📜

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส

ขุทฺทกนิกาเย

ชาตก-อฏฺกถา

(ปโม ภาโค)

คนฺถารมฺภกถา

ชาติโกฏิสหสฺเสหิ, ปมาณรหิตํ หิตํ;

โลกสฺส โลกนาเถน, กตํ เยน มเหสินา.

ตสฺส ปาเท นมสฺสิตฺวา, กตฺวา ธมฺมสฺส จฺชลึ;

สงฺฆฺจ ปติมาเนตฺวา, สพฺพสมฺมานภาชนํ.

นมสฺสนาทิโน อสฺส, ปุฺสฺส รตนตฺตเย;

ปวตฺตสฺสานุภาเวน, เฉตฺวา สพฺเพ อุปทฺทเว.

ตํ ตํ การณมาคมฺม, เทสิตานิ ชุตีมตา;

อปณฺณกาทีนิ ปุรา, ชาตกานิ มเหสินา.

ยานิ เยสุ จิรํ สตฺถา, โลกนิตฺถรณตฺถิโก;

อนนฺเต โพธิสมฺภาเร, ปริปาเจสิ นายโก.

ตานิ สพฺพานิ เอกชฺฌํ, อาโรเปนฺเตหิ สงฺคหํ;

ชาตกํ นาม สงฺคีตํ, ธมฺมสงฺคาหเกหิ ยํ.

พุทฺธวํสสฺส เอตสฺส, อิจฺฉนฺเตน จิรฏฺิตึ;

ยาจิโต อภิคนฺตฺวาน, เถเรน อตฺถทสฺสินา.

อสํสฏฺวิหาเร, สทา สุทฺธวิหารินา;

ตเถว พุทฺธมิตฺเตน, สนฺตจิตฺเตน วิฺุนา.

มหึสาสกวํสมฺหิ, สมฺภูเตน นยฺุนา;

พุทฺธเทเวน จ ตถา, ภิกฺขุนา สุทฺธพุทฺธินา.

มหาปุริสจริยานํ, อานุภาวํ อจินฺติยํ;

ตสฺส วิชฺโชตยนฺตสฺส, ชาตกสฺสตฺถวณฺณนํ.

มหาวิหารวาสีนํ, วาจนามคฺคนิสฺสิตํ;

ภาสิสฺสํ ภาสโต ตํ เม, สาธุ คณฺหนฺตุ สาธโวติ.

นิทานกถา

สา ปนายํ ชาตกสฺส อตฺถวณฺณนา ทูเรนิทานํ, อวิทูเรนิทานํ, สนฺติเกนิทานนฺติ อิมานิ ตีณิ นิทานานิ ทสฺเสตฺวา วณฺณิยมานา เย นํ สุณนฺติ, เตหิ สมุทาคมโต ปฏฺาย วิฺาตตฺตา ยสฺมา สุฏฺุ วิฺาตา นาม โหติ, ตสฺมา ตํ ตานิ นิทานานิ ทสฺเสตฺวา วณฺณยิสฺสาม.

ตตฺถ อาทิโต ตาว เตสํ นิทานานํ ปริจฺเฉโท เวทิตพฺโพ. ทีปงฺกรปาทมูลสฺมิฺหิ กตาภินีหารสฺส มหาสตฺตสฺส ยาว เวสฺสนฺตรตฺตภาวา จวิตฺวา ตุสิตปุเร นิพฺพตฺติ, ตาว ปวตฺโต กถามคฺโค ทูเรนิทานํ นาม. ตุสิตภวนโต ปน จวิตฺวา ยาว โพธิมณฺเฑ สพฺพฺุตปฺปตฺติ, ตาว ปวตฺโต กถามคฺโค อวิทูเรนิทานํ นาม. สนฺติเกนิทานํ ปน เตสุ เตสุ าเนสุ วิหรโต ตสฺมึ ตสฺมึเยว าเน ลพฺภตีติ.

๑. ทูเรนิทานกถา

ตตฺริทํ ทูเรนิทานํ นาม – อิโต กิร กปฺปสตสหสฺสาธิกานํ จตุนฺนํ อสงฺขฺเยยฺยานํ มตฺถเก อมรวตี นาม นครํ อโหสิ. ตตฺถ สุเมโธ นาม พฺราหฺมโณ ปฏิวสติ อุภโต สุชาโต มาติโต จ ปิติโต จ สํสุทฺธคหณิโก ยาว สตฺตมา กุลปริวฏฺฏา อกฺขิตฺโต อนุปกุฏฺโ ชาติวาเทน อภิรูโป ทสฺสนีโย ปาสาทิโก ปรมาย วณฺณโปกฺขรตาย สมนฺนาคโต. โส อฺํ กมฺมํ อกตฺวา พฺราหฺมณสิปฺปเมว อุคฺคณฺหิ. ตสฺส ทหรกาเลเยว มาตาปิตโร กาลมกํสุ. อถสฺส ราสิวฑฺฒโก อมจฺโจ อายโปตฺถกํ อาหริตฺวา สุวณฺณรชตมณิมุตฺตาทิภริเต คพฺเภ วิวริตฺวา ‘‘เอตฺตกํ เต, กุมาร, มาตุ สนฺตกํ, เอตฺตกํ ปิตุ สนฺตกํ, เอตฺตกํ อยฺยกปยฺยกาน’’นฺติ ยาว สตฺตมา กุลปริวฏฺฏา ธนํ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘เอตํ ปฏิปชฺชาหี’’ติ อาห. สุเมธปณฺฑิโต จินฺเตสิ – ‘‘อิมํ ธนํ สํหริตฺวา มยฺหํ ปิตุปิตามหาทโย ปรโลกํ คจฺฉนฺตา เอกํ กหาปณมฺปิ คเหตฺวา น คตา, มยา ปน คเหตฺวา คมนการณํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส รฺโ อาโรเจตฺวา นคเร เภรึ จราเปตฺวา มหาชนสฺส ทานํ ทตฺวา ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิ. อิมสฺส ปนตฺถสฺส อาวิภาวตฺถํ อิมสฺมึ าเน สุเมธกถา กเถตพฺพา. สา ปเนสา กิฺจาปิ พุทฺธวํเส นิรนฺตรํ อาคตาเยว, คาถาสมฺพนฺเธน ปน อาคตตฺตา น สุฏฺุ ปากฏา. ตสฺมา ตํ อนฺตรนฺตรา คาถาย สมฺพนฺธทีปเกหิ วจเนหิ สทฺธึ กเถสฺสาม.

สุเมธกถา

กปฺปสตสหสฺสาธิกานฺหิ จตุนฺนํ อสงฺขฺเยยฺยานํ มตฺถเก ทสหิ สทฺเทหิ อวิวิตฺตํ ‘‘อมรวตี’’ติ จ ‘‘อมร’’นฺติ จ ลทฺธนามํ นครํ อโหสิ, ยํ สนฺธาย พุทฺธวํเส วุตฺตํ –

‘‘กปฺเป จ สตสหสฺเส, จตุโร จ อสงฺขิเย;

อมรํ นาม นครํ, ทสฺสเนยฺยํ มโนรมํ;

ทสหิ สทฺเทหิ อวิวิตฺตํ, อนฺนปานสมายุต’’นฺติ.

ตตฺถ ทสหิ สทฺเทหิ อวิวิตฺตนฺติ หตฺถิสทฺเทน, อสฺสสทฺเทน, รถสทฺเทน, เภริสทฺเทน, มุทิงฺคสทฺเทน, วีณาสทฺเทน, สมฺมสทฺเทน, ตาฬสทฺเทน, สงฺขสทฺเทน ‘‘อสฺนาถ, ปิวถ, ขาทถา’’ติ ทสเมน สทฺเทนาติ อิเมหิ ทสหิ สทฺเทหิ อวิวิตฺตํ อโหสิ. เตสํ ปน สทฺทานํ เอกเทสเมว คเหตฺวา –

‘‘หตฺถิสทฺทํ อสฺสสทฺทํ, เภริสงฺขรถานิ จ;

ขาทถ ปิวถ เจว, อนฺนปาเนน โฆสิต’’นฺติ. –

พุทฺธวํเส อิมํ คาถํ วตฺวา –

‘‘นครํ สพฺพงฺคสมฺปนฺนํ, สพฺพกมฺมมุปาคตํ;

สตฺตรตนสมฺปนฺนํ, นานาชนสมากุลํ;

สมิทฺธํ เทวนครํว, อาวาสํ ปุฺกมฺมินํ.

‘‘นคเร อมรวติยา, สุเมโธ นาม พฺราหฺมโณ;

อเนกโกฏิสนฺนิจโย, ปหูตธนธฺวา.

‘‘อชฺฌายโก มนฺตธโร, ติณฺณํ เวทาน ปารคู;

ลกฺขเณ อิติหาเส จ, สธมฺเม ปารมึ คโต’’ติ. – วุตฺตํ;

อเถกทิวสํ โส สุเมธปณฺฑิโต อุปริปาสาทวรตเล รโหคโต หุตฺวา ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา นิสินฺโน จินฺเตสิ – ‘‘ปุนพฺภเว, ปณฺฑิต, ปฏิสนฺธิคฺคหณํ นาม ทุกฺขํ, ตถา นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน สรีรเภทนํ, อหฺจ ชาติธมฺโม ชราธมฺโม พฺยาธิธมฺโม มรณธมฺโม, เอวํภูเตน มยา อชาตึ อชรํ อพฺยาธึ อทุกฺขํ สุขํ สีตลํ อมตมหานิพฺพานํ ปริเยสิตุํ วฏฺฏติ, อวสฺสํ ภวโต มุจฺจิตฺวา นิพฺพานคามินา เอเกน มคฺเคน ภวิตพฺพ’’นฺติ. เตน วุตฺตํ –

‘‘รโหคโต นิสีทิตฺวา, เอวํ จินฺเตสหํ ตทา;

ทุกฺโข ปุนพฺภโว นาม, สรีรสฺส จ เภทนํ.

‘‘ชาติธมฺโม ชราธมฺโม, พฺยาธิธมฺโม สหํ ตทา;

อชรํ อมตํ เขมํ, ปริเยสิสฺสามิ นิพฺพุตึ.

‘‘ยํนูนิมํ ปูติกายํ, นานากุณปปูริตํ;

ฉฑฺฑยิตฺวาน คจฺเฉยฺยํ, อนเปกฺโข อนตฺถิโก.

‘‘อตฺถิ เหหิติ โส มคฺโค, น โส สกฺกา น เหตุเย;

ปริเยสิสฺสามิ ตํ มคฺคํ, ภวโต ปริมุตฺติยา’’ติ.

ตโต อุตฺตริปิ เอวํ จินฺเตสิ – ยถา หิ โลเก ทุกฺขสฺส ปฏิปกฺขภูตํ สุขํ นาม อตฺถิ, เอวํ ภเว สติ ตปฺปฏิปกฺเขน วิภเวนาปิ ภวิตพฺพํ. ยถา จ อุณฺเห สติ ตสฺส วูปสมภูตํ สีตมฺปิ อตฺถิ, เอวํ ราคาทีนํ อคฺคีนํ วูปสเมน นิพฺพาเนนาปิ ภวิตพฺพํ. ยถา จ ปาปสฺส ลามกสฺส ธมฺมสฺส ปฏิปกฺขภูโต กลฺยาโณ อนวชฺชธมฺโมปิ อตฺถิเยว, เอวเมว ปาปิกาย ชาติยา สติ สพฺพชาติกฺเขปนโต อชาติสงฺขาเตน นิพฺพาเนนาปิ ภวิตพฺพเมวาติ. เตน วุตฺตํ –

‘‘ยถาปิ ทุกฺเข วิชฺชนฺเต, สุขํ นามปิ วิชฺชติ;

เอวํ ภเว วิชฺชมาเน, วิภโวปิ อิจฺฉิตพฺพโก.

‘‘ยถาปิ อุณฺเห วิชฺชนฺเต, อปรํ วิชฺชติ สีตลํ;

เอวํ ติวิธคฺคิ วิชฺชนฺเต, นิพฺพานํ อิจฺฉิตพฺพกํ.

‘‘ยถาปิ ปาเป วิชฺชนฺเต, กลฺยาณมปิ วิชฺชติ;

เอวเมว ชาติ วิชฺชนฺเต, อชาติปิจฺฉิตพฺพก’’นฺติ.

อปรมฺปิ จินฺเตสิ – ยถา นาม คูถราสิมฺหิ นิมุคฺเคน ปุริเสน ทูรโต ปฺจวณฺณปทุมสฺฉนฺนํ มหาตฬากํ ทิสฺวา ‘‘กตเรน นุ โข มคฺเคน เอตฺถ คนฺตพฺพ’’นฺติ ตํ ตฬากํ คเวสิตุํ ยุตฺตํ. ยํ ตสฺส อคเวสนํ, น โส ตฬากสฺส โทโส. เอวเมว กิเลสมลโธวเน อมตมหานิพฺพานตฬาเก วิชฺชนฺเต ตสฺส อคเวสนํ น อมตนิพฺพานมหาตฬากสฺส โทโส. ยถา จ โจเรหิ สมฺปริวาริโต ปุริโส ปลายนมคฺเค วิชฺชมาเนปิ สเจ น ปลายติ, น โส มคฺคสฺส โทโส, ปุริสสฺเสว โทโส. เอวเมว กิเลเสหิ ปริวาเรตฺวา คหิตสฺส ปุริสสฺส วิชฺชมาเนเยว นิพฺพานคามิมฺหิ สิเว มคฺเค มคฺคสฺส อคเวสนํ นาม น มคฺคสฺส โทโส, ปุคฺคลสฺเสว โทโส. ยถา จ พฺยาธิปีฬิโต ปุริโส วิชฺชมาเน พฺยาธิติกิจฺฉเก เวชฺเช สเจ ตํ เวชฺชํ คเวสิตฺวา พฺยาธึ น ติกิจฺฉาเปติ, น โส เวชฺชสฺส โทโส, ปุริสสฺเสว โทโส. เอวเมว โย กิเลสพฺยาธิปีฬิโต ปุริโส กิเลสวูปสมมคฺคโกวิทํ วิชฺชมานเมว อาจริยํ น คเวสติ, ตสฺเสว โทโส, น กิเลสวินาสกสฺส อาจริยสฺสาติ. เตน วุตฺตํ –

‘‘ยถา คูถคโต ปุริโส, ตฬากํ ทิสฺวาน ปูริตํ;

น คเวสติ ตํ ตฬากํ, น โทโส ตฬากสฺส โส.

‘‘เอวํ กิเลสมลโธเว, วิชฺชนฺเต อมตนฺตเฬ;

น คเวสติ ตํ ตฬากํ, น โทโส อมตนฺตเฬ.

‘‘ยถา อรีหิ ปริรุทฺโธ, วิชฺชนฺเต คมนมฺปเถ;

น ปลายติ โส ปุริโส, น โทโส อฺชสสฺส โส.

‘‘เอวํ กิเลสปริรุทฺโธ, วิชฺชมาเน สิเว ปเถ;

น คเวสติ ตํ มคฺคํ, น โทโส สิวมฺชเส.

‘‘ยถาปิ พฺยาธิโต ปุริโส, วิชฺชมาเน ติกิจฺฉเก;

น ติกิจฺฉาเปติ ตํ พฺยาธึ, น โทโส โส ติกิจฺฉเก.

‘‘เอวํ กิเลสพฺยาธีหิ, ทุกฺขิโต ปริปีฬิโต;

น คเวสติ ตํ อาจริยํ, น โทโส โส วินายเก’’ติ.

อปรมฺปิ จินฺเตสิ – ยถา มณฺฑนชาติโก ปุริโส กณฺเ อาสตฺตํ กุณปํ ฉฑฺเฑตฺวา สุขี คจฺฉติ, เอวํ มยาปิ อิมํ ปูติกายํ ฉฑฺเฑตฺวา อนเปกฺเขน นิพฺพานนครํ ปวิสิตพฺพํ. ยถา จ นรนาริโย อุกฺการภูมิยํ อุจฺจารปสฺสาวํ กตฺวา น ตํ อุจฺฉงฺเคน วา อาทาย ทสนฺเตน วา เวเตฺวา คจฺฉนฺติ, ชิคุจฺฉมานา ปน อนเปกฺขาว ฉฑฺเฑตฺวา คจฺฉนฺติ, เอวํ มยาปิ อิมํ ปูติกายํ อนเปกฺเขน ฉฑฺเฑตฺวา อมตํ นิพฺพานนครํ ปวิสิตุํ วฏฺฏติ. ยถา จ นาวิกา นาม ชชฺชรํ นาวํ อนเปกฺขา ฉฑฺเฑตฺวา คจฺฉนฺติ, เอวํ อหมฺปิ อิมํ นวหิ วณมุเขหิ ปคฺฆรนฺตํ กายํ ฉฑฺเฑตฺวา อนเปกฺโข นิพฺพานปุรํ ปวิสิสฺสามิ. ยถา จ ปุริโส นานารตนานิ อาทาย โจเรหิ สทฺธึ มคฺคํ คจฺฉนฺโต อตฺตโน รตนนาสภเยน เต ฉฑฺเฑตฺวา เขมํ มคฺคํ คณฺหาติ, เอวํ อยมฺปิ กรชกาโย รตนวิโลปกโจรสทิโส. สจาหํ เอตฺถ ตณฺหํ กริสฺสามิ, อริยมคฺคกุสลธมฺมรตนํ เม นสฺสิสฺสติ. ตสฺมา มยา อิมํ โจรสทิสํ กายํ ฉฑฺเฑตฺวา นิพฺพานนครํ ปวิสิตุํ วฏฺฏตีติ. เตน วุตฺตํ –

‘‘ยถาปิ กุณปํ ปุริโส, กณฺเ พทฺธํ ชิคุจฺฉิย;

โมจยิตฺวาน คจฺเฉยฺย, สุขี เสรี สยํวสี.

‘‘ตเถวิมํ ปูติกายํ, นานากุณปสฺจยํ;

ฉฑฺฑยิตฺวาน คจฺเฉยฺยํ, อนเปกฺโข อนตฺถิโก.

‘‘ยถา อุจฺจารฏฺานมฺหิ, กรีสํ นรนาริโย;

ฉฑฺฑยิตฺวาน คจฺฉนฺติ, อนเปกฺขา อนตฺถิกา.

‘‘เอวเมวาหํ อิมํ กายํ, นานากุณปปูริตํ;

ฉฑฺฑยิตฺวาน คจฺฉิสฺสํ, วจฺจํ กตฺวา ยถา กุฏึ.

‘‘ยถาปิ ชชฺชรํ นาวํ, ปลุคฺคํ อุทคาหินึ;

สามี ฉฑฺเฑตฺวา คจฺฉนฺติ, อนเปกฺขา อนตฺถิกา.

‘‘เอวเมวาหํ อิมํ กายํ, นวจฺฉิทฺทํ ธุวสฺสวํ;

ฉฑฺฑยิตฺวาน คจฺฉิสฺสํ, ชิณฺณนาวํว สามิกา.

‘‘ยถาปิ ปุริโส โจเรหิ, คจฺฉนฺโต ภณฺฑมาทิย;

ภณฺฑจฺเฉทภยํ ทิสฺวา, ฉฑฺฑยิตฺวาน คจฺฉติ.

‘‘เอวเมว อยํ กาโย, มหาโจรสโม วิย;

ปหายิมํ คมิสฺสามิ, กุสลจฺเฉทนาภยา’’ติ.

เอวํ สุเมธปณฺฑิโต นานาวิธาหิ อุปมาหิ อิมํ เนกฺขมฺมูปสํหิตํ อตฺถํ จินฺเตตฺวา สกนิเวสเน อปริมิตํ โภคกฺขนฺธํ เหฏฺา วุตฺตนเยน กปณทฺธิกาทีนํ วิสฺสชฺเชตฺวา มหาทานํ ทตฺวา วตฺถุกาเม จ กิเลสกาเม จ ปหาย อมรนครโต นิกฺขมิตฺวา เอกโกว หิมวนฺเต ธมฺมิกํ นาม ปพฺพตํ นิสฺสาย อสฺสมํ กตฺวา ตตฺถ ปณฺณสาลฺจ จงฺกมฺจ มาเปตฺวา ปฺจหิ นีวรณโทเสหิ วิวชฺชิตํ ‘‘เอวํ สมาหิเต จิตฺเต’’ติอาทินา นเยน วุตฺเตหิ อฏฺหิ การณคุเณหิ สมุเปตํ อภิฺาสงฺขาตํ พลํ อาหริตุํ ตสฺมึ อสฺสมปเท นวโทสสมนฺนาคตํ สาฏกํ ปชหิตฺวา ทฺวาทสคุณสมนฺนาคตํ วากจีรํ นิวาเสตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิ. เอวํ ปพฺพชิโต อฏฺโทสสมากิณฺณํ ตํ ปณฺณสาลํ ปหาย ทสคุณสมนฺนาคตํ รุกฺขมูลํ อุปคนฺตฺวา สพฺพํ ธฺวิกตึ ปหาย ปวตฺตผลโภชโน หุตฺวา นิสชฺชฏฺานจงฺกมนวเสเนว ปธานํ ปทหนฺโต สตฺตาหพฺภนฺตเรเยว อฏฺนฺนํ สมาปตฺตีนํ ปฺจนฺนฺจ อภิฺานํ ลาภี อโหสิ. เอวํ ตํ ยถาปตฺถิตํ อภิฺาพลํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ –

‘‘เอวาหํ จินฺตยิตฺวาน, เนกโกฏิสตํ ธนํ;

นาถานาถานํ ทตฺวาน, หิมวนฺตมุปาคมึ.

‘‘หิมวนฺตสฺสาวิทูเร, ธมฺมิโก นาม ปพฺพโต;

อสฺสโม สุกโต มยฺหํ, ปณฺณสาลา สุมาปิตา.

‘‘จงฺกมํ ตตฺถ มาเปสึ, ปฺจโทสวิวชฺชิตํ;

อฏฺคุณสมุเปตํ, อภิฺาพลมาหรึ.

‘‘สาฏกํ ปชหึ ตตฺถ, นวโทสมุปาคตํ;

วากจีรํ นิวาเสสึ, ทฺวาทสคุณมุปาคตํ.

‘‘อฏฺโทสสมากิณฺณํ, ปชหึ ปณฺณสาลกํ;

อุปาคมึ รุกฺขมูลํ, คุเณ ทสหุปาคตํ.

‘‘วาปิตํ โรปิตํ ธฺํ, ปชหึ นิรวเสสโต;

อเนกคุณสมฺปนฺนํ, ปวตฺตผลมาทิยึ.

‘‘ตตฺถปฺปธานํ ปทหึ, นิสชฺชฏฺานจงฺกเม;

อพฺภนฺตรมฺหิ สตฺตาเห, อภิฺาพลปาปุณิ’’นฺติ.

ตตฺถ ‘‘อสฺสโม สุกโต มยฺหํ, ปณฺณสาลา สุมาปิตา’’ติ อิมาย ปาฬิยา สุเมธปณฺฑิเตน อสฺสมปณฺณสาลาจงฺกมา สหตฺถา มาปิตา วิย วุตฺตา. อยํ ปเนตฺถ อตฺโถ – มหาสตฺตํ ‘‘หิมวนฺตํ อชฺโฌคาเหตฺวา อชฺช ธมฺมิกํ ปพฺพตํ ปวิสิสฺสามี’’ติ นิกฺขนฺตํ ทิสฺวา สกฺโก เทวานมินฺโท วิสฺสกมฺมเทวปุตฺตํ อามนฺเตสิ – ‘‘ตาต, อยํ สุเมธปณฺฑิโต ปพฺพชิสฺสามีติ นิกฺขนฺโต, เอตสฺส วสนฏฺานํ มาเปหี’’ติ. โส ตสฺส วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา รมณียํ อสฺสมํ, สุคุตฺตํ ปณฺณสาลํ, มโนรมํ จงฺกมฺจ มาเปสิ. ภควา ปน ตทา อตฺตโน ปุฺานุภาเวน นิปฺผนฺนํ ตํ อสฺสมปทํ สนฺธาย สาริปุตฺต, ตสฺมึ ธมฺมิกปพฺพเต –

‘‘อสฺสโม สุกโต มยฺหํ, ปณฺณสาลา สุมาปิตา;

จงฺกมํ ตตฺถ มาเปสึ, ปฺจโทสวิวชฺชิต’’นฺติ. –

อาห. ตตฺถ สุกโต มยฺหนฺติ สุกโต มยา. ปณฺณสาลา สุมาปิตาติ ปณฺณจฺฉทนสาลาปิ เม สุมาปิตา อโหสิ.

ปฺจโทสวิวชฺชิตนฺติ ปฺจิเม จงฺกมโทสา นาม – ถทฺธวิสมตา, อนฺโตรุกฺขตา, คหนจฺฉนฺนตา, อติสมฺพาธตา, อติวิสาลตาติ. ถทฺธวิสมภูมิภาคสฺมิฺหิ จงฺกเม จงฺกมนฺตสฺส ปาทา รุชฺชนฺติ, โผฏา อุฏฺหนฺติ, จิตฺตํ เอกคฺคํ น ลภติ, กมฺมฏฺานํ วิปชฺชติ. มุทุสมตเล ปน ผาสุวิหารํ อาคมฺม กมฺมฏฺานํ สมฺปชฺชติ. ตสฺมา ถทฺธวิสมภูมิภาคตา เอโก โทโสติ เวทิตพฺโพ. จงฺกมสฺส อนฺโต วา มชฺเฌ วา โกฏิยํ วา รุกฺเข สติ ปมาทมาคมฺม จงฺกมนฺตสฺส นลาฏํ วา สีสํ วา ปฏิหฺตีติ อนฺโตรุกฺขตา ทุติโย โทโส. ติณลตาทิคหนจฺฉนฺเน จงฺกเม จงฺกมนฺโต อนฺธการเวลายํ อุรคาทิเก ปาเณ อกฺกมิตฺวา วา มาเรติ, เตหิ วา ทฏฺโ ทุกฺขํ อาปชฺชตีติ คหนจฺฉนฺนตา ตติโย โทโส. อติสมฺพาเธ จงฺกเม วิตฺถารโต รตนิเก วา อฑฺฒรตนิเก วา จงฺกมนฺตสฺส ปริจฺเฉเท ปกฺขลิตฺวา นขาปิ องฺคุลิโยปิ ภิชฺชนฺตีติ อติสมฺพาธตา จตุตฺโถ โทโส. อติวิสาเล จงฺกเม จงฺกมนฺตสฺส จิตฺตํ วิธาวติ, เอกคฺคตํ น ลภตีติ อติวิสาลตา ปฺจโม โทโส. ปุถุลโต ปน ทิยฑฺฒรตนํ ทฺวีสุ ปสฺเสสุ รตนมตฺตอนุจงฺกมํ ทีฆโต สฏฺิหตฺถํ มุทุตลํ สมวิปฺปกิณฺณวาลุกํ จงฺกมํ วฏฺฏติ เจติยคิริมฺหิ ทีปปฺปสาทกมหินฺทตฺเถรสฺส จงฺกมนํ วิย, ตาทิสํ ตํ อโหสิ. เตนาห ‘‘จงฺกมํ ตตฺถ มาเปสึ, ปฺจโทสวิวชฺชิต’’นฺติ.

อฏฺคุณสมุเปตนฺติ อฏฺหิ สมณสุเขหิ อุเปตํ. อฏฺิมานิ สมณสุขานิ นาม – ธนธฺปริคฺคหาภาโว, อนวชฺชปิณฺฑปาตปริเยสนภาโว, นิพฺพุตปิณฺฑปาตภุฺชนภาโว, รฏฺํ ปีเฬตฺวา ธนสารํ วา สีสกหาปณาทีนิ วา คณฺหนฺเตสุ ราชกุเลสุ รฏฺปีฬนกิเลสาภาโว, อุปกรเณสุ นิจฺฉนฺทราคภาโว, โจรวิโลเป นิพฺภยภาโว, ราชราชมหามตฺเตหิ อสํสฏฺภาโว, จตูสุ ทิสาสุ อปฺปฏิหตภาโวติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา ตสฺมึ อสฺสเม วสนฺเตน สกฺกา โหนฺติ อิมานิ อฏฺ สมณสุขานิ วินฺทิตุํ, เอวํ อฏฺคุณสมุเปตํ ตํ อสฺสมํ มาเปสินฺติ.

อภิฺาพลมาหรินฺติ ปจฺฉา ตสฺมึ อสฺสเม วสนฺโต กสิณปริกมฺมํ กตฺวา อภิฺานํ สมาปตฺตีนฺจ อุปฺปาทนตฺถาย อนิจฺจโต ทุกฺขโต วิปสฺสนํ อารภิตฺวา ถามปฺปตฺตํ วิปสฺสนาพลํ อาหรึ. ยถา ตสฺมึ วสนฺโต ตํ พลํ อาหริตุํ สกฺโกมิ, เอวํ ตํ อสฺสมํ ตสฺส อภิฺตฺถาย วิปสฺสนาพลสฺส อนุจฺฉวิกํ กตฺวา มาเปสินฺติ อตฺโถ.

สาฏกํ ปชหึ ตตฺถ, นวโทสมุปาคตนฺติ เอตฺถายํ อนุปุพฺพิกถา – ตทา กิร กุฏิเลณจงฺกมาทิปฏิมณฺฑิตํ ปุปฺผูปคผลูปครุกฺขสฺฉนฺนํ รมณียํ มธุรสลิลาสยํ อปคตวาฬมิคภึสนกสกุณํ ปวิเวกกฺขมํ อสฺสมํ มาเปตฺวา อลงฺกตจงฺกมสฺส อุโภสุ อนฺเตสุ อาลมฺพนผลกํ สํวิธาย นิสีทนตฺถาย จงฺกมเวมชฺเฌ สมตลํ มุคฺควณฺณสิลํ มาเปตฺวา อนฺโตปณฺณสาลายํ ชฏามณฺฑลวากจีรติทณฺฑกุณฺฑิกาทิเก ตาปสปริกฺขาเร, มณฺฑเป ปานียฆฏปานียสงฺขปานียสราวานิ, อคฺคิสาลายํ องฺคารกปลฺลทารุอาทีนีติ เอวํ ยํ ยํ ปพฺพชิตานํ อุปการาย สํวตฺตติ, ตํ ตํ สพฺพํ มาเปตฺวา ปณฺณสาลาย ภิตฺติยํ ‘‘เย เกจิ ปพฺพชิตุกามา อิเม ปริกฺขาเร คเหตฺวา ปพฺพชนฺตู’’ติ อกฺขรานิ ฉินฺทิตฺวา เทวโลกเมว คเต วิสฺสกมฺมเทวปุตฺเต สุเมธปณฺฑิโต หิมวนฺตปพฺพตปาเท คิริกนฺทรานุสาเรน อตฺตโน นิวาสานุรูปํ ผาสุกฏฺานํ โอโลเกนฺโต นทีนิวตฺตเน วิสฺสกมฺมนิมฺมิตํ สกฺกทตฺติยํ รมณียํ อสฺสมํ ทิสฺวา จงฺกมนโกฏึ คนฺตฺวา ปทวลฺชํ อปสฺสนฺโต ‘‘ธุวํ ปพฺพชิตา ธุรคาเม ภิกฺขํ ปริเยสิตฺวา กิลนฺตรูปา อาคนฺตฺวา ปณฺณสาลํ ปวิสิตฺวา นิสินฺนา ภวิสฺสนฺตี’’ติ จินฺเตตฺวา โถกํ อาคเมตฺวา ‘‘อติวิย จิรายนฺติ, ชานิสฺสามี’’ติ ปณฺณาสาลากุฏิทฺวารํ วิวริตฺวา อนฺโต ปวิสิตฺวา อิโต จิโต จ โอโลเกนฺโต มหาภิตฺติยํ อกฺขรานิ วาเจตฺวา ‘‘มยฺหํ กปฺปิยปริกฺขารา เอเต, อิเม คเหตฺวา ปพฺพชิสฺสามี’’ติ อตฺตโน นิวตฺถปารุตํ สาฏกยุคํ ปชหิ. เตนาห ‘‘สาฏกํ ปชหึ ตตฺถา’’ติ. เอวํ ปวิฏฺโ อหํ, สาริปุตฺต, ตสฺสํ ปณฺณสาลายํ สาฏกํ ปชหึ.

นวโทสมุปาคตนฺติ สาฏกํ ปชหนฺโต นว โทเส ทิสฺวา ปชหินฺติ ทีเปติ. ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตานฺหิ สาฏกสฺมึ นว โทสา อุปฏฺหนฺติ. เตสุ ตสฺส มหคฺฆภาโว เอโก โทโส, ปรปฏิพทฺธตาย อุปฺปชฺชนภาโว เอโก, ปริโภเคน ลหุํ กิลิสฺสนภาโว เอโก. กิลิฏฺโ หิ โธวิตพฺโพ จ รชิตพฺโพ จ โหติ. ปริโภเคน ชีรณภาโว เอโก. ชิณฺณสฺส หิ ตุนฺนํ วา อคฺคฬทานํ วา กาตพฺพํ โหติ. ปุน ปริเยสนาย ทุรภิสมฺภวภาโว เอโก, ตาปสปพฺพชฺชาย อสารุปฺปภาโว เอโก, ปจฺจตฺถิกานํ สาธารณภาโว เอโก. ยถา หิ นํ ปจฺจตฺถิกา น คณฺหนฺติ, เอวํ โคเปตพฺโพ โหติ. ปริภุฺชนฺตสฺส วิภูสนฏฺานภาโว เอโก, คเหตฺวา วิจรนฺตสฺส ขนฺธภารมหิจฺฉภาโว เอโกติ.

วากจีรํ นิวาเสสินฺติ ตทาหํ, สาริปุตฺต, อิเม นว โทเส ทิสฺวา สาฏกํ ปหาย วากจีรํ นิวาเสสึ, มุฺชติณํ หีรํ หีรํ กตฺวา คนฺเถตฺวา กตวากจีรํ นิวาสนปารุปนตฺถาย อาทิยินฺติ อตฺโถ.

ทฺวาทสคุณมุปาคตนฺติ ทฺวาทสหิ อานิสํเสหิ สมนฺนาคตํ. วากจีรสฺมิฺหิ ทฺวาทส อานิสํสา – อปฺปคฺฆํ สุนฺทรํ กปฺปิยนฺติ อยํ ตาว เอโก อานิสํโส, สหตฺถา กาตุํ สกฺกาติ อยํ ทุติโย, ปริโภเคน สณิกํ กิลิสฺสติ, โธวิยมาเนปิ ปปฺโจ นตฺถีติ อยํ ตติโย, ปริโภเคน ชิณฺเณปิ สิพฺพิตพฺพาภาโว จตุตฺโถ, ปุน ปริเยสนฺตสฺส สุเขน กรณภาโว ปฺจโม, ตาปสปพฺพชฺชาย สารุปฺปภาโว ฉฏฺโ, ปจฺจตฺถิกานํ นิรุปโภคภาโว สตฺตโม, ปริภุฺชนฺตสฺส วิภูสนฏฺานาภาโว อฏฺโม, ธารเณ สลฺลหุกภาโว นวโม, จีวรปจฺจเย อปฺปิจฺฉภาโว ทสโม, วากุปฺปตฺติยา ธมฺมิกอนวชฺชภาโว เอกาทสโม, วากจีเร นฏฺเปิ อนเปกฺขภาโว ทฺวาทสโมติ.

อฏฺโทสสมากิณฺณํ, ปชหึ ปณฺณสาลกนฺติ. กถํ ปชหิ? โส กิร วรสาฏกยุคํ โอมุฺจิตฺวา จีวรวํเส ลคฺคิตํ อโนชปุปฺผทามสทิสํ รตฺตํ วากจีรํ คเหตฺวา นิวาเสตฺวา, ตสฺสูปริ อปรํ สุวณฺณวณฺณํ วากจีรํ ปริทหิตฺวา, ปุนฺนาคปุปฺผสนฺถรสทิสํ สขุรํ อชินจมฺมํ เอกํสํ กตฺวา ชฏามณฺฑลํ ปฏิมุฺจิตฺวา จูฬาย สทฺธึ นิจฺจลภาวกรณตฺถํ สารสูจึ ปเวเสตฺวา มุตฺตชาลสทิสาย สิกฺกาย ปวาฬวณฺณํ กุณฺฑิกํ โอทหิตฺวา ตีสุ าเนสุ วงฺกกาชํ อาทาย เอกิสฺสา กาชโกฏิยา กุณฺฑิกํ, เอกิสฺสา องฺกุสปจฺฉิติทณฺฑกาทีนิ โอลคฺเคตฺวา ขาริภารํ อํเส กตฺวา, ทกฺขิเณน หตฺเถน กตฺตรทณฺฑํ คเหตฺวา ปณฺณสาลโต นิกฺขมิตฺวา สฏฺิหตฺเถ มหาจงฺกเม อปราปรํ จงฺกมนฺโต อตฺตโน เวสํ โอโลเกตฺวา – ‘‘มยฺหํ มโนรโถ มตฺถกํ ปตฺโต, โสภติ วต เม ปพฺพชฺชา, พุทฺธปจฺเจกพุทฺธาทีหิ สพฺเพหิ ธีรปุริเสหิ วณฺณิตา โถมิตา อยํ ปพฺพชฺชา นาม, ปหีนํ เม คิหิพนฺธนํ, นิกฺขนฺโตสฺมิ เนกฺขมฺมํ, ลทฺธา เม อุตฺตมปพฺพชฺชา, กริสฺสามิ สมณธมฺมํ, ลภิสฺสามิ มคฺคผลสุข’’นฺติ อุสฺสาหชาโต ขาริกาชํ โอตาเรตฺวา จงฺกมเวมชฺเฌ มุคฺควณฺณสิลาปฏฺเฏ สุวณฺณปฏิมา วิย นิสินฺโน ทิวสภาคํ วีตินาเมตฺวา สายนฺหสมยํ ปณฺณสาลํ ปวิสิตฺวา, พิทลมฺจกปสฺเส กฏฺตฺถริกาย นิปนฺโน สรีรํ อุตุํ คาหาเปตฺวา, พลวปจฺจูเส ปพุชฺฌิตฺวา อตฺตโน อาคมนํ อาวชฺเชสิ ‘‘อหํ ฆราวาเส อาทีนวํ ทิสฺวา อมิตโภคํ อนนฺตยสํ ปหาย อรฺํ ปวิสิตฺวา เนกฺขมฺมคเวสโก หุตฺวา ปพฺพชิโต, อิโต ทานิ ปฏฺาย ปมาทจารํ จริตุํ น วฏฺฏติ.

ปวิเวกฺหิ ปหาย วิจรนฺตํ มิจฺฉาวิตกฺกมกฺขิกา ขาทนฺติ, อิทานิ มยา วิเวกมนุพฺรูเหตุํ วฏฺฏติ. อหฺหิ ฆราวาสํ ปลิโพธโต ทิสฺวา นิกฺขนฺโต, อยฺจ มนาปา ปณฺณสาลา, เพลุวปกฺกวณฺณปริภณฺฑกตา ภูมิ, รชตวณฺณา เสตภิตฺติโย, กโปตปาทวณฺณํ ปณฺณจฺฉทนํ, วิจิตฺตตฺถรณวณฺโณ พิทลมฺจโก, นิวาสผาสุกํ วสนฏฺานํ, น เอตฺโต อติเรกตรา วิย เม เคหสมฺปทา ปฺายตี’’ติ ปณฺณสาลาย โทเส วิจินนฺโต อฏฺ โทเส ปสฺสิ.

ปณฺณสาลาปริโภคสฺมิฺหิ อฏฺ อาทีนวา – มหาสมารมฺเภน ทพฺพสมฺภาเร สโมธาเนตฺวา กรณปริเยสนภาโว เอโก อาทีนโว, ติณปณฺณมตฺติกาสุ ปติตาสุ ตาสํ ปุนปฺปุนํ เปตพฺพตาย นิพนฺธชคฺคนภาโว ทุติโย, เสนาสนํ นาม มหลฺลกสฺส ปาปุณาติ, อเวลาย วุฏฺาปิยมานสฺส จิตฺเตกคฺคตา น โหตีติ อุฏฺาปนิยภาโว ตติโย, สีตุณฺหปฏิฆาเตน กายสฺส สุขุมาลกรณภาโว จตุตฺโถ, เคหํ ปวิฏฺเน ยํกิฺจิ ปาปํ สกฺกา กาตุนฺติ ครหาปฏิจฺฉาทนภาโว ปฺจโม, ‘‘มยฺห’’นฺติ ปริคฺคหกรณภาโว ฉฏฺโ, เคหสฺส อตฺถิภาโว นาม สทุติยกวาโสติ สตฺตโม, อูกามงฺคุลฆรโคฬิกาทีนํ สาธารณตาย พหุสาธารณภาโว อฏฺโม. อิติ อิเม อฏฺ อาทีนเว ทิสฺวา มหาสตฺโต ปณฺณสาลํ ปชติ. เตนาห ‘‘อฏฺโทสสมากิณฺณํ, ปชหึ ปณฺณสาลก’’นฺติ.

อุปาคมึ รุกฺขมูลํ, คุเณ ทสหุปาคตนฺติ ฉนฺนํ ปฏิกฺขิปิตฺวา ทสหิ คุเณหิ อุเปตํ รุกฺขมูลํ อุปคโตสฺมีติ วทติ. ตตฺริเม ทส คุณา – อปฺปสมารมฺภตา เอโก คุโณ, อุปคมนมตฺตกเมว หิ ตตฺถ โหติ; อปฏิชคฺคนตา ทุติโย, ตฺหิ สมฺมฏฺมฺปิ อสมฺมฏฺมฺปิ ปริโภคผาสุกํ โหติเยว. อนุฏฺาปริยภาโว ตติโย, ครหํ นปฺปฏิจฺฉาเทติ; ตตฺถ หิ ปาปํ กโรนฺโต ลชฺชตีติ ครหาย อปฺปฏิจฺฉนฺนภาโว จตุตฺโถ; อพฺโภกาสวาโส วิย กายํ น สนฺถมฺเภตีติ กายสฺส อสนฺถมฺภนภาโว ปฺจโม; ปริคฺคหกรณาภาโว ฉฏฺโ; เคหาลยปฏิกฺเขโป สตฺตโม; พหุสาธารณเคเห วิย ‘‘ปฏิชคฺคิสฺสามิ นํ, นิกฺขมถา’’ติ นีหรณกาภาโว อฏฺโม; วสนฺตสฺส สปฺปีติกภาโว นวโม; รุกฺขมูลเสนาสนสฺส คตคตฏฺาเน สุลภตาย อนเปกฺขภาโว ทสโมติ อิเม ทส คุเณ ทิสฺวา รุกฺขมูลํ อุปาคโตสฺมีติ วทติ.

อิมานิ เอตฺตกานิ การณานิ สลฺลกฺเขตฺวา มหาสตฺโต ปุนทิวเส ภิกฺขาย คามํ ปาวิสิ. อถสฺส สมฺปตฺตคาเม มนุสฺสา มหนฺเตน อุสฺสาเหน ภิกฺขํ อทํสุ. โส ภตฺตกิจฺจํ นิฏฺาเปตฺวา อสฺสมํ อาคมฺม นิสีทิตฺวา จินฺเตสิ ‘‘นาหํ อาหารํ น ลภามีติ ปพฺพชิโต, สินิทฺธาหาโร นาเมส มานมทปุริสมเท วฑฺเฒติ, อาหารมูลกสฺส จ ทุกฺขสฺส อนฺโต นตฺถิ. ยํนูนาหํ วาปิตโรปิตธฺนิพฺพตฺตํ อาหารํ ปชหิตฺวา ปวตฺตผลโภชโน ภเวยฺย’’นฺติ. โส ตโต ฏฺาย ตถา กตฺวา ฆเฏนฺโต วายมนฺโต สตฺตาหพฺภนฺตเรเยว อฏฺ สมาปตฺติโย ปฺจ อภิฺาโย จ นิพฺพตฺเตสิ. เตน วุตฺตํ –

‘‘วาปิตํ โรปิตํ ธฺํ, ปชหึ นิรวเสสโต;

อเนกคุณสมฺปนฺนํ, ปวตฺตผลมาทิยึ.

‘‘ตตฺถปฺปธานํ ปทหึ, นิสชฺชฏฺานจงฺกเม;

อพฺภนฺตรมฺหิ สตฺตาเห, อภิฺาพลปาปุณิ’’นฺติ.

เอวํ อภิฺาพลํ ปตฺวา สุเมธตาปเส สมาปตฺติสุเขน วีตินาเมนฺเต ทีปงฺกโร นาม สตฺถา โลเก อุทปาทิ. ตสฺส ปฏิสนฺธิชาติสมฺโพธิธมฺมจกฺกปฺปวตฺตเนสุ สกลาปิ ทสสหสฺสี โลกธาตุ สํกมฺปิ สมฺปกมฺปิ สมฺปเวธิ, มหาวิรวํ วิรวิ, ทฺวตฺตึส ปุพฺพนิมิตฺตานิ ปาตุรเหสุํ. สุเมธตาปโส สมาปตฺติสุเขน วีตินาเมนฺโต เนว ตํ สทฺทมสฺโสสิ, น ตานิ นิมิตฺตานิ อทฺทส. เตน วุตฺตํ –

‘‘เอวํ เม สิทฺธิปฺปตฺตสฺส, วสีภูตสฺส สาสเน;

ทีปงฺกโร นาม ชิโน, อุปฺปชฺชิ โลกนายโก.

‘‘อุปฺปชฺชนฺเต จ ชายนฺเต, พุชฺฌนฺเต ธมฺมเทสเน;

จตุโร นิมิตฺเต นาทฺทสํ, ฌานรติสมปฺปิโต’’ติ.

ตสฺมึ กาเล ทีปงฺกรทสพโล จตูหิ ขีณาสวสตสหสฺเสหิ ปริวุโต อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน รมฺมํ นาม นครํ ปตฺวา สุทสฺสนมหาวิหาเร ปฏิวสติ. รมฺมนครวาสิโน ‘‘ทีปงฺกโร กิร สมณิสฺสโร ปรมาติสมฺโพธึ ปตฺวา ปวตฺตวรธมฺมจกฺโก อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน รมฺมนครํ ปตฺวา สุทสฺสนมหาวิหาเร ปฏิวสตี’’ติ สุตฺวา สปฺปินวนีตาทีนิ เจว เภสชฺชานิ วตฺถจฺฉาทนานิ จ คาหาเปตฺวา คนฺธมาลาทิหตฺถา เยน พุทฺโธ, เยน ธมฺโม, เยน สงฺโฆ, ตนฺนินฺนา ตปฺโปณา ตปฺปพฺภารา หุตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา คนฺธมาลาทีหิ ปูเชตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺนา ธมฺมเทสนํ สุตฺวา สฺวาตนาย นิมนฺเตตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกมึสุ.

เต ปุนทิวเส มหาทานํ สชฺเชตฺวา นครํ อลงฺกริตฺวา ทสพลสฺส อาคมนมคฺคํ อลงฺกโรนฺตา อุทกภินฺนฏฺาเนสุ ปํสุํ ปกฺขิปิตฺวา สมํ ภูมิตลํ กตฺวา รชตปฏฺฏวณฺณํ วาลุกํ อากิรนฺติ, ลาชานิ เจว ปุปฺผานิ จ วิกิรนฺติ, นานาวิราเคหิ วตฺเถหิ ธชปฏาเก อุสฺสาเปนฺติ, กทลิโย เจว ปุณฺณฆฏปนฺติโย จ ปติฏฺาเปนฺติ. ตสฺมึ กาเล สุเมธตาปโส อตฺตโน อสฺสมปทา อุคฺคนฺตฺวา เตสํ มนุสฺสานํ อุปริภาเคน อากาเสน คจฺฉนฺโต เต หฏฺตุฏฺเ มนุสฺเส ทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข การณ’’นฺติ อากาสโต โอรุยฺห เอกมนฺตํ ิโต มนุสฺเส ปุจฺฉิ – ‘‘อมฺโภ กสฺส ตุมฺเห อิมํ มคฺคํ อลงฺกโรถา’’ติ? เตน วุตฺตํ –

‘‘ปจฺจนฺตเทสวิสเย, นิมนฺเตตฺวา ตถาคตํ;

ตสฺส อาคมนํ มคฺคํ, โสเธนฺติ ตุฏฺมานสา.

‘‘อหํ เตน สมเยน, นิกฺขมิตฺวา สกสฺสมา;

ธุนนฺโต วากจีรานิ, คจฺฉามิ อมฺพเร ตทา.

‘‘เวทชาตํ ชนํ ทิสฺวา, ตุฏฺหฏฺํ ปโมทิตํ;

โอโรหิตฺวาน คคนา, มนุสฺเส ปุจฺฉิ ตาวเท.

‘‘‘ตุฏฺหฏฺโ ปมุทิโต, เวทชาโต มหาชโน;

กสฺส โสธียติ มคฺโค, อฺชสํ วฏุมายน’’’นฺติ.

มนุสฺสา อาหํสุ ‘‘ภนฺเต สุเมธ, น ตฺวํ ชานาสิ, ทีปงฺกรทสพโล สมฺมาสมฺโพธึ ปตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺโก จาริกํ จรมาโน อมฺหากํ นครํ ปตฺวา สุทสฺสนมหาวิหาเร ปฏิวสติ. มยํ ตํ ภควนฺตํ นิมนฺตยิมฺหา, ตสฺเสตํ พุทฺธสฺส ภควโต อาคมนมคฺคํ อลงฺกโรมา’’ติ. สุเมธตาปโส จินฺเตสิ – ‘‘พุทฺโธติ โข โฆสมตฺตกมฺปิ โลเก ทุลฺลภํ, ปเคว พุทฺธุปฺปาโท, มยาปิ อิเมหิ มนุสฺเสหิ สทฺธึ ทสพลสฺส มคฺคํ อลงฺกริตุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส เต มนุสฺเส อาห – ‘‘สเจ โภ ตุมฺเห เอตํ มคฺคํ พุทฺธสฺส อลงฺกโรถ, มยฺหมฺปิ เอกํ โอกาสํ เทถ, อหมฺปิ ตุมฺเหหิ สทฺธึ มคฺคํ อลงฺกริสฺสามี’’ติ. เต ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ‘‘สุเมธตาปโส อิทฺธิมา’’ติ ชานนฺตา อุทกภินฺโนกาสํ สลฺลกฺเขตฺวา ‘‘ตฺวํ อิมํ านํ อลงฺกโรหี’’ติ อทํสุ. สุเมโธ พุทฺธารมฺมณํ ปีตึ คเหตฺวา จินฺเตสิ ‘‘อหํ อิมํ โอกาสํ อิทฺธิยา อลงฺกริตุํ สกฺโกมิ, เอวํ อลงฺกโต ปน มม มนํ น ปริโตเสสฺสติ, อชฺช มยา กายเวยฺยาวจฺจํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ ปํสุํ อาหริตฺวา ตสฺมึ ปเทเส ปกฺขิปิ.

ตสฺส ตสฺมึ ปเทเส อนลงฺกเตเยว ทีปงฺกโร ทสพโล มหานุภาวานํ ฉฬภิฺานํ ขีณาสวานํ จตูหิ สตสหสฺเสหิ ปริวุโต เทวตาสุ ทิพฺพคนฺธมาลาทีหิ ปูชยนฺตีสุ ทิพฺพสงฺคีเตสุ ปวตฺตนฺเตสุ มนุสฺเสสุ มานุสกคนฺเธหิ เจว มาลาทีหิ จ ปูชยนฺเตสุ อนนฺตาย พุทฺธลีฬาย มโนสิลาตเล วิชมฺภมาโน สีโห วิย ตํ อลงฺกตปฏิยตฺตํ มคฺคํ ปฏิปชฺชิ. สุเมธตาปโส อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา อลงฺกตมคฺเคน อาคจฺฉนฺตสฺส ทสพลสฺส ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณปฏิมณฺฑิตํ อสีติยา อนุพฺยฺชเนหิ อนุรฺชิตํ พฺยามปฺปภาย สมฺปริวาริตํ มณิวณฺณคคนตเล นานปฺปการา วิชฺชุลตา วิย อาเวฬาเวฬภูตา เจว ยุคลยุคลภูตา จ ฉพฺพณฺณฆนพุทฺธรสฺมิโย วิสฺสชฺเชนฺตํ รูปคฺคปฺปตฺตํ อตฺตภาวํ โอโลเกตฺวา ‘‘อชฺช มยา ทสพลสฺส ชีวิตปริจฺจาคํ กาตุํ วฏฺฏติ, มา ภควา กลลํ อกฺกมิ, มณิผลกเสตุํ ปน อกฺกมนฺโต วิย สทฺธึ จตูหิ ขีณาสวสตสหสฺเสหิ มม ปิฏฺึ มทฺทมาโน คจฺฉตุ, ตํ เม ภวิสฺสติ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’’ติ เกเส โมเจตฺวา อชินจมฺมชฏามณฺฑลวากจีรานิ กาฬวณฺเณ กลเล ปตฺถริตฺวา มณิผลกเสตุ วิย กลลปิฏฺเ นิปชฺชิ. เตน วุตฺตํ –

‘‘เต เม ปุฏฺา วิยากํสุ, ‘พุทฺโธ โลเก อนุตฺตโร;

ทีปงฺกโร นาม ชิโน, อุปฺปชฺชิ โลกนายโก;

ตสฺส โสธียติ มคฺโค, อฺชสํ วฏุมายนํ’.

‘‘พุทฺโธติ มม สุตฺวาน, ปีติ อุปฺปชฺชิ ตาวเท;

พุทฺโธ พุทฺโธติ กถยนฺโต, โสมนสฺสํ ปเวทยึ.

‘‘ตตฺถ ตฺวา วิจินฺเตสึ, ตุฏฺโ สํวิคฺคมานโส;

‘อิธ พีชานิ โรปิสฺสํ, ขโณ เอว มา อุปจฺจคา’.

‘‘ยทิ พุทฺธสฺส โสเธถ, เอโกกาสํ ททาถ เม;

อหมฺปิ โสธยิสฺสามิ, อฺชสํ วฏุมายนํ.

‘‘อทํสุ เต มโมกาสํ, โสเธตุํ อฺชสํ ตทา;

พุทฺโธ พุทฺโธติ จินฺเตนฺโต, มคฺคํ โสเธมหํ ตทา.

‘‘อนิฏฺิเต มโมกาเส, ทีปงฺกโร มหามุนิ;

จตูหิ สตสหสฺเสหิ, ฉฬภิฺเหิ ตาทิหิ;

ขีณาสเวหิ วิมเลหิ, ปฏิปชฺชิ อฺชสํ ชิโน.

‘‘ปจฺจุคฺคมนา วตฺตนฺติ, วชฺชนฺติ เภริโย พหู;

อาโมทิตา นรมรู, สาธุการํ ปวตฺตยุํ.

‘‘เทวา มนุสฺเส ปสฺสนฺติ, มนุสฺสาปิ จ เทวตา;

อุโภปิ เต ปฺชลิกา, อนุยนฺติ ตถาคตํ.

‘‘เทวา ทิพฺเพหิ ตุริเยหิ, มนุสฺสา มานุเสหิ จ;

อุโภปิ เต วชฺชยนฺตา, อนุยนฺติ ตถาคตํ.

‘‘ทิพฺพํ มนฺทารวํ ปุปฺผํ, ปทุมํ ปาริฉตฺตกํ;

ทิโสทิสํ โอกิรนฺติ, อากาสนภคตา มรู.

‘‘จมฺปกํ สลลํ นีปํ, นาคปุนฺนาคเกตกํ;

ทิโสทิสํ อุกฺขิปนฺติ, ภูมิตลคตา นรา.

‘‘เกเส มุฺจิตฺวาหํ ตตฺถ, วากจีรฺจ จมฺมกํ;

กลเล ปตฺถริตฺวาน, อวกุชฺโช นิปชฺชหํ.

‘‘อกฺกมิตฺวาน มํ พุทฺโธ, สห สิสฺเสหิ คจฺฉตุ;

มา นํ กลเล อกฺกมิตฺโถ, หิตาย เม ภวิสฺสตี’’ติ.

โส กลลปิฏฺเ นิปนฺนโกว ปุน อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา ทีปงฺกรทสพลสฺส พุทฺธสิรึ สมฺปสฺสมาโน เอวํ จินฺเตสิ – ‘‘สจาหํ อิจฺเฉยฺยํ, สพฺพกิเลเส ฌาเปตฺวา สงฺฆนวโก หุตฺวา รมฺมนครํ ปวิเสยฺยํ. อฺาตกเวเสน ปน เม กิเลเส ฌาเปตฺวา นิพฺพานปฺปตฺติยา กิจฺจํ นตฺถิ. ยํนูนาหํ ทีปงฺกรทสพโล วิย ปรมาภิสมฺโพธึ ปตฺวา ธมฺมนาวํ อาโรเปตฺวา มหาชนํ สํสารสาครา อุตฺตาเรตฺวา ปจฺฉา ปรินิพฺพาเยยฺยํ, อิทํ มยฺหํ ปติรูป’’นฺติ. ตโต อฏฺ ธมฺเม สโมธาเนตฺวา พุทฺธภาวาย อภินีหารํ กตฺวา นิปชฺชิ. เตน วุตฺตํ –

‘‘ปถวิยํ นิปนฺนสฺส, เอวํ เม อาสิ เจตโส;

‘อิจฺฉมาโน อหํ อชฺช, กิเลเส ฌาปเย มม.

‘กึ เม อฺาตเวเสน, ธมฺมํ สจฺฉิกเตนิธ;

สพฺพฺุตํ ปาปุณิตฺวา, พุทฺโธ เหสฺสํ สเทวเก.

‘กึ เม เอเกน ติณฺเณน, ปุริเสน ถามทสฺสินา;

สพฺพฺุตํ ปาปุณิตฺวา, สนฺตาเรสฺสํ สเทวเก.

‘อิมินา เม อธิกาเรน, กเตน ปุริสุตฺตเม;

สพฺพฺุตํ ปาปุณิตฺวา, ตาเรมิ ชนตํ พหุํ.

‘สํสารโสตํ ฉินฺทิตฺวา, วิทฺธํเสตฺวา ตโย ภเว;

ธมฺมนาวํ สมารุยฺห, สนฺตาเรสฺสํ สเทวเก’’’ติ. (พุ. วํ. ๒.๕๔-๕๘);

ยสฺมา ปน พุทฺธตฺตํ ปตฺเถนฺตสฺส –

‘‘มนุสฺสตฺตํ ลิงฺคสมฺปตฺติ, เหตุ สตฺถารทสฺสนํ;

ปพฺพชฺชา คุณสมฺปตฺติ, อธิกาโร จ ฉนฺทตา;

อฏฺธมฺมสโมธานา, อภินีหาโร สมิชฺฌตี’’ติ. (พุ. วํ. ๒.๕๙);

มนุสฺสตฺตภาวสฺมึเยว หิ ตฺวา พุทฺธตฺตํ ปตฺเถนฺตสฺส ปตฺถนา สมิชฺฌติ, น นาคสฺส วา สุปณฺณสฺส วา เทวตาย วา ปตฺถนา สมิชฺฌติ. มนุสฺสตฺตภาเวปิ ปุริสลิงฺเค ิตสฺเสว ปตฺถนา สมิชฺฌติ, น อิตฺถิยา วา ปณฺฑกนปุํสกอุภโตพฺยฺชนกานํ วา ปตฺถนา สมิชฺฌติ. ปุริสสฺสาปิ ตสฺมึ อตฺตภาเว อรหตฺตปฺปตฺติยา เหตุสมฺปนฺนสฺเสว ปตฺถนา สมิชฺฌติ, โน อิตรสฺส. เหตุสมฺปนฺนสฺสาปิ ชีวมานกพุทฺธสฺเสว สนฺติเก ปตฺเถนฺตสฺส ปตฺถนา สมิชฺฌติ, ปรินิพฺพุเต พุทฺเธ เจติยสนฺติเก วา โพธิมูเล วา ปตฺเถนฺตสฺส น สมิชฺฌติ. พุทฺธานํ สนฺติเก ปตฺเถนฺตสฺสาปิ ปพฺพชฺชาลิงฺเค ิตสฺเสว สมิชฺฌติ, โน คิหิลิงฺเค ิตสฺส. ปพฺพชิตสฺสาปิ ปฺจาภิฺสฺส อฏฺสมาปตฺติลาภิโนเยว สมิชฺฌติ, น อิมาย คุณสมฺปตฺติยา วิรหิตสฺส. คุณสมฺปนฺเนนาปิ เยน อตฺตโน ชีวิตํ พุทฺธานํ ปริจฺจตฺตํ โหติ, ตสฺส อิมินา อธิกาเรน อธิการสมฺปนฺนสฺเสว สมิชฺฌติ, น อิตรสฺส. อธิการสมฺปนฺนสฺสาปิ ยสฺส พุทฺธการกธมฺมานํ อตฺถาย มหนฺโต ฉนฺโท จ อุสฺสาโห จ วายาโม จ ปริเยฏฺิ จ, ตสฺเสว สมิชฺฌติ, น อิตรสฺส.

ตตฺริทํ ฉนฺทมหนฺตตาย โอปมฺมํ – สเจ หิ เอวมสฺส ‘‘โย สกลจกฺกวาฬคพฺภํ เอโกทกีภูตํ อตฺตโน พาหุพเลน อุตฺตริตฺวา ปารํ คนฺตุํ สมตฺโถ, โส พุทฺธตฺตํ ปาปุณาติ. โย วา ปน สกลจกฺกวาฬคพฺภํ เวฬุคุมฺพสฺฉนฺนํ พฺยูหิตฺวา มทฺทิตฺวา ปทสา คจฺฉนฺโต ปารํ คนฺตุํ สมตฺโถ, โส พุทฺธตฺตํ ปาปุณาติ. โย วา ปน สกลจกฺกวาฬคพฺภํ สตฺติโย อาโกเฏตฺวา นิรนฺตรํ สตฺติผลสมากิณฺณํ ปทสา อกฺกมมาโน ปารํ คนฺตุํ สมตฺโถ, โส พุทฺธตฺตํ ปาปุณาติ. โย วา ปน สกลจกฺกวาฬคพฺภํ วีตจฺจิตงฺคารภริตํ ปาเทหิ มทฺทมาโน ปารํ คนฺตุํ สมตฺโถ, โส พุทฺธตฺตํ ปาปุณาตี’’ติ. โย เอเตสุ เอกมฺปิ อตฺตโน ทุกฺกรํ น มฺติ, ‘‘อหํ เอตมฺปิ ตริตฺวา วา คนฺตฺวา วา ปารํ คเหสฺสามี’’ติ เอวํ มหนฺเตน ฉนฺเทน จ อุสฺสาเหน จ วายาเมน จ ปริเยฏฺิยา จ สมนฺนาคโต โหติ, ตสฺส ปตฺถนา สมิชฺฌติ, น อิตรสฺส. สุเมธตาปโส ปน อิเม อฏฺ ธมฺเม สโมธาเนตฺวา พุทฺธภาวาย อภินีหารํ กตฺวา นิปชฺชิ.

ทีปงฺกโรปิ ภควา อาคนฺตฺวา สุเมธตาปสสฺส สีสภาเค ตฺวา มณิสีหปฺชรํ อุคฺฆาเฏนฺโต วิย ปฺจวณฺณปฺปสาทสมฺปนฺนานิ อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา กลลปิฏฺเ นิปนฺนํ สุเมธตาปสํ ทิสฺวา ‘‘อยํ ตาปโส พุทฺธตฺตาย อภินีหารํ กตฺวา นิปนฺโน, อิชฺฌิสฺสติ นุ โข อิมสฺส ปตฺถนา, อุทาหุ โน’’ติ อนาคตํสาณํ เปเสตฺวา อุปธาเรนฺโต ‘‘อิโต กปฺปสตสหสฺสาธิกานิ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ อติกฺกมิตฺวา โคตโม นาม พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ ตฺวา ิตโกว ปริสมชฺเฌ พฺยากาสิ – ‘‘ปสฺสถ โน ตุมฺเห อิมํ อุคฺคตปํ ตาปสํ กลลปิฏฺเ นิปนฺน’’นฺติ? ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘อยํ พุทฺธตฺตาย อภินีหารํ กตฺวา นิปนฺโน, สมิชฺฌิสฺสติ อิมสฺส ปตฺถนา, อิโต กปฺปสตสหสฺสาธิกานํ จตุนฺนํ อสงฺขฺเยยฺยานํ มตฺถเก โคตโม นาม พุทฺโธ ภวิสฺสติ. ตสฺมึ ปนสฺส อตฺตภาเว กปิลวตฺถุ นาม นครํ นิวาโส ภวิสฺสติ, มายา นาม เทวี มาตา, สุทฺโธทโน นาม ราชา ปิตา, อคฺคสาวโก อุปติสฺโส นาม เถโร, ทุติยสาวโก โกลิโต นาม, พุทฺธุปฏฺาโก อานนฺโท นาม, อคฺคสาวิกา เขมา นาม เถรี, ทุติยสาวิกา อุปฺปลวณฺณา นาม เถรี ภวิสฺสติ, ปริปกฺกาโณ มหาภินิกฺขมนํ กตฺวา มหาปธานํ ปทหิตฺวา นิคฺโรธมูเล ปายาสํ ปฏิคฺคเหตฺวา เนรฺชราย ตีเร ปริภุฺชิตฺวา โพธิมณฺฑํ อารุยฺห อสฺสตฺถรุกฺขมูเล อภิสมฺพุชฺฌิสฺสตี’’ติ. เตน วุตฺตํ –

‘‘ทีปงฺกโร โลกวิทู, อาหุตีนํ ปฏิคฺคโห;

อุสฺสีสเก มํ ตฺวาน, อิทํ วจนมพฺรวิ.

‘ปสฺสถ อิมํ ตาปสํ, ชฏิลํ อุคฺคตาปนํ;

อปริเมยฺเย อิโต กปฺเป, พุทฺโธ โลเก ภวิสฺสติ.

‘อหุ กปิลวฺหยา รมฺมา, นิกฺขมิตฺวา ตถาคโต;

ปธานํ ปทหิตฺวาน, กตฺวา ทุกฺกรการิกํ.

‘อชปาลรุกฺขมูเล, นิสีทิตฺวา ตถาคโต;

ตตฺถ ปายาสํ ปคฺคยฺห, เนรฺชรมุเปหิติ.

‘เนรฺชราย ตีรมฺหิ, ปายาสํ อท โส ชิโน;

ปฏิยตฺตวรมคฺเคน, โพธิมูลมูเปหิติ.

‘ตโต ปทกฺขิณํ กตฺวา, โพธิมณฺฑํ อนุตฺตโร;

อสฺสตฺถรุกฺขมูลมฺหิ, พุชฺฌิสฺสติ มหายโส.

‘อิมสฺส ชนิกา มาตา, มายา นาม ภวิสฺสติ;

ปิตา สุทฺโธทโน นาม, อยํ เหสฺสติ โคตโม.

‘อนาสวา วีตราคา, สนฺตจิตฺตา สมาหิตา;

โกลิโต อุปติสฺโส จ, อคฺคา เหสฺสนฺติ สาวกา;

อานนฺโท นามุปฏฺาโก, อุปฏฺิสฺสติ ตํ ชินํ.

‘เขมา อุปฺปลวณฺณา จ, อคฺคา เหสฺสนฺติ สาวิกา;

อนาสวา วีตราคา, สนฺตจิตฺตา สมาหิตา;

โพธิ ตสฺส ภควโต, อสฺสตฺโถติ ปวุจฺจตี’’’ติ.

สุเมธตาปโส ‘‘มยฺหํ กิร ปตฺถนา สมิชฺฌิสฺสตี’’ติ โสมนสฺสปฺปตฺโต อโหสิ. มหาชโน ทีปงฺกรทสพลสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘สุเมธตาปโส กิร พุทฺธพีชํ พุทฺธงฺกุโร’’ติ หฏฺตุฏฺโ อโหสิ. เอวฺจสฺส อโหสิ ‘‘ยถา นาม ปุริโส นทึ ตรนฺโต อุชุเกน ติตฺเถน อุตฺตริตุํ อสกฺโกนฺโต เหฏฺาติตฺเถน อุตฺตรติ, เอวเมว มยมฺปิ ทีปงฺกรทสพลสฺส สาสเน มคฺคผลํ อลภมานา อนาคเต ยทา ตฺวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ, ตทา ตว สมฺมุขา มคฺคผลํ สจฺฉิกาตุํ สมตฺถา ภเวยฺยามา’’ติ ปตฺถนํ ปยึสุ. ทีปงฺกรทสพโลปิ โพธิสตฺตํ ปสํสิตฺวา อฏฺหิ ปุปฺผมุฏฺีหิ ปูเชตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิ, เตปิ จตุสตสหสฺสสงฺขา ขีณาสวา โพธิสตฺตํ คนฺเธหิ จ มาเลหิ จ ปูเชตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกมึสุ. เทวมนุสฺสา ปน ตเถว ปูเชตฺวา วนฺทิตฺวา ปกฺกนฺตา.

โพธิสตฺโต สพฺเพสํ ปฏิกฺกนฺตกาเล สยนา วุฏฺาย ‘‘ปารมิโย วิจินิสฺสามี’’ติ ปุปฺผราสิมตฺถเก ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา นิสีทิ. เอวํ นิสินฺเน โพธิสตฺเต สกลทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตา สนฺนิปติตฺวา สาธุการํ ทตฺวา ‘‘อยฺย สุเมธตาปส, โปราณกโพธิสตฺตานํ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา ‘ปารมิโย วิจินิสฺสามา’ติ นิสินฺนกาเล ยานิ ปุพฺพนิมิตฺตานิ นาม ปฺายนฺติ, ตานิ สพฺพานิปิ อชฺช ปาตุภูตานิ, นิสฺสํสเยน ตฺวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ, มยมฺเปตํ ชานาม ‘ยสฺเสตานิ นิมิตฺตานิ ปฺายนฺติ, เอกนฺเตน โส พุทฺโธ โหติ’, ตฺวํ อตฺตโน วีริยํ ทฬฺหํ กตฺวา ปคฺคณฺหา’’ติ โพธิสตฺตํ นานปฺปการาหิ ถุตีหิ อภิตฺถุนึสุ. เตน วุตฺตํ –

‘‘อิทํ สุตฺวาน วจนํ, อสมสฺส มเหสิโน;

อาโมทิตา นรมรู, พุทฺธพีชํ กิร อยํ.

‘อุกฺกุฏฺิสทฺทา วตฺตนฺติ, อปฺโผเฏนฺติ หสนฺติ จ;

กตฺชลี นมสฺสนฺติ, ทสสหสฺสี สเทวกา.

‘ยทิมสฺส โลกนาถสฺส, วิรชฺฌิสฺสาม สาสนํ;

อนาคตมฺหิ อทฺธาเน, เหสฺสาม สมฺมุขา อิมํ.

‘ยถา มนุสฺสา นทึ ตรนฺตา, ปฏิภิตฺถํ วิรชฺฌิย;

เหฏฺาติตฺเถ คเหตฺวาน, อุตฺตรนฺติ มหานทึ.

‘เอวเมว มยํ สพฺเพ, ยทิ มุฺจามิมํ ชินํ;

อนาคตมฺหิ อทฺธาเน, เหสฺสาม สมฺมุขา อิมํ’.

‘ทีปงฺกโร โลกวิทู, อาหุตีนํ ปฏิคฺคโห;

มม กมฺมํ ปกิตฺเตตฺวา, ทกฺขิณํ ปาทมุทฺธริ.

‘เย ตตฺถาสุํ ชินปุตฺตา, สพฺเพ ปทกฺขิณมกํสุ มํ;

นรา นาคา จ คนฺธพฺพา, อภิวาเทตฺวาน ปกฺกมุํ.

‘ทสฺสนํ เม อติกฺกนฺเต, สสงฺเฆ โลกนายเก;

หฏฺตุฏฺเน จิตฺเตน, อาสนา วุฏฺหึ ตทา.

‘สุเขน สุขิโต โหมิ, ปาโมชฺเชน ปโมทิโต;

ปีติยา จ อภิสฺสนฺโน, ปลฺลงฺกํ อาภุชึ ตทา.

‘ปลฺลงฺเกน นิสีทิตฺวา, เอวํ จินฺเตสหํ ตทา;

‘วสีภูโต อหํ ฌาเน, อภิฺาสุ ปารมึ คโต.

‘สหสฺสิยมฺหิ โลกมฺหิ, อิสโย นตฺถิ เม สมา;

อสโม อิทฺธิธมฺเมสุ, อลภึ อีทิสํ สุขํ’.

‘ปลฺลงฺกาภุชเน มยฺหํ, ทสสหสฺสาธิวาสิโน;

มหานาทํ ปวตฺเตสุํ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

‘ยา ปุพฺเพ โพธิสตฺตานํ, ปลฺลงฺกวรมาภุเช;

นิมิตฺตานิ ปทิสฺสนฺติ, ตานิ อชฺช ปทิสฺสเร.

‘สีตํ พฺยปคตํ โหติ, อุณฺหฺจ อุปสมฺมติ;

ตานิ อชฺช ปทิสฺสนฺติ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

‘ทสสหสฺสี โลกธาตู, นิสฺสทฺทา โหนฺติ นิรากุลา;

ตานิ อชฺช ปทิสฺสนฺติ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

‘มหาวาตา น วายนฺติ, น สนฺทนฺติ สวนฺติโย;

ตานิ อชฺช ปทิสฺสนฺติ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

‘ถลชา ทกชา ปุปฺผา, สพฺเพ ปุปฺผนฺติ ตาวเท;

เตปชฺช ปุปฺผิตา สพฺเพ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

‘ลตา วา ยทิ วา รุกฺขา, ผลภารา โหนฺติ ตาวเท;

เตปชฺช ผลิตา สพฺเพ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

‘อากาสฏฺา จ ภูมฏฺา, รตนา โชตนฺติ ตาวเท;

เตปชฺช รตนา โชตนฺติ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

‘มานุสกา จ ทิพฺพา จ, ตุริยา วชฺชนฺติ ตาวเท;

เตปชฺชุโภ อภิรวนฺติ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

‘วิจิตฺตปุปฺผา คคนา, อภิวสฺสนฺติ ตาวเท;

เตปิ อชฺช ปวสฺสนฺติ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

‘มหาสมุทฺโท อาภุชติ, ทสสหสฺสี ปกมฺปติ;

เตปชฺชุโภ อภิรวนฺติ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

‘นิรเยปิ ทสสหสฺเส, อคฺคี นิพฺพนฺติ ตาวเท;

เตปชฺช นิพฺพุตา อคฺคี, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

‘วิมโล โหติ สูริโย, สพฺพา ทิสฺสนฺติ ตารกา;

เตปิ อชฺช ปทิสฺสนฺติ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

‘อโนวฏฺเน อุทกํ, มหิยา อุพฺภิชฺชิ ตาวเท;

ตมฺปชฺชุพฺภิชฺชเต มหิยา, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

‘ตาราคณา วิโรจนฺติ, นกฺขตฺตา คคนมณฺฑเล;

วิสาขา จนฺทิมายุตฺตา, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

‘พิลาสยา ทรีสยา, นิกฺขมนฺติ สกาสยา;

เตปชฺช อาสยา ฉุทฺธา, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

‘น โหติ อรติ สตฺตานํ, สนฺตุฏฺา โหนฺติ ตาวเท;

เตปชฺช สพฺเพ สนฺตุฏฺา, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

‘โรคา ตทูปสมฺมนฺติ, ชิฆจฺฉา จ วินสฺสติ;

ตานิปชฺช ปทิสฺสนฺติ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

‘ราโค ตทา ตนุ โหติ, โทโส โมโห วินสฺสติ;

เตปชฺช วิคตา สพฺเพ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

‘ภยํ ตทา น ภวติ, อชฺชเปตํ ปทิสฺสติ;

เตน ลิงฺเคน ชานาม, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

‘รโช นุทฺธํสติ อุทฺธํ, อชฺชเปตํ ปทิสฺสติ;

เตน ลิงฺเคน ชานาม, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

‘อนิฏฺคนฺโธ ปกฺกมติ, ทิฏฺคนฺโธ ปวายติ;

โสปชฺช วายติ คนฺโธ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

‘สพฺเพ เทวา ปทิสฺสนฺติ, ปยิตฺวา อรูปิโน;

เตปชฺช สพฺเพ ทิสฺสนฺติ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

‘ยาวตา นิรยา นาม, สพฺเพ ทิสฺสนฺติ ตาวเท;

เตปชฺช สพฺเพ ทิสฺสนฺติ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

‘กุฏฺฏา กวาฏา เสลา จ, น โหนฺตาวรณา ตทา;

อากาสภูตา เตปชฺช, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

‘จุตี จ อุปปตฺติ จ, ขเณ ตสฺมึ น วิชฺชติ;

ตานิปชฺช ปทิสฺสนฺติ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.

‘ทฬฺหํ ปคฺคณฺห วีริยํ, มา นิวตฺต อภิกฺกม;

มยมฺเปตํ วิชานาม, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’’ติ.

โพธิสตฺโต ทีปงฺกรทสพลสฺส จ ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตานฺจ วจนํ สุตฺวา ภิยฺโยโส มตฺตาย สฺชาตุสฺสาโห หุตฺวา จินฺเตสิ ‘‘พุทฺธา นาม อโมฆวจนา, นตฺถิ พุทฺธานํ กถาย อฺถตฺตํ. ยถา หิ อากาเส ขิตฺตเลฑฺฑุสฺส ปตนํ ธุวํ, ชาตสฺส มรณํ ธุวํ, อรุเณ อุคฺคเต สูริยสฺสุฏฺานํ, อาสยา นิกฺขนฺตสีหสฺส สีหนาทนทนํ, ครุคพฺภาย อิตฺถิยา ภารโมโรปนํ อวสฺสํภาวี, เอวเมว พุทฺธานํ วจนํ นาม ธุวํ อโมฆํ, อทฺธา อหํ พุทฺโธ ภวิสฺสามี’’ติ. เตน วุตฺตํ –

‘‘พุทฺธสฺส วจนํ สุตฺวา, ทสสหสฺสีน จูภยํ;

ตุฏฺหฏฺโ ปโมทิโต, เอวํ จินฺเตสหํ ตทา.

‘‘อทฺเวชฺฌวจนา พุทฺธา, อโมฆวจนา ชินา;

วิตถํ นตฺถิ พุทฺธานํ, ธุวํ พุทฺโธ ภวามหํ.

‘‘ยถา ขิตฺตํ นเภ เลฑฺฑุ, ธุวํ ปตติ ภูมิยํ;

ตเถว พุทฺธเสฏฺานํ, วจนํ ธุวสสฺสตํ.

‘‘ยถาปิ สพฺพสตฺตานํ, มรณํ ธุวสสฺสตํ;

ตเถว พุทฺธเสฏฺานํ, วจนํ ธุวสสฺสตํ.

‘‘ยถา รตฺติกฺขเย ปตฺเต, สูริยุคฺคมนํ ธุวํ;

ตเถว พุทฺธเสฏฺานํ, วจนํ ธุวสสฺสตํ.

‘‘ยถา นิกฺขนฺตสยนสฺส, สีหสฺส นทนํ ธุวํ;

ตเถว พุทฺธเสฏฺานํ, วจนํ ธุวสสฺสตํ.

‘‘ยถา อาปนฺนสตฺตานํ, ภารโมโรปนํ ธุวํ;

ตเถว พุทฺธเสฏฺานํ, วจนํ ธุวสสฺสต’’นฺติ.

โส ‘‘ธุวาหํ พุทฺโธ ภวิสฺสามี’’ติ เอวํ กตสนฺนิฏฺาโน พุทฺธการเก ธมฺเม อุปธาเรตุํ ‘‘กหํ นุ โข พุทฺธการกธมฺมา, กึ อุทฺธํ, อุทาหุ อโธ, ทิสาสุ, วิทิสาสู’’ติ อนุกฺกเมน สกลํ ธมฺมธาตุํ วิจินนฺโต โปราณกโพธิสตฺเตหิ อาเสวิตนิเสวิตํ ปมํ ทานปารมึ ทิสฺวา เอวํ อตฺตานํ โอวทิ – ‘‘สุเมธปณฺฑิต, ตฺวํ อิโต ปฏฺาย ปมํ ทานปารมึ ปูเรยฺยาสิ. ยถา หิ นิกฺกุชฺชิโต อุทกกุมฺโภ นิสฺเสสํ กตฺวา อุทกํ วมติเยว, น ปจฺจาหรติ, เอวเมว ธนํ วา ยสํ วา ปุตฺตํ วา ทารํ วา องฺคปจฺจงฺคํ วา อโนโลเกตฺวา สมฺปตฺตยาจกานํ สพฺพํ อิจฺฉิติจฺฉิตํ นิสฺเสสํ กตฺวา ททมาโน โพธิรุกฺขมูเล นิสีทิตฺวา พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ ปมํ ทานปารมึ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ –

‘‘หนฺท พุทฺธกเร ธมฺเม, วิจินามิ อิโต จิโต;

อุทฺธํ อโธ ทส ทิสา, ยาวตา ธมฺมธาตุยา.

‘‘วิจินนฺโต ตทาทกฺขึ, ปมํ ทานปารมึ;

ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อนุจิณฺณํ มหาปถํ.

‘‘อิมํ ตฺวํ ปมํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;

ทานปารมิตํ คจฺฉ, ยทิ โพธึ ปตฺตุมิจฺฉสิ.

‘‘ยถาปิ กุมฺโภ สมฺปุณฺโณ, ยสฺส กสฺสจิ อโธกโต;

วมเตวุทกํ นิสฺเสสํ, น ตตฺถ ปริรกฺขติ.

‘‘ตเถว ยาจเก ทิสฺวา, หีนมุกฺกฏฺมชฺฌิเม;

ททาหิ ทานํ นิสฺเสสํ, กุมฺโภ วิย อโธกโต’’ติ.

อถสฺส ‘‘น เอตฺตเกเหว พุทฺธการกธมฺเมหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ อุตฺตริปิ อุปธารยโต ทุติยํ สีลปารมึ ทิสฺวา เอตทโหสิ – ‘‘สุเมธปณฺฑิต, ตฺวํ อิโต ปฏฺาย สีลปารมิมฺปิ ปูเรยฺยาสิ. ยถา หิ จมรีมิโค นาม ชีวิตมฺปิ อโนโลเกตฺวา อตฺตโน วาลเมว รกฺขติ, เอวํ ตฺวมฺปิ อิโต ปฏฺาย ชีวิตมฺปิ อโนโลเกตฺวา สีลเมว รกฺขนฺโต พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ ทุติยํ สีลปารมึ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ –

‘‘น เหเต เอตฺตกาเยว, พุทฺธธมฺมา ภวิสฺสเร;

อฺเปิ วิจินิสฺสามิ, เย ธมฺมา โพธิปาจนา.

‘‘วิจินนฺโต ตทาทกฺขึ, ทุติยํ สีลปารมึ;

ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อาเสวิตนิเสวิตํ.

‘‘อิมํ ตฺวํ ทุติยํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;

สีลปารมิตํ คจฺฉ, ยทิ โพธึ ปตฺตุมิจฺฉสิ.

‘‘ยถาปิ จมรี วาลํ, กิสฺมิฺจิ ปฏิลคฺคิตํ;

อุเปติ มรณํ ตตฺถ, น วิโกเปติ วาลธึ.

‘‘ตเถว จตูสุ, ภูมีสุ, สีลานิ ปริปูรย;

ปริรกฺข สพฺพทา สีลํ, จมรี วิย วาลธิ’’นฺติ.

อถสฺส ‘‘น เอตฺตเกเหว พุทฺธการกธมฺเมหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ อุตฺตริปิ อุปธารยโต ตติยํ เนกฺขมฺมปารมึ ทิสฺวา เอตทโหสิ ‘‘สุเมธปณฺฑิต, ตฺวํ อิโต ปฏฺาย เนกฺขมฺมปารมิมฺปิ ปูเรยฺยาสิ. ยถา หิ จิรํ พนฺธนาคาเร วสมาโน ปุริโส น ตตฺถ สิเนหํ กโรติ, อถ โข อุกฺกณฺิโตเยว อวสิตุกาโม โหติ, เอวเมว ตฺวมฺปิ สพฺพภเว พนฺธนาคารสทิเส กตฺวา สพฺพภเวหิ อุกฺกณฺิโต มุจฺจิตุกาโม หุตฺวา เนกฺขมฺมาภิมุโขว โหหิ, เอวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ ตติยํ เนกฺขมฺมปารมึ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ –

‘‘น เหเต เอตฺตกาเยว, พุทฺธธมฺมา ภวิสฺสเร;

อฺเปิ วิจินิสฺสามิ, เย ธมฺมา โพธิปาจนา.

‘‘วิจินนฺโต ตทาทกฺขึ, ตติยํ เนกฺขมฺมปารมึ;

ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อาเสวิตนิเสวิตํ.

‘‘อิมํ ตฺวํ ตติยํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;

เนกฺขมฺมปารมิตํ คจฺฉ, ยทิ โพธึ ปตฺตุมิจฺฉสิ.

‘‘ยถา อนฺทุฆเร ปุริโส, จิรวุตฺโถ ทุขฏฺฏิโต;

น ตตฺถ ราคํ ชเนติ, มุตฺติเมว คเวสติ.

‘‘ตเถว ตฺวํ สพฺพภเว, ปสฺส อนฺทุฆเร วิย;

เนกฺขมฺมาภิมุโข โหหิ, ภวโต ปริมุตฺติยา’’ติ.

อถสฺส ‘‘น เอตฺตเกเหว พุทฺธการกธมฺเมหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ อุตฺตริปิ อุปธารยโต จตุตฺถํ ปฺาปารมึ ทิสฺวา เอตทโหสิ – ‘‘สุเมธปณฺฑิต, ตฺวํ อิโต ปฏฺาย ปฺาปารมิมฺปิ ปูเรยฺยาสิ. หีนมชฺฌิมุกฺกฏฺเสุ กฺจิ อวชฺเชตฺวา สพฺเพปิ ปณฺฑิเต อุปสงฺกมิตฺวา ปฺหํ ปุจฺเฉยฺยาสิ. ยถา หิ ปิณฺฑจาริโก ภิกฺขุ หีนาทิเกสุ กุเลสุ กิฺจิ อวชฺเชตฺวา ปฏิปาฏิยา ปิณฺฑาย จรนฺโต ขิปฺปํ ยาปนํ ลภติ, เอวํ ตฺวมฺปิ สพฺพปณฺฑิเต อุปสงฺกมิตฺวา ปฺหํ ปุจฺฉนฺโต พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ จตุตฺถํ ปฺาปารมึ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ –

‘‘น เหเต เอตฺตกาเยว, พุทฺธธมฺมา ภวิสฺสเร;

อฺเปิ วิจินิสฺสามิ, เย ธมฺมา โพธิปาจนา.

‘‘วิจินนฺโต ตทาทกฺขึ, จตุตฺถํ ปฺาปารมึ;

ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อาเสวิตนิเสวิตํ.

‘‘อิมํ ตฺวํ จตุตฺถํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;

ปฺาปารมิตํ คจฺฉ, ยทิ โพธึ ปตฺตุมิจฺฉสิ.

‘‘ยถาปิ ภิกฺขุ ภิกฺขนฺโต, หีนมุกฺกฏฺมชฺฌิเม;

กุลานิ น วิวชฺเชนฺโต, เอวํ ลภติ ยาปนํ.

‘‘ตเถว ตฺวํ สพฺพกาลํ, ปริปุจฺฉนฺโต พุธํ ชนํ;

ปฺาปารมิตํ คนฺตฺวา, สมฺโพธึ ปาปุณิสฺสสี’’ติ.

อถสฺส ‘‘น เอตฺตเกเหว พุทฺธการกธมฺเมหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ อุตฺตริปิ อุปธารยโต ปฺจมํ วีริยปารมึ ทิสฺวา เอตทโหสิ – ‘‘สุเมธปณฺฑิต, ตฺวํ อิโต ปฏฺาย วีริยปารมิมฺปิ ปูเรยฺยาสิ. ยถา หิ สีโห มิคราชา สพฺพอิริยาปเถสุ ทฬฺหวีริโย โหติ, เอวํ ตฺวมฺปิ สพฺพภเวสุ สพฺพอิริยาปเถสุ ทฬฺหวีริโย อโนลีนวีริโย สมาโน พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ ปฺจมํ วีริยปารมึ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ –

‘‘น เหเต เอตฺตกาเยว, พุทฺธธมฺมา ภวิสฺสเร;

อฺเปิ วิจินิสฺสามิ, เย ธมฺมา โพธิปาจนา.

‘‘วิจินนฺโต ตทาทกฺขึ, ปฺจมํ วีริยปารมึ;

ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อาเสวิตนิเสวิตํ.

‘‘อิมํ ตฺวํ ปฺจมํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;

วีริยปารมิตํ คจฺฉ, ยทิ โพธึ ปตฺตุมิจฺฉสิ.

‘‘ยถาปิ สีโห มิคราชา, นิสชฺชฏฺานจงฺกเม;

อลีนวีริโย โหติ, ปคฺคหิตมโน สทา.

‘‘ตเถว ตฺวํ สพฺพภเว, ปคฺคณฺห วีริยํ ทฬฺหํ;

วีริยปารมิตํ คนฺตฺวา, สมฺโพธึ ปาปุณิสฺสสี’’ติ.

อถสฺส ‘‘น เอตฺตเกเหว พุทฺธการกธมฺเมหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ อุตฺตริปิ อุปธารยโต ฉฏฺํ ขนฺติปารมึ ทิสฺวา เอตทโหสิ – ‘‘สุเมธปณฺฑิต, ตฺวํ อิโต ปฏฺาย ขนฺติปารมิมฺปิ ปูเรยฺยาสิ. สมฺมานเนปิ อวมานเนปิ ขโมว ภเวยฺยาสิ. ยถา หิ ปถวิยํ นาม สุจิมฺปิ ปกฺขิปนฺติ อสุจิมฺปิ, น เตน ปถวี สิเนหํ, น ปฏิฆํ กโรติ, ขมติ สหติ อธิวาเสติเยว, เอวํ ตฺวมฺปิ สมฺมานนาวมานนกฺขโมว สมาโน พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ ฉฏฺํ ขนฺติปารมึ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ –

‘‘น เหเต เอตฺตกาเยว, พุทฺธธมฺมา ภวิสฺสเร;

อฺเปิ วิจินิสฺสามิ, เย ธมฺมา โพธิปาจนา.

‘‘วิจินนฺโต ตทาทกฺขึ, ฉฏฺมํ ขนฺติปารมึ;

ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อาเสวิตนิเสวิตํ.

‘‘อิมํ ตฺวํ ฉฏฺมํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;

ตตฺถ อทฺเวชฺฌมานโส, สมฺโพธึ ปาปุณิสฺสสิ.

‘‘ยถาปิ ปถวี นาม, สุจิมฺปิ อสุจิมฺปิ จ;

สพฺพํ สหติ นิกฺเขปํ, น กโรติ ปฏิฆํ ตยา.

‘‘ตเถว ตฺวมฺปิ สพฺเพสํ, สมฺมานาวมานกฺขโม;

ขนฺติปารมิตํ คนฺตฺวา, สมฺโพธึ ปาปุณิสฺสสี’’ติ.

อถสฺส ‘‘น เอตฺตเกเหว พุทฺธการกธมฺเมหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ อุตฺตริปิ อุปธารยโต สตฺตมํ สจฺจปารมึ ทิสฺวา เอตทโหสิ – ‘‘สุเมธปณฺฑิต, ตฺวํ อิโต ปฏฺาย สจฺจปารมิมฺปิ ปูเรยฺยาสิ. อสนิยา มตฺถเก ปตมานายปิ ธนาทีนํ อตฺถาย ฉนฺทาทิวเสน สมฺปชานมุสาวาทํ นาม มากาสิ. ยถา หิ โอสธิตารกา นาม สพฺพอุตูสุ อตฺตโน คมนวีถึ ชหิตฺวา อฺาย วีถิยา น คจฺฉติ, สกวีถิยาว คจฺฉติ, เอวเมว ตฺวมฺปิ สจฺจํ ปหาย มุสาวาทํ นาม อกโรนฺโตเยว พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ สตฺตมํ สจฺจปารมึ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ –

‘‘น เหเต เอตฺตกาเยว, พุทฺธธมฺมา ภวิสฺสเร;

อฺเปิ วิจินิสฺสามิ, เย ธมฺมา โพธิปาจนา.

‘‘วิจินนฺโต ตทาทกฺขึ, สตฺตมํ สจฺจปารมึ;

ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อาเสวิตนิเสวิตํ.

‘‘อิมํ ตฺวํ สตฺตมํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;

ตตฺถ อทฺเวชฺฌวจโน, สมฺโพธึ ปาปุณิสฺสสิ.

‘‘ยถาปิ โอสธี นาม, ตุลาภูตา สเทวเก;

สมเย อุตุวสฺเส วา, น โวกฺกมติ วีถิโต.

‘‘ตเถว ตฺวมฺปิ สจฺเจสุ, มา โวกฺกมสิ วีถิโต;

สจฺจปารมิตํ คนฺตฺวา, สมฺโพธึ ปาปุณิสฺสสี’’ติ.

อถสฺส ‘‘น เอตฺตเกเหว พุทฺธการกธมฺเมหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ อุตฺตริปิ อุปธารยโต อฏฺมํ อธิฏฺานปารมึ ทิสฺวา เอตทโหสิ – ‘‘สุเมธปณฺฑิต, ตฺวํ อิโต ปฏฺาย อธิฏฺานปารมิมฺปิ ปูเรยฺยาสิ. ยํ อธิฏฺาสิ, ตสฺมึ อธิฏฺาเน นิจฺจโล ภเวยฺยาสิ. ยถา หิ ปพฺพโต นาม สพฺพทิสาสุ วาเตหิ ปหโฏปิ น กมฺปติ น จลติ, อตฺตโน าเนเยว ติฏฺติ, เอวเมว ตฺวมฺปิ อตฺตโน อธิฏฺาเน นิจฺจโล โหนฺโตว พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ อฏฺมํ อธิฏฺานปารมึ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ –

‘‘น เหเต เอตฺตกาเยว, พุทฺธธมฺมา ภวิสฺสเร;

อฺเปิ วิจินิสฺสามิ, เย ธมฺมา โพธิปาจนา.

‘‘วิจินนฺโต ตทาทกฺขึ, อฏฺมํ อธิฏฺานปารมึ;

ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อาเสวิตนิเสวิตํ.

‘‘อิมํ ตฺวํ อฏฺมํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;

ตตฺถ ตฺวํ อจโล หุตฺวา, สมฺโพธึ ปาปุณิสฺสสิ.

‘‘ยถาปิ ปพฺพโต เสโล, อจโล สุปฺปติฏฺิโต;

น กมฺปติ ภุสวาเตหิ, สกฏฺาเนว ติฏฺติ.

‘‘ตเถว ตฺวมฺปิ อธิฏฺาเน, สพฺพทา อจโล ภว;

อธิฏฺานปารมิตํ คนฺตฺวา, สมฺโพธึ ปาปุณิสฺสสี’’ติ.

อถสฺส ‘‘น เอตฺตเกเหว พุทฺธการกธมฺเมหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ อุตฺตริปิ อุปธารยโต นวมํ เมตฺตาปารมึ ทิสฺวา เอตทโหสิ – ‘‘สุเมธปณฺฑิต, ตฺวํ อิโต ปฏฺาย นวมํ เมตฺตาปารมิมฺปิ ปูเรยฺยาสิ. อหิเตสุปิ หิเตสุปิ เอกจิตฺโต ภเวยฺยาสิ. ยถา หิ อุทกํ นาม ปาปชนสฺสาปิ กลฺยาณชนสฺสาปิ สีติภาวํ เอกสทิสํ กตฺวา ผรติ, เอวเมว ตฺวมฺปิ สพฺพสตฺเตสุ เมตฺตจิตฺเตน เอกจิตฺโตว โหนฺโต พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ นวมํ เมตฺตาปารมึ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ –

‘‘น เหเต เอตฺตกาเยว, พุทฺธธมฺมา ภวิสฺสเร;

อฺเปิ วิจินิสฺสามิ, เย ธมฺมา โพธิปาจนา.

‘‘วิจินนฺโต ตทาทกฺขึ, นวมํ เมตฺตาปารมึ;

ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อาเสวิตนิเสวิตํ.

‘‘อิมํ ตฺวํ นวมํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;

เมตฺตาย อสโม โหหิ, ยทิ โพธึ ปตฺตุมิจฺฉสิ.

‘‘ยถาปิ อุทกํ นาม, กลฺยาเณ ปาปเก ชเน;

สมํ ผรติ สีเตน, ปวาเหติ รโชมลํ.

‘‘ตเถว ตฺวมฺปิ อหิตหิเต, สมํ เมตฺตาย ภาวย;

เมตฺตาปารมิตํ คนฺตฺวา, สมฺโพธึ ปาปุณิสฺสสี’’ติ.

อถสฺส ‘‘น เอตฺตเกเหว พุทฺธการกธมฺเมหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ อุตฺตริปิ อุปธารยโต ทสมํ อุเปกฺขาปารมึ ทิสฺวา เอตทโหสิ – ‘‘สุเมธปณฺฑิต, ตฺวํ อิโต ปฏฺาย อุเปกฺขาปารมิมฺปิ ปูเรยฺยาสิ. สุเขปิ ทุกฺเขปิ มชฺฌตฺโตว ภเวยฺยาสิ. ยถา หิ ปถวี นาม สุจิมฺปิ อสุจิมฺปิ ปกฺขิปฺปมานา มชฺฌตฺตาว โหติ, เอวเมว ตฺวมฺปิ สุขทุกฺเขสุ มชฺฌตฺโตว โหนฺโต พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ ทสมํ อุเปกฺขาปารมึ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ –

‘‘น เหเต เอตฺตกาเยว, พุทฺธธมฺมา ภวิสฺสเร;

อฺเปิ วิจินิสฺสามิ, เย ธมฺมา โพธิปาจนา.

‘‘วิจินนฺโต ตทาทกฺขึ, ทสมํ อุเปกฺขาปารมึ;

ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อาเสวิตนิเสวิตํ.

‘‘อิมํ ตฺวํ ทสมํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;

ตุลาภูโต ทฬฺโห หุตฺวา, สมฺโพธึ ปาปุณิสฺสสิ.

‘‘ยถาปิ ปถวี นาม, นิกฺขิตฺตํ อสุจึ สุจึ;

อุเปกฺขติ อุโภเปเต, โกปานุนยวชฺชิตา.

‘‘ตเถว ตฺวมฺปิ สุขทุกฺเข, ตุลาภูโต สทา ภว;

อุเปกฺขาปารมิตํ คนฺตฺวา, สมฺโพธึ ปาปุณิสฺสสี’’ติ.

ตโต จินฺเตสิ – ‘‘อิมสฺมึ โลเก โพธิสตฺเตหิ ปูเรตพฺพา โพธิปริปาจนา พุทฺธการกธมฺมา เอตฺตกาเยว, ทส ปารมิโย เปตฺวา อฺเ นตฺถิ, อิมาปิ ทส ปารมิโย อุทฺธํ อากาเสปิ นตฺถิ, เหฏฺา ปถวิยมฺปิ, ปุรตฺถิมาทีสุ ทิสาสุปิ นตฺถิ, มยฺหเมว ปน หทยมํสพฺภนฺตเร ปติฏฺิตา’’ติ. เอวํ ตาสํ หทเย ปติฏฺิตภาวํ ทิสฺวา สพฺพาปิ ตา ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาย ปุนปฺปุนํ สมฺมสนฺโต อนุโลมปฏิโลมํ สมฺมสติ, ปริยนฺเต คเหตฺวา อาทึ ปาเปติ, อาทิมฺหิ คเหตฺวา ปริยนฺเต เปติ, มชฺเฌ คเหตฺวา อุภโต โอสาเปติ, อุภโต โกฏีสุ เหตฺวา มชฺเฌ โอสาเปติ. พาหิรกภณฺฑปริจฺจาโค ทานปารมี นาม, องฺคปริจฺจาโค ทานอุปปารมี นาม, ชีวิตปริจฺจาโค ทานปรมตฺถปารมี นามาติ ทส ปารมิโย ทส อุปปารมิโย ทส ปรมตฺถปารมิโย ยนฺตเตลํ วินิวฏฺเฏนฺโต วิย มหาเมรุํ มตฺถํ กตฺวา จกฺกวาฬมหาสมุทฺทํ อาลุเฬนฺโต วิย จ สมฺมสิ. ตสฺเสวํ ทส ปารมิโย สมฺมสนฺตสฺส ธมฺมเตเชน จตุนหุตาธิกทฺวิโยชนสตสหสฺสพหลา อยํ มหาปถวี หตฺถินา อกฺกนฺตนฬกลาโป วิย, ปีฬิยมานํ อุจฺฉุยนฺตํ วิย จ มหาวิรวํ วิรวมานา สงฺกมฺปิ สมฺปกมฺปิ สมฺปเวธิ, กุลาลจกฺกํ วิย เตลยนฺตจกฺกํ วิย จ ปริพฺภมิ. เตน วุตฺตํ –

‘‘เอตฺตกาเยว เต โลเก, เย ธมฺมา โพธิปาจนา;

ตตุทฺธํ นตฺถิ อฺตฺร, ทฬฺหํ ตตฺถ ปติฏฺห.

‘‘อิเม ธมฺเม สมฺมสโต, สภาวสรสลกฺขเณ;

ธมฺมเตเชน วสุธา, ทสสหสฺสี ปกมฺปถ.

‘‘จลตี รวตี ปถวี, อุจฺฉุยนฺตํว ปีฬิตํ;

เตลยนฺเต ยถา จกฺกํ, เอวํ กมฺปติ เมทนี’’ติ.

มหาปถวิยา กมฺปมานาย รมฺมนครวาสิโน สณฺาตุํ อสกฺโกนฺตา ยุคนฺตวาตพฺภาหตา มหาสาลา วิย มุจฺฉิตมุจฺฉิตาว ปปตึสุ, ฆฏาทีนิ กุลาลภาชนานิ ปวฏฺฏนฺตานิ อฺมฺํ ปหรนฺตานิ จุณฺณวิจุณฺณานิ อเหสุํ. มหาชโน ภีตตสิโต สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘กึ นุ โข ภควา นาคาวฏฺโฏ อยํ ภูตยกฺขเทวตาสุ อฺตราวฏฺโฏติ น หิ มยํ เอตํ ชานาม, อปิจ โข สพฺโพปิ อยํ มหาชโน อุปทฺทุโต, กึ นุ โข อิมสฺส โลกสฺส ปาปกํ ภวิสฺสติ, อุทาหุ กลฺยาณํ, กเถถ โน เอตํ การณ’’นฺติ อาห. อถ สตฺถา เตสํ กถํ สุตฺวา ‘‘ตุมฺเห มา ภายถ มา จินฺตยิตฺถ, นตฺถิ โว อิโตนิทานํ ภยํ. โย โส มยา อชฺช สุเมธปณฺฑิโต ‘อนาคเต โคตโม นาม พุทฺโธ ภวิสฺสตี’ติ พฺยากโต, โส ทส ปารมิโย สมฺมสติ, ตสฺส ทส ปารมิโย สมฺมสนฺตสฺส วิโลเฬนฺตสฺส ธมฺมเตเชน สกลทสสหสฺสิโลกธาตุ เอกปฺปหาเรน กมฺปติ, เจว, รวติ จา’’ติ อาห. เตน วุตฺตํ –

‘‘ยาวตา ปริสา อาสิ, พุทฺธสฺส ปริเวสเน;

ปเวธมานา สา ตตฺถ, มุจฺฉิตา เสสิ ภูมิยํ.

‘‘ฆฏาเนกสหสฺสานิ, กุมฺภีนฺจ สตา พหู;

สฺจุณฺณมถิตา ตตฺถ, อฺมฺํ ปฆฏฺฏิตา.

‘‘อุพฺพิคฺคา ตสิตา ภีตา, ภนฺตา พฺยธิตมานสา;

มหาชนา สมาคมฺม, ทีปงฺกรมุปาคมุํ.

‘กึ ภวิสฺสติ โลกสฺส, กลฺยาณมถ ปาปกํ;

สพฺโพ อุปทฺทุโต โลโก, ตํ วิโนเทหิ จกฺขุม’.

‘‘เตสํ ตทา สฺาเปสิ, ทีปงฺกโร มหามุนิ;

วิสฺสตฺถา โหถ มา ภาถ, อิมสฺมึ ปถวิกมฺปเน.

‘‘ยมหํ อชฺช พฺยากาสึ, พุทฺโธ โลเก ภวิสฺสติ;

เอโส สมฺมสติ ธมฺมํ, ปุพฺพกํ ชินเสวิตํ.

‘‘ตสฺส สมฺมสโต ธมฺมํ, พุทฺธภูมึ อเสสโต;

เตนายํ กมฺปิตา ปถวี, ทสสหสฺสี สเทวเก’’ติ.

มหาชโน ตถาคตสฺส วจนํ สุตฺวา หฏฺตุฏฺโ มาลาคนฺธวิเลปนํ อาทาย รมฺมนครา นิกฺขมิตฺวา โพธิสตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา มาลาทีหิ ปูเชตฺวา วนฺทิตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา รมฺมนครเมว ปาวิสิ. โพธิสตฺโตปิ ทส ปารมิโย สมฺมสิตฺวา วีริยํ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาย นิสินฺนาสนา วุฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ –

‘‘พุทฺธสฺส วจนํ สุตฺวา, มโน นิพฺพายิ ตาวเท;

สพฺเพ มํ อุปสงฺกมฺม, ปุนาปิ อภิวนฺทิสุํ.

‘‘สมาทิยิตฺวา พุทฺธคุณํ, ทฬฺหํ กตฺวาน มานสํ;

ทีปงฺกรํ นมสฺสิตฺวา, อาสนา วุฏฺหึ ตทา’’ติ.

อถ โพธิสตฺตํ อาสนา วุฏฺหนฺตํ สกลทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตา สนฺนิปติตฺวา ทิพฺเพหิ มาลาคนฺเธหิ ปูเชตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘อยฺย สุเมธตาปส, ตยา อชฺช ทีปงฺกรทสพลสฺส ปาทมูเล มหตี ปตฺถนา ปตฺถิตา, สา เต อนนฺตราเยน สมิชฺฌตุ, มา เต ภยํ วา ฉมฺภิตตฺตํ วา อโหสิ, สรีเร อปฺปมตฺตโกปิ โรโค มา อุปฺปชฺชิ, ขิปฺปํ ปารมิโย ปูเรตฺวา สมฺมาสมฺโพธึ ปฏิวิชฺฌ. ยถา ปุปฺผูปคผลูปคา รุกฺขา สมเย ปุปฺผนฺติ เจว ผลนฺติ จ, ตเถว ตฺวมฺปิ สมยํ อนติกฺกมิตฺวา ขิปฺปํ สมฺโพธิมุตฺตมํ ผุสสฺสู’’ติอาทีนิ ถุติมงฺคลานิ ปยิรุทาหํสุ, เอวํ ปยิรุทาหิตฺวา อตฺตโน อตฺตโน เทวฏฺานเมว อคมํสุ. โพธิสตฺโตปิ เทวตาหิ อภิตฺถุโต ‘‘อหํ ทส ปารมิโย ปูเรตฺวา กปฺปสตสหสฺสาธิกานํ จตุนฺนํ อสงฺขฺเยยฺยานํ มตฺถเก พุทฺโธ ภวิสฺสามี’’ติ วีริยํ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาย นภํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา หิมวนฺตเมว อคมาสิ. เตน วุตฺตํ –

‘‘ทิพฺพํ มานุสกํ ปุปฺผํ, เทวา มานุสกา อุโภ;

สโมกิรนฺติ ปุปฺเผหิ, วุฏฺหนฺตสฺส อาสนา.

‘‘เวทยนฺติ จ เต โสตฺถึ, เทวา มานุสกา อุโภ;

มหนฺตํ ปตฺถิตํ ตุยฺหํ, ตํ ลภสฺสุ ยถิจฺฉิตํ.

‘‘สพฺพีติโย วิวชฺชนฺตุ, โสโก โรโค วินสฺสตุ;

มา เต ภวนฺตฺวนฺตรายา, ผุส ขิปฺปํ โพธิมุตฺตมํ.

‘‘ยถาปิ สมเย ปตฺเต, ปุปฺผนฺติ ปุปฺผิโน ทุมา;

ตเถว ตฺวํ มหาวีร, พุทฺธาเณน ปุปฺผสฺสุ.

‘‘ยถา เย เกจิ สมฺพุทฺธา, ปูรยุํ ทส ปารมี;

ตเถว ตฺวํ มหาวีร, ปูรย ทส ปารมี.

‘‘ยถา เย เกจิ สมฺพุทฺธา, โพธิมณฺฑมฺหิ พุชฺฌเร;

ตเถว ตฺวํ มหาวีร, พุชฺฌสฺสุ ชินโพธิยํ.

‘‘ยถา เย เกจิ สมฺพุทฺธา, ธมฺมจกฺกํ ปวตฺตยุํ;

ตเถว ตฺวํ มหาวีร, ธมฺมจกฺกํ ปวตฺตย.

‘‘ปุณฺณมาเย ยถา จนฺโท, ปริสุทฺโธ วิโรจติ;

ตเถว ตฺวํ ปุณฺณมโน, วิโรจ ทสสหสฺสิยํ.

‘‘ราหุมุตฺโต ยถา สูริโย, ตาเปน อติโรจติ;

ตเถว โลกา มุจฺจิตฺวา, วิโรจ สิริยา ตุวํ.

‘‘ยถา ยา กาจิ นทิโย, โอสรนฺติ มโหทธึ;

เอวํ สเทวกา โลกา, โอสรนฺตุ ตวนฺติเก.

‘‘เตหิ ถุตปฺปสตฺโถ โส, ทส ธมฺเม สมาทิย;

เต ธมฺเม ปริปูเรนฺโต, ปวนํ ปาวิสี ตทา’’ติ.

สุเมธกถา นิฏฺิตา.

รมฺมนครวาสิโนปิ โข นครํ ปวิสิตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ อทํสุ. สตฺถา เตสํ ธมฺมํ เทเสตฺวา มหาชนํ สรณาทีสุ ปติฏฺาเปตฺวา รมฺมนครมฺหา นิกฺขมิตฺวา ตโต อุทฺธมฺปิ ยาวตายุกํ ติฏฺนฺโต สพฺพํ พุทฺธกิจฺจํ กตฺวา อนุกฺกเมน อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายิ. ตตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ สพฺพํ พุทฺธวํเส วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. วุตฺตฺหิ ตตฺถ –

‘‘ตทา เต โภชยิตฺวาน, สสงฺฆํ โลกนายกํ;

อุปคจฺฉุํ สรณํ ตสฺส, ทีปงฺกรสฺส สตฺถุโน.

‘‘สรณาคมเน กฺจิ, นิเวเสติ ตถาคโต;

กฺจิ ปฺจสุ สีเลสุ, สีเล ทสวิเธ ปรํ.

‘‘กสฺสจิ เทติ สามฺํ, จตุโร ผลมุตฺตเม;

กสฺสจิ อสเม ธมฺเม, เทติ โส ปฏิสมฺภิทา.

‘‘กสฺสจิ วรสมาปตฺติโย, อฏฺ เทติ นราสโภ;

ติสฺโส กสฺสจิ วิชฺชาโย, ฉฬภิฺา ปเวจฺฉติ.

‘‘เตน โยเคน ชนกายํ, โอวทติ มหามุนิ;

เตน วิตฺถาริกํ อาสิ, โลกนาถสฺส สาสนํ.

‘‘มหาหนุสภกฺขนฺโธ, ทีปงฺกรสนามโก;

พหู ชเน ตารยติ, ปริโมเจติ ทุคฺคตึ.

‘‘โพธเนยฺยํ ชนํ ทิสฺวา, สตสหสฺเสปิ โยชเน;

ขเณน อุปคนฺตฺวาน, โพเธติ ตํ มหามุนิ.

‘‘ปมาภิสมเย พุทฺโธ, โกฏิสตมโพธยิ;

ทุติยาภิสมเย นาโถ, นวุติโกฏิมโพธยิ.

‘‘ยทา จ เทวภวนมฺหิ, พุทฺโธ ธมฺมมเทสยิ;

นวุติโกฏิสหสฺสานํ, ตติยาภิสมโย อหุ.

‘‘สนฺนิปาตา ตโย อาสุํ, ทีปงฺกรสฺส สตฺถุโน;

โกฏิสตสหสฺสานํ, ปโม อาสิ สมาคโม.

‘‘ปุน นารทกูฏมฺหิ, ปวิเวกคเต ชิเน;

ขีณาสวา วีตมลา, สมึสุ สตโกฏิโย.

‘‘ยมฺหิ กาเล มหาวีโร, สุทสฺสนสิลุจฺจเย;

นวุติโกฏิสหสฺเสหิ, ปวาเรสิ มหามุนิ.

‘‘อหํ เตน สมเยน, ชฏิโล อุคฺคตาปโน;

อนฺตลิกฺขมฺหิ จรโณ, ปฺจาภิฺาสุ ปารคู.

‘‘ทสวีสสหสฺสานํ, ธมฺมาภิสมโย อหุ;

เอกทฺวินฺนํ อภิสมยา, คณนาโต อสงฺขิยา.

‘‘วิตฺถาริกํ พาหุชฺํ, อิทฺธํ ผีตํ อหุ ตทา;

ทีปงฺกรสฺส ภควโต, สาสนํ สุวิโสธิตํ.

‘‘จตฺตาริ สตสหสฺสานิ, ฉฬภิฺา มหิทฺธิกา;

ทีปงฺกรํ โลกวิทุํ, ปริวาเรนฺติ สพฺพทา.

‘‘เย เกจิ เตน สมเยน, ชหนฺติ มานุสํ ภวํ;

อปตฺตมานสา เสกฺขา, ครหิตา ภวนฺติ เต.

‘‘สุปุปฺผิตํ ปาวจนํ, อรหนฺเตหิ ตาทิหิ;

ขีณาสเวหิ วิมเลหิ, อุปโสภติ สเทวเก.

‘‘นครํ รมฺมวตี นาม, สุเทโว นาม ขตฺติโย;

สุเมธา นาม ชนิกา, ทีปงฺกรสฺส สตฺถุโน.

‘‘สุมงฺคโล จ ติสฺโส จ, อเหสุํ อคฺคสาวกา;

สาคโต นามุปฏฺาโก, ทีปงฺกรสฺส สตฺถุโน.

‘‘นนฺทา เจว สุนนฺทา จ, อเหสุํ อคฺคสาวิกา;

โพธิ ตสฺส ภควโต, ปิปฺผลีติ ปวุจฺจติ.

‘‘อสีติหตฺถมุพฺเพโธ, ทีปงฺกโร มหามุนิ;

โสภติ ทีปรุกฺโขว, สาลราชาว ผุลฺลิโต.

‘‘สตสหสฺสวสฺสานิ, อายุ ตสฺส มเหสิโน;

ตาวตา ติฏฺมาโน โส, ตาเรสิ ชนตํ พหุํ.

‘‘โชตยิตฺวาน สทฺธมฺมํ, สนฺตาเรตฺวา มหาชนํ;

ชลิตฺวา อคฺคิขนฺโธว, นิพฺพุโต โส สสาวโก.

‘‘สา จ อิทฺธิ โส จ ยโส, ตานิ จ ปาเทสุ จกฺกรตนานิ;

สพฺพํ ตมนฺตรหิตํ, นนุ ริตฺตา สพฺพสงฺขารา’’ติ.

ทีปงฺกรสฺส ปน ภควโต อปรภาเค เอกํ อสงฺขฺเยยฺยํ อติกฺกมิตฺวา โกณฺฑฺโ นาม สตฺถา อุทปาทิ. ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา อเหสุํ. ปมสนฺนิปาเต โกฏิสตสหสฺสํ, ทุติเย โกฏิสหสฺสํ, ตติเย นวุติโกฏิโย. ตทา โพธิสตฺโต วิชิตาวี นาม จกฺกวตฺตี หุตฺวา โกฏิสตสหสฺสสงฺขสฺส พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ อทาสิ. สตฺถา โพธิสตฺตํ ‘‘พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากริตฺวา ธมฺมํ เทเสสิ. โส สตฺถุ ธมฺมกถํ สุตฺวา รชฺชํ นิยฺยาเทตฺวา ปพฺพชิ. โส ตีณิ ปิฏกานิ อุคฺคเหตฺวา อฏฺ สมาปตฺติโย ปฺจ อภิฺาโย จ อุปฺปาเทตฺวา อปริหีนชฺฌาโน พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺติ. โกณฺฑฺสฺส พุทฺธสฺส ปน รมฺมวตี นาม นครํ, สุนนฺโท นาม ขตฺติโย ปิตา, สุชาตา นาม เทวี มาตา, ภทฺโท จ สุภทฺโท จ ทฺเว อคฺคสาวกา, อนุรุทฺโธ นามุปฏฺาโก, ติสฺสา จ อุปติสฺสา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, สาลกลฺยาณี โพธิ, อฏฺาสีติหตฺถุพฺเพธํ สรีรํ, วสฺสสตสหสฺสํ อายุปฺปมาณํ อโหสิ.

‘‘ทีปงฺกรสฺส อปเรน, โกณฺฑฺโ นาม นายโก;

อนนฺตเตโช อมิตยโส, อปฺปเมยฺโย ทุราสโท’’ติ.

ตสฺส อปรภาเค เอกํ อสงฺขฺเยยฺยํ อติกฺกมิตฺวา เอกสฺมึเยว กปฺเป จตุโร พุทฺธา นิพฺพตฺตึสุ มงฺคโล, สุมโน, เรวโต, โสภิโตติ. มงฺคลสฺส ภควโต ตโย สนฺนิปาตา อเหสุํ. เตสุ ปมสนฺนิปาเต โกฏิสตสหสฺสํ ภิกฺขู อเหสุํ, ทุติเย โกฏิสหสฺสํ, ตติเย นวุติโกฏิโย. เวมาติกภาตา กิรสฺส อานนฺทกุมาโร นาม นวุติโกฏิสงฺขาย ปริสาย สทฺธึ ธมฺมสฺสวนตฺถาย สตฺถุ สนฺติกํ อคมาสิ. สตฺถา ตสฺส อนุปุพฺพึ กถํ กเถสิ, โส สทฺธึ ปริสาย สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. สตฺถา เตสํ กุลปุตฺตานํ ปุพฺพจริตํ โอโลเกนฺโต อิทฺธิมยปตฺตจีวรสฺส อุปนิสฺสยํ ทิสฺวา ทกฺขิณหตฺถํ ปสาเรตฺวา ‘‘เอถ, ภิกฺขโว’’ติ อาห. สพฺเพ ตงฺขณฺเว อิทฺธิมยปตฺตจีวรธรา สฏฺิวสฺสมหาเถรา วิย อากปฺปสมฺปนฺนา หุตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ปริวารยึสุ. อยมสฺส ตติโย สาวกสนฺนิปาโต อโหสิ.

ยถา ปน อฺเสํ พุทฺธานํ สมนฺตา อสีติหตฺถปฺปมาณาเยว สรีรปฺปภา อโหสิ, น เอวํ ตสฺส ตสฺส ปน ภควโต สรีรปฺปภา นิจฺจกาลํ ทสสหสฺสิโลกธาตุํ ผริตฺวา อฏฺาสิ. รุกฺขปถวิปพฺพตสมุทฺทาทโย อนฺตมโส อุกฺขลิกาทีนิ อุปาทาย สุวณฺณปฏฺฏปริโยนทฺธา วิย อเหสุํ. อายุปฺปมาณํ ปนสฺส นวุติวสฺสสหสฺสานิ อโหสิ. เอตฺตกํ กาลํ จนฺทิมสูริยาทโย อตฺตโน ปภาย วิโรจิตุํ นาสกฺขึสุ, รตฺตินฺทิวปริจฺเฉโท น ปฺายิตฺถ. ทิวา สูริยาโลเกน วิย สตฺตา นิจฺจํ พุทฺธาโลเกเนว วิจรึสุ, สายํ ปุปฺผิตกุสุมานํ, ปาโต รวนกสกุณาทีนฺจ วเสน โลโก รตฺตินฺทิวปริจฺเฉทํ สลฺลกฺเขสิ.

กึ ปน อฺเสํ พุทฺธานํ อยมานุภาโว นตฺถีติ? โน นตฺถิ. เตปิ หิ อากงฺขมานา ทสสหสฺสึ วา โลกธาตุํ ตโต วา ภิยฺโย อาภาย ผเรยฺยุํ. มงฺคลสฺส ปน ภควโต ปุพฺพปตฺถนาวเสน อฺเสํ พฺยามปฺปภา วิย สรีรปฺปภา นิจฺจกาลเมว ทสสหสฺสิโลกธาตุํ ผริตฺวา อฏฺาสิ. โส กิร โพธิสตฺตจริยกาเล เวสฺสนฺตรสทิเส อตฺตภาเว ิโต สปุตฺตทาโร วงฺกปพฺพตสทิเส ปพฺพเต วสิ. อเถโก ขรทาิโก นาม ยกฺโข มหาปุริสสฺส ทานชฺฌาสยตํ สุตฺวา พฺราหฺมณวณฺเณน อุปสงฺกมิตฺวา มหาสตฺตํ ทฺเว ทารเก ยาจิ. มหาสตฺโต ‘‘ททามิ พฺราหฺมณสฺส ปุตฺตเก’’ติ หฏฺปหฏฺโ อุทกปริยนฺตํ ปถวึ กมฺเปนฺโต ทฺเวปิ ทารเก อทาสิ. ยกฺโข จงฺกมนโกฏิยํ อาลมฺพนผลกํ นิสฺสาย ตฺวา ปสฺสนฺตสฺเสว มหาสตฺตสฺส มูลกลาเป วิย ทฺเว ทารเก ขาทิ. มหาปุริสสฺส ยกฺขํ โอโลเกตฺวา มุเข วิวฏมตฺเต อคฺคิชาลํ วิย โลหิตธารํ อุคฺคิรมานํ ตสฺส มุขํ ทิสฺวาปิ เกสคฺคมตฺตมฺปิ โทมนสฺสํ น อุปฺปชฺชิ. ‘‘สุทินฺนํ วต เม ทาน’’นฺติ จินฺตยโต ปนสฺส สรีเร มหนฺตํ ปีติโสมนสฺส อุทปาทิ. โส ‘‘อิมสฺส เม นิสฺสนฺเทน อนาคเต อิมินาว นีหาเรน รสฺมิโย นิกฺขมนฺตู’’ติ ปตฺถนํ อกาสิ. ตสฺส ตํ ปตฺถนํ นิสฺสาย พุทฺธภูตสฺส สรีรโต รสฺมิโย นิกฺขมิตฺวา เอตฺตกํ านํ ผรึสุ.

อปรมฺปิสฺส ปุพฺพจริตํ อตฺถิ. โส กิร โพธิสตฺตกาเล เอกสฺส พุทฺธสฺส เจติยํ ทิสฺวา ‘‘อิมสฺส พุทฺธสฺส มยา ชีวิตํ ปริจฺจชิตุํ วฏฺฏตี’’ติ ทณฺฑทีปิกาเวนนิยาเมน สกลสรีรํ เวาเปตฺวา รตนมตฺตมกุฬํ สตสหสฺสคฺฆนิกํ สุวณฺณปาตึ สปฺปิสฺส ปูราเปตฺวา ตตฺถ สหสฺสวฏฺฏิโย ชาลาเปตฺวา ตํ สีเสนาทาย สกลสรีรํ ชาลาเปตฺวา เจติยํ ปทกฺขิณํ กโรนฺโต สกลรตฺตึ วีตินาเมสิ. เอวํ ยาว อรุณุคฺคมนา วายมนฺตสฺสาปิสฺส โลมกูปมตฺตมฺปิ อุสุมํ น คณฺหิ. ปทุมคพฺภํ ปวิฏฺกาโล วิย อโหสิ. ธมฺโม หิ นาเมส อตฺตานํ รกฺขนฺตํ รกฺขติ. เตนาห ภควา –

‘‘ธมฺโม หเว รกฺขติ ธมฺมจารึ, ธมฺโม สุจิณฺโณ สุขมาวหาติ;

เอสานิสํโส ธมฺเม สุจิณฺเณ, น ทุคฺคตึ คจฺฉติ ธมฺมจารี’’ติ. (เถรคา. ๓๐๓; ชา. ๑.๑๐.๑๐๒; ๑.๑๕.๓๘๕);

อิมสฺสาปิ กมฺมสฺส นิสฺสนฺเทน ตสฺส ภควโต สรีโรภาโส ทสสหสฺสิโลกธาตุํ ผริตฺวา อฏฺาสิ.

ตทา อมฺหากํ โพธิสตฺโต สุรุจิ นาม พฺราหฺมโณ หุตฺวา ‘‘สตฺถารํ นิมนฺเตสฺสามี’’ติ อุปสงฺกมิตฺวา มธุรธมฺมกถํ สุตฺวา ‘‘สฺเว มยฺหํ ภิกฺขํ คณฺหถ, ภนฺเต’’ติ อาห. พฺราหฺมณ, กิตฺตเกหิ เต ภิกฺขูหิ อตฺโถติ? ‘‘กิตฺตกา ปน โว, ภนฺเต, ปริวารภิกฺขู’’ติ อาห. ตทา ปน สตฺถุ ปมสนฺนิปาโตเยว โหติ, ตสฺมา ‘‘โกฏิสตสหสฺส’’นฺติ อาห. ภนฺเต, สพฺเพหิปิ สทฺธึ มยฺหํ เคเห ภิกฺขํ คณฺหถาติ. สตฺถา อธิวาเสสิ. พฺราหฺมโณ สฺวาตนาย นิมนฺเตตฺวา เคหํ คจฺฉนฺโต จินฺเตสิ – ‘‘อหํ เอตฺตกานํ ภิกฺขูนํ ยาคุภตฺตวตฺถาทีนิ ทาตุํ สกฺโกมิ, นิสีทนฏฺานํ ปน กถํ ภวิสฺสตี’’ติ.

ตสฺส สา จินฺตา จตุราสีติโยชนสหสฺสมตฺถเก ิตสฺส เทวรฺโ ปณฺฑุกมฺพลสิลาสนสฺส อุณฺหภาวํ ชเนสิ. สกฺโก ‘‘โก นุ โข มํ อิมมฺหา านา จาเวตุกาโม’’ติ ทิพฺพจกฺขุนา โอโลเกนฺโต มหาปุริสํ ทิสฺวา ‘‘สุรุจิ นาม พฺราหฺมโณ พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิมนฺเตตฺวา นิสีทนฏฺานตฺถาย จินฺเตสิ, มยาปิ ตตฺถ คนฺตฺวา ปุฺโกฏฺาสํ คเหตุํ วฏฺฏตี’’ติ วฑฺฒกิวณฺณํ นิมฺมินิตฺวา วาสิผรสุหตฺโถ มหาปุริสสฺส ปุรโต ปาตุรโหสิ. โส ‘‘อตฺถิ นุ โข กสฺสจิ ภติยา กตฺตพฺพ’’นฺติ อาห. มหาปุริโส ตํ ทิสฺวา ‘‘กึ กมฺมํ กริสฺสสี’’ติ อาห. ‘‘มม อชานนสิปฺปํ นาม นตฺถิ, เคหํ วา มณฺฑปํ วา โย ยํ กาเรติ, ตสฺส ตํ กาตุํ ชานามี’’ติ. ‘‘เตน หิ มยฺหํ กมฺมํ อตฺถี’’ติ. ‘‘กึ อยฺยา’’ติ? ‘‘สฺวาตนาย เม โกฏิสตสหสฺสภิกฺขู นิมนฺติตา, เตสํ นิสีทนมณฺฑปํ กริสฺสสี’’ติ. ‘‘อหํ นาม กเรยฺยํ, สเจ มม ภตึ ทาตุํ สกฺขิสฺสถา’’ติ. ‘‘สกฺขิสฺสามิ ตาตา’’ติ. ‘‘สาธุ กริสฺสามี’’ติ คนฺตฺวา เอกํ ปเทสํ โอโลเกสิ, ทฺวาทสเตรสโยชนปฺปมาโณ ปเทโส กสิณมณฺฑลํ วิย สมตโล อโหสิ. โส ‘‘เอตฺตเก าเน สตฺตรตนมโย มณฺฑโป อุฏฺหตู’’ติ จินฺเตตฺวา โอโลเกสิ. ตาวเทว ปถวึ ภินฺทิตฺวา มณฺฑโป อุฏฺหิ. ตสฺส โสวณฺณมเยสุ ถมฺเภสุ รชตมยา ฆฏกา อเหสุํ, รชตมเยสุ โสวณฺณมยา, มณิตฺถมฺเภสุ ปวาฬมยา, ปวาฬตฺถมฺเภสุ มณิมยา, สตฺตรตนมเยสุ สตฺตรตนมยาว ฆฏกา อเหสุํ. ตโต ‘‘มณฺฑปสฺส อนฺตรนฺตเรน กิงฺกิณิกชาลํ โอลมฺพตู’’ติ โอโลเกสิ, สห โอโลกเนเนว กิงฺกิณิกชาลํ โอลมฺพิ, ยสฺส มนฺทวาเตริตสฺส ปฺจงฺคิกสฺเสว ตูริยสฺส มธุรสทฺโท นิคฺคจฺฉติ, ทิพฺพสงฺคีติวตฺตนกาโล วิย โหติ. ‘‘อนฺตรนฺตรา คนฺธทามมาลาทามานิ โอลมฺพนฺตู’’ติ จินฺเตสิ, ทามานิ โอลมฺพึสุ. ‘‘โกฏิสตสหสฺสสงฺขานํ ภิกฺขูนํ อาสนานิ จ อาธารกานิ จ ปถวึ ภินฺทิตฺวา อุฏฺหนฺตู’’ติ จินฺเตสิ, ตาวเทว อุฏฺหึสุ. ‘‘โกเณ โกเณ เอเกกา อุทกจาฏิโย อุฏฺหนฺตู’’ติ จินฺเตสิ, อุทกจาฏิโย อุฏฺหึสุ.

เอตฺตกํ มาเปตฺวา พฺราหฺมณสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘เอหิ อยฺย, ตว มณฺฑปํ โอโลเกตฺวา มยฺหํ ภตึ เทหี’’ติ อาห. มหาปุริโส คนฺตฺวา มณฺฑปํ โอโลเกสิ, โอโลเกนฺตสฺเสวสฺส สกลสรีรํ ปฺจวณฺณาย ปีติยา นิรนฺตรํ ผุฏํ อโหสิ. อถสฺส มณฺฑปํ โอโลกยโต เอตทโหสิ – ‘‘นายํ มณฺฑโป มนุสฺสภูเตน กโต, มยฺหํ ปน อชฺฌาสยํ มยฺหํ คุณํ อาคมฺม อทฺธา สกฺกภวนํ อุณฺหํ อโหสิ, ตโต สกฺเกน เทวรฺา อยํ มณฺฑโป การิโต ภวิสฺสตี’’ติ. ‘‘น โข ปน เม ยุตฺตํ เอวรูเป มณฺฑเป เอกทิวสํเยว ทานํ ทาตุํ, สตฺตาหํ ทสฺสามี’’ติ จินฺเตสิ. พาหิรกทานฺหิ กิตฺตกมฺปิ สมานํ โพธิสตฺตานํ ตุฏฺึ กาตุํ น สกฺโกติ, อลงฺกตสีสํ ปน ฉินฺทิตฺวา อฺชิตอกฺขีนิ อุปฺปาเฏตฺวา หทยมํสํ วา อุพฺพฏฺเฏตฺวา ทินฺนกาเล โพธิสตฺตานํ จาคํ นิสฺสาย ตุฏฺิ นาม โหติ. อมฺหากมฺปิ หิ โพธิสตฺตสฺส สิวิชาตเก เทวสิกํ ปฺจ กหาปณสตสหสฺสานิ วิสฺสชฺเชตฺวา จตูสุ ทฺวาเรสุ นครมชฺเฌ จ ทานํ เทนฺตสฺส ตํ ทานํ จาคตุฏฺึ อุปฺปาเทตุํ นาสกฺขิ. ยทา ปนสฺส พฺราหฺมณวณฺเณน อาคนฺตฺวา สกฺโก เทวราชา อกฺขีนิ ยาจิ, ตทา ตานิ อุปฺปาเฏตฺวา ททมานสฺเสว หาโส อุปฺปชฺชิ, เกสคฺคมตฺตมฺปิ จิตฺตสฺส อฺถตฺตํ นาโหสิ. เอวํ ทานํ นิสฺสาย โพธิสตฺตานํ ติตฺติ นาม นตฺถิ. ตสฺมา โสปิ มหาปุริโส ‘‘สตฺตาหํ มยา โกฏิสตสหสฺสสงฺขานํ ภิกฺขูนํ ทานํ ทาตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา ตสฺมึ มณฺฑเป พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิสีทาเปตฺวา สตฺตาหํ ควปานํ นาม ทานํ อทาสิ. ควปานนฺติ มหนฺเต มหนฺเต โกลมฺเพ ขีรสฺส ปูเรตฺวา อุทฺธเนสุ อาโรเปตฺวา ฆนปากปกฺเก ขีเร โถเก ตณฺฑุเล ปกฺขิปิตฺวา ปกฺกมธุสกฺกราจุณฺณสปฺปีหิ อภิสงฺขตํ โภชนํ วุจฺจติ. มนุสฺสาเยว ปน ปริวิสิตุํ นาสกฺขึสุ, เทวาปิ เอกนฺตริกา หุตฺวา ปริวิสึสุ. ทฺวาทสเตรสโยชนปฺปมาณํ านมฺปิ ภิกฺขู คณฺหิตุํ นปฺปโหสิเยว. เต ปน ภิกฺขู อตฺตโน อตฺตโน อานุภาเวน นิสีทึสุ. ปริโยสานทิวเส สพฺพภิกฺขูนํ ปตฺตานิ โธวาเปตฺวา เภสชฺชตฺถาย สปฺปินวนีตมธุผาณิตาทีนิ ปูเรตฺวา ติจีวเรหิ สทฺธึ อทาสิ, สงฺฆนวกภิกฺขุนา ลทฺธจีวรสาฏกา สตสหสฺสคฺฆนกา อเหสุํ.

สตฺถา อนุโมทนํ กโรนฺโต ‘‘อยํ ปุริโส เอวรูปํ มหาทานํ อทาสิ, โก นุ โข ภวิสฺสตี’’ติ อุปธาเรนฺโต ‘‘อนาคเต กปฺปสตสหสฺสาธิกานํ ทฺวินฺนํ อสงฺขฺเยยฺยานํ มตฺถเก โคตโม นาม พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ ทิสฺวา มหาปุริสํ อามนฺเตตฺวา ‘‘ตฺวํ เอตฺตกํ นาม กาลํ อติกฺกมิตฺวา โคตโม นาม พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิ. มหาปุริโส พฺยากรณํ สุตฺวา ‘‘อหํ กิร พุทฺโธ ภวิสฺสามิ, โก เม ฆราวาเสน อตฺโถ, ปพฺพชิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ตถารูปํ สมฺปตฺตึ เขฬปิณฺฑํ วิย ปหาย สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา พุทฺธวจนํ อุคฺคณฺหิตฺวา อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา อายุปริโยสาเน พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺติ.

มงฺคลสฺส ปน ภควโต นครํ อุตฺตรํ นาม อโหสิ, ปิตาปิ อุตฺตโร นาม ขตฺติโย, มาตาปิ อุตฺตรา นาม เทวี, สุเทโว จ ธมฺมเสโน จ ทฺเว อคฺคสาวกา, ปาลิโต นามุปฏฺาโก, สีวลี จ อโสกา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, นาครุกฺโข โพธิ, อฏฺาสีติหตฺถุพฺเพธํ สรีรํ อโหสิ. นวุติวสฺสสหสฺสานิ ตฺวา ปรินิพฺพุเต ปน ตสฺมึ ภควติ เอกปฺปหาเรเนว ทส จกฺกวาฬสหสฺสานิ เอกนฺธการานิ อเหสุํ. สพฺพจกฺกวาเฬสุ มนุสฺสานํ มหนฺตํ อาโรทนปริเทวนํ อโหสิ.

‘‘โกณฺฑฺสฺส อปเรน, มงฺคโล นาม นายโก;

ตมํ โลเก นิหนฺตฺวาน, ธมฺโมกฺกมภิธารยี’’ติ.

เอวํ ทสสหสฺสิโลกธาตุํ อนฺธการํ กตฺวา ปรินิพฺพุตสฺส ตสฺส ภควโต อปรภาเค สุมโน นาม สตฺถา อุทปาทิ. ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา อเหสุํ. ปมสนฺนิปาเต โกฏิสตสหสฺสภิกฺขู อเหสุํ, ทุติเย กฺจนปพฺพตมฺหิ นวุติโกฏิสหสฺสานิ, ตติเย อสีติโกฏิสหสฺสานิ. ตทา มหาสตฺโต อตุโล นาม นาคราชา อโหสิ มหิทฺธิโก มหานุภาโว. โส ‘‘พุทฺโธ อุปฺปนฺโน’’ติ สุตฺวา าติสงฺฆปริวุโต นาคภวนา นิกฺขมิตฺวา โกฏิสตสหสฺสภิกฺขุปริวารสฺส ตสฺส ภควโต ทิพฺพตูริเยหิ อุปหารํ กาเรตฺวา มหาทานํ ปวตฺเตตฺวา ปจฺเจกํ ทุสฺสยุคานิ ทตฺวา สรเณสุ ปติฏฺาสิ. โสปิ นํ สตฺถา ‘‘อนาคเต พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิ. ตสฺส ภควโต นครํ เขมํ นาม อโหสิ, สุทตฺโต นาม ราชา ปิตา, สิริมา นาม มาตา, สรโณ จ ภาวิตตฺโต จ ทฺเว อคฺคสาวกา, อุเทโน นามุปฏฺาโก, โสณา จ อุปโสณา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, นาครุกฺโข โพธิ, นวุติหตฺถุพฺเพธํ สรีรํ, นวุติเยว วสฺสสหสฺสานิ อายุปฺปมาณํ อโหสิ.

‘‘มงฺคลสฺส อปเรน, สุมโน นาม นายโก;

สพฺพธมฺเมหิ อสโม, สพฺพสตฺตานมุตฺตโม’’ติ.

ตสฺส อปรภาเค เรวโต นาม สตฺถา อุทปาทิ. ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา อเหสุํ. ปมสนฺนิปาเต คณนา นตฺถิ, ทุติเย โกฏิสตสหสฺสภิกฺขู อเหสุํ, ตถา ตติเย. ตทา โพธิสตฺโต อติเทโว นาม พฺราหฺมโณ หุตฺวา สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา สรเณสุ ปติฏฺาย สิรสฺมึ อฺชลึ เปตฺวา ตสฺส สตฺถุโน กิเลสปฺปหาเน วณฺณํ วตฺวา อุตฺตราสงฺเคน ปูชํ อกาสิ. โสปิ นํ ‘‘พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิ. ตสฺส ปน ภควโต นครํ ธฺวตี นาม อโหสิ, ปิตา วิปุโล นาม ขตฺติโย, มาตาปิ วิปุลา นาม เทวี, วรุโณ จ พฺรหฺมเทโว จ ทฺเว อคฺคสาวกา, สมฺภโว นามุปฏฺาโก, ภทฺทา จ สุภทฺทา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, นาครุกฺโขว โพธิ, สรีรํ อสีติหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, อายุ สฏฺิ วสฺสสหสฺสานีติ.

‘‘สุมนสฺส อปเรน, เรวโต นาม นายโก;

อนูปโม อสทิโส, อตุโล อุตฺตโม ชิโน’’ติ.

ตสฺส อปรภาเค โสภิโต นาม สตฺถา อุทปาทิ. ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา อเหสุํ. ปมสนฺนิปาเต โกฏิสตภิกฺขู อเหสุํ, ทุติเย นวุติโกฏิโย, ตติเย อสีติโกฏิโย. ตทา โพธิสตฺโต อชิโต นาม พฺราหฺมโณ หุตฺวา สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา สรเณสุ ปติฏฺาย พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ อทาสิ. โสปิ นํ ‘‘พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิ. ตสฺส ปน ภควโต สุธมฺมํ นาม นครํ อโหสิ, ปิตาปิ สุธมฺโม นาม ราชา, มาตาปิ สุธมฺมา นาม เทวี, อสโม จ สุเนตฺโต จ ทฺเว อคฺคสาวกา, อโนโม นามุปฏฺาโก, นกุลา จ สุชาตา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, นาครุกฺโขว โพธิ, อฏฺปณฺณาสหตฺถุพฺเพธํ สรีรํ อโหสิ, นวุติ วสฺสสหสฺสานิ อายุปฺปมาณนฺติ.

‘‘เรวตสฺส อปเรน, โสภิโต นาม นายโก;

สมาหิโต สนฺตจิตฺโต, อสโม อปฺปฏิปุคฺคโล’’ติ.

ตสฺส อปรภาเค เอกํ อสงฺขฺเยยฺยํ อติกฺกมิตฺวา เอกสฺมึเยว กปฺเป ตโย พุทฺธา นิพฺพตฺตึสุ อโนมทสฺสี ปทุโม นารโทติ. อโนมทสฺสิสฺส ภควโต ตโย สาวกสนฺนิปาตา อเหสุํ. ปมสนฺนิปาเต ภิกฺขู อฏฺสตสหสฺสานิ อเหสุํ, ทุติเย สตฺต, ตติเย ฉ. ตทา โพธิสตฺโต เอโก ยกฺขเสนาปติ อโหสิ มหิทฺธิโก มหานุภาโว อเนกโกฏิสตสหสฺสานํ ยกฺขานํ อธิปติ. โส ‘‘พุทฺโธ อุปฺปนฺโน’’ติ สุตฺวา อาคนฺตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ อทาสิ. สตฺถาปิ นํ ‘‘อนาคเต พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิ. อโนมทสฺสิสฺส ปน ภควโต จนฺทวตี นาม นครํ อโหสิ, ยสวา นาม ราชา ปิตา, ยโสธรา นาม มาตา, นิสโภ จ อโนโม จ ทฺเว อคฺคสาวกา, วรุโณ นามุปฏฺาโก, สุนฺทรี จ สุมนา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, อชฺชุนรุกฺโข โพธิ, อฏฺปณฺณาสหตฺถุพฺเพธํ สรีรํ อโหสิ, วสฺสสตสหสฺสํ อายูติ.

‘‘โสภิตสฺส อปเรน, สมฺพุทฺโธ ทฺวิปทุตฺตโม;

อโนมทสฺสี อมิตยโส, เตชสฺสี ทุรติกฺกโม’’ติ.

ตสฺส อปรภาเค ปทุโม นาม สตฺถา อุทปาทิ. ตสฺสาปิ ตโย ภาวกสนฺนิปาตา อเหสุํ. ปมสนฺนิปาเต โกฏิสตสหสฺสภิกฺขู อเหสุํ, ทุติเย ตีณิ สตสหสฺสานิ, ตติเย อคามเก อรฺเ มหาวนสณฺฑวาสีนํ ภิกฺขูนํ ทฺเว สตสหสฺสานิ. ตทา ตถาคเต ตสฺมึ วนสณฺเฑ วสนฺเต โพธิสตฺโต สีโห หุตฺวา สตฺถารํ นิโรธสมาปตฺตึ สมาปนฺนํ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺโต วนฺทิตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปีติโสมนสฺสชาโต ติกฺขตฺตุํ สีหนาทํ นทิตฺวา สตฺตาหํ พุทฺธารมฺมณปีตึ อวิชหิตฺวา ปีติสุเขเนว โคจราย อปกฺกมิตฺวา ชีวิตปริจฺจาคํ กตฺวา ปยิรุปาสมาโน อฏฺาสิ. สตฺถา สตฺตาหจฺจเยน นิโรธา วุฏฺิโต สีหํ โอโลเกตฺวา ‘‘ภิกฺขุสงฺเฆปิ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา สงฺฆํ วนฺทิสฺสตีติ ภิกฺขุสงฺโฆ อาคจฺฉตู’’ติ จินฺเตสิ. ภิกฺขู ตาวเทว อาคมึสุ. สีโห สงฺเฆ จิตฺตํ ปสาเทสิ. สตฺถา ตสฺส มนํ โอโลเกตฺวา ‘‘อนาคเต พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิ. ปทุมสฺส ปน ภควโต จมฺปกํ นาม นครํ อโหสิ, อสโม นาม ราชา ปิตา, อสมา นาม เทวี มาตา, สาโล จ อุปสาโล จ ทฺเว อคฺคสาวกา, วรุโณ นามุปฏฺาโก, รามา จ สุรามา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, โสณรุกฺโข นาม โพธิ, อฏฺปณฺณาสหตฺถุพฺเพธํ สรีรํ อโหสิ, อายุ วสฺสสตสหสฺสนฺติ.

‘‘อโนมทสฺสิสฺส อปเรน, สมฺพุทฺโธ ทฺวิปทุตฺตโม;

ปทุโม นาม นาเมน, อสโม อปฺปฏิปุคฺคโล’’ติ.

ตสฺส อปรภาเค นารโท นาม สตฺถา อุทปาทิ. ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา อเหสุํ. ปมสนฺนิปาเต โกฏิสตสหสฺสภิกฺขู อเหสุํ, ทุติเย นวุติโกฏิสหสฺสานิ, ตติเย อสีติโกฏิสหสฺสานิ. ตทา โพธิสตฺโต อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ปฺจสุ อภิฺาสุ อฏฺสุ จ สมาปตฺตีสุ จิณฺณวสี หุตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ ทตฺวา โลหิตจนฺทเนน ปูชํ อกาสิ. โสปิ นํ ‘‘อนาคเต พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิ. ตสฺส ภควโต ธฺวตี นาม นครํ อโหสิ, สุเทโว นาม ขตฺติโย ปิตา, อโนมา นาม มาตา, สทฺทสาโล จ ชิตมิตฺโต จ ทฺเว อคฺคสาวกา, วาเสฏฺโ นามุปฏฺาโก, อุตฺตรา จ ผคฺคุนี จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, มหาโสณรุกฺโข นาม โพธิ, สรีรํ อฏฺาสีติหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, นวุติวสฺสสหสฺสานิ อายูติ.

‘‘ปทุมสฺส อปเรน, สมฺพุทฺโธ ทฺวิปทุตฺตโม;

นารโท นาม นาเมน, อสโม อปฺปฏิปุคฺคโล’’ติ.

นารทพุทฺธสฺส อปรภาเค เอกํ อสงฺขฺเยยฺยํ อติกฺกมิตฺวา อิโต สตสหสฺสกปฺปมตฺถเก เอกสฺมึ กปฺเป เอโกว ปทุมุตฺตรพุทฺโธ นาม อุทปาทิ. ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา อเหสุํ. ปเม โกฏิสตสหสฺสภิกฺขู อเหสุํ, ทุติเย เวภารปพฺพเต นวุติโกฏิสหสฺสานิ, ตติเย อสีติโกฏิสหสฺสานิ. ตทา โพธิสตฺโต ชฏิโล นาม มหารฏฺิโย หุตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส สจีวรํ ทานํ อทาสิ. โสปิ นํ ‘‘อนาคเต พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิ. ปทุมุตฺตรสฺส ปน ภควโต กาเล ติตฺถิยา นาม นาเหสุํ. สพฺเพ เทวมนุสฺสา พุทฺธเมว สรณํ อคมํสุ. ตสฺส นครํ หํสวตี นาม อโหสิ, ปิตา อานนฺโท นาม ขตฺติโย, มาตา สุชาตา นาม เทวี, เทวโล จ สุชาโต จ ทฺเว อคฺคสาวกา, สุมโน นามุปฏฺาโก, อมิตา จ อสมา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, สลลรุกฺโข โพธิ, สรีรํ อฏฺปณฺณาสหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, สรีรปฺปภา สมนฺตโต ทฺวาทส โยชนานิ คณฺหิ, วสฺสสตสหสฺสํ อายูติ.

‘‘นารทสฺส อปเรน, สมฺพุทฺโธ ทฺวิปทุตฺตโม;

ปทุมุตฺตโร นาม ชิโน, อกฺโขโภ สาครูปโม’’ติ.

ตสฺส อปรภาเค สตฺตติ กปฺปสหสฺสานิ อติกฺกมิตฺวา สุเมโธ สุชาโต จาติ เอกสฺมึ กปฺเป ทฺเว พุทฺธา นิพฺพตฺตึสุ. สุเมธสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา อเหสุํ, ปมสนฺนิปาเต สุทสฺสนนคเร โกฏิสตขีณาสวา อเหสุํ, ทุติเย ปน นวุติโกฏิโย, ตติเย อสีติโกฏิโย. ตทา โพธิสตฺโต อุตฺตโร นาม มาณโว หุตฺวา นิทหิตฺวา ปิตํเยว อสีติโกฏิธนํ วิสฺสชฺเชตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ ทตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา สรเณสุ ปติฏฺาย นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิ. โสปิ นํ ‘‘อนาคเต พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิ. สุเมธสฺส ภควโต สุทสฺสนํ นาม นครํ อโหสิ, สุทตฺโต นาม ราชา ปิตา, มาตาปิ สุทตฺตา นาม, สรโณ จ สพฺพกาโม จ ทฺเว อคฺคสาวกา, สาคโร นามุปฏฺาโก, รามา จ สุรามา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, มหานีปรุกฺโข โพธิ, สรีรํ อฏฺาสีติหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, อายุ นวุติ วสฺสสหสฺสานีติ.

‘‘ปทุมุตฺตรสฺส อปเรน, สุเมโธ นาม นายโก;

ทุราสโท อุคฺคเตโช, สพฺพโลกุตฺตโม มุนี’’ติ.

ตสฺส อปรภาเค สุชาโต นาม สตฺถา อุทปาทิ. ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา อเหสุํ. ปมสนฺนิปาเต สฏฺิ ภิกฺขุสตสหสฺสานิ อเหสุํ, ทุติเย ปฺาสํ, ตติเย จตฺตาลีสํ. ตทา โพธิสตฺโต จกฺกวตฺติราชา หุตฺวา ‘‘พุทฺโธ อุปฺปนฺโน’’ติ สุตฺวา อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส สทฺธึ สตฺตหิ รตเนหิ จตุมหาทีปรชฺชํ ทตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิ. สกลรฏฺวาสิโน รฏฺุปฺปาทํ คเหตฺวา อารามิกกิจฺจํ สาเธนฺตา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส นิจฺจํ มหาทานํ อทํสุ. โสปิ นํ สตฺถา ‘‘อนาคเต พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิ. ตสฺส ภควโต นครํ สุมงฺคลํ นาม อโหสิ, อุคฺคโต นาม ราชา ปิตา, ปภาวตี นาม มาตา, สุทสฺสโน จ สุเทโว จ ทฺเว อคฺคสาวกา, นารโท นามุปฏฺาโก, นาคา จ นาคสมาลา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, มหาเวฬุรุกฺโข โพธิ. โส กิร มนฺทจฺฉิทฺโท ฆนกฺขนฺโธ อุปริ นิคฺคตาหิ มหาสาขาหิ โมรปิฺฉกลาโป วิย วิโรจิตฺถ. ตสฺส ภควโต สรีรํ ปณฺณาสหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, อายุ นวุติ วสฺสสหสฺสานีติ.

‘‘ตตฺเถว มณฺฑกปฺปมฺหิ, สุชาโต นาม นายโก;

สีหหนุสภกฺขนฺโธ, อปฺปเมยฺโย ทุราสโท’’ติ.

ตสฺส อปรภาเค อิโต อฏฺารสกปฺปสตมตฺถเก เอกสฺมึ กปฺเป ปิยทสฺสี, อตฺถทสฺสี, ธมฺมทสฺสีติ ตโย พุทฺธา นิพฺพตฺตึสุ. ปิยทสฺสิสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา อเหสุํ. ปเม โกฏิสตสหสฺสา ภิกฺขู อเหสุํ, ทุติเย นวุติโกฏิโย, ตติเย อสีติโกฏิโย. ตทา โพธิสตฺโต กสฺสโป นาม มาณโว ติณฺณํ เวทานํ ปารํ คโต หุตฺวา สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา โกฏิสตสหสฺสธนปริจฺจาเคน สงฺฆารามํ กาเรตฺวา สรเณสุ จ สีเลสุ จ ปติฏฺาสิ. อถ นํ สตฺถา ‘‘อฏฺารสกปฺปสตจฺจเยน พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิ. ตสฺส ภควโต อโนมํ นาม นครํ อโหสิ, ปิตา สุทินฺโน นาม ราชา, มาตา จนฺทา นาม เทวี, ปาลิโต จ สพฺพทสฺสี จ ทฺเว อคฺคสาวกา, โสภิโต นามุปฏฺาโก, สุชาตา จ ธมฺมทินฺนา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, กกุธรุกฺโข โพธิ, สรีรํ อสีติหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, นวุติ วสฺสสหสฺสานิ อายูติ.

‘‘สุชาตสฺส อปเรน, สยมฺภู โลกนายโก;

ทุราสโท อสมสโม, ปิยทสฺสี มหายโส’’ติ.

ตสฺส อปรภาเค อตฺถทสฺสี นาม สตฺถา อุทปาทิ. ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา อเหสุํ. ปเม อฏฺนวุติ ภิกฺขุสตสหสฺสานิ อเหสุํ, ทุติเย อฏฺาสีติสตสหสฺสานิ, ตถา ตติเย. ตทา โพธิสตฺโต สุสีโม นาม มหิทฺธิโก ตาปโส หุตฺวา เทวโลกโต มนฺทารวปุปฺผจฺฉตฺตํ อาหริตฺวา สตฺถารํ ปูเชสิ, โสปิ นํ ‘‘อนาคเต พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิ. ตสฺส ภควโต โสภิตํ นาม นครํ อโหสิ, สาคโร นาม ราชา ปิตา, สุทสฺสนา นาม มาตา, สนฺโต จ อุปสนฺโต จ ทฺเว อคฺคสาวกา, อภโย นามุปฏฺาโก, ธมฺมา จ สุธมฺมา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, จมฺปกรุกฺโข โพธิ, สรีรํ อสีติหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, สรีรปฺปภา สมนฺตโต สพฺพกาลํ โยชนมตฺตํ ผริตฺวา อฏฺาสิ, อายุ วสฺสสตสหสฺสนฺติ.

‘‘ตตฺเถว มณฺฑกปฺปมฺหิ, อตฺถทสฺสี นราสโภ;

มหาตมํ นิหนฺตฺวาน, ปตฺโต สมฺโพธิมุตฺตม’’นฺติ.

ตสฺส อปรภาเค ธมฺมทสฺสี นาม สตฺถา อุทปาทิ. ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา อเหสุํ. ปเม โกฏิสตํ ภิกฺขู อเหสุํ, ทุติเย สตฺตติโกฏิโย, ตติเย อสีติโกฏิโย. ตทา โพธิสตฺโต สกฺโก เทวราชา หุตฺวา ทิพฺพคนฺธปุปฺเผหิ จ ทิพฺพตูริเยหิ จ ปูชํ อกาสิ, โสปิ นํ ‘‘อนาคเต พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิ. ตสฺส ภควโต สรณํ นาม นครํ อโหสิ, ปิตา สรโณ นาม ราชา, มาตา สุนนฺทา นาม, ปทุโม จ ผุสฺสเทโว จ ทฺเว อคฺคสาวกา, สุเนตฺโต นามุปฏฺาโก, เขมา จ สพฺพนามา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, รตฺตงฺกุรรุกฺโข โพธิ, ‘‘พิมฺพิชาโล’’ติปิ วุจฺจติ, สรีรํ ปนสฺส อสีติหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, วสฺสสตสหสฺสํ อายูติ.

‘‘ตตฺเถว มณฺฑกปฺปมฺหิ, ธมฺมทสฺสี มหายโส;

ตมนฺธการํ วิธมิตฺวา, อติโรจติ สเทวเก’’ติ.

ตสฺส อปรภาเค อิโต จตุนวุติกปฺปมตฺถเก เอกสฺมึ กปฺเป เอโกว สิทฺธตฺโถ นาม พุทฺโธ อุทปาทิ. ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา อเหสุํ. ปมสนฺนิปาเต โกฏิสตสหสฺสํ ภิกฺขู อเหสุํ, ทุติเย นวุติโกฏิโย, ตติเย อสีติโกฏิโย. ตทา โพธิสตฺโต อุคฺคเตโช อภิฺาพลสมฺปนฺโน มงฺคโล นาม ตาปโส หุตฺวา มหาชมฺพุผลํ อาหริตฺวา ตถาคตสฺส อทาสิ. สตฺถา ตํ ผลํ ปริภุฺชิตฺวา ‘‘จตุนวุติกปฺปมตฺถเก พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ โพธิสตฺตํ พฺยากาสิ. ตสฺส ภควโต นครํ เวภารํ นาม อโหสิ, ปิตา ชยเสโน นาม ราชา, มาตา สุผสฺสา นาม, สมฺพโล จ สุมิตฺโต จ ทฺเว อคฺคสาวกา, เรวโต นามุปฏฺาโก, สีวลี จ สุรามา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, กณิการรุกฺโข โพธิ, สรีรํ สฏฺิหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, วสฺสสตสหสฺสํ อายูติ.

‘‘ธมฺมทสฺสิสฺส อปเรน, สิทฺธตฺโถ นาม นายโก;

นิหนิตฺวา ตมํ สพฺพํ, สูริโย อพฺภุคฺคโต ยถา’’ติ.

ตสฺส อปรภาเค อิโต ทฺวานวุติกปฺปมตฺถเก ติสฺโส ผุสฺโสติ เอกสฺมึ กปฺเป ทฺเว พุทฺธา นิพฺพตฺตึสุ. ติสฺสสฺส ภควโต ตโย สาวกสนฺนิปาตา อเหสุํ. ปมสนฺนิปาเต ภิกฺขูนํ โกฏิสตํ อโหสิ, ทุติเย นวุติโกฏิโย, ตติเย อสีติโกฏิโย. ตทา โพธิสตฺโต มหาโภโค มหายโส สุชาโต นาม ขตฺติโย หุตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา มหิทฺธิกภาวํ ปตฺวา ‘‘พุทฺโธ อุปฺปนฺโน’’ติ สุตฺวา ทิพฺพมนฺทารวปทุมปาริจฺฉตฺตกปุปฺผานิ อาทาย จตุปริสมชฺเฌ คจฺฉนฺตํ ตถาคตํ ปูเชสิ, อากาเส ปุปฺผวิตานํ อกาสิ. โสปิ นํ สตฺถา ‘‘อิโต ทฺวานวุติกปฺเป พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิ. ตสฺส ภควโต เขมํ นาม นครํ อโหสิ, ปิตา ชนสนฺโธ นาม ขตฺติโย, มาตา ปทุมา นาม, พฺรหฺมเทโว จ อุทโย จ ทฺเว อคฺคสาวกา, สมงฺโค นามุปฏฺาโก, ผุสฺสา จ สุทตฺตา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, อสนรุกฺโข โพธิ, สรีรํ สฏฺิหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, วสฺสสตสหสฺสํ อายูติ.

‘‘สิทฺธตฺถสฺส อปเรน, อสโม อปฺปฏิปุคฺคโล;

อนนฺตสีโล อมิตยโส, ติสฺโส โลกคฺคนายโก’’ติ.

ตสฺส อปรภาเค ผุสฺโส นาม สตฺถา อุทปาทิ. ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา อเหสุํ. ปมสนฺนิปาเต สฏฺิ ภิกฺขุสตสหสฺสานิ อเหสุํ, ทุติเย ปณฺณาส, ตติเย ทฺวตฺตึส. ตทา โพธิสตฺโต วิชิตาวี นาม ขตฺติโย หุตฺวา มหารชฺชํ ปหาย สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ตีณิ ปิฏกานิ อุคฺคเหตฺวา มหาชนสฺส ธมฺมกถํ กเถสิ, สีลปารมิฺจ ปูเรสิ. โสปิ นํ ‘‘พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ ตเถว พฺยากาสิ. ตสฺส ภควโต กาสี นาม นครํ อโหสิ, ชยเสโน นาม ราชา ปิตา, สิริมา นาม มาตา, สุรกฺขิโต จ ธมฺมเสโน จ ทฺเว อคฺคสาวกา, สภิโย นามุปฏฺาโก, จาลา จ อุปจาลา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, อามลกรุกฺโข โพธิ, สรีรํ อฏฺปณฺณาสหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, นวุติ วสฺสสหสฺสานิ อายูติ.

‘‘ตตฺเถว มณฺฑกปฺปมฺหิ, อหุ สตฺถา อนุตฺตโร;

อนูปโม อสมสโม, ผุสฺโส โลกคฺคนายโก’’ติ.

ตสฺส อปรภาเค อิโต เอกนวุติกปฺเป วิปสฺสี นาม ภควา อุทปาทิ. ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา อเหสุํ. ปมสนฺนิปาเต อฏฺสฏฺิ ภิกฺขุสตสหสฺสํ อโหสิ, ทุติเย เอกสตสหสฺสํ, ตติเย อสีติสหสฺสานิ. ตทา โพธิสตฺโต มหิทฺธิโก มหานุภาโว อตุโล นาม นาคราชา หุตฺวา สตฺตรตนขจิตํ โสวณฺณมยํ มหาปีํ ภควโต อทาสิ. โสปิ นํ ‘‘อิโต เอกนวุติกปฺเป พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิ. ตสฺส ภควโต พนฺธุมตี นาม นครํ อโหสิ, พนฺธุมา นาม ราชา ปิตา, พนฺธุมตี นาม มาตา, ขณฺโฑ จ ติสฺโส จ ทฺเว อคฺคสาวกา, อโสโก นามุปฏฺาโก, จนฺทา จ จนฺทมิตฺตา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, ปาฏลิรุกฺโข โพธิ, สรีรํ อสีติหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, สรีรปฺปภา สทา สตฺต โยชนานิ ผริตฺวา อฏฺาสิ, อสีติ วสฺสสหสฺสานิ อายูติ.

‘‘ผุสฺสสฺส จ อปเรน, สมฺพุทฺโธ ทฺวิปทุตฺตโม;

วิปสฺสี นาม นาเมน, โลเก อุปฺปชฺชิ จกฺขุมา’’ติ.

ตสฺส อปรภาเค อิโต เอกตึสกปฺเป สิขีเวสฺสภู จาติ ทฺเว พุทฺธา อเหสุํ. สิขิสฺสาปิ ภควโต ตโย สาวกสนฺนิปาตา อเหสุํ. ปมสนฺนิปาเต ภิกฺขุสตสหสฺสํ อโหสิ, ทุติเย อสีติสหสฺสานิ, ตติเย สตฺตตฺติสหสฺสานิ. ตทา โพธิสตฺโต อรินฺทโม นาม ราชา หุตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส สจีวรํ มหาทานํ ปวตฺเตตฺวา สตฺตรตนปฏิมณฺฑิตํ หตฺถิรตนํ ทตฺวา หตฺถิปฺปมาณํ กตฺวา กปฺปิยภณฺฑํ อทาสิ. โสปิ นํ ‘‘อิโต กตึสกปฺเป พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิ. ตสฺส ภควโต อรุณวตี นาม นครํ อโหสิ, อรุโณ นาม ขตฺติโย ปิตา, ปภาวตี นาม มาตา, อภิภู จ สมฺภโว จ ทฺเว อคฺคสาวกา, เขมงฺกโร นามุปฏฺาโก, สขิลา จ ปทุมา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, ปุณฺฑรีกรุกฺโข โพธิ, สรีรํ สตฺตติหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, สรีรปฺปภา โยชนตฺตยํ ผริตฺวา อฏฺาสิ, สตฺตติ วสฺสสหสฺสานิ อายูติ.

‘‘วิปสฺสิสฺส อปเรน, สมฺพุทฺโธ ทฺวิปทุตฺตโม;

สิขิวฺหโย นาม ชิโน, อสโม อปฺปฏิปุคฺคโล’’ติ.

ตสฺส อปรภาเค เวสฺสภู นาม สตฺถา อุทปาทิ. ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา อเหสุํ. ปมสนฺนิปาเต อสีติ ภิกฺขุสหสฺสานิ อเหสุํ, ทุติเย สตฺตติ, ตติเย สฏฺิ. ตทา โพธิสตฺโต สุทสฺสโน นาม ราชา หุตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส สจีวรํ มหาทานํ ทตฺวา ตสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา อาจารคุณสมฺปนฺโน พุทฺธรตเน จิตฺตีการปีติพหุโล อโหสิ. โสปิ นํ ภควา ‘‘อิโต เอกตึสกปฺเป พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิ. ตสฺส ปน ภควโต อโนมํ นาม นครํ อโหสิ, สุปฺปตีโต นาม ราชา ปิตา, ยสวตี นาม มาตา, โสโณ จ อุตฺตโร จ ทฺเว อคฺคสาวกา, อุปสนฺโต นามุปฏฺาโก, ทามา จ สมาลา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, สาลรุกฺโข โพธิ, สรีรํ สฏฺิหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, สฏฺิ วสฺสสหสฺสานิ อายูติ.

‘‘ตตฺเถว มณฺฑกปฺปมฺหิ, อสโม อปฺปฏิปุคฺคโล;

เวสฺสภู นาม นาเมน, โลเก อุปฺปชฺชิ โส ชิโน’’ติ.

ตสฺส อปรภาเค อิมสฺมึ กปฺเป จตฺตาโร พุทฺธา นิพฺพตฺตา กกุสนฺโธ, โกณาคมโน, กสฺสโป, อมฺหากํ ภควาติ. กกุสนฺธสฺส ภควโต เอโกว สาวกสนฺนิปาโต, ตตฺถ จตฺตาลีส ภิกฺขุสหสฺสานิ อเหสุํ. ตทา โพธิสตฺโต เขโม นาม ราชา หุตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส สปตฺตจีวรํ มหาทานฺเจว อฺชนาทิเภสชฺชานิ จ ทตฺวา สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปพฺพชิ. โสปิ นํ สตฺถา พฺยากาสิ. กกุสนฺธสฺส ปน ภควโต เขมํ นาม นครํ อโหสิ, อคฺคิทตฺโต นาม พฺราหฺมโณ ปิตา, วิสาขา นาม พฺราหฺมณี มาตา, วิธุโร จ สฺชีโว จ ทฺเว อคฺคสาวกา, พุทฺธิโช นามุปฏฺาโก, สามา จ จมฺปกา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, มหาสิรีสรุกฺโข โพธิ, สรีรํ จตฺตาลีสหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, จตฺตาลีส วสฺสสหสฺสานิ อายูติ.

‘‘เวสฺสภุสฺส อปเรน, สมฺพุทฺโธ ทฺวิปทุตฺตโม;

กกุสนฺโธ นาม นาเมน, อปฺปเมยฺโย ทุราสโท’’ติ.

ตสฺส อปรภาเค โกณาคมโน นาม สตฺถา อุทปาทิ. ตสฺสาปิ เอโก สาวกสนฺนิปาโต, ตตฺถ ตึส ภิกฺขุสหสฺสานิ อเหสุํ. ตทา โพธิสตฺโต ปพฺพโต นาม ราชา หุตฺวา อมจฺจคณปริวุโต สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ธมฺมเทสนํ สุตฺวา พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิมนฺเตตฺวา มหาทานํ ปวตฺเตตฺวา ปฏฺฏุณฺณจีนปฏฺฏโกเสยฺยกมฺพลทุกูลานิ เจว สุวณฺณปาทุกฺจ ทตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิ. โสปิ นํ พฺยากาสิ. ตสฺส ภควโต โสภวตี นาม นครํ อโหสิ, ยฺทตฺโต นาม พฺราหฺมโณ ปิตา, อุตฺตรา นาม พฺราหฺมณี มาตา, ภิยฺยโส จ อุตฺตโร จ ทฺเว อคฺคสาวกา, โสตฺถิโช นามุปฏฺาโก, สมุทฺทา จ อุตฺตรา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, อุทุมฺพรรุกฺโข โพธิ, สรีรํ ตึสหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, ตึส วสฺสสหสฺสานิ อายูติ.

‘‘กกุสนฺธสฺส อปเรน, สมฺพุทฺโธ ทฺวิปทุตฺตโม;

โกณาคมโน นาม ชิโน, โลกเชฏฺโ นราสโภ’’ติ.

ตสฺส อปรภาเค กสฺสโป นาม สตฺถา อุทปาทิ. ตสฺสาปิ เอโก สาวกสนฺนิปาโต, ตตฺถ วีสติ ภิกฺขุสหสฺสานิ อเหสุํ. ตทา โพธิสตฺโต โชติปาโล นาม มาณโว หุตฺวา ติณฺณํ เวทานํ ปารคู ภูมิยฺจ อนฺตลิกฺเข จ ปากโฏ ฆฏีการสฺส กุมฺภการสฺส มิตฺโต อโหสิ. โส เตน สทฺธึ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมกถํ สุตฺวา ปพฺพชิตฺวา อารทฺธวีริโย ตีณิ ปิฏกานิ อุคฺคเหตฺวา วตฺตาวตฺตสมฺปตฺติยา พุทฺธสฺส สาสนํ โสเภสิ. โสปิ นํ พฺยากาสิ. ตสฺส ภควโต ชาตนครํ พาราณสี นาม อโหสิ, พฺรหฺมทตฺโต นาม พฺราหฺมโณ ปิตา, ธนวตี นาม พฺราหฺมณี มาตา, ติสฺโส จ ภารทฺวาโช จ ทฺเว อคฺคสาวกา, สพฺพมิตฺโต นามุปฏฺาโก, อนุฬา จ อุรุเวฬา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, นิคฺโรธรุกฺโข โพธิ, สรีรํ วีสติหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, วีสติ วสฺสสหสฺสานิ อายูติ.

‘‘โกณาคมนสฺส อปเรน, สมฺพุทฺโธ ทฺวิปทุตฺตโม;

กสฺสโป นาม โคตฺเตน, ธมฺมราชา ปภงฺกโร’’ติ.

ยสฺมึ ปน กปฺเป ทีปงฺกโร ทสพโล อุทปาทิ, ตสฺมึ อฺเปิ ตโย พุทฺธา อเหสุํ. เตสํ สนฺติกา โพธิสตฺตสฺส พฺยากรณํ นตฺถิ, ตสฺมา เต อิธ น ทสฺสิตา. อฏฺกถายํ ปน ตมฺหา กปฺปา ปฏฺาย สพฺเพปิ พุทฺเธ ทสฺเสตุํ อิทํ วุตฺตํ –

‘‘ตณฺหงฺกโร เมธงฺกโร, อโถปิ สรณงฺกโร;

ทีปงฺกโร จ สมฺพุทฺโธ, โกณฺฑฺโ ทฺวิปทุตฺตโม.

‘‘มงฺคโล จ สุมโน จ, เรวโต โสภิโต มุนิ;

อโนมทสฺสี ปทุโม, นารโท ปทุมุตฺตโร.

‘‘สุเมโธ จ สุชาโต จ, ปิยทสฺสี มหายโส;

อตฺถทสฺสี ธมฺมทสฺสี, สิทฺธตฺโถ โลกนายโก.

‘‘ติสฺโส ผุสฺโส จ สมฺพุทฺโธ, วิปสฺสี สิขิ เวสฺสภู;

กกุสนฺโธ โกณาคมโน, กสฺสโป จาติ นายโก.

‘‘เอเต อเหสุํ สมฺพุทฺธา, วีตราคา สมาหิตา;

สตรํสีว อุปฺปนฺนา, มหาตมวิโนทนา;

ชลิตฺวา อคฺคิขนฺธาว, นิพฺพุตา เต สสาวกา’’ติ.

ตตฺถ อมฺหากํ โพธิสตฺโต ทีปงฺกราทีนํ จตุวีสติยา พุทฺธานํ สนฺติเก อธิการํ กโรนฺโต กปฺปสตสหสฺสาธิกานิ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ อาคโต. กสฺสปสฺส ปน ภควโต โอรภาเค เปตฺวา อิมํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ อฺโ พุทฺโธ นาม นตฺถิ. อิติ ทีปงฺกราทีนํ จตุวีสติยา พุทฺธานํ สนฺติเก ลทฺธพฺยากรโณ ปน โพธิสตฺโต เยเนน –

‘‘มนุสฺสตฺตํ ลิงฺคสมฺปตฺติ, เหตุ สตฺถารทสฺสนํ;

ปพฺพชฺชา คุณสมฺปตฺติ, อธิกาโร จ ฉนฺทตา;

อฏฺธมฺมสโมธานา, อภินีหาโร สมิชฺฌตี’’ติ. (พุ. วํ. ๒.๕๙) –

อิเม อฏฺ ธมฺเม สโมธาเนตฺวา ทีปงฺกรปาทมูเล กตาภินีหาเรน ‘‘หนฺท พุทฺธกเร ธมฺเม, วิจินามิ อิโต จิโต’’ติ อุสฺสาหํ กตฺวา ‘‘วิจินนฺโต ตทาทกฺขึ, ปมํ ทานปารมิ’’นฺติ ทานปารมิตาทโย พุทฺธการกธมฺมา ทิฏฺา, เต ปูเรนฺโตเยว ยาว เวสฺสนฺตรตฺตภาวา อาคมิ. อาคจฺฉนฺโต จ เย เต กตาภินีหารานํ โพธิสตฺตานํ อานิสํสา สํวณฺณิตา –

‘‘เอวํ สพฺพงฺคสมฺปนฺนา, โพธิยา นิยตา นรา;

สํสรํ ทีฆมทฺธานํ, กปฺปโกฏิสเตหิปิ.

‘‘อวีจิมฺหิ นุปฺปชฺชนฺติ, ตถา โลกนฺตเรสุ จ;

นิชฺฌามตณฺหา ขุปฺปิปาสา, น โหนฺติ กาลกฺชกา.

‘‘น โหนฺติ ขุทฺทกา ปาณา, อุปฺปชฺชนฺตาปิ ทุคฺคตึ;

ชายมานา มนุสฺเสสุ, ชจฺจนฺธา น ภวนฺติ เต.

‘‘โสตเวกลฺลตา นตฺถิ, น ภวนฺติ มูคปกฺขิกา;

อิตฺถิภาวํ น คจฺฉนฺติ, อุภโตพฺยฺชนปณฺฑกา.

‘‘น ภวนฺติ ปริยาปนฺนา, โพธิยา นิยตา นรา;

มุตฺตา อานนฺตริเกหิ, สพฺพตฺถ สุทฺธโคจรา.

‘‘มิจฺฉาทิฏฺึ น เสวนฺติ, กมฺมกิริยทสฺสนา;

วสมานาปิ สคฺเคสุ, อสฺํ นูปปชฺชเร.

‘‘สุทฺธาวาเสสุ เทเวสุ, เหตุ นาม น วิชฺชติ;

เนกฺขมฺมนินฺนา สปฺปุริสา, วิสํยุตฺตา ภวาภเว;

จรนฺติ โลกตฺถจริยาโย, ปูเรนฺติ สพฺพปารมี’’ติ.

เต อานิสํเส อธิคนฺตฺวาว อาคโต. ปารมิโย ปูเรนฺตสฺส จสฺส อกิตฺติพฺราหฺมณกาเล สงฺขพฺราหฺมณกาเล ธนฺจยราชกาเล มหาสุทสฺสนกาเล มหาโควินฺทกาเล นิมิมหาราชกาเล จนฺทกุมารกาเล วิสยฺหเสฏฺิกาเล สิวิราชกาเล เวสฺสนฺตรกาเลติ ทานปารมิตาย ปูริตตฺตภาวานํ ปริมาณํ นาม นตฺถิ. เอกนฺเตน ปนสฺส สสปณฺฑิตชาตเก –

‘‘ภิกฺขาย อุปคตํ ทิสฺวา, สกตฺตานํ ปริจฺจชึ;

ทาเนน เม สโม นตฺถิ, เอสา เม ทานปารมี’’ติ. (จริยา. ๑.ตสฺสุทานํ) –

เอวํ อตฺตปริจฺจาคํ กโรนฺตสฺส ทานปารมิตา ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา. ตถา สีลวราชกาเล จมฺเปยฺยนาคราชกาเล ภูริทตฺตนาคราชกาเล ฉทฺทนฺตนาคราชกาเล ชยทฺทิสราชปุตฺตกาเล อลีนสตฺตุกุมารกาเลติ สีลปารมิตาย ปูริตตฺตภาวานํ ปริมาณํ นาม นตฺถิ. เอกนฺเตน ปนสฺส สงฺขปาลชาตเก –

‘‘สูเลหิ วิชฺฌิยนฺโตปิ, โกฏฺฏิยนฺโตปิ สตฺติหิ;

โภชปุตฺเต น กุปฺปามิ, เอสา เม สีลปารมี’’ติ. (จริยา. ๒.๙๑) –

เอวํ อตฺตปริจฺจาคํ กโรนฺตสฺส สีลปารมิตา ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา. ตถา โสมนสฺสกุมารกาเล, หตฺถิปาลกุมารกาเล, อโยฆรปณฺฑิตกาเลติ มหารชฺชํ ปหาย เนกฺขมฺมปารมิตาย ปูริตตฺตภาวานํ ปริมาณํ นาม นตฺถิ. เอกนฺเตน ปนสฺส จูฬสุตโสมชาตเก –

‘‘มหารชฺชํ หตฺถคตํ, เขฬปิณฺฑํว ฉฑฺฑยึ;

จชโต น โหติ ลคฺคํ, เอสา เม เนกฺขมฺมปารมี’’ติ. –

เอวํ นิสฺสงฺคตาย รชฺชํ ฉฑฺเฑตฺวา นิกฺขมนฺตสฺส เนกฺขมฺมปารมิตา ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา. ตถา วิธุรปณฺฑิตกาเล, มหาโควินฺทปณฺฑิตกาเล, กุทฺทาลปณฺฑิตกาเล, อรกปณฺฑิตกาเล, โพธิปริพฺพาชกกาเล, มโหสธปณฺฑิตกาเลติ, ปฺาปารมิตาย ปูริตตฺตภาวานํ ปริมาณํ นาม นตฺถิ. เอกนฺเตน ปนสฺส สตฺตุภสฺตชาตเก เสนกปณฺฑิตกาเล –

‘‘ปฺาย วิจินนฺโตหํ, พฺราหฺมณํ โมจยึ ทุขา;

ปฺาย เม สโม นตฺถิ, เอสา เม ปฺาปารมี’’ติ. –

อนฺโตภสฺตคตํ สปฺปํ ทสฺเสนฺตสฺส ปฺาปารมิตา ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา. ตถา วีริยปารมิตาทีนมฺปิ ปูริตตฺตภาวานํ ปริมาณํ นาม นตฺถิ. เอกนฺเตน ปนสฺส มหาชนกชาตเก –

‘‘อตีรทสฺสี ชลมชฺเฌ, หตา สพฺเพว มานุสา;

จิตฺตสฺส อฺถา นตฺถิ, เอสา เม วีริยปารมี’’ติ. –

เอวํ มหาสมุทฺทํ ตรนฺตสฺส ปวตฺตา วีริยปารมิตา ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา. ขนฺติวาทิชาตเก –

‘‘อเจตนํว โกฏฺเฏนฺเต, ติณฺเหน ผรสุนา มมํ;

กาสิราเช น กุปฺปามิ, เอสา เม ขนฺติปารมี’’ติ. –

เอวํ อเจตนภาเวน วิย มหาทุกฺขํ อธิวาเสนฺตสฺส ขนฺติปารมิตา ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา. มหาสุตโสมชาตเก –

‘‘สจฺจวาจํ อนุรกฺขนฺโต, จชิตฺวา มม ชีวิตํ;

โมเจสึ เอกสตํ ขตฺติเย, เอสา เม สจฺจปารมี’’ติ. –

เอวํ ชีวิตํ จชิตฺวา สจฺจมนุรกฺขนฺตสฺส สจฺจปารมิตา ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา. มูคปกฺขชาตเก –

‘‘มาตา ปิตา น เม เทสฺสา, นปิ เม เทสฺสํ มหายสํ;

สพฺพฺุตํ ปิยํ มยฺหํ, ตสฺมา วตมธิฏฺหิ’’นฺติ. (จริยา. ๓.๖ โถกํ วิสทิสํ) –

เอวํ ชีวิตมฺปิ จชิตฺวา วตํ อธิฏฺหนฺตสฺส อธิฏฺานปารมิตา ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา. เอกราชชาตเก –

‘‘น มํ โกจิ อุตฺตสติ, นปิหํ ภายามิ กสฺสจิ;

เมตฺตาพเลนุปตฺถทฺโธ, รมามิ ปวเน ตทา’’ติ. (จริยา. ๓.๑๑๓) –

เอวํ ชีวิตมฺปิ อโนโลเกตฺวา เมตฺตายนฺตสฺส เมตฺตาปารมิตา ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา. โลมหํสชาตเก –

‘‘สุสาเน เสยฺยํ กปฺเปมิ, ฉวฏฺิกํ อุปธายหํ;

คามณฺฑลา อุปาคนฺตฺวา, รูปํ ทสฺเสนฺตินปฺปก’’นฺติ. (จริยา. ๓.๑๑๙) –

เอวํ คามทารเกสุ นิฏฺุภนาทีหิ เจว มาลาคนฺธูปหาราทีหิ จ สุขทุกฺขํ อุปฺปาเทนฺเตสุปิ อุเปกฺขํ อนติวตฺตนฺตสฺส อุเปกฺขาปารมิตา ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถารโต ปเนส อตฺโถ จริยาปิฏกโต คเหตพฺโพ. เอวํ ปารมิโย ปูเรตฺวา เวสฺสนฺตรตฺตภาเว ิโต –

‘‘อเจตนายํ ปถวี, อวิฺาย สุขํ ทุขํ;

สาปิ ทานพลา มยฺหํ, สตฺตกฺขตฺตุํ ปกมฺปถา’’ติ. (จริยา. ๑.๑๒๔) –

เอวํ มหาปถวิกมฺปนาทีนิ มหาปุฺานิ กตฺวา อายุปริโยสาเน ตโต จุโต ตุสิตภวเน นิพฺพตฺติ. อิติ ทีปงฺกรปาทมูลโต ปฏฺาย ยาว อยํ ตุสิตปุเร นิพฺพตฺติ, เอตฺตกํ านํ ทูเรนิทานํ นามาติ เวทิตพฺพํ.

ทูเรนิทานกถา นิฏฺิตา.

๒. อวิทูเรนิทานกถา

ตุสิตปุเร วสนฺเตเยว ปน โพธิสตฺเต พุทฺธโกลาหลํ นาม อุทปาทิ. โลกสฺมิฺหิ ตีณิ โกลาหลานิ อุปฺปชฺชนฺติ – กปฺปโกลาหลํ, พุทฺธโกลาหลํ, จกฺกวตฺติโกลาหลนฺติ. ตตฺถ ‘‘วสฺสสตสหสฺสสฺส อจฺจเยน กปฺปุฏฺานํ ภวิสฺสตี’’ติ โลกพฺยูหา นาม กามาวจรเทวา มุตฺตสิรา วิกิณฺณเกสา รุทมุขา อสฺสูนิ หตฺเถหิ ปุฺฉมานา รตฺตวตฺถนิวตฺถา อติวิย วิรูปเวสธาริโน หุตฺวา มนุสฺสปเถ วิจรนฺตา เอวํ อาโรเจนฺติ ‘‘มาริสา อิโต วสฺสสตสหสฺสสฺส อจฺจเยน กปฺปุฏฺานํ ภวิสฺสติ, อยํ โลโก วินสฺสิสฺสติ, มหาสมุทฺโทปิ สุสฺสิสฺสติ, อยฺจ มหาปถวี สิเนรุ จ ปพฺพตราชา อุฑฺฑยฺหิสฺสนฺติ วินสฺสิสฺสนฺติ, ยาว พฺรหฺมโลกา โลกวินาโส ภวิสฺสติ, เมตฺตํ มาริสา ภาเวถ, กรุณํ, มุทิตํ, อุเปกฺขํ มาริสา ภาเวถ, มาตรํ อุปฏฺหถ, ปิตรํ อุปฏฺหถ, กุเล เชฏฺาปจายิโน โหถา’’ติ. อิทํ กปฺปโกลาหลํ นาม. วสฺสสหสฺสสฺส อจฺจเยน ปน สพฺพฺุพุทฺโธ โลเก อุปฺปชฺชิสฺสตีติ โลกปาลเทวตา ‘‘อิโต มาริสา วสฺสสหสฺสสฺส อจฺจเยน พุทฺโธ โลเก อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ อุคฺโฆเสนฺตา อาหิณฺฑนฺติ. อิทํ พุทฺธโกลาหลํ นาม. วสฺสสตสฺส อจฺจเยน จกฺกวตฺตี ราชา อุปฺปชฺชิสฺสตีติ เทวตา ‘‘อิโต มาริสา วสฺสสตสฺส อจฺจเยน จกฺกวตฺตี ราชา โลเก อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ อุคฺโฆเสนฺติโย อาหิณฺฑนฺติ. อิทํ จกฺกวตฺติโกลาหลํ นาม. อิมานิ ตีณิ โกลาหลานิ มหนฺตานิ โหนฺติ.

เตสุ พุทฺธโกลาหลสทฺทํ สุตฺวา สกลทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตา เอกโต สนฺนิปติตฺวา ‘‘อสุโก นาม สตฺโต พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ ตฺวา ตํ อุปสงฺกมิตฺวา อายาจนฺติ. อายาจมานา จ ปุพฺพนิมิตฺเตสุ อุปฺปนฺเนสุ อายาจนฺติ. ตทา ปน สพฺพาปิ เทวตา เอเกกจกฺกวาเฬ จตุมหาราชสกฺกสุยามสนฺตุสิตสุนิมฺมิตวสวตฺติมหาพฺรหฺเมหิ สทฺธึ เอกจกฺกวาเฬ สนฺนิปติตฺวา ตุสิตภวเน โพธิสตฺตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘มาริสา ตุมฺเหหิ ทส ปารมิโย ปูเรนฺเตหิ น สกฺกสมฺปตฺตึ, น มารสมฺปตฺตึ, น พฺรหฺมสมฺปตฺตึ, น จกฺกวตฺติสมฺปตฺตึ ปตฺเถนฺเตหิ ปูริตา, โลกนิตฺถรณตฺถาย ปน สพฺพฺุตํ ปตฺเถนฺเตหิ ปูริตา, โส โว อิทานิ กาโล มาริสา พุทฺธตฺตาย สมโย, มาริสา พุทฺธตฺตาย สมโย’’ติ ยาจึสุ.

อถ มหาสตฺโต เทวตานํ ปฏิฺํ อทตฺวาว กาลทีปเทสกุลชเนตฺติอายุปริจฺเฉทวเสน ปฺจมหาวิโลกนํ นาม วิโลเกสิ. ตตฺถ ‘‘กาโล นุ โข, อกาโล นุ โข’’ติ ปมํ กาลํ วิโลเกสิ. ตตฺถ วสฺสสตสหสฺสโต อุทฺธํ วฑฺฒิตอายุกาโล กาโล นาม น โหติ. กสฺมา? ตทา หิ สตฺตานํ ชาติชรามรณานิ น ปฺายนฺติ. พุทฺธานฺจ ธมฺมเทสนา ติลกฺขณมุตฺตา นาม นตฺถิ. เตสํ ‘‘อนิจฺจํ, ทุกฺขํ, อนตฺตา’’ติ กเถนฺตานํ ‘‘กึ นาเมตํ กเถนฺตี’’ติ เนว โสตพฺพํ น สทฺธาตพฺพํ มฺนฺติ, ตโต อภิสมโย น โหติ, ตสฺมึ อสติ อนิยฺยานิกํ สาสนํ โหติ. ตสฺมา โส อกาโล. วสฺสสตโต อูนอายุกาโลปิ กาโล น โหติ. กสฺมา? ตทา สตฺตา อุสฺสนฺนกิเลสา โหนฺติ, อุสฺสนฺนกิเลสานฺจ ทินฺโน โอวาโท โอวาทฏฺาเน น ติฏฺติ, อุทเก ทณฺฑราชิ วิย ขิปฺปํ วิคจฺฉติ. ตสฺมา โสปิ อกาโล. วสฺสสตสหสฺสโต ปน ปฏฺาย เหฏฺา, วสฺสสตโต ปฏฺาย อุทฺธํ อายุกาโล กาโล นาม. ตทา จ วสฺสสตกาโล. อถ มหาสตฺโต ‘‘นิพฺพตฺติตพฺพกาโล’’ติ กาลํ ปสฺสิ.

ตโต ทีปํ วิโลเกนฺโต สปริวาเร จตฺตาโร ทีเป โอโลเกตฺวา ‘‘ตีสุ ทีเปสุ พุทฺธา น นิพฺพตฺตนฺติ, ชมฺพุทีเปเยว นิพฺพตฺตนฺตี’’ติ ทีปํ ปสฺสิ.

ตโต ‘‘ชมฺพุทีโป นาม มหา ทสโยชนสหสฺสปริมาโณ, กตรสฺมึ นุ โข ปเทเส พุทฺธา นิพฺพตฺตนฺตี’’ติ โอกาสํ วิโลเกนฺโต มชฺฌิมเทสํ ปสฺสิ. มชฺฌิมเทโส นาม – ‘‘ปุรตฺถิมาย ทิสาย คชงฺคลํ นาม นิคโม, ตสฺส อปเรน มหาสาโล, ตโต ปรํ ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ. ปุพฺพทกฺขิณาย ทิสาย สลฺลวตี นาม นที, ตโต ปรํ ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ. ทกฺขิณาย ทิสาย เสตกณฺณิกํ นาม นิคโม, ตโต ปรํ ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ. ปจฺฉิมาย ทิสาย ถูณํ นาม พฺราหฺมณคาโม, ตโต ปรํ ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ. อุตฺตราย ทิสาย อุสีรทฺธโช นาม ปพฺพโต, ตโต ปรํ ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ’’ติ เอวํ วินเย (มหาว. ๒๕๙) วุตฺโต ปเทโส. โส อายามโต ตีณิ โยชนสตานิ, วิตฺถารโต อฑฺฒเตยฺยานิ, ปริกฺเขปโต นว โยชนสตานีติ เอตสฺมึ ปเทเส พุทฺธา, ปจฺเจกพุทฺธา, อคฺคสาวกา, อสีติ มหาสาวกา, จกฺกวตฺติราชา อฺเ จ มเหสกฺขา ขตฺติยพฺราหฺมณคหปติมหาสาลา อุปฺปชฺชนฺติ. อิทฺเจตฺถ กปิลวตฺถุ นาม นครํ, ตตฺถ มยา นิพฺพตฺติตพฺพนฺติ นิฏฺํ อคมาสิ.

ตโต กุลํ วิโลเกนฺโต ‘‘พุทฺธา นาม เวสฺสกุเล วา สุทฺทกุเล วา น นิพฺพตฺตนฺติ, โลกสมฺมเต ปน ขตฺติยกุเล วา พฺราหฺมณกุเลวาติ ทฺวีสุเยว กุเลสุ นิพฺพตฺตนฺติ. อิทานิ จ ขตฺติยกุลํ โลกสมฺมตํ, ตตฺถ นิพฺพตฺติสฺสามิ. สุทฺโธทโน นาม ราชา เม ปิตา ภวิสฺสตี’’ติ กุลํ ปสฺสิ.

ตโต มาตรํ วิโลเกนฺโต ‘‘พุทฺธมาตา นาม โลลา สุราธุตฺตา น โหติ, กปฺปสตสหสฺสํ ปน ปูริตปารมี ชาติโต ปฏฺาย อขณฺฑปฺจสีลาเยว โหติ. อยฺจ มหามายา นาม เทวี เอทิสี, อยํ เม มาตา ภวิสฺสติ, กิตฺตกํ ปนสฺสา อายูติ ทสนฺนํ มาสานํ อุปริ สตฺต ทิวสานี’’ติ ปสฺสิ.

อิติ อิมํ ปฺจมหาวิโลกนํ วิโลเกตฺวา ‘‘กาโล เม มาริสา พุทฺธภาวายา’’ติ เทวตานํ สงฺคหํ กโรนฺโต ปฏิฺํ ทตฺวา ‘‘คจฺฉถ, ตุมฺเห’’ติ ตา เทวตา อุยฺโยเชตฺวา ตุสิตเทวตาหิ ปริวุโต ตุสิตปุเร นนฺทนวนํ ปาวิสิ. สพฺพเทวโลเกสุ หิ นนฺทนวนํ อตฺถิเยว. ตตฺถ นํ เทวตา ‘‘อิโต จุโต สุคตึ คจฺฉ, อิโต จุโต สุคตึ คจฺฉา’’ติ ปุพฺเพ กตกุสลกมฺโมกาสํ สารยมานา วิจรนฺติ. โส เอวํ เทวตาหิ กุสลํ สารยมานาหิ ปริวุโต ตตฺถ วิจรนฺโต จวิตฺวา มหามายาย เทวิยา กุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ.

ตสฺส อาวิภาวตฺถํ อยมนุปุพฺพิกถา – ตทา กิร กปิลวตฺถุนคเร อาสาฬฺหินกฺขตฺตํ สงฺฆุฏฺํ อโหสิ, มหาชโน นกฺขตฺตํ กีฬติ. มหามายาปิ เทวี ปุเร ปุณฺณมาย สตฺตมทิวสโต ปฏฺาย วิคตสุราปานํ มาลาคนฺธวิภูติสมฺปนฺนํ นกฺขตฺตกีฬํ อนุภวมานา สตฺตเม ทิวเส ปาโตว อุฏฺาย คนฺโธทเกน นฺหายิตฺวา จตฺตาริ สตสหสฺสานิ วิสฺสชฺเชตฺวา มหาทานํ ทตฺวา สพฺพาลงฺการวิภูสิตา วรโภชนํ ภุฺชิตฺวา อุโปสถงฺคานิ อธิฏฺาย อลงฺกตปฏิยตฺตํ สิริคพฺภํ ปวิสิตฺวา สิริสยเน นิปนฺนา นิทฺทํ โอกฺกมมานา อิมํ สุปินํ อทฺทส – ‘จตฺตาโร กิร นํ มหาราชาโน สยเนเนว สทฺธึ อุกฺขิปิตฺวา หิมวนฺตํ เนตฺวา สฏฺิโยชนิเก มโนสิลาตเล สตฺตโยชนิกสฺส มหาสาลรุกฺขสฺส เหฏฺา เปตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺํสุ. อถ เนสํ เทวิโย อาคนฺตฺวา เทวึ อโนตตฺตทหํ เนตฺวา มนุสฺสมลหรณตฺถํ นฺหาเปตฺวา ทิพฺพวตฺถํ นิวาสาเปตฺวา คนฺเธหิ วิลิมฺปาเปตฺวา ทิพฺพปุปฺผานิ ปิฬนฺธาเปตฺวา ตโต อวิทูเร เอโก รชตปพฺพโต อตฺถิ, ตสฺส อนฺโต กนกวิมานํ อตฺถิ, ตตฺถ ปาจีนสีสกํ ทิพฺพสยนํ ปฺาเปตฺวา นิปชฺชาเปสุํ. อถ โพธิสตฺโต เสตวรวารโณ หุตฺวา ตโต อวิทูเร เอโก สุวณฺณปพฺพโต อตฺถิ, ตตฺถ วิจริตฺวา ตโต โอรุยฺห รชตปพฺพตํ อภิรุหิตฺวา อุตฺตรทิสโต อาคมฺม รชตทามวณฺณาย โสณฺฑาย เสตปทุมํ คเหตฺวา โกฺจนาทํ นทิตฺวา กนกวิมานํ ปวิสิตฺวา มาตุสยนํ ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา ทกฺขิณปสฺสํ ผาเลตฺวา กุจฺฉึ ปวิฏฺสทิโส อโหสี’ติ. เอวํ อุตฺตราสาฬฺหนกฺขตฺเตน ปฏิสนฺธึ คณฺหิ.

ปุนทิวเส ปพุทฺธา เทวี ตํ สุปินํ รฺโ อาโรเจสิ. ราชา จตุสฏฺิมตฺเต พฺราหฺมณปาโมกฺเข ปกฺโกสาเปตฺวา โคมยหริตูปลิตฺตาย ลาชาทีหิ กตมงฺคลสกฺการาย ภูมิยา มหารหานิ อาสนานิ ปฺาเปตฺวา ตตฺถ นิสินฺนานํ พฺราหฺมณานํ สปฺปิมธุสกฺขราภิสงฺขตสฺส วรปายาสสฺส สุวณฺณรชตปาติโย ปูเรตฺวา สุวณฺณรชตปาตีหิเยว ปฏิกุชฺชิตฺวา อทาสิ, อฺเหิ จ อหตวตฺถกปิลคาวิทานาทีหิ เต สนฺตปฺเปสิ. อถ เนสํ สพฺพกาเมหิ สนฺตปฺปิตานํ สุปินํ อาโรจาเปตฺวา ‘‘กึ ภวิสฺสตี’’ติ ปุจฺฉิ. พฺราหฺมณา อาหํสุ ‘‘มา จินฺตยิ, มหาราช, เทวิยา เต กุจฺฉิมฺหิ คพฺโภ ปติฏฺิโต, โส จ โข ปุริสคพฺโภ, น อิตฺถิคพฺโภ, ปุตฺโต เต ภวิสฺสติ. โส สเจ อคารํ อชฺฌาวสิสฺสติ, ราชา ภวิสฺสติ จกฺกวตฺตี; สเจ อคารา นิกฺขมฺม ปพฺพชิสฺสติ, พุทฺโธ ภวิสฺสติ โลเก วิวฏฺฏจฺฉโท’’ติ.

โพธิสตฺตสฺส ปน มาตุกุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธิคฺคหณกฺขเณ เอกปฺปหาเรเนว สกลทสสหสฺสี โลกธาตุ สงฺกมฺปิ สมฺปกมฺปิ สมฺปเวธิ. พาตฺตึสปุพฺพนิมิตฺตานิ ปาตุรเหสุํ – ทสสุ จกฺกวาฬสหสฺเสสุ อปฺปมาโณ โอภาโส ผริ. ตสฺส ตํ สิรึ ทฏฺุกามา วิย อนฺธา จกฺขูนิ ปฏิลภึสุ, พธิรา สทฺทํ สุณึสุ, มูคา สมาลปึสุ, ขุชฺชา อุชุคตฺตา อเหสุํ, ปงฺคุลา ปทสา คมนํ ปฏิลภึสุ, พนฺธนคตา สพฺพสตฺตา อนฺทุพนฺธนาทีหิ มุจฺจึสุ, สพฺพนรเกสุ อคฺคิ นิพฺพายิ, เปตฺติวิสเย ขุปฺปิปาสา วูปสมิ, ติรจฺฉานานํ ภยํ นาโหสิ, สพฺพสตฺตานํ โรโค วูปสมิ, สพฺพสตฺตา ปิยํวทา อเหสุํ, มธุเรนากาเรน อสฺสา หสึสุ, วารณา คชฺชึสุ, สพฺพตูริยานิ สกสกนินฺนาทํ มุฺจึสุ, อฆฏฺฏิตานิเยว มนุสฺสานํ หตฺถูปคาทีนิ อาภรณานิ วิรวึสุ, สพฺพทิสา วิปฺปสนฺนา อเหสุํ, สตฺตานํ สุขํ อุปฺปาทยมาโน มุทุสีตลวาโต วายิ, อกาลเมโฆ วสฺสิ, ปถวิโตปิ อุทกํ อุพฺภิชฺชิตฺวา วิสฺสนฺทิ, ปกฺขิโน อากาสคมนํ วิชหึสุ, นทิโย อสนฺทมานา อฏฺํสุ, มหาสมุทฺเท มธุรํ อุทกํ อโหสิ, สพฺพตฺถกเมว ปฺจวณฺเณหิ ปทุเมหิ สฺฉนฺนตโล อโหสิ, ถลชชลชาทีนิ สพฺพปุปฺผานิ ปุปฺผึสุ, รุกฺขานํ ขนฺเธสุ ขนฺธปทุมานิ, สาขาสุ สาขาปทุมานิ, ลตาสุ ลตาปทุมานิ ปุปฺผึสุ, ถเล สิลาตลานิ ภินฺทิตฺวา อุปรูปริ สตฺต สตฺต หุตฺวา ทณฺฑปทุมานิ นาม นิกฺขมึสุ, อากาเส โอลมฺพกปทุมานิ นาม นิพฺพตฺตึสุ, สมนฺตโต ปุปฺผวสฺสา วสฺสึสุ, อากาเส ทิพฺพตูริยานิ วชฺชึสุ, สกลทสสหสฺสิโลกธาตุ วฏฺเฏตฺวา วิสฺสฏฺมาลาคุโฬ วิย, อุปฺปีเฬตฺวา พทฺธมาลากลาโป วิย, อลงฺกตปฏิยตฺตํ มาลาสนํ วิย จ เอกมาลามาลินี วิปฺผุรนฺตวาฬพีชนี ปุปฺผธูมคนฺธปริวาสิตา ปรมโสภคฺคปฺปตฺตา อโหสิ.

เอวํ คหิตปฏิสนฺธิกสฺส โพธิสตฺตสฺส ปฏิสนฺธิโต ปฏฺาย โพธิสตฺตสฺส เจว โพธิสตฺตมาตุยา จ อุปทฺทวนิวารณตฺถํ ขคฺคหตฺถา จตฺตาโร เทวปุตฺตา อารกฺขํ คณฺหึสุ. โพธิสตฺตมาตุ ปน ปุริเสสุ ราคจิตฺตํ นุปฺปชฺชิ, ลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺตา จ อโหสิ สุขินี อกิลนฺตกายา. โพธิสตฺตฺจ อนฺโตกุจฺฉิคตํ วิปฺปสนฺเน มณิรตเน อาวุตปณฺฑุสุตฺตํ วิย ปสฺสติ. ยสฺมา จ โพธิสตฺเตน วสิตกุจฺฉิ นาม เจติยคพฺภสทิสา โหติ, น สกฺกา อฺเน สตฺเตน อาวสิตุํ วา ปริภุฺชิตุํ วา, ตสฺมา โพธิสตฺตมาตา สตฺตาหชาเต โพธิสตฺเต กาลํ กตฺวา ตุสิตปุเร นิพฺพตฺตติ. ยถา จ อฺา อิตฺถิโย ทส มาเส อปตฺวาปิ อติกฺกมิตฺวาปิ นิสินฺนาปิ นิปนฺนาปิ วิชายนฺติ, น เอวํ โพธิสตฺตมาตา. สา ปน โพธิสตฺตํ ทส มาเส กุจฺฉินา ปริหริตฺวา ิตาว วิชายติ. อยํ โพธิสตฺตมาตุธมฺมตา.

มหามายาปิ เทวี ปตฺเตน เตลํ วิย ทส มาเส กุจฺฉินา โพธิสตฺตํ ปริหริตฺวา ปริปุณฺณคพฺภา าติฆรํ คนฺตุกามา สุทฺโธทนมหาราชสฺส อาโรเจสิ – ‘‘อิจฺฉามหํ, เทว, กุลสนฺตกํ เทวทหนครํ คนฺตุ’’นฺติ. ราชา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา กปิลวตฺถุโต ยาว เทวทหนครา มคฺคํ สมํ กาเรตฺวา กทลิปุณฺณฆฏธชปฏากาทีหิ อลงฺการาเปตฺวา เทวิ สุวณฺณสิวิกาย นิสีทาเปตฺวา อมจฺจสหสฺเสน อุกฺขิปาเปตฺวา มหนฺเตน ปริวาเรน เปเสสิ. ทฺวินฺนํ ปน นครานํ อนฺตเร อุภยนครวาสีนมฺปิ ลุมฺพินีวนํ นาม มงฺคลสาลวนํ อตฺถิ, ตสฺมึ สมเย มูลโต ปฏฺาย ยาว อคฺคสาขา สพฺพํ เอกปาลิผุลฺลํ อโหสิ, สาขนฺตเรหิ เจว ปุปฺผนฺตเรหิ จ ปฺจวณฺณา ภมรคณา นานปฺปการา จ สกุณสงฺฆา มธุรสฺสเรน วิกูชนฺตา วิจรนฺติ. สกลํ ลุมฺพินีวนํ จิตฺตลตาวนสทิสํ, มหานุภาวสฺส รฺโ สุสชฺชิตํ อาปานมณฺฑลํ วิย อโหสิ. เทวิยา ตํ ทิสฺวา สาลวนกีฬํ กีฬิตุกามตาจิตฺตํ อุทปาทิ. อมจฺจา เทวึ คเหตฺวา สาลวนํ ปวิสึสุ. สา มงฺคลสาลมูลํ คนฺตฺวา สาลสาขํ คณฺหิตุกามา อโหสิ, สาลสาขา สุเสทิตเวตฺตคฺคํ วิย โอนมิตฺวา เทวิยา หตฺถปถํ อุปคฺฉิ. สา หตฺถํ ปสาเรตฺวา สาขํ อคฺคเหสิ. ตาวเทว จสฺสา กมฺมชวาตา จลึสุ. อถสฺสา สาณึ ปริกฺขิปิตฺวา มหาชโน ปฏิกฺกมิ. สาลสาขํ คเหตฺวา ติฏฺมานาย เอวสฺสา คพฺภวุฏฺานํ อโหสิ. ตงฺขณํเยว จตฺตาโร วิสุทฺธจิตฺตา มหาพฺรหฺมาโน สุวณฺณชาลํ อาทาย สมฺปตฺตา เตน สุวณฺณชาเลน โพธิสตฺตํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา มาตุ ปุรโต เปตฺวา ‘‘อตฺตมนา, เทวิ, โหหิ, มเหสกฺโข เต ปุตฺโต อุปฺปนฺโน’’ติ อาหํสุ.

ยถา ปน อฺเ สตฺตา มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขมนฺตา ปฏิกูเลน อสุจินา มกฺขิตา นิกฺขมนฺติ, น เอวํ โพธิสตฺโต. โส ปน ธมฺมาสนโต โอตรนฺโต ธมฺมกถิโก วิย, นิสฺเสณิโต โอตรนฺโต ปุริโส วิย, จ ทฺเว จ หตฺเถ ทฺเว จ ปาเท ปสาเรตฺวา ิตโกว มาตุกุจฺฉิสมฺภเวน เกนจิ อสุจินา อมกฺขิโต สุทฺโธ วิสโท กาสิกวตฺเถ นิกฺขิตฺตมณิรตนํ วิย โชตยนฺโต มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขมิ. เอวํ สนฺเตปิ โพธิสตฺตสฺส จ โพธิสตฺตมาตุยา จ สกฺการตฺถํ อากาสโต ทฺเว อุทกธารา นิกฺขมิตฺวา โพธิสตฺตสฺส จ มาตุยา จ สรีเร อุตุํ คาหาเปสุํ.

อถ นํ สุวณฺณชาเลน ปฏิคฺคเหตฺวา ิตานํ พฺรหฺมานํ หตฺถโต จตฺตาโร มหาราชาโน มงฺคลสมฺมตาย สุขสมฺผสฺสาย อชินปฺปเวณิยา คณฺหึสุ, เตสํ หตฺถโต มนุสฺสา ทุกูลจุมฺพฏเกน. มนุสฺสานํ หตฺถโต มุจฺจิตฺวา ปถวิยํ ปติฏฺาย ปุรตฺถิมทิสํ โอโลเกสิ, อเนกานิ จกฺกวาฬสหสฺสานิ เอกงฺคณานิ อเหสุํ. ตตฺถ เทวมนุสฺสา คนฺธมาลาทีหิ ปูชยมานา ‘‘มหาปุริส, อิธ ตุมฺเหหิ สทิโส อฺโ นตฺถิ, กุเตตฺถ อุตฺตริตโร’’ติ อาหํสุ. เอวํ จตสฺโส ทิสา, จตสฺโส อนุทิสา, เหฏฺา, อุปรีติ ทส ทิสา อนุวิโลเกตฺวา อตฺตนา สทิสํ กฺจิ อทิสฺวา ‘‘อยํ อุตฺตราทิสา’’ติ สตฺตปทวีติหาเรน อคมาสิ, มหาพฺรหฺมุนา เสตจฺฉตฺตํ ธาริยมาโน, สุยาเมน วาฬพีชนึ, อฺาหิ จ เทวตาหิ เสสราชกกุธภณฺฑหตฺถาหิ อนุคมฺมมาโน. ตโต สตฺตมปเท ิโต ‘‘อคฺโคหมสฺมึ โลกสฺสา’’ติอาทิกํ อาสภึ วาจํ นิจฺฉาเรนฺโต สีหนาทํ นทิ.

โพธิสตฺโต หิ ตีสุ อตฺตภาเวสุ มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขนฺตมตฺโตว วาจํ นิจฺฉาเรสิ มโหสธตฺตภาเว, เวสฺสนฺตรตฺตภาเว, อิมสฺมึ อตฺตภาเวติ. มโหสธตฺตภาเว กิรสฺส มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขนฺตมตฺตสฺเสว สกฺโก เทวราชา อาคนฺตฺวา จนฺทนสารํ หตฺเถ เปตฺวา คโต, โส ตํ มุฏฺิยํ กตฺวาว นิกฺขนฺโต. อถ นํ มาตา ‘‘ตาต, กึ คเหตฺวา อาคโตสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘โอสธํ, อมฺมา’’ติ. อิติ โอสธํ คเหตฺวา อาคตตฺตา ‘‘โอสธทารโก’’ตฺเววสฺส นามํ อกํสุ. ตํ โอสธํ คเหตฺวา จาฏิยํ ปกฺขิปึสุ, อาคตาคตานํ อนฺธพธิราทีนํ ตเทว สพฺพโรควูปสมาย เภสชฺชํ อโหสิ. ตโต ‘‘มหนฺตํ อิทํ โอสธํ, มหนฺตํ อิทํ โอสธ’’นฺติ อุปฺปนฺนวจนํ อุปาทาย ‘‘มโหสโธ’’ตฺเววสฺส นามํ ชาตํ. เวสฺสนฺตรตฺตภาเว ปน มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขนฺโต ทกฺขิณหตฺถํ ปสาเรตฺวา ‘‘อตฺถิ นุ โข, อมฺม, กิฺจิ เคหสฺมึ, ทานํ ทสฺสามี’’ติ วทนฺโต นิกฺขมิ. อถสฺส มาตา ‘‘สธเน กุเล นิพฺพตฺโตสิ, ตาตา’’ติ ปุตฺตสฺส หตฺถํ อตฺตโน หตฺถตเล กตฺวา สหสฺสตฺถวิกํ เปสิ. อิมสฺมึ ปน อตฺตภาเว อิมํ สีหนาทํ นทีติ เอวํ โพธิสตฺโต ตีสุ อตฺตภาเวสุ มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขนฺตมตฺโตว วาจํ นิจฺฉาเรสิ. ยถา จ ปฏิสนฺธิคฺคหณกฺขเณ, ชาตกฺขเณปิสฺส ทฺวตฺตึส ปุพฺพนิมิตฺตานิ ปาตุรเหสุํ. ยสฺมึ ปน สมเย อมฺหากํ โพธิสตฺโต ลุมฺพินีวเน ชาโต, ตสฺมึเยว สมเย ราหุลมาตา เทวี, อานนฺทตฺเถโร, ฉนฺโน อมจฺโจ, กาฬุทายี อมจฺโจ, กณฺฑโก อสฺสราชา, มหาโพธิรุกฺโข, จตสฺโส นิธิกุมฺภิโย จ ชาตา. ตตฺถ เอกา คาวุตปฺปมาณา, เอกา อฑฺฒโยชนปฺปมาณา, เอกา ติคาวุตปฺปมาณา, เอกา โยชนปฺปมาณา อโหสีติ. อิเม สตฺต สหชาตา นาม.

อุภยนครวาสิโน โพธิสตฺตํ คเหตฺวา กปิลวตฺถุนครเมว อคมํสุ. ตํ ทิวสํเยว จ ‘‘กปิลวตฺถุนคเร สุทฺโธทนมหาราชสฺส ปุตฺโต ชาโต, อยํ กุมาโร โพธิตเล นิสีทิตฺวา พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ ตาวตึสภวเน หฏฺตุฏฺา เทวสงฺฆา เจลุกฺเขปาทีนิ ปวตฺเตนฺตา กีฬึสุ. ตสฺมึ สมเย สุทฺโธทนมหาราชสฺส กุลูปโก อฏฺสมาปตฺติลาภี กาฬเทวีโล นาม ตาปโส ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา ทิวาวิหารตฺถาย ตาวตึสภวนํ คนฺตฺวา ตตฺถ ทิวาวิหารํ นิสินฺโน ตา เทวตา กีฬมานา ทิสฺวา ‘‘กึการณา ตุมฺเห เอวํ ตุฏฺมานสา กีฬถ, มยฺหมฺเปตํ การณํ กเถถา’’ติ ปุจฺฉิ. เทวตา อาหํสุ ‘‘มาริส, สุทฺโธทนรฺโ ปุตฺโต ชาโต, โส โพธิตเล นิสีทิตฺวา พุทฺโธ หุตฺวา ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตสฺสติ, ตสฺส อนนฺตํ พุทฺธลีฬํ ทฏฺุํ ธมฺมฺจ โสตุํ ลจฺฉามาติ อิมินา การเณน ตุฏฺามฺหา’’ติ. ตาปโส ตาสํ วจนํ สุตฺวา ขิปฺปํ เทวโลกโต โอรุยฺห ราชนิเวสนํ ปวิสิตฺวา ปฺตฺตาสเน นิสินฺโน ‘‘ปุตฺโต กิร เต, มหาราช, ชาโต, ปสฺสิสฺสามิ น’’นฺติ อาห. ราชา อลงฺกตปฏิยตฺตํ กุมารํ อาหราเปตฺวา ตาปสํ วนฺทาเปตุํ อภิหริ, โพธิสตฺตสฺส ปาทา ปริวตฺติตฺวา ตาปสสฺส ชฏาสุ ปติฏฺหึสุ. โพธิสตฺตสฺส หิ เตนตฺตภาเวน วนฺทิตพฺพยุตฺตโก นาม อฺโ นตฺถิ. สเจ หิ อชานนฺตา โพธิสตฺตสฺส สีสํ ตาปสสฺส ปาทมูเล เปยฺยุํ, สตฺตธา ตสฺส มุทฺธา ผเลยฺย. ตาปโส ‘‘น เม อตฺตานํ นาเสตุํ ยุตฺต’’นฺติ อุฏฺายาสนา โพธิสตฺตสฺส อฺชลึ ปคฺคเหสิ. ราชา ตํ อจฺฉริยํ ทิสฺวา อตฺตโน ปุตฺตํ วนฺทิ.

ตาปโส อตีเต จตฺตาลีส กปฺเป, อนาคเต จตฺตาลีสาติ อสีติ กปฺเป อนุสฺสรติ. โพธิสตฺตสฺส ลกฺขณสมฺปตฺตึ ทิสฺวา ‘‘ภวิสฺสติ นุ โข พุทฺโธ, อุทาหุ โน’’ติ อาวชฺเชตฺวา อุปธาเรนฺโต ‘‘นิสฺสํสยํ พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ ตฺวา ‘‘อจฺฉริยปุริโส อย’’นฺติ สิตํ อกาสิ. ตโต ‘‘อหํ อิมํ พุทฺธภูตํ ทฏฺุํ ลภิสฺสามิ นุ โข, โน’’ติ อุปธาเรนฺโต ‘‘น ลภิสฺสามิ, อนฺตราเยว กาลํ กตฺวา พุทฺธสเตนปิ พุทฺธสหสฺเสนปิ คนฺตฺวา โพเธตุํ อสกฺกุเณยฺเย อรูปภเว นิพฺพตฺติสฺสามี’’ติ ทิสฺวา ‘‘เอวรูปํ นาม อจฺฉริยปุริสํ พุทฺธภูตํ ทฏฺุํ น ลภิสฺสามิ, มหตี วต เม ชานิ ภวิสฺสตี’’ติ ปโรทิ.

มนุสฺสา ทิสฺวา ‘‘อมฺหากํ อยฺโย อิทาเนว หสิตฺวา ปุน ปโรทิ. กึ นุ โข, ภนฺเต, อมฺหากํ อยฺยปุตฺตสฺส โกจิ อนฺตราโย ภวิสฺสตี’’ติ ปุจฺฉึสุ. ‘‘นตฺเถตสฺส อนฺตราโย, นิสฺสํสเยน พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ. อถ ‘‘กสฺมา ปโรทิตฺถา’’ติ? ‘‘เอวรูปํ ปุริสํ พุทฺธภูตํ ทฏฺุํ น ลภิสฺสามิ, ‘มหตี วต เม ชานิ ภวิสฺสตี’ติ อตฺตานํ อนุโสจนฺโต โรทามี’’ติ อาห. ตโต โส ‘‘กึ นุ โข เม าตเกสุ โกจิ เอตํ พุทฺธภูตํ ทฏฺุํ ลภิสฺสติ, น ลภิสฺสตี’’ติ อุปธาเรนฺโต อตฺตโน ภาคิเนยฺยํ นาฬกทารกํ อทฺทส. โส ภคินิยา เคหํ คนฺตฺวา ‘‘กหํ เต ปุตฺโต นาฬโก’’ติ? ‘‘อตฺถิ เคเห, อยฺยา’’ติ. ‘‘ปกฺโกสาหิ น’’นฺติ ปกฺโกสาเปตฺวา อตฺตโน สนฺติกํ อาคตํ กุมารํ อาห – ‘‘ตาต, สุทฺโธทนมหาราชสฺส กุเล ปุตฺโต ชาโต, พุทฺธงฺกุโร เอส, ปฺจตึส วสฺสานิ อติกฺกมิตฺวา พุทฺโธ ภวิสฺสติ, ตฺวํ เอตํ ทฏฺุํ ลภิสฺสสิ, อชฺเชว ปพฺพชาหี’’ติ. สตฺตาสีติโกฏิธเน กุเล นิพฺพตฺตทารโกปิ ‘‘น มํ มาตุโล อนตฺเถ นิโยเชสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา ตาวเทว อนฺตราปณโต กาสายานิ เจว มตฺติกาปตฺตฺจ อาหราเปตฺวา เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา ‘‘โย โลเก อุตฺตมปุคฺคโล, ตํ อุทฺทิสฺส มยฺหํ ปพฺพชฺชา’’ติ โพธิสตฺตาภิมุขํ อฺชลึ ปคฺคยฺห ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา ปตฺตํ ถวิกาย ปกฺขิปิตฺวา อํสกูเฏ ลคฺเคตฺวา หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา สมณธมฺมํ อกาสิ. โส ปรมาภิสมฺโพธึ ปตฺตํ ตถาคตํ อุปสงฺกมิตฺวา นาฬกปฏิปทํ กถาเปตฺวา ปุน หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา อรหตฺตํ ปตฺวา อุกฺกฏฺปฏิปทํ ปฏิปนฺโน สตฺเตว มาเส อายุํ ปาเลตฺวา เอกํ สุวณฺณปพฺพตํ นิสฺสาย ิตโกว อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายิ.

โพธิสตฺตมฺปิ โข ปฺจเม ทิวเส สีสํ นฺหาเปตฺวา ‘‘นามคฺคหณํ คณฺหิสฺสามา’’ติ ราชภวนํ จตุชฺชาติกคนฺเธหิ วิลิมฺปิตฺวา ลาชาปฺจมกานิ ปุปฺผานิ วิกิริตฺวา อสมฺภินฺนปายาสํ ปจาเปตฺวา ติณฺณํ เวทานํ ปารงฺคเต อฏฺสตพฺราหฺมเณ นิมนฺเตตฺวา ราชภวเน นิสีทาเปตฺวา สุโภชนํ โภเชตฺวา มหาสกฺการํ กตฺวา ‘‘กึ นุ โข ภวิสฺสตี’’ติ ลกฺขณานิ ปริคฺคหาเปสุํ. เตสุ –

‘‘ราโม ธโช ลกฺขโณ จาปิ มนฺตี, โกณฺฑฺโ จ โภโช สุยาโม สุทตฺโต;

เอเต ตทา อฏฺ อเหสุํ พฺราหฺมณา, ฉฬงฺควา มนฺตํ วิยากรึสู’’ติ. –

อิเม อฏฺเว พฺราหฺมณา ลกฺขณปริคฺคาหกา อเหสุํ. ปฏิสนฺธิคฺคหณทิวเส สุปิโนปิ เอเตเหว ปริคฺคหิโต. เตสุ สตฺต ชนา ทฺเว องฺคุลิโย อุกฺขิปิตฺวา ทฺเวธา พฺยากรึสุ – ‘‘อิเมหิ ลกฺขเณหิ สมนฺนาคโต อคารํ อชฺฌาวสมาโน ราชา โหติ จกฺกวตฺตี, ปพฺพชมาโน พุทฺโธ’’ติ, สพฺพํ จกฺกวตฺติรฺโ สิริวิภวํ อาจิกฺขึสุ. เตสํ ปน สพฺพทหโร โคตฺตโต โกณฺฑฺโ นาม มาณโว โพธิสตฺตสฺส วรลกฺขณนิปฺผตฺตึ โอโลเกตฺวา – ‘‘อิมสฺส อคารมชฺเฌ านการณํ นตฺถิ, เอกนฺเตเนส วิวฏฺฏจฺฉโท พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ เอกเมว องฺคุลึ อุกฺขิปิตฺวา เอกํสพฺยากรณํ พฺยากาสิ. อยฺหิ กตาธิกาโร ปจฺฉิมภวิกสตฺโต ปฺาย อิตเร สตฺต ชเน อภิภวิตฺวา ‘‘อิเมหิ ลกฺขเณหิ สมนฺนาคตสฺส อคารมชฺเฌ านํ นาม นตฺถิ, อสํสยํ พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ เอกเมว คตึ อทฺทส, ตสฺมา เอกํ องฺคุลึ อุกฺขิปิตฺวา เอวํ พฺยากาสิ. อถสฺส นามํ คณฺหนฺตา สพฺพโลกสฺส อตฺถสิทฺธิกรตฺตา ‘‘สิทฺธตฺโถ’’ติ นามมกํสุ.

อถ เต พฺราหฺมณา อตฺตโน ฆรานิ คนฺตฺวา ปุตฺเต อามนฺตยึสุ – ‘‘ตาตา, อมฺเห มหลฺลกา, สุทฺโธทนมหาราชสฺส ปุตฺตํ สพฺพฺุตํ ปตฺตํ มยํ สมฺภเวยฺยาม วา โน วา, ตุมฺเห ตสฺมึ กุมาเร สพฺพฺุตํ ปตฺเต ตสฺส สาสเน ปพฺพเชยฺยาถา’’ติ. เต สตฺตปิ ชนา ยาวตายุกํ ตฺวา ยถากมฺมํ คตา, โกณฺฑฺมาณโวว อโรโค อโหสิ. โส มหาสตฺเต วุฑฺฒิมนฺวาย มหาภินิกฺขมนํ อภินิกฺขมิตฺวา อนุกฺกเมน อุรุเวลํ คนฺตฺวา ‘‘รมณีโย, วต อยํ ภูมิภาโค, อลํ วติทํ กุลปุตฺตสฺส ปธานตฺถิกสฺส ปธานายา’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา ตตฺถ วาสํ อุปคเต ‘‘มหาปุริโส ปพฺพชิโต’’ติ สุตฺวา เตสํ พฺราหฺมณานํ ปุตฺเต อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาห ‘‘สิทฺธตฺถกุมาโร กิร ปพฺพชิโต, โส นิสฺสํสยํ พุทฺโธ ภวิสฺสติ. สเจ ตุมฺหากํ ปิตโร อโรคา อสฺสุ, อชฺช นิกฺขมิตฺวา ปพฺพเชยฺยุํ. สเจ ตุมฺเหปิ อิจฺเฉยฺยาถ, เอถ, อหํ ตํ ปุริสํ อนุปพฺพชิสฺสามี’’ติ. เต สพฺเพ เอกจฺฉนฺทา ภวิตุํ นาสกฺขึสุ, ตโย ชนา น ปพฺพชึสุ. โกณฺฑฺพฺราหฺมณํ เชฏฺกํ กตฺวา อิตเร จตฺตาโร ปพฺพชึสุ. เต ปฺจปิ ชนา ปฺจวคฺคิยตฺเถรา นาม ชาตา.

ตทา ปน ราชา ‘‘กึ ทิสฺวา มยฺหํ ปุตฺโต ปพฺพชิสฺสตี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘จตฺตาริ ปุพฺพนิมิตฺตานี’’ติ. ‘‘กตรฺจ กตรฺจา’’ติ? ‘‘ชราชิณฺณํ, พฺยาธิตํ, กาลกตํ, ปพฺพชิต’’นฺติ. ราชา ‘‘อิโต ปฏฺาย เอวรูปานํ มม ปุตฺตสฺส สนฺติกํ อุปสงฺกมิตุํ มา อทตฺถ, มยฺหํ ปุตฺตสฺส พุทฺธภาเวน กมฺมํ นตฺถิ, อหํ มม ปุตฺตํ ทฺวิสหสฺสทีปปริวารานํ จตุนฺนํ มหาทีปานํ อิสฺสริยาธิปจฺจํ รชฺชํ กาเรนฺตํ ฉตฺตึสโยชนปริมณฺฑลาย ปริสาย ปริวุตํ คคนตเล วิจรมานํ ปสฺสิตุกาโม’’ติ. เอวฺจ ปน วตฺวา อิเมสํ จตุปฺปการานํ นิมิตฺตานํ กุมารสฺส จกฺขุปเถ อาคมนนิวารณตฺถํ จตูสุ ทิสาสุ คาวุเต คาวุเต อารกฺขํ เปสิ. ตํ ทิวสํ ปน มงฺคลฏฺาเน สนฺนิปติเตสุ อสีติยา าติกุลสหสฺเสสุ เอเกโก เอกเมกํ ปุตฺตํ ปฏิชานิ – ‘‘อยํ พุทฺโธ วา โหตุ ราชา วา, มยํ เอกเมกํ ปุตฺตํ ทสฺสาม. สเจปิ พุทฺโธ ภวิสฺสติ, ขตฺติยสมเณเหว ปุรกฺขตปริวาริโต วิจริสฺสติ. สเจปิ ราชา ภวิสฺสติ, ขตฺติยกุมาเรเหว ปุรกฺขตปริวาริโต วิจริสฺสตี’’ติ. ราชาปิ โพธิสตฺตสฺส อุตฺตมรูปสมฺปนฺนา วิคตสพฺพโทสา ธาติโย ปจฺจุปฏฺาเปสิ. โพธิสตฺโต อนนฺเตน ปริวาเรน มหนฺเตน สิริโสภคฺเคน วฑฺฒติ.

อเถกทิวสํ รฺโ วปฺปมงฺคลํ นาม อโหสิ. ตํ ทิวสํ สกลนครํ เทววิมานํ วิย อลงฺกโรนฺติ. สพฺเพ ทาสกมฺมกราทโย อหตวตฺถนิวตฺถา คนฺธมาลาทิปฏิมณฺฑิตา ราชกุเล สนฺนิปตนฺติ. รฺโ กมฺมนฺเต นงฺคลสหสฺสํ โยชียติ. ตสฺมึ ปน ทิวเส เอเกนูนอฏฺสตนงฺคลานิ สทฺธึ พลิพทฺทรสฺมิโยตฺเตหิ รชตปริกฺขตานิ โหนฺติ, รฺโ อาลมฺพนนงฺคลํ ปน รตฺตสุวณฺณปริกฺขตํ โหติ. พลิพทฺทานํ สิงฺครสฺมิปโตทาปิ สุวณฺณปริกฺขตาว โหนฺติ. ราชา มหตา ปริวาเรน นิกฺขนฺโต ปุตฺตํ คเหตฺวา อคมาสิ. กมฺมนฺตฏฺาเน เอโก ชมฺพุรุกฺโข พหลปลาโส สนฺทจฺฉาโย อโหสิ. ตสฺส เหฏฺา กุมารสฺส สยนํ ปฺปาเปตฺวา อุปริ สุวณฺณตารกขจิตํ วิตานํ พนฺธาเปตฺวา สาณิปากาเรน ปริกฺขิปาเปตฺวา อารกฺขํ ปาเปตฺวา ราชา สพฺพาลงฺการํ อลงฺกริตฺวา อมจฺจคณปริวุโต นงฺคลกรณฏฺานํ อคมาสิ. ตตฺถ ราชา สุวณฺณนงฺคลํ คณฺหาติ, อมจฺจา เอเกนูนฏฺสตรชตนงฺคลานิ, กสฺสกา เสสนงฺคลานิ. เต ตานิ คเหตฺวา อิโต จิโต จ กสนฺติ. ราชา ปน โอรโต วา ปารํ คจฺฉติ, ปารโต วา โอรํ อาคจฺฉติ. เอตสฺมึ าเน มหาสมฺปตฺติ อโหสิ. โพธิสตฺตํ ปริวาเรตฺวา นิสินฺนา ธาติโย ‘‘รฺโ สมฺปตฺตึ ปสฺสิสฺสามา’’ติ อนฺโตสาณิโต พหิ นิกฺขนฺตา. โพธิสตฺโต อิโต จิโต จ โอโลเกนฺโต กฺจิ อทิสฺวา เวเคน อุฏฺาย ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อานาปาเน ปริคฺคเหตฺวา ปมชฺฌานํ นิพฺพตฺเตสิ. ธาติโย ขชฺชโภชฺชนฺตเร วิจรมานา โถกํ จิรายึสุ. เสสรุกฺขานํ ฉายา นิวตฺตา, ตสฺส ปน รุกฺขสฺส ปริมณฺฑลา หุตฺวา อฏฺาสิ. ธาติโย ‘‘อยฺยปุตฺโต เอกโต’’ติ เวเคน สาณึ อุกฺขิปิตฺวา อนฺโต ปวิสมานา โพธิสตฺตํ สยเน ปลฺลงฺเกน นิสินฺนํ ตฺจ ปาฏิหาริยํ ทิสฺวา คนฺตฺวา รฺโ อาโรเจสุํ – ‘‘เทว, กุมาโร เอวํ นิสินฺโน, อฺเสํ รุกฺขานํ ฉายา นิวตฺตา, ชมฺพุรุกฺขสฺส ปน ปริมณฺฑลา ิตา’’ติ. ราชา เวเคนาคนฺตฺวา ปาฏิหาริยํ ทิสฺวา – ‘‘อิทํ เต, ตาต, ทุติยํ วนฺทน’’นฺติ ปุตฺตํ วนฺทิ.

อถ อนุกฺกเมน โพธิสตฺโต โสฬสวสฺสุทฺเทสิโก ชาโต. ราชา โพธิสตฺตสฺส ติณฺณํ อุตูนํ อนุจฺฉวิเก ตโย ปาสาเท กาเรสิ – เอกํ นวภูมกํ, เอกํ สตฺตภูมกํ, เอกํ ปฺจภูมกํ, จตฺตาลีสสหสฺสา จ นาฏกิตฺถิโย อุปฏฺาเปสิ. โพธิสตฺโต เทโว วิย อจฺฉราสงฺฆปริวุโต, อลงฺกตนาฏกปริวุโต, นิปฺปุริเสหิ ตูริเยหิ ปริจาริยมาโน มหาสมฺปตฺตึ อนุภวนฺโต อุตุวาเรน เตสุ ปาสาเทสุ วิหรติ. ราหุลมาตา ปนสฺส เทวี อคฺคมเหสี อโหสิ.

ตสฺเสวํ มหาสมฺปตฺตึ อนุภวนฺตสฺส เอกทิวสํ าติสงฺฆสฺส อพฺภนฺตเร อยํ กถา อุทปาทิ – ‘‘สิทฺธตฺโถ กีฬาปสุโตว วิจรติ, กิฺจิ สิปฺปํ น สิกฺขติ, สงฺคาเม ปจฺจุปฏฺิเต กึ กริสฺสตี’’ติ. ราชา โพธิสตฺตํ ปกฺโกสาเปตฺวา – ‘‘ตาต, ตว าตกา ‘สิทฺธตฺโถ กิฺจิ สิปฺปํ อสิกฺขิตฺวา กีฬาปสุโตว วิจรตี’ติ วทนฺติ, เอตฺถ กึ ปตฺตกาเล มฺสี’’ติ. เทว, มม สิปฺปํ สิกฺขนกิจฺจํ นตฺถิ, นคเร มม สิปฺปทสฺสนตฺถํ เภรึ จราเปถ ‘‘อิโต สตฺตเม ทิวเส าตกานํ สิปฺปํ ทสฺเสสฺสามี’’ติ. ราชา ตถา อกาสิ. โพธิสตฺโต อกฺขณเวธิวาลเวธิธนุคฺคเห สนฺนิปาตาเปตฺวา มหาชนสฺส มชฺเฌ อฺเหิ ธนุคฺคเหหิ อสาธารณํ าตกานํ ทฺวาทสวิธํ สิปฺปํ ทสฺเสสิ. ตํ สรภงฺคชาตเก อาคตนเยเนว เวทิตพฺพํ. ตทาสฺส าติสงฺโฆ นิกฺกงฺโข อโหสิ.

อเถกทิวสํ โพธิสตฺโต อุยฺยานภูมึ คนฺตุกาโม สารถึ อามนฺเตตฺวา ‘‘รถํ โยเชหี’’ติ อาห. โส ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา มหารหํ อุตฺตมรถํ สพฺพาลงฺกาเรน อลงฺกริตฺวา กุมุทปตฺตวณฺเณ จตฺตาโร มงฺคลสินฺธเว โยเชตฺวา โพธิสตฺตสฺส ปฏิเวเทสิ. โพธิสตฺโต เทววิมานสทิสํ รถํ อภิรุหิตฺวา อุยฺยานาภิมุโข อคมาสิ. เทวตา ‘‘สิทฺธตฺถกุมารสฺส อภิสมฺพุชฺฌนกาโล อาสนฺโน, ปุพฺพนิมิตฺตํ ทสฺเสสฺสามา’’ติ เอกํ เทวปุตฺตํ ชราชชฺชรํ ขณฺฑทนฺตํ ปลิตเกสํ วงฺกํ โอภคฺคสรีรํ ทณฺฑหตฺถํ ปเวธมานํ กตฺวา ทสฺเสสุํ. ตํ โพธิสตฺโต เจว สารถิ จ ปสฺสนฺติ. ตโต โพธิสตฺโต สารถึ – ‘‘สมฺม, โก นาเมส ปุริโส, เกสาปิสฺส น ยถา อฺเส’’นฺติ มหาปทาเน อาคตนเยน ปุจฺฉิตฺวา ตสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘ธีรตฺถุ วต โภ ชาติ, ยตฺร หิ นาม ชาตสฺส ชรา ปฺายิสฺสตี’’ติ สํวิคฺคหทโย ตโตว ปฏินิวตฺติตฺวา ปาสาทเมว อภิรุหิ. ราชา ‘‘กึ การณา มม ปุตฺโต ขิปฺปํ ปฏินิวตฺตี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ชิณฺณกํ ปุริสํ ทิสฺวา เทวา’’ติ. ‘‘ชิณฺณกํ ทิสฺวา ปพฺพชิสฺสตีติ อาหํสุ, กสฺมา มํ นาเสถ, สีฆํ ปุตฺตสฺส นาฏกานิ สชฺเชถ, สมฺปตฺตึ อนุภวนฺโต ปพฺพชฺชาย สตึ น กริสฺสตี’’ติ วตฺวา อารกฺขํ วฑฺเฒตฺวา สพฺพทิสาสุ อฑฺฒโยชเน อฑฺฒโยชเน เปสิ.

ปุเนกทิวสํ โพธิสตฺโต ตเถว อุยฺยานํ คจฺฉนฺโต เทวตาหิ นิมฺมิตํ พฺยาธิตํ ปุริสํ ทิสฺวา ปุริมนเยเนว ปุจฺฉิตฺวา สํวิคฺคหทโย นิวตฺติตฺวา ปาสาทํ อภิรุหิ. ราชาปิ ปุจฺฉิตฺวา เหฏฺา วุตฺตนเยเนว สํวิทหิตฺวา ปุน วฑฺเฒตฺวา สมนฺตา ติคาวุตปฺปมาเณ ปเทเส อารกฺขํ เปสิ. อปรํ เอกทิวสํ โพธิสตฺโต ตเถว อุยฺยานํ คจฺฉนฺโต เทวตาหิ นิมฺมิตํ กาลกตํ ทิสฺวา ปุริมนเยเนว ปุจฺฉิตฺวา สํวิคฺคหทโย ปุน นิวตฺติตฺวา ปาสาทํ อภิรุหิ. ราชาปิ ปุจฺฉิตฺวา เหฏฺา วุตฺตนเยเนว สํวิทหิตฺวา ปุน วฑฺเฒตฺวา สมนฺตา โยชนปฺปมาเณ ปเทเส อารกฺขํ เปสิ. อปรํ ปน เอกทิวสํ อุยฺยานํ คจฺฉนฺโต ตเถว เทวตาหิ นิมฺมิตํ สุนิวตฺถํ สุปารุตํ ปพฺพชิตํ ทิสฺวา ‘‘โก นาเมโส สมฺมา’’ติ สารถึ ปุจฺฉิ. สารถิ กิฺจาปิ พุทฺธุปฺปาทสฺส อภาวา ปพฺพชิตํ วา ปพฺพชิตคุเณ วา น ชานาติ, เทวตานุภาเวน ปน ‘‘ปพฺพชิโต นามายํ เทวา’’ติ วตฺวา ปพฺพชฺชาย คุเณ วณฺเณสิ. โพธิสตฺโต ปพฺพชฺชาย รุจึ อุปฺปาเทตฺวา ตํ ทิวสํ อุยฺยานํ อคมาสิ. ทีฆภาณกา ปนาหุ ‘‘จตฺตาริ นิมิตฺตานิ เอกทิวเสเนว ทิสฺวา อคมาสี’’ติ.

โส ตตฺถ ทิวสภาคํ กีฬิตฺวา มงฺคลโปกฺขรณิยํ นฺหายิตฺวา อตฺถงฺคเต สูริเย มงฺคลสิลาปฏฺเฏ นิสีทิ อตฺตานํ อลงฺการาเปตุกาโม. อถสฺส ปริจารกปุริสา นานาวณฺณานิ ทุสฺสานิ นานปฺปการา อาภรณวิกติโย มาลาคนฺธวิเลปนานิ จ อาทาย สมนฺตา ปริวาเรตฺวา อฏฺํสุ. ตสฺมึ ขเณ สกฺกสฺส นิสินฺนาสนํ อุณฺหํ อโหสิ. โส ‘‘โก นุ โข มํ อิมมฺหา านา จาเวตุกาโม’’ติ อุปธาเรนฺโต โพธิสตฺตสฺส อลงฺกาเรตุกามตํ ตฺวา วิสฺสกมฺมํ อามนฺเตสิ ‘‘สมฺม วิสฺสกมฺม, สิทฺธตฺถกุมาโร อชฺช อฑฺฒรตฺตสมเย มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิสฺสติ, อยมสฺส ปจฺฉิโม อลงฺกาโร, อุยฺยานํ คนฺตฺวา มหาปุริสํ ทิพฺพาลงฺกาเรหิ อลงฺกโรหี’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา เทวตานุภาเวน ตงฺขณํเยว อุปสงฺกมิตฺวา ตสฺเสว กปฺปกสทิโส หุตฺวา กปฺปกสฺส หตฺถโต เวนทุสฺสํ คเหตฺวา โพธิสตฺตสฺส สีสํ เวเสิ. โพธิสตฺโต หตฺถสมฺผสฺเสเนว ‘‘นายํ มนุสฺโส, เทวปุตฺโต เอโส’’ติ อฺาสิ. เวเนน เวิตมตฺเต สีเส โมฬิยํ มณิรตนากาเรน ทุสฺสสหสฺสํ อพฺภุคฺคฺฉิ. ปุน เวเนฺตสฺส ทุสฺสสหสฺสนฺติ ทสกฺขตฺตุํ เวเนฺตสฺส ทส ทุสฺสสหสฺสานิ อพฺภุคฺคจฺฉึสุ. ‘‘สีสํ ขุทฺทกํ, ทุสฺสานิ พหูนิ, กถํ อพฺภุคฺคตานี’’ติ น จินฺเตตพฺพํ. เตสุ หิ สพฺพมหนฺตํ อามลกปุปฺผปฺปมาณํ, อวเสสานิ กุสุมฺพกปุปฺผปฺปมาณานิ อเหสุํ. โพธิสตฺตสฺส สีสํ กิฺชกฺขควจฺฉิตํ วิย กุยฺยกปุปฺผํ อโหสิ.

อถสฺส สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิตสฺส สพฺพตาลาวจเรสุ สกานิ สกานิ ปฏิภานานิ ทสฺสยนฺเตสุ, พฺราหฺมเณสุ ‘‘ชยนนฺทา’’ติอาทิวจเนหิ, สูตมาคธาทีสุ นานปฺปกาเรหิ มงฺคลวจนตฺถุติโฆเสหิ สมฺภาเวนฺเตสุ สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิตํ รถวรํ อภิรุหิ. ตสฺมึ สมเย ‘‘ราหุลมาตา ปุตฺตํ วิชาตา’’ติ สุตฺวา สุทฺโธทนมหาราชา ‘‘ปุตฺตสฺส เม ตุฏฺึ นิเวเทถา’’ติ สาสนํ ปหิณิ. โพธิสตฺโต ตํ สุตฺวา ‘‘ราหุ ชาโต, พนฺธนํ ชาต’’นฺติ อาห. ราชา ‘‘กึ เม ปุตฺโต อวจา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ตํ วจนํ สุตฺวา ‘‘อิโต ปฏฺาย เม นตฺตา ราหุลกุมาโรเยว นาม โหตู’’ติ อาห.

โพธิสตฺโตปิ โข รถวรํ อารุยฺห มหนฺเตน ยเสน อติมโนรเมน สิริโสภคฺเคน นครํ ปาวิสิ. ตสฺมึ สมเย กิสาโคตมี นาม ขตฺติยกฺา อุปริปาสาทวรตลคตา นครํ ปทกฺขิณํ กุรุมานสฺส โพธิสตฺตสฺส รูปสิรึ ทิสฺวา ปีติโสมนสฺสชาตา อิทํ อุทานํ อุทาเนสิ –

‘‘นิพฺพุตา นูน สา มาตา, นิพฺพุโต นูน โส ปิตา;

นิพฺพุตา นูน สา นารี, ยสฺสายํ อีทิโส ปตี’’ติ.

