📜
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
ชาตก-อฏฺกถา
(ทุติโย ภาโค)
๒. ทุกนิปาโต
๑. ทฬฺหวคฺโค
[๑๕๑] ๑. ราโชวาทชาตกวณฺณนา
ทฬฺหํ ¶ ¶ ¶ ทฬฺหสฺส ขิปตีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ราโชวาทํ อารพฺภ กเถสิ. โส เตสกุณชาตเก (ชา. ๒.๑๗.๑ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติ. เอกสฺมึ ปน ทิวเส โกสลราชา เอกํ อคติคตํ ทุพฺพินิจฺฉยํ อฑฺฑํ วินิจฺฉินิตฺวา ภุตฺตปาตราโส อลฺลหตฺโถว อลงฺกตรถํ อภิรุยฺห สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ผุลฺลปทุมสสฺสิริเกสุ ปาเทสุ นิปติตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. อถ นํ สตฺถา เอตทโวจ – ‘‘หนฺท กุโต นุ ตฺวํ, มหาราช, อาคจฺฉสิ ทิวา ทิวสฺสา’’ติ. ‘‘ภนฺเต, อชฺช เอกํ อคติคตํ ทุพฺพินิจฺฉยํ อฑฺฑํ วินิจฺฉินนฺโต ¶ โอกาสํ อลภิตฺวา อิทานิ ตํ ตีเรตฺวา ภฺุชิตฺวา อลฺลหตฺโถว ตุมฺหากํ อุปฏฺานํ อาคโตมฺหี’’ติ. สตฺถา ‘‘มหาราช, ธมฺเมน สเมน อฑฺฑวินิจฺฉยํ นาม กุสลํ, สคฺคมคฺโค เอส. อนจฺฉริยํ โข ปเนตํ, ยํ ตุมฺเห มาทิสสฺส สพฺพฺุพุทฺธสฺส สนฺติกา โอวาทํ ลภมานา ธมฺเมน สเมน อฑฺฑํ วินิจฺฉิเนยฺยาถ. เอตเทว อจฺฉริยํ, ยํ ปุพฺเพ ราชาโน อสพฺพฺูนมฺปิ ปณฺฑิตานํ วจนํ สุตฺวา ธมฺเมน สเมน ¶ อฑฺฑํ วินิจฺฉินนฺตา จตฺตาริ อคติคมนานิ วชฺเชตฺวา ทส ราชธมฺเม อโกเปตฺวา ธมฺเมน รชฺชํ กาเรตฺวา สคฺคปุรํ ปูรยมานา อคมึสู’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต ¶ พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา ลทฺธคพฺภปริหาโร โสตฺถินา มาตุกุจฺฉิมฺหา นิกฺขมิ. นามคฺคหณทิวเส ปนสฺส ‘‘พฺรหฺมทตฺตกุมาโร’’ตฺเวว นามํ อกํสุ. โส อนุปุพฺเพน วยปฺปตฺโต โสฬสวสฺสกาเล ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา สพฺพสิปฺเปสุ นิปฺผตฺตึ ปตฺวา ปิตุ อจฺจเยน รชฺเช ปติฏฺาย ธมฺเมน สเมน รชฺชํ กาเรสิ, ฉนฺทาทิวเสน อคนฺตฺวา วินิจฺฉยํ อนุสาสิ. ตสฺมึ เอวํ ธมฺเมน รชฺชํ กาเรนฺเต อมจฺจาปิ ธมฺเมเนว โวหารํ วินิจฺฉินึสุ. โวหาเรสุ ธมฺเมน วินิจฺฉยมาเนสุ กูฏฑฺฑการกา นาม นาเหสุํ, เตสํ อภาวา อฑฺฑตฺถาย ราชงฺคเณ อุปรโว ปจฺฉิชฺชิ. อมจฺจา ทิวสมฺปิ วินิจฺฉยฏฺาเน นิสีทิตฺวา กฺจิ วินิจฺฉยตฺถาย อาคจฺฉนฺตํ อทิสฺวา อุฏฺาย ปกฺกมนฺติ, วินิจฺฉยฏฺานํ ฉฑฺเฑตพฺพภาวํ ปาปุณิ.
โพธิสตฺโต จินฺเตสิ – ‘‘มยิ ธมฺเมน รชฺชํ กาเรนฺเต วินิจฺฉยฏฺานํ อาคจฺฉนฺตา นาม นตฺถิ, อุปรโว ปจฺฉิชฺชิ, วินิจฺฉยฏฺานํ ฉฑฺเฑตพฺพภาวํ ปตฺตํ, อิทานิ มยา อตฺตโน อคุณํ ปริเยสิตุํ วฏฺฏติ ‘อยํ นาม เม อคุโณ’ติ สุตฺวา ตํ ปหาย คุเณสุเยว วตฺติสฺสามี’’ติ. ตโต ปฏฺาย ‘‘อตฺถิ นุ โข เม โกจิ อคุณวาที’’ติ ปริคฺคณฺหนฺโต อนฺโตวฬฺชกานํ อนฺตเร กฺจิ อคุณวาทึ อทิสฺวา อตฺตโน คุณกถเมว สุตฺวา ‘‘เอเต มยฺหํ ภเยนาปิ อคุณํ อวตฺวา คุณเมว วเทยฺยุ’’นฺติ พหิวฬฺชนเก ปริคฺคณฺหนฺโต ตตฺถาปิ อทิสฺวา อนฺโตนคเร ปริคฺคณฺหิ. พหินคเร จตูสุ ทฺวาเรสุ จตุคามเก ปริคฺคณฺหิ. ตตฺถาปิ กฺจิ อคุณวาทึ อทิสฺวา อตฺตโน คุณกถเมว สุตฺวา ‘‘ชนปทํ ปริคฺคณฺหิสฺสามี’’ติ อมจฺเจ รชฺชํ ปฏิจฺฉาเปตฺวา รถํ อารุยฺห สารถิเมว คเหตฺวา อฺาตกเวเสน นครา นิกฺขมิตฺวา ชนปทํ ปริคฺคณฺหมาโน ยาว ปจฺจนฺตภูมึ คนฺตฺวา กฺจิ อคุณวาทึ ¶ อทิสฺวา อตฺตโน คุณกถเมว สุตฺวา ปจฺจนฺตสีมโต มหามคฺเคน นคราภิมุโขเยว นิวตฺติ.
ตสฺมึ ¶ ¶ ปน กาเล พลฺลิโก นาม โกสลราชาปิ ธมฺเมน รชฺชํ กาเรนฺโต อคุณกถํ คเวสนฺโต หุตฺวา อนฺโตวฬฺชกาทีสุ อคุณวาทึ อทิสฺวา อตฺตโน คุณกถเมว สุตฺวา ชนปทํ ปริคฺคณฺหนฺโต ตํ ปเทสํ อคมาสิ. เต อุโภปิ เอกสฺมึ นินฺนฏฺาเน สกฏมคฺเค อภิมุขา อเหสุํ, รถสฺส อุกฺกมนฏฺานํ นตฺถิ. อถ พลฺลิกรฺโ สารถิ พาราณสิรฺโ สารถึ ‘‘ตว รถํ อุกฺกมาเปหี’’ติ อาห. โสปิ ‘‘อมฺโภ สารถิ, ตว รถํ อุกฺกมาเปหิ, อิมสฺมึ รเถ พาราณสิรชฺชสามิโก พฺรหฺมทตฺตมหาราชา นิสินฺโน’’ติ อาห. อิตโรปิ นํ ‘‘อมฺโภ สารถิ, อิมสฺมึ รเถ โกสลรชฺชสามิโก พลฺลิกมหาราชา นิสินฺโน, ตว รถํ อุกฺกมาเปตฺวา อมฺหากํ รฺโ รถสฺส โอกาสํ เทหี’’ติ อาห. พาราณสิรฺโ สารถิ ‘‘อยมฺปิ กิร ราชาเยว, กึ นุ โข กาตพฺพ’’นฺติ จินฺเตนฺโต ‘‘อตฺเถโส อุปาโย’’ติ วยํ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ทหรสฺส รถํ อุกฺกมาเปตฺวา มหลฺลกสฺส โอกาสํ ทาเปสฺสามี’’ติ สนฺนิฏฺานํ กตฺวา ตํ สารถึ โกสลรฺโ วยํ ปุจฺฉิตฺวา ปริคฺคณฺหนฺโต อุภินฺนมฺปิ สมานวยภาวํ ตฺวา รชฺชปริมาณํ พลํ ธนํ ยสํ ชาตึ โคตฺตํ กุลปเทสนฺติ สพฺพํ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อุโภปิ ติโยชนสติกสฺส รชฺชสฺส สามิโน สมานพลธนยสชาติโคตฺตกุลปเทสา’’ติ ตฺวา ‘‘สีลวนฺตสฺส โอกาสํ ทสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘โภ สารถิ, ตุมฺหากํ รฺโ สีลาจาโร กีทิโส’’ติ ปุจฺฉิ. โส ‘‘อยฺจ อยฺจ อมฺหากํ รฺโ สีลาจาโร’’ติ อตฺตโน รฺโ อคุณเมว คุณโต ปกาเสนฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘ทฬฺหํ ทฬฺหสฺส ขิปติ, พลฺลิโก มุทุนา มุทุํ;
สาธุมฺปิ สาธุนา เชติ, อสาธุมฺปิ อสาธุนา;
เอตาทิโส อยํ ราชา, มคฺคา อุยฺยาหิ สารถี’’ติ.
ตตฺถ ¶ ทฬฺหํ ทฬฺหสฺส ขิปตีติ โย ทฬฺโห โหติ พลวทฬฺเหน ปหาเรน วา วจเนน วา ชินิตพฺโพ, ตสฺส ทฬฺหเมว ปหารํ วา วจนํ วา ขิปติ. เอวํ ทฬฺโหว หุตฺวา ตํ ชินาตีติ ทสฺเสติ. พลฺลิโกติ ตสฺส รฺโ นามํ. มุทุนา มุทุนฺติ มุทุปุคฺคลํ สยมฺปิ มุทุ หุตฺวา มุทุนาว อุปาเยน ชินาติ. สาธุมฺปิ สาธุนา เชตีติ เย สาธู สปฺปุริสา, เต สยมฺปิ สาธุ หุตฺวา สาธุนาว ¶ อุปาเยน ชินาติ. อสาธุมฺปิ อสาธุนาติ เย ปน อสาธู, เต สยมฺปิ อสาธุ หุตฺวา อสาธุนาว อุปาเยน ชินาตีติ ทสฺเสติ. เอตาทิโส อยํ ราชาติ อยํ อมฺหากํ โกสลราชา สีลาจาเรน เอวรูโป. มคฺคา อุยฺยาหิ สารถีติ อตฺตโน รถํ มคฺคา อุกฺกมาเปตฺวา อุยฺยาหิ, อุปฺปเถน ยาหิ, อมฺหากํ รฺโ มคฺคํ เทหีติ วทติ.
อถ ¶ นํ พาราณสิรฺโ สารถิ ‘‘อมฺโภ, กึ ปน ตยา อตฺตโน รฺโ คุณกถา กถิตา’’ติ วตฺวา ‘‘อามา’’ติ วุตฺเต ‘‘ยทิ ปน เอเต คุณาติ วทสิ, อคุณา ปน กีทิสี’’ติ วตฺวา ‘‘เอเต ตาว อคุณา โหนฺตุ, ตุมฺหากํ ปน รฺโ กีทิโส คุโณ’’ติ วุตฺเต ‘‘เตน หิ สุณาหี’’ติ ทุติยํ คาถมาห –
‘‘อกฺโกเธน ชิเน โกธํ, อสาธุํ สาธุนา ชิเน;
ชิเน กทริยํ ทาเนน, สจฺเจนาลิกวาทินํ;
เอตาทิโส อยํ ราชา, มคฺคา อุยฺยาหิ สารถี’’ติ.
ตตฺถ เอตาทิโสติ เอเตหิ ‘‘อกฺโกเธน ชิเน โกธ’’นฺติอาทิวเสน วุตฺเตหิ คุเณหิ สมนฺนาคโต. อยฺหิ กุทฺธํ ปุคฺคลํ สยํ อกฺโกโธ หุตฺวา อกฺโกเธน ชินาติ, อสาธุํ ปน สยํ สาธุ หุตฺวา สาธุนาว อุปาเยน ชินาติ, กทริยํ ถทฺธมจฺฉรึ สยํ ทายโก หุตฺวา ทาเนน ชินาติ. สจฺเจนาลิกวาทินนฺติ มุสาวาทึ สยํ สจฺจวาที หุตฺวา สจฺเจน ชินาติ. มคฺคา อุยฺยาหิ สารถีติ, สมฺม สารถิ, มคฺคโต อปคจฺฉ. เอวํวิธสีลาจารคุณยุตฺตสฺส อมฺหากํ รฺโ มคฺคํ เทหิ, อมฺหากํ ราชา มคฺคสฺส อนุจฺฉวิโกติ.
เอวํ วุตฺเต พลฺลิกราชา จ สารถิ จ อุโภปิ รถา โอตริตฺวา อสฺเส โมเจตฺวา รถํ อปเนตฺวา พาราณสิรฺโ มคฺคํ อทํสุ. พาราณสิราชา พลฺลิกรฺโ ‘‘รฺา นาม อิทฺจิทฺจ กาตุํ ¶ วฏฺฏตี’’ติ โอวาทํ ทตฺวา พาราณสึ คนฺตฺวา ทานาทีนิ ปฺุานิ กตฺวา ชีวิตปริโยสาเน สคฺคปุรํ ปูเรสิ. พลฺลิกราชาปิ ตสฺส โอวาทํ คเหตฺวา ชนปทํ ปริคฺคเหตฺวา อตฺตโน อคุณวาทึ อทิสฺวาว สกนครํ คนฺตฺวา ทานาทีนิ ปฺุานิ กตฺวา ชีวิตปริโยสาเน สคฺคปุรเมว ปูเรสิ.
สตฺถา ¶ โกสลราชสฺส โอวาทตฺถาย อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา พลฺลิกรฺโ สารถิ โมคฺคลฺลาโน อโหสิ, พลฺลิกราชา อานนฺโท, พาราณสิรฺโ สารถิ สาริปุตฺโต, พาราณสิราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
ราโชวาทชาตกวณฺณนา ปมา.
[๑๕๒] ๒. สิงฺคาลชาตกวณฺณนา
อสเมกฺขิตกมฺมนฺตนฺติ ¶ อิทํ สตฺถา กูฏาคารสาลายํ วิหรนฺโต เวสาลิวาสิกํ เอกํ นฺหาปิตปุตฺตํ อารพฺภ กเถสิ. ตสฺส กิร ปิตา ราชูนํ ราโชโรธานํ ราชกุมารานํ ราชกุมาริกานฺจ มสฺสุกรณเกสสณฺปนอฏฺปทฏฺปนาทีนิ สพฺพกิจฺจานิ กโรติ สทฺโธ ปสนฺโน ติสรณคโต สมาทินฺนปฺจสีโล, อนฺตรนฺตเร สตฺถุ ธมฺมํ สุณนฺโต กาลํ วีตินาเมติ. โส เอกสฺมึ ทิวเส ราชนิเวสเน กมฺมํ กาตุํ คจฺฉนฺโต อตฺตโน ปุตฺตํ คเหตฺวา คโต. โส ตตฺถ เอกํ เทวจฺฉราปฏิภาคํ อลงฺกตปฏิยตฺตํ ลิจฺฉวิกุมาริกํ ทิสฺวา กิเลสวเสน ปฏิพทฺธจิตฺโต หุตฺวา ปิตรา สทฺธึ ราชนิเวสนา นิกฺขมิตฺวา ‘‘เอตํ กุมาริกํ ลภมาโน ชีวิสฺสามิ, อลภมานสฺส เม เอตฺเถว มรณ’’นฺติ อาหารุปจฺเฉทํ กตฺวา มฺจกํ ปริสฺสชิตฺวา นิปชฺชิ.
อถ นํ ปิตา อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ตาต, อวตฺถุมฺหิ ฉนฺทราคํ มา กริ, หีนชจฺโจ ตฺวํ นฺหาปิตปุตฺโต, ลิจฺฉวิกุมาริกา ขตฺติยธีตา ชาติสมฺปนฺนา, น สา ตุยฺหํ อนุจฺฉวิกา, อฺํ เต ชาติโคตฺเตหิ สทิสํ กุมาริกํ อาเนสฺสามี’’ติ อาห. โส ปิตุ กถํ น คณฺหิ. อถ นํ มาตา ภาตา ภคินี จูฬปิตา จูฬมาตาติ สพฺเพปิ าตกา เจว มิตฺตสุหชฺชา จ สนฺนิปติตฺวา สฺาเปนฺตาปิ สฺาเปตุํ นาสกฺขึสุ. โส ตตฺเถว สุสฺสิตฺวา ปริสุสฺสิตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาปุณิ. อถสฺส ปิตา สรีรกิจฺจเปตกิจฺจานิ กตฺวา ตนุโสโก ¶ ‘‘สตฺถารํ วนฺทิสฺสามี’’ติ พหุํ คนฺธมาลาวิเลปนํ คเหตฺวา มหาวนํ คนฺตฺวา สตฺถารํ ปูเชตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺโน ‘‘กึ นุ โข, อุปาสก, พหูนิ ทิวสานิ น ทิสฺสสี’’ติ วุตฺเต ตมตฺถํ อาโรเจสิ. สตฺถา ‘‘น โข, อุปาสก, อิทาเนว ตว ปุตฺโต อวตฺถุสฺมึ ¶ ฉนฺทราคํ อุปฺปาเทตฺวา วินาสํ ปาปุณิ, ปุพฺเพปิ ปตฺโตเยวา’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต หิมวนฺตปเทเส สีหโยนิยํ นิพฺพตฺติ. ตสฺส ฉ กนิฏฺภาตโร เอกา จ ภคินี อโหสิ, สพฺเพปิ กฺจนคุหายํ วสนฺติ. ตสฺสา ปน คุหาย อวิทูเร รชตปพฺพเต เอกา ผลิกคุหา อตฺถิ, ตตฺเถโก สิงฺคาโล วสติ. อปรภาเค สีหานํ มาตาปิตโร กาลมกํสุ. เต ภคินึ สีหโปติกํ กฺจนคุหายํ เปตฺวา โคจราย ปกฺกมิตฺวา มํสํ อาหริตฺวา ตสฺสา เทนฺติ. โส สิงฺคาโล ตํ สีหโปติกํ ทิสฺวา ปฏิพทฺธจิตฺโต อโหสิ. ตสฺสา ปน มาตาปิตูนํ ธรมานกาเล โอกาสํ นาลตฺถ, โส สตฺตนฺนมฺปิ เตสํ โคจราย ปกฺกนฺตกาเล ผลิกคุหาย โอตริตฺวา กฺจนคุหาย ทฺวารํ คนฺตฺวา สีหโปติกาย ¶ ปุรโต โลกามิสปฏิสํยุตฺตํ เอวรูปํ รหสฺสกถํ กเถสิ – ‘‘สีหโปติเก, อหมฺปิ จตุปฺปโท, ตฺวมฺปิ จตุปฺปทา, ตฺวํ เม ปชาปตี โหหิ, อหํ เต ปติ ภวิสฺสามิ, เต มยํ สมคฺคา สมฺโมทมานา วสิสฺสาม, ตฺวํ อิโต ปฏฺาย มํ กิเลสวเสน สงฺคณฺหาหี’’ติ. สา ตสฺส วจนํ สุตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อยํ สิงฺคาโล จตุปฺปทานํ อนฺตเร หีโน ปฏิกุฏฺโ จณฺฑาลสทิโส, มยํ อุตฺตมราชกุลสมฺมตา, เอส โข มยา สทฺธึ อสพฺภึ อนนุจฺฉวิกํ กถํ กเถติ, อหํ เอวรูปํ กถํ สุตฺวา ชีวิเตน กึ กริสฺสามิ, นาสาวาตํ สนฺนิรุชฺฌิตฺวา มริสฺสามี’’ติ. อถสฺสา เอตทโหสิ – ‘‘มยฺหํ เอวเมว มรณํ อยุตฺตํ, ภาติกา ตาว เม อาคจฺฉนฺตุ, เตสํ กเถตฺวา ¶ มริสฺสามี’’ติ. สิงฺคาโลปิ ตสฺสา สนฺติกา ปฏิวจนํ อลภิตฺวา ‘‘อิทานิ เอสา มยฺหํ กุชฺฌตี’’ติ โทมนสฺสปฺปตฺโต ผลิกคุหายํ ปวิสิตฺวา นิปชฺชิ.
อเถโก สีหโปตโก มหึสวารณาทีสุ อฺตรํ วธิตฺวา มํสํ ขาทิตฺวา ภคินิยา ภาคํ อาหริตฺวา ‘‘อมฺม, มํสํ ขาทสฺสู’’ติ อาห. ‘‘ภาติก, นาหํ มํสํ ขาทามิ, มริสฺสามี’’ติ. ‘‘กึ การณา’’ติ? สา ตํ ปวตฺตึ อาจิกฺขิ. ‘‘อิทานิ กหํ โส สิงฺคาโล’’ติ จ วุตฺเต ผลิกคุหายํ นิปนฺนํ สิงฺคาลํ ‘‘อากาเส นิปนฺโน’’ติ มฺมานา ‘‘ภาติก, กึ น ปสฺสสิ, เอโส รชตปพฺพเต อากาเส นิปนฺโน’’ติ. สีหโปตโก ตสฺส ผลิกคุหายํ นิปนฺนภาวํ อชานนฺโต ‘‘อากาเส นิปนฺโน’’ติ สฺี ¶ หุตฺวา ‘‘มาเรสฺสามิ น’’นฺติ สีหเวเคน ปกฺขนฺทิตฺวา ผลิกคุหํ หทเยเนว ปหริ. โส หทเยน ผลิเตน ตตฺเถว ชีวิตกฺขยํ ปตฺวา ปพฺพตปาเท ปติ. อถาปโร อาคจฺฉิ, สา ตสฺสปิ ตเถว กเถสิ. โสปิ ตเถว กตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปตฺวา ปพฺพตปาเท ปติ.
เอวํ ฉสุปิ ภาติเกสุ มเตสุ สพฺพปจฺฉา โพธิสตฺโต อาคจฺฉิ. สา ตสฺสปิ ตํ การณํ อาโรเจตฺวา ‘‘อิทานิ โส กุหิ’’นฺติ วุตฺเต ‘‘เอโส รชตปพฺพตมตฺถเก อากาเส นิปนฺโน’’ติ อาห. โพธิสตฺโต จินฺเตสิ – ‘‘สิงฺคาลานํ อากาเส ปติฏฺา นาม นตฺถิ, ผลิกคุหายํ นิปนฺนโก ภวิสฺสตี’’ติ. โส ปพฺพตปาทํ โอตริตฺวา ฉ ภาติเก มเต ทิสฺวา ‘‘อิเม อตฺตโน พาลตาย ปริคฺคณฺหนปฺาย อภาเวน ผลิกคุหภาวํ อชานิตฺวา หทเยน ปหริตฺวา มตา ภวิสฺสนฺติ, อสเมกฺขิตฺวา อติตุริตํ กโรนฺตานํ กมฺมํ นาม เอวรูปํ โหตี’’ติ วตฺวา ปมํ คาถมาห –
‘‘อสเมกฺขิตกมฺมนฺตํ, ตุริตาภินิปาตินํ;
สานิ กมฺมานิ ตปฺเปนฺติ, อุณฺหํวชฺโฌหิตํ มุเข’’ติ.
ตตฺถ ¶ ¶ อสเมกฺขิตกมฺมนฺตํ, ตุริตาภินิปาตินนฺติ โย ปุคฺคโล ยํ กมฺมํ กตฺตุกาโม โหติ, ตตฺถ โทสํ อสเมกฺขิตฺวา อนุปธาเรตฺวา ตุริโต หุตฺวา เวเคเนว ตํ กมฺมํ กาตุํ อภินิปตติ ปกฺขนฺทติ ปฏิปชฺชติ, ตํ อสเมกฺขิตกมฺมนฺตํ ตุริตาภินิปาตินํ เอวํ สานิ กมฺมานิ ตปฺเปนฺติ, โสเจนฺติ กิลเมนฺติ. ยถา กึ? อุณฺหํวชฺโฌหิตํ มุเขติ, ยถา ภฺุชนฺเตน ‘‘อิทํ สีตลํ อิทํ อุณฺห’’นฺติ อนุปธาเรตฺวา อุณฺหํ อชฺโฌหรณียํ มุเข อชฺโฌหริตํ ปิตํ มุขมฺปิ กณฺมฺปิ กุจฺฉิมฺปิ ทหติ โสเจติ กิลเมติ, เอวํ ตถารูปํ ปุคฺคลํ สานิ กมฺมานิ ตปฺเปนฺติ.
อิติ โส สีโห อิมํ คาถํ วตฺวา ‘‘มม ภาติกา อนุปายกุสลตาย ‘สิงฺคาลํ มาเรสฺสามา’ติ อติเวเคน ปกฺขนฺทิตฺวา สยํ มตา, อหํ ปน เอวรูปํ อกตฺวา สิงฺคาลสฺส ผลิกคุหายํ นิปนฺนสฺเสว หทยํ ผาเลสฺสามี’’ติ สิงฺคาลสฺส อาโรหนโอโรหนมคฺคํ สลฺลกฺเขตฺวา ตทภิมุโข หุตฺวา ติกฺขตฺตุํ สีหนาทํ นทิ, ปถวิยา สทฺธึ อากาสํ เอกนินฺนาทํ อโหสิ. สิงฺคาลสฺส ผลิกคุหายํ นิปนฺนสฺเสว สีตตสิตสฺส หทยํ ผลิ, โส ตตฺเถว ชีวิตกฺขยํ ปาปุณิ.
สตฺถา ¶ ‘‘เอวํ โส สิงฺคาโล สีหนาทํ สุตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปตฺโต’’ติ วตฺวา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘สีโห จ สีหนาเทน, ททฺทรํ อภินาทยิ;
สุตฺวา สีหสฺส นิคฺโฆสํ, สิงฺคาโล ททฺทเร วสํ;
ภีโต สนฺตาสมาปาทิ, หทยฺจสฺส อปฺผลี’’ติ.
ตตฺถ สีโหติ จตฺตาโร สีหา – ติณสีโห, ปณฺฑุสีโห, กาฬสีโห, สุรตฺตหตฺถปาโท เกสรสีโหติ. เตสุ เกสรสีโห อิธ อธิปฺเปโต. ททฺทรํ อภินาทยีติ เตน อสนิปาตสทฺทสทิเสน เภรวตเรน สีหนาเทน ตํ รชตปพฺพตํ อภินาทยิ เอกนินฺนาทํ อกาสิ. ททฺทเร วสนฺติ ผลิกมิสฺสเก รชตปพฺพเต วสนฺโต. ภีโต สนฺตาสมาปาทีติ มรณภเยน ภีโต จิตฺตุตฺราสํ อาปาทิ. หทยฺจสฺส อปฺผลีติ เตน จสฺส ภเยน หทยํ ผลีติ.
เอวํ ¶ ¶ สีโห สิงฺคาลํ ชีวิตกฺขยํ ปาเปตฺวา ภาตโร เอกสฺมึ าเน ปฏิจฺฉาเทตฺวา เตสํ มตภาวํ ภคินิยา อาจิกฺขิตฺวา ตํ สมสฺสาเสตฺวา ยาวชีวํ กฺจนคุหายํ วสิตฺวา ยถากมฺมํ คโต.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุปาสโก โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ‘‘ตทา สิงฺคาโล นฺหาปิตปุตฺโต อโหสิ, สีหโปติกา ลิจฺฉวิกุมาริกา, ฉ กนิฏฺภาตโร อฺตรเถรา อเหสุํ, เชฏฺภาติกสีโห ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
สิงฺคาลชาตกวณฺณนา ทุติยา.
[๑๕๓] ๓. สูกรชาตกวณฺณนา
จตุปฺปโท อหํ, สมฺมาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ มหลฺลกตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ. เอกสฺมิฺหิ ทิวเส รตฺตึ ธมฺมสฺสวเน วตฺตมาเน สตฺถริ คนฺธกุฏิทฺวาเร รมณีเย โสปานผลเก ตฺวา ภิกฺขุสงฺฆสฺส สุคโตวาทํ ทตฺวา คนฺธกุฏึ ปวิฏฺเ ธมฺมเสนาปติ สตฺถารํ วนฺทิตฺวา อตฺตโน ปริเวณํ อคมาสิ. มหาโมคฺคลฺลาโนปิ ปริเวณเมว คนฺตฺวา ¶ มุหุตฺตํ วิสฺสมิตฺวา เถรสฺส สนฺติกํ อาคนฺตฺวา ปฺหํ ปุจฺฉิ, ปุจฺฉิตปุจฺฉิตํ ธมฺมเสนาปติ คคนตเล ปุณฺณจนฺทํ อุฏฺาเปนฺโต วิย วิสฺสชฺเชตฺวา ปากฏมกาสิ. จตสฺโสปิ ปริสา ธมฺมํ สุณมานา นิสีทึสุ. ตตฺเถโก มหลฺลกตฺเถโร จินฺเตสิ – ‘‘สจาหํ อิมิสฺสา ปริสาย มชฺเฌ สาริปุตฺตํ อาลุเฬนฺโต ปฺหํ ปุจฺฉิสฺสามิ, อยํ เม ปริสา ‘พหุสฺสุโต อย’นฺติ ตฺวา สกฺการสมฺมานํ กริสฺสตี’’ติ ปริสนฺตรา อุฏฺาย เถรํ อุปสงฺกมิตฺวา เอกมนฺตํ ตฺวา ‘‘อาวุโส สาริปุตฺต, มยมฺปิ ตํ เอกํ ปฺหํ ปุจฺฉาม, อมฺหากมฺปิ โอกาสํ กโรหิ, เทหิ เม วินิจฺฉยํ อาเวธิกาย วา นิเวธิกาย วา นิคฺคเห วา ปคฺคเห วา วิเสเส วา ปฏิวิเสเส วา’’ติ อาห. เถโร ตํ โอโลเกตฺวา ‘‘อยํ มหลฺลโก อิจฺฉาจาเร ิโต ตุจฺโฉ น กิฺจิ ชานาตี’’ติ เตน สทฺธึ อกเถตฺวาว ลชฺชมาโน พีชนึ เปตฺวา อาสนา โอตริตฺวา ปริเวณํ ¶ ปาวิสิ, โมคฺคลฺลานตฺเถโรปิ อตฺตโน ปริเวณเมว อคมาสิ.
มนุสฺสา อุฏฺาย ‘‘คณฺหเถตํ ตุจฺฉมหลฺลกํ, มธุรธมฺมสฺสวนํ โน โสตุํ น อทาสี’’ติ อนุพนฺธึสุ. โส ปลายนฺโต วิหารปจฺจนฺเต ภินฺนปทราย วจฺจกุฏิยา ปติตฺวา คูถมกฺขิโต อฏฺาสิ. มนุสฺสา ตํ ทิสฺวา วิปฺปฏิสาริโน หุตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ อคมํสุ. สตฺถา เต ทิสฺวา ‘‘กึ ¶ อุปาสกา อเวลาย อาคตตฺถา’’ติ ปุจฺฉิ, มนุสฺสา ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. สตฺถา ‘‘น โข อุปาสกา อิทาเนเวส มหลฺลโก อุปฺปิลาวิโต หุตฺวา อตฺตโน พลํ อชานิตฺวา มหาพเลหิ สทฺธึ ปโยเชตฺวา คูถมกฺขิโต ชาโต, ปุพฺเพเปส อุปฺปิลาวิโต หุตฺวา อตฺตโน พลํ อชานิตฺวา มหาพเลหิ สทฺธึ ปโยเชตฺวา คูถมกฺขิโต อโหสี’’ติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต สีโห หุตฺวา หิมวนฺตปเทเส ปพฺพตคุหาย วาสํ กปฺเปสิ. ตสฺสา อวิทูเร เอกํ สรํ นิสฺสาย พหู สูกรา นิวาสํ กปฺเปสุํ. ตเมว สรํ นิสฺสาย ตาปสาปิ ปณฺณสาลาสุ วาสํ กปฺเปสุํ. อเถกทิวสํ สีโห มหึสวารณาทีสุ อฺตรํ วธิตฺวา ยาวทตฺถํ มํสํ ขาทิตฺวา ตํ สรํ โอตริตฺวา ปานียํ ปิวิตฺวา อุตฺตริ. ตสฺมึ ขเณ เอโก ถูลสูกโร ตํ สรํ นิสฺสาย โคจรํ คณฺหาติ. สีโห ตํ ทิสฺวา ‘‘อฺํ เอกทิวสํ ¶ อิมํ ขาทิสฺสามิ, มํ โข ปน ทิสฺวา ปุน น อาคจฺเฉยฺยา’’ติ ตสฺส อนาคมนภเยน สรโต อุตฺตริตฺวา เอเกน ปสฺเสน คนฺตุํ อารภิ. สูกโร โอโลเกตฺวา ‘‘เอส มํ ทิสฺวา มม ภเยน อุปคนฺตุํ อสกฺโกนฺโต ภเยน ปลายติ, อชฺช มยา อิมินา สีเหน สทฺธึ ปโยเชตุํ วฏฺฏตี’’ติ สีสํ อุกฺขิปิตฺวา ตํ ยุทฺธตฺถาย อวฺหยนฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘จตุปฺปโท อหํ สมฺม, ตฺวมฺปิ สมฺม จตุปฺปโท;
เอหิ สมฺม นิวตฺตสฺสุ, กึ นุ ภีโต ปลายสี’’ติ.
สีโห ¶ ตสฺส กถํ สุตฺวา ‘‘สมฺม สูกร, อชฺช อมฺหากํ ตยา สทฺธึ สงฺคาโม นตฺถิ, อิโต ปน สตฺตเม ทิวเส อิมสฺมึเยว าเน สงฺคาโม โหตู’’ติ วตฺวา ปกฺกามิ. สูกโร ‘‘สีเหน สทฺธึ สงฺคาเมสฺสามี’’ติ หฏฺปหฏฺโ ตํ ปวตฺตึ าตกานํ อาโรเจสิ. เต ตสฺส กถํ สุตฺวา ภีตตสิตา ‘‘อิทานิ ตฺวํ สพฺเพปิ อมฺเห นาเสสฺสสิ, อตฺตโน พลํ อชานิตฺวา สีเหน สทฺธึ สงฺคามํ กตฺตุกาโมติ, สีโห อาคนฺตฺวา สพฺเพปิ อมฺเห ชีวิตกฺขยํ ปาเปสฺสติ, สาหสิกกมฺมํ มา กรี’’ติ อาหํสุ. โสปิ ภีตตสิโต ‘‘อิทานิ กึ กโรมี’’ติ ปุจฺฉิ. สูกรา ‘‘สมฺม, ตฺวํ เอเตสํ ตาปสานํ อุจฺจารภูมึ คนฺตฺวา ปูติคูเถ สตฺต ทิวสานิ สรีรํ ปริวฏฺเฏตฺวา สุกฺขาเปตฺวา สตฺตเม ทิวเส สรีรํ อุสฺสาวพินฺทูหิ เตเมตฺวา สีหสฺส อาคมนโต ปุริมตรํ คนฺตฺวา วาตโยคํ ตฺวา อุปริวาเต ติฏฺ, สุจิชาติโก สีโห ตว สรีรคนฺธํ ฆายิตฺวา ตุยฺหํ ชยํ ทตฺวา คมิสฺสตี’’ติ อาหํสุ. โส ตถา กตฺวา สตฺตเม ทิวเส ตตฺถ อฏฺาสิ. สีโห ตสฺส สรีรคนฺธํ ฆายิตฺวา คูถมกฺขิตภาวํ ตฺวา ‘‘สมฺม สูกร, สุนฺทโร เต เลโส ¶ จินฺติโต, สเจ ตฺวํ คูถมกฺขิโต นาภวิสฺส, อิเธว ตํ ชีวิตกฺขยํ อปาเปสฺสํ, อิทานิ ปน เต สรีรํ เนว มุเขน ฑํสิตุํ, น ปาเทน ปหริตุํ สกฺกา, ชยํ เต ทมฺมี’’ติ วตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘อสุจิ ปูติโลโมสิ, ทุคฺคนฺโธ วาสิ สูกร;
สเจ ยุชฺชิตุกาโมสิ, ชยํ สมฺม ททามิ เต’’ติ.
ตตฺถ ¶ ปูติโลโมติ มีฬฺหมกฺขิตตฺตา ทุคฺคนฺธโลโม. ทุคฺคนฺโธ วาสีติ อนิฏฺเชคุจฺฉปฏิกูลคนฺโธ หุตฺวา วายสิ. ชยํ, สมฺม, ททามิ เตติ ‘‘ตุยฺหํ ชยํ เทมิ, อหํ ปราชิโต, คจฺฉ ตฺว’’นฺติ วตฺวา สีโห ตโตว นิวตฺติตฺวา โคจรํ คเหตฺวา สเร ปานียํ ปิวิตฺวา ปพฺพตคุหเมว คโต. สูกโรปิ ‘‘สีโห เม ชิโต’’ติ าตกานํ อาโรเจสิ ¶ . เต ภีตตสิตา ‘‘ปุน เอกทิวสํ อาคจฺฉนฺโต สีโห สพฺเพว อมฺเห ชีวิตกฺขยํ ปาเปสฺสตี’’ติ ปลายิตฺวา อฺตฺถ อคมํสุ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา สูกโร มหลฺลโก อโหสิ, สีโห ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
สูกรชาตกวณฺณนา ตติยา.
[๑๕๔] ๔. อุรคชาตกวณฺณนา
อิธูรคานํ ปวโร ปวิฏฺโติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เสณิภณฺฑนํ อารพฺภ กเถสิ. โกสลรฺโ กิร เสวกา เสณิปมุขา ทฺเว มหามตฺตา อฺมฺํ ทิฏฺฏฺาเน กลหํ กโรนฺติ, เตสํ เวริภาโว สกลนคเร ปากโฏ ชาโต. เต เนว ราชา, น าติมิตฺตา สมคฺเค กาตุํ สกฺขึสุ. อเถกทิวสํ สตฺถา ปจฺจูสสมเย โพธเนยฺยพนฺธเว โอโลเกนฺโต เตสํ อุภินฺนมฺปิ โสตาปตฺติมคฺคสฺส อุปนิสฺสยํ ทิสฺวา ปุนทิวเส เอกโกว สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย ปวิสิตฺวา เตสุ เอกสฺส เคหทฺวาเร อฏฺาสิ. โส นิกฺขมิตฺวา ปตฺตํ คเหตฺวา สตฺถารํ อนฺโตนิเวสนํ ปเวเสตฺวา อาสนํ ปฺเปตฺวา นิสีทาเปสิ. สตฺถา นิสีทิตฺวา ตสฺส เมตฺตาภาวนาย อานิสํสํ กเถตฺวา กลฺลจิตฺตตํ ตฺวา สจฺจานิ ปกาเสสิ, โส สจฺจปริโยสาเน โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ.
สตฺถา ¶ ตสฺส โสตาปนฺนภาวํ ตฺวา ตเมว ปตฺตํ คาหาเปตฺวา อุฏฺาย อิตรสฺส เคหทฺวารํ อคมาสิ. โสปิ นิกฺขมิตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ‘‘ปวิสถ, ภนฺเต’’ติ ฆรํ ปเวเสตฺวา นิสีทาเปสิ. อิตโรปิ ปตฺตํ คเหตฺวา สตฺถารา สทฺธึเยว ปาวิสิ. สตฺถา ตสฺส เอกาทส เมตฺตานิสํเส วณฺเณตฺวา กลฺลจิตฺตตํ ตฺวา สจฺจานิ ปกาเสสิ, สจฺจปริโยสาเน โสปิ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. อิติ เต อุโภปิ โสตาปนฺนา ¶ หุตฺวา อฺมฺํ อจฺจยํ ทสฺเสตฺวา ขมาเปตฺวา สมคฺคา สมฺโมทมานา เอกชฺฌาสยา อเหสุํ. ตํ ทิวสฺเว จ ภควโต สมฺมุขาว เอกโต ภฺุชึสุ. สตฺถา ภตฺตกิจฺจํ นิฏฺาเปตฺวา วิหารํ อคมาสิ. เต พหูนิ มาลาคนฺธวิเลปนานิ เจว สปฺปิมธุผาณิตาทีนิ จ อาทาย สตฺถารา สทฺธึเยว นิกฺขมึสุ. สตฺถา ภิกฺขุสงฺเฆน วตฺเต ¶ ทสฺสิเต สุคโตวาทํ ทตฺวา คนฺธกุฏึ ปาวิสิ.
ภิกฺขู สายนฺหสมเย ธมฺมสภายํ สตฺถุ คุณกถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, สตฺถา อทนฺตทมโก, เย นาม ทฺเว มหามตฺเต จิรํ วายมมาโนปิ เนว ราชา สมคฺเค กาตุํ สกฺขิ, น าติมิตฺตาทโย สกฺขึสุ, เต เอกทิวเสเนว ตถาคเตน ทมิตา’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนวาหํ อิเม ทฺเว ชเน สมคฺเค อกาสึ, ปุพฺเพเปเต มยา สมคฺคา กตาเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต พาราณสิยํ อุสฺสเว โฆสิเต มหาสมชฺชํ อโหสิ. พหู มนุสฺสา เจว เทวนาคสุปณฺณาทโย จ สมชฺชทสฺสนตฺถํ สนฺนิปตึสุ. ตตฺเรกสฺมึ าเน เอโก นาโค จ สุปณฺโณ จ สมชฺชํ ปสฺสมานา เอกโต อฏฺํสุ. นาโค สุปณฺณสฺส สุปณฺณภาวํ อชานนฺโต อํเส หตฺถํ เปสิ. สุปณฺโณ ‘‘เกน เม อํเส หตฺโถ ปิโต’’ติ นิวตฺติตฺวา โอโลเกนฺโต นาคํ สฺชานิ. นาโคปิ โอโลเกนฺโต สุปณฺณํ สฺชานิตฺวา มรณภยตชฺชิโต นครา นิกฺขมิตฺวา นทีปิฏฺเน ปลายิ. สุปณฺโณปิ ‘‘ตํ คเหสฺสามี’’ติ อนุพนฺธิ. ตสฺมึ สมเย โพธิสตฺโต ตาปโส หุตฺวา ตสฺสา นทิยา ตีเร ปณฺณสาลาย วสมาโน ทิวา ทรถปฏิปฺปสฺสมฺภนตฺถํ อุทกสาฏิกํ นิวาเสตฺวา วกฺกลํ พหิ เปตฺวา นทึ โอตริตฺวา นฺหายติ. นาโค ‘‘อิมํ ปพฺพชิตํ นิสฺสาย ชีวิตํ ลภิสฺสามี’’ติ ปกติวณฺณํ วิชหิตฺวา มณิกฺขนฺธวณฺณํ มาเปตฺวา วกฺกลนฺตรํ ปาวิสิ. สุปณฺโณ อนุพนฺธมาโน ตํ ตตฺถ ปวิฏฺํ ทิสฺวา วกฺกเล ครุภาเวน อคฺคเหตฺวา โพธิสตฺตํ อามนฺเตตฺวา ‘‘ภนฺเต, อหํ ฉาโต, ตุมฺหากํ วกฺกลํ คณฺหถ, อิมํ นาคํ ขาทิสฺสามี’’ติ อิมมตฺถํ ปกาเสตุํ ปมํ คาถมาห –
‘‘อิธูรคานํ ¶ ¶ ¶ ปวโร ปวิฏฺโ, เสลสฺส วณฺเณน ปโมกฺขมิจฺฉํ;
พฺรหฺมฺจ วณฺณํ อปจายมาโน, พุภุกฺขิโต โน วิตรามิ โภตฺตุ’’นฺติ.
ตตฺถ อิธูรคานํ ปวโร ปวิฏฺโติ อิมสฺมึ วกฺกเล อุรคานํ ปวโร นาคราชา ปวิฏฺโ. เสลสฺส วณฺเณนาติ มณิวณฺเณน, มณิกฺขนฺโธ หุตฺวา ปวิฏฺโติ อตฺโถ. ปโมกฺขมิจฺฉนฺติ มม สนฺติกา โมกฺขํ อิจฺฉมาโน. พฺรหฺมฺจ วณฺณํ อปจายมาโนติ อหํ ปน ตุมฺหากํ พฺรหฺมวณฺณํ เสฏฺวณฺณํ ปูเชนฺโต ครุํ กโรนฺโต. พุภุกฺขิโต โน วิตรามิ โภตฺตุนฺติ เอตํ นาคํ วกฺกลนฺตรํ ปวิฏฺํ ฉาโตปิ สมาโน ภกฺขิตุํ น สกฺโกมีติ.
โพธิสตฺโต อุทเก ิโตเยว สุปณฺณราชสฺส ถุตึ กตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘โส พฺรหฺมคุตฺโต จิรเมว ชีว, ทิพฺยา จ เต ปาตุภวนฺตุ ภกฺขา;
โย พฺรหฺมวณฺณํ อปจายมาโน, พุภุกฺขิโต โน วิตราสิ โภตฺตุ’’นฺติ.
ตตฺถ โส พฺรหฺมคุตฺโตติ โส ตฺวํ พฺรหฺมโคปิโต พฺรหฺมรกฺขิโต หุตฺวา. ทิพฺยา จ เต ปาตุภวนฺตุ ภกฺขาติ เทวตานํ ปริโภคารหา ภกฺขา จ ตว ปาตุภวนฺตุ, มา ปาณาติปาตํ กตฺวา นาคมํสขาทโก อโหสิ.
อิติ โพธิสตฺโต อุทเก ิโตว อนุโมทนํ กตฺวา อุตฺตริตฺวา วกฺกลํ นิวาเสตฺวา เต อุโภปิ คเหตฺวา อสฺสมปทํ คนฺตฺวา เมตฺตาภาวนาย วณฺณํ กเถตฺวา ทฺเวปิ ชเน สมคฺเค อกาสิ. เต ตโต ปฏฺาย สมคฺคา สมฺโมทมานา สุขํ วสึสุ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา นาโค จ สุปณฺโณ จ อิเม ทฺเว มหามตฺตา อเหสุํ, ตาปโส ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
อุรคชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.
[๑๕๕] ๕. ภคฺคชาตกวณฺณนา
ชีว ¶ ¶ ¶ วสฺสสตํ ภคฺคาติ อิทํ สตฺถา เชตวนสมีเป ปเสนทิโกสเลน รฺา การิเต ราชการาเม วิหรนฺโต อตฺตโน ขิปิตกํ อารพฺภ กเถสิ. เอกสฺมิฺหิ ทิวเส สตฺถา ราชการาเม จตุปริสมชฺเฌ นิสีทิตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต ขิปิ. ภิกฺขู ‘‘ชีวตุ, ภนฺเต ภควา, ชีวตุ, สุคโต’’ติ อุจฺจาสทฺทํ มหาสทฺทํ อกํสุ, เตน สทฺเทน ธมฺมกถาย อนฺตราโย อโหสิ. อถ โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘อปิ นุ โข, ภิกฺขเว, ขิปิเต ‘ชีวา’ติ วุตฺโต ตปฺปจฺจยา ชีเวยฺย วา มเรยฺย วา’’ติ? ‘‘โน เหตํ ภนฺเต’’ติ. ‘‘น, ภิกฺขเว, ขิปิเต ‘ชีวา’ติ วตฺตพฺโพ, โย วเทยฺย อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (จูฬว. ๒๘๘). เตน โข ปน สมเยน มนุสฺสา ภิกฺขูนํ ขิปิเต ‘‘ชีวถ, ภนฺเต’’ติ วทนฺติ, ภิกฺขู กุกฺกุจฺจายนฺตา นาลปนฺติ. มนุสฺสา อุชฺฌายนฺติ – ‘‘กถฺหิ นาม สมณา สกฺยปุตฺติยา ‘ชีวถ, ภนฺเต’ติ วุจฺจมานา นาลปิสฺสนฺตี’’ติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. คิหี, ภิกฺขเว, มงฺคลิกา, อนุชานามิ, ภิกฺขเว, คิหีนํ ‘‘ชีวถ, ภนฺเต’’ติ วุจฺจมาเนน ‘‘จิรํ ชีวา’’ติ วตฺตุนฺติ. ภิกฺขู ภควนฺตํ ปุจฺฉึสุ – ‘‘ภนฺเต, ชีวปฏิชีวํ นาม กทา อุปฺปนฺน’’นฺติ? สตฺถา ‘‘ภิกฺขเว, ชีวปฏิชีวํ นาม โปราณกาเล อุปฺปนฺน’’นฺติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต กาสิรฏฺเ เอกสฺมึ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติ. ตสฺส ปิตา โวหารํ กตฺวา ชีวิกํ กปฺเปติ, โส โสฬสวสฺสุทฺเทสิกํ โพธิสตฺตํ มณิกภณฺฑํ อุกฺขิปาเปตฺวา คามนิคมาทีสุ จรนฺโต พาราณสึ ปตฺวา โทวาริกสฺส ฆเร ภตฺตํ ปจาเปตฺวา ภฺุชิตฺวา นิวาสฏฺานํ อลภนฺโต ‘‘อเวลาย อาคตา อาคนฺตุกา กตฺถ วสนฺตี’’ติ ปุจฺฉิ. อถ นํ มนุสฺสา ‘‘พหินคเร เอกา สาลา อตฺถิ, สา ปน อมนุสฺสปริคฺคหิตา. สเจ อิจฺฉถ, ตตฺถ วสถา’’ติ อาหํสุ. โพธิสตฺโต ‘‘เอถ, ตาต, คจฺฉาม, มา ยกฺขสฺส ภายิตฺถ, อหํ ตํ ทเมตฺวา ตุมฺหากํ ปาเทสุ ปาเตสฺสามี’’ติ ¶ ปิตรํ คเหตฺวา ตตฺถ คโต. อถสฺส ปิตา ผลเก นิปชฺชิ, สยํ ปิตุ ปาเท สมฺพาหนฺโต นิสีทิ. ตตฺถ อธิวตฺโถ ยกฺโข ทฺวาทส วสฺสานิ เวสฺสวณํ อุปฏฺหิตฺวา ตํ สาลํ ลภนฺโต ‘‘อิมํ สาลํ ปวิฏฺมนุสฺเสสุ โย ขิปิเต ‘ชีวา’ติ วทติ, โย จ ‘ชีวา’ติ วุตฺเต ‘ปฏิชีวา’ติ วทติ, เต ชีวปฏิชีวภาณิโน ¶ เปตฺวา อวเสเส ขาเทยฺยาสี’’ติ ลภิ. โส ปิฏฺิวํสถูณาย วสติ. โส ‘‘โพธิสตฺตสฺส ปิตรํ ขิปาเปสฺสามี’’ติ อตฺตโน อานุภาเวน สุขุมจุณฺณํ วิสฺสชฺเชสิ, จุณฺโณ อาคนฺตฺวา ตสฺส นาสปุเฏ ปาวิสิ. โส ผลเก นิปนฺนโกว ขิปิ, โพธิสตฺโต น ‘‘ชีวา’’ติ ¶ อาห. ยกฺโข ตํ ขาทิตุํ ถูณาย โอตรติ. โพธิสตฺโต ตํ โอตรนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อิมินา เม ปิตา ขิปาปิโต ภวิสฺสติ, อยํ โส ขิปิเต ‘ชีวา’ติ อวทนฺตํ ขาทกยกฺโข ภวิสฺสตี’’ติ ปิตรํ อารพฺภ ปมํ คาถมาห –
‘‘ชีว วสฺสสตํ ภคฺค, อปรานิ จ วีสตึ;
มา มํ ปิสาจา ขาทนฺตุ, ชีว ตฺวํ สรโทสต’’นฺติ.
ตตฺถ ภคฺคาติ ปิตรํ นาเมนาลปติ. อปรานิ จ วีสตินฺติ อปรานิ จ วีสติ วสฺสานิ ชีว. มา มํ ปิสาจา ขาทนฺตูติ มํ ปิสาจา มา ขาทนฺตุ. ชีว ตฺวํ สรโทสตนฺติ ตฺวํ ปน วีสุตฺตรํ วสฺสสตํ ชีวาติ. สรโทสตฺหิ คณิยมานํ วสฺสสตเมว โหติ, ตํ ปุริเมหิ วีสาย สทฺธึ วีสุตฺตรํ อิธ อธิปฺเปตํ.
ยกฺโข โพธิสตฺตสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘อิมํ ตาว มาณวํ ‘ชีวา’ติ วุตฺตตฺตา ขาทิตุํ น สกฺกา, ปิตรํ ปนสฺส ขาทิสฺสามี’’ติ ปิตุ สนฺติกํ อคมาสิ. โส ตํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อยํ โส ‘ปฏิชีวา’ติ อภณนฺตานํ ขาทกยกฺโข ภวิสฺสติ, ปฏิชีวํ กริสฺสามี’’ติ. โส ปุตฺตํ อารพฺภ ทุติยํ คาถมาห –
‘‘ตฺวมฺปิ วสฺสสตํ ชีวํ, อปรานิ จ วีสตึ;
วิสํ ปิสาจา ขาทนฺตุ, ชีว ตฺวํ สรโทสต’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ วิสํ ปิสาจา ขาทนฺตูติ ปิสาจา หลาหลวิสํ ขาทนฺตุ.
ยกฺโข ตสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘อุโภปิ เม น สกฺกา ขาทิตุ’’นฺติ ปฏินิวตฺติ. อถ นํ โพธิสตฺโต ปุจฺฉิ – ‘‘โภ ยกฺข, กสฺมา ตฺวํ อิมํ สาลํ ปวิฏฺมนุสฺเส ขาทสี’’ติ? ‘‘ทฺวาทส วสฺสานิ เวสฺสวณํ อุปฏฺหิตฺวา ลทฺธตฺตา’’ติ. ‘‘กึ ปน สพฺเพว ขาทิตุํ ลภสี’’ติ? ‘‘ชีวปฏิชีวภาณิโน เปตฺวา อวเสเส ขาทามี’’ติ. ‘‘ยกฺข, ตฺวํ ปุพฺเพปิ อกุสลํ กตฺวา กกฺขโฬ ¶ ผรุโส ปรวิหึสโก หุตฺวา นิพฺพตฺโต, อิทานิปิ ตาทิสํ กมฺมํ กตฺวา ตโม ตมปรายโณ ภวิสฺสติ, ตสฺมา อิโต ปฏฺาย ปาณาติปาตาทีหิ วิรมสฺสู’’ติ ตํ ยกฺขํ ทเมตฺวา นิรยภเยน ตชฺเชตฺวา ปฺจสุ สีเลสุ ปติฏฺาเปตฺวา ยกฺขํ เปสนการกํ วิย อกาสิ.
ปุนทิวเส ¶ สฺจรนฺตา มนุสฺสา ยกฺขํ ทิสฺวา โพธิสตฺเตน จสฺส ทมิตภาวํ ตฺวา รฺโ อาโรเจสุํ – ‘‘เทว, เอโก มาณโว ตํ ยกฺขํ ทเมตฺวา เปสนการกํ วิย กตฺวา ิโต’’ติ. ราชา โพธิสตฺตํ ปกฺโกสาเปตฺวา เสนาปติฏฺาเน เปสิ, ปิตุ จสฺส มหนฺตํ ยสํ อทาสิ. โส ยกฺขํ พลิปฏิคฺคาหกํ กตฺวา โพธิสตฺตสฺส โอวาเท ตฺวา ทานาทีนิ ปฺุานิ กตฺวา สคฺคปุรํ ปูเรสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘ชีวปฏิชีวํ นาม ตสฺมึ กาเล อุปฺปนฺน’’นฺติ วตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ยกฺโข องฺคุลิมาโล อโหสิ, ราชา อานนฺโท, ปิตา กสฺสโป, ปุตฺโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
ภคฺคชาตกวณฺณนา ปฺจมา.
