📜
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
ขุทฺทกนิกาเย
ชาตก-อฏฺกถา
(ปโม ภาโค)
คนฺถารมฺภกถา
ชาติโกฏิสหสฺเสหิ ¶ ¶ ¶ , ปมาณรหิตํ หิตํ;
โลกสฺส โลกนาเถน, กตํ เยน มเหสินา.
ตสฺส ปาเท นมสฺสิตฺวา, กตฺวา ธมฺมสฺส จฺชลึ;
สงฺฆฺจ ปติมาเนตฺวา, สพฺพสมฺมานภาชนํ.
นมสฺสนาทิโน ¶ อสฺส, ปฺุสฺส รตนตฺตเย;
ปวตฺตสฺสานุภาเวน, เฉตฺวา สพฺเพ อุปทฺทเว.
ตํ ตํ การณมาคมฺม, เทสิตานิ ชุตีมตา;
อปณฺณกาทีนิ ปุรา, ชาตกานิ มเหสินา.
ยานิ เยสุ จิรํ สตฺถา, โลกนิตฺถรณตฺถิโก;
อนนฺเต โพธิสมฺภาเร, ปริปาเจสิ นายโก.
ตานิ สพฺพานิ เอกชฺฌํ, อาโรเปนฺเตหิ สงฺคหํ;
ชาตกํ นาม สงฺคีตํ, ธมฺมสงฺคาหเกหิ ยํ.
พุทฺธวํสสฺส เอตสฺส, อิจฺฉนฺเตน จิรฏฺิตึ;
ยาจิโต อภิคนฺตฺวาน, เถเรน อตฺถทสฺสินา.
อสํสฏฺวิหาเร ¶ , สทา สุทฺธวิหารินา;
ตเถว พุทฺธมิตฺเตน, สนฺตจิตฺเตน วิฺุนา.
มหึสาสกวํสมฺหิ, สมฺภูเตน นยฺุนา;
พุทฺธเทเวน จ ตถา, ภิกฺขุนา สุทฺธพุทฺธินา.
มหาปุริสจริยานํ, อานุภาวํ อจินฺติยํ;
ตสฺส วิชฺโชตยนฺตสฺส, ชาตกสฺสตฺถวณฺณนํ.
มหาวิหารวาสีนํ, วาจนามคฺคนิสฺสิตํ;
ภาสิสฺสํ ภาสโต ตํ เม, สาธุ คณฺหนฺตุ สาธโวติ.
นิทานกถา
สา ¶ ¶ ปนายํ ชาตกสฺส อตฺถวณฺณนา ทูเรนิทานํ, อวิทูเรนิทานํ, สนฺติเกนิทานนฺติ อิมานิ ตีณิ นิทานานิ ทสฺเสตฺวา วณฺณิยมานา เย นํ สุณนฺติ, เตหิ สมุทาคมโต ปฏฺาย วิฺาตตฺตา ยสฺมา สุฏฺุ วิฺาตา นาม โหติ, ตสฺมา ตํ ตานิ นิทานานิ ทสฺเสตฺวา วณฺณยิสฺสาม.
ตตฺถ อาทิโต ตาว เตสํ นิทานานํ ปริจฺเฉโท เวทิตพฺโพ. ทีปงฺกรปาทมูลสฺมิฺหิ กตาภินีหารสฺส มหาสตฺตสฺส ยาว เวสฺสนฺตรตฺตภาวา จวิตฺวา ตุสิตปุเร นิพฺพตฺติ, ตาว ปวตฺโต กถามคฺโค ทูเรนิทานํ นาม. ตุสิตภวนโต ปน จวิตฺวา ยาว โพธิมณฺเฑ สพฺพฺุตปฺปตฺติ, ตาว ปวตฺโต กถามคฺโค อวิทูเรนิทานํ นาม. สนฺติเกนิทานํ ปน เตสุ เตสุ าเนสุ วิหรโต ตสฺมึ ตสฺมึเยว าเน ลพฺภตีติ.
๑. ทูเรนิทานกถา
ตตฺริทํ ทูเรนิทานํ นาม – อิโต กิร กปฺปสตสหสฺสาธิกานํ จตุนฺนํ อสงฺขฺเยยฺยานํ มตฺถเก อมรวตี นาม นครํ อโหสิ. ตตฺถ สุเมโธ นาม พฺราหฺมโณ ปฏิวสติ อุภโต สุชาโต มาติโต ¶ จ ปิติโต จ สํสุทฺธคหณิโก ยาว สตฺตมา กุลปริวฏฺฏา อกฺขิตฺโต อนุปกุฏฺโ ชาติวาเทน อภิรูโป ทสฺสนีโย ปาสาทิโก ปรมาย วณฺณโปกฺขรตาย สมนฺนาคโต. โส อฺํ กมฺมํ อกตฺวา พฺราหฺมณสิปฺปเมว อุคฺคณฺหิ. ตสฺส ทหรกาเลเยว มาตาปิตโร กาลมกํสุ. อถสฺส ราสิวฑฺฒโก อมจฺโจ อายโปตฺถกํ อาหริตฺวา สุวณฺณรชตมณิมุตฺตาทิภริเต คพฺเภ วิวริตฺวา ‘‘เอตฺตกํ เต, กุมาร, มาตุ สนฺตกํ, เอตฺตกํ ปิตุ สนฺตกํ, เอตฺตกํ อยฺยกปยฺยกาน’’นฺติ ยาว สตฺตมา กุลปริวฏฺฏา ธนํ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘เอตํ ปฏิปชฺชาหี’’ติ อาห. สุเมธปณฺฑิโต จินฺเตสิ – ‘‘อิมํ ธนํ สํหริตฺวา มยฺหํ ปิตุปิตามหาทโย ปรโลกํ คจฺฉนฺตา เอกํ กหาปณมฺปิ คเหตฺวา น คตา, มยา ปน คเหตฺวา คมนการณํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส รฺโ อาโรเจตฺวา นคเร เภรึ จราเปตฺวา มหาชนสฺส ทานํ ทตฺวา ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิ. อิมสฺส ปนตฺถสฺส อาวิภาวตฺถํ อิมสฺมึ าเน สุเมธกถา กเถตพฺพา ¶ . สา ปเนสา กิฺจาปิ พุทฺธวํเส นิรนฺตรํ อาคตาเยว, คาถาสมฺพนฺเธน ปน อาคตตฺตา น สุฏฺุ ปากฏา. ตสฺมา ตํ อนฺตรนฺตรา คาถาย สมฺพนฺธทีปเกหิ วจเนหิ สทฺธึ กเถสฺสาม.
สุเมธกถา
กปฺปสตสหสฺสาธิกานฺหิ จตุนฺนํ อสงฺขฺเยยฺยานํ มตฺถเก ทสหิ สทฺเทหิ อวิวิตฺตํ ‘‘อมรวตี’’ติ จ ‘‘อมร’’นฺติ จ ลทฺธนามํ นครํ อโหสิ, ยํ สนฺธาย พุทฺธวํเส วุตฺตํ –
‘‘กปฺเป ¶ จ สตสหสฺเส, จตุโร จ อสงฺขิเย;
อมรํ นาม นครํ, ทสฺสเนยฺยํ มโนรมํ;
ทสหิ สทฺเทหิ อวิวิตฺตํ, อนฺนปานสมายุต’’นฺติ.
ตตฺถ ทสหิ สทฺเทหิ อวิวิตฺตนฺติ หตฺถิสทฺเทน, อสฺสสทฺเทน, รถสทฺเทน, เภริสทฺเทน, มุทิงฺคสทฺเทน, วีณาสทฺเทน, สมฺมสทฺเทน, ตาฬสทฺเทน, สงฺขสทฺเทน ‘‘อสฺนาถ, ปิวถ, ขาทถา’’ติ ทสเมน สทฺเทนาติ อิเมหิ ทสหิ สทฺเทหิ อวิวิตฺตํ อโหสิ. เตสํ ปน สทฺทานํ เอกเทสเมว คเหตฺวา –
‘‘หตฺถิสทฺทํ ¶ อสฺสสทฺทํ, เภริสงฺขรถานิ จ;
ขาทถ ปิวถ เจว, อนฺนปาเนน โฆสิต’’นฺติ. –
พุทฺธวํเส อิมํ คาถํ วตฺวา –
‘‘นครํ สพฺพงฺคสมฺปนฺนํ, สพฺพกมฺมมุปาคตํ;
สตฺตรตนสมฺปนฺนํ, นานาชนสมากุลํ;
สมิทฺธํ เทวนครํว, อาวาสํ ปฺุกมฺมินํ.
‘‘นคเร อมรวติยา, สุเมโธ นาม พฺราหฺมโณ;
อเนกโกฏิสนฺนิจโย, ปหูตธนธฺวา.
‘‘อชฺฌายโก ¶ มนฺตธโร, ติณฺณํ เวทาน ปารคู;
ลกฺขเณ อิติหาเส จ, สธมฺเม ปารมึ คโต’’ติ. – วุตฺตํ;
อเถกทิวสํ โส สุเมธปณฺฑิโต อุปริปาสาทวรตเล รโหคโต หุตฺวา ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา นิสินฺโน จินฺเตสิ – ‘‘ปุนพฺภเว, ปณฺฑิต, ปฏิสนฺธิคฺคหณํ นาม ทุกฺขํ, ตถา นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน สรีรเภทนํ, อหฺจ ชาติธมฺโม ชราธมฺโม พฺยาธิธมฺโม มรณธมฺโม, เอวํภูเตน มยา อชาตึ อชรํ อพฺยาธึ อทุกฺขํ สุขํ สีตลํ อมตมหานิพฺพานํ ปริเยสิตุํ วฏฺฏติ, อวสฺสํ ภวโต มุจฺจิตฺวา นิพฺพานคามินา เอเกน มคฺเคน ภวิตพฺพ’’นฺติ. เตน วุตฺตํ –
‘‘รโหคโต นิสีทิตฺวา, เอวํ จินฺเตสหํ ตทา;
ทุกฺโข ปุนพฺภโว นาม, สรีรสฺส จ เภทนํ.
‘‘ชาติธมฺโม ชราธมฺโม, พฺยาธิธมฺโม สหํ ตทา;
อชรํ อมตํ เขมํ, ปริเยสิสฺสามิ นิพฺพุตึ.
‘‘ยํนูนิมํ ปูติกายํ, นานากุณปปูริตํ;
ฉฑฺฑยิตฺวาน คจฺเฉยฺยํ, อนเปกฺโข อนตฺถิโก.
‘‘อตฺถิ ¶ เหหิติ โส มคฺโค, น โส สกฺกา น เหตุเย;
ปริเยสิสฺสามิ ตํ มคฺคํ, ภวโต ปริมุตฺติยา’’ติ.
ตโต ¶ อุตฺตริปิ เอวํ จินฺเตสิ – ยถา หิ โลเก ทุกฺขสฺส ปฏิปกฺขภูตํ สุขํ นาม อตฺถิ, เอวํ ภเว สติ ตปฺปฏิปกฺเขน วิภเวนาปิ ภวิตพฺพํ. ยถา จ อุณฺเห สติ ตสฺส วูปสมภูตํ สีตมฺปิ อตฺถิ, เอวํ ราคาทีนํ อคฺคีนํ วูปสเมน นิพฺพาเนนาปิ ภวิตพฺพํ. ยถา จ ปาปสฺส ลามกสฺส ธมฺมสฺส ปฏิปกฺขภูโต กลฺยาโณ อนวชฺชธมฺโมปิ อตฺถิเยว, เอวเมว ปาปิกาย ชาติยา สติ สพฺพชาติกฺเขปนโต อชาติสงฺขาเตน นิพฺพาเนนาปิ ภวิตพฺพเมวาติ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ยถาปิ ¶ ทุกฺเข วิชฺชนฺเต, สุขํ นามปิ วิชฺชติ;
เอวํ ภเว วิชฺชมาเน, วิภโวปิ อิจฺฉิตพฺพโก.
‘‘ยถาปิ อุณฺเห วิชฺชนฺเต, อปรํ วิชฺชติ สีตลํ;
เอวํ ติวิธคฺคิ วิชฺชนฺเต, นิพฺพานํ อิจฺฉิตพฺพกํ.
‘‘ยถาปิ ปาเป วิชฺชนฺเต, กลฺยาณมปิ วิชฺชติ;
เอวเมว ชาติ วิชฺชนฺเต, อชาติปิจฺฉิตพฺพก’’นฺติ.
อปรมฺปิ จินฺเตสิ – ยถา นาม คูถราสิมฺหิ นิมุคฺเคน ปุริเสน ทูรโต ปฺจวณฺณปทุมสฺฉนฺนํ มหาตฬากํ ทิสฺวา ‘‘กตเรน นุ โข มคฺเคน เอตฺถ คนฺตพฺพ’’นฺติ ตํ ตฬากํ คเวสิตุํ ยุตฺตํ. ยํ ตสฺส อคเวสนํ, น โส ตฬากสฺส โทโส. เอวเมว กิเลสมลโธวเน อมตมหานิพฺพานตฬาเก วิชฺชนฺเต ตสฺส อคเวสนํ น อมตนิพฺพานมหาตฬากสฺส โทโส. ยถา จ โจเรหิ สมฺปริวาริโต ปุริโส ปลายนมคฺเค วิชฺชมาเนปิ สเจ น ปลายติ, น โส มคฺคสฺส โทโส, ปุริสสฺเสว โทโส. เอวเมว กิเลเสหิ ปริวาเรตฺวา คหิตสฺส ปุริสสฺส วิชฺชมาเนเยว นิพฺพานคามิมฺหิ สิเว มคฺเค มคฺคสฺส อคเวสนํ นาม น มคฺคสฺส โทโส, ปุคฺคลสฺเสว โทโส. ยถา จ พฺยาธิปีฬิโต ปุริโส วิชฺชมาเน พฺยาธิติกิจฺฉเก เวชฺเช สเจ ตํ เวชฺชํ คเวสิตฺวา พฺยาธึ น ติกิจฺฉาเปติ, น โส เวชฺชสฺส โทโส, ปุริสสฺเสว โทโส. เอวเมว โย กิเลสพฺยาธิปีฬิโต ปุริโส กิเลสวูปสมมคฺคโกวิทํ วิชฺชมานเมว อาจริยํ น คเวสติ, ตสฺเสว โทโส, น กิเลสวินาสกสฺส อาจริยสฺสาติ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ยถา คูถคโต ปุริโส, ตฬากํ ทิสฺวาน ปูริตํ;
น คเวสติ ตํ ตฬากํ, น โทโส ตฬากสฺส โส.
‘‘เอวํ ¶ กิเลสมลโธเว, วิชฺชนฺเต อมตนฺตเฬ;
น คเวสติ ตํ ตฬากํ, น โทโส อมตนฺตเฬ.
‘‘ยถา ¶ อรีหิ ปริรุทฺโธ, วิชฺชนฺเต คมนมฺปเถ;
น ปลายติ โส ปุริโส, น โทโส อฺชสสฺส โส.
‘‘เอวํ ¶ กิเลสปริรุทฺโธ, วิชฺชมาเน สิเว ปเถ;
น คเวสติ ตํ มคฺคํ, น โทโส สิวมฺชเส.
‘‘ยถาปิ พฺยาธิโต ปุริโส, วิชฺชมาเน ติกิจฺฉเก;
น ติกิจฺฉาเปติ ตํ พฺยาธึ, น โทโส โส ติกิจฺฉเก.
‘‘เอวํ กิเลสพฺยาธีหิ, ทุกฺขิโต ปริปีฬิโต;
น คเวสติ ตํ อาจริยํ, น โทโส โส วินายเก’’ติ.
อปรมฺปิ จินฺเตสิ – ยถา มณฺฑนชาติโก ปุริโส กณฺเ อาสตฺตํ กุณปํ ฉฑฺเฑตฺวา สุขี คจฺฉติ, เอวํ มยาปิ อิมํ ปูติกายํ ฉฑฺเฑตฺวา อนเปกฺเขน นิพฺพานนครํ ปวิสิตพฺพํ. ยถา จ นรนาริโย อุกฺการภูมิยํ อุจฺจารปสฺสาวํ กตฺวา น ตํ อุจฺฉงฺเคน วา อาทาย ทสนฺเตน วา เวเตฺวา คจฺฉนฺติ, ชิคุจฺฉมานา ปน อนเปกฺขาว ฉฑฺเฑตฺวา คจฺฉนฺติ, เอวํ มยาปิ อิมํ ปูติกายํ อนเปกฺเขน ฉฑฺเฑตฺวา อมตํ นิพฺพานนครํ ปวิสิตุํ วฏฺฏติ. ยถา จ นาวิกา นาม ชชฺชรํ นาวํ อนเปกฺขา ฉฑฺเฑตฺวา คจฺฉนฺติ, เอวํ อหมฺปิ อิมํ นวหิ วณมุเขหิ ปคฺฆรนฺตํ กายํ ฉฑฺเฑตฺวา อนเปกฺโข นิพฺพานปุรํ ปวิสิสฺสามิ. ยถา จ ปุริโส นานารตนานิ อาทาย โจเรหิ สทฺธึ มคฺคํ คจฺฉนฺโต อตฺตโน รตนนาสภเยน เต ฉฑฺเฑตฺวา เขมํ มคฺคํ คณฺหาติ, เอวํ อยมฺปิ กรชกาโย รตนวิโลปกโจรสทิโส. สจาหํ เอตฺถ ตณฺหํ กริสฺสามิ, อริยมคฺคกุสลธมฺมรตนํ เม นสฺสิสฺสติ. ตสฺมา มยา อิมํ โจรสทิสํ กายํ ฉฑฺเฑตฺวา นิพฺพานนครํ ปวิสิตุํ วฏฺฏตีติ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ยถาปิ กุณปํ ปุริโส, กณฺเ พทฺธํ ชิคุจฺฉิย;
โมจยิตฺวาน คจฺเฉยฺย, สุขี เสรี สยํวสี.
‘‘ตเถวิมํ ¶ ปูติกายํ, นานากุณปสฺจยํ;
ฉฑฺฑยิตฺวาน คจฺเฉยฺยํ, อนเปกฺโข อนตฺถิโก.
‘‘ยถา อุจฺจารฏฺานมฺหิ, กรีสํ นรนาริโย;
ฉฑฺฑยิตฺวาน คจฺฉนฺติ, อนเปกฺขา อนตฺถิกา.
‘‘เอวเมวาหํ ¶ อิมํ กายํ, นานากุณปปูริตํ;
ฉฑฺฑยิตฺวาน คจฺฉิสฺสํ, วจฺจํ กตฺวา ยถา กุฏึ.
‘‘ยถาปิ ชชฺชรํ นาวํ, ปลุคฺคํ อุทคาหินึ;
สามี ฉฑฺเฑตฺวา คจฺฉนฺติ, อนเปกฺขา อนตฺถิกา.
‘‘เอวเมวาหํ ¶ อิมํ กายํ, นวจฺฉิทฺทํ ธุวสฺสวํ;
ฉฑฺฑยิตฺวาน คจฺฉิสฺสํ, ชิณฺณนาวํว สามิกา.
‘‘ยถาปิ ปุริโส โจเรหิ, คจฺฉนฺโต ภณฺฑมาทิย;
ภณฺฑจฺเฉทภยํ ทิสฺวา, ฉฑฺฑยิตฺวาน คจฺฉติ.
‘‘เอวเมว อยํ กาโย, มหาโจรสโม วิย;
ปหายิมํ คมิสฺสามิ, กุสลจฺเฉทนาภยา’’ติ.
เอวํ สุเมธปณฺฑิโต นานาวิธาหิ อุปมาหิ อิมํ เนกฺขมฺมูปสํหิตํ อตฺถํ จินฺเตตฺวา สกนิเวสเน อปริมิตํ โภคกฺขนฺธํ เหฏฺา วุตฺตนเยน กปณทฺธิกาทีนํ วิสฺสชฺเชตฺวา มหาทานํ ทตฺวา วตฺถุกาเม จ กิเลสกาเม จ ปหาย อมรนครโต นิกฺขมิตฺวา เอกโกว หิมวนฺเต ธมฺมิกํ นาม ปพฺพตํ นิสฺสาย อสฺสมํ กตฺวา ตตฺถ ปณฺณสาลฺจ จงฺกมฺจ มาเปตฺวา ปฺจหิ นีวรณโทเสหิ วิวชฺชิตํ ‘‘เอวํ สมาหิเต จิตฺเต’’ติอาทินา นเยน วุตฺเตหิ อฏฺหิ การณคุเณหิ สมุเปตํ อภิฺาสงฺขาตํ พลํ อาหริตุํ ตสฺมึ อสฺสมปเท นวโทสสมนฺนาคตํ สาฏกํ ปชหิตฺวา ทฺวาทสคุณสมนฺนาคตํ วากจีรํ นิวาเสตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิ. เอวํ ปพฺพชิโต อฏฺโทสสมากิณฺณํ ตํ ปณฺณสาลํ ปหาย ทสคุณสมนฺนาคตํ รุกฺขมูลํ อุปคนฺตฺวา สพฺพํ ธฺวิกตึ ปหาย ปวตฺตผลโภชโน หุตฺวา นิสชฺชฏฺานจงฺกมนวเสเนว ปธานํ ปทหนฺโต สตฺตาหพฺภนฺตเรเยว อฏฺนฺนํ สมาปตฺตีนํ ปฺจนฺนฺจ อภิฺานํ ลาภี อโหสิ. เอวํ ตํ ยถาปตฺถิตํ อภิฺาพลํ ปาปุณิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘เอวาหํ ¶ จินฺตยิตฺวาน, เนกโกฏิสตํ ธนํ;
นาถานาถานํ ทตฺวาน, หิมวนฺตมุปาคมึ.
‘‘หิมวนฺตสฺสาวิทูเร ¶ , ธมฺมิโก นาม ปพฺพโต;
อสฺสโม สุกโต มยฺหํ, ปณฺณสาลา สุมาปิตา.
‘‘จงฺกมํ ตตฺถ มาเปสึ, ปฺจโทสวิวชฺชิตํ;
อฏฺคุณสมุเปตํ, อภิฺาพลมาหรึ.
‘‘สาฏกํ ปชหึ ตตฺถ, นวโทสมุปาคตํ;
วากจีรํ นิวาเสสึ, ทฺวาทสคุณมุปาคตํ.
‘‘อฏฺโทสสมากิณฺณํ, ปชหึ ปณฺณสาลกํ;
อุปาคมึ รุกฺขมูลํ, คุเณ ทสหุปาคตํ.
‘‘วาปิตํ โรปิตํ ธฺํ, ปชหึ นิรวเสสโต;
อเนกคุณสมฺปนฺนํ, ปวตฺตผลมาทิยึ.
‘‘ตตฺถปฺปธานํ ¶ ปทหึ, นิสชฺชฏฺานจงฺกเม;
อพฺภนฺตรมฺหิ สตฺตาเห, อภิฺาพลปาปุณิ’’นฺติ.
ตตฺถ ‘‘อสฺสโม สุกโต มยฺหํ, ปณฺณสาลา สุมาปิตา’’ติ อิมาย ปาฬิยา สุเมธปณฺฑิเตน อสฺสมปณฺณสาลาจงฺกมา สหตฺถา มาปิตา วิย วุตฺตา. อยํ ปเนตฺถ อตฺโถ – มหาสตฺตํ ‘‘หิมวนฺตํ อชฺโฌคาเหตฺวา อชฺช ธมฺมิกํ ปพฺพตํ ปวิสิสฺสามี’’ติ นิกฺขนฺตํ ทิสฺวา สกฺโก เทวานมินฺโท วิสฺสกมฺมเทวปุตฺตํ อามนฺเตสิ – ‘‘ตาต, อยํ สุเมธปณฺฑิโต ปพฺพชิสฺสามีติ นิกฺขนฺโต, เอตสฺส วสนฏฺานํ มาเปหี’’ติ. โส ตสฺส วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา รมณียํ อสฺสมํ, สุคุตฺตํ ปณฺณสาลํ, มโนรมํ จงฺกมฺจ มาเปสิ. ภควา ปน ตทา อตฺตโน ปฺุานุภาเวน นิปฺผนฺนํ ตํ อสฺสมปทํ สนฺธาย สาริปุตฺต, ตสฺมึ ธมฺมิกปพฺพเต –
‘‘อสฺสโม สุกโต มยฺหํ, ปณฺณสาลา สุมาปิตา;
จงฺกมํ ตตฺถ มาเปสึ, ปฺจโทสวิวชฺชิต’’นฺติ. –
อาห ¶ . ตตฺถ สุกโต มยฺหนฺติ สุกโต มยา. ปณฺณสาลา สุมาปิตาติ ปณฺณจฺฉทนสาลาปิ เม สุมาปิตา อโหสิ.
ปฺจโทสวิวชฺชิตนฺติ ¶ ปฺจิเม จงฺกมโทสา นาม – ถทฺธวิสมตา, อนฺโตรุกฺขตา, คหนจฺฉนฺนตา, อติสมฺพาธตา, อติวิสาลตาติ. ถทฺธวิสมภูมิภาคสฺมิฺหิ จงฺกเม จงฺกมนฺตสฺส ปาทา รุชฺชนฺติ, โผฏา อุฏฺหนฺติ, จิตฺตํ เอกคฺคํ น ลภติ, กมฺมฏฺานํ วิปชฺชติ. มุทุสมตเล ปน ผาสุวิหารํ อาคมฺม กมฺมฏฺานํ สมฺปชฺชติ. ตสฺมา ถทฺธวิสมภูมิภาคตา เอโก โทโสติ เวทิตพฺโพ. จงฺกมสฺส อนฺโต วา มชฺเฌ วา โกฏิยํ วา รุกฺเข สติ ปมาทมาคมฺม จงฺกมนฺตสฺส นลาฏํ วา สีสํ วา ปฏิหฺตีติ อนฺโตรุกฺขตา ทุติโย โทโส. ติณลตาทิคหนจฺฉนฺเน จงฺกเม จงฺกมนฺโต อนฺธการเวลายํ อุรคาทิเก ปาเณ อกฺกมิตฺวา วา มาเรติ, เตหิ วา ทฏฺโ ทุกฺขํ อาปชฺชตีติ คหนจฺฉนฺนตา ตติโย โทโส. อติสมฺพาเธ จงฺกเม วิตฺถารโต รตนิเก วา อฑฺฒรตนิเก วา จงฺกมนฺตสฺส ปริจฺเฉเท ปกฺขลิตฺวา นขาปิ องฺคุลิโยปิ ภิชฺชนฺตีติ อติสมฺพาธตา จตุตฺโถ โทโส. อติวิสาเล จงฺกเม จงฺกมนฺตสฺส จิตฺตํ วิธาวติ, เอกคฺคตํ น ลภตีติ อติวิสาลตา ปฺจโม โทโส. ปุถุลโต ปน ทิยฑฺฒรตนํ ทฺวีสุ ปสฺเสสุ รตนมตฺตอนุจงฺกมํ ทีฆโต สฏฺิหตฺถํ มุทุตลํ สมวิปฺปกิณฺณวาลุกํ จงฺกมํ วฏฺฏติ เจติยคิริมฺหิ ทีปปฺปสาทกมหินฺทตฺเถรสฺส จงฺกมนํ วิย, ตาทิสํ ตํ อโหสิ. เตนาห ‘‘จงฺกมํ ตตฺถ มาเปสึ, ปฺจโทสวิวชฺชิต’’นฺติ.
อฏฺคุณสมุเปตนฺติ อฏฺหิ สมณสุเขหิ อุเปตํ. อฏฺิมานิ สมณสุขานิ นาม – ธนธฺปริคฺคหาภาโว, อนวชฺชปิณฺฑปาตปริเยสนภาโว, นิพฺพุตปิณฺฑปาตภฺุชนภาโว, รฏฺํ ปีเฬตฺวา ธนสารํ วา สีสกหาปณาทีนิ วา คณฺหนฺเตสุ ราชกุเลสุ รฏฺปีฬนกิเลสาภาโว, อุปกรเณสุ นิจฺฉนฺทราคภาโว, โจรวิโลเป นิพฺภยภาโว, ราชราชมหามตฺเตหิ อสํสฏฺภาโว, จตูสุ ทิสาสุ อปฺปฏิหตภาโวติ. อิทํ วุตฺตํ ¶ โหติ – ยถา ตสฺมึ อสฺสเม วสนฺเตน สกฺกา โหนฺติ อิมานิ อฏฺ สมณสุขานิ วินฺทิตุํ, เอวํ อฏฺคุณสมุเปตํ ตํ อสฺสมํ มาเปสินฺติ.
อภิฺาพลมาหรินฺติ ปจฺฉา ตสฺมึ อสฺสเม วสนฺโต กสิณปริกมฺมํ กตฺวา อภิฺานํ สมาปตฺตีนฺจ อุปฺปาทนตฺถาย อนิจฺจโต ทุกฺขโต วิปสฺสนํ อารภิตฺวา ถามปฺปตฺตํ วิปสฺสนาพลํ อาหรึ. ยถา ตสฺมึ วสนฺโต ตํ พลํ ¶ อาหริตุํ สกฺโกมิ, เอวํ ตํ อสฺสมํ ตสฺส อภิฺตฺถาย วิปสฺสนาพลสฺส อนุจฺฉวิกํ กตฺวา มาเปสินฺติ อตฺโถ.
สาฏกํ ¶ ปชหึ ตตฺถ, นวโทสมุปาคตนฺติ เอตฺถายํ อนุปุพฺพิกถา – ตทา กิร กุฏิเลณจงฺกมาทิปฏิมณฺฑิตํ ปุปฺผูปคผลูปครุกฺขสฺฉนฺนํ รมณียํ มธุรสลิลาสยํ อปคตวาฬมิคภึสนกสกุณํ ปวิเวกกฺขมํ อสฺสมํ มาเปตฺวา อลงฺกตจงฺกมสฺส อุโภสุ อนฺเตสุ อาลมฺพนผลกํ สํวิธาย นิสีทนตฺถาย จงฺกมเวมชฺเฌ สมตลํ มุคฺควณฺณสิลํ มาเปตฺวา อนฺโตปณฺณสาลายํ ชฏามณฺฑลวากจีรติทณฺฑกุณฺฑิกาทิเก ตาปสปริกฺขาเร, มณฺฑเป ปานียฆฏปานียสงฺขปานียสราวานิ, อคฺคิสาลายํ องฺคารกปลฺลทารุอาทีนีติ เอวํ ยํ ยํ ปพฺพชิตานํ อุปการาย สํวตฺตติ, ตํ ตํ สพฺพํ มาเปตฺวา ปณฺณสาลาย ภิตฺติยํ ‘‘เย เกจิ ปพฺพชิตุกามา อิเม ปริกฺขาเร คเหตฺวา ปพฺพชนฺตู’’ติ อกฺขรานิ ฉินฺทิตฺวา เทวโลกเมว คเต วิสฺสกมฺมเทวปุตฺเต สุเมธปณฺฑิโต หิมวนฺตปพฺพตปาเท คิริกนฺทรานุสาเรน อตฺตโน นิวาสานุรูปํ ผาสุกฏฺานํ โอโลเกนฺโต นทีนิวตฺตเน วิสฺสกมฺมนิมฺมิตํ สกฺกทตฺติยํ รมณียํ อสฺสมํ ทิสฺวา จงฺกมนโกฏึ คนฺตฺวา ปทวลฺชํ อปสฺสนฺโต ‘‘ธุวํ ปพฺพชิตา ธุรคาเม ภิกฺขํ ปริเยสิตฺวา กิลนฺตรูปา อาคนฺตฺวา ปณฺณสาลํ ปวิสิตฺวา นิสินฺนา ภวิสฺสนฺตี’’ติ จินฺเตตฺวา โถกํ อาคเมตฺวา ‘‘อติวิย จิรายนฺติ, ชานิสฺสามี’’ติ ปณฺณาสาลากุฏิทฺวารํ วิวริตฺวา อนฺโต ปวิสิตฺวา อิโต จิโต จ โอโลเกนฺโต มหาภิตฺติยํ อกฺขรานิ วาเจตฺวา ‘‘มยฺหํ กปฺปิยปริกฺขารา เอเต, อิเม คเหตฺวา ปพฺพชิสฺสามี’’ติ อตฺตโน นิวตฺถปารุตํ สาฏกยุคํ ปชหิ. เตนาห ‘‘สาฏกํ ปชหึ ตตฺถา’’ติ. เอวํ ปวิฏฺโ อหํ, สาริปุตฺต, ตสฺสํ ปณฺณสาลายํ สาฏกํ ปชหึ.
นวโทสมุปาคตนฺติ สาฏกํ ปชหนฺโต นว โทเส ทิสฺวา ปชหินฺติ ทีเปติ. ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตานฺหิ สาฏกสฺมึ นว โทสา อุปฏฺหนฺติ. เตสุ ตสฺส มหคฺฆภาโว เอโก โทโส, ปรปฏิพทฺธตาย อุปฺปชฺชนภาโว เอโก, ปริโภเคน ลหุํ กิลิสฺสนภาโว เอโก. กิลิฏฺโ หิ โธวิตพฺโพ จ รชิตพฺโพ จ โหติ. ปริโภเคน ชีรณภาโว เอโก. ชิณฺณสฺส หิ ตุนฺนํ วา อคฺคฬทานํ วา กาตพฺพํ โหติ ¶ . ปุน ปริเยสนาย ทุรภิสมฺภวภาโว เอโก, ตาปสปพฺพชฺชาย อสารุปฺปภาโว เอโก, ปจฺจตฺถิกานํ สาธารณภาโว เอโก. ยถา หิ นํ ปจฺจตฺถิกา น คณฺหนฺติ, เอวํ โคเปตพฺโพ โหติ. ปริภฺุชนฺตสฺส วิภูสนฏฺานภาโว เอโก, คเหตฺวา วิจรนฺตสฺส ขนฺธภารมหิจฺฉภาโว เอโกติ.
วากจีรํ นิวาเสสินฺติ ตทาหํ, สาริปุตฺต, อิเม นว โทเส ทิสฺวา สาฏกํ ปหาย วากจีรํ นิวาเสสึ, มฺุชติณํ ¶ หีรํ หีรํ กตฺวา คนฺเถตฺวา กตวากจีรํ นิวาสนปารุปนตฺถาย อาทิยินฺติ อตฺโถ.
ทฺวาทสคุณมุปาคตนฺติ ¶ ทฺวาทสหิ อานิสํเสหิ สมนฺนาคตํ. วากจีรสฺมิฺหิ ทฺวาทส อานิสํสา – อปฺปคฺฆํ สุนฺทรํ กปฺปิยนฺติ อยํ ตาว เอโก อานิสํโส, สหตฺถา กาตุํ สกฺกาติ อยํ ทุติโย, ปริโภเคน สณิกํ กิลิสฺสติ, โธวิยมาเนปิ ปปฺโจ นตฺถีติ อยํ ตติโย, ปริโภเคน ชิณฺเณปิ สิพฺพิตพฺพาภาโว จตุตฺโถ, ปุน ปริเยสนฺตสฺส สุเขน กรณภาโว ปฺจโม, ตาปสปพฺพชฺชาย สารุปฺปภาโว ฉฏฺโ, ปจฺจตฺถิกานํ นิรุปโภคภาโว สตฺตโม, ปริภฺุชนฺตสฺส วิภูสนฏฺานาภาโว อฏฺโม, ธารเณ สลฺลหุกภาโว นวโม, จีวรปจฺจเย อปฺปิจฺฉภาโว ทสโม, วากุปฺปตฺติยา ธมฺมิกอนวชฺชภาโว เอกาทสโม, วากจีเร นฏฺเปิ อนเปกฺขภาโว ทฺวาทสโมติ.
อฏฺโทสสมากิณฺณํ, ปชหึ ปณฺณสาลกนฺติ. กถํ ปชหิ? โส กิร วรสาฏกยุคํ โอมฺุจิตฺวา จีวรวํเส ลคฺคิตํ อโนชปุปฺผทามสทิสํ รตฺตํ วากจีรํ คเหตฺวา นิวาเสตฺวา, ตสฺสูปริ อปรํ สุวณฺณวณฺณํ วากจีรํ ปริทหิตฺวา, ปุนฺนาคปุปฺผสนฺถรสทิสํ สขุรํ อชินจมฺมํ เอกํสํ กตฺวา ชฏามณฺฑลํ ปฏิมฺุจิตฺวา จูฬาย สทฺธึ นิจฺจลภาวกรณตฺถํ สารสูจึ ปเวเสตฺวา มุตฺตชาลสทิสาย สิกฺกาย ปวาฬวณฺณํ กุณฺฑิกํ โอทหิตฺวา ตีสุ าเนสุ วงฺกกาชํ อาทาย เอกิสฺสา กาชโกฏิยา กุณฺฑิกํ, เอกิสฺสา องฺกุสปจฺฉิติทณฺฑกาทีนิ โอลคฺเคตฺวา ขาริภารํ อํเส กตฺวา, ทกฺขิเณน หตฺเถน กตฺตรทณฺฑํ คเหตฺวา ปณฺณสาลโต นิกฺขมิตฺวา สฏฺิหตฺเถ มหาจงฺกเม อปราปรํ จงฺกมนฺโต อตฺตโน เวสํ โอโลเกตฺวา – ‘‘มยฺหํ มโนรโถ มตฺถกํ ปตฺโต, โสภติ วต เม ปพฺพชฺชา, พุทฺธปจฺเจกพุทฺธาทีหิ สพฺเพหิ ธีรปุริเสหิ วณฺณิตา โถมิตา ¶ อยํ ปพฺพชฺชา นาม, ปหีนํ เม คิหิพนฺธนํ, นิกฺขนฺโตสฺมิ เนกฺขมฺมํ, ลทฺธา เม อุตฺตมปพฺพชฺชา, กริสฺสามิ สมณธมฺมํ, ลภิสฺสามิ มคฺคผลสุข’’นฺติ อุสฺสาหชาโต ขาริกาชํ โอตาเรตฺวา จงฺกมเวมชฺเฌ มุคฺควณฺณสิลาปฏฺเฏ สุวณฺณปฏิมา วิย นิสินฺโน ทิวสภาคํ วีตินาเมตฺวา สายนฺหสมยํ ปณฺณสาลํ ปวิสิตฺวา, พิทลมฺจกปสฺเส กฏฺตฺถริกาย นิปนฺโน สรีรํ อุตุํ คาหาเปตฺวา, พลวปจฺจูเส ปพุชฺฌิตฺวา อตฺตโน อาคมนํ อาวชฺเชสิ ‘‘อหํ ฆราวาเส อาทีนวํ ทิสฺวา อมิตโภคํ อนนฺตยสํ ปหาย อรฺํ ปวิสิตฺวา เนกฺขมฺมคเวสโก หุตฺวา ปพฺพชิโต, อิโต ทานิ ปฏฺาย ปมาทจารํ จริตุํ น วฏฺฏติ.
ปวิเวกฺหิ ปหาย วิจรนฺตํ มิจฺฉาวิตกฺกมกฺขิกา ขาทนฺติ, อิทานิ มยา วิเวกมนุพฺรูเหตุํ วฏฺฏติ. อหฺหิ ฆราวาสํ ปลิโพธโต ทิสฺวา นิกฺขนฺโต, อยฺจ มนาปา ปณฺณสาลา, เพลุวปกฺกวณฺณปริภณฺฑกตา ภูมิ, รชตวณฺณา เสตภิตฺติโย, กโปตปาทวณฺณํ ปณฺณจฺฉทนํ ¶ , วิจิตฺตตฺถรณวณฺโณ พิทลมฺจโก, นิวาสผาสุกํ วสนฏฺานํ, น เอตฺโต อติเรกตรา วิย เม เคหสมฺปทา ปฺายตี’’ติ ปณฺณสาลาย โทเส วิจินนฺโต อฏฺ โทเส ปสฺสิ.
ปณฺณสาลาปริโภคสฺมิฺหิ อฏฺ อาทีนวา – มหาสมารมฺเภน ทพฺพสมฺภาเร สโมธาเนตฺวา กรณปริเยสนภาโว เอโก อาทีนโว, ติณปณฺณมตฺติกาสุ ปติตาสุ ตาสํ ¶ ปุนปฺปุนํ เปตพฺพตาย นิพนฺธชคฺคนภาโว ทุติโย, เสนาสนํ นาม มหลฺลกสฺส ปาปุณาติ, อเวลาย วุฏฺาปิยมานสฺส จิตฺเตกคฺคตา น โหตีติ อุฏฺาปนิยภาโว ตติโย, สีตุณฺหปฏิฆาเตน กายสฺส สุขุมาลกรณภาโว จตุตฺโถ, เคหํ ปวิฏฺเน ยํกิฺจิ ปาปํ สกฺกา กาตุนฺติ ครหาปฏิจฺฉาทนภาโว ปฺจโม, ‘‘มยฺห’’นฺติ ปริคฺคหกรณภาโว ฉฏฺโ, เคหสฺส อตฺถิภาโว นาม สทุติยกวาโสติ สตฺตโม, อูกามงฺคุลฆรโคฬิกาทีนํ สาธารณตาย พหุสาธารณภาโว อฏฺโม. อิติ อิเม อฏฺ อาทีนเว ทิสฺวา มหาสตฺโต ปณฺณสาลํ ปชติ. เตนาห ‘‘อฏฺโทสสมากิณฺณํ, ปชหึ ปณฺณสาลก’’นฺติ.
อุปาคมึ รุกฺขมูลํ, คุเณ ทสหุปาคตนฺติ ฉนฺนํ ปฏิกฺขิปิตฺวา ทสหิ คุเณหิ อุเปตํ รุกฺขมูลํ อุปคโตสฺมีติ วทติ. ตตฺริเม ทส คุณา – อปฺปสมารมฺภตา เอโก คุโณ, อุปคมนมตฺตกเมว หิ ตตฺถ โหติ; อปฏิชคฺคนตา ¶ ทุติโย, ตฺหิ สมฺมฏฺมฺปิ อสมฺมฏฺมฺปิ ปริโภคผาสุกํ โหติเยว. อนุฏฺาปริยภาโว ตติโย, ครหํ นปฺปฏิจฺฉาเทติ; ตตฺถ หิ ปาปํ กโรนฺโต ลชฺชตีติ ครหาย อปฺปฏิจฺฉนฺนภาโว จตุตฺโถ; อพฺโภกาสวาโส วิย กายํ น สนฺถมฺเภตีติ กายสฺส อสนฺถมฺภนภาโว ปฺจโม; ปริคฺคหกรณาภาโว ฉฏฺโ; เคหาลยปฏิกฺเขโป สตฺตโม; พหุสาธารณเคเห วิย ‘‘ปฏิชคฺคิสฺสามิ นํ, นิกฺขมถา’’ติ นีหรณกาภาโว อฏฺโม; วสนฺตสฺส สปฺปีติกภาโว นวโม; รุกฺขมูลเสนาสนสฺส คตคตฏฺาเน สุลภตาย อนเปกฺขภาโว ทสโมติ อิเม ทส คุเณ ทิสฺวา รุกฺขมูลํ อุปาคโตสฺมีติ วทติ.
อิมานิ เอตฺตกานิ การณานิ สลฺลกฺเขตฺวา มหาสตฺโต ปุนทิวเส ภิกฺขาย คามํ ปาวิสิ. อถสฺส สมฺปตฺตคาเม มนุสฺสา มหนฺเตน อุสฺสาเหน ภิกฺขํ อทํสุ. โส ภตฺตกิจฺจํ นิฏฺาเปตฺวา อสฺสมํ อาคมฺม นิสีทิตฺวา จินฺเตสิ ‘‘นาหํ อาหารํ น ลภามีติ ปพฺพชิโต, สินิทฺธาหาโร นาเมส มานมทปุริสมเท วฑฺเฒติ, อาหารมูลกสฺส จ ทุกฺขสฺส อนฺโต นตฺถิ. ยํนูนาหํ วาปิตโรปิตธฺนิพฺพตฺตํ อาหารํ ปชหิตฺวา ปวตฺตผลโภชโน ภเวยฺย’’นฺติ. โส ตโต ¶ ฏฺาย ตถา กตฺวา ฆเฏนฺโต วายมนฺโต สตฺตาหพฺภนฺตเรเยว อฏฺ สมาปตฺติโย ปฺจ อภิฺาโย จ นิพฺพตฺเตสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘วาปิตํ โรปิตํ ธฺํ, ปชหึ นิรวเสสโต;
อเนกคุณสมฺปนฺนํ, ปวตฺตผลมาทิยึ.
‘‘ตตฺถปฺปธานํ ปทหึ, นิสชฺชฏฺานจงฺกเม;
อพฺภนฺตรมฺหิ สตฺตาเห, อภิฺาพลปาปุณิ’’นฺติ.
เอวํ อภิฺาพลํ ปตฺวา สุเมธตาปเส สมาปตฺติสุเขน วีตินาเมนฺเต ทีปงฺกโร นาม สตฺถา โลเก อุทปาทิ. ตสฺส ปฏิสนฺธิชาติสมฺโพธิธมฺมจกฺกปฺปวตฺตเนสุ สกลาปิ ทสสหสฺสี โลกธาตุ สํกมฺปิ ¶ สมฺปกมฺปิ สมฺปเวธิ, มหาวิรวํ วิรวิ, ทฺวตฺตึส ปุพฺพนิมิตฺตานิ ปาตุรเหสุํ. สุเมธตาปโส สมาปตฺติสุเขน วีตินาเมนฺโต เนว ตํ สทฺทมสฺโสสิ, น ตานิ นิมิตฺตานิ อทฺทส. เตน วุตฺตํ –
‘‘เอวํ ¶ เม สิทฺธิปฺปตฺตสฺส, วสีภูตสฺส สาสเน;
ทีปงฺกโร นาม ชิโน, อุปฺปชฺชิ โลกนายโก.
‘‘อุปฺปชฺชนฺเต จ ชายนฺเต, พุชฺฌนฺเต ธมฺมเทสเน;
จตุโร นิมิตฺเต นาทฺทสํ, ฌานรติสมปฺปิโต’’ติ.
ตสฺมึ กาเล ทีปงฺกรทสพโล จตูหิ ขีณาสวสตสหสฺเสหิ ปริวุโต อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน รมฺมํ นาม นครํ ปตฺวา สุทสฺสนมหาวิหาเร ปฏิวสติ. รมฺมนครวาสิโน ‘‘ทีปงฺกโร กิร สมณิสฺสโร ปรมาติสมฺโพธึ ปตฺวา ปวตฺตวรธมฺมจกฺโก อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน รมฺมนครํ ปตฺวา สุทสฺสนมหาวิหาเร ปฏิวสตี’’ติ สุตฺวา สปฺปินวนีตาทีนิ เจว เภสชฺชานิ วตฺถจฺฉาทนานิ จ คาหาเปตฺวา คนฺธมาลาทิหตฺถา เยน พุทฺโธ, เยน ธมฺโม, เยน สงฺโฆ, ตนฺนินฺนา ตปฺโปณา ตปฺปพฺภารา หุตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา คนฺธมาลาทีหิ ปูเชตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺนา ธมฺมเทสนํ สุตฺวา สฺวาตนาย นิมนฺเตตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกมึสุ.
เต ปุนทิวเส มหาทานํ สชฺเชตฺวา นครํ อลงฺกริตฺวา ทสพลสฺส อาคมนมคฺคํ อลงฺกโรนฺตา ¶ อุทกภินฺนฏฺาเนสุ ปํสุํ ปกฺขิปิตฺวา สมํ ภูมิตลํ กตฺวา รชตปฏฺฏวณฺณํ วาลุกํ อากิรนฺติ, ลาชานิ เจว ปุปฺผานิ จ วิกิรนฺติ, นานาวิราเคหิ วตฺเถหิ ธชปฏาเก อุสฺสาเปนฺติ, กทลิโย เจว ปุณฺณฆฏปนฺติโย จ ปติฏฺาเปนฺติ. ตสฺมึ กาเล สุเมธตาปโส อตฺตโน อสฺสมปทา อุคฺคนฺตฺวา เตสํ มนุสฺสานํ อุปริภาเคน อากาเสน คจฺฉนฺโต เต หฏฺตุฏฺเ มนุสฺเส ทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข การณ’’นฺติ อากาสโต โอรุยฺห เอกมนฺตํ ิโต มนุสฺเส ปุจฺฉิ – ‘‘อมฺโภ กสฺส ตุมฺเห อิมํ มคฺคํ อลงฺกโรถา’’ติ? เตน วุตฺตํ –
‘‘ปจฺจนฺตเทสวิสเย, นิมนฺเตตฺวา ตถาคตํ;
ตสฺส อาคมนํ มคฺคํ, โสเธนฺติ ตุฏฺมานสา.
‘‘อหํ เตน สมเยน, นิกฺขมิตฺวา สกสฺสมา;
ธุนนฺโต วากจีรานิ, คจฺฉามิ อมฺพเร ตทา.
‘‘เวทชาตํ ชนํ ทิสฺวา, ตุฏฺหฏฺํ ปโมทิตํ;
โอโรหิตฺวาน คคนา, มนุสฺเส ปุจฺฉิ ตาวเท.
‘‘‘ตุฏฺหฏฺโ ¶ ¶ ปมุทิโต, เวทชาโต มหาชโน;
กสฺส โสธียติ มคฺโค, อฺชสํ วฏุมายน’’’นฺติ.
มนุสฺสา อาหํสุ ‘‘ภนฺเต สุเมธ, น ตฺวํ ชานาสิ, ทีปงฺกรทสพโล สมฺมาสมฺโพธึ ปตฺวา ปวตฺติตวรธมฺมจกฺโก จาริกํ จรมาโน อมฺหากํ นครํ ปตฺวา สุทสฺสนมหาวิหาเร ปฏิวสติ. มยํ ตํ ภควนฺตํ นิมนฺตยิมฺหา, ตสฺเสตํ พุทฺธสฺส ภควโต อาคมนมคฺคํ อลงฺกโรมา’’ติ. สุเมธตาปโส จินฺเตสิ – ‘‘พุทฺโธติ โข โฆสมตฺตกมฺปิ โลเก ทุลฺลภํ, ปเคว พุทฺธุปฺปาโท, มยาปิ อิเมหิ มนุสฺเสหิ สทฺธึ ทสพลสฺส มคฺคํ อลงฺกริตุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส เต มนุสฺเส อาห – ‘‘สเจ โภ ตุมฺเห เอตํ มคฺคํ พุทฺธสฺส อลงฺกโรถ, มยฺหมฺปิ เอกํ โอกาสํ เทถ, อหมฺปิ ตุมฺเหหิ สทฺธึ มคฺคํ อลงฺกริสฺสามี’’ติ. เต ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ‘‘สุเมธตาปโส อิทฺธิมา’’ติ ชานนฺตา อุทกภินฺโนกาสํ สลฺลกฺเขตฺวา ‘‘ตฺวํ อิมํ านํ อลงฺกโรหี’’ติ อทํสุ. สุเมโธ พุทฺธารมฺมณํ ปีตึ คเหตฺวา จินฺเตสิ ‘‘อหํ อิมํ โอกาสํ อิทฺธิยา อลงฺกริตุํ สกฺโกมิ, เอวํ อลงฺกโต ปน มม มนํ น ปริโตเสสฺสติ, อชฺช มยา กายเวยฺยาวจฺจํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ ปํสุํ อาหริตฺวา ตสฺมึ ปเทเส ปกฺขิปิ.
ตสฺส ¶ ตสฺมึ ปเทเส อนลงฺกเตเยว ทีปงฺกโร ทสพโล มหานุภาวานํ ฉฬภิฺานํ ขีณาสวานํ จตูหิ สตสหสฺเสหิ ปริวุโต เทวตาสุ ทิพฺพคนฺธมาลาทีหิ ปูชยนฺตีสุ ทิพฺพสงฺคีเตสุ ปวตฺตนฺเตสุ มนุสฺเสสุ มานุสกคนฺเธหิ เจว มาลาทีหิ จ ปูชยนฺเตสุ อนนฺตาย พุทฺธลีฬาย มโนสิลาตเล วิชมฺภมาโน สีโห วิย ตํ อลงฺกตปฏิยตฺตํ มคฺคํ ปฏิปชฺชิ. สุเมธตาปโส อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา อลงฺกตมคฺเคน อาคจฺฉนฺตสฺส ทสพลสฺส ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณปฏิมณฺฑิตํ อสีติยา อนุพฺยฺชเนหิ อนุรฺชิตํ พฺยามปฺปภาย สมฺปริวาริตํ มณิวณฺณคคนตเล นานปฺปการา วิชฺชุลตา วิย อาเวฬาเวฬภูตา เจว ยุคลยุคลภูตา จ ฉพฺพณฺณฆนพุทฺธรสฺมิโย วิสฺสชฺเชนฺตํ รูปคฺคปฺปตฺตํ อตฺตภาวํ โอโลเกตฺวา ‘‘อชฺช มยา ทสพลสฺส ชีวิตปริจฺจาคํ กาตุํ วฏฺฏติ, มา ภควา กลลํ อกฺกมิ, มณิผลกเสตุํ ปน อกฺกมนฺโต วิย สทฺธึ จตูหิ ขีณาสวสตสหสฺเสหิ มม ปิฏฺึ มทฺทมาโน คจฺฉตุ, ตํ เม ¶ ภวิสฺสติ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’’ติ เกเส โมเจตฺวา อชินจมฺมชฏามณฺฑลวากจีรานิ ¶ กาฬวณฺเณ กลเล ปตฺถริตฺวา มณิผลกเสตุ วิย กลลปิฏฺเ นิปชฺชิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘เต เม ปุฏฺา วิยากํสุ, ‘พุทฺโธ โลเก อนุตฺตโร;
ทีปงฺกโร นาม ชิโน, อุปฺปชฺชิ โลกนายโก;
ตสฺส โสธียติ มคฺโค, อฺชสํ วฏุมายนํ’.
‘‘พุทฺโธติ มม สุตฺวาน, ปีติ อุปฺปชฺชิ ตาวเท;
พุทฺโธ พุทฺโธติ กถยนฺโต, โสมนสฺสํ ปเวทยึ.
‘‘ตตฺถ ตฺวา วิจินฺเตสึ, ตุฏฺโ สํวิคฺคมานโส;
‘อิธ พีชานิ โรปิสฺสํ, ขโณ เอว มา อุปจฺจคา’.
‘‘ยทิ พุทฺธสฺส โสเธถ, เอโกกาสํ ททาถ เม;
อหมฺปิ โสธยิสฺสามิ, อฺชสํ วฏุมายนํ.
‘‘อทํสุ เต มโมกาสํ, โสเธตุํ อฺชสํ ตทา;
พุทฺโธ พุทฺโธติ จินฺเตนฺโต, มคฺคํ โสเธมหํ ตทา.
‘‘อนิฏฺิเต ¶ มโมกาเส, ทีปงฺกโร มหามุนิ;
จตูหิ สตสหสฺเสหิ, ฉฬภิฺเหิ ตาทิหิ;
ขีณาสเวหิ วิมเลหิ, ปฏิปชฺชิ อฺชสํ ชิโน.
‘‘ปจฺจุคฺคมนา วตฺตนฺติ, วชฺชนฺติ เภริโย พหู;
อาโมทิตา นรมรู, สาธุการํ ปวตฺตยุํ.
‘‘เทวา มนุสฺเส ปสฺสนฺติ, มนุสฺสาปิ จ เทวตา;
อุโภปิ เต ปฺชลิกา, อนุยนฺติ ตถาคตํ.
‘‘เทวา ทิพฺเพหิ ตุริเยหิ, มนุสฺสา มานุเสหิ จ;
อุโภปิ เต วชฺชยนฺตา, อนุยนฺติ ตถาคตํ.
‘‘ทิพฺพํ มนฺทารวํ ปุปฺผํ, ปทุมํ ปาริฉตฺตกํ;
ทิโสทิสํ โอกิรนฺติ, อากาสนภคตา มรู.
‘‘จมฺปกํ ¶ สลลํ นีปํ, นาคปุนฺนาคเกตกํ;
ทิโสทิสํ อุกฺขิปนฺติ, ภูมิตลคตา นรา.
‘‘เกเส มฺุจิตฺวาหํ ตตฺถ, วากจีรฺจ จมฺมกํ;
กลเล ปตฺถริตฺวาน, อวกุชฺโช นิปชฺชหํ.
‘‘อกฺกมิตฺวาน มํ พุทฺโธ, สห สิสฺเสหิ คจฺฉตุ;
มา นํ กลเล อกฺกมิตฺโถ, หิตาย เม ภวิสฺสตี’’ติ.
โส กลลปิฏฺเ นิปนฺนโกว ปุน อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา ทีปงฺกรทสพลสฺส พุทฺธสิรึ สมฺปสฺสมาโน เอวํ จินฺเตสิ – ‘‘สจาหํ อิจฺเฉยฺยํ, สพฺพกิเลเส ฌาเปตฺวา สงฺฆนวโก หุตฺวา รมฺมนครํ ปวิเสยฺยํ. อฺาตกเวเสน ¶ ปน เม กิเลเส ฌาเปตฺวา นิพฺพานปฺปตฺติยา กิจฺจํ นตฺถิ. ยํนูนาหํ ทีปงฺกรทสพโล วิย ปรมาภิสมฺโพธึ ปตฺวา ธมฺมนาวํ อาโรเปตฺวา มหาชนํ สํสารสาครา ¶ อุตฺตาเรตฺวา ปจฺฉา ปรินิพฺพาเยยฺยํ, อิทํ มยฺหํ ปติรูป’’นฺติ. ตโต อฏฺ ธมฺเม สโมธาเนตฺวา พุทฺธภาวาย อภินีหารํ กตฺวา นิปชฺชิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ปถวิยํ นิปนฺนสฺส, เอวํ เม อาสิ เจตโส;
‘อิจฺฉมาโน อหํ อชฺช, กิเลเส ฌาปเย มม.
‘กึ เม อฺาตเวเสน, ธมฺมํ สจฺฉิกเตนิธ;
สพฺพฺุตํ ปาปุณิตฺวา, พุทฺโธ เหสฺสํ สเทวเก.
‘กึ เม เอเกน ติณฺเณน, ปุริเสน ถามทสฺสินา;
สพฺพฺุตํ ปาปุณิตฺวา, สนฺตาเรสฺสํ สเทวเก.
‘อิมินา เม อธิกาเรน, กเตน ปุริสุตฺตเม;
สพฺพฺุตํ ปาปุณิตฺวา, ตาเรมิ ชนตํ พหุํ.
‘สํสารโสตํ ฉินฺทิตฺวา, วิทฺธํเสตฺวา ตโย ภเว;
ธมฺมนาวํ สมารุยฺห, สนฺตาเรสฺสํ สเทวเก’’’ติ. (พุ. วํ. ๒.๕๔-๕๘);
ยสฺมา ปน พุทฺธตฺตํ ปตฺเถนฺตสฺส –
‘‘มนุสฺสตฺตํ ลิงฺคสมฺปตฺติ, เหตุ สตฺถารทสฺสนํ;
ปพฺพชฺชา คุณสมฺปตฺติ, อธิกาโร จ ฉนฺทตา;
อฏฺธมฺมสโมธานา, อภินีหาโร สมิชฺฌตี’’ติ. (พุ. วํ. ๒.๕๙);
มนุสฺสตฺตภาวสฺมึเยว ¶ หิ ตฺวา พุทฺธตฺตํ ปตฺเถนฺตสฺส ปตฺถนา สมิชฺฌติ, น นาคสฺส วา สุปณฺณสฺส วา เทวตาย วา ปตฺถนา สมิชฺฌติ. มนุสฺสตฺตภาเวปิ ปุริสลิงฺเค ิตสฺเสว ปตฺถนา สมิชฺฌติ, น อิตฺถิยา วา ปณฺฑกนปุํสกอุภโตพฺยฺชนกานํ วา ปตฺถนา สมิชฺฌติ. ปุริสสฺสาปิ ตสฺมึ อตฺตภาเว อรหตฺตปฺปตฺติยา เหตุสมฺปนฺนสฺเสว ปตฺถนา สมิชฺฌติ, โน อิตรสฺส. เหตุสมฺปนฺนสฺสาปิ ชีวมานกพุทฺธสฺเสว สนฺติเก ปตฺเถนฺตสฺส ปตฺถนา สมิชฺฌติ, ปรินิพฺพุเต พุทฺเธ เจติยสนฺติเก วา โพธิมูเล วา ปตฺเถนฺตสฺส น สมิชฺฌติ. พุทฺธานํ สนฺติเก ปตฺเถนฺตสฺสาปิ ¶ ปพฺพชฺชาลิงฺเค ิตสฺเสว สมิชฺฌติ, โน คิหิลิงฺเค ิตสฺส. ปพฺพชิตสฺสาปิ ปฺจาภิฺสฺส อฏฺสมาปตฺติลาภิโนเยว สมิชฺฌติ, น อิมาย คุณสมฺปตฺติยา วิรหิตสฺส. คุณสมฺปนฺเนนาปิ เยน อตฺตโน ชีวิตํ พุทฺธานํ ปริจฺจตฺตํ โหติ, ตสฺส อิมินา อธิกาเรน อธิการสมฺปนฺนสฺเสว สมิชฺฌติ, น อิตรสฺส. อธิการสมฺปนฺนสฺสาปิ ยสฺส พุทฺธการกธมฺมานํ อตฺถาย มหนฺโต ฉนฺโท จ อุสฺสาโห จ วายาโม จ ปริเยฏฺิ จ, ตสฺเสว สมิชฺฌติ, น อิตรสฺส.
ตตฺริทํ ฉนฺทมหนฺตตาย โอปมฺมํ – สเจ หิ เอวมสฺส ‘‘โย สกลจกฺกวาฬคพฺภํ เอโกทกีภูตํ อตฺตโน พาหุพเลน อุตฺตริตฺวา ปารํ คนฺตุํ สมตฺโถ ¶ , โส พุทฺธตฺตํ ปาปุณาติ. โย วา ปน สกลจกฺกวาฬคพฺภํ เวฬุคุมฺพสฺฉนฺนํ พฺยูหิตฺวา มทฺทิตฺวา ปทสา คจฺฉนฺโต ปารํ คนฺตุํ สมตฺโถ, โส พุทฺธตฺตํ ปาปุณาติ. โย วา ปน สกลจกฺกวาฬคพฺภํ สตฺติโย อาโกเฏตฺวา นิรนฺตรํ สตฺติผลสมากิณฺณํ ปทสา อกฺกมมาโน ปารํ คนฺตุํ สมตฺโถ, โส พุทฺธตฺตํ ปาปุณาติ. โย วา ปน สกลจกฺกวาฬคพฺภํ วีตจฺจิตงฺคารภริตํ ปาเทหิ มทฺทมาโน ปารํ คนฺตุํ สมตฺโถ, โส พุทฺธตฺตํ ปาปุณาตี’’ติ. โย เอเตสุ เอกมฺปิ อตฺตโน ทุกฺกรํ น มฺติ, ‘‘อหํ เอตมฺปิ ตริตฺวา วา คนฺตฺวา วา ปารํ คเหสฺสามี’’ติ เอวํ มหนฺเตน ฉนฺเทน จ อุสฺสาเหน จ วายาเมน จ ปริเยฏฺิยา จ สมนฺนาคโต โหติ, ตสฺส ปตฺถนา สมิชฺฌติ, น อิตรสฺส. สุเมธตาปโส ปน อิเม อฏฺ ธมฺเม สโมธาเนตฺวา พุทฺธภาวาย อภินีหารํ กตฺวา นิปชฺชิ.
ทีปงฺกโรปิ ¶ ภควา อาคนฺตฺวา สุเมธตาปสสฺส สีสภาเค ตฺวา มณิสีหปฺชรํ อุคฺฆาเฏนฺโต วิย ปฺจวณฺณปฺปสาทสมฺปนฺนานิ อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา กลลปิฏฺเ นิปนฺนํ สุเมธตาปสํ ทิสฺวา ‘‘อยํ ตาปโส พุทฺธตฺตาย อภินีหารํ กตฺวา นิปนฺโน, อิชฺฌิสฺสติ นุ โข อิมสฺส ปตฺถนา, อุทาหุ โน’’ติ อนาคตํสาณํ เปเสตฺวา อุปธาเรนฺโต ‘‘อิโต กปฺปสตสหสฺสาธิกานิ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ อติกฺกมิตฺวา โคตโม นาม พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ ตฺวา ิตโกว ปริสมชฺเฌ พฺยากาสิ – ‘‘ปสฺสถ โน ตุมฺเห อิมํ อุคฺคตปํ ตาปสํ กลลปิฏฺเ นิปนฺน’’นฺติ? ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘อยํ พุทฺธตฺตาย อภินีหารํ กตฺวา นิปนฺโน, สมิชฺฌิสฺสติ อิมสฺส ปตฺถนา, อิโต กปฺปสตสหสฺสาธิกานํ จตุนฺนํ อสงฺขฺเยยฺยานํ มตฺถเก โคตโม นาม พุทฺโธ ภวิสฺสติ. ตสฺมึ ปนสฺส อตฺตภาเว กปิลวตฺถุ นาม นครํ นิวาโส ภวิสฺสติ, มายา นาม เทวี มาตา, สุทฺโธทโน นาม ราชา ปิตา, อคฺคสาวโก อุปติสฺโส นาม เถโร, ทุติยสาวโก โกลิโต นาม, พุทฺธุปฏฺาโก อานนฺโท นาม, อคฺคสาวิกา เขมา นาม ¶ เถรี, ทุติยสาวิกา อุปฺปลวณฺณา นาม เถรี ภวิสฺสติ, ปริปกฺกาโณ มหาภินิกฺขมนํ กตฺวา มหาปธานํ ปทหิตฺวา นิคฺโรธมูเล ปายาสํ ปฏิคฺคเหตฺวา เนรฺชราย ตีเร ปริภฺุชิตฺวา โพธิมณฺฑํ อารุยฺห อสฺสตฺถรุกฺขมูเล อภิสมฺพุชฺฌิสฺสตี’’ติ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ทีปงฺกโร โลกวิทู, อาหุตีนํ ปฏิคฺคโห;
อุสฺสีสเก มํ ตฺวาน, อิทํ วจนมพฺรวิ.
‘ปสฺสถ อิมํ ตาปสํ, ชฏิลํ อุคฺคตาปนํ;
อปริเมยฺเย อิโต กปฺเป, พุทฺโธ โลเก ภวิสฺสติ.
‘อหุ ¶ กปิลวฺหยา รมฺมา, นิกฺขมิตฺวา ตถาคโต;
ปธานํ ปทหิตฺวาน, กตฺวา ทุกฺกรการิกํ.
‘อชปาลรุกฺขมูเล, นิสีทิตฺวา ตถาคโต;
ตตฺถ ปายาสํ ปคฺคยฺห, เนรฺชรมุเปหิติ.
‘เนรฺชราย ตีรมฺหิ, ปายาสํ อท โส ชิโน;
ปฏิยตฺตวรมคฺเคน, โพธิมูลมูเปหิติ.
‘ตโต ¶ ปทกฺขิณํ กตฺวา, โพธิมณฺฑํ อนุตฺตโร;
อสฺสตฺถรุกฺขมูลมฺหิ, พุชฺฌิสฺสติ มหายโส.
‘อิมสฺส ชนิกา มาตา, มายา นาม ภวิสฺสติ;
ปิตา สุทฺโธทโน นาม, อยํ เหสฺสติ โคตโม.
‘อนาสวา วีตราคา, สนฺตจิตฺตา สมาหิตา;
โกลิโต อุปติสฺโส จ, อคฺคา เหสฺสนฺติ สาวกา;
อานนฺโท นามุปฏฺาโก, อุปฏฺิสฺสติ ตํ ชินํ.
‘เขมา ¶ อุปฺปลวณฺณา จ, อคฺคา เหสฺสนฺติ สาวิกา;
อนาสวา วีตราคา, สนฺตจิตฺตา สมาหิตา;
โพธิ ตสฺส ภควโต, อสฺสตฺโถติ ปวุจฺจตี’’’ติ.
สุเมธตาปโส ‘‘มยฺหํ กิร ปตฺถนา สมิชฺฌิสฺสตี’’ติ โสมนสฺสปฺปตฺโต อโหสิ. มหาชโน ทีปงฺกรทสพลสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘สุเมธตาปโส กิร พุทฺธพีชํ พุทฺธงฺกุโร’’ติ หฏฺตุฏฺโ อโหสิ. เอวฺจสฺส อโหสิ ‘‘ยถา นาม ปุริโส นทึ ตรนฺโต อุชุเกน ติตฺเถน อุตฺตริตุํ อสกฺโกนฺโต เหฏฺาติตฺเถน อุตฺตรติ, เอวเมว มยมฺปิ ทีปงฺกรทสพลสฺส สาสเน มคฺคผลํ อลภมานา อนาคเต ยทา ตฺวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ, ตทา ตว สมฺมุขา มคฺคผลํ สจฺฉิกาตุํ สมตฺถา ภเวยฺยามา’’ติ ปตฺถนํ ปยึสุ. ทีปงฺกรทสพโลปิ โพธิสตฺตํ ปสํสิตฺวา อฏฺหิ ปุปฺผมุฏฺีหิ ปูเชตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิ, เตปิ จตุสตสหสฺสสงฺขา ขีณาสวา โพธิสตฺตํ คนฺเธหิ จ มาเลหิ จ ปูเชตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกมึสุ. เทวมนุสฺสา ปน ตเถว ปูเชตฺวา วนฺทิตฺวา ปกฺกนฺตา.
โพธิสตฺโต สพฺเพสํ ปฏิกฺกนฺตกาเล สยนา วุฏฺาย ‘‘ปารมิโย วิจินิสฺสามี’’ติ ปุปฺผราสิมตฺถเก ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา นิสีทิ. เอวํ นิสินฺเน โพธิสตฺเต สกลทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตา สนฺนิปติตฺวา สาธุการํ ทตฺวา ‘‘อยฺย สุเมธตาปส, โปราณกโพธิสตฺตานํ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา ‘ปารมิโย วิจินิสฺสามา’ติ นิสินฺนกาเล ยานิ ปุพฺพนิมิตฺตานิ นาม ปฺายนฺติ, ตานิ สพฺพานิปิ อชฺช ปาตุภูตานิ, นิสฺสํสเยน ¶ ตฺวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ ¶ , มยมฺเปตํ ชานาม ‘ยสฺเสตานิ นิมิตฺตานิ ปฺายนฺติ, เอกนฺเตน โส พุทฺโธ โหติ’, ตฺวํ อตฺตโน วีริยํ ทฬฺหํ กตฺวา ปคฺคณฺหา’’ติ โพธิสตฺตํ นานปฺปการาหิ ถุตีหิ อภิตฺถุนึสุ. เตน วุตฺตํ –
‘‘อิทํ สุตฺวาน วจนํ, อสมสฺส มเหสิโน;
อาโมทิตา นรมรู, พุทฺธพีชํ กิร อยํ.
‘อุกฺกุฏฺิสทฺทา วตฺตนฺติ, อปฺโผเฏนฺติ หสนฺติ จ;
กตฺชลี นมสฺสนฺติ, ทสสหสฺสี สเทวกา.
‘ยทิมสฺส ¶ โลกนาถสฺส, วิรชฺฌิสฺสาม สาสนํ;
อนาคตมฺหิ อทฺธาเน, เหสฺสาม สมฺมุขา อิมํ.
‘ยถา มนุสฺสา นทึ ตรนฺตา, ปฏิภิตฺถํ วิรชฺฌิย;
เหฏฺาติตฺเถ คเหตฺวาน, อุตฺตรนฺติ มหานทึ.
‘เอวเมว มยํ สพฺเพ, ยทิ มฺุจามิมํ ชินํ;
อนาคตมฺหิ อทฺธาเน, เหสฺสาม สมฺมุขา อิมํ’.
‘ทีปงฺกโร โลกวิทู, อาหุตีนํ ปฏิคฺคโห;
มม กมฺมํ ปกิตฺเตตฺวา, ทกฺขิณํ ปาทมุทฺธริ.
‘เย ตตฺถาสุํ ชินปุตฺตา, สพฺเพ ปทกฺขิณมกํสุ มํ;
นรา นาคา จ คนฺธพฺพา, อภิวาเทตฺวาน ปกฺกมุํ.
‘ทสฺสนํ เม อติกฺกนฺเต, สสงฺเฆ โลกนายเก;
หฏฺตุฏฺเน จิตฺเตน, อาสนา วุฏฺหึ ตทา.
‘สุเขน สุขิโต โหมิ, ปาโมชฺเชน ปโมทิโต;
ปีติยา จ อภิสฺสนฺโน, ปลฺลงฺกํ อาภุชึ ตทา.
‘ปลฺลงฺเกน นิสีทิตฺวา, เอวํ จินฺเตสหํ ตทา;
‘วสีภูโต อหํ ฌาเน, อภิฺาสุ ปารมึ คโต.
‘สหสฺสิยมฺหิ โลกมฺหิ, อิสโย นตฺถิ เม สมา;
อสโม อิทฺธิธมฺเมสุ, อลภึ อีทิสํ สุขํ’.
‘ปลฺลงฺกาภุชเน ¶ มยฺหํ, ทสสหสฺสาธิวาสิโน;
มหานาทํ ปวตฺเตสุํ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.
‘ยา ¶ ปุพฺเพ โพธิสตฺตานํ, ปลฺลงฺกวรมาภุเช;
นิมิตฺตานิ ปทิสฺสนฺติ, ตานิ อชฺช ปทิสฺสเร.
‘สีตํ พฺยปคตํ โหติ, อุณฺหฺจ อุปสมฺมติ;
ตานิ อชฺช ปทิสฺสนฺติ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.
‘ทสสหสฺสี โลกธาตู, นิสฺสทฺทา โหนฺติ นิรากุลา;
ตานิ อชฺช ปทิสฺสนฺติ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.
‘มหาวาตา ¶ น วายนฺติ, น สนฺทนฺติ สวนฺติโย;
ตานิ อชฺช ปทิสฺสนฺติ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.
‘ถลชา ทกชา ปุปฺผา, สพฺเพ ปุปฺผนฺติ ตาวเท;
เตปชฺช ปุปฺผิตา สพฺเพ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.
‘ลตา วา ยทิ วา รุกฺขา, ผลภารา โหนฺติ ตาวเท;
เตปชฺช ผลิตา สพฺเพ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.
‘อากาสฏฺา จ ภูมฏฺา, รตนา โชตนฺติ ตาวเท;
เตปชฺช รตนา โชตนฺติ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.
‘มานุสกา จ ทิพฺพา จ, ตุริยา วชฺชนฺติ ตาวเท;
เตปชฺชุโภ อภิรวนฺติ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.
‘วิจิตฺตปุปฺผา คคนา, อภิวสฺสนฺติ ตาวเท;
เตปิ อชฺช ปวสฺสนฺติ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.
‘มหาสมุทฺโท อาภุชติ, ทสสหสฺสี ปกมฺปติ;
เตปชฺชุโภ อภิรวนฺติ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.
‘นิรเยปิ ¶ ทสสหสฺเส, อคฺคี นิพฺพนฺติ ตาวเท;
เตปชฺช นิพฺพุตา อคฺคี, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.
‘วิมโล โหติ สูริโย, สพฺพา ทิสฺสนฺติ ตารกา;
เตปิ อชฺช ปทิสฺสนฺติ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.
‘อโนวฏฺเน ¶ อุทกํ, มหิยา อุพฺภิชฺชิ ตาวเท;
ตมฺปชฺชุพฺภิชฺชเต มหิยา, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.
‘ตาราคณา วิโรจนฺติ, นกฺขตฺตา คคนมณฺฑเล;
วิสาขา จนฺทิมายุตฺตา, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.
‘พิลาสยา ทรีสยา, นิกฺขมนฺติ สกาสยา;
เตปชฺช อาสยา ฉุทฺธา, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.
‘น โหติ อรติ สตฺตานํ, สนฺตุฏฺา โหนฺติ ตาวเท;
เตปชฺช สพฺเพ สนฺตุฏฺา, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.
‘โรคา ตทูปสมฺมนฺติ, ชิฆจฺฉา จ วินสฺสติ;
ตานิปชฺช ปทิสฺสนฺติ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.
‘ราโค ตทา ตนุ โหติ, โทโส โมโห วินสฺสติ;
เตปชฺช วิคตา สพฺเพ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.
‘ภยํ ตทา น ภวติ, อชฺชเปตํ ปทิสฺสติ;
เตน ลิงฺเคน ชานาม, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.
‘รโช นุทฺธํสติ อุทฺธํ, อชฺชเปตํ ปทิสฺสติ;
เตน ลิงฺเคน ชานาม, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.
‘อนิฏฺคนฺโธ ¶ ปกฺกมติ, ทิฏฺคนฺโธ ปวายติ;
โสปชฺช วายติ คนฺโธ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.
‘สพฺเพ ¶ เทวา ปทิสฺสนฺติ, ปยิตฺวา อรูปิโน;
เตปชฺช สพฺเพ ทิสฺสนฺติ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.
‘ยาวตา นิรยา นาม, สพฺเพ ทิสฺสนฺติ ตาวเท;
เตปชฺช สพฺเพ ทิสฺสนฺติ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.
‘กุฏฺฏา กวาฏา เสลา จ, น โหนฺตาวรณา ตทา;
อากาสภูตา เตปชฺช, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.
‘จุตี จ อุปปตฺติ จ, ขเณ ตสฺมึ น วิชฺชติ;
ตานิปชฺช ปทิสฺสนฺติ, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ.
‘ทฬฺหํ ¶ ปคฺคณฺห วีริยํ, มา นิวตฺต อภิกฺกม;
มยมฺเปตํ วิชานาม, ธุวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’’ติ.
โพธิสตฺโต ทีปงฺกรทสพลสฺส จ ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตานฺจ วจนํ สุตฺวา ภิยฺโยโส มตฺตาย สฺชาตุสฺสาโห หุตฺวา จินฺเตสิ ‘‘พุทฺธา นาม อโมฆวจนา, นตฺถิ พุทฺธานํ กถาย อฺถตฺตํ. ยถา หิ อากาเส ขิตฺตเลฑฺฑุสฺส ปตนํ ธุวํ, ชาตสฺส มรณํ ธุวํ, อรุเณ อุคฺคเต สูริยสฺสุฏฺานํ, อาสยา นิกฺขนฺตสีหสฺส สีหนาทนทนํ, ครุคพฺภาย อิตฺถิยา ภารโมโรปนํ อวสฺสํภาวี, เอวเมว พุทฺธานํ วจนํ นาม ธุวํ อโมฆํ, อทฺธา อหํ พุทฺโธ ภวิสฺสามี’’ติ. เตน วุตฺตํ –
‘‘พุทฺธสฺส วจนํ สุตฺวา, ทสสหสฺสีน จูภยํ;
ตุฏฺหฏฺโ ปโมทิโต, เอวํ จินฺเตสหํ ตทา.
‘‘อทฺเวชฺฌวจนา พุทฺธา, อโมฆวจนา ชินา;
วิตถํ นตฺถิ พุทฺธานํ, ธุวํ พุทฺโธ ภวามหํ.
‘‘ยถา ¶ ขิตฺตํ นเภ เลฑฺฑุ, ธุวํ ปตติ ภูมิยํ;
ตเถว พุทฺธเสฏฺานํ, วจนํ ธุวสสฺสตํ.
‘‘ยถาปิ สพฺพสตฺตานํ, มรณํ ธุวสสฺสตํ;
ตเถว พุทฺธเสฏฺานํ, วจนํ ธุวสสฺสตํ.
‘‘ยถา รตฺติกฺขเย ปตฺเต, สูริยุคฺคมนํ ธุวํ;
ตเถว พุทฺธเสฏฺานํ, วจนํ ธุวสสฺสตํ.
‘‘ยถา นิกฺขนฺตสยนสฺส, สีหสฺส นทนํ ธุวํ;
ตเถว พุทฺธเสฏฺานํ, วจนํ ธุวสสฺสตํ.
‘‘ยถา อาปนฺนสตฺตานํ, ภารโมโรปนํ ธุวํ;
ตเถว พุทฺธเสฏฺานํ, วจนํ ธุวสสฺสต’’นฺติ.
โส ‘‘ธุวาหํ พุทฺโธ ภวิสฺสามี’’ติ เอวํ กตสนฺนิฏฺาโน พุทฺธการเก ธมฺเม อุปธาเรตุํ ‘‘กหํ นุ โข พุทฺธการกธมฺมา, กึ ¶ อุทฺธํ, อุทาหุ อโธ, ทิสาสุ, วิทิสาสู’’ติ อนุกฺกเมน สกลํ ธมฺมธาตุํ วิจินนฺโต โปราณกโพธิสตฺเตหิ อาเสวิตนิเสวิตํ ปมํ ทานปารมึ ทิสฺวา เอวํ อตฺตานํ โอวทิ – ‘‘สุเมธปณฺฑิต, ตฺวํ อิโต ปฏฺาย ปมํ ทานปารมึ ปูเรยฺยาสิ. ยถา หิ นิกฺกุชฺชิโต อุทกกุมฺโภ นิสฺเสสํ กตฺวา อุทกํ ¶ วมติเยว, น ปจฺจาหรติ, เอวเมว ธนํ วา ยสํ วา ปุตฺตํ วา ทารํ วา องฺคปจฺจงฺคํ วา อโนโลเกตฺวา สมฺปตฺตยาจกานํ สพฺพํ อิจฺฉิติจฺฉิตํ นิสฺเสสํ กตฺวา ททมาโน โพธิรุกฺขมูเล นิสีทิตฺวา พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ ปมํ ทานปารมึ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘หนฺท พุทฺธกเร ธมฺเม, วิจินามิ อิโต จิโต;
อุทฺธํ อโธ ทส ทิสา, ยาวตา ธมฺมธาตุยา.
‘‘วิจินนฺโต ตทาทกฺขึ, ปมํ ทานปารมึ;
ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อนุจิณฺณํ มหาปถํ.
‘‘อิมํ ¶ ตฺวํ ปมํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;
ทานปารมิตํ คจฺฉ, ยทิ โพธึ ปตฺตุมิจฺฉสิ.
‘‘ยถาปิ กุมฺโภ สมฺปุณฺโณ, ยสฺส กสฺสจิ อโธกโต;
วมเตวุทกํ นิสฺเสสํ, น ตตฺถ ปริรกฺขติ.
‘‘ตเถว ยาจเก ทิสฺวา, หีนมุกฺกฏฺมชฺฌิเม;
ททาหิ ทานํ นิสฺเสสํ, กุมฺโภ วิย อโธกโต’’ติ.
อถสฺส ‘‘น เอตฺตเกเหว พุทฺธการกธมฺเมหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ อุตฺตริปิ อุปธารยโต ทุติยํ สีลปารมึ ทิสฺวา เอตทโหสิ – ‘‘สุเมธปณฺฑิต, ตฺวํ อิโต ปฏฺาย สีลปารมิมฺปิ ปูเรยฺยาสิ. ยถา หิ จมรีมิโค นาม ชีวิตมฺปิ อโนโลเกตฺวา อตฺตโน วาลเมว รกฺขติ, เอวํ ตฺวมฺปิ อิโต ปฏฺาย ชีวิตมฺปิ อโนโลเกตฺวา สีลเมว รกฺขนฺโต พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ ทุติยํ สีลปารมึ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘น เหเต เอตฺตกาเยว, พุทฺธธมฺมา ภวิสฺสเร;
อฺเปิ วิจินิสฺสามิ, เย ธมฺมา โพธิปาจนา.
‘‘วิจินนฺโต ตทาทกฺขึ, ทุติยํ สีลปารมึ;
ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อาเสวิตนิเสวิตํ.
‘‘อิมํ ตฺวํ ทุติยํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;
สีลปารมิตํ คจฺฉ, ยทิ โพธึ ปตฺตุมิจฺฉสิ.
‘‘ยถาปิ จมรี วาลํ, กิสฺมิฺจิ ปฏิลคฺคิตํ;
อุเปติ มรณํ ตตฺถ, น วิโกเปติ วาลธึ.
‘‘ตเถว ¶ จตูสุ ¶ , ภูมีสุ, สีลานิ ปริปูรย;
ปริรกฺข สพฺพทา สีลํ, จมรี วิย วาลธิ’’นฺติ.
อถสฺส ¶ ‘‘น เอตฺตเกเหว พุทฺธการกธมฺเมหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ อุตฺตริปิ อุปธารยโต ตติยํ เนกฺขมฺมปารมึ ทิสฺวา เอตทโหสิ ‘‘สุเมธปณฺฑิต, ตฺวํ อิโต ปฏฺาย เนกฺขมฺมปารมิมฺปิ ปูเรยฺยาสิ. ยถา หิ จิรํ พนฺธนาคาเร วสมาโน ปุริโส น ตตฺถ สิเนหํ กโรติ, อถ โข อุกฺกณฺิโตเยว อวสิตุกาโม โหติ, เอวเมว ตฺวมฺปิ สพฺพภเว พนฺธนาคารสทิเส กตฺวา สพฺพภเวหิ อุกฺกณฺิโต มุจฺจิตุกาโม หุตฺวา เนกฺขมฺมาภิมุโขว โหหิ, เอวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ ตติยํ เนกฺขมฺมปารมึ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘น เหเต เอตฺตกาเยว, พุทฺธธมฺมา ภวิสฺสเร;
อฺเปิ วิจินิสฺสามิ, เย ธมฺมา โพธิปาจนา.
‘‘วิจินนฺโต ตทาทกฺขึ, ตติยํ เนกฺขมฺมปารมึ;
ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อาเสวิตนิเสวิตํ.
‘‘อิมํ ตฺวํ ตติยํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;
เนกฺขมฺมปารมิตํ คจฺฉ, ยทิ โพธึ ปตฺตุมิจฺฉสิ.
‘‘ยถา อนฺทุฆเร ปุริโส, จิรวุตฺโถ ทุขฏฺฏิโต;
น ตตฺถ ราคํ ชเนติ, มุตฺติเมว คเวสติ.
‘‘ตเถว ตฺวํ สพฺพภเว, ปสฺส อนฺทุฆเร วิย;
เนกฺขมฺมาภิมุโข โหหิ, ภวโต ปริมุตฺติยา’’ติ.
อถสฺส ‘‘น เอตฺตเกเหว พุทฺธการกธมฺเมหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ อุตฺตริปิ อุปธารยโต จตุตฺถํ ปฺาปารมึ ทิสฺวา เอตทโหสิ – ‘‘สุเมธปณฺฑิต, ตฺวํ อิโต ปฏฺาย ปฺาปารมิมฺปิ ปูเรยฺยาสิ. หีนมชฺฌิมุกฺกฏฺเสุ กฺจิ อวชฺเชตฺวา สพฺเพปิ ปณฺฑิเต อุปสงฺกมิตฺวา ปฺหํ ปุจฺเฉยฺยาสิ. ยถา หิ ปิณฺฑจาริโก ภิกฺขุ หีนาทิเกสุ กุเลสุ กิฺจิ อวชฺเชตฺวา ปฏิปาฏิยา ปิณฺฑาย จรนฺโต ขิปฺปํ ยาปนํ ลภติ, เอวํ ตฺวมฺปิ สพฺพปณฺฑิเต อุปสงฺกมิตฺวา ปฺหํ ปุจฺฉนฺโต พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ จตุตฺถํ ปฺาปารมึ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘น ¶ ¶ เหเต เอตฺตกาเยว, พุทฺธธมฺมา ภวิสฺสเร;
อฺเปิ วิจินิสฺสามิ, เย ธมฺมา โพธิปาจนา.
‘‘วิจินนฺโต ตทาทกฺขึ, จตุตฺถํ ปฺาปารมึ;
ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อาเสวิตนิเสวิตํ.
‘‘อิมํ ตฺวํ จตุตฺถํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;
ปฺาปารมิตํ คจฺฉ, ยทิ โพธึ ปตฺตุมิจฺฉสิ.
‘‘ยถาปิ ¶ ภิกฺขุ ภิกฺขนฺโต, หีนมุกฺกฏฺมชฺฌิเม;
กุลานิ น วิวชฺเชนฺโต, เอวํ ลภติ ยาปนํ.
‘‘ตเถว ตฺวํ สพฺพกาลํ, ปริปุจฺฉนฺโต พุธํ ชนํ;
ปฺาปารมิตํ คนฺตฺวา, สมฺโพธึ ปาปุณิสฺสสี’’ติ.
อถสฺส ‘‘น เอตฺตเกเหว พุทฺธการกธมฺเมหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ อุตฺตริปิ อุปธารยโต ปฺจมํ วีริยปารมึ ทิสฺวา เอตทโหสิ – ‘‘สุเมธปณฺฑิต, ตฺวํ อิโต ปฏฺาย วีริยปารมิมฺปิ ปูเรยฺยาสิ. ยถา หิ สีโห มิคราชา สพฺพอิริยาปเถสุ ทฬฺหวีริโย โหติ, เอวํ ตฺวมฺปิ สพฺพภเวสุ สพฺพอิริยาปเถสุ ทฬฺหวีริโย อโนลีนวีริโย สมาโน พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ ปฺจมํ วีริยปารมึ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘น เหเต เอตฺตกาเยว, พุทฺธธมฺมา ภวิสฺสเร;
อฺเปิ วิจินิสฺสามิ, เย ธมฺมา โพธิปาจนา.
‘‘วิจินนฺโต ตทาทกฺขึ, ปฺจมํ วีริยปารมึ;
ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อาเสวิตนิเสวิตํ.
‘‘อิมํ ตฺวํ ปฺจมํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;
วีริยปารมิตํ คจฺฉ, ยทิ โพธึ ปตฺตุมิจฺฉสิ.
‘‘ยถาปิ ¶ สีโห มิคราชา, นิสชฺชฏฺานจงฺกเม;
อลีนวีริโย โหติ, ปคฺคหิตมโน สทา.
‘‘ตเถว ตฺวํ สพฺพภเว, ปคฺคณฺห วีริยํ ทฬฺหํ;
วีริยปารมิตํ คนฺตฺวา, สมฺโพธึ ปาปุณิสฺสสี’’ติ.
อถสฺส ‘‘น เอตฺตเกเหว พุทฺธการกธมฺเมหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ อุตฺตริปิ อุปธารยโต ฉฏฺํ ขนฺติปารมึ ทิสฺวา เอตทโหสิ – ‘‘สุเมธปณฺฑิต, ตฺวํ อิโต ¶ ปฏฺาย ขนฺติปารมิมฺปิ ปูเรยฺยาสิ. สมฺมานเนปิ อวมานเนปิ ขโมว ภเวยฺยาสิ. ยถา หิ ปถวิยํ นาม สุจิมฺปิ ปกฺขิปนฺติ อสุจิมฺปิ, น เตน ปถวี สิเนหํ, น ปฏิฆํ กโรติ, ขมติ สหติ อธิวาเสติเยว, เอวํ ตฺวมฺปิ สมฺมานนาวมานนกฺขโมว สมาโน พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ ฉฏฺํ ขนฺติปารมึ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘น เหเต เอตฺตกาเยว, พุทฺธธมฺมา ภวิสฺสเร;
อฺเปิ วิจินิสฺสามิ, เย ธมฺมา โพธิปาจนา.
‘‘วิจินนฺโต ตทาทกฺขึ, ฉฏฺมํ ขนฺติปารมึ;
ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อาเสวิตนิเสวิตํ.
‘‘อิมํ ตฺวํ ฉฏฺมํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;
ตตฺถ อทฺเวชฺฌมานโส, สมฺโพธึ ปาปุณิสฺสสิ.
‘‘ยถาปิ ¶ ปถวี นาม, สุจิมฺปิ อสุจิมฺปิ จ;
สพฺพํ สหติ นิกฺเขปํ, น กโรติ ปฏิฆํ ตยา.
‘‘ตเถว ตฺวมฺปิ สพฺเพสํ, สมฺมานาวมานกฺขโม;
ขนฺติปารมิตํ คนฺตฺวา, สมฺโพธึ ปาปุณิสฺสสี’’ติ.
อถสฺส ‘‘น เอตฺตเกเหว พุทฺธการกธมฺเมหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ อุตฺตริปิ อุปธารยโต สตฺตมํ สจฺจปารมึ ทิสฺวา เอตทโหสิ – ‘‘สุเมธปณฺฑิต, ตฺวํ อิโต ปฏฺาย สจฺจปารมิมฺปิ ปูเรยฺยาสิ. อสนิยา ¶ มตฺถเก ปตมานายปิ ธนาทีนํ อตฺถาย ฉนฺทาทิวเสน สมฺปชานมุสาวาทํ นาม มากาสิ. ยถา หิ โอสธิตารกา นาม สพฺพอุตูสุ อตฺตโน คมนวีถึ ชหิตฺวา อฺาย วีถิยา น คจฺฉติ, สกวีถิยาว คจฺฉติ, เอวเมว ตฺวมฺปิ สจฺจํ ปหาย มุสาวาทํ นาม อกโรนฺโตเยว พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ สตฺตมํ สจฺจปารมึ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘น เหเต เอตฺตกาเยว, พุทฺธธมฺมา ภวิสฺสเร;
อฺเปิ วิจินิสฺสามิ, เย ธมฺมา โพธิปาจนา.
‘‘วิจินนฺโต ตทาทกฺขึ, สตฺตมํ สจฺจปารมึ;
ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อาเสวิตนิเสวิตํ.
‘‘อิมํ ¶ ตฺวํ สตฺตมํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;
ตตฺถ อทฺเวชฺฌวจโน, สมฺโพธึ ปาปุณิสฺสสิ.
‘‘ยถาปิ โอสธี นาม, ตุลาภูตา สเทวเก;
สมเย อุตุวสฺเส วา, น โวกฺกมติ วีถิโต.
‘‘ตเถว ตฺวมฺปิ สจฺเจสุ, มา โวกฺกมสิ วีถิโต;
สจฺจปารมิตํ คนฺตฺวา, สมฺโพธึ ปาปุณิสฺสสี’’ติ.
อถสฺส ‘‘น เอตฺตเกเหว พุทฺธการกธมฺเมหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ อุตฺตริปิ อุปธารยโต อฏฺมํ อธิฏฺานปารมึ ทิสฺวา เอตทโหสิ – ‘‘สุเมธปณฺฑิต, ตฺวํ อิโต ปฏฺาย อธิฏฺานปารมิมฺปิ ปูเรยฺยาสิ. ยํ อธิฏฺาสิ, ตสฺมึ อธิฏฺาเน นิจฺจโล ภเวยฺยาสิ. ยถา หิ ปพฺพโต นาม สพฺพทิสาสุ วาเตหิ ปหโฏปิ น กมฺปติ น จลติ, อตฺตโน าเนเยว ติฏฺติ, เอวเมว ตฺวมฺปิ อตฺตโน อธิฏฺาเน นิจฺจโล โหนฺโตว พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ อฏฺมํ อธิฏฺานปารมึ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘น เหเต เอตฺตกาเยว, พุทฺธธมฺมา ภวิสฺสเร;
อฺเปิ วิจินิสฺสามิ, เย ธมฺมา โพธิปาจนา.
‘‘วิจินนฺโต ¶ ¶ ตทาทกฺขึ, อฏฺมํ อธิฏฺานปารมึ;
ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อาเสวิตนิเสวิตํ.
‘‘อิมํ ตฺวํ อฏฺมํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;
ตตฺถ ตฺวํ อจโล หุตฺวา, สมฺโพธึ ปาปุณิสฺสสิ.
‘‘ยถาปิ ปพฺพโต เสโล, อจโล สุปฺปติฏฺิโต;
น กมฺปติ ภุสวาเตหิ, สกฏฺาเนว ติฏฺติ.
‘‘ตเถว ตฺวมฺปิ อธิฏฺาเน, สพฺพทา อจโล ภว;
อธิฏฺานปารมิตํ คนฺตฺวา, สมฺโพธึ ปาปุณิสฺสสี’’ติ.
อถสฺส ‘‘น เอตฺตเกเหว พุทฺธการกธมฺเมหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ อุตฺตริปิ อุปธารยโต นวมํ เมตฺตาปารมึ ทิสฺวา เอตทโหสิ – ‘‘สุเมธปณฺฑิต, ตฺวํ อิโต ปฏฺาย นวมํ เมตฺตาปารมิมฺปิ ปูเรยฺยาสิ. อหิเตสุปิ หิเตสุปิ เอกจิตฺโต ภเวยฺยาสิ. ยถา หิ อุทกํ นาม ปาปชนสฺสาปิ กลฺยาณชนสฺสาปิ สีติภาวํ เอกสทิสํ กตฺวา ผรติ, เอวเมว ตฺวมฺปิ สพฺพสตฺเตสุ ¶ เมตฺตจิตฺเตน เอกจิตฺโตว โหนฺโต พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ นวมํ เมตฺตาปารมึ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘น เหเต เอตฺตกาเยว, พุทฺธธมฺมา ภวิสฺสเร;
อฺเปิ วิจินิสฺสามิ, เย ธมฺมา โพธิปาจนา.
‘‘วิจินนฺโต ตทาทกฺขึ, นวมํ เมตฺตาปารมึ;
ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อาเสวิตนิเสวิตํ.
‘‘อิมํ ตฺวํ นวมํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;
เมตฺตาย อสโม โหหิ, ยทิ โพธึ ปตฺตุมิจฺฉสิ.
‘‘ยถาปิ อุทกํ นาม, กลฺยาเณ ปาปเก ชเน;
สมํ ผรติ สีเตน, ปวาเหติ รโชมลํ.
‘‘ตเถว ¶ ตฺวมฺปิ อหิตหิเต, สมํ เมตฺตาย ภาวย;
เมตฺตาปารมิตํ คนฺตฺวา, สมฺโพธึ ปาปุณิสฺสสี’’ติ.
อถสฺส ‘‘น เอตฺตเกเหว พุทฺธการกธมฺเมหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ อุตฺตริปิ อุปธารยโต ทสมํ อุเปกฺขาปารมึ ทิสฺวา เอตทโหสิ – ‘‘สุเมธปณฺฑิต, ตฺวํ อิโต ปฏฺาย อุเปกฺขาปารมิมฺปิ ปูเรยฺยาสิ. สุเขปิ ทุกฺเขปิ มชฺฌตฺโตว ภเวยฺยาสิ. ยถา หิ ปถวี นาม สุจิมฺปิ อสุจิมฺปิ ปกฺขิปฺปมานา มชฺฌตฺตาว โหติ, เอวเมว ตฺวมฺปิ สุขทุกฺเขสุ มชฺฌตฺโตว โหนฺโต พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ ทสมํ อุเปกฺขาปารมึ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘น ¶ เหเต เอตฺตกาเยว, พุทฺธธมฺมา ภวิสฺสเร;
อฺเปิ วิจินิสฺสามิ, เย ธมฺมา โพธิปาจนา.
‘‘วิจินนฺโต ตทาทกฺขึ, ทสมํ อุเปกฺขาปารมึ;
ปุพฺพเกหิ มเหสีหิ, อาเสวิตนิเสวิตํ.
‘‘อิมํ ตฺวํ ทสมํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;
ตุลาภูโต ทฬฺโห หุตฺวา, สมฺโพธึ ปาปุณิสฺสสิ.
‘‘ยถาปิ ปถวี นาม, นิกฺขิตฺตํ อสุจึ สุจึ;
อุเปกฺขติ อุโภเปเต, โกปานุนยวชฺชิตา.
‘‘ตเถว ตฺวมฺปิ สุขทุกฺเข, ตุลาภูโต สทา ภว;
อุเปกฺขาปารมิตํ คนฺตฺวา, สมฺโพธึ ปาปุณิสฺสสี’’ติ.
ตโต ¶ จินฺเตสิ – ‘‘อิมสฺมึ โลเก โพธิสตฺเตหิ ปูเรตพฺพา โพธิปริปาจนา พุทฺธการกธมฺมา เอตฺตกาเยว, ทส ปารมิโย เปตฺวา อฺเ นตฺถิ, อิมาปิ ทส ปารมิโย อุทฺธํ อากาเสปิ นตฺถิ, เหฏฺา ปถวิยมฺปิ, ปุรตฺถิมาทีสุ ทิสาสุปิ นตฺถิ, มยฺหเมว ปน หทยมํสพฺภนฺตเร ปติฏฺิตา’’ติ. เอวํ ตาสํ หทเย ปติฏฺิตภาวํ ทิสฺวา สพฺพาปิ ตา ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาย ปุนปฺปุนํ สมฺมสนฺโต อนุโลมปฏิโลมํ สมฺมสติ, ปริยนฺเต คเหตฺวา อาทึ ปาเปติ, อาทิมฺหิ คเหตฺวา ปริยนฺเต เปติ, มชฺเฌ คเหตฺวา อุภโต โอสาเปติ, อุภโต โกฏีสุ ¶ เหตฺวา มชฺเฌ โอสาเปติ. พาหิรกภณฺฑปริจฺจาโค ทานปารมี นาม, องฺคปริจฺจาโค ทานอุปปารมี นาม, ชีวิตปริจฺจาโค ทานปรมตฺถปารมี นามาติ ทส ปารมิโย ทส อุปปารมิโย ทส ปรมตฺถปารมิโย ยนฺตเตลํ วินิวฏฺเฏนฺโต วิย มหาเมรุํ มตฺถํ กตฺวา จกฺกวาฬมหาสมุทฺทํ อาลุเฬนฺโต วิย จ สมฺมสิ. ตสฺเสวํ ทส ปารมิโย สมฺมสนฺตสฺส ธมฺมเตเชน จตุนหุตาธิกทฺวิโยชนสตสหสฺสพหลา อยํ มหาปถวี หตฺถินา อกฺกนฺตนฬกลาโป วิย, ปีฬิยมานํ อุจฺฉุยนฺตํ วิย จ มหาวิรวํ วิรวมานา สงฺกมฺปิ สมฺปกมฺปิ สมฺปเวธิ, กุลาลจกฺกํ วิย เตลยนฺตจกฺกํ วิย จ ปริพฺภมิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘เอตฺตกาเยว เต โลเก, เย ธมฺมา โพธิปาจนา;
ตตุทฺธํ นตฺถิ อฺตฺร, ทฬฺหํ ตตฺถ ปติฏฺห.
‘‘อิเม ธมฺเม สมฺมสโต, สภาวสรสลกฺขเณ;
ธมฺมเตเชน วสุธา, ทสสหสฺสี ปกมฺปถ.
‘‘จลตี รวตี ปถวี, อุจฺฉุยนฺตํว ปีฬิตํ;
เตลยนฺเต ยถา จกฺกํ, เอวํ กมฺปติ เมทนี’’ติ.
มหาปถวิยา ¶ กมฺปมานาย รมฺมนครวาสิโน สณฺาตุํ อสกฺโกนฺตา ยุคนฺตวาตพฺภาหตา มหาสาลา วิย มุจฺฉิตมุจฺฉิตาว ปปตึสุ, ฆฏาทีนิ ¶ กุลาลภาชนานิ ปวฏฺฏนฺตานิ อฺมฺํ ปหรนฺตานิ จุณฺณวิจุณฺณานิ อเหสุํ. มหาชโน ภีตตสิโต สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘กึ นุ โข ภควา นาคาวฏฺโฏ อยํ ภูตยกฺขเทวตาสุ อฺตราวฏฺโฏติ น หิ มยํ เอตํ ชานาม, อปิจ โข สพฺโพปิ อยํ มหาชโน อุปทฺทุโต, กึ นุ โข อิมสฺส โลกสฺส ปาปกํ ภวิสฺสติ, อุทาหุ กลฺยาณํ, กเถถ โน เอตํ การณ’’นฺติ อาห. อถ สตฺถา เตสํ กถํ สุตฺวา ‘‘ตุมฺเห มา ภายถ มา จินฺตยิตฺถ, นตฺถิ โว อิโตนิทานํ ภยํ. โย โส มยา อชฺช สุเมธปณฺฑิโต ‘อนาคเต โคตโม นาม พุทฺโธ ภวิสฺสตี’ติ พฺยากโต, โส ทส ปารมิโย สมฺมสติ, ตสฺส ทส ปารมิโย สมฺมสนฺตสฺส วิโลเฬนฺตสฺส ธมฺมเตเชน สกลทสสหสฺสิโลกธาตุ เอกปฺปหาเรน กมฺปติ, เจว, รวติ จา’’ติ อาห. เตน วุตฺตํ –
‘‘ยาวตา ปริสา อาสิ, พุทฺธสฺส ปริเวสเน;
ปเวธมานา สา ตตฺถ, มุจฺฉิตา เสสิ ภูมิยํ.