โพธิสตฺโต ตํ สุตฺวา จินฺเตสิ ‘‘อยํ เอวมาห ‘เอวรูปํ อตฺตภาวํ ปสฺสนฺติยา มาตุ หทยํ นิพฺพายติ, ปิตุ หทยํ นิพฺพายติ, ปชาปติยา หทยํ นิพฺพายตี’ติ! กิสฺมึ นุ โข นิพฺพุเต หทยํ นิพฺพุตํ นาม โหตี’’ติ? อถสฺส กิเลเสสุ วิรตฺตมานสสฺส เอตทโหสิ – ‘‘ราคคฺคิมฺหิ นิพฺพุเต นิพฺพุตํ นาม โหติ, โทสคฺคิมฺหิ นิพฺพุเต นิพฺพุตํ นาม โหติ, โมหคฺคิมฺหิ นิพฺพุเต นิพฺพุตํ นาม โหติ, มานทิฏฺิอาทีสุ สพฺพกิเลสทรเถสุ นิพฺพุเตสุ นิพฺพุตํ นาม โหติ. อยํ เม สุสฺสวนํ สาเวสิ, อหฺหิ นิพฺพานํ คเวสนฺโต จรามิ, อชฺเชว มยา ฆราวาสํ ฉฑฺเฑตฺวา นิกฺขมฺม ปพฺพชิตฺวา นิพฺพานํ คเวสิตุํ วฏฺฏติ, อยํ อิมิสฺสา อาจริยภาโค โหตู’’ติ กณฺโต โอมุฺจิตฺวา กิสาโคตมิยา สตสหสฺสคฺฆนกํ มุตฺตาหารํ เปเสสิ. สา ‘‘สิทฺธตฺถกุมาโร มยิ ปฏิพทฺธจิตฺโต หุตฺวา ปณฺณาการํ เปเสสี’’ติ โสมนสฺสชาตา อโหสิ.

โพธิสตฺโตปิ มหนฺเตน สิริโสภคฺเคน อตฺตโน ปาสาทํ อภิรุหิตฺวา สิริสยเน นิปชฺชิ. ตาวเทว จ นํ สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิตา นจฺจคีตาทีสุ สุสิกฺขิตา เทวกฺา วิย รูปโสภคฺคปฺปตฺตา อิตฺถิโย นานาตูริยานิ คเหตฺวา สมฺปริวารยิตฺวา อภิรมาเปนฺติโย นจฺจคีตวาทิตานิ ปโยชยึสุ. โพธิสตฺโต กิเลเสสุ วิรตฺตจิตฺตตาย นจฺจาทีสุ อนภิรโต มุหุตฺตํ นิทฺทํ โอกฺกมิ. ตาปิ อิตฺถิโย ‘‘ยสฺสตฺถาย มยํ นจฺจาทีนิ ปโยเชม, โส นิทฺทํ อุปคโต, อิทานิ กิมตฺถํ กิลมามา’’ติ คหิตคฺคหิตานิ ตูริยานิ อชฺโฌตฺถริตฺวา นิปชฺชึสุ, คนฺธเตลปฺปทีปา ฌายนฺติ. โพธิสตฺโต ปพุชฺฌิตฺวา สยนปิฏฺเ ปลฺลงฺเกน นิสินฺโน อทฺทส ตา อิตฺถิโย ตูริยภณฺฑานิ อวตฺถริตฺวา นิทฺทายนฺติโย – เอกจฺจา ปคฺฆริตเขฬา, ลาลากิลินฺนคตฺตา, เอกจฺจา ทนฺเต ขาทนฺติโย, เอกจฺจา กากจฺฉนฺติโย, เอกจฺจา วิปฺปลปนฺติโย, เอกจฺจา วิวฏมุขา, เอกจฺจา อปคตวตฺถา, ปากฏพีภจฺฉสมฺพาธฏฺานา. โส ตาสํ ตํ วิปฺปการํ ทิสฺวา ภิยฺโยโสมตฺตาย กาเมสุ วิรตฺตจิตฺโต อโหสิ. ตสฺส อลงฺกตปฏิยตฺตํ สกฺกภวนสทิสมฺปิ ตํ มหาตลํ อปวิทฺธนานากุณปภริตํ อามกสุสานํ วิย อุปฏฺาสิ, ตโย ภวา อาทิตฺตเคหสทิสา ขายึสุ – ‘‘อุปทฺทุตํ วต โภ, อุปสฺสฏฺํ วต โภ’’ติ อุทานํ ปวตฺเตสิ, อติวิย ปพฺพชฺชาย จิตฺตํ นมิ.

โส ‘‘อชฺเชว มยา มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิตุํ วฏฺฏตี’’ติ สยนา อุฏฺาย ทฺวารสมีปํ คนฺตฺวา ‘‘โก เอตฺถา’’ติ อาห. อุมฺมาเร สีสํ กตฺวา นิปนฺโน ฉนฺโน ‘‘อหํ อยฺยปุตฺต ฉนฺโน’’ติ อาห. ‘‘อหํ อชฺช มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิตุกาโม, เอกํ เม อสฺสํ กปฺเปหี’’ติ อาห. โส ‘‘สาธุ เทวา’’ติ อสฺสภณฺฑิกํ คเหตฺวา อสฺสสาลํ คนฺตฺวา คนฺธเตลปทีเปสุ ชลนฺเตสุ สุมนปฏฺฏวิตานสฺส เหฏฺา รมณีเย ภูมิภาเค ิตํ กณฺฑกํ อสฺสราชานํ ทิสฺวา ‘‘อชฺช มยา อิมเมว กปฺเปตุํ วฏฺฏตี’’ติ กณฺฑกํ กปฺเปสิ. โส กปฺปิยมาโนว อฺาสิ ‘‘อยํ กปฺปนา อติคาฬฺหา, อฺเสุ ทิวเสสุ อุยฺยานกีฬาทิคมเน กปฺปนา วิย น โหติ, มยฺหํ อยฺยปุตฺโต อชฺช มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิตุกาโม ภวิสฺสตี’’ติ. ตโต ตุฏฺมานโส มหาหสิตํ หสิ. โส สทฺโท สกลนครํ ปตฺถริตฺวา คจฺเฉยฺย, เทวตา ปน ตํ สทฺทํ นิรุมฺภิตฺวา น กสฺสจิ โสตุํ อทํสุ.

โพธิสตฺโตปิ โข ฉนฺนํ เปเสตฺวาว ‘‘ปุตฺตํ ตาว ปสฺสิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา นิสินฺนปลฺลงฺกโต อุฏฺาย ราหุลมาตาย วสนฏฺานํ คนฺตฺวา คพฺภทฺวารํ วิวริ. ตสฺมึ ขเณ อนฺโตคพฺเภ คนฺธเตลปทีโป ฌายติ, ราหุลมาตา สุมนมลฺลิกาทีนํ ปุปฺผานํ อมฺพณมตฺเตน อภิปฺปกิณฺณสยเน ปุตฺตสฺส มตฺถเก หตฺถํ เปตฺวา นิทฺทายติ. โพธิสตฺโต อุมฺมาเร ปาทํ เปตฺวา ิตโกว โอโลเกตฺวา ‘‘สจาหํ เทวิยา หตฺถํ อปเนตฺวา มม ปุตฺตํ คณฺหิสฺสามิ, เทวี ปพุชฺฌิสฺสติ, เอวํ เม คมนนฺตราโย ภวิสฺสติ, พุทฺโธ หุตฺวาว อาคนฺตฺวา ปุตฺตํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ ปาสาทตลโต โอตริ. ยํ ปน ชาตกฏฺกถายํ ‘‘ตทา สตฺตาหชาโต ราหุลกุมาโร โหตี’’ติ วุตฺตํ, ตํ เสสฏฺกถาสุ นตฺถิ, ตสฺมา อิทเมว คเหตพฺพํ.

เอวํ โพธิสตฺโต ปาสาทตลา โอตริตฺวา อสฺสสมีปํ คนฺตฺวา เอวมาห – ‘‘ตาต กณฺฑก, ตฺวํ อชฺช เอกรตฺตึ มํ ตารย, อหํ ตํ นิสฺสาย พุทฺโธ หุตฺวา สเทวกํ โลกํ ตาเรสฺสามี’’ติ. ตโต อุลฺลงฺฆิตฺวา กณฺฑกสฺส ปิฏฺึ อภิรุหิ. กณฺฑโก คีวโต ปฏฺาย อายาเมน อฏฺารสหตฺโถ โหติ ตทนุจฺฉวิเกน อุพฺเพเธน สมนฺนาคโต ถามชวสมฺปนฺโน สพฺพเสโต โธตสงฺขสทิโส. โส สเจ หเสยฺย วา ปทสทฺทํ วา กเรยฺย, สทฺโท สกลนครํ อวตฺถเรยฺย. ตสฺมา เทวตา อตฺตโน อานุภาเวน ตสฺส ยถา น โกจิ สุณาติ, เอวํ หสิตสทฺทํ สนฺนิรุมฺภิตฺวา อกฺกมนอกฺกมนปทวาเร หตฺถตลานิ อุปนาเมสุํ. โพธิสตฺโต อสฺสวรสฺส ปิฏฺิเวมชฺฌคโต ฉนฺนํ อสฺสสฺส วาลธึ คาหาเปตฺวา อฑฺฒรตฺตสมเย มหาทฺวารสมีปํ ปตฺโต. ตทา ปน ราชา ‘‘เอวํ โพธิสตฺโต ยาย กายจิ เวลาย นครทฺวารํ วิวริตฺวา นิกฺขมิตุํ น สกฺขิสฺสตี’’ติ ทฺวีสุ ทฺวารกวาเฏสุ เอเกกํ ปุริสสหสฺเสน วิวริตพฺพํ การาเปสิ. โพธิสตฺโต ถามพลสมฺปนฺโน, หตฺถิคณนาย โกฏิสหสฺสหตฺถีนํ พลํ ธาเรติ, ปุริสคณนาย ทสโกฏิสหสฺสปุริสานํ. โส จินฺเตสิ ‘‘สเจ ทฺวารํ น วิวรียติ, อชฺช กณฺฑกสฺส ปิฏฺเ นิสินฺโนว วาลธึ คเหตฺวา ิเตน ฉนฺเนน สทฺธึเยว กณฺฑกํ อูรูหิ นิปฺปีเฬตฺวา อฏฺารสหตฺถุพฺเพธํ ปาการํ อุปฺปติตฺวา อติกฺกมิสฺสามี’’ติ. ฉนฺโนปิ จินฺเตสิ ‘‘สเจ ทฺวารํ น วิวรียติ, อหํ อยฺยปุตฺตํ ขนฺเธ นิสีทาเปตฺวา กณฺฑกํ ทกฺขิเณน หตฺเถน กุจฺฉิยํ ปริกฺขิปนฺโต อุปกจฺฉนฺตเร กตฺวา ปาการํ อุปฺปติตฺวา อติกฺกมิสฺสามี’’ติ. กณฺฑโกปิ จินฺเตสิ ‘‘สเจ ทฺวารํ น วิวรียติ, อหํ อตฺตโน สามิกํ ปิฏฺิยํ ยถานิสินฺนเมว ฉนฺเนน วาลธึ คเหตฺวา ิเตน สทฺธึเยว อุกฺขิปิตฺวา ปาการํ อุปฺปติตฺวา อติกฺกมิสฺสามี’’ติ. สเจ ทฺวารํ น อวาปุรียิตฺถ, ยถาจินฺติตเมว เตสุ ตีสุ ชเนสุ อฺตโร สมฺปาเทยฺย. ทฺวาเร อธิวตฺถา เทวตา ปน ทฺวารํ วิวริ.

ตสฺมึเยว ขเณ มาโร ‘‘โพธิสตฺตํ นิวตฺเตสฺสามี’’ติ อาคนฺตฺวา อากาเส ิโต อาห – ‘‘มาริส, มา นิกฺขม, อิโต เต สตฺตเม ทิวเส จกฺกรตนํ ปาตุภวิสฺสติ, ทฺวิสหสฺสปริตฺตทีปปริวารานํ จตุนฺนํ มหาทีปานํ รชฺชํ กาเรสฺสสิ, นิวตฺต มาริสา’’ติ. ‘‘โกสิ ตฺว’’นฺติ? ‘‘อหํ วสวตฺตี’’ติ. ‘‘มาร, ชานามหํ มยฺหํ จกฺกรตนสฺส ปาตุภาวํ, อนตฺถิโกหํ รชฺเชน, ทสสหสฺสิโลกธาตุํ อุนฺนาเทตฺวา พุทฺโธ ภวิสฺสามี’’ติ อาห. มาโร ‘‘อิโต ทานิ เต ปฏฺาย กามวิตกฺกํ วา พฺยาปาทวิตกฺกํ วา วิหึสาวิตกฺกํ วา จินฺติตกาเล ชานิสฺสามี’’ติ โอตาราเปกฺโข ฉายา วิย อนปคจฺฉนฺโต อนุพนฺธิ.

โพธิสตฺโตปิ หตฺถคตํ จกฺกวตฺติรชฺชํ เขฬปิณฺฑํ วิย อนเปกฺโข ฉฑฺเฑตฺวา มหนฺเตน สกฺกาเรน นครา นิกฺขมิ อาสาฬฺหิปุณฺณมาย อุตฺตราสาฬฺหนกฺขตฺเต วตฺตมาเน. นิกฺขมิตฺวา จ ปุน นครํ โอโลเกตุกาโม ชาโต. เอวฺจ ปนสฺส จิตฺเต อุปฺปนฺนมตฺเตเยว ‘‘มหาปุริส, น ตยา นิวตฺติตฺวา โอโลกนกมฺมํ กต’’นฺติ วทมานา วิย มหาปถวี กุลาลจกฺกํ วิย ภิชฺชิตฺวา ปริวตฺติ. โพธิสตฺโต นคราภิมุโข ตฺวา นครํ โอโลเกตฺวา ตสฺมึ ปถวิปฺปเทเส กณฺฑกนิวตฺตนเจติยฏฺานํ ทสฺเสตฺวา คนฺตพฺพมคฺคาภิมุขํ กณฺฑกํ กตฺวา ปายาสิ มหนฺเตน สกฺกาเรน อุฬาเรน สิริโสภคฺเคน. ตทา กิรสฺส เทวตา ปุรโต สฏฺิ อุกฺกาสหสฺสานิ ธารยึสุ, ปจฺฉโต สฏฺิ, ทกฺขิณปสฺสโต สฏฺิ, วามปสฺสโต สฏฺิ, อปรา เทวตา จกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ อปริมาณา อุกฺกา ธารยึสุ, อปรา เทวตา จ นาคสุปณฺณาทโย จ ทิพฺเพหิ คนฺเธหิ มาลาหิ จุณฺเณหิ ธูเมหิ ปูชยมานา คจฺฉนฺติ. ปาริจฺฉตฺตกปุปฺเผหิ เจว มนฺทารวปุปฺเผหิ จ ฆนเมฆวุฏฺิกาเล ธาราหิ วิย นภํ นิรนฺตรํ อโหสิ, ทิพฺพานิ สํคีตานิ ปวตฺตึสุ, สมนฺตโต อฏฺสฏฺิ ตูริยสตสหสฺสานิ ปวชฺชึสุ, สมุทฺทกุจฺฉิยํ เมฆตฺถนิตกาโล วิย ยุคนฺธรกุจฺฉิยํ สาครนิคฺโฆสกาโล วิย วตฺตติ.

อิมินา สิริโสภคฺเคน คจฺฉนฺโต โพธิสตฺโต เอกรตฺเตเนว ตีณิ รชฺชานิ อติกฺกมฺม ตึสโยชนมตฺถเก อโนมานทีตีรํ ปาปุณิ. ‘‘กึ ปน อสฺโส ตโต ปรํ คนฺตุํ น สกฺโกตี’’ติ? ‘‘โน, น สกฺโก’’ติ. โส หิ เอกํ จกฺกวาฬคพฺภํ นาภิยา ิตจกฺกสฺส เนมิวฏฺฏึ มทฺทนฺโต วิย อนฺตนฺเตน จริตฺวา ปุเรปาตราสเมว อาคนฺตฺวา อตฺตโน สมฺปาทิตํ ภตฺตํ ภุฺชิตุํ สมตฺโถ. ตทา ปน เทวนาคสุปณฺณาทีหิ อากาเส ตฺวา โอสฺสฏฺเหิ คนฺธมาลาทีหิ ยาว อูรุปฺปเทสา สฺฉนฺนํ สรีรํ อากฑฺฒิตฺวา คนฺธมาลาชฏํ ฉินฺทนฺตสฺส อติปฺปปฺโจ อโหสิ, ตสฺมา ตึสโยชนมตฺตเมว อคมาสิ. อถ โพธิสตฺโต นทีตีเร ตฺวา ฉนฺนํ ปุจฺฉิ – ‘‘กินฺนามา อยํ นที’’ติ? ‘‘อโนมา นาม, เทวา’’ติ. ‘‘อมฺหากมฺปิ ปพฺพชฺชา อโนมา ภวิสฺสตี’’ติ ปณฺหิยา ฆฏฺเฏนฺโต อสฺสสฺส สฺํ อทาสิ. อสฺโส อุปฺปติตฺวา อฏฺูสภวิตฺถาราย นทิยา ปาริมตีเร อฏฺาสิ.

โพธิสตฺโต อสฺสปิฏฺิโต โอรุยฺห รชตปฏฺฏสทิเส วาลุกาปุลิเน ตฺวา ฉนฺนํ อามนฺเตสิ – ‘‘สมฺม, ฉนฺน, ตฺวํ มยฺหํ อาภรณานิ เจว กณฺฑกฺจ อาทาย คจฺฉ, อหํ ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. ‘‘อหมฺปิ, เทว, ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. โพธิสตฺโต ‘‘น ลพฺภา ตยา ปพฺพชิตุํ, คจฺฉ ตฺว’’นฺติ ติกฺขตฺตุํ ปฏิพาหิตฺวา อาภรณานิ เจว กณฺฑกฺจ ปฏิจฺฉาเปตฺวา จินฺเตสิ ‘‘อิเม มยฺหํ เกสา สมณสารุปฺปา น โหนฺตี’’ติ. อฺโ โพธิสตฺตสฺส เกเส ฉินฺทิตุํ ยุตฺตรูโป นตฺถิ, ตโต ‘‘สยเมว ขคฺเคน ฉินฺทิสฺสามี’’ติ ทกฺขิเณน หตฺเถน อสึ คณฺหิตฺวา วามหตฺเถน โมฬิยา สทฺธึ จูฬํ คเหตฺวา ฉินฺทิ, เกสา ทฺวงฺคุลมตฺตา หุตฺวา ทกฺขิณโต อาวตฺตมานา สีสํ อลฺลียึสุ. เตสํ ยาวชีวํ ตเทว ปมาณํ อโหสิ, มสฺสุ จ ตทนุรูปํ, ปุน เกสมสฺสุโอหารณกิจฺจํ นาม นาโหสิ. โพธิสตฺโต สห โมฬิยา จุฬํ คเหตฺวา ‘‘สจาหํ พุทฺโธ ภวิสฺสามิ, อากาเส ติฏฺตุ, โน เจ, ภูมิยํ ปตตู’’ติ อนฺตลิกฺเข ขิปิ. ตํ จูฬามณิเวนํ โยชนปฺปมาณํ านํ คนฺตฺวา อากาเส อฏฺาสิ. สกฺโก เทวราชา ทิพฺพจกฺขุนา โอโลเกตฺวา โยชนิยรตนจงฺโกฏเกน สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตาวตึสภวเน จูฬามณิเจติยํ นาม ปติฏฺาเปสิ.

‘‘เฉตฺวาน โมฬึ วรคนฺธวาสิตํ, เวหายสํ อุกฺขิปิ อคฺคปุคฺคโล;

สหสฺสเนตฺโต สิรสา ปฏิคฺคหิ, สุวณฺณจงฺโกฏวเรน วาสโว’’ติ.

ปุน โพธิสตฺโต จินฺเตสิ ‘‘อิมานิ กาสิกวตฺถานิ มยฺหํ น สมณสารุปฺปานี’’ติ. อถสฺส กสฺสปพุทฺธกาเล ปุราณสหายโก ฆฏีการมหาพฺรหฺมา เอกํ พุทฺธนฺตรํ ชรํ อปตฺเตน มิตฺตภาเวน จินฺเตสิ – ‘‘อชฺช เม สหายโก มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขนฺโต, สมณปริกฺขารมสฺส คเหตฺวา คจฺฉิสฺสามี’’ติ.

‘‘ติจีวรฺจ ปตฺโต จ, วาสี สูจิ จ พนฺธนํ;

ปริสฺสาวเนน อฏฺเเต, ยุตฺตโยคสฺส ภิกฺขุโน’’ติ. –

อิเม อฏฺ สมณปริกฺขาเร อาหริตฺวา อทาสิ. โพธิสตฺโต อรหทฺธชํ นิวาเสตฺวา อุตฺตมปพฺพชฺชาเวสํ คณฺหิตฺวา ‘‘ฉนฺน, มม วจเนน มาตาปิตูนํ อาโรคฺยํ วเทหี’’ติ วตฺวา อุยฺโยเชสิ. ฉนฺโน โพธิสตฺตํ วนฺทิตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิ. กณฺฑโก ปน ฉนฺเนน สทฺธึ มนฺตยมานสฺส โพธิสตฺตสฺส วจนํ สุณนฺโต ตฺวา ‘‘นตฺถิ ทานิ มยฺหํ ปุน สามิโน ทสฺสน’’นฺติ จกฺขุปถํ วิชหนฺโต โสกํ อธิวาเสตุํ อสกฺโกนฺโต หทเยน ผลิเตน กาลํ กตฺวา ตาวตึสภวเน กณฺฑโก นาม เทวปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ฉนฺนสฺส ปมํ เอโกว โสโก อโหสิ, กณฺฑกสฺส ปน กาลกิริยาย ทุติเยน โสเกน ปีฬิโต โรทนฺโต ปริเทวนฺโต นครํ อคมาสิ.

โพธิสตฺโตปิ ปพฺพชิตฺวา ตสฺมึเยว ปเทเส อนุปิยํ นาม อมฺพวนํ อตฺถิ, ตตฺถ สตฺตาหํ ปพฺพชฺชาสุเขน วีตินาเมตฺวา เอกทิวเสเนว ตึสโยชนมคฺคํ ปทสา คนฺตฺวา ราชคหํ ปาวิสิ. ปวิสิตฺวา สปทานํ ปิณฺฑาย จริ. สกลนครํ โพธิสตฺตสฺส รูปทสฺสเนน ธนปาลเกน ปวิฏฺราชคหํ วิย อสุรินฺเทน ปวิฏฺเทวนครํ วิย จ สงฺโขภํ อคมาสิ. ราชปุริสา คนฺตฺวา ‘‘เทว, เอวรูโป นาม สตฺโต นคเร ปิณฺฑาย จรติ, ‘เทโว วา มนุสฺโส วา นาโค วา สุปณฺโณ วา โก นาเมโส’ติ น ชานามา’’ติ อาโรเจสุํ. ราชา ปาสาทตเล ตฺวา มหาปุริสํ ทิสฺวา อจฺฉริยพฺภุตชาโต ปุริเส อาณาเปสิ – ‘‘คจฺฉถ ภเณ, วีมํสถ, สเจ อมนุสฺโส ภวิสฺสติ, นครา นิกฺขมิตฺวา อนฺตรธายิสฺสติ, สเจ เทวตา ภวิสฺสติ, อากาเสน คจฺฉิสฺสติ, สเจ นาโค ภวิสฺสติ, ปถวิยํ นิมุชฺชิตฺวา คมิสฺสติ, สเจ มนุสฺโส ภวิสฺสติ, ยถาลทฺธํ ภิกฺขํ ปริภุฺชิสฺสตี’’ติ.

มหาปุริโสปิ โข มิสฺสกภตฺตํ สํหริตฺวา ‘‘อลํ เม เอตฺตกํ ยาปนายา’’ติ ตฺวา ปวิฏฺทฺวาเรเนว นครา นิกฺขมิตฺวา ปณฺฑวปพฺพตจฺฉายาย ปุรตฺถาภิมุโข นิสีทิตฺวา อาหารํ ปริภุฺชิตุํ อารทฺโธ. อถสฺส อนฺตานิ ปริวตฺติตฺวา มุเขน นิกฺขมนาการปฺปตฺตานิ วิย อเหสุํ. ตโต เตน อตฺตภาเวน เอวรูปสฺส อาหารสฺส จกฺขุนาปิ อทิฏฺปุพฺพตาย เตน ปฏิกูลาหาเรน อฏฺฏิยมาโน เอวํ อตฺตนาว อตฺตานํ โอวทิ ‘‘สิทฺธตฺถ, ตฺวํ สุลภนฺนปาเน กุเล ติวสฺสิกคนฺธสาลิโภชนํ นานคฺครเสหิ ภุฺชนฏฺาเน นิพฺพตฺติตฺวาปิ เอกํ ปํสุกูลิกํ ทิสฺวา ‘กทา นุ โข อหมฺปิ เอวรูโป หุตฺวา ปิณฺฑาย จริตฺวา ภุฺชิสฺสามิ, ภวิสฺสติ นุ โข เม โส กาโล’ติ จินฺเตตฺวา นิกฺขนฺโต, อิทานิ กึ นาเมตํ กโรสี’’ติ. เอวํ อตฺตนาว อตฺตานํ โอวทิตฺวา นิพฺพิกาโร หุตฺวา อาหารํ ปริภุฺชิ.

ราชปุริสา ตํ ปวตฺตึ ทิสฺวา คนฺตฺวา รฺโ อาโรเจสุํ. ราชา ทูตวจนํ สุตฺวา เวเคน นครา นิกฺขมิตฺวา โพธิสตฺตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา อิริยาปถสฺมึเยว ปสีทิตฺวา โพธิสตฺตสฺส สพฺพํ อิสฺสริยํ นิยฺยาเทสิ. โพธิสตฺโต ‘‘มยฺหํ, มหาราช, วตฺถุกาเมหิ วา กิเลสกาเมหิ วา อตฺโถ นตฺถิ, อหํ ปรมาภิสมฺโพธึ ปตฺถยนฺโต นิกฺขนฺโต’’ติ อาห. ราชา อเนกปฺปการํ ยาจนฺโตปิ ตสฺส จิตฺตํ อลภิตฺวา ‘‘อทฺธา ตฺวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ, พุทฺธภูเตน ปน เต ปมํ มม วิชิตํ อาคนฺตพฺพ’’นฺติ ปฏิฺํ คณฺหิ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน ‘‘ปพฺพชฺชํ กิตฺตยิสฺสามิ, ยถา ปพฺพชิ จกฺขุมา’’ติ อิมํ ปพฺพชฺชาสุตฺตํ (สุ. นิ. ๔๐๗ อาทโย) สทฺธึ อฏฺกถาย โอโลเกตฺวา เวทิตพฺโพ.

โพธิสตฺโตปิ รฺโ ปฏิฺํ ทตฺวา อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน อาฬารฺจ กาลามํ อุทกฺจ รามปุตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวา ‘‘นายํ มคฺโค โพธายา’’ติ ตมฺปิ สมาปตฺติภาวนํ อนลงฺกริตฺวา สเทวกสฺส โลกสฺส อตฺตโน ถามวีริยสนฺทสฺสนตฺถํ มหาปธานํ ปทหิตุกาโม อุรุเวลํ คนฺตฺวา ‘‘รมณีโย วตายํ ภูมิภาโค’’ติ ตตฺเถว วาสํ อุปคนฺตฺวา มหาปธานํ ปทหิ. เตปิ โข โกณฺฑฺปฺปมุขา ปฺจ ปพฺพชิตา คามนิคมราชธานีสุ ภิกฺขาย จรนฺตา ตตฺถ โพธิสตฺตํ สมฺปาปุณึสุ. อถ นํ ฉพฺพสฺสานิ มหาปธานํ ปทหนฺตํ ‘‘อิทานิ พุทฺโธ ภวิสฺสติ, อิทานิ พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ ปริเวณสมฺมชฺชนาทิกาย วตฺตปฏิปตฺติยา อุปฏฺหมานา สนฺติกาวจราวสฺส อเหสุํ. โพธิสตฺโตปิ โข ‘‘โกฏิปฺปตฺตํ ทุกฺกรการิยํ กริสฺสามี’’ติ เอกติลตณฺฑุลาทีหิปิ วีตินาเมสิ, สพฺพโสปิ อาหารูปจฺเฉทํ อกาสิ, เทวตาปิ โลมกูเปหิ โอชํ อุปสํหรมานา ปฏิกฺขิปิ.

อถสฺส ตาย นิราหารตาย ปรมกสิมานปฺปตฺตกายสฺส สุวณฺณวณฺโณ กาโย กาฬวณฺโณ อโหสิ. พาตฺตึสมหาปุริสลกฺขณานิ ปฏิจฺฉนฺนานิ อเหสุํ. อปฺเปกทา อปฺปาณกํ ฌานํ ฌายนฺโต มหาเวทนาหิ อภิตุนฺโน วิสฺีภูโต จงฺกมนโกฏิยํ ปตติ. อถ นํ เอกจฺจา เทวตา ‘‘กาลกโต สมโณ โคตโม’’ติ วทนฺติ, เอกจฺจา ‘‘วิหาโรเวโส อรหต’’นฺติ อาหํสุ. ตตฺถ ยาสํ ‘‘กาลกโต’’ติ อโหสิ, ตา คนฺตฺวา สุทฺโธทนมหาราชสฺส อาโรเจสุํ ‘‘ตุมฺหากํ ปุตฺโต กาลกโต’’ติ. มม ปุตฺโต พุทฺโธ หุตฺวา กาลกโต, อหุตฺวาติ? พุทฺโธ ภวิตุํ นาสกฺขิ, ปธานภูมิยํเยว ปติตฺวา กาลกโตติ. อิทํ สุตฺวา ราชา ‘‘นาหํ สทฺทหามิ, มม ปุตฺตสฺส โพธึ อปฺปตฺวา กาลกิริยา นาม นตฺถี’’ติ ปฏิกฺขิปิ. กสฺมา ปน ราชา น สทฺทหตีติ? กาฬเทวีลตาปสสฺส วนฺทาปนทิวเส ชมฺพุรุกฺขมูเล จ ปาฏิหาริยานํ ทิฏฺตฺตา.

ปุน โพธิสตฺเต สฺํ ปฏิลภิตฺวา อุฏฺิเต ตา เทวตา คนฺตฺวา ‘‘อโรโค เต มหาราช ปุตฺโต’’ติ อาโรเจนฺติ. ราชา ‘‘ชานามหํ ปุตฺตสฺส อมรณภาว’’นฺติ วทติ. มหาสตฺตสฺส ฉพฺพสฺสานิ ทุกฺกรการิยํ กโรนฺตสฺส อากาเส คณฺิกรณกาโล วิย อโหสิ. โส ‘‘อยํ ทุกฺกรการิกา นาม โพธาย มคฺโค น โหตี’’ติ โอฬาริกํ อาหารํ อาหาเรตุํ คามนิคเมสุ ปิณฺฑาย จริตฺวา อาหารํ อาหริ, อถสฺส พาตฺตึสมหาปุริสลกฺขณานิ ปากติกานิ อเหสุํ, กาโย สุวณฺณวณฺโณ อโหสิ. ปฺจวคฺคิยา ภิกฺขู ‘‘อยํ ฉพฺพสฺสานิ ทุกฺกรการิกํ กโรนฺโตปิ สพฺพฺุตํ ปฏิวิชฺฌิตุํ นาสกฺขิ, อิทานิ คามาทีสุ ปิณฺฑาย จริตฺวา โอฬาริกํ อาหารํ อาหริยมาโน กึ สกฺขิสฺสติ, พาหุลิโก เอส ปธานวิพฺภนฺโต, สีสํ นฺหายิตุกามสฺส อุสฺสาวพินฺทุตกฺกนํ วิย อมฺหากํ เอตสฺส สนฺติกา วิเสสตกฺกนํ, กึ โน อิมินา’’ติ มหาปุริสํ ปหาย อตฺตโน อตฺตโน ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา อฏฺารสโยชนมคฺคํ คนฺตฺวา อิสิปตนํ ปวิสึสุ.

เตน โข ปน สมเยน อุรุเวลายํ เสนานิคเม เสนานิกุฏุมฺพิกสฺส เคเห นิพฺพตฺตา สุชาตา นาม ทาริกา วยปฺปตฺตา เอกสฺมึ นิคฺโรธรุกฺเข ปตฺถนํ อกาสิ ‘‘สเจ สมชาติกํ กุลฆรํ คนฺตฺวา ปมคพฺเภ ปุตฺตํ ลภิสฺสามิ, อนุสํวจฺฉรํ เต สตสหสฺสปริจฺจาเคน พลิกมฺมํ กริสฺสามี’’ติ. ตสฺสา สา ปตฺถนา สมิชฺฌิ. สา มหาสตฺตสฺส ทุกฺกรการิกํ กโรนฺตสฺส ฉฏฺเ วสฺเส ปริปุณฺเณ วิสาขปุณฺณมายํ พลิกมฺมํ กาตุกามา หุตฺวา ปุเรตรํ เธนุสหสฺสํ ลฏฺิมธุกวเน จราเปตฺวา ตาสํ ขีรํ ปฺจ เธนุสตานิ ปาเยตฺวา ตาสํ ขีรํ อฑฺฒติยานีติ เอวํ ยาว โสฬสนฺนํ เธนูนํ ขีรํ อฏฺ เธนุโย ปิวนฺติ, ตาว ขีรสฺส พหลตฺจ มธุรตฺจ โอชวนฺตตฺจ ปตฺถยมานา ขีรปริวตฺตนํ นาม อกาสิ. สา วิสาขปุณฺณมทิวเส ‘‘ปาโตว พลิกมฺมํ กริสฺสามี’’ติ รตฺติยา ปจฺจูสสมยํ ปจฺจุฏฺาย ตา อฏฺ เธนุโย ทุหาเปสิ. วจฺฉกา เธนูนํ ถนมูลํ นาคมึสุ, ถนมูเล ปน นวภาชเน อุปนีตมตฺเต อตฺตโน ธมฺมตาย ขีรธารา ปวตฺตึสุ. ตํ อจฺฉริยํ ทิสฺวา สุชาตา สหตฺเถเนว ขีรํ คเหตฺวา นวภาชเน ปกฺขิปิตฺวา สหตฺเถเนว อคฺคึ กตฺวา ปจิตุํ อารภิ.

ตสฺมึ ปายาเส ปจฺจมาเน มหนฺตมหนฺตา พุพฺพุฬา อุฏฺหิตฺวา ทกฺขิณาวตฺตา หุตฺวา สฺจรนฺติ, เอกผุสิตมฺปิ พหิ น ปตติ, อุทฺธนโต อปฺปมตฺตโกปิ ธูโม น อุฏฺหติ. ตสฺมึ สมเย จตฺตาโร โลกปาลา อาคนฺตฺวา อุทฺธเน อารกฺขํ คณฺหึสุ, มหาพฺรหฺมา ฉตฺตํ ธาเรสิ, สกฺโก อลาตานิ สมาเนนฺโต อคฺคึ ชาเลสิ. เทวตา ทฺวิสหสฺสทีปปริวาเรสุ จตูสุ มหาทีเปสุ เทวานฺจ มนุสฺสานฺจ อุปกปฺปนโอชํ อตฺตโน เทวานุภาเวน ทณฺฑกพทฺธํ มธุปฏลํ ปีเฬตฺวา มธุํ คณฺหมานา วิย สํหริตฺวา ตตฺถ ปกฺขิปึสุ. อฺเสุ หิ กาเลสุ เทวตา กพเฬ กพเฬ โอชํ ปกฺขิปนฺติ, สมฺโพธิทิวเส จ ปน ปรินิพฺพานทิวเส จ อุกฺขลิยํเยว ปกฺขิปนฺติ. สุชาตา เอกทิวเสเยว ตตฺถ อตฺตโน ปากฏานิ อเนกานิ อจฺฉริยานิ ทิสฺวา ปุณฺณํ ทาสึ อามนฺเตสิ ‘‘อมฺม ปุณฺเณ, อชฺช อมฺหากํ เทวตา อติวิย ปสนฺนา, มยา เอตฺตเก กาเล เอวรูปํ อจฺฉริยํ นาม น ทิฏฺปุพฺพํ, เวเคน คนฺตฺวา เทวฏฺานํ ปฏิชคฺคาหี’’ติ. สา ‘‘สาธุ, อยฺเย’’ติ ตสฺสา วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตุริตตุริตา รุกฺขมูลํ อคมาสิ.

โพธิสตฺโตปิ โข ตสฺมึ รตฺติภาเค ปฺจ มหาสุปิเน ทิสฺวา ปริคฺคณฺหนฺโต ‘‘นิสฺสํสเยนาหํ อชฺช พุทฺโธ ภวิสฺสามี’’ติ กตสนฺนิฏฺาโน ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน กตสรีรปฏิชคฺคโน ภิกฺขาจารกาลํ อาคมยมาโน ปาโตว อาคนฺตฺวา ตสฺมึ รุกฺขมูเล นิสีทิ อตฺตโน ปภาย สกลรุกฺขํ โอภาสยมาโน. อถ โข สา ปุณฺณา อาคนฺตฺวา อทฺทส โพธิสตฺตํ รุกฺขมูเล ปาจีนโลกธาตุํ โอโลกยมานํ นิสินฺนํ, สรีรโต จสฺส นิกฺขนฺตาหิ ปภาหิ สกลรุกฺขํ สุวณฺณวณฺณํ. ทิสฺวา ตสฺสา เอตทโหสิ – ‘‘อชฺช อมฺหากํ เทวตา รุกฺขโต โอรุยฺห สหตฺเถเนว พลิกมฺมํ สมฺปฏิจฺฉิตุํ นิสินฺนา มฺเ’’ติ อุพฺเพคปฺปตฺตา หุตฺวา เวเคนาคนฺตฺวา สุชาตาย เอตมตฺถํ อาโรเจสิ.

สุชาตา ตสฺสา วจนํ สุตฺวา ตุฏฺมานสา หุตฺวา ‘‘อชฺช ทานิ ปฏฺาย มม เชฏฺธีตุฏฺาเน ติฏฺาหี’’ติ ธีตุ อนุจฺฉวิกํ สพฺพาลงฺการํ อทาสิ. ยสฺมา ปน พุทฺธภาวํ ปาปุณนทิวเส สตสหสฺสคฺฆนิกํ สุวณฺณปาตึ ลทฺธุํ วฏฺฏติ, ตสฺมา สา ‘‘สุวณฺณปาติยํ ปายาสํ ปกฺขิปิสฺสามี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา สตสหสฺสคฺฆนิกํ สุวณฺณปาตึ นีหราเปตฺวา ตตฺถ ปายาสํ ปกฺขิปิตุกามา ปกฺกภาชนํ อาวชฺเชสิ. ‘สพฺโพ ปายาโส ปทุมปตฺตา อุทกํ วิย วินิวตฺติตฺวา ปาติยํ ปติฏฺาสิ, เอกปาติปูรมตฺโตว อโหสิ’. สา ตํ ปาตึ อฺาย สุวณฺณปาติยา ปฏิกุชฺชิตฺวา โอทาตวตฺเถน เวเตฺวา สพฺพาลงฺกาเรหิ อตฺตภาวํ อลงฺกริตฺวา ตํ ปาตึ อตฺตโน สีเส เปตฺวา มหนฺเตน อานุภาเวน นิคฺโรธรุกฺขมูลํ คนฺตฺวา โพธิสตฺตํ โอโลเกตฺวา พลวโสมนสฺสชาตา ‘‘รุกฺขเทวตา’’ติ สฺาย ทิฏฺฏฺานโต ปฏฺาย โอนโตนตา คนฺตฺวา สีสโต ปาตึ โอตาเรตฺวา วิวริตฺวา สุวณฺณภิงฺกาเรน คนฺธปุปฺผวาสิตํ อุทกํ คเหตฺวา โพธิสตฺตํ อุปคนฺตฺวา อฏฺาสิ. ฆฏีการมหาพฺรหฺมุนา ทินฺโน มตฺติกาปตฺโต เอตฺตกํ อทฺธานํ โพธิสตฺตํ อวิชหิตฺวา ตสฺมึ ขเณ อทสฺสนํ คโต, โพธิสตฺโต ปตฺตํ อปสฺสนฺโต ทกฺขิณหตฺถํ ปสาเรตฺวา อุทกํ สมฺปฏิจฺฉิ. สุชาตา สเหว ปาติยา ปายาสํ มหาปุริสสฺส หตฺเถ เปสิ, มหาปุริโส สุชาตํ โอโลเกสิ. สา อาการํ สลฺลกฺเขตฺวา ‘‘อยฺย, มยา ตุมฺหากํ ปริจฺจตฺตํ, คณฺหิตฺวา ยถารุจึ คจฺฉถา’’ติ วนฺทิตฺวา ‘‘ยถา มยฺหํ มโนรโถ นิปฺผนฺโน, เอวํ ตุมฺหากมฺปิ นิปฺผชฺชตู’’ติ วตฺวา สตสหสฺสคฺฆนิกาย สุวณฺณปาติยา ปุราณปณฺเณ วิย อนเปกฺขา หุตฺวา ปกฺกามิ.

โพธิสตฺโตปิ โข นิสินฺนฏฺานา อุฏฺาย รุกฺขํ ปทกฺขิณํ กตฺวา ปาตึ อาทาย เนรฺชราย ตีรํ คนฺตฺวา อเนเกสํ โพธิสตฺตสหสฺสานํ อภิสมฺพุชฺฌนทิวเส โอตริตฺวา นฺหานฏฺานํ สุปฺปติฏฺิตติตฺถํ นาม อตฺถิ, ตสฺส ตีเร ปาตึ เปตฺวา โอตริตฺวา นฺหตฺวา อเนกพุทฺธสตสหสฺสานํ นิวาสนํ อรหทฺธชํ นิวาเสตฺวา ปุรตฺถาภิมุโข นิสีทิตฺวา เอกฏฺิตาลปกฺกปฺปมาเณ เอกูนปฺาส ปิณฺเฑ กตฺวา สพฺพํ อปฺโปทกํ มธุปายาสํ ปริภุฺชิ. โส เอว หิสฺส พุทฺธภูตสฺส สตฺตสตฺตาหํ โพธิมณฺเฑ วสนฺตสฺส เอกูนปฺาส ทิวสานิ อาหาโร อโหสิ. เอตฺตกํ กาลํ เนว อฺโ อาหาโร อตฺถิ, น นฺหานํ, น มุขโธวนํ, น สรีรวฬฺโช, ฌานสุเขน มคฺคสุเขน ผลสุเขน จ วีตินาเมสิ. ตํ ปน ปายาสํ ปริภุฺชิตฺวา สุวณฺณปาตึ คเหตฺวา ‘‘สจาหํ, อชฺช พุทฺโธ ภวิตุํ สกฺขิสฺสามิ, อยํ ปาติ ปฏิโสตํ คจฺฉตุ, โน เจ สกฺขิสฺสามิ, อนุโสตํ คจฺฉตู’’ติ วตฺวา นทีโสเต ปกฺขิปิ. สา โสตํ ฉินฺทมานา นทีมชฺฌํ คนฺตฺวา มชฺฌมชฺฌฏฺาเนเนว ชวสมฺปนฺโน อสฺโส วิย อสีติหตฺถมตฺตฏฺานํ ปฏิโสตํ คนฺตฺวา เอกสฺมึ อาวฏฺเฏ นิมุชฺชิตฺวา กาฬนาคราชภวนํ คนฺตฺวา ติณฺณํ พุทฺธานํ ปริโภคปาติโย ‘‘กิลิ กิลี’’ติ รวํ การยมานา ปหริตฺวาว ตาสํ สพฺพเหฏฺิมา หุตฺวา อฏฺาสิ. กาโฬ นาคราชา ตํ สทฺทํ สุตฺวา ‘‘หิยฺโย เอโก พุทฺโธ นิพฺพตฺโต, ปุน อชฺช เอโก นิพฺพตฺโต’’ติ วตฺวา อเนเกหิ ปทสเตหิ ถุติโย วทมาโน อุฏฺาสิ. ตสฺส กิร มหาปถวิยา เอกโยชนติคาวุตปฺปมาณํ นภํ ปูเรตฺวา อาโรหนกาโล ‘‘อชฺช วา หิยฺโย วา’’ติ สทิโส อโหสิ.

โพธิสตฺโตปิ นทีตีรมฺหิ สุปุปฺผิตสาลวเน ทิวาวิหารํ กตฺวา สายนฺหสมเย ปุปฺผานํ วณฺฏโต มุจฺจนกาเล เทวตาหิ อลงฺกเตน อฏฺูสภวิตฺถาเรน มคฺเคน สีโห วิย วิชมฺภมาโน โพธิรุกฺขาภิมุโข ปายาสิ. นาคยกฺขสุปณฺณาทโย ทิพฺเพหิ คนฺธปุปฺผาทีหิ ปูชยึสุ, ทิพฺพสงฺคีตาทีนิ ปวตฺตยึสุ, ทสสหสฺสี โลกธาตุ เอกคนฺธา เอกมาลา เอกสาธุการา อโหสิ. ตสฺมึ สมเย โสตฺถิโย นาม ติณหารโก ติณํ อาทาย ปฏิปเถ อาคจฺฉนฺโต มหาปุริสสฺส อาการํ ตฺวา อฏฺ ติณมุฏฺิโย อทาสิ. โพธิสตฺโต ติณํ คเหตฺวา โพธิมณฺฑํ อารุยฺห ทกฺขิณทิสาภาเค อุตฺตราภิมุโข อฏฺาสิ. ตสฺมึ ขเณ ทกฺขิณจกฺกวาฬํ โอสีทิตฺวา เหฏฺา อวีจิสมฺปตฺตํ วิย อโหสิ, อุตฺตรจกฺกวาฬํ อุลฺลงฺฆิตฺวา อุปริ ภวคฺคปฺปตฺตํ วิย อโหสิ. โพธิสตฺโต ‘‘อิทํ สมฺโพธึ ปาปุณนฏฺานํ น ภวิสฺสติ มฺเ’’ติ ปทกฺขิณํ กโรนฺโต ปจฺฉิมทิสาภาคํ คนฺตฺวา ปุรตฺถาภิมุโข อฏฺาสิ, ตโต ปจฺฉิมจกฺกวาฬํ โอสีทิตฺวา เหฏฺา อวีจิสมฺปตฺตํ วิย อโหสิ, ปุรตฺถิมจกฺกวาฬํ อุลฺลงฺฆิตฺวา อุปริ ภวคฺคปฺปตฺตํ วิย อโหสิ. ิตฏฺิตฏฺาเน กิรสฺส เนมิวฏฺฏิปริยนฺเต อกฺกนฺเต นาภิยา ปติฏฺิตมหาสกฏจกฺกํ วิย มหาปถวี โอนตุนฺนตา อโหสิ. โพธิสตฺโต ‘‘อิทมฺปิ สมฺโพธึ ปาปุณนฏฺานํ น ภวิสฺสติ มฺเ’’ติ ปทกฺขิณํ กโรนฺโต อุตฺตรทิสาภาคํ คนฺตฺวา ทกฺขิณาภิมุโข อฏฺาสิ, ตโต อุตฺตรจกฺกวาฬํ โอสีทิตฺวา เหฏฺา อวีจิสมฺปตฺตํ วิย อโหสิ, ทกฺขิณจกฺกวาฬํ อุลฺลงฺฆิตฺวา อุปริ ภวคฺคปฺปตฺตํ วิย อโหสิ. โพธิสตฺโต ‘‘อิทมฺปิ สมฺโพธึ ปาปุณนฏฺานํ น ภวิสฺสติ มฺเ’’ติ ปทกฺขิณํ กโรนฺโต ปุรตฺถิมทิสาภาคํ คนฺตฺวา ปจฺฉิมาภิมุโข อฏฺาสิ. ปุรตฺถิมทิสาภาเค ปน สพฺพพุทฺธานํ ปลฺลงฺกฏฺานํ, ตํ เนว ฉมฺภติ, น กมฺปติ. มหาสตฺโต ‘‘อิทํ สพฺพพุทฺธานํ อวิชหิตํ อจลฏฺานํ กิเลสปฺชรวิทฺธํสนฏฺาน’’นฺติ ตฺวา ตานิ ติณานิ อคฺเค คเหตฺวา จาเลสิ, ตาวเทว จุทฺทสหตฺโถ ปลฺลงฺโก อโหสิ. ตานิปิ โข ติณานิ ตถารูเปน สณฺาเนน สณฺหึสุ, ยถารูปํ สุกุสโลปิ จิตฺตกาโร วา โปตฺถกาโร วา อาลิขิตุมฺปิ สมตฺโถ นตฺถิ. โพธิสตฺโต โพธิกฺขนฺธํ ปิฏฺิโต กตฺวา ปุรตฺถาภิมุโข ทฬฺหมานโส หุตฺวา –

‘‘กามํ ตโจ จ นฺหารุ จ, อฏฺิ จ อวสิสฺสตุ;

อุปสุสฺสตุ นิสฺเสสํ, สรีเร มํสโลหิตํ’’.

ตฺเววาหํ สมฺมาสมฺโพธึ อปฺปตฺวา อิมํ ปลฺลงฺกํ ภินฺทิสฺสามีติ อสนิสตสนฺนิปาเตนปิ อเภชฺชรูปํ อปราชิตปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา นิสีทิ.

ตสฺมึ สมเย มาโร เทวปุตฺโต ‘‘สิทฺธตฺถกุมาโร มยฺหํ วสํ อติกฺกมิตุกาโม, น ทานิสฺส อติกฺกมิตุํ ทสฺสามี’’ติ มารพลสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา เอตมตฺถํ อาโรเจตฺวา มารโฆสนํ นาม โฆสาเปตฺวา มารพลํ อาทาย นิกฺขมิ. สา มารเสนา มารสฺส ปุรโต ทฺวาทสโยชนา โหติ, ทกฺขิณโต จ วามโต จ ทฺวาทสโยชนา, ปจฺฉโต ยาว จกฺกวาฬปริยนฺตํ กตฺวา ิตา, อุทฺธํ นวโยชนุพฺเพธา, ยสฺสา อุนฺนทนฺติยา อุนฺนาทสทฺโท โยชนสหสฺสโต ปฏฺาย ปถวิอุนฺทฺริยนสทฺโท วิย สุยฺยติ. อถ มาโร เทวปุตฺโต ทิยฑฺฒโยชนสติกํ คิริเมขลํ นาม หตฺถึ อภิรุหิตฺวา พาหุสหสฺสํ มาเปตฺวา นานาวุธานิ อคฺคเหสิ. อวเสสายปิ มารปริสาย ทฺเว ชนา เอกสทิสํ อาวุธํ น คณฺหึสุ, นานปฺปการวณฺณา นานปฺปการมุขา หุตฺวา มหาสตฺตํ อชฺโฌตฺถรมานา อาคมึสุ.

ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตา ปน มหาสตฺตสฺส ถุติโย วทมานา อฏฺํสุ. สกฺโก เทวราชา วิชยุตฺตรสงฺขํ ธมมาโน อฏฺาสิ. โส กิร สงฺโข วีสหตฺถสติโก โหติ. สกึ วาตํ คาหาเปตฺวา ธมนฺโต จตฺตาโร มาเส สทฺทํ กริตฺวา นิสฺสทฺโท โหติ. มหากาฬนาคราชา อติเรกปทสเตน วณฺณํ วทนฺโต อฏฺาสิ, มหาพฺรหฺมา เสตจฺฉตฺตํ ธารยมาโน อฏฺาสิ. มารพเล ปน โพธิมณฺฑํ อุปสงฺกมนฺเต เตสํ เอโกปิ าตุํ นาสกฺขิ, สมฺมุขสมฺมุขฏฺาเนเนว ปลายึสุ. กาโฬ นาคราชา ปถวิยํ นิมุชฺชิตฺวา ปฺจโยชนสติกํ มฺเชริกนาคภวนํ คนฺตฺวา อุโภหิ หตฺเถหิ มุขํ ปิทหิตฺวา นิปนฺโน. สกฺโก วิชยุตฺตรสงฺขํ ปิฏฺิยํ กตฺวา จกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ อฏฺาสิ. มหาพฺรหฺมา เสตจฺฉตฺตํ จกฺกวาฬโกฏิยํ เปตฺวา พฺรหฺมโลกเมว อคมาสิ. เอกา เทวตาปิ าตุํ สมตฺถา นาโหสิ, มหาปุริโส เอกโกว นิสีทิ.

มาโรปิ อตฺตโน ปริสํ อาห ‘‘ตาตา สุทฺโธทนปุตฺเตน สิทฺธตฺเถน สทิโส อฺโ ปุริโส นาม นตฺถิ, มยํ สมฺมุขา ยุทฺธํ ทาตุํ น สกฺขิสฺสาม, ปจฺฉาภาเคน ทสฺสามา’’ติ. มหาปุริโสปิ ตีณิ ปสฺสานิ โอโลเกตฺวา สพฺพเทวตานํ ปลาตตฺตา สุฺานิ อทฺทส. ปุน อุตฺตรปสฺเสน มารพลํ อชฺโฌตฺถรมานํ ทิสฺวา ‘‘อยํ เอตฺตโก ชโน มํ เอกกํ สนฺธาย มหนฺตํ วายามํ ปรกฺกมํ กโรติ, อิมสฺมึ าเน มยฺหํ มาตา วา ปิตา วา ภาตา วา อฺโ วา โกจิ าตโก นตฺถิ, อิมา ปน ทส ปารมิโยว มยฺหํ ทีฆรตฺตํ ปุฏฺปริชนสทิสา, ตสฺมา ปารมิโยว ผลกํ กตฺวา ปารมิสตฺเถเนว ปหริตฺวา อยํ พลกาโย มยา วิทฺธํเสตุํ วฏฺฏตี’’ติ ทส ปารมิโย อาวชฺชมาโน นิสีทิ.

อถ โข มาโร เทวปุตฺโต ‘‘เอเตเนว สิทฺธตฺถํ ปลาเปสฺสามี’’ติ วาตมณฺฑลํ สมุฏฺาเปสิ. ตงฺขณํเยว ปุรตฺถิมาทิเภทา วาตา สมุฏฺหิตฺวา อฑฺฒโยชนเอกโยชนทฺวิโยชนติโยชนปฺปมาณานิ ปพฺพตกูฏานิ ปทาเลตฺวา วนคจฺฉรุกฺขาทีนิ อุมฺมูเลตฺวา สมนฺตา คามนิคเม จุณฺณวิจุณฺณํ กาตุํ สมตฺถาปิ มหาปุริสสฺส ปุฺเตเชน วิหตานุภาวา โพธิสตฺตํ ปตฺวา จีวรกณฺณมตฺตมฺปิ จาเลตุํ นาสกฺขึสุ. ตโต ‘‘อุทเกน น อชฺโฌตฺถริตฺวา มาเรสฺสามี’’ติ มหาวสฺสํ สมุฏฺาเปสิ. ตสฺสานุภาเวน อุปรูปริ สตปฏลสหสฺสปฏลาทิเภทา วลาหกา อุฏฺหิตฺวา วสฺสึสุ. วุฏฺิธาราเวเคน ปถวี ฉิทฺทา อโหสิ. วนรุกฺขาทีนํ อุปริภาเคน มหาเมโฆ อาคนฺตฺวา มหาสตฺตสฺส จีวเร อุสฺสาวพินฺทุฏฺานมตฺตมฺปิ เตเมตุํ นาสกฺขิ. ตโต ปาสาณวสฺสํ สมุฏฺาเปสิ. มหนฺตานิ มหนฺตานิ ปพฺพตกูฏานิ ธูมายนฺตานิ ปชฺชลนฺตานิ อากาเสนาคนฺตฺวา โพธิสตฺตํ ปตฺวา ทิพฺพมาลาคุฬภาวํ อาปชฺชึสุ. ตโต ปหรณวสฺสํ สมุฏฺาเปสิ. เอกโตธาราอุภโตธาราอสิสตฺติขุรปฺปาทโย ธูมายนฺตา ปชฺชลนฺตา อากาเสนาคนฺตฺวา โพธิสตฺตํ ปตฺวา ทิพฺพปุปฺผานิ อเหสุํ. ตโต องฺคารวสฺสํ สมุฏฺาเปสิ. กึสุกวณฺณา องฺคารา อากาเสนาคนฺตฺวา โพธิสตฺตสฺส ปาทมูเล ทิพฺพปุปฺผานิ หุตฺวา วิกิรึสุ. ตโต กุกฺกุฬวสฺสํ สมุฏฺาเปสิ. อจฺจุณฺโห อคฺคิวณฺโณ กุกฺกุโฬ อากาเสนาคนฺตฺวา โพธิสตฺตสฺส ปาทมูเล ทิพฺพจนฺทนจุณฺณํ หุตฺวา นิปติ. ตโต วาลุกาวสฺสํ สมุฏฺาเปสิ. อติสุขุมวาลุกา ธูมายนฺตา ปชฺชลนฺตา อากาเสนาคนฺตฺวา โพธิสตฺตสฺส ปาทมูเล ทิพฺพปุปฺผานิ หุตฺวา นิปตึสุ. ตโต กลลวสฺสํ สมุฏฺาเปสิ. ตํ กลลํ ธูมายนฺตํ ปชฺชลนฺตํ อากาเสนาคนฺตฺวา โพธิสตฺตสฺส ปาทมูเล ทิพฺพวิเลปนํ หุตฺวา นิปติ. ตโต ‘‘อิมินา ภึเสตฺวา สิทฺธตฺถํ ปลาเปสฺสามี’’ติ อนฺธการํ สมุฏฺาเปสิ. ตํ จตุรงฺคสมนฺนาคตํ วิย มหาตมํ หุตฺวา โพธิสตฺตํ ปตฺวา สูริยปฺปภาวิหตํ วิย อนฺธการํ อนฺตรธายิ.

เอวํ มาโร อิมาหิ นวหิ วาตวสฺสปาสาณปหรณองฺคารกุกฺกุฬวาลุกากลลอนฺธการวุฏฺีหิ โพธิสตฺตํ ปลาเปตุํ อสกฺโกนฺโต ‘‘กึ ภเณ, ติฏฺถ, อิมํ สิทฺธตฺถกุมารํ คณฺหถ หนถ ปลาเปถา’’ติ ปริสํ อาณาเปตฺวา สยมฺปิ คิริเมขลสฺส หตฺถิโน ขนฺเธ นิสินฺโน จกฺกาวุธํ อาทาย โพธิสตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘สิทฺธตฺถ อุฏฺาหิ เอตสฺมา ปลฺลงฺกา, นายํ ตุยฺหํ ปาปุณาติ, มยฺหํ เอว ปาปุณาตี’’ติ อาห. มหาสตฺโต ตสฺส วจนํ สุตฺวา อโวจ – ‘‘มาร, เนว ตยา ทส ปารมิโย ปูริตา, น อุปปารมิโย, น ปรมตฺถปารมิโย, นาปิ ปฺจ มหาปริจฺจาคา ปริจฺจตฺตา, น าตตฺถจริยา, น โลกตฺถจริยา, น พุทฺธิจริยา ปูริตา, สพฺพา ตา มยาเยว ปูริตา, ตสฺมา นายํ ปลฺลงฺโก ตุยฺหํ ปาปุณาติ, มยฺเหเวโส ปาปุณาตี’’ติ.

มาโร กุทฺโธ โกธเวคํ อสหนฺโต มหาปุริสสฺส จกฺกาวุธํ วิสฺสชฺเชสิ. ตํ ตสฺส ทส ปารมิโย อาวชฺเชนฺตสฺส อุปริภาเค มาลาวิตานํ หุตฺวา อฏฺาสิ. ตํ กิร ขุรธารจกฺกาวุธํ อฺทา เตน กุทฺเธน วิสฺสฏฺํ เอกฆนปาสาณตฺถมฺเภ วํสกฬีเร วิย ฉินฺทนฺตํ คจฺฉติ, อิทานิ ปน ตสฺมึ มาลาวิตานํ หุตฺวา ิเต อวเสสา มารปริสา ‘‘อิทานิ ปลฺลงฺกโต วุฏฺาย ปลายิสฺสตี’’ติ มหนฺตมหนฺตานิ เสลกูฏานิ วิสฺสชฺเชสุํ. ตานิปิ มหาปุริสสฺส ทส ปารมิโย อาวชฺเชนฺตสฺส มาลาคุฬภาวํ อาปชฺชิตฺวา ภูมิยํ ปตึสุ. เทวตา จกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ ิตา คีวํ ปสาเรตฺวา สีสํ อุกฺขิปิตฺวา ‘‘นฏฺโ วต โส สิทฺธตฺถกุมารสฺส รูปคฺคปฺปตฺโต อตฺตภาโว, กึ นุ โข กริสฺสตี’’ติ โอโลเกนฺติ.

ตโต มหาปุริโส ‘‘ปูริตปารมีนํ โพธิสตฺตานํ อภิสมฺพุชฺฌนทิวเส ปตฺตปลฺลงฺโก มยฺหํว ปาปุณาตี’’ติ วตฺวา ิตํ มารํ อาห – ‘‘มาร ตุยฺหํ ทานสฺส ทินฺนภาเว โก สกฺขี’’ติ. มาโร ‘‘อิเม เอตฺตกา ชนา สกฺขิโน’’ติ มารพลาภิมุขํ หตฺถํ ปสาเรสิ. ตสฺมึ ขเณ มารปริสาย ‘‘อหํ สกฺขี, อหํ สกฺขี’’ติ ปวตฺตสทฺโท ปถวิอุนฺทฺริยนสทฺทสทิโส อโหสิ. อถ มาโร มหาปุริสํ อาห ‘‘สิทฺธตฺถ, ตุยฺหํ ทานสฺส ทินฺนภาเว โก สกฺขี’’ติ. มหาปุริโส ‘‘ตุยฺหํ ตาว ทานสฺส ทินฺนภาเว สเจตนา สกฺขิโน, มยฺหํ ปน อิมสฺมึ าเน สเจตโน โกจิ สกฺขี นาม นตฺถิ, ติฏฺตุ ตาว เม อวเสสตฺตภาเวสุ ทินฺนทานํ, เวสฺสนฺตรตฺตภาเว ปน ตฺวา มยฺหํ สตฺตสตกมหาทานสฺส ทินฺนภาเว อยํ อเจตนาปิ ฆนมหาปถวี สกฺขี’’ติ จีวรคพฺภนฺตรโต ทกฺขิณหตฺถํ อภินีหริตฺวา ‘‘เวสฺสนฺตรตฺตภาเว ตฺวา มยฺหํ สตฺตสตกมหาทานสฺส ทินฺนภาเว ตฺวํ สกฺขี น สกฺขี’’ติ มหาปถวิอภิมุขํ หตฺถํ ปสาเรสิ. มหาปถวี ‘‘อหํ เต ตทา สกฺขี’’ติ วิรวสเตน วิรวสหสฺเสน วิรวสตสหสฺเสน มารพลํ อวตฺถรมานา วิย อุนฺนทิ.

ตโต มหาปุริเส ‘‘ทินฺนํ เต สิทฺธตฺถ มหาทานํ อุตฺตมทาน’’นฺติ เวสฺสนฺตรทานํ สมฺมสนฺเต ทิยฑฺฒโยชนสติโก คิริเมขลหตฺถี ชณฺณุเกหิ ปถวิยํ ปติฏฺาสิ, มารปริสา ทิสาวิทิสา ปลายิ, ทฺเว เอกมคฺเคน คตา นาม นตฺถิ, สีสาภรณานิ เจว นิวตฺถวตฺถานิ จ ปหาย สมฺมุขสมฺมุขทิสาหิเยว ปลายึสุ. ตโต เทวสงฺฆา ปลายมานํ มารพลํ ทิสฺวา ‘‘มารสฺส ปราชโย ชาโต, สิทฺธตฺถกุมารสฺส ชโย, ชยปูชํ กริสฺสามา’’ติ นาคา นาคานํ, สุปณฺณา สุปณฺณานํ, เทวตา เทวตานํ, พฺรหฺมาโน พฺรหฺมานํ, อุคฺโฆเสตฺวา คนฺธมาลาทิหตฺถา มหาปุริสสฺส สนฺติกํ โพธิปลฺลงฺกํ อคมํสุ.

เอวํ คเตสุ จ ปน เตสุ –

‘‘ชโย หิ พุทฺธสฺส สิรีมโต อยํ, มารสฺส จ ปาปิมโต ปราชโย;

อุคฺโฆสยุํ โพธิมณฺเฑ ปโมทิตา, ชยํ ตทา นาคคณา มเหสิโน.

‘‘ชโย หิ พุทฺธสฺส สิรีมโต อยํ, มารสฺส จ ปาปิมโต ปราชโย;

อุคฺโฆสยุํ โพธิมณฺเฑ ปโมทิตา, สุปณฺณสงฺฆาปิ ชยํ มเหสิโน.

‘‘ชโย หิ พุทฺธสฺส สิรีมโต อยํ, มารสฺส จ ปาปิมโต ปราชโย;

อุคฺโฆสยุํ โพธิมณฺเฑ ปโมทิตา, ชยํ ตทา เทวคณา มเหสิโน.

‘‘ชโย หิ พุทฺธสฺส สิรีมโต อยํ, มารสฺส จ ปาปิมโต ปราชโย;

อุคฺโฆสยุํ โพธิมณฺเฑ ปโมทิตา, ชยํ ตทา พฺรหฺมคณาปิ ตาทิโน’’ติ.

อวเสสา ทสสุ จกฺกวาฬสหสฺเสสุ เทวตา มาลาคนฺธวิเลปเนหิ จ ปูชยมานา นานปฺปการา ถุติโย จ วทมานา อฏฺํสุ. เอวํ อนตฺถงฺคเตเยว สูริเย มหาปุริโส มารพลํ วิธเมตฺวา จีวรูปริ ปตมาเนหิ โพธิรุกฺขงฺกุเรหิ รตฺตปวาฬปลฺลเวหิ วิย ปูชิยมาโน ปมยาเม ปุพฺเพนิวาสาณํ อนุสฺสริตฺวา, มชฺฌิมยาเม ทิพฺพจกฺขุํ วิโสเธตฺวา, ปจฺฉิมยาเม ปฏิจฺจสมุปฺปาเท าณํ โอตาเรสิ. อถสฺส ทฺวาทสปทิกํ ปจฺจยาการํ วฏฺฏวิวฏฺฏวเสน อนุโลมปฏิโลมโต สมฺมสนฺตสฺส ทสสหสฺสี โลกธาตุ อุทกปริยนฺตํ กตฺวา ทฺวาทสกฺขตฺตุํ สมฺปกมฺปิ.

มหาปุริเส ปน ทสสหสฺสิโลกธาตุํ อุนฺนาเทตฺวา อรุณุคฺคมนเวลาย สพฺพฺุตฺาณํ ปฏิวิชฺฌนฺเต สกลทสสหสฺสี โลกธาตุ อลงฺกตปฏิยตฺตา อโหสิ. ปาจีนจกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ อุสฺสาปิตานํ ธชานํ ปฏากานํ รํสิโย ปจฺฉิมจกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ ปหรนฺติ, ตถา ปจฺฉิมจกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ อุสฺสาปิตานํ ปาจีนจกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ, ทกฺขิณจกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ อุสฺสาปิตานํ อุตฺตรจกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ, อุตฺตรจกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ อุสฺสาปิตานํ ทกฺขิณจกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ ปหรนฺติ, ปถวิตเล อุสฺสาปิตานํ ปน ธชานํ ปฏากานํ พฺรหฺมโลกํ อาหจฺจ อฏฺํสุ, พฺรหฺมโลเก พทฺธานํ ปถวิตเล ปติฏฺหึสุ, ทสสหสฺสจกฺกวาเฬสุ ปุปฺผูปครุกฺขา ปุปฺผํ คณฺหึสุ, ผลูปครุกฺขา ผลปิณฺฑีภารภริตา อเหสุํ. ขนฺเธสุ ขนฺธปทุมานิ ปุปฺผึสุ, สาขาสุ สาขาปทุมานิ, ลตาสุ ลตาปทุมานิ, อากาเส โอลมฺพกปทุมานิ, สิลาตลานิ ภินฺทิตฺวา อุปรูปริ สตฺต สตฺต หุตฺวา ทณฺฑกปทุมานิ อุฏฺหึสุ. ทสสหสฺสี โลกธาตุ วฏฺเฏตฺวา วิสฺสฏฺมาลาคุฬา วิย สุสนฺถตปุปฺผสนฺถาโร วิย จ อโหสิ. จกฺกวาฬนฺตเรสุ อฏฺโยชนสหสฺสโลกนฺตริกา สตฺตสูริยปฺปภายปิ อโนภาสิตปุพฺพา เอโกภาสา อเหสุํ, จตุราสีติโยชนสหสฺสคมฺภีโร มหาสมุทฺโท มธุโรทโก อโหสิ, นทิโย นปฺปวตฺตึสุ, ชจฺจนฺธา รูปานิ ปสฺสึสุ, ชาติพธิรา สทฺทํ สุณึสุ, ชาติปีสปฺปิโน ปทสา คจฺฉึสุ, อนฺทุพนฺธนาทีนิ ฉิชฺชิตฺวา ปตึสุ.

เอวํ อปริมาเณน สิริวิภเวน ปูชิยมาโน มหาปุริโส อเนกปฺปกาเรสุ อจฺฉริยธมฺเมสุ ปาตุภูเตสุ สพฺพฺุตฺาณํ ปฏิวิชฺฌิตฺวา สพฺพพุทฺธานํ อวิชหิตํ อุทานํ อุทาเนสิ –

‘‘อเนกชาติสํสารํ, สนฺธาวิสฺสํ อนิพฺพิสํ;

คหการํ คเวสนฺโต, ทุกฺขา ชาติ ปุนปฺปุนํ.

‘‘คหการก ทิฏฺโสิ, ปุน เคหํ น กาหสิ;

สพฺพา เต ผาสุกา ภคฺคา, คหกูฏํ วิสงฺขตํ;

วิสงฺขารคตํ จิตฺตํ, ตณฺหานํ ขยมชฺฌคา’’ติ. (ธ. ป. ๑๕๓-๑๕๔);

อิติ ตุสิตปุรโต ปฏฺาย ยาว อยํ โพธิมณฺเฑ สพฺพฺุตปฺปตฺติ, เอตฺตกํ านํ อวิทูเรนิทานํ นามาติ เวทิตพฺพํ.

อวิทูเรนิทานกถา นิฏฺิตา.

๓. สนฺติเกนิทานกถา

‘‘สนฺติเกนิทานํ ปน ‘ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. เวสาลิยํ วิหรติ มหาวเน กูฏาคารสาลาย’นฺติ เอวํ เตสุ เตสุ าเนสุ วิหรโต ตสฺมึ ตสฺมึ าเนเยว ลพฺภตี’’ติ วุตฺตํ. กิฺจาปิ เอวํ วุตฺตํ, อถ โข ปน ตมฺปิ อาทิโต ปฏฺาย เอวํ เวทิตพฺพํ – อุทานํ อุทาเนตฺวา ชยปลฺลงฺเก นิสินฺนสฺส หิ ภควโต เอตทโหสิ ‘‘อหํ กปฺปสตสหสฺสาธิกานิ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ อิมสฺส ปลฺลงฺกสฺส การณา สนฺธาวึ, เอตฺตกํ เม กาลํ อิมสฺเสว ปลฺลงฺกสฺส การณา อลงฺกตสีสํ คีวาย ฉินฺทิตฺวา ทินฺนํ, สุอฺชิตานิ อกฺขีนิ หทยมํสฺจ อุพฺพฏฺเฏตฺวา ทินฺนํ, ชาลีกุมารสทิสา ปุตฺตา กณฺหาชินกุมาริสทิสา ธีตโร มทฺทีเทวิสทิสา ภริยาโย จ ปเรสํ ทาสตฺถาย ทินฺนา, อยํ เม ปลฺลงฺโก ชยปลฺลงฺโก วรปลฺลงฺโก จ. เอตฺถ เม นิสินฺนสฺส สงฺกปฺปา ปริปุณฺณา, น ตาว อิโต อุฏฺหิสฺสามี’’ติ อเนกโกฏิสตสหสฺสา สมาปตฺติโย สมาปชฺชนฺโต สตฺตาหํ ตตฺเถว นิสีทิ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อถ โข ภควา สตฺตาหํ เอกปลฺลงฺเกน นิสีทิ วิมุตฺติสุขปฏิสํเวที’’ติ (อุทา. ๑; มหาว. ๑).

อถ เอกจฺจานํ เทวตานํ ‘‘อชฺชาปิ นูน สิทฺธตฺถสฺส กตฺตพฺพกิจฺจํ อตฺถิ, ปลฺลงฺกสฺมิฺหิ อาลยํ น วิชหตี’’ติ ปริวิตกฺโก อุทปาทิ. สตฺถา เทวตานํ ปริวิตกฺกํ ตฺวา ตาสํ วิตกฺกวูปสมนตฺถํ เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ยมกปาฏิหาริยํ ทสฺเสสิ. มหาโพธิมณฺฑสฺมิฺหิ กตปาฏิหาริยฺจ, าติสมาคเม กตปาฏิหาริยฺจ, ปาถิกปุตฺตสมาคเม กตปาฏิหาริยฺจ, สพฺพํ กณฺฑมฺพรุกฺขมูเล ยมกปาฏิหาริยสทิสํ อโหสิ.

เอวํ สตฺถา อิมินา ปาฏิหาริเยน เทวตานํ วิตกฺกํ วูปสเมตฺวา ปลฺลงฺกโต อีสกํ ปาจีนนิสฺสิเต อุตฺตรทิสาภาเค ตฺวา ‘‘อิมสฺมึ วต เม ปลฺลงฺเก สพฺพฺุตฺาณํ ปฏิวิทฺธ’’นฺติ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ กปฺปสตสหสฺสฺจ ปูริตานํ ปารมีนํ ผลาธิคมฏฺานํ ปลฺลงฺกํ โพธิรุกฺขฺจ อนิมิเสหิ อกฺขีหิ โอโลกยมาโน สตฺตาหํ วีตินาเมสิ, ตํ านํ อนิมิสเจติยํ นาม ชาตํ. อถ ปลฺลงฺกสฺส จ ิตฏฺานสฺส จ อนฺตรา จงฺกมํ มาเปตฺวา ปุรตฺถิมปจฺฉิมโต อายเต รตนจงฺกเม จงฺกมนฺโต สตฺตาหํ วีตินาเมสิ, ตํ านํ รตนจงฺกมเจติยํ นาม ชาตํ.

จตุตฺเถ ปน สตฺตาเห โพธิโต ปจฺฉิมุตฺตรทิสาภาเค เทวตา รตนฆรํ มาปยึสุ, ตตฺถ ปลฺลงฺเกน นิสีทิตฺวา อภิธมฺมปิฏกํ วิเสสโต เจตฺถ อนนฺตนยํ สมนฺตปฏฺานํ วิจินนฺโต สตฺตาหํ วีตินาเมสิ. อาภิธมฺมิกา ปนาหุ ‘‘รตนฆรํ นาม น สตฺตรตนมยํ เคหํ, สตฺตนฺนํ ปน ปกรณานํ สมฺมสิตฏฺานํ ‘รตนฆร’นฺติ วุจฺจตี’’ติ. ยสฺมา ปเนตฺถ อุโภเปเต ปริยายา ยุชฺชนฺติ, ตสฺมา อุภยมฺเปตํ คเหตพฺพเมว. ตโต ปฏฺาย ปน ตํ านํ รตนฆรเจติยํ นาม ชาตํ. เอวํ โพธิสมีเปเยว จตฺตาริ สตฺตาหานิ วีตินาเมตฺวา ปฺจเม สตฺตาเห โพธิรุกฺขมูลา เยน อชปาลนิคฺโรโธ เตนุปสงฺกมิ, ตตฺราปิ ธมฺมํ วิจินนฺโตเยว วิมุตฺติสุขํ ปฏิสํเวเทนฺโต นิสีทิ.

ตสฺมึ สมเย มาโร เทวปุตฺโต ‘‘เอตฺตกํ กาลํ อนุพนฺธนฺโต โอตาราเปกฺโขปิ อิมสฺส น กิฺจิ ขลิตํ อทฺทสํ, อติกฺกนฺโตทานิ เอส มม วส’’นฺติ โทมนสฺสปฺปตฺโต มหามคฺเค นิสีทิตฺวา โสฬส การณานิ จินฺเตนฺโต ภูมิยํ โสฬส เลขา กฑฺฒิ – ‘‘อหํ เอโส วิย ทานปารมึ น ปูเรสึ, เตนมฺหิ อิมินา สทิโส น ชาโต’’ติ เอกํ เลขํ กฑฺฒิ. ตถา ‘‘อหํ เอโส วิย สีลปารมึ, เนกฺขมฺมปารมึ, ปฺาปารมึ, วีริยปารมึ, ขนฺติปารมึ, สจฺจปารมึ, อธิฏฺานปารมึ, เมตฺตาปารมึ, อุเปกฺขาปารมึ น ปูเรสึ, เตนมฺหิ อิมินา สทิโส น ชาโต’’ติ ทสมํ เลขํ กฑฺฒิ. ตถา ‘‘อหํ เอโส วิย อสาธารณสฺส อินฺทฺริยปโรปริยตฺตาณสฺส ปฏิเวธาย อุปนิสฺสยภูตา ทส ปารมิโย น ปูเรสึ, เตนมฺหิ อิมินา สทิโส น ชาโต’’ติ เอกาทสมํ เลขํ กฑฺฒิ. ตถา ‘‘อหํ เอโส วิย อสาธารณสฺส อาสยานุสยาณสฺส, มหากรุณาสมาปตฺติาณสฺส, ยมกปาฏิหีราณสฺส, อนาวรณาณสฺส, สพฺพฺุตฺาณสฺส ปฏิเวธาย อุปนิสฺสยภูตา ทส ปารมิโย น ปูเรสึ, เตนมฺหิ อิมินา สทิโส น ชาโต’’ติ โสฬสมํ เลขํ กฑฺฒิ. เอวํ อิเมหิ การเณหิ มหามคฺเค โสฬส เลขา กฑฺฒมาโน นิสีทิ.

ตสฺมึ สมเย ตณฺหา, อรติ, รคาติ ติสฺโส มารธีตโร ‘‘ปิตา โน น ปฺายติ, กหํ นุ โข เอตรหี’’ติ โอโลกยมานา ตํ โทมนสฺสปฺปตฺตํ ภูมึ วิเลขมานํ นิสินฺนํ ทิสฺวา ปิตุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘กสฺมา, ตาต, ทุกฺขี ทุมฺมโน’’ติ ปุจฺฉึสุ. อมฺมา, อยํ มหาสมโณ มยฺหํ วสํ อติกฺกนฺโต, เอตฺตกํ กาลํ โอโลเกนฺโต โอตารมสฺส ทฏฺุํ นาสกฺขึ, เตนาหํ ทุกฺขี ทุมฺมโนติ. ยทิ เอวํ มา จินฺตยิตฺถ, มยเมตํ อตฺตโน วเส กตฺวา อาทาย อาคมิสฺสามาติ. น สกฺกา, อมฺมา, เอโส เกนจิ วเส กาตุํ, อจลาย สทฺธาย ปติฏฺิโต เอโส ปุริโสติ. ‘‘ตาต มยํ อิตฺถิโย นาม อิทาเนว นํ ราคปาสาทีหิ พนฺธิตฺวา อาเนสฺสาม, ตุมฺเห มา จินฺตยิตฺถา’’ติ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ปาเท เต สมณ ปริจาเรมา’’ติ อาหํสุ. ภควา ว ตาสํ วจนํ มนสิ อกาสิ, น อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา โอโลเกสิ, อนุตฺตเร อุปธิสงฺขเย วิมุตฺตมานโส วิเวกสุขฺเว อนุภวนฺโต นิสีทิ.

ปุน มารธีตโร ‘‘อุจฺจาวจา โข ปุริสานํ อธิปฺปายา, เกสฺจิ กุมาริกาสุ เปมํ โหติ, เกสฺจิ ปมวเย ิตาสุ, เกสฺจิ มชฺฌิมวเย ิตาสุ, ยํนูน มยํ นานปฺปกาเรหิ รูเปหิ ปโลเภยฺยามา’’ติ เอกเมกา กุมาริวณฺณาทิวเสน สตํ สตํ อตฺตภาเว อภินิมฺมินิตฺวา กุมาริโย, อวิชาตา, สกึวิชาตา, ทุวิชาตา, มชฺฌิมิตฺถิโย, มหิตฺถิโย จ หุตฺวา ฉกฺขตฺตุํ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ปาเท เต สมณ ปริจาเรมา’’ติ อาหํสุ. ตมฺปิ ภควา น มนสากาสิ, ยถา ตํ อนุตฺตเร อุปธิสงฺขเยว วิมุตฺโต. เกจิ ปนาจริยา วทนฺติ ‘‘ตา มหิตฺถิภาเวน อุปคตา ทิสฺวา ภควา ‘เอวเมวํ เอตา ขณฺฑทนฺตา ปลิตเกสา โหนฺตู’ติ อธิฏฺาสี’’ติ, ตํ น คเหตพฺพํ. น หิ สตฺถา เอวรูปํ อธิฏฺานํ กโรติ. ภควา ปน ‘‘อเปถ ตุมฺเห, กึ ทิสฺวา เอวํ วายมถ, เอวรูปํ นาม อวีตราคาทีนํ ปุรโต กาตุํ ยุตฺตํ, ตถาคตสฺส ปน ราโค ปหีโน, โทโส ปหีโน, โมโห ปหีโน’’ติ อตฺตโน กิเลสปฺปหานํ อารพฺภ –

‘‘ยสฺส ชิตํ นาวชียติ, ชิตมสฺส โนยาติ โกจิ โลเก;

ตํ พุทฺธมนนฺตโคจรํ, อปทํ เกน ปเทน เนสฺสถ.

‘‘ยสฺส ชาลินี วิสตฺติกา, ตณฺหา นตฺถิ กุหิฺจิ เนตเว;

ตํ พุทฺธมนนฺตโคจรํ, อปทํ เกน ปเทน เนสฺสถา’’ติ. (ธ. ป. ๑๗๙-๑๘๐) –

อิมา ธมฺมปเท พุทฺธวคฺเค ทฺเว คาถา วทนฺโต ธมฺมํ กเถสิ. ตา ‘‘สจฺจํ กิร โน ปิตา อโวจ, อรหํ สุคโต โลเก น ราเคน สุวานโย’’ติอาทีนิ วตฺวา ปิตุ สนฺติกํ อคมํสุ.

ภควาปิ ตตฺถ สตฺตาหํ วีตินาเมตฺวา มุจลินฺทมูลํ อคมาสิ. ตตฺถ สตฺตาหวทฺทลิกาย อุปฺปนฺนาย สีตาทิปฏิพาหนตฺถํ มุจลินฺเทน นาคราเชน สตฺตกฺขตฺตุํ โภเคหิ ปริกฺขิตฺโต อสมฺพาธาย คนฺธกุฏิยํ วิหรนฺโต วิย วิมุตฺติสุขํ ปฏิสํเวทิยมาโน สตฺตาหํ วีตินาเมตฺวา ราชายตนํ อุปสงฺกมิ, ตตฺถาปิ วิมุตฺติสุขํ ปฏิสํเวทิยมาโนเยว นิสีทิ. เอตฺตาวตา สตฺต สตฺตาหานิ ปริปุณฺณานิ. เอตฺถนฺตเร เนว มุขโธวนํ, น สรีรปฏิชคฺคนํ, น อาหารกิจฺจํ อโหสิ, ฌานสุขผลสุเขเนว วีตินาเมสิ.

อถสฺส ตสฺมึ สตฺตสตฺตาหมตฺถเก เอกูนปฺาสติเม ทิวเส ตตฺถ นิสินฺนสฺส ‘‘มุขํ โธวิสฺสามี’’ติ จิตฺตํ อุทปาทิ. สกฺโก เทวานมินฺโท อคทหรีฏกํ อาหริตฺวา อทาสิ, สตฺถา ตํ ปริภุฺชิ, เตนสฺส สรีรวฬฺชํ อโหสิ. อถสฺส สกฺโกเยว นาคลตาทนฺตกฏฺฺเจว มุขโธวนอุทกฺจ อทาสิ. สตฺถา ตํ ทนฺตกฏฺํ ขาทิตฺวา อโนตตฺตทโหทเกน มุขํ โธวิตฺวา ตตฺเถว ราชายตนมูเล นิสีทิ.

ตสฺมึ สมเย ตปุสฺสภลฺลิกา นาม ทฺเว วาณิชา ปฺจหิ สกฏสเตหิ อุกฺกลาชนปทา มชฺฌิมเทสํ คจฺฉนฺตา อตฺตโน าติสาโลหิตาย เทวตาย สกฏานิ สนฺนิรุมฺภิตฺวา สตฺถุ อาหารสมฺปาทเน อุสฺสาหิตา มนฺถฺจ มธุปิณฺฑิกฺจ อาทาย ‘‘ปฏิคฺคณฺหาตุ โน, ภนฺเต, ภควา อิมํ อาหารํ อนุกมฺปํ อุปาทายา’’ติ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา อฏฺํสุ. ภควา ปายาสปฏิคฺคหณทิวเสเยว ปตฺตสฺส อนฺตรหิตตฺตา ‘‘น โข ตถาคตา หตฺเถสุ ปฏิคฺคณฺหนฺติ, กิมฺหิ นุ โข อหํ ปฏิคฺคณฺเหยฺย’’นฺติ จินฺเตสิ. อถสฺส จิตฺตํ ตฺวา จตูหิ ทิสาหิ จตฺตาโร มหาราชาโน อินฺทนีลมณิมเย ปตฺเต อุปนาเมสุํ, ภควา เต ปฏิกฺขิปิ. ปุน มุคฺควณฺณเสลมเย จตฺตาโร ปตฺเต อุปนาเมสุํ. ภควา จตุนฺนมฺปิ เทวปุตฺตานํ อนุกมฺปาย จตฺตาโรปิ ปตฺเต ปฏิคฺคเหตฺวา อุปรูปริ เปตฺวา ‘‘เอโก โหตู’’ติ อธิฏฺาสิ, จตฺตาโรปิ มุขวฏฺฏิยํ ปฺายมานเลขา หุตฺวา มชฺฌิเมน ปมาเณน เอกตฺตํ อุปคมึสุ. ภควา ตสฺมึ ปจฺจคฺเฆ เสลมเย ปตฺเต อาหารํ ปฏิคฺคณฺหิตฺวา ปริภุฺชิตฺวา อนุโมทนํ อกาสิ. ทฺเว ภาตโร วาณิชา พุทฺธฺจ ธมฺมฺจ สรณํ คนฺตฺวา ทฺเววาจิกา อุปาสกา อเหสุํ. อถ เนสํ ‘‘เอกํ โน, ภนฺเต, ปริจริตพฺพฏฺานํ เทถา’’ติ วทนฺตานํ ทกฺขิณหตฺเถน อตฺตโน สีสํ ปรามสิตฺวา เกสธาตุโย อทาสิ. เต อตฺตโน นคเร ตา ธาตุโย สุวณฺณสมุคฺคสฺส อนฺโต ปกฺขิปิตฺวา เจติยํ ปติฏฺาเปสุํ.

สมฺมาสมฺพุทฺโธปิ โข ตโต อุฏฺาย ปุน อชปาลนิคฺโรธเมว คนฺตฺวา นิคฺโรธมูเล นิสีทิ. อถสฺส ตตฺถ นิสินฺนมตฺตสฺเสว อตฺตนา อธิคตสฺส ธมฺมสฺส คมฺภีรตํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส สพฺพพุทฺธานํ อาจิณฺโณ ‘‘อธิคโต โข มฺยายํ ธมฺโม’’ติ ปเรสํ ธมฺมํ อเทเสตุกมฺยตาการปวตฺโต วิตกฺโก อุทปาทิ. อถ พฺรหฺมา สหมฺปติ ‘‘นสฺสติ วต โภ โลโก, วินสฺสติ วต โภ โลโก’’ติ ทสหิ จกฺกวาฬสหสฺเสหิ สกฺกสุยามสนฺตุสิตสุนิมฺมิตวสวตฺติมหาพฺรหฺมาโน อาทาย สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘เทเสตุ, ภนฺเต, ภควา ธมฺม’’นฺติอาทินา นเยน ธมฺมเทสนํ อายาจิ.

สตฺถา ตสฺส ปฏิฺํ ทตฺวา ‘‘กสฺส นุ โข อหํ ปมํ ธมฺมํ เทเสยฺย’’นฺติ จินฺเตนฺโต ‘‘อาฬาโร ปณฺฑิโต, โส อิมํ ธมฺมํ ขิปฺปํ อาชานิสฺสตี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา ปุน โอโลเกนฺโต ตสฺส สตฺตาหกาลกตภาวํ ตฺวา อุทกํ อาวชฺเชสิ. ตสฺสาปิ อภิโทสกาลกตภาวํ ตฺวา ‘‘พหูปการา โข เม ปฺจวคฺคิยา ภิกฺขู’’ติ ปฺจวคฺคิเย อารพฺภ มนสิการํ กตฺวา ‘‘กหํ นุ โข เต เอตรหิ วิหรนฺตี’’ติ อาวชฺเชนฺโต ‘‘พาราณสิยํ อิสิปตเน มิคทาเย’’ติ ตฺวา ‘‘ตตฺถ คนฺตฺวา ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตสฺสามี’’ติ กติปาหํ โพธิมณฺฑสามนฺตาเยว ปิณฺฑาย จรนฺโต วิหริตฺวา อาสาฬฺหิปุณฺณมาสิยํ ‘‘พาราณสึ คมิสฺสามี’’ติ จาตุทฺทสิยํ ปจฺจูสสมเย วิภาตาย รตฺติยา กาลสฺเสว ปตฺตจีวรมาทาย อฏฺารสโยชนมคฺคํ ปฏิปนฺโน อนฺตรามคฺเค อุปกํ นาม อาชีวกํ ทิสฺวา ตสฺส อตฺตโน พุทฺธภาวํ อาจิกฺขิตฺวา ตํ ทิวสํเยว สายนฺหสมเย อิสิปตนํ อคมาสิ.

ปฺจวคฺคิยา เถรา ตถาคตํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ อาวุโส สมโณ โคตโม ปจฺจยพาหุลฺลาย อาวตฺติตฺวา ปริปุณฺณกาโย ปีณินฺทฺริโย สุวณฺณวณฺโณ หุตฺวา อาคจฺฉติ, อิมสฺส อภิวาทนาทีนิ น กริสฺสาม, มหากุลปสุโต โข ปเนส อาสนาภิหารํ อรหติ, เตนสฺส อาสนมตฺตํ ปฺาเปสฺสามา’’ติ กติกํ อกํสุ. ภควา สเทวกสฺส โลกสฺส จิตฺตาจารํ ชานนสมตฺเถน าเณน ‘‘กึ นุ โข อิเม จินฺตยึสู’’ติ อาวชฺเชตฺวา จิตฺตํ อฺาสิ. อถ เน สพฺพเทวมนุสฺเสสุ อโนทิสฺสกวเสน ผรณสมตฺถํ เมตฺตจิตฺตํ สงฺขิปิตฺวา โอทิสฺสกวเสน เมตฺตจิตฺเตน ผริ. เต ภควตา เมตฺตจิตฺเตน ผุฏฺา ตถาคเต อุปสงฺกมนฺเต สกาย กติกาย สณฺาตุํ อสกฺโกนฺตา อภิวาทนปจฺจุฏฺานาทีนิ สพฺพกิจฺจานิ อกํสุ, สมฺมาสมฺพุทฺธภาวํ ปนสฺส อชานมานา เกวลํ นาเมน จ อาวุโสวาเทน จ สมุทาจรนฺติ.

อถ เน ภควา ‘‘มา โว, ภิกฺขเว, ตถาคตํ นาเมน จ อาวุโสวาเทน จ สมุทาจรถ, อรหํ, ภิกฺขเว, ตถาคโต สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ อตฺตโน พุทฺธภาวํ สฺาเปตฺวา ปฺตฺเต วรพุทฺธาสเน นิสินฺโน อุตฺตราสาฬฺหนกฺขตฺตโยเค วตฺตมาเน อฏฺารสหิ พฺรหฺมโกฏีหิ ปริวุโต ปฺจวคฺคิเย เถเร อามนฺเตตฺวา ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสุตฺตนฺตํ เทเสสิ. เตสุ อฺาสิโกณฺฑฺตฺเถโร เทสนานุสาเรน าณํ เปเสนฺโต สุตฺตปริโยสาเน อฏฺารสหิ พฺรหฺมโกฏีหิ สทฺธึ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาสิ. สตฺถา ตตฺเถว วสฺสํ อุปคนฺตฺวา ปุนทิวเส วปฺปตฺเถรํ โอวทนฺโต วิหาเรเยว นิสีทิ, เสสา จตฺตาโร ปิณฺฑาย จรึสุ. วปฺปตฺเถโร ปุพฺพณฺเหเยว โสตาปตฺติผลํ ปาปุณิ. เอเตเนว อุปาเยน ปุนทิวเส ภทฺทิยตฺเถรํ, ปุนทิวเส มหานามตฺเถรํ, ปุนทิวเส อสฺสชิตฺเถรนฺติ สพฺเพ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาเปตฺวา ปฺจมิยํ ปกฺขสฺส ปฺจปิ ชเน สนฺนิปาเตตฺวา อนตฺตลกฺขณสุตฺตนฺตํ (สํ. นิ. ๓.๕๙; มหาว. ๒๐ อาทโย) เทเสสิ. เทสนาปริโยสาเน ปฺจปิ เถรา อรหตฺตผเล ปติฏฺหึสุ. อถ สตฺถา ยสกุลปุตฺตสฺส อุปนิสฺสยํ ทิสฺวา ตํ รตฺติภาเค นิพฺพิชฺชิตฺวา เคหํ ปหาย นิกฺขนฺตํ ‘‘เอหิ ยสา’’ติ ปกฺโกสิตฺวา ตสฺมึเยว รตฺติภาเค โสตาปตฺติผเล, ปุนทิวเส อรหตฺเต ปติฏฺาเปตฺวา, อปเรปิ ตสฺส สหายเก จตุปณฺณาส ชเน เอหิภิกฺขุปพฺพชฺชาย ปพฺพาเชตฺวา อรหตฺตํ ปาเปสิ.

เอวํ โลเก เอกสฏฺิยา อรหนฺเตสุ ชาเตสุ สตฺถา วุตฺถวสฺโส ปวาเรตฺวา ‘‘จรถ, ภิกฺขเว, จาริก’’นฺติ สฏฺิ ภิกฺขู ทิสาสุ เปเสตฺวา สยํ อุรุเวลํ คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค กปฺปาสิกวนสณฺเฑ ตึส ชเน ภทฺทวคฺคิยกุมาเร วิเนสิ. เตสุ สพฺพปจฺฉิมโก โสตาปนฺโน, สพฺพุตฺตโม อนาคามี อโหสิ. เตปิ สพฺเพ เอหิภิกฺขุภาเวเนว ปพฺพาเชตฺวา ทิสาสุ เปเสตฺวา อุรุเวลํ คนฺตฺวา อฑฺฒุฑฺฒานิ ปาฏิหาริยสหสฺสานิ ทสฺเสตฺวา อุรุเวลกสฺสปาทโย สหสฺสชฏิลปริวาเร เตภาติกชฏิเล วิเนตฺวา เอหิภิกฺขุภาเวเนว ปพฺพาเชตฺวา คยาสีเส นิสีทาเปตฺวา อาทิตฺตปริยายเทสนาย (มหาว. ๕๔) อรหตฺเต ปติฏฺาเปตฺวา เตน อรหนฺตสหสฺเสน ปริวุโต ‘‘พิมฺพิสารรฺโ ทินฺนํ ปฏิฺํ โมเจสฺสามี’’ติ ราชคหํ คนฺตฺวา นครูปจาเร ลฏฺิวนุยฺยานํ อคมาสิ. ราชา อุยฺยานปาลสฺส สนฺติกา ‘‘สตฺถา อาคโต’’ติ สุตฺวา ทฺวาทสนหุเตหิ พฺราหฺมณคหปติเกหิ ปริวุโต สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา จกฺกวิจิตฺตตเลสุ สุวณฺณปฏฺฏวิตานํ วิย ปภาสมุทยํ วิสฺสชฺชนฺเตสุ ตถาคตสฺส ปาเทสุ สิรสา นิปติตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ สทฺธึ ปริสาย.

อถ โข เตสํ พฺราหฺมณคหปติกานํ เอตทโหสิ ‘‘กึ นุ โข มหาสมโณ อุรุเวลกสฺสเป พฺรหฺมจริยํ จรติ, อุทาหุ อุรุเวลกสฺสโป มหาสมเณ’’ติ. ภควา เตสํ เจตสา เจโตปริวิตกฺกมฺาย เถรํ คาถาย อชฺฌภาสิ –

‘‘กิเมว ทิสฺวา อุรุเวลวาสิ, ปหาสิ อคฺคึ กิสโก วทาโน;

ปุจฺฉามิ ตํ กสฺสป เอตมตฺถํ, กถํ ปหีนํ ตว อคฺคิหุตฺต’’นฺติ. (มหาว. ๕๕);

เถโรปิ ภควโต อธิปฺปายํ วิทิตฺวา –

‘‘รูเป จ สทฺเท จ อโถ รเส จ, กามิตฺถิโย จาภิวทนฺติ ยฺา;

เอตํ มลนฺติ อุปธีสุ ตฺวา, ตสฺมา น ยิฏฺเ น หุเต อรฺชิ’’นฺติ. (มหาว. ๕๕) –

อิมํ คาถํ วตฺวา อตฺตโน สาวกภาวปกาสนตฺถํ ตถาคตสฺส ปาทปิฏฺเ สีสํ เปตฺวา ‘‘สตฺถา เม, ภนฺเต, ภควา, สาวโกหมสฺมี’’ติ วตฺวา เอกตาลํ ทฺวิตาลํ ติตาลนฺติ ยาว สตฺตตาลปฺปมาณํ สตฺตกฺขตฺตุํ เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา โอรุยฺห ตถาคตํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. ตํ ปาฏิหาริยํ ทิสฺวา มหาชโน ‘‘อโห มหานุภาวา พุทฺธา, เอวํ ถามคตทิฏฺิโก นาม ‘อรหา’ติ มฺมาโน อุรุเวลกสฺสโปปิ ทิฏฺิชาลํ ภินฺทิตฺวา ตถาคเตน ทมิโต’’ติ สตฺถุ คุณกถํเยว กเถสิ. ภควา ‘‘นาหํ อิทานิเยว อุรุเวลกสฺสปํ ทเมมิ, อตีเตปิ เอส มยา ทมิโตเยวา’’ติ วตฺวา อิมิสฺสา อฏฺุปฺปตฺติยา มหานารทกสฺสปชาตกํ (ชา. ๒.๒๒.๕๔๕ อาทโย) กเถตฺวา จตฺตาริ สจฺจานิ ปกาเสสิ. มคธราชา เอกาทสหิ นหุเตหิ สทฺธึ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาสิ, เอกํ นหุตํ อุปาสกตฺตํ ปฏิเวเทสิ. ราชา สตฺถุ สนฺติเก นิสินฺโนเยว ปฺจ อสฺสาสเก ปเวเทตฺวา สรณํ คนฺตฺวา สฺวาตนาย นิมนฺเตตฺวา อาสนา วุฏฺาย ภควนฺตํ ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิ.

ปุนทิวเส เยหิ จ ภควา ทิฏฺโ, เยหิ จ อทิฏฺโ, สพฺเพปิ ราชคหวาสิโน อฏฺารสโกฏิสงฺขา มนุสฺสา ตถาคตํ ทฏฺุกามา ปาโตว ราชคหโต ลฏฺิวนุยฺยานํ อคมํสุ. ติคาวุโต มคฺโค นปฺปโหสิ, สกลลฏฺิวนุยฺยานํ นิรนฺตรํ ผุฏํ อโหสิ. มหาชโน ทสพลสฺส รูปโสภคฺคปฺปตฺตํ อตฺตภาวํ ปสฺสนฺโต ติตฺตึ กาตุํ นาสกฺขิ. วณฺณภูมิ นาเมสา. เอวรูเปสุ หิ าเนสุ ตถาคตสฺส ลกฺขณานุพฺยฺชนาทิปฺปเภทา สพฺพาปิ รูปกายสิรี วณฺเณตพฺพา. เอวํ รูปโสภคฺคปฺปตฺตํ ทสพลสฺส สรีรํ ปสฺสมาเนน มหาชเนน นิรนฺตรํ ผุเฏ อุยฺยาเน จ มคฺเค จ เอกภิกฺขุสฺสปิ นิกฺขมโนกาโส นาโหสิ. ตํ ทิวสํ กิร ภควา ฉินฺนภตฺโต ภเวยฺย, ตํ มา อโหสีติ สกฺกสฺส นิสินฺนาสนํ อุณฺหาการํ ทสฺเสสิ. โส อาวชฺชมาโน ตํ การณํ ตฺวา มาณวกวณฺณํ อภินิมฺมินิตฺวา พุทฺธธมฺมสงฺฆปฏิสํยุตฺตา ถุติโย วทมาโน ทสพลสฺส ปุรโต โอตริตฺวา เทวตานุภาเวน โอกาสํ กตฺวา –

‘‘ทนฺโต ทนฺเตหิ สห ปุราณชฏิเลหิ, วิปฺปมุตฺโต วิปฺปมุตฺเตหิ;

สิงฺคีนิกฺขสวณฺโณ, ราชคหํ ปาวิสิ ภควา.

‘‘มุตฺโต มุตฺเตหิ สห ปุราณชฏิเลหิ, วิปฺปมุตฺโต วิปฺปมุตฺเตหิ;

สิงฺคีนิกฺขสวณฺโณ, ราชคหํ ปาวิสิ ภควา.

‘‘ติณฺโณ ติณฺเณหิ สห ปุราณชฏิเลหิ, วิปฺปมุตฺโต วิปฺปมุตฺเตหิ;

สิงฺคีนิกฺขสวณฺโณ, ราชคหํ ปาวิสิ ภควา.

‘‘ทสวาโส ทสพโล, ทสธมฺมวิทู ทสภิ จุเปโต;

โส ทสสตปริวาโร, ราชคหํ ปาวิสิ ภควา’’ติ. (มหาว. ๕๘) –

อิมาหิ คาถาหิ สตฺถุ วณฺณํ วทมาโน ปุรโต ปายาสิ. ตทา มหาชโน มาณวกสฺส รูปสิรึ ทิสฺวา ‘‘อติวิย อภิรูโป อยํ มาณวโก, น โข ปน อมฺเหหิ ทิฏฺปุพฺโพ’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘กุโต อยํ มาณวโก, กสฺส วาย’’นฺติ อาห. ตํ สุตฺวา มาณโว –

‘‘โย ธีโร สพฺพธิ ทนฺโต, สุทฺโธ อปฺปฏิปุคฺคโล;

อรหํ สุคโต โลเก, ตสฺสาหํ ปริจารโก’’ติ. (มหาว. ๕๘) – คาถมาห;

สตฺถา สกฺเกน กโตกาสํ มคฺคํ ปฏิปชฺชิตฺวา ภิกฺขุสหสฺสปริวุโต ราชคหํ ปาวิสิ. ราชา พุทฺธปฺปมุขสฺส สงฺฆสฺส มหาทานํ ทตฺวา ‘‘อหํ, ภนฺเต, ตีณิ รตนานิ วินา วตฺติตุํ น สกฺขิสฺสามิ, เวลาย วา อเวลาย วา ภควโต สนฺติกํ อาคมิสฺสามิ, ลฏฺิวนุยฺยานํ นาม อติทูเร, อิทํ ปน อมฺหากํ เวฬุวนํ นาม อุยฺยานํ นาติทูเร นาจฺจาสนฺเน คมนาคมนสมฺปนฺนํ พุทฺธารหํ เสนาสนํ. อิทํ เม ภควา ปฏิคฺคณฺหาตู’’ติ สุวณฺณภิงฺกาเรน ปุปฺผคนฺธวาสิตํ มณิวณฺณํ อุทกํ อาทาย เวฬุวนุยฺยานํ ปริจฺจชนฺโต ทสพลสฺส หตฺเถ อุทกํ ปาเตสิ. ตสฺมึ อารามปฏิคฺคหเณ ‘‘พุทฺธสาสนสฺส มูลานิ โอติณฺณานี’’ติ มหาปถวี กมฺปิ. ชมฺพุทีปสฺมิฺหิ เปตฺวา เวฬุวนํ อฺํ มหาปถวึ กมฺเปตฺวา คหิตเสนาสนํ นาม นตฺถิ. ตมฺพปณฺณิทีเปปิ เปตฺวา มหาวิหารํ อฺํ ปถวึ กมฺเปตฺวา คหิตเสนาสนํ นาม นตฺถิ. สตฺถา เวฬุวนารามํ ปฏิคฺคเหตฺวา รฺโ อนุโมทนํ กตฺวา อุฏฺายาสนา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต เวฬุวนํ อคมาสิ.

ตสฺมึ โข ปน สมเย สาริปุตฺโต จ โมคฺคลฺลาโน จาติ ทฺเว ปริพฺพาชกา ราชคหํ อุปนิสฺสาย วิหรนฺติ อมตํ ปริเยสมานา. เตสุ สาริปุตฺโต อสฺสชิตฺเถรํ ปิณฺฑาย ปวิฏฺํ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺโต ปยิรุปาสิตฺวา ‘‘เย ธมฺมา เหตุปฺปภวา’’ติ คาถํ สุตฺวา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาย อตฺตโน สหายกสฺส โมคฺคลฺลานปริพฺพาชกสฺสปิ ตเมว คาถํ อภาสิ. โสปิ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาสิ. เต อุโภปิ ชนา สฺจยํ โอโลเกตฺวา อตฺตโน ปริสาย สทฺธึ ภควโต สนฺติเก ปพฺพชึสุ. เตสุ มหาโมคฺคลฺลาโน สตฺตาเหน อรหตฺตํ ปาปุณิ, สาริปุตฺตตฺเถโร อฑฺฒมาเสน. อุโภปิ จ เน สตฺถา อคฺคสาวกฏฺาเน เปสิ. สาริปุตฺตตฺเถเรน อรหตฺตปฺปตฺตทิวเสเยว สาวกสนฺนิปาตํ อกาสิ.

ตถาคเต ปน ตสฺมึเยว เวฬุวนุยฺยาเน วิหรนฺเต สุทฺโธทนมหาราชา ‘‘ปุตฺโต กิร เม ฉพฺพสฺสานิ ทุกฺกรการิกํ จริตฺวา ปรมาภิสมฺโพธึ ปตฺวา ปวตฺตวรธมฺมจกฺโก ราชคหํ อุปนิสฺสาย เวฬุวเน วิหรตี’’ติ สุตฺวา อฺตรํ อมจฺจํ อามนฺเตสิ ‘‘เอหิ, ภเณ, ปุริสสหสฺสปริวาโร ราชคหํ คนฺตฺวา มม วจเนน ‘ปิตา โว สุทฺโธทนมหาราชา ทฏฺุกาโม’ติ วตฺวา ปุตฺตํ เม คณฺหิตฺวา เอหี’’ติ อาห. โส ‘‘เอวํ, เทวา’’ติ รฺโ วจนํ สิรสา สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ปุริสสหสฺสปริวาโร ขิปฺปเมว สฏฺิโยชนมคฺคํ คนฺตฺวา ทสพลสฺส จตุปริสมชฺเฌ นิสีทิตฺวา ธมฺมเทสนาเวลาย วิหารํ ปาวิสิ. โส ‘‘ติฏฺตุ ตาว รฺโ ปหิตสาสน’’นฺติ ปริยนฺเต ิโต สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ยถาิโตว สทฺธึ ปุริสสหสฺเสน อรหตฺตํ ปตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิ. ภควา ‘‘เอถ ภิกฺขโว’’ติ หตฺถํ ปสาเรสิ, สพฺเพ ตงฺขณํเยว อิทฺธิมยปตฺตจีวรธรา สฏฺิวสฺสตฺเถรา วิย อเหสุํ. อรหตฺตํ ปตฺตกาลโต ปฏฺาย ปน อริยา นาม มชฺฌตฺตาว โหนฺตีติ โส รฺา ปหิตสาสนํ ทสพลสฺส น กเถสิ. ราชา ‘‘เนว คโต อาคจฺฉติ, น สาสนํ สุยฺยตี’’ติ ‘‘เอหิ, ภเณ, ตฺวํ คจฺฉาหี’’ติ เตเนว นิยาเมน อฺํ อมจฺจํ เปเสสิ. โสปิ คนฺตฺวา ปุริมนเยเนว สทฺธึ ปริสาย อรหตฺตํ ปตฺวา ตุณฺหี อโหสิ. ราชา เอเตเนว นิยาเมน ปุริสสหสฺสปริวาเร นว อมจฺเจ เปเสสิ, สพฺเพ อตฺตโน กิจฺจํ นิฏฺาเปตฺวา ตุณฺหีภูตา ตตฺเถว วิหรึสุ.

ราชา สาสนมตฺตมฺปิ อาหริตฺวา อาจิกฺขนฺตํ อลภิตฺวา จินฺเตสิ ‘‘เอตฺตกา ชนา มยิ สิเนหาภาเวน สาสนมตฺตมฺปิ น ปจฺจาหรึสุ, โก นุ โข มม วจนํ กริสฺสตี’’ติ สพฺพํ ราชพลํ โอโลเกนฺโต กาฬุทายึ อทฺทส. โส กิร รฺโ สพฺพตฺถสาธโก อมจฺโจ อพฺภนฺตริโก อติวิสฺสาสิโก โพธิสตฺเตน สทฺธึ เอกทิวเส ชาโต สหปํสุกีฬโก สหาโย. อถ นํ ราชา อามนฺเตสิ ‘‘ตาต, กาฬุทายิ อหํ มม ปุตฺตํ ปสฺสิตุกาโม นว ปุริสสหสฺสานิ เปเสสึ, เอกปุริโสปิ อาคนฺตฺวา สาสนมตฺตํ อาโรเจนฺโตปิ นตฺถิ, ทุชฺชาโน โข ปน ชีวิตนฺตราโย, อหํ ชีวมาโนว ปุตฺตํ ทฏฺุํ อิจฺฉามิ, สกฺขิสฺสสิ นุ โข เม ปุตฺตํ ทสฺเสตุ’’นฺติ. สกฺขิสฺสามิ, เทว, สเจ ปพฺพชิตุํ ลภิสฺสามีติ. ตาต, ตฺวํ ปพฺพชิตฺวา วา อปพฺพชิตฺวา วา มยฺหํ ปุตฺตํ ทสฺเสหีติ. โส ‘‘สาธุ, เทวา’’ติ รฺโ สาสนํ อาทาย ราชคหํ คนฺตฺวา สตฺถุ ธมฺมเทสนาเวลาย ปริสปริยนฺเต ิโต ธมฺมํ สุตฺวา สปริวาโร อรหตฺตผลํ ปตฺวา เอหิภิกฺขุภาเว ปติฏฺาสิ.

สตฺถา พุทฺโธ หุตฺวา ปมํ อนฺโตวสฺสํ อิสิปตเน วสิตฺวา วุตฺถวสฺโส ปวาเรตฺวา อุรุเวลํ คนฺตฺวา ตตฺถ ตโย มาเส วสนฺโต เตภาติกชฏิเล วิเนตฺวา ภิกฺขุสหสฺสปริวาโร ผุสฺสมาสปุณฺณมายํ ราชคหํ คนฺตฺวา ทฺเว มาเส วสิ. เอตฺตาวตา พาราณสิโต นิกฺขนฺตสฺส ปฺจ มาสา ชาตา, สกโล เหมนฺโต อติกฺกนฺโต. กาฬุทายิตฺเถรสฺส อาคตทิวสโต สตฺตฏฺ ทิวสา วีติวตฺตา, โส ผคฺคุณีปุณฺณมาสิยํ จินฺเตสิ ‘‘อติกฺกนฺโต เหมนฺโต, วสนฺตสมโย อนุปฺปตฺโต, มนุสฺเสหิ สสฺสาทีนิ อุทฺธริตฺวา สมฺมุขสมฺมุขฏฺาเนหิ มคฺคา ทินฺนา, หริตติณสฺฉนฺนา ปถวี, สุปุปฺผิตา วนสณฺฑา, ปฏิปชฺชนกฺขมา มคฺคา, กาโล ทสพลสฺส าติสงฺคหํ กาตุ’’นฺติ. อถ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา –

‘‘องฺคาริโน ทานิ ทุมา ภทนฺเต, ผเลสิโน ฉทนํ วิปฺปหาย;

เต อจฺจิมนฺโตว ปภาสยนฺติ, สมโย มหาวีร องฺคีรสานํ…เป….

‘‘นาติสีตํ นาติอุณฺหํ, นาติทุพฺภิกฺขฉาตกํ;

สทฺทลา หริตา ภูมิ, เอส กาโล มหามุนี’’ติ. –

สฏฺิมตฺตาหิ คาถาหิ ทสพลสฺส กุลนครํ คมนตฺถาย คมนวณฺณํ วณฺเณสิ. อถ นํ สตฺถา ‘‘กึ นุ โข อุทายิ มธุรสฺสเรน คมนวณฺณํ วณฺเณสี’’ติ อาห. ภนฺเต, ตุมฺหากํ ปิตา สุทฺโธทนมหาราชา ปสฺสิตุกาโม, กโรถ าตกานํ สงฺคหนฺติ. สาธุ อุทายิ, กริสฺสามิ าตกานํ สงฺคหํ, ภิกฺขุสงฺฆสฺส อาโรเจหิ, คมิกวตฺตํ ปูเรสฺสนฺตีติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ เถโร เตสํ อาโรเจสิ.

ภควา องฺคมคธวาสีนํ กุลปุตฺตานํ ทสหิ สหสฺเสหิ, กปิลวตฺถุวาสีนํ ทสหิ สหสฺเสหีติ สพฺเพเหว วีสติสหสฺเสหิ ขีณาสวภิกฺขูหิ ปริวุโต ราชคหา นิกฺขมิตฺวา ทิวเส ทิวเส โยชนํ คจฺฉติ. ‘‘ราชคหโต สฏฺิโยชนํ กปิลวตฺถุํ ทฺวีหิ มาเสหิ ปาปุณิสฺสามี’’ติ อตุริตจาริกํ ปกฺกามิ. เถโรปิ ‘‘ภควโต นิกฺขนฺตภาวํ รฺโ อาโรเจสฺสามี’’ติ เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา รฺโ นิเวสเน ปาตุรโหสิ. ราชา เถรํ ทิสฺวา ตุฏฺจิตฺโต มหารเห ปลฺลงฺเก นิสีทาเปตฺวา อตฺตโน ปฏิยาทิตสฺส นานคฺครสโภชนสฺส ปตฺตํ ปูเรตฺวา อทาสิ. เถโร อุฏฺาย คมนาการํ ทสฺเสสิ. นิสีทิตฺวา ภุฺชถ, ตาตาติ. สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ภุฺชิสฺสามิ, มหาราชาติ. กหํ ปน, ตาต, สตฺถาติ? วีสติสหสฺสภิกฺขุปริวาโร ตุมฺหากํ ทสฺสนตฺถาย จาริกํ นิกฺขนฺโต, มหาราชาติ. ราชา ตุฏฺมานโส อาห ‘‘ตุมฺเห อิมํ ปริภุฺชิตฺวา ยาว มม ปุตฺโต อิมํ นครํ ปาปุณาติ, ตาวสฺส อิโตว ปิณฺฑปาตํ หรถา’’ติ. เถโร อธิวาเสสิ. ราชา เถรํ ปริวิสิตฺวา ปตฺตํ คนฺธจุณฺเณน อุพฺพฏฺเฏตฺวา อุตฺตมโภชนสฺส ปูเรตฺวา ‘‘ตถาคตสฺส เทถา’’ติ เถรสฺส หตฺเถ ปติฏฺาเปสิ. เถโร สพฺเพสํ ปสฺสนฺตานํเยว ปตฺตํ อากาเส ขิปิตฺวา สยมฺปิ เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ปิณฺฑปาตํ อาหริตฺวา สตฺถุ หตฺเถ เปสิ. สตฺถา ตํ ปริภุฺชิ. เอเตนุปาเยน เถโร ทิวเส ทิวเส อาหริ, สตฺถาปิ อนฺตรามคฺเค รฺโเยว ปิณฺฑปาตํ ปริภุฺชิ. เถโรปิ ภตฺตกิจฺจาวสาเน ทิวเส ทิวเส ‘‘อชฺช เอตฺตกํ ภควา อาคโต, อชฺช เอตฺตก’’นฺติ พุทฺธคุณปฏิสํยุตฺตาย กถาย สกลํ ราชกุลํ สตฺถุ ทสฺสนํ วินาเยว สตฺถริ สฺชาตปฺปสาทํ อกาสิ. เตเนว นํ ภควา ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ กุลปฺปสาทกานํ ยทิทํ กาฬุทายี’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๑๙, ๒๒๕) เอตทคฺเค เปสิ.

สากิยาปิ โข ‘‘อนุปฺปตฺเต ภควติ อมฺหากํ าติเสฏฺํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ สนฺนิปติตฺวา ภควโต วสนฏฺานํ วีมํสมานา ‘‘นิคฺโรธสกฺกสฺส อาราโม รมณีโย’’ติ สลฺลกฺเขตฺวา ตตฺถ สพฺพํ ปฏิชคฺคนวิธึ กาเรตฺวา คนฺธปุปฺผหตฺถา ปจฺจุคฺคมนํ กโรนฺตา สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิเต ทหรทหเร นาครทารเก จ นาครทาริกาโย จ ปมํ ปหิณึสุ, ตโต ราชกุมาเร จ ราชกุมาริกาโย จ, เตสํ อนนฺตรํ สามํ คนฺธปุปฺผจุณฺณาทีหิ ปูชยมานา ภควนฺตํ คเหตฺวา นิคฺโรธารามเมว อคมํสุ. ตตฺร ภควา วีสติสหสฺสขีณาสวปริวุโต ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสีทิ. สากิยา นาม มานชาติกา มานตฺถทฺธา, เต ‘‘สิทฺธตฺถกุมาโร อมฺเหหิ ทหรตโร, อมฺหากํ กนิฏฺโ, ภาคิเนยฺโย, ปุตฺโต, นตฺตา’’ติ จินฺเตตฺวา ทหรทหเร ราชกุมาเร อาหํสุ ‘‘ตุมฺเห วนฺทถ, มยํ ตุมฺหากํ ปิฏฺิโต นิสีทิสฺสามา’’ติ.

เตสุ เอวํ อวนฺทิตฺวา นิสินฺเนสุ ภควา เตสํ อชฺฌาสยํ โอโลเกตฺวา ‘‘น มํ าตโย วนฺทนฺติ, หนฺท ทานิ เน วนฺทาเปสฺสามี’’ติ อภิฺาปาทกํ จตุตฺถชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา ตโต วุฏฺาย อากาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา เตสํ สีเส ปาทปํสุํ โอกิรมาโน วิย กณฺฑมฺพรุกฺขมูเล ยมกปาฏิหาริยสทิสํ ปาฏิหาริยํ อกาสิ. ราชา ตํ อจฺฉริยํ ทิสฺวา อาห – ‘‘ภควา ตุมฺหากํ ชาตทิวเส กาฬเทวลสฺส วนฺทนตฺถํ อุปนีตานํ ปาเท โว ปริวตฺติตฺวา พฺราหฺมณสฺส มตฺถเก ปติฏฺิเต ทิสฺวาปิ อหํ ตุมฺเห วนฺทึ, อยํ เม ปมวนฺทนา. วปฺปมงฺคลทิวเส ชมฺพุจฺฉายาย สิริสยเน นิสินฺนานํ โว ชมฺพุจฺฉายาย อปริวตฺตนํ ทิสฺวาปิ ปาเท วนฺทึ, อยํ เม ทุติยวนฺทนา. อิทานิ อิมํ อทิฏฺปุพฺพํ ปาฏิหาริยํ ทิสฺวาปิ อหํ ตุมฺหากํ ปาเท วนฺทามิ, อยํ เม ตติยวนฺทนา’’ติ. รฺา ปน วนฺทิเต ภควนฺตํ อวนฺทิตฺวา าตุํ สมตฺโถ นาม เอกสากิโยปิ นาโหสิ, สพฺเพ วนฺทึสุเยว.

อิติ ภควา าตโย วนฺทาเปตฺวา อากาสโต โอตริตฺวา ปฺตฺตาสเน นิสีทิ. นิสินฺเน ภควติ สิขาปตฺโต าติสมาคโม อโหสิ, สพฺเพ เอกคฺคจิตฺตา หุตฺวา นิสีทึสุ. ตโต มหาเมโฆ โปกฺขรวสฺสํ วสฺสิ. ตมฺพวณฺณํ อุทกํ เหฏฺา วิรวนฺตํ คจฺฉติ, เตมิตุกาโมว เตเมติ, อเตมิตุกามสฺส สรีเร เอกพินฺทุมตฺตมฺปิ น ปตติ. ตํ ทิสฺวา สพฺเพ อจฺฉริยพฺภุตจิตฺตชาตา ‘‘อโห อจฺฉริยํ, อโห อพฺภุต’’นฺติ กถํ สมุฏฺาเปสุํ. สตฺถา ‘‘น อิทาเนว มยฺหํ าติสมาคเม โปกฺขรวสฺสํ วสฺสติ, อตีเตปิ วสฺสี’’ติ อิมิสฺสา อฏฺุปฺปตฺติยา เวสฺสนฺตรชาตกํ กเถสิ. ธมฺมเทสนํ สุตฺวา สพฺเพ อุฏฺาย วนฺทิตฺวา ปกฺกมึสุ. เอโกปิ ราชา วา ราชมหามตฺโต วา ‘‘สฺเว อมฺหากํ ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ วตฺวา คโต นาม นตฺถิ.

สตฺถา ปุนทิวเส วีสติสหสฺสภิกฺขุปริวุโต กปิลวตฺถุํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. ตํ น โกจิ คนฺตฺวา นิมนฺเตสิ, ปตฺตํ วา อคฺคโหสิ. ภควา อินฺทขีเล ิโตว อาวชฺเชสิ ‘‘กถํ นุ โข ปุพฺพพุทฺธา กุลนคเร ปิณฺฑาย จรึสุ, กึ อุปฺปฏิปาฏิยา อิสฺสรชนานํ ฆรานิ อคมํสุ, อุทาหุ สปทานจาริกํ จรึสู’’ติ. ตโต เอกพุทฺธสฺสปิ อุปฺปฏิปาฏิยา คมนํ อทิสฺวา ‘‘มยาปิ อิทานิ อยเมว วํโส, อยํ ปเวณี ปคฺคเหตพฺพา, อายติฺจ เม สาวกาปิ มมฺเว อนุสิกฺขนฺตา ปิณฺฑจาริกวตฺตํ ปริปูเรสฺสนฺตี’’ติ โกฏิยํ นิวิฏฺเคหโต ปฏฺาย สปทานํ ปิณฺฑาย จริ. ‘‘อยฺโย กิร สิทฺธตฺถกุมาโร ปิณฺฑาย จรตี’’ติ ทฺวิภูมกติภูมกาทีสุ ปาสาเทสุ สีหปฺชเร วิวริตฺวา มหาชโน ทสฺสนพฺยาวโฏ อโหสิ.

ราหุลมาตาปิ เทวี ‘‘อยฺยปุตฺโต กิร อิมสฺมึเยว นคเร มหนฺเตน ราชานุภาเวน สุวณฺณสิวิกาทีหิ วิจริตฺวา อิทานิ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายวตฺถวสโน กปาลหตฺโถ ปิณฺฑาย จรติ, โสภติ นุ โข’’ติ สีหปฺชรํ วิวริตฺวา โอโลกยมานา ภควนฺตํ นานาวิราคสมุชฺชลาย สรีรปฺปภาย นครวีถิโย โอภาเสตฺวา พฺยามปฺปภาปริกฺเขปสมงฺคีภูตาย อสีติอนุพฺยฺชนาวภาสิตาย ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณปฏิมณฺฑิตาย อโนปมาย พุทฺธสิริยา วิโรจมานํ ทิสฺวา อุณฺหีสโต ปฏฺาย ยาว ปาทตลา –

‘‘สินิทฺธนีลมุทุกุฺจิตเกโส, สูริยนิมฺมลตลาภินลาโฏ;

ยุตฺตตุงฺคมุทุกายตนาโส, รํสิชาลวิตโต นรสีโห.

‘‘จกฺกวรงฺกิตรตฺตสุปาโท, ลกฺขณมณฺฑิตอายตปณฺหิ;

จามริหตฺถวิภูสิตปณฺโห, เอส หิ ตุยฺหํ ปิตา นรสีโห.

‘‘สกฺยกุมาโร วรโท สุขุมาโล, ลกฺขณวิจิตฺตปสนฺนสรีโร;

โลกหิตาย อาคโต นรวีโร, เอส หิ ตุยฺหํ ปิตา นรสีโห.

‘‘อายตยุตฺตสุสณฺิตโสโต, โคปขุโม อภินีลเนตฺโต;

อินฺทธนุอภินีลภมุโก, เอส หิ ตุยฺหํ ปิตา นรสีโห.

‘‘ปุณฺณจนฺทนิโภ มุขวณฺโณ, เทวนรานํ ปิโย นรนาโค;

มตฺตคชินฺทวิลาสิตคามี, เอส หิ ตุยฺหํ ปิตา นรสีโห.

‘‘สินิทฺธสุคมฺภีรมฺชุสโฆโส, หิงฺคุลวณฺณรตฺตสุชิวฺโห;

วีสติวีสติเสตสุทนฺโต, เอส หิ ตุยฺหํ ปิตา นรสีโห.

‘‘ขตฺติยสมฺภวอคฺคกุลินฺโท, เทวมนุสฺสนมสฺสิตปาโท;

สีลสมาธิปติฏฺิตจิตฺโต, เอส หิ ตุยฺหํ ปิตา นรสีโห.

‘‘วฏฺฏสุวฏฺฏสุสณฺิตคีโว, สีหหนุมิคราชสรีโร;

กฺจนสุจฺฉวิอุตฺตมวณฺโณ, เอส หิ ตุยฺหํ ปิตา นรสีโห.

‘‘อฺชนสมวณฺณสุนีลเกโส, กฺจนปฏฺฏวิสุทฺธนลาโฏ;

โอสธิปณฺฑรสุทฺธสุอุณฺโณ, เอส หิ ตุยฺหํ ปิตา นรสีโห.

‘‘คจฺฉนฺโตนิลปเถ วิย จนฺโท, ตาราคณปริวฑฺฒิตรูโป;

สาวกมชฺฌคโต สมณินฺโท, เอส หิ ตุยฺหํ ปิตา นรสีโห’’ติ. –

เอวมิมาหิ ทสหิ นรสีหคาถาหิ นาม อภิตฺถวิตฺวา ‘‘ตุมฺหากํ ปุตฺโต กิร อิทานิ ปิณฺฑาย จรตี’’ติ รฺโ อาโรเจสิ. ราชา สํวิคฺคหทโย หตฺเถน สาฏกํ สณฺเปนฺโต ตุริตตุริตํ นิกฺขมิตฺวา เวเคน คนฺตฺวา ภควโต ปุรโต ตฺวา อาห – ‘‘กึ, ภนฺเต, อมฺเห ลชฺชาเปถ, กิมตฺถํ ปิณฺฑาย จรถ, กึ ‘เอตฺตกานํ ภิกฺขูนํ น สกฺกา ภตฺตํ ลทฺธุ’นฺติ สฺํ กริตฺถา’’ติ. วํสจาริตฺตเมตํ, มหาราช, อมฺหากนฺติ. นนุ, ภนฺเต, อมฺหากํ มหาสมฺมตขตฺติยวํโส นาม วํโส, ตตฺถ จ เอกขตฺติโยปิ ภิกฺขาจโร นาม นตฺถีติ. ‘‘อยํ, มหาราช, ราชวํโส นาม ตว วํโส, อมฺหากํ ปน ทีปงฺกโร โกณฺฑฺโ…เป… กสฺสโปติ อยํ พุทฺธวํโส นาม. เอเต จ อฺเ จ อเนกสหสฺสสงฺขา พุทฺธา ภิกฺขาจรา, ภิกฺขาจาเรเนว ชีวิกํ กปฺเปสุ’’นฺติ อนฺตรวีถิยํ ิโตว –

‘‘อุตฺติฏฺเ นปฺปมชฺเชยฺย, ธมฺมํ สุจริตํ จเร;

ธมฺมจารี สุขํ เสติ, อสฺมึ โลเก ปรมฺหิ จา’’ติ. (ธ. ป. ๑๖๘) –

อิมํ คาถมาห. คาถาปริโยสาเน ราชา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาสิ.

‘‘ธมฺมํ จเร สุจริตํ, น นํ ทุจฺจริตํ จเร;

ธมฺมจารี สุขํ เสติ, อสฺมึ โลเก ปรมฺหิ จา’’ติ. (ธ. ป. ๑๖๙) –

อิมํ ปน คาถํ สุตฺวา สกทาคามิผเล ปติฏฺาสิ. มหาธมฺมปาลชาตกํ (ชา. ๑.๑๐.๙๒ อาทโย) สุตฺวา อนาคามิผเล ปติฏฺาสิ, มรณสมเย เสตจฺฉตฺตสฺส เหฏฺา สิริสยเน นิปนฺโนเยว อรหตฺตํ ปาปุณิ. อรฺวาเสน ปน ปธานานุโยคกิจฺจํ รฺโ นาโหสิ. โสตาปตฺติผลํ สจฺฉิกตฺวาเยว ปน ภควโต ปตฺตํ คเหตฺวา สปริสํ ภควนฺตํ มหาปาสาทํ อาโรเปตฺวา ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน ปริวิสิ. ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน สพฺพํ อิตฺถาคารํ อาคนฺตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิ เปตฺวา ราหุลมาตรํ. สา ปน ‘‘คจฺฉ, อยฺยปุตฺตํ วนฺทาหี’’ติ ปริชเนน วุจฺจมานาปิ ‘‘สเจ มยฺหํ คุโณ อตฺถิ, สยเมว มม สนฺติกํ อยฺยปุตฺโต อาคมิสฺสติ, อาคตเมว นํ วนฺทิสฺสามี’’ติ วตฺวา น อคมาสิ.

ภควา ราชานํ ปตฺตํ คาหาเปตฺวา ทฺวีหิ อคฺคสาวเกหิ สทฺธึ ราชธีตาย สิริคพฺภํ คนฺตฺวา ‘‘ราชธีตา ยถารุจิ วนฺทมานา น กิฺจิ วตฺตพฺพา’’ติ วตฺวา ปฺตฺตาสเน นิสีทิ. สา เวเคนาคนฺตฺวา โคปฺผเกสุ คเหตฺวา ปาทปิฏฺิยํ สีสํ ปริวตฺเตตฺวา ยถาอชฺฌาสยํ วนฺทิ. ราชา ราชธีตาย ภควติ สิเนหพหุมานาทิคุณสมฺปตฺติโย กเถสิ ‘‘ภนฺเต, มม ธีตา ‘ตุมฺเหหิ กาสายานิ วตฺถานิ นิวาสิตานี’ติ สุตฺวา ตโต ปฏฺาย กาสายวตฺถนิวตฺถา ชาตา, ตุมฺหากํ เอกภตฺติกภาวํ สุตฺวา เอกภตฺติกาว ชาตา, ตุมฺเหหิ มหาสยนสฺส ฉฑฺฑิตภาวํ สุตฺวา ปฏฺฏิกามฺจเกเยว นิปนฺนา, ตุมฺหากํ มาลาคนฺธาทีหิ วิรตภาวํ ตฺวา วิรตมาลาคนฺธาว ชาตา, อตฺตโน าตเกหิ ‘มยํ ปฏิชคฺคิสฺสามา’ติ สาสเน เปสิเตปิ เอกาตกมฺปิ น โอโลเกสิ, เอวํ คุณสมฺปนฺนา เม ธีตา ภควา’’ติ. ‘‘อนจฺฉริยํ, มหาราช, ยํ อิทานิ ตยา รกฺขิยมานา ราชธีตา ปริปกฺเก าเณ อตฺตานํ รกฺเขยฺย, เอสา ปุพฺเพ อนารกฺขา ปพฺพตปาเท วิจรมานา อปริปกฺเก าเณ อตฺตานํ รกฺขี’’ติ วตฺวา จนฺทกินฺนรีชาตกํ (ชา. ๑.๑๔.๑๘ อาทโย) กเถตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกามิ.

ทุติยทิวเส ปน นนฺทสฺส ราชกุมารสฺส อภิเสกเคหปฺปเวสนวิวาหมงฺคเลสุ วตฺตมาเนสุ ตสฺส เคหํ คนฺตฺวา กุมารํ ปตฺตํ คาหาเปตฺวา ปพฺพาเชตุกาโม มงฺคลํ วตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกามิ. ชนปทกลฺยาณี กุมารํ คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘ตุวฏํ โข, อยฺยปุตฺต, อาคจฺเฉยฺยาสี’’ติ วตฺวา คีวํ ปสาเรตฺวา โอโลเกสิ. โสปิ ภควนฺตํ ‘‘ปตฺตํ คณฺหถา’’ติ วตฺตุํ อวิสหมาโน วิหารํเยว อคมาสิ, ตํ อนิจฺฉมานํเยว ภควา ปพฺพาเชสิ. อิติ ภควา กปิลวตฺถุํ คนฺตฺวา ตติยทิวเส นนฺทํ ปพฺพาเชสิ.

สตฺตเม ทิวเส ราหุลมาตา กุมารํ อลงฺกริตฺวา ภควโต สนฺติกํ เปเสสิ ‘‘ปสฺส, ตาต, เอตํ วีสติสหสฺสสมณปริวุตํ สุวณฺณวณฺณํ พฺรหฺมรูปวณฺณํ สมณํ, อยํ เต ปิตา, เอตสฺส มหนฺตา นิธโย อเหสุํ, ตฺยาสฺส นิกฺขมนกาลโต ปฏฺาย น ปสฺสาม, คจฺฉ, นํ ทายชฺชํ ยาจาหิ – ‘อหํ ตาต กุมาโร อภิเสกํ ปตฺวา จกฺกวตฺตี ภวิสฺสามิ, ธเนน เม อตฺโถ, ธนํ เม เทหิ. สามิโก หิ ปุตฺโต ปิตุ สนฺตกสฺสา’ติ’’. กุมาโร จ ภควโต สนฺติกํ คนฺตฺวา ปิตุ สิเนหํ ปฏิลภิตฺวา หฏฺตุฏฺโ ‘‘สุขา เต, สมณ, ฉายา’’ติ วตฺวา อฺฺจ พหุํ อตฺตโน อนุรูปํ วทนฺโต อฏฺาสิ. ภควา กตภตฺตกิจฺโจ อนุโมทนํ กตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกามิ. กุมาโรปิ ‘‘ทายชฺชํ เม, สมณ, เทหิ, ทายชฺชํ เม, สมณ, เทหี’’ติ ภควนฺตํ อนุพนฺธิ. ภควา กุมารํ น นิวตฺตาเปสิ, ปริชโนปิ ภควตา สทฺธึ คจฺฉนฺตํ นิวตฺเตตุํ นาสกฺขิ. อิติ โส ภควตา สทฺธึ อารามเมว อคมาสิ.

ตโต ภควา จินฺเตสิ ‘‘ยํ อยํ ปิตุ สนฺตกํ ธนํ อิจฺฉติ, ตํ วฏฺฏานุคตํ สวิฆาตํ, หนฺทสฺส โพธิมณฺเฑ ปฏิลทฺธํ สตฺตวิธํ อริยธนํ เทมิ, โลกุตฺตรทายชฺชสฺส นํ สามิกํ กโรมี’’ติ อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ อามนฺเตสิ ‘‘เตน หิ, ตฺวํ สาริปุตฺต, ราหุลกุมารํ ปพฺพาเชหี’’ติ. เถโร ตํ ปพฺพาเชสิ. ปพฺพชิเต ปน กุมาเร รฺโ อธิมตฺตํ ทุกฺขํ อุปฺปชฺชิ. ตํ อธิวาเสตุํ อสกฺโกนฺโต ภควโต นิเวเทตฺวา ‘‘สาธุ, ภนฺเต, อยฺยา มาตาปิตูหิ อนนุฺาตํ ปุตฺตํ น ปพฺพาเชยฺยุ’’นฺติ วรํ ยาจิ. ภควา ตสฺส ตํ วรํ ทตฺวา ปุนทิวเส ราชนิเวสเน กตปาตราโส เอกมนฺตํ นิสินฺเนน รฺา ‘‘ภนฺเต, ตุมฺหากํ ทุกฺกรการิกกาเล เอกา เทวตา มํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘ปุตฺโต เต กาลกโต’ติ อาห, ตสฺสา วจนํ อสทฺทหนฺโต ‘น มยฺหํ ปุตฺโต โพธึ อปฺปตฺวา กาลํ กโรตี’ติ ตํ ปฏิกฺขิปิ’’นฺติ วุตฺเต ‘‘อิทานิ กึ สทฺทหิสฺสถ, เย ตุมฺเห ปุพฺเพปิ อฏฺิกานิ ทสฺเสตฺวา ‘ปุตฺโต เต มโต’ติ วุตฺเต น สทฺทหิตฺถา’’ติ อิมิสฺสา อฏฺุปฺปตฺติยา มหาธมฺมปาลชาตกํ กเถสิ. กถาปริโยสาเน ราชา อนาคามิผเล ปติฏฺาสิ.

อิติ ภควา ปิตรํ ตีสุ ผเลสุ ปติฏฺาเปตฺวา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ปุนเทว ราชคหํ คนฺตฺวา เวฬุวเน วิหาสิ. ตสฺมึ สมเย อนาถปิณฺฑิโก คหปติ ปฺจหิ สกฏสเตหิ ภณฺฑํ อาทาย ราชคเห อตฺตโน ปิยสหายกสฺส เสฏฺิโน เคหํ คนฺตฺวา ตตฺถ พุทฺธสฺส ภควโต อุปฺปนฺนภาวํ สุตฺวา พลวปจฺจูสสมเย เทวตานุภาเวน วิวเฏน ทฺวาเรน สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาย ทุติยทิวเส พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ ทตฺวา สาวตฺถึ อาคมนตฺถาย สตฺถุ ปฏิฺํ คเหตฺวา อนฺตรามคฺเค ปฺจจตฺตาลีสโยชนฏฺาเน สตสหสฺสํ สตสหสฺสํ ทตฺวา โยชนิเก โยชนิเก วิหาเร กาเรตฺวา เชตวนํ โกฏิสนฺถาเรน อฏฺารสหิรฺโกฏีหิ กิณิตฺวา นวกมฺมํ ปฏฺเปสิ. โส มชฺเฌ ทสพลสฺส คนฺธกุฏึ กาเรสิ, ตํ ปริวาเรตฺวา อสีติมหาเถรานํ ปาฏิเยกฺกสนฺนิเวสเน อาวาเส เอกกูฏาคารทฺวิกูฏาคารหํสวฏฺฏกทีฆสาลามณฺฑปาทิวเสน เสสเสนาสนานิ โปกฺขรณีจงฺกมนรตฺติฏฺานทิวาฏฺานานิ จาติ อฏฺารสโกฏิปริจฺจาเคน รมณีเย ภูมิภาเค มโนรมํ วิหารํ การาเปตฺวา ทสพลสฺส อาคมนตฺถาย ทูตํ เปเสสิ. สตฺถา ทูตสฺส วจนํ สุตฺวา มหาภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ราชคหา นิกฺขมิตฺวา อนุปุพฺเพน สาวตฺถินครํ ปาปุณิ.

มหาเสฏฺิปิ โข วิหารมหํ สชฺเชตฺวา ตถาคตสฺส เชตวนปฺปวิสนทิวเส ปุตฺตํ สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิตํ กตฺวา อลงฺกตปฏิยตฺเตเหว ปฺจหิ กุมารสเตหิ สทฺธึ เปเสสิ. โส สปริวาโร ปฺจวณฺณวตฺถสมุชฺชลานิ ปฺจ ธชสตานิ คเหตฺวา ทสพลสฺส ปุรโต อโหสิ. เตสํ ปจฺฉโต มหาสุภทฺทา จูฬสุภทฺทาติ ทฺเว เสฏฺิธีตโร ปฺจหิ กุมาริกาสเตหิ สทฺธึ ปุณฺณฆเฏ คเหตฺวา นิกฺขมึสุ. ตาสํ ปจฺฉโต เสฏฺิภริยา สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิตา ปฺจหิ มาตุคามสเตหิ สทฺธึ ปุณฺณปาติโย คเหตฺวา นิกฺขมิ. สพฺเพสํ ปจฺฉโต สยํ มหาเสฏฺิ อหตวตฺถนิวตฺโถ อหตวตฺถนิวตฺเถเหว ปฺจหิ เสฏฺิสเตหิ สทฺธึ ภควนฺตํ อพฺภุคฺคฺฉิ. ภควา อิมํ อุปาสกปริสํ ปุรโต กตฺวา มหาภิกฺขุสงฺฆปริวุโต อตฺตโน สรีรปฺปภาย สุวณฺณรสเสกปิฺชรานิ วิย วนนฺตรานิ กุรุมาโน อนนฺตาย พุทฺธลีฬาย อปฏิสมาย พุทฺธสิริยา เชตวนวิหารํ ปาวิสิ.

อถ นํ อนาถปิณฺฑิโก ปุจฺฉิ – ‘‘กถาหํ, ภนฺเต, อิมสฺมึ วิหาเร ปฏิปชฺชามี’’ติ. เตน หิ คหปติ อิมํ วิหารํ อาคตานาคตสฺส จาตุทฺทิสสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส เทหีติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ มหาเสฏฺิ สุวณฺณภิงฺการํ อาทาย ทสพลสฺส หตฺเถ อุทกํ ปาเตตฺวา ‘‘อิมํ เชตวนวิหารํ อาคตานาคตสฺส จาตุทฺทิสสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทมฺมี’’ติ อทาสิ. สตฺถา วิหารํ ปฏิคฺคเหตฺวา อนุโมทนํ กโรนฺโต –

‘‘สีตํ อุณฺหํ ปฏิหนฺติ, ตโต วาฬมิคานิ จ;

สรีสเป จ มกเส, สิสิเร จาปิ วุฏฺิโย.

‘‘ตโต วาตาตโป โฆโร, สฺชาโต ปฏิหฺติ;

เลณตฺถฺจ สุขตฺถฺจ, ฌายิตุฺจ วิปสฺสิตุํ.

‘‘วิหารทานํ สงฺฆสฺส, อคฺคํ พุทฺเธน วณฺณิตํ;

ตสฺมา หิ ปณฺฑิโต โปโส, สมฺปสฺสํ อตฺถมตฺตโน.

‘‘วิหาเร การเย รมฺเม, วาสเยตฺถ พหุสฺสุเต;

เตสํ อนฺนฺจ ปานฺจ, วตฺถเสนาสนานิ จ.

‘‘ทเทยฺย อุชุภูเตสุ, วิปฺปสนฺเนน เจตสา;

เต ตสฺส ธมฺมํ เทเสนฺติ, สพฺพทุกฺขาปนูทนํ;

ยํ โส ธมฺมํ อิธฺาย, ปรินิพฺพาติ อนาสโว’’ติ. (จูฬว. ๒๙๕) –

วิหารานิสํสํ กเถสิ. อนาถปิณฺฑิโก ทุติยทิวสโต ปฏฺาย วิหารมหํ อารภิ. วิสาขาย ปาสาทมโห จตูหิ มาเสหิ นิฏฺิโต, อนาถปิณฺฑิกสฺส ปน วิหารมโห นวหิ มาเสหิ นิฏฺาสิ. วิหารมเหปิ อฏฺารเสว โกฏิโย ปริจฺจาคํ อคมํสุ. อิติ เอกสฺมึเยว วิหาเร จตุปณฺณาสโกฏิสงฺขฺยํ ธนํ ปริจฺจชิ.

อตีเต ปน วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล ปุนพฺพสุมิตฺโต นาม เสฏฺิ สุวณฺณิฏฺกาสนฺถาเรน กิณิตฺวา ตสฺมึเยว าเน โยชนปฺปมาณํ สงฺฆารามํ กาเรสิ. สิขิสฺส ภควโต กาเล สิริวฑฺโฒ นาม เสฏฺิ สุวณฺณผาลสนฺถาเรน กิณิตฺวา ตสฺมึเยว าเน ติคาวุตปฺปมาณํ สงฺฆารามํ กาเรสิ. เวสฺสภุสฺส ภควโต กาเล โสตฺถิโช นาม เสฏฺิ สุวณฺณหตฺถิปทสนฺถาเรน กิณิตฺวา ตสฺมึเยว าเน อฑฺฒโยชนปฺปมาณํ สงฺฆารามํ กาเรสิ. กกุสนฺธสฺส ภควโต กาเล อจฺจุโต นาม เสฏฺิ สุวณฺณิฏฺกาสนฺถาเรน กิณิตฺวา ตสฺมึเยว าเน คาวุตปฺปมาณํ สงฺฆารามํ กาเรสิ. โกณาคมนสฺส ภควโต กาเล อุคฺโค นาม เสฏฺิ สุวณฺณกจฺฉปสนฺถาเรน กิณิตฺวา ตสฺมึเยว าเน อฑฺฒคาวุตปฺปมาณํ สงฺฆารามํ กาเรสิ. กสฺสปสฺส ภควโต กาเล สุมงฺคโล นาม เสฏฺิ สุวณฺณกฏฺฏิสนฺถาเรน กิณิตฺวา ตสฺมึเยว าเน โสฬสกรีสปฺปมาณํ สงฺฆารามํ กาเรสิ. อมฺหากํ ปน ภควโต กาเล อนาถปิณฺฑิโก นาม เสฏฺิ กหาปณโกฏิสนฺถาเรน กิณิตฺวา ตสฺมึเยว าเน อฏฺกรีสปฺปมาณํ สงฺฆารามํ กาเรสิ. อิทํ กิร านํ สพฺพพุทฺธานํ อวิชหิตฏฺานเมว.

อิติ มหาโพธิมณฺเฑ สพฺพฺุตปฺปตฺติโต ยาว มหาปรินิพฺพานมฺจา ยสฺมึ ยสฺมึ าเน ภควา วิหาสิ, อิทํ สนฺติเกนิทานํ นาม, ตสฺส วเสน สพฺพชาตกานิ วณฺณยิสฺสาม.

นิทานกถา นิฏฺิตา.

๑. เอกกนิปาโต

๑. อปณฺณกวคฺโค

๑. อปณฺณกชาตกวณฺณนา

อิมํ ตาว อปณฺณกธมฺมเทสนํ ภควา สาวตฺถึ อุปนิสฺสาย เชตวนมหาวิหาเร วิหรนฺโต กเถสิ. กํ ปน อารพฺภ อยํ กถา สมุฏฺิตาติ? เสฏฺิสฺส สหายเก ปฺจสเต ติตฺถิยสาวเก. เอกสฺมิฺหิ ทิวเส อนาถปิณฺฑิโก เสฏฺิ อตฺตโน สหายเก ปฺจสเต อฺติตฺถิยสาวเก อาทาย พหุํ มาลาคนฺธวิเลปนฺเจว สปฺปิเตลมธุผาณิตวตฺถจฺฉาทนานิ จ คาหาเปตฺวา เชตวนํ คนฺตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา คนฺธมาลาทีหิ ปูเชตฺวา เภสชฺชานิ เจว วตฺถานิ จ ภิกฺขุสงฺฆสฺส วิสฺสชฺเชตฺวา ฉ นิสชฺชาโทเส วชฺเชตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เตปิ อฺติตฺถิยสาวกา ตถาคตํ วนฺทิตฺวา สตฺถุ ปุณฺณจนฺทสสฺสิริกํ มุขํ, ลกฺขณานุพฺยฺชนปฏิมณฺฑิตํ พฺยามปฺปภาปริกฺขิตฺตํ พฺรหฺมกายํ, อาเวฬาเวฬา ยมกยมกา หุตฺวา นิจฺฉรนฺติโย ฆนพุทฺธรสฺมิโย จ โอโลกยมานา อนาถปิณฺฑิกสฺส สมีเปเยว นิสีทึสุ.

อถ เนสํ สตฺถา มโนสิลาตเล สีหนาทํ นทนฺโต ตรุณสีโห วิย คชฺชนฺโต ปาวุสฺสกเมโฆ วิย จ อากาสคงฺคํ โอตาเรนฺโต วิย จ รตนทามํ คนฺเถนฺโต วิย จ อฏฺงฺคสมนฺนาคเตน สวนีเยน กมนีเยน พฺรหฺมสฺสเรน นานานยวิจิตฺตํ มธุรธมฺมกถํ กเถสิ. เต สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปสนฺนจิตฺตา อุฏฺาย ทสพลํ วนฺทิตฺวา อฺติตฺถิยสรณํ ภินฺทิตฺวา พุทฺธํ สรณํ อคมํสุ. เต ตโต ปฏฺาย นิจฺจกาลํ อนาถปิณฺฑิเกน สทฺธึ คนฺธมาลาทิหตฺถา วิหารํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุณนฺติ, ทานํ เทนฺติ, สีลํ รกฺขนฺติ, อุโปสถกมฺมํ กโรนฺติ.

อถ ภควา สาวตฺถิโต ปุนเทว ราชคหํ อคมาสิ. เต ตถาคตสฺส คตกาเล ตํ สรณํ ภินฺทิตฺวา ปุน อฺติตฺถิยสรณํ คนฺตฺวา อตฺตโน มูลฏฺาเนเยว ปติฏฺิตา. ภควาปิ สตฺตฏฺ มาเส วีตินาเมตฺวา ปุน เชตวนเมว อคมาสิ. อนาถปิณฺฑิโก ปุนปิ เต อาทาย สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา สตฺถารํ คนฺธมาลาทีหิ ปูเชตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เตปิ ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. อถ เนสํ ตถาคเต จาริกํ ปกฺกนฺเต คหิตสรณํ ภินฺทิตฺวา ปุน อฺติตฺถิยสรณเมว คเหตฺวา มูเล ปติฏฺิตภาวํ ภควโต อาโรเจสิ.

ภควา อปริมิตกปฺปโกฏิโย นิรนฺตรํ ปวตฺติตวจีสุจริตานุภาเวน ทิพฺพคนฺธคนฺธิตํ นานาคนฺธปูริตํ รตนกรณฺฑกํ วิวรนฺโต วิย มุขปทุมํ วิวริตฺวา มธุรสฺสรํ นิจฺฉาเรนฺโต ‘‘สจฺจํ กิร ตุมฺเห อุปาสกา ตีณิ สรณานิ ภินฺทิตฺวา อฺติตฺถิยสรณํ คตา’’ติ ปุจฺฉิ. อถ เตหิ ปฏิจฺฉาเทตุํ อสกฺโกนฺเตหิ ‘‘สจฺจํ ภควา’’ติ วุตฺเต สตฺถา ‘‘อุปาสกา เหฏฺา อวีจึ อุปริ ภวคฺคํ ปริจฺเฉทํ กตฺวา ติริยํ อปริมาณาสุ โลกธาตูสุ สีลาทีหิ คุเณหิ พุทฺเธน สทิโส นาม นตฺถิ, กุโต อธิกตโร’’ติ. ‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, สตฺตา อปทา วา ทฺวิปทา วา จตุปฺปทา วา พหุปฺปทา วา, ตถาคโต เตสํ อคฺคมกฺขายติ (สํ. นิ. ๕.๑๓๙; อ. นิ. ๔.๓๔), ยํ กิฺจิ วิตฺตํ อิธ วา หุรํ วา…เป… (ขุ. ปา. ๖.๓; สุ. นิ. ๒๒๖) อคฺคโต เว ปสนฺนาน’’นฺติอาทีหิ (อ. นิ. ๔.๓๔; อิติวุ. ๙๐) สุตฺเตหิ ปกาสิเต รตนตฺตยคุเณ ปกาเสตฺวา ‘‘เอวํ อุตฺตมคุเณหิ สมนฺนาคตํ รตนตฺตยํ สรณํ คตา อุปาสกา วา อุปาสิกา วา นิรยาทีสุ นิพฺพตฺตกา นาม นตฺถิ, อปายนิพฺพตฺติโต ปน มุจฺจิตฺวา เทวโลเก อุปฺปชฺชิตฺวา มหาสมฺปตฺตึ อนุโภนฺติ, ตสฺมา ตุมฺเหหิ เอวรูปํ สรณํ ภินฺทิตฺวา อฺติตฺถิยสรณํ คจฺฉนฺเตหิ อยุตฺตํ กต’’นฺติ อาห.

เอตฺถ จ ตีณิ รตนานิ โมกฺขวเสน อุตฺตมวเสน สรณคตานํ อปาเยสุ นิพฺพตฺติยา อภาวทีปนตฺถํ อิมานิ สุตฺตานิ ทสฺเสตพฺพานิ –

‘‘เย เกจิ พุทฺธํ สรณํ คตาเส, น เต คมิสฺสนฺติ อปายภูมึ;

ปหาย มานุสํ เทหํ, เทวกายํ ปริปูเรสฺสนฺติ. (ที. นิ. ๒.๓๓๒; สํ. นิ. ๑.๓๗);

‘‘เย เกจิ ธมฺมํ สรณํ คตาเส, น เต คมิสฺสนฺติ อปายภูมึ;

ปหาย มานุสํ เทหํ, เทวกายํ ปริปูเรสฺสนฺติ.

‘‘เย เกจิ สงฺฆํ สรณํ คตาเส, น เต คมิสฺสนฺติ อปายภูมึ;

ปหาย มานุสํ เทหํ, เทวกายํ ปริปูเรสฺสนฺติ.

‘‘พหุํ เว สรณํ ยนฺติ, ปพฺพตานิ วนานิ จ;

อารามรุกฺขเจตฺยานิ, มนุสฺสา ภยตชฺชิตา.

‘‘เนตํ โข สรณํ เขมํ, เนตํ สรณมุตฺตมํ;

เนตํ สรณมาคมฺม, สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจติ.

‘‘โย จ พุทฺธฺจ ธมฺมฺจ, สงฺฆฺจ สรณํ คโต;

จตฺตาริ อริยสจฺจานิ, สมฺมปฺปฺาย ปสฺสติ.

‘‘ทุกฺขํ ทุกฺขสมุปฺปาทํ, ทุกฺขสฺส จ อติกฺกมํ;

อริยฺจฏฺงฺคิกํ มคฺคํ, ทุกฺขูปสมคามินํ.

‘‘เอตํ โข สรณํ เขมํ, เอตํ สรณมุตฺตมํ;

เอตํ สรณมาคมฺม, สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจตี’’ติ. (ธ. ป. ๑๘๘-๑๙๒);

น เกวลฺจ เนสํ สตฺถา เอตฺตกํเยว ธมฺมํ เทเสสิ, อปิจ โข ‘‘อุปาสกา พุทฺธานุสฺสติกมฺมฏฺานํ นาม, ธมฺมานุสฺสติกมฺมฏฺานํ นาม, สงฺฆานุสฺสติกมฺมฏฺานํ นาม โสตาปตฺติมคฺคํ เทติ, โสตาปตฺติผลํ เทติ, สกทาคามิมคฺคํ เทติ, สกทาคามิผลํ เทติ, อนาคามิมคฺคํ เทติ, อนาคามิผลํ เทติ, อรหตฺตมคฺคํ เทติ, อรหตฺตผลํ เทตี’’ติเอวมาทีหิปิ นเยหิ ธมฺมํ เทเสตฺวา ‘‘เอวรูปํ นาม สรณํ ภินฺทนฺเตหิ อยุตฺตํ ตุมฺเหหิ กต’’นฺติ อาห. เอตฺถ จ พุทฺธานุสฺสติกมฺมฏฺานาทีนํ โสตาปตฺติมคฺคาทิปฺปทานํ ‘‘เอกธมฺโม, ภิกฺขเว, ภาวิโต พหุลีกโต เอกนฺตนิพฺพิทาย วิราคาย นิโรธาย อุปสมาย อภิฺาย สมฺโพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตติ. กตโม เอกธมฺโม? พุทฺธานุสฺสตี’’ติเอวมาทีหิ (อ. นิ. ๑.๒๙๖) สุตฺเตหิ ทีเปตพฺพํ.

เอวํ ภควา นานปฺปกาเรหิ อุปาสเก โอวทิตฺวา ‘‘อุปาสกา ปุพฺเพปิ มนุสฺสา อสรณํ ‘สรณ’นฺติ ตกฺกคฺคาเหน วิรทฺธคฺคาเหน คเหตฺวา อมนุสฺสปริคฺคหิเต กนฺตาเร ยกฺขภกฺขา หุตฺวา มหาวินาสํ ปตฺตา, อปณฺณกคฺคาหํ ปน เอกํสิกคฺคาหํ อวิรทฺธคฺคาหํ คหิตมนุสฺสา ตสฺมึเยว กนฺตาเร โสตฺถิภาวํ ปตฺตา’’ติ วตฺวา ตุณฺหี อโหสิ. อถ โข อนาถปิณฺฑิโก คหปติ อุฏฺายาสนา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา อภิตฺถวิตฺวา สิรสฺมึ อฺชลึ ปติฏฺาเปตฺวา เอวมาห ‘‘ภนฺเต, อิทานิ ตาว อิเมสํ อุปาสกานํ อุตฺตมสรณํ ภินฺทิตฺวา ตกฺกคฺคหณํ อมฺหากํ ปากฏํ, ปุพฺเพ ปน อมนุสฺสปริคฺคหิเต กนฺตาเร ตกฺกิกานํ วินาโส, อปณฺณกคฺคาหํ คหิตมนุสฺสานฺจ โสตฺถิภาโว อมฺหากํ ปฏิจฺฉนฺโน, ตุมฺหากเมว ปากโฏ, สาธุ วต โน ภควา อากาเส ปุณฺณจนฺทํ อุฏฺาเปนฺโต วิย อิมํ การณํ ปากฏํ กโรตู’’ติ. อถ ภควา ‘‘มยา โข, คหปติ, อปริมิตกาลํ ทส ปารมิโย ปูเรตฺวา โลกสฺส กงฺขจฺเฉทนตฺถเมว สพฺพฺุตฺาณํ ปฏิวิทฺธํ, สีหวสาย สุวณฺณนาฬึ ปูเรนฺโต วิย สกฺกจฺจํ โสตํ โอทหิตฺวา สุโณหี’’ติ เสฏฺิโน สตุปฺปาทํ ชเนตฺวา หิมคพฺภํ ปทาเลตฺวา ปุณฺณจนฺทํ นีหรนฺโต วิย ภวนฺตเรน ปฏิจฺฉนฺนการณํ ปากฏํ อกาสิ.

อตีเต กาสิรฏฺเ พาราณสินคเร พฺรหฺมทตฺโต นาม ราชา อโหสิ. ตทา โพธิสตฺโต สตฺถวาหกุเล ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา ทสมาสจฺจเยน มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขมิตฺวา อนุปุพฺเพน วยปฺปตฺโต ปฺจหิ สกฏสเตหิ วณิชฺชํ กโรนฺโต วิจรติ. โส กทาจิ ปุพฺพนฺตโต อปรนฺตํ คจฺฉติ, กทาจิ อปรนฺตโต ปุพฺพนฺตํ. พาราณสิยํเยว อฺโปิ สตฺถวาหปุตฺโต อตฺถิ พาโล อพฺยตฺโต อนุปายกุสโล. ตทา โพธิสตฺโต พาราณสิโต มหคฺฆํ ภณฺฑํ คเหตฺวา ปฺจ สกฏสตานิ ปูเรตฺวา คมนสชฺชานิ กตฺวา เปสิ. โสปิ พาลสตฺถวาหปุตฺโต ตเถว ปฺจ สกฏสตานิ ปูเรตฺวา คมนสชฺชานิ กตฺวา เปสิ.

ตทา โพธิสตฺโต จินฺเตสิ ‘‘สเจ อยํ พาลสตฺถวาหปุตฺโต มยา สทฺธึเยว คมิสฺสติ, สกฏสหสฺเส เอกโต มคฺคํ คจฺฉนฺเต มคฺโคปิ นปฺปโหสฺสติ, มนุสฺสานํ ทารุทกาทีนิปิ, พลิพทฺทานํ ติณานิปิ ทุลฺลภานิ ภวิสฺสนฺติ, เอเตน วา มยา วา ปุรโต คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา เอตมตฺถํ อาโรเจตฺวา ‘‘ทฺวีหิปิ อมฺเหหิ เอกโต คนฺตุํ น สกฺกา, กึ ตฺวํ ปุรโต คมิสฺสสิ, อุทาหุ ปจฺฉโต’’ติ อาห. โส จินฺเตสิ ‘‘มยิ ปุรโต คจฺฉนฺเต พหู อานิสํสา, มคฺเคน อภินฺเนเนว คมิสฺสามิ, โคณา อนามฏฺติณํ ขาทิสฺสนฺติ, มนุสฺสานํ อนามฏฺํ สูเปยฺยปณฺณํ ภวิสฺสติ, ปสนฺนํ อุทกํ ภวิสฺสติ, ยถารุจึ อคฺฆํ เปตฺวา ภณฺฑํ วิกฺกิณิสฺสามี’’ติ. โส ‘‘อหํ, สมฺม, ปุรโต คมิสฺสามี’’ติ อาห. โพธิสตฺโตปิ ปจฺฉโต คมเน พหู อานิสํเส อทฺทส. เอวํ หิสฺส อโหสิ – ‘‘ปุรโต คจฺฉนฺตา มคฺเค วิสมฏฺานํ สมํ กริสฺสนฺติ, อหํ เตหิ คตมคฺเคน คมิสฺสามิ, ปุรโต คเตหิ พลิพทฺเทหิ ปริณตถทฺธติเณ ขาทิเต มม โคณา ปุน อุฏฺิตานิ มธุรติณานิ ขาทิสฺสนฺติ, คหิตปณฺณฏฺานโต อุฏฺิตํ มนุสฺสานํ สูเปยฺยปณฺณํ มธุรํ ภวิสฺสติ, อนุทเก าเน อาวาฏํ ขนิตฺวา เอเต อุทกํ อุปฺปาเทสฺสนฺติ, เตหิ กเตสุ อาวาเฏสุ มยํ อุทกํ ปิวิสฺสาม, อคฺฆฏฺปนํ นาม มนุสฺสานํ ชีวิตา โวโรปนสทิสํ, อหํ ปจฺฉโต คนฺตฺวา เอเตหิ ปิตคฺเฆน ภณฺฑํ วิกฺกิณิสฺสามี’’ติ. อถ โส เอตฺตเก อานิสํเส ทิสฺวา ‘‘สมฺม, ตฺวํ ปุรโต คจฺฉาหี’’ติ อาห. ‘‘สาธุ, สมฺมา’’ติ พาลสตฺถวาโห สกฏานิ โยเชตฺวา นิกฺขนฺโต อนุปุพฺเพน มนุสฺสาวาสํ อติกฺกมิตฺวา กนฺตารมุขํ ปาปุณิ.

กนฺตารํ นาม – โจรกนฺตารํ, วาฬกนฺตารํ, นิรุทกกนฺตารํ, อมนุสฺสกนฺตารํ, อปฺปภกฺขกนฺตารนฺติ ปฺจวิธํ. ตตฺถ โจเรหิ อธิฏฺิตมคฺโค โจรกนฺตารํ นาม. สีหาทีหิ อธิฏฺิตมคฺโค วาฬกนฺตารํ นาม. ยตฺถ นฺหายิตุํ วา ปาตุํ วา อุทกํ นตฺถิ, อิทํ นิรุทกกนฺตารํ นาม. อมนุสฺสาธิฏฺิตํ อมนุสฺสกนฺตารํ นาม. มูลขาทนียาทิวิรหิตํ อปฺปภกฺขกนฺตารํ นาม. อิมสฺมึ ปฺจวิเธ กนฺตาเร ตํ กนฺตารํ นิรุทกกนฺตารฺเจว อมนุสฺสกนฺตารฺจ. ตสฺมา โส พาลสตฺถวาหปุตฺโต สกเฏสุ มหนฺตมหนฺตา จาฏิโย เปตฺวา อุทกสฺส ปูราเปตฺวา สฏฺิโยชนิกํ กนฺตารํ ปฏิปชฺชิ.

อถสฺส กนฺตารมชฺฌํ คตกาเล กนฺตาเร อธิวตฺถยกฺโข ‘‘อิเมหิ มนุสฺเสหิ คหิตํ อุทกํ ฉฑฺฑาเปตฺวา ทุพฺพเล กตฺวา สพฺเพว เน ขาทิสฺสามี’’ติ สพฺพเสตตรุณพลิพทฺทยุตฺตํ มโนรมํ ยานกํ มาเปตฺวา ธนุกลาปผลกาวุธหตฺเถหิ ทสหิ ทฺวาทสหิ อมนุสฺเสหิ ปริวุโต อุปฺปลกุมุทานิ ปิฬนฺธิตฺวา อลฺลโกโส อลฺลวตฺโถ อิสฺสรปุริโส วิย ตสฺมึ ยานเก นิสีทิตฺวา กทฺทมมกฺขิเตหิ จกฺเกหิ ปฏิปถํ อคมาสิ. ปริวารอมนุสฺสาปิสฺส ปุรโต จ ปจฺฉโต จ คจฺฉนฺตา อลฺลเกสา อลฺลวตฺถา อุปฺปลกุมุทมาลา ปิฬนฺธิตฺวา ปทุมปุณฺฑรีกกลาเป คเหตฺวา ภิสมุฬาลานิ ขาทนฺตา อุทกพินฺทูหิ เจว กลเลหิ จ ปคฺฆรนฺเตหิ อคมํสุ. สตฺถวาหา จ นาม ยทา ธุรวาโต วายติ, ตทา ยานเก นิสีทิตฺวา อุปฏฺากปริวุตา รชํ ปริหรนฺตา ปุรโต คจฺฉนฺติ. ยทา ปจฺฉโต วาโต วายติ, ตทา เตเนว นเยน ปจฺฉโต คจฺฉนฺติ. ตทา ปน ธุรวาโต อโหสิ, ตสฺมา โส สตฺถวาหปุตฺโต ปุรโต อคมาสิ.

ยกฺโข ตํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา อตฺตโน ยานกํ มคฺคา โอกฺกมาเปตฺวา ‘‘กหํ คจฺฉถา’’ติ เตน สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ อกาสิ. สตฺถวาโหปิ อตฺตโน ยานกํ มคฺคา โอกฺกมาเปตฺวา สกฏานํ คมโนกาสํ ทตฺวา เอกมนฺเต ิโต ตํ ยกฺขํ อโวจ ‘‘โภ, อมฺเห ตาว พาราณสิโต อาคจฺฉาม. ตุมฺเห ปน อุปฺปลกุมุทานิ ปิฬนฺธิตฺวา ปทุมปุณฺฑรีกหตฺถา ภิสมุฬาลานิ ขาทนฺตา กทฺทมมกฺขิตา อุทกพินฺทูหิ ปคฺฆรนฺเตหิ อาคจฺฉถ. กึ นุ โข ตุมฺเหหิ อาคตมคฺเค เทโว วสฺสติ, อุปฺปลาทิสฺฉนฺนานิ วา สรานิ อตฺถี’’ติ ปุจฺฉิ. ยกฺโข ตสฺส กถํ สุตฺวา ‘‘สมฺม, กึ นาเมตํ กเถสิ. เอสา นีลวนราชิ ปฺายติ. ตโต ปฏฺาย สกลํ อรฺํ เอโกทกํ, นิพทฺธํ เทโว วสฺสติ, กนฺทรา ปูรา, ตสฺมึ ตสฺมึ าเน ปทุมาทิสฺฉนฺนานิ สรานิ อตฺถี’’ติ วตฺวา ปฏิปาฏิยา คจฺฉนฺเตสุ สกเฏสุ ‘‘อิมานิ สกฏานิ อาทาย กหํ คจฺฉถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อสุกชนปทํ นามา’’ติ. ‘‘อิมสฺมึ จิมสฺมิฺจ สกเฏ กึ นาม ภณฺฑ’’นฺติ? ‘‘อสุกฺจ อสุกฺจา’’ติ. ‘‘ปจฺฉโต อาคจฺฉนฺตํ สกฏํ อติวิย ครุกํ หุตฺวา อาคจฺฉติ, เอตสฺมึ กึ ภณฺฑ’’นฺติ? ‘‘อุทกํ เอตฺถา’’ติ. ‘‘ปรโต ตาว อุทกํ อาเนนฺเตหิ โว มนาปํ กตํ, อิโต ปฏฺาย ปน อุทเกน กิจฺจํ นตฺถิ, ปุรโต พหุ อุทกํ, จาฏิโย ภินฺทิตฺวา อุทกํ ฉฑฺเฑตฺวา สุเขน คจฺฉถา’’ติ อาห. เอวฺจ ปน วตฺวา ‘‘ตุมฺเห คจฺฉถ, อมฺหากํ ปปฺโจ โหตี’’ติ โถกํ คนฺตฺวา เตสํ อทสฺสนํ ปตฺวา อตฺตโน ยกฺขนครเมว อคมาสิ.

โสปิ พาลสตฺถวาโห อตฺตโน พาลตาย ยกฺขสฺส วจนํ คเหตฺวา จาฏิโย ภินฺทาเปตฺวา ปสตมตฺตมฺปิ อุทกํ อนวเสเสตฺวา สพฺพํ ฉฑฺฑาเปตฺวา สกฏานิ ปาชาเปสิ, ปุรโต อปฺปมตฺตกมฺปิ อุทกํ นาโหสิ, มนุสฺสา ปานียํ อลภนฺตา กิลมึสุ. เต ยาว สูริยตฺถงฺคมนา คนฺตฺวา สกฏานิ โมเจตฺวา ปริวฏฺฏเกน เปตฺวา โคเณ จกฺเกสุ พนฺธึสุ. เนว โคณานํ อุทกํ อโหสิ, น มนุสฺสานํ ยาคุภตฺตํ วา. ทุพฺพลมนุสฺสา ตตฺถ ตตฺถ นิปชฺชิตฺวา สยึสุ. รตฺติภาคสมนนฺตเร ยกฺขา ยกฺขนครโต อาคนฺตฺวา สพฺเพปิ โคเณ จ มนุสฺเส จ ชีวิตกฺขยํ ปาเปตฺวา มํสํ ขาทิตฺวา อฏฺีนิ อวเสเสตฺวา อคมํสุ. เอวเมกํ พาลสตฺถวาหปุตฺตํ นิสฺสาย สพฺเพปิ เต วินาสํ ปาปุณึสุ, หตฺถฏฺิกาทีนิ ทิสาวิทิสาสุ วิปฺปกิณฺณานิ อเหสุํ. ปฺจ สกฏสตานิ ยถาปูริตาเนว อฏฺํสุ.

โพธิสตฺโตปิ โข พาลสตฺถวาหปุตฺตสฺส นิกฺขนฺตทิวสโต มาสฑฺฒมาสํ วีตินาเมตฺวา ปฺจหิ สกฏสเตหิ นครา นิกฺขมฺม อนุปุพฺเพน กนฺตารมุขํ ปาปุณิ. โส ตตฺถ อุทกจาฏิโย ปูเรตฺวา พหุํ อุทกํ อาทาย ขนฺธาวาเร เภรึ จราเปตฺวา มนุสฺเส สนฺนิปาเตตฺวา เอวมาห ‘‘ตุมฺเห มํ อนาปุจฺฉิตฺวา ปสตมตฺตมฺปิ อุทกํ มา วฬฺชยิตฺถ, กนฺตาเร วิสรุกฺขา นาม โหนฺติ, ปตฺตํ วา ปุปฺผํ วา ผลํ วา ตุมฺเหหิ ปุเร อขาทิตปุพฺพํ มํ อนาปุจฺฉิตฺวา มา ขาทิตฺถา’’ติ. เอวํ มนุสฺสานํ โอวาทํ ทตฺวา ปฺจหิ สกฏสเตหิ กนฺตารํ ปฏิปชฺชิ. ตสฺมึ กนฺตารมชฺฌํ สมฺปตฺเต โส ยกฺโข ปุริมนเยเนว โพธิสตฺตสฺส ปฏิปเถ อตฺตานํ ทสฺเสสิ. โพธิสตฺโต ตํ ทิสฺวาว อฺาสิ ‘‘อิมสฺมึ กนฺตาเร อุทกํ นตฺถิ, นิรุทกกนฺตาโร นาเมส, อยฺจ นิพฺภโย รตฺตเนตฺโต, ฉายาปิสฺส น ปฺายติ, นิสฺสํสยํ อิมินา ปุรโต คโต พาลสตฺถวาหปุตฺโต สพฺพํ อุทกํ ฉฑฺฑาเปตฺวา กิลเมตฺวา สปริโส ขาทิโต ภวิสฺสติ, มยฺหํ ปน ปณฺฑิตภาวํ อุปายโกสลฺลํ น ชานาติ มฺเ’’ติ. ตโต นํ อาห ‘‘คจฺฉถ ตุมฺเห, มยํ วาณิชา นาม อฺํ อุทกํ อทิสฺวา คหิตอุทกํ น ฉฑฺเฑม, ทิฏฺฏฺาเน ปน ฉฑฺเฑตฺวา สกฏานิ สลฺลหุกานิ กตฺวา คมิสฺสามา’’ติ ยกฺโข โถกํ คนฺตฺวา อทสฺสนํ อุปคมฺม อตฺตโน ยกฺขนครเมว คโต.

ยกฺเข ปน คเต มนุสฺสา โพธิสตฺตํ อาหํสุ ‘‘อยฺย, เอเต มนุสฺสา ‘เอสา นีลวนราชิ ปฺายติ, ตโต ปฏฺาย นิพทฺธํ เทโว วสฺสตี’ติ วตฺวา อุปฺปลกุมุทมาลาธาริโน ปทุมปุณฺฑรีกกลาเป อาทาย ภิสมุฬาลานิ ขาทนฺตา อลฺลวตฺถา อลฺลเกสา อุทกพินฺทูหิ ปคฺฆรนฺเตหิ อาคตา, อุทกํ ฉฑฺเฑตฺวา สลฺลหุเกหิ สกเฏหิ ขิปฺปํ คจฺฉามา’’ติ. โพธิสตฺโต เตสํ กถํ สุตฺวา สกฏานิ ปาเปตฺวา สพฺเพ มนุสฺเส สนฺนิปาตาเปตฺวา ‘‘ตุมฺเหหิ ‘อิมสฺมึ กนฺตาเร สโร วา โปกฺขรณี วา อตฺถี’ติ กสฺสจิ สุตปุพฺพ’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘น, อยฺย, สุตปุพฺพ’’นฺติ. นิรุทกกนฺตาโร นาม เอโส, อิทานิ เอกจฺเจ มนุสฺสา ‘‘เอตาย นีลวนราชิยา ปุรโต เทโว วสฺสตี’’ติ วทนฺติ, ‘‘วุฏฺิวาโต นาม กิตฺตกํ านํ วายตี’’ติ? ‘‘โยชนมตฺตํ, อยฺยา’’ติ. ‘‘กจฺจิ ปน โว เอกสฺสาปิ สรีรํ วุฏฺิวาโต ปหรตี’’ติ? ‘‘นตฺถิ อยฺยา’’ติ. ‘‘เมฆสีสํ นาม กิตฺตเก าเน ปฺายตี’’ติ? ‘‘ติโยชนมตฺเต อยฺยา’’ติ. ‘‘อตฺถิ ปน โว เกนจิ เอกมฺปิ เมฆสีสํ ทิฏฺ’’นฺติ? ‘‘นตฺถิ, อยฺยา’’ติ. ‘‘วิชฺชุลตา นาม กิตฺตเก าเน ปฺายตี’’ติ? ‘‘จตุปฺปฺจโยชนมตฺเต, อยฺยา’’ติ. ‘‘อตฺถิ ปน โว เกนจิ วิชฺชุลโตภาโส ทิฏฺโ’’ติ? ‘‘นตฺถิ, อยฺยา’’ติ. ‘‘เมฆสทฺโท นาม กิตฺตเก าเน สุยฺยตี’’ติ? ‘‘เอกทฺวิโยชนมตฺเต, อยฺยา’’ติ. ‘‘อตฺถิ ปน โว เกนจิ เมฆสทฺโท สุโต’’ติ? ‘‘นตฺถิ, อยฺยา’’ติ. ‘‘น เอเต มนุสฺสา, ยกฺขา เอเต, อมฺเห อุทกํ ฉฑฺฑาเปตฺวา ทุพฺพเล กตฺวา ขาทิตุกามา อาคตา ภวิสฺสนฺติ. ปุรโต คโต พาลสตฺถวาหปุตฺโต น อุปายกุสโล. อทฺธา โส เอเตหิ อุทกํ ฉฑฺฑาเปตฺวา กิลเมตฺวา ขาทิโต ภวิสฺสติ, ปฺจ สกฏสตานิ ยถาปูริตาเนว ิตานิ ภวิสฺสนฺติ. อชฺช มยํ ตานิ ปสฺสิสฺสาม, ปสตมตฺตมฺปิ อุทกํ อฉฑฺเฑตฺวา สีฆสีฆํ ปาเชถา’’ติ ปาชาเปสิ.

โส คจฺฉนฺโต ยถาปูริตาเนว ปฺจ สกฏสตานิ โคณมนุสฺสานฺจ หตฺถฏฺิกาทีนิ ทิสาวิทิสาสุ วิปฺปกิณฺณานิ ทิสฺวา สกฏานิ โมจาเปตฺวา สกฏปริวฏฺฏเกน ขนฺธาวารํ พนฺธาเปตฺวา กาลสฺเสว มนุสฺเส จ โคเณ จ สายมาสภตฺตํ โภชาเปตฺวา มนุสฺสานํ มชฺเฌ โคเณ นิปชฺชาเปตฺวา สยํ พลนายโก หุตฺวา ขคฺคหตฺโถ ติยามรตฺตึ อารกฺขํ คเหตฺวา ิตโกว อรุณํ อุฏฺาเปสิ. ปุนทิวเส ปน ปาโตว สพฺพกิจฺจานิ นิฏฺาเปตฺวา โคเณ โภเชตฺวา ทุพฺพลสกฏานิ ฉฑฺฑาเปตฺวา ถิรานิ คาหาเปตฺวา อปฺปคฺฆํ ภณฺฑํ ฉฑฺฑาเปตฺวา มหคฺฆํ ภณฺฑํ อาโรปาเปตฺวา ยถาธิปฺเปตํ านํ คนฺตฺวา ทิคุณติคุเณน มูเลน ภณฺฑํ วิกฺกิณิตฺวา สพฺพํ ปริสํ อาทาย ปุน อตฺตโน นครเมว อคมาสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมกถํ กเถตฺวา ‘‘เอวํ, คหปติ, ปุพฺเพ ตกฺกคฺคาหคาหิโน มหาวินาสํ ปตฺตา, อปณฺณกคฺคาหคาหิโน ปน อมนุสฺสานํ หตฺถโต มุจฺจิตฺวา โสตฺถินา อิจฺฉิตฏฺานํ คนฺตฺวา ปุน สกฏฺานเมว ปจฺจาคมึสู’’ติ วตฺวา ทฺเวปิ วตฺถูนิ ฆเฏตฺวา อิมิสฺสา อปณฺณกธมฺมเทสนาย อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา อิมํ คาถมาห –

.

‘‘อปณฺณกํ านเมเก, ทุติยํ อาหุ ตกฺกิกา;

เอตทฺาย เมธาวี, ตํ คณฺเห ยทปณฺณก’’นฺติ.

ตตฺถ อปณฺณกนฺติ เอกํสิกํ อวิรทฺธํ นิยฺยานิกํ. านนฺติ การณํ. การณฺหิ ยสฺมา ตทายตฺตวุตฺติตาย ผลํ ติฏฺติ นาม, ตสฺมา ‘‘าน’’นฺติ วุจฺจติ, ‘‘านฺจ านโต อฏฺานฺจ อฏฺานโต’’ติอาทีสุ (วิภ. ๘๐๙) จสฺส ปโยโค เวทิตพฺโพ. อิติ ‘‘อปณฺณกํ าน’’นฺติ ปททฺวเยนาปิ ‘‘ยํ เอกนฺตหิตสุขาวหตฺตา ปณฺฑิเตหิ ปฏิปนฺนํ เอกํสิกการณํ อวิรทฺธการณํ นิยฺยานิกการณํ, ตํ อิท’’นฺติ ทีเปติ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, ปเภทโต ปน ตีณิ สรณคมนานิ, ปฺจ สีลานิ, ทส สีลานิ, ปาติโมกฺขสํวโร, อินฺทฺริยสํวโร, อาชีวปาริสุทฺธิ, ปจฺจยปฏิเสวนํ, สพฺพมฺปิ จตุปาริสุทฺธิสีลํ; อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารตา, โภชเน มตฺตฺุตา, ชาคริยานุโยโค, ฌานํ, วิปสฺสนา, อภิฺา, สมาปตฺติ, อริยมคฺโค, อริยผลํ, สพฺพมฺเปตํ อปณฺณกฏฺานํ อปณฺณกปฏิปทา, นิยฺยานิกปฏิปทาติ อตฺโถ.

ยสฺมา จ ปน นิยฺยานิกปฏิปทาย เอตํ นามํ, ตสฺมาเยว ภควา อปณฺณกปฏิปทํ ทสฺเสนฺโต อิมํ สุตฺตมาห –

‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อปณฺณกปฏิปทํ ปฏิปนฺโน โหติ, โยนิ จสฺส อารทฺธา โหติ อาสวานํ ขยาย. กตเมหิ ตีหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร โหติ, โภชเน มตฺตฺู โหติ, ชาคริยํ อนุยุตฺโต โหติ. กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา น นิมิตฺตคฺคาหี โหติ…เป… เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร โหติ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ โภชเน มตฺตฺู โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปฏิสงฺขา โยนิโส อาหารํ อาหาเรติ เนว ทวาย น มทาย…เป… เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ โภชเน มตฺตฺู โหติ.

‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ชาคริยํ อนุยุตฺโต โหติ. อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ทิวสํ จงฺกเมน นิสชฺชาย…เป… เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ชาคริยํ อนุยุตฺโต โหตี’’ติ (อ. นิ. ๓.๑๖).

อิมสฺมิฺจาปิ สุตฺเต ตโยว ธมฺมา วุตฺตา. อยํ ปน อปณฺณกปฏิปทา ยาว อรหตฺตผลํ ลพฺภเตว. ตตฺถ อรหตฺตผลมฺปิ, ผลสมาปตฺติวิหารสฺส เจว, อนุปาทาปรินิพฺพานสฺส จ, ปฏิปทาเยว นาม โหติ.

เอเกติ เอกจฺเจ ปณฺฑิตมนุสฺสา. ตตฺถ กิฺจาปิ ‘‘อสุกา นามา’’ติ นิยโม นตฺถิ, อิทํ ปน สปริสํ โพธิสตฺตํเยว สนฺธาย วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ทุติยํ อาหุ ตกฺกิกาติ ทุติยนฺติ ปมโต อปณฺณกฏฺานโต นิยฺยานิกการณโต ทุติยํ ตกฺกคฺคาหการณํ อนิยฺยานิกการณํ. อาหุ ตกฺกิกาติ เอตฺถ ปน สทฺธึ ปุริมปเทน อยํ โยชนา – อปณฺณกฏฺานํ เอกํสิกการณํ อวิรทฺธการณํ นิยฺยานิกการณํ เอเก โพธิสตฺตปฺปมุขา ปณฺฑิตมนุสฺสา คณฺหึสุ. เย ปน พาลสตฺถวาหปุตฺตปฺปมุขา ตกฺกิกา อาหุ, เต ทุติยํ สาปราธํ อเนกํสิกฏฺานํ วิรทฺธการณํ อนิยฺยานิกการณํ อคฺคเหสุํ. เตสุ เย อปณฺณกฏฺานํ อคฺคเหสุํ, เต สุกฺกปฏิปทํ ปฏิปนฺนา. เย ทุติยํ ‘‘ปุรโต ภวิตพฺพํ อุทเกนา’’ติ ตกฺกคฺคาหสงฺขาตํ อนิยฺยานิกการณํ อคฺคเหสุํ. เต กณฺหปฏิปทํ ปฏิปนฺนา.

ตตฺถ สุกฺกปฏิปทา อปริหานิปฏิปทา, กณฺหปฏิปทา ปริหานิปฏิปทา. ตสฺมา เย สุกฺกปฏิปทํ ปฏิปนฺนา, เต อปริหีนา โสตฺถิภาวํ ปตฺตา. เย ปน กณฺหปฏิปทํ ปฏิปนฺนา, เต ปริหีนา อนยพฺยสนํ อาปนฺนาติ อิมมตฺถํ ภควา อนาถปิณฺฑิกสฺส คหปติโน วตฺวา อุตฺตริ อิทมาห ‘‘เอตทฺาย เมธาวี, ตํ คณฺเห ยทปณฺณก’’นฺติ.

ตตฺถ เอตทฺาย เมธาวีติ ‘‘เมธา’’ติ ลทฺธนามาย วิปุลาย วิสุทฺธาย อุตฺตมาย ปฺาย สมนฺนาคโต กุลปุตฺโต เอตํ อปณฺณเก เจว สปณฺณเก จาติ ทฺวีสุ อตกฺกคฺคาหตกฺกคฺคาหสงฺขาเตสุ าเนสุ คุณโทสํ วุทฺธิหานึ อตฺถานตฺถํ ตฺวาติ อตฺโถ. ตํ คณฺเห ยทปณฺณกนฺติ ยํ อปณฺณกํ เอกํสิกํ สุกฺกปฏิปทาอปริหานิยปฏิปทาสงฺขาตํ นิยฺยานิกการณํ, ตเทว คณฺเหยฺย. กสฺมา? เอกํสิกาทิภาวโตเยว. อิตรํ ปน น คณฺเหยฺย. กสฺมา? อเนกํสิกาทิภาวโตเยว. อยฺหิ อปณฺณกปฏิปทา นาม สพฺเพสํ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธพุทฺธปุตฺตานํ ปฏิปทา. สพฺพพุทฺธา หิ อปณฺณกปฏิปทายเมว ตฺวา ทฬฺเหน วีริเยน ปารมิโย ปูเรตฺวา โพธิมูเล พุทฺธา นาม โหนฺติ, ปจฺเจกพุทฺธา ปจฺเจกโพธึ อุปฺปาเทนฺติ, พุทฺธปุตฺตา สาวกปารมิาณํ ปฏิวิชฺฌนฺติ.

อิติ ภควา เตสํ อุปาสกานํ ติสฺโส กุลสมฺปตฺติโย จ ฉ กามสคฺเค พฺรหฺมโลกสมฺปตฺติโย จ ทตฺวาปิ ปริโยสาเน อรหตฺตมคฺคผลทายิกา อปณฺณกปฏิปทา นาม, จตูสุ อปาเยสุ ปฺจสุ จ นีจกุเลสุ นิพฺพตฺติทายิกา สปณฺณกปฏิปทา นามาติ อิมํ อปณฺณกธมฺมเทสนํ ทสฺเสตฺวา อุตฺตริ จตฺตาริ สจฺจานิ โสฬสหิ อากาเรหิ ปกาเสสิ. จตุสจฺจปริโยสาเน สพฺเพปิ เต ปฺจสตา อุปาสกา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสุ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ทสฺเสตฺวา ทฺเว วตฺถูนิ กเถตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนตฺวา ทสฺเสสิ – ‘‘ตสฺมึ สมเย พาลสตฺถวาหปุตฺโต เทวทตฺโต อโหสิ, ตสฺส ปริสา เทวทตฺตปริสาว, ปณฺฑิตสตฺถวาหปุตฺตปริสา พุทฺธปริสา, ปณฺฑิตสตฺถวาหปุตฺโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ เทสนํ นิฏฺาเปสิ.

อปณฺณกชาตกวณฺณนา ปมา.

๒. วณฺณุปถชาตกวณฺณนา

อกิลาสุโนติ อิมํ ธมฺมเทสนํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรนฺโต กเถสิ. กํ ปน อารพฺภาติ? เอกํ โอสฺสฏฺวีริยํ ภิกฺขุํ. ตถาคเต กิร สาวตฺถิยํ วิหรนฺเต เอโก สาวตฺถิวาสี กุลปุตฺโต เชตวนํ คนฺตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปสนฺนจิตฺโต กาเมสุ อาทีนวํ ทิสฺวา ปพฺพชิตฺวา อุปสมฺปทาย ปฺจวสฺสิโก หุตฺวา ทฺเว มาติกา อุคฺคณฺหิตฺวา วิปสฺสนาจารํ สิกฺขิตฺวา สตฺถุ สนฺติเก อตฺตโน จิตฺตรุจิยํ กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา เอกํ อรฺํ ปวิสิตฺวา วสฺสํ อุปคนฺตฺวา เตมาสํ วายมนฺโตปิ โอภาสมตฺตํ วา นิมิตฺตมตฺตํ วา อุปฺปาเทตุํ นาสกฺขิ.

อถสฺส เอตทโหสิ ‘‘สตฺถารา จตฺตาโร ปุคฺคลา กถิตา, เตสุ มยา ปทปรเมน ภวิตพฺพํ, นตฺถิ มฺเ มยฺหํ อิมสฺมึ อตฺตภาเว มคฺโค วา ผลํ วา, กึ กริสฺสามิ อรฺวาเสน, สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา รูปโสภคฺคปฺปตฺตํ พุทฺธสรีรํ โอโลเกนฺโต มธุรํ ธมฺมเทสนํ สุณนฺโต วิหริสฺสามี’’ติ ปุน เชตวนเมว ปจฺจาคมาสิ. อถ นํ สนฺทิฏฺสมฺภตฺตา อาหํสุ – ‘‘อาวุโส, ตฺวํ สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา ‘สมณธมฺมํ กริสฺสามี’ติ คโต, อิทานิ ปน อาคนฺตฺวา สงฺคณิกาย อภิรมมาโน จรสิ, กึ นุ โข เต ปพฺพชิตกิจฺจํ มตฺถกํ ปตฺตํ, อปฺปฏิสนฺธิโก ชาโตสี’’ติ? อาวุโส, อหํ มคฺคํ วา ผลํ วา อลภิตฺวา ‘‘อภพฺพปุคฺคเลน มยา ภวิตพฺพ’’นฺติ วีริยํ โอสฺสชิตฺวา อาคโตมฺหีติ. ‘‘อการณํ เต, อาวุโส, กตํ ทฬฺหวีริยสฺส สตฺถุ สาสเน ปพฺพชิตฺวา วีริยํ โอสฺสชนฺเตน, อยุตฺตํ เต กตํ, เอหิ ตถาคตสฺส ทสฺเสมา’’ติ ตํ อาทาย สตฺถุ สนฺติกํ อคมํสุ.

สตฺถา ตํ ทิสฺวา เอวมาห ‘‘ภิกฺขเว, ตุมฺเห เอตํ ภิกฺขุํ อนิจฺฉมานํ อาทาย อาคตา, กึ กตํ อิมินา’’ติ? ‘‘ภนฺเต, อยํ ภิกฺขุ เอวรูเป นิยฺยานิกสาสเน ปพฺพชิตฺวา สมณธมฺมํ กโรนฺโต วีริยํ โอสฺสชิตฺวา อาคโต’’ติ อาหํสุ. อถ นํ สตฺถา อาห ‘‘สจฺจํ กิร ตยา ภิกฺขุ วีริยํ โอสฺสฏฺ’’นฺติ? ‘‘สจฺจํ, ภควา’’ติ. ‘‘กึ ปน ตฺวํ ภิกฺขุ เอวรูเป มม สาสเน ปพฺพชิตฺวา ‘อปฺปิจฺโฉ’ติ วา ‘สนฺตุฏฺโ’ติ วา ‘ปวิวิตฺโต’ติ วา ‘อารทฺธวีริโย’ติ วา เอวํ อตฺตานํ อชานาเปตฺวา ‘โอสฺสฏฺวีริโย ภิกฺขู’ติ ชานาเปสิ. นนุ ตฺวํ ปุพฺเพ วีริยวา อโหสิ, ตยา เอเกน กตํ วีริยํ นิสฺสาย มรุกนฺตาเร ปฺจสุ สกฏสเตสุ มนุสฺสา จ โคณา จ ปานียํ ลภิตฺวา สุขิตา ชาตา, อิทานิ กสฺมา วีริยํ โอสฺสชสี’’ติ. โส ภิกฺขุ เอตฺตเกน วจเนน อุปตฺถมฺภิโต อโหสิ.

ตํ ปน กถํ สุตฺวา ภิกฺขู ภควนฺตํ ยาจึสุ – ‘‘ภนฺเต, อิทานิ อิมินา ภิกฺขุนา วีริยสฺส โอสฺสฏฺภาโว อมฺหากํ ปากโฏ, ปุพฺเพ ปนสฺส เอกสฺส วีริยํ นิสฺสาย มรุกนฺตาเร โคณมนุสฺสานํ ปานียํ ลภิตฺวา สุขิตภาโว ปฏิจฺฉนฺโน, ตุมฺหากํ สพฺพฺุตฺาณสฺเสว ปากโฏ, อมฺหากมฺเปตํ การณํ กเถถา’’ติ. ‘‘เตน หิ, ภิกฺขเว, สุณาถา’’ติ ภควา เตสํ ภิกฺขูนํ สตุปฺปาทํ ชเนตฺวา ภวนฺตเรน ปฏิจฺฉนฺนการณํ ปากฏมกาสิ.

อตีเต กาสิรฏฺเ พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต สตฺถวาหกุเล ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา วยปฺปตฺโต ปฺจหิ สกฏสเตหิ วณิชฺชํ กโรนฺโต วิจรติ. โส เอกทา สฏฺิโยชนิกํ มรุกนฺตารํ ปฏิปชฺชิ. ตสฺมึ กนฺตาเร สุขุมวาลุกา มุฏฺินา คหิตา หตฺเถ น ติฏฺติ, สูริยุคฺคมนโต ปฏฺาย องฺคารราสิ วิย อุณฺหา โหติ, น สกฺกา อกฺกมิตุํ. ตสฺมา ตํ ปฏิปชฺชนฺตา ทารุทกติลตณฺฑุลาทีนิ สกเฏหิ อาทาย รตฺติเมว คนฺตฺวา อรุณุคฺคมเน สกฏานิ ปริวฏฺฏํ กตฺวา มตฺถเก มณฺฑปํ กาเรตฺวา กาลสฺเสว อาหารกิจฺจํ นิฏฺาเปตฺวา ฉายาย นิสินฺนา ทิวสํ เขเปตฺวา อตฺถงฺคเต สูริเย สายมาสํ ภุฺชิตฺวา ภูมิยา สีตลาย ชาตาย สกฏานิ โยเชตฺวา คจฺฉนฺติ, สมุทฺทคมนสทิสเมว คมนํ โหติ. ถลนิยามโก นาม ลทฺธุํ วฏฺฏติ, โส ตารกสฺา สตฺถํ ตาเรติ.

โสปิ สตฺถวาโห ตสฺมึ กาเล อิมินาว นิยาเมน ตํ กนฺตารํ คจฺฉนฺโต เอกูนสฏฺิ โยชนานิ คนฺตฺวา ‘‘อิทานิ เอกรตฺเตเนว มรุกนฺตารา นิกฺขมนํ ภวิสฺสตี’’ติ สายมาสํ ภุฺชิตฺวา สพฺพํ ทารุทกํ เขเปตฺวา สกฏานิ โยเชตฺวา ปายาสิ. นิยามโก ปน ปุริมสกเฏ อาสนํ ปตฺถราเปตฺวา อากาเส ตารกํ โอโลเกนฺโต ‘‘อิโต ปาเชถ, อิโต ปาเชถา’’ติ วทมาโน นิปชฺชิ. โส ทีฆมทฺธานํ อนิทฺทายนภาเวน กิลนฺโต นิทฺทํ โอกฺกมิ, โคเณ นิวตฺติตฺวา อาคตมคฺคเมว คณฺหนฺเต น อฺาสิ. โคณา สพฺพรตฺตึ อคมํสุ. นิยามโก อรุณุคฺคมนเวลาย ปพุทฺโธ นกฺขตฺตํ โอโลเกตฺวา ‘‘สกฏานิ นิวตฺเตถ นิวตฺเตถา’’ติ อาห. สกฏานิ นิวตฺเตตฺวา ปฏิปาฏึ กโรนฺตานฺเว อรุโณ อุคฺคโต. มนุสฺสา ‘‘หิยฺโย อมฺหากํ นิวิฏฺขนฺธาวารฏฺานเมเวตํ, ทารุทกมฺปิ โน ขีณํ, อิทานิ นฏฺมฺหา’’ติ สกฏานิ โมเจตฺวา ปริวฏฺฏเกน เปตฺวา มตฺถเก มณฺฑปํ กตฺวา อตฺตโน อตฺตโน สกฏสฺส เหฏฺา อนุโสจนฺตา นิปชฺชึสุ.

โพธิสตฺโต ‘‘มยิ วีริยํ โอสฺสชนฺเต สพฺเพ วินสฺสิสฺสนฺตี’’ติ ปาโต สีตลเวลายเมว อาหิณฺฑนฺโต เอกํ ทพฺพติณคจฺฉํ ทิสฺวา ‘‘อิมานิ ติณานิ เหฏฺา อุทกสิเนเหน อุฏฺิตานิ ภวิสฺสนฺตี’’ติ จินฺเตตฺวา กุทฺทาลํ คาหาเปตฺวา ตํ ปเทสํ ขณาเปสิ, เต สฏฺิหตฺถฏฺานํ ขณึสุ. เอตฺตกํ านํ ขณิตฺวา ปหรนฺตานํ กุทฺทาโล เหฏฺาปาสาเณ ปฏิหฺิ, ปหฏมตฺเต สพฺเพ วีริยํ โอสฺสชึสุ. โพธิสตฺโต ปน ‘‘อิมสฺส ปาสาณสฺส เหฏฺา อุทเกน ภวิตพฺพ’’นฺติ โอตริตฺวา ปาสาเณ ิโต โอณมิตฺวา โสตํ โอทหิตฺวา สทฺทํ อาวชฺเชนฺโต เหฏฺา อุทกสฺส ปวตฺตนสทฺทํ สุตฺวา อุตฺตริตฺวา จูฬุปฏฺากํ อาห – ‘‘ตาต, ตยา วีริเย โอสฺสฏฺเ สพฺเพ วินสฺสิสฺสาม, ตฺวํ วีริยํ อโนสฺสชนฺโต อิมํ อยกูฏํ คเหตฺวา อาวาฏํ โอตริตฺวา เอตสฺมึ ปาสาเณ ปหารํ เทหี’’ติ. โส ตสฺส วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา สพฺเพสุ วีริยํ โอสฺสชิตฺวา ิเตสุปิ วีริยํ อโนสฺสชนฺโต โอตริตฺวา ปาสาเณ ปหารํ อทาสิ. ปาสาโณ มชฺเฌ ภิชฺชิตฺวา เหฏฺา ปติตฺวา โสตํ สนฺนิรุมฺภิตฺวา อฏฺาสิ, ตาลกฺขนฺธปฺปมาณา อุทกวฏฺฏิ อุคฺคฺฉิ. สพฺเพ ปานียํ ปิวิตฺวา นฺหายึสุ, อติเรกานิ อกฺขยุคาทีนิ ผาเลตฺวา ยาคุภตฺตํ ปจิตฺวา ภุฺชิตฺวา โคเณ จ โภเชตฺวา สูริเย อตฺถงฺคเต อุทกาวาฏสมีเป ธชํ พนฺธิตฺวา อิจฺฉิตฏฺานํ อคมํสุ. เต ตตฺถ ภณฺฑํ วิกฺกิณิตฺวา ทิคุณํ ติคุณํ จตุคฺคุณํ ลาภํ ลภิตฺวา อตฺตโน วสนฏฺานเมว อคมํสุ. เต ตตฺถ ยาวตายุกํ ตฺวา ยถากมฺมํ คตา, โพธิสตฺโตปิ ทานาทีนิ ปุฺานิ กตฺวา ยถากมฺมเมว คโต.

สมฺมาสมฺพุทฺโธ อิมํ ธมฺมเทสนํ กเถตฺวา อภิสมฺพุทฺโธว อิมํ คาถํ กเถสิ –

.

‘‘อกิลาสุโน วณฺณุปเถ ขณนฺตา, อุทงฺคเณ ตตฺถ ปปํ อวินฺทุํ;

เอวํ มุนี วีริยพลูปปนฺโน, อกิลาสุ วินฺเท หทยสฺส สนฺติ’’นฺติ.

ตตฺถ อกิลาสุโนติ นิกฺโกสชฺชา อารทฺธวีริยา. วณฺณุปเถติ วณฺณุ วุจฺจติ วาลุกา, วาลุกามคฺเคติ อตฺโถ. ขณนฺตาติ ภูมึ ขณมานา. อุทงฺคเณติ เอตฺถ อุทาติ นิปาโต, องฺคเณติ มนุสฺสานํ สฺจรณฏฺาเน, อนาวาเฏ ภูมิภาเคติ อตฺโถ. ตตฺถาติ ตสฺมึ วณฺณุปเถ. ปปํ อวินฺทุนฺติ อุทกํ ปฏิลภึสุ. อุทกฺหิ ปปียนภาเวน ‘‘ปปา’’ติ วุจฺจติ. ปวทฺธํ วา อาปํ ปปํ, มโหทกนฺติ อตฺโถ.

เอวนฺติ โอปมฺมปฏิปาทนํ. มุนีติ โมนํ วุจฺจติ าณํ, กายโมเนยฺยาทีสุ วา อฺตรํ, เตน สมนฺนาคตตฺตา ปุคฺคโล ‘‘มุนี’’ติ วุจฺจติ. โส ปเนส อคาริยมุนิ, อนคาริยมุนิ, เสกฺขมุนิ, อเสกฺขมุนิ, ปจฺเจกพุทฺธมุนิ, มุนิมุนีติ อเนกวิโธ. ตตฺถ อคาริยมุนีติ คิหี อาคตผโล วิฺาตสาสโน. อนคาริยมุนีติ ตถารูโปว ปพฺพชิโต. เสกฺขมุนีติ สตฺต เสกฺขา. อเสกฺขมุนีติ ขีณาสโว. ปจฺเจกพุทฺธมุนีติ ปจฺเจกสมฺพุทฺโธ. มุนิมุนีติ สมฺมาสมฺพุทฺโธ. อิมสฺมึ ปนตฺเถ สพฺพสงฺคาหกวเสน โมเนยฺยสงฺขาตาย ปฺาย สมนฺนาคโต ‘‘มุนี’’ติ เวทิตพฺโพ. วีริยพลูปปนฺโนติ วีริเยน เจว กายพลาณพเลน จ สมนฺนาคโต. อกิลาสูติ นิกฺโกสชฺโช –

‘‘กามํ ตโจ จ นฺหารุ จ, อฏฺิ จ อวสิสฺสตุ;

อุปสุสฺสตุ นิสฺเสสํ, สรีเร มํสโลหิต’’นฺติ. –

เอวํ วุตฺเตน จตุรงฺคสมนฺนาคเตน วีริเยน สมนฺนาคตตฺตา อนลโส. วินฺเท หทยสฺส สนฺตินฺติ จิตฺตสฺสปิ หทยรูปสฺสปิ สีตลภาวกรเณน ‘‘สนฺติ’’นฺติ สงฺขํ คตํ ฌานวิปสฺสนาภิฺาอรหตฺตมคฺคาณสงฺขาตํ อริยธมฺมํ วินฺทติ ปฏิลภตีติ อตฺโถ. ภควตา หิ –

‘‘ทุกฺขํ, ภิกฺขเว, กุสีโต วิหรติ โวกิณฺโณ ปาปเกหิ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ, มหนฺตฺจ สทตฺถํ ปริหาเปติ. อารทฺธวีริโย จ โข, ภิกฺขเว, สุขํ วิหรติ ปวิวิตฺโต ปาปเกหิ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ, มหนฺตฺจ สทตฺถํ ปริปูเรติ, น, ภิกฺขเว, หีเนน อคฺคสฺส ปตฺติ โหตี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๒๒) –

เอวํ อเนเกหิ สุตฺเตหิ กุสีตสฺส ทุกฺขวิหาโร, อารทฺธวีริยสฺส จ สุขวิหาโร สํวณฺณิโต. อิธาปิ อารทฺธวีริยสฺส อกตาภินิเวสสฺส วิปสฺสกสฺส วีริยพเลน อธิคนฺตพฺพํ ตเมว สุขวิหารํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอวํ มุนี วีริยพลูปปนฺโน, อกิลาสุ วินฺเท หทยสฺส สนฺติ’’นฺติ อาห. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา เต วาณิชา อกิลาสุโน วณฺณุปเถ ขณนฺตา อุทกํ ลภึสุ, เอวํ อิมสฺมิมฺปิ สาสเน อกิลาสุ หุตฺวา วายมมาโน ปณฺฑิโต ภิกฺขุ อิมํ ฌานาทิเภทํ หทยสฺส สนฺตึ ลภติ. โส ตฺวํ ภิกฺขุ ปุพฺเพ อุทกมตฺตสฺส อตฺถาย วีริยํ กตฺวา อิทานิ เอวรูเป มคฺคผลทายเก นิยฺยานิกสาสเน กสฺมา วีริยํ โอสฺสชสีติ เอวํ อิมํ ธมฺมเทสนํ ทสฺเสตฺวา จตฺตาริ สจฺจานิ ปกาเสสิ, สจฺจปริโยสาเน โอสฺสฏฺวีริโย ภิกฺขุ อคฺคผเล อรหตฺเต ปติฏฺาสิ.

สตฺถาปิ ทฺเว วตฺถูนิ กเถตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนตฺวา ทสฺเสสิ ‘‘ตสฺมึ สมเย วีริยํ อโนสฺสชิตฺวา ปาสาณํ ภินฺทิตฺวา มหาชนสฺส อุทกทายโก จูฬุปฏฺาโก อยํ โอสฺสฏฺวีริโย ภิกฺขุ อโหสิ, อวเสสปริสา อิทานิ พุทฺธปริสา ชาตา, สตฺถวาหเชฏฺโก ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ เทสนํ นิฏฺาเปสิ.

วณฺณุปถชาตกวณฺณนา ทุติยา.

๓. เสริววาณิชชาตกวณฺณนา

อิธ เจ นํ วิราเธสีติ อิมมฺปิ ธมฺมเทสนํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรนฺโต เอกํ โอสฺสฏฺวีริยเมว ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. ตฺหิ ปุริมนเยเนว ภิกฺขูหิ อานีตํ ทิสฺวา สตฺถา อาห – ‘‘ตฺวํ ภิกฺขุ, เอวรูเป มคฺคผลทายเก สาสเน ปพฺพชิตฺวา วีริยํ โอสฺสชนฺโต สตสหสฺสคฺฆนิกาย กฺจนปาติยา ปริหีโน เสริววาณิโช วิย จิรํ โสจิสฺสสี’’ติ. ภิกฺขู ตสฺสตฺถสฺส อาวิภาวตฺถํ ภควนฺตํ ยาจึสุ, ภควา ภวนฺตเรน ปฏิจฺฉนฺนการณํ ปากฏมกาสิ.

อตีเต อิโต ปฺจเม กปฺเป โพธิสตฺโต เสริวรฏฺเ กจฺฉปุฏวาณิโช อโหสิ. โส เสริวนามเกน เอเกน โลลกจฺฉปุฏวาณิเชน สทฺธึ โวหารตฺถาย คจฺฉนฺโต นีลวาหํ นาม นทึ อุตฺตริตฺวา อริฏฺปุรํ นาม นครํ ปวิสนฺโต นครวีถิโย ภาเชตฺวา อตฺตโน ปตฺตวีถิยา ภณฺฑํ วิกฺกิณนฺโต วิจริ. อิตโรปิ อตฺตโน ปตฺตวีถึ คณฺหิ. ตสฺมิฺจ นคเร เอกํ เสฏฺิกุลํ ปริชิณฺณํ อโหสิ, สพฺเพ ปุตฺตภาติกา จ ธนฺจ ปริกฺขยํ อคมํสุ, เอกา ทาริกา อยฺยิกาย สทฺธึ อวเสสา อโหสิ, ตา ทฺเวปิ ปเรสํ ภตึ กตฺวา ชีวนฺติ. เคเห ปน ตาสํ มหาเสฏฺินา ปริภุตฺตปุพฺพา สุวณฺณปาติ ภาชนนฺตเร นิกฺขิตฺตา ทีฆรตฺตํ อวลฺชิยมานา มลคฺคหิตา อโหสิ, ตา ตสฺสา สุวณฺณปาติภาวมฺปิ น ชานนฺติ. โส โลลวาณิโช ตสฺมึ สมเย ‘‘มณิเก คณฺหถ, มณิเก คณฺหถา’’ติ วิจรนฺโต ตํ ฆรทฺวารํ ปาปุณิ. สา กุมาริกา ตํ ทิสฺวา อยฺยิกํ อาห ‘‘อมฺม มยฺหํ เอกํ ปิฬนฺธนํ คณฺหา’’ติ. อมฺม มยํ ทุคฺคตา, กึ ทตฺวา คณฺหิสฺสามาติ. อยํ โน ปาติ อตฺถิ, โน จ อมฺหากํ อุปการา, อิมํ ทตฺวา คณฺหาติ. สา วาณิชํ ปกฺโกสาเปตฺวา อาสเน นิสีทาเปตฺวา ตํ ปาตึ ทตฺวา ‘‘อยฺย, อิมํ คเหตฺวา ตว ภคินิยา กิฺจิเทว เทหี’’ติ อาห. วาณิโช ปาตึ หตฺเถน คเหตฺวาว ‘‘สุวณฺณปาติ ภวิสฺสตี’’ติ ปริวตฺเตตฺวา ปาติปิฏฺิยํ สูจิยา เลขํ กฑฺฒิตฺวา สุวณฺณภาวํ ตฺวา ‘‘อิมาสํ กิฺจิ อทตฺวาว อิมํ ปาตึ หริสฺสามี’’ติ ‘‘อยํ กึ อคฺฆติ, อฑฺฒมาสโกปิสฺสา มูลํ น โหตี’’ติ ภูมิยํ ขิปิตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกามิ. เอเกน ปวิสิตฺวา นิกฺขนฺตวีถึ อิตโร ปวิสิตุํ ลภตีติ โพธิสตฺโต ตํ วีถึ ปวิสิตฺวา ‘‘มณิเก คณฺหถ, มณิเก คณฺหถา’’ติ วิจรนฺโต ตเมว ฆรทฺวารํ ปาปุณิ.

ปุน สา กุมาริกา ตเถว อยฺยิกํ อาห. อถ นํ อยฺยิกา ‘‘อมฺม, ปมํ อาคตวาณิโช ปาตึ ภูมิยํ ขิปิตฺวา คโต, อิทานิ กึ ทตฺวา คณฺหิสฺสามา’’ติ อาห. อมฺม, โส วาณิโช ผรุสวาโจ, อยํ ปน ปิยทสฺสโน มุทุสลฺลาโป, อปฺเปว นาม นํ คณฺเหยฺยาติ. อมฺม, เตน หิ ปกฺโกสาหีติ. สา ตํ ปกฺโกสิ. อถสฺส เคหํ ปวิสิตฺวา นิสินฺนสฺส ตํ ปาตึ อทํสุ. โส ตสฺสา สุวณฺณปาติภาวํ ตฺวา ‘‘อมฺม, อยํ ปาติ สตสหสฺสํ อคฺฆติ, สตสหสฺสคฺฆนกภณฺฑํ มยฺหํ หตฺเถ นตฺถี’’ติ อาห. อยฺย, ปมํ อาคตวาณิโช ‘‘อยํ อฑฺฒมาสกมฺปิ น อคฺฆตี’’ติ วตฺวา ภูมิยํ ขิปิตฺวา คโต, อยํ ปน ตว ปุฺเน สุวณฺณปาติ ชาตา ภวิสฺสติ, มยํ อิมํ ตุยฺหํ เทม, กิฺจิเทว โน ทตฺวา อิมํ คเหตฺวา ยาหีติ. โพธิสตฺโต ตสฺมึ ขเณ หตฺถคตานิ ปฺจ กหาปณสตานิ ปฺจสตคฺฆนกฺจ ภณฺฑํ สพฺพํ ทตฺวา ‘‘มยฺหํ อิมํ ตุลฺจ ปสิพฺพกฺจ อฏฺ จ กหาปเณ เทถา’’ติ เอตฺตกํ ยาจิตฺวา อาทาย ปกฺกามิ. โส สีฆเมว นทีตีรํ คนฺตฺวา นาวิกสฺส อฏฺ กหาปเณ ทตฺวา นาวํ อภิรุหิ.

ตโต โลลวาณิโชปิ ปุน ตํ เคหํ คนฺตฺวา ‘‘อาหรถ ตํ ปาตึ, ตุมฺหากํ กิฺจิเทว ทสฺสามี’’ติ อาห. สา ตํ ปริภาสิตฺวา ‘‘ตฺวํ อมฺหากํ สตสหสฺสคฺฆนิกํ สุวณฺณปาตึ อฑฺฒมาสคฺฆนิกมฺปิ น อกาสิ, ตุยฺหํ ปน สามิกสทิโส เอโก ธมฺมิโก วาณิโช อมฺหากํ สหสฺสํ ทตฺวา ตํ อาทาย คโต’’ติ อาห. ตํ สุตฺวาว ‘‘สตสหสฺสคฺฆนิกาย สุวณฺณปาติยา ปริหีโนมฺหิ, มหาชานิกโร วต เม อย’’นฺติ สฺชาตพลวโสโก สตึ ปจฺจุปฏฺาเปตุํ อสกฺโกนฺโต วิสฺี หุตฺวา อตฺตโน หตฺถคเต กหาปเณ เจว ภณฺฑิกฺจ ฆรทฺวาเรเยว วิกิริตฺวา นิวาสนปารุปนํ ปหาย ตุลาทณฺฑํ มุคฺครํ กตฺวา อาทาย โพธิสตฺตสฺส อนุปทํ ปกฺกนฺโต นทีตีรํ คนฺตฺวา โพธิสตฺตํ คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อมฺโภ, นาวิก, นาวํ นิวตฺเตหี’’ติ อาห. โพธิสตฺโต ปน ‘‘ตาต, มา นิวตฺตยี’’ติ ปฏิเสเธสิ. อิตรสฺสปิ โพธิสตฺตํ คจฺฉนฺตํ ปสฺสนฺตสฺเสว พลวโสโก อุทปาทิ, หทยํ อุณฺหํ อโหสิ, มุขโต โลหิตํ อุคฺคฺฉิ, วาปิกทฺทโม วิย หทยํ ผลิ. โส โพธิสตฺเต อาฆาตํ พนฺธิตฺวา ตตฺเถว ชีวิตกฺขยํ ปาปุณิ. อิทํ ปมํ เทวทตฺตสฺส โพธิสตฺเต อาฆาตพนฺธนํ. โพธิสตฺโต ทานาทีนิ ปุฺานิ กตฺวา ยถากมฺมํ คโต.

สมฺมาสมฺพุทฺโธ อิมํ ธมฺมเทสนํ กเถตฺวา อภิสมฺพุทฺโธว อิมํ คาถํ กเถสิ –

.

‘‘อิธ เจ นํ วิราเธสิ, สทฺธมฺมสฺส นิยามตํ;

จิรํ ตฺวํ อนุตปฺเปสิ, เสริวายํว วาณิโช’’ติ.

ตตฺถ อิธ เจ นํ วิราเธสิ, สทฺธมฺมสฺส นิยามตนฺติ อิมสฺมึ สาสเน เอตํ สทฺธมฺมสฺส นิยามตาสงฺขาตํ โสตาปตฺติมคฺคํ วิราเธสิ. ยทิ วิราเธสิ, วีริยํ โอสฺสชนฺโต นาธิคจฺฉสิ น ปฏิลภสีติ อตฺโถ. จิรํ ตฺวํ อนุตปฺเปสีติ เอวํ สนฺเต ตฺวํ ทีฆมทฺธานํ โสจนฺโต ปริเทวนฺโต อนุตเปสฺสสิ, อถ วา โอสฺสฏฺวีริยตาย อริยมคฺคสฺส วิราธิตตฺตา ทีฆรตฺตํ นิรยาทีสุ อุปฺปนฺโน นานปฺปการานิ ทุกฺขานิ อนุภวนฺโต อนุตปฺปิสฺสสิ กิลมิสฺสสีติ อยเมตฺถ อตฺโถ. กถํ? เสริวายํว วาณิโชติ ‘‘เสริวา’’ติ เอวํนามโก อยํ วาณิโช ยถา. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา ปุพฺเพ เสริวนามโก วาณิโช สตสหสฺสคฺฆนิกํ สุวณฺณปาตึ ลภิตฺวา ตสฺสา คหณตฺถาย วีริยํ อกตฺวา ตโต ปริหีโน อนุตปฺปิ, เอวเมว ตฺวมฺปิ อิมสฺมึ สาสเน ปฏิยตฺตสุวณฺณปาติสทิสํ อริยมคฺคํ โอสฺสฏฺวีริยตาย อนธิคจฺฉนฺโต ตโต ปริหีโน ทีฆรตฺตํ อนุตปฺปิสฺสสิ. สเจ ปน วีริยํ น โอสฺสชิสฺสสิ, ปณฺฑิตวาณิโช สุวณฺณปาตึ วิย มม สาสเน นววิธมฺปิ โลกุตฺตรธมฺมํ ปฏิลภิสฺสสีติ.

เอวมสฺส สตฺถา อรหตฺเตน กูฏํ คณฺหนฺโต อิมํ ธมฺมเทสนํ ทสฺเสตฺวา จตฺตาริ สจฺจานิ ปกาเสสิ, สจฺจปริโยสาเน โอสฺสฏฺวีริโย ภิกฺขุ อคฺคผเล อรหตฺเต ปติฏฺาสิ.

สตฺถาปิ ทฺเว วตฺถูนิ กเถตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนตฺวา ทสฺเสสิ – ‘‘ตทา พาลวาณิโช เทวทตฺโต อโหสิ, ปณฺฑิตวาณิโช ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ เทสนํ นิฏฺาเปสิ.

เสริววาณิชชาตกวณฺณนา ตติยา.

๔. จูฬเสฏฺิชาตกวณฺณนา

อปฺปเกนปิ เมธาวีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ ภควา ราชคหํ อุปนิสฺสาย ชีวกมฺพวเน วิหรนฺโต จูฬปนฺถกตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.

ตตฺถ จูฬปนฺถกสฺส ตาว นิพฺพตฺติ กเถตพฺพา. ราชคเห กิร ธนเสฏฺิกุลสฺส ธีตา อตฺตโน ทาเสเนว สทฺธึ สนฺถวํ กตฺวา ‘‘อฺเปิ เม อิมํ กมฺมํ ชาเนยฺยุ’’นฺติ ภีตา เอวมาห ‘‘อมฺเหหิ อิมสฺมึ าเน วสิตุํ น สกฺกา, สเจ เม มาตาปิตโร อิมํ โทสํ ชานิสฺสนฺติ, ขณฺฑาขณฺฑํ กริสฺสนฺติ, วิเทสํ คนฺตฺวา วสิสฺสามา’’ติ หตฺถสารํ คเหตฺวา อคฺคทฺวาเรน นิกฺขมิตฺวา ‘‘ยตฺถ วา ตตฺถ วา อฺเหิ อชานนฏฺานํ คนฺตฺวา วสิสฺสามา’’ติ อุโภปิ อคมํสุ.

เตสํ เอกสฺมึ าเน วสนฺตานํ สํวาสมนฺวาย ตสฺสา กุจฺฉิยํ คพฺโภ ปติฏฺาสิ. สา คพฺภปริปากํ อาคมฺม สามิเกน สทฺธึ มนฺเตสิ ‘‘คพฺโภ เม ปริปากํ คโต, าติพนฺธุวิรหิเต าเน คพฺภวุฏฺานํ นาม อุภินฺนมฺปิ อมฺหากํ ทุกฺขเมว, กุลเคหเมว คจฺฉามา’’ติ. โส ‘‘สจาหํ คมิสฺสามิ, ชีวิตํ เม นตฺถี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘อชฺช คจฺฉาม, สฺเว คจฺฉามา’’ติ ทิวเส อติกฺกาเมสิ. สา จินฺเตสิ ‘‘อยํ พาโล อตฺตโน โทสมหนฺตตาย คนฺตุํ น อุสฺสหติ, มาตาปิตโร นาม เอกนฺตหิตา, อยํ คจฺฉตุ วา มา วา, มยา คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ. สา ตสฺมึ เคหา นิกฺขนฺเต เคหปริกฺขารํ ปฏิสาเมตฺวา อตฺตโน กุลฆรํ คตภาวํ อนนฺตรเคหวาสีนํ อาโรเจตฺวา มคฺคํ ปฏิปชฺชิ.

อถ โส ปุริโส ฆรํ อาคโต ตํ อทิสฺวา ปฏิวิสฺสเก ปุจฺฉิตฺวา ‘‘กุลฆรํ คตา’’ติ สุตฺวา เวเคน อนุพนฺธิตฺวา อนฺตรามคฺเค สมฺปาปุณิ. ตสฺสาปิ ตตฺเถว คพฺภวุฏฺานํ อโหสิ. โส ‘‘กึ อิทํ ภทฺเท’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘สามิ, เอโก ปุตฺโต ชาโต’’ติ. ‘‘อิทานิ กึ กริสฺสามา’’ติ? ‘‘ยสฺสตฺถาย มยํ กุลฆรํ คจฺเฉยฺยาม, ตํ กมฺมํ อนฺตราว นิปฺผนฺนํ, ตตฺถ คนฺตฺวา กึ กริสฺสาม, นิวตฺตามา’’ติ ทฺเวปิ เอกจิตฺตา หุตฺวา นิวตฺตึสุ. ตสฺส จ ทารกสฺส ปนฺเถ ชาตตฺตา ‘‘ปนฺถโก’’ติ นามํ อกํสุ. ตสฺสา น จิรสฺเสว อปโรปิ คพฺโภ ปติฏฺหิ. สพฺพํ ปุริมนเยเนว วิตฺถาเรตพฺพํ. ตสฺสาปิ ทารกสฺส ปนฺเถ ชาตตฺตา ปมชาตสฺส ‘‘มหาปนฺถโก’’ติ นามํ กตฺวา อิตรสฺส ‘‘จูฬปนฺถโก’’ติ นามํ อกํสุ. เต ทฺเวปิ ทารเก คเหตฺวา อตฺตโน วสนฏฺานเมว อาคตา.

เตสํ ตตฺถ วสนฺตานํ อยํ มหาปนฺถกทารโก อฺเ ทารเก ‘‘จูฬปิตา มหาปิตา’’ติ, ‘‘อยฺยโก อยฺยิกา’’ติ จ วทนฺเต สุตฺวา มาตรํ ปุจฺฉิ ‘‘อมฺม, อฺเ ทารกา ‘จูฬปิตา มหาปิตา’ติปิ วทนฺติ, ‘อยฺยโก อยฺยิกา’ติปิ วทนฺติ, อมฺหากํ าตกา นตฺถี’’ติ. ‘‘อาม, ตาต, ตุมฺหากํ เอตฺถ าตกา นตฺถิ, ราชคหนคเร ปน โว ธนเสฏฺิ นาม อยฺยโก, ตตฺถ ตุมฺหากํ พหู าตกา’’ติ. ‘‘กสฺมา ตตฺถ น คจฺฉถ, อมฺมา’’ติ? สา อตฺตโน อคมนการณํ ปุตฺตสฺส อกเถตฺวา ปุตฺเตสุ ปุนปฺปุนํ กเถนฺเตสุ สามิกํ อาห – ‘‘อิเม ทารกา มํ อติวิย กิลเมนฺติ, กึ โน มาตาปิตโร ทิสฺวา มํสํ ขาทิสฺสนฺติ, เอหิ ทารกานํ อยฺยกกุลํ ทสฺเสสฺสามา’’ติ. ‘‘อหํ สมฺมุขา ภวิตุํ น สกฺขิสฺสามิ, ตํ ปน ตตฺถ นยิสฺสามี’’ติ. ‘‘สาธุ, อยฺย, เยน เกนจิ อุปาเยน ทารกานํ อยฺยกกุลเมว ทฏฺุํ วฏฺฏตี’’ติ ทฺเวปิ ชนา ทารเก อาทาย อนุปุพฺเพน ราชคหํ ปตฺวา นครทฺวาเร เอกิสฺสา สาลาย นิวาสํ กตฺวา ทารกมาตา ทฺเว ทารเก คเหตฺวา อาคตภาวํ มาตาปิตูนํ อาโรจาเปสิ.

เต ตํ สาสนํ สุตฺวา ‘‘สํสาเร วิจรนฺตานํ น ปุตฺโต น ธีตา นาม นตฺถิ, เต อมฺหากํ มหาปราธิกา, น สกฺกา เตหิ อมฺหากํ จกฺขุปเถ าตุํ, เอตฺตกํ ปน ธนํ คเหตฺวา ทฺเวปิ ชนา ผาสุกฏฺานํ คนฺตฺวา ชีวนฺตุ, ทารเก ปน อิธ เปเสนฺตู’’ติ. เสฏฺิธีตา มาตาปิตูหิ เปสิตํ ธนํ คเหตฺวา ทารเก อาคตทูตานํเยว หตฺเถ ทตฺวา เปเสสิ, ทารกา อยฺยกกุเล วฑฺฒนฺติ. เตสุ จูฬปนฺถโก อติทหโร, มหาปนฺถโก ปน อยฺยเกน สทฺธึ ทสพลสฺส ธมฺมกถํ โสตุํ คจฺฉติ. ตสฺส นิจฺจํ สตฺถุ สมฺมุขา ธมฺมํ สุณนฺตสฺส ปพฺพชฺชาย จิตฺตํ นมิ. โส อยฺยกํ อาห ‘‘สเจ ตุมฺเห สมฺปฏิจฺฉถ, อหํ ปพฺพเชยฺย’’นฺติ. ‘‘กึ วเทสิ, ตาต, มยฺหํ สกลโลกสฺสปิ ปพฺพชฺชาโต ตเวว ปพฺพชฺชา ภทฺทิกา, สเจ สกฺโกสิ, ปพฺพช ตาตา’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คโต. สตฺถา ‘‘กึ มหาเสฏฺิ ทารโก เต ลทฺโธ’’ติ. ‘‘อาม, ภนฺเต อยํ ทารโก มยฺหํ นตฺตา, ตุมฺหากํ สนฺติเก ปพฺพชามีติ วทตี’’ติ อาห. สตฺถา อฺตรํ ปิณฺฑจาริกํ ภิกฺขุํ ‘‘อิมํ ทารกํ ปพฺพาเชหี’’ติ อาณาเปสิ. เถโร ตสฺส ตจปฺจกกมฺมฏฺานํ อาจิกฺขิตฺวา ปพฺพาเชสิ. โส พหุํ พุทฺธวจนํ อุคฺคณฺหิตฺวา ปริปุณฺณวสฺโส อุปสมฺปทํ ลภิ. อุปสมฺปนฺโน หุตฺวา โยนิโส มนสิกาเร กมฺมํ กโรนฺโต อรหตฺตํ ปาปุณิ.

โส ฌานสุเขน, มคฺคสุเขน, ผลสุเขน วีตินาเมนฺโต จินฺเตสิ ‘‘สกฺกา นุ โข อิมํ สุขํ จูฬปนฺถกสฺส ทาตุ’’นฺติ. ตโต อยฺยกเสฏฺิสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘มหาเสฏฺิ สเจ ตุมฺเห สมฺปฏิจฺฉถ, อหํ จูฬปนฺถกํ ปพฺพาเชยฺย’’นฺติ อาห. ‘‘ปพฺพาเชถ, ภนฺเต’’ติ. เถโร จูฬปนฺถกทารกํ ปพฺพาเชตฺวา ทสสุ สีเลสุ ปติฏฺาเปสิ. จูฬปนฺถกสามเณโร ปพฺพชิตฺวาว ทนฺโธ อโหสิ.

‘‘ปทุมํ ยถา โกกนทํ สุคนฺธํ, ปาโต สิยา ผุลฺลมวีตคนฺธํ;

องฺคีรสํ ปสฺส วิโรจมานํ, ตปนฺตมาทิจฺจมิวนฺตลิกฺเข’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๑๒๓; อ. นิ. ๕.๑๙๕) –

อิมํ เอกคาถํ จตูหิ มาเสหิ คณฺหิตุํ นาสกฺขิ. โส กิร กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล ปพฺพชิตฺวา ปฺวา หุตฺวา อฺตรสฺส ทนฺธภิกฺขุโน อุทฺเทสคฺคหณกาเล ปริหาสเกฬึ อกาสิ. โส ภิกฺขุ เตน ปริหาเสน ลชฺชิโต เนว อุทฺเทสํ คณฺหิ, น สชฺฌายมกาสิ. เตน กมฺเมน อยํ ปพฺพชิตฺวาว ทนฺโธ ชาโต, คหิตคหิตํ ปทํ อุปรูปริ ปทํ คณฺหนฺตสฺส นสฺสติ. ตสฺส อิมเมว คาถํ คเหตุํ วายมนฺตสฺส จตฺตาโร มาสา อติกฺกนฺตา.

อถ นํ มหาปนฺถโก อาห ‘‘จูฬปนฺถก, ตฺวํ อิมสฺมึ สาสเน อภพฺโพ, จตูหิ มาเสหิ เอกมฺปิ คาถํ คเหตุํ น สกฺโกสิ, ปพฺพชิตกิจฺจํ ปน ตฺวํ กถํ มตฺถกํ ปาเปสฺสสิ, นิกฺขม อิโต’’ติ วิหารา นิกฺกฑฺฒิ. จูฬปนฺถโก พุทฺธสาสเน สิเนเหน คิหิภาวํ น ปตฺเถติ. ตสฺมิฺจ กาเล มหาปนฺถโก ภตฺตุทฺเทสโก โหติ. ชีวโก โกมารภจฺโจ พหุํ คนฺธมาลํ อาทาย อตฺตโน อมฺพวนํ คนฺตฺวา สตฺถารํ ปูเชตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา อุฏฺายาสนา ทสพลํ วนฺทิตฺวา มหาปนฺถกํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘กิตฺตกา, ภนฺเต, สตฺถุ สนฺติเก ภิกฺขู’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ปฺจมตฺตานิ ภิกฺขุสตานี’’ติ. ‘‘สฺเว, ภนฺเต, พุทฺธปฺปมุขานิ ปฺจ ภิกฺขุสตานิ อาทาย อมฺหากํ นิเวสเน ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ. ‘‘อุปาสก, จูฬปนฺถโก นาม ภิกฺขุ ทนฺโธ อวิรุฬฺหิธมฺโม, ตํ เปตฺวา เสสานํ นิมนฺตนํ สมฺปฏิจฺฉามี’’ติ เถโร อาห. ตํ สุตฺวา จูฬปนฺถโก จินฺเตสิ ‘‘เถโร เอตฺตกานํ ภิกฺขูนํ นิมนฺตนํ สมฺปฏิจฺฉนฺโต มํ พาหิรํ กตฺวา สมฺปฏิจฺฉติ, นิสฺสํสยํ มยฺหํ ภาติกสฺส มยิ จิตฺตํ ภินฺนํ ภวิสฺสติ, กึ อิทานิ มยฺหํ อิมินา สาสเนน, คิหี หุตฺวา ทานาทีนิ ปุฺานิ กโรนฺโต ชีวิสฺสามี’’ติ.

โส ปุนทิวเส ปาโตว ‘‘คิหี ภวิสฺสามี’’ติ ปายาสิ. สตฺถา ปจฺจูสกาเลเยว โลกํ โอโลเกนฺโต อิมํ การณํ ทิสฺวา ปมตรํ คนฺตฺวา จูฬปนฺถกสฺส คมนมคฺเค ทฺวารโกฏฺเก จงฺกมนฺโต อฏฺาสิ. จูฬปนฺถโก ฆรํ คจฺฉนฺโต สตฺถารํ ทิสฺวา อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิ. อถ นํ สตฺถา ‘‘กหํ ปน, ตฺวํ จูฬปนฺถก, อิมาย เวลาย คจฺฉสี’’ติ อาห. ภาตา มํ, ภนฺเต, นิกฺกฑฺฒติ, เตนาหํ วิพฺภมิตุํ คจฺฉามีติ. จูฬปนฺถก, ตว ปพฺพชฺชา นาม มม สนฺตกา, ภาตรา นิกฺกฑฺฒิโต กสฺมา มม สนฺติกํ นาคฺฉิ? เอหิ กึ เต คิหิภาเวน, มม สนฺติเก ภวิสฺสสี’’ติ ภควา จูฬปนฺถกํ อาทาย คนฺตฺวา คนฺธกุฏิปฺปมุเข นิสีทาเปตฺวา ‘‘จูฬปนฺถก, ตฺวํ ปุรตฺถาภิมุโข หุตฺวา อิมํ ปิโลติกํ ‘รโชหรณํ รโชหรณ’นฺติ ปริมชฺชนฺโต อิเธว โหหี’’ติ อิทฺธิยา อภิสงฺขตํ ปริสุทฺธํ ปิโลติกาขณฺฑํ ทตฺวา กาเล อาโรจิเต ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ชีวกสฺส เคหํ คนฺตฺวา ปฺตฺตาสเน นิสีทิ.

จูฬปนฺถโกปิ สูริยํ โอโลเกนฺโต ตํ ปิโลติกาขณฺฑํ ‘‘รโชหรณํ รโชหรณ’’นฺติ ปริมชฺชนฺโต นิสีทิ, ตสฺส ตํ ปิโลติกาขณฺฑํ ปริมชฺชนฺตสฺส ปริมชฺชนฺตสฺส กิลิฏฺํ อโหสิ. ตโต จินฺเตสิ ‘‘อิทํ ปิโลติกาขณฺฑํ อติวิย ปริสุทฺธํ, อิมํ ปน อตฺตภาวํ นิสฺสาย ปุริมปกตึ วิชหิตฺวา เอวํ กิลิฏฺํ ชาตํ, อนิจฺจา วต สงฺขารา’’ติ ขยวยํ ปฏฺเปนฺโต วิปสฺสนํ วฑฺเฒสิ. สตฺถา ‘‘จูฬปนฺถกสฺส จิตฺตํ วิปสฺสนํ อารุฬฺห’’นฺติ ตฺวา ‘‘จูฬปนฺถก, ตฺวํ เอตํ ปิโลติกาขณฺฑเมว สํกิลิฏฺํ รโชรฺชิตํ ชาตนฺติ มา สฺํ กริ, อพฺภนฺตเร ปน เต ราครชาทโย อตฺถิ, เต หราหี’’ติ วตฺวา โอภาสํ วิสฺสชฺเชตฺวา ปุรโต นิสินฺโน วิย ปฺายมานรูโป หุตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –

‘‘ราโค รโช น จ ปน เรณุ วุจฺจติ, ราคสฺเสตํ อธิวจนํ รโชติ;

เอตํ รชํ วิปฺปชหิตฺว ภิกฺขโว, วิหรนฺติ เต วิคตรชสฺส สาสเน.

‘‘โทโส รโช น จ ปน เรณุ วุจฺจติ, โทสสฺเสตํ อธิวจนํ รโชติ;

เอตํ รชํ วิปฺปชหิตฺว ภิกฺขโว, วิหรนฺติ เต วิคตรชสฺส สาสเน.

‘‘โมโห รโช น จ ปน เรณุ วุจฺจติ, โมหสฺเสตํ อธิวจนํ รโชติ;

เอตํ รชํ วิปฺปชหิตฺว ภิกฺขโว, วิหรนฺติ เต วิคตรชสฺส สาสเน’’ติ. (มหานิ. ๒๐๙; จูฬนิ. อุทยมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๗๔);

คาถาปริโยสาเน จูฬปนฺถโก สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ, ปฏิสมฺภิทาหิเยวสฺส ตีณิ ปิฏกานิ อาคมํสุ. โส กิร ปุพฺเพ ราชา หุตฺวา นครํ ปทกฺขิณํ กโรนฺโต นลาฏโต เสเท มุจฺจนฺเต ปริสุทฺเธน สาฏเกน นลาฏนฺตํ ปุฺฉิ, สาฏโก กิลิฏฺโ อโหสิ. โส ‘‘อิมํ สรีรํ นิสฺสาย เอวรูโป ปริสุทฺโธ สาฏโก ปกตึ ชหิตฺวา กิลิฏฺโ ชาโต, อนิจฺจา วต สงฺขารา’’ติ อนิจฺจสฺํ ปฏิลภิ. เตน การเณนสฺส รโชหรณเมว ปจฺจโย ชาโต.

ชีวโกปิ โข โกมารภจฺโจ ทสพลสฺส ทกฺขิโณทกํ อุปนาเมสิ. สตฺถา ‘‘นนุ, ชีวก, วิหาเร ภิกฺขู อตฺถี’’ติ หตฺเถน ปตฺตํ ปิทหิ. มหาปนฺถโก ‘‘ภนฺเต, วิหาเร นตฺถิ ภิกฺขู’’ติ อาห. สตฺถา ‘‘อตฺถิ ชีวกา’’ติ อาห. ชีวโก ‘‘เตน หิ, ภเณ, คจฺฉ, วิหาเร ภิกฺขูนํ อตฺถิภาวํ วา นตฺถิภาวํ วา ชานาหี’’ติ ปุริสํ เปเสสิ. ตสฺมึ ขเณ จูฬปนฺถโก ‘‘มยฺหํ ภาติโก ‘วิหาเร ภิกฺขู นตฺถี’ติ ภณติ, วิหาเร ภิกฺขูนํ อตฺถิภาวมสฺส ปกาเสสฺสามี’’ติ สกลํ อมฺพวนํ ภิกฺขูนํเยว ปูเรสิ. เอกจฺเจ ภิกฺขู จีวรกมฺมํ กโรนฺติ, เอกจฺเจ รชนกมฺมํ, เอกจฺเจ สชฺฌายํ กโรนฺตีติ เอวํ อฺมฺํ อสทิสํ ภิกฺขุสหสฺสํ มาเปสิ. โส ปุริโส วิหาเร พหู ภิกฺขู ทิสฺวา นิวตฺติตฺวา ‘‘อยฺย, สกลํ อมฺพวนํ ภิกฺขูหิ ปริปุณฺณ’’นฺติ ชีวกสฺส อาโรเจสิ. เถโรปิ โข ตตฺเถว –

‘‘สหสฺสกฺขตฺตุมตฺตานํ, นิมฺมินิตฺวาน ปนฺถโก;

นิสีทมฺพวเน รมฺเม, ยาว กาลปฺปเวทนา’’ติ. (เถรคา. ๕๖๓);

อถ สตฺถา ตํ ปุริสํ อาห – ‘‘วิหารํ คนฺตฺวา ‘สตฺถา จูฬปนฺถกํ นาม ปกฺโกสตี’ติ วเทหี’’ติ. เตน คนฺตฺวา ตถาวุตฺเต ‘‘อหํ จูฬปนฺถโก, อหํ จูฬปนฺถโก’’ติ มุขสหสฺสํ อุฏฺหิ. ปุริโส คนฺตฺวา ‘‘สพฺเพปิ กิร เต, ภนฺเต, จูฬปนฺถกาเยว นามา’’ติ อาห. เตน หิ ตฺวํ คนฺตฺวา โย ปมํ ‘‘อหํ จูฬปนฺถโก’’ติ วทติ, ตํ หตฺเถ คณฺห, อวเสสา อนฺตรธายิสฺสนฺตีติ. โส ตถา อกาสิ, ตาวเทว สหสฺสมตฺตา ภิกฺขู อนฺตรธายึสุ. เถโร เตน ปุริเสน สทฺธึ อคมาสิ. สตฺถา ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน ชีวกํ อามนฺเตสิ ‘‘ชีวก, จูฬปนฺถกสฺส ปตฺตํ คณฺห, อยํ เต อนุโมทนํ กริสฺสตี’’ติ. ชีวโก ตถา อกาสิ. เถโร สีหนาทํ นทนฺโต ตรุณสีโห วิย ตีณิ ปิฏกานิ สํโขเภตฺวา อนุโมทนํ อกาสิ.

สตฺถา อุฏฺายาสนา ภิกฺขุสงฺฆปริวาโร วิหารํ คนฺตฺวา ภิกฺขูหิ วตฺเต ทสฺสิเต อุฏฺายาสนา คนฺธกุฏิปฺปมุเข ตฺวา ภิกฺขุสงฺฆสฺส สุคโตวาทํ ทตฺวา กมฺมฏฺานํ กเถตฺวา ภิกฺขุสงฺฆํ อุยฺโยเชตฺวา สุรภิคนฺธวาสิตํ คนฺธกุฏึ ปวิสิตฺวา ทกฺขิเณน ปสฺเสน สีหเสยฺยํ อุปคโต. อถ สายนฺหสมเย ธมฺมสภายํ ภิกฺขู อิโต จิโต จ สโมสริตฺวา รตฺตกมฺพลสาณึ ปริกฺขิปนฺตา วิย นิสีทิตฺวา สตฺถุ คุณกถํ อารภึสุ ‘‘อาวุโส, มหาปนฺถโก จูฬปนฺถกสฺส อชฺฌาสยํ อชานนฺโต ‘จตูหิ มาเสหิ เอกคาถํ คณฺหิตุํ น สกฺโกติ, ทนฺโธ อย’นฺติ วิหารา นิกฺกฑฺฒิ, สมฺมาสมฺพุทฺโธ ปน อตฺตโน อนุตฺตรธมฺมราชตาย เอกสฺมึเยวสฺส อนฺตรภตฺเต สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ อทาสิ, ตีณิ ปิฏกานิ ปฏิสมฺภิทาหิเยว อาคตานิ, อโห พุทฺธานํ พลํ นาม มหนฺต’’นฺติ.