[๑๕๖] ๖. อลีนจิตฺตชาตกวณฺณนา
อลีนจิตฺตํ นิสฺสายาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ โอสฺสฏฺวีริยํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ เอกาทสนิปาเต สํวรชาตเก (ชา. ๑.๑๑.๙๗ อาทโย) อาวิภวิสฺสติ. โส ปน ภิกฺขุ สตฺถารา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, ภิกฺขุ, วีริยํ โอสฺสชี’’ติ วุตฺเต ‘‘สจฺจํ, ภควา’’ติ ¶ อาห. อถ นํ สตฺถา ‘‘นนุ ตฺวํ, ภิกฺขุ, ปุพฺเพ วีริยํ อวิสฺสชฺเชตฺวา มํสเปสิสทิสสฺส ทหรกุมารสฺส ทฺวาทสโยชนิเก พาราณสินคเร รชฺชํ คเหตฺวา อทาสิ, อิทานิ กสฺมา เอวรูเป สาสเน ปพฺพชิตฺวา วีริยํ โอสฺสชสี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต พาราณสิโต อวิทูเร วฑฺฒกีคาโม อโหสิ, ตตฺถ ปฺจสตา วฑฺฒกี วสนฺติ. เต นาวาย ¶ อุปริโสตํ คนฺตฺวา อรฺเ เคหสมฺภารทารูนิ โกฏฺเฏตฺวา ตตฺเถว เอกภูมิกทฺวิภูมิกาทิเภเท เคหสมฺภาเร สชฺเชตฺวา ถมฺภโต ปฏฺาย สพฺพทารูสุ สฺํ กตฺวา นทีตีรํ เนตฺวา นาวํ อาโรเปตฺวา อนุโสเตน นครํ อาคนฺตฺวา เย ยาทิสานิ เคหานิ อากงฺขนฺติ, เตสํ ตาทิสานิ กตฺวา กหาปเณ คเหตฺวา ปุน ตตฺเถว คนฺตฺวา เคหสมฺภาเร อาหรนฺติ. เอวํ เตสํ ชีวิกํ กปฺเปนฺตานํ เอกสฺมึ กาเล ขนฺธาวารํ พนฺธิตฺวา ทารูนิ โกฏฺเฏนฺตานํ อวิทูเร เอโก หตฺถี ขทิรขาณุกํ อกฺกมิ. ตสฺส โส ขาณุโก ปาทํ วิชฺฌิ, พลวเวทนา วตฺตนฺติ, ปาโท อุทฺธุมายิตฺวา ปุพฺพํ คณฺหิ. โส เวทนาปฺปตฺโต ¶ เตสํ ทารุโกฏฺฏนสทฺทํ สุตฺวา ‘‘อิเม วฑฺฒกี นิสฺสาย มยฺหํ โสตฺถิ ภวิสฺสตี’’ติ มฺมาโน ตีหิ ปาเทหิ เตสํ สนฺติกํ คนฺตฺวา อวิทูเร นิปชฺชิ, วฑฺฒกี ตํ อุทฺธุมาตปาทํ ทิสฺวา อุปสงฺกมิตฺวา ปาเท ขาณุกํ ทิสฺวา ติขิณวาสิยา ขาณุกสฺส สมนฺตโต โอธึ ทตฺวา รชฺชุยา พนฺธิตฺวา อากฑฺฒนฺตา ขาณุํ นีหริตฺวา ปุพฺพํ โมเจตฺวา อุณฺโหทเกน โธวิตฺวา ตทนุรูเปหิ เภสชฺเชหิ มกฺเขตฺวา นจิรสฺเสว วณํ ผาสุกํ กรึสุ.
หตฺถี อโรโค หุตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘มยา อิเม วฑฺฒกี นิสฺสาย ชีวิตํ ลทฺธํ, อิทานิ เตสํ มยา อุปการํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส ตโต ปฏฺาย วฑฺฒกีหิ สทฺธึ ¶ รุกฺเข นีหรติ, ตจฺเฉนฺตานํ ปริวตฺเตตฺวา เทติ, วาสิอาทีนิ อุปสํหรติ, โสณฺฑาย เวเตฺวา กาฬสุตฺตโกฏิยํ คณฺหาติ. วฑฺฒกีปิสฺส โภชนเวลาย เอเกกํ ปิณฺฑํ เทนฺตา ปฺจ ปิณฺฑสตานิ เทนฺติ. ตสฺส ปน หตฺถิสฺส ปุตฺโต สพฺพเสโต หตฺถาชานียโปตโก อตฺถิ, เตนสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อหํ เอตรหิ มหลฺลโก. อิทานิ มยา อิเมสํ วฑฺฒกีนํ กมฺมกรณตฺตาย ปุตฺตํ ทตฺวา คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส วฑฺฒกีนํ อนาจิกฺขิตฺวาว อรฺํ ปวิสิตฺวา ปุตฺตํ อาเนตฺวา ‘‘อยํ หตฺถิโปตโก มม ปุตฺโต, ตุมฺเหหิ มยฺหํ ชีวิตํ ทินฺนํ, อหํ โว เวชฺชเวตนตฺถาย อิมํ ทมฺมิ, อยํ ตุมฺหากํ อิโต ปฏฺาย กมฺมานิ กริสฺสตี’’ติ วตฺวา ‘‘อิโต ปฏฺาย, ปุตฺตก, ยํ มยา กตฺตพฺพํ กมฺมํ, ตํ ตฺวํ กโรหี’’ติ ปุตฺตํ โอวทิตฺวา วฑฺฒกีนํ ทตฺวา สยํ อรฺํ ปาวิสิ.
ตโต ปฏฺาย หตฺถิโปตโก วฑฺฒกีนํ วจนกโร โอวาทกฺขโม หุตฺวา สพฺพกิจฺจานิ กโรติ. เตปิ ตํ ปฺจหิ ปิณฺฑสเตหิ โปเสนฺติ, โส ¶ กมฺมํ กตฺวา นทึ โอตริตฺวา นฺหตฺวา กีฬิตฺวา อาคจฺฉติ, วฑฺฒกีทารกาปิ ตํ โสณฺฑาทีสุ คเหตฺวา อุทเกปิ ถเลปิ เตน สทฺธึ กีฬนฺติ. อาชานียา ปน หตฺถิโนปิ อสฺสาปิ ปุริสาปิ อุทเก อุจฺจารํ วา ปสฺสาวํ วา น กโรนฺติ, ตสฺมา โสปิ อุทเก อุจฺจารปสฺสาวํ อกตฺวา พหินทีตีเรเยว กโรติ. อเถกสฺมึ ทิวเส อุปรินทิยา เทโว วสฺสิ, อถ สุกฺขํ หตฺถิลณฺฑํ อุทเกน นทึ โอตริตฺวา คจฺฉนฺตํ พาราณสีนครติตฺเถ เอกสฺมึ คุมฺเพ ลคฺเคตฺวา อฏฺาสิ. อถ รฺโ หตฺถิโคปกา ‘‘หตฺถี นฺหาเปสฺสามา’’ติ ปฺจ หตฺถิสตานิ นยึสุ. อาชานียลณฺฑสฺส คนฺธํ ฆายิตฺวา เอโกปิ หตฺถี นทึ โอตริตุํ น อุสฺสหิ. สพฺเพปิ นงฺคุฏฺํ อุกฺขิปิตฺวา ปลายิตุํ อารภึสุ, หตฺถิโคปกา หตฺถาจริยานํ อาโรเจสุํ. เต ‘‘อุทเก ปริปนฺเถน ภวิตพฺพ’’นฺติ อุทกํ โสธาเปตฺวา ตสฺมึ ¶ คุมฺเพ ตํ อาชานียลณฺฑํ ทิสฺวา ‘‘อิทเมตฺถ การณ’’นฺติ ตฺวา จาฏึ อาหราเปตฺวา อุทกสฺส ปูเรตฺวา ตํ ตตฺถ มทฺทิตฺวา หตฺถีนํ สรีเร สิฺจาเปสุํ, สรีรานิ สุคนฺธานิ อเหสุํ. ตสฺมึ กาเล เต นทึ โอตริตฺวา นฺหายึสุ.
หตฺถาจริยา ¶ รฺโ ตํ ปวตฺตึ อาโรเจตฺวา ‘‘ตํ หตฺถาชานียํ ปริเยสิตฺวา อาเนตุํ วฏฺฏติ, เทวา’’ติ อาหํสุ. ราชา นาวาสงฺฆาเฏหิ นทึ ปกฺขนฺทิตฺวา อุทฺธํคามีหิ นาวาสงฺฆาเฏหิ วฑฺฒกีนํ วสนฏฺานํ สมฺปาปุณิ. หตฺถิโปตโก นทิยํ กีฬนฺโต เภริสทฺทํ สุตฺวา คนฺตฺวา วฑฺฒกีนํ สนฺติเก อฏฺาสิ. วฑฺฒกี รฺโ ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา ‘‘เทว, สเจ ทารูหิ อตฺโถ, กึ การณา อาคตตฺถ, กึ เปเสตฺวา อาหราเปตุํ น วฏฺฏตี’’ติ อาหํสุ. ‘‘นาหํ, ภเณ, ทารูนํ อตฺถาย อาคโต, อิมสฺส ปน หตฺถิสฺส อตฺถาย อาคโตมฺหี’’ติ. ‘‘คาหาเปตฺวา คจฺฉถ, เทวา’’ติ. หตฺถิโปตโก คนฺตุํ น อิจฺฉิ. ‘‘กึ การาเปติ, ภเณ, หตฺถี’’ติ? ‘‘วฑฺฒกีนํ โปสาวนิกํ อาหราเปติ, เทวา’’ติ. ‘‘สาธุ, ภเณ’’ติ ราชา หตฺถิสฺส จตุนฺนํ ปาทานํ โสณฺฑาย นงฺคุฏฺสฺส จ สนฺติเก สตสหสฺสสตสหสฺสกหาปเณ ปาเปสิ. หตฺถี เอตฺตเกนาปิ อคนฺตฺวา สพฺพวฑฺฒกีนํ ทุสฺสยุเคสุ วฑฺฒกีภริยานํ นิวาสนสาฏเกสุ ทินฺเนสุ สทฺธึกีฬิตานํ ทารกานฺจ ทารกปริหาเร กเต นิวตฺติตฺวา วฑฺฒกี จ อิตฺถิโย จ ทารเก จ โอโลเกตฺวา รฺา สทฺธึ อคมาสิ.
ราชา ¶ ตํ อาทาย นครํ คนฺตฺวา นครฺจ หตฺถิสาลฺจ อลงฺการาเปตฺวา หตฺถึ นครํ ปทกฺขิณํ กาเรตฺวา หตฺถิสาลํ ปเวเสตฺวา สพฺพาลงฺกาเรหิ อลงฺกริตฺวา อภิเสกํ ทตฺวา โอปวยฺหํ กตฺวา อตฺตโน สหายฏฺาเน เปตฺวา อุปฑฺฒรชฺชํ หตฺถิสฺส ¶ ทตฺวา อตฺตนา สมานปริหารํ อกาสิ. หตฺถิสฺส อาคตกาลโต ปฏฺาย รฺโ สกลชมฺพุทีเป รชฺชํ หตฺถคตเมว อโหสิ. เอวํ กาเล คจฺฉนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส รฺโ อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. ตสฺสา คพฺภปริปากกาเล ราชา กาลมกาสิ. หตฺถี ปน สเจ รฺโ กาลกตภาวํ ชาเนยฺย, ตตฺเถวสฺส หทยํ ผเลยฺย, ตสฺมา หตฺถึ รฺโ กาลกตภาวํ อชานาเปตฺวาว อุปฏฺหึสุ. รฺโ ปน กาลกตภาวํ สุตฺวา ‘‘ตุจฺฉํ กิร รชฺช’’นฺติ อนนฺตรสามนฺตโกสลราชา มหติยา เสนาย อาคนฺตฺวา นครํ ปริวาเรสิ. นครวาสิโน ทฺวารานิ ปิทหิตฺวา โกสลรฺโ สาสนํ ปหิณึสุ – ‘‘อมฺหากํ รฺโ อคฺคมเหสี ปริปุณฺณคพฺภา ‘อิโต กิร สตฺตเม ทิวเส ปุตฺตํ วิชายิสฺสตี’ติ องฺควิชฺชาปากา อาหํสุ. สเจ สา ปุตฺตํ วิชายิสฺสติ, มยํ สตฺตเม ทิวเส ยุทฺธํ ทสฺสาม, น รชฺชํ, เอตฺตกํ กาลํ อาคเมถา’’ติ. ราชา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ.
เทวี สตฺตเม ทิวเส ปุตฺตํ วิชายิ. ตสฺส นามคฺคหณทิวเส ปน มหาชนสฺส อลีนจิตฺตํ ปคฺคณฺหนฺโต ชาโตติ ‘‘อลีนจิตฺตกุมาโร’’ตฺเววสฺส นามํ อกํสุ. ชาตทิวสโตเยว ปนสฺส ปฏฺาย นาครา โกสลรฺา สทฺธึ ยุชฺฌึสุ. นินฺนายกตฺตา สงฺคามสฺส มหนฺตมฺปิ พลํ ยุชฺฌมานํ โถกํ โถกํ โอสกฺกติ. อมจฺจา เทวิยา ตมตฺถํ อาโรเจตฺวา ‘‘มยํ ¶ เอวํ โอสกฺกมาเน พเล ปราชยภาวสฺส ภายาม, อมฺหากํ ปน รฺโ กาลกตภาวํ, ปุตฺตสฺส ชาตภาวํ, โกสลรฺโ อาคนฺตฺวา ยุชฺฌานภาวฺจ รฺโ สหายโก มงฺคลหตฺถี น ชานาติ, ชานาเปม น’’นฺติ ปุจฺฉึสุ. สา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ปุตฺตํ อลงฺกริตฺวา ทุกูลจุมฺพฏเก นิปชฺชาเปตฺวา ปาสาทา โอรุยฺห อมจฺจคณปริวุตา หตฺถิสาลํ คนฺตฺวา โพธิสตฺตํ หตฺถิสฺส ปาทมูเล ¶ นิปชฺชาเปตฺวา ‘‘สามิ, สหาโย เต กาลกโต, มยํ ตุยฺหํ หทยผาลนภเยน นาโรจยิมฺห, อยํ เต สหายสฺส ปุตฺโต, โกสลราชา อาคนฺตฺวา นครํ ¶ ปริวาเรตฺวา ตว ปุตฺเตน สทฺธึ ยุชฺฌติ, พลํ โอสกฺกติ, ตว ปุตฺตํ ตฺวฺเว วา มาเรหิ, รชฺชํ วาสฺส คณฺหิตฺวา เทหี’’ติ อาห.
ตสฺมึ กาเล หตฺถี โพธิสตฺตํ โสณฺฑาย ปรามสิตฺวา อุกฺขิปิตฺวา กุมฺเภ เปตฺวา โรทิตฺวา โพธิสตฺตํ โอตาเรตฺวา เทวิยา หตฺเถ นิปชฺชาเปตฺวา ‘‘โกสลราชํ คณฺหิสฺสามี’’ติ หตฺถิสาลโต นิกฺขมิ. อถสฺส อมจฺจา วมฺมํ ปฏิมฺุจิตฺวา อลงฺกริตฺวา นครทฺวารํ อวาปุริตฺวา ตํ ปริวาเรตฺวา นิกฺขมึสุ. หตฺถี นครา นิกฺขมิตฺวา โกฺจนาทํ กตฺวา มหาชนํ สนฺตาเสตฺวา ปลาเปตฺวา พลโกฏฺกํ ภินฺทิตฺวา โกสลราชานํ จูฬาย คเหตฺวา อาเนตฺวา โพธิสตฺตสฺส ปาทมูเล นิปชฺชาเปตฺวา มารณตฺถายสฺส อุฏฺิเต วาเรตฺวา ‘‘อิโต ปฏฺาย อปฺปมตฺโต โหหิ, ‘กุมาโร ทหโร’ติ สฺํ มา กรี’’ติ โอวทิตฺวา อุยฺโยเชสิ. ตโต ปฏฺาย สกลชมฺพุทีเป รชฺชํ โพธิสตฺตสฺส หตฺถคตเมว ชาตํ, อฺโ ปฏิสตฺตุ นาม อุฏฺหิตุํ สมตฺโถ นาโหสิ. โพธิสตฺโต สตฺตวสฺสิกกาเล อภิเสกํ กตฺวา อลีนจิตฺตราชา นาม หุตฺวา ธมฺเมน รชฺชํ กาเรตฺวา ชีวิตปริโยสาเน สคฺคปุรํ ปูเรสิ.
สตฺถา อิมํ อตีตํ อาหริตฺวา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา อิมํ คาถาทฺวยมาห –
‘‘อลีนจิตฺตํ นิสฺสาย, ปหฏฺา มหตี จมู;
โกสลํ เสนาสนฺตุฏฺํ, ชีวคฺคาหํ อคาหยิ.
‘‘เอวํ นิสฺสยสมฺปนฺโน, ภิกฺขุ อารทฺธวีริโย;
ภาวยํ กุสลํ ธมฺมํ, โยคกฺเขมสฺส ปตฺติยา;
ปาปุเณ อนุปุพฺเพน, สพฺพสํโยชนกฺขย’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ อลีนจิตฺตํ นิสฺสายาติ อลีนจิตฺตํ ราชกุมารํ นิสฺสาย. ปหฏฺา มหตี จมูติ ‘‘ปเวณีรชฺชํ โน ทิฏฺ’’นฺติ หฏฺตุฏฺา หุตฺวา มหตี เสนา. โกสลํ เสนาสนฺตุฏฺนฺติ โกสลราชานํ ¶ เสน รชฺเชน อสนฺตุฏฺํ ปรรชฺชโลเภน อาคตํ. ชีวคฺคาหํ อคาหยีติ อมาเรตฺวาว สา จมู ตํ ราชานํ หตฺถินา ชีวคฺคาหํ คณฺหาเปสิ. เอวํ นิสฺสยสมฺปนฺโนติ ยถา สา จมู, เอวํ อฺโปิ กุลปุตฺโต นิสฺสยสมฺปนฺโน กลฺยาณมิตฺตํ ¶ พุทฺธํ วา พุทฺธสาวกํ วา นิสฺสยํ ลภิตฺวา. ภิกฺขูติ ปริสุทฺธาธิวจนเมตํ. อารทฺธวีริโยติ ปคฺคหิตวีริโย จตุโทสาปคเตน วีริเยน สมนฺนาคโต. ภาวยํ กุสลํ ธมฺมนฺติ กุสลํ นิรวชฺชํ สตฺตตึสโพธิปกฺขิยสงฺขาตํ ธมฺมํ ภาเวนฺโต. โยคกฺเขมสฺส ปตฺติยาติ จตูหิ โยเคหิ เขมสฺส นิพฺพานสฺส ปาปุณนตฺถาย ตํ ธมฺมํ ภาเวนฺโต. ปาปุเณ อนุปุพฺเพน, สพฺพสํโยชนกฺขยนฺติ เอวํ วิปสฺสนโต ปฏฺาย อิมํ กุสลํ ธมฺมํ ภาเวนฺโต โส กลฺยาณมิตฺตุปนิสฺสยสมฺปนฺโน ภิกฺขุ อนุปุพฺเพน วิปสฺสนาาณานิ จ เหฏฺิมมคฺคผลานิ จ ปาปุณนฺโต ปริโยสาเน ทสนฺนมฺปิ สํโยชนานํ ขยนฺเต อุปฺปนฺนตฺตา สพฺพสํโยชนกฺขยสงฺขาตํ อรหตฺตํ ปาปุณาติ. ยสฺมา วา นิพฺพานํ อาคมฺม สพฺพสํโยชนานิ ขียนฺติ, ตสฺมา ตมฺปิ สพฺพสํโยชนกฺขยเมว, เอวํ อนุปุพฺเพน นิพฺพานสงฺขาตํ สพฺพสํโยชนกฺขยํ ปาปุณาตีติ อตฺโถ.
อิติ ภควา อมตมหานิพฺพาเนน ธมฺมเทสนาย กูฏํ คเหตฺวา อุตฺตริปิ สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน โอสฺสฏฺวีริโย ภิกฺขุ อรหตฺเต ปติฏฺหิ. ‘‘ตทา มาตา มหามายา, ปิตา สุทฺโธทนมหาราชา อโหสิ, รชฺชํ คเหตฺวา ทินฺนหตฺถี อยํ โอสฺสฏฺวีริโย ภิกฺขุ, หตฺถิสฺส ปิตา สาริปุตฺโต, สามนฺตโกสลราชา โมคฺคลฺลาโน, อลีนจิตฺตกุมาโร ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
อลีนจิตฺตชาตกวณฺณนา ฉฏฺา.
[๑๕๗] ๗. คุณชาตกวณฺณนา
เยน กามํ ปณาเมตีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อานนฺทตฺเถรสฺส สาฏกสหสฺสลาภํ อารพฺภ กเถสิ. เถรสฺส โกสลรฺโ อนฺเตปุเร ธมฺมวาจนวตฺถุ เหฏฺา มหาสารชาตเก (ชา. ๑.๑.๙๒) อาคตเมว. อิติ เถเร รฺโ อนฺเตปุเร ธมฺมํ วาเจนฺเต รฺโ ¶ สหสฺสคฺฆนิกานํ สาฏกานํ สหสฺสํ อาหริยิตฺถ. ราชา ตโต ปฺจ สาฏกสตานิ ปฺจนฺนํ เทวีสตานํ อทาสิ. ตา สพฺพาปิ เต สาฏเก เปตฺวา ปุนทิวเส อานนฺทตฺเถรสฺส ทตฺวา สยํ ปุราณสาฏเกเยว ปารุปิตฺวา รฺโ ปาตราสฏฺานํ อคมํสุ.
ราชา ¶ ¶ ‘‘มยา ตุมฺหากํ สหสฺสคฺฆนิกา สาฏกา ทาปิตา, กสฺมา ตุมฺเห เต อปารุปิตฺวาว อาคตา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘เทว, อมฺเหหิ เต อานนฺทตฺเถรสฺส ทินฺนา’’ติ. ‘‘อานนฺทตฺเถเรน สพฺเพ คหิตา’’ติ? ‘‘อาม, เทวา’’ติ. ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺเธน ติจีวรํ อนฺุาตํ, อานนฺทตฺเถโร ทุสฺสวณิชฺชํ มฺเ กริสฺสติ, อติพหู เตน สาฏกา คหิตา’’ติ เถรสฺส กุชฺฌิตฺวา ภุตฺตปาตราโส วิหารํ คนฺตฺวา เถรสฺส ปริเวณํ ปวิสิตฺวา เถรํ วนฺทิตฺวา นิสินฺโน ปุจฺฉิ – ‘‘อปิ, ภนฺเต, อมฺหากํ ฆเร อิตฺถิโย ตุมฺหากํ สนฺติเก ธมฺมํ อุคฺคณฺหนฺติ วา สุณนฺติ วา’’ติ? ‘‘อาม, มหาราช, คเหตพฺพยุตฺตกํ คณฺหนฺติ, โสตพฺพยุตฺตกํ สุณนฺตี’’ติ. ‘‘กึ ตา สุณนฺติเยว, อุทาหุ ตุมฺหากํ นิวาสนํ วา ปารุปนํ วา ททนฺตี’’ติ? ‘‘ตา อชฺช, มหาราช, สหสฺสคฺฆนิกานิ ปฺจ สาฏกสตานิ อทํสู’’ติ. ‘‘ตุมฺเหหิ คหิตานิ ตานิ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘อาม, มหาราชา’’ติ. ‘‘นนุ, ภนฺเต, สตฺถารา ติจีวรเมว อนฺุาต’’นฺติ? ‘‘อาม, มหาราช, ภควตา เอกสฺส ภิกฺขุโน ติจีวรเมว ปริโภคสีเสน อนฺุาตํ, ปฏิคฺคหณํ ปน อวาริตํ, ตสฺมา มยาปิ อฺเสํ ชิณฺณจีวริกานํ ทาตุํ เต สาฏกา ปฏิคฺคหิตา’’ติ. ‘‘เต ปน ภิกฺขู ตุมฺหากํ สนฺติกา สาฏเก ลภิตฺวา โปราณจีวรานิ กึ กริสฺสนฺตี’’ติ? ‘‘โปราณสงฺฆาฏึ อุตฺตราสงฺคํ กริสฺสนฺตี’’ติ? ‘‘โปราณอุตฺตราสงฺคํ กึ กริสฺสนฺตี’’ติ? ‘‘อนฺตรวาสกํ กริสฺสนฺตี’’ติ. ‘‘โปราณอนฺตรวาสกํ กึ กริสฺสนฺตี’’ติ? ‘‘ปจฺจตฺถรณํ กริสฺสนฺตี’’ติ. ‘‘โปราณปจฺจตฺถรณํ กึ กริสฺสนฺตี’’ติ? ‘‘ภุมฺมตฺถรณํ กริสฺสนฺตี’’ติ. ‘‘โปราณภุมฺมตฺถรณํ ¶ กึ กริสฺสนฺตี’’ติ? ‘‘ปาทปฺุฉนํ กริสฺสนฺตี’’ติ. ‘‘โปราณปาทปฺุฉนํ กึ กริสฺสนฺตี’’ติ? ‘‘มหาราช, สทฺธาเทยฺยํ นาม วินิปาเตตุํ น ลพฺภติ, ตสฺมา โปราณปาทปฺุฉนํ วาสิยา โกฏฺเฏตฺวา มตฺติกาย มกฺเขตฺวา เสนาสเนสุ มตฺติกาเลปนํ กริสฺสนฺตี’’ติ. ‘‘ภนฺเต, ตุมฺหากํ ทินฺนํ ยาว ปาทปฺุฉนาปิ นสฺสิตุํ น ลพฺภตี’’ติ? ‘‘อาม, มหาราช, อมฺหากํ ทินฺนํ นสฺสิตุํ น ลพฺภติ, ปริโภคเมว โหตี’’ติ.
ราชา ตุฏฺโ โสมนสฺสปฺปตฺโต หุตฺวา อิตรานิปิ เคเห ปิตานิ ปฺจ สาฏกสตานิ อาหราเปตฺวา เถรสฺส ทตฺวา อนุโมทนํ สุตฺวา เถรํ วนฺทิตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิ. เถโร ปมลทฺธานิ ปฺจ สาฏกสตานิ ชิณฺณจีวริกานํ ภิกฺขูนํ อทาสิ. เถรสฺส ปน ปฺจมตฺตานิ สทฺธิวิหาริกสตานิ ¶ , เตสุ เอโก ทหรภิกฺขุ เถรสฺส พหูปกาโร ปริเวณํ สมฺมชฺชติ, ปานียปริโภชนียํ อุปฏฺเปติ, ทนฺตกฏฺํ มุโขทกํ นฺหาโนทกํ เทติ, วจฺจกุฏิชนฺตาฆรเสนาสนานิ ปฏิชคฺคติ, หตฺถปริกมฺมปาทปริกมฺมปิฏฺิปริกมฺมาทีนิ กโรติ. เถโร ปจฺฉา ลทฺธานิ ปฺจ สาฏกสตานิ ‘‘อยํ เม พหูปกาโร’’ติ ยุตฺตวเสน สพฺพานิ ตสฺเสว อทาสิ. โสปิ สพฺเพ เต สาฏเก ภาเชตฺวา อตฺตโน สมานุปชฺฌายานํ อทาสิ.
เอวํ ¶ สพฺเพปิ เต ลทฺธสาฏกา ภิกฺขู สาฏเก ฉินฺทิตฺวา รชิตฺวา กณิการปุปฺผวณฺณานิ กาสายานิ นิวาเสตฺวา จ ปารุปิตฺวา จ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิตฺวา เอวมาหํสุ – ‘‘ภนฺเต, โสตาปนฺนสฺส อริยสาวกสฺส มุโขโลกนทานํ นาม อตฺถี’’ติ. ‘‘น, ภิกฺขเว, อริยสาวกานํ มุโขโลกนทานํ นาม อตฺถี’’ติ. ‘‘ภนฺเต, อมฺหากํ อุปชฺฌาเยน ธมฺมภณฺฑาคาริกตฺเถเรน สหสฺสคฺฆนิกานํ สาฏกานํ ปฺจ สตานิ เอกสฺเสว ทหรภิกฺขุโน ทินฺนานิ, โส ปน อตฺตนา ลทฺเธ ภาเชตฺวา อมฺหากํ อทาสี’’ติ. ‘‘น, ภิกฺขเว, อานนฺโท มุโขโลกนภิกฺขํ เทติ ¶ , โส ปนสฺส ภิกฺขุ พหูปกาโร, ตสฺมา อตฺตโน อุปการสฺส อุปการวเสน คุณวเสน ยุตฺตวเสน ‘อุปการสฺส นาม ปจฺจุปกาโร กาตุํ วฏฺฏตี’ติ กตฺุกตเวทิภาเวน อทาสิ. โปราณกปณฺฑิตาปิ หิ อตฺตโน อุปการานฺเว ปจฺจุปการํ กรึสู’’ติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต สีโห หุตฺวา ปพฺพตคุหายํ วสติ. โส เอกทิวสํ คุหาย นิกฺขมิตฺวา ปพฺพตปาทํ โอโลเกสิ, ตํ ปน ปพฺพตปาทํ ปริกฺขิปิตฺวา มหาสโร อโหสิ. ตสฺส เอกสฺมึ อุนฺนตฏฺาเน อุปริถทฺธกทฺทมปิฏฺเ มุทูนิ หริตติณานิ ชายึสุ. สสกา เจว หริณาทโย จ สลฺลหุกมิคา กทฺทมมตฺถเก วิจรนฺตา ตานิ ขาทนฺติ. ตํ ทิวสมฺปิ เอโก มิโค ตานิ ขาทนฺโต วิจรติ. สีโห ‘‘ตํ มิคํ คณฺหิสฺสามี’’ติ ปพฺพตมตฺถกา อุปฺปติตฺวา สีหเวเคน ปกฺขนฺทิ, มิโค มรณภยตชฺชิโต วิรวนฺโต ปลายิ. สีโห เวคํ สนฺธาเรตุํ อสกฺโกนฺโต กลลปิฏฺเ นิปติตฺวา ¶ โอสีทิตฺวา อุคฺคนฺตุํ อสกฺโกนฺโต จตฺตาโร ปาทา ถมฺภา วิย โอสีทิตฺวา สตฺตาหํ นิราหาโร อฏฺาสิ.
อถ นํ เอโก สิงฺคาโล โคจรปฺปสุโต ตํ ทิสฺวา ภเยน ปลายิ. สีโห ตํ ปกฺโกสิตฺวา ‘‘โภ สิงฺคาล, มา ปลายิ, อหํ กลเล ลคฺโค, ชีวิตํ เม เทหี’’ติ อาห. สิงฺคาโล ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘อหํ ตํ อุทฺธเรยฺยํ, อุทฺธโฏ ปน มํ ขาเทยฺยาสีติ ภายามี’’ติ อาห. ‘‘มา ภายิ, นาหํ ตํ ขาทิสฺสามิ, มหนฺตํ ปน เต คุณํ กริสฺสามิ, เอเกนุปาเยน มํ อุทฺธราหี’’ติ. สิงฺคาโล ตสฺส ปฏิฺํ คเหตฺวา จตุนฺนํ ปาทานํ สมนฺตา กลเล อปเนตฺวา จตุนฺนมฺปิ ปาทานํ จตสฺโส มาติกา ขณิตฺวา ¶ อุทกาภิมุขํ อกาสิ, อุทกํ ปวิสิตฺวา กลลํ มุทุํ อกาสิ. ตสฺมึ ขเณ สิงฺคาโล สีหสฺส อุทรนฺตรํ อตฺตโน สีสํ ปเวเสตฺวา ‘‘วายามํ กโรหิ, สามี’’ติ อุจฺจาสทฺทํ กโรนฺโต สีเสน อุทรํ ปหริ. สีโห เวคํ ชเนตฺวา กลลา อุคฺคนฺตฺวา ปกฺขนฺทิตฺวา ถเล อฏฺาสิ. โส มุหุตฺตํ วิสฺสมิตฺวา สรํ โอรุยฺห กทฺทมํ โธวิตฺวา นฺหายิตฺวา ทรถํ ปฏิปฺปสฺสมฺเภตฺวา เอกํ มหึสํ วธิตฺวา ทาาหิ โอวิชฺฌิตฺวา มํสํ ¶ อุพฺพตฺเตตฺวา ‘‘ขาท, สมฺมา’’ติ สิงฺคาลสฺส ปุรโต เปตฺวา เตน ขาทิเต ปจฺฉา อตฺตนา ขาทิ. ปุน สิงฺคาโล เอกํ มํสเปสึ ฑํสิตฺวา คณฺหิ. ‘‘อิทํ กิมตฺถาย, สมฺมา’’ติ จ วุตฺเต ‘‘ตุมฺหากํ ทาสี อตฺถิ, ตสฺสา ภาโค ภวิสฺสตี’’ติ อาห. สีโห ‘‘คณฺหาหี’’ติ วตฺวา สยมฺปิ สีหิยา อตฺถาย มํสํ คณฺหิตฺวา ‘‘เอหิ, สมฺม, อมฺหากํ ปพฺพตมุทฺธนิ ตฺวา สขิยา วสนฏฺานํ คมิสฺสามา’’ติ วตฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา มํสํ ขาทาเปตฺวา สิงฺคาลฺจ สิงฺคาลิฺจ อสฺสาเสตฺวา ‘‘อิโต ปฏฺาย อิทานิ อหํ ตุมฺเห ปฏิชคฺคิสฺสามี’’ติ อตฺตโน วสนฏฺานํ เนตฺวา คุหาย ทฺวาเร อฺิสฺสา คุหาย วสาเปสิ. เต ตโต ปฏฺาย โคจราย คจฺฉนฺตา สีหิฺจ สิงฺคาลิฺจ เปตฺวา สิงฺคาเลน สทฺธึ คนฺตฺวา นานามิเค วธิตฺวา อุโภปิ ตตฺเถว มํสํ ขาทิตฺวา อิตราสมฺปิ ทฺวินฺนํ อาหริตฺวา เทนฺติ.
เอวํ กาเล คจฺฉนฺเต สีหี ทฺเว ปุตฺเต วิชายิ, สิงฺคาลีปิ ทฺเว ปุตฺเต วิชายิ. เต สพฺเพปิ สมคฺควาสํ วสึสุ. อเถกทิวสํ สีหิยา เอตทโหสิ – ‘‘อยํ สีโห สิงฺคาลฺจ สิงฺคาลิฺจ สิงฺคาลโปตเก จ อติวิย ปิยายติ, นูนมสฺส สิงฺคาลิยา สทฺธึ สนฺถโว อตฺถิ, ตสฺมา เอวํ สิเนหํ กโรติ, ยํนูนาหํ อิมํ ปีเฬตฺวา ตชฺเชตฺวา อิโต ปลาเปยฺย’’นฺติ ¶ . สา สีหสฺส สิงฺคาลํ คเหตฺวา โคจราย คตกาเล สิงฺคาลึ ปีเฬสิ ตชฺเชสิ ‘‘กึการณา อิมสฺมึ าเน วสติ ¶ , น ปลายสี’’ติ? ปุตฺตาปิสฺสา สิงฺคาลิปุตฺเต ตเถว ตชฺชยึสุ. สิงฺคาลี ตมตฺถํ สิงฺคาลสฺส กเถตฺวา ‘‘สีหสฺส วจเนน เอตาย เอวํ กตภาวมฺปิ น ชานาม, จิรํ วสิมฺหา, นาสาเปยฺยาปิ โน, อมฺหากํ วสนฏฺานเมว คจฺฉามา’’ติ อาห. สิงฺคาโล ตสฺสา วจนํ สุตฺวา สีหํ อุปสงฺกมิตฺวา อาห – ‘‘สามิ, จิรํ อมฺเหหิ ตุมฺหากํ สนฺติเก นิวุตฺถํ, อติจิรํ วสนฺตา นาม อปฺปิยา โหนฺติ, อมฺหากํ โคจราย ปกฺกนฺตกาเล สีหี สิงฺคาลึ วิเหเติ ‘อิมสฺมึ าเน กสฺมา วสถ, ปลายถา’ติ ตชฺเชติ, สีหโปตกาปิ สิงฺคาลโปตเก ตชฺเชนฺติ. โย นาม ยสฺส อตฺตโน สนฺติเก วาสํ น โรเจติ, เตน โส ‘ยาหี’ติ นีหริตพฺโพว, วิเหนํ นาม กิมตฺถิย’’นฺติ วตฺวา ปมํ คาถมาห –
‘‘เยน กามํ ปณาเมติ, ธมฺโม พลวตํ มิคี;
อุนฺนทนฺตี วิชานาหิ, ชาตํ สรณโต ภย’’นฺติ.
ตตฺถ เยน กามํ ปณาเมติ, ธมฺโม พลวตนฺติ พลวา นาม อิสฺสโร อตฺตโน เสวกํ เยน ทิสาภาเคน อิจฺฉติ, เตน ทิสาภาเคน โส ปณาเมติ นีหรติ. เอส ธมฺโม พลวตํ อยํ อิสฺสรานํ สภาโว ปเวณิธมฺโมว, ตสฺมา สเจ อมฺหากํ วาสํ น โรเจถ, อุชุกเมว โน นีหรถ ¶ , วิเหเนน โก อตฺโถติ ทีเปนฺโต เอวมาห. มิคีติ สีหํ อาลปติ. โส หิ มิคราชตาย มิคา อสฺส อตฺถีติ มิคี. อุนฺนทนฺตีติปิ ตเมว อาลปติ. โส หิ อุนฺนตานํ ทนฺตานํ อตฺถิตาย อุนฺนตา ทนฺตา อสฺส อตฺถีติ อุนฺนทนฺตี. ‘‘อุนฺนตทนฺตี’’ติปิ ปาโเยว. วิชานาหีติ ‘‘เอส อิสฺสรานํ ธมฺโม’’ติ เอวํ ชานาหิ. ชาตํ สรณโต ภยนฺติ อมฺหากํ ตุมฺเห ปติฏฺานฏฺเน สรณํ, ตุมฺหากฺเว สนฺติกา ภยํ ชาตํ, ตสฺมา อตฺตโน วสนฏฺานเมว คมิสฺสามาติ ทีเปติ.
อปโร นโย – ตว มิคี สีหี อุนฺนทนฺตีมม ปุตฺตทารํ ตชฺเชนฺตี เยน กามํ ปณาเมติ, เยน เยนากาเรน อิจฺฉติ, เตน ปณาเมติ ปวตฺตติ, วิเหเติปิ ¶ ปลาเปติปิ, เอวํ ตฺวํ วิชานาหิ, ตตฺถ กึ สกฺกา อมฺเหหิ กาตุํ. ธมฺโม พลวตํ เอส พลวนฺตานํ สภาโว, อิทานิ มยํ คมิสฺสาม. กสฺมา? ชาตํ สรณโต ภยนฺติ.
ตสฺส ¶ วจนํ สุตฺวา สีโห สีหึ อาห – ‘‘ภทฺเท, อสุกสฺมึ นาม กาเล มม โคจรตฺถาย คนฺตฺวา สตฺตเม ทิวเส อิมินา สิงฺคาเลน อิมาย จ สิงฺคาลิยา สทฺธึ อาคตภาวํ สรสี’’ติ. ‘‘อาม, สรามี’’ติ. ‘‘ชานาสิ ปน มยฺหํ สตฺตาหํ อนาคมนสฺส การณ’’นฺติ? ‘‘น ชานามิ, สามี’’ติ. ‘‘ภทฺเท, อหํ ‘เอกํ มิคํ คณฺหิสฺสามี’ติ วิรชฺฌิตฺวา กลเล ลคฺโค, ตโต นิกฺขมิตุํ อสกฺโกนฺโต สตฺตาหํ นิราหาโร อฏฺาสึ, สฺวาหํ อิมํ สิงฺคาลํ นิสฺสาย ชีวิตํ ลภึ, อยํ เม ชีวิตทายโก สหาโย. มิตฺตธมฺเม าตุํ สมตฺโถ หิ มิตฺโต ทุพฺพโล นาม นตฺถิ, อิโต ปฏฺาย มยฺหํ สหายสฺส จ สหายิกาย จ ปุตฺตกานฺจ เอวรูปํ อวมานํ มา อกาสี’’ติ วตฺวา สีโห ทุติยํ คาถมาห –
‘‘อปิ เจปิ ทุพฺพโล มิตฺโต, มิตฺตธมฺเมสุ ติฏฺติ;
โส าตโก จ พนฺธุ จ, โส มิตฺโต โส จ เม สขา;
ทาินิ มาติมฺิตฺโถ, สิงฺคาโล มม ปาณโท’’ติ.
ตตฺถ อปิ เจปีติ เอโก อปิสทฺโท อนุคฺคหตฺโถ, เอโก สมฺภาวนตฺโถ. ตตฺรายํ โยชนา – ทุพฺพโลปิ เจ มิตฺโต มิตฺตธมฺเมสุ อปิ ติฏฺติ, สเจ าตุํ สกฺโกติ, โส าตโก จ พนฺธุ จ, โส เมตฺตจิตฺตตาย มิตฺโต, โส จ เม สหายฏฺเน สขา. ทาินิ มาติมฺิตฺโถติ, ภทฺเท, ทาาสมฺปนฺเน สีหิ มา มยฺหํ สหายํ วา สหายึ วา อติมฺิ, อยฺหิ สิงฺคาโล มม ปาณโทติ.
สา ¶ ตสฺส วจนํ สุตฺวา สิงฺคาลึ ขมาเปตฺวา ตโต ปฏฺาย สปุตฺตาย ตาย สทฺธึ สมคฺควาสํ วสิ. สีหโปตกาปิ สิงฺคาลโปตเกหิ สทฺธึ กีฬมานา สมฺโมทมานา มาตาปิตูนํ อติกฺกนฺตกาเลปิ ¶ มิตฺตภาวํ อภินฺทิตฺวา สมฺโมทมานา วสึสุ. เตสํ กิร สตฺตกุลปริวฏฺเฏ อภิชฺชมานา เมตฺติ อคมาสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – สจฺจปริโยสาเน เกจิ โสตาปนฺนา, เกจิ สกทาคามิโน, เกจิ อนาคามิโน, เกจิ อรหนฺโต อเหสุํ. ‘‘ตทา สิงฺคาโล อานนฺโท อโหสิ, สีโห ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
คุณชาตกวณฺณนา สตฺตมา.
[๑๕๘] ๘. สุหนุชาตกวณฺณนา
นยิทํ ¶ วิสมสีเลนาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ทฺเว จณฺฑภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ. ตสฺมิฺหิ สมเย เชตวเนปิ เอโก ภิกฺขุ จณฺโฑ อโหสิ ผรุโส สาหสิโก ชนปเทปิ. อเถกทิวสํ ชานปโท ภิกฺขุ เกนจิเทว กรณีเยน เชตวนํ อคมาสิ, สามเณรา เจว ทหรภิกฺขู จ ตสฺส จณฺฑภาวํ ชานนฺติ. ‘‘เตสํ ทฺวินฺนํ จณฺฑานํ กลหํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ กุตูหเลน ตํ ภิกฺขุํ เชตวนวาสิกสฺส ปริเวณํ ปหิณึสุ. เต อุโภปิ จณฺฑา อฺมฺํ ทิสฺวาว ปิยสํวาสํ สํสนฺทึสุ สมึสุ, หตฺถปาทปิฏฺิสมฺพาหนาทีนิ อกํสุ. ธมฺมสภายํ ภิกฺขู กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, จณฺฑา ภิกฺขู อฺเสํ อุปริ จณฺฑา ผรุสา สาหสิกา, อฺมฺํ ปน อุโภปิ สมคฺคา สมฺโมทมานา ปิยสํวาสา ชาตา’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปเต อฺเสํ จณฺฑา ผรุสา สาหสิกา, อฺมฺํ ปน สมคฺคา สมฺโมทมานา ปิยสํวาสา จ อเหสุ’’นฺติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส สพฺพตฺถสาธโก อตฺถธมฺมานุสาสโก อมจฺโจ อโหสิ. โส ปน ราชา โถกํ ธนโลภปกติโก, ตสฺส ¶ มหาโสโณ นาม กูฏอสฺโส อตฺถิ. อถ อุตฺตราปถกา อสฺสวาณิชา ปฺจ อสฺสสตานิ อาเนสุํ, อสฺสานํ อาคตภาวํ รฺโ อาโรเจสุํ. ตโต ปุพฺเพ ปน โพธิสตฺโต อสฺเส อคฺฆาเปตฺวา ¶ มูลํ อปริหาเปตฺวา ทาเปสิ. ราชา ตํ ปริหายมาโน อฺํ อมจฺจํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘ตาต, อสฺเส อคฺฆาเปหิ, อคฺฆาเปนฺโต จ ปมํ มหาโสณํ ยถา เตสํ อสฺสานํ อนฺตรํ ปวิสติ, ตถา วิสฺสชฺเชตฺวา อสฺเส ฑํสาเปตฺวา วณิเต การาเปตฺวา ทุพฺพลกาเล มูลํ หาเปตฺวา อสฺเส อคฺฆาเปยฺยาสี’’ติ อาห. โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตถา อกาสิ.
อสฺสวาณิชา อนตฺตมนา หุตฺวา เตน กตกิริยํ โพธิสตฺตสฺส อาโรเจสุํ. โพธิสตฺโต ‘‘กึ ปน ตุมฺหากํ นคเร กูฏอสฺโส นตฺถี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อตฺถิ สามิ, สุหนุ นาม กูฏอสฺโส จณฺโฑ ผรุโส’’ติ. ‘‘เตน ¶ หิ ปุน อาคจฺฉนฺตา ตํ อสฺสํ อาเนยฺยาถา’’ติ. เต ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา ปุน อาคจฺฉนฺตา ตํ กูฏสฺสํ คาหาเปตฺวา อาคจฺฉึสุ. ราชา ‘‘อสฺสวาณิชา อาคตา’’ติ สุตฺวา สีหปฺชรํ อุคฺฆาเฏตฺวา อสฺเส โอโลเกตฺวา มหาโสณํ วิสฺสชฺชาเปสิ. อสฺสวาณิชาปิ มหาโสณํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา สุหนุํ วิสฺสชฺชาเปสุํ. เต อฺมฺํ ปตฺวา สรีรานิ เลหนฺตา สมฺโมทมานา อฏฺํสุ. ราชา โพธิสตฺตํ ปุจฺฉิ – ‘‘ปสฺสสิ อิเม ทฺเว กูฏสฺสา อฺเสํ จณฺฑา ผรุสา สาหสิกา, อฺเ อสฺเส ฑํสิตฺวา เคลฺํ ปาเปนฺติ, อิทานิ อฺมฺํ ปน สรีรํ เลหนฺตา สมฺโมทมานา อฏฺํสุ, กึ นาเมต’’นฺติ? โพธิสตฺโต ‘‘นยิเม, มหาราช, วิสมสีลา, สมสีลา สมธาตุกา จ เอเต’’ติ วตฺวา อิมํ คาถาทฺวยมาห –
‘‘นยิทํ วิสมสีเลน, โสเณน สุหนู สห;
สุหนูปิ ตาทิโสเยว, โย โสณสฺส สโคจโร.
‘‘ปกฺขนฺทินา ¶ ปคพฺเภน, นิจฺจํ สนฺทานขาทินา;
สเมติ ปาปํ ปาเปน, สเมติ อสตา อส’’นฺติ.
ตตฺถ นยิทํ วิสมสีเลน, โสเณน สุหนู สหาติ ยํ อิทํ สุหนุ กูฏสฺโส โสเณน สทฺธึ เปมํ กโรติ, อิทํ น อตฺตโน วิสมสีเลน, อถ โข อตฺตโน สมสีเลเนว สทฺธึ กโรติ. อุโภปิ เหเต อตฺตโน อนาจารตาย ทุสฺสีลตาย สมสีลา สมธาตุกา. สุหนูปิ ตาทิโสเยว, โย โสณสฺส สโคจโรติ ยาทิโส โสโณ, สุหนุปิ ตาทิโสเยว, โย โสณสฺส สโคจโร ยํโคจโร โสโณ, โสปิ ตํโคจโรเยว. ยเถว หิ โสโณ อสฺสโคจโร อสฺเส ฑํเสนฺโตว จรติ, ตถา สุหนุปิ. อิมินา เนสํ สมานโคจรตํ ทสฺเสติ.
เต ¶ ปน อาจารโคจเร เอกโต กตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘ปกฺขนฺทินา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ปกฺขนฺทินาติ อสฺสานํ อุปริ ปกฺขนฺทนสีเลน ปกฺขนฺทนโคจเรน. ปคพฺเภนาติ กายปาคพฺภิยาทิสมนฺนาคเตน ทุสฺสีเลน. นิจฺจํ สนฺทานขาทินาติ สทา อตฺตโน พนฺธนโยตฺตํ ขาทนสีเลน ขาทนโคจเรน จ. สเมติ ปาปํ ปาเปนาติ เอเตสุ อฺตเรน ปาเปน สทฺธึ อฺตรสฺส ¶ ปาปํ ทุสฺสีลฺยํ สเมติ. อสตา อสนฺติ เอเตสุ อฺตเรน อสตา อนาจารโคจรสมฺปนฺเนน สห อิตรสฺส อสํ อสาธุกมฺมํ สเมติ, คูถาทีนิ วิย คูถาทีหิ เอกโต สํสนฺทติ สทิสํ นิพฺพิเสสเมว โหตีติ.
เอวํ วตฺวา จ ปน โพธิสตฺโต ‘‘มหาราช, รฺา นาม อติลุทฺเธน น ภวิตพฺพํ, ปรสฺส สนฺตกํ นาม นาเสตุํ น วฏฺฏตี’’ติ ราชานํ โอวทิตฺวา อสฺเส อคฺฆาเปตฺวา ภูตเมว มูลํ ทาเปสิ. อสฺสวาณิชา ยถาสภาวเมว มูลํ ลภิตฺวา หฏฺตุฏฺา อคมํสุ. ราชาปิ โพธิสตฺตสฺส โอวาเท ตฺวา ยถากมฺมํ คโต.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ทฺเว อสฺสา อิเม ทฺเว ทุฏฺภิกฺขู อเหสุํ, ราชา อานนฺโท, ปณฺฑิตามจฺโจ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
สุหนุชาตกวณฺณนา อฏฺมา.
[๑๕๙] ๙. โมรชาตกวณฺณนา
อุเทตยํ ¶ จกฺขุมา เอกราชาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ อุกฺกณฺิตภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. โส หิ ภิกฺขุ ภิกฺขูหิ สตฺถุ สนฺติกํ นีโต ‘‘สจฺจํ กิร, ตฺวํ ภิกฺขุ, อุกฺกณฺิโต’’ติ วุตฺเต ‘‘สจฺจํ, ภนฺเต’’ติ วตฺวา ‘‘กึ ทิสฺวา’’ติ วุตฺเต ‘‘เอกํ อลงฺกตปฏิยตฺตสรีรํ มาตุคามํ โอโลเกตฺวา’’ติ อาห. อถ นํ สตฺถา ‘‘ภิกฺขุ มาตุคาโม นาม กสฺมา ตุมฺหาทิสานํ จิตฺตํ นาลุเฬสฺสติ, โปราณกปณฺฑิตานมฺปิ หิ มาตุคามสฺส สทฺทํ สุตฺวา สตฺต วสฺสสตานิ อสมุทาจิณฺณกิเลสา โอกาสํ ลภิตฺวา ขเณเนว สมุทาจรึสุ. วิสุทฺธาปิ สตฺตา สํกิลิสฺสนฺติ, อุตฺตมยสสมงฺคิโนปิ อายสกฺยํ ปาปุณนฺติ, ปเคว อปริสุทฺธา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต โมรโยนิยํ ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา อณฺฑกาเลปิ ¶ กณิการมกุฬวณฺณอณฺฑโกโส หุตฺวา อณฺฑํ ภินฺทิตฺวา นิกฺขนฺโต สุวณฺณวณฺโณ อโหสิ ทสฺสนีโย ปาสาทิโก ปกฺขานํ อนฺตเร สุรตฺตราชิวิราชิโต, โส อตฺตโน ¶ ชีวิตํ รกฺขนฺโต ติสฺโส ปพฺพตราชิโย อติกฺกมฺม จตุตฺถาย ปพฺพตราชิยา เอกสฺมึ ทณฺฑกหิรฺปพฺพตตเล วาสํ กปฺเปสิ. โส ปภาตาย รตฺติยา ปพฺพตมตฺถเก นิสินฺโน สูริยํ อุคฺคจฺฉนฺตํ โอโลเกตฺวา อตฺตโน โคจรภูมิยํ รกฺขาวรณตฺถาย พฺรหฺมมนฺตํ พนฺธนฺโต ‘‘อุเทตย’’นฺติอาทิมาห.
‘‘อุเทตยํ จกฺขุมา เอกราชา,
หริสฺสวณฺโณ ปถวิปฺปภาโส;
ตํ ตํ นมสฺสามิ หริสฺสวณฺณํ ปถวิปฺปภาสํ,
ตยาชฺช คุตฺตา วิหเรมุ ทิวส’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ อุเทตีติ ปาจีนโลกธาตุโต อุคฺคจฺฉติ. จกฺขุมาติ สกลจกฺกวาฬวาสีนํ อนฺธการํ วิธมิตฺวา จกฺขุปฏิลาภกรเณน ยํ เตน เตสํ ทินฺนํ จกฺขุ, เตน จกฺขุนา จกฺขุมา. เอกราชาติ สกลจกฺกวาเฬ อาโลกกรานํ อนฺตเร เสฏฺวิสิฏฺฏฺเน เอกราชา. หริสฺสวณฺโณติ หริสมานวณฺโณ, สุวณฺณวณฺโณติ อตฺโถ. ปถวิปฺปภาโสติ ปถวิยา ปภาโส. ตํ ตํ นมสฺสามีติ ตสฺมา ตํ เอวรูปํ ภวนฺตํ นมสฺสามิ วนฺทามิ. ตยาชฺช คุตฺตา วิหเรมุ ทิวสนฺติ ตยา อชฺช รกฺขิตา โคปิตา หุตฺวา อิมํ ทิวสํ จตุอิริยาปถวิหาเรน สุขํ วิหเรยฺยาม.
เอวํ โพธิสตฺโต อิมาย คาถาย สูริยํ นมสฺสิตฺวา ทุติยคาถาย อตีเต ปรินิพฺพุเต พุทฺเธ เจว พุทฺธคุเณ จ นมสฺสติ.
‘‘เย พฺราหฺมณา เวทคู สพฺพธมฺเม, เต เม นโม เต จ มํ ปาลยนฺตุ;
นมตฺถุ พุทฺธานํ นมตฺถุ โพธิยา, นโม วิมุตฺตานํ นโม วิมุตฺติยา;
อิมํ โส ปริตฺตํ กตฺวา, โมโร จรติ เอสนา’’ติ.
ตตฺถ เย พฺราหฺมณาติ เย พาหิตปาปา วิสุทฺธิพฺราหฺมณา. เวทคูติ เวทานํ ปารํ คตาติปิ เวทคู, เวเทหิ ปารํ คตาติปิ เวทคู. อิธ ปน สพฺเพ สงฺขตาสงฺขตธมฺเม วิทิเต ปากเฏ กตฺวา คตาติ เวทคู. เตเนวาห ¶ ‘‘สพฺพธมฺเม’’ติ. สพฺเพ ขนฺธายตนธาตุธมฺเม สลกฺขณสามฺลกฺขณวเสน ¶ อตฺตโน าณสฺส วิทิเต ปากเฏ กตฺวา คตา, ติณฺณํ มารานํ มตฺถกํ มทฺทิตฺวา ทสสหสฺสิโลกธาตุํ อุนฺนาเทตฺวา โพธิตเล สมฺมาสมฺโพธึ ปตฺวา สํสารํ วา อติกฺกนฺตาติ อตฺโถ. เต เม นโมติ เต มม อิมํ นมกฺการํ ปฏิจฺฉนฺตุ. เต จ มํ ปาลยนฺตูติ เอวํ มยา นมสฺสิตา จ เต ภควนฺโต มํ ปาเลนฺตุ รกฺขนฺตุ โคเปนฺตุ. นมตฺถุ พุทฺธานํ นมตฺถุ โพธิยา, นโม วิมุตฺตานํ นโม วิมุตฺติยาติ อยํ มม นมกฺกาโร ¶ อตีตานํ ปรินิพฺพุตานํ พุทฺธานํ อตฺถุ, เตสฺเว จตูสุ จ มคฺเคสุ จตูสุ ผเลสุ าณสงฺขาตาย โพธิยา อตฺถุ, ตถา เตสฺเว อรหตฺตผลวิมุตฺติยา วิมุตฺตานํ อตฺถุ, ยา จ เนสํ ตทงฺควิมุตฺติ วิกฺขมฺภนวิมุตฺติ สมุจฺเฉทวิมุตฺติ ปฏิปฺปสฺสทฺธิวิมุตฺติ นิสฺสรณวิมุตฺตีติ ปฺจวิธา วิมุตฺติ, ตสฺสา เนสํ วิมุตฺติยาปิ อยํ มยฺหํ นมกฺกาโร อตฺถูติ. ‘‘อิมํ โส ปริตฺตํ กตฺวา, โมโร จรติ เอสนา’’ติ อิทํ ปน ปททฺวยํ สตฺถา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา อาห. ตสฺสตฺโถ – ภิกฺขเว, โส โมโร อิมํ ปริตฺตํ อิมํ รกฺขํ กตฺวา อตฺตโน โคจรภูมิยํ ปุปฺผผลาทีนํ อตฺถาย นานปฺปการาย เอสนาย จรติ.
เอวํ ทิวสํ จริตฺวา สายํ ปพฺพตมตฺถเก นิสีทิตฺวา อตฺถงฺคตํ สูริยํ โอโลเกนฺโต พุทฺธคุเณ อาวชฺเชตฺวา นิวาสฏฺาเน รกฺขาวรณตฺถาย ปุน พฺรหฺมมนฺตํ พนฺธนฺโต ‘‘อเปตย’’นฺติอาทิมาห.
