี. สา มํ ทิสฺวาน ทุกฺขิตํ, ตีสุ าเนสุ โยชยีติ สา เทวตา มํ ตถา ¶ เจโตทุกฺเขน ทุกฺขิตํ ทิสฺวา มูคปกฺขพธิรภาวสงฺขาเตสุ ตีสุ รชฺชทุกฺขโต นิกฺขมนการเณสุ โยเชสิ.
๕๔. ปณฺฑิจฺจยนฺติ ปณฺฑิจฺจํ, อยเมว วา ปาโ. มา วิภาวยาติ มา ปกาเสหิ. พาลมโตติ พาโลติ าโต. สพฺโพติ สกโล อนฺโตชโน เจว พหิชโน จ. โอจินายตูติ นีหรเถตํ ¶ กาฬกณฺณินฺติ อวชานาตุ. เอวํ ตว อตฺโถ ภวิสฺสตีติ เอวํ ยถาวุตฺตนเยน อวชานิตพฺพภาเว สติ ตุยฺหํ เคหโต นิกฺขมเนน หิตํ ปารมิปริปูรณํ ภวิสฺสติ.
๕๕. เตตํ ¶ วจนนฺติ เต เอตํ ตีณิ องฺคานิ อธิฏฺาหีติ วจนํ. อตฺถกามาสิ เม อมฺมาติ อมฺม เทวเต, มม อตฺถกามา อสิ. หิตกามาติ ตสฺเสว ปริยายวจนํ. อตฺโถติ วา เอตฺถ สุขํ เวทิตพฺพํ. หิตนฺติ ตสฺส การณภูตํ ปฺุํ.
๕๖. สาคเรว ถลํ ลภินฺติ โจรเคเห วตาหํ ชาโต, อหุ เม มหาวตานตฺโถติ โสกสาคเร โอสีทนฺโต ตสฺสา เทวตาย อหํ วจนํ สุตฺวา สาคเร โอสีทนฺโต วิย ถลํ ปติฏฺํ อลภึ, รชฺชกุลโต นิกฺขมโนปายํ อลภินฺติ อตฺโถ. ตโย องฺเค อธิฏฺหินฺติ ยาว เคหโต นิกฺขมึ, ตาว ตีณิ องฺคานิ การณานิ อธิฏฺหึ.
๕๗. อิทานิ ตานิ สรูปโต ทสฺเสตุํ ‘‘มูโค อโหสิ’’นฺติ คาถมาห. ตตฺถ ปกฺโขติ ปีสปฺปิ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
เอวํ ปน มหาสตฺเต เทวตาย ทินฺนนเย ตฺวา ชาตวสฺสโต ปฏฺาย มูคาทิภาเวน อตฺตานํ ทสฺเสนฺเต มาตาปิตโร ธาติอาทโย จ ‘‘มูคานํ หนุปริโยสานํ นาม เอวรูปํ น โหติ, พธิรานํ กณฺณโสตํ นาม เอวรูปํ น โหติ, ปีสปฺปีนํ หตฺถปาทา นาม เอวรูปา น โหนฺติ, ภวิตพฺพเมตฺถ การเณน, วีมํสิสฺสาม น’’นฺติ จินฺเตตฺวา ‘‘ขีเรน ตาว วีมํสิสฺสามา’’ติ สกลทิวสํ ขีรํ น เทนฺติ. โส สุสฺสนฺโตปิ ขีรตฺถาย สทฺทํ น กโรติ.
อถสฺส มาตา ‘‘ปุตฺโต เม ฉาโต, ขีรมสฺส เทถา’’ติ ขีรํ ทาเปสิ. เอวํ อนฺตรนฺตรา ขีรํ อทตฺวา เอกสํวจฺฉรํ วีมํสนฺตาปิ อนฺตรํ น ปสฺสึสุ. ตโต ‘‘กุมารกา นาม ปูวขชฺชกํ ปิยายนฺติ, ผลาผลํ ปิยายนฺติ, กีฬนภณฺฑกํ ปิยายนฺติ, โภชนํ ปิยายนฺตี’’ติ ตานิ ตานิ ปโลภนียานิ อุปเนตฺวา วีมํสนวเสน ปโลเภนฺตา ยาว ปฺจวสฺสกาลา อนฺตรํ น ปสฺสึสุ. อถ นํ ‘‘ทารกา นาม ¶ อคฺคิโต ภายนฺติ, มตฺตหตฺถิโต ภายนฺติ, สปฺปโต ภายนฺติ, อุกฺขิตฺตาสิกปุริสโต ภายนฺติ, เตหิ วีมํสิสฺสามา’’ติ ยถา เตหิสฺส อนตฺโถ น ชายติ, ตถา ปุริมเมว สํวิทหิตฺวา อติภยานกากาเรน อุปคจฺฉนฺเต กาเรสุํ.
มหาสตฺโต ¶ ¶ นิรยภยํ อาวชฺเชตฺวา ‘‘อิโต สตคุเณน สหสฺสคุเณน สตสหสฺสคุเณน นิรโย ภายิตพฺโพ’’ติ นิจฺจโลว โหติ. เอวมฺปิ วีมํสิตฺวา อนฺตรํ น ปสฺสนฺตา ปุน ‘‘ทารกา นาม สมชฺชตฺถิกา โหนฺตี’’ติ สมชฺชํ กาเรตฺวาปิ มหาสตฺตํ สาณิยา ปริกฺขิปิตฺวา อชานนฺตสฺเสว จตูสุ ปสฺเสสุ สงฺขสทฺเทหิ เภริสทฺเทหิ จ สหสา เอกนินฺนาทํ กาเรตฺวาปิ อนฺธกาเร ฆเฏหิ ทีปํ อุปเนตฺวา สหสา อาโลกํ ทสฺเสตฺวาปิ สกลสรีรํ ผาณิเตน มกฺเขตฺวา พหุมกฺขิเก าเน นิปชฺชาเปตฺวาปิ นฺหาปนาทีนิ อกตฺวา อุจฺจารปสฺสาวมตฺถเก นิปนฺนํ อชฺฌุเปกฺขิตฺวาปิ ตตฺถ จ ปลิปนฺนํ สยมานํ ปริหาเสหิ อกฺโกสเนหิ จ ฆฏฺเฏตฺวาปิ เหฏฺามฺเจ อคฺคิกปลฺลํ กตฺวา อุณฺหสนฺตาเปน ปีเฬตฺวาปีติ เอวํ นานาวิเธหิ อุปาเยหิ วีมํสนฺตาปิสฺส อนฺตรํ น ปสฺสึสุ.
มหาสตฺโต หิ สพฺพตฺถ นิรยภยเมว อาวชฺเชตฺวา อธิฏฺานํ อวิโกเปนฺโต นิจฺจโลว อโหสิ. เอวํ ปนฺนรสวสฺสานิ วีมํสิตฺวา อถ โสฬสวสฺสกาเล ‘‘ปีสปฺปิโน วา โหนฺตุ มูคพธิรา วา รชนีเยสุ อรชฺชนฺตา ทุสฺสนีเยสุ อทุสฺสนฺตา นาม นตฺถีติ นาฏกานิสฺส ปจฺจุปฏฺเปตฺวา วีมํสิสฺสามา’’ติ กุมารํ คนฺโธทเกน นฺหาเปตฺวา เทวปุตฺตํ วิย อลงฺกริตฺวา เทววิมานกปฺปํ ปุปฺผคนฺธทามาทีหิ เอกาโมทปโมทํ ปาสาทํ อาโรเปตฺวา อุตฺตมรูปธรา ภาววิลาสสมฺปนฺนา เทวจฺฉราปฏิภาคา อิตฺถิโย อุปฏฺเปสุํ – ‘‘คจฺฉถ นจฺจาทีหิ กุมารํ อภิรมาเปถา’’ติ. ตา อุปคนฺตฺวา ตถา กาตุํ วายมึสุ. โส พุทฺธิสมฺปนฺนตาย ‘‘อิมา เม สรีรสมฺผสฺสํ มา วินฺทึสู’’ติ อสฺสาสปสฺสาเส นิรุนฺธิ. ตา ตสฺส สรีรสมฺผสฺสํ อวินฺทนฺติโย ‘‘ถทฺธสรีโร เอส, นายํ มนุสฺโส, ยกฺโข ภวิสฺสตี’’ติ ปกฺกมึสุ.
เอวํ โสฬส วสฺสานิ โสฬสหิ มหาวีมํสาหิ อเนกาหิ จ ขุทฺทกวีมํสาหิ ปริคฺคณฺหิตุํ อสกฺกุณิตฺวา มาตาปิตโร ‘‘ตาต, เตมิยกุมาร, มยํ ตว อมูคาทิภาวํ ชานาม, น หิ เตสํ เอวรูปานิ มุขกณฺณโสตปาทานิ โหนฺติ, ตฺวํ อมฺเหหิ ¶ ปตฺเถตฺวา ลทฺธปุตฺตโก, มา โน นาเสหิ, สกลชมฺพุทีเป ราชูนํ สนฺติกา ครหโต โมเจหี’’ติ สห วิสุํ วิสฺุจ อเนกวารํ ยาจึสุ. โส เตหิ เอวํ ยาจิยมาโนปิ อสุณนฺโต วิย หุตฺวา นิปชฺชิ.
๕๘. อถ ¶ ราชา มหาสตฺตสฺส อุโภ ปาเท กณฺณโสเต ชิวฺหํ อุโภ จ หตฺเถ กุสเลหิ ปุริเสหิ วีมํสาเปตฺวา ‘‘ยทิปิ อปีสปฺปิอาทีนํ วิยสฺส ปาทาทโย, ตถาปิ อยํ ปีสปฺปิ มูคพธิโร มฺเ, อีทิเส กาฬกณฺณิปุริเส อิมสฺมึ เคเห วสนฺเต ตโย อนฺตรายา ปฺายนฺติ ¶ ชีวิตสฺส วา ฉตฺตสฺส วา มเหสิยา วา’’ติ ลกฺขณปาเกหิ อิทานิ กถิตํ. ชาตทิวเส ปน ‘‘ตุมฺหากํ โทมนสฺสปริหรณตฺถํ ‘ธฺปฺุลกฺขโณ’ติ วุตฺต’’นฺติ อมจฺเจหิ อาโรจิตํ สุตฺวา อนฺตรายภเยน ภีโต ‘‘คจฺฉถ นํ อวมงฺคลรเถ นิปชฺชาเปตฺวา ปจฺฉิมทฺวาเรน นีหราเปตฺวา อามกสุสาเน นิขณถา’’ติ อาณาเปสิ. ตํ สุตฺวา มหาสตฺโต หฏฺโ อุทคฺโค อโหสิ – ‘‘จิรสฺสํ วต เม มโนรโถ มตฺถกํ ปาปุณิสฺสตี’’ติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ตโต เม หตฺถปาเท จา’’ติอาทิ.
ตตฺถ มทฺทิยาติ มทฺทนวเสน วีมํสิตฺวา. อนูนตนฺติ หตฺถาทีหิ อวิกลตํ. นินฺทิสุนฺติ ‘‘เอวํ อนูนาวยโวปิ สมาโน มูคาทิ วิย ทิสฺสมาโน ‘‘รชฺชํ กาเรตุํ อภพฺโพ, กาฬกณฺณิปุริโส อย’’นฺติ ครหึสุ. ‘‘นิทฺทิสุ’’นฺติปิ ปาโ, วทึสูติ อตฺโถ.
๕๙. ฉฑฺฑนํ อนุโมทิสุนฺติ ราชทสฺสนตฺถํ อาคตา สพฺเพปิ ชนปทวาสิโน เสนาปติปุโรหิตปฺปมุขา ราชปุริสา เต สพฺเพปิ เอกมนา สมานจิตฺตา หุตฺวา อนฺตรายปริหรณตฺถํ รฺา อาณตฺตา ภูมิยํ นิขณนวเสน มม ฉฑฺฑนํ มุขสงฺโกจํ อกตฺวา อภิมุขภาเวน สาธุ สุฏฺุ อิทํ กตฺตพฺพเมวาติ อนุโมทึสุ.
๖๐. โส เม อตฺโถ สมิชฺฌถาติ ยสฺสตฺถาย ยทตฺถํ ตโต มูคาทิภาวาธิฏฺานวเสน ทุกฺกรจรณํ จิณฺณํ จริตํ, โส อตฺโถ มม สมิชฺฌติ. เตสํ มม มาตาปิตุอาทีนํ มตึ อธิปฺปายํ สุตฺวา โส อหํ มม อธิปฺปายสมิชฺฌเนน หฏฺโ อนุปธาเรตฺวา ภูมิยํ นิขณนานุชานเนน สํวิคฺคมานโสว อโหสินฺติ วจนเสเสน สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ.
๖๑. เอวํ ¶ กุมารสฺส ภูมิยํ นิขณเน รฺา อาณตฺเต จนฺทาเทวี ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘เทว, ตุมฺเหหิ มยฺหํ วโร ทินฺโน, มยา ¶ จ คหิตกํ กตฺวา ปิโต, ตํ เม อิทานิ เทถา’’ติ. ‘‘คณฺห, เทวี’’ติ. ‘‘ปุตฺตสฺส เม รชฺชํ เทถา’’ติ. ‘‘ปุตฺโต เต กาฬกณฺณี, น สกฺกา ทาตุ’’นฺติ. ‘‘เตน หิ, เทว, ยาวชีวํ อเทนฺโต สตฺต วสฺสานิ เทถา’’ติ. ‘‘ตมฺปิ น สกฺกา’’ติ. ‘‘ฉ วสฺสานิ, ปฺจจตฺตาริตีณิทฺเวเอกํ วสฺสํ, สตฺต มาเส, ฉปฺจจตฺตาโรตโยทฺเวเอกํ มาสํอทฺธมาสํสตฺตาหํ เทถา’’ติ. สาธุ คณฺหาติ.
สา ปุตฺตํ อลงฺการาเปตฺวา ‘‘เตมิยกุมารสฺส อิทํ รชฺช’’นฺติ นคเร เภรึ จราเปตฺวา นครํ อลงฺการาเปตฺวา ปุตฺตํ หตฺถิกฺขนฺธํ อาโรเปตฺวา เสตจฺฉตฺตํ มตฺถเก การาเปตฺวา นครํ ปทกฺขิณํ กตฺวา ¶ อาคตํ อลงฺกตสิริสยเน นิปชฺชาเปตฺวา สพฺพรตฺตึ ยาจิ – ‘‘ตาต เตมิย, ตํ นิสฺสาย โสฬส วสฺสานิ นิทฺทํ อลภิตฺวา โรทมานาย เม อกฺขีนิ อุปฺปกฺกานิ, โสเกน หทยํ ภิชฺชติ วิย, ตว อปีสปฺปิอาทิภาวํ ชานามิ, มา มํ อนาถํ กรี’’ติ. อิมินา นิยาเมน ฉ ทิวเส ยาจิ. ฉฏฺเ ทิวเส ราชา สุนนฺทํ นาม สารถึ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สฺเว ปาโตว อวมงฺคลรเถน กุมารํ นีหริตฺวา อามกสุสาเน ภูมิยํ นิขณิตฺวา ปถวิวฑฺฒนกกมฺมํ กตฺวา เอหี’’ติ อาห. ตํ สุตฺวา เทวี ‘‘ตาต, กาสิราชา ตํ สฺเว อามกสุสาเน นิขณิตุํ อาณาเปสิ. สฺเว มรณํ ปาปุณิสฺสตี’’ติ อาห.
มหาสตฺโต ตํ สุตฺวา ‘‘เตมิย, โสฬส วสฺสานิ ตยา กโต วายาโม มตฺถกํ ปตฺโต’’ติ หฏฺโ อุทคฺโค อโหสิ. มาตุยา ปนสฺส หทยํ ภิชฺชนาการํ วิย อโหสิ. อถ ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน ปาโตว สารถิ รถํ อาทาย ทฺวาเร เปตฺวา สิริคพฺภํ ปวิสิตฺวา ‘‘เทวิ, มา มยฺหํ กุชฺฌิ, รฺโ อาณา’’ติ ปุตฺตํ อาลิงฺคิตฺวา นิปนฺนํ เทวึ ปิฏฺิหตฺเถน อปเนตฺวา กุมารํ อุกฺขิปิตฺวา ปาสาทา โอตริ. เทวี อุรํ ปหริตฺวา มหาสทฺเทน ปริเทวิตฺวา มหาตเล โอหียิ.
อถ นํ มหาสตฺโต โอโลเกตฺวา ‘‘มยิ อกเถนฺเต มาตุ โสโก พลวา ภวิสฺสตี’’ติ กเถตุกาโม หุตฺวาปิ ‘‘สเจ กเถสฺสามิ โสฬส วสฺสานิ กโต ¶ วายาโม โมโฆ ภวิสฺสติ, อกเถนฺโต ปนาหํ อตฺตโน จ มาตาปิตูนฺจ ปจฺจโย ภวิสฺสามี’’ติ อธิวาเสสิ. สารถิ ‘‘มหาสตฺตํ รถํ อาโรเปตฺวา ปจฺฉิมทฺวาราภิมุขํ ¶ รถํ เปเสสฺสามี’’ติ ปาจีนทฺวาราภิมุขํ เปเสสิ. รโถ นครา นิกฺขมิตฺวา เทวตานุภาเวน ติโยชนฏฺานํ คโต. มหาสตฺโต สุฏฺุตรํ ตุฏฺจิตฺโต อโหสิ. ตตฺถ วนฆฏํ สารถิสฺส อามกสุสานํ วิย อุปฏฺาสิ. โส ‘‘อิทํ านํ สุนฺทร’’นฺติ รถํ โอกฺกมาเปตฺวา มคฺคปสฺเส เปตฺวา รถา โอรุยฺห มหาสตฺตสฺส อาภรณภณฺฑํ โอมฺุจิตฺวา ภณฺฑิกํ กตฺวา เปตฺวา กุทาลํ อาทาย อวิทูเร อาวาฏํ ขณิตุํ อารภิ. เตน วุตฺตํ ‘‘นฺหาเปตฺวา อนุลิมฺปิตฺวา’’ติอาทิ.
ตตฺถ นฺหาเปตฺวาติ โสฬสหิ คนฺโธทกฆเฏหิ นฺหาเปตฺวา. อนุลิมฺปิตฺวาติ สุรภิวิเลปเนน วิลิมฺเปตฺวา. เวเตฺวา ราชเวนนฺติ กาสิราชูนํ ปเวณิยาคตํ ราชมกุฏํ สีเส ปฏิมฺุจิตฺวา. อภิสิฺจิตฺวาติ ตสฺมึ ราชกุเล ราชาภิเสกนิยาเมน อภิสิฺจิตฺวา. ฉตฺเตน กาเรสุํ ปุรํ ปทกฺขิณนฺติ เสตจฺฉตฺเตน ธาริยมาเนน มํ นครํ ปทกฺขิณํ กาเรสุํ.
๖๒. สตฺตาหํ ธารยิตฺวานาติ มยฺหํ มาตุ จนฺทาเทวิยา วรลาภนวเสน ลทฺธํ สตฺตาหํ มม เสตจฺฉตฺตํ ¶ ธารยิตฺวา. อุคฺคเต รวิมณฺฑเลติ ตโต ปุนทิวเส สูริยมณฺฑเล อุคฺคตมตฺเต อวมงฺคลรเถน มํ นครโต นีหริตฺวา ภูมิยํ นิขณนตฺถํ สารถิ สุนนฺโท วนมุปคจฺฉิ.
๖๓. สชฺชสฺสนฺติ สนฺนทฺโธ อสฺสํ, ยุเค โยชิตสฺสํ เม รถํ มคฺคโต อุกฺกมาปนวเสน เอโกกาเส กตฺวา. หตฺถมุจฺจิโตติ มุจฺจิตหตฺโถ, รถปาจนโต มุตฺตหตฺโถติ อตฺโถ. อถ วา หตฺถมุจฺจิโตติ หตฺถมุตฺโต มม หตฺถโต มุจฺจิตฺวาติ อตฺโถ. กาสุนฺติ อาวาฏํ. นิขาตุนฺติ นิขณิตุํ.
๖๔-๕. อิทานิ ยทตฺถํ มยา โสฬส วสฺสานิ มูควตาทิอธิฏฺาเนน ทุกฺกรจริยา ¶ อธิฏฺิตา, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘อธิฏฺิตมธิฏฺาน’’นฺติ คาถาทฺวยมาห.
ตตฺถ ตชฺเชนฺโต วิวิธการณาติ ทฺวิมาสิกกาลโต ปฏฺาย ยาว โสฬสสํวจฺฉรา ถฺปฏิเสธนาทีหิ วิวิเธหิ นานปฺปกาเรหิ การเณหิ ตชฺชยนฺโต ภยวิทฺธํสนวเสน วิเหิยมาโน. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
อถ ¶ มหาสตฺโต สุนนฺเท กาสุํ ขณนฺเต ‘‘อยํ เม วายามกาโล’’ติ อุฏฺาย อตฺตโน หตฺถปาเท สมฺพาหิตฺวา รถา โอตริตุํ เม พลํ อตฺถีติ ตฺวา จิตฺตํ อุปฺปาเทสิ. ตาวเทวสฺส ปาทปติฏฺานฏฺานํ วาตปุณฺณภสฺตจมฺมํ วิย อุคฺคนฺตฺวา รถสฺส ปจฺฉิมนฺตํ อาหจฺจ อฏฺาสิ. โส โอตริตฺวา กติปเย วาเร อปราปรํ จงฺกมิตฺวา ‘‘โยชนสตมฺปิ คนฺตุํ เม พลํ อตฺถี’’ติ ตฺวา รถํ ปจฺฉิมนฺเต คเหตฺวา กุมารกานํ กีฬนยานกํ วิย อุกฺขิปิตฺวา ‘‘สเจ สารถิ มยา สทฺธึ ปฏิวิรุชฺเฌยฺย, อตฺถิ เม ปฏิวิรุชฺฌิตุํ พล’’นฺติ สลฺลกฺเขตฺวา ปสาธนตฺถาย จิตฺตํ อุปฺปาเทสิ. ตงฺขณฺเว สกฺกสฺส ภวนํ อุณฺหาการํ ทสฺเสสิ. สกฺโก ตํ การณํ ตฺวา วิสฺสกมฺมํ อาณาเปสิ – ‘‘คจฺฉ กาสิราชปุตฺตํ อลงฺกโรหี’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ วตฺวา ทิพฺเพหิ จ มานุเสหิ จ อลงฺกาเรหิ สกฺกํ วิย ตํ อลงฺกริ. โส เทวราชลีฬาย สารถิสฺส ขณโนกาสํ คนฺตฺวา อาวาฏตีเร ตฺวา –
‘‘กินฺนุ สนฺตรมาโนว, กาสุํ ขณสิ สารถิ;
ปุฏฺโ เม สมฺม อกฺขาหิ, กึ กาสุยา กริสฺสสี’’ติ. (ชา. ๒.๒๒.๓) –
อาห.
เตน ¶ อุทฺธํ อโนโลเกตฺวาว –
‘‘รฺโ มูโค จ ปกฺโข จ, ปุตฺโต ชาโต อเจตโส;
โสมฺหิ รฺา สมชฺฌิฏฺโ, ปุตฺตํ เม นิขณํ วเน’’ติ. (ชา. ๒.๒๒.๔) –
วุตฺเต มหาสตฺโต –
‘‘น ¶ พธิโร น มูโคสฺมิ, น ปกฺโข น จ วีกโล;
อธมฺมํ สารถิ กยิรา, มํ เจ ตฺวํ นิขณํ วเน.
‘‘อูรู พาหฺุจ เม ปสฺส, ภาสิตฺจ สุโณหิ เม;
อธมฺมํ สารถิ กยิรา, มํ เจ ตฺวํ นิขณํ วเน’’ติ. (ชา. ๒.๒๒.๕-๖) –
วตฺวา ปุน เตน อาวาฏขณนํ ปหาย อุทฺธํ โอโลเกตฺวา ตสฺส รูปสมฺปตฺตึ ทิสฺวา ‘‘มนุสฺโส วา เทโว วา’’ติ อชานนฺเตน –
‘‘เทวตา นุสิ คนฺธพฺโพ, อทุ สกฺโก ปุรินฺทโท;
โก วา ตฺวํ กสฺส วา ปุตฺโต, กถํ ชาเนมุ ตํ มย’’นฺติ. (ชา. ๒.๒๒.๗) –
วุตฺเต –
‘‘นมฺหิ ¶ เทโว น คนฺธพฺโพ, นาปิ สกฺโก ปุรินฺทโท;
กาสิรฺโ อหํ ปุตฺโต, ยํ กาสุยา นิขฺสิ.
‘‘ตสฺส รฺโ อหํ ปุตฺโต, ยํ ตฺวํ สมฺมูปชีวสิ;
อธมฺมํ สารถิ กยิรา, มํ เจ ตฺวํ นิขณํ วเน.
‘‘ยสฺส ¶ รุกฺขสฺส ฉายาย, นิสีเทยฺย สเยยฺย วา;
น ตสฺส สาขํ ภฺเชยฺย, มิตฺตทุพฺโภ หิ ปาปโก.
‘‘ยถา รุกฺโข ตถา ราชา, ยถา สาขา ตถา อหํ;
ยถา ฉายูปโค โปโส, เอวํ ตฺวมสิ สารถิ;
อธมฺมํ สารถิ กยิรา, มํ เจ ตฺวํ นิขณํ วเน’’ติ. (ชา. ๒.๒๒.๘-๑๑) –
อาทินา นเยน ธมฺมํ เทเสตฺวา เตน นิวตฺตนตฺถํ ยาจิโต อนิวตฺตนการณํ ปพฺพชฺชาฉนฺทํ ตสฺส จ เหตุ นิรยภยาทิกํ อตีตภเว อตฺตโน ปวตฺตึ วิตฺถาเรน กเถตฺวา ตาย ธมฺมกถาย ตาย จ ปฏิปตฺติยา ตสฺมิมฺปิ ปพฺพชิตุกาเม ชาเต รฺโ อิมํ –
‘‘รถํ นิยฺยาตยิตฺวาน, อนโณ เอหิ สารถิ;
อนณสฺส หิ ปพฺพชฺชา, เอตํ อิสีหิ วณฺณิต’’นฺติ. (ชา. ๒.๒๒.๔๔) –
วตฺวา ตํ วิสฺสชฺเชสิ.
โส รถํ อาภรณานิ จ คเหตฺวา รฺโ สนฺติกํ คนฺตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจสิ. ราชา ตาวเทว ‘‘มหาสตฺตสฺส สนฺติกํ ¶ คมิสฺสามี’’ติ นครโต นิคฺคจฺฉิ สทฺธึ จตุรงฺคินิยา เสนาย อิตฺถาคาเรหิ นาครชานปเทหิ จ. มหาสตฺโตปิ โข สารถึ อุยฺโยเชตฺวา ปพฺพชิตุกาโม ชาโต. ตสฺส จิตฺตํ ตฺวา สกฺโก วิสฺสกมฺมํ เปเสสิ – ‘‘เตมิยปณฺฑิโต ปพฺพชิตุกาโม, ตสฺส อสฺสมปทํ ปพฺพชิตปริกฺขาเร จ มาเปหี’’ติ. โส คนฺตฺวา ติโยชนิเก วนสณฺเฑ อสฺสมํ มาเปตฺวา รตฺติฏฺานทิวาฏฺานจงฺกมนโปกฺขรณีผลรุกฺขสมฺปนฺนํ กตฺวา สพฺเพ จ ปพฺพชิตปริกฺขาเร มาเปตฺวา สกฏฺานเมว คโต. โพธิสตฺโต ตํ ทิสฺวา สกฺกทตฺติยภาวํ ตฺวา ปณฺณสาลํ ปวิสิตฺวา วตฺถานิ อปเนตฺวา ตาปสเวสํ ¶ คเหตฺวา กฏฺตฺถเร นิสินฺโน อฏฺ สมาปตฺติโย, ปฺจ จ อภิฺาโย นิพฺพตฺเตตฺวา ปพฺพชฺชาสุเขน อสฺสเม นิสีทิ.
กาสิราชาปิ สารถินา ทสฺสิตมคฺเคน คนฺตฺวา อสฺสมํ ปวิสิตฺวา มหาสตฺเตน สห สมาคนฺตฺวา กตปฏิสนฺถาโร รชฺเชน นิมนฺเตสิ. เตมิยปณฺฑิโต ตํ ปฏิกฺขิปิตฺวา อเนกาการโวการํ ¶ อนิจฺจตาทิปฏิสํยุตฺตาย จ กามาทีนวปฏิสํยุตฺตาย จ ธมฺมิยา กถาย ราชานํ สํเวเชสิ. โส สํวิคฺคมานโส ฆราวาเส อุกฺกณฺิโต ปพฺพชิตุกาโม หุตฺวา อมจฺเจ อิตฺถาคาเร จ ปุจฺฉิ. เตปิ ปพฺพชิตุกามา อเหสุํ. อถ ราชา จนฺทาเทวึ อาทึ กตฺวา โสฬส สหสฺเส โอโรเธ จ อมจฺจาทิเก จ ปพฺพชิตุกาเม ตฺวา นคเร เภรึ จราเปสิ – ‘‘เย มม ปุตฺตสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตุกามา, เต ปพฺพชนฺตู’’ติ. สุวณฺณโกฏฺาคาราทีนิ จ วิวราเปตฺวา วิสฺสชฺชาเปสิ. นาครา จ ยถาปสาริเตเยว อาปเณ วิวฏทฺวาราเนว เคหานิ จ ปหาย รฺโ สนฺติกํ อคมํสุ. ราชา มหาชเนน สทฺธึ มหาสตฺตสฺส สนฺติเก ปพฺพชิ. สกฺกทตฺติยํ ติโยชนิกํ อสฺสมปทํ ปริปูริ.
สามนฺตราชาโน ‘‘กาสิราชา ปพฺพชิโต’’ติ สุตฺวา ‘‘พาราณสิรชฺชํ คเหสฺสามา’’ติ นครํ ปวิสิตฺวา เทวนครสทิสํ นครํ สตฺตรตนภริตํ เทววิมานกปฺปํ ราชนิเวสนฺจ ทิสฺวา ‘‘อิมํ ธนํ นิสฺสาย ภเยน ภวิตพฺพ’’นฺติ ตาวเทว นิกฺขมิตฺวา ปายาสุํ. เตสํ อาคมนํ สุตฺวา มหาสตฺโต วนนฺตํ คนฺตฺวา อากาเส นิสีทิตฺวา ¶ ธมฺมํ เทเสสิ. เต สพฺเพ สทฺธึ ปริสาย ตสฺส สนฺติเก ปพฺพชึสุ. เอวํ อปเรปิ อปเรปีติ มหาสมาคโม อโหสิ. สพฺเพ ผลาผลานิ ปริภฺุชิตฺวา สมณธมฺมํ กโรนฺติ. โย กามาทิวิตกฺกํ วิตกฺเกติ, ตสฺส จิตฺตํ ตฺวา มหาสตฺโต ตตฺถ คนฺตฺวา อากาเส นิสีทิตฺวา ธมฺมํ เทเสติ.
โส ธมฺมสฺสวนสปฺปายํ ลภิตฺวา สมาปตฺติโย อภิฺาโย จ นิพฺพตฺเตติ. เอวํ อปโรปิ อปโรปีติ สพฺเพปิ ชีวิตปริโยสาเน พฺรหฺมโลกปรายนา อเหสุํ. ติรจฺฉานคตาปิ มหาสตฺเต อิสิคเณปิ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา ฉสุ กามสคฺเคสุ นิพฺพตฺตึสุ. มหาสตฺตสฺส พฺรหฺมจริยํ จิรํ ทีฆมทฺธานํ ปวตฺติตฺถ. ตทา ฉตฺเต อธิวตฺถา เทวตา อุปฺปลวณฺณา อโหสิ, สารถิ สาริปุตฺตตฺเถโร, มาตาปิตโร มหาราชกุลานิ, ปริสา พุทฺธปริสา, เตมิยปณฺฑิโต โลกนาโถ.
ตสฺส ¶ อธิฏฺานปารมี อิธ มตฺถกํ ปตฺตา, เสสปารมิโยปิ ยถารหํ นิทฺธาเรตพฺพา. ตถา มาสชาตกาลโต ปฏฺาย นิรยภยํ ปาปภีรุตา รชฺชชิคุจฺฉา เนกฺขมฺมนิมิตฺตํ มูคาทิภาวาธิฏฺานํ ตตฺถ จ วิโรธิปฺปจฺจยสโมธาเนปิ นิจฺจลภาโวติ เอวมาทโย คุณานุภาวา วิภาเวตพฺพาติ.
เตมิยจริยาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อธิฏฺานปารมี นิฏฺิตา.
๗. กปิราชจริยาวณฺณนา
๖๗. สตฺตเม ¶ ยทา อหํ กปิ อาสินฺติ ยสฺมึ กาเล อหํ กปิโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา วุทฺธิมนฺวาย นาคพโล ถามสมฺปนฺโน อสฺสโปตกปฺปมาโณ มหาสรีโร กปิ โหมิ. นทีกูเล ทรีสเยติ เอกิสฺสา นทิยา ตีเร เอกสฺมึ ทรีภาเค ยทา วาสํ กปฺเปมีติ อตฺโถ.
ตทา กิร โพธิสตฺโต ยูถปริหรณํ อกตฺวา เอกจโร หุตฺวา วิหาสิ. ตสฺสา ปน นทิยา เวมชฺเฌ เอโก ทีปโก นานปฺปกาเรหิ อมฺพปนสาทีหิ ผลรุกฺเขหิ สมฺปนฺโน. โพธิสตฺโต ¶ ถามชวสมฺปนฺนตาย นทิยา โอริมตีรโต อุปฺปติตฺวา ทีปกสฺส ปน นทิยา จ มชฺเฌ เอโก ปิฏฺิปาสาโณ อตฺถิ, ตสฺมึ ปตติ. ตโต อุปฺปติตฺวา ตสฺมึ ทีปเก ปตติ. โส ตตฺถ นานปฺปการานิ ผลาผลานิ ขาทิตฺวา สายํ เตเนว อุปาเยน ปจฺจาคนฺตฺวา อตฺตโน วสนฏฺาเน วสิตฺวา ปุนทิวเสปิ ตเถว กโรติ. อิมินา นิยาเมน วาสํ กปฺเปสิ.
ตสฺมึ ปน กาเล เอโก กุมฺภีโล สปชาปติโก ตสฺสํ นทิยํ วสติ. ตสฺส ภริยา โพธิสตฺตํ อปราปรํ คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ตสฺส หทยมํเส โทหฬํ อุปฺปาเทตฺวา กุมฺภีลํ อาห – ‘‘มยฺหํ โข, อยฺยปุตฺต, อิมสฺส วานรสฺส หทยมํเส โทหโฬ อุปฺปนฺโน’’ติ. โส ‘‘สาธุ, ภทฺเท, ลจฺฉสี’’ติ วตฺวา ‘‘อชฺช ตํ สายํ ทีปกโต อาคจฺฉนฺตเมว คณฺหิสฺสามี’’ติ คนฺตฺวา ปิฏฺิปาสาเณ นิปชฺชิ. โพธิสตฺโต ตํ ทิวสํ โคจรํ จริตฺวา ¶ สายนฺหสมเย ทีปเก ิโตว ปาสาณํ โอโลเกตฺวา ‘‘อยํ ปาสาโณ อิทานิ อุจฺจตโร ขายติ, กึ นุ โข การณ’’นฺติ จินฺเตสิ. มหาสตฺตสฺส หิ อุทกปฺปมาณฺจ ปาสาณปฺปมาณฺจ สุววตฺถาปิตเมว โหติ. เตนสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อชฺช อิมิสฺสา นทิยา อุทกํ เนว หายติ, อถ จ ปนายํ ปาสาโณ มหา หุตฺวา ปฺายติ, กจฺจิ นุ โข เอตฺถ มยฺหํ คหณตฺถาย กุมฺภีโล นิปนฺโน’’ติ?
โส ‘‘วีมํสิสฺสามิ ตาว น’’นฺติ ตตฺเถว ตฺวา ปาสาเณน สทฺธึ กเถนฺโต วิย ‘‘โภ, ปาสาณา’’ติ วตฺวา ปฏิวจนํ อลภนฺโต ยาวตติยํ ‘‘โภ, ปาสาณา’’ติ อาห. ปาสาโณ ปฏิวจนํ น เทติ. ปุนปิ โพธิสตฺโต ‘‘กึ, โภ ปาสาณ, อชฺช มยฺหํ ปฏิวจนํ น เทสี’’ติ ¶ อาห. กุมฺภีโล ‘‘อทฺธา อยํ ปาสาโณ อฺเสุ ทิวเสสุ วานรินฺทสฺส ปฏิวจนํ เทติ มฺเ, อชฺช ปน มยา โอตฺถริตตฺตา น เทติ, หนฺทาหํ ทสฺสามิสฺส ปฏิวจน’’นฺติ จินฺเตตฺวา ‘‘กึ วานรินฺทา’’ติ อาห. ‘‘โกสิ ตฺว’’นฺติ? ‘‘อหํ กุมฺภีโล’’ติ ¶ . ‘‘กิมตฺถํ เอตฺถ นิปนฺโนสี’’ติ? ‘‘ตว หทยํ ปตฺถยมาโน’’ติ. โพธิสตฺโต จินฺเตสิ – ‘‘อฺโ เม คมนมคฺโค นตฺถิ, ปฏิรุทฺธํ วต เม คมน’’นฺติ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ปีฬิโต สุสุมาเรน, คมนํ น ลภามหํ’’.
‘‘ยมฺโหกาเส อหํ ตฺวา, โอรา ปารํ ปตามหํ;
ตตฺถจฺฉิ สตฺตุวธโก, กุมฺภีโล ลุทฺททสฺสโน’’ติ.
ตตฺถ ‘‘ปีฬิโต สุสุมาเรนา’’ติ อทฺธคาถาย วุตฺตเมวตฺถํ. ‘‘ยมฺโหกาเส’’ติ คาถาย ปากฏํ กโรติ. ตตฺถ ยมฺโหกาเสติ ยสฺมึ นทีมชฺเฌ ิตปิฏฺิปาสาณสงฺขาเต ปเทเส ตฺวา. โอราติ ทีปกสงฺขาตา โอรตีรา. ปารนฺติ ตทา มม วสนฏฺานภูตํ นทิยา ปรตีรํ. ปตามหนฺติ อุปฺปติตฺวา ปตามิ อหํ. ตตฺถจฺฉีติ ตสฺมึ ปิฏฺิปาสาณปฺปเทเส สตฺตุภูโต วธโก เอกนฺเตเนว ฆาตโก ปจฺจตฺถิโก ลุทฺททสฺสโน โฆรรูโป ภยานกทสฺสโน นิสีทิ.
อถ มหาสตฺโต จินฺเตสิ – ‘‘อฺโ เม คมนมคฺโค นตฺถิ, อชฺช มยา กุมฺภีโล วฺเจตพฺโพ, เอวฺหิ อยฺจ มหตา ปาปโต มยา ปริโมจิโต สิยา, มยฺหฺจ ชีวิตํ ลทฺธ’’นฺติ. โส กุมฺภีลํ อาห – ‘‘สมฺม, กุมฺภีล, อหํ ตุยฺหํ อุปริ ปติสฺสามี’’ติ. กุมฺภีโล ¶ ‘‘วานรินฺท, ปปฺจํ อกตฺวา อิโต อาคจฺฉาหี’’ติ อาห. มหาสตฺโต ‘‘อหํ อาคจฺฉามิ, ตฺวํ ปน อตฺตโน มุขํ วิวริตฺวา มํ ตว สนฺติกํ อาคตกาเล คณฺหาหี’’ติ อโวจ. กุมฺภีลานฺจ มุเข วิวเฏ อกฺขีนิ นิมฺมีลนฺติ. โส ตํ การณํ อสลฺลกฺเขนฺโต มุขํ วิวริ. อถสฺส อกฺขีนิ นิมฺมีลึสุ. โส มุขํ วิวริตฺวา ¶ สพฺพโส นิมฺมีลิตกฺขี หุตฺวา นิปชฺชิ. มหาสตฺโต ตสฺส ตถาภาวํ ตฺวา ทีปกโต อุปฺปติโต คนฺตฺวา กุมฺภีลสฺส มตฺถกํ อกฺกมิตฺวา ตโต อุปฺปตนฺโต วิชฺชุลตา วิย วิชฺโชตมาโน ปรตีเร อฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘โส มํ อสํสิ เอหีติ, อหมฺเปมีติ ตํ วทึ;
ตสฺส มตฺถกมกฺกมฺม, ปรกูเล ปติฏฺหิ’’นฺติ.
ตตฺถ อสํสีติ อภาสิ. อหมฺเปมีติ อหมฺปิ อาคจฺฉามีติ ตํ กเถสึ.
ยสฺมา ¶ ปน ตํ ทีปกํ อมฺพชมฺพุปนสาทิผลรุกฺขสณฺฑมณฺฑิตํ รมณียํ นิวาสโยคฺคฺจ, ‘‘อาคจฺฉามี’’ติ ปน ปฏิฺาย ทินฺนตฺตา สจฺจํ อนุรกฺขนฺโต มหาสตฺโตปิ ‘‘อาคมิสฺสาเมวา’’ติ ตถา อกาสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘น ตสฺส อลิกํ ภณิตํ, ยถา วาจํ อกาสห’’นฺติ.
ยสฺมา เจตํ สจฺจานุรกฺขณํ อตฺตโน ชีวิตํ ปริจฺจชิตฺวา กตํ, ตสฺมา อาห –
‘‘สจฺเจน เม สโม นตฺถิ, เอสา เม สจฺจปารมี’’ติ.
กุมฺภีโล ปน ตํ อจฺฉริยํ ทิสฺวา ‘‘อิมินา วานรินฺเทน อติอจฺเฉรกํ กต’’นฺติ จินฺเตตฺวา ‘‘โภ วานรินฺท, อิมสฺมึ โลเก จตูหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ปุคฺคโล อมิตฺเต อภิภวติ, เต สพฺเพปิ ตุยฺหํ อพฺภนฺตเร อตฺถิ มฺเ’’ติ อาห –
‘‘ยสฺเสเต จตุโร ธมฺมา, วานรินฺท, ยถา ตว;
สจฺจํ ธมฺโม ธิติ จาโค, ทิฏฺํ โส อติวตฺตตี’’ติ. (ชา. ๑.๒.๑๔๗);
ตตฺถ ยสฺสาติ ยสฺส กสฺสจิ ปุคฺคลสฺส. เอเตติ อิทานิ วตฺตพฺเพ ปจฺจกฺขโต ทสฺเสติ. จตุโร ธมฺมาติ จตฺตาโร คุณา. สจฺจนฺติ วจีสจฺจํ, ‘‘มม ¶ สนฺติกํ อาคมิสฺสามี’’ติ วตฺวา มุสาวาทํ อกตฺวา อาคโต เอวาติ เอตํ เต วจีสจฺจํ. ธมฺโมติ วิจารณปฺา, ‘‘เอวํ กเต อิทํ นาม ภวิสฺสตี’’ติ ปวตฺตา เต เอสา วิจารณปฺา. ธิตีติ อพฺโพจฺฉินฺนํ วีริยํ วุจฺจติ, เอตมฺปิ เต อตฺถิ. จาโคติ อตฺตปริจฺจาโค, ตฺวํ อตฺตานํ ปริจฺจชิตฺวา มม สนฺติกํ อาคโต, ยํ ปนาหํ คณฺหิตุํ นาสกฺขึ, มยฺหเมเวส โทโส ¶ . ทิฏฺนฺติ ปจฺจามิตฺตํ. โส อติวตฺตตีติ ยสฺส ปุคฺคลสฺส ยถา ตว เอวํ เอเต จตฺตาโร ธมฺมา อตฺถิ, โส ยถา มํ ตฺวํ อชฺช อติกฺกนฺโต, ตเถว อตฺตโน ปจฺจามิตฺตํ อติกฺกมติ อภิภวตีติ.
เอวํ กุมฺภีโล โพธิสตฺตํ ปสํสิตฺวา อตฺตโน วสนฏฺานํ คโต. ตทา กุมฺภีโล เทวทตฺโต อโหสิ, ตสฺส ภริยา จิฺจมาณวิกา, กปิราชา ปน โลกนาโถ.
ตสฺส ¶ อิธาปิ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว เสสปารมิโย นิทฺธาเรตพฺพา. ตถา อุทกสฺส ปาสาณสฺส จ ปมาณววตฺถาเนน อิทานิ ปาสาโณ อุจฺจตโร ขายตีติ ปริคฺคณฺหนวเสน ปาสาณสฺส อุปริ สุสุมารสฺส นิปนฺนภาวชานนํ, ปาสาเณน กถนาปเทเสน ตสฺสตฺถสฺส นิจฺฉยคมนํ, สุสุมารสฺส อุปริ อกฺกมิตฺวา สหสา ปรตีเร ปติฏฺานวเสน สีฆการิตาย ตสฺส มหตา ปาปโต ปริโมจนํ, อตฺตโน ชีวิตรกฺขณํ, สจฺจวาจานุรกฺขณฺจาติ เอวมาทโย คุณานุภาวา วิภาเวตพฺพาติ.
กปิราชจริยาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๘. สจฺจตาปสจริยาวณฺณนา
อฏฺเม ตาปโส สจฺจสวฺหโยติ สจฺจสทฺเทน อวฺหาตพฺโพ สจฺจนามโก ตาปโส ยทา ยสฺมึ กาเล โหมิ, ตทา. สจฺเจน โลกํ ปาเลสินฺติ อตฺตโน อวิสํวาทิภาเวน สตฺตโลกํ ชมฺพุทีเป ตตฺถ ตตฺถ สตฺตนิกายํ ปาปโต นานาวิธา อนตฺถโต จ รกฺขึ. สมคฺคํ ชนมกาสหนฺติ ตตฺถ ตตฺถ กลหวิคฺคหวิวาทาปนฺนํ มหาชนํ กลเห อาทีนวํ ทสฺเสตฺวา สามคฺคิยํ อานิสํสกถเนน สมคฺคํ อวิวทมานํ สมฺโมทมานํ อหมกาสึ.
ตทา ¶ หิ โพธิสตฺโต พาราณสิยํ อฺตรสฺมึ พฺราหฺมณมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติ. ตสฺส ‘‘สจฺโจ’’ติ นามํ กรึสุ. โส วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา ทิสาปาโมกฺขสฺส อาจริยสฺส สนฺติเก สิปฺปํ อุคฺคณฺหิตฺวา นจิรสฺเสว สพฺพสิปฺปานํ นิปฺผตฺตึ ปตฺโต. อาจริเยน อนฺุาโต พาราณสึ ปจฺจาคนฺตฺวา มาตาปิตโร วนฺทิตฺวา เตหิ อภินนฺทิยมาโน เตสํ จิตฺตานุรกฺขณตฺถํ ¶ กติปาหํ เตสํ สนฺติเก วสิ. อถ นํ มาตาปิตโร ปติรูเปน ทาเรน สํโยเชตุกามา สพฺพํ วิภวชาตํ อาจิกฺขิตฺวา ฆราวาเสน นิมนฺเตสุํ.
มหาสตฺโต เนกฺขมฺมชฺฌาสโย อตฺตโน เนกฺขมฺมปารมึ ปริพฺรูเหตุกาโม ฆราวาเส อาทีนวํ ปพฺพชฺชาย อานิสํสฺจ นานปฺปการโต กเถตฺวา มาตาปิตูนํ อสฺสุมุขานํ โรทมานานํ อปริมาณํ โภคกฺขนฺธํ อนนฺตํ ยสํ มหนฺตฺจ าติปริวฏฺฏํ ปหาย มหานาโคว อยสงฺขลิกํ ฆรพนฺธนํ ฉินฺทนฺโต นิกฺขมิตฺวา หิมวนฺตปฺปเทสํ ปวิสิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา วนมูลผลาผเลหิ ¶ ยาเปนฺโต นจิรสฺเสว อฏฺ สมาปตฺติโย ปฺจ จ อภิฺาโย นิพฺพตฺเตตฺวา ฌานกีฬํ กีฬยมาโน สมาปตฺติวิหาเรน วิหรติ.
โส เอกทิวสํ ทิพฺพจกฺขุนา โลกํ โอโลเกนฺโต อทฺทส สกลชมฺพุทีเป มนุสฺเส เยภุยฺเยน ปาณาติปาตาทิทสอกุสลกมฺมปถปสุเต กามนิทานํ กามาธิกรณํ อฺมฺํ วิวาทาปนฺเน. ทิสฺวา เอวํ จินฺเตสิ – ‘‘น โข ปน เมตํ ปติรูปํ, ยทิทํ อิเม สตฺเต เอวํ ปาปปสุเต วิวาทาปนฺเน จ ทิสฺวา อชฺฌุเปกฺขณํ. อหฺหิ ‘สตฺเต สํสารปงฺกโต อุทฺธริตฺวา นิพฺพานถเล ปติฏฺเปสฺสามี’ติ มหาสมฺโพธิยานํ ปฏิปนฺโน, ตสฺมา ตํ ปฏิฺํ อวิสํวาเทนฺโต ยํนูนาหํ มนุสฺสปถํ คนฺตฺวา เต เต สตฺเต ปาปโต โอรมาเปยฺยํ, วิวาทฺจ เนสํ วูปสเมยฺย’’นฺติ.
เอวํ ปน จินฺเตตฺวา มหาสตฺโต มหากรุณาย สมุสฺสาหิโต สนฺตํ สมาปตฺติสุขํ ปหาย อิทฺธิยา ตตฺถ ตตฺถ คนฺตฺวา เตสํ จิตฺตานุกูลํ ธมฺมํ เทเสนฺโต กลหวิคฺคหวิวาทาปนฺเน สตฺเต ทิฏฺธมฺมิกฺจ สมฺปรายิกฺจ วิโรเธ อาทีนวํ ทสฺเสตฺวา อฺมฺํ สมคฺเค สหิเต อกาสิ. อเนกาการโวการฺจ ปาเป อาทีนวํ วิภาเวนฺโต ตโต สตฺเต วิเวเจตฺวา เอกจฺเจ ทสสุ กุสลกมฺมปถธมฺเมสุ ปติฏฺาเปสิ. เอกจฺเจ ปพฺพาเชตฺวา ¶ สีลสํวเร อินฺทฺริยคุตฺติยํ สติสมฺปชฺเ ปวิเวกวาเส ฌานาภิฺาสุ จ ยถารหํ ปติฏฺาเปสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ปุนาปรํ ¶ ยทา โหมิ, ตาปโส สจฺจสวฺหโย;
สจฺเจน โลกํ ปาเลสึ, สมคฺคํ ชนมกาสห’’นฺติ.
อิธาปิ มหาปุริสสฺส เหฏฺา วุตฺตนเยเนว เสสปารมิโย นิทฺธาเรตพฺพา. ตถา คุณานุภาวา จ วิภาเวตพฺพาติ.
สจฺจตาปสจริยาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๙. วฏฺฏโปตกจริยาวณฺณนา
๗๒. นวเม มคเธ วฏฺฏโปตโกติอาทีสุ อยํ สงฺเขปตฺโถ – มคธรฏฺเ อฺตรสฺมึ อรฺปฺปเทเส ¶ วฏฺฏกโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา อณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา อจิรนิกฺขนฺตตาย ตรุโณ มํสเปสิภูโต, ตโต เอว อชาตปกฺโข วฏฺฏกจฺฉาปโก ยทา อหํ กุลาวเกเยว โหมิ.
๗๓. มุขตุณฺฑเกนาหริตฺวาติ มยฺหํ มาตา อตฺตโน มุขตุณฺฑเกน กาเลน กาลํ โคจรํ อาหริตฺวา มํ โปเสติ. ตสฺสา ผสฺเสน ชีวามีติ ปริเสทนตฺถฺเจว ปริภาวนตฺถฺจ สมฺมเทว กาเลน กาลํ มมํ อธิสยนวเสน ผุสนฺติยา ตสฺสา มม มาตุยา สรีรสมฺผสฺเสน ชีวามิ วิหรามิ อตฺตภาวํ ปวตฺเตมิ. นตฺถิ เม กายิกํ พลนฺติ มยฺหํ ปน อติตรุณตาย กายสนฺนิสฺสิตํ พลํ นตฺถิ.
๗๔. สํวจฺฉเรติ สํวจฺฉเร สํวจฺฉเร. คิมฺหสมเยติ คิมฺหกาเล. สุกฺขรุกฺขสาขานํ อฺมฺํ สงฺฆฏฺฏนสมุปฺปนฺเนน อคฺคินา ตสฺมึ ปเทเส ทวฑาโห ปทิปฺปติ ปชฺชลติ, โส ตถา ปทีปิโต. อุปคจฺฉติ อมฺหากนฺติ มยฺหํ มาตาปิตูนฺจาติ อมฺหากํ วสนฏฺานปฺปเทสํ อตฺตโน ปติฏฺานสฺส อสุทฺธสฺสาปิ สุทฺธภาวกรเณน ปาวนโต ปาวโกติ จ คตมคฺเค อินฺธนสฺส ภสฺมภาวาวหนโต กณฺหวตฺตนีติ จ ลทฺธนาโม อคฺคิ วนรุกฺขคจฺเฉ ทหนฺโต กาเลน กาลํ อุปคจฺฉติ.
๗๕. เอวํ ¶ อุปคมนโต ตทาปิ สทฺทายนฺโตติ ‘‘ธมธม’’อิติ เอวํ สทฺทํ กโรนฺโต, อนุรวทสฺสนฺเหตํ ทาวคฺคิโน. มหาสิขีติ ปพฺพตกูฏสทิสานํ อินฺธนานํ วเสน มหติโย ¶ สิขา เอตสฺสาติ มหาสิขี. อนุปุพฺเพน อนุกฺกเมน ตํ อรฺปฺปเทสํ ฌาเปนฺโต ทหนฺโต อคฺคิ มม สมีปฏฺานํ อุปาคมิ.
๗๖. อคฺคิเวคภยาติ เวเคน อาคจฺฉโต อคฺคิโน ภเยน ภีตา. ตสิตาติ จิตฺตุตฺราสสมุฏฺิเตน กายสฺส ฉมฺภิตตฺเตน จ อุตฺราสา. มาตาปิตาติ มาตาปิตโร. อตฺตานํ ปริโมจยุนฺติ อคฺคินา อนุปทฺทุตฏฺานคมเนน อตฺตโน โสตฺถิภาวมกํสุ. มหาสตฺโต หิ ตทา มหาเคณฺฑุกปฺปมาโณ มหาสรีโร อโหสิ. ตํ มาตาปิตโร เกนจิ อุปาเยน คเหตฺวา คนฺตุํ อสกฺกุณนฺตา อตฺตสิเนเหน จ อภิภุยฺยมานา ปุตฺตสิเนหํ ฉฑฺเฑตฺวา ปลายึสุ.