อถ ภควา ธมฺมสภายํ อิมํ กถาปวตฺตึ ตฺวา ‘‘อชฺช มยา คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ พุทฺธเสยฺยาย อุฏฺาย สุรตฺตทุปฏฺฏํ นิวาเสตฺวา วิชฺชุลตํ วิย กายพนฺธนํ พนฺธิตฺวา รตฺตกมฺพลสทิสํ สุคตมหาจีวรํ ปารุปิตฺวา สุรภิคนฺธกุฏิโต นิกฺขมฺม มตฺตวารโณ วิย สีหวิกฺกนฺตวิลาเสน วิชมฺภมาโน สีโห วิย อนนฺตาย พุทฺธลีลาย ธมฺมสภํ คนฺตฺวา อลงฺกตมณฺฑปมชฺเฌ สุปฺตฺตวรพุทฺธาสนํ อภิรุยฺห ฉพฺพณฺณพุทฺธรสฺมิโย วิสฺสชฺเชนฺโต อณฺณวกุจฺฉึ โอภาสยมาโน ยุคนฺธรมตฺถเก พาลสูริโย วิย อาสนมชฺเฌ นิสีทิ. สมฺมาสมฺพุทฺเธ ปน อาคตมตฺเต ภิกฺขุสงฺโฆ กถํ ปจฺฉินฺทิตฺวา ตุณฺหี อโหสิ.

สตฺถา มุทุเกน เมตฺตจิตฺเตน ปริสํ โอโลเกตฺวา ‘‘อยํ ปริสา อติวิย โสภติ, เอกสฺสปิ หตฺถกุกฺกุจฺจํ วา ปาทกุกฺกุจฺจํ วา อุกฺกาสิตสทฺโท วา ขิปิตสทฺโท วา นตฺถิ, สพฺเพปิเม พุทฺธคารเวน สคารวา พุทฺธเตเชน ตชฺชิตา มยิ อายุกปฺปมฺปิ อกเถตฺวา นิสินฺเน ปมํ กถํ สมุฏฺาเปตฺวา น กเถสฺสนฺติ, กถาสมุฏฺาปนวตฺตํ นาม มยาว ชานิตพฺพํ, อหเมว ปมํ กเถสฺสามี’’ติ มธุเรน พฺรหฺมสฺสเรน ภิกฺขู อามนฺเตตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา, กา จ ปน โว อนฺตรากถา วิปฺปกตา’’ติ อาห. ภนฺเต, น มยํ อิมสฺมึ าเน นิสินฺนา อฺํ ติรจฺฉานกถํ กเถม, ตุมฺหากํเยว ปน คุเณ วณฺณยมานา นิสินฺนามฺห ‘‘อาวุโส มหาปนฺถโก จูฬปนฺถกสฺส อชฺฌาสยํ อชานนฺโต ‘จตูหิ มาเสหิ เอกํ คาถํ คณฺหิตุํ น สกฺโกติ, ทนฺโธ อย’นฺติ วิหารา นิกฺกฑฺฒิ, สมฺมาสมฺพุทฺโธ ปน อนุตฺตรธมฺมราชตาย เอกสฺมึเยวสฺส อนฺตรภตฺเต สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ อทาสิ, อโห พุทฺธานํ พลํ นาม มหนฺต’’นฺติ. สตฺถา ภิกฺขูนํ กถํ สุตฺวา ‘‘ภิกฺขเว, จูฬปนฺถโก มํ นิสฺสาย อิทานิ ตาว ธมฺเมสุ ธมฺมมหนฺตตํ ปตฺโต, ปุพฺเพ ปน มํ นิสฺสาย โภเคสุปิ โภคมหนฺตตํ ปาปุณี’’ติ อาห. ภิกฺขู ตสฺสตฺถสฺส อาวิภาวตฺถํ ภควนฺตํ ยาจึสุ. ภควา ภวนฺตเรน ปฏิจฺฉนฺนํ การณํ ปากฏํ อกาสิ.

อตีเต กาสิรฏฺเ พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต เสฏฺิกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต เสฏฺิฏฺานํ ลภิตฺวา จูฬเสฏฺิ นาม อโหสิ, โส ปณฺฑิโต พฺยตฺโต สพฺพนิมิตฺตานิ ชานาติ. โส เอกทิวสํ ราชุปฏฺานํ คจฺฉนฺโต อนฺตรวีถิยํ มตมูสิกํ ทิสฺวา ตงฺขณฺเว นกฺขตฺตํ สมาเนตฺวา อิทมาห ‘‘สกฺกา จกฺขุมตา กุลปุตฺเตน อิมํ อุนฺทูรํ คเหตฺวา ปุตฺตทารภรณฺจ กาตุํ กมฺมนฺเต จ ปโยเชตุ’’นฺติ? อฺตโร ทุคฺคตกุลปุตฺโต ตํ เสฏฺิสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘นายํ อชานิตฺวา กเถสฺสตี’’ติ ตํ มูสิกํ คเหตฺวา เอกสฺมึ อาปเณ พิฬาลสฺสตฺถาย วิกฺกิณิตฺวา กากณิกํ ลภิตฺวา ตาย กากณิกาย ผาณิตํ คเหตฺวา เอเกน ฆเฏน ปานียํ คณฺหิ. โส อรฺโต อาคจฺฉนฺเต มาลากาเร ทิสฺวา โถกํ โถกํ ผาณิตขณฺฑํ ทตฺวา อุฬุงฺเกน ปานียํ อทาสิ, เต จสฺส เอเกกํ ปุปฺผมุฏฺึ อทํสุ. โส เตน ปุปฺผมูเลน ปุนทิวเสปิ ผาณิตฺจ ปานียฆฏฺจ คเหตฺวา ปุปฺผารามเมว คโต. ตสฺส ตํ ทิวสํ มาลาการา อฑฺโฒจิตเก ปุปฺผคจฺเฉ ทตฺวา อคมํสุ. โส น จิรสฺเสว อิมินา อุปาเยน อฏฺ กหาปเณ ลภิ.

ปุน เอกสฺมึ วาตวุฏฺิทิวเส ราชุยฺยาเน พหู สุกฺขทณฺฑกา จ สาขา จ ปลาสฺจ วาเตน ปาติตํ โหติ, อุยฺยานปาโล ฉฑฺเฑตุํ อุปายํ น ปสฺสติ. โส ตตฺถ คนฺตฺวา ‘‘สเจ อิมานิ ทารุปณฺณานิ มยฺหํ ทสฺสสิ, อหํ เต อิมานิ สพฺพานิ นีหริสฺสามี’’ติ อุยฺยานปาลํ อาห, โส ‘‘คณฺห อยฺยา’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ. จูฬนฺเตวาสิโก ทารกานํ กีฬนมณฺฑลํ คนฺตฺวา ผาณิตํ ทตฺวา มุหุตฺเตน สพฺพานิ ทารุปณฺณานิ นีหราเปตฺวา อุยฺยานทฺวาเร ราสึ กาเรสิ. ตทา ราชกุมฺภกาโร ราชกุเล ภาชนานํ ปจนตฺถาย ทารูนิ ปริเยสมาโน อุยฺยานทฺวาเร ตานิ ทิสฺวา ตสฺส หตฺถโต กิณิตฺวา คณฺหิ. ตํ ทิวสํ จูฬนฺเตวาสิโก ทารุวิกฺกเยน โสฬส กหาปเณ จาฏิอาทีนิ จ ปฺจ ภาชนานิ ลภิ.

โส จตุวีสติยา กหาปเณสุ ชาเตสุ ‘‘อตฺถิ อยํ อุปาโย มยฺห’’นฺติ นครทฺวารโต อวิทูเร าเน เอกํ ปานียจาฏึ เปตฺวา ปฺจสเต ติณหารเก ปานีเยน อุปฏฺหิ. เต อาหํสุ ‘‘สมฺม, ตฺวํ อมฺหากํ พหูปกาโร, กึ เต กโรมา’’ติ? โส ‘‘มยฺหํ กิจฺเจ อุปฺปนฺเน กริสฺสถา’’ติ วตฺวา อิโต จิโต จ วิจรนฺโต ถลปถกมฺมิเกน จ ชลปถกมฺมิเกน จ สทฺธึ มิตฺตสนฺถวํ อกาสิ. ตสฺส ถลปถกมฺมิโก ‘‘สฺเว อิมํ นครํ อสฺสวาณิชโก ปฺจ อสฺสสตานิ คเหตฺวา อาคมิสฺสตี’’ติ อาจิกฺขิ. โส ตสฺส วจนํ สุตฺวา ติณหารเก อาห ‘‘อชฺช มยฺหํ เอเกกํ ติณกลาปํ เทถ, มยา จ ติเณ อวิกฺกิณิเต อตฺตโน ติณํ มา วิกฺกิณถา’’ติ. เต ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ปฺจ ติณกลาปสตานิ อาหริตฺวา ตสฺส ฆเร ปาปยึสุ. อสฺสวาณิโช สกลนคเร อสฺสานํ โคจรํ อลภิตฺวา ตสฺส สหสฺสํ ทตฺวา ตํ ติณํ คณฺหิ.

ตโต กติปาหจฺจเยนสฺส ชลปถกมฺมิโก สหายโก อาโรเจสิ ‘‘ปฏฺฏนมฺหิ มหานาวา อาคตา’’ติ. โส ‘‘อตฺถิ อยํ อุปาโย’’ติ อฏฺหิ กหาปเณหิ สพฺพปริวารสมฺปนฺนํ ตาวกาลิกํ รถํ คเหตฺวา มหนฺเตน ยเสน นาวาปฏฺฏนํ คนฺตฺวา เอกํ องฺคุลิมุทฺทิกํ นาวิกสฺส สจฺจการํ ทตฺวา อวิทูเร าเน สาณิยา ปริกฺขิปาเปตฺวา นิสินฺโน ปุริเส อาณาเปสิ ‘‘พาหิรโต วาณิเชสุ อาคเตสุ ตติเยน ปฏิหาเรน มํ อาโรเจถา’’ติ. ‘‘นาวา อาคตา’’ติ สุตฺวา พาราณสิโต สตมตฺตา วาณิชา ‘‘ภณฺฑํ คณฺหามา’’ติ อาคมึสุ. ภณฺฑํ ตุมฺเห น ลภิสฺสถ, อสุกฏฺาเน นาม มหาวาณิเชน สจฺจกาโร ทินฺโนติ. เต ตํ สุตฺวา ตสฺส สนฺติกํ อาคตา. ปาทมูลิกปุริสา ปุริมสฺาวเสน ตติเยน ปฏิหาเรน เตสํ อาคตภาวํ อาโรเจสุํ. เต สตมตฺตา วาณิชา เอเกกํ สหสฺสํ ทตฺวา เตน สทฺธึ นาวาย ปตฺติกา หุตฺวา ปุน เอเกกํ สหสฺสํ ทตฺวา ปตฺตึ วิสฺสชฺชาเปตฺวา ภณฺฑํ อตฺตโน สนฺตกมกํสุ.

จูฬนฺเตวาสิโก ทฺเว สตสหสฺสานิ คณฺหิตฺวา พาราณสึ อาคนฺตฺวา ‘‘กตฺุนา เม ภวิตุํ วฏฺฏตี’’ติ เอกํ สตสหสฺสํ คาหาเปตฺวา จูฬเสฏฺิสฺส สมีปํ คโต. อถ นํ เสฏฺิ ‘‘กึ เต, ตาต, กตฺวา อิทํ ธนํ ลทฺธ’’นฺติ ปุจฺฉิ. โส ‘‘ตุมฺเหหิ กถิตอุปาเย ตฺวา จตุมาสมฺภนฺตเรเยว ลทฺธ’’นฺติ มตมูสิกํ อาทึ กตฺวา สพฺพํ วตฺถุํ กเถสิ. จูฬเสฏฺิ ตสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘อิทานิ เอวรูปํ ทารกํ มม สนฺตกํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วยปฺปตฺตํ อตฺตโน ธีตรํ ทตฺวา สกลกุฏุมฺพสฺส สามิกํ อกาสิ. โส เสฏฺิโน อจฺจเยน ตสฺมึ นคเร เสฏฺิฏฺานํ ลภิ. โพธิสตฺโตปิ ยถากมฺมํ อคมาสิ.

สมฺมาสมฺพุทฺโธปิ อิมํ ธมฺมเทสนํ กเถตฺวา อภิสมฺพุทฺโธว อิมํ คาถํ กเถสิ –

.

‘‘อปฺปเกนปิ เมธาวี, ปาภเตน วิจกฺขโณ;

สมุฏฺาเปติ อตฺตานํ, อณุํ อคฺคึว สนฺธม’’นฺติ.

ตตฺถ อปฺปเกนปีติ โถเกนปิ ปริตฺตเกนปิ. เมธาวีติ ปฺวา. ปาภเตนาติ ภณฺฑมูเลน. วิจกฺขโณติ โวหารกุสโล. สมุฏฺาเปติ อตฺตานนฺติ มหนฺตํ ธนฺจ ยสฺจ อุปฺปาเทตฺวา ตตฺถ อตฺตานํ สณฺาเปติ ปติฏฺาเปติ. ยถา กึ? อณุํ อคฺคึว สนฺธมํ, ยถา ปณฺฑิตปุริโส ปริตฺตํ อคฺคึ อนุกฺกเมน โคมยจุณฺณาทีนิ ปกฺขิปิตฺวา มุขวาเตน ธมนฺโต สมุฏฺาเปติ วฑฺเฒติ มหนฺตํ อคฺคิกฺขนฺธํ กโรติ, เอวเมว ปณฺฑิโต โถกมฺปิ ปาภตํ ลภิตฺวา นานาอุปาเยหิ ปโยเชตฺวา ธนฺจ ยสฺจ วฑฺเฒติ, วฑฺเฒตฺวา จ ปน ตตฺถ อตฺตานํ ปติฏฺาเปติ, ตาย เอว วา ปน ธนยสมหนฺตตาย อตฺตานํ สมุฏฺาเปติ, อภิฺาตํ ปากฏํ กโรตีติ อตฺโถ.

อิติ ภควา ‘‘ภิกฺขเว, จูฬปนฺถโก มํ นิสฺสาย อิทานิ ธมฺเมสุ ธมฺมมหนฺตตํ ปตฺโต, ปุพฺเพ ปน โภเคสุปิ โภคมหนฺตตํ ปาปุณี’’ติ เอวํ อิมํ ธมฺมเทสนํ ทสฺเสตฺวา ทฺเว วตฺถูนิ กเถตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ ‘‘ตทา จูฬนฺเตวาสิโก จูฬปนฺถโก อโหสิ, จูฬกเสฏฺิ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ เทสนํ นิฏฺาเปสิ.

จูฬเสฏฺิชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.

๕. ตณฺฑุลนาฬิชาตกวณฺณนา

กิมคฺฆติ ตณฺฑุลนาฬิกาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ลาลุทายิตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ. ตสฺมึ สมเย อายสฺมา ทพฺโพ มลฺลปุตฺโต สงฺฆสฺส ภตฺตุทฺเทสโก โหติ. ตสฺมึ ปาโตว สลากภตฺตานิ อุทฺทิสมาเน ลาลุทายิตฺเถรสฺส กทาจิ วรภตฺตํ ปาปุณาติ, กทาจิ ลามกภตฺตํ. โส ลามกภตฺตสฺส ปตฺตทิวเส สลากคฺคํ อากุลํ กโรติ, ‘‘กึ ทพฺโพว สลากํ ทาตุํ ชานาติ, อมฺเห น ชานามา’’ติ วทติ. ตสฺมึ สลากคฺคํ อากุลํ กโรนฺเต ‘‘หนฺท ทานิ ตฺวเมว สลากํ เทหี’’ติ สลากปจฺฉึ อทํสุ. ตโต ปฏฺาย โส สงฺฆสฺส สลากํ อทาสิ. เทนฺโต จ ปน ‘‘อิทํ วรภตฺต’’นฺติ วา ‘‘ลามกภตฺต’’นฺติ วา ‘‘อสุกวสฺสคฺเค วรภตฺต’’นฺติ วา ‘‘อสุกวสฺสคฺเค ลามกภตฺต’’นฺติ วา น ชานาติ, ิติกํ กโรนฺโตปิ ‘‘อสุกวสฺสคฺเค ิติกา’’ติ น สลฺลกฺเขติ. ภิกฺขูนํ ิตเวลาย ‘‘อิมสฺมึ าเน อยํ ิติกา ิตา, อิมสฺมึ าเน อย’’นฺติ ภูมิยํ วา ภิตฺติยํ วา เลขํ กฑฺฒติ. ปุนทิวเส สลากคฺเค ภิกฺขู มนฺทตรา วา โหนฺติ พหุตรา วา, เตสุ มนฺทตเรสุ เลขา เหฏฺา โหติ, พหุตเรสุ อุปริ. โส ิติกํ อชานนฺโต เลขาสฺาย สลากํ เทติ.

อถ นํ ภิกฺขู ‘‘อาวุโส, อุทายิ, เลขา นาม เหฏฺา วา โหติ อุปริ วา, วรภตฺตํ ปน อสุกวสฺสคฺเค ิตํ, ลามกภตฺตํ อสุกวสฺสคฺเค’’ติ อาหํสุ. โส ภิกฺขู ปฏิปฺผรนฺโต ‘‘ยทิ เอวํ อยํ เลขา กสฺมา เอวํ ิตา, กึ อหํ ตุมฺหากํ สทฺทหามิ, อิมิสฺสา เลขาย สทฺทหามี’’ติ วทติ. อถ นํ ทหรา จ สามเณรา จ ‘‘อาวุโส ลาลุทายิ ตยิ สลากํ เทนฺเต ภิกฺขู ลาเภน ปริหายนฺติ, น ตฺวํ ทาตุํ อนุจฺฉวิโก, คจฺฉ อิโต’’ติ สลากคฺคโต นิกฺกฑฺฒึสุ. ตสฺมึ ขเณ สลากคฺเค มหนฺตํ โกลาหลํ อโหสิ. ตํ สุตฺวา สตฺถา อานนฺทตฺเถรํ ปุจฺฉิ ‘‘อานนฺท, สลากคฺเค มหนฺตํ โกลาหลํ, กึ สทฺโท นาเมโส’’ติ. เถโร ตถาคตสฺส ตมตฺถํ อาโรเจสิ. ‘‘อานนฺท, น อิทาเนว ลาลุทายิ อตฺตโน พาลตาย ปเรสํ ลาภหานึ กโรติ, ปุพฺเพปิ อกาสิเยวา’’ติ อาห. เถโร ตสฺสตฺถสฺส อาวิภาวตฺถํ ภควนฺตํ ยาจิ. ภควา ภวนฺตเรน ปฏิจฺฉนฺนํ การณํ ปากฏํ อกาสิ.

อตีเต กาสิรฏฺเ พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺโต ราชา อโหสิ. ตทา อมฺหากํ โพธิสตฺโต ตสฺส อคฺฆาปนิโก อโหสิ. หตฺถิอสฺสาทีนิ เจว มณิสุวณฺณาทีนิ จ อคฺฆาเปสิ, อคฺฆาเปตฺวา ภณฺฑสามิกานํ ภณฺฑานุรูปเมว มูลํ ทาเปสิ. ราชา ปน ลุทฺโธ โหติ, โส โลภปกติตาย เอวํ จินฺเตสิ ‘‘อยํ อคฺฆาปนิโก เอวํ อคฺฆาเปนฺโต น จิรสฺเสว มม เคเห ธนํ ปริกฺขยํ คเมสฺสติ, อฺํ อคฺฆาปนิกํ กริสฺสามี’’ติ. โส สีหปฺชรํ อุคฺฆาเฏตฺวา ราชงฺคณํ โอโลเกนฺโต เอกํ คามิกมนุสฺสํ โลลพาลํ ราชงฺคเณน คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘เอส มยฺหํ อคฺฆาปนิกกมฺมํ กาตุํ สกฺขิสฺสตี’’ติ ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สกฺขิสฺสสิ, ภเณ, อมฺหากํ อคฺฆาปนิกกมฺมํ กาตุ’’นฺติ อาห. สกฺขิสฺสามิ, เทวาติ. ราชา อตฺตโน ธนรกฺขณตฺถาย ตํ พาลํ อคฺฆาปนิกกมฺเม เปสิ. ตโต ปฏฺาย โส พาโล หตฺถิอสฺสาทีนิ อคฺฆาเปนฺโต อคฺฆํ หาเปตฺวา ยถารุจิยา กเถติ. ตสฺส านนฺตเร ิตตฺตา ยํ โส กเถติ, ตเมว มูลํ โหติ.

ตสฺมึ กาเล อุตฺตราปถโต เอโก อสฺสวาณิโช ปฺจ อสฺสสตานิ อาเนสิ. ราชา ตํ ปุริสํ ปกฺโกสาเปตฺวา อสฺเส อคฺฆาเปสิ. โส ปฺจนฺนํ อสฺสสตานํ เอกํ ตณฺฑุลนาฬิกํ อคฺฆมกาสิ. กตฺวา จ ปน ‘‘อสฺสวาณิชสฺส เอกํ ตณฺฑุลนาฬิกํ เทถา’’ติ วตฺวา อสฺเส อสฺสสาลายํ สณฺาเปสิ. อสฺสวาณิโช โปราณอคฺฆาปนิกสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ตํ ปวตฺตึ อาโรเจตฺวา ‘‘อิทานิ กึ กตฺตพฺพ’’นฺติ ปุจฺฉิ. โส อาห ‘‘ตสฺส ปุริสสฺส ลฺชํ ทตฺวา เอวํ ปุจฺฉถ ‘อมฺหากํ ตาว อสฺสา เอกํ ตณฺฑุลนาฬิกํ อคฺฆนฺตีติ าตเมตํ, ตุมฺเห ปน นิสฺสาย ตณฺฑุลนาฬิยา อคฺฆํ ชานิตุกามมฺหา, สกฺขิสฺสถ โน รฺโ สนฺติเก ตฺวา สา ตณฺฑุลนาฬิกา อิทํ นาม อคฺฆตีติ วตฺตุ’นฺติ, สเจ สกฺโกมีติ วทติ, ตํ คเหตฺวา รฺโ สนฺติกํ คจฺฉถ, อหมฺปิ ตตฺถ อาคมิสฺสามี’’ติ.

อสฺสวาณิโช ‘‘สาธู’’ติ โพธิสตฺตสฺส วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา อคฺฆาปนิกสฺส ลฺชํ ทตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจสิ. โส ลฺชํ ลภิตฺวาว ‘‘สกฺขิสฺสามิ ตณฺฑุลนาฬึ อคฺฆาเปตุ’’นฺติ. ‘‘เตน หิ คจฺฉาม ราชกุล’’นฺติ ตํ อาทาย รฺโ สนฺติกํ อคมาสิ. โพธิสตฺโตปิ อฺเปิ พหู อมจฺจา อคมึสุ. อสฺสวาณิโช ราชานํ วนฺทิตฺวา อาห – ‘‘เทว, ปฺจนฺนํ อสฺสสตานํ เอกํ ตณฺฑุลนาฬึ อคฺฆนกภาวํ ชานาม, สา ปน ตณฺฑุลนาฬิ กึ อคฺฆตีติ อคฺฆาปนิกํ ปุจฺฉถ เทวา’’ติ. ราชา ตํ ปวตฺตึ อชานนฺโต ‘‘อมฺโภ อคฺฆาปนิก, ปฺจ อสฺสสตานิ กึ อคฺฆนฺตี’’ติ ปุจฺฉิ. ตณฺฑุลนาฬึ, เทวาติ. ‘‘โหตุ, ภเณ, อสฺสา ตาว ตณฺฑุลนาฬึ อคฺฆนฺตุ. สา ปน กึ อคฺฆติ ตณฺฑุลนาฬิกา’’ติ ปุจฺฉิ. โส พาลปุริโส ‘‘พาราณสึ สนฺตรพาหิรํ อคฺฆติ ตณฺฑุลนาฬิกา’’ติ อาห. โส กิร ปุพฺเพ ราชานํ อนุวตฺตนฺโต เอกํ ตณฺฑุลนาฬึ อสฺสานํ อคฺฆมกาสิ. ปุน วาณิชสฺส หตฺถโต ลฺชํ ลภิตฺวา ตสฺสา ตณฺฑุลนาฬิกาย พาราณสึ สนฺตรพาหิรํ อคฺฆมกาสิ. ตทา ปน พาราณสิยา ปาการปริกฺเขโป ทฺวาทสโยชนิโก โหติ. อิทมสฺส อนฺตรํ, พาหิรํ ปน ติโยชนสติกํ รฏฺํ. อิติ โส พาโล เอวํ มหนฺตํ พาราณสึ สนฺตรพาหิรํ ตณฺฑุลนาฬิกาย อคฺฆมกาสิ.

ตํ สุตฺวา อมจฺจา ปาณึ ปหริตฺวา หสมานา ‘‘มยํ ปุพฺเพ ปถวิฺจ รชฺชฺจ อนคฺฆนฺติ สฺิโน อหุมฺห, เอวํ มหนฺตํ กิร สราชกํ พาราณสิรชฺชํ ตณฺฑุลนาฬิมตฺตํ อคฺฆติ, อโห อคฺฆาปนิกสฺส าณสมฺปทา. กหํ เอตฺตกํ กาลํ อยํ อคฺฆาปนิโก วิหาสิ, อมฺหากํ รฺโ เอว อนุจฺฉวิโก’’ติ ปริหาสํ อกํสุ –

.

‘‘กิมคฺฆติ ตณฺฑุลนาฬิกายํ, อสฺสาน มูลาย วเทหิ ราช;

พาราณสึ สนฺตรพาหิรํ, อยมคฺฆติ ตณฺฑุลนาฬิกา’’ติ.

ตสฺมึ กาเล ราชา ลชฺชิโต ตํ พาลํ นิกฺกฑฺฒาเปตฺวา โพธิสตฺตสฺเสว อคฺฆาปนิกฏฺานํ อทาสิ. โพธิสตฺโตปิ ยถากมฺมํ คโต.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ทฺเว วตฺถูนิ กเถตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ ‘‘ตทา คามิกพาลอคฺฆาปนิโก ลาลุทายี อโหสิ, ปณฺฑิตอคฺฆาปนิโก ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ เทสนํ นิฏฺาเปสิ.

ตณฺฑุลนาฬิชาตกวณฺณนา ปฺจมา.

๖. เทวธมฺมชาตกวณฺณนา

หิริโอตฺตปฺปสมฺปนฺนาติ อิทํ ภควา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ พหุภณฺฑิกํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. สาวตฺถิวาสี กิเรโก กุฏุมฺพิโก ภริยาย กาลกตาย ปพฺพชิ. โส ปพฺพชนฺโต อตฺตโน ปริเวณฺจ อคฺคิสาลฺจ ภณฺฑคพฺภฺจ กาเรตฺวา ภณฺฑคพฺภํ สปฺปิตณฺฑุลาทีหิ ปูเรตฺวา ปพฺพชิ. ปพฺพชิตฺวา จ ปน อตฺตโน ทาเส ปกฺโกสาเปตฺวา ยถารุจิตํ อาหารํ ปจาเปตฺวา ภุฺชติ, พหุปริกฺขาโร จ อโหสิ, รตฺตึ อฺํ นิวาสนปารุปนํ โหติ, ทิวา อฺํ. วิหารปจฺจนฺเต วสติ. ตสฺเสกทิวสํ จีวรปจฺจตฺถรณาทีนิ นีหริตฺวา ปริเวเณ ปตฺถริตฺวา สุกฺขาเปนฺตสฺส สมฺพหุลา ชานปทา ภิกฺขู เสนาสนจาริกํ อาหิณฺฑนฺตา ปริเวณํ คนฺตฺวา จีวราทีนิ ทิสฺวา ‘‘กสฺสิมานี’’ติ ปุจฺฉึสุ. โส ‘‘มยฺหํ, อาวุโส’’ติ อาห. ‘‘อาวุโส, อิทมฺปิ จีวรํ, อิทมฺปิ นิวาสนํ, อิทมฺปิ ปจฺจตฺถรณํ, สพฺพํ ตุยฺหเมวา’’ติ? ‘‘อาม มยฺหเมวา’’ติ. ‘‘อาวุโส ภควตา ตีณิ จีวรานิ อนุฺาตานิ, ตฺวํ เอวํ อปฺปิจฺฉสฺส พุทฺธสฺส สาสเน ปพฺพชิตฺวา เอวํ พหุปริกฺขาโร ชาโต, เอหิ ตํ ทสพลสฺส สนฺติกํ เนสฺสามา’’ติ ตํ อาทาย สตฺถุ สนฺติกํ อคมํสุ.

สตฺถา ทิสฺวาว ‘‘กึ นุ โข, ภิกฺขเว, อนิจฺฉมานกํเยว ภิกฺขุํ คณฺหิตฺวา อาคตตฺถา’’ติ อาห. ‘‘ภนฺเต, อยํ ภิกฺขุ พหุภณฺโฑ พหุปริกฺขาโร’’ติ. ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ พหุภณฺโฑ’’ติ? ‘‘สจฺจํ, ภควา’’ติ. ‘‘กสฺมา ปน ตฺวํ ภิกฺขุ พหุภณฺโฑ ชาโต’’? ‘‘นนุ อหํ อปฺปิจฺฉตาย สนฺตุฏฺิตาย ปวิเวกสฺส วีริยารมฺภสฺส วณฺณํ วทามี’’ติ. โส สตฺถุ วจนํ สุตฺวา กุปิโต ‘‘อิมินา ทานิ นีหาเรน จริสฺสามี’’ติ ปารุปนํ ฉฑฺเฑตฺวา ปริสมชฺเฌ เอกจีวโร อฏฺาสิ.

อถ นํ สตฺถา อุปตฺถมฺภยมาโน ‘‘นนุ ตฺวํ ภิกฺขุ ปุพฺเพ หิโรตฺตปฺปคเวสโก ทกรกฺขสกาเลปิ หิโรตฺตปฺปํ คเวสมาโน ทฺวาทส สํวจฺฉรานิ วิหาสิ, อถ กสฺมา อิทานิ เอวํ ครุเก พุทฺธสาสเน ปพฺพชิตฺวา จตุปริสมชฺเฌ ปารุปนํ ฉฑฺเฑตฺวา หิโรตฺตปฺปํ ปหาย ิโตสี’’ติ? โส สตฺถุ วจนํ สุตฺวา หิโรตฺตปฺปํ ปจฺจุปฏฺาเปตฺวา ตํ จีวรํ ปารุปิตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. ภิกฺขู ตสฺสตฺถสฺส อาวิภาวตฺถํ ภควนฺตํ ยาจึสุ, ภควา ภวนฺตเรน ปฏิจฺฉนฺนํ การณํ ปากฏํ อกาสิ.

อตีเต กาสิรฏฺเ พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺโต นาม ราชา อโหสิ. ตทา โพธิสตฺโต ตสฺส อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. ตสฺส นามคฺคหณทิวเส ‘‘มหิสาสกุมาโร’’ติ นามํ อกํสุ. ตสฺส อาธาวิตฺวา ปริธาวิตฺวา วิจรณกาเล รฺโ อฺโปิ ปุตฺโต ชาโต, ตสฺส ‘‘จนฺทกุมาโร’’ติ นามํ อกํสุ. ตสฺส ปน อาธาวิตฺวา ปริธาวิตฺวา วิจรณกาเล โพธิสตฺตสฺส มาตา กาลมกาสิ, ราชา อฺํ อคฺคมเหสิฏฺาเน เปสิ. สา รฺโ ปิยา อโหสิ มนาปา, สาปิ สํวาสมนฺวาย เอกํ ปุตฺตํ วิชายิ, ‘‘สูริยกุมาโร’’ติสฺส นามํ อกํสุ. ราชา ปุตฺตํ ทิสฺวา ตุฏฺจิตฺโต ‘‘ภทฺเท, ปุตฺตสฺส เต วรํ ทมฺมี’’ติ อาห. เทวี, วรํ อิจฺฉิตกาเล คเหตพฺพํ กตฺวา เปสิ. สา ปุตฺเต วยปฺปตฺเต ราชานํ อาห – ‘‘เทเวน มยฺหํ ปุตฺตสฺส ชาตกาเล วโร ทินฺโน, ปุตฺตสฺส เม รชฺชํ เทหี’’ติ. ราชา ‘‘มยฺหํ ทฺเว ปุตฺตา อคฺคิกฺขนฺธา วิย ชลมานา วิจรนฺติ, น สกฺกา ตว ปุตฺตสฺส รชฺชํ ทาตุ’’นฺติ ปฏิกฺขิปิตฺวาปิ ตํ ปุนปฺปุนํ ยาจมานเมว ทิสฺวา ‘‘อยํ มยฺหํ ปุตฺตานํ ปาปกมฺปิ จินฺเตยฺยา’’ติ ปุตฺเต ปกฺโกสาเปตฺวา อาห – ‘‘ตาตา, อหํ สูริยกุมารสฺส ชาตกาเล วรํ อทาสึ. อิทานิสฺส มาตา รชฺชํ ยาจติ, อหํ ตสฺส น ทาตุกาโม, มาตุคาโม นาม ปาโป, ตุมฺหากํ ปาปกมฺปิ จินฺเตยฺย, ตุมฺเห อรฺํ ปวิสิตฺวา มม อจฺจเยน กุลสนฺตเก นคเร รชฺชํ กเรยฺยาถา’’ติ โรทิตฺวา กนฺทิตฺวา สีเส จุมฺพิตฺวา อุยฺโยเชสิ. เต ปิตรํ วนฺทิตฺวา ปาสาทา โอตรนฺเต ราชงฺคเณ กีฬมาโน สูริยกุมาโร ทิสฺวา ตํ การณํ ตฺวา ‘‘อหมฺปิ ภาติเกหิ สทฺธึ คมิสฺสามี’’ติ เตหิ สทฺธึเยว นิกฺขมิ. เต หิมวนฺตํ ปวิสึสุ.

โพธิสตฺโต มคฺคา โอกฺกมฺม รุกฺขมูเล นิสีทิตฺวา สูริยกุมารํ อามนฺเตสิ ‘‘ตาต สูริยกุมาร, เอตํ สรํ คนฺตฺวา นฺหตฺวา จ ปิวิตฺวา จ ปทุมินิปณฺเณหิ อมฺหากมฺปิ ปานียํ อาเนหี’’ติ. ตํ ปน สรํ เวสฺสวณสฺส สนฺติกา เอเกน ทกรกฺขเสน ลทฺธํ โหติ, เวสฺสวโณ จ ตํ อาห – ‘‘เปตฺวา เทวธมฺมชานนเก เย อฺเ อิมํ สรํ โอตรนฺติ, เต ขาทิตุํ ลภสิ. อโนติณฺเณ น ลภสี’’ติ. ตโต ปฏฺาย โส รกฺขโส เย ตํ สรํ โอตรนฺติ, เต เทวธมฺเม ปุจฺฉิตฺวา เย น ชานนฺติ, เต ขาทติ. อถ โข สูริยกุมาโร ตํ สรํ คนฺตฺวา อวีมํสิตฺวาว โอตริ. อถ นํ โส รกฺขโส คเหตฺวา ‘‘เทวธมฺเม ชานาสี’’ติ ปุจฺฉิ. โส ‘‘เทวธมฺมา นาม จนฺทิมสูริยา’’ติ อาห. อถ นํ ‘‘ตฺวํ เทวธมฺเม น ชานาสี’’ติ วตฺวา อุทกํ ปเวเสตฺวา อตฺตโน วสนฏฺาเน เปสิ. โพธิสตฺโตปิ ตํ อติจิรายนฺตํ ทิสฺวา จนฺทกุมารํ เปเสสิ. รกฺขโส ตมฺปิ คเหตฺวา ‘‘เทวธมฺเม ชานาสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม ชานามิ, เทวธมฺมา นาม จตสฺโส ทิสา’’ติ. รกฺขโส ‘‘น ตฺวํ เทวธมฺเม ชานาสี’’ติ ตมฺปิ คเหตฺวา ตตฺเถว เปสิ.

โพธิสตฺโต ตสฺมิมฺปิ จิรายนฺเต ‘‘เอเกน อนฺตราเยน ภวิตพฺพ’’นฺติ สยํ ตตฺถ คนฺตฺวา ทฺวินฺนมฺปิ โอตรณปทวฬฺชํ ทิสฺวา ‘‘รกฺขสปริคฺคหิเตน อิมินา สเรน ภวิตพฺพ’’นฺติ ขคฺคํ สนฺนยฺหิตฺวา ธนุํ คเหตฺวา อฏฺาสิ. ทกรกฺขโส โพธิสตฺตํ อุทกํ อโนตรนฺตํ ทิสฺวา วนกมฺมิกปุริโส วิย หุตฺวา โพธิสตฺตํ อาห – ‘‘โภ, ปุริส, ตฺวํ มคฺคกิลนฺโต กสฺมา อิมํ สรํ โอตริตฺวา นฺหตฺวา ปิวิตฺวา ภิสมุฬาลํ ขาทิตฺวา ปุปฺผานิ ปิฬนฺธิตฺวา ยถาสุขํ น คจฺฉสี’’ติ? โพธิสตฺโต ตํ ทิสฺวา ‘‘เอโส ยกฺโข ภวิสฺสตี’’ติ ตฺวา ‘‘ตยา เม ภาติกา คหิตา’’ติ อาห. ‘‘อาม, คหิตา’’ติ. ‘‘กึ การณา’’ติ? ‘‘อหํ อิมํ สรํ โอติณฺณเก ลภามี’’ติ. ‘‘กึ ปน สพฺเพว ลภสี’’ติ? ‘‘เย เทวธมฺเม ชานนฺติ, เต เปตฺวา อวเสเส ลภามี’’ติ. ‘‘อตฺถิ ปน เต เทวธมฺเมหิ อตฺโถ’’ติ? ‘‘อาม, อตฺถี’’ติ. ‘‘ยทิ เอวํ อหํ เต เทวธมฺเม กเถสฺสามี’’ติ. ‘‘เตน หิ กเถหิ, อหํ เทวธมฺเม สุณิสฺสามี’’ติ. โพธิสตฺโต อาห ‘‘อหํ เทวธมฺเม กเถยฺยํ, กิลิฏฺคตฺโต ปนมฺหี’’ติ. ยกฺโข โพธิสตฺตํ นฺหาเปตฺวา โภชนํ โภเชตฺวา ปานียํ ปาเยตฺวา ปุปฺผานิ ปิฬนฺธาเปตฺวา คนฺเธหิ วิลิมฺปาเปตฺวา อลงฺกตมณฺฑปมชฺเฌ ปลฺลงฺกํ อตฺถริตฺวา อทาสิ.

โพธิสตฺโต อาสเน นิสีทิตฺวา ยกฺขํ ปาทมูเล นิสีทาเปตฺวา ‘‘เตน หิ โอหิตโสโต สกฺกจฺจํ เทวธมฺเม สุณาหี’’ติ อิมํ คาถมาห –

.

‘‘หิริโอตฺตปฺปสมฺปนฺนา, สุกฺกธมฺมสมาหิตา;

สนฺโต สปฺปุริสา โลเก, เทวธมฺมาติ วุจฺจเร’’ติ.

ตตฺถ หิริโอตฺตปฺปสมฺปนฺนาติ หิริยา จ โอตฺตปฺเปน จ สมนฺนาคตา. เตสุ กายทุจฺจริตาทีหิ หิริยตีติ หิรี, ลชฺชาเยตํ อธิวจนํ. เตหิเยว โอตฺตปฺปตีติ โอตฺตปฺปํ, ปาปโต อุพฺเพคสฺเสตํ อธิวจนํ. ตตฺถ อชฺฌตฺตสมุฏฺานา หิรี, พหิทฺธาสมุฏฺานํ โอตฺตปฺปํ. อตฺตาธิปเตยฺยา หิรี, โลกาธิปเตยฺยํ โอตฺตปฺปํ. ลชฺชาสภาวสณฺิตา หิรี, ภยสภาวสณฺิตํ โอตฺตปฺปํ. สปฺปติสฺสวลกฺขณา หิรี, วชฺชภีรุกภยทสฺสาวิลกฺขณํ โอตฺตปฺปํ.

ตตฺถ อชฺฌตฺตสมุฏฺานํ หิรึ จตูหิ การเณหิ สมุฏฺาเปติ – ชาตึ ปจฺจเวกฺขิตฺวา วยํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา สูรภาวํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา พาหุสจฺจํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา. กถํ? ‘‘ปาปกรณํ นาเมตํ น ชาติสมฺปนฺนานํ กมฺมํ, หีนชจฺจานํ เกวฏฺฏาทีนํ กมฺมํ, มาทิสสฺส ชาติสมฺปนฺนสฺส อิทํ กมฺมํ กาตุํ น ยุตฺต’’นฺติ เอวํ ตาว ชาตึ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปาณาติปาตาทิปาปํ อกโรนฺโต หิรึ สมุฏฺาเปติ. ตถา ‘‘ปาปกรณํ นาเมตํ ทหเรหิ กตฺตพฺพํ กมฺมํ, มาทิสสฺส วเย ิตสฺส อิทํ กมฺมํ กาตุํ น ยุตฺต’’นฺติ เอวํ วยํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปาณาติปาตาทิปาปํ อกโรนฺโต หิรึ สมุฏฺาเปติ. ตถา ‘‘ปาปกมฺมํ นาเมตํ ทุพฺพลชาติกานํ กมฺมํ, มาทิสสฺส สูรภาวสมฺปนฺนสฺส อิทํ กมฺมํ กาตุํ น ยุตฺต’’นฺติ เอวํ สูรภาวํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปาณาติปาตาทิปาปํ อกโรนฺโต หิรึ สมุฏฺาเปติ. ตถา ‘‘ปาปกมฺมํ นาเมตํ อนฺธพาลานํ กมฺมํ, น ปณฺฑิตานํ, มาทิสสฺส ปณฺฑิตสฺส พหุสฺสุตสฺส อิทํ กมฺมํ กาตุํ น ยุตฺต’’นฺติ เอวํ พาหุสจฺจํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปาณาติปาตาทิปาปํ อกโรนฺโต หิรึ สมุฏฺาเปติ. เอวํ อชฺฌตฺตสมุฏฺานํ หิรึ จตูหิ การเณหิ สมุฏฺาเปติ. สมุฏฺาเปตฺวา จ ปน อตฺตโน จิตฺเต หิรึ ปเวเสตฺวา ปาปกมฺมํ น กโรติ. เอวํ หิรี อชฺฌตฺตสมุฏฺานา นาม โหติ.

กถํ โอตฺตปฺปํ พหิทฺธาสมุฏฺานํ นาม? ‘‘สเจ ตฺวํ ปาปกมฺมํ กริสฺสสิ, จตูสุ ปริสาสุ ครหปฺปตฺโต ภวิสฺสสิ.

‘‘ครหิสฺสนฺติ ตํ วิฺู, อสุจึ นาคริโก ยถา;

วชฺชิโต สีลวนฺเตหิ, กถํ ภิกฺขุ กริสฺสสี’’ติ. (ธ. ส. อฏฺ. ๑ พลราสิวณฺณนา) –

เอวํ ปจฺจเวกฺขนฺโต หิ พหิทฺธาสมุฏฺิเตน โอตฺตปฺเปน ปาปกมฺมํ น กโรติ. เอวํ โอตฺตปฺปํ พหิทฺธาสมุฏฺานํ นาม โหติ.

กถํ หิรี อตฺตาธิปเตยฺยา นาม? อิเธกจฺโจ กุลปุตฺโต อตฺตานํ อธิปตึ เชฏฺกํ กตฺวา ‘‘มาทิสสฺส สทฺธาปพฺพชิตสฺส พหุสฺสุตสฺส ธุตงฺคธรสฺส น ยุตฺตํ ปาปกมฺมํ กาตุ’’นฺติ ปาปํ น กโรติ. เอวํ หิรี อตฺตาธิปเตยฺยา นาม โหติ. เตนาห ภควา –

‘‘โส อตฺตานํเยว อธิปตึ กตฺวา อกุสลํ ปชหติ, กุสลํ ภาเวติ. สาวชฺชํ ปชหติ, อนวชฺชํ ภาเวติ. สุทฺธมตฺตานํ ปริหรตี’’ติ (อ. นิ. ๓.๔๐).

กถํ โอตฺตปฺปํ โลกาธิปเตยฺยํ นาม? อิเธกจฺโจ กุลปุตฺโต โลกํ อธิปตึ เชฏฺกํ กตฺวา ปาปกมฺมํ น กโรติ. ยถาห –

‘‘มหา โข ปนายํ โลกสนฺนิวาโส. มหนฺตสฺมึ โข ปน โลกสนฺนิวาเส สนฺติ สมณพฺราหฺมณา อิทฺธิมนฺโต ทิพฺพจกฺขุกา ปรจิตฺตวิทุโน, เต ทูรโตปิ ปสฺสนฺติ, อาสนฺนาปิ น ทิสฺสนฺติ, เจตสาปิ จิตฺตํ ชานนฺติ, เตปิ มํ เอวํ ชานิสฺสนฺติ ‘ปสฺสถ โภ, อิมํ กุลปุตฺตํ, สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต สมาโน โวกิณฺโณ วิหรติ ปาปเกหิ อกุสเลหิ ธมฺเมหี’ติ.

‘‘สนฺติ เทวตา อิทฺธิมนฺติโย ทิพฺพจกฺขุกา ปรจิตฺตวิทุนิโย, ตา ทูรโตปิ ปสฺสนฺติ, อาสนฺนาปิ น ทิสฺสนฺติ, เจตสาปิ จิตฺตํ ชานนฺติ, ตาปิ มํ เอวํ ชานิสฺสนฺติ ‘ปสฺสถ โภ, อิมํ กุลปุตฺตํ, สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต สมาโน โวกิณฺโณ วิหรติ ปาปเกหิ อกุสเลหิ ธมฺเมหี’ติ. โส โลกํเยว อธิปตึ เชฏฺกํ กริตฺวา อกุสลํ ปชหติ, กุสลํ ภาเวติ. สาวชฺชํ ปชหติ, อนวชฺชํ ภาเวติ. สุทฺธมตฺตานํ ปริหรตี’’ติ (อ. นิ. ๓.๔๐).

เอวํ โอตฺตปฺปํ โลกาธิปเตยฺยํ นาม โหติ.

‘‘ลชฺชาสภาวสณฺิตา หิรี, ภยสภาวสณฺิตํ โอตฺตปฺป’’นฺติ เอตฺถ ปน ลชฺชาติ ลชฺชนากาโร, เตน สภาเวน สณฺิตา หิรี. ภยนฺติ อปายภยํ, เตน สภาเวน สณฺิตํ โอตฺตปฺปํ. ตทุภยมฺปิ ปาปปริวชฺชเน ปากฏํ โหติ. เอกจฺโจ หิ ยถา นาเมโก กุลปุตฺโต อุจฺจารปสฺสาวาทีนิ กโรนฺโต ลชฺชิตพฺพยุตฺตกํ เอกํ ทิสฺวา ลชฺชนาการปฺปตฺโต ภเวยฺย หีฬิโต, เอวเมวํ อชฺฌตฺตํ ลชฺชิธมฺมํ โอกฺกมิตฺวา ปาปกมฺมํ น กโรติ. เอกจฺโจ อปายภยภีโต หุตฺวา ปาปกมฺมํ น กโรติ. ตตฺริทํ โอปมฺมํ – ยถา หิ ทฺวีสุ อโยคุเฬสุ เอโก สีตโล ภเวยฺย คูถมกฺขิโต, เอโก อุณฺโห อาทิตฺโต. ตตฺถ ปณฺฑิโต สีตลํ คูถมกฺขิตตฺตา ชิคุจฺฉนฺโต น คณฺหาติ, อิตรํ ฑาหภเยน. ตตฺถ สีตลสฺส คูถมกฺขิตสฺส ชิคุจฺฉาย อคณฺหนํ วิย อชฺฌตฺตํ ลชฺชิธมฺมํ โอกฺกมิตฺวา ปาปสฺส อกรณํ, อุณฺหสฺส ฑาหภเยน อคณฺหนํ วิย อปายภเยน ปาปสฺส อกรณํ เวทิตพฺพํ.

‘‘สปฺปติสฺสวลกฺขณา หิรี, วชฺชภีรุกภยทสฺสาวิลกฺขณํ โอตฺตปฺป’’นฺติ อิทมฺปิ ทฺวยํ ปาปปริวชฺชเนเยว ปากฏํ โหติ. เอกจฺโจ หิ ชาติมหตฺตปจฺจเวกฺขณา, สตฺถุมหตฺตปจฺจเวกฺขณา, ทายชฺชมหตฺตปจฺจเวกฺขณา, สพฺรหฺมจาริมหตฺตปจฺจเวกฺขณาติ จตูหิ การเณหิ สปฺปติสฺสวลกฺขณํ หิรึ สมุฏฺาเปตฺวา ปาปํ น กโรติ. เอกจฺโจ อตฺตานุวาทภยํ, ปรานุวาทภยํ, ทณฺฑภยํ, ทุคฺคติภยนฺติ จตูหิ การเณหิ วชฺชภีรุกภยทสฺสาวิลกฺขณํ โอตฺตปฺปํ สมุฏฺาเปตฺวา ปาปํ น กโรติ. ตตฺถ ชาติมหตฺตปจฺจเวกฺขณาทีนิ เจว อตฺตานุวาทภยาทีนิ จ วิตฺถาเรตฺวา กเถตพฺพานิ. เตสํ วิตฺถาโร องฺคุตฺตรนิกายฏฺกถายํ วุตฺโต.

สุกฺกธมฺมสมาหิตาติ อิทเมว หิโรตฺตปฺปํ อาทึ กตฺวา กตฺตพฺพา กุสลา ธมฺมา สุกฺกธมฺมา นาม, เต สพฺพสงฺคาหกนเยน จตุภูมกโลกิยโลกุตฺตรธมฺมา. เตหิ สมาหิตา สมนฺนาคตาติ อตฺโถ. สนฺโต สปฺปุริสา โลเกติ กายกมฺมาทีนํ สนฺตตาย สนฺโต, กตฺุกตเวทิตาย โสภนา ปุริสาติ สปฺปุริสา. โลโก ปน สงฺขารโลโก, สตฺตโลโก, โอกาสโลโก, ขนฺธโลโก, อายตนโลโก, ธาตุโลโกติ อเนกวิโธ. ตตฺถ ‘‘เอโก โลโก สพฺเพ สตฺตา อาหารฏฺิติกา…เป… อฏฺารส โลกา อฏฺารส ธาตุโย’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๒) เอตฺถ สงฺขารโลโก วุตฺโต. ขนฺธโลกาทโย ตทนฺโตคธาเยว. ‘‘อยํ โลโก ปรโลโก, เทวโลโก มนุสฺสโลโก’’ติอาทีสุ (มหานิ. ๓; จูฬนิ. อชิตมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๒) ปน สตฺตโลโก วุตฺโต.

‘‘ยาวตา จนฺทิมสูริยา, ปริหรนฺติ ทิสา ภนฺติ วิโรจมานา;

ตาว สหสฺสธา โลโก, เอตฺถ เต วตฺตเต วโส’’ติ. (ม. นิ. ๑.๕๐๓) –

เอตฺถ โอกาสโลโก วุตฺโต. เตสุ อิธ สตฺตโลโก อธิปฺเปโต. สตฺตโลกสฺมิฺหิ เย เอวรูปา สปฺปุริสา, เต เทวธมฺมาติ วุจฺจนฺติ.

ตตฺถ เทวาติ สมฺมุติเทวา, อุปปตฺติเทวา, วิสุทฺธิเทวาติ ติวิธา. เตสุ มหาสมฺมตกาลโต ปฏฺาย โลเกน ‘‘เทวา’’ติ สมฺมตตฺตา ราชราชกุมาราทโย สมฺมุติเทวา นาม. เทวโลเก อุปฺปนฺนา อุปปตฺติเทวา นาม. ขีณาสวา ปน วิสุทฺธิเทวา นาม. วุตฺตมฺปิ เจตํ –

‘‘สมฺมุติเทวา นาม ราชาโน เทวิโย ราชกุมารา. อุปปตฺติเทวา นาม ภุมฺมเทเว อุปาทาย ตทุตฺตริเทวา. วิสุทฺธิเทวา นาม พุทฺธา ปจฺเจกพุทฺธา ขีณาสวา’’ติ (จูฬนิ. โธตกมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๓๒; ปารายนานุคีติคาถานิทฺเทส ๑๑๙).

อิเมสํ เทวานํ ธมฺมาติ เทวธมฺมา. วุจฺจเรติ วุจฺจนฺติ. หิโรตฺตปฺปมูลกา หิ กุสลา ธมฺมา กุลสมฺปทาย เจว เทวโลเก นิพฺพตฺติยา จ วิสุทฺธิภาวสฺส จ การณตฺตา การณฏฺเน ติวิธานมฺปิ เตสํ เทวานํ ธมฺมาติ เทวธมฺมา, เตหิ เทวธมฺเมหิ สมนฺนาคตา ปุคฺคลาปิ เทวธมฺมา. ตสฺมา ปุคฺคลาธิฏฺานเทสนาย เต ธมฺเม ทสฺเสนฺโต ‘‘สนฺโต สปฺปุริสา โลเก, เทวธมฺมาติ วุจฺจเร’’ติ อาห.

ยกฺโข อิมํ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปสนฺนจิตฺโต โพธิสตฺตํ อาห – ‘‘ปณฺฑิต, อหํ ตุมฺหากํ ปสนฺโน, เอกํ ภาตรํ เทมิ, กตรํ อาเนมี’’ติ? ‘‘กนิฏฺํ อาเนหี’’ติ. ‘‘ปณฺฑิต, ตฺวํ เกวลํ เทวธมฺเม ชานาสิเยว, น ปน เตสุ วตฺตสี’’ติ. ‘‘กึ การณา’’ติ? ‘‘ยํการณา เชฏฺกํ เปตฺวา กนิฏฺํ อาณาเปนฺโต เชฏฺาปจายิกกมฺมํ น กโรสี’’ติ. เทวธมฺเม จาหํ, ยกฺข, ชานามิ, เตสุ จ วตฺตามิ. มยฺหิ อิมํ อรฺํ เอตํ นิสฺสาย ปวิฏฺา. เอตสฺส หิ อตฺถาย อมฺหากํ ปิตรํ เอตสฺส มาตา รชฺชํ ยาจิ, อมฺหากํ ปน ปิตา ตํ วรํ อทตฺวา อมฺหากํ อนุรกฺขณตฺถาย อรฺวาสํ อนุชานิ. โส กุมาโร อนุวตฺติตฺวา อมฺเหหิ สทฺธึ อาคโต. ‘‘ตํ อรฺเ เอโก ยกฺโข ขาที’’ติ วุตฺเตปิ น โกจิ สทฺทหิสฺสติ, เตนาหํ ครหภยภีโต ตเมว อาณาเปมีติ. ‘‘สาธุ สาธุ ปณฺฑิต, ตฺวํ เทวธมฺเม จ ชานาสิ, เตสุ จ วตฺตสี’’ติ ปสนฺโน ยกฺโข โพธิสตฺตสฺส สาธุการํ ทตฺวา ทฺเวปิ ภาตโร อาเนตฺวา อทาสิ.

อถ นํ โพธิสตฺโต อาห – ‘‘สมฺม, ตฺวํ ปุพฺเพ อตฺตนา กเตน ปาปกมฺเมน ปเรสํ มํสโลหิตขาทโก ยกฺโข หุตฺวา นิพฺพตฺโต, อิทานิปิ ปาปเมว กโรสิ, อิทํ เต ปาปกมฺมํ นิรยาทีหิ มุจฺจิตุํ โอกาสํ น ทสฺสติ, ตสฺมา อิโต ปฏฺาย ปาปํ ปหาย กุสลํ กโรหี’’ติ. อสกฺขิ จ ปน ตํ ทเมตุํ. โส ตํ ยกฺขํ ทเมตฺวา เตน สํวิหิตารกฺโข ตตฺเถว วสนฺโต เอกทิวสํ นกฺขตฺตํ โอโลเกตฺวา ปิตุ กาลกตภาวํ ตฺวา ยกฺขํ อาทาย พาราณสึ คนฺตฺวา รชฺชํ คเหตฺวา จนฺทกุมารสฺส โอปรชฺชํ, สูริยกุมารสฺส เสนาปติฏฺานํ, ทตฺวา ยกฺขสฺส รมณีเย าเน อายตนํ กาเรตฺวา, ยถา โส อคฺคมาลํ อคฺคปุปฺผํ อคฺคภตฺตฺจ ลภติ, ตถา อกาสิ. โส ธมฺเมน รชฺชํ กาเรตฺวา ยถากมฺมํ คโต.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ทสฺเสตฺวา สจฺจานิ ปกาเสสิ, สจฺจปริโยสาเน โส ภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. สมฺมาสมฺพุทฺโธปิ ทฺเว วตฺถูนิ กเถตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ทกรกฺขโส พหุภณฺฑิกภิกฺขุ อโหสิ, สูริยกุมาโร อานนฺโท, จนฺทกุมาโร สาริปุตฺโต, เชฏฺกภาตา มหิสาสกุมาโร ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

เทวธมฺมชาตกวณฺณนา ฉฏฺา.

๗. กฏฺหาริชาตกวณฺณนา

ปุตฺโต ตฺยาหํ มหาราชาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต วาสภขตฺติยํ อารพฺภ กเถสิ. วาสภขตฺติยาย วตฺถุ ทฺวาทสกนิปาเต ภทฺทสาลชาตเก อาวิภวิสฺสติ. สา กิร มหานามสฺส สกฺกสฺส ธีตา นาคมุณฺฑาย นาม ทาสิยา กุจฺฉิสฺมึ ชาตา โกสลราชสฺส อคฺคมเหสี อโหสิ. สา รฺโ ปุตฺตํ วิชายิ. ราชา ปนสฺสา ปจฺฉา ทาสิภาวํ ตฺวา านํ ปริหาเปสิ, ปุตฺตสฺส วิฏฏูภสฺสาปิ านํ ปริหาเปสิเยว. เต อุโภปิ อนฺโตนิเวสเนเยว วสนฺติ. สตฺถา ตํ การณํ ตฺวา ปุพฺพณฺหสมเย ปฺจสตภิกฺขุปริวุโต รฺโ นิเวสนํ คนฺตฺวา ปฺตฺตาสเน นิสีทิตฺวา ‘‘มหาราช, กหํ วาสภขตฺติยา’’ติ อาห. ‘‘ราชา ตํ การณํ อาโรเจสิ. มหาราช วาสภขตฺติยา กสฺส ธีตา’’ติ? ‘‘มหานามสฺส ภนฺเต’’ติ. ‘‘อาคจฺฉมานา กสฺส อาคตา’’ติ? ‘‘มยฺหํ ภนฺเต’’ติ. มหาราช สา รฺโ ธีตา, รฺโว อาคตา, ราชานํเยว ปฏิจฺจ ปุตฺตํ ลภิ, โส ปุตฺโต กึการณา ปิตุ สนฺตกสฺส รชฺชสฺส สามิโก น โหติ, ปุพฺเพ ราชาโน มุหุตฺติกาย กฏฺหาริกาย กุจฺฉิสฺมิมฺปิ ปุตฺตํ ลภิตฺวา ปุตฺตสฺส รชฺชํ อทํสูติ. ราชา ตสฺสตฺถสฺสาวิภาวตฺถาย ภควนฺตํ ยาจิ, ภควา ภวนฺตเรน ปฏิจฺฉนฺนํ การณํ ปากฏํ อกาสิ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺโต ราชา มหนฺเตน ยเสน อุยฺยานํ คนฺตฺวา ตตฺถ ปุปฺผผลโลเภน วิจรนฺโต อุยฺยานวนสณฺเฑ คายิตฺวา ทารูนิ อุทฺธรมานํ เอกํ อิตฺถึ ทิสฺวา ปฏิพทฺธจิตฺโต สํวาสํ กปฺเปสิ. ตงฺขณฺเว โพธิสตฺโต ตสฺสา กุจฺฉิยํ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ, ตาวเทว ตสฺสา วชิรปูริตา วิย ครุกา กุจฺฉิ อโหสิ. สา คพฺภสฺส ปติฏฺิตภาวํ ตฺวา ‘‘คพฺโภ เม, เทว, ปติฏฺิโต’’ติ อาห. ราชา องฺคุลิมุทฺทิกํ ทตฺวา ‘‘สเจ ธีตา โหติ, อิมํ วิสฺสชฺเชตฺวา โปเสยฺยาสิ, สเจ ปุตฺโต โหติ, องฺคุลิมุทฺทิกาย สทฺธึ มม สนฺติกํ อาเนยฺยาสี’’ติ วตฺวา ปกฺกามิ.

สาปิ ปริปกฺกคพฺภา โพธิสตฺตํ วิชายิ. ตสฺส อาธาวิตฺวา ปริธาวิตฺวา วิจรณกาเล กีฬามณฺฑเล กีฬนฺตสฺส เอวํ วตฺตาโร โหนฺติ ‘‘นิปฺปิติเกนมฺหา ปหฏา’’ติ. ตํ สุตฺวา โพธิสตฺโต มาตุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘อมฺม, โก มยฺหํ ปิตา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ตาต, ตฺวํ พาราณสิรฺโ ปุตฺโต’’ติ. ‘‘อมฺม, อตฺถิ ปน โกจิ สกฺขี’’ติ? ตาต ราชา อิมํ มุทฺทิกํ ทตฺวา ‘‘สเจ ธีตา โหติ, อิมํ วิสฺสชฺเชตฺวา โปเสยฺยาสิ, สเจ ปุตฺโต โหติ, อิมาย องฺคุลิมุทฺทิกาย สทฺธึ อาเนยฺยาสี’’ติ วตฺวา คโตติ. ‘‘อมฺม, เอวํ สนฺเต กสฺมา มํ ปิตุ สนฺติกํ น เนสี’’ติ. สา ปุตฺตสฺส อชฺฌาสยํ ตฺวา ราชทฺวารํ คนฺตฺวา รฺโ อาโรจาเปสิ. รฺา จ ปกฺโกสาปิตา ปวิสิตฺวา ราชานํ วนฺทิตฺวา ‘‘อยํ เต, เทว, ปุตฺโต’’ติ อาห. ราชา ชานนฺโตปิ ปริสมชฺเฌ ลชฺชาย ‘‘น มยฺหํ ปุตฺโต’’ติ อาห. ‘‘อยํ เต, เทว, มุทฺทิกา, อิมํ สฺชานาสี’’ติ. ‘‘อยมฺปิ มยฺหํ มุทฺทิกา น โหตี’’ติ. ‘‘เทว, อิทานิ เปตฺวา สจฺจกิริยํ อฺโ มม สกฺขิ นตฺถิ, สจายํ ทารโก ตุมฺเห ปฏิจฺจ ชาโต, อากาเส ติฏฺตุ, โน เจ, ภูมิยํ ปติตฺวา มรตู’’ติ โพธิสตฺตสฺส ปาเท คเหตฺวา อากาเส ขิปิ. โพธิสตฺโต อากาเส ปลฺลงฺกมาภุชิตฺวา นิสินฺโน มธุรสฺสเรน ปิตุ ธมฺมํ กเถนฺโต อิมํ คาถมาห –

.

‘‘ปุตฺโต ตฺยาหํ มหาราช, ตฺวํ มํ โปส ชนาธิป;

อฺเปิ เทโว โปเสติ, กิฺจ เทโว สกํ ปช’’นฺติ.

ตตฺถ ปุตฺโต ตฺยาหนฺติ ปุตฺโต เต อหํ. ปุตฺโต จ นาเมส อตฺรโช, เขตฺตโช, อนฺเตวาสิโก, ทินฺนโกติ จตุพฺพิโธ. ตตฺถ อตฺตานํ ปฏิจฺจ ชาโต อตฺรโช นาม. สยนปิฏฺเ ปลฺลงฺเก อุเรติเอวมาทีสุ นิพฺพตฺโต เขตฺตโช นาม. สนฺติเก สิปฺปุคฺคณฺหนโก อนฺเตวาสิโก นาม. โปสาวนตฺถาย ทินฺโน ทินฺนโก นาม. อิธ ปน อตฺรชํ สนฺธาย ‘‘ปุตฺโต’’ติ วุตฺตํ. จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ ชนํ รฺเชตีติ ราชา, มหนฺโต ราชา มหาราชา. ตมาลปนฺโต อาห ‘‘มหาราชา’’ติ. ตฺวํ มํ โปส ชนาธิปาติ ชนาธิป มหาชนเชฏฺก ตฺวํ มํ โปส ภรสฺสุ วฑฺเฒหิ. อฺเปิ เทโว โปเสตีติ อฺเปิ หตฺถิพนฺธาทโย มนุสฺเส, หตฺถิอสฺสาทโย ติรจฺฉานคเต จ พหุชเน เทโว โปเสติ. กิฺจ เทโว สกํ ปชนฺติ เอตฺถ ปน กิฺจาติ ครหตฺเถ จ อนุคฺคหณตฺเถ จ นิปาโต. ‘‘สกํ ปชํ อตฺตโน ปุตฺตํ มํ เทโว น โปเสตี’’ติ วทนฺโต ครหติ นาม, ‘‘อฺเ พหุชเน โปเสตี’’ติ วทนฺโต อนุคฺคณฺหติ นาม. อิติ โพธิสตฺโต ครหนฺโตปิ อนุคฺคณฺหนฺโตปิ ‘‘กิฺจ เทโว สกํ ปช’’นฺติ อาห.

ราชา โพธิสตฺตสฺส อากาเส นิสีทิตฺวา เอวํ ธมฺมํ เทเสนฺตสฺส สุตฺวา ‘‘เอหิ, ตาตา’’ติ หตฺถํ ปสาเรสิ, ‘‘อหเมว โปเสสฺสามิ, อหเมว โปเสสฺสามี’’ติ หตฺถสหสฺสํ ปสาริยิตฺถ. โพธิสตฺโต อฺสฺส หตฺเถ อโนตริตฺวา รฺโว หตฺเถ โอตริตฺวา องฺเก นิสีทิ. ราชา ตสฺส โอปรชฺชํ ทตฺวา มาตรํ อคฺคมเหสึ อกาสิ. โส ปิตุ อจฺจเยน กฏฺวาหนราชา นาม หุตฺวา ธมฺเมน รชฺชํ กาเรตฺวา ยถากมฺมํ คโต.

สตฺถา โกสลรฺโ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ทฺเว วตฺถูนิ ทสฺเสตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา มาตา มหามายา อโหสิ, ปิตา สุทฺโธทนมหาราชา, กฏฺวาหนราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

กฏฺหาริชาตกวณฺณนา สตฺตมา.

๘. คามณิชาตกวณฺณนา

อปิ อตรมานานนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โอสฺสฏฺวีริยํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. อิมสฺมึ ปน ชาตเก ปจฺจุปฺปนฺนวตฺถุ จ อตีตวตฺถุ จ เอกาทสกนิปาเต สํวรชาตเก อาวิภวิสฺสติ. วตฺถุ หิ ตสฺมิฺจ อิมสฺมิฺจ เอกสทิสเมว, คาถา ปน นานา. คามณิกุมาโร โพธิสตฺตสฺส โอวาเท ตฺวา ภาติกสตสฺส กนิฏฺโปิ หุตฺวา ภาติกสตปริวาริโต เสตจฺฉตฺตสฺส เหฏฺา วรปลฺลงฺเก นิสินฺโน อตฺตโน ยสสมฺปตฺตึ โอโลเกตฺวา ‘‘อยํ มยฺหํ ยสสมฺปตฺติ อมฺหากํ อาจริยสฺส สนฺตกา’’ติ ตุฏฺโ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –

.

‘‘อปิ อตรมานานํ, ผลาสาว สมิชฺฌติ;

วิปกฺกพฺรหฺมจริโยสฺมิ, เอวํ ชานาหิ คามณี’’ติ.

ตตฺถ อปีติ นิปาตมตฺตํ. อตรมานานนฺติ ปณฺฑิตานํ โอวาเท ตฺวา อตริตฺวา อเวคายิตฺวา อุปาเยน กมฺมํ กโรนฺตานํ. ผลาสาว สมิชฺฌตีติ ยถาปตฺถิเก ผเล อาสา ตสฺส ผลสฺส นิปฺผตฺติยา สมิชฺฌติเยว. อถ วา ผลาสาติ อาสาผลํ, ยถาปตฺถิตํ ผลํ สมิชฺฌติเยวาติ อตฺโถ. วิปกฺกพฺรหฺมจริโยสฺมีติ เอตฺถ จตฺตาริ สงฺคหวตฺถูนิ เสฏฺจริยตฺตา พฺรหฺมจริยํ นาม, ตฺจ ตมฺมูลิกาย ยสสมฺปตฺติยา ปฏิลทฺธตฺตา วิปกฺกํ นาม. โย วาสฺส ยโส นิปฺผนฺโน, โสปิ เสฏฺฏฺเน พฺรหฺมจริยํ นาม. เตนาห ‘‘วิปกฺกพฺรหฺมจริโยสฺมี’’ติ. เอวํ ชานาหิ คามณีติ กตฺถจิ คามิกปุริโสปิ คามเชฏฺโกปิ คามณี. อิธ ปน สพฺพชนเชฏฺกํ อตฺตานํ สนฺธายาห. อมฺโภ คามณิ, ตฺวํ เอตํ การณํ เอวํ ชานาหิ, อาจริยํ นิสฺสาย ภาติกสตํ อติกฺกมิตฺวา อิทํ มหารชฺชํ ปตฺโตสฺมีติ อุทานํ อุทาเนสิ.

ตสฺมึ ปน รชฺชํ ปตฺเต สตฺตฏฺทิวสจฺจเยน สพฺเพปิ ภาตโร อตฺตโน อตฺตโน วสนฏฺานํ คตา. คามณิราชา ธมฺเมน รชฺชํ กาเรตฺวา ยถากมฺมํ คโต, โพธิสตฺโตปิ ปุฺานิ กตฺวา ยถากมฺมํ คโต.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ทสฺเสตฺวา สจฺจานิ ปกาเสสิ, สจฺจปริโยสาเน โอสฺสฏฺวีริโย ภิกฺขุ อรหตฺเต ปติฏฺิโต. สตฺถา ทฺเว วตฺถูนิ กเถตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา คามณิกุมาโร โอสฺสฏฺวีริโย ภิกฺขุ อโหสิ, อาจริโย ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

คามณิชาตกวณฺณนา อฏฺมา.

๙. มฆเทวชาตกวณฺณนา

อุตฺตมงฺครุหา มยฺหนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต มหาภินิกฺขมนํ อารพฺภ กเถสิ. ตํ เหฏฺา นิทานกถายํ กถิตเมว. ตสฺมึ ปน กาเล ภิกฺขู ทสพลสฺส เนกฺขมฺมํ วณฺณยนฺตา นิสีทึสุ. อถ สตฺถา ธมฺมสภํ อาคนฺตฺวา พุทฺธาสเน นิสินฺโน ภิกฺขู อามนฺเตสิ ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ. ‘‘ภนฺเต, น อฺาย กถาย, ตุมฺหากํเยว ปน เนกฺขมฺมํ วณฺณยมานา นิสินฺนามฺหา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, ตถาคโต เอตรหิเยว เนกฺขมฺมํ นิกฺขนฺโต, ปุพฺเพปิ นิกฺขนฺโตเยวา’’ติ อาห. ภิกฺขู ตสฺสตฺถสฺสาวิภาวตฺถํ ภควนฺตํ ยาจึสุ, ภควา ภวนฺตเรน ปฏิจฺฉนฺนํ การณํ ปากฏํ อกาสิ.

อตีเต วิเทหรฏฺเ มิถิลายํ มฆเทโว นาม ราชา อโหสิ ธมฺมิโก ธมฺมราชา. โส จตุราสีติ วสฺสสหสฺสานิ กุมารกีฬํ กีฬิ, ตถา โอปรชฺชํ, ตถา มหารชฺชํ กตฺวา ทีฆมทฺธานํ เขเปตฺวา เอกทิวสํ กปฺปกํ อามนฺเตสิ ‘‘ยทา เม, สมฺม กปฺปก, สิรสฺมึ ปลิตานิ ปสฺเสยฺยาสิ, อถ เม อาโรเจยฺยาสี’’ติ. กปฺปโกปิ ทีฆมทฺธานํ เขเปตฺวา เอกทิวสํ รฺโ อฺชนวณฺณานํ เกสานํ อนฺตเร เอกเมว ปลิตํ ทิสฺวา ‘‘เทว, เอกํ เต ปลิตํ ทิสฺสตี’’ติ อาโรเจสิ. ‘‘เตน หิ เม, สมฺม, ตํ ปลิตํ อุทฺธริตฺวา ปาณิมฺหิ เปหี’’ติ จ วุตฺเต สุวณฺณสณฺฑาเสน อุทฺธริตฺวา รฺโ ปาณิมฺหิ ปติฏฺาเปสิ. ตทา รฺโ จตุราสีติ วสฺสสหสฺสานิ อายุ อวสิฏฺํ โหติ. เอวํ สนฺเตปิ ปลิตํ ทิสฺวาว มจฺจุราชานํ อาคนฺตฺวา สมีเป ิตํ วิย อตฺตานํ อาทิตฺตปณฺณสาลํ ปวิฏฺํ วิย จ มฺมาโน สํเวคํ อาปชฺชิตฺวา ‘‘พาล มฆเทว, ยาว ปลิตสฺสุปฺปาทาว อิเม กิเลเส ชหิตุํ นาสกฺขี’’ติ จินฺเตสิ.

ตสฺเสวํ ปลิตปาตุภาวํ อาวชฺเชนฺตสฺส อนฺโตฑาโห อุปฺปชฺชิ, สรีรา เสทา มุจฺจึสุ, สาฏกา ปีเฬตฺวา อปเนตพฺพาการปฺปตฺตา อเหสุํ. โส ‘‘อชฺเชว มยา นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิตุํ วฏฺฏตี’’ติ กปฺปกสฺส สตสหสฺสุฏฺานกํ คามวรํ ทตฺวา เชฏฺปุตฺตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘ตาต, มม สีเส ปลิตํ ปาตุภูตํ, มหลฺลโกมฺหิ ชาโต, ภุตฺตา โข ปน เม มานุสกา กามา, อิทานิ ทิพฺเพ กาเม ปริเยสิสฺสามิ, เนกฺขมฺมกาโล มยฺหํ, ตฺวํ อิมํ รชฺชํ ปฏิปชฺช, อหํ ปน ปพฺพชิตฺวา มฆเทวอมฺพวนุยฺยาเน วสนฺโต สมณธมฺมํ กริสฺสามี’’ติ อาห. ตํ เอวํ ปพฺพชิตุกามํ อมจฺจา อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘เทว, กึ ตุมฺหากํ ปพฺพชฺชาการณ’’นฺติ ปุจฺฉึสุ. ราชา ปลิตํ หตฺเถน คเหตฺวา อมจฺจานํ อิมํ คาถมาห –

.

‘‘อุตฺตมงฺครุหา มยฺหํ, อิเม ชาตา วโยหรา;

ปาตุภูตา เทวทูตา, ปพฺพชฺชาสมโย มมา’’ติ.

ตตฺถ อุตฺตมงฺครุหาติ เกสา. เกสา หิ สพฺเพสํ หตฺถปาทาทีนํ องฺคานํ อุตฺตเม สิรสฺมึ รุหตฺตา ‘‘อุตฺตมงฺครุหา’’ติ วุจฺจนฺติ. อิเม ชาตา วโยหราติ ปสฺสถ, ตาตา, ปลิตปาตุภาเวน ติณฺณํ วยานํ หรณโต อิเม ชาตา วโยหรา. ปาตุภูตาติ นิพฺพตฺตา. เทวทูตาติ เทโว วุจฺจติ มจฺจุ, ตสฺส ทูตาติ เทวทูตา. สิรสฺมิฺหิ ปลิเตสุ ปาตุภูเตสุ มจฺจุราชสฺส สนฺติเก ิโต วิย โหติ, ตสฺมา ปลิตานิ ‘‘มจฺจุเทวสฺส ทูตา’’ติ วุจฺจนฺติ. เทวา วิย ทูตาติปิ เทวทูตา. ยถา หิ อลงฺกตปฏิยตฺตาย เทวตาย อากาเส ตฺวา ‘‘อสุกทิวเส ตฺวํ มริสฺสสี’’ติ วุตฺเต ตํ ตเถว โหติ, เอวํ สิรสฺมึ ปลิเตสุ ปาตุภูเตสุ เทวตาย พฺยากรณสทิสเมว โหติ, ตสฺมา ปลิตานิ ‘‘เทวสทิสา ทูตา’’ติ วุจฺจนฺติ. วิสุทฺธิเทวานํ ทูตาติปิ เทวทูตา. สพฺพโพธิสตฺตา หิ ชิณฺณพฺยาธิมตปพฺพชิเต ทิสฺวาว สํเวคมาปชฺชิตฺวา นิกฺขมฺม ปพฺพชนฺติ. ยถาห –

‘‘ชิณฺณฺจ ทิสฺวา ทุขิตฺจ พฺยาธิตํ, มตฺจ ทิสฺวา คตมายุสงฺขยํ;

กาสายวตฺถํ ปพฺพชิตฺจ ทิสฺวา, ตสฺมา อหํ ปพฺพชิโตมฺหิ ราชา’’ติ. (เถรคา. ๗๓ โถกํ วิสทิสํ);

อิมินา ปริยาเยน ปลิตานิ วิสุทฺธิเทวานํ ทูตตฺตา ‘‘เทวทูตา’’ติ วุจฺจนฺติ. ปพฺพชฺชาสมโย มมาติ คิหิภาวโต นิกฺขนฺตฏฺเน ‘‘ปพฺพชฺชา’’ติ ลทฺธนามสฺส สมณลิงฺคคหณสฺส กาโล มยฺหนฺติ ทสฺเสติ.

โส เอวํ วตฺวา ตํ ทิวสเมว รชฺชํ ปหาย อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ตสฺมึเยว มฆเทวอมฺพวเน วิหรนฺโต จตุราสีติ วสฺสสหสฺสานิ จตฺตาโร พฺรหฺมวิหาเร ภาเวตฺวา อปริหีนชฺฌาเน ิโต กาลํ กตฺวา พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺติตฺวา ปุน ตโต จุโต มิถิลายํเยว นิมิ นาม ราชา หุตฺวา โอสกฺกมานํ อตฺตโน วํสํ ฆเฏตฺวา ตตฺเถว อมฺพวเน ปพฺพชิตฺวา พฺรหฺมวิหาเร ภาเวตฺวา ปุน พฺรหฺมโลกูปโคว อโหสิ.

สตฺถาปิ ‘‘น, ภิกฺขเว, ตถาคโต อิทาเนว มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขนฺโต, ปุพฺเพปิ นิกฺขนฺโตเยวา’’ติ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ทสฺเสตฺวา จตฺตาริ สจฺจานิ ปกาเสสิ, สจฺจปริโยสาเน เกจิ โสตาปนฺนา อเหสุํ, เกจิ สกทาคามิโน, เกจิ อนาคามิโน. อิติ ภควา อิมานิ ทฺเว วตฺถูนิ กเถตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ ‘‘ตทา กปฺปโก อานนฺโท อโหสิ, ปุตฺโต ราหุโล, มฆเทวราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

มฆเทวชาตกวณฺณนา นวมา.

๑๐. สุขวิหาริชาตกวณฺณนา

ยฺจ อฺเ น รกฺขนฺตีติ อิทํ สตฺถา อนุปิยนครํ นิสฺสาย อนุปิยอมฺพวเน วิหรนฺโต สุขวิหารึ ภทฺทิยตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ. สุขวิหารี ภทฺทิยตฺเถโร ฉขตฺติยสมาคเม อุปาลิสตฺตโม ปพฺพชิโต. เตสุ ภทฺทิยตฺเถโร จ, กิมิลตฺเถโร จ, ภคุตฺเถโร จ, อุปาลิตฺเถโร จ อรหตฺตํ ปตฺตา, อานนฺทตฺเถโร โสตาปนฺโน ชาโต, อนุรุทฺธตฺเถโร ทิพฺพจกฺขุโก, เทวทตฺโต ฌานลาภี ชาโต. ฉนฺนํ ปน ขตฺติยานํ วตฺถุ ยาว อนุปิยนครา ขณฺฑหาลชาตเก อาวิภวิสฺสติ. อายสฺมา ปน ภทฺทิโย ราชกาเล อตฺตโน รกฺขสํวิธานฺเจว ตาว พหูหิ รกฺขาหิ รกฺขิยมานสฺส อุปริปาสาทวรตเล มหาสยเน สมฺปริวตฺตมานสฺสาปิ อตฺตโน ภยุปฺปตฺติฺจ อิทานิ อรหตฺตํ ปตฺวา อรฺาทีสุ ยตฺถ กตฺถจิ วิหรนฺโตปิ อตฺตโน วิคตภยตฺจ สมนุสฺสรนฺโต ‘‘อโห สุขํ, อโห สุข’’นฺติ อุทานํ อุทาเนสิ. ตํ สุตฺวา ภิกฺขู ‘‘อายสฺมา ภทฺทิโย อฺํ พฺยากโรตี’’ติ ภควโต อาโรเจสุํ. ภควา ‘‘น, ภิกฺขเว, ภทฺทิโย อิทาเนว สุขวิหารี, ปุพฺเพปิ สุขวิหารีเยวา’’ติ อาห. ภิกฺขู ตสฺสตฺถสฺสาวิภาวตฺถาย ภควนฺตํ ยาจึสุ. ภควา ภวนฺตเรน ปฏิจฺฉนฺนํ การณํ ปากฏํ อกาสิ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ การยมาเน โพธิสตฺโต อุทิจฺจพฺราหฺมณมหาสาโล หุตฺวา กาเมสุ อาทีนวํ, เนกฺขมฺเม จานิสํสํ ทิสฺวา กาเม ปหาย หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อฏฺ สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตสิ, ปริวาโรปิสฺส มหา อโหสิ ปฺจ ตาปสสตานิ. โส วสฺสกาเล หิมวนฺตโต นิกฺขมิตฺวา ตาปสคณปริวุโต คามนิคมาทีสุ จาริกํ จรนฺโต พาราณสึ ปตฺวา ราชานํ นิสฺสาย ราชุยฺยาเน วาสํ กปฺเปสิ. ตตฺถ วสฺสิเก จตฺตาโร มาเส วสิตฺวา ราชานํ อาปุจฺฉิ. อถ นํ ราชา ‘‘ตุมฺเห, ภนฺเต, มหลฺลกา, กึ โว หิมวนฺเตน, อนฺเตวาสิเก หิมวนฺตํ เปเสตฺวา อิเธว วสถา’’ติ ยาจิ. โพธิสตฺโต เชฏฺนฺเตวาสิกํ ปฺจ ตาปสสตานิ ปฏิจฺฉาเปตฺวา ‘‘คจฺฉ, ตฺวํ อิเมหิ สทฺธึ หิมวนฺเต วส, อหํ ปน อิเธว วสิสฺสามี’’ติ เต อุยฺโยเชตฺวา สยํ ตตฺเถว วาสํ กปฺเปสิ.

โส ปนสฺส เชฏฺนฺเตวาสิโก ราชปพฺพชิโต มหนฺตํ รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา กสิณปริกมฺมํ กตฺวา อฏฺสมาปตฺติลาภี อโหสิ. โส ตาปเสหิ สทฺธึ หิมวนฺเต วสมาโน เอกทิวสํ อาจริยํ ทฏฺุกาโม หุตฺวา เต ตาปเส อามนฺเตตฺวา ‘‘ตุมฺเห อนุกฺกณฺมานา อิเธว วสถ, อหํ อาจริยํ วนฺทิตฺวา อาคมิสฺสามี’’ติ อาจริยสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา ปฏิสนฺถารํ กตฺวา เอกํ กฏฺตฺถริกํ อตฺถริตฺวา อาจริยสฺส สนฺติเกเยว นิปชฺชิ. ตสฺมิฺจ สมเย ราชา ‘‘ตาปสํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ อุยฺยานํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. อนฺเตวาสิกตาปโส ราชานํ ทิสฺวา เนว วุฏฺาสิ, นิปนฺโนเยว ปน ‘‘อโห สุขํ, อโห สุข’’นฺติ อุทานํ อุทาเนสิ. ราชา ‘‘อยํ ตาปโส มํ ทิสฺวาปิ น อุฏฺิโต’’ติ อนตฺตมโน โพธิสตฺตํ อาห – ‘‘ภนฺเต, อยํ ตาปโส ยทิจฺฉกํ ภุตฺโต ภวิสฺสติ, อุทานํ อุทาเนนฺโต สุขเสยฺยเมว กปฺเปตี’’ติ. มหาราช, อยํ ตาปโส ปุพฺเพ ตุมฺหาทิโส เอโก ราชา อโหสิ, สฺวายํ ‘‘อหํ ปุพฺเพ คิหิกาเล รชฺชสิรึ อนุภวนฺโต อาวุธหตฺเถหิ พหูหิ รกฺขิยมาโนปิ เอวรูปํ สุขํ นาม นาลตฺถ’’นฺติ อตฺตโน ปพฺพชฺชาสุขํ ฌานสุขฺจ อารพฺภ อิมํ อุทานํ อุทาเนตีติ. เอวฺจ ปน วตฺวา โพธิสตฺโต รฺโ ธมฺมกถํ กเถตุํ อิมํ คาถมาห –

๑๐.

‘‘ยฺจ อฺเ น รกฺขนฺติ, โย จ อฺเ น รกฺขติ;

ส เว ราช สุขํ เสติ, กาเมสุ อนเปกฺขวา’’ติ.

ตตฺถ ยฺจ อฺเ น รกฺขนฺตีติ ยํ ปุคฺคลํ อฺเ พหู ปุคฺคลา น รกฺขนฺติ. โย จ อฺเ น รกฺขตีติ โย จ ‘‘เอกโก อหํ รชฺชํ กาเรมี’’ติ อฺเ พหู ชเน น รกฺขติ. ส เว ราช สุขํ เสตีติ มหาราช โส ปุคฺคโล เอโก อทุติโย ปวิวิตฺโต กายิกเจตสิกสุขสมงฺคี หุตฺวา สุขํ เสติ. อิทฺจ เทสนาสีสเมว. น เกวลํ ปน เสติเยว, เอวรูโป ปน ปุคฺคโล สุขํ คจฺฉติ ติฏฺติ นิสีทติ สยตีติ สพฺพิริยาปเถสุ สุขปฺปตฺโตว โหติ. กาเมสุ อนเปกฺขวาติ วตฺถุ กามกิเลสกาเมสุ อเปกฺขารหิโต วิคตจฺฉนฺทราโค นิตฺตณฺโห เอวรูโป ปุคฺคโล สพฺพิริยาปเถสุ สุขํ วิหรติ มหาราชาติ.

ราชา ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ตุฏฺมานโส วนฺทิตฺวา นิเวสนเมว คโต, อนฺเตวาสิโกปิ อาจริยํ วนฺทิตฺวา หิมวนฺตเมว คโต. โพธิสตฺโต ปน ตตฺเถว วิหรนฺโต อปริหีนชฺฌาโน กาลํ กตฺวา พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺติ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ทสฺเสตฺวา ทฺเว วตฺถูนิ กเถตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา อนฺเตวาสิโก ภทฺทิยตฺเถโร อโหสิ, คณสตฺถา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

สุขวิหาริชาตกวณฺณนา ทสมา.

อปณฺณกวคฺโค ปโม.

ตสฺสุทฺทานํ –

อปณฺณกํ วณฺณุปถํ, เสริวํ จูฬเสฏฺิ จ;

ตณฺฑุลํ เทวธมฺมฺจ, กฏฺวาหนคามณิ;

มฆเทวํ วิหารีติ, ปิณฺฑิตา ทส ชาตกาติ.

๒. สีลวคฺโค

[๑๑] ๑. ลกฺขณมิคชาตกวณฺณนา

โหติ สีลวตํ อตฺโถติ อิทํ สตฺถา ราชคหํ อุปนิสฺสาย เวฬุวเน วิหรนฺโต เทวทตฺตํ อารพฺภ กเถสิ. เทวทตฺตสฺส วตฺถุ ยาว อภิมารปฺปโยชนา ขณฺฑหาลชาตเก อาวิภวิสฺสติ, ยาว ธนปาลกวิสฺสชฺชนา ปน จูฬหํสชาตเก อาวิภวิสฺสติ, ยาว ปถวิปฺปเวสนา ทฺวาทสนิปาเต สมุทฺทวาณิชชาตเก อาวิภวิสฺสติ.

เอกสฺมิฺหิ สมเย เทวทตฺโต ปฺจ วตฺถูนิ ยาจิตฺวา อลภนฺโต สงฺฆํ ภินฺทิตฺวา ปฺจ ภิกฺขุสตานิ อาทาย คยาสีเส วิหรติ. อถ เตสํ ภิกฺขูนํ าณํ ปริปากํ อคมาสิ. ตํ ตฺวา สตฺถา ทฺเว อคฺคสาวเก อามนฺเตสิ ‘‘สาริปุตฺตา, ตุมฺหากํ นิสฺสิตกา ปฺจสตา ภิกฺขู เทวทตฺตสฺส ลทฺธึ โรเจตฺวา เตน สทฺธึ คตา, อิทานิ ปน เตสํ าณํ ปริปากํ คตํ, ตุมฺเห พหูหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ ตตฺถ คนฺตฺวา เตสํ ธมฺมํ เทเสตฺวา เต ภิกฺขู มคฺคผเลหิ ปโพเธตฺวา คเหตฺวา อาคจฺฉถา’’ติ. เต ตเถว คนฺตฺวา เตสํ ธมฺมํ เทเสตฺวา มคฺคผเลหิ ปโพเธตฺวา ปุนทิวเส อรุณุคฺคมนเวลาย เต ภิกฺขู อาทาย เวฬุวนเมว อาคมํสุ. อาคนฺตฺวา จ ปน สาริปุตฺตตฺเถรสฺส ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ิตกาเล ภิกฺขู เถรํ ปสํสิตฺวา ภควนฺตํ อาหํสุ – ‘‘ภนฺเต, อมฺหากํ เชฏฺภาติโก ธมฺมเสนาปติ ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ ปริวุโต อาคจฺฉนฺโต อติวิย โสภติ, เทวทตฺโต ปน ปริหีนปริวาโร ชาโต’’ติ. น, ภิกฺขเว, สาริปุตฺโต อิทาเนว าติสงฺฆปริวุโต อาคจฺฉนฺโต โสภติ, ปุพฺเพปิ โสภิเยว. เทวทตฺโตปิ น อิทาเนว คณโต ปริหีโน, ปุพฺเพปิ ปริหีโนเยวาติ. ภิกฺขู ตสฺสตฺถสฺสาวิภาวตฺถาย ภควนฺตํ ยาจึสุ, ภควา ภวนฺตเรน ปฏิจฺฉนฺนํ การณํ ปากฏํ อกาสิ.

อตีเต มคธรฏฺเ ราชคหนคเร เอโก มคธราชา รชฺชํ กาเรสิ. ตทา โพธิสตฺโต มิคโยนิยํ ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา วุทฺธิปฺปตฺโต มิคสหสฺสปริวาโร อรฺเ วสติ. ตสฺส ลกฺขโณ จ กาโฬ จาติ ทฺเว ปุตฺตา อเหสุํ. โส อตฺตโน มหลฺลกกาเล ‘‘ตาตา, อหํ อิทานิ มหลฺลโก, ตุมฺเห อิมํ คณํ ปริหรถา’’ติ ปฺจ ปฺจ มิคสตานิ เอเกกํ ปุตฺตํ ปฏิจฺฉาเปสิ. ตโต ปฏฺาย เต ทฺเว ชนา มิคคณํ ปริหรนฺติ. มคธรฏฺสฺมิฺจ สสฺสปากสมเย กิฏฺสมฺพาเธ อรฺเ มิคานํ ปริปนฺโถ โหติ. มนุสฺสา สสฺสขาทกานํ มิคานํ มารณตฺถาย ตตฺถ ตตฺถ โอปาตํ ขณนฺติ, สูลานิ โรเปนฺติ, ปาสาณยนฺตานิ สชฺเชนฺติ, กูฏปาสาทโย ปาเส โอฑฺเฑนฺติ, พหู มิคา วินาสํ อาปชฺชนฺติ. โพธิสตฺโต กิฏฺสมฺพาธสมยํ ตฺวา ทฺเว ปุตฺเต ปกฺโกสาเปตฺวา อาห – ‘‘ตาตา, อยํ กิฏฺสมฺพาธสมโย, พหู มิคา วินาสํ ปาปุณนฺติ, มยํ มหลฺลกา เยน เกนจิ อุปาเยน เอกสฺมึ าเน วีตินาเมสฺสาม, ตุมฺเห ตุมฺหากํ มิคคเณ คเหตฺวา อรฺเ ปพฺพตปาทํ ปวิสิตฺวา สสฺสานํ อุทฺธฏกาเล อาคจฺเฉยฺยาถา’’ติ. เต ‘‘สาธู’’ติ ปิตุ วจนํ สุตฺวา สปริวารา นิกฺขมึสุ. เตสํ ปน คมนมคฺคํ มนุสฺสา ชานนฺติ ‘‘อิมสฺมึ กาเล มิคา ปพฺพตมาโรหนฺติ, อิมสฺมึ กาเล โอโรหนฺตี’’ติ. เต ตตฺถ ตตฺถ ปฏิจฺฉนฺนฏฺาเน นิลีนา พหู มิเค วิชฺฌิตฺวา มาเรนฺติ.

กาฬมิโค อตฺตโน ทนฺธตาย ‘‘อิมาย นาม เวลาย คนฺตพฺพํ, อิมาย เวลาย น คนฺตพฺพ’’นฺติ อชานนฺโต มิคคณํ อาทาย ปุพฺพณฺเหปิ สายนฺเหปิ ปโทเสปิ ปจฺจูเสปิ คามทฺวาเรน คจฺฉติ. มนุสฺสา ตตฺถ ตตฺถ ปกติยา ิตา จ นิลีนา จ พหู มิเค วินาสํ ปาเปนฺติ. เอวํ โส อตฺตโน ทนฺธตาย พหู มิเค วินาสํ ปาเปตฺวา อปฺปเกเหว มิเคหิ อรฺํ ปาวิสิ. ลกฺขณมิโค ปน ปณฺฑิโต พฺยตฺโต อุปายกุสโล ‘‘อิมาย เวลาย คนฺตพฺพํ, อิมาย เวลาย น คนฺตพฺพ’’นฺติ ชานาติ. โส คามทฺวาเรนปิ น คจฺฉติ, ทิวาปิ น คจฺฉติ, ปโทเสปิ น คจฺฉติ, ปจฺจูเสปิ น คจฺฉติ, มิคคณํ อาทาย อฑฺฒรตฺตสมเยเยว คจฺฉติ. ตสฺมา เอกมฺปิ มิคํ อวินาเสตฺวา อรฺํ ปาวิสิ. เต ตตฺถ จตฺตาโร มาเส วสิตฺวา สสฺเสสุ อุทฺธเฏสุ ปพฺพตา โอตรึสุ.

กาโฬ ปจฺจาคจฺฉนฺโตปิ ปุริมนเยเนว อวเสสมิเค วินาสํ ปาเปนฺโต เอกโกว อาคมิ. ลกฺขโณ ปน เอกมิคมฺปิ อวินาเสตฺวา ปฺจหิ มิคสเตหิ ปริวุโต มาตาปิตูนํ สนฺติกํ อาคมิ. โพธิสตฺโต ทฺเวปิ ปุตฺเต อาคจฺฉนฺเต ทิสฺวา มิคคเณน สทฺธึ มนฺเตนฺโต อิมํ คาถํ สมุฏฺาเปสิ –

๑๑.

‘‘โหติ สีลวตํ อตฺโถ, ปฏิสนฺถารวุตฺตินํ;

ลกฺขณํ ปสฺส อายนฺตํ, าติสงฺฆปุรกฺขตํ;

อถ ปสฺสสิมํ กาฬํ, สุวิหีนํว าติภี’’ติ.

ตตฺถ สีลวตนฺติ สุขสีลตาย สีลวนฺตานํ อาจารสมฺปนฺนานํ. อตฺโถติ วุฑฺฒิ. ปฏิสนฺถารวุตฺตินนฺติ ธมฺมปฏิสนฺถาโร จ อามิสปฏิสนฺถาโร จ เอเตสํ วุตฺตีติ ปฏิสนฺถารวุตฺติโน, เตสํ ปฏิสนฺถารวุตฺตินํ. เอตฺถ จ ปาปนิวารณโอวาทานุสาสนิวเสน ธมฺมปฏิสนฺถาโร จ, โคจรลาภาปนคิลานุปฏฺานธมฺมิกรกฺขาวเสน อามิสปฏิสนฺถาโร จ เวทิตพฺโพ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อิเมสุ ทฺวีสุ ปฏิสนฺถาเรสุ ิตานํ อาจารสมฺปนฺนานํ ปณฺฑิตานํ วุฑฺฒิ นาม โหตีติ. อิทานิ ตํ วุฑฺฒึ ทสฺเสตุํ ปุตฺตมาตรํ อาลปนฺโต วิย ‘‘ลกฺขณํ ปสฺสา’’ติอาทิมาห. ตตฺรายํ สงฺเขปตฺโถ – อาจารปฏิสนฺถารสมฺปนฺนํ อตฺตโน ปุตฺตํ เอกมิคมฺปิ อวินาเสตฺวา าติสงฺเฆน ปุรกฺขตํ ปริวาริตํ อาคจฺฉนฺตํ ปสฺส. ตาย ปน อาจารปฏิสนฺถารสมฺปทาย วิหีนํ ทนฺธปฺํ อถ ปสฺสสิมํ กาฬํ เอกมฺปิ าตึ อนวเสเสตฺวา สุวิหีนเมว าตีหิ เอกกํ อาคจฺฉนฺตนฺติ. เอวํ ปุตฺตํ อภินนฺทิตฺวา ปน โพธิสตฺโต ยาวตายุกํ ตฺวา ยถากมฺมํ คโต.

สตฺถาปิ ‘‘น, ภิกฺขเว, สาริปุตฺโต อิทาเนว าติสงฺฆปริวาริโต โสภติ, ปุพฺเพปิ โสภติเยว. น จ เทวทตฺโต เอตรหิเยว คณมฺหา ปริหีโน, ปุพฺเพปิ ปริหีโนเยวา’’ติ อิมํ ธมฺมเทสนํ ทสฺเสตฺวา ทฺเว วตฺถูนิ กเถตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา กาโฬ เทวทตฺโต อโหสิ, ปริสาปิสฺส เทวทตฺตปริสาว, ลกฺขโณ สาริปุตฺโต, ปริสา ปนสฺส พุทฺธปริสา, มาตา ราหุลมาตา, ปิตา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

ลกฺขณมิคชาตกวณฺณนา ปมา.

[๑๒] ๒. นิคฺโรธมิคชาตกวณฺณนา

นิคฺโรธเมว เสเวยฺยาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต กุมารกสฺสปตฺเถรสฺส มาตรํ อารพฺภ กเถสิ. สา กิร ราชคหนคเร มหาวิภวสฺส เสฏฺิโน ธีตา อโหสิ อุสฺสนฺนกุสลมูลา ปริมทฺทิตสงฺขารา ปจฺฉิมภวิกา, อนฺโตฆเฏ ปทีโป วิย ตสฺสา หทเย อรหตฺตูปนิสฺสโย ชลติ. สา อตฺตานํ ชานนกาลโต ปฏฺาย เคเห อนภิรตา ปพฺพชิตุกามา หุตฺวา มาตาปิตโร อาห – ‘‘อมฺมตาตา, มยฺหํ ฆราวาเส จิตฺตํ นาภิรมติ, อหํ นิยฺยานิเก พุทฺธสาสเน ปพฺพชิตุกามา, ปพฺพาเชถ ม’’นฺติ. อมฺม, กึ วเทสิ, อิทํ กุลํ พหุวิภวํ, ตฺวฺจ อมฺหากํ เอกธีตา, น ลพฺภา ตยา ปพฺพชิตุนฺติ. สา ปุนปฺปุนํ ยาจิตฺวาปิ มาตาปิตูนํ สนฺติกา ปพฺพชฺชํ อลภมานา จินฺเตสิ ‘‘โหตุ, ปติกุลํ คตา สามิกํ อาราเธตฺวา ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. สา วยปฺปตฺตา ปติกุลํ คนฺตฺวา ปติเทวตา หุตฺวา สีลวตี กลฺยาณธมฺมา อคารํ อชฺฌาวสิ.

อถสฺสา สํวาสมนฺวาย กุจฺฉิยํ คพฺโภ ปติฏฺหิ. สา คพฺภสฺส ปติฏฺิตภาวํ น อฺาสิ. อถ ตสฺมึ นคเร นกฺขตฺตํ โฆสยึสุ, สกลนครวาสิโน นกฺขตฺตํ กีฬึสุ, นครํ เทวนครํ วิย อลงฺกตปฏิยตฺตํ อโหสิ. สา ปน ตาว อุฬารายปิ นกฺขตฺตกีฬาย วตฺตมานาย อตฺตโน สรีรํ น วิลิมฺปติ นาลงฺกโรติ, ปกติเวเสเนว วิจรติ.

อถ นํ สามิโก อาห – ‘‘ภทฺเท, สกลนครํ นกฺขตฺตนิสฺสิตํ, ตฺวํ ปน สรีรํ นปฺปฏิชคฺคสี’’ติ. อยฺยปุตฺต, ทฺวตฺตึสาย เม กุณเปหิ ปูริตํ สรีรํ, กึ อิมินา อลงฺกเตน, อยฺหิ กาโย เนว เทวนิมฺมิโต, น พฺรหฺมนิมฺมิโต, น สุวณฺณมโย, น มณิมโย, น หริจนฺทนมโย, น ปุณฺฑรีกกุมุทุปฺปลคพฺภสมฺภูโต, น อมโตสธปูริโต, อถ โข กุณเป ชาโต, มาตาเปตฺติกสมฺภโว, อนิจฺจุจฺฉาทนปริมทฺทนเภทนวิทฺธํสนธมฺโม, กฏสิวฑฺฒโน, ตณฺหูปาทินฺโน, โสกานํ นิทานํ, ปริเทวานํ วตฺถุ, สพฺพโรคานํ อาลโย, กมฺมกรณานํ ปฏิคฺคโห, อนฺโตปูติ, พหิ นิจฺจปคฺฆรโณ, กิมิกุลานํ อาวาโส, สิวถิกปยาโต, มรณปริโยสาโน, สพฺพโลกสฺส จกฺขุปเถ วตฺตมาโนปิ –

‘‘อฏฺินหารุสํยุตฺโต, ตจมํสาวเลปโน;

ฉวิยา กาโย ปฏิจฺฉนฺโน, ยถาภูตํ น ทิสฺสติ.

‘‘อนฺตปูโร อุทรปูโร, ยกนเปฬสฺส วตฺถิโน;

หทยสฺส ปปฺผาสสฺส, วกฺกสฺส ปิหกสฺส จ.

‘‘สิงฺฆาณิกาย เขฬสฺส, เสทสฺส จ เมทสฺส จ;

โลหิตสฺส ลสิกาย, ปิตฺตสฺส จ วสาย จ.

‘‘อถสฺส นวหิ โสเตหิ, อสุจี สวติ สพฺพทา;

อกฺขิมฺหา อกฺขิคูถโก, กณฺณมฺหา กณฺณคูถโก.

‘‘สิงฺฆาณิกา จ นาสโต, มุเขน วมเตกทา;

ปิตฺตํ เสมฺหฺจ วมติ, กายมฺหา เสทชลฺลิกา.

‘‘อถสฺส สุสิรํ สีสํ, มตฺถลุงฺคสฺส ปูริตํ;

สุภโต นํ มฺติ พาโล, อวิชฺชาย ปุรกฺขโต. (สุ. นิ. ๑๙๖-๒๐๑);

‘‘อนนฺตาทีนโว กาโย, วิสรุกฺขสมูปโม;

อาวาโส สพฺพโรคานํ, ปุฺโช ทุกฺขสฺส เกวโล. (อป. เถร ๒.๕๔.๕๕);

‘‘สเจ อิมสฺส กายสฺส, อนฺโต พาหิรโก สิยา;

ทณฺฑํ นูน คเหตฺวาน, กาเก โสเณ จ วารเย.

‘‘ทุคฺคนฺโธ อสุจิ กาโย, กุณโป อุกฺกรูปโม;

นินฺทิโต จกฺขุภูเตหิ, กาโย พาลาภินนฺทิโต.

‘‘อลฺลจมฺมปฏิจฺฉนฺโน, นวทฺวาโร มหาวโณ;

สมนฺตโต ปคฺฆรติ, อสุจี ปูติคนฺธิโย’’ติ. (วิสุทฺธิ. ๑.๑๒๒);

อยฺยปุตฺต, อิมํ กายํ อลงฺกริตฺวา กึ กริสฺสามิ? นนุ อิมสฺส อลงฺกตกรณํ คูถปุณฺณฆฏสฺส พหิ จิตฺตกมฺมกรณํ วิย โหตีติ? เสฏฺิปุตฺโต ตสฺสา วจนํ สุตฺวา อาห ‘‘ภทฺเท, ตฺวํ อิมสฺส สรีรสฺส อิเม โทเส ปสฺสมานา กสฺมา น ปพฺพชสี’’ติ? ‘‘อยฺยปุตฺต, อหํ ปพฺพชฺชํ ลภมานา อชฺเชว ปพฺพเชยฺย’’นฺติ. เสฏฺิปุตฺโต ‘‘สาธุ, อหํ ตํ ปพฺพาเชสฺสามี’’ติ วตฺวา มหาทานํ ปวตฺเตตฺวา มหาสกฺการํ กตฺวา มหนฺเตน ปริวาเรน ภิกฺขุนุปสฺสยํ เนตฺวา ตํ ปพฺพาเชนฺโต เทวทตฺตปกฺขิยานํ ภิกฺขุนีนํ สนฺติเก ปพฺพาเชสิ. สา ปพฺพชฺชํ ลภิตฺวา ปริปุณฺณสงฺกปฺปา อตฺตมนา อโหสิ.

อถสฺสา คพฺเภ ปริปากํ คจฺฉนฺเต อินฺทฺริยานํ อฺถตฺตํ หตฺถปาทปิฏฺีนํ พหลตฺตํ อุทรปฏลสฺส จ มหนฺตตํ ทิสฺวา ภิกฺขุนิโย ตํ ปุจฺฉึสุ ‘‘อยฺเย, ตฺวํ คพฺภินี วิย ปฺายสิ, กึ เอต’’นฺติ? อยฺเย, ‘‘อิทํ นาม การณ’’นฺติ น ชานามิ, สีลํ ปน เม ปริปุณฺณนฺติ. อถ นํ ตา ภิกฺขุนิโย เทวทตฺตสฺส สนฺติกํ เนตฺวา เทวทตฺตํ ปุจฺฉึสุ ‘‘อยฺย, อยํ กุลธีตา กิจฺเฉน สามิกํ อาราเธตฺวา ปพฺพชฺชํ ลภิ, อิทานิ ปนสฺสา คพฺโภ ปฺายติ, มยํ อิมสฺส คพฺภสฺส คิหิกาเล วา ปพฺพชิตกาเล วา ลทฺธภาวํ น ชานาม, กึทานิ กโรมา’’ติ? เทวทตฺโต อตฺตโน อพุทฺธภาเวน จ ขนฺติเมตฺตานุทฺทยานฺจ นตฺถิตาย เอวํ จินฺเตสิ ‘‘เทวทตฺตปกฺขิกา ภิกฺขุนี กุจฺฉินา คพฺภํ ปริหรติ, เทวทตฺโต จ ตํ อชฺฌุเปกฺขติเยวาติ มยฺหํ ครหา อุปฺปชฺชิสฺสติ, มยา อิมํ อุปฺปพฺพาเชตุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส อวีมํสิตฺวาว เสลคุฬํ ปวฏฺฏยมาโน วิย ปกฺขนฺทิตฺวา ‘‘คจฺฉถ, อิมํ อุปฺปพฺพาเชถา’’ติ อาห. ตา ตสฺส วจนํ สุตฺวา อุฏฺาย วนฺทิตฺวา อุปสฺสยํ คตา.

อถ สา ทหรา ตา ภิกฺขุนิโย อาห – ‘‘อยฺเย, น เทวทตฺตตฺเถโร พุทฺโธ, นาปิ มยฺหํ ตสฺส สนฺติเก ปพฺพชฺชา, โลเก ปน อคฺคปุคฺคลสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สนฺติเก มยฺหํ ปพฺพชฺชา, สา จ ปน เม ทุกฺเขน ลทฺธา, มา นํ อนฺตรธาเปถ, เอถ มํ คเหตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ เชตวนํ คจฺฉถา’’ติ. ตา ตํ อาทาย ราชคหา ปฺจจตฺตาลีสโยชนิกํ มคฺคํ อติกฺกมฺม อนุปุพฺเพน เชตวนํ ปตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. สตฺถา จินฺเตสิ – ‘‘กิฺจาปิ คิหิกาเล เอติสฺสา คพฺโภ ปติฏฺิโต, เอวํ สนฺเตปิ ‘สมโณ โคตโม เทวทตฺเตน ชหิตํ อาทาย จรตี’ติ ติตฺถิยานํ โอกาโส ภวิสฺสติ. ตสฺมา อิมํ กถํ ปจฺฉินฺทิตุํ สราชิกาย ปริสาย มชฺเฌ อิมํ อธิกรณํ วินิจฺฉิตุํ วฏฺฏตี’’ติ. ปุนทิวเส ราชานํ ปเสนทิโกสลํ มหาอนาถปิณฺฑิกํ จูฬอนาถปิณฺฑิกํ วิสาขํ มหาอุปาสิกํ อฺานิ จ อภิฺาตานิ มหากุลานิ ปกฺโกสาเปตฺวา สายนฺหสมเย จตูสุ ปริสาสุ สนฺนิปติตาสุ อุปาลิตฺเถรํ อามนฺเตสิ ‘‘คจฺฉ, ตฺวํ จตุปริสมชฺเฌ อิมิสฺสา ทหรภิกฺขุนิยา กมฺมํ โสเธหี’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ เถโร ปริสมชฺฌํ คนฺตฺวา อตฺตโน ปฺตฺตาสเน นิสีทิตฺวา รฺโ ปุรโต วิสาขํ อุปาสิกํ ปกฺโกสาเปตฺวา อิมํ อธิกรณํ ปฏิจฺฉาเปสิ ‘‘คจฺฉ วิสาเข, ‘อยํ ทหรา อสุกมาเส อสุกทิวเส ปพฺพชิตา’ติ ตถโต ตฺวา อิมสฺส คพฺภสฺส ปุเร วา ปจฺฉา วา ลทฺธภาวํ ชานาหี’’ติ. อุปาสิกา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา สาณึ ปริกฺขิปาเปตฺวา อนฺโตสาณิยํ ทหรภิกฺขุนิยา หตฺถปาทนาภิอุทรปริโยสานาทีนิ โอโลเกตฺวา มาสทิวเส สมาเนตฺวา คิหิภาเว คพฺภสฺส ลทฺธภาวํ ตถโต ตฺวา เถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจสิ. เถโร จตุปริสมชฺเฌ ตํ ภิกฺขุนึ สุทฺธํ อกาสิ. สา สุทฺธา หุตฺวา ภิกฺขุสงฺฆฺจ สตฺถารฺจ วนฺทิตฺวา ภิกฺขุนีหิ สทฺธึ อุปสฺสยเมว คตา. สา คพฺภปริปากมนฺวาย ปทุมุตฺตรปาทมูเล ปตฺถิตปตฺถนํ มหานุภาวํ ปุตฺตํ วิชายิ.

อเถกทิวสํ ราชา ภิกฺขุนุปสฺสยสมีเปน คจฺฉนฺโต ทารกสทฺทํ สุตฺวา อมจฺเจ ปุจฺฉิ. อมจฺจา ตํ การณํ ตฺวา ‘‘เทว, ทหรภิกฺขุนี ปุตฺตํ วิชาตา, ตสฺเสโส สทฺโท’’ติ อาหํสุ. ‘‘ภิกฺขุนีนํ, ภเณ, ทารกปฏิชคฺคนํ นาม ปลิโพโธ, มยํ นํ ปฏิชคฺคิสฺสามา’’ติ ราชา ตํ ทารกํ นาฏกิตฺถีนํ ทาเปตฺวา กุมารปริหาเรน วฑฺฒาเปสิ. นามคฺคหณทิวเส จสฺส ‘‘กสฺสโป’’ติ นามํ อกํสุ. อถ นํ กุมารปริหาเรน วฑฺฒิตตฺตา ‘‘กุมารกสฺสโป’’ติ สฺชานึสุ. โส สตฺตวสฺสิกกาเล สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ปริปุณฺณวสฺโส อุปสมฺปทํ ลภิตฺวา คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺเต กาเล ธมฺมกถิเกสุ จิตฺรกถี อโหสิ. อถ นํ สตฺถา ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ จิตฺตกถิกานํ ยทิทํ กุมารกสฺสโป’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๐๙, ๒๑๗) เอตทคฺเค เปสิ. โส ปจฺฉา วมฺมิกสุตฺเต (ม. นิ. ๑.๒๔๙ อาทโย) อรหตฺตํ ปาปุณิ. มาตาปิสฺส ภิกฺขุนี วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อคฺคผลํ ปตฺตา. กุมารกสฺสปตฺเถโร พุทฺธสาสเน คคนมชฺเฌ ปุณฺณจนฺโท วิย ปากโฏ ชาโต.

อเถกทิวสํ ตถาคโต ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต ภิกฺขูนํ โอวาทํ ทตฺวา คนฺธกุฏึ ปาวิสิ. ภิกฺขู โอวาทํ คเหตฺวา อตฺตโน อตฺตโน รตฺติฏฺานทิวาฏฺาเนสุ ทิวสภาคํ เขเปตฺวา สายนฺหสมเย ธมฺมสภายํ สนฺนิปติตฺวา ‘‘อาวุโส, เทวทตฺเตน อตฺตโน อพุทฺธภาเวน เจว ขนฺติเมตฺตาทีนฺจ อภาเวน กุมารกสฺสปตฺเถโร จ เถรี จ อุโภ นาสิตา, สมฺมาสมฺพุทฺโธ ปน อตฺตโน ธมฺมราชตาย เจว ขนฺติเมตฺตานุทฺทยสมฺปตฺติยา จ อุภินฺนมฺปิ เตสํ ปจฺจโย ชาโต’’ติ พุทฺธคุเณ วณฺณยมานา นิสีทึสุ. สตฺถา พุทฺธลีลาย ธมฺมสภํ อาคนฺตฺวา ปฺตฺตาสเน นิสีทิตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ภนฺเต, ตุมฺหากเมว คุณกถายา’’ติ สพฺพํ อาโรจยึสุ. น, ภิกฺขเว, ตถาคโต อิทาเนว อิเมสํ อุภินฺนํ ปจฺจโย จ ปติฏฺา จ ชาโต, ปุพฺเพปิ อโหสิเยวาติ. ภิกฺขู ตสฺสตฺถสฺสาวิภาวตฺถาย ภควนฺตํ ยาจึสุ. ภควา ภวนฺตเรน ปฏิจฺฉนฺนํ การณํ ปากฏํ อกาสิ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ การยมาเน โพธิสตฺโต มิคโยนิยํ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. โส มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขนฺโต สุวณฺณวณฺโณ อโหสิ, อกฺขีนิ ปนสฺส มณิคุฬสทิสานิ อเหสุํ, สิงฺคานิ รชตวณฺณานิ, มุขํ รตฺตกมฺพลปุฺชวณฺณํ, หตฺถปาทปริยนฺตา ลาขารสปริกมฺมกตา วิย, วาลธิ จมรสฺส วิย อโหสิ, สรีรํ ปนสฺส มหนฺตํ อสฺสโปตกปฺปมาณํ อโหสิ. โส ปฺจสตมิคปริวาโร อรฺเ วาสํ กปฺเปสิ นาเมน นิคฺโรธมิคราชา นาม. อวิทูเร ปนสฺส อฺโปิ ปฺจสตมิคปริวาโร สาขมิโค นาม วสติ, โสปิ สุวณฺณวณฺโณว อโหสิ.

เตน สมเยน พาราณสิราชา มิควธปฺปสุโต โหติ, วินา มํเสน น ภุฺชติ, มนุสฺสานํ กมฺมจฺเฉทํ กตฺวา สพฺเพ เนคมชานปเท สนฺนิปาเตตฺวา เทวสิกํ มิควํ คจฺฉติ. มนุสฺสา จินฺเตสุํ – ‘‘อยํ ราชา อมฺหากํ กมฺมจฺเฉทํ กโรติ, ยํนูน มยํ อุยฺยาเน มิคานํ นิวาปํ วปิตฺวา ปานียํ สมฺปาเทตฺวา พหู มิเค อุยฺยานํ ปเวเสตฺวา ทฺวารํ พนฺธิตฺวา รฺโ นิยฺยาเทยฺยามา’’ติ. เต สพฺเพ อุยฺยาเน มิคานํ นิวาปติณานิ โรเปตฺวา อุทกํ สมฺปาเทตฺวา ทฺวารํ โยเชตฺวา วาคุรานิ อาทาย มุคฺคราทินานาวุธหตฺถา อรฺํ ปวิสิตฺวา มิเค ปริเยสมานา ‘‘มชฺเฌ ิเต มิเค คณฺหิสฺสามา’’ติ โยชนมตฺตํ านํ ปริกฺขิปิตฺวา สงฺขิปมานา นิคฺโรธมิคสาขมิคานํ วสนฏฺานํ มชฺเฌ กตฺวา ปริกฺขิปึสุ. อถ นํ มิคคณํ ทิสฺวา รุกฺขคุมฺพาทโย จ ภูมิฺจ มุคฺคเรหิ ปหรนฺตา มิคคณํ คหนฏฺานโต นีหริตฺวา อสิสตฺติธนุอาทีนิ อาวุธานิ อุคฺคิริตฺวา มหานาทํ นทนฺตา ตํ มิคคณํ อุยฺยานํ ปเวเสตฺวา ทฺวารํ ปิธาย ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘เทว, นิพทฺธํ มิควํ คจฺฉนฺตา อมฺหากํ กมฺมํ นาเสถ, อมฺเหหิ อรฺโต มิเค อาเนตฺวา ตุมฺหากํ อุยฺยานํ ปูริตํ, อิโต ปฏฺาย เตสํ มํสานิ ขาทถา’’ติ ราชานํ อาปุจฺฉิตฺวา ปกฺกมึสุ.

ราชา เตสํ วจนํ สุตฺวา อุยฺยานํ คนฺตฺวา มิเค โอโลเกนฺโต ทฺเว สุวณฺณมิเค ทิสฺวา เตสํ อภยํ อทาสิ. ตโต ปฏฺาย ปน กทาจิ สยํ คนฺตฺวา เอกํ มิคํ วิชฺฌิตฺวา อาเนติ, กทาจิสฺส ภตฺตการโก คนฺตฺวา วิชฺฌิตฺวา อาหรติ. มิคา ธนุํ ทิสฺวาว มรณภเยน ตชฺชิตา ปลายนฺติ, ทฺเว ตโย ปหาเร ลภิตฺวา กิลมนฺติปิ, คิลานาปิ โหนฺติ, มรณมฺปิ ปาปุณนฺติ. มิคคโณ ตํ ปวตฺตึ โพธิสตฺตสฺส อาโรเจสิ. โส สาขํ ปกฺโกสาเปตฺวา อาห – ‘‘สมฺม, พหู มิคา นสฺสนฺติ, เอกํเสน มริตพฺเพ สติ อิโต ปฏฺาย มา กณฺเฑน มิเค วิชฺฌนฺตุ, ธมฺมคณฺฑิกฏฺาเน มิคานํ วาโร โหตุ. เอกทิวสํ มม ปริสาย วาโร ปาปุณาตุ, เอกทิวสํ ตว ปริสาย, วารปฺปตฺโต มิโค คนฺตฺวา ธมฺมคณฺฑิกาย คีวํ เปตฺวา นิปชฺชตุ, เอวํ สนฺเต มิคา กิลนฺตา น ภวิสฺสนฺตี’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ. ตโต ปฏฺาย วารปฺปตฺโตว มิโค คนฺตฺวา ธมฺมคณฺฑิกาย คีวํ เปตฺวา นิปชฺชติ, ภตฺตการโก อาคนฺตฺวา ตตฺถ นิปนฺนกเมว คเหตฺวา คจฺฉติ.

อเถกทิวสํ สาขมิคสฺส ปริสาย เอกิสฺสา คพฺภินิมิคิยา วาโร ปาปุณิ. สา สาขํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘สามิ, อหํ คพฺภินี, ปุตฺตํ วิชายิตฺวา ทฺเว ชนา วารํ คมิสฺสาม, มยฺหํ วารํ อติกฺกาเมหี’’ติ อาห. โส ‘‘น สกฺกา ตว วารํ อฺเสํ ปาเปตุํ, ตฺวเมว ตุยฺหํ วารํ ชานิสฺสสิ, คจฺฉาหี’’ติ อาห. สา ตสฺส สนฺติกา อนุคฺคหํ อลภมานา โพธิสตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจสิ. โส ตสฺสา วจนํ สุตฺวา ‘‘โหตุ คจฺฉ ตฺวํ, อหํ เต วารํ อติกฺกาเมสฺสามี’’ติ สยํ คนฺตฺวา ธมฺมคณฺฑิกาย สีสํ กตฺวา นิปชฺชิ. ภตฺตการโก ตํ ทิสฺวา ‘‘ลทฺธาภโย มิคราชา ธมฺมคณฺฑิกาย นิปนฺโน, กึ นุ โข การณ’’นฺติ เวเคน คนฺตฺวา รฺโ อาโรเจสิ.

ราชา ตาวเทว รถํ อารุยฺห มหนฺเตน ปริวาเรน อาคนฺตฺวา โพธิสตฺตํ ทิสฺวา อาห ‘‘สมฺม มิคราช, นนุ มยา ตุยฺหํ อภยํ ทินฺนํ, กสฺมา ตฺวํ อิธ นิปนฺโน’’ติ. มหาราช, คพฺภินี มิคี อาคนฺตฺวา ‘‘มม วารํ อฺสฺส ปาเปหี’’ติ อาห, น สกฺกา โข ปน มยา เอกสฺส มรณทุกฺขํ อฺสฺส อุปริ นิกฺขิปิตุํ, สฺวาหํ อตฺตโน ชีวิตํ ตสฺสา ทตฺวา ตสฺสา สนฺตกํ มรณํ คเหตฺวา อิธ นิปนฺโน, มา อฺํ กิฺจิ อาสงฺกิตฺถ, มหาราชาติ. ราชา อาห – ‘‘สามิ, สุวณฺณวณฺณมิคราช, มยา น ตาทิโส ขนฺติเมตฺตานุทฺทยสมฺปนฺโน มนุสฺเสสุปิ ทิฏฺปุพฺโพ, เตน เต ปสนฺโนสฺมิ, อุฏฺเหิ, ตุยฺหฺจ ตสฺสา จ อภยํ ทมฺมี’’ติ. ‘‘ทฺวีหิ อภเย ลทฺเธ อวเสสา กึ กริสฺสนฺติ, นรินฺทา’’ติ? ‘‘อวเสสานมฺปิ อภยํ ทมฺมิ, สามี’’ติ. ‘‘มหาราช, เอวมฺปิ อุยฺยาเนเยว มิคา อภยํ ลภิสฺสนฺติ, เสสา กึ กริสฺสนฺตี’’ติ? ‘‘เอเตสมฺปิ อภยํ ทมฺมิ, สามี’’ติ. ‘‘มหาราช, มิคา ตาว อภยํ ลภนฺตุ, เสสา จตุปฺปทา กึ กริสฺสนฺตี’’ติ? ‘‘เอเตสมฺปิ อภยํ ทมฺมิ, สามี’’ติ. ‘‘มหาราช, จตุปฺปทา ตาว อภยํ ลภนฺตุ, ทิชคณา กึ กริสฺสนฺตี’’ติ? ‘‘เอเตสมฺปิ อภยํ ทมฺมิ, สามี’’ติ. ‘‘มหาราช, ทิชคณา ตาว อภยํ ลภนฺตุ, อุทเก วสนฺตา มจฺฉา กึ กริสฺสนฺตี’’ติ? ‘‘เอเตสมฺปิ อภยํ ทมฺมิ, สามี’’ติ. เอวํ มหาสตฺโต ราชานํ สพฺพสตฺตานํ อภยํ ยาจิตฺวา อุฏฺาย ราชานํ ปฺจสุ สีเลสุ ปติฏฺาเปตฺวา ‘‘ธมฺมํ จร, มหาราช, มาตาปิตูสุ ปุตฺตธีตาสุ พฺราหฺมณคหปติเกสุ เนคมชานปเทสุ ธมฺมํ จรนฺโต สมํ จรนฺโต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ คมิสฺสสี’’ติ รฺโ พุทฺธลีลาย ธมฺมํ เทเสตฺวา กติปาหํ อุยฺยาเน วสิตฺวา รฺโ โอวาทํ ทตฺวา มิคคณปริวุโต อรฺํ ปาวิสิ. สาปิ โข มิคเธนุ ปุปฺผกณฺณิกสทิสํ ปุตฺตํ วิชายิ. โส กีฬมาโน สาขมิคสฺส สนฺติกํ คจฺฉติ. อถ นํ มาตา ตสฺส สนฺติกํ คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘ปุตฺต, อิโต ปฏฺาย มา เอตสฺส สนฺติกํ คจฺฉ, นิคฺโรธสฺเสว สนฺติกํ คจฺเฉยฺยาสี’’ติ โอวทนฺตี อิมํ คาถมาห –

๑๒.

‘‘นิคฺโรธเมว เสเวยฺย, น สาขมุปสํวเส;

นิคฺโรธสฺมึ มตํ เสยฺโย, ยฺเจ สาขสฺมิ ชีวิต’’นฺติ.

ตตฺถ นิคฺโรธเมว เสเวยฺยาติ ตาต ตฺวํ วา อฺโ วา อตฺตโน หิตกาโม นิคฺโรธเมว เสเวยฺย ภเชยฺย อุปสงฺกเมยฺย, น สาขมุปสํวเสติ สาขมิคํ ปน น อุปสํวเส อุปคมฺม น สํวเสยฺย, เอตํ นิสฺสาย ชีวิกํ น กปฺเปยฺย. นิคฺโรธสฺมึ มตํ เสยฺโยติ นิคฺโรธรฺโ ปาทมูเล มรณมฺปิ เสยฺโย วรํ อุตฺตมํ. ยฺเจ สาขสฺมิ ชีวิตนฺติ ยํ ปน สาขสฺส สนฺติเก ชีวิตํ, ตํ เนว เสยฺโย น วรํ น อุตฺตมนฺติ อตฺโถ.

ตโต ปฏฺาย จ ปน อภยลทฺธกา มิคา มนุสฺสานํ สสฺสานิ ขาทนฺติ, มนุสฺสา ‘‘ลทฺธาภยา อิเม มิคา’’ติ มิเค ปหริตุํ วา ปลาเปตุํ วา น วิสหนฺติ, เต ราชงฺคเณ สนฺนิปติตฺวา รฺโ ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. ราชา ‘‘มยา ปสนฺเนน นิคฺโรธมิคราชสฺส วโร ทินฺโน, อหํ รชฺชํ ชเหยฺยํ, น จ ตํ ปฏิฺํ ภินฺทามิ, คจฺฉถ น โกจิ มม วิชิเต มิเค ปหริตุํ ลภตี’’ติ อาห. นิคฺโรธมิโค ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา มิคคณํ สนฺนิปาตาเปตฺวา ‘‘อิโต ปฏฺาย ปเรสํ สสฺสํ ขาทิตุํ น ลภิสฺสถา’’ติ มิเค โอวทิตฺวา มนุสฺสานํ อาโรจาเปสิ ‘‘อิโต ปฏฺาย สสฺสการกา มนุสฺสา สสฺสรกฺขณตฺถํ วตึ มา กโรนฺตุ, เขตฺตํ ปน อาวิชฺฌิตฺวา ปณฺณสฺํ พนฺธนฺตู’’ติ. ตโต ปฏฺาย กิร เขตฺเตสุ ปณฺณพนฺธนสฺา อุทปาทิ. ตโต ปฏฺาย ปณฺณสฺํ อติกฺกมนมิโค นาม นตฺถิ. อยํ กิร เนสํ โพธิสตฺตโต ลทฺธโอวาโท. เอวํ มิคคณํ โอวทิตฺวา โพธิสตฺโต ยาวตายุกํ ตฺวา สทฺธึ มิเคหิ ยถากมฺมํ คโต, ราชาปิ โพธิสตฺตสฺส โอวาเท ตฺวา ปุฺานิ กตฺวา ยถากมฺมํ คโต.

สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนวาหํ เถริยา จ กุมารกสฺสปสฺส จ อวสฺสโย, ปุพฺเพปิ อวสฺสโย เอวา’’ติ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา จตุสจฺจธมฺมเทสนํ วินิวฏฺเฏตฺวา ทฺเว วตฺถูนิ กเถตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ ‘‘ตทา สาขมิโค เทวทตฺโต อโหสิ, ปริสาปิสฺส เทวทตฺตปริสาว, มิคเธนุ เถรี อโหสิ, ปุตฺโต กุมารกสฺสโป, ราชา อานนฺโท, นิคฺโรธมิคราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

นิคฺโรธมิคชาตกวณฺณนา ทุติยา.

[๑๓] ๓. กณฺฑิชาตกวณฺณนา

ธิรตฺถุ กณฺฑินํ สลฺลนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปุราณทุติยิกาปโลภนํ อารพฺภ กเถสิ. ตํ อฏฺกนิปาเต อินฺทฺริยชาตเก อาวิภวิสฺสติ. ภควา ปน ตํ ภิกฺขุํ เอตทโวจ ‘‘ภิกฺขุ, ปุพฺเพปิ ตฺวํ เอตํ มาตุคามํ นิสฺสาย ชีวิตกฺขยํ ปตฺวา วีตจฺจิเตสุ องฺคาเรสุ ปกฺโก’’ติ. ภิกฺขู ตสฺสตฺถสฺสาวิภาวตฺถาย ภควนฺตํ ยาจึสุ, ภควา ภวนฺตเรน ปฏิจฺฉนฺนการณํ ปากฏํ อกาสิ. อิโต ปรํ ปน ภิกฺขูนํ ยาจนํ ภวนฺตรปฏิจฺฉนฺนตฺจ อวตฺวา ‘‘อตีตํ อาหรี’’ติ เอตฺตกเมว วกฺขาม, เอตฺตเก วุตฺเตปิ ยาจนฺจ วลาหกคพฺภโต จนฺทนีหรณูปมาย ภวนฺตรปฏิจฺฉนฺนการณภาโว จาติ สพฺพเมตํ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว โยเชตฺวา เวทิตพฺพํ.

อตีเต มคธรฏฺเ ราชคเห มคธราชา รชฺชํ กาเรสิ. มคธวาสิกานํ สสฺสสมเย มิคานํ มหาปริปนฺโถ โหติ. เต อรฺเ ปพฺพตปาทํ ปวิสนฺติ. ตตฺถ เอโก อรฺวาสี ปพฺพเตยฺยมิโค เอกาย คามนฺตวาสินิยา มิคโปติกาย สทฺธึ สนฺถวํ กตฺวา เตสํ มิคานํ ปพฺพตปาทโต โอรุยฺห ปุน คามนฺตํ โอตรณกาเล มิคโปติกาย ปฏิพทฺธจิตฺตตฺตา เตหิ สทฺธึเยว โอตริ. อถ นํ สา อาห – ‘‘ตฺวํ โขสิ, อยฺย, ปพฺพเตยฺโย พาลมิโค, คามนฺโต จ นาม สาสงฺโก สปฺปฏิภโย, มา อมฺเหหิ สทฺธึ โอตรี’’ติ. โส ตสฺสา ปฏิพทฺธจิตฺตตฺตา อนิวตฺติตฺวา สทฺธึเยว อคมาสิ. มคธวาสิโน ‘‘อิทานิ มิคานํ ปพฺพตปาทา โอตรณกาโล’’ติ ตฺวา มคฺเค ปฏิจฺฉนฺนโกฏฺเกสุ ติฏฺนฺติ. เตสมฺปิ ทฺวินฺนํ อาคมนมคฺเค เอโก ลุทฺทโก ปฏิจฺฉนฺนโกฏฺเก ิโต โหติ. มิคโปติกา มนุสฺสคนฺธํ ฆายิตฺวา ‘‘เอโก ลุทฺทโก ิโต ภวิสฺสตี’’ติ ตํ พาลมิคํ ปุรโต กตฺวา สยํ ปจฺฉโต อโหสิ. ลุทฺทโก เอเกเนว สรปฺปหาเรน มิคํ ตตฺเถว ปาเตติ. มิคโปติกา ตสฺส วิทฺธภาวํ ตฺวา อุปฺปติตฺวา วาตคติยาว ปลายิ. ลุทฺทโก โกฏฺกโต นิกฺขมิตฺวา มิคํ โอกฺกนฺติตฺวา อคฺคึ กตฺวา วีตจฺจิเตสุ องฺคาเรสุ มธุรมํสํ ปจิตฺวา ขาทิตฺวา ปานียํ ปิวิตฺวา อวเสสํ โลหิตพินฺทูหิ ปคฺฆรนฺเตหิ กาเชนาทาย ทารเก โตเสนฺโต ฆรํ อคมาสิ.

ตทา โพธิสตฺโต ตสฺมึ วนสณฺเฑ รุกฺขเทวตา หุตฺวา นิพฺพตฺโต โหติ. โส ตํ การณํ ทิสฺวา ‘‘อิมสฺส พาลมิคสฺส มรณํ เนว มาตรํ นิสฺสาย, น ปิตรํ นิสฺสาย, อถ โข กามํ นิสฺสาย. กามนิมิตฺตฺหิ สตฺตา สุคติยํ หตฺถจฺเฉทาทิกํ, ทุคฺคติยฺจ ปฺจวิธพนฺธนาทินานปฺปการกํ ทุกฺขํ ปาปุณนฺติ, ปเรสํ มรณทุกฺขุปฺปาทนมฺปิ นาม อิมสฺมึ โลเก ครหิตเมว. ยํ ชนปทํ มาตุคาโม วิจาเรติ อนุสาสติ, โส อิตฺถิปริณายโก ชนปโทปิ ครหิโตเยว. เย สตฺตา มาตุคามสฺส วสํ คจฺฉนฺติ, เตปิ ครหิตาเยวา’’ติ เอกาย คาถาย ตีณิ ครหวตฺถูนิ ทสฺเสตฺวา วนเทวตาสุ สาธุการํ ทตฺวา คนฺธปุปฺผาทีหิ ปูชยมานาสุ มธุเรน สเรน ตํ วนสณฺฑํ อุนฺนาเทนฺโต อิมาย คาถาย ธมฺมํ เทเสสิ –

๑๓.

‘‘ธิรตฺถุ กณฺฑินํ สลฺลํ, ปุริสํ คาฬฺหเวธินํ;

ธิรตฺถุ ตํ ชนปทํ, ยตฺถิตฺถี ปริณายิกา;

เต จาปิ ธิกฺกิตา สตฺตา, เย อิตฺถีนํ วสํ คตา’’ติ.

ตตฺถ ธิรตฺถูติ ครหณตฺเถ นิปาโต, สฺวายมิธ อุตฺตาสุพฺเพควเสน ครหเณ ทฏฺพฺโพ. อุตฺตสิตุพฺพิคฺโค หิ โหนฺโต โพธิสตฺโต เอวมาห. กณฺฑมสฺส อตฺถีติ กณฺฑี, ตํ กณฺฑินํ. ตํ ปน กณฺฑํ อนุปวิสนฏฺเน ‘‘สลฺล’’นฺติ วุจฺจติ, ตสฺมา กณฺฑินํ สลฺลนฺติ เอตฺถ สลฺลกณฺฑินนฺติ อตฺโถ. สลฺลํ วา อสฺสตฺถีติปิ สลฺโล, ตํ สลฺลํ. มหนฺตํ วณมุขํ กตฺวา พลวปฺปหารํ เทนฺโต คาฬฺหํ วิชฺฌตีติ คาฬฺหเวธี, ตํ คาฬฺหเวธินํ. นานปฺปกาเรน กณฺเฑน, กุมุทปตฺตสณฺานถเลน อุชุกคมเนเนว สลฺเลน จ สมนฺนาคตํ คาฬฺหเวธินํ ปุริสํ ธิรตฺถูติ อยเมตฺถ อตฺโถ. ปริณายิกาติ อิสฺสรา สํวิธายิกา. ธิกฺกิตาติ ครหิตา. เสสเมตฺถ อุตฺตานตฺถเมว. อิโต ปรํ ปน เอตฺตกมฺปิ อวตฺวา ยํ ยํ อนุตฺตานํ, ตํ ตเทว วณฺณยิสฺสาม. เอวํ เอกาย คาถาย ตีณิ ครหวตฺถูนิ ทสฺเสตฺวา โพธิสตฺโต วนํ อุนฺนาเทตฺวา พุทฺธลีลาย ธมฺมํ เทเสสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสสิ, สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺิตภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. สตฺถา ทฺเว วตฺถูนิ กเถตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ. อิโต ปรํ ปน ‘‘ทฺเว วตฺถูนิ กเถตฺวา’’ติ อิทํ อวตฺวา ‘‘อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา’’ติ เอตฺตกเมว วกฺขาม, อวุตฺตมฺปิ ปน เหฏฺา วุตฺตนเยเนว โยเชตฺวา คเหตพฺพํ.

ตทา ปพฺพเตยฺยมิโค อุกฺกณฺิตภิกฺขุ อโหสิ, มิคโปติกา ปุราณทุติยิกา, กาเมสุ โทสํ ทสฺเสตฺวา ธมฺมเทสกเทวตา ปน อหเมว อโหสินฺติ.

กณฺฑิชาตกวณฺณนา ตติยา.

[๑๔] ๔. วาตมิคชาตกวณฺณนา

กิรตฺถิ รเสหิ ปาปิโยติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต จูฬปิณฺฑปาติกติสฺสตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ. สตฺถริ กิร ราชคหํ อุปนิสฺสาย เวฬุวเน วิหรนฺเต ติสฺสกุมาโร นาม มหาวิภวสฺส เสฏฺิกุลสฺส ปุตฺโต เอกทิวสํ เวฬุวนํ คนฺตฺวา สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปพฺพชิตุกาโม ปพฺพชฺชํ ยาจิตฺวา มาตาปิตูหิ อนนุฺาตตฺตา ปฏิกฺขิตฺโต สตฺตาหํ ภตฺตจฺเฉทํ กตฺวา รฏฺปาลตฺเถโร วิย มาตาปิตโร อนุชานาเปตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิ. สตฺถา ตํ ปพฺพาเชตฺวา อฑฺฒมาสมตฺตํ เวฬุวเน วิหริตฺวา เชตวนํ อคมาสิ. ตตฺรายํ กุลปุตฺโต เตรส ธุตงฺคานิ สมาทาย สาวตฺถิยํ สปทานํ ปิณฺฑาย จรมาโน กาลํ วีตินาเมติ, ‘‘จูฬปิณฺฑปาติกติสฺสตฺเถโร นามา’’ติ วุตฺเต คคนตเล ปุณฺณจนฺโท วิย พุทฺธสาสเน ปากโฏ ปฺาโต อโหสิ.

ตสฺมึ กาเล ราชคเห นกฺขตฺตกีฬาย วตฺตมานาย เถรสฺส มาตาปิตโร ยํ ตสฺส คิหิกาเล อโหสิ อาภรณภณฺฑกํ, ตํ รตนจงฺโกฏเก นิกฺขิปิตฺวา อุเร เปตฺวา ‘‘อฺาสุ นกฺขตฺตกีฬาสุ อมฺหากํ ปุตฺโต อิมินา อลงฺกาเรน อลงฺกโต นกฺขตฺตํ กีฬติ, ตํ โน เอกปุตฺตํ คเหตฺวา สมโณ โคตโม สาวตฺถินครํ คโต, กหํ นุ โข โส เอตรหิ นิสินฺโน, กหํ ิโต’’ติ วตฺวา โรทนฺติ.

อเถกา วณฺณทาสี ตํ กุลํ คนฺตฺวา เสฏฺิภริยํ โรทนฺตึ ทิสฺวา ปุจฺฉิ ‘‘กึ ปน, อยฺเย, โรทสี’’ติ? ‘‘สา ตมตฺถํ อาโรเจสิ’’. ‘‘กึ ปน, อยฺเย, อยฺยปุตฺโต ปิยายตี’’ติ? ‘‘อสุกฺจ อสุกฺจา’’ติ. ‘‘สเจ ตุมฺเห อิมสฺมึ เคเห สพฺพํ อิสฺสริยํ มยฺหํ เทถ, อหํ โว ปุตฺตํ อาเนสฺสามี’’ติ. เสฏฺิภริยา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ปริพฺพยํ ทตฺวา มหนฺเตน ปริวาเรน ตํ อุยฺโยเชสิ ‘‘คจฺฉ, อตฺตโน พเลน มม ปุตฺตํ อาเนหี’’ติ. สา ปฏิจฺฉนฺนยาเน นิสินฺนา สาวตฺถึ คนฺตฺวา เถรสฺส ภิกฺขาจารวีถิยํ นิวาสํ คเหตฺวา เสฏฺิกุลา อาคเต มนุสฺเส เถรสฺส อทสฺเสตฺวา อตฺตโน ปริวาเรเนว ปริวุตา เถรสฺส ปิณฺฑาย ปวิฏฺสฺส อาทิโตว อุฬุงฺกยาคุฺจ รสกภิกฺขฺจ ทตฺวา รสตณฺหาย พนฺธิตฺวา อนุกฺกเมน เคเห นิสีทาเปตฺวา ภิกฺขํ ททมานา จ อตฺตโน วสํ อุปคตภาวํ ตฺวา คิลานาลยํ ทสฺเสตฺวา อนฺโตคพฺเภ นิปชฺชิ. เถโรปิ ภิกฺขาจารเวลาย สปทานํ จรนฺโต เคหทฺวารํ อคมาสิ. ปริชโน เถรสฺส ปตฺตํ คเหตฺวา เถรํ ฆเร นิสีทาเปสิ. เถโร นิสีทิตฺวาว ‘‘กหํ อุปาสิกา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘คิลานา, ภนฺเต, ตุมฺหากํ ทสฺสนํ อิจฺฉตี’’ติ. โส รสตณฺหาย พทฺโธ อตฺตโน วตสมาทานํ ภินฺทิตฺวา ตสฺสา นิปนฺนฏฺานํ ปาวิสิ. สา อตฺตโน อาคตการณํ กเถตฺวา ตํ ปโลเภตฺวา รสตณฺหาย พนฺธิตฺวา อุปฺปพฺพาเชตฺวา อตฺตโน วเส เปตฺวา ยาเน นิสีทาเปตฺวา มหนฺเตน ปริวาเรน ราชคหเมว อคมาสิ. สา ปวตฺติ ปากฏา ชาตา.

ภิกฺขู ธมฺมสภายํ สนฺนิสินฺนา ‘‘จูฬปิณฺฑปาติกติสฺสตฺเถรํ กิร เอกา วณฺณทาสี รสตณฺหาย พนฺธิตฺวา อาทาย คตา’’ติ กถํ สมุฏฺาเปสุํ. สตฺถา ธมฺมสภํ อุปคนฺตฺวา อลงฺกตธมฺมาสเน นิสีทิตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ อาห. เต ตํ ปวตฺตึ กถยึสุ. ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว เอโส ภิกฺขุ รสตณฺหาย พชฺฌิตฺวา ตสฺสา วสํ คโต, ปุพฺเพปิ ตสฺสา วสํ คโตเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ รฺโ พฺรหฺมทตฺตสฺส สฺชโย นาม อุยฺยานปาโล อโหสิ. อเถโก วาตมิโค ตํ อุยฺยานํ อาคนฺตฺวา สฺชยํ ทิสฺวา ปลายติ, สฺชโยปิ น ตํ ตชฺเชตฺวา นีหรติ. โส ปุนปฺปุนํ อาคนฺตฺวา อุยฺยาเนเยว จรติ. อุยฺยานปาโล อุยฺยาเน นานปฺปการานิ ปุปฺผผลานิ คเหตฺวา ทิวเส ทิวเส รฺโ อภิหรติ. อถ นํ เอกทิวสํ ราชา ปุจฺฉิ ‘‘สมฺม อุยฺยานปาล, อุยฺยาเน กิฺจิ อจฺฉริยํ ปสฺสสี’’ติ? ‘‘เทว, อฺํ น ปสฺสามิ, เอโก ปน วาตมิโค อาคนฺตฺวา อุยฺยาเน จรติ, เอตํ ปสฺสามี’’ติ. ‘‘สกฺขิสฺสติ ปน ตํ คเหตุ’’นฺติ. ‘‘โถกํ มธุํ ลภนฺโต อนฺโต ราชนิเวสนมฺปิ นํ อาเนตุํ สกฺขิสฺสามิ, เทวา’’ติ. ราชา ตสฺส มธุํ ทาเปสิ. โส ตํ คเหตฺวา อุยฺยานํ คนฺตฺวา วาตมิคสฺส จรณฏฺาเน ติณานิ มธุนา มกฺเขตฺวา นิลียิ. มิโค อาคนฺตฺวา มธุมกฺขิตานิ ติณานิ ขาทิตฺวา รสตณฺหาย พทฺโธ อฺตฺร อคนฺตฺวา อุยฺยานเมว อาคจฺฉติ. อุยฺยานปาโล ตสฺส มธุมกฺขิตติเณสุ ปลุทฺธภาวํ ตฺวา อนุกฺกเมน อตฺตานํ ทสฺเสสิ. โส ตํ ทิสฺวา กติปาหํ ปลายิตฺวา ปุนปฺปุนํ ปสฺสนฺโต วิสฺสาสํ อาปชฺชิตฺวา อนุกฺกเมน อุยฺยานปาลสฺส หตฺเถ ิตติณานิ ขาทิตุํ อารภิ.

โส ตสฺส วิสฺสาสํ อาปนฺนภาวํ ตฺวา ยาว ราชนิเวสนา วีถึ กิลฺเชหิ ปริกฺขิปิตฺวา ตหึ ตหึ สาขาภงฺคํ ปาเตตฺวา มธุลาพุกํ อํเส ลคฺเคตฺวา ติณกลาปํ อุปกจฺฉเก เปตฺวา มธุมกฺขิตานิ ติณานิ มิคสฺส ปุรโต ปุรโต วิกิรนฺโต อนฺโตราชนิเวสนํเยว อคมาสิ. มิเค อนฺโต ปวิฏฺเ ทฺวารํ ปิทหึสุ. มิโค มนุสฺเส ทิสฺวา กมฺปมาโน มรณภยตชฺชิโต อนฺโตนิเวสนงฺคเณ อาธาวติ ปริธาวติ. ราชา ปาสาทา โอรุยฺห ตํ กมฺปมานํ ทิสฺวา ‘‘วาตมิโค นาม มนุสฺสานํ ทิฏฺฏฺานํ สตฺตาหํ น คจฺฉติ, ตชฺชิตฏฺานํ ยาวชีวํ น คจฺฉติ, โส เอวรูโป คหนนิสฺสิโต วาตมิโค รสตณฺหาย พทฺโธ อิทานิ เอวรูปํ านํ อาคโต, นตฺถิ วต โภ โลเก รสตณฺหาย ปาปตรํ นามา’’ติ อิมาย คาถาย ธมฺมเทสนํ ปฏฺเปสิ –

๑๔.

‘‘น กิรตฺถิ รเสหิ ปาปิโย, อาวาเสหิว สนฺถเวหิ วา;

วาตมิคํ คหนนิสฺสิตํ, วสมาเนสิ รเสหิ สฺชโย’’ติ.

ตตฺถ กิราติ อนุสฺสวนตฺเถ นิปาโต. รเสหีติ ชิวฺหาวิฺเยฺเยหิ มธุรมฺพิลาทีหิ. ปาปิโยติ ปาปตโร. อาวาเสหิว สนฺถเวหิ วาติ นิพทฺธวสนฏฺานสงฺขาเตสุ หิ อาวาเสสุปิ มิตฺตสนฺถเวสุปิ ฉนฺทราโค ปาปโกว, เตหิ ปน สจฺฉนฺทราคปริโภเคหิ อาวาเสหิ วา มิตฺตสนฺถเวหิ วา สตคุเณน จ สหสฺสคุเณน จ สตสหสฺสคุเณน จ ธุวปฏิเสวนฏฺเน อาหารํ วินา ชีวิตินฺทฺริยปาลนาย อภาเวน จ สจฺฉนฺทราคปริโภครสาว ปาปตราติ. โพธิสตฺโต ปน อนุสฺสวาคตํ วิย อิมมตฺถํ กตฺวา ‘‘น กิรตฺถิ รเสหิ ปาปิโย, อาวาเสหิว สนฺถเวหิ วา’’ติ อาห. อิทานิ เตสํ ปาปิยภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘วาตมิค’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ คหนนิสฺสิตนฺติ คหนฏฺานนิสฺสิตํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ปสฺสถ รสานํ ปาปิยภาวํ, อิทํ นาม อรฺายตเน คหนนิสฺสิตํ วาตมิคํ สฺชโย อุยฺยานปาโล มธุรเสหิ อตฺตโน วสํ อาเนสิ, สพฺพถาปิ สจฺฉนฺทราคปริโภเคหิ รเสหิ นาม อฺํ ปาปตรํ ลามกตรํ นตฺถีติ รสตณฺหาย อาทีนวํ กเถสิ. กเถตฺวา จ ปน ตํ มิคํ อรฺเมว เปเสสิ.

สตฺถาปิ ‘‘น, ภิกฺขเว, สา วณฺณทาสี อิทาเนว เอตํ รสตณฺหาย พนฺธิตฺวา อตฺตโน วเส กโรติ, ปุพฺเพปิ อกาสิเยวา’’ติ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ. ‘‘ตทา สฺชโย อยํ วณฺณทาสี อโหสิ, วาตมิโค จูฬปิณฺฑปาติโก, พาราณสิราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

วาตมิคชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.

[๑๕] ๕. ขราทิยชาตกวณฺณนา

อฏฺกฺขุรํ ขราทิเยติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ ทุพฺพจภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิร ภิกฺขุ ทุพฺพโจ โอวาทํ น คณฺหาติ. อถ นํ สตฺถา ปุจฺฉิ ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ ทุพฺพโจ โอวาทํ น คณฺหาสี’’ติ? ‘‘สจฺจํ ภควา’’ติ. สตฺถา ‘‘ปุพฺเพปิ ตฺวํ ทุพฺพจตาย ปณฺฑิตานํ โอวาทํ อคฺคเหตฺวา ปาเสน พทฺโธ ชีวิตกฺขยํ ปตฺโต’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต มิโค หุตฺวา มิคคณปริวุโต อรฺเ วสติ. อถสฺส ภคินิมิคี ปุตฺตกํ ทสฺเสตฺวา ‘‘ภาติก, อยํ เต ภาคิเนยฺโย, เอตํ มิคมายํ อุคฺคณฺหาเปหี’’ติ ปฏิจฺฉาเปสิ. โส ตํ ภาคิเนยฺยํ ‘‘อสุกเวลาย นาม อาคนฺตฺวา อุคฺคณฺหาหี’’ติ อาห. โส วุตฺตเวลาย นาคจฺฉติ. ยถา จ เอกทิวสํ, เอวํ สตฺต ทิวเส สตฺโตวาเท อติกฺกนฺโต โส มิคมายํ อนุคฺคณฺหิตฺวาว วิจรนฺโต ปาเส พชฺฌิ. มาตาปิสฺส ภาตรํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘กึ เต, ภาติก, ภาคิเนยฺโย มิคมายํ อุคฺคณฺหาปิโต’’ติ ปุจฺฉิ. โพธิสตฺโต จ ‘‘ตสฺส อโนวาทกสฺส มา จินฺตยิ, น เต ปุตฺเตน มิคมายา อุคฺคหิตา’’ติ วตฺวา อิทานิปิ ตํ อโนวทิตุกาโมว หุตฺวา อิมํ คาถมาห –

๑๕.

‘‘อฏฺกฺขุรํ ขราทิเย, มิคํ วงฺกาติวงฺกินํ;

สตฺตหิ กาลาติกฺกนฺตํ, น นํ โอวทิตุสฺสเห’’ติ.

ตตฺถ อฏฺกฺขุรนฺติ เอเกกสฺมึ ปาเท ทฺวินฺนํ ทฺวินฺนํ วเสน อฏฺกฺขุรํ. ขราทิเยติ ตํ นาเมน อาลปติ. มิคนฺติ สพฺพสงฺคาหิกวจนํ. วงฺกาติวงฺกินนฺติ มูเล วงฺกานิ, อคฺเค อติวงฺกานีติ วงฺกาติวงฺกานิ, ตาทิสานิ สิงฺคานิ อสฺส อตฺถีติ วงฺกาติวงฺกี, ตํ วงฺกาติวงฺกินํ. สตฺตหิ กาลาติกฺกนฺตนฺติ สตฺตหิ โอวาทกาเลหิ โอวาทํ อติกฺกนฺตํ. น นํ โอวทิตุสฺสเหติ เอตํ ทุพฺพจมิคํ อหํ โอวทิตุํ น อุสฺสหามิ, เอตสฺส เม โอวาทตฺถาย จิตฺตมฺปิ น อุปฺปชฺชตีติ ทสฺเสติ. อถ นํ ทุพฺพจมิคํ ปาเส พทฺธํ ลุทฺโท มาเรตฺวา มํสํ อาทาย ปกฺกามิ.

สตฺถาปิ ‘‘น ตฺวํ ภิกฺขุ อิทาเนว ทุพฺพโจ, ปุพฺเพปิ ทุพฺพโจเยวา’’ติ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ. ‘‘ตทา ภาคิเนยฺโย มิโค ทุพฺพจภิกฺขุ อโหสิ, ภคินี อุปฺปลวณฺณา, โอวาทมิโค ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

ขราทิยชาตกวณฺณนา ปฺจมา.

[๑๖] ๖. ติปลฺลตฺถมิคชาตกวณฺณนา

มิคํ ติปลฺลตฺถนฺติ อิทํ สตฺถา โกสมฺพิยํ พทริการาเม วิหรนฺโต สิกฺขากามํ ราหุลตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ. เอกสฺมิฺหิ กาเล สตฺถริ อาฬวินครํ อุปนิสฺสาย อคฺคาฬเว เจติเย วิหรนฺเต พหู อุปาสกา อุปาสิกา ภิกฺขู ภิกฺขุนิโย จ วิหารํ ธมฺมสฺสวนตฺถาย คจฺฉนฺติ, ทิวา ธมฺมสฺสวนํ โหติ. คจฺฉนฺเต ปน กาเล อุปาสิกาโย ภิกฺขุนิโย จ น คจฺฉึสุ, ภิกฺขู เจว อุปาสกา จ อเหสุํ. ตโต ปฏฺาย รตฺตึ ธมฺมสฺสวนํ ชาตํ. ธมฺมสฺสวนปริโยสาเน เถรา ภิกฺขู อตฺตโน อตฺตโน วสนฏฺานานิ คจฺฉนฺติ. ทหรา สามเณรา จ อุปาสเกหิ สทฺธึ อุปฏฺานสาลายํ สยนฺติ. เตสุ นิทฺทํ อุปคเตสุ เอกจฺเจ ฆุรุฆุรุปสฺสาสา กากจฺฉมานา ทนฺเต ขาทนฺตา นิปชฺชึสุ, เอกจฺเจ มุหุตฺตํ นิทฺทายิตฺวา อุฏฺหึสุ. เต ตํ วิปฺปการํ ทิสฺวา ภควโต อาโรเจสุํ. ภควา ‘‘โย ปน ภิกฺขุ อนุปสมฺปนฺเนน สหเสยฺยํ กปฺเปยฺย ปาจิตฺติย’’นฺติ (ปาจิ. ๔๙) สิกฺขาปทํ ปฺเปตฺวา โกสมฺพึ อคมาสิ.

ตตฺถ ภิกฺขู อายสฺมนฺตํ ราหุลํ อาหํสุ – ‘‘อาวุโส ราหุล, ภควตา สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ, อิทานิ ตฺวํ อตฺตโน วสนฏฺานํ ชานาหี’’ติ. ปุพฺเพ ปน เต ภิกฺขู ภควติ จ คารวํ ตสฺส จายสฺมโต สิกฺขากามตํ ปฏิจฺจ ตํ อตฺตโน วสนฏฺานํ อาคตํ อติวิย สงฺคณฺหนฺติ, ขุทฺทกมฺจกํ ปฺเปตฺวา อุสฺสีสกกรณตฺถาย จีวรํ เทนฺติ. ตํ ทิวสํ ปน สิกฺขาปทภเยน วสนฏฺานมฺปิ น อทํสุ. ราหุลภทฺโทปิ ‘‘ปิตา เม’’ติ ทสพลสฺส วา, ‘‘อุปชฺฌาโย เม’’ติ ธมฺมเสนาปติโน วา, ‘‘อาจริโย เม’’ติ มหาโมคฺคลฺลานสฺส วา, ‘‘จูฬปิตา เม’’ติ อานนฺทตฺเถรสฺส วา สนฺติกํ อคนฺตฺวา ทสพลสฺส วฬฺชนวจฺจกุฏึ พฺรหฺมวิมานํ ปวิสนฺโต วิย ปวิสิตฺวา วาสํ กปฺเปสิ. พุทฺธานฺหิ วฬฺชนกุฏิยํ ทฺวารํ สุปิหิตํ โหติ, คนฺธปริภณฺฑกตา ภูมิ, คนฺธทามมาลาทามานิ โอสาริตาเนว โหนฺติ, สพฺพรตฺตึ ทีโป ฌายติ. ราหุลภทฺโท ปน น ตสฺสา กุฏิยา อิมํ สมฺปตฺตึ ปฏิจฺจ ตตฺถ วาสํ อุปคโต, ภิกฺขูหิ ปน ‘‘วสนฏฺานํ ชานาหี’’ติ วุตฺตตฺตา โอวาทคารเวน สิกฺขากามตาย ตตฺถ วาสํ อุปคโต. อนฺตรนฺตรา หิ ภิกฺขู ตํ อายสฺมนฺตํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ตสฺส วีมํสนตฺถาย มุฏฺิสมฺมชฺชนึ วา กจวรฉฑฺฑนกํ วา พหิ ขิปิตฺวา ตสฺมึ อาคเต ‘‘อาวุโส, อิมํ เกน ฉฑฺฑิต’’นฺติ วทนฺติ. ตตฺถ เกหิจิ ‘‘ราหุโล อิมินา มคฺเคน คโต’’ติ วุตฺเต โส อายสฺมา ‘‘นาหํ, ภนฺเต, เอตํ ชานามี’’ติ อวตฺวาว ตํ ปฏิสาเมตฺวา ‘‘ขมถ เม, ภนฺเต’’ติ ขมาเปตฺวา คจฺฉติ. เอวเมส สิกฺขากาโม.

โส ตํ สิกฺขากามตํเยว ปฏิจฺจ ตตฺถ วาสํ อุปคโต. อถ สตฺถา ปุเรอรุณํเยว วจฺจกุฏิทฺวาเร ตฺวา อุกฺกาสิ, โสปายสฺมา อุกฺกาสิ. ‘‘โก เอโส’’ติ? ‘‘อหํ ราหุโล’’ติ นิกฺขมิตฺวา วนฺทิ. ‘‘กสฺมา ตฺวํ ราหุล อิธ นิปนฺโนสี’’ติ? ‘‘วสนฏฺานสฺส อภาวโต’’. ‘‘ปุพฺเพ หิ, ภนฺเต, ภิกฺขู มม สงฺคหํ กโรนฺติ, อิทานิ อตฺตโน อาปตฺติภเยน วสนฏฺานํ น เทนฺติ, สฺวาหํ ‘อิทํ อฺเสํ อสงฺฆฏฺฏนฏฺาน’นฺติ อิมินา การเณน อิธ นิปนฺโนสฺมีติ. อถ ภควโต ‘‘ราหุลํ ตาว ภิกฺขู เอวํ ปริจฺจชนฺติ, อฺเ กุลทารเก ปพฺพาเชตฺวา กึ กริสฺสนฺตี’’ติ ธมฺมสํเวโค อุทปาทิ.

อถ ภควา ปาโตว ภิกฺขู สนฺนิปาตาเปตฺวา ธมฺมเสนาปตึ ปุจฺฉิ ‘‘ชานาสิ ปน ตฺวํ, สาริปุตฺต, อชฺช กตฺถจิ ราหุลสฺส วุตฺถภาว’’นฺติ? ‘‘น ชานามิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘สาริปุตฺต, อชฺช ราหุโล วจฺจกุฏิยํ วสิ, สาริปุตฺต, ตุมฺเห ราหุลํ เอวํ ปริจฺจชนฺตา อฺเ กุลทารเก ปพฺพาเชตฺวา กึ กริสฺสถ? เอวฺหิ สนฺเต อิมสฺมึ สาสเน ปพฺพชิตา น ปติฏฺา ภวิสฺสนฺติ, อิโต ทานิ ปฏฺาย อนุปสมฺปนฺเนน เอกํ ทฺเว ทิวเส อตฺตโน สนฺติเก วสาเปตฺวา ตติยทิวเส เตสํ วสนฏฺานํ ตฺวา พหิ วาเสถา’’ติ อิมํ อนุปฺตฺตึ กตฺวา ปุน สิกฺขาปทํ ปฺเปสิ.

ตสฺมึ สมเย ธมฺมสภายํ สนฺนิสินฺนา ภิกฺขู ราหุลสฺส คุณกถํ กเถนฺติ ‘‘ปสฺสถาวุโส, ยาว สิกฺขากาโม วตายํ ราหุโล, ‘ตว วสนฏฺานํ ชานาหี’ติ วุตฺโต นาม ‘อหํ ทสพลสฺส ปุตฺโต, ตุมฺหากํ เสนาสนสฺมา ตุมฺเหเยว นิกฺขมถา’ติ เอกํ ภิกฺขุมฺปิ อปฺปฏิปฺผริตฺวา วจฺจกุฏิยํ วาสํ กปฺเปสี’’ติ. เอวํ เตสุ กถยมาเนสุ สตฺถา ธมฺมสภํ คนฺตฺวา อลงฺกตาสเน นิสีทิตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ อาห. ‘‘ภนฺเต, ราหุลสฺส สิกฺขากามกถาย, น อฺาย กถายา’’ติ. สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, ราหุโล อิทาเนว สิกฺขากาโม, ปุพฺเพ ติรจฺฉานโยนิยํ นิพฺพตฺโตปิ สิกฺขากาโมเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต ราชคเห เอโก มคธราชา รชฺชํ กาเรสิ. ตทา โพธิสตฺโต มิคโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา มิคคณปริวุโต อรฺเ วสติ. อถสฺส ภคินี อตฺตโน ปุตฺตกํ อุปเนตฺวา ‘‘ภาติก, อิมํ เต ภาคิเนยฺยํ มิคมายํ สิกฺขาเปหี’’ติ อาห. โพธิสตฺโต ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา ‘‘คจฺฉ, ตาต, อสุกเวลาย นาม อาคนฺตฺวา สิกฺเขยฺยาสี’’ติ อาห. โส มาตุเลน วุตฺตเวลํ อนติกฺกมิตฺวา ตํ อุปสงฺกมิตฺวา มิคมายํ สิกฺขิ. โส เอกทิวสํ วเน วิจรนฺโต ปาเสน พทฺโธ พทฺธรวํ รวิ, มิคคโณ ปลายิตฺวา ‘‘ปุตฺโต เต ปาเสน พทฺโธ’’ติ ตสฺส มาตุยา อาโรเจสิ. สา ภาตุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘ภาติก, ภาคิเนยฺโย เต มิคมายํ สิกฺขาปิโต’’ติ ปุจฺฉิ. โพธิสตฺโต ‘‘มา ตฺวํ ปุตฺตสฺส กิฺจิ ปาปกํ อาสงฺกิ, สุคฺคหิตา เตน มิคมายา, อิทานิ ตํ หาสยมาโน อาคจฺฉิสฺสตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๑๖.

‘‘มิคํ ติปลฺลตฺถมเนกมายํ, อฏฺกฺขุรํ อฑฺฒรตฺตาปปายึ;

เอเกน โสเตน ฉมาสฺสสนฺโต, ฉหิ กลาหิติโภติ ภาคิเนยฺโย’’ติ.

ตตฺถ มิคนฺติ ภาคิเนยฺยมิคํ. ติปลฺลตฺถนฺติ ปลฺลตฺถํ วุจฺจติ สยนํ, อุโภหิ ปสฺเสหิ อุชุกเมว จ นิปนฺนกวเสนาติ ตีหากาเรหิ ปลฺลตฺถํ อสฺส, ตีณิ วา ปลฺลตฺถานิ อสฺสาติ ติปลฺลตฺโถ, ตํ ติปลฺลตฺถํ. อเนกมายนฺติ พหุมายํ พหุวฺจนํ. อฏฺกฺขุรนฺติ เอเกกสฺมึ ปาเท ทฺวินฺนํ ทฺวินฺนํ วเสน อฏฺหิ ขุเรหิ สมนฺนาคตํ. อฑฺฒรตฺตาปปายินฺติ ปุริมยามํ อติกฺกมิตฺวา มชฺฌิมยาเม อรฺโต อาคมฺม ปานียสฺส ปิวนโต อฑฺฒรตฺเต อาปํ ปิวตีติ อฑฺฒรตฺตาปปายี. ตํ อฑฺฒรตฺเต อปายินฺติ อตฺโถ. มม ภาคิเนยฺยํ มิคํ อหํ สาธุกํ มิคมายํ อุคฺคณฺหาเปสึ. กถํ? ยถา เอเกน โสเตน ฉมาสฺสสนฺโต, ฉหิ กลาหิติโภติ ภาคิเนยฺโยติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อหฺหิ ตว ปุตฺตํ ตถา อุคฺคณฺหาเปสึ, ยถา เอกสฺมึ อุปริมนาสิกาโสเต วาตํ สนฺนิรุมฺภิตฺวา ปถวิยา อลฺลีเนน เอเกน เหฏฺิมโสเตน ตตฺเถว ฉมายํ อสฺสสนฺโต ฉหิ กลาหิ ลุทฺทกํ อติโภติ, ฉหิ โกฏฺาเสหิ อชฺโฌตฺถรติ วฺเจตีติ อตฺโถ. กตมาหิ ฉหิ? จตฺตาโร ปาเท ปสาเรตฺวา เอเกน ปสฺเสน เสยฺยาย, ขุเรหิ ติณปํสุขณเนน, ชิวฺหานินฺนามเนน อุทรสฺส อุทฺธุมาตภาวกรเณน, อุจฺจารปสฺสาววิสฺสชฺชเนน, วาตสนฺนิรุมฺภเนนาติ.

อปโร นโย – ปาเทน ปํสุํ คเหตฺวา อภิมุขากฑฺฒเนน, ปฏิปณามเนน, อุโภสุ ปสฺเสสุ สฺจรเณน, อุทรํ อุทฺธํ ปกฺขิปเนน, อโธ อวกฺขิปเนนาติ อิมาหิ ฉหิ กลาหิ ยถา อติโภติ, ‘‘มโต อย’’นฺติ สฺํ อุปฺปาเทตฺวา วฺเจติ, เอวํ ตํ มิคมายํ อุคฺคณฺหาเปสินฺติ ทีเปติ.

อปโร นโย – ตถา นํ อุคฺคณฺหาเปสึ, ยถา เอเกน โสเตน ฉมาสฺสสนฺโต ฉหิ กลาหิติ ทฺวีสุปิ นเยสุ ทสฺสิเตหิ ฉหิ การเณหิ กลาหิติ กลายิสฺสติ, ลุทฺทํ วฺเจสฺสตีติ อตฺโถ. โภตีติ ภคินึ อาลปติ. ภาคิเนยฺโยติ เอวํ ฉหิ การเณหิ วฺจนกํ ภาคิเนยฺยํ นิทฺทิสติ. เอวํ โพธิสตฺโต ภาคิเนยฺยสฺส มิคมายาย สาธุกํ อุคฺคหิตภาวํ ทสฺเสนฺโต ภคินึ สมสฺสาเสติ.

โสปิ มิคโปตโก ปาเส พทฺโธ อวิปฺผนฺทิตฺวาเยว ภูมิยํ มหาผาสุกปสฺเสน ปาเท ปสาเรตฺวา นิปนฺโน ปาทานํ อาสนฺนฏฺาเน ขุเรเหว ปหริตฺวา ปํสุฺจ ติณานิ จ อุปฺปาเฏตฺวา อุจฺจารปสฺสาวํ วิสฺสชฺเชตฺวา สีสํ ปาเตตฺวา ชิวฺหํ นินฺนาเมตฺวา สรีรํ เขฬกิลินฺนํ กตฺวา วาตคฺคหเณน อุทรํ อุทฺธุมาตกํ กตฺวา อกฺขีนิ ปริวตฺเตตฺวา เหฏฺา นาสิกาโสเตน วาตํ สฺจราเปนฺโต อุปริมนาสิกาโสเตน วาตํ สนฺนิรุมฺภิตฺวา สกลสรีรํ ถทฺธภาวํ คาหาเปตฺวา มตาการํ ทสฺเสสิ. นีลมกฺขิกาปิ นํ สมฺปริวาเรสุํ, ตสฺมึ ตสฺมึ าเน กากา นิลียึสุ. ลุทฺโท อาคนฺตฺวา อุทรํ หตฺเถน ปหริตฺวา ‘‘อติปาโตว พทฺโธ ภวิสฺสติ, ปูติโก ชาโต’’ติ ตสฺส พนฺธนรชฺชุกํ โมเจตฺวา ‘‘เอตฺเถวทานิ นํ อุกฺกนฺติตฺวา มํสํ อาทาย คมิสฺสามี’’ติ นิราสงฺโก หุตฺวา สาขาปลาสํ คเหตุํ อารทฺโธ. มิคโปตโกปิ อุฏฺาย จตูหิ ปาเทหิ ตฺวา กายํ วิธุนิตฺวา คีวํ ปสาเรตฺวา มหาวาเตน ฉินฺนวลาหโก วิย เวเคน มาตุ สนฺติกํ อคมาสิ.

สตฺถาปิ ‘‘น, ภิกฺขเว, ราหุโล อิทาเนว สิกฺขากาโม, ปุพฺเพปิ สิกฺขากาโมเยวา’’ติ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ภาคิเนยฺยมิคโปตโก ราหุโล อโหสิ, มาตา อุปฺปลวณฺณา, มาตุลมิโค ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

ติปลฺลตฺถมิคชาตกวณฺณนา ฉฏฺา.

[๑๗] ๗. มาลุตชาตกวณฺณนา

กาเฬ วา ยทิ วา ชุณฺเหติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ทฺเว วุฑฺฒปพฺพชิเต อารพฺภ กเถสิ. เต กิร โกสลชนปเท เอกสฺมึ อรฺาวาเส วสนฺติ. เอโก กาฬตฺเถโร นาม, เอโก ชุณฺหตฺเถโร นาม. อเถกทิวสํ ชุณฺโห กาฬํ ปุจฺฉิ ‘‘ภนฺเต กาฬ, สีตํ นาม กสฺมึ กาเล โหตี’’ติ. โส ‘‘กาเฬ โหตี’’ติ อาห. อเถกทิวสํ กาโฬ ชุณฺหํ ปุจฺฉิ – ‘‘ภนฺเต ชุณฺห, สีตํ นาม กสฺมึ กาเล โหตี’’ติ. โส ‘‘ชุณฺเห โหตี’’ติ อาห. เต อุโภปิ อตฺตโน กงฺขํ ฉินฺทิตุํ อสกฺโกนฺตา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ‘‘ภนฺเต, สีตํ นาม กสฺมึ กาเล โหตี’’ติ ปุจฺฉึสุ. สตฺถา เตสํ กถํ สุตฺวา ‘‘ปุพฺเพปิ อหํ, ภิกฺขเว, ตุมฺหากํ อิมํ ปฺหํ กเถสึ, ภวสงฺเขปคตตฺตา ปน น สลฺลกฺขยิตฺถา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต เอกสฺมึ ปพฺพตปาเท สีโห จ พฺยคฺโฆ จ ทฺเว สหายา เอกิสฺสาเยว คุหาย วสนฺติ. ตทา โพธิสตฺโตปิ อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ตสฺมึเยว ปพฺพตปาเท วสติ. อเถกทิวสํ เตสํ สหายกานํ สีตํ นิสฺสาย วิวาโท อุทปาทิ. พฺยคฺโฆ ‘‘กาเฬเยว สีตํ โหตี’’ติ อาห. สีโห ‘‘ชุณฺเหเยว สีตํ โหตี’’ติ อาห. เต อุโภปิ อตฺตโน กงฺขํ ฉินฺทิตุํ อสกฺโกนฺตา โพธิสตฺตํ ปุจฺฉึสุ. โพธิสตฺโต อิมํ คาถมาห –

๑๗.

‘‘กาเฬ วา ยทิ วา ชุณฺเห, ยทา วายติ มาลุโต;

วาตชานิ หิ สีตานิ, อุโภตฺถมปราชิตา’’ติ.

ตตฺถ กาเฬ วา ยทิ วา ชุณฺเหติ กาฬปกฺเข วา ชุณฺหปกฺเข วา. ยทา วายติ มาลุโตติ ยสฺมึ สมเย ปุรตฺถิมาทิเภโท วาโต วายติ, ตสฺมึ สมเย สีตํ โหติ. กึการณา? วาตชานิ หิ สีตานิ, ยสฺมา วาเต วิชฺชนฺเตเยว สีตานิ โหนฺติ, กาฬปกฺโข วา ชุณฺหปกฺโข วา เอตฺถ อปมาณนฺติ วุตฺตํ โหติ. อุโภตฺถมปราชิตาติ อุโภปิ ตุมฺเห อิมสฺมึ ปฺเห อปราชิตาติ. เอวํ โพธิสตฺโต เต สหายเก สฺาเปสิ.

สตฺถาปิ ‘‘ภิกฺขเว, ปุพฺเพปิ มยา ตุมฺหากํ อยํ ปฺโห กถิโต’’ติ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสสิ, สจฺจปริโยสาเน ทฺเวปิ เถรา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสุ. สตฺถา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ ‘‘ตทา พฺยคฺโฆ กาโฬ อโหสิ, สีโห ชุณฺโห, ปฺหวิสฺสชฺชนกตาปโส ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

มาลุตชาตกวณฺณนา สตฺตมา.

[๑๘] ๘. มตกภตฺตชาตกวณฺณนา

เอวํ เจ สตฺตา ชาเนยฺยุนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต มตกภตฺตํ อารพฺภ กเถสิ. ตสฺมิฺหิ กาเล มนุสฺสา พหู อเชฬกาทโย มาเรตฺวา กาลกเต าตเก อุทฺทิสฺส มตกภตฺตํ นาม เทนฺติ. ภิกฺขู เต มนุสฺเส ตถา กโรนฺเต ทิสฺวา สตฺถารํ ปุจฺฉึสุ ‘‘เอตรหิ, ภนฺเต, มนุสฺสา พหู ปาเณ ชีวิตกฺขยํ ปาเปตฺวา มตกภตฺตํ นาม เทนฺติ. อตฺถิ นุ โข, ภนฺเต, เอตฺถ วุฑฺฒี’’ติ? สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, ‘มตกภตฺตํ ทสฺสามา’ติ กเตปิ ปาณาติปาเต กาจิ วุฑฺฒิ นาม อตฺถิ, ปุพฺเพ ปณฺฑิตา อากาเส นิสชฺช ธมฺมํ เทเสตฺวา เอตฺถ อาทีนวํ กเถตฺวา สกลชมฺพุทีปวาสิเก เอตํ กมฺมํ ชหาเปสุํ. อิทานิ ปน ภวสงฺเขปคตตฺตา ปุน ปาตุภูต’’นฺติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต เอโก ติณฺณํ เวทานํ ปารคู ทิสาปาโมกฺโข อาจริยพฺราหฺมโณ ‘‘มตกภตฺตํ ทสฺสามี’’ติ เอกํ เอฬกํ คาหาเปตฺวา อนฺเตวาสิเก อาห – ‘‘ตาตา, อิมํ เอฬกํ นทึ เนตฺวา นฺหาเปตฺวา กณฺเ มาลํ ปริกฺขิปิตฺวา ปฺจงฺคุลิกํ ทตฺวา มณฺเฑตฺวา อาเนถา’’ติ. เต ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา ตํ อาทาย นทึ คนฺตฺวา นฺหาเปตฺวา มณฺเฑตฺวา นทีตีเร เปสุํ. โส เอฬโก อตฺตโน ปุพฺพกมฺมํ ทิสฺวา ‘‘เอวรูปา นาม ทุกฺขา อชฺช มุจฺจิสฺสามี’’ติ โสมนสฺสชาโต มตฺติกาฆฏํ ภินฺทนฺโต วิย มหาหสิตํ หสิตฺวา ปุน ‘‘อยํ พฺราหฺมโณ มํ ฆาเตตฺวา มยา ลทฺธทุกฺขํ ลภิสฺสตี’’ติ พฺราหฺมเณ การุฺํ อุปฺปาเทตฺวา มหนฺเตน สทฺเทน ปโรทิ.

อถ นํ เต มาณวา ปุจฺฉึสุ ‘‘สมฺม เอฬก, ตฺวํ มหาสทฺเทน หสิ เจว โรทิ จ, เกน นุ โข การเณน หสิ, เกน การเณน ปโรที’’ติ? ‘‘ตุมฺเห มํ อิมํ การณํ อตฺตโน อาจริยสฺส สนฺติเก ปุจฺเฉยฺยาถา’’ติ. เต ตํ อาทาย คนฺตฺวา อิทํ การณํ อาจริยสฺส อาโรเจสุํ. อาจริโย เตสํ วจนํ สุตฺวา เอฬกํ ปุจฺฉิ ‘‘กสฺมา ตฺวํ เอฬก, หสิ, กสฺมา โรที’’ติ? เอฬโก อตฺตนา กตกมฺมํ ชาติสฺสราเณน อนุสฺสริตฺวา พฺราหฺมณสฺส กเถสิ ‘‘อหํ, พฺราหฺมณ, ปุพฺเพ ตาทิโสว มนฺตชฺฌายกพฺราหฺมโณ หุตฺวา ‘มตกภตฺตํ ทสฺสามี’ติ เอกํ เอฬกํ มาเรตฺวา มตกภตฺตํ อทาสึ, สฺวาหํ เอกสฺส เอฬกสฺส ฆาติตตฺตา เอเกนูเนสุ ปฺจสุ อตฺตภาวสเตสุ สีสจฺเฉทํ ปาปุณึ, อยํ เม โกฏิยํ ิโต ปฺจสติโม อตฺตภาโว, สฺวาหํ ‘อชฺช เอวรูปา ทุกฺขา มุจฺจิสฺสามี’ติ โสมนสฺสชาโต อิมินา การเณน หสึ. โรทนฺโต ปน ‘อหํ ตาว เอกํ เอฬกํ มาเรตฺวา ปฺจ ชาติสตานิ สีสจฺเฉททุกฺขํ ปตฺวา อชฺช ตมฺหา ทุกฺขา มุจฺจิสฺสามิ, อยํ ปน พฺราหฺมโณ มํ มาเรตฺวา อหํ วิย ปฺจ ชาติสตานิ สีสจฺเฉททุกฺขํ ลภิสฺสตี’ติ ตยิ การุฺเน โรทิ’’นฺติ. ‘‘เอฬก, มา ภายิ, นาหํ ตํ มาเรสฺสามี’’ติ. ‘‘พฺราหฺมณ, กึ วเทสิ, ตยิ มาเรนฺเตปิ อมาเรนฺเตปิ น สกฺกา อชฺช มยา มรณา มุจฺจิตุ’’นฺติ. ‘‘เอฬก, มา ภายิ, อหํ เต อารกฺขํ คเหตฺวา ตยา สทฺธึเยว วิจริสฺสามี’’ติ. ‘‘พฺราหฺมณ, อปฺปมตฺตโก ตว อารกฺโข, มยา กตปาปํ ปน มหนฺตํ พลว’’นฺติ.

พฺราหฺมโณ เอฬกํ มุฺจิตฺวา ‘‘อิมํ เอฬกํ กสฺสจิปิ มาเรตุํ น ทสฺสามี’’ติ อนฺเตวาสิเก อาทาย เอฬเกเนว สทฺธึ วิจริ. เอฬโก วิสฺสฏฺมตฺโตว เอกํ ปาสาณปิฏฺึ นิสฺสาย ชาตคุมฺเพ คีวํ อุกฺขิปิตฺวา ปณฺณานิ ขาทิตุํ อารทฺโธ. ตงฺขณฺเว ตสฺมึ ปาสาณปิฏฺเ อสนิ ปติ, ตโต เอกา ปาสาณสกลิกา ฉิชฺชิตฺวา เอฬกสฺส ปสาริตคีวาย ปติตฺวา สีสํ ฉินฺทิ, มหาชโน สนฺนิปติ. ตทา โพธิสตฺโต ตสฺมึ าเน รุกฺขเทวตา หุตฺวา นิพฺพตฺโต. โส ปสฺสนฺตสฺเสว ตสฺส มหาชนสฺส เทวตานุภาเวน อากาเส ปลฺลงฺเกน นิสีทิตฺวา ‘‘อิเม สตฺตา เอวํ ปาปสฺส ผลํ ชานมานา อปฺเปวนาม ปาณาติปาตํ น กเรยฺยุ’’นฺติ มธุรสฺสเรน ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๑๘.

‘‘เอวํ เจ สตฺตา ชาเนยฺยุํ, ทุกฺขายํ ชาติสมฺภโว;

น ปาโณ ปาณินํ หฺเ, ปาณฆาตี หิ โสจตี’’ติ.

ตตฺถ เอวํ เจ สตฺตา ชาเนยฺยุนฺติ อิเม สตฺตา เอวํ เจ ชาเนยฺยุํ. กถํ? ทุกฺขายํ ชาติสมฺภโวติ อยํ ตตฺถ ตตฺถ ชาติ จ ชาตสฺส อนุกฺกเมน วฑฺฒิสงฺขาโต สมฺภโว จ ชราพฺยาธิมรณอปฺปิยสมฺปโยคปิยวิปฺปโยคหตฺถปาทจฺเฉทาทีนํ ทุกฺขานํ วตฺถุภูตตฺตา ‘‘ทุกฺโข’’ติ ยทิ ชาเนยฺยุํ. น ปาโณ ปาณินํ หฺเติ ‘‘ปรํ วธนฺโต ชาติสมฺภเว วธํ ลภติ, ปีเฬนฺโต ปีฬํ ลภตี’’ติ ชาติสมฺภวสฺส ทุกฺขวตฺถุตาย ทุกฺขภาวํ ชานนฺโต โกจิ ปาโณ อฺํ ปาณินํ น หฺเ, สตฺโต สตฺตํ น หเนยฺยาติ อตฺโถ. กึการณา? ปาณฆาตี หิ โสจตีติ, ยสฺมา สาหตฺถิกาทีสุ ฉสุ ปโยเคสุ เยน เกนจิ ปโยเคน ปรสฺส ชีวิตินฺทฺริยุปจฺเฉทเนน ปาณฆาตี ปุคฺคโล อฏฺสุ มหานิรเยสุ โสฬสสุ อุสฺสทนิรเยสุ นานปฺปการาย ติรจฺฉานโยนิยา เปตฺติวิสเย อสุรกาเยติ อิเมสุ จตูสุ อปาเยสุ มหาทุกฺขํ อนุภวมาโน ทีฆรตฺตํ อนฺโตนิชฺฌายนลกฺขเณน โสเกน โสจติ. ยถา วายํ เอฬโก มรณภเยน โสจติ, เอวํ ทีฆรตฺตํ โสจตีติปิ ตฺวา น ปาโณ ปาณินํ หฺเ, โกจิ ปาณาติปาตกมฺมํ นาม น กเรยฺย. โมเหน ปน มูฬฺหา อวิชฺชาย อนฺธีกตา อิมํ อาทีนวํ อปสฺสนฺตา ปาณาติปาตํ กโรนฺตีติ.

เอวํ มหาสตฺโต นิรยภเยน ตชฺเชตฺวา ธมฺมํ เทเสสิ. มนุสฺสา ตํ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา นิรยภยภีตา ปาณาติปาตา วิรมึสุ. โพธิสตฺโตปิ ธมฺมํ เทเสตฺวา มหาชนํ สีเล ปติฏฺาเปตฺวา ยถากมฺมํ คโต, มหาชโนปิ โพธิสตฺตสฺส โอวาเท ตฺวา ทานาทีนิ ปุฺานิ กตฺวา เทวนครํ ปูเรสิ. สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ ‘‘อหํ เตน สมเยน รุกฺขเทวตา อโหสิ’’นฺติ.

มตกภตฺตชาตกวณฺณนา อฏฺมา.

[๑๙] ๙. อายาจิตภตฺตชาตกวณฺณนา

สเจ มุจฺเจ เปจฺจ มุจฺเจติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เทวตานํ อายาจนพลิกมฺมํ อารพฺภ กเถสิ. ตทา กิร มนุสฺสา วณิชฺชาย คจฺฉนฺตา ปาเณ วธิตฺวา เทวตานํ พลิกมฺมํ กตฺวา ‘‘มยํ อนนฺตราเยน อตฺถสิทฺธึ ปตฺวา อาคนฺตฺวา ปุน ตุมฺหากํ พลิกมฺมํ กริสฺสามา’’ติ อายาจิตฺวา คจฺฉนฺติ. ตตฺถานนฺตราเยน อตฺถสิทฺธึ ปตฺวา อาคตา ‘‘เทวตานุภาเวน อิทํ ชาต’’นฺติ มฺมานา พหู ปาเณ วธิตฺวา อายาจนโต มุจฺจิตุํ พลิกมฺมํ กโรนฺติ, ตํ ทิสฺวา ภิกฺขู ‘‘อตฺถิ นุ โข, ภนฺเต, เอตฺถ อตฺโถ’’ติ ภควนฺตํ ปุจฺฉึสุ. ภควา อตีตํ อาหริ.

อตีเต กาสิรฏฺเ เอกสฺมึ คามเก กุฏุมฺพิโก คามทฺวาเร ิตนิคฺโรธรุกฺเข เทวตาย พลิกมฺมํ ปฏิชานิตฺวา อนนฺตราเยน อาคนฺตฺวา พหู ปาเณ วธิตฺวา ‘‘อายาจนโต มุจฺจิสฺสามี’’ติ รุกฺขมูลํ คโต. รุกฺขเทวตา ขนฺธวิฏเป ตฺวา อิมํ คาถมาห –

๑๙.

‘‘สเจ มุจฺเจ เปจฺจ มุจฺเจ, มุจฺจมาโน หิ พชฺฌติ;

น เหวํ ธีรา มุจฺจนฺติ, มุตฺติ พาลสฺส พนฺธน’’นฺติ.

ตตฺถ สเจ มุจฺเจ เปจฺจ มุจฺเจติ โภ ปุริส, ตฺวํ สเจ มุจฺเจ ยทิ มุจฺจิตุกาโมสิ. เปจฺจ มุจฺเจติ ยถา ปรโลเก น พชฺฌสิ, เอวํ มุจฺจาหิ. มุจฺจมาโน หิ พชฺฌตีติ ยถา ปน ตฺวํ ปาณํ วธิตฺวา มุจฺจิตุํ อิจฺฉสิ, เอวํ มุจฺจมาโน หิ ปาปกมฺเมน พชฺฌติ. ตสฺมา น เหวํ ธีรา มุจฺจนฺตีติ เย ปณฺฑิตปุริสา, เต เอวํ ปฏิสฺสวโต น มุจฺจนฺติ. กึการณา? เอวรูปา หิ มุตฺติ พาลสฺส พนฺธนํ, เอสา ปาณาติปาตํ กตฺวา มุตฺติ นาม พาลสฺส พนฺธนเมว โหตีติ ธมฺมํ เทเสสิ. ตโต ปฏฺาย มนุสฺสา เอวรูปา ปาณาติปาตกมฺมา วิรตา ธมฺมํ จริตฺวา เทวนครํ ปูรยึสุ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ ‘‘อหํ เตน สมเยน รุกฺขเทวตา อโหสิ’’นฺติ.

อายาจิตภตฺตชาตกวณฺณนา นวมา.

[๒๐] ๑๐. นฬปานชาตกวณฺณนา

ทิสฺวา ปทมนุตฺติณฺณนฺติ อิทํ สตฺถา โกสเลสุ จาริกํ จรมาโน นฬกปานคามํ ปตฺวา นฬกปานโปกฺขรณิยํ เกตกวเน วิหรนฺโต นฬทณฺฑเก อารพฺภ กเถสิ. ตทา กิร ภิกฺขู นฬกปานโปกฺขรณิยํ นฺหตฺวา สูจิฆรตฺถาย สามเณเรหิ นฬทณฺฑเก คาหาเปตฺวา เต สพฺพตฺถกเมว ฉิทฺเท ทิสฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ภนฺเต, มยํ สูจิฆรตฺถาย นฬทณฺฑเก คณฺหาเปม, เต มูลโต ยาว อคฺคา สพฺพตฺถกเมว ฉิทฺทา, กึ นุ โข เอต’’นฺติ ปุจฺฉึสุ. สตฺถา ‘‘อิทํ, ภิกฺขเว, มยฺหํ โปราณกอธิฏฺาน’’นฺติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

ปุพฺเพ กิร โส วนสณฺโฑ อรฺโ อโหสิ. ตสฺสาปิ โปกฺขรณิยา เอโก ทกรกฺขโส โอติณฺโณติณฺเณ ขาทติ. ตทา โพธิสตฺโต โรหิตมิคโปตกปฺปมาโณ กปิราชา หุตฺวา อสีติสหสฺสมตฺตวานรปริวุโต ยูถํ ปริหรนฺโต ตสฺมึ อรฺเ วสติ. โส วานรคณสฺส โอวาทํ อทาสิ ‘‘ตาตา, อิมสฺมึ อรฺเ วิสรุกฺขาปิ อมนุสฺสปริคฺคหิตโปกฺขรณิโยปิ โหนฺติ, ตุมฺเห อขาทิตปุพฺพํ ผลาผลํ ขาทนฺตา วา อปีตปุพฺพํ ปานียํ ปิวนฺตา วา มํ ปฏิปุจฺเฉยฺยาถา’’ติ. เต ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา เอกทิวสํ อคตปุพฺพฏฺานํ คตา ตตฺถ พหุเทว ทิวสํ จริตฺวา ปานียํ คเวสมานา เอกํ โปกฺขรณึ ทิสฺวา ปานียํ อปิวิตฺวาว โพธิสตฺตสฺสาคมนํ โอโลกยมานา นิสีทึสุ. โพธิสตฺโต อาคนฺตฺวา ‘‘กึ ตาตา, ปานียํ น ปิวถา’’ติ อาห. ‘‘ตุมฺหากํ อาคมนํ โอโลเกมา’’ติ. ‘‘สุฏฺุ, ตาตา’’ติ โพธิสตฺโต โปกฺขรณึ อาวิชฺฌิตฺวา ปทํ ปริจฺฉินฺทนฺโต โอติณฺณเมว ปสฺสิ, น อุตฺติณฺณํ. โส ‘‘นิสฺสํสยํ เอสา อมนุสฺสปริคฺคหิตา’’ติ ตฺวา ‘‘สุฏฺุ โว กตํ, ตาตา, ปานียํ อปิวนฺเตหิ, อมนุสฺสปริคฺคหิตา อย’’นฺติ อาห.

ทกรกฺขโสปิ เตสํ อโนตรณภาวํ ตฺวา นีโลทโร ปณฺฑรมุโข สุรตฺตหตฺถปาโท พีภจฺฉทสฺสโน หุตฺวา อุทกํ ทฺวิธา กตฺวา นิกฺขมิตฺวา ‘‘กสฺมา นิสินฺนาตฺถ, โอตริตฺวา ปานียํ ปิวถา’’ติ อาห. อถ นํ โพธิสตฺโต ปุจฺฉิ ‘‘ตฺวํ อิธ นิพฺพตฺตทกรกฺขโสสี’’ติ? ‘‘อาม, อห’’นฺติ. ‘‘ตฺวํ โปกฺขรณึ โอติณฺณเก ลภสี’’ติ? ‘‘อาม, ลภามิ, อหํ อิโธติณฺณํ อนฺตมโส สกุณิกํ อุปาทาย น กิฺจิ มุฺจามิ, ตุมฺเหปิ สพฺเพ ขาทิสฺสามี’’ติ. ‘‘น มยํ อตฺตานํ ตุยฺหํ ขาทิตุํ ทสฺสามา’’ติ. ‘‘ปานียํ ปน ปิวิสฺสถา’’ติ. ‘‘อาม, ปานียํ ปิวิสฺสาม, น จ เต วสํ คมิสฺสามา’’ติ. ‘‘อถ กถํ ปานียํ ปิวิสฺสถา’’ติ? กึ ปน ตฺวํ มฺสิ ‘‘โอตริตฺวา ปิวิสฺสนฺตี’’ติ. ‘‘มยฺหิ อโนตริตฺวา อสีติสหสฺสานิปิ เอกเมกํ นฬทณฺฑกํ คเหตฺวา อุปฺปลนาเฬน อุทกํ ปิวนฺตา วิย ตว โปกฺขรณิยา ปานียํ ปิวิสฺสาม, เอวํ โน ตฺวํ ขาทิตุํ น สกฺขิสฺสสี’’ติ. เอตมตฺถํ วิทิตฺวา สตฺถา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา อิมิสฺสา คาถาย ปุริมปททฺวยํ อภาสิ –

๒๐.

‘‘ทิสฺวา ปทมนุตฺติณฺณํ, ทิสฺวาโนตริตํ ปท’’นฺติ.

ตสฺสตฺโถ – ภิกฺขเว, โส กปิราชา ตสฺสา โปกฺขรณิยา เอกมฺปิ อุตฺติณฺณปทํ นาทฺทส, โอตริตํ ปน โอติณฺณปทเมว อทฺทส. เอวํ ทิสฺวา ปทํ อนุตฺติณฺณํ ทิสฺวาน โอตริตํ ปทํ ‘‘อทฺธายํ โปกฺขรณี อมนุสฺสปริคฺคหิตา’’ติ ตฺวา เตน สทฺธึ สลฺลปนฺโต สปริโส อาห –

‘‘นเฬน วารึ ปิสฺสามา’’ติ;

ตสฺสตฺโถ – มยํ ตว โปกฺขรณิยํ นเฬน ปานียํ ปิวิสฺสามาติ. ปุน มหาสตฺโต อาห –

‘‘เนว มํ ตฺวํ วธิสฺสสี’’ติ;

เอวํ นเฬน ปานียํ ปิวนฺตํ สปริสมฺปิ มํ ตฺวํ เนว วธิสฺสสีติ อตฺโถ.

เอวฺจ ปน วตฺวา โพธิสตฺโต เอกํ นฬทณฺฑกํ อาหราเปตฺวา ปารมิโย อาวชฺเชตฺวา สจฺจกิริยํ กตฺวา มุเขน ธมิ, นโฬ อนฺโต กิฺจิ คณฺึ อเสเสตฺวา สพฺพตฺถกเมว สุสิโร อโหสิ. อิมินา นิยาเมน อปรมฺปิ อปรมฺปิ อาหราเปตฺวา มุเขน ธมิตฺวา อทาสิ. เอวํ สนฺเตปิ น สกฺกา นิฏฺาเปตุํ, ตสฺมา เอวํ น คเหตพฺพํ. โพธิสตฺโต ปน ‘‘อิมํ โปกฺขรณึ ปริวาเรตฺวา ชาตา สพฺเพปิ นฬา เอกจฺฉิทฺทา โหนฺตู’’ติ อธิฏฺาสิ. โพธิสตฺตานฺหิ หิตูปจารสฺส มหนฺตตาย อธิฏฺานํ สมิชฺฌติ. ตโต ปฏฺาย สพฺเพปิ ตํ โปกฺขรณึ ปริวาเรตฺวา อุฏฺิตนฬา เอกจฺฉิทฺทา ชาตา. อิมสฺมิฺหิ กปฺเป จตฺตาริ กปฺปฏฺิยปาฏิหาริยานิ นาม. กตมานิ จตฺตาริ? จนฺเท สสลกฺขณํ สกลมฺปิ อิมํ กปฺปํ สฺสติ, วฏฺฏกชาตเก อคฺคิโน นิพฺพุตฏฺานํ สกลมฺปิ อิมํ กปฺปํ อคฺคิ น ฌายิสฺสติ, ฆฏีการนิเวสนฏฺานํ สกลมฺปิ อิมํ กปฺปํ อโนวสฺสกํ สฺสติ, อิมํ โปกฺขรณึ ปริวาเรตฺวา อุฏฺิตนฬา สกลมฺปิ อิมํ กปฺปํ เอกจฺฉิทฺทา ภวิสฺสนฺตีติ อิมานิ จตฺตาริ กปฺปฏฺิยปาฏิหาริยานิ นาม.

โพธิสตฺโต เอวํ อธิฏฺหิตฺวา เอกํ นฬํ อาทาย นิสีทิ. เตปิ อสีติสหสฺสวานรา เอเกกํ อาทาย โปกฺขรณึ ปริวาเรตฺวา นิสีทึสุ. เตปิ โพธิสตฺตสฺส นเฬน อากฑฺฒิตฺวา ปานียํ ปิวนกาเล สพฺเพ ตีเร นิสินฺนาว ปิวึสุ. เอวํ เตหิ ปานีเย ปิวิเต ทกรกฺขโส กิฺจิ อลภิตฺวา อนตฺตมโน สกนิเวสนเมว คโต. โพธิสตฺโตปิ สปริวาโร อรฺเมว ปาวิสิ.

สตฺถา ปน ‘‘อิเมสํ, ภิกฺขเว, นฬานํ เอกจฺฉิทฺทภาโว นาม มยฺหเมเวตํ โปราณกอธิฏฺาน’’นฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ทกรกฺขโส เทวทตฺโต อโหสิ, อสีติสหสฺสวานรา พุทฺธปริสา, อุปายกุสโล ปน กปิราชา อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

นฬปานชาตกวณฺณนา ทสมา.

สีลวคฺโค ทุติโย.

ตสฺสุทฺทานํ –

นิคฺโรธํ ลกฺขณํ กณฺฑิ, วาตมิคํ ขราทิยํ;

ติปลฺลตฺถํ มาลุตฺจ, มตภตฺต อยาจิตํ;

นฬปานนฺติ เต ทสาติ.

๓. กุรุงฺควคฺโค

[๒๑] ๑. กุรุงฺคมิคชาตกวณฺณนา

าตเมตํ กุรุงฺคสฺสาติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เทวทตฺตํ อารพฺภ กเถสิ. เอกสฺมิฺหิ สมเย ธมฺมสภายํ สนฺนิปติตา ภิกฺขู ‘‘อาวุโส เทวทตฺโต ตถาคตสฺส ฆาตนตฺถาย ธนุคฺคเห ปโยเชสิ, สิลํ ปวิชฺฌิ, ธนปาลํ วิสฺสชฺเชสิ, สพฺพถาปิ ทสพลสฺส วธาย ปริสกฺกตี’’ติ เทวทตฺตสฺส อวณฺณํ กเถนฺตา นิสีทึสุ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ปฺตฺตาสเน นิสินฺโน ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิ. ภนฺเต, เทวทตฺโต ตุมฺหากํ วธาย ปริสกฺกตีติ ตสฺส อคุณกถาย สนฺนิสินฺนามฺหาติ. สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, เทวทตฺโต อิทาเนว มม วธาย ปริสกฺกติ, ปุพฺเพปิ มม วธาย ปริสกฺกิเยว, น จ ปน มํ วธิตุํ อสกฺขี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต กุรุงฺคมิโค หุตฺวา เอกสฺมึ อรฺายตเน ผลานิ ขาทนฺโต วสติ. โส เอกสฺมึ กาเล ผลสมฺปนฺเน เสปณฺณิรุกฺเข เสปณฺณิผลานิ ขาทติ. อเถโก คามวาสี อฏฺฏกลุทฺทโก ผลรุกฺขมูเลสุ มิคานํ ปทานิ อุปธาเรตฺวา อุปริรุกฺเข อฏฺฏกํ พนฺธิตฺวา ตตฺถ นิสีทิตฺวา ผลานิ ขาทิตุํ อาคตาคเต มิเค สตฺติยา วิชฺฌิตฺวา เตสํ มํสํ วิกฺกิณนฺโต ชีวิกํ กปฺเปติ. โส เอกทิวสํ ตสฺมึ รุกฺขมูเล โพธิสตฺตสฺส ปทวฬฺชํ ทิสฺวา ตสฺมึ เสปณฺณิรุกฺเข อฏฺฏกํ พนฺธิตฺวา ปาโตว ภุฺชิตฺวา สตฺตึ อาทาย วนํ ปวิสิตฺวา ตํ รุกฺขํ อารุหิตฺวา อฏฺฏเก นิสีทิ. โพธิสตฺโตปิ ปาโตว วสนฏฺานา นิกฺขมิตฺวา ‘‘เสปณฺณิผลานิ ขาทิสฺสามี’’ติ อาคมฺม ตํ รุกฺขมูลํ สหสาว อปวิสิตฺวา ‘‘กทาจิ อฏฺฏกลุทฺทกา รุกฺเขสุ อฏฺฏกํ พนฺธนฺติ, อตฺถิ นุ โข เอวรูโป อุปทฺทโว’’ติ ปริคฺคณฺหนฺโต พาหิรโตว อฏฺาสิ.

ลุทฺทโกปิ โพธิสตฺตสฺส อนาคมนภาวํ ตฺวา อฏฺฏเก นิสินฺโนว เสปณฺณิผลานิ ขิปิตฺวา ขิปิตฺวา ตสฺส ปุรโต ปาเตสิ. โพธิสตฺโต ‘‘อิมานิ ผลานิ อาคนฺตฺวา มยฺหํ ปุรโต ปตนฺติ, อตฺถิ นุ โข อุปริ ลุทฺทโก’’ติ ปุนปฺปุนํ อุลฺโลเกนฺโต ลุทฺทกํ ทิสฺวา อปสฺสนฺโต วิย หุตฺวา ‘‘อมฺโภ, รุกฺข-ปุพฺเพ ตฺวํ โอลมฺพกํ จาเรนฺโต วิย อุชุกเมว ผลานิ ปาเตสิ, อชฺช ปน เต รุกฺขธมฺโม ปริจฺจตฺโต, เอวํ ตยา รุกฺขธมฺเม ปริจฺจตฺเต อหมฺปิ อฺํ รุกฺขมูลํ อุปสงฺกมิตฺวา มยฺหํ อาหารํ ปริเยสิสฺสามี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๒๑.

‘‘าตเมตํ กุรุงฺคสฺส, ยํ ตฺวํ เสปณฺณิ เสยฺยสิ;

อฺํ เสปณฺณิ คจฺฉามิ, น เม เต รุจฺจเต ผล’’นฺติ.

ตตฺถ าตนฺติ ปากฏํ ชาตํ. เอตนฺติ อิทํ. กุรุงฺคสฺสาติ กุรุงฺคมิคสฺส. ยํ ตฺวํ เสปณฺณิ เสยฺยสีติ ยํ ตฺวํ อมฺโภ เสปณฺณิรุกฺข ปุรโต ผลานิ ปาตยมาโน เสยฺยสิ วิเสยฺยสิ วิสิณฺณผโล โหสิ, ตํ สพฺพํ กุรุงฺคมิคสฺส ปากฏํ ชาตํ. น เม เต รุจฺจเต ผลนฺติ เอวํ ผลํ ททมานาย น เม ตว ผลํ รุจฺจติ, ติฏฺ ตฺวํ, อหํ อฺตฺถ คจฺฉิสฺสามีติ อคมาสิ.

อถสฺส ลุทฺทโก อฏฺฏเก นิสินฺโนว สตฺตึ ขิปิตฺวา ‘‘คจฺฉ, วิรทฺโธ ทานิมฺหิ ต’’นฺติ อาห. โพธิสตฺโต นิวตฺติตฺวา ิโต อาห ‘‘อมฺโภ ปุริส, อิทานีสิ กิฺจาปิ มํ วิรทฺโธ, อฏฺ ปน มหานิรเย โสฬสอุสฺสทนิรเย ปฺจวิธพนฺธนาทีนิ จ กมฺมการณานิ อวิรทฺโธเยวาสี’’ติ. เอวฺจ ปน วตฺวา ปลายิตฺวา ยถารุจึ คโต, ลุทฺโทปิ โอตริตฺวา ยถารุจึ คโต.

สตฺถาปิ ‘‘น, ภิกฺขเว, เทวทตฺโต อิทาเนว มม วธาย ปริสกฺกติ, ปุพฺเพปิ ปริสกฺกิเยว, น จ ปน มํ วธิตุํ อสกฺขี’’ติ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา อฏฺฏกลุทฺทโก เทวทตฺโต อโหสิ, กุรุงฺคมิโค ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

กุรุงฺคมิคชาตกวณฺณนา ปมา.

[๒๒] ๒. กุกฺกุรชาตกวณฺณนา

เย กุกฺกุราติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต าตตฺถจริยํ อารพฺภ กเถสิ. สา ทฺวาทสกนิปาเต ภทฺทสาลชาตเก อาวิภวิสฺสติ. อิทํ ปน วตฺถุํ ปติฏฺเปตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตถารูปํ กมฺมํ ปฏิจฺจ กุกฺกุรโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา อเนกสตกุกฺกุรปริวุโต มหาสุสาเน วสติ. อเถกทิวสํ ราชา เสตสินฺธวยุตฺตํ สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิตํ รถํ อารุยฺห อุยฺยานํ คนฺตฺวา ตตฺถ ทิวสภาคํ กีฬิตฺวา อตฺถงฺคเต สูริเย นครํ ปาวิสิ. ตสฺส ตํ รถวรตฺตํ ยถานทฺธเมว ราชงฺคเณ ปยึสุ, โส รตฺติภาเค เทเว วสฺสนฺเต ตินฺโต. อุปริปาสาทโต โกเลยฺยกสุนขา โอตริตฺวา ตสฺส จมฺมฺจ นทฺธิฺจ ขาทึสุ. ปุนทิวเส รฺโ อาโรเจสุํ ‘‘เทว, นิทฺธมนมุเขน สุนขา ปวิสิตฺวา รถสฺส จมฺมฺจ นทฺธิฺจ ขาทึสู’’ติ. ราชา สุนขานํ กุชฺฌิตฺวา ‘‘ทิฏฺทิฏฺฏฺาเน สุนเข ฆาเตถา’’ติ อาห. ตโต ปฏฺาย สุนขานํ มหาพฺยสนํ อุทปาทิ. เต ทิฏฺิทิฏฺฏฺาเน ฆาติยมานา ปลายิตฺวา สุสานํ คนฺตฺวา โพธิสตฺตสฺส สนฺติกํ อคมํสุ.

โพธิสตฺโต ‘ตุมฺเห พหู สนฺนิปติตา, กึ นุ โข การณ’’นฺติ ปุจฺฉิ. เต ‘‘อนฺเตปุเร กิร รถสฺส จมฺมฺจ นทฺธิ จ สุนเขหิ ขาทิตา’ติ กุทฺโธ ราชา สุนขวธํ อาณาเปสิ, พหู สุนขา วินสฺสนฺติ, มหาภยํ อุปฺปนฺน’’นฺติ อาหํสุ. โพธิสตฺโต จินฺเตสิ ‘‘อารกฺขฏฺาเน พหิ สุนขานํ โอกาโส นตฺถิ, อนฺโตราชนิเวสเน โกเลยฺยกสุนขานเมว ตํ กมฺมํ ภวิสฺสติ. อิทานิ ปน โจรานํ กิฺจิ ภยํ นตฺถิ, อโจรา มรณํ ลภนฺติ, ยํนูนาหํ โจเร รฺโ ทสฺเสตฺวา าติสงฺฆสฺส ชีวิตทานํ ทเทยฺย’’นฺติ. โส าตเก สมสฺสาเสตฺวา ‘‘ตุมฺเห มา ภายิตฺถ, อหํ โว อภยํ อาหริสฺสามิ, ยาว ราชานํ ปสฺสามิ, ตาว อิเธว โหถา’’ติ ปารมิโย อาวชฺเชตฺวา เมตฺตาภาวนํ ปุเรจาริกํ กตฺวา ‘‘มยฺหํ อุปริ เลฑฺฑุํ วา มุคฺครํ วา มา โกจิ ขิปิตุํ อุสฺสหี’’ติ อธิฏฺาย เอกโกว อนฺโตนครํ ปาวิสิ. อถ นํ ทิสฺวา เอกสตฺโตปิ กุชฺฌิตฺวา โอโลเกนฺโต นาม นาโหสิ. ราชาปิ สุนขวธํ อาณาเปตฺวา สยํ วินิจฺฉเย นิสินฺโน โหติ. โพธิสตฺโต ตตฺเถว คนฺตฺวา ปกฺขนฺทิตฺวา รฺโ อาสนสฺส เหฏฺา ปาวิสิ. อถ นํ ราชปุริสา นีหริตุํ อารทฺธา, ราชา ปน วาเรสิ.

โส โถกํ วิสฺสมิตฺวา เหฏฺาสนา นิกฺขมิตฺวา ราชานํ วนฺทิตฺวา ‘‘เทว, ตุมฺเห กุกฺกุเร มาราเปถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, มาราเปมห’’นฺติ. ‘‘โก เนสํ อปราโธ นรินฺทา’’ติ? ‘‘รถสฺส เม ปริวารจมฺมฺจ นทฺธิฺจ ขาทึสู’’ติ. ‘‘เย ขาทึสุ, เต ชานาถา’’ติ? ‘‘น ชานามา’’ติ. ‘‘‘อิเม นาม จมฺมขาทกโจรา’ติ ตถโต อชานิตฺวา ทิฏฺทิฏฺฏฺาเนเยว มาราปนํ น ยุตฺตํ, เทวา’’ติ. ‘‘รถจมฺมสฺส กุกฺกุเรหิ ขาทิตตฺตา ‘ทิฏฺทิฏฺเ สพฺเพว มาเรถา’ติ สุนขวธํ อาณาเปสิ’’นฺติ. ‘‘กึ ปน โว มนุสฺสา สพฺเพว กุกฺกุเร มาเรนฺติ, อุทาหุ มรณํ อลภนฺตาปิ อตฺถี’’ติ? ‘‘อตฺถิ, อมฺหากํ ฆเร โกเลยฺยกา มรณํ น ลภนฺตี’’ติ. มหาราช อิทาเนว ตุมฺเห ‘‘รถจมฺมสฺส กุกฺกุเรหิ ขาทิตตฺตา ‘ทิฏฺทิฏฺเ สพฺเพว มาเรถา’ติ สุนขวธํ อาณาเปสิ’’นฺติ อโวจุตฺถ, อิทานิ ปน ‘‘อมฺหากํ ฆเร โกเลยฺยกา มรณํ น ลภนฺตี’’ติ วเทถ. ‘‘นนุ เอวํ สนฺเต ตุมฺเห ฉนฺทาทิวเสน อคติคมนํ คจฺฉถ, อคติคมนฺจ นาม น ยุตฺตํ, น จ ราชธมฺโม, รฺา นาม การณคเวสเกน ตุลาสทิเสน ภวิตุํ วฏฺฏติ, อิทานิ จ โกเลยฺยกา มรณํ น ลภนฺติ, ทุพฺพลสุนขาว ลภนฺติ, เอวํ สนฺเต นายํ สพฺพสุนขฆจฺจา, ทุพฺพลฆาติกา นาเมสา’’ติ. เอวฺจ ปน วตฺวา มหาสตฺโต มธุรสฺสรํ นิจฺฉาเรตฺวา ‘‘มหาราช, ยํ ตุมฺเห กโรถ, นายํ ธมฺโม’’ติ รฺโ ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๒๒.

‘‘เย กุกฺกุรา ราชกุลมฺหิ วทฺธา, โกเลยฺยกา วณฺณพลูปปนฺนา;

เตเม น วชฺฌา มยมสฺม วชฺฌา, นายํ สฆจฺจา ทุพฺพลฆาติกาย’’นฺติ.

ตตฺถ เย กุกฺกุราติ เย สุนขา. ยถา หิ ธารุณฺโหปิ ปสฺสาโว ‘‘ปูติมุตฺต’’นฺติ, ตทหุชาโตปิ สิงฺคาโล ‘‘ชรสิงฺคาโล’’ติ, โกมลาปิ คโลจิลตา ‘‘ปูติลตา’’ติ, สุวณฺณวณฺโณปิ กาโย ‘‘ปูติกาโย’’ติ วุจฺจติ, เอวเมวํ วสฺสสติโกปิ สุนโข ‘‘กุกฺกุโร’’ติ วุจฺจติ. ตสฺมา มหลฺลกา กายพลูปปนฺนาปิ เต ‘‘กุกฺกุรา’’ตฺเวว วุตฺตา. วทฺธาติ วฑฺฒิตา. โกเลยฺยกาติ ราชกุเล ชาตา สมฺภูตา สํวฑฺฒา. วณฺณพลูปปนฺนาติ สรีรวณฺเณน เจว กายพเลน จ สมฺปนฺนา. เตเม น วชฺฌาติ เต อิเม สสฺสามิกา สารกฺขา น วชฺฌา. มยมสฺม วชฺฌาติ อสฺสามิกา อนารกฺขา มยํ วชฺฌา นาม ชาตา. นายํ สฆจฺจาติ เอวํ สนฺเต อยํ อวิเสเสน สฆจฺจา นาม น โหติ. ทุพฺพลฆาติกายนฺติ อยํ ปน ทุพฺพลานํเยว ฆาตนโต ทุพฺพลฆาติกา นาม โหติ. ราชูหิ นาม โจรา นิคฺคณฺหิตพฺพา, โน อโจรา. อิธ ปน โจรานํ กิฺจิ ภยํ นตฺถิ, อโจรา มรณํ ลภนฺติ. อโห อิมสฺมึ โลเก อยุตฺตํ วตฺตติ, อโห อธมฺโม วตฺตตีติ.

ราชา โพธิสตฺตสฺส วจรํ สุตฺวา อาห – ‘‘ชานาสิ ตฺวํ, ปณฺฑิต, อสุเกหิ นาม รถจมฺมํ ขาทิต’’นฺติ? ‘‘อาม, ชานามี’’ติ. ‘‘เกหิ ขาทิต’’นฺติ? ‘‘ตุมฺหากํ เคเห วสนเกหิ โกเลยฺยกสุนเขหี’’ติ. ‘‘กถํ เตหิ ขาทิตภาโว ชานิตพฺโพ’’ติ? ‘‘อหํ เตหิ ขาทิตภาวํ ทสฺเสสามี’’ติ. ‘‘ทสฺเสหิ ปณฺฑิตา’’ติ. ‘‘ตุมฺหากํ ฆเร โกเลยฺยกสุนเข อาหราเปตฺวา โถกํ ตกฺกฺจ ทพฺพติณานิ จ อาหราเปถา’’ติ. ราชา ตถา อกาสิ. อถ นํ มหาสตฺโต ‘‘อิมานิ ติณานิ ตกฺเกน มทฺทาเปตฺวา เอเต สุนเข ปาเยถา’’ติ อาห. ราชา ตถา กตฺวา ปายาเปสิ, ปีตา ปีตา สุนขา สทฺธึ จมฺเมหิ วมึสุ. ราชา ‘‘สพฺพฺุพุทฺธสฺส พฺยากรณํ วิยา’’ติ ตุฏฺโ โพธิสตฺตสฺส เสตจฺฉตฺเตน ปูชํ อกาสิ. โพธิสตฺโต ‘‘ธมฺมํ จร, มหาราช, มาตาปิตูสุ ขตฺติยา’’ติอาทีหิ (ชา. ๒.๑๗.๓๙) เตสกุณชาตเก อาคตาหิ ทสหิ ธมฺมจริยคาถาหิ รฺโ ธมฺมํ เทเสตฺวา ‘‘มหาราช, อิโต ปฏฺาย อปฺปมตฺโต โหหี’’ติ ราชานํ ปฺจสุ สีเลสุ ปติฏฺาเปตฺวา เสตจฺฉตฺตํ รฺโว ปฏิอทาสิ.

ราชา มหาสตฺตสฺส ธมฺมกถํ สุตฺวา สพฺพสตฺตานํ อภยํ ทตฺวา โพธิสตฺตํ อาทึ กตฺวา สพฺพสุนขานํ อตฺตโน โภชนสทิสเมว นิจฺจภตฺตํ ปฏฺเปตฺวา โพธิสตฺตสฺส โอวาเท ิโต ยาวตายุกํ ทานาทีนิ ปุฺานิ กตฺวา กาลํ กตฺวา เทวโลเก อุปฺปชฺชิ. กุกฺกุโรวาโท ทส วสฺสสหสฺสานิ ปวตฺติ. โพธิสตฺโตปิ ยาวตายุกํ ตฺวา ยถากมฺมํ คโต.

สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, ตถาคโต อิทาเนว าตกานํ อตฺถํ จรติ, ปุพฺเพปิ จริเยวา’’ติ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ราชา อานนฺโท อโหสิ, อวเสสา ปริสา พุทฺธปริสา, กุกฺกุรปณฺฑิโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

กุกฺกุรชาตกวณฺณนา ทุติยา.

[๒๓] ๓. โภชาชานียชาตกวณฺณนา

อปิ ปสฺเสน เสมาโนติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ โอสฺสฏฺวีริยํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. ตสฺมิฺหิ สมเย สตฺถา ตํ ภิกฺขุํ อามนฺเตตฺวา ‘‘ภิกฺขุ, ปุพฺเพ ปณฺฑิตา อนายตเนปิ วีริยํ อกํสุ, ปหารํ ลทฺธาปิ เนว โอสฺสชึสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต โภชาชานียสินฺธวกุเล นิพฺพตฺโต สพฺพาลงฺการสมฺปนฺโน พาราณสิรฺโ มงฺคลสฺโส อโหสิ. โส สตสหสฺสคฺฆนิกาย สุวณฺณปาติยํเยว นานคฺครสสมฺปนฺนํ ติวสฺสิกคนฺธสาลิโภชนํ ภุฺชติ, จาตุชฺชาติกคนฺธูปลิตฺตายเมว ภูมิยํ ติฏฺติ, ตํ านํ รตฺตกมฺพลสาณิปริกฺขิตฺตํ อุปริ สุวณฺณตารกขจิตเจลวิตานํ สโมสริตคนฺธทามมาลาทามํ อวิชหิตคนฺธเตลปทีปํ โหติ. พาราณสิรชฺชํ ปน อปตฺเถนฺตา ราชาโน นาม นตฺถิ. เอกํ สมยํ สตฺต ราชาโน พาราณสึ ปริกฺขิปิตฺวา ‘‘อมฺหากํ รชฺชํ วา เทตุ, ยุทฺธํ วา’’ติ พาราณสิรฺโ ปณฺณํ เปเสสุํ. ราชา อมจฺเจ สนฺนิปาเตตฺวา ตํ ปวตฺตึ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘อิทานิ กึ กโรม, ตาตา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘เทว, ตุมฺเหหิ ตาว อาทิโตว ยุทฺธาย น คนฺตพฺพํ, อสุกํ นาม อสฺสาโรหํ เปเสตฺวา ยุทฺธํ กาเรถ, ตสฺมึ อสกฺโกนฺเต ปจฺฉา ชานิสฺสามา’’ติ. ราชา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สกฺขิสฺสสิ, ตาต, สตฺตหิ ราชูหิ สทฺธึ ยุทฺธํ กาตุ’’นฺติ อาห. ‘‘เทว, สเจ โภชาชานียสินฺธวํ ลภามิ, ติฏฺนฺตุ สตฺต ราชาโน, สกลชมฺพุทีเป ราชูหิปิ สทฺธึ ยุชฺฌิตุํ สกฺขิสฺสามี’’ติ. ‘‘ตาต, โภชาชานียสินฺธโว วา โหตุ อฺโ วา, ยํ อิจฺฉสิ, ตํ คเหตฺวา ยุทฺธํ กโรหี’’ติ.

โส ‘‘สาธุ, เทวา’’ติ ราชานํ วนฺทิตฺวา ปาสาทา โอรุยฺห โภชาชานียสินฺธวํ อาหราเปตฺวา สุวมฺมิตํ กตฺวา อตฺตนาปิ สพฺพสนฺนาหสนฺนทฺโธ ขคฺคํ พนฺธิตฺวา สินฺธวปิฏฺิวรคโต นครา นิกฺขมฺม วิชฺชุลตา วิย จรมาโน ปมํ พลโกฏฺกํ ภินฺทิตฺวา เอกํ ราชานํ ชีวคฺคาหเมว คเหตฺวา อาคนฺตฺวา นคเร พลสฺส นิยฺยาเทตฺวา ปุน คนฺตฺวา ทุติยํ พลโกฏฺกํ ภินฺทิตฺวา ตถา ตติยนฺติ เอวํ ปฺจ ราชาโน ชีวคฺคาหํ คเหตฺวา ฉฏฺํ พลโกฏฺกํ ภินฺทิตฺวา ฉฏฺสฺส รฺโ คหิตกาเล โภชาชานีโย ปหารํ ลภติ, โลหิตํ ปคฺฆรติ, เวทนา พลวติโย วตฺตนฺติ. อสฺสาโรโห ตสฺส ปหฏภาวํ ตฺวา โภชาชานียสินฺธวํ ราชทฺวาเร นิปชฺชาเปตฺวา สนฺนาหํ สิถิลํ กตฺวา อฺํ อสฺสํ สนฺนยฺหิตุํ อารทฺโธ. โพธิสตฺโต มหาผาสุกปสฺเสน นิปนฺโนว อกฺขีนิ อุมฺมิเลตฺวา อสฺสาโรหํ ทิสฺวา ‘‘อยํ อฺํ อสฺสํ สนฺนยฺหติ, อยฺจ อสฺโส สตฺตมํ พลโกฏฺกํ ภินฺทิตฺวา สตฺตมํ ราชานํ คณฺหิตุํ น สกฺขิสฺสติ, มยา กตกมฺมฺจ นสฺสิสฺสติ, อปฺปฏิสโม อสฺสาโรโหปิ นสฺสิสฺสติ, ราชาปิ ปรหตฺถํ คมิสฺสติ, เปตฺวา มํ อฺโ อสฺโส สตฺตมํ พลโกฏฺกํ ภินฺทิตฺวา สตฺตมํ ราชานํ คเหตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถี’’ติ นิปนฺนโกว อสฺสาโรหํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สมฺม อสฺสาโรห, สตฺตมํ พลโกฏฺกํ ภินฺทิตฺวา สตฺตมํ ราชานํ คเหตุํ สมตฺโถ เปตฺวา มํ อฺโ อสฺโส นาม นตฺถิ, นาหํ มยา กตกมฺมํ นาเสสฺสามิ, มมฺเว อุฏฺาเปตฺวา สนฺนยฺหาหี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๒๓.

‘‘อปิ ปสฺเสน เสมาโน, สลฺเลภิ สลฺลลีกโต;

เสยฺโยว วฬวา โภชฺโฌ, ยุฺช มฺเว สารถี’’ติ.

ตตฺถ อปิ ปสฺเสน เสมาโนติ เอเกน ปสฺเสน สยมานโกปิ. สลฺเลภิ สลฺลลีกโตติ สลฺเลหิ วิทฺโธปิ สมาโน. เสยฺโยว วฬวา โภชฺโฌติ วฬวาติ สินฺธวกุเลสุ อชาโต ขลุงฺกสฺโส. โภชฺโฌติ โภชาชานียสินฺธโว. อิติ เอตสฺมา วฬวา สลฺเลหิ วิทฺโธปิ โภชาชานียสินฺธโวว เสยฺโย วโร อุตฺตโม. ยุฺช มฺเว สารถีติ ยสฺมา เอว คโตปิ อหเมว เสยฺโย, ตสฺมา มมฺเว โยเชหิ, มํ วมฺเมหีติ วทติ.

อสฺสาโรโห โพธิสตฺตํ อุฏฺาเปตฺวา วณํ พนฺธิตฺวา สุสนฺนทฺธํ สนฺนยฺหิตฺวา ตสฺส ปิฏฺิยํ นิสีทิตฺวา สตฺตมํ พลโกฏฺกํ ภินฺทิตฺวา สตฺตมํ ราชานํ ชีวคฺคาหํ คเหตฺวา ราชพลสฺส นิยฺยาเทสิ, โพธิสตฺตมฺปิ ราชทฺวารํ อานยึสุ. ราชา ตสฺส ทสฺสนตฺถาย นิกฺขมิ. มหาสตฺโต ราชานํ อาห – ‘‘มหาราช, สตฺต ราชาโน มา ฆาตยิตฺถ, สปถํ กาเรตฺวา วิสฺสชฺเชถ, มยฺหฺจ อสฺสาโรหสฺส จ ทาตพฺพํ ยสํ อสฺสาโรหสฺเสว เทถ, สตฺต ราชาโน คเหตฺวา ทินฺนโยธํ นาม นาเสตุํ น วฏฺฏติ. ตุมฺเหปิ ทานํ เทถ, สีลํ รกฺขถ, ธมฺเมน สเมน รชฺชํ กาเรถา’’ติ. เอวํ โพธิสตฺเตน รฺโ โอวาเท ทินฺเน โพธิสตฺตสฺส สนฺนาหํ โมจยึสุ, โส สนฺนาเห มุตฺตมตฺเตเยว นิรุชฺฌิ. ราชา ตสฺส สรีรกิจฺจํ กาเรตฺวา อสฺสาโรหสฺส มหนฺตํ ยสํ ทตฺวา สตฺต ราชาโน ปุน อตฺตนฺโน อทุพฺภาย สปถํ กาเรตฺวา สกสกฏฺานานิ เปเสตฺวา ธมฺเมน สเมน รชฺชํ กาเรตฺวา ชีวิตปริโยสาเน ยถากมฺมํ คโต.

สตฺถา ‘‘เอวํ ภิกฺขุ ปุพฺเพ ปณฺฑิตา อนายตเนปิ วีริยํ อกํสุ, เอวรูปํ ปหารํ ลทฺธาปิ น โอสฺสชึสุ, ตฺวํ ปน เอวรูเป นิยฺยานิกสาสเน ปพฺพชิตฺวา กสฺมา วีริยํ โอสฺสชสี’’ติ วตฺวา จตฺตาริ สจฺจานิ ปกาเสสิ, สจฺจปริโยสาเน โอสฺสฏฺวีริโย ภิกฺขุ อรหตฺตผเล ปติฏฺาสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ราชา อานนฺโท อโหสิ, อสฺสาโรโห สาริปุตฺโต, โภชาชานียสินฺธโว ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

โภชาชานียชาตกวณฺณนา ตติยา.

[๒๔] ๔. อาชฺชาตกวณฺณนา

ยทา ยทาติ อิทมฺปิ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โอสฺสฏฺวีริยเมว ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. ตํ ปน ภิกฺขุํ สตฺถา อามนฺเตตฺวา ‘‘ภิกฺขุ ปุพฺเพ ปณฺฑิตา อนายตเนปิ ลทฺธปฺปหาราปิ หุตฺวา วีริยํ อกํสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต ปุริมนเยเนว สตฺต ราชาโน นครํ ปริวารยึสุ. อเถโก รถิกโยโธ ทฺเว ภาติกสินฺธเว รเถ โยเชตฺวา นครา นิกฺขมฺม ฉ พลโกฏฺเก ภินฺทิตฺวา ฉ ราชาโน อคฺคเหสิ. ตสฺมึ ขเณ เชฏฺกอสฺโส ปหารํ ลภิ. รถิโก รถํ เปเสนฺโต ราชทฺวารํ อาคนฺตฺวา เชฏฺภาติกํ รถา โมเจตฺวา สนฺนาหํ สิถิลํ กตฺวา เอเกเนว ปสฺเสน นิปชฺชาเปตฺวา อฺํ อสฺสํ สนฺนยฺหิตุํ อารทฺโธ. โพธิสตฺโต ตํ ทิสฺวา ปุริมนเยเนว จินฺเตตฺวา รถิกํ ปกฺโกสาเปตฺวา นิปนฺนโกว อิมํ คาถมาห –

๒๔.

‘‘ยทา ยทา ยตฺถ ยทา, ยตฺถ ยตฺถ ยทา ยทา;

อาชฺโ กุรุเต เวคํ, หายนฺติ ตตฺถ วาฬวา’’ติ.

ตตฺถ ยทา ยทาติ ปุพฺพณฺหาทีสุ ยสฺมึ ยสฺมึ กาเล. ยตฺถาติ ยสฺมึ าเน มคฺเค วา สงฺคามสีเส วา. ยทาติ ยสฺมึ ขเณ. ยตฺถ ยตฺถาติ สตฺตนฺนํ พลโกฏฺกานํ วเสน พหูสุ ยุทฺธมณฺฑเลสุ. ยทา ยทาติ ยสฺมึ ยสฺมึ กาเล ปหารํ ลทฺธกาเล วา อลทฺธกาเล วา. อาชฺโ กุรุเต เวคนฺติ สารถิสฺส จิตฺตรุจิตํ การณํ อาชานนสภาโว อาชฺโ วรสินฺธโว เวคํ กโรติ วายมติ วีริยํ อารภติ. หายนฺติ ตตฺถ วาฬวาติ ตสฺมึ เวเค กริยมาเน อิตเร วฬวสงฺขาตา ขฬุงฺกสฺสา หายนฺติ ปริหายนฺติ, ตสฺมา อิมสฺมึ รเถ มํเยว โยเชหีติ อาห.

สารถิ โพธิสตฺตํ อุฏฺาเปตฺวา รเถ โยเชตฺวา สตฺตมํ พลโกฏฺกํ ภินฺทิตฺวา สตฺตมํ ราชานํ อาทาย รถํ เปเสนฺโต ราชทฺวารํ อาคนฺตฺวา สินฺธวํ โมเจสิ. โพธิสตฺโต เอเกน ปสฺเสน นิปนฺโน ปุริมนเยเนว รฺโ โอวาทํ ทตฺวา นิรุชฺฌิ. ราชา ตสฺส สรีรกิจฺจํ กาเรตฺวา สารถิสฺส สมฺมานํ กตฺวา ธมฺเมน รชฺชํ กาเรตฺวา ยถากมฺมํ คโต.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสสิ, สจฺจปริโยสาเน โส ภิกฺขุ อรหตฺเต ปติฏฺาสิ. สตฺถา ชาตกํ สโมธาเนสิ ‘‘ตทา ราชา อานนฺทตฺเถโร อโหสิ, อสฺโส สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ.

อาชฺชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.

[๒๕] ๕. ติตฺถชาตกวณฺณนา

อฺมฺเหิ ติตฺเถหีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ธมฺมเสนาปติสฺส สทฺธิวิหาริกํ เอกํ สุวณฺณการปุพฺพกํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. อาสยานุสยาณฺหิ พุทฺธานํเยว โหติ, น อฺเสํ. ตสฺมา ธมฺมเสนาปติ อตฺตโน อาสยานุสยาณสฺส นตฺถิตาย สทฺธิวิหาริกสฺส อาสยานุสยํ อชานนฺโต อสุภกมฺมฏฺานเมว กเถสิ, ตสฺส ตํ น สปฺปายมโหสิ. กสฺมา? โส กิร ปฏิปาฏิยา ปฺจ ชาติสตานิ สุวณฺณการเคเหเยว ปฏิสนฺธึ คณฺหิ, อถสฺส ทีฆรตฺตํ ปริสุทฺธสุวณฺณทสฺสนวเสน ปริจิตตฺตา อสุภํ น สปฺปายมโหสิ. โส ตตฺถ นิมิตฺตมตฺตมฺปิ อุปฺปาเทตุํ อสกฺโกนฺโต จตฺตาโร มาเส เขเปสิ.

ธมฺมเสนาปติ อตฺตโน สทฺธิวิหาริกสฺส อรหตฺตํ ทาตุํ อสกฺโกนฺโต ‘‘อทฺธา อยํ พุทฺธเวเนยฺโย ภวิสฺสติ, ตถาคตสฺส สนฺติกํ เนสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ปาโตว ตํ อาทาย สตฺถุ สนฺติกํ อคมาสิ. สตฺถา ‘‘กึ นุ โข, สาริปุตฺต, เอกํ ภิกฺขุํ อาทาย อาคโตสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อหํ, ภนฺเต, อิมสฺส กมฺมฏฺานํ อทาสึ, อยํ ปน จตูหิ มาเสหิ นิมิตฺตมตฺตมฺปิ น อุปฺปาเทสิ, สฺวาหํ ‘พุทฺธเวเนยฺโย เอโส ภวิสฺสตี’ติ จินฺเตตฺวา ตุมฺหากํ สนฺติกํ อาทาย อาคโต’’ติ. ‘‘สาริปุตฺต, กตรํ ปน เต กมฺมฏฺานํ สทฺธิวิหาริกสฺส ทินฺน’’นฺติ? ‘‘อสุภกมฺมฏฺานํ ภควา’’ติ. ‘‘สาริปุตฺต, นตฺถิ ตว สนฺตาเน อาสยานุสยาณํ, คจฺฉ, ตฺวํ สายนฺหสมเย อาคนฺตฺวา ตว สทฺธิวิหาริกํ อาทาย คจฺเฉยฺยาสี’’ติ. เอวํ สตฺถา เถรํ อุยฺโยเชตฺวา ตสฺส ภิกฺขุสฺส มนาปํ จีวรฺจ นิวาสนฺจ ทาเปตฺวา ตํ อาทาย คามํ ปิณฺฑาย ปวิสิตฺวา ปณีตํ ขาทนียโภชนียํ ทาเปตฺวา มหาภิกฺขุสงฺฆปริวาโร ปุน วิหารํ อาคนฺตฺวา คนฺธกุฏิยํ ทิวสภาคํ เขเปตฺวา สายนฺหสมเย ตํ ภิกฺขุํ คเหตฺวา วิหารจาริกํ จรมาโน อมฺพวเน เอกํ โปกฺขรณึ มาเปตฺวา ตตฺถ มหนฺตํ ปทุมินิคจฺฉํ, ตตฺราปิ จ มหนฺตํ เอกํ ปทุมปุปฺผํ มาเปตฺวา ‘‘ภิกฺขุ อิมํ ปุปฺผํ โอโลเกนฺโต นิสีทา’’ติ นิสีทาเปตฺวา คนฺธกุฏึ ปาวิสิ.

โส ภิกฺขุ ตํ ปุปฺผํ ปุนปฺปุนํ โอโลเกติ. ภควา ตํ ปุปฺผํ ชรํ ปาเปสิ, ตํ ตสฺส ปสฺสนฺตสฺเสว ชรํ ปตฺวา วิวณฺณํ อโหสิ. อถสฺส ปริยนฺตโต ปฏฺาย ปตฺตานิ ปตนฺตานิ มุหุตฺเตน สพฺพานิ ปตึสุ. ตโต กิฺชกฺขํ ปติ, กณฺณิกาว อวสิสฺสิ. โส ภิกฺขุ ตํ ปสฺสนฺโต จินฺเตสิ ‘‘อิทํ ปทุมปุปฺผํ อิทาเนว อภิรูปํ อโหสิ ทสฺสนียํ, อถสฺส วณฺโณ ปริณโต, ปตฺตานิ จ กิฺจกฺขฺจ ปติตํ, กณฺณิกามตฺตเมว อวสิฏฺํ, เอวรูปสฺส นาม ปทุมสฺส ชรา ปตฺตา, มยฺหํ สรีรสฺส กึ น ปาปุณิสฺสติ, สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา’’ติ วิปสฺสนํ ปฏฺเปสิ. สตฺถา ‘‘ตสฺส จิตฺตํ วิปสฺสนํ อารุฬฺห’’นฺติ ตฺวา คนฺธกุฏิยํ นิสินฺโนว โอภาสํ ผริตฺวา อิมํ คาถมาห –

‘‘อุจฺฉินฺท สิเนหมตฺตโน, กุมุทํ สารทิกํว ปาณินา;

สนฺติมคฺคเมว พฺรูหย, นิพฺพานํ สุคเตน เทสิต’’นฺติ. (ธ. ป. ๒๘๕);

โส ภิกฺขุ คาถาปริโยสาเน อรหตฺตํ ปตฺวา ‘‘มุตฺโต วตมฺหิ สพฺพภเวหี’’ติ จินฺเตตฺวา –

‘‘โส วุตฺถวาโส ปริปุณฺณมานโส, ขีณาสโว อนฺติมเทหธารี;

วิสุทฺธสีโล สุสมาหิตินฺทฺริโย, จนฺโท ยถา ราหุมุขา ปมุตฺโต.

‘‘สโมตตํ โมหมหนฺธการํ, วิโนทยึ สพฺพมลํ อเสสํ;

อาโลกปชฺโชตกโร ปภงฺกโร, สหสฺสรํสี วิย ภาณุมา นเภ’’ติ. –

อาทีหิ คาถาหิ อุทานํ อุทาเนสิ. อุทาเนตฺวา จ ปน คนฺตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิ. เถโรปิ อาคนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา อตฺตโน สทฺธิวิหาริกํ คเหตฺวา อคมาสิ. อยํ ปวตฺติ ภิกฺขูนํ อนฺตเร ปากฏา ชาตา. ภิกฺขู ธมฺมสภายํ ทสพลสฺส คุเณ วณฺณยมานา นิสีทึสุ – ‘‘อาวุโส, สาริปุตฺตตฺเถโร อาสยานุสยาณสฺส อภาเวน อตฺตโน สทฺธิวิหาริกสฺส อาสยํ น ชานาติ, สตฺถา ปน ตฺวา เอกทิวเสเนว ตสฺส สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ อทาสิ, อโห พุทฺธา นาม มหานุภาวา’’ติ.

สตฺถา อาคนฺตฺวา ปฺตฺตาสเน นิสีทิตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘น ภควา อฺาย กถาย, ตุมฺหากฺเว ปน ธมฺมเสนาปติโน สทฺธิวิหาริกสฺส อาสยานุสยาณกถายา’’ติ. สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, เอตํ อจฺฉริยํ, สฺวาหํ เอตรหิ พุทฺโธ หุตฺวา ตสฺส อาสยํ ชานามิ, ปุพฺเพปาหํ ตสฺส อาสยํ ชานามิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺโต รชฺชํ กาเรสิ. ตทา โพธิสตฺโต ตํ ราชานํ อตฺเถ จ ธมฺเม จ อนุสาสติ. ตทา รฺโ มงฺคลอสฺสนฺหานติตฺเถ อฺตรํ วฬวํ ขฬุงฺกสฺสํ นฺหาเปสุํ. มงฺคลสฺโส วฬเวน นฺหานติตฺถํ โอตาริยมาโน ชิคุจฺฉิตฺวา โอตริตุํ น อิจฺฉิ. อสฺสโคปโก คนฺตฺวา รฺโ อาโรเจสิ ‘‘เทว, มงฺคลสฺโส ติตฺถํ โอตริตุํ น อิจฺฉตี’’ติ. ราชา โพธิสตฺตํ เปเสสิ – ‘‘คจฺฉ, ปณฺฑิต, ชานาหิ เกน การเณน อสฺโส ติตฺถํ โอตาริยมาโน น โอตรตี’’ติ. โพธิสตฺโต ‘‘สาธุ, เทวา’’ติ นทีตีรํ คนฺตฺวา อสฺสํ โอโลเกตฺวา นิโรคภาวมสฺส ตฺวา ‘‘เกน นุ โข การเณน อยํ อิมํ ติตฺถํ น โอตรตี’’ติ อุปธาเรนฺโต ‘‘ปมตรํ เอตฺถ อฺโ นฺหาปิโต ภวิสฺสติ, เตเนส ชิคุจฺฉมาโน ติตฺถํ น โอตรติ มฺเ’’ติ จินฺเตตฺวา อสฺสโคปเก ปุจฺฉิ ‘‘อมฺโภ, อิมสฺมึ ติตฺเถ กํ ปมํ นฺหาปยิตฺถา’’ติ? ‘‘อฺตรํ วฬวสฺสํ, สามี’’ติ.

โพธิสตฺโต ‘‘เอส อตฺตโน สินฺธวตาย ชิคุจฺฉนฺโต เอตฺถ นฺหายิตุํ น อิจฺฉติ, อิมํ อฺติตฺเถ นฺหาเปตุํ วฏฺฏตี’’ติ ตสฺส อาสยํ ตฺวา ‘‘โภ อสฺสโคปก, สปฺปิมธุผาณิตาทิภิสงฺขตปายาสมฺปิ ตาว ปุนปฺปุนํ ภุฺชนฺตสฺส ติตฺติ โหติ. อยํ อสฺโส พหู วาเร อิธ ติตฺเถ นฺหาโต, อฺมฺปิ ตาว นํ ติตฺถํ โอตาเรตฺวา นฺหาเปถ จ ปาเยถ จา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๒๕.

‘‘อฺมฺเหิ ติตฺเถหิ, อสฺสํ ปาเยหิ สารถิ;

อจฺจาสนสฺส ปุริโส, ปายาสสฺสปิ ตปฺปตี’’ติ.

ตตฺถ อฺมฺเหีติ อฺเหิ อฺเหิ. ปาเยหีติ เทสนาสีสเมตํ, นฺหาเปหิ จ ปาเยหิ จาติ อตฺโถ. อจฺจาสนสฺสาติ กรณตฺเถ สามิวจนํ, อติอสเนน อติภุตฺเตนาติ อตฺโถ. ปายาสสฺสปิ ตปฺปตีติ สปฺปิอาทีหิ อภิสงฺขเตน มธุรปายาเสน ตปฺปติ ติตฺโต โหติ, ธาโต สุหิโต น ปุน ภุฺชิตุกามตํ อาปชฺชติ. ตสฺมา อยมฺปิ อสฺโส อิมสฺมึ ติตฺเถ นิพทฺธํ นฺหาเนน ปริยตฺตึ อาปนฺโน ภวิสฺสติ, อฺตฺถ นํ นฺหาเปถาติ.

เต ตสฺส วจนํ สุตฺวา อสฺสํ อฺติตฺถํ โอตาเรตฺวา ปายึสุ เจว นฺหาปยึสุ จ. โพธิสตฺโต อสฺสสฺส ปานียํ ปิวิตฺวา นฺหานกาเล รฺโ สนฺติกํ อคมาสิ. ราชา ‘‘กึ, ตาต, อสฺโส นฺหาโต จ ปีโต จา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, เทวา’’ติ. ‘‘ปมํ กึ การณา น อิจฺฉตี’’ติ? ‘‘อิมินา นาม การเณนา’’ติ สพฺพํ อาจิกฺขิ. ราชา ‘‘เอวรูปสฺส ติรจฺฉานสฺสาปิ นาม อาสยํ ชานาติ, อโห ปณฺฑิโต’’ติ โพธิสตฺตสฺส มหนฺตํ ยสํ ทตฺวา ชีวิตปริโยสาเน ยถากมฺมํ คโต. โพธิสตฺโตปิ ยถากมฺมเมว คโต.

สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, อหํ เอตสฺส อิทาเนว อาสยํ ชานามิ, ปุพฺเพปิ ชานามิเยวา’’ติ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา มงฺคลอสฺโส อยํ ภิกฺขุ อโหสิ, ราชา อานนฺโท, ปณฺฑิตามจฺโจ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

ติตฺถชาตกวณฺณนา ปฺจมา.

[๒๖] ๖. มหิฬามุขชาตกวณฺณนา

ปุราณโจราน วโจ นิสมฺมาติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เทวทตฺตํ อารพฺภ กเถสิ. เทวทตฺโต อชาตสตฺตุกุมารํ ปสาเทตฺวา ลาภสกฺการํ นิปฺผาเทสิ. อชาตสตฺตุกุมาโร เทวทตฺตสฺส คยาสีเส วิหารํ กาเรตฺวา นานคฺครเสหิ ติวสฺสิกคนฺธสาลิโภชนสฺส ทิวเส ทิวเส ปฺจ ถาลิปากสตานิ อภิหริ. ลาภสกฺการํ นิสฺสาย เทวทตฺตสฺส ปริวาโร มหนฺโต ชาโต, เทวทตฺโต ปริวาเรน สทฺธึ วิหาเรเยว โหติ. เตน สมเยน ราชคหวาสิกา ทฺเว สหายา. เตสุ เอโก สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิโต, เอโก เทวทตฺตสฺส. เต อฺมฺํ ตสฺมึ ตสฺมึ าเนปิ ปสฺสนฺติ, วิหารํ คนฺตฺวาปิ ปสฺสนฺติเยว.

อเถกทิวสํ เทวทตฺตสฺส นิสฺสิตโก อิตรํ อาห – ‘‘อาวุโส, กึ ตฺวํ เทวสิกํ เสเทหิ มุจฺจมาเนหิ ปิณฺฑาย จรสิ, เทวทตฺโต คยาสีสวิหาเร นิสีทิตฺวาว นานคฺครเสหิ สุโภชนํ ภุฺชติ, เอวรูโป อุปาโย นตฺถิ, กึ ตฺวํ ทุกฺขํ อนุโภสิ, กึ เต ปาโตว คยาสีสํ อาคนฺตฺวา สอุตฺตริภงฺคํ ยาคุํ ปิวิตฺวา อฏฺารสวิธํ ขชฺชกํ ขาทิตฺวา นานคฺครเสหิ สุโภชนํ ภุฺชิตุํ น วฏฺฏตี’’ติ? โส ปุนปฺปุนํ วุจฺจมาโน คนฺตุกาโม หุตฺวา ตโต ปฏฺาย คยาสีสํ คนฺตฺวา ภุฺชิตฺวา กาลสฺเสว เวฬุวนํ อาคจฺฉติ. โส สพฺพกาลํ ปฏิจฺฉาเทตุํ นาสกฺขิ, ‘‘คยาสีสํ คนฺตฺวา เทวทตฺตสฺส ปฏฺปิตํ ภตฺตํ ภุฺชตี’’ติ น จิรสฺเสว ปากโฏ ชาโต. อถ นํ สหายา ปุจฺฉึสุ ‘‘สจฺจํ กิร, ตฺวํ อาวุโส, เทวทตฺตสฺส ปฏฺปิตํ ภตฺตํ ภุฺชสี’’ติ. ‘‘โก เอวมาหา’’ติ? ‘‘อสุโก จ อสุโก จา’’ติ. ‘‘สจฺจํ อหํ อาวุโส คยาสีสํ คนฺตฺวา ภุฺชามิ, น ปน เม เทวทตฺโต ภตฺตํ เทติ, อฺเ มนุสฺสา เทนฺตี’’ติ. ‘‘อาวุโส, เทวทตฺโต พุทฺธานํ ปฏิกณฺฏโก ทุสฺสีโล อชาตสตฺตุํ ปสาเทตฺวา อธมฺเมน อตฺตโน ลาภสกฺการํ อุปฺปาเทสิ, ตฺวํ เอวรูเป นิยฺยานิเก พุทฺธสาสเน ปพฺพชิตฺวา เทวทตฺตสฺส อธมฺเมน อุปฺปนฺนํ โภชนํ ภุฺชสิ, เอหิ ตํ สตฺถุ สนฺติกํ เนสฺสามา’’ติ ตํ ภิกฺขุํ อาทาย ธมฺมสภํ อาคมึสุ.

สตฺถา ทิสฺวาว ‘‘กึ, ภิกฺขเว, เอตํ ภิกฺขุํ อนิจฺฉนฺตฺเว อาทาย อาคตตฺถา’’ติ? ‘‘อาม ภนฺเต, อยํ ภิกฺขุ ตุมฺหากํ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา เทวทตฺตสฺส อธมฺเมน อุปฺปนฺนํ โภชนํ ภุฺชตี’’ติ. ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ เทวทตฺตสฺส อธมฺเมน อุปฺปนฺนํ โภชนํ ภุฺชสี’’ติ? ‘‘น ภนฺเต, เทวทตฺโต มยฺหํ เทติ, อฺเ มนุสฺสา เทนฺติ, ตมหํ ภุฺชามี’’ติ. สตฺถา ‘‘มา ภิกฺขุ เอตฺถ ปริหารํ กริ, เทวทตฺโต อนาจาโร ทุสฺสีโล, กถฺหิ นาม ตฺวํ อิธ ปพฺพชิตฺวา มม สาสนํ ภชนฺโตเยว เทวทตฺตสฺส ภตฺตํ ภุฺชสิ, นิจฺจกาลมฺปิ ภชนสีลโกว ตฺวํ ทิฏฺทิฏฺเเยว ภชสี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส อมจฺโจ อโหสิ. ตทา รฺโ มหิฬามุโข นาม มงฺคลหตฺถี อโหสิ สีลวา อาจารสมฺปนฺโน, น กฺจิ วิเหเติ. อเถกทิวสํ ตสฺส สาลาย สมีเป รตฺติภาคสมนนฺตเร โจรา อาคนฺตฺวา ตสฺส อวิทูเร นิสินฺนา โจรมนฺตํ มนฺตยึสุ ‘‘เอวํ อุมฺมงฺโค ภินฺทิตพฺโพ, เอวํ สนฺธิจฺเฉทกมฺมํ กตฺตพฺพํ, อุมฺมงฺคฺจ สนฺธิจฺเฉทฺจ มคฺคสทิสํ ติตฺถสทิสํ นิชฺชฏํ นิคฺคุมฺพํ กตฺวา ภณฺฑํ หริตุํ วฏฺฏติ, หรนฺเตน มาเรตฺวาว หริตพฺพํ, เอวํ อุฏฺาตุํ สมตฺโถ นาม น ภวิสฺสติ, โจเรน จ นาม สีลาจารยุตฺเตน น ภวิตพฺพํ, กกฺขเฬน ผรุเสน สาหสิเกน ภวิตพฺพ’’นฺติ. เอวํ มนฺเตตฺวา อฺมฺํ อุคฺคณฺหาเปตฺวา อคมํสุ. เอเตเนว อุปาเยน ปุนทิวเสปิ ปุนทิวเสปีติ พหู ทิวเส ตตฺถ อาคนฺตฺวา มนฺตยึสุ. โส เตสํ วจนํ สุตฺวา ‘‘เต มํ สิกฺขาเปนฺตี’’ติ สฺาย ‘‘อิทานิ มยา กกฺขเฬน ผรุเสน สาหสิเกน ภวิตพฺพ’’นฺติ ตถารูโปว อโหสิ. ปาโตว อาคตํ หตฺถิโคปกํ โสณฺฑาย คเหตฺวา ภูมิยํ โปเถตฺวา มาเรสิ. อปรมฺปิ ตถา อปรมฺปิ ตถาติ อาคตาคตํ มาเรติเยว.

‘‘มหิฬามุโข อุมฺมตฺตโก ชาโต ทิฏฺทิฏฺเ มาเรตี’’ติ รฺโ อาโรจยึสุ. ราชา โพธิสตฺตํ ปหิณิ ‘‘คจฺฉ ปณฺฑิต, ชานาหิ เกน การเณน โส ทุฏฺโ ชาโต’’ติ. โพธิสตฺโต คนฺตฺวา ตสฺส สรีเร อโรคภาวํ ตฺวา ‘‘เกน นุ โข การเณน เอส ทุฏฺโ ชาโต’’ติ อุปธาเรนฺโต ‘‘อทฺธา อวิทูเร เกสฺจิ วจนํ สุตฺวา ‘มํ เอเต สิกฺขาเปนฺตี’ติ สฺาย ทุฏฺโ ชาโต’’ติ สนฺนิฏฺานํ กตฺวา หตฺถิโคปเก ปุจฺฉิ ‘‘อตฺถิ นุ โข หตฺถิสาลาย สมีเป รตฺติภาเค เกหิจิ กิฺจิ กถิตปุพฺพ’’นฺติ? ‘‘อาม, สามิ, โจรา อาคนฺตฺวา กถยึสู’’ติ. โพธิสตฺโต คนฺตฺวา รฺโ อาโรเจสิ ‘‘เทว, อฺโ หตฺถิสฺส สรีเร วิกาโร นตฺถิ, โจรานํ กถํ สุตฺวา ทุฏฺโ ชาโต’’ติ. ‘‘อิทานิ กึ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ? ‘‘สีลวนฺเต สมณพฺราหฺมเณ หตฺถิสาลายํ นิสีทาเปตฺวา สีลาจารกถํ กถาเปตุํ วฏฺฏตี’’ติ. ‘‘เอวํ กาเรหิ, ตาตา’’ติ.

โพธิสตฺโต คนฺตฺวา สีลวนฺเต สมณพฺราหฺมเณ หตฺถิสาลายํ นิสีทาเปตฺวา ‘‘สีลกถํ กเถถ, ภนฺเต’’ติ อาห. เต หตฺถิสฺส อวิทูเร นิสินฺนา ‘‘น โกจิ ปรามสิตพฺโพ น มาเรตพฺโพ, สีลาจารสมฺปนฺเนน ขนฺติเมตฺตานุทฺทยยุตฺเตน ภวิตุํ วฏฺฏตี’’ติ สีลกถํ กถยึสุ. โส ตํ สุตฺวา ‘‘มํ อิเม สิกฺขาเปนฺติ, อิโต ทานิ ปฏฺาย สีลวนฺเตน ภวิตพฺพ’’นฺติ สีลวา อโหสิ. ราชา โพธิสตฺตํ ปุจฺฉิ ‘‘กึ, ตาต, สีลวา ชาโต’’ติ? โพธิสตฺโต ‘‘อาม, เทวา’’ติ. ‘‘เอวรูโป ทุฏฺหตฺถี ปณฺฑิเต นิสฺสาย โปราณกธมฺเมเยว ปติฏฺิโต’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๒๖.

‘‘ปุราณโจราน วโจ นิสมฺม, มหิฬามุโข โปถยมนฺวจารี;

สุสฺตานฺหิ วโจ นิสมฺม, คชุตฺตโม สพฺพคุเณสุ อฏฺา’’ติ.

ตตฺถ ปุราณโจรานนฺติ โปราณโจรานํ. นิสมฺมาติ สุตฺวา, ปมํ โจรานํ วจนํ สุตฺวาติ อตฺโถ. มหิฬามุโขติ หตฺถินิมุเขน สทิสมุโข. ยถา มหิฬา ปุรโต โอโลกิยมานา โสภติ, น ปจฺฉโต, ตถา โสปิ ปุรโต โอโลกิยมาโน โสภติ. ตสฺมา ‘‘มหิฬามุโข’’ติสฺส นามํ อกํสุ. โปถยมนฺวจารีติ โปถยนฺโต มาเรนฺโต อนุจารี. อยเมว วา ปาโ. สุสฺตานนฺติ สุฏฺุ สฺตานํ สีลวนฺตานํ. คชุตฺตโมติ อุตฺตมคโช มงฺคลหตฺถี. สพฺพคุเณสุ อฏฺาติ สพฺเพสุ โปราณคุเณสุ ปติฏฺิโต. ราชา ‘‘ติรจฺฉานคตสฺสาปิ อาสยํ ชานาตี’’ติ โพธิสตฺตสฺส มหนฺตํ ยสํ อทาสิ. โส ยาวตายุกํ ตฺวา สทฺธึ โพธิสตฺเตน ยถากมฺมํ คโต.

สตฺถา ‘‘ปุพฺเพปิ ตฺวํ ภิกฺขุ ทิฏฺทิฏฺเเยว ภชิ, โจรานํ วจนํ สุตฺวา โจเร ภชิ, ธมฺมิกานํ วจนํ สุตฺวา ธมฺมิเก ภชี’’ติ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา มหิฬามุโข วิปกฺขเสวกภิกฺขุ อโหสิ, ราชา อานนฺโท, อมจฺโจ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

มหิฬามุขชาตกวณฺณนา ฉฏฺา.

[๒๗] ๗. อภิณฺหชาตกวณฺณนา

นาลํ กพฬํ ปทาตเวติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ อุปาสกฺจ มหลฺลกตฺเถรฺจ อารพฺภ กเถสิ. สาวตฺถิยํ กิร ทฺเว สหายกา. เตสุ เอโก ปพฺพชิตฺวา เทวสิกํ อิตรสฺส ฆรํ คจฺฉติ. โส ตสฺส ภิกฺขํ ทตฺวา สยมฺปิ ภุฺชิตฺวา เตเนว สทฺธึ วิหารํ คนฺตฺวา ยาว สูริยตฺถงฺคมนา อาลาปสลฺลาเปน นิสีทิตฺวา นครํ ปวิสติ, อิตโรปิ นํ ยาว นครทฺวารา อนุคนฺตฺวา นิวตฺตติ. โส เตสํ วิสฺสาโส ภิกฺขูนํ อนฺตเร ปากโฏ ชาโต. อเถกทิวสํ ภิกฺขู เตสํ วิสฺสาสกถํ กเถนฺตา ธมฺมสภายํ นิสีทึสุ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิ, เต ‘‘อิมาย นาม, ภนฺเต’’ติ กถยึสุ. สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว อิเม วิสฺสาสิกา, ปุพฺเพปิ วิสฺสาสิกาเยว อเหสุ’’นฺติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส อมจฺโจ อโหสิ. ตทา เอโก กุกฺกุโร มงฺคลหตฺถิสาลํ คนฺตฺวา มงฺคลหตฺถิสฺส ภุฺชนฏฺาเน ปติตานิ ภตฺตสิตฺถานิ ขาทติ. โส เตเนว โภชเนน สํวทฺธมาโน มงฺคลหตฺถิสฺส วิสฺสาสิโก ชาโต หตฺถิสฺเสว สนฺติเก ภุฺชติ, อุโภปิ วินา วตฺติตุํ น สกฺโกนฺติ. โส หตฺถี นํ โสณฺฑาย คเหตฺวา อปราปรํ กโรนฺโต กีฬติ, อุกฺขิปิตฺวา กุมฺเภ ปติฏฺาเปติ. อเถกทิวสํ เอโก คามิกมนุสฺโส หตฺถิโคปกสฺส มูลํ ทตฺวา ตํ กุกฺกุรํ อาทาย อตฺตโน คามํ อคมาสิ. ตโต ปฏฺาย โส หตฺถี กุกฺกุรํ อปสฺสนฺโต เนว ขาทติ น ปิวติ น นฺหายติ. ตมตฺถํ รฺโ อาโรเจสุํ. ราชา โพธิสตฺตํ ปหิณิ ‘‘คจฺฉ ปณฺฑิต, ชานาหิ กึการณา หตฺถี เอวํ กโรตี’’ติ.

โพธิสตฺโต หตฺถิสาลํ คนฺตฺวา หตฺถิสฺส ทุมฺมนภาวํ ตฺวา ‘‘อิมสฺส สรีเร โรโค น ปฺายติ, เกนจิ ปนสฺส สทฺธึ มิตฺตสนฺถเวน ภวิตพฺพํ, ตํ อปสฺสนฺโต เอส มฺเ โสกาภิภูโต’’ติ หตฺถิโคปเก ปุจฺฉิ ‘‘อตฺถิ นุ โข อิมสฺส เกนจิ สทฺธึ วิสฺสาโส’’ติ? ‘‘อาม, อตฺถิ สามิ เอเกน สุนเขน สทฺธึ พลวา เมตฺตี’’ติ. ‘‘กหํ โส เอตรหี’’ติ? ‘‘เอเกน มนุสฺเสน นีโต’’ติ. ‘‘ชานาถ ปนสฺส นิวาสนฏฺาน’’นฺติ? ‘‘น ชานาม, สามี’’ติ. โพธิสตฺโต รฺโ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘นตฺถิ, เทว, หตฺถิสฺส โกจิ อาพาโธ, เอเกน ปนสฺส สุนเขน สทฺธึ พลววิสฺสาโส, ตํ อปสฺสนฺโต น ภุฺชติ มฺเ’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๒๗.

‘‘นาลํ กพฬํ ปทาตเว, น จ ปิณฺฑํ น กุเส น ฆํสิตุํ;

มฺามิ อภิณฺหทสฺสนา, นาโค สฺเนหมกาสิ กุกฺกุเร’’ติ.

ตตฺถ นาลนฺติ น สมตฺโถ. กพฬนฺติ โภชนกาเล ปมเมว ทินฺนํ กฏุกกพฬํ. ปทาตเวติ ปอาทาตเว, สนฺธิวเสน อาการโลโป เวทิตพฺโพ, คเหตุนฺติ อตฺโถ. น จ ปิณฺฑนฺติ วฑฺเฒตฺวา ทียมานํ ภตฺตปิณฺฑมฺปิ นาลํ คเหตุํ. น กุเสติ ขาทนตฺถาย ทินฺนานิ ติณานิปิ นาลํ คเหตุํ. น ฆํสิตุนฺติ นฺหาปิยมาโน สรีรมฺปิ ฆํสิตุํ นาลํ. เอวํ ยํ ยํ โส หตฺถี กาตุํ น สมตฺโถ, ตํ ตํ สพฺพํ รฺโ อาโรเจตฺวา ตสฺส อสมตฺถภาเว อตฺตนา สลฺลกฺขิตการณํ อาโรเจนฺโต ‘‘มฺามี’’ติอาทิมาห.

ราชา ตสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘อิทานิ กึ กาตพฺพํ ปณฺฑิตา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘‘อมฺหากํ กิร มงฺคลหตฺถิสฺส สหายํ สุนขํ เอโก มนุสฺโส คเหตฺวา คโต, ยสฺส ฆเร ตํ สุนขํ ปสฺสนฺติ, ตสฺส อยํ นาม ทณฺโฑ’ติ เภรึ จราเปถ เทวา’’ติ. ราชา ตถา กาเรสิ. ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา โส ปุริโส สุนขํ วิสฺสชฺเชสิ, สุนโข เวเคนาคนฺตฺวา หตฺถิสฺส สนฺติกเมว อคมาสิ. หตฺถี ตํ โสณฺฑาย คเหตฺวา กุมฺเภ เปตฺวา โรทิตฺวา ปริเทวิตฺวา กุมฺภา โอตาเรตฺวา เตน ภุตฺเต ปจฺฉา อตฺตนาปิ ภุฺชิ. ‘‘ติรจฺฉานคตสฺส อาสยํ ชานาตี’’ติ ราชา โพธิสตฺตสฺส มหนฺตํ ยสํ อทาสิ.

สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิเม อิทาเนว วิสฺสาสิกา, ปุพฺเพปิ วิสฺสาสิกาเยวา’’ติ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา จตุสจฺจกถาย วินิวฏฺเฏตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ. อิทํ จตุสจฺจกถาย วินิวฏฺฏนํ นาม สพฺพชาตเกสุปิ อตฺถิเยว. มยํ ปน ยตฺถสฺส อานิสํโส ปฺายติ, ตตฺเถว ทสฺสยิสฺสาม.

ตทา สุนโข อุปาสโก อโหสิ, หตฺถี มหลฺลกตฺเถโร, ราชา อานนฺโท, อมจฺจปณฺฑิโต ปน อหเมว อโหสินฺติ.

อภิณฺหชาตกวณฺณนา สตฺตมา.

[๒๘] ๘. นนฺทิวิสาลชาตกวณฺณนา

มนุฺเมว ภาเสยฺยาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ฉพฺพคฺคิยานํ ภิกฺขูนํ โอมสวาทํ อารพฺภ กเถสิ. ตสฺมิฺหิ สมเย ฉพฺพคฺคิยา กลหํ กโรนฺตา เปสเล ภิกฺขู ขุํเสนฺติ วมฺเภนฺติ โอวิชฺฌนฺติ, ทสหิ อกฺโกสวตฺถูหิ อกฺโกสนฺติ. ภิกฺขู ภควโต อาโรเจสุํ. ภควา ฉพฺพคฺคิเย ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ภิกฺขโว’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจ’’นฺติ วุตฺเต วิครหิตฺวา ‘‘ภิกฺขเว, ผรุสวาจา นาม ติรจฺฉานคตานมฺปิ อมนาปา, ปุพฺเพปิ เอโก ติรจฺฉานคโต อตฺตานํ ผรุเสน สมุทาจรนฺตํ สหสฺสํ ปราเชสี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต คนฺธารรฏฺเ ตกฺกสิลายํ คนฺธารราชา รชฺชํ กาเรสิ. ตทา โพธิสตฺโต โคโยนิยํ นิพฺพตฺติ. อถ นํ ตรุณวจฺฉกกาเลเยว เอโก พฺราหฺมโณ โคทกฺขิณาทายกานํ สนฺติกา ลภิตฺวา ‘‘นนฺทิวิสาโล’’ติ นามํ กตฺวา ปุตฺตฏฺาเน เปตฺวา สมฺปิยายมาโน ยาคุภตฺตาทีนิ ทตฺวา โปเสสิ. โพธิสตฺโต วยปฺปตฺโต จินฺเตสิ ‘‘อหํ อิมินา พฺราหฺมเณน กิจฺเฉน ปฏิชคฺคิโต, มยา จ สทฺธึ สกลชมฺพุทีเป อฺโ สมธุโร โคโณ นาม นตฺถิ, ยํนูนาหํ อตฺตโน พลํ ทสฺเสตฺวา พฺราหฺมณสฺส โปสาวนิยํ ทเทยฺย’’นฺติ โส เอกทิวสํ พฺราหฺมณํ อาห ‘‘คจฺฉ, พฺราหฺมณ, เอกํ โควิตฺตกเสฏฺึ อุปสงฺกมิตฺวา ‘มยฺหํ พลิพทฺโท อติพทฺธํ สกฏสตํ ปวฏฺเฏตี’ติ วตฺวา สหสฺเสน อพฺภุตํ กโรหี’’ติ. โส พฺราหฺมโณ เสฏฺิสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา กถํ สมุฏฺาเปสิ ‘‘อิมสฺมึ นคเร กสฺส โคโณ ถามสมฺปนฺโน’’ติ. อถ นํ เสฏฺิ ‘‘อสุกสฺส จ อสุกสฺส จา’’ติ วตฺวา ‘‘สกลนคเร ปน อมฺหากํ โคเณหิ สทิโส นาม นตฺถี’’ติ อาห. พฺราหฺมโณ ‘‘มยฺหํ เอโก โคโณ อติพทฺธํ สกฏสตํ ปวฏฺเฏตุํ สมตฺโถ อตฺถี’’ติ อาห. เสฏฺิ คหปติ ‘‘กุโต เอวรูโป โคโณ’’ติ อาห. พฺราหฺมโณ ‘‘มยฺหํ เคเห อตฺถี’’ติ. ‘‘เตน หิ อพฺภุตํ กโรหี’’ติ. ‘‘สาธุ กโรมี’’ติ สหสฺเสน อพฺภุตํ อกาสิ.

โส สกฏสตํ วาลุกาสกฺขรปาสาณานํเยว ปูเรตฺวา ปฏิปาฏิยา เปตฺวา สพฺพานิ อกฺขพนฺธนโยตฺเตน เอกโต พนฺธิตฺวา นนฺทิวิสาลํ นฺหาเปตฺวา คนฺธปฺจงฺคุลิกํ กตฺวา กณฺเ มาลํ ปิฬนฺธิตฺวา ปุริมสกฏธุเร เอกกเมว โยเชตฺวา สยํ ธุเร นิสีทิตฺวา ปโตทํ อุกฺขิปิตฺวา ‘‘คจฺฉ กูฏ, วหสฺสุ กูฏา’’ติ อาห. โพธิสตฺโต ‘‘อยํ มํ อกูฏํ กูฏวาเทน สมุทาจรตี’’ติ จตฺตาโร ปาเท ถมฺเภ วิย นิจฺจเล กตฺวา อฏฺาสิ. เสฏฺิ ตงฺขณฺเว พฺราหฺมณํ สหสฺสํ อาหราเปสิ. พฺราหฺมโณ สหสฺสปราชิโต โคณํ มุฺจิตฺวา ฆรํ คนฺตฺวา โสกาภิภูโต นิปชฺชิ. นนฺทิวิสาโล จริตฺวา อาคโต พฺราหฺมณํ โสกาภิภูตํ ทิสฺวา อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘กึ, พฺราหฺมณ, นิทฺทายสี’’ติ อาห. ‘‘กุโต เม, นิทฺทา, สหสฺสปราชิตสฺสาติ, พฺราหฺมณ, มยา เอตฺตกํ กาลํ ตว เคเห วสนฺเตน อตฺถิ กิฺจิ ภาชนํ วา ภินฺทิตปุพฺพํ, โกจิ วา มทฺทิตปุพฺโพ, อฏฺาเน วา ปน อุจฺจารปสฺสาโว กตปุพฺโพ’’ติ? ‘‘นตฺถิ ตาตา’’ติ. อถ ตฺวํ มํ กสฺมา กูฏวาเทน สมุทาจรสิ, ตเวเวโส โทโส, มยฺหํ โทโส นตฺถิ, คจฺฉ, เตน สทฺธึ ทฺวีหิ สหสฺเสหิ อพฺภุตํ กโรหิ, เกวลํ มํ อกูฏํ กูฏวาเทน มา สมุทาจรสีติ.

พฺราหฺมโณ ตสฺส วจนํ สุตฺวา คนฺตฺวา ทฺวีหิ สหสฺเสหิ อพฺภุตํ กตฺวา ปุริมนเยเนว สกฏสตํ อติพนฺธิตฺวา นนฺทิวิสาลํ มณฺเฑตฺวา ปุริมสกฏธุเร โยเชสิ. กถํ โยเชสีติ? ยุคํ ธุเร นิจฺจลํ พนฺธิตฺวา เอกาย โกฏิยา นนฺทิวิสาลํ โยเชตฺวา เอกํ โกฏึ ธุรโยตฺเตน ปลิเวเตฺวา ยุคโกฏิฺจ อกฺขปาทฺจ นิสฺสาย มุณฺฑรุกฺขทณฺฑกํ ทตฺวา เตน โยตฺเตน นิจฺจลํ พนฺธิตฺวา เปสิ. เอวฺหิ กเต ยุคํ เอตฺโต วา อิโต วา น คจฺฉติ, สกฺกา โหติ เอเกเนว โคเณน อากฑฺฒิตุํ. อถสฺส พฺราหฺมโณ ธุเร นิสีทิตฺวา นนฺทิวิสาลสฺส ปิฏฺึ ปริมชฺชิตฺวา ‘‘คจฺฉ ภทฺร, วหสฺสุ, ภนฺทฺรา’’ติ อาห. โพธิสตฺโต อติพทฺธํ สกฏสตํ เอกเวเคเนว อากฑฺฒิตฺวา ปจฺฉา ิตํ สกฏํ ปุรโต ิตสฺส สกฏสฺส าเน เปสิ. โควิตฺตกเสฏฺิ ปราชิโต พฺราหฺมณสฺส ทฺเว สหสฺสานิ อทาสิ. อฺเปิ มนุสฺสา โพธิสตฺตสฺส พหุํ ธนํ อทํสุ, สพฺพํ พฺราหฺมณสฺเสว อโหสิ. เอวํ โส โพธิสตฺตํ นิสฺสาย พหุํ ธนํ ลภิ.

สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, ผรุสวจนํ นาม กสฺสจิ มนาป’’นฺติ ฉพฺพคฺคิเย ภิกฺขู ครหิตฺวา สิกฺขาปทํ ปฺเปตฺวา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา อิมํ คาถมาห –

๒๘.

‘‘มนุฺเมว ภาเสยฺย, นามนุฺํ กุทาจนํ;

มนุฺํ ภาสมานสฺส, ครุํ ภารํ อุททฺธริ;

ธนฺจ นํ อลาเภสิ, เตน จตฺตมโน อหู’’ติ.

ตตฺถ มนุฺเมว ภาเสยฺยาติ ปเรน สทฺธึ ภาสมาโน จตุโทสวิรหิตํ มธุรํ มนาปํ สณฺหํ มุทุกํ ปิยวจนเมว ภาเสยฺย. ครุํ ภารํ อุททฺธรีติ นนฺทิวิสาโล พลิพทฺโท อมนาปํ ภาสมานสฺส ภารํ อนุทฺธริตฺวา ปจฺฉา มนาปํ ปิยวจนํ ภาสมานสฺส พฺราหฺมณสฺส ครุํ ภารํ อุทฺธริ, อุทฺธริตฺวา กฑฺฒิตฺวา ปวฏฺเฏสีติ อตฺโถ, ท-กาโร ปเนตฺถ พฺยฺชนสนฺธิวเสน ปทสนฺธิกโร.

อิติ สตฺถา ‘‘มนุฺเมว ภาเสยฺยา’’ติ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา พฺราหฺมโณ อานนฺโท อโหสิ, นนฺทิวิสาโล ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

นนฺทิวิสาลชาตกวณฺณนา อฏฺมา.

[๒๙] ๙. กณฺหชาตกวณฺณนา

ยโต ยโต ครุ ธุรนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ยมกปาฏิหาริยํ อารพฺภ กเถสิ. ตํ สทฺธึ เทโวโรหเณน เตรสกนิปาเต สรภมิคชาตเก (ชา. ๑.๑๓.๑๓๔ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติ. สมฺมาสมฺพุทฺเธ ปน ยมกปาฏิหาริยํ กตฺวา เทวโลเก เตมาสํ วสิตฺวา มหาปวารณาย สงฺกสฺสนครทฺวาเร โอรุยฺห มหนฺเตน ปริวาเรน เชตวนํ ปวิฏฺเ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ สนฺนิปติตฺวา ‘‘อาวุโส, ตถาคโต นาม อสมธุโร, ตถาคเตน วุฬฺหธุรํ อฺโ วหิตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ, ฉ สตฺถาโร ‘มยเมว ปาฏิหาริยํ กริสฺสาม, มยเมว ปาฏิหาริยํ กริสฺสามา’ติ วตฺวา เอกมฺปิ ปาฏิหาริยํ น อกํสุ, อโห สตฺถา อสมธุโร’’ติ สตฺถุ คุณกถํ กเถนฺตา นิสีทึสุ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘มยํ, ภนฺเต, น อฺาย กถาย, เอวรูปาย นาม ตุมฺหากเมว คุณกถายา’’ติ. สตฺถา ‘‘ภิกฺขเว, อิทานิ มยา วุฬฺหธุรํ โก วหิสฺสติ, ปุพฺเพ ติรจฺฉานโยนิยํ นิพฺพตฺโตปิ อหํ อตฺตนา สมธุรํ กฺจิ นาลตฺถ’’นฺติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต โคโยนิยํ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. อถ นํ สามิกา ตรุณวจฺฉกกาเลเยว เอกิสฺสา มหลฺลิกาย ฆเร วสิตฺวา ตสฺสา นิวาสเวตนโต ปริจฺฉินฺทิตฺวา อทํสุ. สา ตํ ยาคุภตฺตาทีหิ ปฏิชคฺคมานา ปุตฺตฏฺาเน เปตฺวา วฑฺเฒสิ. โส ‘‘อยฺยิกากาฬโก’’ ตฺเวว นามํ ปฺายิตฺถ. วยปฺปตฺโต จ อฺชนวณฺโณ หุตฺวา คามโคเณหิ สทฺธึ จรติ, สีลาจารสมฺปนฺโน อโหสิ. คามทารกา สิงฺเคสุปิ กณฺเณสุปิ คเลปิ คเหตฺวา โอลมฺพนฺติ, นงฺคุฏฺเปิ คเหตฺวา กีฬนฺติ, ปิฏฺิยมฺปิ นิสีทนฺติ. โส เอกทิวสํ จินฺเตสิ ‘‘มยฺหํ มาตา ทุคฺคตา, มํ ปุตฺตฏฺาเน เปตฺวา ทุกฺเขน โปเสสิ, ยํนูนาหํ ภตึ กตฺวา อิมํ ทุคฺคตภาวโต โมเจยฺย’’นฺติ. โส ตโต ปฏฺาย ภตึ อุปธาเรนฺโต จรติ.

อเถกทิวสํ เอโก สตฺถวาหปุตฺโต ปฺจหิ สกฏสเตหิ วิสมติตฺถํ สมฺปตฺโต, ตสฺส โคณา สกฏานิ อุตฺตาเรตุํ น สกฺโกนฺติ, ปฺจสุ สกฏสเตสุ โคณา ยุคปรมฺปราย โยชิตา เอกมฺปิ สกฏํ อุตฺตาเรตุํ นาสกฺขึสุ. โพธิสตฺโตปิ คามโคเณหิ สทฺธึ ตตฺถ สมีเป จรติ. สตฺถวาหปุตฺโตปิ โคสุตฺตวิตฺตโก, โส ‘‘อตฺถิ นุ โข เอเตสํ คุนฺนํ อนฺตเร อิมานิ สกฏานิ อุตฺตาเรตุํ สมตฺโถ อุสภาชานีโย’’ติ อุปธารยมาโน โพธิสตฺตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ อาชานีโย สกฺขิสฺสติ มยฺหํ สกฏานิ อุตฺตาเรตุํ, โก นุ โข อสฺส สามิโก’’ติ โคปาลเก ปุจฺฉิ ‘‘โก นุ โข โภ อิมสฺส สามิโก, อหํ อิมํ สกเฏ โยเชตฺวา สกเฏสุ อุตฺตาริเตสุ เวตนํ ทสฺสามี’’ติ. เต อาหํสุ ‘‘คเหตฺวา นํ โยเชถ, นตฺถิ อิมสฺส อิมสฺมึ าเน สามิโก’’ติ. โส นํ นาสาย รชฺชุเกน พนฺธิตฺวา อากฑฺเฒนฺโต จาเลตุมฺปิ นาสกฺขิ. โพธิสตฺโต กิร ‘‘ภติยา กถิตาย คมิสฺสามี’’ติ น อคมาสิ. สตฺถวาหปุตฺโต ตสฺสาธิปฺปายํ ตฺวา ‘‘สามิ, ตยา ปฺจสุ สกฏสเตสุ อุตฺตาริเตสุ เอเกกสฺส สกฏสฺส ทฺเว ทฺเว กหาปเณ ภตึ กตฺวา สหสฺสํ ทสฺสามี’’ติ อาห. ตทา โพธิสตฺโต สยเมว อคมาสิ. อถ นํ ปุริสา ปุริมสกเฏสุ โยเชสุํ. อถ นํ เอกเวเคเนว อุกฺขิปิตฺวา ถเล ปติฏฺาเปสิ. เอเตนุปาเยน สพฺพสกฏานิ อุตฺตาเรสิ.

สตฺถวาหปุตฺโต เอเกกสฺส สกฏสฺส เอเกกํ กตฺวา ปฺจสตานิ ภณฺฑิกํ กตฺวา ตสฺส คเล พนฺธิ. โส ‘‘อยํ มยฺหํ ยถาปริจฺฉินฺนํ ภตึ น เทติ, น ทานิสฺส คนฺตุํ ทสฺสามี’’ติ คนฺตฺวา สพฺพปุริมสกฏสฺส ปุรโต มคฺคํ นิวาเรตฺวา อฏฺาสิ. อปเนตุํ วายมนฺตาปิ นํ อปเนตุํ นาสกฺขึสุ. สตฺถวาหปุตฺโต ‘‘ชานาติ มฺเ เอส อตฺตโน ภติยา อูนภาว’’นฺติ เอเกกสฺมึ สกเฏ ทฺเว ทฺเว กตฺวา สหสฺสภณฺฑิกํ พนฺธิตฺวา ‘‘อยํ เต สกฏุตฺตรณภตี’’ติ คีวายํ ลคฺเคสิ. โส สหสฺสภณฺฑิกํ อาทาย มาตุ สนฺติกํ อคมาสิ. คามทารกา ‘‘กึ นาเมตํ อยฺยิกากาฬกสฺส คเล’’ติ โพธิสตฺตสฺส สนฺติกํ อาคจฺฉนฺติ. โส เต อนุพนฺธิตฺวา ทูรโตว ปลาเปนฺโต มาตุ สนฺติกํ คโต. ปฺจนฺนํ ปน สกฏสตานํ อุตฺตาริตตฺตา รตฺเตหิ อกฺขีหิ กิลนฺตรูโป ปฺายิตฺถ. อยฺยิกา ตสฺส คีวาย สหสฺสตฺถวิกํ ทิสฺวา ‘‘ตาต, อยํ เต กหํ ลทฺธา’’ติ โคปาลกทารเก ปุจฺฉิตฺวา ตมตฺถํ สุตฺวา ‘‘ตาต, กึ อหํ ตยา ลทฺธภติยา ชีวิตุกามา, กึการณา เอวรูปํ ทุกฺขํ อนุโภสี’’ติ วตฺวา โพธิสตฺตํ อุณฺโหทเกน นฺหาเปตฺวา สกลสรีรํ เตเลน มกฺเขตฺวา ปานียํ ปาเยตฺวา สปฺปายํ โภชนํ โภเชตฺวา ชีวิตปริโยสาเน สทฺธึ โพธิสตฺเตน ยถากมฺมํ คตา.

สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, ตถาคโต อิทาเนว อสมธุโร, ปุพฺเพปิ อสมธุโรเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา อิมํ คาถมาห –

๒๙.

‘‘ยโต ยโต ครุ ธุรํ, ยโต คมฺภีรวตฺตนี;

ตทาสฺสุ กณฺหํ ยุฺชนฺติ, สฺวาสฺสุ ตํ วหเต ธุร’’นฺติ.

ตตฺถ ยโต ยโต ครุ ธุรนฺติ ยสฺมึ ยสฺมึ าเน ธุรํ ครุ ภาริยํ โหติ, อฺเ พลิพทฺทา อุกฺขิปิตุํ น สกฺโกนฺติ. ยโต คมฺภีรวตฺตนีติ วตฺตนฺติ เอตฺถาติ วตฺตนี, มคฺคสฺเสตํ นามํ, ยสฺมึ าเน อุทกจิกฺขลฺลมหนฺตตาย วา วิสมจฺฉินฺนตฏภาเวน วา มคฺโค คมฺภีโร โหตีติ อตฺโถ. ตทาสฺสุ กณฺหํ ยุฺชนฺตีติ เอตฺถ อสฺสูติ นิปาตมตฺตํ, ตทา กณฺหํ ยุฺชนฺตีติ อตฺโถ. ยทา ธุรฺจ ครุ โหติ มคฺโค จ คมฺภีโร, ตทา อฺเ พลิพทฺเท อปเนตฺวา กณฺหเมว โยเชนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. สฺวาสฺสุ ตํ วหเต ธุรนฺติ เอตฺถาปิ อสฺสูติ นิปาตมตฺตเมว, โส ตํ ธุรํ วหตีติ อตฺโถ.

เอวํ ภควา ‘‘ตทา, ภิกฺขเว, กณฺโหว ตํ ธุรํ วหตี’’ติ ทสฺเสตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา มหลฺลิกา อุปฺปลวณฺณา อโหสิ, อยฺยิกากาฬโก ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

กณฺหชาตกวณฺณนา นวมา.

[๓๐] ๑๐. มุนิกชาตกวณฺณนา

มา มุนิกสฺส ปิหยีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ถุลฺลกุมาริกาปโลภนํ อารพฺภ กเถสิ. ตํ เตรสกนิปาเต จูฬนารทกสฺสปชาตเก (ชา. ๑.๑๓.๔๐ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติ. สตฺถา ปน ตํ ภิกฺขุํ ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ อุกฺกณฺิโตสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กึ นิสฺสายา’’ติ? ‘‘ถุลฺลกุมาริกาปโลภนํ ภนฺเต’’ติ. สตฺถา ‘‘ภิกฺขุ เอสา ตว อนตฺถการิกา, ปุพฺเพปิ ตฺวํ อิมิสฺสา วิวาหทิวเส ชีวิตกฺขยํ ปตฺวา มหาชนสฺส อุตฺตริภงฺคภาวํ ปตฺโต’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต เอกสฺมึ คามเก เอกสฺส กุฏุมฺพิกสฺส เคเห โคโยนิยํ นิพฺพตฺติ ‘‘มหาโลหิโต’’ติ นาเมน, กนิฏฺภาตาปิสฺส จูฬโลหิโต นาม อโหสิ. เตเยว ทฺเว ภาติเก นิสฺสาย ตสฺมึ กุเล กมฺมธุรํ วตฺตติ. ตสฺมึ ปน กุเล เอกา กุมาริกา อตฺถิ, ตํ เอโก นครวาสี กุลปุตฺโต อตฺตโน ปุตฺตสฺส วาเรสิ. ตสฺสา มาตาปิตโร ‘‘กุมาริกาย วิวาหกาเล อาคตานํ ปาหุนกานํ อุตฺตริภงฺโค ภวิสฺสตี’’ติ ยาคุภตฺตํ ทตฺวา มุนิกํ นาม สูกรํ โปเสสุํ. ตํ ทิสฺวา จูฬโลหิโต ภาตรํ ปุจฺฉิ ‘‘อิมสฺมึ กุเล กมฺมธุรํ วตฺตมานํ อมฺเห ทฺเว ภาติเก นิสฺสาย วตฺตติ, อิเม ปน อมฺหากํ ติณปลาลาทีเนว เทนฺติ, สูกรํ ยาคุภตฺเตน โปเสนฺติ, เกน นุ โข การเณน เอส เอตํ ลภตี’’ติ. อถสฺส ภาตา ‘‘ตาต จูฬโลหิต, มา ตฺวํ เอตสฺส โภชนํ ปิหยิ, อยํ สูกโร มรณภตฺตํ ภุฺชติ. เอติสฺสา หิ กุมาริกาย วิวาหกาเล อาคตานํ ปาหุนกานํ อุตฺตริภงฺโค ภวิสฺสตีติ อิเม เอตํ สูกรํ โปเสนฺติ, อิโต กติปาหจฺจเยน เต มนุสฺสา อาคมิสฺสนฺติ, อถ นํ สูกรํ ปาเทสุ คเหตฺวา กฑฺเฒนฺตา เหฏฺามฺจโต นีหริตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปตฺวา ปาหุนกานํ สูปพฺยฺชนํ กริยมานํ ปสฺสิสฺสสี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๓๐.

‘‘มา มุนิกสฺส ปิหยิ, อาตุรนฺนานิ ภุฺชติ;

อปฺโปสฺสุกฺโก ภุสํ ขาท, เอตํ ทีฆายุลกฺขณ’’นฺติ.

ตตฺถ มา มุนิกสฺส ปิหยีติ มุนิกสฺส โภชเน ปิหํ มา อุปฺปาทยิ, ‘‘เอส มุนิโก สุโภชนํ ภุฺชตี’’ติ มา มุนิกสฺส ปิหยิ, ‘‘กทา นุ โข อหมฺปิ เอวํ สุขิโต ภเวยฺย’’นฺติ มา มุนิกภาวํ ปตฺถยิ. อยฺหิ อาตุรนฺนานิ ภุฺชติ. อาตุรนฺนานีติ มรณโภชนานิ. อปฺโปสฺสุกฺโก ภุสํ ขาทาติ ตสฺส โภชเน นิรุสฺสุกฺโก หุตฺวา อตฺตนา ลทฺธํ ภุสํ ขาท. เอตํ ทีฆายุลกฺขณนฺติ เอตํ ทีฆายุภาวสฺส การณํ. ตโต น จิรสฺเสว เต มนุสฺสา อาคมึสุ, มุนิกํ ฆาเตตฺวา นานปฺปกาเรหิ ปจึสุ. โพธิสตฺโต จูฬโลหิตํ อาห ‘‘ทิฏฺโ เต, ตาต, มุนิโก’’ติ. ทิฏฺํ เม, ภาติก, มุนิกสฺส โภชนผลํ, เอตสฺส โภชนโต สตคุเณน สหสฺสคุเณน อมฺหากํ ติณปลาลภุสมตฺตเมว อุตฺตมฺจ อนวชฺชฺจ ทีฆายุลกฺขณฺจาติ.

สตฺถา ‘‘เอวํ โข ตฺวํ ภิกฺขุ ปุพฺเพปิ อิมํ กุมาริกํ นิสฺสาย ชีวิตกฺขยํ ปตฺวา มหาชนสฺส อุตฺตริภงฺคภาวํ คโต’’ติ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสสิ, สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺิโต ภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาสิ. สตฺถา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา มุนิกสูกโร อุกฺกณฺิตภิกฺขุ อโหสิ, ถุลฺลกุมาริกา เอสา เอว, จูฬโลหิโต อานนฺโท, มหาโลหิโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

มุนิกชาตกวณฺณนา ทสมา.

กุรุงฺควคฺโค ตติโย.

ตสฺสุทฺทานํ –

กุรุงฺคํ กุกฺกุรฺเจว, โภชาชานียฺจ อาชฺํ;

ติตฺถํ มหิฬามุขาภิณฺหํ, นนฺทิกณฺหฺจ มุนิกนฺติ.

๔. กุลาวกวคฺโค

[๓๑] ๑. กุลาวกชาตกวณฺณนา

กุลาวกาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อปริสฺสาเวตฺวา ปานียํ ปีตํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. สาวตฺถิโต กิร ทฺเว สหายกา ทหรภิกฺขู ชนปทํ คนฺตฺวา เอกสฺมึ ผาสุกฏฺาเน ยถาชฺฌาสยํ วสิตฺวา ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺธํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ ปุน ตโต นิกฺขมิตฺวา เชตวนาภิมุขา ปายึสุ. เอกสฺส หตฺเถ ปริสฺสาวนํ อตฺถิ, เอกสฺส นตฺถิ. ทฺเวปิ เอกโต ปานียํ ปริสฺสาเวตฺวา ปิวนฺติ. เต เอกทิวสํ วิวาทํ อกํสุ. ปริสฺสาวนสามิโก อิตรสฺส ปริสฺสาวนํ อทตฺวา สยเมว ปานียํ ปริสฺสาเวตฺวา ปิวิ, อิตโร ปน ปริสฺสาวนํ อลภิตฺวา ปิปาสํ สนฺธาเรตุํ อสกฺโกนฺโต อปริสฺสาเวตฺวา ปานียํ ปิวิ. เต อุโภปิ อนุปุพฺเพน เชตวนํ ปตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา นิสีทึสุ. สตฺถา สมฺโมทนียํ กถํ กเถตฺวา ‘‘กุโต อาคตตฺถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ภนฺเต, มยํ โกสลชนปเท เอกสฺมึ คามเก วสิตฺวา ตโต นิกฺขมิตฺวา ตุมฺหากํ ทสฺสนตฺถาย อาคตา’’ติ. ‘‘กจฺจิ ปน โว สมคฺคา อาคตตฺถา’’ติ? อปริสฺสาวนโก อาห ‘‘อยํ, ภนฺเต, อนฺตรามคฺเค มยา สทฺธึ วิวาทํ กตฺวา ปริสฺสาวนํ นาทาสี’’ติ. อิตโรปิ อาห ‘‘อยํ, ภนฺเต, อปริสฺสาเวตฺวาว ชานํ สปาณกํ อุทกํ ปิวี’’ติ. ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ ชานํ สปาณกํ อุทกํ ปิวี’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, อปริสฺสาวิตํ อุทกํ ปิวินฺติ. สตฺถา ‘‘ภิกฺขุ ปุพฺเพ ปณฺฑิตา เทวนคเร รชฺชํ กาเรนฺตา ยุทฺธปราชิตา สมุทฺทปิฏฺเน ปลายนฺตา ‘อิสฺสริยํ นิสฺสาย ปาณวธํ น กริสฺสามา’ติ ตาว มหนฺตํ ยสํ ปริจฺจชิตฺวา สุปณฺณโปตกานํ ชีวิตํ ทตฺวา รถํ นิวตฺตยึสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต มคธรฏฺเ ราชคเห เอโก มาคธราชา รชฺชํ กาเรสิ. ตทา โพธิสตฺโต ยถา เอตรหิ สกฺโก ปุริมตฺตภาเว มคธรฏฺเ มจลคามเก นิพฺพตฺติ, เอวํ ตสฺมึเยว มจลคามเก มหากุลสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ. นามคฺคหณทิวเส จสฺส ‘‘มฆกุมาโร’’ตฺเวว นามํ อกํสุ. โส วยปฺปตฺโต ‘‘มฆมาณโว’’ติ ปฺายิตฺถ. อถสฺส มาตาปิตโร สมานชาติกกุลโต ทาริกํ อานยึสุ. โส ปุตฺตธีตาหิ วฑฺฒมาโน ทานปติ อโหสิ, ปฺจ สีลานิ รกฺขติ. ตสฺมิฺจ คาเม เตตฺตึเสว กุลานิ โหนฺติ, เตปิ เตตฺตึส กุลา มนุสฺสา เอกทิวสํ คามมชฺเฌ ตฺวา คามกมฺมํ กโรนฺติ. โพธิสตฺโต ิตฏฺาเน ปาเทหิ ปํสุํ วิยูหิตฺวา ตํ ปเทสํ รมณียํ กตฺวา อฏฺาสิ, อถฺโ เอโก อาคนฺตฺวา ตสฺมึ าเน ิโต. โพธิสตฺโต อปรํ านํ รมณียํ กตฺวา อฏฺาสิ, ตตฺราปิ อฺโ ิโต. โพธิสตฺโต อปรมฺปิ อปรมฺปีติ สพฺเพสมฺปิ ิตฏฺานํ รมณียํ กตฺวา อปเรน สมเยน ตสฺมึ าเน มณฺฑปํ กาเรสิ, มณฺฑปมฺปิ อปเนตฺวา สาลํ กาเรสิ, ตตฺถ ผลกาสนานิ สนฺถริตฺวา ปานียจาฏึ เปสิ.

อปเรน สมเยน เตปิ เตตฺตึสชนา โพธิสตฺเตน สมานจฺฉนฺทา อเหสุํ. เต โพธิสตฺโต ปฺจสุ สีเลสุ ปติฏฺาเปตฺวา ตโต ปฏฺาย เตหิ สทฺธึ ปุฺานิ กโรนฺโต วิจรติ. เตปิ เตเนว สทฺธึ ปุฺานิ กโรนฺตา กาลสฺเสว วุฏฺาย วาสิผรสุมุสลหตฺถา จตุมหาปถาทีสุ มุสเลน ปาสาเณ อุพฺพตฺเตตฺวา ปวฏฺเฏนฺติ, ยานานํ อกฺขปฏิฆาตรุกฺเข หรนฺติ, วิสมํ สมํ กโรนฺติ, เสตุํ อตฺถรนฺติ, โปกฺขรณิโย ขณนฺติ, สาลํ กโรนฺติ, ทานานิ เทนฺติ, สีลานิ รกฺขนฺติ. เอวํ เยภุยฺเยน สกลคามวาสิโน โพธิสตฺตสฺส โอวาเท ตฺวา สีลานิ รกฺขึสุ.

อถ เนสํ คามโภชโก จินฺเตสิ ‘‘อหํ ปุพฺเพ เอเตสุ สุรํ ปิวนฺเตสุ ปาณาติปาตาทีนิ กโรนฺเตสุ จาฏิกหาปณาทิวเสน เจว ทณฺฑพลิวเสน จ ธนํ ลภามิ, อิทานิ ปน มโฆ มาณโว สีลํ รกฺขาเปติ, เตสํ ปาณาติปาตาทีนิ กาตุํ น เทติ, อิทานิ ปน เต ปฺจ สีลานิ น รกฺขาเปสฺสามี’’ติ กุทฺโธ ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘เทว, พหู โจรา คามฆาตาทีนิ กโรนฺตา วิจรนฺตี’’ติ อาห. ราชา ตสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘คจฺฉ, เต อาเนหี’’ติ อาห. โส คนฺตฺวา สพฺเพปิ เต พนฺธิตฺวา อาเนตฺวา ‘‘อานีตา, เทว, โจรา’’ติ รฺโ อาโรเจสิ. ราชา เตสํ กมฺมํ อโสเธตฺวาว ‘‘หตฺถินา เน มทฺทาเปถา’’ติ อาห. ตโต สพฺเพปิ เต ราชงฺคเณ นิปชฺชาเปตฺวา หตฺถึ อานยึสุ. โพธิสตฺโต เตสํ โอวาทํ อทาสิ ‘‘ตุมฺเห สีลานิ อาวชฺเชถ, เปสุฺการเก จ รฺเ จ หตฺถิมฺหิ จ อตฺตโน สรีเร จ เอกสทิสเมว เมตฺตํ ภาเวถา’’ติ. เต ตถา อกํสุ. อถ เนสํ มทฺทนตฺถาย หตฺถึ อุปเนสุํ. โส อุปนียมาโนปิ น อุปคจฺฉติ, มหาวิรวํ วิรวิตฺวา ปลายติ. อฺํ อฺํ หตฺถึ อานยึสุ, เตปิ ตเถว ปลายึสุ.

ราชา ‘‘เอเตสํ หตฺเถ กิฺจิ โอสธํ ภวิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘วิจินถา’’ติ อาห. วิจินนฺตา อทิสฺวา ‘‘นตฺถิ, เทวา’’ติ อาหํสุ. เตน หิ กิฺจิ มนฺตํ ปริวตฺเตสฺสนฺติ, ปุจฺฉถ เน ‘‘อตฺถิ โว ปริวตฺตนมนฺโต’’ติ? ราชปุริสา ปุจฺฉึสุ, โพธิสตฺโต ‘‘อตฺถี’’ติ อาห. ราชปุริสา ‘‘อตฺถิ กิร, เทวา’’ติ อาโรจยึสุ, ราชา สพฺเพปิ เต ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘ตุมฺหากํ ชานนมนฺตํ กเถถา’’ติ อาห. โพธิสตฺโต อโวจ ‘‘เทว, อฺโ อมฺหากํ มนฺโต นาม นตฺถิ, อมฺเห ปน เตตฺตึสมตฺตา ชนา ปาณํ น หนาม, อทินฺนํ นาทิยาม, มิจฺฉาจารํ น จราม, มุสาวาทํ น ภณาม, มชฺชํ น ปิวาม, เมตฺตํ ภาเวม, ทานํ เทม, มคฺคํ สมํ กโรม, โปกฺขรณิโย ขณาม, สาลํ กโรม, อยํ อมฺหากํ มนฺโต จ ปริตฺตฺจ วุฑฺฒิ จา’’ติ. ราชา เตสํ ปสนฺโน เปสุฺการกสฺส สพฺพํ เคหวิภวํ ตฺจ เตสํเยว ทาสํ กตฺวา อทาสิ, ตํ หตฺถิฺจ คามฺจ เตสํเยว อทาสิ.

เต ตโต ปฏฺาย ยถารุจิยา ปุฺานิ กโรนฺตา ‘‘จตุมหาปเถ มหนฺตํ สาลํ กาเรสฺสามา’’ติ วฑฺฒกึ ปกฺโกสาเปตฺวา สาลํ ปฏฺเปสุํ. มาตุคาเมสุ ปน วิคตจฺฉนฺทตาย ตสฺสา สาลาย มาตุคามานํ ปตฺตึ นาทํสุ. เตน จ สมเยน โพธิสตฺตสฺส เคเห สุธมฺมา, จิตฺตา, นนฺทา, สุชาติ จตสฺโส อิตฺถิโย โหนฺติ. ตาสุ สุธมฺมา วฑฺฒกินา สทฺธึ เอกโต หุตฺวา ‘‘ภาติก, อิมิสฺสา สาลาย มํ เชฏฺิกํ กโรหี’’ติ วตฺวา ลฺชํ อทาสิ. โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ปมเมว กณฺณิการุกฺขํ สุกฺขาเปตฺวา ตจฺเฉตฺวา วิชฺฌิตฺวา กณฺณิกํ นิฏฺาเปตฺวา วตฺเถน ปลิเวเตฺวา เปสิ. อถ สาลํ นิฏฺาเปตฺวา กณฺณิกาโรปนกาเล ‘‘อโห, อยฺยา, เอกํ น สริมฺหา’’ติ อาห. ‘‘กึ นาม, โภ’’ติ. ‘‘กณฺณิกา ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ. ‘‘โหตุ อาหริสฺสามา’’ติ? ‘‘อิทานิ ฉินฺนรุกฺเขน กาตุํ น สกฺกา, ปุพฺเพเยว ฉินฺทิตฺวา ตจฺเฉตฺวา วิชฺฌิตฺวา ปิตกณฺณิกา ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ. ‘‘อิทานิ กึ กาตพฺพ’’นฺติ? ‘‘สเจ กสฺสจิ เคเห นิฏฺาเปตฺวา ปิตา วิกฺกายิกกณฺณิกา อตฺถิ, สา ปริเยสิตพฺพา’’ติ. เต ปริเยสนฺตา สุธมฺมาย เคเห ทิสฺวา มูเลน น ลภึสุ. ‘‘สเจ มํ สาลาย ปตฺติกํ กโรถ, ทสฺสามี’’ติ วุตฺเต ‘‘น มยํ มาตุคามานํ ปตฺตึ ทมฺหา’’ติ อาหํสุ.

อถ เน วฑฺฒกี อาห ‘‘อยฺยา, ตุมฺเห กึ กเถถ, เปตฺวา พฺรหฺมโลกํ อฺํ มาตุคามรหิตฏฺานํ นาม นตฺถิ, คณฺหถ กณฺณิกํ, เอวํ สนฺเต อมฺหากํ กมฺมํ นิฏฺํ คมิสฺสตี’’ติ. เต ‘‘สาธู’’ติ กณฺณิกํ คเหตฺวา สาลํ นิฏฺาเปตฺวา อาสนผลกานิ สนฺถริตฺวา ปานียจาฏิโย เปตฺวา ยาคุภตฺตํ นิพนฺธึสุ. สาลํ ปากาเรน ปริกฺขิปิตฺวา ทฺวารํ โยเชตฺวา อนฺโตปากาเร วาลุกํ อากิริตฺวา พหิปากาเร ตาลปนฺติโย โรเปสุํ. จิตฺตาปิ ตสฺมึ าเน อุยฺยานํ กาเรสิ, ‘‘ปุปฺผูปคผลูปครุกฺโข อสุโก นาม ตสฺมึ นตฺถี’’ติ นาโหสิ. นนฺทาปิ ตสฺมึเยว าเน โปกฺขรณึ กาเรสิ ปฺจวณฺเณหิ ปทุเมหิ สฺฉนฺนํ รมณียํ. สุชา น กิฺจิ อกาสิ.

โพธิสตฺโต มาตุ อุปฏฺานํ ปิตุ อุปฏฺานํ กุเล เชฏฺาปจายิกกมฺมํ สจฺจวาจํ อผรุสวาจํ อปิสุณวาจํ มจฺเฉรวินยนฺติ อิมานิ สตฺต วตปทานิ ปูเรตฺวา –

‘‘มาตาเปตฺติภรํ ชนฺตุํ, กุเล เชฏฺาปจายินํ;

สณฺหํ สขิลสมฺภาสํ, เปสุเณยฺยปฺปหายินํ.

‘‘มจฺเฉรวินเย ยุตฺตํ, สจฺจํ โกธาภิภุํ นรํ;

ตํ เว เทวา ตาวตึสา, อาหุ สปฺปุริโส อิตี’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๒๕๗) –

เอวํ ปสํสิยภาวํ อาปชฺชิตฺวา ชีวิตปริโยสาเน ตาวตึสภวเน สกฺโก เทวราชา หุตฺวา นิพฺพตฺติ, เตปิสฺส สหายา ตตฺเถว นิพฺพตฺตึสุ. ตสฺมึ กาเล ตาวตึสภวเน อสุรา ปฏิวสนฺติ. สกฺโก เทวราชา ‘‘กึ โน สาธารเณน รชฺเชนา’’ติ อสุเร ทิพฺพปานํ ปาเยตฺวา มตฺเต สมาเน ปาเทสุ คาหาเปตฺวา สิเนรุปพฺพตปาเท ขิปาเปสิ. เต อสุรภวนเมว สมฺปาปุณึสุ.

อสุรภวนํ นาม สิเนรุสฺส เหฏฺิมตเล ตาวตึสเทวโลกปฺปมาณเมว, ตตฺถ เทวานํ ปาริจฺฉตฺตโก วิย จิตฺตปาฏลิ นาม กปฺปฏฺิยรุกฺโข โหติ. เต จิตฺตปาฏลิยา ปุปฺผิตาย ชานนฺติ ‘‘นายํ อมฺหากํ เทวโลโก, เทวโลกสฺมิฺหิ ปาริจฺฉตฺตโก ปุปฺผตี’’ติ. อถ เต ‘‘ชรสกฺโก อมฺเห มตฺเต กตฺวา มหาสมุทฺทปิฏฺเ ขิปิตฺวา อมฺหากํ เทวนครํ คณฺหิ, เต มยํ เตน สทฺธึ ยุชฺฌิตฺวา อมฺหากํ เทวนครเมว คณฺหิสฺสามา’’ติ กิปิลฺลิกา วิย ถมฺภํ สิเนรุํ อนุสฺจรมานา อุฏฺหึสุ. สกฺโก ‘‘อสุรา กิร อุฏฺิตา’’ติ สุตฺวา สมุทฺทปิฏฺเเยว อพฺภุคฺคนฺตฺวา ยุชฺฌมาโน เตหิ ปราชิโต ทิยฑฺฒโยชนสติเกน เวชยนฺตรเถน ทกฺขิณสมุทฺทสฺส มตฺถเกน ปลายิตุํ อารทฺโธ. อถสฺส รโถ สมุทฺทปิฏฺเน เวเคน คจฺฉนฺโต สิมฺพลิวนํ ปกฺขนฺโต, ตสฺส คมนมคฺเค สิมฺพลิวนํ นฬวนํ วิย ฉิชฺชิตฺวา ฉิชฺชิตฺวา สมุทฺทปิฏฺเ ปตติ. สุปณฺณโปตกา สมุทฺทปิฏฺเ ปริปตนฺตา มหาวิรวํ รวึสุ. สกฺโก มาตลึ ปุจฺฉิ ‘‘สมฺม มาตลิ, กึ สทฺโท นาเมส, อติการุฺรโว วตฺตตี’’ติ? ‘‘เทว, ตุมฺหากํ รถเวเคน วิจุณฺณิเต สิมฺพลิวเน ปตนฺเต สุปณฺณโปตกา มรณภยตชฺชิตา เอกวิรวํ วิรวนฺตี’’ติ.

มหาสตฺโต ‘‘สมฺม มาตลิ, มา อมฺเห นิสฺสาย เอเต กิลมนฺตุ, น มยํ อิสฺสริยํ นิสฺสาย ปาณวธกมฺมํ กโรม, เอเตสํ ปน อตฺถาย มยํ ชีวิตํ ปริจฺจชิตฺวา อสุรานํ ทสฺสาม, นิวตฺตเยตํ รถ’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๓๑.

‘‘กุลาวกา มาตลิ สิมฺพลิสฺมึ, อีสามุเขน ปริวชฺชยสฺสุ;

กามํ จชาม อสุเรสุ ปาณํ, มาเม ทิชา วิกุลาวา อเหสุ’’นฺติ.

ตตฺถ กุลาวกาติ สุปณฺณโปตกา. มาตลีติ สารถึ อามนฺเตสิ. สิมฺพลิสฺมินฺติ ปสฺส เอเต สิมฺพลิรุกฺเข โอลมฺพนฺตา ิตาติ ทสฺเสติ. อีสามุเขน ปริวชฺชยสฺสูติ เอเต เอตสฺส รถสฺส อีสามุเขน ยถา น หฺนฺติ, เอวํ เต ปริวชฺชยสฺสุ. กามํ จชาม อสุเรสุ ปาณนฺติ ยทิ อมฺเหสุ อสุรานํ ปาณํ จชนฺเตสุ เอเตสํ โสตฺถิ โหติ, กามํ จชาม เอกํเสเนว มยํ อสุเรสุ อมฺหากํ ปาณํ จชาม. มาเม ทิชา วิกุลาวา อเหสุนฺติ อิเม ปน ทิชา อิเม ครุฬโปตกา วิทฺธสฺตวิจุณฺณิตกุลาวกตาย วิกุลาวา มา อเหสุํ, มา อมฺหากํ ทุกฺขํ เอเตสํ อุปริ ขิป, นิวตฺตย นิวตฺตย รถนฺติ. มาตลิสงฺคาหโก ตสฺส วจนํ สุตฺวา รถํ นิวตฺเตตฺวา อฺเน มคฺเคน เทวโลกาภิมุขํ อกาสิ. อสุรา ปน ตํ นิวตฺตยมานเมว ทิสฺวา ‘‘อทฺธา อฺเหิปิ จกฺกวาเฬหิ สกฺกา อาคจฺฉนฺติ, พลํ ลภิตฺวา รโถ นิวตฺโต ภวิสฺสตี’’ติ มรณภยภีตา ปลายิตฺวา อสุรภวนเมว ปวิสึสุ.

สกฺโกปิ เทวนครํ ปวิสิตฺวา ทฺวีสุ เทวโลเกสุ เทวคเณน ปริวุโต นครมชฺเฌ อฏฺาสิ. ตสฺมึ ขเณ ปถวึ ภินฺทิตฺวา โยชนสหสฺสุพฺเพโธ เวชยนฺตปาสาโท อุฏฺหิ. วิชยนฺเต อุฏฺิตตฺตา ‘‘เวชยนฺโต’’ ตฺเวว นามํ อกํสุ. อถ สกฺโก ปุน อสุรานํ อนาคมนตฺถาย ปฺจสุ าเนสุ อารกฺขํ เปสิ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –

‘‘อนฺตรา ทฺวินฺนํ อยุชฺฌปุรานํ, ปฺจวิธา ปิตา อภิรกฺขา;

อุรคกโรฏิปยสฺส จ หารี, มทนยุตา จตุโร จ มหนฺตา’’ติ. (สํ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๒๔๗);

ทฺเว นครานิปิ ยุทฺเธน คเหตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย อยุชฺฌปุรานิ นาม ชาตานิ เทวนครฺจ อสุรนครฺจ. ยทา หิ อสุรา พลวนฺตา โหนฺติ, อถ เทเวหิ ปลายิตฺวา เทวนครํ ปวิสิตฺวา ทฺวาเร ปิหิเต อสุรานํ สตสหสฺสมฺปิ กิฺจิ กาตุํ น สกฺโกติ. ยทา เทวา พลวนฺตา โหนฺติ, อถ อสุเรหิ ปลายิตฺวา อสุรนครํ ปวิสิตฺวา ทฺวาเร ปิหิเต สกฺกานํ สตสหสฺสมฺปิ กิฺจิ กาตุํ น สกฺโกติ. อิติ อิมานิ ทฺเว นครานิ อยุชฺฌปุรานิ นาม. เตสํ อนฺตรา เอเตสุ อุรคาทีสุ ปฺจสุ าเนสุ สกฺเกน อารกฺขา ปิตา. ตตฺถ อุรค-สทฺเทน นาคา คหิตา. เต อุทเก พลวนฺตา โหนฺติ, ตสฺมา สิเนรุสฺส ปมาลินฺเท เตสํ อารกฺขา. กโรฏิ-สทฺเทน สุปณฺณา คหิตา. เตสํ กิร กโรฏิ นาม ปานโภชนํ, เตน ตํ นามํ ลภึสุ, ทุติยาลินฺเท เตสํ อารกฺขา. ปยสฺสหาริ-สทฺเทน กุมฺภณฺฑา คหิตา. ทานวรกฺขสา กิเรเต, ตติยาลินฺเท เตสํ อารกฺขา. มทนยุต-สทฺเทน ยกฺขา คหิตา. วิสมจาริโน กิร เต ยุทฺธโสณฺฑา, จตุตฺถาลินฺเท เตสํ อารกฺขา. จตุโร จ มหนฺตาติ จตฺตาโร มหาราชาโน วุตฺตา, ปฺจมาลินฺเท เตสํ อารกฺขา. ตสฺมา ยทิ อสุรา กุปิตา อาวิลจิตฺตา เทวปุรํ อุปยนฺติ, ปฺจวิเธสุ ยํ คิริโน ปมํ ปริภณฺฑํ, ตํ อุรคา ปริพาหิย ติฏฺนฺติ. เอวํ เสเสสุ เสสา.

อิเมสุ ปน ปฺจสุ าเนสุ อารกฺขํ เปตฺวา สกฺเก เทวานมินฺเท ทิพฺพสมฺปตฺตึ อนุภวมาเน สุธมฺมา จวิตฺวา ตสฺเสว ปาทปริจาริกา หุตฺวา นิพฺพตฺติ, กณฺณิกาย ทินฺนนิสฺสนฺเทน จสฺสา ปฺจโยชนสติกา สุธมฺมา นาม เทวสภา อุทปาทิ, ยตฺถ ทิพฺพเสตจฺฉตฺตสฺส เหฏฺา โยชนปฺปมาเณ กฺจนปลฺลงฺเก นิสินฺโน สกฺโก เทวานมินฺโท เทวมนุสฺสานํ กตฺตพฺพกิจฺจานิ กโรติ. จิตฺตาปิ จวิตฺวา ตสฺเสว ปาทปริจาริกา หุตฺวา นิพฺพตฺติ, อุยฺยานสฺส กรณนิสฺสนฺเทน จสฺสา จิตฺตลตาวนํ นาม อุยฺยานํ อุทปาทิ. นนฺทาปิ จวิตฺวา ตสฺเสว ปาทปริจาริกา หุตฺวา นิพฺพตฺติ, โปกฺขรณิยา นิสฺสนฺเทน จสฺสา นนฺทา นาม โปกฺขรณี อุทปาทิ.

สุชา ปน กุสลกมฺมสฺส อกตตฺตา เอกสฺมึ อรฺเ กนฺทราย พกสกุณิกา หุตฺวา นิพฺพตฺตา. สกฺโก ‘‘สุชา น ปฺายติ, กตฺถ นุ โข นิพฺพตฺตา’’ติ อาวชฺเชนฺโต ตํ ทิสฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา ตํ อาทาย เทวโลกํ อาคนฺตฺวา ตสฺสา รมณียํ เทวนครํ สุธมฺมํ เทวสภํ จิตฺตลตาวนํ นนฺทาโปกฺขรณิฺจ ทสฺเสตฺวา ‘‘เอตา กุสลํ กตฺวา มยฺหํ ปาทปริจาริกา หุตฺวา นิพฺพตฺตา, ตฺวํ ปน กุสลํ อกตฺวา ติรจฺฉานโยนิยํ นิพฺพตฺตา, อิโต ปฏฺาย สีลํ รกฺขาหี’’ติ ตํ โอวทิตฺวา ปฺจสุ สีเลสุ ปติฏฺาเปตฺวา ตตฺเถว เนตฺวา วิสฺสชฺเชสิ. สาปิ ตโต ปฏฺาย สีลํ รกฺขติ. สกฺโก กติปาหจฺจเยน ‘‘สกฺกา นุ โข สีลํ รกฺขิตุ’’นฺติ คนฺตฺวา มจฺฉรูเปน อุตฺตาโน หุตฺวา ปุรโต นิปชฺชิ, สา ‘‘มตมจฺฉโก’’ติ สฺาย สีเส อคฺคเหสิ, มจฺโฉ นงฺคุฏฺํ จาเลสิ, อถ นํ ‘‘ชีวติ มฺเ’’ติ วิสฺสชฺเชสิ. สกฺโก ‘‘สาธุ สาธุ, สกฺขิสฺสสิ สีลํ รกฺขิตุ’’นฺติ อคมาสิ. สา ตโต จุตา พาราณสิยํ กุมฺภการเคเห นิพฺพตฺติ.

สกฺโก ‘‘กหํ นุ โข นิพฺพตฺตา’’ติ ตตฺถ นิพฺพตฺตภาวํ ตฺวา สุวณฺณเอฬาลุกานํ ยานกํ ปูเรตฺวา มชฺเฌ คามสฺส มหลฺลกเวเสน นิสีทิตฺวา ‘‘เอฬาลุกานิ คณฺหถ, เอฬาลุกานิ คณฺหถา’’ติ อุคฺโฆเสสิ. มนุสฺสา อาคนฺตฺวา ‘‘เทหิ, ตาตา’’ติ อาหํสุ. ‘‘อหํ สีลรกฺขกานํ ทมฺมิ, ตุมฺเห สีลํ รกฺขถา’’ติ? ‘‘มยํ สีลํ นาม น ชานาม, มูเลน เทหี’’ติ. ‘‘น มยฺหํ มูเลน อตฺโถ, สีลรกฺขกานฺเวาหํ ทมฺมี’’ติ. มนุสฺสา ‘‘โก จายํ เอฬาลุโก’’ติ ปกฺกมึสุ. สุชา ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา ‘‘มยฺหํ อานีตํ ภวิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา คนฺตฺวา ตํ ‘‘เทหิ, ตาตา’’ติ อาห. ‘‘สีลํ รกฺขสิ, อมฺมา’’ติ? ‘‘อาม, รกฺขามี’’ติ. ‘‘อิทํ มยา ตุยฺหเมว อตฺถาย อาภต’’นฺติ สทฺธึ ยานเกน เคหทฺวาเร เปตฺวา ปกฺกามิ.

สาปิ ยาวชีวํ สีลํ รกฺขิตฺวา ตโต จุตา เวปจิตฺติสฺส อสุรินฺทสฺส ธีตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ, สีลานิสํเสน อภิรูปา อโหสิ. โส ตสฺสา วยปฺปตฺตกาเล ‘‘มยฺหํ ธีตา อตฺตโน จิตฺตรุจิตํ สามิกํ คณฺหตู’’ติ อสุเร สนฺนิปาเตสิ. สกฺโก ‘‘กหํ นุ โข สา นิพฺพตฺตา’’ติ โอโลเกนฺโต ตตฺถ นิพฺพตฺตภาวํ ตฺวา ‘‘สุชา จิตฺตรุจิตํ สามิกํ คณฺหนฺตี มํ คณฺหิสฺสตี’’ติ อสุรวณฺณํ มาเปตฺวา ตตฺถ อคมาสิ. สุชํ อลงฺกริตฺวา สนฺนิปาตฏฺานํ อาเนตฺวา ‘‘จิตฺตรุจิตํ สามิกํ คณฺหา’’ติ อาหํสุ. สา โอโลเกนฺตี สกฺกํ ทิสฺวา ปุพฺเพปิ สิเนหวเสน อุปฺปนฺนเปเมน มโหเฆน วิย อชฺโฌตฺถฏหทยา หุตฺวา ‘‘อยํ เม สามิโก’’ติ วตฺวา ตสฺส อุปริ ปุปฺผทามํ ขิปิตฺวา อคฺคเหสิ. อสุรา ‘‘อมฺหากํ ราชา เอตฺตกํ กาลํ ธีตุ อนุจฺฉวิกํ อลภิตฺวา อิทานิ ลภติ, อยเมวสฺสา ธีตุ ปิตามหโต มหลฺลโก อนุจฺฉวิโก’’ติ ลชฺชมานา ปกฺกมึสุ. โส ตํ เทวนครํ อาเนตฺวา อฑฺฒเตยฺยานํ นาฏิกาโกฏีนํ เชฏฺิกํ กตฺวา ยาวตายุกํ ตฺวา ยถากมฺมํ คโต.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘เอวํ ภิกฺขุ ปุพฺเพ ปณฺฑิตา เทวนคเร รชฺชํ การยมานา อตฺตโน ชีวิตํ ปริจฺจชนฺตาปิ ปาณาติปาตํ น กรึสุ, ตฺวํ นาม เอวรูเป นิยฺยานิเก สาสเน ปพฺพชิตฺวา อปริสฺสาวิตํ สปาณกํ อุทกํ ปิวิสฺสสี’’ติ ตํ ภิกฺขุํ ครหิตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา มาตลิสงฺคาหโก อานนฺโท อโหสิ, สกฺโก ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

กุลาวกชาตกวณฺณนา ปมา.

[๓๒] ๒. นจฺจชาตกวณฺณนา

รุทํ มนุฺนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ พหุภณฺฑิกํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ เหฏฺา เทวธมฺมชาตเก (ชา. ๑.๑.๖) วุตฺตสทิสเมว. สตฺถา ตํ ภิกฺขุํ ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ พหุภณฺโฑ’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กึการณา ตฺวํ ภิกฺขุ พหุภณฺโฑ ชาโตสี’’ติ? โส เอตฺตกํ สุตฺวาว กุทฺโธ นิวาสนปารุปนํ ฉฑฺเฑตฺวา ‘‘อิมินา ทานิ นีหาเรน วิจรามี’’ติ สตฺถุ ปุรโต นคฺโค อฏฺาสิ. มนุสฺสา ‘‘ธี ธี’’ติ อาหํสุ. โส ตโต ปลายิตฺวา หีนายาวตฺโต. ภิกฺขู ธมฺมสภายํ สนฺนิสินฺนา ‘‘สตฺถุ นาม ปุรโต เอวรูปํ กริสฺสตี’’ติ ตสฺส อคุณกถํ กเถสุํ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ภิกฺขู ปุจฺฉิ. ภนฺเต, ‘‘โส หิ นาม ภิกฺขุ ตุมฺหากํ ปุรโต จตุปริสมชฺเฌ หิโรตฺตปฺปํ ปหาย คามทารโก วิย นคฺโค ตฺวา มนุสฺเสหิ ชิคุจฺฉิยมาโน หีนายาวตฺติตฺวา สาสนา ปริหีโน’’ติ ตสฺส อคุณกถาย นิสินฺนามฺหาติ. สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว โส ภิกฺขุ หิโรตฺตปฺปาภาเวน รตนสาสนา ปริหีโน, ปุพฺเพ อิตฺถิรตนปฏิลาภโตปิ ปริหีโนเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต ปมกปฺเป จตุปฺปทา สีหํ ราชานํ อกํสุ, มจฺฉา อานนฺทมจฺฉํ, สกุณา สุวณฺณหํสํ. ตสฺส ปน สุวณฺณหํสราชสฺส ธีตา หํสโปติกา อภิรูปา อโหสิ. โส ตสฺสา วรํ อทาสิ, สา อตฺตโน จิตฺตรุจิตํ สามิกํ วาเรสิ. หํสราชา ตสฺสา วรํ ทตฺวา หิมวนฺเต สพฺเพ สกุเณ สนฺนิปาตาเปสิ, นานปฺปการา หํสโมราทโย สกุณคณา สมาคนฺตฺวา เอกสฺมึ มหนฺเต ปาสาณตเล สนฺนิปตึสุ. หํสราชา ‘‘อตฺตโน จิตฺตรุจิตํ สามิกํ อาคนฺตฺวา คณฺหาตู’’ติ ธีตรํ ปกฺโกสาเปสิ. สา สกุณสงฺฆํ โอโลเกนฺตี มณิวณฺณคีวํ จิตฺรเปขุณํ โมรํ ทิสฺวา ‘‘อยํ เม สามิโก โหตู’’ติ อาโรเจสิ. สกุณสงฺฆา โมรํ อุปสงฺกมิตฺวา อาหํสุ ‘‘สมฺม โมร, อยํ ราชธีตา เอตฺตกานํ สกุณานํ มชฺเฌ สามิกํ โรเจนฺตี ตยิ รุจึ อุปฺปาเทสี’’ติ. โมโร ‘‘อชฺชาปิ ตาว เม พลํ น ปสฺสตี’’ติ อติตุฏฺิยา หิโรตฺตปฺปํ ภินฺทิตฺวา ตาว มหโต สกุณสงฺฆสฺส มชฺเฌ ปกฺเข ปสาเรตฺวา นจฺจิตุํ อารภิ, นจฺจนฺโต อปฺปฏิจฺฉนฺโน อโหสิ.

สุวณฺณหํสราชา ลชฺชิโต ‘‘อิมสฺส เนว อชฺฌตฺตสมุฏฺานา หิรี อตฺถิ, น พหิทฺธาสมุฏฺานํ โอตฺตปฺปํ, นาสฺส ภินฺนหิโรตฺตปฺปสฺส มม ธีตรํ ทสฺสามี’’ติ สกุณสงฺฆมชฺเฌ อิมํ คาถมาห –

๓๒.

‘‘รุทํ มนุฺํ รุจิรา จ ปิฏฺิ, เวฬุริยวณฺณูปนิภา จ คีวา;

พฺยามมตฺตานิ จ เปขุณานิ, นจฺเจน เต ธีตรํ โน ททามี’’ติ.

ตตฺถ รุทํ มนุฺนฺติ ต-การสฺส ท-กาโร กโต, รุตํ มนาปํ, วสฺสิตสทฺโท มธุโรติ อตฺโถ. รุจิรา จ ปิฏฺีติ ปิฏฺิปิ เต จิตฺรา เจว โสภนา จ. เวฬุริยวณฺณูปนิภาติ เวฬุริยมณิวณฺณสทิสา. พฺยามมตฺตานีติ เอกพฺยามปฺปมาณานิ. เปขุณานีติ ปิฺฉานิ. นจฺเจน เต ธีตรํ โน ททามีติ หิโรตฺตปฺปํ ภินฺทิตฺวา นจฺจิตภาเวเนว เต เอวรูปสฺส นิลฺลชฺชสฺส ธีตรํ โน ททามีติ วตฺวา หํสราชา ตสฺมึเยว ปริสมชฺเฌ อตฺตโน ภาคิเนยฺยสฺส หํสโปตกสฺส ธีตรํ อทาสิ. โมโร หํสโปติกํ อลภิตฺวา ลชฺชิตฺวา ตโตว อุปฺปติตฺวา ปลายิ. หํสราชาปิ อตฺตโน วสนฏฺานเมว คโต.

สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว เอส หิโรตฺตปฺปํ ภินฺทิตฺวา รตนสาสนา ปริหีโน, ปุพฺเพปิ อิตฺถิรตนปฏิลาภโต ปริหีโนเยวา’’ติ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา โมโร พหุภณฺฑิโก อโหสิ, หํสราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

นจฺจชาตกวณฺณนา ทุติยา.

[๓๓] ๓. สมฺโมทมานชาตกวณฺณนา

สมฺโมทมานาติ อิทํ สตฺถา กปิลวตฺถุํ อุปนิสฺสาย นิคฺโรธาราเม วิหรนฺโต จุมฺพฏกกลหํ อารพฺภ กเถสิ. โส กุณาลชาตเก (ชา. ๒.๒๑.กุณาลชาตก) อาวิ ภวิสฺสติ. ตทา ปน สตฺถา าตเก อามนฺเตตฺวา ‘‘มหาราชา าตกานํ อฺมฺํ วิคฺคโห นาม น ยุตฺโต, ติรจฺฉานคตาปิ หิ ปุพฺเพ สมคฺคกาเล ปจฺจามิตฺเต อภิภวิตฺวา โสตฺถึ ปตฺตา ยทา วิวาทมาปนฺนา, ตทา มหาวินาสํ ปตฺตา’’ติ วตฺวา าติราชกุเลหิ อายาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต วฏฺฏกโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา อเนกวฏฺฏกสหสฺสปริวาโร อรฺเ ปฏิวสติ. ตทา เอโก วฏฺฏกลุทฺทโก เตสํ วสนฏฺานํ คนฺตฺวา วฏฺฏกวสฺสิตํ กตฺวา เตสํ สนฺนิปติตภาวํ ตฺวา เตสํ อุปริ ชาลํ ขิปิตฺวา ปริยนฺเตสุ มทฺทนฺโต สพฺเพ เอกโต กตฺวา ปจฺฉึ ปูเรตฺวา ฆรํ คนฺตฺวา เต วิกฺกิณิตฺวา เตน มูเลน ชีวิกํ กปฺเปติ. อเถกทิวสํ โพธิสตฺโต เต วฏฺฏเก อาห – ‘‘อยํ สากุณิโก อมฺหากํ าตเก วินาสํ ปาเปติ, อหํ เอกํ อุปายํ ชานามิ, เอเนส อมฺเห คณฺหิตุํ น สกฺขิสฺสติ, อิโต ทานิ ปฏฺาย เอเตน ตุมฺหากํ อุปริ ชาเล ขิตฺตมตฺเต เอเกโก เอเกกสฺมึ ชาลกฺขิเก สีสํ เปตฺวา ชาลํ อุกฺขิปิตฺวา อิจฺฉิตฏฺานํ หริตฺวา เอกสฺมึ กณฺฏกคุมฺเพ ปกฺขิปถ, เอวํ สนฺเต เหฏฺา เตน เตน าเนน ปลายิสฺสามา’’ติ. เต สพฺเพ ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณึสุ. ทุติยทิวเส อุปริ ชาเล ขิตฺเต เต โพธิสตฺเตน วุตฺตนเยเนว ชาลํ อุกฺขิปิตฺวา เอกสฺมึ กณฺฏกคุมฺเพ ขิปิตฺวา สยํ เหฏฺาภาเคน ตโต ตโต ปลายึสุ. สากุณิกสฺส คุมฺพโต ชาลํ โมเจนฺตสฺเสว วิกาโล ชาโต, โส ตุจฺฉหตฺโถว อคมาสิ.

ปุนทิวสโต ปฏฺายปิ วฏฺฏกา ตเถว กโรนฺติ. โสปิ ยาว สูริยตฺถงฺคมนา ชาลเมว โมเจนฺโต กิฺจิ อลภิตฺวา ตุจฺฉหตฺโถว เคหํ คจฺฉติ. อถสฺส ภริยา กุชฺฌิตฺวา ‘‘ตฺวํ ทิวเส ทิวเส ตุจฺฉหตฺโถ อาคจฺฉสิ, อฺมฺปิ เต พหิ โปสิตพฺพฏฺานํ อตฺถิ มฺเ’’ติ อาห. สากุณิโก ‘‘ภทฺเท, มม อฺํ โปสิตพฺพฏฺานํ นตฺถิ, อปิจ โข ปน เต วฏฺฏกา สมคฺคา หุตฺวา จรนฺติ, มยา ขิตฺตมตฺเต ชาลํ อาทาย กณฺฏกคุมฺเพ ขิปิตฺวา คจฺฉนฺติ, น โข ปเนเต สพฺพกาลเมว สมฺโมทมานา วิหริสฺสนฺติ, ตฺวํ มา จินฺตยิ, ยทา เต วิวาทมาปชฺชิสฺสนฺติ, ตทา เต สพฺเพว อาทาย ตว มุขํ หาสยมาโน อาคจฺฉิสฺสามี’’ติ วตฺวา ภริยาย อิมํ คาถมาห –

๓๓.

‘‘สมฺโมทมานา คจฺฉนฺติ, ชาลมาทาย ปกฺขิโน;

ยทา เต วิวทิสฺสนฺติ, ตทา เอหินฺติ เม วส’’นฺติ.

ตตฺถ ยทา เต วิวทิสฺสนฺตีติ ยสฺมึ กาเล เต วฏฺฏกา นานาลทฺธิกา นานาคาหา หุตฺวา วิวทิสฺสนฺติ, กลหํ กริสฺสนฺตีติ อตฺโถ. ตทา เอหินฺติ เม วสนฺติ ตสฺมึ กาเล สพฺเพปิ เต มม วสํ อาคจฺฉิสฺสนฺติ. อถาหํ เต คเหตฺวา ตว มุขํ หาเสนฺโต อาคจฺฉิสฺสามีติ ภริยํ สมสฺสาเสสิ.

กติปาหสฺเสว ปน อจฺจเยน เอโก วฏฺฏโก โคจรภูมึ โอตรนฺโต อสลฺลกฺเขตฺวา อฺสฺส สีสํ อกฺกมิ, อิตโร ‘‘โก มํ สีเส อกฺกมี’’ติ กุชฺฌึ. ‘‘อหํ อสลฺลกฺเขตฺวา อกฺกมึ, มา กุชฺฌี’’ติ วุตฺเตปิ กุชฺฌิเยว. เต ปุนปฺปุนํ กเถนฺตา ‘‘ตฺวเมว มฺเ ชาลํ อุกฺขิปสี’’ติ อฺมฺํ วิวาทํ กรึสุ. เตสุ วิวทนฺเตสุ โพธิสตฺโต จินฺเตสิ ‘‘วิวาทเก โสตฺถิภาโว นาม นตฺถิ, อิทาเนว เต ชาลํ น อุกฺขิปิสฺสนฺติ, ตโต มหนฺตํ วินาสํ ปาปุณิสฺสนฺติ, สากุณิโก โอกาสํ ลภิสฺสติ, มยา อิมสฺมึ าเน น สกฺกา วสิตุ’’นฺติ. โส อตฺตโน ปริสํ อาทาย อฺตฺถ คโต. สากุณิโกปิ โข กติปาหจฺจเยน อาคนฺตฺวา วฏฺฏกวสฺสิตํ วสฺสิตฺวา เตสํ สนฺนิปติตานํ อุปริ ชาลํ ขิปิ. อเถโก วฏฺฏโก ‘‘ตุยฺหํ กิร ชาลํ อุกฺขิปนฺตสฺเสว มตฺถเก โลมานิ ปติตานิ, อิทานิ อุกฺขิปา’’ติ อาห. อปโร ‘‘ตุยฺหํ กิร ชาลํ อุกฺขิปนฺตสฺเสว ทฺวีสุ ปกฺเขสุ ปตฺตานิ ปติตานิ, อิทานิ อุกฺขิปา’’ติ อาห. อิติ เตสํ ‘‘ตฺวํ อุกฺขิป, ตฺวํ อุกฺขิปา’’ติ วทนฺตานฺเว สากุณิโก ชาลํ อุกฺขิปิตฺวา สพฺเพว เต เอกโต กตฺวา ปจฺฉึ ปูเรตฺวา ภริยํ หาสยมาโน เคหํ อคมาสิ.

สตฺถา ‘‘เอวํ มหาราชา าตกานํ กลโห นาม น ยุตฺโต, กลโห วินาสมูลเมว โหตี’’ติ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา อปณฺฑิตวฏฺฏโก เทวทตฺโต อโหสิ, ปณฺฑิตวฏฺฏโก ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

สมฺโมทมานชาตกวณฺณนา ตติยา.

[๓๔] ๔. มจฺฉชาตกวณฺณนา

น มํ สีตํ น มํ อุณฺหนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปุราณทุติยิกาปโลภนํ อารพฺภ กเถสิ. ตทา หิ สตฺถา ตํ ภิกฺขุํ ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ อุกฺกณฺิโตสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘สจฺจํ, ภควา’’ติ. ‘‘เกนาสิ อุกฺกณฺาปิโต’’ติ? ‘‘ปุราณทุติยิกา เม, ภนฺเต มธุรหตฺถรสา, ตํ ชหิตุํ น สกฺโกมี’’ติ. อถ นํ สตฺถา ‘‘ภิกฺขุ เอสา อิตฺถี ตว อนตฺถการิกา, ปุพฺเพปิ ตฺวํ เอตํ นิสฺสาย มรณํ ปาปุณนฺโต มํ อาคมฺม มรณา มุตฺโต’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส ปุโรหิโต อโหสิ. ตทา เกวฏฺฏา นทิยํ ชาลํ ขิปึสุ. อเถโก มหามจฺโฉ รติวเสน อตฺตโน มจฺฉิยา สทฺธึ กีฬมาโน อาคจฺฉติ. ตสฺส สา มจฺฉี ปุรโต คจฺฉมานา ชาลคนฺธํ ฆายิตฺวา ชาลํ ปริหรมานา คตา. โส ปน กามคิทฺโธ โลลมจฺโฉ ชาลกุจฺฉิเมว ปวิฏฺโ. เกวฏฺฏา ตสฺส ชาลํ ปวิฏฺภาวํ ตฺวา ชาลํ อุกฺขิปิตฺวา มจฺฉํ คเหตฺวา อมาเรตฺวาว วาลิกาปิฏฺเ ขิปิตฺวา ‘‘อิมํ องฺคาเรสุ ปจิตฺวา ขาทิสฺสามา’’ติ องฺคาเร กโรนฺติ, สูลํ ตจฺเฉนฺติ. มจฺโฉ ‘‘เอตํ องฺคารตาปนํ วา สูลวิชฺฌนํ วา อฺํ วา ปน ทุกฺขํ น มํ กิลเมติ, ยํ ปเนสา มจฺฉี ‘อฺํ โส นูน รติยา คโต’ติ มยิ โทมนสฺสํ อาปชฺชติ, ตเมว มํ พาธตี’’ติ ปริเทวมาโน อิมํ คาถมาห –

๓๔.

‘‘น มํ สีตํ น มํ อุณฺหํ, น มํ ชาลสฺมิ พาธนํ;

ยฺจ มํ มฺเต มจฺฉี, อฺํ โส รติยา คโต’’ติ.

ตตฺถ น มํ สีตํ น มํ อุณฺหนฺติ มจฺฉานํ อุทกา นีหฏกาเล สีตํ โหติ, ตสฺมึ วิคเต อุณฺหํ โหติ, ตทุภยมฺปิ สนฺธาย ‘‘น มํ สีตํ น มํ อุณฺหํ พาธตี’’ติ ปริเทวติ. ยมฺปิ องฺคาเรสุ ปจฺจนมูลกํ ทุกฺขํ ภวิสฺสติ, ตมฺปิ สนฺธาย ‘‘น มํ อุณฺห’’นฺติ ปริเทวเตว. น มํ ชาลสฺมิ พาธนนฺติ ยมฺปิ เม ชาลสฺมึ พาธนํ อโหสิ, ตมฺปิ มํ น พาเธตีติ ปริเทวติ. ‘‘ยฺจ ม’’นฺติอาทีสุ อยํ ปิณฺฑตฺโถ – สา มจฺฉี มม ชาเล ปติตสฺส อิเมหิ เกวฏฺเฏหิ คหิตภาวํ อชานนฺตี มํ อปสฺสมานา ‘‘โส มจฺโฉ อิทานิ อฺํ มจฺฉึ กามรติยา คโต ภวิสฺสตี’’ติ จินฺเตติ, ตํ ตสฺสา โทมนสฺสปฺปตฺตาย จินฺตนํ มํ พาธตีติ วาลิกาปิฏฺเ นิปนฺโน ปริเทวติ.

ตสฺมึ สมเย ปุโรหิโต ทาสปริวุโต นฺหานตฺถาย นทีตีรํ อาคโต. โส ปน สพฺพรุตฺู โหติ. เตนสฺส มจฺฉปริเทวนํ สุตฺวา เอตทโหสิ ‘‘อยํ มจฺโฉ กิเลสวเสน ปริเทวติ, เอวํ อาตุรจิตฺโต โข ปเนส มียมาโน นิรเยเยว นิพฺพตฺติสฺสติ, อหมสฺส อวสฺสโย ภวิสฺสามี’’ติ เกวฏฺฏานํ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘อมฺโภ ตุมฺเห อมฺหากํ เอกทิวสมฺปิ พฺยฺชนตฺถาย มจฺฉํ น เทถา’’ติ อาห. เกวฏฺฏา ‘‘กึ วเทถ, สามิ, ตุมฺหากํ รุจฺจนกมจฺฉํ คณฺหิตฺวา คจฺฉถา’’ติ อาหํสุ. ‘‘อมฺหากํ อฺเน กมฺมํ นตฺถิ, อิมฺเว เทถา’’ติ. ‘‘คณฺหถ สามี’’ติ. โพธิสตฺโต ตํ อุโภหิ หตฺเถหิ คเหตฺวา นทีตีเร นิสีทิตฺวา ‘‘อมฺโภ มจฺฉ, สเจ ตาหํ อชฺช น ปสฺเสยฺยํ, ชีวิตกฺขยํ ปาปุเณยฺยาสิ, อิทานิ อิโต ปฏฺาย มา กิเลสวสิโก อโหสี’’ติ โอวทิตฺวา อุทเก วิสฺสชฺเชตฺวา นฺหตฺวา นครํ ปาวิสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสสิ, สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺิตภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาสิ. สตฺถาปิ อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา มจฺฉี ปุราณทุติยิกา อโหสิ, มจฺโฉ อุกฺกณฺิตภิกฺขุ ปุโรหิโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

มจฺฉชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.

[๓๕] ๕. วฏฺฏกชาตกวณฺณนา

สนฺติ ปกฺขา อปตนาติ อิทํ สตฺถา มคเธสุ จาริกํ จรมาโน ทาวคฺคินิพฺพานํ อารพฺภ กเถสิ. เอกสฺมิฺหิ สมเย สตฺถา มคเธสุ จาริกํ จรมาโน อฺตรสฺมึ มคธคามเก ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต ภิกฺขุคณปริวุโต มคฺคํ ปฏิปชฺชิ. ตสฺมึ สมเย มหาฑาโห อุฏฺหิ, ปุรโต จ ปจฺฉโต จ พหู ภิกฺขู ทิสฺสนฺติ, โสปิ โข อคฺคิ เอกธูโม เอกชาโล หุตฺวา อวตฺถรมาโน อาคจฺฉเตว. ตตฺเถเก ปุถุชฺชนภิกฺขู มรณภยภีตา ‘‘ปฏคฺคึ ทสฺสาม, เตน ทฑฺฒฏฺานํ อิตโร อคฺคิ น โอตฺถริสฺสตี’’ติ อรณิสหิตํ นีหริตฺวา อคฺคึ กโรนฺติ. อปเร อาหํสุ ‘‘อาวุโส, ตุมฺเห กึ นาม กโรถ, คคนมชฺเฌ ิตํ จนฺทมณฺฑลํ, ปาจีนโลกธาตุโต อุคฺคจฺฉนฺตํ สหสฺสรํสิปฏิมณฺฑิตํ สูริยมณฺฑลํ, เวลาย ตีเร ิตา สมุทฺทํ, สิเนรุํ นิสฺสาย ิตา สิเนรุํ อปสฺสนฺตา วิย สเทวเก โลเก อคฺคปุคฺคลํ อตฺตนา สทฺธึ คจฺฉนฺตเมว สมฺมาสมฺพุทฺธํ อโนโลเกตฺวา ‘ปฏคฺคึ เทมา’ติ วทถ, พุทฺธพลํ นาม น ชานาถ, เอถ สตฺถุ สนฺติกํ คมิสฺสามา’’ติ. เต ปุรโต จ ปจฺฉโต จ คจฺฉนฺตา สพฺเพปิ เอกโต หุตฺวา ทสพลสฺส สนฺติกํ อคมํสุ. สตฺถา มหาภิกฺขุสงฺฆปริวาโร อฺตรสฺมึ ปเทเส อฏฺาสิ. ทาวคฺคิ อภิภวนฺโต วิย วิรวนฺโต อาคจฺฉติ. อาคนฺตฺวา ตถาคตสฺส ิตฏฺานํ ปตฺวา ตสฺส ปเทสสฺส สมนฺตา โสฬสกรีสมตฺตฏฺานํ ปตฺโต อุทเก โอปิลาปิตติณุกฺกา วิย นิพฺพายิ, วินิพฺเพธโต ทฺวตฺตึสกรีสมตฺตฏฺานํ อวตฺถริตุํ นาสกฺขิ.

ภิกฺขู สตฺถุ คุณกถํ อารภึสุ – ‘‘อโห พุทฺธานํ คุณา นาม, อยฺหิ นาม อเจตโน อคฺคิ พุทฺธานํ ิตฏฺานํ อวตฺถริตุํ น สกฺโกติ, อุทเก ติณุกฺกา วิย นิพฺพายติ, อโห พุทฺธานํ อานุภาโว นามา’’ติ. สตฺถา เตสํ กถํ สุตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, เอตํ เอตรหิ มยฺหํ พลํ, ยํ อิมํ ภูมิปฺปเทสํ ปตฺวา เอส อคฺคิ นิพฺพายติ. อิทํ ปน มยฺหํ โปราณกสจฺจพลํ. อิมสฺมิฺหิ ปเทเส สกลมฺปิ อิมํ กปฺปํ อคฺคิ น ชลิสฺสติ, กปฺปฏฺิยปาฏิหาริยํ นาเมต’’นฺติ อาห. อถายสฺมา อานนฺโท สตฺถุ นิสีทนตฺถาย จตุคฺคุณํ สงฺฆาฏึ ปฺเปสิ, นิสีทิ สตฺถา ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา. ภิกฺขุสงฺโฆปิ ตถาคตํ วนฺทิตฺวา ปริวาเรตฺวา นิสีทิ. อถ สตฺถา ‘‘อิทํ ตาว, ภนฺเต, อมฺหากํ ปากฏํ, อตีตํ ปฏิจฺฉนฺนํ, ตํ โน ปากฏํ กโรถา’’ติ ภิกฺขูหิ อายาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต มคธรฏฺเ ตสฺมึเยว ปเทเส โพธิสตฺโต วฏฺฏกโยนิยํ ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา มาตุกุจฺฉิโต ชาโต อณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา นิกฺขนฺตกาเล มหาเคณฺฑุกปฺปมาโณ วฏฺฏกโปตโก อโหสิ. อถ นํ มาตาปิตโร กุลาวเก นิปชฺชาเปตฺวา มุขตุณฺฑเกน โคจรํ อาหริตฺวา โปเสนฺติ. ตสฺส ปกฺเข ปสาเรตฺวา อากาเส คมนพลํ วา ปาเท อุกฺขิปิตฺวา ถเล คมนพลํ วา นตฺถิ. ตฺจ ปเทสํ สํวจฺฉเร สํวจฺฉเร ทาวคฺคิ คณฺหาติ, โส ตสฺมิมฺปิ สมเย มหารวํ รวนฺโต ตํ ปเทสํ คณฺหิ, สกุณสงฺฆา อตฺตโน อตฺตโน กุลาวเกหิ นิกฺขมิตฺวา มรณภยภีตา วิรวนฺตา ปลายนฺติ, โพธิสตฺตสฺสปิ มาตาปิตโร มรณภยภีตา โพธิสตฺตํ ฉฑฺเฑตฺวา ปลายึสุ. โพธิสตฺโต กุลาวเก นิปนฺนโกว คีวํ อุกฺขิปิตฺวา อวตฺถริตฺวา อาคจฺฉนฺตํ อคฺคึ ทิสฺวา จินฺเตสิ ‘‘สเจ มยฺหํ ปกฺเข ปสาเรตฺวา อากาเสน คมนพลํ ภเวยฺย, อุปฺปติตฺวา อฺตฺถ คจฺเฉยฺยํ. สเจ ปาเท อุกฺขิปิตฺวา คมนพลํ ภเวยฺย, ปทวาเรน อฺตฺถ คจฺเฉยฺยํ. มาตาปิตโรปิ โข เม มรณภยภีตา มํ เอกกํ ปหาย อตฺตานํ ปริตฺตายนฺตา ปลาตา. อิทานิ เม อฺํ ปฏิสรณํ นตฺถิ, อตาโณมฺหิ อสรโณ, กึ นุ โข อชฺช มยา กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ.

อถสฺส เอตทโหสิ ‘‘อิมสฺมึ โลเก สีลคุโณ นาม อตฺถิ, สจฺจคุโณ นาม อตฺถิ, อตีเต ปารมิโย ปูเรตฺวา โพธิมูเล นิสีทิตฺวา อภิสมฺพุทฺธา สีลสมาธิปฺาวิมุตฺติวิมุตฺติาณทสฺสนสมฺปนฺนา สจฺจานุทฺทยการุฺขนฺติสมนฺนาคตา สพฺพสตฺเตสุ สมปฺปวตฺตเมตฺตาภาวนา สพฺพฺุพุทฺธา นาม อตฺถิ, เตหิ จ ปฏิวิทฺธา ธมฺมคุณา นาม อตฺถิ, มยิ จาปิ เอกํ สจฺจํ อตฺถิ, สํวิชฺชมาโน เอโก สภาวธมฺโม ปฺายติ, ตสฺมา อตีเต พุทฺเธ เจว เตหิ ปฏิวิทฺธคุเณ จ อาวชฺเชตฺวา มยิ วิชฺชมานํ สจฺจสภาวธมฺมํ คเหตฺวา สจฺจกิริยํ กตฺวา อคฺคึ ปฏิกฺกมาเปตฺวา อชฺช มยา อตฺตโน เจว เสสสกุณานฺจ โสตฺถิภาวํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ. เตน วุตฺตํ –

‘‘อตฺถิ โลเก สีลคุโณ, สจฺจํ โสเจยฺยนุทฺทยา;

เตน สจฺเจน กาหามิ, สจฺจกิริยมนุตฺตรํ.

‘‘อาวชฺเชตฺวา ธมฺมพลํ, สริตฺวา ปุพฺพเก ชิเน;

สจฺจพลมวสฺสาย, สจฺจกิริยมกาสห’’นฺติ. (จริยา. ๓.๗๙-๘๐);

อถ โพธิสตฺโต อตีเต ปรินิพฺพุตานํ พุทฺธานํ คุเณ อาวชฺเชตฺวา อตฺตนิ วิชฺชมานํ สจฺจสภาวํ อารพฺภ สจฺจกิริยํ กโรนฺโต อิมํ คาถมาห –

๓๕.

‘‘สนฺติ ปกฺขา อปตนา, สนฺติ ปาทา อวฺจนา;

มาตาปิตา จ นิกฺขนฺตา, ชาตเวท ปฏิกฺกมา’’ติ.

ตตฺถ สนฺติ ปกฺขา อปตนาติ มยฺหํ ปกฺขา นาม อตฺถิ อุปลพฺภนฺติ, โน จ โข สกฺกา เอเตหิ อุปฺปติตุํ อากาเสน คนฺตุนฺติ อปตนา. สนฺติ ปาทา อวฺจนาติ ปาทาปิ เม อตฺถิ, เตหิ ปน วฺจิตุํ ปทวารคมเนน คนฺตุํ น สกฺกาติ อวฺจนา. มาตาปิตา จ นิกฺขนฺตาติ เย จ มํ อฺตฺถ เนยฺยุํ, เตปิ มรณภเยน มาตาปิตโร นิกฺขนฺตา. ชาตเวทาติ อคฺคึ อาลปติ. โส หิ ชาโตว เวทยติ ปฺายติ, ตสฺมา ‘‘ชาตเวโท’’ติ วุจฺจติ. ปฏิกฺกมาติ ปฏิคจฺฉ นิวตฺตาติ ชาตเวทํ อาณาเปติ.

อิติ มหาสตฺโต ‘‘สเจ มยฺหํ ปกฺขานํ อตฺถิภาโว, เต จ ปสาเรตฺวา อากาเส อปตนภาโว, ปาทานํ อตฺถิภาโว, เต จ อุกฺขิปิตฺวา อวฺจนภาโว, มาตาปิตูนํ มํ กุลาวเกเยว ฉฑฺเฑตฺวา ปลาตภาโว จ สจฺโจ สภาวภูโตเยว, ชาตเวท, เอเตน สจฺเจน ตฺวํ อิโต ปฏิกฺกมา’’ติ กุลาวเก นิปนฺนโกว สจฺจกิริยํ อกาสิ. ตสฺส สห สจฺจกิริยาย โสฬสกรีสมตฺเต าเน ชาตเวโท ปฏิกฺกมิ. ปฏิกฺกมนฺโต จ น ฌายมาโนว อฺํ คโต, อุทเก ปน โอปิลาปิตา อุกฺกา วิย ตตฺเถว นิพฺพายิ. เตน วุตฺตํ –

‘‘สห สจฺเจ กเต มยฺหํ, มหาปชฺชลิโต สิขี;

วชฺเชสิ โสฬส กรีสานิ, อุทกํ ปตฺวา ยถา สิขี’’ติ. (จริยา. ๓.๘๒);

ตํ ปน านํ สกเลปิ อิมสฺมึ กปฺเป อคฺคินา อนภิภวนียตฺตา กปฺปฏฺิยปาฏิหาริยํ นาม ชาตํ. เอวํ โพธิสตฺโต สจฺจกิริยํ กตฺวา ชีวิตปริโยสาเน ยถากมฺมํ คโต.

สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิมสฺส วนสฺส อคฺคินา อนชฺโฌตฺถรณํ เอตรหิ มยฺหํ พลํ, โปราณํ ปเนตํ วฏฺฏโปตกกาเล มยฺหเมว สจฺจพล’’นฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสสิ. สจฺจปริโยสาเน เกจิ โสตาปนฺนา อเหสุํ, เกจิ สกทาคามิโน, เกจิ อนาคามิโน, เกจิ อรหตฺตํ ปตฺตาติ. สตฺถาปิ อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา มาตาปิตโร เอตรหิ มาตาปิตโรว อเหสุํ, วฏฺฏกราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

วฏฺฏกชาตกวณฺณนา ปฺจมา.

[๓๖] ๖. สกุณชาตกวณฺณนา

ยํ นิสฺสิตาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ทฑฺฒปณฺณสาลํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. เอโก กิร ภิกฺขุ สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา เชตวนโต นิกฺขมฺม โกสเลสุ เอกํ ปจฺจนฺตคามํ นิสฺสาย เอกสฺมึ อรฺเสนาสเน วสติ. อถสฺส ปมมาเสเยว ปณฺณสาลา ฑยฺหิตฺถ. โส ‘‘ปณฺณสาลา เม ทฑฺฒา, ทุกฺขํ วสามี’’ติ มนุสฺสานํ อาจิกฺขิ. มนุสฺสา ‘‘อิทานิ โน เขตฺตํ ปริสุกฺขํ, เกทาเร ปาเยตฺวา กริสฺสาม’’, ตสฺมึ ปายิเต ‘‘พีชํ วปิตฺวา’’, พีเช วุตฺเต ‘‘วตึ กตฺวา’’, วติยา กตาย ‘‘นิทฺทายิตฺวา, ลายิตฺวา, มทฺทิตฺวา’’ติ เอวํ ตํ ตํ กมฺมํ อปทิสนฺตาเยว เตมาสํ วีตินาเมสุํ. โส ภิกฺขุ เตมาสํ อชฺโฌกาเส ทุกฺขํ วสนฺโต กมฺมฏฺานํ วฑฺเฒตฺวา วิเสสํ นิพฺพตฺเตตุํ นาสกฺขิ. ปวาเรตฺวา ปน สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. สตฺถา เตน สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘กึ ภิกฺขุ สุเขน วสฺสํวุตฺโถสิ, กมฺมฏฺานํ เต มตฺถกํ ปตฺต’’นฺติ ปุจฺฉิ. โส ตํ ปวตฺตึ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘เสนาสนสปฺปายสฺส เม อภาเวน กมฺมฏฺานํ มตฺถกํ น ปตฺต’’นฺติ อาห. สตฺถา ‘‘ปุพฺเพ ภิกฺขุ ติรจฺฉานคตาปิ อตฺตโน สปฺปายาสปฺปายํ ชานึสุ, ตฺวํ กสฺมา น อฺาสี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต สกุณโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา สกุณสงฺฆปริวุโต อรฺายตเน สาขาวิฏปสมฺปนฺนํ มหารุกฺขํ นิสฺสาย วสติ. อเถกทิวสํ ตสฺส รุกฺขสฺส สาขาสุ อฺมฺํ ฆํสนฺตีสุ จุณฺณํ ปตติ, ธูโม อุฏฺาติ. ตํ ทิสฺวา โพธิสตฺโต จินฺเตสิ ‘‘อิมา ทฺเว สาขา เอวํ ฆํสมานา อคฺคึ วิสฺสชฺเชสฺสนฺติ, โส ปติตฺวา ปุราณปณฺณานิ คณฺหิสฺสติ, ตโต ปฏฺาย อิมมฺปิ รุกฺขํ ฌาเปสฺสติ, น สกฺกา อิธ อมฺเหหิ วสิตุํ, อิโต ปลายิตฺวา อฺตฺถ คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส สกุณสงฺฆสฺส อิมํ คาถมาห –

๓๖.

‘‘ยํ นิสฺสิตา ชคติรุหํ วิหงฺคมา, สฺวายํ อคฺคึ ปมุฺจติ;

ทิสา ภชถ วกฺกงฺคา, ชาตํ สรณโต ภย’’นฺติ.

ตตฺถ ชคติรุหนฺติ ชคติ วุจฺจติ ปถวี, ตตฺถ ชาตตฺตา รุกฺโข ‘‘ชคติรุโห’’ติ วุจฺจติ. วิหงฺคมาติ วิหํ วุจฺจติ อากาสํ, ตตฺถ คมนโต ปกฺขี ‘‘วิหงฺคมา’’ติ วุจฺจนฺติ. ทิสา ภชถาติ อิมํ รุกฺขํ มุฺจิตฺวา อิโต ปลายนฺตา จตสฺโส ทิสา ภชถ. วกฺกงฺคาติ สกุเณ อาลปติ. เต หิ อุตฺตมงฺคํ คลํ กทาจิ กทาจิ วงฺกํ กโรนฺติ, ตสฺมา ‘‘วกฺกงฺคา’’ติ วุจฺจนฺติ. วงฺกา วา เตสํ อุโภสุ ปสฺเสสุ ปกฺขา ชาตาติ วกฺกงฺคา. ชาตํ สรณโต ภยนฺติ อมฺหากํ อวสฺสยรุกฺขโตเยว ภยํ นิพฺพตฺตํ, เอถ อฺตฺถ คจฺฉามาติ.

โพธิสตฺตสฺส วจนกรา ปณฺฑิตสกุณา เตน สทฺธึ เอกปฺปหาเรเนว อุปฺปติตฺวา อฺตฺถ คตา. เย ปน อปณฺฑิตา, เต ‘‘เอวเมว เอส พินฺทุมตฺเต อุทเก กุมฺภีเล ปสฺสตี’’ติ ตสฺส วจนํ อคฺคเหตฺวา ตตฺเถว วสึสุ. ตโต น จิรสฺเสว โพธิสตฺเตน จินฺติตากาเรเนว อคฺคิ นิพฺพตฺติตฺวา ตํ รุกฺขํ อคฺคเหสิ. ธูเมสุ จ ชาลาสุ จ อุฏฺิตาสุ ธูมนฺธา สกุณา อฺตฺถ คนฺตุํ นาสกฺขึสุ, อคฺคิมฺหิ ปติตฺวา ปติตฺวา วินาสํ ปาปุณึสุ.

สตฺถา ‘‘เอวํ ภิกฺขุ ปุพฺเพ ติรจฺฉานคตาปิ รุกฺขคฺเค วสนฺตา อตฺตโน สปฺปายาสปฺปายํ ชานนฺติ, ตฺวํ กสฺมา น อฺาสี’’ติ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสสิ. สจฺจปริโยสาเน โส ภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺิโต. สตฺถาปิ อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา โพธิสตฺตสฺส วจนกรา สกุณา พุทฺธปริสา อเหสุํ, ปณฺฑิตสกุโณ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

สกุณชาตกวณฺณนา ฉฏฺา.

[๓๗] ๗. ติตฺติรชาตกวณฺณนา

เย วุฑฺฒมปจายนฺตีติ อิทํ สตฺถา สาวตฺถึ คจฺฉนฺโต สาริปุตฺตตฺเถรสฺส เสนาสนปฏิพาหนํ อารพฺภ กเถสิ. อนาถปิณฺฑิเกน หิ วิหารํ กาเรตฺวา ทูเต เปสิเต สตฺถา ราชคหา นิกฺขมฺม เวสาลึ ปตฺวา ตตฺถ ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวา ‘‘สาวตฺถึ คมิสฺสามี’’ติ มคฺคํ ปฏิปชฺชิ. เตน จ สมเยน ฉพฺพคฺคิยานํ อนฺเตวาสิกา ปุรโต ปุรโต คนฺตฺวา เถรานํ เสนาสเนสุ อคฺคหิเตสฺเวว ‘‘อิทํ เสนาสนํ อมฺหากํ อุปชฺฌายสฺส, อิทํ อาจริยสฺส, อิทํ อมฺหากเมว ภวิสฺสตี’’ติ เสนาสนานิ ปลิพุนฺเธนฺติ. ปจฺฉา อาคตา เถรา เสนาสนานิ น ลภนฺติ. สาริปุตฺตตฺเถรสฺสาปิ อนฺเตวาสิกา เถรสฺส เสนาสนํ ปริเยสนฺตา น ลภึสุ. เถโร เสนาสนํ อลภนฺโต สตฺถุ เสนาสนสฺส อวิทูเร เอกสฺมึ รุกฺขมูเล นิสชฺชาย จ จงฺกเมน จ รตฺตึ วีตินาเมสิ. สตฺถา ปจฺจูสสมเย นิกฺขมิตฺวา อุกฺกาสิ, เถโรปิ อุกฺกาสิ. ‘‘โก เอโส’’ติ? ‘‘อหํ, ภนฺเต, สาริปุตฺโต’’ติ. ‘‘สาริปุตฺต, อิมาย เวลาย อิธ กึ กโรสี’’ติ? ‘‘โส ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ’’. สตฺถา เถรสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘อิทานิ ตาว มยิ ชีวนฺเตเยว ภิกฺขู อฺมฺํ อคารวา อปติสฺสา วิหรนฺติ, ปรินิพฺพุเต กึ นุ โข กริสฺสนฺตี’’ติ อาวชฺเชนฺตสฺส ธมฺมสํเวโค อุทปาทิ.

โส ปภาตาย รตฺติยา ภิกฺขุสงฺฆํ สนฺนิปาตาเปตฺวา ภิกฺขู ปุจฺฉิ ‘‘สจฺจํ กิร, ภิกฺขเว, ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู ปุรโต ปุรโต คนฺตฺวา เถรานํ ภิกฺขูนํ เสนาสนํ ปฏิพาหนฺตี’’ติ. ‘‘สจฺจํ, ภควา’’ติ? ตโต ฉพฺพคฺคิเย ครหิตฺวา ธมฺมึ กถํ กตฺวา ภิกฺขู อามนฺเตสิ ‘‘โก นุ โข, ภิกฺขเว, อคฺคาสนํ อคฺโคทกํ อคฺคปิณฺฑํ อรหตี’’ติ? เอกจฺเจ ‘‘ขตฺติยกุลา ปพฺพชิโต’’ติ อาหํสุ, เอกจฺเจ ‘‘พฺราหฺมณกุลา, คหปติกุลา ปพฺพชิโต’’ติ, อปเร ‘‘วินยธโร, ธมฺมกถิโก, ปมสฺส ฌานสฺส ลาภี, ทุติยสฺส, ตติยสฺส, จตุตฺถสฺส ฌานสฺส ลาภี’’ติ. อปเร ‘‘โสตาปนฺโน, สกทาคามี, อนาคามี, อรหา, เตวิชฺโช, ฉฬภิฺโ’’ติ อาหํสุ. เอวํ เตหิ ภิกฺขูหิ อตฺตโน อตฺตโน รุจิวเสน อคฺคาสนาทิรหานํ กถิตกาเล สตฺถา อาห – ‘‘น, ภิกฺขเว, มยฺหํ สาสเน อคฺคาสนาทีนิ ปตฺวา ขตฺติยกุลา ปพฺพชิโต ปมาณํ, น พฺราหฺมณกุลา ปพฺพชิโต, น คหปติกุลา ปพฺพชิโต, น วินยธโร, น สุตฺตนฺติโก, น อาภิธมฺมิโก, น ปมชฺฌานาทิลาภิโน, น โสตาปนฺนาทโย ปมาณํ, อถ โข, ภิกฺขเว, อิมสฺมึ สาสเน ยถาวุฑฺฒํ อภิวาทนํ ปจฺจุฏฺานํ อฺชลิกมฺมํ สามีจิกมฺมํ กาตพฺพํ, อคฺคาสนํ อคฺโคทกํ อคฺคปิณฺโฑ ลทฺธพฺโพ. อิทเมตฺถ ปมาณํ. ตสฺมา วุฑฺฒตโร ภิกฺขุ เอเตสํ อนุจฺฉวิโก. อิทานิ โข ปน, ภิกฺขเว, สาริปุตฺโต มยฺหํ อคฺคสาวโก อนุธมฺมจกฺกปฺปวตฺตโก มมานนฺตรํ เสนาสนํ ลทฺธุํ อรหติ, โส อิมํ รตฺตึ เสนาสนํ อลภนฺโต รุกฺขมูเล วีตินาเมสิ, ตุมฺเห อิทาเนว เอวํ อคารวา อปติสฺสา, คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺเต กาเล กินฺติ กตฺวา วิหริสฺสถา’’ติ. อถ เนสํ โอวาททานตฺถาย ‘‘ปุพฺเพ, ภิกฺขเว, ติรจฺฉานคตาปิ ‘น โข ปเนตํ อมฺหากํ ปติรูปํ, ยํ มยํ อฺมฺํ อคารวา อปติสฺสา อสภาควุตฺติโน วิหเรยฺยาม, อมฺเหสุ มหลฺลกตรํ ชานิตฺวา ตสฺส อภิวาทนาทีนิ กริสฺสามา’ติ สาธุกํ วีมํสิตฺวา ‘อยํ โน มหลฺลโก’ติ ตฺวา ตสฺส อภิวาทนาทีนิ กตฺวา เทวปถํ ปูรยมานา คตา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต หิมวนฺตปฺปเทเส เอกํ มหานิคฺโรธํ อุปนิสฺสาย ตโย สหายา วิหรึสุ – ติตฺติโร, มกฺกโฏ, หตฺถีติ. เต อฺมฺํ อคารวา อปติสฺสา อสภาควุตฺติโน อเหสุํ. อถ เนสํ เอตทโหสิ ‘‘น ยุตฺตํ อมฺหากํ เอวํ วิหริตุํ, ยํนูน มยํ โย โน มหลฺลกตโร, ตสฺส อภิวาทนาทีนิ กโรนฺตา วิหเรยฺยามา’’ติ. ‘‘โก ปน โน มหลฺลกตโร’’ติ จินฺเตนฺตา เอกทิวสํ ‘‘อตฺเถโส อุปาโย’’ติ ตโยปิ ชนา นิคฺโรธมูเล นิสีทิตฺวา ติตฺติโร จ มกฺกโฏ จ หตฺถึ ปุจฺฉึสุ ‘‘สมฺม หตฺถิ, ตฺวํ อิมํ นิคฺโรธรุกฺขํ กีวปฺปมาณกาลโต ปฏฺาย ชานาสี’’ติ? โส อาห ‘‘สมฺมา, อหํ ตรุณโปตกกาเล อิมํ นิคฺโรธคจฺฉํ อนฺตรสตฺถีสุ กตฺวา คจฺฉามิ, อวตฺถริตฺวา ิตกาเล จ ปน เม เอตสฺส อคฺคสาขา นาภึ ฆฏฺเฏติ, เอวาหํ อิมํ คจฺฉกาลโต ปฏฺาย ชานามี’’ติ ปุน อุโภปิ ชนา ปุริมนเยเนว มกฺกฏํ ปุจฺฉึสุ. โส อาห ‘‘อหํ สมฺมา มกฺกฏจฺฉาปโก สมาโน ภูมิยํ นิสีทิตฺวา คีวํ อนุกฺขิปิตฺวาว อิมสฺส นิคฺโรธโปตกสฺส อคฺคงฺกุเร ขาทามิ, เอวาหํ อิมํ ขุทฺทกกาลโต ปฏฺาย ชานามี’’ติ. อถ อิตเร อุโภปิ ปุริมนเยเนว ติตฺติรํ ปุจฺฉึสุ. โส อาห ‘‘สมฺมา, ปุพฺเพ อสุกสฺมึ นาม าเน มหานิคฺโรธรุกฺโข อโหสิ, อหํ ตสฺส ผลานิ ขาทิตฺวา อิมสฺมึ าเน วจฺจํ ปาเตสึ, ตโต เอส รุกฺโข ชาโต, เอวาหํ อิมํ อชาตกาลโต ปฏฺาย ชานามิ, ตสฺมา อหํ ตุมฺเหหิ ชาติยา มหลฺลกตโร’’ติ.

เอวํ วุตฺเต มกฺกโฏ จ หตฺถี จ ติตฺติรปณฺฑิตํ อาหํสุ ‘‘สมฺม, ตฺวํ อมฺเหหิ มหลฺลกตโร, อิโต ปฏฺาย มยํ ตว สกฺการครุการมานนวนฺทนปูชนานิ เจว อภิวาทนปจฺจุฏฺานอฺชลิกมฺมสามีจิกมฺมานิ จ กริสฺสาม, โอวาเท จ เต สฺสาม, ตฺวํ ปน อิโต ปฏฺาย อมฺหากํ โอวาทานุสาสนึ ทเทยฺยาสี’’ติ. ตโต ปฏฺาย ติตฺติโร เตสํ โอวาทํ อทาสิ, สีเลสุ ปติฏฺาเปสิ, สยมฺปิ สีลานิ สมาทิยิ. เต ตโยปิ ชนา ปฺจสุ สีเลสุ ปติฏฺาย อฺมฺํ สคารวา สปฺปติสฺสา สภาควุตฺติโน หุตฺวา ชีวิตปริโยสาเน เทวโลกปรายณา อเหสุํ. เตสํ ติณฺณํ สมาทานํ ติตฺติริยํ พฺรหฺมจริยํ นาม อโหสิ.

เต หิ นาม, ภิกฺขเว, ติรจฺฉานคตา อฺมฺํ สคารวา สปฺปติสฺสา วิหรึสุ, ตุมฺเห เอวํ สฺวาขาเต ธมฺมวินเย ปพฺพชิตฺวา กสฺมา อฺมฺํ อคารวา อปติสฺสา วิหรถ. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อิโต ปฏฺาย ตุมฺหากํ ยถาวุฑฺฒํ อภิวาทนํ ปจฺจุฏฺานํ อฺชลิกมฺมํ สามีจิกมฺมํ, ยถาวุฑฺฒํ อคฺคาสนํ อคฺโคทกํ อคฺคปิณฺฑํ, น อิโต ปฏฺาย จ นวกตเรน วุฑฺฒตโร เสนาสเนน ปฏิพาหิตพฺโพ, โย ปฏิพาเหยฺย, อาปตฺติทุกฺกฏสฺสาติ เอวํ สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา อิมํ คาถมาห –

๓๗.

‘‘เย วุฑฺฒมปจายนฺติ, นรา ธมฺมสฺส โกวิทา;

ทิฏฺเว ธมฺเม ปาสํสา, สมฺปราเย จ สุคฺคตี’’ติ.

ตตฺถ เย วุฑฺฒมปจายนฺตีติ ชาติวุฑฺโฒ, วโยวุฑฺโฒ, คุณวุฑฺโฒติ ตโย วุฑฺฒา. เตสุ ชาติสมฺปนฺโน ชาติวุฑฺโฒ นาม, วเย ิโต วโยวุฑฺโฒ นาม, คุณสมฺปนฺโน คุณวุฑฺโฒ นาม. เตสุ คุณสมฺปนฺโน วโยวุฑฺโฒ อิมสฺมึ าเน ‘‘วุฑฺโฒ’’ติ อธิปฺเปโต. อปจายนฺตีติ เชฏฺาปจายิกกมฺเมน ปูเชนฺติ. ธมฺมสฺส โกวิทาติ เชฏฺาปจายนธมฺมสฺส โกวิทา กุสลา. ทิฏฺเว ธมฺเมติ อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว. ปาสํสาติ ปสํสารหา. สมฺปราเย จ สุคฺคตีติ สมฺปเรตพฺเพ อิมํ โลกํ หิตฺวา คนฺตพฺเพ ปรโลเกปิ เตสํ สุคติเยว โหตีติ. อยํ ปเนตฺถ ปิณฺฑตฺโถ – ภิกฺขเว, ขตฺติยา วา โหนฺตุ พฺราหฺมณา วา เวสฺสา วา สุทฺทา วา คหฏฺา วา ปพฺพชิตา วา ติรจฺฉานคตา วา, เย เกจิ สตฺตา เชฏฺาปจิติกมฺเม เฉกา กุสลา คุณสมฺปนฺนานํ วโยวุฑฺฒานํ อปจิตึ กโรนฺติ, เต อิมสฺมิฺจ อตฺตภาเว เชฏฺาปจิติการกาติ ปสํสํ วณฺณนํ โถมนํ ลภนฺติ, กายสฺส จ เภทา สคฺเค นิพฺพตฺตนฺตีติ.

เอวํ สตฺถา เชฏฺาปจิติกมฺมสฺส คุณํ กเถตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา หตฺถินาโค โมคฺคลฺลาโน อโหสิ, มกฺกโฏ สาริปุตฺโต, ติตฺติรปณฺฑิโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

ติตฺติรชาตกวณฺณนา สตฺตมา.

[๓๘] ๘. พกชาตกวณฺณนา

นาจฺจนฺตํ นิกติปฺปฺโติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต จีวรวฑฺฒกํ ภิกฺขุ อารพฺภ กเถสิ. เอโก กิร เชตวนวาสิโก ภิกฺขุ ยํกิฺจิ จีวเร กตฺตพฺพํ เฉทนฆฏฺฏนวิจารณสิพฺพนาทิกํ กมฺมํ, ตตฺถ สุกุสโล. โส ตาย กุสลตาย จีวรํ วฑฺเฒติ, ตสฺมา ‘‘จีวรวฑฺฒโก’’ ตฺเวว ปฺายิตฺถ. กึ ปเนส กโรตีติ? ชิณฺณปิโลติกาสุ หตฺถกมฺมํ ทสฺเสตฺวา สุผสฺสิกํ มนาปํ จีวรํ กตฺวา รชนปริโยสาเน ปิฏฺโทเกน รชิตฺวา สงฺเขน ฆํสิตฺวา อุชฺชลํ มนุฺํ กตฺวา นิกฺขิปติ. จีวรกมฺมํ กาตุํ อชานนฺตา ภิกฺขู อหเต สาฏเก คเหตฺวา ตสฺส สนฺติกํ อาคนฺตฺวา ‘‘มยํ จีวรํ กาตุํ น ชานาม, จีวรํ โน กตฺวา เทถา’’ติ วทนฺติ. โส ‘‘จีวรํ อาวุโส กริยมานํ จิเรน นิฏฺาติ, มยา กตจีวรเมว อตฺถิ, อิเม สาฏเก เปตฺวา ตํ คณฺหิตฺวา คจฺฉถา’’ติ นีหริตฺวา ทสฺเสติ. เต ตสฺส วณฺณสมฺปตฺติเมว ทิสฺวา อนฺตรํ อชานนฺตา ‘‘ถิร’’นฺติ สฺาย อหตสาฏเก จีวรวฑฺฒกสฺส ทตฺวา ตํ คณฺหิตฺวา คจฺฉนฺติ. ตํ เตหิ โถกํ กิลิฏฺกาเล อุณฺโหทเกน โธวิยมานํ อตฺตโน ปกตึ ทสฺเสติ, ตตฺถ ตตฺถ ชิณฺณฏฺานํ ปฺายติ, เต วิปฺปฏิสาริโน โหนฺติ. เอวํ อาคตาคเต ปิโลติกาหิ วฺเจนฺโต โส ภิกฺขุ สพฺพตฺถ ปากโฏ ชาโต.

ยถา เจส เชตวเน, ตถา อฺตรสฺมึ คามเกปิ เอโก จีวรวฑฺฒโก โลกํ วฺเจติ. ตสฺส สมฺภตฺตา ภิกฺขู ‘‘ภนฺเต, เชตวเน กิร เอโก จีวรวฑฺฒโก เอวํ โลกํ วฺเจตี’’ติ อาโรเจสุํ. อถสฺส เอตทโหสิ ‘‘หนฺทาหํ, ตํ นครวาสิกํ วฺเจมี’’ติ ปิโลติกจีวรํ อติมนาปํ กตฺวา สุรตฺตํ รชิตฺวา ตํ ปารุปิตฺวา เชตวนํ อคมาสิ. อิตโร ตํ ทิสฺวาว โลภํ อุปฺปาเทตฺวา ‘‘ภนฺเต, อิมํ จีวรํ ตุมฺเหหิ กต’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘อามาวุโส’’ติ. ‘‘ภนฺเต, อิมํ จีวรํ มยฺหํ เทถ, ตุมฺเห อฺํ ลภิสฺสถา’’ติ? ‘‘อาวุโส, มยํ คามวาสิกา ทุลฺลภปจฺจยา, อิมาหํ ตุยฺหํ ทตฺวา อตฺตนา กึ ปารุปิสฺสามี’’ติ? ‘‘ภนฺเต, มม สนฺติเก อหตสาฏกา อตฺถิ, เต คเหตฺวา ตุมฺหากํ จีวรํ กโรถา’’ติ. ‘‘อาวุโส, มยา เอตฺถ หตฺถกมฺมํ ทสฺสิตํ, ตยิ ปน เอวํ วทนฺเต กึ สกฺกา กาตุํ, คณฺหาหิ น’’นฺติ ตสฺส ปิโลติกจีวรํ ทตฺวา อหตสาฏเก อาทาย ตํ วฺเจตฺวา ปกฺกามิ. เชตวนวาสิโกปิ ตํ จีวรํ ปารุปิตฺวา กติปาหจฺจเยน อุณฺโหทเกน โธวนฺโต ชิณฺณปิโลติกภาวํ ทิสฺวา ลชฺชิโต ‘‘คามวาสิจีวรวฑฺฒเกน กิร เชตวนวาสิโก วฺจิโต’’ติ ตสฺส วฺจิตภาโว สงฺฆมชฺเฌ ปากโฏ ชาโต.

อเถกทิวสํ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ ตํ กถํ กเถนฺตา นิสีทึสุ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิ. เต ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, เชตวนวาสี จีวรวฑฺฒโก อิทาเนว อฺเ วฺเจติ, ปุพฺเพปิ วฺเจสิเยว. น คามวาสิเกนาปิ อิทาเนว เอส เชตวนวาสี จีวรวฑฺฒโก วฺจิโต, ปุพฺเพปิ วฺจิโตเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต เอกสฺมึ อรฺายตเน โพธิสตฺโต อฺตรํ ปทุมสรํ นิสฺสาย ิเต วรณรุกฺเข รุกฺขเทวตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ตทา อฺตรสฺมึ นาติมหนฺเต สเร นิทาฆสมเย อุทกํ มนฺทํ อโหสิ, พหู เจตฺถ มจฺฉา โหนฺติ. อเถโก พโก เต มจฺเฉ ทิสฺวา ‘‘เอเกน อุปาเยน อิเม มจฺเฉ วฺเจตฺวา ขาทิสฺสามี’’ติ คนฺตฺวา อุทกปริยนฺเต จินฺเตนฺโต นิสีทิ. อถ นํ มจฺฉา ทิสฺวา ‘‘กึ, อยฺย, จินฺเตนฺโต นิสินฺโนสี’’ติ ปุจฺฉึสุ. ‘‘ตุมฺหากํ จินฺเตนฺโต นิสินฺโนมฺหี’’ติ. ‘‘กึ อมฺหากํ จินฺเตสิ, อยฺยา’’ติ? ‘‘‘อิมสฺมึ สเร อุทกํ ปริตฺตํ, โคจโร มนฺโท, นิทาโฆ จ มหนฺโต, อิทานิเม มจฺฉา กึ นาม กริสฺสนฺตี’ติ ตุมฺหากํ จินฺเตนฺโต นิสินฺโนมฺหี’’ติ. ‘‘อถ กึ กโรม, อยฺยา’’ติ? ‘‘ตุมฺเห สเจ มยฺหํ วจนํ กเรยฺยาถ, อหํ โว เอเกกํ มุขตุณฺฑเกน คเหตฺวา เอกํ ปฺจวณฺณปทุมสฺฉนฺนํ มหาสรํ เนตฺวา วิสฺสชฺเชยฺย’’นฺติ. ‘‘อยฺย, ปมกปฺปิกโต ปฏฺาย มจฺฉานํ จินฺตนกพโก นาม นตฺถิ, ตฺวํ อมฺเหสุ เอเกกํ ขาทิตุกาโมสี’’ติ. ‘‘นาหํ ตุมฺเห มยฺหํ สทฺทหนฺเต ขาทิสฺสามิ’’. ‘‘สเจ ปน สรสฺส อตฺถิภาวํ มยฺหํ น สทฺทหถ, เอกํ มจฺฉํ มยา สทฺธึ สรํ ปสฺสิตุํ เปเสถา’’ติ. มจฺฉา ตสฺส สทฺทหิตฺวา ‘‘อยํ ชเลปิ ถเลปิ สมตฺโถ’’ติ เอกํ กาฬมหามจฺฉํ อทํสุ ‘‘อิมํ คเหตฺวา คจฺฉถา’’ติ. โส ตํ คเหตฺวา เนตฺวา สเร วิสฺสชฺเชตฺวา สพฺพํ สรํ ทสฺเสตฺวา ปุน อาเนตฺวา เตสํ มจฺฉานํ สนฺติเก วิสฺสชฺเชสิ. โส เตสํ มจฺฉานํ สรสฺส สมฺปตฺตึ วณฺเณสิ. เต ตสฺส กถํ สุตฺวา คนฺตุกามา หุตฺวา ‘‘สาธุ, อยฺย, อมฺเห คณฺหิตฺวา คจฺฉาหี’’ติ อาหํสุ.

พโก ปมํ ตํ กาฬมหามจฺฉเมว คเหตฺวา สรตีรํ เนตฺวา สรํ ทสฺเสตฺวา สรตีเร ชาเต วรณรุกฺเข นิลียิตฺวา ตํ วิฏปนฺตเร ปกฺขิปิตฺวา ตุณฺเฑน วิชฺฌนฺโต ชีวิตกฺขยํ ปาเปตฺวา มํสํ ขาทิตฺวา กณฺฏเก รุกฺขมูเล ปาเตตฺวา ปุน คนฺตฺวา ‘‘วิสฺสฏฺโ, เม โส มจฺโฉ, อฺโ อาคจฺฉตู’’ติ เอเตนุปาเยน เอเกกํ คเหตฺวา สพฺเพ มจฺเฉ ขาทิตฺวา ปุน อาคโต เอกํ มจฺฉมฺปิ นาทฺทส. เอโก ปเนตฺถ กกฺกฏโก อวสิฏฺโ. พโก ตมฺปิ ขาทิตุกาโม หุตฺวา ‘‘โภ, กกฺกฏก, มยา สพฺเพเต มจฺฉา เนตฺวา ปทุมสฺฉนฺเน มหาสเร วิสฺสชฺชิตา, เอหิ ตมฺปิ เนสฺสามี’’ติ. ‘‘มํ คเหตฺวา คจฺฉนฺโต กถํ คณฺหิสฺสสี’’ติ? ‘‘ฑํสิตฺวา คณฺหิสฺสามี’’ติ. ‘‘ตฺวํ เอวํ คเหตฺวา คจฺฉนฺโต มํ ปาเตสฺสสิ, นาหํ ตยา สทฺธึ คมิสฺสามี’’ติ. ‘‘มา ภายิ, อหํ ตํ สุคฺคหิตํ คเหตฺวา คมิสฺสามี’’ติ. กกฺกฏโก จินฺเตสิ ‘‘อิมสฺส มจฺเฉ เนตฺวา สเร วิสฺสชฺชนํ นาม นตฺถิ. สเจ ปน มํ สเร วิสฺสชฺเชสฺสติ, อิจฺเจตํ กุสลํ. โน เจ วิสฺสชฺเชสฺสติ, คีวมสฺส ฉินฺทิตฺวา ชีวิตํ หริสฺสามี’’ติ.

อถ นํ เอวมาห ‘‘สมฺม พก, น โข ตฺวํ สุคฺคหิตํ คเหตุํ สกฺขิสฺสสิ, อมฺหากํ ปน คหณํ สุคฺคหณํ, สจาหํ อเฬหิ ตว คีวํ คเหตุํ ลภิสฺสามิ, ตว คีวํ สุคฺคหิตํ กตฺวา ตยา สทฺธึ คมิสฺสามี’’ติ. โส ตํ ‘‘วฺเจตุกาโม เอส ม’’นฺติ อชานนฺโต ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ. กกฺกฏโก อตฺตโน อเฬหิ กมฺมารสณฺฑาเสน วิย ตสฺส คีวํ สุคฺคหิตํ กตฺวา ‘‘อิทานิ คจฺฉา’’ติ อาห. โส ตํ เนตฺวา สรํ ทสฺเสตฺวา วรณรุกฺขาภิมุโข ปายาสิ. กกฺกฏโก อาห ‘‘มาตุล, อยํ สโร เอตฺโต, ตฺวํ ปน อิโต กึ เนสี’’ติ? พโก ‘‘น เต มาตุโล อหํ, น ภคินิปุตฺโตสิ วต เม ตฺว’’นฺติ วตฺวา ‘‘ตฺวํ ‘เอส มํ อุกฺขิปิตฺวา วิจรนฺโต มยฺหํ ทาโส’ติ สฺํ กโรสิ มฺเ, ปสฺเสตํ วรณรุกฺขสฺส มูเล กณฺฏกราสึ, ยถา เม เต สพฺเพ มจฺฉา ขาทิตา, ตมฺปิ ตเถว ขาทิสฺสามี’’ติ อาห. กกฺกฏโก ‘‘เอเต มจฺฉา อตฺตโน พาลตาย ตยา ขาทิตา, อหํ ปน เต มํ ขาทิตุํ น ทสฺสามิ, ตฺเว ปน วินาสํ ปาเปสฺสามิ. ตฺวฺหิ พาลตาย มยา วฺจิตภาวํ น ชานาสิ, มรนฺตา อุโภปิ มริสฺสาม, อหํ เต สีสํ ฉินฺทิตฺวา ภูมิยํ ขิปิสฺสามี’’ติ วตฺวา กมฺมารสณฺฑาเสน วิย อเฬหิ ตสฺส คีวํ นิปฺปีเฬสิ. โส วิวเฏน มุเขน อกฺขีหิ อสฺสุนา ปคฺฆรนฺเตน มรณภยตชฺชิโต ‘‘สามิ, อหํ ตํ น ขาทิสฺสามิ, ชีวิตํ เม เทหี’’ติ อาห. ‘‘ยทิ เอวํ โอตริตฺวา มํ สรสฺมึ วิสฺสชฺเชหี’’ติ. โส นิวตฺติตฺวา สรเมว โอตริตฺวา กกฺกฏกํ สรปริยนฺเต ปงฺกปิฏฺเ เปสิ, กกฺกฏโก กตฺตริกาย กุมุทนาฬํ กปฺเปนฺโต วิย ตสฺส คีวํ กปฺเปตฺวา อุทกํ ปาวิสิ.

ตํ อจฺฉริยํ ทิสฺวา วรณรุกฺเข อธิวตฺถา เทวตา สาธุการํ ททมานา วนํ อุนฺนาทยมานา มธุรสฺสเรน อิมํ คาถมาห –

๓๘.

‘‘นาจฺจนฺตํ นิกติปฺปฺโ, นิกตฺยา สุขเมธติ;

อาราเธติ นิกติปฺปฺโ, พโก กกฺกฏกามิวา’’ติ.

ตตฺถ นาจฺจนฺตํ นิกติปฺปฺโ, นิกตฺยา สุขเมธตีติ นิกติ วุจฺจติ วฺจนา, นิกติปฺปฺโ วฺจนปฺโ ปุคฺคโล ตาย นิกตฺยา นิกติยา วฺจนาย น อจฺจนฺตํ สุขเมธติ, นิจฺจกาเล สุขสฺมึเยว ปติฏฺาตุํ น สกฺโกติ, เอกํเสน ปน วินาสํ ปาปุณาติเยวาติ อตฺโถ. อาราเธตีติ ปฏิลภติ. นิกติปฺปฺโติ เกราฏิกภาวํ สิกฺขิตปฺโ ปาปปุคฺคโล อตฺตนา กตสฺส ปาปสฺส ผลํ อาราเธติ ปฏิลภติ วินฺทตีติ อตฺโถ. กถํ? พโก กกฺกฏกามิว, ยถา พโก กกฺกฏกา คีวจฺเฉทํ ปาปุณาติ, เอวํ ปาปปุคฺคโล อตฺตนา กตปาปโต ทิฏฺธมฺเม วา สมฺปราเย วา ภยํ อาราเธติ ปฏิลภตีติ อิมมตฺถํ ปกาเสนฺโต มหาสตฺโต วนํ อุนฺนาเทนฺโต ธมฺมํ เทเสสิ.

สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว คามวาสิจีวรวฑฺฒเกเนส วฺจิโต, อตีเตปิ วฺจิโตเยวา’’ติ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา โส พโก เชตวนวาสี จีวรวฑฺฒโก อโหสิ, กกฺกฏโก คามวาสี จีวรวฑฺฒโก, รุกฺขเทวตา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

พกชาตกวณฺณนา อฏฺมา.

[๓๙] ๙. นนฺทชาตกวณฺณนา

มฺเ โสวณฺณโย ราสีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สาริปุตฺตตฺเถรสฺส สทฺธิวิหาริกํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิร ภิกฺขุ สุพฺพโจ อโหสิ วจนกฺขโม, เถรสฺส มหนฺเตนุสฺสาเหน อุปการํ กโรติ. อเถกํ สมยํ เถโร สตฺถารํ อาปุจฺฉิตฺวา จาริกํ จรนฺโต ทกฺขิณาคิริชนปทํ อคมาสิ. โส ภิกฺขุ ตตฺถ คตกาเล มานตฺถทฺโธ หุตฺวา เถรสฺส วจนํ น กโรติ ‘‘อาวุโส, อิทํ นาม กโรหี’’ติ วุตฺเต ปน เถรสฺส ปฏิปกฺโข โหติ. เถโร ตสฺส อาสยํ น ชานาติ. โส ตตฺถ จาริกํ จริตฺวา ปุน เชตวนํ อาคโต. โส ภิกฺขุ เถรสฺส เชตวนวิหารํ อาคตกาลโต ปฏฺาย ปุน ตาทิโสว ชาโต. เถโร ตถาคตสฺส อาโรเจสิ ‘‘ภนฺเต, มยฺหํ เอโก สทฺธิวิหาริโก เอกสฺมึ าเน สเตน กีตทาโส วิย โหติ, เอกสฺมึ าเน มานตฺถทฺโธ หุตฺวา ‘อิทํ นาม กโรหี’ติ วุตฺเต ปฏิปกฺโข โหตี’’ติ. สตฺถา ‘‘นายํ, สาริปุตฺต, ภิกฺขุ อิทาเนว เอวํสีโล, ปุพฺเพเปส เอกํ านํ คโต สเตน กีตทาโส วิย โหติ. เอกํ านํ คโต ปฏิปกฺโข ปฏิสตฺตุ โหตี’’ติ วตฺวา เถเรน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต เอกสฺมึ กุฏุมฺพิยกุเล ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. ตสฺเสโก สหายโก กุฏุมฺพิโก สยํ มหลฺลโก, ภริยา ปนสฺส ตรุณี. สา ตํ นิสฺสาย ปุตฺตํ ปฏิลภิ. โส จินฺเตสิ ‘‘อยํ อิตฺถี ตรุณตฺตา มมจฺจเยน กฺจิเทว ปุริสํ คเหตฺวา อิมํ ธนํ วินาเสยฺย, ปุตฺตสฺส เม น ทเทยฺย, ยํนูนาหํ อิมํ ธนํ ปถวิคตํ กเรยฺย’’นฺติ ฆเร นนฺทํ นาม ทาสํ คเหตฺวา อรฺํ คนฺตฺวา เอกสฺมึ าเน ตํ ธนํ นิทหิตฺวา ตสฺส อาจิกฺขิตฺวา ‘‘ตาต, นนฺท, อิมํ ธนํ มมจฺจเยน มยฺหํ ปุตฺตสฺส อาจิกฺเขยฺยาสิ, มา จ นํ ปริจฺจชสี’’ติ โอวทิตฺวา กาลมกาสิ.

ปุตฺโตปิสฺส อนุกฺกเมน วยปฺปตฺโต ชาโต. อถ นํ มาตา อาห – ‘‘ตาต, ตว ปิตา นนฺทํ ทาสํ คเหตฺวา ธนํ นิเธสิ, ตํ อาหราเปตฺวา กุฏุมฺพํ สณฺเปหี’’ติ. โส เอกทิวสํ นนฺทํ อาห – ‘‘มาตุล, อตฺถิ กิฺจิ มยฺหํ ปิตรา ธนํ นิทหิต’’นฺติ. ‘‘อาม, สามี’’ติ. ‘‘กุหึ ตํ นิทหิต’’นฺติ. ‘‘อรฺเ, สามี’’ติ. ‘‘เตน หิ คจฺฉามา’’ติ กุทฺทาลปิฏกํ อาทาย นิธิฏฺานํ คนฺตฺวา ‘‘กหํ มาตุล, ธน’’นฺติ อาห. นนฺโท อารุยฺห ธนมตฺถเก ตฺวา ธนํ นิสฺสาย มานํ อุปฺปาเทตฺวา ‘‘อเร ทาสิปุตฺต เจฏก, กุโต เต อิมสฺมึ าเน ธน’’นฺติ กุมารํ อกฺโกสติ. กุมาโร ตสฺส ผรุสวจนํ สุตฺวา อสุณนฺโต วิย ‘‘เตน หิ คจฺฉามา’’ติ ตํ คเหตฺวา ปฏินิวตฺติตฺวา ปุน ทฺเว ตโย ทิวเส อติกฺกมิตฺวา อคมาสิ, นนฺโท ตเถว อกฺโกสติ. กุมาโร เตน สทฺธึ ผรุสวจนํ อวตฺวาว นิวตฺติตฺวา ‘‘อยํ ทาโส อิโต ปฏฺาย ‘ธนํ อาจิกฺขิสฺสามี’ติ คจฺฉติ, คนฺตฺวา ปน มํ อกฺโกสติ, ตตฺถ การณํ น ชานามิ, อตฺถิ โข ปน เม ปิตุ สหาโย กุฏุมฺพิโก, ตํ ปฏิปุจฺฉิตฺวา ชานิสฺสามี’’ติ โพธิสตฺตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา สพฺพํ ตํ ปวตฺตึ อาโรเจตฺวา ‘‘กึ นุ โข, ตาต, การณ’’นฺติ ปุจฺฉิ.

โพธิสตฺโต ‘‘ยสฺมึ เต, ตาต, าเน ิโต นนฺโท อกฺโกสติ, ตตฺเถว เต ปิตุ สนฺตกํ ธนํ, ตสฺมา ยทา เต นนฺโท อกฺโกสติ, ตทา นํ ‘เอหิ เร ทาส, กึ อกฺโกสสี’ติ อากฑฺฒิตฺวา ตํ านํ ภินฺทิตฺวา กุลสนฺตกํ ธนํ นีหริตฺวา ทาสํ อุกฺขิปาเปตฺวา ธนํ อาหรา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๓๙.

‘‘มฺเ โสวณฺณโย ราสิ, โสวณฺณมาลา จ นนฺทโก;

ยตฺถ ทาโส อามชาโต, ิโต ถุลฺลานิ คชฺชตี’’ติ.

ตตฺถ มฺเติ เอวํ อหํ ชานามิ. โสวณฺณโยติ สุนฺทโร วณฺโณ เอเตสนฺติ โสวณฺณานิ. กานิ ตานิ? รชตมณิกฺจนปวาฬาทีนิ รตนานิ. อิมสฺมิฺหิ าเน สพฺพาเนตานิ ‘‘สุวณฺณานี’’ติ อธิปฺเปตานิ, เตสํ ราสิ โสวณฺณโย ราสิ. โสวณฺณมาลา จาติ ตุยฺหํ ปิตุสนฺตกา สุวณฺณมาลา จ เอตฺเถวาติ มฺามิ. นนฺทโก ยตฺถ ทาโสติ ยสฺมึ าเน ิโต นนฺทโก ทาโส. อามชาโตติ ‘‘อาม, อหํ โว ทาสี’’ติ เอวํ ทาสพฺยํ อุปคตาย อามทาสิสงฺขาตาย ทาสิยา ปุตฺโต. ิโต ถุลฺลานิ คชฺชตีติ ‘‘โส ยสฺมึ าเน ิโต ถุลฺลานิ ผรุสวจนานิ วทติ, ตตฺเถว เต กุลสนฺตกํ ธนํ, เอวํ อหํ ตํ มฺามี’’ติ โพธิสตฺโต กุมารสฺส ธนคฺคหณูปายํ อาจิกฺขิ.

กุมาโร โพธิสตฺตํ วนฺทิตฺวา ฆรํ คนฺตฺวา นนฺทํ อาทาย นิธิฏฺานํ คนฺตฺวา ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชิตฺวา ตํ ธนํ อาหริตฺวา กุฏุมฺพํ สณฺเปตฺวา โพธิสตฺตสฺส โอวาเท ิโต ทานาทีนิ ปุฺานิ กตฺวา ชีวิตปริโยสาเน ยถากมฺมํ คโต.

สตฺถา ‘‘ปุพฺเพเปส เอวํสีโลเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา นนฺโท สาริปุตฺตสฺส สทฺธิวิหาริโก อโหสิ, ปณฺฑิตกุฏุมฺพิโก ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

นนฺทชาตกวณฺณนา นวมา.

[๔๐] ๑๐. ขทิรงฺคารชาตกวณฺณนา

กามํ ปตามิ นิรยนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อนาถปิณฺฑิกํ อารพฺภ กเถสิ. อนาถปิณฺฑิโก หิ วิหารเมว อารพฺภ จตุปฺาสโกฏิธนํ พุทฺธสาสเน ปริจฺจชิตฺวา วิกิริตฺวา เปตฺวา ตีณิ รตนานิ อฺตฺถ รตนสฺเมว อนุปฺปาเทตฺวา สตฺถริ เชตวเน วิหรนฺเต เทวสิกํ ตีณิ มหาอุปฏฺานานิ คจฺฉติ. ปาโตว เอกวารํ คจฺฉติ, กตปาตราโส เอกวารํ, สายนฺเห เอกวารํ. อฺานิปิ อนฺตรนฺตรุปฏฺานานิ โหนฺติเยว. คจฺฉนฺโต จ ‘‘กึ นุ โข อาทาย อาคโตติ สามเณรา วา ทหรา วา หตฺถมฺปิ เม โอโลเกยฺยุ’’นฺติ ตุจฺฉหตฺโถ นาม น คตปุพฺโพ. ปาโตว คจฺฉนฺโต ยาคุํ คาหาเปตฺวา คจฺฉติ, กตปาตราโส สปฺปินวนีตมธุผาณิตาทีนิปิ, สายนฺหสมเย คนฺธมาลาวตฺถาทิหตฺโถติ. เอวํ ทิวเส ทิวเส ปริจฺจชนฺตสฺส ปนสฺส ปริจฺจาเค ปมาณํ นตฺถิ.

พหู โวหารูปชีวิโนปิสฺส หตฺถโต ปณฺเณ อาโรเปตฺวา อฏฺารสโกฏิสงฺขฺยํ ธนํ อิณํ คณฺหึสุ, เต มหาเสฏฺิ น อาหราเปติ. อฺา ปนสฺส กุลสนฺตกา อฏฺารส โกฏิโย นทีตีเร นิทหิตฺวา ปิตา อจิรวโตทเกน นทีกูเล ภินฺเน มหาสมุทฺทํ ปวิฏฺา, ตา ยถาปิหิตลฺฉิ ตาว โลหจาฏิโย อณฺฑวกุจฺฉิยํ ปวฏฺฏนฺตา วิจรนฺติ. เคเห ปนสฺส ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ นิจฺจภตฺตํ นิพทฺธเมว โหติ. เสฏฺิโน หิ เคหํ ภิกฺขุสงฺฆสฺส จตุมหาปเถ ขตโปกฺขรณิสทิสํ, สพฺพภิกฺขูนํ มาตาปิตุฏฺาเน ิตํ. เตนสฺส ฆรํ สมฺมาสมฺพุทฺโธปิ คจฺฉติ, อสีติมหาเถราปิ คจฺฉนฺติเยว. เสสภิกฺขูนํ ปน คจฺฉนฺตานฺจ อาคจฺฉนฺตานฺจ ปมาณํ นตฺถิ. ตํ ปน ฆรํ สตฺตภูมกํ สตฺตทฺวารโกฏฺกปฏิมณฺฑิตํ, ตสฺส จตุตฺเถ ทฺวารโกฏฺเก เอกา มิจฺฉาทิฏฺิกา เทวตา วสติ, สา สมฺมาสมฺพุทฺเธ เคหํ ปวิสนฺเต อตฺตโน วิมาเน าตุํ น สกฺโกติ, ทารเก คเหตฺวา โอตริตฺวา ภูมิยํ ติฏฺติ. อสีติมหาเถเรสุปิ อวเสสตฺเถเรสุปิ ปวิสนฺเตสุ จ นิกฺขมนฺเตสุ จ ตเถว กโรติ. สา จินฺเตสิ ‘‘สมเณ โคตเม จ สาวเกสุ จสฺส อิมํ เคหํ ปวิสนฺเตสุ มยฺหํ สุขํ นาม นตฺถิ, นิจฺจกาลํ โอตริตฺวา โอตริตฺวา ภูมิยํ าตุํ น สกฺขิสฺสามิ. ยถา อิเม เอตํ ฆรํ น ปวิสนฺติ, ตถา มยา กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ. อเถกทิวสํ สยนูปคตสฺเสว มหากมฺมนฺติกสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา โอภาสํ ผริตฺวา อฏฺาสิ. ‘‘โก เอตฺถา’’ติ จ วุตฺเต ‘‘อหํ จตุตฺถทฺวารโกฏฺเก นิพฺพตฺตเทวตา’’ติ อาห. ‘‘กสฺมา อาคตาสี’’ติ? ‘‘กึ ตุมฺเห เสฏฺิสฺส กิริยํ น ปสฺสถ, อตฺตโน ปจฺฉิมกาลํ อโนโลเกตฺวา ธนํ นีหริตฺวา สมณํ โคตมํเยว ปูเชติ, เนว วณิชฺชํ ปโยเชติ, น กมฺมนฺเต ปฏฺเปติ, ตุมฺเห เสฏฺึ ตถา โอวทถ, ยถา อตฺตโน กมฺมนฺตํ กโรติ. ยถา จ สมโณ โคตโม สสาวโก อิมํ ฆรํ น ปวิสติ, ตถา กโรถา’’ติ. อถ นํ โส อาห ‘‘พาลเทวเต, เสฏฺิ ธนํ วิสฺสชฺเชนฺโต นิยฺยานิเก พุทฺธสาสเน วิสฺสชฺเชติ, โส สเจ มํ จูฬายํ คเหตฺวา วิกฺกิณิสฺสติ, เนวาหํ กิฺจิ กเถสฺสามิ, คจฺฉ ตฺวํ’’นฺติ. สา ปุเนกทิวสํ เสฏฺิโน เชฏฺปุตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ตเถว โอวทิ, โสปิ ตํ ปุริมนเยเนว ตชฺเชสิ. เสฏฺินา ปน สทฺธึ กเถตุํเยว น สกฺโกติ.

เสฏฺิโนปิ นิรนฺตรํ ทานํ เทนฺตสฺส โวหาเร อกโรนฺตสฺส อาเย มนฺทีภูเต ธนํ ปริกฺขยํ อคมาสิ. อถสฺส อนุกฺกเมน ทาลิทฺทิยปฺปตฺตสฺส ปริโภคสาฏกสยนโภชนานิปิ ปุราณสทิสานิ น ภวึสุ. เอวํภูโตปิ ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทานํ เทติ, ปณีตํ ปน กตฺวา ทาตุํ น สกฺโกติ. อถ นํ เอกทิวสํ วนฺทิตฺวา นิสินฺนํ สตฺถา ‘‘ทียติ ปน เต, คหปติ, กุเล ทาน’’นฺติ ปุจฺฉิ. โส ‘‘ทียติ, ภนฺเต, ตฺจ โข กณาชกํ พิลงฺคทุติย’’นฺติ อาห. อถ นํ สตฺถา ‘‘คหปติ, ‘ลูขํ ทานํ เทมี’ติ มา จิตฺตํ สงฺโกจยิตฺถ. จิตฺตสฺมิฺหิ ปณีเต พุทฺธปจฺเจกพุทฺธพุทฺธสาวกานํ ทินฺนทานํ ลูขํ นาม น โหติ. กสฺมา? วิปากมหนฺตตฺตา’’ติ อาห. จิตฺตฺหิ ปณีตํ กาตุํ สกฺโกนฺตสฺส ทานํ ลูขํ นาม นตฺถีติ เจตํ เอวํ เวทิตพฺพํ –

‘‘นตฺถิ จิตฺเต ปสนฺนมฺหิ, อปฺปกา นาม ทกฺขิณา;

ตถาคเต วา สมฺพุทฺเธ, อถ วา ตสฺส สาวเก. (วิ. ว. ๘๐๔);

‘‘น กิรตฺถิ อโนมทสฺสิสุ, ปาริจริยา พุทฺเธสุ อปฺปกา;

สุกฺขาย อโลณิกาย จ, ปสฺส ผลํ กุมฺมาสปิณฺฑิยา’’ติ.

อปรมฺปิ นํ อาห ‘‘คหปติ, ตฺวํ ตาว ลูขํ ทานํ ททมาโน อฏฺนฺนํ อริยปุคฺคลานํ เทสิ, อหํ เวลามกาเล สกลชมฺพุทีปํ อุนฺนงฺคลํ กตฺวา สตฺต รตนานิ ททมาโน ปฺจ มหานทิโย เอโกฆปุณฺณํ กตฺวา วิย จ มหาทานํ ปวตฺตยมาโน ติสรณคตํ วา ปฺจสีลรกฺขนกํ วา กฺจิ นาลตฺถํ, ทกฺขิเณยฺยปุคฺคลา นาม เอวํ ทุลฺลภา. ตสฺมา ‘ลูขํ เม ทาน’นฺติ มา จิตฺตํ สงฺโกจยิตฺถา’’ติ เอวฺจ ปน วตฺวา เวลามสุตฺตํ (อ. นิ. ๙.๒๐) กเถสิ.

อถ โข สา เทวตา อิสฺสรกาเล เสฏฺินา สทฺธึ กเถตุมฺปิ อสกฺโกนฺตี ‘‘อิทานายํ ทุคฺคตตฺตา มม วจนํ คณฺหิสฺสตี’’ติ มฺมานา อฑฺฒรตฺตสมเย สิริคพฺภํ ปวิสิตฺวา โอภาสํ ผริตฺวา อากาเส อฏฺาสิ. เสฏฺิ ตํ ทิสฺวา ‘‘โก เอโส’’ติ อาห. ‘‘อหํ มหาเสฏฺิ จตุตฺถทฺวารโกฏฺเก อธิวตฺถา, เทวตา’’ติ. ‘‘กิมตฺถมาคตาสี’’ติ? ‘‘ตุยฺหํ โอวาทํ กเถตุกามา หุตฺวา อาคจฺฉามี’’ติ. ‘‘เตน หิ กเถหี’’ติ. มหาเสฏฺิ ตฺวํ ปจฺฉิมกาลํ น จินฺเตสิ, ปุตฺตธีตโร น โอโลเกสิ, สมณสฺส เต โคตมสฺส สาสเน พหุํ ธนํ วิปฺปกิณฺณํ, โส ตฺวํ อติเวลํ ธนวิสฺสชฺชเนน วา วณิชฺชาทิกมฺมานํ อกรเณน วา สมณํ โคตมํ นิสฺสาย ทุคฺคโต ชาโต, เอวํภูโตปิ สมณํ โคตมํ น มุฺจสิ, อชฺชปิ เต สมณา ฆรํ ปวิสนฺติเยว. ยํ ตาว เตหิ นีตํ, ตํ น สกฺกา ปจฺจาหราเปตุํ, คหิตํ คหิตเมว โหตุ, อิโต ปฏฺาย ปน สยฺจ สมณสฺส โคตมสฺส สนฺติกํ มา คมิตฺถ, สาวกานฺจสฺส อิมํ ฆรํ ปวิสิตุํ มา อทาสิ, สมณํ โคตมํ นิวตฺติตฺวาปิ อโนโลเกนฺโต อตฺตโน โวหาเร จ วณิชฺชฺจ กตฺวา กุฏุมฺพํ สณฺเปหี’’ติ. อถ นํ โส เอวมาห ‘‘อยํ ตยา มยฺหํ ทาตพฺพโอวาโท’’ติ. ‘‘อาม, อยฺยา’’ติ. ตาทิสานํ เทวตานํ สเตนปิ สหสฺเสนปิ สตสหสฺเสนปิ อกมฺปนีโย อหํ ทสพเลน กโต. มม หิ สทฺธา สิเนรุ วิย อจลา สุปฺปติฏฺิตา, มยา นิยฺยานิเก รตนสาสเน ธนํ วิสฺสชฺชิตํ, อยุตฺตํ เต กถิตํ, พุทฺธสาสเน ปหาโร ทินฺโน, เอวรูปาย อนาจาราย ทุสฺสีลาย กาฬกณฺณิยา สทฺธึ ตยา มม เอกเคเห วสนกิจฺจํ นตฺถิ, สีฆํ มม เคหา นิกฺขมิตฺวา อฺตฺถ คจฺฉาติ.

สา โสตาปนฺนสฺส อริยสาวกสฺส วจนํ สุตฺวา าตุํ อสกฺโกนฺตี อตฺตโน วสนฏฺานํ คนฺตฺวา ทารเก หตฺเถน คเหตฺวา นิกฺขมิ. นิกฺขมิตฺวา จ ปน อฺตฺถ วสนฏฺานํ อลภมานา ‘‘เสฏฺึ ขมาเปตฺวา ตตฺเถว วสิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา นครปริคฺคาหกเทวปุตฺตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ตํ วนฺทิตฺวา อฏฺาสิ. ‘‘เกนฏฺเน อาคตาสี’’ติ จ วุตฺเต ‘‘อหํ สามิ, อตฺตโน พาลตาย อนุปธาเรตฺวา อนาถปิณฺฑิเกน เสฏฺินา สทฺธึ กเถสึ, โส มํ กุชฺฌิตฺวา วสนฏฺานา นิกฺกฑฺฒิ, มํ เสฏฺิสฺส สนฺติกํ เนตฺวา ขมาเปตฺวา วสนฏฺานํ เม เทถา’’ติ. ‘‘กึ ปน ตยา เสฏฺิ วุตฺโต’’ติ ‘‘อิโต ปฏฺาย พุทฺธุปฏฺานํ สงฺฆุปฏฺานํ มา กริ, สมณสฺส โคตมสฺส ฆรปฺปเวสนํ มา อทาสี’’ติ ‘‘เอวํ เม วุตฺโต, สามี’’ติ. อยุตฺตํ ตยา วุตฺตํ, สาสเน ปหาโร ทินฺโน, ‘‘อหํ ตํ อาทาย เสฏฺิโน สนฺติกํ คนฺตุํ น อุสฺสหามี’’ติ. สา ตสฺส สนฺติกา สงฺคหํ อลภิตฺวา จตุนฺนํ มหาราชานํ สนฺติกํ อคมาสิ.

เตหิปิ ตเถว ปฏิกฺขิตฺตา สกฺกํ เทวราชํ อุปสงฺกมิตฺวา ตํ ปวตฺตึ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘อหํ, เทว, วสนฏฺานํ อลภมานา ทารเก หตฺเถน คเหตฺวา อนาถา วิจรามิ, ตุมฺหากํ สิริยา มยฺหํ วสนฏฺานํ ทาเปถา’’ติ สุฏฺุตรํ ยาจิ. โสปิ นํ อาห ‘‘ตยา อยุตฺตํ กตํ, ชินสาสเน ปหาโร ทินฺโน, อหมฺปิ ตํ นิสฺสาย เสฏฺินา สทฺธึ กเถตุํ น สกฺโกมิ, เอกํ ปน เต เสฏฺิสฺส ขมนูปายํ กเถสฺสามี’’ติ. ‘‘สาธุ, เทว, กเถหี’’ติ. มหาเสฏฺิสฺส หตฺถโต มนุสฺเสหิ ปณฺเณ อาโรเปตฺวา อฏฺารสโกฏิสงฺขฺยํ ธนํ คหิตํ อตฺถิ, ตฺวํ ตสฺส อายุตฺตกเวสํ คเหตฺวา กฺจิ อชานาเปตฺวา ตานิ ปณฺณานิ อาทาย กติปเยหิ ยกฺขตรุเณหิ ปริวาริตา เอเกน หตฺเถน ปณฺณํ, เอเกน เลขนึ คเหตฺวา เตสํ เคหํ คนฺตฺวา เคหมชฺเฌ ิตา อตฺตโน ยกฺขานุภาเวน เต อุตฺตาเสตฺวา ‘‘อิทํ ตุมฺหากํ อิณปณฺณํ, อมฺหากํ เสฏฺิ อตฺตโน อิสฺสรกาเล ตุมฺเห น กิฺจิ อาห, อิทานิ ทุคฺคโต ชาโต, ตุมฺเหหิ คหิตกหาปณานิ เทถา’’ติ อตฺตโน ยกฺขานุภาวํ ทสฺเสตฺวา สพฺพาปิ ตา อฏฺารส หิรฺโกฏิโย สาเธตฺวา เสฏฺิสฺส ตุจฺฉโกฏฺเก ปูเรตฺวา อฺํ อจิรวตินทีตีเร นิทหิตํ ธนํ นทีกูเล ภินฺเน สมุทฺทํ ปวิฏฺํ อตฺถิ, ตมฺปิ อตฺตโน อานุภาเวน อาหริตฺวา ตุจฺฉโกฏฺเก ปูเรตฺวา, อฺมฺปิ อสุกฏฺาเน นาม อสฺสามิกํ อฏฺารสโกฏิมตฺตเมว ธนํ อตฺถิ, ตมฺปิ อาหริตฺวา ตุจฺฉโกฏฺเก ปูเรหิ, อิมาหิ จตุปฺาสโกฏีหิ อิมํ ตุจฺฉโกฏฺกปูรกํ ทณฺฑกมฺมํ กตฺวา มหาเสฏฺึ ขมาเปหีติ.

สา ‘‘สาธุ, เทวา’’ติ ตสฺส วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา วุตฺตนเยเนว สพฺพํ ธนํ อาหริตฺวา โกฏฺเก ปูเรตฺวา อฑฺฒรตฺตสมเย เสฏฺิสฺส สิริคพฺภํ ปวิสิตฺวา โอภาสํ ผริตฺวา อากาเส อฏฺาสิ. ‘‘โก เอโส’’ติ วุตฺเต ‘‘อหํ เต มหาเสฏฺิ จตุตฺถทฺวารโกฏฺเก อธิวตฺถา อนฺธพาลเทวตา, มยา มหาโมหมูฬฺหาย พุทฺธคุเณ อชานิตฺวา ปุริเมสุ ทิวเสสุ ตุมฺเหหิ สทฺธึ กิฺจิ กถิตํ อตฺถิ, ตํ เม โทสํ ขมถ. สกฺกสฺส หิ เม เทวราชสฺส วจเนน ตุมฺหากํ อิณํ โสเธตฺวา อฏฺารส โกฏิโย, สมุทฺทํ คตา อฏฺารส โกฏิโย, ตสฺมึ ตสฺมึ าเน อสฺสามิกธนสฺส อฏฺารส โกฏิโยติ จตุปณฺณาส โกฏิโย อาหริตฺวา ตุจฺฉโกฏฺกปูรเณน ทณฺฑกมฺมํ กตํ, เชตวนวิหารํ อารพฺภ ปริกฺขยํ คตธนํ สพฺพํ สมฺปิณฺฑิตํ, วสนฏฺานํ อลภมานา กิลมามิ, มยา อฺาณตาย กถิตํ มนสิ อกตฺวา ขมถ มหาเสฏฺี’’ติ อาห.

อนาถปิณฺฑิโก ตสฺสา วจนํ สุตฺวา จินฺเตสิ ‘‘อยํ เทวตา ‘ทณฺฑกมฺมฺจ เม กต’นฺติ วทติ, อตฺตโน จ โทสํ ปฏิชานาติ, สตฺถา อิมํ วิเนตฺวา อตฺตโน คุเณ ชานาเปสฺสติ, สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส นํ ทสฺเสสฺสามี’’ติ. อถ นํ อาห ‘‘อมฺม, เทวเต, สเจสิ มํ ขมาเปตุกามา, สตฺถุ สนฺติเก มํ ขมาเปหี’’ติ. สาธุ เอวํ กริสฺสามิ, ‘‘สตฺถุ ปน มํ สนฺติกํ คเหตฺวา คจฺฉาหี’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ วตฺวา วิภาตาย รตฺติยา ปาโตว ตํ คเหตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ตาย กตกมฺมํ สพฺพํ ตถาคตสฺส อาโรเจสิ. สตฺถา ตสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘อิธ, คหปติ, ปาปปุคฺคโลปิ ยาว ปาปํ น ปจฺจติ, ตาว ภทฺรานิ ปสฺสติ. ยทา ปนสฺส ปาปํ ปจฺจติ, ตทา ปาปเมว ปสฺสติ. ภทฺรปุคฺคโลปิ ยาว ภทฺรํ น ปจฺจติ, ตาว ปาปานิ ปสฺสติ. ยทา ปนสฺส ภทฺรํ ปจฺจติ, ตทา ภทฺรเมว ปสฺสตี’’ติ วตฺวา อิมา ธมฺมปเท ทฺเว คาถา อภาสิ –

‘‘ปาโปปิ ปสฺสตี ภทฺรํ, ยาว ปาปํ น ปจฺจติ;

ยทา จ ปจฺจตี ปาปํ, อถ ปาโป ปาปานิ ปสฺสติ.

‘‘ภทฺโรปิ ปสฺสตี ปาปํ, ยาว ภทฺรํ น ปจฺจติ;

ยทา จ ปจฺจตี ภทฺรํ, อถ ภทฺโร ภทฺรานิ ปสฺสตี’’ติ. (ธ. ป. ๑๑๙-๑๒๐);

อิมาสฺจ ปน คาถานํ ปริโยสาเน สา เทวตา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาสิ. สา จกฺกงฺกิเตสุ สตฺถุ ปาเทสุ นิปติตฺวา ‘‘มยา, ภนฺเต, ราครตฺตาย โทสปทุฏฺาย โมหมูฬฺหาย อวิชฺชนฺธาย ตุมฺหากํ คุเณ อชานนฺติยา ปาปกํ วจนํ วุตฺตํ, ตํ เม ขมถา’’ติ สตฺถารํ ขมาเปตฺวา มหาเสฏฺิมฺปิ ขมาเปสิ.

ตสฺมึ สมเย อนาถปิณฺฑิโก สตฺถุ ปุรโต อตฺตโน คุณํ กเถสิ ‘‘ภนฺเต, อยํ เทวตา ‘พุทฺธุปฏฺานาทีนิ มา กโรหี’ติ วารยมานาปิ มํ วาเรตุํ นาสกฺขิ, ‘ทานํ น ทาตพฺพ’นฺติ อิมาย วาริยมาโนปหํ ทานํ อทาสิเมว, นูน เอส, ภนฺเต, มยฺหํ คุโณ’’ติ. สตฺถา ‘‘ตฺวํ โขสิ คหปติ โสตาปนฺโน อริยสาวโก อจลสทฺโธ วิสุทฺธทสฺสโน, ตุยฺหํ อิมาย อปฺเปสกฺขเทวตาย วาเรนฺติยา อวาริตภาโว น อจฺฉริโย. ยํ ปน ปุพฺเพ ปณฺฑิตา อนุปฺปนฺเน พุทฺเธ อปริปกฺกาเณ ิตา กามาวจริสฺสเรน มาเรน อากาเส ตฺวา ‘สเจ ทานํ ทสฺสสิ, อิมสฺมึ นิรเย ปจฺจิสฺสสี’ติ อสีติหตฺถคมฺภีรํ องฺคารกาสุํ ทสฺเสตฺวา ‘มา ทานํ อทาสี’ติ วาริตาปิ ปทุมกณฺณิกามชฺเฌ ตฺวา ทานํ อทํสุ, อิทํ อจฺฉริย’’นฺติ วตฺวา อนาถปิณฺฑิเกน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต พาราณสิเสฏฺิสฺส กุเล นิพฺพตฺติตฺวา นานปฺปกาเรหิ สุขูปกรเณหิ เทวกุมาโร วิย สํวฑฺฒิยมาโน อนุกฺกเมน วิฺุตํ ปตฺวา โสฬสวสฺสกาเลเยว สพฺพสิปฺเปสุ นิปฺผตฺตึ ปตฺโต. โส ปิตุ อจฺจเยน เสฏฺิฏฺาเน ตฺวา จตูสุ นครทฺวาเรสุ จตสฺโส ทานสาลาโย, มชฺเฌ นครสฺส เอกํ, อตฺตโน นิเวสนทฺวาเร เอกนฺติ ฉ ทานสาลาโย กาเรตฺวา มหาทานํ เทติ, สีลํ รกฺขติ, อุโปสถกมฺมํ กโรติ.

อเถกทิวสํ ปาตราสเวลาย โพธิสตฺตสฺส นานคฺครเส มนุฺโภชเน อุปนียมาเน เอโก ปจฺเจกพุทฺโธ สตฺตาหจฺจเยน นิโรธา วุฏฺาย ภิกฺขาจารเวลํ สลฺลกฺเขตฺวา ‘‘อชฺช มยา พาราณสิเสฏฺิสฺส เคหทฺวารํ คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ นาคลตาทนฺตกฏฺํ ขาทิตฺวา อโนตตฺตทเห มุขโธวนํ กตฺวา มโนสิลาตเล ิโต นิวาเสตฺวา วิชฺชุลตาสทิสํ กายพนฺธนํ พนฺธิตฺวา จีวรํ ปารุปิตฺวา อิทฺธิมยมตฺติกาปตฺตํ อาทาย อากาเสนาคนฺตฺวา โพธิสตฺตสฺส ภตฺเต อุปนีตมตฺเต เคหทฺวาเร อฏฺาสิ. โพธิสตฺโต ตํ ทิสฺวาว อาสนา วุฏฺาย นิปจฺจการํ ทสฺเสตฺวา ปริกมฺมการกํ โอโลเกสิ. ‘‘กึ กโรมิ, สามี’’ติ จ วุตฺเต ‘‘อยฺยสฺส ปตฺตํ อาหรถา’’ติ อาห. ตงฺขณฺเว มาโร ปาปิมา วิกมฺปมาโน อุฏฺาย ‘‘อยํ ปจฺเจกพุทฺโธ อิโต สตฺตเม ทิวเส อาหารํ ลภิ, อชฺช อลภมาโน วินสฺสิสฺสติ, อิมฺจ วินาเสสฺสามิ, เสฏฺิโน จ ทานนฺตรายํ กริสฺสามี’’ติ ตงฺขณฺเว อาคนฺตฺวา อนฺตรวตฺถุมฺหิ อสีติหตฺถมตฺตํ องฺคารกาสุํ นิมฺมินิ. สา ขทิรงฺคารปุณฺณา สมฺปชฺชลิตา สโชติภูตา อวีจิมหานิรโย วิย ขายิตฺถ. ตํ ปน มาเปตฺวา สยํ อากาเส อฏฺาสิ. ปตฺตาหรณตฺถาย คจฺฉมาโน ปุริโส ตํ ทิสฺวา มหาภยปฺปตฺโต นิวตฺติ. โพธิสตฺโต ‘‘กึ, ตาต, นิวตฺโตสี’’ติ ปุจฺฉิ. อยํ สามิ อนฺตรวตฺถุมฺหิ มหตี องฺคารกาสุ สมฺปชฺชลิตา สโชติภูตาติ. อถฺโ อถฺโติ เอวํ อาคตาคตา สพฺเพปิ ภยปฺปตฺตา เวเคน ปลายึสุ.

โพธิสตฺโต จินฺเตสิ ‘‘อชฺช มยฺหํ ทานนฺตรายํ กาตุกาโม วสวตฺตี มาโร อุยฺยุตฺโต ภวิสฺสติ, น โข ปน ชานาติ มารสเตน มารสหสฺเสนปิ มยฺหํ อกมฺปิยภาวํ, อชฺช ทานิ มยฺหํ วา มารสฺส วา พลมหนฺตตํ, อานุภาวมหนฺตตํ ชานิสฺสามี’’ติ ตํ ยถาสชฺชิตเมว ภตฺตปาตึ สยํ อาทาย เคหา นิกฺขมฺม องฺคารกาสุตเฏ ตฺวา อากาสํ อุลฺโลเกตฺวา มารํ ทิสฺวา ‘‘โกสิ ตฺว’’นฺติ อาห. ‘‘อหํ, มาโร’’ติ. ‘‘อยํ องฺคารกาสุ ตยา นิมฺมิตา’’ติ? ‘‘อาม, มยา’’ติ. ‘‘กิมตฺถายา’’ติ. ‘‘ตว ทานสฺส อนฺตรายกรณตฺถาย จ ปจฺเจกพุทฺธสฺส จ ชีวิตนาสนตฺถายา’’ติ. โพธิสตฺโต ‘‘เนว เต อหํ อตฺตโน ทานสฺส อนฺตรายํ, น ปจฺเจกพุทฺธสฺส ชีวิตนฺตรายํ กาตุํ ทสฺสามิ, อชฺช ทานิ มยฺหํ วา ตุยฺหํ วา พลมหนฺตตํ, อานุภาวมหนฺตตํ ชานิสฺสามี’’ติ องฺคารกาสุตเฏ ตฺวา ‘‘ภนฺเต, ปจฺเจกพุทฺธ อหํ อิมิสฺสา องฺคารกาสุยา อโธสีโส ปตมาโนปิ น นิวตฺติสฺสามิ, เกวลํ ตุมฺเห มยา ทินฺนํ โภชนํ ปฏิคฺคณฺหถา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๔๐.

‘‘กามํ ปตามิ นิรยํ, อุทฺธํปาโท อวํสิโร;

นานริยํ กริสฺสามิ, หนฺท ปิณฺฑํ ปฏิคฺคหา’’ติ.

ตตฺถายํ ปิณฺฑตฺโถ – ภนฺเต, ปจฺเจกวรพุทฺธ สเจปหํ ตุมฺหากํ ปิณฺฑปาตํ เทนฺโต เอกํเสเนว อิมํ นิรยํ อุทฺธํปาโท อวํสิโร หุตฺวา ปตามิ, ตถาปิ ยทิทํ อทานฺจ อสีลฺจ อริเยหิ อกตฺตพฺพตฺตา อนริเยหิ จ กตฺตพฺพตฺตา ‘‘อนริย’’นฺติ วุจฺจติ, ‘‘น ตํ อนริยํ กริสฺสามิ, หนฺท อิมํ มยา ทียมานํ ปิณฺฑํ ปฏิคฺคห ปฏิคฺคณฺหาหี’’ติ. เอตฺถ จ หนฺทาติ โวสฺสคฺคตฺเถ นิปาโต.

เอวํ วตฺวา โพธิสตฺโต ทฬฺหสมาทาเนน ภตฺตปาตึ คเหตฺวา องฺคารกาสุมตฺถเกน ปกฺขนฺโต, ตาวเทว อสีติหตฺถคมฺภีราย องฺคารกาสุยา ตลโต อุปรูปริชาตํ สตปตฺตปุปฺผิตํ เอกํ มหาปทุมํ อุคฺคนฺตฺวา โพธิสตฺตสฺส ปาเท สมฺปฏิจฺฉิ. ตโต มหาตุมฺพมตฺตา เรณุ อุคฺคนฺตฺวา มหาสตฺตสฺส มุทฺธนิ ตฺวา สกลสรีรํ สุวณฺณจุณฺณสโมกิณฺณมิว อกาสิ. โส ปทุมกณฺณิกาย ตฺวา นานคฺครสโภชนํ ปจฺเจกพุทฺธสฺส ปตฺเต ปติฏฺาเปสิ. โส ตํ ปฏิคฺคเหตฺวา อนุโมทนํ กตฺวา ปตฺตํ อากาเส ขิปิตฺวา ปสฺสนฺตสฺเสว มหาชนสฺส สยมฺปิ เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา นานปฺปการํ วลาหกปนฺตึ มทฺทมาโน วิย หิมวนฺตเมว คโต. มาโรปิ ปราชิโต โทมนสฺสํ ปตฺวา อตฺตโน วสนฏฺานเมว คโต. โพธิสตฺโต ปน ปทุมกณฺณิกาย ิตโกว มหาชนสฺส ทานสีลสํวณฺณเนน ธมฺมํ เทเสตฺวา มหาชเนน ปริวุโต อตฺตโน นิเวสนเมว ปวิสิตฺวา ยาวชีวํ ทานาทีนิ ปุฺานิ กตฺวา ยถากมฺมํ คโต.

สตฺถา ‘‘นยิทํ, คหปติ, อจฺฉริยํ, ยํ ตฺวํ เอวํ ทสฺสนสมฺปนฺโน เอตรหิ เทวตาย น กมฺปิโต, ปุพฺเพ ปณฺฑิเตหิ กตเมว อจฺฉริย’’นฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ ‘‘ตทา ปจฺเจกพุทฺโธ ตตฺเถว ปรินิพฺพายิ, มารํ ปราเชตฺวา ปทุมกณฺณิกาย ตฺวา ปจฺเจกพุทฺธสฺส ปิณฺฑปาตทายโก พาราณสิเสฏฺิ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

ขทิรงฺคารชาตกวณฺณนา ทสมา.

กุลาวกวคฺโค จตุตฺโถ.

ตสฺสุทฺทานํ –

กุลาวกฺจ นจฺจฺจ, สมฺโมทมจฺฉวฏฺฏกํ;

สกุณํ ติตฺติรํ พกํ, นนฺทฺจ ขทิรงฺคารนฺติ.

๕. อตฺถกามวคฺโค

[๔๑] ๑. โลสกชาตกวณฺณนา

โย อตฺถกามสฺสาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โลสกติสฺสตฺเถรํ นาม อารพฺภ กเถสิ. โก ปเนส โลสกติสฺสตฺเถโร นามาติ? โกสลรฏฺเ เอโก อตฺตโน กุลนาสโก เกวฏฺฏปุตฺตโก อลาภี ภิกฺขุ. โส กิร นิพฺพตฺตฏฺาเนตา จวิตฺวา โกสลรฏฺเ เอกสฺมึ กุลสหสฺสวาเส เกวฏฺฏคาเม เอกิสฺสา เกวฏฺฏิยา กุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. ตสฺส ปฏิสนฺธิคฺคหณทิวเส ตํ กุลสหสฺสํ ชาลหตฺถํ นทิยฺจ ตฬากาทีสุ จ มจฺเฉ ปริเยสนฺตํ เอกํ ขุทฺทกมจฺฉมฺปิ นาลตฺถ. ตโต ปฏฺาย จ เต เกวฏฺฏา ปริหายนฺติเยว. ตสฺมิฺหิ กุจฺฉิคเตเยว เนสํ คาโม สตฺต วาเร อคฺคินา ทฑฺโฒ, สตฺต วาเร รฺา ทณฺฑิโต. เอวํ อนุกฺกเมน ทุคฺคตา ชาตา. เต จินฺตยึสุ ‘‘ปุพฺเพ อมฺหากํ เอวรูปํ นตฺถิ, อิทานิ ปน ปริหายาม, อมฺหากํ อนฺตเร เอกาย กาฬกณฺณิยา ภวิตพฺพํ, ทฺเว ภาคา โหมา’’ติ ปฺจ ปฺจ กุลสตานิ เอกโต อเหสุํ. ตโต ยตฺถ ตสฺส มาตาปิตโร, โสว โกฏฺาโส ปริหายติ, อิตโร วฑฺฒติ. เต ตมฺปิ โกฏฺาสํ ทฺวิธา, ตมฺปิ ทฺวิธาติ เอวํ ยาว ตเมว กุลํ เอกํ อโหสิ, ตาว วิภชิตฺวา เตสํ กาฬกณฺณิภาวํ ตฺวา โปเถตฺวา นิกฺกฑฺฒึสุ.

อถสฺส มาตา กิจฺเฉน ชีวมานา ปริปกฺเก คพฺเภ เอกสฺมึ าเน วิชายิ. ปจฺฉิมภวิกสตฺตํ น สกฺกา นาเสตุํ, อนฺโตฆเฏ ปทีโป วิย ตสฺส หทเย อรหตฺตสฺส อุปนิสฺสโย ชลติ. สา ตํ ทารกํ ปฏิชคฺคิตฺวา อาธาวิตฺวา ปริธาวิตฺวา วิจรณกาเล เอกมสฺส กปาลกํ หตฺเถ ทตฺวา ‘‘ปุตฺต, เอตํ ฆรํ ปวิสา’’ติ เปเสตฺวา ปลาตา. โส ตโต ปฏฺาย เอกโกว หุตฺวา ตตฺถ ตตฺถ ภิกฺขํ ปริเยสิตฺวา เอกสฺมึ าเน สยติ, น นฺหายติ, น สรีรํ ปฏิชคฺคติ, ปํสุปิสาจโก วิย กิจฺเฉน ชีวิกํ กปฺเปติ. โส อนุกฺกเมน สตฺตวสฺสิโก หุตฺวา เอกสฺมึ เคหทฺวาเร อุกฺขลิโธวนสฺส ฉฑฺฑิตฏฺาเน กาโก วิย เอเกกํ ภตฺตสิตฺถํ อุจฺจินิตฺวา ขาทติ.

อถ นํ ธมฺมเสนาปติ สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จรมาโน ทิสฺวา ‘‘อยํ สตฺโต อติการุฺปฺปตฺโต, กตรคามวาสิโก นุ โข’’ติ ตสฺมึ เมตฺตจิตฺตํ วฑฺเฒตฺวา ‘‘เอหิ, เร’’ติ อาห. โส อาคนฺตฺวา เถรํ วนฺทิตฺวา อฏฺาสิ. อถ นํ เถโร ‘‘กตรคามวาสิโกสิ, กหํ วา เต มาตาปิตโร’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อหํ, ภนฺเต, นิปฺปจฺจโย, มยฺหํ มาตาปิตโร มํ นิสฺสาย ‘กิลนฺตมฺหา’ติ มํ ฉฑฺเฑตฺวา ปลาตา’’ติ. ‘‘อปิ ปน ปพฺพชิสฺสสี’’ติ. ‘‘ภนฺเต, อหํ ตาว ปพฺพเชยฺยํ, มาทิสํ ปน กปณํ โก ปพฺพาเชสฺสสี’’ติ? ‘‘อหํ ปพฺพาเชสฺสามี’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต, ปพฺพาเชถา’’ติ. เถโร ตสฺส ขาทนียโภชนียํ ทตฺวา ตํ วิหารํ เนตฺวา สหตฺเถเนว นฺหาเปตฺวา ปพฺพาเชตฺวา ปริปุณฺณวสฺสํ อุปสมฺปาเทสิ. โส มหลฺลกกาเล ‘‘โลสกติสฺสตฺเถโร’’ติ ปฺายิตฺถ อปฺปปุฺโ อปฺปลาโภ. เตน กิร อสทิสทาเนปิ กุจฺฉิปูโร น ลทฺธปุพฺโพ, ชีวิตฆฏนมตฺตเมว ลภติ. ตสฺส หิ ปตฺเต เอกสฺมึเยว ยาคุอุฬุงฺเก ทินฺเน ปตฺโต สมติตฺติโก วิย หุตฺวา ปฺายติ. อถ มนุสฺสา ‘‘อิมสฺส ปตฺโต ปูโร’’ติ เหฏฺา ยาคุํ เทนฺติ. ตสฺส ปตฺเต ยาคุํ ทานกาเล มนุสฺสานํ ภาชเน ยาคุ อนฺตรธายตีติปิ วทนฺติ. ขชฺชกาทีสุปิ เอเสว นโย.

โส อปเรน สมเยน วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อคฺคผเล อรหตฺเต ปติฏฺิโตปิ อปฺปลาโภว อโหสิ. อถสฺส อนุปุพฺเพน อายุสงฺขาเรสุ ปริหีเนสุ ปรินิพฺพานทิวโส สมฺปาปุณิ. ธมฺมเสนาปติ อาวชฺเชนฺโต ตสฺส ปรินิพฺพานภาวํ ตฺวา ‘‘อยํ โลสกติสฺสตฺเถโร อชฺช ปรินิพฺพายิสฺสติ, อชฺช มยา เอตสฺส ยาวทตฺถํ อาหารํ ทาตุํ วฏฺฏตี’’ติ ตํ อาทาย สาวตฺถึ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. เถโร ตํ นิสฺสาย ตาว พหุมนุสฺสาย สาวตฺถิยา หตฺถํ ปสาเรตฺวา วนฺทนมตฺตมฺปิ นาลตฺถ. อถ นํ เถโร ‘‘คจฺฉาวุโส, อาสนสาลาย นิสีทา’’ติ อุยฺโยเชตฺวา คโต. ตํ อาคตเมว มนุสฺสา ‘‘อยฺโย, อาคโต’’ติ อาสเน นิสีทาเปตฺวา โภเชสิ. เถโรปิ ‘‘อิมํ โลสกสฺส เทถา’’ติ ลทฺธาหารํ เปเสสิ. ตํ คเหตฺวา คตา โลสกติสฺสตฺเถรํ อสริตฺวา สยเมว ภุฺชึสุ. อถ เถรสฺส อุฏฺาย วิหารํ คมนกาเล โลสกติสฺสตฺเถโร อาคนฺตฺวา เถรํ วนฺทิ, เถโร นิวตฺติตฺวา ิตโกว ‘‘ลทฺธํ เต, อาวุโส, ภตฺต’’นฺติ ปุจฺฉิ. ลภิสฺสาม โน, ภนฺเตติ. เถโร สํเวคปตฺโต กาลํ โอโลเกสิ, กาโล อติกฺกนฺโต. เถโร ‘‘โหตาวุโส, อิเธว นิสีทา’’ติ โลสกตฺเถรํ อาสนสาลายํ นิสีทาเปตฺวา โกสลรฺโ นิเวสนํ อคมาสิ. ราชา เถรสฺส ปตฺตํ คาหาเปตฺวา ‘‘ภตฺตสฺส อกาโล’’ติ ปตฺตปูรํ จตุมธุรํ ทาเปสิ. เถโร ตํ อาทาย คนฺตฺวา ‘‘เอหาวุโส, ติสฺส อิมํ จตุมธุรํ ภุฺชา’’ติ วตฺวา ปตฺตํ คเหตฺวา อฏฺาสิ. โส เถเร คารเวน ลชฺชนฺโต น ปริภุฺชติ. อถ นํ เถโร ‘‘เอหาวุโส ติสฺส, อหํ อิมํ ปตฺตํ คเหตฺวาว สฺสามิ, ตฺวํ นิสีทิตฺวา ปริภุฺช. สเจ อหํ ปตฺตํ หตฺถโต มุฺเจยฺยํ, กิฺจิ น ภเวยฺยา’’ติ อาห. อถายสฺมา โลสกติสฺสตฺเถโร อคฺคสาวเก ธมฺมเสนาปติมฺหิ ปตฺตํ คเหตฺวา ิเต จตุมธุรํ ปริภุฺชิ. ตํ เถรสฺส อริยิทฺธิพเลน ปริกฺขยํ น อคมาสิ. ตทา โลสกติสฺสตฺเถโร ยาวทตฺถํ อุทรปูรํ กตฺวา ปริภุฺชิ, ตํ ทิวสํเยว จ อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายิ. สมฺมาสมฺพุทฺโธ สนฺติเก ตฺวา สรีรนิกฺเขปํ กาเรสิ, ธาตุโย คเหตฺวา เจติยํ กรึสุ.

ตทา ภิกฺขู ธมฺมสภายํ สนฺนิปติตฺวา ‘‘อาวุโส, อโห โลสกติสฺสตฺเถโร อปฺปปุฺโ อปฺปลาภี, เอวรูเปน นาม อปฺปปุฺเน อปฺปลาภินา กถํ อริยธมฺโม ลทฺโธ’’ติ กเถนฺตา นิสีทึสุ. สตฺถา ธมฺมสภํ คนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิ. เต ‘‘อิมาย นาม, ภนฺเต’’ติ อาโรจยึสุ. สตฺถา ‘‘ภิกฺขเว, เอโส ภิกฺขุ อตฺตโน อลาภิภาวฺจ อริยธมฺมลาภิภาวฺจ อตฺตนาว อกาสิ. อยฺหิ ปุพฺเพ ปเรสํ ลาภนฺตรายํ กตฺวา อปฺปลาภี ชาโต, ‘‘อนิจฺจํ, ทุกฺขํ, อนตฺตา’’ติ วิปสฺสนาย ยุตฺตภาวสฺส พเลน อริยธมฺมลาภี ชาโต’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต กิร กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล อฺตโร ภิกฺขุ เอกํ กุฏุมฺพิกํ นิสฺสาย คามกาวาเส วสติ ปกตตฺโต สีลวา วิปสฺสนาย ยุตฺตปฺปยุตฺโต. อเถโก ขีณาสวตฺเถโร สมวตฺตวาสํ วสมาโน อนุปุพฺเพน ตสฺส ภิกฺขุโน อุปฏฺากกุฏุมฺพิกสฺส วสนคามํ สมฺปตฺโต. กุฏุมฺพิโก เถรสฺส อิริยาปเถเยว ปสีทิตฺวา ปตฺตํ อาทาย ฆรํ ปเวเสตฺวา สกฺกจฺจํ โภเชตฺวา โถกํ ธมฺมกถํ สุตฺวา เถรํ วนฺทิตฺวา ‘‘ภนฺเต, อมฺหากํ ธุรวิหารเมว คจฺฉถ, มยํ สายนฺหสมเย อาคนฺตฺวา ปสฺสิสฺสามา’’ติ อาห. เถโร วิหารํ คนฺตฺวา เนวาสิกตฺเถรํ วนฺทิตฺวา อาปุจฺฉิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. โสปิ เตน สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘ลทฺโธ เต, อาวุโส, ภิกฺขาหาโร’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, ลทฺโธ’’ติ. ‘‘กหํ ลทฺโธ’’ติ? ‘‘ตุมฺหากํ ธุรคาเม กุฏุมฺพิกฆเร’’ติ. เอวฺจ ปน วตฺวา อตฺตโน เสนาสนํ ปุจฺฉิตฺวา ปฏิชคฺคิตฺวา ปตฺตจีวรํ ปฏิสาเมตฺวา ฌานสุเขน ผลสุเขน จ วีตินาเมนฺโต นิสีทิ.

โสปิ กุฏุมฺพิโก สายนฺเห คนฺธมาลฺเจว ปทีเปยฺยฺจ คาหาเปตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา เนวาสิกตฺเถรํ วนฺทิตฺวา ‘‘ภนฺเต, เอโก อาคนฺตุกตฺเถโร อตฺถิ, อาคโต นุ โข’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, อาคโต’’ติ. ‘‘อิทานิ กห’’นฺติ. ‘‘อสุกเสนาสเน นามา’’ติ. โส ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺโน ธมฺมกถํ สุตฺวา สีตลเวลาย เจติยฺจ โพธิฺจ ปูเชตฺวา ทีเป ชาเลตฺวา อุโภปิ ชเน นิมนฺเตตฺวา คโต. เนวาสิกตฺเถโรปิ โข ‘‘อยํ กุฏุมฺพิโก ปริภินฺโน, สจายํ ภิกฺขุ อิมสฺมึ วิหาเร วสิสฺสติ, น มํ เอส กิสฺมิฺจิ คณยิสฺสตี’’ติ เถเร อนตฺตมนตํ อาปชฺชิตฺวา ‘‘อิมสฺมึ วิหาเร เอตสฺส อวสนากาโร มยา กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ เตน อุปฏฺานเวลาย อาคเตน สทฺธึ กิฺจิ น กเถสิ. ขีณาสวตฺเถโร ตสฺส อชฺฌาสยํ ชานิตฺวา ‘‘อยํ เถโร มม กุเล วา คเณ วา อปลิพุทฺธภาวํ น ชานาตี’’ติ อตฺตโน วสนฏฺานํ คนฺตฺวา ฌานสุเขน ผลสุเขน วีตินาเมสิ.

เนวาสิโกปิ ปุนทิวเส นขปิฏฺเน คณฺฑึ ปหริตฺวา นเขน ทฺวารํ อาโกเฏตฺวา กุฏุมฺพิกสฺส เคหํ อคมาสิ. โส ตสฺส ปตฺตํ คเหตฺวา ปฺตฺตาสเน นิสีทาเปตฺวา ‘‘อาคนฺตุกตฺเถโร กหํ, ภนฺเต’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘นาหํ ตว กุลูปกสฺส ปวตฺตึ ชานามิ, คณฺฑึ ปหรนฺโตปิ ทฺวารํ อาโกเฏนฺโตปิ ปโพเธตุํ นาสกฺขึ, หิยฺโย ตว เคเห ปณีตโภชนํ ภุฺชิตฺวา ชีราเปตุํ อสกฺโกนฺโต อิทานิ นิทฺทํ โอกฺกนฺโตเยว ภวิสฺสติ, ตฺวํ ปสีทมาโน เอวรูเปสุเยว าเนสุ ปสีทสี’’ติ อาห – ‘‘ขีณาสวตฺเถโรปิ อตฺตโน ภิกฺขาจารเวลํ สลฺลกฺเขตฺวา สรีรํ ปฏิชคฺคิตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย อากาเส อุปฺปติตฺวา อฺตฺถ อคมาสิ. โส กุฏุมฺพิโก เนวาสิกตฺเถรํ สปฺปิมธุสกฺขราภิสงฺขตํ ปายาสํ ปาเยตฺวา ปตฺตํ คนฺธจุณฺเณหิ อุพฺพฏฺเฏตฺวา ปุน ปูเรตฺวา ‘‘ภนฺเต, โส เถโร มคฺคกิลนฺโต ภวิสฺสติ, อิทมสฺส หรถา’’ติ อทาสิ. อิตโร อปฏิกฺขิปิตฺวาว คเหตฺวา คจฺฉนฺโต ‘‘สเจ โส ภิกฺขุ อิมํ ปายาสํ ปิวิสฺสติ, คีวายํ คเหตฺวา นิกฺกฑฺฒิยมาโนปิ น คมิสฺสติ. สเจ ปนาหํ อิมํ ปายาสํ มนุสฺสานํ ทสฺสามิ, ปากฏํ เม กมฺมํ ภวิสฺสติ. สเจ อุทเก โอปิลาเปสฺสามิ, อุทกปิฏฺเ สปฺปิ ปฺายิสฺสติ. สเจ ภูมิยํ ฉฑฺเฑสฺสามิ, กากสนฺนิปาเตน ปฺายิสฺสติ. กตฺถ นุ โข อิมํ ฉฑฺเฑยฺย’’นฺติ อุปธาเรนฺโต เอกํ ฌามกฺเขตฺตํ ทิสฺวา องฺคาเร วิยูหิตฺวา ตตฺถ ปกฺขิปิตฺวา อุปริ องฺคาเรหิ ปฏิจฺฉาเทตฺวา วิหารํ คโต ตํ ภิกฺขุํ อทิสฺวา จินฺเตสิ ‘‘อทฺธา โส ภิกฺขุ ขีณาสโว มม อชฺฌาสยํ วิทิตฺวา อฺตฺถ คโต ภวิสฺสติ, อโห มยา อุทรเหตุ อยุตฺตํ กต’’นฺติ ตาวเทวสฺส มหนฺตํ โทมนสฺสํ อุทปาทิ. ตโต ปฏฺาเยว จ มนุสฺสเปโต หุตฺวา น จิรสฺเสว กาลํ กตฺวา นิรเย นิพฺพตฺติ.

โส พหูนิ วสฺสสตสหสฺสานิ นิรเย ปจฺจิตฺวา ปกฺกาวเสเสน ปฏิปาฏิยา ปฺจชาติสเตสุ ยกฺโข หุตฺวา เอกทิวสมฺปิ อุทรปูรํ อาหารํ น ลภิ. เอกทิวสํ ปน คพฺภมลํ อุทรปูรํ ลภิ. ปุน ปฺจชาติสเตสุ สุนโข อโหสิ. ตทาปิ เอกทิวสํ ภตฺตวมนํ อุทรปูรํ ลภิ, เสสกาเล ปน เตน อุทรปูโร อาหาโร นาม น ลทฺธปุพฺโพ. สุนขโยนิโต ปน จวิตฺวา กาสิรฏฺเ เอกสฺมึ คาเม ทุคฺคตกุเล นิพฺพตฺติ. ตสฺส นิพฺพตฺติโต ปฏฺาย ตํ กุลํ ปรมทุคฺคตเมว ชาตํ, ชาติโต อุทฺธํ อุทกกฺชิกามตฺตมฺปิ น ลภิ. ตสฺส ปน ‘‘มิตฺตวินฺทโก’’ติ นามํ อโหสิ. มาตาปิตโร ฉาตกทุกฺขํ อธิวาเสตุํ อสกฺโกนฺตา ‘‘คจฺฉ กาฬกณฺณี’’ติ ตํ โปเถตฺวา นีหรึสุ. โส อปฏิสรโณ วิจรนฺโต พาราณสึ อคมาสิ. ตทา โพธิสตฺโต พาราณสิยํ ทิสาปาโมกฺโข อาจริโย หุตฺวา ปฺจ มาณวกสตานิ สิปฺปํ วาเจติ. ตทา พาราณสิวาสิโน ทุคฺคตานํ ปริพฺพยํ ทตฺวา สิปฺปํ สิกฺขาเปนฺติ. อยมฺปิ มิตฺตวินฺทโก โพธิสตฺตสฺส สนฺติเก สิปฺปํ สิกฺขติ. โส ผรุโส อโนวาทกฺขโม ตํ ตํ ปหรนฺโต วิจรติ, โพธิสตฺเตน โอวทิยมาโนปิ โอวาทํ น คณฺหาติ. ตํ นิสฺสาย อาโยปิสฺส มนฺโท ชาโต.

อถ โส มาณวเกหิ สทฺธึ ภณฺฑิตฺวา โอวาทํ อคฺคณฺหนฺโต ตโต ปลายิตฺวา อาหิณฺฑนฺโต เอกํ ปจฺจนฺตคามํ ปตฺวา ภตึ กตฺวา ชีวติ. โส ตตฺถ เอกาย ทุคฺคติตฺถิยา สทฺธึ สํวาสํ กปฺเปสิ. สา ตํ นิสฺสาย ทฺเว ทารเก วิชายิ. คามวาสิโน ‘‘อมฺหากํ สุสาสนํ ทุสฺสาสนํ อาโรเจยฺยาสี’’ติ มิตฺตวินฺทกสฺส ภตึ ทตฺวา ตํ คามทฺวาเร กุฏิกาย วสาเปสุํ. ตํ ปน มิตฺตวินฺทกํ นิสฺสาย เต ปจฺจนฺตคามวาสิโน สตฺตกฺขตฺตุํ ราชทณฺฑํ อคมํสุ, สตฺตกฺขตฺตุํ เนสํ เคหานิ ฌายึสุ, สตฺตกฺขตฺตุํ ตฬากํ ภิชฺชิ. เต จินฺตยึสุ ‘‘อมฺหากํ ปุพฺเพ อิมสฺส มิตฺตวินฺทกสฺส อนาคมนกาเล เอวรูปํ นตฺถิ, อิทานิ ปนสฺส อาคตกาลโต ปฏฺาย ปริหายามา’’ติ ตํ โปเถตฺวา นีหรึสุ.

โส อตฺตโน ทารเก คเหตฺวา อฺตฺถ คจฺฉนฺโต เอกํ อมนุสฺสปริคฺคหํ อฏวึ ปาวิสิ. ตตฺถสฺส อมนุสฺสา ทารเก จ ภริยฺจ มาเรตฺวา มํสํ ขาทึสุ. โส ตโต ปลายิตฺวา ตโต ตโต อาหิณฺฑนฺโต เอกํ คมฺภีรํ นาม ปฏฺฏนคามํ นาวาวิสฺสชฺชนทิวเสเยว ปตฺวา กมฺมการโก หุตฺวา นาวํ อภิรุหิ. นาวา สมุทฺทปิฏฺเ สตฺตาหํ คนฺตฺวา สตฺตเม ทิวเส สมุทฺทมชฺเฌ อาโกเฏตฺวา ปิตา วิย อฏฺาสิ. เต กาฬกณฺณิสลากํ จาเรสุํ, สตฺตกฺขตฺตุํ มิตฺตวินฺทกสฺเสว ปาปุณิ. มนุสฺสา ตสฺเสกํ เวฬุกลาปํ ทตฺวา หตฺเถ คเหตฺวา สมุทฺทปิฏฺเ ขิปึสุ, ตสฺมึ ขิตฺตมตฺเต นาวา อคมาสิ. มิตฺตวินฺทโก เวฬุกลาเป นิปชฺชิตฺวา สมุทฺทปิฏฺเ คจฺฉนฺโต กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล รกฺขิตสีลสฺส ผเลน สมุทฺทปิฏฺเ เอกสฺมึ ผลิกวิมาเน จตสฺโส เทวธีตโร ปฏิลภิตฺวา ตาสํ สนฺติเก สุขํ อนุภวมาโน สตฺตาหํ วสิ. ตา ปน วิมานเปติโย สตฺตาหํ สุขํ อนุภวนฺติ, สตฺตาหํ ทุกฺขํ. สตฺตาหํ ทุกฺขํ อนุภวิตุํ คจฺฉมานา ‘‘ยาว มยํ อาคจฺฉาม, ตาว อิเธว โหหี’’ติ วตฺวา อคมํสุ.

มิตฺตวินฺทโก ตาสํ คตกาเล เวฬุกลาเป นิปชฺชิตฺวา ปุรโต คจฺฉนฺโต รชตวิมาเน อฏฺ เทวธีตโร ลภิ. ตโตปิ ปรํ คจฺฉนฺโต มณิวิมาเน โสฬส, กนกวิมาเน ทฺวตฺตึส เทวธีตโร ลภิ. ตาสมฺปิ วจนํ อกตฺวา ปรโต คจฺฉนฺโต อนฺตรทีปเก เอกํ ยกฺขนครํ อทฺทส. ตตฺเถกา ยกฺขินี อชรูเปน วิจรติ. มิตฺตวินฺทโก ตสฺสา ยกฺขินิภาวํ อชานนฺโต ‘‘อชมํสํ ขาทิสฺสามี’’ติ ตํ ปาเท อคฺคเหสิ, สา ยกฺขานุภาเวน ตํ อุกฺขิปิตฺวา ขิปิ. โส ตาย ขิตฺโต สมุทฺทมตฺถเกน คนฺตฺวา พาราณสิยํ ปริขาปิฏฺเ เอกสฺมึ กณฺฏกคุมฺพมตฺถเก ปติตฺวา ปวฏฺฏมาโน ภูมิยํ ปติฏฺาสิ. ตสฺมิฺจ สมเย ตสฺมึ ปริขาปิฏฺเ รฺโ อชิกา จรมานา โจรา หรนฺติ. อชิกโคปกา ‘‘โจเร คณฺหิสฺสามา’’ติ เอกมนฺตํ นิลีนา อฏฺํสุ. มิตฺตวินฺทโก ปวฏฺฏิตฺวา ภูมิยํ ิโต ตา อชิกา ทิสฺวา จินฺเตสิ ‘‘อหํ สมุทฺเท เอกสฺมึ ทีปเก อชิกํ ปาเท คเหตฺวา ตาย ขิตฺโต อิธ ปติโต. สเจ อิทานิ เอกํ อชิกํ ปาเท คเหสฺสามิ, สา มํ ปรโต สมุทฺทปิฏฺเ วิมานเทวตานํ สนฺติเก ขิปิสฺสตี’’ติ. โส เอวํ อโยนิโส มนสิกริตฺวา อชิกํ ปาเท คณฺหิ, สา คหิตมตฺตา วิรวิ. อชิกโคปกา อิโต จิโต จ อาคนฺตฺวา ตํ คเหตฺวา ‘‘เอตฺตกํ กาลํ ราชกุเล อชิกขาทโก เอส โจโร’’ติ ตํ โกฏฺเฏตฺวา พนฺธิตฺวา รฺโ สนฺติกํ เนนฺติ.

ตสฺมึ ขเณ โพธิสตฺโต ปฺจสตมาณวกปริวุโต นครา นิกฺขมฺม นฺหายิตุํ คจฺฉนฺโต มิตฺตวินฺทกํ ทิสฺวา สฺชานิตฺวา เต มนุสฺเส อาห – ‘‘ตาตา, อยํ อมฺหากํ อนฺเตวาสิโก, กสฺมา นํ คณฺหถา’’ติ? ‘‘อชิกโจรโก, อยฺย, เอกํ อชิกํ ปาเท คณฺหิ, ตสฺมา คหิโต’’ติ. ‘‘เตน เหตํ อมฺหากํ ทาสํ กตฺวา เทถ, อมฺเห นิสฺสาย ชีวิสฺสตี’’ติ. เต, ‘‘สาธุ อยฺยา’’ติ ตํ วิสฺสชฺเชตฺวา อคมํสุ. อถ นํ โพธิสตฺโต ‘‘มิตฺตวินฺทก, ตฺวํ เอตฺตกํ กาลํ กหํ วสี’’ติ ปุจฺฉิ. โส สพฺพํ อตฺตนา กตกมฺมํ อาโรเจสิ. โพธิสตฺโต ‘‘อตฺถกามานํ วจนํ อกโรนฺโต เอวํ ทุกฺขํ ปาปุณาตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๔๑.

‘‘โย อตฺถกามสฺส หิตานุกมฺปิโน, โอวชฺชมาโน น กโรติ สาสนํ;

อชิยา ปาทโมลมฺพ, มิตฺตโก วิย โสจตี’’ติ.

ตตฺถ อตฺถกามสฺสาติ วุฑฺฒึ อิจฺฉนฺตสฺส. หิตานุกมฺปิโนติ หิเตน อนุกมฺปมานสฺส. โอวชฺชมาโนติ มุทุเกน หิตจิตฺเตน โอวทิยมาโน. น กโรติ สาสนนฺติ อนุสิฏฺํ น กโรติ, ทุพฺพโจ อโนวาทโก โหติ. มิตฺตโก วิย โสจตีติ ยถายํ มิตฺตวินฺทโก อชิกาย ปาทํ คเหตฺวา โสจติ กิลมติ, เอวํ นิจฺจกาลํ โสจตีติ อิมาย คาถาย โพธิสตฺโต ธมฺมํ เทเสสิ.

เอวํ เตน เถเรน เอตฺตเก อทฺธาเน ตีสุเยว อตฺตภาเวสุ กุจฺฉิปูโร ลทฺธปุพฺโพ. ยกฺเขน หุตฺวา เอกทิวสํ คพฺภมลํ ลทฺธํ, สุนเขน หุตฺวา เอกทิวสํ ภตฺตวมนํ, ปรินิพฺพานทิวเส ธมฺมเสนาปติสฺสานุภาเวน จตุมธุรํ ลทฺธํ. เอวํ ปรสฺส ลาภนฺตรายกรณํ นาม มหาโทสนฺติ เวทิตพฺพํ. ตสฺมึ ปน กาเล โสปิ อาจริโย มิตฺตวินฺทโกปิ ยถากมฺมํ คโต.

สตฺถา ‘‘เอวํ, ภิกฺขเว, อตฺตโน อปฺปลาภิภาวฺจ อริยธมฺมลาภิภาวฺจ สยเมว เอส อกาสี’’ติ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา มิตฺตวินฺทโก โลสกติสฺสตฺเถโร อโหสิ, ทิสาปาโมกฺขาจริโย ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

โลสกชาตกวณฺณนา ปมา.

[๔๒] ๒. กโปตชาตกวณฺณนา

โย อตฺถกามสฺสาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ โลลภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. ตสฺส โลลภาโว นวกนิปาเต กากชาตเก อาวิ ภวิสฺสติ. ตทา ปน ตํ ภิกฺขู ‘‘อยํ, ภนฺเต, ภิกฺขุ โลโล’’ติ สตฺถุ อาโรเจสุํ. อถ นํ สตฺถา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ โลโลสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ. สตฺถา ‘‘ปุพฺเพปิ ตฺวํ ภิกฺขุ โลโล โลลการณา ชีวิตกฺขยํ ปตฺโต, ปณฺฑิตาปิ ตํ นิสฺสาย อตฺตโน วสนฏฺานา ปริหีนา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ปาราวตโยนิยํ นิพฺพตฺติ. ตทา พาราณสิวาสิโน ปุฺกามตาย ตสฺมึ ตสฺมึ าเน สกุณานํ สุขวสนตฺถาย ถุสปจฺฉิโย โอลมฺเพนฺติ. พาราณสิเสฏฺิโนปิ ภตฺตการโก อตฺตโน มหานเส เอกํ ถุสปจฺฉึ โอลมฺเพตฺวา เปสิ, โพธิสตฺโต ตตฺถ วาสํ กปฺเปสิ. โส ปาโตว นิกฺขมิตฺวา โคจเร จริตฺวา สายํ อาคนฺตฺวา ตตฺถ วสนฺโต กาลํ เขเปสิ. อเถกทิวสํ เอโก กาโก มหานสมตฺถเกน คจฺฉนฺโต อมฺพิลานมฺพิลมจฺฉมํสานํ ธูปนวาสํ ฆายิตฺวา โลภํ อุปฺปาเทตฺวา ‘‘กํ นุ โข นิสฺสาย อิมํ มจฺฉมํสํ ลภิสฺสามี’’ติ อวิทูเร นิสีทิตฺวา ปริคฺคณฺหนฺโต สายํ โพธิสตฺตํ อาคนฺตฺวา มหานสํ ปวิสนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อิมํ ปาราวตํ นิสฺสาย มจฺฉมํสํ ลภิสฺสามี’’ติ ปุนทิวเส ปาโตว อาคนฺตฺวา โพธิสตฺตสฺส นิกฺขมิตฺวา โคจรตฺถาย คมนกาเล ปิฏฺิโต ปิฏฺิโต อคมาสิ. อถ นํ โพธิสตฺโต ‘‘กสฺมา ตฺวํ, สมฺม, อมฺเหหิ สทฺธึ จรสี’’ติ อาห. ‘‘สามิ, ตุมฺหาหํ กิริยา มยฺหํ รุจฺจติ, อิโต ปฏฺาย ตุมฺเห อุปฏฺหิสฺสามี’’ติ. ‘‘สมฺม, ตุมฺเห อฺโคจรา, มยํ อฺโคจรา, ตุมฺเหหิ อมฺหากํ อุปฏฺานํ ทุกฺกร’’นฺติ. ‘‘สามิ, ตุมฺหากํ โคจรคฺคหณกาเล อหมฺปิ โคจรํ คเหตฺวา ตุมฺเหหิ สทฺธึเยว คมิสฺสามี’’ติ. ‘‘สาธุ, เกวลํ เต อปฺปมตฺเตน ภวิตพฺพ’’นฺติ เอวํ โพธิสตฺโต กากํ โอวทิตฺวา โคจรํ จรนฺโต ติณพีชาทีนิ ขาทติ. โพธิสตฺตสฺส ปน โคจรคฺคหณกาเล กาโก คนฺตฺวา โคมยปิณฺฑํ อปเนตฺวา ปาณเก ขาทิตฺวา อุทรํ ปูเรตฺวา โพธิสตฺตสฺส สนฺติกํ อาคนฺตฺวา ‘‘สามิ, ตุมฺเห อติเวลํ จรถ, อติพหุภกฺเขน นาม ภวิตุํ น วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา โพธิสตฺเตน โคจรํ คเหตฺวา สายํ อาคจฺฉนฺเตน สทฺธึเยว มหานสํ ปาวิสิ. ภตฺตการโก ‘‘อมฺหากํ กโปโต อฺมฺปิ คเหตฺวา อาคโต’’ติ กากสฺสปิ ปจฺฉึ เปสิ. ตโต ปฏฺาย ทฺเว ชนา วสนฺติ.

อเถกทิวสํ เสฏฺิสฺส พหุํ มจฺฉมํสํ อาหรึสุ. ตํ อาทาย ภตฺตการโก มหานเส ตตฺถ ตตฺถ โอลมฺเพสิ. กาโก ตํ ทิสฺวา โลภํ อุปฺปาเทตฺวา ‘‘สฺเว โคจรภูมึ อคนฺตฺวา มยา อิทเมว ขาทิตพฺพ’’นฺติ รตฺตึ นิตฺถุนนฺโต นิปชฺชิ. ปุนทิวเส โพธิสตฺโต โคจราย คจฺฉนฺโต ‘‘เอหิ, สมฺม, กากา’’ติ อาห. ‘‘สามิ, ตุมฺเห คจฺฉถ, มยฺหํ กุจฺฉิโรโค อตฺถี’’ติ. ‘‘สมฺม, กากานํ กุจฺฉิโรโค นาม น กทาจิ ภูตปุพฺโพ, รตฺตึ ตีสุ ยาเมสุ เอเกกสฺมึ ยาเม มุจฺฉิตา โหนฺติ, ทีปวฏฺฏึ คิลิตกาเล ปน เนสํ มุหุตฺตํ ติตฺติ โหติ, ตฺวํ อิมํ มจฺฉมํสํ ขาทิตุกาโม ภวิสฺสสิ, เอหิ มนุสฺสปริโภโค นาม ตุมฺหากํ ทุปฺปริภุฺชิโย, มา เอวรูปํ อกาสิ, มยา สทฺธึเยว โคจราย คจฺฉาหี’’ติ. ‘‘น สกฺโกมิ, สามี’’ติ. ‘‘เตน หิ ปฺายิสฺสสิ สเกน กมฺเมน, โลภวสํ อคนฺตฺวา อปฺปมตฺโต โหหี’’ติ ตํ โอวทิตฺวา โพธิสตฺโต โคจราย คโต.

ภตฺตการโก นานปฺปการํ มจฺฉมํสวิกตึ สมฺปาเทตฺวา อุสุมนิกฺขมนตฺถํ ภาชนานิ โถกํ วิวริตฺวา รสปริสฺสาวนกโรฏึ ภาชนมตฺถเก เปตฺวา พหิ นิกฺขมิตฺวา เสทํ ปุฺฉมาโน อฏฺาสิ. ตสฺมึ ขเณ กาโก ปจฺฉิโต สีสํ อุกฺขิปิตฺวา ภตฺตเคหํ โอโลเกนฺโต ตสฺส นิกฺขนฺตภาวํ ตฺวา ‘‘อยํทานิ มยฺหํ มโนรถํ ปูเรตฺวา มํสํ ขาทิตุํ กาโล, กึ นุ โข มหามํสํ ขาทามิ, อุทาหุ จุณฺณิกมํส’’นฺติ จินฺเตตฺวา ‘‘จุณฺณิกมํเสน นาม ขิปฺปํ กุจฺฉึ ปูเรตุํ น สกฺกา, มหนฺตํ มํสขณฺฑํ อาหริตฺวา ปจฺฉิยํ นิกฺขิปิตฺวา ขาทมาโน นิปชฺชิสฺสามี’’ติ ปจฺฉิโต อุปฺปติตฺวา รสกโรฏิยํ นิลียิ. สา ‘‘กิรี’’ติ สทฺทมกาสิ. ภตฺตการโก ตํ สทฺทํ สุตฺวา ‘‘กึ นุ โข เอต’’นฺติ ปวิฏฺโ กากํ ทิสฺวา ‘‘อยํ ทุฏฺกาโก มหาเสฏฺิโน ปกฺกมํสํ ขาทิตุกาโม, อหํ โข ปน เสฏฺึ นิสฺสาย ชีวามิ, น อิมํ พาลํ, กึ เม อิมินา’’ติ ทฺวารํ ปิธาย กากํ คเหตฺวา สกลสรีเร ปตฺตานิ ลุฺจิตฺวา อลฺลสิงฺคีเวรโลณชีรกาทโย โกฏฺเฏตฺวา อมฺพิลตกฺเกน อาโลเฬตฺวา เตนสฺส สกลสรีรํ มกฺเขตฺวา ตํ กากํ ปจฺฉิยํ ขิปิ. โส อธิมตฺตเวทนาภิภูโต นิตฺถุนนฺโต นิปชฺชิ.

โพธิสตฺโต สายํ อาคนฺตฺวา ตํ พฺยสนปฺปตฺตํ ทิสฺวา ‘‘โลลกาก, มม วจนํ อกตฺวา ตว โลภํ นิสฺสาย มหาทุกฺขํ ปตฺโตสี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๔๒.

‘‘โย อตฺถกามสฺส หิตานุกมฺปิโน, โอวชฺชมาโน น กโรติ สาสนํ;

กโปตกสฺส วจนํ อกตฺวา, อมิตฺตหตฺถตฺถคโตว เสตี’’ติ.

ตตฺถ กโปตกสฺส วจนํ อกตฺวาติ ปาราวตสฺส หิตานุสาสนวจนํ อกตฺวา. อมิตฺตหตฺถตฺถคโตว เสตีติ อมิตฺตานํ อนตฺถการกานํ ทุกฺขุปฺปาทกปุคฺคลานํ หตฺถตฺถํ หตฺถปถํ คโต อยํ กาโก วิย โส ปุคฺคโล มหนฺตํ พฺยสนํ ปตฺวา อนุโสจมาโน เสตีติ.

โพธิสตฺโต อิมํ คาถํ วตฺวา ‘‘อิทานิ มยา จ อิมสฺมึ าเน น สกฺกา วสิตุ’’นฺติ อฺตฺถ คโต. กาโกปิ ตตฺเถว ชีวิตกฺขยํ ปตฺโต. อถ นํ ภตฺตการโก สทฺธึ ปจฺฉิยา คเหตฺวา สงฺการฏฺาเน ฉฑฺเฑสิ.

สตฺถาปิ ‘‘น ตฺวํ ภิกฺขุ อิทาเนว โลโล, ปุพฺเพปิ โลโลเยว, ตฺจ ปน เต โลลฺยํ นิสฺสาย ปณฺฑิตาปิ สกาวาสา ปริหีนา’’ติ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสสิ, สจฺจปริโยสาเน โส ภิกฺขุ อนาคามิผลํ ปตฺโต. สตฺถา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา กาโก โลลภิกฺขุ อโหสิ, ปาราวโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

กโปตชาตกวณฺณนา ทุติยา.

[๔๓] ๓. เวฬุกชาตกวณฺณนา

โย อตฺถกามสฺสาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ ทุพฺพจภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. ตฺหิ ภควา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ ทุพฺพโจสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจํ, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘น ตฺวํ ภิกฺขุ อิทาเนว ทุพฺพโจ, ปุพฺเพปิ ทุพฺพโจเยว, ทุพฺพจตฺตาเยว จ ปณฺฑิตานํ วจนํ อกตฺวา สปฺปมุเข ชีวิตกฺขยํ ปตฺโต’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต กาสิรฏฺเ มหาโภคกุเล นิพฺพตฺโต วิฺุตํ ปตฺวา กาเมสุ อาทีนวํ เนกฺขมฺเม จานิสํสํ ทิสฺวา กาเม ปหาย หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา กสิณปริกมฺมํ กตฺวา ปฺจาภิฺา อฏฺ สมาปตฺติโย จ อุปฺปาเทตฺวา ฌานสุเขน วีตินาเมนฺโต อปรภาเค มหาปริวาโร ปฺจหิ ตาปสสเตหิ ปริวุโต คณสฺส สตฺถา หุตฺวา วิหาสิ. อเถโก อาสิวิสโปตโก อตฺตโน ธมฺมตาย จรนฺโต อฺตรสฺส ตาปสสฺส อสฺสมปทํ ปตฺโต. ตาปโส ตสฺมึ ปุตฺตสิเนหํ อุปฺปาเทตฺวา ตํ เอกสฺมึ เวฬุปพฺเพ สยาเปตฺวา ปฏิชคฺคติ. ตสฺส เวฬุปพฺเพ สยนโต ‘‘เวฬุโก’’ตฺเวว นามํ อกํสุ. ตํ ปุตฺตสิเนเหน ปฏิชคฺคนโต ตาปสสฺส ‘‘เวฬุกปิตา’’ตฺเวว นามํ อกํสุ.

ตทา โพธิสตฺโต ‘‘เอโก กิร ตาปโส อาสิวิสํ ปฏิชคฺคตี’’ติ สุตฺวา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ อาสิวิสํ ปฏิชคฺคสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจ’’นฺติ วุตฺเต ‘‘อาสิวิเสน สทฺธึ วิสฺสาโส นาม นตฺถิ, มา เอวํ ชคฺคาหี’’ติ อาห. ‘‘โส เม อาจริย ปุตฺโต, นาหํ เตน วินา วตฺติตุํ สกฺขิสฺสามี’’ติ. ‘‘เตน หิ เอตสฺเสว สนฺติกา ชีวิตกฺขยํ ปาปุณิสฺสสี’’ติ. ตาปโส โพธิสตฺตสฺส วจนํ น คณฺหิ, อาสิวิสมฺปิ ชหิตุํ นาสกฺขิ. ตโต กติปาหจฺจเยเนว สพฺเพ ตาปสา ผลาผลตฺถาย คนฺตฺวา คตฏฺาเน ผลาผลสฺส สุลภภาวํ ทิสฺวา ทฺเว ตโย ทิวเส ตตฺเถว วสึสุ, เวฬุกปิตาปิ เตหิ สทฺธึ คจฺฉนฺโต อาสิวิสํ เวฬุปพฺเพเยว สยาเปตฺวา ปิทหิตฺวา คโต. โส ปุน ตาปเสหิ สทฺธึ ทฺวีหตีหจฺจเยน อาคนฺตฺวา ‘‘เวฬุกสฺส โคจรํ ทสฺสามี’’ติ เวฬุปพฺพํ อุคฺฆาเฏตฺวา ‘‘เอหิ, ปุตฺตก, ฉาตโกสี’’ติ หตฺถํ ปสาเรสิ. อาสิวิโส ทฺวีหตีหํ นิราหารตาย กุชฺฌิตฺวา ปสาริตหตฺถํ ฑํสิตฺวา ตาปสํ ตตฺเถว ชีวิตกฺขยํ ปาเปตฺวา อรฺํ ปาวิสิ. ตาปสา ตํ ทิสฺวา โพธิสตฺตสฺส อาโรเจสุํ. โพธิสตฺโต ตสฺส สรีรกิจฺจํ กาเรตฺวา อิสิคณสฺส มชฺเฌ นิสีทิตฺวา อิสีนํ โอวาทวเสน อิมํ คาถมาห –

๔๓.

‘‘โย อตฺถกามสฺส หิตานุกมฺปิโน, โอวชฺชมาโน น กโรติ สาสนํ;

เอวํ โส นิหโต เสติ, เวฬุกสฺส ยถา ปิตา’’ติ.

ตตฺถ เอวํ โส นิหโต เสตีติ โย หิ อิสีนํ โอวาทํ น คณฺหาติ, โส ยถา เอส ตาปโส อาสิวิสมุเข ปูติภาวํ ปตฺวา นิหโต เสติ, เอวํ มหาวินาสํ ปตฺวา นิหโต เสตีติ อตฺโถ. เอวํ โพธิสตฺโต อิสิคณํ โอวทิตฺวา จตฺตาโร พฺรหฺมวิหาเร ภาเวตฺวา อายุปริโยสาเน พฺรหฺมโลเก อุปฺปชฺชิ.

สตฺถา ‘‘น ตฺวํ ภิกฺขุ อิทาเนว ทุพฺพโจ, ปุพฺเพปิ ทุพฺพโจเยว, ทุพฺพจภาเวเนว จ อาสิวิสมุเข ปูติภาวํ ปตฺโต’’ติ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา เวฬุกปิตา ทุพฺพจภิกฺขุ อโหสิ, เสสปริสา พุทฺธปริสา, คณสตฺถา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

เวฬุกชาตกวณฺณนา ตติยา.

[๔๔] ๔. มกสชาตกวณฺณนา

เสยฺโย อมิตฺโตติ อิทํ สตฺถา มคเธสุ จาริกํ จรมาโน อฺตรสฺมึ คามเก พาลคามิกมนุสฺเส อารพฺภ กเถสิ. ตถาคโต กิร เอกสฺมึ สมเย สาวตฺถิโต มคธรฏฺํ คนฺตฺวา ตตฺถ จาริกํ จรมาโน อฺตรํ คามกํ สมฺปาปุณิ. โส จ คามโก เยภุยฺเยน อนฺธพาลมนุสฺเสหิเยว อุสฺสนฺโน. ตตฺเถกทิวสํ เต อนฺธพาลมนุสฺสา สนฺนิปติตฺวา ‘‘โภ, อมฺเห อรฺํ ปวิสิตฺวา กมฺมํ กโรนฺเต มกสา ขาทนฺติ, ตปฺปจฺจยา อมฺหากํ กมฺมจฺเฉโท โหติ, สพฺเพว ธนูนิ เจว อาวุธานิ จ อาทาย คนฺตฺวา มกเสหิ สทฺธึ ยุชฺฌิตฺวา สพฺพมกเส วิชฺฌิตฺวา ฉินฺทิตฺวา จ มาเรสฺสามา’’ติ มนฺตยิตฺวา อรฺํ คนฺตฺวา ‘‘มกเส วิชฺฌิสฺสามา’’ติ อฺมฺํ วิชฺฌิตฺวา จ ปหริตฺวา จ ทุกฺขปฺปตฺตา อาคนฺตฺวา อนฺโตคาเม จ คามมชฺเฌ จ คามทฺวาเร จ นิปชฺชึสุ.

สตฺถา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ตํ คามํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. อวเสสา ปณฺฑิตมนุสฺสา ภควนฺตํ ทิสฺวา คามทฺวาเร มณฺฑปํ กาเรตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ ทตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา นิสีทึสุ. สตฺถา ตสฺมึ ตสฺมึ าเน ปติตมนุสฺเส ทิสฺวา เต อุปาสเก ปุจฺฉิ ‘‘พหู อิเม คิลานา มนุสฺสา, กึ เอเตหิ กต’’นฺติ? ‘‘ภนฺเต, เอเต มนุสฺสา ‘มกสยุทฺธํ กริสฺสามา’ติ คนฺตฺวา อฺมฺํ วิชฺฌิตฺวา สยํ คิลานา ชาตา’’ติ. สตฺถา ‘‘น อิทาเนว อนฺธพาลมนุสฺสา ‘มกเส ปหริสฺสามา’ติ อตฺตานํ ปหรนฺติ, ปุพฺเพปิ ‘มกสํ ปหริสฺสามา’ติ ปรํ ปหรณกมนุสฺสา อเหสุํเยวา’’ติ วตฺวา เตหิ มนุสฺเสหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต วณิชฺชาย ชีวิกํ กปฺเปติ. ตทา กาสิรฏฺเ เอกสฺมึ ปจฺจนฺตคาเม พหู วฑฺฒกี วสนฺติ. ตตฺเถโก ขลิตวฑฺฒกี รุกฺขํ ตจฺฉติ, อถสฺส เอโก มกโส ตมฺพโลหถาลกปิฏฺิสทิเส สีเส นิสีทิตฺวา สตฺติยา ปหรนฺโต วิย สีสํ มุขตุณฺฑเกน วิชฺฌิ. โส อตฺตโน สนฺติเก นิสินฺนํ ปุตฺตํ อาห – ‘‘ตาต, มยฺหํ สีสํ มกโส สตฺติยา ปหรนฺโต วิย วิชฺฌติ, วาเรหิ น’’นฺติ. ‘‘ตาต, อธิวาเสหิ, เอกปฺปหาเรเนว ตํ มาเรสฺสามี’’ติ. ตสฺมึ สมเย โพธิสตฺโตปิ อตฺตโน ภณฺฑํ ปริเยสมาโน ตํ คามํ ปตฺวา ตสฺสา วฑฺฒกิสาลาย นิสินฺโน โหติ. อถ โส วฑฺฒกี ปุตฺตํ อาห – ‘‘ตาต, อิมํ มกสํ วาเรหี’’ติ. โส ‘‘วาเรสฺสามิ, ตาตา’’ติ ติขิณํ มหาผรสุํ อุกฺขิปิตฺวา ปิตุ ปิฏฺิปสฺเส ตฺวา ‘‘มกสํ ปหริสฺสามี’’ติ ปิตุ มตฺถกํ ทฺวิธา ภินฺทิ, วฑฺฒกี ตตฺเถว ชีวิตกฺขยํ ปตฺโต.

โพธิสตฺโต ตสฺส ตํ กมฺมํ ทิสฺวา ‘‘ปจฺจามิตฺโตปิ ปณฺฑิโตว เสยฺโย. โส หิ ทณฺฑภเยนปิ มนุสฺเส น มาเรสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา อิมํ คาถมาห –

๔๔.

‘‘เสยฺโย อมิตฺโต มติยา อุเปโต, น ตฺเวว มิตฺโต มติวิปฺปหีโน;

‘มกสํ วธิสฺส’นฺติ หิ เอฬมูโค, ปุตฺโต ปิตุ อพฺภิทา อุตฺตมงฺค’’นฺติ.

ตตฺถ เสยฺโยติ ปวโร อุตฺตโม. มติยา อุเปโตติ ปฺาย สมนฺนาคโต. เอฬมูโคติ ลาลามุโข พาโล. ปุตฺโต ปิตุ อพฺภิทา อุตฺตมงฺคนฺติ อตฺตโน พาลตาย ปุตฺโตปิ หุตฺวา ปิตุ อุตฺตมงฺคํ มตฺถกํ ‘‘มกสํ ปหริสฺสามี’’ติ ทฺวิธา ภินฺทิ. ตสฺมา พาลมิตฺตโต ปณฺฑิตอมิตฺโตว เสยฺโยติ อิมํ คาถํ วตฺวา โพธิสตฺโต อุฏฺาย ยถากมฺมํ คโต. วฑฺฒกิสฺสปิ าตกา สรีรกิจฺจํ อกํสุ.

สตฺถา ‘‘เอวํ อุปาสกา ปุพฺเพปิ ‘มกสํ ปหริสฺสามา’ติ ปรํ ปหรณกมนุสฺสา อเหสุํเยวา’’ติ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ ‘‘ตทา คาถํ วตฺวา ปกฺกนฺโต ปณฺฑิตวาณิโช ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

มกสชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.

[๔๕] ๕. โรหิณิชาตกวณฺณนา

เสยฺโย อมิตฺโตติอิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ อนาถปิณฺฑิกเสฏฺิโน ทาสึ อารพฺภ กเถสิ. อนาถปิณฺฑิกสฺส กิร เอกา โรหิณี นาม ทาสี อโหสิ. ตสฺสา วีหิปหรณฏฺาเน อาคนฺตฺวา มหลฺลิกา มาตา นิปชฺชิ, ตํ มกฺขิกา ปริวาเรตฺวา สูจิยา วิชฺฌมานา วิย ขาทนฺติ. สา ธีตรํ อาห – ‘‘อมฺม, มกฺขิกา มํ ขาทนฺติ, เอตา วาเรหี’’ติ. สา ‘‘วาเรสฺสามิ, อมฺมา’’ติ มุสลํ อุกฺขิปิตฺวา ‘‘มาตุ สรีเร มกฺขิกา มาเรตฺวา วินาสํ ปาเปสฺสามี’’ติ มาตรํ มุสเลน ปหริตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปสิ. ตํ ทิสฺวา ‘‘มาตา เม มตา’’ติ โรทิตุํ อารภิ. ตํ ปวตฺตึ เสฏฺิสฺส อาโรเจสุํ. เสฏฺิ ตสฺสา สรีรกิจฺจํ กาเรตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา สพฺพํ ตํ ปวตฺตึ สตฺถุ อาโรเจสิ. สตฺถา ‘‘น โข, คหปติ, เอสา ‘มาตุ สรีเร มกฺขิกา มาเรสฺสามี’ติ อิทาเนว มุสเลน ปหริตฺวา มาตรํ มาเรสิ, ปุพฺเพปิ มาเรสิเยวา’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต เสฏฺิกุเล นิพฺพตฺติตฺวา ปิตุอจฺจเยน เสฏฺิฏฺานํ ปาปุณิ. ตสฺสาปิ โรหิณีเยว นาม ทาสี อโหสิ. สาปิ อตฺตโน วีหิปหรณฏฺานํ อาคนฺตฺวา นิปนฺนํ มาตรํ ‘‘มกฺขิกา เม, อมฺม, วาเรหี’’ติ วุตฺตา เอวเมว มุสเลน ปหริตฺวา มาตรํ ชีวิตกฺขยํ ปาเปตฺวา โรทิตุํ อารภิ. โพธิสตฺโต ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา ‘‘อมิตฺโตปิ หิ อิมสฺมึ โลเก ปณฺฑิโตว เสยฺโย’’ติ จินฺเตตฺวา อิมํ คาถมาห –

๔๕.

‘‘เสยฺโย อมิตฺโต เมธาวี, ยฺเจ พาลานุกมฺปโก;

ปสฺส โรหิณิกํ ชมฺมึ, มาตรํ หนฺตฺวาน โสจตี’’ติ.

ตตฺถ เมธาวีติ ปณฺฑิโต าณี วิภาวี. ยฺเจ พาลานุกมฺปโกติ เอตฺถ นฺติ ลิงฺควิปลฺลาโส กโต, เจติ นามตฺเถ นิปาโต. โย นาม พาโล อนุกมฺปโก, ตโต สตคุเณน สหสฺสคุเณน ปณฺฑิโต อมิตฺโต โหนฺโตปิ เสยฺโยเยวาติ อตฺโถ. อถ วา นฺติ ปฏิเสธนตฺเถ นิปาโต, โน เจ พาลานุกมฺปโกติ อตฺโถ. ชมฺมินฺติ ลามิกํ ทนฺธํ. มาตรํ หนฺตฺวาน โสจตีติ ‘‘มกฺขิกา มาเรสฺสามี’’ติ มาตรํ หนฺตฺวา อิทานิ อยํ พาลา สยเมว โรทติ ปริเทวติ. อิมินา การเณน อิมสฺมึ โลเก อมิตฺโตปิ ปณฺฑิโต เสยฺโยติ โพธิสตฺโต ปณฺฑิตํ ปสํสนฺโต อิมาย คาถาย ธมฺมํ เทเสสิ.

สตฺถา ‘‘น โข, คหปติ, เอสา อิทาเนว ‘มกฺขิกา มาเรสฺสามี’ติ มาตรํ ฆาเตสิ, ปุพฺเพปิ ฆาเตสิเยวา’’ติ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา มาตาเยว มาตา อโหสิ, ธีตาเยว ธีตา, มหาเสฏฺิ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

โรหิณิชาตกวณฺณนา ปฺจมา.