‘‘อเปตยํ จกฺขุมา เอกราชา, หริสฺสวณฺโณ ปถวิปฺปภาโส;
ตํ ตํ นมสฺสามิ หริสฺสวณฺณํ ปถวิปฺปภาสํ, ตยาชฺช คุตฺตา วิหเรมุ รตฺตึ.
‘‘เย พฺราหฺมณา เวทคู สพฺพธมฺเม, เต เม นโม เต จ มํ ปาลยนฺตุ;
นมตฺถุ พุทฺธานํ นมตฺถุ โพธิยา, นโม วิมุตฺตานํ นโม วิมุตฺติยา;
อิมํ โส ปริตฺตํ กตฺวา, โมโร วาสมกปฺปยี’’ติ.
ตตฺถ อเปตีติ อปยาติ อตฺถํ คจฺฉติ. อิมํ โส ปริตฺตํ กตฺวา, โมโร วาสมกปฺปยีติ อิทมฺปิ อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา อาห. ตสฺสตฺโถ – ภิกฺขเว ¶ , โส โมโร อิมํ ปริตฺตํ อิมํ รกฺขํ กตฺวา อตฺตโน นิวาสฏฺาเน วาสํ กปฺปยิตฺถ, ตสฺส รตฺตึ วา ทิวา วา อิมสฺส ปริตฺตสฺสานุภาเวน เนว ภยํ, น โลมหํโส อโหสิ.
อเถโก ¶ พาราณสิยา อวิทูเร เนสาทคามวาสี เนสาโท หิมวนฺตปเทเส วิจรนฺโต ตสฺมึ ¶ ทณฺฑกหิรฺปพฺพตมตฺถเก นิสินฺนํ โพธิสตฺตํ ทิสฺวา อาคนฺตฺวา ปุตฺตสฺส อาโรเจสิ. อเถกทิวสํ เขมา นาม พาราณสิรฺโ เทวี สุปิเนน สุวณฺณวณฺณํ โมรํ ธมฺมํ เทเสนฺตํ ทิสฺวา ปพุทฺธกาเล รฺโ อาโรเจสิ – ‘‘อหํ, เทว, สุวณฺณวณฺณสฺส โมรสฺส ธมฺมํ โสตุกามา’’ติ. ราชา อมจฺเจ ปุจฺฉิ. อมจฺจา ‘‘พฺราหฺมณา ชานิสฺสนฺตี’’ติ อาหํสุ. พฺราหฺมณา ตํ สุตฺวา ‘‘สุวณฺณวณฺณา โมรา นาม โหนฺตี’’ติ วตฺวา ‘‘กตฺถ โหนฺตี’’ติ วุตฺเต ‘‘เนสาทา ชานิสฺสนฺตี’’ติ อาหํสุ. ราชา เนสาเท สนฺนิปาเตตฺวา ปุจฺฉิ. อถ โส เนสาทปุตฺโต ‘‘อาม, มหาราช, ทณฺฑกหิรฺปพฺพโต นาม อตฺถิ, ตตฺถ สุวณฺณวณฺโณ โมโร วสตี’’ติ อาห. ‘‘เตน หิ ตํ โมรํ อมาเรตฺวา พนฺธิตฺวาว อาเนหี’’ติ. เนสาโท คนฺตฺวา ตสฺส โคจรภูมิยํ ปาเส โอฑฺเฑสิ. โมเรน อกฺกนฺตฏฺาเนปิ ปาโส น สฺจรติ. เนสาโท คณฺหิตุํ อสกฺโกนฺโต สตฺต วสฺสานิ วิจริตฺวา ตตฺเถว กาลมกาสิ. เขมาปิ เทวี ปตฺถิตํ อลภมานา กาลมกาสิ.
ราชา ‘‘โมรํ เม นิสฺสาย เทวี กาลกตา’’ติ กุชฺฌิตฺวา ‘‘หิมวนฺตปเทเส ทณฺฑกหิรฺปพฺพโต นาม อตฺถิ, ตตฺถ สุวณฺณวณฺโณ โมโร วสติ, เย ตสฺส มํสํ ขาทนฺติ, เต อชรา อมรา โหนฺตี’’ติ อกฺขรํ สุวณฺณปฏฺเฏ ลิขาเปตฺวา สุวณฺณปฏฺฏํ มฺชูสาย นิกฺขิปาเปสิ. ตสฺมึ กาลกเต อฺโ ราชา รชฺชํ ปตฺวา สุวณฺณปฏฺฏํ วาเจตฺวา ‘‘อชโร อมโร ภวิสฺสามี’’ติ อฺํ เนสาทํ เปเสสิ. โสปิ คนฺตฺวา โพธิสตฺตํ คเหตุํ อสกฺโกนฺโต ตตฺเถว กาลมกาสิ. เอเตเนว นิยาเมน ฉ ราชปริวฏฺฏา คตา. อถ สตฺตโม ราชา รชฺชํ ปตฺวา เอกํ เนสาทํ ปหิณิ. โส คนฺตฺวา โพธิสตฺเตน อกฺกนฺตฏฺาเนปิ ปาสสฺส อสฺจรณภาวํ, อตฺตโน ¶ ปริตฺตํ กตฺวา โคจรภูมิคมนภาวฺจสฺส ตฺวา ปจฺจนฺตํ โอตริตฺวา เอกํ โมรึ คเหตฺวา ยถา หตฺถตาฬสทฺเทน นจฺจติ, อจฺฉราสทฺเทน จ วสฺสติ, เอวํ สิกฺขาเปตฺวา ตํ อาทาย คนฺตฺวา โมเรน ปริตฺเต ¶ อกเต ปาโตเยว ปาสยฏฺิโย โรเปตฺวา ปาเส โอฑฺเฑตฺวา โมรึ วสฺสาเปสิ. โมโร วิสภาคํ มาตุคามสทฺทํ สุตฺวา กิเลสาตุโร หุตฺวา ปริตฺตํ กาตุํ อสกฺกุณิตฺวา คนฺตฺวา ปาเส พชฺฌิ. อถ นํ เนสาโท คเหตฺวา คนฺตฺวา พาราณสิรฺโ อทาสิ.
ราชา ตสฺส รูปสมฺปตฺตึ ทิสฺวา ตุฏฺมานโส อาสนํ ทาเปสิ. โพธิสตฺโต ปฺตฺตาสเน นิสีทิตฺวา ‘‘มหาราช, กสฺมา มํ คณฺหาเปสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘เย กิร ตว มํสํ ขาทนฺติ, เต อชรา อมรา โหนฺติ, สฺวาหํ ตว มํสํ ขาทิตฺวา อชโร อมโร โหตุกาโม ตํ คณฺหาเปสิ’’นฺติ. ‘‘มหาราช, มม ตาว มํสํ ขาทนฺตา อชรา อมรา โหนฺตุ, อหํ ปน มริสฺสามี’’ติ ¶ ? ‘‘อาม, มริสฺสสี’’ติ. ‘‘มยิ มรนฺเต ปน มม มํสเมว ขาทิตฺวา กินฺติ กตฺวา น มริสฺสนฺตี’’ติ? ‘‘ตฺวํ สุวณฺณวณฺโณ, ตสฺมา กิร ตว มํสํ ขาทกา อชรา อมรา ภวิสฺสนฺตี’’ติ. ‘‘มหาราช, อหํ ปน น อการณา สุวณฺณวณฺโณ ชาโต, ปุพฺเพ ปนาหํ อิมสฺมึเยว นคเร จกฺกวตฺตี ราชา หุตฺวา สยมฺปิ ปฺจ สีลานิ รกฺขึ, สกลจกฺกวาฬวาสิโนปิ รกฺขาเปสึ, สฺวาหํ กาลํ กริตฺวา ตาวตึสภวเน นิพฺพตฺโต, ตตฺถ ยาวตายุกํ ตฺวา ตโต จุโต อฺสฺส อกุสลสฺส นิสฺสนฺเทน โมรโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวาปิ โปราณสีลานุภาเวน สุวณฺณวณฺโณ ชาโต’’ติ. ‘‘‘ตฺวํ จกฺกวตฺตี ราชา หุตฺวา สีลํ รกฺขิตฺวา สีลผเลน สุวณฺณวณฺโณ ชาโต’ติ กถมิทํ อมฺเหหิ สทฺธาตพฺพํ. อตฺถิ โน โกจิ สกฺขี’’ติ ¶ ? ‘‘อตฺถิ, มหาราชา’’ติ. ‘‘โก นามา’’ติ? ‘‘มหาราช, อหํ จกฺกวตฺติกาเล รตนมเย รเถ นิสีทิตฺวา อากาเส วิจรึ, โส เม รโถ มงฺคลโปกฺขรณิยา อนฺโตภูมิยํ นิทหาปิโต, ตํ มงฺคลโปกฺขรณิโต อุกฺขิปาเปหิ, โส เม สกฺขิ ภวิสฺสตี’’ติ.
ราชา ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา โปกฺขรณิโต อุทกํ หราเปตฺวา รถํ นีหราเปตฺวา โพธิสตฺตสฺส สทฺทหิ. โพธิสตฺโต ‘‘มหาราช, เปตฺวา อมตมหานิพฺพานํ อวเสสา สพฺเพ สงฺขตธมฺมา หุตฺวา อภาวิโน อนิจฺจา ขยวยธมฺมาเยวา’’ติ รฺโ ธมฺมํ เทเสตฺวา ราชานํ ปฺจสุ สีเลสุ ปติฏฺาเปสิ. ราชา ปสนฺโน โพธิสตฺตํ รชฺเชน ปูเชตฺวา มหนฺตํ สกฺการํ อกาสิ. โส รชฺชํ ตสฺเสว ปฏินิยฺยาเทตฺวา กติปาหํ วสิตฺวา ‘‘อปฺปมตฺโต โหหิ, มหาราชา’’ติ โอวทิตฺวา อากาเส ¶ อุปฺปติตฺวา ทณฺฑกหิรฺปพฺพตเมว อคมาสิ. ราชาปิ โพธิสตฺตสฺส โอวาเท ตฺวา ทานาทีนิ ปฺุานิ กตฺวา ยถากมฺมํ คโต.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺิตภิกฺขุ อรหตฺเต ปติฏฺหิ. ‘‘ตทา ราชา อานนฺโท อโหสิ, สุวณฺณโมโร ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
โมรชาตกวณฺณนา นวมา.
[๑๖๐] ๑๐. วินีลชาตกวณฺณนา
เอวเมว นูน ราชานนฺติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เทวทตฺตสฺส สุคตาลยํ อารพฺภ กเถสิ. เทวทตฺเต หิ คยาสีสคตานํ ทฺวินฺนํ อคฺคสาวกานํ สุคตาลยํ ทสฺเสตฺวา นิปนฺเน อุโภปิ เถรา ¶ ธมฺมํ เทเสตฺวา อตฺตโน นิสฺสิตเก อาทาย เวฬุวนํ อคมึสุ. เต สตฺถารา ‘‘สาริปุตฺต, เทวทตฺโต ตุมฺเห ทิสฺวา กึ ¶ อกาสี’’ติ ปุฏฺา ‘‘ภนฺเต, สุคตาลยํ ทสฺเสตฺวา มหาวินาสํ ปาปุณี’’ติ อาโรเจสุํ. สตฺถา ‘‘น โข, สาริปุตฺต, เทวทตฺโต อิทาเนว มม อนุกิริยํ กโรนฺโต วินาสํ ปตฺโต, ปุพฺเพปิ ปาปุณิเยวา’’ติ วตฺวา เถเรหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต วิเทหรฏฺเ มิถิลายํ วิเทหราเช รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติ. โส วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา ปิตุ อจฺจเยน รชฺเช ปติฏฺาสิ. ตทา เอกสฺส สุวณฺณหํสราชสฺส โคจรภูมิยํ กากิยา สทฺธึ สํวาโส อโหสิ. สา ปุตฺตํ วิชายิ. โส เนว มาตุปติรูปโก อโหสิ, น ปิตุ. อถสฺส วินีลกธาตุกตฺตา ‘‘วินีลโก’’ตฺเวว นามํ อกํสุ. หํสราชา อภิณฺหํ คนฺตฺวา ปุตฺตํ ปสฺสติ. อปเร ปนสฺส ทฺเว หํสโปตกา ปุตฺตา อเหสุํ. เต ปิตรํ อภิณฺหํ มนุสฺสปถํ คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ปุจฺฉึสุ – ‘‘ตาต, ตุมฺเห กสฺมา อภิณฺหํ มนุสฺสปถํ คจฺฉถา’’ติ? ‘‘ตาตา, เอกาย เม กากิยา สทฺธึ สํวาสมนฺวาย เอโก ปุตฺโต ชาโต, ‘วินีลโก’ติสฺส นามํ, ตมหํ ทฏฺุํ คจฺฉามี’’ติ. ‘‘กหํ ปเนเต ¶ วสนฺตี’’ติ? ‘‘วิเทหรฏฺเ มิถิลาย อวิทูเร อสุกสฺมึ นาม าเน เอกสฺมึ ตาลคฺเค วสนฺตี’’ติ. ‘‘ตาต, มนุสฺสปโถ นาม สาสงฺโก สปฺปฏิภโย, ตุมฺเห มา คจฺฉถ, มยํ คนฺตฺวา ตํ อาเนสฺสามา’’ติ ทฺเว หํสโปตกา ปิตรา อาจิกฺขิตสฺาย ตตฺถ คนฺตฺวา ตํ วินีลกํ เอกสฺมึ ทณฺฑเก นิสีทาเปตฺวา มุขตุณฺฑเกน ทณฺฑโกฏิยํ ฑํสิตฺวา มิถิลานครมตฺถเกน ปายึสุ. ตสฺมึ ขเณ วิเทหราชา สพฺพเสตจตุสินฺธวยุตฺตรถวเร นิสีทิตฺวา นครํ ปทกฺขิณํ กโรติ. วินีลโก ตํ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘มยฺหํ วิเทหรฺา กึ นานาการณํ, เอส จตุสินฺธวยุตฺตรเถ นิสีทิตฺวา นครํ อนุสฺจรติ, อหํ ปน หํสยุตฺตรเถ นิสีทิตฺวา คจฺฉามี’’ติ. โส อากาเสน คจฺฉนฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘เอวเมว ¶ นูน ราชานํ, เวเทหํ มิถิลคฺคหํ;
อสฺสา วหนฺติ อาชฺา, ยถา หํสา วินีลก’’นฺติ.
ตตฺถ เอวเมวาติ เอวํ เอว, นูนาติ ปริวิตกฺเก นิปาโต. เอกํเสปิ วฏฺฏติเยว. เวเทหนฺติ วิเทหรฏฺสามิกํ. มิถิลคฺคหนฺติ มิถิลเคหํ, มิถิลายํ ฆรํ ปริคฺคเหตฺวา วสมานนฺติ อตฺโถ. อาชฺาติ การณาการณาชานนกา. ยถา หํสา วินีลกนฺติ ยถา อิเม หํสา มํ วินีลกํ วหนฺติ, เอวเมว วหนฺตีติ.
หํสโปตกา ¶ ตสฺส วจนํ สุตฺวา กุชฺฌิตฺวา ‘‘อิเธว นํ ปาเตตฺวา คมิสฺสามา’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวาปิ ‘‘เอวํ กเต ปิตา โน กึ วกฺขตี’’ติ ครหภเยน ปิตุ สนฺติกํ เนตฺวา เตน กตกิริยํ ปิตุ อาจิกฺขึสุ. อถ นํ ปิตา กุชฺฌิตฺวา ‘‘กึ ตฺวํ มม ปุตฺเตหิ อธิกตโรสิ, โย มม ปุตฺเต อภิภวิตฺวา รเถ ยุตฺตสินฺธเว วิย กโรสิ, อตฺตโน ปมาณํ น ชานาสิ. อิมํ านํ ตว อโคจโร, อตฺตโน มาตุ วสนฏฺานเมว คจฺฉาหี’’ติ ตชฺเชตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘วินีล ทุคฺคํ ภชสิ, อภูมึ ตาต เสวสิ;
คามนฺตกานิ เสวสฺสุ, เอตํ มาตาลยํ ตวา’’ติ.
ตตฺถ วินีลาติ ตํ นาเมนาลปติ. ทุคฺคํ ภชสีติ อิเมสํ วเสน คิริทุคฺคํ ภชสิ. อภูมึ, ตาต, เสวสีติ, ตาต, คิริวิสมํ นาม ตว อภูมิ ¶ , ตํ เสวสิ อุปคจฺฉสิ. เอตํ มาตาลยํ ตวาติ เอตํ คามนฺตํ อุกฺการฏฺานํ อามกสุสานฏฺานฺจ ตว มาตุ อาลยํ เคหํ วสนฏฺานํ, ตตฺถ คจฺฉาหีติ. เอวํ ตํ ตชฺเชตฺวา ‘‘คจฺฉถ, นํ มิถิลนครสฺส อุกฺการภูมิยฺเว โอตาเรตฺวา เอถา’’ติ ปุตฺเต อาณาเปสิ, เต ตถา อกํสุ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา วินีลโก เทวทตฺโต อโหสิ, ทฺเว หํสโปตกา ทฺเว อคฺคสาวกา อเหสุํ, ปิตา อานนฺโท อโหสิ, วิเทหราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
วินีลชาตกวณฺณนา ทสมา.
ทฬฺหวคฺโค ปโม.
ตสฺสุทฺทานํ –
ราโชวาทฺจ สิงฺคาลํ, สูกรํ อุรคํ ภคฺคํ;
อลีนจิตฺตคุณฺจ, สุหนุ โมรวินีลํ.
๒. สนฺถววคฺโค
[๑๖๑] ๑. อินฺทสมานโคตฺตชาตกวณฺณนา
น ¶ ¶ สนฺถวํ กาปุริเสน กยิราติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ ทุพฺพจชาติกํ อารพฺภ กเถสิ. ตสฺส วตฺถุ นวกนิปาเต คิชฺฌชาตเก (ชา. ๑.๙.๑ อาทโย) อาวิภวิสฺสติ. สตฺถา ปน ตํ ภิกฺขุํ ‘‘ปุพฺเพปิ ตฺวํ, ภิกฺขุ, ทุพฺพจตาย ปณฺฑิตานํ วจนํ อกตฺวา มตฺตหตฺถิปาเทหิ สฺจุณฺณิโต’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วุฑฺฒิปฺปตฺโต ฆราวาสํ ปหาย อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ปฺจนฺนํ อิสิสตานํ คณสตฺถา หุตฺวา หิมวนฺตปเทเส วาสํ กปฺเปสิ. ตทา เตสุ ตาปเสสุ อินฺทสมานโคตฺโต นาเมโก ตาปโส ¶ อโหสิ ทุพฺพโจ อโนวาทโก. โส เอกํ หตฺถิโปตกํ โปเสสิ. โพธิสตฺโต สุตฺวา ตํ ปกฺโกสิตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ หตฺถิโปตกํ โปเสสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘สจฺจํ, อาจริย, มตมาติกํ เอกํ หตฺถิโปตกํ โปเสมี’’ติ. ‘‘หตฺถิโน นาม วุฑฺฒิปฺปตฺตา โปสเกเยว มาเรนฺติ, มา ตํ โปเสหี’’ติ. ‘‘เตน วินา วตฺติตุํ น สกฺโกมิ อาจริยา’’ติ. ‘‘เตน หิ ปฺายิสฺสสี’’ติ. โส เตน โปสิยมาโน อปรภาเค มหาสรีโร อโหสิ.
อเถกสฺมึ กาเล เต อิสโย วนมูลผลาผลตฺถาย ทูรํ คนฺตฺวา ตตฺเถว กติปาหํ วสึสุ. หตฺถีปิ อคฺคทกฺขิณวาเต ปภินฺนมโท หุตฺวา ตสฺส ปณฺณสาลํ วิทฺธํเสตฺวา ปานียฆฏํ ภินฺทิตฺวา ปาสาณผลกํ ขิปิตฺวา อาลมฺพนผลกํ ลฺุจิตฺวา ‘‘ตํ ตาปสํ มาเรตฺวาว คมิสฺสามี’’ติ เอกํ คหนฏฺานํ ปวิสิตฺวา ตสฺส อาคมนมคฺคํ โอโลเกนฺโต อฏฺาสิ. อินฺทสมานโคตฺโต ตสฺส โคจรํ ¶ คเหตฺวา สพฺเพสํ ปุรโตว อาคจฺฉนฺโต ตํ ทิสฺวา ปกติสฺาเยวสฺส สนฺติกํ อคมาสิ. อถ นํ โส หตฺถี คหนฏฺานา นิกฺขมิตฺวา โสณฺฑาย ปรามสิตฺวา ภูมิยํ ปาเตตฺวา สีสํ ปาเทน อกฺกมิตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปตฺวา มทฺทิตฺวา โกฺจนาทํ กตฺวา อรฺํ ปาวิสิ. เสสตาปสา ตํ ปวตฺตึ โพธิสตฺตสฺส อาโรเจสุํ ¶ . โพธิสตฺโต ‘‘กาปุริเสหิ นาม สทฺธึ สํสคฺโค น กาตพฺโพ’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อาห –
‘‘น สนฺถวํ กาปุริเสน กยิรา, อริโย อนริเยน ปชานมตฺถํ;
จิรานุวุตฺโถปิ กโรติ ปาปํ, คโช ยถา อินฺทสมานโคตฺตํ.
‘‘ยํ ตฺเวว ชฺา สทิโส มมนฺติ, สีเลน ปฺาย สุเตน จาปิ;
เตเนว เมตฺตึ กยิราถ สทฺธึ, สุโข หเว สปฺปุริเสน สงฺคโม’’ติ.
ตตฺถ น สนฺถวํ กาปุริเสน กยิราติ กุจฺฉิเตน โกธปุริเสน สทฺธึ ตณฺหาสนฺถวํ วา มิตฺตสนฺถวํ วา น กยิราถ. อริโย อนริเยน ปชานมตฺถนฺติ ¶ อริโยติ จตฺตาโร อริยา อาจารอริโย ลิงฺคอริโย ทสฺสนอริโย ปฏิเวธอริโยติ. เตสุ อาจารอริโย อิธ อธิปฺเปโต. โส ปชานมตฺถํ อตฺถํ ปชานนฺโต อตฺถานตฺถกุสโล อาจาเร ิโต อริยปุคฺคโล อนริเยน นิลฺลชฺเชน ทุสฺสีเลน สทฺธึ สนฺถวํ น กเรยฺยาติ อตฺโถ. กึ การณา? จิรานุวุตฺโถปิ กโรติ ปาปนฺติ, ยสฺมา อนริโย จิรํ เอกโต อนุวุตฺโถปิ ตํ เอกโต นิวาสํ อคเณตฺวา กโรติ ปาปํ ลามกกมฺมํ กโรติเยว. ยถา กึ? คโช ยถา อินฺทสมานโคตฺตนฺติ, ยถา โส คโช อินฺทสมานโคตฺตํ มาเรนฺโต ปาปํ อกาสีติ อตฺโถ. ยํ ตฺเวว ชฺา สทิโส มมนฺติอาทีสุ ยํ ตฺเวว ปุคฺคลํ ‘‘อยํ มม สีลาทีหิ สทิโส’’ติ ชาเนยฺย, เตเนว สทฺธึ เมตฺตึ กยิราถ, สปฺปุริเสน สทฺธึ สมาคโม สุขาวโหติ.
เอวํ ¶ โพธิสตฺโต ‘‘อโนวาทเกน นาม น ภวิตพฺพํ, สุสิกฺขิเตน ภวิตุํ วฏฺฏตี’’ติ อิสิคณํ โอวทิตฺวา อินฺทสมานโคตฺตสฺส สรีรกิจฺจํ กาเรตฺวา พฺรหฺมวิหาเร ภาเวตฺวา พฺรหฺมโลกูปโค อโหสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา อินฺทสมานโคตฺโต อยํ ทุพฺพโจ อโหสิ, คณสตฺถา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
อินฺทสมานโคตฺตชาตกวณฺณนา ปมา.
[๑๖๒] ๒. สนฺถวชาตกวณฺณนา
น ¶ สนฺถวสฺมา ปรมตฺถิ ปาปิโยติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อคฺคิชุหนํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ เหฏฺา นงฺคุฏฺชาตเก (ชา. ๑.๑.๑๔๔ อาทโย) กถิตสทิสเมว. ภิกฺขู เต อคฺคึ ชุหนฺเต ทิสฺวา ‘‘ภนฺเต, ชฏิลา นานปฺปการํ มิจฺฉาตปํ กโรนฺติ, อตฺถิ นุ โข เอตฺถ วุฑฺฒี’’ติ ภควนฺตํ ปุจฺฉึสุ. ‘‘น, ภิกฺขเว, เอตฺถกาจิ วุฑฺฒิ นาม อตฺถิ, โปราณกปณฺฑิตาปิ อคฺคิชุหเน วุฑฺฒิ อตฺถีติ สฺาย จิรํ อคฺคึ ชุหิตฺวา ตสฺมึ กมฺเม อวุฑฺฒิเมว ทิสฺวา ¶ อคฺคึ อุทเกน นิพฺพาเปตฺวา สาขาทีหิ โปเถตฺวา ปุน นิวตฺติตฺวาปิ น โอโลเกสุ’’นฺติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติ. มาตาปิตโร ตสฺส ชาตคฺคึ คเหตฺวา ตํ โสฬสวสฺสุทฺเทเส ิตํ อาหํสุ – ‘‘กึ, ตาต, ชาตคฺคึ คเหตฺวา อรฺเ อคฺคึ ปริจริสฺสสิ, อุทาหุ ตโย เวเท อุคฺคณฺหิตฺวา กุฏุมฺพํ สณฺเปตฺวา ฆราวาสํ วสิสฺสสี’’ติ. โส ‘‘น เม ฆราวาเสน อตฺโถ, อรฺเ อคฺคึ ปริจริตฺวา พฺรหฺมโลกปรายโณ ภวิสฺสามี’’ติ ชาตคฺคึ คเหตฺวา มาตาปิตโร วนฺทิตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา ปณฺณสาลาย วาสํ กปฺเปตฺวา อคฺคึ ปริจริ. โส เอกทิวสํ นิมนฺติตฏฺานํ คนฺตฺวา สปฺปินา ปายาสํ ลภิตฺวา ‘‘อิมํ ปายาสํ มหาพฺรหฺมุโน ยชิสฺสามี’’ติ ตํ ปายาสํ ¶ อาหริตฺวา อคฺคึ ชาเลตฺวา ‘‘อคฺคึ ตาว ภวนฺตํ สปฺปิยุตฺตํ ปายาสํ ปาเยมี’’ติ ปายาสํ อคฺคิมฺหิ ปกฺขิปิ. พหุสิเนเห ปายาเส อคฺคิมฺหิ ปกฺขิตฺตมตฺเตเยว อคฺคิ ชลิตฺวา ปจฺจุคฺคตาหิ อจฺจีหิ ปณฺณสาลํ ฌาเปสิ. พฺราหฺมโณ ภีตตสิโต ปลายิตฺวา พหิ ตฺวา ‘‘กาปุริเสหิ นาม สนฺถโว น กาตพฺโพ, อิทานิ เม อิมินา อคฺคินา กิจฺเฉน กตา ปณฺณสาลา ฌาปิตา’’ติ วตฺวา ปมํ คาถมาห –
‘‘น สนฺถวสฺมา ปรมตฺถิ ปาปิโย, โย สนฺถโว กาปุริเสน โหติ;
สนฺตปฺปิโต สปฺปินา ปายเสน, กิจฺฉากตํ ปณฺณกุฏึ อทยฺหี’’ติ.
ตตฺถ น สนฺถวสฺมาติ ตณฺหาสนฺถวาปิ จ มิตฺตสนฺถวาปิ จาติ ทุวิธาปิ เอตสฺมา สนฺถวา ปรํ อุตฺตริ อฺํ ปาปตรํ นตฺถิ, ลามกตรํ นาม นตฺถีติ อตฺโถ. โย สนฺถโว กาปุริเสนาติ โย ปาปเกน กาปุริเสน สทฺธึ ทุวิโธปิ สนฺถโว, ตโต ปาปตรํ อฺํ นตฺถิ. กสฺมา? สนฺตปฺปิโต ¶ …เป…อทยฺหีติ, ยสฺมา สปฺปินา จ ปายาเสน จ สนฺตปฺปิโตปิ อยํ อคฺคิ มยา กิจฺเฉน กตํ ปณฺณสาลํ ฌาเปสีติ อตฺโถ.
โส เอวํ วตฺวา ‘‘น เม ตยา มิตฺตทุพฺภินา อตฺโถ’’ติ ตํ อคฺคึ อุทเกน นิพฺพาเปตฺวา สาขาหิ โปเถตฺวา อนฺโตหิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา เอกํ สามมิคึ สีหสฺส จ พฺยคฺฆสฺส จ ทีปิโน จ มุขํ เลหนฺตึ ทิสฺวา ¶ ‘‘สปฺปุริเสหิ สทฺธึ สนฺถวา ปรํ เสยฺโย นาม นตฺถี’’ติ จินฺเตตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘น สนฺถวสฺมา ปรมตฺถิ เสยฺโย, โย สนฺถโว สปฺปุริเสน โหติ;
สีหสฺส ¶ พฺยคฺฆสฺส จ ทีปิโน จ, สามา มุขํ เลหติ สนฺถเวนา’’ติ.
ตตฺถ สามา มุขํ เลหติ สนฺถเวนาติ สามา นาม มิคี อิเมสํ ติณฺณํ ชนานํ สนฺถเวน สิเนเหน มุขํ เลหตีติ.
เอวํ วตฺวา โพธิสตฺโต อนฺโตหิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา ชีวิตปริโยสาเน พฺรหฺมโลกูปโค อโหสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘เตน สมเยน ตาปโส อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
สนฺถวชาตกวณฺณนา ทุติยา.
[๑๖๓] ๓. สุสีมชาตกวณฺณนา
กาฬา มิคา เสตทนฺตา ตวีเมติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ฉนฺทกทานํ อารพฺภ กเถสิ. สาวตฺถิยฺหิ กทาจิ เอกเมว กุลํ พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทานํ เทติ, กทาจิ อฺติตฺถิยานํ เทติ, กทาจิ คณพนฺธเนน พหู เอกโต หุตฺวา เทนฺติ, กทาจิ วีถิสภาเคน, กทาจิ สกลนครวาสิโน ฉนฺทกํ สํหริตฺวา ทานํ เทนฺติ. อิมสฺมึ ปน กาเล สกลนครวาสิโน ฉนฺทกํ สํหริตฺวา สพฺพปริกฺขารทานํ สชฺเชตฺวา ทฺเว โกฏฺาสา หุตฺวา เอกจฺเจ ‘‘อิมํ สพฺพปริกฺขารทานํ อฺติตฺถิยานํ ทสฺสามา’’ติ อาหํสุ, เอกจฺเจ ‘‘พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺสา’’ติ. เอวํ ปุนปฺปุนํ กถาย วตฺตมานาย อฺติตฺถิยสาวเกหิ อฺติตฺถิยานฺเว ¶ , พุทฺธสาวเกหิ ‘‘‘พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺเสวา’ติ วุตฺเต สมฺพหุลํ กริสามา’’ติ สมฺพหุลาย กถาย ‘‘พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทสฺสามา’’ติ วทนฺตาเยว พหุกา ชาตา, เตสฺเว กถา ปติฏฺาสิ ¶ . อฺติตฺถิยสาวกา พุทฺธานํ ทาตพฺพทานสฺส อนฺตรายํ กาตุํ นาสกฺขึสุ. นาครา พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิมนฺเตตฺวา สตฺตาหํ มหาทานํ ปวตฺเตตฺวา สตฺตเม ทิวเส สพฺพปริกฺขาเร อทํสุ. สตฺถา อนุโมทนํ กตฺวา มหาชนํ มคฺคผเลหิ ¶ ปโพเธตฺวา เชตวนวิหารเมว คนฺตฺวา ภิกฺขุสงฺเฆน วตฺเต ทสฺสิเต คนฺธกุฏิปฺปมุเข ตฺวา สุคโตวาทํ ทตฺวา คนฺธกุฏึ ปาวิสิ.
สายนฺหสมเย ภิกฺขู ธมฺมสภายํ สนฺนิปติตฺวา กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, อฺติตฺถิยสาวกา พุทฺธานํ ทาตพฺพทานสฺส อนฺตรายกรณตฺถาย วายมนฺตาปิ อนฺตรายํ กาตุํ นาสกฺขึสุ, ตํ สพฺพปริกฺขารทานํ พุทฺธานํเยว ปาทมูลํ อาคตํ, อโห พุทฺธพลํ นาม มหนฺต’’นฺติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, เอเต อฺติตฺถิยสาวกา อิทาเนว มยฺหํ ทาตพฺพทานสฺส อนฺตรายกรณตฺถาย วายมนฺติ, ปุพฺเพปิ วายมึสุ, โส ปน ปริกฺขาโร สพฺพกาเลปิ มเมว ปาทมูลํ อาคจฺฉตี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ สุสีโม นาม ราชา อโหสิ. ตทา โพธิสตฺโต ตสฺส ปุโรหิตสฺส พฺราหฺมณิยา กุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ, ตสฺส โสฬสวสฺสิกกาเล ปิตา กาลมกาสิ. โส ปน ธรมานกาเล รฺโ หตฺถิมงฺคลการโก อโหสิ. หตฺถีนํ มงฺคลกรณฏฺาเน อาภตอุปกรณภณฺฑฺจ หตฺถาลงฺการฺจ สพฺพํ โสเยว อลตฺถ. เอวมสฺส เอเกกสฺมึ มงฺคเล โกฏิมตฺตํ ธนํ อุปฺปชฺชติ. อถ ตสฺมึ กาเล หตฺถิมงฺคลฉโณ สมฺปาปุณิ. เสสา พฺราหฺมณา ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘มหาราช, หตฺถิมงฺคลฉโณ สมฺปตฺโต, มงฺคลํ กาตุํ วฏฺฏติ. ปุโรหิตพฺราหฺมณสฺส ปน ปุตฺโต อติทหโร, เนว ตโย เวเท ชานาติ, น หตฺถิสุตฺตํ, มยํ หตฺถิมงฺคลํ กริสฺสามา’’ติ อาหํสุ. ราชา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ. พฺราหฺมณา ปุโรหิตปุตฺตสฺส หตฺถิมงฺคลํ กาตุํ อทตฺวา ‘‘หตฺถิมงฺคลํ กตฺวา มยํ ธนํ คณฺหิสฺสามา’’ติ หฏฺตุฏฺา วิจรนฺติ. อถ ‘‘จตุตฺเถ ทิวเส หตฺถิมงฺคลํ ภวิสฺสตี’’ติ โพธิสตฺตสฺส มาตา ¶ ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา ‘‘หตฺถิมงฺคลกรณํ นาม ยาว สตฺตมา กุลปริวฏฺฏา อมฺหากํ วํโส, วํโส จ โน โอสกฺกิสฺสติ, ธนา จ ปริหายิสฺสามา’’ติ อนุโสจมานา ปโรทิ.
โพธิสตฺโต ¶ ¶ ‘‘กสฺมา, อมฺม, โรทสี’’ติ วตฺวา ตํ การณํ สุตฺวา ‘‘นนุ, อมฺม, อหํ มงฺคลํ กริสฺสามี’’ติ อาห. ‘‘ตาต, ตฺวํ เนว ตโย เวเท ชานาสิ, น หตฺถิสุตฺตํ, กถํ มงฺคลํ กริสฺสสี’’ติ. ‘‘อมฺม, กทา ปน หตฺถิมงฺคลํ กริสฺสตี’’ติ? ‘‘อิโต จตุตฺเถ ทิวเส, ตาตา’’ติ. ‘‘อมฺม, ตโย ปน เวเท ปคุเณ กตฺวา หตฺถิสุตฺตํ ชานนกอาจริโย กหํ วสตี’’ติ? ‘‘ตาต, เอวรูโป ทิสาปาโมกฺโข อาจริโย อิโต วีสโยชนสตมตฺถเก คนฺธารรฏฺเ ตกฺกสิลายํ วสตี’’ติ. ‘‘อมฺม, อมฺหากํ วํสํ น นาเสสฺสามิ, อหํ สฺเว เอกทิวเสเนว ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา เอกรตฺเตเนว ตโย เวเท จ หตฺถิสุตฺตฺจ อุคฺคณฺหิตฺวา ปุนทิวเส อาคนฺตฺวา จตุตฺเถ ทิวเส หตฺถิมงฺคลํ กริสฺสามิ, มา โรที’’ติ มาตรํ สมสฺสาเสตฺวา ปุนทิวเส โพธิสตฺโต ปาโตว ภฺุชิตฺวา เอกโกว นิกฺขมิตฺวา เอกทิวเสเนว ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา อาจริยํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ.
อถ นํ อาจริโย ‘‘กุโต อาคโตสิ, ตาตา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘พาราณสิโต, อาจริยา’’ติ. ‘‘เกนตฺเถนา’’ติ? ‘‘ตุมฺหากํ สนฺติเก ตโย เวเท จ หตฺถิสุตฺตฺจ อุคฺคณฺหนตฺถายา’’ติ. ‘‘สาธุ, ตาต, อุคฺคณฺหา’’ติ. โพธิสตฺโต ‘‘อาจริย, มยฺหํ กมฺมํ อจฺจายิก’’นฺติ สพฺพํ ปวตฺตึ อาโรเจตฺวา ‘‘อหํ เอกทิวเสเนว วีสโยชนสตํ อาคโต, อชฺเชเวกรตฺตึ มยฺหเมว โอกาสํ กโรถ, อิโต ตติยทิวเส หตฺถิมงฺคลํ ภวิสฺสติ, อหํ เอเกเนว อุทฺเทสมคฺเคน สพฺพํ อุคฺคณฺหิสฺสามี’’ติ วตฺวา อาจริยํ โอกาสํ กาเรตฺวา อาจริยสฺส ภุตฺตกาเล สยํ ภฺุชิตฺวา อาจริยสฺส ปาเท โธวิตฺวา สหสฺสตฺถวิกํ ปุรโต เปตฺวา ¶ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺโน ปริยตฺตึ ปฏฺเปตฺวา อรุเณ อุคฺคจฺฉนฺเต ตโย เวเท จ หตฺถิสุตฺตฺจ นิฏฺเปตฺวา ‘‘อฺโปิ อตฺถิ, อาจริยา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘นตฺถิ ตาต, สพฺพํ นิฏฺิต’’นฺติ วุตฺเต ‘‘อาจริย, อิมสฺมึ คนฺเถ เอตฺตกํ ปทปจฺจาภฏฺํ, เอตฺตกํ สชฺฌายสมฺโมหฏฺานํ, อิโต ปฏฺาย ตุมฺเห อนฺเตวาสิเก เอวํ วาเจยฺยาถา’’ติ อาจริยสฺส สิปฺปํ โสเธตฺวา ปาโตว ภฺุชิตฺวา อาจริยํ วนฺทิตฺวา เอกทิวเสเนว พาราณสึ ปจฺจาคนฺตฺวา มาตรํ วนฺทิตฺวา ‘‘อุคฺคหิตํ เต, ตาต, สิปฺป’’นฺติ วุตฺเต ‘‘อาม, อมฺมา’’ติ วตฺวา มาตรํ ปริโตเสสิ.
ปุนทิวเส ¶ หตฺถิมงฺคลฉโณ ปฏิยาทิยิตฺถ. สตมตฺเต หตฺถิโสณฺฑาลงฺกาเร จ สุวณฺณทฺธเช เหมชาลสฺฉนฺเน กตฺวา เปสุํ, ราชงฺคณํ อลงฺกรึสุ. พฺราหฺมณา ‘‘มยํ หตฺถิมงฺคลํ กริสฺสาม, มยํ กริสฺสามา’’ติ มณฺฑิตปสาธิตา อฏฺํสุ. สุสีโมปิ ราชา สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิโต อุปกรณภณฺฑํ คาหาเปตฺวา มงฺคลฏฺานํ อคมาสิ. โพธิสตฺโตปิ กุมารปริหาเรน อลงฺกโต อตฺตโน ปริสาย ปุรกฺขตปริวาริโต รฺโ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร, มหาราช, ตุมฺเห อมฺหากํ ¶ วํสฺจ อตฺตโน วํสฺจ นาเสตฺวา ‘อฺเหิ พฺราหฺมเณหิ หตฺถิมงฺคลํ กาเรตฺวา หตฺถาลงฺการฺจ อุปกรณานิ จ เตสํ ทสฺสามา’ติ อวจุตฺถา’’ติ วตฺวา ปมํ คาถมาห –
‘‘กาฬา มิคา เสตทนฺตา ตวีเม, ปโรสตํ เหมชาลาภิฉนฺนา;
เต เต ททามีติ สุสีม พฺรูสิ, อนุสฺสรํ เปตฺติปิตามหาน’’นฺติ.
ตตฺถ เต เต ททามีติ สุสีม พฺรูสีติ เต เอเต ตว สนฺตเก ‘‘กาฬา มิคา เสตทนฺตา’’ติ เอวํ คเต ปโรสตํ สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิเต ¶ หตฺถี อฺเสํ พฺราหฺมณานํ ททามีติ สจฺจํ กิร, โภ สุสีม, เอวํ พฺรูสีติ อตฺโถ. อนุสฺสรํ เปตฺติปิตามหานนฺติ อมฺหากฺจ อตฺตโน จ วํเส ปิตุปิตามหานํ อาจิณฺณํ สรนฺโตเยว. อิทํ วุตฺตํ โหติ – มหาราช, ยาว สตฺตมกุลปริวฏฺฏา ตุมฺหากํ เปตฺติปิตามหานํ อมฺหากํ เปตฺติปิตามหา จ หตฺถิมงฺคลํ กโรนฺติ, โส ตฺวํ เอวํ อนุสฺสรนฺโตปิ อมฺหากฺจ อตฺตโน จ วํสํ นาเสตฺวา สจฺจํ กิร เอวํ พฺรูสีติ.
สุสีโม ราชา โพธิสตฺตสฺส วจนํ สุตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘กาฬา มิคา เสตทนฺตา มมีเม, ปโรสตํ เหมชาลาภิฉนฺนา;
เต เต ททามีติ วทามิ มาณว, อนุสฺสรํ เปตฺติปิตามหาน’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ เต เต ททามีติ เต เอเต หตฺถี อฺเสํ พฺราหฺมณานํ ททามีติ สจฺจเมว มาณว วทามิ, เนว หตฺถี พฺราหฺมณานํ ททามีติ อตฺโถ. อนุสฺสรนฺติ เปตฺติปิตามหานํ กิริยํ อนุสฺสรามิเยว, โน นานุสฺสรามิ, อมฺหากํ เปตฺติปิตามหานํ หตฺถิมงฺคลํ ตุมฺหากํ เปตฺติปิตามหา กโรนฺตีติ ปน อนุสฺสรนฺโตปิ เอวํ วทามิเยวาติ อธิปฺปาเยเนวมาห.
อถ นํ โพธิสตฺโต เอตทโวจ – ‘‘มหาราช, อมฺหากฺจ อตฺตโน จ วํสํ อนุสฺสรนฺโตเยว กสฺมา มํ เปตฺวา อฺเหิ หตฺถิมงฺคลํ การาเปถา’’ติ. ‘‘ตฺวํ กิร, ตาต, ตโย เวเท หตฺถิสุตฺตฺจ น ชานาสี’’ติ มยฺหํ อาโรเจสุํ, เตนาหํ อฺเหิ พฺราหฺมเณหิ การาเปมีติ. ‘‘เตน หิ, มหาราช, เอตฺตเกสุ พฺราหฺมเณสุ เอกพฺราหฺมโณปิ ตีสุ เวเทสุ วา หตฺถิสุตฺเตสุ วา เอกเทสมฺปิ ยทิ มยา สทฺธึ กเถตุํ สมตฺโต อตฺถิ, อุฏฺหตุ, ตโยปิ เวเท หตฺถิสุตฺตฺจ สทฺธึ หตฺถิมงฺคลกรเณน มํ เปตฺวา อฺโ สกลชมฺพุทีเปปิ ชานนฺโต นาม ¶ นตฺถี’’ติ ¶ สีหนาทํ นทิ. เอกพฺราหฺมโณปิ ตสฺส ปฏิสตฺตุ หุตฺวา อุฏฺาตุํ นาสกฺขิ. โพธิสตฺโต อตฺตโน กุลวํสํ ปติฏฺาเปตฺวา มงฺคลํ กตฺวา พหุํ ธนํ อาทาย อตฺตโน นิเวสนํ อคมาสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน เกจิ โสตาปนฺนา อเหสุํ, เกจิ สกทาคามิโน, เกจิ อนาคามิโน, เกจิ อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. ‘‘ตทา มาตา มหามายา อโหสิ, ปิตา สุทฺโธทนมหาราชา, สุสีโม ราชา อานนฺโท, ทิสาปาโมกฺโข อาจริโย สาริปุตฺโต, มาณโว ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
สุสีมชาตกวณฺณนา ตติยา.
[๑๖๔] ๔. คิชฺฌชาตกวณฺณนา
ยํ ¶ นุ คิชฺโฌ โยชนสตนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ มาตุโปสกภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ สามชาตเก (ชา. ๒.๒๒.๒๙๖ อาทโย) อาวิภวิสฺสติ. สตฺถา ปน ตํ ภิกฺขุํ ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, ภิกฺขุ, คิหี โปเสสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจ’’นฺติ วุตฺเต ‘‘กึ ปน เต โหนฺตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘มาตาปิตโร เม, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘สาธุ สาธู’’ติ ตสฺส สาธุการํ ทตฺวา ‘‘มา, ภิกฺขเว, อิมํ ภิกฺขุํ อุชฺฌายิตฺถ, โปราณกปณฺฑิตาปิ คุณวเสน อฺาตกานมฺปิ อุปการํ อกํสุ, อิมสฺส ปน มาตาปิตูนํ อุปการกรณํ ภาโรเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต คิชฺฌกูฏปพฺพเต คิชฺฌโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา มาตาปิตโร โปเสติ. อเถกสฺมึ กาเล มหตี วาตวุฏฺิ อโหสิ. คิชฺฌา วาตวุฏฺึ สหิตุํ อสกฺโกนฺตา สีตภเยน พาราณสึ คนฺตฺวา ปาการสมีเป จ ปริขาสมีเป จ สีเตน กมฺปมานา นิสีทึสุ. ตทา พาราณสิเสฏฺิ นครา นิกฺขมิตฺวา นฺหายิตุํ คจฺฉนฺโต เต คิชฺเฌ กิลมนฺเต ทิสฺวา เอกสฺมึ อโนวสฺสกฏฺาเน สนฺนิปาเตตฺวา อคฺคึ การาเปตฺวา โคสุสานํ เปเสตฺวา โคมํสํ อาหราเปตฺวา เตสํ ทาเปตฺวา อารกฺขํ เปสิ. คิชฺฌา วูปสนฺตาย วาตวุฏฺิยา ¶ กลฺลสรีรา หุตฺวา ปพฺพตเมว อคมํสุ. เต ตตฺเถว สนฺนิปติตฺวา เอวํ มนฺตยึสุ – ‘‘พาราณสิเสฏฺินา อมฺหากํ อุปกาโร กโต, กตูปการสฺส จ นาม ปจฺจุปการํ กาตุํ ¶ วฏฺฏติ, ตสฺมา อิโต ปฏฺาย ตุมฺเหสุ โย ยํ วตฺถํ วา อาภรณํ วา ลภติ, เตน ตํ พาราณสิเสฏฺิสฺส เคเห อากาสงฺคเณ ปาเตตพฺพ’’นฺติ.
ตโต ปฏฺาย คิชฺฌา มนุสฺสานํ วตฺถาภรณานิ อาตเป สุกฺขาเปนฺตานํ ปมาทํ โอโลเกตฺวา เสนา วิย มํสเปสึ สหสา คเหตฺวา พาราณสิเสฏฺิสฺส เคเห อากาสงฺคเณ ปาเตนฺติ. โส คิชฺฌานํ อาหรณภาวํ ตฺวา สพฺพานิ ตานิ วิสุํเยว เปสิ. ‘‘คิชฺฌา นครํ วิลุมฺปนฺตี’’ติ รฺโ อาโรเจสุํ. ราชา ‘‘เอกํ คิชฺฌมฺปิ ตาว คณฺหถ, สพฺพํ อาหราเปสฺสามี’’ติ ตตฺถ ตตฺถ ปาเส เจว ชาลานิ จ โอฑฺฑาเปสิ. มาตุโปสกคิชฺโฌ ¶ ปาเส พชฺฌิ, ตํ คเหตฺวา ‘‘รฺโ ทสฺเสสฺสามา’’ติ เนนฺติ. พาราณสิเสฏฺิ ราชุปฏฺานํ คจฺฉนฺโต เต มนุสฺเส คิชฺฌํ คเหตฺวา คจฺฉนฺเต ทิสฺวา ‘‘มา อิมํ คิชฺฌํ พาธยึสู’’ติ สทฺธิฺเว อคมาสิ. คิชฺฌํ รฺโ ทสฺเสสุํ. อถ นํ ราชา ปุจฺฉิ – ‘‘ตุมฺเห นครํ วิลุมฺปิตฺวา วตฺถาทีนิ คณฺหถา’’ติ. ‘‘อาม, มหาราชา’’ติ. ‘‘กสฺส ตานิ ทินฺนานี’’ติ? ‘‘พาราณสิเสฏฺิสฺสา’’ติ. ‘‘กึการณา’’ติ? ‘‘อมฺหากํ เตน ชีวิตํ ทฺวินฺนํ, อุปการสฺส นาม ปจฺจุปการํ กาตุํ วฏฺฏติ, ตสฺมา อทมฺหา’’ติ. อถ นํ ราชา ‘‘คิชฺฌา กิร โยชนสตมตฺถเก ตฺวา กุณปํ ปสฺสนฺติ, กสฺมา ตฺวํ อตฺตโน โอฑฺฑิตํ ปาสํ น ปสฺสสี’’ติ วตฺวา ปมํ คาถมาห –
‘‘ยํ นุ คิชฺโฌ โยชนสตํ, กุณปานิ อเวกฺขติ;
กสฺมา ชาลฺจ ปาสฺจ, อาสชฺชาปิ น พุชฺฌสี’’ติ.
ตตฺถ ¶ ยนฺติ นิปาตมตฺตํ, นูติ นามตฺเถ นิปาโต. คิชฺโฌ นาม โยชนสตํ อติกฺกมิตฺวา ิตานิ กุณปานิ อเวกฺขติ, ปสฺสตีติ อตฺโถ. อาสชฺชาปีติ อาสาเทตฺวาปิ, สมฺปาปุณิตฺวาปีติ อตฺโถ. ‘‘ตฺวํ อตฺตโน อตฺถาย โอฑฺฑิตํ ชาลฺจ ปาสฺจ ปตฺวาปิ กสฺมา น พุชฺฌสี’’ติ ปุจฺฉิ.
คิชฺโฌ ตสฺส วจนํ สุตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘ยทา ปราภโว โหติ, โปโส ชีวิตสงฺขเย;
อถ ชาลฺจ ปาสฺจ, อาสชฺชาปิ น พุชฺฌตี’’ติ.
ตตฺถ ¶ ปราภโวติ วินาโส. โปโสติ สตฺโต.
คิชฺฌสฺส วจนํ สุตฺวา ราชา เสฏฺึ ปุจฺฉิ – ‘‘สจฺจํ กิร, มหาเสฏฺิ, คิชฺเฌหิ ตุมฺหากํ เคเห วตฺถาทีนิ อาภตานี’’ติ. ‘‘สจฺจํ, เทวา’’ติ. ‘‘กหํ ตานี’’ติ? ‘‘เทว, มยา ตานิ สพฺพานิ วิสุํ ปิตานิ, ยํ เยสํ สนฺตกํ, ตํ เตสํ ทสฺสามิ, อิมํ คิชฺฌํ วิสฺสชฺเชถา’’ติ คิชฺฌํ วิสฺสชฺชาเปตฺวา มหาเสฏฺึ สพฺเพสํ สนฺตกานิ ทาเปสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน มาตุโปสกภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ ¶ . ‘‘ตทา ราชา อานนฺโท อโหสิ, พาราณสิเสฏฺิ สาริปุตฺโต, มาตุโปสกคิชฺโฌ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
คิชฺฌชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.
[๑๖๕] ๕. นกุลชาตกวณฺณนา
สทฺธึ กตฺวา อมิตฺเตนาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เสณิภณฺฑนํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ เหฏฺา อุรคชาตเก (ชา. ๑.๒.๗-๘) กถิตสทิสเมว. อิธาปิ สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิเม ทฺเว มหามตฺตา อิทาเนว มยา สมคฺคา กตา, ปุพฺเพปาหํ อิเม สมคฺเค อกาสึเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต เอกสฺมึ คามเก พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ ¶ สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคเหตฺวา ฆราวาสํ ปหาย อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา อฺุฉาจริยาย วนมูลผลาหาโร หิมวนฺตปเทเส วาสํ กปฺเปสิ. ตสฺส จงฺกมนโกฏิยํ เอกสฺมึ วมฺมิเก นกุโล, ตสฺเสว สนฺติเก เอกสฺมึ รุกฺขพิเล สปฺโป จ วาสํ กปฺเปสิ. เต อุโภปิ อหินกุลา นิจฺจกาลํ กลหํ กโรนฺติ. โพธิสตฺโต เตสํ กลเห อาทีนวฺจ เมตฺตาภาวนาย จ อานิสํสํ กเถตฺวา ‘‘กลหํ นาม อกตฺวา สมคฺควาสํ วสิตุํ วฏฺฏตี’’ติ โอวทิตฺวา อุโภปิ เต สมคฺเค อกาสิ. อถ สปฺปสฺส พหินิกฺขนฺตกาเล นกุโล จงฺกมนโกฏิยํ วมฺมิกสฺส พิลทฺวาเร สีสํ นีหริตฺวา มุขํ วิวริตฺวา นิปนฺโน อสฺสสนฺโต ปสฺสสนฺโต นิทฺทํ อุปคฺฉิ. โพธิสตฺโต ตํ ตถา ¶ นิทฺทายมานํ ทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข เต นิสฺสาย ภยํ อุปฺปนฺน’’นฺติ ปุจฺฉนฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘สนฺธึ กตฺวา อมิตฺเตน, อณฺฑเชน ชลาพุช;
วิวริย ทาํ เสสิ, กุโต เต ภยมาคต’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ สนฺธึ กตฺวาติ มิตฺตภาวํ กริตฺวา. อณฺฑเชนาติ อณฺฑโกเส นิพฺพตฺเตน นาเคน. ชลาพุชาติ นกุลํ อาลปติ. โส หิ ชลาพุมฺหิ ชาตตฺตา ‘‘ชลาพุโช’’ติ วุจฺจติ. วิวริยาติ วิวริตฺวา.
เอวํ โพธิสตฺเตน วุตฺโต นกุโล ‘‘อยฺย, ปจฺจามิตฺโต นาม น อวชานิตพฺโพ อาสงฺกิตพฺโพเยวา’’ติ วตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘สงฺเกเถว อมิตฺตสฺมึ, มิตฺตสฺมิมฺปิ น วิสฺสเส;
อภยา ภยมุปฺปนฺนํ, อปิ มูลานิ กนฺตตี’’ติ.
ตตฺถ อภยา ภยมุปฺปนฺนนฺติ น อิโต เต ภยมุปฺปนฺนนฺติ อภโย, โก โส? มิตฺโต. ยฺหิ มิตฺตสฺมิมฺปิ วิสฺสาเส สติ ตโต ภยํ อุปฺปชฺชติ, ตํ มูลานิปิ กนฺตติ, มิตฺตสฺส สพฺพรนฺธานํ วิทิตตฺตา มูลฆจฺจาย สํวตฺตตีติ อตฺโถ.
อถ ¶ นํ โพธิสตฺโต ‘‘มา ภายิ, ยถา สปฺโป ตยิ น ทุพฺภติ, เอวมหํ กริสฺสามิ, ตฺวํ อิโต ปฏฺาย ตสฺมึ อาสงฺกํ มา กรี’’ติ โอวทิตฺวา จตฺตาโร พฺรหฺมวิหาเร ภาเวตฺวา พฺรหฺมโลกปรายโณ อโหสิ. เตปิ ยถากมฺมํ คตา.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา สปฺโป จ นกุโล จ อิเม ทฺเว มหามตฺตา อเหสุํ, ตาปโส ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
นกุลชาตกวณฺณนา ปฺจมา.