‘‘ฆฏาเนกสหสฺสานิ ¶ , กุมฺภีนฺจ สตา พหู;
สฺจุณฺณมถิตา ตตฺถ, อฺมฺํ ปฆฏฺฏิตา.
‘‘อุพฺพิคฺคา ตสิตา ภีตา, ภนฺตา พฺยธิตมานสา;
มหาชนา สมาคมฺม, ทีปงฺกรมุปาคมุํ.
‘กึ ภวิสฺสติ โลกสฺส, กลฺยาณมถ ปาปกํ;
สพฺโพ อุปทฺทุโต โลโก, ตํ วิโนเทหิ จกฺขุม’.
‘‘เตสํ ตทา สฺาเปสิ, ทีปงฺกโร มหามุนิ;
วิสฺสตฺถา โหถ มา ภาถ, อิมสฺมึ ปถวิกมฺปเน.
‘‘ยมหํ อชฺช พฺยากาสึ, พุทฺโธ โลเก ภวิสฺสติ;
เอโส สมฺมสติ ธมฺมํ, ปุพฺพกํ ชินเสวิตํ.
‘‘ตสฺส สมฺมสโต ธมฺมํ, พุทฺธภูมึ อเสสโต;
เตนายํ กมฺปิตา ปถวี, ทสสหสฺสี สเทวเก’’ติ.
มหาชโน ตถาคตสฺส วจนํ สุตฺวา หฏฺตุฏฺโ มาลาคนฺธวิเลปนํ อาทาย รมฺมนครา นิกฺขมิตฺวา โพธิสตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา มาลาทีหิ ปูเชตฺวา ¶ วนฺทิตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา รมฺมนครเมว ปาวิสิ. โพธิสตฺโตปิ ทส ปารมิโย สมฺมสิตฺวา วีริยํ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาย นิสินฺนาสนา วุฏฺาสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘พุทฺธสฺส ¶ วจนํ สุตฺวา, มโน นิพฺพายิ ตาวเท;
สพฺเพ มํ อุปสงฺกมฺม, ปุนาปิ อภิวนฺทิสุํ.
‘‘สมาทิยิตฺวา พุทฺธคุณํ, ทฬฺหํ กตฺวาน มานสํ;
ทีปงฺกรํ นมสฺสิตฺวา, อาสนา วุฏฺหึ ตทา’’ติ.
อถ โพธิสตฺตํ อาสนา วุฏฺหนฺตํ สกลทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตา สนฺนิปติตฺวา ทิพฺเพหิ มาลาคนฺเธหิ ¶ ปูเชตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘อยฺย สุเมธตาปส, ตยา อชฺช ทีปงฺกรทสพลสฺส ปาทมูเล มหตี ปตฺถนา ปตฺถิตา, สา เต อนนฺตราเยน สมิชฺฌตุ, มา เต ภยํ วา ฉมฺภิตตฺตํ วา อโหสิ, สรีเร อปฺปมตฺตโกปิ โรโค มา อุปฺปชฺชิ, ขิปฺปํ ปารมิโย ปูเรตฺวา สมฺมาสมฺโพธึ ปฏิวิชฺฌ. ยถา ปุปฺผูปคผลูปคา รุกฺขา สมเย ปุปฺผนฺติ เจว ผลนฺติ จ, ตเถว ตฺวมฺปิ สมยํ อนติกฺกมิตฺวา ขิปฺปํ สมฺโพธิมุตฺตมํ ผุสสฺสู’’ติอาทีนิ ถุติมงฺคลานิ ปยิรุทาหํสุ, เอวํ ปยิรุทาหิตฺวา อตฺตโน อตฺตโน เทวฏฺานเมว อคมํสุ. โพธิสตฺโตปิ เทวตาหิ อภิตฺถุโต ‘‘อหํ ทส ปารมิโย ปูเรตฺวา กปฺปสตสหสฺสาธิกานํ จตุนฺนํ อสงฺขฺเยยฺยานํ มตฺถเก พุทฺโธ ภวิสฺสามี’’ติ วีริยํ ทฬฺหํ กตฺวา อธิฏฺาย นภํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา หิมวนฺตเมว อคมาสิ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ทิพฺพํ มานุสกํ ปุปฺผํ, เทวา มานุสกา อุโภ;
สโมกิรนฺติ ปุปฺเผหิ, วุฏฺหนฺตสฺส อาสนา.
‘‘เวทยนฺติ จ เต โสตฺถึ, เทวา มานุสกา อุโภ;
มหนฺตํ ปตฺถิตํ ตุยฺหํ, ตํ ลภสฺสุ ยถิจฺฉิตํ.
‘‘สพฺพีติโย วิวชฺชนฺตุ, โสโก โรโค วินสฺสตุ;
มา เต ภวนฺตฺวนฺตรายา, ผุส ขิปฺปํ โพธิมุตฺตมํ.
‘‘ยถาปิ สมเย ปตฺเต, ปุปฺผนฺติ ปุปฺผิโน ทุมา;
ตเถว ตฺวํ มหาวีร, พุทฺธาเณน ปุปฺผสฺสุ.
‘‘ยถา ¶ เย เกจิ สมฺพุทฺธา, ปูรยุํ ทส ปารมี;
ตเถว ตฺวํ มหาวีร, ปูรย ทส ปารมี.
‘‘ยถา เย เกจิ สมฺพุทฺธา, โพธิมณฺฑมฺหิ พุชฺฌเร;
ตเถว ตฺวํ มหาวีร, พุชฺฌสฺสุ ชินโพธิยํ.
‘‘ยถา เย เกจิ สมฺพุทฺธา, ธมฺมจกฺกํ ปวตฺตยุํ;
ตเถว ตฺวํ มหาวีร, ธมฺมจกฺกํ ปวตฺตย.
‘‘ปุณฺณมาเย ¶ ยถา จนฺโท, ปริสุทฺโธ วิโรจติ;
ตเถว ตฺวํ ปุณฺณมโน, วิโรจ ทสสหสฺสิยํ.
‘‘ราหุมุตฺโต ¶ ยถา สูริโย, ตาเปน อติโรจติ;
ตเถว โลกา มุจฺจิตฺวา, วิโรจ สิริยา ตุวํ.
‘‘ยถา ยา กาจิ นทิโย, โอสรนฺติ มโหทธึ;
เอวํ สเทวกา โลกา, โอสรนฺตุ ตวนฺติเก.
‘‘เตหิ ถุตปฺปสตฺโถ โส, ทส ธมฺเม สมาทิย;
เต ธมฺเม ปริปูเรนฺโต, ปวนํ ปาวิสี ตทา’’ติ.
สุเมธกถา นิฏฺิตา.
รมฺมนครวาสิโนปิ โข นครํ ปวิสิตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ อทํสุ. สตฺถา เตสํ ธมฺมํ เทเสตฺวา มหาชนํ สรณาทีสุ ปติฏฺาเปตฺวา รมฺมนครมฺหา นิกฺขมิตฺวา ตโต อุทฺธมฺปิ ยาวตายุกํ ติฏฺนฺโต สพฺพํ พุทฺธกิจฺจํ กตฺวา อนุกฺกเมน อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายิ. ตตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ สพฺพํ พุทฺธวํเส วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. วุตฺตฺหิ ตตฺถ –
‘‘ตทา เต โภชยิตฺวาน, สสงฺฆํ โลกนายกํ;
อุปคจฺฉุํ สรณํ ตสฺส, ทีปงฺกรสฺส สตฺถุโน.
‘‘สรณาคมเน กฺจิ, นิเวเสติ ตถาคโต;
กฺจิ ปฺจสุ สีเลสุ, สีเล ทสวิเธ ปรํ.
‘‘กสฺสจิ ¶ เทติ สามฺํ, จตุโร ผลมุตฺตเม;
กสฺสจิ อสเม ธมฺเม, เทติ โส ปฏิสมฺภิทา.
‘‘กสฺสจิ ¶ วรสมาปตฺติโย, อฏฺ เทติ นราสโภ;
ติสฺโส กสฺสจิ วิชฺชาโย, ฉฬภิฺา ปเวจฺฉติ.
‘‘เตน โยเคน ชนกายํ, โอวทติ มหามุนิ;
เตน วิตฺถาริกํ อาสิ, โลกนาถสฺส สาสนํ.
‘‘มหาหนุสภกฺขนฺโธ, ทีปงฺกรสนามโก;
พหู ชเน ตารยติ, ปริโมเจติ ทุคฺคตึ.
‘‘โพธเนยฺยํ ชนํ ทิสฺวา, สตสหสฺเสปิ โยชเน;
ขเณน อุปคนฺตฺวาน, โพเธติ ตํ มหามุนิ.
‘‘ปมาภิสมเย พุทฺโธ, โกฏิสตมโพธยิ;
ทุติยาภิสมเย นาโถ, นวุติโกฏิมโพธยิ.
‘‘ยทา จ เทวภวนมฺหิ, พุทฺโธ ธมฺมมเทสยิ;
นวุติโกฏิสหสฺสานํ, ตติยาภิสมโย อหุ.
‘‘สนฺนิปาตา ¶ ตโย อาสุํ, ทีปงฺกรสฺส สตฺถุโน;
โกฏิสตสหสฺสานํ, ปโม อาสิ สมาคโม.
‘‘ปุน นารทกูฏมฺหิ, ปวิเวกคเต ชิเน;
ขีณาสวา วีตมลา, สมึสุ สตโกฏิโย.
‘‘ยมฺหิ กาเล มหาวีโร, สุทสฺสนสิลุจฺจเย;
นวุติโกฏิสหสฺเสหิ, ปวาเรสิ มหามุนิ.
‘‘อหํ เตน สมเยน, ชฏิโล อุคฺคตาปโน;
อนฺตลิกฺขมฺหิ จรโณ, ปฺจาภิฺาสุ ปารคู.
‘‘ทสวีสสหสฺสานํ ¶ , ธมฺมาภิสมโย อหุ;
เอกทฺวินฺนํ อภิสมยา, คณนาโต อสงฺขิยา.
‘‘วิตฺถาริกํ พาหุชฺํ, อิทฺธํ ผีตํ อหุ ตทา;
ทีปงฺกรสฺส ภควโต, สาสนํ สุวิโสธิตํ.
‘‘จตฺตาริ ¶ สตสหสฺสานิ, ฉฬภิฺา มหิทฺธิกา;
ทีปงฺกรํ โลกวิทุํ, ปริวาเรนฺติ สพฺพทา.
‘‘เย เกจิ เตน สมเยน, ชหนฺติ มานุสํ ภวํ;
อปตฺตมานสา เสกฺขา, ครหิตา ภวนฺติ เต.
‘‘สุปุปฺผิตํ ปาวจนํ, อรหนฺเตหิ ตาทิหิ;
ขีณาสเวหิ วิมเลหิ, อุปโสภติ สเทวเก.
‘‘นครํ รมฺมวตี นาม, สุเทโว นาม ขตฺติโย;
สุเมธา นาม ชนิกา, ทีปงฺกรสฺส สตฺถุโน.
‘‘สุมงฺคโล จ ติสฺโส จ, อเหสุํ อคฺคสาวกา;
สาคโต นามุปฏฺาโก, ทีปงฺกรสฺส สตฺถุโน.
‘‘นนฺทา เจว สุนนฺทา จ, อเหสุํ อคฺคสาวิกา;
โพธิ ตสฺส ภควโต, ปิปฺผลีติ ปวุจฺจติ.
‘‘อสีติหตฺถมุพฺเพโธ, ทีปงฺกโร มหามุนิ;
โสภติ ทีปรุกฺโขว, สาลราชาว ผุลฺลิโต.
‘‘สตสหสฺสวสฺสานิ, อายุ ตสฺส มเหสิโน;
ตาวตา ติฏฺมาโน โส, ตาเรสิ ชนตํ พหุํ.
‘‘โชตยิตฺวาน ¶ สทฺธมฺมํ, สนฺตาเรตฺวา มหาชนํ;
ชลิตฺวา อคฺคิขนฺโธว, นิพฺพุโต โส สสาวโก.
‘‘สา จ อิทฺธิ โส จ ยโส, ตานิ จ ปาเทสุ จกฺกรตนานิ;
สพฺพํ ตมนฺตรหิตํ, นนุ ริตฺตา สพฺพสงฺขารา’’ติ.
ทีปงฺกรสฺส ¶ ปน ภควโต อปรภาเค เอกํ อสงฺขฺเยยฺยํ อติกฺกมิตฺวา โกณฺฑฺโ นาม สตฺถา อุทปาทิ. ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา อเหสุํ. ปมสนฺนิปาเต โกฏิสตสหสฺสํ, ทุติเย โกฏิสหสฺสํ, ตติเย นวุติโกฏิโย. ตทา โพธิสตฺโต วิชิตาวี นาม จกฺกวตฺตี หุตฺวา โกฏิสตสหสฺสสงฺขสฺส พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ อทาสิ. สตฺถา โพธิสตฺตํ ‘‘พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากริตฺวา ธมฺมํ เทเสสิ. โส สตฺถุ ธมฺมกถํ สุตฺวา รชฺชํ นิยฺยาเทตฺวา ปพฺพชิ. โส ตีณิ ¶ ปิฏกานิ อุคฺคเหตฺวา อฏฺ สมาปตฺติโย ปฺจ อภิฺาโย จ อุปฺปาเทตฺวา อปริหีนชฺฌาโน พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺติ. โกณฺฑฺสฺส พุทฺธสฺส ปน รมฺมวตี นาม นครํ, สุนนฺโท นาม ขตฺติโย ปิตา, สุชาตา นาม เทวี มาตา, ภทฺโท จ สุภทฺโท จ ทฺเว อคฺคสาวกา, อนุรุทฺโธ นามุปฏฺาโก, ติสฺสา จ อุปติสฺสา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, สาลกลฺยาณี โพธิ, อฏฺาสีติหตฺถุพฺเพธํ สรีรํ, วสฺสสตสหสฺสํ อายุปฺปมาณํ อโหสิ.
‘‘ทีปงฺกรสฺส อปเรน, โกณฺฑฺโ นาม นายโก;
อนนฺตเตโช อมิตยโส, อปฺปเมยฺโย ทุราสโท’’ติ.
ตสฺส อปรภาเค เอกํ อสงฺขฺเยยฺยํ อติกฺกมิตฺวา เอกสฺมึเยว กปฺเป จตุโร พุทฺธา นิพฺพตฺตึสุ มงฺคโล, สุมโน, เรวโต, โสภิโตติ. มงฺคลสฺส ภควโต ตโย สนฺนิปาตา อเหสุํ. เตสุ ปมสนฺนิปาเต โกฏิสตสหสฺสํ ภิกฺขู อเหสุํ, ทุติเย โกฏิสหสฺสํ, ตติเย นวุติโกฏิโย. เวมาติกภาตา กิรสฺส อานนฺทกุมาโร นาม นวุติโกฏิสงฺขาย ปริสาย สทฺธึ ธมฺมสฺสวนตฺถาย สตฺถุ สนฺติกํ อคมาสิ. สตฺถา ตสฺส อนุปุพฺพึ กถํ กเถสิ, โส สทฺธึ ปริสาย สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. สตฺถา เตสํ กุลปุตฺตานํ ปุพฺพจริตํ โอโลเกนฺโต อิทฺธิมยปตฺตจีวรสฺส อุปนิสฺสยํ ทิสฺวา ทกฺขิณหตฺถํ ปสาเรตฺวา ‘‘เอถ, ภิกฺขโว’’ติ อาห. สพฺเพ ตงฺขณฺเว อิทฺธิมยปตฺตจีวรธรา สฏฺิวสฺสมหาเถรา วิย อากปฺปสมฺปนฺนา หุตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ปริวารยึสุ. อยมสฺส ตติโย สาวกสนฺนิปาโต อโหสิ.
ยถา ¶ ปน อฺเสํ พุทฺธานํ สมนฺตา อสีติหตฺถปฺปมาณาเยว สรีรปฺปภา อโหสิ, น เอวํ ตสฺส ตสฺส ปน ภควโต สรีรปฺปภา นิจฺจกาลํ ทสสหสฺสิโลกธาตุํ ผริตฺวา อฏฺาสิ. รุกฺขปถวิปพฺพตสมุทฺทาทโย อนฺตมโส อุกฺขลิกาทีนิ อุปาทาย สุวณฺณปฏฺฏปริโยนทฺธา วิย อเหสุํ. อายุปฺปมาณํ ปนสฺส นวุติวสฺสสหสฺสานิ อโหสิ. เอตฺตกํ กาลํ จนฺทิมสูริยาทโย อตฺตโน ปภาย วิโรจิตุํ นาสกฺขึสุ, รตฺตินฺทิวปริจฺเฉโท น ปฺายิตฺถ. ทิวา สูริยาโลเกน วิย สตฺตา นิจฺจํ ¶ ¶ พุทฺธาโลเกเนว วิจรึสุ, สายํ ปุปฺผิตกุสุมานํ, ปาโต รวนกสกุณาทีนฺจ วเสน โลโก รตฺตินฺทิวปริจฺเฉทํ สลฺลกฺเขสิ.
กึ ปน อฺเสํ พุทฺธานํ อยมานุภาโว นตฺถีติ? โน นตฺถิ. เตปิ หิ อากงฺขมานา ทสสหสฺสึ วา โลกธาตุํ ตโต วา ภิยฺโย อาภาย ผเรยฺยุํ. มงฺคลสฺส ปน ภควโต ปุพฺพปตฺถนาวเสน อฺเสํ พฺยามปฺปภา วิย สรีรปฺปภา นิจฺจกาลเมว ทสสหสฺสิโลกธาตุํ ผริตฺวา อฏฺาสิ. โส กิร โพธิสตฺตจริยกาเล เวสฺสนฺตรสทิเส อตฺตภาเว ิโต สปุตฺตทาโร วงฺกปพฺพตสทิเส ปพฺพเต วสิ. อเถโก ขรทาิโก นาม ยกฺโข มหาปุริสสฺส ทานชฺฌาสยตํ สุตฺวา พฺราหฺมณวณฺเณน อุปสงฺกมิตฺวา มหาสตฺตํ ทฺเว ทารเก ยาจิ. มหาสตฺโต ‘‘ททามิ พฺราหฺมณสฺส ปุตฺตเก’’ติ หฏฺปหฏฺโ อุทกปริยนฺตํ ปถวึ กมฺเปนฺโต ทฺเวปิ ทารเก อทาสิ. ยกฺโข จงฺกมนโกฏิยํ อาลมฺพนผลกํ นิสฺสาย ตฺวา ปสฺสนฺตสฺเสว มหาสตฺตสฺส มูลกลาเป วิย ทฺเว ทารเก ขาทิ. มหาปุริสสฺส ยกฺขํ โอโลเกตฺวา มุเข วิวฏมตฺเต อคฺคิชาลํ วิย โลหิตธารํ อุคฺคิรมานํ ตสฺส มุขํ ทิสฺวาปิ เกสคฺคมตฺตมฺปิ โทมนสฺสํ น อุปฺปชฺชิ. ‘‘สุทินฺนํ วต เม ทาน’’นฺติ จินฺตยโต ปนสฺส สรีเร มหนฺตํ ปีติโสมนสฺส อุทปาทิ. โส ‘‘อิมสฺส เม นิสฺสนฺเทน อนาคเต อิมินาว นีหาเรน รสฺมิโย นิกฺขมนฺตู’’ติ ปตฺถนํ อกาสิ. ตสฺส ตํ ปตฺถนํ นิสฺสาย พุทฺธภูตสฺส สรีรโต รสฺมิโย นิกฺขมิตฺวา เอตฺตกํ านํ ผรึสุ.
อปรมฺปิสฺส ปุพฺพจริตํ อตฺถิ. โส กิร โพธิสตฺตกาเล เอกสฺส พุทฺธสฺส เจติยํ ทิสฺวา ‘‘อิมสฺส พุทฺธสฺส มยา ชีวิตํ ปริจฺจชิตุํ วฏฺฏตี’’ติ ทณฺฑทีปิกาเวนนิยาเมน สกลสรีรํ เวาเปตฺวา รตนมตฺตมกุฬํ สตสหสฺสคฺฆนิกํ สุวณฺณปาตึ สปฺปิสฺส ปูราเปตฺวา ตตฺถ สหสฺสวฏฺฏิโย ชาลาเปตฺวา ตํ สีเสนาทาย สกลสรีรํ ชาลาเปตฺวา เจติยํ ปทกฺขิณํ กโรนฺโต สกลรตฺตึ วีตินาเมสิ. เอวํ ยาว อรุณุคฺคมนา วายมนฺตสฺสาปิสฺส โลมกูปมตฺตมฺปิ อุสุมํ น คณฺหิ. ปทุมคพฺภํ ปวิฏฺกาโล วิย อโหสิ. ธมฺโม หิ นาเมส อตฺตานํ รกฺขนฺตํ รกฺขติ. เตนาห ภควา –
‘‘ธมฺโม ¶ ¶ หเว รกฺขติ ธมฺมจารึ, ธมฺโม สุจิณฺโณ สุขมาวหาติ;
เอสานิสํโส ธมฺเม สุจิณฺเณ, น ทุคฺคตึ คจฺฉติ ธมฺมจารี’’ติ. (เถรคา. ๓๐๓; ชา. ๑.๑๐.๑๐๒; ๑.๑๕.๓๘๕);
อิมสฺสาปิ ¶ กมฺมสฺส นิสฺสนฺเทน ตสฺส ภควโต สรีโรภาโส ทสสหสฺสิโลกธาตุํ ผริตฺวา อฏฺาสิ.
ตทา อมฺหากํ โพธิสตฺโต สุรุจิ นาม พฺราหฺมโณ หุตฺวา ‘‘สตฺถารํ นิมนฺเตสฺสามี’’ติ อุปสงฺกมิตฺวา มธุรธมฺมกถํ สุตฺวา ‘‘สฺเว มยฺหํ ภิกฺขํ คณฺหถ, ภนฺเต’’ติ อาห. พฺราหฺมณ, กิตฺตเกหิ เต ภิกฺขูหิ อตฺโถติ? ‘‘กิตฺตกา ปน โว, ภนฺเต, ปริวารภิกฺขู’’ติ อาห. ตทา ปน สตฺถุ ปมสนฺนิปาโตเยว โหติ, ตสฺมา ‘‘โกฏิสตสหสฺส’’นฺติ อาห. ภนฺเต, สพฺเพหิปิ สทฺธึ มยฺหํ เคเห ภิกฺขํ คณฺหถาติ. สตฺถา อธิวาเสสิ. พฺราหฺมโณ สฺวาตนาย นิมนฺเตตฺวา เคหํ คจฺฉนฺโต จินฺเตสิ – ‘‘อหํ เอตฺตกานํ ภิกฺขูนํ ยาคุภตฺตวตฺถาทีนิ ทาตุํ สกฺโกมิ, นิสีทนฏฺานํ ปน กถํ ภวิสฺสตี’’ติ.
ตสฺส สา จินฺตา จตุราสีติโยชนสหสฺสมตฺถเก ิตสฺส เทวรฺโ ปณฺฑุกมฺพลสิลาสนสฺส อุณฺหภาวํ ชเนสิ. สกฺโก ‘‘โก นุ โข มํ อิมมฺหา านา จาเวตุกาโม’’ติ ทิพฺพจกฺขุนา โอโลเกนฺโต มหาปุริสํ ทิสฺวา ‘‘สุรุจิ นาม พฺราหฺมโณ พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิมนฺเตตฺวา นิสีทนฏฺานตฺถาย จินฺเตสิ, มยาปิ ตตฺถ คนฺตฺวา ปฺุโกฏฺาสํ คเหตุํ วฏฺฏตี’’ติ วฑฺฒกิวณฺณํ นิมฺมินิตฺวา วาสิผรสุหตฺโถ มหาปุริสสฺส ปุรโต ปาตุรโหสิ. โส ‘‘อตฺถิ นุ โข กสฺสจิ ภติยา กตฺตพฺพ’’นฺติ อาห. มหาปุริโส ตํ ทิสฺวา ‘‘กึ กมฺมํ กริสฺสสี’’ติ อาห. ‘‘มม อชานนสิปฺปํ นาม นตฺถิ, เคหํ วา มณฺฑปํ วา โย ยํ กาเรติ, ตสฺส ตํ กาตุํ ชานามี’’ติ. ‘‘เตน หิ มยฺหํ กมฺมํ อตฺถี’’ติ. ‘‘กึ อยฺยา’’ติ? ‘‘สฺวาตนาย เม โกฏิสตสหสฺสภิกฺขู นิมนฺติตา, เตสํ นิสีทนมณฺฑปํ กริสฺสสี’’ติ. ‘‘อหํ นาม กเรยฺยํ, สเจ มม ภตึ ทาตุํ สกฺขิสฺสถา’’ติ. ‘‘สกฺขิสฺสามิ ตาตา’’ติ. ‘‘สาธุ กริสฺสามี’’ติ คนฺตฺวา เอกํ ปเทสํ โอโลเกสิ, ทฺวาทสเตรสโยชนปฺปมาโณ ปเทโส กสิณมณฺฑลํ ¶ วิย สมตโล อโหสิ. โส ‘‘เอตฺตเก าเน สตฺตรตนมโย มณฺฑโป อุฏฺหตู’’ติ จินฺเตตฺวา โอโลเกสิ. ตาวเทว ปถวึ ภินฺทิตฺวา มณฺฑโป อุฏฺหิ. ตสฺส โสวณฺณมเยสุ ถมฺเภสุ รชตมยา ฆฏกา อเหสุํ, รชตมเยสุ โสวณฺณมยา, มณิตฺถมฺเภสุ ปวาฬมยา, ปวาฬตฺถมฺเภสุ มณิมยา, สตฺตรตนมเยสุ สตฺตรตนมยาว ฆฏกา อเหสุํ ¶ . ตโต ‘‘มณฺฑปสฺส อนฺตรนฺตเรน กิงฺกิณิกชาลํ โอลมฺพตู’’ติ โอโลเกสิ, สห โอโลกเนเนว กิงฺกิณิกชาลํ โอลมฺพิ, ยสฺส มนฺทวาเตริตสฺส ปฺจงฺคิกสฺเสว ตูริยสฺส มธุรสทฺโท นิคฺคจฺฉติ, ทิพฺพสงฺคีติวตฺตนกาโล วิย โหติ. ‘‘อนฺตรนฺตรา คนฺธทามมาลาทามานิ โอลมฺพนฺตู’’ติ จินฺเตสิ, ทามานิ โอลมฺพึสุ. ‘‘โกฏิสตสหสฺสสงฺขานํ ภิกฺขูนํ ¶ อาสนานิ จ อาธารกานิ จ ปถวึ ภินฺทิตฺวา อุฏฺหนฺตู’’ติ จินฺเตสิ, ตาวเทว อุฏฺหึสุ. ‘‘โกเณ โกเณ เอเกกา อุทกจาฏิโย อุฏฺหนฺตู’’ติ จินฺเตสิ, อุทกจาฏิโย อุฏฺหึสุ.
เอตฺตกํ มาเปตฺวา พฺราหฺมณสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘เอหิ อยฺย, ตว มณฺฑปํ โอโลเกตฺวา มยฺหํ ภตึ เทหี’’ติ อาห. มหาปุริโส คนฺตฺวา มณฺฑปํ โอโลเกสิ, โอโลเกนฺตสฺเสวสฺส สกลสรีรํ ปฺจวณฺณาย ปีติยา นิรนฺตรํ ผุฏํ อโหสิ. อถสฺส มณฺฑปํ โอโลกยโต เอตทโหสิ – ‘‘นายํ มณฺฑโป มนุสฺสภูเตน กโต, มยฺหํ ปน อชฺฌาสยํ มยฺหํ คุณํ อาคมฺม อทฺธา สกฺกภวนํ อุณฺหํ อโหสิ, ตโต สกฺเกน เทวรฺา อยํ มณฺฑโป การิโต ภวิสฺสตี’’ติ. ‘‘น โข ปน เม ยุตฺตํ เอวรูเป มณฺฑเป เอกทิวสํเยว ทานํ ทาตุํ, สตฺตาหํ ทสฺสามี’’ติ จินฺเตสิ. พาหิรกทานฺหิ กิตฺตกมฺปิ สมานํ โพธิสตฺตานํ ตุฏฺึ กาตุํ น สกฺโกติ, อลงฺกตสีสํ ปน ฉินฺทิตฺวา อฺชิตอกฺขีนิ อุปฺปาเฏตฺวา หทยมํสํ วา อุพฺพฏฺเฏตฺวา ทินฺนกาเล โพธิสตฺตานํ จาคํ นิสฺสาย ตุฏฺิ นาม โหติ. อมฺหากมฺปิ หิ โพธิสตฺตสฺส สิวิชาตเก เทวสิกํ ปฺจ กหาปณสตสหสฺสานิ วิสฺสชฺเชตฺวา จตูสุ ทฺวาเรสุ นครมชฺเฌ จ ทานํ เทนฺตสฺส ตํ ทานํ จาคตุฏฺึ อุปฺปาเทตุํ นาสกฺขิ. ยทา ปนสฺส พฺราหฺมณวณฺเณน อาคนฺตฺวา สกฺโก เทวราชา อกฺขีนิ ยาจิ, ตทา ตานิ อุปฺปาเฏตฺวา ททมานสฺเสว หาโส อุปฺปชฺชิ, เกสคฺคมตฺตมฺปิ จิตฺตสฺส อฺถตฺตํ นาโหสิ. เอวํ ทานํ นิสฺสาย โพธิสตฺตานํ ติตฺติ นาม นตฺถิ. ตสฺมา โสปิ มหาปุริโส ¶ ‘‘สตฺตาหํ มยา โกฏิสตสหสฺสสงฺขานํ ภิกฺขูนํ ทานํ ทาตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา ตสฺมึ มณฺฑเป พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิสีทาเปตฺวา สตฺตาหํ ควปานํ นาม ทานํ อทาสิ. ควปานนฺติ มหนฺเต มหนฺเต โกลมฺเพ ขีรสฺส ปูเรตฺวา อุทฺธเนสุ อาโรเปตฺวา ฆนปากปกฺเก ขีเร โถเก ตณฺฑุเล ปกฺขิปิตฺวา ปกฺกมธุสกฺกราจุณฺณสปฺปีหิ อภิสงฺขตํ โภชนํ วุจฺจติ. มนุสฺสาเยว ปน ปริวิสิตุํ นาสกฺขึสุ, เทวาปิ เอกนฺตริกา หุตฺวา ปริวิสึสุ. ทฺวาทสเตรสโยชนปฺปมาณํ านมฺปิ ภิกฺขู คณฺหิตุํ นปฺปโหสิเยว. เต ปน ภิกฺขู อตฺตโน อตฺตโน อานุภาเวน นิสีทึสุ. ปริโยสานทิวเส สพฺพภิกฺขูนํ ปตฺตานิ โธวาเปตฺวา เภสชฺชตฺถาย สปฺปินวนีตมธุผาณิตาทีนิ ปูเรตฺวา ติจีวเรหิ สทฺธึ อทาสิ, สงฺฆนวกภิกฺขุนา ลทฺธจีวรสาฏกา สตสหสฺสคฺฆนกา อเหสุํ.
สตฺถา ¶ อนุโมทนํ กโรนฺโต ‘‘อยํ ปุริโส เอวรูปํ มหาทานํ อทาสิ, โก นุ โข ภวิสฺสตี’’ติ อุปธาเรนฺโต ‘‘อนาคเต กปฺปสตสหสฺสาธิกานํ ทฺวินฺนํ อสงฺขฺเยยฺยานํ มตฺถเก โคตโม นาม พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ ทิสฺวา มหาปุริสํ อามนฺเตตฺวา ‘‘ตฺวํ เอตฺตกํ ¶ นาม กาลํ อติกฺกมิตฺวา โคตโม นาม พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิ. มหาปุริโส พฺยากรณํ สุตฺวา ‘‘อหํ กิร พุทฺโธ ภวิสฺสามิ, โก เม ฆราวาเสน อตฺโถ, ปพฺพชิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ตถารูปํ สมฺปตฺตึ เขฬปิณฺฑํ วิย ปหาย สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา พุทฺธวจนํ อุคฺคณฺหิตฺวา อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา อายุปริโยสาเน พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺติ.
มงฺคลสฺส ปน ภควโต นครํ อุตฺตรํ นาม อโหสิ, ปิตาปิ อุตฺตโร นาม ขตฺติโย, มาตาปิ อุตฺตรา นาม เทวี, สุเทโว จ ธมฺมเสโน จ ทฺเว อคฺคสาวกา, ปาลิโต นามุปฏฺาโก, สีวลี จ อโสกา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, นาครุกฺโข โพธิ, อฏฺาสีติหตฺถุพฺเพธํ สรีรํ อโหสิ. นวุติวสฺสสหสฺสานิ ตฺวา ปรินิพฺพุเต ปน ตสฺมึ ภควติ เอกปฺปหาเรเนว ทส จกฺกวาฬสหสฺสานิ เอกนฺธการานิ อเหสุํ. สพฺพจกฺกวาเฬสุ มนุสฺสานํ มหนฺตํ อาโรทนปริเทวนํ อโหสิ.
‘‘โกณฺฑฺสฺส ¶ อปเรน, มงฺคโล นาม นายโก;
ตมํ โลเก นิหนฺตฺวาน, ธมฺโมกฺกมภิธารยี’’ติ.
เอวํ ทสสหสฺสิโลกธาตุํ อนฺธการํ กตฺวา ปรินิพฺพุตสฺส ตสฺส ภควโต อปรภาเค สุมโน นาม สตฺถา อุทปาทิ. ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา อเหสุํ. ปมสนฺนิปาเต โกฏิสตสหสฺสภิกฺขู อเหสุํ, ทุติเย กฺจนปพฺพตมฺหิ นวุติโกฏิสหสฺสานิ, ตติเย อสีติโกฏิสหสฺสานิ. ตทา มหาสตฺโต อตุโล นาม นาคราชา อโหสิ มหิทฺธิโก มหานุภาโว. โส ‘‘พุทฺโธ อุปฺปนฺโน’’ติ สุตฺวา าติสงฺฆปริวุโต นาคภวนา นิกฺขมิตฺวา โกฏิสตสหสฺสภิกฺขุปริวารสฺส ตสฺส ภควโต ทิพฺพตูริเยหิ อุปหารํ กาเรตฺวา มหาทานํ ปวตฺเตตฺวา ปจฺเจกํ ทุสฺสยุคานิ ทตฺวา สรเณสุ ปติฏฺาสิ. โสปิ นํ สตฺถา ‘‘อนาคเต พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิ. ตสฺส ภควโต นครํ เขมํ นาม อโหสิ, สุทตฺโต นาม ราชา ปิตา, สิริมา นาม มาตา, สรโณ จ ภาวิตตฺโต จ ทฺเว อคฺคสาวกา, อุเทโน นามุปฏฺาโก, โสณา จ อุปโสณา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, นาครุกฺโข โพธิ, นวุติหตฺถุพฺเพธํ สรีรํ, นวุติเยว วสฺสสหสฺสานิ อายุปฺปมาณํ อโหสิ.
‘‘มงฺคลสฺส ¶ อปเรน, สุมโน นาม นายโก;
สพฺพธมฺเมหิ อสโม, สพฺพสตฺตานมุตฺตโม’’ติ.
ตสฺส ¶ อปรภาเค เรวโต นาม สตฺถา อุทปาทิ. ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา อเหสุํ. ปมสนฺนิปาเต คณนา นตฺถิ, ทุติเย โกฏิสตสหสฺสภิกฺขู อเหสุํ, ตถา ตติเย. ตทา โพธิสตฺโต อติเทโว นาม พฺราหฺมโณ หุตฺวา สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา สรเณสุ ปติฏฺาย สิรสฺมึ อฺชลึ เปตฺวา ตสฺส สตฺถุโน กิเลสปฺปหาเน วณฺณํ วตฺวา อุตฺตราสงฺเคน ปูชํ อกาสิ. โสปิ นํ ‘‘พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิ. ตสฺส ปน ภควโต นครํ ธฺวตี นาม อโหสิ, ปิตา วิปุโล นาม ขตฺติโย, มาตาปิ วิปุลา นาม เทวี, วรุโณ จ พฺรหฺมเทโว จ ทฺเว อคฺคสาวกา, สมฺภโว นามุปฏฺาโก, ภทฺทา จ สุภทฺทา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, นาครุกฺโขว โพธิ, สรีรํ อสีติหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, อายุ สฏฺิ วสฺสสหสฺสานีติ.
‘‘สุมนสฺส ¶ อปเรน, เรวโต นาม นายโก;
อนูปโม อสทิโส, อตุโล อุตฺตโม ชิโน’’ติ.
ตสฺส อปรภาเค โสภิโต นาม สตฺถา อุทปาทิ. ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา อเหสุํ. ปมสนฺนิปาเต โกฏิสตภิกฺขู อเหสุํ, ทุติเย นวุติโกฏิโย, ตติเย อสีติโกฏิโย. ตทา โพธิสตฺโต อชิโต นาม พฺราหฺมโณ หุตฺวา สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา สรเณสุ ปติฏฺาย พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ อทาสิ. โสปิ นํ ‘‘พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิ. ตสฺส ปน ภควโต สุธมฺมํ นาม นครํ อโหสิ, ปิตาปิ สุธมฺโม นาม ราชา, มาตาปิ สุธมฺมา นาม เทวี, อสโม จ สุเนตฺโต จ ทฺเว อคฺคสาวกา, อโนโม นามุปฏฺาโก, นกุลา จ สุชาตา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, นาครุกฺโขว โพธิ, อฏฺปณฺณาสหตฺถุพฺเพธํ สรีรํ อโหสิ, นวุติ วสฺสสหสฺสานิ อายุปฺปมาณนฺติ.
‘‘เรวตสฺส อปเรน, โสภิโต นาม นายโก;
สมาหิโต สนฺตจิตฺโต, อสโม อปฺปฏิปุคฺคโล’’ติ.
ตสฺส อปรภาเค เอกํ อสงฺขฺเยยฺยํ อติกฺกมิตฺวา เอกสฺมึเยว กปฺเป ตโย พุทฺธา นิพฺพตฺตึสุ อโนมทสฺสี ปทุโม นารโทติ. อโนมทสฺสิสฺส ภควโต ตโย สาวกสนฺนิปาตา อเหสุํ. ปมสนฺนิปาเต ภิกฺขู อฏฺสตสหสฺสานิ อเหสุํ, ทุติเย สตฺต, ตติเย ฉ. ตทา โพธิสตฺโต ¶ เอโก ยกฺขเสนาปติ อโหสิ มหิทฺธิโก มหานุภาโว อเนกโกฏิสตสหสฺสานํ ¶ ยกฺขานํ อธิปติ. โส ‘‘พุทฺโธ อุปฺปนฺโน’’ติ สุตฺวา อาคนฺตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ อทาสิ. สตฺถาปิ นํ ‘‘อนาคเต พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิ. อโนมทสฺสิสฺส ปน ภควโต จนฺทวตี นาม นครํ อโหสิ, ยสวา นาม ราชา ปิตา, ยโสธรา นาม มาตา, นิสโภ จ อโนโม จ ทฺเว อคฺคสาวกา, วรุโณ นามุปฏฺาโก, สุนฺทรี จ สุมนา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, อชฺชุนรุกฺโข โพธิ, อฏฺปณฺณาสหตฺถุพฺเพธํ สรีรํ อโหสิ, วสฺสสตสหสฺสํ อายูติ.
‘‘โสภิตสฺส อปเรน, สมฺพุทฺโธ ทฺวิปทุตฺตโม;
อโนมทสฺสี อมิตยโส, เตชสฺสี ทุรติกฺกโม’’ติ.
ตสฺส ¶ อปรภาเค ปทุโม นาม สตฺถา อุทปาทิ. ตสฺสาปิ ตโย ภาวกสนฺนิปาตา อเหสุํ. ปมสนฺนิปาเต โกฏิสตสหสฺสภิกฺขู อเหสุํ, ทุติเย ตีณิ สตสหสฺสานิ, ตติเย อคามเก อรฺเ มหาวนสณฺฑวาสีนํ ภิกฺขูนํ ทฺเว สตสหสฺสานิ. ตทา ตถาคเต ตสฺมึ วนสณฺเฑ วสนฺเต โพธิสตฺโต สีโห หุตฺวา สตฺถารํ นิโรธสมาปตฺตึ สมาปนฺนํ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺโต วนฺทิตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปีติโสมนสฺสชาโต ติกฺขตฺตุํ สีหนาทํ นทิตฺวา สตฺตาหํ พุทฺธารมฺมณปีตึ อวิชหิตฺวา ปีติสุเขเนว โคจราย อปกฺกมิตฺวา ชีวิตปริจฺจาคํ กตฺวา ปยิรุปาสมาโน อฏฺาสิ. สตฺถา สตฺตาหจฺจเยน นิโรธา วุฏฺิโต สีหํ โอโลเกตฺวา ‘‘ภิกฺขุสงฺเฆปิ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา สงฺฆํ วนฺทิสฺสตีติ ภิกฺขุสงฺโฆ อาคจฺฉตู’’ติ จินฺเตสิ. ภิกฺขู ตาวเทว อาคมึสุ. สีโห สงฺเฆ จิตฺตํ ปสาเทสิ. สตฺถา ตสฺส มนํ โอโลเกตฺวา ‘‘อนาคเต พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิ. ปทุมสฺส ปน ภควโต จมฺปกํ นาม นครํ อโหสิ, อสโม นาม ราชา ปิตา, อสมา นาม เทวี มาตา, สาโล จ อุปสาโล จ ทฺเว อคฺคสาวกา, วรุโณ นามุปฏฺาโก, รามา จ สุรามา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, โสณรุกฺโข นาม โพธิ, อฏฺปณฺณาสหตฺถุพฺเพธํ สรีรํ อโหสิ, อายุ วสฺสสตสหสฺสนฺติ.
‘‘อโนมทสฺสิสฺส อปเรน, สมฺพุทฺโธ ทฺวิปทุตฺตโม;
ปทุโม นาม นาเมน, อสโม อปฺปฏิปุคฺคโล’’ติ.
ตสฺส อปรภาเค นารโท นาม สตฺถา อุทปาทิ. ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา อเหสุํ. ปมสนฺนิปาเต โกฏิสตสหสฺสภิกฺขู อเหสุํ, ทุติเย ¶ นวุติโกฏิสหสฺสานิ, ตติเย อสีติโกฏิสหสฺสานิ ¶ . ตทา โพธิสตฺโต อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ปฺจสุ อภิฺาสุ อฏฺสุ จ สมาปตฺตีสุ จิณฺณวสี หุตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ ทตฺวา โลหิตจนฺทเนน ปูชํ อกาสิ. โสปิ นํ ‘‘อนาคเต พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิ. ตสฺส ภควโต ธฺวตี นาม นครํ อโหสิ, สุเทโว นาม ขตฺติโย ปิตา, อโนมา นาม มาตา, สทฺทสาโล จ ชิตมิตฺโต จ ทฺเว อคฺคสาวกา, วาเสฏฺโ นามุปฏฺาโก ¶ , อุตฺตรา จ ผคฺคุนี จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, มหาโสณรุกฺโข นาม โพธิ, สรีรํ อฏฺาสีติหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, นวุติวสฺสสหสฺสานิ อายูติ.
‘‘ปทุมสฺส อปเรน, สมฺพุทฺโธ ทฺวิปทุตฺตโม;
นารโท นาม นาเมน, อสโม อปฺปฏิปุคฺคโล’’ติ.
นารทพุทฺธสฺส อปรภาเค เอกํ อสงฺขฺเยยฺยํ อติกฺกมิตฺวา อิโต สตสหสฺสกปฺปมตฺถเก เอกสฺมึ กปฺเป เอโกว ปทุมุตฺตรพุทฺโธ นาม อุทปาทิ. ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา อเหสุํ. ปเม โกฏิสตสหสฺสภิกฺขู อเหสุํ, ทุติเย เวภารปพฺพเต นวุติโกฏิสหสฺสานิ, ตติเย อสีติโกฏิสหสฺสานิ. ตทา โพธิสตฺโต ชฏิโล นาม มหารฏฺิโย หุตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส สจีวรํ ทานํ อทาสิ. โสปิ นํ ‘‘อนาคเต พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิ. ปทุมุตฺตรสฺส ปน ภควโต กาเล ติตฺถิยา นาม นาเหสุํ. สพฺเพ เทวมนุสฺสา พุทฺธเมว สรณํ อคมํสุ. ตสฺส นครํ หํสวตี นาม อโหสิ, ปิตา อานนฺโท นาม ขตฺติโย, มาตา สุชาตา นาม เทวี, เทวโล จ สุชาโต จ ทฺเว อคฺคสาวกา, สุมโน นามุปฏฺาโก, อมิตา จ อสมา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, สลลรุกฺโข โพธิ, สรีรํ อฏฺปณฺณาสหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, สรีรปฺปภา สมนฺตโต ทฺวาทส โยชนานิ คณฺหิ, วสฺสสตสหสฺสํ อายูติ.
‘‘นารทสฺส อปเรน, สมฺพุทฺโธ ทฺวิปทุตฺตโม;
ปทุมุตฺตโร นาม ชิโน, อกฺโขโภ สาครูปโม’’ติ.
ตสฺส อปรภาเค สตฺตติ กปฺปสหสฺสานิ อติกฺกมิตฺวา สุเมโธ สุชาโต จาติ เอกสฺมึ กปฺเป ทฺเว พุทฺธา นิพฺพตฺตึสุ. สุเมธสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา อเหสุํ, ปมสนฺนิปาเต สุทสฺสนนคเร โกฏิสตขีณาสวา อเหสุํ, ทุติเย ปน นวุติโกฏิโย, ตติเย อสีติโกฏิโย. ตทา โพธิสตฺโต อุตฺตโร นาม มาณโว หุตฺวา นิทหิตฺวา ปิตํเยว อสีติโกฏิธนํ ¶ ¶ วิสฺสชฺเชตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ ทตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา สรเณสุ ปติฏฺาย ¶ นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิ. โสปิ นํ ‘‘อนาคเต พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิ. สุเมธสฺส ภควโต สุทสฺสนํ นาม นครํ อโหสิ, สุทตฺโต นาม ราชา ปิตา, มาตาปิ สุทตฺตา นาม, สรโณ จ สพฺพกาโม จ ทฺเว อคฺคสาวกา, สาคโร นามุปฏฺาโก, รามา จ สุรามา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, มหานีปรุกฺโข โพธิ, สรีรํ อฏฺาสีติหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, อายุ นวุติ วสฺสสหสฺสานีติ.
‘‘ปทุมุตฺตรสฺส อปเรน, สุเมโธ นาม นายโก;
ทุราสโท อุคฺคเตโช, สพฺพโลกุตฺตโม มุนี’’ติ.
ตสฺส อปรภาเค สุชาโต นาม สตฺถา อุทปาทิ. ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา อเหสุํ. ปมสนฺนิปาเต สฏฺิ ภิกฺขุสตสหสฺสานิ อเหสุํ, ทุติเย ปฺาสํ, ตติเย จตฺตาลีสํ. ตทา โพธิสตฺโต จกฺกวตฺติราชา หุตฺวา ‘‘พุทฺโธ อุปฺปนฺโน’’ติ สุตฺวา อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส สทฺธึ สตฺตหิ รตเนหิ จตุมหาทีปรชฺชํ ทตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิ. สกลรฏฺวาสิโน รฏฺุปฺปาทํ คเหตฺวา อารามิกกิจฺจํ สาเธนฺตา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส นิจฺจํ มหาทานํ อทํสุ. โสปิ นํ สตฺถา ‘‘อนาคเต พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิ. ตสฺส ภควโต นครํ สุมงฺคลํ นาม อโหสิ, อุคฺคโต นาม ราชา ปิตา, ปภาวตี นาม มาตา, สุทสฺสโน จ สุเทโว จ ทฺเว อคฺคสาวกา, นารโท นามุปฏฺาโก, นาคา จ นาคสมาลา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, มหาเวฬุรุกฺโข โพธิ. โส กิร มนฺทจฺฉิทฺโท ฆนกฺขนฺโธ อุปริ นิคฺคตาหิ มหาสาขาหิ โมรปิฺฉกลาโป วิย วิโรจิตฺถ. ตสฺส ภควโต สรีรํ ปณฺณาสหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, อายุ นวุติ วสฺสสหสฺสานีติ.
‘‘ตตฺเถว มณฺฑกปฺปมฺหิ, สุชาโต นาม นายโก;
สีหหนุสภกฺขนฺโธ, อปฺปเมยฺโย ทุราสโท’’ติ.
ตสฺส อปรภาเค อิโต อฏฺารสกปฺปสตมตฺถเก เอกสฺมึ กปฺเป ปิยทสฺสี, อตฺถทสฺสี, ธมฺมทสฺสีติ ตโย พุทฺธา นิพฺพตฺตึสุ. ปิยทสฺสิสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา อเหสุํ. ปเม โกฏิสตสหสฺสา ภิกฺขู อเหสุํ, ทุติเย นวุติโกฏิโย, ตติเย อสีติโกฏิโย. ตทา โพธิสตฺโต กสฺสโป นาม มาณโว ติณฺณํ เวทานํ ปารํ คโต หุตฺวา ¶ สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา โกฏิสตสหสฺสธนปริจฺจาเคน สงฺฆารามํ ¶ กาเรตฺวา สรเณสุ จ สีเลสุ จ ปติฏฺาสิ. อถ นํ ¶ สตฺถา ‘‘อฏฺารสกปฺปสตจฺจเยน พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิ. ตสฺส ภควโต อโนมํ นาม นครํ อโหสิ, ปิตา สุทินฺโน นาม ราชา, มาตา จนฺทา นาม เทวี, ปาลิโต จ สพฺพทสฺสี จ ทฺเว อคฺคสาวกา, โสภิโต นามุปฏฺาโก, สุชาตา จ ธมฺมทินฺนา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, กกุธรุกฺโข โพธิ, สรีรํ อสีติหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, นวุติ วสฺสสหสฺสานิ อายูติ.
‘‘สุชาตสฺส อปเรน, สยมฺภู โลกนายโก;
ทุราสโท อสมสโม, ปิยทสฺสี มหายโส’’ติ.
ตสฺส อปรภาเค อตฺถทสฺสี นาม สตฺถา อุทปาทิ. ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา อเหสุํ. ปเม อฏฺนวุติ ภิกฺขุสตสหสฺสานิ อเหสุํ, ทุติเย อฏฺาสีติสตสหสฺสานิ, ตถา ตติเย. ตทา โพธิสตฺโต สุสีโม นาม มหิทฺธิโก ตาปโส หุตฺวา เทวโลกโต มนฺทารวปุปฺผจฺฉตฺตํ อาหริตฺวา สตฺถารํ ปูเชสิ, โสปิ นํ ‘‘อนาคเต พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิ. ตสฺส ภควโต โสภิตํ นาม นครํ อโหสิ, สาคโร นาม ราชา ปิตา, สุทสฺสนา นาม มาตา, สนฺโต จ อุปสนฺโต จ ทฺเว อคฺคสาวกา, อภโย นามุปฏฺาโก, ธมฺมา จ สุธมฺมา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, จมฺปกรุกฺโข โพธิ, สรีรํ อสีติหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, สรีรปฺปภา สมนฺตโต สพฺพกาลํ โยชนมตฺตํ ผริตฺวา อฏฺาสิ, อายุ วสฺสสตสหสฺสนฺติ.
‘‘ตตฺเถว มณฺฑกปฺปมฺหิ, อตฺถทสฺสี นราสโภ;
มหาตมํ นิหนฺตฺวาน, ปตฺโต สมฺโพธิมุตฺตม’’นฺติ.
ตสฺส อปรภาเค ธมฺมทสฺสี นาม สตฺถา อุทปาทิ. ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา อเหสุํ. ปเม โกฏิสตํ ภิกฺขู อเหสุํ, ทุติเย สตฺตติโกฏิโย, ตติเย อสีติโกฏิโย. ตทา โพธิสตฺโต สกฺโก เทวราชา หุตฺวา ทิพฺพคนฺธปุปฺเผหิ จ ทิพฺพตูริเยหิ จ ปูชํ อกาสิ, โสปิ นํ ‘‘อนาคเต พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิ. ตสฺส ภควโต สรณํ นาม นครํ อโหสิ, ปิตา สรโณ นาม ราชา, มาตา สุนนฺทา นาม, ปทุโม จ ผุสฺสเทโว จ ทฺเว อคฺคสาวกา, สุเนตฺโต นามุปฏฺาโก ¶ , เขมา จ สพฺพนามา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, รตฺตงฺกุรรุกฺโข โพธิ, ‘‘พิมฺพิชาโล’’ติปิ วุจฺจติ, สรีรํ ปนสฺส อสีติหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, วสฺสสตสหสฺสํ อายูติ.
‘‘ตตฺเถว ¶ มณฺฑกปฺปมฺหิ, ธมฺมทสฺสี มหายโส;
ตมนฺธการํ วิธมิตฺวา, อติโรจติ สเทวเก’’ติ.
ตสฺส ¶ อปรภาเค อิโต จตุนวุติกปฺปมตฺถเก เอกสฺมึ กปฺเป เอโกว สิทฺธตฺโถ นาม พุทฺโธ อุทปาทิ. ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา อเหสุํ. ปมสนฺนิปาเต โกฏิสตสหสฺสํ ภิกฺขู อเหสุํ, ทุติเย นวุติโกฏิโย, ตติเย อสีติโกฏิโย. ตทา โพธิสตฺโต อุคฺคเตโช อภิฺาพลสมฺปนฺโน มงฺคโล นาม ตาปโส หุตฺวา มหาชมฺพุผลํ อาหริตฺวา ตถาคตสฺส อทาสิ. สตฺถา ตํ ผลํ ปริภฺุชิตฺวา ‘‘จตุนวุติกปฺปมตฺถเก พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ โพธิสตฺตํ พฺยากาสิ. ตสฺส ภควโต นครํ เวภารํ นาม อโหสิ, ปิตา ชยเสโน นาม ราชา, มาตา สุผสฺสา นาม, สมฺพโล จ สุมิตฺโต จ ทฺเว อคฺคสาวกา, เรวโต นามุปฏฺาโก, สีวลี จ สุรามา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, กณิการรุกฺโข โพธิ, สรีรํ สฏฺิหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, วสฺสสตสหสฺสํ อายูติ.
‘‘ธมฺมทสฺสิสฺส อปเรน, สิทฺธตฺโถ นาม นายโก;
นิหนิตฺวา ตมํ สพฺพํ, สูริโย อพฺภุคฺคโต ยถา’’ติ.
ตสฺส อปรภาเค อิโต ทฺวานวุติกปฺปมตฺถเก ติสฺโส ผุสฺโสติ เอกสฺมึ กปฺเป ทฺเว พุทฺธา นิพฺพตฺตึสุ. ติสฺสสฺส ภควโต ตโย สาวกสนฺนิปาตา อเหสุํ. ปมสนฺนิปาเต ภิกฺขูนํ โกฏิสตํ อโหสิ, ทุติเย นวุติโกฏิโย, ตติเย อสีติโกฏิโย. ตทา โพธิสตฺโต มหาโภโค มหายโส สุชาโต นาม ขตฺติโย หุตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา มหิทฺธิกภาวํ ปตฺวา ‘‘พุทฺโธ อุปฺปนฺโน’’ติ สุตฺวา ทิพฺพมนฺทารวปทุมปาริจฺฉตฺตกปุปฺผานิ อาทาย จตุปริสมชฺเฌ คจฺฉนฺตํ ตถาคตํ ปูเชสิ, อากาเส ปุปฺผวิตานํ อกาสิ. โสปิ นํ สตฺถา ‘‘อิโต ทฺวานวุติกปฺเป พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิ. ตสฺส ภควโต เขมํ นาม นครํ อโหสิ, ปิตา ชนสนฺโธ นาม ขตฺติโย, มาตา ปทุมา นาม ¶ , พฺรหฺมเทโว จ อุทโย จ ทฺเว อคฺคสาวกา, สมงฺโค นามุปฏฺาโก, ผุสฺสา จ สุทตฺตา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, อสนรุกฺโข โพธิ, สรีรํ สฏฺิหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, วสฺสสตสหสฺสํ อายูติ.
‘‘สิทฺธตฺถสฺส อปเรน, อสโม อปฺปฏิปุคฺคโล;
อนนฺตสีโล อมิตยโส, ติสฺโส โลกคฺคนายโก’’ติ.
ตสฺส ¶ อปรภาเค ผุสฺโส นาม สตฺถา อุทปาทิ. ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา อเหสุํ. ปมสนฺนิปาเต สฏฺิ ภิกฺขุสตสหสฺสานิ อเหสุํ, ทุติเย ปณฺณาส, ตติเย ทฺวตฺตึส. ตทา โพธิสตฺโต วิชิตาวี นาม ขตฺติโย หุตฺวา มหารชฺชํ ปหาย สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ตีณิ ปิฏกานิ ¶ อุคฺคเหตฺวา มหาชนสฺส ธมฺมกถํ กเถสิ, สีลปารมิฺจ ปูเรสิ. โสปิ นํ ‘‘พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ ตเถว พฺยากาสิ. ตสฺส ภควโต กาสี นาม นครํ อโหสิ, ชยเสโน นาม ราชา ปิตา, สิริมา นาม มาตา, สุรกฺขิโต จ ธมฺมเสโน จ ทฺเว อคฺคสาวกา, สภิโย นามุปฏฺาโก, จาลา จ อุปจาลา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, อามลกรุกฺโข โพธิ, สรีรํ อฏฺปณฺณาสหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, นวุติ วสฺสสหสฺสานิ อายูติ.
‘‘ตตฺเถว มณฺฑกปฺปมฺหิ, อหุ สตฺถา อนุตฺตโร;
อนูปโม อสมสโม, ผุสฺโส โลกคฺคนายโก’’ติ.
ตสฺส อปรภาเค อิโต เอกนวุติกปฺเป วิปสฺสี นาม ภควา อุทปาทิ. ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา อเหสุํ. ปมสนฺนิปาเต อฏฺสฏฺิ ภิกฺขุสตสหสฺสํ อโหสิ, ทุติเย เอกสตสหสฺสํ, ตติเย อสีติสหสฺสานิ. ตทา โพธิสตฺโต มหิทฺธิโก มหานุภาโว อตุโล นาม นาคราชา หุตฺวา สตฺตรตนขจิตํ โสวณฺณมยํ มหาปีํ ภควโต อทาสิ. โสปิ นํ ‘‘อิโต เอกนวุติกปฺเป พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิ. ตสฺส ภควโต พนฺธุมตี นาม นครํ อโหสิ, พนฺธุมา นาม ราชา ปิตา, พนฺธุมตี นาม มาตา, ขณฺโฑ จ ติสฺโส จ ทฺเว อคฺคสาวกา, อโสโก นามุปฏฺาโก, จนฺทา จ จนฺทมิตฺตา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, ปาฏลิรุกฺโข โพธิ, สรีรํ อสีติหตฺถุพฺเพธํ ¶ อโหสิ, สรีรปฺปภา สทา สตฺต โยชนานิ ผริตฺวา อฏฺาสิ, อสีติ วสฺสสหสฺสานิ อายูติ.
‘‘ผุสฺสสฺส จ อปเรน, สมฺพุทฺโธ ทฺวิปทุตฺตโม;
วิปสฺสี นาม นาเมน, โลเก อุปฺปชฺชิ จกฺขุมา’’ติ.
ตสฺส อปรภาเค อิโต เอกตึสกปฺเป สิขี จ เวสฺสภู จาติ ทฺเว พุทฺธา อเหสุํ. สิขิสฺสาปิ ภควโต ตโย สาวกสนฺนิปาตา อเหสุํ. ปมสนฺนิปาเต ภิกฺขุสตสหสฺสํ อโหสิ, ทุติเย อสีติสหสฺสานิ, ตติเย สตฺตตฺติสหสฺสานิ. ตทา โพธิสตฺโต อรินฺทโม นาม ราชา หุตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส สจีวรํ มหาทานํ ปวตฺเตตฺวา สตฺตรตนปฏิมณฺฑิตํ หตฺถิรตนํ ทตฺวา หตฺถิปฺปมาณํ กตฺวา กปฺปิยภณฺฑํ อทาสิ. โสปิ นํ ‘‘อิโต ¶ กตึสกปฺเป พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิ. ตสฺส ภควโต อรุณวตี นาม นครํ อโหสิ, อรุโณ นาม ขตฺติโย ปิตา, ปภาวตี นาม มาตา, อภิภู จ สมฺภโว จ ทฺเว อคฺคสาวกา, เขมงฺกโร นามุปฏฺาโก, สขิลา จ ปทุมา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, ปุณฺฑรีกรุกฺโข โพธิ, สรีรํ ¶ สตฺตติหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, สรีรปฺปภา โยชนตฺตยํ ผริตฺวา อฏฺาสิ, สตฺตติ วสฺสสหสฺสานิ อายูติ.
‘‘วิปสฺสิสฺส อปเรน, สมฺพุทฺโธ ทฺวิปทุตฺตโม;
สิขิวฺหโย นาม ชิโน, อสโม อปฺปฏิปุคฺคโล’’ติ.
ตสฺส อปรภาเค เวสฺสภู นาม สตฺถา อุทปาทิ. ตสฺสาปิ ตโย สาวกสนฺนิปาตา อเหสุํ. ปมสนฺนิปาเต อสีติ ภิกฺขุสหสฺสานิ อเหสุํ, ทุติเย สตฺตติ, ตติเย สฏฺิ. ตทา โพธิสตฺโต สุทสฺสโน นาม ราชา หุตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส สจีวรํ มหาทานํ ทตฺวา ตสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา อาจารคุณสมฺปนฺโน พุทฺธรตเน จิตฺตีการปีติพหุโล อโหสิ. โสปิ นํ ภควา ‘‘อิโต เอกตึสกปฺเป พุทฺโธ ภวิสฺสสี’’ติ พฺยากาสิ. ตสฺส ปน ภควโต อโนมํ นาม นครํ อโหสิ, สุปฺปตีโต นาม ราชา ปิตา, ยสวตี นาม มาตา ¶ , โสโณ จ อุตฺตโร จ ทฺเว อคฺคสาวกา, อุปสนฺโต นามุปฏฺาโก, ทามา จ สมาลา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, สาลรุกฺโข โพธิ, สรีรํ สฏฺิหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, สฏฺิ วสฺสสหสฺสานิ อายูติ.
‘‘ตตฺเถว มณฺฑกปฺปมฺหิ, อสโม อปฺปฏิปุคฺคโล;
เวสฺสภู นาม นาเมน, โลเก อุปฺปชฺชิ โส ชิโน’’ติ.
ตสฺส อปรภาเค อิมสฺมึ กปฺเป จตฺตาโร พุทฺธา นิพฺพตฺตา กกุสนฺโธ, โกณาคมโน, กสฺสโป, อมฺหากํ ภควาติ. กกุสนฺธสฺส ภควโต เอโกว สาวกสนฺนิปาโต, ตตฺถ จตฺตาลีส ภิกฺขุสหสฺสานิ อเหสุํ. ตทา โพธิสตฺโต เขโม นาม ราชา หุตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส สปตฺตจีวรํ มหาทานฺเจว อฺชนาทิเภสชฺชานิ จ ทตฺวา สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปพฺพชิ. โสปิ นํ สตฺถา พฺยากาสิ. กกุสนฺธสฺส ปน ภควโต เขมํ นาม นครํ อโหสิ, อคฺคิทตฺโต นาม พฺราหฺมโณ ปิตา, วิสาขา นาม พฺราหฺมณี มาตา, วิธุโร จ สฺชีโว จ ทฺเว อคฺคสาวกา, พุทฺธิโช นามุปฏฺาโก, สามา จ จมฺปกา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา ¶ , มหาสิรีสรุกฺโข โพธิ, สรีรํ จตฺตาลีสหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, จตฺตาลีส วสฺสสหสฺสานิ อายูติ.
‘‘เวสฺสภุสฺส อปเรน, สมฺพุทฺโธ ทฺวิปทุตฺตโม;
กกุสนฺโธ นาม นาเมน, อปฺปเมยฺโย ทุราสโท’’ติ.
ตสฺส ¶ อปรภาเค โกณาคมโน นาม สตฺถา อุทปาทิ. ตสฺสาปิ เอโก สาวกสนฺนิปาโต, ตตฺถ ตึส ภิกฺขุสหสฺสานิ อเหสุํ. ตทา โพธิสตฺโต ปพฺพโต นาม ราชา หุตฺวา อมจฺจคณปริวุโต สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ธมฺมเทสนํ สุตฺวา พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิมนฺเตตฺวา มหาทานํ ปวตฺเตตฺวา ปฏฺฏุณฺณจีนปฏฺฏโกเสยฺยกมฺพลทุกูลานิ เจว สุวณฺณปาทุกฺจ ทตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิ. โสปิ นํ พฺยากาสิ. ตสฺส ภควโต โสภวตี นาม นครํ อโหสิ, ยฺทตฺโต นาม พฺราหฺมโณ ปิตา, อุตฺตรา นาม พฺราหฺมณี มาตา, ภิยฺยโส จ อุตฺตโร จ ทฺเว อคฺคสาวกา, โสตฺถิโช นามุปฏฺาโก, สมุทฺทา จ อุตฺตรา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, อุทุมฺพรรุกฺโข โพธิ, สรีรํ ตึสหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, ตึส วสฺสสหสฺสานิ อายูติ.
‘‘กกุสนฺธสฺส ¶ อปเรน, สมฺพุทฺโธ ทฺวิปทุตฺตโม;
โกณาคมโน นาม ชิโน, โลกเชฏฺโ นราสโภ’’ติ.
ตสฺส อปรภาเค กสฺสโป นาม สตฺถา อุทปาทิ. ตสฺสาปิ เอโก สาวกสนฺนิปาโต, ตตฺถ วีสติ ภิกฺขุสหสฺสานิ อเหสุํ. ตทา โพธิสตฺโต โชติปาโล นาม มาณโว หุตฺวา ติณฺณํ เวทานํ ปารคู ภูมิยฺจ อนฺตลิกฺเข จ ปากโฏ ฆฏีการสฺส กุมฺภการสฺส มิตฺโต อโหสิ. โส เตน สทฺธึ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมกถํ สุตฺวา ปพฺพชิตฺวา อารทฺธวีริโย ตีณิ ปิฏกานิ อุคฺคเหตฺวา วตฺตาวตฺตสมฺปตฺติยา พุทฺธสฺส สาสนํ โสเภสิ. โสปิ นํ พฺยากาสิ. ตสฺส ภควโต ชาตนครํ พาราณสี นาม อโหสิ, พฺรหฺมทตฺโต นาม พฺราหฺมโณ ปิตา, ธนวตี นาม พฺราหฺมณี มาตา, ติสฺโส จ ภารทฺวาโช จ ทฺเว อคฺคสาวกา, สพฺพมิตฺโต นามุปฏฺาโก, อนุฬา จ อุรุเวฬา จ ทฺเว อคฺคสาวิกา, นิคฺโรธรุกฺโข โพธิ, สรีรํ วีสติหตฺถุพฺเพธํ อโหสิ, วีสติ วสฺสสหสฺสานิ อายูติ.
‘‘โกณาคมนสฺส อปเรน, สมฺพุทฺโธ ทฺวิปทุตฺตโม;
กสฺสโป นาม โคตฺเตน, ธมฺมราชา ปภงฺกโร’’ติ.
ยสฺมึ ¶ ปน กปฺเป ทีปงฺกโร ทสพโล อุทปาทิ, ตสฺมึ อฺเปิ ตโย พุทฺธา อเหสุํ. เตสํ สนฺติกา โพธิสตฺตสฺส พฺยากรณํ นตฺถิ, ตสฺมา ¶ เต อิธ น ทสฺสิตา. อฏฺกถายํ ปน ตมฺหา กปฺปา ปฏฺาย สพฺเพปิ พุทฺเธ ทสฺเสตุํ อิทํ วุตฺตํ –
‘‘ตณฺหงฺกโร เมธงฺกโร, อโถปิ สรณงฺกโร;
ทีปงฺกโร จ สมฺพุทฺโธ, โกณฺฑฺโ ทฺวิปทุตฺตโม.
‘‘มงฺคโล จ สุมโน จ, เรวโต โสภิโต มุนิ;
อโนมทสฺสี ปทุโม, นารโท ปทุมุตฺตโร.
‘‘สุเมโธ จ สุชาโต จ, ปิยทสฺสี มหายโส;
อตฺถทสฺสี ธมฺมทสฺสี, สิทฺธตฺโถ โลกนายโก.
‘‘ติสฺโส ผุสฺโส จ สมฺพุทฺโธ, วิปสฺสี สิขิ เวสฺสภู;
กกุสนฺโธ โกณาคมโน, กสฺสโป จาติ นายโก.
‘‘เอเต ¶ อเหสุํ สมฺพุทฺธา, วีตราคา สมาหิตา;
สตรํสีว อุปฺปนฺนา, มหาตมวิโนทนา;
ชลิตฺวา อคฺคิขนฺธาว, นิพฺพุตา เต สสาวกา’’ติ.
ตตฺถ อมฺหากํ โพธิสตฺโต ทีปงฺกราทีนํ จตุวีสติยา พุทฺธานํ สนฺติเก อธิการํ กโรนฺโต กปฺปสตสหสฺสาธิกานิ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ อาคโต. กสฺสปสฺส ปน ภควโต โอรภาเค เปตฺวา อิมํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ อฺโ พุทฺโธ นาม นตฺถิ. อิติ ทีปงฺกราทีนํ จตุวีสติยา พุทฺธานํ สนฺติเก ลทฺธพฺยากรโณ ปน โพธิสตฺโต เยเนน –
‘‘มนุสฺสตฺตํ ลิงฺคสมฺปตฺติ, เหตุ สตฺถารทสฺสนํ;
ปพฺพชฺชา คุณสมฺปตฺติ, อธิกาโร จ ฉนฺทตา;
อฏฺธมฺมสโมธานา, อภินีหาโร สมิชฺฌตี’’ติ. (พุ. วํ. ๒.๕๙) –
อิเม อฏฺ ธมฺเม สโมธาเนตฺวา ทีปงฺกรปาทมูเล กตาภินีหาเรน ‘‘หนฺท พุทฺธกเร ธมฺเม, วิจินามิ อิโต ¶ จิโต’’ติ อุสฺสาหํ กตฺวา ‘‘วิจินนฺโต ตทาทกฺขึ, ปมํ ทานปารมิ’’นฺติ ทานปารมิตาทโย พุทฺธการกธมฺมา ทิฏฺา, เต ปูเรนฺโตเยว ยาว เวสฺสนฺตรตฺตภาวา อาคมิ. อาคจฺฉนฺโต จ เย เต กตาภินีหารานํ โพธิสตฺตานํ อานิสํสา สํวณฺณิตา –
‘‘เอวํ สพฺพงฺคสมฺปนฺนา, โพธิยา นิยตา นรา;
สํสรํ ทีฆมทฺธานํ, กปฺปโกฏิสเตหิปิ.
‘‘อวีจิมฺหิ นุปฺปชฺชนฺติ, ตถา โลกนฺตเรสุ จ;
นิชฺฌามตณฺหา ขุปฺปิปาสา, น โหนฺติ กาลกฺชกา.
‘‘น โหนฺติ ขุทฺทกา ปาณา, อุปฺปชฺชนฺตาปิ ทุคฺคตึ;
ชายมานา ¶ มนุสฺเสสุ, ชจฺจนฺธา น ภวนฺติ เต.
‘‘โสตเวกลฺลตา นตฺถิ, น ภวนฺติ มูคปกฺขิกา;
อิตฺถิภาวํ น คจฺฉนฺติ, อุภโตพฺยฺชนปณฺฑกา.
‘‘น ภวนฺติ ปริยาปนฺนา, โพธิยา นิยตา นรา;
มุตฺตา อานนฺตริเกหิ, สพฺพตฺถ สุทฺธโคจรา.
‘‘มิจฺฉาทิฏฺึ ¶ น เสวนฺติ, กมฺมกิริยทสฺสนา;
วสมานาปิ สคฺเคสุ, อสฺํ นูปปชฺชเร.
‘‘สุทฺธาวาเสสุ เทเวสุ, เหตุ นาม น วิชฺชติ;
เนกฺขมฺมนินฺนา สปฺปุริสา, วิสํยุตฺตา ภวาภเว;
จรนฺติ โลกตฺถจริยาโย, ปูเรนฺติ สพฺพปารมี’’ติ.
เต อานิสํเส อธิคนฺตฺวาว อาคโต. ปารมิโย ปูเรนฺตสฺส จสฺส อกิตฺติพฺราหฺมณกาเล สงฺขพฺราหฺมณกาเล ธนฺจยราชกาเล มหาสุทสฺสนกาเล มหาโควินฺทกาเล นิมิมหาราชกาเล จนฺทกุมารกาเล วิสยฺหเสฏฺิกาเล สิวิราชกาเล เวสฺสนฺตรกาเลติ ทานปารมิตาย ปูริตตฺตภาวานํ ปริมาณํ นาม นตฺถิ. เอกนฺเตน ปนสฺส สสปณฺฑิตชาตเก –
‘‘ภิกฺขาย ¶ อุปคตํ ทิสฺวา, สกตฺตานํ ปริจฺจชึ;
ทาเนน เม สโม นตฺถิ, เอสา เม ทานปารมี’’ติ. (จริยา. ๑.ตสฺสุทานํ) –
เอวํ อตฺตปริจฺจาคํ กโรนฺตสฺส ทานปารมิตา ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา. ตถา สีลวราชกาเล จมฺเปยฺยนาคราชกาเล ภูริทตฺตนาคราชกาเล ฉทฺทนฺตนาคราชกาเล ชยทฺทิสราชปุตฺตกาเล อลีนสตฺตุกุมารกาเลติ สีลปารมิตาย ปูริตตฺตภาวานํ ปริมาณํ นาม นตฺถิ. เอกนฺเตน ปนสฺส สงฺขปาลชาตเก –
‘‘สูเลหิ วิชฺฌิยนฺโตปิ, โกฏฺฏิยนฺโตปิ สตฺติหิ;
โภชปุตฺเต น กุปฺปามิ, เอสา เม สีลปารมี’’ติ. (จริยา. ๒.๙๑) –
เอวํ อตฺตปริจฺจาคํ กโรนฺตสฺส สีลปารมิตา ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา. ตถา โสมนสฺสกุมารกาเล, หตฺถิปาลกุมารกาเล, อโยฆรปณฺฑิตกาเลติ มหารชฺชํ ปหาย เนกฺขมฺมปารมิตาย ปูริตตฺตภาวานํ ปริมาณํ นาม นตฺถิ. เอกนฺเตน ปนสฺส จูฬสุตโสมชาตเก –
‘‘มหารชฺชํ ¶ หตฺถคตํ, เขฬปิณฺฑํว ฉฑฺฑยึ;
จชโต น โหติ ลคฺคํ, เอสา เม เนกฺขมฺมปารมี’’ติ. –
เอวํ ¶ นิสฺสงฺคตาย รชฺชํ ฉฑฺเฑตฺวา นิกฺขมนฺตสฺส เนกฺขมฺมปารมิตา ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา. ตถา วิธุรปณฺฑิตกาเล, มหาโควินฺทปณฺฑิตกาเล, กุทฺทาลปณฺฑิตกาเล, อรกปณฺฑิตกาเล, โพธิปริพฺพาชกกาเล, มโหสธปณฺฑิตกาเลติ, ปฺาปารมิตาย ปูริตตฺตภาวานํ ปริมาณํ นาม นตฺถิ. เอกนฺเตน ปนสฺส สตฺตุภสฺตชาตเก เสนกปณฺฑิตกาเล –
‘‘ปฺาย วิจินนฺโตหํ, พฺราหฺมณํ โมจยึ ทุขา;
ปฺาย เม สโม นตฺถิ, เอสา เม ปฺาปารมี’’ติ. –
อนฺโตภสฺตคตํ สปฺปํ ทสฺเสนฺตสฺส ปฺาปารมิตา ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา. ตถา วีริยปารมิตาทีนมฺปิ ปูริตตฺตภาวานํ ปริมาณํ นาม นตฺถิ. เอกนฺเตน ปนสฺส มหาชนกชาตเก –
‘‘อตีรทสฺสี ¶ ชลมชฺเฌ, หตา สพฺเพว มานุสา;
จิตฺตสฺส อฺถา นตฺถิ, เอสา เม วีริยปารมี’’ติ. –
เอวํ มหาสมุทฺทํ ตรนฺตสฺส ปวตฺตา วีริยปารมิตา ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา. ขนฺติวาทิชาตเก –
‘‘อเจตนํว โกฏฺเฏนฺเต, ติณฺเหน ผรสุนา มมํ;
กาสิราเช น กุปฺปามิ, เอสา เม ขนฺติปารมี’’ติ. –
เอวํ อเจตนภาเวน วิย มหาทุกฺขํ อธิวาเสนฺตสฺส ขนฺติปารมิตา ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา. มหาสุตโสมชาตเก –
‘‘สจฺจวาจํ อนุรกฺขนฺโต, จชิตฺวา มม ชีวิตํ;
โมเจสึ เอกสตํ ขตฺติเย, เอสา เม สจฺจปารมี’’ติ. –
เอวํ ชีวิตํ จชิตฺวา สจฺจมนุรกฺขนฺตสฺส สจฺจปารมิตา ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา. มูคปกฺขชาตเก –
‘‘มาตา ปิตา น เม เทสฺสา, นปิ เม เทสฺสํ มหายสํ;
สพฺพฺุตํ ปิยํ มยฺหํ, ตสฺมา วตมธิฏฺหิ’’นฺติ. (จริยา. ๓.๖ โถกํ วิสทิสํ) –
เอวํ ¶ ชีวิตมฺปิ จชิตฺวา วตํ อธิฏฺหนฺตสฺส อธิฏฺานปารมิตา ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา. เอกราชชาตเก –
‘‘น ¶ มํ โกจิ อุตฺตสติ, นปิหํ ภายามิ กสฺสจิ;
เมตฺตาพเลนุปตฺถทฺโธ, รมามิ ปวเน ตทา’’ติ. (จริยา. ๓.๑๑๓) –
เอวํ ชีวิตมฺปิ อโนโลเกตฺวา เมตฺตายนฺตสฺส เมตฺตาปารมิตา ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา. โลมหํสชาตเก –
‘‘สุสาเน ¶ เสยฺยํ กปฺเปมิ, ฉวฏฺิกํ อุปธายหํ;
คามณฺฑลา อุปาคนฺตฺวา, รูปํ ทสฺเสนฺตินปฺปก’’นฺติ. (จริยา. ๓.๑๑๙) –
เอวํ คามทารเกสุ นิฏฺุภนาทีหิ เจว มาลาคนฺธูปหาราทีหิ จ สุขทุกฺขํ อุปฺปาเทนฺเตสุปิ อุเปกฺขํ อนติวตฺตนฺตสฺส อุเปกฺขาปารมิตา ปรมตฺถปารมี นาม ชาตา. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถารโต ปเนส อตฺโถ จริยาปิฏกโต คเหตพฺโพ. เอวํ ปารมิโย ปูเรตฺวา เวสฺสนฺตรตฺตภาเว ิโต –
‘‘อเจตนายํ ปถวี, อวิฺาย สุขํ ทุขํ;
สาปิ ทานพลา มยฺหํ, สตฺตกฺขตฺตุํ ปกมฺปถา’’ติ. (จริยา. ๑.๑๒๔) –
เอวํ มหาปถวิกมฺปนาทีนิ มหาปฺุานิ กตฺวา อายุปริโยสาเน ตโต จุโต ตุสิตภวเน นิพฺพตฺติ. อิติ ทีปงฺกรปาทมูลโต ปฏฺาย ยาว อยํ ตุสิตปุเร นิพฺพตฺติ, เอตฺตกํ านํ ทูเรนิทานํ นามาติ เวทิตพฺพํ.
ทูเรนิทานกถา นิฏฺิตา.
๒. อวิทูเรนิทานกถา
ตุสิตปุเร วสนฺเตเยว ปน โพธิสตฺเต พุทฺธโกลาหลํ นาม อุทปาทิ. โลกสฺมิฺหิ ตีณิ โกลาหลานิ อุปฺปชฺชนฺติ – กปฺปโกลาหลํ, พุทฺธโกลาหลํ, จกฺกวตฺติโกลาหลนฺติ. ตตฺถ ‘‘วสฺสสตสหสฺสสฺส อจฺจเยน กปฺปุฏฺานํ ภวิสฺสตี’’ติ โลกพฺยูหา นาม กามาวจรเทวา มุตฺตสิรา วิกิณฺณเกสา รุทมุขา อสฺสูนิ หตฺเถหิ ปฺุฉมานา รตฺตวตฺถนิวตฺถา อติวิย วิรูปเวสธาริโน หุตฺวา มนุสฺสปเถ วิจรนฺตา เอวํ อาโรเจนฺติ ‘‘มาริสา ¶ อิโต วสฺสสตสหสฺสสฺส อจฺจเยน กปฺปุฏฺานํ ภวิสฺสติ, อยํ โลโก วินสฺสิสฺสติ, มหาสมุทฺโทปิ สุสฺสิสฺสติ ¶ , อยฺจ มหาปถวี สิเนรุ จ ปพฺพตราชา อุฑฺฑยฺหิสฺสนฺติ วินสฺสิสฺสนฺติ, ยาว พฺรหฺมโลกา โลกวินาโส ภวิสฺสติ, เมตฺตํ มาริสา ภาเวถ, กรุณํ, มุทิตํ, อุเปกฺขํ มาริสา ภาเวถ, มาตรํ อุปฏฺหถ, ปิตรํ อุปฏฺหถ, กุเล เชฏฺาปจายิโน โหถา’’ติ. อิทํ กปฺปโกลาหลํ นาม. วสฺสสหสฺสสฺส อจฺจเยน ปน สพฺพฺุพุทฺโธ โลเก อุปฺปชฺชิสฺสตีติ โลกปาลเทวตา ‘‘อิโต ¶ มาริสา วสฺสสหสฺสสฺส อจฺจเยน พุทฺโธ โลเก อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ อุคฺโฆเสนฺตา อาหิณฺฑนฺติ. อิทํ พุทฺธโกลาหลํ นาม. วสฺสสตสฺส อจฺจเยน จกฺกวตฺตี ราชา อุปฺปชฺชิสฺสตีติ เทวตา ‘‘อิโต มาริสา วสฺสสตสฺส อจฺจเยน จกฺกวตฺตี ราชา โลเก อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ อุคฺโฆเสนฺติโย อาหิณฺฑนฺติ. อิทํ จกฺกวตฺติโกลาหลํ นาม. อิมานิ ตีณิ โกลาหลานิ มหนฺตานิ โหนฺติ.
เตสุ พุทฺธโกลาหลสทฺทํ สุตฺวา สกลทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตา เอกโต สนฺนิปติตฺวา ‘‘อสุโก นาม สตฺโต พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ ตฺวา ตํ อุปสงฺกมิตฺวา อายาจนฺติ. อายาจมานา จ ปุพฺพนิมิตฺเตสุ อุปฺปนฺเนสุ อายาจนฺติ. ตทา ปน สพฺพาปิ เทวตา เอเกกจกฺกวาเฬ จตุมหาราชสกฺกสุยามสนฺตุสิตสุนิมฺมิตวสวตฺติมหาพฺรหฺเมหิ สทฺธึ เอกจกฺกวาเฬ สนฺนิปติตฺวา ตุสิตภวเน โพธิสตฺตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘มาริสา ตุมฺเหหิ ทส ปารมิโย ปูเรนฺเตหิ น สกฺกสมฺปตฺตึ, น มารสมฺปตฺตึ, น พฺรหฺมสมฺปตฺตึ, น จกฺกวตฺติสมฺปตฺตึ ปตฺเถนฺเตหิ ปูริตา, โลกนิตฺถรณตฺถาย ปน สพฺพฺุตํ ปตฺเถนฺเตหิ ปูริตา, โส โว อิทานิ กาโล มาริสา พุทฺธตฺตาย สมโย, มาริสา พุทฺธตฺตาย สมโย’’ติ ยาจึสุ.
อถ มหาสตฺโต เทวตานํ ปฏิฺํ อทตฺวาว กาลทีปเทสกุลชเนตฺติอายุปริจฺเฉทวเสน ปฺจมหาวิโลกนํ นาม วิโลเกสิ. ตตฺถ ‘‘กาโล นุ โข, อกาโล นุ โข’’ติ ปมํ กาลํ วิโลเกสิ. ตตฺถ วสฺสสตสหสฺสโต อุทฺธํ วฑฺฒิตอายุกาโล กาโล นาม น โหติ. กสฺมา? ตทา หิ สตฺตานํ ชาติชรามรณานิ น ปฺายนฺติ. พุทฺธานฺจ ธมฺมเทสนา ติลกฺขณมุตฺตา นาม นตฺถิ. เตสํ ‘‘อนิจฺจํ, ทุกฺขํ, อนตฺตา’’ติ กเถนฺตานํ ‘‘กึ นาเมตํ กเถนฺตี’’ติ เนว โสตพฺพํ น สทฺธาตพฺพํ ¶ มฺนฺติ, ตโต อภิสมโย น โหติ, ตสฺมึ อสติ อนิยฺยานิกํ สาสนํ โหติ. ตสฺมา โส อกาโล. วสฺสสตโต อูนอายุกาโลปิ กาโล น โหติ. กสฺมา? ตทา สตฺตา อุสฺสนฺนกิเลสา โหนฺติ, อุสฺสนฺนกิเลสานฺจ ทินฺโน โอวาโท โอวาทฏฺาเน น ติฏฺติ, อุทเก ทณฺฑราชิ วิย ขิปฺปํ วิคจฺฉติ ¶ . ตสฺมา โสปิ อกาโล. วสฺสสตสหสฺสโต ปน ปฏฺาย เหฏฺา, วสฺสสตโต ปฏฺาย อุทฺธํ อายุกาโล กาโล นาม. ตทา จ วสฺสสตกาโล. อถ มหาสตฺโต ‘‘นิพฺพตฺติตพฺพกาโล’’ติ กาลํ ปสฺสิ.
ตโต ทีปํ วิโลเกนฺโต สปริวาเร จตฺตาโร ทีเป โอโลเกตฺวา ‘‘ตีสุ ทีเปสุ พุทฺธา น นิพฺพตฺตนฺติ, ชมฺพุทีเปเยว นิพฺพตฺตนฺตี’’ติ ทีปํ ปสฺสิ.
ตโต ¶ ‘‘ชมฺพุทีโป นาม มหา ทสโยชนสหสฺสปริมาโณ, กตรสฺมึ นุ โข ปเทเส พุทฺธา นิพฺพตฺตนฺตี’’ติ โอกาสํ วิโลเกนฺโต มชฺฌิมเทสํ ปสฺสิ. มชฺฌิมเทโส นาม – ‘‘ปุรตฺถิมาย ทิสาย คชงฺคลํ นาม นิคโม, ตสฺส อปเรน มหาสาโล, ตโต ปรํ ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ. ปุพฺพทกฺขิณาย ทิสาย สลฺลวตี นาม นที, ตโต ปรํ ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ. ทกฺขิณาย ทิสาย เสตกณฺณิกํ นาม นิคโม, ตโต ปรํ ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ. ปจฺฉิมาย ทิสาย ถูณํ นาม พฺราหฺมณคาโม, ตโต ปรํ ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ. อุตฺตราย ทิสาย อุสีรทฺธโช นาม ปพฺพโต, ตโต ปรํ ปจฺจนฺติมา ชนปทา, โอรโต มชฺเฌ’’ติ เอวํ วินเย (มหาว. ๒๕๙) วุตฺโต ปเทโส. โส อายามโต ตีณิ โยชนสตานิ, วิตฺถารโต อฑฺฒเตยฺยานิ, ปริกฺเขปโต นว โยชนสตานีติ เอตสฺมึ ปเทเส พุทฺธา, ปจฺเจกพุทฺธา, อคฺคสาวกา, อสีติ มหาสาวกา, จกฺกวตฺติราชา อฺเ จ มเหสกฺขา ขตฺติยพฺราหฺมณคหปติมหาสาลา อุปฺปชฺชนฺติ. อิทฺเจตฺถ กปิลวตฺถุ นาม นครํ, ตตฺถ มยา นิพฺพตฺติตพฺพนฺติ นิฏฺํ อคมาสิ.
ตโต กุลํ วิโลเกนฺโต ‘‘พุทฺธา นาม เวสฺสกุเล วา สุทฺทกุเล วา น นิพฺพตฺตนฺติ, โลกสมฺมเต ปน ขตฺติยกุเล วา พฺราหฺมณกุเลวาติ ทฺวีสุเยว กุเลสุ นิพฺพตฺตนฺติ. อิทานิ จ ขตฺติยกุลํ โลกสมฺมตํ ¶ , ตตฺถ นิพฺพตฺติสฺสามิ. สุทฺโธทโน นาม ราชา เม ปิตา ภวิสฺสตี’’ติ กุลํ ปสฺสิ.
ตโต มาตรํ วิโลเกนฺโต ‘‘พุทฺธมาตา นาม โลลา สุราธุตฺตา น โหติ, กปฺปสตสหสฺสํ ปน ปูริตปารมี ชาติโต ปฏฺาย อขณฺฑปฺจสีลาเยว โหติ. อยฺจ มหามายา นาม เทวี เอทิสี, อยํ เม มาตา ภวิสฺสติ, กิตฺตกํ ปนสฺสา อายูติ ทสนฺนํ มาสานํ อุปริ สตฺต ทิวสานี’’ติ ปสฺสิ.
อิติ อิมํ ปฺจมหาวิโลกนํ วิโลเกตฺวา ‘‘กาโล เม มาริสา พุทฺธภาวายา’’ติ เทวตานํ สงฺคหํ กโรนฺโต ปฏิฺํ ทตฺวา ‘‘คจฺฉถ, ตุมฺเห’’ติ ตา เทวตา อุยฺโยเชตฺวา ตุสิตเทวตาหิ ปริวุโต ตุสิตปุเร นนฺทนวนํ ปาวิสิ. สพฺพเทวโลเกสุ หิ นนฺทนวนํ อตฺถิเยว. ตตฺถ นํ เทวตา ‘‘อิโต จุโต สุคตึ คจฺฉ, อิโต จุโต สุคตึ คจฺฉา’’ติ ปุพฺเพ กตกุสลกมฺโมกาสํ สารยมานา ¶ วิจรนฺติ. โส เอวํ เทวตาหิ กุสลํ สารยมานาหิ ปริวุโต ตตฺถ วิจรนฺโต จวิตฺวา มหามายาย เทวิยา กุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ.
ตสฺส ¶ อาวิภาวตฺถํ อยมนุปุพฺพิกถา – ตทา กิร กปิลวตฺถุนคเร อาสาฬฺหินกฺขตฺตํ สงฺฆุฏฺํ อโหสิ, มหาชโน นกฺขตฺตํ กีฬติ. มหามายาปิ เทวี ปุเร ปุณฺณมาย สตฺตมทิวสโต ปฏฺาย วิคตสุราปานํ มาลาคนฺธวิภูติสมฺปนฺนํ นกฺขตฺตกีฬํ อนุภวมานา สตฺตเม ทิวเส ปาโตว อุฏฺาย คนฺโธทเกน นฺหายิตฺวา จตฺตาริ สตสหสฺสานิ วิสฺสชฺเชตฺวา มหาทานํ ทตฺวา สพฺพาลงฺการวิภูสิตา วรโภชนํ ภฺุชิตฺวา อุโปสถงฺคานิ อธิฏฺาย อลงฺกตปฏิยตฺตํ สิริคพฺภํ ปวิสิตฺวา สิริสยเน นิปนฺนา นิทฺทํ โอกฺกมมานา อิมํ สุปินํ อทฺทส – ‘จตฺตาโร กิร นํ มหาราชาโน สยเนเนว สทฺธึ อุกฺขิปิตฺวา หิมวนฺตํ เนตฺวา สฏฺิโยชนิเก มโนสิลาตเล สตฺตโยชนิกสฺส มหาสาลรุกฺขสฺส เหฏฺา เปตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺํสุ. อถ เนสํ เทวิโย อาคนฺตฺวา เทวึ อโนตตฺตทหํ เนตฺวา มนุสฺสมลหรณตฺถํ นฺหาเปตฺวา ทิพฺพวตฺถํ นิวาสาเปตฺวา คนฺเธหิ วิลิมฺปาเปตฺวา ทิพฺพปุปฺผานิ ปิฬนฺธาเปตฺวา ตโต อวิทูเร เอโก รชตปพฺพโต อตฺถิ, ตสฺส อนฺโต กนกวิมานํ อตฺถิ ¶ , ตตฺถ ปาจีนสีสกํ ทิพฺพสยนํ ปฺาเปตฺวา นิปชฺชาเปสุํ. อถ โพธิสตฺโต เสตวรวารโณ หุตฺวา ตโต อวิทูเร เอโก สุวณฺณปพฺพโต อตฺถิ, ตตฺถ วิจริตฺวา ตโต โอรุยฺห รชตปพฺพตํ อภิรุหิตฺวา อุตฺตรทิสโต อาคมฺม รชตทามวณฺณาย โสณฺฑาย เสตปทุมํ คเหตฺวา โกฺจนาทํ นทิตฺวา กนกวิมานํ ปวิสิตฺวา มาตุสยนํ ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา ทกฺขิณปสฺสํ ผาเลตฺวา กุจฺฉึ ปวิฏฺสทิโส อโหสี’ติ. เอวํ อุตฺตราสาฬฺหนกฺขตฺเตน ปฏิสนฺธึ คณฺหิ.
ปุนทิวเส ปพุทฺธา เทวี ตํ สุปินํ รฺโ อาโรเจสิ. ราชา จตุสฏฺิมตฺเต พฺราหฺมณปาโมกฺเข ปกฺโกสาเปตฺวา โคมยหริตูปลิตฺตาย ลาชาทีหิ กตมงฺคลสกฺการาย ภูมิยา มหารหานิ อาสนานิ ปฺาเปตฺวา ตตฺถ นิสินฺนานํ พฺราหฺมณานํ สปฺปิมธุสกฺขราภิสงฺขตสฺส วรปายาสสฺส สุวณฺณรชตปาติโย ปูเรตฺวา สุวณฺณรชตปาตีหิเยว ปฏิกุชฺชิตฺวา อทาสิ, อฺเหิ จ อหตวตฺถกปิลคาวิทานาทีหิ เต สนฺตปฺเปสิ. อถ เนสํ สพฺพกาเมหิ สนฺตปฺปิตานํ สุปินํ อาโรจาเปตฺวา ‘‘กึ ภวิสฺสตี’’ติ ปุจฺฉิ. พฺราหฺมณา อาหํสุ ‘‘มา จินฺตยิ, มหาราช, เทวิยา เต กุจฺฉิมฺหิ คพฺโภ ปติฏฺิโต, โส จ ¶ โข ปุริสคพฺโภ, น อิตฺถิคพฺโภ, ปุตฺโต เต ภวิสฺสติ. โส สเจ อคารํ อชฺฌาวสิสฺสติ, ราชา ภวิสฺสติ จกฺกวตฺตี; สเจ อคารา นิกฺขมฺม ปพฺพชิสฺสติ, พุทฺโธ ภวิสฺสติ โลเก วิวฏฺฏจฺฉโท’’ติ.
โพธิสตฺตสฺส ปน มาตุกุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธิคฺคหณกฺขเณ เอกปฺปหาเรเนว สกลทสสหสฺสี โลกธาตุ สงฺกมฺปิ สมฺปกมฺปิ สมฺปเวธิ. พาตฺตึสปุพฺพนิมิตฺตานิ ปาตุรเหสุํ – ทสสุ จกฺกวาฬสหสฺเสสุ อปฺปมาโณ โอภาโส ผริ. ตสฺส ตํ สิรึ ทฏฺุกามา วิย อนฺธา จกฺขูนิ ¶ ปฏิลภึสุ, พธิรา สทฺทํ สุณึสุ, มูคา สมาลปึสุ, ขุชฺชา อุชุคตฺตา อเหสุํ, ปงฺคุลา ปทสา คมนํ ปฏิลภึสุ, พนฺธนคตา สพฺพสตฺตา อนฺทุพนฺธนาทีหิ มุจฺจึสุ, สพฺพนรเกสุ อคฺคิ นิพฺพายิ, เปตฺติวิสเย ขุปฺปิปาสา วูปสมิ, ติรจฺฉานานํ ภยํ นาโหสิ, สพฺพสตฺตานํ โรโค วูปสมิ, สพฺพสตฺตา ปิยํวทา อเหสุํ, มธุเรนากาเรน อสฺสา หสึสุ, วารณา คชฺชึสุ, สพฺพตูริยานิ สกสกนินฺนาทํ มฺุจึสุ, อฆฏฺฏิตานิเยว มนุสฺสานํ หตฺถูปคาทีนิ อาภรณานิ วิรวึสุ, สพฺพทิสา วิปฺปสนฺนา อเหสุํ ¶ , สตฺตานํ สุขํ อุปฺปาทยมาโน มุทุสีตลวาโต วายิ, อกาลเมโฆ วสฺสิ, ปถวิโตปิ อุทกํ อุพฺภิชฺชิตฺวา วิสฺสนฺทิ, ปกฺขิโน อากาสคมนํ วิชหึสุ, นทิโย อสนฺทมานา อฏฺํสุ, มหาสมุทฺเท มธุรํ อุทกํ อโหสิ, สพฺพตฺถกเมว ปฺจวณฺเณหิ ปทุเมหิ สฺฉนฺนตโล อโหสิ, ถลชชลชาทีนิ สพฺพปุปฺผานิ ปุปฺผึสุ, รุกฺขานํ ขนฺเธสุ ขนฺธปทุมานิ, สาขาสุ สาขาปทุมานิ, ลตาสุ ลตาปทุมานิ ปุปฺผึสุ, ถเล สิลาตลานิ ภินฺทิตฺวา อุปรูปริ สตฺต สตฺต หุตฺวา ทณฺฑปทุมานิ นาม นิกฺขมึสุ, อากาเส โอลมฺพกปทุมานิ นาม นิพฺพตฺตึสุ, สมนฺตโต ปุปฺผวสฺสา วสฺสึสุ, อากาเส ทิพฺพตูริยานิ วชฺชึสุ, สกลทสสหสฺสิโลกธาตุ วฏฺเฏตฺวา วิสฺสฏฺมาลาคุโฬ วิย, อุปฺปีเฬตฺวา พทฺธมาลากลาโป วิย, อลงฺกตปฏิยตฺตํ มาลาสนํ วิย จ เอกมาลามาลินี วิปฺผุรนฺตวาฬพีชนี ปุปฺผธูมคนฺธปริวาสิตา ปรมโสภคฺคปฺปตฺตา อโหสิ.
เอวํ คหิตปฏิสนฺธิกสฺส โพธิสตฺตสฺส ปฏิสนฺธิโต ปฏฺาย โพธิสตฺตสฺส เจว โพธิสตฺตมาตุยา จ อุปทฺทวนิวารณตฺถํ ขคฺคหตฺถา จตฺตาโร เทวปุตฺตา อารกฺขํ คณฺหึสุ. โพธิสตฺตมาตุ ปน ปุริเสสุ ราคจิตฺตํ นุปฺปชฺชิ, ลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺตา จ อโหสิ สุขินี อกิลนฺตกายา. โพธิสตฺตฺจ อนฺโตกุจฺฉิคตํ ¶ วิปฺปสนฺเน มณิรตเน อาวุตปณฺฑุสุตฺตํ วิย ปสฺสติ. ยสฺมา จ โพธิสตฺเตน วสิตกุจฺฉิ นาม เจติยคพฺภสทิสา โหติ, น สกฺกา อฺเน สตฺเตน อาวสิตุํ วา ปริภฺุชิตุํ วา, ตสฺมา โพธิสตฺตมาตา สตฺตาหชาเต โพธิสตฺเต กาลํ กตฺวา ตุสิตปุเร นิพฺพตฺตติ. ยถา จ อฺา อิตฺถิโย ทส มาเส อปตฺวาปิ อติกฺกมิตฺวาปิ นิสินฺนาปิ นิปนฺนาปิ วิชายนฺติ, น เอวํ โพธิสตฺตมาตา. สา ปน โพธิสตฺตํ ทส มาเส กุจฺฉินา ปริหริตฺวา ิตาว วิชายติ. อยํ โพธิสตฺตมาตุธมฺมตา.
มหามายาปิ เทวี ปตฺเตน เตลํ วิย ทส มาเส กุจฺฉินา โพธิสตฺตํ ปริหริตฺวา ปริปุณฺณคพฺภา าติฆรํ คนฺตุกามา สุทฺโธทนมหาราชสฺส อาโรเจสิ – ‘‘อิจฺฉามหํ, เทว, กุลสนฺตกํ เทวทหนครํ คนฺตุ’’นฺติ. ราชา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา กปิลวตฺถุโต ยาว เทวทหนครา มคฺคํ สมํ กาเรตฺวา กทลิปุณฺณฆฏธชปฏากาทีหิ อลงฺการาเปตฺวา เทวิ สุวณฺณสิวิกาย ¶ นิสีทาเปตฺวา อมจฺจสหสฺเสน อุกฺขิปาเปตฺวา มหนฺเตน ¶ ปริวาเรน เปเสสิ. ทฺวินฺนํ ปน นครานํ อนฺตเร อุภยนครวาสีนมฺปิ ลุมฺพินีวนํ นาม มงฺคลสาลวนํ อตฺถิ, ตสฺมึ สมเย มูลโต ปฏฺาย ยาว อคฺคสาขา สพฺพํ เอกปาลิผุลฺลํ อโหสิ, สาขนฺตเรหิ เจว ปุปฺผนฺตเรหิ จ ปฺจวณฺณา ภมรคณา นานปฺปการา จ สกุณสงฺฆา มธุรสฺสเรน วิกูชนฺตา วิจรนฺติ. สกลํ ลุมฺพินีวนํ จิตฺตลตาวนสทิสํ, มหานุภาวสฺส รฺโ สุสชฺชิตํ อาปานมณฺฑลํ วิย อโหสิ. เทวิยา ตํ ทิสฺวา สาลวนกีฬํ กีฬิตุกามตาจิตฺตํ อุทปาทิ. อมจฺจา เทวึ คเหตฺวา สาลวนํ ปวิสึสุ. สา มงฺคลสาลมูลํ คนฺตฺวา สาลสาขํ คณฺหิตุกามา อโหสิ, สาลสาขา สุเสทิตเวตฺตคฺคํ วิย โอนมิตฺวา เทวิยา หตฺถปถํ อุปคฺฉิ. สา หตฺถํ ปสาเรตฺวา สาขํ อคฺคเหสิ. ตาวเทว จสฺสา กมฺมชวาตา จลึสุ. อถสฺสา สาณึ ปริกฺขิปิตฺวา มหาชโน ปฏิกฺกมิ. สาลสาขํ คเหตฺวา ติฏฺมานาย เอวสฺสา คพฺภวุฏฺานํ อโหสิ. ตงฺขณํเยว จตฺตาโร วิสุทฺธจิตฺตา มหาพฺรหฺมาโน สุวณฺณชาลํ อาทาย สมฺปตฺตา เตน สุวณฺณชาเลน โพธิสตฺตํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา มาตุ ปุรโต เปตฺวา ‘‘อตฺตมนา, เทวิ, โหหิ, มเหสกฺโข เต ปุตฺโต อุปฺปนฺโน’’ติ อาหํสุ.