[๔๖] ๖. อารามทูสกชาตกวณฺณนา

น เว อนตฺถกุสเลนาติ อิทํ สตฺถา อฺตรสฺมึ โกสลคามเก วิหรนฺโต อุยฺยานทูสกํ อารพฺภ กเถสิ. สตฺถา กิร โกสเลสุ จาริกํ จรมาโน อฺตรํ คามกํ สมฺปาปุณิ. ตตฺเถโก กุฏุมฺพิโก ตถาคตํ นิมนฺเตตฺวา อตฺตโน อุยฺยาเน นิสีทาเปตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส สงฺฆสฺส มหาทานํ ทตฺวา ‘‘ภนฺเต, ยถารุจิยา อิมสฺมึ อุยฺยาเน วิจรถา’’ติ อาห. ภิกฺขู อุฏฺาย อุยฺยานปาลํ คเหตฺวา อุยฺยาเน วิจรนฺตา เอกํ องฺคณฏฺานํ ทิสฺวา อุยฺยานปาลํ ปุจฺฉึสุ ‘‘อุปาสก, อิมํ อุยฺยานํ อฺตฺถ สนฺทจฺฉายํ, อิมสฺมึ ปน าเน น โกจิ รุกฺโข วา คจฺโฉ วา อตฺถิ, กึ นุ โข การณ’’นฺติ? ‘‘ภนฺเต, อิมสฺส อุยฺยานสฺส โรปนกาเล เอโก คามทารโก อุทกํ สิฺจนฺโต อิมสฺมึ าเน รุกฺขโปตเก อุมฺมูลํ กตฺวา มูลปฺปมาเณน อุทกํ สิฺจิ. เต รุกฺขโปตกา มิลายิตฺวา มตา. อิมินา การเณน อิทํ านํ องฺคณํ ชาต’’นฺติ. ภิกฺขู สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, โส คามทารโก อิทาเนว อารามทูสโก, ปุพฺเพปิ อารามทูสโกเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต พาราณสิยํ นกฺขตฺตํ โฆสยึสุ. นกฺขตฺตเภริสทฺทสวนกาลโต ปฏฺาย สกลนครวาสิโน นกฺขตฺตนิสฺสิตกา หุตฺวา วิจรนฺติ. ตทา รฺโ อุยฺยาเน พหู มกฺกฏา วสนฺติ. อุยฺยานปาโล จินฺเตสิ ‘‘นคเร นกฺขตฺตํ ฆุฏฺํ, อิเม วานเร ‘อุทกํ สิฺจถา’ติ วตฺวา อหํ นกฺขตฺตํ กีฬิสฺสามี’’ติ เชฏฺกวานรํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘สมฺม วานรเชฏฺก, อิมํ อุยฺยานํ ตุมฺหากมฺปิ พหูปการํ, ตุมฺเห เอตฺถ ปุปฺผผลปลฺลวานิ ขาทถ, นคเร นกฺขตฺตํ ฆุฏฺํ, อหํ นกฺขตฺตํ กีฬิสฺสามิ. ยาวาหํ อาคจฺฉามิ, ตาว อิมสฺมึ อุยฺยาเน รุกฺขโปตเกสุ อุทกํ สิฺจิตุํ สกฺขิสฺสถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘สาธุ, สิฺจิสฺสามี’’ติ. ‘‘เตน หิ อปฺปมตฺตา โหถา’’ติ อุทกสิฺจนตฺถาย เตสํ จมฺมกุเฏ จ ทารุกุเฏ จ ทตฺวา คโต. วานรา จมฺมกุเฏ เจว ทารุกุเฏ จ คเหตฺวา รุกฺขโปตเกสุ อุทกํ สิฺจนฺติ. อถ เน วานรเชฏฺโก เอวมาห ‘‘โภนฺโต วานรา, อุทกํ นาม รกฺขิตพฺพํ, ตุมฺเห รุกฺขโปตเกสุ อุทกํ สิฺจนฺตา อุปฺปาเฏตฺวา อุปฺปาเฏตฺวา มูลํ โอโลเกตฺวา คมฺภีรคเตสุ มูเลสุ พหุํ อุทกํ สิฺจถ, อคมฺภีรคเตสุ อปฺปํ, ปจฺฉา อมฺหากํ อุทกํ ทุลฺลภํ ภวิสฺสตี’’ติ. เต ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตถา อกํสุ.

ตสฺมึ สมเย เอโก ปณฺฑิตปุริโส ราชุยฺยาเน เต วานเร ตถา กโรนฺเต ทิสฺวา เอวมาห ‘‘โภนฺโต วานรา, กสฺมา ตุมฺเห รุกฺขโปตเก อุปฺปาเฏตฺวา อุปฺปาเฏตฺวา มูลปฺปมาเณน อุทกํ สิฺจถา’’ติ? เต ‘‘เอวํ โน วานรเชฏฺโก โอวทตี’’ติ อาหํสุ. โส ตํ วจนํ สุตฺวา ‘‘อโห วต โภ พาลา อปณฺฑิตา, ‘อตฺถํ กริสฺสามา’ติ อนตฺถเมว กโรนฺตี’’ติ จินฺเตตฺวา อิมํ คาถมาห –

๔๖.

‘‘น เว อนตฺถกุสเลน, อตฺถจริยา สุขาวหา;

หาเปติ อตฺถํ ทุมฺเมโธ, กปิ อารามิโก ยถา’’ติ.

ตตฺถ เวติ นิปาตมตฺตํ. อนตฺถกุสเลนาติ อนตฺเถ อนายตเน กุสเลน, อตฺเถ อายตเน การเณ อกุสเลน วาติ อตฺโถ. อตฺถจริยาติ วุฑฺฒิกิริยา. สุขาวหาติ เอวรูเปน อนตฺถกุสเลน กายิกเจตสิกสุขสงฺขาตสฺส อตฺถสฺส จริยา น สุขาวหา, น สกฺกา อาวหิตุนฺติ อตฺโถ. กึการณา? เอกนฺเตเนว หิ หาเปติ อตฺถํ ทุมฺเมโธติ, พาลปุคฺคโล ‘‘อตฺถํ กริสฺสามี’’ติ อตฺถํ หาเปตฺวา อนตฺถเมว กโรติ. กปิ อารามิโก ยถาติ ยถา อาราเม นิยุตฺโต อารามรกฺขนโก มกฺกโฏ ‘‘อตฺถํ กริสฺสามี’’ติ อนตฺถเมว กโรติ, เอวํ โย โกจิ อนตฺถกุสโล, เตน น สกฺกา อตฺถจริยํ อาวหิตุํ, โส เอกํเสน อตฺถํ หาเปติเยวาติ. เอวํ โส ปณฺฑิโต ปุริโส อิมาย คาถาย วานรเชฏฺกํ ครหิตฺวา อตฺตโน ปริสํ อาทาย อุยฺยานา นิกฺขมิ.

สตฺถาปิ ‘‘น, ภิกฺขเว, เอส คามทารโก อิทาเนว อารามทูสโก, ปุพฺเพปิ อารามทูสโกเยวา’’ติ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา วานรเชฏฺโก อารามทูสกคามทารโก อโหสิ, ปณฺฑิตปุริโส ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

อารามทูสกชาตกวณฺณนา ฉฏฺา.

[๔๗] ๗. วารุณิทูสกชาตกวณฺณนา

น เว อนตฺถกุสเลนาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต วารุณิทูสกํ อารพฺภ กเถสิ. อนาถปิณฺฑิกสฺส กิร สหาโย เอโก วารุณิวาณิโช ติขิณํ วารุณึ โยเชตฺวา หิรฺสุวณฺณาทีนิ คเหตฺวา วิกฺกิณนฺโต มหาชเน สนฺนิปติเต ‘‘ตาต, ตฺวํ มูลํ คเหตฺวา วารุณึ เทหี’’ติ อนฺเตวาสิกํ อาณาเปตฺวา สยํ นฺหายิตุํ อคมาสิ. อนฺเตวาสิโก มหาชนสฺส วารุณึ เทนฺโต มนุสฺเส อนฺตรนฺตรา โลณสกฺขรา อาหราเปตฺวา ขาทนฺเต ทิสฺวา ‘‘อยํ สุรา อโลณิกา ภวิสฺสติ, โลณเมตฺถ ปกฺขิปิสฺสามี’’ติ สุราจาฏิยํ นาฬิมตฺตํ โลณํ ปกฺขิปิตฺวา เตสํ สุรํ อทาสิ. เต มุขํ ปูเรตฺวา ปูเรตฺวา ฉฑฺเฑตฺวา ‘‘กึ เต กต’’นฺติ ปุจฺฉึสุ. ‘‘ตุมฺเห สุรํ ปิวิตฺวา โลณํ อาหราเปนฺเต ทิสฺวา โลเณน โยเชสิ’’นฺติ. ‘‘เอวรูปํ นาม มนาปํ วารุณึ นาเสสิ พาลา’’ติ ตํ ครหิตฺวา อุฏฺายุฏฺาย ปกฺกนฺตา. วารุณิวาณิโช อาคนฺตฺวา เอกมฺปิ อทิสฺวา ‘‘วารุณิปายกา กหํ คตา’’ติ ปุจฺฉิ, โส ตมตฺถํ อาโรเจสิ. อถ นํ อาจริโย ‘‘พาล, เอวรูปา นาม เต สุรา นาสิตา’’ติ ครหิตฺวา อิมํ การณํ อนาถปิณฺฑิกสฺส อาโรเจสิ. อนาถปิณฺฑิโก ‘‘อตฺถิทานิ เม อิทํ กถาปาภต’’นฺติ เชตวนํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอตมตฺถํ อาโรเจสิ. สตฺถา ‘‘น เอส, คหปติ, อิทาเนว วารุณิทูสโก, ปุพฺเพปิ วารุณิทูสโกเยวา’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต พาราณสิยํ เสฏฺิ อโหสิ. ตํ อุปนิสฺสาย เอโก วารุณิวาณิโช ชีวติ. โส ติขิณํ สุรํ โยเชตฺวา ‘‘อิมํ วิกฺกิณาหี’’ติ อนฺเตวาสิกํ วตฺวา นฺหายิตุํ คโต. อนฺเตวาสิโก ตสฺมึ คตมตฺเตเยว สุราย โลณํ ปกฺขิปิตฺวา อิมินาว นเยน สุรํ วินาเสสิ. อถสฺส อาจริโย อาคนฺตฺวา ตํ การณํ ตฺวา เสฏฺิสฺส อาโรเจสิ. เสฏฺิ ‘‘อนตฺถกุสลา นาม พาลา ‘อตฺถํ กริสฺสามา’ติ อนตฺถเมว กโรนฺตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๔๗.

‘‘น เว อนตฺถกุสเลน, อตฺถจริยา สุขาวหา;

หาเปติ อตฺถํ ทุมฺเมโธ, โกณฺฑฺโ วารุณึ ยถา’’ติ.

ตตฺถ โกณฺฑฺโ วารุณึ ยถาติ ยถา อยํ โกณฺฑฺนามโก อนฺเตวาสิโก ‘‘อตฺถํ กริสฺสามี’’ติ โลณํ ปกฺขิปิตฺวา วารุณึ หาเปสิ ปริหาเปสิ วินาเสสิ, เอวํ สพฺโพปิ อนตฺถกุสโล อตฺถํ หาเปตีติ โพธิสตฺโต อิมาย คาถาย ธมฺมํ เทเสสิ.

สตฺถาปิ ‘‘น เอส คหปติ อิทาเนว วารุณิทูสโก, ปุพฺเพปิ วารุณิทูสโกเยวา’’ติ วตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา วารุณิทูสโก อิทานิปิ วารุณิทูสโกว อโหสิ, พาราณสิเสฏฺิ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

วารุณิทูสกชาตกวณฺณนา สตฺตมา.

[๔๘] ๘. เวทพฺพชาตกวณฺณนา

อนุปาเยน โย อตฺถนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ทุพฺพจภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. ตฺหิ ภิกฺขุํ สตฺถา ‘‘น ตฺวํ ภิกฺขุ อิทาเนว ทุพฺพโจ, ปุพฺเพปิ ทุพฺพโจเยว, เตเนว จ การเณน ปณฺฑิตานํ วจนํ อกตฺวา ติณฺเหน อสินา ทฺวิธา กตฺวา ฉินฺโน หุตฺวา มคฺเค นิปติตฺถ, ตฺจ เอกกํ นิสฺสาย ปุริสสหสฺสํ ชีวิตกฺขยํ ปตฺต’’นฺติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต เอกสฺมึ คามเก อฺตโร พฺราหฺมโณ เวทพฺพํ นาม มนฺตํ ชานาติ. โส กิร มนฺโต อนคฺโฆ มหารโห, นกฺขตฺตโยเค ลทฺเธ ตํ มนฺตํ ปริวตฺเตตฺวา อากาเส อุลฺโลกิเต อากาสโต สตฺตรตนวสฺสํ วสฺสติ. ตทา โพธิสตฺโต ตสฺส พฺราหฺมณสฺส สนฺติเก สิปฺปํ อุคฺคณฺหาติ. อเถกทิวสํ พฺราหฺมโณ โพธิสตฺตํ อาทาย เกนจิเทว กรณีเยน อตฺตโน คามา นิกฺขมิตฺวา เจตรฏฺํ อคมาสิ, อนฺตรามคฺเค จ เอกสฺมึ อรฺฏฺาเน ปฺจสตา เปสนกโจรา นาม ปนฺถฆาตํ กโรนฺติ. เต โพธิสตฺตฺจ เวทพฺพพฺราหฺมณฺจ คณฺหึสุ. กสฺมา ปเนเต ‘‘เปสนกโจรา’’ติ วุจฺจนฺติ? เต กิร ทฺเว ชเน คเหตฺวา เอกํ ธนาหรณตฺถาย เปเสนฺติ, ตสฺมา ‘‘เปสนกโจรา’’ตฺเวว วุจฺจนฺติ. เตปิ จ ปิตาปุตฺเต คเหตฺวา ปิตรํ ‘‘ตฺวํ อมฺหากํ ธนํ อาหริตฺวา ปุตฺตํ คเหตฺวา ยาหี’’ติ วทนฺติ. เอเตนุปาเยน มาตุธีตโร คเหตฺวา มาตรํ วิสฺสชฺเชนฺติ, เชฏฺกนิฏฺเ คเหตฺวา เชฏฺภาติกํ วิสฺสชฺเชนฺติ, อาจริยนฺเตวาสิเก คเหตฺวา อนฺเตวาสิกํ วิสฺสชฺเชนฺติ. เต ตสฺมึ กาเล เวทพฺพพฺราหฺมณํ คเหตฺวา โพธิสตฺตํ วิสฺสชฺเชสุํ.

โพธิสตฺโต อาจริยํ วนฺทิตฺวา ‘‘อหํ เอกาหทฺวีหจฺจเยน อาคมิสฺสามิ, ตุมฺเห มา ภายิตฺถ, อปิจ โข ปน มม วจนํ กโรถ, อชฺช ธนวสฺสาปนกนกฺขตฺตโยโค ภวิสฺสติ, มา โข ตุมฺเห ทุกฺขํ อสหนฺตา มนฺตํ ปริวตฺเตตฺวา ธนํ วสฺสาปยิตฺถ. สเจ วสฺสาเปสฺสถ, ตุมฺเห จ วินาสํ ปาปุณิสฺสถ, อิเม จ ปฺจสตา โจรา’’ติ เอวํ อาจริยํ โอวทิตฺวา ธนตฺถาย อคมาสิ. โจราปิ สูริเย อตฺถงฺคเต พฺราหฺมณํ พนฺธิตฺวา นิปชฺชาเปสุํ. ตงฺขณฺเว ปาจีนโลกธาตุโต ปริปุณฺณจนฺทมณฺฑลํ อุฏฺหิ. พฺราหฺมโณ นกฺขตฺตํ โอโลเกนฺโต ‘‘ธนวสฺสาปนกนกฺขตฺตโยโค ลทฺโธ, กึ เม ทุกฺเขน อนุภูเตน, มนฺตํ ปริวตฺเตตฺวา รตนวสฺสํ วสฺสาเปตฺวา โจรานํ ธนํ ทตฺวา ยถาสุขํ คมิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา โจเร อามนฺเตสิ ‘‘โภนฺโต โจรา, ตุมฺเห มํ กิมตฺถาย คณฺหถา’’ติ? ‘‘ธนตฺถาย, อยฺยา’’ติ. ‘‘สเจ โว, ธเนน อตฺโถ, ขิปฺปํ มํ พนฺธนา โมเจตฺวา สีสํ นฺหาเปตฺวา อหตวตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา คนฺเธหิ วิลิมฺปาเปตฺวา ปุปฺผานิ ปิลนฺธาเปตฺวา เปถา’’ติ. ‘‘โจรา ตสฺส กถํ สุตฺวา ตถา อกํสุ’’.

พฺราหฺมโณ นกฺขตฺตโยคํ ตฺวา มนฺตํ ปริวตฺเตตฺวา อากาสํ อุลฺโลเกสิ, ตาวเทว อากาสโต รตนานิ ปตึสุ. โจรา ตํ ธนํ สงฺกฑฺฒิตฺวา อุตฺตราสงฺเคสุ ภณฺฑิกํ กตฺวา ปายึสุ. พฺราหฺมโณปิ เตสํ ปจฺฉโตว อคมาสิ. อถ เต โจเร อฺเ ปฺจสตา โจรา คณฺหึสุ. ‘‘กิมตฺถํ อมฺเห คณฺหถา’’ติ จ วุตฺตา ‘‘ธนตฺถายา’’ติ อาหํสุ. ‘‘ยทิ โว ธเนน อตฺโถ, เอตํ พฺราหฺมณํ คณฺหถ, เอโส อากาสํ อุลฺโลเกตฺวา ธนํ วสฺสาเปสิ, อมฺหากมฺเปตํ เอเตเนว ทินฺน’’นฺติ. โจรา โจเร วิสฺสชฺเชตฺวา ‘‘อมฺหากมฺปิ ธนํ เทหี’’ติ พฺราหฺมณํ คณฺหึสุ. พฺราหฺมโณ ‘‘อหํ ตุมฺหากํ ธนํ ทเทยฺยํ, ธนวสฺสาปนกนกฺขตฺตโยโค ปน อิโต สํวจฺฉรมตฺถเก ภวิสฺสติ. ยทิ โว ธเนนตฺโถ, อธิวาเสถ, ตทา ธนวสฺสํ วสฺสาเปสฺสามี’’ติ อาห. โจรา กุชฺฌิตฺวา ‘‘อมฺโภ, ทุฏฺพฺราหฺมณ, อฺเสํ อิทาเนว ธนํ วสฺสาเปตฺวา อมฺเห อฺํ สํวจฺฉรํ อธิวาสาเปสี’’ติ ติณฺเหน อสินา พฺราหฺมณํ ทฺวิธา ฉินฺทิตฺวา มคฺเค ฉฑฺเฑตฺวา เวเคน อนุพนฺธิตฺวา เตหิ โจเรหิ สทฺธึ ยุชฺฌิตฺวา เต สพฺเพปิ มาเรตฺวา ธนํ อาทาย ปุน ทฺเว โกฏฺาสา หุตฺวา อฺมฺํ ยุชฺฌิตฺวา อฑฺฒเตยฺยานิ ปุริสสตานิ ฆาเตตฺวา เอเตน อุปาเยน ยาว ทฺเว ชนา อวสิฏฺา อเหสุํ, ตาว อฺมฺํ ฆาตยึสุ. เอวํ ตํ ปุริสสหสฺสํ วินาสํ ปตฺตํ.

เต ปน ทฺเว ชนา อุปาเยน ตํ ธนํ อาหริตฺวา เอกสฺมึ คามสมีเป คหนฏฺาเน ธนํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา เอโก ขคฺคํ คเหตฺวา รกฺขนฺโต นิสีทิ, เอโก ตณฺฑุเล คเหตฺวา ภตฺตํ ปจาเปตุํ คามํ ปาวิสิ. โลโภ จ นาเมส วินาสมูลเมวาติ ธนสนฺติเก นิสินฺโน จินฺเตสิ ‘‘ตสฺมึ อาคเต อิทํ ธนํ ทฺเว โกฏฺาสา ภวิสฺสนฺติ, ยํนูนาหํ ตํ อาคตมตฺตเมว ขคฺเคน ปหริตฺวา ฆาเตยฺย’’นฺติ. โส ขคฺคํ สนฺนยฺหิตฺวา ตสฺส อาคมนํ โอโลเกนฺโต นิสีทิ. อิตโรปิ จินฺเตสิ ‘‘ตํ ธนํ ทฺเว โกฏฺาสา ภวิสฺสนฺติ, ยํนูนาหํ ภตฺเต วิสํ ปกฺขิปิตฺวา ตํ ปุริสํ โภเชตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปตฺวา เอกโกว ธนํ คณฺเหยฺย’’นฺติ. โส นิฏฺิเต ภตฺเต สยํ ภุฺชิตฺวา เสสเก วิสํ ปกฺขิปิตฺวา ตํ อาทาย ตตฺถ อคมาสิ. ตํ ภตฺตํ โอตาเรตฺวา ิตมตฺตเมว อิตโร ขคฺเคน ทฺวิธา ฉินฺทิตฺวา ตํ ปฏิจฺฉนฺนฏฺาเน ฉฑฺเฑตฺวา ตฺจ ภตฺตํ ภุฺชิตฺวา สยมฺปิ ตตฺเถว ชีวิตกฺขยํ ปาปุณิ. เอวฺจ ตํ ธนํ นิสฺสาย สพฺเพว วินาสํ ปาปุณึสุ.

โพธิสตฺโตปิ โข เอกาหทฺวีหจฺจเยน ธนํ อาทาย อาคโต ตสฺมึ าเน อาจริยํ อทิสฺวา วิปฺปกิณฺณํ ปน ธนํ ทิสฺวา ‘‘อาจริเยน มม วจนํ อกตฺวา ธนํ วสฺสาปิตํ ภวิสฺสติ, สพฺเพหิ วินาสํ ปตฺเตหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ มหามคฺเคน ปายาสิ. คจฺฉนฺโต อาจริยํ มหามคฺเค ทฺวิธา ฉินฺนํ ทิสฺวา ‘‘มม วจนํ อกตฺวา มโต’’ติ ทารูนิ อุทฺธริตฺวา จิตกํ กตฺวา อาจริยํ ฌาเปตฺวา วนปุปฺเผหิ ปูเชตฺวา ปุรโต คจฺฉนฺโต ชีวิตกฺขยํ ปตฺเต ปฺจสเต, ปุรโต อฑฺฒเตยฺยสเตติ อนุกฺกเมน อวสาเน ทฺเว ชเน ชีวิตกฺขยํ ปตฺเต ทิสฺวา จินฺเตสิ ‘‘อิมํ ทฺวีหิ อูนํ ปุริสสหสฺสํ วินาสํ ปตฺตํ, อฺเหิ ทฺวีหิ โจเรหิ ภวิตพฺพํ, เตปิ สนฺถมฺภิตุํ น สกฺขิสฺสนฺติ, กหํ นุ โข เต คตา’’ติ คจฺฉนฺโต เตสํ ธนํ อาทาย คหนฏฺานํ ปวิฏฺมคฺคํ ทิสฺวา คจฺฉนฺโต ภณฺฑิกพทฺธสฺส ธนสฺส ราสึ ทิสฺวา เอกํ ภตฺตปาตึ อวตฺถริตฺวา มตํ อทฺทส. ตโต ‘‘อิทํ นาม เตหิ กตํ ภวิสฺสตี’’ติ สพฺพํ ตฺวา ‘‘กหํ นุ โข โส ปุริโส’’ติ วิจินนฺโต ตมฺปิ ปฏิจฺฉนฺนฏฺาเน อปวิทฺธํ ทิสฺวา ‘‘อมฺหากํ อาจริโย มม วจนํ อกตฺวา อตฺตโน ทุพฺพจภาเวน อตฺตนาปิ วินาสํ ปตฺโต, อปรมฺปิ เตน ปุริสสหสฺสํ วินาสิตํ, อนุปาเยน วต อการเณน อตฺตโน วุฑฺฒึ ปตฺถยมานา อมฺหากํ อาจริโย วิย มหาวินาสเมว ปาปุณิสฺสนฺตี’’ติ จินฺเตตฺวา อิมํ คาถมาห –

๔๘.

‘‘อนุปาเยน โย อตฺถํ, อิจฺฉติ โส วิหฺติ;

เจตา หนึสุ เวทพฺพํ, สพฺเพ เต พฺยสนมชฺฌคู’’ติ.

ตตฺถ โส วิหฺตีติ โส อนุปาเยน ‘‘อตฺตโน อตฺถํ วุฑฺฒึ สุขํ อิจฺฉามี’’ติ อกาเล วายามํ กโรนฺโต ปุคฺคโล วิหฺติ กิลมติ มหาวินาสํ ปาปุณาติ. เจตาติ เจตรฏฺวาสิโน โจรา. หนึสุ เวทพฺพนฺติ เวทพฺพมนฺตวเสน ‘‘เวทพฺโพ’’ติ ลทฺธนามํ พฺราหฺมณํ หนึสุ. สพฺเพ เต พฺยสนมชฺฌคูติ เตปิ จ อนวเสสา อฺมฺํ ฆาตยมานา พฺยสนํ อธิคจฺฉึสุ ปฏิลภึสูติ.

เอวํ โพธิสตฺโต ‘‘ยถา อมฺหากํ อาจริโย อนุปาเยน อฏฺาเน ปรกฺกมํ กโรนฺโต ธนํ วสฺสาเปตฺวา อตฺตนาปิ ชีวิตกฺขยํ ปตฺโต, อฺเสฺจ วินาสปจฺจโย ชาโต, เอวเมว โย อฺโปิ อนุปาเยน อตฺตโน อตฺถํ อิจฺฉนฺโต วายามํ กริสฺสติ, สพฺโพ โส อตฺตนา จ วินสฺสิสฺสติ, ปเรสฺจ วินาสปจฺจโย ภวิสฺสตี’’ติ วนํ อุนฺนาเทนฺโต เทวตาสุ สาธุการํ ททมานาสุ อิมาย คาถาย ธมฺมํ เทเสตฺวา ตํ ธนํ อุปาเยน อตฺตโน เคหํ อาหริตฺวา ทานาทีนิ ปุฺานิ กโรนฺโต ยาวตายุกํ ตฺวา ชีวิตปริโยสาเน สคฺคปถํ ปูรยมาโน อคมาสิ.

สตฺถาปิ ‘‘น ตฺวํ ภิกฺขุ อิทาเนว ทุพฺพโจ, ปุพฺเพปิ ทุพฺพโจว, ทุพฺพจตฺตา ปน มหาวินาสํ ปตฺโต’’ติ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา เวทพฺพพฺราหฺมโณ ทุพฺพจภิกฺขุ อโหสิ, อนฺเตวาสิโก ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

เวทพฺพชาตกวณฺณนา อฏฺมา.

[๔๙] ๙. นกฺขตฺตชาตกวณฺณนา

นกฺขตฺตํ ปติมาเนนฺตนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ อาชีวกํ อารพฺภ กเถสิ. สาวตฺถิยํ กิเรกํ กุลธีตรํ ชนปเท เอโก กุลปุตฺโต อตฺตโน ปุตฺตสฺส วาเรตฺวา ‘‘อสุกทิวเส นาม คณฺหิสฺสามี’’ติ ทิวสํ เปตฺวา ตสฺมึ ทิวเส สมฺปตฺเต อตฺตโน กุลูปกํ อาชีวกํ ปุจฺฉิ ‘‘ภนฺเต, อชฺช มยํ เอกํ มงฺคลํ กริสฺสาม, โสภนํ นุ โข นกฺขตฺต’’นฺติ. โส ‘‘อยํ มํ ปมํ อปุจฺฉิตฺวาว ทิวสํ เปตฺวา อิทานิ ปฏิปุจฺฉติ, โหตุ, สิกฺขาเปสฺสามิ น’’นฺติ กุชฺฌิตฺวา ‘‘อชฺช อโสภนํ นกฺขตฺตํ, มา อชฺช มงฺคลํ กริตฺถ, สเจ กริสฺสถ, มหาวินาโส ภวิสฺสตี’’ติ อาห. ตสฺมึ กุเล มนุสฺสา ตสฺส สทฺทหิตฺวา ตํ ทิวสํ น คจฺฉึสุ. นครวาสิโน สพฺพํ มงฺคลกิริยํ กตฺวา เตสํ อนาคมนํ ทิสฺวา ‘‘เตหิ อชฺช ทิวโส ปิโต, โน จ โข อาคตา, อมฺหากมฺปิ พหุ วยกมฺมํ กตํ, กึ โน เตหิ, อมฺหากํ ธีตรํ อฺสฺส ทสฺสามา’’ติ ยถากเตเนว มงฺคเลน ธีตรํ อฺสฺส กุลสฺส อทํสุ.

อิตเร ปุนทิวเส อาคนฺตฺวา ‘‘เทถ โน ทาริก’’นฺติ อาหํสุ. อถ เน สาวตฺถิวาสิโน ‘‘ชนปทวาสิโน นาม ตุมฺเห คหปติกา ปาปมนุสฺสา ทิวสํ เปตฺวา อวฺาย น อาคตา, อาคตมคฺเคเนว ปฏิคจฺฉถ, อมฺเหหิ อฺเสํ ทาริกา ทินฺนา’’ติ ปริภาสึสุ. เต เตหิ สทฺธึ กลหํ กตฺวา ทาริกํ อลภิตฺวา ยถาคตมคฺเคเนว คตา. เตนปิ อาชีวเกน เตสํ มนุสฺสานํ มงฺคลนฺตรายสฺส กตภาโว ภิกฺขูนํ อนฺตเร ปากโฏ ชาโต. เต ภิกฺขู ธมฺมสภายํ สนฺนิปติตา ‘‘อาวุโส, อาชีวเกน กุลสฺส มงฺคลนฺตราโย กโต’’ติ กถยมานา นิสีทึสุ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิ. เต ‘‘อิมาย นามา’’ติ กถยึสุ. ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว อาชีวโก ตสฺส กุลสฺส มงฺคลนฺตรายํ กโรติ, ปุพฺเพปิ เอส เตสํ กุชฺฌิตฺวา มงฺคลนฺตรายํ อกาสิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต นครวาสิโน ชนปทวาสีนํ ธีตรํ วาเรตฺวา ทิวสํ เปตฺวา อตฺตโน กุลูปกํ อาชีวกํ ปุจฺฉึสุ ‘‘ภนฺเต, อชฺช อมฺหากํ เอกา มงฺคลกิริยา, โสภนํ นุ โข นกฺขตฺต’’นฺติ. โส ‘‘อิเม อตฺตโน รุจิยา ทิวสํ เปตฺวา อิทานิ มํ ปุจฺฉนฺตี’’ติ กุชฺฌิตฺวา ‘‘อชฺช เนสํ มงฺคลนฺตรายํ กริสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘อชฺช อโสภนํ นกฺขตฺตํ, สเจ กโรถ, มหาวินาสํ ปาปุณิสฺสถา’’ติ อาห. เต ตสฺส สทฺทหิตฺวา น คมึสุ. ชนปทวาสิโน เตสํ อนาคมนํ ตฺวา ‘‘เต อชฺช ทิวสํ เปตฺวาปิ น อาคตา, กึ โน เตหิ, อฺเสํ ธีตรํ ทสฺสามา’’ติ อฺเสํ ธีตรํ อทํสุ. นครวาสิโน ปุนทิวเส อาคนฺตฺวา ทาริกํ ยาจึสุ. ชนปทวาสิโน ‘‘ตุมฺเห นครวาสิโน นาม ฉินฺนหิริกา คหปติกา, ทิวสํ เปตฺวา ทาริกํ น คณฺหิตฺถ, มยํ ตุมฺหากํ อนาคมนภาเวน อฺเสํ อทมฺหา’’ติ. มยํ อาชีวกํ ปฏิปุจฺฉิตฺวา ‘‘‘นกฺขตฺตํ น โสภน’นฺติ นาคตา, เทถ โน ทาริก’’นฺติ. ‘‘อมฺเหหิ ตุมฺหากํ อนาคมนภาเวน อฺเสํ ทินฺนา, อิทานิ ทินฺนทาริกํ กถํ ปุน อาเนสฺสามา’’ติ.

เอวํ เตสุ อฺมฺํ กลหํ กโรนฺเตสุ เอโก นครวาสี ปณฺฑิตปุริโส เอเกน กมฺเมน ชนปทํ คโต เตสํ นครวาสีนํ ‘‘มยํ อาชีวกํ ปุจฺฉิตฺวา นกฺขตฺตสฺส อโสภนภาเวน นาคตา’’ติ กเถนฺตานํ สุตฺวา ‘‘นกฺขตฺเตน โก อตฺโถ, นนุ ทาริกาย ลทฺธภาโวว นกฺขตฺต’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๔๙.

‘‘นกฺขตฺตํ ปติมาเนนฺตํ, อตฺโถ พาลํ อุปจฺจคา;

อตฺโถ อตฺถสฺส นกฺขตฺตํ, กึ กริสฺสนฺติ ตารกา’’ติ.

ตตฺถ ปติมาเนนฺตนฺติ โอโลเกนฺตํ, ‘‘อิทานิ นกฺขตฺตํ ภวิสฺสติ, อิทานิ นกฺขตฺตํ ภวิสฺสตี’’ติ อาคมยมานํ. อตฺโถ พาลํ อุปจฺจคาติ เอตํ นครวาสิกํ พาลํ ทาริกาปฏิลาภสงฺขาโต อตฺโถ อติกฺกนฺโต. อตฺโถ อตฺถสฺส นกฺขตฺตนฺติ ยํ อตฺถํ ปริเยสนฺโต จรติ, โส ปฏิลทฺโธ อตฺโถว อตฺถสฺส นกฺขตฺตํ นาม. กึ กริสฺสนฺติ ตารกาติ อิตเร ปน อากาเส ตารกา กึ กริสฺสนฺติ, กตรํ อตฺถํ สาเธสฺสนฺตีติ อตฺโถ. นครวาสิโน กลหํ กตฺวา ทาริกํ อลภิตฺวาว อคมํสุ.

สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, เอส อาชีวโก อิทาเนว กุลสฺส มงฺคลนฺตรายํ กโรติ, ปุพฺเพปิ อกาสิเยวา’’ติ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา อาชีวโก เอตรหิ อาชีวโกว อโหสิ, ตานิปิ กุลานิ เอตรหิ กุลานิเยว, คาถํ วตฺวา ิโต ปณฺฑิตปุริโส ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

นกฺขตฺตชาตกวณฺณนา นวมา.

[๕๐] ๑๐. ทุมฺเมธชาตกวณฺณนา

ทุมฺเมธานนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โลกตฺถจริยํ อารพฺภ กเถสิ. สา ทฺวาทสกนิปาเต มหากณฺหชาตเก (ชา. ๑.๑๒.๖๑ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส รฺโ อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. ตสฺส มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขนฺตสฺส นามคฺคหณทิวเส ‘‘พฺรหฺมทตฺตกุมาโร’’ติ นามํ อกํสุ. โส โสฬสวสฺสุทฺเทสิโก หุตฺวา ตกฺกสิลายํ สิปฺปํ อุคฺคณฺหิตฺวา ติณฺณํ เวทานํ ปารํ คนฺตฺวา อฏฺารสนฺนํ วิชฺชฏฺานานํ นิปฺผตฺตึ ปาปุณิ, อถสฺส ปิตา โอปรชฺชํ อทาสิ. ตสฺมึ สมเย พาราณสิวาสิโน เทวตามงฺคลิกา โหนฺติ, เทวตา นมสฺสนฺติ, พหู อเชฬกกุกฺกุฏภูกราทโย วธิตฺวา นานปฺปกาเรหิ ปุปฺผคนฺเธหิ เจว มํสโลหิเตหิ จ พลิกมฺมํ กโรนฺติ. โพธิสตฺโต จินฺเตสิ ‘‘อิทานิ สตฺตา เทวตามงฺคลิกา, พหุํ ปาณวธํ กโรนฺติ, มหาชโน เยภุยฺเยน อธมฺมสฺมึเยว นิวิฏฺโ, อหํ ปิตุ อจฺจเยน รชฺชํ ลภิตฺวา เอกมฺปิ อกิลเมตฺวา อุปาเยเนว ปาณวธํ กาตุํ น ทสฺสามี’’ติ. โส เอกทิวสํ รถํ อภิรุยฺห นครา นิกฺขนฺโต อทฺทส เอกสฺมึ มหนฺเต วฏรุกฺเข มหาชนํ สนฺนิปติตํ, ตสฺมึ รุกฺเข นิพฺพตฺตเทวตาย สนฺติเก ปุตฺตธีตุยสธนาทีสุ ยํ ยํ อิจฺฉติ, ตํ ตํ ปตฺเถนฺตํ. โส ตํ ทิสฺวา รถา โอรุยฺห ตํ รุกฺขํ อุปสงฺกมิตฺวา คนฺธปุปฺเผหิ ปูเชตฺวา อุทเกน อภิเสกํ กตฺวา รุกฺขํ ปทกฺขิณํ กตฺวา เทวตามงฺคลิโก วิย หุตฺวา เทวตํ นมสฺสิตฺวา รถํ อภิรุยฺห นครํ ปาวิสิ. ตโต ปฏฺาย อิมินาว นิยาเมน อนฺตรนฺตเร ตตฺถ คนฺตฺวา เทวตามงฺคลิโก วิย ปูชํ กโรติ.

โส อปเรน สมเยน ปิตุ อจฺจเยน รชฺเช ปติฏฺาย จตสฺโส อคติโย วชฺเชตฺวา ทส ราชธมฺเม อโกเปนฺโต ธมฺเมน รชฺชํ กาเรนฺโต จินฺเตสิ ‘‘มยฺหํ มโนรโถ มตฺถกํ ปตฺโต, รชฺเช ปติฏฺิโตมฺหิ. ยํ ปนาหํ ปุพฺเพ เอกํ อตฺถํ จินฺตยึ, อิทานิ ตํ มตฺถกํ ปาเปสฺสามี’’ติ อมจฺเจ จ พฺราหฺมณคหปติกาทโย จ สนฺนิปาตาเปตฺวา อามนฺเตสิ ‘‘ชานาถ โภ มยา เกน การเณน รชฺชํ ปตฺต’’นฺติ? ‘‘น ชานาม, เทวา’’ติ. ‘‘อปิ โวหํ อสุกํ นาม วฏรุกฺขํ คนฺธาทีหิ ปูเชตฺวา อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา นมสฺสมาโน ทิฏฺปุพฺโพ’’ติ. ‘‘อาม, เทวา’’ติ. ตทาหํ ปตฺถนํ อกาสึ ‘‘สเจ รชฺชํ ปาปุณิสฺสามิ, พลิกมฺมํ เต กริสฺสามี’’ติ. ‘‘ตสฺสา เม เทวตาย อานุภาเวน อิทํ รชฺชํ ลทฺธํ, อิทานิสฺสา พลิกมฺมํ กริสฺสามิ, ตุมฺเห ปปฺจํ อกตฺวา ขิปฺปํ เทวตาย พลิกมฺมํ สชฺเชถา’’ติ. ‘‘กึ กึ คณฺหาม, เทวา’’ติ? โภ อหํ เทวตาย อายาจมาโน ‘‘เย มยฺหํ รชฺเช ปาณาติปาตาทีนิ ปฺจ ทุสฺสีลกมฺมานิ ทส อกุสลกมฺมปเถ สมาทาย วตฺติสฺสนฺติ, เต ฆาเตตฺวา อนฺตวฏฺฏิมํสโลหิตาทีหิ พลิกมฺมํ กริสฺสามี’’ติ อายาจึ. ตสฺมา ตุมฺเห เอวํ เภรึ จราเปถ ‘‘อมฺหากํ ราชา อุปราชกาเลเยว เอวํ อายาจิ ‘สจาหํ รชฺชํ ปาปุณิสฺสามิ, เย เม รชฺเช ทุสฺสีลา ภวิสฺสนฺติ, เต สพฺเพ ฆาเตตฺวา พลิกมฺมํ กริสฺสามี’ติ, โส อิทานิ ปฺจวิธํ ทุสฺสีลกมฺมํ ทสวิธํ อกุสลกมฺมปถํ สมาทาย วตฺตมานานํ ทุสฺสีลานํ สหสฺสํ ฆาเตตฺวา เตสํ หทยมํสาทีนิ คาหาเปตฺวา เทวตาย พลิกมฺมํ กาตุกาโม, เอวํ นครวาสิโน ชานนฺตู’’ติ. เอวฺจ ปน วตฺวา ‘‘เยทานิ อิโต ปฏฺาย ทุสฺสีลกมฺเม วตฺติสฺสนฺติ, เตสํ สหสฺสํ ฆาเตตฺวา ยฺํ ยชิตฺวา อายาจนโต มุจฺจิสฺสามี’’ติ เอตมตฺถํ ปกาเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๕๐.

‘‘ทุมฺเมธานํ สหสฺเสน, ยฺโ เม อุปยาจิโต;

อิทานิ โขหํ ยชิสฺสามิ, พหุ อธมฺมิโก ชโน’’ติ.

ตตฺถ ทุมฺเมธานํ สหสฺเสนาติ ‘‘อิทํ กมฺมํ กาตุํ วฏฺฏติ, อิทํ น วฏฺฏตี’’ติ อชานนภาเวน, ทสสุ วา ปน อกุสลกมฺมปเถสุ สมาทาย วตฺตนภาเวน ทุฏฺา เมธา เอเตสนฺติ ทุมฺเมธา, เตสํ ทุมฺเมธานํ นิปฺปฺานํ พาลปุคฺคลานํ คณิตฺวา คหิเตน สหสฺเสน. ยฺโ เม อุปยาจิโตติ มยา เทวตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘เอวํ ยชิสฺสามี’’ติ ยฺโ ยาจิโต. อิทานิ โขหํ ยชิสฺสามีติ โส อหํ อิมินา อายาจเนน รชฺชสฺส ปฏิลทฺธตฺตา อิทานิ ยชิสฺสามิ. กึการณา? อิทานิ หิ พหุ อธมฺมิโก ชโน, ตสฺมา อิทาเนว นํ คเหตฺวา พลิกมฺมํ กริสฺสามีติ.

อมจฺจา โพธิสตฺตสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘สาธุ, เทวา’’ติ ทฺวาทสโยชนิเก พาราณสินคเร เภรึ จราเปสุํ. เภริยา อาณํ สุตฺวา เอกมฺปิ ทุสฺสีลกมฺมํ สมาทาย ิโต เอกปุริโสปิ นาโหสิ. อิติ ยาว โพธิสตฺโต รชฺชํ กาเรสิ, ตาว เอกปุคฺคโลปิ ปฺจสุ ทสสุ วา ทุสฺสีลกมฺเมสุ เอกมฺปิ กมฺมํ กโรนฺโต น ปฺายิตฺถ. เอวํ โพธิสตฺโต เอกปุคฺคลมฺปิ อกิลเมนฺโต สกลรฏฺวาสิโน สีลํ รกฺขาเปตฺวา สยมฺปิ ทานาทีนิ ปุฺานิ กตฺวา ชีวิตปริโยสาเน อตฺตโน ปริสํ อาทาย เทวนครํ ปูเรนฺโต อคมาสิ.

สตฺถาปิ ‘‘น, ภิกฺขเว, ตถาคโต อิทาเนว โลกสฺส อตฺถํ จรติ, ปุพฺเพปิ จริเยวา’’ติ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทาปริสา พุทฺธปริสา อเหสุํ, พาราณสิราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

ทุมฺเมธชาตกวณฺณนา ทสมา.

อตฺถกามวคฺโค ปฺจโม.

ตสฺสุทฺทานํ –

โลสกติสฺสกโปต, เวฬุกํ มกสมฺปิ จ;

โรหิณี อารามทูสํ, วารุณีทูสเวทพฺพํ;

นกฺขตฺตํ ทุมฺเมธํ ทสาติ.

ปโม ปณฺณาสโก.

๖. อาสีสวคฺโค

[๕๑] ๑. มหาสีลวชาตกวณฺณนา

อาสีเสเถว ปุริโสติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โอสฺสฏฺวีริยํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. ตฺหิ สตฺถา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ โอสฺสฏฺวีริโยสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ จ วุตฺเต ‘‘กสฺมา ตฺวํ ภิกฺขุ เอวรูเป นิยฺยานิกสาสเน ปพฺพชิตฺวา วีริยํ โอสฺสชิ, ปุพฺเพ ปณฺฑิตา รชฺชา ปริหายิตฺวาปิ อตฺตโน วีริเย ตฺวาว นฏฺมฺปิ ยสํ ปุน อุปฺปาทยึสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต รฺโ อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺโต. ตสฺส นามคฺคหณทิวเส ‘‘สีลวกุมาโร’’ติ นามํ อกํสุ. โส โสฬสวสฺสุทฺเทสิโกว สพฺพสิปฺเปสุ นิปฺผตฺตึ ปตฺวา อปรภาเค ปิตุ อจฺจเยน รชฺเช ปติฏฺิโต มหาสีลวราชา นาม อโหสิ ธมฺมิโก ธมฺมราชา. โส นครสฺส จตูสุ ทฺวาเรสุ จตสฺโส, มชฺเฌ เอกํ, นิเวสนทฺวาเร เอกนฺติ นิจฺจํ ฉ ทานสาลาโย การาเปตฺวา กปณทฺธิกานํ ทานํ เทติ, สีลํ รกฺขติ, อุโปสถกมฺมํ กโรติ, ขนฺติเมตฺตานุทฺทยสมฺปนฺโน องฺเก นิสินฺนํ ปุตฺตํ ปริโตสยมาโน วิย สพฺพสตฺเต ปริโตสยมาโน ธมฺเมน รชฺชํ กาเรติ. ตสฺเสโก อมจฺโจ อนฺเตปุเร ปทุพฺภิตฺวา อปรภาเค ปากโฏ ชาโต. อมจฺจา รฺโ อาโรเจสุํ. ราชา ปริคฺคณฺหนฺโต อตฺตนา ปจฺจกฺขโต ตฺวา ตํ อมจฺจํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘อนฺธพาล อยุตฺตํ เต กตํ, น ตฺวํ มม วิชิเต วสิตุํ อรหสิ, อตฺตโน ธนฺจ ปุตฺตทาเร จ คเหตฺวา อฺตฺถ ยาหี’’ติ รฏฺา ปพฺพาเชสิ. โส นิกฺขมิตฺวา กาสิรฏฺํ อติกฺกมฺม โกสลชนปทํ คนฺตฺวา โกสลราชานํ อุปฏฺหนฺโต อนุกฺกเมน รฺโ อพฺภนฺตริโก วิสฺสาสิโก ชาโต.

โส เอกทิวสํ โกสลราชานํ อาห – ‘‘เทว พาราณสิรชฺชํ นาม นิมฺมกฺขิกมธุปฏลสทิสํ, ราชา อติมุทุโก, อปฺเปเนว พลวาหเนน สกฺกา พาราณสิรชฺชํ คณฺหิตุ’’นฺติ. ราชา ตสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘พาราณสิรชฺชํ นาม มหา, อยฺจ ‘อปฺเปเนว พลวาหเนน สกฺกา พาราณสิรชฺชํ คณฺหิตุ’นฺติ อาห, กึ นุ โข ปน ปยุตฺตกโจโร สิยา’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘ปยุตฺตโกสิ มฺเ’’ติ อาห. ‘‘นาหํ, เทว, ปยุตฺตโก, สจฺจเมว วทามิ. สเจ เม น สทฺทหถ, มนุสฺเส เปเสตฺวา ปจฺจนฺตคามํ หนาเปถ, เต มนุสฺเส คเหตฺวา อตฺตโน สนฺติกํ นีเต ธนํ ทตฺวา วิสฺสชฺเชสฺสตี’’ติ. ราชา ‘‘อยํ อติวิย สูโร หุตฺวา วทติ, วีมํสิสฺสามิ ตาวา’’ติ อตฺตโน ปุริเส เปเสตฺวา ปจฺจนฺตคามํ หนาเปสิ. มนุสฺสา เต โจเร คเหตฺวา พาราณสิรฺโ ทสฺเสสุํ. ราชา เต ทิสฺวา ‘‘ตาตา, กสฺมา คามํ หนถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ชีวิตุํ อสกฺโกนฺตา, เทวา’’ติ วุตฺเต ราชา ‘‘อถ กสฺมา มม สนฺติกํ นาคมิตฺถ, อิโตทานิ ปฏฺาย เอวรูปํ กมฺมํ มา กริตฺถา’’ติ เตสํ ธนํ ทตฺวา วิสฺสชฺเชสิ. เต คนฺตฺวา โกสลรฺโ ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสุํ. โส เอตฺตเกนาปิ คนฺตุํ อวิสหนฺโต ปุน มชฺเฌชนปทํ หนาเปสิ. เตปิ โจเร ราชา ตเถว ธนํ ทตฺวา วิสฺสชฺเชสิ. โส เอตฺตเกนาปิ อคนฺตฺวา ปุน เปเสตฺวา อนฺตรวีถิยํ วิลุมฺปาเปสิ, ราชา เตสมฺปิ โจรานํ ธนํ ทตฺวา วิสฺสชฺเชสิเยว. ตทา โกสลราชา ‘‘อติวิย ธมฺมิโก ราชา’’ติ ตฺวา ‘‘พาราณสิรชฺชํ คเหสฺสามี’’ติ พลวาหนํ อาทาย นิยฺยาสิ.

ตทา ปน พาราณสิรฺโ มตฺตวารเณปิ อภิมุขํ อาคจฺฉนฺเต อนิวตฺตนธมฺมา อสนิยาปิ สีเส ปตนฺติยา อสนฺตสนสภาวา สีลวมหาราชสฺส รุจิยา สติ สกลชมฺพุทีเป รชฺชํ คเหตุํ สมตฺถา สหสฺสมตฺตา อเภชฺชวรสูรา มหาโยธา โหนฺติ. เต ‘‘โกสลราชา อาคจฺฉตี’’ติ สุตฺวา ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘เทว, โกสลราชา กิร ‘พาราณสิรชฺชํ คณฺหิสฺสามี’ติ อาคจฺฉติ, คจฺฉาม, นํ อมฺหากํ รชฺชสีมํ อโนกฺกนฺตเมว โปเถตฺวา คณฺหามา’’ติ วทึสุ. ราชา ‘‘ตาตา, มํ นิสฺสาย อฺเสํ กิลมนกิจฺจํ นตฺถิ, รชฺชตฺถิโก รชฺชํ คณฺหาตุ, มาคมิตฺถา’’ติ นิวาเรสิ. โกสลราชา รชฺชสีมํ อติกฺกมิตฺวา ชนปทมชฺฌํ ปาวิสิ. อมจฺจา ปุนปิ ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา ตเถว วทึสุ, ราชา ปุริมนเยเนว นิวาเรสิ. โกสลราชา พหินคเร ตฺวา ‘‘รชฺชํ วา เทตุ ยุทฺธํ วา’’ติ สีลวมหาราชสฺส สาสนํ เปเสสิ. ราชา ตํ สุตฺวา ‘‘นตฺถิ มยา สทฺธึ ยุทฺธํ, รชฺชํ คณฺหาตู’’ติ ปฏิสาสนํ เปเสสิ. ปุนปิ อมจฺจา ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘เทว, น มยํ โกสลรฺโ นครํ ปวิสิตุํ เทม, พหินคเรเยว นํ โปเถตฺวา คณฺหามา’’ติ อาหํสุ, ราชา ปุริมนเยเนว นิวาเรตฺวา นครทฺวารานิ วิวราเปตฺวา สทฺธึ อมจฺจสหสฺเสน มหาตเล ปลฺลงฺกมชฺเฌ นิสีทิ.

โกสลราชา มหนฺเตน พลวาหเนน พาราณสึ ปาวิสิ. โส เอกมฺปิ ปฏิสตฺตุํ อปสฺสนฺโต รฺโ นิเวสนทฺวารํ คนฺตฺวา อมจฺจคณปริวุโต อปารุตทฺวาเร นิเวสเน อลงฺกตปฏิยตฺตํ มหาตลํ อารุยฺห นิสินฺนํ นิราปราธํ สีลวมหาราชานํ สทฺธึ อมจฺจสหสฺเสน คณฺหาเปตฺวา ‘‘คจฺฉถ, อิมํ ราชานํ สทฺธึ อมจฺเจหิ ปจฺฉาพาหํ คาฬฺหพนฺธนํ พนฺธิตฺวา อามกสุสานํ เนตฺวา คลปฺปมาเณ อาวาเฏ ขนิตฺวา ยถา เอโกปิ หตฺถํ อุกฺขิปิตุํ น สกฺโกติ, เอวํ ปํสุํ ปกฺขิปิตฺวา นิขนถ, รตฺตึ สิงฺคาลา อาคนฺตฺวา เอเตสํ กาตพฺพยุตฺตกํ กริสฺสนฺตี’’ติ อาห. มนุสฺสา โจรรฺโ อาณํ สุตฺวา ราชานํ สทฺธึ อมจฺเจหิ ปจฺฉาพาหํ คาฬฺหพนฺธนํ พนฺธิตฺวา นิกฺขมึสุ. ตสฺมิมฺปิ กาเล สีลวมหาราชา โจรรฺโ อาฆาตมตฺตมฺปิ นากาสิ. เตสุปิ อมจฺเจสุ เอวํ พนฺธิตฺวา นียมาเนสุ เอโกปิ รฺโ วจนํ ภินฺทิตุํ สมตฺโถ นาม นาโหสิ. เอวํ สุวินีตา กิรสฺส ปริสา. อถ เต ราชปุริสา สามจฺจํ สีลวมหาราชานํ อามกสุสานํ เนตฺวา คลปฺปมาเณ อาวาเฏ ขนิตฺวา สีลวมหาราชานํ มชฺเฌ, อุโภสุ ปสฺเสสุ เสสอมจฺเจติ เอวํ สพฺเพปิ อาวาเฏสุ โอตาเรตฺวา ปํสุํ อากิริตฺวา ฆนํ อาโกเฏตฺวา อคมํสุ. ตทา สีลวมหาราชา อมจฺเจ อามนฺเตตฺวา ‘‘โจรรฺโ อุปริ โกปํ อกตฺวา เมตฺตํ เอว ภาเวถ, ตาตา’’ติ โอวทิ.

อถ อฑฺฒรตฺตสมเย ‘‘มนุสฺสมํสํ ขาทิสฺสามา’’ติ สิงฺคาลา อาคมึสุ. เต ทิสฺวา ราชา จ อมจฺจา จ เอกปฺปหาเรเนว สทฺทมกํสุ, สิงฺคาลา ภีตา ปลายึสุ. เต นิวตฺติตฺวา โอโลเกนฺตา ปจฺฉโต กสฺสจิ อนาคมนภาวํ ตฺวา ปุน ปจฺจาคมึสุ. อิตเรปิ ตเถว สทฺทมกํสุ. เอวํ ยาวตติยํ ปลายิตฺวา ปุน โอโลเกนฺตา เตสุ เอกสฺสปิ อนาคมนภาวํ ตฺวา ‘‘วชฺฌปฺปตฺตา เอเต ภวิสฺสนฺตี’’ติ สูรา หุตฺวา นิวตฺติตฺวา ปุน เตสุ สทฺทํ กโรนฺเตสุปิ น ปลายึสุ. เชฏฺกสิงฺคาโล ราชานํ อุปคฺฉิ, เสสา สิงฺคาลา เสสานํ อมจฺจานํ สนฺติกํ อคมํสุ. อุปายกุสโล ราชา ตสฺส อตฺตโน สนฺติกํ อาคตภาวํ ตฺวา ฑํสิตุํ โอกาสํ เทนฺโต วิย คีวํ อุกฺขิปิตฺวา ตํ คีวาย ฑํสมานํ หนุกฏฺิเกน อากฑฺฒิตฺวา ยนฺเต ปกฺขิปิตฺวา วิย คาฬฺหํ คณฺหิ, นาคพเลน รฺา หนุกฏฺิเกน อากฑฺฒิตฺวา คีวาย คาฬฺหํ คหิตสิงฺคาโล อตฺตานํ โมเจตุํ อสกฺโกนฺโต มรณภยตชฺชิโต มหาวิรวํ วิรวิ. อวเสสา สิงฺคาลา ตสฺส ตํ อฏฺฏสฺสรํ สุตฺวา ‘‘เอเกน ปุริเสน สุคฺคหิโต ภวิสฺสตี’’ติ อมจฺเจ อุปสงฺกมิตุํ อสกฺโกนฺตา มรณภยตชฺชิตา สพฺเพ ปลายึสุ. รฺโ หนุกฏฺิเกน ทฬฺหํ กตฺวา คหิตสิงฺคาเล อปราปรํ สฺจรนฺเต ปํสุ สิถิลา อโหสิ. โสปิ สิงฺคาโล มรณภยภีโต จตูหิ ปาเทหิ รฺโ อุปริภาเค ปํสุํ อปพฺยูหิ, ราชา ปํสุโน สิถิลภาวํ ตฺวา สิงฺคาลํ วิสฺสชฺเชตฺวา นาคพโล ถามสมฺปนฺโน อปราปรํ สฺจรนฺโต อุโภ หตฺเถ อุกฺขิปิตฺวา อาวาฏมุขวฏฺฏิยํ โอลุพฺภ วาตจฺฉินฺนวลาหโก วิย นิกฺขมิตฺวา ิโต อมจฺเจ อสฺสาเสตฺวา ปํสุํ วิยูหิตฺวา สพฺเพ อุทฺธริตฺวา อมจฺจปริวุโต อามกสุสาเน อฏฺาสิ.

ตสฺมึ สมเย มนุสฺสา เอกํ มตมนุสฺสํ อามกสุสาเน ฉฑฺเฑนฺตา ทฺวินฺนํ ยกฺขานํ สีมนฺตริกาย ฉฑฺเฑสุํ. เต ยกฺขา ตํ มตมนุสฺสํ ภาเชตุํ อสกฺโกนฺตา ‘‘น มยํ อิมํ ภาเชตุํ สกฺโกม, อยํ สีลวราชา ธมฺมิโก, เอส โน ภาเชตฺวา ทสฺสติ, เอตสฺส สนฺติกํ คจฺฉามา’’ติ ตํ มตมนุสฺสํ ปาเท คเหตฺวา อากฑฺฒนฺตา รฺโ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘เทว, อมฺหากํ อิมํ มตกํ ภาเชตฺวา เทหี’’ติ อาหํสุ. ‘‘โภ ยกฺขา, อหํ อิมํ ตุมฺหากํ ภาเชตฺวา ทเทยฺยํ, อปริสุทฺโธ ปนมฺหิ, นฺหายิสฺสามิ ตาวา’’ติ. ยกฺขา โจรรฺโ ปิตํ วาสิตอุทกํ อตฺตโน อานุภาเวน อาหริตฺวา รฺโ นฺหานตฺถาย อทํสุ. นฺหตฺวา ิตสฺส สํหริตฺวา ปิเต โจรรฺโ สาฏเก อาหริตฺวา อทํสุ, เต นิวาเสตฺวา ิตสฺส จตุชฺชาติยคนฺธสมุคฺคํ อาหริตฺวา อทํสุ, คนฺเธ วิลิมฺปิตฺวา ิตสฺส สุวณฺณสมุคฺเค มณิตาลวณฺเฏสุ ปิตานิ นานาปุปฺผานิ อาหริตฺวา อทํสุ. ปุปฺผานิ ปิฬนฺธิตฺวา ิตกาเล ‘‘อฺํ กึ กโรมา’’ติ ปุจฺฉึสุ. ราชา อตฺตโน ฉาตกาการํ ทสฺเสสิ, เต คนฺตฺวา โจรรฺโ สมฺปาทิตํ นานคฺครสโภชนํ อาหริตฺวา อทํสุ, ราชา นฺหาตานุลิตฺโต สุมณฺฑิตปฺปสาธิโต นานคฺครสโภชนํ ภุฺชิ. ยกฺขา โจรรฺโ ปิตํ วาสิตปานียํ สุวณฺณภิงฺกาเรเนว สุวณฺณสรเกนปิ สทฺธึ อาหรึสุ. อถสฺส ปานียํ ปิวิตฺวา มุขํ วิกฺขาเลตฺวา หตฺเถ โธวิตฺวา ิตกาเล โจรรฺโ สมฺปาทิตํ ปฺจสุคนฺธิกสุปริภาวิตํ ตมฺพูลํ อาหริตฺวา อทํสุ. ตํ ขาทิตฺวา ิตกาเล ‘‘อฺํ กึ กโรมา’’ติ ปุจฺฉึสุ. คนฺตฺวา โจรรฺโ อุสฺสีสเก นิกฺขิตฺตํ มงฺคลขคฺคํ อาหรถาติ. ตมฺปิ คนฺตฺวา อาหรึสุ. ราชา ตํ ขคฺคํ คเหตฺวา ตํ มตมนุสฺสํ อุชุกํ ปาเปตฺวา มตฺถกมชฺเฌ อสินา ปหริตฺวา ทฺเว โกฏฺาเส กตฺวา ทฺวินฺนํ ยกฺขานํ สมวิภตฺตเมว วิภชิตฺวา อทาสิ, ทตฺวา จ ปน ขคฺคํ โธวิตฺวา สนฺนยฺหิตฺวา อฏฺาสิ. อถ เต ยกฺขา มนุสฺสมํสํ ขาทิตฺวา สุหิตา หุตฺวา ตุฏฺจิตฺตา ‘‘อฺํ เต, มหาราช, กึ กโรมา’’ติ ปุจฺฉึสุ. เตน หิ ตุมฺเห อตฺตโน อานุภาเวน มํ โจรรฺโ สิริคพฺเภ โอตาเรถ, อิเม จ อมจฺเจ อตฺตโน อตฺตโน เคเหสุ ปติฏฺาเปถาติ. เต ‘‘สาธุ เทวา’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตถา อกํสุ.

ตสฺมึ สมเย โจรราชา อลงฺกตสิริคพฺเภ สิริสยนปิฏฺเ นิปนฺโน นิทฺทายติ. ราชา ตสฺส ปมตฺตสฺส นิทฺทายนฺตสฺส ขคฺคตเลน อุทรํ ปหริ. โส ภีโต ปพุชฺฌิตฺวา ทีปาโลเกน สีลวมหาราชานํ สฺชานิตฺวา สยนา อุฏฺาย สตึ อุปฏฺเปตฺวา ิโต ราชานํ อาห ‘‘มหาราช, เอวรูปาย รตฺติยา คหิตารกฺเข ปิหิตทฺวาเร ภวเน อารกฺขมนุสฺเสหิ นิโรกาเส าเน ขคฺคํ สนฺนยฺหิตฺวา อลงฺกตปฏิยตฺโต กถํ นาม ตฺวํ อิมํ สยนปิฏฺํ อาคโตสี’’ติ. ราชา อตฺตโน อาคมนาการํ สพฺพํ วิตฺถารโต กเถสิ. ตํ สุตฺวา โจรราชา สํวิคฺคมานโส ‘‘มหาราช, อหํ มนุสฺสภูโตปิ สมาโน ตุมฺหากํ คุเณ น ชานามิ, ปเรสํ โลหิตมํสขาทเกหิ ปน กกฺขเฬหิ ผรุเสหิ ยกฺเขหิ ตว คุณา าตา, น ทานาหํ, นรินฺท, เอวรูเป สีลสมฺปนฺเน ตยิ ทุพฺภิสฺสามี’’ติ ขคฺคํ อาทาย สปถํ กตฺวา ราชานํ ขมาเปตฺวา มหาสยเน นิปชฺชาเปตฺวา อตฺตนา ขุทฺทกมฺจเก นิปชฺชิตฺวา ปภาตาย รตฺติยา อุฏฺิเต สูริเย เภรึ จราเปตฺวา สพฺพเสนิโย จ อมจฺจพฺราหฺมณคหปติเก จ สนฺนิปาตาเปตฺวา เตสํ ปุรโต อากาเส ปุณฺณจนฺทํ อุกฺขิปนฺโต วิย สีลวรฺโ คุเณ กเถตฺวา ปริสมชฺเฌเยว ปุน ราชานํ ขมาเปตฺวา รชฺชํ ปฏิจฺฉาเปตฺวา ‘‘มหาราช, อิโต ปฏฺาย ตุมฺหากํ อุปฺปนฺโน โจรูปทฺทโว มยฺหํ ภาโร, มยา คหิตารกฺขา ตุมฺเห รชฺชํ กโรถา’’ติ วตฺวา เปสุฺการกสฺส อาณํ กาเรตฺวา อตฺตโน พลวาหนํ อาทาย สกรฏฺเมว คโต.

สีลวราชาปิ โข อลงฺกตปฏิยตฺโต เสตจฺฉตฺตสฺส เหฏฺา สรภปาทเก กฺจนปลฺลงฺเก นิสินฺโน อตฺตโน สมฺปตฺตึ โอโลเกตฺวา ‘‘อยฺจ เอวรูปา สมฺปตฺติ อมจฺจสหสฺสสฺส จ ชีวิตปฏิลาโภ มยิ วีริยํ อกโรนฺเต น กิฺจิ อภวิสฺส, วีริยพเลน ปนาหํ นฏฺฺจ อิมํ ยสํ ปฏิลภึ, อมจฺจสหสฺสสฺส จ ชีวิตทานํ อทาสึ, อาสจฺเฉทํ วต อกตฺวา วีริยเมว กตฺตพฺพํ. กตวีริยสฺส หิ ผลํ นาม เอวํ สมิชฺฌตี’’ติ จินฺเตตฺวา อุทานวเสน อิมํ คาถมาห –

๕๑.

‘‘อาสีเสเถว ปุริโส, น นิพฺพินฺเทยฺย ปณฺฑิโต;

ปสฺสามิ โวหํ อตฺตานํ, ยถา อิจฺฉึ ตถา อหู’’ติ.

ตตฺถ อาสีเสเถวาติ ‘‘เอวาหํ วีริยํ อารภนฺโต อิมมฺหา ทุกฺขา มุจฺจิสฺสามี’’ติ อตฺตโน วีริยพเลน อาสํ กโรเถว. น นิพฺพินฺเทยฺย ปณฺฑิโตติ ปณฺฑิโต อุปายกุสโล ยุตฺตฏฺาเน วีริยํ กโรนฺโต ‘‘อหํ อิมสฺส วีริยสฺส ผลํ น ลภิสฺสามี’’ติ น อุกฺกณฺเยฺย, อาสจฺเฉทํ กเรยฺยาติ อตฺโถ. ปสฺสามิ โวหํ อตฺตานนฺติ เอตฺถ โวติ นิปาตมตฺตํ, อหํ อชฺช อตฺตานํ ปสฺสามิ. ยถา อิจฺฉึ ตถา อหูติ อหฺหิ อาวาเฏ นิขาโต ตมฺหา ทุกฺขา มุจฺจิตฺวา ปุน อตฺตโน รชฺชสมฺปตฺตึ อิจฺฉึ, โส อหํ อิมํ สมฺปตฺตึ ปตฺตํ อตฺตานํ ปสฺสามิ. ยเถวาหํ ปุพฺเพ อิจฺฉึ, ตเถว เม อตฺตา ชาโตติ. เอวํ โพธิสตฺโต ‘‘อโห วต โภ สีลสมฺปนฺนานํ วีริยผลํ นาม สมิชฺฌตี’’ติ อิมาย คาถาย อุทานํ อุทาเนตฺวา ยาวชีวํ ปุฺานิ กตฺวา ยถากมฺมํ คโต.

สตฺถาปิ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสสิ, สจฺจปริโยสาเน โอสฺสฏฺวีริโย ภิกฺขุ อรหตฺเต ปติฏฺาสิ. สตฺถา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ปทุฏฺามจฺโจ เทวทตฺโต อโหสิ, อมจฺจสหสฺสํ พุทฺธปริสา, สีลวมหาราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

มหาสีลวชาตกวณฺณนา ปมา.

[๕๒] ๒. จูฬชนกชาตกวณฺณนา

วายเมเถว ปุริโสติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โอสฺสฏฺวีริยเมวารพฺภ กเถสิ. ตตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ สพฺพํ มหาชนกชาตเก (ชา. ๒.๒๒.๑๒๓ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติ. ชนกราชา ปน เสตจฺฉตฺตสฺส เหฏฺา นิสินฺโน อิมํ คาถมาห –

๕๒.

‘‘วายเมเถว ปุริโส, น นิพฺพินฺเทยฺย ปณฺฑิโต;

ปสฺสามิ โวหํ อตฺตานํ, อุทกา ถลมุพฺภต’’นฺติ.

ตตฺถ วายเมเถวาติ วายามํ กโรเถว. อุทกา ถลมุพฺภตนฺติ อุทกโต ถลมุตฺติณฺณํ ถเล ปติฏฺิตํ อตฺตานํ ปสฺสามีติ. อิธาปิ โอสฺสฏฺวีริโย ภิกฺขุ อรหตฺตํ ปตฺโต, ชนกราชา สมฺมาสมฺพุทฺโธว อโหสีติ.

จูฬชนกชาตกวณฺณนา ทุติยา.

[๕๓] ๓. ปุณฺณปาติชาตกวณฺณนา

ตเถว ปุณฺณา ปาติโยติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต วิสวารุณึ อารพฺภ กเถสิ. เอกํ สมยํ สาวตฺถิยํ สุราธุตฺตา สนฺนิปติตฺวา มนฺตยึสุ – ‘‘สุรามูลํ โน ขีณํ, กหํ นุ โข ลภิสฺสามา’’ติ. อเถโก กกฺขฬธุตฺโต อาห ‘‘มา จินฺตยิตฺถ, อตฺเถโก อุปาโย’’ติ. ‘‘กตโร อุปาโย นามา’’ติ? ‘‘อนาถปิณฺฑิโก องฺคุลิมุทฺทิกา ปิฬนฺธิตฺวา มฏฺสาฏกนิวตฺโถ ราชุปฏฺานํ คจฺฉติ, มยํ สุราปาติยํ วิสฺีกรณํ เภสชฺชํ ปกฺขิปิตฺวา อาปานํ สชฺเชตฺวา นิสีทิตฺวา อนาถปิณฺฑิกสฺส อาคมนกาเล ‘อิโต เอหิ มหาเสฏฺี’ติ ปกฺโกสิตฺวา ตํ สุรํ ปาเยตฺวา วิสฺีภูตสฺส องฺคุลิมุทฺทิกา จ สาฏเก จ คเหตฺวา สุรามูลํ กริสฺสามา’’ติ. เต ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตถา กตฺวา เสฏฺิสฺส อาคมนกาเล ปฏิมคฺคํ คนฺตฺวา ‘‘สามิ, อิโต ตาว อาคจฺฉถ, อยํ อมฺหากํ สนฺติเก อติมนาปา สุรา, โถกํ ปิวิตฺวา คจฺฉถา’’ติ วทึสุ. โสตาปนฺโน อริยสาวโก กึ สุรํ ปิวิสฺสติ, อนตฺถิโก สมาโนปิ ปน ‘‘อิเม ธุตฺเต ปริคฺคณฺหิสฺสามี’’ติ เตสํ อาปานภูมึ คนฺตฺวา เตสํ กิริยํ โอโลเกตฺวา ‘‘อยํ สุรา อิเมหิ อิมินา นาม การเณน โยชิตา’’ติ ตฺวา ‘‘อิโต ทานิ ปฏฺาย อิเม อิโต ปลาเปสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา อาห – ‘‘หเร ทุฏฺธุตฺตา, ตุมฺเห ‘สุราปาติยํ เภสชฺชํ ปกฺขิปิตฺวา อาคตาคเต ปาเยตฺวา วิสฺี กตฺวา วิลุมฺปิสฺสามา’ติ อาปานมณฺฑลํ สชฺเชตฺวา นิสินฺนา เกวลํ อิมํ สุรํ วณฺเณถ, เอโกปิ ตํ อุกฺขิปิตฺวา ปิวิตุํ น อุสฺสหติ. สเจ อยํ อโยชิตา อสฺส, อิมํ ตุมฺเหว ปิเวยฺยาถา’’ติ เต ธุตฺเต ตชฺเชตฺวา ตโต ปลาเปตฺวา อตฺตโน เคหํ คนฺตฺวา ‘‘ธุตฺเตหิ กตการณํ ตถาคตสฺส อาโรเจสฺสามี’’ติ จินฺเตนฺโต เชตวนํ คนฺตฺวา อาโรเจสิ. สตฺถา ‘‘อิทานิ ตาว คหปติ เต ธุตฺตา ตํ วฺเจตุกามา ชาตา, ปุพฺเพ ปน ปณฺฑิเตปิ วฺเจตุกามา อเหสุ’’นฺติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต พาราณสิเสฏฺิ อโหสิ. ตทาเปเต ธุตฺตา เอวเมว สมฺมนฺเตตฺวา สุรํ โยเชตฺวา พาราณสิเสฏฺิสฺส อาคมนกาเล ปฏิมคฺคํ คนฺตฺวา เอวเมว กถยึสุ. เสฏฺิ อนตฺถิโกปิ หุตฺวา เต ปริคฺคณฺหิตุกาโม คนฺตฺวา เตสํ กิริยํ โอโลเกตฺวา ‘‘อิทํ นาเมเต กาตุกามา, ปลาเปสฺสามิ เน อิโต’’ติ จินฺเตตฺวา เอวมาห ‘‘โภนฺโต, ธุตฺตา สุรํ ปิวิตฺวา ราชกุลํ คนฺตุํ นาม อยุตฺตํ, ราชานํ ทิสฺวา ปุน อาคจฺฉนฺโต ชานิสฺสามิ, ตุมฺเห อิเธว นิสีทถา’’ติ ราชุปฏฺานํ คนฺตฺวา ปจฺจาคฺฉิ. ธุตฺตา ‘‘อิโต เอถ, สามี’’ติ. โสปิ ตตฺถ คนฺตฺวา เภสชฺเชน สํโยชิตา สุราปาติโย โอโลเกตฺวา เอวมาห ‘‘โภนฺโต ธุตฺตา ตุมฺหากํ กิริยา มยฺหํ น รุจฺจติ, ตุมฺหากํ สุราปาติโย ยถาปูริตาว ิตา, ตุมฺเห เกวลํ สุรํ วณฺเณถ, น ปน ปิวถ. สจายํ มนาปา อสฺส, ตุมฺเหปิ ปิเวยฺยาถ, อิมาย ปน วิสสํยุตฺตาย ภวิตพฺพ’’นฺติ เตสํ มโนรถํ ภินฺทนฺโต อิมํ คาถมาห –

๕๓.

‘‘ตเถว ปุณฺณา ปาติโย, อฺายํ วตฺตเต กถา;

อาการเณน ชานามิ, น จายํ ภทฺทิกา สุรา’’ติ.

ตตฺถ ตเถวาติ ยถา มยา คมนกาเล ทิฏฺา, อิทานิปิ อิมา สุราปาติโย ตเถว ปุณฺณา. อฺายํ วตฺตเต กถาติ ยา อยํ ตุมฺหากํ สุราวณฺณนกถา วตฺตติ, สา อฺาว อภูตา อตจฺฉา. ยทิ หิ เอสา สุรา มนาปา อสฺส, ตุมฺเหปิ ปิเวยฺยาถ, อุปฑฺฒปาติโย อวสิสฺเสยฺยุํ. ตุมฺหากํ ปน เอเกนาปิ สุรา น ปีตา. อาการเณน ชานามีติ ตสฺมา อิมินา การเณน ชานามิ. น จายํ ภทฺทิกา สุราติ ‘‘เนวายํ ภทฺทิกา สุรา, วิสสํโยชิตาย เอตาย ภวิตพฺพ’’นฺติ ธุตฺเต นิคฺคณฺหิตฺวา ยถา น ปุน เอวรูปํ กโรนฺติ, ตถา เต ตชฺเชตฺวา วิสฺสชฺเชสิ. โส ยาวชีวํ ทานาทีนิ ปุฺานิ กตฺวา ยถากมฺมํ คโต.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ธุตฺตา เอตรหิ ธุตฺตา, พาราณสิเสฏฺิ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

ปุณฺณปาติชาตกวณฺณนา ตติยา.

[๕๔] ๔. กึผลชาตกวณฺณนา

นายํ รุกฺโข ทุรารุหาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ ผลกุสลํ อุปาสกํ อารพฺภ กเถสิ. เอโก กิร สาวตฺถิวาสี กุฏุมฺพิโก พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิมนฺเตตฺวา อตฺตโน อาราเม นิสีทาเปตฺวา ยาคุขชฺชกํ ทตฺวา อุยฺยานปาลํ อาณาเปสิ ‘‘ภิกฺขูหิ สทฺธึ อุยฺยาเน วิจริตฺวา อยฺยานํ อมฺพาทีนิ นานาผลานิ เทหี’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา ภิกฺขูสงฺฆมาทาย อุยฺยาเน วิจรนฺโต รุกฺขํ อุลฺโลเกตฺวาว ‘‘เอตํ ผลํ อามํ, เอตํ น สุปกฺกํ, เอตํ สุปกฺก’’นฺติ ชานาติ. ยํ โส วทติ, ตํ ตเถว โหติ. ภิกฺขู คนฺตฺวา ตถาคตสฺส อาโรเจสุํ ‘‘ภนฺเต, อยํ อุยฺยานปาโล ผลกุสโล ภูมิยํ ิโตว รุกฺขํ อุลฺโลเกตฺวา ‘เอตํ ผลํ อามํ, เอตํ น สุปกฺกํ, เอตํ สุปกฺก’นฺติ ชานาติ. ยํ โส วทติ, ตํ ตเถว โหตี’’ติ. สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, อยเมว อุยฺยานปาโล ผลกุสโล, ปุพฺเพ ปณฺฑิตาปิ ผลกุสลาเยว อเหสุ’’นฺติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต สตฺถวาหกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ปฺจหิ สกฏสเตหิ วณิชฺชํ กโรนฺโต เอกสฺมึ กาเล มหาวตฺตนิอฏวึ ปตฺวา อฏวิมุเข ตฺวา สพฺเพ มนุสฺเส สนฺนิปาตาเปตฺวา ‘‘อิมิสฺสา อฏวิยา วิสรุกฺขา นาม โหนฺติ, วิสปตฺตานิ, วิสปุปฺผานิ, วิสผลานิ, วิสมธูนิ โหนฺติเยว, ปุพฺเพ ตุมฺเหหิ อปริภุตฺตํ, ยํ กิฺจิ ปตฺตํ วา ปุปฺผํ วา ผลํ วา ปลฺลวํ วา มํ อปริปุจฺฉิตฺวา มา ขาทถา’’ติ อาห. เต ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา อฏวึ โอตรึสุ. อฏวิมุเข จ เอกสฺมึ คามทฺวาเร กึผลรุกฺโข นาม อตฺถิ, ตสฺส ขนฺธสาขาปลาสปุปฺผผลานิ สพฺพานิ อมฺพสทิสาเนว โหนฺติ. น เกวลํ วณฺณสณฺานโตว, คนฺธรเสหิปิสฺส อามปกฺกานิ ผลานิ อมฺพผลสทิสาเนว, ขาทิตานิ ปน หลาหลวิสํ วิย ตงฺขณฺเว ชีวิตกฺขยํ ปาเปนฺติ. ปุรโต คจฺฉนฺตา เอกจฺเจ โลลปุริสา ‘‘อมฺพุรุกฺโข อย’’นฺติ สฺาย ผลานิ ขาทึสุ, เอกจฺเจ ‘‘สตฺถวาหํ ปุจฺฉิตฺวาว ขาทิสฺสามา’’ติ หตฺเถน คเหตฺวา อฏฺํสุ. เต สตฺถวาเห อาคเต ‘‘อยฺย, อิมานิ อมฺพผลานิ ขาทามา’’ติ ปุจฺฉึสุ. โพธิสตฺโต ‘‘นายํ อมฺพรุกฺโข’’ติ ตฺวา ‘‘กึ ผลรุกฺโข นาเมส, นายํ อมฺพรุกฺโข, มา ขาทิตฺถา’’ติ วาเรตฺวา เย ขาทึสุ. เตปิ วมาเปตฺวา จตุมธุรํ ปาเยตฺวา นิโรเค อกาสิ.

ปุพฺเพ ปน อิมสฺมึ รุกฺขมูเล มนุสฺสา นิวาสํ กปฺเปตฺวา ‘‘อมฺพผลานี’’ติ สฺาย อิมานิ วิสผลานิ ขาทิตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาปุณนฺติ. ปุนทิวเส คามวาสิโน นิกฺขมิตฺวา มตมนุสฺเส ทิสฺวา ปาเท คณฺหิตฺวา ปฏิจฺฉนฺนฏฺาเน ฉฑฺเฑตฺวา สกเฏหิ สทฺธึเยว สพฺพํ เตสํ สนฺตกํ คเหตฺวา คจฺฉนฺติ. เต ตํ ทิวสมฺปิ อรุณุคฺคมนกาเลเยว ‘‘มยฺหํ พลิพทฺโท ภวิสฺสติ, มยฺหํ สกฏํ, มยฺหํ ภณฺฑ’’นฺติ เวเคน ตํ รุกฺขมูลํ คนฺตฺวา มนุสฺเส นิโรเค ทิสฺวา ‘‘กถํ ตุมฺเห อิมํ รุกฺขํ ‘นายํ อมฺพรุกฺโข’ติ ชานิตฺถา’’ติ ปุจฺฉึสุ. เต ‘‘มยํ น ชานาม, สตฺถวาหเชฏฺโก โน ชานาตี’’ติ อาหํสุ. มนุสฺสา โพธิสตฺตํ ปุจฺฉึสุ ‘‘ปณฺฑิต, กินฺติ กตฺวา ตฺวํ อิมสฺส รุกฺขสฺส อนมฺพรุกฺขภาวํ อฺาสี’’ติ? โส ‘‘ทฺวีหิ การเณหิ อฺาสิ’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๕๔.

‘‘นายํ รุกฺโข ทุรารุโห, นปิ คามโต อารกา;

อาการเณน ชานามิ, นายํ สาทุผโล ทุโม’’ติ.

ตตฺถ นายํ รุกฺโข ทุรารุโหติ อยํ วิสรุกฺโข น ทุกฺขารุโห, อุกฺขิปิตฺวา ปิตนิสฺเสณี วิย สุเขนาโรหิตุํ สกฺกาติ วทติ. นปิ คามโต อารกาติ คามโต ทูเร ิโตปิ น โหติ, คามทฺวาเร ิโตเยวาติ ทีเปติ. อาการเณน ชานามีติ อิมินา ทุวิเธน การเณนาหํ อิมํ รุกฺขํ ชานามิ. กินฺติ? นายํ สาทุผโล ทุโมติ. สเจ หิ อยํ มธุรผโล อมฺพรุกฺโข อภวิสฺส, เอวํ สุขารุฬฺเห อวิทูเร ิเต เอตสฺมึ เอกมฺปิ ผลํ น ติฏฺเยฺย, ผลขาทกมนุสฺเสหิ นิจฺจํ ปริวุโตว อสฺส. เอวํ อหํ อตฺตโน าเณน ปริจฺฉินฺทิตฺวา อิมสฺส วิสรุกฺขภาวํ อฺาสินฺติ มหาชนสฺส ธมฺมํ เทเสตฺวา โสตฺถิคมนํ คโต.

สตฺถาปิ ‘‘เอวํ, ภิกฺขเว, ปุพฺเพ ปณฺฑิตาปิ ผลกุสลา อเหสุ’’นฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ปริสา พุทฺธปริสา อเหสุํ, สตฺถวาโห ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

กึผลชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.

[๕๕] ๕. ปฺจาวุธชาตกวณฺณนา

โย อลีเนน จิตฺเตนาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ โอสฺสฏฺวีริยํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. ตฺหิ ภิกฺขุํ สตฺถา อามนฺเตตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ โอสฺสฏฺวีริโยสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจํ, ภควา’’ติ วุตฺเต ‘‘ภิกฺขุ ปุพฺเพ ปณฺฑิตา วีริยํ กาตุํ ยุตฺตฏฺาเน วีริยํ กตฺวา รชฺชสมฺปตฺตึ ปาปุณึสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส รฺโ อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิสฺมึ นิพฺพตฺติ. ตสฺส นามคฺคหณทิวเส อฏฺสเต พฺราหฺมเณ สพฺพกาเมหิ สนฺตปฺเปตฺวา ลกฺขณานิ ปุจฺฉึสุ. ลกฺขณกุสลา พฺราหฺมณา ลกฺขณสมฺปตฺตึ ทิสฺวา ‘‘ปุฺสมฺปนฺโน, มหาราช, กุมาโร ตุมฺหากํ อจฺจเยน รชฺชํ ปาปุณิสฺสติ, ปฺจาวุธกมฺเม ปฺาโต ปากโฏ ชมฺพุทีเป อคฺคปุริโส ภวิสฺสตี’’ติ พฺยากรึสุ. ราชา พฺราหฺมณานํ วจนํ สุตฺวา กุมารสฺส นามํ คณฺหนฺโต ‘‘ปฺจาวุธกุมาโร’’ติ นามํ อกาสิ. อถ นํ วิฺุตํ ปตฺวา โสฬสวสฺสุทฺเทเส ิตํ ราชา อามนฺเตตฺวา ‘‘ตาต, สิปฺปํ อุคฺคณฺหาหี’’ติ อาห. ‘‘กสฺส สนฺติเก อุคฺคณฺหามิ, เทวา’’ติ? ‘‘คจฺฉ, ตาต, คนฺธารรฏฺเ ตกฺกสิลนคเร ทิสาปาโมกฺขสฺส อาจริยสฺส สนฺติเก อุคฺคณฺห, อิทฺจสฺส อาจริยภาคํ ทชฺเชยฺยาสี’’ติ สหสฺสํ ทตฺวา อุยฺโยเชสิ. โส ตตฺถ คนฺตฺวา สิปฺปํ สิกฺขิตฺวา อาจริเยน ทินฺนํ ปฺจาวุธํ คเหตฺวา อาจริยํ วนฺทิตฺวา ตกฺกสิลนครโต นิกฺขมิตฺวา สนฺนทฺธปฺจาวุโธ พาราณสิมคฺคํ ปฏิปชฺชิ.

โส อนฺตรามคฺเค สิเลสโลมยกฺเขน นาม อธิฏฺิตํ เอกํ อฏวึ ปาปุณิ. อถ นํ อฏวิมุเข มนุสฺสา ทิสฺวา ‘‘โภ มาณว, มา อิมํ อฏวึ ปวิส, สิเลสโลมยกฺโข นาเมตฺถ อตฺถิ, โส ทิฏฺทิฏฺเ มนุสฺเส ชีวิตกฺขยํ ปาเปตี’’ติ วารยึสุ. โพธิสตฺโต อตฺตานํ ตกฺเกนฺโต อสมฺภีตเกสรสีโห วิย อฏวึ ปาวิสิเยว. ตสฺมึ อฏวิมชฺฌํ สมฺปตฺเต โส ยกฺโข ตาลมตฺโต หุตฺวา กูฏาคารมตฺตํ สีสํ ปตฺตปฺปมาณานิ อกฺขีนิ, ทกลิมกุฬมตฺตา ทฺเว ทาา จ มาเปตฺวา เสตมุโข กพรกุจฺฉิ นีลหตฺถปาโท หุตฺวา โพธิสตฺตสฺส อตฺตานํ ทสฺเสตฺวา ‘‘กหํ ยาสิ, ติฏฺ ภกฺโขสิ เม’’ติ อาห. อถ นํ โพธิสตฺโต ‘‘ยกฺข, อหํ อตฺตานํ ตกฺเกตฺวา อิธ ปวิฏฺโ, ตฺวํ อปฺปมตฺโต หุตฺวา มํ อุปคจฺเฉยฺยาสิ. วิสปีเตน หิ สเรน ตํ วิชฺฌิตฺวา เอตฺเถว ปาเตสฺสามี’’ติ สนฺตชฺเชตฺวา หลาหลวิสปีตํ สรํ สนฺนยฺหิตฺวา มุฺจิ, โส ยกฺขสฺส โลเมสุเยว อลฺลียิ. ตโต อฺํ, ตโต อฺนฺติ เอวํ ปฺาส สเร มุฺจิ, สพฺเพ ตสฺส โลเมสุเยว อลฺลียึสุ. ยกฺโข สพฺเพปิ เต สเร โผเฏตฺวา อตฺตโน ปาทมูเลเยว ปาเตตฺวา โพธิสตฺตํ อุปสงฺกมิ.

โพธิสตฺโต ปุนปิ ตํ ตชฺเชตฺวา ขคฺคํ กฑฺฒิตฺวา ปหริ, เตตฺตึสงฺคุลายโต ขคฺโค โลเมสุเยว อลฺลียิ. อถ นํ กณเยน ปหริ, โสปิ โลเมสุเยว อลฺลียิ. ตสฺส อลฺลีนภาวํ ตฺวา มุคฺคเรน ปหริ, โสปิ โลเมสุเยว อลฺลียิ. ตสฺส อลฺลีนภาวํ ตฺวา กุนฺเตน ปหริ, โสปิ โลเมสุเยว อลฺลียิ. ตสฺส อลฺลีนภาวํ ตฺวา ‘‘โภ ยกฺขน, เต อหํ ‘ปฺจาวุธกุมาโร นามา’ติ สุตปุพฺโพ, อหํ ตยา อธิฏฺิตํ อฏวึ ปวิสนฺโต น ธนุอาทีนิ ตกฺเกตฺวา ปวิฏฺโ, อตฺตานํเยว ปน ตกฺเกตฺวา ปวิฏฺโ, อชฺช ตํ โปเถตฺวา จุณฺณวิจุณฺณํ กริสฺสามี’’ติ อุนฺนาเทนฺโต อตฺตานํ ตกฺเกตฺวา ทกฺขิณหตฺเถน ยกฺขํ ปหริ, หตฺโถ โลเมสุเยว อลฺลียิ. วามหตฺเถน ปหริ, โสปิ อลฺลียิ. ทกฺขิณปาเทน ปหริ, โสปิ อลฺลียิ. วามปาเทน ปหริ, โสปิ อลฺลียิ. ‘‘สีเสน ตํ โปเถตฺวา จุณฺณวิจุณฺณํ กริสฺสามี’’ติ สีเสน ปหริ, ตมฺปิ โลเมสุเยว อลฺลียิ. โส ปฺโจฑฺฑิโต ปฺจสุ าเนสุ พทฺโธ โอลมฺพนฺโตปิ นิพฺภโย นิสฺสารชฺโชว อโหสิ.

ยกฺโข จินฺเตสิ ‘‘อยํ เอโก ปุริสสีโห ปุริสาชานีโย, น ปุริสมตฺโตว, มาทิเสน นามสฺส ยกฺเขน คหิตสฺส สนฺตาสมตฺตมฺปิ น ภวิสฺสติ, มยา อิมํ มคฺคํ หนนฺเตน เอโกปิ เอวรูโป ปุริโส น ทิฏฺปุพฺโพ, กสฺมา นุ โข เอส น ภายตี’’ติ. โส ตํ ขาทิตุํ อวิสหนฺโต ‘‘กสฺมา นุ โข, ตฺวํ มาณว, มรณภยํ น ภายสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘กึการณา, ยกฺข, ภายิสฺสามิ. เอกสฺมิฺหิ อตฺตภาเว เอกํ มรณํ นิยตเมว, อปิจ มยฺหํ กุจฺฉิมฺหิ วชิราวุธํ อตฺถิ. สเจ มํ ขาทิสฺสสิ, ตํ อาวุธํ ชีราเปตุํ น สกฺขิสฺสสิ, ตํ เต อนฺตานิ ขณฺฑาขณฺฑิกํ ฉินฺทิตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปสฺสติ. อิติ อุโภปิ นสฺสิสฺสาม, อิมินา การเณนาหํ น ภายามี’’ติ. อิทํ กิร โพธิสตฺโต อตฺตโน อพฺภนฺตเร าณาวุธํ สนฺธาย กเถสิ. ตํ สุตฺวา ยกฺโข จินฺเตสิ ‘‘อยํ มาณโว สจฺจเมว ภณติ, อิมสฺส ปุริสสีหสฺส สรีรโต มุคฺคพีชมตฺตมฺปิ มํสขณฺฑํ มยฺหํ กุจฺฉิ ชีเรตุํ น สกฺขิสฺสติ, วิสฺสชฺเชสฺสามิ น’’นฺติ มรณภยตชฺชิโต โพธิสตฺตํ วิสฺสชฺเชตฺวา ‘‘มาณว, ปุริสสีโห ตฺวํ, น เต อหํ มํสํ ขาทิสฺสามิ, ตฺวํ อชฺช ราหุมุขา มุตฺตจนฺโท วิย มม หตฺถโต มุจฺจิตฺวา าติสุหชฺชมณฺฑลํ โตเสนฺโต ยาหี’’ติ อาห.

อถ นํ โพธิสตฺโต อาห – ‘‘ยกฺข, อหํ ตาว คจฺฉิสฺสามิ, ตฺวํ ปน ปุพฺเพปิ อกุสลํ กตฺวา ลุทฺโท โลหิตปาณิ ปรรุหิรมํสภกฺโข ยกฺโข หุตฺวา นิพฺพตฺโต. สเจ อิธาปิ ตฺวา อกุสลเมว กริสฺสสิ, อนฺธการา อนฺธการเมว คมิสฺสสิ, มํ ทิฏฺกาลโต ปฏฺาย ปน น สกฺกา ตยา อกุสลํ กาตุํ, ปาณาติปาตกมฺมํ นาม นิรเย ติรจฺฉานโยนิยํ เปตฺติวิสเย อสุรกาเย จ นิพฺพตฺเตติ, มนุสฺเสสุ นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน อปฺปายุกสํวตฺตนิกํ โหตี’’ติ เอวมาทินา นเยน ปฺจนฺนํ ทุสฺสีลฺยกมฺมานํ อาทีนวํ, ปฺจนฺนํ สีลานํ อานิสํสฺจ กเถตฺวา นานาการเณหิ ยกฺขํ ตชฺเชตฺวา ธมฺมํ เทเสตฺวา ทเมตฺวา นิพฺพิเสวนํ กตฺวา ปฺจสุ สีเลสุ ปติฏฺาเปตฺวา ตสฺสาเยว นํ อฏวิยา พลิปฏิคฺคาหกํ เทวตํ กตฺวา อปฺปมาเทน โอวทิตฺวา อฏวิโต นิกฺขมิตฺวา อฏวิมุเข มนุสฺสานํ อาจิกฺขิตฺวา สนฺนทฺธปฺจาวุโธ พาราณสึ คนฺตฺวา มาตาปิตโร ทิสฺวา อปรภาเค รชฺเช ปติฏฺาย ธมฺเมน รชฺชํ กาเรนฺโต ทานาทีนิ ปุฺานิ กตฺวา ยถากมฺมํ คโต.

สตฺถาปิ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา อิมํ คาถมาห –

๕๕.

‘‘โย อลีเนน จิตฺเตน, อลีนมนโส นโร;

ภาเวติ กุสลํ ธมฺมํ, โยคกฺเขมสฺส ปตฺติยา;

ปาปุเณ อนุปุพฺเพน, สพฺพสํโยชนกฺขย’’นฺติ.

ตตฺรายํ ปิณฺฑตฺโถ – โย ปุริโส อลีเนน อสํกุฏิเตน จิตฺเตน ปกติยาปิ อลีนมโน อลีนชฺฌาสโยว หุตฺวา อนวชฺชฏฺเน กุสลํ สตฺตตึ สโพธิปกฺขิยเภทํ ธมฺมํ ภาเวติ วฑฺเฒติ, วิสาเลน จิตฺเตน วิปสฺสนํ อนุยุฺชติ จตูหิ โยเคหิ เขมสฺส นิพฺพานสฺส ปตฺติยา, โส เอวํ สพฺพสงฺขาเรสุ ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา’’ติ ติลกฺขณํ อาโรเปตฺวา ตรุณวิปสฺสนโต ปฏฺาย อุปฺปนฺเน โพธิปกฺขิยธมฺเม ภาเวนฺโต อนุปุพฺเพน เอกสํโยชนมฺปิ อนวเสเสตฺวา สพฺพสํโยชนกฺขยกรสฺส จตุตฺถมคฺคสฺส ปริโยสาเน อุปฺปนฺนตฺตา ‘‘สพฺพสํโยชนกฺขโย’’ติ สงฺขฺยํ คตํ อรหตฺตํ ปาปุเณยฺยาติ.

เอวํ สตฺถา อรหตฺเตน ธมฺมเทสนาย กูฏํ คเหตฺวา มตฺถเก จตฺตาริ สจฺจานิ ปกาเสสิ, สจฺจปริโยสาเน โส ภิกฺขุ อรหตฺตํ ปาปุณิ. สตฺถา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ยกฺโข องฺคุลิมาโล อโหสิ, ปฺจาวุธกุมาโร ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

ปฺจาวุธชาตกวณฺณนา ปฺจมา.

[๕๖] ๖. กฺจนกฺขนฺธชาตกวณฺณนา

โย ปหฏฺเน จิตฺเตนาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. เอโก กิร สาวตฺถิวาสี กุลปุตฺโต สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา รตนสาสเน อุรํ ทตฺวา ปพฺพชิ. อถสฺส อาจริยุปชฺฌายา ‘‘อาวุโส, เอกวิเธน สีลํ นาม, ทุวิเธน, ติวิเธน, จตุพฺพิเธน, ปฺจวิเธน, ฉพฺพิเธน, สตฺตวิเธน, อฏฺวิเธน, นววิเธน, ทสวิเธน, พหุวิเธน สีลํ นาม. อิทํ จูฬสีลํ นาม, อิทํ มชฺฌิมสีลํ นาม, อิทํ มหาสีลํ นาม. อิทํ ปาติโมกฺขสํวรสีลํ นาม, อิทํ อินฺทฺริยสํวรสีลํ นาม, อิทํ อาชีวปาริสุทฺธิสีลํ นาม, อิทํ ปจฺจยปฏิเสวนสีลํ นามา’’ติ สีลํ อาจิกฺขนฺติ. โส จินฺเตสิ ‘‘อิทํ สีลํ นาม อติพหุ, อหํ เอตฺตกํ สมาทาย วตฺติตุํ น สกฺขิสฺสามิ, สีลํ ปูเรตุํ อสกฺโกนฺตสฺส จ นาม ปพฺพชฺชาย โก อตฺโถ, อหํ คิหี หุตฺวา ทานาทีนิ ปุฺานิ จ กริสฺสามิ, ปุตฺตทารฺจ โปเสสฺสามี’’ติ. เอวฺจ ปน จินฺเตตฺวา ‘‘ภนฺเต, อหํ สีลํ รกฺขิตุํ น สกฺขิสฺสามิ, อสกฺโกนฺตสฺส จ นาม ปพฺพชฺชาย โก อตฺโถ, อหํ หีนายาวตฺติสฺสามิ, ตุมฺหากํ ปตฺตจีวรํ คณฺหถา’’ติ อาห.

อถ นํ อาหํสุ ‘‘อาวุโส เอวํ สนฺเต ทสพลํ วนฺทิตฺวาว ยาหี’’ติ เต ตํ อาทาย สตฺถุ สนฺติกํ ธมฺมสภํ อคมํสุ. สตฺถา ทิสฺวาว ‘‘กึ, ภิกฺขเว, อนตฺถิกํ ภิกฺขุํ อาทาย อาคตตฺถา’’ติ อาห. ภนฺเต, อยํ ภิกฺขุ ‘‘อหํ สีลํ รกฺขิตุํ น สกฺขิสฺสามี’’ติ ปตฺตจีวรํ นิยฺยาเทติ, อถ นํ มยํ คเหตฺวา อาคตมฺหาติ. ‘‘กสฺมา ปน ตุมฺเห, ภิกฺขเว, อิมสฺส ภิกฺขุโน พหุํ สีลํ อาจิกฺขถ. ยตฺตกํ เอส รกฺขิตุํ สกฺโกติ, ตตฺตกเมว รกฺขิสฺสติ. อิโต ปฏฺาย ตุมฺเห เอตํ มา กิฺจิ อวจุตฺถ, อหเมตฺถ กตฺตพฺพํ ชานิสฺสามิ, เอหิ ตฺวํ ภิกฺขุ, กึ เต พหุนา สีเลน, ตีณิเยว สีลานิ รกฺขิตุํ สกฺขิสฺสสี’’ติ? ‘‘รกฺขิสฺสามิ, ภนฺเต’’ติ. เตน หิ ตฺวํ อิโต ปฏฺาย กายทฺวารํ วจีทฺวารํ มโนทฺวารนฺติ ตีณิ ทฺวารานิ รกฺข, มา กาเยน ปาปกมฺมํ กริ, มา วาจาย, มา มนสา. ‘‘คจฺฉ มา หีนายาวตฺติ, อิมานิ ตีณิเยว สีลานิ รกฺขา’’ติ. เอตฺตาวตา โส ภิกฺขุ ตุฏฺมานโส ‘‘สาธุ, ภนฺเต, รกฺขิสฺสามิ อิมานิ ตีณิ สีลานี’’ติ สตฺถารํ วนฺทิตฺวา อาจริยุปชฺฌาเยหิ สทฺธึเยว อคมาสิ. โส ตานิ ตีณิ สีลานิ ปูเรนฺโตว อฺาสิ ‘‘อาจริยุปชฺฌาเยหิ มยฺหํ อาจิกฺขิตํ สีลมฺปิ เอตฺตกเมว, เต ปน อตฺตโน อพุทฺธภาเวน มํ พุชฺฌาเปตุํ นาสกฺขึสุ, สมฺมาสมฺพุทฺโธ อตฺตโน พุทฺธสุพุทฺธตาย อนุตฺตรธมฺมราชตาย เอตฺตกํ สีลํ ตีสุเยว ทฺวาเรสุ ปกฺขิปิตฺวา มํ คณฺหาเปสิ, อวสฺสโย วต เม สตฺถา ชาโต’’ติ วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา กติปาเหเนว อรหตฺเต ปติฏฺาสิ.

ตํ ปวตฺตึ ตฺวา ธมฺมสภายํ สนฺนิปติตา ภิกฺขู ‘‘อาวุโส, ตํ กิร ภิกฺขุํ ‘พหุสีลานิ รกฺขิตุํ น สกฺโกมี’ติ หีนายาวตฺตนฺตํ สพฺพานิ สีลานิ ตีหิ โกฏฺาเสหิ สงฺขิปิตฺวา คาหาเปตฺวา สตฺถา อรหตฺตํ ปาเปสิ, อโห พุทฺธานํ พลํ นาม อจฺฉริย’’นฺติ พุทฺธคุเณ กเถนฺตา นิสีทึสุ. อถ สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘ภิกฺขเว, อติครุโกปิ ภาโร โกฏฺาสวเสน ภาเชตฺวา ทินฺโน ลหุโก วิย โหติ, ปุพฺเพปิ ปณฺฑิตา มหนฺตํ กฺจนกฺขนฺธํ ลภิตฺวา อุกฺขิปิตุํ อสกฺโกนฺตา วิภาคํ กตฺวา อุกฺขิปิตฺวา อคมํสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต เอกสฺมึ คามเก กสฺสโก อโหสิ. โส เอกทิวสํ อฺตรสฺมึ ฉฑฺฑิตคามเก เขตฺเต กสึ กสติ. ปุพฺเพ จ ตสฺมึ คาเม เอโก วิภวสมฺปนฺโน เสฏฺิ อูรุมตฺตปริณาหํ จตุหตฺถายามํ กฺจนกฺขนฺธํ นิทหิตฺวา กาลมกาสิ. ตสฺมึ โพธิสตฺตสฺส นงฺคลํ ลคิตฺวา อฏฺาสิ. โส ‘‘มูลสนฺตานกํ ภวิสฺสตี’’ติ ปํสุํ วิยูหนฺโต ตํ ทิสฺวา ปํสุนา ปฏิจฺฉาเทตฺวา ทิวสํ กสิตฺวา อตฺถงฺคเต สูริเย ยุคนงฺคลาทีนิ เอกมนฺเต นิกฺขิปิตฺวา ‘‘กฺจนกฺขนฺธํ คณฺหิตฺวา คจฺฉิสฺสามี’’ติ ตํ อุกฺขิปิตุํ นาสกฺขิ. อสกฺโกนฺโต นิสีทิตฺวา ‘‘เอตฺตกํ กุจฺฉิภรณาย ภวิสฺสติ, เอตฺตกํ นิทหิตฺวา เปสฺสามิ, เอตฺตเกน กมฺมนฺเต ปโยเชสฺสามิ, เอตฺตกํ ทานาทิปุฺกิริยาย ภวิสฺสตี’’ติ จตฺตาโร โกฏฺาเส อกาสิ. ตสฺเสวํ วิภตฺตกาเล โส กฺจนกฺขนฺโธ สลฺลหุโก วิย อโหสิ. โส ตํ อุกฺขิปิตฺวา ฆรํ เนตฺวา จตุธา วิภชิตฺวา ทานาทีนิ ปุฺานิ กตฺวา ยถากมฺมํ คโต.

อิติ ภควา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา อิมํ คาถมาห –

๕๖.

‘‘โย ปหฏฺเน จิตฺเตน, ปหฏฺมนโส นโร;

ภาเวติ กุสลํ ธมฺมํ, โยคกฺเขมสฺส ปตฺติยา;

ปาปุเณ อนุปุพฺเพน, สพฺพสํโยชนกฺขย’’นฺติ.

ตตฺถ ปหฏฺเนาติ วินีวรเณน. ปหฏฺมนโสติ ตาย เอว วินีวรณตาย ปหฏฺมานโส, สุวณฺณํ วิย ปหํสิตฺวา สมุชฺโชติตสปฺปภาสจิตฺโต หุตฺวาติ อตฺโถ.

เอวํ สตฺถา อรหตฺตกูเฏน เทสนํ นิฏฺาเปตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา กฺจนกฺขนฺธลทฺธปุริโส อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

กฺจนกฺขนฺธชาตกวณฺณนา ฉฏฺา.

[๕๗] ๗. วานรินฺทชาตกวณฺณนา

ยสฺเสเต จตุโร ธมฺมาติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เทวทตฺตสฺส วธาย ปริสกฺกนํ อารพฺภ กเถสิ. ตสฺมิฺหิ สมเย สตฺถา ‘‘เทวทตฺโต วธาย ปริสกฺกตี’’ติ สุตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว เทวทตฺโต มยฺหํ วธาย ปริสกฺกติ, ปุพฺเพปิ ปริสกฺกิเยว, ตาสมตฺตมฺปิ ปน กาตุํ นาสกฺขี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต กปิโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา วุฑฺฒิมนฺวาย อสฺสโปตกปฺปมาโณ ถามสมฺปนฺโน เอกจโร หุตฺวา นทีตีเร วิหรติ. ตสฺสา ปน นทิยา เวมชฺเฌ เอโก ทีปโก นานปฺปกาเรหิ อมฺพปนสาทีหิ ผลรุกฺเขหิ สมฺปนฺโน. โพธิสตฺโต นาคพโล ถามสมฺปนฺโน นทิยา โอริมตีรโต อุปฺปติตฺวา ทีปกสฺส โอรโต นทีมชฺเฌ เอโก ปิฏฺิปาสาโณ อตฺถิ, ตสฺมึ นิปตติ, ตโต อุปฺปติตฺวา ตสฺมึ ทีปเก ปตติ. ตตฺถ นานปฺปการานิ ผลานิ ขาทิตฺวา สายํ เตเนว อุปาเยน ปจฺจาคนฺตฺวา อตฺตโน วสนฏฺาเน วสิตฺวา ปุนทิวเสปิ ตเถว กโรติ. อิมินา นิยาเมน ตตฺถ วาสํ กปฺเปติ.

ตสฺมึ ปน กาเล เอโก กุมฺภีโล สปชาปติโก ตสฺสา นทิยา วสติ. ตสฺส ภริยา โพธิสตฺตํ อปราปรํ คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา โพธิสตฺตสฺส หทยมํเส โทหฬํ อุปฺปาเทตฺวา กุมฺภีลํ อาห – ‘‘มยฺหํ โข, อยฺย, อิมสฺส วานรินฺทสฺส หทยมํเส โทหโฬ อุปฺปนฺโน’’ติ. กุมฺภีโล ‘‘สาธุ, ภทฺเท, ลจฺฉสี’’ติ วตฺวา ‘‘อชฺช ตํ สายํ ทีปกโต อาคจฺฉนฺตเมว คณฺหิสฺสามี’’ติ คนฺตฺวา ปิฏฺิปาสาเณ นิปชฺชิ.

โพธิสตฺโต ทิวสํ จริตฺวา สายนฺหสมเย ทีปเก ิโตว ปาสาณํ โอโลเกตฺวา – ‘‘อยํ ปาสาโณ อิทานิ อุจฺจตโร ขายติ, กึ นุ โข การณ’’นฺติ จินฺเตสิ. ตสฺส กิร อุทกปฺปมาณฺจ ปาสาณปฺปมาณฺจ สุววตฺถาปิตเมว โหติ. เตนสฺส เอตทโหสิ ‘‘อชฺช อิมิสฺสา นทิยา อุทกํ เนว หายติ, น จ วฑฺฒติ, อถ จ ปนายํ ปาสาโณ มหา หุตฺวา ปฺายติ, กจฺจิ นุ โข เอตฺถ มยฺหํ คหณตฺถาย กุมฺภีโล นิปนฺโน’’ติ. โส ‘‘วีมํสามิ ตาว น’’นฺติ ตตฺเถว ตฺวา ปาสาเณน สทฺธึ กเถนฺโต วิย ‘‘โภ ปาสาณา’’ติ วตฺวา ปฏิวจนํ อลภนฺโต ยาวตติยํ ‘‘โภ ปาสาณา’’ติ อาห. ปาสาโณ กึ ปฏิวจนํ ทสฺสติ. ปุนปิ วานโร ‘‘กึ โภ ปาสาณ, อชฺช มยฺหํ ปฏิวจนํ น เทสี’’ติ อาห. กุมฺภีโล ‘‘อทฺธา อฺเสุ ทิวเสสุ อยํ ปาสาโณ วานรินฺทสฺส ปฏิวจนํ อทาสิ, ทสฺสามิ ทานิสฺส ปฏิวจน’’นฺติ จินฺเตตฺวา ‘‘กึ, โภ วานรินฺทา’’ติ อาห. ‘‘โกสิ ตฺว’’นฺติ? ‘‘อหํ กุมฺภีโล’’ติ. ‘‘กิมตฺถํ เอตฺถ นิปนฺโนสี’’ติ? ‘‘ตว หทยมํสํ ปตฺถยมาโน’’ติ. โพธิสตฺโต จินฺเตสิ ‘‘อฺโ เม คมนมคฺโค นตฺถิ, อชฺช มยา เอส กุมฺภีโล วฺเจตพฺโพ’’ติ. อถ นํ เอวมาห ‘‘สมฺม กุมฺภีล, อหํ อตฺตานํ ตุยฺหํ ปริจฺจชิสฺสามิ, ตฺวํ มุขํ วิวริตฺวา มํ ตว สนฺติกํ อาคตกาเล คณฺหาหี’’ติ. กุมฺภีลานฺหิ มุเข วิวเฏ อกฺขีนิ นิมฺมีลนฺติ. โส ตํ การณํ อสลฺลกฺเขตฺวา มุขํ วิวริ, อถสฺส อกฺขีนิ ปิถียึสุ. โส มุขํ วิวริตฺวา อกฺขีนิ นิมฺมีเลตฺวา นิปชฺชิ. โพธิสตฺโต ตถาภาวํ ตฺวา ทีปกา อุปฺปติโต คนฺตฺวา กุมฺภีลสฺส มตฺถเก อกฺกมิตฺวา ตโต อุปฺปติโต วิชฺชุลตา วิย วิชฺโชตมาโน ปรตีเร อฏฺาสิ.

กุมฺภีโล ตํ อจฺฉริยํ ทิสฺวา ‘‘อิมินา วานรินฺเทน อติอจฺเฉรกํ กต’’นฺติ จินฺเตตฺวา ‘‘โภ วานรินฺท, อิมสฺมึ โลเก จตูหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ปุคฺคโล ปจฺจามิตฺเต อธิภวติ. เต สพฺเพปิ ตุยฺหํ อพฺภนฺตเร อตฺถิ มฺเ’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๕๗.

‘‘ยสฺเสเต จตุโร ธมฺมา, วานรินฺท ยถา ตว;

สจฺจํ ธมฺโม ธิติ จาโค, ทิฏฺํ โส อติวตฺตตี’’ติ.

ตตฺถ ยสฺสาติ ยสฺส กสฺสจิ ปุคฺคลสฺส. เอเตติ อิทานิ วตฺตพฺเพ ปจฺจกฺขโต นิทฺทิสติ. จตุโร ธมฺมาติ จตฺตาโร คุณา. สจฺจนฺติ วจีสจฺจํ, ‘‘มม สนฺติกํ อาคมิสฺสามี’’ติ วตฺวา มุสาวาทํ อกตฺวา อาคโตเยวาติ เอตํ เต วจีสจฺจํ. ธมฺโมติ วิจารณปฺา, ‘‘เอวํ กเต อิทํ นาม ภวิสฺสตี’’ติ เอสา เต วิจารณปฺา อตฺถิ. ธิตีติ อพฺโพจฺฉินฺนํ วีริยํ วุจฺจติ, เอตมฺปิ เต อตฺถิ. จาโคติ อตฺตปริจฺจาโค, ตฺวํ อตฺตานํ ปริจฺจชิตฺวา มม สนฺติกํ อาคโต. ยํ ปนาหํ คณฺหิตุํ นาสกฺขึ, มยฺหเมเวส โทโส. ทิฏฺนฺติ ปจฺจามิตฺตํ. โส อติวตฺตตีติ ยสฺส ปุคฺคลสฺส ยถา ตว, เอวํ เอเต จตฺตาโร ธมฺมา อตฺถิ, โส ยถา มํ อชฺช ตฺวํ อติกฺกนฺโต, ตเถว อตฺตโน ปจฺจามิตฺตํ อติกฺกมติ อภิภวตีติ. เอวํ กุมฺภีโล โพธิสตฺตํ ปสํสิตฺวา อตฺตโน วสฏฺานํ คโต.

สตฺถาปิ ‘‘น, ภิกฺขเว, เทวทตฺโต อิทาเนว มยฺหํ วธาย ปริสกฺกติ, ปุพฺเพปิ ปริสกฺกิเยวา’’ติ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา กุมฺภีโล เทวทตฺโต อโหสิ, ภริยาสฺส จิฺจมาณวิกา, วานรินฺโท ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

วานรินฺทชาตกวณฺณนา สตฺตมา.

[๕๘] ๘. ตโยธมฺมชาตกวณฺณนา

ยสฺส เอเต ตโย ธมฺมาติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เทวทตฺตสฺส วธาย ปริสกฺกนเมวารพฺภ กเถสิ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต เทวทตฺโต วานรโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา หิมวนฺตปฺปเทเส ยูถํ ปริหรนฺโต อตฺตานํ ปฏิจฺจ ชาตานํ วานรโปตกานํ ‘‘วุฑฺฒิปฺปตฺตา อิเม ยูถํ ปริหเรยฺยุ’’นฺติ ภเยน ทนฺเตหิ ฑํสิตฺวา เตสํ พีชานิ อุปฺปาเฏติ. ตทา โพธิสตฺโตปิ ตฺเว ปฏิจฺจ เอกิสฺสา วานริยา กุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. อถ สา วานรี คพฺภสฺส ปติฏฺิตภาวํ ตฺวา อตฺตโน คพฺภํ อนุรกฺขมานา อฺํ ปพฺพตปาทํ อคมาสิ. สา ปริปกฺกคพฺภา โพธิสตฺตํ วิชายิ. โส วุฑฺฒิมนฺวาย วิฺุตํ ปตฺโต ถามสมฺปนฺโน อโหสิ. โส เอกทิวสํ มาตรํ ปุจฺฉิ ‘‘อมฺม, มยฺหํ ปิตา กห’’นฺติ? ‘‘ตาต, อสุกสฺมึ นาม ปพฺพตปาเท ยูถํ ปริหรนฺโต วสตี’’ติ. ‘‘อมฺม, ตสฺส มํ สนฺติกํ เนหี’’ติ. ‘‘ตาต, น สกฺกา ตยา ปิตุ สนฺติกํ คนฺตุํ. ปิตา หิ เต อตฺตานํ ปฏิจฺจ ชาตานํ วานรโปตกานํ ยูถปริหรณภเยน ทนฺเตหิ ฑํสิตฺวา พีชานิ อุปฺปาเฏตี’’ติ. ‘‘อมฺม, เนหิ มํ ตตฺถ, อหํ ชานิสฺสามี’’ติ. สา ปุตฺตํ อาทาย ตสฺส สนฺติกํ อคมาสิ.

โส วานโร อตฺตโน ปุตฺตํ ทิสฺวาว ‘‘อยํ วฑฺฒนฺโต มยฺหํ ยูถํ ปริหริตุํ น ทสฺสติ, อิทาเนว มาเรตพฺโพ’’ติ ‘‘เอตํ อาลิงฺคนฺโต วิย คาฬฺหํ ปีเฬตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘เอหิ, ตาต, เอตฺตกํ กาลํ กหํ คโตสี’’ติ โพธิสตฺตํ อาลิงฺคนฺโต วิย นิปฺปีเฬสิ. โพธิสตฺโต ปน นาคพโล ถามสมฺปนฺโน, โสปิ นํ นิปฺปีเฬสิ, อถสฺส อฏฺีนิ ภิชฺชนาการปฺปตฺตานิ อเหสุํ. อถสฺส เอตทโหสิ ‘‘อยํ วฑฺฒนฺโต มํ มาเรสฺสติ, เกน นุ โข อุปาเยน ปุเรตรฺเว มาเรยฺย’’นฺติ. ตโต จินฺเตสิ ‘‘อยํ อวิทูเร รกฺขสปริคฺคหิโต สโร อตฺถิ, ตตฺถ นํ รกฺขเสน ขาทาเปสฺสามี’’ติ. อถ นํ เอวมาห ‘‘ตาต, อหํ มหลฺลโก, อิมํ ยูถํ ตุยฺหํ นิยฺยาเทมิ, อชฺเชว ตํ ราชานํ กโรมิ, อสุกสฺมึ นาม าเน สโร อตฺถิ, ตตฺถ ทฺเว กุมุทินิโย, ติสฺโส อุปฺปลินิโย, ปฺจ ปทุมินิโย จ ปุปฺผนฺติ, คจฺฉ, ตโต ปุปฺผานิ อาหรา’’ติ. โส ‘‘สาธุ, ตาต, อาหริสฺสามี’’ติ คนฺตฺวา สหสา อโนตริตฺวา สมนฺตา ปทํ ปริจฺฉินฺทนฺโต โอติณฺณปทฺเว อทฺทส, น อุตฺติณฺณปทํ. โส ‘‘อิมินา สเรน รกฺขสปริคฺคหิเตน ภวิตพฺพํ, มยฺหํ ปิตา อตฺตนา มาเรตุํ อสกฺโกนฺโต รกฺขเสน มํ ขาทาเปตุกาโม ภวิสฺสติ, อหํ อิมฺจ สรํ น โอตริสฺสามิ, ปุปฺผานิ จ คเหสฺสามี’’ติ นิรุทกฏฺานํ คนฺตฺวา เวคํ คเหตฺวา อุปฺปติตฺวา ปรโต คจฺฉนฺโต นิรุทเก โอกาเส ิตาเนว ทฺเว ปุปฺผานิ คเหตฺวา ปรตีเร ปติ. ปรตีรโตปิ โอริมตีรํ อาคจฺฉนฺโต เตเนวุปาเยน ทฺเว คณฺหิ. เอวํ อุโภสุ ปสฺเสสุ ราสึ กโรนฺโต ปุปฺผานิ จ คณฺหิ, รกฺขสสฺส จ อาณฏฺานํ น โอตริ.

อถสฺส ‘‘อิโต อุตฺตริ อุกฺขิปิตุํ น สกฺขิสฺสามี’’ติ ตานิ ปุปฺผานิ คเหตฺวา เอกสฺมึ าเน ราสึ กโรนฺตสฺส โส รกฺขโส ‘‘มยา เอตฺตกํ กาลํ เอวรูโป ปฺวา อจฺฉริยปุริโส น ทิฏฺปุพฺโพ, ปุปฺผานิ จ นาม ยาวทิจฺฉกํ คหิตานิ, มยฺหฺจ อาณฏฺานํ น โอตรี’’ติ อุทกํ ทฺวิธา ภินฺทนฺโต อุทกโต อุฏฺาย โพธิสตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘วานรินฺท, อิมสฺมึ โลเก ยสฺส ตโย ธมฺมา อตฺถิ, โส ปจฺจามิตฺตํ อภิภวติ, เต สพฺเพปิ ตว อพฺภนฺตเร อตฺถิ มฺเ’’ติ วตฺวา โพธิสตฺตสฺส ถุตึ กโรนฺโต อิมํ คาถมาห –

๕๘.

‘‘ยสฺส เอเต ตโย ธมฺมา, วานรินฺท ยถา ตว;

ทกฺขิยํ สูริยํ ปฺา, ทิฏฺํ โส อติวตฺตตี’’ติ.

ตตฺถ ทกฺขิยนฺติ ทกฺขภาโว, สมฺปตฺตภยํ วิธมิตุํ ชานนปฺาย สมฺปยุตฺตอุตฺตมวีริยสฺเสตํ นามํ. สูริยนฺติ สูรภาโว, นิพฺภยภาวสฺเสตํ นามํ. ปฺาติ ปฺาปทฏฺานาย อุปายปฺาเยตํ นามํ.

เอวํ โส ทกรกฺขโส อิมาย คาถาย โพธิสตฺตสฺส ถุตึ กตฺวา ‘‘อิมานิ ปุปฺผานิ กิมตฺถํ หรสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ปิตา มํ ราชานํ กาตุกาโม, เตน การเณน หรามี’’ติ. ‘‘น สกฺกา ตาทิเสน อุตฺตมปุริเสน ปุปฺผานิ วหิตุํ อหํ วหิสฺสามี’’ติ อุกฺขิปิตฺวา ตสฺส ปจฺฉโต ปจฺฉโต อคมาสิ. อถสฺส ปิตา ทูรโตว ตํ ทิสฺวา ‘‘อหํ อิมํ ‘รกฺขสภตฺตํ ภวิสฺสตี’ติ ปหิณึ, โส ทาเนส รกฺขสํ ปุปฺผานิ คาหาเปนฺโต อาคจฺฉติ, อิทานิมฺหิ นฏฺโ’’ติ จินฺเตนฺโต สตฺตธา หทยผาลนํ ปตฺวา ตตฺเถว ชีวิตกฺขยํ ปตฺโต. เสสวานรา สนฺนิปติตฺวา โพธิสตฺตํ ราชานํ อกํสุ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ยูถปติ เทวทตฺโต อโหสิ, ยูถปติปุตฺโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

ตโยธมฺมชาตกวณฺณนา อฏฺมา.

[๕๙] ๙. เภริวาทกชาตกวณฺณนา

ธเม ธเมติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ ทุพฺพจภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. ตฺหิ ภิกฺขุํ สตฺถา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ ทุพฺพโจสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจํ, ภควา’’ติ วุตฺเต ‘‘น ตฺวํ ภิกฺขุ อิทาเนว ทุพฺพโจ, ปุพฺเพปิ ทุพฺพโจเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต เภริวาทกกุเล นิพฺพตฺติตฺวา คามเก วสติ. โส ‘‘พาราณสิยํ นกฺขตฺตํ ฆุฏฺ’’นฺติ สุตฺวา ‘‘สมชฺชมณฺฑเล เภรึ วาเทตฺวา ธนํ อาหริสฺสามี’’ติ ปุตฺตํ อาทาย ตตฺถ คนฺตฺวา เภรึ วาเทตฺวา พหุธนํ ลภิ. โส ตํ อาทาย อตฺตโน คามํ คจฺฉนฺโต โจราฏวึ ปตฺวา ปุตฺตํ นิรนฺตรํ เภรึ วาเทนฺตํ วาเรสิ ‘‘ตาต, นิรนฺตรํ อวาเทตฺวา มคฺคปฏิปนฺนสฺส อิสฺสรสฺส เภรึ วิย อนฺตรนฺตรา วาเทหี’’ติ โส ปิตรา วาริยมาโนปิ ‘‘เภริสทฺเทเนว โจเร ปลาเปสฺสามี’’ติ วตฺวา นิรนฺตรเมว วาเทสิ. โจรา ปมฺเว เภริสทฺทํ สุตฺวา ‘‘อิสฺสรเภรี ภวิสฺสตี’’ติ ปลายิตฺวา อติ วิย เอกาพทฺธํ สทฺทํ สุตฺวา ‘‘นายํ อิสฺสรเภรี ภวิสฺสตี’’ติ อาคนฺตฺวา อุปธาเรนฺตา ทฺเวเยว ชเน ทิสฺวา โปเถตฺวา วิลุมฺปึสุ. โพธิสตฺโต ‘‘กิจฺเฉน วต โน ลทฺธํ ธนํ เอกาพทฺธํ กตฺวา วาเทนฺโต นาเสสี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๕๙.

‘‘ธเม ธเม นาติธเม, อติธนฺตฺหิ ปาปกํ;

ธนฺเตน หิ สตํ ลทฺธํ, อติธนฺเตน นาสิต’’นฺติ.

ตตฺถ ธเม ธเมติ ธเมยฺย โน น ธเมยฺย, เภรึ วาเทยฺย โน น วาเทยฺยาติ อตฺโถ. นาติธเมติ อติกฺกมิตฺวา ปน นิรนฺตรเมว กตฺวา น วาเทยฺย. กึการณา? อติธนฺตฺหิ ปาปกํ, นิรนฺตรํ เภริวาทนํ อิทานิ อมฺหากํ ปาปกํ ลามกํ ชาตํ. ธนฺเตน หิ สตํ ลทฺธนฺติ นคเร ธมนฺเตน เภริวาทเนน กหาปณสตํ ลทฺธํ. อติธนฺเตน นาสิตนฺติ อิทานิ ปน เม ปุตฺเตน วจนํ อกตฺวา ยทิทํ อฏวิยํ อติธนฺตํ, เตน อติธนฺเตน สพฺพํ นาสิตนฺติ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ปุตฺโต ทุพฺพจภิกฺขุ อโหสิ, ปิตา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

เภริวาทกชาตกวณฺณนา นวมา.

[๖๐] ๑๐. สงฺขธมชาตกวณฺณนา

ธเม ธเมติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ทุพฺพจเมวารพฺภ กเถสิ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต สงฺขธมกกุเล นิพฺพตฺติตฺวา พาราณสิยํ นกฺขตฺเต ฆุฏฺเ ปิตรํ อาทาย สงฺขธมนกมฺเมน ธนํ ลภิตฺวา อาคมนกาเล โจราฏวิยํ ปิตรํ นิรนฺตรํ สงฺขํ ธมนฺตํ วาเรสิ. โส ‘‘สงฺขสทฺเทน โจเร ปลาเปสฺสามี’’ติ นิรนฺตรเมว ธมิ, โจรา ปุริมนเยเนว อาคนฺตฺวา วิลุมฺปึสุ. โพธิสตฺโต ปุริมนเยเนว คาถํ อภาสิ –

๖๐.

‘‘ธเม ธเม นาติธเม, อติธนฺตฺหิ ปาปกํ;

ธนฺเตนาธิคตา โภคา, เต ตาโต วิธมี ธม’’นฺติ.

ตตฺถ เต ตาโต วิธมี ธมนฺติ เต สงฺขํ ธมิตฺวา ลทฺธโภเค มม ปิตา ปุนปฺปุนํ ธมนฺโต วิธมิ วิทฺธํเสสิ วินาเสสีติ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ปิตา ทุพฺพจภิกฺขุ อโหสิ, ปุตฺโต ปนสฺส อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

สงฺขธมชาตกวณฺณนา ทสมา.

อาสีสวคฺโค ฉฏฺโ.

ตสฺสุทฺทานํ –

มหาสีลวชนกํ, ปุณฺณปาติ จ กึผลํ;

ปฺจาวุธกฺจนกฺขนฺธํ, วานรินฺทํ ตโยธมฺมํ;

เภริวาทสงฺขธมนฺติ.

๗. อิตฺถิวคฺโค

[๖๑] ๑. อสาตมนฺตชาตกวณฺณนา

อสา โลกิตฺถิโย นามาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อุกฺกณฺิตํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. ตสฺส วตฺถุ อุมฺมาทนฺติชาตเก อาวิ ภวิสฺสติ. ตํ ปน ภิกฺขุํ สตฺถา ‘‘ภิกฺขุ อิตฺถิโย นาม อสาตา อสติโย ลามิกา ปจฺฉิมิกา, ตฺวํ เอวรูปํ ลามิกํ อิตฺถึ นิสฺสาย กสฺมา อุกฺกณฺิโตสี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต คนฺธารรฏฺเ ตกฺกสิลายํ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต ตีสุ เวเทสุ สพฺพสิปฺเปสุ จ นิปฺผตฺตึ ปตฺโต ทิสาปาโมกฺโข อาจริโย อโหสิ. ตทา พาราณสิยํ เอกสฺมึ พฺราหฺมณกุเล ปุตฺตสฺส ชาตทิวเส อคฺคึ คเหตฺวา อนิพฺพายนฺตํ ปยึสุ. อถ นํ พฺราหฺมณกุมารํ โสฬสวสฺสกาเล มาตาปิตโร อาหํสุ ‘‘ปุตฺต, มยํ ตว ชาตทิวเส อคฺคึ คเหตฺวา ปยิมฺห. สเจ พฺรหฺมโลกปรายโณ ภวิตุกาโม, ตฺวํ อคฺคึ อาทาย อรฺํ ปวิสิตฺวา อคฺคึ ภควนฺตํ นมสฺสมาโน พฺรหฺมโลกปรายโณ โหหิ. สเจ อคารํ อชฺฌาวสิตุกาโม, ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา ทิสาปาโมกฺขสฺส อาจริยสฺส สนฺติเก สิปฺปํ อุคฺคณฺหิตฺวา กุฏุมฺพํ สณฺเปหี’’ติ. มาณโว ‘‘นาหํ สกฺขิสฺสามิ อรฺเ อคฺคึ ปริจริตุํ, กุฏุมฺพเมว สณฺเปสฺสามี’’ติ มาตาปิตโร วนฺทิตฺวา อาจริยภาคํ สหสฺสํ คเหตฺวา ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา สิปฺปํ อุคฺคณฺหิตฺวา ปจฺจาคมาสิ.

มาตาปิตโร ปนสฺส อนตฺถิกา ฆราวาเสน, อรฺเ อคฺคึ ปริจราเปตุกามา โหนฺติ. อถ นํ มาตา อิตฺถีนํ โทสํ ทสฺเสตฺวา อรฺํ เปเสตุกามา ‘‘โส อาจริโย ปณฺฑิโต พฺยตฺโต สกฺขิสฺสติ เม ปุตฺตสฺส อิตฺถีนํ โทสํ กเถตุ’’นฺติ จินฺเตตฺวา อาห – ‘‘อุคฺคหิตํ เต, ตาต, สิปฺป’’นฺติ. ‘‘อาม, อมฺมา’’ติ. ‘‘อสาตมนฺโตปิ เต อุคฺคหิโต’’ติ. ‘‘น อุคฺคหิโต, อมฺมา’’ติ. ‘‘ตาต, ยทิ เต อสาตมนฺโต น อุคฺคหิโต, กึ นาม เต สิปฺปํ อุคฺคหิตํ, คจฺฉ, อุคฺคณฺหิตฺวา เอหี’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ ปุน ตกฺกสิลาภิมุโข ปายาสิ. ตสฺสปิ อาจริยสฺส มาตา มหลฺลิกา วีสติวสฺสสติกา. โส ตํ สหตฺถา นฺหาเปนฺโต โภเชนฺโต ปาเยนฺโต ปฏิชคฺคติ. อฺเ มนุสฺสา นํ ตถา กโรนฺตํ ชิคุจฺฉนฺติ. โส จินฺเตสิ ‘‘ยํนูนาหํ อรฺํ ปวิสิตฺวา ตตฺถ มาตรํ ปฏิชคฺคนฺโต วิหเรยฺย’’นฺติ. อเถกสฺมึ วิวิตฺเต อรฺเ อุทกผาสุกฏฺาเน ปณฺณสาลํ กาเรตฺวา สปฺปิตณฺฑุลาทีนิ อาหราเปตฺวา มาตรํ อุกฺขิปิตฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา มาตรํ ปฏิชคฺคนฺโต วาสํ กปฺเปสิ.

โสปิ โข มาณโว ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา อาจริยํ อปสฺสนฺโต ‘‘กหํ อาจริโย’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา อฏฺาสิ. อถ นํ อาจริโย ‘‘กึ นุ โข, ตาต, อติสีฆํ อาคโตสี’’ติ? ‘‘นนุ อหํ ตุมฺเหหิ อสาตมนฺโต นาม น อุคฺคณฺหาปิโต’’ติ? ‘‘โก ปน เต อสาตมนฺเต อุคฺคณฺหิตพฺเพ กตฺวา กเถสี’’ติ? ‘‘มยฺหํ มาตา อาจริยา’’ติ. โพธิสตฺโต จินฺเตสิ ‘‘อสาตมนฺโต นาม โกจิ นตฺถิ, อิมสฺส ปน มาตา อิมํ อิตฺถิโทเส ชานาเปตุกามา ภวิสฺสตี’’ติ. อถ นํ ‘‘สาธุ, ตาต, ทสฺสามิ เต อสาตมนฺเต, ตฺวํ อชฺช อาทึ กตฺวา มม าเน ตฺวา มม มาตรํ สหตฺถา นฺหาเปนฺโต โภเชนฺโต ปาเยนฺโต ปฏิชคฺคาหิ, หตฺถปาทสีสปิฏฺิสมฺพาหนาทีนิ จสฺสา กโรนฺโต ‘อยฺเย ชรํ ปตฺตกาเลปิ ตาว เต เอวรูปํ สรีรํ, ทหรกาเล กีทิสํ อโหสี’ติ หตฺถปาทปริกมฺมาทิกรณกาเล หตฺถปาทาทีนํ วณฺณํ กเถยฺยาสิ. ยฺจ เต มม มาตา กเถติ, ตํ อลชฺชนฺโต อนิคุหนฺโต มยฺหํ อาโรเจยฺยาสิ, เอวํ กโรนฺโต อสาตมนฺเต ลจฺฉสิ, อกโรนฺโต น ลจฺฉสี’’ติ อาห. โส ‘‘สาธุ อาจริยา’’ติ ตสฺส วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตโต ปฏฺาย สพฺพํ ยถาวุตฺตวิธานํ อกาสิ.

อถสฺสา ตสฺมึ มาณเว ปุนปฺปุนํ วณฺณยมาเน ‘‘อยํ มยา สทฺธึ อภิรมิตุกาโม ภวิสฺสตี’’ติ อนฺธาย ชราชิณฺณาย อพฺภนฺตเร กิเลโส อุปฺปชฺชิ. สา เอกทิวสํ อตฺตโน สรีรวณฺณํ กถยมานํ มาณวํ อาห ‘‘มยา สทฺธึ อภิรมิตุํ อิจฺฉสี’’ติ? ‘‘อยฺเย, อหํ ตาว อิจฺเฉยฺยํ, อาจริโย ปน ครุโก’’ติ. ‘‘สเจ มํ อิจฺฉสิ, ปุตฺตํ เม มาเรหี’’ติ. ‘‘อหํ อาจริยสฺส สนฺติเก เอตฺตกํ สิปฺปํ อุคฺคณฺหิตฺวา กิเลสมตฺตํ นิสฺสาย กินฺติ กตฺวา อาจริยํ มาเรสฺสามี’’ติ. ‘‘เตน หิ สเจ ตฺวํ มํ น ปริจฺจชสิ, อหเมว นํ มาเรสฺสามี’’ติ. เอวํ อิตฺถิโย นาม อสาตา ลามิกา ปจฺฉิมิกา, ตถารูเป นาม วเย ิตา ราคจิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา กิเลสํ อนุวตฺตมานา เอวํ อุปการกํ ปุตฺตํ มาเรตุกามา ชาตา. มาณโว สพฺพํ ตํ กถํ โพธิสตฺตสฺส อาโรเจสิ.

โพธิสตฺโต ‘‘สุฏฺุ เต, มาณว, กตํ มยฺหํ อาโรเจนฺเตนา’’ติ วตฺวา มาตุ อายุสงฺขารํ โอโลเกนฺโต ‘‘อชฺเชว มริสฺสตี’’ติ ตฺวา ‘‘เอหิ, มาณว, วีมํสิสฺสาม น’’นฺติ เอกํ อุทุมฺพรรุกฺขํ ฉินฺทิตฺวา อตฺตโน ปมาเณน กฏฺรูปกํ กตฺวา สสีสํ ปารุปิตฺวา อตฺตโน สยนฏฺาเน อุตฺตานํ นิปชฺชาเปตฺวา รชฺชุกํ พนฺธิตฺวา อนฺเตวาสิกํ อาห – ‘‘ตาต, ผรสุํ อาทาย คนฺตฺวา มม มาตุ สฺํ เทหี’’ติ. มาณโว คนฺตฺวา ‘‘อยฺเย, อาจริโย ปณฺณสาลายํ อตฺตโน สยนฏฺาเน นิปนฺโน, รชฺชุสฺา เม พทฺธา, อิมํ ผรสุํ อาทาย คนฺตฺวา สเจ สกฺโกสิ, มาเรหิ น’’นฺติ อาห. ‘‘ตฺวํ ปน มํ น ปริจฺจชิสฺสสี’’ติ? ‘‘กึการณา ปริจฺจชิสฺสามี’’ติ? สา ผรสุํ อาทาย ปเวธมานา อุฏฺาย รชฺชุสฺาย คนฺตฺวา หตฺเถน ปรามสิตฺวา ‘‘อยํ เม ปุตฺโต’’ติ สฺาย กฏฺรูปกสฺส มุขโต สาฏกํ อปเนตฺวา ผรสุํ อาทาย ‘‘เอกปฺปหาเรเนว มาเรสฺสามี’’ติ คีวายเมว ปหริตฺวา ‘‘ธ’’นฺติ สทฺเท อุปฺปนฺเน รุกฺขภาวํ อฺาสิ. อถ โพธิสตฺเตน ‘‘กึ กโรสิ, อมฺมา’’ติ วุตฺเต สา ‘‘วฺจิตามฺหี’’ติ ตตฺเถว มริตฺวา ปติตา. อตฺตโน กิร ปณฺณสาลาย นิปนฺนายปิ ตงฺขณฺเว ตาย มริตพฺพเมว.

โส ตสฺสา มตภาวํ ตฺวา สรีรกิจฺจํ กตฺวา อาฬาหนํ นิพฺพาเปตฺวา วนปุปฺเผหิ ปูเชตฺวา มาณวํ อาทาย ปณฺณสาลทฺวาเร นิสีทิตฺวา ‘‘ตาต, ปาฏิเยกฺโก อสาตมนฺโต นาม นตฺถิ, อิตฺถิโย อสาตา นาม, ตว มาตา ‘อสาตมนฺตํ อุคฺคณฺหา’ติ มม สนฺติกํ เปสยมานา อิตฺถีนํ โทสํ ชานนตฺถํ เปเสสิ. อิทานิ ปน เต ปจฺจกฺขเมว มม มาตุ โทโส ทิฏฺโ, อิมินา การเณน ‘อิตฺถิโย นาม อสาตา ลามิกา ปจฺฉิมิกา’ติ ชาเนยฺยาสี’’ติ ตํ โอวทิตฺวา อุยฺโยเชสิ. โสปิ อาจริยํ วนฺทิตฺวา มาตาปิตูนํ สนฺติกํ อคมาสิ. อถ นํ มาตา ปุจฺฉิ ‘‘ตาต, อุคฺคหิโต เต อสาตมนฺโต’’ติ? ‘‘อาม, อมฺมา’’ติ. ‘‘อิทานิ กึ กริสฺสสิ, ปพฺพชิตฺวา อคฺคึ วา ปริจริสฺสสิ, อคารมชฺเฌ วา วสิสฺสสี’’ติ? มาณโว ‘‘มยา, อมฺม, ปจฺจกฺขโต อิตฺถีนํ โทสา ทิฏฺา, อคาเรน เม กิจฺจํ นตฺถิ, ปพฺพชิสฺสามห’’นฺติ อตฺตโน อธิปฺปายํ ปกาเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๖๑.

‘‘อสา โลกิตฺถิโย นาม, เวลา ตาสํ น วิชฺชติ;

สารตฺตา จ ปคพฺภา จ, สิขี สพฺพฆโส ยถา;

ตา หิตฺวา ปพฺพชิสฺสามิ, วิเวกมนุพฺรูหย’’นฺติ.

ตตฺถ อสาติ อสติโย ลามิกา. อถ วา สาตํ วุจฺจติ สุขํ, ตํ ตาสุ นตฺถิ. อตฺตนิ ปฏิพทฺธจิตฺตานํ อสาตเมว เทนฺตีติปิ อสา, ทุกฺขา ทุกฺขวตฺถุภูตาติ อตฺโถ. อิมสฺส ปนตฺถสฺส สาธนตฺถาย อิทํ สุตฺตํ อาหริตพฺพํ –

‘‘มายา เจตา มรีจี จ, โสโก โรโค จุปทฺทโว;

ขรา จ พนฺธนา เจตา, มจฺจุปาสา คุหาสยา;

ตาสุ โย วิสฺสเส โปโส, โส นเรสุ นราธโม’’ติ. (ชา. ๒.๒๑.๑๑๘);

โลกิตฺถิโยติ โลเก อิตฺถิโย. เวลา ตาสํ น วิชฺชตีติ อมฺม, ตาสํ อิตฺถีนํ กิเลสุปฺปตฺตึ ปตฺวา เวลา สํวโร มริยาทา ปมาณํ นาม นตฺถิ. สารตฺตา จ ปคพฺภา จาติ เวลา จ เอตาสํ นตฺถิ, ปฺจสุ กามคุเณสุ สารตฺตา อลฺลีนา, ตถา กายปาคพฺภิเยน, วาจาปาคพฺภิเยน, มโนปาคพฺภิเยนาติ ติวิเธน ปาคพฺภิเยน สมนฺนาคตตฺตา ปคพฺภา เจตา. เอตาสฺหิ อพฺภนฺตเร กายทฺวาราทีนิ ปตฺวา สํวโร นาม นตฺถิ, โลลา กากปฏิภาคาติ ทสฺเสติ. สิขี สพฺพฆโส ยถาติ อมฺม, ยถา ชาลสิขาย ‘‘สิขี’’ติ สงฺขํ คโต อคฺคิ นาม คูถคตาทิเภทํ อสุจิมฺปิ, สปฺปิมธุผาณิตาทิเภทํ สุจิมฺปิ, อิฏฺมฺปิ อนิฏฺมฺปิ ยํ ยเทว ลภติ, สพฺพํ ฆสติ ขาทติ, ตสฺมา ‘‘สพฺพฆโส’’ติ วุจฺจติ. ตเถว ตา อิตฺถิโยปิ หตฺถิเมณฺฑโคเมณฺฑาทโย วา โหนฺตุ หีนชจฺจา หีนกมฺมนฺตา, ขตฺติยาทโย วา โหนฺตุ อุตฺตมกมฺมนฺตา, หีนุกฺกฏฺภาวํ อจินฺเตตฺวา โลกสฺสาทวเสน กิเลสสนฺถเว อุปฺปนฺเน ยํ ยํ ลภนฺติ, สพฺพเมว เสวนฺตีติ สพฺพฆสสิขิสทิสา โหนฺติ. ตสฺมา สิขี สพฺพฆโส ยถา, ตเถเวตาติ เวทิตพฺพา.

ตา หิตฺวา ปพฺพชิสฺสามีติ อหํ ตา ลามิกา ทุกฺขวตฺถุภูตา อิตฺถิโย หิตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิสฺสามิ. วิเวกมนุพฺรูหยนฺติ กายวิเวโก จิตฺตวิเวโก อุปธิวิเวโกติ ตโย วิเวกา, เตสุ อิธ กายวิเวโกปิ วฏฺฏติ จิตฺตวิเวโกปิ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อหํ, อมฺม, ปพฺพชิตฺวา กสิณปริกมฺมํ กตฺวา อฏฺ สมาปตฺติโย จ ปฺจาภิฺา จ อุปฺปาเทตฺวา คณโต กายํ, กิเลเสหิ จ จิตฺตํ วิเวเจตฺวา อิมํ วิเวกํ พฺรูเหนฺโต วฑฺเฒนฺโต พฺรหฺมโลกปรายโณ ภวิสฺสามิ, อลํ เม อคาเรนาติ. เอวํ อิตฺถิโย ครหิตฺวา มาตาปิตโร วนฺทิตฺวา หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา ปพฺพชิตฺวา วุตฺตปฺปการํ วิเวกํ พฺรูเหนฺโต พฺรหฺมโลกปรายโณ อโหสิ.

สตฺถาปิ ‘‘เอวํ ภิกฺขุ อิตฺถิโย นาม อสาตา ลามิกา ปจฺฉิมิกา ทุกฺขทายิกา’’ติ อิตฺถีนํ อคุณํ กเถตฺวา สจฺจานิ ปกาเสสิ, สจฺจปริโยสาเน โส ภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาสิ. สตฺถา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา มาตา ภทฺทกาปิลานี, ปิตา มหากสฺสโป อโหสิ, อนฺเตวาสิโก อานนฺโท, อาจริโย ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

อสาตมนฺตชาตกวณฺณนา ปมา.

[๖๒] ๒. อณฺฑภูตชาตกวณฺณนา

ยํ พฺราหฺมโณ อวาเทสีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อุกฺกณฺิตเมวารพฺภ กเถสิ. ตฺหิ สตฺถา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ อุกฺกณฺิโตสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจ’’นฺติ วุตฺเต ‘‘ภิกฺขุ อิตฺถิโย นาม อรกฺขิยา, ปุพฺเพ ปณฺฑิตา อิตฺถึ คพฺภโต ปฏฺาย รกฺขนฺตาปิ รกฺขิตุํ นาสกฺขึสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิสฺมึ นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต สพฺพสิปฺเปสุ นิปฺผตฺตึ ปตฺวา ปิตุ อจฺจเยน รชฺเช ปติฏฺาย ธมฺเมน รชฺชํ กาเรสิ. โส ปุโรหิเตน สทฺธึ ชูตํ กีฬติ. กีฬนฺโต ปน –

‘‘สพฺพา นที วงฺกคตี, สพฺเพ กฏฺมยา วนา;

สพฺพิตฺถิโย กเร ปาปํ, ลภมาเน นิวาตเก’’ติ. (ชา. ๒.๒๑.๓๐๘) –

อิมํ ชูตคีตํ คายนฺโต รชตผลเก สุวณฺณปาสเก ขิปติ. เอวํ กีฬนฺโต ปน ราชา นิจฺจํ ชินาติ, ปุโรหิโต ปราชียติ.

โส อนุกฺกเมน ฆเร วิภเว ปริกฺขยํ คจฺฉนฺเต จินฺเตสิ ‘‘เอวํ สนฺเต สพฺพํ อิมสฺมึ ฆเร ธนํ ขียิสฺสติ, ปริเยสิตฺวา ปุริสนฺตรํ อคตํ เอกํ มาตุคามํ ฆเร กริสฺสามี’’ติ. อถสฺส เอตทโหสิ ‘‘อฺํ ปุริสํ ทิฏฺปุพฺพํ อิตฺถึ รกฺขิตุํ น สกฺขิสฺสามิ, คพฺภโต ปฏฺาเยกํ มาตุคามํ รกฺขิตฺวา ตํ วยปฺปตฺตํ วเส เปตฺวา เอกปุริสิกํ กตฺวา คาฬฺหํ อารกฺขํ สํวิทหิตฺวา ราชกุลโต ธนํ อาหริสฺสามี’’ติ. โส จ องฺควิชฺชาย เฉโก โหติ, อเถกํ ทุคฺคติตฺถึ คพฺภินึ ทิสฺวา ‘‘ธีตรํ วิชายิสฺสตี’’ติ ตฺวา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ปริพฺพยํ ทตฺวา ฆเรเยว วสาเปตฺวา วิชาตกาเล ธนํ ทตฺวา อุยฺโยเชตฺวา ตํ กุมาริกํ อฺเสํ ปุริสานํ ทฏฺุํ อทตฺวา อิตฺถีนํเยว หตฺเถ ทตฺวา โปสาเปตฺวา วยปฺปตฺตกาเล ตํ อตฺตโน วเส เปสิ. ยาว เจสา วฑฺฒติ, ตาว รฺา สทฺธึ ชูตํ น กีฬิ. ตํ ปน วเส เปตฺวา พฺราหฺมโณ ‘‘มหาราช, ชูตํ กีฬามา’’ติ อาห. ราชา ‘‘สาธู’’ติ ปุริมนิยาเมเนว กีฬิ. ปุโรหิโต รฺโ คายิตฺวา ปาสกํ ขิปนกาเล ‘‘เปตฺวา มม มาณวิก’’นฺติ อาห. ตโต ปฏฺาย ปุโรหิโต ชินาติ, ราชา ปราชียติ.

โพธิสตฺโต ‘‘อิมสฺส ฆเร เอกปุริสิกาย เอกาย อิตฺถิยา ภวิตพฺพ’’นฺติ ปริคฺคณฺหาเปนฺโต อตฺถิภาวํ ตฺวา ‘‘สีลมสฺสา ภินฺทาเปสฺสามี’’ติ เอกํ ธุตฺตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สกฺขิสฺสสิ ปุโรหิตสฺส อิตฺถิยา สีลํ ภินฺทิตุ’’นฺติ อาห. ‘‘สกฺโกมิ, เทวา’’ติ. อถสฺส ราชา ธนํ ทตฺวา ‘‘เตน หิ ขิปฺปํ นิฏฺาเปหี’’ติ ตํ ปหิณิ. โส รฺโ สนฺติกา ธนํ อาทาย คนฺธธูมจุณฺณกปฺปูราทีนิ คเหตฺวา ตสฺส ฆรโต อวิทูเร สพฺพคนฺธาปณํ ปสาเรสิ. ปุโรหิตสฺสปิ เคหํ สตฺตภูมกํ สตฺตทฺวารโกฏฺกํ โหติ, สพฺเพสุ ทฺวารโกฏฺเกสุ อิตฺถีนํเยว อารกฺขา. เปตฺวา ปน พฺราหฺมณํ อฺโ ปุริโส เคหํ ปวิสิตุํ ลภนฺโต นาม นตฺถิ, กจวรฉฑฺฑนปจฺฉิมฺปิ โสเธตฺวาเยว ปเวเสนฺติ. ตํ มาณวิกํ ปุโรหิโตเยว ทฏฺุํ ลภติ. ตสฺสา จ เอกา ปริจาริกา อิตฺถี อตฺถิ. อถสฺสา สา ปริจาริกา คนฺธปุปฺผมูลํ คเหตฺวา คจฺฉนฺตี ตสฺส ธุตฺตสฺส อาปณสมีเปน คจฺฉติ. โส ‘‘อยํ ตสฺสา ปริจาริกา’’ติ สุฏฺุ ตฺวา เอกทิวสํ ตํ อาคจฺฉนฺตึ ทิสฺวา อาปณา อุฏฺาย คนฺตฺวา ตสฺสา ปาทมูเล ปติตฺวา อุโภหิ หตฺเถหิ ปาเท คาฬฺหํ คเหตฺวา ‘‘อมฺม, เอตฺตกํ กาลํ กหํ คตาสี’’ติ ปริเทวิ, อวเสสาปิ ปยุตฺตกธุตฺตา เอกมนฺตํ ตฺวา ‘‘หตฺถปาทมุขสณฺาเนหิ จ อากปฺเปน จ มาตาปุตฺตา เอกสทิสาเยวา’’ติ อาหํสุ. สา อิตฺถี เตสุ เตสุ กเถนฺเตสุ อตฺตโน อสทฺทหิตฺวา ‘‘อยํ เม ปุตฺโต ภวิสฺสตี’’ติ สยมฺปิ โรทิตุํ อารภิ. เต อุโภปิ กนฺทิตฺวา โรทิตฺวา อฺมฺํ อาลิงฺเคตฺวา อฏฺํสุ.

อถ โส ธุตฺโต อาห ‘‘อมฺม, กหํ วสสี’’ติ? ‘‘กินฺนริลีลาย วสมานาย รูปโสภคฺคปฺปตฺตาย ปุโรหิตสฺส ทหริตฺถิยา อุปฏฺานํ กุรุมานา วสามิ, ตาตา’’ติ. ‘‘อิทานิ กหํ ยาสิ, อมฺมา’’ติ? ‘‘ตสฺสา คนฺธมาลาทีนํ อตฺถายา’’ติ. ‘‘อมฺม, กึ เต อฺตฺถ คตาย, อิโต ปฏฺาย มเมว สนฺติกา หรา’’ติ มูลํ อคฺคเหตฺวาว พหูนิ ตมฺพูลตกฺโกลกาทีนิ เจว นานาปุปฺผานิ จ อทาสิ. มาณวิกา พหูนิ คนฺธปุปฺผาทีนิ ทิสฺวา ‘‘กึ, อมฺม, อชฺช อมฺหากํ พฺราหฺมโณ ปสนฺโน’’ติ อาห. ‘‘กสฺมา เอวํ วทสี’’ติ? ‘‘อิเมสํ พหุภาวํ ทิสฺวา’’ติ. น พฺราหฺมโณ พหุมูลํ อทาสิ, มยา ปเนตํ มยฺหํ ปุตฺตสฺส สนฺติกา อาภตนฺติ. ตโต ปฏฺาย สา พฺราหฺมเณน ทินฺนมูลํ อตฺตนา คเหตฺวา ตสฺเสว สนฺติกา คนฺธปุปฺผาทีนิ อาหรติ. ธุตฺโต กติปาหจฺจเยน คิลานาลยํ กตฺวา นิปชฺชิ. สา ตสฺส อาปณทฺวารํ คนฺตฺวา ตํ อทิสฺวา ‘‘กหํ เม ปุตฺโต’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ปุตฺตสฺส เต อผาสุกํ ชาต’’นฺติ? สา ตสฺส นิปนฺนฏฺานํ คนฺตฺวา นิสีทิตฺวา ปิฏฺึ ปริมชฺชนฺตี ‘‘กึ เต, ตาต, อผาสุก’’นฺติ ปุจฺฉิ. โส ตุณฺหี อโหสิ. ‘‘กึ น กเถสิ ปุตฺตา’’ติ? ‘‘อมฺม, มรนฺเตนาปิ ตุยฺหํ กเถตุํ น สกฺกา’’ติ. ‘‘ตาต, มยฺหํ อกเถตฺวา กสฺส กเถยฺยาสิ, กเถหิ, ตาตา’’ติ. ‘‘อมฺม, มยฺหํ อฺํ อผาสุกํ นตฺถิ, ตสฺสา ปน มาณวิกาย วณฺณํ สุตฺวา ปฏิพทฺธจิตฺโตสฺมิ, ตํ ลภนฺโต ชีวิสฺสามิ, อลภนฺโต อิเธว มริสฺสามี’’ติ. ‘‘ตาต, มยฺหํ เอส ภาโร, มา ตฺวํ เอตํ นิสฺสาย จินฺตยี’’ติ ตํ อสฺสาเสตฺวา พหูนิ คนฺธปุปฺผาทีนิ อาทาย มาณวิกาย สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘ปุตฺโต เม, อมฺม, มม สนฺติกา ตว วณฺณํ สุตฺวา ปฏิพทฺธจิตฺโต ชาโต, กึ กาตพฺพ’’นฺติ? ‘‘สเจ อาเนตุํ สกฺโกถ, มยา กโตกาโสเยวา’’ติ.

สา ตสฺสา วจนํ สุตฺวา ตโต ปฏฺาย ตสฺส เคหสฺส กณฺณกณฺเณหิ พหุํ กจวรํ สงฺกฑฺฒิตฺวา อารกฺขิตฺถิยา อุปริ ฉฑฺเฑสิ. สา เตน อฏฺฏียมานา อเปติ. อิตรา เตเนว นิยาเมน ยา ยา กิฺจิ กเถติ, ตสฺสา ตสฺสา อุปริ กจวรํ ฉฑฺเฑสิ. ตโต ปฏฺาย ปน สา ยํ ยํ อาหรติ วา หรติ วา, ตํ ตํ น กาจิ โสเธตุํ อุสฺสหติ. ตสฺมึ กาเล สา ตํ ธุตฺตํ ปุปฺผปจฺฉิยํ นิปชฺชาเปตฺวา มาณวิกาย สนฺติกํ อภิหริ. ธุตฺโต มาณวิกาย สีลํ ภินฺทิตฺวา เอกาหทฺวีหํ ปาสาเทเยว อโหสิ. ปุโรหิเต พหิ นิกฺขนฺเต อุโภ อภิรมนฺติ. ตสฺมึ อาคเต ธุตฺโต นิลียติ.

อถ นํ สา เอกาหทฺวีหจฺจเยน ‘‘สามิ, อิทานิ ตยา คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ อาห. ‘‘อหํ พฺราหฺมณํ ปหริตฺวา คนฺตุกาโม’’ติ. สา ‘‘เอวํ โหตู’’ติ ธุตฺตํ นิลียาเปตฺวา พฺราหฺมเณ อาคเต เอวมาห ‘‘อหํ, อยฺย, ตุมฺเหสุ วีณํ วาเทนฺเตสุ นจฺจิตุํ อิจฺฉามี’’ติ. ‘‘สาธุ, ภทฺเท, นจฺจสฺสู’’ติ วีณํ วาเทสิ. ‘‘ตุมฺเหสุ โอโลเกนฺเตสุ ลชฺชามิ, มุขํ ปน โว สาฏเกน พนฺธิตฺวา นจฺจิสฺสามี’’ติ. ‘‘สเจ ลชฺชสิ, เอวํ กโรหี’’ติ. มาณวิกา ฆนสาฏกํ คเหตฺวา ตสฺส อกฺขีนิ ปิทหมานา มุขํ พนฺธิ. พฺราหฺมโณ มุขํ พนฺธาเปตฺวา วีณํ วาเทสิ. สา มุหุตฺตํ นจฺจิตฺวา ‘‘อยฺย, อหํ เต เอกวารํ สีเส ปหริตุกามา’’ติ อาห. อิตฺถิโลโล พฺราหฺมโณ กิฺจิ การณํ อชานนฺโต ‘‘ปหราหี’’ติ อาห, มาณวิกา ธุตฺตสฺส สฺํ อทาสิ. โส สณิกํ อาคนฺตฺวา พฺราหฺมณสฺส ปิฏฺิปสฺเส ตฺวา สีเส กปฺปเรน ปหริ, อกฺขีนิ ปตนาการปฺปตฺตานิ อเหสุํ, สีเส คณฺโฑ อุฏฺหิ. โส เวทนาฏฺโฏ หุตฺวา ‘‘อาหร เต หตฺถ’’นฺติ อาห. มาณวิกา อตฺตโน หตฺถํ อุกฺขิปิตฺวา ตสฺส หตฺเถ เปสิ. พฺราหฺมโณ ‘‘หตฺโถ มุทุโก, ปหาโร ปน ถทฺโธ’’ติ อาห. ธุตฺโต พฺราหฺมณํ ปหริตฺวา นิลียิ. มาณวิกา ตสฺมึ นิลีเน พฺราหฺมณสฺส มุขโต สาฏกํ โมเจตฺวา เตลํ อาทาย สีสํ ปริสมฺพาหิ. พฺราหฺมเณ พหิ นิกฺขนฺเต ปุน สา อิตฺถี ธุตฺตํ ปจฺฉิยํ นิปชฺชาเปตฺวา นีหริ.

โส รฺโ สนฺติกํ คนฺตฺวา สพฺพํ ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ. ราชา อตฺตโน อุปฏฺานํ อาคตํ พฺราหฺมณํ อาห ‘‘ชูตํ กีฬาม พฺราหฺมณา’’ติ? ‘‘สาธุ, มหาราชา’’ติ. ราชา ชูตมณฺฑลํ สชฺชาเปตฺวา ปุริมนเยเนว ชูตคีตํ คายิตฺวา ปาสเก ขิปติ. พฺราหฺมโณ มาณวิกาย ตปสฺส ภินฺนภาวํ อชานนฺโต ‘‘เปตฺวา มม มาณวิก’’นฺติ อาห. เอวํ วทนฺโตปิ ปราชิโตเยว. ราชา ชินิตฺวา ‘‘พฺราหฺมณ, กึ วเทสิ, มาณวิกาย เต ตโป ภินฺโน, ตฺวํ ‘มาตุคามํ คพฺภโต ปฏฺาย รกฺขนฺโต สตฺตสุ าเนสุ อารกฺขํ กโรนฺโต รกฺขิตุํ สกฺขิสฺสามี’ติ มฺสิ, มาตุคาโม นาม กุจฺฉิยํ ปกฺขิปิตฺวา จรนฺเตนาปิ รกฺขิตุํ น สกฺกา, เอกปุริสิกา อิตฺถี นาม นตฺถิ, ตว มาณวิกา ‘นจฺจิตุกามามฺหี’ติ วตฺวา วีณํ วาเทนฺตสฺส ตว สาฏเกน มุขํ พนฺธิตฺวา อตฺตโน ชารํ ตว สีเส กปฺปเรน ปหราเปตฺวา อุยฺโยเชสิ, อิทานิ กึ กเถสี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๖๒.

‘‘ยํ พฺราหฺมโณ อวาเทสิ, วีณํ สมุขเวิโต;

อณฺฑภูตาภตา ภริยา, ตาสุ โก ชาตุ วิสฺสเส’’ติ.

ตตฺถ ยํ พฺราหฺมโณ อวาเทสิ, วีณํ สมุขเวิโตติ เยน การเณน พฺราหฺมโณ ฆนสาฏเกน สห มุเขน เวิโต หุตฺวา วีณํ วาเทสิ, ตํ การณํ น ชานาตีติ อตฺโถ. ตฺหิ สา วฺเจตุกามา เอวมกาสิ. พฺราหฺมโณ ปน ตํ อิตฺถึ พหุมายาภาวํ อชานนฺโต มาตุคามสฺส สทฺทหิตฺวา ‘‘มํ เอสา ลชฺชตี’’ติ เอวํสฺี อโหสิ, เตนสฺส อฺาณภาวํ ปกาเสนฺโต ราชา เอวมาห, อยเมตฺถาธิปฺปาโย. อณฺฑภูตาภตา ภริยาติ อณฺฑํ วุจฺจติ พีชํ, พีชภูตา มาตุกุจฺฉิโต อนิกฺขนฺตกาเลเยว อาภตา อานีตา, ภตาติ วา ปุฏฺาติ อตฺโถ. กา สา? ภริยา ปชาปติ ปาทปริจาริกา. สา หิ ภตฺตวตฺถาทีหิ ภริตพฺพตาย, ภินฺนสํวรตาย, โลกธมฺเมหิ ภริตตาย วา ‘‘ภริยา’’ติ วุจฺจติ. ตาสุ โก ชาตุ วิสฺสเสติ ชาตูติ เอกํสาธิวจนํ, ตาสุ มาตุกุจฺฉิโต ปฏฺาย รกฺขิยมานาสุปิ เอวํ วิปฺปการํ อาปชฺชนฺตีสุ ภริยาสุ โก นาม ปณฺฑิโต ปุริโส เอกํเสน วิสฺสเส, ‘‘นิพฺพิการา เอสา มยี’’ติ โก สทฺทเหยฺยาติ อตฺโถ. อสทฺธมฺมวเสน หิ อามนฺตเกสุ นิมนฺตเกสุ วิชฺชมาเนสุ มาตุคาโม นาม น สกฺกา รกฺขิตุนฺติ.

เอวํ โพธิสตฺโต พฺราหฺมณสฺส ธมฺมํ เทเสสิ. พฺราหฺมโณ โพธิสตฺตสฺส ธมฺมเทสนํ สุตฺวา นิเวสนํ คนฺตฺวา ตํ มาณวิกํ อาห – ‘‘ตยา กิร เอวรูปํ ปาปกมฺมํ กต’’นฺติ? ‘‘อยฺย, โก เอวมาห, น กโรมิ, ‘อหเมว ปหรึ, น อฺโ โกจิ’. สเจ น สทฺทหถ, อหํ ‘ตุมฺเห เปตฺวา อฺสฺส ปุริสสฺส หตฺถสมฺผสฺสํ น ชานามี’ติ สจฺจกิริยํ กตฺวา อคฺคึ ปวิสิตฺวา ตุมฺเห สทฺทหาเปสฺสามี’’ติ. พฺราหฺมโณ ‘‘เอวํ โหตู’’ติ มหนฺตํ ทารุราสึ กาเรตฺวา อคฺคึ กตฺวา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สเจ อตฺตโน สทฺทหสิ, อคฺคึ ปวิสาหี’’ติ อาห.

มาณวิกา อตฺตโน ปริจาริกํ ปมเมว สิกฺขาเปสิ ‘‘อมฺม, ตว ปุตฺตํ ตตฺถ คนฺตฺวา มม อคฺคึ ปวิสนกาเล หตฺถคฺคหณํ กาตุํ วเทหี’’ติ. สา คนฺตฺวา ตถา อวจ. ธุตฺโต อาคนฺตฺวา ปริสมชฺเฌ อฏฺาสิ. สา มาณวิกา พฺราหฺมณํ วฺเจตุกามา มหาชนมชฺเฌ ตฺวา ‘‘พฺราหฺมณ, ตํ เปตฺวา อฺสฺส ปุริสสฺส หตฺถสมฺผสฺสํ นาม น ชานามิ, อิมินา สจฺเจน อยํ อคฺคิ มา มํ ฌาเปสี’’ติ อคฺคึ ปวิสิตุํ อารทฺธา. ตสฺมึ ขเณ ธุตฺโต ‘‘ปสฺสถ โภ ปุโรหิตพฺราหฺมณสฺส กมฺมํ, เอวรูปํ มาตุคามํ อคฺคึ ปเวสาเปตี’’ติ คนฺตฺวา ตํ มาณวิกํ หตฺเถ คณฺหิ. สา หตฺถํ วิสฺสชฺชาเปตฺวา ปุโรหิตํ อาห – ‘‘อยฺย, มม สจฺจกิริยา ภินฺนา, น สกฺกา อคฺคึ ปวิสิตุ’’นฺติ. ‘‘กึการณา’’ติ? ‘‘อชฺช มยา เอวรูปา สจฺจกิริยา กตา ‘เปตฺวา มม สามิกํ อฺสฺส ปุริสสฺส หตฺถสมฺผสฺสํ น ชานามี’ติ, อิทานิ จมฺหิ อิมินา ปุริเสน หตฺเถ คหิตา’’ติ. พฺราหฺมโณ ‘‘วฺจิโต อหํ อิมายา’’ติ ตฺวา ตํ โปเถตฺวา นีหราเปสิ. เอวํ อสทฺธมฺมสมนฺนาคตา กิเรตา อิตฺถิโย ตาว มหนฺตมฺปิ ปาปกมฺมํ กตฺวา อตฺตโน สามิกํ วฺเจตุํ ‘‘นาหํ เอวรูปํ กมฺมํ กโรมี’’ติ ทิวสมฺปิ สปถํ กุรุมานา นานาจิตฺตาว โหนฺติ. เตน วุตฺตํ –

‘‘โจรีนํ พหุพุทฺธีนํ, ยาสุ สจฺจํ สุทุลฺลภํ;

ถีนํ ภาโว ทุราชาโน, มจฺฉสฺเสโวทเก คตํ. (ชา. ๒.๒๑.๓๔๗);

‘‘มุสา ตาสํ ยถา สจฺจํ, สจฺจํ ตาสํ ยถา มุสา;

คาโว พหิ ติณสฺเสว, โอมสนฺติ วรํ วรํ.

‘‘โจริโย กถินา เหตา, วาฬา จ ลปสกฺขรา;

น ตา กิฺจิ น ชานนฺติ, ยํ มนุสฺเสสุ วฺจน’’นฺติ. (ชา. ๒.๒๑.๓๓๒, ๓๓๔);

สตฺถา ‘‘เอวํ อรกฺขิโย มาตุคาโม’’ติ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสสิ, สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺิตภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. สตฺถาปิ อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ ‘‘ตทา พาราณสิราชา อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

อณฺฑภูตชาตกวณฺณนา ทุติยา.

[๖๓] ๓. ตกฺกปณฺฑิตชาตกวณฺณนา

โกธนา อกตฺู จาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อุกฺกณฺิตภิกฺขุฺเวารพฺภ กเถสิ. ตฺหิ สตฺถา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ อุกฺกณฺิโตสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจ’’นฺติ วุตฺเต ‘‘อิตฺถิโย นาม ภิกฺขุ อกตฺู มิตฺตทุพฺภา, กสฺมา ตา นิสฺสาย อุกฺกณฺิโตสี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา คงฺคาตีเร อสฺสมํ มาเปตฺวา สมาปตฺติโย เจว อภิฺาโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา ฌานสุเขน วิหรติ. ตสฺมึ สมเย พาราณสิเสฏฺิโน ธีตา ทุฏฺกุมารี นาม จณฺฑา อโหสิ ผรุสา, ทาสกมฺมกเร อกฺโกสติ ปริภาสติ ปหรติ. อถ นํ เอกทิวสํ ปริวารมนุสฺสา คเหตฺวา ‘‘คงฺคาย กีฬิสฺสามา’’ติ อคมํสุ. เตสํ กีฬนฺตานฺเว สูริยตฺถงฺคมนเวลา ชาตา, เมโฆ อุฏฺหิ, มนุสฺสา เมฆํ ทิสฺวา อิโต จิโต จ เวเคน ปลายึสุ. เสฏฺิธีตายปิ ทาสกมฺมกรา ‘‘อชฺช อมฺเหหิ เอติสฺสา ปิฏฺึ ปสฺสิตุํ วฏฺฏตี’’ติ ตํ อนฺโตอุทกสฺมึเยว ฉฑฺเฑตฺวา อุตฺตรึสุ. เทโว ปาวสฺสิ, สูริโยปิ อตฺถงฺคโต, อนฺธกาโร ชาโต. เต ตาย วินาว เคหํ คนฺตฺวา ‘‘กหํ สา’’ติ วุตฺเต ‘‘คงฺคาโต ตาว อุตฺติณฺณา, อถ นํ น ชานาม กหํ คตา’’ติ. าตกา วิจินิตฺวาปิ น ปสฺสึสุ.

สา มหาวิรวํ วิรวนฺตี อุทเกน วุยฺหมานา อฑฺฒรตฺตสมเย โพธิสตฺตสฺส ปณฺณสาลาสมีปํ ปาปุณิ. โส ตสฺสา สทฺทํ สุตฺวา ‘‘มาตุคามสฺส สทฺโท เอโส, ปริตฺตาณมสฺสา กริสฺสามี’’ติ ติณุกฺกํ อาทาย นทีตีรํ คนฺตฺวา ตํ ทิสฺวา ‘‘มา ภายิ, มา ภายี’’ติ อสฺสาเสตฺวา นาคพโล ถามสมฺปนฺโน โพธิสตฺโต นทึ ตรมาโน คนฺตฺวา ตํ อุกฺขิปิตฺวา อสฺสมปทํ อาเนตฺวา อคฺคึ กตฺวา อทาสิ. สีเต วิคเต มธุรานิ ผลาผลานิ อุปนาเมสิ. ตานิ ขาทิตฺวา ิตํ ‘‘กตฺถ วาสิกาสิ, กถฺจ คงฺคาย ปติตาสี’’ติ ปุจฺฉิ. สา ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ. อถ นํ ‘‘ตฺวํ อิเธว วสา’’ติ ปณฺณสาลาย วสาเปนฺโต ทฺวีหตีหํ สยํ อพฺโภกาเส วสิตฺวา ‘‘อิทานิ คจฺฉา’’ติ อาห. สา ‘‘อิมํ ตาปสํ สีลเภทํ ปาเปตฺวา คเหตฺวา คมิสฺสามี’’ติ น คจฺฉติ. อถ คจฺฉนฺเต กาเล อิตฺถิกุตฺตํ อิตฺถิลีลํ ทสฺเสตฺวา ตสฺส สีลเภทํ กตฺวา ฌานํ อนฺตรธาเปสิ. โส ตํ คเหตฺวา อรฺเเยว วสติ. อถ นํ สา อาห ‘‘อยฺย, กึ โน อรฺวาเสน, มนุสฺสปถํ คมิสฺสามา’’ติ? โส ตํ อาทาย เอกํ ปจฺจนฺตคามกํ คนฺตฺวา ตกฺกภติยา ชีวิกํ กปฺเปตฺวา ตํ โปเสติ. ตสฺส ตกฺกํ วิกฺกิณิตฺวา ชีวตีติ ‘‘ตกฺกปณฺฑิโต’’ติ นามํ อกํสุ. อถสฺส คามวาสิโน ปริพฺพยํ ทตฺวา ‘‘อมฺหากํ สุยุตฺตทุยุตฺตกํ อาจิกฺขนฺโต เอตฺถ วสา’’ติ คามทฺวาเร กุฏิยํ วาเสสุํ.

เตน จ สมเยน โจรา ปพฺพตา โอรุยฺห ปจฺจนฺตํ ปหรนฺติ. เต เอกทิวสํ ตํ คามํ ปหริตฺวา คามวาสิเกหิเยว ภณฺฑิกา อุกฺขิปาเปตฺวา คจฺฉนฺตา ตมฺปิ เสฏฺิธีตรํ คเหตฺวา อตฺตโน วสนฏฺานํ คนฺตฺวา เสสชเน วิสฺสชฺเชสุํ. โจรเชฏฺโก ปน ตสฺสา รูเป พชฺฌิตฺวา ตํ อตฺตโน ภริยํ อกาสิ. โพธิสตฺโต ‘‘อิตฺถนฺนามา กห’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘โจรเชฏฺเกน คเหตฺวา อตฺตโน ภริยา กตา’’ติ จ สุตฺวาปิ ‘‘น สา ตตฺถ มยา วินา วสิสฺสติ, ปลายิตฺวา อาคจฺฉิสฺสตี’’ติ ตสฺสา อาคมนํ โอโลเกนฺโต ตตฺเถว วสิ.

เสฏฺิธีตาปิ จินฺเตสิ ‘‘อหํ อิธ สุขํ วสามิ, กทาจิ มํ ตกฺกปณฺฑิโต กิฺจิเทว นิสฺสาย อาคนฺตฺวา อิโต อาทาย คจฺเฉยฺย, อถ เอตสฺมา สุขา ปริหายิสฺสามิ, ยนฺนูนาหํ สมฺปิยายมานา วิย ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ฆาตาเปยฺย’’นฺติ. สา เอกํ มนุสฺสํ ปกฺโกสิตฺวา ‘‘อหํ อิธ ทุกฺขํ ชีวามิ, ตกฺกปณฺฑิโต อาคนฺตฺวา มํ อาทาย คจฺฉตู’’ติ สาสนํ เปเสสิ. โส ตํ สาสนํ สุตฺวา สทฺทหิตฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา คามทฺวาเร ตฺวา สาสนํ เปเสสิ. สา นิกฺขมิตฺวา ตํ ทิสฺวา ‘‘อยฺย, สเจ มยํ อิทานิ คจฺฉิสฺสาม, โจรเชฏฺโก อนุพนฺธิตฺวา อุโภปิ อมฺเห ฆาเตสฺสติ, รตฺติภาเค คจฺฉิสฺสามา’’ติ ตํ อาเนตฺวา โภเชตฺวา โกฏฺเก นิสีทาเปตฺวา สายํ โจรเชฏฺกสฺส อาคนฺตฺวา สุรํ ปิวิตฺวา มตฺตกาเล ‘‘สามิ, สเจ อิมาย เวลาย ตว สตฺตุํ ปสฺเสยฺยาสิ, กินฺติ นํ กเรยฺยาสี’’ติ อาห. ‘‘อิทฺจิทฺจ กริสฺสามีติ’’. ‘‘กึ ปน โส ทูเร, นนุ โกฏฺเก นิสินฺโน’’ติ? โจรเชฏฺโก อุกฺกํ อาทาย ตตฺถ คนฺตฺวา ตํ ทิสฺวา คเหตฺวา เคหมชฺเฌ ปาเตตฺวา กปฺปราทีหิ ยถารุจึ โปเถสิ. โส โปถิยมาโนปิ อฺํ กิฺจิ อวตฺวา ‘‘โกธนา อกตฺู จ, ปิสุณา มิตฺตเภทิกา’’ติ เอตฺตกเมว วทติ. โจโร ตํ โปเถตฺวา พนฺธิตฺวา นิปชฺชาเปตฺวา สายมาสํ ภุฺชิตฺวา สยิ. ปพุทฺโธ ชิณฺณาย สุราย ปุน ตํ โปเถตุํ อารภิ, โสปิ ตาเนว จตฺตาริ ปทานิ วทติ.

โจโร จินฺเตสิ ‘‘อยํ เอวํ โปถิยมาโนปิ อฺํ กิฺจิ อวตฺวา อิมาเนว จตฺตาริ ปทานิ วทติ, ปุจฺฉิสฺสามิ น’’นฺติ ตสฺสา สุตฺตภาวํ ตฺวา ตํ ปุจฺฉิ ‘‘อมฺโภ ตฺวํ เอวํ โปถิยมาโนปิ กสฺมา เอตาเนว ปทานิ วทสี’’ติ? ตกฺกปณฺฑิโต ‘‘เตน หิ สุณาหี’’ติ ตํ การณํ อาทิโต ปฏฺาย กเถสิ. ‘‘อหํ ปุพฺเพ อรฺวาสิโก เอโก ตาปโส ฌานลาภี, สฺวาหํ เอตํ คงฺคาย วุยฺหมานํ อุตฺตาเรตฺวา ปฏิชคฺคึ. อถ มํ เอสา ปโลเภตฺวา ฌานา ปริหาเปสิ, สฺวาหํ อรฺํ ปหาย เอตํ โปเสนฺโต ปจฺจนฺตคามเก วสามิ, อเถสา โจเรหิ อิธานีตา ‘อหํ ทุกฺขํ วสามิ, อาคนฺตฺวา มํ เนตู’ติ มยฺหํ สาสนํ เปเสตฺวา อิทานิ ตว หตฺเถ ปาเตสิ, อิมินา การเณนาหํ เอวํ กเถมี’’ติ. โจโร จินฺเตสิ ‘‘ยา เอสา เอวรูเป คุณสมฺปนฺเน อุปการเก เอวํ วิปฺปฏิปชฺชิ, สา มยฺหํ กตรํ นาม อุปทฺทวํ น กเรยฺย, มาเรตพฺพา เอสา’’ติ โส ตกฺกปณฺฑิตํ อสฺสาเสตฺวา ตํ ปโพเธตฺวา ขคฺคํ อาทาย นิกฺขมฺม ‘‘เอตํ ปุริสํ คามทฺวาเร ฆาเตสฺสามี’’ติ วตฺวา ตาย สทฺธึ พหิคามํ คนฺตฺวา ‘‘เอตํ หตฺเถ คณฺหา’’ติ ตํ ตาย หตฺเถ คาหาเปตฺวา ขคฺคํ อาทาย ตกฺกปณฺฑิตํ ปหรนฺโต วิย ตํ ทฺวิธา ฉินฺทิตฺวา สสีสํ นฺหาเปตฺวา ตกฺกปณฺฑิตํ กติปาหํ ปณีเตน โภชเนน สนฺตปฺเปตฺวา อิทานิ กหํ คมิสฺสสี’’ติ อาห. ตกฺกปณฺฑิโต ‘‘ฆราวาเสน เม กิจฺจํ นตฺถิ, อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ตตฺเถว อรฺเ วสิสฺสามี’’ติ อาห. ‘‘เตน หิ อหมฺปิ ปพฺพชิสฺสามี’’ติ อุโภปิ ปพฺพชิตฺวา ตํ อรฺายตนํ คนฺตฺวา ปฺจ อภิฺา อฏฺ จ สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวา ชีวิตปริโยสาเน พฺรหฺมโลกูปคา อเหสุํ.

สตฺถา อิมานิ ทฺเว วตฺถูนิ กเถตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา อิมํ คาถมาห –

๖๓.

‘‘โกธนา อกตฺู จ, ปิสุณา มิตฺตเภทิกา;

พฺรหฺมจริยํ จร ภิกฺขุ, โส สุขํ น วิหาหิสี’’ติ.

ตตฺรายํ ปิณฺฑตฺโถ – ภิกฺขุ อิตฺถิโย นาเมตา โกธนา, อุปฺปนฺนํ โกธํ นิวาเรตุํ น สกฺโกนฺติ. อกตฺู จ, อติมหนฺตมฺปิ อุปการํ น ชานนฺติ. ปิสุณา จ, ปิยสุฺภาวกรณเมว กถํ กเถนฺติ. มิตฺตเภทิกา, มิตฺเต ภินฺทนฺติ, มิตฺตเภทนกถํ กถนสีลาเยว, เอวรูเปหิ ปาปธมฺเมหิ สมนฺนาคตา เอตา. กึ เต เอตาหิ, พฺรหฺมจริยํ จร ภิกฺขุ, อยฺหิ เมถุนวิรติ ปริสุทฺธฏฺเน พฺรหฺมจริยํ นาม, ตํ จร. โส สุขํ น วิหาหิสีติ โส ตฺวํ เอตํ พฺรหฺมจริยวาสํ วสนฺโต ฌานสุขํ มคฺคสุขํ ผลสุขฺจ น วิหาหิสิ, เอตํ สุขํ น วิชหิสฺสติ, เอตสฺมา สุขา น ปริหายิสฺสสีติ อตฺโถ. ‘‘น ปริหาหิสี’’ติปิ ปาโ, อยเมวตฺโถ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสสิ, สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺิตภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. สตฺถา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา โจรเชฏฺโก อานนฺโท อโหสิ, ตกฺกปณฺฑิโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

ตกฺกปณฺฑิตชาตกวณฺณนา ตติยา.

[๖๔] ๔. ทุราชานชาตกวณฺณนา

มาสุ นนฺทิ อิจฺฉติ มนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ อุปาสกํ อารพฺภ กเถสิ. เอโก กิร สาวตฺถิวาสี อุปาสโก ตีสุ สรเณสุ ปฺจสุ จ สีเลสุ ปติฏฺิโต พุทฺธมามโก, ธมฺมมามโก, สงฺฆมามโก, ภริยา ปนสฺส ทุสฺสีลา ปาปธมฺมา. ยํ ทิวสํ มิจฺฉาจารํ จรติ, ตํ ทิวสํ สตกีตทาสี วิย โหติ, มิจฺฉาจารสฺส ปน อกตทิวเส สามินี วิย โหติ จณฺฑา ผรุสา. โส ตสฺสา ภาวํ ชานิตุํ น สกฺโกติ, อถ ตาย อุพฺพาฬฺโห พุทฺธูปฏฺานํ น คจฺฉติ. อถ นํ เอกทิวสํ คนฺธปุปฺผาทีนิ อาทาย อาคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา นิสินฺนํ สตฺถา อาห – ‘‘กึ นุ โข ตฺวํ, อุปาสก, สตฺตฏฺ ทิวเส พุทฺธูปฏฺานํ นาคจฺฉสี’’ติ. ฆรณี เม, ภนฺเต, เอกสฺมึ ทิวเส สตกีตทาสี วิย โหติ, เอกสฺมึ ทิวเส สามินี วิย จณฺฑา ผรุสา. อหํ ตสฺสา ภาวํ ชานิตุํ น สกฺโกมิ, สฺวาหํ ตาย อุพฺพาฬฺโห พุทฺธูปฏฺานํ นาคจฺฉามีติ. อถสฺส วจนํ สุตฺวา สตฺถา ‘‘อุปาสก, ‘มาตุคามสฺส ภาโว นาม ทุชฺชาโน’ติ ปุพฺเพปิ เต ปณฺฑิตา กถยึสุ, ตฺวํ ปน ตํ ภวสงฺเขปคตตฺตา สลฺลกฺเขตุํ น สกฺโกสี’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ทิสาปาโมกฺโข อาจริโย หุตฺวา ปฺจ มาณวกสตานิ สิปฺปํ สิกฺขาเปติ. อเถโก ติโรรฏฺวาสิโก พฺราหฺมณมาณวโก อาคนฺตฺวา ตสฺส สนฺติเก สิปฺปํ อุคฺคณฺหนฺโต เอกาย อิตฺถิยา ปฏิพทฺธจิตฺโต หุตฺวา ตํ ภริยํ กตฺวา ตสฺมึเยว พาราณสินคเร วสนฺโต ทฺเว ติสฺโส เวลาโย อาจริยสฺส อุปฏฺานํ น คจฺฉติ. สา ปนสฺส ภริยา ทุสฺสีลา ปาปธมฺมา. มิจฺฉาจารํ จิณฺณทิวเส ทาสี วิย โหติ, อจิณฺณทิวเส สามินี วิย โหติ จณฺฑา ผรุสา. โส ตสฺสา ภาวํ ชานิตุํ อสกฺโกนฺโต ตาย อุพฺพาฬฺโห อากุลจิตฺโต อาจริยสฺส อุปฏฺานํ น คจฺฉติ. อถ นํ สตฺตฏฺ ทิวเส อติกฺกมิตฺวา อาคตํ ‘‘กึ, มาณว, น ปฺายสี’’ติ อาจริโย ปุจฺฉิ. โส ‘‘ภริยา มํ, อาจริย, เอกทิวสํ อิจฺฉติ ปตฺเถติ, ทาสี วิย นิหตมานา โหติ. เอกทิวสํ สามินี วิย ถทฺธา จณฺฑา ผรุสา, อหํ ตสฺสา ภาวํ ชานิตุํ น สกฺโกมิ, ตาย อุพฺพาฬฺโห อากุลจิตฺโต ตุมฺหากํ อุปฏฺานํ นาคโตมฺหี’’ติ. อาจริโย ‘‘เอวเมตํ, มาณว, อิตฺถิโย นาม อนาจารํ จิณฺณทิวเส สามิกํ อนุวตฺตนฺติ, ทาสี วิย นิหตมานา โหนฺติ. อนาจิณฺณทิวเส ปน มานตฺถทฺธา หุตฺวา สามิกํ น คเณนฺติ. เอวํ อิตฺถิโย นาเมตา อนาจารา ทุสฺสีลา, ตาสํ ภาโว นาม ทุชฺชาโน, ตาสุ อิจฺฉนฺตีสุปิ อนิจฺฉนฺตีสุปิ มชฺฌตฺเตเนว ภวิตพฺพ’’นฺติ วตฺวา ตสฺโสวาทวเสน อิมํ คาถมาห –

๖๔.

‘‘มา สุ นนฺทิ อิจฺฉติ มํ, มา สุ โสจิ น มิจฺฉติ;

ถีนํ ภาโว ทุราชาโน, มจฺฉสฺเสโวทเก คต’’นฺติ.

ตตฺถ มา สุ นนฺทิ อิจฺฉติ มนฺติ สุ-กาโร นิปาตมตฺตํ, ‘‘อยํ อิตฺถี มํ อิจฺฉติ ปตฺเถติ, มยิ สิเนหํ กโรตี’’ติ มา ตุสฺสิ. มา สุ โสจิ น มิจฺฉตีติ ‘‘อยํ มํ น อิจฺฉตี’’ติปิ มา โสจิ, ตสฺสา อิจฺฉมานาย นนฺทึ, น อิจฺฉมานาย จ โสกํ อกตฺวา มชฺฌตฺโตว โหหีติ ทีเปติ. ถีนํ ภาโว ทุราชาโนติ อิตฺถีนํ ภาโว นาม อิตฺถิมายาย ปฏิจฺฉนฺนตฺตา ทุราชาโน. ยถา กึ? มจฺฉสฺเสโวทเก คตนฺติ ยถา มจฺฉสฺส คมนํ อุทเกน ปฏิจฺฉนฺนตฺตา ทุชฺชานํ, เตเนว โส เกวฏฺเฏ อาคเต อุทเกน คมนํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา ปลายติ, อตฺตานํ คณฺหิตุํ น เทติ, เอวเมว อิตฺถิโย มหนฺตมฺปิ ทุสฺสีลกมฺมํ กตฺวา ‘‘มยํ เอวรูปํ น กโรมา’’ติ อตฺตนา กตกมฺมํ อิตฺถิมายาย ปฏิจฺฉาเทตฺวา สามิเก วฺเจนฺติ. เอวํ อิตฺถิโย นาเมตา ปาปธมฺมา ทุราชานา, ตาสุ มชฺฌตฺโตเยว สุขิโต โหตีติ.

เอวํ โพธิสตฺโต อนฺเตวาสิกสฺส โอวาทํ อทาสิ. ตโต ปฏฺาย โส ตสฺสา อุปริ มชฺฌตฺโตว อโหสิ. สาปิสฺส ภริยา ‘‘อาจริเยน กิร เม ทุสฺสีลภาโว าโต’’ติ ตโต ปฏฺาย น อนาจารํ จริ. สาปิ ตสฺส อุปาสกสฺส อิตฺถี ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺเธน กิร มยฺหํ ทุราจารภาโว าโต’’ติ ตโต ปฏฺาย ปาปกมฺมํ นาม น อกาสิ.

สตฺถาปิ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสสิ, สจฺจปริโยสาเน โส อุปาสโก โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, สตฺถา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ชยมฺปติกาเยว อิทานิ ชยมฺปติกา, อาจริโย ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

ทุราชานชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.

[๖๕] ๕. อนภิรติชาตกวณฺณนา

ยถา นที จ ปนฺโถ จาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ตถารูปํเยว อุปาสกํ อารพฺภ กเถสิ. โส ปน ปริคฺคณฺหนฺโต ตสฺสา ทุสฺสีลภาวํ ตฺวา ภณฺฑิโต จิตฺตพฺยากุลตาย สตฺตฏฺ ทิวเส อุปฏฺานํ นาคมาสิ. โส เอกทิวสํ วิหารํ คนฺตฺวา ตถาคตํ วนฺทิตฺวา นิสินฺโน ‘‘กสฺมา สตฺตฏฺ ทิวสานิ นาคโตสี’’ติ วุตฺเต ‘‘ภริยา เม, ภนฺเต, ทุสฺสีลา, ตสฺสา อุปริ พฺยากุลจิตฺตตาย นาคโตมฺหี’’ติ อาห. สตฺถา ‘‘อุปาสก, อิตฺถีสุ ‘อนาจารา เอตา’ติ โกปํ อกตฺวา มชฺฌตฺเตเนว ภวิตุํ วฏฺฏตีติ ปุพฺเพปิ เต ปณฺฑิตา กถยึสุ, ตฺวํ ปน ภวนฺตเรน ปฏิจฺฉนฺนตฺตา ตํ การณํ น สลฺลกฺเขสี’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ปุริมนเยเนว ทิสาปาโมกฺโข อาจริโย อโหสิ. อถสฺส อนฺเตวาสิโก ภริยาย โทสํ ทิสฺวา พฺยากุลจิตฺตตาย กติปาหํ อนาคนฺตฺวา เอกทิวสํ อาจริเยน ปุจฺฉิโต ตํ การณํ นิเวเทสิ. อถสฺส อาจริโย ‘‘ตาต, อิตฺถิโย นาม สพฺพสาธารณา, ตาสุ ‘ทุสฺสีลา เอตา’ติ ปณฺฑิตา โกปํ น กโรนฺตี’’ติ วตฺวา โอวาทวเสน อิมํ คาถมาห –

๖๕.

‘‘ยถา นที จ ปนฺโต จ, ปานาคารํ สภา ปปา;

เอวํ โลกิตฺถิโย นาม, นาสํ กุชฺฌนฺติ ปณฺฑิตา’’ติ.

ตตฺถ ยถา นทีติ ยถา อเนกติตฺถา นที นฺหานตฺถาย สมฺปตฺตสมฺปตฺตานํ จณฺฑาลาทีนมฺปิ ขตฺติยาทีนมฺปิ สาธารณา, น ตตฺถ โกจิ นฺหายิตุํ น ลภติ นาม. ‘‘ปนฺโถ’’ติอาทีสุปิ ยถา มหามคฺโคปิ สพฺเพสํ สาธารโณ, น โกจิ เตน คนฺตุํ น ลภติ. ปานาคารมฺปิ สุราเคหํ สพฺเพสํ สาธารณํ, โย โย ปาตุกาโม, สพฺโพ ตตฺถ ปวิสเตว. ปุฺตฺถิเกหิ ตตฺถ ตตฺถ มนุสฺสานํ นิวาสตฺถาย กตา สภาปิ สาธารณา, น ตตฺถ โกจิ ปวิสิตุํ น ลภติ. มหามคฺเค ปานียจาฏิโย เปตฺวา กตา ปปาปิ สพฺเพสํ สาธารณา, น ตตฺถ โกจิ ปานียํ ปิวิตุํ น ลภติ. เอวํ โลกิตฺถิโย นามาติ เอวเมว ตาต มาณว อิมสฺมึ โลเก อิตฺถิโยปิ สพฺพสาธารณาว, เตเนว จ สาธารณฏฺเน นทีปนฺถปานาคารสภาปปาสทิสา. ตสฺมา นาสํ กุชฺฌนฺติ ปณฺฑิตา, เอตาสํ อิตฺถีนํ ‘‘ลามิกา เอตา อนาจารา ทุสฺสีลา สพฺพสาธารณา’’ติ จินฺเตตฺวา ปณฺฑิตา เฉกา พุทฺธิสมฺปนฺนา น กุชฺฌนฺตีติ.

เอวํ โพธิสตฺโต อนฺเตวาสิกสฺส โอวาทํ อทาสิ, โส ตํ โอวาทํ สุตฺวา มชฺฌตฺโต อโหสิ. ภริยาปิสฺส ‘‘อาจริเยน กิรมฺหิ าตา’’ติ ตโต ปฏฺาย ปาปกมฺมํ น อกาสิ. ตสฺสปิ อุปาสกสฺส ภริยา ‘‘สตฺถารา กิรมฺหิ าตา’’ติ ตโต ปฏฺาย ปาปกมฺมํ น อกาสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสสิ, สจฺจปริโยสาเน อุปาสโก โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. สตฺถาปิ อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ชยมฺปติกาว เอตรหิ ชยมฺปติกา, อาจริยพฺราหฺมโณ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

อนภิรติชาตกวณฺณนา ปฺจมา.

[๖๖] ๖. มุทุลกฺขณชาตกวณฺณนา

เอกา อิจฺฉา ปุเร อาสีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สํกิเลสํ อารพฺภ กเถสิ. เอโก กิร สาวตฺถิวาสี กุลปุตฺโต สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา รตนสาสเน อุรํ ทตฺวา ปพฺพชิตฺวา ปฏิปนฺนโก โยคาวจโร อวิสฺสฏฺกมฺมฏฺาโน หุตฺวา เอกทิวสํ สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จรนฺโต เอกํ อลงฺกตปฏิยตฺตํ อิตฺถึ ทิสฺวา สุภวเสน อินฺทฺริยานิ ภินฺทิตฺวา โอโลเกสิ. ตสฺส อพฺภนฺตเร กิเลโส จลิ, วาสิยา อาโกฏิตขีรรุกฺโข วิย อโหสิ. โส ตโต ปฏฺาย กิเลสวสิโก หุตฺวา เนว กายสฺสาทํ น จิตฺตสฺสาทํ ลภติ, ภนฺตมิคสปฺปฏิภาโค สาสเน อนภิรโต ปรูฬฺหเกสโลมนโข กิลิฏฺจีวโร อโหสิ. อถสฺส อินฺทฺริยวิการํ ทิสฺวา สหายกา ภิกฺขู ‘‘กึ นุ โข เต, อาวุโส, น ยถา โปราณานิ อินฺทฺริยานี’’ติ ปุจฺฉึสุ. อนภิรโตสฺมิ, อาวุโสติ.

อถ นํ เต สตฺถุ สนฺติกํ นยึสุ. สตฺถา ‘‘กึ, ภิกฺขเว, อนิจฺฉมานํ ภิกฺขุํ อาทาย อาคตตฺถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อยํ, ภนฺเต, ภิกฺขุ อนภิรโต’’ติ? ‘‘สจฺจํ ภิกฺขู’’ติ. ‘‘สจฺจํ ภควา’’ติ. ‘‘โก ตํ อุกฺกณฺาเปสี’’ติ? ‘‘อหํ, ภนฺเต, ปิณฺฑาย จรนฺโต เอกํ อิตฺถึ ทิสฺวา อินฺทฺริยานิ ภินฺทิตฺวา โอโลเกสึ, อถ เม กิเลโส จลิ, เตนมฺหิ อุกฺกณฺิโต’’ติ. อถ นํ สตฺถา ‘‘อนจฺฉริยเมตํ ภิกฺขุ, ยํ ตฺวํ อินฺทฺริยานิ ภินฺทิตฺวา วิสภาคารมฺมณํ สุภวเสน โอโลเกนฺโต กิเลเสหิ กมฺปิโต, ปุพฺเพ ปฺจาภิฺา อฏฺสมาปตฺติลาภิโน ฌานพเลน กิเลเส วิกฺขมฺเภตฺวา วิสุทฺธจิตฺตา คคนตลจรา โพธิสตฺตาปิ อินฺทฺริยานิ ภินฺทิตฺวา วิสภาคารมฺมณํ โอโลกยมานา ฌานา ปริหายิตฺวา กิเลเสหิ กมฺปิตา มหาทุกฺขํ อนุภวึสุ. น หิ สิเนรุอุปฺปาฏนกวาโต หตฺถิมตฺตํ มุณฺฑปพฺพตํ, มหาชมฺพุอุมฺมูลกวาโต ฉินฺนตเฏ วิรูฬฺหคจฺฉกํ, มหาสมุทฺทํ วา ปน โสสนกวาโต ขุทฺทกตฬากํ กิสฺมิฺจิเทว คเณติ, เอวํ อุตฺตมพุทฺธีนํ นาม วิสุทฺธจิตฺตานํ โพธิสตฺตานํ อฺาณภาวกรา กิเลสา ตยิ กึ ลชฺชิสฺสนฺติ, วิสุทฺธาปิ สตฺตา สํกิลิสฺสนฺติ, อุตฺตมยสสมงฺคิโนปิ อายสกฺยํ ปาปุณนฺตี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต กาสิรฏฺเ เอกสฺส มหาวิภวสฺส พฺราหฺมณสฺส กุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต สพฺพสิปฺปานํ ปารํ คนฺตฺวา กาเม ปหาย อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา กสิณปริกมฺมํ กตฺวา ปฺจ อภิฺา จ อฏฺ สมาปตฺติโย จ อุปฺปาเทตฺวา ฌานสุเขน วีตินาเมนฺโต หิมวนฺตปฺปเทเส วาสํ กปฺเปสิ. โส เอกสฺมึ กาเล โลณมฺพิลเสวนตฺถาย หิมวนฺตา โอตริตฺวา พาราณสึ ปตฺวา ราชุยฺยาเน วสิตฺวา ปุนทิวเส กตสรีรปฏิชคฺคโน รตฺตวากมยํ นิวาสนปารุปนํ สณฺาเปตฺวา อชินจมฺมํ เอกสฺมึ อํเส กตฺวา ชฏามณฺฑลํ พนฺธิตฺวา ภิกฺขาภาชนมาทาย พาราณสิยํ ภิกฺขาย จรมาโน รฺโ ฆรทฺวารํ สมฺปาปุณิ. ราชา ตสฺส อิริยาปเถเยว ปสีทิตฺวา ปกฺโกสาเปตฺวา มหารเห อาสเน นิสีทาเปตฺวา ปณีเตน ขาทนียโภชนีเยน สนฺตปฺเปตฺวา กตานุโมทนํ อุยฺยาเน วสนตฺถาย ยาจิ. โส สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ราชเคเห ภุฺชิตฺวา ราชกุลํ โอวทมาโน ตสฺมึ อุยฺยาเน โสฬส วสฺสานิ วสิ.

อเถกทิวสํ ราชา กุปิตํ ปจฺจนฺตํ วูปสเมตุํ คจฺฉนฺโต มุทุลกฺขณํ นาม อคฺคมเหสึ ‘‘อปฺปมตฺตา อยฺยสฺส อุปฏฺานํ กโรหี’’ติ วตฺวา อคมาสิ. โพธิสตฺโต รฺโ คตกาลโต ปฏฺาย อตฺตโน รุจฺจนเวลาย ราชเคหํ คจฺฉติ. อเถกทิวสํ มุทุลกฺขณา โพธิสตฺตสฺส อาหารํ สมฺปาเทตฺวา – ‘‘อชฺช อยฺโย จิรายตี’’ติ คนฺโธทเกน นฺหายิตฺวา สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิตา มหาตเล จูฬสยนํ ปฺาเปตฺวา โพธิสตฺตสฺส อาคมนํ โอโลกยมานา นิปชฺชิ. โพธิสตฺโตปิ อตฺตโน เวลํ สลฺลกฺเขตฺวา ฌานา วุฏฺาย อากาเสเนว ราชนิเวสนํ อคมาสิ. มุทุลกฺขณา วากจีรสทฺทํ สุตฺวาว ‘‘อยฺโย, อาคโต’’ติ เวเคน อุฏฺหิ, ตสฺสา เวเคน อุฏฺหนฺติยา มฏฺสาฏโก ภสฺสิ. ตาปโสปิ สีหปฺชเรน ปวิสนฺโต เทวิยา วิสภาครูปารมฺมณํ อินฺทฺริยานิ ภินฺทิตฺวา สุภวเสน โอโลเกสิ. อถสฺส อพฺภนฺตเร กิเลโส จลิ, วาสิยา ปหฏขีรรุกฺโข วิย อโหสิ. ตาวเทวสฺส ฌานํ อนฺตรธายิ, ฉินฺนปกฺโข กาโก วิย อโหสิ. โส ิตโกว อาหารํ คเหตฺวา อภุฺชิตฺวาว กิเลสกมฺปิโต ปาสาทา โอรุยฺห อุยฺยานํ คนฺตฺวา ปณฺณสาลํ ปวิสิตฺวา ผลกตฺถรณสยนสฺส เหฏฺา อาหารํ เปตฺวา วิสภาคารมฺมเณน พทฺโธ กิเลสคฺคินา ฑยฺหมาโน นิราหารตาย สุสฺสมาโน สตฺต ทิวสานิ ผลกตฺถรเณ นิปชฺชิ.

สตฺตเม ทิวเส ราชา ปจฺจนฺตํ วูปสเมตฺวา อาคโต นครํ ปทกฺขิณํ กตฺวา นิเวสนํ อคนฺตฺวาว ‘‘อยฺยํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ อุยฺยานํ คนฺตฺวา ปณฺณสาลํ ปวิสิตฺวา ตํ นิปนฺนกํ ทิสฺวา ‘‘เอกํ อผาสุกํ ชาตํ มฺเ’’ติ ปณฺณสาลํ โสธาเปตฺวา ปาเท ปริมชฺชนฺโต ‘‘กึ, อยฺย, อผาสุก’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘มหาราช อฺํ เม อผาสุกํ นตฺถิ, กิเลสวเสน ปนมฺหิ ปฏิพทฺธจิตฺโต ชาโต’’ติ. ‘‘กหํ ปฏิพทฺธํ เต, อยฺย, จิตฺต’’นฺติ? ‘‘มุทุลกฺขณาย, มหาราชา’’ติ. ‘‘สาธุ อยฺย, อหํ มุทุลกฺขณํ ตุมฺหากํ ทมฺมี’’ติ ตาปสํ อาทาย นิเวสนํ ปวิสิตฺวา เทวึ สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิตํ กตฺวา ตาปสสฺส อทาสิ. ททมาโนเยว จ มุทุลกฺขณาย สฺมทาสิ ‘‘ตยา อตฺตโน พเลน อยฺยํ รกฺขิตุํ วายมิตพฺพ’’นฺติ. ‘‘สาธุ, เทว, รกฺขิสฺสามี’’ติ. ตาปโส เทวึ คเหตฺวา ราชนิเวสนา โอตริ.

อถ นํ มหาทฺวารโต นิกฺขนฺตกาเล ‘‘อยฺย, อมฺหากํ เอกํ เคหํ ลทฺธุํ วฏฺฏติ, คจฺฉ, ราชานํ เคหํ ยาจาหี’’ติ อาห. ตาปโส คนฺตฺวา เคหํ ยาจิ. ราชา มนุสฺสานํ วจฺจกุฏิกิจฺจํ สาธยมานํ เอกํ ฉฑฺฑิตเคหํ ทาเปสิ. โส เทวึ คเหตฺวา ตตฺถ อคมาสิ, สา ปวิสิตุํ น อิจฺฉติ. ‘‘กึการณา น ปวิสสี’’ติ? ‘‘อสุจิภาเวนา’’ติ. อิทานิ ‘‘กึ กโรมี’’ติ. ‘‘ปฏิชคฺคาหิ น’’นฺติ วตฺวา รฺโ สนฺติกํ เปเสตฺวา ‘‘คจฺฉ, กุทฺทาลํ อาหร, ปจฺฉึ อาหรา’’ติ อาหราเปตฺวา อสุจิฺจ สงฺการฺจ ฉฑฺฑาเปตฺวา คามยํ อาหราเปตฺวา ลิมฺปาเปตฺวา ปุนปิ ‘‘คจฺฉ, มฺจํ อาหร, ปีํ อาหร, อตฺถรณํ อาหร, จาฏึ อาหร, ฆฏํ อาหรา’’ติ เอกเมกํ อาหราเปตฺวา ปุน อุทกาหรณาทีนํ อตฺถาย อาณาเปสิ. โส ฆฏํ อาทาย อุทกํ อาหริตฺวา จาฏึ ปูเรตฺวา นฺหาโนทกํ สชฺเชตฺวา สยนํ อตฺถริ. อถ นํ สยเน เอกโต นิสินฺนํ ทาิกาสุ คเหตฺวา ‘‘ตว สมณภาวํ วา พฺราหฺมณภาวํ วา น ชานาสี’’ติ โอณเมตฺวา อตฺตโน อภิมุขํ อากฑฺฒิ. โส ตสฺมึ กาเล สตึ ปฏิลภิ, เอตฺตกํ ปน กาลํ อฺาณี อโหสิ. เอวํ อฺาณกรณา กิเลสา นาม. ‘‘กามจฺฉนฺทนีวรณํ, ภิกฺขเว, อนฺธกรณํ อฺาณกรณ’’นฺติอาทิ (สํ. นิ. ๕.๒๒๑) เจตฺถ วตฺตพฺพํ.

โส สตึ ปฏิลภิตฺวา จินฺเตสิ ‘‘อยํ ตณฺหา วฑฺฒมานา มม จตูหิ อปาเยหิ สีสํ อุกฺขิปิตุํ น ทสฺสติ, อชฺเชว มยา อิมํ รฺโ นิยฺยาเทตฺวา หิมวนฺตํ ปวิสิตุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส ตํ อาทาย ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘มหาราช, ตว เทวิยา มยฺหํ อตฺโถ นตฺถิ, เกวลํ เม อิมํ นิสฺสาย ตณฺหา วฑฺฒิตา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๖๖.

‘‘เอกา อิจฺฉา ปุเร อาสิ, อลทฺธา มุทุลกฺขณํ;

ยโต ลทฺธา อฬารกฺขี, อิจฺฉา อิจฺฉํ วิชายถา’’ติ.

ตตฺรายํ ปิณฺฑตฺโถ – มหาราช, มยฺหํ อิมํ ตว เทวึ มุทุลกฺขณํ อลภิตฺวา ปุเร ‘‘อโห วตาหํ เอตํ ลเภยฺย’’นฺติ เอกา อิจฺฉา อาสิ, เอกาว ตณฺหา อุปฺปชฺชิ. ยโต ปน เม อยํ อฬารกฺขี วิสาลเนตฺตา โสภนโลจนา ลทฺธา, อถ เม สา ปุริมิกา อิจฺฉา เคหตณฺหํ อุปกรณตณฺหํ อุปโภคตณฺหนฺติ อุปรูปริ อฺํ นานปฺปการํ อิจฺฉํ วิชายถ ชเนสิ อุปฺปาเทสิ. สา โข ปน เม เอวํ วฑฺฒมานา อิจฺฉา อปายโต สีสํ อุกฺขิปิตุํ น ทสฺสติ, อลํ เม อิมาย, ตฺวฺเว ตว ภริยํ คณฺห, อหํ ปน หิมวนฺตํ คมิสฺสามีติ ตาวเทว นฏฺํ ฌานํ อุปฺปาเทตฺวา อากาเส นิสินฺโน ธมฺมํ เทเสตฺวา รฺโ โอวาทํ ทตฺวา อากาเสเนว หิมวนฺตํ คนฺตฺวา ปุน มนุสฺสปถํ นาม นาคมาสิ, พฺรหฺมวิหาเร ปน ภาเวตฺวา อปริหีนชฺฌาโน พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺติ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสสิ, สจฺจปริโยสาเน โส ภิกฺขุ อรหตฺตผเล ปติฏฺหิ. สตฺถาปิ อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ราชา อานนฺโท อโหสิ, มุทุลกฺขณา อุปฺปลวณฺณา, อิสิ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

มุทุลกฺขณชาตกวณฺณนา ฉฏฺา.

[๖๗] ๗. อุจฺฉงฺคชาตกวณฺณนา

อุจฺฉงฺเค เทว เม ปุตฺโตติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ ชานปทิตฺถึ อารพฺภ กเถสิ. เอกสฺมิฺหิ สมเย โกสลรฏฺเ ตโย ชนา อฺตรสฺมึ อฏวิมุเข กสนฺติ. ตสฺมึ สมเย อนฺโตอฏวิยํ โจรา มนุสฺเส วิลุมฺปิตฺวา ปลายึสุ. มนุสฺสา เต โจเร ปริเยสิตฺวา อปสฺสนฺตา ตํ านํ อาคมฺม ‘‘ตุมฺเห อฏวิยํ วิลุมฺปิตฺวา อิทานิ กสฺสกา วิย โหถา’’ติ ‘‘เต โจรา อิเม’’ติ พนฺธิตฺวา อาเนตฺวา โกสลรฺโ อทํสุ. อเถกา อิตฺถี อาคนฺตฺวา ‘‘อจฺฉาทนํ เม เทถ, อจฺฉาทนํ เม เทถา’’ติ ปริเทวนฺตี ปุนปฺปุนํ ราชนิเวสนํ ปริยาติ. ราชา ตสฺสา สทฺทํ สุตฺวา ‘‘คจฺฉถ, เทถ อิมิสฺสา อจฺฉาทน’’นฺติ อาห. มนุสฺสา สาฏกํ คเหตฺวา อทํสุ. สา ตํ ทิสฺวา ‘‘นาหํ เอตํ อจฺฉาทนํ ยาจามิ, สามิกจฺฉาทนํ ยาจามี’’ติ อาห. มนุสฺสา คนฺตฺวา รฺโ อาโรจยึสุ ‘‘น กิเรสา อิทํ อจฺฉาทนํ กเถติ, สามิกจฺฉาทนํ กเถตี’’ติ. อถ นํ ราชา ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘ตฺวํ กิร สามิกจฺฉาทนํ ยาจสี’’ติ ปุจฺฉิ. อาม, เทว, อิตฺถิยา หิ สามิโก อจฺฉาทนํ นาม, สามิเก หิ อสติ สหสฺสมูลมฺปิ สาฏกํ นิวตฺถา อิตฺถี นคฺคาเยว นาม. อิมสฺส ปนตฺถสฺส สาธนตฺถํ –

‘‘นคฺคา นที อนูทกา, นคฺคํ รฏฺํ อราชกํ;

อิตฺถีปิ วิธวา นคฺคา, ยสฺสาปิ ทส ภาตโร’’ติ. (ชา. ๒.๒๒.๑๘๔๐) –

อิทํ สุตฺตํ อาหริตพฺพํ.

ราชา ตสฺสา ปสนฺโน ‘‘อิเม เต ตโย ชนา เก โหนฺตี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘เอโก เม, เทว, สามิโก, เอโก ภาตา, เอโก ปุตฺโต’’ติ. ราชา ‘‘อหํ เต ตุฏฺโ, อิเมสุ ตีสุ เอกํ เทมิ, กตรํ อิจฺฉสี’’ติ ปุจฺฉิ. สา อาห ‘‘อหํ, เทว, ชีวมานา เอกํ สามิกํ ลภิสฺสามิ, ปุตฺตมฺปิ ลภิสฺสามิเยว, มาตาปิตูนํ ปน เม มตตฺตา ภาตาว ทุลฺลโภ, ภาตรํ เม เทหิ, เทวา’’ติ. ราชา ตุสฺสิตฺวา ตโยปิ วิสฺสชฺเชสิ. เอวํ ตํ เอกิกํ นิสฺสาย เต ตโย ชนา ทุกฺขโต มุตฺตา. ตํ การณํ ภิกฺขุสงฺเฆ ปากฏํ ชาตํ. อเถกทิวสํ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ สนฺนิปติตา ‘‘อาวุโส, เอกํ อิตฺถึ นิสฺสาย ตโย ชนา ทุกฺขโต มุตฺตา’’ติ ตสฺสา คุณกถาย นิสีทึสุ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, เอสา อิตฺถี อิทาเนว เต ตโย ชเน ทุกฺขา โมเจติ, ปุพฺเพปิ โมเจสิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต ตโย ชนา อฏวิมุเข กสนฺตีติ สพฺพํ ปุริมสทิสเมว. ตทา ปน รฺา ‘‘ตีสุ ชเนสุ กํ อิจฺฉสี’’ติ วุตฺเต สา อาห – ‘‘ตโยปิ ทาตุํ น สกฺโกถ, เทวา’’ติ? ‘‘อาม, น สกฺโกมี’’ติ. ‘‘สเจ ตโย ทาตุํ น สกฺโกถ, ภาตรํ เม เทถา’’ติ. ‘‘ปุตฺตํ วา สามิกํ วา คณฺห, กึ เต ภาตรา’’ติ จ วุตฺตา ‘‘เอเต นาม เทว สุลภา, ภาตา ปน ทุลฺลโภ’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๖๗.

‘‘อุจฺฉงฺเค เทว เม ปุตฺโต, ปเถ ธาวนฺติยา ปติ;

ตฺจ เทสํ น ปสฺสามิ, ยโต โสทริยมานเย’’ติ.

ตตฺถ อุจฺฉงฺเค, เทว, เม ปุตฺโตติ เทว, มยฺหํ ปุตฺโต อุจฺฉงฺเคเยว. ยถา หิ อรฺํ ปวิสิตฺวา อุจฺฉงฺเค กตฺวา ฑากํ อุจฺจินิตฺวา ตตฺถ ปกฺขิปนฺติยา อุจฺฉงฺเค ฑากํ นาม สุลภํ โหติ, เอวํ อิตฺถิยา ปุตฺโตปิ สุลโภ อุจฺฉงฺเค ฑากสทิโสว. เตน วุตฺตํ ‘‘อุจฺฉงฺเค, เทว, เม ปุตฺโต’’ติ. ปเถ ธาวนฺติยา ปตีติ มคฺคํ อารุยฺห เอกิกาย คจฺฉมานายปิ หิ อิตฺถิยา ปติ นาม สุลโภ, ทิฏฺทิฏฺโเยว โหติ. เตน วุตฺตํ ‘‘ปเถ ธาวนฺติยา ปตี’’ติ. ตฺจ เทสํ น ปสฺสามิ, ยโต โสทริยมานเยติ ยสฺมา ปน เม มาตาปิตโร นตฺถิ, ตสฺมา อิทานิ ตํ มาตุกุจฺฉิสงฺขาตํ อฺํ เทสํ น ปสฺสามิ. ยโต อหํ สมาเน อุทเร ชาตตฺตา สอุทริยสงฺขาตํ ภาตรํ อาเนยฺยํ, ตสฺมา ภาตรํเยว เม เทถาติ.

ราชา ‘‘สจฺจํ เอสา วทตี’’ติ ตุฏฺจิตฺโต ตโยปิ ชเน พนฺธนาคารโต อาเนตฺวา อทาสิ, สา ตโยปิ เต คเหตฺวา คตา.

สตฺถาปิ ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปสา อิเม ตโย ชเน ทุกฺขโต โมเจสิเยวา’’ติ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘อตีเต จตฺตาโรว เอตรหิ จตฺตาโร, ราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

อุจฺฉงฺคชาตกวณฺณนา สตฺตมา.

[๖๘] ๘. สาเกตชาตกวณฺณนา

ยสฺมึ มโน นิวิสตีติ อิทํ สตฺถา สาเกตํ นิสฺสาย อฺชนวเน วิหรนฺโต เอกํ พฺราหฺมณํ อารพฺภ กเถสิ. ภควโต กิร ภิกฺขุสงฺฆปริวุตสฺส สาเกตํ ปิณฺฑาย ปวิสนกาเล เอโก สาเกตนครวาสี มหลฺลกพฺราหฺมโณ นครโต พหิ คจฺฉนฺโต อนฺตรทฺวาเร ทสพลํ ทิสฺวา ปาเทสุ ปติตฺวา โคปฺผเกสุ คาฬฺหํ คเหตฺวา ‘‘ตาต, นนุ นาม ปุตฺเตหิ ชิณฺณกาเล มาตาปิตโร ปฏิชคฺคิตพฺพา, กสฺมา เอตฺตกํ กาลํ อมฺหากํ อตฺตานํ น ทสฺเสสิ? มยา ตาว ทิฏฺโสิ, มาตรํ ปน ปสฺสิตุํ เอหี’’ติ สตฺถารํ คเหตฺวา อตฺตโน เคหํ อคมาสิ. สตฺถา ตตฺถ คนฺตฺวา นิสีทิ ปฺตฺเต อาสเน สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆน. พฺราหฺมณีปิ อาคนฺตฺวา สตฺถุ ปาเทสุ ปติตฺวา ‘‘ตาต, เอตฺตกํ กาลํ กหํ คโตสิ, นนุ นาม มาตาปิตโร มหลฺลกกาเล อุปฏฺาตพฺพา’’ติ ปริเทวิ. ปุตฺตธีตโรปิ ‘‘เอถ, ภาตรํ วนฺทถา’’ติ วนฺทาเปสิ. อุโภ ตุฏฺมานสา มหาทานํ อทํสุ. สตฺถา ภตฺตกิจฺจํ นิฏฺาเปตฺวา เตสํ ทฺวินฺนมฺปิ ชนานํ ชราสุตฺตํ (สุ. นิ. ๘๑๐ อาทโย) กเถสิ. สุตฺตปริโยสาเน อุโภปิ อนาคามิผเล ปติฏฺหึสุ. สตฺถา อุฏฺายาสนา อฺชนวนเมว อคมาสิ.

ภิกฺขู ธมฺมสภายํ สนฺนิสินฺนา กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, พฺราหฺมโณ ‘ตถาคตสฺส ปิตา สุทฺโธทโน, มาตา มหามายา’ติ ชานาติ, ชานนฺโตว สทฺธึ พฺราหฺมณิยา ตถาคตํ ‘อมฺหากํ ปุตฺโต’ติ วทติ, สตฺถาปิ อธิวาเสติ. กึ นุ โข การณ’’นฺติ? สตฺถา เตสํ กถํ สุตฺวา ‘‘ภิกฺขเว, อุโภปิ เต อตฺตโน ปุตฺตเมว ‘ปุตฺโต’ติ วทนฺตี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

ภิกฺขเว, อยํ พฺราหฺมโณ อตีเต นิรนฺตรํ ปฺจ ชาติสตานิ มยฺหํ ปิตา อโหสิ, ปฺจ ชาติสตานิ จูฬปิตา, ปฺจ ชาติสตานิ มหาปิตา. เอสาปิ พฺราหฺมณี นิรนฺตรเมว ปฺจ ชาติสตานิ มาตา อโหสิ, ปฺจ ชาติสตานิ จูฬมาตา, ปฺจ ชาติสตานิ มหามาตา. เอวาหํ ทิยฑฺฒชาติสหสฺสํ พฺราหฺมณสฺส หตฺเถ สํวฑฺโฒ, ทิยฑฺฒชาติสหสฺสํ พฺราหฺมณิยา หตฺเถ สํวฑฺโฒติ ตีณิ ชาติสหสฺสานิ กเถตฺวา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา อิมํ คาถมาห –

๖๘.

‘‘ยสฺมึ มโน นิวิสติ, จิตฺตฺจาปิ ปสีทติ;

อทิฏฺปุพฺพเก โปเส, กามํ ตสฺมิมฺปิ วิสฺสเส’’ติ.

ตตฺถ ยสฺมึ มโน นิวิสตีติ ยสฺมึ ปุคฺคเล ทิฏฺมตฺเตเยว จิตฺตํ ปติฏฺาติ. จิตฺตฺจาปิ ปสีทตีติ ยสฺมึ ทิฏฺมตฺเต จิตฺตํ ปสีทติ, มุทุกํ โหติ. อทิฏฺปุพฺพเก โปเสติ ปกติยา ตสฺมึ อตฺตภาเว อทิฏฺปุพฺเพปิ ปุคฺคเล. กามํ ตสฺมิมฺปิ วิสฺสเสติ อนุภูตปุพฺพสิเนเหเนว ตสฺมิมฺปิ ปุคฺคเล เอกํเสน วิสฺสเส, วิสฺสาสํ อาปชฺชติเยวาติ อตฺโถ.

เอวํ สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา พฺราหฺมโณ จ พฺราหฺมณี จ เอเต เอว อเหสุํ, ปุตฺโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

สาเกตชาตกวณฺณนา อฏฺมา.

[๖๙] ๙. วิสวนฺตชาตกวณฺณนา

ธิรตฺถุ ตํ วิสํ วนฺตนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ธมฺมเสนาปตึ อารพฺภ กเถสิ. เถรสฺส กิร ปิฏฺขชฺชกขาทนกาเล มนุสฺสา สงฺฆสฺส พหุํ ปิฏฺขาทนียํ คเหตฺวา วิหารํ อคมํสุ, ภิกฺขุสงฺฆสฺส คหิตาวเสสํ พหุ อติริตฺตํ อโหสิ. มนุสฺสา ‘‘ภนฺเต, อนฺโตคามคตานมฺปิ คณฺหถา’’ติ อาหํสุ. ตสฺมึ ขเณ เถรสฺส สทฺธิวิหาริโก ทหโร อนฺโตคาเม โหติ, ตสฺส โกฏฺาสํ คเหตฺวา ตสฺมึ อนาคจฺฉนฺเต ‘‘อติทิวา โหตี’’ติ เถรสฺส อทํสุ. เถเรน ตสฺมึ ปริภุตฺเต ทหโร อคมาสิ. อถ นํ เถโร ‘‘มยํ, อาวุโส, ตุยฺหํ ปิตขาทนียํ ปริภุฺชิมฺหา’’ติ อาห. โส ‘‘มธุรํ นาม, ภนฺเต, กสฺส อปฺปิย’’นฺติ อาห. มหาเถรสฺส สํเวโค อุปฺปชฺชิ. โส อิโต ปฏฺาย ‘‘ปิฏฺขาทนียํ น ขาทิสฺสามี’’ติ อธิฏฺาสิ. ตโต ปฏฺาย กิร สาริปุตฺตตฺเถเรน ปิฏฺขาทนียํ นาม น ขาทิตปุพฺพํ. ตสฺส ปิฏฺขาทนียํ อขาทนภาโว ภิกฺขุสงฺเฆ ปากโฏ ชาโต. ภิกฺขู ตํ กถํ กเถนฺตา ธมฺมสภายํ นิสีทึสุ. อถ สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘ภิกฺขเว, สาริปุตฺโต เอกวารํ ชหิตกํ ชีวิตํ ปริจฺจชนฺโตปิ ปุน น คณฺหาติเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต วิสเวชฺชกุเล นิพฺพตฺติตฺวา เวชฺชกมฺเมน ชีวิกํ กปฺเปสิ. อเถกํ ชนปทมนุสฺสํ สปฺโป ฑํสิ, ตสฺส าตกา ปมาทํ อกตฺวา ขิปฺปํ เวชฺชํ อานยึสุ. เวชฺโช อาห ‘‘กึ ตาว โอสเธน, ปริภาเวตฺวา วิสํ หรามิ, ทฏฺสปฺปํ อาวาเหตฺวา ทฏฺฏฺานโต เตเนว วิสํ อากฑฺฒาเปมี’’ติ. ‘‘สปฺปํ อาวาเหตฺวา วิสํ อากฑฺฒาเปหี’’ติ. โส สปฺปํ อาวาเหตฺวา ‘‘ตยา อยํ ทฏฺโ’’ติ อาห. ‘‘อาม, มยา’’ติ. ‘‘ตยา ทฏฺฏฺานโต ตฺวฺเว มุเขน วิสํ อากฑฺฒาหี’’ติ. ‘‘มยา เอกวารํ ชหิตกํ ปุน น คหิตปุพฺพํ, นาหํ มยา ชหิตวิสํ อากฑฺฒิสฺสามี’’ติ. โส ทารูนิ อาหราเปตฺวา อคฺคึ กตฺวา อาห ‘‘สเจ อตฺตโน วิสํ นากฑฺฒสิ, อิมํ อคฺคึ ปวิสา’’ติ. สปฺโป ‘‘อปิ อคฺคึ ปวิสิสฺสามิ, เนวตฺตนา เอกวารํ ชหิตวิสํ ปจฺจาหริสฺสามี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๖๙.

‘‘ธิรตฺถุ ตํ วิสํ วนฺตํ, ยมหํ ชีวิตการณา;

วนฺตํ ปจฺจาหริสฺสามิ, มตํ เม ชีวิตา วร’’นฺติ.

ตตฺถ ธิรตฺถูติ ครหตฺเถ นิปาโต. ตํ วิสนฺติ ยมหํ ชีวิตการณา วนฺตํ วิสํ ปจฺจาหริสฺสามิ, ตํ วนฺตํ วิสํ ธิรตฺถุ. มตํ เม ชีวิตา วรนฺติ ตสฺส วิสสฺส อปจฺจาหรณการณา ยํ อคฺคึ ปวิสิตฺวา มรณํ, ตํ มม ชีวิตโต วรนฺติ อตฺโถ.

เอวฺจ ปน วตฺวา อคฺคึ ปวิสิตุํ ปายาสิ. อถ นํ เวชฺโช นิวาเรตฺวา ตํ ปุริสํ โอสเธหิ จ มนฺเตหิ จ นิพฺพิสํ อโรคํ กตฺวา สปฺปสฺส สีลานิ ทตฺวา ‘‘อิโต ปฏฺาย มา กฺจิ วิเหเสี’’ติ วตฺวา วิสฺสชฺเชสิ.

สตฺถาปิ ‘‘น, ภิกฺขเว, สาริปุตฺโต เอกวารํ ชหิตกํ ชีวิตมฺปิ ปริจฺจชนฺโต ปุน คณฺหาตี’’ติ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ ‘‘ตทา สปฺโป สาริปุตฺโต อโหสิ, เวชฺโช ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

วิสวนฺตชาตกวณฺณนา นวมา.

[๗๐] ๑๐. กุทฺทาลชาตกวณฺณนา

ตํ ชิตํ สาธุ ชิตนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต จิตฺตหตฺถสาริปุตฺตํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิร สาวตฺถิยํ เอโก กุลทารโก. อเถกทิวสํ กสิตฺวา อาคจฺฉนฺโต วิหารํ ปวิสิตฺวา เอกสฺส เถรสฺส ปตฺตโต สินิทฺธํ มธุรํ ปณีตโภชนํ ลภิตฺวา จินฺเตสิ ‘‘มยํ รตฺตินฺทิวํ สหตฺเถน นานากมฺมานิ กุรุมานาปิ เอวรูปํ มธุราหารํ น ลภาม, มยาปิ สมเณน ภวิตพฺพ’’นฺติ. โส ปพฺพชิตฺวา มาสฑฺฒมาสจฺจเยน อโยนิโส มนสิกโรนฺโต กิเลสวสิโก หุตฺวา วิพฺภมิตฺวา ปุน ภตฺเตน กิลมนฺโต อาคนฺตฺวา ปพฺพชิตฺวา อภิธมฺมํ อุคฺคณฺหิ. อิมินาว อุปาเยน ฉ วาเร วิพฺภมิตฺวา ปพฺพชิโต. ตโต สตฺตเม ภิกฺขุภาเว สตฺตปฺปกรณิโก หุตฺวา พหู ภิกฺขู ธมฺมํ วาเจนฺโต วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. อถสฺส สหายกา ภิกฺขู ‘‘กึ นุ โข, อาวุโส จิตฺตหตฺถ, ปุพฺเพ วิย เต เอตรหิ กิเลสา น วฑฺฒนฺตี’’ติ ปริหาสํ กรึสุ. ‘‘อาวุโส, อภพฺโพ ทานิ อหํ อิโต ปฏฺาย คิหิภาวายา’’ติ.

เอวํ ตสฺมึ อรหตฺตํ ปตฺเต ธมฺมสภายํ กถา อุทปาทิ ‘‘อาวุโส, เอวรูปสฺส นาม อรหตฺตสฺส อุปนิสฺสเย สติ อายสฺมา จิตฺตหตฺถสาริปุตฺโต ฉกฺขตฺตุํ อุปฺปพฺพชิโต, อโห มหาโทโส ปุถุชฺชนภาโว’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘ภิกฺขเว, ปุถุชฺชนจิตฺตํ นาม ลหุกํ ทุนฺนิคฺคหํ, อารมฺมณวเสน คนฺตฺวา อลฺลียติ, เอกวารํ อลฺลีนํ น สกฺกา โหติ ขิปฺปํ โมเจตุํ, เอวรูปสฺส จิตฺตสฺส ทมโถ สาธุ. ทนฺตเมว หิ ตํ สุขํ อาวหติ.

‘‘ทุนฺนิคฺคหสฺส ลหุโน, ยตฺถกามนิปาติโน;

จิตฺตสฺส ทมโถ สาธุ, จิตฺตํ ทนฺตํ สุขาวหํ’’. (ธ. ป. ๓๕);

ตสฺส ปน ทุนฺนิคฺคหตาย ปุพฺเพ ปณฺฑิตา เอกํ กุทฺทาลกํ นิสฺสาย ตํ ชหิตุํ อสกฺโกนฺตา โลภวเสน ฉกฺขตฺตุํ อุปฺปพฺพชิตฺวา สตฺตเม ปพฺพชิตภาเว ฌานํ อุปฺปาเทตฺวา ตํ โลภํ นิคฺคณฺหึสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ปณฺณิกกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปาปุณิ, ‘‘กุทฺทาลปณฺฑิโต’’ติสฺส นามํ อโหสิ. โส กุทฺทาลเกน ภูมิปริกมฺมํ กตฺวา ฑากฺเจว อลาพุกุมฺภณฺฑเอฬาลุกาทีนิ จ วปิตฺวา ตานิ วิกฺกิณนฺโต กปณชีวิกํ กปฺเปสิ. ตฺหิสฺส เอกํ กุทฺทาลกํ เปตฺวา อฺํ ธนํ นาม นตฺถิ. โส เอกทิวสํ จินฺเตสิ ‘‘กึ เม ฆราวาเสน, นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. อเถกทิวสํ กุทฺทาลกํ ปฏิจฺฉนฺนฏฺาเน เปตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ตํ กุทฺทาลกํ อนุสฺสริตฺวา โลภํ ฉินฺทิตุํ อสกฺโกนฺโต กุณฺกุทฺทาลกํ นิสฺสาย อุปฺปพฺพชิ. เอวํ ทุติยมฺปิ, ตติยมฺปีติ ฉ วาเร ตํ กุทฺทาลกํ ปฏิจฺฉนฺนฏฺาเน นิกฺขิปิตฺวา ปพฺพชิโต เจว อุปฺปพฺพชิโต จ.

สตฺตเม ปน วาเร จินฺเตสิ ‘‘อหํ อิมํ กุณฺกุทฺทาลกํ นิสฺสาย ปุนปฺปุนํ อุปฺปพฺพชิโต, อิทานิ นํ มหานทิยํ ปกฺขิปิตฺวา ปพฺพชิสฺสามี’’ติ นทีตีรํ คนฺตฺวา ‘‘สจสฺส ปติตฏฺานํ ปสฺสิสฺสามิ, ปุนาคนฺตฺวา อุทฺธริตุกามตา ภเวยฺยา’’ติ ตํ กุทฺทาลกํ ทณฺเฑ คเหตฺวา นาคพโล ถามสมฺปนฺโน สีสสฺส อุปริภาเค ติกฺขตฺตุํ อาวิชฺฌิตฺวา อกฺขีนิ นิมฺมีเลตฺวา นทีมชฺเฌ ขิปิตฺวา ‘‘ชิตํ เม ชิตํ เม’’ติ ติกฺขตฺตุํ สีหนาทํ นทิ. ตสฺมึ ขเณ พาราณสิราชา ปจฺจนฺตํ วูปสเมตฺวา อาคโต นทิยา สีสํ นฺหายิตฺวา สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิโต หตฺถิกฺขนฺเธน คจฺฉมาโน ตํ โพธิสตฺตสฺส สทฺทํ สุตฺวา ‘‘อยํ ปุริโส ‘ชิตํ เม ชิตํ เม’ติ วทติ, โก นุ โข เอเตน ชิโต, ปกฺโกสถ น’’นฺติ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘โภ ปุริส, อหํ ตาว วิชิตสงฺคาโม อิทานิ ชยํ คเหตฺวา อาคจฺฉามิ, ตยา ปน โก ชิโต’’ติ ปุจฺฉิ. โพธิสตฺโต ‘‘มหาราช, ตยา สงฺคามสตมฺปิ สงฺคามสหสฺสมฺปิ สงฺคามสตสหสฺสมฺปิ ชินนฺเตน ทุชฺชิตเมว กิเลสานํ อชิตตฺตา. อหํ ปน มม อพฺภนฺตเร โลภํ นิคฺคณฺหนฺโต กิเลเส ชินิ’’นฺติ กเถนฺโตเยว มหานทึ โอโลเกตฺวา อาโปกสิณารมฺมณํ ฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา สมฺปตฺตานุภาโว อากาเส นิสีทิตฺวา รฺโ ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๗๐.

‘‘น ตํ ชิตํ สาธุ ชิตํ, ยํ ชิตํ อวชียติ;

ตํ โข ชิตํ สาธุ ชิตํ, ยํ ชิตํ นาวชียตี’’ติ.

ตตฺถ น ตํ ชิตํ สาธุ ชิตํ, ยํ ชิตํ อวชียตีติ ยํ ปจฺจามิตฺเต ปราชินิตฺวา รฏฺํ ชิตํ ปฏิลทฺธํ ปุนปิ เตหิ ปจฺจามิตฺเตหิ อวชียติ, ตํ ชิตํ สาธุชิตํ นาม น โหติ. กสฺมา? ปุน อวชียนโต. อปโร นโย – ชิตํ วุจฺจติ ชโย. โย ปจฺจามิตฺเตหิ สทฺธึ ยุชฺฌิตฺวา อธิคโต ชโย ปุน เตสุ ชินนฺเตสุ, ปราชโย โหติ, โส น สาธุ น โสภโน. กสฺมา? ยสฺมา ปุน ปราชโยว โหติ. ตํ โข ชิตํ สาธุ ชิตํ, ยํ ชิตํ นาวชียตีติ ยํ โข ปน ปจฺจามิตฺเต นิมฺมเถตฺวา ชิตํ ปุน เตหิ นาวชียติ, โย วา เอกวารํ ลทฺโธ ชโย น ปุน ปราชโย โหติ, ตํ ชิตํ สาธุ ชิตํ โสภนํ, โส ชโย สาธุ โสภโน นาม โหติ. กสฺมา? ปุน นาวชียนโต. ตสฺมา, ตฺวํ มหาราช, สตกฺขตฺตุมฺปิ สหสฺสกฺขตฺตุมฺปิ สตสหสฺสกฺขตฺตุมฺปิ สงฺคามสีสํ ชินิตฺวาปิ สงฺคามโยโธ นาม น โหสิ. กึการณา? อตฺตโน กิเลสานํ อชิตตฺตา. โย ปน เอกวารมฺปิ อตฺตโน อพฺภนฺตเร กิเลเส ชินาติ, อยํ อุตฺตโม สงฺคามสีสโยโธติ อากาเส นิสินฺนโกว พุทฺธลีลาย รฺโ ธมฺมํ เทเสสิ. อุตฺตมสงฺคามโยธภาโว ปเนตฺถ –

‘‘โย สหสฺสํ สหสฺเสน, สงฺคาเม มานุเส ชิเน;

เอกฺจ เชยฺยมตฺตานํ, ส เว สงฺคามชุตฺตโม’’ติ. (ธ. ป. ๑๐๓) –

อิทํ สุตฺตํ สาธกํ.

รฺโ ปน ธมฺมํ สุณนฺตสฺเสว ตทงฺคปฺปหานวเสน กิเลสา ปหีนา, ปพฺพชฺชาย จิตฺตํ นมิ. ราชพลสฺสปิ ตเถว กิเลสา ปหียึสุ. ราชา ‘‘อิทานิ ตุมฺเห กหํ คมิสฺสถา’’ติ โพธิสตฺตํ ปุจฺฉิ. ‘‘หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิสฺสามิ, มหาราชา’’ติ. ‘‘เตน หิ อหมฺปิ ปพฺพชิสฺสามี’’ติ โพธิสตฺเตเนว สทฺธึ นิกฺขมิ, พลกาโย พฺราหฺมณคหปติกา สพฺพา เสนิโยติ สพฺโพปิ ตสฺมึ าเน สนฺนิปติโต มหาชนกาโย รฺา สทฺธึเยว นิกฺขมิ. พาราณสิวาสิโนปิ ‘‘อมฺหากํ กิร ราชา กุทฺทาลปณฺฑิตสฺส ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปพฺพชฺชาภิมุโข หุตฺวา สทฺธึ พลกาเยน นิกฺขนฺโต, มยํ อิธ กึ กริสฺสามา’’ติ ทฺวาทสโยชนิกาย พาราณสิยา สกลนครวาสิโน นิกฺขมึสุ. ทฺวาทสโยชนิกา ปริสา อโหสิ. ตํ อาทาย โพธิสตฺโต หิมวนฺตํ ปาวิสิ.

ตสฺมึ ขเณ สกฺกสฺส เทวรฺโ นิสินฺนาสนํ อุณฺหาการํ ทสฺเสสิ. โส อาวชฺชมาโน ‘‘กุทฺทาลปณฺฑิโต มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขนฺโต’’ติ ทิสฺวา ‘‘มหาสมาคโม ภวิสฺสติ, วสนฏฺานํ ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ วิสฺสกมฺมํ อามนฺเตตฺวา ‘‘ตาต, กุทฺทาลปณฺฑิโต มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขนฺโต, วสนฏฺานํ ลทฺธุํ วฏฺฏติ, ตฺวํ หิมวนฺตปฺปเทสํ คนฺตฺวา สเม ภูมิภาเค ทีฆโต ตึสโยชนํ วิตฺถารโต ปนฺนรสโยชนํ อสฺสมปทํ มาเปหี’’ติ อาห. โส ‘‘สาธุ, เทวา’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา คนฺตฺวา ตถา อกาสิ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน หตฺถิปาลชาตเก อาวิ ภวิสฺสติ. อิทฺจ หิ ตฺจ เอกปริจฺเฉทเมว. วิสฺสกมฺโมปิ อสฺสมปเท ปณฺณสาลํ มาเปตฺวา ทุสฺสทฺเท มิเค จ สกุเณ จ อมนุสฺเส จ ปฏิกฺกมาเปตฺวา เตน เตน ทิสาภาเคน เอกปทิกมคฺคํ มาเปตฺวา อตฺตโน วสนฏฺานเมว อคมาสิ. กุทฺทาลปณฺฑิโตปิ ตํ ปริสํ อาทาย หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา สกฺกทตฺติยํ อสฺสมปทํ คนฺตฺวา วิสฺสกมฺเมน มาปิตํ ปพฺพชิตปริกฺขารํ คเหตฺวา ปมํ อตฺตนา ปพฺพชิตฺวา ปจฺฉา ปริสํ ปพฺพาเชตฺวา อสฺสมปทํ ภาเชตฺวา อทาสิ. สตฺต ราชาโน สตฺต รชฺชานิ ฉฑฺฑยึสุ. ตึสโยชนํ อสฺสมปทํ ปูริ. กุทฺทาลปณฺฑิโต เสสกสิเณสุปิ ปริกมฺมํ กตฺวา พฺรหฺมวิหาเร ภาเวตฺวา ปริสาย กมฺมฏฺานํ อาจิกฺขิ. สพฺเพ สมาปตฺติลาภิโน หุตฺวา พฺรหฺมวิหาเร ภาเวตฺวา พฺรหฺมโลกปรายณา อเหสุํ. เย ปน เตสํ ปาริจริยํ อกํสุ, เต เทวโลกปรายณา อเหสุํ.

สตฺถา ‘‘เอวํ, ภิกฺขเว, จิตฺตํ นาเมตํ กิเลสวเสน อลฺลีนํ ทุมฺโมจยํ โหติ, อุปฺปนฺนา โลภธมฺมา ทุปฺปชหา, เอวรูเปปิ ปณฺฑิเต อฺาเณ กโรนฺตี’’ติ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสสิ, สจฺจปริโยสาเน เกจิ โสตาปนฺนา อเหสุํ, เกจิ สกทาคามิโน, เกจิ อนาคามิโน, เกจิ อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. สตฺถาปิ อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ราชา อานนฺโท อโหสิ, ปริสา พุทฺธปริสา, กุทฺทาลปณฺฑิโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

กุทฺทาลชาตกวณฺณนา ทสมา.

อิตฺถิวคฺโค สตฺตโม.

ตสฺสุทฺทานํ –

อสาตมนฺตณฺฑภูตํ, ตกฺกปณฺฑิ ทุราชานํ;

อนภิรติ มุทุลกฺขณํ, อุจฺฉงฺคมฺปิ จ สาเกตํ;

วิสวนฺตํ กุทฺทาลกนฺติ.