[๑๖๖] ๖. อุปสาฬกชาตกวณฺณนา
อุปสาฬกนามานีติ ¶ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เอกํ อุปสาฬกํ นาม สุสานสุทฺธิกํ พฺราหฺมณํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิร อฑฺโฒ อโหสิ มหทฺธโน, ทิฏฺิคติกตฺตา ปน ธุรวิหาเร วสนฺตานมฺปิ พุทฺธานํ สงฺคหํ นาม น อกาสิ. ปุตฺโต ปนสฺส ปณฺฑิโต อโหสิ าณสมฺปนฺโน. โส มหลฺลกกาเล ปุตฺตํ อาห – ‘‘มา โข มํ, ตาต, อฺสฺส วสลสฺส ฌาปิตสุสาเน ฌาเปหิ, เอกสฺมึ ปน อนุจฺฉิฏฺสุสาเนเยว มํ ¶ ฌาเปยฺยาสี’’ติ. ‘‘ตาต, อหํ ตุมฺหากํ ฌาเปตพฺพยุตฺตกํ านํ น ชานามิ, สาธุ วต มํ อาทาย คนฺตฺวา ‘อิมสฺมึ าเน มํ ฌาเปยฺยาสี’ติ ตุมฺเหว อาจิกฺขถา’’ติ. พฺราหฺมโณ ‘‘สาธุ, ตาตา’’ติ ตํ อาทาย นครา นิกฺขมิตฺวา คิชฺฌกูฏมตฺถกํ อภิรุหิตฺวา ‘‘ตาต, อิทํ อฺสฺส วสลสฺส อฌาปิตฏฺานํ, เอตฺถ มํ ฌาเปยฺยาสี’’ติ วตฺวา ปุตฺเตน สทฺธึ ปพฺพตา โอตริตุํ อารภิ.
สตฺถา ปน ตํ ทิวสํ ปจฺจูสกาเล โพธเนยฺยพนฺธเว โอโลเกนฺโต เตสํ ปิตาปุตฺตานํ โสตาปตฺติมคฺคสฺส อุปนิสฺสยํ อทฺทส. ตสฺมา มคฺคํ คเหตฺวา ิตลุทฺทโก วิย ปพฺพตปาทํ คนฺตฺวา เตสํ ปพฺพตมตฺถกา โอตรนฺตานํ อาคมยมาโน นิสีทิ, เต โอตรนฺตา สตฺถารํ อทฺทสํสุ. สตฺถา ปฏิสนฺถารํ กโรนฺโต ‘‘กหํ คมิสฺสถ พฺราหฺมณา’’ติ ปุจฺฉิ. มาณโว ตมตฺถํ อาโรเจสิ. สตฺถา ‘‘เตน หิ เอหิ, ตว ปิตรา อาจิกฺขิตฏฺานํ คจฺฉามา’’ติ อุโภ ปิตาปุตฺเต คเหตฺวา ปพฺพตมตฺถกํ อารุยฺห ‘‘กตรํ าน’’นฺติ ปุจฺฉิ. มาณโว ‘‘อิเมสํ ติณฺณํ ปพฺพตานํ อนฺตรํ อาจิกฺขิ, ภนฺเต’’ติ ¶ อาห. สตฺถา ‘‘น โข, มาณว, ตว ปิตา อิทาเนว สุสานสุทฺธิโก, ปุพฺเพปิ สุสานสุทฺธิโกว, น เจส อิทาเนว ‘อิมสฺมึ าเน มํ ฌาเปยฺยาสี’ติ ตว อาจิกฺขติ, ปุพฺเพปิ อิมสฺมึเยว าเน อตฺตโน ฌาปิตภาวํ อาจิกฺขี’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต อิมสฺมิฺเว ราชคเห อยเมว อุปสาฬโก พฺราหฺมโณ อยเมวสฺส ปุตฺโต อโหสิ. ตทา โพธิสตฺโต มคธรฏฺเ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา ปริปุณฺณสิปฺโป อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา ฌานกีฬํ กีฬนฺโต หิมวนฺตปเทเส จิรํ วสิตฺวา โลณมฺพิลเสวนตฺถาย คิชฺฌกูเฏ ปณฺณสาลายํ วิหาสิ. ตทา โส พฺราหฺมโณ อิมินาว นิยาเมน ปุตฺตํ วตฺวา ปุตฺเตน ‘‘ตุมฺเหเยว เม ตถารูปํ านํ อาจิกฺขถา’’ติ วุตฺเต ‘‘อิทเมว าน’’นฺติ อาจิกฺขิตฺวา ปุตฺเตน สทฺธึ โอตรนฺโต โพธิสตฺตํ ทิสฺวา ตสฺส สนฺติกํ อุปสงฺกมิ. โพธิสตฺโต อิมินาว นิยาเมน ปุจฺฉิตฺวา มาณวสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘เอหิ, ตว ปิตรา อาจิกฺขิตฏฺานสฺส ¶ อุจฺฉิฏฺภาวํ วา อนุจฺฉิฏฺภาวํ วา ชานิสฺสามา’’ติ เตหิ สทฺธึ ปพฺพตมตฺถกํ อารุยฺห ‘‘อิทํ ติณฺณํ ปพฺพตานํ อนฺตรํ ¶ อนุจฺฉิฏฺฏฺาน’’นฺติ มาณเวน วุตฺเต ‘‘มาณว, อิมสฺมึเยว าเน ฌาปิตกานํ ปมาณํ นตฺถิ, ตเวว ปิตา อิมสฺมึเยว ราชคเห พฺราหฺมณกุเลเยว นิพฺพตฺติตฺวา อุปสาฬโกเยว นาม หุตฺวา อิมสฺมึเยว ปพฺพตนฺตเร จุทฺทส ชาติสหสฺสานิ ฌาปิโต. ปถวิยฺหิ อฌาปิตฏฺานํ วา อสุสานฏฺานํ วา สีสานํ อนิเวสิตฏฺานํ วา ลทฺธุํ น สกฺกา’’ติ ปุพฺเพนิวาสาเณน ปริจฺฉินฺทิตฺวา อิมํ คาถาทฺวยมาห –
‘‘อุปสาฬกนามานิ ¶ , สหสฺสานิ จตุทฺทส;
อสฺมึ ปเทเส ทฑฺฒานิ, นตฺถิ โลเก อนามตํ.
‘‘ยมฺหิ สจฺจฺจ ธมฺโม จ, อหึสา สํยโม ทโม;
เอตํ อริยา เสวนฺติ, เอตํ โลเก อนามต’’นฺติ.
ตตฺถ อนามตนฺติ มตฏฺานํ. ตฺหิ อุปจารวเสน ‘‘อมต’’นฺติ วุจฺจติ, ตํ ปฏิเสเธนฺโต ‘‘อนามต’’นฺติ อาห. ‘‘อนมต’’นฺติปิ ปาโ, โลกสฺมิฺหิ อนมตฏฺานํ อสุสานํ นาม นตฺถีติ อตฺโถ. ยมฺหิ สจฺจฺจ ธมฺโม จาติ ยสฺมึ ปุคฺคเล จตุสจฺจวตฺถุกํ ปุพฺพภาคสจฺจาณฺจ โลกุตฺตรธมฺโม จ อตฺถิ. อหึสาติ ปเรสํ อวิเหสา อวิเหนา. สํยโมติ สีลสํยโม. ทโมติ อินฺทฺริยทมนํ. อิทฺจ คุณชาตํ ยมฺหิ ปุคฺคเล อตฺถิ, เอตํ อริยา เสวนฺตีติ, อริยา พุทฺธา จ ปจฺเจกพุทฺธา จ พุทฺธสาวกา จ เอตํ านํ เสวนฺติ, เอวรูปํ ปุคฺคลํ อุปสงฺกมนฺติ ภชนฺตีติ อตฺโถ. เอตํ โลเก อนามตนฺติ เอตํ คุณชาตํ โลเก อมตภาวสาธนโต อนามตํ นาม.
เอวํ โพธิสตฺโต ปิตาปุตฺตานํ ธมฺมํ เทเสตฺวา จตฺตาโร พฺรหฺมวิหาเร ภาเวตฺวา พฺรหฺมโลกปรายโณ อโหสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุโภ ปิตาปุตฺตา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสุ. ‘‘ตทา ปิตาปุตฺตาว เอตรหิ ปิตาปุตฺตา อเหสุํ, ตาปโส ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
อุปสาฬกชาตกวณฺณนา ฉฏฺา.
[๑๖๗] ๗. สมิทฺธิชาตกวณฺณนา
อภุตฺวา ¶ ¶ ภิกฺขสิ ภิกฺขูติ อิทํ สตฺถา ราชคหํ อุปนิสฺสาย ตโปทาราเม วิหรนฺโต สมิทฺธิเถรํ อารพฺภ กเถสิ. เอกทิวสฺหิ อายสฺมา สมิทฺธิ สพฺพรตฺตึ ปธานํ ปทหิตฺวา อรุณุคฺคมนเวลาย นฺหตฺวา สุวณฺณวณฺณํ อตฺตภาวํ สุกฺขาปยมาโน อนฺตรวาสกํ นิวาเสตฺวา อุตฺตราสงฺคํ หตฺเถน คเหตฺวา อฏฺาสิ สุปริกมฺมกตา วิย สุวณฺณปฏิมา. อตฺตภาวสมิทฺธิยาเยว หิสฺส ¶ ‘‘สมิทฺธี’’ติ นามํ อโหสิ. อถสฺส สรีรโสภคฺคํ ทิสฺวา เอกา เทวธีตา ปฏิพทฺธจิตฺตา เถรํ เอวมาห – ‘‘ตฺวํ โขสิ, ภิกฺขุ, ทหโร ยุวา สุสุ กาฬเกโส ภทฺเรน โยพฺพเนน สมนฺนาคโต อภิรูโป ทสฺสนีโย ปาสาทิโก, เอวรูปสฺส ตว กาเม อปริภฺุชิตฺวา โก อตฺโถ ปพฺพชฺชาย, กาเม ตาว ปริภฺุชสฺสุ, ปจฺฉา ปพฺพชิตฺวา สมณธมฺมํ กริสฺสสี’’ติ. อถ นํ เถโร อาห – ‘‘เทวธีเต, ‘อสุกสฺมึ นาม วเย ิโต มริสฺสามี’ติ มม มรณกาลํ น ชานามิ, เอส เม กาโล ปฏิจฺฉนฺโน, ตสฺมา ตรุณกาเลเยว สมณธมฺมํ กตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสามี’’ติ. สา เถรสฺส สนฺติกา ปฏิสนฺถารํ อลภิตฺวา ตตฺเถว อนฺตรธายิ. เถโร สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา เอตมตฺถํ อาโรเจสิ. สตฺถา ‘‘น โข, สมิทฺธิ, ตฺวฺเว เอตรหิ เทวธีตาย ปโลภิโต, ปุพฺเพปิ เทวธีตโร ปพฺพชิเต ปโลภึสุเยวา’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต เอกสฺมึ กาสิคามเก พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต สพฺพสิปฺเปสุ นิปฺผตฺตึ ปตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา หิมวนฺตปเทเส เอกํ ชาตสฺสรํ นิสฺสาย วาสํ กปฺเปสิ. โส สพฺพรตฺตึ ปธานํ ปทหิตฺวา อรุณุคฺคมนเวลาย นฺหตฺวา เอกํ วกฺกลํ นิวาเสตฺวา เอกํ หตฺเถน คเหตฺวา สรีรํ โวทกํ กโรนฺโต อฏฺาสิ. อถสฺส รูปโสภคฺคปฺปตฺตํ อตฺตภาวํ โอโลเกตฺวา ปฏิพทฺธจิตฺตา เอกา เทวธีตา โพธิสตฺตํ ปโลภยมานา ปมํ คาถมาห –
‘‘อภุตฺวา ภิกฺขสิ ภิกฺขุ, น หิ ภุตฺวาน ภิกฺขสิ;
ภุตฺวาน ภิกฺขุ ภิกฺขสฺสุ, มา ตํ กาโล อุปจฺจคา’’ติ.
ตตฺถ ¶ อภุตฺวา ภิกฺขสิ ภิกฺขูติ ภิกฺขุ ตฺวํ ทหรกาเล กิเลสกามวเสน วตฺถุกาเม อภุตฺวาว ภิกฺขาย จรสิ. น หิ ภุตฺวาน ภิกฺขสีติ นนุ นาม ปฺจ กามคุเณ ภุตฺวา ภิกฺขาย จริตพฺพํ, กาเม อภุตฺวาว ภิกฺขาจริยํ อุปคโตสิ. ภุตฺวาน ภิกฺขุ ภิกฺขสฺสูติ ภิกฺขุ ¶ ทหรกาเล ตาว กาเม ภฺุชิตฺวา ปจฺฉา มหลฺลกกาเล ภิกฺขสฺสุ. มา ตํ กาโล อุปจฺจคาติ อยํ กาเม ภฺุชนกาโล ทหรกาโล, ตํ มา อติกฺกมตูติ.
โพธิสตฺโต ¶ เทวตาย วจนํ สุตฺวา อตฺตโน อชฺฌาสยํ ปกาเสนฺโต ทุติยํ คาถมาห –
‘‘กาลํ โวหํ น ชานามิ, ฉนฺโน กาโล น ทิสฺสติ;
ตสฺมา อภุตฺวา ภิกฺขามิ, มา มํ กาโล อุปจฺจคา’’ติ.
ตตฺถ กาลํ โวหํ น ชานามีติ โวติ นิปาตมตฺตํ. อหํ ปน ‘‘ปมวเย วา มยา มริตพฺพํ มชฺฌิมวเย วา ปจฺฉิมวเย วา’’ติ เอวํ อตฺตโน มรณกาลํ น ชานามิ. ปณฺฑิเตน หิ ปุคฺคเลน –
‘‘ชีวิตํ พฺยาธิ กาโล จ, เทหนิกฺเขปนํ คติ;
ปฺเจเต ชีวโลกสฺมึ, อนิมิตฺตา น นายเร’’ติ.
ฉนฺโน กาโล น ทิสฺสตีติ ยสฺมา ‘‘อสุกสฺมึ นาม วยกาเล เหมนฺตาทิอุตุกาเล วา มยา มริตพฺพ’’นฺติ มยฺหมฺเปส ฉนฺโน หุตฺวา กาโล น ทิสฺสติ, สุปฺปฏิจฺฉนฺโน หุตฺวา ิโต น ปฺายติ. ตสฺมา อภุตฺวา ภิกฺขามีติ เตน การเณน ปฺจ กามคุเณ อภุตฺวา ภิกฺขามิ. มา มํ กาโล อุปจฺจคาติ มํ สมณธมฺมกรณกาโล มา อติกฺกมตูติ อตฺโถ. อิมินา การเณน ทหโรว สมาโน ปพฺพชิตฺวา สมณธมฺมํ กโรมีติ. เทวธีตา โพธิสตฺตสฺส วจนํ สุตฺวา ตตฺเถว อนฺตรธายิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา เทวธีตา อยํ เทวธีตา อโหสิ, อหเมว เตน สมเยน ตาปโส อโหสิ’’นฺติ.
สมิทฺธิชาตกวณฺณนา สตฺตมา.
[๑๖๘] ๘. สกุณคฺฆิชาตกวณฺณนา
เสโน ¶ ¶ พลสา ปตมาโนติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อตฺตชฺฌาสยํ สกุโณวาทสุตฺตํ (สํ. นิ. ๕.๓๗๒) อารพฺภ กเถสิ. เอกทิวสฺหิ สตฺถา ภิกฺขู อามนฺเตตฺวา ‘‘โคจเร, ภิกฺขเว, จรถ สเก เปตฺติเก วิสเย’’ติ (สํ. นิ. ๕.๓๗๒) อิมํ สํยุตฺตมหาวคฺเค สุตฺตนฺตํ กเถนฺโต ¶ ‘‘ตุมฺเห ตาว ติฏฺถ, ปุพฺเพ ติรจฺฉานคตาปิ สกํ เปตฺติกวิสยํ ปหาย อโคจเร จรนฺตา ปจฺจามิตฺตานํ หตฺถปถํ คนฺตฺวาปิ อตฺตโน ปฺาสมฺปตฺติยา อุปายโกสลฺเลน ปจฺจามิตฺตานํ หตฺถา มุจฺจึสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ลาปสกุณโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา นงฺคลกฏฺกรเณ เลฑฺฑุฏฺาเน วาสํ กปฺเปสิ. โส เอกทิวสํ ‘‘สกวิสเย โคจรคหณํ ปหาย ปรวิสเย โคจรํ คณฺหิสฺสามี’’ติ อฏวิปริยนฺตํ อคมาสิ. อถ นํ ตตฺถ โคจรํ คณฺหนฺตํ ทิสฺวา สกุณคฺฆิ สหสา อชฺฌปฺปตฺตา อคฺคเหสิ. โส สกุณคฺฆิยา หริยมาโน เอวํ ปริเทวสิ – ‘‘มยเมวมฺห อลกฺขิกา, มยํ อปฺปปฺุา, เย มยํ อโคจเร จริมฺห ปรวิสเย, สเจชฺช มยํ โคจเร จเรยฺยาม สเก เปตฺติเก วิสเย, น มฺยายํ สกุณคฺฆิ อลํ อภวิสฺส ยทิทํ ยุทฺธายา’’ติ. ‘‘โก ปน, เต ลาป, โคจโร สโก เปตฺติโก วิสโย’’ติ? ‘‘ยทิทํ นงฺคลกฏฺกรณํ เลฑฺฑุฏฺาน’’นฺติ. อถ นํ สกุณคฺฆิ สเก พเล อปตฺถทฺธา อมฺุจิ – ‘‘คจฺฉ โข, ตฺวํ ลาป, ตตฺรปิ เม คนฺตฺวา น โมกฺขสี’’ติ. โส ตตฺถ คนฺตฺวา มหนฺตํ เลฑฺฑุํ อภิรุหิตฺวา ‘‘เอหิ โข ทานิ สกุณคฺฆี’’ติ เสนํ อวฺหยนฺโต อฏฺาสิ. สกุณคฺฆิ สเก พเล อปตฺถทฺธา อุโภ ปกฺเข สนฺนยฺห ลาปสกุณํ สหสา อชฺฌปฺปตฺตา. ยทา ปน ตํ ลาโป ‘‘พหุอาคตา โข มฺยายํ สกุณคฺฆี’’ติ อฺาสิ, อถ ปริวตฺติตฺวา ตสฺเสว เลฑฺฑุสฺส อนฺตรํ ปจฺจาปาทิ. สกุณคฺฆิ เวคํ สนฺธาเรตุํ อสกฺโกนฺตี ตตฺเถว อุรํ ปจฺจตาเฬสิ. เอวํ สา ภินฺเนน หทเยน นิกฺขนฺเตหิ อกฺขีหิ ชีวิตกฺขยํ ปาปุณิ.
สตฺถา ¶ อิมํ อตีตํ ทสฺเสตฺวา ‘‘เอวํ, ภิกฺขเว, ติรจฺฉานคตาปิ อโคจเร จรนฺตา สปตฺตหตฺถํ คจฺฉนฺติ, โคจเร ปน สเก เปตฺติเก วิสเย จรนฺตา สปตฺเต นิคฺคณฺหนฺติ, ตสฺมา ตุมฺเหปิ มา อโคจเร จรถ ปรวิสเย. อโคจเร ¶ , ภิกฺขเว, จรตํ ปรวิสเย ลจฺฉติ มาโร โอตารํ, ลจฺฉติ มาโร อารมฺมณํ. โก จ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน อโคจโร ปรวิสโย? ยทิทํ ปฺจ กามคุณา. กตเม ปฺจ? จกฺขุวิฺเยฺยา รูปา…เป… อยํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน อโคจโร ปรวิสโย’’ติ วตฺวา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา ปมํ คาถมาห –
‘‘เสโน ¶ พลสา ปตมาโน, ลาปํ โคจรายินํ;
สหสา อชฺฌปฺปตฺโตว, มรณํ เตนุปาคมี’’ติ.
ตตฺถ พลสา ปตมาโนติ ‘‘ลาปํ คณฺหิสฺสามี’’ติ พเลน ถาเมน ปตมาโน. โคจรายินนฺติ สกวิสยา นิกฺขมิตฺวา โคจรตฺถาย อฏวิปริยนฺเต ิตํ. อชฺฌปฺปตฺโตติ สมฺปตฺโต. มรณํ เตนุปาคมีติ เตน การเณน มรณํ ปตฺโต.
ตสฺมึ ปน มรณํ ปตฺเต ลาโป นิกฺขมิตฺวา ‘‘ทิฏฺา วต เม ปจฺจามิตฺตสฺส ปิฏฺี’’ติ ตสฺส หทเย ตฺวา อุทานํ อุทาเนนฺโต ทุติยํ คาถมาห –
‘‘โสหํ นเยน สมฺปนฺโน, เปตฺติเก โคจเร รโต;
อเปตสตฺตุ โมทามิ, สมฺปสฺสํ อตฺถมตฺตโน’’ติ.
ตตฺถ นเยนาติ อุปาเยน. อตฺถมตฺตโนติ อตฺตโน อโรคภาวสงฺขาตํ วุฑฺฒึ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน พหู ภิกฺขู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสุ. ‘‘ตทา เสโน เทวทตฺโต อโหสิ, ลาโป ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
สกุณคฺฆิชาตกวณฺณนา อฏฺมา.
[๑๖๙] ๙. อรกชาตกวณฺณนา
โย ¶ เว เมตฺเตน จิตฺเตนาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เมตฺตสุตฺตํ อารพฺภ กเถสิ. เอกสฺมิฺหิ สมเย สตฺถา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘เมตฺตาย, ภิกฺขเว, เจโตวิมุตฺติยา อาเสวิตาย ภาวิตาย ¶ พหุลีกตาย ยานีกตาย วตฺถุกตาย อนุฏฺิตาย ปริจิตาย สุสมารทฺธาย เอกาทสานิสํสา ปาฏิกงฺขา. กตเม เอกาทส? สุขํ สุปติ, สุขํ ปฏิพุชฺฌติ, น ปาปกํ สุปินํ ปสฺสติ, มนุสฺสานํ ปิโย โหติ, อมนุสฺสานํ ปิโย โหติ, เทวตา รกฺขนฺติ, นาสฺส อคฺคิ วา วิสํ วา สตฺถํ วา กมติ, ตุวฏํ จิตฺตํ สมาธิยติ, มุขวณฺโณ วิปฺปสีทติ, อสมฺมูฬฺโห กาลํ กโรติ, อุตฺตริ อปฺปฏิวิชฺฌนฺโต พฺรหฺมโลกูปโค โหติ. เมตฺตาย, ภิกฺขเว, เจโตวิมุตฺติยา อาเสวิตาย…เป… สุสมารทฺธาย อิเม เอกาทสานิสํสา ¶ ปาฏิกงฺขา’’ติ (อ. นิ. ๑๑.๑๕). อิเม เอกาทสานิสํเส คเหตฺวา ิตํ เมตฺตาภาวนํ วณฺเณตฺวา ‘‘ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา นาม สพฺพสตฺเตสุ โอทิสฺสกาโนทิสฺสกวเสน เมตฺตา ภาเวตพฺพา, หิโตปิ หิเตน ผริตพฺโพ, อหิโตปิ หิเตน ผริตพฺโพ, มชฺฌตฺโตปิ หิเตน ผริตพฺโพ. เอวํ สพฺพสตฺเตสุ โอทิสฺสกาโนทิสฺสกวเสน เมตฺตา ภาเวตพฺพา, กรุณา มุทิตา อุเปกฺขา ภาเวตพฺพา, จตูสุ พฺรหฺมวิหาเรสุ กมฺมํ กาตพฺพเมว. เอวํ กโรนฺโต หิ มคฺคํ วา ผลํ วา อลภนฺโตปิ พฺรหฺมโลกปรายโณ อโหสิ, โปราณกปณฺฑิตาปิ สตฺต วสฺสานิ เมตฺตํ ภาเวตฺวา สตฺต สํวฏฺฏวิวฏฺฏกปฺเป พฺรหฺมโลกสฺมึเยว วสึสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต เอกสฺมึ กปฺเป โพธิสตฺโต พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต กาเม ปหาย อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา จตุนฺนํ พฺรหฺมวิหารานํ ลาภี อรโก นาม สตฺถา หุตฺวา หิมวนฺตปเทเส วาสํ กปฺเปสิ, ตสฺส มหา ปริวาโร อโหสิ. โส อิสิคณํ โอวทนฺโต ‘‘ปพฺพชิเตน นาม เมตฺตา ภาเวตพฺพา, กรุณา มุทิตา อุเปกฺขา ภาเวตพฺพา. เมตฺตจิตฺตฺหิ นาเมตํ อปฺปนาปฺปตฺตํ พฺรหฺมโลกปรายณตํ สาเธตี’’ติ เมตฺตาย อานิสํสํ ปกาเสนฺโต อิมา คาถา อาห –
‘‘โย ¶ เว เมตฺเตน จิตฺเตน, สพฺพโลกานุกมฺปติ;
อุทฺธํ อโธ จ ติริยํ, อปฺปมาเณน สพฺพโส.
‘‘อปฺปมาณํ หิตํ จิตฺตํ, ปริปุณฺณํ สุภาวิตํ;
ยํ ปมาณกตํ กมฺมํ, น ตํ ตตฺราวสิสฺสตี’’ติ.
ตตฺถ ¶ โย เว เมตฺเตน จิตฺเตน, สพฺพโลกานุกมฺปตีติ ขตฺติยาทีสุ วา สมณพฺราหฺมเณสุ วา โย โกจิ อปฺปมาเณน เมตฺเตน จิตฺเตน สกลํ สตฺตโลกํ อนุกมฺปติ. อุทฺธนฺติ ปถวิโต ยาว เนวสฺานาสฺายตนพฺรหฺมโลกา. อโธติ ปถวิยา เหฏฺา อุสฺสเท มหานิรเย. ติริยนฺติ มนุสฺสโลเก, ยตฺตกานิ จกฺกวาฬานิ จ เตสุ สพฺเพสุ เอตฺตเก าเน นิพฺพตฺตา สพฺเพ สตฺตา อเวรา โหนฺตุ, อพฺยาปชฺฌา อนีฆา, สุขี อตฺตานํ ปริหรนฺตูติ เอวํ ภาวิเตน เมตฺเตน จิตฺเตนาติ อตฺโถ. อปฺปมาเณนาติ อปฺปมาณสตฺตานํ อปฺปมาณารมฺมณตฺตา อปฺปมาเณน. สพฺพโสติ สพฺพากาเรน, อุทฺธํ อโธ ติริยนฺติ เอวํ สพฺพสุคติทุคฺคติวเสนาติ อตฺโถ.
อปฺปมาณํ หิตํ จิตฺตนฺติ อปฺปมาณํ กตฺวา ภาวิตํ สพฺพสตฺเตสุ หิตจิตฺตํ. ปริปุณฺณนฺติ อวิกลํ. สุภาวิตนฺติ สุวฑฺฒิตํ, อปฺปนาจิตฺตสฺเสตํ นามํ. ยํ ปมาณกตํ กมฺมนฺติ ยํ ‘‘อปฺปมาณํ ¶ อปฺปมาณารมฺมณ’’นฺติ เอวํ อารมฺมณตฺติกวเสน จ วสีภาวปฺปตฺติวเสน จ อวฑฺฒิตฺวา กตํ ปริตฺตํ กามาวจรกมฺมํ. น ตํ ตตฺราวสิสฺสตีติ ตํ ปริตฺตํ กมฺมํ ยํ ตํ ‘‘อปฺปมาณํ หิตํ จิตฺต’’นฺติ สงฺขคตํ รูปาวจรกมฺมํ, ตตฺร น อวสิสฺสติ. ยถา นาม มโหเฆน อชฺโฌตฺถฏํ ปริตฺโตทกํ โอฆสฺส อพฺภนฺตเร เตน อสํหีรมานํ นาวสิสฺสติ น ติฏฺติ, อถ โข มโหโฆว ตํ อชฺโฌตฺถริตฺวา ติฏฺติ, เอวเมว ตํ ปริตฺตกมฺมํ ตสฺส มหคฺคตกมฺมสฺส อพฺภนฺตเร เตน มหคฺคตกมฺเมน อจฺฉินฺทิตฺวา อคฺคหิตวิปาโกกาสํ หุตฺวา น อวสิสฺสติ น ติฏฺติ, น สกฺโกติ อตฺตโน วิปากํ ทาตุํ, อถ โข มหคฺคตกมฺมเมว ตํ อชฺโฌตฺถริตฺวา ติฏฺติ วิปากํ เทตีติ.
เอวํ โพธิสตฺโต อนฺเตวาสิกานํ เมตฺตาภาวนาย อานิสํสํ กเถตฺวา อปริหีนชฺฌาโน พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺติตฺวา สตฺต สํวฏฺฏวิวฏฺฏกปฺเป น อิมํ โลกํ ปุน อคมาสิ.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา อิสิคโณ พุทฺธปริสา อโหสิ, อรโก ปน สตฺถา อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
อรกชาตกวณฺณนา นวมา.
[๑๗๐] ๑๐. กกณฺฏกชาตกวณฺณนา
นายํ ¶ ปุเร อุณฺณมตีติ อิทํ กกณฺฏกชาตกํ มหาอุมงฺคชาตเก (ชา. ๒.๒๒.๕๙๐ อาทโย) อาวิภวิสฺสติ.
กกณฺฏกชาตกวณฺณนา ทสมา.
สนฺถววคฺโค ทุติโย.
ตสฺสุทฺทานํ –
อินฺทสมานโคตฺตฺจ, สนฺถวํ สุสีมํ คิชฺฌํ;
นกุลํ อุปสาฬกํ, สมิทฺธิ จ สกุณคฺฆิ;
อรกฺจ กกณฺฏกํ.
๓. กลฺยาณวคฺโค
[๑๗๑] ๑. กลฺยาณธมฺมชาตกวณฺณนา
กลฺยาณธมฺโมติ ¶ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ พธิรสสฺสุํ อารพฺภ กเถสิ. สาวตฺถิยฺหิ เอโก กุฏุมฺพิโก สทฺโธ ปสนฺโน ติสรณคโต ปฺจสีเลน สมนฺนาคโต. โส เอกทิวสํ พหูนิ สปฺปิอาทีนิ เภสชฺชานิ เจว ปุปฺผคนฺธวตฺถาทีนิ จ คเหตฺวา ‘‘เชตวเน สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ โสสฺสามี’’ติ อคมาสิ. ตสฺส ตตฺถ คตกาเล สสฺสุ ขาทนียโภชนียํ คเหตฺวา ธีตรํ ทฏฺุกามา ตํ เคหํ อคมาสิ, สา จ โถกํ พธิรธาตุกา โหติ. สา ธีตรา สทฺธึ ภุตฺตโภชนา ¶ ภตฺตสมฺมทํ วิโนทยมานา ธีตรํ ปุจฺฉิ – ‘‘กึ, อมฺม, ภตฺตา เต สมฺโมทมาโน อวิวทมาโน ปิยสํวาสํ วสตี’’ติ. ‘‘กึ, อมฺม, กเถถ ยาทิโส ตุมฺหากํ ชามาตา สีเลน เจว อาจารสมฺปทาย จ, ตาทิโส ปพฺพชิโตปิ ทุลฺลโภ’’ติ. อุปาสิกา ธีตุ วจนํ สาธุกํ อสลฺลกฺเขตฺวา ‘‘ปพฺพชิโต’’ติ ปทเมว คเหตฺวา ‘‘อมฺม, กสฺมา เต ภตฺตา ปพฺพชิโต’’ติ มหาสทฺทํ อกาสิ. ตํ สุตฺวา สกลเคหวาสิโน ‘‘อมฺหากํ กิร กุฏุมฺพิโก ปพฺพชิโต’’ติ วิรวึสุ. เตสํ สทฺทํ สุตฺวา ทฺวาเรน สฺจรนฺตา ‘‘กึ นาม กิเรต’’นฺติ ปุจฺฉึสุ. ‘‘อิมสฺมึ กิร เคเห กุฏุมฺพิโก ปพฺพชิโต’’ติ. โสปิ โข กุฏุมฺพิโก ทสพลสฺส ธมฺมํ สุตฺวา วิหารา นิกฺขมฺม นครํ ปาวิสิ.
อถ นํ อนฺตรามคฺเคเยว เอโก ปุริโส ทิสฺวา ‘‘สมฺม, ตฺวํ กิร ปพฺพชิโตติ ตว เคเห ปุตฺตทารปริชโน ปริเทวตี’’ติ อาห. อถสฺส ¶ เอตทโหสิ – ‘‘อยํ อปพฺพชิตเมว กิร มํ ‘ปพฺพชิโต’ติ วทติ, อุปฺปนฺโน โข ปน เม กลฺยาณสทฺโท น อนฺตรธาเปตพฺโพ, อชฺเชว มยา ปพฺพชิตุํ วฏฺฏตี’’ติ ตโตว นิวตฺติตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘กึ นุ โข, อุปาสก, อิทาเนว พุทฺธุปฏฺานํ กตฺวา คนฺตฺวา อิทาเนว ปจฺจาคโตสี’’ติ วุตฺเต ตมตฺถํ อาโรเจตฺวา ‘‘ภนฺเต, กลฺยาณสทฺโท นาม อุปฺปนฺโน น อนฺตรธาเปตุํ วฏฺฏติ, ตสฺมา ปพฺพชิตุกาโม หุตฺวา อาคโตมฺหี’’ติ อาห. โส ปพฺพชฺชฺจ อุปสมฺปทฺจ ลภิตฺวา สมฺมา ปฏิปนฺโน นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. อิทํ กิร การณํ ภิกฺขุสงฺเฆ ปากฏํ ชาตํ. อเถกทิวสํ ธมฺมสภายํ ภิกฺขู กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, อสุโก นาม กุฏุมฺพิโก ‘อุปฺปนฺโน กลฺยาณสทฺโท ¶ น อนฺตรธาเปตพฺโพ’ติ ปพฺพชิตฺวา อิทานิ อรหตฺตํ ปตฺโต’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘ภิกฺขเว, โปราณกปณฺฑิตาปิ ‘อุปฺปนฺโน กลฺยาณสทฺโท วิราเธตุํ น วฏฺฏตี’ติ ปพฺพชึสุเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต เสฏฺิกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ปิตุ อจฺจเยน เสฏฺิฏฺานํ ปาปุณิ. โส เอกทิวสํ นิเวสนา นิกฺขมิตฺวา ราชุปฏฺานํ อคมาสิ. อถสฺส สสฺสุ ‘‘ธีตรํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ ตํ เคหํ อคมาสิ, สา โถกํ พธิรธาตุกาติ สพฺพํ ¶ ปจฺจุปฺปนฺนวตฺถุสทิสเมว. ตํ ปน ราชุปฏฺานํ คนฺตฺวา อตฺตโน ฆรํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา เอโก ปุริโส ‘‘ตุมฺเห กิร ปพฺพชิตาติ ตุมฺหากํ เคเห มหาปริเทโว ปวตฺตตี’’ติ อาห. โพธิสตฺโต ‘‘อุปฺปนฺโน กลฺยาณสทฺโท นาม น อนฺตรธาเปตุํ วฏฺฏตี’’ติ ตโตว นิวตฺติตฺวา รฺโ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘กึ, มหาเสฏฺิ, อิทาเนว คนฺตฺวา ปุน อาคโตสี’’ติ วุตฺเต ‘‘เทว, เคหชโน กิร มํ อปพฺพชิตเมว ‘ปพฺพชิโต’ติ วตฺวา ปริเทวติ, อุปฺปนฺโน โข ปน กลฺยาณสทฺโท น อนฺตรธาเปตพฺโพ, ปพฺพชิสฺสามหํ, ปพฺพชฺชํ เม อนุชานาหี’’ติ เอตมตฺถํ ปกาเสตุํ อิมา คาถา อาห –
‘‘กลฺยาณธมฺโมติ ¶ ยทา ชนินฺท, โลเก สมฺํ อนุปาปุณาติ;
ตสฺมา น หิยฺเยถ นโร สปฺโ, หิริยาปิ สนฺโต ฆุรมาทิยนฺติ.
‘‘สายํ สมฺา อิธ มชฺช ปตฺตา, กลฺยาณธมฺโมติ ชนินฺท โลเก;
ตาหํ สเมกฺขํ อิธ ปพฺพชิสฺสํ, น หิ มตฺถิ ฉนฺโท อิธ กามโภเค’’ติ.
ตตฺถ กลฺยาณธมฺโมติ สุนฺทรธมฺโม. สมฺํ อนุปาปุณาตีติ ยทา สีลวา กลฺยาณธมฺโม ปพฺพชิโตติ อิทํ ปฺตฺติโวหารํ ปาปุณาติ. ตสฺมา น หิยฺเยถาติ ตโต สามฺโต น ปริหาเยถ. หิริยาปิ สนฺโต ธุรมาทิยนฺตีติ, มหาราช, สปฺปุริสา นาม อชฺฌตฺตสมุฏฺิตาย หิริยา พหิทฺธสมุฏฺิเตน โอตฺตปฺเปนปิ เอตํ ปพฺพชิตธุรํ คณฺหนฺติ. อิธ มชฺช ปตฺตาติ อิธ มยา อชฺช ปตฺตา. ตาหํ สเมกฺขนฺติ ตํ อหํ คุณวเสน ลทฺธสมฺํ สเมกฺขนฺโต ปสฺสนฺโต. น หิ มตฺถิ ฉนฺโทติ น หิ เม อตฺถิ ฉนฺโท. อิธ กามโภเคติ อิมสฺมึ โลเก กิเลสกามวตฺถุกามปริโภเคหิ.
โพธิสตฺโต ¶ เอวํ วตฺวา ราชานํ ปพฺพชฺชํ อนุชานาเปตฺวา หิมวนฺตปเทสํ คนฺตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา พฺรหฺมโลกปรายโณ อโหสิ.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ราชา อานนฺโท อโหสิ, พาราณสิเสฏฺิ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
กลฺยาณธมฺมชาตกวณฺณนา ปมา.
[๑๗๒] ๒. ททฺทรชาตกวณฺณนา
โก นุ สทฺเทน มหตาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โกกาลิกํ อารพฺภ กเถสิ. ตสฺมิฺหิ กาเล พหู พหุสฺสุตา ภิกฺขู มโนสิลาตเล นทมานา ตรุณสีหา วิย อากาสคงฺคํ โอตาเรนฺตา ¶ วิย สงฺฆมชฺเฌ สรภาณํ ภณนฺติ. โกกาลิโก เตสุ สรภาณํ ภณนฺเตสุ อตฺตโน ตุจฺฉภาวํ อชานิตฺวาว ‘‘อหมฺปิ สรภาณํ ภณิสฺสามี’’ติ ภิกฺขูนํ อนฺตรํ ปวิสิตฺวา ‘‘อมฺหากํ สรภาณํ น ปาเปนฺติ. สเจ อมฺหากมฺปิ ปาเปยฺยุํ, มยมฺปิ ภเณยฺยามา’’ติ ภิกฺขุสงฺฆสฺส นามํ อคฺคเหตฺวาว ตตฺถ ตตฺถ กเถนฺโต อาหิณฺฑติ. ตสฺส สา กถา ภิกฺขุสงฺเฆ ปากฏา ชาตา. ภิกฺขู ‘‘วีมํสิสฺสาม ตาว น’’นฺติ สฺาย เอวมาหํสุ – ‘‘อาวุโส โกกาลิก, อชฺช สงฺฆสฺส สรภาณํ ภณาหี’’ติ. โส อตฺตโน พลํ อชานิตฺวาว ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ‘‘อชฺช สรภาณํ ภณิสฺสามี’’ติ อตฺตโน สปฺปายํ ยาคุํ ปิวิ, ขชฺชกํ ขาทิ, สปฺปาเยเนว สูเปน ภฺุชิ.
สูริเย อตฺถงฺคเต ธมฺมสฺสวนกาเล โฆสิเต ภิกฺขุสงฺโฆ สนฺนิปติ. โส กณฺฏกุรณฺฑกวณฺณํ กาสาวํ นิวาเสตฺวา กณิการปุปฺผวณฺณํ จีวรํ ปารุปิตฺวา สงฺฆมชฺฌํ ปวิสิตฺวา เถเร วนฺทิตฺวา อลงฺกตรตนมณฺฑเป ปฺตฺตวรธมฺมาสนํ อภิรุหิตฺวา จิตฺรพีชนึ คเหตฺวา ‘‘สรภาณํ ภณิสฺสามี’’ติ นิสีทิ, ตาวเทวสฺส สรีรา เสทา มุจฺจึสุ, สารชฺชํ โอกฺกมิ, ปุพฺพคาถาย ปมํ ปทํ อุทาหริตฺวา อนนฺตรํ น ปสฺสิ. โส กมฺปมาโน อาสนา โอรุยฺห ลชฺชิโต สงฺฆมชฺฌโต อปกฺกมฺม อตฺตโน ปริเวณํ อคมาสิ. อฺโ พหุสฺสุโต ภิกฺขุ สรภาณํ ภณิ. ตโต ปฏฺาย ภิกฺขู ตสฺส ตุจฺฉภาวํ ชานึสุ. อเถกทิวสํ ¶ ธมฺมสภายํ ภิกฺขู กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, ปมํ โกกาลิกสฺส ตุจฺฉภาโว ทุชฺชาโน, อิทานิ ¶ ปเนส สยํ นทิตฺวา ปากโฏ ชาโต’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, โกกาลิโก อิทาเนว นทิตฺวา ปากโฏ ชาโต, ปุพฺเพปิ นทิตฺวา ปากโฏ อโหสี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต หิมวนฺตปเทเส สีหโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา พหูนํ ¶ สีหานํ ราชา อโหสิ. โส อเนกสีหปริวาโร รชตคุหายํ วาสํ กปฺเปสิ. ตสฺส อวิทูเร เอกิสฺสาย คุหาย เอโก สิงฺคาโลปิ วสติ. อเถกทิวสํ เทเว วสฺสิตฺวา วิคเต สพฺเพ สีหา สีหราชสฺเสว คุหทฺวาเร สนฺนิปติตฺวา สีหนาทํ นทนฺตา สีหกีฬํ กีฬึสุ. เตสํ เอวํ นทิตฺวา กีฬนกาเล โสปิ สิงฺคาโล นทติ. สีหา ตสฺส สทฺทํ สุตฺวา ‘‘อยํ สิงฺคาโล อมฺเหหิ สทฺธึ นทตี’’ติ ลชฺชิตา ตุณฺหี อเหสุํ. เตสํ ตุณฺหีภูตกาเล โพธิสตฺตสฺส ปุตฺโต สีหโปตโก ‘‘ตาต, อิเม สีหา นทิตฺวา สีหกีฬํ กีฬนฺตา เอตสฺส สทฺทํ สุตฺวา ลชฺชาย ตุณฺหี ชาตา, โก นาเมส อตฺตโน สทฺเทน อตฺตานํ ชานาเปตี’’ติ ปิตรํ ปุจฺฉนฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘โก นุ สทฺเทน มหตา, อภินาเทติ ททฺทรํ;
ตํ สีหา นปฺปฏินทนฺติ, โก นาเมโส มิคาธิภู’’ติ.
ตตฺถ อภินาเทติ ททฺทรนฺติ ททฺทรํ รชตปพฺพตํ เอกนาทํ กโรติ. มิคาธิภูติ ปิตรํ อาลปติ. อยฺเหตฺถ อตฺโถ – มิคาธิภู มิคเชฏฺก สีหราช ปุจฺฉามิ ตํ ‘‘โก นาเมโส’’ติ.
อถสฺส วจนํ สุตฺวา ปิตา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘อธโม มิคชาตานํ, สิงฺคาโล ตาต วสฺสติ;
ชาติมสฺส ชิคุจฺฉนฺตา, ตุณฺหี สีหา สมจฺจเร’’ติ.
ตตฺถ สมจฺจเรติ สนฺติ อุปสคฺคมตฺตํ, อจฺจนฺตีติ อตฺโถ, ตุณฺหี หุตฺวา นิสีทนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. โปตฺถเกสุ ปน ‘‘สมจฺฉเร’’ติ ลิขนฺติ.
สตฺถา ¶ ¶ ‘‘น, ภิกฺขเว, โกกาลิโก อิทาเนว อตฺตโน นาเทน อตฺตานํ ปากฏํ กโรติ, ปุพฺเพปิ อกาสิเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา สิงฺคาโล โกกาลิโก อโหสิ, สีหโปตโก ราหุโล, สีหราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
ททฺทรชาตกวณฺณนา ทุติยา.
[๑๗๓] ๓. มกฺกฏชาตกวณฺณนา
ตาตมาณวโก ¶ เอโสติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ กุหกภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ ปกิณฺณกนิปาเต อุทฺทาลกชาตเก (ชา. ๑.๑๔.๖๒ อาทโย) อาวิภวิสฺสติ. ตทา ปน สตฺถา ‘‘ภิกฺขเว, นายํ ภิกฺขุ อิทาเนว กุหโก, ปุพฺเพปิ มกฺกโฏ หุตฺวา อคฺคิสฺส การณา โกหฺํ อกาสิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต เอกสฺมึ กาสิคามเก พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ สิปฺปํ อุคฺคณฺหิตฺวา ฆราวาสํ สณฺเปสิ. อถสฺส พฺราหฺมณี เอกํ ปุตฺตํ วิชายิตฺวา ปุตฺตสฺส อาธาวิตฺวา ปริธาวิตฺวา วิจรณกาเล กาลมกาสิ. โพธิสตฺโต ตสฺสา เปตกิจฺจํ กตฺวา ‘‘กึ เม ทานิ ฆราวาเสน, ปุตฺตํ คเหตฺวา ปพฺพชิสฺสามี’’ติ อสฺสุมุขํ าติมิตฺตวคฺคํ ปหาย ปุตฺตํ อาทาย หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ตตฺถ วนมูลผลาหาโร วาสํ กปฺเปสิ. โส เอกทิวสํ วสฺสานกาเล เทเว วสฺสนฺเต สารทารูนิ อคฺคึ ชาเลตฺวา วิสิพฺพนฺโต ผลกตฺถเร นิปชฺชิ, ปุตฺโตปิสฺส ตาปสกุมารโก ปิตุ ปาเท สมฺพาหนฺโตว นิสีทิ.
อเถโก วนมกฺกโฏ สีเตน ปีฬิยมาโน ตสฺส ปณฺณสาลาย ตํ อคฺคึ ทิสฺวา ‘‘สจาหํ เอตฺถ ปวิสิสฺสามิ, ‘มกฺกโฏ มกฺกโฏ’ติ มํ โปเถตฺวา นีหริสฺสนฺติ, อคฺคึ วิสิพฺเพตุํ น ลภิสฺสามิ, อตฺถิ ทานิ เม อุปาโย, ตาปสเวสํ คเหตฺวา โกหฺํ กตฺวา ปวิสิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา เอกสฺส มตตาปสสฺส วกฺกลานิ นิวาเสตฺวา ปจฺฉิฺจ องฺกุสยฏฺิฺจ ¶ คเหตฺวา ปณฺณสาลทฺวาเร เอกํ ตาลรุกฺขํ นิสฺสาย สํกุฏิโต อฏฺาสิ. ตาปสกุมารโก ตํ ทิสฺวา มกฺกฏภาวํ อชานนฺโต ‘‘เอโก มหลฺลกตาปโส สีเตน ปีฬิโต อคฺคึ วิสิพฺเพตุํ อาคโต ¶ ภวิสฺสตี’’ติ ปิตุ ตาปสสฺส กเถตฺวา ‘‘เอตํ ปณฺณสาลํ ปเวเสตฺวา วิสิพฺพาเปสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ปิตรํ อาลปนฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘ตาต ¶ มาณวโก เอโส, ตาลมูลํ อปสฺสิโต;
อคารกฺจิทํ อตฺถิ, หนฺท เทมสฺสคารก’’นฺติ.
ตตฺถ มาณวโกติ สตฺตาธิวจนํ. เตน ‘‘ตาต, เอโส เอโก มาณวโก สตฺโต เอโก ตาปโส’’ติ ทีเปติ. ตาลมูลํ อปสฺสิโตติ ตาลกฺขนฺธํ นิสฺสาย ิโต. อคารกฺจิทํ อตฺถีติ อิทฺจ อมฺหากํ ปพฺพชิตาคารํ อตฺถิ, ปณฺณสาลํ สนฺธาย วทติ. หนฺทาติ ววสฺสคฺคตฺเถ นิปาโต. เทมสฺสคารกนฺติ เอตสฺส เอกมนฺเต วสนตฺถาย อคารกํ เทม.
โพธิสตฺโต ปุตฺตสฺส วจนํ สุตฺวา อุฏฺาย ปณฺณสาลทฺวาเร ตฺวา โอโลเกนฺโต ตสฺส มกฺกฏภาวํ ตฺวา ‘‘ตาต, มนุสฺสานํ นาม น เอวรูปํ มุขํ โหติ, มกฺกโฏ เอส, นยิธ ปกฺโกสิตพฺโพ’’ติ วตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘มา โข ตฺวํ ตาต ปกฺโกสิ, ทูเสยฺย โน อคารกํ;
เนตาทิสํ มุขํ โหติ, พฺราหฺมณสฺส สุสีลิโน’’ติ.
ตตฺถ ทูเสยฺย โน อคารกนฺติ อยฺหิ อิธ ปวิฏฺโ สมาโน อิมํ กิจฺเฉน กตํ ปณฺณสาลํ อคฺคินา วา ฌาเปนฺโต อุจฺจาราทีนิ วา กโรนฺโต ทูเสยฺย. เนตาทิสนฺติ ‘‘เอตาทิสํ พฺราหฺมณสฺส สุสีลิโน มุขํ น โหติ, มกฺกโฏ เอโส’’ติ วตฺวา โพธิสตฺโต เอกํ อุมฺมุกํ คเหตฺวา ‘‘กึ เอตฺถ ติฏฺสี’’ติ ขิปิตฺวา ตํ ปลาเปสิ. มกฺกโฏ วกฺกลานิ ฉฑฺเฑตฺวา รุกฺขํ อภิรุหิตฺวา วนสณฺฑํ ปาวิสิ. โพธิสตฺโต จตฺตาโร พฺรหฺมวิหาเร ภาเวตฺวา พฺรหฺมโลกูปโค อโหสิ.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา มกฺกโฏ อยํ กุหกภิกฺขุ อโหสิ, ตาปสกุมาโร ราหุโล, ตาปโส ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
มกฺกฏชาตกวณฺณนา ตติยา.
[๑๗๔] ๔. ทุพฺภิยมกฺกฏชาตกณฺณนา
อทมฺห ¶ ¶ เต วาริ ปหูตรูปนฺติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เทวทตฺตํ อารพฺภ กเถสิ. เอกทิวสฺหิ ธมฺมสภายํ ภิกฺขู เทวทตฺตสฺส อกตฺุมิตฺตทุพฺภิภาวํ กเถนฺตา นิสีทึสุ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, เทวทตฺโต อิทาเนว อกตฺู มิตฺตทุพฺภี, ปุพฺเพปิ เอวรูโป อโหสี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต เอกสฺมึ กาสิคามเก พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ฆราวาสํ สณฺเปสิ. ตสฺมึ ปน สมเย กาสิรฏฺเ วตฺตนิมหามคฺเค เอโก คมฺภีโร อุทปาโน โหติ อโนตรณีโย ติรจฺฉานานํ, มคฺคปฺปฏิปนฺนา ปฺุตฺถิกา มนุสฺสา ทีฆรชฺชุเกน วารเกน อุทกํ อุสฺสิฺจิตฺวา เอกิสฺสา โทณิยา ปูเรตฺวา ติรจฺฉานานํ ปานียํ เทนฺติ. ตสฺส สามนฺตโต มหนฺตํ อรฺํ, ตตฺถ พหู มกฺกฏา วสนฺติ. อถ ตสฺมึ มคฺเค ทฺเว ตีณิ ทิวสานิ มนุสฺสสฺจาโร ปจฺฉิชฺชิ, ติรจฺฉานา ปานียํ น ลภึสุ. เอโก มกฺกโฏ ปิปาสาตุโร หุตฺวา ปานียํ ปริเยสนฺโต อุทปานสฺส สนฺติเก วิจรติ. โพธิสตฺโต เกนจิเทว กรณีเยน ตํ มคฺคํ ปฏิปชฺชิตฺวา ตตฺถ คจฺฉนฺโต ปานียํ อุตฺตาเรตฺวา ปิวิตฺวา หตฺถปาเท โธวิตฺวา ิโต ตํ มกฺกฏํ อทฺทส. อถสฺส ปิปาสิตภาวํ ตฺวา ปานียํ อุสฺสิฺจิตฺวา โทณิยํ อากิริตฺวา อทาสิ, ทตฺวา จ ปน ‘‘วิสฺสมิสฺสามี’’ติ เอกสฺมึ รุกฺขมูเล นิปชฺชิ. มกฺกโฏ ปานียํ ปิวิตฺวา อวิทูเร นิสีทิตฺวา มุขมกฺกฏิกํ กโรนฺโต โพธิสตฺตํ ภึสาเปสิ. โพธิสตฺโต ตสฺส ตํ กิริยํ ทิสฺวา ‘‘อเร ทุฏฺมกฺกฏ, อหํ ตว ปิปาสิตสฺส กิลนฺตสฺส พหุํ ¶ ปานียํ อทาสึ, อิทานิ ตฺวํ มยฺหํ มุขมกฺกฏิกํ กโรสิ, อโห ปาปชนสฺส นาม กโต อุปกาโร นิรตฺถโก’’ติ วตฺวา ปมํ คาถมาห –
‘‘อทมฺห ¶ เต วาริ ปหูตรูปํ, ฆมฺมาภิตตฺตสฺส ปิปาสิตสฺส;
โส ทานิ ปิตฺวาน กิริงฺกโรสิ, อสงฺคโม ปาปชเนน เสยฺโย’’ติ.
ตตฺถ โส ทานิ ปิตฺวาน กิริงฺกโรสีติ โส อิทานิ ตฺวํ มยา ทินฺนปานียํ ปิวิตฺวา มุขมกฺกฏิกํ กโรนฺโต ‘‘กิริ กิรี’’ติ สทฺทํ กโรสิ. อสงฺคโม ปาปชเนน เสยฺโยติ ปาปชเนน สทฺธึ สงฺคโม น เสยฺโย, อสงฺคโมว เสยฺโยติ.
ตํ ¶ สุตฺวา โส มิตฺตทุพฺภี มกฺกโฏ ‘‘ตฺวํ ‘เอตฺตเกนเวตํ นิฏฺิต’นฺติ สฺํ กโรสิ, อิทานิ เต สีเส วจฺจํ ปาเตตฺวา คมิสฺสามี’’ติ วตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘โก เต สุโต วา ทิฏฺโ วา, สีลวา นาม มกฺกโฏ;
อิทานิ โข ตํ โอหจฺฉํ, เอสา อสฺมาก ธมฺมตา’’ติ.
ตตฺรายํ สงฺเขปตฺโถ – โภ พฺราหฺมณ, ‘‘มกฺกโฏ กตคุณชานนโก อาจารสมฺปนฺโน สีลวา นาม อตฺถี’’ติ กหํ ตยา สุโต วา ทิฏฺโ วา, อิทานิ โข อหํ ตํ โอหจฺฉํ วจฺจํ เต สีเส กตฺวา ปกฺกมิสฺสามิ, อสฺมากฺหิ มกฺกฏานํ นาม เอสา ธมฺมตา อยํ ชาติสภาโว, ยทิทํ อุปการกสฺส สีเส วจฺจํ กาตพฺพนฺติ.
ตํ สุตฺวา โพธิสตฺโต อุฏฺาย คนฺตุํ อารภิ. มกฺกโฏ ตงฺขณฺเว อุปฺปติตฺวา สาขายํ นิสีทิตฺวา โอลมฺพกํ โอตรนฺโต วิย ตสฺส สีเส วจฺจํ ปาเตตฺวา วิรวนฺโต วนสณฺฑํ ปาวิสิ. โพธิสตฺโต นฺหตฺวา อคมาสิ.
สตฺถา ¶ ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว เทวทตฺโต, ปุพฺเพปิ มยา กตคุณํ น ชานาสิเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา มกฺกโฏ เทวทตฺโต อโหสิ, พฺราหฺมโณ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
ทุพฺภิยมกฺกฏชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.