ยถา ปน อฺเ สตฺตา มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขมนฺตา ปฏิกูเลน อสุจินา มกฺขิตา นิกฺขมนฺติ, น เอวํ โพธิสตฺโต. โส ปน ¶ ธมฺมาสนโต โอตรนฺโต ธมฺมกถิโก วิย, นิสฺเสณิโต โอตรนฺโต ปุริโส วิย, จ ทฺเว จ หตฺเถ ทฺเว จ ปาเท ปสาเรตฺวา ิตโกว มาตุกุจฺฉิสมฺภเวน เกนจิ อสุจินา อมกฺขิโต สุทฺโธ วิสโท กาสิกวตฺเถ นิกฺขิตฺตมณิรตนํ วิย โชตยนฺโต มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขมิ. เอวํ สนฺเตปิ โพธิสตฺตสฺส จ โพธิสตฺตมาตุยา จ สกฺการตฺถํ อากาสโต ทฺเว อุทกธารา นิกฺขมิตฺวา โพธิสตฺตสฺส จ มาตุยา จ สรีเร อุตุํ คาหาเปสุํ.
อถ นํ สุวณฺณชาเลน ปฏิคฺคเหตฺวา ิตานํ พฺรหฺมานํ หตฺถโต จตฺตาโร มหาราชาโน มงฺคลสมฺมตาย สุขสมฺผสฺสาย อชินปฺปเวณิยา คณฺหึสุ, เตสํ หตฺถโต มนุสฺสา ทุกูลจุมฺพฏเกน. มนุสฺสานํ หตฺถโต มุจฺจิตฺวา ปถวิยํ ปติฏฺาย ปุรตฺถิมทิสํ โอโลเกสิ, อเนกานิ จกฺกวาฬสหสฺสานิ เอกงฺคณานิ อเหสุํ. ตตฺถ เทวมนุสฺสา คนฺธมาลาทีหิ ¶ ปูชยมานา ‘‘มหาปุริส, อิธ ตุมฺเหหิ สทิโส อฺโ นตฺถิ, กุเตตฺถ อุตฺตริตโร’’ติ อาหํสุ. เอวํ จตสฺโส ทิสา, จตสฺโส อนุทิสา, เหฏฺา, อุปรีติ ทส ทิสา อนุวิโลเกตฺวา อตฺตนา สทิสํ กฺจิ อทิสฺวา ‘‘อยํ อุตฺตราทิสา’’ติ สตฺตปทวีติหาเรน อคมาสิ, มหาพฺรหฺมุนา เสตจฺฉตฺตํ ธาริยมาโน, สุยาเมน วาฬพีชนึ, อฺาหิ จ เทวตาหิ เสสราชกกุธภณฺฑหตฺถาหิ ¶ อนุคมฺมมาโน. ตโต สตฺตมปเท ิโต ‘‘อคฺโคหมสฺมึ โลกสฺสา’’ติอาทิกํ อาสภึ วาจํ นิจฺฉาเรนฺโต สีหนาทํ นทิ.
โพธิสตฺโต หิ ตีสุ อตฺตภาเวสุ มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขนฺตมตฺโตว วาจํ นิจฺฉาเรสิ มโหสธตฺตภาเว, เวสฺสนฺตรตฺตภาเว, อิมสฺมึ อตฺตภาเวติ. มโหสธตฺตภาเว กิรสฺส มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขนฺตมตฺตสฺเสว สกฺโก เทวราชา อาคนฺตฺวา จนฺทนสารํ หตฺเถ เปตฺวา คโต, โส ตํ มุฏฺิยํ กตฺวาว นิกฺขนฺโต. อถ นํ มาตา ‘‘ตาต, กึ คเหตฺวา อาคโตสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘โอสธํ, อมฺมา’’ติ. อิติ โอสธํ คเหตฺวา อาคตตฺตา ‘‘โอสธทารโก’’ตฺเววสฺส นามํ อกํสุ. ตํ โอสธํ คเหตฺวา จาฏิยํ ปกฺขิปึสุ, อาคตาคตานํ อนฺธพธิราทีนํ ตเทว สพฺพโรควูปสมาย เภสชฺชํ อโหสิ. ตโต ‘‘มหนฺตํ อิทํ โอสธํ, มหนฺตํ อิทํ โอสธ’’นฺติ อุปฺปนฺนวจนํ อุปาทาย ‘‘มโหสโธ’’ตฺเววสฺส นามํ ชาตํ. เวสฺสนฺตรตฺตภาเว ปน มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขนฺโต ทกฺขิณหตฺถํ ปสาเรตฺวา ‘‘อตฺถิ นุ โข, อมฺม, กิฺจิ เคหสฺมึ, ทานํ ทสฺสามี’’ติ วทนฺโต นิกฺขมิ. อถสฺส มาตา ‘‘สธเน กุเล นิพฺพตฺโตสิ, ตาตา’’ติ ปุตฺตสฺส หตฺถํ อตฺตโน ¶ หตฺถตเล กตฺวา สหสฺสตฺถวิกํ เปสิ. อิมสฺมึ ปน อตฺตภาเว อิมํ สีหนาทํ นทีติ เอวํ โพธิสตฺโต ตีสุ อตฺตภาเวสุ มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขนฺตมตฺโตว วาจํ นิจฺฉาเรสิ. ยถา จ ปฏิสนฺธิคฺคหณกฺขเณ, ชาตกฺขเณปิสฺส ทฺวตฺตึส ปุพฺพนิมิตฺตานิ ปาตุรเหสุํ. ยสฺมึ ปน สมเย อมฺหากํ โพธิสตฺโต ลุมฺพินีวเน ชาโต, ตสฺมึเยว สมเย ราหุลมาตา เทวี, อานนฺทตฺเถโร, ฉนฺโน อมจฺโจ, กาฬุทายี อมจฺโจ, กณฺฑโก อสฺสราชา, มหาโพธิรุกฺโข, จตสฺโส นิธิกุมฺภิโย ¶ จ ชาตา. ตตฺถ เอกา คาวุตปฺปมาณา, เอกา อฑฺฒโยชนปฺปมาณา, เอกา ติคาวุตปฺปมาณา, เอกา โยชนปฺปมาณา อโหสีติ. อิเม สตฺต สหชาตา นาม.
อุภยนครวาสิโน โพธิสตฺตํ คเหตฺวา กปิลวตฺถุนครเมว อคมํสุ. ตํ ทิวสํเยว จ ‘‘กปิลวตฺถุนคเร สุทฺโธทนมหาราชสฺส ปุตฺโต ชาโต, อยํ กุมาโร โพธิตเล นิสีทิตฺวา พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ ตาวตึสภวเน หฏฺตุฏฺา เทวสงฺฆา เจลุกฺเขปาทีนิ ปวตฺเตนฺตา กีฬึสุ. ตสฺมึ สมเย สุทฺโธทนมหาราชสฺส กุลูปโก อฏฺสมาปตฺติลาภี กาฬเทวีโล นาม ตาปโส ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา ทิวาวิหารตฺถาย ตาวตึสภวนํ คนฺตฺวา ตตฺถ ทิวาวิหารํ นิสินฺโน ตา เทวตา กีฬมานา ทิสฺวา ‘‘กึการณา ตุมฺเห เอวํ ตุฏฺมานสา กีฬถ, มยฺหมฺเปตํ การณํ กเถถา’’ติ ปุจฺฉิ. เทวตา อาหํสุ ‘‘มาริส, สุทฺโธทนรฺโ ปุตฺโต ชาโต, โส โพธิตเล นิสีทิตฺวา พุทฺโธ หุตฺวา ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตสฺสติ, ตสฺส อนนฺตํ พุทฺธลีฬํ ทฏฺุํ ธมฺมฺจ โสตุํ ลจฺฉามาติ อิมินา การเณน ตุฏฺามฺหา’’ติ. ตาปโส ตาสํ วจนํ สุตฺวา ขิปฺปํ เทวโลกโต โอรุยฺห ราชนิเวสนํ ¶ ปวิสิตฺวา ปฺตฺตาสเน นิสินฺโน ‘‘ปุตฺโต กิร เต, มหาราช, ชาโต, ปสฺสิสฺสามิ น’’นฺติ อาห. ราชา อลงฺกตปฏิยตฺตํ กุมารํ อาหราเปตฺวา ตาปสํ วนฺทาเปตุํ อภิหริ, โพธิสตฺตสฺส ปาทา ปริวตฺติตฺวา ตาปสสฺส ชฏาสุ ปติฏฺหึสุ. โพธิสตฺตสฺส หิ เตนตฺตภาเวน วนฺทิตพฺพยุตฺตโก นาม อฺโ นตฺถิ. สเจ หิ อชานนฺตา โพธิสตฺตสฺส สีสํ ตาปสสฺส ปาทมูเล เปยฺยุํ, สตฺตธา ตสฺส มุทฺธา ผเลยฺย. ตาปโส ‘‘น เม อตฺตานํ นาเสตุํ ยุตฺต’’นฺติ อุฏฺายาสนา โพธิสตฺตสฺส อฺชลึ ปคฺคเหสิ. ราชา ตํ อจฺฉริยํ ทิสฺวา อตฺตโน ปุตฺตํ วนฺทิ.
ตาปโส อตีเต จตฺตาลีส กปฺเป, อนาคเต จตฺตาลีสาติ อสีติ กปฺเป อนุสฺสรติ. โพธิสตฺตสฺส ลกฺขณสมฺปตฺตึ ทิสฺวา ‘‘ภวิสฺสติ นุ โข พุทฺโธ, อุทาหุ โน’’ติ อาวชฺเชตฺวา อุปธาเรนฺโต ‘‘นิสฺสํสยํ พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ ตฺวา ‘‘อจฺฉริยปุริโส อย’’นฺติ สิตํ ¶ อกาสิ. ตโต ‘‘อหํ อิมํ พุทฺธภูตํ ทฏฺุํ ลภิสฺสามิ นุ โข, โน’’ติ อุปธาเรนฺโต ‘‘น ลภิสฺสามิ, อนฺตราเยว กาลํ กตฺวา พุทฺธสเตนปิ ¶ พุทฺธสหสฺเสนปิ คนฺตฺวา โพเธตุํ อสกฺกุเณยฺเย อรูปภเว นิพฺพตฺติสฺสามี’’ติ ทิสฺวา ‘‘เอวรูปํ นาม อจฺฉริยปุริสํ พุทฺธภูตํ ทฏฺุํ น ลภิสฺสามิ, มหตี วต เม ชานิ ภวิสฺสตี’’ติ ปโรทิ.
มนุสฺสา ทิสฺวา ‘‘อมฺหากํ อยฺโย อิทาเนว หสิตฺวา ปุน ปโรทิ. กึ นุ โข, ภนฺเต, อมฺหากํ อยฺยปุตฺตสฺส โกจิ อนฺตราโย ภวิสฺสตี’’ติ ปุจฺฉึสุ. ‘‘นตฺเถตสฺส อนฺตราโย, นิสฺสํสเยน พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ. อถ ‘‘กสฺมา ปโรทิตฺถา’’ติ? ‘‘เอวรูปํ ปุริสํ พุทฺธภูตํ ทฏฺุํ น ลภิสฺสามิ, ‘มหตี วต เม ชานิ ภวิสฺสตี’ติ อตฺตานํ อนุโสจนฺโต โรทามี’’ติ อาห. ตโต โส ‘‘กึ นุ โข เม าตเกสุ โกจิ เอตํ พุทฺธภูตํ ทฏฺุํ ลภิสฺสติ, น ลภิสฺสตี’’ติ อุปธาเรนฺโต อตฺตโน ภาคิเนยฺยํ นาฬกทารกํ อทฺทส. โส ภคินิยา เคหํ คนฺตฺวา ‘‘กหํ เต ปุตฺโต นาฬโก’’ติ? ‘‘อตฺถิ เคเห, อยฺยา’’ติ. ‘‘ปกฺโกสาหิ น’’นฺติ ปกฺโกสาเปตฺวา อตฺตโน สนฺติกํ อาคตํ กุมารํ อาห – ‘‘ตาต, สุทฺโธทนมหาราชสฺส กุเล ปุตฺโต ชาโต, พุทฺธงฺกุโร เอส, ปฺจตึส วสฺสานิ อติกฺกมิตฺวา พุทฺโธ ภวิสฺสติ, ตฺวํ เอตํ ทฏฺุํ ลภิสฺสสิ, อชฺเชว ปพฺพชาหี’’ติ. สตฺตาสีติโกฏิธเน กุเล นิพฺพตฺตทารโกปิ ‘‘น มํ มาตุโล อนตฺเถ นิโยเชสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา ตาวเทว อนฺตราปณโต กาสายานิ เจว มตฺติกาปตฺตฺจ อาหราเปตฺวา เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา ‘‘โย โลเก อุตฺตมปุคฺคโล, ตํ อุทฺทิสฺส มยฺหํ ปพฺพชฺชา’’ติ โพธิสตฺตาภิมุขํ อฺชลึ ปคฺคยฺห ปฺจปติฏฺิเตน วนฺทิตฺวา ปตฺตํ ถวิกาย ปกฺขิปิตฺวา อํสกูเฏ ลคฺเคตฺวา หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา สมณธมฺมํ ¶ อกาสิ. โส ปรมาภิสมฺโพธึ ปตฺตํ ตถาคตํ อุปสงฺกมิตฺวา นาฬกปฏิปทํ กถาเปตฺวา ปุน หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา อรหตฺตํ ปตฺวา อุกฺกฏฺปฏิปทํ ปฏิปนฺโน สตฺเตว มาเส อายุํ ปาเลตฺวา เอกํ สุวณฺณปพฺพตํ นิสฺสาย ิตโกว อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายิ.
โพธิสตฺตมฺปิ โข ปฺจเม ทิวเส สีสํ นฺหาเปตฺวา ‘‘นามคฺคหณํ คณฺหิสฺสามา’’ติ ราชภวนํ จตุชฺชาติกคนฺเธหิ วิลิมฺปิตฺวา ลาชาปฺจมกานิ ปุปฺผานิ วิกิริตฺวา อสมฺภินฺนปายาสํ ปจาเปตฺวา ติณฺณํ เวทานํ ปารงฺคเต อฏฺสตพฺราหฺมเณ นิมนฺเตตฺวา ราชภวเน นิสีทาเปตฺวา สุโภชนํ ¶ โภเชตฺวา มหาสกฺการํ ¶ กตฺวา ‘‘กึ นุ โข ภวิสฺสตี’’ติ ลกฺขณานิ ปริคฺคหาเปสุํ. เตสุ –
‘‘ราโม ธโช ลกฺขโณ จาปิ มนฺตี, โกณฺฑฺโ จ โภโช สุยาโม สุทตฺโต;
เอเต ตทา อฏฺ อเหสุํ พฺราหฺมณา, ฉฬงฺควา มนฺตํ วิยากรึสู’’ติ. –
อิเม อฏฺเว พฺราหฺมณา ลกฺขณปริคฺคาหกา อเหสุํ. ปฏิสนฺธิคฺคหณทิวเส สุปิโนปิ เอเตเหว ปริคฺคหิโต. เตสุ สตฺต ชนา ทฺเว องฺคุลิโย อุกฺขิปิตฺวา ทฺเวธา พฺยากรึสุ – ‘‘อิเมหิ ลกฺขเณหิ สมนฺนาคโต อคารํ อชฺฌาวสมาโน ราชา โหติ จกฺกวตฺตี, ปพฺพชมาโน พุทฺโธ’’ติ, สพฺพํ จกฺกวตฺติรฺโ สิริวิภวํ อาจิกฺขึสุ. เตสํ ปน สพฺพทหโร โคตฺตโต โกณฺฑฺโ นาม มาณโว โพธิสตฺตสฺส วรลกฺขณนิปฺผตฺตึ โอโลเกตฺวา – ‘‘อิมสฺส อคารมชฺเฌ านการณํ นตฺถิ, เอกนฺเตเนส วิวฏฺฏจฺฉโท พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ เอกเมว องฺคุลึ อุกฺขิปิตฺวา เอกํสพฺยากรณํ พฺยากาสิ. อยฺหิ กตาธิกาโร ปจฺฉิมภวิกสตฺโต ปฺาย อิตเร สตฺต ชเน อภิภวิตฺวา ‘‘อิเมหิ ลกฺขเณหิ สมนฺนาคตสฺส อคารมชฺเฌ านํ นาม นตฺถิ, อสํสยํ พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ เอกเมว คตึ อทฺทส, ตสฺมา เอกํ องฺคุลึ อุกฺขิปิตฺวา เอวํ พฺยากาสิ. อถสฺส นามํ คณฺหนฺตา สพฺพโลกสฺส อตฺถสิทฺธิกรตฺตา ‘‘สิทฺธตฺโถ’’ติ นามมกํสุ.
อถ เต พฺราหฺมณา อตฺตโน ฆรานิ คนฺตฺวา ปุตฺเต อามนฺตยึสุ – ‘‘ตาตา, อมฺเห มหลฺลกา, สุทฺโธทนมหาราชสฺส ปุตฺตํ สพฺพฺุตํ ปตฺตํ มยํ สมฺภเวยฺยาม วา โน วา, ตุมฺเห ตสฺมึ กุมาเร สพฺพฺุตํ ปตฺเต ตสฺส สาสเน ปพฺพเชยฺยาถา’’ติ. เต สตฺตปิ ชนา ยาวตายุกํ ตฺวา ยถากมฺมํ คตา, โกณฺฑฺมาณโวว อโรโค อโหสิ. โส มหาสตฺเต วุฑฺฒิมนฺวาย มหาภินิกฺขมนํ ¶ อภินิกฺขมิตฺวา อนุกฺกเมน อุรุเวลํ คนฺตฺวา ‘‘รมณีโย, วต อยํ ภูมิภาโค, อลํ วติทํ กุลปุตฺตสฺส ¶ ปธานตฺถิกสฺส ปธานายา’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา ตตฺถ วาสํ อุปคเต ‘‘มหาปุริโส ปพฺพชิโต’’ติ สุตฺวา เตสํ พฺราหฺมณานํ ปุตฺเต อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาห ‘‘สิทฺธตฺถกุมาโร กิร ปพฺพชิโต, โส นิสฺสํสยํ พุทฺโธ ภวิสฺสติ. สเจ ตุมฺหากํ ปิตโร อโรคา อสฺสุ, อชฺช นิกฺขมิตฺวา ปพฺพเชยฺยุํ. สเจ ตุมฺเหปิ อิจฺเฉยฺยาถ, เอถ, อหํ ตํ ปุริสํ อนุปพฺพชิสฺสามี’’ติ. เต สพฺเพ เอกจฺฉนฺทา ภวิตุํ นาสกฺขึสุ ¶ , ตโย ชนา น ปพฺพชึสุ. โกณฺฑฺพฺราหฺมณํ เชฏฺกํ กตฺวา อิตเร จตฺตาโร ปพฺพชึสุ. เต ปฺจปิ ชนา ปฺจวคฺคิยตฺเถรา นาม ชาตา.
ตทา ปน ราชา ‘‘กึ ทิสฺวา มยฺหํ ปุตฺโต ปพฺพชิสฺสตี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘จตฺตาริ ปุพฺพนิมิตฺตานี’’ติ. ‘‘กตรฺจ กตรฺจา’’ติ? ‘‘ชราชิณฺณํ, พฺยาธิตํ, กาลกตํ, ปพฺพชิต’’นฺติ. ราชา ‘‘อิโต ปฏฺาย เอวรูปานํ มม ปุตฺตสฺส สนฺติกํ อุปสงฺกมิตุํ มา อทตฺถ, มยฺหํ ปุตฺตสฺส พุทฺธภาเวน กมฺมํ นตฺถิ, อหํ มม ปุตฺตํ ทฺวิสหสฺสทีปปริวารานํ จตุนฺนํ มหาทีปานํ อิสฺสริยาธิปจฺจํ รชฺชํ กาเรนฺตํ ฉตฺตึสโยชนปริมณฺฑลาย ปริสาย ปริวุตํ คคนตเล วิจรมานํ ปสฺสิตุกาโม’’ติ. เอวฺจ ปน วตฺวา อิเมสํ จตุปฺปการานํ นิมิตฺตานํ กุมารสฺส จกฺขุปเถ อาคมนนิวารณตฺถํ จตูสุ ทิสาสุ คาวุเต คาวุเต อารกฺขํ เปสิ. ตํ ทิวสํ ปน มงฺคลฏฺาเน สนฺนิปติเตสุ อสีติยา าติกุลสหสฺเสสุ เอเกโก เอกเมกํ ปุตฺตํ ปฏิชานิ – ‘‘อยํ พุทฺโธ วา โหตุ ราชา วา, มยํ เอกเมกํ ปุตฺตํ ทสฺสาม. สเจปิ พุทฺโธ ภวิสฺสติ, ขตฺติยสมเณเหว ปุรกฺขตปริวาริโต วิจริสฺสติ. สเจปิ ราชา ภวิสฺสติ, ขตฺติยกุมาเรเหว ปุรกฺขตปริวาริโต วิจริสฺสตี’’ติ. ราชาปิ โพธิสตฺตสฺส อุตฺตมรูปสมฺปนฺนา วิคตสพฺพโทสา ธาติโย ปจฺจุปฏฺาเปสิ. โพธิสตฺโต อนนฺเตน ปริวาเรน มหนฺเตน สิริโสภคฺเคน วฑฺฒติ.
อเถกทิวสํ รฺโ วปฺปมงฺคลํ นาม อโหสิ. ตํ ทิวสํ สกลนครํ เทววิมานํ วิย อลงฺกโรนฺติ. สพฺเพ ทาสกมฺมกราทโย อหตวตฺถนิวตฺถา คนฺธมาลาทิปฏิมณฺฑิตา ราชกุเล สนฺนิปตนฺติ. รฺโ กมฺมนฺเต นงฺคลสหสฺสํ โยชียติ. ตสฺมึ ปน ทิวเส เอเกนูนอฏฺสตนงฺคลานิ สทฺธึ พลิพทฺทรสฺมิโยตฺเตหิ รชตปริกฺขตานิ โหนฺติ, รฺโ อาลมฺพนนงฺคลํ ¶ ปน รตฺตสุวณฺณปริกฺขตํ โหติ. พลิพทฺทานํ สิงฺครสฺมิปโตทาปิ สุวณฺณปริกฺขตาว โหนฺติ. ราชา มหตา ปริวาเรน นิกฺขนฺโต ปุตฺตํ คเหตฺวา อคมาสิ. กมฺมนฺตฏฺาเน เอโก ชมฺพุรุกฺโข พหลปลาโส สนฺทจฺฉาโย อโหสิ. ตสฺส เหฏฺา กุมารสฺส สยนํ ¶ ปฺปาเปตฺวา อุปริ สุวณฺณตารกขจิตํ วิตานํ พนฺธาเปตฺวา สาณิปากาเรน ปริกฺขิปาเปตฺวา อารกฺขํ ปาเปตฺวา ราชา สพฺพาลงฺการํ อลงฺกริตฺวา อมจฺจคณปริวุโต นงฺคลกรณฏฺานํ อคมาสิ. ตตฺถ ราชา สุวณฺณนงฺคลํ คณฺหาติ, อมจฺจา เอเกนูนฏฺสตรชตนงฺคลานิ, กสฺสกา เสสนงฺคลานิ. เต ตานิ คเหตฺวา อิโต จิโต จ กสนฺติ. ราชา ปน โอรโต วา ปารํ คจฺฉติ, ปารโต วา โอรํ อาคจฺฉติ. เอตสฺมึ าเน มหาสมฺปตฺติ ¶ อโหสิ. โพธิสตฺตํ ปริวาเรตฺวา นิสินฺนา ธาติโย ‘‘รฺโ สมฺปตฺตึ ปสฺสิสฺสามา’’ติ อนฺโตสาณิโต พหิ นิกฺขนฺตา. โพธิสตฺโต อิโต จิโต จ โอโลเกนฺโต กฺจิ อทิสฺวา เวเคน อุฏฺาย ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อานาปาเน ปริคฺคเหตฺวา ปมชฺฌานํ นิพฺพตฺเตสิ. ธาติโย ขชฺชโภชฺชนฺตเร วิจรมานา โถกํ จิรายึสุ. เสสรุกฺขานํ ฉายา นิวตฺตา, ตสฺส ปน รุกฺขสฺส ปริมณฺฑลา หุตฺวา อฏฺาสิ. ธาติโย ‘‘อยฺยปุตฺโต เอกโต’’ติ เวเคน สาณึ อุกฺขิปิตฺวา อนฺโต ปวิสมานา โพธิสตฺตํ สยเน ปลฺลงฺเกน นิสินฺนํ ตฺจ ปาฏิหาริยํ ทิสฺวา คนฺตฺวา รฺโ อาโรเจสุํ – ‘‘เทว, กุมาโร เอวํ นิสินฺโน, อฺเสํ รุกฺขานํ ฉายา นิวตฺตา, ชมฺพุรุกฺขสฺส ปน ปริมณฺฑลา ิตา’’ติ. ราชา เวเคนาคนฺตฺวา ปาฏิหาริยํ ทิสฺวา – ‘‘อิทํ เต, ตาต, ทุติยํ วนฺทน’’นฺติ ปุตฺตํ วนฺทิ.
อถ อนุกฺกเมน โพธิสตฺโต โสฬสวสฺสุทฺเทสิโก ชาโต. ราชา โพธิสตฺตสฺส ติณฺณํ อุตูนํ อนุจฺฉวิเก ตโย ปาสาเท กาเรสิ – เอกํ นวภูมกํ, เอกํ สตฺตภูมกํ, เอกํ ปฺจภูมกํ, จตฺตาลีสสหสฺสา จ นาฏกิตฺถิโย อุปฏฺาเปสิ. โพธิสตฺโต เทโว วิย อจฺฉราสงฺฆปริวุโต, อลงฺกตนาฏกปริวุโต, นิปฺปุริเสหิ ตูริเยหิ ปริจาริยมาโน มหาสมฺปตฺตึ อนุภวนฺโต อุตุวาเรน เตสุ ปาสาเทสุ วิหรติ. ราหุลมาตา ปนสฺส เทวี อคฺคมเหสี อโหสิ.
ตสฺเสวํ ¶ มหาสมฺปตฺตึ อนุภวนฺตสฺส เอกทิวสํ าติสงฺฆสฺส อพฺภนฺตเร อยํ กถา อุทปาทิ – ‘‘สิทฺธตฺโถ กีฬาปสุโตว วิจรติ, กิฺจิ สิปฺปํ น สิกฺขติ, สงฺคาเม ปจฺจุปฏฺิเต กึ กริสฺสตี’’ติ. ราชา โพธิสตฺตํ ปกฺโกสาเปตฺวา – ‘‘ตาต, ตว าตกา ‘สิทฺธตฺโถ กิฺจิ สิปฺปํ อสิกฺขิตฺวา กีฬาปสุโตว วิจรตี’ติ วทนฺติ, เอตฺถ กึ ปตฺตกาเล มฺสี’’ติ. เทว, มม สิปฺปํ สิกฺขนกิจฺจํ นตฺถิ, นคเร มม สิปฺปทสฺสนตฺถํ เภรึ จราเปถ ‘‘อิโต สตฺตเม ทิวเส าตกานํ สิปฺปํ ทสฺเสสฺสามี’’ติ. ราชา ตถา อกาสิ. โพธิสตฺโต อกฺขณเวธิวาลเวธิธนุคฺคเห สนฺนิปาตาเปตฺวา มหาชนสฺส มชฺเฌ อฺเหิ ธนุคฺคเหหิ อสาธารณํ ¶ าตกานํ ทฺวาทสวิธํ สิปฺปํ ทสฺเสสิ. ตํ สรภงฺคชาตเก อาคตนเยเนว เวทิตพฺพํ. ตทาสฺส าติสงฺโฆ นิกฺกงฺโข อโหสิ.
อเถกทิวสํ โพธิสตฺโต อุยฺยานภูมึ คนฺตุกาโม สารถึ อามนฺเตตฺวา ‘‘รถํ โยเชหี’’ติ อาห. โส ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา มหารหํ อุตฺตมรถํ สพฺพาลงฺกาเรน อลงฺกริตฺวา กุมุทปตฺตวณฺเณ จตฺตาโร ¶ มงฺคลสินฺธเว โยเชตฺวา โพธิสตฺตสฺส ปฏิเวเทสิ. โพธิสตฺโต เทววิมานสทิสํ รถํ อภิรุหิตฺวา อุยฺยานาภิมุโข อคมาสิ. เทวตา ‘‘สิทฺธตฺถกุมารสฺส อภิสมฺพุชฺฌนกาโล อาสนฺโน, ปุพฺพนิมิตฺตํ ทสฺเสสฺสามา’’ติ เอกํ เทวปุตฺตํ ชราชชฺชรํ ขณฺฑทนฺตํ ปลิตเกสํ วงฺกํ โอภคฺคสรีรํ ทณฺฑหตฺถํ ปเวธมานํ กตฺวา ทสฺเสสุํ. ตํ โพธิสตฺโต เจว สารถิ จ ปสฺสนฺติ. ตโต โพธิสตฺโต สารถึ – ‘‘สมฺม, โก นาเมส ปุริโส, เกสาปิสฺส น ยถา อฺเส’’นฺติ มหาปทาเน อาคตนเยน ปุจฺฉิตฺวา ตสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘ธีรตฺถุ วต โภ ชาติ, ยตฺร หิ นาม ชาตสฺส ชรา ปฺายิสฺสตี’’ติ สํวิคฺคหทโย ตโตว ปฏินิวตฺติตฺวา ปาสาทเมว อภิรุหิ. ราชา ‘‘กึ การณา มม ปุตฺโต ขิปฺปํ ปฏินิวตฺตี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ชิณฺณกํ ปุริสํ ทิสฺวา เทวา’’ติ. ‘‘ชิณฺณกํ ทิสฺวา ปพฺพชิสฺสตีติ อาหํสุ, กสฺมา มํ นาเสถ, สีฆํ ปุตฺตสฺส นาฏกานิ สชฺเชถ, สมฺปตฺตึ อนุภวนฺโต ปพฺพชฺชาย สตึ น กริสฺสตี’’ติ วตฺวา อารกฺขํ วฑฺเฒตฺวา สพฺพทิสาสุ อฑฺฒโยชเน อฑฺฒโยชเน เปสิ.
ปุเนกทิวสํ ¶ โพธิสตฺโต ตเถว อุยฺยานํ คจฺฉนฺโต เทวตาหิ นิมฺมิตํ พฺยาธิตํ ปุริสํ ทิสฺวา ปุริมนเยเนว ปุจฺฉิตฺวา สํวิคฺคหทโย นิวตฺติตฺวา ปาสาทํ อภิรุหิ. ราชาปิ ปุจฺฉิตฺวา เหฏฺา วุตฺตนเยเนว สํวิทหิตฺวา ปุน วฑฺเฒตฺวา สมนฺตา ติคาวุตปฺปมาเณ ปเทเส อารกฺขํ เปสิ. อปรํ เอกทิวสํ โพธิสตฺโต ตเถว อุยฺยานํ คจฺฉนฺโต เทวตาหิ นิมฺมิตํ กาลกตํ ทิสฺวา ปุริมนเยเนว ปุจฺฉิตฺวา สํวิคฺคหทโย ปุน นิวตฺติตฺวา ปาสาทํ อภิรุหิ. ราชาปิ ปุจฺฉิตฺวา เหฏฺา วุตฺตนเยเนว สํวิทหิตฺวา ปุน วฑฺเฒตฺวา สมนฺตา โยชนปฺปมาเณ ปเทเส อารกฺขํ เปสิ. อปรํ ปน เอกทิวสํ อุยฺยานํ คจฺฉนฺโต ตเถว เทวตาหิ นิมฺมิตํ สุนิวตฺถํ สุปารุตํ ปพฺพชิตํ ทิสฺวา ‘‘โก นาเมโส สมฺมา’’ติ สารถึ ปุจฺฉิ. สารถิ กิฺจาปิ พุทฺธุปฺปาทสฺส อภาวา ปพฺพชิตํ วา ปพฺพชิตคุเณ วา น ชานาติ, เทวตานุภาเวน ปน ‘‘ปพฺพชิโต นามายํ เทวา’’ติ วตฺวา ปพฺพชฺชาย คุเณ วณฺเณสิ. โพธิสตฺโต ปพฺพชฺชาย รุจึ อุปฺปาเทตฺวา ตํ ทิวสํ อุยฺยานํ อคมาสิ. ทีฆภาณกา ปนาหุ ‘‘จตฺตาริ นิมิตฺตานิ เอกทิวเสเนว ทิสฺวา อคมาสี’’ติ.
โส ¶ ตตฺถ ทิวสภาคํ กีฬิตฺวา มงฺคลโปกฺขรณิยํ นฺหายิตฺวา อตฺถงฺคเต สูริเย มงฺคลสิลาปฏฺเฏ นิสีทิ อตฺตานํ อลงฺการาเปตุกาโม. อถสฺส ปริจารกปุริสา นานาวณฺณานิ ทุสฺสานิ นานปฺปการา อาภรณวิกติโย มาลาคนฺธวิเลปนานิ จ อาทาย สมนฺตา ปริวาเรตฺวา อฏฺํสุ. ตสฺมึ ขเณ สกฺกสฺส นิสินฺนาสนํ อุณฺหํ อโหสิ ¶ . โส ‘‘โก นุ โข มํ อิมมฺหา านา จาเวตุกาโม’’ติ อุปธาเรนฺโต โพธิสตฺตสฺส อลงฺกาเรตุกามตํ ตฺวา วิสฺสกมฺมํ อามนฺเตสิ ‘‘สมฺม วิสฺสกมฺม, สิทฺธตฺถกุมาโร อชฺช อฑฺฒรตฺตสมเย มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิสฺสติ, อยมสฺส ปจฺฉิโม อลงฺกาโร, อุยฺยานํ คนฺตฺวา มหาปุริสํ ทิพฺพาลงฺกาเรหิ อลงฺกโรหี’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา เทวตานุภาเวน ตงฺขณํเยว อุปสงฺกมิตฺวา ตสฺเสว กปฺปกสทิโส หุตฺวา กปฺปกสฺส หตฺถโต เวนทุสฺสํ คเหตฺวา โพธิสตฺตสฺส สีสํ เวเสิ. โพธิสตฺโต หตฺถสมฺผสฺเสเนว ‘‘นายํ มนุสฺโส, เทวปุตฺโต เอโส’’ติ อฺาสิ. เวเนน เวิตมตฺเต สีเส โมฬิยํ มณิรตนากาเรน ทุสฺสสหสฺสํ อพฺภุคฺคฺฉิ. ปุน เวเนฺตสฺส ทุสฺสสหสฺสนฺติ ทสกฺขตฺตุํ เวเนฺตสฺส ทส ทุสฺสสหสฺสานิ อพฺภุคฺคจฺฉึสุ ¶ . ‘‘สีสํ ขุทฺทกํ, ทุสฺสานิ พหูนิ, กถํ อพฺภุคฺคตานี’’ติ น จินฺเตตพฺพํ. เตสุ หิ สพฺพมหนฺตํ อามลกปุปฺผปฺปมาณํ, อวเสสานิ กุสุมฺพกปุปฺผปฺปมาณานิ อเหสุํ. โพธิสตฺตสฺส สีสํ กิฺชกฺขควจฺฉิตํ วิย กุยฺยกปุปฺผํ อโหสิ.
อถสฺส สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิตสฺส สพฺพตาลาวจเรสุ สกานิ สกานิ ปฏิภานานิ ทสฺสยนฺเตสุ, พฺราหฺมเณสุ ‘‘ชยนนฺทา’’ติอาทิวจเนหิ, สูตมาคธาทีสุ นานปฺปกาเรหิ มงฺคลวจนตฺถุติโฆเสหิ สมฺภาเวนฺเตสุ สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิตํ รถวรํ อภิรุหิ. ตสฺมึ สมเย ‘‘ราหุลมาตา ปุตฺตํ วิชาตา’’ติ สุตฺวา สุทฺโธทนมหาราชา ‘‘ปุตฺตสฺส เม ตุฏฺึ นิเวเทถา’’ติ สาสนํ ปหิณิ. โพธิสตฺโต ตํ สุตฺวา ‘‘ราหุ ชาโต, พนฺธนํ ชาต’’นฺติ อาห. ราชา ‘‘กึ เม ปุตฺโต อวจา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ตํ วจนํ สุตฺวา ‘‘อิโต ปฏฺาย เม นตฺตา ราหุลกุมาโรเยว นาม โหตู’’ติ อาห.
โพธิสตฺโตปิ โข รถวรํ อารุยฺห มหนฺเตน ยเสน อติมโนรเมน สิริโสภคฺเคน นครํ ปาวิสิ. ตสฺมึ สมเย กิสาโคตมี นาม ขตฺติยกฺา อุปริปาสาทวรตลคตา นครํ ปทกฺขิณํ กุรุมานสฺส โพธิสตฺตสฺส รูปสิรึ ทิสฺวา ปีติโสมนสฺสชาตา อิทํ อุทานํ อุทาเนสิ –
‘‘นิพฺพุตา ¶ นูน สา มาตา, นิพฺพุโต นูน โส ปิตา;
นิพฺพุตา นูน สา นารี, ยสฺสายํ อีทิโส ปตี’’ติ.
โพธิสตฺโต ¶ ตํ สุตฺวา จินฺเตสิ ‘‘อยํ เอวมาห ‘เอวรูปํ อตฺตภาวํ ปสฺสนฺติยา มาตุ หทยํ นิพฺพายติ, ปิตุ หทยํ นิพฺพายติ, ปชาปติยา หทยํ นิพฺพายตี’ติ! กิสฺมึ นุ โข นิพฺพุเต หทยํ นิพฺพุตํ นาม โหตี’’ติ? อถสฺส กิเลเสสุ วิรตฺตมานสสฺส เอตทโหสิ – ‘‘ราคคฺคิมฺหิ นิพฺพุเต นิพฺพุตํ นาม โหติ, โทสคฺคิมฺหิ นิพฺพุเต นิพฺพุตํ นาม โหติ, โมหคฺคิมฺหิ นิพฺพุเต นิพฺพุตํ นาม โหติ, มานทิฏฺิอาทีสุ สพฺพกิเลสทรเถสุ นิพฺพุเตสุ นิพฺพุตํ นาม โหติ. อยํ เม สุสฺสวนํ สาเวสิ, อหฺหิ นิพฺพานํ คเวสนฺโต จรามิ, อชฺเชว มยา ฆราวาสํ ฉฑฺเฑตฺวา นิกฺขมฺม ปพฺพชิตฺวา ¶ นิพฺพานํ คเวสิตุํ วฏฺฏติ, อยํ อิมิสฺสา อาจริยภาโค โหตู’’ติ กณฺโต โอมฺุจิตฺวา กิสาโคตมิยา สตสหสฺสคฺฆนกํ มุตฺตาหารํ เปเสสิ. สา ‘‘สิทฺธตฺถกุมาโร มยิ ปฏิพทฺธจิตฺโต หุตฺวา ปณฺณาการํ เปเสสี’’ติ โสมนสฺสชาตา อโหสิ.
โพธิสตฺโตปิ มหนฺเตน สิริโสภคฺเคน อตฺตโน ปาสาทํ อภิรุหิตฺวา สิริสยเน นิปชฺชิ. ตาวเทว จ นํ สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิตา นจฺจคีตาทีสุ สุสิกฺขิตา เทวกฺา วิย รูปโสภคฺคปฺปตฺตา อิตฺถิโย นานาตูริยานิ คเหตฺวา สมฺปริวารยิตฺวา อภิรมาเปนฺติโย นจฺจคีตวาทิตานิ ปโยชยึสุ. โพธิสตฺโต กิเลเสสุ วิรตฺตจิตฺตตาย นจฺจาทีสุ อนภิรโต มุหุตฺตํ นิทฺทํ โอกฺกมิ. ตาปิ อิตฺถิโย ‘‘ยสฺสตฺถาย มยํ นจฺจาทีนิ ปโยเชม, โส นิทฺทํ อุปคโต, อิทานิ กิมตฺถํ กิลมามา’’ติ คหิตคฺคหิตานิ ตูริยานิ อชฺโฌตฺถริตฺวา นิปชฺชึสุ, คนฺธเตลปฺปทีปา ฌายนฺติ. โพธิสตฺโต ปพุชฺฌิตฺวา สยนปิฏฺเ ปลฺลงฺเกน นิสินฺโน อทฺทส ตา อิตฺถิโย ตูริยภณฺฑานิ อวตฺถริตฺวา นิทฺทายนฺติโย – เอกจฺจา ปคฺฆริตเขฬา, ลาลากิลินฺนคตฺตา, เอกจฺจา ทนฺเต ขาทนฺติโย, เอกจฺจา กากจฺฉนฺติโย, เอกจฺจา วิปฺปลปนฺติโย, เอกจฺจา วิวฏมุขา, เอกจฺจา อปคตวตฺถา, ปากฏพีภจฺฉสมฺพาธฏฺานา. โส ตาสํ ตํ วิปฺปการํ ทิสฺวา ภิยฺโยโสมตฺตาย กาเมสุ วิรตฺตจิตฺโต อโหสิ. ตสฺส อลงฺกตปฏิยตฺตํ สกฺกภวนสทิสมฺปิ ตํ มหาตลํ อปวิทฺธนานากุณปภริตํ อามกสุสานํ วิย อุปฏฺาสิ, ตโย ภวา อาทิตฺตเคหสทิสา ขายึสุ – ‘‘อุปทฺทุตํ วต โภ, อุปสฺสฏฺํ วต โภ’’ติ อุทานํ ปวตฺเตสิ, อติวิย ปพฺพชฺชาย จิตฺตํ นมิ.
โส ‘‘อชฺเชว มยา มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิตุํ วฏฺฏตี’’ติ สยนา อุฏฺาย ทฺวารสมีปํ ¶ คนฺตฺวา ‘‘โก เอตฺถา’’ติ อาห. อุมฺมาเร ¶ สีสํ กตฺวา นิปนฺโน ฉนฺโน ‘‘อหํ อยฺยปุตฺต ฉนฺโน’’ติ อาห. ‘‘อหํ อชฺช มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิตุกาโม, เอกํ เม อสฺสํ กปฺเปหี’’ติ อาห. โส ‘‘สาธุ เทวา’’ติ อสฺสภณฺฑิกํ คเหตฺวา อสฺสสาลํ คนฺตฺวา คนฺธเตลปทีเปสุ ชลนฺเตสุ สุมนปฏฺฏวิตานสฺส เหฏฺา รมณีเย ภูมิภาเค ิตํ กณฺฑกํ อสฺสราชานํ ทิสฺวา ‘‘อชฺช มยา อิมเมว กปฺเปตุํ วฏฺฏตี’’ติ กณฺฑกํ กปฺเปสิ. โส กปฺปิยมาโนว อฺาสิ ‘‘อยํ กปฺปนา อติคาฬฺหา ¶ , อฺเสุ ทิวเสสุ อุยฺยานกีฬาทิคมเน กปฺปนา วิย น โหติ, มยฺหํ อยฺยปุตฺโต อชฺช มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิตุกาโม ภวิสฺสตี’’ติ. ตโต ตุฏฺมานโส มหาหสิตํ หสิ. โส สทฺโท สกลนครํ ปตฺถริตฺวา คจฺเฉยฺย, เทวตา ปน ตํ สทฺทํ นิรุมฺภิตฺวา น กสฺสจิ โสตุํ อทํสุ.
โพธิสตฺโตปิ โข ฉนฺนํ เปเสตฺวาว ‘‘ปุตฺตํ ตาว ปสฺสิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา นิสินฺนปลฺลงฺกโต อุฏฺาย ราหุลมาตาย วสนฏฺานํ คนฺตฺวา คพฺภทฺวารํ วิวริ. ตสฺมึ ขเณ อนฺโตคพฺเภ คนฺธเตลปทีโป ฌายติ, ราหุลมาตา สุมนมลฺลิกาทีนํ ปุปฺผานํ อมฺพณมตฺเตน อภิปฺปกิณฺณสยเน ปุตฺตสฺส มตฺถเก หตฺถํ เปตฺวา นิทฺทายติ. โพธิสตฺโต อุมฺมาเร ปาทํ เปตฺวา ิตโกว โอโลเกตฺวา ‘‘สจาหํ เทวิยา หตฺถํ อปเนตฺวา มม ปุตฺตํ คณฺหิสฺสามิ, เทวี ปพุชฺฌิสฺสติ, เอวํ เม คมนนฺตราโย ภวิสฺสติ, พุทฺโธ หุตฺวาว อาคนฺตฺวา ปุตฺตํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ ปาสาทตลโต โอตริ. ยํ ปน ชาตกฏฺกถายํ ‘‘ตทา สตฺตาหชาโต ราหุลกุมาโร โหตี’’ติ วุตฺตํ, ตํ เสสฏฺกถาสุ นตฺถิ, ตสฺมา อิทเมว คเหตพฺพํ.
เอวํ โพธิสตฺโต ปาสาทตลา โอตริตฺวา อสฺสสมีปํ คนฺตฺวา เอวมาห – ‘‘ตาต กณฺฑก, ตฺวํ อชฺช เอกรตฺตึ มํ ตารย, อหํ ตํ นิสฺสาย พุทฺโธ หุตฺวา สเทวกํ โลกํ ตาเรสฺสามี’’ติ. ตโต อุลฺลงฺฆิตฺวา กณฺฑกสฺส ปิฏฺึ อภิรุหิ. กณฺฑโก คีวโต ปฏฺาย อายาเมน อฏฺารสหตฺโถ โหติ ตทนุจฺฉวิเกน อุพฺเพเธน สมนฺนาคโต ถามชวสมฺปนฺโน สพฺพเสโต โธตสงฺขสทิโส. โส สเจ หเสยฺย วา ปทสทฺทํ วา กเรยฺย, สทฺโท สกลนครํ อวตฺถเรยฺย. ตสฺมา เทวตา อตฺตโน อานุภาเวน ตสฺส ยถา น โกจิ สุณาติ, เอวํ หสิตสทฺทํ สนฺนิรุมฺภิตฺวา อกฺกมนอกฺกมนปทวาเร หตฺถตลานิ อุปนาเมสุํ. โพธิสตฺโต อสฺสวรสฺส ปิฏฺิเวมชฺฌคโต ฉนฺนํ อสฺสสฺส ¶ วาลธึ คาหาเปตฺวา อฑฺฒรตฺตสมเย มหาทฺวารสมีปํ ปตฺโต. ตทา ปน ราชา ‘‘เอวํ โพธิสตฺโต ยาย กายจิ เวลาย นครทฺวารํ วิวริตฺวา นิกฺขมิตุํ น สกฺขิสฺสตี’’ติ ทฺวีสุ ทฺวารกวาเฏสุ เอเกกํ ปุริสสหสฺเสน วิวริตพฺพํ การาเปสิ. โพธิสตฺโต ถามพลสมฺปนฺโน, หตฺถิคณนาย โกฏิสหสฺสหตฺถีนํ พลํ ธาเรติ, ปุริสคณนาย ทสโกฏิสหสฺสปุริสานํ ¶ ¶ . โส จินฺเตสิ ‘‘สเจ ทฺวารํ น วิวรียติ, อชฺช กณฺฑกสฺส ปิฏฺเ นิสินฺโนว วาลธึ คเหตฺวา ิเตน ฉนฺเนน สทฺธึเยว กณฺฑกํ อูรูหิ นิปฺปีเฬตฺวา อฏฺารสหตฺถุพฺเพธํ ปาการํ อุปฺปติตฺวา อติกฺกมิสฺสามี’’ติ. ฉนฺโนปิ จินฺเตสิ ‘‘สเจ ทฺวารํ น วิวรียติ, อหํ อยฺยปุตฺตํ ขนฺเธ นิสีทาเปตฺวา กณฺฑกํ ทกฺขิเณน หตฺเถน กุจฺฉิยํ ปริกฺขิปนฺโต อุปกจฺฉนฺตเร กตฺวา ปาการํ อุปฺปติตฺวา อติกฺกมิสฺสามี’’ติ. กณฺฑโกปิ จินฺเตสิ ‘‘สเจ ทฺวารํ น วิวรียติ, อหํ อตฺตโน สามิกํ ปิฏฺิยํ ยถานิสินฺนเมว ฉนฺเนน วาลธึ คเหตฺวา ิเตน สทฺธึเยว อุกฺขิปิตฺวา ปาการํ อุปฺปติตฺวา อติกฺกมิสฺสามี’’ติ. สเจ ทฺวารํ น อวาปุรียิตฺถ, ยถาจินฺติตเมว เตสุ ตีสุ ชเนสุ อฺตโร สมฺปาเทยฺย. ทฺวาเร อธิวตฺถา เทวตา ปน ทฺวารํ วิวริ.
ตสฺมึเยว ขเณ มาโร ‘‘โพธิสตฺตํ นิวตฺเตสฺสามี’’ติ อาคนฺตฺวา อากาเส ิโต อาห – ‘‘มาริส, มา นิกฺขม, อิโต เต สตฺตเม ทิวเส จกฺกรตนํ ปาตุภวิสฺสติ, ทฺวิสหสฺสปริตฺตทีปปริวารานํ จตุนฺนํ มหาทีปานํ รชฺชํ กาเรสฺสสิ, นิวตฺต มาริสา’’ติ. ‘‘โกสิ ตฺว’’นฺติ? ‘‘อหํ วสวตฺตี’’ติ. ‘‘มาร, ชานามหํ มยฺหํ จกฺกรตนสฺส ปาตุภาวํ, อนตฺถิโกหํ รชฺเชน, ทสสหสฺสิโลกธาตุํ อุนฺนาเทตฺวา พุทฺโธ ภวิสฺสามี’’ติ อาห. มาโร ‘‘อิโต ทานิ เต ปฏฺาย กามวิตกฺกํ วา พฺยาปาทวิตกฺกํ วา วิหึสาวิตกฺกํ วา จินฺติตกาเล ชานิสฺสามี’’ติ โอตาราเปกฺโข ฉายา วิย อนปคจฺฉนฺโต อนุพนฺธิ.
โพธิสตฺโตปิ หตฺถคตํ จกฺกวตฺติรชฺชํ เขฬปิณฺฑํ วิย อนเปกฺโข ฉฑฺเฑตฺวา มหนฺเตน สกฺกาเรน นครา นิกฺขมิ อาสาฬฺหิปุณฺณมาย อุตฺตราสาฬฺหนกฺขตฺเต วตฺตมาเน. นิกฺขมิตฺวา จ ปุน นครํ โอโลเกตุกาโม ชาโต. เอวฺจ ปนสฺส จิตฺเต อุปฺปนฺนมตฺเตเยว ‘‘มหาปุริส, น ตยา นิวตฺติตฺวา โอโลกนกมฺมํ กต’’นฺติ วทมานา วิย มหาปถวี กุลาลจกฺกํ วิย ภิชฺชิตฺวา ปริวตฺติ. โพธิสตฺโต นคราภิมุโข ตฺวา นครํ โอโลเกตฺวา ตสฺมึ ปถวิปฺปเทเส กณฺฑกนิวตฺตนเจติยฏฺานํ ทสฺเสตฺวา คนฺตพฺพมคฺคาภิมุขํ กณฺฑกํ กตฺวา ¶ ปายาสิ มหนฺเตน สกฺกาเรน อุฬาเรน สิริโสภคฺเคน. ตทา กิรสฺส เทวตา ปุรโต สฏฺิ อุกฺกาสหสฺสานิ ธารยึสุ, ปจฺฉโต สฏฺิ, ทกฺขิณปสฺสโต สฏฺิ, วามปสฺสโต ¶ สฏฺิ, อปรา เทวตา จกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ อปริมาณา อุกฺกา ธารยึสุ, อปรา เทวตา จ นาคสุปณฺณาทโย จ ทิพฺเพหิ คนฺเธหิ มาลาหิ จุณฺเณหิ ธูเมหิ ปูชยมานา คจฺฉนฺติ. ปาริจฺฉตฺตกปุปฺเผหิ เจว มนฺทารวปุปฺเผหิ จ ฆนเมฆวุฏฺิกาเล ธาราหิ วิย นภํ นิรนฺตรํ อโหสิ, ทิพฺพานิ สํคีตานิ ปวตฺตึสุ ¶ , สมนฺตโต อฏฺสฏฺิ ตูริยสตสหสฺสานิ ปวชฺชึสุ, สมุทฺทกุจฺฉิยํ เมฆตฺถนิตกาโล วิย ยุคนฺธรกุจฺฉิยํ สาครนิคฺโฆสกาโล วิย วตฺตติ.
อิมินา สิริโสภคฺเคน คจฺฉนฺโต โพธิสตฺโต เอกรตฺเตเนว ตีณิ รชฺชานิ อติกฺกมฺม ตึสโยชนมตฺถเก อโนมานทีตีรํ ปาปุณิ. ‘‘กึ ปน อสฺโส ตโต ปรํ คนฺตุํ น สกฺโกตี’’ติ? ‘‘โน, น สกฺโก’’ติ. โส หิ เอกํ จกฺกวาฬคพฺภํ นาภิยา ิตจกฺกสฺส เนมิวฏฺฏึ มทฺทนฺโต วิย อนฺตนฺเตน จริตฺวา ปุเรปาตราสเมว อาคนฺตฺวา อตฺตโน สมฺปาทิตํ ภตฺตํ ภฺุชิตุํ สมตฺโถ. ตทา ปน เทวนาคสุปณฺณาทีหิ อากาเส ตฺวา โอสฺสฏฺเหิ คนฺธมาลาทีหิ ยาว อูรุปฺปเทสา สฺฉนฺนํ สรีรํ อากฑฺฒิตฺวา คนฺธมาลาชฏํ ฉินฺทนฺตสฺส อติปฺปปฺโจ อโหสิ, ตสฺมา ตึสโยชนมตฺตเมว อคมาสิ. อถ โพธิสตฺโต นทีตีเร ตฺวา ฉนฺนํ ปุจฺฉิ – ‘‘กินฺนามา อยํ นที’’ติ? ‘‘อโนมา นาม, เทวา’’ติ. ‘‘อมฺหากมฺปิ ปพฺพชฺชา อโนมา ภวิสฺสตี’’ติ ปณฺหิยา ฆฏฺเฏนฺโต อสฺสสฺส สฺํ อทาสิ. อสฺโส อุปฺปติตฺวา อฏฺูสภวิตฺถาราย นทิยา ปาริมตีเร อฏฺาสิ.
โพธิสตฺโต อสฺสปิฏฺิโต โอรุยฺห รชตปฏฺฏสทิเส วาลุกาปุลิเน ตฺวา ฉนฺนํ อามนฺเตสิ – ‘‘สมฺม, ฉนฺน, ตฺวํ มยฺหํ อาภรณานิ เจว กณฺฑกฺจ อาทาย คจฺฉ, อหํ ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. ‘‘อหมฺปิ, เทว, ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. โพธิสตฺโต ‘‘น ลพฺภา ตยา ปพฺพชิตุํ, คจฺฉ ตฺว’’นฺติ ติกฺขตฺตุํ ปฏิพาหิตฺวา อาภรณานิ เจว กณฺฑกฺจ ปฏิจฺฉาเปตฺวา จินฺเตสิ ‘‘อิเม มยฺหํ เกสา สมณสารุปฺปา น โหนฺตี’’ติ. อฺโ โพธิสตฺตสฺส เกเส ฉินฺทิตุํ ยุตฺตรูโป นตฺถิ, ตโต ‘‘สยเมว ขคฺเคน ฉินฺทิสฺสามี’’ติ ทกฺขิเณน หตฺเถน อสึ คณฺหิตฺวา วามหตฺเถน โมฬิยา ¶ สทฺธึ จูฬํ คเหตฺวา ฉินฺทิ, เกสา ทฺวงฺคุลมตฺตา หุตฺวา ทกฺขิณโต อาวตฺตมานา สีสํ อลฺลียึสุ. เตสํ ยาวชีวํ ตเทว ปมาณํ อโหสิ, มสฺสุ จ ตทนุรูปํ, ปุน เกสมสฺสุโอหารณกิจฺจํ นาม นาโหสิ. โพธิสตฺโต ¶ สห โมฬิยา จุฬํ คเหตฺวา ‘‘สจาหํ พุทฺโธ ภวิสฺสามิ, อากาเส ติฏฺตุ, โน เจ, ภูมิยํ ปตตู’’ติ อนฺตลิกฺเข ขิปิ. ตํ จูฬามณิเวนํ โยชนปฺปมาณํ านํ คนฺตฺวา อากาเส อฏฺาสิ. สกฺโก เทวราชา ทิพฺพจกฺขุนา โอโลเกตฺวา โยชนิยรตนจงฺโกฏเกน สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตาวตึสภวเน จูฬามณิเจติยํ นาม ปติฏฺาเปสิ.
‘‘เฉตฺวาน โมฬึ วรคนฺธวาสิตํ, เวหายสํ อุกฺขิปิ อคฺคปุคฺคโล;
สหสฺสเนตฺโต สิรสา ปฏิคฺคหิ, สุวณฺณจงฺโกฏวเรน วาสโว’’ติ.
ปุน ¶ โพธิสตฺโต จินฺเตสิ ‘‘อิมานิ กาสิกวตฺถานิ มยฺหํ น สมณสารุปฺปานี’’ติ. อถสฺส กสฺสปพุทฺธกาเล ปุราณสหายโก ฆฏีการมหาพฺรหฺมา เอกํ พุทฺธนฺตรํ ชรํ อปตฺเตน มิตฺตภาเวน จินฺเตสิ – ‘‘อชฺช เม สหายโก มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขนฺโต, สมณปริกฺขารมสฺส คเหตฺวา คจฺฉิสฺสามี’’ติ.
‘‘ติจีวรฺจ ปตฺโต จ, วาสี สูจิ จ พนฺธนํ;
ปริสฺสาวเนน อฏฺเเต, ยุตฺตโยคสฺส ภิกฺขุโน’’ติ. –
อิเม อฏฺ สมณปริกฺขาเร อาหริตฺวา อทาสิ. โพธิสตฺโต อรหทฺธชํ นิวาเสตฺวา อุตฺตมปพฺพชฺชาเวสํ คณฺหิตฺวา ‘‘ฉนฺน, มม วจเนน มาตาปิตูนํ อาโรคฺยํ วเทหี’’ติ วตฺวา อุยฺโยเชสิ. ฉนฺโน โพธิสตฺตํ วนฺทิตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิ. กณฺฑโก ปน ฉนฺเนน สทฺธึ มนฺตยมานสฺส โพธิสตฺตสฺส วจนํ สุณนฺโต ตฺวา ‘‘นตฺถิ ทานิ มยฺหํ ปุน สามิโน ทสฺสน’’นฺติ จกฺขุปถํ วิชหนฺโต โสกํ อธิวาเสตุํ อสกฺโกนฺโต หทเยน ผลิเตน กาลํ กตฺวา ตาวตึสภวเน กณฺฑโก นาม เทวปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ฉนฺนสฺส ปมํ เอโกว โสโก ¶ อโหสิ, กณฺฑกสฺส ปน กาลกิริยาย ทุติเยน โสเกน ปีฬิโต โรทนฺโต ปริเทวนฺโต นครํ อคมาสิ.
โพธิสตฺโตปิ ปพฺพชิตฺวา ตสฺมึเยว ปเทเส อนุปิยํ นาม อมฺพวนํ อตฺถิ, ตตฺถ สตฺตาหํ ปพฺพชฺชาสุเขน วีตินาเมตฺวา เอกทิวเสเนว ¶ ตึสโยชนมคฺคํ ปทสา คนฺตฺวา ราชคหํ ปาวิสิ. ปวิสิตฺวา สปทานํ ปิณฺฑาย จริ. สกลนครํ โพธิสตฺตสฺส รูปทสฺสเนน ธนปาลเกน ปวิฏฺราชคหํ วิย อสุรินฺเทน ปวิฏฺเทวนครํ วิย จ สงฺโขภํ อคมาสิ. ราชปุริสา คนฺตฺวา ‘‘เทว, เอวรูโป นาม สตฺโต นคเร ปิณฺฑาย จรติ, ‘เทโว วา มนุสฺโส วา นาโค วา สุปณฺโณ วา โก นาเมโส’ติ น ชานามา’’ติ อาโรเจสุํ. ราชา ปาสาทตเล ตฺวา มหาปุริสํ ทิสฺวา อจฺฉริยพฺภุตชาโต ปุริเส อาณาเปสิ – ‘‘คจฺฉถ ภเณ, วีมํสถ, สเจ อมนุสฺโส ภวิสฺสติ, นครา นิกฺขมิตฺวา อนฺตรธายิสฺสติ, สเจ เทวตา ภวิสฺสติ, อากาเสน คจฺฉิสฺสติ, สเจ นาโค ภวิสฺสติ, ปถวิยํ นิมุชฺชิตฺวา คมิสฺสติ, สเจ มนุสฺโส ภวิสฺสติ, ยถาลทฺธํ ภิกฺขํ ปริภฺุชิสฺสตี’’ติ.
มหาปุริโสปิ โข มิสฺสกภตฺตํ สํหริตฺวา ‘‘อลํ เม เอตฺตกํ ยาปนายา’’ติ ตฺวา ปวิฏฺทฺวาเรเนว นครา นิกฺขมิตฺวา ปณฺฑวปพฺพตจฺฉายาย ปุรตฺถาภิมุโข นิสีทิตฺวา อาหารํ ปริภฺุชิตุํ ¶ อารทฺโธ. อถสฺส อนฺตานิ ปริวตฺติตฺวา มุเขน นิกฺขมนาการปฺปตฺตานิ วิย อเหสุํ. ตโต เตน อตฺตภาเวน เอวรูปสฺส อาหารสฺส จกฺขุนาปิ อทิฏฺปุพฺพตาย เตน ปฏิกูลาหาเรน อฏฺฏิยมาโน เอวํ อตฺตนาว อตฺตานํ โอวทิ ‘‘สิทฺธตฺถ, ตฺวํ สุลภนฺนปาเน กุเล ติวสฺสิกคนฺธสาลิโภชนํ นานคฺครเสหิ ภฺุชนฏฺาเน นิพฺพตฺติตฺวาปิ เอกํ ปํสุกูลิกํ ทิสฺวา ‘กทา นุ โข อหมฺปิ เอวรูโป หุตฺวา ปิณฺฑาย จริตฺวา ภฺุชิสฺสามิ, ภวิสฺสติ นุ โข เม โส กาโล’ติ จินฺเตตฺวา นิกฺขนฺโต, อิทานิ กึ นาเมตํ กโรสี’’ติ. เอวํ อตฺตนาว อตฺตานํ โอวทิตฺวา นิพฺพิกาโร หุตฺวา อาหารํ ปริภฺุชิ.
ราชปุริสา ตํ ปวตฺตึ ทิสฺวา คนฺตฺวา รฺโ อาโรเจสุํ. ราชา ทูตวจนํ สุตฺวา เวเคน นครา นิกฺขมิตฺวา โพธิสตฺตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา อิริยาปถสฺมึเยว ปสีทิตฺวา โพธิสตฺตสฺส สพฺพํ อิสฺสริยํ นิยฺยาเทสิ ¶ . โพธิสตฺโต ‘‘มยฺหํ, มหาราช, วตฺถุกาเมหิ วา กิเลสกาเมหิ วา อตฺโถ นตฺถิ, อหํ ปรมาภิสมฺโพธึ ปตฺถยนฺโต นิกฺขนฺโต’’ติ อาห. ราชา อเนกปฺปการํ ยาจนฺโตปิ ตสฺส จิตฺตํ อลภิตฺวา ‘‘อทฺธา ตฺวํ พุทฺโธ ภวิสฺสสิ, พุทฺธภูเตน ปน เต ปมํ มม วิชิตํ อาคนฺตพฺพ’’นฺติ ปฏิฺํ คณฺหิ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน ‘‘ปพฺพชฺชํ กิตฺตยิสฺสามิ, ยถา ปพฺพชิ จกฺขุมา’’ติ อิมํ ปพฺพชฺชาสุตฺตํ (สุ. นิ. ๔๐๗ อาทโย) สทฺธึ อฏฺกถาย โอโลเกตฺวา เวทิตพฺโพ.
โพธิสตฺโตปิ รฺโ ปฏิฺํ ทตฺวา อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน อาฬารฺจ กาลามํ อุทกฺจ รามปุตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวา ‘‘นายํ มคฺโค โพธายา’’ติ ตมฺปิ ¶ สมาปตฺติภาวนํ อนลงฺกริตฺวา สเทวกสฺส โลกสฺส อตฺตโน ถามวีริยสนฺทสฺสนตฺถํ มหาปธานํ ปทหิตุกาโม อุรุเวลํ คนฺตฺวา ‘‘รมณีโย วตายํ ภูมิภาโค’’ติ ตตฺเถว วาสํ อุปคนฺตฺวา มหาปธานํ ปทหิ. เตปิ โข โกณฺฑฺปฺปมุขา ปฺจ ปพฺพชิตา คามนิคมราชธานีสุ ภิกฺขาย จรนฺตา ตตฺถ โพธิสตฺตํ สมฺปาปุณึสุ. อถ นํ ฉพฺพสฺสานิ มหาปธานํ ปทหนฺตํ ‘‘อิทานิ พุทฺโธ ภวิสฺสติ, อิทานิ พุทฺโธ ภวิสฺสตี’’ติ ปริเวณสมฺมชฺชนาทิกาย วตฺตปฏิปตฺติยา อุปฏฺหมานา สนฺติกาวจราวสฺส อเหสุํ. โพธิสตฺโตปิ โข ‘‘โกฏิปฺปตฺตํ ทุกฺกรการิยํ กริสฺสามี’’ติ เอกติลตณฺฑุลาทีหิปิ วีตินาเมสิ, สพฺพโสปิ อาหารูปจฺเฉทํ อกาสิ, เทวตาปิ โลมกูเปหิ โอชํ อุปสํหรมานา ปฏิกฺขิปิ.
อถสฺส ตาย นิราหารตาย ปรมกสิมานปฺปตฺตกายสฺส สุวณฺณวณฺโณ กาโย กาฬวณฺโณ อโหสิ. พาตฺตึสมหาปุริสลกฺขณานิ ปฏิจฺฉนฺนานิ อเหสุํ. อปฺเปกทา อปฺปาณกํ ฌานํ ฌายนฺโต ¶ มหาเวทนาหิ อภิตุนฺโน วิสฺีภูโต จงฺกมนโกฏิยํ ปตติ. อถ นํ เอกจฺจา เทวตา ‘‘กาลกโต สมโณ โคตโม’’ติ วทนฺติ, เอกจฺจา ‘‘วิหาโรเวโส อรหต’’นฺติ อาหํสุ. ตตฺถ ยาสํ ‘‘กาลกโต’’ติ อโหสิ, ตา คนฺตฺวา สุทฺโธทนมหาราชสฺส อาโรเจสุํ ‘‘ตุมฺหากํ ปุตฺโต กาลกโต’’ติ. มม ปุตฺโต พุทฺโธ หุตฺวา กาลกโต, อหุตฺวาติ? พุทฺโธ ภวิตุํ นาสกฺขิ, ปธานภูมิยํเยว ปติตฺวา ¶ กาลกโตติ. อิทํ สุตฺวา ราชา ‘‘นาหํ สทฺทหามิ, มม ปุตฺตสฺส โพธึ อปฺปตฺวา กาลกิริยา นาม นตฺถี’’ติ ปฏิกฺขิปิ. กสฺมา ปน ราชา น สทฺทหตีติ? กาฬเทวีลตาปสสฺส วนฺทาปนทิวเส ชมฺพุรุกฺขมูเล จ ปาฏิหาริยานํ ทิฏฺตฺตา.
ปุน โพธิสตฺเต สฺํ ปฏิลภิตฺวา อุฏฺิเต ตา เทวตา คนฺตฺวา ‘‘อโรโค เต มหาราช ปุตฺโต’’ติ อาโรเจนฺติ. ราชา ‘‘ชานามหํ ปุตฺตสฺส อมรณภาว’’นฺติ วทติ. มหาสตฺตสฺส ฉพฺพสฺสานิ ทุกฺกรการิยํ กโรนฺตสฺส อากาเส คณฺิกรณกาโล วิย อโหสิ. โส ‘‘อยํ ทุกฺกรการิกา นาม โพธาย มคฺโค น โหตี’’ติ โอฬาริกํ อาหารํ อาหาเรตุํ คามนิคเมสุ ปิณฺฑาย จริตฺวา อาหารํ อาหริ, อถสฺส พาตฺตึสมหาปุริสลกฺขณานิ ปากติกานิ อเหสุํ, กาโย สุวณฺณวณฺโณ อโหสิ. ปฺจวคฺคิยา ภิกฺขู ‘‘อยํ ฉพฺพสฺสานิ ทุกฺกรการิกํ กโรนฺโตปิ สพฺพฺุตํ ปฏิวิชฺฌิตุํ นาสกฺขิ, อิทานิ คามาทีสุ ¶ ปิณฺฑาย จริตฺวา โอฬาริกํ อาหารํ อาหริยมาโน กึ สกฺขิสฺสติ, พาหุลิโก เอส ปธานวิพฺภนฺโต, สีสํ นฺหายิตุกามสฺส อุสฺสาวพินฺทุตกฺกนํ วิย อมฺหากํ เอตสฺส สนฺติกา วิเสสตกฺกนํ, กึ โน อิมินา’’ติ มหาปุริสํ ปหาย อตฺตโน อตฺตโน ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา อฏฺารสโยชนมคฺคํ คนฺตฺวา อิสิปตนํ ปวิสึสุ.
เตน โข ปน สมเยน อุรุเวลายํ เสนานิคเม เสนานิกุฏุมฺพิกสฺส เคเห นิพฺพตฺตา สุชาตา นาม ทาริกา วยปฺปตฺตา เอกสฺมึ นิคฺโรธรุกฺเข ปตฺถนํ อกาสิ ‘‘สเจ สมชาติกํ กุลฆรํ คนฺตฺวา ปมคพฺเภ ปุตฺตํ ลภิสฺสามิ, อนุสํวจฺฉรํ เต สตสหสฺสปริจฺจาเคน พลิกมฺมํ กริสฺสามี’’ติ. ตสฺสา สา ปตฺถนา สมิชฺฌิ. สา มหาสตฺตสฺส ทุกฺกรการิกํ กโรนฺตสฺส ฉฏฺเ วสฺเส ปริปุณฺเณ วิสาขปุณฺณมายํ พลิกมฺมํ กาตุกามา หุตฺวา ปุเรตรํ เธนุสหสฺสํ ลฏฺิมธุกวเน จราเปตฺวา ตาสํ ขีรํ ปฺจ เธนุสตานิ ปาเยตฺวา ตาสํ ขีรํ อฑฺฒติยานีติ เอวํ ยาว โสฬสนฺนํ เธนูนํ ขีรํ อฏฺ เธนุโย ปิวนฺติ, ตาว ขีรสฺส พหลตฺจ มธุรตฺจ โอชวนฺตตฺจ ปตฺถยมานา ขีรปริวตฺตนํ นาม อกาสิ. สา วิสาขปุณฺณมทิวเส ‘‘ปาโตว พลิกมฺมํ กริสฺสามี’’ติ รตฺติยา ปจฺจูสสมยํ ปจฺจุฏฺาย ตา อฏฺ เธนุโย ทุหาเปสิ. วจฺฉกา ¶ ¶ เธนูนํ ถนมูลํ นาคมึสุ, ถนมูเล ปน นวภาชเน อุปนีตมตฺเต อตฺตโน ธมฺมตาย ขีรธารา ปวตฺตึสุ. ตํ อจฺฉริยํ ทิสฺวา สุชาตา สหตฺเถเนว ขีรํ คเหตฺวา นวภาชเน ปกฺขิปิตฺวา สหตฺเถเนว อคฺคึ กตฺวา ปจิตุํ อารภิ.
ตสฺมึ ปายาเส ปจฺจมาเน มหนฺตมหนฺตา พุพฺพุฬา อุฏฺหิตฺวา ทกฺขิณาวตฺตา หุตฺวา สฺจรนฺติ, เอกผุสิตมฺปิ พหิ น ปตติ, อุทฺธนโต อปฺปมตฺตโกปิ ธูโม น อุฏฺหติ. ตสฺมึ สมเย จตฺตาโร โลกปาลา อาคนฺตฺวา อุทฺธเน อารกฺขํ คณฺหึสุ, มหาพฺรหฺมา ฉตฺตํ ธาเรสิ, สกฺโก อลาตานิ สมาเนนฺโต อคฺคึ ชาเลสิ. เทวตา ทฺวิสหสฺสทีปปริวาเรสุ จตูสุ มหาทีเปสุ เทวานฺจ มนุสฺสานฺจ อุปกปฺปนโอชํ อตฺตโน เทวานุภาเวน ทณฺฑกพทฺธํ มธุปฏลํ ปีเฬตฺวา มธุํ คณฺหมานา วิย สํหริตฺวา ตตฺถ ปกฺขิปึสุ. อฺเสุ หิ กาเลสุ เทวตา กพเฬ กพเฬ โอชํ ปกฺขิปนฺติ, สมฺโพธิทิวเส จ ปน ปรินิพฺพานทิวเส จ อุกฺขลิยํเยว ปกฺขิปนฺติ. สุชาตา เอกทิวเสเยว ¶ ตตฺถ อตฺตโน ปากฏานิ อเนกานิ อจฺฉริยานิ ทิสฺวา ปุณฺณํ ทาสึ อามนฺเตสิ ‘‘อมฺม ปุณฺเณ, อชฺช อมฺหากํ เทวตา อติวิย ปสนฺนา, มยา เอตฺตเก กาเล เอวรูปํ อจฺฉริยํ นาม น ทิฏฺปุพฺพํ, เวเคน คนฺตฺวา เทวฏฺานํ ปฏิชคฺคาหี’’ติ. สา ‘‘สาธุ, อยฺเย’’ติ ตสฺสา วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตุริตตุริตา รุกฺขมูลํ อคมาสิ.
โพธิสตฺโตปิ โข ตสฺมึ รตฺติภาเค ปฺจ มหาสุปิเน ทิสฺวา ปริคฺคณฺหนฺโต ‘‘นิสฺสํสเยนาหํ อชฺช พุทฺโธ ภวิสฺสามี’’ติ กตสนฺนิฏฺาโน ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน กตสรีรปฏิชคฺคโน ภิกฺขาจารกาลํ อาคมยมาโน ปาโตว อาคนฺตฺวา ตสฺมึ รุกฺขมูเล นิสีทิ อตฺตโน ปภาย สกลรุกฺขํ โอภาสยมาโน. อถ โข สา ปุณฺณา อาคนฺตฺวา อทฺทส โพธิสตฺตํ รุกฺขมูเล ปาจีนโลกธาตุํ โอโลกยมานํ นิสินฺนํ, สรีรโต จสฺส นิกฺขนฺตาหิ ปภาหิ สกลรุกฺขํ สุวณฺณวณฺณํ. ทิสฺวา ตสฺสา เอตทโหสิ – ‘‘อชฺช อมฺหากํ เทวตา รุกฺขโต โอรุยฺห สหตฺเถเนว พลิกมฺมํ สมฺปฏิจฺฉิตุํ นิสินฺนา มฺเ’’ติ อุพฺเพคปฺปตฺตา หุตฺวา เวเคนาคนฺตฺวา สุชาตาย เอตมตฺถํ อาโรเจสิ.
สุชาตา ¶ ตสฺสา วจนํ สุตฺวา ตุฏฺมานสา หุตฺวา ‘‘อชฺช ทานิ ปฏฺาย มม เชฏฺธีตุฏฺาเน ติฏฺาหี’’ติ ธีตุ อนุจฺฉวิกํ สพฺพาลงฺการํ อทาสิ. ยสฺมา ปน พุทฺธภาวํ ปาปุณนทิวเส สตสหสฺสคฺฆนิกํ สุวณฺณปาตึ ลทฺธุํ วฏฺฏติ, ตสฺมา สา ‘‘สุวณฺณปาติยํ ปายาสํ ปกฺขิปิสฺสามี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา สตสหสฺสคฺฆนิกํ สุวณฺณปาตึ นีหราเปตฺวา ตตฺถ ปายาสํ ¶ ปกฺขิปิตุกามา ปกฺกภาชนํ อาวชฺเชสิ. ‘สพฺโพ ปายาโส ปทุมปตฺตา อุทกํ วิย วินิวตฺติตฺวา ปาติยํ ปติฏฺาสิ, เอกปาติปูรมตฺโตว อโหสิ’. สา ตํ ปาตึ อฺาย สุวณฺณปาติยา ปฏิกุชฺชิตฺวา โอทาตวตฺเถน เวเตฺวา สพฺพาลงฺกาเรหิ อตฺตภาวํ อลงฺกริตฺวา ตํ ปาตึ อตฺตโน สีเส เปตฺวา มหนฺเตน อานุภาเวน นิคฺโรธรุกฺขมูลํ คนฺตฺวา โพธิสตฺตํ โอโลเกตฺวา พลวโสมนสฺสชาตา ‘‘รุกฺขเทวตา’’ติ สฺาย ทิฏฺฏฺานโต ปฏฺาย โอนโตนตา คนฺตฺวา สีสโต ปาตึ โอตาเรตฺวา วิวริตฺวา สุวณฺณภิงฺกาเรน คนฺธปุปฺผวาสิตํ อุทกํ คเหตฺวา โพธิสตฺตํ อุปคนฺตฺวา อฏฺาสิ. ฆฏีการมหาพฺรหฺมุนา ทินฺโน มตฺติกาปตฺโต เอตฺตกํ อทฺธานํ โพธิสตฺตํ อวิชหิตฺวา ตสฺมึ ขเณ อทสฺสนํ คโต, โพธิสตฺโต ปตฺตํ อปสฺสนฺโต ทกฺขิณหตฺถํ ปสาเรตฺวา อุทกํ สมฺปฏิจฺฉิ. สุชาตา สเหว ปาติยา ปายาสํ มหาปุริสสฺส หตฺเถ เปสิ, มหาปุริโส สุชาตํ โอโลเกสิ. สา อาการํ สลฺลกฺเขตฺวา ‘‘อยฺย, มยา ตุมฺหากํ ปริจฺจตฺตํ, คณฺหิตฺวา ยถารุจึ คจฺฉถา’’ติ วนฺทิตฺวา ‘‘ยถา มยฺหํ มโนรโถ นิปฺผนฺโน ¶ , เอวํ ตุมฺหากมฺปิ นิปฺผชฺชตู’’ติ วตฺวา สตสหสฺสคฺฆนิกาย สุวณฺณปาติยา ปุราณปณฺเณ วิย อนเปกฺขา หุตฺวา ปกฺกามิ.
โพธิสตฺโตปิ โข นิสินฺนฏฺานา อุฏฺาย รุกฺขํ ปทกฺขิณํ กตฺวา ปาตึ อาทาย เนรฺชราย ตีรํ คนฺตฺวา อเนเกสํ โพธิสตฺตสหสฺสานํ อภิสมฺพุชฺฌนทิวเส โอตริตฺวา นฺหานฏฺานํ สุปฺปติฏฺิตติตฺถํ นาม อตฺถิ, ตสฺส ตีเร ปาตึ เปตฺวา โอตริตฺวา นฺหตฺวา อเนกพุทฺธสตสหสฺสานํ นิวาสนํ อรหทฺธชํ นิวาเสตฺวา ปุรตฺถาภิมุโข นิสีทิตฺวา เอกฏฺิตาลปกฺกปฺปมาเณ เอกูนปฺาส ปิณฺเฑ กตฺวา สพฺพํ อปฺโปทกํ มธุปายาสํ ปริภฺุชิ. โส เอว หิสฺส พุทฺธภูตสฺส สตฺตสตฺตาหํ โพธิมณฺเฑ วสนฺตสฺส เอกูนปฺาส ทิวสานิ อาหาโร อโหสิ. เอตฺตกํ กาลํ ¶ เนว อฺโ อาหาโร อตฺถิ, น นฺหานํ, น มุขโธวนํ, น สรีรวฬฺโช, ฌานสุเขน มคฺคสุเขน ผลสุเขน จ วีตินาเมสิ. ตํ ปน ปายาสํ ปริภฺุชิตฺวา สุวณฺณปาตึ คเหตฺวา ‘‘สจาหํ, อชฺช พุทฺโธ ภวิตุํ สกฺขิสฺสามิ, อยํ ปาติ ปฏิโสตํ คจฺฉตุ, โน เจ สกฺขิสฺสามิ, อนุโสตํ คจฺฉตู’’ติ วตฺวา นทีโสเต ปกฺขิปิ. สา โสตํ ฉินฺทมานา นทีมชฺฌํ คนฺตฺวา มชฺฌมชฺฌฏฺาเนเนว ชวสมฺปนฺโน อสฺโส วิย อสีติหตฺถมตฺตฏฺานํ ปฏิโสตํ คนฺตฺวา เอกสฺมึ อาวฏฺเฏ นิมุชฺชิตฺวา กาฬนาคราชภวนํ คนฺตฺวา ติณฺณํ พุทฺธานํ ปริโภคปาติโย ‘‘กิลิ กิลี’’ติ รวํ การยมานา ปหริตฺวาว ตาสํ สพฺพเหฏฺิมา หุตฺวา อฏฺาสิ. กาโฬ นาคราชา ตํ สทฺทํ สุตฺวา ‘‘หิยฺโย เอโก พุทฺโธ นิพฺพตฺโต, ปุน อชฺช เอโก นิพฺพตฺโต’’ติ วตฺวา อเนเกหิ ปทสเตหิ ถุติโย วทมาโน อุฏฺาสิ. ตสฺส กิร ¶ มหาปถวิยา เอกโยชนติคาวุตปฺปมาณํ นภํ ปูเรตฺวา อาโรหนกาโล ‘‘อชฺช วา หิยฺโย วา’’ติ สทิโส อโหสิ.
โพธิสตฺโตปิ นทีตีรมฺหิ สุปุปฺผิตสาลวเน ทิวาวิหารํ กตฺวา สายนฺหสมเย ปุปฺผานํ วณฺฏโต มุจฺจนกาเล เทวตาหิ อลงฺกเตน อฏฺูสภวิตฺถาเรน มคฺเคน สีโห วิย วิชมฺภมาโน โพธิรุกฺขาภิมุโข ปายาสิ. นาคยกฺขสุปณฺณาทโย ทิพฺเพหิ คนฺธปุปฺผาทีหิ ปูชยึสุ, ทิพฺพสงฺคีตาทีนิ ปวตฺตยึสุ, ทสสหสฺสี โลกธาตุ เอกคนฺธา เอกมาลา เอกสาธุการา อโหสิ. ตสฺมึ สมเย โสตฺถิโย นาม ติณหารโก ติณํ อาทาย ปฏิปเถ อาคจฺฉนฺโต มหาปุริสสฺส อาการํ ตฺวา อฏฺ ติณมุฏฺิโย อทาสิ. โพธิสตฺโต ติณํ คเหตฺวา โพธิมณฺฑํ ¶ อารุยฺห ทกฺขิณทิสาภาเค อุตฺตราภิมุโข อฏฺาสิ. ตสฺมึ ขเณ ทกฺขิณจกฺกวาฬํ โอสีทิตฺวา เหฏฺา อวีจิสมฺปตฺตํ วิย อโหสิ, อุตฺตรจกฺกวาฬํ อุลฺลงฺฆิตฺวา อุปริ ภวคฺคปฺปตฺตํ วิย อโหสิ. โพธิสตฺโต ‘‘อิทํ สมฺโพธึ ปาปุณนฏฺานํ น ภวิสฺสติ มฺเ’’ติ ปทกฺขิณํ กโรนฺโต ปจฺฉิมทิสาภาคํ คนฺตฺวา ปุรตฺถาภิมุโข อฏฺาสิ, ตโต ปจฺฉิมจกฺกวาฬํ โอสีทิตฺวา เหฏฺา อวีจิสมฺปตฺตํ วิย อโหสิ, ปุรตฺถิมจกฺกวาฬํ อุลฺลงฺฆิตฺวา อุปริ ภวคฺคปฺปตฺตํ วิย อโหสิ. ิตฏฺิตฏฺาเน กิรสฺส เนมิวฏฺฏิปริยนฺเต อกฺกนฺเต นาภิยา ปติฏฺิตมหาสกฏจกฺกํ วิย ¶ มหาปถวี โอนตุนฺนตา อโหสิ. โพธิสตฺโต ‘‘อิทมฺปิ สมฺโพธึ ปาปุณนฏฺานํ น ภวิสฺสติ มฺเ’’ติ ปทกฺขิณํ กโรนฺโต อุตฺตรทิสาภาคํ คนฺตฺวา ทกฺขิณาภิมุโข อฏฺาสิ, ตโต อุตฺตรจกฺกวาฬํ โอสีทิตฺวา เหฏฺา อวีจิสมฺปตฺตํ วิย อโหสิ, ทกฺขิณจกฺกวาฬํ อุลฺลงฺฆิตฺวา อุปริ ภวคฺคปฺปตฺตํ วิย อโหสิ. โพธิสตฺโต ‘‘อิทมฺปิ สมฺโพธึ ปาปุณนฏฺานํ น ภวิสฺสติ มฺเ’’ติ ปทกฺขิณํ กโรนฺโต ปุรตฺถิมทิสาภาคํ คนฺตฺวา ปจฺฉิมาภิมุโข อฏฺาสิ. ปุรตฺถิมทิสาภาเค ปน สพฺพพุทฺธานํ ปลฺลงฺกฏฺานํ, ตํ เนว ฉมฺภติ, น กมฺปติ. มหาสตฺโต ‘‘อิทํ สพฺพพุทฺธานํ อวิชหิตํ อจลฏฺานํ กิเลสปฺชรวิทฺธํสนฏฺาน’’นฺติ ตฺวา ตานิ ติณานิ อคฺเค คเหตฺวา จาเลสิ, ตาวเทว จุทฺทสหตฺโถ ปลฺลงฺโก อโหสิ. ตานิปิ โข ติณานิ ตถารูเปน สณฺาเนน สณฺหึสุ, ยถารูปํ สุกุสโลปิ จิตฺตกาโร วา โปตฺถกาโร วา อาลิขิตุมฺปิ สมตฺโถ นตฺถิ. โพธิสตฺโต โพธิกฺขนฺธํ ปิฏฺิโต กตฺวา ปุรตฺถาภิมุโข ทฬฺหมานโส หุตฺวา –
‘‘กามํ ตโจ จ นฺหารุ จ, อฏฺิ จ อวสิสฺสตุ;
อุปสุสฺสตุ นิสฺเสสํ, สรีเร มํสโลหิตํ’’.
น ¶ ตฺเววาหํ สมฺมาสมฺโพธึ อปฺปตฺวา อิมํ ปลฺลงฺกํ ภินฺทิสฺสามีติ อสนิสตสนฺนิปาเตนปิ อเภชฺชรูปํ อปราชิตปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา นิสีทิ.
ตสฺมึ สมเย มาโร เทวปุตฺโต ‘‘สิทฺธตฺถกุมาโร มยฺหํ วสํ อติกฺกมิตุกาโม, น ทานิสฺส อติกฺกมิตุํ ทสฺสามี’’ติ มารพลสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา เอตมตฺถํ อาโรเจตฺวา มารโฆสนํ นาม โฆสาเปตฺวา มารพลํ อาทาย นิกฺขมิ. สา มารเสนา มารสฺส ปุรโต ทฺวาทสโยชนา โหติ, ทกฺขิณโต จ วามโต จ ทฺวาทสโยชนา, ปจฺฉโต ยาว จกฺกวาฬปริยนฺตํ กตฺวา ิตา, อุทฺธํ นวโยชนุพฺเพธา, ยสฺสา อุนฺนทนฺติยา อุนฺนาทสทฺโท โยชนสหสฺสโต ¶ ปฏฺาย ปถวิอุนฺทฺริยนสทฺโท วิย สุยฺยติ. อถ มาโร เทวปุตฺโต ทิยฑฺฒโยชนสติกํ คิริเมขลํ นาม หตฺถึ อภิรุหิตฺวา พาหุสหสฺสํ มาเปตฺวา นานาวุธานิ อคฺคเหสิ. อวเสสายปิ มารปริสาย ทฺเว ชนา เอกสทิสํ อาวุธํ น คณฺหึสุ, นานปฺปการวณฺณา นานปฺปการมุขา หุตฺวา มหาสตฺตํ อชฺโฌตฺถรมานา อาคมึสุ.
ทสสหสฺสจกฺกวาฬเทวตา ¶ ปน มหาสตฺตสฺส ถุติโย วทมานา อฏฺํสุ. สกฺโก เทวราชา วิชยุตฺตรสงฺขํ ธมมาโน อฏฺาสิ. โส กิร สงฺโข วีสหตฺถสติโก โหติ. สกึ วาตํ คาหาเปตฺวา ธมนฺโต จตฺตาโร มาเส สทฺทํ กริตฺวา นิสฺสทฺโท โหติ. มหากาฬนาคราชา อติเรกปทสเตน วณฺณํ วทนฺโต อฏฺาสิ, มหาพฺรหฺมา เสตจฺฉตฺตํ ธารยมาโน อฏฺาสิ. มารพเล ปน โพธิมณฺฑํ อุปสงฺกมนฺเต เตสํ เอโกปิ าตุํ นาสกฺขิ, สมฺมุขสมฺมุขฏฺาเนเนว ปลายึสุ. กาโฬ นาคราชา ปถวิยํ นิมุชฺชิตฺวา ปฺจโยชนสติกํ มฺเชริกนาคภวนํ คนฺตฺวา อุโภหิ หตฺเถหิ มุขํ ปิทหิตฺวา นิปนฺโน. สกฺโก วิชยุตฺตรสงฺขํ ปิฏฺิยํ กตฺวา จกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ อฏฺาสิ. มหาพฺรหฺมา เสตจฺฉตฺตํ จกฺกวาฬโกฏิยํ เปตฺวา พฺรหฺมโลกเมว อคมาสิ. เอกา เทวตาปิ าตุํ สมตฺถา นาโหสิ, มหาปุริโส เอกโกว นิสีทิ.
มาโรปิ อตฺตโน ปริสํ อาห ‘‘ตาตา สุทฺโธทนปุตฺเตน สิทฺธตฺเถน สทิโส อฺโ ปุริโส นาม นตฺถิ, มยํ สมฺมุขา ยุทฺธํ ทาตุํ น สกฺขิสฺสาม, ปจฺฉาภาเคน ทสฺสามา’’ติ. มหาปุริโสปิ ตีณิ ปสฺสานิ โอโลเกตฺวา สพฺพเทวตานํ ปลาตตฺตา สฺุานิ อทฺทส. ปุน อุตฺตรปสฺเสน มารพลํ อชฺโฌตฺถรมานํ ทิสฺวา ‘‘อยํ เอตฺตโก ชโน มํ เอกกํ สนฺธาย มหนฺตํ วายามํ ปรกฺกมํ กโรติ, อิมสฺมึ าเน มยฺหํ มาตา วา ปิตา วา ภาตา วา อฺโ วา โกจิ าตโก นตฺถิ, อิมา ปน ทส ปารมิโยว มยฺหํ ทีฆรตฺตํ ปุฏฺปริชนสทิสา, ตสฺมา ปารมิโยว ¶ ผลกํ กตฺวา ปารมิสตฺเถเนว ปหริตฺวา อยํ พลกาโย มยา วิทฺธํเสตุํ วฏฺฏตี’’ติ ทส ปารมิโย อาวชฺชมาโน นิสีทิ.
อถ โข มาโร เทวปุตฺโต ‘‘เอเตเนว สิทฺธตฺถํ ปลาเปสฺสามี’’ติ วาตมณฺฑลํ สมุฏฺาเปสิ. ตงฺขณํเยว ปุรตฺถิมาทิเภทา วาตา สมุฏฺหิตฺวา อฑฺฒโยชนเอกโยชนทฺวิโยชนติโยชนปฺปมาณานิ ¶ ปพฺพตกูฏานิ ปทาเลตฺวา วนคจฺฉรุกฺขาทีนิ อุมฺมูเลตฺวา สมนฺตา คามนิคเม จุณฺณวิจุณฺณํ กาตุํ สมตฺถาปิ มหาปุริสสฺส ปฺุเตเชน วิหตานุภาวา โพธิสตฺตํ ปตฺวา จีวรกณฺณมตฺตมฺปิ จาเลตุํ นาสกฺขึสุ. ตโต ‘‘อุทเกน น อชฺโฌตฺถริตฺวา มาเรสฺสามี’’ติ มหาวสฺสํ ¶ สมุฏฺาเปสิ. ตสฺสานุภาเวน อุปรูปริ สตปฏลสหสฺสปฏลาทิเภทา วลาหกา อุฏฺหิตฺวา วสฺสึสุ. วุฏฺิธาราเวเคน ปถวี ฉิทฺทา อโหสิ. วนรุกฺขาทีนํ อุปริภาเคน มหาเมโฆ อาคนฺตฺวา มหาสตฺตสฺส จีวเร อุสฺสาวพินฺทุฏฺานมตฺตมฺปิ เตเมตุํ นาสกฺขิ. ตโต ปาสาณวสฺสํ สมุฏฺาเปสิ. มหนฺตานิ มหนฺตานิ ปพฺพตกูฏานิ ธูมายนฺตานิ ปชฺชลนฺตานิ อากาเสนาคนฺตฺวา โพธิสตฺตํ ปตฺวา ทิพฺพมาลาคุฬภาวํ อาปชฺชึสุ. ตโต ปหรณวสฺสํ สมุฏฺาเปสิ. เอกโตธาราอุภโตธาราอสิสตฺติขุรปฺปาทโย ธูมายนฺตา ปชฺชลนฺตา อากาเสนาคนฺตฺวา โพธิสตฺตํ ปตฺวา ทิพฺพปุปฺผานิ อเหสุํ. ตโต องฺคารวสฺสํ สมุฏฺาเปสิ. กึสุกวณฺณา องฺคารา อากาเสนาคนฺตฺวา โพธิสตฺตสฺส ปาทมูเล ทิพฺพปุปฺผานิ หุตฺวา วิกิรึสุ. ตโต กุกฺกุฬวสฺสํ สมุฏฺาเปสิ. อจฺจุณฺโห อคฺคิวณฺโณ กุกฺกุโฬ อากาเสนาคนฺตฺวา โพธิสตฺตสฺส ปาทมูเล ทิพฺพจนฺทนจุณฺณํ หุตฺวา นิปติ. ตโต วาลุกาวสฺสํ สมุฏฺาเปสิ. อติสุขุมวาลุกา ธูมายนฺตา ปชฺชลนฺตา อากาเสนาคนฺตฺวา โพธิสตฺตสฺส ปาทมูเล ทิพฺพปุปฺผานิ หุตฺวา นิปตึสุ. ตโต กลลวสฺสํ สมุฏฺาเปสิ. ตํ กลลํ ธูมายนฺตํ ปชฺชลนฺตํ อากาเสนาคนฺตฺวา โพธิสตฺตสฺส ปาทมูเล ทิพฺพวิเลปนํ หุตฺวา นิปติ. ตโต ‘‘อิมินา ภึเสตฺวา สิทฺธตฺถํ ปลาเปสฺสามี’’ติ อนฺธการํ สมุฏฺาเปสิ. ตํ จตุรงฺคสมนฺนาคตํ วิย มหาตมํ หุตฺวา โพธิสตฺตํ ปตฺวา สูริยปฺปภาวิหตํ วิย อนฺธการํ อนฺตรธายิ.
เอวํ มาโร อิมาหิ นวหิ วาตวสฺสปาสาณปหรณองฺคารกุกฺกุฬวาลุกากลลอนฺธการวุฏฺีหิ โพธิสตฺตํ ปลาเปตุํ อสกฺโกนฺโต ‘‘กึ ภเณ, ติฏฺถ, อิมํ สิทฺธตฺถกุมารํ คณฺหถ หนถ ปลาเปถา’’ติ ปริสํ อาณาเปตฺวา สยมฺปิ คิริเมขลสฺส หตฺถิโน ขนฺเธ นิสินฺโน จกฺกาวุธํ อาทาย โพธิสตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘สิทฺธตฺถ อุฏฺาหิ เอตสฺมา ปลฺลงฺกา, นายํ ตุยฺหํ ปาปุณาติ, มยฺหํ เอว ปาปุณาตี’’ติ อาห. มหาสตฺโต ตสฺส วจนํ สุตฺวา อโวจ – ‘‘มาร, เนว ตยา ทส ปารมิโย ปูริตา, น อุปปารมิโย, น ปรมตฺถปารมิโย, นาปิ ปฺจ มหาปริจฺจาคา ปริจฺจตฺตา ¶ , น าตตฺถจริยา, น โลกตฺถจริยา, น พุทฺธิจริยา ปูริตา, สพฺพา ¶ ตา มยาเยว ปูริตา, ตสฺมา นายํ ปลฺลงฺโก ตุยฺหํ ปาปุณาติ ¶ , มยฺเหเวโส ปาปุณาตี’’ติ.
มาโร กุทฺโธ โกธเวคํ อสหนฺโต มหาปุริสสฺส จกฺกาวุธํ วิสฺสชฺเชสิ. ตํ ตสฺส ทส ปารมิโย อาวชฺเชนฺตสฺส อุปริภาเค มาลาวิตานํ หุตฺวา อฏฺาสิ. ตํ กิร ขุรธารจกฺกาวุธํ อฺทา เตน กุทฺเธน วิสฺสฏฺํ เอกฆนปาสาณตฺถมฺเภ วํสกฬีเร วิย ฉินฺทนฺตํ คจฺฉติ, อิทานิ ปน ตสฺมึ มาลาวิตานํ หุตฺวา ิเต อวเสสา มารปริสา ‘‘อิทานิ ปลฺลงฺกโต วุฏฺาย ปลายิสฺสตี’’ติ มหนฺตมหนฺตานิ เสลกูฏานิ วิสฺสชฺเชสุํ. ตานิปิ มหาปุริสสฺส ทส ปารมิโย อาวชฺเชนฺตสฺส มาลาคุฬภาวํ อาปชฺชิตฺวา ภูมิยํ ปตึสุ. เทวตา จกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ ิตา คีวํ ปสาเรตฺวา สีสํ อุกฺขิปิตฺวา ‘‘นฏฺโ วต โส สิทฺธตฺถกุมารสฺส รูปคฺคปฺปตฺโต อตฺตภาโว, กึ นุ โข กริสฺสตี’’ติ โอโลเกนฺติ.
ตโต มหาปุริโส ‘‘ปูริตปารมีนํ โพธิสตฺตานํ อภิสมฺพุชฺฌนทิวเส ปตฺตปลฺลงฺโก มยฺหํว ปาปุณาตี’’ติ วตฺวา ิตํ มารํ อาห – ‘‘มาร ตุยฺหํ ทานสฺส ทินฺนภาเว โก สกฺขี’’ติ. มาโร ‘‘อิเม เอตฺตกา ชนา สกฺขิโน’’ติ มารพลาภิมุขํ หตฺถํ ปสาเรสิ. ตสฺมึ ขเณ มารปริสาย ‘‘อหํ สกฺขี, อหํ สกฺขี’’ติ ปวตฺตสทฺโท ปถวิอุนฺทฺริยนสทฺทสทิโส อโหสิ. อถ มาโร มหาปุริสํ อาห ‘‘สิทฺธตฺถ, ตุยฺหํ ทานสฺส ทินฺนภาเว โก สกฺขี’’ติ. มหาปุริโส ‘‘ตุยฺหํ ตาว ทานสฺส ทินฺนภาเว สเจตนา สกฺขิโน, มยฺหํ ปน อิมสฺมึ าเน สเจตโน โกจิ สกฺขี นาม นตฺถิ, ติฏฺตุ ตาว เม อวเสสตฺตภาเวสุ ทินฺนทานํ, เวสฺสนฺตรตฺตภาเว ปน ตฺวา มยฺหํ สตฺตสตกมหาทานสฺส ทินฺนภาเว อยํ อเจตนาปิ ฆนมหาปถวี สกฺขี’’ติ จีวรคพฺภนฺตรโต ทกฺขิณหตฺถํ อภินีหริตฺวา ‘‘เวสฺสนฺตรตฺตภาเว ตฺวา มยฺหํ สตฺตสตกมหาทานสฺส ทินฺนภาเว ตฺวํ สกฺขี น สกฺขี’’ติ มหาปถวิอภิมุขํ หตฺถํ ปสาเรสิ. มหาปถวี ‘‘อหํ เต ตทา สกฺขี’’ติ วิรวสเตน วิรวสหสฺเสน วิรวสตสหสฺเสน มารพลํ อวตฺถรมานา วิย อุนฺนทิ.
ตโต ¶ มหาปุริเส ‘‘ทินฺนํ เต สิทฺธตฺถ มหาทานํ อุตฺตมทาน’’นฺติ เวสฺสนฺตรทานํ สมฺมสนฺเต ทิยฑฺฒโยชนสติโก คิริเมขลหตฺถี ชณฺณุเกหิ ปถวิยํ ปติฏฺาสิ, มารปริสา ทิสาวิทิสา ปลายิ, ทฺเว เอกมคฺเคน คตา นาม นตฺถิ, สีสาภรณานิ เจว นิวตฺถวตฺถานิ จ ปหาย สมฺมุขสมฺมุขทิสาหิเยว ปลายึสุ. ตโต เทวสงฺฆา ปลายมานํ มารพลํ ทิสฺวา ‘‘มารสฺส ¶ ปราชโย ชาโต, สิทฺธตฺถกุมารสฺส ชโย, ชยปูชํ กริสฺสามา’’ติ นาคา นาคานํ, สุปณฺณา สุปณฺณานํ ¶ , เทวตา เทวตานํ, พฺรหฺมาโน พฺรหฺมานํ, อุคฺโฆเสตฺวา คนฺธมาลาทิหตฺถา มหาปุริสสฺส สนฺติกํ โพธิปลฺลงฺกํ อคมํสุ.
เอวํ คเตสุ จ ปน เตสุ –
‘‘ชโย หิ พุทฺธสฺส สิรีมโต อยํ, มารสฺส จ ปาปิมโต ปราชโย;
อุคฺโฆสยุํ โพธิมณฺเฑ ปโมทิตา, ชยํ ตทา นาคคณา มเหสิโน.
‘‘ชโย หิ พุทฺธสฺส สิรีมโต อยํ, มารสฺส จ ปาปิมโต ปราชโย;
อุคฺโฆสยุํ โพธิมณฺเฑ ปโมทิตา, สุปณฺณสงฺฆาปิ ชยํ มเหสิโน.
‘‘ชโย หิ พุทฺธสฺส สิรีมโต อยํ, มารสฺส จ ปาปิมโต ปราชโย;
อุคฺโฆสยุํ โพธิมณฺเฑ ปโมทิตา, ชยํ ตทา เทวคณา มเหสิโน.
‘‘ชโย หิ พุทฺธสฺส สิรีมโต อยํ, มารสฺส จ ปาปิมโต ปราชโย;
อุคฺโฆสยุํ โพธิมณฺเฑ ปโมทิตา, ชยํ ตทา พฺรหฺมคณาปิ ตาทิโน’’ติ.
อวเสสา ทสสุ จกฺกวาฬสหสฺเสสุ เทวตา มาลาคนฺธวิเลปเนหิ จ ปูชยมานา นานปฺปการา ถุติโย จ วทมานา อฏฺํสุ. เอวํ อนตฺถงฺคเตเยว ¶ สูริเย มหาปุริโส มารพลํ วิธเมตฺวา จีวรูปริ ปตมาเนหิ โพธิรุกฺขงฺกุเรหิ รตฺตปวาฬปลฺลเวหิ วิย ปูชิยมาโน ปมยาเม ปุพฺเพนิวาสาณํ อนุสฺสริตฺวา, มชฺฌิมยาเม ทิพฺพจกฺขุํ วิโสเธตฺวา, ปจฺฉิมยาเม ปฏิจฺจสมุปฺปาเท าณํ โอตาเรสิ. อถสฺส ทฺวาทสปทิกํ ปจฺจยาการํ วฏฺฏวิวฏฺฏวเสน อนุโลมปฏิโลมโต สมฺมสนฺตสฺส ทสสหสฺสี โลกธาตุ อุทกปริยนฺตํ กตฺวา ทฺวาทสกฺขตฺตุํ สมฺปกมฺปิ.