๘. วรุณวคฺโค

[๗๑] ๑. วรุณชาตกวณฺณนา

โย ปุพฺเพ กรณียานีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต กุฏุมฺพิกปุตฺตติสฺสตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ. เอกสฺมึ กิร ทิวเส สาวตฺถิวาสิโน อฺมฺสหายกา ตึสมตฺตา กุลปุตฺตา คนฺธปุปฺผวตฺถาทีนิ คเหตฺวา ‘‘สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุณิสฺสามา’’ติ มหาชนปริวุตา เชตวนํ คนฺตฺวา นาคมาฬกสาลมาฬกาทีสุ โถกํ นิสีทิตฺวา สายนฺหสมเย สตฺถริ สุรภิคนฺธวาสิตาย คนฺธกุฏิโต นิกฺขมิตฺวา ธมฺมสภํ คนฺตฺวา อลงฺกตพุทฺธาสเน นิสินฺเน สปริวารา ธมฺมสภํ คนฺตฺวา สตฺถารํ คนฺธปุปฺเผหิ ปูเชตฺวา จกฺกงฺกิตตเลสุ ผุลฺลปทุมสสฺสิริเกสุ ปาเทสุ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺนา ธมฺมํ สุณึสุ.

อถ เนสํ เอตทโหสิ ‘‘ยถา ยถา โข มยํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานาม, ปพฺพเชยฺยามา’’ติ. เต ตถาคตสฺส ธมฺมสภาโต นิกฺขนฺตกาเล ตถาคตํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจึสุ, สตฺถา เตสํ ปพฺพชฺชํ อทาสิ. เต อาจริยุปชฺฌาเย อาราเธตฺวา อุปสมฺปทํ ลภิตฺวา ปฺจ วสฺสานิ อาจริยุปชฺฌายานํ สนฺติเก วสิตฺวา ทฺเว มาติกา ปคุณํ กตฺวา กปฺปิยากปฺปิยํ ตฺวา ติสฺโส อนุโมทนา อุคฺคณฺหิตฺวา จีวรานิ สิพฺเพตฺวา รชิตฺวา ‘‘สมณธมฺมํ กริสฺสามา’’ติ อาจริยุปชฺฌาเย อาปุจฺฉิตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิตฺวา ‘‘มยํ, ภนฺเต, ภเวสุ อุกฺกณฺิตา ชาติชราพฺยาธิมรณภยภีตา, เตสํ โน สํสารปริโมจนตฺถาย กมฺมฏฺานํ กเถถา’’ติ ยาจึสุ. สตฺถา เตสํ อฏฺตึสาย กมฺมฏฺาเนสุ สปฺปายํ วิจินิตฺวา กมฺมฏฺานํ กเถสิ. เต สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปริเวณํ คนฺตฺวา อาจริยุปชฺฌาเย โอโลเกตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ‘‘สมณธมฺมํ กริสฺสามา’’ติ นิกฺขมึสุ.

อถ เนสํ อพฺภนฺตเร เอโก ภิกฺขุ นาเมน กุฏุมฺพิกปุตฺตติสฺสตฺเถโร นาม กุสีโต หีนวีริโย รสคิทฺโธ. โส เอวํ จินฺเตสิ ‘‘อหํ เนว อรฺเ วสิตุํ, น ปธานํ ปทหิตุํ, น ภิกฺขาจริยาย ยาเปตุํ สกฺขิสฺสามิ, โก เม คมเนน อตฺโถ, นิวตฺติสฺสามี’’ติ โส วีริยํ โอสฺสชิตฺวา เต ภิกฺขู อนุคนฺตฺวา นิวตฺติ. เตปิ โข ภิกฺขู โกสเลสุ จาริกํ จรมานา อฺตรํ ปจฺจนฺตคามํ คนฺตฺวา ตํ อุปนิสฺสาย เอกสฺมึ อรฺายตเน วสฺสํ อุปคนฺตฺวา อนฺโตเตมาสํ อปฺปมตฺตา ฆเฏนฺตา วายมนฺตา วิปสฺสนาคพฺภํ คาหาเปตฺวา ปถวึ อุนฺนาทยมานา อรหตฺตํ ปตฺวา วุตฺถวสฺสา ปวาเรตฺวา ‘‘ปฏิลทฺธคุณํ สตฺถุ อาโรเจสฺสามา’’ติ ตโต นิกฺขมิตฺวา อนุปุพฺเพน เชตวนํ ปตฺวา ปตฺตจีวรํ ปฏิสาเมตฺวา อาจริยุปชฺฌาเย ทิสฺวา ตถาคตํ ทฏฺุกามา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา นิสีทึสุ. สตฺถา เตหิ สทฺธึ มธุรปฏิสนฺถารํ อกาสิ. เต กตปฏิสนฺถารา อตฺตนา ปฏิลทฺธคุณํ ตถาคตสฺส อาโรเจสุํ, สตฺถา เต ภิกฺขู ปสํสิ. กุฏุมฺพิกปุตฺตติสฺสตฺเถโร สตฺถารํ เตสํ คุณกถํ กเถนฺตํ ทิสฺวา สยมฺปิ สมณธมฺมํ กาตุกาโม ชาโต. เตปิ โข ภิกฺขู ‘‘มยํ, ภนฺเต, ตเมว อรฺวาสํ คนฺตฺวา วสิสฺสามา’’ติ สตฺถารํ อาปุจฺฉึสุ. สตฺถา ‘‘สาธู’’ติ อนุชานิ. เต สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ปริเวณํ อคมํสุ.

อถ โส กุฏุมฺพิกปุตฺตติสฺสตฺเถโร รตฺติภาคสมนนฺตเร อจฺจารทฺธวีริโย หุตฺวา อติเวเคน สมณธมฺมํ กโรนฺโต มชฺฌิมยามสมนนฺตเร อาลมฺพนผลกํ นิสฺสาย ิตโกว นิทฺทายนฺโต ปริวตฺติตฺวา ปติ, อูรุฏฺิกํ ภิชฺชิ, เวทนา มหนฺตา ชาตา. เตสํ ภิกฺขูนํ ตํ ปฏิชคฺคนฺตานํ คมนํ น สมฺปชฺชิ. อถ เน อุปฏฺานเวลายํ อาคเต สตฺถา ปุจฺฉิ ‘‘นนุ ตุมฺเห, ภิกฺขเว, ‘สฺเว คมิสฺสามา’ติ หิยฺโย อาปุจฺฉิตฺถา’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, อปิจ โข ปน อมฺหากํ สหายโก กุฏุมฺพิกปุตฺตติสฺสตฺเถโร อกาเล อติเวเคน สมณธมฺมํ กโรนฺโต นิทฺทาภิภูโต ปริวตฺติตฺวา ปติโต, อูรุฏฺิสฺส ภินฺนํ, ตํ นิสฺสาย อมฺหากํ คมนํ น สมฺปชฺชี’’ติ. สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนเวส อตฺตโน หีนวีริยภาเวน อกาเล อติเวเคน วีริยํ กโรนฺโต ตุมฺหากํ คมนนฺตรายํ กโรติ, ปุพฺเพเปส ตุมฺหากํ คมนนฺตรายํ อกาสิเยวา’’ติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต คนฺธารรฏฺเ ตกฺกสิลายํ โพธิสตฺโต ทิสาปาโมกฺโข อาจริโย หุตฺวา ปฺจ มาณวกสตานิ สิปฺปํ อุคฺคณฺหาเปสิ. อถสฺส เต มาณวา เอกทิวสํ ทารุํ อาหรณตฺถาย อรฺํ คนฺตฺวา ทารูนิ อุทฺธรึสุ. เตสํ อนฺตเร เอโก กุสีตมาณโว มหนฺตํ วรุณรุกฺขํ ทิสฺวา ‘‘สุกฺขรุกฺโข เอโส’’ติ สฺาย ‘‘มุหุตฺตํ ตาว นิปชฺชิตฺวา ปจฺฉา รุกฺขํ อภิรุหิตฺวา ทารูนิ ปาเตตฺวา อาทาย คมิสฺสามี’’ติ อุตฺตริสาฏกํ ปตฺถริตฺวา นิปชฺชิตฺวา กากจฺฉมาโน นิทฺทํ โอกฺกมิ. อิตเร มาณวกา ทารุกลาเป พนฺธิตฺวา อาทาย คจฺฉนฺตา ตํ ปาเทน ปิฏฺิยํ ปหริตฺวา ปโพเธตฺวา อคมํสุ. กุสีตมาณโว อุฏฺาย อกฺขีนิ ปุฺฉิตฺวา ปุฺฉิตฺวา อวิคตนิทฺโทว วรุณรุกฺขํ อภิรุหิตฺวา สาขํ คเหตฺวา อตฺตโน อภิมุขํ อากฑฺฒิตฺวา ภฺชนฺโต ภิชฺชิตฺวา อุฏฺิตโกฏิยา อตฺตโน อกฺขึ ภินฺทาเปตฺวา เอเกน หตฺเถน ตํ ปิธาย เอเกน หตฺเถน อลฺลทารูนิ ภฺชิตฺวา รุกฺขโต โอรุยฺห ทารุกลาปํ พนฺธิตฺวา อุกฺขิปิตฺวา เวเคน คนฺตฺวา เตหิ ปาติตานํ ทารูนํ อุปริ ปาเตสิ.

ตํ ทิวสฺจ ชนปทคามเก เอกํ กุลํ ‘‘สฺเว พฺราหฺมณวาจนกํ กริสฺสามา’’ติ อาจริยํ นิมนฺเตสิ. อาจริโย มาณวเก อาห ‘‘ตาตา, สฺเว เอกํ คามกํ คนฺตพฺพํ, ตุมฺเห ปน นิราหารา น สกฺขิสฺสถ คนฺตุํ, ปาโตว ยาคุํ ปจาเปตฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา อตฺตนา ลทฺธโกฏฺาสฺจ อมฺหากํ ปตฺตโกฏฺาสฺจ สพฺพมาทาย อาคจฺฉถา’’ติ. เต ปาโตว ยาคุปจนตฺถาย ทาสึ อุฏฺาเปตฺวา ‘‘ขิปฺปํ โน ยาคุํ ปจาหี’’ติ อาหํสุ. สา ทารูนิ คณฺหนฺตี อุปริ ิตานิ อลฺลวรุณทารูนิ คเหตฺวา ปุนปฺปุนํ มุขวาตํ ททมานาปิ อคฺคึ อุชฺชาเลตุํ อสกฺโกนฺตี สูริยํ อุฏฺาเปสิ. มาณวกา ‘‘อติทิวา ชาโต, อิทานิ น สกฺกา คนฺตุ’’นฺติ อาจริยสฺส สนฺติกํ อคมึสุ. อาจริโย ‘‘กึ, ตาตา, น คตตฺถา’’ติ? ‘‘อาม, อาจริย น คตมฺหา’’ติ. ‘‘กึการณา’’ติ? ‘‘อสุโก นาม กุสีตมาณโว อมฺเหหิ สทฺธึ ทารูนมตฺถาย อรฺํ คนฺตฺวา วรุณรุกฺขมูเล นิทฺทายิตฺวา ปจฺฉา เวเคน รุกฺขํ อารุยฺห อกฺขึ ภินฺทาเปตฺวา อลฺลวรุณทารูนิ อาหริตฺวา อมฺเหหิ อานีตทารูนํ อุปริ ปกฺขิปิ. ยาคุปาจิกา ตานิ สุกฺขทารุสฺาย คเหตฺวา ยาว สูริยุคฺคมนา อุชฺชาเลตุํ นาสกฺขิ. อิมินา โน การเณน คมนนฺตราโย ชาโต’’ติ. อาจริโย มาณเวน กตกมฺมํ สุตฺวา ‘‘อนฺธพาลานํ กมฺมํ นิสฺสาย เอวรูปา ปริหานิ โหตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถํ สมุฏฺาเปสิ –

๗๑.

‘‘โย ปุพฺเพ กรณียานิ, ปจฺฉา โส กาตุมิจฺฉติ;

วรุณกฏฺภฺโชว, ส ปจฺฉา มนุตปฺปตี’’ติ.

ตตฺถ ส ปจฺฉา มนุตปฺปตีติ โย โกจิ ปุคฺคโล ‘‘อิทํ ปุพฺเพ กตฺตพฺพํ, อิทํ ปจฺฉา’’ติ อวีมํสิตฺวา ปุพฺเพ กรณียานิ ปมเมว กตฺตพฺพกมฺมานิ ปจฺฉา กโรติ, อยํ วรุณกฏฺภฺโช อมฺหากํ มาณวโก วิย โส พาลปุคฺคโล ปจฺฉา อนุตปฺปติ โสจติ ปริเทวตีติ อตฺโถ.

เอวํ โพธิสตฺโต อนฺเตวาสิกานํ อิมํ การณํ กเถตฺวา ทานาทีนิ ปุฺานิ กริตฺวา ชีวิตปริโยสาเน ยถากมฺมํ คโต.

สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนเวส ตุมฺหากํ อนฺตรายํ กโรติ, ปุพฺเพปิ อกาสิเยวา’’ติ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ ‘‘ตทา อกฺขิเภทํ ปตฺโต มาณโว อูรุเภทํ ปตฺตภิกฺขุ อโหสิ, เสสมาณวา พุทฺธปริสา, อาจริยพฺราหฺมโณ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

วรุณชาตกวณฺณนา ปมา.

[๗๒] ๒. สีลวนาคราชชาตกวณฺณนา

อกตฺุสฺส โปสสฺสาติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เทวทตฺตํ อารพฺภ กเถสิ. ธมฺมสภายฺหิ ภิกฺขู ‘‘อาวุโส, เทวทตฺโต อกตฺู ตถาคตสฺส คุเณ น ชานาตี’’ติ กเถนฺตา นิสีทึสุ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว เทวทตฺโต อกตฺู, ปุพฺเพปิ อกตฺูเยว, น กทาจิ มยฺหํ คุณํ ชานาตี’’ติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต หิมวนฺตปฺปเทเส หตฺถิโยนิยํ นิพฺพตฺติ. โส มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขนฺโต สพฺพเสโต อโหสิ รชตปุฺชสนฺนิโภ, อกฺขีนิ ปนสฺส มณิคุฬสทิสานิ, ปฺายมานานิ ปฺจ ปสาทานิ อเหสุํ, มุขํ รตฺตกมฺพลสทิสํ, โสณฺฑา รตฺตสุวณฺณพินฺทุปฏิมณฺฑิตํ รชตทามํ วิย, จตฺตาโร ปาทา กตลาขารสปริกมฺมา วิย. เอวมสฺส ทสหิ ปารมีหิ อลงฺกโต รูปโสภคฺคปฺปตฺโต อตฺตภาโว อโหสิ. อถ นํ วิฺุตํ ปตฺตํ สกลหิมวนฺเต วารณา สนฺนิปติตฺวา อุปฏฺหนฺตา วิจรึสุ. เอวํ โส อสีติสหสฺสวารณปริวาโร หิมวนฺตปฺปเทเส วสมาโน อปรภาเค คเณ โทสํ ทิสฺวา คณมฺหา กายวิเวกาย เอกโกว อรฺเ วาสํ กปฺเปสิ. สีลวนฺตตาย จ ปนสฺส ‘‘สีลวนาคราชา’’ ตฺเวว นามํ อโหสิ.

อเถโก พาราณสิวาสิโก วนจรโก หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา อตฺตโน อาชีวภณฺฑกํ คเวสมาโน ทิสา ววตฺถาเปตุํ อสกฺโกนฺโต มคฺคมูฬฺโห หุตฺวา มรณภยภีโต พาหา ปคฺคยฺห ปริเทวมาโน วิจรติ. โพธิสตฺโต ตสฺส ตํ พลวปริเทวิตํ สุตฺวา ‘‘อิมํ ปุริสํ ทุกฺขา โมเจสฺสามี’’ติ การุฺเน โจทิโต ตสฺส สนฺติกํ อคมาสิ. โส ตํ ทิสฺวาว ภีโต ปลายิ. โพธิสตฺโต ตํ ปลายนฺตํ ทิสฺวา ตตฺเถว อฏฺาสิ. โส ปุริโส โพธิสตฺตํ ิตํ ทิสฺวา อฏฺาสิ. โพธิสตฺโต ปุน อคมาสิ, โส ปุน ปลายิตฺวา ตสฺส ิตกาเล ตฺวา จินฺเตสิ ‘‘อยํ วารโณ มม ปลายนกาเล ติฏฺติ, ิตกาเล อาคจฺฉติ, นายํ มยฺหํ อนตฺถกาโม, อิมมฺหา ปน มํ ทุกฺขา มาเจตุกาโม ภวิสฺสตี’’ติ สูโร หุตฺวา อฏฺาสิ. โพธิสตฺโต ตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘กสฺมา โภ ตฺวํ ปุริส, ปริเทวมาโน วิจรสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘สามิ, ทิสา ววตฺถาเปตุํ อสกฺโกนฺโต มคฺคมูฬฺโห หุตฺวา มรณภเยนา’’ติ. อถ นํ โพธิสตฺโต อตฺตโน วสนฏฺานํ เนตฺวา กติปาหํ ผลาผเลหิ สนฺตปฺเปตฺวา ‘‘โภ, ปุริส, มา ภายิ, อหํ ตํ มนุสฺสปถํ เนสฺสามี’’ติ อตฺตโน ปิฏฺเ นิสีทาเปตฺวา มนุสฺสปถํ ปายาสิ.

อถ โข โส มิตฺตทุพฺภี ปุริโส ‘‘สเจ โกจิ ปุจฺฉิสฺสติ, อาจิกฺขิตพฺพํ ภวิสฺสตี’’ติ โพธิสตฺตสฺส ปิฏฺเ นิสินฺโนเยว รุกฺขนิมิตฺตํ ปพฺพตนิมิตฺตํ อุปธาเรนฺโตว คจฺฉติ. อถ นํ โพธิสตฺโต อรฺา นีหริตฺวา พาราณสิคามิมหามคฺเค เปตฺวา ‘‘โภ ปุริส, อิมินา มคฺเคน คจฺฉ, มยฺหํ ปน วสนฏฺานํ ปุจฺฉิโตปิ อปุจฺฉิโตปิ มา กสฺสจิ อาจิกฺขี’’ติ ตํ อุยฺโยเชตฺวา อตฺตโน วสนฏฺานํเยว อคมาสิ. อถ โส ปุริโส พาราณสึ คนฺตฺวา อนุวิจรนฺโต ทนฺตการวีถึ ปตฺวา ทนฺตกาเร ทนฺตวิกติโย กุรุมาเน ทิสฺวา ‘‘กึ ปน โภ, ชีวทนฺตมฺปิ ลภิตฺวา คณฺเหยฺยาถา’’ติ? ‘‘โภ, กึ วเทสิ, ชีวทนฺโต นาม มตหตฺถิทนฺตโต มหคฺฆตโร’’ติ. ‘‘เตน หิ อหํ โว ชีวทนฺตํ อาหริสฺสามี’’ติ ปาเถยฺยํ คเหตฺวา ขรกกจํ อาทาย โพธิสตฺตสฺส วสนฏฺานํ อคมาสิ.

โพธิสตฺโต ตํ ทิสฺวา ‘‘กิมตฺถํ อาคโตสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อหํ, สามิ, ทุคฺคโต กปโณ ชีวิตุํ อสกฺโกนฺโต ตุมฺเห ทนฺตขณฺฑํ ยาจิตฺวา สเจ ทสฺสถ, ตํ อาทาย คนฺตฺวา วิกฺกิณิตฺวา เตน มูเลน ชีวิสฺสามี’’ติ อาคโตติ. ‘‘โหตุ โภ, ทนฺตํ เต ทสฺสามิ, สเจ ทนฺตกปฺปนตฺถาย กกจํ อตฺถี’’ติ. ‘‘กกจํ คเหตฺวา อาคโตมฺหิ สามี’’ติ. ‘‘เตน หิ ทนฺเต กกเจน กนฺติตฺวา อาทาย คจฺฉา’’ติ โพธิสตฺโต ปาเท สมิฺชิตฺวา โคนิสินฺนกํ นิสีทิ. โส ทฺเวปิ อคฺคทนฺเต ฉินฺทิ. โพธิสตฺโต เต ทนฺเต โสณฺฑาย คเหตฺวา ‘‘โภ ปุริส, นาหํ ‘เอเต ทนฺตา มยฺหํ อปฺปิยา อมนาปา’ติ ทมฺมิ, อิเมหิ ปน เม ทนฺเตหิ สตคุเณน สหสฺสคุเณน สตสหสฺสคุเณน สพฺพธมฺมปฏิเวธนสมตฺถา สพฺพฺุตฺาณทนฺตาว ปิยตรา, ตสฺส เม อิทํ ทนฺตทานํ สพฺพฺุตฺาณปฏิวิชฺฌนตฺถาย โหตู’’ติ สพฺพฺุตฺาณสฺส อาราธนํ กตฺวา ทนฺตยุคลํ อทาสิ.

โส ตํ อาทาย คนฺตฺวา วิกฺกิณิตฺวา ตสฺมึ มูเล ขีเณ ปุน โพธิสตฺตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘สามิ, ตุมฺหากํ ทนฺเต วิกฺกิณิตฺวา ลทฺธมูลํ มยฺหํ อิณโสธนมตฺตเมว ชาตํ, อวเสสทนฺเต เทถา’’ติ อาห. โพธิสตฺโต ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา ปุริมนเยเนว กปฺปาเปตฺวา อวเสสทนฺเต อทาสิ. โส เตปิ วิกฺกิณิตฺวา ปุน อาคนฺตฺวา ‘‘สามิ, ชีวิตุํ น สกฺโกมิ, มูลทาา เม เทถา’’ติ อาห. โพธิสตฺโต ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา ปุริมนเยเนว นิสีทิ. โส ปาปปุริโส มหาสตฺตสฺส รชตทามสทิสํ โสณฺฑํ มทฺทมาโน เกลาสกูฏสทิสํ กุมฺภํ อภิรุหิตฺวา อุโภ ทนฺตโกฏิโย ปณฺหิยา ปหรนฺโต มํสํ วิยูหิตฺวา กุมฺภํ อารุยฺห ขรกกเจน มูลทาา กปฺเปตฺวา ปกฺกามิ. โพธิสตฺตสฺส ทสฺสนูปจารํ วิชหนฺเตเยว ปน ตสฺมึ ปาปปุริเส จตุนหุตาธิกทฺวิโยชนสตสหสฺสพหลา ฆนปถวี สิเนรุยุคนฺธราทโย มหาภาเร ทุคฺคนฺธเชคุจฺฉานิ คูถมุตฺตาทีนิ จ ธาเรตุํ สมตฺถาปิ ตสฺส อคุณราสึ ธาเรตุํ อสกฺโกนฺตี วิย ภิชฺชิตฺวา วิวรํ อทาสิ. ตาวเทว อวีจิมหานิรยโต อคฺคิชาลา นิกฺขมิตฺวา ตํ มิตฺตทุพฺภิปุริสํ กุลสนฺตเกน กมฺพเลน ปารุปนฺตี วิย ปริกฺขิปิตฺวา คณฺหิ.

เอวํ ตสฺส ปาปปุคฺคลสฺส ปถวึ ปวิฏฺกาเล ตสฺมึ วนสณฺเฑ อธิวตฺถา รุกฺขเทวตา ‘‘อกตฺู มิตฺตทุพฺภี ปุคฺคโล จกฺกวตฺติรชฺชํ ทตฺวาปิ โตเสตุํ น สกฺกา’’ติ วนํ อุนฺนาเทตฺวา ธมฺมํ เทสยมานา อิมํ คาถมาห –

๗๒.

‘‘อกตฺุสฺส โปสสฺส, นิจฺจํ วิวรทสฺสิโน;

สพฺพํ เจ ปถวึ ทชฺชา, เนว นํ อภิราธเย’’ติ.

ตตฺถ อกตฺุสฺสาติ อตฺตโน กตคุณํ อชานนฺตสฺส. โปสสฺสาติ ปุริสสฺส. วิวรทสฺสิโนติ ฉิทฺทเมว โอกาสเมว โอโลเกนฺตสฺส. สพฺพํ เจ ปถวึ ทชฺชาติ สเจปิ ตาทิสสฺส ปุคฺคลสฺส สกลํ จกฺกวตฺติรชฺชํ, อิมํ วา ปน มหาปถวึ ปริวตฺเตตฺวา ปถโวชํ ทเทยฺย. เนว นํ อภิราธเยติ เอวํ กโรนฺโตปิ เอวรูปํ กตคุณวิทฺธํสกํ โกจิ ปริโตเสตุํ วา ปสาเทตุํ วา น สกฺกุเณยฺยาติ อตฺโถ.

เอวํ สา เทวตา วนํ อุนฺนาเทตฺวา ธมฺมํ เทเสสิ. โพธิสตฺโต ยาวตายุกํ ตฺวา ยถากมฺมํ อคมาสิ.

สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, เทวทตฺโต อิทาเนว อกตฺู, ปุพฺเพปิ อกตฺูเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ ‘‘ตทา มิตฺตทุพฺภี ปุคฺคโล เทวทตฺโต อโหสิ, รุกฺขเทวตา สาริปุตฺโต, สีลวนาคราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

สีลวนาคราชชาตกวณฺณนา ทุติยา.

[๗๓] ๓. สจฺจํกิรชาตกวณฺณนา

สจฺจํ กิเรวมาหํสูติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เทวทตฺตสฺส วธาย ปริสกฺกนํ อารพฺภ กเถสิ. ภิกฺขุสงฺฆสฺมิฺหิ ธมฺมสภายํ นิสีทิตฺวา ‘‘อาวุโส, เทวทตฺโต สตฺถุ คุณํ น ชานาติ, วธายเยว ปริสกฺกตี’’ติ เทวทตฺตสฺส อคุณํ กเถนฺเต สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว เทวทตฺโต มยฺหํ วธาย ปริสกฺกติ, ปุพฺเพปิ ปริสกฺกิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต ตสฺส ทุฏฺกุมาโร นาม ปุตฺโต อโหสิ กกฺขโฬ ผรุโส ปหฏาสีวิสูปโม, อนกฺโกสิตฺวา วา อปหริตฺวา วา เกนจิ สทฺธึ น กเถติ. โส อนฺโตชนสฺส จ พหิชนสฺส จ อกฺขิมฺหิ ปติตรชํ วิย, ขาทิตุํ อาคตปิสาโจ วิย จ อมนาโป อโหสิ อุพฺเพชนีโย. โส เอกทิวสํ นทีกีฬํ กีฬิตุกาโม มหนฺเตน ปริวาเรน นทีตีรํ อคมาสิ. ตสฺมึ ขเณ มหาเมโฆ อุฏฺหิ, ทิสา อนฺธการา ชาตา. โส ทาสเปสฺสชนํ อาห ‘‘เอถ ภเณ, มํ คเหตฺวา นทีมชฺฌํ เนตฺวา นฺหาเปตฺวา อาเนถา’’ติ. เต ตํ ตตฺถ เนตฺวา ‘‘กึ โน ราชา กริสฺสติ, อิมํ ปาปปุริสํ เอตฺเถว มาเรมา’’ติ มนฺตยิตฺวา ‘‘เอตฺถ คจฺฉ กาฬกณฺณี’’ติ อุทเก นํ โอปิลาเปตฺวา ปจฺจุตฺตริตฺวา ตีเร อฏฺํสุ. ‘‘กหํ กุมาโร’’ติ จ วุตฺเต ‘‘น มยํ กุมารํ ปสฺสาม, เมฆํ อุฏฺิตํ ทิสฺวา อุทเก นิมุชฺชิตฺวา ปุรโต อาคโต ภวิสฺสตี’’ติ. อมจฺจา รฺโ สนฺติกํ อคมํสุ. ราชา ‘‘กหํ เม ปุตฺโต’’ติ ปุจฺฉิ. น ชานาม เทว, เมเฆ อุฏฺิเต ‘‘ปุรโต อาคโต ภวิสฺสตี’’ติ สฺาย อาคตมฺหาติ. ราชา ทฺวารํ วิวราเปตฺวา ‘‘นทีตีรํ คนฺตฺวา วิจินถา’’ติ ตตฺถ ตตฺถ วิจินาเปสิ, โกจิ กุมารํ นาทฺทส.

โสปิ โข เมฆนฺธกาเร เทเว วสฺสนฺเต นทิยา วุยฺหมาโน เอกํ ทารุกฺขนฺธํ ทิสฺวา ตตฺถ นิสีทิตฺวา มรณภยตชฺชิโต ปริเทวมาโน คจฺฉติ. ตสฺมึ ปน กาเล พาราณสิวาสี เอโก เสฏฺิ นทีตีเร จตฺตาลีสโกฏิธนํ นิทหิตฺวาว มรนฺโต ธนตณฺหาย ธนปิฏฺเ สปฺโป หุตฺวา นิพฺพตฺติ. อปโร ตสฺมึเยว ปเทเส ตึส โกฏิโย นิทหิตฺวา ธนตณฺหาย ตตฺเถว อุนฺทูโร หุตฺวา นิพฺพตฺติ. เตสํ วสนฏฺานํ อุทกํ ปาวิสิ. เต อุทกสฺส ปวิฏฺมคฺเคเนว นิกฺขมิตฺวา โสตํ ฉินฺทนฺตา คนฺตฺวา ตํ ราชกุมาเรน อภินิสินฺนํ ทารุกฺขนฺธํ ปตฺวา เอโก เอกํ โกฏึ, อิตโร อิตรํ อารุยฺห ขนฺธปิฏฺเเยว นิปชฺชึสุ. ตสฺสาเยว โข ปน นทิยา ตีเร เอโก สิมฺพลิรุกฺโข อตฺถิ, ตตฺเถโก สุวโปตโก วสติ. โสปิ รุกฺโข อุทเกน โธตมูโล นทีปิฏฺเ ปติ, สุวโปตโก เทเว วสฺสนฺเต อุปฺปติตฺวา คนฺตุํ อสกฺโกนฺโต คนฺตฺวา ตสฺเสว ขนฺธสฺส เอกปสฺเส นิลียิ. เอวํ เต จตฺตาโร ชนา เอกโต วุยฺหมานา คจฺฉนฺติ.

โพธิสตฺโตปิ โข ตสฺมึ กาเล กาสิรฏฺเ อุทิจฺจพฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วุฑฺฒิปฺปตฺโต อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา เอกสฺมึ นทีนิวตฺตเน ปณฺณสาลํ มาเปตฺวา วสติ. โส อฑฺฒรตฺตสมเย จงฺกมมาโน ตสฺส ราชกุมารสฺส พลวปริเทวนสทฺทํ สุตฺวา จินฺเตสิ ‘‘มาทิเส นาม เมตฺตานุทฺทยสมฺปนฺเน ตาปเส ปสฺสนฺเต เอตสฺส ปุริสสฺส มรณํ อยุตฺตํ, อุทกโต อุทฺธริตฺวา ตสฺส ชีวิตทานํ ทสฺสามี’’ติ. โส ตํ ‘‘มา ภายิ, มา ภายี’’ติ อสฺสาเสตฺวา อุทกโสตํ ฉินฺทนฺโต คนฺตฺวา ตํ ทารุกฺขนฺธํ เอกาย โกฏิยา คเหตฺวา อากฑฺฒนฺโต นาคพโล ถามสมฺปนฺโน เอกเวเคน ตีรํ ปตฺวา กุมารํ อุกฺขิปิตฺวา ตีเร ปติฏฺาเปสิ. เตปิ สปฺปาทโย ทิสฺวา อุกฺขิปิตฺวา อสฺสมปทํ เนตฺวา อคฺคึ ชาเลตฺวา ‘‘อิเม ทุพฺพลตรา’’ติ ปมํ สปฺปาทีนํ สรีรํ เสเทตฺวา ปจฺฉา ราชกุมารสฺส สรีรํ เสเทตฺวา ตมฺปิ อโรคํ กตฺวา อาหารํ เทนฺโตปิ ปมํ สปฺปาทีนํเยว ทตฺวา ปจฺฉา ตสฺส ผลาผลานิ อุปนาเมสิ. ราชกุมาโร ‘‘อยํ กูฏตาปโส มํ ราชกุมารํ อคเณตฺวา ติรจฺฉานคตานํ สมฺมานํ กโรตี’’ติ โพธิสตฺเต อาฆาตํ พนฺธิ.

ตโต กติปาหจฺจเยน สพฺเพสุปิ เตสุ ถามพลปฺปตฺเตสุ นทิยา โอเฆ ปจฺฉินฺเน สปฺโป ตาปสํ วนฺทิตฺวา อาห ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเหหิ มยฺหํ มหาอุปกาโร กโต, น โข ปนาหํ ทลิทฺโท, อสุกฏฺาเน เม จตฺตาลีส หิรฺโกฏิโย นิทหิตฺวา ปิตา, ตุมฺหากํ ธเนน กิจฺเจ สติ สพฺพมฺเปตํ ธนํ ตุมฺหากํ ทาตุํ สกฺโกมิ, ตํ านํ อาคนฺตฺวา ‘ทีฆา’ติ ปกฺโกเสยฺยาถา’’ติ วตฺวา ปกฺกามิ. อุนฺทูโรปิ ตเถว ตาปสํ นิมนฺเตตฺวา ‘‘อสุกฏฺาเน ตฺวา ‘อุนฺทูรา’ติ ปกฺโกเสยฺยาถา’’ติ วตฺวา ปกฺกามิ. สุวโปตโก ปน ตาปสํ วนฺทิตฺวา ‘‘ภนฺเต, มยฺหํ ธนํ นตฺถิ, รตฺตสาลีหิ ปน โว อตฺเถ สติ อสุกํ นาม มยฺหํ วสนฏฺานํ, ตตฺถ คนฺตฺวา ‘สุวา’ติ ปกฺโกเสยฺยาถ, อหํ าตกานํ อาโรเจตฺวา อเนกสกฏปูรมตฺตา รตฺตสาลิโย อาหราเปตฺวา ทาตุํ สกฺโกมี’’ติ วตฺวา ปกฺกามิ. อิตโร ปน มิตฺตทุพฺภี ‘‘ธมฺมสุธมฺมตาย กิฺจิ อวตฺวา คนฺตุํ อยุตฺตํ, เอวํ ตํ อตฺตโน สนฺติกํ อาคตํ มาเรสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘ภนฺเต, มยิ รชฺเช ปติฏฺิเต อาคจฺเฉยฺยาถ, อหํ โว จตูหิ ปจฺจเยหิ อุปฏฺหิสฺสามี’’ติ วตฺวา ปกฺกามิ. โส คนฺตฺวา น จิรสฺเสว รชฺเช ปติฏฺาสิ.

โพธิสตฺโต ‘‘วีมํสิสฺสามิ ตาว เน’’ติ ปมํ สปฺปสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา อวิทูเร ตฺวา ‘‘ทีฆา’’ติ ปกฺโกสิ. โส เอกวจเนเนว นิกฺขมิตฺวา โพธิสตฺตํ วนฺทิตฺวา ‘‘ภนฺเต, อิมสฺมึ าเน จตฺตาลีส หิรฺโกฏิโย, ตา สพฺพาปิ นีหริตฺวา คณฺหถา’’ติ อาห. โพธิสตฺโต ‘‘เอวมตฺถุ, อุปฺปนฺเน กิจฺเจ ชานิสฺสามี’’ติ ตํ นิวตฺเตตฺวา อุนฺทูรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา สทฺทมกาสิ. โสปิ ตเถว ปฏิปชฺชิ. โพธิสตฺโต ตมฺปิ นิวตฺเตตฺวา สุวสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘สุวา’’ติ ปกฺโกสิ. โสปิ เอกวจเนเนว รุกฺขคฺคโต โอตริตฺวา โพธิสตฺตํ วนฺทิตฺวา ‘‘กึ, ภนฺเต, มยฺหํ าตกานํ สนฺติกํ คนฺตฺวา หิมวนฺตปฺปเทสโต ตุมฺหากํ สยํชาตสาลี อาหราเปมี’’ติ ปุจฺฉิ. โพธิสตฺโต ‘‘อตฺเถ สติ ชานิสฺสามี’’ติ ตมฺปิ นิวตฺเตตฺวา ‘‘อิทานิ ราชานํ ปริคฺคณฺหิสฺสามี’’ติ คนฺตฺวา ราชุยฺยาเน วสิตฺวา ปุนทิวเส อากปฺปสมฺปตฺตึ กตฺวา ภิกฺขาจารวตฺเตน นครํ ปาวิสิ. ตสฺมึ ขเณ โส มิตฺตทุพฺภี ราชา อลงฺกตหตฺถิกฺขนฺธวรคโต มหนฺเตน ปริวาเรน นครํ ปทกฺขิณํ กโรติ. โส โพธิสตฺตํ ทูรโตว ทิสฺวา ‘‘อยํ โส กูฏตาปโส มม สนฺติเก ภุฺชิตฺวา วสิตุกาโม อาคโต, ยาว ปริสมชฺเฌ อตฺตโน มยฺหํ กตคุณํ นปฺปกาเสติ, ตาวเทวสฺส สีสํ ฉินฺทาเปสฺสามี’’ติ ปุริเส โอโลเกสิ. ‘‘กึ กโรม, เทวา’’ติ จ วุตฺเต ‘‘เอส กูฏตาปโส มํ กิฺจิ ยาจิตุกาโม อาคจฺฉติ มฺเ, เอตสฺส กาฬกณฺณิตาปสสฺส มํ ปสฺสิตุํ อทตฺวาว เอตํ คเหตฺวา ปจฺฉาพาหํ พนฺธิตฺวา จตุกฺเก จตุกฺเก ปหรนฺตา นครา นิกฺขาเมตฺวา อาฆาตเน สีสมสฺส ฉินฺทิตฺวา สรีรํ สูเล อุตฺตาเสถา’’ติ อาห. เต ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา คนฺตฺวา นิรปราธํ มหาสตฺตํ พนฺธิตฺวา จตุกฺเก จตุกฺเก ปหรนฺตา อาฆาตนํ เนตุํ อารภึสุ. โพธิสตฺโต ปหฏปหฏฏฺาเน ‘‘อมฺม, ตาตา’’ติ อกนฺทิตฺวา นิพฺพิกาโร อิมํ คาถมาห –

๗๓.

‘‘สจฺจํ กิเรวมาหํสุ, นรา เอกจฺจิยา อิธ;

กฏฺํ นิปฺลวิตํ เสยฺโย, น ตฺเวเวกจฺจิโย นโร’’ติ.

ตตฺถ สจฺจํ กิเรวมาหํสูติ อวิตถเมว กิร เอวํ วทนฺติ. นรา เอกจฺจิยา อิธาติ อิเธกจฺเจ ปณฺฑิตปุริสา. กฏฺํ นิปฺลวิตํ เสยฺโยติ นทิยา วุยฺหมานํ สุกฺขทารุํ นิปฺลวิตํ อุตฺตาเรตฺวา ถเล ปิตํ เสยฺโย สุนฺทรตโร. เอวฺหิ วทมานา เต ปุริสา สจฺจํ กิร วทนฺติ. กึการณา? ตฺหิ ยาคุภตฺตาทีนํ ปจนตฺถาย, สีตาตุรานํ วิสิพฺพนตฺถาย, อฺเสมฺปิ จ ปริสฺสยานํ หรณตฺถาย อุปการํ โหติ. น ตฺเวเวกจฺจิโย นโรติ เอกจฺโจ ปน มิตฺตทุพฺภี อกตฺู ปาปปุริโส โอเฆน วุยฺหมาโน หตฺเถน คเหตฺวา อุตฺตาริโต น ตฺเวว เสยฺโย. ตถา หิ อหํ อิมํ ปาปปุริสํ อุตฺตาเรตฺวา อิมํ อตฺตโน ทุกฺขํ อาหรินฺติ. เอวํ ปหฏปหฏฏฺาเน อิมํ คาถมาห.

ตํ สุตฺวา เย ตตฺถ ปณฺฑิตปุริสา, เต อาหํสุ ‘‘กึ ปน, โภ ปพฺพชิต, ตยา อมฺหากํ รฺโ อตฺถิ โกจิ คุโณ กโต’’ติ? โพธิสตฺโต ตํ ปวตฺตึ อาโรเจตฺวา ‘‘เอวมิมํ มโหฆโต อุตฺตาเรนฺโต อหเมว อตฺตโน ทุกฺขํ อกาสึ, ‘น วต เม โปราณกปณฺฑิตานํ วจนํ กต’นฺติ อนุสฺสริตฺวา เอวํ วทามี’’ติ อาห. ตํ สุตฺวา ขตฺติยพฺราหฺมณาทโย นครวาสิโน ‘‘สฺวายํ มิตฺตทุพฺภี ราชา เอวํ คุณสมฺปนฺนสฺส อตฺตโน ชีวิตทายกสฺส คุณมตฺตมฺปิ น ชานาติ, ตํ นิสฺสาย กุโต อมฺหากํ วุฑฺฒิ, คณฺหถ น’’นฺติ กุปิตา สมนฺตโต อุฏฺหิตฺวา อุสุสตฺติปาสาณมุคฺคราทิปฺปหาเรหิ หตฺถิกฺขนฺธคตเมว นํ ฆาเตตฺวา ปาเท คเหตฺวา กฑฺฒิตฺวา ปริขาปิฏฺเ ฉฑฺเฑตฺวา โพธิสตฺตํ อภิสิฺจิตฺวา รชฺเช ปติฏฺาเปสุํ.

โส ธมฺเมน รชฺชํ กาเรนฺโต ปุน เอกทิวสํ สปฺปาทโย ปริคฺคณฺหิตุกาโม มหนฺเตน ปริวาเรน สปฺปสฺส วสนฏฺานํ คนฺตฺวา ‘‘ทีฆา’’ติ ปกฺโกสิ. สปฺโป อาคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘อิทํ เต สามิ ธนํ คณฺหา’’ติ อาห. ราชา จตฺตาลีสหิรฺโกฏิธนํ อมจฺเจ ปฏิจฺฉาเปตฺวา อุนฺทูรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘อุนฺทูรา’’ติ ปกฺโกสิ. โสปิ อาคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา ตึสโกฏิธนํ นิยฺยาเทสิ. ราชา ตมฺปิ อมจฺเจ ปฏิจฺฉาเปตฺวา สุวสฺส วสนฏฺานํ คนฺตฺวา ‘‘สุวา’’ติ ปกฺโกสิ. โสปิ อาคนฺตฺวา ปาเท วนฺทิตฺวา ‘‘กึ, สามิ, สาลึ อาหรามี’’ติ อาห. ราชา ‘‘สาลีหิ อตฺเถ สติ อาหริสฺสสิ, เอหิ คจฺฉามา’’ติ สตฺตติยา หิรฺโกฏีหิ สทฺธึ เต ตโยปิ ชเน คาหาเปตฺวา นครํ คนฺตฺวา ปาสาทวเร มหาตลํ อารุยฺหํ ธนํ สงฺโคเปตฺวา สปฺปสฺส วสนตฺถาย สุวณฺณนาฬึ, อุนฺทูรสฺส ผลิกคุหํ, สุวสฺส สุวณฺณปฺชรํ การาเปตฺวา สปฺปสฺส จ สุวสฺส จ โภชนตฺถาย เทวสิกํ กฺจนตฏฺฏเก มธุลาเช, อุนฺทูรสฺส คนฺธสาลิตณฺฑุเล ทาเปสิ, ทานาทีนิ จ ปุฺานิ กโรติ. เอวํ เต จตฺตาโรปิ ชนา ยาวชีวํ สมคฺคา สมฺโมทมานา วิหริตฺวา ชีวิตกฺขเย ยถากมฺมํ อคมํสุ.

สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, เทวทตฺโต อิทาเนว มยฺหํ วธาย ปริสกฺกติ, ปุพฺเพปิ ปริสกฺกิเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ทุฏฺราชา เทวทตฺโต อโหสิ, สปฺโป สาริปุตฺโต, อุนฺทูโร โมคฺคลฺลาโน, สุโว อานนฺโท, ปจฺฉา รชฺชปฺปตฺโต ธมฺมราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

สจฺจํกิรชาตกวณฺณนา ตติยา.

[๗๔] ๔. รุกฺขธมฺมชาตกวณฺณนา

สาธู สมฺพหุลา าตีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อุทกกลเห อตฺตโน าตกานํ มหาวินาสํ ปจฺจุปฏฺิตํ ตฺวา อากาเสน คนฺตฺวา โรหิณีนทิยา อุปริ ปลฺลงฺเกน นิสีทิตฺวา นีลรํสึ วิสฺสชฺเชตฺวา าตเก สํเวเชตฺวา อากาสา โอรุยฺห นทีตีเร นิสินฺโน ตํ กลหํ อารพฺภ กเถสิ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน กุณาลชาตเก (ชา. ๒.๒๑.กุณาลชาตก) อาวิ ภวิสฺสติ. ตทา ปน สตฺถา าตเก อามนฺเตตฺวา ‘‘มหาราชา, ตุมฺเห าตกา, าตเกหิ นาม สมคฺเคหิ สมฺโมทมาเนหิ ภวิตุํ วฏฺฏติ. าตกานฺหิ สามคฺคิยา สติ ปจฺจามิตฺตา โอกาสํ น ลภนฺติ, ติฏฺนฺตุ ตาว มนุสฺสภูตา, อเจตนานํ รุกฺขานมฺปิ สามคฺคึ ลทฺธุํ วฏฺฏติ. อตีตสฺมิฺหิ หิมวนฺตปฺปเทเส มหาวาโต สาลวนํ ปหริ, ตสฺส ปน สาลวนสฺส อฺมฺํ รุกฺขคจฺฉคุมฺพลตาหิ สมฺพนฺธตฺตา เอกรุกฺขมฺปิ ปาเตตุํ อสกฺโกนฺโต มตฺถกมตฺถเกเนว อคมาสิ. เอกํ ปน องฺคเณ ิตํ สาขาวิฏปสมฺปนฺนมฺปิ มหารุกฺขํ อฺเหิ รุกฺเขหิ อสมฺพนฺธตฺตา อุมฺมูเลตฺวา ภูมิยํ ปาเตสิ, อิมินา การเณน ตุมฺเหหิปิ สมคฺเคหิ สมฺโมทมาเนหิ ภวิตุํ วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต ปมํ อุปฺปนฺโน เวสฺสวโณ มหาราชา จวิ, สกฺโก อฺํ เวสฺสวณํ เปสิ. เอตสฺมึ เวสฺสวเณ ปริวตฺเต ปจฺฉา นิพฺพตฺตเวสฺสวโณ ‘‘รุกฺขคจฺฉคุมฺพลตานํ อตฺตโน อตฺตโน รุจฺจนฏฺาเน วิมานํ คณฺหนฺตู’’ติ สาสนํ เปเสสิ. ตทา โพธิสตฺโต หิมวนฺตปฺปเทเส เอกสฺมึ สาลวเน รุกฺขเทวตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ. โส าตเก อาห ‘‘ตุมฺเห วิมานานิ คณฺหนฺตา องฺคเณ ิตรุกฺเขสุ มา คณฺหถ, อิมสฺมึ ปน สาลวเน มยา คหิตวิมานํ ปริวาเรตฺวา ิตวิมานานิ คณฺหถา’’ติ. ตตฺถ โพธิสตฺตสฺส วจนกรา ปณฺฑิตเทวตา โพธิสตฺตสฺส วิมานํ ปริวาเรตฺวา ิตวิมานานิ คณฺหึสุ. อปณฺฑิตา ปน เทวตา ‘‘กึ อมฺหากํ อตฺโถ อรฺวิมาเนหิ, มยํ มนุสฺสปเถ คามนิคมราชธานิทฺวาเรสุ วิมานานิ คณฺหิสฺสาม. คามาทโย หิ อุปนิสฺสาย วสมานา เทวตา ลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺตา โหนฺตี’’ติ มนุสฺสปเถ องฺคณฏฺาเน นิพฺพตฺตมหารุกฺเขสุ วิมานานิ คณฺหึสุ.

อเถกสฺมึ ทิวเส มหตี วาตวุฏฺิ อุปฺปชฺชิ. วาตสฺส อติพลวตาย ทฬฺหมูลา วนเชฏฺกรุกฺขาปิ สํภคฺคสาขาวิฏปา สมูลา นิปตึสุ. ตํ ปน อฺมฺํ สมฺพนฺธเนน ิตํ สาลวนํ ปตฺวา อิโต จิโต จ ปหรนฺโต เอกรุกฺขมฺปิ ปาเตตุํ นาสกฺขิ. ภคฺควิมานา เทวตา นิปฺปฏิสรณา ทารเก หตฺเถสุ คเหตฺวา หิมวนฺตํ คนฺตฺวา อตฺตโน ปวตฺตึ สาลวนเทวตานํ กถยึสุ. ตา ตาสํ เอวํ อาคตภาวํ โพธิสตฺตสฺส อาโรเจสุํ. โพธิสตฺโต ‘‘ปณฺฑิตานํ วจนํ อคฺคเหตฺวา นิปฺปจฺจยฏฺานํ คตา นาม เอวรูปาว โหนฺตี’’ติ วตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๗๔.

‘‘สาธู สมฺพหุลา าตี, อปิ รุกฺขา อรฺชา;

วาโต วหติ เอกฏฺํ, พฺรหนฺตมฺปิ วนปฺปติ’’นฺติ.

ตตฺถ สมฺพหุลา าตีติ จตฺตาโร อุปาทาย ตตุตฺตริ สตสหสฺสมฺปิ สมฺพหุลา นาม, เอวํ สมฺพหุลา อฺมฺํ นิสฺสาย วสนฺตา าตกา. สาธูติ โสภนา ปสตฺถา, ปเรหิ อปฺปธํสิยาติ อตฺโถ. อปิ รุกฺขา อรฺชาติ ติฏฺนฺตุ มนุสฺสภูตา, อรฺเ ชาตรุกฺขาปิ สมฺพหุลา อฺมฺูปตฺถมฺเภน ิตา สาธุเยว. รุกฺขานมฺปิ หิ สปจฺจยภาโว ลทฺธุํ วฏฺฏติ. วาโต วหติ เอกฏฺนฺติ ปุรตฺถิมาทิเภโท วาโต วายนฺโต องฺคณฏฺาเน ิตํ เอกฏฺํ เอกกเมว ิตํ พฺรหนฺตมฺปิ วนปฺปตึ สาขาวิฏปสมฺปนฺนํ มหารุกฺขมฺปิ วหติ, อุมฺมูเลตฺวา ปาเตตีติ อตฺโถ. โพธิสตฺโต อิมํ การณํ กเถตฺวา อายุกฺขเย ยถากมฺมํ คโต.

สตฺถาปิ ‘‘เอวํ, มหาราชา, าตกานํ ตาว สามคฺคิเยว ลทฺธุํ วฏฺฏติ, สมคฺคา สมฺโมทมานา ปิยสํวาสเมว วสถา’’ติ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา เทวตา พุทฺธปริสา อเหสุํ, ปณฺฑิตเทวตา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

รุกฺขธมฺมชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.

[๗๕] ๕. มจฺฉชาตกวณฺณนา

อภิตฺถนย ปชฺชุนฺนาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อตฺตนา วสฺสาปิตวสฺสํ อารพฺภ กเถสิ. เอกสฺมึ กิร สมเย โกสลรฏฺเ เทโว น วสฺสิ, สสฺสานิ มิลายนฺติ, เตสุ เตสุ าเนสุ ตฬากโปกฺขรณิสรานิ สุสฺสนฺติ. เชตวนทฺวารโกฏฺกสมีเป เชตวนโปกฺขรณิยาปิ อุทกํ ฉิชฺชิ. กลลคหนํ ปวิสิตฺวา นิปนฺเน มจฺฉกจฺฉเป กากกุลลาทโย กณยคฺคสทิเสหิ ตุณฺเฑหิ โกฏฺเฏตฺวา นีหริตฺวา นีหริตฺวา วิปฺผนฺทมาเน ขาทนฺติ.

สตฺถา มจฺฉกจฺฉปานํ ตํ พฺยสนํ ทิสฺวา มหากรุณาย อุสฺสาหิตหทโย ‘‘อชฺช มยา เทวํ วสฺสาเปตุํ วฏฺฏตี’’ติ ปภาตาย รตฺติยา สรีรปฏิชคฺคนํ กตฺวา ภิกฺขาจารเวลํ สลฺลกฺเขตฺวา มหาภิกฺขุสงฺฆปริวุโต พุทฺธลีลาย สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย ปวิสิตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต สาวตฺถิโต วิหารํ คจฺฉนฺโต เชตวนโปกฺขรณิยา โสปาเน ตฺวา อานนฺทตฺเถรํ อามนฺเตสิ ‘‘อานนฺท, อุทกสาฏิกํ อาหร, เชตวนโปกฺขรณิยํ นฺหายิสฺสามี’’ติ. ‘‘นนุ, ภนฺเต, เชตวนโปกฺขรณิยํ อุทกํ ฉินฺนํ, กลลมตฺตเมว อวสิฏฺ’’นฺติ? ‘‘อานนฺท, พุทฺธพลํ นาม มหนฺตํ, อาหร ตฺวํ อุทกสาฏิก’’นฺติ. เถโร อาหริตฺวา อทาสิ. สตฺถา เอเกนนฺเตน อุทกสาฏิกํ นิวาเสตฺวา เอเกนนฺเตน สรีรํ ปารุปิตฺวา ‘‘เชตวนโปกฺขรณิยํ นฺหายิสฺสามี’’ติ โสปาเน อฏฺาสิ. ตงฺขณฺเว สกฺกสฺส ปณฺฑุกมฺพลสิลาสนํ อุณฺหาการํ ทสฺเสสิ. โส ‘‘กึ นุ โข’’ติ อาวชฺเชนฺโต ตํ การณํ ตฺวา วสฺสวลาหกเทวราชานํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘ตาต, สตฺถา ‘เชตวนโปกฺขรณิยํ นฺหายิสฺสามี’ติ ธุรโสปาเน ิโต, ขิปฺปํ สกลโกสลรฏฺํ เอกเมฆํ กตฺวา วสฺสาเปหี’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา เอกํ วลาหกํ นิวาเสตฺวา เอกํ ปารุปิตฺวา เมฆคีตํ คายนฺโต ปาจีนโลกธาตุอภิมุโข ปกฺขนฺทิ. ปาจีนทิสาภาเค ขลมณฺฑลมตฺตํ เอกํ เมฆปฏลํ อุฏฺาย สตปฏลํ สหสฺสปฏลํ หุตฺวา อภิตฺถนนฺตํ วิชฺชุลตา นิจฺฉาเรนฺตํ อโธมุขํ ปิตอุทกกุมฺภากาเรน วสฺสมานํ สกลโกสลรฏฺํ มโหเฆน วิย อชฺโฌตฺถริ. เทโว อจฺฉินฺนธารํ วสฺสนฺโต มุหุตฺเตเนว เชตวนโปกฺขรณึ ปูเรสิ, ธุรโสปานํ อาหจฺจ อุทกํ อฏฺาสิ.

สตฺถา โปกฺขรณิยํ นฺหายิตฺวา สุรตฺตทุปฏฺฏํ นิวาเสตฺวา กายพนฺธนํ พนฺธิตฺวา สุคตมหาจีวรํ เอกํสํ กตฺวา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต คนฺตฺวา คนฺธกุฏิปริเวเณ ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสีทิตฺวา ภิกฺขุสงฺเฆน วตฺเต ทสฺสิเต อุฏฺาย มณิโสปานผลเก ตฺวา ภิกฺขุสงฺฆสฺส โอวาทํ ทตฺวา อุยฺโยเชตฺวา สุรภิคนฺธกุฏึ ปวิสิตฺวา ทกฺขิเณน ปสฺเสน สีหเสยฺยํ กปฺเปตฺวา สายนฺหสมเย ธมฺมสภายํ สนฺนิปติตานํ ภิกฺขูนํ ‘‘ปสฺสถาวุโส, ทสพลสฺส ขนฺติเมตฺตานุทฺทยสมฺปตฺตึ, วิวิธสสฺเสสุ มิลายนฺเตสุ นานาชลาสเยสุ สุสฺสนฺเตสุ มจฺฉกจฺฉเปสุ มหาทุกฺขํ ปาปุณนฺเตสุ การุฺํ ปฏิจฺจ ‘มหาชนํ ทุกฺขา โมเจสฺสามี’ติ อุทกสาฏิกํ นิวาเสตฺวา เชตวนโปกฺขรณิยา ธุรโสปาเน ตฺวา มุหุตฺเตน สกลโกสลรฏฺํ มโหเฆน โอปิลาเปนฺโต วิย เทวํ วสฺสาเปตฺวา มหาชนํ กายิกเจตสิกทุกฺขโต โมเจตฺวา วิหารํ ปวิฏฺโ’’ติ กถาย วตฺตมานาย คนฺธกุฏิโต นิกฺขมิตฺวา ธมฺมสภํ อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, ตถาคโต อิทาเนว มหาชเน กิลมนฺเต เทวํ วสฺสาเปติ, ปุพฺเพ ติรจฺฉานโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา มจฺฉราชกาเลปิ วสฺสาเปสิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต อิมสฺมึเยว โกสลรฏฺเ อิมิสฺสา สาวตฺถิยา อิมสฺมึเยว เชตวนโปกฺขรณิฏฺาเน เอกา วลฺลิคหนปริกฺขิตฺตา กนฺทรา อโหสิ. ตทา โพธิสตฺโต มจฺฉโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา มจฺฉคณปริวุโต ตตฺถ ปฏิวสติ. ยถา ปน อิทานิ, เอวเมว ตทาปิ ตสฺมึ รฏฺเ เทโว น วสฺสิ, มนุสฺสานํ สสฺสานิ มิลายึสุ, วาปิตฬากกนฺทราทีสุ อุทกํ ฉิชฺชิ, มจฺฉกจฺฉปา กลลคหนํ ปวิสึสุ. อิมิสฺสาปิ กนฺทราย มจฺฉกจฺฉปา กลลคหนํ ปวิสิตฺวา ตสฺมึ ตสฺมึ าเน นิลียึสุ. กากาทโย ตุณฺเฑน โกฏฺเฏตฺวา นีหริตฺวา ขาทึสุ.

โพธิสตฺโต าติสงฺฆสฺส ตํ พฺยสนํ ทิสฺวา ‘‘อิมํ เตสํ ทุกฺขํ เปตฺวา มํ อฺโ โมเจตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ, สจฺจกิริยํ กตฺวา เทวํ วสฺสาเปตฺวา าตเก มรณทุกฺขา โมเจสฺสามี’’ติ กาฬวณฺณํ กทฺทมํ ทฺวิธา วิยูหิตฺวา นิกฺขมิตฺวา อฺชนรุกฺขสารฆฏิกวณฺโณ มหามจฺโฉ สุโธตโลหิตงฺคมณิคุฬสทิสานิ อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา อากาสํ อุลฺโลเกตฺวา ปชฺชุนฺนเทวราชสฺส สทฺทํ ทตฺวา ‘‘โภ ปชฺชุนฺน, อหํ าตเก นิสฺสาย ทุกฺขิโต, ตฺวํ มยิ สีลวนฺเต กิลมนฺเต กสฺมา เทวํ น วสฺสาเปสิ? มยา สมานชาติกานํ ขาทนฏฺาเน นิพฺพตฺติตฺวา ตณฺฑุลปฺปมาณมฺปิ มจฺฉํ อาทึ กตฺวา ขาทิตปุพฺโพ นาม นตฺถิ, อฺโปิ เม ปาโณ ชีวิตา น โวโรปิตปุพฺโพ, อิมินา สจฺเจน เทวํ วสฺสาเปตฺวา าติสงฺฆํ เม ทุกฺขา โมเจหี’’ติ วตฺวา ปริจารกเจฏกํ อาณาเปนฺโต วิย ปชฺชุนฺนเทวราชานํ อาลปนฺโต อิมํ คาถมาห –

๗๕.

‘‘อภิตฺถนย ปชฺชุนฺน, นิธึ กากสฺส นาสย;

กากํ โสกาย รนฺเธหิ, มฺจ โสกา ปโมจยา’’ติ.

ตตฺถ อภิตฺถนย ปชฺชุนฺนาติ ปชฺชุนฺโน วุจฺจติ เมโฆ, อยํ ปน เมฆวเสน ลทฺธนามํ วสฺสวลาหกเทวราชานํ อาลปติ. อยํ กิรสฺส อธิปฺปาโย – เทโว นาม อนภิตฺถนนฺโต วิชฺชุลตา อนิจฺฉาเรนฺโต วสฺสนฺโตปิ น โสภติ, ตสฺมา ตฺวํ อภิตฺถนนฺโต วิชฺชุลตา นิจฺฉาเรนฺโต วสฺสาเปหีติ. นิธึ กากสฺส นาสยาติ กากา กลลํ ปวิสิตฺวา ิเต มจฺเฉ ตุณฺเฑน โกฏฺเฏตฺวา นีหริตฺวา ขาทนฺติ, ตสฺมา เตสํ อนฺโตกลเล มจฺฉา ‘‘นิธี’’ติ วุจฺจนฺติ, ตํ กากสงฺฆสฺส นิธึ เทวํ วสฺสาเปนฺโต อุทเกน ปฏิจฺฉาเทตฺวา นาเสหีติ. กากํ โสกาย รนฺเธหีติ กากสงฺโฆ อิมิสฺสา กนฺทราย อุทเกน ปุณฺณาย มจฺเฉ อลภมาโน โสจิสฺสติ, ตํ กากคณํ ตฺวํ อิมํ กนฺทรํ ปูเรนฺโต โสกาย รนฺเธหิ, โสกสฺสตฺถาย มจฺฉสฺส อสฺสาสตฺถาย เทวํ วสฺสาเปหิ. ยถา อนฺโตนิชฺฌานลกฺขณํ โสกํ ปาปุณาติ, เอวํ กโรหีติ อตฺโถ, มฺจ โสกา ปโมจยาติ เอตฺถ -กาโร สมฺปิณฺฑนตฺโถ, มฺจ มม าตเก จ สพฺเพว อิมมฺหา มรณโสกา โมเจหีติ.

เอวํ โพธิสตฺโต ปริจารกเจฏกํ อาณาเปนฺโต วิย ปชฺชุนฺนํ อาลปิตฺวา สกลโกสลรฏฺเ มหาวสฺสํ วสฺสาเปตฺวา มหาชนํ มรณทุกฺขา โมเจตฺวา ชีวิตปริโยสาเน ยถากมฺมํ คโต.

สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, ตถาคโต อิทาเนว เทวํ วสฺสาเปติ, ปุพฺเพ มจฺฉโยนิยํ นิพฺพตฺโตปิ วสฺสาเปสิเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา มจฺฉคณา พุทฺธปริสา อเหสุํ, ปชฺชุนฺนเทวราชา อานนฺโท, มจฺฉราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

มจฺฉชาตกวณฺณนา ปฺจมา.

[๗๖] ๖. อสงฺกิยชาตกวณฺณนา

อสงฺกิโยมฺหิ คามมฺหีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ สาวตฺถิวาสึ อุปาสกํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิร โสตาปนฺโน อริยสาวโก เกนจิเทว กรณีเยน เอเกน สกฏสตฺถวาเหน สทฺธึ มคฺคํ ปฏิปชฺชิตฺวา เอกสฺมึ อรฺฏฺาเน สกฏานิ โมเจตฺวา ขนฺธาวารพนฺเธ กเต สตฺถวาหสฺส อวิทูเร อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล จงฺกมติ. อถตฺตโน กาลํ สลฺลกฺเขตฺวา ปฺจสตา โจรา ‘‘ขนฺธาวารํ วิลุมฺปิสฺสามา’’ติ ธนุมุคฺคราทิหตฺถา ตํ านํ ปริวารยึสุ. อุปาสโกปิ จงฺกมติเยว. โจรา นํ ทิสฺวา ‘‘อทฺธา เอส ขนฺธาวารรกฺขโก ภวิสฺสติ, อิมสฺส นิทฺทํ โอกฺกนฺตกาเล วิลุมฺปิสฺสามา’’ติ อชฺโฌตฺถริตุํ อสกฺโกนฺตา ตตฺถ ตตฺเถว อฏฺํสุ. โสปิ อุปาสโก ปมยาเมปิ มชฺฌิมยาเมปิ ปจฺฉิมยาเมปิ จงฺกมนฺโตเยว อฏฺาสิ. ปจฺจูสกาเล ชาเต โจรา โอกาสํ อลภนฺตา คหิเต ปาสาณมุคฺคราทโย ฉฑฺเฑตฺวา ปลายึสุ.

อุปาสโกปิ อตฺตโน กมฺมํ นิฏฺาเปตฺวา ปุน สาวตฺถึ อาคนฺตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ภนฺเต, อตฺตานํ รกฺขมานา ปรรกฺขกา โหนฺตี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, อุปาสก, อตฺตานํ รกฺขนฺโต ปรมฺปิ รกฺขติ, ปรํ รกฺขนฺโต อตฺตานมฺปิ รกฺขตี’’ติ. โส ‘‘ยาว สุภาสิตฺจิทํ, ภนฺเต, ภควตา, อหํ เอเกน สตฺถวาเหน สทฺธึ มคฺคํ ปฏิปนฺโน รุกฺขมูเล จงฺกมนฺโต ‘มํ รกฺขิสฺสามี’ติ สกลสตฺถํ รกฺขิ’’นฺติ อาห. สตฺถา ‘‘อุปาสก, ปุพฺเพปิ ปณฺฑิตา อตฺตานํ รกฺขนฺตา ปรํ รกฺขึสู’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต กาเมสุ อาทีนวํ ทิสฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา หิมวนฺเต วสนฺโต โลณมฺพิลเสวนตฺถาย ชนปทํ อาคนฺตฺวา ชนปทจาริกํ จรนฺโต เอเกน สตฺถวาเหน สทฺธึ มคฺคํ ปฏิปชฺชิตฺวา เอกสฺมึ อรฺฏฺาเน สตฺเถ นิวิฏฺเ สตฺถโต อวิทูเร ฌานสุเขน วีตินาเมนฺโต อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล จงฺกมนฺโต อฏฺาสิ. อถ โข ปฺจสตา โจรา ‘‘สายมาสภตฺตสฺส ภุตฺตกาเล ตํ สกฏสตฺถํ วิลุมฺปิสฺสามา’’ติ อาคนฺตฺวา ปริวารยึสุ. เต ตํ ตาปสํ ทิสฺวา ‘‘สเจ อยํ อมฺเห ปสฺสิสฺสติ, สตฺถวาสิกานํ อาโรเจสฺสติ, เอตสฺส นิทฺทูปคตเวลาย วิลุมฺปิสฺสามา’’ติ ตตฺเถว อฏฺํสุ. ตาปโส สกลมฺปิ รตฺตึ จงฺกมิเยว. โจรา โอกาสํ อลภิตฺวา คหิตคหิเต มุคฺครปาสาเณ ฉฑฺเฑตฺวา สกฏสตฺถวาสีนํ สทฺทํ ทตฺวา ‘‘โภนฺโต, สตฺถวาสิโน สเจ เอส รุกฺขมูเล จงฺกมนกตาปโส อชฺช นาภวิสฺส, สพฺเพ มหาวิโลปํ ปตฺตา อภวิสฺสถ, สฺเว ตาปสสฺส มหาสกฺการํ กเรยฺยาถา’’ติ วตฺวา ปกฺกมึสุ.

เต ปภาตาย รตฺติยา โจเรหิ ฉฑฺฑิเต มุคฺครปาสาณาทโย ทิสฺวา ภีตา โพธิสตฺตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘ภนฺเต, ทิฏฺา โว โจรา’’ติ ปุจฺฉึสุ. ‘‘อามาวุโส, ทิฏฺา’’ติ. ‘‘ภนฺเต, เอตฺตเกโว โจเร ทิสฺวา ภยํ วา สารชฺชํ วา น อุปฺปชฺชี’’ติ? โพธิสตฺโต ‘‘อาวุโส โจเร ทิสฺวา ภยํ นาม สธนสฺส โหติ, อหํ ปน นิทฺธโน, สฺวาหํ กึ ภายิสฺสามิ. มยฺหฺหิ คาเมปิ อรฺเปิ วสนฺตสฺส ภยํ วา สารชฺชํ วา นตฺถี’’ติ วตฺวา เตสํ ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๗๖.

‘‘อสงฺกิโยมฺหิ คามมฺหิ, อรฺเ นตฺถิ เม ภยํ;

อุชุมคฺคํ สมารุฬฺโห, เมตฺตาย กรุณาย จา’’ติ.

ตตฺถ อสงฺกิโยมฺหิ คามมฺหีติ สงฺกาย นิยุตฺโต ปติฏฺิโตติ สงฺกิโย, น สงฺกิโย อสงฺกิโย. อหํ คาเม วสนฺโตปิ สงฺกาย อปฺปติฏฺิตตฺตา อสงฺกิโย นิพฺภโย นิราสงฺโกติ ทีเปติ. อรฺเติ คามคามูปจารวินิมุตฺเต าเน. อุชุมคฺคํ สมารุฬฺโห, เมตฺตาย กรุณาย จาติ อหํ ติกจตุกฺกชฺฌานิกาหิ เมตฺตากรุณาหิ กายวงฺกาทิวิรหิตํ อุชุํ พฺรหฺมโลกคามิมคฺคํ อารุฬฺโหติ วทติ. อถ วา ปริสุทฺธสีลตาย กายวจีมโนวงฺกวิรหิตํ อุชุํ เทวโลกมคฺคํ อารุฬฺโหมฺหีติ ทสฺเสตฺวา ตโต อุตฺตริ เมตฺตาย กรุณาย จ ปติฏฺิตตฺตา อุชุํ พฺรหฺมโลกมคฺคมฺปิ อารุฬฺโหมฺหีติปิ ทสฺเสติ. อปริหีนชฺฌานสฺส หิ เอกนฺเตน พฺรหฺมโลกปรายณตฺตา เมตฺตากรุณาทโย อุชุมคฺคา นาม.

เอวํ โพธิสตฺโต อิมาย คาถาย ธมฺมํ เทเสตฺวา ตุฏฺจิตฺเตหิ เตหิ มนุสฺเสหิ สกฺกโต ปูชิโต ยาวชีวํ จตฺตาโร พฺรหฺมวิหาเร ภาเวตฺวา พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺติ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา สตฺถวาสิโน พุทฺธปริสา อเหสุํ, ตาปโส ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

อสงฺกิยชาตกวณฺณนา ฉฏฺา.

[๗๗] ๗. มหาสุปินชาตกวณฺณนา

ลาพูนิ สีทนฺตีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โสฬส มหาสุปิเน อารพฺภ กเถสิ. เอกทิวสํ กิร โกสลมหาราชา รตฺตึ นิทฺทูปคโต ปจฺฉิมยาเม โสฬส มหาสุปิเน ทิสฺวา ภีตตสิโต ปพุชฺฌิตฺวา ‘‘อิเมสํ สุปินานํ ทิฏฺตฺตา กึ นุ โข เม ภวิสฺสตี’’ติ มรณภยตชฺชิโต สยนปิฏฺเ นิสินฺนโกว รตฺตึ วีตินาเมสิ.

อถ นํ ปภาตาย รตฺติยา พฺราหฺมณปุโรหิตา อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘สุขํ สยิตฺถ, มหาราชา’’ติ ปุจฺฉึสุ. ‘‘กุโต เม อาจริยา สุขํ, อชฺชาหํ ปจฺจูสสมเย โสฬส มหาสุปิเน ปสฺสึ, โสมฺหิ เตสํ ทิฏฺกาลโต ปฏฺาย ภยปฺปตฺโต’’ติ. ‘‘วเทถ, มหาราช, สุตฺวา ชานิสฺสามา’’ติ วุตฺตํ พฺราหฺมณานํ ทิฏฺสุปิเน กเถตฺวา ‘‘กึ นุ โข เม อิเมสํ ทิฏฺการณา ภวิสฺสตี’’ติ ปุจฺฉิ. พฺราหฺมณา หตฺเถ วิธุนึสุ. ‘‘กสฺมา หตฺเถ วิธุนถา’’ติ จ วุตฺเต ‘‘กกฺขฬา, มหาราช, สุปินา’’ติ. ‘‘กา เตสํ นิปฺผตฺติ ภวิสฺสตี’’ติ? ‘‘รชฺชนฺตราโย ชีวิตนฺตราโย โภคนฺตราโยติ อิเมสํ ติณฺณํ อนฺตรายานํ อฺตโร’’ติ. ‘‘สปฺปฏิกมฺมา, อปฺปฏิกมฺมา’’ติ? ‘‘กามํ เอเต สุปินา อติผรุสตฺตา อปฺปฏิกมฺมา, มยํ ปน เต สปฺปฏิกมฺเม กริสฺสาม, เอเต ปฏิกฺกมาเปตุํ อสกฺโกนฺตานํ อมฺหากํ สิกฺขิตภาโว นาม กึ กริสฺสตี’’ติ. ‘‘กึ ปน กตฺวา ปฏิกฺกมาเปสฺสถา’’ติ? ‘‘สพฺพจตุกฺเกน ยฺํ ยชิสฺสาม, มหาราชา’’ติ. ราชา ภีตตสิโต ‘‘เตน หิ อาจริยา มม ชีวิตํ ตุมฺหากํ หตฺเถ โหตุ, ขิปฺปํ เม โสตฺถึ กโรถา’’ติ อาห. พฺราหฺมณา ‘‘พหุํ ธนํ ลภิสฺสาม, พหุํ ขชฺชโภชฺชํ อาหราเปสฺสามา’’ติ หฏฺตุฏฺา ‘‘มา จินฺตยิตฺถ, มหาราชา’’ติ ราชานํ สมสฺสาเสตฺวา ราชนิเวสนา นิกฺขมิตฺวา พหินคเร ยฺาวาฏํ กตฺวา พหู จตุปฺปทคเณ ถูณูปนีเต กตฺวา ปกฺขิคเณ สมาหริตฺวา ‘‘อิทฺจิทฺจ ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ ปุนปฺปุนํ สฺจรนฺติ.

อถ โข มลฺลิกา เทวี ตํ การณํ ตฺวา ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิ ‘‘กึ นุ โข, มหาราช, พฺราหฺมณา ปุนปฺปุนํ สฺจรนฺตี’’ติ? ‘‘สุขิตา, ตฺวํ ภทฺเท, อมฺหากํ กณฺณมูเล อาสีวิสํ จรนฺตํ น ชานาสี’’ติ. ‘‘กึ เอตํ, มหาราชา’’ติ? มยา เอวรูปา ทุสฺสุปินา ทิฏฺา, พฺราหฺมณา ‘‘ติณฺณํ อนฺตรายานํ อฺตโร ปฺายตี’’ติ วตฺวา ‘‘‘เตสํ ปฏิฆาตาย ยฺํ ยชิสฺสามา’ติ วตฺวา ปุนปฺปุนํ สฺจรนฺตี’’ติ. ‘‘กึ ปน เต, มหาราช, สเทวเก โลเก อคฺคพฺราหฺมโณ สุปินปฏิกมฺมํ ปุจฺฉิโต’’ติ? ‘‘กตโร ปเนส, ภทฺเท, สเทวเก โลเก อคฺคพฺราหฺมโณ’’ติ. ‘‘สเทวเก โลเก อคฺคปุคฺคลํ สพฺพฺุํ วิสุทฺธํ นิกฺกิเลสํ มหาพฺราหฺมณํ น ชานาสิ. โส หิ ภควา สุปินนฺตรํ ชาเนยฺย, คจฺฉ ตฺวํ ปุจฺฉ ตํ, มหาราชา’’ติ. ‘‘สาธุ, เทวี’’ติ ราชา วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา นิสีทิ.

สตฺถา มธุรสฺสรํ นิจฺฉาเรตฺวา ‘‘กึ นุ โข, มหาราช, อติปฺปโคว อาคโตสี’’ติ อาห. อหํ, ภนฺเต, ปจฺจูสสมเย โสฬส มหาสุปิเน ทิสฺวา ภีโต พฺราหฺมณานํ อาโรเจสึ. พฺราหฺมณา ‘‘กกฺขฬา, มหาราช, สุปินา, เอเตสํ ปฏิฆาตตฺถาย สพฺพจตุกฺเกน ยฺํ ยชิสฺสามา’’ติ ยฺํ สชฺเชนฺติ, พหู ปาณา มรณภยตชฺชิตา, ตุมฺเห จ สเทวเก โลเก อคฺคปุคฺคลา, อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ อุปาทาย นตฺถิ โส เยฺยธมฺโม, โย โว าณมุเข อาปาถํ นาคจฺฉติ. ‘‘เอเตสํ เม สุปินานํ นิปฺผตฺตึ กเถถ ภควา’’ติ. ‘‘เอวเมตํ, มหาราช, สเทวเก โลเก มํ เปตฺวา อฺโ เอเตสํ สุปินานํ อนฺตรํ วา นิปฺผตฺตึ วา ชานิตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ, อหํ เต กเถสฺสามิ, อปิจ โข ตฺวํ ทิฏฺทิฏฺนิยาเมเนว สุปิเน กเถหี’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ ราชา ทิฏฺนิยาเมเนว กเถนฺโต –

‘‘อุสภา รุกฺขา คาวิโย ควา จ,

อสฺโส กํโส สิงฺคาลี จ กุมฺโภ;

โปกฺขรณี จ อปากจนฺทนํ.

‘‘ลาพูนิ สีทนฺติ สิลา ปฺลวนฺติ, มณฺฑูกิโย กณฺหสปฺเป คิลนฺติ;

กากํ สุวณฺณา ปริวารยนฺติ, ตสา วกา เอฬกานํ ภยา หี’’ติ. –

อิมํ มาติกํ นิกฺขิปิตฺวา กเถสิ.

(๑) อหํ, ภนฺเต, เอกํ ตาว สุปินํ เอวํ อทฺทสํ – จตฺตาโร อฺชนวณฺณา กาฬอุสภา ‘‘ยุชฺฌิสฺสามา’’ติ จตูหิ ทิสาหิ ราชงฺคณํ อาคนฺตฺวา ‘‘อุสภยุทฺธํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ มหาชเน สนฺนิปติเต ยุชฺฌนาการํ ทสฺเสตฺวา นทิตฺวา คชฺชิตฺวา อยุชฺฌิตฺวาว ปฏิกฺกนฺตา. อิมํ ปมํ สุปินํ อทฺทสํ, อิมสฺส โก วิปาโกติ? ‘‘มหาราช, อิมสฺส วิปาโก เนว ตว, น มม กาเล ภวิสฺสติ, อนาคเต ปน อธมฺมิกานํ กปณราชูนํ อธมฺมิกานฺจ มนุสฺสานํ กาเล โลเก วิปริวตฺตมาเน กุสเล โอสฺสนฺเน, อกุสเล อุสฺสนฺเน, โลกสฺส ปริหายนกาเล เทโว น สมฺมา วสฺสิสฺสติ, เมฆปาทา ปจฺฉิชฺชิสฺสนฺติ, สสฺสานิ มิลายิสฺสนฺติ, ทุพฺภิกฺขํ ภวิสฺสติ, วสฺสิตุกามา วิย จตูหิ ทิสาหิ เมฆา อุฏฺหิตฺวา อิตฺถิกาหิ อาตเป ปตฺถฏานํ วีหิอาทีนํ เตมนภเยน อนฺโตปเวสิตกาเล ปุริเสสุ กุทฺทาลปิฏกหตฺเถสุ อาฬิพนฺธนตฺถาย นิกฺขนฺเตสุ วสฺสนาการํ ทสฺเสตฺวา คชฺชิตฺวา วิชฺชุลตา นิจฺฉาเรตฺวา เต อุสภา วิย อยุชฺฌิตฺวา อวสฺสิตฺวาว ปลายิสฺสนฺติ. อยเมตสฺส วิปาโก. ตุยฺหํ ปน ตปฺปจฺจยา โกจิ อนฺตราโย นตฺถิ, อนาคตํ อารพฺภ ทิฏฺโ สุปิโน เอส, พฺราหฺมณา ปน อตฺตโน ชีวิตวุตฺตึ นิสฺสาย กถยึสู’’ติ เอวํ สตฺถา สุปินสฺส นิปฺผตฺตึ กเถตฺวา อาห ‘‘ทุติยํ กเถหิ, มหาราชา’’ติ.

(๒) ทุติยาหํ, ภนฺเต, เอวํ อทฺทสํ – ขุทฺทกา รุกฺขา เจว คจฺฉา จ ปถวึ ภินฺทิตฺวา วิทตฺถิมตฺตมฺปิ รตนมตฺตมฺปิ อนุคฺคนฺตฺวาว ปุปฺผนฺติ เจว ผลนฺติ จ. อิมํ ทุติยํ อทฺทสํ, อิมสฺส โก วิปาโกติ? มหาราช, อิมสฺสาปิ วิปาโก โลกสฺส ปริหายนกาเล มนุสฺสานํ ปริตฺตายุกกาเล ภวิสฺสติ. อนาคตสฺมิฺหิ สตฺตา ติพฺพราคา ภวิสฺสนฺติ, อสมฺปตฺตวยาว กุมาริโย ปุริสนฺตรํ คนฺตฺวา อุตุนิโย เจว คพฺภินิโย จ หุตฺวา ปุตฺตธีตาหิ วฑฺฒิสฺสนฺติ. ขุทฺทกรุกฺขานํ ปุปฺผํ วิย หิ ตาสํ อุตุนิภาโว, ผลํ วิย จ ปุตฺตธีตโร ภวิสฺสนฺติ. อิโตนิทานมฺปิ เต ภยํ นตฺถิ, ตติยํ กเถหิ, มหาราชาติ.

(๓) คาวิโย, ภนฺเต, ตทหุชาตานํ วจฺฉกานํ ขีรํ ปิวนฺติโย อทฺทสํ. อยํ เม ตติโย สุปิโน, อิมสฺส โก วิปาโกติ? อิมสฺสาปิ วิปาโก อนาคเต เอว มนุสฺสานํ เชฏฺาปจายิกกมฺมสฺส นฏฺกาเล ภวิสฺสติ. อนาคตสฺมิฺหิ สตฺตา มาตาปิตูสุ วา สสฺสุสสุเรสุ วา ลชฺชํ อนุปฏฺาเปตฺวา สยเมว กุฏุมฺพํ สํวิทหนฺตาว ฆาสจฺฉาทนมตฺตมฺปิ มหลฺลกานํ ทาตุกามา ทสฺสนฺติ, อทาตุกามา น ทสฺสนฺติ. มหลฺลกา อนาถา อสยํวสี ทารเก อาราเธตฺวา ชีวิสฺสนฺติ ตทหุชาตานํ วจฺฉกานํ ขีรํ ปิวนฺติโย มหาคาวิโย วิย. อิโตนิทานมฺปิ เต ภยํ นตฺถิ, จตุตฺถํ กเถหิ, มหาราชาติ.

(๔) ธุรวาเห, ภนฺเต, อาโรหปริณาหสมฺปนฺเน มหาโคเณยุคปรมฺปราย อโยเชตฺวา ตรุเณ โคทมฺเม ธุเร โยเชนฺเต อทฺทสํ. เต ธุรํ วหิตุํ อสกฺโกนฺตา ฉฑฺเฑตฺวา อฏฺํสุ, สกฏานิ นปฺปวฏฺฏึสุ. อยํ เม จตุตฺโถ สุปิโน, อิมสฺส โก วิปาโกติ? อิมสฺสาปิ วิปาโก อนาคเต เอว อธมฺมิกราชูนํ กาเล ภวิสฺสติ. อนาคตสฺมิฺหิ อธมฺมิกกปณราชาโน ปณฺฑิตานํ ปเวณิกุสลานํ กมฺมํ นิตฺถรณสมตฺถานํ มหามตฺตานํ ยสํ น ทสฺสนฺติ. ธมฺมสภายํ วินิจฺฉยฏฺาเนปิ ปณฺฑิเต โวหารกุสเล มหลฺลเก อมจฺเจ น เปสฺสนฺติ, ตพฺพิปรีตานํ ปน ตรุณตรุณานํ ยสํ ทสฺสนฺติ, ตถารูเป เอว วินิจฺฉยฏฺาเน เปสฺสนฺติ, เต ราชกมฺมานิ เจว ยุตฺตายุตฺตฺจ อชานนฺตา เนว ตํ ยสํ อุกฺขิปิตุํ สกฺขิสฺสนฺติ, น ราชกมฺมานิ นิตฺถริตุํ. เต อสกฺโกนฺตา กมฺมธุรํ ฉฑฺเฑสฺสนฺติ, มหลฺลกาปิ ปณฺฑิตามจฺจา ยสํ อลภนฺตา กิจฺจานิ นิตฺถริตุํ สมตฺถาปิ ‘‘กึ อมฺหากํ เอเตหิ, มยํ พาหิรกา ชาตา, อพฺภนฺตริกา ตรุณทารกา ชานิสฺสนฺตี’’ติ อุปฺปนฺนานิ กมฺมานิ น กริสฺสนฺติ, เอวํ สพฺพถาปิ เตสํ ราชูนํ หานิเยว ภวิสฺสติ, ธุรํ วหิตุํ อสมตฺถานํ วจฺฉทมฺมานํ ธุเร โยชิตกาโล วิย, ธุรวาหานฺจ มหาโคณานํ ยุคปรมฺปราย อโยชิตกาโล วิย ภวิสฺสติ. อิโตนิทานมฺปิ เต ภยํ นตฺถิ, ปฺจมํ กเถหิ, มหาราชาติ.

(๕) ภนฺเต, เอกํ อุภโตมุขํ อสฺสํ อทฺทสํ, ตสฺส ทฺวีสุ ปสฺเสสุ ยวสํ เทนฺติ, โส ทฺวีหิ มุเขหิ ขาทติ. อยํ เม ปฺจโม สุปิโน, อิมสฺส โก วิปาโกติ? อิมสฺสาปิ อนาคเต อธมฺมิกราชกาเลเยว วิปาโก ภวิสฺสติ. อนาคตสฺมิฺหิ อธมฺมิกา พาลราชาโน อธมฺมิเก โลลมนุสฺเส วินิจฺฉเย เปสฺสนฺติ, เต ปาปปุฺเสุ อนาทรา พาลา สภายํ นิสีทิตฺวา วินิจฺฉยํ เทนฺตา อุภินฺนมฺปิ อตฺถปจฺจตฺถิกานํ หตฺถโต ลฺชํ คเหตฺวา ขาทิสฺสนฺติ อสฺโส วิย ทฺวีหิ มุเขหิ ยวสํ. อิโตนิทานมฺปิ เต ภยํ นตฺถิ, ฉฏฺํ กเถหิ, มหาราชาติ.

(๖) ภนฺเต, มหาชโน สตสหสฺสคฺฆนิกํ สุวณฺณปาตึ สมฺมชฺชิตฺวา ‘‘อิธ ปสฺสาวํ กโรหี’’ติ เอกสฺส ชรสิงฺคาลสฺส อุปนาเมสิ, ตํ ตตฺถ ปสฺสาวํ กโรนฺตํ อทฺทสํ. อยํ เม ฉฏฺโ สุปิโน, อิมสฺส โก วิปาโกติ? อิมสฺสาปิ วิปาโก อนาคเตเยว ภวิสฺสติ. อนาคตสฺมิฺหิ อธมฺมิกา วิชาติราชาโน ชาติสมฺปนฺนานํ กุลปุตฺตานํ อาสงฺกาย ยสํ น ทสฺสนฺติ, อกุลีนานํเยว ทสฺสนฺติ. เอวํ มหากุลานิ ทุคฺคตานิ ภวิสฺสนฺติ, ลามกกุลานิ อิสฺสรานิ. เต จ กุลีนปุริสา ชีวิตุํ อสกฺโกนฺตา ‘‘อิเม นิสฺสาย ชีวิสฺสามา’’ติ อกุลีนานํ ธีตโร ทสฺสนฺติ, อิติ ตาสํ กุลธีตานํ อกุลีเนหิ สทฺธึ สํวาโส ชรสิงฺคาลสฺส สุวณฺณปาติยํ ปสฺสาวกรณสทิโส ภวิสฺสติ. อิโตนิทานมฺปิ เต ภยํ นตฺถิ, สตฺตมํ กเถหีติ.

(๗) ภนฺเต, เอโก ปุริโส รชฺชุํ วฏฺเฏตฺวา วฏฺเฏตฺวา ปาทมูเล นิกฺขิปติ, เตน นิสินฺนปีสฺส เหฏฺา สยิตา เอกา ฉาตสิงฺคาลี ตสฺส อชานนฺตสฺเสว ตํ ขาทติ, เอวาหํ อทฺทสํ. อยํ เม สตฺตโม สุปิโน, อิมสฺส โก วิปาโกติ? อิมสฺสาปิ อนาคเตเยว วิปาโก ภวิสฺสติ. อนาคตสฺมิฺหิ อิตฺถิโย ปุริสโลลา สุราโลลา อลงฺการโลลา วิสิขาโลลา อามิสโลลา ภวิสฺสนฺติ ทุสฺสีลา ทุราจารา, ตา สามิเกหิ กสิโครกฺขาทีนิ กมฺมานิ กตฺวา กิจฺเฉน กสิเรน สมฺภตํ ธนํ ชาเรหิ สทฺธึ สุรํ ปิวนฺติโย มาลาคนฺธวิเลปนํ ธารยมานา อนฺโตเคเห อจฺจายิกมฺปิ กิจฺจํ อโนโลเกตฺวา เคเห ปริกฺเขปสฺส อุปริภาเคนปิ ฉิทฺทฏฺาเนหิปิ ชาเร อุปธารยมานา สฺเว วปิตพฺพยุตฺตกํ พีชมฺปิ โกฏฺเฏตฺวา ยาคุภตฺตขชฺชกาทีนิ สมฺปาเทตฺวา ขาทมานา วิลุมฺปิสฺสนฺติ เหฏฺาปีเก นิปนฺนฉาตสิงฺคาลี วิย วฏฺเฏตฺวา วฏฺเฏตฺวา ปาทมูเล นิกฺขิตฺตรชฺชุํ. อิโตนิทานมฺปิ เต ภยํ นตฺถิ, อฏฺมํ กเถหีติ.

(๘) ภนฺเต, ราชทฺวาเร พหูหิ ตุจฺฉกุมฺเภหิ ปริวาเรตฺวา ปิตํ เอกํ มหนฺตํ ปูริตกุมฺภํ อทฺทสํ. จตฺตาโรปิ ปน วณฺณา จตูหิ ทิสาหิ จตูหิ อนุทิสาหิ จ ฆเฏหิ อุทกํ อาหริตฺวา อาหริตฺวา ปูริตกุมฺภเมว ปูเรนฺติ, ปูริตปูริตํ อุทกํ อุตฺตริตฺวา ปลายติ, เตปิ ปุนปฺปุนํ ตตฺเถว อุทกํ อาสิฺจนฺติ, ตุจฺฉกุมฺเภ ปน โอโลเกนฺตาปิ นตฺถิ. อยํ เม อฏฺโม สุปิโน, อิมสฺส โก วิปาโกติ? อิมสฺสาปิ อนาคเตเยว วิปาโก ภวิสฺสติ. อนาคตสฺมิฺหิ โลโก ปริหายิสฺสติ, รฏฺํ นิโรชํ ภวิสฺสติ, ราชาโน ทุคฺคตา กปณา ภวิสฺสนฺติ. โย อิสฺสโร ภวิสฺสติ, ตสฺส ภณฺฑาคาเร สตสหสฺสมตฺตา กหาปณา ภวิสฺสนฺติ, เต เอวํ ทุคฺคตา สพฺเพ ชานปเท อตฺตโนว กมฺเม กาเรสฺสนฺติ, อุปทฺทุตา มนุสฺสา สเก กมฺมนฺเต ฉฑฺเฑตฺวา ราชูนฺเว อตฺถาย ปุพฺพณฺณาปรณฺณานิ วปนฺตา รกฺขนฺตา ลายนฺตา มทฺทนฺตา ปเวเสนฺตา อุจฺฉุเขตฺตานิ กโรนฺตา ยนฺตานิ กโรนฺตา ยนฺตานิ วาเหนฺตา ผาณิตาทีนิ ปจนฺตา ปุปฺผาราเม จ ผลาราเม จ กโรนฺตา ตตฺถ ตตฺถ นิปฺผนฺนานิ ปุพฺพณฺณาทีนิ อาหริตฺวา รฺโ โกฏฺาคารเมว ปูเรสฺสนฺติ, อตฺตโน เคเหสุ ตุจฺฉโกฏฺเ โอโลเกนฺตาปิ น ภวิสฺสนฺติ, ตุจฺฉกุมฺเภ อโนโลเกตฺวา ปูริตกุมฺเภ ปูรณสทิสเมว ภวิสฺสติ. อิโตนิทานมฺปิ เต ภยํ นตฺถิ, นวมํ กเถหีติ.

(๙) ภนฺเต, เอกํ ปฺจวณฺณปทุมสฺฉนฺนํ คมฺภีรํ สพฺพโต ติตฺถํ โปกฺขรณึ อทฺทสํ. สมนฺตโต ทฺวิปทจตุปฺปทา โอตริตฺวา ตตฺถ ปานียํ ปิวนฺติ. ตสฺสา มชฺเฌ คมฺภีรฏฺาเน อุทกํ อาวิลํ, ตีรปฺปเทเสสุ ทฺวิปทจตุปฺปทานํ อกฺกมฏฺาเน อจฺฉํ วิปฺปสนฺนํ อนาวิลํ. เอวาหํ อทฺทสํ. อยํ เม นวโม สุปิโน, อิมสฺส โก วิปาโกติ? อิมสฺสาปิ อนาคเตเยว วิปาโก ภวิสฺสติ. อนาคตสฺมิฺหิ ราชาโน อธมฺมิกา ภวิสฺสนฺติ, ฉนฺทาทิวเสน อคตึ คจฺฉนฺตา รชฺชํ กาเรสฺสนฺติ, ธมฺเมน วินิจฺฉยํ นาม น ทสฺสนฺติ, ลฺชวิตฺตกา ภวิสฺสนฺติ ธนโลลา, รฏฺวาสิเกสุ เนสํ ขนฺติเมตฺตานุทฺทยา นาม น ภวิสฺสนฺติ, กกฺขฬา ผรุสา อุจฺฉุยนฺเต อุจฺฉุคณฺิกา วิย มนุสฺเส ปีเฬนฺตา นานปฺปกาเรน พลึ อุปฺปาเทนฺตา ธนํ คณฺหิสฺสนฺติ. มนุสฺสา พลิปีฬิตา กิฺจิ ทาตุํ อสกฺโกนฺตา คามนิคมาทโย ฉฑฺเฑตฺวา ปจฺจนฺตํ คนฺตฺวา วาสํ กปฺเปสฺสนฺติ, มชฺฌิมชนปโท สุฺโ ภวิสฺสติ, ปจฺจนฺโต ฆนวาโส เสยฺยถาปิ โปกฺขรณิยา มชฺเฌ อุทกํ อาวิลํ ปริยนฺเต วิปฺปสนฺนํ. อิโตนิทานมฺปิ เต ภยํ นตฺถิ, ทสมํ กเถหีติ.

(๑๐) ภนฺเต, เอกิสฺสาเยว กุมฺภิยา ปจฺจมานํ โอทนํ อปากํ อทฺทสํ ‘‘อปาก’’นฺติ วิจาเรตฺวา วิภชิตฺวา ปิตํ วิย ตีหากาเรหิ ปจฺจมานํ, เอกสฺมึ ปสฺเส อติกิลินฺโน โหติ, เอกสฺมึ อุตฺตณฺฑุโล, เอกสฺมึ สุปกฺโกติ. อยํ เม ทสโม สุปิโน, อิมสฺส โก วิปาโกติ? อิมสฺสาปิ อนาคเตเยว วิปาโก ภวิสฺสติ. อนาคตสฺมิฺหิ ราชาโน อธมฺมิกา ภวิสฺสนฺติ, เตสุ อธมฺมิเกสุ ราชยุตฺตาปิ พฺราหฺมณคหปติกาปิ เนคมชานปทาปีติ สมณพฺราหฺมเณ อุปาทาย สพฺเพ มนุสฺสา อธมฺมิกา ภวิสฺสนฺติ, ตโต เตสํ อารกฺขเทวตา, พลิปฏิคฺคาหิกา เทวตา, รุกฺขเทวตา, อากาสฏฺเทวตาติ เอวํ เทวตาปิ อธมฺมิกา ภวิสฺสนฺติ. อธมฺมิกราชูนฺจ รชฺเช วาตา วิสมา ขรา วายิสฺสนฺติ, เต อากาสฏฺวิมานานิ กมฺเปสฺสนฺติ, เตสุ กมฺปิเตสุ เทวตา กุปิตา เทวํ วสฺสิตุํ น ทสฺสนฺติ, วสฺสมาโนปิ สกลรฏฺเ เอกปฺปหาเรน น วสฺสิสฺสติ, วสฺสมาโนปิ สพฺพตฺถ กสิกมฺมสฺส วา วปฺปกมฺมสฺส วา อุปการโก หุตฺวา น วสฺสิสฺสติ. ยถา จ รฏฺเ, เอวํ ชนปเทปิ คาเมปิ เอกตฬาเกปิ เอกสเรปิ เอกปฺปหาเรเนว น วสฺสิสฺสติ, ตฬากสฺส อุปริภาเค วสฺสนฺโต เหฏฺาภาเค น วสฺสิสฺสติ, เหฏฺา วสฺสนฺโต อุปริ น วสฺสิสฺสติ. เอกสฺมึ ภาเค สสฺสํ อติวสฺเสน นสฺสิสฺสติ, เอกสฺมึ อวสฺสเนน มิลายิสฺสติ, เอกสฺมึ สมฺมา วสฺสมาโน สมฺปาเทสฺสติ. เอวํ เอกสฺส รฺโ รชฺเช วุตฺตสสฺสา ติปฺปการา ภวิสฺสนฺติ เอกกุมฺภิยา โอทโน วิย. อิโตนิทานมฺปิ เต ภยํ นตฺถิ, เอกาทสมํ กเถหีติ.

(๑๑) ภนฺเต, สตสหสฺสคฺฆนิกํ จนฺทนสารํ ปูติตกฺเกน วิกฺกิณนฺเต อทฺทสํ. อยํ เม เอกาทสโม สุปิโน, อิมสฺส โก วิปาโกติ? อิมสฺสาปิ อนาคเตเยว มยฺหํ สาสเน ปริหายนฺเต วิปาโก ภวิสฺสติ. อนาคตสฺมิฺหิ ปจฺจยโลลา อลชฺชี ภิกฺขู พหู ภวิสฺสนฺติ, เต มยา ปจฺจยโลลุปฺปํ นิมฺมเถตฺวา กถิตธมฺมเทสนํ จีวราทิจตุปจฺจยเหตุ ปเรสํ เทเสสฺสนฺติ, ปจฺจเยหิ มุจฺฉิตา นิสฺสรณปกฺเข ิตา นิพฺพานาภิมุขํ กตฺวา เทเสตุํ น สกฺขิสฺสนฺติ, เกวลํ ‘‘ปทพฺยฺชนสมฺปตฺติฺเจว มธุรสทฺทฺจ สุตฺวา มหคฺฆานิ จีวราทีนิ ทสฺสนฺติ’’ อิจฺเจวํ เทเสสฺสนฺติ. อปเร อนฺตรวีถิจตุกฺกราชทฺวาราทีสุ นิสีทิตฺวา กหาปณอฑฺฒกหาปณปาทมาสกรูปาทีนิปิ นิสฺสาย เทเสสฺสนฺติ. อิติ มยา นิพฺพานคฺฆนกํ กตฺวา เทสิตํ ธมฺมํ จตุปจฺจยตฺถาย เจว กหาปณฑฺฒกหาปณาทีนํ อตฺถาย จ วิกฺกิณิตฺวา เทเสนฺตา สตสหสฺสคฺฆนกํ จนฺทนสารํ ปูติตกฺเกน วิกฺกิณนฺตา วิย ภวิสฺสนฺติ. อิโตนิทานมฺปิ เต ภยํ นตฺถิ, ทฺวาทสมํ กเถหีติ.

(๑๒) ภนฺเต, ตุจฺฉลาพูนิ อุทเก สีทนฺตานิ อทฺทสํ, อิมสฺส โก วิปาโกติ? อิมสฺสปิ อนาคเต อธมฺมิกราชกาเล โลเก วิปริวตฺตนฺเตเยว วิปาโก ภวิสฺสติ. ตทา หิ ราชาโน ชาติสมฺปนฺนานํ กุลปุตฺตานํ ยสํ น ทสฺสนฺติ, อกุลีนานํเยว ทสฺสนฺติ, เต อิสฺสรา ภวิสฺสนฺติ, อิตเร ทลิทฺทา. ราชสมฺมุเขปิ ราชทฺวาเรปิ อมจฺจสมฺมุเขปิ วินิจฺฉยฏฺาเนปิ ตุจฺฉลาพุสทิสานํ อกุลีนานํเยว กถา โอสีทิตฺวา ิตา วิย นิจฺจลา สุปฺปติฏฺิตา ภวิสฺสติ. สงฺฆสนฺนิปาเตสุปิ สงฺฆกมฺมคณกมฺมฏฺาเนสุ เจว ปตฺตจีวรปริเวณาทิวินิจฺฉยฏฺาเนสุ จ ทุสฺสีลานํ ปาปปุคฺคลานํเยว กถา นิยฺยานิกา ภวิสฺสติ, น ลชฺชิภิกฺขูนนฺติ เอวํ สพฺพถาปิ ตุจฺฉลาพุสีทนกาโล วิย ภวิสฺสติ. อิโตนิทานมฺปิ เต ภยํ นตฺถิ, เตรสมํ กเถหีติ.

(๑๓) ภนฺเต, มหนฺตมหนฺตา กูฏาคารปฺปมาณา ฆนสิลา นาวา วิย อุทเก ปฺลวมานา อทฺทสํ, อิมสฺส โก วิปาโกติ? อิมสฺสปิ ตาทิเสเยว กาเล วิปาโก ภวิสฺสติ. ตทา หิ อธมฺมิกราชาโน อกุลีนานํ ยสํ ทสฺสนฺติ, เต อิสฺสรา ภวิสฺสนฺติ, กุลีนา ทุคฺคตา. เตสุ น เกจิ คารวํ กริสฺสนฺติ, อิตเรสุเยว กริสฺสนฺติ. ราชสมฺมุเข วา อมจฺจสมฺมุเข วา วินิจฺฉยฏฺาเน วา วินิจฺฉยกุสลานํ ฆนสิลาสทิสานํ กุลปุตฺตานํ กถา น โอคาหิตฺวา ปติฏฺหิสฺสติ. เตสุ กเถนฺเตสุ ‘‘กึ อิเม กเถนฺตี’’ติ อิตเร ปริหาสเมว กริสฺสนฺติ. ภิกฺขุสนฺนิปาเตสุปิ วุตฺตปฺปกาเรสุ าเนสุ เนว เปสเล ภิกฺขู ครุกาตพฺเพ มฺิสฺสนฺติ, นาปิ เตสํ กถา ปริโยคาหิตฺวา ปติฏฺหิสฺสติ, สิลานํ ปฺลวนกาโล วิย ภวิสฺสติ. อิโตนิทานมฺปิ เต ภยํ นตฺถิ, จุทฺทสมํ กเถหีติ.

(๑๔) ภนฺเต, ขุทฺทกมธุกปุปฺผปฺปมาณา มณฺฑูกิโย มหนฺตมหนฺเต กณฺหสปฺเป เวเคน อนุพนฺธิตฺวา อุปฺปลนาเฬ วิย ฉินฺทิตฺวา ฉินฺทิตฺวา มํสํ ขาทิตฺวา คิลนฺติโย อทฺทสํ, อิมสฺส โก วิปาโกติ? อิมสฺสปิ โลเก ปริหายนฺเต อนาคเต เอว วิปาโก ภวิสฺสติ. ตทา หิ มนุสฺสา ติพฺพราคชาติกา กิเลสานุวตฺตกา หุตฺวา ตรุณตรุณานํ อตฺตโน ภริยานํ วเส วตฺติสฺสนฺติ, เคเห ทาสกมฺมกราทโยปิ โคมหึสาทโยปิ หิรฺสุวณฺณมฺปิ สพฺพํ ตาสฺเว อายตฺตํ ภวิสฺสติ. ‘‘อสุกํ หิรฺสุวณฺณํ วา ปริจฺฉทาทิชาตํ วา กห’’นฺติ วุตฺเต ‘‘ยตฺถ วา ตตฺถ วา โหตุ, กึ ตุยฺหิมินา พฺยาปาเรน, ตฺวํ มยฺหํ ฆเร สนฺตํ วา อสนฺตํ วา ชานิตุกาโม ชาโต’’ติ วตฺวา นานปฺปกาเรหิ อกฺโกสิตฺวา มุขสตฺตีหิ โกฏฺเฏตฺวา ทาสเจฏเก วิย อตฺตโน วเส กตฺวา อตฺตโน อิสฺสริยํ ปวตฺเตสฺสนฺติ. เอวํ มธุกปุปฺผปฺปมาณานํ มณฺฑูกโปติกานํ อาสีวิเส กณฺหสปฺเป คิลนกาโล วิย ภวิสฺสติ. อิโตนิทานมฺปิ เต ภยํ นตฺถิ, ปนฺนรสมํ กเถหีติ.

(๑๕) ภนฺเต, ทสหิ อสทฺธมฺเมหิ สมนฺนาคตํ คามโคจรํ กากํ กฺจนวณฺณตาย ‘‘สุวณฺณา’’ติ ลทฺธนาเม สุวณฺณราชหํเส ปริวาเรนฺเต อทฺทสํ, อิมสฺส โก วิปาโกติ? อิมสฺสาปิ อนาคเต ทุพฺพลราชกาเลเยว วิปาโก ภวิสฺสติ. อนาคตสฺมิฺหิ ราชาโน หตฺถิสิปฺปาทีสุ อกุสลา ยุทฺเธสุ อวิสารทา ภวิสฺสนฺติ, เต อตฺตโน รชฺชวิปตฺตึ อาสงฺกมานา สมานชาติกานํ กุลปุตฺตานํ อิสฺสริยํ อทตฺวา อตฺตโน ปาทมูลิกนฺหาปกกปฺปกาทีนํ ทสฺสนฺติ, ชาติโคตฺตสมฺปนฺนา กุลปุตฺตา ราชกุเล ปติฏฺํ อลภมานา ชีวิกํ กปฺเปตุํ อสมตฺถา หุตฺวา อิสฺสริเย ิเต ชาติโคตฺตหีเน อกุลีเน อุปฏฺหนฺตา วิจริสฺสนฺติ, สุวณฺณราชหํเสหิ กากสฺส ปริวาริตกาโล วิย ภวิสฺสติ. อิโตนิทานมฺปิ เต ภยํ นตฺถิ, โสฬสมํ กเถหีติ.

(๑๖) ภนฺเต, ปุพฺเพ ทีปิโน เอฬเก ขาทนฺติ, อหํ ปน เอฬเก ทีปิโน อนุพนฺธิตฺวา มุรุมุรูติ ขาทนฺเต อทฺทสํ. อถฺเ ตสา วกา เอฬเก ทูรโตว ทิสฺวา ตสิตา ตาสปฺปตฺตา หุตฺวา เอฬกานํ ภยาปลายิตฺวา คุมฺพคหนาทีนิ ปวิสิตฺวา นิลียึสุ, เอวาหํ อทฺทสํ, อิมสฺส โก วิปาโกติ? อิมสฺสปิ อนาคเต อธมฺมิกราชกาเลเยว วิปาโก ภวิสฺสติ. ตทา หิ อกุลีนา ราชวลฺลภา อิสฺสรา ภวิสฺสนฺติ, กุลีนา อปฺาตา ทุคฺคตา. เต ราชวลฺลภา ราชานํ อตฺตโน กถํ คาหาเปตฺวา วินิจฺฉยฏฺานาทีสุ พลวนฺโต หุตฺวา กุลีนานํ ปเวณิอาคตานิ เขตฺตวตฺถาทีนิ ‘‘อมฺหากํ สนฺตกานิ เอตานี’’ติ อภิยุฺชิตฺวา เตสุ ‘‘น ตุมฺหากํ, อมฺหาก’’นฺติ อาคนฺตฺวา วินิจฺฉยฏฺานาทีสุ วิวทนฺเตสุ เวตฺตลตาทีหิ ปหราเปตฺวา คีวายํ คเหตฺวา อปกฑฺฒาเปตฺวา ‘‘อตฺตโน ปมาณํ น ชานาถ, อมฺเหหิ สทฺธึ วิวทถ, อิทานิ โว รฺโ กเถตฺวา หตฺถปาทจฺเฉทนาทีนิ กาเรสฺสามา’’ติ สนฺตชฺเชสฺสนฺติ. เต เตสํ ภเยน อตฺตโน สนฺตกานิ วตฺถูนิ ‘‘ตุมฺหากํเยเวตานิ คณฺหถา’’ติ นิยฺยาเทตฺวา อตฺตโน เคหานิ ปวิสิตฺวา ภีตา นิปชฺชิสฺสนฺติ. ปาปภิกฺขูปิ เปสเล ภิกฺขู ยถารุจิ วิเหเสฺสนฺติ, เต เปสลา ภิกฺขู ปฏิสรณํ อลภมานา อรฺํ ปวิสิตฺวา คหนฏฺาเนสุ นิลียิสฺสนฺติ. เอวํ หีนชจฺเจหิ เจว ปาปภิกฺขูหิ จ อุปทฺทุตานํ ชาติมนฺตกุลปุตฺตานฺเจว เปสลภิกฺขูนฺจ เอฬกานํ ภเยน ตสวกานํ ปลายนกาโล วิย ภวิสฺสติ. อิโตนิทานมฺปิ เต ภยํ นตฺถิ. อยมฺปิ หิ สุปิโน อนาคตํเยว อารพฺภ ทิฏฺโ. พฺราหฺมณา ปน น ธมฺมสุธมฺมตาย ตยิ สิเนเหน กถยึสุ, ‘‘พหุธนํ ลภิสฺสามา’’ติ อามิสาเปกฺขตาย ชีวิตวุตฺตึ นิสฺสาย กถยึสูติ.

เอวํ สตฺถา โสฬสนฺนํ มหาสุปินานํ นิปฺผตฺตึ กเถตฺวา ‘‘น โข, มหาราช, เอตรหิ ตฺวฺเว อิเม สุปิเน อทฺทส, โปราณกราชาโนปิ อทฺทสํสุ. พฺราหฺมณาปิ เนสํ เอวเมว อิเม สุปิเน คเหตฺวา ยฺมตฺถเก ขิปึสุ, ตโต ปณฺฑิเตหิ ทินฺนนเยน คนฺตฺวา โพธิสตฺตํ ปุจฺฉึสุ. โปราณกา ปณฺฑิตาปิ เนสํ อิเม สุปิเน กเถนฺตา อิมินาว นิยาเมน กเถสุ’’นฺติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต อุทิจฺจพฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อภิฺา เจว สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา หิมวนฺตปฺปเทเส ฌานกีฬํ กีฬนฺโต วิหรติ. ตทา พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺโต อิมินาว นิยาเมน อิเม สุปิเน ทิสฺวา พฺราหฺมเณ ปุจฺฉิ. พฺราหฺมณา เอวเมว ยฺํ ยชิตุํ อารภึสุ. เตสุ ปุโรหิตสฺส อนฺเตวาสิกมาณโว ปณฺฑิโต พฺยตฺโต อาจริยํ อาห – ‘‘อาจริย, ตุมฺเหหิ มยํ ตโย เวเท อุคฺคณฺหาปิตา, นนุ เตสุ เอกํ มาเรตฺวา เอกสฺส โสตฺถิกมฺมสฺส การณํ นาม นตฺถี’’ติ. ตาต, อิมินา อุปาเยน อมฺหากํ พหุธนํ อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตฺวํ ปน รฺโ ธนํ รกฺขิตุกาโม มฺเติ. มาณโว ‘‘เตน หิ, อาจริย, ตุมฺเห ตุมฺหากํ กมฺมํ กโรถ, อหํ ตุมฺหากํ สนฺติเก กึ กริสฺสามี’’ติ วิจรนฺโต รฺโ อุยฺยานํ อคมาสิ.

ตํ ทิวสเมว โพธิสตฺโตปิ ตํ การณํ ตฺวา ‘‘อชฺช มยิ มนุสฺสปถํ คเต มหาชนสฺส พนฺธนา โมกฺโข ภวิสฺสตี’’ติ อากาเสน คนฺตฺวา อุยฺยาเน โอตริตฺวา สุวณฺณปฏิมา วิย มงฺคลสิลาตเล นิสีทิ. มาณโว โพธิสตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิตฺวา ปฏิสนฺถารมกาสิ. โพธิสตฺโตปิ เตน สทฺธึ มธุรปฏิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘กึ นุ โข, มาณว, ราชา ธมฺเมน รชฺชํ กาเรตี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ภนฺเต, ราชา นาม ธมฺมิโก, อปิจ โข ตํ พฺราหฺมณา อติตฺเถ ปกฺขนฺทาเป’’นฺติ. ราชา โสฬส สุปิเน ทิสฺวา พฺราหฺมณานํ อาโรเจสิ. พฺราหฺมณา ‘‘ยฺํ ยชิสฺสามา’’ติ อารทฺธา. กึ นุ โข, ภนฺเต, ‘‘อยํ นาม อิเมสํ สุปินานํ นิปฺผตฺตี’’ติ ราชานํ สฺาเปตฺวา ตุมฺหากํ มหาชนํ ภยา โมเจตุํ น วฏฺฏตีติ. มยํ โข, มาณว, ราชานํ น ชานาม, ราชาปิ อมฺเห น ชานาติ. สเจ ปน อิธาคนฺตฺวา ปุจฺเฉยฺย, กเถยฺยามสฺส มยนฺติ. มาณโว ‘‘อหํ, ภนฺเต, ตํ อาเนสฺสามิ, ตุมฺเห มมาคมนํ อุทิกฺขนฺตา มุหุตฺตํ นิสีทถา’’ติ โพธิสตฺตํ ปฏิชานาเปตฺวา รฺโ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘มหาราช, เอโก อากาสจาริโก ตาปโส ตุมฺหากํ อุยฺยาเน โอตริตฺวา ‘ตุมฺเหหิ ทิฏฺสุปินานํ นิปฺผตฺตึ กเถสฺสามี’ติ ตุมฺเห ปกฺโกสตี’’ติ อาห.

ราชา ตสฺส กถํ สุตฺวา ตาวเทว มหนฺเตน ปริวาเรน อุยฺยานํ คนฺตฺวา ตาปสํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺโน ปุจฺฉิ ‘‘ตุมฺเห กิร, ภนฺเต, มยา ทิฏฺสุปินานํ นิปฺผตฺตึ ชานาถา’’ติ? ‘‘อาม, มหาราชา’’ติ. ‘‘เตน หิ กเถถา’’ติ. ‘‘กเถมิ, มหาราช, ยถาทิฏฺเ ตาว สุปิเน มํ สาเวหี’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ ราชา –

๗๗.

‘‘อุสภา รุกฺขา คาวิโย ควา จ,

อสฺโส กํโส สิงฺคาลี จ กุมฺโภ;

โปกฺขรณี จ อปากจนฺทนํ.

‘‘ลาพูนิ สีทนฺติ สิลา ปฺลวนฺติ, มณฺฑูกิโย กณฺหสปฺเป คิลนฺติ;

กากํ สุวณฺณา ปริวารยนฺติ, ตสา วกา เอฬกานํ ภยา หี’’ติ. –

วตฺวา ปเสนทิรฺา กถิตนิยาเมเนว สุปิเน กเถสิ.

โพธิสตฺโตปิ เตสํ อิทานิ สตฺถารา กถิตนิยาเมเนว วิตฺถารโต นิปฺผตฺตึ กเถตฺวา ปริโยสาเน สยํ อิทํ กเถสิ –

‘‘วิปริยาโส วตฺตติ นยิธ มตฺถี’’ติ;

ตตฺรายมตฺโถ – อยํ, มหาราช, อิเมสํ สุปินานํ นิปฺผตฺติ. ยํ ปเนตํ เตสํ ปฏิฆาตตฺถาย ยฺกมฺมํ วตฺตติ, ตํ วิปริยาโส วตฺตติ วิปรีตโต วตฺตติ, วิปลฺลาเสน วตฺตตีติ วุตฺตํ โหติ. กึการณา? อิเมสฺหิ นิปฺผตฺติ นาม โลกสฺส วิปริวตฺตนกาเล, อการณสฺส การณนฺติ คหณกาเล, การณสฺส อการณนฺติ ฉฑฺฑนกาเล, อภูตสฺส ภูตนฺติ คหณกาเล, ภูตสฺส อภูตนฺติ ชหนกาเล, อลชฺชีนํ อุสฺสนฺนกาเล, ลชฺชีนฺจ ปริหีนกาเล ภวิสฺสติ. นยิธ มตฺถีติ อิทานิ ปน ตว วา มม วา กาเล อิธ อิมสฺมึ ปุริสยุเค วตฺตมาเน เอเตสํ นิปฺผตฺติ นตฺถิ. ตสฺมา เอเตสํ ปฏิฆาตาย วตฺตมานํ ยฺกมฺมํ วิปลฺลาเสน วตฺตติ, อลํ เตน. นตฺถิ เต อิโตนิทานํ ภยํ วา ฉมฺภิตตฺตํ วาติ มหาปุริโส ราชานํ สมสฺสาเสตฺวา มหาชนํ พนฺธนา โมเจตฺวา ปุน อากาเส ตฺวา รฺโ โอวาทํ ทตฺวา ปฺจสุ สีเลสุ ปติฏฺาเปตฺวา ‘‘อิโต ปฏฺาย, มหาราช, พฺราหฺมเณหิ สทฺธึ เอกโต หุตฺวา ปสุฆาตยฺํ มา ยชี’’ติ ธมฺมํ เทเสตฺวา อากาเสเนว อตฺตโน วสนฏฺานํ อคมาสิ. ราชาปิ ตสฺส โอวาเท ิโต ทานาทีนิ ปุฺานิ กตฺวา ยถากมฺมํ คโต.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘สุปินปจฺจยา เต ภยํ นตฺถิ, หเรตํ ยฺ’’นฺติ ยฺํ หาเรตฺวา มหาชนสฺส ชีวิตทานํ ทตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ราชา อานนฺโท อโหสิ, มาณโว สาริปุตฺโต, ตาปโส ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

ปรินิพฺพุเต ปน ภควติ สงฺคีติการกา ‘‘อุสภา’’ติอาทีนิ ตีณิ ปทานิ อฏฺกถํ อาโรเปตฺวา ‘‘ลาพูนี’’ติอาทีนิ จตฺตาริ ปทานิ เอกํ คาถํ กตฺวา เอกกนิปาตปาฬึ อาโรเปสุนฺติ.

มหาสุปินชาตกวณฺณนา สตฺตมา.

[๗๘] ๘. อิลฺลิสชาตกวณฺณนา

อุโภ ขฺชาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต มจฺฉริยโกสิยเสฏฺึ อารพฺภ กเถสิ. ราชคหนครสฺส กิร อวิทูเร สกฺการํ นาม นิคโม อโหสิ, ตตฺเถโก มจฺฉริยโกสิโย นาม เสฏฺิ อสีติโกฏิวิภโว ปฏิวสติ. โส ติณคฺเคน เตลพินฺทุมตฺตมฺปิ เนว ปเรสํ เทติ, น อตฺตนา ปริภุฺชติ. อิติ ตสฺส ตํ วิภวชาตํ เนว ปุตฺตทาราทีนํ, น สมณพฺราหฺมณานํ อตฺถํ อนุโภติ, รกฺขสปริคฺคหิตโปกฺขรณี วิย อปริโภคํ ติฏฺติ.

สตฺถา เอกทิวสํ ปจฺจูสสมเย มหากรุณาสมาปตฺติโต วุฏฺาย สกลโลกธาตุยํ โพธเนยฺยพนฺธเว โอโลเกนฺโต ปฺจจตฺตาลีสโยชนมตฺถเก วสนฺตสฺส ตสฺส เสฏฺิโน สปชาปติกสฺส โสตาปตฺติผลสฺส อุปนิสฺสยํ อทฺทส. ตโต ปุริมทิวเส ปน ราชานํ อุปฏฺาตุํ ราชเคหํ คนฺตฺวา ราชูปฏฺานํ กตฺวา อาคจฺฉนฺโต เอกํ ฉาตชฺฌตฺตํ ชนปทมนุสฺสํ กุมฺมาสปูรํ กปลฺลปูวํ ขาทนฺตํ ทิสฺวา ตตฺถ ปิปาสํ อุปฺปาเทตฺวา อตฺตโน ฆรํ คนฺตฺวา จินฺเตสิ ‘‘สจาหํ ‘กปลฺลปูวํ ขาทิตุกาโมมฺหี’ติ วกฺขามิ, พหู มยา สทฺธึ ขาทิตุกามา ภวิสฺสนฺติ, เอวํ เม พหูนิ ตณฺฑุลสปฺปิมธุผาณิตาทีนิ ปริกฺขยํ คมิสฺสนฺติ, น กสฺสจิ กเถสฺสามี’’ติ ตณฺหํ อธิวาเสนฺโต วิจรติ. โส คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺเต กาเล อุปฺปณฺฑุปณฺฑุกชาโต ธมนิสนฺถตคตฺโต ชาโต. ตโต ตณฺหํ อธิวาเสตุํ อสกฺโกนฺโต คพฺภํ ปวิสิตฺวา มฺจกํ อุปคูหิตฺวา นิปชฺชิ. เอวํคโตปิ ธนหานิภเยน กสฺสจิ กิฺจิ น กเถสิ.

อถ นํ ภริยา อุปสงฺกมิตฺวา ปิฏฺึ ปริมชฺชิตฺวา ‘‘กึ เต สามิ, อผาสุก’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘น เม กิฺจิ อผาสุกํ อตฺถี’’ติ. ‘‘กึ นุ โข เต ราชา กุปิโต’’ติ? ‘‘ราชาปิ เม น กุปฺปตี’’ติ. ‘‘อถ กึ เต ปุตฺตธีตาหิ วา ทาสกมฺมกราทีหิ วา กิฺจิ อมนาปํ กตํ อตฺถี’’ติ? ‘‘เอวรูปมฺปิ นตฺถี’’ติ. ‘‘กิสฺมิฺจิ ปน เต ตณฺหา อตฺถี’’ติ? เอวํ วุตฺเตปิ ธนหานิภเยน กิฺจิ อวตฺวา นิสฺสทฺโทว นิปชฺชิ. อถ นํ ภริยา ‘‘กเถหิ, สามิ, กิสฺมึ เต ตณฺหา’’ติ อาห. โส วจนํ ปริคิลนฺโต วิย ‘‘อตฺถิ เม เอกา ตณฺหา’’ติ อาห. ‘‘กึ ตณฺหา, สามี’’ติ? ‘‘กปลฺลปูวํ ขาทิตุกาโมมฺหี’’ติ. ‘‘อถ กิมตฺถํ น กเถสิ, กึ ตฺวํ ทลิทฺโท, อิทานิ สกลสกฺการนิคมวาสีนํ ปโหนเก กปลฺลปูเว ปจิสฺสามี’’ติ? ‘‘กึ เต เอเตหิ, เต อตฺตโน กมฺมํ กตฺวา ขาทิสฺสนฺตี’’ติ? ‘‘เตน หิ เอกรจฺฉวาสีนํ ปโหนเก ปจามี’’ติ. ชานามหํ ตว มหทฺธนภาวนฺติ. ‘‘เตน หิ อิมสฺมึ เคหมตฺเต สพฺเพสํ ปโหนกํ กตฺวา ปจามี’’ติ. ‘‘ชานามหํ ตว มหชฺฌาสยภาว’’นฺติ. ‘‘เตน หิ เต ปุตฺตทารมตฺตสฺเสว ปโหนกํ กตฺวา ปจามี’’ติ. ‘‘กึ ปน เต เอเตหี’’ติ? ‘‘เตน หิ ตุยฺหฺจ มยฺหฺจ ปโหนกํ กตฺวา ปจามี’’ติ. ‘‘ตฺวํ กึ กริสฺสสี’’ติ? ‘‘เตน หิ เอกสฺเสว เต ปโหนกํ กตฺวา ปจามี’’ติ. ‘‘อิมสฺมึ าเน ปจฺจมานํ พหู ปจฺจาสีสนฺติ, สกลตณฺฑุเล เปตฺวา ภินฺนตณฺฑุเล จ อุทฺธนกปลฺลาทีนิ จ อาทาย โถกํ ขีรสปฺปิมธุผาณิตฺจ คเหตฺวา สตฺตภูมิกสฺส ปาสาทสฺส อุปริมตลํ อารุยฺห ปจ, ตตฺถาหํ เอกโกว นิสีทิตฺวา ขาทิสฺสามี’’ติ. สา ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา คเหตพฺพํ คาหาเปตฺวา ปาสาทํ อารุยฺห ทาสิโย วิสฺสชฺเชตฺวา เสฏฺึ ปกฺโกสาเปสิ. โส อาทิโต ปฏฺาย ทฺวารานิ ปิทหนฺโต สพฺพทฺวาเรสุ สูจิฆฏิกานิ ทตฺวา สตฺตมตลํ อภิรุหิตฺวา ตตฺถปิ ทฺวารํ ปิทหิตฺวา นิสีทิ. ภริยาปิสฺส อุทฺธเน อคฺคึ ชาเลตฺวา กปลฺลกํ อาโรเปตฺวา ปูเว ปจิตุํ อารภิ.

อถ สตฺถา ปาโตว มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรํ อามนฺเตสิ, ‘‘เอโส, โมคฺคลฺลาน, ราชคหนครสฺส อวิทูเร สกฺการนิคเม มจฺฉริยโกสิยเสฏฺิ ‘กปลฺลปูเว ขาทิสฺสามี’ติ อฺเสํ ทสฺสนภเยน สตฺตภูมิเก ปาสาเท กปลฺลปูเว ปจาเปติ. ตฺวํ ตตฺถ คนฺตฺวา ตํ เสฏฺึ ทเมตฺวา นิพฺพิเสวนํ กตฺวา อุโภปิ ชยมฺปติเก ปูเว จ ขีรสปฺปิมธุผาณิตาทีนิ จ คาหาเปตฺวา อตฺตโน พเลน เชตวนํ อาเนหิ. อชฺชาหํ ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ วิหาเรเยว นิสีทิสฺสามิ, ปูเวเหว ภตฺตกิจฺจํ กริสฺสามี’’ติ. เถโร ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ สตฺถุ วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตาวเทว อิทฺธิพเลน ตํ นิคมํ คนฺตฺวา ตสฺส ปาสาทสฺส สีหปฺชรทฺวาเร สุนิวตฺโถ สุปารุโต อากาเสเยว มณิรูปกํ วิย อฏฺาสิ.

มหาเสฏฺิโน เถรํ ทิสฺวาว หทยมํสํ กมฺปิ. โส ‘‘อหํ เอวรูปานฺเว ภเยน อิมํ านํ อาคโต, อยฺจ อาคนฺตฺวา วาตปานทฺวาเร ิโต’’ติ คเหตพฺพคหณํ อปสฺสนฺโต อคฺคิมฺหิ ปกฺขิตฺตโลณสกฺขรา วิย โทเสน ตฏตฏายนฺโต เอวมาห ‘‘สมณ, อากาเส ตฺวา ตฺวํ กึ ลภิสฺสสิ, อากาเส อปเท ปทํ ทสฺเสตฺวา จงฺกมนฺโตปิ เนว ลภิสฺสสี’’ติ. เถโร ตสฺมึเยว าเน อปราปรํ จงฺกมิ. เสฏฺิ ‘‘จงฺกมนฺโต กึ ลภิสฺสสิ, อากาเส ปลฺลงฺเกน นิสีทมาโนปิ น ลภิสฺสสิเยวา’’ติ อาห. เถโร ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา นิสีทิ. อถ นํ ‘‘นิสินฺโน กึ ลภิสฺสสิ, อาคนฺตฺวา วาตปานอุมฺมาเร ิโตปิ น ลภิสฺสสี’’ติ อาห. อถ เถโร อุมฺมาเร อฏฺาสิ. อถ นํ ‘‘อุมฺมาเร ิโต กึ ลภิสฺสสิ, ธูมายนฺโตปิ น ลภิสฺสสิเยวา’’ติ อาห. เถโร ธูมายิ, สกลปาสาโท เอกธูโม อโหสิ, เสฏฺิโน อกฺขีนํ สูจิยา วิชฺฌนกาโล วิย ชาโต. เคหชฺฌายนภเยน ปน นํ ‘‘ปชฺชลนฺโตปิ น ลภิสฺสสี’’ติ อวตฺวา จินฺเตสิ ‘‘อยํ สมโณ สุฏฺุ ลคฺโค, อลทฺธา น คมิสฺสติ, เอกมสฺส ปูวํ ทาเปสฺสามี’’ติ ภริยํ อาห – ‘‘ภทฺเท, เอกํ ขุทฺทกปูวํ ปจิตฺวา สมณสฺส ทตฺวา อุยฺโยเชหิ น’’นฺติ. สา โถกฺเว ปิฏฺํ กปลฺลปาติยํ ปกฺขิปิ, มหาปูโว หุตฺวา สกลปาตึ ปูเรตฺวา อุทฺธุมาโต อฏฺาสิ.

เสฏฺิ ตํ ทิสฺวา ‘‘พหุ ตยา ปิฏฺํ คหิตํ ภวิสฺสตี’’ติ สยเมว ทพฺพิกณฺเณน โถกตรํ ปิฏฺํ คเหตฺวา ปกฺขิปิ, ปูโว ปุริมปูวโต มหนฺตตโร ชาโต. เอวํ ยํ ยํ ปจติ, โส โส มหนฺตมหนฺโตว โหติ. โส นิพฺพินฺโน ภริยํ อาห ‘‘ภทฺเท, อิมสฺส เอกํ ปูวํ เทหี’’ติ. ตสฺสา ปจฺฉิโต เอกํ ปูวํ คณฺหนฺติยา สพฺเพ เอกาพทฺธา อลฺลียึสุ. สา เสฏฺึ อาห ‘‘สามิ, สพฺเพ ปูวา เอกโต ลคฺคา, วิสุํ กาตุํ น สกฺโกมี’’ติ. ‘‘อหํ กริสฺสามี’’ติ โสปิ กาตุํ นาสกฺขิ. อุโภ ชนา โกฏิยํ คเหตฺวา กฑฺฒนฺตาปิ วิโยเชตุํ นาสกฺขึสุเยว. อถสฺส ปูเวหิ สทฺธึ วายมนฺตสฺเสว สรีรโต เสทา มุจฺจึสุ, ปิปาสา จ ปจฺฉิชฺชิ. ตโต ภริยํ อาห ‘‘ภทฺเท, น เม ปูเวหิ อตฺโถ, ปจฺฉิยา สทฺธึเยว อิมสฺส ภิกฺขุสฺส เทหี’’ติ. สา ปจฺฉึ อาทาย เถรํ อุปสงฺกมิตฺวา สพฺเพ ปูเว เถรสฺส อทาสิ. เถโร อุภินฺนมฺปิ ธมฺมํ เทเสสิ, ติณฺณํ รตนานํ คุเณ กเถสิ, ‘‘อตฺถิ ทินฺนํ, อตฺถิ ยิฏฺ’’นฺติ ทานาทีนํ ผลํ คคนตเล ปุณฺณจนฺทํ วิย ทสฺเสสิ.

ตํ สุตฺวา ปสนฺนจิตฺโต เสฏฺิ ‘‘ภนฺเต, อาคนฺตฺวา อิมสฺมึ ปลฺลงฺเก นิสีทิตฺวา ปูเว ปริภุฺชถา’’ติ อาห. เถโร ‘‘มหาเสฏฺิ, สมฺมาสมฺพุทฺโธ ‘ปูเว ขาทิสฺสามี’ติ ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ วิหาเร นิสินฺโน, ตุมฺหากํ รุจิยา สติ เสฏฺิภริยํ ปูเว จ ขีราทีนิ จ คณฺหาเปถ, สตฺถุ สนฺติกํ คมิสฺสามา’’ติ อาห. ‘‘กหํ ปน, ภนฺเต, เอตรหิ สตฺถา’’ติ? ‘‘อิโต ปฺจจตฺตาลีสโยชนมตฺถเก เชตวนมหาวิหาเร’’ติ. ‘‘ภนฺเต, กาลํ อนติกฺกมิตฺวา เอตฺตกํ อทฺธานํ กถํ คมิสฺสามา’’ติ? ‘‘มหาเสฏฺิ ตุมฺหากํ รุจิยา สติ อหํ โว อตฺตโน อิทฺธิพเลน เนสฺสามิ, ตุมฺหากํ ปาสาเท โสปานสีสํ อตฺตโน าเนเยว ภวิสฺสติ, โสปานปริโยสานํ ปน เชตวนทฺวารโกฏฺเก ภวิสฺสติ, อุปริปาสาทา เหฏฺาปาสาทํ โอตรณกาลมตฺเตน โว เชตวนํ เนสฺสามี’’ติ. โส ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ. เถโร โสปานสีสํ ตตฺเถว กตฺวา ‘‘โสปานปาทมูลํ เชตวนทฺวารโกฏฺเก โหตู’’ติ อธิฏฺาสิ, ตเถวาโหสิ.

อิติ เถโร เสฏฺิฺจ เสฏฺิภริยฺจ อุปริปาสาทา เหฏฺาโอตรณกาลโต ขิปฺปตรํ เชตวนํ สมฺปาเปสิ. เต อุโภปิ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา กาลํ อาโรเจสุํ. สตฺถา ภตฺตคฺคํ ปวิสิตฺวา ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสีทิ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆน. มหาเสฏฺิ พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทกฺขิโณทกํ อทาสิ, เสฏฺิภริยา ตถาคตสฺส ปตฺเต ปูเว ปติฏฺาเปสิ. สตฺถา อตฺตโน ยาปนมตฺตํ คณฺหิ, ปฺจสตา ภิกฺขูปิ ตเถว คณฺหึสุ. เสฏฺิ ขีรสปฺปิมธุผาณิตสกฺขราทีนิ ททมาโน อคมาสิ. สตฺถา ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ ภตฺตกิจฺจํ นิฏฺาเปสิ. มหาเสฏฺิปิ สทฺธึ ภริยาย ยาวทตฺถํ ขาทิ, ปูวานํ ปริโยสานเมว น ปฺายติ, สกลวิหาเร ภิกฺขูนฺจ วิฆาสาทานฺจ ทินฺเนปิ น ปริยนฺโต ปฺายติ. ‘‘ภนฺเต, ปูวา ปริกฺขยํ น คจฺฉนฺตี’’ติ ภควโต อาโรเจสุํ. เตน หิ เชตวนทฺวารโกฏฺเก ฉฑฺเฑถาติ. อถ เน ทฺวารโกฏฺกสฺส อวิทูเร ปพฺภารฏฺาเน ฉฑฺฑยึสุ. อชฺชตนาปิ ตํ านํ ‘‘กปลฺลปูวปพฺภาโร’’ตฺเวว ปฺายติ. มหาเสฏฺิ สทฺธึ ภริยาย ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. ภควา อนุโมทนํ อกาสิ. อนุโมทนาปริโยสาเน อุโภปิ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาย สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ทฺวารโกฏฺเก โสปานํ อารุยฺห อตฺตโน ปาสาเทเยว ปติฏฺหึสุ. ตโต ปฏฺาย มหาเสฏฺิ อสีติโกฏิธนํ พุทฺธสาสเนเยว วิกิริ.

ปุนทิวเส สมฺมาสมฺพุทฺเธ สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา เชตวนํ อาคมฺม ภิกฺขูนํ สุคโตวาทํ ทตฺวา คนฺธกุฏึ ปวิสิตฺวา ปฏิสลฺลีเน สายนฺหสมเย ธมฺมสภายํ สนฺนิปติตา ภิกฺขู ‘‘ปสฺสถาวุโส, มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรสฺสานุภาวํ, อนุปหจฺจ สทฺธํ อนุปหจฺจ โภเค มจฺฉริยเสฏฺึ มุหุตฺเตเนว ทเมตฺวา นิพฺพิเสวนํ กตฺวา ปูเว คาหาเปตฺวา เชตวนํ อาเนตฺวา สตฺถุ สมฺมุขํ กตฺวา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาเปสิ, อโห มหานุภาโว เถโร’’ติ เถรสฺส คุณกถํ กเถนฺตา นิสีทึสุ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘ภิกฺขเว, กุลทมเกน นาม ภิกฺขุนา กุเล อวิเหเตฺวา อกิลเมตฺวา ปุปฺผโต เรณุํ คณฺหนฺเตน ภมเรน วิย อุปสงฺกมิตฺวา พุทฺธคุเณ ชานาเปตพฺพ’’นฺติ วตฺวา เถรํ ปสํสนฺโต –

‘‘ยถาปิ ภมโร ปุปฺผํ, วณฺณคนฺธมเหยํ;

ปเลติ รสมาทาย, เอวํ คาเม มุนี จเร’’ติ. (ธ. ป. ๔๙) –

อิมํ ธมฺมปเท คาถํ วตฺวา อุตฺตริปิ เถรสฺส คุณํ ปกาเสตุํ ‘‘น ภิกฺขเว, อิทาเนว โมคฺคลฺลาเนน มจฺฉริยเสฏฺิ ทมิโต, ปุพฺเพปิ ตํ ทเมตฺวา กมฺมผลสมฺพนฺธํ ชานาเปสิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต พาราณสิยํ อิลฺลิโส นาม เสฏฺิ อโหสิ อสีติโกฏิวิภโว ปุริสโทสสมนฺนาคโต ขฺโช กุณี วิสมกฺขิมณฺฑโล อสฺสทฺโธ อปฺปสนฺโน มจฺฉรี, เนว อฺเสํ เทติ, น สยํ ปริภุฺชติ. รกฺขสปริคฺคหิตโปกฺขรณี วิยสฺส เคหํ อโหสิ. มาตาปิตโร ปนสฺส ยาว สตฺตมา กุลปริวฏฺฏา ทายกา ทานปติโน. โส เสฏฺิฏฺานํ ลภิตฺวาเยว กุลวํสํ นาเสตฺวา ทานสาลํ ฌาเปตฺวา ยาจเก โปเถตฺวา นิกฺกฑฺฒิตฺวา ธนเมว สณฺาเปสิ.

โส เอกทิวสํ ราชูปฏฺานํ คนฺตฺวา อตฺตโน ฆรํ อาคจฺฉนฺโต เอกํ มคฺคกิลนฺตํ ชานปทมนุสฺสํ, เอกํ สุราวารกํ, อาทาย ปีเก นิสีทิตฺวา อมฺพิลสุราย โกสกํ ปูเรตฺวา ปูเรตฺวา ปูติมจฺฉเกน อุตฺตริภงฺเคน ปิวนฺตํ ทิสฺวา สุรํ ปาตุกาโม หุตฺวา จินฺเตสิ ‘‘สจาหํ สุรํ ปิวิสฺสามิ, มยิ ปิวนฺเต พหู ปิวิตุกามา ภวิสฺสนฺติ, เอวํ เม ธนปริกฺขโย ภวิสฺสตี’’ติ. โส ตณฺหํ อธิวาเสนฺโต วิจริตฺวา คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺเต กาเล อธิวาเสตุํ อสกฺโกนฺโต วิหตกปฺปาโส วิย ปณฺฑุสรีโร อโหสิ ธมฺมนิสนฺถตคตฺโต ชาโต. อเถกทิวสํ คพฺภํ ปวิสิตฺวา มฺจกํ อุปคูหิตฺวา นิปชฺชิ. ตเมนํ ภริยา อุปสงฺกมิตฺวา ปิฏฺึ ปริมชฺชิตฺวา ‘‘กึ เต, สามิ, อผาสุก’’นฺติ ปุจฺฉิ. สพฺพํ เหฏฺา กถิตนิยาเมเนว เวทิตพฺพํ. ‘‘เตน หิ เอกสฺเสว เต ปโหนกํ สุรํ กโรมี’’ติ ปน วุตฺเต ‘‘เคเห สุราย การิยมานาย พหู ปจฺจาสีสนฺติ, อนฺตราปณโต อาหราเปตฺวาปิ น สกฺกา อิธ นิสินฺเนน ปิวิตุ’’นฺติ มาสกมตฺตํ ทตฺวา อนฺตราปณโต สุราวารกํ อาหราเปตฺวา เจฏเกน คาหาเปตฺวา นครา นิกฺขมฺม นทีตีรํ คนฺตฺวา มหามคฺคสมีเป เอกํ คุมฺพํ ปวิสิตฺวา สุราวารกํ ปาเปตฺวา ‘‘คจฺฉ ตฺว’’นฺติ เจฏกํ ทูเร นิสีทาเปตฺวา โกสกํ ปูเรตฺวา สุรํ ปาตุํ อารภิ.

ปิตา ปนสฺส ทานาทีนํ ปุฺานํ กตตฺตา เทวโลเก สกฺโก หุตฺวา นิพฺพตฺติ. โส ตสฺมึ ขเณ ‘‘ปวตฺตติ นุ โข เม ทานคฺคํ, อุทาหุ โน’’ติ อาวชฺเชนฺโต ตสฺส อปฺปวตฺตึ ตฺวา, ปุตฺตสฺส กุลวํสํ นาเสตฺวา ทานสาลํ ฌาเปตฺวา ยาจเก นิกฺกฑฺฒิตฺวา มจฺฉริยภาเว ปติฏฺาย ‘‘อฺเสํ ทาตพฺพํ ภวิสฺสตี’’ติ ภเยน คุมฺพํ ปวิสิตฺวา เอกกสฺเสว สุรํ ปิวนภาวฺจ ทิสฺวา ‘‘คจฺฉามิ, นํ สงฺโขเภตฺวา ทเมตฺวา กมฺมผลสมฺพนฺธํ ชานาเปตฺวา ทานํ ทาเปตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺตนารหํ กโรมี’’ติ มนุสฺสปถํ โอตริตฺวา อิลฺลิสเสฏฺินา สทิสํ ขฺชํ กุณึ วิสมจกฺขุมณฺฑลํ อตฺตภาวํ นิมฺมินิตฺวา พาราณสินครํ ปวิสิตฺวา รฺโ นิเวสนทฺวาเร ตฺวา อตฺตโน อาคตภาวํ อาโรจาเปตฺวา ‘‘ปวิสตู’’ติ วุตฺเต ปวิสิตฺวา ราชานํ วนฺทิตฺวา อฏฺาสิ. ราชา ‘‘กึ, มหาเสฏฺิ, อเวลาย อาคโตสี’’ติ อาห. ‘‘อาม, อาคโตมฺหิ, เทว ฆเร เม อสีติโกฏิมตฺตํ ธนํ อตฺถิ, ตํ เทโว อาหราเปตฺวา อตฺตโน ภณฺฑาคารํ ปูราเปตู’’ติ. ‘‘อลํ มหาเสฏฺิ, ตว ธนโต อมฺหากํ เคเห พหุตรํ ธน’’นฺติ. ‘‘สเจ, เทว, ตุมฺหากํ กมฺมํ นตฺถิ, ยถารุจิยา ธนํ คเหตฺวา ทานํ ทมฺมี’’ติ. ‘‘เทหิ, มหาเสฏฺี’’ติ. โส ‘‘สาธุ, เทวา’’ติ ราชานํ วนฺทิตฺวา นิกฺขมิตฺวา อิลฺลิสเสฏฺิโน เคหํ อคมาสิ, สพฺเพ อุปฏฺากมนุสฺสา ปริวาเรสุํ, เอโกปิ ‘‘นายํ, อิลฺลิโส’’ติ ชานิตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ.

โส เคหํ ปวิสิตฺวา อนฺโตอุมฺมาเร ตฺวา โทวาริกํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘โย อฺโ มยา สมานรูโป อาคนฺตฺวา ‘มเมตํ เคห’นฺติ ปวิสิตุํ อาคจฺฉติ, ตํ ปิฏฺิยํ ปหริตฺวา นีหเรยฺยาถา’’ติ วตฺวา ปาสาทํ อารุยฺห มหารเห อาสเน นิสีทิตฺวา เสฏฺิภริยํ ปกฺโกสาเปตฺวา สิตาการํ ทสฺเสตฺวา ‘‘ภทฺเท, ทานํ เทมา’’ติ อาห. ตสฺส ตํ วจนํ สุตฺวาว เสฏฺิภริยา จ ปุตฺตธีตโร จ ทาสกมฺมกรา จ ‘‘เอตฺตกํ กาลํ ทานํ ทาตุํ จิตฺตเมว นตฺถิ, อชฺช ปน สุรํ ปิวิตฺวา มุทุจิตฺโต หุตฺวา ทาตุกาโม ชาโต ภวิสฺสตี’’ติ วทึสุ. อถ นํ เสฏฺิภริยา ‘‘ยถารุจิยา เทถ, สามี’’ติ อาห. เตน หิ เภริวาทกํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘‘สุวณฺณรชตมณิมุตฺตาทีหิ อตฺถิกา อิลฺลิสเสฏฺิสฺส ฆรํ คจฺฉนฺตู’นฺติ สกลนคเร เภรึ จราเปหี’’ติ. สา จ ตถา กาเรสิ. มหาชโน ปจฺฉิปสิพฺพกาทีนิ คเหตฺวา เคหทฺวาเร สนฺนิปติ. สกฺโก สตฺตรตนปูเร คพฺเภ วิวราเปตฺวา ‘‘ตุมฺหากํ ทมฺมิ, ยาวทิจฺฉกํ คเหตฺวา คจฺฉถา’’ติ อาห. มหาชโน ธนํ นีหริตฺวา มหาตเล ราสึ กตฺวา อาภตภาชนานิ ปูเรตฺวา คจฺฉติ.

อฺตโร ชนปทมนุสฺโส อิลฺลิสเสฏฺิโน โคเณ ตสฺเสว รเถ โยเชตฺวา สตฺตหิ รตเนหิ ปูเรตฺวา นครา นิกฺขมฺม มหามคฺคํ ปฏิปชฺชิตฺวา ตสฺส คุมฺพสฺส อวิทูเรน รถํ เปเสนฺโต ‘‘วสฺสสตํ ชีว, สามิ, อิลฺลิสเสฏฺิ, ตํ นิสฺสาย อิทานิ เม ยาวชีวํ กมฺมํ อกตฺวา ชีวิตพฺพํ ชาตํ, ตเวว รโถ, ตเวว โคณา, ตเวว เคเห สตฺต รตนานิ, เนว มาตรา ทินฺนานิ, น ปิตรา, ตํ นิสฺสาย ลทฺธานิ, สามี’’ติ เสฏฺิโน คุณกถํ กเถนฺโต คจฺฉติ. โส ตํ สทฺทํ สุตฺวา ภีตตสิโต จินฺเตสิ ‘‘อยํ มม นามํ คเหตฺวา อิทฺจิทฺจ วทติ, กจฺจิ นุ โข มม ธนํ รฺา โลกสฺส ทินฺน’’นฺติ คุมฺพา นิกฺขมิตฺวา โคเณ จ รถฺจ สฺชานิตฺวา ‘‘อเร, เจฏก, มยฺหํ โคณา, มยฺหํ รโถ’’ติ วตฺวา คนฺตฺวา โคเณ นาสารชฺชุยํ คณฺหิ, คหปติโก รถา โอรุยฺห ‘‘อเร, ทุฏฺเจฏก, อิลฺลิสมหาเสฏฺิ สกลนครสฺส ทานํ เทติ, ตฺวํ กึ อโหสี’’ติ ปกฺขนฺทิตฺวา อสนึ ปาเตนฺโต วิย ขนฺเธ ปหริตฺวา รถํ อาทาย อคมาสิ. โส ปุน กมฺปมาโน อุฏฺาย ปํสุํ ปุฺฉิตฺวา ปุฺฉิตฺวา เวเคน คนฺตฺวา รถํ คณฺหิ, คหปติโก รถา โอตริตฺวา เกเสสุ คเหตฺวา โอณาเมตฺวา กปฺปรปหาเรหิ โกฏฺเฏตฺวา คเล คเหตฺวา อาคตมคฺคาภิมุขํ ขิปิตฺวา ปกฺกามิ. เอตฺตาวตาสฺส สุรามโท ฉิชฺชิ. โส กมฺปมาโน เวเคน นิเวสนทฺวารํ คนฺตฺวา ธนํ อาทาย คจฺฉนฺเต มหาชเน ทิสฺวา ‘‘อมฺโภ กึ นาเมตํ, กึ ราชา มม ธนํ วิลุมฺปาเปตี’’ติ ตํ ตํ คนฺตฺวา คณฺหาติ, คหิตคหิตา ปหริตฺวา ปาทมูเลเยว ปาเตนฺติ. โส เวทนาปฺปตฺโต เคหํ ปวิสิตุํ อารภิ. ทฺวารปาลา ‘‘อเร, ทุฏฺคหปติ, กหํ ปวิสสี’’ติ วํสเปสิกาหิ โปเถตฺวา คีวายํ คเหตฺวา นีหรึสุ.

โส ‘‘เปตฺวา อิทานิ ราชานํ นตฺถิ เม อฺโ โกจิ ปฏิสรโณ’’ติ รฺโ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘เทว, มม เคหํ ตุมฺเห วิลุมฺปาเปถา’’ติ อาห. นาหํ เสฏฺิ วิลุมฺปาเปมิ, นนุ ตฺวเมว อาคนฺตฺวา ‘‘สเจ ตุมฺเห น คณฺหถ, อหํ มม ธนํ ทานํ ทสฺสามี’’ติ นคเร เภรึ จราเปตฺวา ทานํ อทาสีติ. นาหํ, เทว, ตุมฺหากํ สนฺติกํ อาคจฺฉามิ, กึ ตุมฺเห มยฺหํ มจฺฉริยภาวํ น ชานาถ, อหํ ติณคฺเคน เตลพินฺทุมฺปิ น กสฺสจิ เทมิ. โย ทานํ เทติ, ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา วีมํสถ, เทวาติ. ราชา สกฺกํ ปกฺโกสาเปสิ, ทฺวินฺนํ ชนานํ วิเสสํ เนว ราชา ชานาติ, น อมจฺจา. มจฺฉริยเสฏฺิ ‘‘กึ, เทว, อยํ เสฏฺิ, อหํ เสฏฺี’’ติ อาห. ‘‘มยํ น สฺชานาม, อตฺถิ เต โกจิ สฺชานนโก’’ติ? ‘‘ภริยา เม, เทวา’’ติ. ภริยํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘กตโร เต สามิโก’’ติ ปุจฺฉึสุ. สา ‘‘อย’’นฺติ สกฺกสฺเสว สนฺติเก อฏฺาสิ. ปุตฺตธีตโร ทาสกมฺมกเร จ ปกฺโกสาเปตฺวา ปุจฺฉึสุ, สพฺเพปิ สกฺกสฺเสว สนฺติเก ติฏฺนฺติ.

ปุน เสฏฺิ จินฺเตสิ ‘‘มยฺหํ สีเส ปิฬกา อตฺถิ, เกเสหิ ปฏิจฺฉนฺนา, ตํ โข ปน กปฺปโก เอว ชานาติ, ตํ ปกฺโกสาเปสฺสามี’’ติ. โส ‘‘กปฺปโก มํ, เทว, สฺชานาติ, ตํ ปกฺโกสาเปถา’’ติ อาห. ตสฺมึ ปน กาเล โพธิสตฺโต ตสฺส กปฺปโก อโหสิ. ราชา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘อิลฺลิสเสฏฺึ ชานาสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘สีสํ โอโลเกตฺวา ชานิสฺสามิ, เทวา’’ติ. ‘‘เตน หิ ทฺวินฺนมฺปิ สีสํ โอโลเกหี’’ติ. ตสฺมึ ขเณ สกฺโก สีเส ปิฬกํ มาเปสิ. โพธิสตฺโต ทฺวินฺนมฺปิ สีสํ โอโลเกนฺโต ปิฬกา ทิสฺวา ‘‘มหาราช, ทฺวินฺนมฺปิ สีเส ปิฬกา อตฺเถว, นาหํ เอเตสุ เอกสฺสาปิ อิลฺลิสภาวํ สฺชานิตุํ สกฺโกมี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๗๘.

‘‘อุโภ ขฺชา อุโภ กุณี, อุโภ วิสมจกฺขุกา;

อุภินฺนํ ปิฬกา ชาตา, นาหํ ปสฺสามิ อิลฺลิส’’นฺติ.

ตตฺถ อุโภติ ทฺเวปิ ชนา. ขฺชาติ กุณฺปาทา. กุณีติ กุณฺหตฺถา. วิสมจกฺขุกาติ วิสมกฺขิมณฺฑลา เกกรา. ปิฬกาติ ทฺวินฺนมฺปิ เอกสฺมึเยว สีสปเทเส เอกสณฺานาว ปิฬกา ชาตา. นาหํ ปสฺสามีติ อหํ ‘‘อิเมสุ อยํ นาม อิลฺลิโส’’ติ น ปสฺสามิ, เอกสฺสาปิ อิลฺลิสภาวํ น ชานามีติ อโวจ.

โพธิสตฺตสฺส วจนํ สุตฺวา เสฏฺิ กมฺปมาโน ธนโสเกน สตึ ปจฺจุปฏฺาเปตุํ อสกฺโกนฺโต ตตฺเถว ปติ. ตสฺมึ ขเณ สกฺโก ‘‘นาหํ, มหาราช, อิลฺลิโส, สกฺโกหมสฺมี’’ติ มหติยา สกฺกลีลาย อากาเส อฏฺาสิ. อิลฺลิสสฺส มุขํ ปุฺฉิตฺวา อุทเกน สิฺจึสุ, โส อุฏฺาย สกฺกํ เทวราชานํ วนฺทิตฺวา อฏฺาสิ. อถ นํ สกฺโก อาห ‘‘อิลฺลิส, อิทํ ธนํ มม สนฺตกํ, น ตว. อหฺหิ เต ปิตา, ตฺวํ มม ปุตฺโต. อหํ ทานาทีนิ ปุฺานิ กตฺวา สกฺกตฺตํ ปตฺโต, ตฺวํ ปน เม วํสํ อุปจฺฉินฺทิตฺวา อทานสีโล หุตฺวา มจฺฉริเย ปติฏฺาย ทานสาลาโย ฌาเปตฺวา ยาจเก นิกฺกฑฺฒิตฺวา ธนเมว สณฺาเปสิ. ตํ เนว ตฺวํ ปริภุฺชสิ, น อฺเสํ เทสิ, รกฺขสปริคฺคหิตํ วิย ติฏฺติ. สเจ เม ทานสาลา ปากติกา กตฺวา ทานํ ทสฺสสิ, อิจฺเจตํ กุสลํ. โน เจ ทสฺสสิ, สพฺพํ เต ธนํ อนฺตรธาเปตฺวา อิมินา อินฺทวชิเรน เต สีสํ ฉินฺทิตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปสฺสามี’’ติ. อิลฺลิสเสฏฺิ มรณภเยน สนฺตชฺชิโต ‘‘อิโต ปฏฺาย ทานํ ทสฺสามี’’ติ ปฏิฺํ อทาสิ. สกฺโก ตสฺส ปฏิฺํ คเหตฺวา อากาเส นิสินฺโนว ธมฺมํ เทเสตฺวา ตํ สีเลสุ ปติฏฺาเปตฺวา สกฏฺานเมว อคมาสิ. อิลฺลิโสปิ ทานาทีนิ ปุฺานิ กตฺวา สคฺคปรายโณ อโหสิ.

สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว โมคฺคลฺลาโน มจฺฉริยเสฏฺึ ทเมติ, ปุพฺเพเปส อิมินา ทมิโตเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา อิลฺลิโส มจฺฉริยเสฏฺิ อโหสิ, สกฺโก เทวราชา มหาโมคฺคลฺลาโน, ราชา อานนฺโท, กปฺปโก ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

อิลฺลิสชาตกวณฺณนา อฏฺมา.

[๗๙] ๙. ขรสฺสรชาตกวณฺณนา

ยโต วิลุตฺตา จ หตา จ คาโวติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ อมจฺจํ อารพฺภ กเถสิ. โกสลรฺโ กิร เอโก อมจฺโจ ราชานํ อาราเธตฺวา ปจฺจนฺตคาเม ราชพลึ ลภิตฺวา โจเรหิ สทฺธึ เอกโต หุตฺวา ‘‘อหํ มนุสฺเส อาทาย อรฺํ ปวิสิสฺสามิ, ตุมฺเห คามํ วิลุมฺปิตฺวา อุปฑฺฒํ มยฺหํ ทเทยฺยาถา’’ติ วตฺวา ปเคว มนุสฺเส สนฺนิปาเตตฺวา อรฺํ คนฺตฺวา โจเรสุ อาคนฺตฺวา คาวิโย ฆาเตตฺวา มํสํ ขาทิตฺวา คามํ วิลุมฺปิตฺวา คเตสุ สายนฺหสมเย มหาชนปริวุโต อาคจฺฉติ. ตสฺส น จิรสฺเสว ตํ กมฺมํ ปากฏํ ชาตํ. มนุสฺสา รฺโ อาโรเจสุํ. ราชา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา โทสํ ปติฏฺาเปตฺวา สุนิคฺคหิตํ นิคฺคเหตฺวา อฺํ คามโภชกํ เปเสตฺวา เชตวนํ คนฺตฺวา ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสิ. ภควา ‘‘น, มหาราช, อิทาเนว เอส เอวํสีโล, ปุพฺเพปิ เอวํสีโลเยวา’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต เอกสฺส อมจฺจสฺส ปจฺจนฺตคามํ อทาสิ. สพฺพํ ปุริมสทิสเมว. ตทา ปน โพธิสตฺโต วณิชฺชาย ปจฺจนฺเต วิจรนฺโต ตสฺมึ คามเก นิวาสํ กปฺเปสิ. โส ตสฺมึ คามโภชเก สายนฺหสมเย มหาชนปริวาเรน เภริยา วชฺชมานาย อาคจฺฉนฺเต ‘‘อยํ ทุฏฺคามโภชโก โจเรหิ สทฺธึ เอกโต หุตฺวา คามํ วิลุมฺปาเปตฺวา โจเรสุ ปลายิตฺวา อฏวึ ปวิฏฺเสุ อิทานิ อุปสนฺตูปสนฺโต วิย เภริยา วชฺชมานาย อาคจฺฉตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๗๙.

‘‘ยโต วิลุตฺตา จ หตา จ คาโว, ทฑฺฒานิ เคหานิ ชโน จ นีโต;

อถาคมา ปุตฺตหตาย ปุตฺโต, ขรสฺสรํ ฑิณฺฑิมํ วาทยนฺโต’’ติ.

ตตฺถ ยโตติ ยทา. วิลุตฺตา จ หตา จาติ วิลุมฺปิตฺวา พนฺธิตฺวา จ นีตา, มํสํ ขาทนตฺถาย จ หตา. คาโวติ โครูปานิ. ทฑฺฒานีติ อคฺคึ ทตฺวา ฌาปิตานิ. ชโน จ นีโตติ กรมรคฺคาหํ คเหตฺวา นีโต. ปุตฺตหตาย ปุตฺโตติ หตปุตฺตาย ปุตฺโต, นิลฺลชฺโชติ อตฺโถ. ฉินฺนหิโรตฺตปฺปสฺส หิ มาตา นาม นตฺถิ, อิติ โส ตสฺสา ชีวนฺโตปิ หตปุตฺตฏฺาเน ติฏฺตีติ หตปุตฺตาย ปุตฺโต นาม โหติ. ขรสฺสรนฺติ ถทฺธสทฺทํ. ฑิณฺฑิมนฺติ ปฏหเภรึ.

เอวํ โพธิสตฺโต อิมาย คาถาย ตํ ปริภาสิ. น จิเรเนว จ ตสฺส ตํ กมฺมํ ปากฏํ ชาตํ, อถสฺส ราชา โทสานุรูปํ นิคฺคหํ อกาสิ.

สตฺถา ‘‘น, มหาราช, อิทาเนเวส เอวํสีโล, ปุพฺเพปิ เอวํสีโลเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา อมจฺโจ อิทานิ อมจฺโจเยว, คาถาย อุทาหารกปณฺฑิตมนุสฺโส ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

ขรสฺสรชาตกวณฺณนา นวมา.

[๘๐] ๑๐. ภีมเสนชาตกวณฺณนา

ยํ เต ปวิกตฺถิตํ ปุเรติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ วิกตฺถิตํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. เอโก กิร ภิกฺขุ ‘‘อาวุโส, อมฺหากํ ชาติสมา ชาติ, โคตฺตสมํ โคตฺตํ นาม นตฺถิ, มยํ เอวรูเป นาม มหาขตฺติยกุเล ชาตา, โคตฺเตน วา ธเนน วา กุลปฺปเทเสน วา อมฺเหหิ สทิโส นาม นตฺถิ, อมฺหากํ สุวณฺณรชตาทีนํ อนฺโต นตฺถิ, ทาสกมฺมกราปิ โน สาลิมํโสทนํ ภุฺชนฺติ, กาสิกวตฺถํ นิวาเสนฺติ, กาสิกวิเลปนํ วิลิมฺปนฺติ. มยํ ปพฺพชิตภาเวน เอตรหิ เอวรูปานิ ลูขานิ โภชนานิ ภุฺชาม, ลูขานิ จีวรานิ ธาเรมา’’ติ เถรนวมชฺฌิมานํ ภิกฺขูนํ อนฺตเร วิกตฺเถนฺโต ชาติอาทิวเสน วมฺเภนฺโต ขุํเสนฺโต วิจรติ. อถสฺส เอโก ภิกฺขุ กุลปฺปเทสํ ปริคฺคณฺหิตฺวา ตํ วิกตฺถนภาวํ ภิกฺขูนํ อาโรเจสิ. ภิกฺขู ธมฺมสภายํ สนฺนิปติตา ‘‘อาวุโส, อสุโก นาม ภิกฺขุ เอวรูเป นิยฺยานิกสาสเน ปพฺพชิตฺวา วิกตฺเถนฺโต วมฺเภนฺโต ขุํเสนฺโต วิจรตี’’ติ เอตสฺส อคุณํ กถยึสุ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, โส ภิกฺขุ อิทาเนว วิกตฺเถนฺโต วมฺเภนฺโต ขุํเสนฺโต วิจรติ, ปุพฺเพปิ วิกตฺเถนฺโต วมฺเภนฺโต ขุํเสนฺโต วิจรี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต เอกสฺมึ นิคมคาเม อุทิจฺจพฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ ทิสาปาโมกฺขสฺส อาจริยสฺส สนฺติเก ตโย เวเท อฏฺารส วิชฺชฏฺานานิ อุคฺคเหตฺวา สพฺพสิปฺเปสุ นิปฺผตฺตึ ปตฺวา จูฬธนุคฺคหปณฺฑิโต นาม อโหสิ. โส ตกฺกสิลาโต นิกฺขมิตฺวา สพฺพสมยสิปฺปานิ ปริเยสมาโน มหึสกรฏฺํ อคมาสิ. อิมสฺมึ ปน ชาตเก โพธิสตฺโต โถกํ รสฺโส โอณตากาโร อโหสิ. โส จินฺเตสิ ‘‘สจาหํ กฺจิ ราชานํ อุปสงฺกมิสฺสามิ, โส ‘เอวํ รสฺสสรีโร ตฺวํ กึ อมฺหากํ กมฺมํ กริสฺสสี’ติ วกฺขติ, ยํนูนาหํ อาโรหปริณาหสมฺปนฺนํ อภิรูปํ เอกํ ปุริสํ ผลกํ กตฺวา ตสฺส ปิฏฺิจฺฉายาย ชีวิกํ กปฺเปยฺย’’นฺติ. โส ตถารูปํ ปุริสํ ปริเยสมาโน ภีมเสนสฺส นาเมกสฺส ตนฺตวายสฺส ตนฺตวีตฏฺานํ คนฺตฺวา เตน สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘สมฺม, ตฺวํ กินฺนาโมสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อหํ ภีมเสโน นามา’’ติ? ‘‘กึ ปน ตฺวํ เอวํ อภิรูโป อุปธิสมฺปนฺโน หุตฺวา อิมํ ลามกกมฺมํ กโรสี’’ติ? ‘‘ชีวิตุํ อสกฺโกนฺโต’’ติ. ‘‘สมฺม, มา เอตํ กมฺมํ กริ, สกลชมฺพุทีเป มยา สทิโส ธนุคฺคโห นาม นตฺถิ. สเจ ปนาหํ กฺจิ ราชานํ ปสฺเสยฺยํ, โส มํ ‘เอวํรสฺโส อยํ กึ อมฺหากํ กมฺมํ กริสฺสตี’ติ โกเปยฺย, ตฺวํ ราชานํ ทิสฺวา ‘อหํ ธนุคฺคโห’ติ วกฺขสิ. ราชา เต ปริพฺพยํ ทตฺวา วุตฺตึ นิพทฺธํ ทสฺสติ. อหํ เต อุปฺปนฺนกมฺมํ กโรนฺโต ตว ปิฏฺิจฺฉายาย ชีวิสฺสามิ. เอวํ อุโภปิ สุขิตา ภวิสฺสาม. กโรหิ มม วจน’’นฺติ อาห. โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ.

อถ นํ อาทาย พาราณสึ คนฺตฺวา สยํ จูฬูปฏฺาโก หุตฺวา ตํ ปุรโต กตฺวา ราชทฺวาเร ตฺวา รฺโ อาโรจาเปสิ. ‘‘อาคจฺฉนฺตู’’ติ วุตฺเต อุโภปิ ปวิสิตฺวา ราชานํ วนฺทิตฺวา อฏฺํสุ. ‘‘กึการณา อาคตตฺถา’’ติ จ วุตฺเต ภีมเสโน อาห – ‘‘อหํ ธนุคฺคโห, มยา สทิโส สกลชมฺพุทีเป ธนุคฺคโห นตฺถี’’ติ. ‘‘กึ ปน ลภนฺโต มํ อุปฏฺหิสฺสสี’’ติ? ‘‘อฑฺฒมาเส สหสฺสํ ลภนฺโต อุปฏฺหิสฺสามิ, เทวา’’ติ. ‘‘อยํ เต ปุริโส กึ โหตี’’ติ? ‘‘จูฬูปฏฺาโก, เทวา’’ติ. ‘‘สาธุ อุปฏฺหา’’ติ. ตโต ปฏฺาย ภีมเสโน ราชานํ อุปฏฺหติ. อุปฺปนฺนกิจฺจํ ปนสฺส โพธิสตฺโตว นิตฺถรติ.

เตน โข ปน สมเยน กาสิรฏฺเ เอกสฺมึ อรฺเ พหูนํ มนุสฺสานํ สฺจรณมคฺคํ พฺยคฺโฆ ฉฑฺฑาเปติ, พหู มนุสฺเส คเหตฺวา คเหตฺวา ขาทติ. ตํ ปวตฺตึ รฺโ อาโรเจสุํ. ราชา ภีมเสนํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สกฺขิสฺสสิ, ตาต, นํ พฺยคฺฆํ คณฺหิตุ’’นฺติ อาห. ‘‘เทว, กึ ธนุคฺคโห นามาหํ, ยทิ พฺยคฺฆํ คเหตุํ น สกฺโกมี’’ติ. ราชา ตสฺส ปริพฺพยํ ทตฺวา อุยฺโยเชสิ. โส ฆรํ คนฺตฺวา โพธิสตฺตสฺส กเถสิ. โพธิสตฺโต ‘‘สาธุ, สมฺม, คจฺฉา’’ติ อาห. ‘‘ตฺวํ ปน น คมิสฺสสี’’ติ? ‘‘อาม น คมิสฺสามิ, อุปายํ ปน เต อาจิกฺขิสฺสามี’’ติ. ‘‘อาจิกฺข, สมฺมา’’ติ. ตฺวํ พฺยคฺฆสฺส วสนฏฺานํ สหสา เอกโกว มา อคมาสิ, ชนปทมนุสฺเส ปน สนฺนิปาเตตฺวา เอกํ วา ทฺเว วา ธนุสหสฺสานิ คาหาเปตฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา พฺยคฺฆสฺส อุฏฺิตภาวํ ตฺวา ปลายิตฺวา เอกํ คุมฺพํ ปวิสิตฺวา อุเรน นิปชฺเชยฺยาสิ, ชานปทาว พฺยคฺฆํ โปเถตฺวา คณฺหิสฺสนฺติ, เตหิ พฺยคฺเฆ คหิเต ตฺวํ ทนฺเตหิ เอกํ วลฺลึ ฉินฺทิตฺวา โกฏิยํ คเหตฺวา มตพฺยคฺฆสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘โภ, เกเนส, พฺยคฺโฆ มาริโต, อหํ อิมํ พฺยคฺฆํ โคณํ วิย วลฺลิยา พนฺธิตฺวา รฺโ สนฺติกํ เนสฺสามี’ติ วลฺลิอตฺถาย คุมฺพํ ปวิฏฺโ, มยา วลฺลิยา อนาภตาย เอว เกเนส มาริโต’’ติ กเถยฺยาสิ. อถ เต ชานปทา ภีตตสิตา ‘‘สามิ, มา รฺโ อาจิกฺขี’’ติ พหุํ ธนํ ทสฺสนฺติ, พฺยคฺโฆ ตยา คหิโต ภวิสฺสติ, รฺโปิ สนฺติกา พหุํ ธนํ ลภิสฺสสีติ. โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา โพธิสตฺเตน กถิตนิยาเมเนว พฺยคฺฆํ คเหตฺวา อรฺํ เขมํ กตฺวา มหาชนปริวุโต พาราณสึ อาคนฺตฺวา ราชานํ ทิสฺวา ‘‘คหิโต เม, เทว, พฺยคฺโฆ, อรฺํ เขมํ กต’’นฺติ อาห. ราชา ตุฏฺโ พหุํ ธนํ อทาสิ. ปุเนกทิวสํ ‘‘เอกมคฺคํ มหึโส ฉฑฺฑาเปตี’’ติ อาโรเจสุํ, ราชา ตเถว ภีมเสนํ เปเสสิ. โสปิ โพธิสตฺเตน ทินฺนนเยน พฺยคฺฆํ วิย ตมฺปิ คเหตฺวา อาคฺฉิ, ราชา ปุน พหุํ ธนํ อทาสิ, มหนฺตํ อิสฺสริยํ ชาตํ. โส อิสฺสริยมทมตฺโต โพธิสตฺตํ อวมฺํ กตฺวา ตสฺส วจนํ น คณฺหาติ, ‘‘นาหํ ตํ นิสฺสาย ชีวามิ, กึ ตฺวฺเว ปุริโส’’ติอาทีนิ ผรุสวจนานิ วทติ.

อถ กติปาหจฺจเยน เอโก สามนฺตราชา อาคนฺตฺวา พาราณสึ อุปรุนฺธิตฺวา ‘‘รชฺชํ วา เทตุ, ยุทฺธํ วา’’ติ รฺโ สาสนํ เปเสสิ. ราชา ‘‘ยุชฺฌาหี’’ติ ภีมเสนํ เปเสสิ. โส สพฺพสนฺนาหสนฺนทฺโธ ราชเวสํ คเหตฺวา สุสนฺนทฺธสฺส วารณสฺส ปิฏฺเ นิสีทิ. โพธิสตฺโตปิ ตสฺส มรณภเยน สพฺพสนฺนาหสนฺนทฺโธ ภีมเสนสฺเสว ปจฺฉิมาสเน นิสีทิ. วารโณ มหาชนปริวุโต นครทฺวาเรน นิกฺขมิตฺวา สงฺคามสีสํ ปาปุณิ. ภีมเสโน ยุทฺธเภริสทฺทํ สุตฺวาว กมฺปิตุํ อารทฺโธ. โพธิสตฺโต ‘‘อิทาเนส หตฺถิปิฏฺิโต ปติตฺวา มริสฺสตี’’ติ หตฺถิกฺขนฺธโต อปตนตฺถํ ภีมเสนํ โยตฺเตน ปริกฺขิปิตฺวา คณฺหิ, ภีมเสโน สมฺปหารฏฺานํ ทิสฺวา มรณภยตชฺชิโต สรีรวฬฺเชน หตฺถิปิฏฺึ ทูเสสิ. โพธิสตฺโต ‘‘น โข เต ภีมเสน ปุริเมน ปจฺฉิมํ สเมติ, ตฺวํ ปุพฺเพ สงฺคามโยโธ วิย อโหสิ, อิทานิ หตฺถิปิฏฺึ ทูเสสี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๘๐.

‘‘ยํ เต ปวิกตฺถิตํ ปุเร, อถ เต ปูติสรา สชนฺติ ปจฺฉา;

อุภยํ น สเมติ ภีมเสน, ยุทฺธกถา จ อิทฺจ เต วิหฺ’’นฺติ.

ตตฺถ ยํ เต ปวิกตฺถิตํ ปุเรติ ยํ ตยา ปุพฺเพ ‘‘กึ ตฺวํเยว ปุริโส, นาหํ ปุริโส, อหมฺปิ สงฺคามโยโธ’’ติ วิกตฺถิตํ วมฺภนวจนํ วุตฺตํ, อิทํ ตาว เอกํ. อถ เต ปูติสรา สชนฺติ ปจฺฉาติ อถ เต อิเม ปูติภาเวน สรณภาเวน จ ‘‘ปูติสรา’’ติ ลทฺธนามา สรีรวฬฺชธารา สชนฺติ วฬฺชนฺติ ปคฺฆรนฺติ. ปจฺฉาติ ตโต ปุเร วิกตฺถิตโต อปรภาเค, อิทานิ อิมสฺมึ สงฺคามสีเสติ อตฺโถ. อุภยํ น สเมติ ภีมเสนาติ อิทํ ภีมเสน อุภยํ น สเมติ. กตรํ? ยุทฺธกถา จ อิทฺจ เต วิหฺนฺติ, ยา จ ปุเร กถิตา ยุทฺธกถา, ยฺจ เต อิทานิ วิหฺํ กิลมโถ หตฺถิปิฏฺิทูสนาการปฺปตฺโต วิฆาโตติ อตฺโถ.

เอวํ โพธิสตฺโต ตํ ครหิตฺวา ‘‘มา ภายิ, สมฺม, กสฺมา มยิ ิเต วิหฺสี’’ติ ภีมเสนํ หตฺถิปิฏฺิโต โอตาเรตฺวา ‘‘นฺหายิตฺวา เคหเมว คจฺฉา’’ติ อุยฺโยเชตฺวา ‘‘อชฺช มยา ปากเฏน ภวิตุํ วฏฺฏตี’’ติ สงฺคามํ ปวิสิตฺวา อุนฺนทิตฺวา พลโกฏฺกํ ภินฺทิตฺวา สปตฺตราชานํ ชีวคฺคาหํ คาหาเปตฺวา พาราณสิรฺโ สนฺติกํ อคมาสิ. ราชา ตุฏฺโ โพธิสตฺตสฺส มหนฺตํ ยสํ อทาสิ. ตโต ปฏฺาย ‘‘จูฬธนุคฺคหปณฺฑิโต’’ติ สกลชมฺพุทีเป ปากโฏ อโหสิ. โส ภีมเสนสฺส ปริพฺพยํ ทตฺวา สกฏฺานเมว เปเสตฺวา ทานาทีนิ ปุฺานิ กตฺวา ยถากมฺมํ คโต.

สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนเวส ภิกฺขุ วิกตฺเถติ, ปุพฺเพปิ วิกตฺถิเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ภีมเสโน วิกตฺถิตภิกฺขุ อโหสิ, จูฬธนุคฺคหปณฺฑิโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

ภีมเสนชาตกวณฺณนา ทสมา.

วรุณวคฺโค อฏฺโม.

ตสฺสุทฺทานํ –

วรุณํ สีลวนาคํ, สจฺจํกิร รุกฺขธมฺมํ;

มจฺฉราชา อสงฺกิยํ, มหาสุปินอิลฺลิสํ;

ขรสฺสรํ ภีมเสนนฺติ.

๙. อปายิมฺหวคฺโค

[๘๑] ๑. สุราปานชาตกวณฺณนา

อปายิมฺห อนจฺจิมฺหาติ อิทํ สตฺถา โกสมฺพึ อุปนิสฺสาย โฆสิตาราเม วิหรนฺโต สาคตตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ. ภควติ หิ สาวตฺถิยํ วสฺสํ วสิตฺวา จาริกาคมเนน ภทฺทวติกํ นาม นิคมํ สมฺปตฺเต โคปาลกา ปสุปาลกา กสฺสกา ปถาวิโน จ สตฺถารํ ทิสฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘มา, ภนฺเต, ภควา อมฺพติตฺถํ อคมาสิ, อมฺพติตฺเถ ชฏิลสฺส อสฺสเม อมฺพติตฺถโก นาม นาโค อาสีวิโส โฆรวิโส, โส ภควนฺตํ วิเหเยฺยา’’ติ วารยึสุ. ภควาปิ เตสํ กถํ อสุณนฺโต วิย เตสุ ยาวตติยํ วารยมาเนสุปิ อคมาสิเยว.

ตตฺร สุทํ ภควา ภทฺทวติกาย อวิทูเร อฺตรสฺมึ วนสณฺเฑ วิหรติ. เตน โข ปน สมเยน พุทฺธูปฏฺาโก สาคโต นาม เถโร โปถุชฺชนิกาย อิทฺธิยา สมนฺนาคโต ตํ อสฺสมํ อุปสงฺกมิตฺวา ตสฺส นาคราชสฺส วสนฏฺาเน ติณสนฺถารกํ ปฺาเปตฺวา ปลฺลงฺเกน นิสีทิ. นาโค มกฺขํ อสหมาโน ธูมายิ, เถโรปิ ธูมายิ. นาโค ปชฺชลิ, เถโรปิ ปชฺชลิ. นาคสฺส เตโช เถรํ น พาธติ, เถรสฺส เตโช นาคํ พาธติ. เอวํ โส ขเณน ตํ นาคราชานํ ทเมตฺวา สรเณสุ จ สีเลสุ จ ปติฏฺาเปตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ อคมาสิ.

สตฺถา ภทฺทวติกายํ ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวา โกสมฺพึ อคมาสิ. สาคตตฺเถเรน นาคสฺส ทมิตภาโว สกลชนปทํ ปตฺถริ. โกสมฺพินครวาสิโน สตฺถุ ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา สาคตตฺเถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ ิตา เอวมาหํสุ ‘‘ภนฺเต, ยํ ตุมฺหากํ ทุลฺลภํ, ตํ วเทยฺยาถ, ตเทว มยํ ปฏิยาเทสฺสามา’’ติ. เถโร ตุณฺหี อโหสิ. ฉพฺพคฺคิยา ปนาหํสุ ‘‘อาวุโส, ปพฺพชิตานํ นาม กาโปติกา สุรา ทุลฺลภา เจว มนาปา จ. สเจ ตุมฺเห เถรสฺส ปสนฺนา, กาโปติกํ สุรํ ปฏิยาเทถา’’ติ. เต ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา สตฺถารํ สฺวาตนาย นิมนฺเตตฺวา นครํ ปวิสิตฺวา อตฺตโน อตฺตโน เคเห ‘‘เถรสฺส ทสฺสามา’’ติ กาโปติกํ สุรํ ปสนฺนํ ปฏิยาเทตฺวา เถรํ นิมนฺเตตฺวา ฆเร ฆเร ปสนฺนํ สุรํ อทํสุ. เถโร ปิวิตฺวา สุรามทมตฺโต นครโต นิกฺขมนฺโต ทฺวารนฺตเร ปติตฺวา วิลปมาโน นิปชฺชิ.

สตฺถา กตภตฺตกิจฺโจ นครา นิกฺขมนฺโต เถรํ เตนากาเรน นิปนฺนํ ทิสฺวา ‘‘คณฺหถ, ภิกฺขเว, สาคต’’นฺติ คาหาเปตฺวา อารามํ อคมาสิ. ภิกฺขู เถรสฺส สีสํ ตถาคตสฺส ปาทมูเล กตฺวา ตํ นิปชฺชาเปสุํ, โส ปริวตฺติตฺวา ปาเท ตถาคตาภิมุเข กตฺวา นิปชฺชิ. สตฺถา ภิกฺขู ปฏิปุจฺฉิ ‘‘กึ นุ โข, ภิกฺขเว, ยํ ปุพฺเพ สาคตสฺส มยิ คารวํ, ตํ อิทานิ อตฺถี’’ติ? ‘‘นตฺถิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘ภิกฺขเว, อมฺพติตฺถกํ นาคราชานํ โก ทเมสี’’ติ. ‘‘สาคโต, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กึ ปเนตรหิ, ภิกฺขเว, สาคโต อุทกเทฑฺฑูภกมฺปิ ทเมตุํ สกฺกุเณยฺยา’’ติ. ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. ‘‘อปิ นุ โข, ภิกฺขเว, เอวรูปํ ปาตุํ ยุตฺตํ, ยํ ปิวิตฺวา เอวํวิสฺี โหตี’’ติ. ‘‘อยุตฺตํ, ภนฺเต’’ติ. อถ โข ภควา เถรํ ครหิตฺวา ภิกฺขู อามนฺเตตฺวา ‘‘สุราเมรยปาเน ปาจิตฺติย’’นฺติ (ปาจิ. ๓๒๗) สิกฺขาปทํ ปฺาเปตฺวา อุฏฺายาสนา คนฺธกุฏึ ปาวิสิ.

ธมฺมสภายํ สนฺนิปติตา ภิกฺขู สุราปานสฺส อวณฺณํ กถยึสุ ‘‘ยาว มหาโทสฺเจตํ, อาวุโส, สุราปานํ นาม, ตาว ปฺาสมฺปนฺนํ นาม อิทฺธิมนฺตํ สาคตํ ยถา สตฺถุ คุณมตฺตมฺปิ น ชานาติ, ตถา อกาสี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว สุรํ ปิวิตฺวา ปพฺพชิตา วิสฺิโน โหนฺติ, ปุพฺเพปิ อเหสุํเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต กาสิรฏฺเ อุทิจฺจพฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ อุปฺปาเทตฺวา ฌานกีฬํ กีฬนฺโต หิมวนฺตปฺปเทเส วสติ ปฺจหิ อนฺเตวาสิกสเตหิ ปริวุโต. อถ นํ วสฺสานสมเย สมฺปตฺเต อนฺเตวาสิกา อาหํสุ ‘‘อาจริย, มนุสฺสปถํ คนฺตฺวา โลณมฺพิลํ เสวิตฺวา อาคจฺฉามา’’ติ. ‘‘อาวุโส, อหํ อิเธว วสิสฺสามิ, ตุมฺเห ปน คนฺตฺวา สรีรํ สนฺตปฺเปตฺวา วสฺสํ วีตินาเมตฺวา อาคจฺฉถา’’ติ. เต ‘‘สาธู’’ติ อาจริยํ วนฺทิตฺวา พาราณสึ คนฺตฺวา ราชุยฺยาเน วสิตฺวา ปุนทิวเส พหิทฺวารคาเมเยว ภิกฺขาย จริตฺวา สุหิตา หุตฺวา ปุนทิวเส นครํ ปวิสึสุ. มนุสฺสา สมฺปิยายมานา ภิกฺขํ อทํสุ. กติปาหจฺจเยน จ รฺโปิ อาโรเจสุํ ‘‘เทว, หิมวนฺตโต ปฺจสตา อิสโย อาคนฺตฺวา อุยฺยาเน วสนฺติ โฆรตปา ปรมธิตินฺทฺริยา สีลวนฺโต’’ติ. ราชา เตสํ คุเณ สุตฺวา อุยฺยานํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา กตปฏิสนฺถาโร วสฺสานํ จตุมาสํ ตตฺเถว วสนตฺถาย ปฏิฺํ คเหตฺวา นิมนฺเตสิ, เต ตโต ปฏฺาย ราชเคเหเยว ภุฺชิตฺวา อุยฺยาเน วสนฺติ.

อเถกทิวสํ นคเร สุรานกฺขตฺตํ นาม อโหสิ. ราชา ‘‘ปพฺพชิตานํ สุรา ทุลฺลภา’’ติ พหุํ อุตฺตมสุรํ ทาเปสิ. ตาปสา สุรํ ปิวิตฺวา อุยฺยานํ คนฺตฺวา สุรามทมตฺตา หุตฺวา เอกจฺเจ อุฏฺาย นจฺจึสุ, เอกจฺเจ คายึสุ, นจฺจิตฺวา คายิตฺวา ขาริกาทีนิ อวตฺถริตฺวา นิทฺทายิตฺวา สุรามเท ฉินฺเน ปพุชฺฌิตฺวา ตํ อตฺตโน วิปฺปการํ ทิสฺวา ‘‘น อมฺเหหิ ปพฺพชิตสารุปฺปํ กต’’นฺติ โรทิตฺวา ปริเทวิตฺวา ‘‘มยํ อาจริเยน วินาภูตตฺตา เอวรูปํ ปาปกมฺมํ กริมฺหา’’ติ ตงฺขณฺเว อุยฺยานํ ปหาย หิมวนฺตํ คนฺตฺวา ปฏิสามิตปริกฺขารา อาจริยํ วนฺทิตฺวา นิสีทิตฺวา ‘‘กึ นุ โข, ตาตา, มนุสฺสปเถ ภิกฺขาย อกิลมมานา สุขํ วสิตฺถ, สมคฺควาสฺจ ปน วสิตฺถา’’ติ ปุจฺฉิตา ‘‘อาจริย, สุขํ วสิมฺห, อปิจ โข ปน มยํ อปาตพฺพยุตฺตกํ ปิวิตฺวา วิสฺีภูตา สตึ ปจฺจุปฏฺาเปตุํ อสกฺโกนฺตา นจฺจิมฺห เจว คายิมฺห จา’’ติ เอตมตฺถํ อาโรเจนฺตา อิมํ คาถํ สมุฏฺาเปตฺวา อาหํสุ –

๘๑.

‘‘อปายิมฺห อนจฺจิมฺห, อคายิมฺห รุทิมฺห จ;

วิสฺีกรณึ ปิตฺวา, ทิฏฺา นาหุมฺห วานรา’’ติ.

ตตฺถ อปายิมฺหาติ สุรํ ปิวิมฺห. อนจฺจิมฺหาติ ตํ ปิวิตฺวา หตฺถปาเท ลาเฬนฺตา นจฺจิมฺห. อคายิมฺหาติ มุขํ วิวริตฺวา อายตเกน สเรน คายิมฺห. รุทิมฺห จาติ ปุน วิปฺปฏิสาริโน ‘‘เอวรูปํ นาม อมฺเหหิ กต’’นฺติ โรทิมฺห จ. วิสฺีกรณึ ปิตฺวา, ทิฏฺา นาหุมฺห วานราติ เอวรูปํ สฺาวินาสนโต วิสฺีกรณึ สุรํ ปิวิตฺวา ‘‘เอตเทว สาธุ, ยํ วานรา นาหุมฺหา’’ติ. เอวํ เต อตฺตโน อคุณํ กเถสุํ.

โพธิสตฺโต ‘‘ครุสํวาสรหิตานํ นาม เอวรูปํ โหติเยวา’’ติ เต ตาปเส ครหิตฺวา ‘‘ปุน เอวรูปํ มากริตฺถา’’ติ เตสํ โอวาทํ ทตฺวา อปริหีนชฺฌาโน พฺรหฺมโลกปรายโณ อโหสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ. อิโต ปฏฺาย หิ ‘‘อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา’’ติ อิทมฺปิ น วกฺขาม. ตทา อิสิคโณ พุทฺธปริสา อโหสิ, คณสตฺถา ปน อหเมว อโหสินฺติ.

สุราปานชาตกวณฺณนา ปมา.

[๘๒] ๒. มิตฺตวินฺทกชาตกวณฺณนา

อติกฺกมฺม รมณกนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ ทุพฺพจภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. อิมสฺส ปน ชาตกสฺส กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธกาลิกํ วตฺถุ, ตํ ทสกนิปาเต มหามิตฺตวินฺทกชาตเก (ชา. ๑.๑.๘๒; ๑.๕.๑๐๐ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติ. ตทา ปน โพธิสตฺโต อิมํ คาถมาห –

๘๒.

‘‘อติกฺกมฺม รมณกํ, สทามตฺตฺจ ทูภกํ;

สฺวาสิ ปาสาณมาสีโน, ยสฺมา ชีวํ น โมกฺขสี’’ติ.

ตตฺถ รมณกนฺติ ตสฺมึ กาเล ผลิกสฺส นามํ, ผลิกปาสาทฺจ อติกฺกนฺโตสีติ ทีเปติ. สทามตฺตฺจาติ รชตสฺส นามํ, รชตปาสาทฺจ อติกฺกนฺโตสีติ ทีเปติ. ทูภกนฺติ มณิโน นามํ, มณิปาสาทฺจ อติกฺกนฺโตสีติ ทีเปติ. สฺวาสีติ โส อสิ ตฺวํ. ปาสาณมาสีโนติ ขุรจกฺกํ นาม ปาสาณมยํ วา โหติ รชตมยํ วา มณิมยํ วา, ตํ ปน ปาสาณมยเมว. โส จ เตน อาสีโน อตินิวิฏฺโ อชฺโฌตฺถโฏ. ตสฺมา ปาสาเณน อาสีนตฺตา ‘‘ปาสาณาสีโน’’ติ วตฺตพฺเพ พฺยฺชนสนฺธิวเสน มการํ อาทาย ‘‘ปาสาณมาสีโน’’ติ วุตฺตํ. ปาสาณํ วา อาสีโน, ตํ ขุรจกฺกํ อาสชฺช ปาปุณิตฺวา ิโตติ อตฺโถ. ยสฺมา ชีวํ น โมกฺขสีติ ยสฺมา ขุรจกฺกา ยาว เต ปาปํ น ขียติ, ตาว ชีวนฺโตเยว น มุจฺจิสฺสสิ, ตํ อาสีโนสีติ.

อิมํ คาถํ วตฺวา โพธิสตฺโต อตฺตโน วสนฏฺานํเยว คโต. มิตฺตวินฺทโกปิ ขุรจกฺกํ อุกฺขิปิตฺวา มหาทุกฺขํ อนุภวมาโน ปาปกมฺเม ปริกฺขีเณ ยถากมฺมํ คโต.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา มิตฺตวินฺทโก ทุพฺพจภิกฺขุ อโหสิ, เทวราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

มิตฺตวินฺทกชาตกวณฺณนา ทุติยา.

[๘๓] ๓. กาฬกณฺณิชาตกวณฺณนา

มิตฺโต หเว สตฺตปเทน โหตีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ อนาถปิณฺฑิกสฺส มิตฺตํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิร อนาถปิณฺฑิเกน สทฺธึ สหปํสุกีฬิโก เอกาจริยสฺเสว สนฺติเก อุคฺคหิตสิปฺโป นาเมน กาฬกณฺณี นาม. โส คจฺฉนฺเต กาเล ทุคฺคโต หุตฺวา ชีวิตุํ อสกฺโกนฺโต เสฏฺิสฺส สนฺติกํ อคมาสิ. โส ตํ สมสฺสาเสตฺวา ปริพฺพยํ ทตฺวา อตฺตโน กุฏุมฺพํ ปฏิจฺฉาเปสิ. โส เสฏฺิโน อุปการโก หุตฺวา สพฺพกิจฺจานิ กโรติ. ตํ เสฏฺิสฺส สนฺติกํ อาคตกาเล ‘‘ติฏฺ, กาฬกณฺณิ, นิสีท, กาฬกณฺณิ, ภุฺช กาฬกณฺณี’’ติ วทนฺติ. อเถกทิวสํ เสฏฺิโน มิตฺตามจฺจา เสฏฺึ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาหํสุ ‘‘มหาเสฏฺิ, มา เอตํ ตว สนฺติเก กริ, ‘ติฏฺ, กาฬกณฺณิ, นิสีท กาฬกณฺณิ, ภุฺช กาฬกณฺณี’ติ หิ อิมินา สทฺเทน ยกฺโขปิ ปลาเยยฺย, น เจส ตยา สมาโน, ทุคฺคโต ทุรูเปโต, กึ เต อิมินา’’ติ. อนาถปิณฺฑิโก ‘‘นามํ นาม โวหารมตฺตํ, น ตํ ปณฺฑิตา ปมาณํ กโรนฺติ, สุตมงฺคลิเกน นาม ภวิตุํ น วฏฺฏติ, น สกฺกา มยา นามมตฺตํ นิสฺสาย สหปํสุกีฬิกํ สหายํ ปริจฺจชิตุ’’นฺติ เตสํ วจนํ อนาทาย เอกทิวสํ อตฺตโน โภคคามํ คจฺฉนฺโต ตํ เคหรกฺขกํ กตฺวา อคมาสิ.

โจรา ‘‘เสฏฺิ กิร โภคคามํ คโต, เคหมสฺส วิลุมฺปิสฺสามา’’ติ นานาวุธหตฺถา รตฺติภาเค อาคนฺตฺวา เคหํ ปริวาเรสุํ. อิตโรปิ โจรานฺเว อาคมนํ อาสงฺกมาโน อนิทฺทายนฺโตว นิสีทิ. โส โจรานํ อาคตภาวํ ตฺวา มนุสฺเส ปโพเธตุํ ‘‘ตฺวํ สงฺขํ ธม, ตฺวํ มุทิงฺคํ วาเทหี’’ติ มหาสมชฺชํ กโรนฺโต วิย สกลนิเวสนํ เอกสทฺทํ กาเรสิ. โจรา ‘‘สุฺํ เคหนฺติ ทุสฺสุตํ อมฺเหหิ, อตฺเถว อิธ มหาเสฏฺี’’ติ ปาสาณมุคฺคราทีนิ ตตฺเถว ฉฑฺเฑตฺวา ปลายึสุ.

ปุนทิวเส มนุสฺสา ตตฺถ ตตฺถ ฉฑฺฑิเต ปาสาณมุคฺคราทโย ทิสฺวา สํเวคปฺปตฺตา หุตฺวา ‘‘สเจ อชฺช เอวรูโป พุทฺธิสมฺปนฺโน ฆรวิจารโก นาภวิสฺส, โจเรหิ ยถารุจิยา ปวิสิตฺวา สพฺพํ เคหํ วิลุตฺตํ อสฺส, อิมํ ทฬฺหมิตฺตํ นิสฺสาย เสฏฺิโน วุฑฺฒิ ชาตา’’ติ ตํ ปสํสิตฺวา เสฏฺิสฺส โภคคามโต อาคตกาเล สพฺพํ ตํ ปวตฺตึ อาโรจยึสุ. อถ เน เสฏฺิ อโวจ ‘‘ตุมฺเห เอวรูปํ มม เคหรกฺขกํ มิตฺตํ นิกฺกฑฺฒาเปถ, สจายํ ตุมฺหากํ วจเนน มยา นิกฺกฑฺฒิโต อสฺส, อชฺช เม กุฏุมฺพํ กิฺจิ นาภวิสฺส, นามํ นาม อปฺปมาณํ, หิตจิตฺตเมว ปมาณ’’นฺติ ตสฺส อุตฺตริตรํ ปริพฺพยํ ทตฺวา ‘‘อตฺถิ ทานิ เม อิทํ กถาปาภต’’นฺติ สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา อาทิโต ปฏฺาย สพฺพํ ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ. สตฺถา ‘‘น โข, คหปติ, อิทาเนว กาฬกณฺณิมิตฺโต อตฺตโน มิตฺตสฺส ฆเร กุฏุมฺพํ รกฺขติ, ปุพฺเพปิ รกฺขิเยวา’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต มหายโส เสฏฺิ อโหสิ. ตสฺส กาฬกณฺณี นาม มิตฺโตติ สพฺพํ ปจฺจุปฺปนฺนวตฺถุสทิสเมว. โพธิสตฺโต โภคคามโต อาคโต ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา ‘‘สเจ มยา ตุมฺหากํ วจเนน เอวรูโป มิตฺโต นิกฺกฑฺฒิโต อสฺส, อชฺช เม กุฏุมฺพํ กิฺจิ นาภวิสฺสา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๘๓.

‘‘มิตฺโต หเว สตฺตปเทน โหติ, สหาโย ปน ทฺวาทสเกน โหติ;

มาสฑฺฒมาเสน จ าติ โหติ, ตตุตฺตรึ อตฺตสโมปิ โหติ;

โสหํ กถํ อตฺตสุขสฺส เหตุ, จิรสนฺถุตํ กาฬกณฺณึ ชเหยฺย’’นฺติ.

ตตฺถ หเวติ นิปาตมตฺตํ. เมตฺตายตีติ มิตฺโต, เมตฺตํ ปจฺจุปฏฺาเปติ, สิเนหํ กโรตีติ อตฺโถ. โส ปเนส สตฺตปเทน โหติ, เอกโต สตฺตปทวีติหารคมนมตฺเตน โหตีติ อตฺโถ. สหาโย ปน ทฺวาทสเกน โหตีติ สพฺพกิจฺจานิ เอกโต กรณวเสน สพฺพิริยาปเถสุ สห คจฺฉตีติ สหาโย. โส ปเนส ทฺวาทสเกน โหติ, ทฺวาทสาหํ เอกโต นิวาเสน โหตีติ อตฺโถ. มาสฑฺฒมาเสน จาติ มาเสน วา อฑฺฒมาเสน วา. าติ โหตีติ าติสโม โหติ. ตตุตฺตรินฺติ ตโต อุตฺตรึ เอกโต วาเสน อตฺตสโมปิ โหติเยว. ชเหยฺยนฺติ ‘‘เอวรูปํ สหายํ กถํ ชเหยฺย’’นฺติ มิตฺตสฺส คุณํ กเถสิ. ตโต ปฏฺาย ปุน โกจิ ตสฺส อนฺตเร วตฺตา นาม นาโหสีติ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา กาฬกณฺณี อานนฺโท อโหสิ, พาราณสิเสฏฺิ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

กาฬกณฺณิชาตกวณฺณนา ตติยา.

[๘๔] ๔. อตฺถสฺสทฺวารชาตกวณฺณนา

อาโรคฺยมิจฺเฉ ปรมฺจ ลาภนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ อตฺถกุสลํ กุลปุตฺตํ อารพฺภ กเถสิ. สาวตฺถิยฺหิ เอกสฺส มหาวิภวสฺส เสฏฺิโน ปุตฺโต ชาติยา สตฺตวสฺโส ปฺวา อตฺถกุสโล. โส เอกทิวสํ ปิตรํ อุปสงฺกมิตฺวา อตฺถสฺส ทฺวารปฺหํ นาม ปุจฺฉิ, โส ตํ น ชานาติ. อถสฺส เอตทโหสิ ‘‘อยํ ปฺโห อติสุขุโม, เปตฺวา สพฺพฺุพุทฺธํ อฺโ อุปริ ภวคฺเคน, เหฏฺา จ อวีจินา ปริจฺฉินฺเน โลกสนฺนิวาเส เอตํ ปฺหํ กเถตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถี’’ติ. โส ปุตฺตมาทาย พหุํ มาลาคนฺธวิเลปนํ คาหาเปตฺวา เชตวนํ คนฺตฺวา สตฺถารํ ปูเชตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺโน ภควนฺตํ เอตทโวจ ‘‘อยํ, ภนฺเต, ทารโก ปฺวา อตฺถกุสโล มํ อตฺถสฺส ทฺวารปฺหํ นาม ปุจฺฉิ, อหํ ตํ ปฺหํ อชานนฺโต ตุมฺหากํ สนฺติกํ อาคโต, สาธุ เม, ภนฺเต, ภควา ตํ ปฺหํ กเถตู’’ติ. สตฺถา ‘‘ปุพฺเพปาหํ, อุปาสก, อิมินา กุมารเกเนตํ ปฺหํ ปุฏฺโ, มยา จสฺส กถิโต, ตทา นํ เอส ชานาติ, อิทานิ ปน ภวสงฺเขปคตตฺตา น สลฺลกฺเขตี’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต มหาวิภโว เสฏฺิ อโหสิ. อถสฺส ปุตฺโต สตฺตวสฺสิโก ชาติยา ปฺวา อตฺถกุสโล. โส เอกทิวสํ ปิตรํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ตาต, อตฺถสฺส ทฺวารํ นาม กิ’’นฺติ อตฺถสฺส ทฺวารปฺหํ ปุจฺฉิ. อถสฺส ปิตา ตํ ปฺหํ กเถนฺโต อิมํ คาถมาห –

๘๔.

‘‘อาโรคฺยมิจฺเฉ ปรมฺจ ลาภํ, สีลฺจ วุทฺธานุมตํ สุตฺจ;

ธมฺมานุวตฺตี จ อลีนตา จ, อตฺถสฺส ทฺวารา ปมุขา ฉเฬเต’’ติ.

ตตฺถ อาโรคฺยมิจฺเฉ ปรมฺจ ลาภนฺติ จ-กาโร นิปาตมตฺตํ. ตาต, ปมเมว อาโรคฺยสงฺขาตํ ปรมํ ลาภํ อิจฺเฉยฺยาติ อิมมตฺถํ ทีเปนฺโต เอวมาห. ตตฺถ อาโรคฺยํ นาม สรีรสฺส เจว จิตฺตสฺส จ อโรคภาโว อนาตุรตา. สรีเร หิ โรคาตุเร เนว อลทฺธํ โภคลาภํ อุปฺปาเทตุํ สกฺโกติ, น ลทฺธํ ปริภุฺชิตุํ, อนาตุเร ปน อุภยมฺเปตํ สกฺโกติ. จิตฺเต จ กิเลสาตุเร เนว อลทฺธํ ฌานาทิเภทํ ลาภํ อุปฺปาเทตุํ สกฺโกติ, น ลทฺธํ ปุน สมาปตฺติวเสน ปริภุฺชิตุํ. เอตสฺมึ อนาโรคฺเย สติ อลทฺโธปิ ลาโภ น ลพฺภติ, ลทฺโธปิ นิรตฺถโก โหติ, อสติ ปเนตสฺมึ อลทฺโธปิ ลาโภ ลพฺภติ, ลทฺโธปิ สาตฺถโก โหตีติ อาโรคฺยํ ปรโม ลาโภ นาม. ตํ สพฺพปมํ อิจฺฉิตพฺพํ. อิทเมกํ อตฺถสฺส ทฺวารนฺติ อยเมตฺถ อตฺโถ. สีลฺจาติ อาจารสีลํ. อิมินา โลกจาริตฺตํ ทสฺเสติ. วุทฺธานุมตนฺติ คุณวุทฺธานํ ปณฺฑิตานํ อนุมตํ. อิมินา าณสมฺปนฺนานํ ครูนํ โอวาทํ ทสฺเสติ. สุตฺจาติ การณนิสฺสิตํ สุตํ. อิมินา อิมสฺมึ โลเก อตฺถนิสฺสิตํ พาหุสจฺจํ ทสฺเสติ. ธมฺมานุวตฺตี จาติ ติวิธสฺส สุจริตธมฺมสฺส อนุวตฺตนํ. อิมินา ทุจฺจริตธมฺมํ วชฺเชตฺวา สุจริตธมฺมสฺส อนุวตฺตนภาวํ ทสฺเสติ. อลีนตา จาติ จิตฺตสฺส อลีนตา อนีจตา. อิมินา จิตฺตสฺส อสงฺโกจตํ ปณีตภาวํ อุตฺตมภาวํ ทสฺเสติ. อตฺถสฺส ทฺวารา ปมุขา ฉเฬเตติ อตฺโถ นาม วุฑฺฒิ, ตสฺส วุฑฺฒิสงฺขาตสฺส โลกิยโลกุตฺตรสฺส อตฺถสฺส เอเต ปมุขา อุตฺตมา ฉ ทฺวารา อุปายา อธิคมมุขานีติ.

เอวํ โพธิสตฺโต ปุตฺตสฺส อตฺถสฺส ทฺวารปฺหํ กเถสิ. โส ตโต ปฏฺาย เตสุ ฉสุ ธมฺเมสุ วตฺติ. โพธิสตฺโตปิ ทานาทีนิ ปุฺานิ กตฺวา ยถากมฺมํ คโต.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ปุตฺโตว ปจฺจุปฺปนฺนปุตฺโต, มหาเสฏฺิ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

อตฺถสฺสทฺวารชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.

[๘๕] ๕. กึปกฺกชาตกวณฺณนา

อายตึ โทสํ นาฺายาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ อุกฺกณฺิตภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. อฺตโร กิร กุลปุตฺโต พุทฺธสาสเน อุรํ ทตฺวา ปพฺพชิโต เอกทิวสํ สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จรนฺโต เอกํ อลงฺกตอิตฺถึ ทิสฺวา อุกฺกณฺิ. อถ นํ อาจริยุปชฺฌายา สตฺถุ สนฺติกํ อานยึสุ. สตฺถา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ อุกฺกณฺิโตสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจ’’นฺติ วุตฺเต ‘‘ปฺจ กามคุณา นาเมเต ภิกฺขุ ปริโภคกาเล รมณียา. โส ปน เตสํ ปริโภโค นิรยาทีสุ ปฏิสนฺธิทายกตฺตา กึปกฺกผลปริโภคสทิโส โหติ. กึปกฺกผลํ นาม วณฺณคนฺธรสสมฺปนฺนํ, ขาทิตํ ปน อนฺตานิ ขณฺฑิตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปติ. ปุพฺเพ พหู พาลชนา ตสฺส โทสํ อทิสฺวา วณฺณคนฺธรเสสุ พชฺฌิตฺวา ตํ ผลํ ปริภุฺชิตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาปุณึสู’’ติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต สตฺถวาโห หุตฺวา ปฺจหิ สกฏสเตหิ ปุพฺพนฺตาปรนฺตํ คจฺฉนฺโต อฏวิมุขํ ปตฺวา มนุสฺเส สนฺนิปาเตตฺวา ‘‘อิมิสฺสา อฏวิยา วิสรุกฺขา นาม อตฺถิ, มา โข มํ อนาปุจฺฉา ปุพฺเพ อขาทิตปุพฺพานิ ผลาผลานิ ขาทิตฺถา’’ติ โอวทิ. มนุสฺสา อฏวึ อติกฺกมิตฺวา อฏวิมุเข เอกํ กึปกฺกรุกฺขํ ผลภารโอณมิตสาขํ อทฺทสํสุ. ตสฺส ขนฺธสาขาปตฺตผลานิ สณฺานวณฺณรสคนฺเธหิ อมฺพสทิสาเนว. เตสุ เอกจฺเจ วณฺณคนฺธรเสสุ พชฺฌิตฺวา อมฺพผลสฺาย ผลานิ ขาทึสุ, เอกจฺเจ ‘‘สตฺถวาหํ ปุจฺฉิตฺวา ขาทิสฺสามา’’ติ คเหตฺวา อฏฺํสุ. โพธิสตฺโต ตํ านํ ปตฺวา เย คเหตฺวา ิตา, เต ผลานิ ฉฑฺฑาเปตฺวา, เย ขาทมานา อฏฺํสุ, เต วมนํ กาเรตฺวา เตสํ เภสชฺชํ อทาสิ. เตสุ เอกจฺเจ อโรคา ชาตา, ปมเมว ขาทิตฺวา ิตา ปน ชีวิตกฺขยํ ปตฺตา. โพธิสตฺโตปิ อิจฺฉิตฏฺานํ โสตฺถินา คนฺตฺวา ลาภํ ลภิตฺวา ปุน สกฏฺานเมว อาคนฺตฺวา ทานาทีนิ ปุฺานิ กตฺวา ยถากมฺมํ คโต.

สตฺถา ตํ วตฺถุํ กเถตฺวา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา อิมํ คาถมาห –

๘๕.

‘‘อายตึ โทสํ นาฺาย, โย กาเม ปฏิเสวติ;

วิปากนฺเต หนนฺติ นํ, กึปกฺกมิว ภกฺขิต’’นฺติ.

ตตฺถ อายตึ โทสํ นาฺายาติ อนาคเต โทสํ น อฺาย, อชานิตฺวาติ อตฺโถ. โย กาเม ปฏิเสวตีติ โย วตฺถุกาเม จ กิเลสกาเม จ ปฏิเสวติ. วิปากนฺเต หนนฺติ นนฺติ เต กามา ตํ ปุริสํ อตฺตโน วิปากสงฺขาเต อนฺเต นิรยาทีสุ อุปฺปนฺนํ นานปฺปกาเรน ทุกฺเขน สํโยชยมานา หนนฺติ. กถํ? กึปกฺกมิว ภกฺขิตนฺติ, ยถา ปริโภคกาเล วณฺณคนฺธรสสมฺปตฺติยา มนาปํ กึปกฺกผลํ อนาคตโทสํ อทิสฺวา ภกฺขิตํ อนฺเต หนติ, ชีวิตกฺขยํ ปาเปติ, เอวํ ปริโภคกาเล มนาปาปิ กามา วิปากกาเล หนนฺตีติ เทสนํ ยถานุสนฺธึ ปาเปตฺวา สจฺจานิ ปกาเสสิ, สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺิตภิกฺขุ โสตาปตฺติผลํ ปาปุณิ. เสสปริสายปิ เกจิ โสตาปนฺนา, เกจิ สกทาคามิโน, เกจิ อนาคามิโน, เกจิ อรหนฺโต อเหสุํ.

สตฺถาปิ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ปริสา พุทฺธปริสา อโหสิ, สตฺถวาโห ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

กึปกฺกชาตกวณฺณนา ปฺจมา.

[๘๖] ๖. สีลวีมํสกชาตกวณฺณนา

สีลํ กิเรว กลฺยาณนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ สีลวีมํสกํ พฺราหฺมณํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิร โกสลราชานํ นิสฺสาย ชีวติ ติสรณํ คโต อขณฺฑปฺจสีโล ติณฺณํ เวทานํ ปารคู. ราชา ‘‘อยํ สีลวา’’ติ ตสฺส อติเรกสมฺมานํ กโรติ. โส จินฺเตสิ ‘‘อยํ ราชา มยฺหํ อฺเหิ พฺราหฺมเณหิ อติเรกสมฺมานํ กโรติ, อติวิย มํ ครุํ กตฺวา ปสฺสติ, กึ นุ โข เอส มม ชาติโคตฺตกุลปฺปเทสสิปฺปสมฺปตฺตึ นิสฺสาย อิมํ สมฺมานํ กโรติ, อุทาหุ สีลสมฺปตฺตึ, วีมํสิสฺสามิ ตาวา’’ติ. โส เอกทิวสํ ราชูปฏฺานํ คนฺตฺวา ฆรํ อาคจฺฉนฺโต เอกสฺส เหรฺิกสฺส ผลกโต อนาปุจฺฉิตฺวา เอกํ กหาปณํ คเหตฺวา อคมาสิ, เหรฺิโก พฺราหฺมเณ ครุภาเวน กิฺจิ อวตฺวา นิสีทิ. ปุนทิวเส ทฺเว กหาปเณ คณฺหิ, เหรฺิโก ตเถว อธิวาเสสิ. ตติยทิวเส กหาปณมุฏฺึ อคฺคเหสิ, อถ นํ เหรฺิโก ‘‘อชฺช เต ตติโย ทิวโส ราชกุฏุมฺพํ วิลุมฺปนฺตสฺสา’’ติ ‘‘ราชกุฏุมฺพวิลุมฺปกโจโร เม คหิโต’’ติ ติกฺขตฺตุํ วิรวิ. อถ นํ มนุสฺสา อิโต จิโต จ อาคนฺตฺวา ‘‘จิรํทานิ ตฺวํ สีลวา วิย วิจรี’’ติ ทฺเว ตโย ปหาเร ทตฺวา พนฺธิตฺวา รฺโ ทสฺเสสุํ.

ราชา วิปฺปฏิสารี หุตฺวา ‘‘กสฺมา, พฺราหฺมณ, เอวรูปํ ทุสฺสีลกมฺมํ กโรสี’’ติ วตฺวา ‘‘คจฺฉถ, ตสฺส ราชาณํ กโรถา’’ติ อาห. พฺราหฺมโณ ‘‘นาหํ, มหาราช, โจโร’’ติ อาห. อถ ‘‘กสฺมา ราชกุฏุมฺพิกสฺส ผลกโต กหาปเณ คณฺหี’’ติ? ‘‘เอตํ มยา ตยิ มม อติสมฺมานํ กโรนฺเต ‘กึ นุ โข ราชา มม ชาติอาทีนิ นิสฺสาย อติสมฺมานํ กโรติ, อุทาหุ สีลํ นิสฺสายา’ติ วีมํสนตฺถาย กตํ, อิทานิ ปน มยา เอกํเสน าตํ. ยถา สีลเมว นิสฺสาย ตยา มม สมฺมาโน กโต, น ชาติอาทีนิ. ตถา หิ เม อิทานิ ราชาณํ กาเรสิ, สฺวาหํ อิมินา การเณน ‘อิมสฺมึ โลเก สีลเมว อุตฺตมํ สีลํ ปมุข’นฺติ สนฺนิฏฺานํ คโต. อิมสฺส ปนาหํ สีลสฺส อนุจฺฉวิกํ กโรนฺโต เคเห ิโต กิเลเส ปริภุฺชนฺโต น สกฺขิสฺสามิ กาตุํ, อชฺเชว เชตวนํ คนฺตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิสฺสามิ, ปพฺพชฺชํ เม เทถ, เทวา’’ติ วตฺวา ราชานํ อนุชานาเปตฺวา เชตวนาภิมุโข ปายาสิ.

อถ นํ าติสุหชฺชพนฺธวา สนฺนิปติตฺวา นิวาเรตุํ อสกฺโกนฺตา นิวตฺตึสุ. โส สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิตฺวา ปพฺพชฺชฺจ อุปสมฺปทฺจ ลภิตฺวา อวิสฺสฏฺกมฺมฏฺาโน วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ภนฺเต, มยฺหํ ปพฺพชฺชา มตฺถกํ ปตฺตา’’ติ อฺํ พฺยากาสิ. ตสฺส ตํ อฺพฺยากรณํ ภิกฺขุสงฺเฆ ปากฏํ ชาตํ. อเถกทิวสํ ธมฺมสภายํ สนฺนิปติตา ภิกฺขู ‘‘อาวุโส, อสุโก นาม รฺโ อุปฏฺากพฺราหฺมโณ อตฺตโน สีลํ วีมํสิตฺวา ราชานํ อาปุจฺฉิตฺวา ปพฺพชิตฺวา อรหตฺเต ปติฏฺิโต’’ติ ตสฺส คุณํ กถยมานา นิสีทึสุ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทานิ อยเมว พฺราหฺมโณ อตฺตโน สีลํ วีมํสิตฺวา ปพฺพชิตฺวา อตฺตโน ปติฏฺํ อกาสิ, ปุพฺเพปิ ปณฺฑิตา อตฺตโน สีลํ วีมํสิตฺวา ปพฺพชิตฺวา อตฺตโน ปติฏฺํ กรึสู’’ติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส ปุโรหิโต อโหสิ ทานาธิมุตฺโต สีลชฺฌาสโย อขณฺฑปฺจสีโล. ราชา เสสพฺราหฺมเณหิ อติเรกํ ตสฺส สมฺมานํ กโรตีติ สพฺพํ ปุริมสทิสเมว. โพธิสตฺเต ปน พนฺธิตฺวา รฺโ สนฺติกํ นียมาเน อหิตุณฺฑิกา อนฺตรวีถิยํ สปฺปํ กีฬาเปนฺตา นงฺคุฏฺเ คณฺหนฺติ, คีวาย คณฺหนฺติ, คเล เวเนฺติ. โพธิสตฺโต เต ทิสฺวา ‘‘มา, ตาตา, เอวํ สปฺปํ นงฺคุฏฺเ คณฺหถ, มา คีวาย คณฺหถ, มา คเล เวเถ. อยฺหิ โว ฑํสิตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปยฺยา’’ติ อาห. อหิตุณฺฑิกา ‘‘อยํ, พฺราหฺมณ, สปฺโป สีลวา อาจารสมฺปนฺโน ตาทิโส ทุสฺสีโล น โหติ, ตฺวํ ปน อตฺตโน ทุสฺสีลตาย อนาจาเรน ราชกุฏุมฺพวิลุมฺปกโจโรติ พนฺธิตฺวา นียสี’’ติ อาหํสุ.

โส จินฺเตสิ ‘‘สปฺปาปิ ตาว อฑํสนฺตา อวิเหเนฺตา ‘สีลวนฺโต’ติ นามํ ลภนฺติ, กิมงฺคํ ปน มนุสฺสภูตา. สีลเมว อิมสฺมึ โลเก อุตฺตมํ, นตฺถิ ตโต อุตฺตริตร’’นฺติ. อถ นํ เนตฺวา รฺโ ทสฺเสสุํ. ราชา ‘‘กึ อิทํ, ตาตา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ราชกุฏุมฺพวิลุมฺปโก โจโร, เทวา’’ติ. ‘‘เตน หิสฺส ราชาณํ กโรถา’’ติ. พฺราหฺมโณ ‘‘นาหํ, มหาราช, โจโร’’ติ อาห. ‘‘อถ กสฺมา กหาปเณ อคฺคเหสี’’ติ จ วุตฺเต ปุริมนเยเนว สพฺพํ อาโรเจนฺโต ‘‘สฺวาหํ อิมินา การเณน ‘อิมสฺมึ โลเก สีลเมว อุตฺตมํ, สีลํ ปาโมกฺข’นฺติ สนฺนิฏฺานํ คโต’’ติ วตฺวา ‘‘ติฏฺตุ ตาว อิทํ, อาสีวิโสปิ ตาว อฑํสนฺโต อวิเหเนฺโต ‘สีลวา’ติ วตฺตพฺพตํ ลภติ. อิมินาปิ การเณน สีลเมว อุตฺตมํ, สีลํ ปวร’’นฺติ สีลํ วณฺเณนฺโต อิมํ คาถมาห –

๘๖.

‘‘สีลํ กิเรว กลฺยาณํ, สีลํ โลเก อนุตฺตรํ;

ปสฺส โฆรวิโส นาโค, สีลวาติ น หฺตี’’ติ.

ตตฺถ สีลํ กิเรวาติ กายวาจาจิตฺเตหิ อวีติกฺกมสงฺขาตํ อาจารสีลเมว. กิราติ อนุสฺสววเสน วทติ. กลฺยาณนฺติ สุนฺทรตรํ. อนุตฺตรนฺติ เชฏฺกํ สพฺพคุณทายกํ. ปสฺสาติ อตฺตนา ทิฏฺการณํ อภิมุขํ กโรนฺโต กเถติ. สีลวาติ น หฺตีติ โฆรวิโสปิ สมาโน อฑํสนอวิเหนมตฺตเกน สีลวาติ ปสํสํ ลภติ, น หฺติ น วิหฺตีติ. อิมินาปิ การเณน สีลเมว อุตฺตมนฺติ.

เอวํ โพธิสตฺโต อิมาย คาถาย รฺโ ธมฺมํ เทเสตฺวา กาเม ปหาย อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา ปฺจาภิฺา อฏฺ สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวา พฺรหฺมโลกปรายโณ อโหสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ราชา อานนฺโท อโหสิ, ราชปริสา พุทฺธปริสา, ปุโรหิโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

สีลวีมํสกชาตกวณฺณนา ฉฏฺา.

[๘๗] ๗. มงฺคลชาตกวณฺณนา

ยสฺส มงฺคลา สมูหตาติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เอกํ สาฏกลกฺขณพฺราหฺมณํ อารพฺภ กเถสิ. ราชคหวาสิโก กิเรโก พฺราหฺมโณ โกตุหลมงฺคลิโก ตีสุ รตเนสุ อปฺปสนฺโน มิจฺฉาทิฏฺิโก อฑฺโฒ มหทฺธโน มหาโภโค, ตสฺส สมุคฺเค ปิตํ สาฏกยุคํ มูสิกา ขาทึสุ. อถสฺส สีสํ นฺหายิตฺวา ‘‘สาฏเก อาหรถา’’ติ วุตฺตกาเล มูสิกาย ขาทิตภาวํ อาโรจยึสุ. โส จินฺเตสิ ‘‘สเจ อิทํ มูสิกาทฏฺํ สาฏกยุคํ อิมสฺมึ เคเห ภวิสฺสติ, มหาวินาโส ภวิสฺสติ. อิทฺหิ อวมงฺคลํ กาฬกณฺณิสทิสํ ปุตฺตธีตาทีนํ วา ทาสกมฺมกราทีนํ วา น สกฺกา ทาตุํ. โย หิ อิทํ คณฺหิสฺสติ, สพฺพสฺส มหาวินาโส ภวิสฺสติ, อามกสุสาเน ตํ ฉฑฺฑาเปสฺสามิ, น โข ปน สกฺกา ทาสกมฺมกราทีนํ หตฺเถ ทาตุํ. เต หิ เอตฺถ โลภํ อุปฺปาเทตฺวา อิมํ คเหตฺวา วินาสํ ปาปุเณยฺยุํ, ปุตฺตสฺส ตํ หตฺเถ ทสฺสามี’’ติ. โส ปุตฺตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจตฺวา ‘‘ตฺวมฺปิ นํ, ตาต, หตฺเถน อผุสิตฺวา ทณฺฑเกน คเหตฺวา อามกสุสาเน ฉฑฺเฑตฺวา สีสํ นฺหายิตฺวา เอหี’’ติ เปเสสิ.

สตฺถาปิ โข ตํ ทิวสํ ปจฺจูสสมเย โพธเนยฺยพนฺธเว โอโลเกนฺโต อิเมสํ ปิตาปุตฺตานํ โสตาปตฺติผลสฺส อุปนิสฺสยํ ทิสฺวา มิควีถึ คเหตฺวา มิคลุทฺทโก วิย คนฺตฺวา อามกสุสานทฺวาเร นิสีทิ ฉพฺพณฺณพุทฺธรสฺมิโย วิสฺสชฺเชนฺโต. มาณโวปิ ปิตุ วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา อชครสปฺปํ วิย ตํ ยุคสาฏกํ ยฏฺิโกฏิยา คเหตฺวา อามกสุสานทฺวารํ ปาปุณิ. อถ นํ สตฺถา ‘‘กึ กโรสิ มาณวา’’ติ อาห. ‘‘โภ โคตม, อิทํ สาฏกยุคํ มูสิกาทฏฺํ กาฬกณฺณิสทิสํ หลาหลวิสูปมํ, มม ปิตา ‘อฺโ เอตํ ฉฑฺเฑนฺโต โลภํ อุปฺปาเทตฺวา คณฺเหยฺยา’ติ ภเยน มํ ปหิณิ, อหเมตํ ฉฑฺเฑตฺวา สีสํ นฺหายิสฺสามีติ อาคโตมฺหิ, โภ โคตมา’’ติ. ‘‘เตน หิ ฉฑฺเฑหี’’ติ. มาณโว ฉฑฺเฑสิ, สตฺถา ‘‘อมฺหากํ ทานิ วฏฺฏตี’’ติ ตสฺส สมฺมุขาว คณฺหิ. ‘‘อวมงฺคลํ, โภ โคตม, เอตํ กาฬกณฺณิสทิสํ, มา คณฺหิ มา คณฺหี’’ติ ตสฺมึ วารยมาเนเยว ตํ คเหตฺวา เวฬุวนาภิมุโข ปายาสิ.

มาณโว เวเคน คนฺตฺวา ปิตุ อาโรเจสิ ‘‘ตาต, มยา อามกสุสาเน ฉฑฺฑิตํ สาฏกยุคํ สมโณ โคตโม ‘อมฺหากํ วฏฺฏตี’ติ มยา วาริยมาโนปิ คเหตฺวา เวฬุวนํ คโต’’ติ. พฺราหฺมโณ จินฺเตสิ ‘‘ตํ สาฏกยุคํ อวมงฺคลํ กาฬกณฺณิสทิสํ, ตํ วฬฺเชนฺโต สมโณปิ โคตโม นสฺสิสฺสติ, วิหาโรปิ นสฺสิสฺสติ, ตโต อมฺหากํ ครหา ภวิสฺสติ, สมณสฺส โคตมสฺส อฺเ พหู สาฏเก ทตฺวา ตํ ฉฑฺฑาเปสฺสามี’’ติ. โส พหู สาฏเก คาหาเปตฺวา ปุตฺเตน สทฺธึ เวฬุวนํ คนฺตฺวา สตฺถารํ ทิสฺวา เอกมนฺตํ ิโต เอวมาห ‘‘สจฺจํ กิร โว, โภ โคตม, อามกสุสาเน สาฏกยุคํ คหิต’’นฺติ? ‘‘สจฺจํ, พฺราหฺมณา’’ติ. ‘‘โภ โคตม, ตํ สาฏกยุคํ อวมงฺคลํ, ตุมฺเห ตํ ปริภุฺชมานา นสฺสิสฺสถ, สกลวิหาโรปิ นสฺสิสฺสติ. สเจ โว นิวาสนํ วา ปารุปนํ วา นปฺปโหติ, อิเม สาฏเก คเหตฺวา ตํ ฉฑฺฑาเปถา’’ติ. อถ นํ สตฺถา ‘‘มยํ พฺราหฺมณ ปพฺพชิตา นาม, อมฺหากํ อามกสุสาเน อนฺตรวีถิยํ สงฺการฏฺาเน นฺหานติตฺเถ มหามคฺเคติ เอวรูเปสุ าเนสุ ฉฑฺฑิตา วา ปติตา วา ปิโลติกา วฏฺฏติ, ตฺวํ ปน น อิทาเนว เอวํลทฺธิโก, ปุพฺเพปิ เอวํลทฺธิโกเยวา’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต มคธรฏฺเ ราชคหนคเร ธมฺมิโก มคธราชา รชฺชํ กาเรสิ. ตทา โพธิสตฺโต เอกสฺมึ อุทิจฺจพฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา หิมวนฺเต วสมาโน เอกสฺมึ กาเล หิมวนฺตโต นิกฺขมิตฺวา ราชคหนคเร ราชุยฺยานํ ปตฺวา ตตฺถ วสิตฺวา ทุติยทิวเส ภิกฺขาจารตฺถาย นครํ ปาวิสิ. ราชา ตํ ทิสฺวา ปกฺโกสาเปตฺวา ปาสาเท นิสีทาเปตฺวา โภเชตฺวา อุยฺยาเนเยว วสนตฺถาย ปฏิฺํ คณฺหิ. โพธิสตฺโต รฺโ นิเวสเน ภุฺชิตฺวา อุยฺยาเน วสติ. ตสฺมึ กาเล ราชคหนคเร ทุสฺสลกฺขณพฺราหฺมโณ นาม อโหสิ. ตสฺส สมุคฺเค ปิตํ สาฏกยุคนฺติ สพฺพํ ปุริมสทิสเมว.

มาณเว ปน สุสานํ คจฺฉนฺเต โพธิสตฺโต ปมตรํ คนฺตฺวา สุสานทฺวาเร นิสีทิตฺวา เตน ฉฑฺฑิตํ สาฏกยุคํ คเหตฺวา อุยฺยานํ อคมาสิ. มาณโว คนฺตฺวา ปิตุ อาโรเจสิ. ปิตา ‘‘ราชกุลูปโก ตาปโส นสฺเสยฺยา’’ติ โพธิสตฺตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘ตาปส, ตยา คหิตสาฏเก ฉฑฺเฑหิ, มา นสฺสี’’ติ อาห. ตาปโส ‘‘อมฺหากํ สุสาเน ฉฑฺฑิตปิโลติกา วฏฺฏติ, น มยํ โกตุหลมงฺคลิกา, โกตุหลมงฺคลํ นาเมตํ น พุทฺธปจฺเจกพุทฺธโพธิสตฺเตหิ วณฺณิตํ, ตสฺมา ปณฺฑิเตน นาม โกตุหลมงฺคลิเกน น ภวิตพฺพ’’นฺติ พฺราหฺมณสฺส ธมฺมํ เทเสสิ. พฺราหฺมโณ ธมฺมํ สุตฺวา ทิฏฺึ ภินฺทิตฺวา โพธิสตฺตํ สรณํ คโต. โพธิสตฺโตปิ อปริหีนชฺฌาโน พฺรหฺมโลกปรายโณ อโหสิ.

สตฺถาปิ อิมํ อตีตํ อาหริตฺวา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา พฺราหฺมณสฺส ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๘๗.

‘‘ยสฺส มงฺคลา สมูหตา, อุปฺปาตา สุปินา จ ลกฺขณา จ;

โส มงฺคลโทสวีติวตฺโต, ยุคโยคาธิคโต น ชาตุเมตี’’ติ.

ตตฺถ ยสฺส มงฺคลา สมูหตาติ ยสฺส อรหโต ขีณาสวสฺส ทิฏฺมงฺคลํ, สุตมงฺคลํ, มุตมงฺคลนฺติ เอเต มงฺคลา สมุจฺฉินฺนา. อุปฺปาตา สุปินา จ ลกฺขณา จาติ ‘‘เอวรูโป จนฺทคฺคาโห ภวิสฺสติ, เอวรูโป สูริยคฺคาโห ภวิสฺสติ, เอวรูโป นกฺขตฺตคฺคาโห ภวิสฺสติ, เอวรูโป อุกฺกาปาโต ภวิสฺสติ, เอวรูโป ทิสาฑาโห ภวิสฺสตี’’ติ อิเม ปฺจ มหาอุปฺปาตา, นานปฺปการา สุปินา, สุภคลกฺขณํ, ทุพฺภคลกฺขณํ, อิตฺถิลกฺขณํ, ปุริสลกฺขณํ, ทาสิลกฺขณํ, ทาสลกฺขณํ, อสิลกฺขณํ, หตฺถิลกฺขณํ, อสฺสลกฺขณํ, อุสภลกฺขณํ, อาวุธลกฺขณํ, วตฺถลกฺขณนฺติ เอวมาทิกานิ ลกฺขณานิ อิเม จ ทิฏฺิฏฺานา ยสฺส สมูหตา, น เอเตหิ อุปฺปาตาทีหิ อตฺตโน มงฺคลํ วา อวมงฺคลํ วา ปจฺเจติ. โส มงฺคลโทสวีติวตฺโตติ โส ขีณาสโว สพฺพมงฺคลโทเส วีติวตฺโต อติกฺกนฺโต ปชหิตฺวา ิโต. ยุคโยคาธิคโตติ ‘‘โกโธ จ อุปนาโห จ, มกฺโข จ ปฬาโส จา’’ติอาทินา (วิภ. ๘๓๓) นเยน ทฺเว ทฺเว เอกโต อาคตกิเลสา ยุคา นาม. กามโยโค, ภวโยโค, ทิฏฺิโยโค, อวิชฺชาโยโคติ อิเม สํสาเร โยชนภาวโต จตฺตาโร โยคา นาม. เต ยุเค จ โยเค จาติ ยุคโยเค อธิคโต อภิภวิตฺวา คโต วีติวตฺโต สมติกฺกนฺโต ขีณาสโว ภิกฺขุ. น ชาตุเมตีติ ปุน ปฏิสนฺธิวเสน เอกํเสเนว อิมํ โลกํ น เอติ นาคจฺฉตีติ.

เอวํ สตฺถา อิมาย คาถาย พฺราหฺมณสฺส ธมฺมํ เทเสตฺวา สจฺจานิ ปกาเสสิ, สจฺจปริโยสาเน พฺราหฺมโณ สทฺธึ ปุตฺเตน โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. สตฺถา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา เอเตว ปิตาปุตฺตา อิทานิ ปิตาปุตฺตา อเหสุํ, ตาปโส ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

มงฺคลชาตกวณฺณนา สตฺตมา.

[๘๘] ๘. สารมฺภชาตกวณฺณนา

กลฺยาณิเมว มุฺเจยฺยาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โอมสวาทสิกฺขาปทํ (ปาจิ. ๑๕) อารพฺภ กเถสิ. ทฺเวปิ วตฺถูนิ เหฏฺา นนฺทิวิสาลชาตเก วุตฺตสทิสาเนว. อิมสฺมึ ปน ชาตเก โพธิสตฺโต คนฺธารรฏฺเ ตกฺกสิลายํ อฺตรสฺส พฺราหฺมณสฺส สารมฺโภ นาม พลิพทฺโท อโหสิ. สตฺถา อิทํ อตีตวตฺถุํ กเถตฺวา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา อิมํ คาถมาห –

๘๘.

‘‘กลฺยาณิเมว มุฺเจยฺย, น หิ มุฺเจยฺย ปาปิกํ;

โมกฺโข กลฺยาณิยา สาธุ, มุตฺวา ตปฺปติ ปาปิก’’นฺติ.

ตตฺถ กลฺยาณิเมว มุฺเจยฺยาติ จตุโทสวินิมุตฺตํ กลฺยาณึ สุนฺทรํ อนวชฺชํ วาจเมว มุฺเจยฺย วิสฺสชฺเชยฺย กเถยฺย. น หิ มุฺเจยฺย ปาปิกนฺติ ปาปิกํ ลามิกํ ปเรสํ อปฺปิยํ อมนาปํ น มุฺเจยฺย น กเถยฺย. โมกฺโข กลฺยาณิยา สาธูติ กลฺยาณวาจาย วิสฺสชฺชนเมว อิมสฺมึ โลเก สาธุ สุนฺทรํ ภทฺทกํ. มุตฺวา ตปฺปติ ปาปิกนฺติ ปาปิกํ ผรุสวาจํ มุฺจิตฺวา วิสฺสชฺเชตฺวา กเถตฺวา โส ปุคฺคโล ตปฺปติ โสจติ กิลมตีติ.

เอวํ สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา พฺราหฺมโณ อานนฺโท อโหสิ, พฺราหฺมณี อุปฺปลวณฺณา, สารมฺโภ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

สารมฺภชาตกวณฺณนา อฏฺมา.

[๘๙] ๙. กุหกชาตกวณฺณนา

วาจาว กิร เต อาสีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ กุหกภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. กุหกวตฺถุ อุทฺทาลกชาตเก อาวิ ภวิสฺสติ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต เอกํ คามกํ อุปนิสฺสาย เอโก กูฏชฏิโล กุหกตาปโส วสติ. เอโก กุฏุมฺพิโก ตสฺส อรฺเ ปณฺณสาลํ กาเรตฺวา ตตฺถ นํ วาเสนฺโต อตฺตโน เคเห ปณีตาหาเรน ปฏิชคฺคติ. โส ตํ กูฏชฏิลํ ‘‘สีลวา เอโส’’ติ สทฺทหิตฺวา โจรภเยน สุวณฺณนิกฺขสตํ ตสฺส ปณฺณสาลํ เนตฺวา ภูมิคตํ กตฺวา ‘‘อิทํ โอโลเกยฺยาสิ, ภนฺเต’’ติ อาห. อถ นํ ตาปโส ‘‘ปพฺพชิตานํ นาม, อาวุโส, เอวรูปํ กเถตุํ, น วฏฺฏติ, อมฺหากํ ปน ปรสนฺตเก โลโภ นาม นตฺถี’’ติ อาห. โส ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ ตสฺส วจนํ สทฺทหิตฺวา ปกฺกามิ. ทุฏฺตาปโส ‘‘สกฺกา เอตฺตเกน ชีวิตุ’’นฺติ กติปาหํ อติกฺกมิตฺวา ตํ สุวณฺณํ คเหตฺวา อนฺตรามคฺเค เอกสฺมึ าเน เปตฺวา อาคนฺตฺวา ปณฺณสาลายเมว วสิตฺวา ปุนทิวเส ตสฺส เคเห ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา เอวมาห ‘‘อาวุโส, มยํ ตุมฺเห นิสฺสาย จิรํ วสิมฺห, อติจิรํ เอกสฺมึ าเน วสนฺตานํ มนุสฺเสหิ สทฺธึ สํสคฺโค โหติ, สํสคฺโค จ นาม ปพฺพชิตานํ มลํ, ตสฺมา คจฺฉามห’’นฺติ วตฺวา เตน ปุนปฺปุนํ ยาจิยมาโนปิ นิวตฺติตุํ น อิจฺฉิ. อถ นํ โส ‘‘เอวํ สนฺเต คจฺฉถ, ภนฺเต’’ติ ยาว คามทฺวารํ อนุคนฺตฺวา นิวตฺติ. ตาปโสปิ โถกํ คนฺตฺวาว ‘‘อิมํ กุฏุมฺพิกํ มยา วฺเจตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา ชฏานํ อนฺตเร ติณํ เปตฺวา ปฏินิวตฺติ. กุฏุมฺพิโก ‘‘กึ, ภนฺเต, นิวตฺติตฺถา’’ติ ปุจฺฉิ. อาวุโส ตุมฺหากํ เคหจฺฉทนโต เม ชฏาสุ เอกติณํ ลคฺคํ, อทินฺนาทานฺจ นาม ปพฺพชิตานํ น วฏฺฏติ, ตํ อาทาย อาคโตมฺหีติ. กุฏุมฺพิโก ‘‘ฉฑฺเฑตฺวา คจฺฉถ, ภนฺเต’’ติ วตฺวา ‘‘ติณสลากมฺปิ นาม ปรสนฺตกํ น คณฺหาติ, อโห กุกฺกุจฺจโก เม อยฺโย’’ติ ปสีทิตฺวา วนฺทิตฺวา อุยฺโยเชสิ.

ตทา ปน โพธิสตฺเตน ภณฺฑตฺถาย ปจฺจนฺตํ คจฺฉนฺเตน ตสฺมึ นิเวสเน นิวาโส คหิโต โหติ. โส ตาปสสฺส วจนํ สุตฺวาว ‘‘อทฺธา อิมินา ทุฏฺตาปเสน อิมสฺส กิฺจิ คหิตํ ภวิสฺสตี’’ติ กุฏุมฺพิกํ ปุจฺฉิ ‘‘อตฺถิ ปน เต, สมฺม, กิฺจิ เอตสฺส ตาปสสฺส สนฺติเก นิกฺขิตฺต’’นฺติ? ‘‘อตฺถิ, สมฺม, สุวณฺณนิกฺขสต’’นฺติ. ‘‘เตน หิ คจฺฉ, ตํ อุปธาเรหี’’ติ. โส ปณฺณสาลํ คนฺตฺวา ตํ อทิสฺวา เวเคนาคนฺตฺวา ‘‘นตฺถิ, สมฺมา’’ติ อาห. ‘‘น เต สุวณฺณํ อฺเน คหิตํ, เตเนว กุหกตาปเสน คหิตํ, เอหิ, ตํ อนุพนฺธิตฺวา คณฺหามา’’ติ เวเคน คนฺตฺวา กูฏตาปสํ คณฺหิตฺวา หตฺเถหิ จ ปาเทหิ จ โปเถตฺวา สุวณฺณํ อาหราเปตฺวา คณฺหึสุ. โพธิสตฺโต สุวณฺณํ ทิสฺวา ‘‘นิกฺขสตํ หรมาโน อสชฺชิตฺวา ติณมตฺเต สตฺโตสี’’ติ วตฺวา ตํ ครหนฺโต อิมํ คาถมาห –

๘๙.

‘‘วาจาว กิร เต อาสิ, สณฺหา สขิลภาณิโน;

ติณมตฺเต อสชฺชิตฺโถ, โน จ นิกฺขสตํ หร’’นฺติ.

ตตฺถ วาจาว กิร เต อาสิ, สณฺหา สขิลภาณิโนติ ‘‘ปพฺพชิตานํ ติณมตฺตมฺปิ อทินฺนํ อาทาตุํ น วฏฺฏตี’’ติ เอวํ สขิลํ มุทุวจนํ วทนฺตสฺส วาจา เอว กิร เต สณฺหา อาสิ, วจนมตฺตเมว มฏฺํ อโหสีติ อตฺโถ. ติณมตฺเต อสชฺชิตฺโถติ กูฏชฏิล เอกิสฺสา ติณสลากาย กุกฺกุจฺจํ กุรุมาโน ตฺวํ สตฺโต อาสตฺโต ลคฺโค อโหสิ. โน จ นิกฺขสตํ หรนฺติ อิมํ ปน นิกฺขสตํ หรนฺโต อสตฺโต นิลฺลคฺโคว ชาโตสีติ.

เอวํ โพธิสตฺโต ตํ ครหิตฺวา ‘‘มา ปุน, กูฏชฏิล, เอวรูปมกาสี’’ติ โอวาทํ ทตฺวา ยถากมฺมํ คโต.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนเวส ภิกฺขุ กุหโก, ปุพฺเพปิ กุหโกเยวา’’ติ วตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา กูฏตาปโส กุหกภิกฺขุ อโหสิ, ปณฺฑิตปุริโส ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

กุหกชาตกวณฺณนา นวมา.

[๙๐] ๑๐. อกตฺุชาตกวณฺณนา

โย ปุพฺเพ กตกลฺยาโณติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อนาถปิณฺฑิกํ อารพฺภ กเถสิ. ตสฺส กิเรโก ปจฺจนฺตวาสิโก เสฏฺิ อทิฏฺสหาโย อโหสิ. โส เอกทา ปจฺจนฺเต อุฏฺานกภณฺฑสฺส ปฺจ สกฏสตานิ ปูเรตฺวา กมฺมนฺติกมนุสฺเส อาห – ‘‘คจฺฉถ, โภ, อิมํ ภณฺฑํ สาวตฺถึ เนตฺวา อมฺหากํ สหายกสฺส อนาถปิณฺฑิกมหาเสฏฺิสฺส ปจฺจคฺเฆน วิกฺกิณิตฺวา ปฏิภณฺฑํ อาหรถา’’ติ. เต ‘‘สาธู’’ติ ตสฺส วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา สาวตฺถึ คนฺตฺวา มหาเสฏฺึ ทิสฺวา ปณฺณาการํ ทตฺวา ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสุํ. มหาเสฏฺิ ‘‘สฺวาคตํ โว’’ติ เตสํ อาวาสฺจ ปริพฺพยฺจ ทาเปตฺวา สหายกสฺส สุขํ ปุจฺฉิตฺวา ภณฺฑํ วิกฺกิณิตฺวา ปฏิภณฺฑํ ทาเปสิ. เต ปจฺจนฺตํ คนฺตฺวา ตมตฺถํ อตฺตโน เสฏฺิสฺส อาโรเจสุํ.

อปรภาเค อนาถปิณฺฑิโกปิ ตเถว ปฺจ สกฏสตานิ ตตฺถ เปเสสิ. มนุสฺสา ตตฺถ คนฺตฺวา ปณฺณาการํ อาทาย ปจฺจนฺตวาสิกเสฏฺึ ปสฺสึสุ. โส ‘‘กุโต อาคจฺฉถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สาวตฺถิโต ตุมฺหากํ สหายกสฺส อนาถปิณฺฑิกสฺส สนฺติกา’’ติ วุตฺเต ‘‘อนาถปิณฺฑิโกติ กสฺสจิ ปุริสสฺส นามํ ภวิสฺสตี’’ติ ปริหาสํ กตฺวา ปณฺณาการํ คเหตฺวา ‘‘คจฺฉถ ตุมฺเห’’ติ อุยฺโยเชสิ, เนว นิวาสํ, น ปริพฺพยํ ทาเปสิ. เต สยเมว ภณฺฑํ วิกฺกิณิตฺวา ปฏิภณฺฑํ อาทาย สาวตฺถึ อาคนฺตฺวา เสฏฺิสฺส ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสุํ.