[๑๗๕] ๕. อาทิจฺจุปฏฺานชาตกวณฺณนา
สพฺเพสุ ¶ กิร ภูเตสูติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ กุหกภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ เหฏฺา กถิตสทิสเมว.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต กาสิรฏฺเ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา มหาปริวาโร คณสตฺถา หุตฺวา หิมวนฺเต วาสํ กปฺเปสิ. โส ตตฺถ จิรํ วสิตฺวา โลณมฺพิลเสวนตฺถาย ปพฺพตา โอรุยฺห ปจฺจนฺเต เอกํ คามํ นิสฺสาย ¶ ปณฺณสาลายํ วาสํ อุปคฺฉิ. อเถโก โลลมกฺกโฏ อิสิคเณ ภิกฺขาจารํ คเต อสฺสมปทํ อาคนฺตฺวา ปณฺณสาลา อุตฺติณฺณา กโรติ, ปานียฆเฏสุ อุทกํ ฉฑฺเฑติ, กุณฺฑิกํ ภินฺทติ, อคฺคิสาลายํ วจฺจํ กโรติ. ตาปสา วสฺสํ วสิตฺวา ‘‘อิทานิ หิมวนฺโต ปุปฺผผลสมิทฺโธ รมณีโย, ตตฺเถว คมิสฺสามา’’ติ ปจฺจนฺตคามวาสิเก อาปุจฺฉึสุ. มนุสฺสา ‘‘สฺเว, ภนฺเต, มยํ ภิกฺขํ คเหตฺวา อสฺสมปทํ อาคมิสฺสาม, ตํ ปริภฺุชิตฺวาว คมิสฺสถา’’ติ วตฺวา ทุติยทิวเส ปหูตํ ขาทนียโภชนียํ คเหตฺวา ตตฺถ อคมํสุ. ตํ ทิสฺวา โส มกฺกโฏ จินฺเตสิ – ‘‘โกหฺํ กตฺวา มนุสฺเส อาราเธตฺวา มยฺหมฺปิ ขาทนียโภชนียํ อาหราเปสฺสามี’’ติ. โส ตาปสจรณํ จรนฺโต วิย สีลวา วิย จ หุตฺวา ตาปสานํ ¶ อวิทูเร สูริยํ นมสฺสมาโน อฏฺาสิ. มนุสฺสา ตํ ทิสฺวา ‘‘สีลวนฺตานํ สนฺติเก วสนฺตา สีลวนฺตา โหนฺตี’’ติ วตฺวา ปมํ คาถมาห –
‘‘สพฺเพสุ กิร ภูเตสุ, สนฺติ สีลสมาหิตา;
ปสฺส สาขมิคํ ชมฺมํ, อาทิจฺจมุปติฏฺตี’’ติ.
ตตฺถ สนฺติ สีลสมาหิตาติ สีเลน สมนฺนาคตา สํวิชฺชนฺติ, สีลวนฺตา จ สมาหิตา จ เอกคฺคจิตฺตา สํวิชฺชนฺตีติปิ อตฺโถ. ชมฺมนฺติ ลามกํ. อาทิจฺจมุปติฏฺตีติ สูริยํ นมสฺสมาโน ติฏฺติ.
เอวํ เต มนุสฺเส ตสฺส คุณํ กเถนฺเต ทิสฺวา โพธิสตฺโต ‘‘ตุมฺเห อิมสฺส โลลมกฺกฏสฺส สีลาจารํ อชานิตฺวา อวตฺถุสฺมึเยว ปสนฺนา’’ติ วตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘นาสฺส ¶ สีลํ วิชานาถ, อนฺาย ปสํสถ;
อคฺคิหุตฺตฺจ อุหนฺนํ, ทฺเว จ ภินฺนา กมณฺฑลู’’ติ.
ตตฺถ อนฺายาติ อชานิตฺวา. อุหนฺนนฺติ อิมินา ปาปมกฺกเฏน อูหทํ. กมณฺฑลูติ กุณฺฑิกา. ‘‘ทฺเว จ กุณฺฑิกา เตน ภินฺนา’’ติ เอวมสฺส อคุณํ กเถสิ.
มนุสฺสา มกฺกฏสฺส กุหกภาวํ ตฺวา เลฑฺฑฺุจ ยฏฺิฺจ คเหตฺวา โปเถตฺวา ปลาเปตฺวา อิสิคณสฺส ภิกฺขํ อทํสุ. อิสโยปิ หิมวนฺตเมว คนฺตฺวา อปริหีนชฺฌานา พฺรหฺมโลกปรายณา อเหสุํ.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา มกฺกโฏ อยํ กุหโก ภิกฺขุ อโหสิ, อิสิคโณ พุทฺธปริสา, คณสตฺถา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
อาทิจฺจุปฏฺานชาตกวณฺณนา ปฺจมา.
[๑๗๖] ๖. กฬายมุฏฺิชาตกวณฺณนา
พาโล ¶ วตายํ ทุมสาขโคจโรติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โกสลราชานํ อารพฺภ กเถสิ. เอกสฺมิฺหิ สมเย วสฺสกาเล โกสลรฺโ ปจฺจนฺโต กุปิ. ตตฺถ ิตา โยธา ทฺเว ตีณิ ยุทฺธานิ กตฺวา ปจฺจตฺถิเก อภิภวิตุํ อสกฺโกนฺตา รฺโ สาสนํ เปเสสุํ. ราชา อกาเล วสฺสาเนเยว นิกฺขมิตฺวา เชตวนสมีเป ขนฺธาวารํ พนฺธิตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อหํ อกาเล นิกฺขนฺโต, กนฺทรปทราทโย อุทกปูรา, ทุคฺคโม มคฺโค, สตฺถารํ อุปสงฺกมิสฺสามิ, โส มํ ‘กหํ คจฺฉสิ, มหาราชา’ติ ปุจฺฉิสฺสติ, อถาหํ เอตมตฺถํ อาโรเจสฺสามิ, น โข ปน มํ สตฺถา สมฺปรายิเกเนวตฺเถน อนุคฺคณฺหาติ, ทิฏฺธมฺมิเกนาปิ อนุคฺคณฺหาติเยว, ตสฺมึ สเจ เม คมเนน อวุฑฺฒิ ภวิสฺสติ, ‘อกาโล, มหาราชา’ติ วกฺขติ. สเจ ปน วุฑฺฑิ ภวิสฺสติ, ตุณฺหี ภวิสฺสตี’’ติ. โส เชตวนํ ปวิสิตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. สตฺถา ‘‘หนฺท กุโต นุ ตฺวํ, มหาราช, อาคจฺฉสิ ทิวา ทิวสฺสา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ภนฺเต, อหํ ปจฺจนฺตํ วูปสเมตุํ นิกฺขนฺโต ‘ตุมฺเห วนฺทิตฺวา คมิสฺสามี’ติ อาคโตมฺหี’’ติ ¶ . สตฺถา ‘‘ปุพฺเพปิ, มหาราช, ราชาโน เสนาย อพฺภุคฺคจฺฉมานาย ปณฺฑิตานํ กถํ สุตฺวา อกาเล อพฺภุคฺคมนํ นาม น คมึสู’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส อตฺถธมฺมานุสาสโก สพฺพตฺถกอมจฺโจ อโหสิ. อถ รฺโ ปจฺจนฺเต กุปิเต ปจฺจนฺตโยธา ปณฺณํ เปเสสุํ. ราชา วสฺสกาเล นิกฺขมิตฺวา อุยฺยาเน ขนฺธาวารํ พนฺธิ, โพธิสตฺโต รฺโ สนฺติเก อฏฺาสิ. ตสฺมึ ขเณ อสฺสานํ กฬาเย เสเทตฺวา อาหริตฺวา โทณิยํ ปกฺขิปึสุ. อุยฺยาเน มกฺกเฏสุ เอโก มกฺกโฏ รุกฺขา โอตริตฺวา ตโต กฬาเย คเหตฺวา มุขํ ปูเรตฺวา หตฺเถหิปิ คเหตฺวา อุปฺปติตฺวา รุกฺเข นิสีทิตฺวา ขาทิตุํ อารภิ, อถสฺส ขาทมานสฺส หตฺถโก เอโก กฬาโย ภูมิยํ ปติ. โส มุเขน จ หตฺเถหิ จ คหิเต สพฺเพ ¶ กฬาเย ฉฑฺเฑตฺวา รุกฺขา โอรุยฺห ตเมว กฬายํ โอโลเกนฺโต ตํ กฬายํ อทิสฺวาว ปุน รุกฺขํ อภิรุหิตฺวา อฑฺเฑ สหสฺสปราชิโต วิย โสจมาโน ทุมฺมุโข รุกฺขสาขายํ นิสีทิ. ราชา มกฺกฏสฺส กิริยํ ทิสฺวา โพธิสตฺตํ อามนฺเตตฺวา ¶ ‘‘ปสฺสถ, กึ นาเมตํ มกฺกเฏน กต’’นฺติ ปุจฺฉิ. โพธิสตฺโต ‘‘มหาราช, พหุํ อนวโลเกตฺวา อปฺปํ โอโลเกตฺวา ทุพฺพุทฺธิโน พาลา เอวรูปํ กโรนฺติเยวา’’ติ วตฺวา ปมํ คาถมาห –
‘‘พาโล วตายํ ทุมสาขโคจโร, ปฺา ชนินฺท นยิมสฺส วิชฺชติ;
กฬายมุฏฺึ อวกิริย เกวลํ, เอกํ กฬายํ ปติตํ คเวสตี’’ติ.
ตตฺถ ทุมสาขโคจโรติ มกฺกโฏ. โส หิ ทุมสาขาสุ โคจรํ คณฺหาติ, สาว อสฺส โคจโร สฺจรณภูมิภูตา, ตสฺมา ‘‘ทุมสาขโคจโร’’ติ วุจฺจติ. ชนินฺทาติ ราชานํ อาลปติ. ราชา หิ ปรมิสฺสรภาเวน ชนสฺส อินฺโทติ ชนินฺโท. กฬายมุฏฺินฺติ จณกมุฏฺึ. ‘‘กาฬราชมาสมุฏฺิ’’นฺติปิ วทนฺติเยว. อวกิริยาติ อวกิริตฺวา. เกวลนฺติ สพฺพํ. คเวสตีติ ภูมิยํ ปติตํ เอกเมว ปริเยสติ.
เอวํ ¶ วตฺวา ปุน โพธิสตฺโต ตํ อุปสงฺกมิตฺวา ราชานํ อามนฺเตตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘เอวเมว มยํ ราช, เย จฺเ อติโลภิโน;
อปฺเปน พหุํ ชิยฺยาม, กฬาเยเนว วานโร’’ติ.
ตตฺรายํ สงฺเขปตฺโถ – มหาราช, เอวเมว มยฺจ เย จฺเ โลภาภิภูตา ชนา สพฺเพปิ อปฺเปน พหุํ ชิยฺยาม. มยฺหิ เอตรหิ อกาเล วสฺสานสมเย มคฺคํ คจฺฉนฺตา อปฺปกสฺส อตฺถสฺส การณา พหุกา อตฺถา ปริหายาม. กฬาเยเนว วานโรติ ยถา อยํ วานโร เอกํ กฬายํ ปริเยสมาโน เตเนเกน กฬาเยน สพฺพกฬาเยหิ ปริหีโน, เอวํ มยมฺปิ ¶ อกาเลน กนฺทรปทราทีสุ ปูเรสุ คจฺฉมานา อปฺปมตฺตกํ อตฺถํ ปริเยสมานา พหูหิ หตฺถิวาหนอสฺสวาหนาทีหิ เจว พลกาเยน จ ปริหายิสฺสาม. ตสฺมา อกาเล คนฺตุํ น วฏฺฏตีติ รฺโ โอวาทํ อทาสิ.
ราชา ตสฺส กถํ สุตฺวา ตโต นิวตฺติตฺวา พาราณสิเมว ปาวิสิ. โจราปิ ‘‘ราชา กิร โจรมทฺทนํ กริสฺสามีติ นครา นิกฺขนฺโต’’ติ สุตฺวา ปจฺจนฺตโต ปลายึสุ. ปจฺจุปฺปนฺเนปิ โจรา ‘‘โกสลราชา กิร นิกฺขนฺโต’’ติ สุตฺวา ปลายึสุ. ราชา สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา อุฏฺายาสนา วนฺทิตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา สาวตฺถิเมว ปาวิสิ.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ราชา อานนฺโท อโหสิ, ปณฺฑิตามจฺโจ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
กฬายมุฏฺิชาตกวณฺณนา ฉฏฺา.
[๑๗๗] ๗. ตินฺทุกชาตกวณฺณนา
ธนุหตฺถกลาเปหีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปฺาปารมึ อารพฺภ กเถสิ. สตฺถา หิ มหาโพธิชาตเก (ชา. ๒.๑๘.๑๒๔ อาทโย) วิย อุมงฺคชาตเก (ชา. ๒.๒๒.๕๙๐ อาทโย) วิย จ อตฺตโน ปฺาย วณฺณํ วณฺณิตํ สุตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว ตถาคโต ปฺวา, ปุพฺเพปิ ปฺวา อุปายกุสโลเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต ¶ พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต วานรโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา อสีติสหสฺสวานรคณปริวาโร หิมวนฺตปเทเส วาสํ กปฺเปสิ. ตสฺสาสนฺเน เอโก ปจฺจนฺตคามโก กทาจิ วสติ, กทาจิ อุพฺพสติ. ตสฺส ปน คามสฺส มชฺเฌ สาขาวิฏปสมฺปนฺโน มธุรผโล เอโก ตินฺทุกรุกฺโข อตฺถิ, วานรคโณ อุพฺพสิตกาเล อาคนฺตฺวา ตสฺส ผลานิ ขาทติ. อถาปรสฺมึ ผลวาเร โส คาโม ปุน อาวาโส อโหสิ ทฬฺหปริกฺขิตฺโต ทฺวารยุตฺโต, โสปิ รุกฺโข ผลภารนมิตสาโข ¶ อฏฺาสิ. วานรคโณ จินฺเตสิ – ‘‘มยํ ปุพฺเพ อสุกคาเม ตินฺทุกผลานิ ขาทาม, ผลิโต นุ โข โส เอตรหิ รุกฺโข, อุทาหุ โน, อาวสิโต โส คาโม, อุทาหุ โน’’ติ. เอวฺจ ปน จินฺเตตฺวา ‘‘คจฺฉ อิมํ ปวตฺตึ ชานาหี’’ติ เอกํ วานรํ เปเสสิ. โส คนฺตฺวา รุกฺขสฺส จ ผลิตภาวํ คามสฺส จ คาฬฺหวาสภาวํ ตฺวา อาคนฺตฺวา วานรานํ อาโรเจสิ.
วานรา ตสฺส ผลิตภาวํ สุตฺวา ‘‘มธุรานิ ตินฺทุกผลานิ ขาทิสฺสามา’’ติ อุสฺสาหชาตา วานรินฺทสฺส ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. วานรินฺโท ‘‘คาโม อาวาโส อนาวาโส’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาวาโส, เทวา’’ติ. ‘‘เตน หิ น คนฺตพฺพํ. มนุสฺสา หิ พหุมายา โหนฺตี’’ติ. ‘‘เทว, มนุสฺสานํ ปฏิสลฺลานเวลาย อฑฺฒรตฺตสมเย ขาทิสฺสามา’’ติ พหู คนฺตฺวา วานรินฺทํ สมฺปฏิจฺฉาเปตฺวา หิมวนฺตา โอตริตฺวา ตสฺส คามสฺส อวิทูเร มนุสฺสานํ ปฏิสลฺลานกาลํ อาคมยมานา มหาปาสาณปิฏฺเ สยิตฺวา มชฺฌิมยาเม มนุสฺเสสุ นิทฺทํ โอกฺกมนฺเตสุ รุกฺขํ อารุยฺห ผลานิ ขาทึสุ. อเถโก ปุริโส สรีรกิจฺเจน เคหา นิกฺขมิตฺวา คามมชฺฌคโต วานเร ¶ ทิสฺวา มนุสฺสานํ อาจิกฺขิ. พหู มนุสฺสา ธนุกลาปํ สนฺนยฺหิตฺวา นานาวุธหตฺถา เลฑฺฑุทณฺฑาทีนิ อาทาย ‘‘ปภาตาย รตฺติยา วานเร คณฺหิสฺสามา’’ติ รุกฺขํ ปริวาเรตฺวา อฏฺํสุ. อสีติสหสฺสวานรา มนุสฺเส ทิสฺวา มรณภยตชฺชิตา ‘‘นตฺถิ โน อฺํ ปฏิสฺสรณํ อฺตฺร วานรินฺเทนา’’ติ ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ปมํ คาถมาหํสุ –
‘‘ธนุหตฺถกลาเปหิ, เนตฺตึสวรธาริภิ;
สมนฺตา ปริกิณฺณมฺห, กถํ โมกฺโข ภวิสฺสตี’’ติ.
ตตฺถ ¶ ธนุหตฺถกลาเปหีติ ธนุกลาปหตฺเถหิ, ธนูนิ เจว สรกลาเป จ คเหตฺวา ิเตหีติ อตฺโถ. เนตฺตึสวรธาริภีติ เนตฺตึสา วุจฺจนฺติ ขคฺคา, อุตฺตมขคฺคธารีหีติ อตฺโถ. ปริกิณฺณมฺหาติ ปริวาริตมฺห. กถนฺติ เกน นุ โข อุปาเยน อมฺหากํ โมกฺโข ภวิสฺสตีติ.
เตสํ ¶ กถํ สุตฺวา วานรินฺโท ‘‘มา ภายิตฺถ, มนุสฺสา นาม พหุกิจฺจา, อชฺชปิ มชฺฌิมยาโม วตฺตติ, อปิ นาม เตสํ ‘อมฺเห มาเรสฺสามา’ติ ปริวาริตานํ อิมสฺส กิจฺจสฺส อนฺตรายกรํ อฺํ กิจฺจํ อุปฺปชฺเชยฺยา’’ติ วานเร สมสฺสาเสตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘อปฺเปว พหุกิจฺจานํ, อตฺโถ ชาเยถ โกจิ นํ;
อตฺถิ รุกฺขสฺส อจฺฉินฺนํ, ขชฺชถฺเว ตินฺทุก’’นฺติ.
ตตฺถ นนฺติ นิปาตมตฺตํ, อปฺเปว พหุกิจฺจานํ มนุสฺสานํ อฺโ โกจิ อตฺโถ อุปฺปชฺเชยฺยาติ อยเมเวตฺถ อตฺโถ. อตฺถิ รุกฺขสฺส อจฺฉินฺนนฺติ อิมสฺส รุกฺขสฺส ผลานํ อากฑฺฒนปริกฑฺฒนวเสน อจฺฉินฺนํ พหุ านํ อตฺถิ. ขชฺชถฺเว ตินฺทุกนฺติ ตินฺทุกผลํ ขชฺชถฺเว. ตุมฺเห หิ ยาวตเกน โว อตฺโถ อตฺถิ, ตตฺตกํ ขาทถ, อมฺหากํ ปหรณกาลํ ชานิสฺสามาติ.
เอวํ มหาสตฺโต กปิคณํ สมสฺสาเสสิ. เอตฺตกฺหิ อสฺสาสํ อลภมานา สพฺเพปิ เต ผลิเตน หทเยน ชีวิตกฺขยํ ปาปุเณยฺยุํ. มหาสตฺโต ปน เอวํ วานรคณํ อสฺสาเสตฺวา ‘‘สพฺเพ วานเร สมาเนถา’’ติ อาห. สมาเนนฺตา ตสฺส ภาคิเนยฺยํ เสนกํ นาม วานรํ อทิสฺวา ‘‘เสนโก นาคโต’’ติ อาโรเจสุํ. ‘‘สเจ เสนโก นาคโต, ตุมฺเห มา ภายิตฺถ, อิทานิ โว โส ¶ โสตฺถึ กริสฺสตี’’ติ. เสนโกปิ โข วานรคณสฺส คมนกาเล นิทฺทายิตฺวา ปจฺฉา ปพุทฺโธ กฺจิ อทิสฺวา ปทานุปทิโก หุตฺวา อาคจฺฉนฺโต มนุสฺเส ทิสฺวา ‘‘วานรคณสฺส ภยํ อุปฺปนฺน’’นฺติ ตฺวา เอกสฺมึ ปริยนฺเต เคเห อคฺคึ ชาเลตฺวา สุตฺตํ กนฺตนฺติยา มหลฺลกิตฺถิยา สนฺติกํ คนฺตฺวา เขตฺตํ คจฺฉนฺโต คามทารโก วิย เอกํ อุมฺมุกํ คเหตฺวา ¶ อุปริวาเต ตฺวา คามํ ปทีเปสิ. มนุสฺสา มกฺกเฏ ฉฑฺเฑตฺวา อคฺคึ นิพฺพาเปตุํ อคมํสุ. วานรา ปลายนฺตา เสนกสฺสตฺถาย เอเกกํ ผลํ คเหตฺวา ปลายึสุ.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ภาคิเนยฺโย เสนโก มหานาโม สกฺโก อโหสิ, วานรคโณ พุทฺธปริสา, วานรินฺโท ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
ตินฺทุกชาตกวณฺณนา สตฺตมา.
[๑๗๘] ๘. กจฺฉปชาตกวณฺณนา
ชนิตฺตํ เม ภวิตฺตํ เมติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ อหิวาตกโรคมุตฺตํ อารพฺภ กเถสิ. สาวตฺถิยํ กิร เอกสฺมึ กุเล อหิวาตกโรโค อุปฺปชฺชิ. มาตาปิตโร ปุตฺตํ อาหํสุ – ‘‘ตาต, มา อิมสฺมึ เคเห วส, ภิตฺตึ ภินฺทิตฺวา ปลายิตฺวา ยตฺถ กตฺถจิ คนฺตฺวา ชีวิตํ รกฺข, ปจฺฉา อาคนฺตฺวา อิมสฺมึ นาม าเน มหานิธานํ อตฺถิ, ตํ อุทฺธริตฺวา กุฏุมฺพํ สณฺเปตฺวา สุเขน ชีเวยฺยาสี’’ติ. ปุตฺโต เตสํ วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ภิตฺตึ ภินฺทิตฺวา ปลายิตฺวา อตฺตโน โรเค วูปสนฺเต อาคนฺตฺวา มหานิธานํ อุทฺธริตฺวา กุฏุมฺพํ สณฺเปตฺวา ฆราวาสํ วสิ. โส เอกทิวสํ สปฺปิเตลาทีนิ เจว วตฺถจฺฉาทนาทีนิ จ คาหาเปตฺวา เชตวนํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา นิสีทิ. สตฺถา เตน สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘ตุมฺหากํ เคเห อหิวาตกโรโค อุปฺปนฺโนติ อสฺสุมฺห, กินฺติ กตฺวา มุตฺโตสี’’ติ ปุจฺฉิ, โส ตํ ปวตฺตึ อาจิกฺขิ. สตฺถา ‘‘ปุพฺเพปิ โข, อุปาสก, ภเย อุปฺปนฺเน อตฺตโน วสนฏฺาเน อาลยํ กตฺวา อฺตฺถ อคตา ชีวิตกฺขยํ ปาปุณึสุ, อนาลยํ ปน กตฺวา อฺตฺถ คตา ชีวิตํ ลภึสู’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต กาสิคามเก กุมฺภการกุเล นิพฺพตฺติตฺวา กุมฺภการกมฺมํ กตฺวา ปุตฺตทารํ โปเสสิ. ตทา ปน พาราณสิยํ มหานทิยา สทฺธึ เอกาพทฺโธ มหาชาตสฺสโร อโหสิ. โส พหุอุทกกาเล นทิยา สทฺธึ เอโกทโก โหติ, อุทเก มนฺทีภูเต ¶ วิสุํ โหติ. มจฺฉกจฺฉปา ¶ ปน ‘‘อิมสฺมึ สํวจฺฉเร สุวุฏฺิกา ภวิสฺสติ, อิมสฺมึ สํวจฺฉเร ทุพฺพุฏฺิกา’’ติ ชานนฺติ. อถ ตสฺมึ สเร นิพฺพตฺตมจฺฉกจฺฉปา ‘‘อิมสฺมึ สํวจฺฉเร ทุพฺพุฏฺิกา ภวิสฺสตี’’ติ ตฺวา อุทกสฺส เอกาพทฺธกาเลเยว ตมฺหา สรา นิกฺขมิตฺวา ¶ นทึ อคมึสุ. เอโก ปน กจฺฉโป ‘‘อิทํ เม ชาตฏฺานํ วฑฺฒิตฏฺานํ, มาตาปิตูหิ วสิตฏฺานํ, น สกฺโกมิ อิมํ ชหิตุ’’นฺติ นทึ น อคมาสิ. อถ นิทาฆสมเย ตตฺถ อุทกํ ฉิชฺชิ, โส กจฺฉโป โพธิสตฺตสฺส มตฺติกคหณฏฺาเน ภูมึ ขณิตฺวา ปาวิสิ. โพธิสตฺโต ‘‘มตฺติกํ คเหสฺสามี’’ติ ตตฺถ คนฺตฺวา มหากุทฺทาเลน ภูมึ ขณนฺโต กจฺฉปสฺส ปิฏฺึ ภินฺทิตฺวา มตฺติกปิณฺฑํ วิย กุทฺทาเลเนว นํ อุทฺธริตฺวา ถเล ปาเตสิ. โส เวทนาปฺปตฺโต หุตฺวา ‘‘วสนฏฺาเน อาลยํ ชหิตุํ อสกฺโกนฺโต เอวํ วินาสํ ปาปุณิ’’นฺติ วตฺวา ปริเทวมาโน อิมา คาถา อโวจ –
‘‘ชนิตฺตํ เม ภวิตฺตํ เม, อิติ ปงฺเก อวสฺสยึ;
ตํ มํ ปงฺโก อชฺฌภวิ, ยถา ทุพฺพลกํ ตถา;
ตํ ตํ วทามิ ภคฺคว, สุโณหิ วจนํ มม.
‘‘คาเม วา ยทิ วารฺเ, สุขํ ยตฺราธิคจฺฉติ;
ตํ ชนิตฺตํ ภวิตฺตฺจ, ปุริสสฺส ปชานโต;
ยมฺหิ ชีเว ตมฺหิ คจฺเฉ, น นิเกตหโต สิยา’’ติ.
ตตฺถ ชนิตฺตํ เม ภวิตฺตํ เมติ อิทํ มม ชาตฏฺานํ, อิทํ มม วฑฺฒิตฏฺานํ. อิติ ปงฺเก อวสฺสยินฺติ อิมินา การเณนาหํ อิมสฺมึ กทฺทเม อวสฺสยึ นิปชฺชึ, วาสํ กปฺเปสินฺติ อตฺโถ. อชฺฌภวีติ อธิอภวิ วินาสํ ปาเปสิ. ภคฺควาติ กุมฺภการํ อาลปติ. กุมฺภการานฺหิ นามโคตฺตปฺตฺติ เอสา, ยทิทํ ภคฺควาติ. สุขนฺติ กายิกเจตสิกสฺสาทํ. ตํ ¶ ชนิตฺตํ ภวิตฺตฺจาติ ตํ ชาตฏฺานฺจ วฑฺฒิตฏฺานฺจ. ‘‘ชานิตฺตํ ภาวิตฺต’’นฺติ ทีฆวเสนปิ ปาโ, โสเยวตฺโถ. ปชานโตติ อตฺถานตฺถํ การณาการณํ ชานนฺตสฺส. น นิเกตหโต สิยาติ นิเกเต อาลยํ กตฺวา อฺตฺถ อคนฺตฺวา นิเกเตน หโต, เอวรูปํ มรณทุกฺขํ ปาปิโต น ภเวยฺยาติ.
เอวํ โส โพธิสตฺเตน สทฺธึ กเถนฺโต กาลมกาสิ. โพธิสตฺโต ตํ คเหตฺวา สกลคามวาสิโน สนฺนิปาตาเปตฺวา เต มนุสฺเส โอวทนฺโต เอวมาห – ‘‘ปสฺสถ อิมํ กจฺฉปํ, อยํ ¶ อฺเสํ มจฺฉกจฺฉปานํ มหานทึ คมนกาเล อตฺตโน วสนฏฺาเน อาลยํ ฉินฺทิตุํ อสกฺโกนฺโต ¶ เตหิ สทฺธึ อคนฺตฺวา มม มตฺติกคหณฏฺานํ ปวิสิตฺวา นิปชฺชิ. อถสฺสาหํ มตฺติกํ คณฺหนฺโต มหากุทฺทาเลน ปิฏฺึ ภินฺทิตฺวา มตฺติกปิณฺฑํ วิย นํ ถเล ปาเตสึ, อยํ อตฺตนา กตกมฺมํ สริตฺวา ทฺวีหิ คาถาหิ ปริเทวิตฺวา กาลมกาสิ. เอวเมส อตฺตโน วสนฏฺาเน อาลยํ กตฺวา มรณํ ปตฺโต, ตุมฺเหปิ มา อิมินา กจฺฉเปน สทิสา อหุวตฺถ, อิโต ปฏฺาย ‘มยฺหํ รูปํ มยฺหํ สทฺโท มยฺหํ คนฺโธ มยฺหํ รโส มยฺหํ โผฏฺพฺโพ มยฺหํ ปุตฺโต มยฺหํ ธีตา มยฺหํ ทาสทาสิปริจฺเฉโท มยฺหํ หิรฺสุวณฺณ’นฺติ ตณฺหาวเสน อุปโภควเสน มา คณฺหิตฺถ, เอกโกเวส สตฺโต ตีสุ ภเวสุ ปริวตฺตตี’’ติ. เอวํ พุทฺธลีลาย มหาชนสฺส โอวาทมทาสิ, โส โอวาโท สกลชมฺพุทีปํ ปตฺถริตฺวา สฏฺิมตฺตานิ วสฺสสหสฺสานิ อฏฺาสิ. มหาชโน โพธิสตฺตสฺส โอวาเท ตฺวา ทานาทีนิ ปฺุานิ กตฺวา อายุปริโยสาเน สคฺคปุรํ ปูเรสิ, โพธิสตฺโตปิ ตเถว ปฺุานิ กตฺวา สคฺคปุรํ ปูเรสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน โส กุลปุตฺโต โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาสิ. ‘‘ตทา กจฺฉโป อานนฺโท อโหสิ, กุมฺภกาโร ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
กจฺฉปชาตกวณฺณนา อฏฺมา.
[๑๗๙] ๙. สตธมฺมชาตกวณฺณนา
ตฺจ ¶ อปฺปนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกวีสติวิธํ อเนสนํ อารพฺภ กเถสิ. เอกสฺมิฺหิ กาเล พหู ภิกฺขู เวชฺชกมฺเมน ทูตกมฺเมน ปหิณกมฺเมน ชงฺฆเปสนิเกน ปิณฺฑปฏิปิณฺเฑนาติ เอวรูปาย เอกวีสติวิธาย อเนสนาย ชีวิกํ กปฺเปสุํ. สา สาเกตชาตเก (ชา. ๑.๒.๑๗๓-๑๗๔) อาวิภวิสฺสติ. สตฺถา เตสํ ตถา ชีวิกกปฺปนภาวํ ตฺวา ‘‘เอตรหิ โข พหู ภิกฺขู อเนสนาย ชีวิกํ กปฺเปนฺติ, เต ปน เอวํ ชีวิกํ กปฺเปตฺวา ยกฺขตฺตภาวา เปตตฺตภาวา น มุจฺจิสฺสนฺติ, ธุรโคณา หุตฺวาว นิพฺพตฺติสฺสนฺติ, นิรเย ปฏิสนฺธึ คณฺหิสฺสนฺติ, เอเตสํ หิตตฺถาย สุขตฺถาย ¶ อตฺตชฺฌาสยํ สกปฏิภานํ เอกํ ธมฺมเทสนํ กเถตุํ วฏฺฏตี’’ติ ภิกฺขุสงฺฆํ สนฺนิปาตาเปตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, เอกวีสติวิธาย อเนสนาย ปจฺจยา อุปฺปาเทตพฺพา. อเนสนาย หิ อุปฺปนฺโน ปิณฺฑปาโต อาทิตฺตโลหคุฬสทิโส หลาหลวิสูปโม. อเนสนา หิ นาเมสา พุทฺธปจฺเจกพุทฺธสาวเกหิ ครหิตพฺพา ปฏิกุฏฺา. อเนสนาย ¶ อุปฺปนฺนํ ปิณฺฑปาตํ ภฺุชนฺตสฺส หิ หาโส วา โสมนสฺสํ วา นตฺถิ. เอวํ อุปฺปนฺโน หิ ปิณฺฑปาโต มม สาสเน จณฺฑาลสฺส อุจฺฉิฏฺโภชนสทิโส, ตสฺส ปริโภโค สตธมฺมมาณวสฺส จณฺฑาลุจฺฉิฏฺภตฺตปริโภโค วิย โหตี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต จณฺฑาลโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต เกนจิเทว กรณีเยน ปาเถยฺยตณฺฑุเล จ ภตฺตปุฏฺจ คเหตฺวา มคฺคํ ปฏิปชฺชิ. ตสฺมิฺหิ กาเล พาราณสิยํ เอโก มาณโว อตฺถิ สตธมฺโม นาม อุทิจฺจพฺราหฺมณมหาสาลกุเล นิพฺพตฺโต. โสปิ เกนจิเทว กรณีเยน ตณฺฑุเล จ ภตฺตปุฏฺจ อคเหตฺวาว มคฺคํ ปฏิปชฺชิ, เต อุโภปิ มหามคฺเค สมาคจฺฉึสุ. มาณโว โพธิสตฺตํ ‘‘กึชาติโกสี’’ติ ปุจฺฉิ. โส ‘‘อหํ จณฺฑาโล’’ติ วตฺวา ‘‘ตฺวํ กึชาติโกสี’’ติ มาณวํ ปุจฺฉิ ¶ . ‘‘อุทิจฺจพฺราหฺมโณ อห’’นฺติ. ‘‘สาธุ คจฺฉามา’’ติ เต อุโภปิ มคฺคํ อคมํสุ. โพธิสตฺโต ปาตราสเวลาย อุทกผาสุกฏฺาเน นิสีทิตฺวา หตฺเถ โธวิตฺวา ภตฺตปุฏํ โมเจตฺวา ‘‘มาณว, ภตฺตํ ภฺุชาหี’’ติ อาห. ‘‘นตฺถิ, อเร จณฺฑาล, มม ภตฺเตน อตฺโถ’’ติ. โพธิสตฺโต ‘‘สาธู’’ติ ปุฏกภตฺตํ อุจฺฉิฏฺํ อกตฺวาว อตฺตโน ยาปนมตฺตํ อฺสฺมึ ปณฺเณ ปกฺขิปิตฺวา ปุฏกภตฺตํ พนฺธิตฺวา เอกมนฺเต เปตฺวา ภฺุชิตฺวา ปานียํ ปิวิตฺวา โธตหตฺถปาโท ตณฺฑุเล จ เสสภตฺตฺจ อาทาย ‘‘คจฺฉาม, มาณวา’’ติ มคฺคํ ปฏิปชฺชิ.
เต สกลทิวสํ คนฺตฺวา สายํ อุโภปิ เอกสฺมึ อุทกผาสุกฏฺาเน นฺหตฺวา ปจฺจุตฺตรึสุ. โพธิสตฺโต ผาสุกฏฺาเน นิสีทิตฺวา ภตฺตปุฏํ โมเจตฺวา มาณวํ อนาปุจฺฉิตฺวา ภฺุชิตุํ อารภิ. มาณโว สกลทิวสํ มคฺคคมเนน กิลนฺโต ฉาตชฺฌตฺโต ‘‘สเจ เม ภตฺตํ ทสฺสติ, ภฺุชิสฺสามี’’ติ โอโลเกนฺโต อฏฺาสิ. อิตโร กิฺจิ อวตฺวา ภฺุชเตว. มาณโว จินฺเตสิ – ‘‘อยํ จณฺฑาโล มยฺหํ อวตฺวาว สพฺพํ ภฺุชติ ¶ นิปฺปีเฬตฺวาปิ ตํ คเหตฺวา อุปริ อุจฺฉิฏฺภตฺตํ ฉฑฺเฑตฺวา เสสํ ภฺุชิตุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส ตถา กตฺวา อุจฺฉิฏฺภตฺตํ ภฺุชิ. อถสฺส ภุตฺตมตฺตสฺเสว ‘‘มยา อตฺตโน ชาติโคตฺตกุลปเทสานํ อนนุจฺฉวิกํ กตํ, จณฺฑาลสฺส นาม เม อุจฺฉิฏฺภตฺตํ ภุตฺต’’นฺติ พลววิปฺปฏิสาโร อุปฺปชฺชิ, ตาวเทวสฺส สโลหิตํ ภตฺตํ มุขโต อุคฺคจฺฉิ. โส ‘‘อปฺปมตฺตกสฺส วต เม การณา อนนุจฺฉวิกํ กมฺมํ กต’’นฺติ อุปฺปนฺนพลวโสกตาย ปริเทวมาโน ปมํ คาถมาห –
‘‘ตฺจ ¶ อปฺปฺจ อุจฺฉิฏฺํ, ตฺจ กิจฺเฉน โน อทา;
โสหํ พฺราหฺมณชาติโก, ยํ ภุตฺตํ ตมฺปิ อุคฺคต’’นฺติ.
ตตฺรายํ ¶ สงฺเขปตฺโถ – ยํ มยา ภุตฺตํ, ตํ อปฺปฺจ อุจฺฉิฏฺฺจ, ตฺจ โส จณฺฑาโล น อตฺตโน รุจิยา มํ อทาสิ, อถ โข นิปฺปีฬิยมาโน กิจฺเฉน กสิเรน อทาสิ, โสหํ ปริสุทฺธพฺราหฺมณชาติโก, เตเนว เม ยํ ภุตฺตํ, ตมฺปิ สทฺธึ โลหิเตน อุคฺคตนฺติ.
เอวํ มาณโว ปริเทวิตฺวา ‘‘กึ ทานิ เม เอวรูปํ อนนุจฺฉวิกํ กมฺมํ กตฺวา ชีวิเตนา’’ติ อรฺํ ปวิสิตฺวา กสฺสจิ อตฺตานํ อทสฺเสตฺวาว อนาถมรณํ ปตฺโต.
สตฺถา อิมํ อตีตํ ทสฺเสตฺวา ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, สตธมฺมมาณวสฺส ตํ จณฺฑาลุจฺฉิฏฺกํ ภฺุชิตฺวา อตฺตโน อยุตฺตโภชนสฺส ภุตฺตตฺตา เนว หาโส, น โสมนสฺสํ อุปฺปชฺชิ, เอวเมว โย อิมสฺมึ สาสเน ปพฺพชิโต อเนสนาย ชีวิกํ กปฺเปนฺโต ตถาลทฺธปจฺจยํ ปริภฺุชติ, ตสฺส พุทฺธปฏิกุฏฺครหิตชีวิตภาวโต เนว หาโส, น โสมนสฺสํ อุปฺปชฺชตี’’ติ วตฺวา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘เอวํ ธมฺมํ นิรํกตฺวา, โย อธมฺเมน ชีวติ;
สตธมฺโมว ลาเภน, ลทฺเธนปิ น นนฺทตี’’ติ.
ตตฺถ ธมฺมนฺติ อาชีวปาริสุทฺธิสีลธมฺมํ. นิรํกตฺวาติ นีหริตฺวา ฉฑฺเฑตฺวา. อธมฺเมนาติ เอกวีสติยา อเนสนสงฺขาเตน มิจฺฉาชีเวน. สตธมฺโมติ ตสฺส นามํ, ‘‘สนฺตธมฺโม’’ติปิ ปาโ. น นนฺทตีติ ยถา สตธมฺโม มาณโว ‘‘จณฺฑาลุจฺฉิฏฺกํ เม ลทฺธ’’นฺติ เตน ลาเภน น ¶ นนฺทติ, เอวํ อิมสฺมิมฺปิ สาสเน ปพฺพชิโต กุลปุตฺโต อเนสนาย ลทฺธลาภํ ปริภฺุชนฺโต น นนฺทติ น ตุสฺสติ, ‘‘พุทฺธครหิตชีวิกาย ชีวามี’’ติ โทมนสฺสปฺปตฺโต โหติ. ตสฺมา อเนสนาย ชีวิกํ กปฺเปนฺตสฺส สตธมฺมมาณวสฺเสว อรฺํ ปวิสิตฺวา อนาถมรณํ มริตุํ วรนฺติ.
เอวํ ¶ สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ เทเสตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน พหู ภิกฺขู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสุ. ‘‘ตทา มาณโว อานนฺโท อโหสิ, อหเมว จณฺฑาลปุตฺโต อโหสิ’’นฺติ.
สตธมฺมชาตกวณฺณนา นวมา.
[๑๘๐] ๑๐. ทุทฺททชาตกวณฺณนา
ทุทฺททํ ¶ ททมานานนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต คณทานํ อารพฺภ กเถสิ. สาวตฺถิยํ กิร ทฺเว สหายกา กุฏุมฺพิยปุตฺตา ฉนฺทกํ สํหริตฺวา สพฺพปริกฺขารทานํ สชฺเชตฺวา พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิมนฺเตตฺวา สตฺตาหํ มหาทานํ ปวตฺเตตฺวา สตฺตเม ทิวเส สพฺพปริกฺขาเร อทํสุ. เตสุ คณเชฏฺโก สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิตฺวา ‘‘ภนฺเต, อิมสฺมึ ทาเน พหุทายกาปิ อตฺถิ อปฺปทายกาปิ, เตสํ สพฺเพสมฺปิ ‘อิทํ ทานํ มหปฺผลํ โหตู’’’ติ ทานํ นิยฺยาเทสิ. สตฺถา ‘‘ตุมฺเหหิ โข อุปาสกา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทานํ ทตฺวา เอวํ นิยฺยาเทนฺเตหิ มหากมฺมํ กตํ, โปราณกปณฺฑิตาปิ ทานํ ทตฺวา เอวเมว นิยฺยาทึสู’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต กาสิรฏฺเ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา ฆราวาสํ ปหาย อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา คณสตฺถา หุตฺวา หิมวนฺตปเทเส จิรํ วสิตฺวา โลณมฺพิลเสวนตฺถาย ชนปทจาริกํ จรมาโน พาราณสึ ปตฺวา ราชุยฺยาเน วสิตฺวา ปุนทิวเส ทฺวารคาเม สปริวาโร ภิกฺขาย จริ. มนุสฺสา ภิกฺขํ อทํสุ. ปุนทิวเส พาราณสิยํ จริ, มนุสฺสา สมฺปิยายมานา ภิกฺขํ ทตฺวา คณพนฺธเนน ฉนฺทกํ ¶ สํหริตฺวา ทานํ สชฺเชตฺวา อิสิคณสฺส มหาทานํ ปวตฺตยึสุ. ทานปริโยสาเน คณเชฏฺโก เอวเมว วตฺวา อิมินาว นิยาเมน ทานํ นิยฺยาเทสิ. โพธิสตฺโต ‘‘อาวุโส, จิตฺตปฺปสาเท สติ อปฺปกํ นาม ทานํ นตฺถี’’ติ วตฺวา อนุโมทนํ กโรนฺโต อิมา คาถา อโวจ –
‘‘ทุทฺททํ ¶ ททมานานํ, ทุกฺกรํ กมฺม กุพฺพตํ;
อสนฺโต นานุกุพฺพนฺติ, สตํ ธมฺโม ทุรนฺนโย.
‘‘ตสฺมา สตฺจ อสตํ, นานา โหติ อิโต คติ;
อสนฺโต นิรยํ ยนฺติ, สนฺโต สคฺคปรายณา’’ติ.
ตตฺถ ทุทฺททนฺติ ทานํ นาม โลภโทสวสิเกหิ อปณฺฑิเตหิ ทาตุํ น สกฺกา, ตสฺมา ‘‘ทุทฺทท’’นฺติ วุจฺจติ. ตํ ททมานานํ. ทุกฺกรํ กมฺม กุพฺพตนฺติ ตเทว ทานกมฺมํ สพฺเพหิ กาตุํ น สกฺกาติ ทุกฺกรํ. ตํ กุรุมานานํ. อสนฺโตติ อปณฺฑิตา พาลา. นานุกุพฺพนฺตีติ ตํ ¶ กมฺมํ นานุกโรนฺติ. สตํ ธมฺโมติ ปณฺฑิตานํ สภาโว. ทานํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. ทุรนฺนโยติ ผลสมฺพนฺธวเสน ทุชฺชาโน, เอวรูปสฺส ทานสฺส เอวรูโป ผลวิปาโก โหตีติ ทุรนุโพโธ. อปิจ ทุรนฺนโยติ ทุรธิคโม, อปณฺฑิเตหิ ทานํ ทตฺวา ทานผลํ นาม ลทฺธุํ น สกฺกาติปิ อตฺโถ. นานา โหติ อิโต คตีติ อิโต จวิตฺวา ปรโลกํ คจฺฉนฺตานํ ปฏิสนฺธิคฺคหณํ นานา โหติ. อสนฺโต นิรยํ ยนฺตีติ อปณฺฑิตา ทุสฺสีลา ทานํ อทตฺวา สีลํ อรกฺขิตฺวา นิรยํ คจฺฉนฺติ. สนฺโต สคฺคปรายณาติ ปณฺฑิตา ปน ทานํ ทตฺวา สีลํ รกฺขิตฺวา อุโปสถกมฺมํ กริตฺวา ตีณิ สุจริตานิ ปูเรตฺวา สคฺคปรายณา โหนฺติ, มหนฺตํ สคฺคสุขสมฺปตฺตึ อนุภวนฺตีติ.
เอวํ โพธิสตฺโต อนุโมทนํ กตฺวา จตฺตาโร วสฺสิเก มาเส ตตฺเถว วสิตฺวา วสฺสาติกฺกเม หิมวนฺตํ คนฺตฺวา ฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา อปริหีนชฺฌาโน พฺรหฺมโลกูปโค อโหสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา อิสิคโณ พุทฺธปริสา อโหสิ, คณสตฺถา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
ทุทฺททชาตกวณฺณนา ทสมา.
กลฺยาณวคฺโค ตติโย.
ตสฺสุทฺทานํ –
กลฺยาณธมฺมํ ¶ ททฺทรํ, มกฺกฏิ ทุพฺภิมกฺกฏํ;
อาทิจฺจุปฏฺานฺเจว, กฬายมุฏฺิ ตินฺทุกํ;
กจฺฉปํ สตธมฺมฺจ, ทุทฺททนฺติ จ เต ทส.
๔. อสทิสวคฺโค
[๑๘๑] ๑. อสทิสชาตกวณฺณนา
ธนุคฺคโห ¶ อสทิโสติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต มหาภินิกฺขมนํ อารพฺภ กเถสิ. เอกทิวสฺหิ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ สนฺนิสินฺนา ภควโต มหานิกฺขมปารมึ วณฺเณนฺตา นิสีทึสุ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, ตถาคโต อิทาเนว มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขนฺโต, ปุพฺเพปิ เสตจฺฉตฺตํ ปหาย นิกฺขนฺโตเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต ¶ พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ, ตสฺส โสตฺถินา ชาตสฺส นามคฺคหณทิวเส ‘‘อสทิสกุมาโร’’ติ นามํ อกํสุ. อถสฺส อาธาวิตฺวา ปริธาวิตฺวา วิจรณกาเล อฺโ ปฺุวา สตฺโต เทวิยา กุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ, ตสฺส โสตฺถินา ชาตสฺส นามคฺคหณทิวเส ‘‘พฺรหฺมทตฺตกุมาโร’’ติ นามํ อกํสุ. เตสุ โพธิสตฺโต โสฬสวสฺสกาเล ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา ทิสาปาโมกฺขสฺส อาจริยสฺส สนฺติเก ตโย เวเท อฏฺารส จ สิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา เตสุ อิสฺสาสสิปฺเป อสทิโส หุตฺวา พาราณสึ ปจฺจาคมิ. ราชา กาลํ กโรนฺโต ‘‘อสทิสกุมารสฺส รชฺชํ ทตฺวา พฺรหฺมทตฺตสฺส โอปรชฺชํ เทถา’’ติ วตฺวา กาลมกาสิ. ตสฺมึ กาลกเต โพธิสตฺโต อตฺตโน รชฺเช ทียมาเน ‘‘น มยฺหํ รชฺเชนตฺโถ’’ติ ปฏิกฺขิปิ, พฺรหฺมทตฺตํ รชฺเช อภิสิฺจึสุ. โพธิสตฺโต ‘‘มยฺหํ รชฺเชน อตฺโถ นตฺถี’’ติ กิฺจิปิ น อิจฺฉิ, กนิฏฺเ รชฺชํ กาเรนฺเต ปกติยา วสนากาเรเนว วสิ. ราชปาทมูลิกา ‘‘อสทิสกุมาโร ¶ รชฺชํ ปตฺเถตี’’ติ วตฺวา รฺโ สนฺติเก โพธิสตฺตํ ปริภินฺทึสุ. โสปิ เตสํ วจนํ คเหตฺวา ปริภินฺนจิตฺโต ‘‘ภาตรํ เม คณฺหถา’’ติ มนุสฺเส ปโยเชสิ.
อเถโก โพธิสตฺตสฺส อตฺถจรโก ตํ การณํ โพธิสตฺตสฺส อาโรเจสิ. โพธิสตฺโต กนิฏฺภาติกสฺส กุชฺฌิตฺวา นครา นิกฺขมิตฺวา อฺํ รฏฺํ คนฺตฺวา ‘‘เอโก ธนุคฺคโห อาคนฺตฺวา ราชทฺวาเร ิโต’’ติ รฺโ อาโรจาเปสิ. ราชา ‘‘กิตฺตกํ โภคํ อิจฺฉสี’’ติ ปุจฺฉิ ¶ . ‘‘เอกสํวจฺฉเรน สตสหสฺส’’นฺติ. ‘‘สาธุ อาคจฺฉตู’’ติ. อถ นํ อาคนฺตฺวา สมีเป ิตํ ปุจฺฉิ – ‘‘ตฺวํ ธนคฺคโหสี’’ติ? ‘‘อาม, เทวา’’ติ. ‘‘สาธุ มํ อุปฏฺหสฺสู’’ติ. โส ตโต ปฏฺาย ราชานํ อุปฏฺหิ. ตสฺส ปริพฺพยํ ทียมานํ ¶ ทิสฺวา ‘‘อติพหุํ ลภตี’’ติ โปราณกธนุคฺคหา อุชฺฌายึสุ. อเถกทิวสํ ราชา อุยฺยานํ คนฺตฺวา มงฺคลสิลาปฏฺฏสมีเป สาณิปาการํ ปริกฺขิปาเปตฺวา อมฺพรุกฺขมูเล มหาสยเน นิปนฺโน อุทฺธํ โอโลเกนฺโต รุกฺขคฺเค เอกํ อมฺพปิณฺฑึ ทิสฺวา ‘‘อิมํ น สกฺกา อภิรุหิตฺวา คณฺหิตุ’’นฺติ ธนุคฺคเห ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘อิมํ อมฺพปิณฺฑึ สเรน ฉินฺทิตฺวา ปาเตตุํ สกฺขิสฺสถา’’ติ อาห. น ตํ, เทว, อมฺหากํ ครุ, เทเวน ปน โน พหุวาเร กมฺมํ ทิฏฺปุพฺพํ, อธุนาคโต ธนุคฺคโห อมฺเหหิ พหุตรํ ลภติ, ตํ ปาตาเปถาติ.
ราชา โพธิสตฺตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สกฺขิสฺสสิ, ตาต, เอตํ ปาเตตุ’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, มหาราช, เอกํ โอกาสํ ลภมาโน สกฺขิสฺสามี’’ติ. ‘‘กตโรกาส’’นฺติ? ‘‘ตุมฺหากํ สยนสฺส อนฺโตกาส’’นฺติ. ราชา สยนํ หราเปตฺวา โอกาสํ กาเรสิ. โพธิสตฺตสฺส หตฺเถ ธนุ นตฺถิ, นิวาสนนฺตเร ธนุํ สนฺนยฺหิตฺวา วิจรติ, ตสฺมา ‘‘สาณึ ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ อาห. ราชา ‘‘สาธู’’ติ สาณึ อาหราเปตฺวา ปริกฺขิปาเปสิ. โพธิสตฺโต อนฺโตสาณึ ปวิสิตฺวา อุปรินิวตฺถํ เสตวตฺถํ หริตฺวา เอกํ รตฺตปฏํ นิวาเสตฺวา กจฺฉํ พนฺธิตฺวา เอกํ รตฺตปฏํ อุทเร พนฺธิตฺวา ปสิพฺพกโต สนฺธิยุตฺตํ ขคฺคํ นีหริตฺวา วามปสฺเส สนฺนยฺหิตฺวา สุวณฺณกฺจุกํ ปฏิมฺุจิตฺวา จาปนาฬึ ปิฏฺิยํ สนฺนยฺหิตฺวา สนฺธิยุตฺตเมณฺฑกมหาธนุํ อาทาย ปวาฬวณฺณํ ชิยํ อาโรเปตฺวา อุณฺหีสํ สีเส ปฏิมฺุจิตฺวา ติขิณขุรปฺปํ นเขหิ ปริวตฺตยมาโน สาณึ ทฺวิธา กตฺวา ปถวึ ผาเลตฺวา อลงฺกตนาคกุมาโร วิย นิกฺขมิตฺวา สรขิปนฏฺานํ คนฺตฺวา ขุรปฺปํ สนฺนยฺหิตฺวา ราชานํ อาห – ‘‘กึ, มหาราช, เอตํ อมฺพปิณฺฑึ อุทฺธํ อาโรหนกณฺเฑน ปาเตมิ, อุทาหุ ¶ อโธ โอโรหนกณฺเฑนา’’ติ ¶ . ‘‘ตาต, พหู มยา อาโรหนกณฺเฑน ปาเตนฺตา ทิฏฺปุพฺพา, โอโรหนกณฺเฑน ปน ปาเตนฺตา มยา น ทิฏฺปุพฺพา, โอโรหนกณฺเฑน ปาเตหี’’ติ. ‘‘มหาราช, อิทํ กณฺฑํ ทูรํ อาโรหิสฺสติ, ยาว จาตุมหาราชิกภวนํ, ตาว คนฺตฺวา สยํ โอโรหิสฺสติ, ยาวสฺส โอโรหนํ, ตาว ตุมฺเหหิ อธิวาเสตุํ วฏฺฏตี’’ติ. ราชา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ.
อถ นํ ปุน อาห – ‘‘มหาราช, อิทํ กณฺฑํ ปน อาโรหมานํ อมฺพปิณฺฑิวณฺฏํ ยาวมชฺฌํ กนฺตมานํ อาโรหิสฺสติ, โอโรหมานํ เกสคฺคมตฺตมฺปิ อิโต วา เอตฺโต วา อคนฺตฺวา อุชฺุเว ปติตฺวา อมฺพปิณฺฑึ คเหตฺวา โอตริสฺสติ, ปสฺส, มหาราชา’’ติ เวคํ ชเนตฺวา กณฺฑํ ¶ ขิปิ. ตํ กณฺฑํ อมฺพปิณฺฑิวณฺฏํ ยาวมชฺฌํ กนฺตมานํ อภิรุหิ. โพธิสตฺโต ‘‘อิทานิ ตํ กณฺฑํ ยาว จาตุมหาราชิกภวนํ คตํ ภวิสฺสตี’’ติ ตฺวา ปมํ ขิตฺตกณฺฑโต อธิกตรํ เวคํ ชเนตฺวา อฺํ กณฺฑํ ขิปิ, ตํ คนฺตฺวา ปุริมกณฺฑปุงฺเข ปหริตฺวา นิวตฺติตฺวา สยํ ตาวตึสภวนํ อภิรุหิ. ตตฺถ นํ เทวตา อคฺคเหสุํ, นิวตฺตนกณฺฑสฺส วาตฉินฺนสทฺโท อสนิสทฺโท วิย อโหสิ. มหาชเนน ‘‘กึ เอโส สทฺโท’’ติ วุตฺเต โพธิสตฺโต ‘‘นิวตฺตนกณฺฑสฺส สทฺโท’’ติ วตฺวา อตฺตโน อตฺตโน สรีเร กณฺฑสฺส ปตนภาวํ ตฺวา ภีตตสิตํ มหาชนํ ‘‘มา ภายิตฺถา’’ติ สมสฺสาเสตฺวา ‘‘กณฺฑสฺส ภูมิยํ ปติตุํ น ทสฺสามี’’ติ อาห. กณฺฑํ โอตรมานํ เกสคฺคมตฺตมฺปิ อิโต วา เอตฺโต วา อคนฺตฺวา อุชฺุเว ปติตฺวา อมฺพปิณฺฑึ ฉินฺทิ. โพธิสตฺโต อมฺพปิณฺฑิยา จ กณฺฑสฺส จ ภูมิยํ ปติตุํ อทตฺวา อากาเสเยว สมฺปฏิจฺฉนฺโต เอเกน หตฺเถน อมฺพปิณฺฑึ, เอเกน หตฺเถน กณฺฑํ อคฺคเหสิ. มหาชโน ตํ อจฺฉริยํ ทิสฺวา ‘‘น โน เอวรูปํ ทิฏฺปุพฺพ’’นฺติ มหาปุริสํ ปสํสติ ¶ อุนฺนทติ อปฺโผเฏติ องฺคุลิโย วิธูนติ, เจลุกฺเขปสหสฺสานิ ปวตฺเตติ. ราชปริสาย ตุฏฺปหฏฺาย โพธิสตฺตสฺส ทินฺนธนํ โกฏิมตฺตํ อโหสิ. ราชาปิสฺส ธนวสฺสํ วสฺเสนฺโต วิย พหุํ ธนํ มหนฺตฺจ ยสํ อทาสิ.