มหาปุริเส ปน ทสสหสฺสิโลกธาตุํ อุนฺนาเทตฺวา อรุณุคฺคมนเวลาย สพฺพฺุตฺาณํ ปฏิวิชฺฌนฺเต ¶ สกลทสสหสฺสี โลกธาตุ อลงฺกตปฏิยตฺตา อโหสิ. ปาจีนจกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ อุสฺสาปิตานํ ธชานํ ปฏากานํ รํสิโย ปจฺฉิมจกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ ปหรนฺติ, ตถา ปจฺฉิมจกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ อุสฺสาปิตานํ ปาจีนจกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ, ทกฺขิณจกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ อุสฺสาปิตานํ อุตฺตรจกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ, อุตฺตรจกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ อุสฺสาปิตานํ ¶ ทกฺขิณจกฺกวาฬมุขวฏฺฏิยํ ปหรนฺติ, ปถวิตเล อุสฺสาปิตานํ ปน ธชานํ ปฏากานํ พฺรหฺมโลกํ อาหจฺจ อฏฺํสุ, พฺรหฺมโลเก พทฺธานํ ปถวิตเล ปติฏฺหึสุ, ทสสหสฺสจกฺกวาเฬสุ ปุปฺผูปครุกฺขา ปุปฺผํ คณฺหึสุ, ผลูปครุกฺขา ผลปิณฺฑีภารภริตา อเหสุํ. ขนฺเธสุ ขนฺธปทุมานิ ปุปฺผึสุ, สาขาสุ สาขาปทุมานิ, ลตาสุ ลตาปทุมานิ, อากาเส โอลมฺพกปทุมานิ, สิลาตลานิ ภินฺทิตฺวา อุปรูปริ สตฺต สตฺต หุตฺวา ทณฺฑกปทุมานิ อุฏฺหึสุ. ทสสหสฺสี โลกธาตุ วฏฺเฏตฺวา วิสฺสฏฺมาลาคุฬา วิย สุสนฺถตปุปฺผสนฺถาโร วิย จ อโหสิ. จกฺกวาฬนฺตเรสุ อฏฺโยชนสหสฺสโลกนฺตริกา สตฺตสูริยปฺปภายปิ อโนภาสิตปุพฺพา เอโกภาสา อเหสุํ, จตุราสีติโยชนสหสฺสคมฺภีโร มหาสมุทฺโท มธุโรทโก อโหสิ, นทิโย นปฺปวตฺตึสุ, ชจฺจนฺธา รูปานิ ปสฺสึสุ, ชาติพธิรา สทฺทํ สุณึสุ, ชาติปีสปฺปิโน ปทสา คจฺฉึสุ, อนฺทุพนฺธนาทีนิ ฉิชฺชิตฺวา ปตึสุ.
เอวํ อปริมาเณน สิริวิภเวน ปูชิยมาโน มหาปุริโส อเนกปฺปกาเรสุ อจฺฉริยธมฺเมสุ ปาตุภูเตสุ สพฺพฺุตฺาณํ ปฏิวิชฺฌิตฺวา สพฺพพุทฺธานํ อวิชหิตํ อุทานํ อุทาเนสิ –
‘‘อเนกชาติสํสารํ ¶ , สนฺธาวิสฺสํ อนิพฺพิสํ;
คหการํ คเวสนฺโต, ทุกฺขา ชาติ ปุนปฺปุนํ.
‘‘คหการก ทิฏฺโสิ, ปุน เคหํ น กาหสิ;
สพฺพา เต ผาสุกา ภคฺคา, คหกูฏํ วิสงฺขตํ;
วิสงฺขารคตํ จิตฺตํ, ตณฺหานํ ขยมชฺฌคา’’ติ. (ธ. ป. ๑๕๓-๑๕๔);
อิติ ¶ ตุสิตปุรโต ปฏฺาย ยาว อยํ โพธิมณฺเฑ สพฺพฺุตปฺปตฺติ, เอตฺตกํ านํ อวิทูเรนิทานํ นามาติ เวทิตพฺพํ.
อวิทูเรนิทานกถา นิฏฺิตา.
๓. สนฺติเกนิทานกถา
‘‘สนฺติเกนิทานํ ¶ ปน ‘ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเม. เวสาลิยํ วิหรติ มหาวเน กูฏาคารสาลาย’นฺติ เอวํ เตสุ เตสุ าเนสุ วิหรโต ตสฺมึ ตสฺมึ าเนเยว ลพฺภตี’’ติ วุตฺตํ. กิฺจาปิ เอวํ วุตฺตํ, อถ โข ปน ตมฺปิ อาทิโต ปฏฺาย เอวํ เวทิตพฺพํ – อุทานํ อุทาเนตฺวา ชยปลฺลงฺเก นิสินฺนสฺส หิ ภควโต เอตทโหสิ ‘‘อหํ กปฺปสตสหสฺสาธิกานิ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ อิมสฺส ปลฺลงฺกสฺส การณา สนฺธาวึ, เอตฺตกํ เม กาลํ อิมสฺเสว ปลฺลงฺกสฺส การณา อลงฺกตสีสํ คีวาย ฉินฺทิตฺวา ทินฺนํ, สุอฺชิตานิ อกฺขีนิ หทยมํสฺจ อุพฺพฏฺเฏตฺวา ทินฺนํ, ชาลีกุมารสทิสา ปุตฺตา กณฺหาชินกุมาริสทิสา ธีตโร มทฺทีเทวิสทิสา ภริยาโย จ ปเรสํ ทาสตฺถาย ทินฺนา, อยํ เม ปลฺลงฺโก ชยปลฺลงฺโก วรปลฺลงฺโก จ. เอตฺถ เม นิสินฺนสฺส สงฺกปฺปา ปริปุณฺณา, น ตาว อิโต อุฏฺหิสฺสามี’’ติ อเนกโกฏิสตสหสฺสา สมาปตฺติโย สมาปชฺชนฺโต สตฺตาหํ ตตฺเถว นิสีทิ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อถ โข ภควา สตฺตาหํ เอกปลฺลงฺเกน นิสีทิ วิมุตฺติสุขปฏิสํเวที’’ติ (อุทา. ๑; มหาว. ๑).
อถ เอกจฺจานํ เทวตานํ ‘‘อชฺชาปิ นูน สิทฺธตฺถสฺส กตฺตพฺพกิจฺจํ อตฺถิ, ปลฺลงฺกสฺมิฺหิ อาลยํ น วิชหตี’’ติ ปริวิตกฺโก อุทปาทิ. สตฺถา เทวตานํ ¶ ปริวิตกฺกํ ตฺวา ตาสํ วิตกฺกวูปสมนตฺถํ เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ยมกปาฏิหาริยํ ทสฺเสสิ. มหาโพธิมณฺฑสฺมิฺหิ กตปาฏิหาริยฺจ, าติสมาคเม กตปาฏิหาริยฺจ, ปาถิกปุตฺตสมาคเม กตปาฏิหาริยฺจ, สพฺพํ กณฺฑมฺพรุกฺขมูเล ยมกปาฏิหาริยสทิสํ อโหสิ.
เอวํ สตฺถา อิมินา ปาฏิหาริเยน เทวตานํ วิตกฺกํ วูปสเมตฺวา ปลฺลงฺกโต อีสกํ ปาจีนนิสฺสิเต อุตฺตรทิสาภาเค ตฺวา ‘‘อิมสฺมึ วต เม ปลฺลงฺเก สพฺพฺุตฺาณํ ปฏิวิทฺธ’’นฺติ จตฺตาริ อสงฺขฺเยยฺยานิ กปฺปสตสหสฺสฺจ ปูริตานํ ปารมีนํ ผลาธิคมฏฺานํ ปลฺลงฺกํ โพธิรุกฺขฺจ อนิมิเสหิ อกฺขีหิ โอโลกยมาโน สตฺตาหํ วีตินาเมสิ, ตํ านํ อนิมิสเจติยํ นาม ชาตํ. อถ ปลฺลงฺกสฺส จ ิตฏฺานสฺส จ อนฺตรา จงฺกมํ มาเปตฺวา ปุรตฺถิมปจฺฉิมโต อายเต รตนจงฺกเม ¶ จงฺกมนฺโต สตฺตาหํ วีตินาเมสิ, ตํ านํ รตนจงฺกมเจติยํ นาม ชาตํ.
จตุตฺเถ ปน สตฺตาเห โพธิโต ปจฺฉิมุตฺตรทิสาภาเค เทวตา รตนฆรํ มาปยึสุ, ตตฺถ ปลฺลงฺเกน ¶ นิสีทิตฺวา อภิธมฺมปิฏกํ วิเสสโต เจตฺถ อนนฺตนยํ สมนฺตปฏฺานํ วิจินนฺโต สตฺตาหํ วีตินาเมสิ. อาภิธมฺมิกา ปนาหุ ‘‘รตนฆรํ นาม น สตฺตรตนมยํ เคหํ, สตฺตนฺนํ ปน ปกรณานํ สมฺมสิตฏฺานํ ‘รตนฆร’นฺติ วุจฺจตี’’ติ. ยสฺมา ปเนตฺถ อุโภเปเต ปริยายา ยุชฺชนฺติ, ตสฺมา อุภยมฺเปตํ คเหตพฺพเมว. ตโต ปฏฺาย ปน ตํ านํ รตนฆรเจติยํ นาม ชาตํ. เอวํ โพธิสมีเปเยว จตฺตาริ สตฺตาหานิ วีตินาเมตฺวา ปฺจเม สตฺตาเห โพธิรุกฺขมูลา เยน อชปาลนิคฺโรโธ เตนุปสงฺกมิ, ตตฺราปิ ธมฺมํ วิจินนฺโตเยว วิมุตฺติสุขํ ปฏิสํเวเทนฺโต นิสีทิ.
ตสฺมึ สมเย มาโร เทวปุตฺโต ‘‘เอตฺตกํ กาลํ อนุพนฺธนฺโต โอตาราเปกฺโขปิ อิมสฺส น กิฺจิ ขลิตํ อทฺทสํ, อติกฺกนฺโตทานิ เอส มม วส’’นฺติ โทมนสฺสปฺปตฺโต มหามคฺเค นิสีทิตฺวา โสฬส การณานิ จินฺเตนฺโต ภูมิยํ โสฬส เลขา กฑฺฒิ – ‘‘อหํ เอโส วิย ทานปารมึ น ปูเรสึ, เตนมฺหิ อิมินา สทิโส น ชาโต’’ติ เอกํ เลขํ กฑฺฒิ. ตถา ‘‘อหํ เอโส วิย สีลปารมึ, เนกฺขมฺมปารมึ, ปฺาปารมึ, วีริยปารมึ, ขนฺติปารมึ, สจฺจปารมึ, อธิฏฺานปารมึ, เมตฺตาปารมึ, อุเปกฺขาปารมึ น ปูเรสึ ¶ , เตนมฺหิ อิมินา สทิโส น ชาโต’’ติ ทสมํ เลขํ กฑฺฒิ. ตถา ‘‘อหํ เอโส วิย อสาธารณสฺส อินฺทฺริยปโรปริยตฺตาณสฺส ปฏิเวธาย อุปนิสฺสยภูตา ทส ปารมิโย น ปูเรสึ, เตนมฺหิ อิมินา สทิโส น ชาโต’’ติ เอกาทสมํ เลขํ กฑฺฒิ. ตถา ‘‘อหํ เอโส วิย อสาธารณสฺส อาสยานุสยาณสฺส, มหากรุณาสมาปตฺติาณสฺส, ยมกปาฏิหีราณสฺส, อนาวรณาณสฺส, สพฺพฺุตฺาณสฺส ปฏิเวธาย อุปนิสฺสยภูตา ทส ปารมิโย น ปูเรสึ, เตนมฺหิ อิมินา สทิโส น ชาโต’’ติ โสฬสมํ เลขํ กฑฺฒิ. เอวํ อิเมหิ การเณหิ มหามคฺเค โสฬส เลขา กฑฺฒมาโน นิสีทิ.
ตสฺมึ สมเย ตณฺหา, อรติ, รคาติ ติสฺโส มารธีตโร ‘‘ปิตา โน น ปฺายติ, กหํ นุ โข เอตรหี’’ติ โอโลกยมานา ตํ โทมนสฺสปฺปตฺตํ ภูมึ วิเลขมานํ นิสินฺนํ ทิสฺวา ปิตุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘กสฺมา, ตาต, ทุกฺขี ทุมฺมโน’’ติ ปุจฺฉึสุ. อมฺมา, อยํ มหาสมโณ มยฺหํ วสํ อติกฺกนฺโต, เอตฺตกํ กาลํ โอโลเกนฺโต โอตารมสฺส ทฏฺุํ นาสกฺขึ, เตนาหํ ทุกฺขี ทุมฺมโนติ. ยทิ ¶ เอวํ มา จินฺตยิตฺถ, มยเมตํ อตฺตโน วเส กตฺวา อาทาย อาคมิสฺสามาติ. น สกฺกา, อมฺมา, เอโส เกนจิ วเส กาตุํ, อจลาย สทฺธาย ปติฏฺิโต เอโส ปุริโสติ. ‘‘ตาต มยํ อิตฺถิโย นาม อิทาเนว นํ ราคปาสาทีหิ พนฺธิตฺวา อาเนสฺสาม, ตุมฺเห มา จินฺตยิตฺถา’’ติ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ปาเท เต สมณ ปริจาเรมา’’ติ อาหํสุ. ภควา ¶ ว ตาสํ วจนํ มนสิ อกาสิ, น อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา โอโลเกสิ, อนุตฺตเร อุปธิสงฺขเย วิมุตฺตมานโส วิเวกสุขฺเว อนุภวนฺโต นิสีทิ.
ปุน มารธีตโร ‘‘อุจฺจาวจา โข ปุริสานํ อธิปฺปายา, เกสฺจิ กุมาริกาสุ เปมํ โหติ, เกสฺจิ ปมวเย ิตาสุ, เกสฺจิ มชฺฌิมวเย ิตาสุ, ยํนูน มยํ นานปฺปกาเรหิ รูเปหิ ปโลเภยฺยามา’’ติ เอกเมกา กุมาริวณฺณาทิวเสน สตํ สตํ อตฺตภาเว อภินิมฺมินิตฺวา กุมาริโย, อวิชาตา, สกึวิชาตา, ทุวิชาตา, มชฺฌิมิตฺถิโย, มหิตฺถิโย จ หุตฺวา ฉกฺขตฺตุํ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ปาเท เต สมณ ปริจาเรมา’’ติ อาหํสุ. ตมฺปิ ภควา น มนสากาสิ, ยถา ตํ อนุตฺตเร อุปธิสงฺขเยว วิมุตฺโต. เกจิ ปนาจริยา วทนฺติ ‘‘ตา มหิตฺถิภาเวน ¶ อุปคตา ทิสฺวา ภควา ‘เอวเมวํ เอตา ขณฺฑทนฺตา ปลิตเกสา โหนฺตู’ติ อธิฏฺาสี’’ติ, ตํ น คเหตพฺพํ. น หิ สตฺถา เอวรูปํ อธิฏฺานํ กโรติ. ภควา ปน ‘‘อเปถ ตุมฺเห, กึ ทิสฺวา เอวํ วายมถ, เอวรูปํ นาม อวีตราคาทีนํ ปุรโต กาตุํ ยุตฺตํ, ตถาคตสฺส ปน ราโค ปหีโน, โทโส ปหีโน, โมโห ปหีโน’’ติ อตฺตโน กิเลสปฺปหานํ อารพฺภ –
‘‘ยสฺส ชิตํ นาวชียติ, ชิตมสฺส โนยาติ โกจิ โลเก;
ตํ พุทฺธมนนฺตโคจรํ, อปทํ เกน ปเทน เนสฺสถ.
‘‘ยสฺส ชาลินี วิสตฺติกา, ตณฺหา นตฺถิ กุหิฺจิ เนตเว;
ตํ พุทฺธมนนฺตโคจรํ, อปทํ เกน ปเทน เนสฺสถา’’ติ. (ธ. ป. ๑๗๙-๑๘๐) –
อิมา ธมฺมปเท พุทฺธวคฺเค ทฺเว คาถา วทนฺโต ธมฺมํ กเถสิ. ตา ‘‘สจฺจํ กิร โน ปิตา อโวจ, อรหํ สุคโต โลเก น ราเคน สุวานโย’’ติอาทีนิ ¶ วตฺวา ปิตุ สนฺติกํ อคมํสุ.
ภควาปิ ตตฺถ สตฺตาหํ วีตินาเมตฺวา มุจลินฺทมูลํ อคมาสิ. ตตฺถ สตฺตาหวทฺทลิกาย อุปฺปนฺนาย สีตาทิปฏิพาหนตฺถํ มุจลินฺเทน นาคราเชน สตฺตกฺขตฺตุํ โภเคหิ ปริกฺขิตฺโต อสมฺพาธาย คนฺธกุฏิยํ วิหรนฺโต วิย วิมุตฺติสุขํ ปฏิสํเวทิยมาโน สตฺตาหํ วีตินาเมตฺวา ราชายตนํ อุปสงฺกมิ, ตตฺถาปิ วิมุตฺติสุขํ ปฏิสํเวทิยมาโนเยว นิสีทิ. เอตฺตาวตา สตฺต สตฺตาหานิ ¶ ปริปุณฺณานิ. เอตฺถนฺตเร เนว มุขโธวนํ, น สรีรปฏิชคฺคนํ, น อาหารกิจฺจํ อโหสิ, ฌานสุขผลสุเขเนว วีตินาเมสิ.
อถสฺส ตสฺมึ สตฺตสตฺตาหมตฺถเก เอกูนปฺาสติเม ทิวเส ตตฺถ นิสินฺนสฺส ‘‘มุขํ โธวิสฺสามี’’ติ จิตฺตํ อุทปาทิ. สกฺโก เทวานมินฺโท อคทหรีฏกํ อาหริตฺวา อทาสิ, สตฺถา ตํ ปริภฺุชิ, เตนสฺส สรีรวฬฺชํ อโหสิ. อถสฺส สกฺโกเยว นาคลตาทนฺตกฏฺฺเจว มุขโธวนอุทกฺจ ¶ อทาสิ. สตฺถา ตํ ทนฺตกฏฺํ ขาทิตฺวา อโนตตฺตทโหทเกน มุขํ โธวิตฺวา ตตฺเถว ราชายตนมูเล นิสีทิ.
ตสฺมึ สมเย ตปุสฺสภลฺลิกา นาม ทฺเว วาณิชา ปฺจหิ สกฏสเตหิ อุกฺกลาชนปทา มชฺฌิมเทสํ คจฺฉนฺตา อตฺตโน าติสาโลหิตาย เทวตาย สกฏานิ สนฺนิรุมฺภิตฺวา สตฺถุ อาหารสมฺปาทเน อุสฺสาหิตา มนฺถฺจ มธุปิณฺฑิกฺจ อาทาย ‘‘ปฏิคฺคณฺหาตุ โน, ภนฺเต, ภควา อิมํ อาหารํ อนุกมฺปํ อุปาทายา’’ติ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา อฏฺํสุ. ภควา ปายาสปฏิคฺคหณทิวเสเยว ปตฺตสฺส อนฺตรหิตตฺตา ‘‘น โข ตถาคตา หตฺเถสุ ปฏิคฺคณฺหนฺติ, กิมฺหิ นุ โข อหํ ปฏิคฺคณฺเหยฺย’’นฺติ จินฺเตสิ. อถสฺส จิตฺตํ ตฺวา จตูหิ ทิสาหิ จตฺตาโร มหาราชาโน อินฺทนีลมณิมเย ปตฺเต อุปนาเมสุํ, ภควา เต ปฏิกฺขิปิ. ปุน มุคฺควณฺณเสลมเย จตฺตาโร ปตฺเต อุปนาเมสุํ. ภควา จตุนฺนมฺปิ เทวปุตฺตานํ อนุกมฺปาย จตฺตาโรปิ ปตฺเต ปฏิคฺคเหตฺวา อุปรูปริ เปตฺวา ‘‘เอโก โหตู’’ติ อธิฏฺาสิ, จตฺตาโรปิ มุขวฏฺฏิยํ ปฺายมานเลขา หุตฺวา มชฺฌิเมน ปมาเณน เอกตฺตํ อุปคมึสุ. ภควา ตสฺมึ ปจฺจคฺเฆ เสลมเย ปตฺเต อาหารํ ปฏิคฺคณฺหิตฺวา ปริภฺุชิตฺวา อนุโมทนํ อกาสิ. ทฺเว ภาตโร วาณิชา พุทฺธฺจ ธมฺมฺจ สรณํ คนฺตฺวา ¶ ทฺเววาจิกา อุปาสกา อเหสุํ. อถ เนสํ ‘‘เอกํ โน, ภนฺเต, ปริจริตพฺพฏฺานํ เทถา’’ติ วทนฺตานํ ทกฺขิณหตฺเถน อตฺตโน สีสํ ปรามสิตฺวา เกสธาตุโย อทาสิ. เต อตฺตโน นคเร ตา ธาตุโย สุวณฺณสมุคฺคสฺส อนฺโต ปกฺขิปิตฺวา เจติยํ ปติฏฺาเปสุํ.
สมฺมาสมฺพุทฺโธปิ โข ตโต อุฏฺาย ปุน อชปาลนิคฺโรธเมว คนฺตฺวา นิคฺโรธมูเล นิสีทิ. อถสฺส ตตฺถ นิสินฺนมตฺตสฺเสว อตฺตนา อธิคตสฺส ธมฺมสฺส คมฺภีรตํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส สพฺพพุทฺธานํ อาจิณฺโณ ‘‘อธิคโต โข มฺยายํ ธมฺโม’’ติ ปเรสํ ธมฺมํ อเทเสตุกมฺยตาการปวตฺโต วิตกฺโก อุทปาทิ. อถ พฺรหฺมา สหมฺปติ ‘‘นสฺสติ วต โภ โลโก, วินสฺสติ วต โภ โลโก’’ติ ทสหิ จกฺกวาฬสหสฺเสหิ สกฺกสุยามสนฺตุสิตสุนิมฺมิตวสวตฺติมหาพฺรหฺมาโน ¶ อาทาย สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘เทเสตุ, ภนฺเต, ภควา ธมฺม’’นฺติอาทินา นเยน ธมฺมเทสนํ อายาจิ.
สตฺถา ¶ ตสฺส ปฏิฺํ ทตฺวา ‘‘กสฺส นุ โข อหํ ปมํ ธมฺมํ เทเสยฺย’’นฺติ จินฺเตนฺโต ‘‘อาฬาโร ปณฺฑิโต, โส อิมํ ธมฺมํ ขิปฺปํ อาชานิสฺสตี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา ปุน โอโลเกนฺโต ตสฺส สตฺตาหกาลกตภาวํ ตฺวา อุทกํ อาวชฺเชสิ. ตสฺสาปิ อภิโทสกาลกตภาวํ ตฺวา ‘‘พหูปการา โข เม ปฺจวคฺคิยา ภิกฺขู’’ติ ปฺจวคฺคิเย อารพฺภ มนสิการํ กตฺวา ‘‘กหํ นุ โข เต เอตรหิ วิหรนฺตี’’ติ อาวชฺเชนฺโต ‘‘พาราณสิยํ อิสิปตเน มิคทาเย’’ติ ตฺวา ‘‘ตตฺถ คนฺตฺวา ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตสฺสามี’’ติ กติปาหํ โพธิมณฺฑสามนฺตาเยว ปิณฺฑาย จรนฺโต วิหริตฺวา อาสาฬฺหิปุณฺณมาสิยํ ‘‘พาราณสึ คมิสฺสามี’’ติ จาตุทฺทสิยํ ปจฺจูสสมเย วิภาตาย รตฺติยา กาลสฺเสว ปตฺตจีวรมาทาย อฏฺารสโยชนมคฺคํ ปฏิปนฺโน อนฺตรามคฺเค อุปกํ นาม อาชีวกํ ทิสฺวา ตสฺส อตฺตโน พุทฺธภาวํ อาจิกฺขิตฺวา ตํ ทิวสํเยว สายนฺหสมเย อิสิปตนํ อคมาสิ.
ปฺจวคฺคิยา เถรา ตถาคตํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ อาวุโส สมโณ โคตโม ปจฺจยพาหุลฺลาย อาวตฺติตฺวา ปริปุณฺณกาโย ปีณินฺทฺริโย สุวณฺณวณฺโณ หุตฺวา อาคจฺฉติ, อิมสฺส อภิวาทนาทีนิ น กริสฺสาม, มหากุลปสุโต โข ปเนส อาสนาภิหารํ อรหติ, เตนสฺส อาสนมตฺตํ ปฺาเปสฺสามา’’ติ กติกํ อกํสุ. ภควา สเทวกสฺส โลกสฺส จิตฺตาจารํ ชานนสมตฺเถน าเณน ‘‘กึ นุ โข อิเม จินฺตยึสู’’ติ อาวชฺเชตฺวา จิตฺตํ อฺาสิ. อถ เน สพฺพเทวมนุสฺเสสุ อโนทิสฺสกวเสน ผรณสมตฺถํ ¶ เมตฺตจิตฺตํ สงฺขิปิตฺวา โอทิสฺสกวเสน เมตฺตจิตฺเตน ผริ. เต ภควตา เมตฺตจิตฺเตน ผุฏฺา ตถาคเต อุปสงฺกมนฺเต สกาย กติกาย สณฺาตุํ อสกฺโกนฺตา อภิวาทนปจฺจุฏฺานาทีนิ สพฺพกิจฺจานิ อกํสุ, สมฺมาสมฺพุทฺธภาวํ ปนสฺส อชานมานา เกวลํ นาเมน จ อาวุโสวาเทน จ สมุทาจรนฺติ.
อถ เน ภควา ‘‘มา โว, ภิกฺขเว, ตถาคตํ นาเมน จ อาวุโสวาเทน จ สมุทาจรถ, อรหํ, ภิกฺขเว, ตถาคโต สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ อตฺตโน พุทฺธภาวํ สฺาเปตฺวา ปฺตฺเต วรพุทฺธาสเน นิสินฺโน อุตฺตราสาฬฺหนกฺขตฺตโยเค วตฺตมาเน อฏฺารสหิ พฺรหฺมโกฏีหิ ปริวุโต ปฺจวคฺคิเย ¶ เถเร อามนฺเตตฺวา ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสุตฺตนฺตํ เทเสสิ. เตสุ อฺาสิโกณฺฑฺตฺเถโร เทสนานุสาเรน าณํ เปเสนฺโต สุตฺตปริโยสาเน อฏฺารสหิ พฺรหฺมโกฏีหิ สทฺธึ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาสิ. สตฺถา ตตฺเถว วสฺสํ อุปคนฺตฺวา ปุนทิวเส วปฺปตฺเถรํ โอวทนฺโต วิหาเรเยว ¶ นิสีทิ, เสสา จตฺตาโร ปิณฺฑาย จรึสุ. วปฺปตฺเถโร ปุพฺพณฺเหเยว โสตาปตฺติผลํ ปาปุณิ. เอเตเนว อุปาเยน ปุนทิวเส ภทฺทิยตฺเถรํ, ปุนทิวเส มหานามตฺเถรํ, ปุนทิวเส อสฺสชิตฺเถรนฺติ สพฺเพ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาเปตฺวา ปฺจมิยํ ปกฺขสฺส ปฺจปิ ชเน สนฺนิปาเตตฺวา อนตฺตลกฺขณสุตฺตนฺตํ (สํ. นิ. ๓.๕๙; มหาว. ๒๐ อาทโย) เทเสสิ. เทสนาปริโยสาเน ปฺจปิ เถรา อรหตฺตผเล ปติฏฺหึสุ. อถ สตฺถา ยสกุลปุตฺตสฺส อุปนิสฺสยํ ทิสฺวา ตํ รตฺติภาเค นิพฺพิชฺชิตฺวา เคหํ ปหาย นิกฺขนฺตํ ‘‘เอหิ ยสา’’ติ ปกฺโกสิตฺวา ตสฺมึเยว รตฺติภาเค โสตาปตฺติผเล, ปุนทิวเส อรหตฺเต ปติฏฺาเปตฺวา, อปเรปิ ตสฺส สหายเก จตุปณฺณาส ชเน เอหิภิกฺขุปพฺพชฺชาย ปพฺพาเชตฺวา อรหตฺตํ ปาเปสิ.
เอวํ โลเก เอกสฏฺิยา อรหนฺเตสุ ชาเตสุ สตฺถา วุตฺถวสฺโส ปวาเรตฺวา ‘‘จรถ, ภิกฺขเว, จาริก’’นฺติ สฏฺิ ภิกฺขู ทิสาสุ เปเสตฺวา สยํ อุรุเวลํ คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค กปฺปาสิกวนสณฺเฑ ตึส ชเน ภทฺทวคฺคิยกุมาเร วิเนสิ. เตสุ สพฺพปจฺฉิมโก โสตาปนฺโน, สพฺพุตฺตโม อนาคามี อโหสิ. เตปิ สพฺเพ เอหิภิกฺขุภาเวเนว ปพฺพาเชตฺวา ทิสาสุ เปเสตฺวา อุรุเวลํ คนฺตฺวา อฑฺฒุฑฺฒานิ ปาฏิหาริยสหสฺสานิ ทสฺเสตฺวา อุรุเวลกสฺสปาทโย สหสฺสชฏิลปริวาเร เตภาติกชฏิเล วิเนตฺวา เอหิภิกฺขุภาเวเนว ปพฺพาเชตฺวา คยาสีเส นิสีทาเปตฺวา อาทิตฺตปริยายเทสนาย (มหาว. ๕๔) อรหตฺเต ปติฏฺาเปตฺวา เตน อรหนฺตสหสฺเสน ปริวุโต ‘‘พิมฺพิสารรฺโ ทินฺนํ ปฏิฺํ ¶ โมเจสฺสามี’’ติ ราชคหํ คนฺตฺวา นครูปจาเร ลฏฺิวนุยฺยานํ อคมาสิ. ราชา อุยฺยานปาลสฺส สนฺติกา ‘‘สตฺถา อาคโต’’ติ สุตฺวา ทฺวาทสนหุเตหิ พฺราหฺมณคหปติเกหิ ปริวุโต สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ¶ จกฺกวิจิตฺตตเลสุ สุวณฺณปฏฺฏวิตานํ วิย ปภาสมุทยํ วิสฺสชฺชนฺเตสุ ตถาคตสฺส ปาเทสุ สิรสา นิปติตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ สทฺธึ ปริสาย.
อถ โข เตสํ พฺราหฺมณคหปติกานํ เอตทโหสิ ‘‘กึ นุ โข มหาสมโณ อุรุเวลกสฺสเป พฺรหฺมจริยํ จรติ, อุทาหุ อุรุเวลกสฺสโป มหาสมเณ’’ติ. ภควา เตสํ เจตสา เจโตปริวิตกฺกมฺาย เถรํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘กิเมว ทิสฺวา อุรุเวลวาสิ, ปหาสิ อคฺคึ กิสโก วทาโน;
ปุจฺฉามิ ตํ กสฺสป เอตมตฺถํ, กถํ ปหีนํ ตว อคฺคิหุตฺต’’นฺติ. (มหาว. ๕๕);
เถโรปิ ¶ ภควโต อธิปฺปายํ วิทิตฺวา –
‘‘รูเป จ สทฺเท จ อโถ รเส จ, กามิตฺถิโย จาภิวทนฺติ ยฺา;
เอตํ มลนฺติ อุปธีสุ ตฺวา, ตสฺมา น ยิฏฺเ น หุเต อรฺชิ’’นฺติ. (มหาว. ๕๕) –
อิมํ คาถํ วตฺวา อตฺตโน สาวกภาวปกาสนตฺถํ ตถาคตสฺส ปาทปิฏฺเ สีสํ เปตฺวา ‘‘สตฺถา เม, ภนฺเต, ภควา, สาวโกหมสฺมี’’ติ วตฺวา เอกตาลํ ทฺวิตาลํ ติตาลนฺติ ยาว สตฺตตาลปฺปมาณํ สตฺตกฺขตฺตุํ เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา โอรุยฺห ตถาคตํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. ตํ ปาฏิหาริยํ ทิสฺวา มหาชโน ‘‘อโห มหานุภาวา พุทฺธา, เอวํ ถามคตทิฏฺิโก นาม ‘อรหา’ติ มฺมาโน อุรุเวลกสฺสโปปิ ทิฏฺิชาลํ ภินฺทิตฺวา ตถาคเตน ทมิโต’’ติ สตฺถุ คุณกถํเยว กเถสิ. ภควา ‘‘นาหํ อิทานิเยว อุรุเวลกสฺสปํ ทเมมิ, อตีเตปิ เอส มยา ทมิโตเยวา’’ติ วตฺวา อิมิสฺสา อฏฺุปฺปตฺติยา มหานารทกสฺสปชาตกํ (ชา. ๒.๒๒.๕๔๕ อาทโย) กเถตฺวา จตฺตาริ สจฺจานิ ปกาเสสิ. มคธราชา เอกาทสหิ นหุเตหิ สทฺธึ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาสิ, เอกํ นหุตํ อุปาสกตฺตํ ปฏิเวเทสิ. ราชา ¶ สตฺถุ สนฺติเก นิสินฺโนเยว ปฺจ อสฺสาสเก ปเวเทตฺวา ¶ สรณํ คนฺตฺวา สฺวาตนาย นิมนฺเตตฺวา อาสนา วุฏฺาย ภควนฺตํ ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิ.
ปุนทิวเส เยหิ จ ภควา ทิฏฺโ, เยหิ จ อทิฏฺโ, สพฺเพปิ ราชคหวาสิโน อฏฺารสโกฏิสงฺขา มนุสฺสา ตถาคตํ ทฏฺุกามา ปาโตว ราชคหโต ลฏฺิวนุยฺยานํ อคมํสุ. ติคาวุโต มคฺโค นปฺปโหสิ, สกลลฏฺิวนุยฺยานํ นิรนฺตรํ ผุฏํ อโหสิ. มหาชโน ทสพลสฺส รูปโสภคฺคปฺปตฺตํ อตฺตภาวํ ปสฺสนฺโต ติตฺตึ กาตุํ นาสกฺขิ. วณฺณภูมิ นาเมสา. เอวรูเปสุ หิ าเนสุ ตถาคตสฺส ลกฺขณานุพฺยฺชนาทิปฺปเภทา สพฺพาปิ รูปกายสิรี วณฺเณตพฺพา. เอวํ รูปโสภคฺคปฺปตฺตํ ทสพลสฺส สรีรํ ปสฺสมาเนน มหาชเนน นิรนฺตรํ ผุเฏ อุยฺยาเน จ มคฺเค จ เอกภิกฺขุสฺสปิ นิกฺขมโนกาโส นาโหสิ. ตํ ทิวสํ กิร ภควา ฉินฺนภตฺโต ภเวยฺย, ตํ มา อโหสีติ สกฺกสฺส นิสินฺนาสนํ อุณฺหาการํ ทสฺเสสิ. โส อาวชฺชมาโน ตํ การณํ ตฺวา มาณวกวณฺณํ อภินิมฺมินิตฺวา พุทฺธธมฺมสงฺฆปฏิสํยุตฺตา ถุติโย วทมาโน ทสพลสฺส ปุรโต โอตริตฺวา เทวตานุภาเวน โอกาสํ กตฺวา –
‘‘ทนฺโต ทนฺเตหิ สห ปุราณชฏิเลหิ, วิปฺปมุตฺโต วิปฺปมุตฺเตหิ;
สิงฺคีนิกฺขสวณฺโณ, ราชคหํ ปาวิสิ ภควา.
‘‘มุตฺโต ¶ มุตฺเตหิ สห ปุราณชฏิเลหิ, วิปฺปมุตฺโต วิปฺปมุตฺเตหิ;
สิงฺคีนิกฺขสวณฺโณ, ราชคหํ ปาวิสิ ภควา.
‘‘ติณฺโณ ติณฺเณหิ สห ปุราณชฏิเลหิ, วิปฺปมุตฺโต วิปฺปมุตฺเตหิ;
สิงฺคีนิกฺขสวณฺโณ, ราชคหํ ปาวิสิ ภควา.
‘‘ทสวาโส ¶ ทสพโล, ทสธมฺมวิทู ทสภิ จุเปโต;
โส ทสสตปริวาโร, ราชคหํ ปาวิสิ ภควา’’ติ. (มหาว. ๕๘) –
อิมาหิ คาถาหิ สตฺถุ วณฺณํ วทมาโน ปุรโต ปายาสิ. ตทา มหาชโน มาณวกสฺส รูปสิรึ ทิสฺวา ‘‘อติวิย อภิรูโป อยํ มาณวโก, น โข ปน อมฺเหหิ ทิฏฺปุพฺโพ’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘กุโต อยํ มาณวโก, กสฺส วาย’’นฺติ อาห. ตํ สุตฺวา มาณโว –
‘‘โย ธีโร สพฺพธิ ทนฺโต, สุทฺโธ อปฺปฏิปุคฺคโล;
อรหํ สุคโต โลเก, ตสฺสาหํ ปริจารโก’’ติ. (มหาว. ๕๘) – คาถมาห;
สตฺถา สกฺเกน กโตกาสํ มคฺคํ ปฏิปชฺชิตฺวา ภิกฺขุสหสฺสปริวุโต ¶ ราชคหํ ปาวิสิ. ราชา พุทฺธปฺปมุขสฺส สงฺฆสฺส มหาทานํ ทตฺวา ‘‘อหํ, ภนฺเต, ตีณิ รตนานิ วินา วตฺติตุํ น สกฺขิสฺสามิ, เวลาย วา อเวลาย วา ภควโต สนฺติกํ อาคมิสฺสามิ, ลฏฺิวนุยฺยานํ นาม อติทูเร, อิทํ ปน อมฺหากํ เวฬุวนํ นาม อุยฺยานํ นาติทูเร นาจฺจาสนฺเน คมนาคมนสมฺปนฺนํ พุทฺธารหํ เสนาสนํ. อิทํ เม ภควา ปฏิคฺคณฺหาตู’’ติ สุวณฺณภิงฺกาเรน ปุปฺผคนฺธวาสิตํ มณิวณฺณํ อุทกํ อาทาย เวฬุวนุยฺยานํ ปริจฺจชนฺโต ทสพลสฺส หตฺเถ อุทกํ ปาเตสิ. ตสฺมึ อารามปฏิคฺคหเณ ‘‘พุทฺธสาสนสฺส มูลานิ โอติณฺณานี’’ติ มหาปถวี กมฺปิ. ชมฺพุทีปสฺมิฺหิ เปตฺวา เวฬุวนํ อฺํ มหาปถวึ กมฺเปตฺวา คหิตเสนาสนํ นาม นตฺถิ. ตมฺพปณฺณิทีเปปิ เปตฺวา มหาวิหารํ อฺํ ปถวึ กมฺเปตฺวา คหิตเสนาสนํ นาม นตฺถิ. สตฺถา เวฬุวนารามํ ปฏิคฺคเหตฺวา รฺโ อนุโมทนํ กตฺวา อุฏฺายาสนา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต เวฬุวนํ อคมาสิ.
ตสฺมึ โข ปน สมเย สาริปุตฺโต จ โมคฺคลฺลาโน จาติ ทฺเว ปริพฺพาชกา ราชคหํ อุปนิสฺสาย วิหรนฺติ อมตํ ปริเยสมานา. เตสุ สาริปุตฺโต อสฺสชิตฺเถรํ ปิณฺฑาย ปวิฏฺํ ทิสฺวา ¶ ปสนฺนจิตฺโต ปยิรุปาสิตฺวา ¶ ‘‘เย ธมฺมา เหตุปฺปภวา’’ติ คาถํ สุตฺวา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาย อตฺตโน สหายกสฺส โมคฺคลฺลานปริพฺพาชกสฺสปิ ตเมว คาถํ อภาสิ. โสปิ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาสิ. เต อุโภปิ ชนา สฺจยํ โอโลเกตฺวา อตฺตโน ปริสาย สทฺธึ ภควโต สนฺติเก ปพฺพชึสุ. เตสุ มหาโมคฺคลฺลาโน สตฺตาเหน อรหตฺตํ ปาปุณิ, สาริปุตฺตตฺเถโร อฑฺฒมาเสน. อุโภปิ จ เน สตฺถา อคฺคสาวกฏฺาเน เปสิ. สาริปุตฺตตฺเถเรน อรหตฺตปฺปตฺตทิวเสเยว สาวกสนฺนิปาตํ อกาสิ.
ตถาคเต ปน ตสฺมึเยว เวฬุวนุยฺยาเน วิหรนฺเต สุทฺโธทนมหาราชา ‘‘ปุตฺโต กิร เม ฉพฺพสฺสานิ ทุกฺกรการิกํ จริตฺวา ปรมาภิสมฺโพธึ ปตฺวา ปวตฺตวรธมฺมจกฺโก ราชคหํ อุปนิสฺสาย เวฬุวเน วิหรตี’’ติ สุตฺวา อฺตรํ อมจฺจํ อามนฺเตสิ ‘‘เอหิ, ภเณ, ปุริสสหสฺสปริวาโร ราชคหํ คนฺตฺวา มม วจเนน ‘ปิตา โว สุทฺโธทนมหาราชา ทฏฺุกาโม’ติ วตฺวา ปุตฺตํ เม คณฺหิตฺวา เอหี’’ติ อาห. โส ‘‘เอวํ, เทวา’’ติ รฺโ วจนํ สิรสา สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ปุริสสหสฺสปริวาโร ขิปฺปเมว สฏฺิโยชนมคฺคํ คนฺตฺวา ทสพลสฺส จตุปริสมชฺเฌ นิสีทิตฺวา ธมฺมเทสนาเวลาย วิหารํ ปาวิสิ. โส ‘‘ติฏฺตุ ตาว รฺโ ปหิตสาสน’’นฺติ ปริยนฺเต ิโต สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ยถาิโตว สทฺธึ ปุริสสหสฺเสน ¶ อรหตฺตํ ปตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิ. ภควา ‘‘เอถ ภิกฺขโว’’ติ หตฺถํ ปสาเรสิ, สพฺเพ ตงฺขณํเยว อิทฺธิมยปตฺตจีวรธรา สฏฺิวสฺสตฺเถรา วิย อเหสุํ. อรหตฺตํ ปตฺตกาลโต ปฏฺาย ปน อริยา นาม มชฺฌตฺตาว โหนฺตีติ โส รฺา ปหิตสาสนํ ทสพลสฺส น กเถสิ. ราชา ‘‘เนว คโต อาคจฺฉติ, น สาสนํ สุยฺยตี’’ติ ‘‘เอหิ, ภเณ, ตฺวํ คจฺฉาหี’’ติ เตเนว นิยาเมน อฺํ อมจฺจํ เปเสสิ. โสปิ คนฺตฺวา ปุริมนเยเนว สทฺธึ ปริสาย อรหตฺตํ ปตฺวา ตุณฺหี อโหสิ. ราชา เอเตเนว นิยาเมน ปุริสสหสฺสปริวาเร นว อมจฺเจ เปเสสิ, สพฺเพ อตฺตโน กิจฺจํ นิฏฺาเปตฺวา ตุณฺหีภูตา ตตฺเถว วิหรึสุ.
ราชา ¶ สาสนมตฺตมฺปิ อาหริตฺวา อาจิกฺขนฺตํ อลภิตฺวา จินฺเตสิ ‘‘เอตฺตกา ชนา มยิ สิเนหาภาเวน สาสนมตฺตมฺปิ น ปจฺจาหรึสุ, โก นุ โข มม วจนํ กริสฺสตี’’ติ สพฺพํ ราชพลํ โอโลเกนฺโต กาฬุทายึ อทฺทส. โส กิร รฺโ สพฺพตฺถสาธโก อมจฺโจ อพฺภนฺตริโก อติวิสฺสาสิโก โพธิสตฺเตน สทฺธึ เอกทิวเส ชาโต สหปํสุกีฬโก สหาโย. อถ นํ ราชา อามนฺเตสิ ‘‘ตาต, กาฬุทายิ อหํ มม ปุตฺตํ ปสฺสิตุกาโม นว ปุริสสหสฺสานิ เปเสสึ, เอกปุริโสปิ อาคนฺตฺวา สาสนมตฺตํ อาโรเจนฺโตปิ นตฺถิ, ทุชฺชาโน โข ปน ชีวิตนฺตราโย, อหํ ชีวมาโนว ปุตฺตํ ทฏฺุํ อิจฺฉามิ, สกฺขิสฺสสิ นุ โข เม ปุตฺตํ ¶ ทสฺเสตุ’’นฺติ. สกฺขิสฺสามิ, เทว, สเจ ปพฺพชิตุํ ลภิสฺสามีติ. ตาต, ตฺวํ ปพฺพชิตฺวา วา อปพฺพชิตฺวา วา มยฺหํ ปุตฺตํ ทสฺเสหีติ. โส ‘‘สาธุ, เทวา’’ติ รฺโ สาสนํ อาทาย ราชคหํ คนฺตฺวา สตฺถุ ธมฺมเทสนาเวลาย ปริสปริยนฺเต ิโต ธมฺมํ สุตฺวา สปริวาโร อรหตฺตผลํ ปตฺวา เอหิภิกฺขุภาเว ปติฏฺาสิ.
สตฺถา พุทฺโธ หุตฺวา ปมํ อนฺโตวสฺสํ อิสิปตเน วสิตฺวา วุตฺถวสฺโส ปวาเรตฺวา อุรุเวลํ คนฺตฺวา ตตฺถ ตโย มาเส วสนฺโต เตภาติกชฏิเล วิเนตฺวา ภิกฺขุสหสฺสปริวาโร ผุสฺสมาสปุณฺณมายํ ราชคหํ คนฺตฺวา ทฺเว มาเส วสิ. เอตฺตาวตา พาราณสิโต นิกฺขนฺตสฺส ปฺจ มาสา ชาตา, สกโล เหมนฺโต อติกฺกนฺโต. กาฬุทายิตฺเถรสฺส อาคตทิวสโต สตฺตฏฺ ทิวสา วีติวตฺตา, โส ผคฺคุณีปุณฺณมาสิยํ จินฺเตสิ ‘‘อติกฺกนฺโต เหมนฺโต, วสนฺตสมโย อนุปฺปตฺโต, มนุสฺเสหิ สสฺสาทีนิ อุทฺธริตฺวา สมฺมุขสมฺมุขฏฺาเนหิ มคฺคา ทินฺนา, หริตติณสฺฉนฺนา ปถวี, สุปุปฺผิตา วนสณฺฑา, ปฏิปชฺชนกฺขมา มคฺคา, กาโล ทสพลสฺส าติสงฺคหํ กาตุ’’นฺติ. อถ ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา –
‘‘องฺคาริโน ¶ ทานิ ทุมา ภทนฺเต, ผเลสิโน ฉทนํ วิปฺปหาย;
เต อจฺจิมนฺโตว ปภาสยนฺติ, สมโย มหาวีร องฺคีรสานํ…เป….
‘‘นาติสีตํ ¶ นาติอุณฺหํ, นาติทุพฺภิกฺขฉาตกํ;
สทฺทลา หริตา ภูมิ, เอส กาโล มหามุนี’’ติ. –
สฏฺิมตฺตาหิ คาถาหิ ทสพลสฺส กุลนครํ คมนตฺถาย คมนวณฺณํ วณฺเณสิ. อถ นํ สตฺถา ‘‘กึ นุ โข อุทายิ มธุรสฺสเรน คมนวณฺณํ วณฺเณสี’’ติ อาห. ภนฺเต, ตุมฺหากํ ปิตา สุทฺโธทนมหาราชา ปสฺสิตุกาโม, กโรถ าตกานํ สงฺคหนฺติ. สาธุ อุทายิ, กริสฺสามิ าตกานํ สงฺคหํ, ภิกฺขุสงฺฆสฺส อาโรเจหิ, คมิกวตฺตํ ปูเรสฺสนฺตีติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ เถโร เตสํ อาโรเจสิ.
ภควา องฺคมคธวาสีนํ กุลปุตฺตานํ ทสหิ สหสฺเสหิ, กปิลวตฺถุวาสีนํ ทสหิ สหสฺเสหีติ สพฺเพเหว วีสติสหสฺเสหิ ขีณาสวภิกฺขูหิ ปริวุโต ราชคหา นิกฺขมิตฺวา ทิวเส ทิวเส โยชนํ คจฺฉติ. ‘‘ราชคหโต สฏฺิโยชนํ กปิลวตฺถุํ ทฺวีหิ มาเสหิ ปาปุณิสฺสามี’’ติ อตุริตจาริกํ ปกฺกามิ. เถโรปิ ‘‘ภควโต นิกฺขนฺตภาวํ รฺโ อาโรเจสฺสามี’’ติ ¶ เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา รฺโ นิเวสเน ปาตุรโหสิ. ราชา เถรํ ทิสฺวา ตุฏฺจิตฺโต มหารเห ปลฺลงฺเก นิสีทาเปตฺวา อตฺตโน ปฏิยาทิตสฺส นานคฺครสโภชนสฺส ปตฺตํ ปูเรตฺวา อทาสิ. เถโร อุฏฺาย คมนาการํ ทสฺเสสิ. นิสีทิตฺวา ภฺุชถ, ตาตาติ. สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ภฺุชิสฺสามิ, มหาราชาติ. กหํ ปน, ตาต, สตฺถาติ? วีสติสหสฺสภิกฺขุปริวาโร ตุมฺหากํ ทสฺสนตฺถาย จาริกํ นิกฺขนฺโต, มหาราชาติ. ราชา ตุฏฺมานโส อาห ‘‘ตุมฺเห อิมํ ปริภฺุชิตฺวา ยาว มม ปุตฺโต อิมํ นครํ ปาปุณาติ, ตาวสฺส อิโตว ปิณฺฑปาตํ หรถา’’ติ. เถโร อธิวาเสสิ. ราชา เถรํ ปริวิสิตฺวา ปตฺตํ คนฺธจุณฺเณน อุพฺพฏฺเฏตฺวา อุตฺตมโภชนสฺส ปูเรตฺวา ‘‘ตถาคตสฺส เทถา’’ติ เถรสฺส หตฺเถ ปติฏฺาเปสิ. เถโร สพฺเพสํ ปสฺสนฺตานํเยว ปตฺตํ อากาเส ขิปิตฺวา สยมฺปิ เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ปิณฺฑปาตํ อาหริตฺวา สตฺถุ หตฺเถ เปสิ. สตฺถา ตํ ปริภฺุชิ. เอเตนุปาเยน เถโร ทิวเส ทิวเส อาหริ, สตฺถาปิ อนฺตรามคฺเค รฺโเยว ปิณฺฑปาตํ ปริภฺุชิ. เถโรปิ ภตฺตกิจฺจาวสาเน ทิวเส ทิวเส ‘‘อชฺช เอตฺตกํ ภควา อาคโต, อชฺช เอตฺตก’’นฺติ ¶ พุทฺธคุณปฏิสํยุตฺตาย กถาย สกลํ ราชกุลํ สตฺถุ ทสฺสนํ วินาเยว สตฺถริ สฺชาตปฺปสาทํ อกาสิ. เตเนว นํ ภควา ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ¶ ภิกฺขูนํ กุลปฺปสาทกานํ ยทิทํ กาฬุทายี’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๑๙, ๒๒๕) เอตทคฺเค เปสิ.
สากิยาปิ โข ‘‘อนุปฺปตฺเต ภควติ อมฺหากํ าติเสฏฺํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ สนฺนิปติตฺวา ภควโต วสนฏฺานํ วีมํสมานา ‘‘นิคฺโรธสกฺกสฺส อาราโม รมณีโย’’ติ สลฺลกฺเขตฺวา ตตฺถ สพฺพํ ปฏิชคฺคนวิธึ กาเรตฺวา คนฺธปุปฺผหตฺถา ปจฺจุคฺคมนํ กโรนฺตา สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิเต ทหรทหเร นาครทารเก จ นาครทาริกาโย จ ปมํ ปหิณึสุ, ตโต ราชกุมาเร จ ราชกุมาริกาโย จ, เตสํ อนนฺตรํ สามํ คนฺธปุปฺผจุณฺณาทีหิ ปูชยมานา ภควนฺตํ คเหตฺวา นิคฺโรธารามเมว อคมํสุ. ตตฺร ภควา วีสติสหสฺสขีณาสวปริวุโต ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสีทิ. สากิยา นาม มานชาติกา มานตฺถทฺธา, เต ‘‘สิทฺธตฺถกุมาโร อมฺเหหิ ทหรตโร, อมฺหากํ กนิฏฺโ, ภาคิเนยฺโย, ปุตฺโต, นตฺตา’’ติ จินฺเตตฺวา ทหรทหเร ราชกุมาเร อาหํสุ ‘‘ตุมฺเห วนฺทถ, มยํ ตุมฺหากํ ปิฏฺิโต นิสีทิสฺสามา’’ติ.
เตสุ เอวํ อวนฺทิตฺวา นิสินฺเนสุ ภควา เตสํ อชฺฌาสยํ โอโลเกตฺวา ‘‘น มํ าตโย วนฺทนฺติ, หนฺท ทานิ เน วนฺทาเปสฺสามี’’ติ อภิฺาปาทกํ จตุตฺถชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา ตโต วุฏฺาย อากาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา เตสํ สีเส ปาทปํสุํ โอกิรมาโน วิย กณฺฑมฺพรุกฺขมูเล ยมกปาฏิหาริยสทิสํ ปาฏิหาริยํ อกาสิ. ราชา ตํ อจฺฉริยํ ทิสฺวา อาห – ‘‘ภควา ตุมฺหากํ ¶ ชาตทิวเส กาฬเทวลสฺส วนฺทนตฺถํ อุปนีตานํ ปาเท โว ปริวตฺติตฺวา พฺราหฺมณสฺส มตฺถเก ปติฏฺิเต ทิสฺวาปิ อหํ ตุมฺเห วนฺทึ, อยํ เม ปมวนฺทนา. วปฺปมงฺคลทิวเส ชมฺพุจฺฉายาย สิริสยเน นิสินฺนานํ โว ชมฺพุจฺฉายาย อปริวตฺตนํ ทิสฺวาปิ ปาเท วนฺทึ, อยํ เม ทุติยวนฺทนา. อิทานิ อิมํ อทิฏฺปุพฺพํ ปาฏิหาริยํ ทิสฺวาปิ อหํ ตุมฺหากํ ปาเท วนฺทามิ, อยํ เม ตติยวนฺทนา’’ติ. รฺา ปน วนฺทิเต ภควนฺตํ อวนฺทิตฺวา าตุํ สมตฺโถ นาม เอกสากิโยปิ นาโหสิ, สพฺเพ วนฺทึสุเยว.
อิติ ภควา าตโย วนฺทาเปตฺวา อากาสโต โอตริตฺวา ปฺตฺตาสเน นิสีทิ. นิสินฺเน ภควติ สิขาปตฺโต าติสมาคโม อโหสิ ¶ , สพฺเพ เอกคฺคจิตฺตา หุตฺวา นิสีทึสุ. ตโต มหาเมโฆ โปกฺขรวสฺสํ วสฺสิ. ตมฺพวณฺณํ อุทกํ เหฏฺา วิรวนฺตํ คจฺฉติ, เตมิตุกาโมว เตเมติ, อเตมิตุกามสฺส สรีเร เอกพินฺทุมตฺตมฺปิ น ปตติ. ตํ ทิสฺวา สพฺเพ อจฺฉริยพฺภุตจิตฺตชาตา ‘‘อโห อจฺฉริยํ, อโห อพฺภุต’’นฺติ กถํ สมุฏฺาเปสุํ. สตฺถา ‘‘น อิทาเนว ¶ มยฺหํ าติสมาคเม โปกฺขรวสฺสํ วสฺสติ, อตีเตปิ วสฺสี’’ติ อิมิสฺสา อฏฺุปฺปตฺติยา เวสฺสนฺตรชาตกํ กเถสิ. ธมฺมเทสนํ สุตฺวา สพฺเพ อุฏฺาย วนฺทิตฺวา ปกฺกมึสุ. เอโกปิ ราชา วา ราชมหามตฺโต วา ‘‘สฺเว อมฺหากํ ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ วตฺวา คโต นาม นตฺถิ.
สตฺถา ปุนทิวเส วีสติสหสฺสภิกฺขุปริวุโต กปิลวตฺถุํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. ตํ น โกจิ คนฺตฺวา นิมนฺเตสิ, ปตฺตํ วา อคฺคโหสิ. ภควา อินฺทขีเล ิโตว อาวชฺเชสิ ‘‘กถํ นุ โข ปุพฺพพุทฺธา กุลนคเร ปิณฺฑาย จรึสุ, กึ อุปฺปฏิปาฏิยา อิสฺสรชนานํ ฆรานิ อคมํสุ, อุทาหุ สปทานจาริกํ จรึสู’’ติ. ตโต เอกพุทฺธสฺสปิ อุปฺปฏิปาฏิยา คมนํ อทิสฺวา ‘‘มยาปิ อิทานิ อยเมว วํโส, อยํ ปเวณี ปคฺคเหตพฺพา, อายติฺจ เม สาวกาปิ มมฺเว อนุสิกฺขนฺตา ปิณฺฑจาริกวตฺตํ ปริปูเรสฺสนฺตี’’ติ โกฏิยํ นิวิฏฺเคหโต ปฏฺาย สปทานํ ปิณฺฑาย จริ. ‘‘อยฺโย กิร สิทฺธตฺถกุมาโร ปิณฺฑาย จรตี’’ติ ทฺวิภูมกติภูมกาทีสุ ปาสาเทสุ สีหปฺชเร วิวริตฺวา มหาชโน ทสฺสนพฺยาวโฏ อโหสิ.
ราหุลมาตาปิ เทวี ‘‘อยฺยปุตฺโต กิร อิมสฺมึเยว นคเร มหนฺเตน ราชานุภาเวน สุวณฺณสิวิกาทีหิ วิจริตฺวา อิทานิ เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา กาสายวตฺถวสโน กปาลหตฺโถ ปิณฺฑาย จรติ, โสภติ นุ โข’’ติ สีหปฺชรํ วิวริตฺวา โอโลกยมานา ภควนฺตํ นานาวิราคสมุชฺชลาย สรีรปฺปภาย นครวีถิโย โอภาเสตฺวา พฺยามปฺปภาปริกฺเขปสมงฺคีภูตาย อสีติอนุพฺยฺชนาวภาสิตาย ¶ ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณปฏิมณฺฑิตาย อโนปมาย พุทฺธสิริยา วิโรจมานํ ทิสฺวา อุณฺหีสโต ปฏฺาย ยาว ปาทตลา –
‘‘สินิทฺธนีลมุทุกฺุจิตเกโส ¶ , สูริยนิมฺมลตลาภินลาโฏ;
ยุตฺตตุงฺคมุทุกายตนาโส, รํสิชาลวิตโต นรสีโห.
‘‘จกฺกวรงฺกิตรตฺตสุปาโท, ลกฺขณมณฺฑิตอายตปณฺหิ;
จามริหตฺถวิภูสิตปณฺโห, เอส หิ ตุยฺหํ ปิตา นรสีโห.
‘‘สกฺยกุมาโร วรโท สุขุมาโล, ลกฺขณวิจิตฺตปสนฺนสรีโร;
โลกหิตาย อาคโต นรวีโร, เอส หิ ตุยฺหํ ปิตา นรสีโห.
‘‘อายตยุตฺตสุสณฺิตโสโต, โคปขุโม อภินีลเนตฺโต;
อินฺทธนุอภินีลภมุโก, เอส หิ ตุยฺหํ ปิตา นรสีโห.
‘‘ปุณฺณจนฺทนิโภ มุขวณฺโณ, เทวนรานํ ปิโย นรนาโค;
มตฺตคชินฺทวิลาสิตคามี, เอส หิ ตุยฺหํ ปิตา นรสีโห.
‘‘สินิทฺธสุคมฺภีรมฺชุสโฆโส, หิงฺคุลวณฺณรตฺตสุชิวฺโห;
วีสติวีสติเสตสุทนฺโต, เอส หิ ตุยฺหํ ปิตา นรสีโห.
‘‘ขตฺติยสมฺภวอคฺคกุลินฺโท, เทวมนุสฺสนมสฺสิตปาโท;
สีลสมาธิปติฏฺิตจิตฺโต, เอส หิ ตุยฺหํ ปิตา นรสีโห.
‘‘วฏฺฏสุวฏฺฏสุสณฺิตคีโว ¶ , สีหหนุมิคราชสรีโร;
กฺจนสุจฺฉวิอุตฺตมวณฺโณ, เอส หิ ตุยฺหํ ปิตา นรสีโห.
‘‘อฺชนสมวณฺณสุนีลเกโส, กฺจนปฏฺฏวิสุทฺธนลาโฏ;
โอสธิปณฺฑรสุทฺธสุอุณฺโณ, เอส หิ ตุยฺหํ ปิตา นรสีโห.
‘‘คจฺฉนฺโตนิลปเถ ¶ วิย จนฺโท, ตาราคณปริวฑฺฒิตรูโป;
สาวกมชฺฌคโต สมณินฺโท, เอส หิ ตุยฺหํ ปิตา นรสีโห’’ติ. –
เอวมิมาหิ ทสหิ นรสีหคาถาหิ นาม อภิตฺถวิตฺวา ‘‘ตุมฺหากํ ปุตฺโต กิร อิทานิ ปิณฺฑาย จรตี’’ติ รฺโ อาโรเจสิ. ราชา สํวิคฺคหทโย หตฺเถน สาฏกํ สณฺเปนฺโต ตุริตตุริตํ นิกฺขมิตฺวา เวเคน คนฺตฺวา ภควโต ปุรโต ตฺวา อาห – ‘‘กึ, ภนฺเต, อมฺเห ลชฺชาเปถ, กิมตฺถํ ปิณฺฑาย จรถ, กึ ‘เอตฺตกานํ ภิกฺขูนํ น สกฺกา ภตฺตํ ลทฺธุ’นฺติ สฺํ ¶ กริตฺถา’’ติ. วํสจาริตฺตเมตํ, มหาราช, อมฺหากนฺติ. นนุ, ภนฺเต, อมฺหากํ มหาสมฺมตขตฺติยวํโส นาม วํโส, ตตฺถ จ เอกขตฺติโยปิ ภิกฺขาจโร นาม นตฺถีติ. ‘‘อยํ, มหาราช, ราชวํโส นาม ตว วํโส, อมฺหากํ ปน ทีปงฺกโร โกณฺฑฺโ…เป… กสฺสโปติ อยํ พุทฺธวํโส นาม. เอเต จ อฺเ จ อเนกสหสฺสสงฺขา พุทฺธา ภิกฺขาจรา, ภิกฺขาจาเรเนว ชีวิกํ กปฺเปสุ’’นฺติ อนฺตรวีถิยํ ิโตว –
‘‘อุตฺติฏฺเ นปฺปมชฺเชยฺย, ธมฺมํ สุจริตํ จเร;
ธมฺมจารี สุขํ เสติ, อสฺมึ โลเก ปรมฺหิ จา’’ติ. (ธ. ป. ๑๖๘) –
อิมํ คาถมาห. คาถาปริโยสาเน ราชา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาสิ.
‘‘ธมฺมํ จเร สุจริตํ, น นํ ทุจฺจริตํ จเร;
ธมฺมจารี สุขํ เสติ, อสฺมึ โลเก ปรมฺหิ จา’’ติ. (ธ. ป. ๑๖๙) –
อิมํ ¶ ปน คาถํ สุตฺวา สกทาคามิผเล ปติฏฺาสิ. มหาธมฺมปาลชาตกํ (ชา. ๑.๑๐.๙๒ อาทโย) สุตฺวา อนาคามิผเล ปติฏฺาสิ, มรณสมเย เสตจฺฉตฺตสฺส เหฏฺา สิริสยเน นิปนฺโนเยว อรหตฺตํ ปาปุณิ. อรฺวาเสน ปน ปธานานุโยคกิจฺจํ รฺโ นาโหสิ. โสตาปตฺติผลํ สจฺฉิกตฺวาเยว ปน ภควโต ปตฺตํ คเหตฺวา สปริสํ ภควนฺตํ มหาปาสาทํ อาโรเปตฺวา ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน ปริวิสิ. ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน สพฺพํ อิตฺถาคารํ อาคนฺตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิ เปตฺวา ราหุลมาตรํ. สา ปน ‘‘คจฺฉ, อยฺยปุตฺตํ วนฺทาหี’’ติ ปริชเนน วุจฺจมานาปิ ‘‘สเจ มยฺหํ คุโณ อตฺถิ, สยเมว มม สนฺติกํ อยฺยปุตฺโต อาคมิสฺสติ, อาคตเมว นํ วนฺทิสฺสามี’’ติ วตฺวา น อคมาสิ.
ภควา ¶ ราชานํ ปตฺตํ คาหาเปตฺวา ทฺวีหิ อคฺคสาวเกหิ สทฺธึ ราชธีตาย สิริคพฺภํ คนฺตฺวา ‘‘ราชธีตา ยถารุจิ วนฺทมานา น กิฺจิ วตฺตพฺพา’’ติ วตฺวา ปฺตฺตาสเน นิสีทิ. สา เวเคนาคนฺตฺวา โคปฺผเกสุ คเหตฺวา ปาทปิฏฺิยํ สีสํ ปริวตฺเตตฺวา ยถาอชฺฌาสยํ วนฺทิ. ราชา ราชธีตาย ภควติ สิเนหพหุมานาทิคุณสมฺปตฺติโย กเถสิ ‘‘ภนฺเต, มม ธีตา ‘ตุมฺเหหิ กาสายานิ วตฺถานิ นิวาสิตานี’ติ ¶ สุตฺวา ตโต ปฏฺาย กาสายวตฺถนิวตฺถา ชาตา, ตุมฺหากํ เอกภตฺติกภาวํ สุตฺวา เอกภตฺติกาว ชาตา, ตุมฺเหหิ มหาสยนสฺส ฉฑฺฑิตภาวํ สุตฺวา ปฏฺฏิกามฺจเกเยว นิปนฺนา, ตุมฺหากํ มาลาคนฺธาทีหิ วิรตภาวํ ตฺวา วิรตมาลาคนฺธาว ชาตา, อตฺตโน าตเกหิ ‘มยํ ปฏิชคฺคิสฺสามา’ติ สาสเน เปสิเตปิ เอกาตกมฺปิ น โอโลเกสิ, เอวํ คุณสมฺปนฺนา เม ธีตา ภควา’’ติ. ‘‘อนจฺฉริยํ, มหาราช, ยํ อิทานิ ตยา รกฺขิยมานา ราชธีตา ปริปกฺเก าเณ อตฺตานํ รกฺเขยฺย, เอสา ปุพฺเพ อนารกฺขา ปพฺพตปาเท วิจรมานา อปริปกฺเก าเณ อตฺตานํ รกฺขี’’ติ วตฺวา จนฺทกินฺนรีชาตกํ (ชา. ๑.๑๔.๑๘ อาทโย) กเถตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกามิ.
ทุติยทิวเส ปน นนฺทสฺส ราชกุมารสฺส อภิเสกเคหปฺปเวสนวิวาหมงฺคเลสุ วตฺตมาเนสุ ตสฺส เคหํ คนฺตฺวา กุมารํ ปตฺตํ คาหาเปตฺวา ปพฺพาเชตุกาโม มงฺคลํ วตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกามิ. ชนปทกลฺยาณี กุมารํ คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘ตุวฏํ โข, อยฺยปุตฺต, อาคจฺเฉยฺยาสี’’ติ วตฺวา ¶ คีวํ ปสาเรตฺวา โอโลเกสิ. โสปิ ภควนฺตํ ‘‘ปตฺตํ คณฺหถา’’ติ วตฺตุํ อวิสหมาโน วิหารํเยว อคมาสิ, ตํ อนิจฺฉมานํเยว ภควา ปพฺพาเชสิ. อิติ ภควา กปิลวตฺถุํ คนฺตฺวา ตติยทิวเส นนฺทํ ปพฺพาเชสิ.
สตฺตเม ทิวเส ราหุลมาตา กุมารํ อลงฺกริตฺวา ภควโต สนฺติกํ เปเสสิ ‘‘ปสฺส, ตาต, เอตํ วีสติสหสฺสสมณปริวุตํ สุวณฺณวณฺณํ พฺรหฺมรูปวณฺณํ สมณํ, อยํ เต ปิตา, เอตสฺส มหนฺตา นิธโย อเหสุํ, ตฺยาสฺส นิกฺขมนกาลโต ปฏฺาย น ปสฺสาม, คจฺฉ, นํ ทายชฺชํ ยาจาหิ – ‘อหํ ตาต กุมาโร อภิเสกํ ปตฺวา จกฺกวตฺตี ภวิสฺสามิ, ธเนน เม อตฺโถ, ธนํ เม เทหิ. สามิโก หิ ปุตฺโต ปิตุ สนฺตกสฺสา’ติ’’. กุมาโร จ ภควโต สนฺติกํ คนฺตฺวา ปิตุ สิเนหํ ปฏิลภิตฺวา หฏฺตุฏฺโ ‘‘สุขา เต, สมณ, ฉายา’’ติ วตฺวา อฺฺจ พหุํ อตฺตโน อนุรูปํ วทนฺโต อฏฺาสิ. ภควา กตภตฺตกิจฺโจ อนุโมทนํ กตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกามิ. กุมาโรปิ ‘‘ทายชฺชํ เม, สมณ, เทหิ, ทายชฺชํ เม, สมณ, เทหี’’ติ ภควนฺตํ อนุพนฺธิ. ภควา กุมารํ น นิวตฺตาเปสิ, ปริชโนปิ ภควตา สทฺธึ คจฺฉนฺตํ นิวตฺเตตุํ นาสกฺขิ. อิติ โส ภควตา สทฺธึ อารามเมว อคมาสิ.
ตโต ¶ ภควา จินฺเตสิ ‘‘ยํ อยํ ปิตุ สนฺตกํ ธนํ อิจฺฉติ, ตํ วฏฺฏานุคตํ สวิฆาตํ, หนฺทสฺส โพธิมณฺเฑ ปฏิลทฺธํ สตฺตวิธํ อริยธนํ เทมิ, โลกุตฺตรทายชฺชสฺส นํ สามิกํ กโรมี’’ติ อายสฺมนฺตํ สาริปุตฺตํ อามนฺเตสิ ‘‘เตน หิ, ตฺวํ ¶ สาริปุตฺต, ราหุลกุมารํ ปพฺพาเชหี’’ติ. เถโร ตํ ปพฺพาเชสิ. ปพฺพชิเต ปน กุมาเร รฺโ อธิมตฺตํ ทุกฺขํ อุปฺปชฺชิ. ตํ อธิวาเสตุํ อสกฺโกนฺโต ภควโต นิเวเทตฺวา ‘‘สาธุ, ภนฺเต, อยฺยา มาตาปิตูหิ อนนฺุาตํ ปุตฺตํ น ปพฺพาเชยฺยุ’’นฺติ วรํ ยาจิ. ภควา ตสฺส ตํ วรํ ทตฺวา ปุนทิวเส ราชนิเวสเน กตปาตราโส เอกมนฺตํ นิสินฺเนน รฺา ‘‘ภนฺเต, ตุมฺหากํ ทุกฺกรการิกกาเล เอกา เทวตา มํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘ปุตฺโต เต กาลกโต’ติ อาห, ตสฺสา วจนํ อสทฺทหนฺโต ‘น มยฺหํ ปุตฺโต โพธึ อปฺปตฺวา กาลํ กโรตี’ติ ตํ ปฏิกฺขิปิ’’นฺติ วุตฺเต ‘‘อิทานิ กึ สทฺทหิสฺสถ, เย ตุมฺเห ปุพฺเพปิ ¶ อฏฺิกานิ ทสฺเสตฺวา ‘ปุตฺโต เต มโต’ติ วุตฺเต น สทฺทหิตฺถา’’ติ อิมิสฺสา อฏฺุปฺปตฺติยา มหาธมฺมปาลชาตกํ กเถสิ. กถาปริโยสาเน ราชา อนาคามิผเล ปติฏฺาสิ.
อิติ ภควา ปิตรํ ตีสุ ผเลสุ ปติฏฺาเปตฺวา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ปุนเทว ราชคหํ คนฺตฺวา เวฬุวเน วิหาสิ. ตสฺมึ สมเย อนาถปิณฺฑิโก คหปติ ปฺจหิ สกฏสเตหิ ภณฺฑํ อาทาย ราชคเห อตฺตโน ปิยสหายกสฺส เสฏฺิโน เคหํ คนฺตฺวา ตตฺถ พุทฺธสฺส ภควโต อุปฺปนฺนภาวํ สุตฺวา พลวปจฺจูสสมเย เทวตานุภาเวน วิวเฏน ทฺวาเรน สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาย ทุติยทิวเส พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ ทตฺวา สาวตฺถึ อาคมนตฺถาย สตฺถุ ปฏิฺํ คเหตฺวา อนฺตรามคฺเค ปฺจจตฺตาลีสโยชนฏฺาเน สตสหสฺสํ สตสหสฺสํ ทตฺวา โยชนิเก โยชนิเก วิหาเร กาเรตฺวา เชตวนํ โกฏิสนฺถาเรน อฏฺารสหิรฺโกฏีหิ กิณิตฺวา นวกมฺมํ ปฏฺเปสิ. โส มชฺเฌ ทสพลสฺส คนฺธกุฏึ กาเรสิ, ตํ ปริวาเรตฺวา อสีติมหาเถรานํ ปาฏิเยกฺกสนฺนิเวสเน อาวาเส เอกกูฏาคารทฺวิกูฏาคารหํสวฏฺฏกทีฆสาลามณฺฑปาทิวเสน เสสเสนาสนานิ โปกฺขรณีจงฺกมนรตฺติฏฺานทิวาฏฺานานิ จาติ อฏฺารสโกฏิปริจฺจาเคน รมณีเย ภูมิภาเค มโนรมํ วิหารํ การาเปตฺวา ทสพลสฺส อาคมนตฺถาย ทูตํ เปเสสิ. สตฺถา ทูตสฺส วจนํ สุตฺวา มหาภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ราชคหา นิกฺขมิตฺวา อนุปุพฺเพน สาวตฺถินครํ ปาปุณิ.
มหาเสฏฺิปิ โข วิหารมหํ สชฺเชตฺวา ตถาคตสฺส เชตวนปฺปวิสนทิวเส ปุตฺตํ สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิตํ กตฺวา อลงฺกตปฏิยตฺเตเหว ปฺจหิ กุมารสเตหิ สทฺธึ เปเสสิ. โส สปริวาโร ปฺจวณฺณวตฺถสมุชฺชลานิ ปฺจ ธชสตานิ คเหตฺวา ทสพลสฺส ¶ ปุรโต อโหสิ. เตสํ ¶ ปจฺฉโต มหาสุภทฺทา จูฬสุภทฺทาติ ทฺเว เสฏฺิธีตโร ปฺจหิ กุมาริกาสเตหิ สทฺธึ ปุณฺณฆเฏ คเหตฺวา นิกฺขมึสุ. ตาสํ ปจฺฉโต เสฏฺิภริยา สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิตา ปฺจหิ มาตุคามสเตหิ สทฺธึ ปุณฺณปาติโย คเหตฺวา นิกฺขมิ. สพฺเพสํ ปจฺฉโต สยํ มหาเสฏฺิ อหตวตฺถนิวตฺโถ ¶ อหตวตฺถนิวตฺเถเหว ปฺจหิ เสฏฺิสเตหิ สทฺธึ ภควนฺตํ อพฺภุคฺคฺฉิ. ภควา อิมํ อุปาสกปริสํ ปุรโต กตฺวา มหาภิกฺขุสงฺฆปริวุโต อตฺตโน สรีรปฺปภาย สุวณฺณรสเสกปิฺชรานิ วิย วนนฺตรานิ กุรุมาโน อนนฺตาย พุทฺธลีฬาย อปฏิสมาย พุทฺธสิริยา เชตวนวิหารํ ปาวิสิ.
อถ นํ อนาถปิณฺฑิโก ปุจฺฉิ – ‘‘กถาหํ, ภนฺเต, อิมสฺมึ วิหาเร ปฏิปชฺชามี’’ติ. เตน หิ คหปติ อิมํ วิหารํ อาคตานาคตสฺส จาตุทฺทิสสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส เทหีติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ มหาเสฏฺิ สุวณฺณภิงฺการํ อาทาย ทสพลสฺส หตฺเถ อุทกํ ปาเตตฺวา ‘‘อิมํ เชตวนวิหารํ อาคตานาคตสฺส จาตุทฺทิสสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทมฺมี’’ติ อทาสิ. สตฺถา วิหารํ ปฏิคฺคเหตฺวา อนุโมทนํ กโรนฺโต –
‘‘สีตํ อุณฺหํ ปฏิหนฺติ, ตโต วาฬมิคานิ จ;
สรีสเป จ มกเส, สิสิเร จาปิ วุฏฺิโย.
‘‘ตโต วาตาตโป โฆโร, สฺชาโต ปฏิหฺติ;
เลณตฺถฺจ สุขตฺถฺจ, ฌายิตฺุจ วิปสฺสิตุํ.
‘‘วิหารทานํ สงฺฆสฺส, อคฺคํ พุทฺเธน วณฺณิตํ;
ตสฺมา หิ ปณฺฑิโต โปโส, สมฺปสฺสํ อตฺถมตฺตโน.
‘‘วิหาเร การเย รมฺเม, วาสเยตฺถ พหุสฺสุเต;
เตสํ อนฺนฺจ ปานฺจ, วตฺถเสนาสนานิ จ.
‘‘ทเทยฺย อุชุภูเตสุ, วิปฺปสนฺเนน เจตสา;
เต ¶ ตสฺส ธมฺมํ เทเสนฺติ, สพฺพทุกฺขาปนูทนํ;
ยํ โส ธมฺมํ อิธฺาย, ปรินิพฺพาติ อนาสโว’’ติ. (จูฬว. ๒๙๕) –
วิหารานิสํสํ ¶ กเถสิ. อนาถปิณฺฑิโก ทุติยทิวสโต ปฏฺาย วิหารมหํ อารภิ. วิสาขาย ปาสาทมโห จตูหิ มาเสหิ นิฏฺิโต, อนาถปิณฺฑิกสฺส ปน วิหารมโห นวหิ มาเสหิ นิฏฺาสิ. วิหารมเหปิ อฏฺารเสว โกฏิโย ปริจฺจาคํ อคมํสุ. อิติ เอกสฺมึเยว วิหาเร จตุปณฺณาสโกฏิสงฺขฺยํ ธนํ ปริจฺจชิ.
อตีเต ¶ ปน วิปสฺสิสฺส ภควโต กาเล ปุนพฺพสุมิตฺโต นาม เสฏฺิ สุวณฺณิฏฺกาสนฺถาเรน กิณิตฺวา ตสฺมึเยว าเน โยชนปฺปมาณํ สงฺฆารามํ กาเรสิ. สิขิสฺส ภควโต กาเล สิริวฑฺโฒ นาม เสฏฺิ สุวณฺณผาลสนฺถาเรน กิณิตฺวา ตสฺมึเยว าเน ติคาวุตปฺปมาณํ สงฺฆารามํ กาเรสิ. เวสฺสภุสฺส ภควโต กาเล โสตฺถิโช นาม เสฏฺิ สุวณฺณหตฺถิปทสนฺถาเรน กิณิตฺวา ตสฺมึเยว าเน อฑฺฒโยชนปฺปมาณํ สงฺฆารามํ กาเรสิ. กกุสนฺธสฺส ภควโต กาเล อจฺจุโต นาม เสฏฺิ สุวณฺณิฏฺกาสนฺถาเรน กิณิตฺวา ตสฺมึเยว าเน คาวุตปฺปมาณํ สงฺฆารามํ กาเรสิ. โกณาคมนสฺส ภควโต กาเล อุคฺโค นาม เสฏฺิ สุวณฺณกจฺฉปสนฺถาเรน กิณิตฺวา ตสฺมึเยว าเน อฑฺฒคาวุตปฺปมาณํ สงฺฆารามํ กาเรสิ. กสฺสปสฺส ภควโต กาเล สุมงฺคโล นาม เสฏฺิ สุวณฺณกฏฺฏิสนฺถาเรน กิณิตฺวา ตสฺมึเยว าเน โสฬสกรีสปฺปมาณํ สงฺฆารามํ กาเรสิ. อมฺหากํ ปน ภควโต กาเล อนาถปิณฺฑิโก นาม เสฏฺิ กหาปณโกฏิสนฺถาเรน กิณิตฺวา ตสฺมึเยว าเน อฏฺกรีสปฺปมาณํ สงฺฆารามํ กาเรสิ. อิทํ กิร านํ สพฺพพุทฺธานํ อวิชหิตฏฺานเมว.
อิติ มหาโพธิมณฺเฑ สพฺพฺุตปฺปตฺติโต ยาว มหาปรินิพฺพานมฺจา ยสฺมึ ยสฺมึ าเน ภควา วิหาสิ, อิทํ สนฺติเกนิทานํ นาม, ตสฺส วเสน สพฺพชาตกานิ วณฺณยิสฺสาม.
นิทานกถา นิฏฺิตา.
๑. เอกกนิปาโต
๑. อปณฺณกวคฺโค
๑. อปณฺณกชาตกวณฺณนา
อิมํ ¶ ¶ ตาว ¶ อปณฺณกธมฺมเทสนํ ภควา สาวตฺถึ อุปนิสฺสาย เชตวนมหาวิหาเร วิหรนฺโต กเถสิ. กํ ปน อารพฺภ อยํ กถา สมุฏฺิตาติ? เสฏฺิสฺส สหายเก ปฺจสเต ติตฺถิยสาวเก. เอกสฺมิฺหิ ทิวเส อนาถปิณฺฑิโก เสฏฺิ อตฺตโน สหายเก ปฺจสเต อฺติตฺถิยสาวเก อาทาย พหุํ มาลาคนฺธวิเลปนฺเจว สปฺปิเตลมธุผาณิตวตฺถจฺฉาทนานิ จ คาหาเปตฺวา เชตวนํ คนฺตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา คนฺธมาลาทีหิ ปูเชตฺวา เภสชฺชานิ เจว วตฺถานิ จ ภิกฺขุสงฺฆสฺส วิสฺสชฺเชตฺวา ฉ นิสชฺชาโทเส วชฺเชตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เตปิ อฺติตฺถิยสาวกา ตถาคตํ วนฺทิตฺวา สตฺถุ ปุณฺณจนฺทสสฺสิริกํ มุขํ, ลกฺขณานุพฺยฺชนปฏิมณฺฑิตํ พฺยามปฺปภาปริกฺขิตฺตํ พฺรหฺมกายํ, อาเวฬาเวฬา ยมกยมกา หุตฺวา นิจฺฉรนฺติโย ฆนพุทฺธรสฺมิโย จ โอโลกยมานา อนาถปิณฺฑิกสฺส สมีเปเยว นิสีทึสุ.
อถ เนสํ สตฺถา มโนสิลาตเล สีหนาทํ นทนฺโต ตรุณสีโห วิย คชฺชนฺโต ปาวุสฺสกเมโฆ วิย จ อากาสคงฺคํ โอตาเรนฺโต ¶ วิย จ รตนทามํ คนฺเถนฺโต วิย จ อฏฺงฺคสมนฺนาคเตน สวนีเยน กมนีเยน พฺรหฺมสฺสเรน นานานยวิจิตฺตํ มธุรธมฺมกถํ กเถสิ. เต สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปสนฺนจิตฺตา อุฏฺาย ทสพลํ วนฺทิตฺวา อฺติตฺถิยสรณํ ภินฺทิตฺวา พุทฺธํ สรณํ อคมํสุ. เต ตโต ปฏฺาย นิจฺจกาลํ อนาถปิณฺฑิเกน สทฺธึ คนฺธมาลาทิหตฺถา วิหารํ คนฺตฺวา ธมฺมํ สุณนฺติ, ทานํ เทนฺติ, สีลํ รกฺขนฺติ, อุโปสถกมฺมํ กโรนฺติ.
อถ ภควา สาวตฺถิโต ปุนเทว ราชคหํ อคมาสิ. เต ตถาคตสฺส คตกาเล ตํ สรณํ ภินฺทิตฺวา ปุน อฺติตฺถิยสรณํ คนฺตฺวา อตฺตโน ¶ มูลฏฺาเนเยว ปติฏฺิตา. ภควาปิ สตฺตฏฺ มาเส ¶ วีตินาเมตฺวา ปุน เชตวนเมว อคมาสิ. อนาถปิณฺฑิโก ปุนปิ เต อาทาย สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา สตฺถารํ คนฺธมาลาทีหิ ปูเชตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เตปิ ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. อถ เนสํ ตถาคเต จาริกํ ปกฺกนฺเต คหิตสรณํ ภินฺทิตฺวา ปุน อฺติตฺถิยสรณเมว คเหตฺวา มูเล ปติฏฺิตภาวํ ภควโต อาโรเจสิ.
ภควา อปริมิตกปฺปโกฏิโย นิรนฺตรํ ปวตฺติตวจีสุจริตานุภาเวน ทิพฺพคนฺธคนฺธิตํ นานาคนฺธปูริตํ รตนกรณฺฑกํ วิวรนฺโต วิย มุขปทุมํ วิวริตฺวา มธุรสฺสรํ นิจฺฉาเรนฺโต ‘‘สจฺจํ กิร ตุมฺเห อุปาสกา ตีณิ สรณานิ ภินฺทิตฺวา อฺติตฺถิยสรณํ คตา’’ติ ปุจฺฉิ. อถ เตหิ ปฏิจฺฉาเทตุํ อสกฺโกนฺเตหิ ‘‘สจฺจํ ภควา’’ติ วุตฺเต สตฺถา ‘‘อุปาสกา เหฏฺา อวีจึ อุปริ ภวคฺคํ ปริจฺเฉทํ กตฺวา ติริยํ อปริมาณาสุ โลกธาตูสุ สีลาทีหิ คุเณหิ พุทฺเธน สทิโส นาม นตฺถิ, กุโต อธิกตโร’’ติ. ‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, สตฺตา อปทา วา ทฺวิปทา วา จตุปฺปทา วา พหุปฺปทา วา, ตถาคโต เตสํ อคฺคมกฺขายติ (สํ. นิ. ๕.๑๓๙; อ. นิ. ๔.๓๔), ยํ กิฺจิ วิตฺตํ อิธ วา หุรํ วา…เป… (ขุ. ปา. ๖.๓; สุ. นิ. ๒๒๖) อคฺคโต เว ปสนฺนาน’’นฺติอาทีหิ (อ. นิ. ๔.๓๔; อิติวุ. ๙๐) สุตฺเตหิ ปกาสิเต รตนตฺตยคุเณ ปกาเสตฺวา ‘‘เอวํ อุตฺตมคุเณหิ สมนฺนาคตํ รตนตฺตยํ สรณํ คตา อุปาสกา วา อุปาสิกา วา นิรยาทีสุ นิพฺพตฺตกา นาม นตฺถิ, อปายนิพฺพตฺติโต ปน มุจฺจิตฺวา เทวโลเก อุปฺปชฺชิตฺวา มหาสมฺปตฺตึ อนุโภนฺติ, ตสฺมา ตุมฺเหหิ เอวรูปํ สรณํ ภินฺทิตฺวา อฺติตฺถิยสรณํ คจฺฉนฺเตหิ อยุตฺตํ กต’’นฺติ อาห.
เอตฺถ จ ตีณิ รตนานิ โมกฺขวเสน อุตฺตมวเสน สรณคตานํ อปาเยสุ นิพฺพตฺติยา อภาวทีปนตฺถํ อิมานิ สุตฺตานิ ทสฺเสตพฺพานิ –
‘‘เย ¶ เกจิ พุทฺธํ สรณํ คตาเส, น เต คมิสฺสนฺติ อปายภูมึ;
ปหาย มานุสํ เทหํ, เทวกายํ ปริปูเรสฺสนฺติ. (ที. นิ. ๒.๓๓๒; สํ. นิ. ๑.๓๗);
‘‘เย ¶ เกจิ ธมฺมํ สรณํ คตาเส, น เต คมิสฺสนฺติ อปายภูมึ;
ปหาย มานุสํ เทหํ, เทวกายํ ปริปูเรสฺสนฺติ.
‘‘เย ¶ เกจิ สงฺฆํ สรณํ คตาเส, น เต คมิสฺสนฺติ อปายภูมึ;
ปหาย มานุสํ เทหํ, เทวกายํ ปริปูเรสฺสนฺติ.
‘‘พหุํ เว สรณํ ยนฺติ, ปพฺพตานิ วนานิ จ;
อารามรุกฺขเจตฺยานิ, มนุสฺสา ภยตชฺชิตา.
‘‘เนตํ โข สรณํ เขมํ, เนตํ สรณมุตฺตมํ;
เนตํ สรณมาคมฺม, สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจติ.
‘‘โย จ พุทฺธฺจ ธมฺมฺจ, สงฺฆฺจ สรณํ คโต;
จตฺตาริ อริยสจฺจานิ, สมฺมปฺปฺาย ปสฺสติ.
‘‘ทุกฺขํ ทุกฺขสมุปฺปาทํ, ทุกฺขสฺส จ อติกฺกมํ;
อริยฺจฏฺงฺคิกํ มคฺคํ, ทุกฺขูปสมคามินํ.
‘‘เอตํ โข สรณํ เขมํ, เอตํ สรณมุตฺตมํ;
เอตํ สรณมาคมฺม, สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจตี’’ติ. (ธ. ป. ๑๘๘-๑๙๒);
น เกวลฺจ เนสํ สตฺถา เอตฺตกํเยว ธมฺมํ เทเสสิ, อปิจ โข ‘‘อุปาสกา พุทฺธานุสฺสติกมฺมฏฺานํ นาม, ธมฺมานุสฺสติกมฺมฏฺานํ นาม, สงฺฆานุสฺสติกมฺมฏฺานํ นาม โสตาปตฺติมคฺคํ เทติ, โสตาปตฺติผลํ เทติ, สกทาคามิมคฺคํ เทติ, สกทาคามิผลํ เทติ, อนาคามิมคฺคํ เทติ, อนาคามิผลํ เทติ, อรหตฺตมคฺคํ เทติ, อรหตฺตผลํ เทตี’’ติเอวมาทีหิปิ นเยหิ ธมฺมํ เทเสตฺวา ‘‘เอวรูปํ นาม สรณํ ภินฺทนฺเตหิ อยุตฺตํ ตุมฺเหหิ กต’’นฺติ อาห. เอตฺถ จ พุทฺธานุสฺสติกมฺมฏฺานาทีนํ โสตาปตฺติมคฺคาทิปฺปทานํ ‘‘เอกธมฺโม, ภิกฺขเว, ภาวิโต พหุลีกโต เอกนฺตนิพฺพิทาย วิราคาย นิโรธาย อุปสมาย อภิฺาย สมฺโพธาย นิพฺพานาย ¶ สํวตฺตติ. กตโม เอกธมฺโม? พุทฺธานุสฺสตี’’ติเอวมาทีหิ (อ. นิ. ๑.๒๙๖) สุตฺเตหิ ทีเปตพฺพํ.
เอวํ ภควา นานปฺปกาเรหิ อุปาสเก โอวทิตฺวา ‘‘อุปาสกา ปุพฺเพปิ มนุสฺสา อสรณํ ‘สรณ’นฺติ ตกฺกคฺคาเหน วิรทฺธคฺคาเหน คเหตฺวา อมนุสฺสปริคฺคหิเต กนฺตาเร ยกฺขภกฺขา หุตฺวา ¶ มหาวินาสํ ปตฺตา, อปณฺณกคฺคาหํ ปน เอกํสิกคฺคาหํ อวิรทฺธคฺคาหํ คหิตมนุสฺสา ตสฺมึเยว กนฺตาเร โสตฺถิภาวํ ปตฺตา’’ติ วตฺวา ตุณฺหี อโหสิ. อถ โข อนาถปิณฺฑิโก คหปติ อุฏฺายาสนา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา อภิตฺถวิตฺวา สิรสฺมึ อฺชลึ ปติฏฺาเปตฺวา เอวมาห ‘‘ภนฺเต, อิทานิ ตาว อิเมสํ อุปาสกานํ อุตฺตมสรณํ ภินฺทิตฺวา ตกฺกคฺคหณํ อมฺหากํ ปากฏํ, ปุพฺเพ ปน อมนุสฺสปริคฺคหิเต กนฺตาเร ตกฺกิกานํ วินาโส, อปณฺณกคฺคาหํ คหิตมนุสฺสานฺจ โสตฺถิภาโว อมฺหากํ ปฏิจฺฉนฺโน, ตุมฺหากเมว ¶ ปากโฏ, สาธุ วต โน ภควา อากาเส ปุณฺณจนฺทํ อุฏฺาเปนฺโต วิย อิมํ การณํ ปากฏํ กโรตู’’ติ. อถ ภควา ‘‘มยา โข, คหปติ, อปริมิตกาลํ ทส ปารมิโย ปูเรตฺวา โลกสฺส กงฺขจฺเฉทนตฺถเมว สพฺพฺุตฺาณํ ปฏิวิทฺธํ, สีหวสาย สุวณฺณนาฬึ ปูเรนฺโต วิย สกฺกจฺจํ โสตํ โอทหิตฺวา สุโณหี’’ติ เสฏฺิโน สตุปฺปาทํ ชเนตฺวา หิมคพฺภํ ปทาเลตฺวา ปุณฺณจนฺทํ นีหรนฺโต วิย ภวนฺตเรน ปฏิจฺฉนฺนการณํ ปากฏํ อกาสิ.
อตีเต กาสิรฏฺเ พาราณสินคเร พฺรหฺมทตฺโต นาม ราชา อโหสิ. ตทา โพธิสตฺโต สตฺถวาหกุเล ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา ทสมาสจฺจเยน มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขมิตฺวา อนุปุพฺเพน วยปฺปตฺโต ปฺจหิ สกฏสเตหิ วณิชฺชํ กโรนฺโต วิจรติ. โส กทาจิ ปุพฺพนฺตโต อปรนฺตํ คจฺฉติ, กทาจิ อปรนฺตโต ปุพฺพนฺตํ. พาราณสิยํเยว อฺโปิ สตฺถวาหปุตฺโต อตฺถิ พาโล อพฺยตฺโต อนุปายกุสโล. ตทา โพธิสตฺโต พาราณสิโต มหคฺฆํ ภณฺฑํ คเหตฺวา ปฺจ สกฏสตานิ ปูเรตฺวา คมนสชฺชานิ กตฺวา เปสิ. โสปิ พาลสตฺถวาหปุตฺโต ตเถว ปฺจ สกฏสตานิ ปูเรตฺวา คมนสชฺชานิ กตฺวา เปสิ.
ตทา โพธิสตฺโต จินฺเตสิ ‘‘สเจ อยํ พาลสตฺถวาหปุตฺโต มยา สทฺธึเยว คมิสฺสติ, สกฏสหสฺเส เอกโต มคฺคํ คจฺฉนฺเต มคฺโคปิ ¶ นปฺปโหสฺสติ, มนุสฺสานํ ทารุทกาทีนิปิ, พลิพทฺทานํ ติณานิปิ ทุลฺลภานิ ภวิสฺสนฺติ, เอเตน วา มยา วา ปุรโต คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา เอตมตฺถํ อาโรเจตฺวา ‘‘ทฺวีหิปิ อมฺเหหิ เอกโต คนฺตุํ น สกฺกา, กึ ตฺวํ ปุรโต คมิสฺสสิ, อุทาหุ ปจฺฉโต’’ติ อาห. โส จินฺเตสิ ‘‘มยิ ปุรโต คจฺฉนฺเต พหู อานิสํสา, มคฺเคน อภินฺเนเนว คมิสฺสามิ, โคณา อนามฏฺติณํ ขาทิสฺสนฺติ, มนุสฺสานํ อนามฏฺํ สูเปยฺยปณฺณํ ภวิสฺสติ, ปสนฺนํ อุทกํ ภวิสฺสติ, ยถารุจึ อคฺฆํ เปตฺวา ภณฺฑํ วิกฺกิณิสฺสามี’’ติ. โส ‘‘อหํ, สมฺม, ปุรโต คมิสฺสามี’’ติ ¶ อาห. โพธิสตฺโตปิ ปจฺฉโต คมเน พหู อานิสํเส อทฺทส. เอวํ หิสฺส อโหสิ – ‘‘ปุรโต คจฺฉนฺตา มคฺเค วิสมฏฺานํ สมํ กริสฺสนฺติ, อหํ เตหิ คตมคฺเคน คมิสฺสามิ, ปุรโต คเตหิ พลิพทฺเทหิ ปริณตถทฺธติเณ ¶ ขาทิเต มม โคณา ปุน อุฏฺิตานิ มธุรติณานิ ขาทิสฺสนฺติ, คหิตปณฺณฏฺานโต อุฏฺิตํ มนุสฺสานํ สูเปยฺยปณฺณํ มธุรํ ภวิสฺสติ, อนุทเก าเน อาวาฏํ ขนิตฺวา เอเต อุทกํ อุปฺปาเทสฺสนฺติ, เตหิ กเตสุ อาวาเฏสุ มยํ อุทกํ ปิวิสฺสาม, อคฺฆฏฺปนํ นาม มนุสฺสานํ ชีวิตา โวโรปนสทิสํ, อหํ ปจฺฉโต คนฺตฺวา เอเตหิ ปิตคฺเฆน ภณฺฑํ วิกฺกิณิสฺสามี’’ติ. อถ โส เอตฺตเก อานิสํเส ทิสฺวา ‘‘สมฺม, ตฺวํ ปุรโต คจฺฉาหี’’ติ อาห. ‘‘สาธุ, สมฺมา’’ติ พาลสตฺถวาโห สกฏานิ โยเชตฺวา นิกฺขนฺโต อนุปุพฺเพน มนุสฺสาวาสํ อติกฺกมิตฺวา กนฺตารมุขํ ปาปุณิ.
กนฺตารํ นาม – โจรกนฺตารํ, วาฬกนฺตารํ, นิรุทกกนฺตารํ, อมนุสฺสกนฺตารํ, อปฺปภกฺขกนฺตารนฺติ ปฺจวิธํ. ตตฺถ โจเรหิ อธิฏฺิตมคฺโค โจรกนฺตารํ นาม. สีหาทีหิ อธิฏฺิตมคฺโค วาฬกนฺตารํ นาม. ยตฺถ นฺหายิตุํ วา ปาตุํ วา อุทกํ นตฺถิ, อิทํ นิรุทกกนฺตารํ นาม. อมนุสฺสาธิฏฺิตํ อมนุสฺสกนฺตารํ นาม. มูลขาทนียาทิวิรหิตํ อปฺปภกฺขกนฺตารํ นาม. อิมสฺมึ ปฺจวิเธ กนฺตาเร ตํ กนฺตารํ นิรุทกกนฺตารฺเจว อมนุสฺสกนฺตารฺจ. ตสฺมา โส พาลสตฺถวาหปุตฺโต สกเฏสุ มหนฺตมหนฺตา จาฏิโย เปตฺวา อุทกสฺส ปูราเปตฺวา สฏฺิโยชนิกํ กนฺตารํ ปฏิปชฺชิ.
อถสฺส กนฺตารมชฺฌํ คตกาเล กนฺตาเร อธิวตฺถยกฺโข ‘‘อิเมหิ มนุสฺเสหิ คหิตํ อุทกํ ฉฑฺฑาเปตฺวา ทุพฺพเล กตฺวา สพฺเพว เน ขาทิสฺสามี’’ติ ¶ สพฺพเสตตรุณพลิพทฺทยุตฺตํ ¶ มโนรมํ ยานกํ มาเปตฺวา ธนุกลาปผลกาวุธหตฺเถหิ ทสหิ ทฺวาทสหิ อมนุสฺเสหิ ปริวุโต อุปฺปลกุมุทานิ ปิฬนฺธิตฺวา อลฺลโกโส อลฺลวตฺโถ อิสฺสรปุริโส วิย ตสฺมึ ยานเก นิสีทิตฺวา กทฺทมมกฺขิเตหิ จกฺเกหิ ปฏิปถํ อคมาสิ. ปริวารอมนุสฺสาปิสฺส ปุรโต จ ปจฺฉโต จ คจฺฉนฺตา อลฺลเกสา อลฺลวตฺถา อุปฺปลกุมุทมาลา ปิฬนฺธิตฺวา ปทุมปุณฺฑรีกกลาเป คเหตฺวา ภิสมุฬาลานิ ขาทนฺตา อุทกพินฺทูหิ เจว กลเลหิ จ ปคฺฆรนฺเตหิ อคมํสุ. สตฺถวาหา จ นาม ยทา ธุรวาโต วายติ, ตทา ยานเก นิสีทิตฺวา อุปฏฺากปริวุตา รชํ ปริหรนฺตา ปุรโต คจฺฉนฺติ. ยทา ปจฺฉโต วาโต วายติ, ตทา เตเนว นเยน ปจฺฉโต คจฺฉนฺติ. ตทา ปน ธุรวาโต อโหสิ, ตสฺมา โส สตฺถวาหปุตฺโต ปุรโต อคมาสิ.
ยกฺโข ตํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา อตฺตโน ยานกํ มคฺคา โอกฺกมาเปตฺวา ‘‘กหํ คจฺฉถา’’ติ เตน สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ อกาสิ. สตฺถวาโหปิ อตฺตโน ยานกํ มคฺคา โอกฺกมาเปตฺวา สกฏานํ คมโนกาสํ ทตฺวา เอกมนฺเต ิโต ตํ ยกฺขํ อโวจ ‘‘โภ, อมฺเห ตาว ¶ พาราณสิโต อาคจฺฉาม. ตุมฺเห ปน อุปฺปลกุมุทานิ ปิฬนฺธิตฺวา ปทุมปุณฺฑรีกหตฺถา ภิสมุฬาลานิ ขาทนฺตา กทฺทมมกฺขิตา อุทกพินฺทูหิ ปคฺฆรนฺเตหิ อาคจฺฉถ. กึ นุ โข ตุมฺเหหิ อาคตมคฺเค เทโว วสฺสติ, อุปฺปลาทิสฺฉนฺนานิ วา สรานิ อตฺถี’’ติ ปุจฺฉิ. ยกฺโข ตสฺส กถํ สุตฺวา ‘‘สมฺม, กึ นาเมตํ กเถสิ. เอสา นีลวนราชิ ปฺายติ. ตโต ปฏฺาย สกลํ อรฺํ เอโกทกํ, นิพทฺธํ เทโว วสฺสติ, กนฺทรา ปูรา, ตสฺมึ ตสฺมึ าเน ปทุมาทิสฺฉนฺนานิ สรานิ อตฺถี’’ติ วตฺวา ปฏิปาฏิยา คจฺฉนฺเตสุ ¶ สกเฏสุ ‘‘อิมานิ สกฏานิ อาทาย กหํ คจฺฉถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อสุกชนปทํ นามา’’ติ. ‘‘อิมสฺมึ จิมสฺมิฺจ สกเฏ กึ นาม ภณฺฑ’’นฺติ? ‘‘อสุกฺจ อสุกฺจา’’ติ. ‘‘ปจฺฉโต อาคจฺฉนฺตํ สกฏํ อติวิย ครุกํ หุตฺวา อาคจฺฉติ, เอตสฺมึ กึ ภณฺฑ’’นฺติ? ‘‘อุทกํ เอตฺถา’’ติ. ‘‘ปรโต ตาว อุทกํ อาเนนฺเตหิ โว มนาปํ กตํ, อิโต ปฏฺาย ปน อุทเกน กิจฺจํ นตฺถิ, ปุรโต พหุ อุทกํ, จาฏิโย ภินฺทิตฺวา อุทกํ ฉฑฺเฑตฺวา สุเขน คจฺฉถา’’ติ อาห. เอวฺจ ปน วตฺวา ‘‘ตุมฺเห คจฺฉถ, อมฺหากํ ปปฺโจ โหตี’’ติ โถกํ คนฺตฺวา เตสํ อทสฺสนํ ปตฺวา อตฺตโน ยกฺขนครเมว อคมาสิ.