๗๗. ปาเท ปกฺเข ปชหามีติ อตฺตโน อุโภ ปาเท อุโภ ปกฺเข จ ภูมิยํ อากาเส จ คมนสชฺเช กโรนฺโต ปสาเรมิ อิริยามิ วายมามิ. ‘‘ปฏีหามี’’ติปิ ปาโ, เวหาสคมนโยคฺเค กาตุํ อีหามีติ อตฺโถ. ‘‘ปตีหามี’’ติปิ ปนฺติ. ตสฺสตฺโถ – ปาเท ปกฺเข จ ¶ ปติ วิสุํ อีหามิ, คมนตฺถํ วายมามิ, ตํ ปน วายามกรณตฺถเมว. กสฺมา? ยสฺมา นตฺถิ เม กายิกํ พลํ. โสหํ อคติโก ตตฺถาติ โส อหํ เอวํภูโต ปาทปกฺขเวกลฺเลน คมนวิรหิโต มาตาปิตูนํ อปคมเนน วา อปฺปฏิสรโณ, ตตฺถ ทาวคฺคิอุปทฺทุเต วเน, ตสฺมึ วา กุลาวเก ิโตว เอวํ อิทานิ วตฺตพฺพากาเรน ตทา จินฺเตสึ. ทุติยฺเจตฺถ อหนฺติ นิปาตมตฺตํ ทฏฺพฺพํ.
อิทานิ ตทา อตฺตโน จินฺติตาการํ ทสฺเสตุํ ‘‘เยสาห’’นฺติอาทิมาห;
ตตฺถ เยสาหํ อุปธาเวยฺยํ, ภีโต ตสิตเวธิโตติ มรณภเยน ภีโต ตโต เอว จิตฺตุตฺราเสน ตสิโต สรีรกมฺปเนน เวธิโต เยสมหํ ปกฺขนฺตรํ เอตรหิ ทาวคฺคิอุปทฺทุโต ชลทุคฺคํ วิย มฺมาโน ปวิสิตุํ อุปธาเวยฺยํ เต มม มาตาปิตโร มํ เอกกํ เอว โอหาย ชหิตฺวา ปกฺกนฺตา. กถํ เม อชฺช กาตเวติ กถํ นุ โข มยา อชฺช กาตพฺพํ, ปฏิปชฺชิตพฺพนฺติ อตฺโถ.
เอวํ ¶ มหาสตฺโต อิติกตฺตพฺพตาสมฺมูฬฺโห หุตฺวา ิโต ปุน จินฺเตสิ – ‘‘อิมสฺมึ โลเก สีลคุโณ นาม อตฺถิ, สจฺจคุโณ นาม อตฺถิ, อตีเต ปารมิโย ปูเรตฺวา โพธิตเล นิสีทิตฺวา อภิสมฺพุทฺธา สีลสมาธิปฺาวิมุตฺติวิมุตฺติาณทสฺสนสมฺปนฺนา สจฺจานุทยการฺุขนฺติสมนฺนาคตา ¶ สพฺพสตฺเตสุ สมปฺปวตฺตเมตฺตาภาวนา สพฺพฺุพุทฺธา นาม อตฺถิ, เตหิ จ ปฏิวิทฺโธ เอกนฺตนิยฺยานคุโณ ธมฺโม อตฺถิ, มยิ จาปิ เอกํ สจฺจํ อตฺถิ. สํวิชฺชมาโน เอโก สภาวธมฺโม ปฺายติ, ตสฺมา อตีตพุทฺเธ เจว เตหิ ปฏิวิทฺธคุเณ จ อาวชฺเชตฺวา มยิ วิชฺชมานํ สจฺจํ สภาวธมฺมํ คเหตฺวา สจฺจกิริยํ กตฺวา อคฺคึ ปฏิกฺกมาเปตฺวา อชฺช มยา อตฺตโน เจว อิธ วาสีนํ เสสปาณีนฺจ โสตฺถิภาวํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ. เอวํ ปน จินฺเตตฺวา มหาสตฺโต อตฺตโน อานุภาเว ตฺวา ยถาจินฺติตํ ปฏิปชฺชิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘อตฺถิ โลเก สีลคุโณ, สจฺจํ โสเจยฺยนุทฺทยา;
เตน สจฺเจน กาหามิ, สจฺจกิริยมุตฺตมํ.
‘‘อาวชฺเชตฺวา ธมฺมพลํ, สริตฺวา ปุพฺพเก ชิเน;
สจฺจพลมวสฺสาย, สจฺจกิริยมกาสห’’นฺติ.
๘๑. ตตฺถ ¶ มหาสตฺโต อตีเต ปรินิพฺพุตานํ พุทฺธานํ คุเณ อาวชฺเชตฺวา อตฺตนิ วิชฺชมานํ สจฺจสภาวํ อารพฺภ ยํ คาถํ วตฺวา ตทา สจฺจกิริยมกาสิ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘สนฺติ ปกฺขา’’ติอาทิ วุตฺตํ.
ตตฺถ สนฺติ ปกฺขา อปตนาติ มยฺหํ ปกฺขา นาม อตฺถิ อุปลพฺภนฺติ, โน จ โข สกฺกา เอเตหิ อุปฺปติตุํ อากาเสน คนฺตุนฺติ อปตนา. สนฺติ ปาทา อวฺจนาติ ปาทาปิ เม อตฺถิ, เตหิ ปน วฺจิตุํ ปทวารคมเนน คนฺตุํ น สกฺกาติ อวฺจนา. มาตาปิตา จ นิกฺขนฺตาติ เย มํ อฺตฺถ เนยฺยุํ, เตปิ มรณภเยน มม มาตาปิตโร นิกฺขนฺตา. ชาตเวทาติ อคฺคึ อาลปติ. โส หิ ชาโตว เวทิยติ, ธูมชาลุฏฺาเนน ปฺายติ, ตสฺมา ‘‘ชาตเวโท’’ติ วุจฺจติ. ปฏิกฺกมาติ ปฏิคจฺฉ นิวตฺตาติ ชาตเวทํ อาณาเปติ.
อิติ ¶ มหาสตฺโต ‘‘สเจ มยฺหํ ปกฺขานํ อตฺถิภาโว, เต จ ปสาเรตฺวา อากาเส อปตนภาโว, ปาทานํ อตฺถิภาโว, เต จ อุกฺขิปิตฺวา อวฺจนภาโว, มาตาปิตูนํ มํ กุลาวเกเยว ฉฑฺเฑตฺวา ปลาตภาโว จ สจฺจสภาวภูโต ¶ เอว, ชาตเวท, เอเตน สจฺเจน ตฺวํ อิโต ปฏิกฺกมา’’ติ กุลาวเก นิปนฺโนว สจฺจกิริยํ อกาสิ. ตสฺส สห สจฺจกิริยาย โสฬสกรีสมตฺเต าเน ชาตเวโท ปฏิกฺกมิ. ปฏิกฺกมนฺโต จ น ฌายมาโนว อรฺํ คโต, อุทเก ปน โอปิลาปิตอุกฺกา วิย ตตฺเถว นิพฺพายิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘สห สจฺเจ กเต มยฺหํ, มหาปชฺชลิโต สิขี;
วชฺเชสิ โสฬสกรีสานิ, อุทกํ ปตฺวา ยถา สิขี’’ติ.
สา ปเนสา โพธิสตฺตสฺส วฏฺฏกโยนิยํ ตสฺมึ สมเย พุทฺธคุณานํ อาวชฺชนปุพฺพิกา สจฺจกิริยา อนฺสาธารณาติ อาห ‘‘สจฺเจน เม สโม นตฺถิ, เอสา เม สจฺจปารมี’’ติ. เตเนว หิ ตสฺส านสฺส สกเลปิ อิมสฺมึ กปฺเป อคฺคินา อนภิภวนียตฺตา ตํ กปฺปฏฺิยปาฏิหาริยํ นาม ชาตํ.
เอวํ มหาสตฺโต สจฺจกิริยวเสน อตฺตโน ตตฺถ วาสีนํ สตฺตานฺจ โสตฺถึ กตฺวา ชีวิตปริโยสาเน ยถากมฺมํ คโต.
ตทา มาตาปิตโร เอตรหิ มาตาปิตโร อเหสุํ, วฏฺฏกราชา ปน โลกนาโถ.
ตสฺส ¶ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว เสสปารมิโยปิ ยถารหํ นิทฺธาเรตพฺพา. ตถา ทาวคฺคิมฺหิ ตถา เภรวากาเรน อวตฺถริตฺวา อาคจฺฉนฺเต ตสฺมึ วเย เอกโก หุตฺวาปิ สารทํ อนาปชฺชิตฺวา สจฺจาทิธมฺมคุเณ พุทฺธคุเณ จ อนุสฺสริตฺวา อตฺตโน เอว อานุภาวํ นิสฺสาย สจฺจกิริยาย ตตฺถ วาสีนมฺปิ สตฺตานํ โสตฺถิภาวาปาทนาทโย อานุภาวา วิภาเวตพฺพา.
วฏฺฏโปตกจริยาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๐. มจฺฉราชจริยาวณฺณนา
๘๓. ทสเม ¶ ยทา โหมิ, มจฺฉราชา มหาสเรติ อตีเต มจฺฉโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา โกสลรฏฺเ สาวตฺถิยํ เชตวเน โปกฺขรณิฏฺาเน ¶ วลฺลิคหนปริกฺขิตฺเต เอกสฺมึ มหาสเร มจฺฉานํ จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ รฺชนโต ยทา อหํ ราชา โหมิ, มจฺฉคณปริวุโต ตตฺถ ปฏิวสามิ ตทา. อุณฺเหติ อุณฺหกาเล คิมฺหสมเย. สูริยสนฺตาเปติ อาทิจฺจสนฺตาเปน. สเร อุทก ขียถาติ ตสฺมึ สเร อุทกํ ขียิตฺถ ฉิชฺชิตฺถ. ตสฺมิฺหิ รฏฺเ ตทา เทโว น วสฺสิ, สสฺสานิ มิลายึสุ, วาปิอาทีสุ อุทกํ ปริกฺขยํ ปริยาทานํ อคมาสิ, มจฺฉกจฺฉปา กลลคหนํ ปวิสึสุ. ตสฺมิมฺปิ สเร มจฺฉา กทฺทมคหนํ ปวิสิตฺวา ตสฺมึ ตสฺมึ าเน นิลียึสุ.
๘๔. ตโตติ ตโต อุทกปริกฺขยโต อปรภาเค. กุลลเสนกาติ กุลลาเจว เสนา จ. ภกฺขยนฺติ ทิวารตฺตึ, มจฺเฉ อุปนิสีทิยาติ ตตฺถ ตตฺถ กลลปิฏฺเ อุปนิสีทิตฺวา กลลคหนํ ปวิสิตฺวา นิปนฺเน มจฺเฉ กากา วา อิตเร วา ทิวา เจว รตฺติฺจ กณยคฺคสทิเสหิ ตุณฺเฑหิ โกฏฺเฏตฺวา โกฏฺเฏตฺวา นีหริตฺวา วิปฺผนฺทมาเน ภกฺขยนฺติ.
๘๕. อถ มหาสตฺโต มจฺฉานํ ตํ พฺยสนํ ทิสฺวา มหากรุณาย สมุสฺสาหิตหทโย ‘‘เปตฺวา มํ อิเม มม าตเก อิมสฺมา ทุกฺขา โมเจตุํ สมตฺโถ นาม อฺโ นตฺถิ, เกน นุ โข อหํ อุปาเยน เต อิโต ทุกฺขโต โมเจยฺย’’นฺติ จินฺเตนฺโต ‘‘ยํนูนาหํ ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ อาจิณฺณสมาจิณฺณํ มยิ จ สํวิชฺชมานํ สจฺจธมฺมํ นิสฺสาย สจฺจกิริยํ กตฺวา เทวํ วสฺสาเปตฺวา มม าติสงฺฆสฺส ชีวิตทานํ ทเทยฺยํ, เตน จ สกลสฺสาปิ อาหารูปชีวิโน สตฺตโลกสฺส มหาอุปกาโร สมฺปาทิโต มยา’’ติ นิจฺฉยํ กตฺวา เทวํ วสฺสาเปตุํ สจฺจกิริยํ อกาสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘เอวํ จินฺเตสห’’นฺติอาทิ.
ตตฺถ ¶ สห าตีหิ ปีฬิโตติ มยฺหํ าตีหิ สทฺธึ เตน อุทกปริกฺขเยน ปีฬิโต. สหาติ วา นิปาตมตฺตํ. มหาการุณิกตาย เตน พฺยสเนน ทุกฺขิเตหิ าตีหิ การณภูเตหิ ปีฬิโต, าติสงฺฆทุกฺขทุกฺขิโตติ อตฺโถ.
๘๖. ธมฺมตฺถนฺติ ¶ ธมฺมภูตํ อตฺถํ, ธมฺมโต วา อนเปตํ อตฺถํ. กึ ตํ? สจฺจํ. อทฺทสปสฺสยนฺติ มยฺหํ าตีนฺจ อปสฺสยํ อทฺทสํ. อติกฺขยนฺติ มหาวินาสํ.
๘๗. สทฺธมฺมนฺติ สตํ สาธูนํ พุทฺธาทีนํ ¶ เอกสฺสาปิ ปาณิโน อหึสนสงฺขาตํ ธมฺมํ. อนุสฺสริตฺวา. ปรมตฺถํ วิจินฺตยนฺติ ตํ โข ปน ปรมตฺถํ สจฺจํ อวิปรีตสภาวํ กตฺวา จินฺตยนฺโต. ยํ โลเก ธุวสสฺสตนฺติ ยเทตํ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธสาวกานํ เอกสฺสาปิ ปาณิโน อหึสนํ, ตํ สพฺพกาลํ ตถภาเวน ธุวํ สสฺสตํ วิจินฺตยํ สจฺจกิริยํ อกาสินฺติ สมฺพนฺโธ.
๘๘. อิทานิ ตํ ธมฺมํ มหาสตฺโต อตฺตนิ วิชฺชมานํ คเหตฺวา สจฺจวจนํ ปโยเชตุกาโม กาลวณฺณํ กทฺทมํ ทฺวิธา วิยูหิตฺวา อฺชนรุกฺขสารฆฏิกวณฺณมหาสรีโร สุโธตโลหิตกมณิสทิสานิ อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา อากาสํ อุลฺโลเกนฺโต ‘‘ยโต สรามิ อตฺตาน’’นฺติ คาถมาห.
ตตฺถ ยโต สรามิ อตฺตานนฺติ ยโต ปฏฺาย อหํ อตฺตภาวสงฺขาตํ อตฺตานํ สรามิ อนุสฺสรามิ. ยโต ปตฺโตสฺมิ วิฺุตนฺติ ยโต ปฏฺาย ตาสุ ตาสุ อิติกตฺตพฺพตาสุ วิฺุตํ วิชานนภาวํ ปตฺโตสฺมิ, อุทฺธํ อาโรหนวเสน อิโต ยาว มยฺหํ กายวจีกมฺมานํ อนุสฺสรณสมตฺถตา วิฺุตปฺปตฺติ เอว, เอตฺถนฺตเร สมานชาติกานํ ขาทนฏฺาเน นิพฺพตฺโตปิ ตณฺฑุลกณปฺปมาณมฺปิ มจฺฉํ มยา น ขาทิตปุพฺพํ, อฺมฺปิ กฺจิ ปาณํ สฺจิจฺจ หึสิตํ พาธิตํ นาภิชานามิ, ปเคว ชีวิตา โวโรปิตํ.
๘๙. เอเตน สจฺจวชฺเชนาติ ‘‘ยเทตํ มยา กสฺสจิ ปาณสฺส อหึสนํ วุตฺตํ, สเจ เอตํ สจฺจํ ตถํ อวิปรีตํ, เอเตน สจฺจวจเนน ปชฺชุนฺโน เมโฆ อภิวสฺสตุ, าติสงฺฆํ เม ทุกฺขา ปโมเจตู’’ติ วตฺวา ปุน อตฺตโน ปริจาริกเจฏกํ อาณาเปนฺโต วิย ปชฺชุนฺนํ เทวราชานํ อาลปนฺโต ‘‘อภิตฺถนยา’’ติ คาถมาห.
ตตฺถ อภิตฺถนย ปชฺชุนฺนาติ ปชฺชุนฺโน วุจฺจติ เมโฆ, อยํ ปน เมฆวเสน ลทฺธนามํ วสฺสวลาหกเทวราชานํ ¶ อาลปติ. อยํ หิสฺส อธิปฺปาโย ¶ – เทโว นาม อนภิตฺถนยนฺโต วิชฺชุลตา อนิจฺฉาเรนฺโต ปวสฺสนฺโตปิ น โสภติ, ตสฺมา ตฺวํ อภิตฺถนยนฺโต วิชฺชุลตา นิจฺฉาเรนฺโต วสฺสาเปหีติ. นิธึ กากสฺส นาสยาติ กากา กลลํ ปวิสิตฺวา ิเต มจฺเฉ ตุณฺเฑน โกฏฺเฏตฺวา นีหริตฺวา ขาทนฺติ ¶ , ตสฺมา เตสํ อนฺโตกลเล มจฺฉา ‘‘นิธี’’ติ วุจฺจนฺติ. ตํ กากสงฺฆสฺส นิธึ เทวํ วสฺสาเปนฺโต อุทเกน ปฏิจฺฉาเทตฺวา นาเสหิ. กากํ โสกาย รนฺเธหีติ กากสงฺโฆ อิมสฺมึ มหาสเร อุทเกน ปุณฺเณ มจฺเฉ อลภมาโน โสจิสฺสติ, ตํ กากคณํ ตฺวํ อิมํ กทฺทมํ ปูเรนฺโต โสกาย รนฺเธหิ, โสกสฺสตฺถาย ปน วสฺสาปยถ, ยถา อนฺโตนิชฺฌานลกฺขณํ โสกํ ปาปุณาติ, เอวํ กโรหีติ อตฺโถ. มจฺเฉ โสกา ปโมจยาติ มม าตเก สพฺเพว มจฺเฉ อิมมฺหา มรณโสกา ปโมเจหิ. ‘‘มฺจ โสกา ปโมจยา’’ติ (ชา. ๑.๑.๗๕) ชาตเก ปนฺติ. ตตฺถ จ-กาโร สมฺปิณฺฑนตฺโถ, มฺจ มม าตเก จาติ สพฺเพว มรณโสกา ปโมเจหิ (ชา. อฏฺ. ๑.๑.๗๕). มจฺฉานฺหิ อนุทกภาเวน ปจฺจตฺถิกานํ ฆาสภาวํ คจฺฉามาติ มหามรณโสโก, มหาสตฺตสฺส ปน เตสํ อนยพฺยสนํ ปฏิจฺจ กรุณายโต กรุณาปติรูปมุเขน โสกสมฺภโว เวทิตพฺโพ.
เอวํ โพธิสตฺโต อตฺตโน ปริจาริกเจฏกํ อาณาเปนฺโต วิย ปชฺชุนฺนํ อาลปิตฺวา สกเล โกสลรฏฺเ มหาวสฺสํ วสฺสาเปสิ. มหาสตฺตสฺส หิ สีลเตเชน สจฺจกิริยาย สมกาลเมว สกฺกสฺส ปณฺฑุกมฺพลสิลาสนํ อุณฺหาการํ ทสฺเสสิ. โส ‘‘กึ นุ โข’’ติ อาวชฺเชนฺโต ตํ การณํ ตฺวา วสฺสวลาหกเทวราชานํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘ตาต, มหาปุริโส มจฺฉราชา าตีนํ มรณโสเกน วสฺสาปนํ อิจฺฉติ, สกลํ โกสลรฏฺํ เอกเมฆํ กตฺวา วสฺสาเปหี’’ติ อาห.
โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา เอกํ วลาหกํ นิวาเสตฺวา เอกํ ปารุปิตฺวา เมฆคีตํ คายนฺโต ปาจีนโลกธาตุอภิมุโข ปกฺขนฺทิ. ปาจีนทิสาภาเค ขลมณฺฑลมตฺตํ เอกํ เมฆมณฺฑลํ อุฏฺาย สตปฏลํ สหสฺสปฏลํ หุตฺวา อภิตฺถนยนฺตํ วิชฺชุลตา นิจฺฉาเรนฺตํ อโธมุขปิตอุทกกุมฺภากาเรน วิสฺสนฺทมานํ สกลํ โกสลรฏฺํ มโหเฆน ¶ อชฺโฌตฺถริ. เทโว อจฺฉินฺนธารํ วสฺสนฺโต มุหุตฺเตเนว ตํ มหาสรํ ปูเรสิ. มจฺฉา มรณภยโต มุจฺจึสุ. กากาทโย ¶ อปติฏฺา อเหสุํ. น เกวลํ มจฺฉา เอว, มนุสฺสาปิ วิวิธสสฺสานิ สมฺปาเทนฺตา จตุปฺปทาทโยปีติ สพฺเพปิ วสฺสูปชีวิโน กายิกเจตสิกทุกฺขโต มุจฺจึสุ. เตน วุตฺตํ –
‘‘สห กเต สจฺจวเร, ปชฺชุนฺโน อภิคชฺชิย;
ถลํ นินฺนฺจ ปูเรนฺโต, ขเณน อภิวสฺสถา’’ติ.
ตตฺถ ¶ ขเณน อภิวสฺสถาติ อทนฺธายิตฺวา สจฺจกิริยขเณเนว อภิวสฺสิ.
๙๑. กตฺวา วีริยมุตฺตมนฺติ เทเว อวสฺสนฺเต กึ กาตพฺพนฺติ โกสชฺชํ อนาปชฺชิตฺวา าตตฺถจริยาสมฺปาทนมุเขน มหโต สตฺตนิกายสฺส หิตสุขนิปฺผาทนํ อุตฺตมํ วีริยํ กตฺวา. สจฺจเตชพลสฺสิโต มม สจฺจานุภาวพลสนฺนิสฺสิโต หุตฺวา ตทา มหาเมฆํ วสฺสาเปสึ. ยสฺมา เจตเทวํ, ตสฺมา ‘‘สจฺเจน เม สโม นตฺถิ, เอสา เม สจฺจปารมี’’ติ มหามจฺฉราชกาเล อตฺตโน สจฺจปารมิยา อนฺสาธารณภาวํ ทสฺเสสิ ธมฺมราชา.
เอวํ มหาสตฺโต มหากรุณาย สมุสฺสาหิตหทโย สกลรฏฺเ มหาวสฺสํ วสฺสาปนวเสน มหาชนํ มรณทุกฺขโต โมเจตฺวา ชีวิตปริโยสาเน ยถากมฺมํ คโต.
ตทา ปชฺชุนฺโน อานนฺทตฺเถโร อโหสิ, มจฺฉคณา พุทฺธปริสา, มจฺฉราชา โลกนาโถ.
ตสฺส เหฏฺา วุตฺตนเยเนว เสสปารมิโยปิ นิทฺธาเรตพฺพา. ตถา อตฺตโน สมานชาติกานํ ขาทนฏฺาเน มจฺฉโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา ตณฺฑุลกณมตฺตมฺปิ มจฺฉํ อาทึ กตฺวา กสฺสจิปิ ปาณิโน อขาทนํ, ติฏฺตุ ขาทนํ เอกสตฺตสฺสปิ อวิเหนํ, ตถา สจฺจกรเณน เทวสฺส วสฺสาปนํ, อุทเก ปริกฺขีเณ กลลคหเน นิมุชฺชนวเสน อตฺตนา อนุภวมานํ ทุกฺขํ วีรภาเวน อคเณตฺวา าติสงฺฆสฺเสว ตํ ทุกฺขํ อตฺตโน หทเย กตฺวา อสหนฺตสฺส สพฺพภาเวน กรุณายนา, ตถา จ ปฏิปตฺตีติ เอวมาทโย คุณานุภาวา วิภาเวตพฺพาติ.
มจฺฉราชจริยาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๑. กณฺหทีปายนจริยาวณฺณนา
๙๒. เอกาทสเม ¶ ¶ กณฺหทีปายโน อิสีติ เอวํนามโก ตาปโส. โพธิสตฺโต หิ ตทา ทีปายโน นาม อตฺตโน สหายํ มณฺฑพฺยตาปสํ สูเล อุตฺตาสิตํ อุปสงฺกมิตฺวา ตสฺส สีลคุเณน ตํ อวิชหนฺโต ติยามรตฺตึ สูลํ นิสฺสาย ิโต ตสฺส สรีรโต ปคฺฆริตฺวา ปติตปติเตหิ โลหิตพินฺทูหิ สุกฺเขหิ กาฬวณฺณสรีรตาย ‘‘กณฺหทีปายโน’’ติ ปากโฏ อโหสิ. ปโรปฺาสวสฺสานีติ สาธิกานิ ปฺาสวสฺสานิ, อจฺจนฺตสํโยเค อุปโยควจนํ. อนภิรโต จรึ ¶ อหนฺติ ปนฺตเสนาสเนสุ เจว อธิกุสลธมฺเมสุ จ อนภิรติวาสํ วสนฺโต อหํ พฺรหฺมจริยํ อจรึ. ปพฺพชิตฺวา สตฺตาหเมว หิ ตทา มหาสตฺโต อภิรโต พฺรหฺมจริยํ จริ. ตโต ปรํ อนภิรติวาสํ วสิ.
กสฺมา ปน มหาปุริโส อเนกสตสหสฺเสสุ อตฺตภาเวสุ เนกฺขมฺมชฺฌาสโย พฺรหฺมจริยวาสํ อภิรมิตฺวา อิธ ตํ นาภิรมิ? ปุถุชฺชนภาวสฺส จฺจลภาวโต. กสฺมา จ ปุน น อคารํ อชฺฌาวสีติ? ปมํ เนกฺขมฺมชฺฌาสเยน กาเมสุ โทสํ ทิสฺวา ปพฺพชิ. อถสฺส อโยนิโสมนสิกาเรน อนภิรติ อุปฺปชฺชิ. โส ตํ วิโนเทตุมสกฺโกนฺโตปิ กมฺมฺจ ผลฺจ สทฺทหิตฺวา ตาว มหนฺตํ วิภวํ ปหาย อคารสฺมา นิกฺขมนฺโต ยํ ปชหิ, ปุน ตทตฺถเมว นิวตฺโต, ‘‘เอฬมูโค จปโล วตายํ กณฺหทีปายโน’’ติ อิมํ อปวาทํ ชิคุจฺฉนฺโต อตฺตโน หิโรตฺตปฺปเภทภเยน. อปิ จ ปพฺพชฺชาปฺุํ นาเมตํ วิฺูหิ พุทฺธาทีหิ ปสตฺถํ, เตหิ จ อนุฏฺิตํ, ตสฺมาปิ สหาปิ ทุกฺเขน สหาปิ โทมนสฺเสน อสฺสุมุโข โรทมาโนปิ พฺรหฺมจริยวาสํ วสิ, น ตํ วิสฺสชฺเชสิ. วุตฺตฺเจตํ –
‘‘สทฺธาย นิกฺขมฺม ปุน นิวตฺโต, โส เอฬมูโค จปโล วตายํ;
เอตสฺส วาทสฺส ชิคุจฺฉมาโน, อกามโก จรามิ พฺรหฺมจริยํ;
วิฺุปฺปสตฺถฺจ ¶ สตฺจ านํ, เอวมฺปหํ ปฺุกโร ภวามี’’ติ. (ชา. ๑.๑๐.๖๖);
๙๓. น ¶ โกจิ เอตํ ชานาตีติ เอตํ มม อนภิรติมนํ พฺรหฺมจริยวาเส อภิรติวิรหิตจิตฺตํ โกจิ มนุสฺสภูโต น ชานาติ. กสฺมา? อหฺหิ กสฺสจิ นาจิกฺขึ มม มานเส จิตฺเต อรติ จรติ ปวตฺตตีติ กสฺสจิปิ น กเถสึ, ตสฺมา น โกจิ มนุสฺสภูโต เอตํ ชานาตีติ.
‘‘สพฺรหฺมจารี ¶ มณฺฑพฺโย, สหาโย เม มหาอิสิ;
ปุพฺพกมฺมสมายุตฺโต, สูลมาโรปนํ ลภิ.
.
สพฺรหฺมจารีติ ตาปสปพฺพชฺชาย สมานสิกฺขตาย สพฺรหฺมจารี. มณฺฑพฺโยติ เอวํนามโก. สหาโยติ คิหิกาเล ปพฺพชิตกาเล จ ทฬฺหมิตฺตตาย ปิยสหาโย. มหาอิสีติ มหานุภาโว อิสิ. ปุพฺพกมฺมสมายุตฺโต, สูลมาโรปนํ ลภีติ กโตกาเสน อตฺตโน ปุพฺพกมฺเมน ยุตฺโต สูลาโรปนํ ลภิ, สูลํ อุตฺตาสิโตติ.
ตตฺรายํ ¶ อนุปุพฺพิกถา – อตีเต วํสรฏฺเ โกสมฺพิยํ โกสมฺพิโก นาม ราชา รชฺชํ กาเรสิ. ตทา โพธิสตฺโต อฺตรสฺมึ นิคเม อสีติโกฏิวิภวสฺส พฺราหฺมณมหาสาลสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, นาเมน ทีปายโน นาม. ตาทิสสฺเสว พฺราหฺมณมหาสาลสฺส ปุตฺโต พฺราหฺมณกุมาโร ตสฺส ปิยสหาโย อโหสิ, นาเมน มณฺฑพฺโย นาม. เต อุโภปิ อปรภาเค มาตาปิตูนํ อจฺจเยน กาเมสุ โทสํ ทิสฺวา มหาทานํ ปวตฺเตตฺวา กาเม ปหาย าติมิตฺตปริชนสฺส โรทนฺตสฺส ปริเทวนฺตสฺส นิกฺขมิตฺวา หิมวนฺตปฺปเทเส อสฺสมํ กตฺวา ปพฺพชิตฺวา อฺุฉาจริยาย วนมูลผลาหาเรน ยาเปนฺโต ปโรปณฺณาสวสฺสานิ วสึสุ, กามจฺฉนฺทํ วิกฺขมฺเภตุํ นาสกฺขึสุ, เต ฌานมตฺตมฺปิ น นิพฺพตฺเตสุํ.
เต โลณมฺพิลเสวนตฺถาย ชนปทจาริกํ จรนฺตา ¶ กาสิรฏฺํ สมฺปาปุณึสุ. ตตฺเรกสฺมึ นิคเม ทีปายนสฺส คิหิสหาโย มณฺฑพฺโย นาม ปฏิวสติ. เต อุโภปิ ตสฺส สนฺติกํ อุปสงฺกมึสุ. โส เต ทิสฺวา อตฺตมโน ปณฺณสาลํ กาเรตฺวา จตูหิ ปจฺจเยหิ อุปฏฺหิ. เต ตตฺถ ตีณิ จตฺตาริ วสฺสานิ วสิตฺวา ตํ อาปุจฺฉิตฺวา จาริกํ จรนฺตา พาราณสิสมีเป อติมุตฺตกสุสาเน วสึสุ. ตตฺถ ทีปายโน ¶ ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวา ปุน ตสฺมึ นิคเม มณฺฑพฺยสฺส อตฺตโน สหายสฺส สนฺติกํ คโต. มณฺฑพฺยตาปโส ตตฺเถว วสิ.
อเถกทิวสํ เอโก โจโร อนฺโตนคเร โจริกํ กตฺวา ธนสารํ อาทาย นิกฺขนฺโต ปฏิพุทฺเธหิ เคหสามิเกหิ นครารกฺขกมนุสฺเสหิ จ อนุพทฺโธ นิทฺธมเนน นิกฺขมิตฺวา เวเคน สุสานํ ปวิสิตฺวา ตาปสสฺส ปณฺณสาลทฺวาเร ภณฺฑิกํ ฉฑฺเฑตฺวา ปลายิ. มนุสฺสา ภณฺฑิกํ ทิสฺวา ‘‘อเร ทุฏฺชฏิล, รตฺตึ, โจริกํ กตฺวา ทิวา ตาปสเวเสน จรสี’’ติ ตชฺเชตฺวา โปเถตฺวา ตํ อาทาย รฺโ ทสฺสยึสุ. ราชา อนุปปริกฺขิตฺวาว ‘‘สูเล อุตฺตาเสถา’’ติ อาห. ตํ สุสานํ เนตฺวา ขทิรสูเล อาโรปยึสุ. ตาปสสฺส สรีเร สูลํ น ปวิสติ. ตโต นิมฺพสูลํ อาหรึสุ, ตมฺปิ น ปวิสติ. ตโต อยสูลํ อาหรึสุ, ตมฺปิ น ปวิสติ. ตาปโส ‘‘กึ นุ โข เม ปุพฺพกมฺม’’นฺติ จินฺเตสิ. ตสฺส ชาติสฺสราณํ อุปฺปชฺชิ. เตน ปุพฺพกมฺมํ อทฺทส – โส กิร ปุริมตฺตภาเว วฑฺฒกีปุตฺโต หุตฺวา ปิตุ รุกฺขตจฺฉนฏฺานํ คนฺตฺวา เอกํ มกฺขิกํ คเหตฺวา โกวิฬารสกลิกาย สูเลน วิย วิชฺฌิ. ตสฺส ตํ ปาปํ อิมสฺมึ าเน โอกาสํ ลภิ. โส ‘‘น สกฺกา อิโต ปาปโต มุจฺจิตุ’’นฺติ ตฺวา ราชปุริเส อาห – ‘‘สเจ มํ สูเล อุตฺตาเสตุกามตฺถ, โกวิฬารสูลํ อาหรถา’’ติ. เต ตถา กตฺวา ตํ สูเล อุตฺตาเสตฺวา อารกฺขํ ทตฺวา ปกฺกมึสุ.
ตทา ¶ กณฺหทีปายโน ‘‘จิรทิฏฺโ เม สหาโย’’ติ มณฺฑพฺยสฺส สนฺติกํ อาคจฺฉนฺโต ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา ตํ านํ คนฺตฺวา เอกมนฺตํ ิโต ‘‘กึ, สมฺม, การโกสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อการโกมฺหี’’ติ วุตฺเต ‘‘อตฺตโน มโนปโทสํ รกฺขิตุํ สกฺขิ น สกฺขี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘สมฺม, เยหิ อหํ คหิโต, เนว เตสํ น รฺโ อุปริ มยฺหํ มโนปโทโส ¶ อตฺถี’’ติ. ‘‘เอวํ สนฺเต ตาทิสสฺส สีลวโต ฉายา มยฺหํ สุขา’’ติ วตฺวา กณฺหทีปายโน สูลํ นิสฺสาย นิสีทิ. อารกฺขกปุริสา ตํ ปวตฺตึ รฺโ อาโรเจสุํ. ราชา ‘‘อนิสาเมตฺวา เม กต’’นฺติ เวเคน ตตฺถ คนฺตฺวา ‘‘กสฺมา, ภนฺเต, ตฺวํ สูลํ นิสฺสาย นิสินฺโนสี’’ติ ทีปายนํ ปุจฺฉิ. ‘‘มหาราช, อิมํ ตาปสํ รกฺขนฺโต นิสินฺโนสฺมี’’ติ. ‘‘กึ ปน ตฺวํ อิมสฺส การกภาวํ ตฺวา เอวํ กโรสี’’ติ. โส กมฺมสฺส อวิโสธิตภาวํ อาจิกฺขิ. อถสฺส ทีปายโน ‘‘รฺา นาม นิสมฺมการินา ภวิตพฺพํ.
‘‘อลโส ¶ คิหี กามโภคี น สาธุ, อสฺโต ปพฺพชิโต น สาธุ;
ราชา น สาธุ อนิสมฺมการี, โย ปณฺฑิโต โกธโน ตํ น สาธู’’ติ. (ชา. ๑.๔.๑๒๗; ๑.๕.๔; ๑.๑๐.๑๕๓; ๑.๑๕.๒๒๙) –
อาทีนิ วตฺวา ธมฺมํ เทเสสิ.
ราชา มณฺฑพฺยตาปสสฺส นิทฺโทสภาวํ ตฺวา ‘‘สูลํ หรถา’’ติ อาณาเปสิ. สูลํ หรนฺตา หริตุํ นาสกฺขึสุ. มณฺฑพฺโย อาห – ‘‘มหาราช, อหํ ปุพฺเพ กตกมฺมโทเสน เอวรูปํ อยสํ ปตฺโต, มม สรีรโต สูลํ หริตุํ น สกฺกา, สเจปิ มยฺหํ ชีวิตํ ทาตุกาโม, กกเจน อิมํ สูลํ จมฺมสมํ กตฺวา ฉินฺทาเปหี’’ติ. ราชา ตถา กาเรสิ. สูลํ อนฺโตเยว อโหสิ, น กฺจิ ปีฬํ ชเนสิ. ตทา กิร สุขุมํ สกลิกหีรํ คเหตฺวา มกฺขิกาย วจฺจมคฺคํ ปเวเสสิ, ตํ ตสฺส อนฺโต เอว อโหสิ. โส เตน การเณน อมริตฺวา, อตฺตโน อายุกฺขเยเนว มริ, ตสฺมา อยมฺปิ น มโตติ. ราชา ตาปเส วนฺทิตฺวา ขมาเปตฺวา อุโภปิ อุยฺยาเนเยว วสาเปนฺโต ปฏิชคฺคิ. ตโต ปฏฺาย โส อาณิมณฺฑพฺโย นาม ชาโต. โส ราชานํ อุปนิสฺสาย ตตฺเถว วสิ. ทีปายโน ปน ตสฺส วณํ ผาสุกํ กริตฺวา อตฺตโน คิหิสหายมณฺฑพฺเยน การิตํ ปณฺณสาลเมว คโต. เตน วุตฺตํ –
‘‘ตมหํ ¶ อุปฏฺหิตฺวาน, อาโรคฺยมนุปาปยึ;
อาปุจฺฉิตฺวาน อาคฺฉึ, ยํ มยฺหํ สกมสฺสม’’นฺติ.
ตตฺถ อาปุจฺฉิตฺวานาติ มยฺหํ สหายํ มณฺฑพฺยตาปสํ อาปุจฺฉิตฺวา. ยํ มยฺหํ สกมสฺสมนฺติ ยํ ตํ มยฺหํ คิหิสหาเยน มณฺฑพฺยพฺราหฺมเณน การิตํ สกํ มม สนฺตกํ อสฺสมปทํ ปณฺณสาลา, ตํ อุปาคฺฉึ.
๙๖. ตํ ปน ปณฺณสาลํ ปวิสนฺตํ ทิสฺวา สหายสฺส อาโรเจสุํ. โส สุตฺวาว ตุฏฺจิตฺโต สปุตฺตทาโร พหุคนฺธมาลผาณิตาทีนิ อาทาย ปณฺณสาลํ ¶ คนฺตฺวา ทีปายนํ วนฺทิตฺวา ปาเท โธวิตฺวา ปานกํ ปาเยตฺวา อาณิมณฺฑพฺยสฺส ปวตฺตึ สุณนฺโต นิสีทิ. อถสฺส ปุตฺโต ยฺทตฺตกุมาโร นาม จงฺกมนโกฏิยํ เคณฺฑุเกน กีฬิ. ตตฺถ เจกสฺมึ วมฺมิเก อาสิวิโส วสติ. กุมาเรน ภูมิยํ ปหตเคณฺฑุโก คนฺตฺวา วมฺมิกพิเล อาสิวิสสฺส มตฺถเก ปติ. กุมาโร อชานนฺโต พิเล หตฺถํ ปเวเสสิ.
อถ นํ กุทฺโธ อาสิวิโส หตฺเถ ฑํสิ. โส วิสเวเคน มุจฺฉิโต ตตฺเถว ปติ. อถสฺส มาตาปิตโร สปฺเปน ทฏฺภาวํ ตฺวา กุมารํ อุกฺขิปิตฺวา ตาปสสฺส ปาทมูเล นิปชฺชาเปตฺวา ‘‘ภนฺเต, โอสเธน วา มนฺเตน วา ปุตฺตกํ โน นีโรคํ กโรถา’’ติ อาหํสุ. โส ‘‘อหํ โอสธํ น ชานามิ, นาหํ เวชฺชกมฺมํ กริสฺสามิ, ปพฺพชิโตมฺหี’’ติ. ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, อิมสฺมึ กุมารเก เมตฺตํ กตฺวา สจฺจกิริยํ กโรถา’’ติ. ตาปโส ‘‘สาธุ สจฺจกิริยํ กริสฺสามี’’ติ วตฺวา ยฺทตฺตสฺส สีเส หตฺถํ เปตฺวา สจฺจกิริยํ ¶ อกาสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘สหาโย พฺราหฺมโณ มยฺห’’นฺติอาทิ.
ตตฺถ อาคฺฉุํ ปาหุนาคตนฺติ อติถิอภิคมนํ อภิคมึสุ.
๙๗. วฏฺฏมนุกฺขิปนฺติ ขิปนวฏฺฏสณฺานตาย ‘‘วฏฺฏ’’นฺติ ลทฺธนามํ เคณฺฑุกํ อนุกฺขิปนฺโต, เคณฺฑุกกีฬํ กีฬนฺโตติ อตฺโถ. อาสิวิสมโกปยีติ ภูมิยํ ปฏิหโต หุตฺวา วมฺมิกพิลคเตน เคณฺฑุเกน ตตฺถ ิตํ กณฺหสปฺปํ สีเส ปหริตฺวา โรเสสิ.
๙๘. วฏฺฏคตํ มคฺคํ, อนฺเวสนฺโตติ เตน วฏฺเฏน คตํ มคฺคํ คเวสนฺโต. อาสิวิสสฺส หตฺเถน, อุตฺตมงฺคํ ปรามสีติ วมฺมิกพิลํ ปเวสิเตน อตฺตโน หตฺเถน อาสีวิสสฺส สีสํ ผุสิ.
๙๙. วิสพลสฺสิโตติ ¶ วิสพลนิสฺสิโต อตฺตโน วิสเวคํ นิสฺสาย อุปฺปชฺชนกสปฺโป. อฑํสิ ทารกํ ขเณติ ตสฺมึ ปรามสิตกฺขเณ เอว ตํ พฺราหฺมณกุมารํ ฑํสิ.
๑๐๐. สหทฏฺโติ ฑํเสน สเหว, ทฏฺสมกาลเมว. อาสิวิเสนาติ โฆรวิเสน. เตนาติ เตน ทารกสฺส วิสเวเคน มุจฺฉิตสฺส ¶ ภูมิยํ ปตเนน อหํ ทุกฺขิโต อโหสึ. มม วาหสิ ตํ ทุกฺขนฺติ ตํ ทารกสฺส มาตาปิตูนฺจ ทุกฺขํ มม วาหสิ, มยฺหํ สรีเร วิย มม กรุณาย วาเหสิ.
๑๐๑. ตฺยาหนฺติ เต ตสฺส ทารกสฺส มาตาปิตโร อหํ ‘‘มา โสจถ, มา ปริเทวถา’’ติอาทินา นเยน สมสฺสาเสตฺวา. โสกสลฺลิเตติ โสกสลฺลวนฺเต. อคฺคนฺติ เสฏฺํ ตโต เอว วรํ อุตฺตมํ สจฺจกิริยํ อกาสึ.
๑๐๒. อิทานิ ตํ สจฺจกิริยํ สรูเปน ทสฺเสตุํ ‘‘สตฺตาหเมวา’’ติ คาถมาห.
ตตฺถ สตฺตาหเมวาติ ปพฺพชิตทิวสโต ปฏฺาย สตฺต อหานิ เอว. ปสนฺนจิตฺโตติ กมฺมผลสทฺธาย ปสนฺนมานโส. ปฺุตฺถิโกติ ปฺุเน อตฺถิโก, ธมฺมจฺฉนฺทยุตฺโต. อถาปรํ ยํ จริตนฺติ อถ ตสฺมา สตฺตาหา อุตฺตริ ยํ มม พฺรหฺมจริยจรณํ.
๑๐๓. อกามโกวาหีติ ปพฺพชฺชํ อนิจฺฉนฺโต เอว. เอเตน สจฺเจน สุวตฺถิ โหตูติ สเจ อติเรกปฺาสวสฺสานิ อนภิรติวาสํ วสนฺเตน มยา กสฺสจิ อชานาปิตภาโว สจฺโจ, เอเตน สจฺเจน ยฺทตฺตกุมารสฺส โสตฺถิ โหตุ, ชีวิตํ ปฏิลภตูติ.
เอวํ ¶ ปน มหาสตฺเตน สจฺจกิริยาย กตาย ยฺทตฺตสฺส สรีรโต วิสํ ภสฺสิตฺวา ปถวึ ปาวิสิ. กุมาโร อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา มาตาปิตโร โอโลเกตฺวา ‘‘อมฺม, ตาตา’’ติ วตฺวา วุฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘สห สจฺเจ กเต มยฺหํ, วิสเวเคน เวธิโต;
อพุชฺฌิตฺวาน วุฏฺาสิ, อโรโค จาสิ มาณโว’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – มม สจฺจกรเณน สห สมานกาลเมว ตโต ปุพฺเพ วิสเวเคน เวธิโต กมฺปิโต ¶ วิสฺิภาเวน อพุชฺฌิตฺวา ิโต วิคตวิสตฺตา ปฏิลทฺธสฺโ สหสา วุฏฺาสิ. โส มาณโว กุมาโร วิสเวคาภาเวน อโรโค จ อโหสีติ.
อิทานิ สตฺถา ตสฺสา อตฺตโน สจฺจกิริยาย ปรมตฺถปารมิภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘สจฺเจน เม สโม นตฺถิ, เอสา เม สจฺจปารมี’’ติ อาห. ตํ อุตฺตานตฺถเมว ¶ . ชาตกฏฺกถายํ (ชา. อฏฺ. ๔.๑๐.๖๒) ปน ‘‘มหาสตฺตสฺส สจฺจกิริยาย กุมารสฺส ถนปฺปเทสโต อุทฺธํ วิสํ ภสฺสิตฺวา วิคตํ. ทารกสฺส ปิตุ สจฺจกิริยาย กฏิโต อุทฺธํ, มาตุ สจฺจกิริยาย อวสิฏฺสรีรโต วิสํ ภสฺสิตฺวา วิคต’’นฺติ อาคตํ. ตถา หิ วุตฺตํ –
‘‘ยสฺมา ทานํ นาภินนฺทึ กทาจิ, ทิสฺวานหํ อติถึ วาสกาเล;
น จาปิ เม อปฺปิยตํ อเวทุํ, พหุสฺสุตา สมณพฺราหฺมณา จ;
อกามโก วาปิ อหํ ททามิ, เอเตน สจฺเจน สุวตฺถิ โหตุ;
หตํ วิสํ ชีวตุ ยฺทตฺโต.
‘‘อาสีวิโส ตาต ปหูตเตโช, โย ตํ อทํสี ปตรา อุทิจฺจ;
ตสฺมิฺจ เม อปฺปิยตาย อชฺช, ปิตริ จ เต นตฺถิ โกจิ วิเสโส;
เอเตน สจฺเจน สุวตฺถิ โหตุ, หตํ วิสํ ชีวตุ ยฺทตฺโต’’ติ.
ตตฺถ วาสกาเลติ วสนตฺถาย เคหํ อาคตกาเล. น จาปิ ¶ เม อปฺปิยตํ อเวทุนฺติ พหุสฺสุตาปิ สมณพฺราหฺมณา อยํ เนว ทานํ อภินนฺทติ, น อมฺเหติ อิมํ มม อปฺปิยภาวํ เนว ชานึสุ. อหฺหิ เต ปิยจกฺขูหิเยว โอโลเกมีติ ทีเปติ. เอเตน สจฺเจนาติ สเจ อหํ ททมาโนปิ วิปากํ อสทฺทหิตฺวา อตฺตโน อนิจฺฉาย เทมิ, อนิจฺฉภาวฺจ เม ปเร น ชานนฺติ, เอเตน สจฺเจน สุวตฺถิ โหตูติ อตฺโถ. อิตรคาถาย, ตาตาติ ปุตฺตํ อาลปติ. ปหูตเตโชติ พลววิโส. ปตราติ ปทรา, อยเมว วา ปาโ. อุทิจฺจาติ อุทฺธํ คนฺตฺวา, วมฺมิกพิลโต อุฏฺหิตฺวาติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ตาต ยฺทตฺต, ตสฺมิฺจ อาสิวิเส ตว จ ปิตริ อปฺปิยภาเวน มยฺหํ โกจิ วิเสโส นตฺถิ, ตฺจ ปน อปฺปิยภาวํ เปตฺวา อชฺช มยา น โกจิ ชานาปิตปุพฺโพ, สเจ เอตํ สจฺจํ, เอเตน สจฺเจน สุวตฺถิ โหตูติ.
เอวํ ¶ โพธิสตฺโต กุมาเร อโรเค ชาเต ตสฺส ปิตรํ ‘‘ทานํ ททนฺเตน นาม กมฺมฺจ ผลฺจ ¶ สทฺทหิตฺวา ทาตพฺพ’’นฺติ กมฺมผลสทฺธาย นิเวเสตฺวา สยํ อนภิรตึ วิโนเทตฺวา ฌานาภิฺาโย อุปฺปาเทตฺวา อายุปริโยสาเน พฺรหฺมโลกปรายโน อโหสิ.
ตทา มณฺฑพฺโย อานนฺทตฺเถโร อโหสิ, ตสฺส ภริยา วิสาขา, ปุตฺโต ราหุลตฺเถโร, อาณิมณฺฑพฺโย สาริปุตฺตตฺเถโร, กณฺหทีปายโน โลกนาโถ.
ตสฺส อิธ ปาฬิยา อารุฬฺหา สจฺจปารมี, เสสา จ ปารมิโย เหฏฺา วุตฺตนเยเนว นิทฺธาเรตพฺพา. ตถา อนวเสสมหาโภคปริจฺจาคาทโย คุณานุภาวา วิภาเวตพฺพาติ.
กณฺหทีปายนจริยาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๒. มหาสุตโสมจริยาวณฺณนา
๑๐๕. ทฺวาทสเม สุตโสโม มหีปตีติ เอวํนาโม ขตฺติโย. มหาสตฺโต หิ ตทา กุรุรฏฺเ อินฺทปตฺถนคเร โกรพฺยสฺส รฺโ อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติ. ตํ สุตวิตฺตตาย จนฺทสมานโสมฺมวรวณฺณตาย จ ‘‘สุตโสโม’’ติ สฺชานึสุ. ตํ วยปฺปตฺตํ สพฺพสิปฺปนิปฺผตฺติปฺปตฺตํ มาตาปิตโร ¶ รชฺเช อภิสิฺจึสุ. คหิโต โปริสาเทนาติ ปุริสานํ มนุสฺสานํ อทนโต ขาทนโต ‘‘โปริสาโท’’ติ ลทฺธนาเมน พาราณสิรฺา เทวตาพลิกมฺมตฺถํ คหิโต.
พาราณสิราชา หิ ตทา มํสํ วินา อภฺุชนฺโต อฺํ มํสํ อลภนฺเตน ภตฺตการเกน มนุสฺสมํสํ ขาทาปิโต รสตณฺหาย พทฺโธ หุตฺวา มนุสฺเส ฆาเตตฺวา มนุสฺสมํสํ ขาทนฺโต ‘‘โปริสาโท’’ติ ลทฺธนาโม อมจฺจปาริสชฺชปฺปมุเขหิ นาคเรหิ เนคมชานปเทหิ จ อุสฺสาหิเตน กาฬหตฺถินา นาม อตฺตโน เสนาปตินา ‘‘เทว, ยทิ รชฺเชน อตฺถิโก มนุสฺสมํสขาทนโต วิรมาหี’’ติ วุตฺโต ‘‘รชฺชํ ปชหนฺโตปิ มนุสฺสมํสขาทนโต น โอรมิสฺสามี’’ติ วตฺวา เตหิ รฏฺา ปพฺพาชิโต ¶ อรฺํ ปวิสิตฺวา เอกสฺมึ นิคฺโรธรุกฺขมูเล วสนฺโต ขาณุปฺปหาเรน ปาเท ชาตสฺส วณสฺส ผาสุภาวาย ‘‘สกลชมฺพุทีเป เอกสตขตฺติยานํ คลโลหิเตน พลิกมฺมํ กริสฺสามี’’ติ เทวตาย อายาจนํ กตฺวา สตฺตาหํ อนาหารตาย วเณ ผาสุเก ชาเต ‘‘เทวตานุภาเวน เม โสตฺถิ อโหสี’’ติ สฺาย ‘‘เทวตาย พลิกมฺมตฺถํ ราชาโน ¶ อาเนสฺสามี’’ติ คจฺฉนฺโต อตีตภเว สหายภูเตน ยกฺเขน สมาคนฺตฺวา เตน ทินฺนมนฺตพเลน อธิกตรถามชวปรกฺกมสสมฺปนฺโน หุตฺวา สตฺตาหพฺภนฺตเรเยว สตราชาโน อาเนตฺวา อตฺตโน วสนนิคฺโรธรุกฺเข โอลมฺเพตฺวา พลิกมฺมกรณสชฺโช อโหสิ.
อถ ตสฺมึ รุกฺเข อธิวตฺถา เทวตา ตํ พลิกมฺมํ อนิจฺฉนฺตี ‘‘อุปาเยน นํ นิเสเธสฺสามี’’ติ ปพฺพชิตรูเปน ตสฺส อตฺตานํ ทสฺเสตฺวา เตน อนุพทฺโธ ติโยชนํ คนฺตฺวา ปุน อตฺตโน ทิพฺพรูปเมว ทสฺเสตฺวา ‘‘ตฺวํ มุสาวาที ตยา ‘สกลชมฺพุทีเป ราชาโน อาเนตฺวา พลิกมฺมํ กริสฺสามี’ติ ปฏิสฺสุตํ. อิทานิ เย วา เต วา ทุพฺพลราชาโน อาเนสิ. ชมฺพุทีเป เชฏฺกํ สุตโสมราชานํ สเจ นาเนสฺสสิ, น เม เต พลิกมฺเมน อตฺโถ’’ติ อาห.
โส ‘‘ทิฏฺา เม อตฺตโน เทวตา’’ติ ตุสิตฺวา ‘‘สามิ, มา จินฺตยิ, อหํ อชฺเชว สุตโสมํ อาเนสฺสามี’’ติ วตฺวา เวเคน มิคาชินอุยฺยานํ คนฺตฺวา อสํวิหิตาย อารกฺขาย โปกฺขรณึ โอตริตฺวา ปทุมินิปตฺเตน สีสํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา อฏฺาสิ. ตสฺมึ ¶ อนฺโตอุยฺยานคเตเยว พลวปจฺจูเส สมนฺตา ติโยชนํ อารกฺขํ คณฺหึสุ. มหาสตฺโต ปาโตว อลงฺกตหตฺถิกฺขนฺธวรคโต จตุรงฺคินิยา เสนาย นครโต นิกฺขมิ. ตทา ตกฺกสิลโต นนฺโท นาม พฺราหฺมโณ จตสฺโส สตารหคาถาโย คเหตฺวา วีสโยชนสตํ มคฺคํ อติกฺกมฺม ตํ นครํ ปตฺโต ราชานํ ปาจีนทฺวาเรน นิกฺขมนฺตํ ทิสฺวา หตฺถํ อุกฺขิปิตฺวา ‘‘ชยตุ ภวํ, มหาราชา’’ติ วตฺวา ชยาเปสิ.