เอวํ โพธิสตฺเต เตน รฺา สกฺกเต ครุกเต ตตฺถ วสนฺเต ‘‘อสทิสกุมาโร กิร พาราณสิยํ นตฺถี’’ติ สตฺต ราชาโน อาคนฺตฺวา พาราณสินครํ ¶ ปริวาเรตฺวา ‘‘รชฺชํ วา เทตุ ยุทฺธํ วา’’ติ รฺโ ปณฺณํ เปเสสุํ. ราชา มรณภยภีโต ‘‘กุหึ เม ภาตา วสตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘เอกํ สามนฺตราชานํ อุปฏฺหตี’’ติ สุตฺวา ‘‘มม ภาติเก อนาคจฺฉนฺเต มยฺหํ ชีวิตํ นตฺถิ, คจฺฉถ ตสฺส มม วจเนน ปาเท วนฺทิตฺวา ขมาเปตฺวา คณฺหิตฺวา อาคจฺฉถา’’ติ ทูเต ปาเหสิ. เต คนฺตฺวา โพธิสตฺตสฺส ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสุํ. โพธิสตฺโต ตํ ราชานํ อาปุจฺฉิตฺวา พาราณสึ ปจฺจาคนฺตฺวา ราชานํ ‘‘มา ภายี’’ติ สมสฺสาเสตฺวา กณฺเฑ อกฺขรานิ ฉินฺทิตฺวา ‘‘อหํ อสทิสกุมาโร อาคโต, อฺํ เอกกณฺฑํ ขิปนฺโต สพฺเพสํ โว ชีวิตํ หริสฺสามิ, ชีวิเตน อตฺถิกา ปลายนฺตู’’ติ อฏฺฏาลเก ตฺวา สตฺตนฺนํ ราชูนํ ภฺุชนฺตานํ กฺจนปาติมกุเลเยว กณฺฑํ ปาเตสิ. เต อกฺขรานิ ทิสฺวา มรณภยภีตา สพฺเพว ปลายึสุ. เอวํ มหาสตฺโต ขุทฺทกมกฺขิกาย ปิวนมตฺตมฺปิ โลหิตํ อนุปฺปาเทตฺวา สตฺต ราชาโน ปลาเปตฺวา กนิฏฺภาตรํ อปโลเกตฺวา กาเม ปหาย อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา ชีวิตปริโยสาเน พฺรหฺมโลกูปโค อโหสิ.
สตฺถา ¶ ¶ ‘‘เอวํ, ภิกฺขเว, อสทิสกุมาโร สตฺต ราชาโน ปลาเปตฺวา วิชิตสงฺคาโม อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิโต’’ติ อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา อิมา คาถา อโวจ –
‘‘ธนุคฺคโห อสทิโส, ราชปุตฺโต มหพฺพโล;
ทูเรปาตี อกฺขณเวธี, มหากายปฺปทาลโน.
‘‘สพฺพามิตฺเต รณํ กตฺวา, น จ กฺจิ วิเหยิ;
ภาตรํ โสตฺถึ กตฺวาน, สํยมํ อชฺฌุปาคมี’’ติ.
ตตฺถ อสทิโสติ น เกวลํ นาเมเนว, พลวีริยปฺาหิปิ อสทิโสว. มหพฺพโลติ กายพเลนปิ ปฺาพเลนปิ มหพฺพโล. ทูเรปาตีติ ยาว จาตุมหาราชิกภวนา ตาวตึสภวนา จ กณฺฑํ เปเสตุํ สมตฺถตาย ทูเรปาตี. อกฺขณเวธีติ อวิราธิตเวธี. อถ วา อกฺขณา วุจฺจติ วิชฺชุ, ยาว เอกา วิชฺชุ นิจฺฉรติ, ตาว เตโนภาเสน สตฺตฏฺ ¶ วาเร กณฺฑานิ คเหตฺวา วิชฺฌตีติ อกฺขณเวธี. มหากายปฺปทาลโนติ มหนฺเต กาเย ปทาเลติ. จมฺมกาโย, ทารุกาโย, โลหกาโย, อโยกาโย, วาลิกกาโย, อุทกกาโย, ผลกกาโยติ อิเม สตฺต มหากายา นาม. ตตฺถ อฺโ จมฺมกายปทาลโน มหึสจมฺมํ วินิวิชฺฌติ, โส ปน สตมฺปิ มหึสจมฺมานํ วินิวิชฺฌติเยว. อฺโ อฏฺงฺคุลพหลํ อุทุมฺพรปทรํ, จตุรงฺคุลพหลํ อสนปทรํ วินิวิชฺฌติ, โส ปน ผลกสตมฺปิ เอกโต พทฺธํ วินิวิชฺฌติ, ตถา ทฺวงฺคุลพหลํ ตมฺพโลหปฏฺฏํ, องฺคุลพหลํ อยปฏฺฏํ. วาลิกสกฏสฺส พทรสกฏสฺส ปลาลสกฏสฺส วา ปจฺฉาภาเคน กณฺฑํ ปเวเสตฺวา ปุเรภาเคน อติปาเตติ, ปกติยา อุทเก จตุอุสภฏฺานํ กณฺฑํ เปเสติ, ถเล อฏฺอุสภนฺติ เอวํ อิเมสํ สตฺตนฺนํ มหากายานํ ปทาลนโต มหากายปฺปทาลโน. สพฺพามิตฺเตติ สพฺเพ อมิตฺเต. รณํ กตฺวาติ ยุทฺธํ กตฺวา ปลาเปสีติ อตฺโถ. น จ กฺจิ วิเหยีติ เอกมฺปิ น วิเหเสิ. อวิเหยนฺโตเยว ปน เตหิ สทฺธึ กณฺฑเปสเนเนว รณํ กตฺวา. สํยมํ อชฺฌุปาคมีติ สีลสํยมํ ปพฺพชฺชํ อุปคโต.
เอวํ ¶ สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา กนิฏฺภาตา อานนฺโท อโหสิ, อสทิสกุมาโร ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
อสทิสชาตกวณฺณนา ปมา.
[๑๘๒] ๒. สงฺคามาวจรชาตกวณฺณนา
สงฺคามาวจโร ¶ สูโรติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต นนฺทตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ. สตฺถริ หิ ปมคมเนน กปิลปุรํ คนฺตฺวา กนิฏฺภาติกํ นนฺทราชกุมารํ ปพฺพาเชตฺวา กปิลปุรา นิกฺขมฺม อนุปุพฺเพน สาวตฺถึ คนฺตฺวา วิหรนฺเต อายสฺมา นนฺโท ภควโต ปตฺตํ อาทาย ตถาคเตน สทฺธึ เคหา นิกฺขมนกาเล ‘‘นนฺทกุมาโร กิร สตฺถารา สทฺธึ คจฺฉตี’’ติ สุตฺวา อฑฺฒุลฺลิขิเตหิ เกเสหิ วาตปานนฺตเรน โอโลเกตฺวา ‘‘ตุวฏํ โข, อยฺยปุตฺต, อาคจฺเฉยฺยาสี’’ติ อิทํ ชนปทกลฺยาณิยา วุตฺตวจนํ อนุสฺสรนฺโต อุกฺกณฺิโต อนภิรโต อุปฺปณฺฑุปฺปณฺฑุกชาโต ธมนิสนฺถตคตฺโต ¶ อโหสิ. สตฺถา ตสฺส ตํ ปวตฺตึ ตฺวา ‘‘ยํนูนาหํ นนฺทํ อรหตฺเต ปติฏฺาเปยฺย’’นฺติ จินฺเตตฺวา ตสฺส วสนปริเวณํ คนฺตฺวา ปฺตฺตาสเน นิสินฺโน ‘‘กจฺจิ, นนฺท, อิมสฺมึ สาสเน อภิรมสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ภนฺเต, ชนปทกลฺยาณิยา ปฏิพทฺธจิตฺโต หุตฺวา นาภิรมามี’’ติ. ‘‘หิมวนฺตจาริกํ คตปุพฺโพสิ นนฺทา’’ติ? ‘‘น คตปุพฺโพ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘เตน หิ คจฺฉามา’’ติ. ‘‘นตฺถิ เม, ภนฺเต, อิทฺธิ, กตาหํ คมิสฺสามี’’ติ. สตฺถา ‘‘อหํ ตํ, นนฺท, มม อิทฺธิพเลน เนสฺสามี’’ติ เถรํ หตฺเถ คเหตฺวา อากาสํ ปกฺขนฺทนฺโต อนฺตรามคฺเค เอกสฺมึ ฌามเขตฺเต ฌามขาณุเก นิสินฺนํ ฉินฺนกณฺณนาสนงฺคุฏฺํ ฌามโลมํ ฉินฺนฉวึ จมฺมมตฺตํ โลหิตปลิคุณฺิตํ เอกํ ปลุฏฺมกฺกฏึ ทสฺเสสิ – ‘‘ปสฺสสิ, นนฺท, เอตํ มกฺกฏิ’’นฺติ. ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘สุฏฺุ ปจฺจกฺขํ กโรหี’’ติ.
อถ นํ คเหตฺวา สฏฺิโยชนิกํ มโนสิลาตลํ, อโนตตฺตทหาทโย สตฺต มหาสเร, ปฺจ มหานทิโย, สุวณฺณปพฺพตรชตปพฺพตมณิปพฺพตปฏิมณฺฑิตํ อเนกสตรามเณยฺยกํ หิมวนฺตปพฺพตฺจ ทสฺเสตฺวา ‘‘ตาวตึสภวนํ เต, นนฺท, ทิฏฺปุพฺพ’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘น ¶ , ทิฏฺปุพฺพํ, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘เอหิ, นนฺท, ตาวตึสภวนํ เต ทสฺสยิสฺสามี’’ติ ตตฺถ เนตฺวา ปณฺฑุกมฺพลสิลาสเน นิสีทิ. สกฺโก เทวราชา ทฺวีสุ เทวโลเกสุ เทวสงฺเฆน สทฺธึ อาคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. อฑฺฒติยโกฏิสงฺขา ตสฺส ปริจาริกา ปฺจสตา กกุฏปาทา เทวจฺฉราโยปิ อาคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. สตฺถา อายสฺมนฺตํ นนฺทํ ตา ปฺจสตา อจฺฉรา กิเลสวเสน ปุนปฺปุนํ โอโลกาเปสิ. ‘‘ปสฺสสิ, นนฺท, อิมา กกุฏปาทินิโย อจฺฉราโย’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กึ นุ โข เอตา โสภนฺติ, อุทาหุ ชนปทกลฺยาณี’’ติ. ‘‘เสยฺยถาปิ, ภนฺเต, ชนปทกลฺยาณึ อุปนิธาย สา ปลุฏฺมกฺกฏี, เอวเมว อิมา อุปนิธาย ชนปทกลฺยาณี’’ติ. ‘‘อิทานิ กึ กริสฺสสิ นนฺทา’’ติ? ‘‘กึ กมฺมํ กตฺวา, ภนฺเต, อิมา อจฺฉรา ลภนฺตี’’ติ? ‘‘สมณธมฺมํ กตฺวา’’ติ. ‘‘สเจ เม, ภนฺเต, อิมาสํ ¶ ปฏิลาภตฺถาย ภควา ปาฏิโภโค โหติ, อหํ สมณธมฺมํ กริสฺสามี’’ติ. ‘‘กโรหิ, นนฺท, อหํ เต ปาฏิโภโค’’ติ. เอวํ เถโร เทวสงฺฆสฺส มชฺเฌ ตถาคตํ ปาฏิโภคํ คเหตฺวา ‘‘มา, ภนฺเต, อติปปฺจํ กโรถ, เอถ คจฺฉาม, อหํ สมณธมฺมํ กริสฺสามี’’ติ อาห. สตฺถา ¶ ตํ อาทาย เชตวนเมว ปจฺจาคมิ. เถโร สมณธมฺมํ กาตุํ อารภิ.
สตฺถา ธมฺมเสนาปตึ อามนฺเตตฺวา ‘‘สาริปุตฺต, มยฺหํ กนิฏฺภาตา นนฺโท ตาวตึสเทวโลเก เทวสงฺฆสฺส มชฺเฌ เทวจฺฉรานํ การณา มํ ปาฏิโภคํ อคฺคเหสี’’ติ ตสฺส อาจิกฺขิ. เอเตนุปาเยน มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรสฺส มหากสฺสปตฺเถรสฺส อนุรุทฺธตฺเถรสฺส ธมฺมภณฺฑาคาริกอานนฺทตฺเถรสฺสาติ อสีติยา มหาสาวกานํ เยภุยฺเยน จ เสสภิกฺขูนํ อาจิกฺขิ. ธมฺมเสนาปติ สาริปุตฺตตฺเถโร นนฺทตฺเถรํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, อาวุโส นนฺท, ตาวตึสเทวโลเก เทวสงฺฆสฺส มชฺเฌ ‘เทวจฺฉรา ลภนฺโต สมณธมฺมํ กริสฺสามี’ติ ทสพลํ ปาฏิโภคํ คณฺหี’’ติ วตฺวา ‘‘นนุ เอวํ สนฺเต ตว พฺรหฺมจริยวาโส มาตุคามสนฺนิสฺสิโต กิเลสสนฺนิสฺสิโต, ตสฺส เต อิตฺถีนํ อตฺถาย สมณธมฺมํ กโรนฺตสฺส ภติยา กมฺมํ กโรนฺเตน กมฺมการเกน สทฺธึ ¶ กึ นานากรณ’’นฺติ เถรํ ลชฺชาเปสิ นิตฺเตชํ อกาสิ. เอเตนุปาเยน สพฺเพปิ อสีติมหาสาวกา อวเสสภิกฺขู จ ตํ อายสฺมนฺตํ นนฺทํ ลชฺชาปยึสุ.
โส ‘‘อยุตฺตํ วต เม กต’’นฺติ หิริยา จ โอตฺตปฺเปน จ วีริยํ ทฬฺหํ ปคฺคณฺหิตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘อหํ, ภนฺเต, ภควโต ปฏิสฺสวํ มฺุจามี’’ติ อาห. สตฺถาปิ ‘‘ยทา ตฺวํ, นนฺท, อรหตฺตํ ปตฺโต, ตทาเยวาหํ ปฏิสฺสวา มุตฺโต’’ติ อาห. เอตมตฺถํ วิทิตฺวา ธมฺมสภายํ ภิกฺขู กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘ยาว โอวาทกฺขโม จายํ, อาวุโส, นนฺทตฺเถโร เอโกวาเทเนว หิโรตฺตปฺปํ ปจฺจุปฏฺเปตฺวา สมณธมฺมํ กตฺวา อรหตฺตํ ปตฺโต’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ นนฺโท โอวาทกฺขโมเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต หตฺถาจริยกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต หตฺถาจริยสิปฺเป นิปฺผตฺตึ ปตฺโต เอกํ พาราณสิรฺโ สปตฺตราชานํ อุปฏฺาสิ. โส ตสฺส มงฺคลหตฺถึ สุสิกฺขิตํ กตฺวา สิกฺขาเปสิ. โส ราชา ‘‘พาราณสิรชฺชํ คณฺหิสฺสามี’’ติ โพธิสตฺตํ คเหตฺวา มงฺคลหตฺถึ อารุยฺห มหติยา เสนาย พาราณสึ ¶ คนฺตฺวา ปริวาเรตฺวา ‘‘รชฺชํ วา เทตุ ยุทฺธํ วา’’ติ รฺโ ปณฺณํ เปเสสิ. พฺรหฺมทตฺโต ‘‘ยุทฺธํ ทสฺสามี’’ติ ¶ ปาการทฺวารฏฺฏาลกโคปุเรสุ พลกายํ อาโรเปตฺวา ยุทฺธํ อทาสิ. สปตฺตราชา มงฺคลหตฺถึ วมฺเมน ฉาเทตฺวา สยมฺปิ วมฺมํ ปฏิมฺุจิตฺวา หตฺติกฺขนฺธวรคโต ติขิณํ องฺกุสํ อาทาย ‘‘นครํ ภินฺทิตฺวา ปจฺจามิตฺตํ ชีวิตกฺขยํ ปาเปตฺวา รชฺชํ หตฺถคตํ กริสฺสามี’’ติ หตฺถึ นคราภิมุขํ เปเสสิ. โส อุณฺหกลลานิ เจว ยนฺตปาสาเณ จ นานปฺปการานิ จ ปหรณานิ วิสฺสชฺเชนฺเต ทิสฺวา มรณภยภีโต อุปสงฺกมิตุํ อสกฺโกนฺโต ปฏิกฺกมิ. อถ นํ หตฺถาจริโย อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ตาต, ตฺวํ สูโร สงฺคามาวจโร, เอวรูเป าเน ปฏิกฺกมนํ ¶ นาม ตุยฺหํ นานุจฺฉวิก’’นฺติ วตฺวา หตฺถึ โอวทนฺโต อิมา คาถา อโวจ –
‘‘สงฺคามาวจโร สูโร, พลวา อิติ วิสฺสุโต;
กึ นุ โตรณมาสชฺช, ปฏิกฺกมสิ กฺุชร.
‘‘โอมทฺท ขิปฺปํ ปลิฆํ, เอสิกานิ จ อพฺพห;
โตรณานิ จ มทฺทิตฺวา, ขิปฺปํ ปวิส กฺุชรา’’ติ.
ตตฺถ อิติ วิสฺสุโตติ, ตาต, ตฺวํ ปวตฺตสมฺปหารํ สงฺคามํ มทฺทิตฺวา อวจรณโต สงฺคามาวจโร, ถิรหทยตาย สูโร, ถามสมฺปตฺติยา พลวาติ เอวํ วิสฺสุโต ปฺาโต ปากโฏ. โตรณมาสชฺชาติ นครทฺวารสงฺขาตํ โตรณํ ปตฺวา. ปฏิกฺกมสีติ กึ นุ โข โอสกฺกสิ, เกน การเณน นิวตฺตสีติ วทติ. โอมทฺทาติ อวมทฺท อโธ ปาตย. เอสิกานิ จ อพฺพหาติ นครทฺวาเร โสฬสรตนํ อฏฺรตนํ ภูมิยํ ปเวเสตฺวา นิจฺจลํ กตฺวา นิขาตา เอสิกตฺถมฺภา โหนฺติ, เต ขิปฺปํ อุทฺธร ลฺุจาหีติ อาณาเปติ. โตรณานิ จ มทฺทิตฺวาติ นครทฺวารสฺส ปิฏฺสงฺฆาเฏ มทฺทิตฺวา. ขิปฺปํ ปวิสาติ สีฆํ นครํ ปวิส. กฺุชราติ นาคํ อาลปติ.
ตํ สุตฺวา นาโค โพธิสตฺตสฺส เอโกวาเทเนว นิวตฺติตฺวา เอสิกตฺถมฺเภ โสณฺฑาย ปลิเวเตฺวา อหิจฺฉตฺตกานิ วิย ลฺุจิตฺวา โตรณํ มทฺทิตฺวา ปลิฆํ โอตาเรตฺวา นครทฺวารํ ภินฺทิตฺวา นครํ ปวิสิตฺวา รชฺชํ คเหตฺวา อทาสิ.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา หตฺถี นนฺโท อโหสิ, ราชา อานนฺโท, หตฺถาจริโย ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
สงฺคามาวจรชาตกวณฺณนา ทุติยา.
[๑๘๓] ๓. วาโลทกชาตกวณฺณนา
วาโลทกํ ¶ อปฺปรสํ นิหีนนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปฺจสเต วิฆาสาเท อารพฺภ กเถสิ. สาวตฺถิยํ กิร ปฺจสตา อุปาสกา ฆราวาสปลิโพธํ ปุตฺตทารสฺส นิยฺยาเทตฺวา สตฺถุ ¶ ธมฺมเทสนํ สุณนฺตา เอกโตว วิจรนฺติ. เตสุ เกจิ โสตาปนฺนา, เกจิ สกทาคามิโน, เกจิ อนาคามิโน, เอโกปิ ปุถุชฺชโน นาม นตฺถิ, สตฺถารํ นิมนฺเตนฺตาปิ เต อุปาสเก อนฺโตกริตฺวาว นิมนฺเตนฺติ. เตสํ ปน ทนฺตกฏฺมุโขทกวตฺถคนฺธมาลทายกา ปฺจสตา จูฬุปฏฺากา วิฆาสาทา หุตฺวา วสนฺติ. เต ภุตฺตปาตราสา นิทฺทายิตฺวา อุฏฺาย อจิรวตึ คนฺตฺวา นทีตีเร อุนฺนทนฺตา มลฺลยุทฺธํ ยุชฺฌนฺติ. เต ปน ปฺจสตา อุปาสกา อปฺปสทฺทา อปฺปนิคฺโฆสา ปฏิสลฺลานมนุยฺุชนฺติ. สตฺถา เตสํ วิฆาสาทานํ อุจฺจาสทฺทํ สุตฺวา ‘‘กึ เอโส, อานนฺท, สทฺโท’’ติ เถรํ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘วิฆาสาทสทฺโท, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘น โข, อานนฺท, อิเม วิฆาสาทา อิทาเนว วิฆาสํ ขาทิตฺวา อุนฺนทนฺติ, ปุพฺเพปิ อุนฺนทนฺติเยว, อิเมปิ อุปาสกา น อิทาเนว สนฺนิสินฺนา, ปุพฺเพปิ สนฺนิสินฺนาเยวา’’ติ วตฺวา เถเรน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต อมจฺจกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต รฺโ อตฺถธมฺมานุสาสโก อโหสิ. อเถกสฺมึ กาเล โส ราชา ‘‘ปจฺจนฺโต กุปิโต’’ติ สุตฺวา ปฺจสเต สินฺธเว กปฺปาเปตฺวา จตุรงฺคินิยา เสนาย คนฺตฺวา ปจฺจนฺตํ วูปสเมตฺวา พาราณสิเมว ปจฺจาคนฺตฺวา ‘‘สินฺธวา กิลนฺตา อลฺลรสเมว เนสํ มุทฺทิกปานํ เทถา’’ติ อาณาเปสิ. สินฺธวา คนฺธปานํ ปิวิตฺวา อสฺสสาลํ คนฺตฺวา อตฺตโน อตฺตโน าเนสุ อฏฺํสุ. เตสํ ปน ¶ ทินฺนาวสิฏฺกํ อปฺปรสํ พหุกสฏํ อโหสิ. มนุสฺสา ‘‘อิทํ กึ กโรมา’’ติ ราชานํ ปุจฺฉึสุ. ราชา อุทเกน มทฺทิตฺวา มกจิปิโลติกาหิ ปริสฺสาเวตฺวา ‘‘เย คทฺรภา สินฺธวานํ นิวาปํ ปหึสุ, เตสํ ทาเปถา’’ติ ทาเปสิ. คทฺรภา กสฏอุทกํ ปิวิตฺวา มตฺตา หุตฺวา วิรวนฺตา ราชงฺคเณ วิจรึสุ. ราชา มหาวาตปานํ วิวริตฺวา ราชงฺคณํ โอโลกยมาโน สมีเป ิตํ โพธิสตฺตํ อามนฺเตตฺวา ‘‘ปสฺส, อิเม ¶ คทฺรภา กสโฏทกํ ปิวิตฺวา มตฺตา หุตฺวา วิรวนฺตา อุปฺปตนฺตา วิจรนฺติ, สินฺธวกุเล ชาตสินฺธวา ปน คนฺธปานํ ปิวิตฺวา นิสฺสทฺทา สนฺนิสินฺนา น อุปฺปิลวนฺติ, กึ นุ โข การณ’’นฺติ ปุจฺฉนฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘วาโลทกํ อปฺปรสํ นิหีนํ, ปิตฺวา มโท ชายติ คทฺรภานํ;
อิมฺจ ปิตฺวาน รสํ ปณีตํ, มโท น สฺชายติ สินฺธวาน’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ วาโลทกนฺติ มกจิวาเลหิ ปริสฺสาวิตอุทกํ. ‘‘วาลุทก’’นฺติปิ ปาโ. นิหีนนฺติ นิหีนรสภาเวน นิหีนํ. น สฺชายตีติ สินฺธวานํ มโท น ชายติ, กึ นุ โข การณนฺติ ปุจฺฉิ.
อถสฺส การณํ อาจิกฺขนฺโต โพธิสตฺโต ทุติยํ คาถมาห –
‘‘อปฺปํ ปิวิตฺวาน นิหีนชจฺโจ, โส มชฺชตี เตน ชนินฺท ปุฏฺโ;
โธรยฺหสีลี จ กุลมฺหิ ชาโต, น มชฺชตี อคฺครสํ ปิวิตฺวา’’ติ.
ตตฺถ เตน ชนินฺท ปุฏฺโติ ชนินฺท อุตฺตมราช โย นิหีนชจฺโจ, เตน นิหีนชจฺจภาเวน ปุฏฺโ มชฺชติ ปมชฺชติ. โธรยฺหสีลีติ โธรยฺหสีโล ธุรวหนกอาจาเรน สมฺปนฺโน ชาติสินฺธโว. อคฺครสนฺติ สพฺพปมํ คหิตํ มุทฺทิกรสํ ปิวิตฺวาปิ น มชฺชติ.
ราชา โพธิสตฺตสฺส วจนํ สุตฺวา คทฺรเภ ราชงฺคณา นีหราเปตฺวา ตสฺเสว โอวาเท ิโต ทานาทีนิ ปฺุานิ กตฺวา ยถากมฺมํ คโต.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ปฺจสตา ¶ คทฺรภา อิเม วิฆาสาทา อเหสุํ, ปฺจสตา สินฺธวา อิเม อุปาสกา, ราชา อานนฺโท, ปณฺฑิตามจฺโจ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
วาโลทกชาตกวณฺณนา ตติยา.
[๑๘๔] ๔. คิริทตฺตชาตกวณฺณนา
ทูสิโต ¶ คิริทตฺเตนาติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เอกํ วิปกฺขเสวึ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ เหฏฺา มหิฬามุขชาตเก (ชา. ๑.๑.๒๖) กถิตเมว. สตฺถา ปน ‘‘น, ภิกฺขเว, อยํ ภิกฺขุ อิทาเนว วิปกฺขํ เสวติ, ปุพฺเพเปส วิปกฺขเสวโกเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต ¶ พาราณสิยํ สามราชา รชฺชํ กาเรสิ. ตทา โพธิสตฺโต อมจฺจกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตสฺส อตฺถธมฺมานุสาสโก อโหสิ. รฺโ ปน ปณฺฑโว นาม มงฺคลสฺโส, ตสฺส คิริทตฺโต นาม อสฺสพนฺโธ, โส ขฺโช อโหสิ. อสฺโส มุขรชฺชุเก คเหตฺวา ตํ ปุรโต ปุรโต คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘มํ เอส สิกฺขาเปตี’’ติ สฺาย ตสฺส อนุสิกฺขนฺโต ขฺโช อโหสิ. ตสฺส อสฺสสฺส ขฺชภาวํ รฺโ อาโรเจสุํ, ราชา เวชฺเช เปเสสิ. เต คนฺตฺวา อสฺสสฺส สรีเร โรคํ อปสฺสนฺตา ‘‘โรคมสฺส น ปสฺสามา’’ติ รฺโ กถยึสุ. ราชา โพธิสตฺตํ เปเสสิ – ‘‘คจฺฉ วยสฺส, เอตฺถ การณํ ชานาหี’’ติ. โส คนฺตฺวา ขฺชอสฺสพนฺธสํสคฺเคน ตสฺส ขฺชภูตภาวํ ตฺวา รฺโ ตมตฺถํ อาโรเจตฺวา ‘‘สํสคฺคโทเสน นาม เอวํ โหตี’’ติ ทสฺเสนฺโต ปมํ คาถมาห –-
‘‘ทูสิโต คิริทตฺเตน, หโย สามสฺส ปณฺฑโว;
โปราณํ ปกตึ หิตฺวา, ตสฺเสวานุวิธิยฺยตี’’ติ.
ตตฺถ หโย สามสฺสาติ สามสฺส รฺโ มงฺคลสฺโส. โปราณํ ปกตึ หิตฺวาติ อตฺตโน โปราณปกตึ สิงฺคารภาวํ ปหาย. อนุวิธิยฺยตีติ อนุสิกฺขติ.
อถ ¶ นํ ราชา ‘‘อิทานิ วยสฺส กึ กตฺตพฺพ’’นฺติ ปุจฺฉิ. โพธิสตฺโต ‘‘สุนฺทรํ อสฺสพนฺธํ ลภิตฺวา ยถา โปราโณ ภวิสฺสตี’’ติ วตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘สเจ ¶ จ ตนุโช โปโส, สิขราการกปฺปิโต;
อานเน นํ คเหตฺวาน, มณฺฑเล ปริวตฺตเย;
ขิปฺปเมว ปหนฺตฺวาน, ตสฺเสวานุวิธิยฺยตี’’ติ.
ตตฺถ ตนุโชติ ตสฺส อนุโช. อนุรูปํ ชาโต หิ อนุโช, ตสฺส อนุโช ตนุโช. อิทํ วุตฺตํ โหติ – สเจ หิ, มหาราช, ตสฺส สิงฺคารสฺส อาจารสมฺปนฺนสฺส อสฺสสฺส อนุรูปํ ชาโต สิงฺคาโร อาจารสมฺปนฺโน โปโส. สิขราการกปฺปิโตติ สิขเรน สุนฺทเรน อากาเรน กปฺปิตเกสมสฺสุ ตํ อสฺสํ อานเน คเหตฺวา อสฺสมณฺฑเล ปริวตฺเตยฺย, ขิปฺปเมเวส ตํ ขฺชภาวํ ปหาย ‘‘อยํ สิงฺคาโร อาจารสมฺปนฺโน อสฺสโคปโก มํ สิกฺขาเปตี’’ติ สฺาย ขิปฺปเมว ตสฺส อนุวิธิยฺยติ อนุสิกฺขิสฺสติ, ปกติภาเวเยว สฺสตีติ อตฺโถ. ราชา ตถา ¶ กาเรสิ, อสฺโส ปกติภาเว ปติฏฺาสิ. ราชา ‘‘ติรจฺฉานานมฺปิ นาม อาสยํ ชานิสฺสตี’’ติ ตุฏฺจิตฺโต โพธิสตฺตสฺส มหนฺตํ ยสํ อทาสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา คิริทตฺโต เทวทตฺโต อโหสิ, อสฺโส วิปกฺขเสวโก ภิกฺขุ, ราชา อานนฺโท, อมจฺจปณฺฑิโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
คิริทตฺตชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.
[๑๘๕] ๕. อนภิรติชาตกวณฺณนา
ยโถทเก อาวิเล อปฺปสนฺเนติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ พฺราหฺมณกุมารํ อารพฺภ กเถสิ. สาวตฺถิยํ กิร เอโก พฺราหฺมณกุมาโร ติณฺณํ เวทานํ ปารคู พหู ขตฺติยกุมาเร จ พฺราหฺมณกุมาเร จ มนฺเต วาเจสิ. โส อปรภาเค ฆราวาสํ สณฺเปตฺวา วตฺถาลงฺการทาสทาสิเขตฺตวตฺถุโคมหึสปุตฺตทาราทีนํ ¶ อตฺถาย จินฺตยมาโน ราคโทสโมหวสิโก หุตฺวา อาวิลจิตฺโต อโหสิ, มนฺเต ปฏิปาฏิยา ปริวตฺเตตุํ นาสกฺขิ, อิโต จิโต จ มนฺตา น ปฏิภํสุ. โส เอกทิวสํ พหุํ คนฺธมาลาทึ คเหตฺวา เชตวนํ คนฺตฺวา สตฺถารํ ปูเชตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ ¶ . สตฺถา เตน สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘กึ, มาณว, มนฺเต วาเจสิ, ปคุณา เต มนฺตา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ปุพฺเพ เม, ภนฺเต, มนฺตา ปคุณา อเหสุํ, ฆราวาสสฺส ปน คหิตกาลโต ปฏฺาย จิตฺตํ เม อาวิลํ ชาตํ, เตน เม มนฺตา น ปคุณา’’ติ. อถ นํ สตฺถา ‘‘น โข, มาณว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ เต จิตฺตสฺส อนาวิลกาเล ตว มนฺตา ปคุณา อเหสุํ, ราคาทีหิ ปน อาวิลกาเล ตว มนฺตา น ปฏิภํสู’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต พฺราหฺมณมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ มนฺเต อุคฺคณฺหิตฺวา ทิสาปาโมกฺโข อาจริโย หุตฺวา พาราณสิยํ พหู ขตฺติยกุมาเร จ พฺราหฺมณกุมาเร จ มนฺเต วาเจสิ. ตสฺส สนฺติเก เอโก พฺราหฺมณมาณโว ตโย เวเท ปคุเณ อกาสิ, เอกปเทปิ นิกฺกงฺโข ปิฏฺิอาจริโย หุตฺวา มนฺเต วาเจสิ. โส อปเรน สมเยน ฆราวาสํ คเหตฺวา ฆราวาสจินฺตาย อาวิลจิตฺโต มนฺเต ปริวตฺเตตุํ นาสกฺขิ. อถ นํ อาจริโย อตฺตโน สนฺติกํ อาคตํ ‘‘กึ, มาณว, ปคุณา เต มนฺตา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ฆราวาสคหิตกาลโต ¶ ปฏฺาย เม จิตฺตํ อาวิลํ ชาตํ, มนฺเต ปริวตฺเตตุํ น สกฺโกมี’’ติ วุตฺเต ‘‘ตาต, อาวิเล จิตฺตมฺหิ ปคุณาปิ มนฺตา น ปฏิภนฺติ, อนาวิเล ปน จิตฺเต อปฺปฏิภาณํ นาม นตฺถี’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อาห –
‘‘ยโถทเก อาวิเล อปฺปสนฺเน, น ปสฺสติ สิปฺปิกสมฺพุกฺจ;
สกฺขรํ วาลุกํ มจฺฉคุมฺพํ, เอวํ อาวิลมฺหิ จิตฺเต;
น โส ปสฺสติ อตฺตทตฺถํ ปรตฺถํ.
‘‘ยโถทเก ¶ อจฺเฉ วิปฺปสนฺเน, โส ปสฺสติ สิปฺปิกสมฺพุกฺจ;
สกฺขรํ วาลุกํ มจฺฉคุมฺพํ, เอวํ ¶ อนาวิลมฺหิ จิตฺเต;
โส ปสฺสติ อตฺถทตฺถํ ปรตฺถ’’นฺติ.
ตตฺถ อาวิเลติ กทฺทมาลุฬิเต. อปฺปสนฺเนติ ตาเยว อาวิลตาย อวิปฺปสนฺเน. สิปฺปิกสมฺพุกฺจาติ สิปฺปิกฺจ สมฺพุกฺจ. มจฺฉคุมฺพนฺติ มจฺฉฆฏํ. เอวํ อาวิลมฺหีติ เอวเมว ราคาทีหิ อาวิเล จิตฺเต. อตฺตทตฺถํ ปรตฺถนฺติ เนว อตฺตทตฺถํ น ปรตฺถํ ปสฺสตีติ อตฺโถ. โส ปสฺสตีติ เอวเมว อนาวิเล จิตฺเต โส ปุริโส อตฺตทตฺถํ ปรตฺถฺจ ปสฺสตีติ.
สตฺถา อิมํ อตีตํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน พฺราหฺมณกุมาโร โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ‘‘ตทา มาณโว อยเมว มาณโว อโหสิ, อาจริโย ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
อนภิรติชาตกวณฺณนา ปฺจมา.
[๑๘๖] ๖. ทธิวาหนชาตกวณฺณนา
วณฺณคนฺธรสูเปโตติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต วิปกฺขเสวึ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ เหฏฺา กถิตเมว. สตฺถา ปน ‘‘ภิกฺขเว, อสาธุสนฺนิวาโส นาม ปาโป อนตฺถกโร, ตตฺถ มนุสฺสภูตานํ ตาว ปาปสนฺนิวาสสฺส อนตฺถกรตาย กึ วตฺตพฺพํ, ปุพฺเพ ปน อสาเตน อมธุเรน นิมฺพรุกฺเขน สทฺธึ สนฺนิวาสมาคมฺม มธุรรโส ทิพฺพรสปฏิภาโค อเจตโน อมฺพรุกฺโขปิ อมธุโร ติตฺตโก ชาโต’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต ¶ พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต กาสิรฏฺเ จตฺตาโร ภาตโร พฺราหฺมณา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา หิมวนฺตปเทเส ปฏิปาฏิยา ปณฺณสาลา กตฺวา วาสํ กปฺเปสุํ. เตสํ เชฏฺกภาตา กาลํ กตฺวา สกฺกตฺตํ ปาปุณิ. โส ตํ การณํ ตฺวา อนฺตรนฺตรา สตฺตฏฺทิวสจฺจเยน เตสํ ¶ อุปฏฺานํ คจฺฉนฺโต เอกทิวสํ เชฏฺกตาปสํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิตฺวา ¶ – ‘‘ภนฺเต, เกน เต อตฺโถ’’ติ ปุจฺฉิ. ปณฺฑุโรโค ตาปโส ‘‘อคฺคินา เม อตฺโถ’’ติ อาห. โส ตํ สุตฺวา ตสฺส วาสิผรสุกํ อทาสิ. วาสิผรสุโก นาม ทณฺเฑ ปเวสนวเสน วาสิปิ โหติ ผรสุปิ. ตาปโส ‘‘โก เม อิมํ อาทาย ทารูนิ อาหริสฺสตี’’ติ อาห. อถ นํ สกฺโก เอวมาห – ‘‘ยทา เต, ภนฺเต, ทารูหิ อตฺโถ, อิมํ ผรสุํ หตฺเถน ปหริตฺวา ‘ทารูนิ เม อาหริตฺวา อคฺคึ กโรหี’ติ วเทยฺยาสิ, ทารูนิ อาหริตฺวา อคฺคึ กตฺวา ทสฺสตี’’ติ. ตสฺส วาสิผรสุกํ ทตฺวา ทุติยมฺปิ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ภนฺเต, เกน เต อตฺโถ’’ติ ปุจฺฉิ. ตสฺส ปณฺณสาลาย หตฺถิมคฺโค โหติ, โส หตฺถีหิ อุปทฺทุโต ‘‘หตฺถีนํ เม วเสน ทุกฺขํ อุปฺปชฺชติ, เต ปลาเปหี’’ติ อาห. สกฺโก ตสฺส เอกํ เภรึ อุปนาเมตฺวา ‘‘ภนฺเต, อิมสฺมึ ตเล ปหเฏ ตุมฺหากํ ปจฺจามิตฺตา ปลายิสฺสนฺติ, อิมสฺมึ ตเล ปหเฏ เมตฺตจิตฺตา หุตฺวา จตุรงฺคินิยา เสนาย ปริวาเรสฺสนฺตี’’ติ วตฺวา ตํ เภรึ ทตฺวา กนิฏฺสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘ภนฺเต, เกน เต อตฺโถ’’ติ ปุจฺฉิ. โสปิ ปณฺฑุโรคธาตุโกว, ตสฺมา ‘‘ทธินา เม อตฺโถ’’ติ อาห. สกฺโก ตสฺส เอกํ ทธิฆฏํ ทตฺวา ‘‘สเจ ตุมฺเห อิจฺฉมานา อิมํ อาสิฺเจยฺยาถ, มหานที หุตฺวา มโหฆํ ปวตฺเตตฺวา ตุมฺหากํ รชฺชํ คเหตฺวา ทาตุํ สมตฺโถปิ ภวิสฺสตี’’ติ วตฺวา ปกฺกามิ. ตโต ปฏฺาย วาสิผรสุโก เชฏฺภาติกสฺส อคฺคึ กโรติ, อิตเรน เภริตเล ปหเฏ หตฺถี ปลายนฺติ, กนิฏฺโ ทธึ ปริภฺุชติ.
ตสฺมึ กาเล เอโก สูกโร เอกสฺมึ ปุราณคามฏฺาเน จรนฺโต อานุภาวสมฺปนฺนํ เอกํ มณิกฺขนฺธํ อทฺทส. โส ตํ มณิกฺขนฺธํ มุเขน ฑํสิตฺวา ตสฺสานุภาเวน อากาเส อุปฺปติตฺวา สมุทฺทสฺส มชฺเฌ เอกํ ทีปกํ คนฺตฺวา ‘‘เอตฺถ ทานิ มยา วสิตุํ วฏฺฏตี’’ติ โอตริตฺวา ผาสุกฏฺาเน เอกสฺส อุทุมฺพรรุกฺขสฺส เหฏฺา ¶ วาสํ กปฺเปสิ. โส เอกทิวสํ ตสฺมึ รุกฺขมูเล มณิกฺขนฺธํ ปุรโต เปตฺวา นิทฺทํ โอกฺกมิ. อเถโก กาสิรฏฺวาสี มนุสฺโส ‘‘นิรุปกาโร เอส อมฺหาก’’นฺติ มาตาปิตูหิ เคหา นิกฺกฑฺฒิโต เอกํ ปฏฺฏนคามํ คนฺตฺวา นาวิกานํ กมฺมกาโร หุตฺวา นาวํ อารุยฺห ¶ สมุทฺทมชฺเฌ ภินฺนาย นาวาย ผลเก นิปนฺโน ตํ ทีปกํ ปตฺวา ผลาผลานิ ปริเยสนฺโต ตํ สูกรํ นิทฺทายนฺตํ ทิสฺวา สณิกํ คนฺตฺวา มณิกฺขนฺธํ คณฺหิตฺวา ตสฺส อานุภาเวน อากาเส อุปฺปติตฺวา อุทุมฺพรรุกฺเข นิสีทิตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อยํ สูกโร ¶ อิมสฺส มณิกฺขนฺธสฺส อานุภาเวน อากาสจาริโก หุตฺวา อิธ วสติ มฺเ, มยา ปมเมว อิมํ สูกรํ มาเรตฺวา มํสํ ขาทิตฺวา ปจฺฉา คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส เอกํ ทณฺฑกํ ภฺชิตฺวา ตสฺส สีเส ปาเตติ. สูกโร ปพุชฺฌิตฺวา มณึ อปสฺสนฺโต อิโต จิโต จ กมฺปมาโน วิธาวติ, รุกฺเข นิสินฺนปุริโส หสิ. สูกโร โอโลเกนฺโต ตํ ทิสฺวา ตํ รุกฺขํ สีเสน ปหริตฺวา ตตฺเถว มโต.
โส ปุริโส โอตริตฺวา อคฺคึ กตฺวา ตสฺส มํสํ ปจิตฺวา ขาทิตฺวา อากาเส อุปฺปติตฺวา หิมวนฺตมตฺถเกน คจฺฉนฺโต อสฺสมปทํ ทิสฺวา เชฏฺภาติกสฺส ตาปสสฺส อสฺสเม โอตริตฺวา ทฺวีหตีหํ วสิตฺวา ตาปสสฺส วตฺตปฏิวตฺตํ อกาสิ, วาสิผรสุกสฺส อานุภาวฺจ ปสฺสิ. โส ‘‘อิมํ มยา คเหตุํ วฏฺฏตี’’ติ มณิกฺขนฺธสฺส อานุภาวํ ตาปสสฺส ทสฺเสตฺวา ‘‘ภนฺเต, อิมํ มณึ คเหตฺวา วาสิผรสุกํ เทถา’’ติ อาห. ตาปโส อากาเสน จริตุกาโม ตํ คเหตฺวา วาสิผรสุกํ อทาสิ. โส ตํ คเหตฺวา โถกํ คนฺตฺวา วาสิผรสุกํ ปหริตฺวา ‘‘วาสิผรสุก ตาปสสฺส สีสํ ฉินฺทิตฺวา มณิกฺขนฺธํ เม อาหรา’’ติ อาห. โส คนฺตฺวา ตาปสสฺส สีสํ ฉินฺทิตฺวา มณิกฺขนฺธํ อาหริ. โส วาสิผรสุกํ ปฏิจฺฉนฺนฏฺาเน เปตฺวา มชฺฌิมตาปสสฺส สนฺติกํ ¶ คนฺตฺวา กติปาหํ วสิตฺวา เภริยา อานุภาวํ ทิสฺวา มณิกฺขนฺธํ ทตฺวา เภรึ คณฺหิตฺวา ปุริมนเยเนว ตสฺสปิ สีสํ ฉินฺทาเปตฺวา กนิฏฺํ อุปสงฺกมิตฺวา ทธิฆฏสฺส อานุภาวํ ทิสฺวา มณิกฺขนฺธํ ทตฺวา ทธิฆฏํ คเหตฺวา ปุริมนเยเนว ตสฺส สีสํ ฉินฺทาเปตฺวา มณิกฺขนฺธฺจ วาสิผรสุกฺจ เภริฺจ ทธิฆฏฺจ คเหตฺวา อากาเส อุปฺปติตฺวา พาราณสิยา อวิทูเร ตฺวา พาราณสิรฺโ ‘‘ยุทฺธํ วา เม เทตุ รชฺชํ วา’’ติ เอกสฺส ปุริสสฺส หตฺเถ ปณฺณํ ปาเหสิ.
ราชา สาสนํ สุตฺวาว ‘‘โจรํ คณฺหิสฺสามี’’ติ นิกฺขมิ. โส เอกํ เภริตลํ ปหริ, จตุรงฺคินี เสนา ปริวาเรสิ. รฺโ อวตฺถรณภาวํ ตฺวา ทธิฆฏํ วิสฺสชฺเชสิ, มหานที ปวตฺติ. มหาชโน ทธิมฺหิ โอสีทิตฺวา นิกฺขมิตุํ นาสกฺขิ. วาสิผรสุกํ ปหริตฺวา ‘‘รฺโ สีสํ อาหรา’’ติ ¶ อาห, วาสิผรสุโก คนฺตฺวา รฺโ สีสํ อาหริตฺวา ปาทมูเล นิกฺขิปิ. เอโกปิ อาวุธํ อุกฺขิปิตุํ นาสกฺขิ. โส มหนฺเตน พเลน ปริวุโต นครํ ปวิสิตฺวา อภิเสกํ กาเรตฺวา ทธิวาหโน นาม ราชา หุตฺวา ธมฺเมน สเมน รชฺชํ กาเรสิ.
ตสฺเสกทิวสํ มหานทิยํ ชาลกรณฺฑเก กีฬนฺตสฺส กณฺณมุณฺฑทหโต เทวปริโภคํ เอกํ อมฺพปกฺกํ อาคนฺตฺวา ชาเล ลคฺคิ, ชาลํ อุกฺขิปนฺตา ตํ ทิสฺวา รฺโ อทํสุ. ตํ มหนฺตํ ฆฏปฺปมาณํ ¶ ปริมณฺฑลํ สุวณฺณวณฺณํ อโหสิ. ราชา ‘‘กิสฺส ผลํ นาเมต’’นฺติ วนจรเก ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อมฺพผล’’นฺติ สุตฺวา ปริภฺุชิตฺวา ตสฺส อฏฺึ อตฺตโน อุยฺยาเน โรปาเปตฺวา ขีโรทเกน สิฺจาเปสิ. รุกฺโข นิพฺพตฺติตฺวา ตติเย สํวจฺฉเร ผลํ อทาสิ. อมฺพสฺส สกฺกาโร มหา อโหสิ, ขีโรทเกน สิฺจนฺติ, คนฺธปฺจงฺคุลิกํ เทนฺติ, มาลาทามานิ ปริกฺขิปนฺติ, คนฺธเตเลน ทีปํ ชาเลนฺติ, ปริกฺเขโป ปนสฺส ปฏสาณิยา อโหสิ. ผลานิ มธุรานิ สุวณฺณวณฺณานิ อเหสุํ. ทธิวาหนราชา อฺเสํ ราชูนํ อมฺพผลํ เปเสนฺโต อฏฺิโต รุกฺขนิพฺพตฺตนภเยน ¶ องฺกุรนิพฺพตฺตนฏฺานํ มณฺฑูกกณฺฏเกน วิชฺฌิตฺวา เปเสสิ. เตสํ อมฺพํ ขาทิตฺวา อฏฺิ โรปิตํ น สมฺปชฺชติ. เต ‘‘กึ นุ โข เอตฺถ การณ’’นฺติ ปุจฺฉนฺตา ตํ การณํ ชานึสุ.
อเถโก ราชา อุยฺยานปาลํ ปกฺโกสิตฺวา ‘‘ทธิวาหนสฺส อมฺพผลานํ รสํ นาเสตฺวา ติตฺตกภาวํ กาตุํ สกฺขิสฺสสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาม, เทวา’’ติ วุตฺเต ‘‘เตน หิ คจฺฉาหี’’ติ สหสฺสํ ทตฺวา เปเสสิ. โส พาราณสึ คนฺตฺวา ‘‘เอโก อุยฺยานปาโล อาคโต’’ติ รฺโ อาโรจาเปตฺวา เตน ปกฺโกสาปิโต ปวิสิตฺวา ราชานํ วนฺทิตฺวา ‘‘ตฺวํ อุยฺยานปาโล’’ติ ปุฏฺโ ‘‘อาม, เทวา’’ติ วตฺวา อตฺตโน อานุภาวํ วณฺเณสิ. ราชา ‘‘คจฺฉ อมฺหากํ อุยฺยานปาลสฺส สนฺติเก โหหี’’ติ อาห. เต ตโต ปฏฺาย ทฺเว ชนา อุยฺยานํ ปฏิชคฺคนฺติ. อธุนาคโต อุยฺยานปาโล อกาลปุปฺผานิ สุฏฺุ ปุปฺผาเปนฺโต อกาลผลานิ คณฺหาเปนฺโต อุยฺยานํ รมณียํ อกาสิ. ราชา ตสฺส ปสีทิตฺวา โปราณกอุยฺยานปาลํ นีหริตฺวา ตสฺเสว อุยฺยานํ อทาสิ. โส อุยฺยานสฺส อตฺตโน หตฺถคตภาวํ ตฺวา อมฺพรุกฺขํ ปริวาเรตฺวา นิมฺเพ จ ผคฺคววลฺลิโย จ โรเปสิ, อนุปุพฺเพน นิมฺพา วฑฺฒึสุ, มูเลหิ มูลานิ, สาขาหิ จ สาขา สํสฏฺา โอนทฺธวินทฺธา อเหสุํ. เตน อสาตอมธุรสํสคฺเคน ตาวมธุรผโล ¶ อมฺโพ ติตฺตโก ชาโต นิมฺพปณฺณสทิสรโส, อมฺพผลานํ ติตฺตกภาวํ ตฺวา อุยฺยานปาโล ปลายิ.
ทธิวาหโน อุยฺยานํ คนฺตฺวา อมฺพผลํ ขาทนฺโต มุเข ปวิฏฺํ อมฺพรสํ นิมฺพกสฏํ วิย อชฺโฌหริตุํ อสกฺโกนฺโต กกฺกาเรตฺวา นิฏฺุภิ. ตทา โพธิสตฺโต ตสฺส อตฺถธมฺมานุสาสโก อมจฺโจ อโหสิ. ราชา โพธิสตฺตํ อามนฺเตตฺวา ‘‘ปณฺฑิต, อิมสฺส รุกฺขสฺส โปราณกปริหารโต ปริหีนํ นตฺถิ, เอวํ สนฺเตปิสฺส ผลํ ติตฺตกํ ชาตํ, กึ นุ โข การณ’’นฺติ ปุจฺฉนฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘วณฺณคนฺธรสูเปโต ¶ ¶ , อมฺโพยํ อหุวา ปุเร;
ตเมว ปูชํ ลภมาโน, เกนมฺโพ กฏุกปฺผโล’’ติ.
อถสฺส การณํ อาจิกฺขนฺโต โพธิสตฺโต ทุติยํ คาถมาห –
‘‘ปุจิมนฺทปริวาโร, อมฺโพ เต ทธิวาหน;
มูลํ มูเลน สํสฏฺํ, สาขา สาขา นิเสวเร;
อสาตสนฺนิวาเสน, เตนมฺโพ กฏุกปฺผโล’’ติ.
ตตฺถ ปุจิมนฺทปริวาโรติ นิมฺพรุกฺขปริวาโร. สาขา สาขา นิเสวเรติ ปุจิมนฺทสฺส สาขาโย อมฺพรุกฺขสฺส สาขาโย นิเสวนฺติ. อสาตสนฺนิวาเสนาติ อมธุเรหิ ปุจิมนฺเทหิ สทฺธึ สนฺนิวาเสน. เตนาติ เตน การเณน อยํ อมฺโพ กฏุกปฺผโล อสาตผโล ติตฺตกผโล ชาโตติ.
ราชา ตสฺส วจนํ สุตฺวา สพฺเพปิ ปุจิมนฺเท จ ผคฺคววลฺลิโย จ ฉินฺทาเปตฺวา มูลานิ อุทฺธราเปตฺวา สมนฺตา อมธุรปํสุํ หราเปตฺวา มธุรปํสุํ ปกฺขิปาเปตฺวา ขีโรทกสกฺขโรทกคนฺโธทเกหิ อมฺพํ ปฏิชคฺคาเปสิ. โส มธุรสํสคฺเคน ปุน มธุโรว อโหสิ. ราชา ปกติอุยฺยานปาลสฺเสว อุยฺยานํ นิยฺยาเทตฺวา ยาวตายุกํ ตฺวา ยถากมฺมํ คโต.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา อหเมว ปณฺฑิตามจฺโจ อโหสิ’’นฺติ.
ทธิวาหนชาตกวณฺณนา ฉฏฺา.
[๑๘๗] ๗. จตุมฏฺชาตกวณฺณนา
อุจฺเจ ¶ วิฏภิมารุยฺหาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ มหลฺลกภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. เอกทิวสํ กิร ทฺวีสุ อคฺคสาวเกสุ อฺมฺํ ปฺหปุจฺฉนวิสฺสชฺชนกถาย นิสินฺเนสุ เอโก มหลฺลโก ภิกฺขุ เตสํ สนฺติกํ คนฺตฺวา ตติโย หุตฺวา นิสีทิตฺวา ¶ ‘‘ภนฺเต, มยมฺปิ ตุมฺเห ปฺหํ ปุจฺฉิสฺสาม, ตุมฺเหปิ อตฺตโน กงฺขํ อมฺเห ปุจฺฉถา’’ติ ¶ อาห. เถรา ตํ ชิคุจฺฉิตฺวา อุฏฺาย ปกฺกมึสุ. เถรานํ ธมฺมํ โสตุํ นิสินฺนปริสา สมาคมสฺส ภินฺนกาเล สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘กึ อกาเล อาคตตฺถา’’ติ วุตฺเต ตํ การณํ อาโรจยึสุ. สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา เอตํ ชิคุจฺฉิตฺวา อกเถตฺวา ปกฺกมนฺติ, ปุพฺเพปิ ปกฺกมึสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต อรฺายตเน รุกฺขเทวตา อโหสิ. อถ ทฺเว หํสโปตกา จิตฺตกูฏปพฺพตา นิกฺขมิตฺวา ตสฺมึ รุกฺเข นิสีทิตฺวา โคจราย คนฺตฺวา นิวตฺตนฺตาปิ ตสฺมึเยว วิสฺสมิตฺวา จิตฺตกูฏํ คจฺฉนฺติ. คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺเต กาเล เตสํ โพธิสตฺเตน สทฺธึ วิสฺสาโส อโหสิ. คจฺฉนฺตา จ อาคจฺฉนฺตา จ อฺมฺํ สมฺโมทิตฺวา ธมฺมกถํ กเถตฺวา ปกฺกมึสุ. อเถกทิวสํ เตสุ รุกฺขคฺเค นิสีทิตฺวา โพธิสตฺเตน สทฺธึ กเถนฺเตสุ เอโก สิงฺคาโล ตสฺส รุกฺขสฺส เหฏฺา ตฺวา เตหิ หํสโปตเกหิ สทฺธึ มนฺเตนฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘อุจฺเจ วิฏภิมารุยฺห, มนฺตยวฺโห รโหคตา;
นีเจ โอรุยฺห มนฺตวฺโห, มิคราชาปิ โสสฺสตี’’ติ.
ตตฺถ อุจฺเจ วิฏภิมารุยฺหาติ ปกติยา จ อุจฺเจ อิมสฺมึ รุกฺเข อุจฺจตรํ เอกํ วิฏปํ อภิรุหิตฺวา. มนฺตยวฺโหติ มนฺเตถ กเถถ. นีเจ โอรุยฺหาติ โอตริตฺวา นีเจ าเน ตฺวา มนฺเตถ. มิคราชาปิ โสสฺสตีติ อตฺตานํ มิคราชานํ กตฺวา อาห. หํสโปตกา ชิคุจฺฉิตฺวา อุฏฺาย จิตฺตกูฏเมว คตา.
เตสํ คตกาเล โพธิสตฺโต สิงฺคาลสฺส ทุติยํ คาถมาห –
‘‘ยํ สุวณฺโณ สุวณฺเณน, เทโว เทเวน มนฺตเย;
กึ เตตฺถ จตุมฏฺสฺส, พิลํ ปวิส ชมฺพุกา’’ติ.
ตตฺถ ¶ สุวณฺโณติ สุนฺทรวณฺโณ. สุวณฺเณนาติ ทุติเยน หํสโปตเกน. เทโว เทเวนาติ เตเยว ทฺเว เทเว กตฺวา กเถติ. จตุมฏฺสฺสาติ สรีเรน ¶ ชาติยา สเรน คุเณนาติ อิเมหิ จตูหิ มฏฺสฺส สุทฺธสฺสาติ อกฺขรตฺโถ. อสุทฺธํเยว ปน ตํ ปสํสาวจเนน นินฺทนฺโต เอวมาห, จตูหิ ¶ ลามกสฺส กึ เต เอตฺถ สิงฺคาลสฺสาติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโย. ‘‘พิลํ ปวิสา’’ติ อิทํ โพธิสตฺโต เภรวารมฺมณํ ทสฺเสตฺวา ตํ ปลาเปนฺโต อาห.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา สิงฺคาโล มหลฺลโก อโหสิ, ทฺเว หํสโปตกา สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา, รุกฺขเทวตา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
จตุมฏฺชาตกวณฺณนา สตฺตมา.