โสปิ ¶ พาลสตฺถวาโห อตฺตโน พาลตาย ยกฺขสฺส วจนํ คเหตฺวา จาฏิโย ภินฺทาเปตฺวา ปสตมตฺตมฺปิ อุทกํ อนวเสเสตฺวา สพฺพํ ฉฑฺฑาเปตฺวา สกฏานิ ปาชาเปสิ, ปุรโต อปฺปมตฺตกมฺปิ อุทกํ นาโหสิ, มนุสฺสา ปานียํ อลภนฺตา กิลมึสุ. เต ยาว สูริยตฺถงฺคมนา คนฺตฺวา สกฏานิ โมเจตฺวา ปริวฏฺฏเกน เปตฺวา โคเณ จกฺเกสุ พนฺธึสุ. เนว โคณานํ อุทกํ อโหสิ, น มนุสฺสานํ ยาคุภตฺตํ วา. ทุพฺพลมนุสฺสา ตตฺถ ตตฺถ นิปชฺชิตฺวา สยึสุ. รตฺติภาคสมนนฺตเร ยกฺขา ยกฺขนครโต อาคนฺตฺวา สพฺเพปิ โคเณ จ มนุสฺเส จ ชีวิตกฺขยํ ปาเปตฺวา มํสํ ขาทิตฺวา อฏฺีนิ อวเสเสตฺวา อคมํสุ. เอวเมกํ พาลสตฺถวาหปุตฺตํ นิสฺสาย สพฺเพปิ เต วินาสํ ปาปุณึสุ, หตฺถฏฺิกาทีนิ ทิสาวิทิสาสุ วิปฺปกิณฺณานิ อเหสุํ. ปฺจ สกฏสตานิ ยถาปูริตาเนว อฏฺํสุ.
โพธิสตฺโตปิ โข พาลสตฺถวาหปุตฺตสฺส นิกฺขนฺตทิวสโต มาสฑฺฒมาสํ วีตินาเมตฺวา ปฺจหิ สกฏสเตหิ นครา นิกฺขมฺม อนุปุพฺเพน กนฺตารมุขํ ปาปุณิ. โส ตตฺถ อุทกจาฏิโย ปูเรตฺวา พหุํ อุทกํ อาทาย ขนฺธาวาเร เภรึ จราเปตฺวา มนุสฺเส สนฺนิปาเตตฺวา ¶ เอวมาห ‘‘ตุมฺเห มํ อนาปุจฺฉิตฺวา ปสตมตฺตมฺปิ อุทกํ มา วฬฺชยิตฺถ, กนฺตาเร วิสรุกฺขา นาม โหนฺติ, ปตฺตํ วา ปุปฺผํ วา ผลํ วา ตุมฺเหหิ ปุเร อขาทิตปุพฺพํ มํ อนาปุจฺฉิตฺวา มา ขาทิตฺถา’’ติ. เอวํ มนุสฺสานํ โอวาทํ ทตฺวา ปฺจหิ สกฏสเตหิ กนฺตารํ ปฏิปชฺชิ. ตสฺมึ กนฺตารมชฺฌํ สมฺปตฺเต โส ¶ ยกฺโข ปุริมนเยเนว โพธิสตฺตสฺส ปฏิปเถ อตฺตานํ ทสฺเสสิ. โพธิสตฺโต ตํ ทิสฺวาว อฺาสิ ‘‘อิมสฺมึ กนฺตาเร อุทกํ นตฺถิ, นิรุทกกนฺตาโร นาเมส, อยฺจ นิพฺภโย รตฺตเนตฺโต, ฉายาปิสฺส น ปฺายติ, นิสฺสํสยํ อิมินา ปุรโต คโต พาลสตฺถวาหปุตฺโต สพฺพํ อุทกํ ฉฑฺฑาเปตฺวา กิลเมตฺวา สปริโส ขาทิโต ภวิสฺสติ, มยฺหํ ปน ปณฺฑิตภาวํ อุปายโกสลฺลํ น ชานาติ มฺเ’’ติ. ตโต นํ อาห ‘‘คจฺฉถ ตุมฺเห, มยํ วาณิชา นาม อฺํ อุทกํ อทิสฺวา คหิตอุทกํ น ฉฑฺเฑม, ทิฏฺฏฺาเน ปน ฉฑฺเฑตฺวา สกฏานิ สลฺลหุกานิ กตฺวา คมิสฺสามา’’ติ ยกฺโข โถกํ คนฺตฺวา อทสฺสนํ อุปคมฺม อตฺตโน ยกฺขนครเมว คโต.
ยกฺเข ปน คเต มนุสฺสา โพธิสตฺตํ อาหํสุ ‘‘อยฺย, เอเต มนุสฺสา ‘เอสา นีลวนราชิ ปฺายติ, ตโต ปฏฺาย นิพทฺธํ เทโว วสฺสตี’ติ วตฺวา ¶ อุปฺปลกุมุทมาลาธาริโน ปทุมปุณฺฑรีกกลาเป อาทาย ภิสมุฬาลานิ ขาทนฺตา อลฺลวตฺถา อลฺลเกสา อุทกพินฺทูหิ ปคฺฆรนฺเตหิ อาคตา, อุทกํ ฉฑฺเฑตฺวา สลฺลหุเกหิ สกเฏหิ ขิปฺปํ คจฺฉามา’’ติ. โพธิสตฺโต เตสํ กถํ สุตฺวา สกฏานิ ปาเปตฺวา สพฺเพ มนุสฺเส สนฺนิปาตาเปตฺวา ‘‘ตุมฺเหหิ ‘อิมสฺมึ กนฺตาเร สโร วา โปกฺขรณี วา อตฺถี’ติ กสฺสจิ สุตปุพฺพ’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘น, อยฺย, สุตปุพฺพ’’นฺติ. นิรุทกกนฺตาโร นาม เอโส, อิทานิ เอกจฺเจ มนุสฺสา ‘‘เอตาย นีลวนราชิยา ปุรโต เทโว วสฺสตี’’ติ วทนฺติ, ‘‘วุฏฺิวาโต นาม กิตฺตกํ านํ ¶ วายตี’’ติ? ‘‘โยชนมตฺตํ, อยฺยา’’ติ. ‘‘กจฺจิ ปน โว เอกสฺสาปิ สรีรํ วุฏฺิวาโต ปหรตี’’ติ? ‘‘นตฺถิ อยฺยา’’ติ. ‘‘เมฆสีสํ นาม กิตฺตเก าเน ปฺายตี’’ติ? ‘‘ติโยชนมตฺเต อยฺยา’’ติ. ‘‘อตฺถิ ปน โว เกนจิ เอกมฺปิ เมฆสีสํ ทิฏฺ’’นฺติ? ‘‘นตฺถิ, อยฺยา’’ติ. ‘‘วิชฺชุลตา นาม กิตฺตเก าเน ปฺายตี’’ติ? ‘‘จตุปฺปฺจโยชนมตฺเต, อยฺยา’’ติ. ‘‘อตฺถิ ปน โว เกนจิ วิชฺชุลโตภาโส ทิฏฺโ’’ติ? ‘‘นตฺถิ, อยฺยา’’ติ. ‘‘เมฆสทฺโท นาม กิตฺตเก าเน สุยฺยตี’’ติ? ‘‘เอกทฺวิโยชนมตฺเต, อยฺยา’’ติ. ‘‘อตฺถิ ปน โว เกนจิ เมฆสทฺโท สุโต’’ติ? ‘‘นตฺถิ, อยฺยา’’ติ. ‘‘น เอเต มนุสฺสา, ยกฺขา เอเต, อมฺเห อุทกํ ฉฑฺฑาเปตฺวา ทุพฺพเล กตฺวา ขาทิตุกามา อาคตา ภวิสฺสนฺติ. ปุรโต คโต พาลสตฺถวาหปุตฺโต น อุปายกุสโล. อทฺธา โส เอเตหิ อุทกํ ฉฑฺฑาเปตฺวา กิลเมตฺวา ขาทิโต ภวิสฺสติ, ปฺจ สกฏสตานิ ยถาปูริตาเนว ิตานิ ภวิสฺสนฺติ. อชฺช มยํ ตานิ ปสฺสิสฺสาม, ปสตมตฺตมฺปิ อุทกํ อฉฑฺเฑตฺวา สีฆสีฆํ ปาเชถา’’ติ ปาชาเปสิ.
โส คจฺฉนฺโต ยถาปูริตาเนว ปฺจ สกฏสตานิ โคณมนุสฺสานฺจ หตฺถฏฺิกาทีนิ ทิสาวิทิสาสุ วิปฺปกิณฺณานิ ทิสฺวา สกฏานิ โมจาเปตฺวา สกฏปริวฏฺฏเกน ขนฺธาวารํ พนฺธาเปตฺวา ¶ กาลสฺเสว มนุสฺเส จ โคเณ จ สายมาสภตฺตํ โภชาเปตฺวา มนุสฺสานํ มชฺเฌ โคเณ นิปชฺชาเปตฺวา สยํ พลนายโก หุตฺวา ขคฺคหตฺโถ ติยามรตฺตึ อารกฺขํ คเหตฺวา ิตโกว อรุณํ อุฏฺาเปสิ. ปุนทิวเส ปน ปาโตว ¶ สพฺพกิจฺจานิ นิฏฺาเปตฺวา โคเณ โภเชตฺวา ทุพฺพลสกฏานิ ฉฑฺฑาเปตฺวา ถิรานิ คาหาเปตฺวา อปฺปคฺฆํ ภณฺฑํ ฉฑฺฑาเปตฺวา มหคฺฆํ ภณฺฑํ อาโรปาเปตฺวา ยถาธิปฺเปตํ านํ คนฺตฺวา ทิคุณติคุเณน มูเลน ภณฺฑํ วิกฺกิณิตฺวา สพฺพํ ปริสํ อาทาย ปุน อตฺตโน นครเมว อคมาสิ.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมกถํ กเถตฺวา ‘‘เอวํ, คหปติ, ปุพฺเพ ตกฺกคฺคาหคาหิโน มหาวินาสํ ปตฺตา, อปณฺณกคฺคาหคาหิโน ปน อมนุสฺสานํ หตฺถโต มุจฺจิตฺวา โสตฺถินา อิจฺฉิตฏฺานํ คนฺตฺวา ปุน สกฏฺานเมว ปจฺจาคมึสู’’ติ วตฺวา ทฺเวปิ วตฺถูนิ ฆเฏตฺวา อิมิสฺสา อปณฺณกธมฺมเทสนาย อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อปณฺณกํ านเมเก, ทุติยํ อาหุ ตกฺกิกา;
เอตทฺาย เมธาวี, ตํ คณฺเห ยทปณฺณก’’นฺติ.
ตตฺถ อปณฺณกนฺติ เอกํสิกํ อวิรทฺธํ นิยฺยานิกํ. านนฺติ การณํ. การณฺหิ ยสฺมา ตทายตฺตวุตฺติตาย ผลํ ติฏฺติ นาม, ตสฺมา ‘‘าน’’นฺติ วุจฺจติ, ‘‘านฺจ านโต อฏฺานฺจ อฏฺานโต’’ติอาทีสุ (วิภ. ๘๐๙) จสฺส ปโยโค เวทิตพฺโพ. อิติ ‘‘อปณฺณกํ าน’’นฺติ ปททฺวเยนาปิ ‘‘ยํ เอกนฺตหิตสุขาวหตฺตา ปณฺฑิเตหิ ปฏิปนฺนํ เอกํสิกการณํ อวิรทฺธการณํ นิยฺยานิกการณํ, ตํ อิท’’นฺติ ทีเปติ. อยเมตฺถ สงฺเขโป, ปเภทโต ปน ตีณิ สรณคมนานิ, ปฺจ สีลานิ, ทส สีลานิ, ปาติโมกฺขสํวโร, อินฺทฺริยสํวโร, อาชีวปาริสุทฺธิ, ปจฺจยปฏิเสวนํ, สพฺพมฺปิ จตุปาริสุทฺธิสีลํ; อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารตา, โภชเน มตฺตฺุตา, ชาคริยานุโยโค, ฌานํ, วิปสฺสนา, อภิฺา, สมาปตฺติ, อริยมคฺโค, อริยผลํ, สพฺพมฺเปตํ อปณฺณกฏฺานํ อปณฺณกปฏิปทา, นิยฺยานิกปฏิปทาติ อตฺโถ.
ยสฺมา จ ปน นิยฺยานิกปฏิปทาย เอตํ นามํ, ตสฺมาเยว ภควา อปณฺณกปฏิปทํ ทสฺเสนฺโต อิมํ สุตฺตมาห –
‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อปณฺณกปฏิปทํ ปฏิปนฺโน โหติ, โยนิ จสฺส อารทฺธา โหติ อาสวานํ ขยาย ¶ . กตเมหิ ตีหิ? อิธ, ภิกฺขเว ¶ , ภิกฺขุ อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร โหติ, โภชเน มตฺตฺู โหติ, ชาคริยํ อนุยุตฺโต โหติ. กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา น นิมิตฺตคฺคาหี โหติ…เป… เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ โภชเน มตฺตฺู โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปฏิสงฺขา โยนิโส อาหารํ อาหาเรติ เนว ทวาย น มทาย…เป… เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ โภชเน มตฺตฺู โหติ.
‘‘กถฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ชาคริยํ อนุยุตฺโต โหติ. อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ทิวสํ จงฺกเมน นิสชฺชาย…เป… เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ชาคริยํ อนุยุตฺโต โหตี’’ติ (อ. นิ. ๓.๑๖).
อิมสฺมิฺจาปิ สุตฺเต ตโยว ธมฺมา วุตฺตา. อยํ ปน อปณฺณกปฏิปทา ยาว อรหตฺตผลํ ลพฺภเตว ¶ . ตตฺถ อรหตฺตผลมฺปิ, ผลสมาปตฺติวิหารสฺส เจว, อนุปาทาปรินิพฺพานสฺส จ, ปฏิปทาเยว นาม โหติ.
เอเกติ เอกจฺเจ ปณฺฑิตมนุสฺสา. ตตฺถ กิฺจาปิ ‘‘อสุกา นามา’’ติ นิยโม นตฺถิ, อิทํ ปน สปริสํ โพธิสตฺตํเยว สนฺธาย วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. ทุติยํ อาหุ ตกฺกิกาติ ทุติยนฺติ ปมโต อปณฺณกฏฺานโต นิยฺยานิกการณโต ทุติยํ ตกฺกคฺคาหการณํ อนิยฺยานิกการณํ. อาหุ ตกฺกิกาติ เอตฺถ ปน สทฺธึ ปุริมปเทน อยํ โยชนา – อปณฺณกฏฺานํ เอกํสิกการณํ อวิรทฺธการณํ นิยฺยานิกการณํ เอเก โพธิสตฺตปฺปมุขา ปณฺฑิตมนุสฺสา คณฺหึสุ. เย ปน พาลสตฺถวาหปุตฺตปฺปมุขา ตกฺกิกา อาหุ, เต ทุติยํ สาปราธํ อเนกํสิกฏฺานํ วิรทฺธการณํ อนิยฺยานิกการณํ อคฺคเหสุํ. เตสุ เย อปณฺณกฏฺานํ อคฺคเหสุํ, เต สุกฺกปฏิปทํ ปฏิปนฺนา. เย ทุติยํ ‘‘ปุรโต ภวิตพฺพํ อุทเกนา’’ติ ตกฺกคฺคาหสงฺขาตํ อนิยฺยานิกการณํ อคฺคเหสุํ. เต กณฺหปฏิปทํ ปฏิปนฺนา.
ตตฺถ ¶ สุกฺกปฏิปทา อปริหานิปฏิปทา, กณฺหปฏิปทา ปริหานิปฏิปทา. ตสฺมา เย สุกฺกปฏิปทํ ปฏิปนฺนา, เต อปริหีนา โสตฺถิภาวํ ปตฺตา. เย ปน กณฺหปฏิปทํ ปฏิปนฺนา, เต ¶ ปริหีนา อนยพฺยสนํ อาปนฺนาติ อิมมตฺถํ ภควา อนาถปิณฺฑิกสฺส คหปติโน วตฺวา อุตฺตริ อิทมาห ‘‘เอตทฺาย เมธาวี, ตํ คณฺเห ยทปณฺณก’’นฺติ.
ตตฺถ เอตทฺาย เมธาวีติ ‘‘เมธา’’ติ ลทฺธนามาย วิปุลาย วิสุทฺธาย อุตฺตมาย ปฺาย สมนฺนาคโต กุลปุตฺโต เอตํ อปณฺณเก เจว สปณฺณเก จาติ ทฺวีสุ อตกฺกคฺคาหตกฺกคฺคาหสงฺขาเตสุ าเนสุ คุณโทสํ วุทฺธิหานึ อตฺถานตฺถํ ตฺวาติ อตฺโถ. ตํ คณฺเห ยทปณฺณกนฺติ ยํ อปณฺณกํ เอกํสิกํ สุกฺกปฏิปทาอปริหานิยปฏิปทาสงฺขาตํ นิยฺยานิกการณํ, ตเทว คณฺเหยฺย. กสฺมา? เอกํสิกาทิภาวโตเยว. อิตรํ ปน น คณฺเหยฺย. กสฺมา? อเนกํสิกาทิภาวโตเยว. อยฺหิ อปณฺณกปฏิปทา นาม สพฺเพสํ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธพุทฺธปุตฺตานํ ปฏิปทา. สพฺพพุทฺธา หิ อปณฺณกปฏิปทายเมว ตฺวา ทฬฺเหน วีริเยน ปารมิโย ปูเรตฺวา โพธิมูเล พุทฺธา นาม โหนฺติ, ปจฺเจกพุทฺธา ปจฺเจกโพธึ อุปฺปาเทนฺติ, พุทฺธปุตฺตา สาวกปารมิาณํ ปฏิวิชฺฌนฺติ.
อิติ ภควา เตสํ อุปาสกานํ ติสฺโส กุลสมฺปตฺติโย จ ฉ กามสคฺเค พฺรหฺมโลกสมฺปตฺติโย จ ทตฺวาปิ ปริโยสาเน อรหตฺตมคฺคผลทายิกา ¶ อปณฺณกปฏิปทา นาม, จตูสุ อปาเยสุ ปฺจสุ จ นีจกุเลสุ นิพฺพตฺติทายิกา สปณฺณกปฏิปทา นามาติ อิมํ อปณฺณกธมฺมเทสนํ ทสฺเสตฺวา อุตฺตริ จตฺตาริ สจฺจานิ โสฬสหิ อากาเรหิ ปกาเสสิ. จตุสจฺจปริโยสาเน สพฺเพปิ เต ปฺจสตา อุปาสกา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสุ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ทสฺเสตฺวา ทฺเว วตฺถูนิ กเถตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนตฺวา ทสฺเสสิ – ‘‘ตสฺมึ สมเย พาลสตฺถวาหปุตฺโต เทวทตฺโต อโหสิ, ตสฺส ปริสา เทวทตฺตปริสาว, ปณฺฑิตสตฺถวาหปุตฺตปริสา พุทฺธปริสา, ปณฺฑิตสตฺถวาหปุตฺโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ เทสนํ นิฏฺาเปสิ.
อปณฺณกชาตกวณฺณนา ปมา.
๒. วณฺณุปถชาตกวณฺณนา
อกิลาสุโนติ ¶ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรนฺโต กเถสิ. กํ ปน อารพฺภาติ? เอกํ โอสฺสฏฺวีริยํ ภิกฺขุํ. ตถาคเต กิร สาวตฺถิยํ วิหรนฺเต เอโก สาวตฺถิวาสี กุลปุตฺโต เชตวนํ คนฺตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปสนฺนจิตฺโต กาเมสุ อาทีนวํ ทิสฺวา ปพฺพชิตฺวา อุปสมฺปทาย ปฺจวสฺสิโก หุตฺวา ทฺเว มาติกา อุคฺคณฺหิตฺวา วิปสฺสนาจารํ สิกฺขิตฺวา สตฺถุ สนฺติเก อตฺตโน จิตฺตรุจิยํ กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา เอกํ อรฺํ ปวิสิตฺวา วสฺสํ อุปคนฺตฺวา เตมาสํ วายมนฺโตปิ โอภาสมตฺตํ วา นิมิตฺตมตฺตํ วา อุปฺปาเทตุํ นาสกฺขิ.
อถสฺส เอตทโหสิ ‘‘สตฺถารา จตฺตาโร ปุคฺคลา กถิตา, เตสุ มยา ปทปรเมน ภวิตพฺพํ, นตฺถิ มฺเ มยฺหํ อิมสฺมึ อตฺตภาเว มคฺโค วา ผลํ วา, กึ กริสฺสามิ อรฺวาเสน, สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา รูปโสภคฺคปฺปตฺตํ พุทฺธสรีรํ โอโลเกนฺโต มธุรํ ธมฺมเทสนํ สุณนฺโต วิหริสฺสามี’’ติ ปุน เชตวนเมว ปจฺจาคมาสิ. อถ นํ สนฺทิฏฺสมฺภตฺตา อาหํสุ – ‘‘อาวุโส, ตฺวํ สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา ‘สมณธมฺมํ กริสฺสามี’ติ คโต, อิทานิ ปน อาคนฺตฺวา สงฺคณิกาย อภิรมมาโน จรสิ, กึ นุ โข เต ปพฺพชิตกิจฺจํ มตฺถกํ ปตฺตํ, อปฺปฏิสนฺธิโก ชาโตสี’’ติ? อาวุโส, อหํ มคฺคํ วา ผลํ วา อลภิตฺวา ‘‘อภพฺพปุคฺคเลน มยา ภวิตพฺพ’’นฺติ วีริยํ โอสฺสชิตฺวา อาคโตมฺหีติ. ‘‘อการณํ เต, อาวุโส, กตํ ทฬฺหวีริยสฺส สตฺถุ สาสเน ปพฺพชิตฺวา วีริยํ โอสฺสชนฺเตน, อยุตฺตํ เต กตํ, เอหิ ตถาคตสฺส ¶ ทสฺเสมา’’ติ ตํ อาทาย สตฺถุ สนฺติกํ อคมํสุ.
สตฺถา ตํ ทิสฺวา เอวมาห ‘‘ภิกฺขเว, ตุมฺเห เอตํ ภิกฺขุํ อนิจฺฉมานํ อาทาย อาคตา, กึ กตํ อิมินา’’ติ? ‘‘ภนฺเต, อยํ ภิกฺขุ เอวรูเป นิยฺยานิกสาสเน ปพฺพชิตฺวา สมณธมฺมํ กโรนฺโต วีริยํ โอสฺสชิตฺวา อาคโต’’ติ อาหํสุ. อถ นํ สตฺถา อาห ‘‘สจฺจํ กิร ตยา ภิกฺขุ วีริยํ โอสฺสฏฺ’’นฺติ? ‘‘สจฺจํ, ภควา’’ติ. ‘‘กึ ปน ตฺวํ ภิกฺขุ เอวรูเป มม สาสเน ปพฺพชิตฺวา ‘อปฺปิจฺโฉ’ติ วา ‘สนฺตุฏฺโ’ติ วา ‘ปวิวิตฺโต’ติ วา ‘อารทฺธวีริโย’ติ วา เอวํ อตฺตานํ อชานาเปตฺวา ‘โอสฺสฏฺวีริโย ภิกฺขู’ติ ชานาเปสิ. นนุ ตฺวํ ปุพฺเพ วีริยวา อโหสิ, ตยา เอเกน กตํ วีริยํ นิสฺสาย มรุกนฺตาเร ปฺจสุ สกฏสเตสุ มนุสฺสา จ โคณา ¶ จ ปานียํ ลภิตฺวา สุขิตา ชาตา ¶ , อิทานิ กสฺมา วีริยํ โอสฺสชสี’’ติ. โส ภิกฺขุ เอตฺตเกน วจเนน อุปตฺถมฺภิโต อโหสิ.
ตํ ปน กถํ สุตฺวา ภิกฺขู ภควนฺตํ ยาจึสุ – ‘‘ภนฺเต, อิทานิ อิมินา ภิกฺขุนา วีริยสฺส โอสฺสฏฺภาโว อมฺหากํ ปากโฏ, ปุพฺเพ ปนสฺส เอกสฺส วีริยํ นิสฺสาย มรุกนฺตาเร โคณมนุสฺสานํ ปานียํ ลภิตฺวา สุขิตภาโว ปฏิจฺฉนฺโน, ตุมฺหากํ สพฺพฺุตฺาณสฺเสว ปากโฏ, อมฺหากมฺเปตํ การณํ กเถถา’’ติ. ‘‘เตน หิ, ภิกฺขเว, สุณาถา’’ติ ภควา เตสํ ภิกฺขูนํ สตุปฺปาทํ ชเนตฺวา ภวนฺตเรน ปฏิจฺฉนฺนการณํ ปากฏมกาสิ.
อตีเต กาสิรฏฺเ พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต สตฺถวาหกุเล ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา วยปฺปตฺโต ปฺจหิ สกฏสเตหิ วณิชฺชํ กโรนฺโต วิจรติ. โส เอกทา สฏฺิโยชนิกํ มรุกนฺตารํ ปฏิปชฺชิ. ตสฺมึ กนฺตาเร สุขุมวาลุกา มุฏฺินา คหิตา หตฺเถ น ติฏฺติ, สูริยุคฺคมนโต ปฏฺาย องฺคารราสิ วิย อุณฺหา โหติ, น สกฺกา อกฺกมิตุํ. ตสฺมา ตํ ปฏิปชฺชนฺตา ทารุทกติลตณฺฑุลาทีนิ สกเฏหิ อาทาย รตฺติเมว คนฺตฺวา อรุณุคฺคมเน สกฏานิ ปริวฏฺฏํ กตฺวา มตฺถเก มณฺฑปํ กาเรตฺวา กาลสฺเสว อาหารกิจฺจํ นิฏฺาเปตฺวา ฉายาย นิสินฺนา ทิวสํ เขเปตฺวา อตฺถงฺคเต สูริเย สายมาสํ ภฺุชิตฺวา ภูมิยา สีตลาย ชาตาย สกฏานิ โยเชตฺวา คจฺฉนฺติ, สมุทฺทคมนสทิสเมว คมนํ โหติ. ถลนิยามโก นาม ลทฺธุํ วฏฺฏติ, โส ตารกสฺา ¶ สตฺถํ ตาเรติ.
โสปิ สตฺถวาโห ตสฺมึ กาเล อิมินาว นิยาเมน ตํ กนฺตารํ คจฺฉนฺโต เอกูนสฏฺิ โยชนานิ คนฺตฺวา ‘‘อิทานิ เอกรตฺเตเนว มรุกนฺตารา นิกฺขมนํ ภวิสฺสตี’’ติ สายมาสํ ภฺุชิตฺวา สพฺพํ ทารุทกํ เขเปตฺวา สกฏานิ โยเชตฺวา ปายาสิ. นิยามโก ปน ปุริมสกเฏ อาสนํ ปตฺถราเปตฺวา อากาเส ตารกํ โอโลเกนฺโต ‘‘อิโต ปาเชถ, อิโต ปาเชถา’’ติ วทมาโน นิปชฺชิ. โส ทีฆมทฺธานํ อนิทฺทายนภาเวน กิลนฺโต นิทฺทํ โอกฺกมิ, โคเณ นิวตฺติตฺวา อาคตมคฺคเมว คณฺหนฺเต น ¶ อฺาสิ. โคณา สพฺพรตฺตึ อคมํสุ. นิยามโก อรุณุคฺคมนเวลาย ปพุทฺโธ นกฺขตฺตํ โอโลเกตฺวา ‘‘สกฏานิ นิวตฺเตถ นิวตฺเตถา’’ติ อาห. สกฏานิ นิวตฺเตตฺวา ปฏิปาฏึ กโรนฺตานฺเว อรุโณ อุคฺคโต. มนุสฺสา ‘‘หิยฺโย อมฺหากํ นิวิฏฺขนฺธาวารฏฺานเมเวตํ, ทารุทกมฺปิ โน ขีณํ, อิทานิ นฏฺมฺหา’’ติ สกฏานิ โมเจตฺวา ปริวฏฺฏเกน เปตฺวา มตฺถเก มณฺฑปํ กตฺวา อตฺตโน อตฺตโน สกฏสฺส เหฏฺา อนุโสจนฺตา นิปชฺชึสุ.
โพธิสตฺโต ¶ ‘‘มยิ วีริยํ โอสฺสชนฺเต สพฺเพ วินสฺสิสฺสนฺตี’’ติ ปาโต สีตลเวลายเมว อาหิณฺฑนฺโต เอกํ ทพฺพติณคจฺฉํ ทิสฺวา ‘‘อิมานิ ติณานิ เหฏฺา อุทกสิเนเหน อุฏฺิตานิ ภวิสฺสนฺตี’’ติ จินฺเตตฺวา กุทฺทาลํ คาหาเปตฺวา ตํ ปเทสํ ขณาเปสิ, เต สฏฺิหตฺถฏฺานํ ขณึสุ. เอตฺตกํ านํ ขณิตฺวา ปหรนฺตานํ กุทฺทาโล เหฏฺาปาสาเณ ปฏิหฺิ, ปหฏมตฺเต สพฺเพ วีริยํ โอสฺสชึสุ. โพธิสตฺโต ปน ‘‘อิมสฺส ปาสาณสฺส เหฏฺา อุทเกน ภวิตพฺพ’’นฺติ โอตริตฺวา ปาสาเณ ิโต โอณมิตฺวา โสตํ โอทหิตฺวา สทฺทํ อาวชฺเชนฺโต เหฏฺา อุทกสฺส ปวตฺตนสทฺทํ สุตฺวา อุตฺตริตฺวา จูฬุปฏฺากํ อาห – ‘‘ตาต, ตยา วีริเย โอสฺสฏฺเ สพฺเพ วินสฺสิสฺสาม, ตฺวํ วีริยํ อโนสฺสชนฺโต อิมํ อยกูฏํ คเหตฺวา อาวาฏํ โอตริตฺวา เอตสฺมึ ปาสาเณ ปหารํ เทหี’’ติ. โส ตสฺส วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา สพฺเพสุ ¶ วีริยํ โอสฺสชิตฺวา ิเตสุปิ วีริยํ อโนสฺสชนฺโต โอตริตฺวา ปาสาเณ ปหารํ อทาสิ. ปาสาโณ มชฺเฌ ภิชฺชิตฺวา เหฏฺา ปติตฺวา โสตํ สนฺนิรุมฺภิตฺวา อฏฺาสิ, ตาลกฺขนฺธปฺปมาณา อุทกวฏฺฏิ อุคฺคฺฉิ. สพฺเพ ปานียํ ปิวิตฺวา นฺหายึสุ, อติเรกานิ อกฺขยุคาทีนิ ผาเลตฺวา ยาคุภตฺตํ ปจิตฺวา ภฺุชิตฺวา โคเณ จ โภเชตฺวา สูริเย อตฺถงฺคเต อุทกาวาฏสมีเป ธชํ พนฺธิตฺวา อิจฺฉิตฏฺานํ อคมํสุ. เต ตตฺถ ภณฺฑํ วิกฺกิณิตฺวา ทิคุณํ ติคุณํ จตุคฺคุณํ ลาภํ ลภิตฺวา อตฺตโน วสนฏฺานเมว อคมํสุ. เต ตตฺถ ยาวตายุกํ ตฺวา ยถากมฺมํ คตา, โพธิสตฺโตปิ ทานาทีนิ ปฺุานิ กตฺวา ยถากมฺมเมว คโต.
สมฺมาสมฺพุทฺโธ อิมํ ธมฺมเทสนํ กเถตฺวา อภิสมฺพุทฺโธว อิมํ คาถํ กเถสิ –
‘‘อกิลาสุโน ¶ วณฺณุปเถ ขณนฺตา, อุทงฺคเณ ตตฺถ ปปํ อวินฺทุํ;
เอวํ มุนี วีริยพลูปปนฺโน, อกิลาสุ วินฺเท หทยสฺส สนฺติ’’นฺติ.
ตตฺถ อกิลาสุโนติ นิกฺโกสชฺชา อารทฺธวีริยา. วณฺณุปเถติ วณฺณุ วุจฺจติ วาลุกา, วาลุกามคฺเคติ อตฺโถ. ขณนฺตาติ ภูมึ ขณมานา. อุทงฺคเณติ เอตฺถ อุทาติ นิปาโต, องฺคเณติ มนุสฺสานํ สฺจรณฏฺาเน, อนาวาเฏ ภูมิภาเคติ อตฺโถ. ตตฺถาติ ตสฺมึ วณฺณุปเถ. ปปํ อวินฺทุนฺติ อุทกํ ปฏิลภึสุ. อุทกฺหิ ปปียนภาเวน ‘‘ปปา’’ติ วุจฺจติ. ปวทฺธํ วา อาปํ ปปํ, มโหทกนฺติ อตฺโถ.
เอวนฺติ โอปมฺมปฏิปาทนํ. มุนีติ โมนํ วุจฺจติ าณํ, กายโมเนยฺยาทีสุ วา อฺตรํ, เตน สมนฺนาคตตฺตา ปุคฺคโล ‘‘มุนี’’ติ วุจฺจติ. โส ปเนส อคาริยมุนิ, อนคาริยมุนิ ¶ , เสกฺขมุนิ, อเสกฺขมุนิ, ปจฺเจกพุทฺธมุนิ, มุนิมุนีติ อเนกวิโธ. ตตฺถ อคาริยมุนีติ คิหี อาคตผโล วิฺาตสาสโน. อนคาริยมุนีติ ตถารูโปว ปพฺพชิโต. เสกฺขมุนีติ สตฺต เสกฺขา. อเสกฺขมุนีติ ขีณาสโว. ปจฺเจกพุทฺธมุนีติ ปจฺเจกสมฺพุทฺโธ. มุนิมุนีติ สมฺมาสมฺพุทฺโธ. อิมสฺมึ ปนตฺเถ สพฺพสงฺคาหกวเสน ¶ โมเนยฺยสงฺขาตาย ปฺาย สมนฺนาคโต ‘‘มุนี’’ติ เวทิตพฺโพ. วีริยพลูปปนฺโนติ วีริเยน เจว กายพลาณพเลน จ สมนฺนาคโต. อกิลาสูติ นิกฺโกสชฺโช –
‘‘กามํ ตโจ จ นฺหารุ จ, อฏฺิ จ อวสิสฺสตุ;
อุปสุสฺสตุ นิสฺเสสํ, สรีเร มํสโลหิต’’นฺติ. –
เอวํ วุตฺเตน จตุรงฺคสมนฺนาคเตน วีริเยน สมนฺนาคตตฺตา อนลโส. วินฺเท หทยสฺส สนฺตินฺติ จิตฺตสฺสปิ หทยรูปสฺสปิ สีตลภาวกรเณน ‘‘สนฺติ’’นฺติ สงฺขํ คตํ ฌานวิปสฺสนาภิฺาอรหตฺตมคฺคาณสงฺขาตํ อริยธมฺมํ วินฺทติ ปฏิลภตีติ อตฺโถ. ภควตา หิ –
‘‘ทุกฺขํ, ภิกฺขเว, กุสีโต วิหรติ โวกิณฺโณ ปาปเกหิ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ, มหนฺตฺจ สทตฺถํ ปริหาเปติ. อารทฺธวีริโย จ โข, ภิกฺขเว, สุขํ วิหรติ ปวิวิตฺโต ปาปเกหิ อกุสเลหิ ¶ ธมฺเมหิ, มหนฺตฺจ สทตฺถํ ปริปูเรติ, น, ภิกฺขเว, หีเนน อคฺคสฺส ปตฺติ โหตี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๒๒) –
เอวํ อเนเกหิ สุตฺเตหิ กุสีตสฺส ทุกฺขวิหาโร, อารทฺธวีริยสฺส จ สุขวิหาโร สํวณฺณิโต. อิธาปิ อารทฺธวีริยสฺส อกตาภินิเวสสฺส วิปสฺสกสฺส วีริยพเลน อธิคนฺตพฺพํ ตเมว สุขวิหารํ ทสฺเสนฺโต ‘‘เอวํ มุนี วีริยพลูปปนฺโน, อกิลาสุ วินฺเท หทยสฺส สนฺติ’’นฺติ อาห. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา เต วาณิชา อกิลาสุโน วณฺณุปเถ ขณนฺตา อุทกํ ลภึสุ, เอวํ อิมสฺมิมฺปิ สาสเน อกิลาสุ หุตฺวา วายมมาโน ปณฺฑิโต ภิกฺขุ อิมํ ฌานาทิเภทํ หทยสฺส สนฺตึ ลภติ. โส ตฺวํ ภิกฺขุ ปุพฺเพ อุทกมตฺตสฺส อตฺถาย วีริยํ กตฺวา อิทานิ เอวรูเป มคฺคผลทายเก นิยฺยานิกสาสเน กสฺมา วีริยํ โอสฺสชสีติ เอวํ อิมํ ธมฺมเทสนํ ทสฺเสตฺวา จตฺตาริ สจฺจานิ ปกาเสสิ, สจฺจปริโยสาเน โอสฺสฏฺวีริโย ภิกฺขุ อคฺคผเล อรหตฺเต ปติฏฺาสิ.
สตฺถาปิ ¶ ทฺเว วตฺถูนิ กเถตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนตฺวา ทสฺเสสิ ‘‘ตสฺมึ สมเย วีริยํ อโนสฺสชิตฺวา ปาสาณํ ภินฺทิตฺวา มหาชนสฺส อุทกทายโก จูฬุปฏฺาโก อยํ โอสฺสฏฺวีริโย ภิกฺขุ อโหสิ, อวเสสปริสา อิทานิ พุทฺธปริสา ชาตา, สตฺถวาหเชฏฺโก ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ เทสนํ นิฏฺาเปสิ.
วณฺณุปถชาตกวณฺณนา ทุติยา.
๓. เสริววาณิชชาตกวณฺณนา
อิธ เจ นํ วิราเธสีติ อิมมฺปิ ธมฺมเทสนํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรนฺโต เอกํ โอสฺสฏฺวีริยเมว ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. ตฺหิ ปุริมนเยเนว ภิกฺขูหิ อานีตํ ทิสฺวา สตฺถา อาห – ‘‘ตฺวํ ภิกฺขุ, เอวรูเป มคฺคผลทายเก สาสเน ¶ ปพฺพชิตฺวา วีริยํ โอสฺสชนฺโต สตสหสฺสคฺฆนิกาย กฺจนปาติยา ปริหีโน เสริววาณิโช วิย จิรํ โสจิสฺสสี’’ติ. ภิกฺขู ตสฺสตฺถสฺส ¶ อาวิภาวตฺถํ ภควนฺตํ ยาจึสุ, ภควา ภวนฺตเรน ปฏิจฺฉนฺนการณํ ปากฏมกาสิ.
อตีเต อิโต ปฺจเม กปฺเป โพธิสตฺโต เสริวรฏฺเ กจฺฉปุฏวาณิโช อโหสิ. โส เสริวนามเกน เอเกน โลลกจฺฉปุฏวาณิเชน สทฺธึ โวหารตฺถาย คจฺฉนฺโต นีลวาหํ นาม นทึ อุตฺตริตฺวา อริฏฺปุรํ นาม นครํ ปวิสนฺโต นครวีถิโย ภาเชตฺวา อตฺตโน ปตฺตวีถิยา ภณฺฑํ วิกฺกิณนฺโต วิจริ. อิตโรปิ อตฺตโน ปตฺตวีถึ คณฺหิ. ตสฺมิฺจ นคเร เอกํ เสฏฺิกุลํ ปริชิณฺณํ อโหสิ, สพฺเพ ปุตฺตภาติกา จ ธนฺจ ปริกฺขยํ อคมํสุ, เอกา ทาริกา อยฺยิกาย สทฺธึ อวเสสา อโหสิ, ตา ทฺเวปิ ปเรสํ ภตึ กตฺวา ชีวนฺติ. เคเห ปน ตาสํ มหาเสฏฺินา ปริภุตฺตปุพฺพา สุวณฺณปาติ ภาชนนฺตเร นิกฺขิตฺตา ทีฆรตฺตํ อวลฺชิยมานา มลคฺคหิตา อโหสิ, ตา ตสฺสา สุวณฺณปาติภาวมฺปิ น ชานนฺติ. โส โลลวาณิโช ตสฺมึ สมเย ‘‘มณิเก คณฺหถ, มณิเก คณฺหถา’’ติ วิจรนฺโต ตํ ฆรทฺวารํ ปาปุณิ. สา กุมาริกา ตํ ทิสฺวา อยฺยิกํ อาห ‘‘อมฺม มยฺหํ เอกํ ปิฬนฺธนํ คณฺหา’’ติ. อมฺม มยํ ทุคฺคตา, กึ ทตฺวา คณฺหิสฺสามาติ. อยํ โน ปาติ อตฺถิ, โน จ อมฺหากํ อุปการา, อิมํ ทตฺวา คณฺหาติ. สา วาณิชํ ปกฺโกสาเปตฺวา อาสเน นิสีทาเปตฺวา ตํ ปาตึ ทตฺวา ‘‘อยฺย, อิมํ คเหตฺวา ตว ภคินิยา กิฺจิเทว เทหี’’ติ อาห. วาณิโช ปาตึ หตฺเถน คเหตฺวาว ‘‘สุวณฺณปาติ ภวิสฺสตี’’ติ ปริวตฺเตตฺวา ปาติปิฏฺิยํ สูจิยา เลขํ กฑฺฒิตฺวา สุวณฺณภาวํ ตฺวา ¶ ‘‘อิมาสํ กิฺจิ อทตฺวาว อิมํ ปาตึ หริสฺสามี’’ติ ‘‘อยํ กึ อคฺฆติ, อฑฺฒมาสโกปิสฺสา มูลํ น ¶ โหตี’’ติ ภูมิยํ ขิปิตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกามิ. เอเกน ปวิสิตฺวา นิกฺขนฺตวีถึ อิตโร ปวิสิตุํ ลภตีติ โพธิสตฺโต ตํ วีถึ ปวิสิตฺวา ‘‘มณิเก คณฺหถ, มณิเก คณฺหถา’’ติ วิจรนฺโต ตเมว ฆรทฺวารํ ปาปุณิ.
ปุน สา กุมาริกา ตเถว อยฺยิกํ อาห. อถ นํ อยฺยิกา ‘‘อมฺม, ปมํ อาคตวาณิโช ปาตึ ภูมิยํ ขิปิตฺวา คโต, อิทานิ กึ ทตฺวา คณฺหิสฺสามา’’ติ อาห. อมฺม, โส วาณิโช ผรุสวาโจ, อยํ ปน ปิยทสฺสโน มุทุสลฺลาโป, อปฺเปว นาม นํ คณฺเหยฺยาติ. อมฺม, เตน หิ ปกฺโกสาหีติ. สา ตํ ปกฺโกสิ. อถสฺส เคหํ ปวิสิตฺวา นิสินฺนสฺส ¶ ตํ ปาตึ อทํสุ. โส ตสฺสา สุวณฺณปาติภาวํ ตฺวา ‘‘อมฺม, อยํ ปาติ สตสหสฺสํ อคฺฆติ, สตสหสฺสคฺฆนกภณฺฑํ มยฺหํ หตฺเถ นตฺถี’’ติ อาห. อยฺย, ปมํ อาคตวาณิโช ‘‘อยํ อฑฺฒมาสกมฺปิ น อคฺฆตี’’ติ วตฺวา ภูมิยํ ขิปิตฺวา คโต, อยํ ปน ตว ปฺุเน สุวณฺณปาติ ชาตา ภวิสฺสติ, มยํ อิมํ ตุยฺหํ เทม, กิฺจิเทว โน ทตฺวา อิมํ คเหตฺวา ยาหีติ. โพธิสตฺโต ตสฺมึ ขเณ หตฺถคตานิ ปฺจ กหาปณสตานิ ปฺจสตคฺฆนกฺจ ภณฺฑํ สพฺพํ ทตฺวา ‘‘มยฺหํ อิมํ ตุลฺจ ปสิพฺพกฺจ อฏฺ จ กหาปเณ เทถา’’ติ เอตฺตกํ ยาจิตฺวา อาทาย ปกฺกามิ. โส สีฆเมว นทีตีรํ คนฺตฺวา นาวิกสฺส อฏฺ กหาปเณ ทตฺวา นาวํ อภิรุหิ.
ตโต โลลวาณิโชปิ ปุน ตํ เคหํ คนฺตฺวา ‘‘อาหรถ ตํ ปาตึ, ตุมฺหากํ กิฺจิเทว ทสฺสามี’’ติ อาห. สา ตํ ปริภาสิตฺวา ‘‘ตฺวํ อมฺหากํ สตสหสฺสคฺฆนิกํ สุวณฺณปาตึ อฑฺฒมาสคฺฆนิกมฺปิ น อกาสิ, ตุยฺหํ ปน สามิกสทิโส เอโก ธมฺมิโก วาณิโช อมฺหากํ สหสฺสํ ทตฺวา ตํ อาทาย คโต’’ติ อาห. ตํ สุตฺวาว ‘‘สตสหสฺสคฺฆนิกาย สุวณฺณปาติยา ปริหีโนมฺหิ, มหาชานิกโร วต เม อย’’นฺติ สฺชาตพลวโสโก สตึ ปจฺจุปฏฺาเปตุํ อสกฺโกนฺโต ¶ วิสฺี หุตฺวา อตฺตโน หตฺถคเต กหาปเณ เจว ภณฺฑิกฺจ ฆรทฺวาเรเยว วิกิริตฺวา นิวาสนปารุปนํ ปหาย ตุลาทณฺฑํ มุคฺครํ กตฺวา อาทาย โพธิสตฺตสฺส อนุปทํ ปกฺกนฺโต นทีตีรํ คนฺตฺวา โพธิสตฺตํ คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อมฺโภ, นาวิก, นาวํ นิวตฺเตหี’’ติ อาห. โพธิสตฺโต ปน ‘‘ตาต, มา นิวตฺตยี’’ติ ปฏิเสเธสิ. อิตรสฺสปิ โพธิสตฺตํ คจฺฉนฺตํ ปสฺสนฺตสฺเสว พลวโสโก อุทปาทิ, หทยํ อุณฺหํ อโหสิ, มุขโต โลหิตํ อุคฺคฺฉิ, วาปิกทฺทโม วิย หทยํ ผลิ. โส โพธิสตฺเต อาฆาตํ พนฺธิตฺวา ตตฺเถว ชีวิตกฺขยํ ปาปุณิ ¶ . อิทํ ปมํ เทวทตฺตสฺส โพธิสตฺเต อาฆาตพนฺธนํ. โพธิสตฺโต ทานาทีนิ ปฺุานิ กตฺวา ยถากมฺมํ คโต.
สมฺมาสมฺพุทฺโธ อิมํ ธมฺมเทสนํ กเถตฺวา อภิสมฺพุทฺโธว อิมํ คาถํ กเถสิ –
‘‘อิธ ¶ เจ นํ วิราเธสิ, สทฺธมฺมสฺส นิยามตํ;
จิรํ ตฺวํ อนุตปฺเปสิ, เสริวายํว วาณิโช’’ติ.
ตตฺถ อิธ เจ นํ วิราเธสิ, สทฺธมฺมสฺส นิยามตนฺติ อิมสฺมึ สาสเน เอตํ สทฺธมฺมสฺส นิยามตาสงฺขาตํ โสตาปตฺติมคฺคํ วิราเธสิ. ยทิ วิราเธสิ, วีริยํ โอสฺสชนฺโต นาธิคจฺฉสิ น ปฏิลภสีติ อตฺโถ. จิรํ ตฺวํ อนุตปฺเปสีติ เอวํ สนฺเต ตฺวํ ทีฆมทฺธานํ โสจนฺโต ปริเทวนฺโต อนุตเปสฺสสิ, อถ วา โอสฺสฏฺวีริยตาย อริยมคฺคสฺส วิราธิตตฺตา ทีฆรตฺตํ นิรยาทีสุ อุปฺปนฺโน นานปฺปการานิ ทุกฺขานิ อนุภวนฺโต อนุตปฺปิสฺสสิ กิลมิสฺสสีติ อยเมตฺถ อตฺโถ. กถํ? เสริวายํว วาณิโชติ ‘‘เสริวา’’ติ เอวํนามโก อยํ วาณิโช ยถา. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา ปุพฺเพ เสริวนามโก วาณิโช สตสหสฺสคฺฆนิกํ สุวณฺณปาตึ ลภิตฺวา ตสฺสา คหณตฺถาย วีริยํ อกตฺวา ตโต ปริหีโน อนุตปฺปิ, เอวเมว ตฺวมฺปิ อิมสฺมึ สาสเน ปฏิยตฺตสุวณฺณปาติสทิสํ อริยมคฺคํ โอสฺสฏฺวีริยตาย อนธิคจฺฉนฺโต ตโต ปริหีโน ทีฆรตฺตํ อนุตปฺปิสฺสสิ. สเจ ปน วีริยํ น โอสฺสชิสฺสสิ, ปณฺฑิตวาณิโช สุวณฺณปาตึ วิย มม สาสเน นววิธมฺปิ โลกุตฺตรธมฺมํ ปฏิลภิสฺสสีติ.
เอวมสฺส ¶ สตฺถา อรหตฺเตน กูฏํ คณฺหนฺโต อิมํ ธมฺมเทสนํ ทสฺเสตฺวา จตฺตาริ สจฺจานิ ปกาเสสิ, สจฺจปริโยสาเน โอสฺสฏฺวีริโย ภิกฺขุ อคฺคผเล อรหตฺเต ปติฏฺาสิ.
สตฺถาปิ ทฺเว วตฺถูนิ กเถตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนตฺวา ทสฺเสสิ – ‘‘ตทา พาลวาณิโช เทวทตฺโต อโหสิ, ปณฺฑิตวาณิโช ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ เทสนํ นิฏฺาเปสิ.
เสริววาณิชชาตกวณฺณนา ตติยา.
๔. จูฬเสฏฺิชาตกวณฺณนา
อปฺปเกนปิ ¶ ¶ เมธาวีติ อิมํ ธมฺมเทสนํ ภควา ราชคหํ อุปนิสฺสาย ชีวกมฺพวเน วิหรนฺโต จูฬปนฺถกตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ.
ตตฺถ จูฬปนฺถกสฺส ตาว นิพฺพตฺติ กเถตพฺพา. ราชคเห กิร ธนเสฏฺิกุลสฺส ธีตา อตฺตโน ทาเสเนว สทฺธึ สนฺถวํ กตฺวา ‘‘อฺเปิ เม อิมํ กมฺมํ ชาเนยฺยุ’’นฺติ ภีตา เอวมาห ‘‘อมฺเหหิ อิมสฺมึ าเน วสิตุํ น สกฺกา, สเจ เม มาตาปิตโร อิมํ โทสํ ชานิสฺสนฺติ, ขณฺฑาขณฺฑํ กริสฺสนฺติ, วิเทสํ คนฺตฺวา วสิสฺสามา’’ติ หตฺถสารํ คเหตฺวา อคฺคทฺวาเรน นิกฺขมิตฺวา ‘‘ยตฺถ วา ตตฺถ วา อฺเหิ อชานนฏฺานํ คนฺตฺวา วสิสฺสามา’’ติ อุโภปิ อคมํสุ.
เตสํ เอกสฺมึ าเน วสนฺตานํ สํวาสมนฺวาย ตสฺสา กุจฺฉิยํ คพฺโภ ปติฏฺาสิ. สา คพฺภปริปากํ อาคมฺม สามิเกน สทฺธึ มนฺเตสิ ‘‘คพฺโภ เม ปริปากํ คโต, าติพนฺธุวิรหิเต าเน คพฺภวุฏฺานํ นาม อุภินฺนมฺปิ อมฺหากํ ทุกฺขเมว, กุลเคหเมว คจฺฉามา’’ติ. โส ‘‘สจาหํ คมิสฺสามิ, ชีวิตํ เม นตฺถี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘อชฺช คจฺฉาม, สฺเว คจฺฉามา’’ติ ทิวเส อติกฺกาเมสิ. สา จินฺเตสิ ‘‘อยํ พาโล อตฺตโน โทสมหนฺตตาย คนฺตุํ น อุสฺสหติ, มาตาปิตโร นาม เอกนฺตหิตา, อยํ คจฺฉตุ วา มา วา, มยา คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ. สา ตสฺมึ เคหา นิกฺขนฺเต เคหปริกฺขารํ ปฏิสาเมตฺวา อตฺตโน กุลฆรํ คตภาวํ อนนฺตรเคหวาสีนํ อาโรเจตฺวา มคฺคํ ปฏิปชฺชิ.
อถ โส ปุริโส ฆรํ อาคโต ตํ อทิสฺวา ปฏิวิสฺสเก ปุจฺฉิตฺวา ‘‘กุลฆรํ คตา’’ติ สุตฺวา เวเคน อนุพนฺธิตฺวา อนฺตรามคฺเค สมฺปาปุณิ. ตสฺสาปิ ตตฺเถว คพฺภวุฏฺานํ อโหสิ. โส ‘‘กึ อิทํ ภทฺเท’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘สามิ, เอโก ปุตฺโต ชาโต’’ติ. ‘‘อิทานิ กึ กริสฺสามา’’ติ? ‘‘ยสฺสตฺถาย มยํ กุลฆรํ คจฺเฉยฺยาม, ตํ กมฺมํ อนฺตราว นิปฺผนฺนํ, ตตฺถ คนฺตฺวา กึ กริสฺสาม, นิวตฺตามา’’ติ ทฺเวปิ เอกจิตฺตา หุตฺวา นิวตฺตึสุ. ตสฺส จ ทารกสฺส ปนฺเถ ชาตตฺตา ‘‘ปนฺถโก’’ติ นามํ อกํสุ ¶ . ตสฺสา น จิรสฺเสว อปโรปิ คพฺโภ ปติฏฺหิ. สพฺพํ ปุริมนเยเนว วิตฺถาเรตพฺพํ. ตสฺสาปิ ทารกสฺส ปนฺเถ ชาตตฺตา ปมชาตสฺส ‘‘มหาปนฺถโก’’ติ นามํ ¶ กตฺวา อิตรสฺส ‘‘จูฬปนฺถโก’’ติ นามํ อกํสุ. เต ทฺเวปิ ทารเก คเหตฺวา อตฺตโน วสนฏฺานเมว อาคตา.
เตสํ ¶ ตตฺถ วสนฺตานํ อยํ มหาปนฺถกทารโก อฺเ ทารเก ‘‘จูฬปิตา มหาปิตา’’ติ, ‘‘อยฺยโก อยฺยิกา’’ติ จ วทนฺเต สุตฺวา มาตรํ ปุจฺฉิ ‘‘อมฺม, อฺเ ทารกา ‘จูฬปิตา มหาปิตา’ติปิ วทนฺติ, ‘อยฺยโก อยฺยิกา’ติปิ วทนฺติ, อมฺหากํ าตกา นตฺถี’’ติ. ‘‘อาม, ตาต, ตุมฺหากํ เอตฺถ าตกา นตฺถิ, ราชคหนคเร ปน โว ธนเสฏฺิ นาม อยฺยโก, ตตฺถ ตุมฺหากํ พหู าตกา’’ติ. ‘‘กสฺมา ตตฺถ น คจฺฉถ, อมฺมา’’ติ? สา อตฺตโน อคมนการณํ ปุตฺตสฺส อกเถตฺวา ปุตฺเตสุ ปุนปฺปุนํ กเถนฺเตสุ สามิกํ อาห – ‘‘อิเม ทารกา มํ อติวิย กิลเมนฺติ, กึ โน มาตาปิตโร ทิสฺวา มํสํ ขาทิสฺสนฺติ, เอหิ ทารกานํ อยฺยกกุลํ ทสฺเสสฺสามา’’ติ. ‘‘อหํ สมฺมุขา ภวิตุํ น สกฺขิสฺสามิ, ตํ ปน ตตฺถ นยิสฺสามี’’ติ. ‘‘สาธุ, อยฺย, เยน เกนจิ อุปาเยน ทารกานํ อยฺยกกุลเมว ทฏฺุํ วฏฺฏตี’’ติ ทฺเวปิ ชนา ทารเก อาทาย อนุปุพฺเพน ราชคหํ ปตฺวา นครทฺวาเร เอกิสฺสา สาลาย นิวาสํ กตฺวา ทารกมาตา ทฺเว ทารเก คเหตฺวา อาคตภาวํ มาตาปิตูนํ อาโรจาเปสิ.
เต ตํ สาสนํ สุตฺวา ‘‘สํสาเร วิจรนฺตานํ น ปุตฺโต น ธีตา นาม นตฺถิ, เต อมฺหากํ มหาปราธิกา, น สกฺกา เตหิ อมฺหากํ จกฺขุปเถ าตุํ, เอตฺตกํ ปน ธนํ คเหตฺวา ทฺเวปิ ชนา ผาสุกฏฺานํ คนฺตฺวา ชีวนฺตุ, ทารเก ปน อิธ เปเสนฺตู’’ติ. เสฏฺิธีตา มาตาปิตูหิ เปสิตํ ธนํ คเหตฺวา ทารเก อาคตทูตานํเยว หตฺเถ ทตฺวา เปเสสิ, ทารกา อยฺยกกุเล วฑฺฒนฺติ. เตสุ จูฬปนฺถโก อติทหโร, มหาปนฺถโก ปน อยฺยเกน สทฺธึ ทสพลสฺส ธมฺมกถํ โสตุํ คจฺฉติ. ตสฺส นิจฺจํ สตฺถุ สมฺมุขา ธมฺมํ สุณนฺตสฺส ปพฺพชฺชาย จิตฺตํ นมิ. โส อยฺยกํ อาห ‘‘สเจ ตุมฺเห สมฺปฏิจฺฉถ, อหํ ปพฺพเชยฺย’’นฺติ. ‘‘กึ วเทสิ, ตาต, มยฺหํ สกลโลกสฺสปิ ปพฺพชฺชาโต ตเวว ปพฺพชฺชา ภทฺทิกา, สเจ สกฺโกสิ, ปพฺพช ตาตา’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คโต. สตฺถา ‘‘กึ มหาเสฏฺิ ทารโก เต ลทฺโธ’’ติ. ‘‘อาม, ภนฺเต อยํ ทารโก มยฺหํ นตฺตา, ตุมฺหากํ ¶ สนฺติเก ปพฺพชามีติ วทตี’’ติ อาห. สตฺถา อฺตรํ ¶ ปิณฺฑจาริกํ ภิกฺขุํ ‘‘อิมํ ทารกํ ปพฺพาเชหี’’ติ อาณาเปสิ. เถโร ตสฺส ตจปฺจกกมฺมฏฺานํ อาจิกฺขิตฺวา ปพฺพาเชสิ. โส พหุํ พุทฺธวจนํ อุคฺคณฺหิตฺวา ปริปุณฺณวสฺโส อุปสมฺปทํ ลภิ. อุปสมฺปนฺโน หุตฺวา โยนิโส มนสิกาเร กมฺมํ กโรนฺโต อรหตฺตํ ปาปุณิ.
โส ฌานสุเขน, มคฺคสุเขน, ผลสุเขน วีตินาเมนฺโต จินฺเตสิ ‘‘สกฺกา นุ โข อิมํ สุขํ จูฬปนฺถกสฺส ทาตุ’’นฺติ. ตโต อยฺยกเสฏฺิสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘มหาเสฏฺิ สเจ ตุมฺเห สมฺปฏิจฺฉถ, อหํ จูฬปนฺถกํ ปพฺพาเชยฺย’’นฺติ อาห. ‘‘ปพฺพาเชถ, ภนฺเต’’ติ. เถโร จูฬปนฺถกทารกํ ¶ ปพฺพาเชตฺวา ทสสุ สีเลสุ ปติฏฺาเปสิ. จูฬปนฺถกสามเณโร ปพฺพชิตฺวาว ทนฺโธ อโหสิ.
‘‘ปทุมํ ยถา โกกนทํ สุคนฺธํ, ปาโต สิยา ผุลฺลมวีตคนฺธํ;
องฺคีรสํ ปสฺส วิโรจมานํ, ตปนฺตมาทิจฺจมิวนฺตลิกฺเข’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๑๒๓; อ. นิ. ๕.๑๙๕) –
อิมํ เอกคาถํ จตูหิ มาเสหิ คณฺหิตุํ นาสกฺขิ. โส กิร กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล ปพฺพชิตฺวา ปฺวา หุตฺวา อฺตรสฺส ทนฺธภิกฺขุโน อุทฺเทสคฺคหณกาเล ปริหาสเกฬึ อกาสิ. โส ภิกฺขุ เตน ปริหาเสน ลชฺชิโต เนว อุทฺเทสํ คณฺหิ, น สชฺฌายมกาสิ. เตน กมฺเมน อยํ ปพฺพชิตฺวาว ทนฺโธ ชาโต, คหิตคหิตํ ปทํ อุปรูปริ ปทํ คณฺหนฺตสฺส นสฺสติ. ตสฺส อิมเมว คาถํ คเหตุํ วายมนฺตสฺส จตฺตาโร มาสา อติกฺกนฺตา.
อถ นํ มหาปนฺถโก อาห ‘‘จูฬปนฺถก, ตฺวํ อิมสฺมึ สาสเน อภพฺโพ, จตูหิ มาเสหิ เอกมฺปิ คาถํ คเหตุํ น สกฺโกสิ, ปพฺพชิตกิจฺจํ ปน ตฺวํ กถํ มตฺถกํ ปาเปสฺสสิ, นิกฺขม อิโต’’ติ วิหารา นิกฺกฑฺฒิ. จูฬปนฺถโก พุทฺธสาสเน สิเนเหน คิหิภาวํ น ปตฺเถติ. ตสฺมิฺจ กาเล มหาปนฺถโก ภตฺตุทฺเทสโก โหติ. ชีวโก โกมารภจฺโจ พหุํ คนฺธมาลํ อาทาย อตฺตโน อมฺพวนํ คนฺตฺวา สตฺถารํ ปูเชตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา อุฏฺายาสนา ทสพลํ วนฺทิตฺวา มหาปนฺถกํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘กิตฺตกา ¶ , ภนฺเต, สตฺถุ สนฺติเก ภิกฺขู’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ปฺจมตฺตานิ ภิกฺขุสตานี’’ติ. ‘‘สฺเว, ภนฺเต, พุทฺธปฺปมุขานิ ปฺจ ภิกฺขุสตานิ อาทาย อมฺหากํ นิเวสเน ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ. ‘‘อุปาสก, จูฬปนฺถโก นาม ภิกฺขุ ทนฺโธ อวิรุฬฺหิธมฺโม, ตํ เปตฺวา เสสานํ นิมนฺตนํ สมฺปฏิจฺฉามี’’ติ ¶ เถโร อาห. ตํ สุตฺวา จูฬปนฺถโก จินฺเตสิ ‘‘เถโร เอตฺตกานํ ภิกฺขูนํ นิมนฺตนํ สมฺปฏิจฺฉนฺโต มํ พาหิรํ กตฺวา สมฺปฏิจฺฉติ, นิสฺสํสยํ มยฺหํ ภาติกสฺส มยิ จิตฺตํ ภินฺนํ ภวิสฺสติ, กึ อิทานิ มยฺหํ อิมินา สาสเนน, คิหี หุตฺวา ทานาทีนิ ปฺุานิ กโรนฺโต ชีวิสฺสามี’’ติ.
โส ปุนทิวเส ปาโตว ‘‘คิหี ภวิสฺสามี’’ติ ปายาสิ. สตฺถา ปจฺจูสกาเลเยว โลกํ โอโลเกนฺโต อิมํ การณํ ทิสฺวา ปมตรํ คนฺตฺวา จูฬปนฺถกสฺส คมนมคฺเค ทฺวารโกฏฺเก จงฺกมนฺโต อฏฺาสิ. จูฬปนฺถโก ฆรํ คจฺฉนฺโต สตฺถารํ ทิสฺวา อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิ. อถ นํ สตฺถา ‘‘กหํ ปน, ตฺวํ จูฬปนฺถก, อิมาย เวลาย คจฺฉสี’’ติ อาห. ภาตา มํ, ภนฺเต, นิกฺกฑฺฒติ ¶ , เตนาหํ วิพฺภมิตุํ คจฺฉามีติ. จูฬปนฺถก, ตว ปพฺพชฺชา นาม มม สนฺตกา, ภาตรา นิกฺกฑฺฒิโต กสฺมา มม สนฺติกํ นาคฺฉิ? เอหิ กึ เต คิหิภาเวน, มม สนฺติเก ภวิสฺสสี’’ติ ภควา จูฬปนฺถกํ อาทาย คนฺตฺวา คนฺธกุฏิปฺปมุเข นิสีทาเปตฺวา ‘‘จูฬปนฺถก, ตฺวํ ปุรตฺถาภิมุโข หุตฺวา อิมํ ปิโลติกํ ‘รโชหรณํ รโชหรณ’นฺติ ปริมชฺชนฺโต อิเธว โหหี’’ติ อิทฺธิยา อภิสงฺขตํ ปริสุทฺธํ ปิโลติกาขณฺฑํ ทตฺวา กาเล อาโรจิเต ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ชีวกสฺส เคหํ คนฺตฺวา ปฺตฺตาสเน นิสีทิ.
จูฬปนฺถโกปิ สูริยํ โอโลเกนฺโต ตํ ปิโลติกาขณฺฑํ ‘‘รโชหรณํ รโชหรณ’’นฺติ ปริมชฺชนฺโต นิสีทิ, ตสฺส ตํ ปิโลติกาขณฺฑํ ปริมชฺชนฺตสฺส ปริมชฺชนฺตสฺส กิลิฏฺํ อโหสิ. ตโต จินฺเตสิ ‘‘อิทํ ปิโลติกาขณฺฑํ อติวิย ปริสุทฺธํ, อิมํ ปน อตฺตภาวํ นิสฺสาย ปุริมปกตึ วิชหิตฺวา เอวํ กิลิฏฺํ ชาตํ, อนิจฺจา วต สงฺขารา’’ติ ขยวยํ ปฏฺเปนฺโต วิปสฺสนํ วฑฺเฒสิ. สตฺถา ‘‘จูฬปนฺถกสฺส จิตฺตํ วิปสฺสนํ อารุฬฺห’’นฺติ ตฺวา ‘‘จูฬปนฺถก, ตฺวํ เอตํ ปิโลติกาขณฺฑเมว สํกิลิฏฺํ รโชรฺชิตํ ชาตนฺติ มา สฺํ กริ, อพฺภนฺตเร ปน เต ราครชาทโย อตฺถิ, เต หราหี’’ติ วตฺวา โอภาสํ วิสฺสชฺเชตฺวา ปุรโต นิสินฺโน วิย ปฺายมานรูโป หุตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘ราโค ¶ รโช น จ ปน เรณุ วุจฺจติ, ราคสฺเสตํ อธิวจนํ รโชติ;
เอตํ รชํ วิปฺปชหิตฺว ภิกฺขโว, วิหรนฺติ เต วิคตรชสฺส สาสเน.
‘‘โทโส ¶ รโช น จ ปน เรณุ วุจฺจติ, โทสสฺเสตํ อธิวจนํ รโชติ;
เอตํ รชํ วิปฺปชหิตฺว ภิกฺขโว, วิหรนฺติ เต วิคตรชสฺส สาสเน.
‘‘โมโห รโช น จ ปน เรณุ วุจฺจติ, โมหสฺเสตํ อธิวจนํ รโชติ;
เอตํ รชํ วิปฺปชหิตฺว ภิกฺขโว, วิหรนฺติ เต วิคตรชสฺส สาสเน’’ติ. (มหานิ. ๒๐๙; จูฬนิ. อุทยมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๗๔);
คาถาปริโยสาเน จูฬปนฺถโก สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ, ปฏิสมฺภิทาหิเยวสฺส ตีณิ ปิฏกานิ อาคมํสุ. โส กิร ปุพฺเพ ราชา หุตฺวา นครํ ปทกฺขิณํ กโรนฺโต นลาฏโต เสเท มุจฺจนฺเต ปริสุทฺเธน สาฏเกน นลาฏนฺตํ ปฺุฉิ, สาฏโก กิลิฏฺโ อโหสิ. โส ‘‘อิมํ สรีรํ ¶ นิสฺสาย เอวรูโป ปริสุทฺโธ สาฏโก ปกตึ ชหิตฺวา กิลิฏฺโ ชาโต, อนิจฺจา วต สงฺขารา’’ติ อนิจฺจสฺํ ปฏิลภิ. เตน การเณนสฺส รโชหรณเมว ปจฺจโย ชาโต.
ชีวโกปิ โข โกมารภจฺโจ ทสพลสฺส ทกฺขิโณทกํ อุปนาเมสิ. สตฺถา ‘‘นนุ, ชีวก, วิหาเร ภิกฺขู อตฺถี’’ติ หตฺเถน ปตฺตํ ปิทหิ. มหาปนฺถโก ‘‘ภนฺเต, วิหาเร นตฺถิ ภิกฺขู’’ติ อาห. สตฺถา ‘‘อตฺถิ ชีวกา’’ติ อาห. ชีวโก ‘‘เตน หิ, ภเณ, คจฺฉ, วิหาเร ภิกฺขูนํ อตฺถิภาวํ วา นตฺถิภาวํ วา ชานาหี’’ติ ปุริสํ เปเสสิ. ตสฺมึ ขเณ จูฬปนฺถโก ‘‘มยฺหํ ภาติโก ‘วิหาเร ภิกฺขู นตฺถี’ติ ภณติ, วิหาเร ภิกฺขูนํ อตฺถิภาวมสฺส ปกาเสสฺสามี’’ติ สกลํ อมฺพวนํ ภิกฺขูนํเยว ปูเรสิ. เอกจฺเจ ภิกฺขู จีวรกมฺมํ กโรนฺติ, เอกจฺเจ รชนกมฺมํ, เอกจฺเจ สชฺฌายํ กโรนฺตีติ เอวํ อฺมฺํ อสทิสํ ภิกฺขุสหสฺสํ มาเปสิ. โส ปุริโส วิหาเร พหู ภิกฺขู ทิสฺวา นิวตฺติตฺวา ‘‘อยฺย ¶ , สกลํ อมฺพวนํ ภิกฺขูหิ ปริปุณฺณ’’นฺติ ชีวกสฺส อาโรเจสิ. เถโรปิ โข ตตฺเถว –
‘‘สหสฺสกฺขตฺตุมตฺตานํ, นิมฺมินิตฺวาน ปนฺถโก;
นิสีทมฺพวเน รมฺเม, ยาว กาลปฺปเวทนา’’ติ. (เถรคา. ๕๖๓);
อถ สตฺถา ตํ ปุริสํ อาห – ‘‘วิหารํ คนฺตฺวา ‘สตฺถา จูฬปนฺถกํ นาม ปกฺโกสตี’ติ วเทหี’’ติ. เตน คนฺตฺวา ตถาวุตฺเต ‘‘อหํ จูฬปนฺถโก, อหํ จูฬปนฺถโก’’ติ มุขสหสฺสํ อุฏฺหิ. ปุริโส คนฺตฺวา ‘‘สพฺเพปิ กิร เต, ภนฺเต, จูฬปนฺถกาเยว นามา’’ติ อาห. เตน หิ ตฺวํ คนฺตฺวา โย ปมํ ‘‘อหํ จูฬปนฺถโก’’ติ วทติ, ตํ ¶ หตฺเถ คณฺห, อวเสสา อนฺตรธายิสฺสนฺตีติ. โส ตถา อกาสิ, ตาวเทว สหสฺสมตฺตา ภิกฺขู อนฺตรธายึสุ. เถโร เตน ปุริเสน สทฺธึ อคมาสิ. สตฺถา ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน ชีวกํ อามนฺเตสิ ‘‘ชีวก, จูฬปนฺถกสฺส ปตฺตํ คณฺห, อยํ เต อนุโมทนํ กริสฺสตี’’ติ. ชีวโก ตถา อกาสิ. เถโร สีหนาทํ นทนฺโต ตรุณสีโห วิย ตีณิ ปิฏกานิ สํโขเภตฺวา อนุโมทนํ อกาสิ.
สตฺถา อุฏฺายาสนา ภิกฺขุสงฺฆปริวาโร วิหารํ คนฺตฺวา ภิกฺขูหิ วตฺเต ทสฺสิเต อุฏฺายาสนา คนฺธกุฏิปฺปมุเข ตฺวา ภิกฺขุสงฺฆสฺส สุคโตวาทํ ทตฺวา กมฺมฏฺานํ กเถตฺวา ภิกฺขุสงฺฆํ อุยฺโยเชตฺวา สุรภิคนฺธวาสิตํ คนฺธกุฏึ ปวิสิตฺวา ทกฺขิเณน ปสฺเสน สีหเสยฺยํ อุปคโต. อถ สายนฺหสมเย ธมฺมสภายํ ภิกฺขู อิโต จิโต จ สโมสริตฺวา รตฺตกมฺพลสาณึ ปริกฺขิปนฺตา ¶ วิย นิสีทิตฺวา สตฺถุ คุณกถํ อารภึสุ ‘‘อาวุโส, มหาปนฺถโก จูฬปนฺถกสฺส อชฺฌาสยํ อชานนฺโต ‘จตูหิ มาเสหิ เอกคาถํ คณฺหิตุํ น สกฺโกติ, ทนฺโธ อย’นฺติ วิหารา นิกฺกฑฺฒิ, สมฺมาสมฺพุทฺโธ ปน อตฺตโน อนุตฺตรธมฺมราชตาย เอกสฺมึเยวสฺส อนฺตรภตฺเต สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ อทาสิ, ตีณิ ปิฏกานิ ปฏิสมฺภิทาหิเยว อาคตานิ, อโห พุทฺธานํ พลํ นาม มหนฺต’’นฺติ.
อถ ภควา ธมฺมสภายํ อิมํ กถาปวตฺตึ ตฺวา ‘‘อชฺช มยา คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ พุทฺธเสยฺยาย อุฏฺาย สุรตฺตทุปฏฺฏํ นิวาเสตฺวา วิชฺชุลตํ วิย กายพนฺธนํ ¶ พนฺธิตฺวา รตฺตกมฺพลสทิสํ สุคตมหาจีวรํ ปารุปิตฺวา สุรภิคนฺธกุฏิโต นิกฺขมฺม มตฺตวารโณ วิย สีหวิกฺกนฺตวิลาเสน วิชมฺภมาโน สีโห วิย อนนฺตาย พุทฺธลีลาย ธมฺมสภํ คนฺตฺวา อลงฺกตมณฺฑปมชฺเฌ สุปฺตฺตวรพุทฺธาสนํ อภิรุยฺห ฉพฺพณฺณพุทฺธรสฺมิโย วิสฺสชฺเชนฺโต อณฺณวกุจฺฉึ โอภาสยมาโน ยุคนฺธรมตฺถเก พาลสูริโย วิย อาสนมชฺเฌ นิสีทิ. สมฺมาสมฺพุทฺเธ ปน อาคตมตฺเต ภิกฺขุสงฺโฆ กถํ ปจฺฉินฺทิตฺวา ตุณฺหี อโหสิ.
สตฺถา มุทุเกน เมตฺตจิตฺเตน ปริสํ โอโลเกตฺวา ‘‘อยํ ปริสา อติวิย โสภติ, เอกสฺสปิ หตฺถกุกฺกุจฺจํ วา ปาทกุกฺกุจฺจํ วา อุกฺกาสิตสทฺโท วา ขิปิตสทฺโท วา นตฺถิ, สพฺเพปิเม พุทฺธคารเวน สคารวา พุทฺธเตเชน ตชฺชิตา มยิ อายุกปฺปมฺปิ อกเถตฺวา นิสินฺเน ปมํ กถํ สมุฏฺาเปตฺวา น กเถสฺสนฺติ, กถาสมุฏฺาปนวตฺตํ นาม มยาว ชานิตพฺพํ, อหเมว ปมํ กเถสฺสามี’’ติ มธุเรน พฺรหฺมสฺสเรน ภิกฺขู อามนฺเตตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว ¶ , เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา, กา จ ปน โว อนฺตรากถา วิปฺปกตา’’ติ อาห. ภนฺเต, น มยํ อิมสฺมึ าเน นิสินฺนา อฺํ ติรจฺฉานกถํ กเถม, ตุมฺหากํเยว ปน คุเณ วณฺณยมานา นิสินฺนามฺห ‘‘อาวุโส มหาปนฺถโก จูฬปนฺถกสฺส อชฺฌาสยํ อชานนฺโต ‘จตูหิ มาเสหิ เอกํ คาถํ คณฺหิตุํ น สกฺโกติ, ทนฺโธ อย’นฺติ วิหารา นิกฺกฑฺฒิ, สมฺมาสมฺพุทฺโธ ปน อนุตฺตรธมฺมราชตาย เอกสฺมึเยวสฺส อนฺตรภตฺเต สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ อทาสิ, อโห พุทฺธานํ พลํ นาม มหนฺต’’นฺติ. สตฺถา ภิกฺขูนํ กถํ สุตฺวา ‘‘ภิกฺขเว, จูฬปนฺถโก มํ นิสฺสาย อิทานิ ตาว ธมฺเมสุ ธมฺมมหนฺตตํ ปตฺโต, ปุพฺเพ ปน มํ นิสฺสาย โภเคสุปิ โภคมหนฺตตํ ปาปุณี’’ติ อาห. ภิกฺขู ตสฺสตฺถสฺส อาวิภาวตฺถํ ภควนฺตํ ยาจึสุ. ภควา ภวนฺตเรน ปฏิจฺฉนฺนํ การณํ ปากฏํ อกาสิ.
อตีเต กาสิรฏฺเ พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต เสฏฺิกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ¶ เสฏฺิฏฺานํ ลภิตฺวา จูฬเสฏฺิ นาม อโหสิ, โส ปณฺฑิโต พฺยตฺโต สพฺพนิมิตฺตานิ ชานาติ. โส เอกทิวสํ ราชุปฏฺานํ คจฺฉนฺโต อนฺตรวีถิยํ มตมูสิกํ ทิสฺวา ตงฺขณฺเว นกฺขตฺตํ ¶ สมาเนตฺวา อิทมาห ‘‘สกฺกา จกฺขุมตา กุลปุตฺเตน อิมํ อุนฺทูรํ คเหตฺวา ปุตฺตทารภรณฺจ กาตุํ กมฺมนฺเต จ ปโยเชตุ’’นฺติ? อฺตโร ทุคฺคตกุลปุตฺโต ตํ เสฏฺิสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘นายํ อชานิตฺวา กเถสฺสตี’’ติ ตํ มูสิกํ คเหตฺวา เอกสฺมึ อาปเณ พิฬาลสฺสตฺถาย วิกฺกิณิตฺวา กากณิกํ ลภิตฺวา ตาย กากณิกาย ผาณิตํ คเหตฺวา เอเกน ฆเฏน ปานียํ คณฺหิ. โส อรฺโต อาคจฺฉนฺเต มาลากาเร ทิสฺวา โถกํ โถกํ ผาณิตขณฺฑํ ทตฺวา อุฬุงฺเกน ปานียํ อทาสิ, เต จสฺส เอเกกํ ปุปฺผมุฏฺึ อทํสุ. โส เตน ปุปฺผมูเลน ปุนทิวเสปิ ผาณิตฺจ ปานียฆฏฺจ คเหตฺวา ปุปฺผารามเมว คโต. ตสฺส ตํ ทิวสํ มาลาการา อฑฺโฒจิตเก ปุปฺผคจฺเฉ ทตฺวา อคมํสุ. โส น จิรสฺเสว อิมินา อุปาเยน อฏฺ กหาปเณ ลภิ.
ปุน เอกสฺมึ วาตวุฏฺิทิวเส ราชุยฺยาเน พหู สุกฺขทณฺฑกา จ สาขา จ ปลาสฺจ วาเตน ปาติตํ โหติ, อุยฺยานปาโล ฉฑฺเฑตุํ อุปายํ น ปสฺสติ ¶ . โส ตตฺถ คนฺตฺวา ‘‘สเจ อิมานิ ทารุปณฺณานิ มยฺหํ ทสฺสสิ, อหํ เต อิมานิ สพฺพานิ นีหริสฺสามี’’ติ อุยฺยานปาลํ อาห, โส ‘‘คณฺห อยฺยา’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ. จูฬนฺเตวาสิโก ทารกานํ กีฬนมณฺฑลํ คนฺตฺวา ผาณิตํ ทตฺวา มุหุตฺเตน สพฺพานิ ทารุปณฺณานิ นีหราเปตฺวา อุยฺยานทฺวาเร ราสึ กาเรสิ. ตทา ราชกุมฺภกาโร ราชกุเล ภาชนานํ ปจนตฺถาย ทารูนิ ปริเยสมาโน อุยฺยานทฺวาเร ตานิ ทิสฺวา ตสฺส หตฺถโต กิณิตฺวา คณฺหิ. ตํ ทิวสํ จูฬนฺเตวาสิโก ทารุวิกฺกเยน โสฬส กหาปเณ จาฏิอาทีนิ จ ปฺจ ภาชนานิ ลภิ.
โส จตุวีสติยา กหาปเณสุ ชาเตสุ ‘‘อตฺถิ อยํ อุปาโย มยฺห’’นฺติ นครทฺวารโต อวิทูเร าเน เอกํ ปานียจาฏึ เปตฺวา ปฺจสเต ติณหารเก ปานีเยน อุปฏฺหิ. เต อาหํสุ ‘‘สมฺม, ตฺวํ อมฺหากํ พหูปกาโร, กึ เต กโรมา’’ติ? โส ‘‘มยฺหํ กิจฺเจ อุปฺปนฺเน กริสฺสถา’’ติ วตฺวา อิโต จิโต จ วิจรนฺโต ถลปถกมฺมิเกน จ ชลปถกมฺมิเกน จ สทฺธึ มิตฺตสนฺถวํ อกาสิ. ตสฺส ถลปถกมฺมิโก ‘‘สฺเว อิมํ นครํ อสฺสวาณิชโก ปฺจ อสฺสสตานิ คเหตฺวา อาคมิสฺสตี’’ติ อาจิกฺขิ. โส ตสฺส วจนํ สุตฺวา ติณหารเก อาห ‘‘อชฺช มยฺหํ เอเกกํ ติณกลาปํ เทถ, มยา จ ติเณ อวิกฺกิณิเต อตฺตโน ติณํ มา วิกฺกิณถา’’ติ. เต ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ¶ ปฺจ ติณกลาปสตานิ อาหริตฺวา ตสฺส ¶ ฆเร ปาปยึสุ. อสฺสวาณิโช สกลนคเร อสฺสานํ โคจรํ อลภิตฺวา ตสฺส สหสฺสํ ทตฺวา ตํ ติณํ คณฺหิ.
ตโต กติปาหจฺจเยนสฺส ชลปถกมฺมิโก สหายโก อาโรเจสิ ‘‘ปฏฺฏนมฺหิ มหานาวา อาคตา’’ติ. โส ‘‘อตฺถิ อยํ อุปาโย’’ติ อฏฺหิ กหาปเณหิ สพฺพปริวารสมฺปนฺนํ ตาวกาลิกํ รถํ คเหตฺวา มหนฺเตน ยเสน นาวาปฏฺฏนํ คนฺตฺวา เอกํ องฺคุลิมุทฺทิกํ นาวิกสฺส สจฺจการํ ทตฺวา อวิทูเร าเน สาณิยา ปริกฺขิปาเปตฺวา นิสินฺโน ปุริเส อาณาเปสิ ‘‘พาหิรโต วาณิเชสุ อาคเตสุ ตติเยน ปฏิหาเรน มํ อาโรเจถา’’ติ ¶ . ‘‘นาวา อาคตา’’ติ สุตฺวา พาราณสิโต สตมตฺตา วาณิชา ‘‘ภณฺฑํ คณฺหามา’’ติ อาคมึสุ. ภณฺฑํ ตุมฺเห น ลภิสฺสถ, อสุกฏฺาเน นาม มหาวาณิเชน สจฺจกาโร ทินฺโนติ. เต ตํ สุตฺวา ตสฺส สนฺติกํ อาคตา. ปาทมูลิกปุริสา ปุริมสฺาวเสน ตติเยน ปฏิหาเรน เตสํ อาคตภาวํ อาโรเจสุํ. เต สตมตฺตา วาณิชา เอเกกํ สหสฺสํ ทตฺวา เตน สทฺธึ นาวาย ปตฺติกา หุตฺวา ปุน เอเกกํ สหสฺสํ ทตฺวา ปตฺตึ วิสฺสชฺชาเปตฺวา ภณฺฑํ อตฺตโน สนฺตกมกํสุ.
จูฬนฺเตวาสิโก ทฺเว สตสหสฺสานิ คณฺหิตฺวา พาราณสึ อาคนฺตฺวา ‘‘กตฺุนา เม ภวิตุํ วฏฺฏตี’’ติ เอกํ สตสหสฺสํ คาหาเปตฺวา จูฬเสฏฺิสฺส สมีปํ คโต. อถ นํ เสฏฺิ ‘‘กึ เต, ตาต, กตฺวา อิทํ ธนํ ลทฺธ’’นฺติ ปุจฺฉิ. โส ‘‘ตุมฺเหหิ กถิตอุปาเย ตฺวา จตุมาสมฺภนฺตเรเยว ลทฺธ’’นฺติ มตมูสิกํ อาทึ กตฺวา สพฺพํ วตฺถุํ กเถสิ. จูฬเสฏฺิ ตสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘อิทานิ เอวรูปํ ทารกํ มม สนฺตกํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วยปฺปตฺตํ อตฺตโน ธีตรํ ทตฺวา สกลกุฏุมฺพสฺส สามิกํ อกาสิ. โส เสฏฺิโน อจฺจเยน ตสฺมึ นคเร เสฏฺิฏฺานํ ลภิ. โพธิสตฺโตปิ ยถากมฺมํ อคมาสิ.
สมฺมาสมฺพุทฺโธปิ อิมํ ธมฺมเทสนํ กเถตฺวา อภิสมฺพุทฺโธว อิมํ คาถํ กเถสิ –
‘‘อปฺปเกนปิ เมธาวี, ปาภเตน วิจกฺขโณ;
สมุฏฺาเปติ อตฺตานํ, อณุํ อคฺคึว สนฺธม’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ อปฺปเกนปีติ โถเกนปิ ปริตฺตเกนปิ. เมธาวีติ ปฺวา. ปาภเตนาติ ภณฺฑมูเลน. วิจกฺขโณติ โวหารกุสโล. สมุฏฺาเปติ อตฺตานนฺติ มหนฺตํ ธนฺจ ยสฺจ อุปฺปาเทตฺวา ตตฺถ อตฺตานํ สณฺาเปติ ปติฏฺาเปติ. ยถา กึ? อณุํ อคฺคึว สนฺธมํ, ยถา ปณฺฑิตปุริโส ¶ ปริตฺตํ อคฺคึ อนุกฺกเมน โคมยจุณฺณาทีนิ ปกฺขิปิตฺวา มุขวาเตน ธมนฺโต สมุฏฺาเปติ วฑฺเฒติ มหนฺตํ อคฺคิกฺขนฺธํ กโรติ, เอวเมว ปณฺฑิโต โถกมฺปิ ปาภตํ ลภิตฺวา นานาอุปาเยหิ ปโยเชตฺวา ธนฺจ ยสฺจ วฑฺเฒติ ¶ , วฑฺเฒตฺวา จ ปน ตตฺถ อตฺตานํ ปติฏฺาเปติ, ตาย เอว วา ปน ธนยสมหนฺตตาย อตฺตานํ สมุฏฺาเปติ, อภิฺาตํ ปากฏํ กโรตีติ อตฺโถ.
อิติ ภควา ‘‘ภิกฺขเว, จูฬปนฺถโก มํ นิสฺสาย อิทานิ ธมฺเมสุ ธมฺมมหนฺตตํ ปตฺโต, ปุพฺเพ ปน โภเคสุปิ โภคมหนฺตตํ ปาปุณี’’ติ เอวํ อิมํ ธมฺมเทสนํ ทสฺเสตฺวา ทฺเว วตฺถูนิ กเถตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ ‘‘ตทา จูฬนฺเตวาสิโก จูฬปนฺถโก อโหสิ, จูฬกเสฏฺิ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ เทสนํ นิฏฺาเปสิ.
จูฬเสฏฺิชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.
๕. ตณฺฑุลนาฬิชาตกวณฺณนา
กิมคฺฆติ ตณฺฑุลนาฬิกาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ลาลุทายิตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ. ตสฺมึ สมเย อายสฺมา ทพฺโพ มลฺลปุตฺโต สงฺฆสฺส ภตฺตุทฺเทสโก โหติ. ตสฺมึ ปาโตว สลากภตฺตานิ อุทฺทิสมาเน ลาลุทายิตฺเถรสฺส กทาจิ วรภตฺตํ ปาปุณาติ, กทาจิ ลามกภตฺตํ. โส ลามกภตฺตสฺส ปตฺตทิวเส สลากคฺคํ อากุลํ กโรติ, ‘‘กึ ทพฺโพว สลากํ ทาตุํ ชานาติ, อมฺเห น ชานามา’’ติ วทติ. ตสฺมึ สลากคฺคํ อากุลํ กโรนฺเต ‘‘หนฺท ทานิ ตฺวเมว สลากํ เทหี’’ติ สลากปจฺฉึ อทํสุ. ตโต ปฏฺาย โส สงฺฆสฺส สลากํ อทาสิ. เทนฺโต จ ปน ‘‘อิทํ วรภตฺต’’นฺติ วา ‘‘ลามกภตฺต’’นฺติ วา ‘‘อสุกวสฺสคฺเค วรภตฺต’’นฺติ วา ‘‘อสุกวสฺสคฺเค ลามกภตฺต’’นฺติ วา น ชานาติ, ิติกํ กโรนฺโตปิ ‘‘อสุกวสฺสคฺเค ิติกา’’ติ น ¶ สลฺลกฺเขติ. ภิกฺขูนํ ิตเวลาย ‘‘อิมสฺมึ าเน อยํ ิติกา ิตา, อิมสฺมึ าเน อย’’นฺติ ภูมิยํ วา ภิตฺติยํ วา เลขํ กฑฺฒติ. ปุนทิวเส สลากคฺเค ภิกฺขู มนฺทตรา วา โหนฺติ พหุตรา วา, เตสุ มนฺทตเรสุ เลขา เหฏฺา โหติ, พหุตเรสุ อุปริ. โส ิติกํ อชานนฺโต เลขาสฺาย สลากํ เทติ.
อถ นํ ภิกฺขู ‘‘อาวุโส, อุทายิ, เลขา นาม เหฏฺา วา โหติ อุปริ วา, วรภตฺตํ ปน อสุกวสฺสคฺเค ิตํ, ลามกภตฺตํ อสุกวสฺสคฺเค’’ติ อาหํสุ. โส ภิกฺขู ปฏิปฺผรนฺโต ‘‘ยทิ ¶ เอวํ อยํ เลขา กสฺมา เอวํ ิตา, กึ อหํ ตุมฺหากํ สทฺทหามิ, อิมิสฺสา เลขาย สทฺทหามี’’ติ วทติ. อถ นํ ทหรา จ สามเณรา จ ‘‘อาวุโส ลาลุทายิ ¶ ตยิ สลากํ เทนฺเต ภิกฺขู ลาเภน ปริหายนฺติ, น ตฺวํ ทาตุํ อนุจฺฉวิโก, คจฺฉ อิโต’’ติ สลากคฺคโต นิกฺกฑฺฒึสุ. ตสฺมึ ขเณ สลากคฺเค มหนฺตํ โกลาหลํ อโหสิ. ตํ สุตฺวา สตฺถา อานนฺทตฺเถรํ ปุจฺฉิ ‘‘อานนฺท, สลากคฺเค มหนฺตํ โกลาหลํ, กึ สทฺโท นาเมโส’’ติ. เถโร ตถาคตสฺส ตมตฺถํ อาโรเจสิ. ‘‘อานนฺท, น อิทาเนว ลาลุทายิ อตฺตโน พาลตาย ปเรสํ ลาภหานึ กโรติ, ปุพฺเพปิ อกาสิเยวา’’ติ อาห. เถโร ตสฺสตฺถสฺส อาวิภาวตฺถํ ภควนฺตํ ยาจิ. ภควา ภวนฺตเรน ปฏิจฺฉนฺนํ การณํ ปากฏํ อกาสิ.
อตีเต กาสิรฏฺเ พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺโต ราชา อโหสิ. ตทา อมฺหากํ โพธิสตฺโต ตสฺส อคฺฆาปนิโก อโหสิ. หตฺถิอสฺสาทีนิ เจว มณิสุวณฺณาทีนิ จ อคฺฆาเปสิ, อคฺฆาเปตฺวา ภณฺฑสามิกานํ ภณฺฑานุรูปเมว มูลํ ทาเปสิ. ราชา ปน ลุทฺโธ โหติ, โส โลภปกติตาย เอวํ จินฺเตสิ ‘‘อยํ อคฺฆาปนิโก เอวํ อคฺฆาเปนฺโต น จิรสฺเสว มม เคเห ธนํ ปริกฺขยํ คเมสฺสติ, อฺํ อคฺฆาปนิกํ กริสฺสามี’’ติ. โส สีหปฺชรํ อุคฺฆาเฏตฺวา ราชงฺคณํ โอโลเกนฺโต เอกํ คามิกมนุสฺสํ โลลพาลํ ราชงฺคเณน คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘เอส มยฺหํ อคฺฆาปนิกกมฺมํ กาตุํ สกฺขิสฺสตี’’ติ ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สกฺขิสฺสสิ, ภเณ, อมฺหากํ อคฺฆาปนิกกมฺมํ กาตุ’’นฺติ อาห. สกฺขิสฺสามิ, เทวาติ. ราชา อตฺตโน ธนรกฺขณตฺถาย ตํ พาลํ อคฺฆาปนิกกมฺเม เปสิ. ตโต ปฏฺาย โส พาโล หตฺถิอสฺสาทีนิ อคฺฆาเปนฺโต อคฺฆํ หาเปตฺวา ¶ ยถารุจิยา กเถติ. ตสฺส านนฺตเร ิตตฺตา ยํ โส กเถติ, ตเมว มูลํ โหติ.
ตสฺมึ กาเล อุตฺตราปถโต เอโก อสฺสวาณิโช ปฺจ อสฺสสตานิ อาเนสิ. ราชา ตํ ปุริสํ ปกฺโกสาเปตฺวา อสฺเส อคฺฆาเปสิ. โส ปฺจนฺนํ อสฺสสตานํ เอกํ ตณฺฑุลนาฬิกํ อคฺฆมกาสิ. กตฺวา จ ปน ‘‘อสฺสวาณิชสฺส เอกํ ตณฺฑุลนาฬิกํ เทถา’’ติ วตฺวา อสฺเส อสฺสสาลายํ ¶ สณฺาเปสิ. อสฺสวาณิโช โปราณอคฺฆาปนิกสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ตํ ปวตฺตึ อาโรเจตฺวา ‘‘อิทานิ กึ กตฺตพฺพ’’นฺติ ปุจฺฉิ. โส อาห ‘‘ตสฺส ปุริสสฺส ลฺชํ ทตฺวา เอวํ ปุจฺฉถ ‘อมฺหากํ ตาว อสฺสา เอกํ ตณฺฑุลนาฬิกํ อคฺฆนฺตีติ าตเมตํ, ตุมฺเห ปน นิสฺสาย ตณฺฑุลนาฬิยา อคฺฆํ ชานิตุกามมฺหา, สกฺขิสฺสถ โน รฺโ สนฺติเก ตฺวา สา ตณฺฑุลนาฬิกา อิทํ นาม อคฺฆตีติ วตฺตุ’นฺติ, สเจ สกฺโกมีติ วทติ, ตํ คเหตฺวา รฺโ สนฺติกํ คจฺฉถ, อหมฺปิ ตตฺถ อาคมิสฺสามี’’ติ.
อสฺสวาณิโช ¶ ‘‘สาธู’’ติ โพธิสตฺตสฺส วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา อคฺฆาปนิกสฺส ลฺชํ ทตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจสิ. โส ลฺชํ ลภิตฺวาว ‘‘สกฺขิสฺสามิ ตณฺฑุลนาฬึ อคฺฆาเปตุ’’นฺติ. ‘‘เตน หิ คจฺฉาม ราชกุล’’นฺติ ตํ อาทาย รฺโ สนฺติกํ อคมาสิ. โพธิสตฺโตปิ อฺเปิ พหู อมจฺจา อคมึสุ. อสฺสวาณิโช ราชานํ วนฺทิตฺวา อาห – ‘‘เทว, ปฺจนฺนํ อสฺสสตานํ เอกํ ตณฺฑุลนาฬึ อคฺฆนกภาวํ ชานาม, สา ปน ตณฺฑุลนาฬิ กึ อคฺฆตีติ อคฺฆาปนิกํ ปุจฺฉถ เทวา’’ติ. ราชา ตํ ปวตฺตึ อชานนฺโต ‘‘อมฺโภ อคฺฆาปนิก, ปฺจ อสฺสสตานิ กึ อคฺฆนฺตี’’ติ ปุจฺฉิ. ตณฺฑุลนาฬึ, เทวาติ. ‘‘โหตุ, ภเณ, อสฺสา ตาว ตณฺฑุลนาฬึ อคฺฆนฺตุ. สา ปน กึ อคฺฆติ ตณฺฑุลนาฬิกา’’ติ ปุจฺฉิ. โส พาลปุริโส ‘‘พาราณสึ สนฺตรพาหิรํ อคฺฆติ ตณฺฑุลนาฬิกา’’ติ อาห. โส กิร ปุพฺเพ ราชานํ อนุวตฺตนฺโต เอกํ ตณฺฑุลนาฬึ อสฺสานํ อคฺฆมกาสิ. ปุน วาณิชสฺส หตฺถโต ลฺชํ ลภิตฺวา ตสฺสา ตณฺฑุลนาฬิกาย พาราณสึ สนฺตรพาหิรํ อคฺฆมกาสิ. ตทา ปน พาราณสิยา ปาการปริกฺเขโป ทฺวาทสโยชนิโก โหติ. อิทมสฺส อนฺตรํ, พาหิรํ ปน ติโยชนสติกํ รฏฺํ. อิติ โส พาโล ¶ เอวํ มหนฺตํ พาราณสึ สนฺตรพาหิรํ ตณฺฑุลนาฬิกาย อคฺฆมกาสิ.
ตํ สุตฺวา อมจฺจา ปาณึ ¶ ปหริตฺวา หสมานา ‘‘มยํ ปุพฺเพ ปถวิฺจ รชฺชฺจ อนคฺฆนฺติ สฺิโน อหุมฺห, เอวํ มหนฺตํ กิร สราชกํ พาราณสิรชฺชํ ตณฺฑุลนาฬิมตฺตํ อคฺฆติ, อโห อคฺฆาปนิกสฺส าณสมฺปทา. กหํ เอตฺตกํ กาลํ อยํ อคฺฆาปนิโก วิหาสิ, อมฺหากํ รฺโ เอว อนุจฺฉวิโก’’ติ ปริหาสํ อกํสุ –
‘‘กิมคฺฆติ ตณฺฑุลนาฬิกายํ, อสฺสาน มูลาย วเทหิ ราช;
พาราณสึ สนฺตรพาหิรํ, อยมคฺฆติ ตณฺฑุลนาฬิกา’’ติ.
ตสฺมึ กาเล ราชา ลชฺชิโต ตํ พาลํ นิกฺกฑฺฒาเปตฺวา โพธิสตฺตสฺเสว อคฺฆาปนิกฏฺานํ อทาสิ. โพธิสตฺโตปิ ยถากมฺมํ คโต.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ทฺเว วตฺถูนิ กเถตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ ‘‘ตทา คามิกพาลอคฺฆาปนิโก ลาลุทายี อโหสิ, ปณฺฑิตอคฺฆาปนิโก ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ เทสนํ นิฏฺาเปสิ.
ตณฺฑุลนาฬิชาตกวณฺณนา ปฺจมา.
๖. เทวธมฺมชาตกวณฺณนา
หิริโอตฺตปฺปสมฺปนฺนาติ ¶ อิทํ ภควา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ พหุภณฺฑิกํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. สาวตฺถิวาสี กิเรโก กุฏุมฺพิโก ภริยาย กาลกตาย ปพฺพชิ. โส ปพฺพชนฺโต อตฺตโน ปริเวณฺจ อคฺคิสาลฺจ ภณฺฑคพฺภฺจ กาเรตฺวา ภณฺฑคพฺภํ สปฺปิตณฺฑุลาทีหิ ปูเรตฺวา ปพฺพชิ. ปพฺพชิตฺวา จ ปน อตฺตโน ทาเส ปกฺโกสาเปตฺวา ยถารุจิตํ อาหารํ ปจาเปตฺวา ภฺุชติ, พหุปริกฺขาโร จ อโหสิ ¶ , รตฺตึ อฺํ นิวาสนปารุปนํ โหติ, ทิวา อฺํ. วิหารปจฺจนฺเต วสติ. ตสฺเสกทิวสํ จีวรปจฺจตฺถรณาทีนิ นีหริตฺวา ปริเวเณ ปตฺถริตฺวา สุกฺขาเปนฺตสฺส สมฺพหุลา ชานปทา ภิกฺขู เสนาสนจาริกํ อาหิณฺฑนฺตา ปริเวณํ คนฺตฺวา จีวราทีนิ ทิสฺวา ‘‘กสฺสิมานี’’ติ ปุจฺฉึสุ. โส ‘‘มยฺหํ, อาวุโส’’ติ อาห. ‘‘อาวุโส, อิทมฺปิ จีวรํ, อิทมฺปิ นิวาสนํ, อิทมฺปิ ปจฺจตฺถรณํ, สพฺพํ ตุยฺหเมวา’’ติ? ‘‘อาม มยฺหเมวา’’ติ. ‘‘อาวุโส ภควตา ตีณิ จีวรานิ อนฺุาตานิ, ตฺวํ เอวํ อปฺปิจฺฉสฺส พุทฺธสฺส สาสเน ปพฺพชิตฺวา เอวํ พหุปริกฺขาโร ชาโต, เอหิ ตํ ทสพลสฺส สนฺติกํ เนสฺสามา’’ติ ตํ อาทาย สตฺถุ สนฺติกํ อคมํสุ.
สตฺถา ทิสฺวาว ‘‘กึ นุ โข, ภิกฺขเว ¶ , อนิจฺฉมานกํเยว ภิกฺขุํ คณฺหิตฺวา อาคตตฺถา’’ติ อาห. ‘‘ภนฺเต, อยํ ภิกฺขุ พหุภณฺโฑ พหุปริกฺขาโร’’ติ. ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ พหุภณฺโฑ’’ติ? ‘‘สจฺจํ, ภควา’’ติ. ‘‘กสฺมา ปน ตฺวํ ภิกฺขุ พหุภณฺโฑ ชาโต’’? ‘‘นนุ อหํ อปฺปิจฺฉตาย สนฺตุฏฺิตาย ปวิเวกสฺส วีริยารมฺภสฺส วณฺณํ วทามี’’ติ. โส สตฺถุ วจนํ สุตฺวา กุปิโต ‘‘อิมินา ทานิ นีหาเรน จริสฺสามี’’ติ ปารุปนํ ฉฑฺเฑตฺวา ปริสมชฺเฌ เอกจีวโร อฏฺาสิ.