ราชา หตฺถินา ตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘กุโต นุ, ตฺวํ พฺราหฺมณ, อาคจฺฉสิ, กิมิจฺฉสิ, กึ เต ทชฺช’’นฺติ อาห. พฺราหฺมโณ ‘‘ตุมฺเห ‘สุตวิตฺตกา’ติ สุตฺวา จตสฺโส สตารหคาถาโย อาทาย ตุมฺหากํ เทเสตุํ อาคโตมฺหี’’ติ อาห. มหาสตฺโต ตุฏฺมานโส หุตฺวา ‘‘อหํ อุยฺยานํ ¶ คนฺตฺวา นฺหายิตฺวา อาคนฺตฺวา โสสฺสามิ, ตฺวํ มา อุกฺกณฺี’’ติ วตฺวา ‘‘คจฺฉถ พฺราหฺมณสฺส อสุกเคเห นิวาสํ ฆาสจฺฉาทนฺจ สํวิทหถา’’ติ อาณาเปตฺวา อุยฺยานํ ปวิสิตฺวา มหนฺตํ อารกฺขํ สํวิธาย โอฬาริกานิ อาภรณานิ โอมฺุจิตฺวา มสฺสุกมฺมํ กาเรตฺวา อุพฺพฏฺฏิตสรีโร โปกฺขรณิยา ราชวิภเวน นฺหายิตฺวา ปจฺจุตฺตริตฺวา อุทกคฺคหณสาฏเก นิวาเสตฺวา อฏฺาสิ.
อถสฺส คนฺธมาลาลงฺกาเร อุปหรึสุ. โปริสาโท ‘‘อลงฺกตกาเล ราชา ภาริโก ภวิสฺสติ, สลฺลหุกกาเลเยว นํ คณฺหิสฺสามี’’ติ นทนฺโต ขคฺคํ ปริวตฺเตนฺโต ‘‘อหมสฺมิ โปริสาโท’’ติ นามํ สาเวตฺวา อุทกา นิกฺขมิ. ตสฺส สทฺทํ สุตฺวา หตฺถาโรหาทโย หตฺถิอาทิโต ภสฺสึสุ. พลกาโย ทูเร ิโต ตโตว ปลายิ. อิตโร อตฺตโน อาวุธานิ ฉฑฺเฑตฺวา อุเรน นิปชฺชิ. โปริสาโท ¶ ราชานํ อุกฺขิปิตฺวา ขนฺเธ นิสีทาเปตฺวา สมฺมุขฏฺาเนเยว อฏฺารสหตฺถํ ปาการํ ลงฺฆิตฺวา ปุรโต ปคลิตมทมตฺตวรวารเณ กุมฺเภ อกฺกมิตฺวา ปพฺพตกูฏานิ วิย ปาเตนฺโต วาตชวานิปิ อสฺสรตนานิ ปิฏฺิยํ อกฺกมิตฺวา ปาเตนฺโต รถสีเส อกฺกมิตฺวา ปาเตนฺโต ภมริกํ ภมนฺโต วิย นีลกานิ นิคฺโรธปตฺตานิ มทฺทนฺโต วิย เอกเวเคเนว ติโยชนมคฺคํ คนฺตฺวา กฺจิ อนุพนฺธนฺตํ ¶ อทิสฺวา สณิกํ คจฺฉนฺโต สุตโสมสฺส เกเสหิ อุทกพินฺทูนิ อตฺตโน อุปริ ปตนฺตานิ ‘‘อสฺสุพินฺทูนี’’ติ สฺาย ‘‘กิมิทํ สุตโสโมปิ มรณํ อนุโสจนฺโต โรทตี’’ติ อาห.
มหาสตฺโต ‘‘นาหํ มรณโต อนุโสจามิ, กุโต โรทนา, อปิ จ โข สงฺครํ กตฺวา สจฺจาปนํ นาม ปณฺฑิตานํ อาจิณฺณํ, ตํ น นิปฺผชฺชตี’’ติ อนุโสจามิ. กสฺสปทสพเลน เทสิตา จตสฺโส สตารหคาถาโย อาทาย ตกฺกสิลโต อาคตสฺส พฺราหฺมณสฺส อาคนฺตุกวตฺตํ กาเรตฺวา ‘‘นฺหายิตฺวา อาคนฺตฺวา สุณิสฺสามิ, ยาว มมาคมนา อาคเมหี’’ติ สงฺครํ กตฺวา อุยฺยานํ คโต, ตฺวฺจ ตา คาถาโย โสตุํ อทตฺวา มํ คณฺหีติ. เตน วุตฺตํ –
‘‘คหิโต โปริสาเทน, พฺราหฺมเณ สงฺครํ สริ’’นฺติ.
ตตฺถ พฺราหฺมเณ สงฺครํ สรินฺติ นนฺทพฺราหฺมเณ อตฺตนา กตํ ปฏิฺํ อนุสฺสรึ.
๑๐๖. อาวุณิตฺวา ¶ กรตฺตเลติ ตตฺถ ตตฺถ อุยฺยานาทีสุ คนฺตฺวา อตฺตโน พเลน อานีตานํ เอกสตขตฺติยานํ หตฺถตเล ฉิทฺทํ กตฺวา รุกฺเข ลมฺพนตฺถํ รชฺชุํ ปฏิมฺุจิตฺวา. เอเตสํ ปมิลาเปตฺวาติ เอเต เอกสตขตฺติเย ชีวคฺคาหํ คเหตฺวา อุทฺธํปาเท อโธสิเร กตฺวา ปณฺหิยา สีสํ ปหรนฺโต ภมณวเสน หตฺถตเล อาวุณิตฺวา รุกฺเข อาลมฺพนวเสน สพฺพโส อาหารูปจฺเฉเทน จ สพฺพถา ปมิลาเปตฺวา วิโสเสตฺวา เขทาเปตฺวาติ อตฺโถ. ยฺตฺเถติ พลิกมฺมตฺเถ สาเธตพฺเพ. อุปนยี มมนฺติ มํ อุปเนสิ.
๑๐๗. ตถา อุปนียมาโน ปน มหาสตฺโต โปริสาเทน ‘‘กึ ตฺวํ มรณโต ภายสี’’ติ วุตฺเต ‘‘นาหํ มรณโต ภายามิ, ตสฺส ปน พฺราหฺมณสฺส มยา กโต สงฺคโร น ปริโมจิโต’’ติ อนุโสจามิ. ‘‘สเจ มํ วิสฺสชฺเชสฺสสิ, ตํ ธมฺมํ สุตฺวา ตสฺส จ สกฺการสมฺมานํ กตฺวา ปุน อาคมิสฺสามี’’ติ. ‘‘นาหมิทํ สทฺทหามิ, ยํ ตฺวํ มยา วิสฺสชฺชิโต คนฺตฺวา ปุน มม หตฺถํ อาคมิสฺสาสี’’ติ. ‘‘สมฺม โปริสาท, มยา สทฺธึ เอกาจริยกุเล สิกฺขิโต สหาโย หุตฺวา ¶ ‘อหํ ชีวิตเหตุปิ น มุสา กเถมี’ติ กึ น สทฺทหสี’’ติ? กิฺจาปิ เม เอเตน วาจามตฺตเกน –
‘‘อสิฺจ ¶ สตฺติฺจ ปรามสามิ, สปถมฺปิ เต สมฺม อหํ กโรมิ;
ตยา ปมุตฺโต อนโณ ภวิตฺวา, สจฺจานุรกฺขี ปุนราวชิสฺส’’นฺติ. (ชา. ๒.๒๑.๔๐๗) –
มหาสตฺเตน อิมาย คาถาย วุตฺตาย โปริสาโท ‘‘อยํ สุตโสโม ‘ขตฺติเยหิ อกตฺตพฺพํ สปถํ กโรมี’ติ วทติ, คนฺตฺวา อนาคจฺฉนฺโตปิ มม หตฺถโต น มุจฺจิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา –
‘‘โย เต กโต สงฺคโร พฺราหฺมเณน, รฏฺเ สเก อิสฺสริเย ิเตน;
ตํ สงฺครํ พฺราหฺมณ สปฺปทาย, สจฺจานุรกฺขี ปุนราวชสฺสู’’ติ. (ชา. ๒.๒๑.๔๐๘) –
วิสฺสชฺเชสิ.
มหาสตฺโต ¶ ราหุมุขา มุตฺโต จนฺโท วิย นาคพโล ถามสมฺปนฺโน ขิปฺปเมว ตํ นครํ สมฺปาปุณิ. เสนาปิสฺส ‘‘สุตโสมราชา ปณฺฑิโต, โปริสาทํ ทเมตฺวา สีหมุขา ปมุตฺตมตฺตวรวารโณ วิย อาคมิสฺสตี’’ติ จ ‘‘ราชานํ โปริสาทสฺส ทตฺวา อาคตา’’ติ ครหภเยน จ พหินคเรเยว นิวิฏฺา ตํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ปจฺจุคฺคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘กจฺจิตฺถ, มหาราช, โปริสาเทน น กิลมิโต’’ติ ปฏิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘โปริสาเทน มยฺหํ มาตาปิตูหิปิ ทุกฺกรํ กตํ, ตถารูโป นาม จณฺโฑ สาหสิโก มมํ สทฺทหิตฺวา มํ วิสฺสชฺเชสี’’ติ วุตฺเต ราชานํ อลงฺกริตฺวา หตฺถิกฺขนฺธํ อาโรเปตฺวา ปริวาเรตฺวา นครํ ปาวิสิ. ตํ ทิสฺวา สพฺเพ นาครา ตุสึสุ.
โสปิ ธมฺมโสณฺฑตาย มาตาปิตโรปิ อนุปสงฺกมิตฺวา นิเวสนํ คนฺตฺวา พฺราหฺมณํ ปกฺโกสาเปตฺวา ตสฺส มหนฺตํ สกฺการสมฺมานํ กตฺวา ธมฺมครุตาย สยํ นีจาสเน นิสีทิตฺวา ‘‘ตุมฺเหหิ มยฺหํ อาภตา สตารหคาถา สุโณมิ อาจริยา’’ติ อาห. พฺราหฺมโณ มหาสตฺเตน ยาจิตกาเล คนฺเธหิ หตฺเถ อุพฺพฏฺเฏตฺวา ปสิพฺพกโต มโนรมํ โปตฺถกํ นีหริตฺวา อุโภหิ หตฺเถหิ คเหตฺวา ‘‘เตน หิ ¶ , มหาราช, สุโณหี’’ติ โปตฺถกํ วาเจนฺโต คาถา อภาสิ –
‘‘สกิเทว ¶ สุตโสม, สพฺภิ โหติ สมาคโม;
สา นํ สงฺคติ ปาเลติ, นาสพฺภิ พหุสงฺคโม.
‘‘สพฺภิเรว สมาเสถ, สพฺภิ กุพฺเพถ สนฺถวํ;
สตํ สทฺธมฺมมฺาย, เสยฺโย โหติ น ปาปิโย.
‘‘ชีรนฺติ เว ราชรถา สุจิตฺตา, อโถ สรีรมฺปิ ชรํ อุเปติ;
สตฺจ ธมฺโม น ชรํ อุเปติ, สนฺโต หเว สพฺภิ ปเวทยนฺติ.
‘‘นภฺจ ทูเร ปถวี จ ทูเร, ปารํ สมุทฺทสฺส ตทาหุ ทูเร;
ตโต หเว ทูรตรํ วทนฺติ, สตฺจ ธมฺโม อสตฺจ ราชา’’ติ. (ชา. ๒.๒๑.๔๑๑-๔๑๔, ๔๔๕-๔๔๘);
ตา ¶ สุตฺวา มหาสตฺโต ‘‘สผลํ เม อาคมน’’นฺติ ตุฏฺจิตฺโต ‘‘อิมา คาถา เนว สาวกภาสิตา, น อิสิภาสิตา, น กวิภาสิตา, น เทวภาสิตา, สพฺพฺุนาว ภาสิตา. กึ นุ โข อคฺฆ’’นฺติ จินฺเตนฺโต ‘‘อิมํ สกลมฺปิ จกฺกวาฬํ ยาว พฺรหฺมโลกา สตฺตรตนปุณฺณํ กตฺวา ทินฺเนปิ เนว อนุจฺฉวิกํ กตํ นาม โหติ, อหํ โข ปนสฺส ติโยชนสติเก กุรุรฏฺเ สตฺตโยชนิเก อินฺทปตฺถนคเร รชฺชํ ทาตุํ ปโหมิ. รชฺชํ กาตุํ ปนสฺส ภาคฺยํ นตฺถิ, ตถา หิสฺส องฺคลกฺขณานุสาเรน อปฺปานุภาวตา ทิสฺสติ, ตสฺมา ทินฺนมฺปิ รชฺชํ น อิมสฺมึ ติฏฺตี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘อาจริย, ตุมฺเห อฺเสํ ขตฺติยานํ อิมา คาถาโย เทเสตฺวา กึ ลภถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘เอเกกาย สตํ สตํ, มหาราช, เตเนว สตารหคาถา นาม ชาตา’’ติ. อถสฺส มหาสตฺโต ‘‘ตฺวํ อาจริย, อตฺตนา คเหตฺวา วิจรณภณฺฑสฺส อคฺฆํ น ชานาสี’’ติ.
‘‘สหสฺสิยา ¶ อิมา คาถา, นยิมา คาถา สตารหา;
จตฺตาริ ตฺวํ สหสฺสานิ, ขิปฺปํ คณฺหาหิ พฺราหฺมณา’’ติ. (ชา. ๒.๒๑.๔๑๕);
จตฺตาริ สหสฺสานิ ทาเปตฺวา เอกฺจ สุขยานกํ ทตฺวา มหตา สกฺการสมฺมาเนเนว ตํ อุยฺโยเชตฺวา มาตาปิตโร วนฺทิตฺวา ‘‘อหํ พฺราหฺมเณน อาภตํ สทฺธมฺมรตนํ ปูเชตฺวา ตสฺส จ สกฺการสมฺมานํ กตฺวา อาคมิสฺสามีติ โปริสาทสฺส ปฏิฺํ ทตฺวา อาคโต. ตตฺถ ยํ พฺราหฺมณสฺส ¶ กตฺตพฺพํ ปฏิปชฺชิตพฺพํ ตํ กตํ, อิทานิ โปริสาทสฺส สนฺติกํ คมิสฺสามี’’ติ วุตฺวา ‘‘เตน หิ, ตาต สุตโสม, กึ นาเมตํ กเถสิ, จตุรงฺคินิยา เสนาย โจรํ คณฺหิสฺสาม, มา คจฺฉ โจรสฺส สนฺติก’’นฺติ ยาจึสุ. โสฬสสหสฺสา นาฏกิตฺถิโย เสสปริชนาปิ ‘‘อมฺเห อนาเถ กตฺวา กุหึ คจฺฉสิ เทวา’’ติ ปริเทวึสุ. ‘‘ปุนปิ กิร ราชา โจรสฺส สนฺติกํ คมิสฺสตี’’ติ เอกโกลาหลํ อโหสิ.
มหาสตฺโต ‘‘ปฏิฺาย สจฺจาปนํ นาม สาธูนํ สปฺปุริสานํ อาจิณฺณํ, โสปิ มมํ สทฺทหิตฺวา วิสฺสชฺเชสิ, ตสฺมา คมิสฺสามิเยวา’’ติ มาตาปิตโร วนฺทิตฺวา เสสชนํ อนุสาเสตฺวา อสฺสุมุเขน นานปฺปการํ ปริเทวนฺเตน อิตฺถาคาราทินา ชเนน อนุคโต นครา นิกฺขมฺม ตํ ชนํ นิวตฺเตตุํ มคฺเค ทณฺฑเกน ติริยํ เลขํ กตฺวา ‘‘อิมํ มม เลขํ มา อติกฺกมึสู’’ติ ¶ วตฺวา อคมาสิ. มหาชโน เตชวโต มหาสตฺตสฺส อาณํ อติกฺกมิตุํ อสกฺโกนฺโต มหาสทฺเทน กนฺทิตฺวา โรทิตฺวา นิวตฺติ. โพธิสตฺโต อาคตมคฺเคเนว ตสฺส สนฺติกํ อคมาสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘อปุจฺฉิ มํ โปริสาโท’’ติอาทิ.
ตตฺถ กึ ตฺวํ อิจฺฉสิ นิสชฺชนฺติ ตฺวํ อตฺตโน นครํ คนฺตุํ มม หตฺถโต นิสฺสชฺชนํ กึ อิจฺฉสิ, ตฺวํ ‘‘มยา ตกฺกสิลาทีสุ จิรปริจิโต สจฺจวาที จา’’ติ วทสิ, ตสฺมา ยถา มติ เต กาหามิ, ยถารุจิ เต กริสฺสามิ. ยทิ เม ตฺวํ ปุเนหิสีติ สเจ ปุน ตฺวํ เอกํเสเนว มม สนฺติกํ อาคมิสฺสสิ.
๑๐๘. ปณฺเห อาคมนํ มมาติ ปเคว มม อาคมนํ ตสฺส ¶ โปริสาทสฺส ปฏิสฺสุณิตฺวา ปาโตว อาคมิสฺสามีติ ปฏิสฺสวํ กตฺวา. รชฺชํ นิยฺยาตยึ ตทาติ ตทา โปริสาทสฺส สนฺติกํ คนฺตุกาโม ‘‘อิทํ โว รชฺชํ ปฏิปชฺชถา’’ติ มาตาปิตูนํ ติโยชนสติกํ รชฺชํ นิยฺยาเตสึ.
๑๐๙. กสฺมา ปน รชฺชํ นิยฺยาตยินฺติ? อนุสฺสริตฺวา สตํ ธมฺมนฺติ ยสฺมา ปน ปฏิฺาย สจฺจาปนํ นาม สตํ สาธูนํ มหาโพธิสตฺตานํ ปเวณี กุลวํโส, ตสฺมา ตํ สจฺจปารมิตาธมฺมํ ปุพฺพกํ โปราณํ ชิเนหิ พุทฺธาทีหิ เสวิตํ อนุสฺสริตฺวา สจฺจํ อนุรกฺขนฺโต ตสฺส พฺราหฺมณสฺส ธนํ ทตฺวา อตฺตโน ชีวิตํ ปริจฺจชิตฺวา โปริสาทํ อุปาคมึ.
๑๑๐. นตฺถิ เม สํสโย ตตฺถาติ ตสฺมึ โปริสาทสฺส สนฺติกํ คมเน ‘‘อยํ มํ กึ นุ ¶ โข ฆาเตสฺสติ, อุทาหุ โน’’ติ มยฺหํ สํสโย นตฺถิ. ‘‘จณฺโฑ สาหสิโก มยา สทฺธึ เอกสตขตฺติเย เทวตาย พลิกมฺมกรณสชฺโช เอกนฺเตเนว ฆาเตสฺสตี’’ติ ชานนฺโต เอว เกวลํ สจฺจวาจํ อนุรกฺขนฺโต อตฺตโน ชีวิตํ ปริจฺจชิตฺวา ตํ อุปาคมึ. ยสฺมา เจตเทวํ, ตสฺมา สจฺเจน เม สโม นตฺถิ, เอสา เม ปรมตฺถภาวปฺปตฺตา สจฺจปารมีติ.
อุปาคเต ปน มหาสตฺเต วิกสิตปุณฺฑรีกปทุมสสฺสิริกมสฺส มุขํ ทิสฺวา ‘‘อยํ วิคตมรณภโย หุตฺวา อาคโต, กิสฺส นุ โข เอส อานุภาโว’’ติ จินฺเตนฺโต ‘‘ตสฺส มฺเ ธมฺมสฺส สุตตฺตา อยํ เอวํ เตชวา ¶ นิพฺภโย จ ชาโต, อหมฺปิ ตํ สุตฺวา เตชวา นิพฺภโย จ ภวิสฺสามี’’ติ สนฺนิฏฺานํ กตฺวา โปริสาโท มหาสตฺตํ อาห – ‘‘สุโณม สตารหคาถาโย ยาสํ สวนตฺถํ ตฺวํ อตฺตโน นครํ คโต’’ติ.
ตํ สุตฺวา โพธิสตฺโต ‘‘อยํ โปริสาโท ปาปธมฺโม, อิมํ โถกํ นิคฺคเหตฺวา ลชฺชาเปตฺวา กเถสฺสามี’’ติ –
‘‘อธมฺมิกสฺส ลุทฺทสฺส, นิจฺจํ โลหิตปาณิโน;
นตฺถิ สจฺจํ กุโต ธมฺโม, กึ สุเตน กริสฺสสี’’ติ. (ชา. ๒.๒๑.๔๒๗) –
วตฺวา ปุน เตน สุฏฺุตรํ สฺชาตสวนาทเรน –
‘‘สุตฺวา ธมฺมํ วิชานนฺติ, นรา กลฺยาณปาปกํ;
อปิ คาถา สุณิตฺวาน, ธมฺเม เม รมเต มโน’’ติ. (ชา. ๒.๒๑.๔๔๔) –
วุตฺเต ¶ ‘‘อยํ อติวิย สฺชาตาทโร โสตุกาโม, หนฺทสฺส กเถสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘เตน หิ สมฺม, สาธุกํ สุโณหิ มนสิกโรหี’’ติ วตฺวา นนฺทพฺราหฺมเณน กถิตนิยาเมเนว คาถานํ สกฺกจฺจํ ถุตึ กตฺวา ฉกามาวจรเทวโลเก เอกโกลาหลํ กตฺวา เทวตาสุ สาธุการํ ททมานาสุ มหาสตฺโต โปริสาทสฺส –
‘‘สกิเทว ¶ มหาราช, สพฺภิ โหติ สมาคโม;
สา นํ สงฺคติ ปาเลติ, นาสพฺภิ พหุสงฺคโม.
‘‘สพฺภิเรว สมาเสถ, สพฺภิ กุพฺเพถ สนฺถวํ;
สตํ สทฺธมฺมมฺาย, เสยฺโย โหติ น ปาปิโย.
‘‘ชีรนฺติ เว ราชรถา สุจิตฺตา, อตฺโถ สรีรมฺปิ ชรํ อุเปติ;
สตฺจ ธมฺโม น ชรํ อุเปติ, สนฺโต หเว สพฺภิ ปเวทยนฺติ.
‘‘นภฺจ ทูเร ปถวี จ ทูเร, ปารํ สมุทฺทสฺส ตทาหุ ทูเร;
ตโต หเว ทูรตรํ วทนฺติ, สตฺจ ธมฺโม อสตฺจ ราชา’’ติ. (ชา. ๒.๒๑.๔๑๑-๔๑๔) –
ธมฺมํ ¶ กเถสิ. ตสฺส เตน สุกถิตตฺตา เจว อตฺตโน จ ปฺุานุภาเวน คาถา สุณนฺตสฺเสว สกลสรีรํ ปฺจวณฺณาย ปีติยา ปริปูริ. โส โพธิสตฺเต มุทุจิตฺโต หุตฺวา ‘‘สมฺม สุตโสม, ทาตพฺพยุตฺตกํ หิรฺาทึ น ปสฺสามิ, เอเกกาย คาถาย เอเกกํ วรํ ทสฺสามี’’ติ อาห. อถ นํ มหาสตฺโต ‘‘ตฺวํ อตฺตโนปิ หิตานิ อชานนฺโต ปรสฺส กึ นาม วรํ ทสฺสสี’’ติ อปสาเทตฺวา ปุน เตน ‘‘วรํ คณฺหถา’’ติ ยาจิโต สพฺพปมํ ‘‘อหํ จิรกาลํ ตํ อโรคํ ปสฺเสยฺย’’นฺติ วรํ ยาจิ. โส ‘‘อยํ อิทานิ เม วธิตฺวา มํสํ ขาทิตุกามสฺส มหานตฺถกรสฺส มยฺหเมว ชีวิตมิจฺฉตี’’ติ ตุฏฺมานโส วฺเจตฺวา วรสฺส คหิตภาวํ อชานนฺโต อทาสิ. มหาสตฺโต หิ อุปายกุสลตาย ตสฺส จิรํ ชีวิตุกามตาปเทเสน อตฺตโน ชีวิตํ ยาจิ. อถ ‘‘ปโรสตํ ขตฺติยานํ ชีวิตํ เทหี’’ติ ทุติยํ วรํ, เตสํ สเก รฏฺเ ปฏิปาทนํ ตติยํ วรํ, มนุสฺสมํสขาทนโต วิรมณํ จตุตฺถํ วรํ ยาจิ. โส ¶ ตีณิ วรานิ ทตฺวา จตุตฺถํ วรํ อทาตุกาโม ‘‘อฺํ วรํ คณฺหาหี’’ติ วตฺวาปิ มหาสตฺเตน นิปฺปีฬิยมาโน ตมฺปิ อทาสิเยว.
อถ โพธิสตฺโต โปริสาทํ นิพฺพิเสวนํ กตฺวา เตเนว ราชาโน โมจาเปตฺวา ภูมิยํ นิปชฺชาเปตฺวา ทารกานํ กณฺณโต สุตฺตวฏฺฏิ วิย สณิกํ รชฺชุโย นีหริตฺวา โปริสาเทน เอกํ ตจํ อาหราเปตฺวา ปาสาเณน ฆํสิตฺวา สจฺจกิริยํ กตฺวา เตสํ หตฺถตลานิ มกฺเขสิ. ตงฺขณํ เอว ผาสุกํ อโหสิ. ทฺวีหตีหํ ตตฺเถว วสิตฺวา เต อโรเค กาเรตฺวา เตหิ สทฺธึ อภิชฺชนกสภาวํ ¶ มิตฺตสนฺถวํ กาเรตฺวา เตหิ สทฺธึ ตํ พาราณสึ เนตฺวา รชฺเช ปติฏฺาเปตฺวา ‘‘อปฺปมตฺตา โหถา’’ติ เต ราชาโน อตฺตโน อตฺตโน นครํ เปเสตฺวา อินฺทปตฺถนครโต อาคตาย อตฺตโน จตุรงฺคินิยา เสนาย ปริวุโต อตฺตโน นครํ คโต ตุฏฺปมุทิเตน นาครชเนน สมฺปริวาริยมาโน อนฺเตปุรํ ปวิสิตฺวา มาตาปิตโร วนฺทิตฺวา มหาตลํ อภิรุหิ.
อถ มหาสตฺโต ฉ ทานสาลาโย กาเรตฺวา เทวสิกํ มหาทานานิ ปวตฺเตนฺโต สีลานิ ปริปูเรนฺโต อุโปสถํ อุปวสนฺโต ปารมิโย อนุพฺรูเหสิ. เตปิ ราชาโน มหาสตฺตสฺส โอวาเท ตฺวา ทานาทีนิ ปฺุานิ กตฺวา อายุปริโยสาเน สคฺคปุรํ ปูรยึสุ.
ตทา โปริสาโท ¶ องฺคุลิมาลตฺเถโร อโหสิ, กาฬหตฺถิอมจฺโจ สาริปุตฺตตฺเถโร, นนฺทพฺราหฺมโณ อานนฺทตฺเถโร, รุกฺขเทวตา มหากสฺสปตฺเถโร, ราชาโน พุทฺธปริสา, มาตาปิตโร มหาราชกุลานิ, สุตโสมมหาราชา โลกนาโถ.
ตสฺส เหฏฺา วุตฺตนเยเนว เสสปารมิโยปิ นิทฺธาเรตพฺพา. ตถา อลีนสตฺตุจริยาวณฺณนาย (จริยา อฏฺ. ๒.๗๔ อาทโย) วิย มหาสตฺตสฺส คุณานุภาวา วิภาเวตพฺพาติ.
มหาสุตโสมจริยาวณฺณนา นิฏฺิตา.
สจฺจปารมี นิฏฺิตา.
๑๓. สุวณฺณสามจริยาวณฺณนา
๑๑๑. เตรสเม ¶ สาโม ยทา วเน อาสินฺติ หิมวนฺตสฺมึ มิคสมฺมตาย นาม นทิยา ตีเร มหติ อรฺเ สาโม นาม ตาปสกุมาโร ยทา อโหสิ. สกฺเกน อภินิมฺมิโตติ สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส อุปเทสสมฺปตฺติยา ชาตตฺตา สกฺเกน นิพฺพตฺติโต ชนิโต. ตตฺรายํ อนุปุพฺพิกถา – อตีเต พาราณสิโต อวิทูเร นทิยา ตีเร เอโก เนสาทคาโม อโหสิ. ตตฺถ เชฏฺเนสาทสฺส ปุตฺโต ชาโต. ตสฺส ‘‘ทุกูโล’’ติ นามมกํสุ. ตสฺสา เอว นทิยา ปรตีเรปิ เอโก เนสาทคาโม อโหสิ. ตตฺถ เชฏฺเนสาทสฺส ธีตา ชาตา. ตสฺสา ‘‘ปาริกา’’ติ นามมกํสุ. เต อุโภปิ พฺรหฺมโลกโต อาคตา สุทฺธสตฺตา. เตสํ วยปฺปตฺตานํ อนิจฺฉมานานํเยว อาวาหวิวาหํ ¶ กรึสุ. เต อุโภปิ กิเลสสมุทฺทํ อโนตริตฺวา พฺรหฺมาโน วิย เอกโต วสึสุ. น จ กิฺจิ เนสาทกมฺมํ กโรนฺติ.
อถ ทุกูลํ มาตาปิตโร ‘‘ตาต, ตฺวํ เนสาทกมฺมํ น กโรสิ, เนว ฆราวาสํ อิจฺฉสิ, กึ นาม กริสฺสสี’’ติ อาหํสุ. โส ‘‘ตุมฺเหสุ อนุชานนฺเตสุ ปพฺพชิสฺสามี’’ติ อาห. ‘‘เตน หิ ปพฺพชาหี’’ติ. ทฺเวปิ ชนา หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา ยสฺมึ าเน มิคสมฺมตา นาม นที หิมวนฺตโต โอตริตฺวา คงฺคํ ปตฺตา, ตํ านํ คนฺตฺวา คงฺคํ ปหาย มิคสมฺมตาภิมุขา อภิรุหึสุ. ตทา ¶ สกฺกสฺส ภวนํ อุณฺหาการํ ทสฺเสสิ. สกฺโก ตํ การณํ ตฺวา วิสฺสกมฺมุนา ตสฺมึ าเน อสฺสมํ มาเปสิ. เต ตตฺถ คนฺตฺวา ปพฺพชิตฺวา สกฺกทตฺติเย อสฺสเม กามาวจรเมตฺตํ ภาเวตฺวา ปฏิวสึสุ. สกฺโกปิ เตสํ อุปฏฺานํ อาคจฺฉติ.
โส เอกทิวสํ ‘‘เตสํ จกฺขู ปริหายิสฺสนฺตี’’ติ ตฺวา อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ภนฺเต, โว จกฺขูนํ อนฺตราโย ปฺายติ, ปฏิชคฺคนกํ ปุตฺตํ ลทฺธุํ วฏฺฏติ, ชานามิ ตุมฺหากํ สุทฺธจิตฺตตํ, ตสฺมา ปาริกาย อุตุนิกาเล นาภึ หตฺเถน ปรามเสยฺยาถ ¶ , เอวํ โว ปุตฺโต ชายิสฺสติ, โส โว อุปฏฺหิสฺสตี’’ติ วตฺวา ปกฺกามิ. ทุกูลปณฺฑิโต ตํ การณํ ปาริกาย อาจิกฺขิตฺวา ตสฺสา อุตุนิกาเล นาภึ ปรามสิ. ตทา โพธิสตฺโต เทวโลกา จวิตฺวา ตสฺสา กุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ, สา ทสมาสจฺจเยน สุวณฺณวณฺณํ ปุตฺตํ วิชายิ. เตเนวสฺส ‘‘สุวณฺณสาโม’’ติ นามํ กรึสุ. ตํ อปรภาเค วฑฺฒิตฺวา โสฬสวสฺสุทฺเทสิกมฺปิ มาตาปิตโร รกฺขนฺตา อสฺสเม นิสีทาเปตฺวา สยเมว วนมูลผลาผลตฺถาย คจฺฉนฺติ.
อเถกทิวสํ วเน ผลาผลํ อาทาย นิวตฺติตฺวา อสฺสมปทโต อวิทูเร เมเฆ อุฏฺิเต รุกฺขมูลํ ปวิสิตฺวา วมฺมิกมตฺถเก ิตานํ สรีรโต เสทคนฺธมิสฺสเก อุทเก ตสฺมึ วมฺมิกพิเล ิตสฺส อาสิวิสสฺส นาสาปุฏํ ปวิฏฺเ อาสิวิโส กุชฺฌิตฺวา นาสาวาเตน ปหริ. ทฺเว อนฺธา หุตฺวา ปริเทวมานา วิรวึสุ. อถ มหาสตฺโต ‘‘มม มาตาปิตโร อติจิรายนฺติ, กา นุ โข เตสํ ปวตฺตี’’ติ ปฏิมคฺคํ คนฺตฺวา สทฺทมกาสิ. เต ตสฺส สทฺทํ สฺชานิตฺวา ปฏิสทฺทํ กตฺวา ปุตฺตสิเนเหน ‘‘ตาต สาม, อิธ ปริปนฺโถ อตฺถิ, มา อาคมี’’ติ วตฺวา สทฺทานุสาเรน สยเมว สมาคมึสุ. โส ‘‘เกน โว การเณน จกฺขูนิ วินฏฺานี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ตาต, มยํ น ชานาม, เทเว วสฺสนฺเต รุกฺขมูเล วมฺมิกมตฺถเก ิตา, อถ น ปสฺสามา’’ติ วุตฺตมตฺเต เอว อฺาสิ ‘‘ตตฺถ อาสิวิเสน ภวิตพฺพํ, เตน กุทฺเธน นาสาวาโต วิสฺสฏฺโ ภวิสฺสตี’’ติ.
อถ ¶ ‘‘มา จินฺตยิตฺถ, อหํ โว ปฏิชคฺคิสฺสามี’’ติ มาตาปิตโร อสฺสมํ เนตฺวา เตสํ รตฺติฏฺานทิวาฏฺานาทิสฺจรณฏฺาเน รชฺชุเก พนฺธิ. ตโต ปฏฺาย เต อสฺสเม เปตฺวา วนมูลผลาผลานิ อาหรติ, ปาโตว วสนฏฺานํ สมฺมชฺชติ, ปานียํ อาหรติ, ปริโภชนียํ อุปฏฺาเปติ, ทนฺตกฏฺมุโขทกานิ ¶ ทตฺวา มธุรผลาผลํ เทติ. เตหิ มุเข วิกฺขาลิเต สยํ ปริภฺุชิตฺวา มาตาปิตโร วนฺทิตฺวา เตสํ อวิทูเรเยว อจฺฉติ – ‘‘กึ นุ โข อิเม อาณาเปนฺตี’’ติ. วิเสเสน จ เมตฺตํ พหุลมกาสิ, เตนสฺส สตฺตา อปฺปฏิกฺกูลา อเหสุํ ¶ . ยถา จสฺส สตฺตา, เอวํ สตฺตานํ โส โพธิสตฺโต อปฺปฏิกฺกูโล. เอวํ โส ทิวเส ทิวเส ผลาผลตฺถาย อรฺํ คจฺฉนฺโตปิ อาคจฺฉนฺโตปิ มิคคณปริวุโต เอว อโหสิ. สีหพฺยคฺฆาทิวิปกฺขสตฺตาปิ เตน สทฺธึ อติวิย วิสฺสตฺถา, เมตฺตานุภาเวน ปนสฺส วสนฏฺาเน อฺมฺํ ติรจฺฉานคตา มุทุจิตฺตตํ ปฏิลภึสุ. อิติ โส สพฺพตฺถ เมตฺตานุภาเวน อภีรู อนุตฺราสี พฺรหฺมา วิย อเวโร วิหาสิ. เตน วุตฺตํ ‘‘ปวเน สีหพฺยคฺเฆ จ, เมตฺตายมุปนามยิ’’นฺติอาทิ.
ตตฺถ เมตฺตายมุปนามยินฺติ ม-กาโร ปทสนฺธิกโร, เมตฺตาภาวนาย กุรูรกมฺมนฺเต สีหพฺยคฺเฆปิ ผริ, ปเคว เสสสตฺเตติ อธิปฺปาโย. อถ วา เมตฺตา อยติ ปวตฺตติ เอเตนาติ เมตฺตาโย, เมตฺตาภาวนา. ตํ เมตฺตายํ อุปนามยึ สตฺเตสุ อโนธิโส อุปเนสึ. ‘‘สีหพฺยคฺเฆหี’’ติปิ ปาโ. ตสฺสตฺโถ – น เกวลมหเมว, อถ โข ปวเน สีหพฺยคฺเฆหิ, ยสฺมึ มหาวเน ตทา อหํ วิหรามิ, ตตฺถ สีหพฺยคฺเฆหิ สทฺธึ อหํ สตฺเตสุ เมตฺตํ อุปนาเมสึ. สีหพฺยคฺฆาปิ หิ ตทา มมานุภาเวน สตฺเตสุ เมตฺตจิตฺตตํ ปฏิลภึสุ, ปเคว อิตเร สตฺตาติ ทสฺเสติ.
๑๑๒. ปสทมิควราเหหีติ ปสทมิเคหิ เจว วนสูกเรหิ จ. ปริวาเรตฺวาติ เอเตหิ อตฺตานํ ปริวาริตํ กตฺวา ตสฺมึ อรฺเ วสึ.
๑๑๓. อิทานิ ตทา อตฺตโน เมตฺตาภาวนาย ลทฺธํ อานิสํสํ มตฺถกปฺปตฺติฺจสฺส ทสฺเสตุํ ‘‘น มํ โกจิ อุตฺตสตี’’ติ โอสานคาถมาห. ตสฺสตฺโถ – สสพิฬาราทิโก ภีรุกชาติโกปิ โกจิ สตฺโต มํ น อุตฺตสติ น อุพฺพิชฺเชติ. อหมฺปิ กสฺสจิ สีหพฺยคฺฆาทิติรจฺฉานโต ยกฺขาทิอมนุสฺสโต ลุทฺทโลหิตปาณิมนุสฺสโตติ กุโตจิปิ น ภายามิ. กสฺมา? ยสฺมา เมตฺตาพเลนุปตฺถทฺโธ จิรกาลํ ภาวิตาย เมตฺตาปารมิตายานุภาเวน อุปตฺถมฺภิโต ตสฺมึ ปวเน มหาอรฺเ ตทา รมามิ อภิรมามีติ. เสสํ สุวิฺเยฺยเมว.
เอวํ ¶ ¶ ปน มหาสตฺโต สพฺพสตฺเต เมตฺตายนฺโต มาตาปิตโร จ สาธุกํ ปฏิชคฺคนฺโต เอกทิวสํ อรฺโต มธุรผลาผลํ อาหริตฺวา อสฺสเม เปตฺวา มาตาปิตโร วนฺทิตฺวา ‘‘ปานียํ ¶ อาทาย อาคมิสฺสามี’’ติ มิคคณปริวุโต ทฺเว มิเค เอกโต กตฺวา เตสํ ปิฏฺิยํ ปานียฆฏํ เปตฺวา หตฺเถน คเหตฺวา นทีติตฺถํ อคมาสิ. ตสฺมึ สมเย พาราณสิยํ ปีฬิยกฺโข นาม ราชา รชฺชํ กาเรสิ. โส มิคมํสโลเภน มาตรํ รชฺชํ ปฏิจฺฉาเปตฺวา สนฺนทฺธปฺจาวุโธ หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา มิเค วธิตฺวา มํสํ ขาทิตฺวา จรนฺโต มิคสมฺมตํ นทึ ปตฺวา อนุปุพฺเพน สามสฺส ปานียคหณติตฺถํ ปตฺโต. มิคปทวลฺชํ ทิสฺวา คจฺฉนฺโต ตํ ตถา คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘มยา เอตฺตกํ กาลํ เอวํ วิจรนฺโต มนุสฺโส น ทิฏฺปุพฺโพ, เทโว นุ โข เอส นาโค นุ โข, สจาหํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิสฺสามิ, สหสา ปกฺกเมยฺยาติ. ยํนูนาหํ เอตํ วิชฺฌิตฺวา ทุพฺพลํ กตฺวา ปุจฺเฉยฺย’’นฺติ จินฺเตตฺวา มหาสตฺตํ นฺหตฺวา วากจีรํ นิวาเสตฺวา อชินจมฺมํ เอกํสํ กริตฺวา ปานียฆฏํ ปูเรตฺวา อุกฺขิปิตฺวา วามํสกูเฏ ปนกาเล ‘‘อิทานิ ตํ วิชฺฌิตุํ สมโย’’ติ วิสปีเตน สเรน ทกฺขิณปสฺเส วิชฺฌิ. สโร วามปสฺเสน นิกฺขมิ. ตสฺส วิทฺธภาวํ ตฺวา มิคคโณ ภีโต ปลายิ.
สามปณฺฑิโต ปน วิทฺโธปิ ปานียฆฏํ ยถา วา ตถา วา อนวสุมฺเภตฺวา สตึ ปจฺจุปฏฺาเปตฺวา สณิกํ โอตาเรตฺวา วาลุกํ พฺยูหิตฺวา เปตฺวา ทิสํ ววตฺถเปตฺวา มาตาปิตูนํ วสนฏฺานทิสาภาเคน สีสํ กตฺวา นิปชฺชิตฺวา มุเขน โลหิตํ ฉฑฺเฑตฺวา ‘‘มม โกจิ เวรี นาม นตฺถิ, มมปิ กตฺถจิ เวรํ นาม นตฺถี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘โก นุ มํ อุสุนา วิชฺฌิ, ปมตฺตํ อุทหารกํ;
ขตฺติโย พฺราหฺมโณ เวสฺโส, โก มํ วิทฺธา นิลียตี’’ติ. (ชา. ๒.๒๒.๒๙๖);
ตํ ¶ สุตฺวา ราชา ‘‘อยํ มยา วิชฺฌิตฺวา ปถวิยํ ปาติโตปิ เนว มํ อกฺโกสติ น ปริภาสติ, มม หทยมํสํ สมฺพาหนฺโต วิย ปิยวจเนน สมุทาจรติ, คมิสฺสามิสฺส สนฺติก’’นฺติ จินฺเตตฺวา อุปสงฺกมิตฺวา อตฺตานํ อตฺตนา จ วิทฺธภาวํ อาวิกตฺวา ‘‘โก วา ตฺวํ กสฺส วา ปุตฺโต’’ติ มหาสตฺตํ ปุจฺฉิ.
โส ¶ ‘‘สาโม นามาหํ ทุกูลปณฺฑิตสฺส นาม เนสาทอิสิโน ปุตฺโต, กิสฺส ปน มํ วิชฺฌี’’ติ อาห. โส ปมํ ‘‘มิคสฺายา’’ติ มุสาวาทํ วตฺวา ‘‘อหํ อิมํ นิรปราธํ อการเณน ¶ วิชฺฌิ’’นฺติ อนุโสจิตฺวา ยถาภูตํ อาวิกตฺวา ตสฺส มาตาปิตูนํ วสนฏฺานํ ปุจฺฉิตฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา เตสํ อตฺตานํ อาวิกตฺวา เตหิ กตปฏิสนฺถาโร ‘‘สาโม มยา วิทฺโธ’’ติ วตฺวา เต ปริเทวนฺเต โสกสมาปนฺเน ‘‘ยํ สาเมน กตฺตพฺพํ ปริจาริกกมฺมํ, ตํ กตฺวา อหํ โว อุปฏฺหิสฺสามี’’ติ สมสฺสาเสตฺวา สามสฺส สนฺติกํ อาเนสิ. เต ตตฺถ คนฺตฺวา นานปฺปการํ ปริเทวิตฺวา ตสฺส อุเร หตฺถํ เปตฺวา ‘‘ปุตฺตสฺส เม สรีเร อุสุมา วตฺตเตว, วิสเวเคน วิสฺิตํ อาปนฺโน ภวิสฺสตีติ นิพฺพิสภาวตฺถาย สจฺจกิริยํ กริสฺสามา’’ติ จินฺเตตฺวา –
‘‘ยํ กิฺจิตฺถิ กตํ ปฺุํ, มยฺหฺเจว ปิตุจฺจ เต;
สพฺเพน เตน กุสเลน, วิสํ สามสฺส หฺตู’’ติ. (ชา. ๒.๒๒.๓๘๘) –
มาตรา,
‘‘ยํ กิฺจิตฺถิ กตํ ปฺุํ, มยฺหฺเจว มาตุจฺจ เต;
สพฺเพน เตน กุสเลน, วิสํ สามสฺส หฺตู’’ติ. (ชา. ๒.๒๒.๓๙๖) –
ปิตรา,
‘‘ปพฺพตฺยาหํ คนฺธมาทเน, จิรรตฺตนิวาสินี;
น เม ปิยตโร โกจิ, อฺโ สาเมน วิชฺชติ;
เอเตน สจฺจวชฺเชน, วิสํ สามสฺส หฺตู’’ติ. (ชา. ๒.๒๒.๓๙๘) –
เทวตาย จ สจฺจกิริยาย กตาย มหาสตฺโต ขิปฺปํ วุฏฺาสิ. ปทุมปตฺตปลาเส อุทกพินฺทุ วิย วินิวฏฺเฏตฺวา อาพาโธ วิคโต. วิทฺธฏฺานํ อโรคํ ปากติกเมว อโหสิ. มาตาปิตูนํ จกฺขูนิ อุปฺปชฺชึสุ. อิติ ¶ มหาสตฺตสฺส อโรคตา, มาตาปิตูนฺจ จกฺขุปฏิลาโภ, อรุณุคฺคมนํ, เตสํ จตุนฺนมฺปิ อสฺสเมเยว อวฏฺานนฺติ สพฺพํ เอกกฺขเณเยว อโหสิ.
อถ ¶ มหาสตฺโต รฺา สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘ธมฺมํ จร, มหาราชา’’ติอาทินา (ชา. ๒.๒๒.๔๑๑-๔๑๒) ธมฺมํ เทเสตฺวา อุตฺตริมฺปิ โอวทิตฺวา ปฺจ สีลานิ อทาสิ ¶ . โส ตสฺส โอวาทํ สิรสา ปฏิคฺคเหตฺวา วนฺทิตฺวา พาราณสึ คนฺตฺวา ทานาทีนิ ปฺุานิ กตฺวา สคฺคปรายโน อโหสิ. โพธิสตฺโตปิ สทฺธึ มาตาปิตูหิ อภิฺาสมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวา อายุปริโยสาเน พฺรหฺมโลกูปโค อโหสิ.
ตทา ราชา อานนฺทตฺเถโร อโหสิ, เทวธีตา อุปฺปลวณฺณา, สกฺโก อนุรุทฺโธ, ปิตา มหากสฺสปตฺเถโร, มาตา ภทฺทกาปิลานี, สามปณฺฑิโต โลกนาโถ.
ตสฺส เหฏฺา วุตฺตนเยเนว เสสปารมิโย นิทฺธาเรตพฺพา. ตถา วิสปีเตน สลฺเลน ทกฺขิณปสฺเสน ปวิสิตฺวา วามปสฺสโต วินิวิชฺฌนวเสน วิทฺโธปิ กิฺจิ กายวิการํ อกตฺวา อุทกฆฏสฺส ภูมิยํ นิกฺขิปนํ, วธเก อฺาเตปิ าเต วิย จิตฺตวิการาภาโว, ปิยวจเนน สมุทาจาโร, มาตาปิตุอุปฏฺานปฺุโต มยฺหํ ปริหานีติ อนุโสจนมตฺตํ, อโรเค ชาเต รฺโ การฺุํ เมตฺตฺจ อุปฏฺาเปตฺวา ธมฺมเทสนา, โอวาททานนฺติ เอวมาทโย คุณานุภาวา วิภาเวตพฺพาติ.
สุวณฺณสามจริยาวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑๔. เอกราชจริยาวณฺณนา
๑๑๔. จุทฺทสเม เอกราชาติ วิสฺสุโตติ เอกราชาติ อิมินา อนฺวตฺถนาเมน ชมฺพุทีปตเล ปากโฏ.
มหาสตฺโต หิ ตทา พาราณสิรฺโ ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ. วยปฺปตฺโต สพฺพสิปฺปนิปฺผตฺตึ ปตฺโต หุตฺวา ปิตุ อจฺจเยน รชฺชํ กาเรนฺโต กุสลสีลาจารสทฺธาสุตาทิอนฺสาธารณคุณวิเสสโยเคน ¶ ปารมิปริภาวเนน จ ชมฺพุทีปตเล อทุติยตฺตา ปธานภาเวน จ ‘‘เอกราชา’’ติ ปกาสนาโม อโหสิ. ปรมํ สีลํ อธิฏฺายาติ สุปริสุทฺธกายิกวาจสิกสํวรสงฺขาตฺเจว สุปริสุทฺธมโนสมาจารสงฺขาตฺจ ปรมํ อุตฺตมํ ทสกุสลกมฺมปถสีลํ ¶ สมาทานวเสน จ อวีติกฺกมนวเสน จ อธิฏฺหิตฺวา อนุฏฺหิตฺวา. ปสาสามิ มหามหินฺติ ติโยชนสติเก กาสิรฏฺเ มหตึ มหึ อนุสาสามิ รชฺชํ กาเรมิ.
๑๑๕. ทสกุสลกมฺมปเถติ ¶ ปาณาติปาตาเวรมณิ ยาว สมฺมาทิฏฺีติ เอตสฺมึ ทสวิเธ กุสลกมฺมปเถ, เอเต วา อนวเสสโต สมาทาย วตฺตามิ. จตูหิ สงฺคหวตฺถูหีติ ทานํ ปิยวจนํ อตฺถจริยา สมานตฺตตาติ อิเมหิ จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ สงฺคณฺหนการเณหิ ยทา เอกราชาติ วิสฺสุโต โหมิ, ตทา ยถารหํ มหาชนํ สงฺคณฺหามีติ สมฺพนฺโธ.
๑๑๖. เอวนฺติ ทสกุสลกมฺมปถสีลปริปูรณํ จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ มหาชนสงฺคณฺหนนฺติ ยถาวุตฺเตน อิมินา อากาเรน อปฺปมตฺตสฺส. อิธโลเก ปรตฺถ จาติ อิมสฺมึ โลเก ยํ อปฺปมชฺชนํ, ตตฺถ ทิฏฺธมฺมิเก อตฺเถ, ปรโลเก ยํ อปฺปมชฺชนํ ตตฺถ สมฺปรายิเก อตฺเถ อปฺปมตฺตสฺส เม สโตติ อตฺโถ. ทพฺพเสโนติ เอวํนามโก โกสลราชา. อุปคนฺตฺวาติ จตุรงฺคินึ เสนํ สนฺนยฺหิตฺวา อพฺภุยฺยานวเสน มม รชฺชํ อุปคนฺตฺวา. อจฺฉินฺทนฺโต ปุรํ มมาติ มม พาราณสินครํ พลกฺกาเรน คณฺหนฺโต.
ตตฺรายํ อนุปุพฺพิกถา – มหาสตฺโต หิ ตทา นครสฺส จตูสุ ทฺวาเรสุ จตสฺโส มชฺเฌ เอกํ นิเวสนทฺวาเร เอกนฺติ ฉ ทานสาลาโย กาเรตฺวา กปณทฺธิกาทีนํ ทานํ เทติ, สีลํ รกฺขติ, อุโปสถกมฺมํ กโรติ, ขนฺติเมตฺตานุทฺทยสมฺปนฺโน องฺเก นิสินฺนํ ปุตฺตํ ปริโตสยมาโน วิย สพฺพสตฺเต ปริโตสยมาโน ธมฺเมน รชฺชํ กาเรติ. ตสฺเสโก อมจฺโจ อนฺเตปุรํ ปทุสฺสิตฺวา อปรภาเค ปากโฏว ชาโต. อมจฺจา รฺโ อาโรเจสุํ. ราชา ปริคฺคณฺหนฺโต ตํ อตฺตนา ปจฺจกฺขโต ตฺวา ตํ อมจฺจํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘อนฺธพาล, อยุตฺตํ เต กตํ, น ตฺวํ มม วิชิเต วสิตุํ อรหสิ, อตฺตโน ธนฺจ ¶ ปุตฺตทารฺจ คเหตฺวา อฺตฺถ ยาหี’’ติ รฏฺา ปพฺพาเชสิ.
โส โกสลชนปทํ คนฺตฺวา ทพฺพเสนํ นาม โกสลราชานํ อุปฏฺหนฺโต อนุกฺกเมน ตสฺส วิสฺสาสิโก หุตฺวา เอกทิวสํ ตํ ราชานํ อาห – ‘‘เทว, พาราณสิรชฺชํ นิมฺมกฺขิกมธุปฏลสทิสํ, อติมุทุโก ราชา, สุเขเนว ตํ รชฺชํ คณฺหิตุํ สกฺโกสี’’ติ. ทพฺพเสโน พาราณสิรฺโ มหานุภาวตาย ตสฺส วจนํ อสทฺทหนฺโต มนุสฺเส เปเสตฺวา ¶ กาสิรฏฺเ คามฆาตาทีนิ กาเรตฺวา เตสํ โจรานํ โพธิสตฺเตน ธนํ ทตฺวา วิสฺสชฺชิตภาวํ สุตฺวา ‘‘อติวิย ธมฺมิโก ราชา’’ติ ตฺวา ‘‘พาราณสิรชฺชํ คณฺหิสฺสามี’’ติ พลวาหนํ อาทาย นิยฺยาสิ ¶ . อถ พาราณสิรฺโ มหาโยธา ‘‘โกสลราชา อาคจฺฉตี’’ติ สุตฺวา ‘‘อมฺหากํ รชฺชสีมํ อโนกฺกมนฺตเมว นํ โปเถตฺวา คณฺหามา’’ติ อตฺตโน รฺโ วทึสุ.
โพธิสตฺโต ‘‘ตาตา, มํ นิสฺสาย อฺเสํ กิลมนกิจฺจํ นตฺถิ, รชฺชตฺถิกา รชฺชํ คณฺหนฺตุ, มา คมิตฺถา’’ติ นิวาเรสิ. โกสลราชา ชนปทมชฺฌํ ปาวิสิ. มหาโยธา ปุนปิ รฺโ ตเถว วทึสุ. ราชา ปุริมนเยเนว นิวาเรสิ. ทพฺพเสโน พหินคเร ตฺวา ‘‘รชฺชํ วา เทตุ ยุทฺธํ วา’’ติ เอกราชสฺส สาสนํ เปเสสิ. เอกราชา ‘‘นตฺถิ มยา ยุทฺธํ, รชฺชํ คณฺหาตู’’ติ ปฏิสาสนํ เปเสสิ. ปุนปิ มหาโยธา ‘‘เทว, น มยํ โกสลรฺโ นครํ ปวิสิตุํ เทม, พหินคเรเยว นํ โปเถตฺวา คณฺหามา’’ติ อาหํสุ. ราชา ปุริมนเยเนว นิวาเรตฺวา นครทฺวารานิ อวาปุราเปตฺวา มหาตเล ปลฺลงฺกมชฺเฌ นิสีทิ. ทพฺพเสโน มหนฺเตน พลวาหเนน นครํ ปวิสิตฺวา เอกมฺปิ ปฏิสตฺตุํ อปสฺสนฺโต สพฺพรชฺชํ หตฺถคตํ กตฺวา ราชนิเวสนํ คนฺตฺวา มหาตลํ อารุยฺห นิรปราธํ โพธิสตฺตํ คณฺหาเปตฺวา อาวาเฏ นิขณาเปสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ทพฺพเสโน อุปคนฺตฺวา, อจฺฉินฺทนฺโต ปุรํ มม.
‘‘ราชูปชีเว นิคเม, สพลฏฺเ สรฏฺเก;
สพฺพํ หตฺถคตํ กตฺวา, กาสุยา นิขณี มม’’นฺติ.