อถ โส ปจฺจนฺตวาสี ปุนปิ เอกวารํ ตเถว ปฺจ สกฏสตานิ สาวตฺถึ เปเสสิ, มนุสฺสา ปณฺณาการํ อาทาย มหาเสฏฺึ ปสฺสึสุ. เต ปน ทิสฺวา อนาถปิณฺฑิกสฺส มนุสฺสา ‘‘มยํ, สามิ, เอเตสํ นิวาสฺจ ภตฺตฺจ ปริพฺพยฺจ ชานิสฺสามา’’ติ วตฺวา เตสํ สกฏานิ พหินคเร ตถารูเป าเน โมจาเปตฺวา ‘‘ตุมฺเห อิเธว วสถ, อมฺหากํ โว ฆเร ยาคุภตฺตฺจ ปริพฺพโย จ ภวิสฺสตี’’ติ คนฺตฺวา ทาสกมฺมกเร สนฺนิปาเตตฺวา มชฺฌิมยามสมนนฺตเร ปฺจ สกฏสตานิ วิลุมฺปิตฺวา นิวาสนปารุปนานิปิ เนสํ อจฺฉินฺทิตฺวา โคเณ ปลาเปตฺวา สกฏานิ วิจกฺกานิ กตฺวา ภูมิยํ เปตฺวา จกฺกานิปิ คณฺหิตฺวาว อคมํสุ. ปจฺจนฺตวาสิโน นิวาสนมตฺตสฺสปิ สามิกา อหุตฺวา ภีตา เวเคน ปลายิตฺวา ปจฺจนฺตเมว คตา. เสฏฺิมนุสฺสาปิ ตมตฺถํ มหาเสฏฺิโน อาโรเจสุํ. โส ‘‘อตฺถิ ทานิทํ กถาปาภต’’นฺติ สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา อาทิโต ปฏฺาย สพฺพํ ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ. สตฺถา ‘‘น โข, คหปติ, โส ปจฺจนฺตวาสี อิทาเนว เอวํสีโล, ปุพฺเพปิ เอวํสีโลเยว อโหสี’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต พาราณสิยํ มหาวิภโว เสฏฺิ อโหสิ. ตสฺเสโก ปจฺจนฺตวาสิโก เสฏฺิ อทิฏฺสหาโย อโหสิ. สพฺพํ อตีตวตฺถุ ปจฺจุปฺปนฺนวตฺถุสทิสเมว โพธิสตฺโต ปน อตฺตโน มนุสฺเสหิ ‘‘อชฺช อมฺเหหิ อิทํ นาม กต’’นฺติ อาโรจิเต ‘‘ปมํ อตฺตโน กตํ อุปการํ อชานนฺตา ปจฺฉา เอวรูปํ ลภนฺติเยวา’’ติ วตฺวา สมฺปตฺตปริสาย ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๙๐.

‘‘โย ปุพฺเพ กตกลฺยาโณ, กตตฺโถ นาวพุชฺฌติ;

ปจฺฉา กิจฺเจ สมุปฺปนฺเน, กตฺตารํ นาธิคจฺฉตี’’ติ.

ตตฺรายํ ปิณฺฑตฺโถ – ขตฺติยาทีสุ โย โกจิ ปุริโส ปุพฺเพ ปมตรํ อฺเน กตกลฺยาโณ กตูปกาโร กตตฺโถ นิปฺผาทิตกิจฺโจ หุตฺวา ตํ ปเรน อตฺตนิ กตํ กลฺยาณฺเจว อตฺถฺจ น ชานาติ, โส ปจฺฉา อตฺตโน กิจฺเจ สมุปฺปนฺเน ตสฺส กิจฺจสฺส กตฺตารํ นาธิคจฺฉติ น ลภตีติ.

เอวํ โพธิสตฺโต อิมาย คาถาย ธมฺมํ เทเสตฺวา ทานาทีนิ ปุฺานิ กตฺวา ยถากมฺมํ คโต.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ปจฺจนฺตวาสี อิทานีปิ ปจฺจนฺตวาสีเยว, พาราณสิเสฏฺิ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

อกตฺุชาตกวณฺณนา ทสมา.

อปายิมฺหวคฺโค นวโม.

ตสฺสุทฺทานํ –

สุราปานํ มิตฺตวินฺทํ, กาฬกณฺณี อตฺถทฺวารํ;

กึปกฺกสีลวีมํสํ, มงฺคลฺจาปิ สารมฺภํ;

กุหกํ อกตฺู จาติ.

๑๐. ลิตฺตวคฺโค

[๙๑] ๑. ลิตฺตชาตกวณฺณนา

ลิตฺตํ ปรเมน เตชสาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อปจฺจเวกฺขิตปริโภคํ อารพฺภ กเถสิ. ตสฺมึ กิร กาเล ภิกฺขู จีวราทีนิ ลภิตฺวา เยภุยฺเยน อปจฺจเวกฺขิตฺวา ปริภุฺชนฺติ. เต จตฺตาโร ปจฺจเย อปจฺจเวกฺขิตฺวา ปริภุฺชมานา เยภุยฺเยน นิรยติรจฺฉานโยนิโต น มุจฺจนฺติ. สตฺถา ตํ การณํ ตฺวา ภิกฺขูนํ อเนกปริยาเยน ธมฺมึ กถํ กเถตฺวา อปจฺจเวกฺขิตปริโภเค อาทีนวํ ทสฺเสตฺวา ‘‘ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา นาม จตฺตาโร ปจฺจเย ลภิตฺวา อปจฺจเวกฺขิตฺวา ปริภุฺชิตุํ น วฏฺฏติ, ตสฺมา อิโต ปฏฺาย จตฺตาโร ปจฺจเย ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปริภุฺเชยฺยาถา’’ติ ปจฺจเวกฺขนวิธึ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิธ ปน, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปฏิสงฺขา โยนิโส จีวรํ ปฏิเสวติ สีตสฺส ปฏิฆาตายา’’ติอาทินา (ม. นิ. ๑.๒๓; อ. นิ. ๖.๕๘) นเยน ตนฺตึ เปตฺวา ‘‘ภิกฺขเว, จตฺตาโร ปจฺจเย เอวํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปริภุฺชิตุํ วฏฺฏติ, อปจฺจเวกฺขิตฺวา ปริโภโค นาม หลาหลวิสปริโภคสทิโส. โปราณกา หิ อปจฺจเวกฺขิตฺวา โทสํ อชานิตฺวา วิสํ ปริภุฺชิตฺวา วิปากนฺเต มหาทุกฺขํ อนุภวึสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต อฺตรสฺมึ มหาโภคกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต อกฺขธุตฺโต อโหสิ. อถาปโร กูฏกฺขธุตฺโต โพธิสตฺเตน สทฺธึ กีฬนฺโต อตฺตโน ชเย วตฺตมาเน เกฬิมณฺฑลํ น ภินฺทติ, ปราชยกาเล ปน อกฺขํ มุเข ปกฺขิปิตฺวา ‘‘อกฺโข นฏฺโ’’ติ เกฬิมณฺฑลํ ภินฺทิตฺวา ปกฺกมติ. โพธิสตฺโต ตสฺส ตํ การณํ ตฺวา ‘‘โหตุ, ชานิสฺสาเมตฺถ ปติรูปการณ’’นฺติ อกฺเข อาทาย อตฺตโน ฆเร หลาหลวิเสน รฺชิตฺวา ปุนปฺปุนํ สุกฺขาเปตฺวา เต อาทาย ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘เอหิ, สมฺม, อกฺเขหิ กีฬามา’’ติ อาห. โส ‘‘สาธุ, สมฺมา’’ติ เกฬิมณฺฑลํ สชฺเชตฺวา เตน สทฺธึ กีฬนฺโต อตฺตโน ปราชยกาเล เอกํ อกฺขํ มุเข ปกฺขิปิ. อถ นํ โพธิสตฺโต ตถา กโรนฺตํ ทิสฺวา ‘‘คิลาหิ ตาว, ปจฺฉา อิทํ นาเมตนฺติ ชานิสฺสสี’’ติ โจเทตุํ อิมํ คาถมาห –

๙๑.

‘‘ลิตฺตํ ปรเมน เตชสา, คิลมกฺขํ ปุริโส น พุชฺฌติ;

คิล เร คิล ปาปธุตฺตก, ปจฺฉา เต กฏุกํ ภวิสฺสตี’’ติ.

ตตฺถ ลิตฺตนฺติ มกฺขิตํ รฺชิตํ. ปรเมน เตชสาติ อุตฺตมเตชสมฺปนฺเนน หลาหลวิเสน. คิลนฺติ คิลนฺโต. อกฺขนฺติ คุฬกํ. น พุชฺฌตีติ ‘‘อยํ เม คิลโต อิทํ นาม กริสฺสตี’’ติ น ชานาติ. คิล เรติ คิลาหิ อเร. คิลาติ ปุนปิ โจเทนฺโต วทติ. ปจฺฉา เต กฏุกํ ภวิสฺสตีติ อิมสฺมึ เต อกฺเข คิลิเต ปจฺฉา เอตํ วิสํ ติขิณํ ภวิสฺสตีติ อตฺโถ.

โส โพธิสตฺตสฺส กเถนฺตสฺเสว วิสเวเคน มุจฺฉิโต อกฺขีนิ ปริวตฺเตตฺวา ขนฺธํ นาเมตฺวา ปติ. โพธิสตฺโต ‘‘อิทานิสฺส ชีวิตทานํ ทาตุํ วฏฺฏตี’’ติ โอสธปริภาวิตํ วมนโยคํ ทตฺวา วเมตฺวา สปฺปิผาณิตมธุสกฺกราทโย ขาทาเปตฺวา อโรคํ กตฺวา ‘‘ปุน เอวรูปํ มา อกาสี’’ติ โอวทิตฺวา ทานาทีนิ ปุฺานิ กตฺวา ยถากมฺมํ คโต.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘ภิกฺขเว, อปจฺจเวกฺขิตปริโภโค นาม อปจฺจเวกฺขิตฺวา กตวิสปริโภคสทิโส โหตี’’ติ วตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ปณฺฑิตธุตฺโต อหเมว อโหสึ, กูฏธุตฺโต ปเนตฺถ น กถียติ, ยถา จ เอตฺถ, เอวํ สพฺพตฺถ. โย ปน อิมสฺมึ กาเล น ปฺายติ, โส น กถียเตวา’’ติ.

ลิตฺตชาตกวณฺณนา ปมา.

[๙๒] ๒. มหาสารชาตกวณฺณนา

อุกฺกฏฺเ สูรมิจฺฉนฺตีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อายสฺมนฺตํ อานนฺทตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ. เอกสฺมิฺหิ สมเย โกสลรฺโ อิตฺถิโย จินฺตยึสุ ‘‘พุทฺธุปฺปาโท นาม ทุลฺลโภ, ตถา มนุสฺสปฏิลาโภ, ปริปุณฺณายตนตา จ. มยฺจ อิมํ ทุลฺลภํ ขณสมวายํ ลภิตฺวาปิ อตฺตโน รุจิยา วิหารํ คนฺตฺวา ธมฺมํ วา โสตุํ พุทฺธปูชํ วา กาตุํ ทานํ วา ทาตุํ น ลภาม, มฺชูสาย ปกฺขิตฺตา วิย วสาม, รฺโ กเถตฺวา อมฺหากํ ธมฺมํ เทเสตุํ อนุจฺฉวิกํ เอกํ ภิกฺขุํ ปกฺโกสาเปตฺวา ตสฺส สนฺติเก ธมฺมํ โสสฺสาม, ตโต ยํ สกฺขิสฺสาม, ตํ อุคฺคณฺหิสฺสาม, ทานาทีนิ จ ปุฺานิ กริสฺสาม. เอวํ โน อยํ ขณปฏิลาโภ สผโล ภวิสฺสตี’’ติ. ตา สพฺพาปิ ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา อตฺตนา จินฺติตการณํ กถยึสุ. ราชา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ.

อเถกทิวสํ ราชา อุยฺยานกีฬํ กีฬิตุกาโม อุยฺยานปาลํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘อุยฺยานํ โสเธหี’’ติ อาห. อุยฺยานปาโล อุยฺยานํ โสเธนฺโต สตฺถารํ อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล นิสินฺนํ ทิสฺวา รฺโ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘สุทฺธํ, เทว, อุยฺยานํ, อปิเจตฺถ อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล ภควา นิสินฺโน’’ติ อาห. ราชา ‘‘สาธุ, สมฺม, สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมมฺปิ โสสฺสามา’’ติ อลงฺกตรถํ อภิรุหิตฺวา อุยฺยานํ คนฺตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ อคมาสิ.

ตสฺมิฺจ สมเย ฉตฺตปาณิ นาเมโก อนาคามี อุปาสโก สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุณมาโน นิสินฺโน โหติ. ราชา ตํ ทิสฺวา อาสงฺกมาโน มุหุตฺตํ ตฺวา ปุน ‘‘สจายํ ปาปโก ภเวยฺย, น สตฺถุ สนฺติเก นิสีทิตฺวา ธมฺมํ สุเณยฺย, อปาปเกน อิมินา ภวิตพฺพ’’นฺติ จินฺเตตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. อุปาสโก พุทฺธคารเวน รฺโ ปจฺจุฏฺานํ วา วนฺทนํ วา น อกาสิ, เตนสฺส ราชา อนตฺตมโน อโหสิ. สตฺถา ตสฺส อนตฺตมนภาวํ ตฺวา อุปาสกสฺส คุณํ กเถสิ ‘‘อยํ, มหาราช, อุปาสโก พหุสฺสุโต อาคตาคโม กาเมสุ วีตราโค’’ติ ราชา ‘‘น อิมินา โอรเกน ภวิตพฺพํ, ยสฺส สตฺถา คุณํ วณฺเณตี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘อุปาสก, วเทยฺยาสิ เยน เต อตฺโถ’’ติ อาห. อุปาสโก ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ. ราชา สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา สตฺถารํ ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิ.

โส เอกทิวสํ อุปริปาสาเท มหาวาตปานํ วิวริตฺวา ิโต ตํ อุปาสกํ ภุตฺตปาตราสํ ฉตฺตมาทาย เชตวนํ คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ปกฺโกสาเปตฺวา เอวมาห ‘‘ตฺวํ กิร, อุปาสก, พหุสฺสุโต, อมฺหากฺจ อิตฺถิโย ธมฺมํ โสตุกามา เจว อุคฺคเหตุกามา จ, สาธุ วตสฺส สเจ ตาสํ ธมฺมํ วาเจยฺยาสี’’ติ. ‘‘เทว, คิหีนํ นาม ราชนฺเตปุเร ธมฺมํ เทเสตุํ วา วาเจตุํ วา นปฺปติรูปํ, อยฺยานํ เอว ปติรูป’’นฺติ. ราชา ‘‘สจฺจํ เอส วทตี’’ติ อุยฺโยเชตฺวา อิตฺถิโย ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘ภทฺเท, อหํ ตุมฺหากํ ธมฺมเทสนตฺถาย จ ธมฺมวาจนตฺถาย จ สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา เอกํ ภิกฺขุํ ยาจามิ, อสีติยา มหาสาวเกสุ กตรํ ยาจามี’’ติ อาห. ตา สพฺพาปิ มนฺเตตฺวา ธมฺมภณฺฑาคาริกํ อานนฺทตฺเถรเมว อาโรเจสุํ. ราชา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺโน เอวมาห ‘‘ภนฺเต, อมฺหากํ เคเห อิตฺถิโย อานนฺทตฺเถรสฺส สนฺติเก ธมฺมํ โสตุฺจ อุคฺคณฺหิตุฺจ อิจฺฉนฺติ, สาธุ วต สเจ เถโร อมฺหากํ เคเห ธมฺมํ เทเสยฺย เจว วาเจยฺย จา’’ติ. สตฺถา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา เถรํ อาณาเปสิ. ตโต ปฏฺาย รฺโ อิตฺถิโย เถรสฺส สนฺติเก ธมฺมํ สุณนฺติ เจว อุคฺคณฺหนฺติ จ.

อเถกทิวสํ รฺโ จูฬามณิ นฏฺโ. ราชา ตสฺส นฏฺภาวํ สุตฺวา อมจฺเจ อาณาเปสิ ‘‘สพฺเพ อนฺโตวฬฺชนเก มนุสฺเส คเหตฺวา จูฬามณึ อาหราเปถา’’ติ. อมจฺจา มาตุคาเม อาทึ กตฺวา จูฬามณึ ปริปุจฺฉนฺตา อทิสฺวา มหาชนํ กิลเมนฺติ. ตํ ทิวสํ อานนฺทตฺเถโร ราชนิเวสนํ ปวิฏฺโ. ยถา ตา อิตฺถิโย ปุพฺเพ เถรํ ทิสฺวาว หฏฺตุฏฺา ธมฺมํ สุณนฺติ เจว อุคฺคณฺหนฺติ จ, ตถา อกตฺวา สพฺพา โทมนสฺสปฺปตฺตาว อเหสุํ. ตโต เถเรน ‘‘กสฺมา ตุมฺเห อชฺช เอวรูปา ชาตา’’ติ ปุจฺฉิตา เอวมาหํสุ ‘‘ภนฺเต, รฺโ จูฬามณึ ปริเยสามาติ อมจฺจา มาตุคาเม อุปาทาย อนฺโตวฬฺชนเก กิลเมนฺติ, น ชานาม กสฺส ‘กึ ภวิสฺสตี’ติ, เตนมฺห โทมนสฺสปฺปตฺตา’’ติ. เถโร ‘‘มา จินฺตยิตฺถา’’ติ ตา สมสฺสาเสตฺวา รฺโ สนฺติกํ คนฺตฺวา ปฺตฺตาสเน นิสีทิตฺวา ‘‘มณิ กิร เต, มหาราช, นฏฺโ’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘อสกฺขิ ปน ตํ อาหราเปตุ’’นฺติ. ‘‘ภนฺเต, สพฺพํ อนฺโตชนํ คเหตฺวา กิลเมนฺโตปิ น สกฺโกมิ อาหราเปตุ’’นฺติ. ‘‘มหาราช, มหาชนํ อกิลเมตฺวาว อาหรณูปาโย อตฺถี’’ติ. ‘‘กตโร, ภนฺเต’’ติ? ‘‘ปิณฺฑทานํ, มหาราชา’’ติ. ‘‘กตรํ ปิณฺฑทานํ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘มหาราช, ยตฺตเกสุ อาสงฺกา อตฺถิ, เต คเหตฺวา เอเกกสฺส เอเกกํ ปลาลปิณฺฑํ วา มตฺติกาปิณฺฑํ วา ทตฺวา ‘อิมํ ปจฺจูสกาเล อาหริตฺวา อสุกฏฺาเน นาม ปาเตถา’ติ วตฺตพฺพํ. เยน คหิโต ภวิสฺสติ, โส ตสฺมึ ปกฺขิปิตฺวา อาหริสฺสติ. สเจ ปมทิวเสเยว ปาเตนฺติ, อิจฺเจตํ กุสลํ. โน เจ ปาเตนฺติ, ทุติยทิวเสปิ ตติยทิวเสปิ ตเถว กาตพฺพํ. เอวํ มหาชโน จ น กิลมิสฺสติ, มณิฺจ ลภิสฺสสี’’ติ เอวํ วตฺวา เถโร อคมาสิ.

ราชา วุตฺตนเยเนว ตโย ทิวเส ทาเปสิ, เนว มณึ อาหรึสุ. เถโร ตติยทิวเส อาคนฺตฺวา ‘‘กึ, มหาราช, ปาติโต มณี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘น ปาเตนฺติ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘เตน หิ, มหาราช, มหาตลสฺมึเยว ปฏิจฺฉนฺนฏฺาเน มหาจาฏึ ปาเปตฺวา อุทกสฺส ปูราเปตฺวา สาณึ ปริกฺขิปาเปตฺวา ‘สพฺเพ อนฺโตวฬฺชนกมนุสฺสา จ อิตฺถิโย จ อุตฺตราสงฺคํ กตฺวา เอเกโกว อนฺโตสาณึ ปวิสิตฺวา หตฺถํ โธวิตฺวา อาคจฺฉนฺตู’ติ วเทหี’’ติ เถโร อิมํ อุปายํ อาจิกฺขิตฺวา ปกฺกามิ. ราชา ตถา กาเรสิ. มณิโจโร จินฺเตสิ ‘‘ธมฺมภณฺฑาคาริโก อิมํ อธิกรณํ อาทาย มณึ อทสฺเสตฺวา โอสกฺกิสฺสตีติ อฏฺานเมตํ, ปาเตตุํ ทานิ วฏฺฏตี’’ติ มณึ ปฏิจฺฉนฺนํ กตฺวา อาทาย อนฺโตสาณึ ปวิสิตฺวา จาฏิยํ ปาเตตฺวา นิกฺขมิ. สพฺเพสํ นิกฺขนฺตกาเล อุทกํ ฉฑฺเฑตฺวา มณึ อทฺทสํสุ. ราชา ‘‘เถรํ นิสฺสาย มหาชนํ อกิลเมตฺวาว เม มณิ ลทฺโธ’’ติ ตุสฺสิ, อนฺโตวฬฺชนกมนุสฺสาปิ ‘‘เถรํ นิสฺสาย มหาทุกฺขโต มุตฺตมฺหา’’ติ ตุสฺสึสุ. ‘‘เถรสฺสานุภาเวน รฺโ จูฬามณิ ลทฺโธ’’ติ เถรสฺสานุภาโว สกลนคเร เจว ภิกฺขุสงฺเฆ จ ปากโฏ ชาโต.

ธมฺมสภายํ สนฺนิสินฺนา ภิกฺขู เถรสฺส คุณํ วณฺณยึสุ ‘‘อาวุโส, อานนฺทตฺเถโร อตฺตโน พหุสฺสุตตาย ปณฺฑิจฺเจน อุปายกุสลตาย มหาชนํ อกิลเมตฺวา อุปาเยเนว รฺโ มณึ ทสฺเสสี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทานิ อานนฺเทเนว ปรหตฺถคตํ ภณฺฑํ ทสฺสิตํ, ปุพฺเพปิ ปณฺฑิตา มหาชนํ อกิลเมตฺวา อุปาเยเนว ติรจฺฉานหตฺถคตํ ภณฺฑํ ทสฺสยึสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต สพฺพสิปฺเปสุ นิปฺผตฺตึ ปตฺโต ตสฺเสว อมจฺโจ อโหสิ. อเถกทิวสํ ราชา มหนฺเตน ปริวาเรน อุยฺยานํ คนฺตฺวา วนนฺตรานิ วิจริตฺวา อุทกกีฬํ กีฬิตุกาโม มงฺคลโปกฺขรณึ โอตริตฺวา อิตฺถาคารมฺปิ ปกฺโกสิ. อิตฺถิโย อตฺตโน อตฺตโน สีสูปคคีวูปคาทีนิ อาภรณานิ โอมุฺจิตฺวา อุตฺตราสงฺเคสุ ปกฺขิปิตฺวา สมุคฺคปิฏฺเสุ เปตฺวา ทาสิโย ปฏิจฺฉาเปตฺวา โปกฺขรณึ โอตรึสุ. อเถกา อุยฺยานมกฺกฏี สาขนฺตเร นิสินฺนา เทวึ ปิฬนฺธนานิ โอมุฺจิตฺวา อุตฺตราสงฺเค ปกฺขิปิตฺวา สมุคฺคปิฏฺเ ปยมานํ ทิสฺวา ตสฺสา มุตฺตาหารํ ปิฬนฺธิตุกามา หุตฺวา ทาสิยา ปมาทํ โอโลกยมานา นิสีทิ, ทาสีปิ ตํ รกฺขมานา ตหํ ตหํ โอโลเกตฺวา นิสินฺนาเยว นิทฺทายิตุํ อารภิ. มกฺกฏี ตสฺสา ปมาทภาวํ ตฺวา วาตเวเคน โอตริตฺวา มหามุตฺตาหารํ คีวาย ปฏิมุฺจิตฺวา วาตเวเคน อุปฺปติตฺวา สาขนฺตเร นิสีทิตฺวา อฺาสํ มกฺกฏีนํ ทสฺสนภเยน เอกสฺมึ รุกฺขสุสิรฏฺาเน เปตฺวา อุปสนฺตูปสนฺตา วิย ตํ รกฺขมานา นิสีทิ.

สาปิ โข ทาสี ปฏิพุชฺฌิตฺวา มุตฺตาหารํ อปสฺสนฺตี กมฺปมานา อฺํ อุปายํ อทิสฺวา ‘‘ปุริโส เทวิยา มุตฺตาหารํ คเหตฺวา ปลาโต’’ติ มหาวิรวํ วิรวิ. อารกฺขมนุสฺสา ตโต ตโต สนฺนิปติตฺวา ตสฺสา วจนํ สุตฺวา รฺโ อาโรจยึสุ. ราชา ‘‘โจรํ คณฺหถา’’ติ อาห. ปุริสา อุยฺยานา นิกฺขมิตฺวา ‘‘โจรํ คณฺหถ, โจรํ คณฺหถา’’ติ อิโต จิโต จ โอโลเกนฺติ. อเถโก ชานปโท พลิการกปุริโส ตํ สทฺทํ สุตฺวา กมฺปมาโน ปลายิ. ตํ ทิสฺวา ราชปุริสา ‘‘อยํ โจโร ภวิสฺสตี’’ติ อนุพนฺธิตฺวา ตํ คเหตฺวา โปเถตฺวา ‘‘อเร, ทุฏฺโจร, เอวํ มหาสารํ นาม ปิฬนฺธนํ อวหริสฺสสี’’ติ ปริภาสึสุ. โส จินฺเตสิ ‘‘สจาหํ ‘น คณฺหามี’ติ วกฺขามิ, อชฺช เม ชีวิตํ นตฺถิ, โปเถนฺตาเยว มํ มาเรสฺสนฺติ, สมฺปฏิจฺฉามิ น’’นฺติ. โส ‘‘อาม, สามิ, คหิตํ เม’’ติ อาห. อถ นํ พนฺธิตฺวา รฺโ สนฺติกํ อานยึสุ. ราชาปิ นํ ปุจฺฉิ ‘‘คหิตํ เต มหาสารปิฬนฺธน’’นฺติ? ‘‘อาม, เทวา’’ติ. ‘‘อิทานิ ตํ กห’’นฺติ. ‘‘เทว, มยา มหาสารํ นาม มฺจปีมฺปิ น ทิฏฺปุพฺพํ, เสฏฺิ ปน มํ มหาสารปิฬนฺธนํ คณฺหาเปสิ, โสหํ ตํ คเหตฺวาว ตสฺส อทาสึ, โส นํ ชานาตี’’ติ.

ราชา เสฏฺึ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘คหิตํ เต อิมสฺส หตฺถโต มหาสารปิฬนฺธน’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, เทวา’’ติ. ‘‘กหํ ต’’นฺติ. ‘‘ปุโรหิตสฺส เม ทินฺน’’นฺติ. ปุโรหิตมฺปิ ปกฺโกสาเปตฺวา ตเถว ปุจฺฉิ, โสปิ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ‘‘คนฺธพฺพสฺส เม ทินฺน’’นฺติ อาห. ตมฺปิ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘ปุโรหิตสฺส หตฺถโต เต มหาสารปิฬนฺธนํ คหิต’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, เทวา’’ติ. ‘‘กหํ ต’’นฺติ. ‘‘กิเลสวเสน เม วณฺณทาสิยา ทินฺน’’นฺติ. ตมฺปิ ปกฺโกสาเปตฺวา ปุจฺฉิ, สา ‘‘น คณฺหามี’’ติ อาห. เต ปฺจ ชเน ปุจฺฉนฺตานฺเว สูริโย อตฺถํ คโต. ราชา ‘‘อิทานิ วิกาโล ชาโต, สฺเว ชานิสฺสามา’’ติ เต ปฺจ ชเน อมจฺจานํ ทตฺวา นครํ ปาวิสิ.

โพธิสตฺโต จินฺเตสิ – ‘‘อิทํ ปิฬนฺธนํ อนฺโตวฬฺเช นฏฺํ, อยฺจ คหปติโก พหิวฬฺโช, ทฺวาเรปิ พลวารกฺโข, ตสฺมา อนฺโตวฬฺชนกานมฺปิ ตํ คเหตฺวา ปลายิตุํ น สกฺกา. เอวํ เนว พหิวฬฺชนกานํ, น อนฺโต, อุยฺยาเน วฬฺชนกานํ คหณูปาโย ทิสฺสติ. อิมินา ทุคฺคตมนุสฺเสน ‘เสฏฺิสฺส เม ทินฺน’นฺติ กเถนฺเตน อตฺตโน โมกฺขตฺถาย กถิตํ ภวิสฺสติ, เสฏฺินาปิ ‘ปุโรหิตสฺส เม ทินฺน’นฺติ กเถนฺเตน ‘เอกโต หุตฺวา นิตฺถริสฺสามี’ติ จินฺเตตฺวา กถิตํ ภวิสฺสติ, ปุโรหิเตนาปิ ‘คนฺธพฺพสฺส เม ทินฺน’นฺติ กเถนฺเตน ‘พนฺธนาคาเร คนฺธพฺพํ นิสฺสาย สุเขน วสิสฺสามา’ติ จินฺเตตฺวา กถิตํ ภวิสฺสติ, คนฺธพฺเพนาปิ ‘วณฺณทาสิยา เม ทินฺน’นฺติ กเถนฺเตน ‘เอกนฺเตน อนุกฺกณฺิตา ภวิสฺสามา’ติ จินฺเตตฺวา กถิตํ ภวิสฺสติ, อิเมหิ ปฺจหิปิ โจเรหิ น ภวิตพฺพํ, อุยฺยาเน มกฺกฏา พหู, ปิฬนฺธเนน เอกิสฺสา มกฺกฏิยา หตฺเถ อารุฬฺเหน ภวิตพฺพ’’นฺติ. โส ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘มหาราช, โจเร อมฺหากํ นิยฺยาเทถ, มยํ ตํ กิจฺจํ โสเธสฺสามา’’ติ อาห. ราชา ‘‘สาธุ, ปณฺฑิต, โสเธหี’’ติ ตสฺส นิยฺยาเทสิ.

โพธิสตฺโต อตฺตโน ทาสปุริเส ปกฺโกสาเปตฺวา เต ปฺจ ชเน เอกสฺมึเยว าเน วสาเปตฺวา สมนฺตา อารกฺขํ กตฺวา กณฺณํ ทตฺวา ‘‘ยํ เต อฺมฺํ กเถนฺติ, ตํ มยฺหํ อาโรเจถา’’ติ วตฺวา ปกฺกามิ. เต ตถา อกํสุ. ตโต มนุสฺสานํ สนฺนิสินฺนเวลาย เสฏฺิ ตํ คหปติกํ อาห – ‘‘อเร, ทุฏฺคหปติ, ตยา อหํ, มยา วา ตฺวํ กหํ ทิฏฺปุพฺโพ, กทา เต มยฺหํ ปิฬนฺธนํ ทินฺน’’นฺติ อาห. โส ‘‘สามิ มหาเสฏฺิ, อหํ มหาสารํ นาม รุกฺขสารปาทกํ มฺจปีมฺปิ น ชานามิ, ‘ตํ นิสฺสาย ปน โมกฺขํ ลภิสฺสามี’ติ เอวํ อวจํ, มา เม กุชฺฌ, สามี’’ติ อาห. ปุโรหิโตปิ เสฏฺึ อาห ‘‘มหาเสฏฺิ, ตฺวํ อิมินา อตฺตโน อทินฺนกเมว มยฺหํ กถํ อทาสี’’ติ? ‘‘มยมฺปิ ทฺเว อิสฺสรา, อมฺหากํ เอกโต หุตฺวา ิตกาเล กมฺมํ ขิปฺปํ นิปฺผชฺชิสฺสตี’’ติ กเถสินฺติ. คนฺธพฺโพปิ ปุโรหิตํ อาห ‘‘พฺราหฺมณ, กทา ตยา มยฺหํ ปิฬนฺธนํ ทินฺน’’นฺติ? ‘‘อหํ ตํ นิสฺสาย วสนฏฺาเน สุขํ วสิสฺสามี’’ติ กเถสินฺติ. วณฺณทาสีปิ คนฺธพฺพํ อาห ‘‘อเร ทุฏฺคนฺธพฺพ, อหํ กทา ตว สนฺติกํ คตปุพฺพา, ตฺวํ วา มม สนฺติกํ อาคตปุพฺโพ, กทา เต มยฺหํ ปิฬนฺธนํ ทินฺน’’นฺติ? ภคินิ กึการณา กุชฺฌสิ, ‘‘อมฺเหสุ ปฺจสุ เอกโต วสนฺเตสุ ฆราวาโส ภวิสฺสติ, อนุกฺกณฺมานา สุขํ วสิสฺสามา’’ติ กเถสินฺติ. โพธิสตฺโต ปโยชิตมนุสฺสานํ สนฺติกา ตํ กถํ สุตฺวา เตสํ ตถโต อโจรภาวํ ตฺวา ‘‘มกฺกฏิยา คหิตปิฬนฺธนํ อุปาเยเนว ปาเตสฺสามี’’ติ เคณฺฑุมยานิ พหูนิ ปิฬนฺธนานิ กาเรตฺวา อุยฺยาเน มกฺกฏิโย คาหาเปตฺวา หตฺถปาทคีวาสุ เคณฺฑุปิฬนฺธนานิ ปิฬนฺธาเปตฺวา วิสฺสชฺเชสิ. อิตรา มกฺกฏี ปิฬนฺธนํ รกฺขมานา อุยฺยาเน เอว นิสีทิ.

โพธิสตฺโต มนุสฺเส อาณาเปสิ ‘‘คจฺฉถ ตุมฺเห, อุยฺยาเน สพฺพา มกฺกฏิโย อุปธาเรถ, ยสฺสา ตํ ปิฬนฺธนํ ปสฺสถ, ตํ อุตฺตาเสตฺวา ปิฬนฺธนํ คณฺหถา’’ติ. ตาปิ โข มกฺกฏิโย ‘‘ปิฬนฺธนํ โน ลทฺธ’’นฺติ ตุฏฺปหฏฺา อุยฺยาเน วิจรนฺติโย ตสฺสา สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘ปสฺส อมฺหากํ ปิฬนฺธน’’นฺติ อาหํสุ. สา มกฺกฏี อสหมานา ‘‘กึ อิมินา เคณฺฑุปิฬนฺธเนนา’’ติ มุตฺตาหารํ ปิฬนฺธิตฺวา นิกฺขมิ. อถ นํ เต ปุริสา ทิสฺวา ปิฬนฺธนํ ฉฑฺฑาเปตฺวา อาหริตฺวา โพธิสตฺตสฺส อทํสุ. โส ตํ อาทาย รฺโ ทสฺเสตฺวา ‘‘อิทํ เต เทว ปิฬนฺธนํ, เต ปฺจปิ อโจรา, อิทํ ปน อุยฺยาเน มกฺกฏิยา อาภต’’นฺติ อาห. ‘‘กถํ ปน เต, ปณฺฑิต, มกฺกฏิยา หตฺถํ อารุฬฺหภาโว าโต, กถํ เต คหิต’’นฺติ? โส สพฺพํ อาจิกฺขิ. ราชา ตุฏฺมานโส ‘‘สงฺคามสีสาทีสุ นาม สูราทโย อิจฺฉิตพฺพา โหนฺตี’’ติ โพธิสตฺตสฺส ถุตึ กโรนฺโต อิมํ คาถมาห –

๙๒.

‘‘อุกฺกฏฺเ สูรมิจฺฉนฺติ, มนฺตีสุ อกุตูหลํ;

ปิยฺจ อนฺนปานมฺหิ, อตฺเถ ชาเต จ ปณฺฑิต’’นฺติ.

ตตฺถ อุกฺกฏฺเติ อุปกฏฺเ, อุภโตพฺยูฬฺเห สงฺคาเม สมฺปหาเร วตฺตมาเนติ อตฺโถ. สูรมิจฺฉนฺตีติ อสนิยาปิ มตฺถเก ปตมานาย อปลายินํ สูรํ อิจฺฉนฺติ, ตสฺมึ ขเณ เอวรูโป สงฺคามโยโธ ปตฺเถตพฺโพ โหติ. มนฺตีสุ อกุตูหลนฺติ กตฺตพฺพากตฺตพฺพกิจฺจํ สมฺมนฺตนกาเล อุปฺปนฺเน มนฺตีสุ โย อกุตูหโล อวิกิณฺณวาโจ มนฺตํ น ภินฺทติ, ตํ อิจฺฉนฺติ, ตาทิโส เตสุ าเนสุ ปตฺเถตพฺโพ โหติ. ปิยฺจ อนฺนปานมฺหีติ มธุเร อนฺนปาเน ปจฺจุปฏฺิเต สหปริภุฺชนตฺถาย ปิยปุคฺคลํ ปตฺเถนฺติ, ตาทิโส ตสฺมึ กาเล ปตฺเถตพฺโพ โหติ. อตฺเถ ชาเต จ ปณฺฑิตนฺติ อตฺถคมฺภีเร ธมฺมคมฺภีเร กิสฺมิฺจิเทว การเณ วา ปฺเห วา อุปฺปนฺเน ปณฺฑิตํ วิจกฺขณํ อิจฺฉนฺติ. ตถารูโป หิ ตสฺมึ สมเย ปตฺเถตพฺโพ โหตีติ.

เอวํ ราชา โพธิสตฺตํ วณฺเณตฺวา โถเมตฺวา ฆนวสฺสํ วสฺเสนฺโต มหาเมโฆ วิย สตฺตาหิ รตเนหิ ปูเชตฺวา ตสฺโสวาเท ตฺวา ทานาทีนิ ปุฺานิ กตฺวา ยถากมฺมํ คโต, โพธิสตฺโตปิ ยถากมฺมํ คโต.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา เถรสฺส คุณํ กเถตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ราชา อานนฺโท อโหสิ, ปณฺฑิตามจฺโจ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

มหาสารชาตกวณฺณนา ทุติยา.

[๙๓] ๓. วิสฺสาสโภชนชาตกวณฺณนา

วิสฺสเส อวิสฺสตฺเถติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต วิสฺสาสโภชนํ อารพฺภ กเถสิ. ตสฺมึ กิร สมเย เยภุยฺเยน ภิกฺขู ‘‘มาตรา โน ทินฺนํ, ปิตรา โน ทินฺนํ, ภาตรา, ภคินิยา, จูฬมาตรา, จูฬปิตรา, มาตุเลน, มาตุลานิยา ทินฺนํ. อมฺหากํ คิหิกาเลปิ ภิกฺขุกาเลปิ เอเต ทาตุํ ยุตฺตรูปาวา’’ติ าตีหิ ทินฺเน จตฺตาโร ปจฺจเย วิสฺสตฺถา หุตฺวา อปจฺจเวกฺขิตฺวา ปริภุฺชนฺติ. สตฺถา ตํ การณํ ตฺวา ‘‘ภิกฺขูนํ มยา ธมฺมเทสนํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ ภิกฺขู สนฺนิปาตาเปตฺวา ‘‘ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา นาม าตีหิปิ อฺาตีหิปิ ทินฺนเก จตฺตาโร ปจฺจเย ปจฺจเวกฺขิตฺวาว ปริโภโค กาตพฺโพ. อปจฺจเวกฺขิตฺวา ปริโภคํ กตฺวา หิ กาลํ กุรุมาโน ภิกฺขุ ยกฺขเปตอตฺตภาวโต น มุจฺจติ, อปจฺจเวกฺขิตปริโภโค นาเมส วิสปริโภคสทิโส. วิสฺหิ วิสฺสาสิเกน ทินฺนกมฺปิ อวิสฺสาสิเกน ทินฺนกมฺปิ มาเรติเยว. ปุพฺเพปิ วิสฺสาเสน ทินฺนํ วิสํ ปริภุฺชิตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปตฺตา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต มหาวิภโว เสฏฺิ อโหสิ. ตสฺเสโก โคปาลโก กิฏฺสมฺพาธสมเย คาโว คเหตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา ตตฺถ โคสาลํ กตฺวา รกฺขนฺโต วสติ. เสฏฺิโน จ กาเลน กาลํ โครสํ อาหรติ. อถสฺส โคสาลาย อวิทูเร สีโห นิวาสํ คณฺหิ. คาวีนํ สีหสนฺตาเสน มิลาตานํ ขีรํ มนฺทํ อโหสิ. อถ นํ เอกทิวสํ สปฺปึ อาทาย อาคตํ เสฏฺิ ปุจฺฉิ ‘‘กึ นุ โข, สมฺม โคปาลก, มนฺทํ สปฺปี’’ติ? โส ตํ การณํ อาจิกฺขิ. ‘‘อตฺถิ ปน, สมฺม, ตสฺส สีหสฺส กตฺถจิ ปฏิพนฺโธ’’ติ? ‘‘อตฺถิสฺส สามิ, เอกาย มิคมาตุกาย สทฺธึ สํสคฺโค’’ติ. ‘‘สกฺกา ปน ตํ คาหาเปตุ’’นฺติ? ‘‘สกฺกา, สามี’’ติ. ‘‘เตน หิ ตํ คเหตฺวา ตสฺสา นลาฏโต ปฏฺาย สรีเร โลมานิ วิเสน ปุนปฺปุนํ รชิตฺวา สุกฺขาเปตฺวา ทฺเว ตโย ทิวเส อติกฺกาเมตฺวา ตํ มิคมาตุกํ วิสฺสชฺเชหิ, โส ตสฺสา สิเนเหน สรีรํ เลหิตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาปุณิสฺสติ. อถสฺส จมฺมนขทาา เจว วสฺจ มํสฺจ คเหตฺวา อาคจฺเฉยฺยาสี’’ติ หลาหลวิสํ ทตฺวา อุยฺโยเชสิ.

โส โคปาลโก ชาลํ ขิปิตฺวา อุปาเยน ตํ มิคมาตุกํ คณฺหิตฺวา ตถา อกาสิ. สีโห ตํ ทิสฺวาว พลวสิเนเหน ตสฺสา สรีรํ เลหิตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาปุณิ. โคปาลโกปิ จมฺมาทีนิ คเหตฺวา โพธิสตฺตสฺส สนฺติกํ อคมาสิ. โพธิสตฺโต ตํ การณํ ตฺวา ‘‘ปเรสุ สิเนโห นาม น กาตพฺโพ, เอวํ พลสมฺปนฺโนปิ สีโห มิคราชา กิเลสวเสน สํสคฺคํ นิสฺสาย มิคมาตุกาย สรีรํ เลหนฺโต วิสปริโภคํ กตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปตฺโต’’ติ วตฺวา สมฺปตฺตปริสาย ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๙๓.

‘‘น วิสฺสเส อวิสฺสตฺเถ, วิสฺสตฺเถปิ น วิสฺสเส;

วิสฺสาสา ภยมนฺเวติ, สีหํว มิคมาตุกา’’ติ.

ตตฺรายํ สงฺเขปตฺโถ – โย ปุพฺเพ สภโย อตฺตนิ อวิสฺสตฺโถ อโหสิ, ตสฺมึ อวิสฺสตฺเถ, โย ปุพฺเพปิ นิพฺภโย อตฺตนิ วิสฺสาสิโกเยว, ตสฺมึ วิสฺสตฺเถปิ น วิสฺสเส, เนว วิสฺสาสํ กเรยฺย. กึการณา? วิสฺสาสา ภยมนฺเวติ, โย หิ มิตฺเตปิ อมิตฺเตปิ วิสฺสาโส, ตโต ภยเมว อาคจฺฉติ. กถํ? สีหํว มิคมาตุกา, ยถา มิตฺตสนฺถววเสน กตวิสฺสาสาย มิคมาตุกาย สนฺติกา สีหสฺส ภยํ อนฺเวติ, อุปคตํ สมฺปตฺตนฺติ อตฺโถ. ยถา วา วิสฺสาสวเสน สีหํ มิคมาตุกา อนฺเวตา อุปคตาติปิ อตฺโถ.

เอวํ โพธิสตฺโต สมฺปตฺตปริสาย ธมฺมํ เทเสตฺวา ทานาทีนิ ปุฺานิ กตฺวา ยถากมฺมํ คโต.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา มหาเสฏฺิ อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

วิสฺสาสโภชนชาตกวณฺณนา ตติยา.

[๙๔] ๔. โลมหํสชาตกวณฺณนา

โสตตฺโต โสสินฺโน เจวาติ อิทํ สตฺถา เวสาลึ อุปนิสฺสาย ปาฏิการาเม วิหรนฺโต สุนกฺขตฺตํ อารพฺภ กเถสิ. เอกสฺมิฺหิ สมเย สุนกฺขตฺโต สตฺถุ อุปฏฺาโก หุตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย วิจรมาโน โกรกฺขตฺติยสฺส ธมฺมํ โรเจนฺโต ทสพลสฺส ปตฺตจีวรํ นิยฺยาเทตฺวา โกรกฺขตฺติยํ นิสฺสาย วสติ. ตสฺส กาลกฺชิกอสุรโยนิยํ นิพฺพตฺตกาเล คิหิ หุตฺวา ‘‘นตฺถิ สมณสฺส โคตมสฺส อุตฺตริ มนุสฺสธมฺมา อลมริยาณทสฺสนวิเสโส, ตกฺกปริยาหตํ สมโณ โคตโม ธมฺมํ เทเสติ วีมํสานุจริตํ สยํปฏิภานํ. ยสฺส จ ขฺวาสฺส อตฺถาย ธมฺโม เทสิโต, น โส นิยฺยาติ ตกฺกรสฺส สมฺมา ทุกฺขกฺขยายา’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๔๖) เวสาลิยํ ติณฺณํ ปาการานํ อนฺตเร วิจรนฺโต สตฺถุ อวณฺณํ ภาสติ.

อถายสฺมา สาริปุตฺโต ปิณฺฑาย จรนฺโต ตสฺเสวํ อวณฺณํ ภาสนฺตสฺส สุตฺวา ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต ตมตฺถํ ภควโต อาโรเจสิ. ภควา ‘‘โกธโน, สาริปุตฺต, สุนกฺขตฺโต โมฆปุริโส, โกธวเสเนวมาห, โกธวเสนาปิ ปน ‘น โส นิยฺยาติ ตกฺกรสฺส สมฺมา ทุกฺขกฺขยายา’ติ วทนฺโต อชานิตฺวาปิ มยฺหํ คุณเมว ภาสติ. น โข ปน โส โมฆปุริโส มยฺหํ คุณํ ชานาติ. มยฺหฺหิ, สาริปุตฺต, ฉ อภิฺา นาม อตฺถิ, อยมฺปิ เม อุตฺตริมนุสฺสธมฺโมว. ทสพลาณานิ อตฺถิ, จตุเวสารชฺชาณํ อตฺถิ, จตุโยนิปริจฺเฉทกาณํ อตฺถิ, ปฺจคติปริจฺเฉทกาณํ อตฺถิ, อยมฺปิ เม อุตฺตริมนุสฺสธมฺโมว. เอวํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมสมนฺนาคตํ ปน มํ โย เอวํ วเทยฺย ‘นตฺถิ สมณสฺส โคตมสฺส อุตฺตริมนุสฺสธมฺโม’ติ, โส ตํ วาจํ อปฺปหาย ตํ จิตฺตํ อปฺปหาย ตํ ทิฏฺึ อปฺปฏินิสฺสชฺชิตฺวา ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต เอวํ นิรเย’’ติ เอวํ อตฺตโน วิชฺชมานํ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมสฺส คุณํ กเถตฺวา ‘‘สุนกฺขตฺโต กิร, สาริปุตฺต, โกรกฺขตฺติยสฺส ทุกฺกรการิกาย มิจฺฉาตเป ปสนฺโน, มิจฺฉาตเป ปสีทนฺเตน ปน มยิ เอว ปสีทิตุํ วฏฺฏติ. อหฺหิ อิโต เอกนวุติกปฺปมตฺถเก ‘อตฺถิ นุ โข เอตฺถ สาโร’ติ พาหิรกํ มิจฺฉาตปํ วีมํสนฺโต จตุรงฺคสมนฺนาคตํ พฺรหฺมจริยวาสํ วสึ, ตปสฺสี สุทํ โหมิ ปรมตปสฺสี, ลูโข สุทํ โหมิ ปรมลูโข, เชคุจฺฉี สุทํ โหมิ ปรมเชคุจฺฉี, ปวิวิตฺโต สุทํ โหมิ ปรมปวิวิตฺโต’’ติ วตฺวา เถเรน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต เอกนวุติกปฺปมตฺถเก โพธิสตฺโต ‘‘พาหิรกตปํ วีมํสิสฺสามี’’ติ อาชีวกปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อเจลโก อโหสิ รโชชลฺลิโก, ปวิวิตฺโต อโหสิ เอกวิหารี. มนุสฺเส ทิสฺวา มิโค วิย ปลายิ, มหาวิกติโภชโน อโหสิ, วจฺฉกโคมยาทีนิ ปริภุฺชิ, อปฺปมาทวิหารตฺถาย อรฺเ เอกสฺมึ ภึสนเก วนสณฺเฑ วิหาสิ. ตสฺมิมฺปิ วิหรนฺโต หิมปาตสมเย อนฺตรฏฺเก รตฺตึ วนสณฺฑา นิกฺขมิตฺวา อพฺโภกาเส วิหริตฺวา สูริเย อุคฺคเต วนสณฺฑํ ปวิสติ. โส ยถา รตฺตึ อพฺโภกาเส หิโมทเกน ตินฺโต, ตเถว ทิวา วนสณฺฑโต ปคฺฆรนฺเตหิ อุทกพินฺทูหิ เตมยิ. เอวํ อโหรตฺตํ สีตทุกฺขํ อนุโภติ. คิมฺหานํ ปน ปจฺฉิเม มาเส ทิวา อพฺโภกาเส วิหริตฺวา รตฺตึ วนสณฺฑํ ปวิสติ. โส ยถา ทิวา อพฺโภกาเส อาตเปน ปริฬาหปฺปตฺโต, ตเถว รตฺตึ นิวาเต วนสณฺเฑ ปริฬาหํ ปาปุณาติ, สรีรา เสทธารา มุจฺจนฺติ. อถสฺส ปุพฺเพ อสฺสุตปุพฺพา อยํ คาถา ปฏิภาสิ –

๙๔.

‘‘โสตตฺโต โสสินฺโน เจว, เอโก ภึสนเก วเน;

นคฺโค น จคฺคิมาสีโน, เอสนาปสุโต มุนี’’ติ.

ตตฺถ โสตตฺโตติ สูริยสนฺตาเปน สุฏฺุ ตตฺโต. โสสินฺโนติ หิโมทเกน สุสินฺโน สุฏฺุ ตินฺโต. เอโก ภึสนเก วเนติ ยตฺถ ปวิฏฺานํ เยภุยฺเยน โลมานิ หํสนฺติ, ตถารูเป ภึสนเกวนสณฺเฑ เอโก อทุติโยว อโหสินฺติ ทีเปติ. นคฺโค น จคฺคิมาสีโนติ นคฺโค จ น จ อคฺคิมาสีโน. ตถา สีเตน ปีฬิยมาโนปิ เนว นิวาสนปารุปนํ วา อาทิยึ, น จ อคฺคึ อาคมฺม นิสีทินฺติ ทีเปติ. เอสนาปสุโตติ อพฺรหฺมจริเยปิ ตสฺมึ พฺรหฺมจริยสฺี หุตฺวา ‘‘พฺรหฺมจริยเมเวตํ เอสนา คเวสนา อุปาโย พฺรหฺมโลกสฺสา’’ติ เอวํ ตาย พฺรหฺมจริเยสนาย ปสุโต อนุยุตฺโต อุสฺสุกฺกํ อาปนฺโน อโหสินฺติ ทสฺเสติ. มุนีติ ‘‘มุนิ โข เอส โมนตฺถาย ปฏิปนฺโน’’ติ เอวํ โลเกน สมฺภาวิโต อโหสินฺติ ทีเปติ.

เอวํ จตุรงฺคสมนฺนาคตํ พฺรหฺมจริยํ จริตฺวา โพธิสตฺโต มรณกาเล อุปฏฺิตํ นิรยนิมิตฺตํ ทิสฺวา ‘‘อิทํ วตสมาทานํ นิรตฺถก’’นฺติ ตฺวา ตงฺขณฺเว ตํ ลทฺธึ ภินฺทิตฺวา สมฺมาทิฏฺึ คเหตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺติ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘อหํ เตน สมเยน โส อาชีวโก อโหสิ’’นฺติ.

โลมหํสชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.

[๙๕] ๕. มหาสุทสฺสนชาตกวณฺณนา

อนิจฺจา วต สงฺขาราติ อิทํ สตฺถา ปรินิพฺพานมฺเจ นิปนฺโน อานนฺทตฺเถรสฺส ‘‘มา, ภนฺเต, ภควา อิมสฺมึ ขุทฺทกนครเก’’ตฺยาทิวจนํ (ที. นิ. ๒.๒๑๐) อารพฺภ กเถสิ. ตถาคเต หิ เชตวเน วิหรนฺเต สาริปุตฺตตฺเถโร กตฺติกปุณฺณมายํ นาฬกคามเก ชาโตวรเก ปรินิพฺพายิ, มหาโมคฺคลฺลาโน กตฺติกมาสสฺเสว กาฬปกฺขอมาวสิยํ. เอวํ ปรินิพฺพุเต อคฺคสาวกยุเค ‘‘อหมฺปิ กุสินารายํ ปรินิพฺพายิสฺสามี’’ติ อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน ตตฺถ คนฺตฺวา ยมกสาลานมนฺตเร อุตฺตรสีสเก มฺจเก อนุฏฺานเสยฺยาย นิปชฺชิ. อถ นํ อายสฺมา อานนฺทตฺเถโร ‘‘มา, ภนฺเต, ภควา อิมสฺมึ ขุทฺทกนครเก วิสเม อุชฺชงฺคลนครเก, สาขานครเก ปรินิพฺพายิ, อฺเสํ จมฺปาราชคหาทีนํ มหานครานํ อฺตรสฺมึ ภควา ปรินิพฺพายตู’’ติ ยาจิ. สตฺถา ‘‘มา, อานนฺท, อิมํ ‘ขุทฺทกนครกํ, อุชฺชงฺคลนครกํ สาขานครก’นฺติ วเทหิ, อหฺหิ ปุพฺเพ สุทสฺสนจกฺกวตฺติราชกาเล อิมสฺมึ นคเร วสึ, ตทา อิทํ ทฺวาทสโยชนิเกน รตนปากาเรน ปริกฺขิตฺตํ มหานครํ อโหสี’’ติ วตฺวา เถเรน ยาจิโต อตีตํ อาหรนฺโต มหาสุทสฺสนสุตฺตํ (ที. นิ. ๒.๒๔๑ อาทโย) กเถสิ.

ตทา ปน มหาสุทสฺสนํ สุธมฺมปาสาทา โอตริตฺวา อวิทูเร สตฺตรตนมเย ตาลวเน ปฺตฺตสฺมึ กปฺปิยมฺจเก ทกฺขิเณน ปสฺเสน อนุฏฺานเสยฺยาย นิปนฺนํ ทิสฺวา ‘‘อิมานิ เต, เทว, จตุราสีติ นครสหสฺสานิ กุสาวติราชธานิปฺปมุขานิ, เอตฺถ ฉนฺทํ กโรหี’’ติ สุภทฺทาย เทวิยา วุตฺเต มหาสุทสฺสโน ‘‘มา เทวิ เอวํ อวจ, อถ โข ‘เอตฺถ ฉนฺทํ วิเนหิ, มา อเปกฺขํ อกาสี’ติ เอวํ มํ โอวทา’’ติ วตฺวา ‘‘กึการณา, เทวา’’ติ ปุจฺฉิโต ‘‘อชฺชาหํ กาลกิริยํ กริสฺสามี’’ติ. อถ นํ เทวี โรทมานา อกฺขีนิ ปุฺฉิตฺวา กิจฺเฉน กสิเรน ตถา วตฺวา โรทิ ปริเทวิ. เสสาปิ จตุราสีติสหสฺสอิตฺถิโย โรทึสุ ปริเทวึสุ. อมจฺจาทีสุปิ เอโกปิ อธิวาเสตุํ นาสกฺขิ, สพฺเพปิ โรทึสุ. โพธิสตฺโต ‘‘อลํ, ภเณ, มา สทฺทมกตฺถา’’ติ สพฺเพ นิวาเรตฺวา เทวึ อามนฺเตตฺวา ‘‘มา ตฺวํ เทวิ โรทิ, มา ปริเทวิ. ติลผลมตฺโตปิ หิ สงฺขาโร นิจฺโจ นาม นตฺถิ, สพฺเพปิ อนิจฺจา เภทนธมฺมา เอวา’’ติ วตฺวา เทวึ โอวทนฺโต อิมํ คาถมาห –

๙๕.

‘‘อนิจฺจา วต สงฺขารา, อุปฺปาทวยธมฺมิโน;

อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌนฺติ, เตสํ วูปสโม สุโข’’ติ.

ตตฺถ อนิจฺจา วต สงฺขาราติ ภทฺเท สุภทฺทาเทวิ, ยตฺตกา เกหิจิ ปจฺจเยหิ สมาคนฺตฺวา กตา ขนฺธายตนาทโย สงฺขารา, สพฺเพ เต อนิจฺจาเยว นาม. เอเตสุ หิ รูปํ อนิจฺจํ…เป… วิฺาณํ อนิจฺจํ. จกฺขุ อนิจฺจํ…เป… ธมฺมา อนิจฺจา. ยํกิฺจิ สวิฺาณกํ อวิฺาณกํ รตนํ, สพฺพํ ตํ อนิจฺจเมว. อิติ ‘‘อนิจฺจา วต สงฺขารา’’ติ คณฺห. กสฺมา? อุปฺปาทวยธมฺมิโนติ, สพฺเพ เหเต อุปฺปาทธมฺมิโน เจว วยธมฺมิโน จ อุปฺปชฺชนภิชฺชนสภาวาเยว, ตสฺมา ‘‘อนิจฺจา’’ติ เวทิตพฺพา. ยสฺมา จ อนิจฺจา, ตสฺมา อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌนฺติ, อุปฺปชฺชิตฺวา ิตึ ปตฺวาปิ นิรุชฺฌนฺติเยว. สพฺเพว เหเต นิพฺพตฺตมานา อุปฺปชฺชนฺติ นาม, ภิชฺชมานา นิรุชฺฌนฺติ นาม. เตสํ อุปฺปาเท สติเยว จ ิติ นาม โหติ, ิติยา สติเยว ภงฺโค นาม โหติ, น หิ อนุปฺปนฺนสฺส ิติ นาม, นาปิ ิตํ อภิชฺชนกํ นาม อตฺถิ. อิติ สพฺเพปิ สงฺขารา ตีณิ ลกฺขณานิ ปตฺวา ตตฺถ ตตฺเถว นิรุชฺฌนฺติ, ตสฺมา สพฺเพปิเม อนิจฺจา ขณิกา อิตฺตรา อธุวา ปภงฺคุโน จลิตา สมีริตา อนทฺธนิยา ปยาตา ตาวกาลิกา นิสฺสารา, ตาวกาลิกฏฺเน มายามรีจิเผณสทิสา. เตสุ ภทฺเท สุภทฺทาเทวิ, กสฺมา สุขสฺํ อุปฺปาเทสิ, เอวํ ปน คณฺห เตสํ วูปสโม สุโขติ, สพฺพวฏฺฏวูปสมนโต เตสํ วูปสโม นาม นิพฺพานํ, ตเทเวกํ เอกนฺตโต สุขํ, ตโต อฺํ สุขํ นาม นตฺถีติ.

เอวํ มหาสุทสฺสโน อมตมหานิพฺพาเนน เทสนาย กูฏํ คเหตฺวา อวเสสสฺสปิ มหาชนสฺส ‘‘ทานํ เทถ, สีลํ รกฺขถ, อุโปสถกมฺมํ กโรถา’’ติ โอวาทํ ทตฺวา เทวโลกปรายโณ อโหสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา สุภทฺทา เทวี ราหุลมาตา อโหสิ, ปริณายกรตนํ ราหุโล, เสสปริสา พุทฺธปริสา, มหาสุทสฺสโน ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

มหาสุทสฺสนชาตกวณฺณนา ปฺจมา.

[๙๖] ๖. เตลปตฺตชาตกวณฺณนา

สมติตฺติกํ อนวเสสกนฺติ อิทํ สตฺถา สุมฺภรฏฺเ เสทกํ นาม นิคมํ อุปนิสฺสาย อฺตรสฺมึ วนสณฺเฑ วิหรนฺโต ชนปทกลฺยาณิสุตฺตํ อารพฺภ กเถสิ. ตตฺร หิ ภควา –

‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ‘ชนปทกลฺยาณี ชนปทกลฺยาณี’ติ โข, ภิกฺขเว, มหาชนกาโย สนฺนิปเตยฺย, สา โข ปนสฺส ชนปทกลฺยาณี ปรมปาสาวินี นจฺเจ, ปรมปาสาวินี คีเต. ‘ชนปทกลฺยาณี นจฺจติ คายตี’ติ โข, ภิกฺขเว, ภิยฺโยโสมตฺตาย มหาชนกาโย สนฺนิปเตยฺย. อถ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย ชีวิตุกาโม อมริตุกาโม สุขกาโม ทุกฺขปฏิกูโล. ตเมนํ เอวํ วเทยฺย ‘‘อยํ เต, อมฺโภ ปุริส, สมติตฺติโก เตลปตฺโต อนฺตเรน จ มหาชนกายสฺส อนฺตเรน จ ชนปทกลฺยาณิยา ปริหริตพฺโพ, ปุริโส จ ตํ อุกฺขิตฺตาสิโก ปิฏฺิโต ปิฏฺิโต อนุพนฺธิสฺสติ ‘ยตฺเถว นํ โถกมฺปิ ฉฑฺเฑสฺสสิ, ตตฺเถว เต สีสํ ปาเตสฺสามี’’’ติ. ‘‘ตํ กึ มฺถ, ภิกฺขเว, อปิ นุ โส ปุริโส อมุํ เตลปตฺตํ อมนสิกริตฺวา พหิทฺธา ปมาทํ อาหเรยฺยา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภนฺเต’’. อุปมา โข มฺยายํ, ภิกฺขเว, กตา อตฺถสฺส วิฺาปนาย. อยเมเวตฺถ อตฺโถ – ‘สมติตฺติโก เตลปตฺโต’ติ โข, ภิกฺขเว, กายคตาเยตํ สติยา อธิวจนํ. ตสฺมาติห, ภิกฺขเว, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ ‘กายคตา โน สติ ภาวิตา ภวิสฺสติ สุสมารทฺธา’ติ เอวฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ (สํ. นิ. ๕.๓๘๖) –

อิทํ ชนปทกลฺยาณิสุตฺตํ สาตฺถํ สพฺยฺชนํ กเถสิ.

ตตฺรายํ สงฺเขปตฺโถ – ชนปทกลฺยาณีติ ชนปทมฺหิ กลฺยาณี อุตฺตมา ฉสรีรโทสรหิตา ปฺจกลฺยาณสมนฺนาคตา. สา หิ ยสฺมา นาติทีฆา, นาติรสฺสา, นาติกิสา, นาติถูลา, นาติกาฬา, นาจฺโจทาตา, อติกฺกนฺตา มานุสกวณฺณํ, อปตฺตา ทิพฺพวณฺณํ, ตสฺมา ฉสรีรโทสรหิตา. ฉวิกลฺยาณํ, มํสกลฺยาณํ, นฺหารุกลฺยาณํ, อฏฺิกลฺยาณํ, วโยกลฺยาณนฺติ อิเมหิ ปน ปฺจหิ กลฺยาเณหิ สมนฺนาคตตฺตา ปฺจกลฺยาณสมนฺนาคตา นาม. ตสฺสา หิ อาคนฺตุโกภาสกิจฺจํ นาม นตฺถิ, อตฺตโน สรีโรภาเสเนว ทฺวาทสหตฺเถ าเน อาโลกํ กโรติ, ปิยงฺคุสามา วา โหติ สุวณฺณสามา วา. อยมสฺสา ฉวิกลฺยาณตา. จตฺตาโร ปนสฺสา หตฺถปาทา มุขปริโยสานฺจ ลาขารสปริกมฺมกตํ วิย รตฺตปวาฬรตฺตกมฺพลสทิสํ โหติ. อยมสฺสา มํสกลฺยาณตา. วีสติ นขปตฺตานิ มํสโต อมุตฺตฏฺาเน ลาขารสปูริตานิ วิย, มุตฺตฏฺาเน ขีรธาราสทิสานิ. อยมสฺสา นฺหารุกลฺยาณตา. ทฺวตฺตึส ทนฺตา สุผุสิตา สุโธตวชิรปนฺติ วิย ขายนฺติ. อยมสฺสา อฏฺิกลฺยาณตา. วีสติวสฺสสติกาปิ ปน สมานา โสฬสวสฺสุทฺเทสิกา วิย โหติ นิพฺพลิปลิตา. อยมสฺสา วโยกลฺยาณตา.

ปรมปาสาวินีติ เอตฺถ ปน ปสวนํ ปสโว, ปวตฺตีติ อตฺโถ. ปสโว เอว ปาสาโว, ปรโม ปาสาโว ปรมปาสาโว, โส อสฺสา อตฺถีติ ปรมปาสาวินี. นจฺเจ จ คีเต จ อุตฺตมปฺปวตฺติ เสฏฺกิริยา. อุตฺตมเมว นจฺจํ นจฺจติ, คีตฺจ คายตีติ วุตฺตํ โหติ.

อถ ปุริโส อาคจฺเฉยฺยาติ น อตฺตโน รุจิยา อาคจฺเฉยฺย, อยํ ปเนตฺถ อธิปฺปาโย – อเถวํ มหาชนมชฺเฌ ชนปทกลฺยาณิยา นจฺจมานาย ‘‘สาธุ สาธู’’ติ สาธุกาเรสุ องฺคุลิโผฏเนสุ เจลุกฺเขเปสุ จ ปวตฺตมาเนสุ ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา ราชา พนฺธนาคารโต เอกํ โจรปุริสํ ปกฺโกสาเปตฺวา นิคฬานิ ฉินฺทิตฺวา สมติตฺติกํ สุปริปุณฺณํ เตลปตฺตํ ตสฺส หตฺเถ ทตฺวา อุโภหิ หตฺเถหิ ทฬฺหํ คาหาเปตฺวา เอกํ อสิหตฺถํ ปุริสํ อาณาเปสิ ‘‘เอตํ คเหตฺวา ชนปทกลฺยาณิยา สมชฺชฏฺานํ คจฺฉ. ยตฺเถว เจส ปมาทํ อาคมฺม เอกมฺปิ เตลพินฺทุํ ฉฑฺเฑติ, ตตฺเถวสฺส สีสํ ฉินฺทา’’ติ. โส ปุริโส อสึ อุกฺขิปิตฺวา ตํ ตชฺเชนฺโต ตตฺถ เนสิ. โส มรณภยตชฺชิโต ชีวิตุกามตาย ปมาทวเสน ตํ อมนสิกริตฺวา สกิมฺปิ อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา ตํ ชนปทกลฺยาณึ น โอโลเกสิ. เอวํ ภูตปุพฺพเมเวตํ วตฺถุ, สุตฺเต ปน ปริกปฺปวเสเนตํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.

อุปมา โข มฺยายนฺติ เอตฺถ ปน เตลปตฺตสฺส ตาว กายคตาสติยา โอปมฺมสํสนฺทนํ กตเมว. เอตฺถ ปน ราชา วิย กมฺมํ ทฏฺพฺพํ, อสิ วิย กิเลสา, อุกฺขิตฺตาสิกปุริโส วิย มาโร, เตลปตฺตหตฺโถ ปุริโส วิย กายคตาสติภาวโก วิปสฺสกโยคาวจโร. อิติ ภควา ‘‘กายคตาสตึ ภาเวตุกาเมน ภิกฺขุนา เตลปตฺตหตฺเถน เตน ปุริเสน วิย สตึ อวิสฺสชฺเชตฺวา อปฺปมตฺเตน กายคตาสติ ภาเวตพฺพา’’ติ อิมํ สุตฺตํ อาหริตฺวา ทสฺเสสิ.

ภิกฺขู อิมํ สุตฺตฺจ อตฺถฺจ สุตฺวา เอวมาหํสุ – ‘‘ทุกฺกรํ, ภนฺเต, เตน ปุริเสน กตํ ตถารูปึ ชนปทกลฺยาณึ อโนโลเกตฺวา เตลปตฺตํ อาทาย คจฺฉนฺเตนา’’ติ. สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, เตน ทุกฺกรํ กตํ, สุกรเมเวตํ. กสฺมา? อุกฺขิตฺตาสิเกน ปุริเสน สนฺตชฺเชตฺวา นียมานตาย. ยํ ปน ปุพฺเพ ปณฺฑิตา อปฺปมาเทน สตึ อวิสฺสชฺเชตฺวา อภิสงฺขตํ ทิพฺพรูปมฺปิ อินฺทฺริยานิ ภินฺทิตฺวา อโนโลเกตฺวาว คนฺตฺวา รชฺชํ ปาปุณึสุ, เอตํ ทุกฺกร’’นฺติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส รฺโ ปุตฺตสตสฺส สพฺพกนิฏฺโ หุตฺวา นิพฺพตฺติ, โส อนุปุพฺเพน วิฺุตํ ปาปุณิ. ตทา จ รฺโ เคเห ปจฺเจกพุทฺธา ภุฺชนฺติ, โพธิสตฺโต เตสํ เวยฺยาวจฺจํ กโรติ. โส เอกทิวสํ จินฺเตสิ ‘‘มม พหู ภาตโร, ลจฺฉามิ นุ โข อหํ อิมสฺมึ นคเร กุลสนฺตกํ รชฺชํ, อุทาหุ โน’’ติ? อถสฺส เอตทโหสิ ‘‘ปจฺเจกพุทฺเธ ปุจฺฉิตฺวา ชานิสฺสามี’’ติ. โส ทุติยทิวเส ปจฺเจกพุทฺเธสุ อาคเตสุ ธมกรณํ อาทาย ปานียํ ปริสฺสาเวตฺวา ปาเท โธวิตฺวา เตเลน มกฺเขตฺวา เตสํ อนฺตรขชฺชกํ ขาทิตฺวา นิสินฺนกาเล วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺโน ตมตฺถํ ปุจฺฉิ. อถ นํ เต อโวจุํ – กุมาร, น ตฺวํ อิมสฺมึ นคเร รชฺชํ ลภิสฺสสิ, อิโต ปน วีสโยชนสตมตฺถเก คนฺธารรฏฺเ ตกฺกสิลานครํ นาม อตฺถิ, ตตฺถ คนฺตุํ สกฺโกนฺโต อิโต สตฺตเม ทิวเส รชฺชํ ลจฺฉสิ. อนฺตรามคฺเค ปน มหาวตฺตนิอฏวิยํ ปริปนฺโถ อตฺถิ, ตํ อฏวึ ปริหริตฺวา คจฺฉนฺตสฺส โยชนสติโก มคฺโค โหติ, อุชุกํ คจฺฉนฺตสฺส ปฺาส โยชนานิ โหนฺติ. โส หิ อมนุสฺสกนฺตาโร นาม. ตตฺถ ยกฺขินิโย อนฺตรามคฺเค คาเม จ สาลาโย จ มาเปตฺวา อุปริ สุวณฺณตารกวิจิตฺตวิตานํ มหารหเสยฺยํ ปฺาเปตฺวา นานาวิราคปฏสาณิโย ปริกฺขิปิตฺวา ทิพฺพาลงฺกาเรหิ อตฺตภาวํ มณฺเฑตฺวา สาลาสุ นิสีทิตฺวา อาคจฺฉนฺเต ปุริเส มธุราหิ วาจาหิ สงฺคณฺหิตฺวา ‘‘กิลนฺตรูปา วิย ปฺายถ, อิธาคนฺตฺวา นิสีทิตฺวา ปานียํ ปิวิตฺวา คจฺฉถา’’ติ ปกฺโกสิตฺวา อาคตาคตานํ อาสนานิ ทตฺวา อตฺตโน รูปลีลาวิลาเสหิ ปโลเภตฺวา กิเลสวสิเก กตฺวา อตฺตนา สทฺธึ อชฺฌาจาเร กเต ตตฺเถว เน โลหิเตน ปคฺฆรนฺเตน ขาทิตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปนฺติ. รูปโคจรํ สตฺตํ รูเปเนว คณฺหนฺติ, สทฺทโคจรํ มธุเรน คีตวาทิตสทฺเทน, คนฺธโคจรํ ทิพฺพคนฺเธหิ, รสโคจรํ ทิพฺเพน นานคฺครสโภชเนน, โผฏฺพฺพโคจรํ อุภโตโลหิตกูปธาเนหิ ทิพฺพสยเนหิ คณฺหนฺติ. สเจ อินฺทฺริยานิ ภินฺทิตฺวา ตา อโนโลเกตฺวา สตึ ปจฺจุปฏฺาเปตฺวา คมิสฺสสิ, สตฺตเม ทิวเส ตตฺถ รชฺชํ ลจฺฉสีติ.

โพธิสตฺโต ‘‘โหตุ, ภนฺเต, ตุมฺหากํ โอวาทํ คเหตฺวา กึ ตา โอโลเกสฺสามี’’ติ ปจฺเจกพุทฺเธหิ ปริตฺตํ การาเปตฺวา ปริตฺตวาลุกฺเจว ปริตฺตสุตฺตฺจ อาทาย ปจฺเจกพุทฺเธ จ มาตาปิตโร จ วนฺทิตฺวา นิเวสนํ คนฺตฺวา อตฺตโน ปุริเส อาห – ‘‘อหํ ตกฺกสิลายํ รชฺชํ คเหตุํ คจฺฉามิ, ตุมฺเห อิเธว ติฏฺถา’’ติ. อถ นํ ปฺจ ชนา อาหํสุ ‘‘มยมฺปิ อนุคจฺฉามา’’ติ. ‘‘น สกฺกา ตุมฺเหหิ อนุคนฺตุํ, อนฺตรามคฺเค กิร ยกฺขินิโย รูปาทิโคจเร มนุสฺเส เอวฺเจวฺจ รูปาทีหิ ปโลเภตฺวา คณฺหนฺติ, มหา ปริปนฺโถ, อหํ ปน อตฺตานํ ตกฺเกตฺวา คจฺฉามี’’ติ. ‘‘กึ ปน, เทว, มยํ ตุมฺเหหิ สทฺธึ คจฺฉนฺตา อตฺตโน ปิยานิ รูปาทีนิ โอโลเกสฺสาม, มยมฺปิ ตเถว คมิสฺสามา’’ติ. โพธิสตฺโต ‘‘เตน หิ อปฺปมตฺตา โหถา’’ติ เต ปฺจ ชเน อาทาย มคฺคํ ปฏิปชฺชิ.

ยกฺขินิโย คามาทีนิ มาเปตฺวา นิสีทึสุ. เตสุ รูปโคจโร ปุริโส ตา ยกฺขินิโย โอโลเกตฺวา รูปารมฺมเณ ปฏิพทฺธจิตฺโต โถกํ โอหียิ. โพธิสตฺโต ‘‘กึ โภ, โถกํ โอหียสี’’ติ อาห. ‘‘เทว, ปาทา เม รุชฺชนฺติ, โถกํ สาลายํ นิสีทิตฺวา อาคจฺฉามี’’ติ. ‘‘อมฺโภ, เอตา ยกฺขินิโย, มา โข ปตฺเถสี’’ติ. ‘‘ยํ โหติ, ตํ โหตุ, น สกฺโกมิ, เทวา’’ติ. ‘‘เตน หิ ปฺายิสฺสสี’’ติ อิตเร จตฺตาโร อาทาย อคมาสิ. โสปิ รูปโคจรโก ตาสํ สนฺติกํ อคมาสิ. ตา อตฺตนา สทฺธึ อชฺฌาจาเร กเต ตํ ตตฺเถว ชีวิตกฺขยํ ปาเปตฺวา ปุรโต คนฺตฺวา อฺํ สาลํ มาเปตฺวา นานาตูริยานิ คเหตฺวา คายมานา นิสีทึสุ, ตตฺถ สทฺทโคจรโก โอหียิ. ปุริมนเยเนว ตมฺปิ ขาทิตฺวา ปุรโต คนฺตฺวา นานปฺปกาเร คนฺธกรณฺฑเก ปูเรตฺวา อาปณํ ปสาเรตฺวา นิสีทึสุ, ตตฺถ คนฺธโคจรโก โอหียิ. ตมฺปิ ขาทิตฺวา ปุรโต คนฺตฺวา นานคฺครสานํ ทิพฺพโภชนานํ ภาชนานิ ปูเรตฺวา โอทนิกาปณํ ปสาเรตฺวา นิสีทึสุ, ตตฺถ รสโคจรโก โอหียิ. ตมฺปิ ขาทิตฺวา ปุรโต คนฺตฺวา ทิพฺพสยนานิ ปฺาเปตฺวา นิสีทึสุ, ตตฺถ โผฏฺพฺพโคจรโก โอหียิ. ตมฺปิ ขาทึสุ, โพธิสตฺโต เอกโกว อโหสิ.

อเถกา ยกฺขินี ‘‘อติขรมนฺโต วตายํ, อหํ ตํ ขาทิตฺวาว นิวตฺติสฺสามี’’ติ โพธิสตฺตสฺส ปจฺฉโต ปจฺฉโต อคมาสิ. อฏวิยา ปรภาเค วนกมฺมิกาทโย ยกฺขินึ ทิสฺวา ‘‘อยํ เต ปุรโต คจฺฉนฺโต ปุริโส กึ โหตี’’ติ ปุจฺฉึสุ. ‘‘โกมารสามิโก เม, อยฺยา’’ติ. ‘‘อมฺโภ, อยํ เอวํ สุกุมาลา ปุปฺผทามสทิสา สุวณฺณวณฺณา กุมาริกา อตฺตโน กุลํ ฉฑฺเฑตฺวา ภวนฺตํ ตกฺเกตฺวา นิกฺขนฺตา, กสฺมา เอตํ อกิลเมตฺวา อาทาย น คจฺฉสี’’ติ? ‘‘เนสา, อยฺยา, มยฺหํ ปชาปติ, ยกฺขินี เอสา, เอตาย เม ปฺจ มนุสฺสา ขาทิตา’’ติ. ‘‘อยฺยา, ปุริสา นาม กุทฺธกาเล อตฺตโน ปชาปติโย ยกฺขินิโยปิ กโรนฺติ เปตินิโยปี’’ติ. สา คจฺฉมานา คพฺภินิวณฺณํ ทสฺเสตฺวา ปุน สกึ วิชาตวณฺณํ กตฺวา ปุตฺตํ องฺเกน อาทาย โพธิสตฺตํ อนุพนฺธิ, ทิฏฺทิฏฺา ปุริมนเยเนว ปุจฺฉนฺติ. โพธิสตฺโตปิ ตเถว วตฺวา คจฺฉนฺโต ตกฺกสิลํ ปาปุณิ. สา ปุตฺตํ อนฺตรธาเปตฺวา เอกิกาว อนุพนฺธิ. โพธิสตฺโต นครทฺวารํ คนฺตฺวา เอกิสฺสา สาลาย นิสีทิ. สา โพธิสตฺตสฺส เตเชน ปวิสิตุํ อสกฺโกนฺตี ทิพฺพรูปํ มาเปตฺวา สาลาทฺวาเร อฏฺาสิ.

ตสฺมึ สมเย ตกฺกสิลราชา อุยฺยานํ คจฺฉนฺโต ตํ ทิสฺวา ปฏิพทฺธจิตฺโต หุตฺวา ‘‘คจฺฉ, อิมิสฺสา สสฺสามิกอสฺสามิกภาวํ ชานาหี’’ติ มนุสฺสํ เปเสสิ. โส ตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘สสฺสามิกาสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, อยฺย, อยํ เม สาลาย นิสินฺโน สามิโก’’ติ. โพธิสตฺโต ‘‘เนสา มยฺหํ ปชาปติ, ยกฺขินี เอสา, เอตาย เม ปฺจ มนุสฺสา ขาทิตา’’ติ อาห. สาปิ ‘‘ปุริสา นาม อยฺยา กุทฺธกาเล ยํ อิจฺฉนฺติ, ตํ วทนฺตี’’ติ อาห. โส อุภินฺนมฺปิ วจนํ รฺโ อาโรเจสิ. ราชา ‘‘อสฺสามิกภณฺฑํ นาม ราชสนฺตกํ โหตี’’ติ ยกฺขินึ ปกฺโกสาเปตฺวา เอกหตฺถิปิฏฺเ นิสีทาเปตฺวา นครํ ปทกฺขิณํ กตฺวา ปาสาทํ อภิรุยฺห ตํ อคฺคมเหสิฏฺาเน เปสิ.

โส นฺหาตวิลิตฺโต สายมาสํ ภุฺชิตฺวา สิรีสยนํ อภิรุหิ. สาปิ ยกฺขินี อตฺตโน อุปกปฺปนกํ อาหารํ อาหริตฺวา อลงฺกตปฏิยตฺตา สิริสยเน รฺา สทฺธึ นิปชฺชิตฺวา รฺโ รติวเสน สุขํ สมปฺปิตสฺส นิปนฺนกาเล เอเกน ปสฺเสน ปริวตฺติตฺวา ปโรทิ. อถ นํ ราชา ‘‘กึ, ภทฺเท, โรทสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘เทว, อหํ ตุมฺเหหิ มคฺเค ทิสฺวา อานีตา, ตุมฺหากฺจ เคเห พหู อิตฺถิโย, อหํ สปตฺตีนํ อนฺตเร วสมานา กถาย อุปฺปนฺนาย ‘โก ตุยฺหํ มาตรํ วา ปิตรํ วา โคตฺตํ วา ชาตึ วา ชานาติ, ตฺวํ อนฺตรามคฺเค ทิสฺวา อานีตา นามา’ติ สีเส คเหตฺวา นิปฺปีฬิยมานา วิย มงฺกุ ภวิสฺสามิ. สเจ ตุมฺเห สกลรชฺเช อิสฺสริยฺจ อาณฺจ มยฺหํ ทเทยฺยาถ, โกจิ มยฺหํ จิตฺตํ โกเปตฺวา กเถตุํ น สกฺขิสฺสตี’’ติ. ‘‘ภทฺเท, มยฺหํ สกลรฏฺวาสิโน น กิฺจิ โหนฺติ, นาหํ เอเตสํ สามิโก. เย ปน ราชาณํ โกเปตฺวา อกตฺตพฺพํ กโรนฺติ, เตสฺเวาหํ สามิโก. อิมินา การเณน น สกฺกา ตุยฺหํ สกลรฏฺเ วา นคเร วา อิสฺสริยฺจ อาณฺจ ทาตุ’’นฺติ. ‘‘เตน หิ, เทว, สเจ รฏฺเ วา นคเร วา อาณํ ทาตุํ น สกฺโกถ, อนฺโตนิเวสเน อนฺโตวฬฺชนกานํ อุปริ มม วสํ วตฺตนตฺถาย อาณํ เทถา’’ติ. ราชา ทิพฺพโผฏฺพฺเพน พทฺโธ ตสฺสา วจนํ อติกฺกมิตุํ อสกฺโกนฺโต ‘‘สาธุ, ภทฺเท, อนฺโตวฬฺชนเกสุ ตุยฺหํ อาณํ ทมฺมิ, ตฺวํ เอเต อตฺตโน วเส วตฺตาเปหี’’ติ อาห. สา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา รฺโ นิทฺทํ โอกฺกนฺตกาเล ยกฺขนครํ คนฺตฺวา ยกฺเข ปกฺโกสิตฺวา อตฺตนา ราชานํ ชีวิตกฺขยํ ปาเปตฺวา อฏฺิมตฺตํ เสเสตฺวา สพฺพํ นฺหารุจมฺมมํสโลหิตํ ขาทิ, อวเสสา ยกฺขา มหาทฺวารโต ปฏฺาย อนฺโตนิเวสเน กุกฺกุฏกุกฺกุเร อาทึ กตฺวา สพฺเพ ขาทิตฺวา อฏฺิมตฺตเสเส อกํสุ.

ปุนทิวเส ทฺวารํ ยถาปิหิตเมว ทิสฺวา มนุสฺสา ผรสูหิ กวาฏานิ โกฏฺเฏตฺวา อนฺโต ปวิสิตฺวา สพฺพํ นิเวสนํ อฏฺิกปริกิณฺณํ ทิสฺวา ‘‘สจฺจํ วต โส ปุริโส อาห ‘นายํ มยฺหํ ปชาปติ, ยกฺขินี เอสา’ติ. ราชา ปน กิฺจิ อชานิตฺวา ตํ คเหตฺวา อตฺตโน ภริยํ อกาสิ, สา ยกฺเข ปกฺโกสิตฺวา สพฺพํ ชนํ ขาทิตฺวา คตา ภวิสฺสตี’’ติ อาหํสุ. โพธิสตฺโตปิ ตํ ทิวสํ ตสฺสาเยว สาลายํ ปริตฺตวาลุกํ สีเส กตฺวา ปริตฺตสุตฺตฺจ ปริกฺขิปิตฺวา ขคฺคํ คเหตฺวา ิตโกว อรุณํ อุฏฺาเปสิ. มนุสฺสา สกลราชนิเวสนํ โสเธตฺวา หริตูปลิตฺตํ กตฺวา อุปริ คนฺเธหิ วิลิมฺปิตฺวา ปุปฺผานิ วิกิริตฺวา ปุปฺผทามานิ โอสาเรตฺวา ธูมํ ทตฺวา นวมาลา พนฺธิตฺวา สมฺมนฺตยึสุ ‘‘อมฺโภ, โย ปุริโส ทิพฺพรูปํ มาเปตฺวา ปจฺฉโต อาคจฺฉนฺตึ ยกฺขินึ อินฺทฺริยานิ ภินฺทิตฺวา โอโลกนมตฺตมฺปิ น อกาสิ, โส อติวิย อุฬารสตฺโต ธิติมา าณสมฺปนฺโน, ตาทิเส ปุริเส รชฺชํ อนุสาสนฺเต สพฺพรฏฺํ สุขิตํ ภวิสฺสติ, ตํ ราชานํ กโรมา’’ติ. อถ สพฺเพ อมจฺจา จ นาครา จ เอกจฺฉนฺทา หุตฺวา โพธิสตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘เทว, ตุมฺเห อิมํ รชฺชํ กาเรถา’’ติ นครํ ปเวเสตฺวา รตนราสิมฺหิ เปตฺวา อภิสิฺจิตฺวา ตกฺกสิลราชานํ อกํสุ. โส จตฺตาริ อคติคมนานิ วชฺเชตฺวา ทส ราชธมฺเม อโกเปตฺวา ธมฺเมน รชฺชํ กาเรนฺโต ทานาทีนิ ปุฺานิ กตฺวา ยถากมฺมํ คโต.

สตฺถา อิมํ อตีตํ อาหริตฺวา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา อิมํ คาถมาห –

๙๖.

‘‘สมติตฺติกํ อนวเสสกํ, เตลปตฺตํ ยถา ปริหเรยฺย;

เอวํ สจิตฺตมนุรกฺเข, ปตฺถยาโน ทิสํ อคตปุพฺพ’’นฺติ.

ตตฺถ สมติตฺติกนฺติ อนฺโตมุขวฏฺฏิเลขํ ปาเปตฺวา สมภริตํ. อนวเสสกนฺติ อนวสิฺจนกํ อปริสฺสาวนกํ กตฺวา. เตลปตฺตนฺติ ปกฺขิตฺตติลเตลปตฺตํ. ปริหเรยฺยาติ หเรยฺย, อาทาย คจฺเฉยฺย. เอวํ สจิตฺตมนุรกฺเขติ ตํ เตลภริตํ ปตฺตํ วิย อตฺตโน จิตฺตํ กายคตาสติยา โคจเร เจว สมฺปยุตฺตสติยา จาติ อุภินฺนํ อนฺตเร ปกฺขิปิตฺวา ยถา มุหุตฺตมฺปิ พหิทฺธา โคจเร น วิกฺขิปติ, ตถา ปณฺฑิโต โยคาวจโร รกฺเขยฺย โคเปยฺย. กึการณา? เอตสฺส หิ –

‘‘ทุนฺนิคฺคหสฺส ลหุโน, ยตฺถกามนิปาติโน;

จิตฺตสฺส ทมโถ สาธุ, จิตฺตํ ทนฺตํ สุขาวห’’นฺติ. (ธ. ป. ๓๕);

ตสฺมา –

‘‘สุทุทฺทสํ สุนิปุณํ, ยตฺถกามนิปาตินํ;

จิตฺตํ รกฺเขถ เมธาวี, จิตฺตํ คุตฺตํ สุขาวหํ’’. (ธ. ป. ๓๖);

อิทฺหิ –

‘‘ทูรงฺคมํ เอกจรํ, อสรีรํ คุหาสยํ;

เย จิตฺตํ สํยเมสฺสนฺติ, โมกฺขนฺติ มารพนฺธนา’’. (ธ. ป. ๓๗);

อิตรสฺส ปน –

‘‘อนวฏฺิตจิตฺตสฺส, สทฺธมฺมํ อวิชานโต;

ปริปฺลวปสาทสฺส, ปฺา น ปริปูรติ’’. (ธ. ป. ๓๘);

ถิรกมฺมฏฺานสหายสฺส ปน –

‘‘อนวสฺสุตจิตฺตสฺส, อนนฺวาหตเจตโส;

ปุฺปาปปหีนสฺส, นตฺถิ ชาครโต ภยํ’’. (ธ. ป. ๓๙);

ตสฺมา เอตํ –

‘‘ผนฺทนํ จปลํ จิตฺตํ, ทูรกฺขํ ทุนฺนิวารยํ;

อุชุํ กโรติ เมธาวี, อุสุกาโรว เตชนํ’’. (ธ. ป. ๓๓);

เอวํ อุชุํ กโรนฺโต สจิตฺตมนุรกฺเข.

ปตฺถยาโน ทิสํ อคตปุพฺพนฺติ อิมสฺมึ กายคตาสติกมฺมฏฺาเน กมฺมํ อารภิตฺวา อนมตคฺเค สํสาเร อคตปุพฺพํ ทิสํ ปตฺเถนฺโต ปิเหนฺโต วุตฺตนเยน สกํ จิตฺตํ รกฺเขยฺยาติ อตฺโถ. กา ปเนสา ทิสา นาม? –

‘‘มาตาปิตา ทิสา ปุพฺพา, อาจริยา ทกฺขิณา ทิสา;

ปุตฺตทารา ทิสา ปจฺฉา, มิตฺตามจฺจา จ อุตฺตรา.

‘‘ทาสกมฺมกรา เหฏฺา, อุทฺธํ สมณพฺราหฺมณา;

เอตา ทิสา นมสฺเสยฺย, อลมตฺโต กุเล คิหี’’ติ. (ที. นิ. ๓.๒๗๓) –

เอตฺถ ตาว ปุตฺตทาราทโย ‘‘ทิสา’’ติ วุตฺตา.

‘‘ทิสา จตสฺโส วิทิสา จตสฺโส, อุทฺธํ อโธ ทส ทิสา อิมาโย;

กตมํ ทิสํ ติฏฺติ นาคราชา, ยมทฺทสา สุปิเน ฉพฺพิสาณ’’นฺติ. (ชา. ๑.๑๖.๑๐๔) –

เอตฺถ ปุรตฺถิมาทิเภทา ทิสาว ‘‘ทิสา’’ติ วุตฺตา.

‘‘อคาริโน อนฺนทปานวตฺถทา, อวฺหายิกา ตมฺปิ ทิสํ วทนฺติ;

เอสา ทิสา ปรมา เสตเกตุ, ยํ ปตฺวา ทุกฺขี สุขิโน ภวนฺตี’’ติ. (ชา. ๑.๖.๙) –

เอตฺถ ปน นิพฺพานํ ‘‘ทิสา’’ติ วุตฺตํ. อิธาปิ ตเทว อธิปฺเปตํ. ตฺหิ ‘‘ขยํ วิราค’’นฺติอาทีหิ ทิสฺสติ อปทิสฺสติ, ตสฺมา ‘‘ทิสา’’ติ วุจฺจติ. อนมตคฺเค ปน สํสาเร เกนจิ พาลปุถุชฺชเนน สุปิเนนปิ อคตปุพฺพตาย อคตปุพฺพา ทิสา นามาติ วุตฺตํ. ตํ ปตฺถยนฺเตน กายคตาสติยา โยโค กรณีโยติ.

เอวํ สตฺถา นิพฺพาเนน เทสนาย กูฏํ คเหตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ราชปริสา พุทฺธปริสา อโหสิ, รชฺชปฺปตฺตกุมาโร ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

เตลปตฺตชาตกวณฺณนา ฉฏฺา.

[๙๗] ๗. นามสิทฺธิชาตกวณฺณนา

ชีวกฺจ มตํ ทิสฺวาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ นามสิทฺธิกํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. เอโก กิร กุลปุตฺโต นาเมน ปาปโก นาม. โส สาสเน อุรํ ทตฺวา ปพฺพชิโต ภิกฺขูหิ ‘‘เอหาวุโส, ปาปก, ติฏฺาวุโส, ปาปกา’’ติ วุจฺจมาโน จินฺเตสิ ‘‘โลเก ปาปกํ นาม ลามกํ กาฬกณฺณิภูตํ วุจฺจติ, อฺํ มงฺคลปฏิสํยุตฺตํ นามํ อาหราเปสฺสามี’’ติ. โส อาจริยุปชฺฌาเย อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ภนฺเต, มยฺหํ นามํ อวมงฺคลํ, อฺํ เม นามํ กโรถา’’ติ อาห. อถ นํ เต เอวมาหํสุ – ‘‘อาวุโส, นามํ นาม ปณฺณตฺติมตฺตํ, นาเมน กาจิ อตฺถสิทฺธิ นาม นตฺถิ, อตฺตโน นาเมเนว สนฺตุฏฺโ โหหี’’ติ. โส ปุนปฺปุนํ ยาจิเยว. ตสฺสายํ นามสิทฺธิกภาโว ภิกฺขุสงฺเฆ ปากโฏ ชาโต. อเถกทิวสํ ธมฺมสภายํ สนฺนิสินฺนา ภิกฺขู กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, อสุโก กิร ภิกฺขุ นามสิทฺธิโก มงฺคลํ นามํ อาหราเปตี’’ติ. อถ สตฺถา ธมฺมสภํ อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, โส อิทาเนว, ปุพฺเพปิ นามสิทฺธิโกเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต ตกฺกสิลายํ โพธิสตฺโต ทิสาปาโมกฺโข อาจริโย หุตฺวา ปฺจ มาณวกสตานิ มนฺเต วาเจสิ. ตสฺเสโก มาณโว ปาปโก นาม นาเมน. โส ‘‘เอหิ, ปาปก, ยาหิ, ปาปกา’’ติ วุจฺจมาโน จินฺเตสิ ‘‘มยฺหํ นามํ อวมงฺคลํ, อฺํ นามํ อาหราเปสฺสามี’’ติ. โส อาจริยํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘อาจริย, มยฺหํ นามํ อวมงฺคลํ, อฺํ เม นามํ กโรถา’’ติ อาห. อถ นํ อาจริโย อโวจ ‘‘คจฺฉ, ตาต, ชนปทจาริกํ จริตฺวา อตฺตโน อภิรุจิตํ เอกํ มงฺคลนามํ คเหตฺวา เอหิ, อาคตสฺส เต นามํ ปริวตฺเตตฺวา อฺํ นามํ กริสฺสามี’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ ปาเถยฺยํ คเหตฺวา นิกฺขนฺโต คาเมน คามํ จรนฺโต เอกํ นครํ ปาปุณิ. ตตฺถ เจโก ปุริโส กาลกโต ชีวโก นาม นาเมน. โส ตํ าติชเนน อาฬาหนํ นียมานํ ทิสฺวา ‘‘กึ นามโก เอส ปุริโส’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ชีวโก นาเมโส’’ติ. ‘‘ชีวโกปิ มรตี’’ติ? ‘‘ชีวโกปิ มรติ, อชีวโกปิ มรติ, นามํ นาม ปณฺณตฺติมตฺตํ, ตฺวํ พาโล มฺเ’’ติ. โส ตํ กถํ สุตฺวา นาเม มชฺฌตฺโต หุตฺวา อนฺโตนครํ ปาวิสิ.

อเถกํ ทาสึ ภตึ อททมานํ สามิกา ทฺวาเร นิสีทาเปตฺวา รชฺชุยา ปหรนฺติ, ตสฺสา จ ‘‘ธนปาลี’’ติ นามํ โหติ. โส อนฺตรวีถิยา คจฺฉนฺโต ตํ โปถิยมานํ ทิสฺวา ‘‘กสฺมา อิมํ โปเถถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ภตึ ทาตุํ น สกฺโกตี’’ติ. ‘‘กึ ปนสฺสา นาม’’นฺติ? ‘‘ธนปาลี นามา’’ติ. นาเมน ธนปาลี สมานาปิ ภติมตฺตํ ทาตุํ น สกฺโกตีติ ธนปาลิโยปิ อธนปาลิโยปิ ทุคฺคตา โหนฺติ, นามํ นาม ปณฺณตฺติมตฺตํ, ตฺวํ พาโล มฺเติ. โส นาเม มชฺฌตฺตตโร หุตฺวา นครา นิกฺขมฺม มคฺคํ ปฏิปนฺโน อนฺตรามคฺเค มคฺคมูฬฺหปุริสํ ทิสฺวา ‘‘อมฺโภ กึ กโรนฺโต วิจรสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘มคฺคมูฬฺโหมฺหิ, สามี’’ติ. ‘‘กึ ปน เต นาม’’นฺติ? ‘‘ปนฺถโก นามา’’ติ. ‘‘ปนฺถโกปิ มคฺคมูฬฺโห โหตี’’ติ? ‘‘ปนฺถโกปิ อปนฺถโกปิ มคฺคมูฬฺโห โหติ, นามํ นาม ปณฺณตฺติมตฺตํ ตฺวํ ปน พาโล มฺเติ’’. โส นาเม อติมชฺฌตฺโต หุตฺวา โพธิสตฺตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘กึ, ตาต, นามํ โรเจตฺวา อาคโตสี’’ติ วุตฺเต ‘‘อาจริย, ชีวกาปิ นาม มรนฺติ อชีวกาปิ, ธนปาลิโยปิ ทุคฺคตา โหนฺติ อธนปาลิโยปิ, ปนฺถกาปิ มคฺคมูฬฺหา โหนฺติ อปนฺถกาปิ, นามํ นาม ปณฺณตฺติมตฺตํ, นาเมน สิทฺธิ นตฺถิ, กมฺเมเนว สิทฺธิ. อลํ มยฺหํ อฺเน นาเมน, ตเทว เม นามํ โหตู’’ติ อาห. โพธิสตฺโต เตน ทิฏฺฺจ กตฺจ สํสนฺเทตฺวา อิมํ คาถมาห –

๙๗.

‘‘ชีวกฺจ มตํ ทิสฺวา, ธนปาลิฺจ ทุคฺคตํ;

ปนฺถกฺจ วเน มูฬฺหํ, ปาปโก ปุนราคโต’’ติ.

ตตฺถ ปุนราคโตติ อิมานิ ตีณิ การณานิ ทิสฺวา ปุน อาคโต, ร-กาโร สนฺธิวเสน วุตฺโต.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปส นามสิทฺธิโกเยวา’’ติ วตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา นามสิทฺธิโก อิทานิปิ นามสิทฺธิโกเยว, อาจริยปริสา พุทฺธปริสา, อาจริโย ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

นามสิทฺธิชาตกวณฺณนา สตฺตมา.

[๙๘] ๘. กูฏวาณิชชาตกวณฺณนา

สาธุ โข ปณฺฑิโต นามาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ กูฏวาณิชํ อารพฺภ กเถสิ. สาวตฺถิยฺหิ ทฺเว ชนา เอกโต วณิชฺชํ กโรนฺตา ภณฺฑํ สกเฏนาทาย ชนปทํ คนฺตฺวา ลทฺธลาภา ปจฺจาคมึสุ. เตสุ กูฏวาณิโช จินฺเตสิ ‘‘อยํ พหู ทิวเส ทุพฺโภชเนน ทุกฺขเสยฺยาย กิลนฺโต, อิทานิ อตฺตโน ฆเร นานคฺครเสหิ ยาวทตฺถํ สุโภชนํ ภุฺชิตฺวา อชีรเกน มริสฺสติ. อถาหํ อิมํ ภณฺฑํ ตโย โกฏฺาเส กตฺวา เอกํ ตสฺส ทารกานํ ทสฺสามิ, ทฺเว โกฏฺาเส อตฺตนา คเหสฺสามี’’ติ. โส ‘‘อชฺช ภาเชสฺสาม, สฺเว ภาเชสฺสามา’’ติ ภณฺฑํ ภาเชตุํ น อิจฺฉิ. อถ นํ ปณฺฑิตวาณิโช อกามกํ นิปฺปีเฬตฺวา ภาชาเปตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา กตปฏิสนฺถาโร ‘‘อติปปฺโจ เต กโต, อิธาคนฺตฺวาปิ จิเรน พุทฺธุปฏฺานํ อาคโตสี’’ติ วุตฺเต ตํ ปวตฺตึ ภควโต อาโรเจสิ. สตฺถา ‘‘น โข โส, อุปาสก, อิทาเนว กูฏวาณิโช, ปุพฺเพปิ กูฏวาณิโชเยว. อิทานิ ปน ตํ วฺเจตุกาโม ชาโต, ปุพฺเพ ปณฺฑิเตปิ วฺเจตุํ อุสฺสหี’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต พาราณสิยํ วาณิชกุเล นิพฺพตฺติ, นามคฺคหณทิวเส จสฺส ‘‘ปณฺฑิโต’’ติ นามํ อกํสุ. โส วยปฺปตฺโต อฺเน วาณิเชน สทฺธึ เอกโต หุตฺวา วณิชฺชํ กโรติ, ตสฺส ‘‘อติปณฺฑิโต’’ติ นามํ อโหสิ. เต พาราณสิโต ปฺจหิ สกฏสเตหิ ภณฺฑํ อาทาย ชนปทํ คนฺตฺวา วณิชฺชํ กตฺวา ลทฺธลาภา ปุน พาราณสึ อาคมึสุ. อถ เนสํ ภณฺฑภาชนกาเล อติปณฺฑิโต อาห ‘‘มยา ทฺเว โกฏฺาสา ลทฺธพฺพา’’ติ. ‘‘กึการณา’’ติ? ‘‘ตฺวํ ปณฺฑิโต, อหํ อติปณฺฑิโต. ปณฺฑิโต เอกํ ลทฺธุํ อรหติ, อติปณฺฑิโต ทฺเว’’ติ. ‘‘นนุ อมฺหากํ ทฺวินฺนํ ภณฺฑมูลกมฺปิ โคณาทโยปิ สมสมาเยว, ตฺวํ กสฺมา ทฺเว โกฏฺาเส ลทฺธุํ อรหสี’’ติ. ‘‘อติปณฺฑิตภาเวนา’’ติ. เอวํ เต กถํ วฑฺเฒตฺวา กลหํ อกํสุ.

ตโต อติปณฺฑิโต ‘‘อตฺเถโก อุปาโย’’ติ จินฺเตตฺวา อตฺตโน ปิตรํ เอกสฺมึ สุสิรรุกฺเข ปเวเสตฺวา ‘‘ตฺวํ อมฺเหสุ อาคเตสุ ‘อติปณฺฑิโต ทฺเว โกฏฺาเส ลทฺธุํ อรหตี’ติ วเทยฺยาสี’’ติ วตฺวา โพธิสตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘สมฺม, มยฺหํ ทฺวินฺนํ โกฏฺาสานํ ยุตฺตภาวํ วา อยุตฺตภาวํ วา เอสา รุกฺขเทวตา ชานาติ, เอหิ, ตํ ปุจฺฉิสฺสามา’’ติ ตํ ตตฺถ เนตฺวา ‘‘อยฺเย รุกฺขเทวเต, อมฺหากํ อฏฺฏํ ปจฺฉินฺทา’’ติ อาห. อถสฺส ปิตา สรํ ปริวตฺเตตฺวา ‘‘เตน หิ กเถถา’’ติ อาห. ‘‘อยฺเย, อยํ ปณฺฑิโต, อหํ อติปณฺฑิโต. อมฺเหหิ เอกโต โวหาโร กโต, ตตฺถ เกน กึ ลทฺธพฺพนฺติ. ปณฺฑิเตน เอโก โกฏฺาโส, อติปณฺฑิเตน ปน ทฺเว โกฏฺาสา ลทฺธพฺพา’’ติ. โพธิสตฺโต เอวํ วินิจฺฉิตํ อฏฺฏํ สุตฺวา ‘‘อิทานิ เทวตาภาวํ วา อเทวตาภาวํ วา ชานิสฺสามี’’ติ ปลาลํ อาหริตฺวา สุสิรํ ปูเรตฺวา อคฺคึ อทาสิ, อติปณฺฑิตสฺส ปิตา ชาลาย ผุฏฺกาเล อฑฺฒชฺฌาเมน สรีเรน อุปริ อารุยฺห สาขํ คเหตฺวา โอลมฺพนฺโต ภูมิยํ ปติตฺวา อิมํ คาถมาห –

๙๘.

‘‘สาธุ โข ปณฺฑิโต นาม, น ตฺเวว อติปณฺฑิโต;

อติปณฺฑิเตน ปุตฺเตน, มนมฺหิ อุปกูฬิโต’’ติ.

ตตฺถ สาธุ โข ปณฺฑิโต นามาติ อิมสฺมึ โลเก ปณฺฑิจฺเจน สมนฺนาคโต การณาการณฺู ปุคฺคโล สาธุ โสภโน. อติปณฺฑิโตติ นามมตฺเตน อติปณฺฑิโต กูฏปุริโส น ตฺเวว วรํ. มนมฺหิ อุปกูฬิโตติ โถเกนมฺหิ ฌาโม, อฑฺฒชฺฌามโกว มุตฺโตติ อตฺโถ. เต อุโภปิ มชฺเฌ ภินฺทิตฺวา สมฺเว โกฏฺาสํ คณฺหิตฺวา ยถากมฺมํ คตา.

สตฺถา ‘‘ปุพฺเพปิ เอส กูฏวาณิโชเยวา’’ติ อิมํ อตีตํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา กูฏวาณิโช ปจฺจุปฺปนฺเนปิ กูฏวาณิโชเยว, ปณฺฑิตวาณิโช ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

กูฏวาณิชชาตกวณฺณนา อฏฺมา.

[๙๙] ๙. ปโรสหสฺสชาตกวณฺณนา

ปโรสหสฺสมฺปิ สมาคตานนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปุถุชฺชนปุจฺฉาปฺจกํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ สรภชาตเก (ชา. ๑.๑๓.๑๓๔ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติ. เอกสฺมึ ปน สมเย ภิกฺขู ธมฺมสภายํ สนฺนิปติตฺวา ‘‘อาวุโส, ทสพเลน สํขิตฺเตน กถิตํ ธมฺมเสนาปติ สาริปุตฺโต วิตฺถาเรน พฺยากาสี’’ติ เถรสฺส คุณํ กถยมานา นิสีทึสุ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, สาริปุตฺโต อิทาเนว มยา สํขิตฺเตน ภาสิตํ วิตฺถาเรน พฺยากโรติ, ปุพฺเพปิ พฺยากาสิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต อุทิจฺจพฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา ตกฺกสิลายํ สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา กาเม ปหาย อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ปฺจาภิฺา อฏฺ สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวา หิมวนฺเต วิหาสิ. ปริวาโรปิสฺส ปฺจ ตาปสสตานิ อเหสุํ. อถสฺส เชฏฺนฺเตวาสิโก วสฺสารตฺตสมเย อุปฑฺฒํ อิสิคณํ อาทาย โลณมฺพิลเสวนตฺถาย มนุสฺสปถํ อคมาสิ. ตทา โพธิสตฺตสฺส กาลกิริยาสมโย ชาโต. อถ นํ อนฺเตวาสิกา ‘‘อาจริย, กตโร โว คุโณ ลทฺโธ’’ติ อธิคมํ ปุจฺฉึสุ. โส ‘‘นตฺถิ กิฺจี’’ติ วตฺวา อาภสฺสรพฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺติ. โพธิสตฺตา หิ อรูปสมาปตฺติลาภิโน หุตฺวาปิ อภพฺพฏฺานตฺตา อารุปฺเป น นิพฺพตฺตนฺติ. อนฺเตวาสิกา ‘‘อาจริยสฺส อธิคโม นตฺถี’’ติ อาฬาหเน สกฺการํ น กรึสุ.

เชฏฺนฺเตวาสิโก อาคนฺตฺวา ‘‘กหํ อาจริโย’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘กาลกโต’’ติ สุตฺวา ‘‘อปิ อาจริยํ อธิคมํ ปุจฺฉิตฺถา’’ติ อาห. ‘‘อาม, ปุจฺฉิมฺหา’’ติ. ‘‘กึ กเถสี’’ติ? ‘‘นตฺถิ กิฺจีติ เตน วุตฺตํ, อถสฺส อมฺเหหิ สกฺกาโร น กโต’’ติ อาหํสุ. เชฏฺนฺเตวาสิโก ‘‘ตุมฺเห อาจริยสฺส วจนตฺถํ น ชานาถ, อากิฺจฺายตนสมาปตฺติลาภี อาจริโย’’ติ อาห. เต ตสฺมึ ปุนปฺปุนํ กเถนฺเตปิ น สทฺทหึสุ. โพธิสตฺโต ตํ การณํ ตฺวา ‘‘อนฺธพาลา มม เชฏฺนฺเตวาสิกสฺส วจนํ น สทฺทหนฺติ. อิมํ เตสํ การณํ ปากฏํ กริสฺสามี’’ติ พฺรหฺมโลกา อาคนฺตฺวา อสฺสมปทมตฺถเก มหนฺเตนานุภาเวน อากาเส ตฺวา เชฏฺนฺเตวาสิกสฺส ปฺานุภาวํ วณฺเณนฺโต อิมํ คาถมาห –

๙๙.

‘‘ปโรสหสฺสมฺปิ สมาคตานํ, กนฺเทยฺยุํ เต วสฺสสตํ อปฺา;

เอโกว เสยฺโย ปุริโส สปฺโ, โย ภาสิตสฺส วิชานาติ อตฺถ’’นฺติ.

ตตฺถ ปโรสหสฺสมฺปีติ อติเรกสหสฺสมฺปิ. สมาคตานนฺติ สนฺนิปติตานํ ภาสิตสฺส อตฺถํ ชานิตุํ อสกฺโกนฺตานํ พาลานํ. กนฺเทยฺยุํ เต วสฺสสตํ อปฺาติ เต เอวํ สมาคตา อปฺา อิเม พาลตาปสา วิย วสฺสสตมฺปิ วสฺสสหสฺสมฺปิ โรเทยฺยุํ ปริเทเวยฺยุํ, โรทมานาปิ ปน อตฺถํ วา การณํ วา เนว ชาเนยฺยุนฺติ ทีเปติ. เอโกว เสยฺโย ปุริโส สปฺโติ เอวรูปานํ พาลานํ ปโรสหสฺสโตปิ เอโก ปณฺฑิตปุริโสว เสยฺโย วรตโรติ อตฺโถ. กีทิโส สปฺโติ? โย ภาสิตสฺส วิชานาติ อตฺถํ อยํ เชฏฺนฺเตวาสิโก วิยาติ.

เอวํ มหาสตฺโต อากาเส ิโตว ธมฺมํ เทเสตฺวา ตาปสคณํ พุชฺฌาเปตฺวา พฺรหฺมโลกเมว คโต. เตปิ ตาปสา ชีวิตปริโยสาเน พฺรหฺมโลกปรายณา อเหสุํ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา เชฏฺนฺเตวาสิโก สาริปุตฺโต อโหสิ, มหาพฺรหฺมา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

ปโรสหสฺสชาตกวณฺณนา นวมา.

[๑๐๐] ๑๐. อสาตรูปชาตกวณฺณนา

อสาตํ สาตรูเปนาติ อิทํ สตฺถา กุณฺฑิยนครํ อุปนิสฺสาย กุณฺฑธานวเน วิหรนฺโต โกลิยราชธีตรํ สุปฺปวาสํ อุปาสิกํ อารพฺภ กเถสิ. สา หิ ตสฺมึ สมเย สตฺต วสฺสานิ กุจฺฉินา คพฺภํ ปริหริตฺวา สตฺตาหํ มูฬฺหคพฺภา อโหสิ, อธิมตฺตา เวทนา ปวตฺตึสุ. สา เอวํ อธิมตฺตเวทนาภิภูตาปิ ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ วต โส ภควา, โย เอวรูปสฺส ทุกฺขสฺส ปหานาย ธมฺมํ เทเสติ. สุปฺปฏิปนฺโน วต ตสฺส ภควโต สาวกสงฺโฆ, โย เอวรูปสฺส ทุกฺขสฺส ปหานาย ปฏิปนฺโน. สุสุขํ วต นิพฺพานํ, ยตฺเถว รูปํ ทุกฺขํ นตฺถี’’ติ (อุทา. ๑๘) อิเมหิ ตีหิ วิตกฺเกหิ อธิวาเสสิ. สา สามิกํ ปกฺโกเสตฺวา ตฺจ อตฺตโน ปวตฺตึ วนฺทนสาสนฺจ อาโรเจตุํ สตฺถุ สนฺติกํ เปเสสิ. สตฺถา วนฺทนสาสนํ สุตฺวาว ‘‘สุขินี โหตุ สุปฺปวาสา โกลิยธีตา, สุขินี อโรคา อโรคํ ปุตฺตํ วิชายตู’’ติ อาห. สห วจเนเนว ปน ภควโต สุปฺปวาสา โกลิยธีตา สุขินี อโรคา อโรคํ ปุตฺตํ วิชายิ. อถสฺสา สามิโก เคหํ คนฺตฺวา ตํ วิชาตํ ทิสฺวา ‘‘อจฺฉริยํ วต, โภ’’ติ อติวิย ตถาคตสฺส อานุภาเวน อจฺฉริยพฺภุตจิตฺตชาโต อโหสิ.

สุปฺปวาสาปิ ปุตฺตํ วิชายิตฺวา สตฺตาหํ พุทฺธปฺปมุขสฺส สงฺฆสฺส ทานํ ทาตุกามา ปุน นิมนฺตนตฺถาย ตํ เปเสสิ. เตน โข ปน สมเยน มหาโมคฺคลฺลานสฺส อุปฏฺาเกน พุทฺธปฺปมุโข สงฺโฆ นิมนฺติโต โหติ. สตฺถา สุปฺปวาสาย ทานสฺส โอกาสทานตฺถาย เถรํ ตสฺส สนฺติกํ เปเสตฺวา ตํ สฺาเปตฺวา สตฺตาหํ ตสฺสา ทานํ ปฏิคฺคเหสิ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆน. สตฺตเม ปน ทิวเส สุปฺปวาสา ปุตฺตํ สีวลิกุมารํ มณฺเฑตฺวา สตฺถารฺเจว ภิกฺขุสงฺฆฺจ วนฺทาเปสิ. ตสฺมึ ปฏิปาฏิยา สาริปุตฺตตฺเถรสฺส สนฺติกํ นีเต เถโร เตน สทฺธึ ‘‘กจฺจิ เต, สีวลิ, ขมนีย’’นฺติ ปฏิสนฺถารมกาสิ. โส ‘‘กุโต เม, ภนฺเต, สุขํ, สฺวาหํ สตฺต วสฺสานิ โลหิตกุมฺภิยํ วสิ’’นฺติ เถเรน สทฺธึ เอวรูปํ กถํ กเถสิ. สุปฺปาวาสา ตสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘สตฺตาหชาโต เม ปุตฺโต อนุพุทฺเธน ธมฺมเสนาปตินา สทฺธึ มนฺเตตี’’ติ โสมนสฺสปฺปตฺตา อโหสิ. สตฺถา ‘‘อปิ นุ สุปฺปวาเส อฺเปิ เอวรูเป ปุตฺเต อิจฺฉสี’’ติ อาห. ‘‘สเจ, ภนฺเต, เอวรูเป อฺเ สตฺต ปุตฺเต ลเภยฺยํ, อิจฺเฉยฺยเมวาห’’นฺติ. สตฺถา อุทานํ อุทาเนตฺวา อนุโมทนํ กตฺวา ปกฺกามิ. สีวลิกุมาโรปิ โข สตฺตวสฺสิกกาเลเยว สาสเน อุรํ ทตฺวา ปพฺพชิตฺวา ปริปุณฺณวสฺโส อุปสมฺปทํ ลภิตฺวา ปุฺวา ลาภคฺคปฺปตฺโต หุตฺวา ปถวึ อุนฺนาเทตฺวา อรหตฺตํ ปตฺวา ปุฺวนฺตานํ อนฺตเร เอตทคฺคฏฺานํ ปาปุณิ.

อเถกทิวสํ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ สนฺนิปติตฺวา ‘‘อาวุโส, สีวลิตฺเถโร นาม เอวรูโป มหาปุฺโ ปตฺถิตปตฺถโน ปจฺฉิมภวิกสตฺโต สตฺต วสฺสานิ โลหิตกุมฺภิยํ วสิตฺวา สตฺตาหํ มูฬฺหคพฺภภาวํ อาปชฺชิ, อโห มาตาปุตฺตา มหนฺตํ ทุกฺขํ อนุภวึสุ, กึ นุ โข กมฺมํ อกํสู’’ติ กถํ สมุฏฺาเปสุํ. สตฺถา ตตฺถาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘ภิกฺขเว, สีวลิโน มหาปุฺโตว สตฺต วสฺสานิ โลหิตกุมฺภิยํ นิวาโส จ สตฺตาหํ มูฬฺหคพฺภภาวปฺปตฺติ จ อตฺตนา กตกมฺมมูลกาว, สุปฺปวาสายปิ สตฺต วสฺสานิ กุจฺฉินา คพฺภปริหรณทุกฺขฺจ สตฺตาหํ มูฬฺหคพฺภทุกฺขฺจ อตฺตนา กตกมฺมมูลกเมวา’’ติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธึ คณฺหิตฺวา วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา ปิตุ อจฺจเยน รชฺชํ ปตฺวา ธมฺเมน รชฺชํ กาเรสิ. ตสฺมึ สมเย โกสลมหาราชา มหนฺเตน พเลนาคนฺตฺวา พาราณสึ คเหตฺวา ราชานํ มาเรตฺวา ตสฺเสว อคฺคมเหสึ อตฺตโน อคฺคมเหสึ อกาสิ. พาราณสิรฺโ ปน ปุตฺโต ปิตุ มรณกาเล นิทฺธมนทฺวาเรน ปลายิตฺวา พลํ สํหริตฺวา พาราณสึ อาคนฺตฺวา อวิทูเร นิสีทิตฺวา ตสฺส รฺโ ปณฺณํ เปเสสิ ‘‘รชฺชํ วา เทตุ ยุทฺธํ วา’’ติ. โส ‘‘ยุทฺธํ เทมี’’ติ ปฏิปณฺณํ เปเสสิ. ราชกุมารสฺส ปน มาตา ตํ สาสนํ สุตฺวา ‘‘ยุทฺเธน กมฺมํ นตฺถิ, สพฺพทิสาสุ สฺจารํ ปจฺฉินฺทิตฺวา พาราณสินครํ ปริวาเรตุ, ตโต ทารูทกภตฺตปริกฺขเยน กิลนฺตมนุสฺสํ นครํ วินาว ยุทฺเธน คณฺหิสฺสสี’’ติ ปณฺณํ เปเสสิ. โส มาตุ สาสนํ สุตฺวา สตฺต ทิวสานิ สฺจารํ ปจฺฉินฺทิตฺวา นครํ รุนฺธิ, นาครา สฺจารํ อลภมานา สตฺตเม ทิวเส ตสฺส รฺโ สีสํ คเหตฺวา กุมารสฺส อทํสุ. กุมาโร ปน นครํ ปวิสิตฺวา รชฺชํ คเหตฺวา ชีวิตปริโยสาเน ยถากมฺมํ คโต.

โส เอตรหิ สตฺต ทิวสานิ สฺจารํ ปจฺฉินฺทิตฺวา นครํ รุนฺธิตฺวา คหิตกมฺมนิสฺสนฺเทน สตฺต วสฺสานิ โลหิตกุมฺภิยํ วสิตฺวา สตฺตาหํ มูฬฺหคพฺภภาวํ อาปชฺชิ. ยํ ปน โส ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต ปาทมูเล ‘‘ลาภีนํ อคฺโค ภเวยฺย’’นฺติ มหาทานํ ทตฺวา ปตฺถนํ อกาสิ, ยฺจ วิปสฺสิพุทฺธกาเล นาคเรหิ สทฺธึ สหสฺสคฺฆนกํ คุฬทธึ ทตฺวา ปตฺถนมกาสิ, ตสฺสานุภาเวน ลาภีนํ อคฺโค ชาโต. สุปฺปวาสาปิ ‘‘นครํ รุนฺธิตฺวา คณฺห, ตาตา’’ติ เปสิตภาเวน สตฺต วสฺสานิ กุจฺฉินา คพฺภํ ปริหริตฺวา สตฺตาหํ มูฬฺหคพฺภา ชาตา.

สตฺถา อิมํ อตีตํ อาหริตฺวา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา อิมํ คาถมาห –

๑๐๐.

‘‘อสาตํ สาตรูเปน, ปิยรูเปน อปฺปิยํ;

ทุกฺขํ สุขสฺส รูเปน, ปมตฺตมติวตฺตตี’’ติ.

ตตฺถ อสาตํ สาตรูเปนาติ อมธุรเมว มธุรปติรูปเกน. ปมตฺตมติวตฺตตีติ อสาตํ อปฺปิยํ ทุกฺขนฺติ เอตํ ติวิธมฺปิ เอเตน สาตรูปาทินา อากาเรน สติวิปฺปวาสวเสน ปมตฺตํ ปุคฺคลํ อติวตฺตติ อภิภวติ อชฺโฌตฺถรตีติ อตฺโถ. อิทํ ภควตา ยฺจ เต มาตาปุตฺตา อิมินา คพฺภปริหรณคพฺภวาสสงฺขาเตน อสาตาทินา ปุพฺเพ นครรุนฺธนสาตาทิปติรูปเกน อชฺโฌตฺถฏา, ยฺจ อิทานิ สา อุปาสิกา ปุนปิ สตฺตกฺขตฺตุํ เอวรูปํ อสาตํ อปฺปิยํ ทุกฺขํ เปมวตฺถุภูเตน ปุตฺตสงฺขาเตน สาตาทิปติรูปเกน อชฺโฌตฺถฏา หุตฺวา ตถา อวจ, ตํ สพฺพมฺปิ สนฺธาย วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา นครํ รุนฺธิตฺวา รชฺชปฺปตฺตกุมาโร สีวลิ อโหสิ, มาตา สุปฺปวาสา, ปิตา ปน พาราณสิราชา อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

อสาตรูปชาตกวณฺณนา ทสมา.

ลิตฺตวคฺโค ทสโม.

ตสฺสุทฺทานํ –

ลิตฺตเตชํ มหาสารํ, วิสฺสาส โลมหํสนํ;

สุทสฺสน เตลปตฺตํ, นามสิทฺธิ กูฏวาณิชํ;

ปโรสหสฺส อสาตรูปนฺติ.

มชฺฌิมปณฺณาสโก นิฏฺิโต.

๑๑. ปโรสตวคฺโค

[๑๐๑] ๑. ปโรสตชาตกวณฺณนา

๑๐๑.

‘‘ปโรสตฺเจปิ สมาคตานํ, ฌาเยยฺยุํ เต วสฺสสตํ อปฺา;

เอโกว เสยฺโย ปุริโส สปฺโ, โย ภาสิตสฺส วิชานาติ อตฺถ’’นฺติ. –

อิทํ ชาตกํ วตฺถุโต จ เวยฺยากรณโต จ สโมธานโต จ ปโรสหสฺสชาตกสทิสเมว. เกวลฺเหตฺถ ‘‘ฌาเยยฺยุ’’นฺติ ปทมตฺตเมว วิเสโส. ตสฺสตฺโถ – วสฺสสตมฺปิ อปฺา ฌาเยยฺยุํ โอโลเกยฺยุํ อุปธาเรยฺยุํ, เอวํ โอโลเกนฺตาปิ ปน อตฺถํ วา การณํ วา น ปสฺสนฺติ, ตสฺมา โย ภาสิตสฺส อตฺถํ ชานาติ, โส เอโกว สปฺโ เสยฺโยติ.

ปโรสตชาตกวณฺณนา ปมา.

[๑๐๒] ๒. ปณฺณิกชาตกวณฺณนา

โย ทุกฺขผุฏฺาย ภเวยฺย ตาณนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ ปณฺณิกํ อุปาสกํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิร สาวตฺถิวาสี อุปาสโก นานปฺปการานิ มูลปณฺณาทีนิ เจว ลาพุกุมฺภณฺฑาทีนิ จ วิกฺกิณิตฺวา ชีวิกํ กปฺเปติ. ตสฺเสกา ธีตา อภิรูปา ปาสาทิกา อาจารสีลสมฺปนฺนา หิโรตฺตปฺปสมนฺนาคตา เกวลํ นิจฺจปฺปหสิตมุขา. ตสฺสา สมานกุเลสุ วาเรยฺยตฺถาย อาคเตสุ โส จินฺเตสิ ‘‘อิมิสฺสา วาเรยฺยํ วตฺตติ, อยฺจ นิจฺจปฺปหสิตมุขา. กุมาริกาธมฺเม ปน อสติ กุมาริกาย ปรกุลํ คตาย มาตาปิตูนํ ครหา โหติ, ‘อตฺถิ นุ โข อิมิสฺสา กุมาริกาธมฺโม, นตฺถี’ติ วีมํสิสฺสามิ น’’นฺติ. โส เอกทิวสํ ธีตรํ ปจฺฉึ คาหาเปตฺวา ปณฺณตฺถาย อรฺํ คนฺตฺวา วีมํสนวเสน กิเลสสนฺนิสฺสิโต วิย หุตฺวา รหสฺสกถํ กเถตฺวา ตํ หตฺเถ คณฺหิ. สา คหิตมตฺตาว โรทนฺตี กนฺทนฺตี ‘‘อยุตฺตเมตํ, ตาต, อุทกโต อคฺคิปาตุภาวสทิสํ, มา เอวรูปํ กโรถา’’ติ อาห. ‘‘อมฺม, มยา วีมํสนตฺถาย ตฺวํ หตฺเถ คหิตา, น จ กิเลสวเสน. วเทหิ, อตฺถิ ทานิ เต กุมาริกาธมฺโม’’ติ. ‘‘อาม, ตาต, อตฺถิ. มยา หิ โลภวเสน น โกจิ ปุริโส โอโลกิตปุพฺโพ’’ติ. โส ธีตรํ อสฺสาเสตฺวา ฆรํ เนตฺวา มงฺคลํ กตฺวา ปรกุลํ เปเสตฺวา ‘‘สตฺถารํ วนฺทิสฺสามี’’ติ คนฺธมาลาทิหตฺโถ เชตวนํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ปูเชตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ, ‘‘จิรสฺสมาคโตสี’’ติ จ วุตฺเต ตมตฺถํ ภควโต อาโรเจสิ. สตฺถา ‘‘อุปาสก, กุมาริกา จิรํ ปฏฺาย อาจารสีลสมฺปนฺนาว, ตฺวํ ปน น อิทาเนว เอวํ วีมํสสิ, ปุพฺเพปิ วีมํสิเยวา’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต อรฺเ รุกฺขเทวตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ. อเถโก พาราณสิยํ ปณฺณิกอุปาสโกติ อตีตวตฺถุ ปจฺจุปฺปนฺนสทิสเมว. เตน ปน สา วีมํสนตฺถาย หตฺเถ คหิตมตฺตา ปริเทวมานา อิมํ คาถมาห –

๑๐๒.

‘‘โย ทุกฺขผุฏฺาย ภเวยฺย ตาณํ, โส เม ปิตา ทุพฺภิ วเน กโรติ;

สา กสฺส กนฺทามิ วนสฺส มชฺเฌ, โย ตายิตา โส สหสํ กโรตี’’ติ.

ตตฺถ โย ทุกฺขผุฏฺาย ภเวยฺย ตาณนฺติ กายิกเจตสิเกหิ ทุกฺเขหิ ผุฏฺาย ตายิตา ปริตายิตา ปติฏฺา ภเวยฺย. โส เม ปิตา ทุพฺภิ วเน กโรตีติ โส มยฺหํ ทุกฺขปริตายโก ปิตาว อิมสฺมึ วเน เอวรูปํ มิตฺตทุพฺภิ กมฺมํ กโรติ, อตฺตโน ชาตาย ธีตริ วีติกฺกมํ กาตุํ มฺตีติ อตฺโถ. สา กสฺส กนฺทามีติ กสฺส โรทามิ, โก เม ปติฏฺา ภวิสฺสตีติ ทีเปติ. โย ตายิตา โส สหสํ กโรตีติ โย มยฺหํ ตายิตา รกฺขิตา อวสฺสโย ภวิตุํ อรหติ, โส ปิตาเยว สาหสิกกมฺมํ กโรตีติ อตฺโถ.

อถ นํ ปิตา อสฺสาเสตฺวา ‘‘อมฺม, รกฺขิตตฺตาสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, ตาต รกฺขิโต เม อตฺตา’’ติ. โส ตํ ฆรํ เนตฺวา มณฺเฑตฺวา มงฺคลํ กตฺวา ปรกุลํ เปเสสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุปาสโก โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ.

ตทา ปิตา เอตรหิ ปิตาว, ธีตา จ เอตรหิ ธีตาว, ตํ การณํ ปจฺจกฺขโต ทิฏฺรุกฺขเทวตา ปน อหเมว อโหสินฺติ.

ปณฺณิกชาตกวณฺณนา ทุติยา.

[๑๐๓] ๓. เวริชาตกวณฺณนา

ยตฺถ เวรี นิวิสตีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อนาถปิณฺฑิกํ อารพฺภ กเถสิ. อนาถปิณฺฑิโก กิร โภคคามํ คนฺตฺวา อาคจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค โจเร ทิสฺวา ‘‘อนฺตรามคฺเค วสิตุํ น ยุตฺตํ, สาวตฺถิเมว คมิสฺสามี’’ติ เวเคน โคเณ ปาเชตฺวา สาวตฺถิเมว อาคนฺตฺวา ปุนทิวเส วิหารํ คโต สตฺถุ เอตมตฺถํ อาโรเจสิ. สตฺถา ‘‘ปุพฺเพปิ คหปติ ปณฺฑิตา อนฺตรามคฺเค โจเร ทิสฺวา อนฺตรา อวิลมฺพมานา อตฺตโน วสนฏฺานเมว คมึสู’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต มหาวิภโว เสฏฺิ หุตฺวา เอกํ คามกํ นิมนฺตนํ ภุฺชนตฺถาย คนฺตฺวา ปจฺจาคจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค โจเร ทิสฺวา อนฺตรามคฺเค อวสิตฺวาว เวเคน โคเณ ปาเชนฺโต อตฺตโน เคหเมว อาคนฺตฺวา นานคฺครเสหิ ภุฺชิตฺวา มหาสยเน นิสินฺโน ‘‘โจรานํ หตฺถโต มุจฺจิตฺวา นิพฺภยฏฺานํ อตฺตโน เคหํ อาคโตมฺหี’’ติ อุทานวเสน อิมํ คาถมาห –

๑๐๓.

‘‘ยตฺถ เวรี นิวิสติ, น วเส ตตฺถ ปณฺฑิโต;

เอกรตฺตํ ทิรตฺตํ วา, ทุกฺขํ วสติ เวริสู’’ติ.

ตตฺถ เวรีติ เวรเจตนาสมงฺคิปุคฺคโล. นิวิสตีติ ปติฏฺาติ. น วเส ตตฺถ ปณฺฑิโตติ โส เวรีปุคฺคโล ยสฺมึ าเน ปติฏฺิโต หุตฺวา วสติ, ตตฺถ ปณฺฑิโต ปณฺฑิจฺเจน สมนฺนาคโต น วเสยฺย. กึการณา? เอกรตฺตํ ทิรตฺตํ วา, ทุกฺขํ วสติ เวริสูติ, เวรีนฺหิ อนฺตเร วสนฺโต เอกาหมฺปิ ทฺวีหมฺปิ ทุกฺขเมว วสตีติ อตฺโถ.

เอวํ มหาสตฺโต อุทานํ อุทาเนตฺวา ทานาทีนิ ปุฺานิ กตฺวา ยถากมฺมํ คโต.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา อหเมว พาราณสิเสฏฺิ อโหสิ’’นฺติ.

เวริชาตกวณฺณนา ตติยา.

[๑๐๔] ๔. มิตฺตวินฺทกชาตกวณฺณนา

จตุพฺภิ อฏฺชฺฌคมาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ ทุพฺพจภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ เหฏฺา มิตฺตวินฺทกชาตเก วุตฺตนเยน วิตฺถาเรตพฺพํ. อิทํ ปน ชาตกํ กสฺสปพุทฺธกาลิกํ. ตสฺมิฺหิ กาเล อุรจกฺกํ อุกฺขิปิตฺวา นิรเย ปจฺจมาโน เอโก เนรยิกสตฺโต ‘‘ภนฺเต, กึ นุ โข ปาปกมฺมํ อกาสิ’’นฺติ โพธิสตฺตํ ปุจฺฉิ. โพธิสตฺโต ‘‘ตยา อิทฺจิทฺจ ปาปกมฺมํ กต’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๑๐๔.

‘‘จตุพฺภิ อฏฺชฺฌคมา, อฏฺาหิปิ จ โสฬส;

โสฬสาหิ จ พาตฺตึส, อตฺริจฺฉํ จกฺกมาสโท;

อิจฺฉาหตสฺส โปสสฺส, จกฺกํ ภมติ มตฺถเก’’ติ.

ตตฺถ จตุพฺภิ อฏฺชฺฌคมาติ สมุทฺทนฺตเร จตสฺโส วิมานเปติโย ลภิตฺวา ตาหิ อสนฺตุฏฺโ อตฺริจฺฉตาย ปรโต คนฺตฺวา อปรา อฏฺ อธิคโตสีติ อตฺโถ. เสสปททฺวเยปิ เอเสว นโย. อตฺริจฺฉํ จกฺกมาสโทติ เอวํ สกลาเภน อสนฺตุฏฺโ อตฺร อตฺร อิจฺฉนฺโต ปรโต ปรโต ลาภํ ปตฺเถนฺโต อิทานิ จกฺกมาสโท อิทํ อุรจกฺกํ ปตฺโตสิ. ตสฺส เต เอวํ อิจฺฉาหตสฺส โปสสฺส ตณฺหาย หตสฺส อุปหตสฺส ตว จกฺกํ ภมติ มตฺถเก. ปาสาณจกฺกํ, อยจกฺกนฺติ อิเมสุ ทฺวีสุ ขุรธารํ อยจกฺกํ ตสฺส มตฺถเก ปุนปฺปุนํ ปตนวเสน ภมนฺตํ ทิสฺวา เอวมาห. วตฺวา จ ปน อตฺตโน เทวโลกเมว คโต. โสปิ เนรยิกสตฺโต อตฺตโน ปาเป ขีเณ ยถากมฺมํ คโต.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา มิตฺตวินฺทโก ทุพฺพจภิกฺขุ อโหสิ, เทวปุตฺโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

มิตฺตวินฺทกชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.

[๑๐๕] ๕. ทุพฺพลกฏฺชาตกวณฺณนา

พหุมฺเปตํ วเน กฏฺนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ อุตฺตสิตภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิร สาวตฺถิวาสี เอโก กุลปุตฺโต สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปพฺพชิตฺวา มรณภีรุโก อโหสิ, รตฺติฏฺานทิวาฏฺาเนสุ วาตสฺส วา วีชนฺตสฺส สุกฺขทณฺฑกสฺส วา ปตนฺตสฺส ปกฺขิจตุปฺปทานํ วา สทฺทํ สุตฺวา มรณภยตชฺชิโต มหารวํ รวนฺโต ปลายติ. ตสฺส หิ ‘‘มริตพฺพํ มยา’’ติ สติมตฺตมฺปิ นตฺถิ. สเจ หิ โส ‘‘อหํ มริสฺสามี’’ติ ชาเนยฺย, น มรณํ ภาเยยฺย. มรณสฺสติกมฺมฏฺานสฺส ปน ตสฺส อภาวิตตฺตาว ภายติ. ตสฺส โส มรณภีรุกภาโว ภิกฺขุสงฺเฆ ปากโฏ ชาโต.

อเถกทิวสํ ธมฺมสภายํ ภิกฺขู กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, อสุโก นาม ภิกฺขุ มรณภีรุโก มรณํ ภายติ, ภิกฺขุนา นาม ‘อวสฺสํ มยา มริตพฺพ’นฺติ มรณสฺสติกมฺมฏฺานํ ภาเวตุํ วฏฺฏตี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ตํ ภิกฺขุํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ มรณภีรุโก’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจํ, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘ภิกฺขเว, มา เอตสฺส ภิกฺขุโน อนตฺตมนา โหถ, นายํ อิทาเนว มรณภีรุโก, ปุพฺเพปิ มรณภีรุโกเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต หิมวนฺเต รุกฺขเทวตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ตสฺมึ กาเล พาราณสิราชา อตฺตโน มงฺคลหตฺถึ อาเนฺชการณํ สิกฺขาเปตุํ หตฺถาจริยานํ อทาสิ. ตํ อาฬาเน นิจฺจลํ พนฺธิตฺวา โตมรหตฺถา มนุสฺสา ปริวาเรตฺวา อาเนฺชการณํ กาเรนฺติ. โส ตํ การณํ การิยมาโน เวทนํ อธิวาเสตุํ อสกฺโกนฺโต อาฬานํ ภินฺทิตฺวา มนุสฺเส ปลาเปตฺวา หิมวนฺตํ ปาวิสิ. มนุสฺสา ตํ คเหตุํ อสกฺโกนฺตา นิวตฺตึสุ. โส ตตฺถ มรณภีรุโก อโหสิ, วาตสทฺทานิ สุตฺวา กมฺปมาโน มรณภยตชฺชิโต โสณฺฑํ วิธุนิตฺวา เวเคน ปลายติ, อาฬาเน พนฺธิตฺวา อาเนฺชการณํ กรณกาโล วิยสฺส โหติ, กายสฺสาทํ วา จิตฺตสฺสาทํ วา อลภนฺโต กมฺปมาโน วิจรติ.

รุกฺขเทวตา ตํ ทิสฺวา ขนฺธวิฏเป ตฺวา อิมํ คาถมาห –

๑๐๕.

‘‘พหุมฺเปตํ วเน กฏฺํ, วาโต ภฺชติ ทุพฺพลํ;

ตสฺส เจ ภายสิ นาค, กิโส นูน ภวิสฺสสี’’ติ.

ตตฺถายํ ปิณฺฑตฺโถ – ยํ เอตํ ทุพฺพลํ กฏฺํ ปุรตฺถิมาทิเภโท วาโต ภฺชติ, ตํ อิมสฺมึ วเน พหุํ สุลภํ, ตตฺถ ตตฺถ สํวิชฺชติ. สเจ ตฺวํ ตสฺส ภายสิ, เอวํ สนฺเต นิจฺจํ ภีโต มํสโลหิตกฺขยํ ปตฺวา กิโส นูน ภวิสฺสสิ, อิมสฺมึ ปน วเน ตว ภยํ นาม นตฺถิ, ตสฺมา อิโต ปฏฺาย มา ภายีติ.

เอวํ เทวตา ตสฺส โอวาทํ อทาสิ, โสปิ ตโต ปฏฺาย นิพฺภโย อโหสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน โส ภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ‘‘ตทา นาโค อยํ ภิกฺขุ อโหสิ, รุกฺขเทวตา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

ทุพฺพลกฏฺชาตกวณฺณนา ปฺจมา.

[๑๐๖] ๖. อุทฺจนีชาตกวณฺณนา

สุขํ วต มํ ชีวนฺตนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ถุลฺลกุมาริกาปโลภนํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ เตรสกนิปาเต จูฬนารทกสฺสปชาตเก (ชา. ๑.๑๓.๔๐ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติ. ตํ ปน ภิกฺขุํ สตฺถา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ อุกฺกณฺิโตสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจํ, ภควา’’ติ วุตฺเต ‘‘กตฺถ เต จิตฺตํ ปฏิพทฺธ’’นฺติ ปุจฺฉิ. โส ‘‘เอกิสฺสา ถุลฺลกุมาริกายา’’ติ อาห. อถ นํ สตฺถา ‘‘อยํ เต ภิกฺขุ อนตฺถการิกา, ปุพฺเพปิ ตฺวํ เอตํ นิสฺสาย สีลพฺยสนํ ปตฺวา กมฺปนฺโต วิจรมาโน ปณฺฑิเต นิสฺสาย สุขํ ลภี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเตติ อตีตวตฺถุปิ จูฬนารทกสฺสปชาตเกเยว อาวิ ภวิสฺสติ. ตทา ปน โพธิสตฺโต สายํ ผลาผเล อาทาย อาคนฺตฺวา ปณฺณสาลาทฺวารํ วิวริตฺวา ปวิสิตฺวา ปุตฺตํ จูฬตาปสํ เอตทโวจ ‘‘ตาต, ตฺวํ อฺเสุ ทิวเสสุ ทารูนิ อาหรสิ, ปานียํ ปริโภชนียํ อาหรสิ, อคฺคึ กโรสิ, อชฺช ปน เอกมฺปิ อกตฺวา กสฺมา ทุมฺมุโข ปชฺฌายนฺโต นิปนฺโนสี’’ติ? ‘‘ตาต, ตุมฺเหสุ ผลาผลตฺถาย คเตสุ เอกา อิตฺถี อาคนฺตฺวา มํ ปโลเภตฺวา อาทาย คนฺตุํ อารภิ, อหํ ปน ‘ตุมฺเหหิ วิสฺสชฺชิโต คมิสฺสามี’ติ น คจฺฉึ, อสุกฏฺาเน ปน นํ นิสีทาเปตฺวา อาคโตมฺหิ, อิทานิ คจฺฉามหํ ตาตา’’ติ. โพธิสตฺโต ‘‘น สกฺกา เอตํ นิวตฺเตตุ’’นฺติ ตฺวา ‘‘เตน หิ, ตาต, คจฺฉ, เอสา ปน ตํ เนตฺวา ยทา มจฺฉมํสาทีนิ วา ขาทิตุกามา ภวิสฺสติ, สปฺปิโลณตณฺฑุลาทีหิ วา ปนสฺสา อตฺโถ ภวิสฺสติ, ตทา ‘อิทฺจิทฺจาหรา’ติ ตํ กิลเมสฺสติ. ตทา มยฺหํ คุณํ สริตฺวา ปลายิตฺวา อิเธว อาคจฺเฉยฺยาสี’’ติ วิสฺสชฺเชสิ. โส ตาย สทฺธึ มนุสฺสปถํ อคมาสิ. อถ นํ สา อตฺตโน วสํ คเมตฺวา ‘‘มํสํ อาหร, มจฺฉํ อาหรา’’ติ เยน เยน อตฺถิกา โหติ, ตํ ตํ อาหราเปติ. ตทา โส ‘‘อยํ มํ อตฺตโน ทาสํ วิย กมฺมการํ วิย จ กตฺวา ปีเฬตี’’ติ ปลายิตฺวา ปิตุ สนฺติกํ อาคนฺตฺวา ปิตรํ วนฺทิตฺวา ิตโกว อิมํ คาถมาห –

๑๐๖.

‘‘สุขํ วต มํ ชีวนฺตํ, ปจมานา อุทฺจนี;

โจรี ชายปฺปวาเทน, เตลํ โลณฺจ ยาจตี’’ติ.

ตตฺถ สุขํ วต มํ ชีวนฺตนฺติ ตาต, ตุมฺหากํ สนฺติเก มํ สุขํ ชีวนฺตํ. ปจมานาติ ตาปยมานา ปีฬยมานา, ยํ ยํ วา ขาทิตุกามา โหติ, ตํ ตํ ปจมานา. อุทกํ อฺจนฺติ เอตายาติ อุทฺจนี, จาฏิโต วา กูปโต วา อุทกอุสฺสิฺจนฆฏิกาเยตํ นามํ. สา ปน อุทฺจนี วิย, อุทกํ วิย ฆฏิกา, เยน เยนตฺถิกา โหติ, ตํ ตํ อากฑฺฒติเยวาติ อตฺโถ. โจรี ชายปฺปวาเทนาติ ‘‘ภริยา’’ติ นาเมน เอกา โจรี มํ มธุรวจเนน อุปลาเปตฺวา ตตฺถ เนตฺวา เตลํ โลณฺจ ยฺจ อฺํ อิจฺฉติ, ตํ สพฺพํ ยาจติ, ทาสํ วิย กมฺมการํ วิย จ กตฺวา อาหราเปตีติ ตสฺสา อคุณํ กเถสิ.

อถ นํ โพธิสตฺโต อสฺสาเสตฺวา ‘‘โหตุ, ตาต, เอหิ ตฺวํ เมตฺตํ ภาเวหิ, กรุณํ ภาเวหี’’ติ จตฺตาโร พฺรหฺมวิหาเร อาจิกฺขิ, อาจิกฺขิตฺวา กสิณปริกมฺมํ อาจิกฺขิ. โส น จิรสฺเสว อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ อุปฺปาเทตฺวา พฺรหฺมวิหาเร ภาเวตฺวา สทฺธึ ปิตรา พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺติ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน โส ภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ.

‘‘ตทา ถุลฺลกุมาริกาว เอตรหิ ถุลฺลกุมาริกา. จูฬตาปโส อุกฺกณฺิตภิกฺขุ อโหสิ, ปิตา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

อุทฺจนีชาตกวณฺณนา ฉฏฺา.

[๑๐๗] ๗. สาลิตฺตกชาตกวณฺณนา

สาธู โข สิปฺปกํ นามาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ หํสปหรนกํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิเรโก สาวตฺถิวาสี กุลปุตฺโต สาลิตฺตกสิปฺเป นิปฺผตฺตึ ปตฺโต. ‘‘สาลิตฺตกสิปฺป’’นฺติ สกฺขราขิปนสิปฺปํ วุจฺจติ. โส เอกทิวสํ ธมฺมํ สุตฺวา สาสเน อุรํ ทตฺวา ปพฺพชิตฺวา อุปสมฺปทํ ลภิ, น ปน สิกฺขากาโม, น ปฏิปตฺติสาธโก อโหสิ. โส เอกทิวสํ เอกํ ทหรภิกฺขุํ อาทาย อจิรวตึ คนฺตฺวา นฺหายิตฺวา นทีตีเร อฏฺาสิ. ตสฺมึ สมเย ทฺเว เสตหํสา อากาเสน คจฺฉนฺติ. โส ตํ ทหรํ อาห ‘‘อิมํ ปจฺฉิมหํสํ สกฺขราย อกฺขิมฺหิ ปหริตฺวา ปาทมูเล ปาเตมี’’ติ. อิตโร ‘‘กถํ ปาเตสฺสสิ, น สกฺขิสฺสสิ ปหริตุ’’นฺติ อาห. อิตโร ‘‘ติฏฺตุ ตาวสฺส โอรโต อกฺขิ, ปรโต อกฺขิมฺหิ ตํ ปหรามี’’ติ. อิทานิ ปน ตฺวํ อสนฺตํ กเถสีติ. ‘‘เตน หิ อุปธาเรหี’’ติ เอกํ ติขิณสกฺขรํ คเหตฺวา องฺคุลิยา ปริยนฺเต กตฺวา ตสฺส หํสสฺส ปจฺฉโต ขิปิ. สา ‘‘รุ’’นฺติ สทฺทํ อกาสิ, หํโส ‘‘ปริสฺสเยน ภวิตพฺพ’’นฺติ นิวตฺติตฺวา สทฺทํ โสตุํ อารภิ. อิตโร ตสฺมึ ขเณ เอกํ วฏฺฏสกฺขรํ คเหตฺวา ตสฺส นิวตฺติตฺวา โอโลเกนฺตสฺส ปรภาเค อกฺขึ ปหริ. สกฺขรา อิตรมฺปิ อกฺขึ วินิวิชฺฌิตฺวา คตา. หํโส มหารวํ รวนฺโต ปาทมูเลเยว ปติ. ตโต ตโต ภิกฺขู อาคนฺตฺวา ครหิตฺวา ‘‘อนนุจฺฉวิกํ เต กต’’นฺติ สตฺถุ สนฺติกํ เนตฺวา ‘‘ภนฺเต, อิมินา อิทํ นาม กต’’นฺติ ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. สตฺถา ตํ ภิกฺขุํ ครหิตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนเวส เอตสฺมึ สิปฺเป กุสโล, ปุพฺเพปิ กุสโลเยว อโหสี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส อมจฺโจ อโหสิ. ตสฺมึ กาเล รฺโ ปุโรหิโต อติมุขโร โหติ พหุภาณี, ตสฺมึ กเถตุํ อารทฺเธ อฺเ โอกาสเมว น ลภนฺติ. ราชา จินฺเตสิ ‘‘กทา นุ โข เอตสฺส วจนุปจฺเฉทกํ กฺจิ ลภิสฺสามี’’ติ. โส ตโต ปฏฺาย ตถารูปํ เอกํ อุปธาเรนฺโต วิจรติ. ตสฺมึ กาเล พาราณสิยํ เอโก ปีสปฺปี สกฺขราขิปนสิปฺเป นิปฺผตฺตึ ปตฺโต โหติ. คามทารกา ตํ รถกํ อาโรเปตฺวา อากฑฺฒมานา พาราณสินครทฺวารมูเล เอโก วิฏปสมฺปนฺโน มหานิคฺโรโธ อตฺถิ, ตตฺถ อาเนตฺวา สมฺปริวาเรตฺวา กากณิกาทีนิ ทตฺวา ‘‘หตฺถิรูปกํ กร, อสฺสรูปกํ กรา’’ติ วทนฺติ. โส สกฺขรา ขิปิตฺวา ขิปิตฺวา นิคฺโรธปณฺเณสุ นานารูปานิ ทสฺเสติ, สพฺพานิ ปณฺณานิ ฉิทฺทาวฉิทฺทาเนว อเหสุํ.

อถ พาราณสิราชา อุยฺยานํ คจฺฉนฺโต ตํ านํ ปาปุณิ. อุสฺสารณาภเยน สพฺเพ ทารกา ปลายึสุ, ปีสปฺปี ตตฺเถว นิปชฺชิ. ราชา นิคฺโรธมูลํ ปตฺวา รเถ นิสินฺโน ปตฺตานํ ฉิทฺทตาย ฉายํ กพรกพรํ ทิสฺวา โอโลเกนฺโต สพฺเพสํ ปตฺตานํ ฉิทฺทภาวํ ทิสฺวา ‘‘เกเนตานิ เอวํ กตานี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ปีสปฺปินา, เทวา’’ติ. ราชา ‘‘อิมํ นิสฺสาย พฺราหฺมณสฺส วจนุปจฺเฉทํ กาตุํ สกฺกา ภวิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘กหํ, ภเณ, ปีสปฺปี’’ติ ปุจฺฉิ. วิจินนฺตา มูลนฺตเร นิปนฺนํ ทิสฺวา ‘‘อยํ, เทวา’’ติ อาหํสุ. ราชา นํ ปกฺโกสาเปตฺวา ปริสํ อุสฺสาเรตฺวา ปุจฺฉิ ‘‘อมฺหากํ สนฺติเก เอโก มุขรพฺราหฺมโณ อตฺถิ, สกฺขิสฺสสิ ตํ นิสฺสทฺทํ กาตุ’’นฺติ. นาฬิมตฺตา อชลณฺฑิกา ลภนฺโต สกฺขิสฺสามิ, เทวาติ. ราชา ปีสปฺปึ ฆรํ เนตฺวา อนฺโตสาณิยํ นิสีทาเปตฺวา สาณิยํ ฉิทฺทํ กาเรตฺวา พฺราหฺมณสฺส ฉิทฺทาภิมุขํ อาสนํ ปฺเปตฺวา นาฬิมตฺตา สุกฺขา อชลณฺฑิกา ปีสปฺปิสฺส สนฺติเก ปาเปตฺวา พฺราหฺมณํ อุปฏฺานกาเล อาคตํ ตสฺมึ อาสเน นิสีทาเปตฺวา กถํ สมุฏฺาเปสิ. พฺราหฺมโณ อฺเสํ โอกาสํ อทตฺวา รฺา สทฺธึ กเถตุํ อารภิ. อถสฺส โส ปีสปฺปี สาณิจฺฉิทฺเทน เอเกกํ อชลณฺฑิกํ ปจฺฉิยํ ปเวเสนฺโต วิย ตาลุตลมฺหิเยว ปาเตติ, พฺราหฺมโณ อาคตาคตํ นาฬิยํ เตลํ ปเวเสนฺโต วิย คิลติ, สพฺพา ปริกฺขยํ คมึสุ. ตสฺเสตา นาฬิมตฺตา อชลณฺฑิกา กุจฺฉึ ปวิฏฺา อฑฺฒาฬฺหกมตฺตา อเหสุํ.

ราชา ตาสํ ปริกฺขีณภาวํ ตฺวา อาห – ‘‘อาจริย, ตุมฺเห อติมุขรตาย นาฬิมตฺตา อชลณฺฑิกา คิลนฺตา กิฺจิ น ชานิตฺถ, อิโต ทานิ อุตฺตริ ชีราเปตุํ น สกฺขิสฺสถ. คจฺฉถ, ปิยงฺคุทกํ ปิวิตฺวา ฉฑฺเฑตฺวา อตฺตานํ อโรคํ กโรถา’’ติ พฺราหฺมโณ ตโต ปฏฺาย ปิหิตมุโข วิย หุตฺวา กเถนฺเตนาปิ สทฺธึ อกถนสีโล อโหสิ. ราชา ‘‘อิมินา เม กณฺณสุขํ กต’’นฺติ ปีสปฺปิสฺส สตสหสฺสุฏฺานเก จตูสุ ทิสาสุ จตฺตาโร คาเม อทาสิ. โพธิสตฺโต ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘เทว, สิปฺปํ นาม โลเก ปณฺฑิเตหิ อุคฺคหิตพฺพํ, ปีสปฺปินา สาลิตฺตกมตฺเตนาปิ อยํ สมฺปตฺติ ลทฺธา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๑๐๗.

‘‘สาธุํ โข สิปฺปกํ นาม, อปิ ยาทิส กีทิสํ;

ปสฺส ขฺชปฺปหาเรน, ลทฺธา คามา จตุทฺทิสา’’ติ.

ตตฺถ ปสฺส ขฺชปฺปหาเรนาติ ปสฺส, มหาราช, อิมินา ขฺชปีสปฺปินา อชลณฺฑิกาปหาเรน จตุทฺทิสา จตฺตาโร คามา ลทฺธา, อฺเสํ สิปฺปานํ โก อานิสํสปริจฺเฉโทติ สิปฺปคุณํ กเถสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ปีสปฺปี อยํ ภิกฺขุ อโหสิ, ราชา อานนฺโท, ปณฺฑิตามจฺโจ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

สาลิตฺตกชาตกวณฺณนา สตฺตมา.

[๑๐๘] ๘. พาหิยชาตกวณฺณนา

สิกฺเขยฺย สิกฺขิตพฺพานีติ อิทํ สตฺถา เวสาลึ อุปนิสฺสาย มหาวเน กูฏาคารสาลายํ วิหรนฺโต เอกํ ลิจฺฉวึ อารพฺภ กเถสิ. โส กิร ลิจฺฉวิราชา สทฺโธ ปสนฺโน พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิมนฺเตตฺวา อตฺตโน นิเวสเน มหาทานํ ปวตฺเตสิ. ภริยา ปนสฺส ถูลงฺคปจฺจงฺคา อุทฺธุมาตกนิมิตฺตสทิสา อนากปฺปสมฺปนฺนา อโหสิ. สตฺถา ภตฺตกิจฺจาวสาเน อนุโมทนํ กตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา ภิกฺขูนํ โอวาทํ ทตฺวา คนฺธกุฏึ ปาวิสิ. ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, ตสฺส นาม ลิจฺฉวิรฺโ ตาว อภิรูปสฺส ตาทิสา ภริยา ถูลงฺคปจฺจงฺคา อนากปฺปสมฺปนฺนา, กถํ โส ตาย สทฺธึ อภิรมตี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, เอส อิทาเนว, ปุพฺเพปิ ถูลสรีราย เอว อิตฺถิยา สทฺธึ อภิรมี’’ติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส อมจฺโจ อโหสิ. อเถกา ชนปทิตฺถี ถูลสรีรา อนากปฺปสมฺปนฺนา ภตึ กุรุมานา ราชงฺคณสฺส อวิทูเรน คจฺฉมานา สรีรวฬฺชปีฬิตา หุตฺวา นิวตฺถสาฏเกน สรีรํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา นิสีทิตฺวา สรีรวฬฺชํ มุฺจิตฺวา ขิปฺปเมว อุฏฺาสิ. ตสฺมึ ขเณ พาราณสิราชา วาตปาเนน ราชงฺคณํ โอโลเกนฺโต ตํ ทิสฺวา จินฺเตสิ ‘‘อยํ เอวรูเป องฺคณฏฺาเน สรีรวฬฺชํ มุฺจมานา หิโรตฺตปฺปํ อปฺปหาย นิวาสเนเนว ปฏิจฺฉนฺนา หุตฺวา สรีรวฬฺชํ โมเจตฺวา ขิปฺปํ อุฏฺิตา, อิมาย นิโรคาย ภวิตพฺพํ, เอติสฺสา วตฺถุ วิสทํ ภวิสฺสติ, วิสเท ปน วตฺถุสฺมึ เอโก ปุตฺโต ลพฺภมาโน วิสโท ปุฺวา ภวิสฺสติ, อิมํ มยา อคฺคมเหสึ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส ตสฺสา อปริคฺคหิตภาวํ ตฺวา อาหราเปตฺวา อคฺคมเหสิฏฺานํ อทาสิ. สา ตสฺส ปิยา อโหสิ มนาปา, น จิรสฺเสว เอกํ ปุตฺตํ วิชายิ. โส ปนสฺสา ปุตฺโต จกฺกวตฺตี ราชา อโหสิ.

โพธิสตฺโต ตสฺสา สมฺปตฺตึ ทิสฺวา ตถารูปํ วจโนกาสํ ลภิตฺวา ‘‘เทว, สิกฺขิตพฺพยุตฺตกํ นาม สิปฺปํ กสฺมา น สิกฺขิตพฺพํ, ยตฺร หิ นามายํ มหาปุฺา หิโรตฺตปฺปํ อปฺปหาย ปฏิจฺฉนฺนากาเรน สรีรวฬฺชํ กุรุมานา ตุมฺเห อาราเธตฺวา เอวรูปํ สมฺปตฺตึ ปตฺตา’’ติ วตฺวา สิกฺขิตพฺพยุตฺตกานํ สิปฺปานํ วณฺณํ กเถนฺโต อิมํ คาถมาห –

๑๐๘.

‘‘สิกฺเขยฺย สิกฺขิตพฺพานิ, สนฺติ สจฺฉนฺทิโน ชนา;

พาหิยา หิ สุหนฺเนน, ราชานมภิราธยี’’ติ.

ตตฺถ สนฺติ สจฺฉนฺทิโน ชนาติ เตสุ เตสุ สิปฺเปสุ สจฺฉนฺทา ชนา อตฺถิเยว. พาหิยาติ พหิชนปเท ชาตา สํวฑฺฒา อิตฺถี. สุหนฺเนนาติ หิโรตฺตปฺปํ อปฺปหาย ปฏิจฺฉนฺเนนากาเรน หนฺนํ สุหนฺนํ นาม, เตน สุหนฺเนน. ราชานมภิราธยีติ เทวํ อภิราธยิตฺวา อิมํ สมฺปตฺตึ ปตฺตาติ. เอวํ มหาสตฺโต สิกฺขิตพฺพยุตฺตกานํ สิปฺปานํ คุณํ กเถสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ชยมฺปติกา เอตรหิปิ ชยมฺปติกาว, ปณฺฑิตามจฺโจ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

พาหิยชาตกวณฺณนา อฏฺมา.

[๑๐๙] ๙. กุณฺฑกปูวชาตกวณฺณนา

ยถนฺโน ปุริโส โหตีติ อิทํ สตฺถา สาวตฺถิยํ วิหรนฺโต มหาทุคฺคตํ อารพฺภ กเถสิ. สาวตฺถิยฺหิ กทาจิ เอกเมว กุลํ พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทานํ เทติ, กทาจิ ตีณิ จตฺตาริ เอกโต หุตฺวา, กทาจิ คณพนฺธเนน, กทาจิ วีถิสภาเคน, กทาจิ สกลนครํ ฉนฺทกํ สํหริตฺวา. ตทา ปน วีถิภตฺตํ นาม อโหสิ. อถ มนุสฺสา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ยาคุํ ทตฺวา ‘‘ขชฺชกํ อาหรถา’’ติ อาหํสุ. ตทา ปเนโก ปเรสํ ภติการโก ทุคฺคตมนุสฺโส ตสฺสํ วีถิยํ วสมาโน จินฺเตสิ ‘‘อหํ ยาคุํ ทาตุํ น สกฺขิสฺสามิ, ขชฺชกํ ปน ทสฺสามี’’ติ สณฺหสณฺหํ กุณฺฑกํ วฑฺฒาเปตฺวา อุทเกน เตเมตฺวา อกฺกปณฺเณน เวเตฺวา กุกฺกุเฬ ปจิตฺวา ‘‘อิทํ พุทฺธสฺส ทสฺสามี’’ติ ตํ อาทาย คนฺตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ิโต ‘‘ขชฺชกํ อาหรถา’’ติ เอกสฺมึ วจเน วุตฺตมตฺเต สพฺพปมํ คนฺตฺวา ตํ ปูวํ สตฺถุ ปตฺเต ปติฏฺาเปสิ, สตฺถา อฺเหิ ทียมานํ ขชฺชกํ อคฺคเหตฺวา ตเมว ปูวขชฺชกํ ปริภุฺชิ.

ตสฺมึเยว ปน ขเณ ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺเธน กิร มหาทุคฺคตสฺส กุณฺฑกขชฺชกํ อชิคุจฺฉิตฺวา อมตํ วิย ปริภุตฺต’’นฺติ สกลนครํ เอกโกลาหลํ อโหสิ. ราชราชมหามตฺตาทโย อนฺตมโส โทวาริเก อุปาทาย สพฺเพว สนฺนิปติตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา มหาทุคฺคตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘หนฺท โภ, สตํ คเหตฺวา, ทฺเว สตานิ คเหตฺวา, ปฺจ สตานิ คเหตฺวา อมฺหากํ ปตฺตึ เทหี’’ติ วทึสุ. โส ‘‘สตฺถารํ ปฏิปุจฺฉิตฺวา ชานิสฺสามี’’ติ สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจสิ. สตฺถา ‘‘ธนํ คเหตฺวา วา อคฺคเหตฺวา วา สพฺพสตฺตานํ ปตฺตึ เทหี’’ติ อาห. โส ธนํ คเหตุํ อารภิ. มนุสฺสา ทิคุณจตุคฺคุณอฏฺคุณาทิวเสน ททนฺตา นว หิรฺโกฏิโย อทํสุ. สตฺถา อนุโมทนํ กตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา ภิกฺขูหิ วตฺเต ทสฺสิเต สุคโตวาทํ ทตฺวา คนฺธกุฏึ ปาวิสิ. ราชา สายนฺหสมเย มหาทุคฺคตํ ปกฺโกสาเปตฺวา เสฏฺิฏฺาเนน ปูเชสิ.

ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, สตฺถา มหาทุคฺคเตน ทินฺนํ กุณฺฑกปูวํ อชิคุจฺฉนฺโต อมตํ วิย ปริภุฺชิ, มหาทุคฺคโตปิ พหุธนฺจ เสฏฺิฏฺานฺจ ลภิตฺวา มหาสมฺปตฺตึ ปตฺโต’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว มยา อชิคุจฺฉนฺเตน ตสฺส กุณฺฑกปูโว ปริภุตฺโต, ปุพฺเพปิ รุกฺขเทวตาย หุตฺวา ปริภุตฺโตเยว, ตทาปิ เจส มํ นิสฺสาย เสฏฺิฏฺานํ อลตฺเถวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต เอกสฺมึ าเน เอรณฺฑรุกฺเข รุกฺขเทวตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ตทา ตสฺมึ คามเก มนุสฺสา เทวตามงฺคลิกา โหนฺติ. อเถกสฺมึ ฉเณ สมฺปตฺเต มนุสฺสา อตฺตโน อตฺตโน รุกฺขเทวตานํ พลิกมฺมํ อกํสุ. อเถโก ทุคฺคตมนุสฺโส เต มนุสฺเส รุกฺขเทวตา ปฏิชคฺคนฺเต ทิสฺวา เอกํ เอรณฺฑรุกฺขํ ปฏิชคฺคิ. เต มนุสฺสา อตฺตโน อตฺตโน เทวตานํ นานปฺปการานิ มาลาคนฺธวิเลปนาทีนิ เจว ขชฺชโภชฺชานิ จ อาทาย คจฺฉึสุ. โส ปน กุณฺฑกปูวฺเจว อุฬุงฺเกน จ อุทกํ อาทาย คนฺตฺวา เอรณฺฑรุกฺขสฺส อวิทูเร ตฺวา จินฺเตสิ ‘‘เทวตา นาม ทิพฺพขชฺชกานิ ขาทนฺติ, มยฺหํ เทวตา อิมํ กุณฺฑกปูวํ น ขาทิสฺสติ, กึ อิมํ อการเณน นาเสมิ, อหเมว นํ ขาทิสฺสามี’’ติ ตโตว นิวตฺติ. โพธิสตฺโต ขนฺธวิฏเป ตฺวา ‘‘โภ ปุริส, สเจ ตฺวํ อิสฺสโร ภเวยฺยาสิ, มยฺหํ มธุรขชฺชกํ ทเทยฺยาสิ. ตฺวํ ปน ทุคฺคโต, อหํ ตว ปูวํ น ขาทิตฺวา อฺํ กึ ขาทิสฺสามิ, มา เม โกฏฺาสํ นาเสหี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๑๐๙.

‘‘ยถนฺโน ปุริโส โหติ, ตถนฺนา ตสฺส เทวตา;

อาหเรตํ กุณฺฑปูวํ, มา เม ภาคํ วินาสยา’’ติ.

ตตฺถ ยถนฺโนติ ยถารูปโภชโน โหติ. ตถนฺนาติ ตสฺส ปุริสสฺส เทวตาปิ ตถารูปโภชนาว โหติ. อาหเรตํ กุณฺฑปูวนฺติ เอตํ กุณฺฑเกน ปกฺกปูวํ อาเนหิ, มยฺหํ ภาคํ มา วินาเสหีติ.

โส นิวตฺติตฺวา โพธิสตฺตํ โอโลเกตฺวา พลิกมฺมมกาสิ. โพธิสตฺโต ตโต โอชํ ปริภุฺชิตฺวา ‘‘ปุริส, ตฺวํ กิมตฺถํ มํ ปฏิชคฺคสี’’ติ อาห. ‘‘ทุคฺคโตมฺหิ, สามิ, ตํ นิสฺสาย ทุคฺคตภาวโต มุจฺจิตุกามตาย ปฏิชคฺคามี’’ติ. ‘‘โภ ปุริส, มา จินฺตยิ, ตยา กตฺุสฺส กตเวทิโน ปูชา กตา, อิมํ เอรณฺฑํ ปริกฺขิปิตฺวา นิธิกุมฺภิโย คีวาย คีวํ อาหจฺจิตา. ตฺวํ รฺโ อาจิกฺขิตฺวา สกเฏหิ ธนํ อาหราเปตฺวา ราชงฺคเณ ราสึ กาเรหิ, ราชา เต ตุสฺสิตฺวา เสฏฺิฏฺานํ ทสฺสตี’’ติ วตฺวา โพธิสตฺโต อนฺตรธายิ. โส ตถา อกาสิ. ราชาปิ ตสฺส เสฏฺิฏฺานํ อทาสิ. อิติ โส โพธิสตฺตํ นิสฺสาย มหาสมฺปตฺตึ ปตฺวา ยถากมฺมํ คโต.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ทุคฺคโต เอตรหิ ทุคฺคโตว, เอรณฺฑรุกฺขเทวตา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

กุณฺฑกปูวชาตกวณฺณนา นวมา.

[๑๑๐] ๑๐. สพฺพสํหารกปฺหชาตกวณฺณนา

สพฺพสํหารโก นตฺถีติ อยํ สพฺพสํหารกปฺโห สพฺพากาเรน อุมงฺคชาตเก อาวิ ภวิสฺสตีติ.

สพฺพสํหารกปฺหชาตกวณฺณนา ทสมา.

ปโรสตวคฺโค เอกาทสโม.

ตสฺสุทฺทานํ –

ปโรสตมฺปิ ปณฺณิกํ, เวรี จ มิตฺตวินฺทกํ;

ทุพฺพลฺจ อุทฺจนี, สาลิตฺตมฺปิ จ พาหิยํ;

กุณฺฑกปูวสพฺพสํหารกนฺติ.

๑๒. หํจิวคฺโค

[๑๑๑] ๑. คทฺรภปฺหชาตกวณฺณนา

หํจิ ตุวํ เอวมฺสีติ อยมฺปิ คทฺรภปฺโห มหาอุมงฺคชาตเกเยว (ชา. ๒.๒๒.๕๙๐ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติ.

คทฺรภปฺหชาตกวณฺณนา ปมา.

[๑๑๒] ๒. อมราเทวีปฺหชาตกวณฺณนา

เยน สตฺตุพิลงฺคา จาติ อยมฺปิ อมราเทวิปฺโห นาม ตตฺเถว อาวิ ภวิสฺสติ.

อมราเทวีปฺหชาตกวณฺณนา ทุติยา.

[๑๑๓] ๓. สิงฺคาลชาตกวณฺณนา

สทฺทหาสิ สิงฺคาลสฺสาติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เทวทตฺตํ อารพฺภ กเถสิ. ตสฺมิฺหิ สมเย ภิกฺขู ธมฺมสภายํ สนฺนิปติตฺวา ‘‘อาวุโส, เทวทตฺเตน ปฺจ ภิกฺขุสตานิ อาทาย คยาสีสํ คนฺตฺวา ‘ยํ สมโณ โคตโม กโรติ, น โส ธมฺโม. ยมหํ กโรมิ, อยเมว ธมฺโม’ติ เต ภิกฺขู อตฺตโน ลทฺธึ คาหาเปตฺวา านปฺปตฺตํ มุสาวาทํ กตฺวา สงฺฆํ ภินฺทิตฺวา เอกสีมาย ทฺเว อุโปสถา กตา’’ติ เทวทตฺตสฺส อคุณกถํ กเถนฺตา นิสีทึสุ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, เทวทตฺโต อิทาเนว มุสาวาที, ปุพฺเพปิ มุสาวาทีเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต สุสานวเน รุกฺขเทวตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ตทา พาราณสิยํ นกฺขตฺตํ ฆุฏฺํ อโหสิ. มนุสฺสา ‘‘ยกฺขพลิกมฺมํ กโรมา’’ติ เตสุ เตสุ จจฺจรรจฺฉาทิฏฺาเนสุ มจฺฉมํสาทีนิ วิปฺปกิริตฺวา กปาลเกสุ พหุํ สุรํ ปยึสุ. อเถโก สิงฺคาโล อฑฺฒรตฺตสมเย นิทฺธมเนน นครํ ปวิสิตฺวา มจฺฉมํสํ ขาทิตฺวา สุรํ ปิวิตฺวา ปุนฺนาคคจฺฉนฺตรํ ปวิสิตฺวา ยาว อรุณุคฺคมนา นิทฺทํ โอกฺกมิ. โส ปพุชฺฌิตฺวา อาโลกํ ทิสฺวา ‘‘อิทานิ นิกฺขมิตุํ น สกฺกา’’ติ มคฺคสมีปํ คนฺตฺวา อทิสฺสมาโน นิปชฺชิตฺวา อฺเ มนุสฺเส ทิสฺวาปิ กิฺจิ อวตฺวา เอกํ พฺราหฺมณํ มุขโธวนตฺถาย คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา จินฺเตสิ ‘‘พฺราหฺมณา นาม ธนโลลา โหนฺติ, อิมํ ธเนน ปโลเภตฺวา ยถา มํ อุปกจฺฉกนฺตเร กตฺวา อุตฺตราสงฺเคน ปฏิจฺฉาเทตฺวา นครา นีหรติ, ตถา กริสฺสามี’’ติ. โส มนุสฺสภาสาย ‘‘พฺราหฺมณา’’ติ อาห. โส นิวตฺติตฺวา ‘‘โก มํ ปกฺโกสตี’’ติ อาห. ‘‘อหํ, พฺราหฺมณา’’ติ. ‘‘กึการณา’’ติ. ‘‘พฺราหฺมณ, มยฺหํ ทฺเว กหาปณสตานิ อตฺถิ. สเจ มํ อุปกจฺฉกนฺตเร กตฺวา อุตฺตราสงฺเคน ปฏิจฺฉาเทตฺวา ยถา น โกจิ ปสฺสติ, ตถา นครา นิกฺขาเมตุํ สกฺโกสิ, ตุยฺหํ เต กหาปเณ ทสฺสามี’’ติ. พฺราหฺมโณ ธนโลเภน ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตํ ตถา กตฺวา อาทาย นครา นิกฺขมิตฺวา โถกํ อคมาสิ. อถ นํ สิงฺคาโล ปุจฺฉิ ‘‘กตรฏฺานํ, พฺราหฺมณา’’ติ? ‘‘อสุกํ นามา’’ติ. ‘‘อฺํ โถกํ านํ คจฺฉา’’ติ. เอวํ ปุนปฺปุนํ วทนฺโต มหาสุสานํ ปตฺวา ‘‘อิธ มํ โอตาเรหี’’ติ อาห. ตตฺถ นํ โอตาเรสิ. อถ สิงฺคาโล ‘‘เตน หิ, พฺราหฺมณ, อุตฺตริสาฏกํ ปตฺถรา’’ติ อาห. โส ธนโลเภน ‘‘สาธู’’ติ ปตฺถริ. อถ นํ ‘‘อิมํ รุกฺขมูลํ ขณาหี’’ติ ปถวิขณเน โยเชตฺวา พฺราหฺมณสฺส อุตฺตริสาฏกํ อภิรุยฺห จตูสุ กณฺเณสุ จ มชฺเฌ จาติ ปฺจสุ าเนสุ สรีรนิสฺสนฺทํ ปาเตตฺวา มกฺเขตฺวา เจว เตเมตฺวา จ สุสานวนํ ปาวิสิ. โพธิสตฺโต รุกฺขวิฏเป ตฺวา อิมํ คาถมาห –

๑๑๓.

‘‘สทฺทหาสิ สิงฺคาลสฺส, สุราปีตสฺส พฺราหฺมณ;

สิปฺปิกานํ สตํ นตฺถิ, กุโต กํสสตา ทุเว’’ติ.

ตตฺถ สทฺทหาสีติ สทฺทหสิ, อยเมว วา ปาโ, ปตฺติยายสีติ อตฺโถ. สิปฺปิกานํ สตํ นตฺถีติ เอตสฺส หิ สิปฺปิกาสตมฺปิ นตฺถิ. กุโต กํสสตา ทุเวติ ทฺเว กหาปณสตานิ ปนสฺส กุโต เอวาติ.

โพธิสตฺโต อิมํ คาถํ วตฺวา ‘‘คจฺฉ, พฺราหฺมณ, ตว สาฏกํ โธวิตฺวา นฺหายิตฺวา อตฺตโน กมฺมํ กโรหี’’ติ วตฺวา อนฺตรธายิ. พฺราหฺมโณ ตถา กตฺวา ‘‘วฺจิโต วตมฺหี’’ติ โทมนสฺสปฺปตฺโต ปกฺกามิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา สิงฺคาโล เทวทตฺโต อโหสิ, รุกฺขเทวตา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

สิงฺคาลชาตกวณฺณนา ตติยา.

[๑๑๔] ๔. มิตจินฺตีชาตกวณฺณนา

พหุจินฺตี อปฺปจินฺตีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ทฺเว มหลฺลกตฺเถเร อารพฺภ กเถสิ. เต กิร ชนปเท เอกสฺมึ อรฺาวาเส วสฺสํ วสิตฺวา ‘‘สตฺถุ ทสฺสนตฺถาย คจฺฉิสฺสามา’’ติ ปาเถยฺยํ สชฺเชตฺวา ‘‘อชฺช คจฺฉาม, สฺเว คจฺฉามา’’ติ มาสํ อติกฺกาเมตฺวา ปุน ปาเถยฺยํ สชฺเชตฺวา ตเถว มาสํ, ปุน มาสนฺติ เอวํ อตฺตโน กุสีตภาเวน เจว นิวาสฏฺาเน จ อเปกฺขาย ตโย มาเส อติกฺกาเมตฺวา ตโต นิกฺขมฺม เชตวนํ คนฺตฺวา สภาคฏฺาเน ปตฺตจีวรํ ปฏิสาเมตฺวา สตฺถารํ ปสฺสึสุ. อถ เน ภิกฺขู ปุจฺฉึสุ ‘‘จิรํ โว, อาวุโส, พุทฺธุปฏฺานํ อกโรนฺตานํ, กสฺมา เอวํ จิรายิตฺถา’’ติ? เต ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. อถ เนสํ โส อาลสิยกุสีตภาโว ภิกฺขุสงฺเฆ ปากโฏ ชาโต. ธมฺมสภายมฺปิ เตสํ ภิกฺขูนเมว อาลสิยภาวํ นิสฺสาย กถํ สมุฏฺาเปสุํ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต เต ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตุมฺเห, ภิกฺขเว, อลสา กุสีตา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจํ, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนเวเต อลสา, ปุพฺเพปิ อลสา เจว นิวาสฏฺาเน จ สาลยา สาเปกฺขา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต พาราณสินทิยํ ตโย มจฺฉา อเหสุํ, พหุจินฺตี, อปฺปจินฺตี, มิตจินฺตีติ เตสํ นามานิ. เต อรฺโต มนุสฺสปถํ อาคมึสุ. ตตฺถ มิตจินฺตี อิตเร ทฺเว เอวมาห ‘‘อยํ มนุสฺสปโถ นาม สาสงฺโก สปฺปฏิภโย, เกวฏฺฏา นานปฺปการานิ ชาลกุมินาทีนิ ขิปิตฺวา มจฺเฉ คณฺหนฺติ, มยํ อรฺเมว คจฺฉามา’’ติ. อิตเร ทฺเว ชนา อลสตาย เจว อามิสคิทฺธตาย จ ‘‘อชฺช คจฺฉาม, สฺเว คจฺฉามา’’ติ ตโย มาเส อติกฺกาเมสุํ. อถ เกวฏฺฏา นทิยํ ชาลํ ขิปึสุ. พหุจินฺตี จ อปฺปจินฺตี จ โคจรํ คณฺหนฺตา ปุรโต คจฺฉนฺติ. เต อตฺตโน อนฺธพาลตาย ชาลคนฺธํ อสลฺลกฺเขตฺวา ชาลกุจฺฉิเมว ปวิสึสุ. มิตจินฺตี ปจฺฉโต อาคจฺฉนฺโต ชาลคนฺธํ สลฺลกฺเขตฺวา เตสฺจ ชาลกุจฺฉึ ปวิฏฺภาวํ ตฺวา ‘‘อิเมสํ กุสีตานํ อนฺธพาลานํ ชีวิตทานํ ทสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา พหิปสฺเสน ชาลกุจฺฉิฏฺานํ คนฺตฺวา ชาลกุจฺฉึ ผาเลตฺวา นิกฺขนฺตสทิโส หุตฺวา อุทกํ อาลุเฬนฺโต ชาลสฺส ปุรโต ปติตฺวา ปุน ชาลกุจฺฉึ ปวิสิตฺวา ปจฺฉิมภาเคน ผาเลตฺวา นิกฺขนฺตสทิโส อุทกํ อาลุเฬนฺโต ปจฺฉิมภาเค ปติ. เกวฏฺฏา ‘‘มจฺฉา ชาลํ ผาเลตฺวา คตา’’ติ มฺมานา ชาลโกฏิยํ คเหตฺวา อุกฺขิปึสุ. เต ทฺเวปิ มจฺฉา ชาลโต มุจฺจิตฺวา อุทเก ปตึสุ. อิติ เตหิ มิตจินฺตึ นิสฺสาย ชีวิตํ ลทฺธํ.

สตฺถา อิมํ อตีตํ อาหริตฺวา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา อิมํ คาถมาห –

๑๑๔.

‘‘พหุจินฺตี อปฺปจินฺตี, อุโภ ชาเล อพชฺฌเร;

มิตจินฺตี ปโมเจสิ, อุโภ ตตฺถ สมาคตา’’ติ.

ตตฺถ พหุจินฺตีติ พหุจินฺตนตาย วิตกฺกพหุลตาย เอวํลทฺธนาโม. อิตเรสุปิ ทฺวีสุ อยเมว นโย. อุโภ ตตฺถ สมาคตาติ มิตจินฺตึ นิสฺสาย ลทฺธชีวิตา ตตฺถ อุทเก ปุน อุโภปิ ชนา มิตจินฺตินา สทฺธึ สมาคตาติ อตฺโถ.

เอวํ สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน มหลฺลกา ภิกฺขู โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสุ. ตทา พหุจินฺตี จ อปฺปจินฺตี จ อิเม ทฺเว อเหสุํ, มิตจินฺตี ปน อหเมว อโหสินฺติ.

มิตจินฺตีชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.

[๑๑๕] ๕. อนุสาสิกชาตกวณฺณนา

ยายฺเ มนุสาสตีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ อนุสาสิกํ ภิกฺขุนึ อารพฺภ กเถสิ. สา กิร สาวตฺถิวาสินี เอกา กุลธีตา ปพฺพชิตฺวา อุปสมฺปนฺนกาลโต ปฏฺาย สมณธมฺเม อนนุยุตฺตา อามิสคิทฺธา หุตฺวา ยตฺถ อฺา ภิกฺขุนิโย น คจฺฉนฺติ, ตาทิเส นครสฺส เอกเทเส ปิณฺฑาย จรติ. อถสฺสา มนุสฺสา ปณีตปิณฺฑปาตํ เทนฺติ. สา รสตณฺหาย พชฺฌิตฺวา ‘‘สเจ อิมสฺมึ ปเทเส อฺาปิ ภิกฺขุนิโย ปิณฺฑาย จริสฺสนฺติ, มยฺหํ ลาโภ ปริหายิสฺสติ. ยถา เอตํ ปเทสํ อฺา นาคจฺฉนฺติ, เอวํ มยา กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา ภิกฺขุนูปสฺสยํ คนฺตฺวา ‘‘อยฺเย, อสุกฏฺาเน จณฺโฑ หตฺถี, จณฺโฑ อสฺโส, จณฺโฑ เมณฺโฑ, จณฺโฑ กุกฺกุโร จรติ, สปริสฺสยฏฺานํ, มา ตตฺถ ปิณฺฑาย จริตฺถา’’ติ ภิกฺขุนิโย อนุสาสติ. ตสฺสา วจนํ สุตฺวา เอกา ภิกฺขุนีปิ ตํ ปเทสํ คีวํ ปริวตฺเตตฺวา น โอโลเกสิ. ตสฺสา เอกสฺมึ ทิวเส ตสฺมึ ปเทเส ปิณฺฑาย จรนฺติยา เวเคเนกํ เคหํ ปวิสนฺติยา จณฺโฑ เมณฺฑโก ปหริตฺวา อูรุฏฺิกํ ภินฺทิ. มนุสฺสา เวเคน อุปธาวิตฺวา ทฺวิธา ภินฺนํ อูรุฏฺิกํ เอกโต พนฺธิตฺวา ตํ ภิกฺขุนึ มฺเจนาทาย ภิกฺขุนูปสฺสยํ นยึสุ. ภิกฺขุนิโย ‘‘อยํ อฺา ภิกฺขุนิโย อนุสาสิตฺวา สยํ ตสฺมึ ปเทเส จรนฺตี อูรุฏฺิกํ ภินฺทาเปตฺวา อาคตา’’ติ ปริหาสํ อกํสุ. ตมฺปิ ตาย กตการณํ น จิรสฺเสว ภิกฺขุสงฺเฆ ปากฏํ อโหสิ.

อเถกทิวสํ ธมฺมสภายํ ภิกฺขู ‘‘อาวุโส, อสุกา อนุสาสิกา ภิกฺขุนี อฺํ อนุสาสิตฺวา สยํ ตสฺมึ ปเทเส จรมานา จณฺเฑน เมณฺฑเกน อูรุํ ภินฺทาเปสี’’ติ ตสฺสา อคุณกถํ กเถสุํ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปสา อฺเ อนุสาสติเยว, สยํ ปน น วตฺตติ, นิจฺจกาลํ ทุกฺขเมว อนุโภตี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต อรฺเ สกุณโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต สกุณเชฏฺโก หุตฺวา อเนกสกุณสหสฺสปริวาโร หิมวนฺตํ ปาวิสิ. ตสฺส ตตฺถ วสนกาเล เอกา จณฺฑสกุณิกา มหาวตฺตนิมคฺคํ คนฺตฺวา โคจรํ คณฺหาติ. สา ตตฺถ สกเฏหิ ปติตานิ วีหิมุคฺคพีชาทีนิ ลภิตฺวา ‘‘ยถา อิทานิ อิมํ ปเทสํ อฺเ สกุณา นาคจฺฉนฺติ, ตถา กริสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา สกุณสงฺฆสฺส โอวาทํ เทติ ‘‘วตฺตนิมหามคฺโค นาม สปฺปฏิภโย, หตฺถิอสฺสาทโย เจว จณฺฑโคณยุตฺตยานาทีนิ จ สฺจรนฺติ, สหสา อุปฺปติตุมฺปิ น สกฺกา โหติ, น ตตฺถ คนฺตพฺพ’’นฺติ. สกุณสงฺโฆ ตสฺสา ‘‘อนุสาสิกา’’เตว นามํ อกาสิ.

สา เอกทิวสํ วตฺตนิมหามคฺเค จรนฺตี อติมหาเวเคน อาคจฺฉนฺตสฺส ยานสฺส สทฺทํ สุตฺวา นิวตฺติตฺวา โอโลเกตฺวา ‘‘ทูเร ตาวา’’ติ จรติเยว. อถ นํ ยานํ วาตเวเคน สีฆเมว สมฺปาปุณิ, สา อุฏฺาตุํ นาสกฺขิ, จกฺเกน ทฺวิธา ฉินฺทิตฺวา คตา. สกุณเชฏฺโก สกุเณ สมาเนนฺโต ตํ อทิสฺวา ‘‘อนุสาสิกา น ทิสฺสติ, อุปธาเรถ น’’นฺติ อาห. สกุณา อุปธาเรนฺตา ตํ มหามคฺเค ทฺวิธา ฉินฺนํ ทิสฺวา สกุณเชฏฺกสฺส อาโรเจสุํ. สกุณเชฏฺโก ‘‘สา อฺา สกุณิกา วาเรตฺวา สยํ ตตฺถ จรมานา ทฺวิธา ฉินฺนา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๑๑๕.

‘‘ยายฺเ มนุสาสติ, สยํ โลลุปฺปจารินี;

สายํ วิปกฺขิกา เสติ, หตา จกฺเกน สาสิกา’’ติ.

ตตฺถ ยายฺเ มนุสาสตีติ ยกาโร ปทสนฺธิกโร, ยา อฺเ อนุสาสตีติ อตฺโถ. สยํ โลลุปฺปจารินีติ อตฺตนา โลลุปฺปจารินี สมานา. สายํ วิปกฺขิกา เสตีติ สา เอสา วิหตปกฺขา หุตฺวา มหามคฺเค สยติ. หตา จกฺเกน สาสิกาติ ยานจกฺเกน หตา สาสิกา สกุณิกาติ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา อนุสาสิกา สกุณิกา อยํ อนุสาสิกา ภิกฺขุนี อโหสิ, สกุณเชฏฺโก ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

อนุสาสิกชาตกวณฺณนา ปฺจมา.

[๑๑๖] ๖. ทุพฺพจชาตกวณฺณนา

อติกรมกราจริยาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ ทุพฺพจภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. ตสฺส วตฺถุ นวกนิปาเต คิชฺฌชาตเก (ชา. ๑.๙.๑ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติ. สตฺถา ปน ตํ ภิกฺขุํ อามนฺเตตฺวา ‘‘ภิกฺขุ น ตฺวํ อิทาเนว ทุพฺพโจ, ปุพฺเพปิ ทุพฺพโจเยว. ทุพฺพจภาเวเนว ปณฺฑิตานํ โอวาทํ อกโรนฺโต สตฺติปฺปหาเรน ชีวิตกฺขยํ ปตฺโตสี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ลงฺฆนฏกโยนิยํ ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา วยปฺปตฺโต ปฺวา อุปายกุสโล อโหสิ. โส เอกสฺส ลงฺฆนกสฺส สนฺติเก สตฺติลงฺฆนสิปฺปํ สิกฺขิตฺวา อาจริเยน สทฺธึ สิปฺปํ ทสฺเสนฺโต วิจรติ. อาจริโย ปนสฺส จตุนฺนํเยว สตฺตีนํ ลงฺฆนสิปฺปํ ชานาติ, น ปฺจนฺนํ. โส เอกทิวสํ เอกสฺมึ คามเก สิปฺปํ ทสฺเสนฺโต สุรามทมตฺโต ‘‘ปฺจ สตฺติโย ลงฺฆิสฺสามี’’ติ ปฏิปาฏิยา เปสิ. อถ นํ โพธิสตฺโต อาห ‘‘อาจริย, ตฺวํ ปฺจสตฺติลงฺฆนสิปฺปํ น ชานาสิ, เอกํ สตฺตึ หร. สเจ ลงฺฆิสฺสสิ, ปฺจมาย สตฺติยา วิทฺโธ มริสฺสสี’’ติ. โส สุฏฺุ มตฺตตาย ‘‘ตฺวฺหิ มยฺหํ ปมาณํ น ชานาสี’’ติ ตสฺส วจนํ อนาทิยิตฺวา จตสฺโส ลงฺฆิตฺวา ปฺจมาย สตฺติยา ทณฺฑเก มธุกปุปฺผํ วิย อาวุโต ปริเทวมาโน นิปชฺชิ. อถ นํ โพธิสตฺโต ‘‘ปณฺฑิตานํ วจนํ อกตฺวา อิมํ พฺยสนํ ปตฺโตสี’’ติ อิมํ คาถมาห –

๑๑๖.

‘‘อติกรมกราจริย, มยฺหมฺเปตํ น รุจฺจติ;

จตุตฺเถ ลงฺฆยิตฺวาน, ปฺจมายสิ อาวุโต’’ติ.

ตตฺถ อติกรมกราจริยาติ อาจริย อชฺช ตฺวํ อติกรํ อกริ, อตฺตโน กรณโต อติเรกํ กรณํ อกรีติ อตฺโถ. มยฺหมฺเปตํ น รุจฺจตีติ มยฺหํ อนฺเตวาสิกสฺสปิ สมานสฺส เอตํ ตว กรณํ น รุจฺจติ, เตน เต อหํ ปมเมว กเถสินฺติ ทีเปติ. จตุตฺเถ ลงฺฆยิตฺวานาติ จตุตฺเถ สตฺติถเล อปติตฺวา อตฺตานํ ลงฺฆยิตฺวา. ปฺจมายสิ อาวุโตติ ปณฺฑิตานํ วจนํ อคฺคณฺหนฺโต อิทานิ ปฺจมาย สตฺติยา อาวุโตสีติ. อิทํ วตฺวา อาจริยํ สตฺติโต อปเนตฺวา กตฺตพฺพยุตฺตกํ อกาสิ.

สตฺถา อิมํ อตีตํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา อาจริโย อยํ ทุพฺพโจ อโหสิ, อนฺเตวาสิโก ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

ทุพฺพจชาตกวณฺณนา ฉฏฺา.

[๑๑๗] ๗. ติตฺติรชาตกวณฺณนา

อจฺจุคฺคตาติพลตาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โกกาลิกํ อารพฺภ กเถสิ. ตสฺส วตฺถุ เตรสกนิปาเต ตกฺการิยชาตเก (ชา. ๑.๑๓.๑๐๔ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติ. สตฺถา ปน ‘‘น, ภิกฺขเว, โกกาลิโก อิทาเนว อตฺตโน วาจํ นิสฺสาย นฏฺโ, ปุพฺเพปิ นฏฺโเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต อุทิจฺจพฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา กาเม ปหาย อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ปฺจาภิฺา อฏฺ สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตสิ. หิมวนฺตปฺปเทเส สพฺโพ อิสิคโณ สนฺนิปติตฺวา ตํ โอวาทาจริยํ กตฺวา ปริวาเรสิ. โส ปฺจนฺนํ อิสิสตานํ โอวาทาจริโย หุตฺวา ฌานกีฬํ กีฬนฺโต หิมวนฺเต วสติ. ตทา เอโก เจตฺถ ปณฺฑุโรคี ตาปโส กุารึ คเหตฺวา กฏฺํ ผาเลติ. อเถโก มุขรตาปโส ตสฺส สนฺติเก นิสีทิตฺวา ‘‘อิธ ปหารํ เทหิ, อิธ ปหารํ เทหี’’ติ ตํ ตาปสํ โรเสสิ. โส กุชฺฌิตฺวา ‘‘น ทานิ เม ตฺวํ ทารุผาลนสิปฺปํ สิกฺขาปนกาจริโย’’ติ ติณฺหํ กุารึ อุกฺขิปิตฺวา นํ เอกปฺปหาเรเนว ชีวิตกฺขยํ ปาเปสิ. โพธิสตฺโต ตสฺส สรีรกิจฺจํ กาเรสิ. ตทา อสฺสมโต อวิทูเร เอกสฺมึ วมฺมิกปาเท เอโก ติตฺติโร วสติ. โส สายํ ปาตํ ตสฺมึ วมฺมิกมตฺถเก ตฺวา มหาวสฺสิตํ วสฺสติ. ตํ สุตฺวา เอโก ลุทฺทโก ‘‘ติตฺติเรน ภวิตพฺพ’’นฺติ จินฺเตตฺวา สทฺทสฺาย ตตฺถ คนฺตฺวา ตํ วธิตฺวา อาทาย คโต.

โพธิสตฺโต ตสฺส สทฺทํ อสุณนฺโต ‘‘อสุกฏฺาเน ติตฺติโร วสติ, กึ นุ โข ตสฺส สทฺโท น สูยตี’’ติ ตาปเส ปุจฺฉิ. เต ตสฺส ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. โส อุโภปิ ตานิ การณานิ สํสนฺเทตฺวา อิสิคณมชฺเฌ อิมํ คาถมาห –

๑๑๗.

‘‘อจฺจุคฺคตาติพลตา, อติเวลํ ปภาสิตา;

วาจา หนติ ทุมฺเมธํ, ติตฺติรํ วาติวสฺสิต’’นฺติ.

ตตฺถ อจฺจุคฺคตาติ อติอุคฺคตา. อติพลตาติ ปุนปฺปุนํ ภาสเนน อติพลสภาวา. อติเวลํ ปภาสิตาติ อติกฺกนฺตเวลา ปมาณาติกฺกเมน ภาสิตา. ติตฺติรํ วาติวสฺสิตนฺติ ยถา ติตฺติรํ อติวสฺสิตํ หนติ, ตถา เอวรูปา วาจา ทุมฺเมธํ พาลปุคฺคลํ หนตีติ.

เอวํ โพธิสตฺโต อิสิคณสฺส โอวาทํ ทตฺวา จตฺตาโร พฺรหฺมวิหาเร ภาเวตฺวา พฺรหฺมโลกปรายโณ อโหสิ.

สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, โกกาลิโก อิทาเนว อตฺตโน วจนํ นิสฺสาย นฏฺโ, ปุพฺเพปิ นฏฺโเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา มุขรตาปโส โกกาลิโก อโหสิ, อิสิคโณ พุทฺธปริสา, คณสตฺถา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

ติตฺติรชาตกวณฺณนา สตฺตมา.

[๑๑๘] ๘. วฏฺฏชาตกวณฺณนา

นาจินฺตยนฺโต ปุริโสติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อุตฺตรเสฏฺิปุตฺตํ อารพฺภ กเถสิ. สาวตฺถิยํ กิร อุตฺตรเสฏฺิ นาม อโหสิ มหาวิภโว. ตสฺส ภริยาย กุจฺฉิยํ เอโก ปุฺวา สตฺโต พฺรหฺมโลกา จวิตฺวา ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา วยปฺปตฺโต อภิรูโป ปาสาทิโก อโหสิ พฺรหฺมวณฺณี. อถ เอกทิวสํ สาวตฺถิยํ กตฺติกฉเณ นกฺขตฺเต ฆุฏฺเ สพฺโพ โลโก นกฺขตฺตนิสฺสิโต อโหสิ. ตสฺส สหายกา อฺเ เสฏฺิปุตฺตา สปชาปติกา อเหสุํ. อุตฺตรเสฏฺิปุตฺตสฺส ปน ทีฆรตฺตํ พฺรหฺมโลเก วสิตตฺตา กิเลเสสุ จิตฺตํ น อลฺลียติ. อถสฺส สหายกา ‘‘อุตฺตรเสฏฺิปุตฺตสฺสปิ เอกํ อิตฺถึ อาเนตฺวา นกฺขตฺตํ กีฬิสฺสามา’’ติ สมฺมนฺตยิตฺวา ตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘สมฺม, อิมสฺมึ นคเร กตฺติกฉโณ ฆุฏฺโ, ตุยฺหมฺปิ เอกํ อิตฺถึ อาเนตฺวา นกฺขตฺตํ กีฬิสฺสามา’’ติ อาหํสุ. ‘‘น เม อตฺโถ อิตฺถิยา’’ติ จ วุตฺเตปิ ปุนปฺปุนํ นิพนฺธิตฺวา สมฺปฏิจฺฉาเปตฺวา เอกํ วณฺณทาสึ สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิตํ กตฺวา ตสฺส ฆรํ เนตฺวา ‘‘ตฺวํ เสฏฺิปุตฺตสฺส สนฺติกํ คจฺฉา’’ติ สยนิฆรํ เปเสตฺวา นิกฺขมึสุ. ตํ สยนิฆรํ ปวิฏฺมฺปิ เสฏฺิปุตฺโต เนว โอโลเกติ, นาลปติ. สา จินฺเตสิ ‘‘อยํ เอวํ รูปโสภคฺคปฺปตฺตํ อุตฺตมวิลาสสมฺปนฺนํ มํ เนว โอโลเกติ, นาลปติ, อิทานิ นํ อตฺตโน อิตฺถิกุตฺตลีลาย โอโลกาเปสฺสามี’’ติ อิตฺถิลีลํ ทสฺเสนฺตี ปหฏฺากาเรน อคฺคทนฺเต วิวริตฺวา หสิตํ อกาสิ. เสฏฺิปุตฺโต โอโลเกตฺวา ทนฺตฏฺิเก นิมิตฺตํ คณฺหิ. อถสฺส อฏฺิกสฺา อุปฺปชฺชิ, สกลมฺปิ ตํ สรีรํ อฏฺิกสงฺขลิกา วิย ปฺายิ. โส ตสฺสา ปริพฺพยํ ทตฺวา ‘‘คจฺฉา’’ติ อุยฺโยเชสิ.

ตํ ตสฺส ฆรา โอติณฺณํ เอโก อิสฺสโร อนฺตรวีถิยํ ทิสฺวา ปริพฺพยํ ทตฺวา อตฺตโน ฆรํ เนสิ, สตฺตาเห วีติวตฺเต นกฺขตฺตํ โอสิตํ. วณฺณทาสิยา มาตา ธีตุ อาคมนํ อทิสฺวา เสฏฺิปุตฺตานํ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘กหํ สา’’ติ ปุจฺฉิ. เต อุตฺตรเสฏฺิปุตฺตสฺส ฆรํ คนฺตฺวา ‘‘กหํ สา’’ติ ปุจฺฉึสุ. ‘‘ตงฺขณฺเว ตสฺสา ปริพฺพยํ ทตฺวา อุยฺโยเชสิ’’นฺติ. อถสฺสา มาตา โรทนฺตี ‘‘ธีตรํ เม น ปสฺสามิ, ธีตรํ เม สมาเนถา’’ติ อุตฺตรเสฏฺิปุตฺตํ อาทาย รฺโ สนฺติกํ อคมาสิ. ราชา อฏฺฏํ วินิจฺฉินนฺโต ‘‘อิเม เต เสฏฺิปุตฺตา วณฺณทาสึ อาเนตฺวา ตุยฺหํ อทํสู’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, เทวา’’ติ. ‘‘อิทานิ สา กห’’นฺติ? ‘‘น ชานามิ, ตงฺขณฺเว นํ อุยฺโยเชสิ’’นฺติ. ‘‘อิทานิ ตํ สมาเนตุํ สกฺโกสี’’ติ? ‘‘น สกฺโกมิ, เทวา’’ติ. ราชา ‘‘สเจ สมาเนตุํ น สกฺโกติ, ราชาณมสฺส กโรถา’’ติ อาห. อถ นํ ปจฺฉาพาหํ พนฺธิตฺวา ‘‘ราชาณํ กริสฺสามา’’ติ คเหตฺวา ปกฺกมึสุ. ‘‘เสฏฺิปุตฺตํ กิร วณฺณทาสึ สมาเนตุํ อสกฺโกนฺตํ ราชา ราชาณํ กาเรตี’’ติ สกลนครํ เอกโกลาหลํ อโหสิ. มหาชโน อุเร หตฺเถ เปตฺวา ‘‘กึ นาเมตํ, สามิ, อตฺตโน เต อนนุจฺฉวิกํ ลทฺธ’’นฺติ ปริเทวติ. เสฏฺิปิ ปุตฺตสฺส ปจฺฉโต ปจฺฉโต ปริเทวนฺโต คจฺฉติ.

เสฏฺิปุตฺโต จินฺเตสิ ‘‘อิทํ มยฺหํ เอวรูปํ ทุกฺขํ อคาเร วสนภาเวน อุปฺปนฺนํ. สเจ อิโต มุจฺจิสฺสามิ, มหาโคตมสมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สนฺติเก ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. สาปิ โข วณฺณทาสี ตํ โกลาหลสทฺทํ สุตฺวา ‘‘กึสทฺโท นาเมโส’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา เวเคน โอตริตฺวา ‘‘อุสฺสรถ, อุสฺสรถ, สามี, มํ ราชปุริสานํ ทฏฺุํ เทถา’’ติ อตฺตานํ ทสฺเสสิ. ราชปุริสา ตํ ทิสฺวา มาตรํ ปฏิจฺฉาเปตฺวา เสฏฺิปุตฺตํ มุฺจิตฺวา ปกฺกมึสุ. โส สหายกปริวุโตว นทึ คนฺตฺวา สสีสํ นฺหายิตฺวา เคหํ คนฺตฺวา ภุตฺตปาตราโส มาตาปิตโร วนฺทิตฺวา ปพฺพชฺชํ อนุชานาเปตฺวา จีวรสาฏเก อาทาย มหนฺเตน ปริวาเรน สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิตฺวา ปพฺพชฺชฺจ อุปสมฺปทฺจ ลภิตฺวา อวิสฺสฏฺกมฺมฏฺาโน วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา น จิรสฺเสว อรหตฺเต ปติฏฺาสิ.

อเถกทิวสํ ธมฺมสภายํ สนฺนิปติตา ภิกฺขู ‘‘อาวุโส, อุตฺตรเสฏฺิปุตฺโต อตฺตโน ภเย อุปฺปนฺเน สาสนสฺส คุณํ ชานิตฺวา ‘อิมมฺหา ทุกฺขา มุจฺจมาโน ปพฺพชิสฺสามี’ติ จินฺเตตฺวา เตน สุจินฺติเตน มรณมุตฺโต เจว, ปพฺพชิโต จ อคฺคผเล ปติฏฺิโต’’ติ ตสฺส คุณกถํ กเถสุํ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อุตฺตรเสฏฺิปุตฺโตว อตฺตโน ภเย อุปฺปนฺเน ‘อิมินา อุปาเยน อิมมฺหา ทุกฺขา มุจฺจิสฺสามี’ติ จินฺเตตฺวา มรณภยา มุตฺโต, อตีเต ปณฺฑิตาปิ อตฺตโน ภเย อุปฺปนฺเน ‘อิมินา อุปาเยน อิมมฺหา ทุกฺขา มุจฺจิสฺสามา’ติ จินฺเตตฺวา มรณภยโต มุจฺจึสุเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต จุติปฏิสนฺธิวเสน ปริวตฺตนฺโต วฏฺฏกโยนิยํ นิพฺพตฺติ. ตทา เอโก วฏฺฏกลุทฺทโก อรฺา พหู วฏฺฏเก อาหริตฺวา เคเห เปตฺวา โคจรํ ทตฺวา มูลํ คเหตฺวา อาคตาคตานํ หตฺเถ วฏฺฏเก วิกฺกิณนฺโต ชีวิกํ กปฺเปติ. โส เอกทิวสํ พหูหิ วฏฺฏเกหิ สทฺธึ โพธิสตฺตมฺปิ คเหตฺวา อาเนสิ. โพธิสตฺโต จินฺเตสิ ‘‘สจาหํ อิมินา ทินฺนํ โคจรฺจ ปานียฺจ ปริภุฺชิสฺสามิ, อยํ มํ คเหตฺวา อาคตานํ มนุสฺสานํ ทสฺสติ. สเจ ปน น ปริภุฺชิสฺสามิ, อหํ มิลายิสฺสามิ, อถ มํ มิลายนฺตํ ทิสฺวา มนุสฺสา น คณฺหิสฺสนฺติ. เอวํ เม โสตฺถิ ภวิสฺสติ, อิมํ อุปายํ กริสฺสามี’’ติ. โส ตถา กโรนฺโต มิลายิตฺวา อฏฺิจมฺมมตฺโต อโหสิ. มนุสฺสา ตํ ทิสฺวา น คณฺหึสุ. ลุทฺทโก โพธิสตฺตํ เปตฺวา เสเสสุ วฏฺฏเกสุ ปริกฺขีเณสุ ปจฺฉึ นีหริตฺวา ทฺวาเร เปตฺวา โพธิสตฺตํ หตฺถตเล กตฺวา ‘‘กึ นุ โข อยํ วฏฺฏโก’’ติ จินฺเตตฺวา โอโลเกตุํ อารทฺโธ. อถสฺส ปมตฺตภาวํ ตฺวา โพธิสตฺโต ปกฺเข ปสาเรตฺวา อุปฺปติตฺวา อรฺเมว คโต. อฺเ วฏฺฏกา ตํ ทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข น ปฺายสิ, กหํ คโตสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ลุทฺทเกน คหิโตมฺหี’’ติ วุตฺเต ‘‘กินฺติ กตฺวา มุตฺโตสี’’ติ ปุจฺฉึสุ. โพธิสตฺโต ‘‘อหํ เตน ทินฺนํ โคจรํ อคฺคเหตฺวา ปานียํ อปิวิตฺวา อุปายจินฺตาย มุตฺโต’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๑๑๘.

‘‘นาจินฺตยนฺโต ปุริโส, วิเสสมธิคจฺฉติ;

จินฺติตสฺส ผลํ ปสฺส, มุตฺโตสฺมิ วธพนฺธนา’’ติ.

ตตฺถายํ ปิณฺฑตฺโถ – ปุริโส ทุกฺขํ ปตฺวา ‘‘อิมินา นาม อุปาเยน อิมมฺหา ทุกฺขา มุจฺจิสฺสามี’’ติ อจินฺตยนฺโต อตฺตโน ทุกฺขา โมกฺขสงฺขาตํ วิเสสํ นาธิคจฺฉติ. อิทานิ ปน มยา จินฺติตกมฺมสฺส ผลํ ปสฺส. เตเนว อุปาเยน มุตฺโตสฺมิ วธพนฺธนา, มรณโต จ พนฺธนโต จ มุตฺโตสฺมิ อหนฺติ. เอวํ โพธิสตฺโต อตฺตนา กตการณํ อาจิกฺขิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา มรณมุตฺโต วฏฺฏโก อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

วฏฺฏชาตกวณฺณนา อฏฺมา.

[๑๑๙] ๙. อกาลราวิชาตกวณฺณนา

อมาตาปิตรสํวทฺโธติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ อกาลราวึ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิร สาวตฺถิวาสี กุลปุตฺโต สาสเน ปพฺพชิตฺวา วตฺตํ วา สิกฺขํ วา น อุคฺคณฺหิ. โส ‘‘อิมสฺมึ กาเล มยา วตฺตํ กาตพฺพํ, อิมสฺมึ กาเล อุปฏฺาตพฺพํ, อิมสฺมึ กาเล อุคฺคเหตพฺพํ, อิมสฺมึ กาเล สชฺฌายิตพฺพ’’นฺติ น ชานาติ, ปมยาเมปิ มชฺฌิมยาเมปิ ปจฺฉิมยาเมปิ ปพุทฺธปพุทฺธกฺขเณเยว มหาสทฺทํ กโรติ, ภิกฺขู นิทฺทํ น ลภนฺติ. ธมฺมสภายํ ภิกฺขู ‘‘อาวุโส, อสุโก นาม ภิกฺขุ เอวรูเป รตนสาสเน ปพฺพชิตฺวา วตฺตํ วา สิกฺขํ วา กาลํ วา อกาลํ วา น ชานาตี’’ติ ตสฺส อคุณกถํ กเถสุํ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนเวส อกาลราวี, ปุพฺเพปิ อกาลราวีเยว, กาลากาลํ อชานนภาเวน จ คีวาย วฏฺฏิตาย ชีวิตกฺขยํ ปตฺโต’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต อุทิจฺจพฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต สพฺพสิปฺเปสุ ปารํ คนฺตฺวา พาราณสิยํ ทิสาปาโมกฺโข อาจริโย หุตฺวา ปฺจสเต มาณเว สิปฺปํ วาเจติ. เตสํ มาณวานํ เอโก กาลราวี กุกฺกุโฏ อตฺถิ, เต ตสฺส วสฺสิตสทฺเทน อุฏฺาย สิปฺปํ สิกฺขนฺติ. โส กาลมกาสิ. เต อฺํ กุกฺกุฏํ ปริเยสนฺตา จรนฺติ. อเถโก มาณวโก สุสานวเน ทารูนิ อุทฺธรนฺโต เอกํ กุกฺกุฏํ ทิสฺวา อาเนตฺวา ปฺชเร เปตฺวา ปฏิชคฺคติ. โส สุสาเน วฑฺฒิตตฺตา ‘‘อสุกเวลาย นาม วสฺสิตพฺพ’’นฺติ อชานนฺโต กทาจิ อติรตฺตึ วสฺสติ, กทาจิ อรุณุคฺคมเน. มาณวา ตสฺส อติรตฺตึ วสฺสิตกาเล สิปฺปํ สิกฺขนฺตา ยาว อรุณุคฺคมนา สิกฺขิตุํ น สกฺโกนฺติ, นิทฺทายมานา คหิตฏฺานมฺปิ น ปสฺสนฺติ. อติปภาเต วสฺสิตกาเล สชฺฌายสฺส โอกาสเมว น ลภนฺติ. มาณวา ‘‘อยํ อติรตฺตึ วา วสฺสติ อติปภาเต วา, อิมํ นิสฺสาย อมฺหากํ สิปฺปํ น นิฏฺายิสฺสตี’’ติ ตํ คเหตฺวา คีวํ วฏฺเฏตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปตฺวา ‘‘อกาลราวี กุกฺกุโฏ อมฺเหหิ ฆาติโต’’ติ อาจริยสฺส กเถสุํ. อาจริโย ‘‘โอวาทํ อคฺคเหตฺวา สํวฑฺฒิตภาเวน มรณํ ปตฺโต’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๑๑๙.

‘‘อมาตาปิตร-สํวทฺโธ, อนาเจรกุเล วสํ;

นายํ กาลํ อกาลํ วา, อภิชานาติ กุกฺกุโฏ’’ติ.

ตตฺถ อมาตาปิตรสํวทฺโธติ มาตาปิตโร นิสฺสาย เตสํ โอวาทํ อคฺคเหตฺวา สํวฑฺโฒ. อนาเจรกุเล วสนฺติ อาจริยกุเลปิ อวสมาโน, อาจารสิกฺขาปกํ กฺจิ นิสฺสาย อวสิตตฺตาติ อตฺโถ. นายํ กาลํ อกาลํ วาติ ‘‘อิมสฺมึ กาเล วสฺสิตพฺพํ, อิมสฺมึ น วสฺสิตพฺพ’’นฺติ เอวํ วสฺสิตพฺพยุตฺตกํ กาลํ วา อกาลํ วา เอส กุกฺกุโฏ น ชานาติ, อชานนภาเวเนว ชีวิตกฺขยํ ปตฺโตติ. อิทํ การณํ ทสฺเสตฺวา โพธิสตฺโต ยาวตายุกํ ตฺวา ยถากมฺมํ คโต.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา อกาลราวี กุกฺกุโฏ อยํ ภิกฺขุ อโหสิ, อนฺเตวาสิกา พุทฺธปริสา, อาจริโย ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

อกาลราวิชาตกวณฺณนา นวมา.

[๑๒๐] ๑๐. พนฺธนโมกฺขชาตกวณฺณนา

อพทฺธา ตตฺถ พชฺฌนฺตีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต จิฺจมาณวิกํ อารพฺภ กเถสิ. ตสฺสา วตฺถุ ทฺวาทสกนิปาเต มหาปทุมชาตเก (ชา. ๑.๑๒.๑๐๖ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติ. ตทา ปน สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, จิฺจมาณวิกา อิทาเนว มํ อภูเตน อพฺภาจิกฺขติ, ปุพฺเพปิ อพฺภาจิกฺขิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ปุโรหิตสฺส เคเห นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ปิตุ อจฺจเยน ตสฺเสว ปุโรหิโต อโหสิ. เตน อคฺคมเหสิยา วโร ทินฺโน โหติ ‘‘ภทฺเท, ยํ อิจฺฉสิ, ตํ วเทยฺยาสี’’ติ. สา เอวมาห ‘‘น มยฺหํ อฺโ วโร นาม ทุลฺลโภ, อิโต ปน เต ปฏฺาย อฺา อิตฺถี กิเลสวเสน น โอโลเกตพฺพา’’ติ. โส ปฏิกฺขิปิตฺวา ปุนปฺปุนํ นิปฺปีฬิยมาโน ตสฺสา วจนํ อติกฺกมิตุํ อสกฺโกนฺโต สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตโต ปฏฺาย โสฬสสุ นาฏกิตฺถิสหสฺเสสุ กิเลสวเสน เอกิตฺถิมฺปิ น โอโลเกสิ.

อถสฺส ปจฺจนฺโต กุปฺปิ, ปจฺจนฺเต ิตา โยธา โจเรหิ สทฺธึ ทฺเว ตโย สงฺคาเม กตฺวา ‘‘อิโต อุตฺตริ มยํ น สกฺโกมา’’ติ รฺโ ปณฺณํ เปเสสุํ. ราชา ตตฺถ คนฺตุกาโม พลกายํ สํหริตฺวา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘ภทฺเท, อหํ ปจฺจนฺตํ คจฺฉามิ, ตตฺถ นานปฺปการานิ ยุทฺธานิ โหนฺติ, ชยปราชโยปิ อนิพทฺโธ, ตาทิเสสุ าเนสุ มาตุคาโม ทุปฺปริหาโร, ตฺวํ อิเธว นิวตฺตาหี’’ติ อาห. สา ‘‘น สกฺกา, เทว, มยา นิวตฺติตุ’’นฺติ ปุนปฺปุนํ รฺา ปฏิกฺขิตฺตา อาห ‘‘เตน หิ เอเกกํ โยชนํ คนฺตฺวา มยฺหํ สุขทุกฺขชานนตฺถํ เอเกกํ มนุสฺสํ เปเสยฺยาถา’’ติ. ราชา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา โพธิสตฺตํ นคเร เปตฺวา มหนฺเตน พลกาเยน นิกฺขมิตฺวา คจฺฉนฺโต โยชเน โยชเน เอเกกํ ปุริสํ ‘‘อมฺหากํ อาโรคฺยํ อาโรเจตฺวา เทวิยา สุขทุกฺขํ ชานิตฺวา อาคจฺฉา’’ติ เปเสสิ. สา อาคตาคตํ ปุริสํ ‘‘ราชา กิมตฺถํ ตํ เปเสตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ตุมฺหากํ สุขทุกฺขชานนตฺถายา’’ติ วุตฺเต ‘‘เตน หิ เอหี’’ติ เตน สทฺธึ อสทฺธมฺมํ ปฏิเสวติ. ราชา ทฺวตฺตึสโยชนมคฺคํ คจฺฉนฺโต ทฺวตฺตึส ชเน เปเสสิ, สา สพฺเพหิปิ เตหิ สทฺธึ ตเถว อกาสิ.

ราชา ปจฺจนฺตํ วูปสเมตฺวา ชนปทํ สมสฺสาเสตฺวา ปุน อาคจฺฉนฺโตปิ ตเถว ทฺวตฺตึส ชเน เปเสสิ, สา เตหิปิ สทฺธึ ตเถว วิปฺปฏิปชฺชิเยว. ราชา อาคนฺตฺวา ชยกฺขนฺธาวารฏฺาเน ตฺวา ‘‘นครํ ปฏิชคฺคาเปตู’’ติ โพธิสตฺตสฺส ปณฺณํ เปเสสิ. โพธิสตฺโต สกลนครํ ปฏิชคฺคาเปตฺวา ราชนิเวสนํ ปฏิชคฺคาเปนฺโต เทวิยา วสนฏฺานํ อคมาสิ. สา โพธิสตฺตสฺส รูปโสภคฺคปฺปตฺตํ กายํ ทิสฺวา สณฺาตุํ อสกฺโกนฺตี ‘‘เอหิ, พฺราหฺมณ, สยนํ อภิรุหา’’ติ อาห. โพธิสตฺโต ‘‘มา เอวํ อวจ, ราชาปิ ครุ, อกุสลมฺปิ ภายามิ, น สกฺกา มยา เอวํ กาตุ’’นฺติ อาห. ‘‘จตุสฏฺิยา ปาทมูลิกานํ เนว ราชา ครุ, น อกุสลํ ภายนฺติ. ตเวว ราชา ครุ, ตฺวํเยว จ อกุสลํ ภายสี’’ติ. ‘‘อาม, เทวิ, สเจ เตสมฺปิ เอวํ ภเวยฺย, น เอวรูปํ กเรยฺยุํ’’. ‘‘อหํ ปน ชานมาโน เอวรูปํ สาหสิยกมฺมํ น กริสฺสามี’’ติ. ‘‘กึ พหุํ วิปฺปลปสิ, สเจ เม วจนํ น กโรสิ, สีสํ เต ฉินฺทาเปสฺสามี’’ติ. ‘‘ติฏฺตุ ตาว เอกสฺมึ อตฺตภาเว สีสํ, อตฺตภาวสหสฺเสปิ สีเส ฉิชฺชนฺเต น สกฺกา มยา เอวรูปํ กาตุ’’นฺติ. สา ‘‘โหตุ, ชานิสฺสามี’’ติ โพธิสตฺตํ ตชฺเชตฺวา อตฺตโน คพฺภํ ปวิสิตฺวา สรีเร นขวฬฺชํ ทสฺเสตฺวา เตเลน คตฺตานิ อพฺภฺชิตฺวา กิลิฏฺวตฺถํ นิวาเสตฺวา คิลานาลยํ กตฺวา ทาสิโย อาณาเปสิ ‘รฺา กหํ เทวี’ติ วุตฺเต ‘คิลานา’ติ กเถยฺยาถา’’ติ.

โพธิสตฺโตปิ รฺโ ปฏิปถํ อคมาสิ. ราชา นครํ ปทกฺขิณํ กตฺวา ปาสาทํ อารุยฺห เทวึ อปสฺสนฺโต ‘‘กหํ, เทวี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘คิลานา, เทวา’’ติ. โสปิ สิริคพฺภํ ปวิสิตฺวา ตสฺสา ปิฏฺึ ปริมชฺชนฺโต ‘‘กึ เต, ภทฺเท, อผาสุก’’นฺติ ปุจฺฉิ. สา ตุณฺหี อโหสิ. ตติยวาเร ราชานํ โอโลเกตฺวา ‘‘ตฺวมฺปิ, มหาราช, ชีวสิ นาม, มาทิสาปิ อิตฺถิโย สสฺสามิกาเยว นามา’’ติ อาห. ‘‘กึ เอตํ, ภทฺเท’’ติ? ตุมฺเหหิ นครํ รกฺขนตฺถาย ปิโต ปุโรหิโต ‘‘ตุมฺหากํ นิเวสนํ ปฏิชคฺคามี’’ติ อิธาคนฺตฺวา อตฺตโน วจนํ อกโรนฺตึ มํ ปหริตฺวา อตฺตโน มนํ ปูเรตฺวา คโตติ. ราชา อคฺคิมฺหิ ปกฺขิตฺตโลณสกฺขรา วิย โกเธน ตฏตฏายนฺโต สิริคพฺภา นิกฺขมิตฺวา โทวาริกปาทมูลิกาทโย ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘คจฺฉถ, ภเณ, ปุโรหิตํ ปจฺฉาพาหํ พนฺธิตฺวา วชฺฌภาวปฺปตฺตํ กตฺวา นครา นีหริตฺวา อาฆาตนํ เนตฺวา สีสมสฺส ฉินฺทถา’’ติ อาห. เต เวเคน คนฺตฺวา ตํ ปจฺฉาพาหํ พนฺธิตฺวา วชฺฌเภรึ จราเปสุํ.

โพธิสตฺโต จินฺเตสิ – ‘‘อทฺธา ตาย ทุฏฺเทวิยา ราชา ปุเรตรเมว ปริภินฺโน, อชฺช ทานาหํ อตฺตโน พเลเนว อตฺตานํ โมเจสฺสามี’’ติ. โส เต ปุริเส อาห ‘‘โภ, ตุมฺเห มํ มาเรนฺตา รฺโ ทสฺเสตฺวาว มาเรถา’’ติ. ‘‘กึการณา’’ติ? ‘‘อหํ ราชกมฺมิโก, พหุ เม กมฺมํ กตํ, พหูนิ มหานิธิฏฺานานิ ชานามิ, ราชกุฏุมฺพํ มยา วิจาริตํ. สเจ มํ รฺโ น ทสฺเสสฺสถ, พหุธนํ นสฺสิสฺสติ, มยา รฺโ สาปเตยฺเย อาจิกฺขิเต ปจฺฉา กาตพฺพํ กโรถา’’ติ. เต ตํ รฺโ ทสฺสยึสุ. ราชา ตํ ทิสฺวาว ‘‘กสฺมา โภ, พฺราหฺมณ, มยิ ลชฺชํ น อกาสิ, กสฺมา เต เอวรูปํ ปาปกมฺมํ กต’’นฺติ อาห. ‘‘มหาราช, อหํ โสตฺถิยกุเล ชาโต, มยา กุนฺถกิปิลฺลิกมตฺโตปิ ปาณาติปาโต น กตปุพฺโพ, ติณสลากมตฺตมฺปิ อทินฺนํ นาทินฺนปุพฺพํ, โลภวเสน ปเรสํ อิตฺถี อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวาปิ น โอโลกิตปุพฺพา, หสฺสวเสนาปิ มุสา น ภาสิตปุพฺพา, กุสคฺเคนาปิ มชฺชํ น ปีตปุพฺพํ, อหํ ตุมฺเหสุ นิรปราโธ. สา ปน พาลา โลภวเสน มํ หตฺเถ คเหตฺวา มยา ปฏิกฺขิตฺตา มํ ตชฺเชตฺวา อตฺตนา กตํ ปาปํ อุตฺตานํ กตฺวา มม อาจิกฺขิตฺวา อนฺโตคพฺภํ ปวิฏฺา. อหํ นิรปราโธ, ปณฺณํ คเหตฺวา ปน อาคตา จตุสฏฺิ ชนา สาปราธา, เต ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘ตาย โว วจนํ กตํ, น กต’’นฺติ ปุจฺฉ, เทวาติ. ราชา เต จตุสฏฺิ ชเน พนฺธาเปตฺวา เทวึ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘ตยา เอเตหิ สทฺธึ ปาปํ กตํ, น กต’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘กตํ, เทวา’’ติ วุตฺเต เต ปจฺฉาพาหํ พนฺธาเปตฺวา ‘‘อิเมสํ จตุสฏฺิชนานํ สีสานิ ฉินฺทถา’’ติ อาณาเปสิ.

อถ นํ โพธิสตฺโต อาห – ‘‘นตฺถิ, มหาราช, เอเตสํ โทโส, เทวี อตฺตโน รุจึ การาเปสิ. นิรปราธา เอเต, ตสฺมา เนสํ ขมถ. ตสฺสาปิ โทโส นตฺถิ, อิตฺถิโย นาม เมถุนธมฺเมน อติตฺตา. ชาติสภาโว หิ เอส. เอตาสํ ขมิตพฺพยุตฺตเมว โหติ. ตสฺมา เอติสฺสาปิ ขมถา’’ติ นานปฺปกาเรน ราชานํ สฺาเปตฺวา เต จตุสฏฺิปิ ชเน ตฺจ พาลํ โมจาเปตฺวา สพฺเพสํ ยถาสกานิ านานิ ทาเปสิ. เอวํ เต สพฺเพ โมเจตฺวา สกฏฺาเน ปติฏฺาเปตฺวา โพธิสตฺโต ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘มหาราช, อนฺธพาลานํ นาม อวตฺถุเกน วจเนน อพนฺธิตพฺพยุตฺตกาปิ ปณฺฑิตา ปจฺฉาพาหํ พทฺธา, ปณฺฑิตานํ การณยุตฺเตน วจเนน ปจฺฉาพาหํ พทฺธาปิ มุตฺตา. เอวํ พาลา นาม อพนฺธิตพฺพยุตฺตเกปิ พนฺธาเปนฺติ, ปณฺฑิตา พทฺเธปิ โมเจนฺตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๑๒๐.

‘‘อพทฺธา ตตฺถ พชฺฌนฺติ, ยตฺถ พาลา ปภาสเร;

พทฺธาปิ ตตฺถ มุจฺจนฺติ, ยตฺถ ธีรา ปภาสเร’’ติ.

ตตฺถ อพทฺธาติ อพนฺธิตพฺพยุตฺตา. ปภาสเรติ ปภาสนฺติ วทนฺติ กเถนฺติ.

เอวํ มหาสตฺโต อิมาย คาถาย รฺโ ธมฺมํ เทเสตฺวา ‘‘มยา อิมํ ทุกฺขํ อคาเร วสนภาเวน ลทฺธํ, อิทานิ เม อคาเรน กิจฺจํ นตฺถิ, ปพฺพชฺชํ เม อนุชาน, เทวา’’ติ ปพฺพชฺชํ อนุชานาเปตฺวา อสฺสุมุขํ าติชนํ มหนฺตฺจ วิภวํ ปหาย อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา หิมวนฺเต วสนฺโต อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา พฺรหฺมโลกปรายโณ อโหสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ทุฏฺเทวี จิฺจมาณวิกา อโหสิ, ราชา อานนฺโท, ปุโรหิโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

พนฺธนโมกฺขชาตกวณฺณนา ทสมา.

หํจิวคฺโค ทฺวาทสโม.

ตสฺสุทฺทานํ –

คทฺรภปฺหา อมรา, สิงฺคาลํ มิตจินฺติ จ;

อนุสาสิกทุพฺพจํ, ติตฺติรํ วฏฺฏกํ ปุน;

อกาลราวิ พนฺธนนฺติ.

๑๓. กุสนาฬิวคฺโค

[๑๒๑] ๑. กุสนาฬิชาตกวณฺณนา

กเร สริกฺโขติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อนาถปิณฺฑิกสฺส มิตฺตํ อารพฺภ กเถสิ. อนาถปิณฺฑิกสฺส หิ มิตฺตสุหชฺชาติพนฺธวา เอกโต หุตฺวา ‘‘มหาเสฏฺิ อยํ ตยา ชาติโคตฺตธนธฺาทีหิ เนว สทิโส, น อุตฺตริตโร, กสฺมา เอเตน สทฺธึ สนฺถวํ กโรสิ, มา กโรหี’’ติ ปุนปฺปุนํ นิวาเรสุํ. อนาถปิณฺฑิโก ปน ‘‘มิตฺตสนฺถโว นาม หีเนหิปิ สเมหิปิ อติเรเกหิปิ กตฺตพฺโพเยวา’’ติ เตสํ วจนํ อคฺคเหตฺวา โภคคามํ คจฺฉนฺโต ตํ กุฏุมฺพรกฺขกํ กตฺวา อคมาสีติ สพฺพํ กาฬกณฺณิวตฺถุสฺมึ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. อิธ ปน อนาถปิณฺฑิเกน อตฺตโน ฆเร ปวตฺติยา อาโรจิตาย สตฺถา ‘‘คหปติ, มิตฺโต นาม ขุทฺทโก นตฺถิ, มิตฺตธมฺมํ รกฺขิตุํ สมตฺถภาโวเวตฺถ ปมาณํ, มิตฺโต นาม อตฺตนา สโมปิ หีโนปิ เสฏฺโปิ คเหตพฺโพ. สพฺเพปิ เหเต อตฺตโน ปตฺตภารํ นิตฺถรนฺติเยว, อิทานิ ตาว ตฺวํ อตฺตโน นีจมิตฺตํ นิสฺสาย กุฏุมฺพสฺส สามิโก ชาโต, โปราณา ปน นีจมิตฺตํ นิสฺสาย วิมานสามิกา ชาตา’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต รฺโ อุยฺยาเน กุสนาฬิคจฺเฉ เทวตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ตสฺมึเยว จ อุยฺยาเน มงฺคลสิลํ นิสฺสาย อุชุคตกฺขนฺโธ ปริมณฺฑลสาขาวิฏปสมฺปนฺโน รฺโ สนฺติกา ลทฺธสมฺมาโน รุจมงฺคลรุกฺโข อตฺถิ, ‘‘มุขโก’’ติปิ วุจฺจติ. ตสฺมึ เอโก มเหสกฺโข เทวราชา นิพฺพตฺติ. โพธิสตฺตสฺส เตน สทฺธึ มิตฺตสนฺถโว อโหสิ. ตทา ราชา เอกสฺมึ เอกตฺถมฺภเก ปาสาเท วสติ, ตสฺส โส ถมฺโภ จลิ. อถสฺส จลิตภาวํ รฺโ อาโรเจสุํ. ราชา วฑฺฒกี ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘ตาตา, มม เอกตฺถมฺภกสฺส มงฺคลปาสาทสฺส ถมฺโภ จลิโต, เอกํ สารตฺถมฺภํ อาหริตฺวา ตํ นิจฺจลํ กโรถา’’ติ อาห. เต ‘‘สาธุ, เทวา’’ติ รฺโ วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตทนุจฺฉวิกํ รุกฺขํ ปริเยสมานา อฺตฺถ อทิสฺวา อุยฺยานํ ปวิสิตฺวา ตํ มุขกรุกฺขํ ทิสฺวา รฺโ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘กึ, ตาตา, ทิฏฺโ โว ตทนุจฺฉวิโก รุกฺโข’’ติ วุตฺเต ‘‘ทิฏฺโ, เทว, อปิจ ตํ ฉินฺทิตุํ น วิสหามา’’ติ อาหํสุ. ‘‘กึการณา’’ติ? มยฺหิ อฺตฺถ รุกฺขํ อปสฺสนฺตา อุยฺยานํ ปวิสิมฺห, ตตฺรปิ เปตฺวา มงฺคลรุกฺขํ อฺํ น ปสฺสาม. อิติ นํ มงฺคลรุกฺขตาย ฉินฺทิตุํ น วิสหามาติ. คจฺฉถ, ตํ ฉินฺทิตฺวา ปาสาทํ ถิรํ กโรถ, มยํ อฺํ มงฺคลรุกฺขํ กริสฺสามาติ. เต ‘‘สาธู’’ติ พลิกมฺมํ คเหตฺวา อุยฺยานํ คนฺตฺวา ‘‘สฺเว ฉินฺทิสฺสามา’’ติ รุกฺขสฺส พลิกมฺมํ กตฺวา นิกฺขมึสุ.

รุกฺขเทวตา ตํ การณํ ตฺวา ‘‘สฺเว มยฺหํ วิมานํ นาเสสฺสนฺติ, ทารเก คเหตฺวา กุหึ คมิสฺสามี’’ติ คนฺตพฺพฏฺานํ อปสฺสนฺตี ปุตฺตเก คีวาย คเหตฺวา ปโรทิ. ตสฺสา สนฺทิฏฺสมฺภตฺตา รุกฺขเทวตา อาคนฺตฺวา ‘‘กึ เอต’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ตํ การณํ สุตฺวา สยมฺปิ วฑฺฒกีนํ ปฏิกฺกมนูปายํ อปสฺสนฺติโย ตํ ปริสฺสชิตฺวา โรทิตุํ อารภึสุ. ตสฺมึ สมเย โพธิสตฺโต ‘‘รุกฺขเทวตํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ ตตฺถ คนฺตฺวา ตํ การณํ สุตฺวา ‘‘โหตุ, มา จินฺตยิตฺถ, อหํ รุกฺขํ ฉินฺทิตุํ น ทสฺสามิ, สฺเว วฑฺฒกีนํ อาคตกาเล มม การณํ ปสฺสถา’’ติ ตา เทวตา สมสฺสาเสตฺวา ปุนทิวเส วฑฺฒกีนํ อาคตเวลาย กกณฺฏกเวสํ คเหตฺวา วฑฺฒกีนํ ปุรโต คนฺตฺวา มงฺคลรุกฺขสฺส มูลนฺตรํ ปวิสิตฺวา ตํ รุกฺขํ สุสิรํ วิย กตฺวา รุกฺขมชฺเฌน อภิรุหิตฺวา ขนฺธมตฺถเกน นิกฺขมิตฺวา สีสํ กมฺปยมาโน นิปชฺชิ. มหาวฑฺฒกี ตํ กกณฺฏกํ ทิสฺวา รุกฺขํ หตฺเถน ปหริตฺวา ‘‘สุสิรรุกฺโข เอโส นิสฺสาโร, หิยฺโย อนุปธาเรตฺวาว พลิกมฺมํ กริมฺหา’’ติ เอกฆนํ มหารุกฺขํ ครหิตฺวา ปกฺกามิ. รุกฺขเทวตา โพธิสตฺตํ นิสฺสาย วิมานสฺส สามินี ชาตา.

ตสฺสา ปฏิสนฺถารตฺถาย สนฺทิฏฺสมฺภตฺตา พหู เทวตา สนฺนิปตึสุ. รุกฺขเทวตา ‘‘วิมานํ เม ลทฺธ’’นฺติ ตุฏฺจิตฺตา ตาสํ เทวตานํ มชฺเฌ โพธิสตฺตสฺส คุณํ กถยมานา ‘‘โภ, เทวตา, มยํ มเหสกฺขา หุตฺวาปิ ทนฺธปฺตาย อิมํ อุปายํ น ชานิมฺห, กุสนาฬิเทวตา ปน อตฺตโน าณสมฺปตฺติยา อมฺเห วิมานสามิเก อกาสิ, มิตฺโต นาม สทิโสปิ อธิโกปิ หีโนปิ กตฺตพฺโพว. สพฺเพปิ หิ อตฺตโน ถาเมน สหายกานํ อุปฺปนฺนํ ทุกฺขํ นิตฺถริตฺวา สุเข ปติฏฺาเปนฺติเยวา’’ติ มิตฺตธมฺมํ วณฺเณตฺวา อิมํ คาถมาห –

๑๒๑.

‘‘กเร สริกฺโข อถ วาปิ เสฏฺโ, นิหีนโก วาปิ กเรยฺย เอโก;

กเรยฺยุเมเต พฺยสเน อุตฺตมตฺถํ, ยถา อหํ กุสนาฬิ รุจาย’’นฺติ.

ตตฺถ กเร สริกฺโขติ ชาติอาทีหิ สทิโสปิ มิตฺตธมฺมํ กเรยฺย. อถ วาปิ เสฏฺโติ ชาติอาทีหิ อธิโกปิ กเรยฺย. นิหีนโก วาปิ กเรยฺย เอโกติ เอโก ชาติอาทีหิ หีโนปิ มิตฺตธมฺมํ กเรยฺย. ตสฺมา สพฺเพปิ เอเต มิตฺตา กาตพฺพาเยวาติ ทีเปติ. กึการณา? กเรยฺยุเมเต พฺยสเน อุตฺตมตฺถนฺติ สพฺเพเปเต สหายสฺส พฺยสเน อุปฺปนฺเน อตฺตโน อตฺตโน ปตฺตภารํ วหมานา อุตฺตมตฺถํ กเรยฺยุํ, กายิกเจตสิกทุกฺขโต ตํ สหายกํ โมเจยฺยุเมวาติ อตฺโถ. ตสฺมา หีโนปิ มิตฺโต กาตพฺโพเยว, ปเคว อิตเร. ตตฺริทํ โอปมฺมํ – ยถา อหํ กุสนาฬิ รุจายนฺติ, ยถา อหํ รุจายํ นิพฺพตฺตเทวตา อยฺจ กุสนาฬิเทวตา, อปฺเปสกฺขาปิ มิตฺตสนฺถวํ กริมฺห, ตตฺรปาหํ มเหสกฺขาปิ สมานา อตฺตโน อุปฺปนฺนทุกฺขํ พาลตาย อนุปายกุสลตาย หริตุํ นาสกฺขึ, อิมํ ปน อปฺเปสกฺขมฺปิ สมานํ ปณฺฑิตเทวตํ นิสฺสาย ทุกฺขโต มุตฺโตมฺหิ. ตสฺมา อฺเหิปิ ทุกฺขา มุจฺจิตุกาเมหิ สมวิสิฏฺภาวํ อโนโลเกตฺวา หีโนปิ ปณฺฑิโต มิตฺโต กาตพฺโพติ.

รุจาเทวตา อิมาย คาถาย เทวสงฺฆสฺส ธมฺมํ เทเสตฺวา ยาวตายุกํ ตฺวา สทฺธึ กุสนาฬิเทวตาย ยถากมฺมํ คตา.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา รุจาเทวตา อานนฺโท อโหสิ, กุสนาฬิเทวตา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

กุสนาฬิชาตกวณฺณนา ปมา.

[๑๒๒] ๒. ทุมฺเมธชาตกวณฺณนา

ยสํ ลทฺธาน ทุมฺเมโธติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เทวทตฺตํ อารพฺภ กเถสิ. ธมฺมสภายฺหิ ภิกฺขู ‘‘อาวุโส เทวทตฺโต, ตถาคตสฺส ปุณฺณจนฺทสสฺสิริกมุขํ อสีตานุพฺยฺชนทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณปฏิมณฺฑิตํ พฺยามปฺปภาปริกฺขิตฺตํ อาเวฬาเวฬาภูตา ยมกยมกภูตา ฆนพุทฺธรสฺมิโย วิสฺสชฺเชนฺตํ ปรมโสภคฺคปฺปตฺตํ อตฺตภาวฺจ โอโลเกตฺวา จิตฺตํ ปสาเทตุํ น สกฺโกติ, อุสูยเมว กโรติ. ‘พุทฺธา นาม เอวรูเปน สีเลน สมาธินา ปฺาย วิมุตฺติยา วิมุตฺติาณทสฺสเนน สมนฺนาคตา’ติ วุจฺจมาเน วณฺณํ สหิตุํ น สกฺโกติ, อุสูยเมว กโรตี’’ติ เทวทตฺตสฺส อคุณกถํ กถยึสุ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว เทวทตฺโต มม วณฺเณ ภฺมาเน อุสูยํ กโรติ, ปุพฺเพปิ อกาสิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต มคธรฏฺเ ราชคหนคเร เอกสฺมึ มคธราเช รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต หตฺถิโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา สพฺพเสโต อโหสิ เหฏฺา วณฺณิตสทิสาย รูปสมฺปตฺติยา สมนฺนาคโต. อถ นํ ‘‘ลกฺขณสมฺปนฺโน อย’’นฺติ โส ราชา มงฺคลหตฺถึ อกาสิ. อเถกสฺมึ ฉณทิวเส สกลนครํ เทวนครํ วิย อลงฺการาเปตฺวา สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิตํ มงฺคลหตฺถึ อภิรุหิตฺวา มหนฺเตน ราชานุภาเวน นครํ ปทกฺขิณํ อกาสิ. มหาชโน ตตฺถ ตตฺถ ตฺวา มงฺคลหตฺถิโน รูปโสภคฺคปฺปตฺตํ สรีรํ ทิสฺวา ‘‘อโห รูปํ, อโห คติ, อโห ลีฬา, อโห ลกฺขณสมฺปตฺติ, เอวรูโป นาม สพฺพเสตวรวารโณ จกฺกวตฺติรฺโ อนุจฺฉวิโก’’ติ มงฺคลหตฺถิเมว วณฺเณสิ.