อถ นํ สตฺถา อุปตฺถมฺภยมาโน ‘‘นนุ ตฺวํ ภิกฺขุ ปุพฺเพ หิโรตฺตปฺปคเวสโก ทกรกฺขสกาเลปิ หิโรตฺตปฺปํ คเวสมาโน ทฺวาทส สํวจฺฉรานิ วิหาสิ, อถ กสฺมา อิทานิ เอวํ ครุเก พุทฺธสาสเน ปพฺพชิตฺวา จตุปริสมชฺเฌ ปารุปนํ ฉฑฺเฑตฺวา หิโรตฺตปฺปํ ปหาย ิโตสี’’ติ? โส สตฺถุ วจนํ สุตฺวา หิโรตฺตปฺปํ ปจฺจุปฏฺาเปตฺวา ตํ จีวรํ ปารุปิตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. ภิกฺขู ตสฺสตฺถสฺส อาวิภาวตฺถํ ภควนฺตํ ยาจึสุ, ภควา ภวนฺตเรน ปฏิจฺฉนฺนํ การณํ ปากฏํ อกาสิ.
อตีเต กาสิรฏฺเ พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺโต นาม ราชา อโหสิ. ตทา โพธิสตฺโต ตสฺส อคฺคมเหสิยา ¶ กุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. ตสฺส นามคฺคหณทิวเส ‘‘มหิสาสกุมาโร’’ติ นามํ อกํสุ. ตสฺส อาธาวิตฺวา ปริธาวิตฺวา วิจรณกาเล รฺโ อฺโปิ ปุตฺโต ชาโต, ตสฺส ‘‘จนฺทกุมาโร’’ติ นามํ อกํสุ. ตสฺส ปน อาธาวิตฺวา ปริธาวิตฺวา วิจรณกาเล โพธิสตฺตสฺส มาตา กาลมกาสิ, ราชา อฺํ ¶ อคฺคมเหสิฏฺาเน เปสิ. สา รฺโ ปิยา อโหสิ มนาปา, สาปิ สํวาสมนฺวาย เอกํ ปุตฺตํ วิชายิ, ‘‘สูริยกุมาโร’’ติสฺส นามํ อกํสุ. ราชา ปุตฺตํ ทิสฺวา ตุฏฺจิตฺโต ‘‘ภทฺเท, ปุตฺตสฺส เต วรํ ทมฺมี’’ติ อาห. เทวี, วรํ อิจฺฉิตกาเล คเหตพฺพํ กตฺวา เปสิ. สา ปุตฺเต วยปฺปตฺเต ราชานํ อาห – ‘‘เทเวน มยฺหํ ปุตฺตสฺส ชาตกาเล วโร ทินฺโน, ปุตฺตสฺส เม รชฺชํ เทหี’’ติ. ราชา ‘‘มยฺหํ ทฺเว ปุตฺตา อคฺคิกฺขนฺธา วิย ชลมานา วิจรนฺติ, น สกฺกา ตว ปุตฺตสฺส รชฺชํ ทาตุ’’นฺติ ปฏิกฺขิปิตฺวาปิ ตํ ปุนปฺปุนํ ยาจมานเมว ทิสฺวา ‘‘อยํ มยฺหํ ¶ ปุตฺตานํ ปาปกมฺปิ จินฺเตยฺยา’’ติ ปุตฺเต ปกฺโกสาเปตฺวา อาห – ‘‘ตาตา, อหํ สูริยกุมารสฺส ชาตกาเล วรํ อทาสึ. อิทานิสฺส มาตา รชฺชํ ยาจติ, อหํ ตสฺส น ทาตุกาโม, มาตุคาโม นาม ปาโป, ตุมฺหากํ ปาปกมฺปิ จินฺเตยฺย, ตุมฺเห อรฺํ ปวิสิตฺวา มม อจฺจเยน กุลสนฺตเก นคเร รชฺชํ กเรยฺยาถา’’ติ โรทิตฺวา กนฺทิตฺวา สีเส จุมฺพิตฺวา อุยฺโยเชสิ. เต ปิตรํ วนฺทิตฺวา ปาสาทา โอตรนฺเต ราชงฺคเณ กีฬมาโน สูริยกุมาโร ทิสฺวา ตํ การณํ ตฺวา ‘‘อหมฺปิ ภาติเกหิ สทฺธึ คมิสฺสามี’’ติ เตหิ สทฺธึเยว นิกฺขมิ. เต หิมวนฺตํ ปวิสึสุ.
โพธิสตฺโต ¶ มคฺคา โอกฺกมฺม รุกฺขมูเล นิสีทิตฺวา สูริยกุมารํ อามนฺเตสิ ‘‘ตาต สูริยกุมาร, เอตํ สรํ คนฺตฺวา นฺหตฺวา จ ปิวิตฺวา จ ปทุมินิปณฺเณหิ อมฺหากมฺปิ ปานียํ อาเนหี’’ติ. ตํ ปน สรํ เวสฺสวณสฺส สนฺติกา เอเกน ทกรกฺขเสน ลทฺธํ โหติ, เวสฺสวโณ จ ตํ อาห – ‘‘เปตฺวา เทวธมฺมชานนเก เย อฺเ อิมํ สรํ โอตรนฺติ, เต ขาทิตุํ ลภสิ. อโนติณฺเณ น ลภสี’’ติ. ตโต ปฏฺาย โส รกฺขโส เย ตํ สรํ โอตรนฺติ, เต เทวธมฺเม ปุจฺฉิตฺวา เย น ชานนฺติ, เต ขาทติ. อถ โข สูริยกุมาโร ตํ สรํ คนฺตฺวา อวีมํสิตฺวาว โอตริ. อถ นํ โส รกฺขโส คเหตฺวา ‘‘เทวธมฺเม ชานาสี’’ติ ปุจฺฉิ. โส ‘‘เทวธมฺมา นาม จนฺทิมสูริยา’’ติ อาห. อถ นํ ‘‘ตฺวํ เทวธมฺเม น ชานาสี’’ติ วตฺวา อุทกํ ปเวเสตฺวา อตฺตโน วสนฏฺาเน เปสิ. โพธิสตฺโตปิ ตํ อติจิรายนฺตํ ทิสฺวา จนฺทกุมารํ เปเสสิ. รกฺขโส ตมฺปิ คเหตฺวา ‘‘เทวธมฺเม ชานาสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม ชานามิ, เทวธมฺมา นาม จตสฺโส ทิสา’’ติ. รกฺขโส ‘‘น ตฺวํ เทวธมฺเม ชานาสี’’ติ ตมฺปิ คเหตฺวา ตตฺเถว เปสิ.
โพธิสตฺโต ¶ ตสฺมิมฺปิ จิรายนฺเต ‘‘เอเกน อนฺตราเยน ภวิตพฺพ’’นฺติ สยํ ตตฺถ คนฺตฺวา ทฺวินฺนมฺปิ โอตรณปทวฬฺชํ ¶ ทิสฺวา ‘‘รกฺขสปริคฺคหิเตน อิมินา สเรน ภวิตพฺพ’’นฺติ ขคฺคํ สนฺนยฺหิตฺวา ธนุํ คเหตฺวา อฏฺาสิ. ทกรกฺขโส โพธิสตฺตํ อุทกํ อโนตรนฺตํ ทิสฺวา วนกมฺมิกปุริโส วิย หุตฺวา โพธิสตฺตํ อาห – ‘‘โภ, ปุริส, ตฺวํ มคฺคกิลนฺโต กสฺมา อิมํ สรํ โอตริตฺวา นฺหตฺวา ปิวิตฺวา ภิสมุฬาลํ ขาทิตฺวา ปุปฺผานิ ปิฬนฺธิตฺวา ยถาสุขํ น คจฺฉสี’’ติ? โพธิสตฺโต ตํ ทิสฺวา ‘‘เอโส ยกฺโข ภวิสฺสตี’’ติ ตฺวา ‘‘ตยา เม ภาติกา คหิตา’’ติ อาห. ‘‘อาม, คหิตา’’ติ. ‘‘กึ การณา’’ติ? ‘‘อหํ อิมํ สรํ โอติณฺณเก ลภามี’’ติ. ‘‘กึ ปน สพฺเพว ลภสี’’ติ? ‘‘เย เทวธมฺเม ชานนฺติ, เต เปตฺวา อวเสเส ลภามี’’ติ. ‘‘อตฺถิ ปน เต เทวธมฺเมหิ อตฺโถ’’ติ? ‘‘อาม, อตฺถี’’ติ. ‘‘ยทิ เอวํ อหํ เต เทวธมฺเม กเถสฺสามี’’ติ. ‘‘เตน หิ กเถหิ, อหํ เทวธมฺเม สุณิสฺสามี’’ติ. โพธิสตฺโต อาห ‘‘อหํ เทวธมฺเม กเถยฺยํ, กิลิฏฺคตฺโต ปนมฺหี’’ติ. ยกฺโข โพธิสตฺตํ นฺหาเปตฺวา โภชนํ โภเชตฺวา ปานียํ ปาเยตฺวา ปุปฺผานิ ปิฬนฺธาเปตฺวา คนฺเธหิ วิลิมฺปาเปตฺวา อลงฺกตมณฺฑปมชฺเฌ ปลฺลงฺกํ อตฺถริตฺวา อทาสิ.
โพธิสตฺโต อาสเน นิสีทิตฺวา ยกฺขํ ปาทมูเล นิสีทาเปตฺวา ‘‘เตน หิ โอหิตโสโต สกฺกจฺจํ เทวธมฺเม สุณาหี’’ติ อิมํ คาถมาห –
‘‘หิริโอตฺตปฺปสมฺปนฺนา, สุกฺกธมฺมสมาหิตา;
สนฺโต สปฺปุริสา โลเก, เทวธมฺมาติ วุจฺจเร’’ติ.
ตตฺถ หิริโอตฺตปฺปสมฺปนฺนาติ หิริยา จ โอตฺตปฺเปน จ สมนฺนาคตา. เตสุ กายทุจฺจริตาทีหิ หิริยตีติ หิรี, ลชฺชาเยตํ อธิวจนํ. เตหิเยว โอตฺตปฺปตีติ โอตฺตปฺปํ, ปาปโต อุพฺเพคสฺเสตํ อธิวจนํ. ตตฺถ อชฺฌตฺตสมุฏฺานา หิรี, พหิทฺธาสมุฏฺานํ โอตฺตปฺปํ. อตฺตาธิปเตยฺยา หิรี, โลกาธิปเตยฺยํ โอตฺตปฺปํ. ลชฺชาสภาวสณฺิตา หิรี, ภยสภาวสณฺิตํ โอตฺตปฺปํ. สปฺปติสฺสวลกฺขณา หิรี, วชฺชภีรุกภยทสฺสาวิลกฺขณํ โอตฺตปฺปํ.
ตตฺถ อชฺฌตฺตสมุฏฺานํ หิรึ จตูหิ การเณหิ สมุฏฺาเปติ – ชาตึ ปจฺจเวกฺขิตฺวา วยํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ¶ สูรภาวํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา พาหุสจฺจํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ¶ . กถํ? ‘‘ปาปกรณํ นาเมตํ น ชาติสมฺปนฺนานํ กมฺมํ, หีนชจฺจานํ เกวฏฺฏาทีนํ กมฺมํ, มาทิสสฺส ชาติสมฺปนฺนสฺส อิทํ กมฺมํ กาตุํ น ยุตฺต’’นฺติ เอวํ ตาว ชาตึ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปาณาติปาตาทิปาปํ อกโรนฺโต ¶ หิรึ สมุฏฺาเปติ. ตถา ‘‘ปาปกรณํ นาเมตํ ทหเรหิ กตฺตพฺพํ กมฺมํ, มาทิสสฺส วเย ิตสฺส อิทํ กมฺมํ กาตุํ น ยุตฺต’’นฺติ เอวํ วยํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปาณาติปาตาทิปาปํ อกโรนฺโต หิรึ สมุฏฺาเปติ. ตถา ‘‘ปาปกมฺมํ นาเมตํ ทุพฺพลชาติกานํ กมฺมํ, มาทิสสฺส สูรภาวสมฺปนฺนสฺส อิทํ กมฺมํ กาตุํ น ยุตฺต’’นฺติ เอวํ สูรภาวํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปาณาติปาตาทิปาปํ อกโรนฺโต หิรึ สมุฏฺาเปติ. ตถา ‘‘ปาปกมฺมํ นาเมตํ อนฺธพาลานํ กมฺมํ, น ปณฺฑิตานํ, มาทิสสฺส ปณฺฑิตสฺส พหุสฺสุตสฺส อิทํ กมฺมํ กาตุํ น ยุตฺต’’นฺติ เอวํ พาหุสจฺจํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา ปาณาติปาตาทิปาปํ อกโรนฺโต หิรึ สมุฏฺาเปติ. เอวํ อชฺฌตฺตสมุฏฺานํ หิรึ จตูหิ การเณหิ สมุฏฺาเปติ. สมุฏฺาเปตฺวา จ ปน อตฺตโน จิตฺเต หิรึ ปเวเสตฺวา ปาปกมฺมํ น กโรติ. เอวํ หิรี อชฺฌตฺตสมุฏฺานา นาม โหติ.
กถํ โอตฺตปฺปํ พหิทฺธาสมุฏฺานํ นาม? ‘‘สเจ ตฺวํ ปาปกมฺมํ กริสฺสสิ, จตูสุ ปริสาสุ ครหปฺปตฺโต ภวิสฺสสิ.
‘‘ครหิสฺสนฺติ ตํ วิฺู, อสุจึ นาคริโก ยถา;
วชฺชิโต สีลวนฺเตหิ, กถํ ภิกฺขุ กริสฺสสี’’ติ. (ธ. ส. อฏฺ. ๑ พลราสิวณฺณนา) –
เอวํ ปจฺจเวกฺขนฺโต หิ พหิทฺธาสมุฏฺิเตน โอตฺตปฺเปน ปาปกมฺมํ น กโรติ. เอวํ โอตฺตปฺปํ พหิทฺธาสมุฏฺานํ นาม โหติ.
กถํ หิรี อตฺตาธิปเตยฺยา นาม? อิเธกจฺโจ กุลปุตฺโต อตฺตานํ อธิปตึ เชฏฺกํ กตฺวา ‘‘มาทิสสฺส สทฺธาปพฺพชิตสฺส พหุสฺสุตสฺส ธุตงฺคธรสฺส น ยุตฺตํ ปาปกมฺมํ กาตุ’’นฺติ ปาปํ น กโรติ. เอวํ หิรี อตฺตาธิปเตยฺยา นาม โหติ. เตนาห ภควา –
‘‘โส อตฺตานํเยว อธิปตึ กตฺวา อกุสลํ ปชหติ, กุสลํ ภาเวติ. สาวชฺชํ ปชหติ, อนวชฺชํ ภาเวติ. สุทฺธมตฺตานํ ปริหรตี’’ติ (อ. นิ. ๓.๔๐).
กถํ โอตฺตปฺปํ โลกาธิปเตยฺยํ นาม? อิเธกจฺโจ กุลปุตฺโต โลกํ อธิปตึ เชฏฺกํ กตฺวา ปาปกมฺมํ น กโรติ. ยถาห –
‘‘มหา ¶ ¶ โข ปนายํ โลกสนฺนิวาโส. มหนฺตสฺมึ โข ปน โลกสนฺนิวาเส สนฺติ สมณพฺราหฺมณา อิทฺธิมนฺโต ทิพฺพจกฺขุกา ปรจิตฺตวิทุโน, เต ทูรโตปิ ปสฺสนฺติ, อาสนฺนาปิ น ทิสฺสนฺติ, เจตสาปิ จิตฺตํ ชานนฺติ, เตปิ มํ เอวํ ชานิสฺสนฺติ ‘ปสฺสถ โภ, อิมํ กุลปุตฺตํ, สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต สมาโน โวกิณฺโณ วิหรติ ปาปเกหิ อกุสเลหิ ธมฺเมหี’ติ.
‘‘สนฺติ เทวตา อิทฺธิมนฺติโย ทิพฺพจกฺขุกา ปรจิตฺตวิทุนิโย, ตา ทูรโตปิ ปสฺสนฺติ, อาสนฺนาปิ น ทิสฺสนฺติ, เจตสาปิ จิตฺตํ ชานนฺติ, ตาปิ มํ เอวํ ชานิสฺสนฺติ ‘ปสฺสถ โภ, อิมํ กุลปุตฺตํ, สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต ¶ สมาโน โวกิณฺโณ วิหรติ ปาปเกหิ อกุสเลหิ ธมฺเมหี’ติ. โส โลกํเยว อธิปตึ เชฏฺกํ กริตฺวา อกุสลํ ปชหติ, กุสลํ ภาเวติ. สาวชฺชํ ปชหติ, อนวชฺชํ ภาเวติ. สุทฺธมตฺตานํ ปริหรตี’’ติ (อ. นิ. ๓.๔๐).
เอวํ โอตฺตปฺปํ โลกาธิปเตยฺยํ นาม โหติ.
‘‘ลชฺชาสภาวสณฺิตา หิรี, ภยสภาวสณฺิตํ โอตฺตปฺป’’นฺติ เอตฺถ ปน ลชฺชาติ ลชฺชนากาโร, เตน สภาเวน สณฺิตา หิรี. ภยนฺติ อปายภยํ, เตน สภาเวน สณฺิตํ โอตฺตปฺปํ. ตทุภยมฺปิ ปาปปริวชฺชเน ปากฏํ โหติ. เอกจฺโจ หิ ยถา นาเมโก กุลปุตฺโต อุจฺจารปสฺสาวาทีนิ กโรนฺโต ลชฺชิตพฺพยุตฺตกํ เอกํ ทิสฺวา ลชฺชนาการปฺปตฺโต ภเวยฺย หีฬิโต, เอวเมวํ อชฺฌตฺตํ ลชฺชิธมฺมํ โอกฺกมิตฺวา ปาปกมฺมํ น กโรติ. เอกจฺโจ อปายภยภีโต หุตฺวา ปาปกมฺมํ น กโรติ. ตตฺริทํ โอปมฺมํ – ยถา หิ ทฺวีสุ อโยคุเฬสุ เอโก สีตโล ภเวยฺย คูถมกฺขิโต, เอโก อุณฺโห อาทิตฺโต. ตตฺถ ปณฺฑิโต สีตลํ คูถมกฺขิตตฺตา ชิคุจฺฉนฺโต น คณฺหาติ, อิตรํ ฑาหภเยน. ตตฺถ สีตลสฺส คูถมกฺขิตสฺส ชิคุจฺฉาย อคณฺหนํ วิย อชฺฌตฺตํ ลชฺชิธมฺมํ โอกฺกมิตฺวา ปาปสฺส อกรณํ, อุณฺหสฺส ฑาหภเยน อคณฺหนํ วิย อปายภเยน ปาปสฺส อกรณํ เวทิตพฺพํ.
‘‘สปฺปติสฺสวลกฺขณา ¶ หิรี, วชฺชภีรุกภยทสฺสาวิลกฺขณํ โอตฺตปฺป’’นฺติ อิทมฺปิ ทฺวยํ ปาปปริวชฺชเนเยว ปากฏํ โหติ. เอกจฺโจ หิ ชาติมหตฺตปจฺจเวกฺขณา, สตฺถุมหตฺตปจฺจเวกฺขณา, ทายชฺชมหตฺตปจฺจเวกฺขณา, สพฺรหฺมจาริมหตฺตปจฺจเวกฺขณาติ จตูหิ การเณหิ สปฺปติสฺสวลกฺขณํ หิรึ สมุฏฺาเปตฺวา ปาปํ น กโรติ. เอกจฺโจ อตฺตานุวาทภยํ, ปรานุวาทภยํ ¶ , ทณฺฑภยํ, ทุคฺคติภยนฺติ จตูหิ การเณหิ วชฺชภีรุกภยทสฺสาวิลกฺขณํ โอตฺตปฺปํ สมุฏฺาเปตฺวา ปาปํ น กโรติ. ตตฺถ ชาติมหตฺตปจฺจเวกฺขณาทีนิ เจว อตฺตานุวาทภยาทีนิ จ วิตฺถาเรตฺวา กเถตพฺพานิ. เตสํ วิตฺถาโร องฺคุตฺตรนิกายฏฺกถายํ วุตฺโต.
สุกฺกธมฺมสมาหิตาติ อิทเมว หิโรตฺตปฺปํ อาทึ กตฺวา กตฺตพฺพา กุสลา ธมฺมา สุกฺกธมฺมา นาม, เต สพฺพสงฺคาหกนเยน จตุภูมกโลกิยโลกุตฺตรธมฺมา. เตหิ สมาหิตา สมนฺนาคตาติ อตฺโถ. สนฺโต สปฺปุริสา โลเกติ กายกมฺมาทีนํ สนฺตตาย สนฺโต, กตฺุกตเวทิตาย โสภนา ปุริสาติ สปฺปุริสา. โลโก ปน สงฺขารโลโก, สตฺตโลโก, โอกาสโลโก, ขนฺธโลโก, อายตนโลโก, ธาตุโลโกติ อเนกวิโธ. ตตฺถ ‘‘เอโก โลโก สพฺเพ สตฺตา อาหารฏฺิติกา…เป… อฏฺารส โลกา อฏฺารส ธาตุโย’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๒) เอตฺถ สงฺขารโลโก วุตฺโต. ขนฺธโลกาทโย ตทนฺโตคธาเยว. ‘‘อยํ โลโก ปรโลโก, เทวโลโก มนุสฺสโลโก’’ติอาทีสุ (มหานิ. ๓; จูฬนิ. อชิตมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๒) ปน สตฺตโลโก วุตฺโต.
‘‘ยาวตา ¶ จนฺทิมสูริยา, ปริหรนฺติ ทิสา ภนฺติ วิโรจมานา;
ตาว สหสฺสธา โลโก, เอตฺถ เต วตฺตเต วโส’’ติ. (ม. นิ. ๑.๕๐๓) –
เอตฺถ โอกาสโลโก วุตฺโต. เตสุ อิธ สตฺตโลโก อธิปฺเปโต. สตฺตโลกสฺมิฺหิ เย เอวรูปา สปฺปุริสา, เต เทวธมฺมาติ วุจฺจนฺติ.
ตตฺถ ¶ เทวาติ สมฺมุติเทวา, อุปปตฺติเทวา, วิสุทฺธิเทวาติ ติวิธา. เตสุ มหาสมฺมตกาลโต ปฏฺาย โลเกน ‘‘เทวา’’ติ สมฺมตตฺตา ราชราชกุมาราทโย สมฺมุติเทวา นาม. เทวโลเก อุปฺปนฺนา อุปปตฺติเทวา นาม. ขีณาสวา ปน วิสุทฺธิเทวา นาม. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘สมฺมุติเทวา นาม ราชาโน เทวิโย ราชกุมารา. อุปปตฺติเทวา นาม ภุมฺมเทเว อุปาทาย ตทุตฺตริเทวา. วิสุทฺธิเทวา นาม พุทฺธา ปจฺเจกพุทฺธา ขีณาสวา’’ติ (จูฬนิ. โธตกมาณวปุจฺฉานิทฺเทส ๓๒; ปารายนานุคีติคาถานิทฺเทส ๑๑๙).
อิเมสํ เทวานํ ธมฺมาติ เทวธมฺมา. วุจฺจเรติ วุจฺจนฺติ. หิโรตฺตปฺปมูลกา หิ กุสลา ธมฺมา กุลสมฺปทาย ¶ เจว เทวโลเก นิพฺพตฺติยา จ วิสุทฺธิภาวสฺส จ การณตฺตา การณฏฺเน ติวิธานมฺปิ เตสํ เทวานํ ธมฺมาติ เทวธมฺมา, เตหิ เทวธมฺเมหิ สมนฺนาคตา ปุคฺคลาปิ เทวธมฺมา. ตสฺมา ปุคฺคลาธิฏฺานเทสนาย เต ธมฺเม ทสฺเสนฺโต ‘‘สนฺโต สปฺปุริสา โลเก, เทวธมฺมาติ วุจฺจเร’’ติ อาห.
ยกฺโข อิมํ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปสนฺนจิตฺโต โพธิสตฺตํ อาห – ‘‘ปณฺฑิต, อหํ ตุมฺหากํ ปสนฺโน, เอกํ ภาตรํ เทมิ, กตรํ อาเนมี’’ติ? ‘‘กนิฏฺํ อาเนหี’’ติ. ‘‘ปณฺฑิต, ตฺวํ เกวลํ เทวธมฺเม ชานาสิเยว, น ปน เตสุ วตฺตสี’’ติ. ‘‘กึ การณา’’ติ? ‘‘ยํการณา เชฏฺกํ เปตฺวา กนิฏฺํ อาณาเปนฺโต เชฏฺาปจายิกกมฺมํ น กโรสี’’ติ. เทวธมฺเม จาหํ, ยกฺข, ชานามิ, เตสุ จ วตฺตามิ. มยฺหิ อิมํ อรฺํ เอตํ นิสฺสาย ปวิฏฺา. เอตสฺส หิ อตฺถาย อมฺหากํ ปิตรํ เอตสฺส มาตา รชฺชํ ยาจิ, อมฺหากํ ปน ปิตา ตํ วรํ อทตฺวา อมฺหากํ อนุรกฺขณตฺถาย อรฺวาสํ อนุชานิ. โส กุมาโร อนุวตฺติตฺวา อมฺเหหิ สทฺธึ อาคโต. ‘‘ตํ อรฺเ เอโก ยกฺโข ขาที’’ติ วุตฺเตปิ น โกจิ สทฺทหิสฺสติ, เตนาหํ ครหภยภีโต ตเมว อาณาเปมีติ. ‘‘สาธุ สาธุ ปณฺฑิต, ตฺวํ เทวธมฺเม จ ชานาสิ, เตสุ จ วตฺตสี’’ติ ¶ ปสนฺโน ยกฺโข โพธิสตฺตสฺส สาธุการํ ทตฺวา ทฺเวปิ ภาตโร อาเนตฺวา อทาสิ.
อถ นํ โพธิสตฺโต อาห – ‘‘สมฺม, ตฺวํ ปุพฺเพ อตฺตนา กเตน ปาปกมฺเมน ปเรสํ มํสโลหิตขาทโก ยกฺโข หุตฺวา นิพฺพตฺโต, อิทานิปิ ปาปเมว กโรสิ, อิทํ เต ปาปกมฺมํ นิรยาทีหิ มุจฺจิตุํ โอกาสํ น ทสฺสติ ¶ , ตสฺมา อิโต ปฏฺาย ปาปํ ปหาย กุสลํ กโรหี’’ติ. อสกฺขิ จ ปน ตํ ทเมตุํ. โส ตํ ยกฺขํ ทเมตฺวา เตน สํวิหิตารกฺโข ตตฺเถว วสนฺโต เอกทิวสํ นกฺขตฺตํ โอโลเกตฺวา ปิตุ กาลกตภาวํ ตฺวา ยกฺขํ อาทาย พาราณสึ คนฺตฺวา รชฺชํ คเหตฺวา จนฺทกุมารสฺส โอปรชฺชํ, สูริยกุมารสฺส เสนาปติฏฺานํ, ทตฺวา ยกฺขสฺส รมณีเย าเน อายตนํ กาเรตฺวา, ยถา โส อคฺคมาลํ อคฺคปุปฺผํ อคฺคภตฺตฺจ ลภติ, ตถา อกาสิ. โส ธมฺเมน รชฺชํ กาเรตฺวา ยถากมฺมํ คโต.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ทสฺเสตฺวา สจฺจานิ ปกาเสสิ, สจฺจปริโยสาเน โส ภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. สมฺมาสมฺพุทฺโธปิ ทฺเว วตฺถูนิ กเถตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ทกรกฺขโส พหุภณฺฑิกภิกฺขุ อโหสิ, สูริยกุมาโร อานนฺโท, จนฺทกุมาโร สาริปุตฺโต, เชฏฺกภาตา มหิสาสกุมาโร ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
เทวธมฺมชาตกวณฺณนา ฉฏฺา.
๗. กฏฺหาริชาตกวณฺณนา
ปุตฺโต ¶ ตฺยาหํ มหาราชาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต วาสภขตฺติยํ อารพฺภ กเถสิ. วาสภขตฺติยาย วตฺถุ ทฺวาทสกนิปาเต ภทฺทสาลชาตเก อาวิภวิสฺสติ. สา กิร มหานามสฺส สกฺกสฺส ธีตา นาคมุณฺฑาย นาม ทาสิยา กุจฺฉิสฺมึ ชาตา โกสลราชสฺส อคฺคมเหสี อโหสิ. สา รฺโ ปุตฺตํ วิชายิ. ราชา ปนสฺสา ปจฺฉา ทาสิภาวํ ตฺวา านํ ปริหาเปสิ, ปุตฺตสฺส วิฏฏูภสฺสาปิ านํ ปริหาเปสิเยว. เต อุโภปิ อนฺโตนิเวสเนเยว วสนฺติ. สตฺถา ตํ การณํ ตฺวา ปุพฺพณฺหสมเย ปฺจสตภิกฺขุปริวุโต ¶ รฺโ นิเวสนํ คนฺตฺวา ปฺตฺตาสเน นิสีทิตฺวา ‘‘มหาราช, กหํ วาสภขตฺติยา’’ติ อาห. ‘‘ราชา ตํ การณํ อาโรเจสิ. มหาราช วาสภขตฺติยา กสฺส ธีตา’’ติ? ‘‘มหานามสฺส ภนฺเต’’ติ. ‘‘อาคจฺฉมานา กสฺส อาคตา’’ติ? ‘‘มยฺหํ ภนฺเต’’ติ. มหาราช สา รฺโ ธีตา, รฺโว อาคตา, ราชานํเยว ปฏิจฺจ ปุตฺตํ ¶ ลภิ, โส ปุตฺโต กึการณา ปิตุ สนฺตกสฺส รชฺชสฺส สามิโก น โหติ, ปุพฺเพ ราชาโน มุหุตฺติกาย กฏฺหาริกาย กุจฺฉิสฺมิมฺปิ ปุตฺตํ ลภิตฺวา ปุตฺตสฺส รชฺชํ อทํสูติ. ราชา ตสฺสตฺถสฺสาวิภาวตฺถาย ภควนฺตํ ยาจิ, ภควา ภวนฺตเรน ปฏิจฺฉนฺนํ การณํ ปากฏํ อกาสิ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺโต ราชา มหนฺเตน ยเสน อุยฺยานํ คนฺตฺวา ตตฺถ ปุปฺผผลโลเภน วิจรนฺโต อุยฺยานวนสณฺเฑ คายิตฺวา ทารูนิ อุทฺธรมานํ เอกํ อิตฺถึ ทิสฺวา ปฏิพทฺธจิตฺโต สํวาสํ กปฺเปสิ. ตงฺขณฺเว โพธิสตฺโต ตสฺสา กุจฺฉิยํ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ, ตาวเทว ตสฺสา วชิรปูริตา วิย ครุกา กุจฺฉิ อโหสิ. สา คพฺภสฺส ปติฏฺิตภาวํ ตฺวา ‘‘คพฺโภ เม, เทว, ปติฏฺิโต’’ติ อาห. ราชา องฺคุลิมุทฺทิกํ ทตฺวา ‘‘สเจ ธีตา โหติ, อิมํ วิสฺสชฺเชตฺวา โปเสยฺยาสิ, สเจ ปุตฺโต โหติ, องฺคุลิมุทฺทิกาย สทฺธึ มม สนฺติกํ อาเนยฺยาสี’’ติ วตฺวา ปกฺกามิ.
สาปิ ปริปกฺกคพฺภา โพธิสตฺตํ วิชายิ. ตสฺส อาธาวิตฺวา ปริธาวิตฺวา วิจรณกาเล กีฬามณฺฑเล กีฬนฺตสฺส เอวํ วตฺตาโร โหนฺติ ‘‘นิปฺปิติเกนมฺหา ปหฏา’’ติ. ตํ สุตฺวา โพธิสตฺโต มาตุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘อมฺม, โก มยฺหํ ปิตา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ตาต, ตฺวํ พาราณสิรฺโ ปุตฺโต’’ติ. ‘‘อมฺม, อตฺถิ ปน โกจิ สกฺขี’’ติ? ตาต ราชา อิมํ มุทฺทิกํ ทตฺวา ‘‘สเจ ธีตา โหติ, อิมํ วิสฺสชฺเชตฺวา โปเสยฺยาสิ, สเจ ปุตฺโต โหติ, อิมาย องฺคุลิมุทฺทิกาย สทฺธึ อาเนยฺยาสี’’ติ วตฺวา คโตติ. ‘‘อมฺม, เอวํ สนฺเต กสฺมา มํ ปิตุ สนฺติกํ ¶ น เนสี’’ติ ¶ . สา ปุตฺตสฺส อชฺฌาสยํ ตฺวา ราชทฺวารํ คนฺตฺวา รฺโ อาโรจาเปสิ. รฺา จ ปกฺโกสาปิตา ปวิสิตฺวา ราชานํ วนฺทิตฺวา ‘‘อยํ เต, เทว, ปุตฺโต’’ติ อาห. ราชา ชานนฺโตปิ ปริสมชฺเฌ ลชฺชาย ‘‘น มยฺหํ ปุตฺโต’’ติ อาห. ‘‘อยํ เต, เทว, มุทฺทิกา, อิมํ สฺชานาสี’’ติ. ‘‘อยมฺปิ มยฺหํ มุทฺทิกา น โหตี’’ติ. ‘‘เทว, อิทานิ เปตฺวา สจฺจกิริยํ อฺโ มม สกฺขิ นตฺถิ, สจายํ ทารโก ตุมฺเห ปฏิจฺจ ชาโต, อากาเส ติฏฺตุ, โน เจ, ภูมิยํ ปติตฺวา มรตู’’ติ โพธิสตฺตสฺส ปาเท คเหตฺวา อากาเส ขิปิ. โพธิสตฺโต อากาเส ปลฺลงฺกมาภุชิตฺวา นิสินฺโน มธุรสฺสเรน ปิตุ ธมฺมํ กเถนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘ปุตฺโต ¶ ตฺยาหํ มหาราช, ตฺวํ มํ โปส ชนาธิป;
อฺเปิ เทโว โปเสติ, กิฺจ เทโว สกํ ปช’’นฺติ.
ตตฺถ ปุตฺโต ตฺยาหนฺติ ปุตฺโต เต อหํ. ปุตฺโต จ นาเมส อตฺรโช, เขตฺตโช, อนฺเตวาสิโก, ทินฺนโกติ จตุพฺพิโธ. ตตฺถ อตฺตานํ ปฏิจฺจ ชาโต อตฺรโช นาม. สยนปิฏฺเ ปลฺลงฺเก อุเรติเอวมาทีสุ นิพฺพตฺโต เขตฺตโช นาม. สนฺติเก สิปฺปุคฺคณฺหนโก อนฺเตวาสิโก นาม. โปสาวนตฺถาย ทินฺโน ทินฺนโก นาม. อิธ ปน อตฺรชํ สนฺธาย ‘‘ปุตฺโต’’ติ วุตฺตํ. จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ ชนํ รฺเชตีติ ราชา, มหนฺโต ราชา มหาราชา. ตมาลปนฺโต อาห ‘‘มหาราชา’’ติ. ตฺวํ มํ โปส ชนาธิปาติ ชนาธิป มหาชนเชฏฺก ตฺวํ มํ โปส ภรสฺสุ วฑฺเฒหิ. อฺเปิ เทโว โปเสตีติ อฺเปิ หตฺถิพนฺธาทโย มนุสฺเส, หตฺถิอสฺสาทโย ติรจฺฉานคเต จ พหุชเน เทโว โปเสติ. กิฺจ เทโว สกํ ปชนฺติ เอตฺถ ปน กิฺจาติ ครหตฺเถ จ อนุคฺคหณตฺเถ จ นิปาโต. ‘‘สกํ ปชํ อตฺตโน ปุตฺตํ มํ เทโว น โปเสตี’’ติ วทนฺโต ครหติ นาม, ‘‘อฺเ พหุชเน โปเสตี’’ติ วทนฺโต อนุคฺคณฺหติ นาม. อิติ โพธิสตฺโต ครหนฺโตปิ อนุคฺคณฺหนฺโตปิ ‘‘กิฺจ เทโว สกํ ปช’’นฺติ อาห.
ราชา โพธิสตฺตสฺส อากาเส นิสีทิตฺวา เอวํ ธมฺมํ เทเสนฺตสฺส สุตฺวา ‘‘เอหิ, ตาตา’’ติ หตฺถํ ปสาเรสิ, ‘‘อหเมว โปเสสฺสามิ, อหเมว โปเสสฺสามี’’ติ หตฺถสหสฺสํ ปสาริยิตฺถ. โพธิสตฺโต ¶ อฺสฺส หตฺเถ อโนตริตฺวา รฺโว หตฺเถ โอตริตฺวา องฺเก นิสีทิ. ราชา ตสฺส โอปรชฺชํ ทตฺวา มาตรํ อคฺคมเหสึ อกาสิ. โส ปิตุ อจฺจเยน กฏฺวาหนราชา นาม หุตฺวา ธมฺเมน รชฺชํ กาเรตฺวา ยถากมฺมํ คโต.
สตฺถา ¶ โกสลรฺโ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ทฺเว วตฺถูนิ ทสฺเสตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา มาตา มหามายา อโหสิ, ปิตา สุทฺโธทนมหาราชา, กฏฺวาหนราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
กฏฺหาริชาตกวณฺณนา สตฺตมา.
๘. คามณิชาตกวณฺณนา
อปิ ¶ อตรมานานนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โอสฺสฏฺวีริยํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. อิมสฺมึ ปน ชาตเก ปจฺจุปฺปนฺนวตฺถุ จ อตีตวตฺถุ จ เอกาทสกนิปาเต สํวรชาตเก อาวิภวิสฺสติ. วตฺถุ หิ ตสฺมิฺจ อิมสฺมิฺจ เอกสทิสเมว, คาถา ปน นานา. คามณิกุมาโร โพธิสตฺตสฺส โอวาเท ตฺวา ภาติกสตสฺส กนิฏฺโปิ หุตฺวา ภาติกสตปริวาริโต เสตจฺฉตฺตสฺส เหฏฺา วรปลฺลงฺเก นิสินฺโน อตฺตโน ยสสมฺปตฺตึ โอโลเกตฺวา ‘‘อยํ มยฺหํ ยสสมฺปตฺติ อมฺหากํ อาจริยสฺส สนฺตกา’’ติ ตุฏฺโ อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –
‘‘อปิ อตรมานานํ, ผลาสาว สมิชฺฌติ;
วิปกฺกพฺรหฺมจริโยสฺมิ, เอวํ ชานาหิ คามณี’’ติ.
ตตฺถ อปีติ นิปาตมตฺตํ. อตรมานานนฺติ ปณฺฑิตานํ โอวาเท ตฺวา อตริตฺวา อเวคายิตฺวา อุปาเยน กมฺมํ กโรนฺตานํ. ผลาสาว สมิชฺฌตีติ ยถาปตฺถิเก ผเล อาสา ตสฺส ผลสฺส นิปฺผตฺติยา สมิชฺฌติเยว. อถ วา ผลาสาติ อาสาผลํ, ยถาปตฺถิตํ ผลํ สมิชฺฌติเยวาติ อตฺโถ. วิปกฺกพฺรหฺมจริโยสฺมีติ เอตฺถ จตฺตาริ สงฺคหวตฺถูนิ เสฏฺจริยตฺตา พฺรหฺมจริยํ นาม, ตฺจ ตมฺมูลิกาย ยสสมฺปตฺติยา ปฏิลทฺธตฺตา วิปกฺกํ นาม. โย วาสฺส ยโส นิปฺผนฺโน, โสปิ เสฏฺฏฺเน พฺรหฺมจริยํ นาม. เตนาห ‘‘วิปกฺกพฺรหฺมจริโยสฺมี’’ติ. เอวํ ชานาหิ คามณีติ ¶ กตฺถจิ คามิกปุริโสปิ คามเชฏฺโกปิ คามณี. อิธ ปน สพฺพชนเชฏฺกํ อตฺตานํ สนฺธายาห. อมฺโภ คามณิ, ตฺวํ เอตํ การณํ เอวํ ชานาหิ, อาจริยํ นิสฺสาย ภาติกสตํ อติกฺกมิตฺวา อิทํ มหารชฺชํ ปตฺโตสฺมีติ อุทานํ อุทาเนสิ.
ตสฺมึ ปน รชฺชํ ปตฺเต สตฺตฏฺทิวสจฺจเยน สพฺเพปิ ภาตโร อตฺตโน อตฺตโน วสนฏฺานํ คตา ¶ . คามณิราชา ธมฺเมน รชฺชํ กาเรตฺวา ยถากมฺมํ คโต, โพธิสตฺโตปิ ปฺุานิ กตฺวา ยถากมฺมํ คโต.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ทสฺเสตฺวา สจฺจานิ ปกาเสสิ, สจฺจปริโยสาเน โอสฺสฏฺวีริโย ภิกฺขุ อรหตฺเต ปติฏฺิโต. สตฺถา ทฺเว ¶ วตฺถูนิ กเถตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา คามณิกุมาโร โอสฺสฏฺวีริโย ภิกฺขุ อโหสิ, อาจริโย ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
คามณิชาตกวณฺณนา อฏฺมา.
๙. มฆเทวชาตกวณฺณนา
อุตฺตมงฺครุหา มยฺหนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต มหาภินิกฺขมนํ อารพฺภ กเถสิ. ตํ เหฏฺา นิทานกถายํ กถิตเมว. ตสฺมึ ปน กาเล ภิกฺขู ทสพลสฺส เนกฺขมฺมํ วณฺณยนฺตา นิสีทึสุ. อถ สตฺถา ธมฺมสภํ อาคนฺตฺวา พุทฺธาสเน นิสินฺโน ภิกฺขู อามนฺเตสิ ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ. ‘‘ภนฺเต, น อฺาย กถาย, ตุมฺหากํเยว ปน เนกฺขมฺมํ วณฺณยมานา นิสินฺนามฺหา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, ตถาคโต เอตรหิเยว เนกฺขมฺมํ นิกฺขนฺโต, ปุพฺเพปิ นิกฺขนฺโตเยวา’’ติ อาห. ภิกฺขู ตสฺสตฺถสฺสาวิภาวตฺถํ ภควนฺตํ ยาจึสุ, ภควา ภวนฺตเรน ปฏิจฺฉนฺนํ การณํ ปากฏํ อกาสิ.
อตีเต วิเทหรฏฺเ มิถิลายํ มฆเทโว นาม ราชา อโหสิ ธมฺมิโก ธมฺมราชา. โส จตุราสีติ วสฺสสหสฺสานิ กุมารกีฬํ กีฬิ, ตถา โอปรชฺชํ, ตถา มหารชฺชํ กตฺวา ทีฆมทฺธานํ เขเปตฺวา เอกทิวสํ กปฺปกํ อามนฺเตสิ ‘‘ยทา เม, สมฺม กปฺปก, สิรสฺมึ ปลิตานิ ปสฺเสยฺยาสิ, อถ เม อาโรเจยฺยาสี’’ติ. กปฺปโกปิ ทีฆมทฺธานํ เขเปตฺวา เอกทิวสํ ¶ รฺโ อฺชนวณฺณานํ เกสานํ อนฺตเร เอกเมว ปลิตํ ทิสฺวา ‘‘เทว, เอกํ เต ปลิตํ ทิสฺสตี’’ติ อาโรเจสิ. ‘‘เตน หิ เม, สมฺม, ตํ ปลิตํ อุทฺธริตฺวา ปาณิมฺหิ เปหี’’ติ จ วุตฺเต สุวณฺณสณฺฑาเสน อุทฺธริตฺวา รฺโ ปาณิมฺหิ ปติฏฺาเปสิ. ตทา รฺโ จตุราสีติ วสฺสสหสฺสานิ อายุ อวสิฏฺํ โหติ. เอวํ สนฺเตปิ ปลิตํ ทิสฺวาว มจฺจุราชานํ อาคนฺตฺวา สมีเป ิตํ วิย อตฺตานํ อาทิตฺตปณฺณสาลํ ปวิฏฺํ วิย จ มฺมาโน สํเวคํ อาปชฺชิตฺวา ¶ ‘‘พาล มฆเทว, ยาว ปลิตสฺสุปฺปาทาว อิเม กิเลเส ชหิตุํ นาสกฺขี’’ติ จินฺเตสิ.
ตสฺเสวํ ¶ ปลิตปาตุภาวํ อาวชฺเชนฺตสฺส อนฺโตฑาโห อุปฺปชฺชิ, สรีรา เสทา มุจฺจึสุ, สาฏกา ปีเฬตฺวา อปเนตพฺพาการปฺปตฺตา อเหสุํ. โส ‘‘อชฺเชว มยา นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิตุํ วฏฺฏตี’’ติ กปฺปกสฺส สตสหสฺสุฏฺานกํ คามวรํ ทตฺวา เชฏฺปุตฺตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘ตาต, มม สีเส ปลิตํ ปาตุภูตํ, มหลฺลโกมฺหิ ชาโต, ภุตฺตา โข ปน เม มานุสกา กามา, อิทานิ ทิพฺเพ กาเม ปริเยสิสฺสามิ, เนกฺขมฺมกาโล มยฺหํ, ตฺวํ อิมํ รชฺชํ ปฏิปชฺช, อหํ ปน ปพฺพชิตฺวา มฆเทวอมฺพวนุยฺยาเน วสนฺโต สมณธมฺมํ กริสฺสามี’’ติ อาห. ตํ เอวํ ปพฺพชิตุกามํ อมจฺจา อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘เทว, กึ ตุมฺหากํ ปพฺพชฺชาการณ’’นฺติ ปุจฺฉึสุ. ราชา ปลิตํ หตฺเถน คเหตฺวา อมจฺจานํ อิมํ คาถมาห –
‘‘อุตฺตมงฺครุหา มยฺหํ, อิเม ชาตา วโยหรา;
ปาตุภูตา เทวทูตา, ปพฺพชฺชาสมโย มมา’’ติ.
ตตฺถ อุตฺตมงฺครุหาติ เกสา. เกสา หิ สพฺเพสํ หตฺถปาทาทีนํ องฺคานํ อุตฺตเม สิรสฺมึ รุหตฺตา ‘‘อุตฺตมงฺครุหา’’ติ วุจฺจนฺติ. อิเม ชาตา วโยหราติ ปสฺสถ, ตาตา, ปลิตปาตุภาเวน ติณฺณํ วยานํ หรณโต ¶ อิเม ชาตา วโยหรา. ปาตุภูตาติ นิพฺพตฺตา. เทวทูตาติ เทโว วุจฺจติ มจฺจุ, ตสฺส ทูตาติ เทวทูตา. สิรสฺมิฺหิ ปลิเตสุ ปาตุภูเตสุ มจฺจุราชสฺส สนฺติเก ิโต วิย โหติ, ตสฺมา ปลิตานิ ‘‘มจฺจุเทวสฺส ทูตา’’ติ วุจฺจนฺติ. เทวา วิย ทูตาติปิ เทวทูตา. ยถา หิ อลงฺกตปฏิยตฺตาย เทวตาย อากาเส ตฺวา ‘‘อสุกทิวเส ตฺวํ มริสฺสสี’’ติ วุตฺเต ตํ ตเถว โหติ, เอวํ สิรสฺมึ ปลิเตสุ ปาตุภูเตสุ เทวตาย พฺยากรณสทิสเมว โหติ, ตสฺมา ปลิตานิ ‘‘เทวสทิสา ทูตา’’ติ วุจฺจนฺติ. วิสุทฺธิเทวานํ ทูตาติปิ เทวทูตา. สพฺพโพธิสตฺตา หิ ชิณฺณพฺยาธิมตปพฺพชิเต ทิสฺวาว สํเวคมาปชฺชิตฺวา นิกฺขมฺม ปพฺพชนฺติ. ยถาห –
‘‘ชิณฺณฺจ ทิสฺวา ทุขิตฺจ พฺยาธิตํ, มตฺจ ทิสฺวา คตมายุสงฺขยํ;
กาสายวตฺถํ ปพฺพชิตฺจ ทิสฺวา, ตสฺมา อหํ ปพฺพชิโตมฺหิ ราชา’’ติ. (เถรคา. ๗๓ โถกํ วิสทิสํ);
อิมินา ¶ ¶ ปริยาเยน ปลิตานิ วิสุทฺธิเทวานํ ทูตตฺตา ‘‘เทวทูตา’’ติ วุจฺจนฺติ. ปพฺพชฺชาสมโย มมาติ คิหิภาวโต นิกฺขนฺตฏฺเน ‘‘ปพฺพชฺชา’’ติ ลทฺธนามสฺส สมณลิงฺคคหณสฺส กาโล มยฺหนฺติ ทสฺเสติ.
โส เอวํ วตฺวา ตํ ทิวสเมว รชฺชํ ปหาย อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ตสฺมึเยว มฆเทวอมฺพวเน วิหรนฺโต จตุราสีติ วสฺสสหสฺสานิ จตฺตาโร พฺรหฺมวิหาเร ภาเวตฺวา อปริหีนชฺฌาเน ิโต กาลํ กตฺวา พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺติตฺวา ปุน ตโต จุโต มิถิลายํเยว นิมิ นาม ราชา หุตฺวา โอสกฺกมานํ อตฺตโน วํสํ ฆเฏตฺวา ตตฺเถว อมฺพวเน ปพฺพชิตฺวา พฺรหฺมวิหาเร ภาเวตฺวา ปุน พฺรหฺมโลกูปโคว อโหสิ.
สตฺถาปิ ‘‘น, ภิกฺขเว, ตถาคโต อิทาเนว มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขนฺโต, ปุพฺเพปิ นิกฺขนฺโตเยวา’’ติ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ทสฺเสตฺวา จตฺตาริ สจฺจานิ ปกาเสสิ, สจฺจปริโยสาเน เกจิ โสตาปนฺนา อเหสุํ, เกจิ สกทาคามิโน, เกจิ อนาคามิโน. อิติ ภควา อิมานิ ทฺเว วตฺถูนิ กเถตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ ‘‘ตทา กปฺปโก อานนฺโท อโหสิ, ปุตฺโต ราหุโล, มฆเทวราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
มฆเทวชาตกวณฺณนา นวมา.
๑๐. สุขวิหาริชาตกวณฺณนา
ยฺจ ¶ อฺเ น รกฺขนฺตีติ อิทํ สตฺถา อนุปิยนครํ นิสฺสาย อนุปิยอมฺพวเน วิหรนฺโต สุขวิหารึ ภทฺทิยตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ. สุขวิหารี ภทฺทิยตฺเถโร ฉขตฺติยสมาคเม อุปาลิสตฺตโม ปพฺพชิโต. เตสุ ภทฺทิยตฺเถโร จ, กิมิลตฺเถโร จ, ภคุตฺเถโร จ, อุปาลิตฺเถโร จ อรหตฺตํ ปตฺตา, อานนฺทตฺเถโร โสตาปนฺโน ชาโต, อนุรุทฺธตฺเถโร ทิพฺพจกฺขุโก, เทวทตฺโต ฌานลาภี ชาโต. ฉนฺนํ ปน ขตฺติยานํ วตฺถุ ยาว อนุปิยนครา ขณฺฑหาลชาตเก อาวิภวิสฺสติ. อายสฺมา ปน ภทฺทิโย ราชกาเล อตฺตโน รกฺขสํวิธานฺเจว ตาว พหูหิ ¶ รกฺขาหิ รกฺขิยมานสฺส อุปริปาสาทวรตเล มหาสยเน สมฺปริวตฺตมานสฺสาปิ อตฺตโน ภยุปฺปตฺติฺจ อิทานิ อรหตฺตํ ปตฺวา อรฺาทีสุ ยตฺถ กตฺถจิ วิหรนฺโตปิ อตฺตโน วิคตภยตฺจ สมนุสฺสรนฺโต ‘‘อโห สุขํ, อโห สุข’’นฺติ อุทานํ อุทาเนสิ. ตํ สุตฺวา ภิกฺขู ‘‘อายสฺมา ภทฺทิโย อฺํ พฺยากโรตี’’ติ ภควโต อาโรเจสุํ. ภควา ‘‘น, ภิกฺขเว ¶ , ภทฺทิโย อิทาเนว สุขวิหารี, ปุพฺเพปิ สุขวิหารีเยวา’’ติ อาห. ภิกฺขู ตสฺสตฺถสฺสาวิภาวตฺถาย ภควนฺตํ ยาจึสุ. ภควา ภวนฺตเรน ปฏิจฺฉนฺนํ การณํ ปากฏํ อกาสิ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ การยมาเน โพธิสตฺโต อุทิจฺจพฺราหฺมณมหาสาโล หุตฺวา กาเมสุ อาทีนวํ, เนกฺขมฺเม จานิสํสํ ทิสฺวา กาเม ปหาย หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อฏฺ สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตสิ, ปริวาโรปิสฺส มหา อโหสิ ปฺจ ตาปสสตานิ. โส วสฺสกาเล หิมวนฺตโต นิกฺขมิตฺวา ตาปสคณปริวุโต คามนิคมาทีสุ จาริกํ จรนฺโต พาราณสึ ปตฺวา ราชานํ นิสฺสาย ราชุยฺยาเน วาสํ กปฺเปสิ. ตตฺถ วสฺสิเก จตฺตาโร มาเส วสิตฺวา ราชานํ อาปุจฺฉิ. อถ นํ ราชา ‘‘ตุมฺเห, ภนฺเต, มหลฺลกา, กึ โว หิมวนฺเตน, อนฺเตวาสิเก หิมวนฺตํ เปเสตฺวา ¶ อิเธว วสถา’’ติ ยาจิ. โพธิสตฺโต เชฏฺนฺเตวาสิกํ ปฺจ ตาปสสตานิ ปฏิจฺฉาเปตฺวา ‘‘คจฺฉ, ตฺวํ อิเมหิ สทฺธึ หิมวนฺเต วส, อหํ ปน อิเธว วสิสฺสามี’’ติ เต อุยฺโยเชตฺวา สยํ ตตฺเถว วาสํ กปฺเปสิ.
โส ปนสฺส เชฏฺนฺเตวาสิโก ราชปพฺพชิโต มหนฺตํ รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา กสิณปริกมฺมํ กตฺวา อฏฺสมาปตฺติลาภี อโหสิ. โส ตาปเสหิ สทฺธึ หิมวนฺเต วสมาโน เอกทิวสํ อาจริยํ ทฏฺุกาโม หุตฺวา เต ตาปเส อามนฺเตตฺวา ‘‘ตุมฺเห อนุกฺกณฺมานา อิเธว วสถ, อหํ อาจริยํ วนฺทิตฺวา อาคมิสฺสามี’’ติ อาจริยสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา ปฏิสนฺถารํ กตฺวา เอกํ กฏฺตฺถริกํ อตฺถริตฺวา อาจริยสฺส สนฺติเกเยว นิปชฺชิ. ตสฺมิฺจ สมเย ราชา ‘‘ตาปสํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ อุยฺยานํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. อนฺเตวาสิกตาปโส ราชานํ ทิสฺวา เนว วุฏฺาสิ, นิปนฺโนเยว ปน ‘‘อโห สุขํ, อโห สุข’’นฺติ อุทานํ อุทาเนสิ. ราชา ‘‘อยํ ตาปโส มํ ทิสฺวาปิ น อุฏฺิโต’’ติ ¶ อนตฺตมโน โพธิสตฺตํ อาห – ‘‘ภนฺเต, อยํ ตาปโส ยทิจฺฉกํ ภุตฺโต ภวิสฺสติ, อุทานํ อุทาเนนฺโต สุขเสยฺยเมว กปฺเปตี’’ติ. มหาราช, อยํ ตาปโส ปุพฺเพ ตุมฺหาทิโส เอโก ราชา อโหสิ, สฺวายํ ‘‘อหํ ปุพฺเพ คิหิกาเล รชฺชสิรึ อนุภวนฺโต อาวุธหตฺเถหิ พหูหิ รกฺขิยมาโนปิ เอวรูปํ สุขํ นาม นาลตฺถ’’นฺติ อตฺตโน ปพฺพชฺชาสุขํ ฌานสุขฺจ อารพฺภ อิมํ อุทานํ อุทาเนตีติ. เอวฺจ ปน วตฺวา โพธิสตฺโต รฺโ ธมฺมกถํ กเถตุํ อิมํ คาถมาห –
‘‘ยฺจ อฺเ น รกฺขนฺติ, โย จ อฺเ น รกฺขติ;
ส เว ราช สุขํ เสติ, กาเมสุ อนเปกฺขวา’’ติ.
ตตฺถ ¶ ยฺจ อฺเ น รกฺขนฺตีติ ยํ ปุคฺคลํ อฺเ พหู ปุคฺคลา น รกฺขนฺติ. โย จ อฺเ น รกฺขตีติ โย จ ‘‘เอกโก อหํ รชฺชํ กาเรมี’’ติ อฺเ พหู ชเน น รกฺขติ. ส เว ราช สุขํ เสตีติ มหาราช โส ¶ ปุคฺคโล เอโก อทุติโย ปวิวิตฺโต กายิกเจตสิกสุขสมงฺคี หุตฺวา สุขํ เสติ. อิทฺจ เทสนาสีสเมว. น เกวลํ ปน เสติเยว, เอวรูโป ปน ปุคฺคโล สุขํ คจฺฉติ ติฏฺติ นิสีทติ สยตีติ สพฺพิริยาปเถสุ สุขปฺปตฺโตว โหติ. กาเมสุ อนเปกฺขวาติ วตฺถุ กามกิเลสกาเมสุ อเปกฺขารหิโต วิคตจฺฉนฺทราโค นิตฺตณฺโห เอวรูโป ปุคฺคโล สพฺพิริยาปเถสุ สุขํ วิหรติ มหาราชาติ.
ราชา ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ตุฏฺมานโส วนฺทิตฺวา นิเวสนเมว คโต, อนฺเตวาสิโกปิ อาจริยํ วนฺทิตฺวา หิมวนฺตเมว คโต. โพธิสตฺโต ปน ตตฺเถว วิหรนฺโต อปริหีนชฺฌาโน กาลํ กตฺวา พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺติ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ทสฺเสตฺวา ทฺเว วตฺถูนิ กเถตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา อนฺเตวาสิโก ภทฺทิยตฺเถโร อโหสิ, คณสตฺถา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
สุขวิหาริชาตกวณฺณนา ทสมา.
อปณฺณกวคฺโค ปโม.
ตสฺสุทฺทานํ –
อปณฺณกํ ¶ วณฺณุปถํ, เสริวํ จูฬเสฏฺิ จ;
ตณฺฑุลํ เทวธมฺมฺจ, กฏฺวาหนคามณิ;
มฆเทวํ วิหารีติ, ปิณฺฑิตา ทส ชาตกาติ.
๒. สีลวคฺโค
[๑๑] ๑. ลกฺขณมิคชาตกวณฺณนา
โหติ ¶ สีลวตํ อตฺโถติ อิทํ สตฺถา ราชคหํ อุปนิสฺสาย เวฬุวเน วิหรนฺโต เทวทตฺตํ อารพฺภ กเถสิ. เทวทตฺตสฺส วตฺถุ ยาว อภิมารปฺปโยชนา ขณฺฑหาลชาตเก อาวิภวิสฺสติ, ยาว ธนปาลกวิสฺสชฺชนา ปน จูฬหํสชาตเก อาวิภวิสฺสติ, ยาว ปถวิปฺปเวสนา ทฺวาทสนิปาเต สมุทฺทวาณิชชาตเก อาวิภวิสฺสติ.
เอกสฺมิฺหิ สมเย เทวทตฺโต ปฺจ วตฺถูนิ ยาจิตฺวา อลภนฺโต สงฺฆํ ภินฺทิตฺวา ปฺจ ภิกฺขุสตานิ อาทาย คยาสีเส วิหรติ. อถ เตสํ ภิกฺขูนํ าณํ ปริปากํ อคมาสิ. ตํ ตฺวา สตฺถา ทฺเว อคฺคสาวเก อามนฺเตสิ ‘‘สาริปุตฺตา, ตุมฺหากํ นิสฺสิตกา ปฺจสตา ภิกฺขู เทวทตฺตสฺส ลทฺธึ โรเจตฺวา เตน สทฺธึ คตา, อิทานิ ปน เตสํ าณํ ปริปากํ คตํ, ตุมฺเห พหูหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ ตตฺถ คนฺตฺวา เตสํ ธมฺมํ เทเสตฺวา เต ภิกฺขู มคฺคผเลหิ ปโพเธตฺวา คเหตฺวา อาคจฺฉถา’’ติ. เต ตเถว คนฺตฺวา เตสํ ธมฺมํ เทเสตฺวา มคฺคผเลหิ ปโพเธตฺวา ปุนทิวเส อรุณุคฺคมนเวลาย ¶ เต ภิกฺขู อาทาย เวฬุวนเมว อาคมํสุ. อาคนฺตฺวา จ ปน สาริปุตฺตตฺเถรสฺส ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ิตกาเล ภิกฺขู เถรํ ปสํสิตฺวา ภควนฺตํ อาหํสุ – ‘‘ภนฺเต, อมฺหากํ เชฏฺภาติโก ธมฺมเสนาปติ ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ ปริวุโต อาคจฺฉนฺโต อติวิย โสภติ, เทวทตฺโต ปน ปริหีนปริวาโร ชาโต’’ติ. น, ภิกฺขเว, สาริปุตฺโต อิทาเนว าติสงฺฆปริวุโต อาคจฺฉนฺโต โสภติ, ปุพฺเพปิ โสภิเยว. เทวทตฺโตปิ ¶ น อิทาเนว คณโต ปริหีโน, ปุพฺเพปิ ปริหีโนเยวาติ. ภิกฺขู ตสฺสตฺถสฺสาวิภาวตฺถาย ภควนฺตํ ยาจึสุ, ภควา ภวนฺตเรน ปฏิจฺฉนฺนํ การณํ ปากฏํ อกาสิ.
อตีเต มคธรฏฺเ ราชคหนคเร เอโก มคธราชา รชฺชํ กาเรสิ. ตทา โพธิสตฺโต มิคโยนิยํ ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา วุทฺธิปฺปตฺโต มิคสหสฺสปริวาโร อรฺเ วสติ. ตสฺส ลกฺขโณ จ กาโฬ จาติ ทฺเว ปุตฺตา อเหสุํ. โส อตฺตโน มหลฺลกกาเล ‘‘ตาตา, อหํ อิทานิ มหลฺลโก, ตุมฺเห อิมํ คณํ ปริหรถา’’ติ ปฺจ ปฺจ มิคสตานิ เอเกกํ ปุตฺตํ ปฏิจฺฉาเปสิ ¶ . ตโต ปฏฺาย เต ทฺเว ชนา มิคคณํ ปริหรนฺติ. มคธรฏฺสฺมิฺจ สสฺสปากสมเย กิฏฺสมฺพาเธ อรฺเ มิคานํ ปริปนฺโถ โหติ. มนุสฺสา สสฺสขาทกานํ มิคานํ มารณตฺถาย ตตฺถ ตตฺถ โอปาตํ ขณนฺติ, สูลานิ โรเปนฺติ, ปาสาณยนฺตานิ สชฺเชนฺติ, กูฏปาสาทโย ปาเส โอฑฺเฑนฺติ, พหู มิคา วินาสํ อาปชฺชนฺติ. โพธิสตฺโต กิฏฺสมฺพาธสมยํ ตฺวา ทฺเว ปุตฺเต ปกฺโกสาเปตฺวา อาห – ‘‘ตาตา, อยํ กิฏฺสมฺพาธสมโย, พหู มิคา วินาสํ ปาปุณนฺติ, มยํ มหลฺลกา เยน เกนจิ อุปาเยน เอกสฺมึ าเน วีตินาเมสฺสาม, ตุมฺเห ตุมฺหากํ มิคคเณ คเหตฺวา อรฺเ ปพฺพตปาทํ ปวิสิตฺวา สสฺสานํ อุทฺธฏกาเล อาคจฺเฉยฺยาถา’’ติ. เต ‘‘สาธู’’ติ ปิตุ วจนํ สุตฺวา สปริวารา นิกฺขมึสุ. เตสํ ปน คมนมคฺคํ มนุสฺสา ชานนฺติ ‘‘อิมสฺมึ กาเล มิคา ปพฺพตมาโรหนฺติ, อิมสฺมึ กาเล โอโรหนฺตี’’ติ. เต ตตฺถ ตตฺถ ปฏิจฺฉนฺนฏฺาเน ¶ นิลีนา พหู มิเค วิชฺฌิตฺวา มาเรนฺติ.
กาฬมิโค อตฺตโน ทนฺธตาย ‘‘อิมาย นาม เวลาย คนฺตพฺพํ, อิมาย เวลาย น คนฺตพฺพ’’นฺติ อชานนฺโต มิคคณํ อาทาย ปุพฺพณฺเหปิ สายนฺเหปิ ปโทเสปิ ปจฺจูเสปิ คามทฺวาเรน คจฺฉติ. มนุสฺสา ตตฺถ ตตฺถ ปกติยา ิตา จ นิลีนา จ พหู มิเค วินาสํ ปาเปนฺติ. เอวํ โส อตฺตโน ทนฺธตาย พหู มิเค วินาสํ ปาเปตฺวา อปฺปเกเหว มิเคหิ อรฺํ ปาวิสิ. ลกฺขณมิโค ปน ปณฺฑิโต พฺยตฺโต อุปายกุสโล ‘‘อิมาย เวลาย คนฺตพฺพํ, อิมาย เวลาย น คนฺตพฺพ’’นฺติ ชานาติ. โส คามทฺวาเรนปิ น คจฺฉติ ¶ , ทิวาปิ น คจฺฉติ, ปโทเสปิ น คจฺฉติ, ปจฺจูเสปิ น คจฺฉติ, มิคคณํ อาทาย อฑฺฒรตฺตสมเยเยว คจฺฉติ. ตสฺมา เอกมฺปิ มิคํ อวินาเสตฺวา อรฺํ ปาวิสิ. เต ตตฺถ จตฺตาโร มาเส วสิตฺวา สสฺเสสุ อุทฺธเฏสุ ปพฺพตา โอตรึสุ.
กาโฬ ปจฺจาคจฺฉนฺโตปิ ปุริมนเยเนว อวเสสมิเค วินาสํ ปาเปนฺโต เอกโกว อาคมิ. ลกฺขโณ ปน เอกมิคมฺปิ อวินาเสตฺวา ปฺจหิ มิคสเตหิ ปริวุโต มาตาปิตูนํ สนฺติกํ อาคมิ. โพธิสตฺโต ทฺเวปิ ปุตฺเต อาคจฺฉนฺเต ทิสฺวา มิคคเณน สทฺธึ มนฺเตนฺโต อิมํ คาถํ สมุฏฺาเปสิ –
‘‘โหติ สีลวตํ อตฺโถ, ปฏิสนฺถารวุตฺตินํ;
ลกฺขณํ ปสฺส อายนฺตํ, าติสงฺฆปุรกฺขตํ;
อถ ปสฺสสิมํ กาฬํ, สุวิหีนํว าติภี’’ติ.
ตตฺถ ¶ สีลวตนฺติ สุขสีลตาย สีลวนฺตานํ อาจารสมฺปนฺนานํ. อตฺโถติ วุฑฺฒิ. ปฏิสนฺถารวุตฺตินนฺติ ธมฺมปฏิสนฺถาโร จ อามิสปฏิสนฺถาโร จ เอเตสํ วุตฺตีติ ปฏิสนฺถารวุตฺติโน, เตสํ ปฏิสนฺถารวุตฺตินํ. เอตฺถ จ ปาปนิวารณโอวาทานุสาสนิวเสน ธมฺมปฏิสนฺถาโร จ, โคจรลาภาปนคิลานุปฏฺานธมฺมิกรกฺขาวเสน อามิสปฏิสนฺถาโร จ เวทิตพฺโพ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อิเมสุ ทฺวีสุ ปฏิสนฺถาเรสุ ิตานํ อาจารสมฺปนฺนานํ ปณฺฑิตานํ วุฑฺฒิ นาม โหตีติ. อิทานิ ตํ วุฑฺฒึ ทสฺเสตุํ ปุตฺตมาตรํ อาลปนฺโต วิย ‘‘ลกฺขณํ ปสฺสา’’ติอาทิมาห. ตตฺรายํ สงฺเขปตฺโถ – อาจารปฏิสนฺถารสมฺปนฺนํ อตฺตโน ปุตฺตํ ¶ เอกมิคมฺปิ อวินาเสตฺวา าติสงฺเฆน ปุรกฺขตํ ปริวาริตํ อาคจฺฉนฺตํ ปสฺส. ตาย ปน อาจารปฏิสนฺถารสมฺปทาย วิหีนํ ทนฺธปฺํ อถ ปสฺสสิมํ กาฬํ เอกมฺปิ าตึ อนวเสเสตฺวา สุวิหีนเมว าตีหิ เอกกํ อาคจฺฉนฺตนฺติ. เอวํ ปุตฺตํ อภินนฺทิตฺวา ปน โพธิสตฺโต ยาวตายุกํ ตฺวา ยถากมฺมํ คโต.
สตฺถาปิ ‘‘น, ภิกฺขเว, สาริปุตฺโต อิทาเนว าติสงฺฆปริวาริโต โสภติ, ปุพฺเพปิ โสภติเยว. น จ เทวทตฺโต เอตรหิเยว คณมฺหา ปริหีโน, ปุพฺเพปิ ปริหีโนเยวา’’ติ อิมํ ธมฺมเทสนํ ทสฺเสตฺวา ทฺเว วตฺถูนิ กเถตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ¶ กาโฬ เทวทตฺโต อโหสิ, ปริสาปิสฺส เทวทตฺตปริสาว, ลกฺขโณ สาริปุตฺโต, ปริสา ปนสฺส พุทฺธปริสา, มาตา ราหุลมาตา, ปิตา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
ลกฺขณมิคชาตกวณฺณนา ปมา.
[๑๒] ๒. นิคฺโรธมิคชาตกวณฺณนา
นิคฺโรธเมว เสเวยฺยาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต กุมารกสฺสปตฺเถรสฺส มาตรํ อารพฺภ กเถสิ. สา กิร ราชคหนคเร มหาวิภวสฺส เสฏฺิโน ธีตา อโหสิ อุสฺสนฺนกุสลมูลา ปริมทฺทิตสงฺขารา ปจฺฉิมภวิกา, อนฺโตฆเฏ ปทีโป วิย ตสฺสา หทเย อรหตฺตูปนิสฺสโย ชลติ. สา อตฺตานํ ชานนกาลโต ปฏฺาย เคเห อนภิรตา ปพฺพชิตุกามา หุตฺวา มาตาปิตโร อาห – ‘‘อมฺมตาตา, มยฺหํ ฆราวาเส จิตฺตํ นาภิรมติ, อหํ นิยฺยานิเก พุทฺธสาสเน ปพฺพชิตุกามา, ปพฺพาเชถ ม’’นฺติ. อมฺม, กึ วเทสิ, อิทํ กุลํ พหุวิภวํ, ตฺวฺจ อมฺหากํ เอกธีตา, น ลพฺภา ตยา ปพฺพชิตุนฺติ. สา ปุนปฺปุนํ ยาจิตฺวาปิ มาตาปิตูนํ สนฺติกา ปพฺพชฺชํ อลภมานา จินฺเตสิ ‘‘โหตุ, ปติกุลํ คตา สามิกํ อาราเธตฺวา ¶ ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. สา วยปฺปตฺตา ปติกุลํ คนฺตฺวา ปติเทวตา หุตฺวา สีลวตี กลฺยาณธมฺมา อคารํ อชฺฌาวสิ.
อถสฺสา สํวาสมนฺวาย กุจฺฉิยํ คพฺโภ ปติฏฺหิ. สา คพฺภสฺส ปติฏฺิตภาวํ น อฺาสิ. อถ ตสฺมึ นคเร นกฺขตฺตํ โฆสยึสุ, สกลนครวาสิโน ¶ นกฺขตฺตํ กีฬึสุ, นครํ เทวนครํ วิย อลงฺกตปฏิยตฺตํ อโหสิ. สา ปน ตาว อุฬารายปิ นกฺขตฺตกีฬาย วตฺตมานาย อตฺตโน สรีรํ น วิลิมฺปติ นาลงฺกโรติ, ปกติเวเสเนว วิจรติ.
อถ นํ สามิโก อาห – ‘‘ภทฺเท, สกลนครํ นกฺขตฺตนิสฺสิตํ, ตฺวํ ปน สรีรํ นปฺปฏิชคฺคสี’’ติ. อยฺยปุตฺต, ทฺวตฺตึสาย เม กุณเปหิ ปูริตํ สรีรํ, กึ อิมินา อลงฺกเตน, อยฺหิ กาโย เนว เทวนิมฺมิโต, น พฺรหฺมนิมฺมิโต, น สุวณฺณมโย, น มณิมโย, น หริจนฺทนมโย, น ปุณฺฑรีกกุมุทุปฺปลคพฺภสมฺภูโต ¶ , น อมโตสธปูริโต, อถ โข กุณเป ชาโต, มาตาเปตฺติกสมฺภโว, อนิจฺจุจฺฉาทนปริมทฺทนเภทนวิทฺธํสนธมฺโม, กฏสิวฑฺฒโน, ตณฺหูปาทินฺโน, โสกานํ นิทานํ, ปริเทวานํ วตฺถุ, สพฺพโรคานํ อาลโย, กมฺมกรณานํ ปฏิคฺคโห, อนฺโตปูติ, พหิ นิจฺจปคฺฆรโณ, กิมิกุลานํ อาวาโส, สิวถิกปยาโต, มรณปริโยสาโน, สพฺพโลกสฺส จกฺขุปเถ วตฺตมาโนปิ –
‘‘อฏฺินหารุสํยุตฺโต, ตจมํสาวเลปโน;
ฉวิยา กาโย ปฏิจฺฉนฺโน, ยถาภูตํ น ทิสฺสติ.
‘‘อนฺตปูโร อุทรปูโร, ยกนเปฬสฺส วตฺถิโน;
หทยสฺส ปปฺผาสสฺส, วกฺกสฺส ปิหกสฺส จ.
‘‘สิงฺฆาณิกาย เขฬสฺส, เสทสฺส จ เมทสฺส จ;
โลหิตสฺส ลสิกาย, ปิตฺตสฺส จ วสาย จ.
‘‘อถสฺส นวหิ โสเตหิ, อสุจี สวติ สพฺพทา;
อกฺขิมฺหา อกฺขิคูถโก, กณฺณมฺหา กณฺณคูถโก.
‘‘สิงฺฆาณิกา ¶ จ นาสโต, มุเขน วมเตกทา;
ปิตฺตํ เสมฺหฺจ วมติ, กายมฺหา เสทชลฺลิกา.
‘‘อถสฺส สุสิรํ สีสํ, มตฺถลุงฺคสฺส ปูริตํ;
สุภโต นํ มฺติ พาโล, อวิชฺชาย ปุรกฺขโต. (สุ. นิ. ๑๙๖-๒๐๑);
‘‘อนนฺตาทีนโว กาโย, วิสรุกฺขสมูปโม;
อาวาโส สพฺพโรคานํ, ปฺุโช ทุกฺขสฺส เกวโล. (อป. เถร ๒.๕๔.๕๕);
‘‘สเจ อิมสฺส กายสฺส, อนฺโต พาหิรโก สิยา;
ทณฺฑํ นูน คเหตฺวาน, กาเก โสเณ จ วารเย.
‘‘ทุคฺคนฺโธ อสุจิ กาโย, กุณโป อุกฺกรูปโม;
นินฺทิโต จกฺขุภูเตหิ, กาโย พาลาภินนฺทิโต.
‘‘อลฺลจมฺมปฏิจฺฉนฺโน, นวทฺวาโร มหาวโณ;
สมนฺตโต ปคฺฆรติ, อสุจี ปูติคนฺธิโย’’ติ. (วิสุทฺธิ. ๑.๑๒๒);
อยฺยปุตฺต ¶ ¶ , อิมํ กายํ อลงฺกริตฺวา กึ กริสฺสามิ? นนุ อิมสฺส อลงฺกตกรณํ คูถปุณฺณฆฏสฺส พหิ จิตฺตกมฺมกรณํ วิย โหตีติ? เสฏฺิปุตฺโต ตสฺสา วจนํ สุตฺวา อาห ‘‘ภทฺเท, ตฺวํ อิมสฺส สรีรสฺส อิเม โทเส ปสฺสมานา กสฺมา น ปพฺพชสี’’ติ? ‘‘อยฺยปุตฺต, อหํ ปพฺพชฺชํ ลภมานา อชฺเชว ปพฺพเชยฺย’’นฺติ. เสฏฺิปุตฺโต ‘‘สาธุ, อหํ ตํ ปพฺพาเชสฺสามี’’ติ วตฺวา มหาทานํ ปวตฺเตตฺวา มหาสกฺการํ กตฺวา มหนฺเตน ปริวาเรน ภิกฺขุนุปสฺสยํ เนตฺวา ตํ ปพฺพาเชนฺโต เทวทตฺตปกฺขิยานํ ภิกฺขุนีนํ สนฺติเก ปพฺพาเชสิ. สา ปพฺพชฺชํ ลภิตฺวา ปริปุณฺณสงฺกปฺปา อตฺตมนา อโหสิ.
อถสฺสา คพฺเภ ปริปากํ คจฺฉนฺเต อินฺทฺริยานํ อฺถตฺตํ หตฺถปาทปิฏฺีนํ พหลตฺตํ อุทรปฏลสฺส จ มหนฺตตํ ทิสฺวา ภิกฺขุนิโย ตํ ปุจฺฉึสุ ‘‘อยฺเย, ตฺวํ คพฺภินี วิย ปฺายสิ, กึ เอต’’นฺติ? อยฺเย, ‘‘อิทํ นาม การณ’’นฺติ น ชานามิ, สีลํ ปน เม ปริปุณฺณนฺติ ¶ . อถ นํ ตา ภิกฺขุนิโย เทวทตฺตสฺส สนฺติกํ เนตฺวา เทวทตฺตํ ปุจฺฉึสุ ‘‘อยฺย, อยํ กุลธีตา กิจฺเฉน สามิกํ อาราเธตฺวา ปพฺพชฺชํ ลภิ, อิทานิ ปนสฺสา คพฺโภ ปฺายติ, มยํ อิมสฺส คพฺภสฺส คิหิกาเล วา ปพฺพชิตกาเล วา ลทฺธภาวํ น ชานาม, กึทานิ กโรมา’’ติ? เทวทตฺโต อตฺตโน อพุทฺธภาเวน จ ขนฺติเมตฺตานุทฺทยานฺจ นตฺถิตาย เอวํ จินฺเตสิ ‘‘เทวทตฺตปกฺขิกา ภิกฺขุนี กุจฺฉินา คพฺภํ ปริหรติ, เทวทตฺโต จ ตํ อชฺฌุเปกฺขติเยวาติ มยฺหํ ครหา อุปฺปชฺชิสฺสติ, มยา อิมํ อุปฺปพฺพาเชตุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส อวีมํสิตฺวาว เสลคุฬํ ปวฏฺฏยมาโน วิย ปกฺขนฺทิตฺวา ‘‘คจฺฉถ, อิมํ อุปฺปพฺพาเชถา’’ติ อาห. ตา ตสฺส วจนํ สุตฺวา อุฏฺาย วนฺทิตฺวา อุปสฺสยํ คตา.
อถ สา ทหรา ตา ภิกฺขุนิโย อาห – ‘‘อยฺเย, น เทวทตฺตตฺเถโร พุทฺโธ, นาปิ มยฺหํ ตสฺส สนฺติเก ปพฺพชฺชา, โลเก ปน อคฺคปุคฺคลสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สนฺติเก มยฺหํ ปพฺพชฺชา, สา จ ปน เม ทุกฺเขน ลทฺธา, มา นํ อนฺตรธาเปถ, เอถ มํ คเหตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ เชตวนํ คจฺฉถา’’ติ. ตา ตํ อาทาย ราชคหา ปฺจจตฺตาลีสโยชนิกํ มคฺคํ อติกฺกมฺม อนุปุพฺเพน เชตวนํ ปตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. สตฺถา จินฺเตสิ – ‘‘กิฺจาปิ คิหิกาเล เอติสฺสา คพฺโภ ปติฏฺิโต, เอวํ สนฺเตปิ ‘สมโณ โคตโม เทวทตฺเตน ¶ ชหิตํ อาทาย จรตี’ติ ติตฺถิยานํ โอกาโส ภวิสฺสติ. ตสฺมา อิมํ กถํ ปจฺฉินฺทิตุํ สราชิกาย ปริสาย ¶ มชฺเฌ อิมํ อธิกรณํ วินิจฺฉิตุํ วฏฺฏตี’’ติ. ปุนทิวเส ราชานํ ปเสนทิโกสลํ มหาอนาถปิณฺฑิกํ จูฬอนาถปิณฺฑิกํ วิสาขํ มหาอุปาสิกํ อฺานิ จ อภิฺาตานิ มหากุลานิ ปกฺโกสาเปตฺวา สายนฺหสมเย จตูสุ ปริสาสุ สนฺนิปติตาสุ อุปาลิตฺเถรํ อามนฺเตสิ ‘‘คจฺฉ, ตฺวํ จตุปริสมชฺเฌ อิมิสฺสา ทหรภิกฺขุนิยา กมฺมํ โสเธหี’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ เถโร ปริสมชฺฌํ คนฺตฺวา อตฺตโน ปฺตฺตาสเน นิสีทิตฺวา รฺโ ปุรโต วิสาขํ อุปาสิกํ ปกฺโกสาเปตฺวา อิมํ อธิกรณํ ปฏิจฺฉาเปสิ ‘‘คจฺฉ วิสาเข, ‘อยํ ทหรา อสุกมาเส อสุกทิวเส ปพฺพชิตา’ติ ตถโต ตฺวา อิมสฺส คพฺภสฺส ปุเร วา ปจฺฉา วา ลทฺธภาวํ ชานาหี’’ติ. อุปาสิกา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา สาณึ ปริกฺขิปาเปตฺวา อนฺโตสาณิยํ ทหรภิกฺขุนิยา หตฺถปาทนาภิอุทรปริโยสานาทีนิ โอโลเกตฺวา มาสทิวเส สมาเนตฺวา คิหิภาเว คพฺภสฺส ลทฺธภาวํ ตถโต ตฺวา เถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจสิ. เถโร จตุปริสมชฺเฌ ตํ ภิกฺขุนึ สุทฺธํ อกาสิ. สา สุทฺธา หุตฺวา ภิกฺขุสงฺฆฺจ สตฺถารฺจ วนฺทิตฺวา ภิกฺขุนีหิ สทฺธึ อุปสฺสยเมว คตา. สา คพฺภปริปากมนฺวาย ปทุมุตฺตรปาทมูเล ปตฺถิตปตฺถนํ มหานุภาวํ ปุตฺตํ วิชายิ.
อเถกทิวสํ ¶ ราชา ภิกฺขุนุปสฺสยสมีเปน คจฺฉนฺโต ทารกสทฺทํ สุตฺวา อมจฺเจ ปุจฺฉิ. อมจฺจา ตํ การณํ ตฺวา ‘‘เทว, ทหรภิกฺขุนี ปุตฺตํ วิชาตา, ตสฺเสโส สทฺโท’’ติ อาหํสุ. ‘‘ภิกฺขุนีนํ, ภเณ, ทารกปฏิชคฺคนํ นาม ปลิโพโธ, มยํ นํ ปฏิชคฺคิสฺสามา’’ติ ราชา ตํ ทารกํ นาฏกิตฺถีนํ ทาเปตฺวา กุมารปริหาเรน วฑฺฒาเปสิ. นามคฺคหณทิวเส จสฺส ‘‘กสฺสโป’’ติ นามํ อกํสุ. อถ นํ กุมารปริหาเรน วฑฺฒิตตฺตา ‘‘กุมารกสฺสโป’’ติ สฺชานึสุ. โส สตฺตวสฺสิกกาเล สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ปริปุณฺณวสฺโส อุปสมฺปทํ ลภิตฺวา คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺเต กาเล ธมฺมกถิเกสุ จิตฺรกถี อโหสิ. อถ นํ สตฺถา ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ จิตฺตกถิกานํ ยทิทํ กุมารกสฺสโป’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๐๙, ๒๑๗) เอตทคฺเค เปสิ. โส ปจฺฉา วมฺมิกสุตฺเต (ม. นิ. ๑.๒๔๙ อาทโย) อรหตฺตํ ปาปุณิ. มาตาปิสฺส ภิกฺขุนี วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อคฺคผลํ ปตฺตา. กุมารกสฺสปตฺเถโร พุทฺธสาสเน คคนมชฺเฌ ¶ ปุณฺณจนฺโท วิย ปากโฏ ชาโต.
อเถกทิวสํ ¶ ตถาคโต ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต ภิกฺขูนํ โอวาทํ ทตฺวา คนฺธกุฏึ ปาวิสิ. ภิกฺขู โอวาทํ คเหตฺวา อตฺตโน อตฺตโน รตฺติฏฺานทิวาฏฺาเนสุ ทิวสภาคํ เขเปตฺวา สายนฺหสมเย ธมฺมสภายํ สนฺนิปติตฺวา ‘‘อาวุโส, เทวทตฺเตน อตฺตโน อพุทฺธภาเวน เจว ขนฺติเมตฺตาทีนฺจ อภาเวน กุมารกสฺสปตฺเถโร จ เถรี จ อุโภ นาสิตา, สมฺมาสมฺพุทฺโธ ปน อตฺตโน ธมฺมราชตาย เจว ขนฺติเมตฺตานุทฺทยสมฺปตฺติยา จ อุภินฺนมฺปิ เตสํ ปจฺจโย ชาโต’’ติ พุทฺธคุเณ วณฺณยมานา นิสีทึสุ. สตฺถา พุทฺธลีลาย ธมฺมสภํ อาคนฺตฺวา ปฺตฺตาสเน นิสีทิตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ภนฺเต, ตุมฺหากเมว คุณกถายา’’ติ สพฺพํ อาโรจยึสุ. น, ภิกฺขเว, ตถาคโต อิทาเนว อิเมสํ อุภินฺนํ ปจฺจโย จ ปติฏฺา จ ชาโต, ปุพฺเพปิ อโหสิเยวาติ. ภิกฺขู ตสฺสตฺถสฺสาวิภาวตฺถาย ภควนฺตํ ยาจึสุ. ภควา ภวนฺตเรน ปฏิจฺฉนฺนํ การณํ ปากฏํ อกาสิ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ การยมาเน โพธิสตฺโต มิคโยนิยํ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. โส มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขนฺโต สุวณฺณวณฺโณ อโหสิ, อกฺขีนิ ปนสฺส มณิคุฬสทิสานิ อเหสุํ, สิงฺคานิ รชตวณฺณานิ, มุขํ รตฺตกมฺพลปฺุชวณฺณํ, หตฺถปาทปริยนฺตา ลาขารสปริกมฺมกตา วิย, วาลธิ จมรสฺส วิย อโหสิ, สรีรํ ปนสฺส มหนฺตํ อสฺสโปตกปฺปมาณํ อโหสิ. โส ปฺจสตมิคปริวาโร อรฺเ วาสํ กปฺเปสิ นาเมน นิคฺโรธมิคราชา ¶ นาม. อวิทูเร ปนสฺส อฺโปิ ปฺจสตมิคปริวาโร สาขมิโค นาม วสติ, โสปิ สุวณฺณวณฺโณว อโหสิ.
เตน สมเยน พาราณสิราชา มิควธปฺปสุโต โหติ, วินา มํเสน น ภฺุชติ, มนุสฺสานํ กมฺมจฺเฉทํ กตฺวา สพฺเพ เนคมชานปเท สนฺนิปาเตตฺวา เทวสิกํ มิควํ คจฺฉติ. มนุสฺสา จินฺเตสุํ – ‘‘อยํ ราชา อมฺหากํ กมฺมจฺเฉทํ กโรติ, ยํนูน มยํ อุยฺยาเน ¶ มิคานํ นิวาปํ วปิตฺวา ปานียํ สมฺปาเทตฺวา พหู มิเค อุยฺยานํ ปเวเสตฺวา ทฺวารํ พนฺธิตฺวา รฺโ นิยฺยาเทยฺยามา’’ติ. เต สพฺเพ อุยฺยาเน มิคานํ นิวาปติณานิ โรเปตฺวา อุทกํ สมฺปาเทตฺวา ทฺวารํ โยเชตฺวา วาคุรานิ อาทาย มุคฺคราทินานาวุธหตฺถา ¶ อรฺํ ปวิสิตฺวา มิเค ปริเยสมานา ‘‘มชฺเฌ ิเต มิเค คณฺหิสฺสามา’’ติ โยชนมตฺตํ านํ ปริกฺขิปิตฺวา สงฺขิปมานา นิคฺโรธมิคสาขมิคานํ วสนฏฺานํ มชฺเฌ กตฺวา ปริกฺขิปึสุ. อถ นํ มิคคณํ ทิสฺวา รุกฺขคุมฺพาทโย จ ภูมิฺจ มุคฺคเรหิ ปหรนฺตา มิคคณํ คหนฏฺานโต นีหริตฺวา อสิสตฺติธนุอาทีนิ อาวุธานิ อุคฺคิริตฺวา มหานาทํ นทนฺตา ตํ มิคคณํ อุยฺยานํ ปเวเสตฺวา ทฺวารํ ปิธาย ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘เทว, นิพทฺธํ มิควํ คจฺฉนฺตา อมฺหากํ กมฺมํ นาเสถ, อมฺเหหิ อรฺโต มิเค อาเนตฺวา ตุมฺหากํ อุยฺยานํ ปูริตํ, อิโต ปฏฺาย เตสํ มํสานิ ขาทถา’’ติ ราชานํ อาปุจฺฉิตฺวา ปกฺกมึสุ.
ราชา เตสํ วจนํ สุตฺวา อุยฺยานํ คนฺตฺวา มิเค โอโลเกนฺโต ทฺเว สุวณฺณมิเค ทิสฺวา เตสํ อภยํ อทาสิ. ตโต ปฏฺาย ปน กทาจิ สยํ คนฺตฺวา เอกํ มิคํ วิชฺฌิตฺวา อาเนติ, กทาจิสฺส ภตฺตการโก คนฺตฺวา วิชฺฌิตฺวา อาหรติ. มิคา ธนุํ ทิสฺวาว มรณภเยน ตชฺชิตา ปลายนฺติ, ทฺเว ตโย ปหาเร ลภิตฺวา กิลมนฺติปิ, คิลานาปิ โหนฺติ, มรณมฺปิ ปาปุณนฺติ. มิคคโณ ตํ ปวตฺตึ โพธิสตฺตสฺส อาโรเจสิ. โส สาขํ ปกฺโกสาเปตฺวา อาห – ‘‘สมฺม, พหู มิคา นสฺสนฺติ, เอกํเสน มริตพฺเพ สติ อิโต ปฏฺาย มา กณฺเฑน มิเค วิชฺฌนฺตุ, ธมฺมคณฺฑิกฏฺาเน มิคานํ วาโร โหตุ. เอกทิวสํ มม ปริสาย วาโร ปาปุณาตุ, เอกทิวสํ ตว ปริสาย, วารปฺปตฺโต มิโค คนฺตฺวา ธมฺมคณฺฑิกาย คีวํ เปตฺวา นิปชฺชตุ, เอวํ สนฺเต มิคา กิลนฺตา น ภวิสฺสนฺตี’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ. ตโต ปฏฺาย วารปฺปตฺโตว มิโค คนฺตฺวา ธมฺมคณฺฑิกาย ¶ คีวํ เปตฺวา นิปชฺชติ, ภตฺตการโก อาคนฺตฺวา ตตฺถ นิปนฺนกเมว คเหตฺวา คจฺฉติ.
อเถกทิวสํ ¶ สาขมิคสฺส ปริสาย เอกิสฺสา คพฺภินิมิคิยา วาโร ปาปุณิ. สา สาขํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘สามิ, อหํ คพฺภินี, ปุตฺตํ วิชายิตฺวา ทฺเว ชนา วารํ คมิสฺสาม, มยฺหํ วารํ อติกฺกาเมหี’’ติ อาห. โส ‘‘น สกฺกา ตว วารํ อฺเสํ ปาเปตุํ, ตฺวเมว ตุยฺหํ วารํ ชานิสฺสสิ, คจฺฉาหี’’ติ อาห. สา ตสฺส สนฺติกา อนุคฺคหํ อลภมานา โพธิสตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจสิ. โส ตสฺสา วจนํ สุตฺวา ‘‘โหตุ คจฺฉ ตฺวํ, อหํ เต วารํ อติกฺกาเมสฺสามี’’ติ สยํ ¶ คนฺตฺวา ธมฺมคณฺฑิกาย สีสํ กตฺวา นิปชฺชิ. ภตฺตการโก ตํ ทิสฺวา ‘‘ลทฺธาภโย มิคราชา ธมฺมคณฺฑิกาย นิปนฺโน, กึ นุ โข การณ’’นฺติ เวเคน คนฺตฺวา รฺโ อาโรเจสิ.
ราชา ตาวเทว รถํ อารุยฺห มหนฺเตน ปริวาเรน อาคนฺตฺวา โพธิสตฺตํ ทิสฺวา อาห ‘‘สมฺม มิคราช, นนุ มยา ตุยฺหํ อภยํ ทินฺนํ, กสฺมา ตฺวํ อิธ นิปนฺโน’’ติ. มหาราช, คพฺภินี มิคี อาคนฺตฺวา ‘‘มม วารํ อฺสฺส ปาเปหี’’ติ อาห, น สกฺกา โข ปน มยา เอกสฺส มรณทุกฺขํ อฺสฺส อุปริ นิกฺขิปิตุํ, สฺวาหํ อตฺตโน ชีวิตํ ตสฺสา ทตฺวา ตสฺสา สนฺตกํ มรณํ คเหตฺวา อิธ นิปนฺโน, มา อฺํ กิฺจิ อาสงฺกิตฺถ, มหาราชาติ. ราชา อาห – ‘‘สามิ, สุวณฺณวณฺณมิคราช, มยา น ตาทิโส ขนฺติเมตฺตานุทฺทยสมฺปนฺโน มนุสฺเสสุปิ ทิฏฺปุพฺโพ, เตน เต ปสนฺโนสฺมิ, อุฏฺเหิ, ตุยฺหฺจ ตสฺสา จ อภยํ ทมฺมี’’ติ. ‘‘ทฺวีหิ อภเย ลทฺเธ อวเสสา กึ กริสฺสนฺติ, นรินฺทา’’ติ? ‘‘อวเสสานมฺปิ อภยํ ทมฺมิ, สามี’’ติ. ‘‘มหาราช, เอวมฺปิ อุยฺยาเนเยว มิคา อภยํ ลภิสฺสนฺติ, เสสา กึ กริสฺสนฺตี’’ติ? ‘‘เอเตสมฺปิ อภยํ ทมฺมิ, สามี’’ติ. ‘‘มหาราช, มิคา ตาว อภยํ ลภนฺตุ, เสสา จตุปฺปทา กึ กริสฺสนฺตี’’ติ ¶ ? ‘‘เอเตสมฺปิ อภยํ ทมฺมิ, สามี’’ติ. ‘‘มหาราช, จตุปฺปทา ตาว อภยํ ลภนฺตุ, ทิชคณา กึ กริสฺสนฺตี’’ติ? ‘‘เอเตสมฺปิ อภยํ ทมฺมิ, สามี’’ติ. ‘‘มหาราช, ทิชคณา ตาว อภยํ ลภนฺตุ, อุทเก วสนฺตา มจฺฉา กึ กริสฺสนฺตี’’ติ? ‘‘เอเตสมฺปิ อภยํ ทมฺมิ, สามี’’ติ. เอวํ มหาสตฺโต ราชานํ สพฺพสตฺตานํ อภยํ ยาจิตฺวา อุฏฺาย ราชานํ ปฺจสุ สีเลสุ ปติฏฺาเปตฺวา ‘‘ธมฺมํ จร, มหาราช, มาตาปิตูสุ ปุตฺตธีตาสุ พฺราหฺมณคหปติเกสุ เนคมชานปเทสุ ธมฺมํ จรนฺโต สมํ จรนฺโต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ คมิสฺสสี’’ติ รฺโ พุทฺธลีลาย ธมฺมํ เทเสตฺวา กติปาหํ อุยฺยาเน วสิตฺวา รฺโ โอวาทํ ทตฺวา มิคคณปริวุโต อรฺํ ปาวิสิ. สาปิ โข มิคเธนุ ปุปฺผกณฺณิกสทิสํ ปุตฺตํ วิชายิ. โส กีฬมาโน สาขมิคสฺส สนฺติกํ คจฺฉติ. อถ นํ มาตา ตสฺส สนฺติกํ คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘ปุตฺต, อิโต ปฏฺาย มา เอตสฺส สนฺติกํ คจฺฉ, นิคฺโรธสฺเสว สนฺติกํ คจฺเฉยฺยาสี’’ติ โอวทนฺตี อิมํ คาถมาห –
‘‘นิคฺโรธเมว ¶ ¶ เสเวยฺย, น สาขมุปสํวเส;
นิคฺโรธสฺมึ มตํ เสยฺโย, ยฺเจ สาขสฺมิ ชีวิต’’นฺติ.
ตตฺถ นิคฺโรธเมว เสเวยฺยาติ ตาต ตฺวํ วา อฺโ วา อตฺตโน หิตกาโม นิคฺโรธเมว เสเวยฺย ภเชยฺย อุปสงฺกเมยฺย, น สาขมุปสํวเสติ สาขมิคํ ปน น อุปสํวเส อุปคมฺม น สํวเสยฺย, เอตํ นิสฺสาย ชีวิกํ น กปฺเปยฺย. นิคฺโรธสฺมึ มตํ เสยฺโยติ นิคฺโรธรฺโ ปาทมูเล มรณมฺปิ เสยฺโย วรํ อุตฺตมํ. ยฺเจ สาขสฺมิ ชีวิตนฺติ ยํ ปน สาขสฺส สนฺติเก ชีวิตํ, ตํ เนว เสยฺโย น วรํ น อุตฺตมนฺติ อตฺโถ.
ตโต ปฏฺาย จ ปน อภยลทฺธกา มิคา มนุสฺสานํ สสฺสานิ ขาทนฺติ, มนุสฺสา ‘‘ลทฺธาภยา อิเม มิคา’’ติ มิเค ปหริตุํ วา ปลาเปตุํ วา น วิสหนฺติ, เต ราชงฺคเณ สนฺนิปติตฺวา รฺโ ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. ราชา ‘‘มยา ปสนฺเนน นิคฺโรธมิคราชสฺส ¶ วโร ทินฺโน, อหํ รชฺชํ ชเหยฺยํ, น จ ตํ ปฏิฺํ ภินฺทามิ, คจฺฉถ น โกจิ มม วิชิเต มิเค ปหริตุํ ลภตี’’ติ อาห. นิคฺโรธมิโค ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา มิคคณํ สนฺนิปาตาเปตฺวา ‘‘อิโต ปฏฺาย ปเรสํ สสฺสํ ขาทิตุํ น ลภิสฺสถา’’ติ มิเค โอวทิตฺวา มนุสฺสานํ อาโรจาเปสิ ‘‘อิโต ปฏฺาย สสฺสการกา มนุสฺสา สสฺสรกฺขณตฺถํ วตึ มา กโรนฺตุ, เขตฺตํ ปน อาวิชฺฌิตฺวา ปณฺณสฺํ พนฺธนฺตู’’ติ. ตโต ปฏฺาย กิร เขตฺเตสุ ปณฺณพนฺธนสฺา อุทปาทิ. ตโต ปฏฺาย ปณฺณสฺํ อติกฺกมนมิโค นาม นตฺถิ. อยํ กิร เนสํ โพธิสตฺตโต ลทฺธโอวาโท. เอวํ มิคคณํ โอวทิตฺวา โพธิสตฺโต ยาวตายุกํ ตฺวา สทฺธึ มิเคหิ ยถากมฺมํ คโต, ราชาปิ โพธิสตฺตสฺส โอวาเท ตฺวา ปฺุานิ กตฺวา ยถากมฺมํ คโต.
สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนวาหํ เถริยา จ กุมารกสฺสปสฺส จ อวสฺสโย, ปุพฺเพปิ อวสฺสโย เอวา’’ติ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา จตุสจฺจธมฺมเทสนํ วินิวฏฺเฏตฺวา ทฺเว วตฺถูนิ กเถตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ ‘‘ตทา สาขมิโค เทวทตฺโต อโหสิ, ปริสาปิสฺส เทวทตฺตปริสาว, มิคเธนุ เถรี อโหสิ, ปุตฺโต กุมารกสฺสโป, ราชา อานนฺโท, นิคฺโรธมิคราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
นิคฺโรธมิคชาตกวณฺณนา ทุติยา.
[๑๓] ๓. กณฺฑิชาตกวณฺณนา
ธิรตฺถุ ¶ ¶ กณฺฑินํ สลฺลนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปุราณทุติยิกาปโลภนํ อารพฺภ กเถสิ. ตํ อฏฺกนิปาเต อินฺทฺริยชาตเก อาวิภวิสฺสติ. ภควา ปน ตํ ภิกฺขุํ เอตทโวจ ‘‘ภิกฺขุ, ปุพฺเพปิ ตฺวํ เอตํ มาตุคามํ นิสฺสาย ชีวิตกฺขยํ ปตฺวา วีตจฺจิเตสุ องฺคาเรสุ ปกฺโก’’ติ. ภิกฺขู ตสฺสตฺถสฺสาวิภาวตฺถาย ภควนฺตํ ยาจึสุ, ภควา ภวนฺตเรน ปฏิจฺฉนฺนการณํ ปากฏํ อกาสิ. อิโต ปรํ ปน ภิกฺขูนํ ยาจนํ ¶ ภวนฺตรปฏิจฺฉนฺนตฺจ อวตฺวา ‘‘อตีตํ อาหรี’’ติ เอตฺตกเมว วกฺขาม, เอตฺตเก วุตฺเตปิ ยาจนฺจ วลาหกคพฺภโต จนฺทนีหรณูปมาย ภวนฺตรปฏิจฺฉนฺนการณภาโว จาติ สพฺพเมตํ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว โยเชตฺวา เวทิตพฺพํ.
อตีเต มคธรฏฺเ ราชคเห มคธราชา รชฺชํ กาเรสิ. มคธวาสิกานํ สสฺสสมเย มิคานํ มหาปริปนฺโถ โหติ. เต อรฺเ ปพฺพตปาทํ ปวิสนฺติ. ตตฺถ เอโก อรฺวาสี ปพฺพเตยฺยมิโค เอกาย คามนฺตวาสินิยา มิคโปติกาย สทฺธึ สนฺถวํ กตฺวา เตสํ มิคานํ ปพฺพตปาทโต โอรุยฺห ปุน คามนฺตํ โอตรณกาเล มิคโปติกาย ปฏิพทฺธจิตฺตตฺตา เตหิ สทฺธึเยว โอตริ. อถ นํ สา อาห – ‘‘ตฺวํ โขสิ, อยฺย, ปพฺพเตยฺโย พาลมิโค, คามนฺโต จ นาม สาสงฺโก สปฺปฏิภโย, มา อมฺเหหิ สทฺธึ โอตรี’’ติ. โส ตสฺสา ปฏิพทฺธจิตฺตตฺตา อนิวตฺติตฺวา สทฺธึเยว อคมาสิ. มคธวาสิโน ‘‘อิทานิ มิคานํ ปพฺพตปาทา โอตรณกาโล’’ติ ตฺวา มคฺเค ปฏิจฺฉนฺนโกฏฺเกสุ ติฏฺนฺติ. เตสมฺปิ ทฺวินฺนํ อาคมนมคฺเค เอโก ลุทฺทโก ปฏิจฺฉนฺนโกฏฺเก ิโต โหติ. มิคโปติกา มนุสฺสคนฺธํ ฆายิตฺวา ‘‘เอโก ลุทฺทโก ิโต ภวิสฺสตี’’ติ ตํ พาลมิคํ ปุรโต กตฺวา สยํ ปจฺฉโต อโหสิ. ลุทฺทโก เอเกเนว สรปฺปหาเรน มิคํ ตตฺเถว ปาเตติ. มิคโปติกา ตสฺส วิทฺธภาวํ ตฺวา อุปฺปติตฺวา วาตคติยาว ปลายิ. ลุทฺทโก โกฏฺกโต นิกฺขมิตฺวา มิคํ โอกฺกนฺติตฺวา อคฺคึ กตฺวา วีตจฺจิเตสุ องฺคาเรสุ มธุรมํสํ ปจิตฺวา ขาทิตฺวา ปานียํ ปิวิตฺวา อวเสสํ โลหิตพินฺทูหิ ปคฺฆรนฺเตหิ กาเชนาทาย ทารเก โตเสนฺโต ฆรํ อคมาสิ.