ตตฺถ ราชูปชีเวติ อมจฺจปาริสชฺชพฺราหฺมณคหปติอาทิเก ราชานํ อุปนิสฺสาย ชีวนฺเต. นิคเมติ เนคเม. สพลฏฺเติ เสนาปริยาปนฺนตาย พเล ติฏฺนฺตีติ พลฏฺา, หตฺถาโรหาทโย, พลฏฺเหิ สหาติ สพลฏฺเ. สรฏฺเกติ ¶ สชนปเท, ราชูปชีเว นิคเม จ อฺฺจ สพฺพํ หตฺถคตํ กตฺวา. กาสุยา นิขณี มมนฺติ สพลวาหนํ สกลํ มม รชฺชํ คเหตฺวา มมฺปิ คลปฺปมาเณ อาวาเฏ นิขณาเปสิ. ชาตเกปิ –
‘‘อนุตฺตเร ¶ กามคุเณ สมิทฺเธ, ภุตฺวาน ปุพฺเพ วสิ เอกราชา;
โส ทานิ ทุคฺเค นรกมฺหิ ขิตฺโต, นปฺปชฺชเห วณฺณพลํ ปุราณ’’นฺติ. (ชา. ๑.๔.๙) –
อาวาเฏ ¶ ขิตฺตภาโว อาคโต. ชาตกฏฺกถายํ (ชา. อฏฺ. ๓.๔.๙) ปน ‘‘สิกฺกาย ปกฺขิปาเปตฺวา อุตฺตรุมฺมาเร เหฏฺาสีสกํ โอลมฺเพสี’’ติ วุตฺตํ.
มหาสตฺโต โจรราชานํ อารพฺภ เมตฺตํ ภาเวตฺวา กสิณปริกมฺมํ กตฺวา ฌานาภิฺาโย นิพฺพตฺเตตฺวา กาสุโต อุคฺคนฺตฺวา อากาเส ปลฺลงฺเกน นิสีทิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘อมจฺจมณฺฑลํ รชฺชํ, ผีตํ อนฺเตปุรํ มม;
อจฺฉินฺทิตฺวาน คหิตํ, ปิยปุตฺตํว ปสฺสห’’นฺติ.
ตตฺถ อมจฺจมณฺฑลนฺติ ตสฺมึ ตสฺมึ ราชกิจฺเจ รฺา อมา สห วตฺตนฺตีติ อมจฺจา, สทฺธึ วา เตสํ มณฺฑลํ สมูหํ. ผีตนฺติ พลวาหเนน นครชนปทาทีหิ สมิทฺธํ รชฺชํ. อิตฺถาคารทาสิทาสปริชเนหิ เจว วตฺถาภรณาทิอุปโภคูปกรเณหิ จ สมิทฺธํ มม อนฺเตปุรฺจ อจฺฉินฺทิตฺวา คหิตกํ คณฺหนฺตํ อมิตฺตราชานํ ยาย อตฺตโน ปิยปุตฺตํว ปสฺสึ อหํ, ตาย เอวํภูตาย เมตฺตาย เม สโม สกลโลเก นตฺถิ, ตสฺมา เอวํภูตา เอสา เม เมตฺตาปารมี ปรมตฺถปารมิภาวํ ปตฺตาติ อธิปฺปาโย.
เอวํ ปน มหาสตฺเต ตํ โจรราชานํ อารพฺภ เมตฺตํ ผริตฺวา อากาเส ปลฺลงฺเกน นิสินฺเน ตสฺส สรีเร ทาโห อุปฺปชฺชิ. โส ‘‘ฑยฺหามิ ฑยฺหามี’’ติ ภูมิยํ อปราปรํ ปริวตฺตติ. ‘‘กิเมต’’นฺติ วุตฺเต, มหาราช, ตุมฺเห นิรปราธํ ธมฺมิกราชานํ อาวาเฏ นิขณาปยิตฺถาติ. ‘‘เตน หิ เวเคน คนฺตฺวา ตํ อุทฺธรถา’’ติ อาห. ปุริสา คนฺตฺวา ตํ ราชานํ อากาเส ปลฺลงฺเกน นิสินฺนํ ทิสฺวา อาคนฺตฺวา ¶ ทพฺพเสนสฺส อาโรเจสุํ. โส เวเคน คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา ขมาเปตฺวา ‘‘ตุมฺหากํ รชฺชํ ตุมฺเหว กาเรถ, อหํ โว โจเร ปฏิพาเหสฺสามี’’ติ วตฺวา ตสฺส ทุฏฺามจฺจสฺส ราชาณํ กาเรตฺวา ปกฺกามิ. โพธิสตฺโตปิ รชฺชํ อมจฺจานํ นิยฺยาเตตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา มหาชนํ สีลาทิคุเณสุ ปติฏฺาเปตฺวา อายุปริโยสาเน พฺรหฺมโลกปรายโน ¶ อโหสิ.
ตทา ทพฺพเสโน อานนฺทตฺเถโร อโหสิ, เอกราชา โลกนาโถ.
ตสฺส ทิวเส ทิวเส ฉสุ ทานสาลาสุ ฉสตสหสฺสวิสฺสชฺชเนน ปจฺจตฺถิกรฺโ สกลรชฺชปริจฺจาเคน จ ทานปารมี, นิจฺจสีลอุโปสถกมฺมวเสน ปพฺพชิตสฺส อนวเสสสีลสํวรวเสน จ สีลปารมี, ปพฺพชฺชาวเสน ฌานาธิคมวเสน จ เนกฺขมฺมปารมี, สตฺตานํ ¶ หิตาหิตวิจารณวเสน ทานสีลาทิสํวิทหนวเสน จ ปฺาปารมี, ทานาทิปฺุสมฺภารสฺส อพฺภุสฺสหนวเสน กามวิตกฺกาทิวิโนทนวเสน จ วีริยปารมี, ทุฏฺามจฺจสฺส ทพฺพเสนรฺโ จ อปราธสหนวเสน ขนฺติปารมี, ยถาปฏิฺํ ทานาทินา อวิสํวาทนวเสน จ สจฺจปารมี, ทานาทีนํ อจลสมาทานาธิฏฺานวเสน อธิฏฺานปารมี, ปจฺจตฺถิเกปิ เอกนฺเตน หิตูปสํหารวเสน เมตฺตาฌานนิพฺพตฺตเนน จ เมตฺตาปารมี, ทุฏฺามจฺเจน ทพฺพเสเนน จ กตาปราเธ หิเตสีหิ อตฺตโน อมจฺจาทีหิ นิพฺพตฺติเต อุปกาเร จ อชฺฌุเปกฺขเณน รชฺชสุขปฺปตฺตกาเล ปจฺจตฺถิกรฺา นรเก ขิตฺตกาเล สมานจิตฺตตาย จ อุเปกฺขาปารมี เวทิตพฺพา. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘ปนุชฺช ทุกฺเขน สุขํ ชนินฺท, สุเขน วา ทุกฺขมสยฺหสาหิ;
อุภยตฺถ สนฺโต อภินิพฺพุตตฺตา, สุเข จ ทุกฺเข จ ภวนฺติ ตุลฺยา’’ติ. (ชา. ๑.๔.๑๒);
ยสฺมา ปเนตฺถ เมตฺตาปารมี อติสยวตี, ตสฺมา ตทตฺถทีปนตฺถํ สา เอว ปาฬิ อารุฬฺหา. ตถา อิธ มหาสตฺตสฺส สพฺพสตฺเตสุ โอรสปุตฺเต วิย สมานุกมฺปตาทโย คุณวิเสสา นิทฺธาเรตพฺพาติ.
เอกราชจริยาวณฺณนา นิฏฺิตา.
เมตฺตาปารมี นิฏฺิตา.
๑๕. มหาโลมหํสจริยาวณฺณนา
๑๑๙. ปนฺนรสเม ¶ ¶ ‘‘สุสาเน เสยฺยํ กปฺเปมี’’ติ เอตฺถายํ อนุปุพฺพิกถา –
มหาสตฺโต หิ ตทา มหติ อุฬารโภเค กุเล นิพฺพตฺติตฺวา วุทฺธิมนฺวาย ทิสาปาโมกฺขสฺส อาจริยสฺส สนฺติเก ครุวาสํ วสนฺโต สพฺพสิปฺปานํ นิปฺผตฺตึ ปตฺวา กุลฆรํ อาคนฺตฺวา มาตาปิตูนํ อจฺจเยน าตเกหิ ‘‘กุฏุมฺพํ สณฺเปหี’’ติ ยาจิยมาโนปิ อนิจฺจตามนสิการมุเขน สพฺพภเวสุ อภิวฑฺฒมานสํเวโค กาเย จ อสุภสฺํ ปฏิลภิตฺวา ฆราวาสปลิโพธาธิภูตํ ¶ กิเลสคหนํ อโนคาเหตฺวาว จิรกาลสมฺปริจิตํ เนกฺขมฺมชฺฌาสยํ อุปพฺรูหยมาโน มหนฺตํ โภคกฺขนฺธํ ปหาย ปพฺพชิตุกาโม หุตฺวา ปุน จินฺเตสิ – ‘‘สจาหํ ปพฺพชิสฺสามิ, คุณสมฺภาวนาปากโฏ ภวิสฺสามี’’ติ.
โส ลาภสกฺการํ ชิคุจฺฉนฺโต ปพฺพชฺชํ อนุปคนฺตฺวา ‘‘ปโหมิ จาหํ ลาภาลาภาทีสุ นิพฺพิกาโร โหตุ’’นฺติ อตฺตานํ ตกฺเกนฺโต ‘‘วิเสสโต ปรปริภวสหนาทิปฏิปทํ ปูเรนฺโต อุเปกฺขาปารมึ มตฺถกํ ปาเปสฺสามี’’ติ นิวตฺถวตฺเถเนว เคหโต นิกฺขมิตฺวา ปรมสลฺเลขวุตฺติโกปิ อพลพโล อมนฺทมนฺโท วิย ปเรสํ อจิตฺตกรูเปน หีฬิตปริภูโต หุตฺวา คามนิคมราชธานีสุ เอกรตฺติวาเสเนว วิจรติ. ยตฺถ ปน มหนฺตํ ปริภวํ ปฏิลภติ, ตตฺถ จิรมฺปิ วสติ. โส นิวตฺถวตฺเถ ชิณฺเณ ปิโลติกขณฺเฑน ตสฺมิมฺปิ ชิณฺเณ เกนจิ ทินฺนํ อคฺคณฺหนฺโต หิริโกปีนปฏิจฺฉาทนมตฺเตเนว จรติ. เอวํ คจฺฉนฺเต กาเล เอกํ นิคมคามํ อคมาสิ.
ตตฺถ คามทารกา ธุตฺตชาติกา เวธเวรา เกจิ ราชวลฺลภานํ ปุตฺตนตฺตุทาสาทโย จ อุทฺธตา อุนฺนฬา จปลา มุขรา วิกิณฺณวาจา กาเลน กาลํ กีฬาพหุลา วิจรนฺติ. ทุคฺคเต มหลฺลเก ปุริเส จ อิตฺถิโย จ คจฺฉนฺเต ทิสฺวา ภสฺมปุเฏน ปิฏฺิยํ อากิรนฺติ, เกตกีปณฺณํ กจฺฉนฺตเร โอลมฺเพนฺติ, เตน วิปฺปกาเรน ปริวตฺเตตฺวา โอโลเกนฺเต ¶ ยถาวชฺชกีฬิตํ ทสฺเสตฺวา อุปหสนฺติ. มหาปุริโส ตสฺมึ นิคเม เต เอวํ วิจรนฺเต ธุตฺตทารเก ทิสฺวา ‘‘ลทฺโธ วต ทานิ เม อุเปกฺขาปารมิยา ปริปูรณูปาโย’’ติ ¶ จินฺเตตฺวา ตตฺถ วิหาสิ. ตํ เต ธุตฺตทารกา ปสฺสิตฺวา วิปฺปการํ กาตุํ อารภนฺติ.
มหาสตฺโต ตํ อสหนฺโต วิย จ เตหิ ภายนฺโต วิย จ อุฏฺหิตฺวา คจฺฉติ. เต ตํ อนุพนฺธนฺติ. โส เตหิ อนุพนฺธิยมาโน ‘‘เอตฺถ นตฺถิ โกจิ ปฏิวตฺตา’’ติ สุสานํ คนฺตฺวา อฏฺิกํ สีสูปธานํ กตฺวา สยติ. ธุตฺตทารกาปิ ตตฺถ คนฺตฺวา โอฏฺุภนาทิกํ นานปฺปการํ วิปฺปการํ กตฺวา ปกฺกมนฺติ. เอวํ เต ทิวเส ทิวเส กโรนฺติ เอว. เย ปน วิฺู ปุริสา, เต เอวํ กโรนฺเต ปสฺสนฺติ. เต เต ปฏิพาหิตฺวา ‘‘อยํ มหานุภาโว ตปสฺสี มหาโยคี’’ติ จ ตฺวา อุฬารํ สกฺการสมฺมานํ กโรนฺติ. มหาสตฺโต ปน สพฺพตฺถ เอกสทิโสว โหติ มชฺฌตฺตภูโต. เตน วุตฺตํ ‘‘สุสาเน เสยฺยํ กปฺเปมี’’ติอาทิ.
ตตฺถ สุสาเน เสยฺยํ กปฺเปมิ, ฉวฏฺิกํ อุปนิธายาติ อามกสุสาเน ฉฑฺฑิตกเฬวรโต โสณสิงฺคาลาทีหิ ตหึ ตหึ วิกฺขิตฺเตสุ อฏฺิเกสุ เอกํ อฏฺิกํ สีสูปธานํ กตฺวา สุจิมฺหิ จ ¶ อสุจิมฺหิ จ สมานจิตฺตตาย ตสฺมึ สุสาเน เสยฺยํ กปฺเปมิ, สยามีติ อตฺโถ. คามณฺฑลาติ คามทารกา. รูปํ ทสฺเสนฺตินปฺปกนฺติ ยถาวชฺชกีฬิตาย โอฏฺุภนอุปหสนอุมฺมิหนาทีหิ กณฺณโสเต สลากปฺปเวสนาทีหิ จ อติกกฺขฬํ อนปฺปกํ นานปฺปการํ รูปํ วิการํ กโรนฺติ.
๑๒๐. อปเรติ เตสุ เอว คามทารเกสุ เอกจฺเจ. อุปายนานูปเนนฺตีติ ‘‘อยํ อิเมสุ ปริภววเสน เอวรูปํ วิปฺปการํ กโรนฺเตสุ น กิฺจิ วิการํ ทสฺเสติ, สมฺมานเน นุ โข กีทิโส’’ติ ปริคฺคณฺหนฺตา วิวิธํ พหุํ คนฺธมาลํ โภชนํ อฺานิ จ อุปายนานิ ปณฺณาการานิ อุปเนนฺติ อุปหรนฺติ. อปเรหิ วา เตหิ อนาจารคามทารเกหิ อฺเ วิฺู มนุสฺสา ‘‘อยํ อิเมสํ เอวํ วิวิธมฺปิ วิปฺปการํ กโรนฺตานํ น กุปฺปติ, อฺทตฺถุ ขนฺติเมตฺตานุทฺทยํเยว เตสุ อุปฏฺเปติ, อโห อจฺฉริยปุริโส’’ติ หฏฺา ‘‘พหุ วติเมหิ เอตสฺมึ วิปฺปฏิปชฺชนฺเตหิ ¶ อปฺุํ ปสุต’’นฺติ สํวิคฺคมานสาว หุตฺวา พหุํ คนฺธมาลํ วิวิธํ โภชนํ อฺานิ จ อุปายนานิ อุปเนนฺติ อุปหรนฺติ.
๑๒๑. เย ¶ เม ทุกฺขํ อุปหรนฺตีติ เย คามทารกา มยฺหํ สรีรทุกฺขํ อุปหรนฺติ อุปเนนฺติ. ‘‘อุปทหนฺตี’’ติปิ ปาโ, อุปฺปาเทนฺตีติ อตฺโถ. เย จ เทนฺติ สุขํ มมาติ เย จ วิฺู มนุสฺสา มม มยฺหํ สุขํ เทนฺติ, มาลาคนฺธโภชนาทิสุขูปกรเณหิ มม สุขํ อุปหรนฺติ. สพฺเพสํ สมโก โหมีติ กตฺถจิปิ วิการานุปฺปตฺติยา สมานจิตฺตตาย วิวิธานมฺปิ เตสํ ชนานํ สมโก เอกสทิโส โหมิ ภวามิ. ทยา โกโป น วิชฺชตีติ ยสฺมา มยฺหํ อุปการเก เมตฺตจิตฺตตาสงฺขาตา ทยา, อปการเก มโนปโทสสงฺขาโต โกโปปิ น วิชฺชติ, ตสฺมา สพฺเพสํ สมโก โหมีติ ทสฺเสติ.
๑๒๒. อิทานิ ภควา ตทา อุปการีสุ อปการีสุ จ สตฺเตสุ สมุปจิตาณสมฺภารสฺส อตฺตโน สมานจิตฺตตา วิการาภาโว ยา จ โลกธมฺเมสุ อนุปลิตฺตตา อโหสิ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘สุขทุกฺเข ตุลาภูโต’’ติ โอสานคาถมาห.
ตตฺถ สุขทุกฺเขติ สุเข จ ทุกฺเข จ. ตุลาภูโตติ สมกํ คหิตตุลา วิย โอนติอุนฺนติอปนตึ วชฺเชตฺวา มชฺฌตฺตภูโต, สุขทุกฺขคฺคหเณเนว เจตฺถ ตํนิมิตฺตภาวโต ลาภาลาภาปิ คหิตาติ เวทิตพฺพํ. ยเสสูติ กิตฺตีสุ. อยเสสูติ นินฺทาสุ. สพฺพตฺถาติ สพฺเพสุ สุขาทีสุ โลกธมฺเมสุ. อิติ ภควา ตทา สพฺพสตฺเตสุ สพฺพโลกธมฺเมสุ จ อนฺสาธารณํ ¶ อตฺตโน มชฺฌตฺตภาวํ กิตฺเตตฺวา เตน ตสฺมึ อตฺตภาเว อตฺตโน อุเปกฺขาปารมิยา สิขาปฺปตฺตภาวํ วิภาเวนฺโต ‘‘เอสา เม อุเปกฺขาปารมี’’ติ เทสนํ นิฏฺาเปสิ.
อิธาปิ มหาสตฺตสฺส ปมํ ทานปารมี นาม วิเสสโต สพฺพวิภวปริจฺจาโค ‘‘เย เกจิ อิมํ สรีรํ คเหตฺวา ยํกิฺจิ อตฺตโน อิจฺฉิตํ กโรนฺตู’’ติ อนเปกฺขภาเวน อตฺตโน อตฺตภาวปริจฺจาโค จ ทานปารมี, หีนาทิกสฺส สพฺพสฺส อกตฺตพฺพสฺส อกรณํ สีลปารมี, กามสฺสาทวิมุขสฺส เคหโต นิกฺขนฺตสฺส สโต กาเย อสุภสฺานุพฺรูหนา เนกฺขมฺมปารมี, สมฺโพธิสมฺภารานํ อุปการธมฺมปริคฺคหเณ ตปฺปฏิปกฺขปฺปหาเน จ โกสลฺลํ อวิปรีตโต ธมฺมสภาวจินฺตนา จ ปฺาปารมี ¶ , กามวิตกฺกาทิวิโนทนํ ทุกฺขาธิวาสนวีริยฺจ วีริยปารมี, สพฺพาปิ อธิวาสนขนฺติ ขนฺติปารมี, วจีสจฺจํ สมาทานาวิสํวาทเนน วิรติสจฺจฺจ สจฺจปารมี ¶ , อนวชฺชธมฺเม อจลสมาทานาธิฏฺานํ อธิฏฺานปารมี, อโนธิโส สพฺพสตฺเตสุ เมตฺตานุทฺทยภาโว เมตฺตาปารมี, อุเปกฺขาปารมี ปนสฺส ยถาวุตฺตวเสเนว เวทิตพฺพาติ ทส ปารมิโย ลพฺภนฺติ. อุเปกฺขาปารมี เจตฺถ อติสยวตีติ กตฺวา สาเยว เทสนํ อารุฬฺหา. ตถา อิธ มหาสตฺตสฺส มหนฺตํ โภคกฺขนฺธํ มหนฺตฺจ าติปริวฏฺฏํ ปหาย มหาภินิกฺขมนสทิสํ เคหโต นิกฺขมนํ, ตถา นิกฺขมิตฺวา ลาภสกฺการํ ชิคุจฺฉโต ปเรสํ สมฺภาวนํ ปริหริตุกามสฺส ปพฺพชฺชาลิงฺคํ อคฺคเหตฺวา จิตฺเตเนว อนวเสสํ ปพฺพชฺชาคุเณ อธิฏฺหิตฺวา ปรมสุขวิหาโร, ปรมปฺปิจฺฉตา, ปวิเวกาภิรติ, อุเปกฺขณาธิปฺปาเยน อตฺตโน กายชีวิตนิรเปกฺขา, ปเรหิ อตฺตโน อุปริ กตวิปฺปการาธิวาสนํ, อุกฺกํสคตสลฺเลขวุตฺติ, โพธิสมฺภารปฏิปกฺขานํ กิเลสานํ ตนุภาเวน ขีณาสวานํ วิย ปเรสํ อุปการาปกาเรสุ นิพฺพิการภาวเหตุภูเตน สพฺพตฺถ มชฺฌตฺตภาเวน สมุฏฺาปิโต โลกธมฺเมหิ อนุปเลโป, สพฺพปารมีนํ มุทฺธภูตาย อุเปกฺขาปารมิยา สิขาปฺปตฺตีติ เอวมาทโย คุณานุภาวา วิภาเวตพฺพาติ.
มหาโลมหํสจริยาวณฺณนา นิฏฺิตา.
อุเปกฺขาปารมี นิฏฺิตา.
ตติยวคฺคสฺส อตฺถวณฺณนา นิฏฺิตา.
อุทฺทานคาถาวณฺณนา
‘‘ยุธฺชโย’’ติอาทิกา ¶ อุทฺทานคาถา. ตตฺถ ภิเสนาติ ภิสาปเทเสน มหากฺจนจริยํ (จริยา. ๓.๓๔ อาทโย) ทสฺเสติ. โสณนนฺโทติ อิมินา โสณปณฺฑิตจริยํ (จริยา. ๓.๔๒ อาทโย ) ทสฺเสติ. ตถา มูคปกฺโขติ มูคปกฺขาปเทเสน เตมิยปณฺฑิตจริยํ (จริยา. ๓.๔๘ อาทโย) ทสฺเสติ. อุเปกฺขาปารมิสีเสน มหาโลมหํสจริยํ (จริยา. ๓.๑๑๙ อาทโย) ทสฺเสติ. อาสิ อิติ วุฏฺํ มเหสินาติ ยถา, สาริปุตฺต, ตุยฺหํ เอตรหิ เทสิตํ, อิติ เอวํ อิมินา วิธาเนน มหนฺตานํ ทานปารมิอาทีนํ โพธิสมฺภารานํ เอสนโต มเหสินา ตทา โพธิสตฺตภูเตน ¶ มยา วุฏฺํ จิณฺณํ จริตํ ปฏิปนฺนํ อาสิ อโหสีติ อตฺโถ ¶ . อิทานิ ปารมิปริปูรณวเสน จิรกาลปฺปวตฺติตํ อิธ วุตฺตํ อวุตฺตฺจ อตฺตโน ทุกฺกรกิริยํ เอกชฺฌํ กตฺวา ยทตฺถํ สา ปวตฺติตา, ตฺจ สงฺเขเปเนว ทสฺเสตุํ ‘‘เอวํ พหุพฺพิธ’’นฺติ คาถมาห.
ตตฺถ เอวนฺติ อิมินา วุตฺตนเยน. พหุพฺพิธํ ทุกฺขนฺติ อกิตฺติปณฺฑิตาทิกาเล การปณฺณาทิอาหารตาย ตฺจ ยาจกสฺส ทตฺวา อาหารูปจฺเฉทาทินา จ พหุวิธํ นานปฺปการํ ทุกฺขํ. ตถา กุรุราชาทิกาเล สกฺกสมฺปตฺติสทิสา สมฺปตฺตี จ พหุพฺพิธา. ภวาภเวติ ขุทฺทเก เจว มหนฺเต จ ภเว. ภวาภเว วา วุทฺธิหานิโย อนุภวิตฺวา พหุวิเธหิ ทุกฺเขหิ อวิหฺมาโน พหุวิธาหิ จ สมฺปตฺตีหิ อนากฑฺฒิยมาโน ปารมิปริปูรณปสุโต เอว หุตฺวา ตทนุรูปํ ปฏิปตฺตึ ปฏิปนฺโน อุตฺตมํ อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ สพฺพฺุตํ ปตฺโต, อธิคโตสฺมีติ อตฺโถ.
อิทานิ ยาสํ ปารมีนํ ปริปูรณตฺถํ เอสา ทุกฺกรจริยา จิรํ ปวตฺติตา, ตาสํ อนวเสสโต ปริปุณฺณภาวํ เตน จ ปตฺตพฺพผลสฺส อตฺตนา อธิคตภาวํ ทสฺเสตุํ ‘‘ทตฺวา ทาตพฺพกํ ทานํ, สีลํ ปูเรตฺวา อเสสโต’’ติอาทิ วุตฺตํ.
ตตฺถ ทตฺวา ทาตพฺพกํ ทานนฺติ ตทา อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุชฺฌิตุํ อคฺคยานปฏิปทํ ปฏิปนฺเนน มหาโพธิสตฺเตน ทาตพฺพํ เทยฺยธมฺมํ พาหิรํ รชฺชาทึ อพฺภนฺตรํ อตฺตปริจฺจาโคติ ปฺจ มหาปริจฺจาคปริโยสานํ ทานปารมิทานอุปปารมิทานปรมตฺถปารมิปฺปเภทํ ¶ ทานํ อนวเสสโต สมฺปาเทตฺวาติ อตฺโถ. ตตฺถ อกิตฺติพฺราหฺมณกาเล (จริยา. ๑.๑ อาทโย; ชา. ๑.๑๓.๘๓ อาทโย) สงฺขพฺราหฺมณกาเลติ (จริยา. ๑.๑๑ อาทโย; ชา. ๑.๑๐.๓๙ อาทโย) เอวมาทีสุ อิธ อาคเตสุ อนาคเตสุ จ วิสยฺหเสฏฺิกาเล (ชา. ๑.๔.๑๕๗ อาทโย) เวลามกาเลติ (อ. นิ. ๙.๒๐) เอวมาทีสุปิ ทานปารมิยา มหาปุริสสฺส ปูริตตฺตภาวานํ ปริมาณํ นาม นตฺถิ. เอกนฺเตน ปนสฺส สสปณฺฑิตกาเล –
‘‘ภิกฺขาย ¶ อุปคตํ ทิสฺวา, สกตฺตานํ ปริจฺจชึ;
ทาเนน เม สโม นตฺถิ, เอสา เม ทานปารมี’’ติ. (จริยา. ๑. ตสฺสุทฺทาน) –
เอวํ ¶ อตฺตปริจฺจาคํ กโรนฺตสฺส ทานปารมี ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา. อิตเรสุ ปน ยถารหํ ปารมิอุปปารมิโย เวทิตพฺพา.
สีลํ ปูเรตฺวา อเสสโตติ ตถา อนวเสสโต กายิโก สํวโร, วาจสิโก สํวโร, กายิกวาจสิโก สํวโร, อินฺทฺริยสํวโร, โภชเน มตฺตฺุตา, สุวิสุทฺธาชีวตาติ เอวมาทิกํ โพธิสตฺตสีลํ สมฺปาเทนฺเตน สีลปารมิสีลอุปปารมิสีลปรมตฺถปารมิปฺปเภทํ ปูเรตพฺพํ สพฺพํ สีลํ ปูเรตฺวา สมฺมเทว สมฺปาเทตฺวา. อิธาปิ สีลวนาคราชกาเล (จริยา. ๒.๑ อาทโย; ชา. ๑.๑.๗๒) จมฺเปยฺยนาคราชกาเลติ (จริยา. ๒.๒๐ อาทโย; ชา. ๑.๑๕.๒๔๐ อาทโย) เอวมาทีสุ อิธ อาคเตสุ, อนาคเตสุ จ มหากปิกาเล (จริยา. ๓.๖๗ อาทโย; ชา. ๑.๗.๘๓ อาทโย; ๑.๑๖.๑๗๘ อาทโย) ฉทฺทนฺตกาเลติ (ชา. ๑.๑๖.๙๗ อาทโย) เอวมาทีสุ มหาสตฺตสฺส สีลปารมิยา ปูริตตฺตภาวานํ ปริมาณํ นาม นตฺถิ. เอกนฺเตน ปนสฺส สงฺขปาลกาเล –
‘‘สูเลหิ วินิวิชฺฌนฺเต, โกฏฺฏยนฺเตปิ สตฺติภิ;
โภชปุตฺเต น กุปฺปามิ, เอสา เม สีลปารมี’’ติ. (จริยา. ๒.๙๑) –
เอวํ อตฺตปริจฺจาคํ กโรนฺตสฺส สีลปารมี ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา. อิตเรสุ ปน ยถารหํ ปารมิอุปปารมิโย เวทิตพฺพา.
เนกฺขมฺเม ¶ ปารมึ คนฺตฺวาติ ตถา ติวิเธปิ มหาภินิกฺขมเน ปารมึ ปรมุกฺกํสํ คนฺตฺวา. ตตฺถ ยุธฺชยกาเล (จริยา. ๓.๑ อาทโย; ชา. ๑.๑๑.๗๓ อาทโย) โสมนสฺสกุมารกาเลติ (จริยา. ๓.๗ อาทโย; ชา. ๑.๑๕.๒๑๑ อาทโย) เอวมาทีสุ อิธ อาคเตสุ, อนาคเตสุ จ หตฺถิปาลกุมารกาเล (ชา. ๑.๑๕.๓๓๗ อาทโย) มฆเทวกาเลติ (ม. นิ. ๒.๓๐๘ อาทโย; ชา. ๑.๑.๙) เอวมาทีสุ มหารชฺชํ ปหาย เนกฺขมฺมปารมิยา ปูริตตฺตภาวานํ ปริมาณํ นาม นตฺถิ. เอกนฺเตน ปนสฺส จูฬสุตโสมกาเล –
‘‘มหารชฺชํ หตฺถคตํ, เขฬปิณฺฑํว ฉฑฺฑยึ;
จชโต น โหติ ลคฺคนํ, เอสา เม เนกฺขมฺมปารมี’’ติ. (ธ. ส. อฏฺ. นิทานกถา; ชา. อฏฺ. ๑.ทูเรนิทานกถา; อป. อฏฺ. ๑.ทูเรนิทานกถา);
เอวํ นิสฺสงฺคตาย รชฺชํ ฉฑฺเฑตฺวา นิกฺขมนฺตสฺส เนกฺขมฺมปารมี ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา. อิตเรสุ ปน ยถารหํ ปารมิอุปปารมิโย เวทิตพฺพา.
ปณฺฑิเต ¶ ปริปุจฺฉิตฺวาติ กึ กุสลํ กึ อกุสลํ กึ สาวชฺชํ กึ อนวชฺชนฺติอาทินา กุสลาทิธมฺมวิภาคํ กมฺมกมฺมผลวิภาคํ สตฺตานํ อุปการาวหํ อนวชฺชกมฺมายตนสิปฺปายตนวิชฺชาฏฺานาทึ ¶ ปณฺฑิเต สปฺปฺเ ปริปุจฺฉิตฺวา. เอเตน ปฺาปารมึ ทสฺเสติ. ตตฺถ วิธุรปณฺฑิตกาเล (ชา. ๒.๒๒.๑๓๔๖ อาทโย) มหาโควินฺทปณฺฑิตกาเล (ที. นิ. ๒.๒๙๓ อาทโย; จริยา ๑.๓๗ อาทโย) กุทาลปณฺฑิตกาเล (ชา. ๑.๑.๗๐) อรกปณฺฑิตกาเล (ชา. ๑.๒.๓๗ อาทโย) โพธิปริพฺพาชกกาเล มโหสธปณฺฑิตกาเลติ (ชา. ๒.๒๒.๕๙๐ อาทโย) เอวมาทีสุ ปฺาปารมิยา ปูริตตฺตภาวานํ ปริมาณํ นาม นตฺถิ. เอกนฺเตน ปนสฺส เสนกปณฺฑิตกาเล –
‘‘ปฺาย วิจินนฺโตหํ, พฺราหฺมณํ โมจยึ ทุขา;
ปฺาย เม สโม นตฺถิ, เอสา เม ปฺาปารมี’’ติ. (ธ. ส. อฏฺ. นิทานกถา; ชา. อฏฺ. ๑.ทูเรนิทานกถา; อป. อฏฺ. ๑.ทูเรนิทานกฺกถา) –
อนฺโตภสฺตคตํ สปฺปํ ทสฺเสนฺตสฺส ปฺาปารมี ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา. วีริยํ กตฺวาน อุตฺตมนฺติ ¶ สมฺมาสมฺโพธึ ปาเปตุํ สมตฺถตาย อุตฺตมํ ปธานํ วีริยนฺติ วิวิธมฺปิ วีริยปารมึ กตฺวา อุปฺปาเทตฺวา. ตตฺถ มหาสีลวราชกาเล (ชา. ๑.๑.๕๑) ปฺจาวุธกุมารกาเล (ชา. ๑.๑.๕๕) มหาวานรินฺทกาเลติ (ชา. ๑.๑.๕๗) เอวมาทีสุ วีริยปารมิยา ปูริตตฺตภาวานํ ปริมาณํ นาม นตฺถิ. เอกนฺเตน ปนสฺส มหาชนกกาเล –
‘‘อตีรทสฺสี ชลมชฺเฌ, หตา สพฺเพว มานุสา;
จิตฺตสฺส อฺถา นตฺถิ, เอสา เม วีริยปารมี’’ติ. (ธ. ส. อฏฺ. นิทานกถา; ชา. อฏฺ. ๑.ทูเรนิทานกถา; อป. อฏฺ. ๑.ทูเรนิทานกถา) –
เอวํ มหาสมุทฺทํ ตรนฺตสฺส วีริยปารมี ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา.
ขนฺติยา ปารมึ คนฺตฺวาติ อธิวาสนขนฺติอาทิ ขนฺติปรมุกฺกํสภาวํ ปาเปนฺโต ขนฺติยา ปารมึ ปรมโกฏึ คนฺตฺวา, ขนฺติปารมึ สมฺปาเทตฺวาติ อตฺโถ. ตตฺถ มหากปิกาเล (จริยา. ๓.๖๗ อาทโย; ชา. ๑.๗.๘๓ อาทโย) มหึสราชกาเล (ชา. ๑.๓.๘๒ อาทโย) รุรุมิคราชกาเล (ชา. ๑.๑๓.๑๑๗ อาทโย) ธมฺมเทวปุตฺตกาเลติ (ชา. ๑.๑๑.๒๖ อาทโย) เอวมาทีสุ ขนฺติปารมิยา ปูริตตฺตภาวานํ ปริมาณํ นาม นตฺถิ. เอกนฺเตน ปนสฺส ขนฺติวาทิกาเล –
‘‘อเจตนํ ¶ ว โกฏฺเฏนฺเต, ติณฺเหน ผรสุนา มมํ;
กาสิราเช น กุปฺปามิ, เอสา เม ขนฺติปารมี’’ติ. (ธ. ส. อฏฺ. นิทานกถา; ชา. อฏฺ. ๑.ทูเรนิทานกถา; อป. อฏฺ. ๑.ทูเรนิทานกถา) –
เอวํ อเจตนภาเวน วิย มหาทุกฺขํ อนุภวนฺตสฺส ขนฺติปารมี ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา.
กตฺวา ทฬฺหมธิฏฺานนฺติ กุสลสมาทานาธิฏฺานํ ตสฺส ตสฺส ปารมิสมาทานสฺส ตทุปการกสมาทานสฺส จ อธิฏฺานํ ทฬฺหตรํ อสิถิลํ กตฺวา, ตํ ตํ วตสมาทานํ ¶ อนิวตฺติภาเวน อธิฏฺหิตฺวาติ อตฺโถ. ตตฺถ โชติปาลกาเล (ม. นิ. ๒.๒๘๒ อาทโย) สรภงฺคกาเล (ชา. ๒.๑๗.๕๐ อาทโย) เนมิกาเลติ (จริยา. ๑.๔๐ อาทโย; ชา.๒.๒๒.๔๒๑ อาทโย) เอวมาทีสุ ¶ อธิฏฺานปารมิยา ปูริตตฺตภาวานํ ปริมาณํ นาม นตฺถิ. เอกนฺเตน ปนสฺส เตมิยกุมารกาเล –
‘‘มาตาปิตา น เม เทสฺสา, อตฺตา เม น จ เทสฺสิโย;
สพฺพฺุตํ ปิยํ มยฺหํ, ตสฺมา วตมธิฏฺหิ’’นฺติ. (จริยา. ๓.๖๕) –
เอวํ ชีวิตํ ปริจฺจชิตฺวา วตํ อธิฏฺหนฺตสฺส อธิฏฺานปารมี ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา.
สจฺจวาจานุรกฺขิยาติ สจฺจวาจํ อนุรกฺขิตฺวา ชีวิตนฺตราเยปิ อนริยโวหารํ คูถํ วิย ชิคุจฺฉนฺโต ปริหริตฺวา สพฺพโส อวิสํวาทิภาวํ รกฺขิตฺวา. ตตฺถ กปิราชกาเล (จริยา. ๓.๖๗ อาทโย) สจฺจตาปสกาเล มจฺฉราชกาเลติ เอวมาทีสุ สจฺจปารมิยา ปูริตตฺตภาวานํ ปริมาณํ นาม นตฺถิ. เอกนฺเตน ปนสฺส มหาสุตโสมกาเล –
‘‘สจฺจวาจํ อนุรกฺขนฺโต, จชิตฺวา มม ชีวิตํ;
โมเจสึ เอกสตํ ขตฺติเย, เอสา เม สจฺจปารมี’’ติ. (ธ. ส. อฏฺ. นิทานกถา; ชา. อฏฺ. ๑.ทูเรนิทานกถา; อป. อฏฺ. ๑.ทูเรนิทานกถา) –
เอวํ ชีวิตํ จชิตฺวา สจฺจํ อนุรกฺขนฺตสฺส สจฺจปารมี ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา.
เมตฺตาย ¶ ปารมึ คนฺตฺวาติ สพฺพสตฺเตสุ อโนธิโส หิตูปสํหารลกฺขณาย เมตฺตาย ปารมึ ปรมุกฺกํสตํ ปตฺวา. ตตฺถ จูฬธมฺมปาลกาเล (ชา. ๑.๕.๔๔ อาทโย) มหาสีลวราชกาเล (ชา. ๑.๑.๕๑) สามปณฺฑิตกาเลติ (จริยา. ๓.๑๑๑ อาทโย; ชา. ๒.๒๒.๒๙๖ อาทโย) เอวมาทีสุ เมตฺตาปารมิยา ปูริตตฺตภาวานํ ปริมาณํ นาม นตฺถิ. เอกนฺเตน ปนสฺส สุวณฺณสามกาเล –
‘‘น มํ โกจิ อุตฺตสติ, นปิหํ ภายามิ กสฺสจิ;
เมตฺตาพเลนุปตฺถทฺโธ, รมามิ ปวเน ตทา’’ติ. (จริยา. ๓.๑๑๓) –
เอวํ ชีวิตมฺปิ อโนโลเกตฺวา เมตฺตายนฺตสฺส เมตฺตาปารมี ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา.
สมฺมานนาวมานเนติ สกฺกจฺจํ ปูชาสกฺการาทินา สมฺมานเน โอฏฺุภนาทินา อวมานเน จ ¶ สพฺพตฺถ โลกธมฺเม สมโก สมจิตฺโต นิพฺพิกาโร หุตฺวา อุตฺตมํ อนุตฺตรํ ลพฺพฺุตํ อธิคโตสฺมีติ อตฺโถ. ตตฺถ มหาวานรินฺทกาเล (ชา. ๑.๑.๕๗) กาสิราชกาเล เขมพฺราหฺมณกาเล อฏฺิเสนปริพฺพาชกกาเลติ (ชา. ๑.๗.๕๔ อาทโย) เอวมาทีสุ อุเปกฺขาปารมิยา ปูริตตฺตภาวานํ ¶ ปริมาณํ นาม นตฺถิ. เอกนฺเตน ปนสฺส มหาโลมหํสกาเล –
‘‘สุสาเน เสยฺยํ กปฺเปมิ, ฉวฏฺิกํ อุปนิธายหํ;
คามณฺฑลา อุปาคนฺตฺวา, รูปํ ทสฺเสนฺตินปฺปก’’นฺติ. (จริยา. ๓.๑๑๙) –
เอวํ คามทารเกสุ โอฏฺุภนาทีหิ เจว มาลาคนฺธูปหาราทีหิ จ สุขทุกฺขํ อุปฺปาเทนฺเตสุปิ อุเปกฺขํ อนติวตฺตนฺตสฺส อุเปกฺขาปารมี ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา. อิติ ภควา –
‘‘เอวํ พหุพฺพิธํ ทุกฺขํ, สมฺปตฺตี จ พหุพฺพิธา;
ภวาภเว อนุภวิตฺวา, ปตฺโต สมฺโพธิมุตฺตม’’นฺติ. –
สมฺมาสมฺโพธึ อธิคนฺตุํ อิมสฺมึ ภทฺทกปฺเป อตฺตนา กตํ ทุกฺกรจริยํ สงฺเขเปเนว วตฺวา ปุน –
‘‘ทตฺวา ทาตพฺพกํ ทานํ, สีลํ ปูเรตฺวา อเสสโต;
เนกฺขมฺเม ปารมึ คนฺตฺวา, ปตฺโต สมฺโพธิมุตฺตมํ.
‘‘ปณฺฑิเต ¶ ปริปุจฺฉิตฺวา, วีริยํ กตฺวาน มุตฺตมํ;
ขนฺติยา ปารมึ คนฺตฺวา, ปตฺโต สมฺโพธิมุตฺตมํ.
‘‘กตฺวา ทฬฺหมธิฏฺานํ, สจฺจวาจานุรกฺขิย;
เมตฺตาย ปารมึ คนฺตฺวา, ปตฺโต สมฺโพธิมุตฺตมํ.
‘‘ลาภาลาเภ ยสายเส, สมฺมานนาวมานเน;
สพฺพตฺถ สมโก หุตฺวา, ปตฺโต สมฺโพธิมุตฺตม’’นฺติ. –
อตฺตนา สมฺมเทว ปริปูริตา ทส ปารมิโย ทสฺเสติ.
ปกิณฺณกกถา
อิมสฺมึ ¶ ¶ ปน าเน ตฺวา มหาโพธิยานปฏิปตฺติยํ อุสฺสาหชาตานํ กุลปุตฺตานํ โพธิสมฺภาเรสุ นานปฺปการโกสลฺลตฺถํ สพฺพปารมีสุ ปกิณฺณกกถา กเถตพฺพา.
ตตฺริทํ ปฺหกมฺมํ – กา ปเนตา ปารมิโย? เกนฏฺเน ปารมิโย? กติวิธา เจตา? โก ตาสํ กโม? กานิ ลกฺขณรสปจฺจุปฏฺานปทฏฺานานิ? โก ปจฺจโย? โก สํกิเลโส? กึ โวทานํ? โก ปฏิปกฺโข? กา ปฏิปตฺติ? โก วิภาโค? โก สงฺคโห? โก สมฺปาทนูปาโย? กิตฺตเกน กาเลน สมฺปาทนํ? โก อานิสํโส? กึ เจตาสํ ผลนฺติ?
ตตฺริทํ วิสฺสชฺชนํ – กา ปเนตา ปารมิโยติ? ตณฺหามานทิฏฺีหิ ¶ อนุปหตา กรุณูปายโกสลฺลปริคฺคหิตา ทานาทโย คุณา ปารมิโย.
เกนฏฺเน ปารมิโยติ? ทานสีลาทิคุณวิเสสโยเคน สตฺตุตฺตมตาย ปรมา มหาสตฺตา โพธิสตฺตา, เตสํ ภาโว กมฺมํ วา ปารมี, ทานาทิกิริยา. อถ วา ปรตีติ ปรโม, ทานาทิคุณานํ ปูรโก ปาลโก จาติ โพธิสตฺโต, ปรมสฺส อยํ, ปรมสฺส วา ภาโว, กมฺมํ วา ปารมี, ทานาทิกิริยาว. อถ วา ปรํ สตฺตํ อตฺตนิ มวติ พนฺธติ คุณวิเสสโยเคน, ปรํ วา อธิกตรํ มชฺชติ สุชฺฌติ สํกิเลสมลโต, ปรํ วา เสฏฺํ นิพฺพานํ วิเสเสน มยติ คจฺฉติ, ปรํ วา โลกํ ปมาณภูเตน าณวิเสเสน อิธโลกํ วิย มุนาติ ปริจฺฉินฺทติ, ปรํ วา อติวิย สีลาทิคุณคณํ อตฺตโน สนฺตาเน มิโนติ ปกฺขิปติ, ปรํ วา อตฺตภูตโต ธมฺมกายโต อฺํ ปฏิปกฺขํ วา ตทนตฺถกรํ กิเลสโจรคณํ มินาติ หึสตีติ ปรโม, มหาสตฺโต. ปรมสฺส อยนฺติอาทิ วุตฺตนเยน โยเชตพฺพํ. ปาเร วา นิพฺพาเน มชฺชติ สุชฺฌติ สตฺเต จ โสเธติ, ตตฺถ วา สตฺเต มวติ พนฺธติ โยเชติ, ตํ วา มยติ คจฺฉติ คเมติ จ, มุนาติ วา ตํ ยาถาวโต ¶ , ตตฺถ วา สตฺเต มิโนติ ปกฺขิปติ, กิเลสารโย ¶ วา สตฺตานํ ตตฺถ มินาติ หึสตีติ ปารมี, มหาปุริโส. ตสฺส ภาโว กมฺมํ วา ปารมิตา, ทานาทิกิริยาว. อิมินา นเยน ปารมีสทฺทตฺโถ เวทิตพฺโพ.
กติวิธาติ? สงฺเขปโต ทสวิธา. ตา ปน ปาฬิยํ สรูปโต อาคตาเยว. ยถาห –
‘‘วิจินนฺโต ตทา ทกฺขึ, ปมํ ทานปารมึ;
ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อนุจิณฺณํ มหาปถ’’นฺติ. (พุ. วํ. ๒.๑๑๖) –
อาทิ. ยถา จาห – ‘‘กติ นุ โข, ภนฺเต, พุทฺธการกา ธมฺมา? ทส โข, สาริปุตฺต, พุทฺธการกา ธมฺมา. กตเม ทส? ทานํ โข, สาริปุตฺต, พุทฺธการโก ธมฺโม, สีลํ, เนกฺขมฺมํ, ปฺา, วีริยํ, ขนฺติ, สจฺจํ, อธิฏฺานํ, เมตฺตา, อุเปกฺขา พุทฺธการโก ธมฺโม. อิเม โข, สาริปุตฺต, ทส พุทฺธการกา ธมฺมา’’ติ. อิทมโวจ ภควา, อิทํ วตฺวา สุคโต อถาปรํ เอตทโวจ สตฺถา –
‘‘ทานํ ¶ สีลฺจ เนกฺขมฺมํ, ปฺา วีริเยน ปฺจมํ;
ขนฺติ สจฺจมธิฏฺานํ, เมตฺตุเปกฺขาติ เต ทสา’’ติ. (พุ. วํ. ๑.๗๖ โถกํ วิสทิสํ);
เกจิ ปน ‘‘ฉพฺพิธา’’ติ วทนฺติ. ตํ เอตาสํ สงฺคหวเสน วุตฺตํ. โส ปน สงฺคโห ปรโต อาวิ ภวิสฺสติ.
โก ตาสํ กโมติ? เอตฺถ กโมติ เทสนากฺกโม, โส จ ปมสมาทานเหตุโก, สมาทานํ ปวิจยเหตุกํ, อิติ ยถา อาทิมฺหิ ปวิจิตา สมาทินฺนา จ, ตถา เทสิตา. ตตฺถ ทานํ สีลสฺส พหูปการํ สุกรฺจาติ ตํ อาทิมฺหิ วุตฺตํ. ทานํ สีลปริคฺคหิตํ มหปฺผลํ โหติ มหานิสํสนฺติ ทานานนฺตรํ สีลํ วุตฺตํ. สีลํ เนกฺขมฺมปริคฺคหิตํ, เนกฺขมฺมํ ปฺาปริคฺคหิตํ, ปฺา วีริยปริคฺคหิตา, วีริยํ ขนฺติปริคฺคหิตํ, ขนฺติ สจฺจปริคฺคหิตา, สจฺจํ อธิฏฺานปริคฺคหิตํ, อธิฏฺานํ เมตฺตาปริคฺคหิตํ, เมตฺตา ¶ อุเปกฺขาปริคฺคหิตา มหปฺผลา โหติ มหานิสํสาติ เมตฺตานนฺตรมุเปกฺขา วุตฺตา. อุเปกฺขา ปน กรุณาปริคฺคหิตา กรุณา จ อุเปกฺขาปริคฺคหิตาติ เวทิตพฺพา. ‘‘กถํ ปน มหาการุณิกา โพธิสตฺตา สตฺเตสุ อุเปกฺขกา โหนฺตี’’ติ? ‘‘อุเปกฺขิตพฺพยุตฺเตสุ กฺจิ กาลํ อุเปกฺขกา โหนฺติ ¶ , น ปน สพฺพตฺถ สพฺพทา จา’’ติ เกจิ. อปเร ปน – ‘‘น สตฺเตสุ อุเปกฺขกา, สตฺตกเตสุ ปน วิปฺปกาเรสุ อุเปกฺขกา โหนฺตี’’ติ.
อปโร นโย – ปจุรชเนสุปิ ปวตฺติยา สพฺพสตฺตสาธารณตฺตา อปฺปผลตฺตา สุกรตฺตา จ อาทิมฺหิ ทานํ วุตฺตํ. สีเลน ทายกปฏิคฺคาหกสุทฺธิโต ปรานุคฺคหํ วตฺวา ปรปีฬานิวตฺติวจนโต กิริยธมฺมํ วตฺวา อกิริยธมฺมวจนโต โภคสมฺปตฺติเหตุํ วตฺวา ภวสมฺปตฺติเหตุวจนโต จ ทานสฺส อนนฺตรํ สีลํ วุตฺตํ. เนกฺขมฺเมน สีลสมฺปตฺติสิทฺธิโต กายวจีสุจริตํ วตฺวา มโนสุจริตวจนโต วิสุทฺธสีลสฺส สุเขเนว ฌานสมิชฺฌนโต กมฺมาปราธปฺปหาเนน ปโยคสุทฺธึ วตฺวา กิเลสาปราธปฺปหาเนน อาสยสุทฺธิวจนโต วีติกฺกมปฺปหาเนน จิตฺตสฺส ปริยุฏฺานปฺปหานวจนโต จ สีลสฺส ¶ อนนฺตรํ เนกฺขมฺมํ วุตฺตํ. ปฺาย เนกฺขมฺมสฺส สิทฺธิปริสุทฺธิโต ฌานาภาเวน ปฺาภาววจนโต ‘‘สมาธิปทฏฺานา หิ ปฺา, ปฺาปจฺจุปฏฺาโน จ สมาธิ’’. สมถนิมิตฺตํ วตฺวา อุเปกฺขานิมิตฺตวจนโต ปรหิตชฺฌาเนน ปรหิตกรณูปายโกสลฺลวจนโต จ เนกฺขมฺมสฺส อนนฺตรํ ปฺา วุตฺตา. วีริยารมฺเภน ปฺากิจฺจสิทฺธิโต สตฺตสฺุตาธมฺมนิชฺฌานกฺขนฺตึ วตฺวา สตฺตหิตาย อารมฺภสฺส อจฺฉริยตาวจนโต อุเปกฺขานิมิตฺตํ วตฺวา ปคฺคหนิมิตฺตวจนโต นิสมฺมการิตํ วตฺวา อุฏฺานวจนโต จ ‘‘นิสมฺมการิโน หิ อุฏฺานํ ผลวิเสสมาวหตี’’ติ ปฺาย อนนฺตรํ วีริยํ วุตฺตํ.
วีริเยน ติติกฺขาสิทฺธิโต ‘‘วีริยวา หิ อารทฺธวีริยตฺตา สตฺตสงฺขาเรหิ อุปนีตํ ทุกฺขํ อภิภุยฺย วิหรติ’’. วีริยสฺส ติติกฺขาลงฺการภาวโต ‘‘วีริยวโต หิ ติติกฺขา โสภติ’’. ปคฺคหนิมิตฺตํ วตฺวา สมถนิมิตฺตวจนโต อจฺจารมฺเภน อุทฺธจฺจโทสปฺปหานวจนโต ‘‘ธมฺมนิชฺฌานกฺขนฺติยา หิ อุทฺธจฺจโทโส ปหียติ’’. วีริยวโต สาตจฺจกรณวจนโต ‘‘ขนฺติพหุโล หิ อนุทฺธโต สาตจฺจการี โหติ’’. อปฺปมาทวโต ¶ ปรหิตกิริยารมฺเภ ปจฺจุปการตณฺหาภาววจนโต ‘‘ยาถาวโต ธมฺมนิชฺฌาเน หิ สติ ตณฺหา น โหติ’’. ปรหิตารมฺเภ ปรเมปิ ปรกตทุกฺขสหนตาวจนโต จ วีริยสฺส อนนฺตรํ ขนฺติ วุตฺตา. สจฺเจน ขนฺติยา จิราธิฏฺานโต อปการิโน อปการขนฺตึ วตฺวา ตทุปการกรเณ อวิสํวาทวจนโต ขนฺติยา อปวาทวาจาวิกมฺปเนน ภูตวาทิตาย อวิชหนวจนโต สตฺตสฺุตาธมฺมนิชฺฌานกฺขนฺตึ วตฺวา ตทุปพฺรูหิตาณสจฺจวจนโต จ ขนฺติยา อนนฺตรํ สจฺจํ วุตฺตํ.
อธิฏฺาเนน ¶ สจฺจสิทฺธิโต ‘‘อจลาธิฏฺานสฺส หิ วิรติ สิชฺฌติ’’. อวิสํวาทิตํ วตฺวา ตตฺถ อจลภาววจนโต ‘‘สจฺจสนฺโธ หิ ทานาทีสุ ปฏิฺานุรูปํ นิจฺจโลว ¶ ปวตฺตติ’’. าณสจฺจํ วตฺวา สมฺภาเรสุ ปวตฺตินิฏฺาปนวจนโต ‘‘ยถาภูตาณวา หิ โพธิสมฺภาเร อธิฏฺาติ, เต จ นิฏฺาเปติ ปฏิปกฺเขหิ อกมฺปิยภาวโต’’ติ สจฺจสฺส อนนฺตรํ อธิฏฺานํ วุตฺตํ. เมตฺตาย ปรหิตกรณสมาทานาธิฏฺานสิทฺธิโต อธิฏฺานํ วตฺวา หิตูปสํหารวจนโต ‘‘โพธิสมฺภาเร หิ อธิติฏฺมาโน เมตฺตาวิหารี โหติ’’. อจลาธิฏฺานสฺส สมาทานาวิโกปเนน สมาทานสมฺภวโต จ อธิฏฺานสฺส อนนฺตรํ เมตฺตา วุตฺตา. อุเปกฺขาย เมตฺตาวิสุทฺธิโต สตฺเตสุ หิตูปสํหารํ วตฺวา ตทปราเธสุ อุทาสีนตาวจนโต เมตฺตาภาวนํ วตฺวา ตนฺนิสฺสนฺทภาวนาวจนโต หิตกามสตฺเตปิ อุเปกฺขโกติ อจฺฉริยคุณตาวจนโต จ เมตฺตาย อนนฺตรํ อุเปกฺขา วุตฺตาติ เอวเมตาสํ กโม เวทิตพฺโพ.