ราชา มงฺคลหตฺถิสฺส วณฺณํ สุตฺวา สหิตุํ อสกฺโกนฺโต อุสูยํ อุปฺปาเทตฺวา ‘‘อชฺเชว ตํ ปพฺพตปาเท ปาเตตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปสฺสามี’’ติ หตฺถาจริยํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘กินฺติ กตฺวา ตยา อยํ นาโค สิกฺขาปิโต’’ติ อาห. ‘‘สุสิกฺขาปิโต, เทวา’’ติ. ‘‘น สุสิกฺขิโต, ทุสิกฺขิโต’’ติ. ‘‘สุสิกฺขิโต, เทวา’’ติ. ‘‘ยทิ สุสิกฺขิโต, สกฺขิสฺสสิ นํ เวปุลฺลปพฺพตมตฺถกํ อาโรเปตุ’’นฺติ. ‘‘อาม, เทวา’’ติ. ‘‘เตน หิ เอหี’’ติ สยํ โอตริตฺวา หตฺถาจริยํ อาโรเปตฺวา ปพฺพตปาทํ คนฺตฺวา หตฺถาจริเยน หตฺถิปิฏฺิยํ นิสีทิตฺวาว หตฺถิมฺหิ เวปุลฺลปพฺพตมตฺถกํ อาโรปิเต สยมฺปิ อมจฺจคณปริวุโต ปพฺพตมตฺถกํ อภิรุหิตฺวา หตฺถึ ปปาตาภิมุขํ กาเรตฺวา ‘‘ตฺวํ ‘มยา เอส สุสิกฺขาปิโต’ติ วเทสิ, ตีหิเยว ตาว นํ ปาเทหิ เปหี’’ติ อาห. หตฺถาจริโย ปิฏฺิยํ นิสีทิตฺวาว ‘‘โภ ตีหิ ปาเทหิ ติฏฺา’’ติ หตฺถิสฺส ปณฺหิกาย สฺํ อทาสิ, มหาสตฺโต ตถา อกาสิ. ปุน ราชา ‘‘ทฺวีหิ ปุริมปาเทหิเยว เปหี’’ติ อาห, มหาสตฺโต ทฺเว ปจฺฉิมปาเท อุกฺขิปิตฺวา ปุริมปาเทหิ อฏฺาสิ. ‘‘ปจฺฉิมปาเทหิเยวา’’ติ วุตฺเตปิ ทฺเว ปุริมปาเท อุกฺขิปิตฺวา ปจฺฉิมปาเทหิ อฏฺาสิ, ‘‘เอเกนา’’ติ วุตฺเตปิ ตโย ปาเท อุกฺขิปิตฺวา เอเกเนว อฏฺาสิ. อถสฺส อปตนภาวํ ตฺวา ‘‘สเจ ปโหสิ, อากาเส นํ เปหี’’ติ อาห.

อาจริโย จินฺเตสิ – ‘‘สกลชมฺพุทีเป อิมินา สทิโส สุสิกฺขิโต หตฺถี นาม นตฺถิ, นิสฺสํสยํ ปเนตํ เอส ปปาเต ปาเตตฺวา มาเรตุกาโม ภวิสฺสตี’’ติ. โส ตสฺส กณฺณมูเล มนฺเตสิ ‘‘ตาต, อยํ ราชา ตํ ปปาเต ปาเตตฺวา มาเรตุกาโม, น ตฺวํ เอตสฺส อนุจฺฉวิโก. สเจ เต อากาเสน คนฺตุํ พลํ อตฺถิ, มํ ยถานิสินฺนํเยว อาทาย เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา พาราณสึ คจฺฉา’’ติ. ปุฺิทฺธิยา สมนฺนาคโต มหาสตฺโต ตงฺขณฺเว อากาเส อฏฺาสิ. หตฺถาจริโย ‘‘มหาราช, อยํ หตฺถี ปุฺิทฺธิยา สมนฺนาคโต, น ตาทิสสฺส มนฺทปุฺสฺส ทุพฺพุทฺธิโน อนุจฺฉวิโก, ปณฺฑิตสฺส ปุฺสมฺปนฺนสฺส รฺโ อนุจฺฉวิโก, ตาทิสา นาม มนฺทปุฺา เอวรูปํ วาหนํ ลภิตฺวา ตสฺส คุณํ อชานนฺตา ตฺเจว วาหนํ อวเสสฺจ ยสสมฺปตฺตึ นาเสนฺติเยวา’’ติ วตฺวา หตฺถิกฺขนฺเธ นิสินฺโนว อิมํ คาถมาห –

๑๒๒.

‘‘ยสํ ลทฺธาน ทุมฺเมโธ, อนตฺถํ จรติ อตฺตโน;

อตฺตโน จ ปเรสฺจ, หึสาย ปฏิปชฺชตี’’ติ.

ตตฺรายํ สงฺเขปตฺโถ – มหาราช, ตาทิโส ทุมฺเมโธ นิปฺปฺโ ปุคฺคโล ปริวารสมฺปตฺตึ ลภิตฺวา อตฺตโน อนตฺถํ จรติ. กึการณา? โส หิ ยสมทมตฺโต กตฺตพฺพากตฺตพฺพํ อชานนฺโต อตฺตโน จ ปเรสฺจ หึสาย ปฏิปชฺชติ. หึสา วุจฺจติ กิลมนํ ทุกฺขุปฺปาทนํ, ตทตฺถาย เอว ปฏิปชฺชตีติ.

เอวํ อิมาย คาถาย รฺโ ธมฺมํ เทเสตฺวา ‘‘ติฏฺ ทานิ ตฺว’’นฺติ วตฺวา อากาเส อุปฺปติตฺวา พาราณสินครํ คนฺตฺวา ราชงฺคเณ อากาเส อฏฺาสิ. สกลนครํ สงฺขุภิตฺวา ‘‘อมฺหากํ รฺโ อากาเสน เสตวรวารโณ อาคนฺตฺวา ราชงฺคเณ ิโต’’ติ เอกโกลาหลํ อโหสิ. เวเคน รฺโปิ อาโรเจสุํ. ราชา นิกฺขมิตฺวา ‘‘สเจ มยฺหํ อุปโภคตฺถาย อาคโตสิ, ภูมิยํ ปติฏฺาหี’’ติ อาห. โพธิสตฺโต ภูมิยํ ปติฏฺาสิ, อาจริโย โอตริตฺวา ราชานํ วนฺทิตฺวา ‘‘กุโต อาคโตสิ, ตาตา’’ติ วุตฺเต ‘‘ราชคหโต’’ติ วตฺวา สพฺพํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ. ราชา ‘‘มนาปํ เต, ตาต, กตํ อิธาคจฺฉนฺเตนา’’ติ ตุฏฺหฏฺโ นครํ สชฺชาเปตฺวา วารณํ มงฺคลหตฺถิฏฺาเน เปตฺวา สกลรชฺชํ ตโย โกฏฺาเส กตฺวา เอกํ โพธิสตฺตสฺส อทาสิ, เอกํ อาจริยสฺส, เอกํ อตฺตนา อคฺคเหสิ. โพธิสตฺตสฺส อาคตกาลโต ปฏฺาเยว ปน รฺโ สกลชมฺพุทีเป รชฺชํ หตฺถคตเมว ชาตํ. โส ชมฺพุทีเป อคฺคราชา หุตฺวา ทานาทีนิ ปุฺานิ กตฺวา ยถากมฺมํ อคมาสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา มคธราชา เทวทตฺโต อโหสิ, พาราณสิราชา สาริปุตฺโต, หตฺถาจริโย อานนฺโท, หตฺถี ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

ทุมฺเมธชาตกวณฺณนา ทุติยา.

[๑๒๓] ๓. นงฺคลีสชาตกวณฺณนา

อสพฺพตฺถคามึ วาจนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ลาฬุทายิตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิร ธมฺมํ กเถนฺโต ‘‘อิมสฺมึ าเน อิทํ กเถตพฺพํ, อิมสฺมึ าเน อิทํ น กเถตพฺพ’’นฺติ ยุตฺตายุตฺตํ น ชานาติ, มงฺคเล อวมงฺคลํ วทนฺโต ‘‘ติโรกุฏฺเฏสุ ติฏฺนฺติ, สนฺธิสิงฺฆาฏเกสุ จา’’ติ อิทํ อวมงฺคลํ มงฺคลํ กตฺวา อนุโมทนํ กเถติ. อวมงฺคเลสุ อนุโมทนํ กโรนฺโต ‘‘พหู เทวา มนุสฺสา จ, มงฺคลานิ อจินฺตยุ’’นฺติ วตฺวา ‘‘เอวรูปานํ มงฺคลานํ สตมฺปิ สหสฺสมฺปิ กาตุํ สมตฺถา โหถา’’ติ วทติ. อเถกทิวสํ ธมฺมสภายํ ภิกฺขู ‘‘อาวุโส, ลาฬุทายี ยุตฺตายุตฺตํ น ชานาติ, สพฺพตฺถ อภาสิตพฺพวาจํ ภาสตี’’ติ กถํ สมุฏฺาเปสุํ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, ลาฬุทายี อิทาเนว ทนฺธปริสกฺกโน ยุตฺตายุตฺตํ น ชานาติ, ปุพฺเพปิ เอวรูโป อโหสิ, นิจฺจํ ลาฬโกเยว เอโส’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต พฺราหฺมณมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา พาราณสิยํ ทิสาปาโมกฺโข อาจริโย หุตฺวา ปฺจ มาณวกสตานิ สิปฺปํ วาเจสิ. ตทา เตสุ มาณเวสุ เอโก ทนฺธปริสกฺกโน ลาฬโก มาณโว ธมฺมนฺเตวาสิโก หุตฺวา สิปฺปํ อุคฺคณฺหาติ, ทนฺธภาเวน ปน อุคฺคณฺหิตุํ น สกฺโกติ. โพธิสตฺตสฺส ปน อุปกาโร โหติ, ทาโส วิย สพฺพกิจฺจานิ กโรติ. อเถกทิวสํ โพธิสตฺโต สายมาสํ ภุฺชิตฺวา สยเน นิปนฺโน ตํ มาณวํ หตฺถปาทปิฏฺิปริกมฺมานิ กตฺวา คจฺฉนฺตํ อาห ‘‘ตาต, มฺจปาเท อุปตฺถมฺเภตฺวา ยาหี’’ติ. มาณโว เอกํ ปาทํ อุปตฺถมฺเภตฺวา เอกสฺส อุปตฺถมฺภกํ อลภนฺโต อตฺตโน อูรุมฺหิ เปตฺวา รตฺตึ เขเปสิ.

โพธิสตฺโต ปจฺจูสสมเย อุฏฺาย ตํ ทิสฺวา ‘‘กึ, ตาต, นิสินฺโนสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาจริย, เอกสฺส มฺจปาทสฺส อุปตฺถมฺภกํ อลภนฺโต อูรุมฺหิ เปตฺวา นิสินฺโนมฺหี’’ติ. โพธิสตฺโต สํวิคฺคมานโส หุตฺวา ‘‘อยํ อติ วิย มยฺหํ อุปกาโร, เอตฺตกานํ ปน มาณวกานํ อนฺตเร อยเมว ทนฺโธ สิปฺปํ สิกฺขิตุํ น สกฺโกติ, กถํ นุ โข อหํ อิมํ ปณฺฑิตํ กเรยฺย’’นฺติ จินฺเตสิ. อถสฺส เอตทโหสิ ‘‘อตฺเถโก อุปาโย, อหํ อิมํ มาณวํ ทารุอตฺถาย ปณฺณตฺถาย จ วนํ คนฺตฺวา อาคตํ ‘อชฺช เต กึ ทิฏฺํ, กึ กต’นฺติ ปุจฺฉิสฺสามิ. อถ เม ‘อิทํ นาม อชฺช มยา ทิฏฺํ, อิทํ กต’นฺติ อาจิกฺขิสฺสติ. อถ นํ ‘ตยา ทิฏฺฺจ กตฺจ กีทิส’นฺติ ปุจฺฉิสฺสามิ, โส ‘เอวรูปํ นามา’ติ อุปมาย จ การเณน จ กเถสฺสติ. อิติ นํ นวํ นวํ อุปมฺจ การณฺจ กถาเปตฺวา อิมินา อุปาเยน ปณฺฑิตํ กริสฺสามี’’ติ. โส ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘ตาต มาณว, อิโต ปฏฺาย ทารุอตฺถาย วา ปณฺณตฺถาย วา คตฏฺาเน ยํ เต ตตฺถ ทิฏฺํ วา สุตํ วา ภุตฺตํ วา ปีตํ วา ขาทิตํ วา โหติ, ตํ อาคนฺตฺวา มยฺหํ อาโรเจยฺยาสี’’ติ อาห.

โส ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา เอกทิวสํ มาณเวหิ สทฺธึ ทารุอตฺถาย อรฺํ คโต ตตฺถ สปฺปํ ทิสฺวา อาคนฺตฺวา ‘‘อาจริย, สปฺโป เม ทิฏฺโ’’ติ อาโรเจสิ. ‘‘สปฺโป นาม, ตาต, กีทิโส โหตี’’ติ? ‘‘เสยฺยถาปิ นงฺคลีสา’’ติ. ‘‘สาธุ, ตาต, มนาปา เต อุปมา อาหฏา, สปฺปา นาม นงฺคลีสสทิสาว โหนฺตี’’ติ. อถ โพธิสตฺโต ‘‘มาณวเกน มนาปา อุปมา อาหฏา, สกฺขิสฺสามิ นํ ปณฺฑิตํ กาตุ’’นฺติ จินฺเตสิ. มาณโว ปุน เอกทิวสํ อรฺเ หตฺถึ ทิสฺวา ‘‘หตฺถี เม อาจริย ทิฏฺโ’’ติ อาห. ‘‘หตฺถี นาม, ตาต, กีทิโส’’ติ? ‘‘เสยฺยถาปิ, นงฺคลีสา’’ติ. โพธิสตฺโต ‘‘หตฺถิสฺส โสณฺฑา นงฺคลีสสทิสา โหนฺติ, ทนฺตาทโย เอวรูปา จ เอวรูปา จ. อยํ ปน พาลตาย วิภชิตฺวา กเถตุํ อสกฺโกนฺโต โสณฺฑํ สนฺธาย กเถสิ มฺเ’’ติ ตุณฺหี อโหสิ. อเถกทิวสํ นิมนฺตเน อุจฺฉุํ ลภิตฺวา ‘‘อาจริย, อชฺช มยํ อุจฺฉุ ขาทิมฺหา’’ติ อาห. ‘‘อุจฺฉุ นาม กีทิโส’’ติ วุตฺเต ‘‘เสยฺยถาปิ นงฺคลีสา’’ติ อาห. อาจริโย ‘‘โถกํ ปติรูปํ การณํ กเถสี’’ติ ตุณฺหี ชาโต.

ปุเนกทิวสํ นิมนฺตเน เอกจฺเจ มาณวา คุฬํ ทธินา ภุฺชึสุ, เอกจฺเจ ขีเรน. โส อาคนฺตฺวา ‘‘อาจริย, อชฺช มยํ ทธินา ขีเรน จ ภุฺชิมฺหา’’ติ วตฺวา ‘‘ทธิขีรํ นาม กีทิสํ โหตี’’ติ วุตฺเต ‘‘เสยฺยถาปิ นงฺคลีสา’’ติ อาห. อาจริโย ‘‘อยํ มาณโว ‘สปฺโป นงฺคลีสสทิโส’ติ กเถนฺโต ตาว สุกถิตํ กเถสิ, ‘หตฺถี นงฺคลีสสทิโส’ติ กเถนฺเตนาปิ โสณฺฑํ สนฺธาย เลเสน กถิตํ. ‘อุจฺฉุ นงฺคลีสสทิส’นฺติ กถเนปิ เลโส อตฺถิ, ‘ทธิขีรานิ ปน นิจฺจํ ปณฺฑรานิ ปกฺขิตฺตภาชนสณฺานานี’ติ อิธ สพฺเพน สพฺพํ อุปมํ น กเถสิ, น สกฺกา อิมํ ลาฬกํ สิกฺขาเปตุ’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๑๒๓.

‘‘อสพฺพตฺถคามึ วาจํ, พาโล สพฺพตฺถ ภาสติ;

นายํ ทธึ เวทิ น นงฺคลีสํ, ทธิปฺปยํ มฺติ นงฺคลีส’’นฺติ.

ตตฺรายํ สงฺเขปตฺโถ – ยา วาจา โอปมฺมวเสน สพฺพตฺถ น คจฺฉติ, ตํ อสพฺพตฺถคามึ วาจํ พาโล ทนฺธปุคฺคโล สพฺพตฺถ ภาสติ, ‘‘ทธิ นาม กีทิส’’นฺติ ปุฏฺโปิ ‘‘เสยฺยถาปิ, นงฺคลีสา’’ติ วทเตว. เอวํ วทนฺโต นายํ ทธึ เวทิ น นงฺคลีสํ. กึการณา? ทธิปฺปยํ มฺติ นงฺคลีสํ, ยสฺมา อยํ ทธิมฺปิ นงฺคลีสเมว มฺติ. อถ วา ทธีติ ทธิเมว, ปยนฺติ ขีรํ, ทธิ จ ปยฺจ ทธิปฺปยํ. ยสฺมา ทธิขีรานิปิ อยํ นงฺคลีสเมว มฺติ, เอทิโส จายํ พาโล, กึ อิมินาติ อนฺเตวาสิกานํ ธมฺมกถํ กเถตฺวา ปริพฺพยํ ทตฺวา ตํ อุยฺโยเชสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ลาฬกมาณโว ลาฬุทายี อโหสิ, ทิสาปาโมกฺโข อาจริโย ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

นงฺคลีสชาตกวณฺณนา ตติยา.

[๑๒๔] ๔. อมฺพชาตกวณฺณนา

วายเมเถว ปุริโสติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ วตฺตสมฺปนฺนํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิร สาวตฺถิวาสี กุลปุตฺโต สาสเน อุรํ ทตฺวา ปพฺพชิโต วตฺตสมฺปนฺโน อโหสิ, อาจริยุปชฺฌายวตฺตานิ ปานียปริโภชนียอุโปสถาคารชนฺตาฆราทิวตฺตานิ จ สาธุกํ กโรติ, จุทฺทสสุ มหาวตฺเตสุ อสีติขนฺธกวตฺเตสุ จ ปริปูรการีเยว โหติ, วิหารํ สมฺมชฺชติ, ปริเวณํ วิตกฺกมาฬกํ วิหารมคฺคํ สมฺมชฺชติ, มนุสฺสานํ ปานียํ เทติ. มนุสฺสา ตสฺส วตฺตสมฺปตฺติยํ ปสีทิตฺวา ปฺจสตมตฺตานิ ธุวภตฺตานิ อทํสุ, มหาลาภสกฺกาโร อุปฺปชฺชิ. ตํ นิสฺสาย พหูนํ ผาสุวิหาโร ชาโต. อเถกทิวสํ ธมฺมสภายํ ภิกฺขู กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, อสุโก นาม ภิกฺขุ อตฺตโน วตฺตสมฺปตฺติยา มหนฺตํ ลาภสกฺการํ นิพฺพตฺเตสิ, เอตํ เอกํ นิสฺสาย พหูนํ ผาสุวิหาโร ชาโต’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปายํ ภิกฺขุ วตฺตสมฺปนฺโน, ปุพฺเพเปตํ เอกํ นิสฺสาย ปฺจ อิสิสตานิ ผลาผลตฺถาย อรฺํ อคนฺตฺวา เอเตเนว อานีตผลาผเลหิ ยาเปสุ’’นฺติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต อุทิจฺจพฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ปฺจสตอิสิปริวาโร ปพฺพตปาเท วิหาสิ. ตทา หิมวนฺเต จณฺโฑ นิทาโฆ อโหสิ, ตตฺถ ตตฺถ ปานียานิ ฉิชฺชึสุ, ติรจฺฉานา ปานียํ อลภมานา กิลมนฺติ. อถ เตสุ ตาปเสสุ เอโก ตาปโส เตสํ ปิปาสทุกฺขํ ทิสฺวา เอกํ รุกฺขํ ฉินฺทิตฺวา โทณึ กตฺวา ปานียํ อุสฺสิฺจิตฺวา โทณึ ปูเรตฺวา เตสํ ปานียํ อทาสิ. พหูสุ สนฺนิปติตฺวา ปานียํ ปิวนฺเตสุ ตาปสสฺส ผลาผลตฺถาย คมโนกาโส นาโหสิ. โส นิราหาโรปิ ปานียํ เทติเยว. มิคคณา จินฺเตสุํ ‘‘อยํ อมฺหากํ ปานียํ เทนฺโต ผลาผลตฺถาย คนฺตุํ โอกาสํ น ลภติ, นิราหารตาย อติวิย กิลมติ, หนฺทมยํ กติกํ กโรมา’’ติ. เต กติกํ อกํสุ ‘‘อิโต ปฏฺาย ปานียํ ปิวนตฺถาย อาคจฺฉนฺเตน อตฺตโน พลานุรูเปน ผลาผลํ คเหตฺวาว อาคนฺตพฺพ’’นฺติ. เต ตโต ปฏฺาย เอเกโก ติรจฺฉาโน อตฺตโน อตฺตโน พลานุรูเปน มธุรมธุรานิ อมฺพชมฺพุปนสาทีนิคเหตฺวาว อาคจฺฉติ. เอกสฺส อตฺถาย อาภตํ ผลาผลํ อฑฺฒเตยฺยสกฏภารปฺปมาณํ อโหสิ. ปฺจสตตาปสา ตเทว ปริภุฺชนฺติ. อติเรกํ ฉฑฺฑิยิตฺถ.

โพธิสตฺโต ตํ ทิสฺวา ‘‘เอกํ นาม วตฺตสมฺปนฺนํ นิสฺสาย เอตฺตกานํ ตาปสานํ ผลาผลตฺถาย อคนฺตฺวา ยาปนํ อุปฺปนฺนํ, วีริยํ นาม กาตพฺพเมวา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๑๒๔.

‘‘วายเมเถว ปุริโส, น นิพฺพินฺเทยฺย ปณฺฑิโต;

วายามสฺส ผลํ ปสฺส, ภุตฺตา อมฺพา อนีติห’’นฺติ.

ตตฺรายํ สงฺเขปตฺโถ – ปณฺฑิโต อตฺตโน วตฺตปูรณาทิเก กมฺมสฺมึ วายเมเถว, น อุกฺกณฺเยฺย. กึการณา? วายามสฺส นิปฺผลตาย อภาวโต. อิติ มหาสตฺโต ‘‘วายาโม นาเมส สผโลว โหตี’’ติ อิสิคณํ อาลปนฺโต ‘‘วายามสฺส ผลํ ปสฺสา’’ติ อาห. กีทิสํ? ภุตฺตา อมฺพา อนีติหํ. ตตฺถ อมฺพาติ เทสนามตฺตํ, เตหิ ปน นานปฺปการานิ ผลาผลานิ อาภตานิ. เตสุ สมฺปนฺนตรานํ อุสฺสนฺนตรานํ วา วเสน ‘‘อมฺพา’’ติ วุตฺตํ. เย อิเมหิ ปฺจหิ อิสิสเตหิ สยํ อรฺํ อคนฺตฺวา เอกสฺส อตฺถาย อานีตา อมฺพา ภุตฺตา, อิทํ วายามสฺส ผลํ. ตฺจ โข ปน อนีติหํ, ‘‘อิติ อาห อิติ อาหา’’ติ เอวํ อิติหีติเหน คเหตพฺพํ น โหติ, ปจฺจกฺขเมว ตํ ผลํ ปสฺสาติ. เอวํ มหาสตฺโต อิสิคณสฺส โอวาทํ อทาสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา วตฺตสมฺปนฺโน ตาปโส อยํ ภิกฺขุ อโหสิ, คณสตฺถา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

อมฺพชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.

[๑๒๕] ๕. กฏาหกชาตกวณฺณนา

พหุมฺปิ โส วิกตฺเถยฺยาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ วิกตฺถกภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. ตสฺส วตฺถุ เหฏฺา กถิตสทิสเมว.

อตีเต ปน พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต มหาวิภโว เสฏฺิ อโหสิ. ตสฺส ภริยา ปุตฺตํ วิชายิ, ทาสีปิสฺส ตํ ทิวสฺเว ปุตฺตํ วิชายิ. เต เอกโตว วฑฺฒึสุ. เสฏฺิปุตฺเต เลขํ สิกฺขนฺเต ทาโสปิสฺส ผลกํ วหมาโน คนฺตฺวา เตเนว สทฺธึ เลขํ สิกฺขิ, คณนํ สิกฺขิ, ทฺเว ตโย โวหาเร อกาสิ. โส อนุกฺกเมน วจนกุสโล โวหารกุสโล ยุวา อภิรูโป อโหสิ, นาเมน กฏาเหโก นาม. โส เสฏฺิฆเร ภณฺฑาคาริกกมฺมํ กโรนฺโต จินฺเตสิ ‘‘น มํ อิเม สพฺพกาลํ ภณฺฑาคาริกกมฺมํ กาเรสฺสนฺติ, กิฺจิเทว โทสํ ทิสฺวา ตาเฬตฺวา พนฺธิตฺวา ลกฺขเณน องฺเกตฺวา ทาสปริโภเคนปิ ปริภุฺชิสฺสนฺติ. ปจฺจนฺเต โข ปน เสฏฺิสฺส สหายโก เสฏฺิ อตฺถิ, ยํนูนาหํ เสฏฺิสฺส วจเนน เลขํ อาทาย ตตฺถ คนฺตฺวา ‘อหํ เสฏฺิปุตฺโต’ติ วตฺวา ตํ เสฏฺึ วฺเจตฺวา ตสฺส ธีตรํ คเหตฺวา สุขํ วเสยฺย’’นฺติ. โส สยเมว ปณฺณํ คเหตฺวา ‘‘อหํ อสุกํ นาม มม ปุตฺตํ ตว สนฺติกํ ปหิณึ, อาวาหวิวาหสมฺพนฺโธ นาม มยฺหฺจ ตยา, ตุยฺหฺจ มยา สทฺธึ ปติรูโป, ตสฺมา ตฺวํ อิมสฺส ทารกสฺส อตฺตโน ธีตรํ ทตฺวา เอตํ ตตฺเถว วสาเปหิ, อหมฺปิ โอกาสํ ลภิตฺวา อาคมิสฺสามี’’ติ ลิขิตฺวา เสฏฺิสฺเสว มุทฺทิกาย ลฺเชตฺวา ยถารุจิตํ ปริพฺพยฺเจว คนฺธวตฺถาทีนิ จ คเหตฺวา ปจฺจนฺตํ คนฺตฺวา เสฏฺึ ทิสฺวา วนฺทิตฺวา อฏฺาสิ.

อถ นํ เสฏฺิ ‘‘กุโต อาคโตสิ, ตาตา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘พาราณสิโต’’ติ. ‘‘กสฺส ปุตฺโตสี’’ติ? ‘‘พาราณสิเสฏฺิสฺสา’’ติ. ‘‘เกนตฺเถนาคโตสี’’ติ? ตสฺมึ ขเณ กฏาหโก ‘‘อิทํ ทิสฺวา ชานิสฺสถา’’ติ ปณฺณํ อทาสิ. เสฏฺิ ปณฺณํ วาเจตฺวา ‘‘อิทานาหํ ชีวามิ นามา’’ติ ตุฏฺจิตฺโต ธีตรํ ทตฺวา ปติฏฺาเปสิ. ตสฺส ปริวาโร มหนฺโต อโหสิ. โส ยาคุขชฺชกาทีสุ วา วตฺถคนฺธาทีสุ วา อุปนีเตสุ ‘‘เอวมฺปิ นาม ยาคุํ ปจนฺติ, เอวํ ขชฺชกํ, เอวํ ภตฺตํ, อโห ปจฺจนฺตวาสิกา นามา’’ติ ยาคุอาทีนิ ครหติ. ‘‘อิเม ปจฺจนฺตวาสิภาเวเนว อหตสาฏเก วฬฺชิตุํ น ชานนฺติ, คนฺเธ ปิสิตุํ, ปุปฺผานิ คนฺถิตุํ น ชานนฺตี’’ติ วตฺถกมฺมนฺติกาทโย ครหติ.

โพธิสตฺโตปิ ทาสํ อปสฺสนฺโต ‘‘กฏาหโก น ทิสฺสติ, กหํ คโต, ปริเยสถ น’’นฺติ สมนฺตา มนุสฺเส ปโยเชสิ. เตสุ เอโก ตตฺถ คนฺตฺวา ตํ ทิสฺวา สฺชานิตฺวา อตฺตานํ อชานาเปตฺวา อาคนฺตฺวา โพธิสตฺตสฺส อาโรเจสิ. โพธิสตฺโต ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา ‘‘อยุตฺตํ เตน กตํ, คนฺตฺวา นํ คเหตฺวา อาคจฺฉิสฺสามี’’ติ ราชานํ อาปุจฺฉิตฺวา มหนฺเตน ปริวาเรน นิกฺขมิ. ‘‘เสฏฺิ กิร ปจฺจนฺตํ คจฺฉตี’’ติ สพฺพตฺถ ปากโฏ ชาโต. กฏาหโก ‘‘เสฏฺิ กิร อาคจฺฉตี’’ติ สุตฺวา จินฺเตสิ ‘‘น โส อฺเน การเณน อาคจฺฉิสฺสติ, มํ นิสฺสาเยวสฺส อาคมเนน ภวิตพฺพํ. สเจ ปนาหํ ปลายิสฺสามิ, ปุน อาคนฺตุํ น สกฺกา ภวิสฺสติ. อตฺถิ ปเนส อุปาโย. มม สามิกสฺส ปฏิปถํ คนฺตฺวา ทาสกมฺมํ กตฺวา ตเมว อาราเธสฺสามี’’ติ. โส ตโต ปฏฺาย ปริสมชฺเฌ เอวํ ภาสติ ‘‘อฺเ พาลมนุสฺสา อตฺตโน พาลภาเวน มาตาปิตูนํ คุณํ อชานนฺตา เตสํ โภชนเวลาย อปจิติกมฺมํ อกตฺวา เตหิ สทฺธึเยว ภุฺชนฺติ, มยํ ปน มาตาปิตูนํ โภชนกาเล ปฏิคฺคหํ อุปเนม, เขฬมลฺลกํ อุปเนม, ภาชนานิ อุปเนม, ปานียมฺปิ พีชนิมฺปิ คเหตฺวา อุปติฏฺามา’’ติ ยาว สรีรวฬฺชนกาเล อุทกกลสํ อาทาย ปฏิจฺฉนฺนฏฺานคมนา สพฺพํ ทาเสหิ สามิกานํ กตฺตพฺพกิจฺจํ ปกาเสสิ.

โส เอวํ ปริสํ อุคฺคณฺหาเปตฺวา โพธิสตฺตสฺส ปจฺจนฺตสมีปํ อาคตกาเล สสุรํ อโวจ ‘‘ตาต, มม กิร ปิตา ตุมฺหากํ ทสฺสนตฺถาย อาคจฺฉติ, ตุมฺเห ขาทนียโภชนียํ ปฏิยาทาเปถ, อหํ ปณฺณาการํ คเหตฺวา ปฏิปถํ คมิสฺสามี’’ติ. โส ‘‘สาธุ, ตาตา’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ. กฏาหโก พหุํ ปณฺณาการมาทาย มหนฺเตน ปริวาเรน คนฺตฺวา โพธิสตฺตํ วนฺทิตฺวา ปณฺณาการํ อทาสิ. โพธิสตฺโตปิ ปณฺณาการํ คเหตฺวา เตน สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กตฺวา ปาตราสกาเล ขนฺธาวารํ นิวาเสตฺวา สรีรวฬฺชนตฺถาย ปฏิจฺฉนฺนฏฺานํ ปาวิสิ. กฏาหโก อตฺตโน ปริวารํ นิวตฺเตตฺวา กลสํ อาทาย โพธิสตฺตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา อุทกกิจฺจปริโยสาเน ปาเทสุ ปติตฺวา ‘‘สามิ, อหํ ตุมฺหากํ ยตฺตกํ อิจฺฉถ, ตตฺตกํ ธนํ ทสฺสามิ, มา เม ยสํ อนฺตรธาปยิตฺถา’’ติ อาห. โพธิสตฺโต ตสฺส วตฺตสมฺปทาย ปสีทิตฺวา ‘‘มา ภายิ, นตฺถิ เต มม สนฺติกา อนฺตราโย’’ติ สมสฺสาเสตฺวา ปจฺจนฺตนครํ ปาวิสิ. มหนฺโต สกฺกาโร อโหสิ, กฏาหโกปิสฺส นิรนฺตรํ ทาเสน กตฺตพฺพกิจฺจํ กโรติ. อถ นํ เอกาย เวลาย สุขนิสินฺนํ ปจฺจนฺตเสฏฺิ อาห ‘‘มหาเสฏฺิ, มยา ตุมฺหากํ ปณฺณํ ทิสฺวาว ตุมฺหากํ ปุตฺตสฺส ทาริกา ทินฺนา’’ติ โพธิสตฺโต กฏาหกํ ปุตฺตเมว กตฺวา ตทนุจฺฉวิกํ ปิยวจนํ วตฺวา เสฏฺึ โตเสสิ. ตโต ปฏฺาย กฏาหกสฺส มุขํ อุลฺโลเกตุํ สมตฺโถ นาม นาโหสิ.

อเถกทิวสํ มหาสตฺโต เสฏฺิธีตรํ ปกฺโกสิตฺวา ‘‘เอหิ, อมฺม, สีเส เม อูกา วิจินาหี’’ติ วตฺวา ตํ อาคนฺตฺวา อูกา คเหตฺวา ิตํ ปิยวจนํ วตฺวา ‘‘กเถหิ, อมฺม, กจฺจิ เต มม ปุตฺโต สุขทุกฺเขสุ อปฺปมตฺโต, อุโภ ชนา สมฺโมทมานา สมคฺควาสํ วสถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ตาต, มหาเสฏฺิ ตุมฺหากํ ปุตฺตสฺส อฺโ โทโส นตฺถิ, เกวลํ อาหารํ ครหตี’’ติ. ‘‘อมฺม, นิจฺจกาลเมส ทุกฺขสีโลว, อปิจ เต อหํ ตสฺส มุขพนฺธนมนฺตํ ทสฺสามิ, ตํ ตฺวํ สาธุกํ อุคฺคณฺหิตฺวา มม ปุตฺตสฺส โภชนกาเล ครหนฺตสฺส อุคฺคหิตนิยาเมเนว ปุรโต ตฺวา วเทยฺยาสี’’ติ คาถํ อุคฺคณฺหาเปตฺวา กติปาหํ วสิตฺวา พาราณสิเมว อคมาสิ. กฏาหโกปิ พหุํ ขาทนียโภชนียํ อาทาย อนุมคฺคํ คนฺตฺวา พหุธนํ ทตฺวา วนฺทิตฺวา นิวตฺติ. โส โพธิสตฺตสฺส คตกาลโต ปฏฺาย อติเรกมานี อโหสิ. โส เอกทิวสํ เสฏฺิธีตาย นานคฺครสโภชนํ อุปเนตฺวา กฏจฺฉุํ อาทาย ปริวิสนฺติยา ภตฺตํ ครหิตุํ อารภิ. เสฏฺิธีตา โพธิสตฺตสฺส สนฺติเก อุคฺคหิตนิยาเมเนว อิมํ คาถมาห –

๑๒๕.

‘‘พหุมฺปิ โส วิกตฺเถยฺย, อฺํ ชนปทํ คโต;

อนฺวาคนฺตฺวาน ทูเสยฺย, ภุฺช โภเค กฏาหกา’’ติ.

ตตฺถ พหุมฺปิ โส วิกตฺเถยฺย, อฺํ ชนปทํ คโตติ โย อตฺตโน ชาติภูมิโต อฺํ ชนปทํ คโต โหติ, ยตฺถสฺส ชาตึ น ชานนฺติ, โส พหุมฺปิ วิกตฺเถยฺย, วมฺภนวจนํ วฺจนวจนํ วเทยฺย. อนฺวาคนฺตฺวาน ทูเสยฺยาติ อิมํ ตาว วารํ สามิกสฺส ปฏิปถํ คนฺตฺวา ทาสกิจฺจสฺส กตตฺตา กสาหิ ปหริตฺวา ปิฏฺิจมฺมุปฺปาฏนโต จ ลกฺขณาหนนโต จ มุตฺโตสิ. สเจ อนาจารํ กโรสิ, ปุน อฺสฺมึ อาคมนวาเร ตว สามิโก อนฺวาคนฺตฺวาน ทูเสยฺย, อิมํ เคหํ อนุอาคนฺตฺวา กสาภิฆาเตหิ เจว ลกฺขณาหนเนน จ ชาติปฺปกาสเนน จ ตํ ทูเสยฺย อุปหเนยฺย. ตสฺมา อิมํ อนาจารํ ปหาย ภุฺช โภเค กฏาหก, มา ปจฺฉา อตฺตโน ทาสภาวํ ปากฏํ กาเรตฺวา วิปฺปฏิสารี อโหสีติ อยเมตฺถ เสฏฺิโน อธิปฺปาโย.

เสฏฺิธีตา ปน เอตมตฺถํ อชานนฺตี อุคฺคหิตนิยาเมน พฺยฺชนเมว ปยิรุทาหาสิ. กฏาหโก ‘‘อทฺธา เสฏฺินา มม กุลํ อาจิกฺขิตฺวา เอติสฺสา สพฺพํ กถิตํ ภวิสฺสตี’’ติ ตโต ปฏฺาย ปุน ภตฺตํ ครหิตุํ น วิสหิ, นิหตมาโน ยถาลทฺธํ ภุฺชิตฺวา ยถากมฺมํ คโต.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ ‘‘ตทา กฏาหโก วิกตฺถกภิกฺขุ อโหสิ, พาราณสิเสฏฺิ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

กฏาหกชาตกวณฺณนา ปฺจมา.

[๑๒๖] ๖. อสิลกฺขณชาตกวณฺณนา

ตเถเวกสฺส กลฺยาณนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โกสลรฺโ อสิลกฺขณปากํ พฺราหฺมณํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิร กมฺมาเรหิ รฺโ อสีนํ อาหฏกาเล อสึ อุปสิงฺฆิตฺวา อสิลกฺขณํ อุทาหรติ. โส เยสํ หตฺถโต ลาภํ ลภติ, เตสํ อสึ ‘‘ลกฺขณสมฺปนฺโน มงฺคลสํยุตฺโต’’ติ วทติ. เยสํ หตฺถโต ลาภํ น ลภติ, เตสํ อสึ ‘‘อวลกฺขโณ’’ติ ครหติ. อเถโก กมฺมาโร อสึ กตฺวา โกสิยํ สุขุมํ มริจจุณฺณํ ปกฺขิปิตฺวา รฺโ อสึ อาหริ. ราชา พฺราหฺมณํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘อสึ วีมํสา’’ติ อาห. พฺราหฺมณสฺส อสึ อากฑฺฒิตฺวา อุปสิงฺฆนฺตสฺส มริจจุณฺณานิ นาสํ ปวิสิตฺวา ขิปิตุกามตํ อุปฺปาเทสุํ. ตสฺส ขิปนฺตสฺส นาสิกา อสิธาราย ปฏิหตา ทฺวิธา ฉิชฺชิ. ตสฺเสวํ นาสิกาย ฉินฺนภาโว ภิกฺขุสงฺเฆ ปากโฏ ชาโต. อเถกทิวสํ ธมฺมสภายํ ภิกฺขู กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, รฺโ กิร อสิลกฺขณปาโก อสึ อุปสิงฺฆนฺโต นาสิกํ ฉินฺทาเปสี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว โส พฺราหฺมโณ อสึ อุปสิงฺฆนฺโต นาสิกาเฉทํ ปตฺโต, ปุพฺเพปิ ปตฺโตเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต ตสฺส อสิลกฺขณปาโก พฺราหฺมโณ อโหสีติ สพฺพํ ปจฺจุปฺปนฺนวตฺถุสทิสเมว. ราชา ปน ตสฺส เวชฺเช ทตฺวา นาสิกาโกฏึ ผาสุกํ การาเปตฺวา ลาขาย ปฏินาสิกํ กาเรตฺวา ปุน ตํ อุปฏฺากเมว อกาสิ. พาราณสิรฺโ ปน ปุตฺโต นตฺถิ, เอกา ธีตา เจว ภาคิเนยฺโย จ อเหสุํ. โส อุโภปิ เต อตฺตโน สนฺติเกเยว วฑฺฒาเปสิ. เต เอกโต วฑฺฒนฺตา อฺมฺํ ปฏิพทฺธจิตฺตา อเหสุํ. ราชาปิ อมจฺเจ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘มยฺหํ ภาคิเนยฺโยปิ อิมสฺส รชฺชสฺส สามิโกว, ธีตรํ เอตสฺเสว ทตฺวา อภิเสกมสฺส กโรมี’’ติ วตฺวา ปุน จินฺเตสิ ‘‘มยฺหํ ภาคิเนยฺโย สพฺพถาปิ าตโกเยว, เอตสฺส อฺํ ราชธีตรํ อาเนตฺวา อภิเสกํ กตฺวา ธีตรํ อฺสฺส รฺโ ทสฺสามิ, เอวํ โน าตกา พหู ภวิสฺสนฺติ, ทฺวินฺนมฺปิ รชฺชานํ มยเมว สามิกา ภวิสฺสามา’’ติ. โส อมจฺเจหิ สทฺธึ สมฺมนฺเตตฺวา ‘‘อุโภเปเต วิสุํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ ภาคิเนยฺยํ อฺสฺมึ นิเวสเน, ธีตรํ อฺสฺมึ วาเสสิ.

เต โสฬสวสฺสุทฺเทสิกภาวํ ปตฺตา อติวิย ปฏิพทฺธจิตฺตา อเหสุํ. ราชกุมาโร ‘‘เกน นุ โข อุปาเยน มาตุลธีตรํ ราชเคหา นีหราเปตุํ สกฺกา ภเวยฺยา’’ติ จินฺเตนฺโต ‘‘อตฺเถโก อุปาโย’’ติ มหาอิกฺขณิกํ ปกฺโกสาเปตฺวา ตสฺสา สหสฺสภณฺฑิกํ ทตฺวา ‘‘กึ มยา กตฺตพฺพ’’นฺติ วุตฺเต ‘‘อมฺม, ตยิ กโรนฺติยา อนิปฺผตฺติ นาม นตฺถิ, กิฺจิเทว การณํ วตฺวา ยถา มม มาตุโล ราชา ธีตรํ อนฺโตเคหา นีหราเปติ, ตถา กโรหี’’ติ อาห. สาธุ, สามิ, อหํ ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ วกฺขามิ ‘‘เทว, ราชธีตาย อุปริ กาฬกณฺณี อตฺถิ, เอตฺตกํ กาลํ นิวตฺติตฺวา โอโลเกนฺโตปิ นตฺถิ, อหํ ราชธีตรํ อสุกทิวเส นาม รถํ อาโรเปตฺวา พหุอาวุธหตฺเถ ปุริเส อาทาย มหนฺเตน ปริวาเรน สุสานํ คนฺตฺวา มณฺฑลปีิกาย เหฏฺามฺเจ มตมนุสฺสํ นิปชฺชาเปตฺวา อุปริมฺเจ ราชธีตรํ เปตฺวา คนฺโธทกฆฏานํ อฏฺุตฺตรสเตน นฺหาเปตฺวา กาฬกณฺณึ ปวาเหสฺสามี’’ติ เอวํ วตฺวา ราชธีตรํ สุสานํ เนสฺสามิ, ตฺวํ อมฺหากํ ตตฺถ คมนทิวเส อมฺเหหิ ปุเรตรเมว โถกํ มริจจุณฺณํ อาทาย อาวุธหตฺเถหิ อตฺตโน มนุสฺเสหิ ปริวุโต รถํ อภิรุยฺห สุสานํ คนฺตฺวา รถํ สุสานทฺวาเร เอกปเทเส เปตฺวา อาวุธหตฺเถ มนุสฺเส สุสานวนํ เปเสตฺวา สยํ สุสาเน มณฺฑลปีิกํ ปสาเรตฺวา มตโก วิย ปฏิกุชฺโช หุตฺวา นิปชฺช. อหํ ตตฺถ อาคนฺตฺวา ตว อุปริ มฺจกํ อตฺถริตฺวา ราชธีตรํ อุกฺขิปิตฺวา มฺเจ สยาเปสฺสามิ, ตฺวํ ตสฺมึ ขเณ มริจจุณฺณํ นาสิกาย ปกฺขิปิตฺวา ทฺเว ตโย วาเร ขิเปยฺยาสิ. ตยา ขิปิตกาเล มยํ ราชธีตรํ ปหาย ปลายิสฺสาม. อถ ตฺวํ ราชธีตรํ สีสํ นฺหาเปตฺวา สยมฺปิ สีสํ นฺหายิตฺวา ตํ อาทาย อตฺตโน นิเวสนํ คจฺเฉยฺยาสีติ. โส ‘‘สาธุ สุนฺทโร อุปาโย’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ.

สาปิ คนฺตฺวา รฺโ ตมตฺถํ อาโรเจสิ, ราชาปิ สมฺปฏิจฺฉิ. ราชธีตายปิ ตํ อนฺตรํ อาจิกฺขิ, สาปิ สมฺปฏิจฺฉิ. สา นิกฺขมนทิวเส กุมารสฺส สฺํ ทตฺวา มหนฺเตน ปริวาเรน สุสานํ คจฺฉนฺตี อารกฺขมนุสฺสานํ ภยชนนตฺถํ อาห – ‘‘มยา ราชธีตาย มฺเจ ปิตกาเล เหฏฺามฺเจ มตปุริโส ขิปิสฺสติ, ขิปิตฺวา จ เหฏฺามฺจา นิกฺขมิตฺวา ยํ ปมํ ปสฺสิสฺสติ, ตเมว คเหสฺสติ, อปฺปมตฺตา ภเวยฺยาถา’’ติ. ราชกุมาโร ปุเรตรํ คนฺตฺวา วุตฺตนเยเนว ตตฺถ นิปชฺชิ. มหาอิกฺขณิกา ราชธีตรํ อุกฺขิปิตฺวา มณฺฑลปีิกาานํ คจฺฉนฺตี ‘‘มา ภายี’’ติ สฺาเปตฺวา มฺเจ เปสิ. ตสฺมึ ขเณ กุมาโร มริจจุณฺณํ นาสาย ปกฺขิปิตฺวา ขิปิ. เตน ขิปิตมตฺเตเยว มหาอิกฺขณิกา ราชธีตรํ ปหาย มหารวํ รวมานา สพฺพปมํ ปลายิ, ตสฺสา ปลาตกาลโต ปฏฺาย เอโกปิ าตุํ สมตฺโถ นาม นาโหสิ, คหิตคหิตานิ อาวุธานิ ฉฑฺเฑตฺวา สพฺเพ ปลายึสุ. กุมาโร ยถาสมฺมนฺติตํ สพฺพํ กตฺวา ราชธีตรํ อาทาย อตฺตโน นิเวสนํ อคมาสิ.

อิกฺขณิกา คนฺตฺวา ตํ การณํ รฺโ อาโรเจสิ. ราชา ‘‘ปกติยาปิ สา มยา ตสฺเสวตฺถาย ปุฏฺา, ปายาเส ฉฑฺฑิตสปฺปิ วิย ชาต’’นฺติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา อปรภาเค ภาคิเนยฺยสฺส รชฺชํ ทตฺวา ธีตรํ มหาเทวึ กาเรสิ. โส ตาย สทฺธึ สมคฺควาสํ วสมาโน ธมฺเมน รชฺชํ กาเรสิ. โสปิ อสิลกฺขณปาโก ตสฺเสว อุปฏฺาโก อโหสิ. ตสฺเสกทิวสํ ราชูปฏฺานํ อาคนฺตฺวา ปฏิสูริยํ ตฺวา อุปฏฺหนฺตสฺส ลาขา วิลียิ, ปฏินาสิกา ภูมิยํ ปติ. โส ลชฺชาย อโธมุโข อฏฺาสิ. อถ นํ ราชา ปริหสนฺโต ‘‘อาจริย, มา จินฺตยิตฺถ, ขิปิตํ นาม เอกสฺส กลฺยาณํ โหติ, เอกสฺส ปาปกํ. ตุมฺเหหิ ขิปิเตน นาสิกา ฉิชฺชียิตฺถ, มยํ ปน ขิปนฺตา มาตุลธีตรํ ลภิตฺวา รชฺชํ ปาปุณิมฺหา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๑๒๖.

‘‘ตเถเวกสฺส กลฺยาณํ, ตเถเวกสฺส ปาปกํ;

ตสฺมา สพฺพํ น กลฺยาณํ, สพฺพํ วาปิ น ปาปก’’นฺติ.

ตตฺถ ตเถเวกสฺสาติ ตเทเวกสฺส. อยเมว วา ปาโ. ทุติยปเทปิ เอเสว นโย.

อิติ โส อิมาย คาถาย ตํ การณํ อาหริตฺวา ทานาทีนิ ปุฺานิ กตฺวา ยถากมฺมํ คโต.

สตฺถา อิมาย เทสนาย โลกสมฺมตานํ กลฺยาณปาปกานํ อเนกํสิกภาวํ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา อสิลกฺขณปาโกว เอตรหิ อสิลกฺขณปาโก, ภาคิเนยฺยราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

อสิลกฺขณชาตกวณฺณนา ฉฏฺา.

[๑๒๗] ๗. กลณฺฑุกชาตกวณฺณนา

เต เทสา ตานิ วตฺถูนีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ วิกตฺถกภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. ตตฺถ ทฺเวปิ วตฺถูนิ กฏาหกชาตกสทิสาเนว.

อิธ ปเนส พาราณสิเสฏฺิโน ทาโส กลณฺฑุโก นาม อโหสิ. ตสฺส ปลายิตฺวา ปจฺจนฺตวาสิเสฏฺิโน ธีตรํ คเหตฺวา มหนฺเตน ปริวาเรน วสนกาเล พาราณสิเสฏฺิ ปริเยสาเปตฺวาปิ ตสฺส คตฏฺานํ อชานนฺโต ‘‘คจฺฉ, กลณฺฑุกํ ปริเยสา’’ติ อตฺตนา ปุฏฺํ สุกโปตกํ เปเสสิ. สุกโปตโก อิโต จิโต จ วิจรนฺโต ตํ นครํ ปาปุณิ. ตสฺมิฺจ กาเล กลณฺฑุโก นทีกีฬํ กีฬิตุกาโม พหุํ มาลาคนฺธวิเลปนฺเจว ขาทนียโภชนียานิ จ คาหาเปตฺวา นทึ คนฺตฺวา เสฏฺิธีตาย สทฺธึ นาวํ อารุยฺห อุทเก กีฬติ. ตสฺมิฺจ ปเทเส นทีกีฬํ กีฬนฺตา อิสฺสรชาติกา ติขิณเภสชฺชปริภาวิตํ ขีรํ ปิวนฺติ, เตน เตสํ ทิวสภาคมฺปิ อุทเก กีฬนฺตานํ สีตํ น พาธติ. อยํ ปน กลณฺฑุโก ขีรคณฺฑูสํ คเหตฺวา มุขํ วิกฺขาเลตฺวา ตํ ขีรํ นุฏฺุภติ. นุฏฺุภนฺโตปิ อุทเก อนุฏฺุภิตฺวา เสฏฺิธีตาย สีเส นุฏฺุภติ. สุกโปตโกปิ นทีตีรํ คนฺตฺวา เอกิสฺสา อุทุมฺพรสาขาย นิสีทิตฺวา โอโลเกตฺวา กลณฺฑุกํ สฺชานิตฺวา เสฏฺิธีตาย สีเส นุฏฺุภนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อเร, กลณฺฑุก ทาส, อตฺตโน ชาติฺจ วสนฏฺานฺจ อนุสฺสร, ขีรคณฺฑูสํ คเหตฺวา มุขํ วิกฺขาเลตฺวา ชาติสมฺปนฺนาย สุขสํวฑฺฒาย เสฏฺิธีตาย สีเส มา นุฏฺุภิ, อตฺตโน ปมาณํ น ชานาสี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๑๒๗.

‘‘เต เทสา ตานิ วตฺถูนิ, อหฺจ วนโคจโร;

อนุวิจฺจ โข ตํ คณฺเหยฺยุํ, ปิว ขีรํ กลณฺฑุกา’’ติ.

ตตฺถ เต เทสา ตานิ วตฺถูนีติ มาตุกุจฺฉึ สนฺธาย วทติ. อยเมตฺถาธิปฺปาโย – ยตฺถ เต วสิตํ, น เต ขตฺติยธีตาทีนํ กุจฺฉิเทสา. ยตฺถ วาสิ ปติฏฺิโต, น ตานิ ขตฺติยธีตาทีนํ กุจฺฉิวตฺถูนิ. อถ โข ทาสิกุจฺฉิยํ ตฺวํ วสิ เจว ปติฏฺิโต จาติ. อหฺจ วนโคจโรติ ติรจฺฉานภูโตปิ เอตมตฺถํ ชานามีติ ทีเปติ. อนุวิจฺจ โข ตํ คณฺเหยฺยุนฺติ เอวํ อนาจารํ จรมานํ มยา คนฺตฺวา อาโรจิเต อนุวิจฺจ ชานิตฺวา ตว สามิกา ตาเฬตฺวา เจว ลกฺขณาหตฺจ กตฺวา ตํ คณฺเหยฺยุํ, คเหตฺวา คมิสฺสนฺติ, ตสฺมา อตฺตโน ปมาณํ ตฺวา เสฏฺิธีตาย สีเส อนุฏฺุภิตฺวา ปิว ขีรํ. กลณฺฑุกาติ ตํ นาเมนาลปติ.

กลณฺฑุโกปิ สุวโปตกํ สฺชานิตฺวา ‘‘มํ ปากฏํ กเรยฺยา’’ติ ภเยน ‘‘เอหิ, สามิ, กทา อาคโตสี’’ติ อาห. สุโก ‘‘น เอส มํ หิตกามตาย ปกฺโกสติ, คีวํ ปน เม วฏฺเฏตฺวา มาเรตุกาโม’’ติ ตฺวาว ‘‘น เม ตยา อตฺโถ’’ติ ตโต อุปฺปติตฺวา พาราณสึ คนฺตฺวา ยถาทิฏฺํ เสฏฺิโน วิตฺถาเรน กเถสิ. เสฏฺิ ‘‘อยุตฺตํ เตน กต’’นฺติ วตฺวา คนฺตฺวา ตสฺส อาณํ กาเรตฺวา พาราณสิเมว นํ อาเนตฺวา ทาสปริโภเคน ปริภุฺชิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา กลณฺฑุโก อยํ ภิกฺขุ อโหสิ, พาราณสิเสฏฺิ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

กลณฺฑุกชาตกวณฺณนา สตฺตมา.

[๑๒๘] ๘. พิฬารวตชาตกวณฺณนา

โย เว ธมฺมํ ธชํ กตฺวาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ กุหกภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. ตทา หิ สตฺถา ตสฺส กุหกภาเว อาโรจิเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปส กุหโกเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต มูสิกโยนิยํ ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา วุฑฺฒิมนฺวาย มหาสรีโร สูกรจฺฉาปกสทิโส หุตฺวา อเนกสตมูสิกาหิ ปริวุโต อรฺเ วิหรติ. อเถโก สิงฺคาโล อิโต จิโต จ วิจรนฺโต ตํ มูสิกยูถํ ทิสฺวา ‘‘อิมา มูสิกา วฺเจตฺวา ขาทิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา มูสิกานํ อาสยสฺส อวิทูเร สูริยาภิมุโข วาตํ ปิวนฺโต เอเกน ปาเทน อฏฺาสิ. โพธิสตฺโต โคจราย จรมาโน ตํ ทิสฺวา ‘‘สีลวา เอโส ภวิสฺสตี’’ติ ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘ภนฺเต, ตฺวํ โก นาโม’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ธมฺมิโก นามา’’ติ. ‘‘จตฺตาโร ปาเท ภูมิยํ อเปตฺวา กสฺมา เอเกเนว ิโตสี’’ติ. ‘‘มยิ จตฺตาโร ปาเท ปถวิยํ เปนฺเต ปถวี วหิตุํ น สกฺโกติ, ตสฺมา เอเกเนว ติฏฺามี’’ติ. ‘‘มุขํ วิวริตฺวา กสฺมา ิโตสี’’ติ? ‘‘มยํ อฺํ น ภกฺขยาม, วาตเมว ภกฺขยามา’’ติ. ‘‘อถ กสฺมา สูริยาภิมุโข ติฏฺสี’’ติ? ‘‘สูริยํ นมสฺสามี’’ติ. โพธิสตฺโต ตสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘สีลวา เอโส ภวิสฺสตี’’ติ ตโต ปฏฺาย มูสิกคเณน สทฺธึ สายํ ปาตํ ตสฺส อุปฏฺานํ คจฺฉติ.

อถสฺส อุปฏฺานํ กตฺวา คมนกาเล สิงฺคาโล สพฺพปจฺฉิมํ มูสิกํ คเหตฺวา มํสํ ขาทิตฺวา อชฺโฌหริตฺวา มุขํ ปุฺฉิตฺวา ติฏฺติ. อนุปุพฺเพน มูสิกคโณ ตนุโก ชาโต. มูสิกา ‘‘ปุพฺเพ อมฺหากํ อยํ อาสโย นปฺปโหติ, นิรนฺตรา ติฏฺาม. อิทานิ สิถิลา, เอวมฺปิ อาสโย น ปูรเตว, กึ นุ โข เอต’’นฺติ โพธิสตฺตสฺส ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสุํ. โพธิสตฺโต ‘‘เกน นุ โข การเณน มุสิกา ตนุตฺตํ คตา’’ติ จินฺเตนฺโต สิงฺคาเล อาสงฺกํ เปตฺวา ‘‘วีมํสิสฺสามิ น’’นฺติ อุปฏฺานกาเล เสสมูสิกา ปุรโต กตฺวา สยํ ปจฺฉโต อโหสิ. สิงฺคาโล ตสฺส อุปริ ปกฺขนฺทิ, โพธิสตฺโต อตฺตโน คหณตฺถาย ตํ ปกฺขนฺทนฺตํ ทิสฺวา นิวตฺติตฺวา ‘‘โภ สิงฺคาล, อิทํ เต วตสมาทานํ น ธมฺมสุธมฺมตาย, ปเรสํ ปน วิหึสนตฺถาย ธมฺมํ ธชํ กตฺวา จรสี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๑๒๘.

‘‘โย เว ธมฺมํ ธชํ กตฺวา, นิคูฬฺโห ปาปมาจเร;

วิสฺสาสยิตฺวา ภูตานิ, พิฬารํ นาม ตํ วต’’นฺติ.

ตตฺถ โย เวติ ขตฺติยาทีสุ โย โกจิเทว. ธมฺมํ ธชํ กตฺวาติ ทสกุสลกมฺมปถธมฺมํ ธชํ กริตฺวา, กูฏํ กโรนฺโต วิย อุสฺสาเปตฺวา ทสฺเสนฺโตติ อตฺโถ. วิสฺสาสยิตฺวาติ ‘‘สีลวา อย’’นฺติ สฺาย สฺชาตวิสฺสาสานิ กตฺวา. พิฬารํ นาม ตํ วตนฺติ ตํ เอวํ ธมฺมํ ธชํ กตฺวา รโห ปาปานิ กโรนฺตสฺส วตํ เกราฏิกวตํ นาม โหตีติ อตฺโถ.

มูสิกราชา กเถนฺโตว อุปฺปติตฺวา ตสฺส คีวายํ ปติตฺวา หนุกสฺส เหฏฺา อนฺโตคลนาฬิยํ ฑํสิตฺวา คลนาฬึ ผาเลตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปสิ. มูสิกคโณ นิวตฺติตฺวา สิงฺคาลํ ‘‘มุรุ มุรู’’ติ ขาทิตฺวา อคมาสิ. ปมาคตาว กิรสฺส มํสํ ลภึสุ, ปจฺฉา อาคตา น ลภึสุ. ตโต ปฏฺาย มูสิกคโณ นิพฺภโย ชาโต.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา สิงฺคาโล กุหกภิกฺขุ อโหสิ, มูสิกราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

พิฬารวตชาตกวณฺณนา อฏฺมา.

[๑๒๙] ๙. อคฺคิกภารทฺวาชชาตกวณฺณนา

นายํ สิขา ปุฺเหตูติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต กุหกฺเว ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ.

อตีตสฺมิฺหิ พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต มูสิกราชา หุตฺวา อรฺเ วสติ. อเถโก สิงฺคาโล ทวฑาเห อุฏฺิเต ปลายิตุํ อสกฺโกนฺโต เอกสฺมึ รุกฺเข สีสํ อาหจฺจ อฏฺาสิ. ตสฺส สกลสรีเร โลมานิ ฌายึสุ, รุกฺขํ อาหจฺจ ิตฏฺาเน ปน มตฺถเก จูฬา วิย โถกานิ โลมานิ อฏฺํสุ. โส เอกทิวสํ โสณฺฑิยํ ปานียํ ปิวนฺโต ฉายํ โอโลเกนฺโต จูฬํ ทิสฺวา ‘‘อุปฺปนฺนํ ทานิ เม ภณฺฑมูล’’นฺติ อรฺเ วิจรนฺโต ตํ มูสิกาทรึ ทิสฺวา ‘‘อิมา มูสิกา วฺเจตฺวา ขาทิสฺสามี’’ติ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว อวิทูเร อฏฺาสิ. อถ นํ โพธิสตฺโต โคจราย จรนฺโต ทิสฺวา ‘‘สีลวา อย’’นฺติ สฺาย อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ตฺวํ กินฺนาโมสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อหํ อคฺคิกภารทฺวาโช นามา’’ติ. ‘‘อถ กสฺมา อาคโตสี’’ติ? ‘‘ตุมฺหากํ รกฺขนตฺถายา’’ติ. ‘‘กินฺติ กตฺวา อมฺเห รกฺขิสฺสสี’’ติ? ‘‘อหํ องฺคุฏฺคณนํ นาม ชานามิ, ตุมฺหากํ ปาโตว นิกฺขมิตฺวา โคจราย คมนกาเล ‘เอตฺตกา’ติ คเณตฺวา ปจฺจาคมนกาเลปิ คเณสฺสามิ, เอวํ สายํ ปาตํ คเณนฺโต รกฺขิสฺสามี’’ติ. ‘‘เตน หิ รกฺข มาตุลา’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา นิกฺขมนกาเล ‘‘เอโก ทฺเว ตโย’’ติ คเณตฺวา ปจฺจาคมนกาเลปิ ตเถว คเณตฺวา สพฺพปจฺฉิมํ คเหตฺวา ขาทติ. เสสํ ปุริมสทิสเมว.

อิธ ปน มูสิกราชา นิวตฺติตฺวา ิโต ‘‘โภ อคฺคิกภารทฺวาช, นายํ ตว ธมฺมสุธมฺมตาย มตฺถเก จูฬา ปิตา, กุจฺฉิการณา ปน ปิตา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๑๒๙.

‘‘นายํ สิขา ปุฺเหตุ, ฆาสเหตุ อยํ สิขา;

นาคุฏฺิคณนํ ยาติ, อลํ เต โหตุ อคฺคิกา’’ติ.

ตตฺถ นาคุฏฺิคณนํ ยาตีติ ‘‘องฺคุฏฺิคณนา’’ติ องฺคุฏฺคณนา วุจฺจติ, อยํ มูสิกคโณ องฺคุฏฺคณนํ น คจฺฉติ น อุเปติ น ปูเรติ, ปริกฺขยํ คจฺฉตีติ อตฺโถ. อลํ เต โหตุ อคฺคิกาติ สิงฺคาลํ นาเมน อาลปนฺโต อาห. เอตฺตาวตา เต อลํ โหตุ, น อิโต ปรํ มูสิเก ขาทิสฺสสิ. อมฺเหหิ วา ตยา สทฺธึ สํวาโส อลํ โหตุ, น มยํ อิทานิ ตยา สทฺธึ วสิสฺสามาติปิ อตฺโถ. เสสํ ปุริมสทิสเมว.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ ‘‘ตทา สิงฺคาโล อยํ ภิกฺขุ อโหสิ, มูสิกราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

อคฺคิกภารทฺวาชชาตกวณฺณนา นวมา.

[๑๓๐] ๑๐. โกสิยชาตกวณฺณนา

ยถา วาจา จ ภุฺชสฺสูติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ สาวตฺถิยํ มาตุคามํ อารพฺภ กเถสิ. สา กิเรกสฺส สทฺธาสมฺปนฺนสฺส อุปาสกพฺราหฺมณสฺส พฺราหฺมณี ทุสฺสีลา ปาปธมฺมา รตฺตึ อติจริตฺวา ทิวา กิฺจิ กมฺมํ อกตฺวา คิลานาลยํ ทสฺเสตฺวา นิตฺถุนมานา นิปชฺชติ. อถ นํ พฺราหฺมโณ ‘‘กึ เต ภทฺเท อผาสุก’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘วาตา เม วิชฺฌนฺตี’’ติ. ‘‘อถ กึ ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ? ‘‘สินิทฺธมธุรานิ ปณีตปณีตานิ ยาคุภตฺตเตลาทีนี’’ติ. พฺราหฺมโณ ยํ ยํ สา อิจฺฉติ, ตํ ตํ อาหริตฺวา เทติ, ทาโส วิย สพฺพกิจฺจานิ กโรติ. สา ปน พฺราหฺมณสฺส เคหํ ปวิฏฺกาเล นิปชฺชติ, พหิ นิกฺขนฺตกาเล ชาเรหิ สทฺธึ วีตินาเมติ.

อถ พฺราหฺมโณ ‘‘อิมิสฺสา สรีเร วิชฺฌนวาตานํ ปริยนฺโต น ปฺายตี’’ติ เอกทิวสํ คนฺธมาลาทีนิ อาทาย เชตวนํ คนฺตฺวา สตฺถารํ ปูเชตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิตฺวา ‘‘กึ, พฺราหฺมณ, น ปฺายสี’’ติ วุตฺเต ‘‘ภนฺเต, พฺราหฺมณิยา กิร เม สรีเร วาตา วิชฺฌนฺติ, สฺวาหํ ตสฺสา สปฺปิเตลาทีนิ เจว ปณีตปณีตโภชนานิ จ ปริเยสามิ, สรีรมสฺสา ฆนํ วิปฺปสนฺนจฺฉวิวณฺณํ ชาตํ, วาตโรคสฺส ปน ปริยนฺโต น ปฺายติ. อหํ ตํ ปฏิชคฺคนฺโตว อิธาคมนสฺส โอกาสํ น ลภามี’’ติ อาห. สตฺถา พฺราหฺมณิยา ปาปภาวํ ตฺวา ‘‘พฺราหฺมณ, ‘เอวํ นิปนฺนสฺส มาตุคามสฺส โรเค อวูปสมนฺเต อิทฺจิทฺจ เภสชฺชํ กาตุํ วฏฺฏตี’ติ ปุพฺเพปิ เต ปณฺฑิเตหิ กถิตํ, ภวสงฺเขปคตตฺตา ปน น สลฺลกฺเขสี’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต พฺราหฺมณมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา พาราณสิยํ ทิสาปาโมกฺโข อาจริโย อโหสิ. เอกสตราชธานีสุ ขตฺติยกุมารา จ พฺราหฺมณกุมารา จ เยภุยฺเยน ตสฺเสว สนฺติเก สิปฺปํ อุคฺคณฺหนฺติ. อเถโก ชนปทวาสี พฺราหฺมณมาณโว โพธิสตฺตสฺส สนฺติเก ตโย เวเท อฏฺารส จ วิชฺชาฏฺานานิ อุคฺคณฺหิตฺวา พาราณสิยํเยว กุฏุมฺพํ สณฺเปตฺวา ทิวเส ทิวเส ทฺวตฺติกฺขตฺตุํ โพธิสตฺตสฺส สนฺติกํ อาคจฺฉติ. ตสฺส พฺราหฺมณี ทุสฺสีลา อโหสิ ปาปธมฺมาติ สพฺพํ ปจฺจุปฺปนฺนวตฺถุสทิสเมว.

โพธิสตฺโต ปน ‘‘อิมินา การเณน โอวาทคหณาย โอกาสํ น ลภามี’’ติ วุตฺเต ‘‘สา มาณวิกา อิมํ วฺเจตฺวา นิปชฺชตี’’ติ ตฺวา ‘‘ตสฺสา โรคานุจฺฉวิกํ เภสชฺชํ อาจิกฺขิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา อาห ‘‘ตาต, ตฺวํ อิโต ปฏฺาย ตสฺสา สปฺปิขีรรสาทีนิ มา อทาสิ, โคมุตฺเต ปน ปฺจปณฺณานิ ผลาทีนิ จ ปกฺขิปิตฺวา โกฏฺเฏตฺวา นวตมฺพโลหภาชเน ปกฺขิปิตฺวา โลหคนฺธํ คาหาเปตฺวา รชฺชุํ วา โยตฺตํ วา รุกฺขํ วา ลตํ วา คเหตฺวา ‘อิทํ เต โรคสฺส อนุจฺฉวิกเภสชฺชํ, อิทํ วา ปิว, อุฏฺาย วา ตยา ภุตฺตภตฺตสฺส อนุจฺฉวิกํ กมฺมํ กโรหี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถํ วเทยฺยาสิ. ‘‘สเจ เภสชฺชํ น ปิวติ, อถ นํ รชฺชุยา วา โยตฺเตน วา รุกฺเขน วา ลตาย วา กติจิ ปหาเร ปหริตฺวา เกเสสุ คเหตฺวา อากฑฺฒิตฺวา กปฺปเรน โปเถยฺยาสิ, สา ตงฺขณฺเว อุฏฺาย กมฺมํ กริสฺสตี’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา วุตฺตนิยาเมเนว เภสชฺชํ กตฺวา ‘‘ภทฺเท, อิมํ เภสชฺชํ ปิวา’’ติ อาห. ‘‘เกน เต อิทํ อาจิกฺขิต’’นฺติ? ‘‘อาจริเยน, ภทฺเท’’ติ. ‘‘อปเนหิ ตํ, น ปิวิสฺสามี’’ติ. มาณโว ‘‘น ตฺวํ อตฺตโน รุจิยา ปิวิสฺสสี’’ติ รชฺชุํ คเหตฺวา ‘‘อตฺตโน โรคสฺส อนุจฺฉวิกํ เภสชฺชํ วา ปิว, ยาคุภตฺตานุจฺฉวิกํ กมฺมํ วา กโรหี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๑๓๐.

‘‘ยถาวาจา จ ภุฺชสฺสุ, ยถาภุตฺตฺจ พฺยาหร;

อุภยํ เต น สเมติ, วาจา ภุตฺตฺจ โกสิเย’’ติ.

ตตฺถ ยถาวาจา จ ภุฺชสฺสูติ ยถา เต วาจา, ตถา ภุฺชสฺสุ, ‘‘วาตา เม วิชฺฌนฺตี’’ติ วาจาย อนุจฺฉวิกเมว กตฺวา ภุฺชสฺสูติ อตฺโถ. ‘‘ยถาวาจํ วา’’ติปิ ปาโ ยุชฺชติ, ‘‘ยถาวาจายา’’ติปิ ปนฺติ, สพฺพตฺถ อยเมว อตฺโถ. ยถาภุตฺตฺจ พฺยาหราติ ยํ ยถา เต ภุตฺตํ, ตสฺส อนุจฺฉวิกเมว พฺยาหร, ‘‘อโรคมฺหี’’ติ วตฺวา เคเห กตฺตพฺพํ กโรสีติ อตฺโถ. ‘‘ยถาภูตฺจา’’ติปิ ปาโ, อถ วา อโรคมฺหีติ ยถาภูตเมว วตฺวา กมฺมํ กโรหีติ อตฺโถ. อุภยํ เต น สเมติ, วาจาภุตฺตฺจ โกสิเยติ ยา จ เต อยํ วาจา ‘‘วาตา มํ วิชฺฌนฺตี’’ติ ยฺจ เต อิทํ ปณีตโภชนํ ภุตฺตํ, อิทํ อุภยมฺปิ ตุยฺหํ น สเมติ, ตสฺมา อุฏฺาย กมฺมํ กโรหิ. ‘‘โกสิเย’’ติ ตํ โคตฺเตนาลปติ.

เอวํ วุตฺเต โกสิยพฺราหฺมณธีตา ‘‘อาจริเยน อุสฺสุกฺกํ อาปนฺนกาลโต ปฏฺาย น สกฺกา มยา เอส วฺเจตุํ, อุฏฺาย กมฺมํ กริสฺสามี’’ติ อุฏฺาย กมฺมํ อกาสิ. ‘‘อาจริเยน เม ทุสฺสีลภาโว าโต, อิทานิ น สกฺกา อิโต ปฏฺาย ปุน เอวรูปํ กาตุ’’นฺติ อาจริเย คารเวน ปาปกมฺมโตปิ วิรมิตฺวา สีลวตี อโหสิ. สาปิ พฺราหฺมณี ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺเธน กิรมฺหิ าตา’’ติ สตฺถริปิ คารเวน น ปุน อนาจารํ อกาสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ชยมฺปติกา อิทานิ ชยมฺปติกาว, อาจริโย ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

โกสิยชาตกวณฺณนา ทสมา.

กุสนาฬิวคฺโค เตรสโม.

ตสฺสุทฺทานํ –

กุสนาฬิ จ ทุมฺเมธํ, นงฺคลีสมฺพกฏาหํ;

อสิลกฺขณกลณฺฑุกํ, พิฬารคฺคิกโกสิยนฺติ.

๑๔. อสมฺปทานวคฺโค

[๑๓๑] ๑. อสมฺปทานชาตกวณฺณนา

อสมฺปทาเนนิตรีตรสฺสาติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เทวทตฺตํ อารพฺภ กเถสิ. ตสฺมิฺหิ กาเล ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส เทวทตฺโต, อกตฺู ตถาคตสฺส คุณํ น ชานาตี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว เทวทตฺโต อกตฺู, ปุพฺเพปิ อกตฺูเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต มคธรฏฺเ ราชคเห เอกสฺมึ มคธรฺเ รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺเสว เสฏฺิ อโหสิ อสีติโกฏิวิภโว สงฺขเสฏฺีติ นาเมน. พาราณสิยํ ปีฬิยเสฏฺิ นาม อสีติโกฏิวิภโวว อโหสิ. เต อฺมฺํ สหายกา อเหสุํ. เตสุ พาราณสิยํ ปีฬิยเสฏฺิสฺส เกนจิเทว การเณน มหนฺตํ ภยํ อุปฺปชฺชิ, สพฺพํ สาปเตยฺยํ ปริหายิ. โส ทลิทฺโท อปฺปฏิสรโณ หุตฺวา ภริยํ อาทาย สงฺขเสฏฺึ ปจฺจยํ กตฺวา พาราณสิโต นิกฺขมิตฺวา ปทสาว ราชคหํ ปตฺวา สงฺขเสฏฺิสฺส นิเวสนํ อคมาสิ. โส ตํ ทิสฺวาว ‘‘สหาโย เม อาคโต’’ติ ปริสฺสชิตฺวา สกฺการสมฺมานํ กตฺวา กติปาหํ วีตินาเมตฺวา เอกทิวสํ ‘‘สมฺม, เกนฏฺเน อาคโตสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ภยํ เม, สมฺม, อุปฺปนฺนํ, สพฺพํ ธนํ ปริกฺขีณํ, อุปตฺถมฺโภ เม โหหี’’ติ. ‘‘สาธุ สมฺม, มา ภายี’’ติ ภณฺฑาคารํ วิวราเปตฺวา จตฺตาลีส หิรฺโกฏิโย ทาเปตฺวา เสสมฺปิ ปริจฺฉทปริวารํ สพฺพํ อตฺตโน สนฺตกํ สวิฺาณกํ อวิฺาณกํ มชฺเฌ ภินฺทิตฺวา อุปฑฺฒเมว อทาสิ. โส ตํ วิภวํ อาทาย ปุน พาราณสึ คนฺตฺวา นิวาสํ กปฺเปสิ.

อปรภาเค สงฺขเสฏฺิสฺสปิ ตาทิสเมว ภยํ อุปฺปชฺชิ. โส อตฺตโน ปฏิสรณํ อุปธาเรนฺโต ‘‘สหายสฺส เม มหาอุปกาโร กโต, อุปฑฺฒวิภโว ทินฺโน. น โส มํ ทิสฺวา ปริจฺจชิสฺสติ, ตสฺส สนฺติกํ คมิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ภริยํ อาทาย ปทสาว พาราณสึ คนฺตฺวา ภริยํ อาห ‘‘ภทฺเท, ตว มยา สทฺธึ อนฺตรวีถิยา คมนํ นาม น ยุตฺตํ, มยา เปสิตยานมารุยฺห มหนฺเตน ปริวาเรน ปจฺฉา อาคมิสฺสสิ. ยาว ยานํ เปเสมิ, ตาว อิเธว โหหี’’ติ วตฺวา ตํ สาลาย เปตฺวา สยํ นครํ ปวิสิตฺวา เสฏฺิสฺส ฆรํ คนฺตฺวา ‘‘ราชคหนครโต ตุมฺหากํ สหาโย สงฺขเสฏฺิ นาม อาคโต’’ติ อาโรจาเปสิ. โส ‘‘อาคจฺฉตู’’ติ ปกฺโกสาเปตฺวา ตํ ทิสฺวา เนว อาสนา วุฏฺาสิ, น ปฏิสนฺถารํ อกาสิ, เกวลํ ‘‘กิมตฺถํ อาคโตสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ตุมฺหากํ ทสฺสนตฺถํ อาคโตมฺหี’’ติ. ‘‘นิวาโส เต กหํ คหิโต’’ติ? ‘‘น ตาว นิวาสฏฺานํ อตฺถิ, เสฏฺิฆรณิมฺปิ สาลาย เปตฺวาว อาคโตมฺหี’’ติ. ‘‘ตุมฺหากํ อิธ นิวาสฏฺานํ นตฺถิ, นิวาปํ คเหตฺวา เอกสฺมึ าเน ปจาเปตฺวา ภุฺชิตฺวา คจฺฉถ, ปุน อมฺหากํ ฆรํ มา ปวิสถา’’ติ วตฺวา ‘‘มยฺหํ สหายสฺส ทุสฺสนฺเต พนฺธิตฺวา เอกํ พหลปลาปตุมฺพํ เทหี’’ติ ทาสํ อาณาเปสิ. ตํ ทิวสํ กิร โส รตฺตสาลีนํ สกฏสหสฺสมตฺตํ โอผุนาเปตฺวา โกฏฺาคารํ ปูราเปสิ, จตฺตาลีสโกฏิธนํ คเหตฺวา อาคโต อกตฺู มหาโจโร สหายกสฺส ตุมฺพมตฺเต ปลาเป ทาเปสิ. ทาโส ปจฺฉิยํ เอกํ ปลาปตุมฺพํ ปกฺขิปิตฺวา โพธิสตฺตสฺส สนฺติกํ อคมาสิ.

โพธิสตฺโต จินฺเตสิ – ‘‘อยํ อสปฺปุริโส มม สนฺติกา จตฺตาลีสโกฏิธนํ ลภิตฺวา อิทานิ ปลาปตุมฺพํ ทาเปสิ, คณฺหามิ นุ โข, น คณฺหามี’’ติ? อถสฺส เอตทโหสิ ‘‘อยํ ตาว อกตฺู มิตฺตทุพฺภี กตวินาสกภาเวน มยา สทฺธึ มิตฺตภาวํ ภินฺทิ. สจาหํ เอเตน ทินฺนํ ปลาปตุมฺพํ ลามกตฺตา น คณฺหิสฺสามิ, อหมฺปิ มิตฺตภาวํ ภินฺทิสฺสามิ. อนฺธพาลา ปริตฺตกํ ลทฺธํ อคฺคณฺหนฺตา มิตฺตภาวํ วินาเสนฺติ, อหํ ปน เอเตน ทินฺนํ ปลาปตุมฺพํ คเหตฺวา มม วเสน มิตฺตภาวํ ปติฏฺาเปสฺสามี’’ติ. โส ปลาปตุมฺพํ ทุสฺสนฺเต พนฺธิตฺวา ปาสาทา โอรุยฺห สาลํ อคมาสิ. อถ นํ ภริยา ‘‘กึ เต, อยฺย, ลทฺธ’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘ภทฺเท อมฺหากํ สหาโย ปีฬิยเสฏฺิ ปลาปตุมฺพํ ทตฺวา อมฺเห อชฺเชว วิสฺสชฺเชสี’’ติ. สา ‘‘อยฺย, กิมตฺถํ อคฺคเหสิ, กึ เอตํ จตฺตาลีสโกฏิธนสฺส อนุจฺฉวิก’’นฺติ โรทิตุํ อารภิ. โพธิสตฺโตปิ ‘‘ภทฺเท, มา โรทิ, อหํ เตน สทฺธึ มิตฺตภาวเภทนภเยน มม วเสน มิตฺตภาวํ ปติฏฺาเปตุํ คณฺหึ, ตฺวํ กึการณา โรทสี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๑๓๑.

‘‘อสมฺปทาเนนิตรีตรสฺส, พาลสฺส มิตฺตานิ กลีภวนฺติ;

ตสฺมา หรามิ ภุสํ อฑฺฒมานํ, มา เม มิตฺติ ชียิตฺถ สสฺสตาย’’นฺติ.

ตตฺถ อสมฺปทาเนนาติ อสมฺปาทาเนน. อการโลเป สนฺธิ, อคฺคหเณนาติ อตฺโถ. อิตรีตรสฺสาติ ยสฺส กสฺสจิ ลามกาลามกสฺส. พาลสฺส มิตฺตานิ กลีภวนฺตีติ ทนฺธสฺส อปฺสฺส มิตฺตานิ กลีนิ กาฬกณฺณิสทิสานิ โหนฺติ, ภิชฺชนฺตีติ อตฺโถ. ตสฺมา หรามิ ภุสํ อฑฺฒมานนฺติ เตน การเณน อหํ สหาเยน ทินฺนํ เอกปลาปตุมฺพํ หรามิ คณฺหามีติ ทสฺเสติ. ‘‘มาน’’นฺติ หิ อฏฺนฺนํ นาฬีนํ นามํ, จตุนฺนํ อฑฺฒมานํ, จตสฺโส จ นาฬิโย ตุมฺโพ นาม. เตน วุตฺตํ ‘‘ปลาปตุมฺพ’’นฺติ. มา เม มิตฺติ ชียิตฺถ สสฺสตายนฺติ มม สหาเยน สทฺธึ มิตฺติ มา ภิชฺชิตฺถ, สสฺสตาว อยํ โหตูติ อตฺโถ.

เอวํ วุตฺเตปิ เสฏฺิภริยา โรทเตว. ตสฺมึ ขเณ สงฺขเสฏฺินา ปีฬิยเสฏฺิสฺส ทินฺโน กมฺมนฺตทาโส สาลาทฺวาเรน อาคจฺฉนฺโต เสฏฺิภริยาย โรทนสทฺทํ สุตฺวา สาลํ ปวิสิตฺวา อตฺตโน สามิเก ทิสฺวา ปาเทสุ นิปติตฺวา โรทิตฺวา กนฺทิตฺวา ‘‘กิมตฺถํ อิธาคตตฺถ, สามี’’ติ ปุจฺฉิ. เสฏฺิ สพฺพํ อาโรเจสิ. กมฺมนฺตทาโส ‘‘โหตุ, สามิ, มา จินฺตยิตฺถา’’ติ อุโภปิ อสฺสาเสตฺวา อตฺตโน เคหํ เนตฺวา คนฺโธทเกน นฺหาเปตฺวา โภเชตฺวา ‘‘สามิกา, โว อาคตา’’ติ เสสทาเส สนฺนิปาเตตฺวา ทสฺเสตฺวา กติปาหํ วีตินาเมตฺวา สพฺเพ ทาเส คเหตฺวา ราชงฺคณํ คนฺตฺวา อุปรวํ อกาสิ. ราชา ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘กึ เอต’’นฺติ ปุจฺฉิ, เต สพฺพํ ตํ ปวตฺตึ รฺโ อาโรเจสุํ.

ราชา เตสํ วจนํ สุตฺวา อุโภปิ เสฏฺี ปกฺโกสาเปตฺวา สงฺขเสฏฺึ ปุจฺฉิ ‘‘สจฺจํ กิร ตยา มหาเสฏฺิ ปีฬิยเสฏฺิสฺส จตฺตาลีสโกฏิธนํ ทินฺน’’นฺติ? ‘‘อาม, มหาราช, มม สหายสฺส มํ ตกฺเกตฺวา ราชคหํ อาคตสฺส น เกวลํ ธนํ, สพฺพํ วิภวชาตํ สวิฺาณกํ อวิฺาณกํ ทฺเว โกฏฺาเส กตฺวา สมภาเค อทาสินฺติ. ราชา ‘‘สจฺจเมต’’นฺติ ปีฬิยเสฏฺึ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, เทวา’’ติ. ‘‘ตยา ปนสฺส ตฺเว ตกฺเกตฺวา อาคตสฺส อตฺถิ โกจิ สกฺกาโร วา สมฺมาโน วา กโต’’ติ. โส ตุณฺหี อโหสิ. อปิ ปน เต เอตสฺส ปลาปตุมฺพมตฺตํ ทุสฺสนฺเต ปกฺขิปาเปตฺวา ทาปิตํ อตฺถีติ. ตมฺปิ สุตฺวา ตุณฺหีเยว อโหสิ. ราชา ‘‘กึ กาตพฺพ’’นฺติ อมจฺเจหิ สทฺธึ มนฺเตตฺวา ตํ ปริภาสิตฺวา ‘‘คจฺฉถ, ปีฬิยเสฏฺิสฺส ฆเร สพฺพํ วิภวํ สงฺขเสฏฺิสฺส เทถา’’ติ อาห. โพธิสตฺโต ‘‘มหาราช, มยฺหํ ปรสนฺตเกน อตฺโถ นตฺถิ, มยา ทินฺนมตฺตเมว ปน ทาเปถา’’ติ อาห. ราชา โพธิสตฺตสฺส สนฺตกํ ทาเปสิ. โพธิสตฺโต สพฺพํ อตฺตโน ทินฺนวิภวํ ปฏิลภิตฺวา ทาสปริวุโต ราชคหเมว คนฺตฺวา กุฏุมฺพํ สณฺเปตฺวา ทานาทีนิ ปุฺานิ กตฺวา ยถากมฺมํ คโต.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ปีฬิยเสฏฺิ เทวทตฺโต อโหสิ, สงฺขเสฏฺิ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

อสมฺปทานชาตกวณฺณนา ปมา.

[๑๓๒] ๒. ภีรุกชาตกวณฺณนา

กุสลูปเทเส ธิติยา ทฬฺหาย จาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อชปาลนิคฺโรเธ มารธีตานํ ปโลภนสุตฺตนฺตํ อารพฺภ กเถสิ. ภควตา หิ อาทิโต ปฏฺาย วุตฺตํ –

‘‘ททฺทลฺลมานา อาคฺฉุํ, ตณฺหา จ อรตี รคา;

ตา ตตฺถ ปนุที สตฺถา, ตูลํ ภฏฺํว มาลุโต’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๑๖๑);

เอวํ ยาว ปริโยสานา ตสฺส สุตฺตนฺตสฺส กถิตกาเล ธมฺมสภายํ สนฺนิปติตา ภิกฺขู กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, สมฺมาสมฺพุทฺโธ มารธีตโร อเนกสตานิปิ ทิพฺพรูปานิ มาเปตฺวา ปโลภนตฺถาย อุปสงฺกมนฺติโย อกฺขีนิปิ อุมฺมีเลตฺวา น โอโลเกสิ, อโห พุทฺธพลํ นาม อจฺฉริย’’นฺติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว มยฺหํ สพฺพาสเว เขเปตฺวา สพฺพฺุตํ สมฺปตฺตสฺส มารธีตานํ อโนโลกนํ นาม อจฺฉริยํ, อหฺหิ ปุพฺเพ โพธิาณํ ปริเยสมาโน สกิเลสกาเลปิ อภิสงฺขตํ ทิพฺพรูปํ อินฺทฺริยานิ ภินฺทิตฺวา กิเลสวเสน อโนโลเกตฺวาว คนฺตฺวา มหารชฺชํ ปาปุณิ’’นฺติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ภาติกสตสฺส กนิฏฺโ อโหสีติ สพฺพํ เหฏฺา ตกฺกสิลาชาตเก วุตฺตนเยเนว วิตฺถาเรตพฺพํ. ตทา ปน ตกฺกสิลานครวาสีหิ พหินคเร สาลายํ โพธิสตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ยาจิตฺวา รชฺชํ ปฏิจฺฉาเปตฺวา อภิเสเก กเต ตกฺกสิลานครวาสิโน นครํ เทวนครํ วิย, ราชภวนฺจ อินฺทภวนํ วิย อลงฺกรึสุ. ตทา โพธิสตฺโต นครํ ปวิสิตฺวา ราชภวเน ปาสาเท มหาตเล สมุสฺสิตเสตจฺฉตฺตํ รตนวรปลฺลงฺกํ อภิรุยฺห เทวราชลีลาย นิสีทิ, อมจฺจา จ พฺราหฺมณคหปติกาทโย จ ขตฺติยกุมารา จ สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิตา ปริวาเรตฺวา อฏฺํสุ, เทวจฺฉราปฏิภาคา โสฬสสหสฺสนาฏกิตฺถิโย นจฺจคีตวาทิตกุสลา อุตฺตมวิลาสสมฺปนฺนา นจฺจคีตวาทิตานิ ปโยเชสุํ. คีตวาทิตสทฺเทน ราชภวนํ เมฆตฺถนิตปูริตา มหาสมุทฺทกุจฺฉิ วิย เอกนินฺนาทํ อโหสิ. โพธิสตฺโต ตํ อตฺตโน สิริโสภคฺคํ โอโลกยมาโนว จินฺเตสิ ‘‘สจาหํ ตาสํ ยกฺขินีนํ อภิสงฺขตํ ทิพฺพรูปํ โอโลเกสฺสํ, ชีวิตกฺขยํ ปตฺโต อภวิสฺสํ, อิมํ สิริโสภคฺคํ น โอโลเกสฺสํ. ปจฺเจกพุทฺธานํ ปน โอวาเท ิตภาเวน อิทํ มยา สมฺปตฺต’’นฺติ. เอวฺจ ปน จินฺเตตฺวา อุทานํ อุทาเนนฺโต อิมํ คาถมาห –

๑๓๒.

‘‘กุสลูปเทเส ธิติยา ทฬฺหาย จ, อนิวตฺติตตฺตา ภยภีรุตาย จ;

น รกฺขสีนํ วสมาคมิมฺหเส, ส โสตฺถิภาโว มหตา ภเยน เม’’ติ.

ตตฺถ กุสลูปเทเสติ กุสลานํ อุปเทเส, ปจฺเจกพุทฺธานํ โอวาเทติ อตฺโถ. ธิติยา ทฬฺหาย จาติ ทฬฺหาย ธิติยา จ, ถิเรน อพฺโพจฺฉินฺนนิรนฺตรวีริเยน จาติ อตฺโถ. อนิวตฺติตตฺตา ภยภีรุตาย จาติ ภยภีรุตาย อนิวตฺติตตาย จ. ตตฺถ ภยนฺติ จิตฺตุตฺราสมตฺตํ ปริตฺตภยํ. ภีรุตาติ สรีรกมฺปนปฺปตฺตํ มหาภยํ. อิทํ อุภยมฺปิ มหาสตฺตสฺส ‘‘ยกฺขินิโย นาเมตา มนุสฺสขาทิกา’’ติ เภรวารมฺมณํ ทิสฺวาปิ นาโหสิ. เตนาห ‘‘อนิวตฺติตตฺตา ภยภีรุตาย จา’’ติ. ภยภีรุตาย อภาเวเนว เภรวารมฺมณํ ทิสฺวาปิ อนิวตฺตนภาเวนาติ อตฺโถ. น รกฺขสีนํ วสมาคมิมฺหเสติ ยกฺขกนฺตาเร ตาสํ รกฺขสีนํ วสํ น อคมิมฺห. ยสฺมา อมฺหากํ กุสลูปเทเส ธิติ จ ทฬฺหา อโหสิ, ภยภีรุตาภาเวน จ อนิวตฺตนสภาวา อหุมฺหา, ตสฺมา รกฺขสีนํ วสํ น อคมิมฺหาติ วุตฺตํ โหติ. ส โสตฺถิภาโว มหตา ภเยน เมติ โส มยฺหํ อยํ อชฺช มหตา ภเยน รกฺขสีนํ สนฺติกา ปตฺตพฺเพน ทุกฺขโทมนสฺเสน โสตฺถิภาโว เขมภาโว ปีติโสมนสฺสภาโวเยว ชาโตติ.

เอวํ มหาสตฺโต อิมาย คาถาย ธมฺมํ เทเสตฺวา ธมฺเมน รชฺชํ กาเรตฺวา ทานาทีนิ ปุฺานิ กตฺวา ยถากมฺมํ คโต.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘อหํ เตน สมเยน ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา รชฺชปฺปตฺตกุมาโร อโหสิ’’นฺติ.

ภีรุกชาตกวณฺณนา ทุติยา.

[๑๓๓] ๓. ฆตาสนชาตกวณฺณนา

เขมํ ยหินฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. โส หิ ภิกฺขุ สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา ปจฺจนฺตํ คนฺตฺวา เอกํ คามกํ อุปนิสฺสาย อรฺเสนาสเน วสฺสํ อุปคฺฉิ. ตสฺส ปมมาเสเยว ปิณฺฑาย ปวิฏฺสฺส ปณฺณสาลา ฌายิตฺถ. โส วสนฏฺานาภาเวน กิลมนฺโต อุปฏฺากานํ อาจิกฺขิ. เต ‘‘โหตุ, ภนฺเต, ปณฺณสาลํ กริสฺสาม, กสาม ตาว, วปาม ตาวา’’ติอาทีนิ วทนฺตา เตมาสํ วีตินาเมสุํ. โส เสนาสนสปฺปายาภาเวน กมฺมฏฺานํ มตฺถกํ ปาเปตุํ นาสกฺขิ. โส นิมิตฺตมตฺตมฺปิ อนุปฺปาเทตฺวา วุตฺถวสฺโส เชตวนํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. สตฺถา เตน สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘กึ นุ โข เต, ภิกฺขุ, กมฺมฏฺานํ สปฺปายํ ชาต’’นฺติ ปุจฺฉิ. โส อาทิโต ปฏฺาย อสปฺปายภาวํ กเถสิ. สตฺถา ‘‘ปุพฺเพ โข, ภิกฺขุ, ติรจฺฉานาปิ อตฺตโน สปฺปายาสปฺปายํ ตฺวา สปฺปายกาเล วสิตฺวา อสปฺปายกาเล วสนฏฺานํ ปหาย อฺตฺถ อคมํสุ, ตฺวํ กสฺมา อตฺตโน สปฺปายาสปฺปายํ น อฺาสี’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต สกุณโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺวา โสภคฺคปฺปตฺโต สกุณราชา หุตฺวา เอกสฺมึ อรฺายตเน ชาตสฺสรตีเร สาขาวิฏปสมฺปนฺนํ พหลปตฺตปลาสํ มหารุกฺขํ อุปนิสฺสาย สปริวาโร วาสํ กปฺเปสิ. พหู สกุณา ตสฺส รุกฺขสฺส อุทกมตฺถเก ปตฺถฏสาขาสุ วสนฺตา สรีรวฬฺชํ อุทเก ปาเตนฺติ. ตสฺมิฺจ ชาตสฺสเร จณฺโฑ นาคราชา วสติ. ตสฺส เอตทโหสิ ‘‘อิเม สกุณา มยฺหํ นิวาเส ชาตสฺสเร สรีรวฬฺชํ ปาเตนฺติ, ยํนูนาหํ อุทกโต อคฺคึ อุฏฺาเปตฺวา รุกฺขํ ฌาเปตฺวา เอเต ปลาเปยฺย’’นฺติ. โส กุทฺธมานโส รตฺติภาเค สพฺเพสํ สกุณานํ สนฺนิปติตฺวา รุกฺขสาขาสุ นิปนฺนกาเล ปมํ ตาว อุทฺธนาโรปิตํ วิย อุทกํ ปกฺกุธาเปตฺวา ทุติยวาเร ธูมํ อุฏฺาเปตฺวา ตติยวาเร ตาลกฺขนฺธปฺปมาณํ ชาลํ อุฏฺาเปสิ. โพธิสตฺโต อุทกโต ชาลํ อุฏฺหมานํ ทิสฺวา ‘‘โภ, สกุณา, อคฺคินา อาทิตฺตํ นาม อุทเกน นิพฺพาเปนฺติ, อิทานิ ปน อุทกเมว อาทิตฺตํ. น สกฺกา อมฺเหหิ อิธ วสิตุํ, อฺตฺถ คมิสฺสามา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๑๓๓.

‘‘เขมํ ยหึ ตตฺถ อรี อุทีริโต, ทกสฺส มชฺเฌ ชลเต ฆตาสโน;

น อชฺช วาโส มหิยา มหีรุเห, ทิสา ภชวฺโห สรณาชฺช โนภย’’นฺติ.

ตตฺถ เขมํ ยหึ ตตฺถ อรี อุทีริโตติ ยสฺมึ อุทกปิฏฺเ เขมภาโว นิพฺภยภาโว, ตสฺมึ อตฺตปจฺจตฺถิโก สปตฺโต อุฏฺิโต. ทกสฺสาติ อุทกสฺส. ฆตาสโนติ อคฺคิ. โส หิ ฆตํ อสฺนาติ, ตสฺมา ‘‘ฆตาสโน’’ติ วุจฺจติ. น อชฺช วาโสติ อชฺช โน วาโส นตฺถิ. มหิยา มหีรุเหติ มหิรุโห วุจฺจติ รุกฺโข, ตสฺมึ อิมิสฺสา มหิยา ชาเต รุกฺเขติ อตฺโถ. ทิสา ภชวฺโหติ ทิสา ภชถ คจฺฉถ. สรณาชฺช โน ภยนฺติ อชฺช อมฺหากํ สรณโต ภยํ ชาตํ, ปฏิสรณฏฺานโต ภยํ อุปฺปนฺนนฺติ อตฺโถ.

เอวํ วตฺวา โพธิสตฺโต อตฺตโน วจนกเร สกุเณ อาทาย อุปฺปติตฺวา อฺตฺถ คโต. โพธิสตฺตสฺส วจนํ อคฺคเหตฺวา ิตสกุณา ชีวิตกฺขยํ ปตฺตา.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน โส ภิกฺขุ อรหตฺเต ปติฏฺาสิ.

ตทา โพธิสตฺตสฺส วจนกรา สกุณา พุทฺธปริสา อเหสุํ, สกุณราชา ปน อหเมว อโหสินฺติ.

ฆตาสนชาตกวณฺณนา ตติยา.

[๑๓๔] ๔. ฌานโสธนชาตกวณฺณนา

เย สฺิโนติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สงฺกสฺสนครทฺวาเร อตฺตนา สํขิตฺเตน ปุจฺฉิตปฺหสฺส ธมฺมเสนาปติโน วิตฺถารพฺยากรณํ อารพฺภ กเถสิ. ตตฺริทํ อตีตวตฺถุ – อตีเต กิร พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต อรฺายตเน กาลํ กโรนฺโต อนฺเตวาสิเกหิ ปุจฺฉิโต ‘‘เนวสฺีนาสฺี’’ติ อาห…เป… ตาปสา เชฏฺนฺเตวาสิกสฺส กถํ น คณฺหึสุ. โพธิสตฺโต อาภสฺสรโต อาคนฺตฺวา อากาเส ตฺวา อิมํ คาถมาห –

๑๓๔.

‘‘เย สฺิโน เตปิ ทุคฺคตา, เยปิ อสฺิโน เตปิ ทุคฺคตา;

เอตํ อุภยํ วิวชฺชย, ตํ สมาปตฺติสุขํ อนงฺคณ’’นฺติ.

ตตฺถ เย สฺิโนติ เปตฺวา เนวสฺานาสฺายตนลาภิโน อวเสเส สจิตฺตกสตฺเต ทสฺเสติ. เตปิ ทุคฺคตาติ ตสฺสา สมาปตฺติยา อลาภโต เตปิ ทุคฺคตา นาม. เยปิ อสฺิโนติ อสฺภเว นิพฺพตฺเต อจิตฺตกสตฺเต ทสฺเสติ. เตปิ ทุคฺคตาติ เตปิ อิมิสฺสาเยว สมาปตฺติยา อลาภโต ทุคฺคตาเยว นาม. เอตํ อุภยํ วิวชฺชยาติ เอตํ อุภยมฺปิ สฺิภวฺจ อสฺิภวฺจ วิวชฺชย ปชหาติ อนฺเตวาสิกํ โอวทติ. ตํ สมาปตฺติสุขํ อนงฺคณนฺติ ตํ เนวสฺานาสฺายตนสมาปตฺติลาภิโน สนฺตฏฺเน ‘‘สุข’’นฺติ สงฺขํ คตํ ฌานสุขํ อนงฺคณํ นิทฺโทสํ พลวจิตฺเตกคฺคตาสภาเวนปิ ตํ อนงฺคณํ นาม ชาตํ.

เอวํ โพธิสตฺโต ธมฺมํ เทเสตฺวา อนฺเตวาสิกสฺส คุณํ กเถตฺวา พฺรหฺมโลกเมว อคมาสิ. ตทา เสสตาปสา เชฏฺนฺเตวาสิกสฺส สทฺทหึสุ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา เชฏฺนฺเตวาสิโก สาริปุตฺโต, มหาพฺรหฺมา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

ฌานโสธนชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.

[๑๓๕] ๕. จนฺทาภชาตกวณฺณนา

จนฺทาภนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สงฺกสฺสนครทฺวาเร เถรสฺเสว ปฺหพฺยากรณํ อารพฺภ กเถสิ. อตีเต กิร พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต อรฺายตเน กาลํ กโรนฺโต อนฺเตวาสิเกหิ ปุจฺฉิโต ‘‘จนฺทาภํ สูริยาภ’’นฺติ วตฺวา อาภสฺสเร นิพฺพตฺโต. ตาปสา เชฏฺนฺเตวาสิกสฺส น สทฺทหึสุ. โพธิสตฺโต อาภสฺสรโต อาคนฺตฺวา อากาเส ิโต อิมํ คาถมาห –

๑๓๕.

‘‘จนฺทาภํ สูริยาภฺจ, โยธ ปฺาย คาธติ;

อวิตกฺเกน ฌาเนน, โหติ อาภสฺสรูปโค’’ติ.

ตตฺถ จนฺทาภนฺติ โอทาตกสิณํ ทสฺเสติ. สูริยาภนฺติ ปีตกสิณํ. โยธ ปฺาย คาธตีติ โย ปุคฺคโล อิธ สตฺตโลเก อิทํ กสิณทฺวยํ ปฺาย คาธติ, อารมฺมณํ กตฺวา อนุปวิสติ, ตตฺเถว ปติฏฺหติ. อถ วา จนฺทาภํ สูริยาภฺจ, โยธ ปฺาย คาธตีติ ยตฺตกํ านํ จนฺทาภา จ สูริยาภา จ ปตฺถฏา, ตตฺถเก าเน ปฏิภาคกสิณํ วฑฺเฒตฺวา ตํ อารมฺมณํ กตฺวา ฌานํ นิพฺพตฺเตนฺโต อุภยมฺเปตํ อาภํ ปฺาย คาธติ นาม. ตสฺมา อยมฺเปตฺถ อตฺโถเยว. อวิตกฺเกน ฌาเนน, โหติ อาภสฺสรูปโคติ โส ปุคฺคโล ตถา กตฺวา ปฏิลทฺเธน ทุติเยน ฌาเนน อาภสฺสรพฺรหฺมโลกูปโค โหตีติ.

เอวํ โพธิสตฺโต ตาปเส โพเธตฺวา เชฏฺนฺเตวาสิกสฺส คุณํ กเถตฺวา พฺรหฺมโลกเมว คโต.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา เชฏฺนฺเตวาสิโก สาริปุตฺโต, มหาพฺรหฺมา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

จนฺทาภชาตกวณฺณนา ปฺจมา.

[๑๓๖] ๖. สุวณฺณหํสชาตกวณฺณนา

ยํ ลทฺธํ เตน ตุฏฺพฺพนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ถุลฺลนนฺทํ ภิกฺขุนึ อารพฺภ กเถสิ. สาวตฺถิยฺหิ อฺตโร อุปาสโก ภิกฺขุนิสงฺฆํ ลสุเณน ปวาเรตฺวา เขตฺตปาลํ อาณาเปสิ ‘‘สเจ ภิกฺขุนิโย อาคจฺฉนฺติ, เอเกกาย ภิกฺขุนิยา ทฺเว ตโย ภณฺฑิเก เทหี’’ติ. ตโต ปฏฺาย ภิกฺขุนิโย ตสฺส เคหมฺปิ เขตฺตมฺปิ ลสุณตฺถาย คจฺฉนฺติ. อเถกสฺมึ อุสฺสวทิวเส ตสฺส เคเห ลสุณํ ปริกฺขยํ อคมาสิ. ถุลฺลนนฺทา ภิกฺขุนี สปริวารา เคหํ คนฺตฺวา ‘‘ลสุเณนาวุโส อตฺโถ’’ติ วตฺวา ‘‘นตฺถยฺเย, ยถาภตํ ลสุณํ ปริกฺขีณํ, เขตฺตํ คจฺฉถา’’ติ วุตฺตา เขตฺตํ คนฺตฺวา น มตฺตํ ชานิตฺวา ลสุณํ อาหราเปสิ. เขตฺตปาโล อุชฺฌายิ ‘‘กถฺหิ นาม ภิกฺขุนิโย น มตฺตํ ชานิตฺวา ลสุณํ หราเปสฺสนฺตี’’ติ? ตสฺส กถํ สุตฺวา ยา ตา ภิกฺขุนิโย อปฺปิจฺฉา, ตาปิ, ตาสํ สุตฺวา ภิกฺขูปิ, อุชฺฌายึสุ. อุชฺฌายิตฺวา จ ปน ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. ภควา ถุลฺลนนฺทํ ภิกฺขนึ ครหิตฺวา ‘‘ภิกฺขเว, มหิจฺโฉ ปุคฺคโล นาม วิชาตมาตุยาปิ อปฺปิโย โหติ อมนาโป, อปฺปสนฺเน ปสาเทตุํ, ปสนฺนานํ วา ภิยฺโยโสมตฺตาย ปสาทํ ชเนตุํ, อนุปฺปนฺนํ วา ลาภํ อุปฺปาเทตุํ, อุปฺปนฺนํ วา ปน ลาภํ ถิรํ กาตุํ น สกฺโกติ. อปฺปิจฺโฉ ปน ปุคฺคโล อปฺปสนฺเน ปสาเทตุํ, ปสนฺนานํ วา ภิยฺโยโสมตฺตาย ปสาทํ ชเนตุํ, อนุปฺปนฺนํ วา ลาภํ อุปฺปาเทตุํ, อุปฺปนฺนํ วา ปน ลาภํ ถิรํ กาตุํ สกฺโกตี’’ติอาทินา นเยน ภิกฺขูนํ ตทนุจฺฉวิกํ ธมฺมํ กเถตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, ถุลฺลนนฺทา อิทาเนว มหิจฺฉา, ปุพฺเพปิ มหิจฺฉาเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต อฺตรสฺมึ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติ. ตสฺส วยปฺปตฺตสฺส สมานชาติกา กุลา ปชาปตึ อาหรึสุ. ตสฺสา นนฺทา นนฺทาวตี สุนฺทรีนนฺทาติ ติสฺโส ธีตโร อเหสุํ. ตาสุ ปติกุลํ อคตาสุเยว โพธิสตฺโต กาลํ กตฺวา สุวณฺณหํสโยนิยํ นิพฺพตฺติ, ชาติสฺสราณฺจสฺส อุปฺปชฺชิ. โส วยปฺปตฺโต สุวณฺณสฺฉนฺนํ โสภคฺคปฺปตฺตํ มหนฺตํ อตฺตภาวํ ทิสฺวา ‘‘กุโต นุ โข จวิตฺวา อหํ อิธูปปนฺโน’’ติ อาวชฺเชนฺโต ‘‘มนุสฺสโลกโต’’ติ ตฺวา ปุน ‘‘กถํ นุ โข เม พฺราหฺมณี จ ธีตโร จ ชีวนฺตี’’ติ อุปธาเรนฺโต ‘‘ปเรสํ ภตึ กตฺวา กิจฺเฉน ชีวนฺตี’’ติ ตฺวา จินฺเตสิ ‘‘มยฺหํ สรีเร โสวณฺณมยานิ ปตฺตานิ โกฏฺฏนฆฏฺฏนขมานิ, อิโต ตาสํ เอเกกํ ปตฺตํ ทสฺสามิ, เตน เม ปชาปติ จ ธีตโร จ สุขํ ชีวิสฺสนฺตี’’ติ. โส ตตฺถ คนฺตฺวา ปิฏฺิวํสโกฏิยํ นิลียิ, พฺราหฺมณี จ ธีตโร จ โพธิสตฺตํ ทิสฺวา ‘‘กุโต อาคโตสิ, สามี’’ติ ปุจฺฉึสุ. ‘‘อหํ ตุมฺหากํ ปิตา กาลํ กตฺวา สุวณฺณหํสโยนิยํ นิพฺพตฺโต ตุมฺเห ทฏฺุํ อาคโต. อิโต ปฏฺาย ตุมฺหากํ ปเรสํ ภตึ กตฺวา ทุกฺขชีวิกาย ชีวนกิจฺจํ นตฺถิ, อหํ โว เอเกกํ ปตฺตํ ทสฺสามิ, ตํ วิกฺกิณิตฺวา สุเขน ชีวถา’’ติ เอกํ ปตฺตํ ทตฺวา อคมาสิ. โส เอเตเนว นิยาเมน อนฺตรนฺตรา อาคนฺตฺวา เอเกกํ ปตฺตํ เทติ, พฺราหฺมณี จ ธีตโร จ อฑฺฒา สุขิตา อเหสุํ.

อเถกทิวสํ สา พฺราหฺมณี ธีตโร อามนฺเตสิ ‘‘อมฺมา, ติรจฺฉานานํ นาม จิตฺตํ ทุชฺชานํ. กทาจิ โว ปิตา อิธ นาคจฺเฉยฺย, อิทานิสฺส อาคตกาเล สพฺพานิ ปตฺตานิปิ ลุฺจิตฺวา คณฺหามา’’ติ. ตา ‘‘เอวํ โน ปิตา กิลมิสฺสตี’’ติ น สมฺปฏิจฺฉึสุ. พฺราหฺมณี ปน มหิจฺฉตาย ปุน เอกทิวสํ สุวณฺณหํสราชสฺส อาคตกาเล ‘‘เอหิ ตาว, สามี’’ติ วตฺวา ตํ อตฺตโน สนฺติกํ อุปคตํ อุโภหิ หตฺเถหิ คเหตฺวา สพฺพปตฺตานิ ลุฺจิ. ตานิ ปน โพธิสตฺตสฺส รุจึ วินา พลกฺกาเรน คหิตตฺตา สพฺพานิ พกปตฺตสทิสานิ อเหสุํ. โพธิสตฺโต ปกฺเข ปสาเรตฺวา คนฺตุํ นาสกฺขิ. อถ นํ สา มหาจาฏิยํ ปกฺขิปิตฺวา โปเสสิ. ตสฺส ปุน อุฏฺหนฺตานิ ปตฺตานิ เสตานิ สมฺปชฺชึสุ. โส สฺชาตปตฺโต อุปฺปติตฺวา อตฺตโน วสนฏฺานเมว คนฺตฺวา น ปุน อาคมาสิ.

สตฺถา อิมํ อตีตํ อาหริตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, ถุลฺลนนฺทา อิทาเนว มหิจฺฉา, ปุพฺเพปิ มหิจฺฉาเยว, มหิจฺฉตาย จ ปน สุวณฺณมฺหา ปริหีนา. อิทานิ ปน อตฺตโน มหิจฺฉตาย เอว ลสุณมฺหาปิ ปริหายิสฺสติ, ตสฺมา อิโต ปฏฺาย ลสุณํ ขาทิตุํ น ลภิสฺสติ. ยถา จ ถุลฺลนนฺทา, เอวํ ตํ นิสฺสาย เสสภิกฺขุนิโยปิ. ตสฺมา พหุํ ลภิตฺวาปิ ปมาณเมว ชานิตพฺพํ, อปฺปํ ลภิตฺวา ปน ยถาลทฺเธเนว สนฺโตโส กาตพฺโพ, อุตฺตริ น ปตฺเถตพฺพ’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๑๓๖.

‘‘ยํ ลทฺธํ เตน ตุฏฺพฺพํ, อติโลโภ หิ ปาปโก;

หํสราชํ คเหตฺวาน, สุวณฺณา ปริหายถา’’ติ.

ตตฺถ ตุฏฺพฺพนฺติ ตุสฺสิตพฺพํ.

อิทํ ปน วตฺวา สตฺถา อเนกปริยาเยน ครหิตฺวา ‘‘ยา ปน ภิกฺขุนี ลสุณํ ขาเทยฺย, ปาจิตฺติย’’นฺติ (ปาจิ. ๗๙๔) สิกฺขาปทํ ปฺาเปตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา พฺราหฺมณี อยํ ถุลฺลนนฺทา อโหสิ, ติสฺโส ธีตโร อิทานิ ติสฺโสเยว ภคินิโย, สุวณฺณหํสราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

สุวณฺณหํสชาตกวณฺณนา ฉฏฺา.

[๑๓๗] ๗. พพฺพุชาตกวณฺณนา

ยตฺเถโก ลภเต พพฺพูติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต กาณมาตุสิกฺขาปทํ (ปาจิ. ๒๓๐ อาทโย) อารพฺภ กเถสิ. สาวตฺถิยฺหิ กาณมาตา นาม ธีตุวเสน ปากฏนามา อุปาสิกา อโหสิ โสตาปนฺนา อริยสาวิกา. สา ธีตรํ กาณํ อฺตรสฺมึ คามเก สมานชาติกสฺส ปุริสสฺส อทาสิ. กาณา เกนจิเทว กรณีเยน มาตุ ฆรํ อคมาสิ. อถสฺสา สามิโก กติปาหจฺจเยน ทูตํ ปาเหสิ ‘‘อาคจฺฉตุ กาณา, อิจฺฉามิ กาณาย อาคมน’’นฺติ. กาณา ทูตสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘อมฺม, คมิสฺสามี’’ติ มาตรํ อาปุจฺฉิ. กาณมาตา ‘‘เอตฺตกํ กาลํ วสิตฺวา กถํ ตุจฺฉหตฺถาว คมิสฺสสี’’ติ ปูวํ ปจิ. ตสฺมึเยว ขเณ เอโก ปิณฺฑจาริโก ภิกฺขุ ตสฺสา นิเวสนํ อคมาสิ, อุปาสิกา ตํ นิสีทาเปตฺวา ปตฺตปูรํ ปูวํ ทาเปสิ. โส ภิกฺขุ นิกฺขมิตฺวา อฺสฺส อาจิกฺขิ, ตสฺสปิ ตเถว ทาเปสิ. โสปิ นิกฺขมิตฺวา อฺสฺส อาจิกฺขิ, ตสฺสปิ ตเถวาติ เอวํ จตุนฺนํ ชนานํ ทาเปสิ. ยถาปฏิยตฺตํ ปูวํ ปริกฺขยํ อคมาสิ, กาณาย คมนํ น สมฺปชฺชิ. อถสฺสา สามิโก ทุติยมฺปิ, ตติยมฺปิ ทูตํ ปาเหสิ. ตติยํ ปาเหนฺโต จ ‘‘สเจ กาณา นาคจฺฉิสฺสติ, อหํ อฺํ ปชาปตึ อาเนสฺสามี’’ติ ปาเหสิ. ตโยปิ วาเร เตเนว อุปาเยน คมนํ น สมฺปชฺชิ, กาณาย สามิโก อฺํ ปชาปตึ อาเนสิ. กาณา ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา โรทมานา อฏฺาสิ.

สตฺถา ตํ การณํ ตฺวา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย กาณมาตาย นิเวสนํ คนฺตฺวา ปฺตฺตาสเน นิสีทิตฺวา กาณมาตรํ ปุจฺฉิ ‘‘กิสฺสายํ กาณา โรทตี’’ติ? ‘‘อิมินา นาม การเณนา’’ติ จ สุตฺวา กาณมาตรํ สมสฺสาเสตฺวา ธมฺมึ กถํ กเถตฺวา อุฏฺายาสนา วิหารํ อคมาสิ. อถ เตสํ จตุนฺนํ ภิกฺขูนํ ตโย วาเร ยถาปฏิยตฺตปูวํ คเหตฺวา กาณาย คมนสฺส อุปจฺฉินฺนภาโว ภิกฺขุสงฺเฆ ปากโฏ ชาโต. อเถกทิวสํ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, จตูหิ นาม ภิกฺขูหิ ตโย วาเร กาณมาตาย ปกฺกปูวํ ขาทิตฺวา กาณาย คมนนฺตรายํ กตฺวา สามิเกน ปริจฺจตฺตํ ธีตรํ นิสฺสาย มหาอุปาสิกาย โทมนสฺสํ อุปฺปาทิต’’นฺติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว เต จตฺตาโร ภิกฺขู กาณมาตาย สนฺตกํ ขาทิตฺวา ตสฺสา โทมนสฺสํ อุปฺปาเทสุํ, ปุพฺเพปิ อุปฺปาเทสุํเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ปาสาณโกฏฺฏกกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ปริโยทาตสิปฺโป อโหสิ. กาสิรฏฺเ เอกสฺมึ นิคเม เอโก มหาวิภโว เสฏฺิ อโหสิ, ตสฺส นิธานคตาเยว จตฺตาลีส หิรฺโกฏิโย อเหสุํ. อถสฺส ภริยา กาลํ กตฺวา ธนสิเนเหน คนฺตฺวา ธนปิฏฺิยํ มูสิกา หุตฺวา นิพฺพตฺติ. เอวํ อนุกฺกเมน สพฺพมฺปิ ตํ กุลํ อพฺภตฺถํ อคมาสิ, วํโส อุปจฺฉิชฺชิ. โส คาโมปิ ฉฑฺฑิโต อปณฺณตฺติกภาวํ อคมาสิ. ตทา โพธิสตฺโต ตสฺมึ ปุราณคามฏฺาเน ปาสาเณ อุปฺปาเฏตฺวา โกฏฺเฏติ. อถ สา มูสิกา โคจราย จรมานา โพธิสตฺตํ ปุนปฺปุนํ ปสฺสนฺตี อุปฺปนฺนสิเนหา หุตฺวา จินฺเตสิ ‘‘มยฺหํ ธนํ พหุ นิกฺการเณน นสฺสิสฺสติ, อิมินา สทฺธึ เอกโต หุตฺวา อิทํ ธนํ ทตฺวา มํสํ วิกฺกิณาเปตฺวา ขาทิสฺสามี’’ติ. สา เอกทิวสํ เอกํ กหาปณํ มุเขน ฑํสิตฺวา โพธิสตฺตสฺส สนฺติกํ อคมาสิ. โส ตํ ทิสฺวา ปิยวาจาย สมาลปนฺโต ‘‘กึ นุ โข, อมฺม, กหาปณํ คเหตฺวา อาคตาสี’’ติ อาห. ตาต, อิมํ คเหตฺวา อตฺตนาปิ ปริภุฺช, มยฺหมฺปิ มํสํ อาหราติ. โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา กหาปณํ อาทาย ฆรํ คนฺตฺวา เอเกน มาสเกน มํสํ กิณิตฺวา อาหริตฺวา ตสฺสา อทาสิ. สา ตํ คเหตฺวา อตฺตโน นิวาสฏฺานํ คนฺตฺวา ยถารุจิยา ขาทิ. ตโต ปฏฺาย อิมินาว นิยาเมน ทิวเส ทิวเส โพธิสตฺตสฺส กหาปณํ เทติ, โสปิสฺสา มํสํ อาหรติ.

อเถกทิวสํ ตํ มูสิกํ พิฬาโร อคฺคเหสิ. อถ นํ สา เอวมาห ‘‘มา, สมฺม, มํ มาเรสี’’ติ. กึการณา น มาเรสฺสามิ? อหฺหิ ฉาโต มํสํ ขาทิตุกาโม, น สกฺกา มยา น มาเรตุนฺติ. กึ ปน เอกทิวสเมว มํสํ ขาทิตุกาโมสิ, อุทาหุ นิจฺจกาลนฺติ? ‘‘ลภมาโน นิจฺจกาลมฺปิ ขาทิตุกาโมมฺหี’’ติ. ‘‘ยทิ เอวํ อหํ เต นิจฺจกาลํ มํสํ ทสฺสามิ, วิสฺสชฺเชหิ ม’’นฺติ. อถ นํ พิฬาโร ‘‘เตน หิ อปฺปมตฺตา โหหี’’ติ วิสฺสชฺเชสิ. ตโต ปฏฺาย สา อตฺตโน อาภตํ มํสํ ทฺเว โกฏฺาเส กตฺวา เอกํ พิฬารสฺส เทติ, เอกํ สยํ ขาทติ. อถ นํ เอกทิวสํ อฺโปิ พิฬาโร อคฺคเหสิ, ตมฺปิ ตเถว สฺาเปตฺวา อตฺตานํ วิสฺสชฺชาเปสิ. ตโต ปฏฺาย ตโย โกฏฺาเส กตฺวา ขาทนฺติ. ปุน อฺโ อคฺคเหสิ, ตมฺปิ ตเถว สฺาเปตฺวา อตฺตานํ โมจาเปสิ. ตโต ปฏฺาย จตฺตาโร โกฏฺาเส กตฺวา ขาทนฺติ. ปุน อฺโ อคฺคเหสิ, ตมฺปิ ตเถว สฺาเปตฺวา อตฺตานํ โมจาเปสิ. ตโต ปฏฺาย ปฺจ โกฏฺาเส กตฺวา ขาทนฺติ. สา ปฺจมํ โกฏฺาสํ ขาทมานา อปฺปาหารตาย กิลนฺตา กิสา อโหสิ อปฺปมํสโลหิตา

โพธิสตฺโต ตํ ทิสฺวา ‘‘อมฺม, กสฺมา มิลาตาสี’’ติ วตฺวา ‘‘อิมินา นาม การเณนา’’ติ วุตฺเต ‘‘ตฺวํ เอตฺตกํ กาลํ กสฺมา มยฺหํ นาจิกฺขิ, อหเมตฺถ กาตพฺพํ ชานิสฺสามี’’ติ ตํ สมสฺสาเสตฺวา สุทฺธผลิกปาสาเณน คุหํ กตฺวา อาหริตฺวา ‘‘อมฺม, ตฺวํ อิมํ คุหํ ปวิสิตฺวา นิปชฺชิตฺวา อาคตาคตานํ ผรุสาหิ วาจาหิ สนฺตชฺเชยฺยาสี’’ติ อาห. สา คุหํ ปวิสิตฺวา นิปชฺชิ. อเถโก พิฬาโร อาคนฺตฺวา ‘‘เทหิ, อชฺช เม มํส’’นฺติ อาห. อถ นํ มูสิกา ‘‘อเร, ทุฏฺพิฬาร, กึ เต อหํ มํสหาริกา, อตฺตโน ปุตฺตานํ มํสํ ขาทา’’ติ ตชฺเชสิ. พิฬาโร ผลิกคุหาย นิปนฺนภาวํ อชานนฺโต โกธวเสน มูสิกํ คณฺหิสฺสามี’’ติ สหสาว ปกฺขนฺทิตฺวา หทเยน ผลิกคุหายํ ปหริ. ตาวเทวสฺส หทยํ ภิชฺชิ, อกฺขีนิ นิกฺขมนาการปฺปตฺตานิ ชาตานิ. โส ตตฺเถว ชีวิตกฺขยํ ปตฺวา เอกมนฺตํ ปฏิจฺฉนฺนฏฺาเน ปติ. เอเตนูปาเยน อปโรปิ อปโรปีติ จตฺตาโรปิ ชนา ชีวิตกฺขยํ ปาปุณึสุ. ตโต ปฏฺาย มูสิกา นิพฺภยา หุตฺวา โพธิสตฺตสฺส เทวสิกํ ทฺเว ตโย กหาปเณ เทติ. เอวํ อนุกฺกเมน สพฺพมฺปิ ธนํ โพธิสตฺตสฺเสว อทาสิ. เต อุโภปิ ยาวชีวํ เมตฺตึ อภินฺทิตฺวา ยถากมฺมํ คตา.

สตฺถา อิมํ อตีตํ อาหริตฺวา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา อิมํ คาถมาห –

๑๓๗.

‘‘ยตฺเถโก ลภเต พพฺพุ, ทุติโย ตตฺถ ชายติ;

ตติโย จ จตุตฺโถ จ, อิทํ เต พพฺพุกา พิล’’นฺติ.

ตตฺถ ยตฺถาติ ยสฺมึ าเน. พพฺพูติ พิฬาโร. ทุติโย ตตฺถ ชายตีติ ยตฺถ เอโก มูสิกํ วา มํสํ วา ลภติ, ทุติโยปิ ตตฺถ พิฬาโร ชายติ อุปฺปชฺชติ, ตถา ตติโย จ จตุตฺโถ จ. เอวํ เต ตทา จตฺตาโร พิฬารา อเหสุํ. หุตฺวา จ ปน ทิวเส ทิวเส มํสํ ขาทนฺตา เต พพฺพุกา อิทํ ผลิกมยํ พิลํ อุเรน ปหริตฺวา สพฺเพปิ ชีวิตกฺขยํ ปตฺตาติ.

เอวํ สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา จตฺตาโร พิฬารา จตฺตาโร ภิกฺขู อเหสุํ, มูสิกา กาณมาตา, ปาสาณโกฏฺฏกมณิกาโร ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

พพฺพุชาตกวณฺณนา สตฺตมา.

[๑๓๘] ๘. โคธาชาตกวณฺณนา

กึ เต ชฏาหิ ทุมฺเมธาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ กุหกภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. ปจฺจุปฺปนฺนวตฺถุ เหฏฺา กถิตสทิสเมว.

อตีเต ปน พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต โคธาโยนิยํ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. ตทา เอโก ปฺจาภิฺโ อุคฺคตโป ตาปโส เอกํ ปจฺจนฺตคามํ นิสฺสาย อรฺายตเน ปณฺณสาลายํ วสติ, คามวาสิโน ตาปสํ สกฺกจฺจํ อุปฏฺหนฺติ. โพธิสตฺโต ตสฺส จงฺกมนโกฏิยํ เอกสฺมึ วมฺมิเก วสติ, วสนฺโต จ ปน ทิวเส ทิวเส ทฺเว ตโย วาเร ตาปสํ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมูปสํหิตํ อตฺถูปสํหิตฺจ วจนํ สุตฺวา ตาปสํ วนฺทิตฺวา วสนฏฺานเมว คจฺฉติ. อปรภาเค ตาปโส คามวาสิโน อาปุจฺฉิตฺวา ปกฺกามิ. ปกฺกมนฺเต จ ปน ตสฺมึ สีลวตสมฺปนฺเน ตาปเส อฺโ กูฏตาปโส อาคนฺตฺวา ตสฺมึ อสฺสมปเท วาสํ กปฺเปสิ. โพธิสตฺโต ‘‘อยมฺปิ สีลวา’’ติ สลฺลกฺเขตฺวา ปุริมนเยเนว ตสฺส สนฺติกํ อคมาสิ.

อเถกทิวสํ นิทาฆสมเย อกาลเมเฆ วุฏฺเ วมฺมิเกหิ มกฺขิกา นิกฺขมึสุ, ตาสํ ขาทนตฺถํ โคธา อาหิณฺฑึสุ. คามวาสิโน นิกฺขมิตฺวา มกฺขิกาขาทกา โคธา คเหตฺวา สินิทฺธสมฺภารสํยุตฺตํ อมฺพิลานมฺพิลํ โคธามํสํ สมฺปาเทตฺวา ตาปสสฺส อทํสุ. ตาปโส โคธามํสํ ขาทิตฺวา รสตณฺหาย พทฺโธ ‘‘อิทํ มํสํ อติมธุรํ, กิสฺส มํสํ นาเมต’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘โคธามํส’’นฺติ สุตฺวา ‘‘มม สนฺติกํ มหาโคธา อาคจฺฉติ, ตํ มาเรตฺวา มํสํ ขาทิสฺสามี’’ติ จินฺเตสิ. จินฺเตตฺวา จ ปน ภาชนฺจ สปฺปิโลณาทีนิ จ อาหราเปตฺวา เอกมนฺเต เปตฺวา มุคฺครมาทาย กาสาเวน ปฏิจฺฉาเทตฺวา ปณฺณสาลาทฺวาเร โพธิสตฺตสฺส อาคมนํ โอโลกยมาโน อุปสนฺตูปสนฺโต วิย หุตฺวา นิสีทิ โพธิสตฺโต สายนฺหสมเย ‘‘ตาปสสฺส สนฺติกํ คมิสฺสามี’’ติ นิกฺขมิตฺวา อุปสงฺกมนฺโตว ตสฺส อินฺทฺริยวิปฺปการํ ทิสฺวา จินฺเตสิ ‘‘นายํ ตาปโส อฺเสุ ทิวเสสุ นิสีทนากาเรน นิสินฺโน, อชฺเชส มํ โอโลเกนฺโตปิ ทุฏฺินฺทฺริโย หุตฺวา โอโลเกติ, ปริคฺคณฺหิสฺสามิ น’’นฺติ. โส ตาปสสฺส เหฏฺาวาเต ตฺวา โคธามํสคนฺธํ ฆายิตฺวา ‘‘อิมินา กูฏตาปเสน อชฺช โคธามํสํ ขาทิตํ ภวิสฺสติ, เตเนส รสตณฺหาย พทฺโธ อชฺช มํ อตฺตโน สนฺติกํ อุปสงฺกมนฺตํ มุคฺคเรน ปหริตฺวา มํสํ ปจิตฺวา ขาทิตุกาโม ภวิสฺสตี’’ติ ตสฺส สนฺติกํ อนุปคนฺตฺวาว ปฏิกฺกมิตฺวา วิจรติ.

ตาปโส โพธิสตฺตสฺส อนาคมนภาวํ ตฺวา ‘‘อิมินา ‘อยํ มํ ปหริตุกาโม’ติ าตํ ภวิสฺสติ, เตน การเณน นาคจฺฉติ, อนาคจฺฉนฺตสฺสาปิสฺส กุโต มุตฺตี’’ติ มุคฺครํ นีหริตฺวา ขิปิ. โส ตสฺส อคฺคนงฺคุฏฺเมว อาสาเทสิ. โพธิสตฺโต เวเคน วมฺมิกํ ปวิสิตฺวา อฺเน ฉิทฺเทน สีสํ อุกฺขิปิตฺวา ‘‘อมฺโภ กูฏชฏิล, อหํ ตว สนฺติกํ อุปสงฺกมนฺโต ‘สีลวา’ติ สฺาย อุปสงฺกมึ, อิทานิ ปน เต มยา กูฏภาโว าโต, ตาทิสสฺส มหาโจรสฺส กึ อิมินา ปพฺพชฺชาลิงฺเคนา’’ติ วตฺวา ตํ ครหนฺโต อิมํ คาถมาห –

๑๓๘.

‘‘กึ เต ชฏาหิ ทุมฺเมธ, กึ เต อชินสาฏิยา;

อพฺภนฺตรํ เต คหนํ, พาหิรํ ปริมชฺชสี’’ติ.

ตตฺถ กึ เต ชฏาหิ ทุมฺเมธาติ อมฺโภ ทุมฺเมธ, นิปฺปฺ เอตา ปพฺพชิเตน ธาเรตพฺพา ชฏา, ปพฺพชฺชาคุณรหิตสฺส กึ เต ตาหิ ชฏาหีติ อตฺโถ. กึ เต อชินสาฏิยาติ อชินสาฏิยา อนุจฺฉวิกสฺส สํวรสฺส อภาวกาลโต ปฏฺาย กึ เต อชินสาฏิยา. อพฺภนฺตรํ เต คหนนฺติ ตว อพฺภนฺตรํ หทยํ ราคโทสโมหคหเนน คหนํ ปฏิจฺฉนฺนํ. พาหิรํ ปริมชฺชสีติ โส ตฺวํ อพฺภนฺตเร คหเน นฺหานาทีหิ เจว ลิงฺคคหเนน จ พาหิรํ ปริมชฺชสิ, ตํ ปริมชฺชนฺโต กฺชิกปูริตลาพุ วิย วิสปูริตจาฏิ วิย อาสีวิสปูริตวมฺมิโก วิย คูถปูริตจิตฺตฆโฏ วิย จ พหิมฏฺโว โหสิ, กึ ตยา โจเรน อิธ วสนฺเตน, สีฆํ อิโต ปลายาหิ, โน เจ ปลายสิ, คามวาสีนํ เต อาจิกฺขิตฺวา นิคฺคหํ การาเปสฺสามีติ.

เอวํ โพธิสตฺโต กูฏตาปสํ ตชฺเชตฺวา วมฺมิกเมว ปาวิสิ, กูฏตาปโสปิ ตโต ปกฺกามิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา กูฏตาปโส อยํ กุหโก อโหสิ, ปุริโม สีลวนฺตตาปโส สาริปุตฺโต, โคธาปณฺฑิโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

โคธาชาตกวณฺณนา อฏฺมา.

[๑๓๙] ๙. อุภโตภฏฺชาตกวณฺณนา

อกฺขี ภินฺนา ปโฏ นฏฺโติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เทวทตฺตํ อารพฺภ กเถสิ. ตทา กิร ธมฺมสภายํ ภิกฺขู กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, เสยฺยถาปิ นาม ฉวาลาตํ อุภโตปทิตฺตํ มชฺเฌ คูถคตํ เนวารฺเ กฏฺตฺถํ ผรติ, น คาเม กฏฺตฺถํ ผรติ, เอวเมว เทวทตฺโต เอวรูเป นิยฺยานิกสาสเน ปพฺพชิตฺวา อุภโต ภฏฺโ อุภโต ปริพาหิโร ชาโต, คิหิปริโภคา จ ปริหีโน, สามฺตฺถฺจ น ปริปูเรตี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, เทวทตฺโต อิทาเนว อุภโต ภฏฺโ โหติ, อตีเตปิ อุภโต ภฏฺโ อโหสิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต รุกฺขเทวตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ตทา เอกสฺมึ คามเก พาฬิสิกา วสนฺติ. อเถโก พาฬิสิโก พฬิสํ อาทาย ทหเรน ปุตฺเตน สทฺธึ ยสฺมึ โสพฺเภ ปกติยาปิ พาฬิสิกา มจฺเฉ คณฺหนฺติ, ตตฺถ คนฺตฺวา พฬิสํ ขิปิ. พฬิโส อุทกปฏิจฺฉนฺเน เอกสฺมึ ขาณุเก ลคฺคิ. พาฬิสิโก ตํ อากฑฺฒิตุํ อสกฺโกนฺโต จินฺเตสิ ‘‘อยํ พฬิโส มหามจฺเฉ ลคฺโค ภวิสฺสติ, ปุตฺตกํ มาตุ สนฺติกํ เปเสตฺวา ปฏิวิสฺสเกหิ สทฺธึ กลหํ การาเปมิ, เอวํ อิโต น โกจิ โกฏฺาสํ ปจฺจาสีสิสฺสตี’’ติ. โส ปุตฺตํ อาห ‘‘คจฺฉ, ตาต, อมฺเหหิ มหามจฺฉสฺส ลทฺธภาวํ มาตุ อาจิกฺขาหิ, ‘ปฏิวิสฺสเกหิ กิร สทฺธึ กลหํ กโรหี’ติ วเทหี’’ติ. โส ปุตฺตํ เปเสตฺวา พฬิสํ อากฑฺฒิตุํ อสกฺโกนฺโต รชฺชุจฺเฉทนภเยน อุตฺตริสาฏกํ ถเล เปตฺวา อุทกํ โอตริตฺวา มจฺฉโลเภน มจฺฉํ อุปธาเรนฺโต ขาณุเกหิ ปหริตฺวา ทฺเวปิ อกฺขีนิ ภินฺทิ. ถเล ปิตสาฏกํปิสฺส โจโร หริ. โส เวทนาปฺปตฺโต หุตฺวา หตฺเถน อกฺขีนิ อุปฺปีฬยมาโน คเหตฺวา อุทกา อุตฺตริตฺวา กมฺปมาโน สาฏกํ ปริเยสติ.

สาปิสฺส ภริยา ‘‘กลหํ กตฺวา กสฺสจิ อปจฺจาสีสนภาวํ กริสฺสามี’’ติ เอกสฺมึเยว กณฺเณ ตาลปณฺณํ ปิฬนฺธิตฺวา เอกํ อกฺขึ อุกฺขลิมสิยา อฺเชตฺวา กุกฺกุรํ องฺเกนาทาย ปฏิวิสฺสกฆรํ อคมาสิ. อถ นํ เอกา สหายิกา เอวมาห ‘‘เอกสฺมึเยว เต กณฺเณ ตาลปณฺณํ ปิฬนฺธิตํ, เอกํ อกฺขิ อฺชิตํ, ปิยปุตฺตํ วิย กุกฺกุรํ องฺเกนาทาย ฆรโต ฆรํ คจฺฉสิ, กึ อุมฺมตฺติกาสิ ชาตา’’ติ. ‘‘นาหํ อุมฺมตฺติกา, ตฺวํ ปน มํ อการเณน อกฺโกสสิ ปริภาสสิ, อิทานิ ตํ คามโภชกสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา อฏฺ กหาปเณ ทณฺฑาเปสฺสามี’’ติ เอวํ กลหํ กตฺวา อุโภปิ คามโภชกสฺส สนฺติกํ อคมํสุ. กลเห วิโสธิยมาเน ตสฺสาเยว มตฺถเก ทณฺโฑ ปติ. อถ นํ พนฺธิตฺวา ‘‘ทณฺฑํ เทหี’’ติ โปเถตุํ อารภึสุ.

รุกฺขเทวตา คาเม ตสฺสา อิมํ ปวตฺตึ, อรฺเ จสฺสา ปติโน ตํ พฺยสนํ ทิสฺวา ขนฺธนฺตเร ิตา ‘‘โภ ปุริส, ตุยฺหํ อุทเกปิ กมฺมนฺโต ปทุฏฺโ ถเลปิ, อุภโตภฏฺโ ชาโต’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๑๓๙.

‘‘อกฺขี ภินฺนา ปโฏ นฏฺโ, สขิเคเห จ ภณฺฑนํ;

อุภโต ปทุฏฺา กมฺมนฺตา, อุทกมฺหิ ถลมฺหิ จา’’ติ.

ตตฺถ สขิเคเห จ ภณฺฑนนฺติ สขี นาม สหายิกา, ตสฺสา จ เคเห ตว ภริยาย ภณฺฑนํ กตํ, ภณฺฑนํ กตฺวา พนฺธิตฺวา โปเถตฺวา ทณฺฑํ ทาปิยติ. อุภโต ปทุฏฺา กมฺมนฺตาติ เอวํ ตว ทฺวีสุปิ าเนสุ กมฺมนฺตา ปทุฏฺาเยว ภินฺนาเยว. กตเรสุ ทฺวีสุ? อุทกมฺหิ ถลมฺหิ จาติ, อกฺขิเภเทน ปฏนาเสน จ อุทเก กมฺมนฺตา ปทุฏฺา, สขิเคเห ภณฺฑเนน ถเล กมฺมนฺตา ปทุฏฺาติ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ ‘‘ตทา พาฬิสิโก เทวทตฺโต อโหสิ, รุกฺขเทวตา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

อุภโตภฏฺชาตกวณฺณนา นวมา.

[๑๔๐] ๑๐. กากชาตกวณฺณนา

นิจฺจํ อุพฺพิคฺคหทยาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต าตตฺถจริยํ อารพฺภ กเถสิ. ปจฺจุปฺปนฺนวตฺถุ ทฺวาทสกนิปาเต ภทฺทสาลชาตเก (ชา. ๑.๑๒.๑๓ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต กากโยนิยํ นิพฺพตฺติ. อเถกทิวสํ รฺโ ปุโรหิโต พหินคเร นทิยํ นฺหายิตฺวา คนฺเธ วิลิมฺปิตฺวา มาลํ ปิฬนฺธิตฺวา วรวตฺถนิวตฺโถ นครํ ปาวิสิ. นครทฺวารโตรเณ ทฺเว กากา นิสินฺนา โหนฺติ. เตสุ เอโก เอกํ อาห – ‘‘สมฺม, อหํ อิมสฺส พฺราหฺมณสฺส มตฺถเก สรีรวฬฺชํ ปาเตสฺสามี’’ติ. อิตโร ‘‘มา เต เอตํ รุจฺจิ, อยํ พฺราหฺมโณ อิสฺสโร, อิสฺสรชเนน จ สทฺธึ เวรํ นาม ปาปกํ. อยฺหิ กุทฺโธ สพฺเพปิ กาเก วินาเสยฺยา’’ติ. ‘‘น สกฺกา มยา น กาตุ’’นฺติ. ‘‘เตน หิ ปฺายิสฺสสี’’ติ วตฺวา อิตโร กาโก ปลายิ. โส โตรณสฺส เหฏฺาภาคํ สมฺปตฺเต พฺราหฺมเณ โอลมฺพกํ จาเลนฺโต วิย ตสฺส มตฺถเก วจฺจํ ปาเตสิ. พฺราหฺมโณ กุชฺฌิตฺวา กาเกสุ เวรํ พนฺธิ.

ตสฺมึ กาเล เอกา ภติยา วีหิโกฏฺฏิกทาสี วีหึ เคหทฺวาเร อาตเป ปตฺถริตฺวา รกฺขนฺตี นิสินฺนาว นิทฺทํ โอกฺกมิ. ตสฺสา ปมาทํ ตฺวา เอโก ทีฆโลมโก เอฬโก อาคนฺตฺวา วีหึ ขาทิ, สา ปพุชฺฌิตฺวา ตํ ทิสฺวา ปลาเปสิ. เอฬโก ทุติยมฺปิ, ตติยมฺปิ ตสฺสา ตเถว นิทฺทายนกาเล อาคนฺตฺวา วีหึ ขาทิ. สาปิ ตํ ติกฺขตฺตุํ ปลาเปตฺวา จินฺเตสิ ‘‘อยํ ปุนปฺปุนํ ขาทนฺโต อุปฑฺฒวีหึ ขาทิสฺสติ, พหุ เม เฉโท ภวิสฺสติ, อิทานิสฺส ปุน อนาคมนการณํ กริสฺสามี’’ติ. สา อลาตํ คเหตฺวา นิทฺทายมานา วิย นิสีทิตฺวา วีหิขาทนตฺถาย เอฬเก สมฺปตฺเต อุฏฺาย อลาเตน เอฬกํ ปหริ, โลมานิ อคฺคึ คณฺหึสุ. โส สรีเร ฌายนฺเต ‘‘อคฺคึ นิพฺพาเปสฺสามี’’ติ เวเคน คนฺตฺวา หตฺถิสาลาย สมีเป เอกิสฺสา ติณกุฏิยา สรีรํ ฆํสิ, สา ปชฺชลิ. ตโต อุฏฺิตา ชาลา หตฺถิสาลํ คณฺหิ. หตฺถิสาลาสุ ฌายนฺตีสุ หตฺถิปิฏฺานิ ฌายึสุ, พหู หตฺถี วณิตสรีรา อเหสุํ. เวชฺชา หตฺถี อโรเค กาตุํ อสกฺโกนฺตา รฺโ อาโรเจสุํ. ราชา ปุโรหิตํ อาห ‘‘อาจริย, หตฺถิเวชฺชา หตฺถี ติกิจฺฉิตุํ น สกฺโกนฺติ, อปิ กิฺจิ เภสชฺชํ ชานาสี’’ติ. ‘‘ชานามิ, มหาราชา’’ติ. ‘‘กึ ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ? ‘‘กากวสา, มหาราชา’’ติ. ราชา ‘‘เตน หิ กาเก มาเรตฺวา วสํ อาหรถา’’ติ อาห. ตโต ปฏฺาย กาเก มาเรตฺวา วสํ อลภิตฺวา ตตฺถ ตตฺเถว ราสึ กโรนฺติ, กากานํ มหาภยํ อุปฺปชฺชิ.

ตทา โพธิสตฺโต อสีติกากสหสฺสปริวาโร มหาสุสาเน วสติ. อเถโก กาโก คนฺตฺวา กากานํ อุปฺปนฺนภยํ โพธิสตฺตสฺส อาโรเจสิ. โส จินฺเตสิ ‘‘เปตฺวา มํ อฺโ มยฺหํ าตกานํ อุปฺปนฺนภยํ หริตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ, หริสฺสามิ น’’นฺติ ทส ปารมิโย อาวชฺเชตฺวา เมตฺตาปารมึ ปุเรจาริกํ กตฺวา เอกเวเคน ปกฺขนฺทิตฺวา วิวฏมหาวาตปาเนน ปวิสิตฺวา รฺโ อาสนสฺส เหฏฺา ปาวิสิ. อถ นํ เอโก มนุสฺโส คหิตุกาโม อโหสิ. ราชา ‘‘สรณํ ปวิฏฺโ, มา คณฺหี’’ติ วาเรสิ. มหาสตฺโต โถกํ วิสฺสมิตฺวา เมตฺตาปารมึ อาวชฺเชตฺวา เหฏฺาสนา นิกฺขมิตฺวา ราชานํ อาห – ‘‘มหาราช, รฺา นาม ฉนฺทาทิวเสน อคนฺตฺวา รชฺชํ กาเรตุํ วฏฺฏติ. ยํ ยํ กมฺมํ กตฺตพฺพํ โหติ, สพฺพํ นิสมฺม อุปธาเรตฺวา กาตุํ วฏฺฏติ. ยฺจ กยิรมานํ นิปฺผชฺชติ, ตเทว กาตุํ วฏฺฏติ, น อิตรํ. สเจ หิ ราชาโน ยํ กยิรมานํ น นิปฺผชฺชติ, ตํ กโรนฺติ, มหาชนสฺส มรณภยปริโยสานํ มหาภยํ อุปฺปชฺชติ. ปุโรหิโต เวรวสิโก หุตฺวา มุสาวาทํ อภาสิ, กากานํ วสา นาม นตฺถี’’ติ. ตํ สุตฺวา ราชา ปสนฺนจิตฺโต โพธิสตฺตสฺส กฺจนภทฺทปีํ ทาเปตฺวา ตตฺถ นิสินฺนสฺส ปกฺขนฺตรานิ สตปากสหสฺสปากเตเลหิ มกฺขาเปตฺวา กฺจนตฏฺฏเก ราชารหํ สุโภชนํ โภชาเปตฺวา ปานียํ ปาเยตฺวา สุหิตํ วิคตทรถํ มหาสตฺตํ เอตทโวจ ‘‘ปณฺฑิต, ตฺวํ ‘กากานํ วสา นาม นตฺถี’ติ วเทสิ, เกน การเณน เนสํ วสา น โหตี’’ติ โพธิสตฺโต ‘‘อิมินา จ อิมินา จ การเณนา’’ติ สกลนิเวสนํ เอกรวํ กตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –

๑๔๐.

‘‘นิจฺจํ อุพฺพิคฺคหทยา, สพฺพโลกวิเหสกา;

ตสฺมา เนสํ วสา นตฺถิ, กากานมฺหาก าติน’’นฺติ.

ตตฺรายํ สงฺเขปตฺโถ – มหาราช, กากา นาม นิจฺจํ อุพฺพิคฺคมานสา ภยปฺปตฺตาว วิหรนฺติ, สพฺพโลกสฺสวิเหสกา, ขตฺติยาทโย มนุสฺเสปิ อิตฺถิปุริเสปิ กุมารกุมาริกาทโยปิ วิเหเนฺตา กิลเมนฺตาว วิจรนฺติ, ตสฺมา อิเมหิ ทฺวีหิ การเณหิ เนสํ อมฺหากํ าตีนํ กากานํ วสา นาม นตฺถิ. อตีเตปิ น ภูตปุพฺพา, อนาคเตปิ น ภวิสฺสตีติ.

เอวํ มหาสตฺโต อิมํ การณํ อุตฺตานํ กตฺวา ‘‘มหาราช, รฺา นาม อนิสมฺม อนุปธาเรตฺวา กมฺมํ น กตฺตพฺพ’’นฺติ ราชานํ โพเธสิ. ราชา ตุสฺสิตฺวา โพธิสตฺตํ รชฺเชน ปูเชสิ. โพธิสตฺโต รชฺชํ รฺโเยว ปฏิทตฺวา ราชานํ ปฺจสุ สีเลสุ ปติฏฺาเปตฺวา สพฺพสตฺตานํ อภยํ ยาจิ. ราชา ตสฺส ธมฺมเทสนํ สุตฺวา สพฺพสตฺตานํ อภยํ ทตฺวา กากานํ นิพทฺธทานํ ปฏฺเปสิ. ทิวเส ทิวเส ตณฺฑุลมฺพณสฺส ภตฺตํ ปจิตฺวา นานคฺครเสหิ โอมทฺทิตฺวา กากานํ ทียติ, มหาสตฺตสฺส ปน ราชโภชนเมว ทียิตฺถ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา พาราณสิราชา อานนฺโท อโหสิ, กากราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

กากชาตกวณฺณนา ทสมา.

อสมฺปทานวคฺโค จุทฺทสโม.

ตสฺสุทฺทานํ –

อสมฺปทานภีรุกํ, ฆตาสนฌานโสธํ;

จนฺทาภํ สุวณฺณหํสํ, พพฺพุโคธุภโตภฏฺํ;

กากราชาติ เต ทสาติ.

๑๕. กกณฺฏกวคฺโค

[๑๔๑] ๑. โคธาชาตกวณฺณนา

ปาปชนสํเสวีติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เอกํ วิปกฺขเสวึ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. ปจฺจุปฺปนฺนวตฺถุ มหิฬามุขชาตเก กถิตสทิสเมว.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต โคธาโยนิยํ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. โส วยปฺปตฺโต นทีตีเร มหาพิเล อเนกโคธาสตปริวาโร วาสํ กปฺเปสิ. ตสฺส ปุตฺโต โคธาปิลฺลโก เอเกน กกณฺฏเกน สทฺธึ สนฺถวํ กตฺวา เตน สทฺธึ สมฺโมทมาโน วิหรนฺโต ‘‘กกณฺฏกํ ปริสฺสชิสฺสามี’’ติ อวตฺถรติ. ตสฺส เตน สทฺธึ วิสฺสาสํ โคธาราชสฺส อาโรเจสุํ. โคธาราชา ปุตฺตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘ตาต, ตฺวํ อฏฺาเน วิสฺสาสํ กโรสิ, กกณฺฏกา นาม นีจชาติกา, เตหิ สทฺธึ วิสฺสาโส น กตฺตพฺโพ. สเจ ตฺวํ เตน สทฺธึ วิสฺสาสํ กริสฺสสิ, ตํ กกณฺฏกํ นิสฺสาย สพฺพมฺเปตํ โคธากุลํ วินาสํ ปาปุณิสฺสติ, อิโต ปฏฺาย เอเตน สทฺธึ วิสฺสาสํ มา อกาสี’’ติ อาห. โส กโรติเยว. โพธิสตฺโต ปุนปฺปุนํ กเถนฺโตปิ ตสฺส เตน สทฺธึ วิสฺสาสํ วาเรตุํ อสกฺโกนฺโต ‘‘อวสฺสํ อมฺหากํ เอตํ กกณฺฏกํ นิสฺสาย ภยํ อุปฺปชฺชิสฺสติ, ตสฺมึ อุปฺปนฺเน ปลายนมคฺคํ สมฺปาเทตุํ วฏฺฏตี’’ติ เอเกน ปสฺเสน วาตพิลํ การาเปสิ.

ปุตฺโตปิสฺส อนุกฺกเมน มหาสรีโร อโหสิ, กกณฺฏโก ปน ปุริมปฺปมาโณเยว. อิตโร ‘‘กกณฺฏกํ ปริสฺสชิสฺสามี’’ติ อนฺตรนฺตรา อวตฺถรติเยว, กกณฺฏกสฺส ปพฺพตกูเฏน อวตฺถรณกาโล วิย โหติ. โส กิลมนฺโต จินฺเตสิ ‘‘สเจ อยํ อฺานิ กติปยานิ ทิวสานิ มํ เอวํ ปริสฺสชิสฺสติ, ชีวิตํ เม นตฺถิ, เอเกน ลุทฺทเกน สทฺธึ เอกโต หุตฺวา อิมํ โคธากุลํ วินาเสสฺสามี’’ติ. อเถกทิวสํ นิทาฆสมเย เมเฆ วุฏฺเ วมฺมิกมกฺขิกา อุฏฺหึสุ, ตโต ตโต โคธา นิกฺขมิตฺวา มกฺขิกาโย ขาทนฺติ. เอโก โคธาลุทฺทโก โคธาพิลํ ภินฺทนตฺถาย กุทฺทาลํ คเหตฺวา สุนเขหิ สทฺธึ อรฺํ ปาวิสิ. กกณฺฏโก ตํ ทิสฺวา ‘‘อชฺช อตฺตโน มโนรถํ ปูเรสฺสามี’’ติ ตํ อุปสงฺกมิตฺวา อวิทูเร นิปชฺชิตฺวา ‘‘โภ ปุริส, กสฺมา อรฺเ วิจรสี’’ติ ปุจฺฉิ. โส ‘‘โคธานํ อตฺถายา’’ติ อาห. ‘‘อหํ อเนกสตานํ โคธานํ อาสยํ ชานามิ, อคฺคิฺจ ปลาลฺจ อาทาย เอหี’’ติ ตํ ตตฺถ เนตฺวา ‘‘อิมสฺมึ าเน ปลาลํ ปกฺขิปิตฺวา อคฺคึ ทตฺวา ธูมํ กตฺวา สมนฺตา สุนเข เปตฺวา สยํ มหามุคฺครํ คเหตฺวา นิกฺขนฺตา นิกฺขนฺตา โคธา ปหริตฺวา มาเรตฺวา ราสึ กตฺวา ยาหี’’ติ เอวฺจ ปน วตฺวา ‘‘อชฺช ปจฺจามิตฺตสฺส ปิฏฺึ ปสฺสิสฺสามี’’ติ เอกสฺมึ าเน สีสํ อุกฺขิปิตฺวา นิปชฺชิ. ลุทฺทโกปิ ปลาลธูมํ อกาสิ, ธูโม พิลํ ปาวิสิ, โคธา ธูมนฺธา มรณภยตชฺชิตา นิกฺขมิตฺวา ปลายิตุํ อารทฺธา. ลุทฺทโก นิกฺขนฺตํ นิกฺขนฺตํ ปหริตฺวา มาเรสิ, ตสฺส หตฺถโต มุตฺตา สุนขา คณฺหึสุ. โคธานํ มหาวินาโส อุปฺปชฺชิ.

โพธิสตฺโต ‘‘กกณฺฏกํ นิสฺสาย ภยํ อุปฺปนฺน’’นฺติ ตฺวา ‘‘ปาปปุริสสํสคฺโค นาม น กตฺตพฺโพ, ปาเป นิสฺสาย หิตสุขํ นาม นตฺถิ, เอกสฺส ปาปกกณฺฏกสฺส วเสน เอตฺตกานํ โคธานํ วินาโส ชาโต’’ติ วาตพิเลน ปลายนฺโต อิมํ คาถมาห –

๑๔๑.

‘‘น ปาปชนสํเสวี, อจฺจนฺตสุขเมธติ;

โคธากุลํ กกณฺฏาว, กลึ ปาเปติ อตฺตาน’’นฺติ.

ตตฺรายํ สงฺเขปตฺโถ – ปาปชนสํเสวี ปุคฺคโล อจฺจนฺตสุขํ เอกนฺตสุขํ นิรนฺตรสุขํ นาม น เอธติ น วินฺทติ น ปฏิลภติ. ยถา กึ? โคธากุลํ กกณฺฏาว. ยถา กกณฺฏกโต โคธากุลํ สุขํ น ลภติ, เอวํ ปาปชนสํเสวี ปุคฺคโล สุขํ น ลภติ. ปาปชนํ ปน เสวนฺโต เอกนฺเตเนว กลึ ปาเปติ อตฺตานํ, กลิ วุจฺจติ วินาโส, เอกนฺเตเนว ปาปเสวี อตฺตานฺจ อฺเ จ อตฺตนา สทฺธึ วสนฺเต วินาสํ ปาเปติ. ปาฬิยํ ปน ‘‘ผลํ ปาเปยฺยา’’ติ ลิขนฺติ. ตํ พฺยฺชนํ อฏฺกถายํ นตฺถิ, อตฺโถปิสฺส น ยุชฺชติ. ตสฺมา ยถาวุตฺตเมว คเหตพฺพํ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา กกณฺฏโก เทวทตฺโต อโหสิ, โพธิสตฺตสฺส ปุตฺโต อโนวาทโก โคธาปิลฺลโก วิปกฺขเสวี ภิกฺขุ, โคธาราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

โคธาชาตกวณฺณนา ปมา.

[๑๔๒] ๒. สิงฺคาลชาตกวณฺณนา

เอตฺหิ เต ทุราชานนฺติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เทวทตฺตสฺส วธาย ปริสกฺกนํ อารพฺภ กเถสิ. ธมฺมสภายฺหิ ภิกฺขูนํ กถํ สุตฺวา สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, เทวทตฺโต อิทาเนว มยฺหํ วธาย ปริสกฺกติ, ปุพฺเพปิ ปริสกฺกิเยว, น จ มํ มาเรตุํ อสกฺขิ, สยเมว ปน กิลนฺโต’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต สิงฺคาลโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา สิงฺคาลราชา หุตฺวา สิงฺคาลคณปริวุโต สุสานวเน วิหาสิ. เตน สมเยน ราชคเห อุสฺสโว อโหสิ, เยภุยฺเยน มนุสฺสา สุรํ ปิวนฺติ, สุราฉโณเยว กิเรโส. อเถตฺถ สมฺพหุลา ธุตฺตา พหุํ สุรฺจ มํสฺจ อาหราเปตฺวา มณฺฑิตปสาธิตา คายิตฺวา คายิตฺวา สุรฺจ ปิวนฺติ, มํสฺจ ขาทนฺติ. เตสํ ปมยามาวสาเน มํสํ ขียิ, สุรา ปน พหุกาว. อเถโก ธุตฺโต ‘‘มํสขณฺฑํ เทหี’’ติ อาห. ‘‘มํสํ ขีณ’’นฺติ จ วุตฺเต ‘‘มยิ ิเต มํสกฺขโย นาม นตฺถี’’ติ วตฺวา ‘‘อามกสุสาเน มตมนุสฺสมํสํ ขาทนตฺถาย อาคเต สิงฺคาเล มาเรตฺวา มํสํ อาหริสฺสามี’’ติ มุคฺครํ คเหตฺวา นิทฺธมนมคฺเคน นครา นิกฺขมิตฺวา สุสานํ คนฺตฺวา มุคฺครํ คเหตฺวา มตโก วิย อุตฺตาโน นิปชฺชิ. ตสฺมึ ขเณ โพธิสตฺโต สิงฺคาลคณปริวุโต ตตฺถ คโต ตํ ทิสฺวา ‘‘นายํ มตโก’’ติ ตฺวาปิ ‘‘สุฏฺุตรํ อุปปริกฺขิสฺสามี’’ติ ตสฺส อโธวาเตน คนฺตฺวา สรีรคนฺธํ ฆายิตฺวา ตถโตวสฺส อมตกภาวํ ตฺวา ‘‘ลชฺชาเปตฺวา นํ อุยฺโยเชสฺสามี’’ติ คนฺตฺวา มุคฺครโกฏิยํ ฑํสิตฺวา อากฑฺฒิ, ธุตฺโต มุคฺครํ น วิสฺสชิ, อุปสงฺกมนฺตมฺปิ น โอโลเกนฺโต นํ คาฬฺหตรํ อคฺคเหสิ. โพธิสตฺโต ปฏิกฺกมิตฺวา ‘‘โภ ปุริส, สเจ ตฺวํ มตโก ภเวยฺยาสิ, น มยิ มุคฺครํ อากฑฺฒนฺเต คาฬฺหตรํ คณฺเหยฺยาสิ, อิมินา การเณน ตว มตกภาโว วา อมตกภาโว วา ทุชฺชาโน’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๑๔๒.

‘‘เอตฺหิ เต ทุราชานํ, ยํ เสสิ มตสายิกํ;

ยสฺส เต กฑฺฒมานสฺส, หตฺถา ทณฺโฑ น มุจฺจตี’’ติ.

ตตฺถ เอตฺหิ เต ทุราชานนฺติ เอตํ การณํ ตว ทุวิฺเยฺยํ. ยํ เสสิ มตสายิกนฺติ เยน การเณน ตฺวํ มตสายิกํ เสสิ, มตโก วิย หุตฺวา สยสิ. ยสฺส เต กฑฺฒมานสฺสาติ ยสฺส ตว ทณฺฑโกฏิยํ คเหตฺวา กฑฺฒิยมานสฺส หตฺถโต ทณฺโฑ น มุจฺจติ, โส ตฺวํ ตถโต มตโก นาม น โหสีติ.

เอวํ วุตฺเต โส ธุตฺโต ‘‘อยํ มม อมตกภาวํ ชานาตี’’ติ อุฏฺาย ทณฺฑํ ขิปิ, ทณฺโฑ วิรชฺฌิ. ธุตฺโต ‘‘คจฺฉ, วิรทฺโธ ทานิสิ มยา’’ติ อาห. โพธิสตฺโต นิวตฺติตฺวา ‘‘โภ ปุริส, มํ วิรชฺฌนฺโตปิ ตฺวํ อฏฺ มหานิรเย โสฬส จ อุสฺสทนิรเย อวิรทฺโธเยวา’’ติ วตฺวา ปกฺกามิ. ธุตฺโต กิฺจิ อลภิตฺวา สุสานา นิกฺขมิตฺวา ปริขายํ นฺหายิตฺวา อาคตมคฺเคเนว นครํ ปาวิสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ธุตฺโต เทวทตฺโต อโหสิ, สิงฺคาลราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

สิงฺคาลชาตกวณฺณนา ทุติยา.

[๑๔๓] ๓. วิโรจชาตกวณฺณนา

ลสี จ เต นิปฺผลิตาติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เทวทตฺตสฺส คยาสีเส สุคตาลยสฺส ทสฺสิตภาวํ อารพฺภ กเถสิ. เทวทตฺโต หิ ปริหีนชฺฌาโน ลาภสกฺการปริหีโน ‘‘อตฺเถโก อุปาโย’’ติ จินฺเตตฺวา สตฺถารํ ปฺจ วตฺถูนิ ยาจิตฺวา อลภมาโน ทฺวินฺนํ อคฺคสาวกานํ สทฺธิวิหาริเก อธุนา ปพฺพชิเต ธมฺมวินยมฺหิ อโกวิเท ปฺจสเต ภิกฺขู คเหตฺวา คยาสีสํ คนฺตฺวา สงฺฆํ ภินฺทิตฺวา เอกสีมายํ อาเวณิกํ สงฺฆกมฺมํ อกาสิ. สตฺถา เตสํ ภิกฺขูนํ าณปริปากกาลํ ตฺวา ทฺเว อคฺคสาวเก เปเสสิ. เต ทิสฺวา เทวทตฺโต ตุฏฺมานโส รตฺตึ ธมฺมํ เทสยมาโน ‘‘พุทฺธลีลํ กริสฺสามี’’ติ สุคตาลยํ ทสฺเสนฺโต ‘‘วิคตถินมิทฺโธ โข, อาวุโส สาริปุตฺต, ภิกฺขุสงฺโฆ, ปฏิภาตุ ตํ ภิกฺขูนํ ธมฺมีกถา, ปิฏฺิ เม อาคิลายติ, ตมหํ อายมิสฺสามี’’ติ วตฺวา นิทฺทํ อุปคโต. ทฺเว อคฺคสาวกา เตสํ ภิกฺขูนํ ธมฺมํ เทเสตฺวา มคฺคผเลหิ ปโพเธตฺวา สพฺเพ อาทาย เวฬุวนเมว ปจฺจาคมึสุ.

โกกาลิโก วิหารํ ตุจฺฉํ ทิสฺวา เทวทตฺตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘อาวุโส เทวทตฺต, ปริสํ เต ภินฺทิตฺวา ทฺเว อคฺคสาวกา วิหารํ ตุจฺฉํ กตฺวา คตา, ตฺวํ ปน นิทฺทายสิเยวา’’ติ วตฺวา อุตฺตราสงฺคมสฺส อปเนตฺวา ภิตฺติยํ ปิฏฺิกณฺฏกํ ผุสนฺโต วิย ปณฺหิยา นํ หทเย ปหริ. ตาวเทวสฺส มุขโต โลหิตํ อุคฺคฺฉิ. โส ตโต ปฏฺาย คิลาโน อโหสิ. สตฺถา เถรํ ปุจฺฉิ ‘‘สาริปุตฺต, ตุมฺหากํ คตกาเล เทวทตฺโต กึ อกาสี’’ติ? ภนฺเต, เทวทตฺโต อมฺเห ทิสฺวา ‘‘พุทฺธลีลํ กริสฺสามี’’ติ สุคตาลยํ ทสฺเสตฺวา มหาวินาสํ ปตฺโตติ. สตฺถา ‘‘น โข สาริปุตฺต, เทวทตฺโต อิทาเนว มม อนุกโรนฺโต วินาสํ ปตฺโต, ปุพฺเพปิ ปตฺโตเยวา’’ติ วตฺวา เถเรน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต เกสรสีโห หุตฺวา หิมวนฺตปฺปเทเส กฺจนคุหายํ วาสํ กปฺเปสิ. โส เอกทิวสํ กฺจนคุหาย นิกฺขมิตฺวา วิชมฺภิตฺวา จตุทฺทิสํ โอโลเกตฺวา สีหนาทํ นทิตฺวา โคจราย ปกฺกนฺโต มหามหึสํ วธิตฺวา วรมํสํ ขาทิตฺวา เอกํ สรํ โอตริตฺวา มณิวณฺณสฺส อุทกสฺส กุจฺฉึ ปูเรตฺวา คุหํ สนฺธาย ปายาสิ. อเถโก สิงฺคาโล โคจรปฺปสุโต สหสาว สีหํ ทิสฺวา ปลายิตุํ อสกฺโกนฺโต สีหสฺส ปุรโต ปาเทสุ ปติตฺวา นิปชฺชิ. ‘‘กึ, ชมฺพุกา’’ติ จ วุตฺเต ‘‘อหํ เต, สามิ, ปาเท อุปฏฺาตุกาโม’’ติ อาห. สีโห ‘‘สาธุ เอหิ, มํ อุปฏฺห, วรมํสานิ ตํ ขาทาเปสฺสามี’’ติ วตฺวา สิงฺคาลํ อาทาย กฺจนคุหํ อคมาสิ. สิงฺคาโล ตโต ปฏฺาย สีหวิฆาสํ ขาทติ. โส กติปาหจฺจเยเนว ถูลสรีโร อโหสิ.

อถ นํ เอกทิวสํ คุหาย นิปนฺนโกว สีโห อาห ‘‘คจฺฉ ชมฺพุก, ปพฺพตสิขเร ตฺวา ปพฺพตปาเท สฺจรนฺเตสุ หตฺถิอสฺสมหึสาทีสุ ยสฺส มํสํ ขาทิตุกาโมสิ, ตํ โอโลเกตฺวา อาคนฺตฺวา ‘อสุกมํสํ ขาทิตุกาโมมฺหี’ติ วตฺวา มํ วนฺทิตฺวา ‘วิโรจ, สามี’ติ วทาหิ, อหํ ตํ วธิตฺวา มธุรมํสํ ขาทิตฺวา ตุยฺหมฺปิ ทสฺสามี’’ติ. สิงฺคาโล ปพฺพตสิขรํ อภิรุหิตฺวา นานปฺปกาเร มิเค โอโลเกตฺวา ยสฺเสว มํสํ ขาทิตุกาโม โหติ, กฺจนคุหํ ปวิสิตฺวา ตเมว สีหสฺส อาโรเจตฺวา ปาเทสุ ปติตฺวา ‘‘วิโรจ, สามี’’ติ วทติ. สีโห เวเคน ปกฺขนฺทิตฺวา สเจปิ มตฺตวรวารโณ โหติ, ตตฺเถว นํ ชีวิตกฺขยํ ปาเปตฺวา สยมฺปิ วรมํสํ ขาทติ, สิงฺคาลสฺสปิ เทติ. สิงฺคาโล กุจฺฉิปูรํ มํสํ ขาทิตฺวา คุหํ ปวิสิตฺวา นิทฺทายติ. โส คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺเต กาเล มานํ วฑฺเฒสิ ‘‘อหมฺปิ จตุปฺปโทว, กึการณา ทิวเส ทิวเส ปเรหิ โปสิยมาโน วิหรามิ, อิโต ปฏฺาย อหมฺปิ หตฺถิอาทโย หนิตฺวา มํสํ ขาทิสฺสามิ, สีโหปิ มิคราชา ‘วิโรจ, สามี’ติ วุตฺตเมว ปทํ นิสฺสาย วรวารเณ วเธติ, อหมฺปิ สีเหน ‘วิโรจ, ชมฺพุกา’ติ มํ วทาเปตฺวา เอกํ วรวารณํ วธิตฺวา มํสํ ขาทิสฺสามี’’ติ.

โส สีหํ อุปสงฺกมิตฺวา เอตทโวจ ‘‘สามิ, มยา ทีฆรตฺตํ ตุมฺเหหิ วธิตวรวารณานํ มํสํ ขาทิตํ, อหมฺปิ เอกํ วรวารณํ มาเรตฺวา มํสํ ขาทิตุกาโม, ตสฺมา ตุมฺเหหิ นิปนฺนฏฺาเน กฺจนคุหายํ นิปชฺชิสฺสามิ, ตุมฺเห ปพฺพตปาเท วิจรนฺตํ วรวารณํ โอโลเกตฺวา มม สนฺติกํ อาคนฺตฺวา ‘วิโรจ, ชมฺพุกา’ติ วเทถ, เอตฺตกมตฺตสฺมึ มจฺเฉรํ มา กริตฺถา’’ติ. อถ นํ สีโห อาห ‘‘น, ตฺวํ ชมฺพุก, วารเณ วธิตุํ สมตฺเถ สีหกุเล อุปฺปนฺโน, วารณํ วธิตฺวา มํสํ ขาทนสมตฺโถ สิงฺคาโล นาม โลเก นตฺถิ, มา เต เอตํ รุจฺจิ, มยา วธิตวรวารณานฺเว มํสํ ขาทิตฺวา วสา’’ติ. โส เอวํ วุตฺเตปิ วิรมิตุํ น อิจฺฉิ, ปุนปฺปุนํ ยาจิเยว. สีโห ตํ วาเรตุํ อสกฺโกนฺโต สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ‘‘เตน หิ มม วสนฏฺานํ ปวิสิตฺวา นิปชฺชา’’ติ ชมฺพุกํ กฺจนคุหายํ นิปชฺชาเปตฺวา สยํ ปพฺพตปาเท มตฺตวรวารณํ โอโลเกตฺวา คุหาทฺวารํ คนฺตฺวา ‘‘วิโรจ, ชมฺพุกา’’ติ อาห. สิงฺคาโล กฺจนคุหาย นิกฺขมิตฺวา วิชมฺภิตฺวา จตุทฺทิสํ โอโลเกตฺวา ติกฺขตฺตุํ วสฺสิตฺวา ‘‘มตฺตวรวารณสฺส กุมฺเภ ปติสฺสามี’’ติ ปกฺขนฺทิตฺวา วิรชฺฌิตฺวา ปาทมูเล ปติ. วารโณ ทกฺขิณปาทํ อุกฺขิปิตฺวา ตสฺส สีสํ อกฺกมิ, สีสฏฺีนิ จุณฺณวิจุณฺณานิ อเหสุํ. อถสฺส สรีรํ วารโณ ปาเทน สงฺฆริตฺวา ราสึ กตฺวา อุปริ ลณฺฑํ ปาเตตฺวา โกฺจนาทํ นทนฺโต อรฺํ ปาวิสิ.

โพธิสตฺโต อิมํ ปวตฺตึ ทิสฺวา ‘‘อิทานิ วิโรจ, ชมฺพุกา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๑๔๓.

‘‘ลสี จ เต นิปฺผลิตา, มตฺถโก จ ปทาลิโต;

สพฺพา เต ผาสุกา ภคฺคา, อชฺช โข ตฺวํ วิโรจสี’’ติ.

ตตฺถ ลสีติ มตฺถลุงฺคํ. นิปฺผลิตาติ นิกฺขนฺตา. เอวํ โพธิสตฺโต อิมํ คาถํ วตฺวา ยาวตายุกํ ตฺวา ยถากมฺมํ คโต.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา สิงฺคาโล เทวทตฺโต อโหสิ, สีโห ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

วิโรจชาตกวณฺณนา ตติยา.

[๑๔๔] ๔. นงฺคุฏฺชาตกวณฺณนา

พหุมฺเปตํ อสพฺภิ ชาตเวทาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อาชีวกานํ มิจฺฉาตปํ อารพฺภ กเถสิ. ตทา กิร อาชีวกา เชตวนปิฏฺิยํ นานปฺปการํ มิจฺฉาตปํ จรนฺติ. สมฺพหุลา ภิกฺขู เตสํ อุกฺกุฏิกปฺปธานวคฺคุลิวตกณฺฏกาปสฺสยปฺจาตปตปนาทิเภทํ มิจฺฉาตปํ ทิสฺวา ภควนฺตํ ปุจฺฉึสุ ‘‘อตฺถิ นุ โข, ภนฺเต, อิมํ มิจฺฉาตปํ นิสฺสาย กุสลํ วา วุฑฺฒิ วา’’ติ. สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, เอวรูปํ มิจฺฉาตปํ นิสฺสาย กุสลํ วา วุฑฺฒิ วา อตฺถิ, ปุพฺเพ ปณฺฑิตา ‘เอวรูปํ ตปํ นิสฺสาย กุสลํ วา วุฑฺฒิ วา ภวิสฺสตี’ติ สฺาย ชาตคฺคึ คเหตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา อคฺคิชุหนาทิวเสน กิฺจิ วุฑฺฒึ อปสฺสนฺตา อคฺคึ อุทเกน นิพฺพาเปตฺวา กสิณปริกมฺมํ กตฺวา อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา พฺรหฺมโลกปรายณา อเหสุ’’นฺติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต อุทิจฺจพฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติ. ตสฺส ชาตทิวเส มาตาปิตโร ชาตคฺคึ คเหตฺวา เปสุํ. อถ นํ โสฬสวสฺสกาเล เอตทโวจุํ ‘‘มยํ เต, ปุตฺต, ชาตทิวเส อคฺคึ คณฺหิมฺห. สเจสิ อคารํ อชฺฌาวสิตุกาโม, ตโย เวเท อุคฺคณฺห. อถ พฺรหฺมโลกํ คนฺตุกาโม, อคฺคึ คเหตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา อคฺคึ ปริจรนฺโต มหาพฺรหฺมานํ อาราเธตฺวา พฺรหฺมโลกปรายโณ โหหี’’ติ. โส ‘‘น มยฺหํ อคาเรน อตฺโถ’’ติ อคฺคึ คเหตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา อสฺสมปทํ มาเปตฺวา อคฺคึ ปริจรนฺโต อรฺเ วิหาสิ. โส เอกทิวสํ ปจฺจนฺตคามเก โคทกฺขิณํ ลภิตฺวา ตํ โคณํ อสฺสมปทํ เนตฺวา จินฺเตสิ ‘‘อคฺคิภควนฺตํ โคมํสํ ขาทาเปสฺสามี’’ติ. อถสฺส เอตทโหสิ ‘‘อิธ โลณํ นตฺถิ, อคฺคิภควา อโลณํ ขาทิตุํ น สกฺขิสฺสติ, คามโต โลณํ อาหริตฺวา อคฺคิภควนฺตํ สโลณกํ ขาทาเปสฺสามี’’ติ. โส ตํ ตตฺเถว พนฺธิตฺวา โลณตฺถาย คามกํ อคมาสิ. ตสฺมึ คเต สมฺพหุลา ลุทฺทกา ตํ านํ อาคตา. โคณํ ทิสฺวา วธิตฺวา มํสํ ปจิตฺวา ขาทิตฺวา นงฺคุฏฺฺจ ชงฺฆฺจ จมฺมฺจ ตตฺเถว ฉฑฺเฑตฺวา อวเสสมํสํ อาทาย อคมํสุ.

พฺราหฺมโณ อาคนฺตฺวา นงฺคุฏฺาทิมตฺตเมว ทิสฺวา จินฺเตสิ ‘‘อยํ อคฺคิภควา อตฺตโน สนฺตกมฺปิ รกฺขิตุํ น สกฺโกติ, มํ ปน กทา รกฺขิสฺสติ. อิมินา อคฺคิปริจรเณน นิรตฺถเกน ภวิตพฺพํ, นตฺถิ อิโตนิทานํ กุสลํ วา วุฑฺฒิ วา’’ติ. โส อคฺคิปริจริยาย วิคตจฺฉนฺโท ‘‘หมฺโภ อคฺคิภควา, ตฺวํ อตฺตโนปิ สนฺตกํ รกฺขิตุํ อสกฺโกนฺโต มํ กทา รกฺขิสฺสสิ, มํสํ นตฺถิ, เอตฺตเกนปิ ตุสฺสาหี’’ติ นงฺคุฏฺาทีนิ อคฺคิมฺหิ ปกฺขิปนฺโต อิมํ คาถมาห –

๑๔๔.

‘‘พหุมฺเปตํ อสพฺภิ ชาตเวท, ยํ ตํ วาลธินาภิปูชยาม;

มํสารหสฺส นตฺถชฺช มํสํ, นงฺคุฏฺมฺปิ ภวํ ปฏิคฺคหาตู’’ติ.

ตตฺถ พหุมฺเปตนฺติ เอตฺตกมฺปิ พหุํ. อสพฺภีติ อสปฺปุริส อสาธุชาติก. ชาตเวทาติ อคฺคึ อาลปติ. อคฺคิ หิ ชาตมตฺโตว เวทิยติ ปฺายติ ปากโฏ โหติ, ตสฺมา ‘‘ชาตเวโท’’ติ วุจฺจติ. ยํ ตํ วาลธินาภิปูชยามาติ ยํ อชฺช มยํ อตฺตโนปิ สนฺตกํ รกฺขิตุํ อสมตฺถํ ภควนฺตํ วาลธินา อภิปูชยาม, เอตมฺปิ ตว พหุเมวาติ ทสฺเสติ. มํสารหสฺสาติ มํสํ อรหสฺส ตุยฺหํ นตฺถิ อชฺช มํสํ. นงฺคุฏฺมฺปิ ภวํ ปฏิคฺคหาตูติ อตฺตโน สนฺตกํ รกฺขิตุํ อสกฺโกนฺโต ภวํ อิมํ สชงฺฆจมฺมํ นงฺคุฏฺมฺปิ ปฏิคฺคณฺหาตูติ.

เอวํ วตฺวา มหาสตฺโต อคฺคึ อุทเกน นิพฺพาเปตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา พฺรหฺมโลกปรายโณ อโหสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘นิพฺพุตคฺคิตาปโส อหเมว เตน สมเยนา’’ติ.

นงฺคุฏฺชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.

[๑๔๕] ๕. ราธชาตกวณฺณนา

น ตฺวํ ราธ วิชานาสีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปุราณทุติยิกาปโลภนํ อารพฺภ กเถสิ. ปจฺจุปฺปนฺนวตฺถุ อินฺทฺริยชาตเก อาวิ ภวิสฺสติ. สตฺถา ปน ตํ ภิกฺขุํ อามนฺเตตฺวา ‘‘ภิกฺขุ มาตุคาโม นาม อรกฺขิโย, อารกฺขํ เปตฺวา รกฺขนฺตาปิ รกฺขิตุํ น สกฺโกนฺติ. ตฺวมฺปิ ปุพฺเพ เอตํ อารกฺขํ เปตฺวา รกฺขนฺโตปิ รกฺขิตุํ นาสกฺขิ, อิทานิ กถํ รกฺขิสฺสสี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต สุกโยนิยํ นิพฺพตฺติ. กาสิรฏฺเ เอโก พฺราหฺมโณ โพธิสตฺตฺจ กนิฏฺภาตรฺจสฺส ปุตฺตฏฺาเน เปตฺวา โปเสสิ. เตสุ โพธิสตฺตสฺส ‘‘โปฏฺปาโท’’ติ นามํ อโหสิ, อิตรสฺส ‘‘ราโธ’’ติ. ตสฺส ปน พฺราหฺมณสฺส ภริยา อนาจารา โหติ ทุสฺสีลา. โส โวหารตฺถาย คจฺฉนฺโต อุโภปิ ภาตโร อาห – ‘‘ตาตา, สเจ โว มาตา พฺราหฺมณี อนาจารํ อาจรติ, วาเรยฺยาถ น’’นฺติ. โพธิสตฺโต อาห ‘‘สาธุ, ตาต, วาเรตุํ สกฺโกนฺตา วาเรยฺยาม, อสกฺโกนฺตา ตุณฺหี ภวิสฺสามา’’ติ. เอวํ พฺราหฺมโณ พฺราหฺมณึ สุกานํ นิยฺยาเทตฺวา โวหารตฺถาย คโต.

ตสฺส ปน คตทิวสโต ปฏฺาย พฺราหฺมณี อติจริตุํ อารทฺธา, ปวิสนฺตานฺจ นิกฺขมนฺตานฺจ อนฺโต นตฺถิ, ตสฺสา กิริยํ ทิสฺวา ราโธ โพธิสตฺตํ อาห – ‘‘ภาติก, อมฺหากํ ปิตา ‘สเจ โว มาตา อนาจารํ อาจรติ, วาเรยฺยาถา’ติ วตฺวา คโต, อิทานิ เจสา อนาจารํ อาจรติ, วาเรม น’’นฺติ. โพธิสตฺโต ‘‘ตาต, ตฺวํ อตฺตโน อพฺยตฺตตาย พาลภาเวน เอวํ วเทสิ, มาตุคามํ นาม อุกฺขิปิตฺวา จรนฺตาปิ รกฺขิตุํ น สกฺโกนฺติ. ยํ กมฺมํ กาตุํ น สกฺกา, น ตํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๑๔๕.

‘‘น ตฺวํ ราธ วิชานาสิ, อฑฺฒรตฺเต อนาคเต;

อพฺยยตํ วิลปสิ, วิรตฺตา โกสิยายเน’’ติ.

ตตฺถ น ตฺวํ ราธ วิชานาสิ, อฑฺฒรตฺเต อนาคเตติ ตาต ราธ, ตฺวํ น ชานาสิ, อฑฺฒรตฺเต อนาคเต ปมยาเมเยว เอตฺตกา ชนา อาคตา, อิทานิ โก ชานาติ, กิตฺตกาปิ อาคมิสฺสนฺติ. อพฺยยตํ วิลปสีติ ตฺวํ อพฺยตฺตวิลาปํ วิลปสิ. วิรตฺตา โกสิยายเนติ มาตา โน โกสิยายนี พฺราหฺมณี วิรตฺตา อมฺหากํ ปิตริ นิปฺเปมา ชาตา. สจสฺสา ตสฺมึ สิเนโห วา เปมํ วา ภเวยฺย, น เอวรูปํ อนาจารํ กเรยฺยาติ อิมมตฺถํ เอเตหิ พฺยฺชเนหิ ปกาเสสิ.

เอวํ ปกาเสตฺวา จ ปน พฺราหฺมณิยา สทฺธึ ราธสฺส วตฺตุํ น อทาสิ. สาปิ ยาว พฺราหฺมณสฺส อนาคมนา ยถารุจิยา วิจริ. พฺราหฺมโณ อาคนฺตฺวา โปฏฺปาทํ ปุจฺฉิ – ‘‘ตาต, กีทิสี โว มาตา’’ติ. โพธิสตฺโต พฺราหฺมณสฺส สพฺพํ ยถาภูตํ กเถตฺวา ‘‘กึ เต, ตาต, เอวรูปาย ทุสฺสีลายา’’ติ วตฺวา ‘‘ตาต, อมฺเหหิ มาตุยา โทสสฺส กถิตกาลโต ปฏฺาย น สกฺกา อิธ วสิตุ’’นฺติ พฺราหฺมณสฺส ปาเท วนฺทิตฺวา สทฺธึ ราเธน อุปฺปติตฺวา อรฺํ อคมาสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสสิ, สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺิตภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ‘‘ตทา พฺราหฺมโณ จ พฺราหฺมณี จ เอเตเยว ทฺเว ชนา อเหสุํ, ราโธ อานนฺโท, โปฏฺปาโท ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

ราธชาตกวณฺณนา ปฺจมา.

[๑๔๖] ๖. สมุทฺทกากชาตกวณฺณนา

อปิ นุ หนุกา สนฺตาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สมฺพหุเล มหลฺลเก ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ. เต กิร คิหิกาเล สาวตฺถิยํ กุฏุมฺพิกา อฑฺฒา มหทฺธนา อฺมฺสหายกา เอกโต หุตฺวา ปุฺานิ กโรนฺตา สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ‘‘มยํ มหลฺลกา, กึ โน ฆราวาเสน, สตฺถุ สนฺติเก รมณีเย พุทฺธสาสเน ปพฺพชิตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสามา’’ติ สพฺพํ สาปเตยฺยํ ปุตฺตธีตาทีนํ ทตฺวา อสฺสุมุขํ าติสงฺฆํ ปหาย สตฺถารํ ปพฺพชฺชํ ยาจิตฺวา ปพฺพชึสุ. ปพฺพชิตฺวา ปน ปพฺพชฺชานุรูปํ สมณธมฺมํ น กรึสุ, มหลฺลกภาเวน ธมฺมมฺปิ น ปริยาปุณึสุ, คิหิกาเล วิย ปพฺพชิตกาเลปิ วิหารปริยนฺเต ปณฺณสาลํ กาเรตฺวา เอกโตว วสึสุ. ปิณฺฑาย จรนฺตาปิ อฺตฺถ อคนฺตฺวา เยภุยฺเยน อตฺตโน ปุตฺตทารสฺเสว เคหํ คนฺตฺวา ภุฺชึสุ. เตสุ เอกสฺส ปุราณทุติยิกา สพฺเพสมฺปิ มหลฺลกตฺเถรานํ อุปการา อโหสิ, ตสฺมา เสสาปิ อตฺตนา ลทฺธํ อาหารํ คเหตฺวา ตสฺสาเยว เคเห นิสีทิตฺวา ภุฺชนฺติ. สาปิ เตสํ ยถาสนฺนิหิตํ สูปพฺยฺชนํ เทติ. สา อฺตเรน โรเคน ผุฏฺา กาลมกาสิ. อถ เต มหลฺลกตฺเถรา วิหารํ คนฺตฺวา อฺมฺํ คีวาสุ คเหตฺวา ‘‘มธุรหตฺถรสา อุปาสิกา กาลกตา’’ติ วิหารปจฺจนฺเต โรทนฺตา วิจรึสุ. เตสํ สทฺทํ สุตฺวา อิโต จิโต จ ภิกฺขู สนฺนิปติตฺวา ‘‘อาวุโส, กสฺมา โรทถา’’ติ ปุจฺฉึสุ. เต ‘‘อมฺหากํ สหายสฺส ปุราณทุติยิกา มธุรหตฺถรสา กาลกตา อมฺหากํ อติวิย อุปการา, ‘อิทานิ กุโต ตถารูปึ ลภิสฺสามา’ติ อิมินา การเณน โรทิมฺหา’’ติ อาหํสุ.

เตสํ ตํ วิปฺปการํ ทิสฺวา ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, อิมินา นาม การเณน มหลฺลกตฺเถรา อฺมฺํ คีวาสุ คเหตฺวา วิหารปจฺจนฺเต โรทนฺตา วิจรนฺตี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนเวเต ตสฺสา กาลกิริยาย โรทนฺตา วิจรนฺติ, ปุพฺเพเปเต อิมํ กากโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา สมุทฺเท มตํ นิสฺสาย ‘สมุทฺทอุทกํ อุสฺสิฺจิตฺวา เอตํ นีหริสฺสามา’ติ วายมนฺตา ปณฺฑิเต นิสฺสาย ชีวิตํ ลภึสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต สมุทฺทเทวตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ. อเถโก กาโก อตฺตโน ภริยํ กากึ อาทาย โคจรํ ปริเยสมาโน สมุทฺทตีรํ อคมาสิ. ตสฺมึ กาเล มนุสฺสา สมุทฺทตีเร ขีรปายาสมจฺฉมํสสุราทีหิ นาคพลิกมฺมํ กตฺวา ปกฺกมึสุ. อถ โส กาโก พลิกมฺมฏฺานํ คนฺตฺวา ขีราทีนิ ทิสฺวา สทฺธึ กากิยา ขีรปายาสมจฺฉมํสาทีนิ ภุฺชิตฺวา พหุํ สุรํ ปิวิ. เต อุโภปิ สุรามทมตฺตา ‘‘สมุทฺทกีฬํ กีฬิสฺสามา’’ติ เวลนฺเต นิสีทิตฺวา นฺหายิตุํ อารภึสุ อเถกา อูมิ อาคนฺตฺวา กากึ คเหตฺวา สมุทฺทํ ปเวเสสิ. ตเมโก มจฺโฉ มํสํ ขาทิตฺวา อชฺโฌหริ. กาโก ‘‘ภริยา เม มตา’’ติ โรทิ ปริเทวิ. อถสฺส ปริเทวนสทฺทํ สุตฺวา พหู กากา สนฺนิปติตฺวา ‘‘กึการณา โรทสี’’ติ ปุจฺฉึสุ. ‘‘สหายิกา โว เวลนฺเต นฺหายมานา อูมิยา หฏา’’ติ. เต สพฺเพปิ เอกรวํ รวนฺตา โรทึสุ. อถ เนสํ เอตทโหสิ ‘‘อิทํ สมุทฺทอุทกํ นาม อมฺหากํ กึ ปโหสิ, อุทกํ อุสฺสิฺจิตฺวา สมุทฺทํ ตุจฺฉํ กตฺวา สหายิกํ นีหริสฺสามา’’ติ. เต มุขํ ปูเรตฺวา ปูเรตฺวา อุทกํ พหิ ฉฑฺเฑนฺติ, โลณูทเกน จ คเล สุสฺสมาเน อุฏฺายุฏฺาย ถลํ คนฺตฺวา วิสฺสมนฺติ.

เต หนูสุ กิลนฺเตสุ มุเขสุ สุกฺขนฺเตสุ อกฺขีสุ รตฺเตสุ ทีนา กิลนฺตา หุตฺวา อฺมฺํ อามนฺเตตฺวา ‘‘อมฺโภ, มยํ สมุทฺทอุทกํ คเหตฺวา พหิ ปาเตม, คหิตคหิตฏฺานํ ปุน อุทเกน ปูรติ, สมุทฺทํ ตุจฺฉํ กาตุํ น สกฺขิสฺสามา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาหํสุ –

๑๔๖.

‘‘อปิ นุ หนุกา สนฺตา, มุขฺจ ปริสุสฺสติ;

โอรมาม น ปาเรม, ปูรเตว มโหทธี’’ติ.

ตตฺถ อปิ นุ หนุกา สนฺตาติ อปิ โน หนุกา สนฺตา, อปิ อมฺหากํ หนุกา กิลนฺตา. โอรมาม น ปาเรมาติ มยํ อตฺตโน พเลน มหาสมุทฺทอุทกํ อากฑฺฒาม โอสาเรม, ตุจฺฉํ ปน นํ กาตุํ น สกฺโกม. อยฺหิ ปูรเตว มโหทธีติ.

เอวฺจ ปน วตฺวา สพฺเพปิ เต กากา ‘‘ตสฺสา กากิยา เอวรูปํ นาม ตุณฺฑํ อโหสิ, เอวรูปานิ วฏฺฏกฺขีนิ, เอวรูปํ ฉวิสณฺานํ, เอวรูโป มธุรสทฺโท. สา โน อิมํ โจรสมุทฺทํ นิสฺสาย นฏฺา’’ติ พหุํ วิปฺปลปึสุ. เต เอวํ วิปฺปลปมาเน สมุทฺทเทวตา เภรวรูปํ ทสฺเสตฺวา ปลาเปสิ, เอวํ เตสํ โสตฺถิ อโหสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา กากี อยํ ปุราณทุติยิกา อโหสิ, กาโก มหลฺลกตฺเถโร, เสสกากา เสสมหลฺลกตฺเถรา, สมุทฺทเทวตา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

สมุทฺทกากชาตกวณฺณนา ฉฏฺา.

[๑๔๗] ๗. ปุปฺผรตฺตชาตกวณฺณนา

นยิทํ ทุกฺขํ อทุํ ทุกฺขนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ อุกฺกณฺิตภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. โส หิ ภควตา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ อุกฺกณฺิโต’’ติ วุตฺเต ‘‘สจฺจ’’นฺติ วตฺวา ‘‘เกน อุกฺกณฺาปิโตสี’’ติ จ ปุฏฺโ ‘‘ปุราณทุติยิกายา’’ติ วตฺวา ‘‘มธุรหตฺถรสา, ภนฺเต, สา อิตฺถี, น สกฺโกมิ ตํ วินา วสิตุ’’นฺติ อาห. อถ นํ สตฺถา ‘‘เอสา เต ภิกฺขุ อนตฺถการิกา, ปุพฺเพปิ ตฺวํ เอตํ นิสฺสาย สูเล อุตฺตาสิโต เอตฺเว ปตฺถยมาโน กาลํ กตฺวา นิรเย นิพฺพตฺโต, อิทานิ นํ กสฺมา ปุน ปตฺเถสี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต อากาสฏฺเทวตา อโหสิ. อถ พาราณสิยํ กตฺติกรตฺติวารฉโณ สมฺปตฺโต โหติ, นครํ เทวนครํ วิย อลงฺกรึสุ. สพฺโพ ชโน ขณกีฬานิสฺสิโต อโหสิ. เอกสฺส ปน ทุคฺคตมนุสฺสสฺส เอกเมว ฆนสาฏกยุคํ อโหสิ. โส ตํ สุโธตํ โธวาเปตฺวา โอภฺชาเปตฺวา สตวลิกํ สหสฺสวลิกํ กาเรตฺวา เปสิ. อถ นํ ภริยา เอวมาห ‘‘อิจฺฉามหํ, สามิ, เอกํ กุสุมฺภรตฺตํ นิวาเสตฺวา เอกํ ปารุปิตฺวา ตว กณฺเ ลคฺคา กตฺติกรตฺติวารํ จริตุ’’นฺติ. ‘‘ภทฺเท, กุโต อมฺหากํ ทลิทฺทานํ กุสุมฺภํ, สุทฺธวตฺถํ นิวาเสตฺวา กีฬาหี’’ติ? ‘‘กุสุมฺภรตฺตํ อลภมานา ฉณกีฬํ น กีฬิสฺสามิ, ตฺวํ อฺํ อิตฺถึ คเหตฺวา กีฬสฺสู’’ติ. ‘‘ภทฺเท, กึ มํ ปีเฬสิ, กุโต อมฺหากํ กุสุมฺภ’’นฺติ? ‘‘สามิ, ปุริสสฺส อิจฺฉาย สติ กึ นาม นตฺถิ, นนุ รฺโ กุสุมฺภวตฺถุสฺมึ พหุ กุสุมฺภ’’นฺติ. ‘‘ภทฺเท, ตํ านํ รกฺขสปริคฺคหิตโปกฺขรณิสทิสํ, พลวารกฺขา, น สกฺกา อุปสงฺกมิตุํ, มา เต เอตํ รุจฺจิ, ยถาลทฺเธเนว ตุสฺสสฺสู’’ติ. ‘‘สามิ, รตฺติภาเค อนฺธกาเร สติ ปุริสสฺส อคมนียฏฺานํ นาม นตฺถี’’ติ. อิติ โส ตาย ปุนปฺปุนํ กเถนฺติยา กิเลสวเสน ตสฺสา วจนํ คเหตฺวา ‘‘โหตุ ภทฺเท, มา จินฺตยิตฺถา’’ติ ตํ สมสฺสาเสตฺวา รตฺติภาเค ชีวิตํ ปริจฺจชิตฺวา นครา นิกฺขมิตฺวา รฺโ กุสุมฺภวตฺถุํ คนฺตฺวา วตึ มทฺทิตฺวา อนฺโตวตฺถุํ ปาวิสิ. อารกฺขมนุสฺสา วติสทฺทํ สุตฺวา ‘‘โจโร โจโร’’ติ ปริวาเรตฺวา คเหตฺวา ปริภาสิตฺวา โกฏฺเฏตฺวา พนฺธิตฺวา ปภาตาย รตฺติยา รฺโ ทสฺเสสุํ. ราชา ‘‘คจฺฉถ, นํ สูเล อุตฺตาเสถา’’ติ อาห. อถ นํ ปจฺฉาพาหํ พนฺธิตฺวา วชฺฌเภริยา วชฺชมานาย นครา นิกฺขมาเปตฺวา สูเล อุตฺตาเสสุํ. พลวเวทนา ปวตฺตนฺติ, กากา สีเส นิลียิตฺวา กณยคฺคสทิเสหิ ตุณฺเหหิ อกฺขีนิ วิชฺฌนฺติ.

โส ตถารูปมฺปิ ทุกฺขํ อมนสิกริตฺวา ตเมว อิตฺถึ อนุสฺสริตฺวา ‘‘ตาย นามมฺหิ ฆนปุปฺผรตฺตวตฺถนิวตฺถาย กณฺเ อาสตฺตพาหุยุคฬาย สทฺธึ กตฺติกรตฺติวารโต ปริหีโน’’ติ จินฺเตตฺวา อิมํ คาถมาห –

๑๔๗.

‘‘นยิทํ ทุกฺขํ อทุํ ทุกฺขํ, ยํ มํ ตุทติ วายโส;

ยํ สามา ปุปฺผรตฺเตน, กตฺติกํ นานุโภสฺสตี’’ติ.

ตตฺถ นยิทํ ทุกฺขํ อทุํ ทุกฺขํ, ยํ มํ ตุทติ วายโสติ ยฺจ อิทํ สูเล ลคฺคนปจฺจยํ กายิกเจตสิกทุกฺขํ, ยฺจ โลหมเยหิ วิย ตุณฺเฑหิ วายโส ตุทติ, อิทํ สพฺพมฺปิ มยฺหํ น ทุกฺขํ, อทุํ ทุกฺขํ เอตํเยว ปน เม ทุกฺขนฺติ อตฺโถ. กตรํ? ยํ สามา ปุปฺผรตฺเตน, กตฺติกํ นานุโภสฺสตีติ, ยํ สา ปิยงฺคุสามา มม ภริยา เอกํ กุสุมฺภรตฺตํ นิวาเสตฺวา เอกํ ปารุปิตฺวา เอวํ ฆนปุปฺผรตฺเตน วตฺถยุเคน อจฺฉนฺนา มม กณฺเ คเหตฺวา กตฺติกรตฺติวารํ นานุภวิสฺสติ, อิทํ มยฺหํ ทุกฺขํ, เอตเทว หิ มํ พาธตีติ? โส เอวํ มาตุคามํ อารพฺภ วิปฺปลปนฺโตเยว กาลํ กตฺวา นิรเย นิพฺพตฺติ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ชยมฺปติกาว อิทานิ ชยมฺปติกา, ตํ การณํ ปจฺจกฺขํ กตฺวา ิตา อากาสฏฺเทวตา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

ปุปฺผรตฺตชาตกวณฺณนา สตฺตมา.

[๑๔๘] ๘. สิงฺคาลชาตกวณฺณนา

นาหํ ปุนํ น จ ปุนนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต กิเลสนิคฺคหํ อารพฺภ กเถสิ. สาวตฺถิยํ กิร ปฺจสตมตฺตา สหายกา มหาวิภวา เสฏฺิปุตฺตา สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา สาสเน อุรํ ทตฺวา ปพฺพชิตฺวา เชตวเน อนฺโตโกฏิสนฺถาเร วิหรึสุ. อเถกทิวสํ เตสํ อฑฺฒรตฺตสมเย กิเลสนิสฺสิโต สงฺกปฺโป อุปฺปชฺชิ. เต อุกฺกณฺิตฺวา อตฺตนา ชหิตกิเลเส ปุน คณฺหิตุํ จิตฺตํ อุปฺปาทยึสุ. อถ สตฺถา อฑฺฒรตฺตสมนนฺตเร สพฺพฺุตฺาณทณฺฑทีปกํ อุกฺขิปิตฺวา ‘‘กตราย นุ โข รติยา เชตวเน ภิกฺขู วิหรนฺตี’’ติ ภิกฺขูนํ อชฺฌาสยํ โอโลเกนฺโต เตสํ ภิกฺขูนํ อพฺภนฺตเร กามราคสงฺกปฺปสฺส อุปฺปนฺนภาวํ อฺาสิ. สตฺถา จ นาม เอกปุตฺติกา อิตฺถี อตฺตโน ปุตฺตํ วิย, เอกจกฺขุโก ปุริโส จกฺขุํ วิย อตฺตโน สาวเก รกฺขติ. ปุพฺพณฺหาทีสุ ยสฺมึ ยสฺมึ สมเย เตสํ กิเลสา อุปฺปชฺชนฺติ, เต เตสํ กิเลเส ตโต ปรํ วฑฺฒิตุํ อทตฺวา ตสฺมึ ตสฺมึเยว สมเย นิคฺคณฺหาติ. เตนสฺส เอตทโหสิ ‘‘อยํ จกฺกวตฺติรฺโ อนฺโตนคเรเยว โจรานํ อุปฺปนฺนกาโล วิย วตฺตติ, อิทาเนว เตสํ ธมฺมเทสนํ กตฺวา เต กิเลเส นิคฺคณฺหิตฺวา อรหตฺตํ ทสฺสามี’’ติ. โส สุรภิคนฺธกุฏิโต นิกฺขมิตฺวา มธุรสฺสเรน ‘‘อานนฺทา’’ติ อายสฺมนฺตํ ธมฺมภณฺฑาคาริกํ อานนฺทตฺเถรํ อามนฺเตสิ. เถโร ‘‘กึ, ภนฺเต’’ติ อาคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา อฏฺาสิ. ‘‘อานนฺท, ยตฺตกา ภิกฺขู อนฺโตโกฏิสนฺถาเร วิหรนฺติ, สพฺเพว คนฺธกุฏิปริเวเณ สนฺนิปาเตหี’’ติ. เอวํ กิรสฺส อโหสิ ‘‘สจาหํ เตเยว ปฺจสเต ภิกฺขู ปกฺโกสาเปสฺสามิ. ‘สตฺถารา โน อพฺภนฺตเร กิเลสานํ อุปฺปนฺนภาโว าโต’ติ สํวิคฺคมานสา ธมฺมเทสนํ สมฺปฏิจฺฉิตุํ น สกฺขิสฺสนฺตี’’ติ. ตสฺมา ‘‘สพฺเพ สนฺนิปาเตหี’’ติ อาห. เถโร ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ อวาปุรณํ อาทาย ปริเวเณน ปริเวณํ อาหิณฺฑิตฺวา สพฺเพ ภิกฺขู คนฺธกุฏิปริเวเณ สนฺนิปาเตตฺวา พุทฺธาสนํ ปฺเปสิ.

สตฺถา ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อุชุํ กายํ ปณิธาย สิลาปถวิยํ ปติฏฺหมาโน สิเนรุ วิย ปฺตฺเต พุทฺธาสเน นิสีทิ อาเวฬาเวฬา ยมกยมกา ฉพฺพณฺณฆนพุทฺธรสฺมิโย วิสฺสชฺเชนฺโต. ตาปิ รสฺมิโย ปาติมตฺตา ฉตฺตมตฺตา กูฏาคารกุจฺฉิมตฺตา ฉิชฺชิตฺวา ฉิชฺชิตฺวา คคนตเล วิชฺชุลตา วิย สฺจรึสุ, อณฺณวกุจฺฉึ โขเภตฺวา พาลสูริยุคฺคมนกาโล วิย อโหสิ. ภิกฺขุสงฺโฆปิ สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ครุจิตฺตํ ปจฺจุปฏฺเปตฺวา รตฺตกมฺพลสาณิยา ปริกฺขิปนฺโต วิย ปริวาเรตฺวา นิสีทิ. สตฺถา พฺรหฺมสฺสรํ นิจฺฉาเรนฺโต ภิกฺขู อามนฺเตตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา นาม กามวิตกฺกํ พฺยาปาทวิตกฺกํ วิหึสาวิตกฺกนฺติ อิเม ตโย อกุสลวิตกฺเก วิตกฺเกตุํ วฏฺฏติ. อนฺโต อุปฺปนฺนกิเลโส หิ ‘ปริตฺตโก’ติ อวมฺิตุํ น วฏฺฏติ, กิเลโส นาม ปจฺจามิตฺตสทิโส. ปจฺจามิตฺโต จ ขุทฺทโก นาม นตฺถิ, โอกาสํ ลภิตฺวา วินาสเมว ปาเปติ, เอวเมว อปฺปมตฺตโกปิ กิเลโส อุปฺปชฺชิตฺวา วฑฺฒิตุํ ลภนฺโต มหาวินาสํ ปาเปติ. กิเลโส นาเมส หลาหลวิสูปโม อุปฺปาฏิตจฺฉวิคณฺฑสทิโส อาสีวิสปฏิภาโค อสนิอคฺคิสทิโส อลฺลียิตุํ น ยุตฺโต อาสงฺกิตพฺโพ. อุปฺปนฺนุปฺปนฺนกฺขเณเยว ปฏิสงฺขานพเลน ภาวนาพเลน ยถา มุหุตฺตมฺปิ หทเย อฏฺตฺวา ปทุมินิปตฺตา อุทกพินฺทุ วิย วิวฏฺฏติ, เอวํ ปชหิตพฺโพ. โปราณกปณฺฑิ ตาปิ อปฺปมตฺตกมฺปิ กิเลสํ ครหิตฺวา ยถา ปุน อพฺภนฺตเร นุปฺปชฺชติ, เอวํ นิคฺคณฺหึสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต สิงฺคาลโยนิยํ ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา อรฺเ นทีตีเร นิวาสํ กปฺเปสิ. อเถโก ชรหตฺถี คงฺคาตีเร กาลมกาสิ. สิงฺคาโล โคจรปฺปสุโต ตํ มตหตฺถิสรีรํ ทิสฺวา ‘‘มหา เม โคจโร อุปฺปนฺโน’’ติ คนฺตฺวา ตํ โสณฺเฑ ฑํสิ, นงฺคลีสาย ทฏฺกาโล วิย อโหสิ. โส ‘‘นตฺเถตฺถ ขาทิตพฺพยุตฺตก’’นฺติ ทนฺเตสุ ฑํสิ, ถมฺเภ ทฏฺกาโล วิย อโหสิ. กณฺเณ ฑํสิ, สุปฺปโกฏิยํ ทฏฺกาโล วิย อโหสิ. อุทเร ฑํสิ, กุสูเล ทฏฺกาโล วิย อโหสิ. ปาเท ฑํสิ, อุทุกฺขเล ทฏฺกาโล วิย อโหสิ. นงฺคุฏฺเ ฑํสิ, มุสเล ทฏฺกาโล วิย อโหสิ. โส ‘‘เอตฺถาปิ นตฺถิ ขาทิตพฺพยุตฺตก’’นฺติ สพฺพตฺถ อสฺสาทํ อลภนฺโต วจฺจมคฺเค ฑํสิ, มุทุปูเว ทฏฺกาโล วิย อโหสิ. โส ‘‘ลทฺธํ ทานิ เม อิมสฺมึ สรีเร มุทุ ขาทิตพฺพยุตฺตกฏฺาน’’นฺติ ตโต ปฏฺาย ขาทนฺโต อนฺโตกุจฺฉึ ปวิสิตฺวา วกฺกหทยาทีนิ ขาทิตฺวา ปิปาสิตกาเล โลหิตํ ปิวิตฺวา นิปชฺชิตุกามกาเล อุทรํ ปตฺถริตฺวา นิปชฺชติ.

อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อิทํ หตฺถิสรีรํ มยฺหํ นิวาสสุขตาย เคหสทิสํ, ขาทิตุกามตาย สติ ปหูตมํสํ, กึ ทานิ เม อฺตฺถ กมฺม’’นฺติ โส อฺตฺถ อคนฺตฺวา หตฺถิกุจฺฉิยํเยว มํสํ ขาทิตฺวา วสติ. คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺเต กาเล นิทาเฆ วาตสมฺผสฺเสน เจว สูริยรสฺมิสนฺตาเปน จ ตํ กุณปํ สุสฺสิตฺวา วลิโย คณฺหิ, สิงฺคาลสฺส ปวิฏฺทฺวารํ ปิหิตํ, อนฺโตกุจฺฉิยํ อนฺธกาโร อโหสิ. สิงฺคาลสฺส โลกนฺตริกนิวาโส วิย ชาโต. กุณเป สุสฺสนฺเต มํสมฺปิ สุสฺสิ, โลหิตมฺปิ ปจฺฉิชฺชิ. โส นิกฺขมนทฺวารํ อลภนฺโต ภยปฺปตฺโต หุตฺวา สนฺธาวนฺโต อิโต จิโต จ ปหริตฺวา นิกฺขมนทฺวารํ ปริเยสมาโน วิจรติ. เอวํ ตสฺมึ อุกฺขลิยํ ปิฏฺปิณฺฑิ วิย อนฺโตกุจฺฉิยํ ปจฺจมาเน กติปาหจฺจเยน มหาเมโฆ ปาวสฺสิ. อถ นํ กุณปํ เตเมตฺวา อุฏฺาย ปกติสณฺาเนน อฏฺาสิ. วจฺจมคฺโค วิวโฏ หุตฺวา ตารกา วิย ปฺายิ. สิงฺคาโล ตํ ฉิทฺทํ ทิสฺวา ‘‘อิทานิ เม ชีวิตํ ลทฺธ’’นฺติ ยาว หตฺถิสีสา ปฏิกฺกมิตฺวา เวเคน ปกฺขนฺทิตฺวา วจฺจมคฺคํ สีเสน ปหริตฺวา นิกฺขมิ. ตสฺส สฺฉนฺนสรีรตฺตา สพฺพโลมานิ วจฺจมคฺเค อลฺลียึสุ. โส ตาลกฺขนฺธสทิเสน นิลฺโลเมน สรีเรน อุพฺพิคฺคจิตฺโต มุหุตฺตํ ธาวิตฺวา นิวตฺติตฺวา นิสินฺโน สรีรํ โอโลเกตฺวา ‘‘อิทํ ทุกฺขํ มยฺหํ น อฺเน กตํ, โลภเหตุ ปน โลภการณา โลภํ นิสฺสาย มยา เอตํ กตํ, อิโต ทานิ ปฏฺาย น โลภวสิโก ภวิสฺสามิ, ปุน หตฺถิสรีรํ นาม น ปวิสิสฺสามี’’ติ สํวิคฺคหทโย หุตฺวา อิมํ คาถมาห –

๑๔๘.

‘‘นาหํ ปุนํ น จ ปุนํ, น จาปิ อปุนปฺปุนํ;

หตฺถิโพนฺทึ ปเวกฺขามิ, ตถา หิ ภยตชฺชิโต’’ติ.

ตตฺถ น จาปิ อปุนปฺปุนนฺติ อ-กาโร นิปาตมตฺโต. อยํ ปเนติสฺสา สกลายปิ คาถาย อตฺโถ – อหฺหิ อิโต ปุน, ตโต จ ปุนาติ วุตฺตวารโต ปุน ตโตปิ จ ปุนปฺปุนํ วารณสรีรสงฺขาตํ หตฺถิโพนฺทึ น ปเวกฺขามิ. กึการณา? ตถา หิ ภยตชฺชิโต, ตถา หิ อหํ อิมสฺมิฺเว ปเวสเน ภยตชฺชิโต มรณภเยน สนฺตาสํ สํเวคํ อาปาทิโตติ.

เอวฺจ ปน วตฺวา ตโตว ปลายิตฺวา ปุน ตํ วา อฺํ วา หตฺถิสรีรํ นิวตฺติตฺวาปิ น โอโลเกสิ. ตโต ปฏฺาย น โลภวสิโก อโหสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘ภิกฺขเว, อนฺโต อุปฺปนฺนกิเลสสฺส นาม วฑฺฒิตุํ อทตฺวา ตตฺถ ตตฺเถว นํ นิคฺคณฺหิตุํ วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ. สจฺจปริโยสาเน ปฺจสตาปิ เต ภิกฺขู อรหตฺเต ปติฏฺหึสุ, อวเสเสสุ เกจิ โสตาปนฺนา, เกจิ สกทาคามิโน, เกจิ อนาคามิโน อเหสุํ. ตทา สิงฺคาโล อหเมว อโหสินฺติ.

สิงฺคาลชาตกวณฺณนา อฏฺมา.

[๑๔๙] ๙. เอกปณฺณชาตกวณฺณนา

เอกปณฺโณ อยํ รุกฺโขติ อิทํ สตฺถา เวสาลึ อุปนิสฺสาย มหาวเน กูฏาคารสาลายํ วิหรนฺโต เวสาลิกํ ทุฏฺลิจฺฉวิกุมารํ อารพฺภ กเถสิ. ตสฺมิฺหิ กาเล เวสาลินครํ คาวุตคาวุตนฺตเร ตีหิ ปากาเรหิ ปริกฺขิตฺตํ ตีสุ าเนสุ โคปุรฏฺฏาลกยุตฺตํ ปรมโสภคฺคปฺปตฺตํ. ตตฺถ นิจฺจกาลํ รชฺชํ กาเรตฺวา วสนฺตานฺเว ราชูนํ สตฺต สหสฺสานิ สตฺต สตานิ สตฺต จ ราชาโน โหนฺติ, ตตฺตกาเยว อุปราชาโน, ตตฺตกา เสนาปติโน, ตตฺตกา ภณฺฑาคาริกา. เตสํ ราชกุมารานํ อนฺตเร เอโก ทุฏฺลิจฺฉวิกุมาโร นาม อโหสิ โกธโน จณฺโฑ ผรุโส สาหสิโก, ทณฺเฑน ฆฏฺฏิตอาสีวิโส วิย นิจฺจํ ปชฺชลิโต โกเธน. ตสฺส ปุรโต ทฺเว ตีณิ วจนานิ กเถตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ. ตํ เนว มาตาปิตโร, น าตโย, น มิตฺตสุหชฺชา สิกฺขาเปตุํ สกฺขึสุ. อถสฺส มาตาปิตูนํ เอตทโหสิ ‘‘อยํ กุมาโร อติผรุโส สาหสิโก, เปตฺวา สมฺมาสมฺพุทฺธํ อฺโ อิมํ วิเนตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ, พุทฺธเวเนยฺเยน ภวิตพฺพ’’นฺติ. เต ตํ อาทาย สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา อาหํสุ ‘‘ภนฺเต, อยํ กุมาโร จณฺโฑ ผรุโส โกเธน ปชฺชลติ, อิมสฺส โอวาทํ เทถา’’ติ.

สตฺถา ตํ กุมารํ โอวทิ – ‘‘กุมาร, อิเมสุ นาม สตฺเตสุ จณฺเฑน ผรุเสน สาหสิเกน วิเหกชาติเกน น ภวิตพฺพํ, ผรุสวาโจ จ นาม วิชาตมาตุยาปิ ปิตุโนปิ ปุตฺตทารสฺสปิ ภาติภคินีนมฺปิ ปชาปติยาปิ มิตฺตพนฺธวานมฺปิ อปฺปิโย โหติ อมนาโป, ฑํสิตุํ อาคจฺฉนฺโต สปฺโป วิย, อฏวิยํ อุฏฺิตโจโร วิย, ขาทิตุํ อาคจฺฉนฺโต ยกฺโข วิย จ อุพฺเพชนีโย หุตฺวา ทุติยจิตฺตวาเร นิรยาทีสุ นิพฺพตฺตติ. ทิฏฺเเยว จ ธมฺเม โกธโน ปุคฺคโล มณฺฑิตปสาธิโตปิ ทุพฺพณฺโณว โหติ, ปุณฺณจนฺทสสฺสิริกมฺปิสฺส มุขํ ชาลาภิหตปทุมํ วิย มลคฺคหิตกฺจนาทาสมณฺฑลํ วิย จ วิรูปํ โหติ ทุทฺทสิกํ. โกธํ นิสฺสาย หิ สตฺตา สตฺถํ อาทาย อตฺตนาว อตฺตานํ ปหรนฺติ, วิสํ ขาทนฺติ, รชฺชุยา อุพฺพนฺธนฺติ, ปปาตา ปปตนฺติ. เอวํ โกธวเสน กาลํ กตฺวา นิรยาทีสุ อุปฺปชฺชนฺติ, วิเหกชาติกาปิ ทิฏฺเว ธมฺเม ครหํ ปตฺวา กายสฺส เภทา นิรยาทีสุ อุปฺปชฺชนฺติ, ปุน มนุสฺสตฺตํ ลภิตฺวา วิชาตกาลโต ปฏฺาย โรคพหุลาว โหนฺติ. จกฺขุโรโค โสตโรโคติอาทีสุ จ โรเคสุ เอกโต อุฏฺาย เอกสฺมึ ปตนฺติ, โรเคน อปริมุตฺตาว หุตฺวา นิจฺจํ ทุกฺขิตาว โหนฺติ, ตสฺมา สพฺเพสุ สตฺเตสุ เมตฺตจิตฺเตน หิตจิตฺเตน มุทุจิตฺเตน ภวิตพฺพํ. เอวรูโป หิ ปุคฺคโล นิรยาทิภเยหิ น ปริมุจฺจตี’’ติ. โส กุมาโร สตฺถุ โอวาทํ สุตฺวา เอโกวาเทเนว นิหตมาโน ทนฺโต นิพฺพิเสวโน เมตฺตจิตฺโต มุทุจิตฺโต อโหสิ. อฺํ อกฺโกสนฺตมฺปิ ปหรนฺตมฺปิ นิวตฺติตฺวา น โอโลเกสิ, อุทฺธฏทาโ วิย สปฺโป, อฬจฺฉินฺโน วิย กกฺกฏโก, ฉินฺนวิสาโณ วิย จ อุสโภ อโหสิ.

ตสฺส ตํ ปวตฺตึ ตฺวา ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, ทุฏฺลิจฺฉวิกุมารํ สุจิรมฺปิ โอวทิตฺวา เนว มาตาปิตโร, น าติมิตฺตาทโย ทเมตุํ สกฺขึสุ, สมฺมาสมฺพุทฺโธ ปน ตํ เอโกวาเทเนว ทเมตฺวา นิพฺพิเสวนํ กตฺวา มตฺตวรวารณํ วิย สมุคฺคหิตาเนฺชการณํ อกาสิ. ยาว สุภาสิตํ จิทํ – ‘หตฺถิทมเกน, ภิกฺขเว, หตฺถิทมฺโม สาริโต เอกํเยว ทิสํ ธาวติ ปุรตฺถิมํ วา ปจฺฉิมํ วา อุตฺตรํ วา ทกฺขิณํ วา. อสฺสทมเกน…เป… โคทมเกน…เป… ทกฺขิณํ วา. ตถาคเตน หิ, ภิกฺขเว, อรหตา สมฺมาสมฺพุทฺเธน ปุริสทมฺโม สาริโต อฏฺ ทิสา วิธาวติ, รูปี รูปานิ ปสฺสติ. อยเมกา ทิสา…เป… โส วุจฺจติ ‘โยคฺคาจริยานํ อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถี’ติ (ม. นิ. ๓.๓๑๒). น หิ, อาวุโส, สมฺมาสมฺพุทฺเธน สทิโส ปุริสทมฺมสารถี นาม อตฺถี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนเวส มยา เอโกวาเทเนว ทมิโต, ปุพฺเพปาหํ อิมํ เอโกวาเทเนว ทเมสิ’’นฺติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต อุทิจฺจพฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ ตโย เวเท สพฺพสิปฺปานิ จ อุคฺคเหตฺวา กิฺจิ กาลํ ฆราวาสํ วสิตฺวา มาตาปิตูนํ อจฺจเยน อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา หิมวนฺเต วาสํ กปฺเปสิ. ตตฺถ จิรํ วสิตฺวา โลณมฺพิลเสวนตฺถาย ชนปทํ คนฺตฺวา พาราณสึ ปตฺวา ราชุยฺยาเน วสิตฺวา ปุนทิวเส สุนิวตฺโถ สุปารุโต ตาปสากปฺปสมฺปนฺโน ภิกฺขาย นครํ ปวิสิตฺวา ราชงฺคณํ ปาปุณิ. ราชา สีหปฺชเรน โอโลเกนฺโต ตํ ทิสฺวา อิริยาปเถ ปสีทิตฺวา ‘‘อยํ ตาปโส สนฺตินฺทฺริโย สนฺตมานโส ยุคมตฺตทโส, ปทวาเร ปทวาเร สหสฺสตฺถวิกํ เปนฺโต วิย สีหวิชมฺภิเตน อาคจฺฉติ. สเจ สนฺตธมฺโม นาเมโก อตฺถิ, อิมสฺส เตนพฺภนฺตเร ภวิตพฺพ’’นฺติ จินฺเตตฺวา เอกํ อมจฺจํ โอโลเกสิ. โส ‘‘กึ กโรมิ, เทวา’’ติ อาห. เอตํ ‘‘ตาปสํ อาเนหี’’ติ. โส ‘‘สาธุ, เทวา’’ติ โพธิสตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา หตฺถโต ภิกฺขาภาชนํ คเหตฺวา ‘‘กึ, มหาปุฺา’’ติ วุตฺเต ‘‘ภนฺเต, ราชา ตํ ปกฺโกสตี’’ติ อาห. โพธิสตฺโต ‘‘น มยํ ราชกุลูปกา, เหมวนฺติกา นามมฺหา’’ติ อาห. อมจฺโจ คนฺตฺวา ตมตฺถํ รฺโ อาโรเจสิ. ราชา ‘‘อฺโ อมฺหากํ กุลูปโก นตฺถิ, อาเนหิ น’’นฺติ อาห. อมจฺโจ คนฺตฺวา โพธิสตฺตํ วนฺทิตฺวา ยาจิตฺวา ราชนิเวสนํ ปเวเสสิ.

ราชา โพธิสตฺตํ วนฺทิตฺวา สมุสฺสิตเสตจฺฉตฺเต กฺจนปลฺลงฺเก นิสีทาเปตฺวา อตฺตโน ปฏิยตฺตํ นานคฺครสโภชนํ โภเชตฺวา ‘‘กหํ, ภนฺเต, วสถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘เหมวนฺติกา มยํ, มหาราชา’’ติ. ‘‘อิทานิ กหํ คจฺฉถา’’ติ? ‘‘วสฺสารตฺตานุรูปํ เสนาสนํ อุปธาเรม, มหาราชา’’ติ. ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, อมฺหากฺเว อุยฺยาเน วสถา’’ติ ปฏิฺํ คเหตฺวา สยมฺปิ ภุฺชิตฺวา โพธิสตฺตํ อาทาย อุยฺยานํ คนฺตฺวา ปณฺณสาลํ มาเปตฺวา รตฺติฏฺานทิวาฏฺานาปิ กาเรตฺวา ปพฺพชิตปริกฺขาเร ทตฺวา อุยฺยานปาลํ ปฏิจฺฉาเปตฺวา นครํ ปาวิสิ. ตโต ปฏฺาย โพธิสตฺโต อุยฺยาเน วสติ. ราชาปิสฺส ทิวเส ทิวเส ทฺวตฺติกฺขตฺตุํ อุปฏฺานํ คจฺฉติ.

ตสฺส ปน รฺโ ทุฏฺกุมาโร นาม ปุตฺโต อโหสิ จณฺโฑ ผรุโส, เนว นํ ราชา ทเมตุํ อสกฺขิ, น เสสาตกา. อมจฺจาปิ พฺราหฺมณคหปติกาปิ เอกโต หุตฺวา ‘‘สามิ, มา เอวํ กริ, เอวํ กาตุํ น ลพฺภา’’ติ กุชฺฌิตฺวา กเถนฺตาปิ กถํ คาหาเปตุํ นาสกฺขึสุ. ราชา จินฺเตสิ ‘‘เปตฺวา มม อยฺยํ หิมวนฺตตาปสํ อฺโ อิมํ กุมารํ ทเมตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ, โสเยว นํ ทเมสฺสตี’’ติ. โส กุมารํ อาทาย โพธิสตฺตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘ภนฺเต, อยํ กุมาโร จณฺโฑ ผรุโส, มยํ อิมํ ทเมตุํ น สกฺโกม, ตุมฺเห นํ เอเกน อุปาเยน สิกฺขาเปถา’’ติ กุมารํ โพธิสตฺตสฺส นิยฺยาเทตฺวา ปกฺกามิ. โพธิสตฺโต กุมารํ คเหตฺวา อุยฺยาเน วิจรนฺโต เอกโต เอเกน, เอกโต เอเกนาติ ทฺวีหิเยว ปตฺเตหิ เอกํ นิมฺพโปตกํ ทิสฺวา กุมารํ อาห – ‘‘กุมาร, เอตสฺส ตาว รุกฺขโปตกสฺส ปณฺณํ ขาทิตฺวา รสํ ชานาหี’’ติ? โส ตสฺส เอกํ ปตฺตํ ขาทิตฺวา รสํ ตฺวา ‘‘ธี’’ติ สห เขเฬน ภูมิยํ นุฏฺาภิ. ‘‘กึ เอตํ, กุมารา’’ติ วุตฺเต ‘‘ภนฺเต, อิทาเนเวส รุกฺโข หลาหลวิสูปโม, วฑฺฒนฺโต ปน พหู มนุสฺเส มาเรสฺสตี’’ติ ตํ นิมฺพโปตกํ อุปฺปาเฏตฺวา หตฺเถหิ ปริมทฺทิตฺวา อิมํ คาถมาห –

๑๔๙.

‘‘เอกปณฺโณ อยํ รุกฺโข, น ภูมฺยา จตุรงฺคุโล;

ผเลน วิสกปฺเปน, มหายํ กึ ภวิสฺสตี’’ติ.

ตตฺถ เอกปณฺโณติ อุโภสุ ปสฺเสสุ เอเกกปณฺโณ. น ภูมฺยา จตุรงฺคุโลติ ภูมิโต จตุรงฺคุลมตฺตมฺปิ น วฑฺฒิโต. ผเลนาติ ผลรเสน. วิสกปฺเปนาติ หลาหลวิสสทิเสน. เอวํ ขุทฺทโกปิ สมาโน เอวรูเปน ติตฺตเกน ปณฺเณน สมนฺนาคโตติ อตฺโถ. มหายํ กึ ภวิสฺสตีติ ยทา ปนายํ วุทฺธิปฺปตฺโต มหา ภวิสฺสติ, ตทา กึ นาม ภวิสฺสติ, อทฺธา มนุสฺสมารโก ภวิสฺสตีติ เอตํ อุปฺปาเฏตฺวา มทฺทิตฺวา ฉฑฺเฑสินฺติ อาห.

อถ นํ โพธิสตฺโต เอตทโวจ ‘‘กุมาร, ตฺวํ อิมํ นิมฺพโปตกํ ‘อิทาเนว เอวํติตฺตโก, มหลฺลกกาเล กึ ภวิสฺสติ, กุโต อิมํ นิสฺสาย วุฑฺฒี’ติ อุปฺปาเฏตฺวา มทฺทิตฺวา ฉฑฺเฑสิ? ยถา ตฺวํ เอตสฺมึ ปฏิปชฺชิ, เอวเมว ตว รฏฺวาสิโนปิ ‘อยํ กุมาโร ทหรกาเลเยว เอวํ จณฺโฑ ผรุโส, มหลฺลกกาเล รชฺชํ ปตฺวา กึ นาม กริสฺสติ, กุโต อมฺหากํ เอตํ นิสฺสาย วุฑฺฒี’ติ ตว กุลสนฺตกํ รชฺชํ อทตฺวา นิมฺพโปตกํ วิย ตํ อุปฺปาเฏตฺวา รฏฺา ปพฺพาชนียกมฺมํ กริสฺสนฺติ, ตสฺมา นิมฺพรุกฺขปฏิภาคตํ หิตฺวา อิโต ปฏฺาย ขนฺติเมตฺตานุทฺทยสมฺปนฺโน โหหี’’ติ. โส ตโต ปฏฺาย นิหตมาโน นิพฺพิเสวโน ขนฺติเมตฺตานุทฺทยสมฺปนฺโน หุตฺวา โพธิสตฺตสฺส โอวาเท ตฺวา ปิตุ อจฺจเยน รชฺชํ ปตฺวา ทานาทีนิ ปุฺานิ กตฺวา ยถากมฺมํ อคมาสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนเวส ทุฏฺลิจฺฉวิกุมาโร มยา ทมิโต, ปุพฺเพปาหํ เอตํ ทเมสึเยวา’’ติ วตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ทุฏฺกุมาโร อยํ ลิจฺฉวิกุมาโร อโหสิ, ราชา อานนฺโท, โอวาททายกตาปโส ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

เอกปณฺณชาตกวณฺณนา นวมา.

[๑๕๐] ๑๐. สฺชีวชาตกวณฺณนา

อสนฺตํ โย ปคฺคณฺหาตีติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต อชาตสตฺตุสฺส รฺโ อสนฺตปคฺคหํ อารพฺภ กเถสิ. โส หิ พุทฺธานํ ปฏิกณฺฏกภูเต ทุสฺสีเล ปาปธมฺเม เทวทตฺเต ปสีทิตฺวา ตํ อสนฺตํ อสปฺปุริสํ ปคฺคยฺห ‘‘ตสฺส สกฺการํ กริสฺสามี’’ติ พหุํ ธนํ ปริจฺจชิตฺวา คยาสีเส วิหารํ กาเรตฺวา ตสฺเสว วจนํ คเหตฺวา ปิตรํ ธมฺมราชานํ โสตาปนฺนํ อริยสาวกํ ฆาเตตฺวา อตฺตโน โสตาปตฺติมคฺคสฺส อุปนิสฺสยํ ภินฺทิตฺวา มหาวินาสํ ปตฺโต. โส หิ ‘‘เทวทตฺโต ปถวิยํ ปวิฏฺโ’’ติ สุตฺวา ‘‘กจฺจิ นุ โข มมฺปิ ปถวี คิเลยฺยา’’ติ ภีตตสิโต รชฺชสุขํ น ลภติ, สยเน อสฺสาทสุขํ น วินฺทติ, ติพฺพการณาภิตุนฺโน หตฺถิโปโต วิย กมฺปมาโน วิจรติ. โส ปถวึ ผลมานํ วิย, อวีจิชาลํ นิกฺขมนฺตึ วิย, ปถวิยา อตฺตานํ คิลิยมานํ วิย, อาทิตฺตาย โลหปถวิยา อุตฺตานกํ นิปชฺชาเปตฺวา อยสูเลหิ โกฏิยมานํ วิย จ สมนุปสฺสิ. เตนสฺส ปหฏกุกฺกุฏสฺเสว มุหุตฺตมฺปิ กมฺปมานสฺส อวตฺถานํ นาม นาโหสิ. โส สมฺมาสมฺพุทฺธํ ปสฺสิตุกาโม ขมาเปตุกาโม ปฺหํ ปุจฺฉิตุกาโม อโหสิ, อตฺตโน ปน อปราธมหนฺตตาย อุปสงฺกมิตุํ น สกฺโกติ.

อถสฺส ราชคหนคเร กตฺติกรตฺติวาเร สมฺปตฺเต เทวนครํ วิย นคเร อลงฺกเต มหาตเล อมจฺจคณปริวุตสฺส กฺจนาสเน นิสินฺนสฺส ชีวกํ โกมารภจฺจํ อวิทูเร นิสินฺนํ ทิสฺวา เอตทโหสิ ‘‘ชีวกํ คเหตฺวา สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สนฺติกํ คมิสฺสามิ, น โข ปน สกฺกา มยา อุชุกเมว วตฺตุํ ‘อหํ, สมฺม ชีวก, สยํ คนฺตุํ น สกฺโกมิ, เอหิ มํ สตฺถุ สนฺติกํ เนหี’ติ, ปริยาเยน ปน รตฺติสมฺปทํ วณฺเณตฺวา ‘กํ นุ ขฺวชฺช มยํ สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา ปยิรุปาเสยฺยาม, ยํ โน ปยิรุปาสตํ จิตฺตํ ปสีเทยฺยา’ติ วกฺขามิ, ตํ สุตฺวา อมจฺจา อตฺตโน อตฺตโน สตฺถารานํ วณฺณํ กเถสฺสนฺติ, ชีวโกปิ สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส วณฺณํ กเถสฺสติ. อถ นํ คเหตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คมิสฺสามี’’ติ. โส ปฺจหิ ปเทหิ รตฺตึ วณฺเณสิ ‘‘ลกฺขฺา วต โภ โทสินา รตฺติ, อภิรูปา วต โภ โทสินา รตฺติ, ทสฺสนียา วต โภ โทสินา รตฺติ, ปาสาทิกา วต โภ โทสินา รตฺติ, รมณียา วต โภ โทสินา รตฺติ, กํ นุ ขฺวชฺช มยํ สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา ปยิรุปาเสยฺยาม, ยํ โน ปยิรุปาสตํ จิตฺตํ ปสีเทยฺยา’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๕๐).

อเถโก อมจฺโจ ปูรณกสฺสปสฺส วณฺณํ กเถสิ, เอโก มกฺขลิโคสาลสฺส, เอโก อชิตเกสกมฺพลสฺส, เอโก ปกุธกจฺจายนสฺส, เอโก สฺจยสฺส เพลฏฺปุตฺตสฺส, เอโก นาฏปุตฺตนิคณฺสฺสาติ. ราชา เตสํ กถํ สุตฺวา ตุณฺหี อโหสิ. โส หิ ชีวกสฺเสว มหาอมจฺจสฺส กถํ ปจฺจาสีสติ. ชีวโกปิ ‘‘รฺา มํ อารพฺภ กถิเตเยว ชานิสฺสามี’’ติ อวิทูเร ตุณฺหี นิสีทิ. อถ นํ ราชา อาห ‘‘ตฺวํ ปน, สมฺม ชีวก, กึ ตุณฺหี’’ติ? ตสฺมึ ขเณ ชีวโก อุฏฺายาสนา เยน ภควา เตนฺชลึ ปณาเมตฺวา ‘‘เอโส, เทว, ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ อมฺหากํ อมฺพวเน วิหรติ สทฺธึ อฑฺฒเตฬเสหิ ภิกฺขุสเตหิ. ตํ โข ปน ภควนฺตํ เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต’’ติ นว อรหาทิคุเณ วตฺวา ชาติโต ปฏฺาย ปุพฺพนิมิตฺตาทิเภทํ ภควโต อานุภาวํ ปกาเสตฺวา ‘‘ตํ ภควนฺตํ เทโว ปยิรุปาสตุ, ธมฺมํ สุณาตุ, ปฺหํ ปุจฺฉตู’’ติ อาห.

ราชา สมฺปุณฺณมโนรโถ หุตฺวา ‘‘เตน หิ, สมฺม ชีวก, หตฺถิยานานิ กปฺปาเปหี’’ติ ยานานิ กปฺปาเปตฺวา มหนฺเตน ราชานุภาเวน ชีวกมฺพวนํ คนฺตฺวา ตตฺถ มณฺฑลมาเฬ ภิกฺขุสงฺฆปริวุตํ ตถาคตํ ทิสฺวา สนฺตวีจิมชฺเฌ มหานาวํ วิย นิจฺจลํ ภิกฺขุสงฺฆํ อิโต จิโต จ อนุวิโลเกตฺวา ‘‘เอวรูปา นาม เม ปริสา น ทิฏฺปุพฺพา’’ติ อิริยาปเถเยว ปสีทิตฺวา สงฺฆสฺส อฺชลึ ปคฺคณฺหิตฺวา ถุตึ กตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺโน สามฺผลปฺหํ ปุจฺฉิ. อถสฺส ภควา ทฺวีหิ ภาณวาเรหิ ปฏิมณฺฑิตํ สามฺผลสุตฺตํ (ที. นิ. ๑.๑๕๐ อาทโย) กเถสิ. โส สุตฺตปริโยสาเน อตฺตมโน ภควนฺตํ ขมาเปตฺวา อุฏฺายาสนา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิ. สตฺถา อจิรปกฺกนฺตสฺส รฺโ ภิกฺขู อามนฺเตตฺวา ‘‘ขตายํ, ภิกฺขเว, ราชา, อุปหตายํ, ภิกฺขเว, ราชา. สจายํ, ภิกฺขเว, ราชา อิสฺสริยสฺส การณา ปิตรํ ธมฺมิกํ ธมฺมราชานํ ชีวิตา น โวโรเปสฺสถ, อิมสฺมึเยว อาสเน วิรชํ วีตมลํ ธมฺมจกฺขุํ อุปฺปชฺชิสฺสถ. เทวทตฺตํ นิสฺสาย อสนฺตปคฺคหํ กตฺวา โสตาปตฺติผลา ปริหีโน’’ติ อาห.

ปุนทิวเส ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, อชาตสตฺตุ กิร อสนฺตปคฺคหํ กตฺวา ทุสฺสีลํ ปาปธมฺมํ เทวทตฺตํ นิสฺสาย ปิตุฆาตกกมฺมสฺส กตตฺตา โสตาปตฺติผลา ปริหีโน, เทวทตฺเตน นาสิโต ราชา’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อชาตสตฺตุ อิทาเนว อสนฺตปคฺคหํ กตฺวา มหาวินาสํ ปตฺโต, ปุพฺเพเปส อสนฺตปคฺคเหเนว อตฺตานํ นาเสสี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต มหาวิภเว พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา พาราณสิยํ ทิสาปาโมกฺโข อาจริโย หุตฺวา ปฺจ มาณวกสตานิ สิปฺปํ วาเจสิ. เตสุ มาณเวสุ เอโก สฺชีโว นาม มาณโว อตฺถิ, โพธิสตฺโต ตสฺส มตกุฏฺาปนกมนฺตํ อทาสิ. โส อุฏฺาปนกมนฺตเมว คเหตฺวา ปฏิพาหนมนฺตํ ปน อคฺคเหตฺวาว เอกทิวสํ มาณเวหิ สทฺธึ ทารุอตฺถาย อรฺํ คนฺตฺวา เอกํ มตพฺยคฺฆํ ทิสฺวา มาณเว อาห ‘‘โภ, อิมํ มตพฺยคฺฆํ อุฏฺาเปสฺสามี’’ติ. มาณวา ‘‘น สกฺขิสฺสสี’’ติ อาหํสุ. ‘‘ปสฺสนฺตานฺเว โว ตํ อุฏฺาเปสฺสามี’’ติ. ‘‘สเจ, มาณว, สกฺโกสิ, อุฏฺาเปหี’’ติ. เอวฺจ ปน วตฺวา เต มาณวา รุกฺขํ อภิรุหึสุ. สฺชีโว มนฺตํ ปริวตฺเตตฺวา มตพฺยคฺฆํ สกฺขราหิ ปหริ, พฺยคฺโฆ อุฏฺาย เวเคนาคนฺตฺวา สฺชีวํ คลนาฬิยํ ฑํสิตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปตฺวา ตตฺเถว ปติ, สฺชีโวปิ ตตฺเถว ปติ. อุโภปิ เอกฏฺาเนเยว มตา นิปชฺชึสุ.

มาณวา ทารูนิ อาทาย อาคนฺตฺวา ตํ ปวตฺตึ อาจริยสฺส อาโรเจสุํ. อาจริโย มาณเว อามนฺเตตฺวา ‘‘ตาตา, อสนฺตปคฺคหการา นาม อยุตฺตฏฺาเน สกฺการสมฺมานํ กโรนฺตา เอวรูปํ ทุกฺขํ ปฏิลภนฺติเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๑๕๐.

‘‘อสนฺตํ โย ปคฺคณฺหาติ, อสนฺตํ จูปเสวติ;

ตเมว ฆาสํ กุรุเต, พฺยคฺโฆ สฺชีวิโก ยถา’’ติ.

ตตฺถ อสนฺตนฺติ ตีหิ ทุจฺจริเตหิ สมนฺนาคตํ ทุสฺสีลํ ปาปธมฺมํ. โย ปคฺคณฺหาตีติ ขตฺติยาทีสุ โย โกจิ เอวรูปํ ทุสฺสีลํ ปพฺพชิตํ วา จีวราทิสมฺปทาเนน, คหฏฺํ วา อุปรชฺชเสนาปติฏฺานาทิสมฺปทาเนน ปคฺคณฺหาติ, สกฺการสมฺมานํ กโรตีติ อตฺโถ. อสนฺตํ จูปเสวตีติ โย จ เอวรูปํ อสนฺตํ ทุสฺสีลํ อุปเสวติ ภชติ ปยิรุปาสติ. ตเมว ฆาสํ กุรุเตติ ตเมว อสนฺตปคฺคณฺหกํ โส ทุสฺสีโล ปาปปุคฺคโล ฆสติ สํขาทติ วินาสํ ปาเปติ. กถํ? พฺยคฺโฆ สฺชีวิโก ยถาติ, ยถา สฺชีเวน มาณเวน มนฺตํ ปริวตฺเตตฺวา มตพฺยคฺโฆ สฺชีวิโก ชีวิตสมฺปทาเนน สมฺปคฺคหิโต อตฺตโน ชีวิตทายกํ สฺชีวเมว ชีวิตา โวโรเปตฺวา ตตฺเถว ปาเตสิ, เอวํ อฺโปิ โย อสนฺตปคฺคหํ กโรติ, โส ทุสฺสีโล ตํ อตฺตโน สมฺปคฺคาหกเมว วินาเสติ. เอวํ อสนฺตสมฺปคฺคาหกา วินาสํ ปาปุณนฺตีติ.

โพธิสตฺโต อิมาย คาถาย มาณวานํ ธมฺมํ เทเสตฺวา ทานาทีนิ ปุฺานิ กตฺวา ยถากมฺมํ คโต.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา มตพฺยคฺฆุฏฺาปนโก มาณโว อชาตสตฺตุ อโหสิ, ทิสาปาโมกฺโข อาจริโย ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

สฺชีวชาตกวณฺณนา ทสมา.

กกณฺฏกวคฺโค ปนฺนรสโม.

ตสฺสุทฺทานํ –

โคธสิงฺคาลวิโรจํ, นงฺคุฏฺราธกากฺจ;

ปุปฺผรตฺตฺจ สิงฺคาลํ, เอกปณฺณฺจ สฺชีวํ.

อถ วคฺคุทฺทานํ –

อปณฺณโก สีลวคฺโค, กุรุงฺโค จ กุลาวโก;

อตฺถกาโม จ อาสีโส, อิตฺถีวรุณปายิมฺหา.

ลิตฺโต ปโรสตํ หํจิ, กุสนาฬา สมฺปทาโน;

กกณฺฏโก ปนฺนรส, สตปณฺณาส ชาตกาติ.

เอกกนิปาตวณฺณนา นิฏฺิตา.

(ปโม ภาโค นิฏฺิโต).