ตทา ¶ โพธิสตฺโต ตสฺมึ วนสณฺเฑ รุกฺขเทวตา หุตฺวา นิพฺพตฺโต โหติ. โส ตํ การณํ ทิสฺวา ‘‘อิมสฺส พาลมิคสฺส มรณํ เนว มาตรํ นิสฺสาย, น ปิตรํ นิสฺสาย, อถ โข กามํ นิสฺสาย. กามนิมิตฺตฺหิ ¶ สตฺตา สุคติยํ หตฺถจฺเฉทาทิกํ, ทุคฺคติยฺจ ปฺจวิธพนฺธนาทินานปฺปการกํ ทุกฺขํ ปาปุณนฺติ, ปเรสํ มรณทุกฺขุปฺปาทนมฺปิ นาม อิมสฺมึ โลเก ¶ ครหิตเมว. ยํ ชนปทํ มาตุคาโม วิจาเรติ อนุสาสติ, โส อิตฺถิปริณายโก ชนปโทปิ ครหิโตเยว. เย สตฺตา มาตุคามสฺส วสํ คจฺฉนฺติ, เตปิ ครหิตาเยวา’’ติ เอกาย คาถาย ตีณิ ครหวตฺถูนิ ทสฺเสตฺวา วนเทวตาสุ สาธุการํ ทตฺวา คนฺธปุปฺผาทีหิ ปูชยมานาสุ มธุเรน สเรน ตํ วนสณฺฑํ อุนฺนาเทนฺโต อิมาย คาถาย ธมฺมํ เทเสสิ –
‘‘ธิรตฺถุ กณฺฑินํ สลฺลํ, ปุริสํ คาฬฺหเวธินํ;
ธิรตฺถุ ตํ ชนปทํ, ยตฺถิตฺถี ปริณายิกา;
เต จาปิ ธิกฺกิตา สตฺตา, เย อิตฺถีนํ วสํ คตา’’ติ.
ตตฺถ ธิรตฺถูติ ครหณตฺเถ นิปาโต, สฺวายมิธ อุตฺตาสุพฺเพควเสน ครหเณ ทฏฺพฺโพ. อุตฺตสิตุพฺพิคฺโค หิ โหนฺโต โพธิสตฺโต เอวมาห. กณฺฑมสฺส อตฺถีติ กณฺฑี, ตํ กณฺฑินํ. ตํ ปน กณฺฑํ อนุปวิสนฏฺเน ‘‘สลฺล’’นฺติ วุจฺจติ, ตสฺมา กณฺฑินํ สลฺลนฺติ เอตฺถ สลฺลกณฺฑินนฺติ อตฺโถ. สลฺลํ วา อสฺสตฺถีติปิ สลฺโล, ตํ สลฺลํ. มหนฺตํ วณมุขํ กตฺวา พลวปฺปหารํ เทนฺโต คาฬฺหํ วิชฺฌตีติ คาฬฺหเวธี, ตํ คาฬฺหเวธินํ. นานปฺปกาเรน กณฺเฑน, กุมุทปตฺตสณฺานถเลน อุชุกคมเนเนว สลฺเลน จ สมนฺนาคตํ คาฬฺหเวธินํ ปุริสํ ธิรตฺถูติ อยเมตฺถ อตฺโถ. ปริณายิกาติ อิสฺสรา สํวิธายิกา. ธิกฺกิตาติ ครหิตา. เสสเมตฺถ อุตฺตานตฺถเมว. อิโต ปรํ ปน เอตฺตกมฺปิ อวตฺวา ยํ ยํ อนุตฺตานํ, ตํ ตเทว วณฺณยิสฺสาม. เอวํ เอกาย คาถาย ตีณิ ครหวตฺถูนิ ทสฺเสตฺวา โพธิสตฺโต วนํ อุนฺนาเทตฺวา พุทฺธลีลาย ธมฺมํ เทเสสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสสิ, สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺิตภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. สตฺถา ทฺเว วตฺถูนิ ¶ กเถตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ. อิโต ปรํ ปน ‘‘ทฺเว ¶ วตฺถูนิ กเถตฺวา’’ติ อิทํ อวตฺวา ‘‘อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา’’ติ เอตฺตกเมว วกฺขาม, อวุตฺตมฺปิ ปน เหฏฺา วุตฺตนเยเนว โยเชตฺวา คเหตพฺพํ.
ตทา ปพฺพเตยฺยมิโค อุกฺกณฺิตภิกฺขุ อโหสิ, มิคโปติกา ปุราณทุติยิกา, กาเมสุ โทสํ ทสฺเสตฺวา ธมฺมเทสกเทวตา ปน อหเมว อโหสินฺติ.
กณฺฑิชาตกวณฺณนา ตติยา.
[๑๔] ๔. วาตมิคชาตกวณฺณนา
น ¶ กิรตฺถิ รเสหิ ปาปิโยติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต จูฬปิณฺฑปาติกติสฺสตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ. สตฺถริ กิร ราชคหํ อุปนิสฺสาย เวฬุวเน วิหรนฺเต ติสฺสกุมาโร นาม มหาวิภวสฺส เสฏฺิกุลสฺส ปุตฺโต เอกทิวสํ เวฬุวนํ คนฺตฺวา สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปพฺพชิตุกาโม ปพฺพชฺชํ ยาจิตฺวา มาตาปิตูหิ อนนฺุาตตฺตา ปฏิกฺขิตฺโต สตฺตาหํ ภตฺตจฺเฉทํ กตฺวา รฏฺปาลตฺเถโร วิย มาตาปิตโร อนุชานาเปตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิ. สตฺถา ตํ ปพฺพาเชตฺวา อฑฺฒมาสมตฺตํ เวฬุวเน วิหริตฺวา เชตวนํ อคมาสิ. ตตฺรายํ กุลปุตฺโต เตรส ธุตงฺคานิ สมาทาย สาวตฺถิยํ สปทานํ ปิณฺฑาย จรมาโน กาลํ วีตินาเมติ, ‘‘จูฬปิณฺฑปาติกติสฺสตฺเถโร นามา’’ติ วุตฺเต คคนตเล ปุณฺณจนฺโท วิย พุทฺธสาสเน ปากโฏ ปฺาโต อโหสิ.
ตสฺมึ กาเล ราชคเห นกฺขตฺตกีฬาย วตฺตมานาย เถรสฺส มาตาปิตโร ยํ ตสฺส คิหิกาเล อโหสิ อาภรณภณฺฑกํ, ตํ รตนจงฺโกฏเก นิกฺขิปิตฺวา อุเร เปตฺวา ‘‘อฺาสุ นกฺขตฺตกีฬาสุ อมฺหากํ ปุตฺโต อิมินา อลงฺกาเรน อลงฺกโต นกฺขตฺตํ กีฬติ, ตํ โน เอกปุตฺตํ คเหตฺวา สมโณ โคตโม สาวตฺถินครํ คโต, กหํ นุ โข โส เอตรหิ นิสินฺโน, กหํ ิโต’’ติ วตฺวา โรทนฺติ.
อเถกา วณฺณทาสี ตํ กุลํ คนฺตฺวา เสฏฺิภริยํ โรทนฺตึ ทิสฺวา ปุจฺฉิ ‘‘กึ ปน, อยฺเย, โรทสี’’ติ? ‘‘สา ตมตฺถํ อาโรเจสิ’’. ‘‘กึ ปน, อยฺเย, อยฺยปุตฺโต ปิยายตี’’ติ? ‘‘อสุกฺจ อสุกฺจา’’ติ. ‘‘สเจ ตุมฺเห ¶ อิมสฺมึ เคเห สพฺพํ อิสฺสริยํ มยฺหํ เทถ, อหํ โว ปุตฺตํ อาเนสฺสามี’’ติ. เสฏฺิภริยา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ปริพฺพยํ ทตฺวา มหนฺเตน ปริวาเรน ตํ อุยฺโยเชสิ ‘‘คจฺฉ, อตฺตโน พเลน มม ปุตฺตํ อาเนหี’’ติ. สา ปฏิจฺฉนฺนยาเน นิสินฺนา สาวตฺถึ คนฺตฺวา เถรสฺส ภิกฺขาจารวีถิยํ นิวาสํ คเหตฺวา เสฏฺิกุลา อาคเต มนุสฺเส ¶ เถรสฺส อทสฺเสตฺวา อตฺตโน ปริวาเรเนว ปริวุตา เถรสฺส ปิณฺฑาย ปวิฏฺสฺส อาทิโตว อุฬุงฺกยาคฺุจ รสกภิกฺขฺจ ทตฺวา รสตณฺหาย พนฺธิตฺวา อนุกฺกเมน เคเห นิสีทาเปตฺวา ภิกฺขํ ททมานา จ อตฺตโน วสํ อุปคตภาวํ ตฺวา คิลานาลยํ ทสฺเสตฺวา อนฺโตคพฺเภ นิปชฺชิ. เถโรปิ ภิกฺขาจารเวลาย สปทานํ จรนฺโต เคหทฺวารํ อคมาสิ. ปริชโน เถรสฺส ปตฺตํ คเหตฺวา เถรํ ฆเร นิสีทาเปสิ. เถโร นิสีทิตฺวาว ‘‘กหํ อุปาสิกา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘คิลานา, ภนฺเต, ตุมฺหากํ ทสฺสนํ อิจฺฉตี’’ติ. โส รสตณฺหาย พทฺโธ อตฺตโน วตสมาทานํ ¶ ภินฺทิตฺวา ตสฺสา นิปนฺนฏฺานํ ปาวิสิ. สา อตฺตโน อาคตการณํ กเถตฺวา ตํ ปโลเภตฺวา รสตณฺหาย พนฺธิตฺวา อุปฺปพฺพาเชตฺวา อตฺตโน วเส เปตฺวา ยาเน นิสีทาเปตฺวา มหนฺเตน ปริวาเรน ราชคหเมว อคมาสิ. สา ปวตฺติ ปากฏา ชาตา.
ภิกฺขู ธมฺมสภายํ สนฺนิสินฺนา ‘‘จูฬปิณฺฑปาติกติสฺสตฺเถรํ กิร เอกา วณฺณทาสี รสตณฺหาย พนฺธิตฺวา อาทาย คตา’’ติ กถํ สมุฏฺาเปสุํ. สตฺถา ธมฺมสภํ อุปคนฺตฺวา อลงฺกตธมฺมาสเน นิสีทิตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ อาห. เต ตํ ปวตฺตึ กถยึสุ. ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว เอโส ภิกฺขุ รสตณฺหาย พชฺฌิตฺวา ตสฺสา วสํ คโต, ปุพฺเพปิ ตสฺสา วสํ คโตเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ รฺโ พฺรหฺมทตฺตสฺส สฺชโย นาม อุยฺยานปาโล อโหสิ. อเถโก วาตมิโค ตํ อุยฺยานํ อาคนฺตฺวา สฺชยํ ทิสฺวา ปลายติ, สฺชโยปิ น ตํ ตชฺเชตฺวา นีหรติ. โส ปุนปฺปุนํ อาคนฺตฺวา อุยฺยาเนเยว จรติ. อุยฺยานปาโล อุยฺยาเน นานปฺปการานิ ปุปฺผผลานิ คเหตฺวา ทิวเส ทิวเส รฺโ อภิหรติ. อถ นํ เอกทิวสํ ราชา ปุจฺฉิ ‘‘สมฺม อุยฺยานปาล, อุยฺยาเน กิฺจิ อจฺฉริยํ ¶ ปสฺสสี’’ติ? ‘‘เทว, อฺํ น ปสฺสามิ, เอโก ปน วาตมิโค อาคนฺตฺวา อุยฺยาเน จรติ, เอตํ ปสฺสามี’’ติ. ‘‘สกฺขิสฺสติ ปน ตํ คเหตุ’’นฺติ. ‘‘โถกํ มธุํ ลภนฺโต อนฺโต ราชนิเวสนมฺปิ นํ อาเนตุํ สกฺขิสฺสามิ, เทวา’’ติ. ราชา ตสฺส มธุํ ทาเปสิ. โส ตํ คเหตฺวา อุยฺยานํ คนฺตฺวา วาตมิคสฺส จรณฏฺาเน ติณานิ มธุนา ¶ มกฺเขตฺวา นิลียิ. มิโค อาคนฺตฺวา มธุมกฺขิตานิ ติณานิ ขาทิตฺวา รสตณฺหาย พทฺโธ อฺตฺร อคนฺตฺวา อุยฺยานเมว อาคจฺฉติ. อุยฺยานปาโล ตสฺส มธุมกฺขิตติเณสุ ปลุทฺธภาวํ ตฺวา อนุกฺกเมน อตฺตานํ ทสฺเสสิ. โส ตํ ทิสฺวา กติปาหํ ปลายิตฺวา ปุนปฺปุนํ ปสฺสนฺโต วิสฺสาสํ อาปชฺชิตฺวา อนุกฺกเมน อุยฺยานปาลสฺส หตฺเถ ิตติณานิ ขาทิตุํ อารภิ.
โส ตสฺส วิสฺสาสํ อาปนฺนภาวํ ตฺวา ยาว ราชนิเวสนา วีถึ กิลฺเชหิ ปริกฺขิปิตฺวา ตหึ ตหึ สาขาภงฺคํ ปาเตตฺวา มธุลาพุกํ อํเส ลคฺเคตฺวา ติณกลาปํ อุปกจฺฉเก เปตฺวา มธุมกฺขิตานิ ติณานิ มิคสฺส ปุรโต ปุรโต วิกิรนฺโต อนฺโตราชนิเวสนํเยว อคมาสิ. มิเค อนฺโต ปวิฏฺเ ทฺวารํ ปิทหึสุ. มิโค มนุสฺเส ทิสฺวา กมฺปมาโน มรณภยตชฺชิโต อนฺโตนิเวสนงฺคเณ อาธาวติ ปริธาวติ. ราชา ปาสาทา โอรุยฺห ตํ กมฺปมานํ ทิสฺวา ‘‘วาตมิโค นาม มนุสฺสานํ ทิฏฺฏฺานํ สตฺตาหํ น คจฺฉติ, ตชฺชิตฏฺานํ ¶ ยาวชีวํ น คจฺฉติ, โส เอวรูโป คหนนิสฺสิโต วาตมิโค รสตณฺหาย พทฺโธ อิทานิ เอวรูปํ านํ อาคโต, นตฺถิ วต โภ โลเก รสตณฺหาย ปาปตรํ นามา’’ติ อิมาย คาถาย ธมฺมเทสนํ ปฏฺเปสิ –
‘‘น กิรตฺถิ รเสหิ ปาปิโย, อาวาเสหิว สนฺถเวหิ วา;
วาตมิคํ คหนนิสฺสิตํ, วสมาเนสิ รเสหิ สฺชโย’’ติ.
ตตฺถ กิราติ อนุสฺสวนตฺเถ นิปาโต. รเสหีติ ชิวฺหาวิฺเยฺเยหิ มธุรมฺพิลาทีหิ. ปาปิโยติ ปาปตโร. อาวาเสหิว สนฺถเวหิ วาติ นิพทฺธวสนฏฺานสงฺขาเตสุ หิ อาวาเสสุปิ มิตฺตสนฺถเวสุปิ ฉนฺทราโค ปาปโกว, เตหิ ปน สจฺฉนฺทราคปริโภเคหิ อาวาเสหิ วา มิตฺตสนฺถเวหิ ¶ วา สตคุเณน จ สหสฺสคุเณน จ สตสหสฺสคุเณน จ ธุวปฏิเสวนฏฺเน อาหารํ วินา ชีวิตินฺทฺริยปาลนาย อภาเวน จ สจฺฉนฺทราคปริโภครสาว ปาปตราติ. โพธิสตฺโต ปน อนุสฺสวาคตํ ¶ วิย อิมมตฺถํ กตฺวา ‘‘น กิรตฺถิ รเสหิ ปาปิโย, อาวาเสหิว สนฺถเวหิ วา’’ติ อาห. อิทานิ เตสํ ปาปิยภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘วาตมิค’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ คหนนิสฺสิตนฺติ คหนฏฺานนิสฺสิตํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ปสฺสถ รสานํ ปาปิยภาวํ, อิทํ นาม อรฺายตเน คหนนิสฺสิตํ วาตมิคํ สฺชโย อุยฺยานปาโล มธุรเสหิ อตฺตโน วสํ อาเนสิ, สพฺพถาปิ สจฺฉนฺทราคปริโภเคหิ รเสหิ นาม อฺํ ปาปตรํ ลามกตรํ นตฺถีติ รสตณฺหาย อาทีนวํ กเถสิ. กเถตฺวา จ ปน ตํ มิคํ อรฺเมว เปเสสิ.
สตฺถาปิ ‘‘น, ภิกฺขเว, สา วณฺณทาสี อิทาเนว เอตํ รสตณฺหาย พนฺธิตฺวา อตฺตโน วเส กโรติ, ปุพฺเพปิ อกาสิเยวา’’ติ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ. ‘‘ตทา สฺชโย อยํ วณฺณทาสี อโหสิ, วาตมิโค จูฬปิณฺฑปาติโก, พาราณสิราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
วาตมิคชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.
[๑๕] ๕. ขราทิยชาตกวณฺณนา
อฏฺกฺขุรํ ¶ ขราทิเยติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ ทุพฺพจภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิร ภิกฺขุ ทุพฺพโจ โอวาทํ น คณฺหาติ. อถ นํ สตฺถา ปุจฺฉิ ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ ทุพฺพโจ โอวาทํ น คณฺหาสี’’ติ? ‘‘สจฺจํ ภควา’’ติ. สตฺถา ‘‘ปุพฺเพปิ ตฺวํ ทุพฺพจตาย ปณฺฑิตานํ โอวาทํ อคฺคเหตฺวา ปาเสน พทฺโธ ชีวิตกฺขยํ ปตฺโต’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต มิโค หุตฺวา มิคคณปริวุโต อรฺเ วสติ. อถสฺส ภคินิมิคี ปุตฺตกํ ทสฺเสตฺวา ‘‘ภาติก, อยํ เต ภาคิเนยฺโย, เอตํ มิคมายํ อุคฺคณฺหาเปหี’’ติ ปฏิจฺฉาเปสิ. โส ตํ ภาคิเนยฺยํ ‘‘อสุกเวลาย นาม อาคนฺตฺวา อุคฺคณฺหาหี’’ติ อาห. โส วุตฺตเวลาย นาคจฺฉติ. ยถา ¶ จ เอกทิวสํ, เอวํ สตฺต ทิวเส สตฺโตวาเท อติกฺกนฺโต โส มิคมายํ อนุคฺคณฺหิตฺวาว วิจรนฺโต ปาเส พชฺฌิ. มาตาปิสฺส ภาตรํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘กึ เต, ภาติก, ภาคิเนยฺโย มิคมายํ อุคฺคณฺหาปิโต’’ติ ปุจฺฉิ. โพธิสตฺโต จ ‘‘ตสฺส อโนวาทกสฺส มา จินฺตยิ, น ¶ เต ปุตฺเตน มิคมายา อุคฺคหิตา’’ติ วตฺวา อิทานิปิ ตํ อโนวทิตุกาโมว หุตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อฏฺกฺขุรํ ขราทิเย, มิคํ วงฺกาติวงฺกินํ;
สตฺตหิ กาลาติกฺกนฺตํ, น นํ โอวทิตุสฺสเห’’ติ.
ตตฺถ อฏฺกฺขุรนฺติ เอเกกสฺมึ ปาเท ทฺวินฺนํ ทฺวินฺนํ วเสน อฏฺกฺขุรํ. ขราทิเยติ ตํ นาเมน อาลปติ. มิคนฺติ สพฺพสงฺคาหิกวจนํ. วงฺกาติวงฺกินนฺติ มูเล วงฺกานิ, อคฺเค อติวงฺกานีติ วงฺกาติวงฺกานิ, ตาทิสานิ สิงฺคานิ อสฺส อตฺถีติ วงฺกาติวงฺกี, ตํ วงฺกาติวงฺกินํ. สตฺตหิ กาลาติกฺกนฺตนฺติ สตฺตหิ โอวาทกาเลหิ โอวาทํ อติกฺกนฺตํ. น นํ โอวทิตุสฺสเหติ เอตํ ทุพฺพจมิคํ อหํ โอวทิตุํ น อุสฺสหามิ, เอตสฺส เม โอวาทตฺถาย จิตฺตมฺปิ น อุปฺปชฺชตีติ ทสฺเสติ. อถ นํ ทุพฺพจมิคํ ปาเส พทฺธํ ลุทฺโท มาเรตฺวา มํสํ อาทาย ปกฺกามิ.
สตฺถาปิ ¶ ‘‘น ตฺวํ ภิกฺขุ อิทาเนว ทุพฺพโจ, ปุพฺเพปิ ทุพฺพโจเยวา’’ติ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ. ‘‘ตทา ภาคิเนยฺโย มิโค ทุพฺพจภิกฺขุ อโหสิ, ภคินี อุปฺปลวณฺณา, โอวาทมิโค ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
ขราทิยชาตกวณฺณนา ปฺจมา.
[๑๖] ๖. ติปลฺลตฺถมิคชาตกวณฺณนา
มิคํ ¶ ติปลฺลตฺถนฺติ อิทํ สตฺถา โกสมฺพิยํ พทริการาเม วิหรนฺโต สิกฺขากามํ ราหุลตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ. เอกสฺมิฺหิ กาเล สตฺถริ อาฬวินครํ อุปนิสฺสาย อคฺคาฬเว เจติเย วิหรนฺเต พหู อุปาสกา อุปาสิกา ภิกฺขู ภิกฺขุนิโย จ วิหารํ ธมฺมสฺสวนตฺถาย คจฺฉนฺติ, ทิวา ธมฺมสฺสวนํ โหติ. คจฺฉนฺเต ปน กาเล อุปาสิกาโย ภิกฺขุนิโย จ น คจฺฉึสุ, ภิกฺขู เจว อุปาสกา จ อเหสุํ. ตโต ปฏฺาย รตฺตึ ธมฺมสฺสวนํ ชาตํ. ธมฺมสฺสวนปริโยสาเน เถรา ภิกฺขู อตฺตโน อตฺตโน วสนฏฺานานิ คจฺฉนฺติ. ทหรา สามเณรา จ อุปาสเกหิ สทฺธึ อุปฏฺานสาลายํ สยนฺติ. เตสุ นิทฺทํ อุปคเตสุ เอกจฺเจ ฆุรุฆุรุปสฺสาสา กากจฺฉมานา ทนฺเต ขาทนฺตา นิปชฺชึสุ, เอกจฺเจ ¶ มุหุตฺตํ นิทฺทายิตฺวา อุฏฺหึสุ. เต ตํ วิปฺปการํ ทิสฺวา ภควโต อาโรเจสุํ. ภควา ‘‘โย ปน ภิกฺขุ อนุปสมฺปนฺเนน สหเสยฺยํ กปฺเปยฺย ปาจิตฺติย’’นฺติ (ปาจิ. ๔๙) สิกฺขาปทํ ปฺเปตฺวา โกสมฺพึ อคมาสิ.
ตตฺถ ภิกฺขู อายสฺมนฺตํ ราหุลํ อาหํสุ – ‘‘อาวุโส ราหุล, ภควตา สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ, อิทานิ ตฺวํ อตฺตโน วสนฏฺานํ ชานาหี’’ติ. ปุพฺเพ ปน เต ภิกฺขู ภควติ จ คารวํ ตสฺส จายสฺมโต สิกฺขากามตํ ปฏิจฺจ ตํ อตฺตโน วสนฏฺานํ อาคตํ อติวิย สงฺคณฺหนฺติ, ขุทฺทกมฺจกํ ปฺเปตฺวา อุสฺสีสกกรณตฺถาย จีวรํ เทนฺติ. ตํ ทิวสํ ปน สิกฺขาปทภเยน วสนฏฺานมฺปิ น อทํสุ. ราหุลภทฺโทปิ ‘‘ปิตา เม’’ติ ทสพลสฺส วา, ‘‘อุปชฺฌาโย เม’’ติ ธมฺมเสนาปติโน วา, ‘‘อาจริโย เม’’ติ มหาโมคฺคลฺลานสฺส วา, ‘‘จูฬปิตา เม’’ติ อานนฺทตฺเถรสฺส วา สนฺติกํ อคนฺตฺวา ทสพลสฺส วฬฺชนวจฺจกุฏึ พฺรหฺมวิมานํ ปวิสนฺโต วิย ปวิสิตฺวา วาสํ กปฺเปสิ. พุทฺธานฺหิ วฬฺชนกุฏิยํ ทฺวารํ สุปิหิตํ โหติ, คนฺธปริภณฺฑกตา ภูมิ, คนฺธทามมาลาทามานิ โอสาริตาเนว โหนฺติ, สพฺพรตฺตึ ทีโป ฌายติ. ราหุลภทฺโท ปน น ตสฺสา กุฏิยา อิมํ สมฺปตฺตึ ปฏิจฺจ ตตฺถ วาสํ อุปคโต, ภิกฺขูหิ ปน ‘‘วสนฏฺานํ ชานาหี’’ติ วุตฺตตฺตา โอวาทคารเวน สิกฺขากามตาย ¶ ตตฺถ วาสํ อุปคโต. อนฺตรนฺตรา หิ ภิกฺขู ตํ อายสฺมนฺตํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ตสฺส วีมํสนตฺถาย มุฏฺิสมฺมชฺชนึ วา กจวรฉฑฺฑนกํ วา พหิ ขิปิตฺวา ตสฺมึ อาคเต ¶ ‘‘อาวุโส, อิมํ เกน ฉฑฺฑิต’’นฺติ วทนฺติ. ตตฺถ เกหิจิ ‘‘ราหุโล อิมินา มคฺเคน คโต’’ติ วุตฺเต โส อายสฺมา ‘‘นาหํ, ภนฺเต, เอตํ ชานามี’’ติ อวตฺวาว ตํ ปฏิสาเมตฺวา ‘‘ขมถ เม, ภนฺเต’’ติ ขมาเปตฺวา คจฺฉติ. เอวเมส สิกฺขากาโม.
โส ตํ สิกฺขากามตํเยว ปฏิจฺจ ตตฺถ วาสํ อุปคโต. อถ สตฺถา ปุเรอรุณํเยว วจฺจกุฏิทฺวาเร ตฺวา อุกฺกาสิ, โสปายสฺมา อุกฺกาสิ. ‘‘โก เอโส’’ติ? ‘‘อหํ ราหุโล’’ติ นิกฺขมิตฺวา วนฺทิ. ‘‘กสฺมา ตฺวํ ราหุล อิธ นิปนฺโนสี’’ติ? ‘‘วสนฏฺานสฺส อภาวโต’’. ‘‘ปุพฺเพ หิ, ภนฺเต, ภิกฺขู มม สงฺคหํ กโรนฺติ, อิทานิ อตฺตโน อาปตฺติภเยน วสนฏฺานํ ¶ น เทนฺติ, สฺวาหํ ‘อิทํ อฺเสํ อสงฺฆฏฺฏนฏฺาน’นฺติ อิมินา การเณน อิธ นิปนฺโนสฺมีติ. อถ ภควโต ‘‘ราหุลํ ตาว ภิกฺขู เอวํ ปริจฺจชนฺติ, อฺเ กุลทารเก ปพฺพาเชตฺวา กึ กริสฺสนฺตี’’ติ ธมฺมสํเวโค อุทปาทิ.
อถ ภควา ปาโตว ภิกฺขู สนฺนิปาตาเปตฺวา ธมฺมเสนาปตึ ปุจฺฉิ ‘‘ชานาสิ ปน ตฺวํ, สาริปุตฺต, อชฺช กตฺถจิ ราหุลสฺส วุตฺถภาว’’นฺติ? ‘‘น ชานามิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘สาริปุตฺต, อชฺช ราหุโล วจฺจกุฏิยํ วสิ, สาริปุตฺต, ตุมฺเห ราหุลํ เอวํ ปริจฺจชนฺตา อฺเ กุลทารเก ปพฺพาเชตฺวา กึ กริสฺสถ? เอวฺหิ สนฺเต อิมสฺมึ สาสเน ปพฺพชิตา น ปติฏฺา ภวิสฺสนฺติ, อิโต ทานิ ปฏฺาย อนุปสมฺปนฺเนน เอกํ ทฺเว ทิวเส อตฺตโน สนฺติเก วสาเปตฺวา ตติยทิวเส เตสํ วสนฏฺานํ ตฺวา พหิ วาเสถา’’ติ อิมํ อนุปฺตฺตึ กตฺวา ปุน สิกฺขาปทํ ปฺเปสิ.
ตสฺมึ สมเย ธมฺมสภายํ สนฺนิสินฺนา ภิกฺขู ราหุลสฺส คุณกถํ กเถนฺติ ‘‘ปสฺสถาวุโส, ยาว สิกฺขากาโม วตายํ ราหุโล, ‘ตว วสนฏฺานํ ชานาหี’ติ วุตฺโต นาม ‘อหํ ทสพลสฺส ปุตฺโต, ตุมฺหากํ เสนาสนสฺมา ตุมฺเหเยว นิกฺขมถา’ติ เอกํ ภิกฺขุมฺปิ อปฺปฏิปฺผริตฺวา วจฺจกุฏิยํ วาสํ กปฺเปสี’’ติ. เอวํ เตสุ กถยมาเนสุ สตฺถา ธมฺมสภํ คนฺตฺวา อลงฺกตาสเน นิสีทิตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ อาห. ‘‘ภนฺเต, ราหุลสฺส สิกฺขากามกถาย, น อฺาย กถายา’’ติ. สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, ราหุโล อิทาเนว สิกฺขากาโม, ปุพฺเพ ติรจฺฉานโยนิยํ นิพฺพตฺโตปิ สิกฺขากาโมเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต ¶ ¶ ราชคเห เอโก มคธราชา รชฺชํ กาเรสิ. ตทา โพธิสตฺโต มิคโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา มิคคณปริวุโต อรฺเ วสติ. อถสฺส ภคินี อตฺตโน ปุตฺตกํ อุปเนตฺวา ‘‘ภาติก, อิมํ เต ภาคิเนยฺยํ มิคมายํ สิกฺขาเปหี’’ติ อาห. โพธิสตฺโต ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา ‘‘คจฺฉ, ตาต, อสุกเวลาย นาม อาคนฺตฺวา สิกฺเขยฺยาสี’’ติ อาห. โส มาตุเลน วุตฺตเวลํ อนติกฺกมิตฺวา ตํ อุปสงฺกมิตฺวา มิคมายํ สิกฺขิ. โส เอกทิวสํ วเน วิจรนฺโต ปาเสน พทฺโธ พทฺธรวํ รวิ, มิคคโณ ปลายิตฺวา ‘‘ปุตฺโต เต ปาเสน พทฺโธ’’ติ ตสฺส มาตุยา อาโรเจสิ. สา ภาตุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘ภาติก, ภาคิเนยฺโย เต มิคมายํ สิกฺขาปิโต’’ติ ปุจฺฉิ. โพธิสตฺโต ‘‘มา ตฺวํ ปุตฺตสฺส ¶ กิฺจิ ปาปกํ อาสงฺกิ, สุคฺคหิตา เตน มิคมายา, อิทานิ ตํ หาสยมาโน อาคจฺฉิสฺสตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘มิคํ ติปลฺลตฺถมเนกมายํ, อฏฺกฺขุรํ อฑฺฒรตฺตาปปายึ;
เอเกน โสเตน ฉมาสฺสสนฺโต, ฉหิ กลาหิติโภติ ภาคิเนยฺโย’’ติ.
ตตฺถ มิคนฺติ ภาคิเนยฺยมิคํ. ติปลฺลตฺถนฺติ ปลฺลตฺถํ วุจฺจติ สยนํ, อุโภหิ ปสฺเสหิ อุชุกเมว จ นิปนฺนกวเสนาติ ตีหากาเรหิ ปลฺลตฺถํ อสฺส, ตีณิ วา ปลฺลตฺถานิ อสฺสาติ ติปลฺลตฺโถ, ตํ ติปลฺลตฺถํ. อเนกมายนฺติ พหุมายํ พหุวฺจนํ. อฏฺกฺขุรนฺติ เอเกกสฺมึ ปาเท ทฺวินฺนํ ทฺวินฺนํ วเสน อฏฺหิ ขุเรหิ สมนฺนาคตํ. อฑฺฒรตฺตาปปายินฺติ ปุริมยามํ อติกฺกมิตฺวา มชฺฌิมยาเม อรฺโต อาคมฺม ปานียสฺส ปิวนโต อฑฺฒรตฺเต อาปํ ปิวตีติ อฑฺฒรตฺตาปปายี. ตํ อฑฺฒรตฺเต อปายินฺติ อตฺโถ. มม ภาคิเนยฺยํ มิคํ อหํ สาธุกํ มิคมายํ อุคฺคณฺหาเปสึ. กถํ? ยถา เอเกน โสเตน ฉมาสฺสสนฺโต, ฉหิ กลาหิติโภติ ภาคิเนยฺโยติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อหฺหิ ตว ปุตฺตํ ตถา อุคฺคณฺหาเปสึ, ยถา เอกสฺมึ อุปริมนาสิกาโสเต วาตํ สนฺนิรุมฺภิตฺวา ปถวิยา อลฺลีเนน เอเกน เหฏฺิมโสเตน ตตฺเถว ฉมายํ อสฺสสนฺโต ฉหิ กลาหิ ¶ ลุทฺทกํ อติโภติ, ฉหิ โกฏฺาเสหิ อชฺโฌตฺถรติ วฺเจตีติ อตฺโถ. กตมาหิ ฉหิ? จตฺตาโร ปาเท ปสาเรตฺวา เอเกน ปสฺเสน เสยฺยาย, ขุเรหิ ติณปํสุขณเนน, ชิวฺหานินฺนามเนน อุทรสฺส อุทฺธุมาตภาวกรเณน, อุจฺจารปสฺสาววิสฺสชฺชเนน, วาตสนฺนิรุมฺภเนนาติ.
อปโร ¶ นโย – ปาเทน ปํสุํ คเหตฺวา อภิมุขากฑฺฒเนน, ปฏิปณามเนน, อุโภสุ ปสฺเสสุ สฺจรเณน, อุทรํ อุทฺธํ ปกฺขิปเนน, อโธ อวกฺขิปเนนาติ อิมาหิ ฉหิ กลาหิ ยถา อติโภติ, ‘‘มโต อย’’นฺติ สฺํ อุปฺปาเทตฺวา วฺเจติ, เอวํ ตํ มิคมายํ อุคฺคณฺหาเปสินฺติ ทีเปติ.
อปโร นโย – ตถา นํ อุคฺคณฺหาเปสึ, ยถา เอเกน โสเตน ฉมาสฺสสนฺโต ฉหิ กลาหิติ ทฺวีสุปิ นเยสุ ทสฺสิเตหิ ฉหิ การเณหิ กลาหิติ กลายิสฺสติ, ลุทฺทํ วฺเจสฺสตีติ ¶ อตฺโถ. โภตีติ ภคินึ อาลปติ. ภาคิเนยฺโยติ เอวํ ฉหิ การเณหิ วฺจนกํ ภาคิเนยฺยํ นิทฺทิสติ. เอวํ โพธิสตฺโต ภาคิเนยฺยสฺส มิคมายาย สาธุกํ อุคฺคหิตภาวํ ทสฺเสนฺโต ภคินึ สมสฺสาเสติ.
โสปิ มิคโปตโก ปาเส พทฺโธ อวิปฺผนฺทิตฺวาเยว ภูมิยํ มหาผาสุกปสฺเสน ปาเท ปสาเรตฺวา นิปนฺโน ปาทานํ อาสนฺนฏฺาเน ขุเรเหว ปหริตฺวา ปํสฺุจ ติณานิ จ อุปฺปาเฏตฺวา อุจฺจารปสฺสาวํ วิสฺสชฺเชตฺวา สีสํ ปาเตตฺวา ชิวฺหํ นินฺนาเมตฺวา สรีรํ เขฬกิลินฺนํ กตฺวา วาตคฺคหเณน อุทรํ อุทฺธุมาตกํ กตฺวา อกฺขีนิ ปริวตฺเตตฺวา เหฏฺา นาสิกาโสเตน วาตํ สฺจราเปนฺโต อุปริมนาสิกาโสเตน วาตํ สนฺนิรุมฺภิตฺวา สกลสรีรํ ถทฺธภาวํ คาหาเปตฺวา มตาการํ ทสฺเสสิ. นีลมกฺขิกาปิ นํ สมฺปริวาเรสุํ, ตสฺมึ ตสฺมึ าเน กากา นิลียึสุ. ลุทฺโท อาคนฺตฺวา อุทรํ หตฺเถน ปหริตฺวา ‘‘อติปาโตว พทฺโธ ภวิสฺสติ, ปูติโก ชาโต’’ติ ตสฺส พนฺธนรชฺชุกํ โมเจตฺวา ‘‘เอตฺเถวทานิ นํ อุกฺกนฺติตฺวา มํสํ อาทาย คมิสฺสามี’’ติ นิราสงฺโก หุตฺวา สาขาปลาสํ คเหตุํ อารทฺโธ. มิคโปตโกปิ อุฏฺาย จตูหิ ปาเทหิ ตฺวา กายํ วิธุนิตฺวา คีวํ ปสาเรตฺวา มหาวาเตน ฉินฺนวลาหโก วิย เวเคน มาตุ สนฺติกํ อคมาสิ.
สตฺถาปิ ¶ ‘‘น, ภิกฺขเว, ราหุโล อิทาเนว สิกฺขากาโม, ปุพฺเพปิ สิกฺขากาโมเยวา’’ติ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ภาคิเนยฺยมิคโปตโก ราหุโล อโหสิ, มาตา อุปฺปลวณฺณา, มาตุลมิโค ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
ติปลฺลตฺถมิคชาตกวณฺณนา ฉฏฺา.
[๑๗] ๗. มาลุตชาตกวณฺณนา
กาเฬ ¶ วา ยทิ วา ชุณฺเหติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ทฺเว วุฑฺฒปพฺพชิเต อารพฺภ กเถสิ. เต กิร โกสลชนปเท ¶ เอกสฺมึ อรฺาวาเส วสนฺติ. เอโก กาฬตฺเถโร นาม, เอโก ชุณฺหตฺเถโร นาม. อเถกทิวสํ ชุณฺโห กาฬํ ปุจฺฉิ ‘‘ภนฺเต กาฬ, สีตํ นาม กสฺมึ กาเล โหตี’’ติ. โส ‘‘กาเฬ โหตี’’ติ อาห. อเถกทิวสํ กาโฬ ชุณฺหํ ปุจฺฉิ – ‘‘ภนฺเต ชุณฺห, สีตํ นาม กสฺมึ กาเล โหตี’’ติ. โส ‘‘ชุณฺเห โหตี’’ติ อาห. เต อุโภปิ อตฺตโน กงฺขํ ฉินฺทิตุํ อสกฺโกนฺตา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ‘‘ภนฺเต, สีตํ นาม กสฺมึ กาเล โหตี’’ติ ปุจฺฉึสุ. สตฺถา เตสํ กถํ สุตฺวา ‘‘ปุพฺเพปิ อหํ, ภิกฺขเว, ตุมฺหากํ อิมํ ปฺหํ กเถสึ, ภวสงฺเขปคตตฺตา ปน น สลฺลกฺขยิตฺถา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต เอกสฺมึ ปพฺพตปาเท สีโห จ พฺยคฺโฆ จ ทฺเว สหายา เอกิสฺสาเยว คุหาย วสนฺติ. ตทา โพธิสตฺโตปิ อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ตสฺมึเยว ปพฺพตปาเท วสติ. อเถกทิวสํ เตสํ สหายกานํ สีตํ นิสฺสาย วิวาโท อุทปาทิ. พฺยคฺโฆ ‘‘กาเฬเยว สีตํ โหตี’’ติ อาห. สีโห ‘‘ชุณฺเหเยว สีตํ โหตี’’ติ อาห. เต อุโภปิ อตฺตโน กงฺขํ ฉินฺทิตุํ อสกฺโกนฺตา โพธิสตฺตํ ปุจฺฉึสุ. โพธิสตฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘กาเฬ วา ยทิ วา ชุณฺเห, ยทา วายติ มาลุโต;
วาตชานิ หิ สีตานิ, อุโภตฺถมปราชิตา’’ติ.
ตตฺถ ¶ กาเฬ วา ยทิ วา ชุณฺเหติ กาฬปกฺเข วา ชุณฺหปกฺเข วา. ยทา วายติ มาลุโตติ ยสฺมึ สมเย ปุรตฺถิมาทิเภโท วาโต วายติ, ตสฺมึ สมเย สีตํ โหติ. กึการณา? วาตชานิ หิ สีตานิ, ยสฺมา วาเต วิชฺชนฺเตเยว สีตานิ โหนฺติ, กาฬปกฺโข วา ชุณฺหปกฺโข วา เอตฺถ อปมาณนฺติ วุตฺตํ โหติ. อุโภตฺถมปราชิตาติ อุโภปิ ตุมฺเห อิมสฺมึ ปฺเห อปราชิตาติ. เอวํ โพธิสตฺโต เต สหายเก สฺาเปสิ.
สตฺถาปิ ‘‘ภิกฺขเว, ปุพฺเพปิ มยา ตุมฺหากํ อยํ ปฺโห กถิโต’’ติ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสสิ, สจฺจปริโยสาเน ¶ ทฺเวปิ เถรา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสุ. สตฺถา อนุสนฺธึ ¶ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ ‘‘ตทา พฺยคฺโฆ กาโฬ อโหสิ, สีโห ชุณฺโห, ปฺหวิสฺสชฺชนกตาปโส ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
มาลุตชาตกวณฺณนา สตฺตมา.
[๑๘] ๘. มตกภตฺตชาตกวณฺณนา
เอวํ เจ สตฺตา ชาเนยฺยุนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต มตกภตฺตํ อารพฺภ กเถสิ. ตสฺมิฺหิ กาเล มนุสฺสา พหู อเชฬกาทโย มาเรตฺวา กาลกเต าตเก อุทฺทิสฺส มตกภตฺตํ นาม เทนฺติ. ภิกฺขู เต มนุสฺเส ตถา กโรนฺเต ทิสฺวา สตฺถารํ ปุจฺฉึสุ ‘‘เอตรหิ, ภนฺเต, มนุสฺสา พหู ปาเณ ชีวิตกฺขยํ ปาเปตฺวา มตกภตฺตํ นาม เทนฺติ. อตฺถิ นุ โข, ภนฺเต, เอตฺถ วุฑฺฒี’’ติ? สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, ‘มตกภตฺตํ ทสฺสามา’ติ กเตปิ ปาณาติปาเต กาจิ วุฑฺฒิ นาม อตฺถิ, ปุพฺเพ ปณฺฑิตา อากาเส นิสชฺช ธมฺมํ เทเสตฺวา เอตฺถ อาทีนวํ กเถตฺวา สกลชมฺพุทีปวาสิเก เอตํ กมฺมํ ชหาเปสุํ. อิทานิ ปน ภวสงฺเขปคตตฺตา ปุน ปาตุภูต’’นฺติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต เอโก ติณฺณํ เวทานํ ปารคู ทิสาปาโมกฺโข อาจริยพฺราหฺมโณ ‘‘มตกภตฺตํ ทสฺสามี’’ติ เอกํ เอฬกํ คาหาเปตฺวา อนฺเตวาสิเก อาห – ‘‘ตาตา, อิมํ เอฬกํ นทึ ¶ เนตฺวา นฺหาเปตฺวา กณฺเ มาลํ ปริกฺขิปิตฺวา ปฺจงฺคุลิกํ ทตฺวา มณฺเฑตฺวา อาเนถา’’ติ. เต ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา ตํ อาทาย นทึ คนฺตฺวา นฺหาเปตฺวา มณฺเฑตฺวา นทีตีเร เปสุํ. โส เอฬโก อตฺตโน ปุพฺพกมฺมํ ทิสฺวา ‘‘เอวรูปา นาม ทุกฺขา อชฺช มุจฺจิสฺสามี’’ติ โสมนสฺสชาโต มตฺติกาฆฏํ ภินฺทนฺโต วิย มหาหสิตํ หสิตฺวา ปุน ‘‘อยํ พฺราหฺมโณ มํ ฆาเตตฺวา มยา ลทฺธทุกฺขํ ลภิสฺสตี’’ติ พฺราหฺมเณ การฺุํ อุปฺปาเทตฺวา มหนฺเตน สทฺเทน ปโรทิ.
อถ นํ เต มาณวา ปุจฺฉึสุ ‘‘สมฺม เอฬก ¶ , ตฺวํ มหาสทฺเทน หสิ เจว โรทิ จ, เกน นุ โข การเณน หสิ, เกน การเณน ปโรที’’ติ? ‘‘ตุมฺเห มํ อิมํ การณํ อตฺตโน อาจริยสฺส สนฺติเก ปุจฺเฉยฺยาถา’’ติ. เต ตํ อาทาย คนฺตฺวา อิทํ การณํ อาจริยสฺส อาโรเจสุํ. อาจริโย เตสํ วจนํ สุตฺวา เอฬกํ ปุจฺฉิ ‘‘กสฺมา ตฺวํ เอฬก, หสิ, กสฺมา โรที’’ติ? เอฬโก อตฺตนา กตกมฺมํ ชาติสฺสราเณน อนุสฺสริตฺวา พฺราหฺมณสฺส กเถสิ ‘‘อหํ, พฺราหฺมณ, ปุพฺเพ ตาทิโสว มนฺตชฺฌายกพฺราหฺมโณ หุตฺวา ‘มตกภตฺตํ ทสฺสามี’ติ เอกํ เอฬกํ มาเรตฺวา มตกภตฺตํ อทาสึ, สฺวาหํ เอกสฺส เอฬกสฺส ฆาติตตฺตา เอเกนูเนสุ ปฺจสุ อตฺตภาวสเตสุ สีสจฺเฉทํ ปาปุณึ, อยํ เม ¶ โกฏิยํ ิโต ปฺจสติโม อตฺตภาโว, สฺวาหํ ‘อชฺช เอวรูปา ทุกฺขา มุจฺจิสฺสามี’ติ โสมนสฺสชาโต อิมินา การเณน หสึ. โรทนฺโต ปน ‘อหํ ตาว เอกํ เอฬกํ มาเรตฺวา ปฺจ ชาติสตานิ สีสจฺเฉททุกฺขํ ปตฺวา อชฺช ตมฺหา ทุกฺขา มุจฺจิสฺสามิ, อยํ ปน พฺราหฺมโณ มํ มาเรตฺวา อหํ วิย ปฺจ ชาติสตานิ สีสจฺเฉททุกฺขํ ลภิสฺสตี’ติ ตยิ การฺุเน โรทิ’’นฺติ. ‘‘เอฬก, มา ภายิ, นาหํ ตํ มาเรสฺสามี’’ติ. ‘‘พฺราหฺมณ, กึ วเทสิ, ตยิ มาเรนฺเตปิ อมาเรนฺเตปิ น สกฺกา อชฺช มยา มรณา มุจฺจิตุ’’นฺติ. ‘‘เอฬก, มา ภายิ, อหํ เต อารกฺขํ คเหตฺวา ตยา สทฺธึเยว วิจริสฺสามี’’ติ. ‘‘พฺราหฺมณ, อปฺปมตฺตโก ตว อารกฺโข, มยา กตปาปํ ปน มหนฺตํ พลว’’นฺติ.
พฺราหฺมโณ เอฬกํ มฺุจิตฺวา ‘‘อิมํ เอฬกํ กสฺสจิปิ มาเรตุํ น ทสฺสามี’’ติ อนฺเตวาสิเก อาทาย เอฬเกเนว สทฺธึ วิจริ. เอฬโก วิสฺสฏฺมตฺโตว เอกํ ปาสาณปิฏฺึ นิสฺสาย ชาตคุมฺเพ คีวํ อุกฺขิปิตฺวา ปณฺณานิ ขาทิตุํ อารทฺโธ. ตงฺขณฺเว ตสฺมึ ปาสาณปิฏฺเ อสนิ ปติ, ตโต ¶ เอกา ปาสาณสกลิกา ฉิชฺชิตฺวา เอฬกสฺส ปสาริตคีวาย ปติตฺวา สีสํ ฉินฺทิ, มหาชโน สนฺนิปติ. ตทา โพธิสตฺโต ¶ ตสฺมึ าเน รุกฺขเทวตา หุตฺวา นิพฺพตฺโต. โส ปสฺสนฺตสฺเสว ตสฺส มหาชนสฺส เทวตานุภาเวน อากาเส ปลฺลงฺเกน นิสีทิตฺวา ‘‘อิเม สตฺตา เอวํ ปาปสฺส ผลํ ชานมานา อปฺเปวนาม ปาณาติปาตํ น กเรยฺยุ’’นฺติ มธุรสฺสเรน ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘เอวํ เจ สตฺตา ชาเนยฺยุํ, ทุกฺขายํ ชาติสมฺภโว;
น ปาโณ ปาณินํ หฺเ, ปาณฆาตี หิ โสจตี’’ติ.
ตตฺถ เอวํ เจ สตฺตา ชาเนยฺยุนฺติ อิเม สตฺตา เอวํ เจ ชาเนยฺยุํ. กถํ? ทุกฺขายํ ชาติสมฺภโวติ อยํ ตตฺถ ตตฺถ ชาติ จ ชาตสฺส อนุกฺกเมน วฑฺฒิสงฺขาโต สมฺภโว จ ชราพฺยาธิมรณอปฺปิยสมฺปโยคปิยวิปฺปโยคหตฺถปาทจฺเฉทาทีนํ ทุกฺขานํ วตฺถุภูตตฺตา ‘‘ทุกฺโข’’ติ ยทิ ชาเนยฺยุํ. น ปาโณ ปาณินํ หฺเติ ‘‘ปรํ วธนฺโต ชาติสมฺภเว วธํ ลภติ, ปีเฬนฺโต ปีฬํ ลภตี’’ติ ชาติสมฺภวสฺส ทุกฺขวตฺถุตาย ทุกฺขภาวํ ชานนฺโต โกจิ ปาโณ อฺํ ปาณินํ น หฺเ, สตฺโต สตฺตํ น หเนยฺยาติ อตฺโถ. กึการณา? ปาณฆาตี หิ โสจตีติ, ยสฺมา สาหตฺถิกาทีสุ ฉสุ ปโยเคสุ เยน เกนจิ ปโยเคน ปรสฺส ชีวิตินฺทฺริยุปจฺเฉทเนน ปาณฆาตี ปุคฺคโล อฏฺสุ มหานิรเยสุ โสฬสสุ อุสฺสทนิรเยสุ นานปฺปการาย ติรจฺฉานโยนิยา เปตฺติวิสเย อสุรกาเยติ อิเมสุ จตูสุ อปาเยสุ มหาทุกฺขํ อนุภวมาโน ทีฆรตฺตํ อนฺโตนิชฺฌายนลกฺขเณน โสเกน ¶ โสจติ. ยถา วายํ เอฬโก มรณภเยน โสจติ, เอวํ ทีฆรตฺตํ โสจตีติปิ ตฺวา น ปาโณ ปาณินํ หฺเ, โกจิ ปาณาติปาตกมฺมํ นาม น กเรยฺย. โมเหน ปน มูฬฺหา อวิชฺชาย อนฺธีกตา อิมํ อาทีนวํ อปสฺสนฺตา ปาณาติปาตํ กโรนฺตีติ.
เอวํ มหาสตฺโต นิรยภเยน ตชฺเชตฺวา ธมฺมํ เทเสสิ. มนุสฺสา ตํ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา นิรยภยภีตา ปาณาติปาตา วิรมึสุ. โพธิสตฺโตปิ ธมฺมํ เทเสตฺวา มหาชนํ สีเล ปติฏฺาเปตฺวา ยถากมฺมํ คโต, มหาชโนปิ โพธิสตฺตสฺส โอวาเท ตฺวา ทานาทีนิ ปฺุานิ กตฺวา ¶ เทวนครํ ปูเรสิ. สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ ‘‘อหํ เตน สมเยน รุกฺขเทวตา อโหสิ’’นฺติ.
มตกภตฺตชาตกวณฺณนา อฏฺมา.
[๑๙] ๙. อายาจิตภตฺตชาตกวณฺณนา
สเจ ¶ มุจฺเจ เปจฺจ มุจฺเจติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เทวตานํ อายาจนพลิกมฺมํ อารพฺภ กเถสิ. ตทา กิร มนุสฺสา วณิชฺชาย คจฺฉนฺตา ปาเณ วธิตฺวา เทวตานํ พลิกมฺมํ กตฺวา ‘‘มยํ อนนฺตราเยน อตฺถสิทฺธึ ปตฺวา อาคนฺตฺวา ปุน ตุมฺหากํ พลิกมฺมํ กริสฺสามา’’ติ อายาจิตฺวา คจฺฉนฺติ. ตตฺถานนฺตราเยน อตฺถสิทฺธึ ปตฺวา อาคตา ‘‘เทวตานุภาเวน อิทํ ชาต’’นฺติ มฺมานา พหู ปาเณ วธิตฺวา อายาจนโต มุจฺจิตุํ พลิกมฺมํ กโรนฺติ, ตํ ทิสฺวา ภิกฺขู ‘‘อตฺถิ นุ โข, ภนฺเต, เอตฺถ อตฺโถ’’ติ ภควนฺตํ ปุจฺฉึสุ. ภควา อตีตํ อาหริ.
อตีเต กาสิรฏฺเ เอกสฺมึ คามเก กุฏุมฺพิโก คามทฺวาเร ิตนิคฺโรธรุกฺเข เทวตาย พลิกมฺมํ ปฏิชานิตฺวา อนนฺตราเยน อาคนฺตฺวา พหู ปาเณ วธิตฺวา ‘‘อายาจนโต มุจฺจิสฺสามี’’ติ รุกฺขมูลํ คโต. รุกฺขเทวตา ขนฺธวิฏเป ตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘สเจ มุจฺเจ เปจฺจ มุจฺเจ, มุจฺจมาโน หิ พชฺฌติ;
น เหวํ ธีรา มุจฺจนฺติ, มุตฺติ พาลสฺส พนฺธน’’นฺติ.
ตตฺถ สเจ มุจฺเจ เปจฺจ มุจฺเจติ โภ ปุริส, ตฺวํ สเจ มุจฺเจ ยทิ มุจฺจิตุกาโมสิ. เปจฺจ มุจฺเจติ ยถา ปรโลเก น พชฺฌสิ, เอวํ มุจฺจาหิ. มุจฺจมาโน หิ พชฺฌตีติ ยถา ปน ตฺวํ ¶ ปาณํ วธิตฺวา มุจฺจิตุํ อิจฺฉสิ, เอวํ มุจฺจมาโน หิ ปาปกมฺเมน พชฺฌติ. ตสฺมา น เหวํ ธีรา มุจฺจนฺตีติ เย ปณฺฑิตปุริสา, เต เอวํ ปฏิสฺสวโต น มุจฺจนฺติ. กึการณา? เอวรูปา หิ มุตฺติ พาลสฺส พนฺธนํ, เอสา ปาณาติปาตํ กตฺวา มุตฺติ นาม พาลสฺส พนฺธนเมว โหตีติ ธมฺมํ เทเสสิ. ตโต ¶ ปฏฺาย มนุสฺสา เอวรูปา ปาณาติปาตกมฺมา วิรตา ธมฺมํ จริตฺวา เทวนครํ ปูรยึสุ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ ‘‘อหํ เตน สมเยน รุกฺขเทวตา อโหสิ’’นฺติ.
อายาจิตภตฺตชาตกวณฺณนา นวมา.
[๒๐] ๑๐. นฬปานชาตกวณฺณนา
ทิสฺวา ¶ ปทมนุตฺติณฺณนฺติ อิทํ สตฺถา โกสเลสุ จาริกํ จรมาโน นฬกปานคามํ ปตฺวา นฬกปานโปกฺขรณิยํ เกตกวเน วิหรนฺโต นฬทณฺฑเก อารพฺภ กเถสิ. ตทา กิร ภิกฺขู นฬกปานโปกฺขรณิยํ นฺหตฺวา สูจิฆรตฺถาย สามเณเรหิ นฬทณฺฑเก คาหาเปตฺวา เต สพฺพตฺถกเมว ฉิทฺเท ทิสฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ภนฺเต, มยํ สูจิฆรตฺถาย นฬทณฺฑเก คณฺหาเปม, เต มูลโต ยาว อคฺคา สพฺพตฺถกเมว ฉิทฺทา, กึ นุ โข เอต’’นฺติ ปุจฺฉึสุ. สตฺถา ‘‘อิทํ, ภิกฺขเว, มยฺหํ โปราณกอธิฏฺาน’’นฺติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
ปุพฺเพ กิร โส วนสณฺโฑ อรฺโ อโหสิ. ตสฺสาปิ โปกฺขรณิยา เอโก ทกรกฺขโส โอติณฺโณติณฺเณ ขาทติ. ตทา โพธิสตฺโต โรหิตมิคโปตกปฺปมาโณ กปิราชา หุตฺวา อสีติสหสฺสมตฺตวานรปริวุโต ยูถํ ปริหรนฺโต ตสฺมึ อรฺเ วสติ. โส วานรคณสฺส โอวาทํ อทาสิ ‘‘ตาตา, อิมสฺมึ อรฺเ วิสรุกฺขาปิ อมนุสฺสปริคฺคหิตโปกฺขรณิโยปิ โหนฺติ, ตุมฺเห อขาทิตปุพฺพํ ผลาผลํ ขาทนฺตา วา อปีตปุพฺพํ ปานียํ ปิวนฺตา วา มํ ปฏิปุจฺเฉยฺยาถา’’ติ. เต ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา เอกทิวสํ อคตปุพฺพฏฺานํ คตา ตตฺถ พหุเทว ทิวสํ จริตฺวา ปานียํ คเวสมานา เอกํ โปกฺขรณึ ทิสฺวา ปานียํ อปิวิตฺวาว โพธิสตฺตสฺสาคมนํ โอโลกยมานา นิสีทึสุ. โพธิสตฺโต อาคนฺตฺวา ‘‘กึ ตาตา, ปานียํ น ปิวถา’’ติ อาห. ‘‘ตุมฺหากํ อาคมนํ โอโลเกมา’’ติ. ‘‘สุฏฺุ, ตาตา’’ติ โพธิสตฺโต โปกฺขรณึ อาวิชฺฌิตฺวา ปทํ ปริจฺฉินฺทนฺโต โอติณฺณเมว ¶ ปสฺสิ, น อุตฺติณฺณํ. โส ‘‘นิสฺสํสยํ เอสา อมนุสฺสปริคฺคหิตา’’ติ ตฺวา ‘‘สุฏฺุ โว กตํ, ตาตา, ปานียํ อปิวนฺเตหิ, อมนุสฺสปริคฺคหิตา อย’’นฺติ อาห.
ทกรกฺขโสปิ ¶ เตสํ อโนตรณภาวํ ¶ ตฺวา นีโลทโร ปณฺฑรมุโข สุรตฺตหตฺถปาโท พีภจฺฉทสฺสโน หุตฺวา อุทกํ ทฺวิธา กตฺวา นิกฺขมิตฺวา ‘‘กสฺมา นิสินฺนาตฺถ, โอตริตฺวา ปานียํ ปิวถา’’ติ อาห. อถ นํ โพธิสตฺโต ปุจฺฉิ ‘‘ตฺวํ อิธ นิพฺพตฺตทกรกฺขโสสี’’ติ? ‘‘อาม, อห’’นฺติ. ‘‘ตฺวํ โปกฺขรณึ โอติณฺณเก ลภสี’’ติ? ‘‘อาม, ลภามิ, อหํ อิโธติณฺณํ อนฺตมโส สกุณิกํ อุปาทาย น กิฺจิ มฺุจามิ, ตุมฺเหปิ สพฺเพ ขาทิสฺสามี’’ติ. ‘‘น มยํ อตฺตานํ ตุยฺหํ ขาทิตุํ ทสฺสามา’’ติ. ‘‘ปานียํ ปน ปิวิสฺสถา’’ติ. ‘‘อาม, ปานียํ ปิวิสฺสาม, น จ เต วสํ คมิสฺสามา’’ติ. ‘‘อถ กถํ ปานียํ ปิวิสฺสถา’’ติ? กึ ปน ตฺวํ มฺสิ ‘‘โอตริตฺวา ปิวิสฺสนฺตี’’ติ. ‘‘มยฺหิ อโนตริตฺวา อสีติสหสฺสานิปิ เอกเมกํ นฬทณฺฑกํ คเหตฺวา อุปฺปลนาเฬน อุทกํ ปิวนฺตา วิย ตว โปกฺขรณิยา ปานียํ ปิวิสฺสาม, เอวํ โน ตฺวํ ขาทิตุํ น สกฺขิสฺสสี’’ติ. เอตมตฺถํ วิทิตฺวา สตฺถา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา อิมิสฺสา คาถาย ปุริมปททฺวยํ อภาสิ –
‘‘ทิสฺวา ปทมนุตฺติณฺณํ, ทิสฺวาโนตริตํ ปท’’นฺติ.
ตสฺสตฺโถ – ภิกฺขเว, โส กปิราชา ตสฺสา โปกฺขรณิยา เอกมฺปิ อุตฺติณฺณปทํ นาทฺทส, โอตริตํ ปน โอติณฺณปทเมว อทฺทส. เอวํ ทิสฺวา ปทํ อนุตฺติณฺณํ ทิสฺวาน โอตริตํ ปทํ ‘‘อทฺธายํ โปกฺขรณี อมนุสฺสปริคฺคหิตา’’ติ ตฺวา เตน สทฺธึ สลฺลปนฺโต สปริโส อาห –
‘‘นเฬน วารึ ปิสฺสามา’’ติ;
ตสฺสตฺโถ – มยํ ตว โปกฺขรณิยํ นเฬน ปานียํ ปิวิสฺสามาติ. ปุน มหาสตฺโต อาห –
‘‘เนว มํ ตฺวํ วธิสฺสสี’’ติ;
เอวํ นเฬน ปานียํ ปิวนฺตํ สปริสมฺปิ มํ ตฺวํ เนว วธิสฺสสีติ อตฺโถ.
เอวฺจ ปน วตฺวา โพธิสตฺโต เอกํ นฬทณฺฑกํ อาหราเปตฺวา ปารมิโย อาวชฺเชตฺวา สจฺจกิริยํ กตฺวา มุเขน ธมิ, นโฬ ¶ อนฺโต กิฺจิ คณฺึ อเสเสตฺวา สพฺพตฺถกเมว สุสิโร อโหสิ ¶ . อิมินา นิยาเมน อปรมฺปิ อปรมฺปิ อาหราเปตฺวา มุเขน ธมิตฺวา อทาสิ. เอวํ สนฺเตปิ น สกฺกา นิฏฺาเปตุํ, ตสฺมา เอวํ น คเหตพฺพํ. โพธิสตฺโต ปน ‘‘อิมํ โปกฺขรณึ ปริวาเรตฺวา ชาตา สพฺเพปิ นฬา เอกจฺฉิทฺทา โหนฺตู’’ติ อธิฏฺาสิ ¶ . โพธิสตฺตานฺหิ หิตูปจารสฺส มหนฺตตาย อธิฏฺานํ สมิชฺฌติ. ตโต ปฏฺาย สพฺเพปิ ตํ โปกฺขรณึ ปริวาเรตฺวา อุฏฺิตนฬา เอกจฺฉิทฺทา ชาตา. อิมสฺมิฺหิ กปฺเป จตฺตาริ กปฺปฏฺิยปาฏิหาริยานิ นาม. กตมานิ จตฺตาริ? จนฺเท สสลกฺขณํ สกลมฺปิ อิมํ กปฺปํ สฺสติ, วฏฺฏกชาตเก อคฺคิโน นิพฺพุตฏฺานํ สกลมฺปิ อิมํ กปฺปํ อคฺคิ น ฌายิสฺสติ, ฆฏีการนิเวสนฏฺานํ สกลมฺปิ อิมํ กปฺปํ อโนวสฺสกํ สฺสติ, อิมํ โปกฺขรณึ ปริวาเรตฺวา อุฏฺิตนฬา สกลมฺปิ อิมํ กปฺปํ เอกจฺฉิทฺทา ภวิสฺสนฺตีติ อิมานิ จตฺตาริ กปฺปฏฺิยปาฏิหาริยานิ นาม.
โพธิสตฺโต เอวํ อธิฏฺหิตฺวา เอกํ นฬํ อาทาย นิสีทิ. เตปิ อสีติสหสฺสวานรา เอเกกํ อาทาย โปกฺขรณึ ปริวาเรตฺวา นิสีทึสุ. เตปิ โพธิสตฺตสฺส นเฬน อากฑฺฒิตฺวา ปานียํ ปิวนกาเล สพฺเพ ตีเร นิสินฺนาว ปิวึสุ. เอวํ เตหิ ปานีเย ปิวิเต ทกรกฺขโส กิฺจิ อลภิตฺวา อนตฺตมโน สกนิเวสนเมว คโต. โพธิสตฺโตปิ สปริวาโร อรฺเมว ปาวิสิ.
สตฺถา ปน ‘‘อิเมสํ, ภิกฺขเว, นฬานํ เอกจฺฉิทฺทภาโว นาม มยฺหเมเวตํ โปราณกอธิฏฺาน’’นฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ทกรกฺขโส เทวทตฺโต อโหสิ, อสีติสหสฺสวานรา พุทฺธปริสา, อุปายกุสโล ปน กปิราชา อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
นฬปานชาตกวณฺณนา ทสมา.
สีลวคฺโค ทุติโย.
ตสฺสุทฺทานํ –
นิคฺโรธํ ลกฺขณํ กณฺฑิ, วาตมิคํ ขราทิยํ;
ติปลฺลตฺถํ มาลุตฺจ, มตภตฺต อยาจิตํ;
นฬปานนฺติ เต ทสาติ.
๓. กุรุงฺควคฺโค
[๒๑] ๑. กุรุงฺคมิคชาตกวณฺณนา
าตเมตํ ¶ ¶ ¶ กุรุงฺคสฺสาติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เทวทตฺตํ อารพฺภ กเถสิ. เอกสฺมิฺหิ สมเย ธมฺมสภายํ สนฺนิปติตา ภิกฺขู ‘‘อาวุโส เทวทตฺโต ตถาคตสฺส ฆาตนตฺถาย ธนุคฺคเห ปโยเชสิ, สิลํ ปวิชฺฌิ, ธนปาลํ วิสฺสชฺเชสิ, สพฺพถาปิ ทสพลสฺส วธาย ปริสกฺกตี’’ติ เทวทตฺตสฺส อวณฺณํ กเถนฺตา นิสีทึสุ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ปฺตฺตาสเน นิสินฺโน ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิ. ภนฺเต, เทวทตฺโต ตุมฺหากํ วธาย ปริสกฺกตีติ ตสฺส อคุณกถาย สนฺนิสินฺนามฺหาติ. สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, เทวทตฺโต อิทาเนว มม วธาย ปริสกฺกติ, ปุพฺเพปิ มม วธาย ปริสกฺกิเยว, น จ ปน มํ วธิตุํ อสกฺขี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต กุรุงฺคมิโค หุตฺวา เอกสฺมึ อรฺายตเน ผลานิ ขาทนฺโต วสติ. โส เอกสฺมึ กาเล ผลสมฺปนฺเน เสปณฺณิรุกฺเข เสปณฺณิผลานิ ขาทติ. อเถโก คามวาสี อฏฺฏกลุทฺทโก ผลรุกฺขมูเลสุ มิคานํ ปทานิ อุปธาเรตฺวา อุปริรุกฺเข อฏฺฏกํ พนฺธิตฺวา ตตฺถ นิสีทิตฺวา ผลานิ ขาทิตุํ อาคตาคเต มิเค สตฺติยา วิชฺฌิตฺวา เตสํ มํสํ วิกฺกิณนฺโต ชีวิกํ กปฺเปติ. โส เอกทิวสํ ตสฺมึ รุกฺขมูเล โพธิสตฺตสฺส ปทวฬฺชํ ทิสฺวา ตสฺมึ เสปณฺณิรุกฺเข อฏฺฏกํ พนฺธิตฺวา ปาโตว ภฺุชิตฺวา สตฺตึ อาทาย วนํ ปวิสิตฺวา ตํ รุกฺขํ อารุหิตฺวา อฏฺฏเก นิสีทิ. โพธิสตฺโตปิ ปาโตว วสนฏฺานา นิกฺขมิตฺวา ‘‘เสปณฺณิผลานิ ขาทิสฺสามี’’ติ อาคมฺม ตํ รุกฺขมูลํ สหสาว อปวิสิตฺวา ‘‘กทาจิ อฏฺฏกลุทฺทกา รุกฺเขสุ อฏฺฏกํ พนฺธนฺติ, อตฺถิ นุ โข เอวรูโป อุปทฺทโว’’ติ ปริคฺคณฺหนฺโต พาหิรโตว อฏฺาสิ.
ลุทฺทโกปิ โพธิสตฺตสฺส อนาคมนภาวํ ตฺวา อฏฺฏเก นิสินฺโนว ¶ เสปณฺณิผลานิ ขิปิตฺวา ขิปิตฺวา ตสฺส ปุรโต ปาเตสิ. โพธิสตฺโต ‘‘อิมานิ ผลานิ อาคนฺตฺวา มยฺหํ ปุรโต ปตนฺติ, อตฺถิ นุ โข อุปริ ลุทฺทโก’’ติ ปุนปฺปุนํ อุลฺโลเกนฺโต ลุทฺทกํ ทิสฺวา อปสฺสนฺโต ¶ วิย หุตฺวา ‘‘อมฺโภ, รุกฺข-ปุพฺเพ ตฺวํ โอลมฺพกํ จาเรนฺโต ¶ วิย อุชุกเมว ผลานิ ปาเตสิ, อชฺช ปน เต รุกฺขธมฺโม ปริจฺจตฺโต, เอวํ ตยา รุกฺขธมฺเม ปริจฺจตฺเต อหมฺปิ อฺํ รุกฺขมูลํ อุปสงฺกมิตฺวา มยฺหํ อาหารํ ปริเยสิสฺสามี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘าตเมตํ กุรุงฺคสฺส, ยํ ตฺวํ เสปณฺณิ เสยฺยสิ;
อฺํ เสปณฺณิ คจฺฉามิ, น เม เต รุจฺจเต ผล’’นฺติ.
ตตฺถ าตนฺติ ปากฏํ ชาตํ. เอตนฺติ อิทํ. กุรุงฺคสฺสาติ กุรุงฺคมิคสฺส. ยํ ตฺวํ เสปณฺณิ เสยฺยสีติ ยํ ตฺวํ อมฺโภ เสปณฺณิรุกฺข ปุรโต ผลานิ ปาตยมาโน เสยฺยสิ วิเสยฺยสิ วิสิณฺณผโล โหสิ, ตํ สพฺพํ กุรุงฺคมิคสฺส ปากฏํ ชาตํ. น เม เต รุจฺจเต ผลนฺติ เอวํ ผลํ ททมานาย น เม ตว ผลํ รุจฺจติ, ติฏฺ ตฺวํ, อหํ อฺตฺถ คจฺฉิสฺสามีติ อคมาสิ.
อถสฺส ลุทฺทโก อฏฺฏเก นิสินฺโนว สตฺตึ ขิปิตฺวา ‘‘คจฺฉ, วิรทฺโธ ทานิมฺหิ ต’’นฺติ อาห. โพธิสตฺโต นิวตฺติตฺวา ิโต อาห ‘‘อมฺโภ ปุริส, อิทานีสิ กิฺจาปิ มํ วิรทฺโธ, อฏฺ ปน มหานิรเย โสฬสอุสฺสทนิรเย ปฺจวิธพนฺธนาทีนิ จ กมฺมการณานิ อวิรทฺโธเยวาสี’’ติ. เอวฺจ ปน วตฺวา ปลายิตฺวา ยถารุจึ คโต, ลุทฺโทปิ โอตริตฺวา ยถารุจึ คโต.
สตฺถาปิ ‘‘น, ภิกฺขเว, เทวทตฺโต อิทาเนว มม วธาย ปริสกฺกติ, ปุพฺเพปิ ปริสกฺกิเยว, น จ ปน มํ วธิตุํ อสกฺขี’’ติ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา อฏฺฏกลุทฺทโก เทวทตฺโต อโหสิ, กุรุงฺคมิโค ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
กุรุงฺคมิคชาตกวณฺณนา ปมา.
[๒๒] ๒. กุกฺกุรชาตกวณฺณนา
เย ¶ ¶ กุกฺกุราติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต าตตฺถจริยํ อารพฺภ กเถสิ. สา ทฺวาทสกนิปาเต ภทฺทสาลชาตเก อาวิภวิสฺสติ. อิทํ ปน วตฺถุํ ปติฏฺเปตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต ¶ พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตถารูปํ กมฺมํ ปฏิจฺจ กุกฺกุรโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา อเนกสตกุกฺกุรปริวุโต มหาสุสาเน วสติ. อเถกทิวสํ ราชา เสตสินฺธวยุตฺตํ สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิตํ รถํ อารุยฺห อุยฺยานํ คนฺตฺวา ตตฺถ ทิวสภาคํ กีฬิตฺวา อตฺถงฺคเต สูริเย นครํ ปาวิสิ. ตสฺส ตํ รถวรตฺตํ ยถานทฺธเมว ราชงฺคเณ ปยึสุ, โส รตฺติภาเค เทเว วสฺสนฺเต ตินฺโต. อุปริปาสาทโต โกเลยฺยกสุนขา โอตริตฺวา ตสฺส จมฺมฺจ นทฺธิฺจ ขาทึสุ. ปุนทิวเส รฺโ อาโรเจสุํ ‘‘เทว, นิทฺธมนมุเขน สุนขา ปวิสิตฺวา รถสฺส จมฺมฺจ นทฺธิฺจ ขาทึสู’’ติ. ราชา สุนขานํ กุชฺฌิตฺวา ‘‘ทิฏฺทิฏฺฏฺาเน สุนเข ฆาเตถา’’ติ อาห. ตโต ปฏฺาย สุนขานํ มหาพฺยสนํ อุทปาทิ. เต ทิฏฺิทิฏฺฏฺาเน ฆาติยมานา ปลายิตฺวา สุสานํ คนฺตฺวา โพธิสตฺตสฺส สนฺติกํ อคมํสุ.
โพธิสตฺโต ‘ตุมฺเห พหู สนฺนิปติตา, กึ นุ โข การณ’’นฺติ ปุจฺฉิ. เต ‘‘อนฺเตปุเร กิร รถสฺส จมฺมฺจ นทฺธิ จ สุนเขหิ ขาทิตา’ติ กุทฺโธ ราชา สุนขวธํ อาณาเปสิ, พหู สุนขา วินสฺสนฺติ, มหาภยํ อุปฺปนฺน’’นฺติ อาหํสุ. โพธิสตฺโต จินฺเตสิ ‘‘อารกฺขฏฺาเน พหิ สุนขานํ โอกาโส นตฺถิ, อนฺโตราชนิเวสเน โกเลยฺยกสุนขานเมว ตํ กมฺมํ ภวิสฺสติ. อิทานิ ปน โจรานํ กิฺจิ ภยํ นตฺถิ, อโจรา มรณํ ลภนฺติ, ยํนูนาหํ โจเร รฺโ ทสฺเสตฺวา าติสงฺฆสฺส ชีวิตทานํ ทเทยฺย’’นฺติ. โส าตเก สมสฺสาเสตฺวา ‘‘ตุมฺเห มา ภายิตฺถ, อหํ โว อภยํ อาหริสฺสามิ, ยาว ¶ ราชานํ ปสฺสามิ, ตาว อิเธว โหถา’’ติ ปารมิโย อาวชฺเชตฺวา เมตฺตาภาวนํ ปุเรจาริกํ กตฺวา ‘‘มยฺหํ อุปริ เลฑฺฑุํ วา มุคฺครํ วา มา โกจิ ขิปิตุํ อุสฺสหี’’ติ อธิฏฺาย เอกโกว อนฺโตนครํ ปาวิสิ. อถ นํ ทิสฺวา เอกสตฺโตปิ กุชฺฌิตฺวา โอโลเกนฺโต นาม นาโหสิ. ราชาปิ สุนขวธํ อาณาเปตฺวา สยํ วินิจฺฉเย นิสินฺโน โหติ. โพธิสตฺโต ตตฺเถว คนฺตฺวา ปกฺขนฺทิตฺวา รฺโ อาสนสฺส เหฏฺา ปาวิสิ. อถ นํ ราชปุริสา นีหริตุํ อารทฺธา, ราชา ปน วาเรสิ.
โส โถกํ วิสฺสมิตฺวา เหฏฺาสนา นิกฺขมิตฺวา ราชานํ วนฺทิตฺวา ‘‘เทว, ตุมฺเห กุกฺกุเร มาราเปถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, มาราเปมห’’นฺติ ¶ . ‘‘โก เนสํ อปราโธ นรินฺทา’’ติ? ‘‘รถสฺส เม ¶ ปริวารจมฺมฺจ นทฺธิฺจ ขาทึสู’’ติ. ‘‘เย ขาทึสุ, เต ชานาถา’’ติ? ‘‘น ชานามา’’ติ. ‘‘‘อิเม นาม จมฺมขาทกโจรา’ติ ตถโต อชานิตฺวา ทิฏฺทิฏฺฏฺาเนเยว มาราปนํ น ยุตฺตํ, เทวา’’ติ. ‘‘รถจมฺมสฺส กุกฺกุเรหิ ขาทิตตฺตา ‘ทิฏฺทิฏฺเ สพฺเพว มาเรถา’ติ สุนขวธํ อาณาเปสิ’’นฺติ. ‘‘กึ ปน โว มนุสฺสา สพฺเพว กุกฺกุเร มาเรนฺติ, อุทาหุ มรณํ อลภนฺตาปิ อตฺถี’’ติ? ‘‘อตฺถิ, อมฺหากํ ฆเร โกเลยฺยกา มรณํ น ลภนฺตี’’ติ. มหาราช อิทาเนว ตุมฺเห ‘‘รถจมฺมสฺส กุกฺกุเรหิ ขาทิตตฺตา ‘ทิฏฺทิฏฺเ สพฺเพว มาเรถา’ติ สุนขวธํ อาณาเปสิ’’นฺติ อโวจุตฺถ, อิทานิ ปน ‘‘อมฺหากํ ฆเร โกเลยฺยกา มรณํ น ลภนฺตี’’ติ วเทถ. ‘‘นนุ เอวํ สนฺเต ตุมฺเห ฉนฺทาทิวเสน อคติคมนํ คจฺฉถ, อคติคมนฺจ นาม น ยุตฺตํ, น จ ราชธมฺโม, รฺา นาม การณคเวสเกน ตุลาสทิเสน ภวิตุํ วฏฺฏติ, อิทานิ จ โกเลยฺยกา มรณํ น ลภนฺติ, ทุพฺพลสุนขาว ลภนฺติ, เอวํ สนฺเต นายํ สพฺพสุนขฆจฺจา, ทุพฺพลฆาติกา นาเมสา’’ติ. เอวฺจ ปน วตฺวา มหาสตฺโต มธุรสฺสรํ นิจฺฉาเรตฺวา ‘‘มหาราช, ยํ ตุมฺเห กโรถ, นายํ ธมฺโม’’ติ รฺโ ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘เย ¶ กุกฺกุรา ราชกุลมฺหิ วทฺธา, โกเลยฺยกา วณฺณพลูปปนฺนา;
เตเม น วชฺฌา มยมสฺม วชฺฌา, นายํ สฆจฺจา ทุพฺพลฆาติกาย’’นฺติ.
ตตฺถ เย กุกฺกุราติ เย สุนขา. ยถา หิ ธารุณฺโหปิ ปสฺสาโว ‘‘ปูติมุตฺต’’นฺติ, ตทหุชาโตปิ สิงฺคาโล ‘‘ชรสิงฺคาโล’’ติ, โกมลาปิ คโลจิลตา ‘‘ปูติลตา’’ติ, สุวณฺณวณฺโณปิ กาโย ‘‘ปูติกาโย’’ติ วุจฺจติ, เอวเมวํ วสฺสสติโกปิ สุนโข ‘‘กุกฺกุโร’’ติ วุจฺจติ. ตสฺมา มหลฺลกา กายพลูปปนฺนาปิ เต ‘‘กุกฺกุรา’’ตฺเวว วุตฺตา. วทฺธาติ วฑฺฒิตา. โกเลยฺยกาติ ราชกุเล ชาตา สมฺภูตา สํวฑฺฒา. วณฺณพลูปปนฺนาติ สรีรวณฺเณน เจว กายพเลน จ สมฺปนฺนา. เตเม น วชฺฌาติ เต อิเม สสฺสามิกา สารกฺขา น วชฺฌา. มยมสฺม วชฺฌาติ อสฺสามิกา อนารกฺขา มยํ วชฺฌา นาม ชาตา. นายํ สฆจฺจาติ เอวํ สนฺเต อยํ อวิเสเสน สฆจฺจา นาม น โหติ. ทุพฺพลฆาติกายนฺติ ¶ อยํ ปน ทุพฺพลานํเยว ฆาตนโต ทุพฺพลฆาติกา นาม โหติ. ราชูหิ นาม โจรา นิคฺคณฺหิตพฺพา, โน อโจรา. อิธ ปน โจรานํ กิฺจิ ภยํ นตฺถิ, อโจรา มรณํ ลภนฺติ. อโห อิมสฺมึ โลเก อยุตฺตํ วตฺตติ, อโห อธมฺโม วตฺตตีติ.
ราชา ¶ โพธิสตฺตสฺส วจรํ สุตฺวา อาห – ‘‘ชานาสิ ตฺวํ, ปณฺฑิต, อสุเกหิ นาม รถจมฺมํ ขาทิต’’นฺติ? ‘‘อาม, ชานามี’’ติ. ‘‘เกหิ ขาทิต’’นฺติ? ‘‘ตุมฺหากํ เคเห วสนเกหิ โกเลยฺยกสุนเขหี’’ติ. ‘‘กถํ เตหิ ขาทิตภาโว ชานิตพฺโพ’’ติ? ‘‘อหํ เตหิ ขาทิตภาวํ ทสฺเสสามี’’ติ. ‘‘ทสฺเสหิ ปณฺฑิตา’’ติ. ‘‘ตุมฺหากํ ฆเร โกเลยฺยกสุนเข อาหราเปตฺวา โถกํ ตกฺกฺจ ทพฺพติณานิ จ อาหราเปถา’’ติ. ราชา ตถา อกาสิ. อถ นํ มหาสตฺโต ‘‘อิมานิ ติณานิ ตกฺเกน มทฺทาเปตฺวา เอเต สุนเข ปาเยถา’’ติ อาห. ราชา ตถา กตฺวา ปายาเปสิ, ปีตา ปีตา สุนขา สทฺธึ จมฺเมหิ วมึสุ. ราชา ‘‘สพฺพฺุพุทฺธสฺส พฺยากรณํ วิยา’’ติ ตุฏฺโ โพธิสตฺตสฺส เสตจฺฉตฺเตน ปูชํ อกาสิ. โพธิสตฺโต ‘‘ธมฺมํ จร, มหาราช, มาตาปิตูสุ ขตฺติยา’’ติอาทีหิ (ชา. ๒.๑๗.๓๙) เตสกุณชาตเก อาคตาหิ ทสหิ ธมฺมจริยคาถาหิ รฺโ ธมฺมํ เทเสตฺวา ‘‘มหาราช, อิโต ปฏฺาย อปฺปมตฺโต โหหี’’ติ ราชานํ ปฺจสุ สีเลสุ ปติฏฺาเปตฺวา เสตจฺฉตฺตํ รฺโว ปฏิอทาสิ.
ราชา มหาสตฺตสฺส ธมฺมกถํ ¶ สุตฺวา สพฺพสตฺตานํ อภยํ ทตฺวา โพธิสตฺตํ อาทึ กตฺวา สพฺพสุนขานํ อตฺตโน โภชนสทิสเมว นิจฺจภตฺตํ ปฏฺเปตฺวา โพธิสตฺตสฺส โอวาเท ิโต ยาวตายุกํ ทานาทีนิ ปฺุานิ กตฺวา กาลํ กตฺวา เทวโลเก อุปฺปชฺชิ. กุกฺกุโรวาโท ทส วสฺสสหสฺสานิ ปวตฺติ. โพธิสตฺโตปิ ยาวตายุกํ ตฺวา ยถากมฺมํ คโต.
สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, ตถาคโต อิทาเนว าตกานํ อตฺถํ จรติ, ปุพฺเพปิ จริเยวา’’ติ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ราชา อานนฺโท อโหสิ, อวเสสา ปริสา พุทฺธปริสา, กุกฺกุรปณฺฑิโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
กุกฺกุรชาตกวณฺณนา ทุติยา.
[๒๓] ๓. โภชาชานียชาตกวณฺณนา
อปิ ¶ ปสฺเสน เสมาโนติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ โอสฺสฏฺวีริยํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. ตสฺมิฺหิ สมเย สตฺถา ตํ ภิกฺขุํ อามนฺเตตฺวา ‘‘ภิกฺขุ, ปุพฺเพ ปณฺฑิตา อนายตเนปิ วีริยํ อกํสุ, ปหารํ ลทฺธาปิ เนว โอสฺสชึสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต ¶ พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต โภชาชานียสินฺธวกุเล นิพฺพตฺโต สพฺพาลงฺการสมฺปนฺโน พาราณสิรฺโ มงฺคลสฺโส อโหสิ. โส สตสหสฺสคฺฆนิกาย สุวณฺณปาติยํเยว นานคฺครสสมฺปนฺนํ ติวสฺสิกคนฺธสาลิโภชนํ ภฺุชติ, จาตุชฺชาติกคนฺธูปลิตฺตายเมว ภูมิยํ ติฏฺติ, ตํ านํ รตฺตกมฺพลสาณิปริกฺขิตฺตํ อุปริ สุวณฺณตารกขจิตเจลวิตานํ สโมสริตคนฺธทามมาลาทามํ อวิชหิตคนฺธเตลปทีปํ โหติ. พาราณสิรชฺชํ ปน อปตฺเถนฺตา ราชาโน นาม นตฺถิ. เอกํ สมยํ สตฺต ราชาโน พาราณสึ ปริกฺขิปิตฺวา ‘‘อมฺหากํ รชฺชํ วา เทตุ, ยุทฺธํ วา’’ติ พาราณสิรฺโ ปณฺณํ เปเสสุํ. ราชา อมจฺเจ สนฺนิปาเตตฺวา ตํ ปวตฺตึ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘อิทานิ กึ กโรม, ตาตา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘เทว, ตุมฺเหหิ ตาว อาทิโตว ยุทฺธาย น คนฺตพฺพํ, อสุกํ ¶ นาม อสฺสาโรหํ เปเสตฺวา ยุทฺธํ กาเรถ, ตสฺมึ อสกฺโกนฺเต ปจฺฉา ชานิสฺสามา’’ติ. ราชา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สกฺขิสฺสสิ, ตาต, สตฺตหิ ราชูหิ สทฺธึ ยุทฺธํ กาตุ’’นฺติ อาห. ‘‘เทว, สเจ โภชาชานียสินฺธวํ ลภามิ, ติฏฺนฺตุ สตฺต ราชาโน, สกลชมฺพุทีเป ราชูหิปิ สทฺธึ ยุชฺฌิตุํ สกฺขิสฺสามี’’ติ. ‘‘ตาต, โภชาชานียสินฺธโว วา โหตุ อฺโ วา, ยํ อิจฺฉสิ, ตํ คเหตฺวา ยุทฺธํ กโรหี’’ติ.
โส ‘‘สาธุ, เทวา’’ติ ราชานํ วนฺทิตฺวา ปาสาทา โอรุยฺห โภชาชานียสินฺธวํ อาหราเปตฺวา สุวมฺมิตํ กตฺวา อตฺตนาปิ สพฺพสนฺนาหสนฺนทฺโธ ขคฺคํ พนฺธิตฺวา สินฺธวปิฏฺิวรคโต นครา นิกฺขมฺม วิชฺชุลตา วิย จรมาโน ปมํ พลโกฏฺกํ ภินฺทิตฺวา เอกํ ราชานํ ชีวคฺคาหเมว คเหตฺวา อาคนฺตฺวา นคเร พลสฺส นิยฺยาเทตฺวา ปุน คนฺตฺวา ทุติยํ พลโกฏฺกํ ภินฺทิตฺวา ตถา ตติยนฺติ เอวํ ปฺจ ราชาโน ชีวคฺคาหํ คเหตฺวา ฉฏฺํ พลโกฏฺกํ ¶ ภินฺทิตฺวา ฉฏฺสฺส รฺโ คหิตกาเล โภชาชานีโย ปหารํ ลภติ, โลหิตํ ปคฺฆรติ, เวทนา พลวติโย วตฺตนฺติ. อสฺสาโรโห ตสฺส ปหฏภาวํ ตฺวา โภชาชานียสินฺธวํ ราชทฺวาเร นิปชฺชาเปตฺวา สนฺนาหํ สิถิลํ กตฺวา อฺํ อสฺสํ สนฺนยฺหิตุํ อารทฺโธ. โพธิสตฺโต มหาผาสุกปสฺเสน นิปนฺโนว อกฺขีนิ อุมฺมิเลตฺวา อสฺสาโรหํ ทิสฺวา ‘‘อยํ อฺํ อสฺสํ สนฺนยฺหติ, อยฺจ อสฺโส สตฺตมํ พลโกฏฺกํ ภินฺทิตฺวา สตฺตมํ ราชานํ คณฺหิตุํ น สกฺขิสฺสติ, มยา กตกมฺมฺจ นสฺสิสฺสติ, อปฺปฏิสโม อสฺสาโรโหปิ นสฺสิสฺสติ, ราชาปิ ปรหตฺถํ คมิสฺสติ, เปตฺวา มํ อฺโ อสฺโส สตฺตมํ พลโกฏฺกํ ภินฺทิตฺวา สตฺตมํ ราชานํ คเหตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถี’’ติ นิปนฺนโกว อสฺสาโรหํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สมฺม อสฺสาโรห, สตฺตมํ พลโกฏฺกํ ภินฺทิตฺวา สตฺตมํ ราชานํ คเหตุํ สมตฺโถ เปตฺวา มํ อฺโ อสฺโส นาม นตฺถิ, นาหํ มยา กตกมฺมํ นาเสสฺสามิ, มมฺเว อุฏฺาเปตฺวา สนฺนยฺหาหี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อปิ ¶ ¶ ปสฺเสน เสมาโน, สลฺเลภิ สลฺลลีกโต;
เสยฺโยว วฬวา โภชฺโฌ, ยฺุช มฺเว สารถี’’ติ.
ตตฺถ อปิ ปสฺเสน เสมาโนติ เอเกน ปสฺเสน สยมานโกปิ. สลฺเลภิ สลฺลลีกโตติ สลฺเลหิ วิทฺโธปิ สมาโน. เสยฺโยว วฬวา โภชฺโฌติ วฬวาติ สินฺธวกุเลสุ อชาโต ขลุงฺกสฺโส. โภชฺโฌติ โภชาชานียสินฺธโว. อิติ เอตสฺมา วฬวา สลฺเลหิ วิทฺโธปิ โภชาชานียสินฺธโวว เสยฺโย วโร อุตฺตโม. ยฺุช มฺเว สารถีติ ยสฺมา เอว คโตปิ อหเมว เสยฺโย, ตสฺมา มมฺเว โยเชหิ, มํ วมฺเมหีติ วทติ.
อสฺสาโรโห โพธิสตฺตํ อุฏฺาเปตฺวา วณํ พนฺธิตฺวา สุสนฺนทฺธํ สนฺนยฺหิตฺวา ตสฺส ปิฏฺิยํ นิสีทิตฺวา สตฺตมํ พลโกฏฺกํ ภินฺทิตฺวา สตฺตมํ ราชานํ ชีวคฺคาหํ คเหตฺวา ราชพลสฺส นิยฺยาเทสิ, โพธิสตฺตมฺปิ ราชทฺวารํ อานยึสุ. ราชา ตสฺส ทสฺสนตฺถาย นิกฺขมิ. มหาสตฺโต ราชานํ อาห – ‘‘มหาราช, สตฺต ราชาโน มา ฆาตยิตฺถ, สปถํ กาเรตฺวา วิสฺสชฺเชถ, มยฺหฺจ อสฺสาโรหสฺส จ ทาตพฺพํ ยสํ อสฺสาโรหสฺเสว เทถ ¶ , สตฺต ราชาโน คเหตฺวา ทินฺนโยธํ นาม นาเสตุํ น วฏฺฏติ. ตุมฺเหปิ ทานํ เทถ, สีลํ รกฺขถ, ธมฺเมน สเมน รชฺชํ กาเรถา’’ติ. เอวํ โพธิสตฺเตน รฺโ โอวาเท ทินฺเน โพธิสตฺตสฺส สนฺนาหํ โมจยึสุ, โส สนฺนาเห มุตฺตมตฺเตเยว นิรุชฺฌิ. ราชา ตสฺส สรีรกิจฺจํ กาเรตฺวา อสฺสาโรหสฺส มหนฺตํ ยสํ ทตฺวา สตฺต ราชาโน ปุน อตฺตนฺโน อทุพฺภาย สปถํ กาเรตฺวา สกสกฏฺานานิ เปเสตฺวา ธมฺเมน สเมน รชฺชํ กาเรตฺวา ชีวิตปริโยสาเน ยถากมฺมํ คโต.
สตฺถา ‘‘เอวํ ภิกฺขุ ปุพฺเพ ปณฺฑิตา อนายตเนปิ วีริยํ อกํสุ, เอวรูปํ ปหารํ ลทฺธาปิ น โอสฺสชึสุ, ตฺวํ ปน เอวรูเป นิยฺยานิกสาสเน ปพฺพชิตฺวา กสฺมา วีริยํ โอสฺสชสี’’ติ วตฺวา จตฺตาริ สจฺจานิ ปกาเสสิ, สจฺจปริโยสาเน โอสฺสฏฺวีริโย ภิกฺขุ อรหตฺตผเล ปติฏฺาสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อนุสนฺธึ ¶ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ราชา อานนฺโท อโหสิ, อสฺสาโรโห สาริปุตฺโต, โภชาชานียสินฺธโว ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
โภชาชานียชาตกวณฺณนา ตติยา.
[๒๔] ๔. อาชฺชาตกวณฺณนา
ยทา ¶ ยทาติ อิทมฺปิ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โอสฺสฏฺวีริยเมว ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. ตํ ปน ภิกฺขุํ สตฺถา อามนฺเตตฺวา ‘‘ภิกฺขุ ปุพฺเพ ปณฺฑิตา อนายตเนปิ ลทฺธปฺปหาราปิ หุตฺวา วีริยํ อกํสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต ปุริมนเยเนว สตฺต ราชาโน นครํ ปริวารยึสุ. อเถโก รถิกโยโธ ทฺเว ภาติกสินฺธเว รเถ โยเชตฺวา นครา นิกฺขมฺม ฉ พลโกฏฺเก ภินฺทิตฺวา ฉ ราชาโน อคฺคเหสิ. ตสฺมึ ขเณ เชฏฺกอสฺโส ปหารํ ลภิ. รถิโก รถํ เปเสนฺโต ราชทฺวารํ อาคนฺตฺวา เชฏฺภาติกํ รถา โมเจตฺวา สนฺนาหํ สิถิลํ กตฺวา เอเกเนว ปสฺเสน นิปชฺชาเปตฺวา ¶ อฺํ อสฺสํ สนฺนยฺหิตุํ อารทฺโธ. โพธิสตฺโต ตํ ทิสฺวา ปุริมนเยเนว จินฺเตตฺวา รถิกํ ปกฺโกสาเปตฺวา นิปนฺนโกว อิมํ คาถมาห –
‘‘ยทา ยทา ยตฺถ ยทา, ยตฺถ ยตฺถ ยทา ยทา;
อาชฺโ กุรุเต เวคํ, หายนฺติ ตตฺถ วาฬวา’’ติ.
ตตฺถ ยทา ยทาติ ปุพฺพณฺหาทีสุ ยสฺมึ ยสฺมึ กาเล. ยตฺถาติ ยสฺมึ าเน มคฺเค วา สงฺคามสีเส วา. ยทาติ ยสฺมึ ขเณ. ยตฺถ ยตฺถาติ สตฺตนฺนํ พลโกฏฺกานํ วเสน พหูสุ ยุทฺธมณฺฑเลสุ. ยทา ยทาติ ยสฺมึ ยสฺมึ กาเล ปหารํ ลทฺธกาเล วา อลทฺธกาเล วา. อาชฺโ กุรุเต เวคนฺติ สารถิสฺส จิตฺตรุจิตํ การณํ อาชานนสภาโว อาชฺโ วรสินฺธโว เวคํ กโรติ วายมติ วีริยํ อารภติ. หายนฺติ ตตฺถ วาฬวาติ ตสฺมึ เวเค กริยมาเน อิตเร วฬวสงฺขาตา ขฬุงฺกสฺสา หายนฺติ ปริหายนฺติ, ตสฺมา อิมสฺมึ รเถ มํเยว โยเชหีติ อาห.
สารถิ โพธิสตฺตํ อุฏฺาเปตฺวา รเถ โยเชตฺวา สตฺตมํ พลโกฏฺกํ ภินฺทิตฺวา สตฺตมํ ราชานํ อาทาย รถํ เปเสนฺโต ราชทฺวารํ ¶ อาคนฺตฺวา สินฺธวํ โมเจสิ. โพธิสตฺโต เอเกน ปสฺเสน นิปนฺโน ปุริมนเยเนว รฺโ โอวาทํ ทตฺวา นิรุชฺฌิ. ราชา ตสฺส สรีรกิจฺจํ กาเรตฺวา สารถิสฺส สมฺมานํ กตฺวา ธมฺเมน รชฺชํ กาเรตฺวา ยถากมฺมํ คโต.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสสิ, สจฺจปริโยสาเน โส ภิกฺขุ อรหตฺเต ปติฏฺาสิ. สตฺถา ชาตกํ สโมธาเนสิ ‘‘ตทา ราชา อานนฺทตฺเถโร อโหสิ, อสฺโส สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ.
อาชฺชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.
[๒๕] ๕. ติตฺถชาตกวณฺณนา
อฺมฺเหิ ¶ ติตฺเถหีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ธมฺมเสนาปติสฺส สทฺธิวิหาริกํ เอกํ สุวณฺณการปุพฺพกํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. อาสยานุสยาณฺหิ พุทฺธานํเยว โหติ, น อฺเสํ. ตสฺมา ธมฺมเสนาปติ อตฺตโน อาสยานุสยาณสฺส นตฺถิตาย สทฺธิวิหาริกสฺส อาสยานุสยํ อชานนฺโต อสุภกมฺมฏฺานเมว กเถสิ, ตสฺส ตํ น สปฺปายมโหสิ. กสฺมา? โส กิร ปฏิปาฏิยา ปฺจ ชาติสตานิ สุวณฺณการเคเหเยว ปฏิสนฺธึ คณฺหิ, อถสฺส ทีฆรตฺตํ ปริสุทฺธสุวณฺณทสฺสนวเสน ปริจิตตฺตา อสุภํ น สปฺปายมโหสิ. โส ตตฺถ นิมิตฺตมตฺตมฺปิ อุปฺปาเทตุํ อสกฺโกนฺโต จตฺตาโร มาเส เขเปสิ.
ธมฺมเสนาปติ อตฺตโน สทฺธิวิหาริกสฺส อรหตฺตํ ทาตุํ อสกฺโกนฺโต ‘‘อทฺธา อยํ พุทฺธเวเนยฺโย ภวิสฺสติ, ตถาคตสฺส สนฺติกํ เนสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ปาโตว ตํ อาทาย สตฺถุ สนฺติกํ อคมาสิ. สตฺถา ‘‘กึ นุ โข, สาริปุตฺต, เอกํ ภิกฺขุํ อาทาย อาคโตสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อหํ, ภนฺเต, อิมสฺส กมฺมฏฺานํ อทาสึ, อยํ ปน จตูหิ มาเสหิ นิมิตฺตมตฺตมฺปิ น อุปฺปาเทสิ, สฺวาหํ ‘พุทฺธเวเนยฺโย เอโส ภวิสฺสตี’ติ จินฺเตตฺวา ตุมฺหากํ สนฺติกํ อาทาย อาคโต’’ติ. ‘‘สาริปุตฺต, กตรํ ปน เต กมฺมฏฺานํ สทฺธิวิหาริกสฺส ทินฺน’’นฺติ? ‘‘อสุภกมฺมฏฺานํ ภควา’’ติ. ‘‘สาริปุตฺต, นตฺถิ ตว สนฺตาเน อาสยานุสยาณํ, คจฺฉ, ตฺวํ สายนฺหสมเย อาคนฺตฺวา ตว สทฺธิวิหาริกํ อาทาย คจฺเฉยฺยาสี’’ติ. เอวํ สตฺถา เถรํ อุยฺโยเชตฺวา ตสฺส ภิกฺขุสฺส มนาปํ จีวรฺจ นิวาสนฺจ ทาเปตฺวา ตํ อาทาย คามํ ปิณฺฑาย ปวิสิตฺวา ปณีตํ ขาทนียโภชนียํ ทาเปตฺวา มหาภิกฺขุสงฺฆปริวาโร ปุน วิหารํ อาคนฺตฺวา คนฺธกุฏิยํ ทิวสภาคํ เขเปตฺวา ¶ สายนฺหสมเย ตํ ภิกฺขุํ คเหตฺวา วิหารจาริกํ จรมาโน อมฺพวเน เอกํ โปกฺขรณึ มาเปตฺวา ตตฺถ มหนฺตํ ปทุมินิคจฺฉํ, ตตฺราปิ จ มหนฺตํ เอกํ ปทุมปุปฺผํ มาเปตฺวา ‘‘ภิกฺขุ อิมํ ปุปฺผํ โอโลเกนฺโต นิสีทา’’ติ นิสีทาเปตฺวา คนฺธกุฏึ ปาวิสิ.
โส ¶ ภิกฺขุ ตํ ปุปฺผํ ปุนปฺปุนํ โอโลเกติ. ภควา ตํ ปุปฺผํ ชรํ ปาเปสิ, ตํ ตสฺส ปสฺสนฺตสฺเสว ชรํ ปตฺวา วิวณฺณํ อโหสิ. อถสฺส ปริยนฺตโต ปฏฺาย ¶ ปตฺตานิ ปตนฺตานิ มุหุตฺเตน สพฺพานิ ปตึสุ. ตโต กิฺชกฺขํ ปติ, กณฺณิกาว อวสิสฺสิ. โส ภิกฺขุ ตํ ปสฺสนฺโต จินฺเตสิ ‘‘อิทํ ปทุมปุปฺผํ อิทาเนว อภิรูปํ อโหสิ ทสฺสนียํ, อถสฺส วณฺโณ ปริณโต, ปตฺตานิ จ กิฺจกฺขฺจ ปติตํ, กณฺณิกามตฺตเมว อวสิฏฺํ, เอวรูปสฺส นาม ปทุมสฺส ชรา ปตฺตา, มยฺหํ สรีรสฺส กึ น ปาปุณิสฺสติ, สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา’’ติ วิปสฺสนํ ปฏฺเปสิ. สตฺถา ‘‘ตสฺส จิตฺตํ วิปสฺสนํ อารุฬฺห’’นฺติ ตฺวา คนฺธกุฏิยํ นิสินฺโนว โอภาสํ ผริตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อุจฺฉินฺท สิเนหมตฺตโน, กุมุทํ สารทิกํว ปาณินา;
สนฺติมคฺคเมว พฺรูหย, นิพฺพานํ สุคเตน เทสิต’’นฺติ. (ธ. ป. ๒๘๕);
โส ภิกฺขุ คาถาปริโยสาเน อรหตฺตํ ปตฺวา ‘‘มุตฺโต วตมฺหิ สพฺพภเวหี’’ติ จินฺเตตฺวา –
‘‘โส วุตฺถวาโส ปริปุณฺณมานโส, ขีณาสโว อนฺติมเทหธารี;
วิสุทฺธสีโล สุสมาหิตินฺทฺริโย, จนฺโท ยถา ราหุมุขา ปมุตฺโต.