กานิ ลกฺขณรสปจฺจุปฏฺานปทฏฺานานีติ เอตฺถ อวิเสเสน ตาว สพฺพาปิ ปารมิโย ปรานุคฺคหลกฺขณา, ปเรสํ อุปการกรณรสา, อวิกมฺปนรสา วา, หิเตสิตาปจฺจุปฏฺานา, พุทฺธตฺตปจฺจุปฏฺานา วา, มหากรุณาปทฏฺานา, กรุณูปายโกสลฺลปทฏฺานา วา.
วิเสเสน ปน ยสฺมา กรุณูปายโกสลฺลปริคฺคหิตา อตฺตูปกรณปริจฺจาคเจตนา ทานปารมิตา, กรุณูปายโกสลฺลปริคฺคหิตํ กายวจีสุจริตํ อตฺถโต อกตฺตพฺพวิรติกตฺตพฺพกรณเจตนาทโย จ สีลปารมิตา. กรุณูปายโกสลฺลปริคฺคหิโต อาทีนวทสฺสนปุพฺพงฺคโม กามภเวหิ นิกฺขมนจิตฺตุปฺปาโท เนกฺขมฺมปารมิตา, กรุณูปายโกสลฺลปริคฺคหิโต ธมฺมานํ สามฺวิเสสลกฺขณาวโพโธ ปฺาปารมิตา ¶ . กรุณูปายโกสลฺลปริคฺคหิโต กายจิตฺเตหิ ปรหิตารมฺโภ วีริยปารมิตา, กรุณูปายโกสลฺลปริคฺคหิตํ สตฺตสงฺขาราปราธสหนํ อโทสปฺปธาโน ตทาการปฺปวตฺตจิตฺตุปฺปาโท ขนฺติปารมิตา, กรุณูปายโกสลฺลปริคฺคหิตํ วิรติเจตนาทิเภทํ อวิสํวาทนํ สจฺจปารมิตา, กรุณูปายโกสลฺลปริคฺคหิตํ อจลสมาทานาธิฏฺานํ ตทาการปฺปวตฺโต จิตฺตุปฺปาโท อธิฏฺานปารมิตา, กรุณูปายโกสลฺลปริคฺคหิโต โลกสฺส หิตสุขูปสํหาโร ¶ อตฺถโต อพฺยาปาโท เมตฺตาปารมิตา, กรุณูปายโกสลฺลปริคฺคหิตา อนุนยปฏิฆวิทฺธํสนี อิฏฺานิฏฺเสุ สตฺตสงฺขาเรสุ สมปฺปวตฺติ อุเปกฺขาปารมิตา.
ตสฺมา ปริจฺจาคลกฺขณา ทานปารมี, เทยฺยธมฺเม โลภวิทฺธํสนรสา, อนาสตฺติปจฺจุปฏฺานา, ภววิภวสมฺปตฺติปจฺจุปฏฺานา วา, ปริจฺจชิตพฺพวตฺถุปทฏฺานา. สีลนลกฺขณา ¶ สีลปารมี, สมาธานลกฺขณา ปติฏฺานลกฺขณา จาติ วุตฺตํ โหติ. ทุสฺสีลฺยวิทฺธํสนรสา, อนวชฺชรสา วา, โสเจยฺยปจฺจุปฏฺานา, หิโรตฺตปฺปปทฏฺานา. กามโต จ ภวโต จ นิกฺขมนลกฺขณา เนกฺขมฺมปารมี, ตทาทีนววิภาวนรสา, ตโต เอว วิมุขภาวปจฺจุปฏฺานา, สํเวคปทฏฺานา. ยถาสภาวปฏิเวธลกฺขณา ปฺาปารมี, อกฺขลิตปฏิเวธลกฺขณา วา กุสลิสฺสาสขิตฺตอุสุปฏิเวโธ วิย, วิสโยภาสนรสา ปทีโป วิย, อสมฺโมหปจฺจุปฏฺานา อรฺคตสุเทสิโก วิย, สมาธิปทฏฺานา, จตุสจฺจปทฏฺานา วา. อุสฺสาหลกฺขณา วีริยปารมี, อุปตฺถมฺภนรสา, อสํสีทนปจฺจุปฏฺานา, วีริยารมฺภวตฺถุปทฏฺานา, สํเวคปทฏฺานา วา. ขมนลกฺขณา ขนฺติปารมี, อิฏฺานิฏฺสหนรสา, อธิวาสนปจฺจุปฏฺานา, อวิโรธปจฺจุปฏฺานา วา, ยถาภูตทสฺสนปทฏฺานา. อวิสํวาทนลกฺขณา สจฺจปารมี, ยถาสภาววิภาวนรสา, สาธุตาปจฺจุปฏฺานา, โสรจฺจปทฏฺานา. โพธิสมฺภาเรสุ อธิฏฺานลกฺขณา อธิฏฺานปารมี, เตสํ ปฏิปกฺขาภิภวนรสา, ตตฺถ อจลตาปจฺจุปฏฺานา, โพธิสมฺภารปทฏฺานา. หิตาการปฺปวตฺติลกฺขณา เมตฺตาปารมี, หิตูปสํหารรสา, อาฆาตวินยนรสา วา, โสมฺมภาวปจฺจุปฏฺานา, สตฺตานํ มนาปภาวทสฺสนปทฏฺานา. มชฺฌตฺตาการปฺปวตฺติลกฺขณา อุเปกฺขาปารมี, สมภาวทสฺสนรสา, ปฏิฆานุนยวูปสมปจฺจุปฏฺานา, กมฺมสฺสกตาปจฺจเวกฺขณปทฏฺานา.
เอตฺถ ¶ จ กรุณูปายโกสลฺลปริคฺคหิตตา ทานาทีนํ ปริจฺจาคาทิลกฺขณสฺส วิเสสนภาเวน วตฺตพฺพา. กรุณูปายโกสลฺลปริคฺคหิตานิ หิ ทานาทีนิ โพธิสตฺตสนฺตาเน ปวตฺตานิ ทานาทิปารมิโย นาม โหนฺติ.
โก ¶ ปจฺจโยติ? อภินีหาโร ตาว ปารมีนํ ปจฺจโย. โย หิ อยํ –
‘‘มนุสฺสตฺตํ ลิงฺคสมฺปตฺติ, เหตุ สตฺถารทสฺสนํ;
ปพฺพชฺชา คุณสมฺปตฺติ, อธิกาโร จ ฉนฺทตา;
อฏฺธมฺมสโมธานา, อภินีหาโร สมิชฺฌตี’’ติ. (พุ. วํ. ๒.๕๙) –
เอวํ วุตฺโต อฏฺธมฺมสโมธานสมฺปาทิโต ‘‘ติณฺโณ ตาเรยฺยํ มุตฺโต โมเจยฺยํ ทนฺโต ทเมยฺยํ สนฺโต สเมยฺยํ อสฺสตฺโถ อสฺสาเสยฺยํ ปรินิพฺพุโต ปรินิพฺพาเปยฺยํ สุทฺโธ โสเธยฺยํ พุทฺโธ โพเธยฺย’’นฺติอาทินยปฺปวตฺโต อภินีหาโร. โส อวิเสเสน สพฺพปารมีนํ ปจฺจโย. ตปฺปวตฺติยา ¶ หิ อุทฺธํ ปารมีนํ ปวิจยุปฏฺานสมาทานาธิฏฺานนิปฺผตฺติโย มหาปุริสานํ สมฺภวนฺติ.
ตตฺถ มนุสฺสตฺตนฺติ มนุสฺสตฺตภาโว. มนุสฺสตฺตภาเวเยว หิ ตฺวา พุทฺธตฺตํ ปตฺเถนฺตสฺส ปตฺถนา สมิชฺฌติ, น นาคสุปณฺณาทิชาตีสุ ิตสฺส. กสฺมาติ เจ? พุทฺธภาวสฺส อนนุจฺฉวิกภาวโต.
ลิงฺคสมฺปตฺตีติ มนุสฺสตฺตภาเว ิตสฺสาปิ ปุริสสฺเสว ปตฺถนา สมิชฺฌติ, น อิตฺถิยา น ปณฺฑกนปุํสกอุภโตพฺยฺชนกานํ วา สมิชฺฌติ. กสฺมาติ เจ? ยถาวุตฺตการณโต ลกฺขณปาริปูริยา อภาวโต จ. วุตฺตฺเจตํ – ‘‘อฏฺานเมตํ, ภิกฺขเว, อนวกาโส, ยํ อิตฺถี อรหํ อสฺส สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๗๙; วิภ. ๘๐๙) วิตฺถาโร. ตสฺมา มนุสฺสชาติกสฺสาปิ อิตฺถิลิงฺเค ิตสฺส ปณฺฑกาทีนํ วา ปตฺถนา น สมิชฺฌติ.
เหตูติ อุปนิสฺสยสมฺปตฺติ. มนุสฺสปุริสสฺสาปิ หิ อุปนิสฺสยสมฺปนฺนสฺเสว เหตุสมฺปตฺติยา ปตฺถนา สมิชฺฌติ, น อิตรสฺส.
สตฺถารทสฺสนนฺติ ¶ สตฺถุสมฺมุขีภาโว. ธรมานกพุทฺธสฺเสว หิ สนฺติเก ปตฺเถนฺตสฺส ปตฺถนา สมิชฺฌติ, ปรินิพฺพุเต ปน ภควติ เจติยสฺส สนฺติเก วา โพธิมูเล วา ปฏิมาย วา ปจฺเจกพุทฺธพุทฺธสาวกานํ วา สนฺติเก ปตฺถนา น สมิชฺฌติ. กสฺมา? อธิการสฺส พลวภาวาภาวโต. พุทฺธานํ เอว ปน สนฺติเก ปตฺถนา สมิชฺฌติ, อชฺฌาสยสฺส อุฬารภาเวน ตทธิการสฺส พลวภาวาปตฺติโต.
ปพฺพชฺชาติ พุทฺธสฺส ภควโต สนฺติเก ปตฺเถนฺตสฺสาปิ กมฺมกิริยวาทีสุ ตาปเสสุ วา ¶ ภิกฺขูสุ วา ปพฺพชิตสฺเสว ปตฺถนา สมิชฺฌติ, โน คิหิลิงฺเค ิตสฺส. กสฺมา? พุทฺธภาวสฺส อนนุจฺฉวิกภาวโต. ปพฺพชิตา เอว หิ มหาโพธิสตฺตา สมฺมาสมฺโพธึ อธิคจฺฉนฺติ, น คหฏฺภูตา, ตสฺมา ปณิธานกาเล จ ปพฺพชฺชาลิงฺคํ เอว หิ ยุตฺตรูปํ กิฺจ คุณสมฺปตฺติอธิฏฺานภาวโต.
คุณสมฺปตฺตีติ อภิฺาทิคุณสมฺปทา. ปพฺพชิตสฺสาปิ หิ อฏฺสมาปตฺติลาภิโน ปฺจาภิฺสฺเสว ปตฺถนา สมิชฺฌติ, น ยถาวุตฺตคุณสมฺปตฺติยา วิรหิตสฺส. กสฺมา? ปารมิปวิจยสฺส ¶ อสมตฺถภาวโต, อุปนิสฺสยสมฺปตฺติยา อภิฺาสมฺปตฺติยา จ สมนฺนาคตตฺตา มหาปุริสา กตาภินีหารา สยเมว ปารมี ปวิเจตุํ สมตฺถา โหนฺติ.
อธิกาโรติ อธิโก อุปกาโร. ยถาวุตฺตคุณสมฺปนฺโนปิ หิ โย อตฺตโน ชีวิตมฺปิ พุทฺธานํ ปริจฺจชิตฺวา ตสฺมึ กาเล อธิกํ อุปการํ กโรติ, ตสฺเสว อภินีหาโร สมิชฺฌติ, น อิตรสฺส.
ฉนฺทตาติ กตฺตุกามตากุสลจฺฉนฺโท. ยสฺส หิ ยถาวุตฺตธมฺมสมนฺนาคตสฺส พุทฺธการกธมฺมานํ อตฺถาย มหนฺโต ฉนฺโท มหตี ปตฺถนา มหตี กตฺตุกามตา อตฺถิ, ตสฺเสว สมิชฺฌติ, น อิตรสฺส.
ตตฺริทํ ฉนฺทมหนฺตตาย โอปมฺมํ – โย สกลจกฺกวาฬคพฺภํ เอโกทกีภูตํ อตฺตโน พาหุพเลเนว อุตฺตริตฺวา ปารํ คนฺตุํ สมตฺโถ, โส พุทฺธตฺตํ ¶ ปาปุณาตีติ สุตฺวา ตํ ทุกฺกรโต อทหนฺโต ‘‘อหํ ตํ อุตฺตริตฺวา ปารํ คมิสฺสามี’’ติ ฉนฺทชาโต โหติ, น ตตฺถ สงฺโกจํ อาปชฺชติ. ตถา โย สกลจกฺกวาฬํ วีตจฺจิกานํ วิคตธูมานํ องฺคารานํ ปูรํ ปาเทหิ อกฺกมนฺโต อติกฺกมิตฺวา ปรภาคํ ปาปุณิตุํ สมตฺโถ…เป… น ตตฺถ สงฺโกจํ อาปชฺชติ. ตถา โย สกลจกฺกวาฬํ สตฺติสูเลหิ สุนิสิตผเลหิ นิรนฺตรํ อากิณฺณํ ปาเทหิ อกฺกมนฺโต อติกฺกมิตฺวา…เป… น ตตฺถ สงฺโกจํ อาปชฺชติ. ตถา โย สกลจกฺกวาฬํ นิรนฺตรํ ฆนเวฬุคุมฺพสฺฉนฺนํ กณฺฏกลตาวนคหนํ วินิวิชฺฌิตฺวา ปรภาคํ คนฺตุํ สมตฺโถ…เป… น ตตฺถ สงฺโกจํ อาปชฺชติ. ตถา โย ‘‘จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ สตสหสฺสฺจ กปฺเป นิรเย ปจฺจิตฺวา พุทฺธตฺตํ ¶ ปตฺตพฺพ’’นฺติ สุตฺวา ตํ ทุกฺกรโต อทหนฺโต ‘‘อหํ ตตฺถ ปจฺจิตฺวา พุทฺธตฺตํ ปาปุณิสฺสามี’’ติ ฉนฺทชาโต โหติ, น ตตฺถ สงฺโกจํ อาปชฺชตีติ เอวมาทินา นเยน เอตฺถ ฉนฺทสฺส มหนฺตภาโว เวทิตพฺโพ.
เอวํ อฏฺงฺคสมนฺนาคโต ปนายํ อภินีหาโร อตฺถโต เตสํ อฏฺนฺนํ องฺคานํ สโมธาเนน ตถาปวตฺโต จิตฺตุปฺปาโทติ เวทิตพฺโพ. โส สมฺมเทว สมฺมาสมฺโพธิยา ปณิธานลกฺขโณ. ‘‘อโห วตาหํ อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุชฺเฌยฺยํ, สพฺพสตฺตานํ หิตสุขํ นิปฺผาเทยฺย’’นฺติ เอวมาทิปตฺถนารโส, โพธิสมฺภารเหตุภาวปจฺจุปฏฺาโน, มหากรุณาปทฏฺาโน, อุปนิสฺสยสมฺปตฺติปทฏฺาโน วา. อจินฺเตยฺยํ พุทฺธภูมึ อปริมาณํ สตฺตโลกหิตฺจ อารพฺภ ปวตฺติยา ¶ สพฺพพุทฺธการกธมฺมมูลภูโต ปรมภทฺทโก ปรมกลฺยาโณ อปริเมยฺยปฺปภาโว ปฺุวิเสโสติ ทฏฺพฺโพ.
ยสฺส จ อุปฺปตฺติยา สเหว มหาปุริโส มหาโพธิยานปฏิปตฺตึ โอติณฺโณ นาม โหติ นิยตภาวสมธิคมนโต ตโต อนิวตฺตนสภาวตฺตา โพธิสตฺโตติ สมฺํ ปฏิลภติ, สพฺพภาเวน สมฺมาสมฺโพธิยํ สมาสตฺตมานสตา โพธิสมฺภารสิกฺขาสมตฺถตา จสฺส สนฺติฏฺติ. ยถาวุตฺตาภินีหารสมิชฺฌเนน หิ มหาปุริสา สพฺพฺุตฺาณาธิคมนปุพฺพลิงฺเคน สยมฺภุาเณน สมฺมเทว สพฺพปารมิโย ปวิจินิตฺวา สมาทาย อนุกฺกเมน ปริปูเรนฺติ. ตถา กตมหาภินีหาโร หิ สุเมธปณฺฑิโต ปฏิปชฺชิ. ยถาห –
‘‘หนฺท ¶ พุทฺธกเร ธมฺเม, วิจินามิ อิโต จิโต;
อุทฺธํ อโธ ทส ทิสา, ยาวตา ธมฺมธาตุยา;
วิจินนฺโต ตทา ทกฺขึ, ปมํ ทานปารมิ’’นฺติ. (พุ. วํ. ๒.๑๑๕-๑๑๖) –
วิตฺถาโร. ตสฺส จ อภินีหารสฺส จตฺตาโร ปจฺจยา จตฺตาโร เหตู จตฺตาริ จ พลานิ เวทิตพฺพานิ.
ตตฺถ กตเม จตฺตาโร ปจฺจยา? อิธ มหาปุริโส ปสฺสติ ตถาคตํ มหตา พุทฺธานุภาเวน อจฺฉริยพฺภุตํ ปาฏิหาริยํ กโรนฺตํ. ตสฺส ตํ นิสฺสาย ตํ อารมฺมณํ กตฺวา มหาโพธิยํ จิตฺตํ สนฺติฏฺติ – ‘‘มหานุภาวา วตายํ ธมฺมธาตุ, ยสฺสา สุปฺปฏิวิทฺธตฺตา ภควา เอวํ อจฺฉริยพฺภุตธมฺโม อจินฺเตยฺยานุภาโว จา’’ติ ¶ . โส ตเมว มหานุภาวทสฺสนํ นิสฺสาย ตํ ปจฺจยํ กตฺวา สมฺโพธิยํ อธิมุจฺจนฺโต ตตฺถ จิตฺตํ เปติ. อยํ ปโม ปจฺจโย มหาภินีหาราย.
น เหว โข ปสฺสติ ตถาคตสฺส ยถาวุตฺตํ มหานุภาวตํ, อปิ จ โข สุณาติ ‘‘เอทิโส จ เอทิโส จ ภควา’’ติ. โส ตํ นิสฺสาย ตํ ปจฺจยํ กตฺวา สมฺโพธิยํ อธิมุจฺจนฺโต ตตฺถ จิตฺตํ เปติ. อยํ ทุติโย ปจฺจโย มหาภินีหาราย.
น เหว โข ปสฺสติ ตถาคตสฺส ยถาวุตฺตํ มหานุภาวตํ, นปิ ตํ ปรโต สุณาติ, อปิ ¶ จ โข ตถาคตสฺส ธมฺมํ เทเสนฺตสฺส ‘‘ทสพลสมนฺนาคโต, ภิกฺขเว, ตถาคโต’’ติอาทินา (สํ. นิ. ๒.๒๑-๒๒) พุทฺธานุภาวปฏิสํยุตฺตํ ธมฺมํ สุณาติ. โส ตํ นิสฺสาย ตํ ปจฺจยํ กตฺวา สมฺโพธิยํ อธิมุจฺจนฺโต ตตฺถ จิตฺตํ เปติ. อยํ ตติโย ปจฺจโย มหาภินีหาราย.
น เหว โข ปสฺสติ ตถาคตสฺส ยถาวุตฺตํ มหานุภาวตํ, นปิ ตํ ปรโต สุณาติ, นปิ ตถาคตสฺส ธมฺมํ สุณาติ, อปิ จ โข อุฬารชฺฌาสโย กลฺยาณาธิมุตฺติโก ‘‘อหเมตํ พุทฺธวํสํ พุทฺธตนฺตึ พุทฺธปเวณึ พุทฺธธมฺมตํ ปริปาเลสฺสามี’’ติ ยาวเทว ธมฺมํ เอว สกฺกโรนฺโต ครุกโรนฺโต มาเนนฺโต ปูเชนฺโต ธมฺมํ อปจายมาโน ตํ นิสฺสาย ตํ ปจฺจยํ กตฺวา สมฺโพธิยํ อธิมุจฺจนฺโต ตตฺถ จิตฺตํ เปติ. อยํ จตุตฺโถ ปจฺจโย มหาภินีหาราย.
ตตฺถ ¶ กตเม จตฺตาโร เหตู มหาภินีหาราย? อิธ มหาปุริโส ปกติยา อุปนิสฺสยสมฺปนฺโนว โหติ ปุริมเกสุ พุทฺเธสุ กตาธิกาโร. อยํ ปโม เหตุ มหาภินีหาราย. ปุน จปรํ มหาปุริโส ปกติยา กรุณาชฺฌาสโย โหติ กรุณาธิมุตฺโต สตฺตานํ ทุกฺขํ อปเนตุกาโม อปิ จ อตฺตโน กายชีวิตํ ปริจฺจชิตฺวา. อยํ ทุติโย เหตุ มหาภินีหาราย. ปุน จปรํ มหาปุริโส สกลโตปิ วฏฺฏทุกฺขโต สตฺตหิตาย จ ทุกฺกรจริยโต สุจิรมฺปิ กาลํ ฆเฏนฺโต วายมนฺโต อนิพฺพินฺโน โหติ อนุตฺราสี ยาว อิจฺฉิตตฺถนิปฺผตฺติ. อยํ ตติโย เหตุ มหาภินีหาราย. ปุน จปรํ มหาปุริโส กลฺยาณมิตฺตสนฺนิสฺสิโต โหติ, โย ¶ อหิตโต นิวาเรติ, หิเต ปติฏฺเปติ. อยํ จตุตฺโถ เหตุ มหาภินีหาราย.
ตตฺรายํ มหาปุริสสฺส อุปนิสฺสยสมฺปทา – เอกนฺเตเนวสฺส ยถา อชฺฌาสโย สมฺโพธินินฺโน โหติ สมฺโพธิโปโณ สมฺโพธิปพฺภาโร, ตถา สตฺตานํ หิตจริยา. ยโต จาเนน ปุริมพุทฺธานํ สนฺติเก สมฺโพธิยา ปณิธานํ กตํ โหติ มนสา วาจาย จ ‘‘อหมฺปิ เอทิโส สมฺมาสมฺพุทฺโธ หุตฺวา สมฺมเทว สตฺตานํ หิตสุขํ นิปฺผาเทยฺย’’นฺติ. เอวํ สมฺปนฺนูปนิสฺสยสฺส ปนสฺส อิมานิ อุปนิสฺสยสมฺปตฺติยา ลิงฺคานิ ภวนฺติ เยหิ สมนฺนาคตสฺส สาวกโพธิสตฺเตหิ จ ปจฺเจกโพธิสตฺเตหิ จ มหาวิเสโส มหนฺตํ นานากรณํ ปฺายติ อินฺทฺริยโต ปฏิปตฺติโต โกสลฺลโต จ. อิธ อุปนิสฺสยสมฺปนฺโน มหาปุริโส ยถา วิสทินฺทฺริโย โหติ วิสทาโณ, น ตถา อิตเร. ปรหิตาย ปฏิปนฺโน โหติ, น อตฺตหิตาย. ตถา หิ โส ยถา พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย ¶ โลกานุกมฺปาย อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานํ ปฏิปชฺชติ, น ตถา อิตเร. ตตฺถ จ โกสลฺลํ อาวหติ านุปฺปตฺติกปฏิภาเนน านาานกุสลตาย จ.
ตถา มหาปุริโส ปกติยา ทานชฺฌาสโย โหติ ทานาภิรโต, สติ เทยฺยธมฺเม เทติ เอว, น ทานโต สงฺโกจํ อาปชฺชติ, สตตํ สมิตํ สํวิภาคสีโล โหติ, ปมุทิโตว เทติ อาทรชาโต, น อุทาสีนจิตฺโต, มหนฺตมฺปิ ทานํ ทตฺวา น จ ทาเนน สนฺตุฏฺโ โหติ, ปเคว อปฺปํ, ปเรสฺจ อุสฺสาหํ ชเนนฺโต ทาเน วณฺณํ ภาสติ, ทานปฏิสํยุตฺตํ ธมฺมกถํ กโรติ, อฺเ จ ปเรสํ เทนฺเต ทิสฺวา อตฺตมโน ¶ โหติ, ภยฏฺาเนสุ จ ปเรสํ อภยํ เทตีติ เอวมาทีนิ ทานชฺฌาสยสฺส มหาปุริสสฺส ทานปารมิยา ลิงฺคานิ.
ตถา ปาณาติปาตาทีหิ ปาปธมฺเมหิ หิรียติ โอตฺตปฺปติ, สตฺตานํ อวิเหนชาติโก โหติ โสรโต สุขสีโล อสโ อมายาวี อุชุชาติโก สุวโจ โสวจสฺสกรณีเยหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ¶ มุทุชาติโก อตฺถทฺโธ อนติมานี, ปรสนฺตกํ นาทิยติ อนฺตมโส ติณสลากํ อุปาทาย, อตฺตโน หตฺเถ นิกฺขิตฺตํ อิณํ วา คเหตฺวา ปรํ น วิสํวาเทติ, ปรสฺมึ วา อตฺตโน สนฺตเก พฺยามูฬฺเห วิสฺสริเต วา ตํ สฺาเปตฺวา ปฏิปาเทติ ยถา ตํ น ปรหตฺถคตํ โหติ, อโลลุปฺโป โหติ, ปรปริคฺคเหสุ ปาปกํ จิตฺตมฺปิ น อุปฺปาเทติ, อิตฺถิพฺยสนาทีนิ ทูรโต ปริวชฺเชติ, สจฺจวาที สจฺจสนฺโธ ภินฺนานํ สนฺธาตา สหิตานํ อนุปฺปทาตา, ปิยวาที มิหิตปุพฺพงฺคโม ปุพฺพภาสี อตฺถวาที ธมฺมวาที อนภิชฺฌาลุ อพฺยาปนฺนจิตฺโต อวิปรีตทสฺสโน, กมฺมสฺสกตาเณน สจฺจานุโลมิกาเณน กตฺู กตเวที วุทฺธาปจายี สุวิสุทฺธาชีโว ธมฺมกาโม ปเรปิ ธมฺเม สมาทเปตา สพฺเพน สพฺพํ อกิจฺจโต สตฺเต นิวาเรตา กิจฺเจสุ ปติฏฺเปตา อตฺตนา จ ตตฺถ กิจฺเจ โยคํ อาปชฺชิตา, กตฺวา วา ปน สยํ อกตฺตพฺพํ สีฆฺเว ตโต ปฏิวิรโต โหตีติ เอวมาทีนิ สีลชฺฌาสยสฺส มหาปุริสสฺส สีลปารมิยา ลิงฺคานิ.
ตถา มนฺทกิเลโส โหติ มนฺทนีวรโณ, ปวิเวกชฺฌาสโย อวิกฺเขปพหุโล, น ตสฺส ปาปกา วิตกฺกา จิตฺตํ อนฺวาสฺสวนฺติ, วิเวกคตสฺส จสฺส อปฺปกสิเรเนว จิตฺตํ สมาธิยติ, อมิตฺตปกฺเขปิ ตุวฏํ เมตฺตจิตฺตตา สนฺติฏฺติ, ปเคว อิตรสฺมึ, สติมา จ โหติ จิรกตมฺปิ จิรภาสิตมฺปิ สริตา อนุสฺสริตา, เมธาวี จ โหติ ธมฺโมชปฺาย สมนฺนาคโต, นิปโก จ โหติ ตาสุ ตาสุ อิติกตฺตพฺพตาสุ, อารทฺธวีริโย จ โหติ สตฺตานํ หิตกิริยาสุ, ขนฺติพลสมนฺนาคโต จ โหติ สพฺพสโห, อจลาธิฏฺาโน จ โหติ ทฬฺหสมาทาโน ¶ , อชฺฌุเปกฺขโก จ โหติ อุเปกฺขาานีเยสุ ธมฺเมสูติ เอวมาทีนิ มหาปุริสสฺส เนกฺขมฺมชฺฌาสยาทีนํ วเสน เนกฺขมฺมปารมิอาทีนํ ลิงฺคานิ เวทิตพฺพานิ.
เอวเมเตหิ ¶ โพธิสมฺภารลิงฺเคหิ สมนฺนาคตสฺส มหาปุริสสฺส ยํ วุตฺตํ ‘‘มหาภินีหาราย กลฺยาณมิตฺตสนฺนิสฺสโย เหตู’’ติ. ตตฺริทํ สงฺเขปโต กลฺยาณมิตฺตลกฺขณํ – อิธ กลฺยาณมิตฺโต สทฺธาสมฺปนฺโน โหติ สีลสมฺปนฺโน สุตสมฺปนฺโน จาคสมฺปนฺโน วีริยสมฺปนฺโน สติสมฺปนฺโน ¶ สมาธิสมฺปนฺโน ปฺาสมฺปนฺโน. ตตฺถ สทฺธาสมฺปตฺติยา สทฺทหติ ตถาคตสฺส โพธึ กมฺมผลฺจ, เตน สมฺมาสมฺโพธิยา เหตุภูตํ สตฺเตสุ หิเตสิตํ น ปริจฺจชติ, สีลสมฺปตฺติยา สตฺตานํ ปิโย โหติ มนาโป ครุ ภาวนีโย โจทโก ปาปครหี วตฺตา วจนกฺขโม, สุตสมฺปตฺติยา สตฺตานํ หิตสุขาวหํ คมฺภีรํ ธมฺมกถํ กตฺตา โหติ, จาคสมฺปตฺติยา อปฺปิจฺโฉ โหติ สนฺตุฏฺโ ปวิวิตฺโต อสํสฏฺโ, วีริยสมฺปตฺติยา อารทฺธวีริโย โหติ สตฺตานํ หิตปฏิปตฺติยํ, สติสมฺปตฺติยา อุปฏฺิตสติ โหติ อนวชฺชธมฺเมสุ, สมาธิสมฺปตฺติยา อวิกฺขิตฺโต โหติ สมาหิตจิตฺโต, ปฺาสมฺปตฺติยา อวิปรีตํ ปชานาติ, โส สติยา กุสลากุสลานํ ธมฺมานํ คติโย สมนฺเวสมาโน ปฺาย สตฺตานํ หิตาหิตํ ยถาภูตํ ชานิตฺวา สมาธินา ตตฺถ เอกคฺคจิตฺโต หุตฺวา วีริเยน อหิตา สตฺเต นิเสเธตฺวา หิเต นิโยเชติ. เตนาห –
‘‘ปิโย ครุ ภาวนีโย, วตฺตา จ วจนกฺขโม;
คมฺภีรฺจ กถํ กตฺตา, โน จฏฺาเน นิโยชโก’’ติ. (อ. นิ. ๗.๓๗; เนตฺติ. ๑๑๓) –
เอวํ คุณสมนฺนาคตฺจ กลฺยาณมิตฺตํ อุปนิสฺสาย มหาปุริโส อตฺตโน อุปนิสฺสยสมฺปตฺตึ สมฺมเทว ปริโยทเปติ. สุวิสุทฺธาสยปโยโค จ หุตฺวา จตูหิ พเลหิ สมนฺนาคโต น จิเรเนว อฏฺงฺเค สโมธาเนตฺวา มหาภินีหารํ กโรนฺโต โพธิสตฺตภาเว ปติฏฺหติ อนิวตฺติธมฺโม นิยโต สมฺโพธิปรายโน.
ตสฺสิมานิ จตฺตาริ พลานิ. อชฺฌตฺติกพลํ ยา สมฺมาสมฺโพธิยํ อตฺตสนฺนิสฺสยา ธมฺมคารเวน อภิรุจิ เอกนฺตนินฺนชฺฌาสยตา, ยาย มหาปุริโส อตฺตาธิปติ ลชฺชาปสฺสโย อภินีหารสมฺปนฺโน จ หุตฺวา ปารมิโย ปูเรตฺวา สมฺมาสมฺโพธึ ปาปุณาติ. พาหิรพลํ ยา สมฺมาสมฺโพธิยํ ปรสนฺนิสฺสยา อภิรุจิ เอกนฺตนินฺนชฺฌาสยตา, ยาย มหาปุริโส ¶ โลกาธิปติ มานาปสฺสโย อภินีหารสมฺปนฺโน ¶ จ หุตฺวา ปารมิโย ปูเรตฺวา สมฺมาสมฺโพธึ ปาปุณาติ. อุปนิสฺสยพลํ ¶ ยา สมฺมาสมฺโพธิยํ อุปนิสฺสยสมฺปตฺติยา อภิรุจิ เอกนฺตนินฺนชฺฌาสยตา, ยาย มหาปุริโส ติกฺขินฺทฺริโย วิสทธาตุโก สติสนฺนิสฺสโย อภินีหารสมฺปนฺโน จ หุตฺวา ปารมิโย ปูเรตฺวา สมฺมาสมฺโพธึ ปาปุณาติ. ปโยคพลํ ยา สมฺมาสมฺโพธิยํ ตชฺชา ปโยคสมฺปทา สกฺกจฺจการิตา สาตจฺจการิตา, ยาย มหาปุริโส วิสุทฺธปโยโค นิรนฺตรการี อภินีหารสมฺปนฺโน จ หุตฺวา ปารมิโย ปูเรตฺวา สมฺมาสมฺโพธึ ปาปุณาติ.
เอวมยํ จตูหิ ปจฺจเยหิ จตูหิ เหตูหิ จตูหิ จ พเลหิ สมฺปนฺนสมุทาคโม อฏฺงฺคสโมธานสมฺปาทิโต อภินีหาโร ปารมีนํ ปจฺจโย มูลการณภาวโต. ยสฺส จ ปวตฺติยา มหาปุริเส จตฺตาโร อจฺฉริยา อพฺภุตา ธมฺมา ปติฏฺหนฺติ, สพฺพสตฺตนิกายํ อตฺตโน โอรสปุตฺตํ วิย ปิยจิตฺเตน ปริคฺคณฺหาติ. น จสฺส จิตฺตํ ปุตฺตสํกิเลสวเสน สํกิลิสฺสติ. สตฺตานํ หิตสุขาวโห จสฺส อชฺฌาสโย ปโยโค จ โหติ. อตฺตโน จ พุทฺธการกธมฺมา อุปรูปริ วฑฺฒนฺติ ปริปจฺจนฺติ จ. ยโต จ มหาปุริโส อุฬารตเมน ปฺุาภิสนฺเทน กุสลาภิสนฺเทน ปวตฺติยา ปจฺจเยน สุขสฺสาหาเรน สมนฺนาคโต สตฺตานํ ทกฺขิเณยฺโย อุตฺตมคารวฏฺานํ อสทิสํ ปฺุกฺเขตฺตฺจ โหติ. เอวมเนกคุโณ อเนกานิสํโส มหาภินีหาโร ปารมีนํ ปจฺจโยติ เวทิตพฺโพ.
ยถา จ อภินีหาโร, เอวํ มหากรุณา อุปายโกสลฺลฺจ. ตตฺถ อุปายโกสลฺลํ นาม ทานาทีนํ โพธิสมฺภารภาวสฺส นิมิตฺตภูตา ปฺา, ยาหิ มหากรุณูปายโกสลฺลตาหิ มหาปุริสานํ อตฺตสุขนิรเปกฺขตา นิรนฺตรํ ปรหิตกรณปสุตตา สุทุกฺกเรหิปิ มหาโพธิสตฺตจริเตหิ วิสาทาภาโว ปสาทสมฺพุทฺธิทสฺสนสวนานุสฺสรณกาเลสุปิ สตฺตานํ หิตสุขปฺปฏิลาภเหตุภาโว จ สมฺปชฺชติ. ตถา หิสฺส ปฺาย พุทฺธภาวสิทฺธิ, กรุณาย พุทฺธกมฺมสิทฺธิ, ปฺาย สยํ ตรติ, กรุณาย ปเร ตาเรติ, ปฺาย ปรทุกฺขํ ปริชานาติ, กรุณาย ปรทุกฺขปติการํ อารภติ, ปฺาย จ ทุกฺเข นิพฺพินฺทติ, กรุณาย ¶ ทุกฺขํ สมฺปฏิจฺฉติ, ตถา ปฺาย นิพฺพานาภิมุโข โหติ, กรุณาย วฏฺฏํ ปาปุณาติ, ตถา กรุณาย สํสาราภิมุโข โหติ, ปฺาย ตตฺร นาภิรมติ, ปฺาย จ สพฺพตฺถ วิรชฺชติ, กรุณานุคตตฺตา น จ น สพฺเพสํ อนุคฺคหาย ปวตฺโต, กรุณาย สพฺเพปิ อนุกมฺปติ, ปฺานุคตตฺตา ¶ น จ น สพฺพตฺถ วิรตฺตจิตฺโต, ปฺาย จ อหํการมมํการาภาโว, กรุณาย อาลสิยทีนตาภาโว, ตถา ปฺากรุณาหิ ยถากฺกมํ อตฺตปรนาถตา ธีรวีรภาโว, อนตฺตนฺตปอปรนฺตปตา, อตฺตหิตปรหิตนิปฺผตฺติ, นิพฺภยาภึสนกภาโว, ธมฺมาธิปติโลกาธิปติตา, กตฺุปุพฺพการิภาโว, โมหตณฺหาวิคโม, วิชฺชาจรณสิทฺธิ, พลเวสารชฺชนิปฺผตฺตีติ ¶ สพฺพสฺสาปิ ปารมิตาผลสฺส วิเสเสน อุปายภาวโต ปฺากรุณา ปารมีนํ ปจฺจโย. อิทฺจ ทฺวยํ ปารมีนํ วิย ปณิธานสฺสาปิ ปจฺจโย.
ตถา อุสฺสาหอุมฺมงฺคอวตฺถานหิตจริยา จ ปารมีนํ ปจฺจยาติ เวทิตพฺพา, ยา พุทฺธภาวสฺส อุปฺปตฺติฏฺานตาย พุทฺธภูมิโยติ วุจฺจนฺติ. ตตฺถ อุสฺสาโห นาม โพธิสมฺภารานํ อพฺภุสฺสหนวีริยํ. อุมฺมงฺโค นาม โพธิสมฺภาเรสุ อุปายโกสลฺลภูตา ปฺา. อวตฺถานํ นาม อธิฏฺานํ อจลาธิฏฺานตา. หิตจริยา นาม เมตฺตาภาวนา กรุณาภาวนา จ.
ตถา เนกฺขมฺมปวิเวกอโลภาโทสาโมหนิสฺสรณปฺปเภทา ฉ อชฺฌาสยา. เนกฺขมฺมชฺฌาสยา หิ โพธิสตฺตา โหนฺติ กาเมสุ ฆราวาเส จ โทสทสฺสาวิโน, ตถา ปวิเวกชฺฌาสยา สงฺคณิกาย โทสทสฺสาวิโน, อโลภชฺฌาสยา โลเภ โทสทสฺสาวิโน, อโทสชฺฌาสยา โทเส โทสทสฺสาวิโน, อโมหชฺฌาสยา โมเห โทสทสฺสาวิโน, นิสฺสรณชฺฌาสยา สพฺพภเวสุ โทสทสฺสาวิโนติ. ตสฺมา เอเต โพธิสตฺตานํ ฉ อชฺฌาสยา ทานาทีนํ ปารมีนํ ปจฺจยาติ เวทิตพฺพา. น หิ โลภาทีสุ อาทีนวทสฺสเนน อโลภาทีนํ อธิกภาเวน จ วินา ทานาทิปารมิโย สมฺภวนฺติ, อโลภาทีนฺหิ อธิกภาเวน ปริจฺจาคาทินินฺนจิตฺตตา อโลภชฺฌาสยาทิตาติ เวทิตพฺพา.
ยถา ¶ เจเต เอวํ ทานชฺฌาสยตาทโยปิ โพธิยา จรนฺตานํ โพธิสตฺตานํ ทานาทิปารมีนํ ปจฺจโย. ทานชฺฌาสยตาย หิ โพธิสตฺตา ตปฺปฏิปกฺเข มจฺเฉเร โทสทสฺสาวิโน หุตฺวา สมฺมเทว ทานปารมึ ปริปูเรนฺติ. สีลชฺฌาสยตาย ทุสฺสีลฺเย โทสทสฺสาวิโน หุตฺวา สมฺมเทว สีลปารมึ ปริปูเรนฺติ. เนกฺขมฺมชฺฌาสยตาย กาเมสุ ฆราวาเส จ ¶ , ยถาภูตาณชฺฌาสยตาย อฺาเณ วิจิกิจฺฉาย จ, วีริยชฺฌาสยตาย โกสชฺเช, ขนฺติยชฺฌาสยตาย อกฺขนฺติยํ, สจฺจชฺฌาสยตาย วิสํวาเท, อธิฏฺานชฺฌาสยตาย อนธิฏฺาเน, เมตฺตาชฺฌาสยตาย พฺยาปาเท, อุเปกฺขาชฺฌาสยตาย โลกธมฺเมสุ อาทีนวทสฺสาวิโน หุตฺวา สมฺมเทว เนกฺขมฺมาทิปารมิโย ปริปูเรนฺติ. ทานชฺฌาสยตาทโย ทานาทิปารมีนํ นิปฺผตฺติการณตฺตา ปจฺจโย.
ตถา อปริจฺจาคปริจฺจาคาทีสุ ยถากฺกมํ อาทีนวานิสํสปจฺจเวกฺขณา ทานาทิปารมีนํ ปจฺจโย. ตตฺถายํ ปจฺจเวกฺขณาวิธิเขตฺตวตฺถุหิรฺสุวณฺณโคมหึสทาสิทาสปุตฺตทาราทิปริคฺคหพฺยาสตฺตจิตฺตานํ สตฺตานํ เขตฺตาทีนํ วตฺถุกามภาเวน พหุปตฺถนียภาวโต ราชโจราทิสาธารณภาวโต ¶ วิวาทาธิฏฺานโต สปตฺตกรณโต นิสฺสารโต ปฏิลาภปริปาลเนสุ ปรวิเหนเหตุโต วินาสนิมิตฺตฺจ โสกาทิอเนกวิหิตพฺยสนาวหโต ตทาสตฺตินิทานฺจ มจฺเฉรมลปริยุฏฺิตจิตฺตานํ อปายูปปตฺติเหตุภาวโตติ เอวํ วิวิธวิปุลานตฺถาวหานิ ปริคฺคหวตฺถูนิ นาม. เตสํ ปริจฺจาโคเยว เอโก โสตฺถิภาโวติ ปริจฺจาเค อปฺปมาโท กรณีโย.
อปิ จ ยาจโก ยาจมาโน อตฺตโน คุยฺหสฺส อาจิกฺขนโต ‘‘มยฺหํ วิสฺสาสิโก’’ติ จ, ‘‘ปหาย คมนียมตฺตโน สนฺตกํ คเหตฺวา ปรโลกํ ยาหีติ มยฺหํ อุปเทสโก’’ติ จ, ‘‘อาทิตฺเต วิย อคาเร มรณคฺคินา อาทิตฺเต โลเก ตโต มยฺหํ สนฺตกสฺส อปวาหกสหาโย’’ติ จ, ‘‘อปวาหิตสฺส จสฺส อฌาปนนิกฺเขปฏฺานภูโต’’ติ จ ทานสงฺขาเต กลฺยาณกมฺมสฺมึ สหายภาวโต สพฺพสมฺปตฺตีนํ อคฺคภูตาย ปรมทุลฺลภาย พุทฺธภูมิยา สมฺปตฺติเหตุภาวโต จ ‘‘ปรโม กลฺยาณมิตฺโต’’ติ จ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ.
ตถา ¶ ‘‘อุฬาเร กมฺมนิ อเนนาหํ สมฺภาวิโต, ตสฺมา สา สมฺภาวนา อวิตถา กาตพฺพา’’ติ จ, ‘‘เอกนฺตเภทิตาย ชีวิตสฺส อยาจิเตนาปิ มยา ทาตพฺพํ, ปเคว ยาจิเตนา’’ติ จ, ‘‘อุฬารชฺฌาสเยหิ คเวสิตฺวาปิ ทาตพฺพโต สยเมวาคโต มม ปฺุเนา’’ติ จ ‘‘ยาจกสฺส ทานาปเทเสน มยฺหเมวายมนุคฺคโห’’ติ จ, ‘‘อหํ วิย อยํ สพฺโพปิ โลโก มยา อนุคฺคเหตพฺโพ’’ติ จ, ‘‘อสติ ยาจเก กถํ ¶ มยฺหํ ทานปารมี ปูเรยฺยา’’ติ จ, ‘‘ยาจกานเมว จตฺถาย มยา สพฺโพ ปริคฺคเหตพฺโพ’’ติ จ, ‘‘มํ อยาจิตฺวาว มม สนฺตกํ ยาจกา กทา สยเมว คณฺเหยฺยุ’’นฺติ จ, ‘‘กถมหํ ยาจกานํ ปิโย จสฺสํ มนาโป’’ติ จ, ‘‘กถํ วา เต มยฺหํ ปิยา จสฺสุ มนาปา’’ติ จ, ‘‘กถํ วาหํ ททมาโน ทตฺวาปิ จ อตฺตมโน จสฺสํ ปมุทิโต ปีติโสมนสฺสชาโต’’ติ จ, ‘‘กถํ วา เม ยาจกา ภเวยฺยุํ อุฬาโร จ ทานชฺฌาสโย’’ติ จ, ‘‘กถํ วาหมยาจิโต เอว ยาจกานํ หทยมฺาย ทเทยฺย’’นฺติ จ, ‘‘สติ ธเน ยาจเก จ อปริจฺจาโค มหตี มยฺหํ วฺจนา’’ติ จ, ‘‘กถํ วาหํ อตฺตโน องฺคานิ ชีวิตํ วาปิ ยาจกานํ ปริจฺจเชยฺย’’นฺติ จ ปริจฺจาคนินฺนตา อุปฏฺเปตพฺพา. อปิ จ ‘‘อตฺโถ นามายํ นิรเปกฺขํ ทายกมนุคจฺฉติ, ยถา ตํ นิรเปกฺขํ เขปกํ กิฏโก’’ติ จ อตฺเถ นิรเปกฺขตาย จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํ.
ยาจมาโน ปน ยทิ ปิยปุคฺคโล โหติ, ‘‘ปิโย มํ ยาจตี’’ติ โสมนสฺสํ อุปฺปาเทตพฺพํ. อถ อุทาสีนปุคฺคโล โหติ, ‘‘อยํ มํ ยาจมาโน อทฺธา อิมินา ปริจฺจาเคน มิตฺโต ¶ โหตี’’ติ โสมนสฺสํ อุปฺปาเทตพฺพํ. ททนฺโตปิ หิ ยาจกานํ ปิโย โหตีติ. อถ ปน เวรี ปุคฺคโล ยาจติ, ‘‘ปจฺจตฺถิโก มํ ยาจติ, อยํ มํ ยาจมาโน อทฺธา อิมินา ปริจฺจาเคน เวรี ปิโย มิตฺโต โหตี’’ติ วิเสเสน โสมนสฺสํ อุปฺปาเทตพฺพํ. เอวํ ปิยปุคฺคเล วิย มชฺฌตฺตเวริปุคฺคเลสุปิ เมตฺตาปุพฺพงฺคมํ กรุณํ อุปฏฺเปตฺวาว ทาตพฺพํ.
สเจ ปนสฺส จิรกาลปริภาวิตตฺตา โลภสฺส เทยฺยธมฺมวิสยา โลภธมฺมา อุปฺปชฺเชยฺยุํ, เตน โพธิสตฺตปฏิฺเน อิติ ปฏิสฺจิกฺขิตพฺพํ ‘‘นนุ ตยา สปฺปุริสสมฺโพธาย อภินีหารํ กโรนฺเตน สพฺพสตฺตานํ อุปการตฺถาย อยํ กาโย นิสฺสฏฺโ ตปฺปริจฺจาคมยฺจ ปฺุํ, ตตฺถ นาม ¶ เต พาหิเรปิ วตฺถุสฺมึ อภิสงฺคปฺปวตฺติ หตฺถิสินานสทิสี โหติ, ตสฺมา ตยา น กตฺถจิ สงฺโค อุปฺปาเทตพฺโพ. เสยฺยถาปิ นาม มหโต เภสชฺชรุกฺขสฺส ติฏฺโต มูลํ มูลตฺถิกา หรนฺติ, ปปฏิกํ ตจํ ขนฺธํ วิฏปํ สารํ สาขํ ปลาสํ ปุปฺผํ ผลํ ผลตฺถิกา หรนฺติ, น ตสฺส รุกฺขสฺส ‘มยฺหํ สนฺตกํ เอเต หรนฺตี’ติ วิตกฺกสมุทาจาโร ¶ โหติ, เอวเมว สพฺพโลกหิตาย อุสฺสุกฺกมาปชฺชนฺเตน มยา มหาทุกฺเข อกตฺุเก นิจฺจาสุจิมฺหิ กาเย ปเรสํ อุปการาย วินิยุชฺชมาเน อณุมตฺโตปิ มิจฺฉาวิตกฺโก น อุปฺปาเทตพฺโพ. โก วา เอตฺถ วิเสโส อชฺฌตฺติกพาหิเรสุ มหาภูเตสุ เอกนฺตเภทนวิกิรณวิทฺธํสนธมฺเมสุ, เกวลํ ปน สมฺโมหวิชมฺภิตเมตํ, ยทิทํ เอตํ มม เอโสหมสฺมิ เอโส เม อตฺตาติ อภินิเวโส. ตสฺมา พาหิเรสุ วิย อชฺฌตฺติเกสุปิ กรจรณนยนาทีสุ มํสาทีสุ จ อนเปกฺเขน หุตฺวา ‘ตํ ตทตฺถิกา หรนฺตู’ติ นิสฺสฏฺจิตฺเตน ภวิตพฺพ’’นฺติ.
เอวํ ปฏิสฺจิกฺขโต จสฺส สมฺโพธาย ปหิตตฺตสฺส กายชีวิเตสุ นิรเปกฺขสฺส อปฺปกสิเรเนว กายวจีมโนกมฺมานิ สุวิสุทฺธานิ โหนฺติ. โส สุวิสุทฺธกายวจีมโนกมฺมนฺโต วิสุทฺธาชีโว ายปฏิปตฺติยํ ิโต อปายุปายโกสลฺลสมนฺนาคเมน ภิยฺโยโสมตฺตาย เทยฺยธมฺมปริจฺจาเคน อภยทานสทฺธมฺมทาเนหิ จ สพฺพสตฺเต อนุคฺคณฺหิตุํ สมตฺโถ โหตีติ อยํ ตาว ทานปารมิยํ ปจฺจเวกฺขณานโย.
สีลปารมิยํ ปน เอวํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ – อิทฺหิ สีลํ นาม คงฺโคทกาทีหิ วิโสเธตุํ อสกฺกุเณยฺยสฺส โทสมลสฺส วิกฺขาลนชลํ, หริจนฺทนาทีหิ วิเนตุํ อสกฺกุเณยฺยสฺส ราคาทิปริฬาหสฺส วินยนํ, หารมกุฏกุณฺฑลาทีหิ ปจุรชนาลงฺกาเรหิ อสาธารโณ สาธูนํ อลงฺการวิเสโส, สพฺพทิสาวายนโต อกิตฺติโม สพฺพกาลานุรูโป จ สุรภิคนฺโธ, ขตฺติยมหาสาลาทีหิ เทวตาหิ จ วนฺทนียาทิภาวาวหนโต ปรโม วสีกรณมนฺโต, จาตุมหาราชิกาทิเทวโลกาโรหณโสปานปนฺติ ¶ , ฌานาภิฺานํ อธิคมูปาโย, นิพฺพานมหานครสฺส สมฺปาปกมคฺโค, สาวกโพธิปจฺเจกโพธิสมฺมาสมฺโพธีนํ ปติฏฺานภูมิ, ยํ ยํ วา ปนิจฺฉิตํ ปตฺถิตํ, ตสฺส ตสฺส สมิชฺฌนูปายภาวโต จินฺตามณิกปฺปรุกฺขาทิเก จ อติเสติ.
วุตฺตฺเจตํ ¶ ภควตา – ‘‘อิชฺฌติ, ภิกฺขเว, สีลวโต เจโตปณิธิวิสุทฺธตฺตา’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๓๗; อ. นิ. ๘.๓๕). อปรมฺปิ วุตฺตํ – ‘‘อากงฺเขยฺย เจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ‘สพฺรหฺมจารีนํ ปิโย จ อสฺสํ มนาโป จ ครุ จ ภาวนีโย จา’ติ, สีเลสฺเววสฺส ¶ ปริปูรการี’’ติอาทิ (ม. นิ. ๑.๖๕). ตถา ‘‘อวิปฺปฏิสารตฺถานิ โข, อานนฺท, กุสลานิ สีลานี’’ติ (อ. นิ. ๑๑.๑). ‘‘ปฺจิเม, คหปตโย, อานิสํสา สีลวโต สีลสมฺปทายา’’ติอาทิสุตฺตานฺจ (ที. นิ. ๒.๑๕๐; ๓.๓๑๖; อ. นิ. ๕.๒๑๓; มหาว. ๒๘๕) วเสน สีลสฺส คุณา ปจฺจเวกฺขิตพฺพา. ตถา อคฺคิกฺขนฺโธปมสุตฺตาทีนํ (อ. นิ. ๗.๗๒) วเสน สีลวิรเห อาทีนวา. ปีติโสมนสฺสนิมิตฺตโต อตฺตานุวาทปราปวาททณฺฑทุคฺคติภยาภาวโต วิฺูหิ ปาสํสภาวโต อวิปฺปฏิสารเหตุโต โสตฺถิฏฺานโต อติชนสาปเตยฺยาธิปเตยฺยายุรูปฏฺานพนฺธุมิตฺตสมฺปตฺตีนํ อติสยนโต จ สีลํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพํ. สีลวโต หิ อตฺตโน สีลสมฺปทาเหตุ มหนฺตํ ปีติโสมนสฺสํ อุปฺปชฺชติ – ‘‘กตํ วต มยา กุสลํ, กตํ กลฺยาณํ, กตํ ภีรุตฺตาณ’’นฺติ.