[๑๘๘] ๘. สีหโกตฺถุชาตกวณฺณนา
สีหงฺคุลี สีหนโขติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โกกาลิกํ อารพฺภ กเถสิ. เอกทิวสํ กิร โกกาลิโก อฺเสุ พหุสฺสุเตสุ ธมฺมํ กเถนฺเตสุ สยมฺปิ กเถตุกาโม อโหสีติ สพฺพํ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว วิตฺถาเรตพฺพํ. ตํ ปน ปวตฺตึ สุตฺวา สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, โกกาลิโก อิทาเนว อตฺตโน สทฺเทน ปากโฏ ชาโต, ปุพฺเพปิ ปากโฏ อโหสี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต หิมวนฺตปเทเส สีโห หุตฺวา เอกาย สิงฺคาลิยา สทฺธึ สํวาสมนฺวาย ปุตฺตํ ปฏิลภิ. โส องฺคุลีหิ นเขหิ เกสเรน วณฺเณน สณฺาเนนาติ อิเมหิ อากาเรหิ ปิตุสทิโส อโหสิ, สทฺเทน มาตุสทิโส. อเถกทิวสํ เทเว วสฺสิตฺวา วิคเต สีเหสุ นทิตฺวา สีหกีฬํ กีฬนฺเตสุ โสปิ เตสํ อนฺตเร นทิตุกาโม หุตฺวา สิงฺคาลิกํ นาทํ นทิ. อถสฺส สทฺทํ สุตฺวา สีหา ตุณฺหี อเหสุํ. ตสฺส สทฺทํ สุตฺวา อปโร โพธิสตฺตสฺส สชาติปุตฺโต ‘‘ตาต, อยํ สีโห วณฺณาทีหิ อมฺเหหิ ¶ สมาโน, สทฺโท ปนสฺส อฺาทิโส, โก นาเมโส’’ติ ปุจฺฉนฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘สีหงฺคุลี สีหนโข, สีหปาทปติฏฺิโต;
โส สีโห สีหสงฺฆมฺหิ, เอโก นทติ อฺถา’’ติ.
ตตฺถ ¶ สีหปาทปติฏฺิโตติ สีหปาเทเหว ปติฏฺิโต. เอโก นทติ อฺถาติ เอโกว อวเสสสีเหหิ อสทิเสน สิงฺคาลสทฺเทน นทนฺโต อฺถา นทติ.
ตํ ¶ สุตฺวา โพธิสตฺโต ‘‘ตาต, เอส ตว ภาตา สิงฺคาลิยา ปุตฺโต, รูเปน มยา สทิโส, สทฺเทน มาตรา สทิโส’’ติ วตฺวา สิงฺคาลิปุตฺตํ อามนฺเตตฺวา ‘‘ตาต, ตฺวํ อิโต ปฏฺาย อิธ วสนฺโต อปฺปสทฺโท วส, สเจ ปุน นทิสฺสสิ, สิงฺคาลภาวํ เต ชานิสฺสนฺตี’’ติ โอวทนฺโต ทุติยํ คาถมาห –
‘‘มา ตฺวํ นทิ ราชปุตฺต, อปฺปสทฺโท วเน วส;
สเรน โข ตํ ชาเนยฺยุํ, น หิ เต เปตฺติโก สโร’’ติ.
ตตฺถ ราชปุตฺตาติ สีหสฺส มิครฺโ ปุตฺต. อิมฺจ ปน โอวาทํ สุตฺวา ปุน โส นทิตุํ นาม น อุสฺสหิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา สิงฺคาโล โกกาลิโก อโหสิ, สชาติปุตฺโต ราหุโล, มิคราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
สีหโกตฺถุชาตกวณฺณนา อฏฺมา.
[๑๘๙] ๙. สีหจมฺมชาตกวณฺณนา
เนตํ สีหสฺส นทิตนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โกกาลิกฺเว อารพฺภ กเถสิ. โส อิมสฺมึ กาเล สรภฺํ ภณิตุกาโม อโหสิ. สตฺถา ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต ¶ พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต กสฺสกกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต กสิกมฺเมน ชีวิกํ กปฺเปสิ. ตสฺมึ กาเล เอโก วาณิโช คทฺรภภารเกน โวหารํ กโรนฺโต วิจรติ. โส คตคตฏฺาเน คทฺรภสฺส ปิฏฺิโต ภณฺฑิกํ โอตาเรตฺวา คทฺรภํ สีหจมฺเมน ปารุปิตฺวา สาลิยวเขตฺเตสุ ¶ วิสฺสชฺเชติ. เขตฺตรกฺขกา ตํ ทิสฺวา ‘‘สีโห’’ติ สฺาย อุปสงฺกมิตุํ น สกฺโกนฺติ. อเถกทิวสํ โส วาณิโช เอกสฺมึ คามทฺวาเร นิวาสํ คเหตฺวา ปาตราสํ ปจาเปนฺโต ตโต คทฺรภํ สีหจมฺมํ ปารุปิตฺวา ยวเขตฺเต วิสฺสชฺเชสิ. เขตฺตรกฺขกา ‘‘สีโห’’ติ สฺาย ตํ อุปสงฺกมิตุํ อสกฺโกนฺตา เคหํ คนฺตฺวา อาโรเจสุํ. สกลคามวาสิโน อาวุธานิ คเหตฺวา สงฺเข ธเมนฺตา เภริโย วาเทนฺตา เขตฺตสมีปํ คนฺตฺวา อุนฺนทึสุ, คทฺรโภ มรณภยภีโต คทฺรภรวํ รวิ. อถสฺส คทฺรภภาวํ ตฺวา โพธิสตฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘เนตํ ¶ สีหสฺส นทิตํ, น พฺยคฺฆสฺส น ทีปิโน;
ปารุโต สีหจมฺเมน, ชมฺโม นทติ คทฺรโภ’’ติ.
ตตฺถ ชมฺโมติ ลามโก. คามวาสิโนปิ ตสฺส คทฺรภภาวํ ตฺวา ตํ อฏฺีนิ ภฺชนฺตา โปเถตฺวา สีหจมฺมํ อาทาย อคมํสุ.
อถ โส วาณิโช อาคนฺตฺวา ตํ พฺยสนภาวปฺปตฺตํ คทฺรภํ ทิสฺวา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘จิรมฺปิ โข ตํ ขาเทยฺย, คทฺรโภ หริตํ ยวํ;
ปารุโต สีหจมฺเมน, รวมาโนว ทูสยี’’ติ.
ตตฺถ ตนฺติ นิปาตมตฺตํ, อยํ คทฺรโภ อตฺตโน คทฺรภภาวํ อชานาเปตฺวา สีหจมฺเมน ปารุโต จิรมฺปิ กาลํ หริตํ ยวํ ขาเทยฺยาติ อตฺโถ. รวมาโนว ทูสยีติ อตฺตโน ปน คทฺรภรวํ รวมาโนเวส อตฺตานํ ทูสยิ, นตฺเถตฺถ สีหจมฺมสฺส โทโสติ. ตสฺมึ เอวํ กเถนฺเตเยว คทฺรโภ ตตฺเถว นิปนฺโน มริ, วาณิโชปิ ตํ ปหาย ปกฺกามิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา วาณิโช เทวทตฺโต อโหสิ, คทฺรโภ โกกาลิโก, ปณฺฑิตกสฺสโก ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
สีหจมฺมชาตกวณฺณนา นวมา.
[๑๙๐] ๑๐. สีลานิสํสชาตกวณฺณนา
ปสฺส ¶ ¶ สทฺธาย สีลสฺสาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ สทฺธํ อุปาสกํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิร สทฺโธ ปสนฺโน อริยสาวโก เอกทิวสํ เชตวนํ คจฺฉนฺโต สายํ อจิรวตินทีตีรํ คนฺตฺวา นาวิเก นาวํ ตีเร เปตฺวา ธมฺมสฺสวนตฺถาย คเต ติตฺเถ นาวํ อทิสฺวา พุทฺธารมฺมณํ ปีตึ คเหตฺวา นทึ โอตริ, ปาทา อุทกมฺหิ น โอสีทึสุ. โส ปถวีตเล คจฺฉนฺโต วิย เวมชฺฌํ คตกาเล วีจึ ปสฺสิ. อถสฺส พุทฺธารมฺมณา ปีติ มนฺทา ชาตา, ปาทา โอสีทิตุํ อารภึสุ, โส ปุน พุทฺธารมฺมณํ ปีตึ ทฬฺหํ กตฺวา อุทกปิฏฺเเนว คนฺตฺวา เชตวนํ ปวิสิตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. สตฺถา เตน สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กตฺวา ¶ ‘‘อุปาสก, กจฺจิ มคฺคํ อาคจฺฉนฺโต อปฺปกิลมเถน อาคโตสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ภนฺเต, พุทฺธารมฺมณํ ปีตึ คเหตฺวา อุทกปิฏฺเ ปติฏฺํ ลภิตฺวา ปถวึ มทฺทนฺโต วิย อาคโตมฺหี’’ติ วุตฺเต ‘‘น โข ปน, อุปาสก, ตฺวฺเว พุทฺธคุเณ อนุสฺสริตฺวา ปติฏฺํ ลทฺโธ, ปุพฺเพปิ อุปาสกา สมุทฺทมชฺเฌ นาวาย ภินฺนาย พุทฺธคุเณ อนุสฺสรนฺตา ปติฏฺํ ลภึสู’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล โสตาปนฺโน อริยสาวโก เอเกน นฺหาปิตกุฏุมฺพิเกน สทฺธึ นาวํ อภิรุหิ, ตสฺส นฺหาปิตสฺส ภริยา ‘‘อยฺย, อิมสฺส สุขทุกฺขํ ตว ภาโร’’ติ นฺหาปิตํ ตสฺส อุปาสกสฺส หตฺเถ นิกฺขิปิ. อถ สา นาวา สตฺตเม ทิวเส สมุทฺทมชฺเฌ ภินฺนา, เตปิ ทฺเว ชนา เอกสฺมึ ผลเก นิปนฺนา เอกํ ทีปกํ ปาปุณึสุ. ตตฺถ โส นฺหาปิโต สกุเณ มาเรตฺวา ปจิตฺวา ขาทนฺโต อุปาสกสฺสปิ เทติ. อุปาสโก ‘‘อลํ มยฺห’’นฺติ น ขาทติ. โส จินฺเตสิ – ‘‘อิมสฺมึ าเน อมฺหากํ เปตฺวา ตีณิ สรณานิ อฺา ปติฏฺา นตฺถี’’ติ. โส ติณฺณํ รตนานํ คุเณ อนุสฺสริ. อถสฺสานุสรนฺตสฺส ตสฺมึ ทีปเก นิพฺพตฺโต นาคราชา อตฺตโน สรีรํ มหานาวํ กตฺวา มาเปสิ, สมุทฺทเทวตา ¶ นิยามโก อโหสิ, นาวา สตฺตหิ รตเนหิ ปูรยิตฺถ, ตโย กูปกา อินฺทนีลมณิมยา อเหสุํ, สุวณฺณมโย ลงฺกาโร, รชตมยานิ โยตฺตานิ, สุวณฺณมยานิ ยฏฺิผิยานิ.
สมุทฺทเทวตา ¶ นาวาย ตฺวา ‘‘อตฺถิ ชมฺพุทีปคมิกา’’ติ โฆเสสิ. อุปาสโก ‘‘มยํ คมิสฺสามา’’ติ อาห. เตน หิ เอหิ, นาวํ อภิรุหาติ. โส นาวํ อภิรุหิตฺวา นฺหาปิตํ ปกฺโกสิ, สมุทฺทเทวตา – ‘‘ตุยฺหฺเว ลพฺภติ, น เอตสฺสา’’ติ อาห. ‘‘กึการณา’’ติ? ‘‘เอตสฺส สีลคุณาจาโร นตฺถิ, ตํ การณํ. อหฺหิ ตุยฺหํ นาวํ อาหรึ, น เอตสฺสา’’ติ. ‘‘โหตุ, อหํ อตฺตนา ทินฺนทาเนน รกฺขิตสีเลน ภาวิตภาวนาย เอตสฺส ปตฺตึ ทมฺมี’’ติ. นฺหาปิโต ‘‘อนุโมทามิ, สามี’’ติ อาห. เทวตา ‘‘อิทานิ คณฺหิสฺสามี’’ติ ตมฺปิ อาโรเปตฺวา อุโภปิ ชเน สมุทฺทา นิกฺขาเมตฺวา นทิยา พาราณสึ คนฺตฺวา อตฺตโน อานุภาเวน ทฺวินฺนมฺปิ เตสํ เคเห ธนํ ปติฏฺเปตฺวา ‘‘ปณฺฑิเตเหว สทฺธึ สํสคฺโค นาม กาตพฺโพ. สเจ หิ อิมสฺส นฺหาปิตสฺส อิมินา อุปาสเกน สทฺธึ สํสคฺโค นาภวิสฺส, สมุทฺทมชฺเฌเยว นสฺสิสฺสา’’ติ ปณฺฑิตสํสคฺคคุณํ กถยมานา อิมา คาถา อโวจ –
‘‘ปสฺส สทฺธาย สีลสฺส, จาคสฺส จ อยํ ผลํ;
นาโค นาวาย วณฺเณน, สทฺธํ วหตุปาสกํ.
‘‘สพฺภิเรว ¶ สมาเสถ, สพฺภิ กุพฺเพถ สนฺถวํ;
สตฺหิ สนฺนิวาเสน, โสตฺถึ คจฺฉติ นฺหาปิโต’’ติ.
ตตฺถ ปสฺสาติ กฺจิ อนิยเมตฺวา ปสฺสถาติ อาลปติ. สทฺธายาติ โลกิยโลกุตฺตราย สทฺธาย. สีเลปิ เอเสว นโย. จาคสฺสาติ เทยฺยธมฺมปริจฺจาคสฺส เจว กิเลสปริจฺจาคสฺส จ. อยํ ผลนฺติ อิทํ ผลํ, คุณํ อานิสํสนฺติ อตฺโถ. อถ วา จาคสฺส จ ผลํ ปสฺส, อยํ นาโค นาวาย วณฺเณนาติ เอวมฺเปตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. นาวาย วณฺเณนาติ นาวาย สณฺาเนน. สทฺธนฺติ ตีสุ รตเนสุ ปติฏฺิตสทฺธํ. สพฺภิเรวาติ ปณฺฑิเตหิเยว ¶ . สมาเสถาติ เอกโต อาวเสยฺย, อุปวเสยฺยาติ อตฺโถ. กุพฺเพถาติ กเรยฺย. สนฺถวนฺติ มิตฺตสนฺถวํ. ตณฺหาสนฺถโว ปน เกนจิปิ สทฺธึ น กาตพฺโพ. นฺหาปิโตติ นฺหาปิตกุฏุมฺพิโก. ‘‘นหาปิโต’’ติปิ ปาโ.
เอวํ สมุทฺทเทวตา อากาเส ตฺวา ธมฺมํ เทเสตฺวา โอวทิตฺวา นาคราชานํ คณฺหิตฺวา อตฺตโน วิมานเมว อคมาสิ.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – สจฺจปริโยสาเน อุปาสโก สกทาคามิผเล ปติฏฺหิ. ‘‘ตทา โสตาปนฺนอุปาสโก ปรินิพฺพายิ, นาคราชา สาริปุตฺโต อโหสิ, สมุทฺทเทวตา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
สีลานิสํสชาตกวณฺณนา ทสมา.
อสทิสวคฺโค จตุตฺโถ.
ตสฺสุทฺทานํ –
อสทิสฺจ สงฺคามํ, วาโลทกํ คิริทตฺตํ;
นภิรติ ทธิวาหํ, จตุมฏฺํ สีหโกฏฺํ;
สีหจมฺมํ สีลานิสํสํ.
๕. รุหกวคฺโค
[๑๙๑] ๑. รุหกชาตกวณฺณนา
อปิ ¶ รุหก ฉินฺนาปีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปุราณทุติยิกาปโลภนํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ อฏฺกนิปาเต อินฺทฺริยชาตเก (ชา. ๑.๘.๖๐ อาทโย) อาวิภวิสฺสติ. สตฺถา ปน ตํ ภิกฺขุํ ‘‘อยํ เต ภิกฺขุ อิตฺถี อนตฺถการิกา, ปุพฺเพปิ เต เอสา สราชิกาย ปริสาย มชฺเฌ ลชฺชาเปตฺวา เคหา นิกฺขมนาการํ กาเรสี’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ปิตุ อจฺจเยน รชฺเช ปติฏฺาย ธมฺเมน รชฺชํ กาเรสิ. ตสฺส รุหโก นาม ปุโรหิโต อโหสิ, ตสฺส ปุราณี นาม พฺราหฺมณี ภริยา. ราชา พฺราหฺมณสฺส อสฺสภณฺฑเกน อลงฺกริตฺวา อสฺสํ อทาสิ. โส ตํ อสฺสํ อารุยฺห รฺโ อุปฏฺานํ คจฺฉติ. อถ นํ อลงฺกตอสฺสสฺส ปิฏฺเ นิสีทิตฺวา คจฺฉนฺตํ อาคจฺฉนฺตฺจ ทิสฺวา ตหึ ตหึ ิตา มนุสฺสา ‘‘อโห ¶ อสฺสสฺส รูปํ, อโห อสฺโส โสภตี’’ติ อสฺสเมว ปสํสนฺติ. โส เคหํ อาคนฺตฺวา ปาสาทํ อภิรุยฺห ภริยํ อามนฺเตสิ – ‘‘ภทฺเท ¶ , อมฺหากํ อสฺโส อติวิย โสภติ, อุโภสุ ปสฺเสสุ ิตา มนุสฺสา อมฺหากํ อสฺสเมว วณฺเณนฺตี’’ติ. สา ปน พฺราหฺมณี โถกํ ฉินฺนิกา ธุตฺติกธาตุกา, เตน นํ เอวมาห – ‘‘อยฺย, ตฺวํ อสฺสสฺส โสภนการณํ น ชานาสิ, อยํ อสฺโส อตฺตโน อลงฺกตํ อสฺสภณฺฑกํ นิสฺสาย โสภติ, สเจ ตฺวมฺปิ อสฺโส วิย โสภิตุกาโม อสฺสภณฺฑกํ ปิฬนฺธิตฺวา อนฺตรวีถึ โอรุยฺห อสฺโส วิย ปาเท โกฏฺฏยมาโน คนฺตฺวา ราชานํ ปสฺส, ราชาปิ ตํ วณฺณยิสฺสติ, มนุสฺสาปิ ตฺเว วณฺณยิสฺสนฺตี’’ติ.
โส อุมฺมตฺตกชาติโก พฺราหฺมโณ ตสฺสา วจนํ สุตฺวา ‘‘อิมินา นาม การเณน สา มํ วทตี’’ติ อชานิตฺวา ตถาสฺี หุตฺวา ตถา อกาสิ. เย เย ปสฺสนฺติ, เต เต ปริหาสํ กโรนฺตา ‘‘โสภติ อาจริโย’’ติ วทึสุ. ราชา ปน นํ ‘‘กึ, อาจริย, ปิตฺตํ เต กุปิตํ ¶ , อุมฺมตฺตโกสิ ชาโต’’ติอาทีนิ วตฺวา ลชฺชาเปสิ. ตสฺมึ กาเล พฺราหฺมโณ ‘‘อยุตฺตํ มยา กต’’นฺติ ลชฺชิโต พฺราหฺมณิยา กุชฺฌิตฺวา ‘‘ตายมฺหิ สราชิกาย ปริสาย อนฺตเร ลชฺชาปิโต, โปเถตฺวา ตํ นิกฺกฑฺฒิสฺสามี’’ติ เคหํ อคมาสิ. ธุตฺติกพฺราหฺมณี ตสฺส กุชฺฌิตฺวา อาคมนภาวํ ตฺวา ปุเรตรฺเว จูฬทฺวาเรน นิกฺขมิตฺวา ราชนิเวสนํ คนฺตฺวา จตูหปฺจาหํ ตตฺเถว อโหสิ. ราชา ตํ การณํ ตฺวา ปุโรหิตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘อาจริย, มาตุคามสฺส นาม โทโส โหติเยว, พฺราหฺมณิยา ขมิตุํ วฏฺฏตี’’ติ ขมาปนตฺถาย ปมํ คาถมาห –
‘‘อปิ รุหก ฉินฺนาปิ, ชิยา สนฺธียเต ปุน;
สนฺธียสฺสุ ปุราณิยา, มา โกธสฺส วสํ คมี’’ติ.
ตตฺรายํ สงฺเขปตฺโถ – โภ รุหก, นนุ ฉินฺนาปิ ธนุชิยา ปุน สนฺธียติ ฆฏียติ, เอวเมว ตฺวมฺปิ ปุราณิยา สทฺธึ สนฺธียสฺสุ, โกธสฺส วสํ มา คมีติ.
ตํ ¶ ¶ สุตฺวา รุหโก ทุติยํ คาถมาห –
‘‘วิชฺชมาเนสุ วาเกสุ, วิชฺชมาเนสุ การิสุ;
อฺํ ชิยํ กริสฺสามิ, อลฺเว ปุราณิยา’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – มหาราช, ธนุการมุทุวาเกสุ จ ชิยการเกสุ จ มนุสฺเสสุ วิชฺชมาเนสุ อฺํ ชิยํ กริสฺสามิ, อิมาย ฉินฺนาย ปุราณิยา ชิยาย อลํ, นตฺถิ เม โกจิ อตฺโถติ. เอวฺจ ปน วตฺวา ตํ นีหริตฺวา อฺํ พฺราหฺมณึ อาเนสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺิตภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ‘‘ตทา, พฺราหฺมณี, ปุราณทุติยิกา อโหสิ, รุหโก อุกฺกณฺิตภิกฺขุ, พาราณสิราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
รุหกชาตกวณฺณนา ปมา.
[๑๙๒] ๒. สิริกาฬกณฺณิชาตกวณฺณนา
อิตฺถี ¶ สิยา รูปวตีติ อิทํ สิริกาฬกณฺณิชาตกํ มหาอุมงฺคชาตเก อาวิภวิสฺสติ.
สิริกาฬกณฺณิชาตกวณฺณนา ทุติยา.
[๑๙๓] ๓. จูฬปทุมชาตกวณฺณนา
อยเมว สา อหมปิ โส อนฺโติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อุกฺกณฺิตภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ อุมฺมาทนฺตีชาตเก (ชา. ๒.๒๐.๕๗ อาทโย) อาวิภวิสฺสติ. โส ปน ภิกฺขุ สตฺถารา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, ภิกฺขุ, อุกฺกณฺิโต’’ติ วุตฺเต ‘‘สจฺจํ, ภควา’’ติ วตฺวา ‘‘เกน ปน ตฺวํ อุกฺกณฺาปิโต’’ติ วุตฺเต ¶ ‘‘อหํ, ภนฺเต, เอกํ อลงฺกตปฏิยตฺตํ มาตุคามํ ทิสฺวา กิเลสานุวตฺตโก หุตฺวา อุกฺกณฺิโตมฺหี’’ติ อาห. อถ นํ สตฺถา ‘‘ภิกฺขุ, มาตุคาโม นาม อกตฺู มิตฺตทุพฺภี พหุมายา, โปราณกปณฺฑิตาปิ อตฺตโน ทกฺขิณชาณุโลหิตํ ปาเยตฺวา ยาวชีวิตทานมฺปิ ทตฺวา มาตุคามสฺส จิตฺตํ น ลภึสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต ¶ พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติ, นามคฺคหณทิวเส จสฺส ‘‘ปทุมกุมาโร’’ติ นามํ อกํสุ. ตสฺส อปเรน ฉ กนิฏฺภาติกา อเหสุํ. เต สตฺตปิ ชนา อนุปุพฺเพน วุฑฺฒิปฺปตฺตา ฆราวาสํ คเหตฺวา รฺโ สหายา วิย วิจรนฺติ. อเถกทิวสํ ราชา ราชงฺคณํ โอโลเกนฺโต ิโต เต มหาปริวาเรน ราชุปฏฺานํ อาคจฺฉนฺเต ทิสฺวา ‘‘อิเม มํ วธิตฺวา รชฺชมฺปิ คณฺเหยฺยุ’’นฺติ อาสงฺกํ อุปฺปาเทตฺวา เต ปกฺโกสาเปตฺวา – ‘‘ตาตา, ตุมฺเห อิมสฺมึ นคเร วสิตุํ น ลภถ, อฺตฺถ คนฺตฺวา มม อจฺจเยน อาคนฺตฺวา กุลสนฺตกํ รชฺชํ คณฺหถา’’ติ อาห. เต ปิตุ วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา โรทิตฺวา กนฺทิตฺวา อตฺตโน อตฺตโน ฆรานิ คนฺตฺวา ปชาปติโย อาทาย ‘‘ยตฺถ วา ตตฺถ วา คนฺตฺวา ชีวิสฺสามา’’ติ นครา นิกฺขมิตฺวา มคฺคํ คจฺฉนฺตา เอกํ กนฺตารํ ปตฺวา อนฺนปานํ อลภมานา ขุทํ อธิวาเสตุํ อสกฺโกนฺตา ‘‘มยํ ชีวมานา อิตฺถิโย ลภิสฺสามา’’ติ กนิฏฺสฺส ภริยํ มาเรตฺวา เตรส โกฏฺาเส กตฺวา มํสํ ขาทึสุ. โพธิสตฺโต อตฺตโน จ ภริยาย จ ลทฺธโกฏฺาเสสุ เอกํ เปตฺวา เอกํ ทฺเวปิ ขาทึสุ. เอวํ ฉ ทิวเส ฉ อิตฺถิโย มาเรตฺวา มํสํ ขาทึสุ.
โพธิสตฺโต ¶ ปน ทิวเส ทิวเส เอเกกํ เปตฺวา ฉ โกฏฺาเส เปสิ. สตฺตเม ทิวเส ‘‘โพธิสตฺตสฺส ภริยํ มาเรสฺสามา’’ติ วุตฺเต โพธิสตฺโต เต ฉ โกฏฺาเส เตสํ ทตฺวา ‘‘อชฺช ตาว อิเม ฉ โกฏฺาเส ขาทถ, สฺเว ชานิสฺสามา’’ติ วตฺวา เตสํ มํสํ ขาทิตฺวา นิทฺทายนกาเล ภริยํ คเหตฺวา ปลายิ. สา โถกํ คนฺตฺวา ‘‘คนฺตุํ น สกฺโกมิ, สามี’’ติ อาห. อถ นํ โพธิสตฺโต ขนฺเธนาทาย อรุณุคฺคมนเวลาย กนฺตารา นิกฺขมิ. สา สูริเย อุคฺคเต ‘‘ปิปาสิตามฺหิ, สามี’’ติ อาห. โพธิสตฺโต ‘‘อุทกํ นตฺถิ, ภทฺเท’’ติ วตฺวา ปุนปฺปุนํ กถิเต ขคฺเคน ¶ ทกฺขิณชาณุกํ ปหริตฺวา – ‘‘ภทฺเท, ปานียํ นตฺถิ, อิทํ ปน เม ทกฺขิณชาณุโลหิตํ ปิวมานา นิสีทาหี’’ติ อาห. สา ตถา อกาสิ. เต อนุปุพฺเพน มหาคงฺคํ ปตฺวา ปิวิตฺวา จ นฺหตฺวา จ ผลาผลํ ขาทิตฺวา ผาสุกฏฺาเน วิสฺสมิตฺวา เอกสฺมึ คงฺคานิวตฺตเน อสฺสมปทํ มาเปตฺวา วาสํ กปฺเปสุํ.
อเถกทิวสํ อุปริคงฺคาย ราชาปราธิกํ โจรํ หตฺถปาเท จ กณฺณนาสฺจ ฉินฺทิตฺวา เอกสฺมึ อมฺพณเก นิปชฺชาเปตฺวา มหาคงฺคาย ปวาเหสุํ. โส มหนฺตํ อฏฺฏสฺสรํ กโรนฺโต ตํ านํ ปาปุณิ. โพธิสตฺโต ตสฺส กรุณํ ปริเทวิตสทฺทํ สุตฺวา ‘‘ทุกฺขปฺปตฺโต สตฺโต มยิ ิเต มา นสฺสี’’ติ คงฺคาตีรํ คนฺตฺวา ตํ อุตฺตาเรตฺวา อสฺสมปทํ อาเนตฺวา กาสาวโธวนเลปนาทีหิ วณปฏิกมฺมํ อกาสิ. ภริยา ปนสฺส ‘‘เอวรูปํ นาม ทุสฺสีลํ กุณฺํ คงฺคาย อาวาเหตฺวา ปฏิชคฺคนฺโต วิจรตี’’ติ วตฺวา ตํ กุณฺํ ชิคุจฺฉมานา นิฏฺุภนฺตี วิจรติ. โพธิสตฺโต ตสฺส วเณสุ สํวิรุฬฺเหสุ ภริยาย สทฺธึ ตํ อสฺสมปเทเยว เปตฺวา อฏวิโต ผลาผลานิ อาหริตฺวา ตฺจ ภริยฺจ โปเสสิ. เตสุ เอวํ วสนฺเตสุ สา อิตฺถี เอตสฺมึ กุณฺเ ปฏิพทฺธจิตฺตา หุตฺวา เตน สทฺธึ อนาจารํ จริตฺวา เอเกนุปาเยน โพธิสตฺตํ มาเรตุกามา หุตฺวา เอวมาห – ‘‘สามิ, อหํ ตุมฺหากํ อํเส นิสีทิตฺวา กนฺตารา นิกฺขมมานา เอกํ ปพฺพตํ โอโลเกตฺวา อยฺเย ปพฺพตมฺหิ นิพฺพตฺตเทวเต ‘สเจ อหํ สามิเกน สทฺธึ อโรคา ชีวิตํ ลภิสฺสามิ, พลิกมฺมํ เต กริสฺสามี’ติ อายาจึ, สา มํ อิทานิ อุตฺตาเสติ, กโรมสฺสา พลิกมฺม’’นฺติ. โพธิสตฺโต ตํ มายํ อชานนฺโต ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา พลิกมฺมํ สชฺเชตฺวา ตาย พลิภาชนํ คาหาเปตฺวา ปพฺพตมตฺถกํ อภิรุหิ. อถ นํ ¶ สา เอวมาห – ‘‘สามิ, เทวตายปิ ตฺวฺเว อุตฺตมเทวตา, ปมํ ตาว ตํ วนปุปฺเผหิ ปูเชตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา วนฺทิตฺวา ปจฺฉา เทวตาย พลิกมฺมํ กริสฺสามี’’ติ. สา โพธิสตฺตํ ปปาตาภิมุขํ เปตฺวา วนปุปฺเผหิ ปูเชตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา วนฺทิตุกามา วิย หุตฺวา ปิฏฺิปสฺเส ตฺวา ปิฏฺิยํ ปหริตฺวา ปปาเต ปาเตตฺวา ‘‘ทิฏฺา เม ปจฺจามิตฺตสฺส ปิฏฺี’’ติ ตุฏฺมานสา ปพฺพตา โอโรหิตฺวา กุณฺสฺส สนฺติกํ อคมาสิ.
โพธิสตฺโตปิ ¶ ¶ ปปาตานุสาเรน ปพฺพตา ปตนฺโต อุทุมฺพรรุกฺขมตฺถเก เอกสฺมึ อกณฺฏเก ปตฺตสฺฉนฺเน คุมฺเพ ลคฺคิ, เหฏฺาปพฺพตํ ปน โอโรหิตุํ น สกฺกา. โส อุทุมฺพรผลานิ ขาทิตฺวา สาขนฺตเร นิสีทิ. อเถโก มหาสรีโร โคธราชา เหฏฺาปพฺพตปาทโต อภิรุหิตฺวา ตสฺมึ อุทุมฺพรผลานิ ขาทติ. โส ตํ ทิวสํ โพธิสตฺตํ ทิสฺวา ปลายิ, ปุนทิวเส อาคนฺตฺวา เอกสฺมึ ปสฺเส ผลานิ ขาทิตฺวา ปกฺกามิ. โส เอวํ ปุนปฺปุนํ อาคจฺฉนฺโต โพธิสตฺเตน สทฺธึ วิสฺสาสํ อาปชฺชิตฺวา ‘‘ตฺวํ อิมํ านํ เกน การเณน อาคโตสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมินา นาม การเณนา’’ติ วุตฺเต ‘‘เตน หิ มา ภายี’’ติ วตฺวา โพธิสตฺตํ อตฺตโน ปิฏฺิยํ นิปชฺชาเปตฺวา โอตาเรตฺวา อรฺโต นิกฺขมิตฺวา มหามคฺเค เปตฺวา ‘‘ตฺวํ อิมินา มคฺเคน คจฺฉาหี’’ติ อุยฺโยเชตฺวา อรฺเมว ปาวิสิ. โพธิสตฺโต เอกํ คามกํ คนฺตฺวา ตตฺเถว วสนฺโต ปิตุ กาลกตภาวํ สุตฺวา พาราณสึ คนฺตฺวา กุลสนฺตเก รชฺเช ปติฏฺาย ปทุมราชา นาม หุตฺวา ทส ราชธมฺเม อโกเปตฺวา ธมฺเมน รชฺชํ กาเรนฺโต จตูสุ นครทฺวาเรสุ นครมชฺเฌ นิเวสนทฺวาเรติ ฉ ทานสาลาโย กาเรตฺวา เทวสิกํ ฉ สตสหสฺสานิ วิสฺสชฺเชตฺวา ทานํ อทาสิ.
สาปิ โข อิตฺถี ตํ กุณฺํ ขนฺเธ นิสีทาเปตฺวา อรฺา นิกฺขมิตฺวา มนุสฺสปเถ ภิกฺขํ จรมานา ยาคุภตฺตํ สํหริตฺวา ตํ กุณฺํ โปเสสิ. มนุสฺสา ‘‘อยํ เต กึ โหตี’’ติ ¶ ปุจฺฉิยมานา ‘‘อหํ เอตสฺส มาตุลธีตา, ปิตุจฺฉาปุตฺโต เม เอโส, เอตสฺเสว มํ อทํสุ, สาหํ วชฺฌปฺปตฺตมฺปิ อตฺตโน สามิกํ อุกฺขิปิตฺวา ปริหรนฺตี ภิกฺขํ จริตฺวา โปเสมี’’ติ. มนุสฺสา ‘‘อยํ ปติพฺพตา’’ติ ตโต ปฏฺาย พหุตรํ ยาคุภตฺตํ อทํสุ. อปเร ปน ชนา เอวมาหํสุ – ‘‘ตฺวํ มา เอวํ วิจริ, ปทุมราชา พาราณสิยํ รชฺชํ กาเรติ, สกลชมฺพุทีปํ สงฺโขเภตฺวา ทานํ เทติ, โส ตํ ทิสฺวา ตุสฺสิสฺสติ, ตุฏฺโ เต พหุํ ธนํ ทสฺสติ, ตว สามิกํ อิเธว นิสีทาเปตฺวา คจฺฉา’’ติ ถิรํ กตฺวา เวตฺตปจฺฉึ อทํสุ. สา อนาจารา ตํ กุณฺํ เวตฺตปจฺฉิยํ นิสีทาเปตฺวา ปจฺฉึ อุกฺขิปิตฺวา พาราณสึ คนฺตฺวา ทานสาลาสุ ภฺุชมานา วิจรติ. โพธิสตฺโต อลงฺกตหตฺถิกฺขนฺธวรคโต ทานคฺคํ คนฺตฺวา อฏฺนฺนํ วา ทสนฺนํ วา สหตฺถา ทานํ ทตฺวา ปุน เคหํ คจฺฉติ ¶ . สา อนาจารา ตํ กุณฺํ ปจฺฉิยํ นิสีทาเปตฺวา ปจฺฉึ อุกฺขิปิตฺวา ตสฺส คมนมคฺเค อฏฺาสิ.
ราชา ทิสฺวา ‘‘กึ เอต’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘เอกา, เทว, ปติพฺพตา’’ติ. อถ นํ ปกฺโกสาเปตฺวา สฺชานิตฺวา กุณฺํ ปจฺฉิยา นีหราเปตฺวา ‘‘อยํ เต กึ โหตี’’ติ ปุจฺฉิ. สา ‘‘ปิตุจฺฉาปุตฺโต เม, เทว, กุลทตฺติโก สามิโก’’ติ อาห. มนุสฺสา ตํ อนฺตรํ อชานนฺตา ¶ ‘‘อโห ปติพฺพตา’’ติอาทีนิ วตฺวา ตํ อนาจาริตฺถึ วณฺณยึสุ. ปุน ราชา ‘‘อยํ เต กุณฺโ กุลทตฺติโก สามิโก’’ติ ปุจฺฉิ. สา ราชานํ อสฺชานนฺตี ‘‘อาม, เทวา’’ติ สูรา หุตฺวา กเถสิ. อถ นํ ราชา ‘‘กึ เอส พาราณสิรฺโ ปุตฺโต, นนุ ตฺวํ ปทุมกุมารสฺส ภริยา อสุกรฺโ ธีตา, อสุกา นาม มม ชาณุโลหิตํ ปิวิตฺวา อิมสฺมึ กุณฺเ ปฏิพทฺธจิตฺตา มํ ปปาเต ปาเตสิ. สา อิทานิ ตฺวํ นลาเฏน มจฺจุํ คเหตฺวา มํ ‘มโต’ติ มฺมานา อิมํ านํ อาคตา, นนุ อหํ ชีวามี’’ติ ¶ วตฺวา อมจฺเจ อามนฺเตตฺวา ‘‘โภ, อมจฺจา นนุ จาหํ ตุมฺเหหิ ปุฏฺโ เอวํ กเถสึ ‘มม กนิฏฺภาติกา ฉ อิตฺถิโย มาเรตฺวา มํสํ ขาทึสุ, อหํ ปน มยฺหํ ภริยํ อโรคํ กตฺวา คงฺคาตีรํ เนตฺวา อสฺสมปเท วสนฺโต เอกํ วชฺฌปฺปตฺตํ กุณฺํ อุตฺตาเรตฺวา ปฏิชคฺคึ. สา อิตฺถี เอตสฺมึ ปฏิพทฺธจิตฺตา มํ ปพฺพตปาเท ปาเตสิ. อหํ อตฺตโน เมตฺตจิตฺตตาย ชีวิตํ ลภิ’นฺติ. ยาย อหํ ปพฺพตา ปาติโต, น สา อฺา, เอสา ทุสฺสีลา, โสปิ วชฺฌปฺปตฺโต กุณฺโ น อฺโ, อยเมวา’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อโวจ –
‘‘อยเมว สา อหมปิ โส อนฺโ, อยเมว โส หตฺถจฺฉินฺโน อนฺโ;
ยมาห ‘โกมารปตี มม’นฺติ, วชฺฌิตฺถิโย นตฺถิ อิตฺถีสุ สจฺจํ.
‘‘อิมฺจ ชมฺมํ มุสเลน หนฺตฺวา, ลุทฺทํ ฉวํ ปรทารูปเสวึ;
อิมิสฺสา จ นํ ปาปปติพฺพตาย, ชีวนฺติยา ฉินฺทถ กณฺณนาส’’นฺติ.
ตตฺถ ยมาห โกมารปตี มมนฺติ ยํ เอสา ‘‘อยํ เม, โกมารปติ, กุลทตฺติโก สามิโก’’ติ อาห, อยเมว โส, น อฺโ. ‘‘ยมาหุ ¶ , โกมารปตี’’ติปิ ปาโ. อยเมว หิ โปตฺถเกสุ ลิขิโต, ตสฺสาปิ อยเมวตฺโถ, วจนวิปลฺลาโส ปเนตฺถ เวทิตพฺโพ. ยฺหิ รฺา วุตฺตํ, ตเทว อิธ อาคตํ. วชฺฌิตฺถิโยติ อิตฺถิโย นาม วชฺฌา วธิตพฺพา เอว. นตฺถิ อิตฺถีสุ สจฺจนฺติ เอตาสุ สภาโว นาเมโก นตฺถิ. ‘‘อิมฺจ ชมฺม’’นฺติอาทิ ทฺวินฺนมฺปิ เตสํ ทณฺฑาณาปนวเสน วุตฺตํ. ตตฺถ ชมฺมนฺติ ลามกํ. มุสเลน หนฺตฺวาติ มุสเลน หนิตฺวา โปเถตฺวา อฏฺีนิ ภฺชิตฺวา จุณฺณวิจุณฺณํ กตฺวา. ลุทฺทนฺติ ทารุณํ. ฉวนฺติ คุณาภาเวน นิชฺชีวํ มตสทิสํ. อิมิสฺสา ¶ จ นนฺติ เอตฺถ นนฺติ นิปาตมตฺตํ, อิมิสฺสา จ ปาปปติพฺพตาย อนาจาราย ทุสฺสีลาย ชีวนฺติยาว กณฺณนาสํ ฉินฺทถาติ อตฺโถ.
โพธิสตฺโต โกธํ อธิวาเสตุํ อสกฺโกนฺโต เอวํ เตสํ ทณฺฑํ อาณาเปตฺวาปิ น ตถา กาเรสิ ¶ . โกปํ ปน มนฺทํ กตฺวา ยถา สา ปจฺฉึ สีสโต โอโรเปตุํ น สกฺโกติ, เอวํ คาฬฺหตรํ พนฺธาเปตฺวา กุณฺํ ตตฺถ ปกฺขิปาเปตฺวา อตฺตโน วิชิตา นีหราเปสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺิตภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ‘‘ตทา ฉ ภาตโร อฺตรา เถรา อเหสุํ, ภริยา จิฺจมาณวิกา, กุณฺโ เทวทตฺโต, โคธราชา อานนฺโท, ปทุมราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
จูฬปทุมชาตกวณฺณนา ตติยา.
[๑๙๔] ๔. มณิโจรชาตกวณฺณนา
น สนฺติ เทวา ปวสนฺติ นูนาติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต วธาย ปริสกฺกนฺตํ เทวทตฺตํ อารพฺภ กเถสิ. ตทา ปน สตฺถา ‘‘เทวทตฺโต วธาย ปริสกฺกตี’’ติ สุตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ เทวทตฺโต มยฺหํ วธาย ปริสกฺกติเยว, ปริสกฺกนฺโตปิ ปน มํ วธิตุํ นาสกฺขี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต พาราณสิโต อวิทูเร คามเก คหปติกุเล นิพฺพตฺติ. อถสฺส วยปฺปตฺตสฺส ¶ พาราณสิโต กุลธีตรํ อาเนสุํ, สา สุวณฺณวณฺณา อโหสิ อภิรูปา ทสฺสนียา เทวจฺฉรา วิย ปุปฺผลตา วิย ลฬมานา มตฺตกินฺนรี วิย จ สุชาตาติ นาเมน ปติพฺพตา สีลาจารสมฺปนฺนา วตฺตสมฺปนฺนา. นิจฺจกาลมฺปิสฺสา ปติวตฺตํ สสฺสุวตฺตํ สสุรวตฺตฺจ กตเมว โหติ, สา โพธิสตฺตสฺส ปิยา อโหสิ มนาปา. อิติ อุโภปิ ¶ เต สมฺโมทมานา เอกจิตฺตา สมคฺควาสํ วสึสุ.
อเถกทิวสํ สุชาตา ‘‘มาตาปิตโร ทฏฺุกามามฺหี’’ติ โพธิสตฺตสฺส อาโรเจสิ. ‘‘สาธุ, ภทฺเท, มคฺคปาเถยฺยํ ปโหนกํ ปฏิยาเทหี’’ติ ขชฺชวิกตึ ปจาเปตฺวา ขชฺชกาทีนิ ยานเก เปตฺวา ยานกํ ปาเชนฺโต ยานกสฺส ปุรโต อโหสิ, อิตรา ปจฺฉโต. เต นครสมีปํ คนฺตฺวา ยานกํ โมเจตฺวา นฺหตฺวา ภฺุชึสุ. ปุน โพธิสตฺโต ยานกํ โยเชตฺวา ปุรโต นิสีทิ, สุชาตา วตฺถานิ ปริวตฺเตตฺวา อลงฺกริตฺวา ปจฺฉโต นิสีทิ. ยานกสฺส อนฺโตนครํ ปวิฏฺกาเล พาราณสิราชา หตฺถิกฺขนฺธวรคโต นครํ ปทกฺขิณํ กโรนฺโต ตํ ปเทสํ อคมาสิ. สุชาตา โอตริตฺวา ¶ ยานกสฺส ปจฺฉโต ปทสา ปายาสิ. ราชา ตํ ทิสฺวา ตสฺสา รูปสมฺปตฺติยา อากฑฺฒิยมานโลจโน ปฏิพทฺธจิตฺโต หุตฺวา เอกํ อมจฺจํ อาณาเปสิ – ‘‘คจฺฉ ตฺวํ เอติสฺสา สสฺสามิกภาวํ วา อสฺสามิกภาวํ วา ชานาหี’’ติ. โส คนฺตฺวา ตสฺสา สสฺสามิกภาวํ ตฺวา ‘‘สสฺสามิกา กิร, เทว, ยานเก นิสินฺโน ปุริโส เอติสฺสา สามิโก’’ติ อาห.
ราชา ปฏิพทฺธจิตฺตํ วิโนเทตุํ อสกฺโกนฺโต กิเลสาตุโร หุตฺวา ‘‘เอเกน นํ อุปาเยน มาราเปตฺวา อิตฺถึ คณฺหิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา เอกํ ปุริสํ อามนฺเตตฺวา ‘‘คจฺฉ, โภ, อิมํ จูฬามณึ วีถึ คจฺฉนฺโต วิย หุตฺวา เอตสฺส ปุริสสฺส ยานเก ปกฺขิปิตฺวา เอหี’’ติ จูฬามณึ ทตฺวา อุยฺโยเชสิ. โส ‘‘สาธู’’ติ ตํ คเหตฺวา คนฺตฺวา ยานเก เปตฺวา ‘‘ปิโต เม, เทวา’’ติ อาคนฺตฺวา อาโรเจสิ. ราชา ‘‘จูฬามณิ เม นฏฺโ’’ติ อาห, มนุสฺสา เอกโกลาหลํ อกํสุ. ราชา ‘‘สพฺพทฺวารานิ ปิทหิตฺวา สฺจารํ ฉินฺทิตฺวา โจรํ ปริเยสถา’’ติ อาห, ราชปุริสา ตถา อกํสุ, นครํ เอกสงฺโขภํ อโหสิ. อิตโร ปุริโส มนุสฺเส คเหตฺวา โพธิสตฺตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘โภ, ยานกํ เปหิ, รฺโ จูฬามณิ ¶ ¶ นฏฺโ, ยานกํ โสเธสฺสามี’’ติ ยานกํ โสเธนฺโต อตฺตนา ปิตมณึ คเหตฺวา โพธิสตฺตํ คเหตฺวา ‘‘มณิโจโร’’ติ หตฺเถหิ จ ปาเทหิ จ โปเถตฺวา ปจฺฉาพาหํ พนฺธิตฺวา เนตฺวา ‘‘อยํ มณิโจโร’’ติ รฺโ ทสฺเสสิ. ราชาปิ ‘‘สีสมสฺส ฉินฺทถา’’ติ อาณาเปสิ.
อถ นํ ราชปุริสา จตุกฺเก จตุกฺเก กสาหิ ตาเฬนฺตา ทกฺขิณทฺวาเรน นครา นิกฺขมาเปสุํ. สุชาตาปิ ยานกํ ปหาย พาหา ปคฺคยฺห ปริเทวมานา ‘‘สามิ, มํ นิสฺสาย อิมํ ทุกฺขํ ปตฺโตสี’’ติ ปริเทวมานา ปจฺฉโต ปจฺฉโต อคมาสิ. ราชปุริสา ‘‘สีสมสฺส ฉินฺทิสฺสามา’’ติ โพธิสตฺตํ อุตฺตานํ นิปชฺชาเปสุํ. ตํ ทิสฺวา สุชาตา อตฺตโน สีลคุณํ อาวชฺเชตฺวา ‘‘นตฺถิ วต มฺเ อิมสฺมึ โลเก สีลวนฺตานํ วิเหเก ปาปสาหสิกมนุสฺเส นิเสเธตุํ สมตฺถา เทวตา นามา’’ติอาทีนิ วตฺวา ปมํ คาถมาห –
‘‘น สนฺติ เทวา ปวสนฺติ นูน, น หิ นูน สนฺติ อิธ โลกปาลา;
สหสา กโรนฺตานมสฺตานํ, น หิ นูน สนฺติ ปฏิเสธิตาโร’’ติ.
ตตฺถ น สนฺติ, เทวาติ อิมสฺมึ โลเก สีลวนฺตานํ โอโลกนกา ปาปานฺจ นิเสธกา น สนฺติ นูน เทวา. ปวสนฺติ นูนาติ เอวรูเปสุ วา กิจฺเจสุ อุปฺปนฺเนสุ นูน ปวสนฺติ ปวาสํ คจฺฉนฺติ. อิธ, โลกปาลาติ อิมสฺมึ โลเก โลกปาลสมฺมตา สมณพฺราหฺมณาปิ สีลวนฺตานํ ¶ อนุคฺคาหกา น หิ นูน สนฺติ. สหสา กโรนฺตานมสฺตานนฺติ สหสา อวีมํสิตฺวา สาหสิกํ ทารุณํ กมฺมํ กโรนฺตานํ ทุสฺสีลานํ. ปฏิเสธิตาโรติ เอวรูปํ กมฺมํ มา กริตฺถ, น ลพฺภา เอตํ กาตุนฺติ ปฏิเสเธนฺตา นตฺถีติ อตฺโถ.
เอวํ ตาย สีลสมฺปนฺนาย ปริเทวมานาย สกฺกสฺส เทวรฺโ นิสินฺนาสนํ อุณฺหาการํ ทสฺเสสิ, สกฺโก ‘‘โก นุ โข มํ ¶ สกฺกตฺตโต จาเวตุกาโม’’ติ อาวชฺเชนฺโต อิมํ การณํ ตฺวา ‘‘พาราณสิราชา อติผรุสกมฺมํ กโรติ, สีลสมฺปนฺนํ สุชาตํ กิลเมติ, คนฺตุํ ทานิ เม วฏฺฏตี’’ติ เทวโลกา โอรุยฺห อตฺตโน อานุภาเวน หตฺถิปิฏฺเ ¶ นิสินฺนํ ตํ ปาปราชานํ หตฺถิกฺขนฺธโต โอตาเรตฺวา ธมฺมคณฺฑิกาย อุตฺตานํ นิปชฺชาเปตฺวา โพธิสตฺตํ อุกฺขิปิตฺวา สพฺพาลงฺกาเรหิ อลงฺกริตฺวา ราชเวสํ คาหาเปตฺวา หตฺถิกฺขนฺเธ นิสีทาเปสิ. ราชปุริสา ผรสุํ อุกฺขิปิตฺวา สีสํ ฉินฺทนฺตา รฺโ สีสํ ฉินฺทึสุ, ฉินฺนกาเลเยว จสฺส รฺโ สีสภาวํ ชานึสุ. สกฺโก เทวราชา ทิสฺสมานกสรีเรเนว โพธิสตฺตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา โพธิสตฺตสฺส ราชาภิเสกํ กตฺวา สุชาตาย จ อคฺคมเหสิฏฺานํ ทาเปสิ. อมจฺจา เจว พฺราหฺมณคหปติกาทโย จ สกฺกํ เทวราชานํ ทิสฺวา ‘‘อธมฺมิกราชา มาริโต, อิทานิ อมฺเหหิ สกฺกทตฺติโก ธมฺมิกราชา ลทฺโธ’’ติ โสมนสฺสปฺปตฺตา อเหสุํ.
สกฺโกปิ อากาเส ตฺวา ‘‘อยํ โว สกฺกทตฺติโก ราชา, อิโต ปฏฺาย ธมฺเมน รชฺชํ กาเรสฺสติ. สเจ หิ ราชา อธมฺมิโก โหติ, เทโว อกาเล วสฺสติ, กาเล น วสฺสติ, ฉาตภยํ โรคภยํ สตฺถภยนฺติ อิมานิ ตีณิ ภยานิ อุปคตาเนว โหนฺตี’’ติ โอวทนฺโต ทุติยํ คาถมาห –
‘‘อกาเล วสฺสตี ตสฺส, กาเล ตสฺส น วสฺสติ;
สคฺคา จ จวติ านา, นนุ โส ตาวตา หโต’’ติ.
ตตฺถ อกาเลติ อธมฺมิกรฺโ รชฺเช อยุตฺตกาเล สสฺสานํ ปกฺกกาเล วา ลายนมทฺทนาทิกาเล วา เทโว วสฺสติ. กาเลติ ยุตฺตปยุตฺตกาเล วปนกาเล ตรุณสสฺสกาเล คพฺภคฺคหณกาเล จ น วสฺสติ. สคฺคา จ จวติ านาติ สคฺคสงฺขาตา านา เทวโลกา จวตีติ อตฺโถ. อธมฺมิกราชา หิ อปฺปฏิลาภวเสน เทวโลกา จวติ นาม, สคฺเคปิ วา รชฺชํ กาเรนฺโต อธมฺมิกราชา ตโต จวตีติปิ อตฺโถ. นนุ โส ตาวตา หโตติ นนุ โส อธมฺมิโก ราชา เอตฺตเกน หโต โหติ. อถ ¶ วา เอกํสวาจี เอตฺถ นุ-กาโร, เนโส เอกํเสน เอตฺตาวตา ¶ หโต, อฏฺสุ ปน มหานิรเยสุ โสฬสสุ จ อุสฺสทนิรเยสุ ทีฆรตฺตํ โส หฺิสฺสตีติ อยเมตฺถ อตฺโถ.
เอวํ ¶ สกฺโก มหาชนสฺส โอวาทํ ทตฺวา อตฺตโน เทวฏฺานเมว อคมาสิ. โพธิสตฺโตปิ ธมฺเมน รชฺชํ กาเรตฺวา สคฺคปุรํ ปูเรสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา อธมฺมิกราชา เทวทตฺโต อโหสิ, สกฺโก อนุรุทฺโธ, สุชาตา ราหุลมาตา, สกฺกทตฺติยราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
มณิโจรชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.
[๑๙๕] ๕. ปพฺพตูปตฺถรชาตกวณฺณนา
ปพฺพตูปตฺถเร รมฺเมติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โกสลราชานํ อารพฺภ กเถสิ. โกสลรฺโ กิร เอโก อมจฺโจ อนฺเตปุเร ปทุสฺสิ. ราชาปิ ปริวีมํสมาโน ตํ ตถโต ตฺวา ‘‘สตฺถุ อาโรเจสฺสามี’’ติ เชตวนํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ‘‘ภนฺเต, อมฺหากํ อนฺเตปุเร เอโก อมจฺโจ ปทุสฺสิ, ตสฺส กึ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ ปุจฺฉิ. อถ นํ สตฺถา ‘‘อุปการโก เต, มหาราช, โส จ อมจฺโจ สา จ อิตฺถี ปิยา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาม, ภนฺเต, อติวิย อุปการโก สกลํ ราชกุลํ สนฺธาเรติ, สาปิ เม อิตฺถี ปิยา’’ติ วุตฺเต ‘‘มหาราช, ‘อตฺตโน อุปการเกสุ เสวเกสุ ปิยาสุ จ อิตฺถีสุ ทุพฺภิตุํ น สกฺกา’ติ ปุพฺเพปิ ราชาโน ปณฺฑิตานํ กถํ สุตฺวา มชฺฌตฺตาว อเหสุ’’นฺติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต อมจฺจกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตสฺส อตฺถธมฺมานุสาสโก อโหสิ. อถสฺส รฺโ เอโก อมจฺโจ อนฺเตปุเร ปทุสฺสิ. ราชา นํ ตถโต ตฺวา ‘‘อมจฺโจปิ เม พหูปกาโร, อยํ อิตฺถีปิ เม ปิยา, ทฺเวปิ อิเม นาเสตุํ น สกฺกา ¶ , ปณฺฑิตามจฺจํ ปฺหํ ปุจฺฉิตฺวา สเจ สหิตพฺพํ ภวิสฺสติ, สหิสฺสามิ, โน เจ, น สหิสฺสามี’’ติ โพธิสตฺตํ ปกฺโกสาเปตฺวา อาสนํ ทตฺวา ‘‘ปณฺฑิต, ปฺหํ ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ วตฺวา ‘‘ปุจฺฉถ, มหาราช, วิสฺสชฺเชสฺสามี’’ติ วุตฺเต ปฺหํ ปุจฺฉนฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘ปพฺพตูปตฺถเร ¶ ¶ รมฺเม, ชาตา โปกฺขรณี สิวา;
ตํ สิงฺคาโล อปาปายิ, ชานํ สีเหน รกฺขิต’’นฺติ.