‘‘สโมตตํ โมหมหนฺธการํ, วิโนทยึ สพฺพมลํ อเสสํ;
อาโลกปชฺโชตกโร ปภงฺกโร, สหสฺสรํสี วิย ภาณุมา นเภ’’ติ. –
อาทีหิ คาถาหิ อุทานํ อุทาเนสิ. อุทาเนตฺวา จ ปน คนฺตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิ. เถโรปิ อาคนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา อตฺตโน สทฺธิวิหาริกํ คเหตฺวา อคมาสิ. อยํ ปวตฺติ ภิกฺขูนํ อนฺตเร ปากฏา ชาตา. ภิกฺขู ¶ ธมฺมสภายํ ทสพลสฺส คุเณ วณฺณยมานา นิสีทึสุ – ‘‘อาวุโส, สาริปุตฺตตฺเถโร อาสยานุสยาณสฺส อภาเวน อตฺตโน สทฺธิวิหาริกสฺส อาสยํ น ชานาติ, สตฺถา ปน ตฺวา เอกทิวเสเนว ตสฺส สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ อทาสิ, อโห พุทฺธา นาม มหานุภาวา’’ติ.
สตฺถา ¶ อาคนฺตฺวา ปฺตฺตาสเน นิสีทิตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘น ภควา อฺาย กถาย, ตุมฺหากฺเว ปน ธมฺมเสนาปติโน สทฺธิวิหาริกสฺส อาสยานุสยาณกถายา’’ติ. สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, เอตํ อจฺฉริยํ, สฺวาหํ ¶ เอตรหิ พุทฺโธ หุตฺวา ตสฺส อาสยํ ชานามิ, ปุพฺเพปาหํ ตสฺส อาสยํ ชานามิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺโต รชฺชํ กาเรสิ. ตทา โพธิสตฺโต ตํ ราชานํ อตฺเถ จ ธมฺเม จ อนุสาสติ. ตทา รฺโ มงฺคลอสฺสนฺหานติตฺเถ อฺตรํ วฬวํ ขฬุงฺกสฺสํ นฺหาเปสุํ. มงฺคลสฺโส วฬเวน นฺหานติตฺถํ โอตาริยมาโน ชิคุจฺฉิตฺวา โอตริตุํ น อิจฺฉิ. อสฺสโคปโก คนฺตฺวา รฺโ อาโรเจสิ ‘‘เทว, มงฺคลสฺโส ติตฺถํ โอตริตุํ น อิจฺฉตี’’ติ. ราชา โพธิสตฺตํ เปเสสิ – ‘‘คจฺฉ, ปณฺฑิต, ชานาหิ เกน การเณน อสฺโส ติตฺถํ โอตาริยมาโน น โอตรตี’’ติ. โพธิสตฺโต ‘‘สาธุ, เทวา’’ติ นทีตีรํ คนฺตฺวา อสฺสํ โอโลเกตฺวา นิโรคภาวมสฺส ตฺวา ‘‘เกน นุ โข การเณน อยํ อิมํ ติตฺถํ น โอตรตี’’ติ อุปธาเรนฺโต ‘‘ปมตรํ เอตฺถ อฺโ นฺหาปิโต ภวิสฺสติ, เตเนส ชิคุจฺฉมาโน ติตฺถํ น โอตรติ มฺเ’’ติ จินฺเตตฺวา อสฺสโคปเก ปุจฺฉิ ‘‘อมฺโภ, อิมสฺมึ ติตฺเถ กํ ปมํ นฺหาปยิตฺถา’’ติ? ‘‘อฺตรํ วฬวสฺสํ, สามี’’ติ.
โพธิสตฺโต ‘‘เอส อตฺตโน สินฺธวตาย ชิคุจฺฉนฺโต เอตฺถ นฺหายิตุํ น อิจฺฉติ, อิมํ อฺติตฺเถ นฺหาเปตุํ วฏฺฏตี’’ติ ตสฺส อาสยํ ตฺวา ‘‘โภ อสฺสโคปก, สปฺปิมธุผาณิตาทิภิสงฺขตปายาสมฺปิ ตาว ปุนปฺปุนํ ภฺุชนฺตสฺส ติตฺติ โหติ. อยํ อสฺโส พหู วาเร อิธ ติตฺเถ นฺหาโต, อฺมฺปิ ตาว นํ ติตฺถํ ¶ โอตาเรตฺวา นฺหาเปถ จ ปาเยถ จา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘อฺมฺเหิ ติตฺเถหิ, อสฺสํ ปาเยหิ สารถิ;
อจฺจาสนสฺส ปุริโส, ปายาสสฺสปิ ตปฺปตี’’ติ.
ตตฺถ อฺมฺเหีติ อฺเหิ อฺเหิ. ปาเยหีติ เทสนาสีสเมตํ, นฺหาเปหิ จ ปาเยหิ จาติ อตฺโถ. อจฺจาสนสฺสาติ กรณตฺเถ สามิวจนํ ¶ , อติอสเนน อติภุตฺเตนาติ อตฺโถ. ปายาสสฺสปิ ตปฺปตีติ สปฺปิอาทีหิ อภิสงฺขเตน มธุรปายาเสน ตปฺปติ ติตฺโต โหติ, ธาโต สุหิโต น ปุน ภฺุชิตุกามตํ อาปชฺชติ. ตสฺมา อยมฺปิ อสฺโส อิมสฺมึ ติตฺเถ นิพทฺธํ นฺหาเนน ปริยตฺตึ อาปนฺโน ภวิสฺสติ, อฺตฺถ นํ นฺหาเปถาติ.
เต ตสฺส วจนํ สุตฺวา อสฺสํ อฺติตฺถํ โอตาเรตฺวา ปายึสุ เจว นฺหาปยึสุ จ. โพธิสตฺโต ¶ อสฺสสฺส ปานียํ ปิวิตฺวา นฺหานกาเล รฺโ สนฺติกํ อคมาสิ. ราชา ‘‘กึ, ตาต, อสฺโส นฺหาโต จ ปีโต จา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, เทวา’’ติ. ‘‘ปมํ กึ การณา น อิจฺฉตี’’ติ? ‘‘อิมินา นาม การเณนา’’ติ สพฺพํ อาจิกฺขิ. ราชา ‘‘เอวรูปสฺส ติรจฺฉานสฺสาปิ นาม อาสยํ ชานาติ, อโห ปณฺฑิโต’’ติ โพธิสตฺตสฺส มหนฺตํ ยสํ ทตฺวา ชีวิตปริโยสาเน ยถากมฺมํ คโต. โพธิสตฺโตปิ ยถากมฺมเมว คโต.
สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, อหํ เอตสฺส อิทาเนว อาสยํ ชานามิ, ปุพฺเพปิ ชานามิเยวา’’ติ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา มงฺคลอสฺโส อยํ ภิกฺขุ อโหสิ, ราชา อานนฺโท, ปณฺฑิตามจฺโจ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
ติตฺถชาตกวณฺณนา ปฺจมา.
[๒๖] ๖. มหิฬามุขชาตกวณฺณนา
ปุราณโจราน วโจ นิสมฺมาติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เทวทตฺตํ อารพฺภ กเถสิ. เทวทตฺโต อชาตสตฺตุกุมารํ ปสาเทตฺวา ลาภสกฺการํ นิปฺผาเทสิ. อชาตสตฺตุกุมาโร เทวทตฺตสฺส คยาสีเส วิหารํ กาเรตฺวา นานคฺครเสหิ ติวสฺสิกคนฺธสาลิโภชนสฺส ¶ ทิวเส ทิวเส ปฺจ ถาลิปากสตานิ อภิหริ. ลาภสกฺการํ นิสฺสาย เทวทตฺตสฺส ปริวาโร มหนฺโต ชาโต, เทวทตฺโต ปริวาเรน สทฺธึ วิหาเรเยว โหติ. เตน สมเยน ราชคหวาสิกา ทฺเว สหายา. เตสุ เอโก สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิโต, เอโก เทวทตฺตสฺส. เต อฺมฺํ ตสฺมึ ตสฺมึ าเนปิ ปสฺสนฺติ, วิหารํ คนฺตฺวาปิ ปสฺสนฺติเยว.
อเถกทิวสํ ¶ เทวทตฺตสฺส นิสฺสิตโก อิตรํ อาห – ‘‘อาวุโส, กึ ตฺวํ เทวสิกํ เสเทหิ มุจฺจมาเนหิ ปิณฺฑาย จรสิ, เทวทตฺโต คยาสีสวิหาเร นิสีทิตฺวาว นานคฺครเสหิ สุโภชนํ ภฺุชติ, เอวรูโป อุปาโย นตฺถิ, กึ ตฺวํ ทุกฺขํ อนุโภสิ, กึ เต ปาโตว คยาสีสํ อาคนฺตฺวา สอุตฺตริภงฺคํ ยาคุํ ปิวิตฺวา อฏฺารสวิธํ ขชฺชกํ ขาทิตฺวา นานคฺครเสหิ สุโภชนํ ภฺุชิตุํ น วฏฺฏตี’’ติ? โส ปุนปฺปุนํ วุจฺจมาโน คนฺตุกาโม หุตฺวา ตโต ปฏฺาย คยาสีสํ คนฺตฺวา ภฺุชิตฺวา กาลสฺเสว เวฬุวนํ อาคจฺฉติ. โส สพฺพกาลํ ปฏิจฺฉาเทตุํ นาสกฺขิ, ‘‘คยาสีสํ คนฺตฺวา เทวทตฺตสฺส ปฏฺปิตํ ภตฺตํ ภฺุชตี’’ติ น จิรสฺเสว ปากโฏ ชาโต ¶ . อถ นํ สหายา ปุจฺฉึสุ ‘‘สจฺจํ กิร, ตฺวํ อาวุโส, เทวทตฺตสฺส ปฏฺปิตํ ภตฺตํ ภฺุชสี’’ติ. ‘‘โก เอวมาหา’’ติ? ‘‘อสุโก จ อสุโก จา’’ติ. ‘‘สจฺจํ อหํ อาวุโส คยาสีสํ คนฺตฺวา ภฺุชามิ, น ปน เม เทวทตฺโต ภตฺตํ เทติ, อฺเ มนุสฺสา เทนฺตี’’ติ. ‘‘อาวุโส, เทวทตฺโต พุทฺธานํ ปฏิกณฺฏโก ทุสฺสีโล อชาตสตฺตุํ ปสาเทตฺวา อธมฺเมน อตฺตโน ลาภสกฺการํ อุปฺปาเทสิ, ตฺวํ เอวรูเป นิยฺยานิเก พุทฺธสาสเน ปพฺพชิตฺวา เทวทตฺตสฺส อธมฺเมน อุปฺปนฺนํ โภชนํ ภฺุชสิ, เอหิ ตํ สตฺถุ สนฺติกํ เนสฺสามา’’ติ ตํ ภิกฺขุํ อาทาย ธมฺมสภํ อาคมึสุ.
สตฺถา ทิสฺวาว ‘‘กึ, ภิกฺขเว, เอตํ ภิกฺขุํ อนิจฺฉนฺตฺเว อาทาย อาคตตฺถา’’ติ? ‘‘อาม ภนฺเต, อยํ ภิกฺขุ ตุมฺหากํ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา เทวทตฺตสฺส อธมฺเมน อุปฺปนฺนํ โภชนํ ภฺุชตี’’ติ. ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ เทวทตฺตสฺส อธมฺเมน อุปฺปนฺนํ โภชนํ ภฺุชสี’’ติ? ‘‘น ภนฺเต, เทวทตฺโต มยฺหํ เทติ, อฺเ มนุสฺสา เทนฺติ, ตมหํ ภฺุชามี’’ติ. สตฺถา ‘‘มา ภิกฺขุ เอตฺถ ปริหารํ กริ, เทวทตฺโต อนาจาโร ทุสฺสีโล, กถฺหิ นาม ตฺวํ อิธ ปพฺพชิตฺวา มม สาสนํ ภชนฺโตเยว เทวทตฺตสฺส ภตฺตํ ภฺุชสิ, นิจฺจกาลมฺปิ ภชนสีลโกว ตฺวํ ทิฏฺทิฏฺเเยว ภชสี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส อมจฺโจ อโหสิ. ตทา รฺโ มหิฬามุโข นาม ¶ มงฺคลหตฺถี อโหสิ สีลวา อาจารสมฺปนฺโน, น กฺจิ วิเหเติ. อเถกทิวสํ ตสฺส สาลาย สมีเป รตฺติภาคสมนนฺตเร โจรา อาคนฺตฺวา ตสฺส อวิทูเร ¶ นิสินฺนา โจรมนฺตํ มนฺตยึสุ ‘‘เอวํ อุมฺมงฺโค ภินฺทิตพฺโพ, เอวํ สนฺธิจฺเฉทกมฺมํ กตฺตพฺพํ, อุมฺมงฺคฺจ สนฺธิจฺเฉทฺจ มคฺคสทิสํ ติตฺถสทิสํ นิชฺชฏํ นิคฺคุมฺพํ กตฺวา ภณฺฑํ หริตุํ วฏฺฏติ, หรนฺเตน มาเรตฺวาว หริตพฺพํ, เอวํ อุฏฺาตุํ สมตฺโถ นาม น ภวิสฺสติ, โจเรน จ นาม สีลาจารยุตฺเตน น ภวิตพฺพํ, กกฺขเฬน ผรุเสน สาหสิเกน ภวิตพฺพ’’นฺติ. เอวํ มนฺเตตฺวา อฺมฺํ อุคฺคณฺหาเปตฺวา อคมํสุ. เอเตเนว อุปาเยน ปุนทิวเสปิ ปุนทิวเสปีติ พหู ทิวเส ตตฺถ อาคนฺตฺวา มนฺตยึสุ. โส เตสํ วจนํ สุตฺวา ‘‘เต มํ สิกฺขาเปนฺตี’’ติ สฺาย ‘‘อิทานิ มยา กกฺขเฬน ผรุเสน สาหสิเกน ภวิตพฺพ’’นฺติ ตถารูโปว อโหสิ. ปาโตว อาคตํ หตฺถิโคปกํ โสณฺฑาย คเหตฺวา ภูมิยํ โปเถตฺวา มาเรสิ. อปรมฺปิ ตถา อปรมฺปิ ตถาติ อาคตาคตํ มาเรติเยว.
‘‘มหิฬามุโข ¶ อุมฺมตฺตโก ชาโต ทิฏฺทิฏฺเ มาเรตี’’ติ รฺโ อาโรจยึสุ. ราชา โพธิสตฺตํ ปหิณิ ‘‘คจฺฉ ปณฺฑิต, ชานาหิ เกน การเณน โส ทุฏฺโ ชาโต’’ติ. โพธิสตฺโต คนฺตฺวา ตสฺส สรีเร อโรคภาวํ ตฺวา ‘‘เกน นุ โข การเณน เอส ทุฏฺโ ชาโต’’ติ อุปธาเรนฺโต ‘‘อทฺธา อวิทูเร เกสฺจิ วจนํ สุตฺวา ‘มํ เอเต สิกฺขาเปนฺตี’ติ สฺาย ทุฏฺโ ชาโต’’ติ สนฺนิฏฺานํ กตฺวา หตฺถิโคปเก ปุจฺฉิ ‘‘อตฺถิ นุ โข หตฺถิสาลาย สมีเป รตฺติภาเค เกหิจิ กิฺจิ กถิตปุพฺพ’’นฺติ? ‘‘อาม, สามิ, โจรา อาคนฺตฺวา กถยึสู’’ติ. โพธิสตฺโต คนฺตฺวา รฺโ อาโรเจสิ ‘‘เทว, อฺโ หตฺถิสฺส สรีเร วิกาโร นตฺถิ, โจรานํ กถํ สุตฺวา ทุฏฺโ ชาโต’’ติ. ‘‘อิทานิ กึ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ? ‘‘สีลวนฺเต สมณพฺราหฺมเณ หตฺถิสาลายํ นิสีทาเปตฺวา สีลาจารกถํ กถาเปตุํ วฏฺฏตี’’ติ. ‘‘เอวํ กาเรหิ, ตาตา’’ติ.
โพธิสตฺโต คนฺตฺวา สีลวนฺเต สมณพฺราหฺมเณ หตฺถิสาลายํ นิสีทาเปตฺวา ‘‘สีลกถํ ¶ กเถถ, ภนฺเต’’ติ อาห. เต หตฺถิสฺส อวิทูเร นิสินฺนา ‘‘น โกจิ ปรามสิตพฺโพ น มาเรตพฺโพ, สีลาจารสมฺปนฺเนน ขนฺติเมตฺตานุทฺทยยุตฺเตน ภวิตุํ วฏฺฏตี’’ติ สีลกถํ กถยึสุ. โส ตํ สุตฺวา ‘‘มํ อิเม สิกฺขาเปนฺติ, อิโต ทานิ ปฏฺาย สีลวนฺเตน ภวิตพฺพ’’นฺติ สีลวา อโหสิ. ราชา โพธิสตฺตํ ปุจฺฉิ ‘‘กึ, ตาต, สีลวา ชาโต’’ติ ¶ ? โพธิสตฺโต ‘‘อาม, เทวา’’ติ. ‘‘เอวรูโป ทุฏฺหตฺถี ปณฺฑิเต นิสฺสาย โปราณกธมฺเมเยว ปติฏฺิโต’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ปุราณโจราน วโจ นิสมฺม, มหิฬามุโข โปถยมนฺวจารี;
สุสฺตานฺหิ วโจ นิสมฺม, คชุตฺตโม สพฺพคุเณสุ อฏฺา’’ติ.
ตตฺถ ปุราณโจรานนฺติ โปราณโจรานํ. นิสมฺมาติ สุตฺวา, ปมํ โจรานํ วจนํ สุตฺวาติ อตฺโถ. มหิฬามุโขติ หตฺถินิมุเขน สทิสมุโข. ยถา มหิฬา ปุรโต โอโลกิยมานา โสภติ, น ปจฺฉโต, ตถา โสปิ ปุรโต โอโลกิยมาโน โสภติ. ตสฺมา ‘‘มหิฬามุโข’’ติสฺส นามํ อกํสุ. โปถยมนฺวจารีติ โปถยนฺโต มาเรนฺโต อนุจารี. อยเมว วา ปาโ. สุสฺตานนฺติ สุฏฺุ สฺตานํ สีลวนฺตานํ. คชุตฺตโมติ อุตฺตมคโช มงฺคลหตฺถี. สพฺพคุเณสุ อฏฺาติ สพฺเพสุ โปราณคุเณสุ ปติฏฺิโต. ราชา ‘‘ติรจฺฉานคตสฺสาปิ อาสยํ ชานาตี’’ติ โพธิสตฺตสฺส มหนฺตํ ยสํ อทาสิ. โส ยาวตายุกํ ตฺวา สทฺธึ โพธิสตฺเตน ยถากมฺมํ คโต.
สตฺถา ¶ ‘‘ปุพฺเพปิ ตฺวํ ภิกฺขุ ทิฏฺทิฏฺเเยว ภชิ, โจรานํ วจนํ สุตฺวา โจเร ภชิ, ธมฺมิกานํ วจนํ สุตฺวา ธมฺมิเก ภชี’’ติ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา มหิฬามุโข วิปกฺขเสวกภิกฺขุ อโหสิ, ราชา อานนฺโท, อมจฺโจ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
มหิฬามุขชาตกวณฺณนา ฉฏฺา.
[๒๗] ๗. อภิณฺหชาตกวณฺณนา
นาลํ ¶ กพฬํ ปทาตเวติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ อุปาสกฺจ มหลฺลกตฺเถรฺจ อารพฺภ กเถสิ ¶ . สาวตฺถิยํ กิร ทฺเว สหายกา. เตสุ เอโก ปพฺพชิตฺวา เทวสิกํ อิตรสฺส ฆรํ คจฺฉติ. โส ตสฺส ภิกฺขํ ทตฺวา สยมฺปิ ภฺุชิตฺวา เตเนว สทฺธึ วิหารํ คนฺตฺวา ยาว สูริยตฺถงฺคมนา อาลาปสลฺลาเปน นิสีทิตฺวา นครํ ปวิสติ, อิตโรปิ นํ ยาว นครทฺวารา อนุคนฺตฺวา นิวตฺตติ. โส เตสํ วิสฺสาโส ภิกฺขูนํ อนฺตเร ปากโฏ ชาโต. อเถกทิวสํ ภิกฺขู เตสํ วิสฺสาสกถํ กเถนฺตา ธมฺมสภายํ นิสีทึสุ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิ, เต ‘‘อิมาย นาม, ภนฺเต’’ติ กถยึสุ. สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว อิเม วิสฺสาสิกา, ปุพฺเพปิ วิสฺสาสิกาเยว อเหสุ’’นฺติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส อมจฺโจ อโหสิ. ตทา เอโก กุกฺกุโร มงฺคลหตฺถิสาลํ คนฺตฺวา มงฺคลหตฺถิสฺส ภฺุชนฏฺาเน ปติตานิ ภตฺตสิตฺถานิ ขาทติ. โส เตเนว โภชเนน สํวทฺธมาโน มงฺคลหตฺถิสฺส วิสฺสาสิโก ชาโต หตฺถิสฺเสว สนฺติเก ภฺุชติ, อุโภปิ วินา วตฺติตุํ น สกฺโกนฺติ. โส หตฺถี นํ โสณฺฑาย คเหตฺวา อปราปรํ กโรนฺโต กีฬติ, อุกฺขิปิตฺวา กุมฺเภ ปติฏฺาเปติ. อเถกทิวสํ เอโก คามิกมนุสฺโส หตฺถิโคปกสฺส มูลํ ทตฺวา ตํ กุกฺกุรํ อาทาย อตฺตโน คามํ อคมาสิ. ตโต ปฏฺาย โส หตฺถี กุกฺกุรํ อปสฺสนฺโต เนว ขาทติ น ปิวติ น นฺหายติ. ตมตฺถํ รฺโ อาโรเจสุํ. ราชา โพธิสตฺตํ ปหิณิ ‘‘คจฺฉ ปณฺฑิต, ชานาหิ กึการณา หตฺถี เอวํ กโรตี’’ติ.
โพธิสตฺโต ¶ หตฺถิสาลํ คนฺตฺวา หตฺถิสฺส ทุมฺมนภาวํ ตฺวา ‘‘อิมสฺส สรีเร โรโค น ปฺายติ, เกนจิ ปนสฺส สทฺธึ มิตฺตสนฺถเวน ภวิตพฺพํ, ตํ อปสฺสนฺโต เอส มฺเ โสกาภิภูโต’’ติ หตฺถิโคปเก ปุจฺฉิ ‘‘อตฺถิ นุ โข อิมสฺส เกนจิ สทฺธึ วิสฺสาโส’’ติ? ‘‘อาม, อตฺถิ สามิ เอเกน สุนเขน สทฺธึ พลวา เมตฺตี’’ติ. ‘‘กหํ โส เอตรหี’’ติ? ‘‘เอเกน มนุสฺเสน นีโต’’ติ. ‘‘ชานาถ ปนสฺส นิวาสนฏฺาน’’นฺติ? ‘‘น ชานาม, สามี’’ติ. โพธิสตฺโต รฺโ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘นตฺถิ, เทว, หตฺถิสฺส โกจิ อาพาโธ ¶ , เอเกน ปนสฺส สุนเขน สทฺธึ พลววิสฺสาโส ¶ , ตํ อปสฺสนฺโต น ภฺุชติ มฺเ’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘นาลํ กพฬํ ปทาตเว, น จ ปิณฺฑํ น กุเส น ฆํสิตุํ;
มฺามิ อภิณฺหทสฺสนา, นาโค สฺเนหมกาสิ กุกฺกุเร’’ติ.
ตตฺถ นาลนฺติ น สมตฺโถ. กพฬนฺติ โภชนกาเล ปมเมว ทินฺนํ กฏุกกพฬํ. ปทาตเวติ ปอาทาตเว, สนฺธิวเสน อาการโลโป เวทิตพฺโพ, คเหตุนฺติ อตฺโถ. น จ ปิณฺฑนฺติ วฑฺเฒตฺวา ทียมานํ ภตฺตปิณฺฑมฺปิ นาลํ คเหตุํ. น กุเสติ ขาทนตฺถาย ทินฺนานิ ติณานิปิ นาลํ คเหตุํ. น ฆํสิตุนฺติ นฺหาปิยมาโน สรีรมฺปิ ฆํสิตุํ นาลํ. เอวํ ยํ ยํ โส หตฺถี กาตุํ น สมตฺโถ, ตํ ตํ สพฺพํ รฺโ อาโรเจตฺวา ตสฺส อสมตฺถภาเว อตฺตนา สลฺลกฺขิตการณํ อาโรเจนฺโต ‘‘มฺามี’’ติอาทิมาห.
ราชา ตสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘อิทานิ กึ กาตพฺพํ ปณฺฑิตา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘‘อมฺหากํ กิร มงฺคลหตฺถิสฺส สหายํ สุนขํ เอโก มนุสฺโส คเหตฺวา คโต, ยสฺส ฆเร ตํ สุนขํ ปสฺสนฺติ, ตสฺส อยํ นาม ทณฺโฑ’ติ เภรึ จราเปถ เทวา’’ติ. ราชา ตถา กาเรสิ. ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา โส ปุริโส สุนขํ วิสฺสชฺเชสิ, สุนโข เวเคนาคนฺตฺวา หตฺถิสฺส สนฺติกเมว อคมาสิ. หตฺถี ตํ โสณฺฑาย คเหตฺวา กุมฺเภ เปตฺวา โรทิตฺวา ปริเทวิตฺวา กุมฺภา โอตาเรตฺวา เตน ภุตฺเต ปจฺฉา อตฺตนาปิ ภฺุชิ. ‘‘ติรจฺฉานคตสฺส อาสยํ ชานาตี’’ติ ราชา โพธิสตฺตสฺส มหนฺตํ ยสํ อทาสิ.
สตฺถา ¶ ‘‘น, ภิกฺขเว, อิเม อิทาเนว วิสฺสาสิกา, ปุพฺเพปิ วิสฺสาสิกาเยวา’’ติ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา จตุสจฺจกถาย วินิวฏฺเฏตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ. อิทํ จตุสจฺจกถาย วินิวฏฺฏนํ นาม สพฺพชาตเกสุปิ อตฺถิเยว. มยํ ปน ยตฺถสฺส อานิสํโส ปฺายติ ¶ , ตตฺเถว ทสฺสยิสฺสาม.
ตทา สุนโข อุปาสโก อโหสิ, หตฺถี มหลฺลกตฺเถโร, ราชา อานนฺโท, อมจฺจปณฺฑิโต ปน อหเมว อโหสินฺติ.
อภิณฺหชาตกวณฺณนา สตฺตมา.
[๒๘] ๘. นนฺทิวิสาลชาตกวณฺณนา
มนฺุเมว ¶ ภาเสยฺยาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ฉพฺพคฺคิยานํ ภิกฺขูนํ โอมสวาทํ อารพฺภ กเถสิ. ตสฺมิฺหิ สมเย ฉพฺพคฺคิยา กลหํ กโรนฺตา เปสเล ภิกฺขู ขุํเสนฺติ วมฺเภนฺติ โอวิชฺฌนฺติ, ทสหิ อกฺโกสวตฺถูหิ อกฺโกสนฺติ. ภิกฺขู ภควโต อาโรเจสุํ. ภควา ฉพฺพคฺคิเย ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ภิกฺขโว’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจ’’นฺติ วุตฺเต วิครหิตฺวา ‘‘ภิกฺขเว, ผรุสวาจา นาม ติรจฺฉานคตานมฺปิ อมนาปา, ปุพฺเพปิ เอโก ติรจฺฉานคโต อตฺตานํ ผรุเสน สมุทาจรนฺตํ สหสฺสํ ปราเชสี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต คนฺธารรฏฺเ ตกฺกสิลายํ คนฺธารราชา รชฺชํ กาเรสิ. ตทา โพธิสตฺโต โคโยนิยํ นิพฺพตฺติ. อถ นํ ตรุณวจฺฉกกาเลเยว เอโก พฺราหฺมโณ โคทกฺขิณาทายกานํ สนฺติกา ลภิตฺวา ‘‘นนฺทิวิสาโล’’ติ นามํ กตฺวา ปุตฺตฏฺาเน เปตฺวา สมฺปิยายมาโน ยาคุภตฺตาทีนิ ทตฺวา โปเสสิ. โพธิสตฺโต วยปฺปตฺโต จินฺเตสิ ‘‘อหํ อิมินา พฺราหฺมเณน กิจฺเฉน ปฏิชคฺคิโต, มยา จ สทฺธึ สกลชมฺพุทีเป อฺโ สมธุโร โคโณ นาม นตฺถิ, ยํนูนาหํ อตฺตโน พลํ ทสฺเสตฺวา พฺราหฺมณสฺส โปสาวนิยํ ทเทยฺย’’นฺติ โส เอกทิวสํ พฺราหฺมณํ อาห ‘‘คจฺฉ, พฺราหฺมณ, เอกํ โควิตฺตกเสฏฺึ อุปสงฺกมิตฺวา ‘มยฺหํ พลิพทฺโท อติพทฺธํ สกฏสตํ ปวฏฺเฏตี’ติ วตฺวา สหสฺเสน อพฺภุตํ กโรหี’’ติ. โส พฺราหฺมโณ เสฏฺิสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา กถํ สมุฏฺาเปสิ ‘‘อิมสฺมึ นคเร กสฺส โคโณ ถามสมฺปนฺโน’’ติ. อถ นํ เสฏฺิ ‘‘อสุกสฺส จ อสุกสฺส จา’’ติ วตฺวา ‘‘สกลนคเร ปน อมฺหากํ โคเณหิ สทิโส นาม นตฺถี’’ติ อาห. พฺราหฺมโณ ¶ ‘‘มยฺหํ เอโก ¶ โคโณ อติพทฺธํ สกฏสตํ ปวฏฺเฏตุํ สมตฺโถ อตฺถี’’ติ อาห. เสฏฺิ คหปติ ‘‘กุโต เอวรูโป โคโณ’’ติ อาห. พฺราหฺมโณ ‘‘มยฺหํ เคเห อตฺถี’’ติ. ‘‘เตน หิ อพฺภุตํ กโรหี’’ติ. ‘‘สาธุ กโรมี’’ติ สหสฺเสน อพฺภุตํ ¶ อกาสิ.
โส สกฏสตํ วาลุกาสกฺขรปาสาณานํเยว ปูเรตฺวา ปฏิปาฏิยา เปตฺวา สพฺพานิ อกฺขพนฺธนโยตฺเตน เอกโต พนฺธิตฺวา นนฺทิวิสาลํ นฺหาเปตฺวา คนฺธปฺจงฺคุลิกํ กตฺวา กณฺเ มาลํ ปิฬนฺธิตฺวา ปุริมสกฏธุเร เอกกเมว โยเชตฺวา สยํ ธุเร นิสีทิตฺวา ปโตทํ อุกฺขิปิตฺวา ‘‘คจฺฉ กูฏ, วหสฺสุ กูฏา’’ติ อาห. โพธิสตฺโต ‘‘อยํ มํ อกูฏํ กูฏวาเทน สมุทาจรตี’’ติ จตฺตาโร ปาเท ถมฺเภ วิย นิจฺจเล กตฺวา อฏฺาสิ. เสฏฺิ ตงฺขณฺเว พฺราหฺมณํ สหสฺสํ อาหราเปสิ. พฺราหฺมโณ สหสฺสปราชิโต โคณํ มฺุจิตฺวา ฆรํ คนฺตฺวา โสกาภิภูโต นิปชฺชิ. นนฺทิวิสาโล จริตฺวา อาคโต พฺราหฺมณํ โสกาภิภูตํ ทิสฺวา อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘กึ, พฺราหฺมณ, นิทฺทายสี’’ติ อาห. ‘‘กุโต เม, นิทฺทา, สหสฺสปราชิตสฺสาติ, พฺราหฺมณ, มยา เอตฺตกํ กาลํ ตว เคเห วสนฺเตน อตฺถิ กิฺจิ ภาชนํ วา ภินฺทิตปุพฺพํ, โกจิ วา มทฺทิตปุพฺโพ, อฏฺาเน วา ปน อุจฺจารปสฺสาโว กตปุพฺโพ’’ติ? ‘‘นตฺถิ ตาตา’’ติ. อถ ตฺวํ มํ กสฺมา กูฏวาเทน สมุทาจรสิ, ตเวเวโส โทโส, มยฺหํ โทโส นตฺถิ, คจฺฉ, เตน สทฺธึ ทฺวีหิ สหสฺเสหิ อพฺภุตํ กโรหิ, เกวลํ มํ อกูฏํ กูฏวาเทน มา สมุทาจรสีติ.
พฺราหฺมโณ ตสฺส วจนํ สุตฺวา คนฺตฺวา ทฺวีหิ สหสฺเสหิ อพฺภุตํ กตฺวา ปุริมนเยเนว สกฏสตํ อติพนฺธิตฺวา นนฺทิวิสาลํ มณฺเฑตฺวา ปุริมสกฏธุเร โยเชสิ. กถํ โยเชสีติ? ยุคํ ธุเร นิจฺจลํ พนฺธิตฺวา เอกาย โกฏิยา นนฺทิวิสาลํ โยเชตฺวา เอกํ โกฏึ ธุรโยตฺเตน ปลิเวเตฺวา ยุคโกฏิฺจ อกฺขปาทฺจ นิสฺสาย มุณฺฑรุกฺขทณฺฑกํ ทตฺวา เตน โยตฺเตน นิจฺจลํ พนฺธิตฺวา เปสิ. เอวฺหิ กเต ยุคํ เอตฺโต วา อิโต วา น คจฺฉติ, สกฺกา โหติ เอเกเนว โคเณน อากฑฺฒิตุํ. อถสฺส พฺราหฺมโณ ธุเร นิสีทิตฺวา นนฺทิวิสาลสฺส ปิฏฺึ ปริมชฺชิตฺวา ‘‘คจฺฉ ภทฺร, วหสฺสุ, ภนฺทฺรา’’ติ อาห. โพธิสตฺโต อติพทฺธํ สกฏสตํ เอกเวเคเนว อากฑฺฒิตฺวา ปจฺฉา ิตํ สกฏํ ปุรโต ิตสฺส สกฏสฺส ¶ าเน เปสิ ¶ . โควิตฺตกเสฏฺิ ปราชิโต พฺราหฺมณสฺส ทฺเว สหสฺสานิ อทาสิ. อฺเปิ มนุสฺสา โพธิสตฺตสฺส พหุํ ธนํ อทํสุ, สพฺพํ พฺราหฺมณสฺเสว อโหสิ. เอวํ โส โพธิสตฺตํ นิสฺสาย พหุํ ธนํ ลภิ.
สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, ผรุสวจนํ นาม กสฺสจิ มนาป’’นฺติ ฉพฺพคฺคิเย ภิกฺขู ครหิตฺวา สิกฺขาปทํ ปฺเปตฺวา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘มนฺุเมว ¶ ภาเสยฺย, นามนฺุํ กุทาจนํ;
มนฺุํ ภาสมานสฺส, ครุํ ภารํ อุททฺธริ;
ธนฺจ นํ อลาเภสิ, เตน จตฺตมโน อหู’’ติ.
ตตฺถ มนฺุเมว ภาเสยฺยาติ ปเรน สทฺธึ ภาสมาโน จตุโทสวิรหิตํ มธุรํ มนาปํ สณฺหํ มุทุกํ ปิยวจนเมว ภาเสยฺย. ครุํ ภารํ อุททฺธรีติ นนฺทิวิสาโล พลิพทฺโท อมนาปํ ภาสมานสฺส ภารํ อนุทฺธริตฺวา ปจฺฉา มนาปํ ปิยวจนํ ภาสมานสฺส พฺราหฺมณสฺส ครุํ ภารํ อุทฺธริ, อุทฺธริตฺวา กฑฺฒิตฺวา ปวฏฺเฏสีติ อตฺโถ, ท-กาโร ปเนตฺถ พฺยฺชนสนฺธิวเสน ปทสนฺธิกโร.
อิติ สตฺถา ‘‘มนฺุเมว ภาเสยฺยา’’ติ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา พฺราหฺมโณ อานนฺโท อโหสิ, นนฺทิวิสาโล ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
นนฺทิวิสาลชาตกวณฺณนา อฏฺมา.
[๒๙] ๙. กณฺหชาตกวณฺณนา
ยโต ยโต ครุ ธุรนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ยมกปาฏิหาริยํ อารพฺภ กเถสิ. ตํ สทฺธึ เทโวโรหเณน เตรสกนิปาเต สรภมิคชาตเก (ชา. ๑.๑๓.๑๓๔ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติ. สมฺมาสมฺพุทฺเธ ปน ยมกปาฏิหาริยํ กตฺวา เทวโลเก เตมาสํ วสิตฺวา มหาปวารณาย สงฺกสฺสนครทฺวาเร โอรุยฺห มหนฺเตน ปริวาเรน เชตวนํ ปวิฏฺเ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ สนฺนิปติตฺวา ‘‘อาวุโส, ตถาคโต นาม อสมธุโร, ตถาคเตน วุฬฺหธุรํ อฺโ วหิตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ, ฉ สตฺถาโร ‘มยเมว ¶ ปาฏิหาริยํ กริสฺสาม, มยเมว ปาฏิหาริยํ กริสฺสามา’ติ วตฺวา เอกมฺปิ ปาฏิหาริยํ น อกํสุ, อโห สตฺถา อสมธุโร’’ติ สตฺถุ คุณกถํ กเถนฺตา นิสีทึสุ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ¶ ปุจฺฉิ. ‘‘มยํ, ภนฺเต, น อฺาย กถาย, เอวรูปาย นาม ตุมฺหากเมว คุณกถายา’’ติ. สตฺถา ‘‘ภิกฺขเว, อิทานิ มยา วุฬฺหธุรํ โก วหิสฺสติ, ปุพฺเพ ติรจฺฉานโยนิยํ นิพฺพตฺโตปิ อหํ อตฺตนา สมธุรํ กฺจิ นาลตฺถ’’นฺติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต ¶ พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต โคโยนิยํ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. อถ นํ สามิกา ตรุณวจฺฉกกาเลเยว เอกิสฺสา มหลฺลิกาย ฆเร วสิตฺวา ตสฺสา นิวาสเวตนโต ปริจฺฉินฺทิตฺวา อทํสุ. สา ตํ ยาคุภตฺตาทีหิ ปฏิชคฺคมานา ปุตฺตฏฺาเน เปตฺวา วฑฺเฒสิ. โส ‘‘อยฺยิกากาฬโก’’ ตฺเวว นามํ ปฺายิตฺถ. วยปฺปตฺโต จ อฺชนวณฺโณ หุตฺวา คามโคเณหิ สทฺธึ จรติ, สีลาจารสมฺปนฺโน อโหสิ. คามทารกา สิงฺเคสุปิ กณฺเณสุปิ คเลปิ คเหตฺวา โอลมฺพนฺติ, นงฺคุฏฺเปิ คเหตฺวา กีฬนฺติ, ปิฏฺิยมฺปิ นิสีทนฺติ. โส เอกทิวสํ จินฺเตสิ ‘‘มยฺหํ มาตา ทุคฺคตา, มํ ปุตฺตฏฺาเน เปตฺวา ทุกฺเขน โปเสสิ, ยํนูนาหํ ภตึ กตฺวา อิมํ ทุคฺคตภาวโต โมเจยฺย’’นฺติ. โส ตโต ปฏฺาย ภตึ อุปธาเรนฺโต จรติ.
อเถกทิวสํ เอโก สตฺถวาหปุตฺโต ปฺจหิ สกฏสเตหิ วิสมติตฺถํ สมฺปตฺโต, ตสฺส โคณา สกฏานิ อุตฺตาเรตุํ น สกฺโกนฺติ, ปฺจสุ สกฏสเตสุ โคณา ยุคปรมฺปราย โยชิตา เอกมฺปิ สกฏํ อุตฺตาเรตุํ นาสกฺขึสุ. โพธิสตฺโตปิ คามโคเณหิ สทฺธึ ตตฺถ สมีเป จรติ. สตฺถวาหปุตฺโตปิ โคสุตฺตวิตฺตโก, โส ‘‘อตฺถิ นุ โข เอเตสํ คุนฺนํ อนฺตเร อิมานิ สกฏานิ อุตฺตาเรตุํ สมตฺโถ อุสภาชานีโย’’ติ อุปธารยมาโน โพธิสตฺตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ อาชานีโย สกฺขิสฺสติ มยฺหํ สกฏานิ อุตฺตาเรตุํ, โก นุ โข อสฺส สามิโก’’ติ โคปาลเก ปุจฺฉิ ‘‘โก นุ โข โภ อิมสฺส สามิโก, อหํ อิมํ สกเฏ โยเชตฺวา สกเฏสุ อุตฺตาริเตสุ เวตนํ ทสฺสามี’’ติ. เต อาหํสุ ‘‘คเหตฺวา นํ โยเชถ, นตฺถิ อิมสฺส อิมสฺมึ าเน สามิโก’’ติ. โส นํ นาสาย รชฺชุเกน พนฺธิตฺวา ¶ อากฑฺเฒนฺโต จาเลตุมฺปิ นาสกฺขิ. โพธิสตฺโต กิร ‘‘ภติยา กถิตาย ¶ คมิสฺสามี’’ติ น อคมาสิ. สตฺถวาหปุตฺโต ตสฺสาธิปฺปายํ ตฺวา ‘‘สามิ, ตยา ปฺจสุ สกฏสเตสุ อุตฺตาริเตสุ เอเกกสฺส สกฏสฺส ทฺเว ทฺเว กหาปเณ ภตึ กตฺวา สหสฺสํ ทสฺสามี’’ติ อาห. ตทา โพธิสตฺโต สยเมว อคมาสิ. อถ นํ ปุริสา ปุริมสกเฏสุ โยเชสุํ. อถ นํ เอกเวเคเนว อุกฺขิปิตฺวา ถเล ปติฏฺาเปสิ. เอเตนุปาเยน สพฺพสกฏานิ อุตฺตาเรสิ.
สตฺถวาหปุตฺโต เอเกกสฺส สกฏสฺส เอเกกํ กตฺวา ปฺจสตานิ ภณฺฑิกํ กตฺวา ตสฺส คเล พนฺธิ. โส ‘‘อยํ มยฺหํ ยถาปริจฺฉินฺนํ ภตึ น เทติ, น ทานิสฺส คนฺตุํ ทสฺสามี’’ติ คนฺตฺวา สพฺพปุริมสกฏสฺส ปุรโต มคฺคํ นิวาเรตฺวา อฏฺาสิ. อปเนตุํ วายมนฺตาปิ นํ อปเนตุํ นาสกฺขึสุ. สตฺถวาหปุตฺโต ‘‘ชานาติ มฺเ เอส อตฺตโน ภติยา อูนภาว’’นฺติ เอเกกสฺมึ สกเฏ ทฺเว ทฺเว กตฺวา สหสฺสภณฺฑิกํ พนฺธิตฺวา ‘‘อยํ เต สกฏุตฺตรณภตี’’ติ คีวายํ ลคฺเคสิ. โส สหสฺสภณฺฑิกํ อาทาย มาตุ สนฺติกํ อคมาสิ. คามทารกา ‘‘กึ นาเมตํ ¶ อยฺยิกากาฬกสฺส คเล’’ติ โพธิสตฺตสฺส สนฺติกํ อาคจฺฉนฺติ. โส เต อนุพนฺธิตฺวา ทูรโตว ปลาเปนฺโต มาตุ สนฺติกํ คโต. ปฺจนฺนํ ปน สกฏสตานํ อุตฺตาริตตฺตา รตฺเตหิ อกฺขีหิ กิลนฺตรูโป ปฺายิตฺถ. อยฺยิกา ตสฺส คีวาย สหสฺสตฺถวิกํ ทิสฺวา ‘‘ตาต, อยํ เต กหํ ลทฺธา’’ติ โคปาลกทารเก ปุจฺฉิตฺวา ตมตฺถํ สุตฺวา ‘‘ตาต, กึ อหํ ตยา ลทฺธภติยา ชีวิตุกามา, กึการณา เอวรูปํ ทุกฺขํ อนุโภสี’’ติ วตฺวา โพธิสตฺตํ อุณฺโหทเกน นฺหาเปตฺวา สกลสรีรํ เตเลน มกฺเขตฺวา ปานียํ ปาเยตฺวา สปฺปายํ โภชนํ โภเชตฺวา ชีวิตปริโยสาเน สทฺธึ โพธิสตฺเตน ยถากมฺมํ คตา.
สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, ตถาคโต อิทาเนว อสมธุโร, ปุพฺเพปิ อสมธุโรเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ยโต ¶ ยโต ครุ ธุรํ, ยโต คมฺภีรวตฺตนี;
ตทาสฺสุ กณฺหํ ยฺุชนฺติ, สฺวาสฺสุ ตํ วหเต ธุร’’นฺติ.
ตตฺถ ยโต ยโต ครุ ธุรนฺติ ยสฺมึ ยสฺมึ าเน ธุรํ ครุ ภาริยํ โหติ, อฺเ พลิพทฺทา อุกฺขิปิตุํ น สกฺโกนฺติ. ยโต คมฺภีรวตฺตนีติ ¶ วตฺตนฺติ เอตฺถาติ วตฺตนี, มคฺคสฺเสตํ นามํ, ยสฺมึ าเน อุทกจิกฺขลฺลมหนฺตตาย วา วิสมจฺฉินฺนตฏภาเวน วา มคฺโค คมฺภีโร โหตีติ อตฺโถ. ตทาสฺสุ กณฺหํ ยฺุชนฺตีติ เอตฺถ อสฺสูติ นิปาตมตฺตํ, ตทา กณฺหํ ยฺุชนฺตีติ อตฺโถ. ยทา ธุรฺจ ครุ โหติ มคฺโค จ คมฺภีโร, ตทา อฺเ พลิพทฺเท อปเนตฺวา กณฺหเมว โยเชนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. สฺวาสฺสุ ตํ วหเต ธุรนฺติ เอตฺถาปิ อสฺสูติ นิปาตมตฺตเมว, โส ตํ ธุรํ วหตีติ อตฺโถ.
เอวํ ภควา ‘‘ตทา, ภิกฺขเว, กณฺโหว ตํ ธุรํ วหตี’’ติ ทสฺเสตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา มหลฺลิกา อุปฺปลวณฺณา อโหสิ, อยฺยิกากาฬโก ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
กณฺหชาตกวณฺณนา นวมา.
[๓๐] ๑๐. มุนิกชาตกวณฺณนา
มา ¶ มุนิกสฺส ปิหยีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ถุลฺลกุมาริกาปโลภนํ อารพฺภ กเถสิ. ตํ เตรสกนิปาเต จูฬนารทกสฺสปชาตเก (ชา. ๑.๑๓.๔๐ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติ. สตฺถา ปน ตํ ภิกฺขุํ ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ อุกฺกณฺิโตสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กึ นิสฺสายา’’ติ? ‘‘ถุลฺลกุมาริกาปโลภนํ ภนฺเต’’ติ. สตฺถา ‘‘ภิกฺขุ เอสา ตว อนตฺถการิกา, ปุพฺเพปิ ตฺวํ อิมิสฺสา วิวาหทิวเส ชีวิตกฺขยํ ปตฺวา มหาชนสฺส อุตฺตริภงฺคภาวํ ปตฺโต’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต เอกสฺมึ คามเก เอกสฺส กุฏุมฺพิกสฺส เคเห โคโยนิยํ นิพฺพตฺติ ‘‘มหาโลหิโต’’ติ นาเมน, กนิฏฺภาตาปิสฺส จูฬโลหิโต นาม อโหสิ. เตเยว ทฺเว ภาติเก นิสฺสาย ตสฺมึ กุเล กมฺมธุรํ วตฺตติ. ตสฺมึ ปน กุเล เอกา กุมาริกา อตฺถิ, ตํ เอโก นครวาสี กุลปุตฺโต อตฺตโน ปุตฺตสฺส วาเรสิ. ตสฺสา มาตาปิตโร ‘‘กุมาริกาย วิวาหกาเล อาคตานํ ปาหุนกานํ ¶ อุตฺตริภงฺโค ภวิสฺสตี’’ติ ยาคุภตฺตํ ทตฺวา มุนิกํ นาม สูกรํ โปเสสุํ. ตํ ทิสฺวา จูฬโลหิโต ¶ ภาตรํ ปุจฺฉิ ‘‘อิมสฺมึ กุเล กมฺมธุรํ วตฺตมานํ อมฺเห ทฺเว ภาติเก นิสฺสาย วตฺตติ, อิเม ปน อมฺหากํ ติณปลาลาทีเนว เทนฺติ, สูกรํ ยาคุภตฺเตน โปเสนฺติ, เกน นุ โข การเณน เอส เอตํ ลภตี’’ติ. อถสฺส ภาตา ‘‘ตาต จูฬโลหิต, มา ตฺวํ เอตสฺส โภชนํ ปิหยิ, อยํ สูกโร มรณภตฺตํ ภฺุชติ. เอติสฺสา หิ กุมาริกาย วิวาหกาเล อาคตานํ ปาหุนกานํ อุตฺตริภงฺโค ภวิสฺสตีติ อิเม เอตํ สูกรํ โปเสนฺติ, อิโต กติปาหจฺจเยน เต มนุสฺสา อาคมิสฺสนฺติ, อถ นํ สูกรํ ปาเทสุ คเหตฺวา กฑฺเฒนฺตา เหฏฺามฺจโต นีหริตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปตฺวา ปาหุนกานํ สูปพฺยฺชนํ กริยมานํ ปสฺสิสฺสสี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘มา มุนิกสฺส ปิหยิ, อาตุรนฺนานิ ภฺุชติ;
อปฺโปสฺสุกฺโก ภุสํ ขาท, เอตํ ทีฆายุลกฺขณ’’นฺติ.
ตตฺถ มา มุนิกสฺส ปิหยีติ มุนิกสฺส โภชเน ปิหํ มา อุปฺปาทยิ, ‘‘เอส มุนิโก สุโภชนํ ภฺุชตี’’ติ มา มุนิกสฺส ปิหยิ, ‘‘กทา นุ โข อหมฺปิ เอวํ สุขิโต ภเวยฺย’’นฺติ มา มุนิกภาวํ ปตฺถยิ. อยฺหิ อาตุรนฺนานิ ภฺุชติ. อาตุรนฺนานีติ มรณโภชนานิ. อปฺโปสฺสุกฺโก ภุสํ ขาทาติ ตสฺส โภชเน นิรุสฺสุกฺโก หุตฺวา อตฺตนา ลทฺธํ ภุสํ ¶ ขาท. เอตํ ทีฆายุลกฺขณนฺติ เอตํ ทีฆายุภาวสฺส การณํ. ตโต น จิรสฺเสว เต มนุสฺสา อาคมึสุ, มุนิกํ ฆาเตตฺวา นานปฺปกาเรหิ ปจึสุ. โพธิสตฺโต จูฬโลหิตํ อาห ‘‘ทิฏฺโ เต, ตาต, มุนิโก’’ติ. ทิฏฺํ เม, ภาติก, มุนิกสฺส โภชนผลํ, เอตสฺส โภชนโต สตคุเณน สหสฺสคุเณน อมฺหากํ ติณปลาลภุสมตฺตเมว อุตฺตมฺจ อนวชฺชฺจ ทีฆายุลกฺขณฺจาติ.
สตฺถา ‘‘เอวํ โข ตฺวํ ภิกฺขุ ปุพฺเพปิ อิมํ กุมาริกํ นิสฺสาย ชีวิตกฺขยํ ปตฺวา มหาชนสฺส อุตฺตริภงฺคภาวํ คโต’’ติ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสสิ, สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺิโต ภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาสิ. สตฺถา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ ¶ – ‘‘ตทา มุนิกสูกโร อุกฺกณฺิตภิกฺขุ อโหสิ, ถุลฺลกุมาริกา เอสา เอว, จูฬโลหิโต อานนฺโท, มหาโลหิโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
มุนิกชาตกวณฺณนา ทสมา.
กุรุงฺควคฺโค ตติโย.
ตสฺสุทฺทานํ –
กุรุงฺคํ กุกฺกุรฺเจว, โภชาชานียฺจ อาชฺํ;
ติตฺถํ มหิฬามุขาภิณฺหํ, นนฺทิกณฺหฺจ มุนิกนฺติ.
๔. กุลาวกวคฺโค
[๓๑] ๑. กุลาวกชาตกวณฺณนา
กุลาวกาติ ¶ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อปริสฺสาเวตฺวา ปานียํ ปีตํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. สาวตฺถิโต กิร ทฺเว สหายกา ทหรภิกฺขู ชนปทํ คนฺตฺวา เอกสฺมึ ผาสุกฏฺาเน ยถาชฺฌาสยํ วสิตฺวา ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺธํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ ปุน ตโต นิกฺขมิตฺวา เชตวนาภิมุขา ปายึสุ. เอกสฺส หตฺเถ ปริสฺสาวนํ อตฺถิ, เอกสฺส นตฺถิ. ทฺเวปิ เอกโต ปานียํ ปริสฺสาเวตฺวา ปิวนฺติ. เต เอกทิวสํ วิวาทํ อกํสุ. ปริสฺสาวนสามิโก อิตรสฺส ปริสฺสาวนํ อทตฺวา สยเมว ปานียํ ปริสฺสาเวตฺวา ปิวิ, อิตโร ปน ปริสฺสาวนํ อลภิตฺวา ปิปาสํ สนฺธาเรตุํ อสกฺโกนฺโต อปริสฺสาเวตฺวา ปานียํ ปิวิ. เต อุโภปิ อนุปุพฺเพน เชตวนํ ปตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา นิสีทึสุ. สตฺถา สมฺโมทนียํ กถํ กเถตฺวา ‘‘กุโต อาคตตฺถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ภนฺเต, มยํ โกสลชนปเท เอกสฺมึ คามเก วสิตฺวา ตโต นิกฺขมิตฺวา ตุมฺหากํ ทสฺสนตฺถาย อาคตา’’ติ. ‘‘กจฺจิ ปน โว สมคฺคา อาคตตฺถา’’ติ? อปริสฺสาวนโก อาห ‘‘อยํ, ภนฺเต, อนฺตรามคฺเค มยา สทฺธึ วิวาทํ กตฺวา ปริสฺสาวนํ นาทาสี’’ติ. อิตโรปิ อาห ‘‘อยํ, ภนฺเต, อปริสฺสาเวตฺวาว ชานํ สปาณกํ อุทกํ ปิวี’’ติ. ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ ชานํ สปาณกํ อุทกํ ปิวี’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, อปริสฺสาวิตํ อุทกํ ปิวินฺติ ¶ . สตฺถา ‘‘ภิกฺขุ ปุพฺเพ ปณฺฑิตา เทวนคเร รชฺชํ กาเรนฺตา ยุทฺธปราชิตา สมุทฺทปิฏฺเน ปลายนฺตา ‘อิสฺสริยํ นิสฺสาย ปาณวธํ น กริสฺสามา’ติ ตาว มหนฺตํ ยสํ ปริจฺจชิตฺวา สุปณฺณโปตกานํ ชีวิตํ ทตฺวา รถํ นิวตฺตยึสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต ¶ มคธรฏฺเ ราชคเห เอโก มาคธราชา รชฺชํ กาเรสิ. ตทา โพธิสตฺโต ยถา เอตรหิ สกฺโก ปุริมตฺตภาเว มคธรฏฺเ มจลคามเก นิพฺพตฺติ, เอวํ ตสฺมึเยว มจลคามเก มหากุลสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ. นามคฺคหณทิวเส จสฺส ‘‘มฆกุมาโร’’ตฺเวว นามํ อกํสุ. โส วยปฺปตฺโต ‘‘มฆมาณโว’’ติ ปฺายิตฺถ. อถสฺส มาตาปิตโร สมานชาติกกุลโต ทาริกํ อานยึสุ. โส ปุตฺตธีตาหิ วฑฺฒมาโน ทานปติ อโหสิ, ปฺจ สีลานิ รกฺขติ. ตสฺมิฺจ คาเม เตตฺตึเสว กุลานิ โหนฺติ, เตปิ เตตฺตึส กุลา มนุสฺสา เอกทิวสํ คามมชฺเฌ ตฺวา คามกมฺมํ ¶ กโรนฺติ. โพธิสตฺโต ิตฏฺาเน ปาเทหิ ปํสุํ วิยูหิตฺวา ตํ ปเทสํ รมณียํ กตฺวา อฏฺาสิ, อถฺโ เอโก อาคนฺตฺวา ตสฺมึ าเน ิโต. โพธิสตฺโต อปรํ านํ รมณียํ กตฺวา อฏฺาสิ, ตตฺราปิ อฺโ ิโต. โพธิสตฺโต อปรมฺปิ อปรมฺปีติ สพฺเพสมฺปิ ิตฏฺานํ รมณียํ กตฺวา อปเรน สมเยน ตสฺมึ าเน มณฺฑปํ กาเรสิ, มณฺฑปมฺปิ อปเนตฺวา สาลํ กาเรสิ, ตตฺถ ผลกาสนานิ สนฺถริตฺวา ปานียจาฏึ เปสิ.
อปเรน สมเยน เตปิ เตตฺตึสชนา โพธิสตฺเตน สมานจฺฉนฺทา อเหสุํ. เต โพธิสตฺโต ปฺจสุ สีเลสุ ปติฏฺาเปตฺวา ตโต ปฏฺาย เตหิ สทฺธึ ปฺุานิ กโรนฺโต วิจรติ. เตปิ เตเนว สทฺธึ ปฺุานิ กโรนฺตา กาลสฺเสว วุฏฺาย วาสิผรสุมุสลหตฺถา จตุมหาปถาทีสุ มุสเลน ปาสาเณ อุพฺพตฺเตตฺวา ปวฏฺเฏนฺติ, ยานานํ อกฺขปฏิฆาตรุกฺเข หรนฺติ, วิสมํ สมํ กโรนฺติ, เสตุํ อตฺถรนฺติ, โปกฺขรณิโย ขณนฺติ, สาลํ กโรนฺติ, ทานานิ เทนฺติ, สีลานิ รกฺขนฺติ. เอวํ เยภุยฺเยน สกลคามวาสิโน โพธิสตฺตสฺส โอวาเท ตฺวา สีลานิ รกฺขึสุ.
อถ ¶ เนสํ คามโภชโก จินฺเตสิ ‘‘อหํ ปุพฺเพ เอเตสุ สุรํ ปิวนฺเตสุ ปาณาติปาตาทีนิ กโรนฺเตสุ จาฏิกหาปณาทิวเสน เจว ทณฺฑพลิวเสน จ ธนํ ลภามิ, อิทานิ ปน มโฆ มาณโว สีลํ รกฺขาเปติ, เตสํ ปาณาติปาตาทีนิ กาตุํ ¶ น เทติ, อิทานิ ปน เต ปฺจ สีลานิ น รกฺขาเปสฺสามี’’ติ กุทฺโธ ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘เทว, พหู โจรา คามฆาตาทีนิ กโรนฺตา วิจรนฺตี’’ติ อาห. ราชา ตสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘คจฺฉ, เต อาเนหี’’ติ อาห. โส คนฺตฺวา สพฺเพปิ เต พนฺธิตฺวา อาเนตฺวา ‘‘อานีตา, เทว, โจรา’’ติ รฺโ อาโรเจสิ. ราชา เตสํ กมฺมํ อโสเธตฺวาว ‘‘หตฺถินา เน มทฺทาเปถา’’ติ อาห. ตโต สพฺเพปิ เต ราชงฺคเณ นิปชฺชาเปตฺวา หตฺถึ อานยึสุ. โพธิสตฺโต เตสํ โอวาทํ อทาสิ ‘‘ตุมฺเห สีลานิ อาวชฺเชถ, เปสฺุการเก จ รฺเ จ หตฺถิมฺหิ จ อตฺตโน สรีเร จ เอกสทิสเมว เมตฺตํ ภาเวถา’’ติ. เต ตถา อกํสุ. อถ เนสํ มทฺทนตฺถาย หตฺถึ อุปเนสุํ. โส อุปนียมาโนปิ น อุปคจฺฉติ, มหาวิรวํ วิรวิตฺวา ปลายติ. อฺํ อฺํ หตฺถึ อานยึสุ, เตปิ ตเถว ปลายึสุ.
ราชา ‘‘เอเตสํ หตฺเถ กิฺจิ โอสธํ ภวิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘วิจินถา’’ติ อาห. วิจินนฺตา อทิสฺวา ‘‘นตฺถิ, เทวา’’ติ อาหํสุ. เตน หิ กิฺจิ มนฺตํ ปริวตฺเตสฺสนฺติ, ปุจฺฉถ เน ‘‘อตฺถิ โว ปริวตฺตนมนฺโต’’ติ? ราชปุริสา ปุจฺฉึสุ, โพธิสตฺโต ‘‘อตฺถี’’ติ อาห. ราชปุริสา ‘‘อตฺถิ กิร, เทวา’’ติ อาโรจยึสุ, ราชา สพฺเพปิ เต ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘ตุมฺหากํ ¶ ชานนมนฺตํ กเถถา’’ติ อาห. โพธิสตฺโต อโวจ ‘‘เทว, อฺโ อมฺหากํ มนฺโต นาม นตฺถิ, อมฺเห ปน เตตฺตึสมตฺตา ชนา ปาณํ น หนาม, อทินฺนํ นาทิยาม, มิจฺฉาจารํ น จราม, มุสาวาทํ น ภณาม, มชฺชํ น ปิวาม, เมตฺตํ ภาเวม, ทานํ เทม, มคฺคํ สมํ กโรม, โปกฺขรณิโย ขณาม, สาลํ กโรม, อยํ อมฺหากํ มนฺโต จ ปริตฺตฺจ วุฑฺฒิ จา’’ติ. ราชา เตสํ ปสนฺโน เปสฺุการกสฺส สพฺพํ เคหวิภวํ ตฺจ เตสํเยว ทาสํ กตฺวา อทาสิ, ตํ หตฺถิฺจ คามฺจ เตสํเยว อทาสิ.
เต ตโต ปฏฺาย ยถารุจิยา ปฺุานิ กโรนฺตา ‘‘จตุมหาปเถ มหนฺตํ สาลํ กาเรสฺสามา’’ติ วฑฺฒกึ ปกฺโกสาเปตฺวา สาลํ ¶ ปฏฺเปสุํ. มาตุคาเมสุ ปน วิคตจฺฉนฺทตาย ¶ ตสฺสา สาลาย มาตุคามานํ ปตฺตึ นาทํสุ. เตน จ สมเยน โพธิสตฺตสฺส เคเห สุธมฺมา, จิตฺตา, นนฺทา, สุชาติ จตสฺโส อิตฺถิโย โหนฺติ. ตาสุ สุธมฺมา วฑฺฒกินา สทฺธึ เอกโต หุตฺวา ‘‘ภาติก, อิมิสฺสา สาลาย มํ เชฏฺิกํ กโรหี’’ติ วตฺวา ลฺชํ อทาสิ. โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ปมเมว กณฺณิการุกฺขํ สุกฺขาเปตฺวา ตจฺเฉตฺวา วิชฺฌิตฺวา กณฺณิกํ นิฏฺาเปตฺวา วตฺเถน ปลิเวเตฺวา เปสิ. อถ สาลํ นิฏฺาเปตฺวา กณฺณิกาโรปนกาเล ‘‘อโห, อยฺยา, เอกํ น สริมฺหา’’ติ อาห. ‘‘กึ นาม, โภ’’ติ. ‘‘กณฺณิกา ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ. ‘‘โหตุ อาหริสฺสามา’’ติ? ‘‘อิทานิ ฉินฺนรุกฺเขน กาตุํ น สกฺกา, ปุพฺเพเยว ฉินฺทิตฺวา ตจฺเฉตฺวา วิชฺฌิตฺวา ปิตกณฺณิกา ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ. ‘‘อิทานิ กึ กาตพฺพ’’นฺติ? ‘‘สเจ กสฺสจิ เคเห นิฏฺาเปตฺวา ปิตา วิกฺกายิกกณฺณิกา อตฺถิ, สา ปริเยสิตพฺพา’’ติ. เต ปริเยสนฺตา สุธมฺมาย เคเห ทิสฺวา มูเลน น ลภึสุ. ‘‘สเจ มํ สาลาย ปตฺติกํ กโรถ, ทสฺสามี’’ติ วุตฺเต ‘‘น มยํ มาตุคามานํ ปตฺตึ ทมฺหา’’ติ อาหํสุ.
อถ เน วฑฺฒกี อาห ‘‘อยฺยา, ตุมฺเห กึ กเถถ, เปตฺวา พฺรหฺมโลกํ อฺํ มาตุคามรหิตฏฺานํ นาม นตฺถิ, คณฺหถ กณฺณิกํ, เอวํ สนฺเต อมฺหากํ กมฺมํ นิฏฺํ คมิสฺสตี’’ติ. เต ‘‘สาธู’’ติ กณฺณิกํ คเหตฺวา สาลํ นิฏฺาเปตฺวา อาสนผลกานิ สนฺถริตฺวา ปานียจาฏิโย เปตฺวา ยาคุภตฺตํ นิพนฺธึสุ. สาลํ ปากาเรน ปริกฺขิปิตฺวา ทฺวารํ โยเชตฺวา อนฺโตปากาเร วาลุกํ อากิริตฺวา พหิปากาเร ตาลปนฺติโย โรเปสุํ. จิตฺตาปิ ตสฺมึ าเน อุยฺยานํ กาเรสิ, ‘‘ปุปฺผูปคผลูปครุกฺโข อสุโก นาม ตสฺมึ นตฺถี’’ติ นาโหสิ. นนฺทาปิ ตสฺมึเยว าเน โปกฺขรณึ กาเรสิ ปฺจวณฺเณหิ ปทุเมหิ สฺฉนฺนํ รมณียํ. สุชา น กิฺจิ อกาสิ.
โพธิสตฺโต ¶ มาตุ อุปฏฺานํ ปิตุ อุปฏฺานํ กุเล เชฏฺาปจายิกกมฺมํ สจฺจวาจํ อผรุสวาจํ ¶ อปิสุณวาจํ มจฺเฉรวินยนฺติ อิมานิ สตฺต วตปทานิ ปูเรตฺวา –
‘‘มาตาเปตฺติภรํ ชนฺตุํ, กุเล เชฏฺาปจายินํ;
สณฺหํ สขิลสมฺภาสํ, เปสุเณยฺยปฺปหายินํ.
‘‘มจฺเฉรวินเย ¶ ยุตฺตํ, สจฺจํ โกธาภิภุํ นรํ;
ตํ เว เทวา ตาวตึสา, อาหุ สปฺปุริโส อิตี’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๒๕๗) –
เอวํ ปสํสิยภาวํ อาปชฺชิตฺวา ชีวิตปริโยสาเน ตาวตึสภวเน สกฺโก เทวราชา หุตฺวา นิพฺพตฺติ, เตปิสฺส สหายา ตตฺเถว นิพฺพตฺตึสุ. ตสฺมึ กาเล ตาวตึสภวเน อสุรา ปฏิวสนฺติ. สกฺโก เทวราชา ‘‘กึ โน สาธารเณน รชฺเชนา’’ติ อสุเร ทิพฺพปานํ ปาเยตฺวา มตฺเต สมาเน ปาเทสุ คาหาเปตฺวา สิเนรุปพฺพตปาเท ขิปาเปสิ. เต อสุรภวนเมว สมฺปาปุณึสุ.
อสุรภวนํ นาม สิเนรุสฺส เหฏฺิมตเล ตาวตึสเทวโลกปฺปมาณเมว, ตตฺถ เทวานํ ปาริจฺฉตฺตโก วิย จิตฺตปาฏลิ นาม กปฺปฏฺิยรุกฺโข โหติ. เต จิตฺตปาฏลิยา ปุปฺผิตาย ชานนฺติ ‘‘นายํ อมฺหากํ เทวโลโก, เทวโลกสฺมิฺหิ ปาริจฺฉตฺตโก ปุปฺผตี’’ติ. อถ เต ‘‘ชรสกฺโก อมฺเห มตฺเต กตฺวา มหาสมุทฺทปิฏฺเ ขิปิตฺวา อมฺหากํ เทวนครํ คณฺหิ, เต มยํ เตน สทฺธึ ยุชฺฌิตฺวา อมฺหากํ เทวนครเมว คณฺหิสฺสามา’’ติ กิปิลฺลิกา วิย ถมฺภํ สิเนรุํ อนุสฺจรมานา อุฏฺหึสุ. สกฺโก ‘‘อสุรา กิร อุฏฺิตา’’ติ สุตฺวา สมุทฺทปิฏฺเเยว อพฺภุคฺคนฺตฺวา ยุชฺฌมาโน เตหิ ปราชิโต ทิยฑฺฒโยชนสติเกน เวชยนฺตรเถน ทกฺขิณสมุทฺทสฺส มตฺถเกน ปลายิตุํ อารทฺโธ. อถสฺส รโถ สมุทฺทปิฏฺเน เวเคน คจฺฉนฺโต สิมฺพลิวนํ ปกฺขนฺโต, ตสฺส คมนมคฺเค สิมฺพลิวนํ นฬวนํ วิย ฉิชฺชิตฺวา ฉิชฺชิตฺวา สมุทฺทปิฏฺเ ปตติ. สุปณฺณโปตกา สมุทฺทปิฏฺเ ปริปตนฺตา มหาวิรวํ รวึสุ. สกฺโก มาตลึ ปุจฺฉิ ‘‘สมฺม มาตลิ, กึ สทฺโท นาเมส, อติการฺุรโว ¶ วตฺตตี’’ติ? ‘‘เทว, ตุมฺหากํ รถเวเคน วิจุณฺณิเต สิมฺพลิวเน ปตนฺเต สุปณฺณโปตกา มรณภยตชฺชิตา เอกวิรวํ วิรวนฺตี’’ติ.
มหาสตฺโต ¶ ‘‘สมฺม มาตลิ, มา อมฺเห นิสฺสาย เอเต กิลมนฺตุ, น มยํ อิสฺสริยํ นิสฺสาย ปาณวธกมฺมํ กโรม, เอเตสํ ปน อตฺถาย มยํ ชีวิตํ ปริจฺจชิตฺวา อสุรานํ ทสฺสาม, นิวตฺตเยตํ รถ’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘กุลาวกา ¶ มาตลิ สิมฺพลิสฺมึ, อีสามุเขน ปริวชฺชยสฺสุ;
กามํ จชาม อสุเรสุ ปาณํ, มาเม ทิชา วิกุลาวา อเหสุ’’นฺติ.
ตตฺถ กุลาวกาติ สุปณฺณโปตกา. มาตลีติ สารถึ อามนฺเตสิ. สิมฺพลิสฺมินฺติ ปสฺส เอเต สิมฺพลิรุกฺเข โอลมฺพนฺตา ิตาติ ทสฺเสติ. อีสามุเขน ปริวชฺชยสฺสูติ เอเต เอตสฺส รถสฺส อีสามุเขน ยถา น หฺนฺติ, เอวํ เต ปริวชฺชยสฺสุ. กามํ จชาม อสุเรสุ ปาณนฺติ ยทิ อมฺเหสุ อสุรานํ ปาณํ จชนฺเตสุ เอเตสํ โสตฺถิ โหติ, กามํ จชาม เอกํเสเนว มยํ อสุเรสุ อมฺหากํ ปาณํ จชาม. มาเม ทิชา วิกุลาวา อเหสุนฺติ อิเม ปน ทิชา อิเม ครุฬโปตกา วิทฺธสฺตวิจุณฺณิตกุลาวกตาย วิกุลาวา มา อเหสุํ, มา อมฺหากํ ทุกฺขํ เอเตสํ อุปริ ขิป, นิวตฺตย นิวตฺตย รถนฺติ. มาตลิสงฺคาหโก ตสฺส วจนํ สุตฺวา รถํ นิวตฺเตตฺวา อฺเน มคฺเคน เทวโลกาภิมุขํ อกาสิ. อสุรา ปน ตํ นิวตฺตยมานเมว ทิสฺวา ‘‘อทฺธา อฺเหิปิ จกฺกวาเฬหิ สกฺกา อาคจฺฉนฺติ, พลํ ลภิตฺวา รโถ นิวตฺโต ภวิสฺสตี’’ติ มรณภยภีตา ปลายิตฺวา อสุรภวนเมว ปวิสึสุ.
สกฺโกปิ เทวนครํ ปวิสิตฺวา ทฺวีสุ เทวโลเกสุ เทวคเณน ปริวุโต นครมชฺเฌ อฏฺาสิ. ตสฺมึ ขเณ ปถวึ ภินฺทิตฺวา โยชนสหสฺสุพฺเพโธ เวชยนฺตปาสาโท อุฏฺหิ. วิชยนฺเต อุฏฺิตตฺตา ‘‘เวชยนฺโต’’ ตฺเวว นามํ อกํสุ. อถ สกฺโก ปุน อสุรานํ อนาคมนตฺถาย ปฺจสุ าเนสุ อารกฺขํ เปสิ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –
‘‘อนฺตรา ¶ ทฺวินฺนํ อยุชฺฌปุรานํ, ปฺจวิธา ปิตา อภิรกฺขา;
อุรคกโรฏิปยสฺส จ หารี, มทนยุตา จตุโร จ มหนฺตา’’ติ. (สํ. นิ. อฏฺ. ๑.๑.๒๔๗);
ทฺเว ¶ นครานิปิ ยุทฺเธน คเหตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย อยุชฺฌปุรานิ นาม ชาตานิ เทวนครฺจ อสุรนครฺจ. ยทา หิ อสุรา พลวนฺตา โหนฺติ, อถ เทเวหิ ปลายิตฺวา เทวนครํ ปวิสิตฺวา ทฺวาเร ปิหิเต อสุรานํ สตสหสฺสมฺปิ ¶ กิฺจิ กาตุํ น สกฺโกติ. ยทา เทวา พลวนฺตา โหนฺติ, อถ อสุเรหิ ปลายิตฺวา อสุรนครํ ปวิสิตฺวา ทฺวาเร ปิหิเต สกฺกานํ สตสหสฺสมฺปิ กิฺจิ กาตุํ น สกฺโกติ. อิติ อิมานิ ทฺเว นครานิ อยุชฺฌปุรานิ นาม. เตสํ อนฺตรา เอเตสุ อุรคาทีสุ ปฺจสุ าเนสุ สกฺเกน อารกฺขา ปิตา. ตตฺถ อุรค-สทฺเทน นาคา คหิตา. เต อุทเก พลวนฺตา โหนฺติ, ตสฺมา สิเนรุสฺส ปมาลินฺเท เตสํ อารกฺขา. กโรฏิ-สทฺเทน สุปณฺณา คหิตา. เตสํ กิร กโรฏิ นาม ปานโภชนํ, เตน ตํ นามํ ลภึสุ, ทุติยาลินฺเท เตสํ อารกฺขา. ปยสฺสหาริ-สทฺเทน กุมฺภณฺฑา คหิตา. ทานวรกฺขสา กิเรเต, ตติยาลินฺเท เตสํ อารกฺขา. มทนยุต-สทฺเทน ยกฺขา คหิตา. วิสมจาริโน กิร เต ยุทฺธโสณฺฑา, จตุตฺถาลินฺเท เตสํ อารกฺขา. จตุโร จ มหนฺตาติ จตฺตาโร มหาราชาโน วุตฺตา, ปฺจมาลินฺเท เตสํ อารกฺขา. ตสฺมา ยทิ อสุรา กุปิตา อาวิลจิตฺตา เทวปุรํ อุปยนฺติ, ปฺจวิเธสุ ยํ คิริโน ปมํ ปริภณฺฑํ, ตํ อุรคา ปริพาหิย ติฏฺนฺติ. เอวํ เสเสสุ เสสา.
อิเมสุ ปน ปฺจสุ าเนสุ อารกฺขํ เปตฺวา สกฺเก เทวานมินฺเท ทิพฺพสมฺปตฺตึ อนุภวมาเน สุธมฺมา จวิตฺวา ตสฺเสว ปาทปริจาริกา หุตฺวา นิพฺพตฺติ, กณฺณิกาย ทินฺนนิสฺสนฺเทน จสฺสา ปฺจโยชนสติกา สุธมฺมา นาม เทวสภา อุทปาทิ, ยตฺถ ทิพฺพเสตจฺฉตฺตสฺส เหฏฺา โยชนปฺปมาเณ กฺจนปลฺลงฺเก นิสินฺโน สกฺโก เทวานมินฺโท เทวมนุสฺสานํ กตฺตพฺพกิจฺจานิ กโรติ. จิตฺตาปิ จวิตฺวา ตสฺเสว ปาทปริจาริกา หุตฺวา นิพฺพตฺติ, อุยฺยานสฺส กรณนิสฺสนฺเทน จสฺสา จิตฺตลตาวนํ นาม อุยฺยานํ อุทปาทิ. นนฺทาปิ จวิตฺวา ตสฺเสว ปาทปริจาริกา หุตฺวา นิพฺพตฺติ, โปกฺขรณิยา นิสฺสนฺเทน จสฺสา นนฺทา นาม โปกฺขรณี อุทปาทิ.
สุชา ปน ¶ กุสลกมฺมสฺส อกตตฺตา เอกสฺมึ อรฺเ กนฺทราย พกสกุณิกา หุตฺวา นิพฺพตฺตา. สกฺโก ‘‘สุชา น ปฺายติ, กตฺถ นุ โข นิพฺพตฺตา’’ติ อาวชฺเชนฺโต ตํ ทิสฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา ตํ อาทาย เทวโลกํ อาคนฺตฺวา ตสฺสา รมณียํ เทวนครํ สุธมฺมํ เทวสภํ จิตฺตลตาวนํ นนฺทาโปกฺขรณิฺจ ทสฺเสตฺวา ‘‘เอตา กุสลํ กตฺวา มยฺหํ ปาทปริจาริกา หุตฺวา นิพฺพตฺตา, ตฺวํ ปน กุสลํ อกตฺวา ติรจฺฉานโยนิยํ นิพฺพตฺตา ¶ , อิโต ปฏฺาย สีลํ รกฺขาหี’’ติ ตํ โอวทิตฺวา ปฺจสุ สีเลสุ ปติฏฺาเปตฺวา ตตฺเถว เนตฺวา วิสฺสชฺเชสิ. สาปิ ตโต ¶ ปฏฺาย สีลํ รกฺขติ. สกฺโก กติปาหจฺจเยน ‘‘สกฺกา นุ โข สีลํ รกฺขิตุ’’นฺติ คนฺตฺวา มจฺฉรูเปน อุตฺตาโน หุตฺวา ปุรโต นิปชฺชิ, สา ‘‘มตมจฺฉโก’’ติ สฺาย สีเส อคฺคเหสิ, มจฺโฉ นงฺคุฏฺํ จาเลสิ, อถ นํ ‘‘ชีวติ มฺเ’’ติ วิสฺสชฺเชสิ. สกฺโก ‘‘สาธุ สาธุ, สกฺขิสฺสสิ สีลํ รกฺขิตุ’’นฺติ อคมาสิ. สา ตโต จุตา พาราณสิยํ กุมฺภการเคเห นิพฺพตฺติ.
สกฺโก ‘‘กหํ นุ โข นิพฺพตฺตา’’ติ ตตฺถ นิพฺพตฺตภาวํ ตฺวา สุวณฺณเอฬาลุกานํ ยานกํ ปูเรตฺวา มชฺเฌ คามสฺส มหลฺลกเวเสน นิสีทิตฺวา ‘‘เอฬาลุกานิ คณฺหถ, เอฬาลุกานิ คณฺหถา’’ติ อุคฺโฆเสสิ. มนุสฺสา อาคนฺตฺวา ‘‘เทหิ, ตาตา’’ติ อาหํสุ. ‘‘อหํ สีลรกฺขกานํ ทมฺมิ, ตุมฺเห สีลํ รกฺขถา’’ติ? ‘‘มยํ สีลํ นาม น ชานาม, มูเลน เทหี’’ติ. ‘‘น มยฺหํ มูเลน อตฺโถ, สีลรกฺขกานฺเวาหํ ทมฺมี’’ติ. มนุสฺสา ‘‘โก จายํ เอฬาลุโก’’ติ ปกฺกมึสุ. สุชา ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา ‘‘มยฺหํ อานีตํ ภวิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา คนฺตฺวา ตํ ‘‘เทหิ, ตาตา’’ติ อาห. ‘‘สีลํ รกฺขสิ, อมฺมา’’ติ? ‘‘อาม, รกฺขามี’’ติ. ‘‘อิทํ มยา ตุยฺหเมว อตฺถาย อาภต’’นฺติ สทฺธึ ยานเกน เคหทฺวาเร เปตฺวา ปกฺกามิ.
สาปิ ยาวชีวํ สีลํ รกฺขิตฺวา ตโต จุตา เวปจิตฺติสฺส อสุรินฺทสฺส ธีตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ, สีลานิสํเสน อภิรูปา อโหสิ. โส ตสฺสา วยปฺปตฺตกาเล ‘‘มยฺหํ ธีตา อตฺตโน จิตฺตรุจิตํ สามิกํ คณฺหตู’’ติ อสุเร สนฺนิปาเตสิ ¶ . สกฺโก ‘‘กหํ นุ โข สา นิพฺพตฺตา’’ติ โอโลเกนฺโต ตตฺถ นิพฺพตฺตภาวํ ตฺวา ‘‘สุชา จิตฺตรุจิตํ สามิกํ คณฺหนฺตี มํ คณฺหิสฺสตี’’ติ อสุรวณฺณํ มาเปตฺวา ตตฺถ อคมาสิ. สุชํ อลงฺกริตฺวา สนฺนิปาตฏฺานํ อาเนตฺวา ‘‘จิตฺตรุจิตํ สามิกํ คณฺหา’’ติ อาหํสุ. สา โอโลเกนฺตี สกฺกํ ทิสฺวา ปุพฺเพปิ สิเนหวเสน อุปฺปนฺนเปเมน มโหเฆน วิย อชฺโฌตฺถฏหทยา หุตฺวา ‘‘อยํ เม สามิโก’’ติ วตฺวา ตสฺส อุปริ ปุปฺผทามํ ขิปิตฺวา อคฺคเหสิ. อสุรา ‘‘อมฺหากํ ราชา เอตฺตกํ กาลํ ธีตุ อนุจฺฉวิกํ อลภิตฺวา อิทานิ ลภติ ¶ , อยเมวสฺสา ธีตุ ปิตามหโต มหลฺลโก อนุจฺฉวิโก’’ติ ลชฺชมานา ปกฺกมึสุ. โส ตํ เทวนครํ อาเนตฺวา อฑฺฒเตยฺยานํ นาฏิกาโกฏีนํ เชฏฺิกํ กตฺวา ยาวตายุกํ ตฺวา ยถากมฺมํ คโต.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘เอวํ ภิกฺขุ ปุพฺเพ ปณฺฑิตา เทวนคเร รชฺชํ การยมานา อตฺตโน ชีวิตํ ปริจฺจชนฺตาปิ ปาณาติปาตํ น กรึสุ, ตฺวํ นาม เอวรูเป นิยฺยานิเก ¶ สาสเน ปพฺพชิตฺวา อปริสฺสาวิตํ สปาณกํ อุทกํ ปิวิสฺสสี’’ติ ตํ ภิกฺขุํ ครหิตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา มาตลิสงฺคาหโก อานนฺโท อโหสิ, สกฺโก ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
กุลาวกชาตกวณฺณนา ปมา.
[๓๒] ๒. นจฺจชาตกวณฺณนา
รุทํ มนฺุนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ พหุภณฺฑิกํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ เหฏฺา เทวธมฺมชาตเก (ชา. ๑.๑.๖) วุตฺตสทิสเมว. สตฺถา ตํ ภิกฺขุํ ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ พหุภณฺโฑ’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กึการณา ตฺวํ ภิกฺขุ พหุภณฺโฑ ชาโตสี’’ติ? โส เอตฺตกํ สุตฺวาว กุทฺโธ นิวาสนปารุปนํ ฉฑฺเฑตฺวา ‘‘อิมินา ทานิ นีหาเรน วิจรามี’’ติ สตฺถุ ปุรโต นคฺโค อฏฺาสิ. มนุสฺสา ‘‘ธี ธี’’ติ อาหํสุ. โส ตโต ปลายิตฺวา หีนายาวตฺโต. ภิกฺขู ธมฺมสภายํ สนฺนิสินฺนา ‘‘สตฺถุ นาม ปุรโต เอวรูปํ กริสฺสตี’’ติ ตสฺส อคุณกถํ กเถสุํ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ภิกฺขู ปุจฺฉิ. ภนฺเต, ‘‘โส หิ นาม ภิกฺขุ ตุมฺหากํ ปุรโต จตุปริสมชฺเฌ หิโรตฺตปฺปํ ปหาย คามทารโก วิย นคฺโค ตฺวา มนุสฺเสหิ ชิคุจฺฉิยมาโน หีนายาวตฺติตฺวา สาสนา ปริหีโน’’ติ ตสฺส อคุณกถาย นิสินฺนามฺหาติ. สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว โส ภิกฺขุ หิโรตฺตปฺปาภาเวน รตนสาสนา ปริหีโน, ปุพฺเพ อิตฺถิรตนปฏิลาภโตปิ ปริหีโนเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต ¶ ¶ ปมกปฺเป จตุปฺปทา สีหํ ราชานํ อกํสุ, มจฺฉา อานนฺทมจฺฉํ, สกุณา สุวณฺณหํสํ. ตสฺส ปน สุวณฺณหํสราชสฺส ธีตา หํสโปติกา อภิรูปา อโหสิ. โส ตสฺสา วรํ อทาสิ, สา อตฺตโน จิตฺตรุจิตํ สามิกํ วาเรสิ. หํสราชา ตสฺสา วรํ ทตฺวา หิมวนฺเต สพฺเพ สกุเณ สนฺนิปาตาเปสิ, นานปฺปการา หํสโมราทโย สกุณคณา สมาคนฺตฺวา เอกสฺมึ มหนฺเต ปาสาณตเล สนฺนิปตึสุ. หํสราชา ‘‘อตฺตโน จิตฺตรุจิตํ สามิกํ อาคนฺตฺวา คณฺหาตู’’ติ ธีตรํ ปกฺโกสาเปสิ. สา สกุณสงฺฆํ โอโลเกนฺตี มณิวณฺณคีวํ จิตฺรเปขุณํ โมรํ ทิสฺวา ‘‘อยํ เม สามิโก โหตู’’ติ อาโรเจสิ. สกุณสงฺฆา โมรํ อุปสงฺกมิตฺวา อาหํสุ ‘‘สมฺม โมร, อยํ ราชธีตา เอตฺตกานํ สกุณานํ มชฺเฌ สามิกํ โรเจนฺตี ตยิ รุจึ อุปฺปาเทสี’’ติ. โมโร ‘‘อชฺชาปิ ตาว เม พลํ น ปสฺสตี’’ติ อติตุฏฺิยา หิโรตฺตปฺปํ ภินฺทิตฺวา ¶ ตาว มหโต สกุณสงฺฆสฺส มชฺเฌ ปกฺเข ปสาเรตฺวา นจฺจิตุํ อารภิ, นจฺจนฺโต อปฺปฏิจฺฉนฺโน อโหสิ.
สุวณฺณหํสราชา ลชฺชิโต ‘‘อิมสฺส เนว อชฺฌตฺตสมุฏฺานา หิรี อตฺถิ, น พหิทฺธาสมุฏฺานํ โอตฺตปฺปํ, นาสฺส ภินฺนหิโรตฺตปฺปสฺส มม ธีตรํ ทสฺสามี’’ติ สกุณสงฺฆมชฺเฌ อิมํ คาถมาห –
‘‘รุทํ มนฺุํ รุจิรา จ ปิฏฺิ, เวฬุริยวณฺณูปนิภา จ คีวา;
พฺยามมตฺตานิ จ เปขุณานิ, นจฺเจน เต ธีตรํ โน ททามี’’ติ.
ตตฺถ รุทํ มนฺุนฺติ ต-การสฺส ท-กาโร กโต, รุตํ มนาปํ, วสฺสิตสทฺโท มธุโรติ อตฺโถ. รุจิรา จ ปิฏฺีติ ปิฏฺิปิ เต จิตฺรา เจว โสภนา จ. เวฬุริยวณฺณูปนิภาติ เวฬุริยมณิวณฺณสทิสา. พฺยามมตฺตานีติ เอกพฺยามปฺปมาณานิ. เปขุณานีติ ปิฺฉานิ. นจฺเจน เต ธีตรํ โน ททามีติ หิโรตฺตปฺปํ ภินฺทิตฺวา นจฺจิตภาเวเนว เต เอวรูปสฺส นิลฺลชฺชสฺส ธีตรํ โน ททามีติ วตฺวา หํสราชา ตสฺมึเยว ปริสมชฺเฌ อตฺตโน ภาคิเนยฺยสฺส หํสโปตกสฺส ธีตรํ อทาสิ. โมโร หํสโปติกํ อลภิตฺวา ¶ ลชฺชิตฺวา ตโตว อุปฺปติตฺวา ปลายิ. หํสราชาปิ อตฺตโน วสนฏฺานเมว คโต.
สตฺถา ¶ ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว เอส หิโรตฺตปฺปํ ภินฺทิตฺวา รตนสาสนา ปริหีโน, ปุพฺเพปิ อิตฺถิรตนปฏิลาภโต ปริหีโนเยวา’’ติ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา โมโร พหุภณฺฑิโก อโหสิ, หํสราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
นจฺจชาตกวณฺณนา ทุติยา.
[๓๓] ๓. สมฺโมทมานชาตกวณฺณนา
สมฺโมทมานาติ อิทํ สตฺถา กปิลวตฺถุํ อุปนิสฺสาย นิคฺโรธาราเม วิหรนฺโต จุมฺพฏกกลหํ อารพฺภ กเถสิ. โส กุณาลชาตเก (ชา. ๒.๒๑.กุณาลชาตก) อาวิ ภวิสฺสติ. ตทา ปน สตฺถา าตเก อามนฺเตตฺวา ‘‘มหาราชา าตกานํ อฺมฺํ วิคฺคโห นาม น ยุตฺโต, ติรจฺฉานคตาปิ ¶ หิ ปุพฺเพ สมคฺคกาเล ปจฺจามิตฺเต อภิภวิตฺวา โสตฺถึ ปตฺตา ยทา วิวาทมาปนฺนา, ตทา มหาวินาสํ ปตฺตา’’ติ วตฺวา าติราชกุเลหิ อายาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต วฏฺฏกโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา อเนกวฏฺฏกสหสฺสปริวาโร อรฺเ ปฏิวสติ. ตทา เอโก วฏฺฏกลุทฺทโก เตสํ วสนฏฺานํ คนฺตฺวา วฏฺฏกวสฺสิตํ กตฺวา เตสํ สนฺนิปติตภาวํ ตฺวา เตสํ อุปริ ชาลํ ขิปิตฺวา ปริยนฺเตสุ มทฺทนฺโต สพฺเพ เอกโต กตฺวา ปจฺฉึ ปูเรตฺวา ฆรํ คนฺตฺวา เต วิกฺกิณิตฺวา เตน มูเลน ชีวิกํ กปฺเปติ. อเถกทิวสํ โพธิสตฺโต เต วฏฺฏเก อาห – ‘‘อยํ สากุณิโก อมฺหากํ าตเก วินาสํ ปาเปติ, อหํ เอกํ อุปายํ ชานามิ, เอเนส อมฺเห คณฺหิตุํ น สกฺขิสฺสติ, อิโต ทานิ ปฏฺาย เอเตน ตุมฺหากํ อุปริ ชาเล ขิตฺตมตฺเต เอเกโก เอเกกสฺมึ ชาลกฺขิเก สีสํ เปตฺวา ชาลํ อุกฺขิปิตฺวา อิจฺฉิตฏฺานํ หริตฺวา เอกสฺมึ กณฺฏกคุมฺเพ ปกฺขิปถ, เอวํ สนฺเต เหฏฺา เตน เตน าเนน ปลายิสฺสามา’’ติ. เต สพฺเพ ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณึสุ. ทุติยทิวเส อุปริ ชาเล ขิตฺเต เต โพธิสตฺเตน วุตฺตนเยเนว ชาลํ อุกฺขิปิตฺวา ¶ เอกสฺมึ ¶ กณฺฏกคุมฺเพ ขิปิตฺวา สยํ เหฏฺาภาเคน ตโต ตโต ปลายึสุ. สากุณิกสฺส คุมฺพโต ชาลํ โมเจนฺตสฺเสว วิกาโล ชาโต, โส ตุจฺฉหตฺโถว อคมาสิ.
ปุนทิวสโต ปฏฺายปิ วฏฺฏกา ตเถว กโรนฺติ. โสปิ ยาว สูริยตฺถงฺคมนา ชาลเมว โมเจนฺโต กิฺจิ อลภิตฺวา ตุจฺฉหตฺโถว เคหํ คจฺฉติ. อถสฺส ภริยา กุชฺฌิตฺวา ‘‘ตฺวํ ทิวเส ทิวเส ตุจฺฉหตฺโถ อาคจฺฉสิ, อฺมฺปิ เต พหิ โปสิตพฺพฏฺานํ อตฺถิ มฺเ’’ติ อาห. สากุณิโก ‘‘ภทฺเท, มม อฺํ โปสิตพฺพฏฺานํ นตฺถิ, อปิจ โข ปน เต วฏฺฏกา สมคฺคา หุตฺวา จรนฺติ, มยา ขิตฺตมตฺเต ชาลํ อาทาย กณฺฏกคุมฺเพ ขิปิตฺวา คจฺฉนฺติ, น โข ปเนเต สพฺพกาลเมว สมฺโมทมานา วิหริสฺสนฺติ, ตฺวํ มา จินฺตยิ, ยทา เต วิวาทมาปชฺชิสฺสนฺติ, ตทา เต สพฺเพว อาทาย ตว มุขํ หาสยมาโน อาคจฺฉิสฺสามี’’ติ วตฺวา ภริยาย อิมํ คาถมาห –
‘‘สมฺโมทมานา คจฺฉนฺติ, ชาลมาทาย ปกฺขิโน;
ยทา เต วิวทิสฺสนฺติ, ตทา เอหินฺติ เม วส’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ ยทา เต วิวทิสฺสนฺตีติ ยสฺมึ กาเล เต วฏฺฏกา นานาลทฺธิกา นานาคาหา หุตฺวา วิวทิสฺสนฺติ, กลหํ กริสฺสนฺตีติ อตฺโถ. ตทา เอหินฺติ เม วสนฺติ ตสฺมึ กาเล สพฺเพปิ เต มม วสํ อาคจฺฉิสฺสนฺติ. อถาหํ เต คเหตฺวา ตว มุขํ หาเสนฺโต อาคจฺฉิสฺสามีติ ภริยํ สมสฺสาเสสิ.
กติปาหสฺเสว ปน อจฺจเยน เอโก วฏฺฏโก โคจรภูมึ โอตรนฺโต อสลฺลกฺเขตฺวา อฺสฺส สีสํ อกฺกมิ, อิตโร ‘‘โก มํ สีเส อกฺกมี’’ติ กุชฺฌึ. ‘‘อหํ อสลฺลกฺเขตฺวา อกฺกมึ, มา กุชฺฌี’’ติ วุตฺเตปิ กุชฺฌิเยว. เต ปุนปฺปุนํ กเถนฺตา ‘‘ตฺวเมว มฺเ ชาลํ อุกฺขิปสี’’ติ อฺมฺํ วิวาทํ กรึสุ. เตสุ วิวทนฺเตสุ โพธิสตฺโต จินฺเตสิ ‘‘วิวาทเก โสตฺถิภาโว นาม นตฺถิ, อิทาเนว เต ชาลํ น อุกฺขิปิสฺสนฺติ, ตโต มหนฺตํ วินาสํ ปาปุณิสฺสนฺติ, สากุณิโก โอกาสํ ลภิสฺสติ, มยา อิมสฺมึ าเน น สกฺกา วสิตุ’’นฺติ. โส อตฺตโน ปริสํ อาทาย อฺตฺถ คโต. สากุณิโกปิ โข กติปาหจฺจเยน ¶ อาคนฺตฺวา วฏฺฏกวสฺสิตํ วสฺสิตฺวา เตสํ สนฺนิปติตานํ อุปริ ชาลํ ¶ ขิปิ. อเถโก วฏฺฏโก ‘‘ตุยฺหํ กิร ชาลํ อุกฺขิปนฺตสฺเสว มตฺถเก โลมานิ ปติตานิ, อิทานิ อุกฺขิปา’’ติ อาห. อปโร ‘‘ตุยฺหํ กิร ชาลํ อุกฺขิปนฺตสฺเสว ทฺวีสุ ปกฺเขสุ ปตฺตานิ ปติตานิ, อิทานิ อุกฺขิปา’’ติ อาห. อิติ เตสํ ‘‘ตฺวํ อุกฺขิป, ตฺวํ อุกฺขิปา’’ติ วทนฺตานฺเว สากุณิโก ชาลํ อุกฺขิปิตฺวา สพฺเพว เต เอกโต กตฺวา ปจฺฉึ ปูเรตฺวา ภริยํ หาสยมาโน เคหํ อคมาสิ.
สตฺถา ‘‘เอวํ มหาราชา าตกานํ กลโห นาม น ยุตฺโต, กลโห วินาสมูลเมว โหตี’’ติ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อนุสนฺธึ ฆเฏตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา อปณฺฑิตวฏฺฏโก เทวทตฺโต อโหสิ, ปณฺฑิตวฏฺฏโก ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
สมฺโมทมานชาตกวณฺณนา ตติยา.
[๓๔] ๔. มจฺฉชาตกวณฺณนา
น มํ สีตํ น มํ อุณฺหนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปุราณทุติยิกาปโลภนํ อารพฺภ กเถสิ. ตทา หิ สตฺถา ตํ ภิกฺขุํ ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ อุกฺกณฺิโตสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘สจฺจํ, ภควา’’ติ. ‘‘เกนาสิ อุกฺกณฺาปิโต’’ติ? ‘‘ปุราณทุติยิกา เม, ภนฺเต มธุรหตฺถรสา, ตํ ชหิตุํ น สกฺโกมี’’ติ. อถ นํ สตฺถา ‘‘ภิกฺขุ เอสา อิตฺถี ตว อนตฺถการิกา ¶ , ปุพฺเพปิ ตฺวํ เอตํ นิสฺสาย มรณํ ปาปุณนฺโต มํ อาคมฺม มรณา มุตฺโต’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส ปุโรหิโต อโหสิ. ตทา เกวฏฺฏา นทิยํ ชาลํ ขิปึสุ. อเถโก มหามจฺโฉ รติวเสน อตฺตโน มจฺฉิยา สทฺธึ กีฬมาโน อาคจฺฉติ. ตสฺส สา มจฺฉี ปุรโต คจฺฉมานา ชาลคนฺธํ ฆายิตฺวา ชาลํ ปริหรมานา คตา. โส ปน กามคิทฺโธ โลลมจฺโฉ ชาลกุจฺฉิเมว ปวิฏฺโ. เกวฏฺฏา ตสฺส ชาลํ ปวิฏฺภาวํ ตฺวา ชาลํ อุกฺขิปิตฺวา มจฺฉํ คเหตฺวา อมาเรตฺวาว วาลิกาปิฏฺเ ขิปิตฺวา ¶ ‘‘อิมํ องฺคาเรสุ ปจิตฺวา ขาทิสฺสามา’’ติ องฺคาเร กโรนฺติ, สูลํ ตจฺเฉนฺติ. มจฺโฉ ‘‘เอตํ องฺคารตาปนํ วา สูลวิชฺฌนํ วา อฺํ วา ปน ทุกฺขํ น มํ กิลเมติ, ยํ ¶ ปเนสา มจฺฉี ‘อฺํ โส นูน รติยา คโต’ติ มยิ โทมนสฺสํ อาปชฺชติ, ตเมว มํ พาธตี’’ติ ปริเทวมาโน อิมํ คาถมาห –
‘‘น มํ สีตํ น มํ อุณฺหํ, น มํ ชาลสฺมิ พาธนํ;
ยฺจ มํ มฺเต มจฺฉี, อฺํ โส รติยา คโต’’ติ.
ตตฺถ น มํ สีตํ น มํ อุณฺหนฺติ มจฺฉานํ อุทกา นีหฏกาเล สีตํ โหติ, ตสฺมึ วิคเต อุณฺหํ โหติ, ตทุภยมฺปิ สนฺธาย ‘‘น มํ สีตํ น มํ อุณฺหํ พาธตี’’ติ ปริเทวติ. ยมฺปิ องฺคาเรสุ ปจฺจนมูลกํ ทุกฺขํ ภวิสฺสติ, ตมฺปิ สนฺธาย ‘‘น มํ อุณฺห’’นฺติ ปริเทวเตว. น มํ ชาลสฺมิ พาธนนฺติ ยมฺปิ เม ชาลสฺมึ พาธนํ อโหสิ, ตมฺปิ มํ น พาเธตีติ ปริเทวติ. ‘‘ยฺจ ม’’นฺติอาทีสุ อยํ ปิณฺฑตฺโถ – สา มจฺฉี มม ชาเล ปติตสฺส อิเมหิ เกวฏฺเฏหิ คหิตภาวํ อชานนฺตี มํ อปสฺสมานา ‘‘โส มจฺโฉ อิทานิ อฺํ มจฺฉึ กามรติยา คโต ภวิสฺสตี’’ติ จินฺเตติ, ตํ ตสฺสา โทมนสฺสปฺปตฺตาย จินฺตนํ มํ พาธตีติ วาลิกาปิฏฺเ นิปนฺโน ปริเทวติ.
ตสฺมึ สมเย ปุโรหิโต ทาสปริวุโต นฺหานตฺถาย นทีตีรํ อาคโต. โส ปน สพฺพรุตฺู โหติ. เตนสฺส มจฺฉปริเทวนํ สุตฺวา เอตทโหสิ ‘‘อยํ มจฺโฉ กิเลสวเสน ปริเทวติ, เอวํ อาตุรจิตฺโต โข ปเนส มียมาโน นิรเยเยว นิพฺพตฺติสฺสติ, อหมสฺส อวสฺสโย ภวิสฺสามี’’ติ เกวฏฺฏานํ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘อมฺโภ ตุมฺเห อมฺหากํ เอกทิวสมฺปิ พฺยฺชนตฺถาย มจฺฉํ น เทถา’’ติ อาห. เกวฏฺฏา ‘‘กึ วเทถ, สามิ, ตุมฺหากํ รุจฺจนกมจฺฉํ คณฺหิตฺวา ¶ คจฺฉถา’’ติ อาหํสุ. ‘‘อมฺหากํ อฺเน กมฺมํ นตฺถิ, อิมฺเว เทถา’’ติ. ‘‘คณฺหถ สามี’’ติ. โพธิสตฺโต ตํ อุโภหิ หตฺเถหิ คเหตฺวา นทีตีเร นิสีทิตฺวา ‘‘อมฺโภ มจฺฉ, สเจ ตาหํ อชฺช น ปสฺเสยฺยํ, ชีวิตกฺขยํ ปาปุเณยฺยาสิ, อิทานิ อิโต ปฏฺาย มา กิเลสวสิโก อโหสี’’ติ โอวทิตฺวา อุทเก วิสฺสชฺเชตฺวา นฺหตฺวา นครํ ปาวิสิ.
สตฺถา ¶ อิมํ ธม