ตถา สีลวโต อตฺตา น อุปวทติ, น ปเร วิฺู, ทณฺฑทุคฺคติภยานํ สมฺภโว เอว นตฺถิ. ‘‘สีลวา ปุริสปุคฺคโล กลฺยาณธมฺโม’’ติ วิฺูนํ ปาสํโส โหติ. ตถา สีลวโต ยฺวายํ ‘‘กตํ วต มยา ปาปํ, กตํ ลุทฺทกํ, กตํ กิพฺพิส’’นฺติ ทุสฺสีลสฺส วิปฺปฏิสาโร อุปฺปชฺชติ, โส น โหติ. สีลฺจ นาเมตํ อปฺปมาทาธิฏฺานโต โภคพฺยสนาทิปริหารมุเขน มหโต อตฺถสฺส สาธนโต มงฺคลภาวโต จ ปรมํ โสตฺถิฏฺานํ, นิหีนชจฺโจปิ สีลวา ขตฺติยมหาสาลาทีนํ ปูชนีโย โหตีติ กุลสมฺปตฺตึ อติเสติ สีลสมฺปทา, ‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช? อิธ เต อสฺส ทาโส กมฺมกโร’’ติอาทิวจนฺเจตฺถ (ที. นิ. ๑.๑๘๖) สาธกํ. โจราทีหิ อสาธารณโต ปรโลกานุคมนโต มหปฺผลภาวโต สมถาทิคุณาธิฏฺานโต จ พาหิรธนํ อติเสติ สีลํ. ปรมสฺส จิตฺติสฺสริยสฺส อธิฏฺานภาวโต ขตฺติยาทีนํ อิสฺสริยํ อติเสติ สีลํ. สีลนิมิตฺตฺหิ ตํตํสตฺตนิกาเยสุ สตฺตานํ อิสฺสริยํ, วสฺสสตทีฆปฺปมาณโต ชีวิตโต เอกาหมฺปิ สีลวโต ชีวิตสฺส วิสิฏฺตาวจนโต สติ จ ชีวิเต สิกฺขานิกฺขิปนสฺส มรณตาวจนโต สีลํ ชีวิตโต วิสิฏฺตรํ ¶ ¶ . เวรีนมฺปิ มนฺุภาวาวหนโต ชราโรควิปตฺตีหิ อนภิภวนียโต จ รูปสมฺปตฺตึ อติเสติ สีลํ. ปาสาทหมฺมิยาทิฏฺานวิเสเส ราชยุวราชเสนาปติอาทิฏฺานวิเสเส จ อติเสติ สีลํ สุขวิเสสาธิฏฺานภาวโต. สภาวสินิทฺเธ สนฺติกาวจเรปิ พนฺธุชเน มิตฺตชเน จ อติเสติ เอกนฺตหิตสมฺปาทนโต ¶ ปรโลกานุคมนโต จ ‘‘น ตํ มาตาปิตา กยิรา’’ติอาทิวจนฺเจตฺถ (ธ. ป. ๔๓) สาธกํ. ตถา หตฺถิอสฺสรถปตฺติพลกาเยหิ มนฺตาคทโสตฺถานปฺปโยเคหิ จ ทุรารกฺขํ อตฺตานํ อารกฺขาภาเวน สีลเมว วิสิฏฺตรํ อตฺตาธีนโต อปราธีนโต มหาวิสยโต จ. เตเนวาห – ‘‘ธมฺโม หเว รกฺขติ ธมฺมจาริ’’นฺติอาทิ (ชา. ๑.๑๐.๑๐๒). เอวมเนกคุณสมนฺนาคตํ สีลนฺติ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส อปริปุณฺณา เจว สีลสมฺปทา ปาริปูรึ คจฺฉติ อปริสุทฺธา จ ปาริสุทฺธึ.
สเจ ปนสฺส ทีฆรตฺตํ ปริจเยน สีลปฏิปกฺขา ธมฺมา โทสาทโย อนฺตรนฺตรา อุปฺปชฺเชยฺยุํ, เตน โพธิสตฺตปฏิฺเน เอวํ ปฏิสฺจิกฺขิตพฺพํ – นนุ ตยา สมฺโพธาย ปณิธานํ กตํ, สีลวิกเลน จ น สกฺกา โลกิยาปิ สมฺปตฺติโย ปาปุณิตุํ, ปเคว โลกุตฺตรา, สพฺพสมฺปตฺตีนํ ปน อคฺคภูตาย สมฺมาสมฺโพธิยา อธิฏฺานภูเตน สีเลน ปรมุกฺกํสคเตน ภวิตพฺพํ, ตสฺมา ‘‘กิกีว อณฺฑ’’นฺติอาทินา (วิสุทฺธิ. ๑.๑๙; ที. นิ. อฏฺ. ๑.๗) วุตฺตนเยน สมฺมา สีลํ รกฺขนฺเตน สุฏฺุตรํ ตยา เปสเลน ภวิตพฺพํ.
อปิ จ ตยา ธมฺมเทสนาย ยานตฺตเย สตฺตานํ อวตารณปริปาจนานิ กาตพฺพานิ, สีลวิกลสฺส จ วจนํ น ปจฺเจตพฺพํ โหติ, อสปฺปายาหารวิจารสฺส วิย เวชฺชสฺส ติกิจฺฉนํ, ตสฺมา กถาหํ สทฺเธยฺโย หุตฺวา สตฺตานํ อวตารณปริปาจนานิ กเรยฺยนฺติ สภาวปริสุทฺธสีเลน ภวิตพฺพํ. กิฺจ ฌานาทิคุณวิเสสโยเคน เม สตฺตานํ อุปการกรณสมตฺถตา ปฺาปารมิอาทิปริปูรณฺจ, ฌานาทโย จ คุณา สีลปาริสุทฺธึ วินา น สมฺภวนฺตีติ สมฺมเทว สีลํ ปริโสเธตพฺพํ.
ตถา ‘‘สมฺพาโธ ฆราวาโส รโชปโถ’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๑๙๑; สํ. นิ. ๒.๑๕๔; ม. นิ. ๑.๒๙๑; ๒.๑๐) ฆราวาเส, ‘‘อฏฺิกงฺกลูปมา กามา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๓๔; ปาจิ. ๑๗๕) ‘‘มาตาปิ ปุตฺเตน วิวทตี’’ติอาทินา ¶ (ม. นิ. ๑.๑๗๘) จ กาเมสุ, ‘‘เสยฺยถาปิ ปุริโส อิณํ อาทาย กมฺมนฺเต ปโยเชยฺยา’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๒๑๘) กามจฺฉนฺทาทีสุ อาทีนวทสฺสนปุพฺพงฺคมา วุตฺตวิปริยาเยน ‘‘อพฺโภกาโส ปพฺพชฺชา’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๑๙๑; สํ. นิ. ๒.๑๕๔) ปพฺพชฺชาทีสุ ¶ อานิสํสปฏิสงฺขาวเสน เนกฺขมฺมปารมิยํ ปจฺจเวกฺขณา เวทิตพฺพา. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน ทุกฺขกฺขนฺธ- (ม. นิ. ๑.๑๖๓ อาทโย) อาสิวิโสปมสุตฺตา- (สํ. นิ. ๔.๒๓๘) ทิวเสน เวทิตพฺโพ.
ตถา ¶ ‘‘ปฺาย วินา ทานาทโย ธมฺมา น วิสุชฺฌนฺติ, ยถาสกํ พฺยาปารสมตฺถา จ น โหนฺตี’’ติ ปฺาคุณา มนสิกาตพฺพา. ยเถว หิ ชีวิเตน วินา สรีรยนฺตํ น โสภติ, น จ อตฺตโน กิริยาสุ ปฏิปตฺติสมตฺถํ โหติ, ยถา จ จกฺขาทีนิ อินฺทฺริยานิ วิฺาเณน วินา ยถาสกํ วิสเยสุ กิจฺจํ กาตุํ นปฺปโหนฺติ, เอวํ สทฺธาทีนิ อินฺทฺริยานิ ปฺาย วินา สกิจฺจปฏิปตฺติยํ อสมตฺถานีติ ปริจฺจาคาทิปฏิปตฺติยํ ปฺา ปธานการณํ. อุมฺมีลิตปฺาจกฺขุกา หิ มหาโพธิสตฺตา อตฺตโน องฺคปจฺจงฺคานิปิ ทตฺวา อนตฺตุกฺกํสกา อปรวมฺภกา จ โหนฺติ, เภสชฺชรุกฺขา วิย วิกปฺปรหิตา กาลตฺตเยปิ โสมนสฺสชาตา. ปฺาวเสน หิ อุปายโกสลฺลโยคโต ปริจฺจาโค ปรหิตปฺปวตฺติยา ทานปารมิภาวํ อุเปติ. อตฺตตฺถฺหิ ทานํ วฑฺฒิสทิสํ โหติ.
ตถา ปฺาย อภาเวน ตณฺหาทิสํกิเลสาวิโยคโต สีลสฺส วิสุทฺธิ เอว น สมฺภวติ, กุโต สพฺพฺุคุณาธิฏฺานภาโว. ปฺวา เอว จ ฆราวาเส กามคุเณสุ สํสาเร จ อาทีนวํ ปพฺพชฺชาย ฌานสมาปตฺติยํ นิพฺพาเน จ อานิสํสํ สุฏฺุ สลฺลกฺเขนฺโต ปพฺพชิตฺวา ฌานสมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวา นิพฺพานาภิมุโข ปเร จ ตตฺถ ปติฏฺาเปติ. วีริยฺจ ปฺาวิรหิตํ ยถิจฺฉิตมตฺถํ น สาเธติ ทุรารมฺภภาวโต. วรเมว หิ อนารมฺโภ ทุรารมฺภโต, ปฺาสหิเตน ปน วีริเยน น กิฺจิ ทุรธิคมํ อุปายปฏิปตฺติโต. ตถา ปฺวา เอว ปราปการาทีนํ อธิวาสกชาติโก โหติ, น ทุปฺปฺโ. ปฺาวิรหิตสฺส จ ปเรหิ อุปนีตา อปการา ขนฺติยา ปฏิปกฺขเมว อนุพฺรูเหนฺติ, ปฺวโต ปน เต ขนฺติสมฺปตฺติยา ปริพฺรูหนวเสน อสฺสา ถิรภาวาย สํวตฺตนฺติ. ปฺวา เอว ตีณิปิ สจฺจานิ ¶ เนสํ การณานิ ปฏิปกฺเข จ ยถาภูตํ ชานิตฺวา ปเรสํ อวิสํวาทโก โหติ.
ตถา ปฺาพเลน อตฺตานํ อุปตฺถมฺเภตฺวา ธิติสมฺปทาย สพฺพปารมีสุ อจลสมาทานาธิฏฺาโน โหติ. ปฺวา เอว จ ปิยมชฺฌตฺตเวริวิภาคํ อกตฺวา สพฺพตฺถ หิตูปสํหารกุสโล โหติ. ตถา ปฺาวเสน ลาภาลาภาทิโลกธมฺมสนฺนิปาเต นิพฺพิการตาย มชฺฌตฺโต โหติ. เอวํ สพฺพาสํ ปารมีนํ ปฺาว ปาริสุทฺธิเหตูติ ปฺาคุณา ปจฺจเวกฺขิตพฺพา. อปิ จ ปฺาย วินา น ¶ ทสฺสนสมฺปตฺติ, อนฺตเรน จ ทิฏฺิสมฺปทํ น สีลสมฺปทา ¶ , สีลทิฏฺิสมฺปทาวิรหิตสฺส น สมาธิสมฺปทา, อสมาหิเตน จ น สกฺกา อตฺตหิตมตฺตมฺปิ สาเธตุํ, ปเคว อุกฺกํสคตํ ปรหิตนฺติ ปรหิตาย ปฏิปนฺเนน ‘‘นนุ ตยา สกฺกจฺจํ ปฺาย ปริวุทฺธิยํ อาโยโค กรณีโย’’ติ โพธิสตฺเตน อตฺตา โอวทิตพฺโพ. ปฺานุภาเวน หิ มหาสตฺโต จตุรธิฏฺานาธิฏฺิโต จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ โลกํ อนุคฺคณฺหนฺโต สตฺเต นิยฺยานมคฺเค อวตาเรติ, อินฺทฺริยานิ จ เนสํ ปริปาเจติ.
ตถา ปฺาพเลน ขนฺธายตนาทีสุ ปวิจยพหุโลปวตฺตินิวตฺติโย ยาถาวโต ปริชานนฺโต ทานาทโย คุเณ วิเสสนิพฺเพธภาคิยภาวํ นยนฺโต โพธิสตฺตสิกฺขาย ปริปูรการี โหตีติ เอวมาทินา อเนกาการโวกาเร ปฺาคุเณ ววตฺถเปตฺวา ปฺาปารมี อนุพฺรูเหตพฺพา.
ตถา ทิสฺสมานานิปิ โลกิยานิ กมฺมานิ นิหีนวีริเยน ปาปุณิตุํ อสกฺกุเณยฺยานิ, อคณิตเขเทน ปน อารทฺธวีริเยน ทุรธิคมํ นาม นตฺถิ. นิหีนวีริโย หิ ‘‘สํสารมโหฆโต สพฺพสตฺเต สนฺตาเรสฺสามี’’ติ อารภิตุเมว น สกฺกุณาติ. มชฺฌิโม อารภิตฺวา อนฺตรา โวสานมาปชฺชติ. อุกฺกฏฺวีริโย ปน อตฺตสุขนิรเปกฺโข อารมฺภปารมิมธิคจฺฉตีติ วีริยสมฺปตฺติ ปจฺจเวกฺขิตพฺพา. อปิ จ ‘‘ยสฺส อตฺตโน เอว สํสารปงฺกโต สมุทฺธรณตฺถมารมฺโภ, ตสฺสาปิ น วีริยสฺส สิถิลภาเว มโนรถานํ มตฺถกปฺปตฺติ สกฺกา สมฺภาเวตุํ, ปเคว สเทวกสฺส โลกสฺส สมุทฺธรณตฺถํ กตาภินีหาเรนา’’ติ ¶ จ ‘‘ราคาทีนํ โทสคณานํ มตฺตมหาคชานํ วิย ทุนฺนิวารภาวโต ตนฺนิทานานฺจ กมฺมสมาทานานํ อุกฺขิตฺตาสิกวธกสทิสภาวโต ตนฺนิมิตฺตานฺจ ทุคฺคตีนํ สพฺพทา วิวฏมุขภาวโต, ตตฺถ นิโยชกานฺจ ปาปมิตฺตานํ สทา สนฺนิหิตภาวโต ตโทวาทการิตาย จ พาลสฺส ปุถุชฺชนภาวสฺส สติสมฺภเว ยุตฺตํ สยเมว สํสารทุกฺขโต นิสฺสริตุนฺติ มิจฺฉาวิตกฺกา วีริยานุภาเวน ทูรีภวนฺตี’’ติ จ ‘‘ยทิ ปน สมฺโพธิ อตฺตาธีเนน วีริเยน สกฺกา สมธิคนฺตุํ, กิเมตฺถ ทุกฺกร’’นฺติ จ เอวมาทินา นเยน วีริยคุณา ปจฺจเวกฺขิตพฺพา.
ตถา ¶ ขนฺติ นามายํ นิรวเสสคุณปฏิปกฺขสฺส โกธสฺส วิธมนโต คุณสมฺปาทเน สาธูนมปฺปฏิหตมายุธํ, ปราภิภวสมตฺถานํ อลงฺกาโร, สมณพฺราหฺมณานํ พลสมฺปทา, โกธคฺคิวินยนอุทกธารา, กลฺยาณสฺส กิตฺติสทฺทสฺส สฺชาติเทโส, ปาปปุคฺคลานํ วจีวิสวูปสมกโร มนฺตาคโท, สํวเร ิตานํ ปรมา ธีรปกติ, คมฺภีราสยตาย สาคโร, โทสมหาสาครสฺส เวลา, อปายทฺวารสฺส ปิทหนกวาฏํ, เทวพฺรหฺมโลกานํ อาโรหณโสปานํ, สพฺพคุณานํ อธิวาสนภูมิ, อุตฺตมา กายวจีมโนวิสุทฺธีติ มนสิกาตพฺพํ.
อปิ ¶ จ ‘‘เอเต สตฺตา ขนฺติสมฺปตฺติยา อภาวโต อิธโลเก ตปฺปนฺติ, ปรโลเก จ ตปนียธมฺมานุโยคโต’’ติ จ ‘‘ยทิปิ ปราปการนิมิตฺตํ ทุกฺขํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส ปน ทุกฺขสฺส เขตฺตภูโต อตฺตภาโว พีชภูตฺจ กมฺมํ มยาว อภิสงฺขต’’นฺติ จ ‘‘ตสฺส จ ทุกฺขสฺส อาณณฺยการณเมต’’นฺติ จ ‘‘อปการเก อสติ กถํ มยฺหํ ขนฺติสมฺปทา สมฺภวตี’’ติ จ ‘‘ยทิปายํ เอตรหิ อปการโก, อยํ นาม ปุพฺเพ อเนน มยฺหํ อุปกาโร กโต’’ติ จ ‘‘อปกาโร เอว วา ขนฺตินิมิตฺตตาย อุปกาโร’’ติ จ ‘‘สพฺเพปิเม สตฺตา มยฺหํ ปุตฺตสทิสา, ปุตฺตกตาปราเธสุ จ โก กุชฺฌิสฺสตี’’ติ จ ‘‘เยน โกธปิสาจาเวเสน อยํ มยฺหํ อปรชฺฌติ, สฺวายํ โกธภูตาเวโส มยา วิเนตพฺโพ’’ติ จ, ‘‘เยน อปกาเรน อิทํ มยฺหํ ทุกฺขํ อุปฺปนฺนํ, ตสฺส อหมฺปิ นิมิตฺต’’นฺติ จ, ‘‘เยหิ ธมฺเมหิ อปกาโร กโต, ยตฺถ จ กโต, สพฺเพปิ เต ตสฺมึ เอว ขเณ นิรุทฺธา กสฺสิทานิ เกน โกโป กาตพฺโพ’’ติ ¶ จ, ‘‘อนตฺตตาย สพฺพธมฺมานํ โก กสฺส อปรชฺฌตี’’ติ จ ปจฺจเวกฺขนฺเตน ขนฺติสมฺปทา อนุพฺรูเหตพฺพา.
ยทิ ปนสฺส ทีฆรตฺตํ ปริจเยน ปราปการนิมิตฺตโก โกโธ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺเยฺย, เตน อิติ ปฏิสฺจิกฺขิตพฺพํ – ‘‘ขนฺติ นาเมสา ปราปการสฺส ปฏิปกฺขปฏิปตฺตีนํ ปจฺจุปการการณ’’นฺติ จ ‘‘อปกาโร จ มยฺหํ ทุกฺขูปนิสา สทฺธาติ ทุกฺขุปฺปาทเนน สทฺธาย สพฺพโลเก ¶ อนภิรติสฺาย จ ปจฺจโย’’ติ จ, ‘‘อินฺทฺริยปกติ เหสา ยทิทํ อิฏฺานิฏฺวิสยสมาโยโค. ตตฺถ อนิฏฺวิสยสมาโยโค มยฺหํ น สิยาติ ตํ กุเตตฺถ ลพฺภา’’ติ จ ‘‘โกธวสิโก สตฺโต โกเธน อุมฺมตฺโต วิกฺขิตฺตจิตฺโต, ตตฺถ กึ ปจฺจปกาเรนา’’ติ จ ‘‘สพฺเพปิเม สตฺตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน โอรสปุตฺตา วิย ปริปาลิตา, ตสฺมา น ตตฺถ มยา จิตฺตโกโป กาตพฺโพ’’ติ จ, ‘‘อปราธเก จ สติ คุเณ คุณวติ มยา โกโป น กาตพฺโพ’’ติ จ, ‘‘อสติ คุเณ วิเสเสน กรุณายิตพฺโพ’’ติ จ ‘‘โกเปน จ มยฺหํ คุณยสา นิหียนฺตี’’ติ จ, ‘‘กุชฺฌเนน มยฺหํ ทุพฺพณฺณทุกฺขเสยฺยาทโย สปตฺตกนฺตา อาคจฺฉนฺตี’’ติ จ, ‘‘โกโธ จ นามายํ สพฺพาหิตการโก สพฺพหิตวินาสโก พลวา ปจฺจตฺถิโก’’ติ จ, ‘‘สติ จ ขนฺติยา น โกจิ ปจฺจตฺถิโก’’ติ จ, ‘‘อปราธเกน อปราธนิมิตฺตํ ยํ อายตึ ลทฺธพฺพํ ทุกฺขํ สติ จ ขนฺติยา มยฺหํ ตทภาโว’’ติ จ, ‘‘จินฺตเนน กุชฺฌนฺเตน จ มยา ปจฺจตฺถิโกเยว อนุวตฺติโต โหตี’’ติ จ, ‘‘โกเธ จ มยา ขนฺติยา อภิภูเต ตสฺส ทาสภูโต ปจฺจตฺถิโก สมฺมเทว อภิภูโต โหตี’’ติ จ, ‘‘โกธนิมิตฺตํ ขนฺติคุณปริจฺจาโค มยฺหํ น ยุตฺโต’’ติ จ, ‘‘สติ จ โกเธ คุณวิโรธปจฺจนีกธมฺเม กถํ เม สีลาทิธมฺมา ปาริปูรึ คจฺเฉยฺยุํ, อสติ จ เตสุ กถาหํ สตฺตานํ ¶ อุปการพหุโล ปฏิฺานุรูปํ อุตฺตมํ สมฺปตฺตึ ปาปุณิสฺสามี’’ติ จ, ‘‘ขนฺติยา จ สติ พหิทฺธา วิกฺเขปาภาวโต สมาหิตสฺส สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจโต ทุกฺขโต สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตโต นิพฺพานฺจ อสงฺขตามตสนฺตปณีตตาทิภาวโต นิชฺฌานํ ขมนฺติ พุทฺธธมฺมา จ อจินฺเตยฺยาปริเมยฺยปฺปภาวา’’ติ.
ตโต จ อนุโลมิยํ ขนฺติยํ ิโต เกวลา อิเม อตฺตตฺตนิยภาวรหิตา ธมฺมมตฺตา ยถาสกํ ปจฺจเยหิ อุปฺปชฺชนฺติ วยนฺติ, น กุโตจิ อาคจฺฉนฺติ, น กุหิฺจิ คจฺฉนฺติ, น จ กตฺถจิ ปติฏฺิตา, น เจตฺถ โกจิ กสฺสจิ พฺยาปาโรติ ¶ อหํการมมํการานธิฏฺานตา นิชฺฌานํ ขมติ, เยน โพธิสตฺโต โพธิยา นิยโต อนาวตฺติธมฺโม โหตีติ เอวมาทินา ขนฺติปารมิยา ปจฺจเวกฺขณา เวทิตพฺพา.
ตถา สจฺเจน วินา สีลาทีนํ อสมฺภวโต ปฏิฺานุรูปํ ปฏิปตฺติยา อภาวโต จ, สจฺจธมฺมาติกฺกเม จ สพฺพปาปธมฺมานํ สโมสรณโต อสจฺจสนฺธสฺส อปจฺจยิกภาวโต ¶ อายติฺจ อนาเทยฺยวจนตาวหนโต สมฺปนฺนสจฺจสฺส จ, สพฺพคุณาธิฏฺานภาวโต สจฺจาธิฏฺาเนน สพฺพโพธิสมฺภารานํ ปาริสุทฺธิปาริปูริสามตฺถิยโต สภาวธมฺมาวิสํวาทเนน สพฺพโพธิสมฺภารกิจฺจกรณโต โพธิสตฺตปฏิปตฺติยา จ, ปรินิปฺผตฺติโตติอาทินา สจฺจปารมิยา สมฺปตฺติโย ปจฺจเวกฺขิตพฺพา.
ตถา ทานาทีสุ ทฬฺหสมาทานํ ตํปฏิปกฺขสนฺนิปาเต จ เนสํ อจลาธิฏฺานํ ตตฺถ จ ธีรวีรภาวํ วินา น ทานาทิสมฺภารา สมฺโพธินิมิตฺตา สมฺภวนฺตีติอาทินา อธิฏฺาเน คุณา ปจฺจเวกฺขิตพฺพา.
ตถา ‘‘อตฺตหิตมตฺเต อวติฏฺนฺเตนาปิ สตฺเตสุ หิตจิตฺตตํ วินา น สกฺกา อิธโลกปรโลกสมฺปตฺติโย ปาปุณิตุํ, ปเคว สพฺพสตฺเต นิพฺพานสมฺปตฺติยํ ปติฏฺาเปตุกาเมนา’’ติ จ, ‘‘ปจฺฉา สพฺพสตฺตานํ โลกุตฺตรสมฺปตฺตึ อากงฺขนฺเตน อิทานิ โลกิยสมฺปตฺติอากงฺขา ยุตฺตรูปา’’ติ จ, ‘‘อิทานิ อาสยมตฺเตน ปเรสํ หิตสุขูปสํหารํ กาตุํ อสกฺโกนฺโต กทา ปโยเคน ตํ สาเธสฺสามี’’ติ จ, ‘‘อิทานิ มยา หิตสุขูปสํหาเรน สํวฑฺฒิตา ปจฺฉา ธมฺมสํวิภาคสหายา มยฺหํ ภวิสฺสนฺตี’’ติ จ, ‘‘เอเตหิ วินา น มยฺหํ โพธิสมฺภารา สมฺภวนฺติ, ตสฺมา สพฺพพุทฺธคุณวิภูตินิปฺผตฺติการณตฺตา มยฺหํ เอเต ปรมํ ปฺุกฺเขตฺตํ อนุตฺตรํ กุสลายตนํ อุตฺตมํ คารวฏฺาน’’นฺติ จ, สวิเสสํ สตฺเตสุ สพฺเพสุ หิตชฺฌาสยตา ปจฺจุปฏฺเปตพฺพา ¶ , กิฺจ กรุณาธิฏฺานโตปิ สพฺพสตฺเตสุ เมตฺตา อนุพฺรูเหตพฺพา. วิมริยาทีกเตน หิ เจตสา สตฺเตสุ หิตสุขูปสํหารนิรตสฺส เตสํ อหิตทุกฺขาปนยนกามตา พลวตี อุปฺปชฺชติ ทฬฺหมูลา. กรุณา จ สพฺเพสํ พุทฺธการกธมฺมานํ อาทิ จรณํ ปติฏฺา มูลํ มุขํ ปมุขนฺติ เอวมาทินา เมตฺตาย คุณา ปจฺจเวกฺขิตพฺพา.
ตถา ‘‘อุเปกฺขาย อภาเว สตฺเตหิ กตา วิปฺปการา จิตฺตสฺส วิการํ อุปฺปาเทยฺยุํ, สติ จ จิตฺตวิกาเร ทานาทีนํ สมฺภารานํ สมฺภโว เอว นตฺถี’’ติ ¶ จ, ‘‘เมตฺตาสิเนเหน สิเนหิเต จิตฺเต อุเปกฺขาย วินา สมฺภารานํ ปาริสุทฺธิ น โหตี’’ติ ¶ จ, ‘‘อนุเปกฺขโก สมฺภาเรสุ ปฺุสมฺภารํ ตพฺพิปากฺจ สตฺตหิตตฺถํ ปริณาเมตุํ น สกฺโกตี’’ติ จ, ‘‘อุเปกฺขาย อภาเว เทยฺยธมฺมปฏิคฺคาหกานํ วิภาคํ อกตฺวา ปริจฺจชิตุํ น สกฺโกตี’’ติ จ, ‘‘อุเปกฺขารหิเตน ชีวิตปริกฺขารานํ ชีวิตสฺส จ อนฺตรายํ อมนสิกริตฺวา สีลวิโสธนํ กาตุํ น สกฺโกตี’’ติ จ, ตถา อุเปกฺขาวเสน อรติรติสหสฺเสว เนกฺขมฺมพลสิทฺธิโต อุปปตฺติโต อิกฺขณวเสน สพฺพสมฺภารกิจฺจนิปฺผตฺติโต อจฺจารทฺธสฺส วีริยสฺส อนุเปกฺขเณ ปธานกิจฺจากรณโต อุเปกฺขโต เอว ติติกฺขานิชฺฌานสมฺภวโต อุเปกฺขาวเสน สตฺตสงฺขารานํ อวิสํวาทนโต โลกธมฺมานํ อชฺฌุเปกฺขเณน สมาทินฺนธมฺเมสุ อจลาธิฏฺานสิทฺธิโต ปราปการาทีสุ อนาโภควเสเนว เมตฺตาวิหารนิปฺผตฺติโตติ สพฺพโพธิสมฺภารานํ สมาทานาธิฏฺานปาริปูรินิปฺผตฺติโย อุเปกฺขานุภาเวน สมฺปชฺชนฺตีติ เอวมาทินา นเยน อุเปกฺขาปารมี ปจฺจเวกฺขิตพฺพา. เอวํ อปริจฺจาคปริจฺจาคาทีสุ ยถากฺกมํ อาทีนวานิสํสปจฺจเวกฺขณา ทานาทิปารมีนํ ปจฺจโยติ ทฏฺพฺพํ.
ตถา สปริกฺขารา ปฺจทส จรณธมฺมา ปฺจ จ อภิฺาโย. ตตฺถ จรณธมฺมา นาม สีลสํวโร, อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารตา, โภชเน มตฺตฺุตา, ชาคริยานุโยโค, สตฺต สทฺธมฺมา, จตฺตาริ ฌานานิ จ. เตสุ สีลาทีนํ จตุนฺนํ เตรสาปิ ธุตธมฺมา อปฺปิจฺฉตาทโย จ ปริกฺขารา. สทฺธมฺเมสุ สทฺธาย พุทฺธธมฺมสงฺฆสีลจาคเทวตูปสมานุสฺสติลูขปุคฺคลปริวชฺชน- สินิทฺธปุคฺคลเสวนปสาทนียธมฺมปจฺจเวกฺขณตทธิมุตฺตตา ปริกฺขาโร. หิโรตฺตปฺปานํ อกุสลาทีนวปจฺจเวกฺขณอปายาทีนวปจฺจเวกฺขณกุสลธมฺมูปตฺถมฺภน- ภาวปจฺจเวกฺขณหิโรตฺตปฺปรหิตปุคฺคลปริวชฺชนหิโรตฺตปฺปสมฺปนฺนปุคฺคลเสนตทธิมุตฺตตา. พาหุสจฺจสฺส ปุพฺพโยคปริปุจฺฉก- ภาวสทฺธมฺมาภิโยคอนวชฺชวิชฺชาฏฺานาทิปริจยปริปกฺกินฺทฺริยตากิเลสทูรีภาวอปฺปสฺสุต- ปริวชฺชนพหุสฺสุตเสวนตทธิมุตฺตตา. วีริยสฺส อปายภยปจฺจเวกฺขณ- ¶ คมนวีถิปจฺจเวกฺขณธมฺมมหตฺตปจฺจเวกฺขณถินมิทฺธวิโนทนกุสีตปุคฺคลปริวชฺชน- อารทฺธวีริยปุคฺคลเสวนสมฺมปฺปธานปจฺจเวกฺขณตทธิมุตฺตตา ¶ . สติยา สติสมฺปชฺมุฏฺสฺสติปุคฺคลปริวชฺชนอุปฏฺิตสฺสติปุคฺคลเสวนตทธิมุตฺตตา. ¶ ปฺาย ปริปุจฺฉกภารวตฺถุวิสทกิริยาอินฺทฺริยสมตฺตปฏิปาทนทุปฺปฺปุคฺคล- ปริวชฺชนปฺวนฺตปุคฺคลเสวนคมฺภีราณจริยปจฺจเวกฺขณตทธิมุตฺตตา. จตุนฺนํ ฌานานํ สีลาทิจตุกฺกํ อฏฺตึสาย อารมฺมเณสุ ปุพฺพภาคภาวนา อาวชฺชนาทิวสีภาวกรณฺจ ปริกฺขาโร. ตตฺถ สีลาทีหิ ปโยคสุทฺธิยา สตฺตานํ อภยทาเน อาสยสุทฺธิยา อามิสทาเน อุภยสุทฺธิยา ธมฺมทาเน สมตฺโถ โหตีติอาทินา จรณาทีนํ ทานาทิสมฺภารานํ ปจฺจยภาโว ยถารหํ นิทฺธาเรตพฺโพ. อติวิตฺถารภเยน น นิทฺธารยิมฺหาติ. เอวํ สมฺปตฺติจกฺกาทโยปิ ทานาทีนํ ปจฺจโยติ เวทิตพฺพา.
โก สํกิเลโสติ? อวิเสเสน ตณฺหาทีหิ ปรามฏฺภาโว ปารมีนํ สํกิเลโส, วิเสเสน ปน เทยฺยธมฺมปฏิคฺคาหกวิกปฺปา ทานปารมิยา สํกิเลโส. สตฺตกาลวิกปฺปา สีลปารมิยา, กามภวตทุปสเมสุ อภิรติอนภิรติวิกปฺปา เนกฺขมฺมปารมิยา, อหํ มมาติ วิกปฺปา ปฺาปารมิยา, ลีนุทฺธจฺจวิกปฺปา วีริยปารมิยา, อตฺตปรวิกปฺปา ขนฺติปารมิยา, อทิฏฺาทีสุ ทิฏฺาทิวิกปฺปา สจฺจปารมิยา, โพธิสมฺภารตพฺพิปกฺเขสุ โทสคุณวิกปฺปา อธิฏฺานปารมิยา, หิตาหิตวิกปฺปา เมตฺตาปารมิยา, อิฏฺานิฏฺวิกปฺปา อุเปกฺขาปารมิยา สํกิเลโสติ ทฏฺพฺพํ.
กึ โวทานนฺติ? ตณฺหาทีหิ อนุปฆาโต ยถาวุตฺตวิกปฺปวิรโห จ เอตาสํ โวทานนฺติ เวทิตพฺพํ. อนุปหตา หิ ตณฺหามานทิฏฺิโกธูปนาหมกฺขปฬาสอิสฺสามจฺฉริย- มายาสาเยฺยถมฺภสารมฺภมทปฺปมาทาทีหิ กิเลเสหิ เทยฺยธมฺมปฏิคฺคาหกวิกปฺปาทิรหิตา จ ทานาทิปารมิโย ปริสุทฺธา ปภสฺสรา ภวนฺตีติ.
โก ปฏิปกฺโขติ? อวิเสเสน สพฺเพปิ สํกิเลสา สพฺเพปิ ¶ อกุสลา ธมฺมา เอตาสํ ปฏิปกฺโข, วิเสเสน ปน ปุพฺเพ วุตฺตา มจฺเฉราทโยติ เวทิตพฺพา. อปิ จ เทยฺยธมฺมปฏิคฺคาหกทานผเลสุ อโลภาโทสาโมหคุณโยคโต โลภโทสโมหปฏิปกฺขํ ทานํ, กายาทิโทสวงฺกาปคมโต โลภาทิปฏิปกฺขํ สีลํ, กามสุขปรูปฆาตอตฺตกิลมถปริวชฺชนโต โทสตฺตยปฏิปกฺขํ เนกฺขมฺมํ, โลภาทีนํ อนฺธีกรณโต าณสฺส จ อนนฺธีกรณโต โลภาทิปฏิปกฺขา ปฺา ¶ , อลีนานุทฺธตายารมฺภวเสน โลภาทิปฏิปกฺขํ วีริยํ, อิฏฺานิฏฺสฺุตานํ ขมนโต โลภาทิปฏิปกฺขา ขนฺติ, สติปิ ปเรสํ อุปกาเร อปกาเร จ ยถาภูตปฺปวตฺติยา ¶ โลภาทิปฏิปกฺขํ สจฺจํ, โลกธมฺเม อภิภุยฺย ยถาสมาทินฺเนสุ สมฺภาเรสุ อจลนโต โลภาทิปฏิปกฺขํ อธิฏฺานํ, นีวรณวิเวกโต โลภาทิปฏิปกฺขา เมตฺตา, อิฏฺานิฏฺเสุ อนุนยปฏิฆวิทฺธํสนโต สมปฺปวตฺติโต จ โลภาทิปฏิปกฺขา อุเปกฺขาติ ทฏฺพฺพํ.
กา ปฏิปตฺตีติ? ทานปารมิยา ตาว สุขูปกรณสรีรชีวิตปริจฺจาเคน ภยาปนุทเนน ธมฺโมปเทเสน จ พหุธา สตฺตานํ อนุคฺคหกรณํ ปฏิปตฺติ. ตตฺถ อามิสทานํ อภยทานํ ธมฺมทานนฺติ ทาตพฺพวตฺถุวเสน ติวิธํ ทานํ. เตสุ โพธิสตฺตสฺส ทาตพฺพวตฺถุ อชฺฌตฺติกํ พาหิรนฺติ ทุวิธํ. ตตฺถ พาหิรํ อนฺนํ ปานํ วตฺถํ ยานํ มาลาคนฺธวิเลปนํ เสยฺยาวสถปทีเปยฺยนฺติ ทสวิธํ. อนฺนาทีนํ ขาทนียโภชนียาทิวิภาเคน อเนกวิธํ. ตถา รูปารมฺมณํ ยาว ธมฺมารมฺมณนฺติ อารมฺมณโต ฉพฺพิธํ. รูปารมฺมณาทีนฺจ นีลาทิวิภาเคน อเนกวิธํ. ตถา มณิกนกรชตมุตฺตาปวาฬาทิ, เขตฺตวตฺถุอารามาทิ, ทาสิทาสโคมหึสาทิ นานาวิธวิตฺตูปกรณวเสน อเนกวิธํ.
ตตฺถ มหาปุริโส พาหิรํ วตฺถุํ เทนฺโต ‘‘โย เยน อตฺถิโก, ตํ ตสฺส เทติ, เทนฺโต จ ตสฺส อตฺถิโก’’ติ สยเมว ชานนฺโต อยาจิโตปิ เทติ ปเคว ยาจิโต. มุตฺตจาโค เทติ, โน อมุตฺตจาโค, ปริยตฺตํ เทติ, โน อปริยตฺตํ สติ เทยฺยธมฺเม. น ปจฺจุปการสนฺนิสฺสิโต ¶ เทติ. อสติ เทยฺยธมฺเม หิ ปริยตฺเต สํวิภาคารหํ สํวิภชติ. น จ เทติ ปรูปฆาตาวหํ สตฺถวิสมชฺชาทิกํ, นาปิ กีฬนกํ ยํ อนตฺถูปสํหิตํ ปมาทาวหฺจ. น จ คิลานสฺส ยาจกสฺส ปานโภชนาทิอสปฺปายํ ปมาณรหิตํ วา เทติ, ปมาณยุตฺตํ ปน สปฺปายเมว เทติ.
ตถา ยาจิโต คหฏฺานํ คหฏฺานุจฺฉวิกํ เทติ, ปพฺพชิตานํ ปพฺพชิตานุจฺฉวิกํ เทติ, มาตาปิตโร าติสาโลหิตา มิตฺตามจฺจา ปุตฺตทารทาสกมฺมกราติ เอเตสุ กสฺสจิ ปีฬํ อชเนนฺโต เทติ, น จ อุฬารํ เทยฺยธมฺมํ ปฏิชานิตฺวา ลูขํ เทติ, น จ ลาภสกฺการสิโลกสนฺนิสฺสิโต เทติ, น จ ปจฺจุปการสนฺนิสฺสิโต เทติ, น จ ผลปาฏิกงฺขี เทติ ¶ อฺตฺร สมฺมาสมฺโพธิยา, น จ ยาจเก เทยฺยธมฺมํ วา ชิคุจฺฉนฺโต เทติ, น จ อสฺตานํ ยาจกานํ อกฺโกสกโรสกานมฺปิ อปวิทฺธํ ทานํ เทติ, อฺทตฺถุ ปสนฺนจิตฺโต อนุกมฺปนฺโต สกฺกจฺจเมว เทติ, น จ โกตูหลมงฺคลิโก หุตฺวา เทติ, กมฺมผลเมว ปน สทฺทหนฺโต เทติ, นปิ ยาจเก ปยิรุปาสนาทีหิ ปริกิเลเสตฺวา เทติ, อปริกิเลสนฺโต เอว ปน เทติ, น จ ปเรสํ วฺจนาธิปฺปาโย เภทนาธิปฺปาโย วา ทานํ เทติ, อสํกิลิฏฺจิตฺโต เอว เทติ, นปิ ผรุสวาโจ ภากุฏิมุโข ทานํ เทติ, ปิยวาที ปน ปุพฺพภาสี มิตวจโน หุตฺวา เทติ ¶ , ยสฺมิฺจ เทยฺยธมฺเม อุฬารมนฺุตาย วา จิรปริจเยน วา เคธสภาวตาย วา โลภธมฺโม อธิมตฺโต โหติ, ชานนฺโต โพธิสตฺโต ตํ ขิปฺปเมว ปฏิวิโนเทตฺวา ยาจเก ปริเยสิตฺวาปิ เทติ, ยฺจ เทยฺยวตฺถุ ปริตฺตํ ยาจโกปิ ปจฺจุปฏฺิโต, ตํ อจินฺเตตฺวาปิ อตฺตานํ พาเธตฺวา เทนฺโต ยาจกํ สมฺมาเนติ ยถา ตํ อกิตฺติปณฺฑิโต. น จ มหาปุริโส อตฺตโน ปุตฺตทารทาสกมฺมกรโปริเส ยาจิโต เต อสฺาปิเต โทมนสฺสปฺปตฺเต ยาจกานํ เทติ, สมฺมเทว ปน สฺาปิเต โสมนสฺสปฺปตฺเต เทติ. เทนฺโต จ ยกฺขรกฺขสปิสาจาทีนํ วา มนุสฺสานํ กุรูรกมฺมนฺตานํ วา ชานนฺโต น เทติ, ตถา รชฺชมฺปิ ตาทิสานํ น เทติ. เย โลกสฺส อหิตาย ทุกฺขาย อนตฺถาย ปฏิปชฺชนฺติ, เย ปน ธมฺมิกา ธมฺเมน โลกํ ปาเลนฺติ, เตสํ เทติ. เอวํ ตาว พาหิรทาเน ปฏิปตฺติ เวทิตพฺพา.
อชฺฌตฺติกทานํ ¶ ปน ทฺวีหิ อากาเรหิ เวทิตพฺพํ. กถํ? ยถา นาม โกจิ ปุริโส ฆาสจฺฉาทนเหตุ อตฺตานํ ปรสฺส นิสฺสชฺชติ, วิเธยฺยภาวํ อุปคจฺฉติ ทาสพฺยํ, เอวเมว มหาปุริโส สมฺโพธิเหตุ นิรามิสจิตฺโต สตฺตานํ อนุตฺตรํ หิตสุขํ อิจฺฉนฺโต อตฺตโน ทานปารมึ ปริปูเรตุกาโม อตฺตานํ ปรสฺส นิสฺสชฺชติ, วิเธยฺยภาวํ อุปคจฺฉติ ยถากามกรณียตํ. กรจรณนยนาทิองฺคปจฺจงฺคํ เตน เตน อตฺถิกานํ อกมฺปิโต อโนลีโน อนุปฺปเทติ, น ตตฺถ สชฺชติ น สงฺโกจํ อาปชฺชติ ยถา ตํ พาหิรวตฺถุสฺมึ, ตถา หิ มหาปุริโส ทฺวีหิ อากาเรหิ พาหิรวตฺถุํ ปริจฺจชติ ยถาสุขํ ปริโภคาย วา ยาจกานํ เตสํ มโนรถํ ปริปูเรนฺโต, อตฺตโน วสีภาวาย วา, ตตฺถ ¶ สพฺเพน สพฺพํ มุตฺตจาโค, เอวมหํ นิสฺสงฺคภาวนาย สมฺโพธึ ปาปุณิสฺสามีติ. เอวํ อชฺฌตฺติกวตฺถุสฺมินฺติ เวทิตพฺพํ.
ตตฺถ ยํ อชฺฌตฺติกวตฺถุ ทียมานํ ยาจกสฺส เอกนฺเตเนว หิตาย สํวตฺตติ, ตํ เทติ, น อิตรํ. น จ มหาปุริโส มารสฺส มารกายิกานํ เทวตานํ วา วิหึสาธิปฺปายานํ อตฺตโน อตฺตภาวํ องฺคปจฺจงฺคานิ วา ชานมาโน เทติ ‘‘มา เตสํ อนตฺโถ อโหสี’’ติ. ยถา จ มารกายิกานํ, เอวํ เตหิ อนฺวาวิฏฺานมฺปิ น เทติ, นปิ อุมฺมตฺตกานํ. อิตเรสํ ปน ยาจิยมาโน สมนนฺตรเมว เทติ, ตาทิสาย ยาจนาย ทุลฺลภภาวโต ตาทิสสฺส จ ทานสฺส ทุกฺกรภาวโต.
อภยทานํ ปน ราชโต โจรโต อคฺคิโต อุทกโต เวริปุคฺคลโต สีหพฺยคฺฆาทิวาฬมิคโต นาคยกฺขรกฺขสปิสาจาทิโต สตฺตานํ ภเย ปจฺจุปฏฺิเต ตโต ปริตฺตาณภาเวน เวทิตพฺพํ.
ธมฺมทานํ ¶ ปน อสํกิลิฏฺจิตฺตสฺส อวิปรีตา ธมฺมเทสนา, โอปายิโก หิตสฺส อุปเทโส ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺถวเสน เยน สาสเน อโนติณฺณานํ อวตารณํ โอติณฺณานํ ปริปาจนํ. ตตฺถายํ นโย – สงฺเขปโต ตาว ทานกถา สีลกถา สคฺคกถา กามานํ อาทีนโว สํกิเลโส จ เนกฺขมฺเม อานิสํโส. วิตฺถารโต ปน สาวกโพธิยํ อธิมุตฺตจิตฺตานํ สรณคมนํ สีลสํวโร อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารตา โภชเน มตฺตฺุตา ชาคริยานุโยโค สตฺต สทฺธมฺมา อฏฺตึสาย อารมฺมเณสุ กมฺมกรณวเสน สมถานุโยโค ¶ รูปกายาทีสุ วิปสฺสนาภินิเวเสสุ ยถารหํ อภินิเวสมุเขน วิปสฺสนานุโยโค, ตถา วิสุทฺธิปฏิปทา สมฺมตฺตคหณํ ติสฺโส วิชฺชา ฉ อภิฺา จตสฺโส ปฏิสมฺภิทา สาวกโพธีติ เอเตสํ คุณสํกิตฺตนวเสน ยถารหํ ตตฺถ ตตฺถ ปติฏฺาปนา ปริโยทปนา จ. ตถา ปจฺเจกโพธิยํ สมฺมาสมฺโพธิยฺจ อธิมุตฺตานํ สตฺตานํ ยถารหํ ทานาทิปารมีนํ สภาวรสลกฺขณาทิสํกิตฺตนมุเขน ตีสุปิ อวตฺถาสุ เตสํ พุทฺธานํ มหานุภาวตาวิภาวเนน ยานทฺวเย ปติฏฺาปนา ปริโยทปนา จ. เอวํ มหาปุริโส สตฺตานํ ธมฺมทานํ เทติ.
ตถา ¶ มหาปุริโส สตฺตานํ อามิสทานํ เทนฺโต ‘‘อิมินาหํ ทาเนน สตฺตานํ อายุวณฺณสุขพลปฏิภานาทิสมฺปตฺติฺจ รมณียํ อคฺคผลสมฺปตฺติฺจ นิปฺผาเทยฺย’’นฺติ อนฺนทานํ เทติ, ตถา สตฺตานํ กามกิเลสปิปาสาวูปสมาย ปานํ เทติ, ตถา สุวณฺณวณฺณตาย หิโรตฺตปฺปาลงฺการสฺส จ นิปฺผตฺติยา วตฺถานิ เทติ, ตถา อิทฺธิวิธสฺส เจว นิพฺพานสุขสฺส จ นิปฺผตฺติยา ยานํ เทติ, ตถา สีลคนฺธนิปฺผตฺติยา คนฺธํ เทติ, ตถา พุทฺธคุณโสภานิปฺผตฺติยา มาลาวิเลปนํ เทติ, โพธิมณฺฑาสนนิปฺผตฺติยา อาสนํ เทติ, ตถาคตเสยฺยานิปฺผตฺติยา เสยฺยํ เทติ, สรณภาวนิปฺผตฺติยา อาวสถํ เทติ, ปฺจจกฺขุปฏิลาภาย ปทีเปยฺยํ เทติ, พฺยามปฺปภานิปฺผตฺติยา รูปทานํ เทติ, พฺรหฺมสฺสรนิปฺผตฺติยา สทฺททานํ เทติ, สพฺพโลกสฺส ปิยภาวาย รสทานํ เทติ, พุทฺธสุขุมาลภาวาย โผฏฺพฺพทานํ เทติ, อชรามรภาวาย เภสชฺชทานํ เทติ, กิเลสทาสพฺยวิโมจนตฺถํ ทาสานํ ภุชิสฺสตาทานํ เทติ, สทฺธมฺมาภิรติยา อนวชฺชขิฑฺฑารติเหตุทานํ เทติ, สพฺเพปิ สตฺเต อริยาย ชาติยา อตฺตโน ปุตฺตภาวูปนยนาย ปุตฺตทานํ เทติ, สกลสฺสปิ โลกสฺส ปติภาวูปคมนาย ทารทานํ เทติ, สุภลกฺขณสมฺปตฺติยา สุวณฺณมณิมุตฺตาปวาฬาทิทานํ, อนุพฺยฺชนสมฺปตฺติยา นานาวิธวิภูสนทานํ, สทฺธมฺมโกสาธิคมาย วิตฺตโกสทานํ, ธมฺมราชภาวาย รชฺชทานํ, ฌานาทิสมฺปตฺติยา อารามุยฺยานตฬากวนทานํ, จกฺกงฺกิเตหิ ปาเทหิ โพธิมณฺฑูปสงฺกมนาย จรณทานํ, จตุโรฆนิตฺถรณาย สตฺตานํ สทฺธมฺมหตฺถทานตฺถํ หตฺถทานํ, สทฺธินฺทฺริยาทิปฏิลาภาย ¶ กณฺณนาสาทิทานํ, สมนฺตจกฺขุปฏิลาภาย จกฺขุทานํ, ‘‘ทสฺสนสวนานุสฺสรณปาริจริยาทีสุ สพฺพกาลํ ¶ สพฺพสตฺตานํ หิตสุขาวโห, สพฺพโลเกน จ อุปชีวิตพฺโพ เม กาโย ภเวยฺยา’’ติ มํสโลหิตาทิทานํ, ‘‘สพฺพโลกุตฺตโม ภเวยฺย’’นฺติ อุตฺตมงฺคทานํ เทติ.
เอวํ ททนฺโต จ น อเนสนาย เทติ, น จ ปโรปฆาเตน, น ภเยน, น ลชฺชาย, น ทกฺขิเณยฺยโรสเนน, น ปณีเต สติ ลูขํ, น อตฺตุกฺกํสเนน, น ปรวมฺภเนน, น ผลาภิสงฺขาย, น ยาจกชิคุจฺฉาย, น อจิตฺตีกาเรน เทติ, อถ โข สกฺกจฺจํ เทติ, สหตฺเถน เทติ, กาเลน เทติ, จิตฺตีกตฺวา เทติ, อวิภาเคน เทติ. ตีสุ กาเลสุ โสมนสฺสิโต เทติ, ตโต ¶ เอว จ ทตฺวา น ปจฺฉานุตาปี โหติ. น ปฏิคฺคาหกวเสน มานาวมานํ กโรติ, ปฏิคฺคาหกานํ ปิยสมุทาจาโร โหติ วทฺู ยาจโยโค สปริวารทายโก. อนฺนทานฺหิ เทนฺโต ‘‘ตํ สปริวารํ กตฺวา ทสฺสามี’’ติ วตฺถาทีหิ สทฺธึ เทติ. ตถา วตฺถทานํ เทนฺโต ‘‘ตํ สปริวารํ กตฺวา ทสฺสามี’’ติ อนฺนาทีหิ สทฺธึ เทติ. ยานทานาทีสุปิ เอเสว นโย.
ตถา รูปทานํ เทนฺโต อิตรารมฺมณานิปิ ตสฺส ปริวารํ กตฺวา เทติ, เอวํ เสเสสุปิ. ตตฺถ รูปทานํ นาม นีลปีตโลหิตโอทาตาทิวณฺณาสุ ปุปฺผวตฺถธาตูสุ อฺตรํ ลภิตฺวา รูปวเสน อาภุชิตฺวา ‘‘รูปทานํ ทสฺสามิ, รูปทานํ มยฺห’’นฺติ จินฺเตตฺวา ตาทิเส ทกฺขิเณยฺเย ทานํ ปติฏฺาเปติ สวตฺถุกํ กตฺวา. เอตํ รูปทานํ นาม.
สทฺททานํ ปน เภริสทฺทาทิวเสน เวทิตพฺพํ. ตตฺถ สทฺทํ กนฺทมูลานิ วิย อุปฺปาเฏตฺวา นีลุปฺปลหตฺถกํ วิย จ หตฺเถ เปตฺวา ทาตุํ น สกฺกา, สวตฺถุกํ ปน กตฺวา เทนฺโต สทฺททานํ เทติ นาม. ตสฺมา ยทา ‘‘สทฺททานํ ทสฺสามี’’ติ เภริมุทิงฺคาทีสุ อฺตเรน ตูริเยน ติณฺณํ รตนานํ อุปหารํ กโรติ กาเรติ จ, ‘‘สทฺททานํ เม’’ติ เภริอาทีนิ เปติ ปาเปติ จ. ธมฺมกถิกานํ ปน สรเภสชฺชํ เตลผาณิตาทึ เทติ, ธมฺมสฺสวนํ โฆเสติ, สรภฺํ ภณติ, ธมฺมกถํ กเถติ, อุปนิสินฺนกกถํ ¶ อนุโมทนกถฺจ กโรติ กาเรติ จ, ตทา สทฺททานํ นาม โหติ.
ตถา คนฺธทานํ มูลคนฺธาทีสุ อฺตรํ รชนียํ คนฺธวตฺถุํ ปึสิตเมว วา คนฺธํ ยํกิฺจิ ลภิตฺวา คนฺธวเสน อาภุชิตฺวา ‘‘คนฺธทานํ ทสฺสามิ, คนฺธทานํ มยฺห’’นฺติ พุทฺธรตนาทีนํ ปูชํ กโรติ กาเรติ จ, คนฺธปูชนตฺถาย อครุจนฺทนาทิเก คนฺธวตฺถุเก ปริจฺจชติ. อิทํ คนฺธทานํ.
ตถา ¶ มูลรสาทีสุ ยํกิฺจิ รชนียํ รสวตฺถุํ ลภิตฺวา รสวเสน อาภุชิตฺวา ‘‘รสทานํ ทสฺสามิ, รสทานํ มยฺห’’นฺติ ทกฺขิเณยฺยานํ เทติ, รสวตฺถุเมว วา ธฺควาทิกํ ปริจฺจชติ. อิทํ รสทานํ.
ตถา โผฏฺพฺพทานํ มฺจปีาทิวเสน อตฺถรณปาวุรณาทิวเสน จ เวทิตพฺพํ. ยทา หิ มฺจปีภิสิพิมฺโพหนาทิกํ นิวาสนปารุปนาทิกํ วา สุขสมฺผสฺสํ ¶ รชนียํ อนวชฺชํ โผฏฺพฺพวตฺถุํ ลภิตฺวา โผฏฺพฺพวเสน อาภุชิตฺวา ‘‘โผฏฺพฺพทานํ ทสฺสามิ, โผฏฺพฺพทานํ มยฺห’’นฺติ ทกฺขิเณยฺยานํ เทติ. ยถาวุตฺตํ โผฏฺพฺพวตฺถุํ ลภิตฺวา ปริจฺจชติ, อิทํ โผฏฺพฺพทานํ.
ธมฺมทานํ ปน ธมฺมารมฺมณสฺส อธิปฺเปตตฺตา โอชปานชีวิตวเสน เวทิตพฺพํ. โอชาทีสุ หิ อฺตรํ รชนียํ วตฺถุํ ลภิตฺวา ธมฺมารมฺมณวเสน อาภุชิตฺวา ‘‘ธมฺมทานํ ทสฺสามิ, ธมฺมทานํ มยฺห’’นฺติ สปฺปินวนีตาทิโอชทานํ เทติ. อมฺพปานาทิอฏฺวิธปานทานํ เทติ, ชีวิตทานนฺติ อาภุชิตฺวา สลากภตฺตปกฺขิกภตฺตาทีนิ เทติ, อผาสุกภาเวน อภิภูตานํ พฺยาธิตานํ เวชฺเช ปจฺจุปฏฺาเปติ, ชาลํ ผาลาเปติ, กุมินํ วิทฺธํสาเปติ, สกุณปฺชรํ วิทฺธํสาเปติ, พนฺธเนน พทฺธานํ สตฺตานํ พนฺธนโมกฺขํ กาเรติ, มาฆาตเภรึ จราเปติ, อฺานิ จ สตฺตานํ ชีวิตปริตฺตาณตฺถํ เอวรูปานิ กมฺมานิ กโรติ การาเปติ จ. อิทํ ธมฺมทานํ นาม.
สพฺพเมตํ ยถาวุตฺตํ ทานสมฺปทํ สกลโลกหิตสุขาย ปริณาเมติ. อตฺตโน จ สมฺมาสมฺโพธิยา อกุปฺปาย วิมุตฺติยา อปริกฺขยสฺส ฉนฺทสฺส อปริกฺขยสฺส วีริยสฺส อปริกฺขยสฺส สมาธิสฺส อปริกฺขยสฺส ปฏิภานสฺส อปริกฺขยสฺส าณสฺส อปริกฺขยาย วิมุตฺติยา ปริณาเมติ ¶ . อิมฺจ ทานปารมึ ปฏิปชฺชนฺเตน มหาสตฺเตน ชีวิเต อนิจฺจสฺา ปจฺจุปฏฺาเปตพฺพา ตถา โภเคสุ, พหุสาธารณตา จ เนสํ มนสิกาตพฺพา, สตฺเตสุ จ มหากรุณา สตตํ สมิตํ ปจฺจุปฏฺาเปตพฺพา. เอวฺหิ โภเค คเหตพฺพสารํ คณฺหนฺโต อาทิตฺตโต วิย อคารโต สพฺพํ สาปเตยฺยํ อตฺตานฺจ พหิ นีหรนฺโต น กิฺจิ เสเสติ, น กตฺถจิ วิภาคํ กโรติ, อฺทตฺถุ นิรเปกฺโข นิสฺสชฺชติ เอว. อยํ ตาว ทานปารมิยา ปฏิปตฺติกฺกโม.
สีลปารมิยา ปน อยํ ปฏิปตฺติกฺกโม – ยสฺมา สพฺพฺุสีลาลงฺกาเรหิ สตฺเต อลงฺกริตุกาเมน มหาปุริเสน อาทิโต อตฺตโน เอว ตาว สีลํ วิโสเธตพฺพํ. ตตฺถ จ จตูหิ อากาเรหิ ¶ สีลํ วิสุชฺฌติ – อชฺฌาสยวิสุทฺธิโต, สมาทานโต, อวีติกฺกมนโต, สติ จ วีติกฺกเม ปุน ปฏิปากติกกรณโต. วิสุทฺธาสยตาย หิ เอกจฺโจ ¶ อตฺตาธิปติ หุตฺวา ปาปชิคุจฺฉนสภาโว อชฺฌตฺตํ หิริธมฺมํ ปจฺจุปฏฺาเปตฺวา สุปริสุทฺธสมาจาโร โหติ. ตถา ปรโต สมาทาเน สติ เอกจฺโจ โลกาธิปติ หุตฺวา ปาปโต อุตฺตสนฺโต โอตฺตปฺปธมฺมํ ปจฺจุปฏฺาเปตฺวา สุปริสุทฺธสมาจาโร โหติ. อิติ อุภยถาปิ เอเต อวีติกฺกมนโต สีเล ปติฏฺหนฺติ. อถ ปน กทาจิ สติสมฺโมเสน สีลสฺส ขณฺฑาทิภาโว สิยา. ตายเยว ยถาวุตฺตาย หิโรตฺตปฺปสมฺปตฺติยา ขิปฺปเมว นํ วุฏฺานาทินา ปฏิปากติกํ กโรติ.
ตยิทํ สีลํ วาริตฺตํ, จาริตฺตนฺติ ทุวิธํ. ตตฺถายํ โพธิสตฺตสฺส วาริตฺตสีเล ปฏิปตฺติกฺกโม – สพฺพสตฺเตสุ ตถา ทยาปนฺนจิตฺเตน ภวิตพฺพํ, ยถา สุปินนฺเตนปิ น อาฆาโต อุปฺปชฺเชยฺย. ปรูปการนิรตตาย ปรสนฺตโก อลคทฺโท วิย น ปรามสิตพฺโพ. สเจ ปพฺพชิโต โหติ, อพฺรหฺมจริยโตปิ อาราจารี โหติ สตฺตวิธเมถุนสํโยควิรหิโต, ปเคว ปรทารคมนโต. สเจ ปน อปพฺพชิโต คหฏฺโ สมาโน ปเรสํ ทาเรสุ สทา ปาปกํ จิตฺตมฺปิ น อุปฺปาเทติ. กเถนฺโต จ สจฺจํ หิตํ ปิยํ วจนํ ปริมิตเมว จ กาเลน ธมฺมึ กถํ ภาสิตา โหติ, สพฺพตฺถ อนภิชฺฌาลุ อพฺยาปนฺนจิตฺโต อวิปรีตทสฺสโน กมฺมสฺสกตาเณน จ สมนฺนาคโต สมฺมคฺคเตสุ สมฺมาปฏิปนฺเนสุ นิวิฏฺสทฺโธ ¶ โหติ นิวิฏฺเปโม.
อิติ จตุราปายวฏฺฏทุกฺขานํ ปถภูเตหิ อกุสลกมฺมปเถหิ อกุสลธมฺเมหิ จ โอรมิตฺวา สคฺคโมกฺขานํ ปถภูเตสุ กุสลกมฺมปเถสุ ปติฏฺิตสฺส มหาปุริสสฺส ปริสุทฺธาสยปโยคตาย ยถาภิปตฺถิตา สตฺตานํ หิตสุขูปสํหิตา มโนรถา สีฆํ สีฆํ อภินิปฺผชฺชนฺติ, ปารมิโย ปริปูเรนฺติ. เอวํภูโต หิ อยํ. ตตฺถ หึสานิวตฺติยา สพฺพสตฺตานํ อภยทานํ เทติ, อปฺปกสิเรเนว เมตฺตาภาวนํ สมฺปาเทติ, เอกาทส เมตฺตานิสํเส อธิคจฺฉติ, อปฺปาพาโธ โหติ อปฺปาตงฺโก, ทีฆายุโก สุขพหุโล ลกฺขณวิเสเส ปาปุณาติ, โทสวาสนฺจ สมุจฺฉินฺทติ.
ตถา อทินฺนาทานนิวตฺติยา โจราทีหิ อสาธารเณ โภเค อธิคจฺฉติ. ปเรหิ อนาสงฺกนีโย ปิโย มนาโป วิสฺสสนีโย วิภวสมฺปตฺตีสุ อลคฺคจิตฺโต ปริจฺจาคสีโล โลภวาสนฺจ สมุจฺฉินฺทติ.
อพฺรหฺมจริยนิวตฺติยา ¶ อโลโล โหติ สนฺตกายจิตฺโต, สตฺตานํ ปิโย โหติ มนาโป อปริสงฺกนีโย ¶ , กลฺยาโณ จสฺส กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉติ, อลคฺคจิตฺโต โหติ มาตุคาเมสุ อลุทฺธาสโย, เนกฺขมฺมพหุโล ลกฺขณวิเสเส อธิคจฺฉติ, โลภวาสนฺจ สมุจฺฉินฺทติ.
มุสาวาทนิวตฺติยา สตฺตานํ ปมาณภูโต โหติ ปจฺจยิโก เถโต อาเทยฺยวจโน, เทวตานํ ปิโย มนาโป, สุรภิคนฺธมุโข อารกฺขิตกายวจีสมาจาโร, ลกฺขณวิเสเส จ อธิคจฺฉติ, กิเลสวาสนฺจ สมุจฺฉินฺทติ.
เปสฺุนิวตฺติยา ปรูปกฺกเมหิปิ อเภชฺชกาโย โหติ อเภชฺชปริวาโร, สทฺธมฺเมสุ จ อเภชฺชนกสทฺโธ, ทฬฺหมิตฺโต ภวนฺตรปริจิตานํ วิย สตฺตานํ เอกนฺตปิโย อสํกิเลสพหุโล.
ผรุสวาจานิวตฺติยา สตฺตานํ ปิโย โหติ มนาโป สุขสีโล มธุรวจโน สมฺภาวนีโย, อฏฺงฺคสมนฺนาคโต จสฺส สโร นิพฺพตฺตติ.
สมฺผปฺปลาปนิวตฺติยา สตฺตานํ ปิโย โหติ มนาโป ครุ ภาวนีโย จ อาเทยฺยวจโน ปริมิตาลาโป. มเหสกฺโข จ โหติ มหานุภาโว, านุปฺปตฺติเกน ปฏิภาเนน ปฺหานํ พฺยากรณกุสโล, พุทฺธภูมิยฺจ เอกาย เอว วาจาย อเนกภาสานํ สตฺตานํ อเนเกสํ ปฺหานํ พฺยากรณสมตฺโถ โหติ.
อนภิชฺฌาลุตาย อิจฺฉิตลาภี โหติ, อุฬาเรสุ จ โภเคสุ รุจึ ปฏิลภติ, ขตฺติยมหาสาลาทีนํ ¶ สมฺมโต โหติ, ปจฺจตฺถิเกหิ อนภิภวนีโย, อินฺทฺริยเวกลฺลํ น ปาปุณาติ, อปฺปฏิปุคฺคโล จ โหติ.
อพฺยาปาเทน ปิยทสฺสโน โหติ, สตฺตานํ สมฺภาวนีโย ปรหิตาภินนฺทิตาย จ สตฺเต อปฺปกสิเรเนว ปสาเทติ, อลูขสภาโว จ โหติ เมตฺตาวิหารี, มเหสกฺโข จ โหติ มหานุภาโว.
มิจฺฉาทสฺสนาภาเวน กลฺยาเณ สหาเย ปฏิลภติ, สีสจฺเฉทมฺปิ ปาปุณนฺโต ปาปกมฺมํ น กโรติ, กมฺมสฺสกตาทสฺสนโต อโกตูหลมงฺคลิโก จ โหติ, สทฺธมฺเม จสฺส สทฺธา ปติฏฺิตา โหติ มูลชาตา, สทฺทหติ จ ตถาคตานํ โพธึ, สมยนฺตเรสุ นาภิรมติ อุกฺการฏฺาเน ¶ วิย ราชหํโส ¶ , ลกฺขณตฺตยปริชานนกุสโล โหติ, อนฺเต จ อนาวรณาณลาภี, ยาว โพธึ น ปาปุณาติ, ตาว ตสฺมึ ตสฺมึ สตฺตนิกาเย อุกฺกฏฺุกฺกฏฺโ จ โหติ, อุฬารุฬารา สมฺปตฺติโย ปาปุณาติ. อิติ หิทํ สีลํ นาม สพฺพสมฺปตฺตีนํ อธิฏฺานํ, สพฺพพุทฺธคุณานํ ปภวภูมิ, สพฺพพุทฺธการกธมฺมานํ อาทิ จรณํ มุขํ ปมุขนฺติ พหุมานนํ อุปฺปาเทตฺวา กายวจีสํยเม อินฺทฺริยทมเน อาชีววิสุทฺธิยํ ปจฺจยปริโภเคสุ จ สติสมฺปชฺพเลน อปฺปมตฺเตน ลาภสกฺการสิโลกํ มิตฺตมุขปจฺจตฺถิกํ วิย สลฺลกฺเขตฺวา ‘‘กิกีว อณฺฑ’’นฺติอาทินา (วิสุทฺธิ. ๑.๑๙; ที. นิ. อฏฺ. ๑.๗) วุตฺตนเยน สกฺกจฺจํ สีลํ สมฺปาเทตพฺพํ. อยํ ตาว วาริตฺตสีเล ปฏิปตฺติกฺกโม.
จาริตฺตสีเล ปน ปฏิปตฺติ เอวํ เวทิตพฺพา – อิธ โพธิสตฺโต กลฺยาณมิตฺตานํ ครุฏฺานิยานํ อภิวาทนํ ปจฺจุฏฺานํ อฺชลิกมฺมํ สามีจิกมฺมํ กาเลน กาลํ กตฺตา โหติ, ตถา เตสํ กาเลน กาลํ อุปฏฺานํ กตฺตา โหติ, คิลานานํ กายเวยฺยาวฏิกํ. สุภาสิตปทานิ สุตฺวา สาธุการํ กตฺตา โหติ, คุณวนฺตานํ คุเณ วณฺเณตา ปเรสํ อปกาเร ขนฺตา, อุปกาเร อนุสฺสริตา, ปฺุานิ อนุโมทิตา, อตฺตโน ปฺุานิ สมฺมาสมฺโพธิยา ปริณาเมตา, สพฺพกาลํ อปฺปมาทวิหารี กุสเลสุ ธมฺเมสุ, สติ จ อจฺจเย อจฺจยโต ทิสฺวา ตาทิสานํ สหธมฺมิกานํ ยถาภูตํ อาวิกตฺตา, อุตฺตริ จ สมฺมาปฏิปตฺตึ สมฺมเทว ปริปูเรตา.
ตถา อตฺตโน อนุรูปาสุ อตฺถูปสํหิตาสุ สตฺตานํ อิติกตฺตพฺพตาสุ ทกฺโข อนลโส สหายภาวํ อุปคจฺฉติ. อุปฺปนฺเนสุ จ สตฺตานํ พฺยาธิอาทิทุกฺเขสุ ยถารหํ ¶ ปติการวิธายโก. าติโภคาทิพฺยสนปติเตสุ โสกาปโนทโน อุลฺลุมฺปนสภาวาวฏฺิโต หุตฺวา นิคฺคหารหานํ ธมฺเมเนว นิคฺคณฺหนโก ยาวเทว อกุสลา วุฏฺาเปตฺวา กุสเล ปติฏฺาปนาย. ปคฺคหารหานํ ธมฺเมเนว ปคฺคณฺหนโก. ยานิ ปุริมกานํ มหาโพธิสตฺตานํ อุฬารตมานิ ปรมทุกฺกรานิ อจินฺเตยฺยานุภาวานิ สตฺตานํ เอกนฺตหิตสุขาวหานิ จริตานิ, เยหิ เนสํ โพธิสมฺภารา สมฺมเทว ปริปากํ อคมํสุ, ตานิ สุตฺวา อนุพฺพิคฺโค อนุตฺราโส เตปิ ¶ มหาปุริสา มนุสฺสา เอว, กเมน ปน สิกฺขาปาริปูริยา ภาวิตตฺตภาวา ตาทิสาย อุฬารตมาย อานุภาวสมฺปตฺติยา โพธิสมฺภาเรสุ อุกฺกํสปารมิปฺปตฺตา อเหสุํ, ตสฺมา มยาปิ สีลาทิสิกฺขาสุ สมฺมเทว ตถา ปฏิปชฺชิตพฺพํ, ยาย ปฏิปตฺติยา อหมฺปิ อนุกฺกเมน สิกฺขํ ปริปูเรตฺวา เอกนฺตโต ตํ ปทํ อนุปาปุณิสฺสามีติ สทฺธาปุเรจาริกํ วีริยํ อวิสฺสชฺเชนฺโต สมฺมเทว สีเลสุ ปริปูรการี โหติ.
ตถา ¶ ปฏิจฺฉนฺนกลฺยาโณ โหติ วิวฏาปราโธ, อปฺปิจฺโฉ สนฺตุฏฺโ ปวิวิตฺโต อสํสฏฺโ ทุกฺขสโห อปริตสฺสนชาติโก อนุทฺธโต อนุนฺนโฬ อจปโล อมุขโร อวิกิณฺณวาโจ สนฺตินฺทฺริโย สนฺตมานโส กุหนาทิมิจฺฉาชีวรหิโต อาจารโคจรสมฺปนฺโน อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสาวี สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุ อารทฺธวีริโย ปหิตตฺโต กาเย จ ชีวิเต จ นิรเปกฺโข, อปฺปมตฺตกมฺปิ กาเย ชีวิเต วา อเปกฺขํ นาธิวาเสติ ปชหติ วิโนเทติ, ปเคว อธิมตฺตํ. สพฺเพปิ ทุสฺสีลฺยเหตุภูเต โกธูปนาหาทิเก อุปกฺกิเลเส ปชหติ วิโนเทติ. อปฺปมตฺตเกน จ วิเสสาธิคเมน อปริตุฏฺโ โหติ, น สงฺโกจํ อาปชฺชติ, อุปรูปริ วิเสสาธิคมาย วายมติ.
เยน ยถาลทฺธา สมฺปตฺติ หานภาคิยา วา ิติภาคิยา วา น โหติ, ตถา มหาปุริโส อนฺธานํ ปริณายโก โหติ, มคฺคํ อาจิกฺขติ, พธิรานํ หตฺถมุทฺทาย สฺํ เทติ, อตฺถมนุคฺคาเหติ, ตถา มูคานํ. ปีสปฺปิกานํ ปีํ เทติ ยานํ เทติ วาเหติ วา. อสฺสทฺธานํ สทฺธาปฏิลาภาย วายมติ, กุสีตานํ อุสฺสาหชนนาย, มุฏฺสฺสตีนํ สติสมาโยคาย, วิพฺภนฺตจิตฺตานํ สมาธิสมฺปทาย, ทุปฺปฺานํ ปฺาธิคมาย วายมติ. กามจฺฉนฺทปริยุฏฺิตานํ ¶ กามจฺฉนฺทปฏิวิโนทนาย วายมติ. พฺยาปาทถินมิทฺธอุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจวิจิกิจฺฉาปริยุฏฺิตานํ วิจิกิจฺฉาวิโนทนาย วายมติ. กามวิตกฺกาทิอปกตานํ กามวิตกฺกาทิมิจฺฉาวิตกฺกวิโนทนาย วายมติ. ปุพฺพการีนํ สตฺตานํ กตฺุตํ นิสฺสาย ปุพฺพภาสี ปิยวาที สงฺคาหโก สทิเสน อธิเกน วา ปจฺจุปกาเรน สมฺมาเนตา โหติ.
อาปทาสุ ¶ สหายกิจฺจํ อนุติฏฺติ. เตสํ เตสฺจ สตฺตานํ ปกติสภาวฺจ ปริชานิตฺวา เยหิ ยถา สํวสิตพฺพํ โหติ, เตหิ ตถา สํวสติ. เยสุ จ ยถา ปฏิปชฺชิตพฺพํ โหติ, เตสุ ตถา ปฏิปชฺชติ. ตฺจ โข อกุสลโต วุฏฺาเปตฺวา กุสเล ปติฏฺาปนวเสน, น อฺถา. ปรจิตฺตานุรกฺขณา หิ โพธิสตฺตานํ ยาวเทว กุสลาภิวฑฺฒิยา. ตถา หิตชฺฌาสเยนาปิ ปโร น หึสิตพฺโพ, น ภณฺฑิตพฺโพ, น มงฺกุภาวมาปาเทตพฺโพ, น ปรสฺส กุกฺกุจฺจํ อุปฺปาเทตพฺพํ, น นิคฺคหฏฺาเน น โจเทตพฺโพ, น นีจตรํ ปฏิปนฺนสฺส อตฺตา อุจฺจตเร เปตพฺโพ, น จ ปเรสุ สพฺเพน สพฺพํ อเสวินา ภวิตพฺพํ, น อติเสวินา ภวิตพฺพํ, น อกาลเสวินา.
เสวิตพฺพยุตฺเต ปน สตฺเต เทสกาลานุรูปํ เสวติ. น จ ปเรสํ ปุรโต ปิเย วิครหติ, อปฺปิเย ¶ วา ปสํสติ. น อวิสฺสฏฺวิสฺสาสี โหติ. น ธมฺมิกํ อุปนิมนฺตนํ ปฏิกฺขิปติ. น สฺตฺตึ อุปคจฺฉติ, นาธิกํ ปฏิคฺคณฺหาติ. สทฺธาสมฺปนฺเน สทฺธานิสํสกถาย สมฺปหํสติ. สีลสุตจาคปฺาสมฺปนฺเน ปฺาสมฺปนฺนกถาย สมฺปหํสติ. สเจ ปน โพธิสตฺโต อภิฺาพลปฺปตฺโต โหติ, ปมาทาปนฺเน สตฺเต อภิฺาพเลน ยถารหํ นิรยาทิเก ทสฺเสนฺโต สํเวเชตฺวา อสฺสทฺธาทิเก สทฺธาทีสุ ปติฏฺาเปติ. สาสเน โอตาเรติ. สทฺธาทิคุณสมฺปนฺเน ปริปาเจติ. เอวมยํ มหาปุริสสฺส จาริตฺตภูโต อปริมาโณ ปฺุาภิสนฺโท กุสลาภิสนฺโท อุปรูปริ อภิวฑฺฒตีติ เวทิตพฺพํ.
อปิ จ ยา สา ‘‘กึ สีลํ เกนฏฺเน สีล’’นฺติอาทินา ปุจฺฉํ กตฺวา ‘‘ปาณาติปาตาทีหิ วิรมนฺตสฺส วตฺตปฏิปตฺตึ วา ปูเรนฺตสฺส เจตนาทโย ธมฺมา สีล’’นฺติอาทินา นเยน นานปฺปการโต สีลสฺส วิตฺถารกถา วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๖ อาทโย) วุตฺตา, สา สพฺพาปิ อิธ อาหริตฺวา วตฺตพฺพา. เกวลฺหิ ¶ ตตฺถ สาวกโพธิสตฺตวเสน สีลกถา อาคตา, อิธ มหาโพธิสตฺตวเสน กรุณูปายโกสลฺลปุพฺพงฺคมํ กตฺวา วตฺตพฺพาติ อยเมว วิเสโส. ยโต อิทํ สีลํ มหาปุริโส ยถา น อตฺตโน ทุคฺคติยํ ปริกฺกิเลสวิมุตฺติยา สุคติยมฺปิ, น รชฺชสมฺปตฺติยา, น จกฺกวตฺติ, น เทว, น สกฺก, น มาร, น พฺรหฺมสมฺปตฺติยา ปริณาเมติ, ตถา น อตฺตโน เตวิชฺชตาย, น ฉฬภิฺตาย ¶ , น จตุปฺปฏิสมฺภิทาธิคมาย, น สาวกโพธิยา, น ปจฺเจกโพธิยา, ปริณาเมติ, อถ โข สพฺพฺุภาเวน สพฺพสตฺตานํ อนุตฺตรสีลาลงฺการสมฺปาทนตฺถเมว ปริณาเมตีติ. อยํ สีลปารมิยา ปฏิปตฺติกฺกโม.
ตถา ยสฺมา กรุณูปายโกสลฺลปริคฺคหิตา อาทีนวทสฺสนปุพฺพงฺคมา กาเมหิ จ ภเวหิ จ นิกฺขมนวเสน ปวตฺตา กุสลจิตฺตุปฺปตฺติ เนกฺขมฺมปารมี, ตสฺมา สกลสํกิเลสนิวาสนฏฺานตาย ปุตฺตทาราทีหิ มหาสมฺพาธตาย กสิวาณิชฺชาทินานาวิธกมฺมนฺตาธิฏฺานพฺยากุลตาย จ ฆราวาสสฺส เนกฺขมฺมสุขาทีนํ อโนกาสตํ, กามานฺจ สตฺถธาราลคฺคมธุพินฺทุ วิย จ อวลิยฺหมานา ปริตฺตสฺสาทา วิปุลานตฺถานุพนฺธาติ จ, วิชฺชุลโตภาเสน คเหตพฺพนจฺจํ วิย ปริตฺตกาลูปลพฺภา, อุมฺมตฺตกาลงฺกาโร วิย วิปรีตสฺาย อนุภวิตพฺพา, กรีสาวจฺฉาทนา วิย ปติการภูตา, อุทกเตมิตงฺคุลิยา ตนูทกปานํ วิย อติตฺติกรา, ฉาตชฺฌตฺตโภชนํ วิย สาพาธา, พฬิสามิสํ วิย พฺยสนสนฺนิปาตการณํ, อคฺคิสนฺตาโป วิย กาลตฺตเยปิ ทุกฺขุปฺปตฺติเหตุภูตา, มกฺกฏเลโป วิย พนฺธนิมิตฺตํ, ฆาตกาวจฺฉาทนา วิย อนตฺถจฺฉาทนา, สปตฺตคามวาโส วิย ภยฏฺานภูตา, ปจฺจตฺถิกโปสโก ¶ วิย กิเลสมาราทีนํ อามิสภูตา, ฉณสมฺปตฺติโย วิย วิปริณามทุกฺขา, โกฏรคฺคิ วิย อนฺโตทาหกา, ปุราณกูปาวลมฺพีพีรณมธุปิณฺฑํ วิย อเนกาทีนวา, โลณูทกปานํ วิย ปิปาสาเหตุภูตา, สุราเมรยํ วิย นีจชนเสวิตา, อปฺปสฺสาทตาย อฏฺิกงฺกลูปมาติอาทินา ¶ (ม. นิ. ๑.๒๓๔; ๒.๔๒; ปาจิ. ๔๑๗; มหานิ. ๓; จูฬนิ. ขคฺควิสาณสุตฺตนิทฺเทส ๑๔๗) จ นเยน อาทีนวํ สลฺลกฺเขตฺวา ตพฺพิปริยาเยน เนกฺขมฺเม อานิสํสํ ปสฺสนฺเตน เนกฺขมฺมปวิเวกอุปสมสุขาทีสุ นินฺนโปณปพฺภารจิตฺเตน เนกฺขมฺมปารมิยํ ปฏิปชฺชิตพฺพํ. ยสฺมา ปน เนกฺขมฺมํ ปพฺพชฺชามูลกํ, ตสฺมา ปพฺพชฺชา ตาว อนุฏฺาตพฺพา. ปพฺพชฺชมนุติฏฺนฺเตน จ มหาสตฺเตน อสติ พุทฺธุปฺปาเท กมฺมวาทีนํ กิริยวาทีนํ ตาปสปริพฺพาชกานํ ปพฺพชฺชา อนุฏฺาตพฺพา.
อุปฺปนฺเนสุ ปน สมฺมาสมฺพุทฺเธสุ เตสํ สาสเน เอว ปพฺพชิตพฺพํ. ปพฺพชิตฺวา จ ยถาวุตฺเต สีเล ปติฏฺิเตน ตสฺสา เอว หิ สีลปารมิยา โวทาปนตฺถํ ธุตคุณา สมาทาตพฺพา. สมาทินฺนธุตธมฺมา หิ มหาปุริสา สมฺมเทว เต ¶ ปริหรนฺตา อปฺปิจฺฉาสนฺตุฏฺาสลฺเลขปวิเวกอสํสคฺควีริยารมฺภสุภรตาทิ- คุณสลิลวิกฺขาลิตกิเลสมลตาย อนวชฺชสีลวตคุณปริสุทฺธสพฺพสมาจารา โปราเณ อริยวํสตฺตเย ปติฏฺิตา จตุตฺถํ ภาวนารามตาสงฺขาตํ อริยวํสํ อธิคนฺตุํ จตฺตารีสาย อารมฺมเณสุ ยถารหํ อุปจารปฺปนาเภทํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรนฺติ. เอวํ หิสฺส สมฺมเทว เนกฺขมฺมปารมี ปริปูริตา โหติ.
อิมสฺมึ ปน าเน เตรสหิ ธุตธมฺเมหิ สทฺธึ ทส กสิณานิ, ทส อสุภานิ, ทสานุสฺสติโย, จตฺตาโร พฺรหฺมวิหารา, จตฺตาโร อารุปฺปา, เอกา สฺา, เอกํ ววตฺถานนฺติ จตฺตารีสาย สมาธิภาวนาย กมฺมฏฺานานิ ภาวนาวิธานฺจ วิตฺถารโต วตฺตพฺพานิ. ตํ ปเนตํ สพฺพํ ยสฺมา วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๒๒ อาทโย, ๔๗, ๕๕) สพฺพาการโต วิตฺถาเรตฺวา วุตฺตํ, ตสฺมา ตตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. เกวลฺหิ ตตฺถ สาวกโพธิสตฺตสฺส วเสน วุตฺตํ, อิธ มหาโพธิสตฺตสฺส วเสน กรุณูปายโกสลฺลปุพฺพงฺคมํ กตฺวา วตฺตพฺพนฺติ อยเมว วิเสโสติ. เอวเมตฺถ เนกฺขมฺมปารมิยา ปฏิปตฺติกฺกโม เวทิตพฺโพ.
ตถา ปฺาปารมึ สมฺปาเทตุกาเมน ยสฺมา ปฺา อาโลโก วิย อนฺธกาเรน โมเหน สห น วตฺตติ, ตสฺมา โมหการณานิ ตาว โพธิสตฺเตน ปริวชฺเชตพฺพานิ. ตตฺถิมานิ ¶ โมหการณานิ – อรติ ตนฺทิ วิชมฺภิตา อาลสิยํ คณสงฺคณิการามตา นิทฺทาสีลตา อนิจฺฉยสีลตา าณสฺมึ อกุตูหลตา มิจฺฉาธิมาโน อปริปุจฺฉกตา กายสฺส น สมฺมาปริหาโร ¶ อสมาหิตจิตฺตตา ทุปฺปฺานํ ปุคฺคลานํ เสวนา ปฺวนฺตานํ อปยิรุปาสนา อตฺตปริภโว มิจฺฉาวิกปฺโป วิปรีตาภินิเวโส กายทฬฺหิพหุลตา อสํเวคสีลตา ปฺจ นีวรณานิ. สงฺเขปโต เย วา ปน ธมฺเม อาเสวโต อนุปฺปนฺนา ปฺา นุปฺปชฺชติ, อุปฺปนฺนา ปริหายติ. อิติ อิมานิ สมฺโมหการณานิ ปริวชฺเชนฺเตน พาหุสจฺเจ ฌานาทีสุ จ โยโค กรณีโย.
ตตฺถายํ พาหุสจฺจสฺส วิสยวิภาโค – ปฺจกฺขนฺธา ทฺวาทสายตนานิ อฏฺารส ธาตุโย จตฺตาริ สจฺจานิ พาวีสตินฺทฺริยานิ ทฺวาทสปทิโก ปฏิจฺจสมุปฺปาโท ตถา สติปฏฺานาทโย กุสลาทิธมฺมปฺปการเภทา จ, ยานิ จ โลเก อนวชฺชานิ วิชฺชาฏฺานานิ, เย จ สตฺตานํ หิตสุขวิธานโยคฺคา ¶ พฺยากรณวิเสสา, อิติ เอวํ ปการํ สกลเมว สุตวิสยํ อุปายโกสลฺลปุพฺพงฺคมาย ปฺาย สติยา วีริเยน จ สาธุกํ อุคฺคหณสวนธารณปริจยปริปุจฺฉาหิ โอคาเหตฺวา ตตฺถ จ ปเรสํ ปติฏฺาปเนน สุตมยา ปฺา นิพฺพตฺเตตพฺพา.
ตถา สตฺตานํ อิติกตฺตพฺพตาสุ านุปฺปตฺติกปฏิภานภูตา อายาปายอุปายโกสลฺลภูตา จ ปฺา หิเตสิตํ นิสฺสาย ตตฺถ ตตฺถ ยถารหํ ปวตฺเตตพฺพา. ตถา ขนฺธาทีนํ สภาวธมฺมานํ อาการปริวิตกฺกนมุเขน เต นิชฺฌานํ ขมาเปนฺเตน จินฺตามยา ปฺา นิพฺพตฺเตตพฺพา. ขนฺธาทีนํเยว ปน สลกฺขณสามฺลกฺขณปริคฺคหณวเสน โลกิยปริฺา นิพฺพตฺเตนฺเตน ปุพฺพภาคภาวนาปฺา สมฺปาเทตพฺพา. เอวฺหิ นามรูปมตฺตมิทํ ยถารหํ ปจฺจเยหิ อุปฺปชฺชติ เจว นิรุชฺฌติ จ, น เอตฺถ โกจิ กตฺตา วา กาเรตา วา, หุตฺวา อภาวฏฺเน อนิจฺจํ, อุทยพฺพยปฏิปีฬนฏฺเน ทุกฺขํ, อวสวตฺตนฏฺเน อนตฺตาติ อชฺฌตฺติกธมฺเม พาหิรกธมฺเม จ นิพฺพิเสสํ ปริชานนฺโต ตตฺถ อาสงฺคํ ปชหนฺโต ปเร จ ตตฺถ ตํ ชหาเปนฺโต เกวลํ กรุณาวเสเนว ยาว น พุทฺธคุณา ¶ หตฺถตลํ อาคจฺฉนฺติ, ตาว ยานตฺตเย สตฺเต อวตารณปริปาจเนหิ ปติฏฺเปนฺโต ฌานวิโมกฺขสมาธิสมาปตฺติโย อภิฺาโย จ โลกิยา วสีภาวํ ปาเปนฺโต ปฺาย มตฺถกํ ปาปุณาติ.
ตตฺถ ยา อิมา อิทฺธิวิธาณํ ทิพฺพโสตธาตุาณํ เจโตปริยาณํ ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณํ ทิพฺพจกฺขุาณํ ยถากมฺมุปคาณํ อนาคตํสาณนฺติ สปริภณฺฑา ปฺจโลกิยอภิฺาสงฺขาตา ภาวนาปฺา, ยา จ ขนฺธายตนธาตุอินฺทฺริยสจฺจปฏิจฺจสมุปฺปาทาทิเภเทสุ ภูมิภูเตสุ ธมฺเมสุ อุคฺคหปริปุจฺฉาวเสน าณปริจยํ กตฺวา สีลวิสุทฺธิจิตฺตวิสุทฺธีติ ¶ มูลภูตาสุ อิมาสุ ทฺวีสุ วิสุทฺธีสุ ปติฏฺาย ทิฏฺิวิสุทฺธิกงฺขาวิตรณวิสุทฺธิมคฺคามคฺคาณทสฺสนวิสุทฺธิ- ปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธิาณทสฺสนวิสุทฺธีติ สรีรภูตา อิมา ปฺจ วิสุทฺธิโย สมฺปาเทนฺเตน ภาเวตพฺพา โลกิยโลกุตฺตรเภทา ภาวนาปฺา, ตาสํ สมฺปาทนวิธานํ ยสฺมา ‘‘ตตฺถ เอโกปิ หุตฺวา พหุธา โหตีติอาทิกํ อิทฺธิวิกุพฺพนํ กาตุกาเมน อาทิกมฺมิเกน โยคินา’’ติอาทินา ‘‘ขนฺธาติ รูปกฺขนฺโธ เวทนากฺขนฺโธ สฺากฺขนฺโธ สงฺขารกฺขนฺโธ วิฺาณกฺขนฺโธ’’ติอาทินา จ วิสยวิภาเคน สทฺธึ ¶ วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๒.๔๓๐ อาทโย) สพฺพาการโต วิตฺถาเรตฺวา วุตฺตํ, ตสฺมา ตตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. เกวลฺหิ ตตฺถ สาวกโพธิสตฺตสฺส วเสน ปฺา อาคตา, อิธ มหาโพธิสตฺตสฺส วเสน กรุณูปายโกสลฺลปุพฺพงฺคมํ กตฺวา วตฺตพฺพา, าณทสฺสนวิสุทฺธึ อปาเปตฺวา ปฏิปทาาณทสฺสนวิสุทฺธิยํเยว วิปสฺสนา เปตพฺพาติ อยเมว วิเสโส. เอวเมตฺถ ปฺาปารมิยา ปฏิปตฺติกฺกโม เวทิตพฺโพ.
ตถา ยสฺมา สมฺมาสมฺโพธิยา กตาภินีหาเรน มหาสตฺเตน ปารมิปริปูรณตฺถํ สพฺพกาลํ ยุตฺตปฺปยุตฺเตน ภวิตพฺพํ อาพทฺธปริกรเณน, ตสฺมา กาเลน กาลํ ‘‘โก นุ โข อชฺช มยา ปฺุสมฺภาโร าณสมฺภาโร วา อุปจิโต, กึ วา มยา ปรหิตํ กต’’นฺติ ทิวเส ทิวเส ปจฺจเวกฺขนฺเตน สตฺตหิตตฺถํ อุสฺสาโห กรณีโย. สพฺเพสมฺปิ สตฺตานํ อุปการาย อตฺตโน ปริคฺคหภูตํ วตฺถุ กาเย ชีวิเต จ นิรเปกฺขจิตฺเตน โอสฺสชิตพฺพํ. ยํ กิฺจิ กมฺมํ กโรติ กาเยน วาจาย วา, ตํ สพฺพํ สมฺโพธิยํ ¶ นินฺนจิตฺเตเนว กาตพฺพํ, โพธิยา ปริณาเมตพฺพํ. อุฬาเรหิ อิตฺตเรหิ จ กาเมหิ วินิวตฺตจิตฺเตเนว ภวิตพฺพํ. สพฺพาสุปิ อิติกตฺตพฺพตาสุ อุปายโกสลฺลํ ปจฺจุปฏฺาเปตฺวาว ปฏิปชฺชิตพฺพํ.
ตสฺมึ ตสฺมึ สตฺตหิเต อารทฺธวีริเยน ภวิตพฺพํ อิฏฺานิฏฺาทิสพฺพสเหน อวิสํวาทินา. สพฺเพปิ สตฺตา อโนธิโส เมตฺตาย กรุณาย จ ผริตพฺพา. ยา กาจิ สตฺตานํ ทุกฺขุปฺปตฺติ, สพฺพา สา อตฺตนิ ปาฏิกงฺขิตพฺพา. สพฺเพสฺจ สตฺตานํ ปฺุํ อพฺภนุโมทิตพฺพํ. พุทฺธานํ มหนฺตตา มหานุภาวตา อภิณฺหํ ปจฺจเวกฺขิตพฺพา. ยฺจ กิฺจิ กมฺมํ กโรติ กาเยน วาจาย วา, ตํ สพฺพํ โพธินินฺนจิตฺตปุพฺพงฺคมํ กาตพฺพํ. อิมินา หิ อุปาเยน ทานาทีสุ ยุตฺตปฺปยุตฺตสฺส ถามวโต ทฬฺหปรกฺกมสฺส มหาสตฺตสฺส โพธิสตฺตสฺส อปริเมยฺโย ปฺุสมฺภาโร าณสมฺภาโร จ ทิวเส ทิวเส อุปจียติ.
อปิ จ สตฺตานํ ปริโภคตฺถํ ปริปาลนตฺถฺจ อตฺตโน สรีรํ ชีวิตฺจ ปริจฺจชิตฺวา ขุปฺปิปาสาสีตุณฺหวาตาตปาทิทุกฺขปติกาโร ¶ ปริเยสิตพฺโพ อุปเนตพฺโพ จ. ยฺจ ยถาวุตฺตทุกฺขปติการชํ สุขํ อตฺตนา ปฏิลภติ, ตถา รมณีเยสุ อารามุยฺยานปาสาทตฬากาทีสุ อรฺายตเนสุ จ กายจิตฺตสนฺตาปาภาเวน อภินิพฺพุตตฺตา อตฺตนา ¶ สุขํ ปฏิลภติ, ยฺจ สุณาติ พุทฺธานุพุทฺธปจฺเจกพุทฺธา มหาโพธิสตฺตา จ เนกฺขมฺมปฏิปตฺติยํ ิตา ทิฏฺธมฺมสุขวิหารภูตํ อีทิสํ นาม ฌานสมาปตฺติสุขํ อนุภวนฺตีติ, ตํ สพฺพํ สพฺพสตฺเตสุ อโนธิโส อุปสํหรตีติ. อยํ ตาว นโย อสมาหิตภูมิยํ ปติฏฺิตสฺส.
สมาหิตภูมิยํ ปน ปติฏฺิโต อตฺตนา ยถานุภูตํ วิเสสาธิคมนิพฺพตฺตํ ปีตึ ปสฺสทฺธึ สุขํ สมาธึ ยถาภูตาณฺจ สตฺเตสุ อธิมุจฺจนฺโต อุปสํหรติ ปริณาเมติ. ตถา มหติ สํสารทุกฺเข ตสฺส จ นิมิตฺตภูเต กิเลสาภิสงฺขารทุกฺเข นิมุคฺคํ สตฺตนิกายํ ทิสฺวา ตตฺราปิ เฉทนเภทนผาลนปึสนคฺคิสนฺตาปาทิชนิตา ทุกฺขา ติพฺพา ขรา กฏุกา เวทนา นิรนฺตรํ จิรกาลํ เวทิยนฺเต นารเก, อฺมฺํ กุชฺฌนสนฺตาปนวิเหนหึสนปราธีนตาทีหิ มหาทุกฺขํ อนุภวนฺเต ติรจฺฉานคเต, โชติมาลากุลสรีเร ขุปฺปิปาสาวาตาตปาทีหิ ฑยฺหมาเน ¶ จ วิสุสฺสมาเน จ วนฺตเขฬาทิอาหาเร อุทฺธพาหุํ วิรวนฺเต นิชฺฌามตณฺหิกาทิเก มหาทุกฺขํ เวทิยมาเน เปเต จ, ปริเยฏฺิมูลกํ มหนฺตํ อนยพฺยสนํ ปาปุณนฺเต หตฺถจฺเฉทาทิการณาโยเคน ทุพฺพณฺณทุทฺทสิกทลิทฺทาทิภาเวน ขุปฺปิปาสาทิอาพาธโยเคน พลวนฺเตหิ อภิภวนียโต ปเรสํ วหนโต ปราธีนโต จ, นารเก เปเต ติรจฺฉานคเต จ, อติสยนฺเต อปายทุกฺขนิพฺพิเสสํ ทุกฺขมนุภวนฺเต มนุสฺเส จ, ตถา วิสยวิสปริโภควิกฺขิตฺตจิตฺตตาย ราคาทิปริฬาเหน ฑยฺหมาเน วาตเวคสมุฏฺิตชาลาสมิทฺธสุกฺขกฏฺสนฺนิปาเต อคฺคิกฺขนฺเธ วิย อนุปสนฺตปริฬาหวุตฺติเก อนุปสนฺตนิหตปราธีเน กามาวจรเทเว จ, มหตา วายาเมน วิทูรมากาสํ วิคาหิตสกุนฺตา วิย พลวตา ทูเร ปาณินา ขิตฺตสรา วิย จ, สติปิ จิรปฺปวตฺติยํ อนิจฺจนฺติกตาย ปาตปริโยสานา อนติกฺกนฺตชาติชรามรณา เอวาติ รูปารูปาวจรเทเว จ ปสฺสนฺเตน มหนฺตํ สํเวคํ ปจฺจุปฏฺเปตฺวา เมตฺตาย กรุณาย จ อโนธิโส สตฺตา ผริตพฺพา. เอวํ กาเยน วาจาย มนสา จ โพธิสมฺภาเร นิรนฺตรํ อุปจินนฺเตน ยถา ปารมิโย ปาริปูรึ คจฺฉนฺติ, เอวํ สกฺกจฺจการินา สาตจฺจการินา อโนลีนวุตฺตินา อุสฺสาโห ปวตฺเตตพฺโพ, วีริยปารมี ปริปูเรตพฺพา.
อปิ ¶ จ อจินฺเตยฺยาปริเมยฺยวิปุโลฬารวิมลนิรุปมนิรูปกฺกิเลสคุณนิจยนิธานภูตสฺส พุทฺธภาวสฺส อุสฺสกฺกิตฺวา สมฺปหํสนโยคฺคํ วีริยํ นาม อจินฺเตยฺยานุภาวเมว, ยํ น ปจุรชนา ¶ โสตุมฺปิ สกฺกุณนฺติ, ปเคว ปฏิปชฺชิตุํ. ตถา หิ ติวิธา อภินีหารจิตฺตุปฺปตฺติ, จตสฺโส พุทฺธภูมิโย, จตฺตาริ สงฺคหวตฺถูนิ, กรุเณกรสตา, พุทฺธธมฺเมสุ สจฺฉิกรเณน วิเสสปฺปจฺจโย นิชฺฌานขนฺติ, สพฺพธมฺเมสุ นิรุปเลโป, สพฺพสตฺเตสุ ปิยปุตฺตสฺา, สํสารทุกฺเขหิ อปริเขโท, สพฺพเทยฺยธมฺมปริจฺจาโค, เตน จ นิรติมานตา, อธิสีลาทิอธิฏฺานํ, ตตฺถ จ อจฺจลตา, กุสลกิริยาสุ ปีติปาโมชฺชํ, วิเวกนินฺนจิตฺตตา, ฌานานุโยโค, อนวชฺชธมฺเมน อติตฺติ, ยถาสุตสฺส ธมฺมสฺส ปเรสํ หิตชฺฌาสเยน เทสนา, สตฺตานํ าเย นิเวสนา, อารมฺภทฬฺหตา, ธีรวีรภาโว, ปราปวาทปราปกาเรสุ วิการาภาโว, สจฺจาธิฏฺานํ, สมาปตฺตีสุ ¶ วสีภาโว, อภิฺาสุ พลปฺปตฺติ, ลกฺขณตฺตยาวโพโธ, สติปฏฺานาทีสุ โยคกมฺมาภิโยเคน โลกุตฺตรมคฺคสมฺภารสมฺภรณํ, นวโลกุตฺตราวกฺกนฺตีติ เอวมาทิกา สพฺพาปิ โพธิสมฺภารปฏิปตฺติ วีริยานุภาเวเนว สมิชฺฌตีติ อภินีหารโต ยาว มหาโพธิ อโนสฺสชฺชนฺเตน สกฺกจฺจํ นิรนฺตรํ วีริยํ ยถา อุปรูปริ วิเสสาวหํ โหติ, เอวํ สมฺปาเทตพฺพํ. สมฺปชฺชมาเน จ ยถาวุตฺเต วีริเย ขนฺติสจฺจาธิฏฺานาทโย จ ทานสีลาทโย จ สพฺเพปิ โพธิสมฺภารา ตทธีนวุตฺติตาย สมฺปนฺนา เอว โหนฺตีติ ขนฺติอาทีสุปิ อิมินาว นเยน ปฏิปตฺติ เวทิตพฺพา.
อิติ สตฺตานํ สุขูปกรณปริจฺจาเคน พหุธา อนุคฺคหกรณํ ทาเนน ปฏิปตฺติ, สีเลน เตสํ ชีวิตสาปเตยฺยทารรกฺขาอเภทปิยหิตวจนาวิหึสาทิการณานิ, เนกฺขมฺเมน เตสํ อามิสปฏิคฺคหณธมฺมทานาทินา อเนกวิธา หิตจริยา, ปฺาย เตสํ หิตกรณูปายโกสลฺลํ, วีริเยน ตตฺถ อุสฺสาหารมฺภอสํหีรานิ, ขนฺติยา ตทปราธสหนํ, สจฺเจน เนสํ อวฺจนตทุปการกิริยาสมาทานาวิสํวาทนาทิ, อธิฏฺาเนน ตทุปการกรเณ อนตฺถสมฺปาเตปิ อจลนํ, เมตฺตาย เนสํ หิตสุขานุจินฺตนํ, อุเปกฺขาย เนสํ อุปการาปกาเรสุ วิการานาปตฺตีติ เอวํ อปริมาเณ สตฺเต อารพฺภ อนุกมฺปิตสพฺพสตฺตสฺส มหาโพธิสตฺตสฺส ¶ ปุถุชฺชเนหิ อสาธารโณ อปริเมยฺโย ปฺุาณสมฺภารูปจโย เอตฺถ ปฏิปตฺตีติ เวทิตพฺพํ. โย เจตาสํ ปจฺจโย วุตฺโต, ตสฺส จ สกฺกจฺจํ สมฺปาทนํ.
โก วิภาโคติ? ทส ปารมิโย, ทส อุปปารมิโย, ทส ปรมตฺถปารมิโยติ สมตฺตึสปารมิโย. ตตฺถ กตาภินีหารสฺส โพธิสตฺตสฺส ปรหิตกรณาภินินฺนาสยปโยคสฺส กณฺหธมฺมโวกิณฺณา สุกฺกธมฺมา ปารมิโย เอว, เตหิ อโวกิณฺณา สุกฺกธมฺมา อุปปารมิโย, อกณฺหอสุกฺกา ปรมตฺถปารมิโยติ เกจิ. สมุทาคมนกาเลสุ วา ปูริยมานา ปารมิโย, โพธิสตฺตภูมิยํ ปุณฺณา อุปปารมิโย, พุทฺธภูมิยํ สพฺพาการปริปุณฺณา ปรมตฺถปารมิโย. โพธิสตฺตภูมิยํ ¶ วา ปรหิตกรณโต ปารมิโย, อตฺตหิตกรณโต อุปปารมิโย, พุทฺธภูมิยํ พลเวสารชฺชสมธิคเมน อุภยหิตปริปูรณโต ปรมตฺถปารมิโย.
เอวํ อาทิมชฺฌปริโยสาเนสุ ปณิธานารมฺภปรินิฏฺาเนสุ เตสํ วิภาโคติ อปเร. โทสูปสมกรุณาปกติกานํ ภวสุขวิมุตฺติสุขปรมสุขปฺปตฺตานํ ¶ ปฺุูปจยเภทโต ตพฺพิภาโคติ อฺเ. ลชฺชาสติมานาปสฺสยานํ โลกุตฺตรธมฺมาธิปตีนํ สีลสมาธิปฺาครุกานํ ตาริตตริตตารยิตูนํ อนุพุทฺธปจฺเจกพุทฺธสมฺมาสมฺพุทฺธานํ ปารมี, อุปปารมี, ปรมตฺถปารมีติ โพธิสตฺตสฺสุปฺปตฺติโต ยถาวุตฺตวิภาโคติ เกจิ. จิตฺตปณิธิโต ยาว วจีปณิธิ, ตาว ปวตฺตา สมฺภารา ปารมิโย, วจีปณิธิโต ยาว กายปณิธิ, ตาว ปวตฺตา อุปปารมิโย, กายปณิธิโต ปภุติ ปรมตฺถปารมิโยติ อปเร. อฺเ ปน ‘‘ปรปฺุานุโมทนวเสน ปวตฺตา สมฺภารา ปารมิโย, ปเรสํ การาปนวเสน ปวตฺตา อุปปารมิโย, สยํกรณวเสน ปวตฺตา ปรมตฺถปารมิโย’’ติ วทนฺติ.
ตถา ภวสุขาวโห ปฺุาณสมฺภาโร ปารมี, อตฺตโน นิพฺพานสุขาวโห อุปปารมี, ปเรสํ ตทุภยสุขาวโห ปรมตฺถปารมีติ เอเก. ปุตฺตทารธนาทิอุปกรณปริจฺจาโค ปน ทานปารมี, องฺคปริจฺจาโค ทานอุปปารมี, อตฺตโน ชีวิตปริจฺจาโค ทานปรมตฺถปารมีติ. ตถา ปุตฺตทาราทิกสฺส ติวิธสฺสาปิ เหตุ อวีติกฺกมนวเสน ติสฺโส สีลปารมิโย, เตสุ เอว ติวิเธสุ วตฺถูสุ อาลยํ อุปจฺฉินฺทิตฺวา นิกฺขมนวเสน ¶ ติสฺโส เนกฺขมฺมปารมิโย, อุปกรณงฺคชีวิตตณฺหํ สมูหนิตฺวา สตฺตานํ หิตาหิตวินิจฺฉยกรณวเสน ติสฺโส ปฺาปารมิโย. ยถาวุตฺตเภทานํ ปริจฺจาคาทีนํ วายมนวเสน ติสฺโส วีริยปารมิโย, อุปกรณงฺคชีวิตนฺตรายกรานํ ขมนวเสน ติสฺโส ขนฺติปารมิโย, อุปกรณงฺคชีวิตเหตุ สจฺจาปริจฺจาควเสน ติสฺโส สจฺจปารมิโย, ทานาทิปารมิโย อกุปฺปาธิฏฺานวเสเนว สมิชฺฌนฺตีติ, อุปกรณาทิวินาเสปิ อจลาธิฏฺานวเสน ติสฺโส อธิฏฺานปารมิโย, อุปกรณาทิอุปฆาตเกสุปิ สตฺเตสุ เมตฺตาย อวิชหนวเสน ติสฺโส เมตฺตาปารมิโย, ยถาวุตฺตวตฺถุตฺตยสฺส อุปการาปกาเรสุ สตฺตสงฺขาเรสุ มชฺฌตฺตตาปฏิลาภวเสน ติสฺโส อุเปกฺขาปารมิโยติ เอวมาทินา เอตาสํ วิภาโค เวทิตพฺพาติ.
โก สงฺคโหติ? เอตฺถ ปน ยถา เอตา วิภาคโต ตึสวิธาปิ ทานปารมิอาทิภาวโต ทสวิธา, เอวํ ทานสีลขนฺติวีริยฌานปฺาสภาเวน ฉพฺพิธา. เอตาสุ หิ เนกฺขมฺมปารมี สีลปารมิยา สงฺคหิตา, ตสฺสา ปพฺพชฺชาภาเว, นีวรณวิเวกภาเว ปน ฌานปารมิยา กุสลธมฺมภาเว ¶ ฉหิปิ สงฺคหิตา. สจฺจปารมี สีลปารมิยา ¶ เอกเทโส เอว วจีวิรติสจฺจปกฺเข, าณสจฺจปกฺเข ปน ปฺาปารมิยา สงฺคหิตา. เมตฺตาปารมิ ฌานปารมิยา เอว. อุเปกฺขาปารมี ฌานปฺาปารมีหิ. อธิฏฺานปารมี สพฺพาหิปิ สงฺคหิตาติ.
เอเตสฺจ ทานาทีนํ ฉนฺนํ คุณานํ อฺมฺสมฺพนฺธานํ ปฺจทสยุคลาทีนิ ปฺจทสยุคลาทิสาธกานิ โหนฺติ. เสยฺยถิทํ – ทานสีลยุคเลน ปรหิตาหิตานํ กรณากรณยุคลสิทฺธิ, ทานขนฺติยุคเลน อโลภาโทสยุคลสิทฺธิ, ทานวีริยยุคเลน จาคสุตยุคลสิทฺธิ, ทานฌานยุคเลน กามโทสปฺปหานยุคลสิทฺธิ. ทานปฺายุคเลน อริยยานธุรยุคลสิทฺธิ, สีลขนฺติทฺวเยน ปโยคาสยสุทฺธิทฺวยสิทฺธิ, สีลวีริยทฺวเยน ภาวนาทฺวยสิทฺธิ, สีลฌานทฺวเยน ทุสฺสีลฺยปริยุฏฺานปฺปหานทฺวยสิทฺธิ, สีลปฺาทฺวเยน ทานทฺวยสิทฺธิ, ขนฺติวีริยยุคเลน ขมาเตชทฺวยสิทฺธิ, ขนฺติฌานยุคเลน วิโรธานุโรธปฺปหานยุคลสิทฺธิ, ขนฺติปฺายุคเลน สฺุตาขนฺติปฏิเวธทุกสิทฺธิ, วีริยฌานทุเกน ปคฺคหาวิกฺเขปทุกสิทฺธิ, วีริยปฺาทุเกน สรณทุกสิทฺธิ, ฌานปฺาทุเกน ยานทุกสิทฺธิ ¶ , ทานสีลขนฺติตฺติเกน โลภโทสโมหปฺปหานตฺติกสิทฺธิ, ทานสีลวีริยตฺติเกน โภคชีวิตกายสาราทานตฺติกสิทฺธิ, ทานสีลฌานตฺติเกน ปฺุกิริยวตฺถุตฺติกสิทฺธิ, ทานสีลปฺาติเกน อามิสาภยธมฺมทานตฺติกสิทฺธีติ. เอวํ อิตเรหิปิ ติเกหิ จตุกฺกาทีหิ จ ยถาสมฺภวํ ติกานิ จ จตุกฺกาทีนิ จ โยเชตพฺพานิ.
เอวํ ฉพฺพิธานมฺปิ ปน อิมาสํ ปารมีนํ จตูหิ อธิฏฺาเนหิ สงฺคโห เวทิตพฺโพ. สพฺพปารมีนํ สมูหสงฺคหโต หิ จตฺตาริ อธิฏฺานานิ, เสยฺยถิทํ – สจฺจาธิฏฺานํ, จาคาธิฏฺานํ, อุปสมาธิฏฺานํ, ปฺาธิฏฺานนฺติ. ตตฺถ อธิติฏฺติ เอเตน, เอตฺถ วา อธิติฏฺติ, อธิฏฺานมตฺตเมว วา ตนฺติ อธิฏฺานํ, สจฺจฺจ ตํ อธิฏฺานฺจ, สจฺจสฺส วา อธิฏฺานํ, สจฺจํ อธิฏฺานเมตสฺสาติ วา สจฺจาธิฏฺานํ. เอวํ เสเสสุปิ. ตตฺถ อวิเสสโต ตาว โลกุตฺตรคุเณ กตาภินีหารสฺส อนุกมฺปิตสพฺพสตฺตสฺส มหาสตฺตสฺส ปฏิฺานุรูปํ สพฺพปารมิปริคฺคหโต สจฺจาธิฏฺานํ. ตาสํ ปฏิปกฺขปริจฺจาคโต จาคาธิฏฺานํ ¶ . สพฺพปารมิตาคุเณหิ อุปสมโต อุปสมาธิฏฺานํ. เตหิ เอว ปรหิโตปายโกสลฺลโต ปฺาธิฏฺานํ.
วิเสสโต ปน ยาจกชนํ อวิสํวาเทตฺวา ทสฺสามีติ ปฏิชานนโต ปฏิฺํ อวิสํวาเทตฺวา ¶ ทานโต ทานํ อวิสํวาเทตฺวา อนุโมทนโต มจฺฉริยาทิปฏิปกฺขปริจฺจาคโต เทยฺยธมฺมปฏิคฺคาหกทานเทยฺยธมฺมกฺขเยสุ โลภโทสโมหภยวูปสมโต ยถารหํ ยถากาลํ ยถาวิธานฺจ ทานโต ปฺุตฺตรโต จ กุสลธมฺมานํ จตุรธิฏฺานปทฏฺานํ ทานํ. ตถา สํวรสมาทานสฺส อวีติกฺกมนโต ทุสฺสีลฺยปริจฺจาคโต ทุจฺจริตวูปสมนโต ปฺุตฺตรโต จ จตุรธิฏฺานปทฏฺานํ สีลํ. ยถาปฏิฺํ ขมนโต, ปราปราธวิกปฺปปริจฺจาคโต, โกธปริยุฏฺานวูปสมนโต, ปฺุตฺตรโต, จ จตุรธิฏฺานปทฏฺานา ขนฺติ. ปฏิฺานุรูปํ ปรหิตกรณโต, วิสทปริจฺจาคโต, อกุสลวูปสมนโต, ปฺุตฺตรโต จ จตุรธิฏฺานปทฏฺานํ วีริยํ. ปฏิฺานุรูปํ โลกหิตานุจินฺตนโต, นีวรณปริจฺจาคโต, จิตฺตวูปสมนโต, ปฺุตฺตรโต จ จตุรธิฏฺานปทฏฺานํ ฌานํ. ยถาปฏิฺํ ปรหิตูปายโกสลฺลโต, อนุปายกิริยาปริจฺจาคโต, โมหชปริฬาหวูปสมนโต, สพฺพฺุตาปฏิลาภโต จ จตุรธิฏฺานปทฏฺานา ปฺา.
ตตฺถ ¶ เยฺยปฏิฺานุวิธาเนหิ สจฺจาธิฏฺานํ. วตฺถุกามกิเลสกามปริจฺจาเคหิ จาคาธิฏฺานํ. โทสทุกฺขวูปสเมหิ อุปสมาธิฏฺานํ. อนุโพธปฏิเวเธหิ ปฺาธิฏฺานํ. ติวิธสจฺจปริคฺคหิตํ โทสตฺตยวิโรธิ สจฺจาธิฏฺานํ. ติวิธจาคปริคฺคหิตํ โทสตฺตยวิโรธิ จาคาธิฏฺานํ. ติวิธวูปสมปริคฺคหิตํ โทสตฺตยวิโรธิ อุปสมาธิฏฺานํ. ติวิธาณปริคฺคหิตํ โทสตฺตยวิโรธิ ปฺาธิฏฺานํ. สจฺจาธิฏฺานปริคฺคหิตานิ จาคูปสมปฺาธิฏฺานานิ อวิสํวาทนโต ปฏิฺานุวิธานโต จ, จาคาธิฏฺานปริคฺคหิตานิ สจฺจูปสมปฺาธิฏฺานานิ ปฏิปกฺขปริจฺจาคโต สพฺพปริจฺจาคผลตฺตา จ, อุปสมาธิฏฺานปริคฺคหิตานิ สจฺจจาคปฺาธิฏฺานานิ กิเลสปริฬาหวูปสมนโต กามูปสมนโต กามปริฬาหวูปสมนโต จ, ปฺาธิฏฺานปริคฺคหิตานิ สจฺจจาคูปสมาธิฏฺานานิ าณปุพฺพงฺคมโต าณานุปริวตฺตนโต จาติ เอวํ สพฺพาปิ ปารมิโย สจฺจปฺปภาวิตา จาคปริพฺยฺชิตา อุปสโมปพฺรูหิตา ¶ ปฺาปริสุทฺธา. สจฺจฺหิ เอตาสํ ชนกเหตุ. จาโค ปริคฺคาหกเหตุ, อุปสโม ปริวุทฺธิเหตุ, ปฺา ปาริสุทฺธิเหตุ. ตถา อาทิมฺหิ สจฺจาธิฏฺานํ สจฺจปฏิฺตฺตา, มชฺเฌ จาคาธิฏฺานํ กตปณิธานสฺส ปรหิตาย อตฺตปริจฺจาคโต. อนฺเต อุปสมาธิฏฺานํ สพฺพูปสมปริโยสานตฺตา. อาทิมชฺฌปริโยสาเนสุ ปฺาธิฏฺานํ ตสฺมึ สติ สมฺภวโต อสติ อภาวโต ยถาปฏิฺฺจ ภาวโต.
ตตฺถ มหาปุริสา สตตมตฺตหิตปรหิตกเรหิ ครุปิยภาวกเรหิ สจฺจจาคาธิฏฺาเนหิ คิหิภูตา ¶ อามิสทาเนน ปเร อนุคฺคณฺหนฺติ. ตถา อตฺตหิตปรหิตกเรหิ ครุปิยภาวกเรหิ อุปสมปฺาธิฏฺาเนหิ จ ปพฺพชิตภูตา ธมฺมทาเนน ปเร อนุคฺคณฺหนฺติ.
ตตฺถ อนฺติมภเว โพธิสตฺตสฺส จตุรธิฏฺานปริปูรณํ. ปริปุณฺณจตุรธิฏฺานสฺส หิ จริมกภวูปปตฺตีติ เอเก. ตตฺร หิ คพฺโภกฺกนฺติิติอภินิกฺขมเนสุ ปฺาธิฏฺานสมุทาคเมน สโต สมฺปชาโน สจฺจาธิฏฺานปาริปูริยา สมฺปติชาโต อุตฺตราภิมุโข สตฺตปทวีติหาเรน คนฺตฺวา สพฺพา ทิสา โอโลเกตฺวา สจฺจานุปริวตฺตินา วจสา – ‘‘อคฺโคหมสฺมิ โลกสฺส, เชฏฺโหมสฺมิ โลกสฺส, เสฏฺโหมสฺมิ โลกสฺสา’’ติ (ที. นิ. ๒.๓๑; ม. นิ. ๓.๒๐๗) ติกฺขตฺตุํ สีหนาทํ นทิ.
อุปสมาธิฏฺานสมุทาคเมน ¶ ชิณฺณาตุรมตปพฺพชิตทสฺสาวิโน จตุธมฺมปเทสโกวิทสฺส โยพฺพนาโรคฺยชีวิตสมฺปตฺติมทานํ อุปสโม. จาคาธิฏฺานสมุทาคเมน มหโต าติปริวฏฺฏสฺส หตฺถคตสฺส จ จกฺกวตฺติรชฺชสฺส อนเปกฺขปริจฺจาโคติ.
ทุติเย าเน อภิสมฺโพธิยํ จตุรธิฏฺานํ ปริปุณฺณนฺติ เกจิ. ตตฺถ หิ ยถาปฏิฺํ สจฺจาธิฏฺานสมุทาคเมน จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ อภิสมโย, ตโต หิ สจฺจาธิฏฺานํ ปริปุณฺณํ. จาคาธิฏฺานสมุทาคเมน สพฺพกิเลสูปกฺกิเลสปริจฺจาโค, ตโต หิ จาคาธิฏฺานํ ปริปุณฺณํ. อุปสมาธิฏฺานสมุทาคเมน ปรมูปสมปฺปตฺติ, ตโต หิ อุปสมาธิฏฺานํ ปริปุณฺณํ. ปฺาธิฏฺานสมุทาคเมน อนาวรณาณปฏิลาโภ, ตโต หิ ปฺาธิฏฺานํ ปริปุณฺณนฺติ. ตํ อสิทฺธํ, อภิสมฺโพธิยาปิ ปรมตฺถภาวโต.
ตติเย าเน ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตเน จตุรธิฏฺานํ ปริปุณฺณนฺติ อฺเ. ตตฺถ หิ สจฺจาธิฏฺานสมุทาคตสฺส ทฺวาทสหิ อากาเรหิ อริยสจฺจเทสนาย ¶ สจฺจาธิฏฺานํ ปริปุณฺณํ. จาคาธิฏฺานสมุทาคตสฺส สทฺธมฺมมหายาคกรเณน จาคาธิฏฺานํ ปริปุณฺณํ. อุปสมาธิฏฺานสมุทาคตสฺส สยํ อุปสนฺตสฺส ปเรสํ อุปสมเนน อุปสมาธิฏฺานํ ปริปุณฺณํ. ปฺาธิฏฺานสมุทาคตสฺส เวเนยฺยานํ อาสยาทิปริชานเนน ปฺาธิฏฺานํ ปริปุณฺณนฺติ. ตทปิ อสิทฺธํ, อปริโยสิตตฺตา พุทฺธกิจฺจสฺส.
จตุตฺเถ าเน ปรินิพฺพาเน จตุรธิฏฺานํ ปริปุณฺณนฺติ อปเร. ตตฺร หิ ปรินิพฺพุตตฺตา ปรมตฺถสจฺจสมฺปตฺติยา สจฺจาธิฏฺานํ ปริปุณฺณํ. สพฺพูปธิปฏินิสฺสคฺเคน จาคาธิฏฺานํ ปริปุณฺณํ. สพฺพสงฺขารูปสเมน ¶ อุปสมาธิฏฺานํ ปริปุณฺณํ. ปฺาปโยชนปรินิฏฺาเนน ปฺาธิฏฺานํ ปริปุณฺณนฺติ. ตตฺร มหาปุริสสฺส วิเสเสน เมตฺตาเขตฺเต อภิชาติยํ สจฺจาธิฏฺานสมุทาคตสฺส สจฺจาธิฏฺานปริปูรณมภิพฺยตฺตํ, วิเสเสน กรุณาเขตฺเต อภิสมฺโพธิยํ ปฺาธิฏฺานสมุทาคตสฺส ปฺาธิฏฺานปริปูรณมภิพฺยตฺตํ, วิเสเสน มุทิตาเขตฺเต ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตเน จาคาธิฏฺานสมุทาคตสฺส จาคาธิฏฺานปริปูรณมภิพฺยตฺตํ, วิเสเสน อุเปกฺขาเขตฺเต ปรินิพฺพาเน อุปสมาธิฏฺานสมุทาคตสฺส อุปสมาธิฏฺานปริปูรณมภิพฺยตฺตนฺติ ทฏฺพฺพํ.
ตตฺร ¶ สจฺจาธิฏฺานสมุทาคตสฺส สํวาเสน สีลํ เวทิตพฺพํ. จาคาธิฏฺานสมุทาคตสฺส สํโวหาเรน โสเจยฺยํ เวทิตพฺพํ. อุปสมาธิฏฺานสมุทาคตสฺส อาปทาสุ ถาโม เวทิตพฺโพ. ปฺาธิฏฺานสมุทาคตสฺส สากจฺฉาย ปฺา เวทิตพฺพา. เอวํ สีลาชีวจิตฺตทิฏฺิวิสุทฺธิโย เวทิตพฺพา. ตถา สจฺจาธิฏฺานสมุทาคเมน โทสาคตึ น คจฺฉติ อวิสํวาทนโต. จาคาธิฏฺานสมุทาคเมน โลภาคตึ น คจฺฉติ อนภิสงฺคโต. อุปสมาธิฏฺานสมุทาคเมน ภยาคตึ น คจฺฉติ อนปราธโต. ปฺาธิฏฺานสมุทาคเมน โมหาคตึ น คจฺฉติ ยถา ภูตาวโพธโต.
ตถา ปเมน อทุฏฺโ อธิวาเสติ, ทุติเยน อลุทฺโธ ปฏิเสวติ, ตติเยน อภีโต ปริวชฺเชติ, จตุตฺเถน อสมฺมูฬฺโห วิโนเทติ. ปเมน เนกฺขมฺมสุขปฺปตฺติ, อิตเรหิ ปวิเวกอุปสมสมฺโพธิสุขปฺปตฺติโย โหนฺตีติ ทฏฺพฺพา. ตถา วิเวกชปีติสุขสมาธิชปีติสุขอปีติชกายสุขสติปาริสุทฺธิช- อุเปกฺขาสุขปฺปตฺติโย เอเตหิ จตูหิ ยถากฺกมํ โหนฺติ. เอวมเนกคุณานุพนฺเธหิ ¶ จตูหิ อธิฏฺาเนหิ สพฺพปารมิสมูหสงฺคโห เวทิตพฺโพ. ยถา จ จตูหิ อธิฏฺาเนหิ สพฺพปารมิสงฺคโห, เอวํ กรุณาปฺาหิปีติ ทฏฺพฺพํ. สพฺโพปิ หิ โพธิสมฺภาโร กรุณาปฺาหิ สงฺคหิโต. กรุณาปฺาปริคฺคหิตา หิ ทานาทิคุณา มหาโพธิสมฺภารา ภวนฺติ พุทฺธตฺตสิทฺธิปริโยสานาติ. เอวเมตาสํ สงฺคโห เวทิตพฺโพ.
โก สมฺปาทนูปาโยติ? สกลสฺสาปิ ปฺุาทิสมฺภารสฺส สมฺมาสมฺโพธึ อุทฺทิสฺส อนวเสสสมฺภรณํ อเวกลฺลการิตาโยเคน, ตตฺถ จ สกฺกจฺจการิตา อาทรพหุมานโยเคน, สาตจฺจการิตา นิรนฺตรโยเคน, จิรกาลาทิโยโค จ อนฺตรา อโวสานาปชฺชเนนาติ. ตํ ปนสฺส กาลปริมาณํ ปรโต อาวิ ภวิสฺสติ. อิติ จตุรงฺคโยโค เอตาสํ ปารมีนํ สมฺปาทนูปาโย. ตถา มหาสตฺเตน โพธาย ปฏิปชฺชนฺเตน สมฺมาสมฺโพธาย พุทฺธานํ ปุเรตรเมว อตฺตา ¶ นิยฺยาเตตพฺโพ – ‘‘อิมาหํ อตฺตภาวํ พุทฺธานํ นิยฺยาเตมี’’ติ. ตํตํปริคฺคหวตฺถฺุจ ปฏิลาภโต ปุเรตรเมว ทานมุเข นิสฺสชฺชิตพฺพํ. ‘‘ยํ กิฺจิ มยฺหํ อุปฺปชฺชนกํ ชีวิตปริกฺขารชาตํ, สพฺพํ ตํ สติ ยาจเก ทสฺสามิ, เตสํ ปน ทินฺนาวเสสํ เอว มยา ปริภฺุชิตพฺพ’’นฺติ.
เอวํ ¶ หิสฺส สมฺมเทว ปริจฺจาคาย กเต จิตฺตาภิสงฺขาเร ยํ อุปฺปชฺชติ ปริคฺคหวตฺถุ อวิฺาณกํ สวิฺาณกํ วา, ตตฺถ เย อิเม ปุพฺเพ ทาเน อกตปริจโย, ปริคฺคหวตฺถุสฺส ปริตฺตภาโว, อุฬารมนฺุตา, ปริกฺขยจินฺตาติ จตฺตาโร ทานวินิพนฺธา, เตสุ ยทา มหาโพธิสตฺตสฺส สํวิชฺชมาเนสุ เทยฺยธมฺเมสุ ปจฺจุปฏฺิเต จ ยาจกชเน ทาเน จิตฺตํ น ปกฺขนฺทติ น กมติ. เตน นิฏฺเมตฺถ คนฺตพฺพํ ‘‘อทฺธาหํ ทาเน ปุพฺเพ อกตปริจโย, เตน เม เอตรหิ ทาตุกมฺยตา จิตฺเต น สณฺาตี’’ติ. โส เอวํ เม อิโต ปรํ ทานาภิรตํ จิตฺตํ ภวิสฺสติ, หนฺทาหํ อิโต ปฏฺาย ทานํ ทสฺสามิ, นนุ มยา ปฏิกจฺเจว ปริคฺคหวตฺถุ ยาจกานํ ปริจฺจตฺตนฺติ ทานํ เทติ มุตฺตจาโค ปยตปาณี โวสคฺครโต ยาจโยโค ทานสํวิภาครโต. เอวํ มหาสตฺตสฺส ปโม ทานวินิพนฺโธ หโต โหติ วิหโต สมุจฺฉินฺโน.
ตถา มหาสตฺโต เทยฺยธมฺมสฺส ปริตฺตภาเว สติ เวกลฺเล จ อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘‘อหํ โข ปุพฺเพ อทานสีลตาย เอตรหิ เอวํ ปจฺจยวิกโล ชาโต ¶ , ตสฺมา อิทานิ มยา ปริตฺเตน วา หีเนน วา ยถาลทฺเธน เทยฺยธมฺเมน อตฺตานํ ปีเฬตฺวาปิ ทานเมว ทาตพฺพํ, เยนาหํ อายติมฺปิ ทานปารมึ มตฺถกํ ปาเปสฺสามี’’ติ. โส อิตรีตเรน ตํ ทานํ เทติ มุตฺตจาโค ปยตปาณี โวสคฺครโต ยาจโยโค ทานสํวิภาครโต. เอวํ มหาสตฺตสฺส ทุติโย ทานวินิพนฺโธ หโต โหติ วิหโต สมุจฺฉินฺโน.
ตถา มหาสตฺโต เทยฺยธมฺมสฺส อุฬารมนฺุตาย อทาตุกมฺยตาจิตฺเต อุปฺปชฺชมาเน อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘‘นนุ ตยา สปฺปุริส อุฬารตมา สพฺพเสฏฺา สมฺมาสมฺโพธิ อภิปตฺถิตา, ตสฺมา ตทตฺถํ ตยา อุฬารมนฺุเ เอว เทยฺยธมฺเม ทาตุํ ยุตฺตรูป’’นฺติ. โส อุฬารํ มนฺฺุจ เทติ มุตฺตจาโค ปยตปาณี โวสฺสคฺครโต ยาจโยโค ทานสํวิภาครโต. เอวํ มหาปุริสสฺส ตติโย ทานวินิพนฺโธ หโต โหติ วิหโต สมุจฺฉินฺโน.
ตถา มหาสตฺโต ทานํ เทนฺโต ยทา เทยฺยธมฺมสฺส ปริกฺขยํ ปสฺสติ, โส อิติ ปฏิสฺจิกฺขติ – ‘‘อยํ โข โภคานํ สภาโว, ยทิทํ ขยธมฺมตา วยธมฺมตา จ. อปิ จ ¶ เม ปุพฺเพ ตาทิสสฺส ทานสฺส อกตตฺตา เอวํ โภคานํ ปริกฺขโย ทิสฺสติ, หนฺทาหํ ยถาลทฺเธน เทยฺยธมฺเมน ¶ ปริตฺเตน วา วิปุเลน วา ทานเมว ทเทยฺยํ, เยนาหํ อายตึ ทานปารมิยา มตฺถกํ ปาปุณิสฺสามี’’ติ. โส ยถาลทฺเธน ทานํ เทติ มุตฺตจาโค ปยตปาณี โวสคฺครโต ยาจโยโค ทานสํวิภาครโต. เอวํ มหาสตฺตสฺส จตุตฺโถ ทานวินิพนฺโธ หโต โหติ วิหโต สมุจฺฉินฺโน. เอวํ เย เย ทานปารมิยา วินิพนฺธภูตา อนตฺถา, เตสํ เตสํ ยถารหํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปฏิวิโนทนํ อุปาโย. ยถา จ ทานปารมิยา, เอวํ สีลปารมิอาทีสุปิ ทฏฺพฺพํ.
อปิ จ ยํ มหาสตฺตสฺส พุทฺธานํ อตฺตสนฺนิยฺยาตนํ, ตํ สมฺมเทว สพฺพปารมีนํ สมฺปาทนูปาโย. พุทฺธานฺหิ อตฺตานํ นิยฺยาเตตฺวา ิโต มหาปุริโส ตตฺถ ตตฺถ โพธิสมฺภารปาริปูริยา ฆเฏนฺโต วายมนฺโต สรีรสฺส สุขูปกรณานฺจ อุปจฺเฉทเกสุ ทุสฺสเหสุปิ กิจฺเฉสุ ทุรภิสมฺภเวสุปิ สตฺตสงฺขารสมุปนีเตสุ อนตฺเถสุ ติพฺเพสุ ปาณหเรสุ ‘‘อยํ มยา อตฺตภาโว พุทฺธานํ ปริจฺจตฺโต, ยํ วา ตํ วา เอตฺถ โหตู’’ติ ตํนิมิตฺตํ น กมฺปติ น เวธติ, อีสกมฺปิ อฺถตฺตํ น คจฺฉติ, กุสลารมฺเภ ¶ อฺทตฺถุ อจลาธิฏฺาโนว โหติ, เอวํ อตฺตสนฺนิยฺยาตนมฺปิ เอตาสํ สมฺปาทนูปาโย.
อปิ จ สมาสโต กตาภินีหารสฺส อตฺตนิ สิเนหสฺส ปริโสสนํ ปเรสุ จ สิเนหสฺส ปริวฑฺฒนํ เอตาสํ สมฺปาทนูปาโย. สมฺมาสมฺโพธิสมธิคมาย หิ กตมหาปณิธานสฺส มหาสตฺตสฺส ยาถาวโต ปริชานเนน สพฺเพสุ ธมฺเมสุ อนุปลิตฺตสฺส อตฺตนิ สิเนโห ปริกฺขยํ ปริยาทานํ คจฺฉติ, มหากรุณาสมาเสวเนน ปน ปิยปุตฺเต วิย สพฺพสตฺเต สมฺปสฺสมานสฺส เตสุ เมตฺตากรุณาสิเนโห ปริวฑฺฒติ, ตโต จ ตํตทวตฺถานุรูปํ อตฺตปรสนฺตาเนสุ โลภโทสโมหวิคเมน วิทูรีกตมจฺฉริยาทิโพธิสมฺภารปฏิปกฺโข มหาปุริโส ทานปิยวจนอตฺถจริยาสมานตฺตตาสงฺขาเตหิ จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ จตุรธิฏฺานานุคเตหิ อจฺจนฺตํ ชนสฺส สงฺคหกรเณน อุปริ ยานตฺตเย อวตารณํ ปริปาจนฺจ กโรติ.
มหาสตฺตานฺหิ มหากรุณา มหาปฺา จ ทาเนน อลงฺกตา, ทานํ ปิยวจเนน, ปิยวจนํ อตฺถจริยาย, อตฺถจริยา สมานตฺตตาย อลงฺกตา ¶ สงฺคหิตา จ. เตสํ สพฺเพปิ สตฺเต อตฺตนา นิพฺพิเสเส กตฺวา โพธิสมฺภาเรสุ ปฏิปชฺชนฺตานํ สพฺพตฺถ สมานสุขทุกฺขตาย สมานตฺตตาย สิทฺธิ. พุทฺธภูตานมฺปิ จ เตเหว จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ จตุรธิฏฺานปริปูริตาภิวุทฺเธหิ ชนสฺส อจฺจนฺติกสงฺคหกรเณน อภิวินยนํ สิชฺฌติ. ทานฺหิ ¶ สมฺมาสมฺพุทฺธานํ จาคาธิฏฺาเนน ปริปูริตาภิวุทฺธํ, ปิยวจนํ สจฺจาธิฏฺาเนน, อตฺถจริยา ปฺาธิฏฺาเนน, สมานตฺตตา อุปสมาธิฏฺาเนน ปริปูริตาภิวุทฺธา. ตถาคตานฺหิ สพฺพสาวกปจฺเจกพุทฺเธหิ สมานตฺตตา ปรินิพฺพาเน. ตตฺร หิ เนสํ อวิเสสโต เอกีภาโว. เตเนวาห ‘‘นตฺถิ วิมุตฺติยา นานตฺต’’นฺติ. โหนฺติ เจตฺถ –
‘‘สจฺโจ จาคี อุปสนฺโต, ปฺวา อนุกมฺปโก;
สมฺภตสพฺพสมฺภาโร, กํ นามตฺถํ น สาธเย.
‘‘มหาการุณิโก สตฺถา, หิเตสี จ อุเปกฺขโก;
นิรเปกฺโข จ สพฺพตฺถ, อโห อจฺฉริโย ชิโน.
‘‘วิรตฺโต สพฺพธมฺเมสุ, สตฺเตสุ จ อุเปกฺขโก;
สทา ¶ สตฺตหิเต ยุตฺโต, อโห อจฺฉริโย ชิโน.
‘‘สพฺพทา สพฺพสตฺตานํ, หิตาย จ สุขาย จ;
อุยฺยุตฺโต อกิลาสู จ, อโห อจฺฉริโย ชิโน’’ติ.
กิตฺตเกน กาเลน สมฺปาทนนฺติ? เหฏฺิเมน ตาว ปริจฺเฉเทน จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ มหากปฺปานํ สตสหสฺสฺจ, มชฺฌิเมน อฏฺ อสงฺขฺเยยฺยานิ มหากปฺปานํ สตสหสฺสฺจ, อุปริเมน ปน โสฬส อสงฺขฺเยยฺยานิ มหากปฺปานํ สตสหสฺสฺจ. เอเต จ เภทา ยถากฺกมํ ปฺาธิกสทฺธาธิกวีริยาธิกวเสน าตพฺพา. ปฺาธิกานฺหิ สทฺธา มนฺทา โหติ ปฺา ติกฺขา, สทฺธาธิกานํ ปฺา มชฺฌิมา โหติ, วีริยาธิกานํ ปฺา มนฺทา, ปฺานุภาเวน จ สมฺมาสมฺโพธิ อธิคนฺตพฺพาติ อฏฺกถายํ วุตฺตํ.
อปเร ปน ‘‘วีริยสฺส ติกฺขมชฺฌิมมุทุภาเวน โพธิสตฺตานํ อยํ กาลวิภาโค’’ติ วทนฺติ. อวิเสเสน ปน วิมุตฺติปริปาจนียานํ ธมฺมานํ ติกฺขมชฺฌิมมุทุภาเวน ยถาวุตฺตกาลเภเทน โพธิสมฺภารา เตสํ ปาริปูรึ คจฺฉนฺตีติ ตโยเปเต กาลเภทา ยุตฺตาติปิ วทนฺติ. เอวํ ติวิธา ¶ หิ โพธิสตฺตา อภินีหารกฺขเณ ภวนฺติ อุคฺฆหฏิตฺูวิปฺจิตฺูเนยฺยเภเทน. เตสุ โย อุคฺฆฏิตฺู, โส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สมฺมุขา จตุปฺปทิกํ คาถํ สุณนฺโต คาถาย ตติยปเท อปริโยสิเต เอว ฉหิ อภิฺาหิ สห ปฏิสมฺภิทาหิ ¶ อรหตฺตํ อธิคนฺตุํ สมตฺถูปนิสฺสโย โหติ, สเจ สาวกโพธิยํ อธิมุตฺโต สิยา.
ทุติโย ภควโต สมฺมุขา จตุปฺปทิกํ คาถํ สุณนฺโต อปริโยสิเต เอว คาถาย จตุตฺถปเท ฉหิ อภิฺาหิ อรหตฺตํ อธิคนฺตุํ สมตฺถูปนิสฺสโย โหติ, ยทิ สาวกโพธิยํ อธิมุตฺโต สิยา.
อิตโร ปน ภควโต สมฺมุขา จตุปฺปทิกํ คาถํ สุตฺวา ปริโยสิตาย คาถาย ฉหิ อภิฺาหิ อรหตฺตํ ปตฺตุํ สมตฺถูปนิสฺสโย โหติ.
ตโยเปเต วินา กาลเภเทน กตาภินีหาโร พุทฺธานํ สนฺติเก ลทฺธพฺยากรณา จ อนุกฺกเมน ปารมิโย ปริปูเรนฺตา ยถากฺกมํ ยถาวุตฺตเภเทน กาเลน สมฺมาสมฺโพธึ ปาปุณนฺติ. เตสุ เตสุ ปน กาลเภเทสุ อปริปุณฺเณสุ เต ¶ เต มหาสตฺตา ทิวเส ทิวเส เวสฺสนฺตรทานสทิสํ มหาทานํ เทนฺตาปิ ตทนุรูเป สีลาทิสพฺพปารมิธมฺเม อาจินนฺตาปิ ปฺจ มหาปริจฺจาเค ปริจฺจชนฺตาปิ าตตฺถจริยา โลกตฺถจริยา พุทฺธตฺถจริยา ปรมโกฏึ ปาเปนฺตาปิ อนฺตรา จ สมฺมาสมฺพุทฺธา ภวิสฺสนฺตีติ เนตํ านํ วิชฺชติ. กสฺมา? าณสฺส อปริปจฺจนโต พุทฺธการกธมฺมานํ อปรินิฏฺานโต. ปริจฺฉินฺนกาลนิปฺผาทิตํ วิย หิ สสฺสํ ยถาวุตฺตกาลปริจฺเฉเทน ปรินิปฺผาทิตา สมฺมาสมฺโพธิ ตทนนฺตรา สพฺพุสฺสาเหน วายมนฺเตนาปิ น สกฺกา อธิคนฺตุนฺติ ปารมิปาริปูริ ยถาวุตฺตกาลวิเสเสน สมฺปชฺชตีติ เวทิตพฺพํ.
โก อานิสํโสติ? เย เต กตาภินีหารานํ โพธิสตฺตานํ –
‘‘เอวํ สพฺพงฺคสมฺปนฺนา, โพธิยา นิยตา นรา;
สํสรํ ทีฆมทฺธานํ, กปฺปโกฏิสเตหิปิ.
‘‘อวีจิมฺหิ นุปฺปชฺชนฺติ, ตถา โลกนฺตเรสุ จ;
นิชฺฌามตณฺหา ขุปฺปิปาสา, น โหนฺติ กาลกฺชิกา.
‘‘น ¶ โหนฺติ ขุทฺทกา ปาณา, อุปปชฺชนฺตาปิ ทุคฺคตึ;
ชายมานา มนุสฺเสสุ, ชจฺจนฺธา น ภวนฺติ เต.
‘‘โสตเวกลฺลตา ¶ นตฺถิ, น ภวนฺติ มูคปกฺขิกา;
อิตฺถิภาวํ น คจฺฉนฺติ, อุภโตพฺยฺชนปณฺฑกา.
‘‘น ภวนฺติ ปริยาปนฺนา, โพธิยา นิยตา นรา;
มุตฺตา อานนฺตริเกหิ, สพฺพตฺถ สุทฺธโคจรา.
‘‘มิจฺฉาทิฏฺึ น เสวนฺติ, กมฺมกิริยทสฺสนา;
วสมานาปิ สคฺเคสุ, อสฺํ นูปปชฺชเร.
‘‘สุทฺธาวาเสสุ เทเวสุ, เหตุ นาม น วิชฺชติ;
เนกฺขมฺมนินฺนา สปฺปุริสา, วิสํยุตฺตา ภวาภเว;
จรนฺติ โลกตฺถจริยาโย, ปูเรนฺติ สพฺพปารมี’’ติ. (ธ. ส. อฏฺ. นิทานกถา; ชา. อฏฺ. ๑.ทูเรนิทานกถา; อป. อฏฺ. ๑.ทูเรนิทานกถา) –
เอวํ สํวณฺณิตา อานิสํสา. เย จ ‘‘สโต สมฺปชาโน, อานนฺท, โพธิสตฺโต ตุสิตา กายา จวิตฺวา มาตุกุจฺฉึ โอกฺกมตี’’ติอาทินา (ม. นิ. ๓.๒๐๐; ที. นิ. ๒.๑๗) โสฬส อจฺฉริยพฺภุตธมฺมปฺปการา, เย จ ‘‘สีตํ พฺยปคตํ โหติ, อุณฺหฺจ อุปสมฺมตี’’ติอาทินา (พุ. วํ. ๒.๘๓) ‘‘ชายมาเน โข, สาริปุตฺต, โพธิสตฺเต อยํ ทสสหสฺสี โลกธาตุ สงฺกมฺปติ สมฺปกมฺปติ สมฺปเวธตี’’ติอาทินา (ม. นิ. ๓.๒๐๑; ที. นิ. ๒.๓๒) จ ทฺวตฺตึส ปุพฺพนิมิตฺตปฺปการา, เย วา ปนฺเปิ ¶ โพธิสตฺตานํ อธิปฺปายสมิชฺฌนํ กมฺมาทีสุ วสีภาโวติ เอวมาทโย ตตฺถ ตตฺถ ชาตกพุทฺธวํสาทีสุ ทสฺสิตาการา อานิสํสา, เต สพฺเพปิ เอตาสํ อานิสํสา. ตถา ยถานิทสฺสิตเภทา อโลภาโทสาทิคุณยุคลาทโย จาติ เวทิตพฺพา.
อปิ จ ยสฺมา โพธิสตฺโต อภินีหารโต ปฏฺาย สพฺพสตฺตานํ ปิตุสโม โหติ หิเตสิตาย, ทกฺขิเณยฺยโก ครุ ภาวนีโย ปรมฺจ ปฺุกฺเขตฺตํ โหติ คุณวิเสสโยเคน. เยภุยฺเยน จ มนุสฺสานํ ปิโย โหติ, อมนุสฺสานํ ปิโย โหติ, เทวตาหิ อนุปาลียติ, เมตฺตากรุณาปริภาวิตสนฺตานตาย วาฬมิคาทีหิ จ อนภิภวนีโย โหติ, ยสฺมึ ยสฺมิฺจ สตฺตนิกาเย ¶ ปจฺจาชายติ, ตสฺมึ ตสฺมึ อุฬาเรน วณฺเณน อุฬาเรน ยเสน อุฬาเรน สุเขน อุฬาเรน พเลน อุฬาเรน ¶ อาธิปเตยฺเยน อฺเ สตฺเต อภิภวติ ปฺุวิเสสโยคโต.
อปฺปาพาโธ โหติ อปฺปาตงฺโก, สุวิสุทฺธา จสฺส สทฺธา โหติ สุวิสทา, สุวิสุทฺธํ วีริยํ, สติสมาธิปฺา สุวิสทา, มนฺทกิเลโส โหติ มนฺททรโถ มนฺทปริฬาโห, กิเลสานํ มนฺทภาเวเนว สุวโจ โหติ ปทกฺขิณคฺคาหี, ขโม โหติ โสรโต, สขิโล โหติ ปฏิสนฺถารกุสโล, อกฺโกธโน โหติ อนุปนาหี, อมกฺขี โหติ อปฬาสี, อนิสฺสุกี โหติ อมจฺฉรี, อสโ โหติ อมายาวี, อถทฺโธ โหติ อนติมานี, อสารทฺโธ โหติ อปฺปมตฺโต, ปรโต อุปตาปสโห โหติ ปเรสํ อนุปตาปี, ยสฺมิฺจ คามเขตฺเต ปฏิวสติ, ตตฺถ สตฺตานํ ภยาทโย อุปทฺทวา เยภุยฺเยน อนุปฺปนฺนา นุปฺปชฺชนฺติ, อุปฺปนฺนา จ วูปสมฺมนฺติ, เยสุ จ อปาเยสุ อุปฺปชฺชติ, น ตตฺถ ปจุรชโน วิย ทุกฺเขน อธิมตฺตํ ปีฬียติ, ภิยฺโยโสมตฺตาย สํเวคมาปชฺชติ. ตสฺมา มหาปุริสสฺส ยถารหํ ตสฺมึ ตสฺมึ ภเว ลพฺภมานา เอเต สตฺตานํ ปิตุสมตาทกฺขิเณยฺยตาทโย คุณวิเสสา อานิสํสาติ เวทิตพฺพา.
ตถา อายุสมฺปทา รูปสมฺปทา กุลสมฺปทา อิสฺสริยสมฺปทา อาเทยฺยวจนตา มหานุภาวตาติ เอเตปิ มหาปุริสสฺส ปารมีนํ อานิสํสาติ เวทิตพฺพา. ตตฺถ อายุสมฺปทา นาม ตสฺสํ ตสฺสํ อุปปตฺติยํ ทีฆายุกตา จิรฏฺิติกตา, ตาย ยถารทฺธานิ กุสลสมาทานานิ ปริโยสาเปติ, พหฺุจ กุสลํ อุปจิโนติ. รูปสมฺปทา นาม ¶ อภิรูปตา ทสฺสนียตา ปาสาทิกตา, ตาย รูปปฺปมาณานํ สตฺตานํ ปสาทาวโห โหติ สมฺภาวนีโย. กุลสมฺปทา นาม อุฬาเรสุ กุเลสุ อภินิพฺพตฺติ, ตาย ชาติมทาทิมทมตฺตานมฺปิ อุปสงฺกมนีโย โหติ ปยิรุปาสนีโย, เตน เต นิพฺพิเสวเน กโรติ. อิสฺสริยสมฺปทา นาม มหาวิภวตา มเหสกฺขตา มหาปริวารตา จ, ตาหิ สงฺคณฺหิตพฺเพ จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ สงฺคณฺหิตุํ, นิคฺคเหตพฺเพ ธมฺเมน นิคฺคเหตฺุจ สมตฺโถ โหติ.
อาเทยฺยวจนตา นาม สทฺเธยฺยตา ปจฺจยิกตา, ตาย สตฺตานํ ปมาณภูโต โหติ, อลงฺฆนียา จสฺส อาณา โหติ. มหานุภาวตา นาม อานุภาวมหนฺตตา, ตาย ปเรหิ น อภิภูยติ, สยเมว ¶ ปน ปเร อฺทตฺถุ อภิภวติ ธมฺเมน สเมน ยถาภูตคุเณหิ จ, เอวเมเต อายุสมฺปทาทโย มหาปุริสสฺส ปารมีนํ อานิสํสา, สยฺจ อปริมาณสฺส ปฺุสมฺภารสฺส ปริวุฑฺฒิเหตุภูตา ยานตฺตเย สตฺตานํ อวตารณสฺส ปริปาจนสฺส จ การณภูตาติ เวทิตพฺพา.
กึ ¶ ผลนฺติ? สมาสโต ตาว สมฺมาสมฺพุทฺธภาโว เอตาสํ ผลํ, วิตฺถารโต ปน ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณอสีติอนุพฺยฺชนพฺยามปฺปภาทิอเนกคุณคณสมุชฺชลรูปกายสมฺปตฺติ- อธิฏฺานสพลจตุเวสารชฺชฉอสาธารณาณอฏฺารสาเวณิก- พุทฺธธมฺมปฺปภุติอนนฺตาปริมาณ คุณสมุทโยปโสภินี ธมฺมกายสิรี. ยาวตา ปน พุทฺธคุณา เย อเนเกหิปิ กปฺเปหิ สมฺมาสมฺพุทฺเธนาปิ วาจาย ปริโยสาเปตุํ น สกฺกา, อิทเมตาสํ ผลํ. วุตฺตฺเจตํ –
‘‘พุทฺโธปิ พุทฺธสฺส ภเณยฺย วณฺณํ, กปฺปมฺปิ เจ อฺมภาสมาโน;
ขีเยถ กปฺโป จิรทีฆมนฺตเร, วณฺโณ น ขีเยถ ตถาคตสฺสา’’ติ. (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๓๐๔; ๓.๑๔๑; ม. นิ. อฏฺ. ๒.๔๒๕; อุทา. อฏฺ. ๕๓; จริยา. อฏฺ. นิทานกถา);
เอวเมตฺถ ปารมีสุ ปกิณฺณกกถา เวทิตพฺพา.
ยํ ปน ปาฬิยํ ‘‘ทตฺวา ทาตพฺพกํ ทาน’’นฺติอาทินา สพฺพาปิ ปารมี เอกชฺฌํ ทสฺเสตฺวา ปรโต ‘‘โกสชฺชํ ภยโต ทิสฺวา’’ติอาทินา ปริโยสานคาถาทฺวยํ วุตฺตํ, ตํ ¶ เยหิ วีริยารมฺภเมตฺตาภาวนา อปฺปมาทวิหาเรหิ ยถาวุตฺตา พุทฺธการกธมฺมา วิสทภาวํ คตา สมฺมาสมฺโพธิสงฺขาตา จ อตฺตโน วิมุตฺติ ปริปาจิตา, เตหิ เวเนยฺยานมฺปิ วิมุตฺติปริปาจนาย โอวาททานตฺถํ วุตฺถํ.
ตตฺถ โกสชฺชํ ภยโต ทิสฺวา, วีริยารมฺภฺจ เขมโตติ อิมินา ปฏิปกฺเข อาทีนวทสฺสนมุเขน วีริยารมฺเภ อานิสํสํ ทสฺเสติ. อารทฺธวีริยา โหถาติ อิมินา วีริยารมฺเภ นิโยเชติ. ยสฺมา จ –
‘‘สพฺพปาปสฺส อกรณํ, กุสลสฺส อุปสมฺปทา;
สจิตฺตปริโยทปนํ, เอตํ พุทฺธาน สาสน’’นฺติ. (ธ. ป. ๑๘๓; ที. นิ. ๒.๙๐; เนตฺติ. ๓๐, ๕๐) –
สงฺเขปโต ¶ . วิตฺถารโต ปน สกเลน พุทฺธวจเนน ปกาสิตา สพฺพาปิ สมฺปตฺติโย เอกนฺเตเนว สมฺมปฺปธานาธีนา, ตสฺมา ภควา วีริยารมฺเภ นิโยเชตฺวา ‘‘เอสา พุทฺธานุสาสนี’’ติ อาห.
ตตฺรายํ ¶ สงฺเขปตฺโถ – ยฺวายํ สพฺพสํกิเลสมูลภาวโต สพฺพานตฺถวิธายกนฺติ โกสชฺชํ ภยโต ตปฺปฏิปกฺขโต จตูหิ โยเคหิ อนุปทฺทวภาวสาธนโต วีริยารมฺภฺจ เขมโต ทิสฺวา อธิสีลสิกฺขาทิสมฺปาทนวเสน วีริยสฺส อารมฺโภ สมฺมปฺปธานานุโยโค, ตตฺถ ยํ สมฺมเทว นิโยชน, ‘‘อารทฺธวีริยา โหถา’’ติ, เอสา พุทฺธานํ ภควนฺตานํ อนุสาสนี อนุสิฏฺิ โอวาโทติ. เสสคาถาสุปิ อิมินาว นเยน อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
อยํ ปน วิเสโส – วิวาทนฺติ วิรุทฺธวาทํ, ฉวิวาทวตฺถุวเสน วิวทนนฺติ อตฺโถ. อวิวาทนฺติ วิวาทปฏิปกฺขํ เมตฺตาวจีกมฺมํ, เมตฺตาภาวนํ วา. อถ วา อวิวาทนฺติ อวิวาทเหตุภูตํ ฉพฺพิธํ สารณียธมฺมํ. สมคฺคาติ อวคฺคา, กาเยน เจว จิตฺเตน จ สหิตา อวิรมิตา อวิยุตฺตาติ อตฺโถ. สขิลาติ สกฺกีลา มุทุสีลา, อฺมฺมฺหิ มุทุหทยาติ อตฺโถ. เอสา พุทฺธานุสาสนีติ เอตฺถ สพฺเพน สพฺพํ วิวาทมนุปคมฺม ยทิทํ ฉสารณียธมฺมปริปูรณวเสน สมคฺควาเส นิโยชนํ, เอสา พุทฺธานํ อนุสิฏฺีติ โยเชตพฺพํ. สมคฺควาสฺหิ วสมานา สีลทิฏฺิสามฺคตา อวิวทมานา สุเขเนว ติสฺโส สิกฺขา ปริปูเรสฺสนฺตีติ สตฺถา สมคฺควาเส นิโยชนํ อตฺตโน สาสนนฺติ ทสฺเสสิ.
ปมาทนฺติ ปมชฺชนํ, กุสลานํ ธมฺมานํ ปมุสฺสนํ อกุสเลสุ จ ธมฺเมสุ จิตฺตโวสฺสคฺคํ. วุตฺตฺเหตํ – ‘‘ตตฺถ กตโม ปมาโท, กายทุจฺจริเต ¶ วา วจีทุจฺจริเต วา มโนทุจฺจริเต วา ปฺจสุ วา กามคุเณสุ จิตฺตสฺส โวสคฺโค โวสคฺคานุปฺปทานํ กุสลานํ วา ธมฺมานํ ภาวนาย อสกฺกจฺจกิริยตา, อสาตจฺจกิริยตา, อนฏฺิตกิริยตา, โอลีนวุตฺติตา, นิกฺขิตฺตฉนฺทตา, นิกฺขิตฺตธุรตา อนาเสวนา อภาวนา อพหุลีกมฺมํ…เป… โย เอวรูโป ปมาโท ปมชฺชนา ปมชฺชิตตฺตํ, อยํ วุจฺจติ ปมาโท’’ติ (วิภ. ๘๔๖).
อปฺปมาทนฺติ อปฺปมชฺชนํ. ตํ ปมาทสฺส ปฏิปกฺขโต เวทิตพฺพํ. อตฺถโต หิ อปฺปมาโท นาม สติยา อวิปฺปวาโส, ‘‘สติยา อวิปฺปวาโส’’ติ จ ¶ นิจฺจํ อุปฏฺิตาย สติยา เอเวตํ นามํ. อปเร ปน ‘‘สติสมฺปชฺปฺปธานา ตถา ปวตฺตา จตฺตาโร อรูปิโน ขนฺธา อปฺปมาโท’’ติ วทนฺติ. ยสฺมา ปน อปฺปมาทภาวนา นาม วิสุํ เอกา ภาวนา นตฺถิ. ยา หิ กาจิ ปฺุกิริยา กุสลกิริยา, สพฺพา สา อปฺปมาทภาวนาตฺเวว เวทิตพฺพา.
วิเสสโต ปน วิวฏฺฏูปนิสฺสยํ สรณคมนํ กายิกวาจสิกสํวรฺจ อุปาทาย สพฺพา สีลภาวนา, สพฺพา สมาธิภาวนา, สพฺพา ปฺาภาวนา, สพฺพา กุสลภาวนา, อนวชฺชภาวนา ¶ , อปฺปมาทภาวนา. ‘‘อปฺปมาโท’’ติ หิ อิทํ ปทํ มหนฺตํ อตฺถํ ทีเปติ, มหนฺตํ อตฺถํ ปริคฺคเหตฺวา ติฏฺติ, สกลมฺปิ เตปิฏกํ พุทฺธวจนํ อาหริตฺวา อปฺปมาทปทสฺส อตฺถํ กตฺวา กเถนฺโต ธมฺมกถิโก ‘‘อติตฺเถน ปกฺขนฺโท’’ติ น วตฺตพฺโพ. กสฺมา? อปฺปมาทปทสฺส มหนฺตภาวโต. ตถา หิ สมฺมาสมฺพุทฺโธ กุสินารายํ ยมกสาลานมนฺตเร ปรินิพฺพานสมเย นิปนฺโน อภิสมฺโพธิโต ปฏฺาย ปฺจจตฺตาลีสาย วสฺเสสุ อตฺตนา ภาสิตํ ธมฺมํ เอเกเนว ปเทน สงฺคเหตฺวา ทสฺเสนฺโต ‘‘อปฺปมาเทน สมฺปาเทถา’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๑๘) ภิกฺขูนํ โอวาทมทาสิ. ตถา จาห – ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ยานิ กานิจิ ชงฺคมานํ ปาณานํ ปทชาตานิ, สพฺพานิ ตานิ หตฺถิปเท สโมธานํ คจฺฉนฺติ, หตฺถิปทํ เตสํ อคฺคมกฺขายติ ยทิทํ มหนฺตตฺเตน, เอวเมว โข, ภิกฺขเว, เย เกจิ กุสลา ธมฺมา, สพฺเพ เต อปฺปมาทมูลกา อปฺปมาทสโมสรณา, อปฺปมาโท เตสํ อคฺคมกฺขายตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๓๐๐ โถกํ วิสทิสํ). ตตฺถ อปฺปมาทภาวนํ สิขาปฺปตฺตํ ทสฺเสนฺโต สตฺถา ‘‘ภาเวถฏฺงฺคิกํ มคฺค’’นฺติ อาห.
ตสฺสตฺโถ – โย เอส สีลาทิขนฺธตฺตยสงฺคโห สมฺมาทิฏฺิปุพฺพงฺคโม สมฺมาทิฏฺิอาทีนํเยว ¶ อฏฺนฺนํ องฺคานํ วเสน อฏฺงฺคิโก อริยมคฺโค, ตํ ภาเวถ อตฺตโน สนฺตาเน อุปฺปาเทถ. ทสฺสนมคฺคมตฺเต อตฺวา อุปริ ติณฺณํ มคฺคานํ อุปฺปาทนวเสน วฑฺเฒถ, เอวํ โว อปฺปมาทภาวนา สิขาปฺปตฺตา ภวิสฺสตีติ. เอสา พุทฺธานุสาสนีติ ยทิทํ กุสเลสุ ธมฺเมสุ อปฺปมชฺชนํ, ตฺจ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อริยมคฺคสฺส ภาวนา เอสา พุทฺธานํ ภควนฺตานํ อนุสิฏฺิ โอวาโทติ.
อิติ ¶ ภควา อรหตฺตนิกูเฏเนว จริยาปิฏกเทสนํ นิฏฺาเปสิ. อิตฺถํ สุทนฺติอาทีสุ อิตฺถนฺติ กปฺเป จ สตสหสฺเสติอาทินา (จริยา. ๑.๑) ปกาเรน. สุทนฺติ นิปาตมตฺตํ. ภควาติ ภาคฺยวนฺตตาทีหิ การเณหิ ภควา. อตฺตโน ปุพฺพจริยนฺติ ปุริมาสุ อกิตฺติปณฺฑิตาทิชาตีสุ อตฺตโน ปฏิปตฺติทุกฺกรกิริยํ. สมฺภาวยมาโนติ หตฺถตเล อามลกํ วิย สมฺมเทว ปกาเสนฺโต. พุทฺธาปทานิยํ นามาติ พุทฺธานํ ปุราตนกมฺมํ โปราณํ ทุกฺกรกิริยํ อธิกิจฺจ ปวตฺตตฺตา เทสิตตฺตา พุทฺธาปทานิยนฺติ เอวํนามกํ. ธมฺมปริยายนฺติ ธมฺมเทสนํ ธมฺมภูตํ วา การณํ. อภาสิตฺถาติ อโวจ. ยํ ปเนตฺถ น วุตฺตํ, ตํ เหฏฺา วุตฺตนยตฺตา อุตฺตานตฺถตฺตา จ น วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.
นิคมนกถา
เอตฺตาวตา ¶ จ –
วิสุทฺธจริโต สตฺถา, พุทฺธิจริยาย ปารคู;
สพฺพจริยาสุ กุสโล, โลกาจริโย อนุตฺตโร.
ยํ อจฺฉริยธมฺมานํ, สพฺพมจฺฉริยาติโค;
อตฺตโน ปุพฺพจริยานํ, อานุภาววิภาวนํ.
เทเสสิ นาโถ จริยา-ปิฏกํ ยฺจ ตาทิโน;
ธมฺมสงฺคาหกา เถรา, สงฺคายึสุ ตเถว จ.
ตสฺส อตฺถํ ปกาเสตุํ, โปราณฏฺกถานยํ;
นิสฺสาย ยา สมารทฺธา, อตฺถสํวณฺณนา มยา.
ยา ตตฺถ ปรมตฺถานํ, นิทฺธาเรตฺวา ยถารหํ;
ปกาสนา ปรมตฺถ-ทีปนี นาม นามโต.
สมฺปตฺตา ปรินิฏฺานํ, อนากุลวินิจฺฉยา;
สาธิกายฏฺวีสาย, ปาฬิยา ภาณวารโต.
อิติ ตํ สงฺขโรนฺเตน, ยํ ตํ อธิคตํ มยา;
ปฺุํ ตสฺสานุภาเวน, โลกนาถสฺส สาสนํ.
โอคาเหตฺวา ¶ วิสุทฺธาย, สีลาทิปฏิปตฺติยา;
สพฺเพปิ เทหิโน โหนฺตุ, วิมุตฺติรสภาคิโน.
จิรํ ¶ ติฏฺตุ โลกสฺมึ, สมฺมาสมฺพุทฺธสาสนํ;
ตสฺมึ สคารวา นิจฺจํ, โหนฺตุ สพฺเพปิ ปาณิโน.
สมฺมา วสฺสตุ กาเลน, เทโวปิ ชคตีปติ;
สทฺธมฺมนิรโต โลกํ, ธมฺเมเนว ปสาสตูติ.
อิติ พทรติตฺถวิหารวาสินา อาจริยธมฺมปาเลน
กตา
จริยาปิฏกวณฺณนา นิฏฺิตา.