ตตฺถ ปพฺพตูปตฺถเร รมฺเมติ หิมวนฺตปพฺพตปาเท ปตฺถริตฺวา ิเต องฺคณฏฺาเนติ อตฺโถ. ชาตา โปกฺขรณี สิวาติ สิวา สีตลา มธุโรทกา โปกฺขรณี นิพฺพตฺตา, อปิจ โข โปกฺขรสฺฉนฺนา นทีปิ โปกฺขรณีเยว. อปาปายีติ อป-อิติ อุปสคฺโค, อปายีติ อตฺโถ. ชานํ สีเหน รกฺขิตนฺติ สา โปกฺขรณี สีหปริโภคา สีเหน รกฺขิตา, โสปิ นํ สิงฺคาโล ‘‘สีเหน รกฺขิตา อย’’นฺติ ชานนฺโตว อปายิ. ตํ กึ มฺติ, พาโล สิงฺคาโล สีหสฺส อภายิตฺวา ปิเวยฺย เอวรูปํ โปกฺขรณินฺติ อยเมตฺถาธิปฺปาโย.
โพธิสตฺโต ‘‘อทฺธา เอตสฺส อนฺเตปุเร เอโก อมจฺโจ ปทุฏฺโ ภวิสฺสตี’’ติ ตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘ปิวนฺติ เจ มหาราช, สาปทานิ มหานทึ;
น เตน อนที โหติ, ขมสฺสุ ยทิ เต ปิยา’’ติ.
ตตฺถ สาปทานีติ น เกวลํ สิงฺคาโลว, อวเสสานิ สุนขปสทพิฬารมิคาทีนิ สพฺพสาปทานิ ตํ โปกฺขรสฺฉนฺนตฺตา ‘‘โปกฺขรณี’’ติ ลทฺธนามํ นทึ ปิวนฺติ เจ. น เตน อนที โหตีติ นทิยฺหิ ทฺวิปทจตุปฺปทาปิ อหิมจฺฉาปิ สพฺเพ ปิปาสิตา ปานียํ ปิวนฺติ, น สา เตน การเณน อนที นาม โหติ, นาปิ อุจฺฉิฏฺนที. กสฺมา? สพฺเพสํ สาธารณตฺตา. ยถา นที เยน เกนจิ ปีตา น ทุสฺสติ, เอวํ อิตฺถีปิ กิเลสวเสน สามิกํ อติกฺกมิตฺวา อฺเน สทฺธึ สํวาสํ คตา เนว อนิตฺถี โหติ. กสฺมา? สพฺเพสํ สาธารณภาเวน. นาปิ อุจฺฉิฏฺิตฺถี. กสฺมา? โอทกนฺติกตาย สุทฺธภาเวน. ขมสฺสุ ยทิ เต ปิยาติ ยทิ ปน เต สา อิตฺถี ปิยา, โส จ อมจฺโจ พหูปกาโร, เตสํ อุภินฺนมฺปิ ขมสฺสุ มชฺฌตฺตภาเวน ติฏฺาหีติ.
เอวํ ¶ มหาสตฺโต รฺโ โอวาทํ อทาสิ. ราชา ตสฺส โอวาเท ตฺวา ‘‘ปุน เอวรูปํ ปาปกมฺมํ มา กริตฺถา’’ติ วตฺวา อุภินฺนมฺปิ ขมิ. ตโต ปฏฺาย ¶ เต โอรมึสุ. ราชาปิ ทานาทีนิ ปฺุานิ กตฺวา ชีวิตปริโยสาเน สคฺคปุรํ ปูเรสิ. โกสลราชาปิ อิมํ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา เตสํ อุภินฺนมฺปิ ขมิตฺวา มชฺฌตฺโต อโหสิ.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ราชา อานนฺโท อโหสิ, ปณฺฑิตามจฺโจ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
ปพฺพตูปตฺถรชาตกวณฺณนา ปฺจมา.
[๑๙๖] ๖. วลาหกสฺสชาตกวณฺณนา
เย น กาหนฺติ โอวาทนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ อุกฺกณฺิตภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. โส หิ ภิกฺขุ สตฺถารา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, ภิกฺขุ, อุกฺกณฺิโตสี’’ติ ปุฏฺโ ‘‘สจฺจ’’นฺติ วตฺวา ‘‘กึ การณา’’ติ วุตฺเต ‘‘เอกํ อลงฺกตํ มาตุคามํ ทิสฺวา กิเลสวเสนา’’ติ อาห. อถ นํ สตฺถา ‘‘อิตฺถิโย นาเมตา ภิกฺขุ อตฺตโน รูปสทฺทคนฺธรสโผฏฺพฺเพหิ เจว อิตฺถิกุตฺตวิลาเสหิ จ ปุริเส ปโลเภตฺวา อตฺตโน วเส กตฺวา วสํ อุปคตภาวํ ตฺวา สีลวินาสฺเจว ธนวินาสฺจ ปาปนฏฺเน ‘ยกฺขินิโย’ติ วุจฺจนฺติ. ปุพฺเพปิ หิ ยกฺขินิโย อิตฺถิกุตฺเตน เอกํ ปุริสสตฺถํ อุปสงฺกมิตฺวา วาณิเช ปโลเภตฺวา อตฺตโน วเส กตฺวา ปุน อฺเ ปุริเส ทิสฺวา เต สพฺเพปิ ชีวิตกฺขยํ ปาเปตฺวา อุโภหิ หนุกปสฺเสหิ โลหิเตน ปคฺฆรนฺเตน มุขํ ปูราเปตฺวา ขาทึสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต ตมฺพปณฺณิทีเป สิรีสวตฺถุ นาม ยกฺขนครํ อโหสิ, ตตฺถ ยกฺขินิโย วสึสุ. ตา ภินฺนนาวานํ วาณิชานํ อาคตกาเล อลงฺกตปฏิยตฺตา ขาทนียโภชนียํ คาหาเปตฺวา ทาสิคณปริวุตา ทารเก องฺเกนาทาย วาณิเช อุปสงฺกมนฺติ. เตสํ ¶ ‘‘มนุสฺสาวาสํ อาคตมฺหา’’ติ สฺชานนตฺถํ ตตฺถ ตตฺถ กสิโครกฺขาทีนิ กโรนฺเต มนุสฺเส โคคเณ สุนเขติ เอวมาทีนิ ทสฺเสนฺติ, วาณิชานํ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘อิมํ ยาคุํ ปิวถ, ภตฺตํ ภฺุชถ, ขาทนียํ ขาทถา’’ติ วทนฺติ. วาณิชา อชานนฺตา ตาหิ ทินฺนํ ปริภฺุชนฺติ. อถ เตสํ ขาทิตฺวา ภฺุชิตฺวา ปิวิตฺวา วิสฺสมิตกาเล ¶ ปฏิสนฺถารํ กโรนฺติ, ‘‘ตุมฺเห กตฺถ วาสิกา, กุโต อาคตา, กหํ คจฺฉิสฺสถ, เกน กมฺเมน อิธาคตตฺถา’’ติ ปุจฺฉนฺติ. ‘‘ภินฺนนาวา หุตฺวา อิธาคตมฺหา’’ติ วุตฺเต ‘‘สาธุ, อยฺยา, อมฺหากมฺปิ สามิกานํ นาวํ อภิรุหิตฺวา คตานํ ตีณิ สํวจฺฉรานิ อติกฺกนฺตานิ, เต มตา ภวิสฺสนฺติ; ตุมฺเหปิ วาณิชาเยว, มยํ ตุมฺหากํ ปาทปริจาริกา ภวิสฺสามา’’ติ วตฺวา เต วาณิเช อิตฺถิกุตฺตหาวภาววิลาเสหิ ปโลเภตฺวา ยกฺขนครํ เนตฺวา สเจ ปมคหิตา มนุสฺสา อตฺถิ, เต เทวสงฺขลิกาย พนฺธิตฺวา การณฆเร ปกฺขิปนฺติ ¶ , อตฺตโน วสนฏฺาเน ภินฺนนาเว มนุสฺเส อลภนฺติโย ปน ปรโต กลฺยาณึ โอรโต นาคทีปนฺติ เอวํ สมุทฺทตีรํ อนุสฺจรนฺติ. อยํ ตาสํ ธมฺมตา.
อเถกทิวสํ ปฺจสตา ภินฺนนาวา วาณิชา ตาสํ นครสมีเป อุตฺตรึสุ. ตา เตสํ สนฺติกํ คนฺตฺวา ปโลเภตฺวา ยกฺขนครํ เนตฺวา ปมํ คหิเต มนุสฺเส เทวสงฺขลิกาย พนฺธิตฺวา การณฆเร ปกฺขิปิตฺวา เชฏฺยกฺขินี เชฏฺกวาณิชํ, เสสา เสเสติ ตา ปฺจสตา ยกฺขินิโย เต ปฺจสเต วาณิเช อตฺตโน สามิเก อกํสุ. อถ สา เชฏฺยกฺขินี รตฺติภาเค วาณิเช นิทฺทํ อุปคเต อุฏฺาย คนฺตฺวา การณฆเร มนุสฺเส มาเรตฺวา มํสํ ขาทิตฺวา อาคจฺฉติ, เสสาปิ ตเถว กโรนฺติ. เชฏฺยกฺขินิยา มนุสฺสมํสํ ขาทิตฺวา อาคตกาเล สรีรํ สีตลํ โหติ. เชฏฺวาณิโช ปริคฺคณฺหนฺโต ตสฺสา ยกฺขินิภาวํ ตฺวา ‘‘อิมา ปฺจสตา ยกฺขินิโย ¶ ภวิสฺสนฺติ, อมฺเหหิ ปลายิตุํ วฏฺฏตี’’ติ ปุนทิวเส ปาโตว มุขโธวนตฺถาย คนฺตฺวา เสสวาณิชานํ อาโรเจสิ – ‘‘อิมา ยกฺขินิโย, น มนุสฺสิตฺถิโย, อฺเสํ ภินฺนนาวานํ อาคตกาเล เต สามิเก กตฺวา อมฺเหปิ ขาทิสฺสนฺติ, เอถ อิโต ปลายิสฺสามา’’ติ เตสุ ปฺจสเตสุ อฑฺฒเตยฺยสตา ‘‘น มยํ เอตา วิชหิตุํ สกฺขิสฺสาม, ตุมฺเห คจฺฉถ, มยํ น ปลายิสฺสามา’’ติ อาหํสุ. เชฏฺวาณิโช อตฺตโน วจนกาเร อฑฺฒเตยฺยสเต คเหตฺวา ตาสํ ภีโต ปลายิ.
ตสฺมึ ปน กาเล โพธิสตฺโต วลาหกสฺสโยนิยํ นิพฺพตฺติ, สพฺพเสโต กาฬสีโส มฺุชเกโส อิทฺธิมา เวหาสงฺคโม อโหสิ. โส ¶ หิมวนฺตโต อากาเส อุปฺปติตฺวา ตมฺพปณฺณิทีปํ คนฺตฺวา ตตฺถ ตมฺพปณฺณิสเร ปลฺลเล สยํชาตสาลึ ขาทิตฺวา คจฺฉติ. เอวํ คจฺฉนฺโต จ ‘‘ชนปทํ คนฺตุกามา อตฺถี’’ติ ติกฺขตฺตุํ กรุณาปริภาวิตํ มานุสึ วาจํ ภาสติ. เต โพธิสตฺตสฺส วจนํ สุตฺวา อุปสงฺกมิตฺวา อฺชลึ ปคฺคยฺห ‘‘สามิ, มยํ ชนปทํ คมิสฺสามา’’ติ อาหํสุ. เตน หิ มยฺหํ ปิฏฺึ อภิรุหถาติ. อปฺเปกจฺเจ อภิรุหึสุ, เตสุ เอกจฺเจ วาลธึ คณฺหึสุ, เอกจฺเจ อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา อฏฺํสุเยว. โพธิสตฺโต อนฺตมโส อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา ิเต สพฺเพปิ เต อฑฺฒเตยฺยสเต วาณิเช อตฺตโน อานุภาเวน ชนปทํ เนตฺวา สกสกฏฺาเนสุ ปติฏฺเปตฺวา อตฺตโน วสนฏฺานํ อาคมาสิ. ตาปิ โข ยกฺขินิโย อฺเสํ อาคตกาเล ตตฺถ โอหีนเก อฑฺฒเตยฺยสเต มนุสฺเส วธิตฺวา ขาทึสุ.
สตฺถา ภิกฺขู อามนฺเตตฺวา ‘‘ภิกฺขเว, ยถา เต ยกฺขินีนํ วสํ คตา วาณิชา ชีวิตกฺขยํ ปตฺตา, วลาหกสฺสราชสฺส วจนกรา วาณิชา สกสกฏฺาเนสุ ปติฏฺิตา, เอวเมว พุทฺธานํ โอวาทํ อกโรนฺตา ภิกฺขูปิ ภิกฺขุนิโยปิ อุปาสกาปิ อุปาสิกาโยปิ จตูสุ อปาเยสุ ¶ ปฺจวิธพนฺธนกมฺมกรณฏฺานาทีสุ ¶ มหาทุกฺขํ ปาปุณนฺติ. โอวาทกรา ปน ติสฺโส กุลสมฺปตฺติโย จ ฉ กามสคฺเค วีสติ พฺรหฺมโลเกติ อิมานิ จ านานิ ปตฺวา อมตมหานิพฺพานํ สจฺฉิกตฺวา มหนฺตํ สุขํ อนุภวนฺตี’’ติ วตฺวา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา อิมา คาถา อโวจ –
‘‘เย น กาหนฺติ โอวาทํ, นรา พุทฺเธน เทสิตํ;
พฺยสนํ เต คมิสฺสนฺติ, รกฺขสีหิว วาณิชา.
‘‘เย จ กาหนฺติ โอวาทํ, นรา พุทฺเธน เทสิตํ;
โสตฺถึ ปารํ คมิสฺสนฺติ, วลาเหเนว วาณิชา’’ติ.
ตตฺถ เย น กาหนฺตีติ เย น กริสฺสนฺติ. พฺยสนํ เต คมิสฺสนฺตีติ เต มหาวินาสํ ปาปุณิสฺสนฺติ. รกฺขสีหิว วาณิชาติ รกฺขสีหิ ปโลภิตวาณิชา วิย. โสตฺถึ ปารํ คมิสฺสนฺตีติ อนนฺตราเยน นิพฺพานํ ปาปุณิสฺสนฺติ. วลาเหเนว วาณิชาติ วลาเหเนว ‘‘อาคจฺฉถา’’ติ ¶ วุตฺตา ตสฺส วจนกรา วาณิชา วิย. ยถา หิ เต สมุทฺทปารํ คนฺตฺวา สกสกฏฺานํ อคมํสุ, เอวํ พุทฺธานํ โอวาทกรา สํสารปารํ นิพฺพานํ คจฺฉนฺตีติ อมตมหานิพฺพาเนน ธมฺมเทสนาย กูฏํ คณฺหิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺิตภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, อฺเปิ พหู โสตาปตฺติผลสกทาคามิผลอนาคามิผลอรหตฺตผลานิ ปาปุณึสุ. ‘‘ตทา วลาหกสฺสราชสฺส วจนกรา อฑฺฒเตยฺยสตา วาณิชา พุทฺธปริสา อเหสุํ, วลาหกสฺสราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
วลาหกสฺสชาตกวณฺณนา ฉฏฺา.
[๑๙๗] ๗. มิตฺตามิตฺตชาตกวณฺณนา
น นํ อุมฺหยเต ทิสฺวาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. อฺตโร ภิกฺขุ ‘‘มยา คหิเต มยฺหํ อุปชฺฌาโย น กุชฺฌิสฺสตี’’ติ อุปชฺฌาเยน ปิตํ วิสฺสาเสน เอกํ วตฺถขณฺฑํ คเหตฺวา อุปาหนตฺถวิกํ กตฺวา ปจฺฉา อุปชฺฌายํ อาปุจฺฉิ. อถ ตํ อุปชฺฌาโย ¶ ‘‘กึการณา คณฺหี’’ติ ¶ วตฺวา ‘‘มยา คหิเต น กุชฺฌิสฺสตีติ ตุมฺหากํ วิสฺสาเสนา’’ติ วุตฺเต ‘‘โก มยา สทฺธึ ตุยฺหํ วิสฺสาโส นามา’’ติ วตฺวา กุทฺโธ อุฏฺหิตฺวา ปหริ. ตสฺส สา กิริยา ภิกฺขูสุ ปากฏา ชาตา. อเถกทิวสํ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, อสุโก กิร ทหโร อุปชฺฌายสฺส วิสฺสาเสน วตฺถขณฺฑํ คเหตฺวา อุปาหนตฺถวิกํ อกาสิ. อถ นํ อุปชฺฌาโย ‘โก มยา สทฺธึ ตุยฺหํ วิสฺสาโส นามา’ติ วตฺวา กุทฺโธ อุฏฺหิตฺวา ปหรี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนเวส ภิกฺขุ อตฺตโน สทฺธิวิหาริเกน สทฺธึ อวิสฺสาสิโก, ปุพฺเพปิ อวิสฺสาสิโกเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต กาสิรฏฺเ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อภิฺา ¶ จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา คณสตฺถา หุตฺวา หิมวนฺตปเทเส วาสํ กปฺเปสิ. ตสฺมึ อิสิคเณ เอโก ตาปโส โพธิสตฺตสฺส วจนํ อกตฺวา เอกํ มตมาติกํ หตฺถิโปตกํ ปฏิชคฺคิ. อถ นํ โส วุทฺธิปฺปตฺโต มาเรตฺวา อรฺํ ปาวิสิ. ตสฺส สรีรกิจฺจํ กตฺวา อิสิคโณ โพธิสตฺตํ ปริวาเรตฺวา – ‘‘ภนฺเต, เกน นุ โก การเณน มิตฺตภาโว วา อมิตฺตภาโว วา สกฺกา ชานิตุ’’นฺติ ปุจฺฉิ. โพธิสตฺโต ‘‘อิมินา จ อิมินา จ การเณนา’’ติ อาจิกฺขนฺโต อิมา คาถา อโวจ –
‘‘น นํ อุมฺหยเต ทิสฺวา, น จ นํ ปฏินนฺทติ;
จกฺขูนิ จสฺส น ททาติ, ปฏิโลมฺจ วตฺตติ.
‘‘เอเต ภวนฺติ อาการา, อมิตฺตสฺมึ ปติฏฺิตา;
เยหิ อมิตฺตํ ชาเนยฺย, ทิสฺวา สุตฺวา จ ปณฺฑิโต’’ติ.
ตตฺถ น นํ อุมฺหยเต ทิสฺวาติ โย หิ ยสฺส อมิตฺโต โหติ, โส ตํ ปุคฺคลํ ทิสฺวา น อุมฺหยเต, หสิตํ น กโรติ, ปหฏฺาการํ น ทสฺเสติ. น ¶ จ นํ ปฏินนฺทตีติ ตสฺส วจนํ สุตฺวาปิ ตํ ปุคฺคลํ น ปฏินนฺทติ, สาธุ สุภาสิตนฺติ น จานุโมทติ. จกฺขูนิ จสฺส น ททาตีติ จกฺขุนา จกฺขุํ อาหจฺจ ปฏิมุโข หุตฺวา น โอโลเกติ, อฺโต จกฺขูนิ หรติ. ปฏิโลมฺจ วตฺตตีติ ตสฺส กายกมฺมมฺปิ วจีกมฺมมฺปิ น โรเจติ, ปฏิโลมคาหํ คณฺหาติ ปจฺจนีกคาหํ. อาการาติ การณานิ. เยหิ อมิตฺตนฺติ เยหิ การเณหิ ¶ ตานิ การณานิ ทิสฺวา สุตฺวา จ ปณฺฑิโต ปุคฺคโล ‘‘อยํ เม อมิตฺโต’’ติ ชาเนยฺย, ตโต วิปรีเตหิ ปน มิตฺตภาโว ชานิตพฺโพติ.
เอวํ โพธิสตฺโต มิตฺตามิตฺตภาวการณานิ อาจิกฺขิตฺวา พฺรหฺมวิหาเร ภาเวตฺวา พฺรหฺมโลกูปโค อโหสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา หตฺถิโปสกตาปโส สทฺธิวิหาริโก อโหสิ, หตฺถี อุปชฺฌาโย, อิสิคโณ พุทฺธปริสา, คณสตฺถา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
มิตฺตามิตฺตชาตกวณฺณนา สตฺตมา.
[๑๙๘] ๘. ราธชาตกวณฺณนา
ปวาสา ¶ อาคโต ตาตาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ อุกฺกณฺิตภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิร สตฺถารา ‘‘สจฺจํ กิร, ตฺวํ ภิกฺขุ, อุกฺกณฺิโต’’ติ ปุฏฺโ ‘‘สจฺจํ, ภนฺเต’’ติ วตฺวา ‘‘กึการณา’’ติ วุตฺเต ‘‘เอกํ อลงฺกตอิตฺถึ ทิสฺวา กิเลสวเสนา’’ติ อาห. อถ นํ สตฺถา ‘‘มาตุคาโม นาม ภิกฺขุ น สกฺกา รกฺขิตุํ, ปุพฺเพปิ โทวาริเก เปตฺวา รกฺขนฺตาปิ รกฺขิตุํ น สกฺขึสุ, กึ เต อิตฺถิยา, ลทฺธาปิ สา รกฺขิตุํ น สกฺกา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต สุวโยนิยํ นิพฺพตฺติ, ‘‘ราโธ’’ติสฺส นามํ, กนิฏฺภาตา ปนสฺส โปฏฺปาโท นาม. เต อุโภปิ ตรุณกาเลเยว เอโก ลุทฺทโก คเหตฺวา พาราณสิยํ อฺตรสฺส พฺราหฺมณสฺส อทาสิ, พฺราหฺมโณ เต ปุตฺตฏฺาเน เปตฺวา ปฏิชคฺคิ. พฺราหฺมณสฺส ¶ ปน พฺราหฺมณี อรกฺขิตา ทุสฺสีลา. โส โวหารกรณตฺถาย คจฺฉนฺโต เต สุวโปตเก อามนฺเตตฺวา ‘‘ตาตา, อหํ โวหารกรณตฺถาย คจฺฉามิ, กาเล วา วิกาเล วา ตุมฺหากํ มาตุ กรณกมฺมํ โอโลเกยฺยาถ, อฺสฺส ปุริสสฺส คมนภาวํ วา อคมนภาวํ วา ชาเนยฺยาถา’’ติ พฺราหฺมณึ สุวโปตกานํ ปฏิจฺฉาเปตฺวา อคมาสิ. สา ตสฺส นิกฺขนฺตกาลโต ปฏฺาย อนาจารํ จริ, รตฺติมฺปิ ทิวาปิ อาคจฺฉนฺตานฺจ คจฺฉนฺตานฺจ ปมาณํ นตฺถิ.
ตํ ทิสฺวา โปฏฺปาโท ราธํ ปุจฺฉิ – ‘‘พฺราหฺมโณ อิมํ พฺราหฺมณึ อมฺหากํ นิยฺยาเทตฺวา คโต, อยฺจ ¶ ปาปกมฺมํ กโรติ, วทามิ น’’นฺติ. ราโธ ‘‘มา วทาหี’’ติ อาห. โส ตสฺส วจนํ อคฺคเหตฺวา ‘‘อมฺม, กึการณา ปาปกมฺมํ กโรสี’’ติ อาห. สา ตํ มาเรตุกามา หุตฺวา ‘‘ตาต, ตฺวํ นาม มยฺหํ ปุตฺโต, อิโต ปฏฺาย น กริสฺสามิ, เอหิ, ตาต, ตาวา’’ติ ปิยายมานา วิย ปกฺโกสิตฺวา อาคตํ คเหตฺวา ‘‘ตฺวํ มํ โอวทสิ, อตฺตโน ปมาณํ น ชานาสี’’ติ คีวํ ปริวตฺเตตฺวา มาเรตฺวา อุทฺธนนฺตเรสุ ปกฺขิปิ. พฺราหฺมโณ อาคนฺตฺวา วิสฺสมิตฺวา โพธิสตฺตํ ‘‘กึ, ตาต ราธ, มาตา เต อนาจารํ กโรติ, น กโรตี’’ติ ปุจฺฉนฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘ปวาสา ¶ อาคโต ตาต, อิทานิ นจิราคโต;
กจฺจินฺนุ ตาต เต มาตา, น อฺมุปเสวตี’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – อหํ, ตาต ราธ, ปวาสา อาคโต, โส จมฺหิ อิทาเนว อาคโต นจิราคโต, เตน ปวตฺตึ อชานนฺโต ตํ ปุจฺฉามิ – ‘‘กจฺจิ นุ เต, ตาต, มาตา อฺํ ปุริสํ น อุปเสวตี’’ติ.
ราโธ ‘‘ตาต, ปณฺฑิตา นาม ภูตํ วา อภูตํ วา อนิยฺยานิกํ นาม น กเถสุ’’นฺติ าเปนฺโต ทุติยํ คาถมาห –
‘‘น ¶ โข ปเนตํ สุภณํ, คิรํ สจฺจุปสํหิตํ;
สเยถ โปฏฺปาโทว, มุมฺมุเร อุปกูถิโต’’ติ.
ตตฺถ คิรนฺติ วจนํ. ตฺหิ ยถา อิทานิ คิรา, เอวํ ตทา ‘‘คิร’’นฺติ วุจฺจติ, โส สุวโปตโก ลิงฺคํ อนาทิยิตฺวา เอวมาห. อยํ ปเนตฺถ อตฺโถ – ตาต, ปณฺฑิเตน นาม สจฺจุปสํหิตํ ยถาภูตํ อตฺถยุตฺตํ สภาววจนมฺปิ อนิยฺยานิกํ น สุภณํ. อนิยฺยานิกฺจ สจฺจํ ภณนฺโต สเยถ โปฏฺปาโทว, มุมฺมุเร อุปกูถิโต, ยถา โปฏฺปาโท กุกฺกุเฬ ฌาโม สยติ, เอวํ สเยยฺยาติ. ‘‘อุปกูธิโต’’ติปิ ปาโ, อยเมวตฺโถ.
เอวํ โพธิสตฺโต พฺราหฺมณสฺส ธมฺมํ เทเสตฺวา ‘‘มยาปิ อิมสฺมึ าเน วสิตุํ น สกฺกา’’ติ พฺราหฺมณํ อาปุจฺฉิตฺวา อรฺเมว ปาวิสิ.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺิตภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ‘‘ตทา โปฏฺปาโท อานนฺโท อโหสิ, ราโธ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
ราธชาตกวณฺณนา อฏฺมา.
[๑๙๙] ๙. คหปติชาตกวณฺณนา
อุภยํ ¶ เม น ขมตีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อุกฺกณฺิตเมว ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. กเถนฺโต จ ‘‘มาตุคาโม นาม อรกฺขิโต, ปาปกมฺมํ กตฺวา เยน เกนจิ อุปาเยน สามิกํ วฺเจติเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต กาสิรฏฺเ คหปติกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ฆราวาสํ คณฺหิ. ตสฺส ภริยา ทุสฺสีลา คามโภชเกน สทฺธึ อนาจารํ จรติ. โพธิสตฺโต ตํ ตฺวา ปริคฺคณฺหนฺโต จรติ ¶ . ตทา ปน อนฺโตวสฺเส พีเชสุ นีหเฏสุ ฉาตกํ อโหสิ, สสฺสานํ คพฺภคหณกาโล ชาโต. สกลคามวาสิโน ‘‘อิโต มาสทฺวเยน สสฺสานิ อุทฺธริตฺวา วีหึ ทสฺสามา’’ติ เอกโต หุตฺวา คามโภชกสฺส หตฺถโต เอกํ ชรโคณํ คเหตฺวา มํสํ ขาทึสุ.
อเถกทิวสํ คามภาชโก ขณํ โอโลเกตฺวา โพธิสตฺตสฺส พหิคตเวลายํ เคหํ ปาวิสิ. เตสํ สุขนิปนฺนกฺขเณเยว โพธิสตฺโต คามทฺวาเรน ปวิสิตฺวา เคหาภิมุโข ปายาสิ. สา อิตฺถี คามทฺวาราภิมุขี ตํ ทิสฺวา ‘‘โก นุ โข เอโส’’ติ อุมฺมาเร ตฺวา โอโลเกนฺตี ‘‘โสเยวา’’ติ ตฺวา คามโภชกสฺส อาจิกฺขิ, คามโภชโก ภีโต ปกมฺปิ. อถ นํ สา ‘‘มา ภายิ, อตฺเถโก อุปาโย, อมฺเหหิ ตว หตฺถโต โคณมํสํ ขาทิตํ, ตฺวํ มํสมูลํ โสเธนฺโต วิย โหหิ, อหํ โกฏฺํ อารุยฺห โกฏฺทฺวาเร ตฺวา ‘วีหิ นตฺถี’ติ วกฺขามิ. ตฺวํ เคหมชฺเฌ ตฺวา ‘อมฺหากํ ฆเร ทารกา ฉาตา, มํสมูลํ เม เทหี’ติ ปุนปฺปุนํ โจเทยฺยาสี’’ติ วตฺวา โกฏฺํ อารุยฺห โกฏฺทฺวาเร นิสีทิ. อิตโร เคหมชฺเฌ ตฺวา ‘‘มํสมูลํ เทหี’’ติ วทติ. สา โกฏฺทฺวาเร นิสินฺนา ‘‘โกฏฺเ วีหิ นตฺถิ, สสฺเส อุทฺธรนฺเต ทสฺสามิ คจฺฉาหี’’ติ อาห.
โพธิสตฺโต เคหํ ปวิสิตฺวา เตสํ กิริยํ ทิสฺวา ‘‘อิมาย ปาปาย กตอุปาโย เอส ภวิสฺสตี’’ติ ¶ ตฺวา คามโภชกํ อามนฺเตตฺวา ‘‘โส คามโภชก อมฺเห ตว ชรโคณสฺส มํสํ ขาทนฺตา ‘อิโต มาสทฺวเยน วีหึ ทสฺสามา’ติ ขาทิมฺห, ตฺวํ อฑฺฒมาสมฺปิ อนติกฺกมิตฺวา อิทาเนว ¶ กสฺมา อาหราเปสิ, น ตฺวํ อิมินา การเณน อาคโต, อฺเน การเณน อาคโต ภวิสฺสสิ, มยฺหํ ตว กิริยา น รุจฺจติ, อยมฺปิ อนาจารา ปาปธมฺมา โกฏฺเ วีหีนํ อภาวํ ชานาติ, สา ทานิ โกฏฺํ อารุยฺห ‘วีหิ นตฺถี’ติ ¶ วทติ, ตฺวมฺปิ ‘เทหี’ติ วทติ, อุภินฺนมฺปิ โว กรณํ มยฺหํ น รุจฺจตี’’ติ เอตมตฺถํ ปกาเสนฺโต อิมา คาถา อโวจ –
‘‘อุภยํ เม น ขมติ, อุภยํ เม น รุจฺจติ;
ยาจายํ โกฏฺโมติณฺณา, นทสฺสํ อิติ ภาสติ.
‘‘ตํ ตํ คามปติ พฺรูมิ, กทเร อปฺปสฺมิ ชีวิเต;
ทฺเว มาเส สงฺครํ กตฺวา, มํสํ ชรคฺควํ กิสํ;
อปฺปตฺตกาเล โจเทสิ, ตมฺปิ มยฺหํ น รุจฺจตี’’ติ.
ตตฺถ ตํ ตํ คามปติ พฺรูมีติ, อมฺโภ คามเชฏฺก, เตน การเณน ตํ วทามิ. กทเร อปฺปสฺมิ ชีวิเตติ อมฺหากํ ชีวิตํ นาม กทรฺเจว ถทฺธํ ลูขํ กสิรํ อปฺปฺจ มนฺทํ ปริตฺตํ, ตสฺมึ โน เอวรูเป ชีวิเต วตฺตมาเน. ทฺเว มาเส สงฺครํ กตฺวา, มํสํ ชรคฺควํ กิสนฺติ อมฺหากํ มํสํ คณฺหนฺตานํ ชรคฺควํ กิสํ ทุพฺพลํ ชรโคณํ ททมาโน ตฺวํ ‘‘ทฺวีหิ มาเสหิ มูลํ ทาตพฺพ’’นฺติ เอวํ ทฺเว มาเส สงฺครํ ปริจฺเฉทํ กตฺวา. อปฺปตฺตกาเล โจเทสีติ ตสฺมึ กาเล อสมฺปตฺเต อนฺตราว โจเทสิ. ตมฺปิ มยฺหํ น รุจฺจตีติ ยา จายํ ปาปธมฺมา ทุสฺสีลา อนฺโตโกฏฺเ วีหีนํ นตฺถิภาวํ ชานมานาว อชานนฺตี วิย หุตฺวา โกฏฺโมติณฺณา โกฏฺทฺวาเร ตฺวา น ทสฺสํ อิติ ภาสติ, ยฺจ ตฺวํ อกาเล โจเทสิ, ตมฺปีติ อิทํ อุภยมฺปิ มม เนว ขมติ น รุจฺจตีติ.
เอวํ โส กเถนฺโตว คามโภชกํ จูฬาย คเหตฺวา กฑฺฒิตฺวา เคหมชฺเฌ ปาเตตฺวา ‘‘คามโภชโกมฺหีติ ปรสฺส รกฺขิตโคปิตภณฺเฑ อปรชฺฌสี’’ติอาทีหิ ปริภาสิตฺวา โปเถตฺวา ทุพฺพลํ กตฺวา คีวาย คเหตฺวา เคหา นิกฺกฑฺฒิตฺวา ตมฺปิ ทุฏฺอิตฺถึ เกเสสุ คเหตฺวา โกฏฺา โอตาเรตฺวา นิปฺโปเถตฺวา ‘‘สเจ ปุน เอวรูปํ กโรสิ, ชานิสฺสสี’’ติ สนฺตชฺเชสิ. ตโต ปฏฺาย คามโภชโก ตํ เคหํ โอโลเกตุมฺปิ น วิสหิ, สาปิ ปาปา ปุน มนสาปิ อติจริตุํ นาสกฺขิ.
สตฺถา ¶ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน ¶ อุกฺกณฺิตภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ‘‘ตทา คามโภชโก เทวทตฺโต, นิคฺคหการโก คหปติ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
คหปติชาตกวณฺณนา นวมา.
[๒๐๐] ๑๐. สาธุสีลชาตกวณฺณนา
สรีรทพฺยนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ พฺราหฺมณํ อารพฺภ กเถสิ. ตสฺส กิร จตสฺโส ธีตโร อเหสุํ. ตา จตฺตาโร ชนา ปตฺเถนฺติ, เตสุ เอโก อภิรูโป สรีรสมฺปนฺโน, เอโก วยปฺปตฺโต มหลฺลโก, เอโก ชาติสมฺปนฺโน, เอโก สีลวา. พฺราหฺมโณ จินฺเตสิ – ‘‘ธีตโร นิเวเสนฺเตน ปติฏฺาเปนฺเตน กสฺส นุ โข ทาตพฺพา, กึ รูปสมฺปนฺนสฺส, อุทาหุ วยปฺปตฺตสฺส, ชาติสมฺปนฺนสีลวนฺตานํ อฺตรสฺสา’’ติ. โส จินฺเตนฺโตปิ อชานิตฺวา ‘‘อิมํ การณํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ชานิสฺสติ, ตํ ปุจฺฉิตฺวา เอเตสํ อนฺตเร อนุจฺฉวิกสฺส ทสฺสามี’’ติ คนฺธมาลาทีนิ คาหาเปตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺโน อาทิโต ปฏฺาย ตมตฺถํ อาโรเจตฺวา ‘‘ภนฺเต, อิเมสุ จตูสุ ชเนสุ กสฺส ทาตุํ วฏฺฏตี’’ติ ปุจฺฉิ. สตฺถา ‘‘ปุพฺเพปิ ปณฺฑิตา เอตํ ปฺหํ กถยึสุ, ภวสงฺเขปคตตฺตา ปน สลฺลกฺเขตุํ น สกฺโกสี’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ สิปฺปํ อุคฺคณฺหิตฺวา อาคนฺตฺวา พาราณสิยํ ทิสาปาโมกฺโข อาจริโย อโหสิ. อเถกสฺส พฺราหฺมณสฺส จตสฺโส ธีตโร อเหสุํ, ตา เอวเมว จตฺตาโร ชนา ปตฺถยึสุ. พฺราหฺมโณ ‘‘กสฺส นุ โข ทาตพฺพา’’ติ อชานนฺโต ‘‘อาจริยํ ปุจฺฉิตฺวา ทาตพฺพยุตฺตกสฺส ทสฺสามี’’ติ ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ตมตฺถํ ปุจฺฉนฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘สรีรทพฺยํ ¶ วุฑฺฒพฺยํ, โสชจฺจํ สาธุสีลิยํ;
พฺราหฺมณํ เตว ปุจฺฉาม, กนฺนุ เตสํ วนิมฺหเส’’ติ.
ตตฺถ ¶ ‘‘สรีรทพฺย’’นฺติอาทีหิ เตสํ จตุนฺนํ วิชฺชมาเน คุเณ ปกาเสติ. อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย – ธีตโร เม จตฺตาโร ชนา ปตฺเถนฺติ, เตสุ เอกสฺส สรีรทพฺยมตฺถิ, สรีรสมฺปทา อภิรูปภาโว สํวิชฺชติ. เอกสฺส วุฑฺฒพฺยํ วุฑฺฒิภาโว มหลฺลกตา อตฺถิ. เอกสฺส โสชจฺจํ สุชาติตา ชาติสมฺปทา อตฺถิ. ‘‘สุชจฺจ’’นฺติปิ ปาโ. เอกสฺส สาธุสีลิยํ สุนฺทรสีลภาโว ¶ สีลสมฺปทา อตฺถิ. พฺราหฺมณํ เตว ปุจฺฉามาติ เตสุ อสุกสฺส นาเมตา ทาตพฺพาติ อชานนฺตา มยํ ภวนฺตํ พฺราหฺมณฺเว ปุจฺฉาม. กนฺนุ เตสํ วนิมฺหเสติ เตสํ จตุนฺนํ ชนานํ กํ วนิมฺหเส, กํ อิจฺฉาม, กสฺส ตา กุมาริกา ททามาติ ปุจฺฉติ.
ตํ สุตฺวา อาจริโย ‘‘รูปสมฺปทาทีสุ วิชฺชมานาสุปิ วิปนฺนสีโล คารยฺโห, ตสฺมา ตํ นปฺปมาณํ, อมฺหากํ สีลวนฺตภาโว รุจฺจตี’’ติ อิมมตฺถํ ปกาเสนฺโต ทุติยํ คาถมาห –
‘‘อตฺโถ อตฺถิ สรีรสฺมึ, วุฑฺฒพฺยสฺส นโม กเร;
อตฺโถ อตฺถิ สุชาตสฺมึ, สีลํ อสฺมาก รุจฺจตี’’ติ.
ตตฺถ อตฺโถ อตฺถิ สรีรสฺมินฺติ รูปสมฺปนฺเน สรีเรปิ อตฺโถ วิเสโส วุทฺธิ อตฺถิเยว, ‘‘นตฺถี’’ติ น วทามิ. วุฑฺฒพฺยสฺส นโม กเรติ วุฑฺฒภาวสฺส ปน นมกฺการเมว กโรมิ. วุฑฺฒภาโว หิ วนฺทนมานนํ ลภติ. อตฺโถ อตฺถิ สุชาตสฺมินฺติ สุชาเตปิ ปุริเส วุฑฺฒิ อตฺถิ, ชาติสมฺปตฺติปิ อิจฺฉิตพฺพาเยว. สีลํ อสฺมาก รุจฺจตีติ อมฺหากํ ปน สีลเมว รุจฺจติ. สีลวา หิ อาจารสมฺปนฺโน สรีรทพฺยวิรหิโตปิ ปุชฺโช ปาสํโสติ. พฺราหฺมโณ ตสฺส วจนํ สุตฺวา สีลวนฺตสฺเสว ธีตโร อทาสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – สจฺจปริโยสาเน พฺราหฺมโณ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ‘‘ตทา พฺราหฺมโณ อยเมว พฺราหฺมโณ อโหสิ, ทิสาปาโมกฺโข อาจริโย ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
สาธุสีลชาตกวณฺณนา ทสมา.
รุหกวคฺโค ปฺจโม.
ตสฺสุทฺทานํ –
รุหกํ ¶ สิริกาฬกํ, ปทุมํ มณิโจรกํ;
ปพฺพตูปตฺถรวลาหํ, มิตฺตามิตฺตฺจ ราธฺจ;
คหปติ สาธุสีลํ.
๖. นตํทฬฺหวคฺโค
[๒๐๑] ๑. พนฺธนาคารชาตกวณฺณนา
น ¶ ¶ ตํ ทฬฺหํ พนฺธนมาหุ ธีราติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต พนฺธนาคารํ อารพฺภ กเถสิ. ตสฺมึ กิร กาเล พหู สนฺธิจฺเฉทกปนฺถฆาตกโจเร อาเนตฺวา โกสลรฺโ ทสฺเสสุํ. เต ราชา อทฺทุพนฺธนรชฺชุพนฺธนสงฺขลิกพนฺธเนหิ พนฺธาเปสิ. ตึสมตฺตา ชานปทา ภิกฺขู สตฺถารํ ทฏฺุกามา อาคนฺตฺวา ทิสฺวา วนฺทิตฺวา ปุนทิวเส ปิณฺฑาย จรนฺตา พนฺธนาคารํ คนฺตฺวา เต โจเร ทิสฺวา ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺตา สายนฺหสมเย ตถาคตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ภนฺเต, อชฺช อมฺเหหิ ปิณฺฑาย จรนฺเตหิ พนฺธนาคาเร พหู โจรา อทฺทุพนฺธนาทีหิ พทฺธา มหาทุกฺขํ อนุภวนฺตา ทิฏฺา, เต ตานิ พนฺธนานิ ฉินฺทิตฺวา ปลายิตุํ น สกฺโกนฺติ, อตฺถิ นุ โข เตหิ พนฺธเนหิ ถิรตรํ นาม อฺํ พนฺธน’’นฺติ ปุจฺฉึสุ. สตฺถา ‘‘ภิกฺขเว, กึ พนฺธนานิ นาเมตานิ, ยํ ปเนตํ ธนธฺปุตฺตทาราทีสุ ตณฺหาสงฺขาตํ กิเลสพนฺธนํ, เอตํ เอเตหิ พนฺธเนหิ สตคุเณน สหสฺสคุเณน ถิรตรํ, เอวํ มหนฺตมฺปิ ปเนตํ ทุจฺฉินฺทนิยํ พนฺธนํ โปราณกปณฺฑิตา ฉินฺทิตฺวา หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา ปพฺพชึสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต เอกสฺมึ ทุคฺคตคหปติกุเล นิพฺพตฺติ, ตสฺส วยปฺปตฺตสฺส ปิตา กาลมกาสิ. โส ภตึ กตฺวา มาตรํ โปเสสิ, อถสฺส มาตา อนิจฺฉมานสฺเสว เอกํ กุลธีตรํ เคเห กตฺวา อปรภาเค กาลมกาสิ. ภริยายปิสฺส กุจฺฉิยํ คพฺโภ ปติฏฺาสิ. โส คพฺภสฺส ปติฏฺิตภาวํ อชานนฺโต ‘‘ภทฺเท, ตฺวํ ภตึ กตฺวา ชีวาหิ, อหํ ปพฺพชิสฺสามี’’ติ อาห ¶ . สาปิ ‘‘คพฺโภ เม ปติฏฺิโต, มยิ ¶ วิชาตาย ทารกํ ทิสฺวา ปพฺพชิสฺสสี’’ติ อาห. โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตสฺสา วิชาตกาเล ‘‘ภทฺเท, ตฺวํ โสตฺถินา วิชาตา, อิทานาหํ ปพฺพชิสฺสามี’’ติ อาปุจฺฉิ. อถ นํ สา ‘‘ปุตฺตกสฺส ตาว ถนปานโต อปคมนกาลํ อาคเมหี’’ติ วตฺวา ปุน คพฺภํ คณฺหิ.
โส จินฺเตสิ – ‘‘อิมํ สมฺปฏิจฺฉาเปตฺวา คนฺตุํ น สกฺกา, อิมิสฺสา อนาจิกฺขิตฺวาว ปลายิตฺวา ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. โส ตสฺสา อนาจิกฺขิตฺวา รตฺถิภาเค อุฏฺาย ปลายิ. อถ นํ ¶ นครคุตฺติกา อคฺคเหสุํ. โส ‘‘อหํ, สามิ, มาตุโปสโก นาม, วิสฺสชฺเชถ ม’’นฺติ เตหิ อตฺตานํ วิสฺสชฺชาเปตฺวา เอกสฺมึ าเน วสิตฺวา อคฺคทฺวาเรเนว นิกฺขมิตฺวา หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา ฌานกีฬํ กีฬนฺโต วิหาสิ. โส ตตฺถ วสนฺโต ‘‘เอวรูปมฺปิ นาม เม ทุจฺฉินฺทนิยํ ปุตฺตทารพนฺธนํ กิเลสพนฺธนํ ฉินฺทิต’’นฺติ อุทานํ อุทาเนนฺโต อิมา คาถา อโวจ –
‘‘น ตํ ทฬฺหํ พนฺธนมาหุ ธีรา, ยทายสํ ทารุชปพฺพชฺจ;
สารตฺตรตฺตา มณิกุณฺฑเลสุ, ปุตฺเตสุ ทาเรสุ จ ยา อเปกฺขา.
‘‘เอตํ ทฬฺหํ พนฺธนมาหุ ธีรา, โอหารินํ สีถิลํ ทุปฺปมฺุจํ;
เอตมฺปิ เฉตฺวาน วชนฺติ ธีรา, อนเปกฺขิโน กามสุขํ ปหายา’’ติ.
ตตฺถ ธีราติ ธิติมนฺตา, ธิกฺกตปาปาติ ธีรา. อถ วา ธี วุจฺจติ ปฺา, ตาย ปฺาย สมนฺนาคตาติ ธีรา, พุทฺธา ปจฺเจกพุทฺธา พุทฺธสาวกา ¶ โพธิสตฺตา จ อิเม ธีรา นาม. ยทายสนฺติอาทีสุ ยํ สงฺขลิกสงฺขาตํ อยสา นิพฺพตฺตํ อายสํ, ยํ อทฺทุพนฺธนสงฺขาตํ ทารุชํ, ยฺจ ปพฺพชติเณหิ วา อฺเหิ วา วากาทีหิ รชฺชุํ กตฺวา กตรชฺชุพนฺธนํ, ตํ อายสาทึ ฉินฺทิตุํ สกฺกุเณยฺยภาเวน ธีรา ทฬฺหํ ถิรนฺติ นาหุ น กเถนฺติ. สารตฺตรตฺตาติ สารตฺตา หุตฺวา รตฺตา, พลวราครตฺตาติ อตฺโถ. มณิกุณฺฑเลสูติ มณีสุ จ กุณฺฑเลสุ จ, มณิยุตฺเตสุ วา กุณฺฑเลสุ.
เอตํ ¶ ทฬฺหนฺติ เย มณิกุณฺฑเลสุ สารตฺตรตฺตา, เตสํ โย จ สาราโค, ยา จ เตสํ ปุตฺตทาเรสุ อเปกฺขา ตณฺหา, เอตํ กิเลสมยํ พนฺธนํ ทฬฺหํ ถิรนฺติ ธีรา อาหุ. โอหารินนฺติ อากฑฺฒิตฺวา จตูสุ อปาเยสุ ปาตนโต อวหรติ เหฏฺา หรตีติ โอหารินํ. สิถิลนฺติ พนฺธนฏฺาเน ฉวิจมฺมมํสานิ น ฉินฺทติ, โลหิตํ น นีหรติ, พนฺธนภาวมฺปิ น ชานาเปติ, ถลปถชลปถาทีสุ กมฺมานิ กาตุํ เทตีติ สิถิลํ. ทุปฺปมฺุจนฺติ ตณฺหาโลภวเสน หิ เอกวารมฺปิ อุปฺปนฺนํ กิเลสพนฺธนํ ทฏฺฏฺานโต กจฺฉโป วิย ทุมฺโมจยํ โหตีติ ทุปฺปมฺุจํ. เอตมฺปิ เฉตฺวานาติ เอตํ เอวํ ทฬฺหมฺปิ กิเลสพนฺธนํ าณขคฺเคน ฉินฺทิตฺวา อยทามานิ ฉินฺทิตฺวา มตฺตวรวารณา วิย ปฺชเร ฉินฺทิตฺวา สีหโปตกา วิย จ ธีรา วตฺถุกามกิเลสกาเม อุกฺการภูมึ วิย ชิคุจฺฉมานา อนเปกฺขิโน หุตฺวา กามสุขํ ปหาย วชนฺติ ปกฺกมนฺติ, ปกฺกมิตฺวา จ ปน หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ฌานสุเขน วีตินาเมนฺตีติ.
เอวํ ¶ โพธิสตฺโต อิมํ อุทานํ อุทาเนตฺวา อปริหีนชฺฌาโน พฺรหฺมโลกปรายโณ อโหสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน เกจิ โสตาปนฺนา, เกจิ สกทาคามิโน, เกจิ อนาคามิโน, เกจิ อรหนฺโต อเหสุํ. ‘‘ตทา มาตา มหามายา อโหสิ, ปิตา สุทฺโธทนมหาราชา, ภริยา ราหุลมาตา, ปุตฺโต ราหุโล, ปุตฺตทารํ ปหาย นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิโต ปุริโส ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
พนฺธนาคารชาตกวณฺณนา ปมา.
[๒๐๒] ๒. เกฬิสีลชาตกวณฺณนา
หํสา ¶ โกฺจา มยูรา จาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อายสฺมนฺตํ ลกุณฺฑกภทฺทิยํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิรายสฺมา พุทฺธสาสเน ปากโฏ อโหสิ ปฺาโต มธุรสฺสโร มธุรธมฺมกถิโก ปฏิสมฺภิทาปฺปตฺโต มหาขีณาสโว อสีติยา มหาเถรานํ อนฺตโร ¶ ปมาเณน โอมโก ลกุณฺฑโก สามเณโร วิย, ขุทฺทโก กีฬนตฺถาย กโต วิย. ตสฺมึ เอกทิวสํ ตถาคตํ วนฺทิตฺวา เชตวนโกฏฺกํ คเต ชนปทา ตึสมตฺตา ภิกฺขู ‘‘ทสพลํ วนฺทิสฺสามา’’ติ เชตวนํ ปวิสนฺตา วิหารโกฏฺเก เถรํ ทิสฺวา ‘‘สามเณโร เอโส’’ติ สฺาย เถรํ จีวรกณฺเณ คณฺหนฺตา หตฺเถ คณฺหนฺตา สีสํ คณฺหนฺตา นาสาย ปรามสนฺตา กณฺเณสุ คเหตฺวา จาเลตฺวา หตฺถกุกฺกุจฺจํ กตฺวา ปตฺตจีวรํ ปฏิสาเมตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา นิสีทิตฺวา สตฺถารา มธุรปฏิสนฺถาเร กเต ปุจฺฉึสุ – ‘‘ภนฺเต, ลกุณฺฑกภทฺทิยตฺเถโร กิร นาเมโก ตุมฺหากํ สาวโก มธุรธมฺมกถิโก อตฺถิ, กหํ โส อิทานี’’ติ. ‘‘กึ ปน, ภิกฺขเว, ทฏฺุกามตฺถา’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘ยํ, ภิกฺขเว, ตุมฺเห ทฺวารโกฏฺเก ทิสฺวา จีวรกณฺณาทีสุ คณฺหนฺตา หตฺถกุกฺกุจฺจํ กตฺวา อาคตา, เอส โส’’ติ. ‘‘ภนฺเต, เอวรูโป ปตฺถิตปตฺถโน อภินีหารสมฺปนฺโน สาวโก กึการณา อปฺเปสกฺโข ชาโต’’ติ? สตฺถา ‘‘อตฺตนา กตปาปกมฺมํ นิสฺสายา’’ติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต สกฺโก เทวราชา อโหสิ. ตทา พฺรหฺมทตฺตสฺส ชิณฺณํ ชราปฺปตฺตํ หตฺถึ วา อสฺสํ วา โคณํ วา ทสฺเสตุํ น สกฺกา, เกฬิสีโล หุตฺวา ตถารูปํ ทิสฺวาว อนุพนฺธาเปติ, ชิณฺณสกฏมฺปิ ทิสฺวา ภินฺทาเปติ, ชิณฺณมาตุคาเม ทิสฺวา ปกฺโกสาเปตฺวา อุทเร ปหราเปตฺวา ปาตาเปตฺวา ปุน อุฏฺาเปตฺวา ภายาเปติ ¶ , ชิณฺณปุริเส ทิสฺวา ลงฺฆเก วิย ภูมิยํ สํปริวตฺตกาทิกีฬํ กีฬาเปติ, อปสฺสนฺโต ‘‘อสุกฆเร กิร มหลฺลโก อตฺถี’’ติ สุตฺวาปิ ¶ ปกฺโกสาเปตฺวา กีฬติ. มนุสฺสา ลชฺชนฺตา อตฺตโน มาตาปิตโร ติโรรฏฺานิ เปเสนฺติ, มาตุปฏฺานธมฺโม ปิตุปฏฺานธมฺโม ปจฺฉิชฺชิ, ราชเสวกาปิ เกฬิสีลาว อเหสุํ. มตมตา จตฺตาโร อปาเย ปูเรนฺติ, เทวปริสา ปริหายติ.
สกฺโก อภินเว เทวปุตฺเต อปสฺสนฺโต ‘‘กึ นุ โข การณ’’นฺติ อาวชฺเชนฺโต ตํ การณํ ตฺวา ‘‘ทเมสฺสามิ น’’นฺติ มหลฺลกวณฺณํ อภินิมฺมินิตฺวา ชิณฺณยานเก ทฺเว ตกฺกจาฏิโย อาโรเปตฺวา ทฺเว ชรโคเณ ¶ โยเชตฺวา เอกสฺมึ ฉณทิวเส อลงฺกตหตฺถึ อภิรุหิตฺวา พฺรหฺมทตฺเต อลงฺกตนครํ ปทกฺขิณํ กโรนฺเต ปิโลติกนิวตฺโถ ตํ ยานกํ ปาเชนฺโต รฺโ อภิมุโข อคมาสิ. ราชา ชิณฺณยานกํ ทิสฺวา ‘‘เอตํ ยานกํ อปเนถา’’ติ วทติ. มนุสฺสา ‘‘กหํ, เทว, น ปสฺสามา’’ติ อาหํสุ. สกฺโก อตฺตโน อานุภาเวน รฺโเยว ทสฺเสสิ. อถ นํ พหุสมฺปตฺเต ตสฺมึ ตสฺส อุปริภาเคน ปาเชนฺโต รฺโ มตฺถเก เอกํ จาฏึ ภินฺทิตฺวา นิวตฺตาเปนฺโต ทุติยํ ภินฺทิ. อถสฺส สีสโต ปฏฺาย อิโต จิโต จ ตกฺกํ ปคฺฆรติ, โส เตน อฏฺฏียติ หรายติ ชิคุจฺฉติ. อถสฺส ตํ อุปทฺทุตภาวํ ตฺวา สกฺโก ยานกํ อนฺตรธาเปตฺวา สกฺกตฺตภาวํ มาเปตฺวา วชิรหตฺโถ อากาเส ตฺวา ‘‘ปาป อธมฺมิกราช, กึ ตฺวํ มหลฺลโก น ภวิสฺสสิ, ตว สรีรํ ชรา น ปหริสฺสติ, เกฬิสีโล หุตฺวา วุฑฺเฒ วิเหนกมฺมํ กโรสิ, เอกกํ ตํ นิสฺสาย เอตํ กมฺมํ กตฺวา มตมตา อปาเย ปริปูเรนฺติ, มนุสฺสา มาตาปิตโร ปฏิชคฺคิตุํ น ลภนฺติ. สเจ อิมมฺหา กมฺมา น วิรมิสฺสสิ, วชิเรน เต สีสํ ปทาเลสฺสามิ, มา อิโต ปฏฺาเยตํ กมฺมํ อกตฺถา’’ติ สนฺตชฺเชตฺวา มาตาปิตูนํ คุณํ กเถตฺวา วุฑฺฒาปจายิกกมฺมสฺส อานิสํสํ ปกาเสตฺวา โอวทิตฺวา สกฏฺานเมว อคมาสิ. ราชา ตโต ปฏฺาย ตถารูปํ กมฺมํ กาตุํ จิตฺตมฺปิ น อุปฺปาเทสิ.
สตฺถา ¶ อิมํ อตีตํ อาหริตฺวา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา อิมา คาถา อโวจ –
‘‘หํสา โกฺจา มยูรา จ, หตฺถโย ปสทา มิคา;
สพฺเพ สีหสฺส ภายนฺติ, นตฺถิ กายสฺมิ ตุลฺยตา.
‘‘เอวเมว ¶ มนุสฺเสสุ, ทหโร เจปิ ปฺวา;
โส หิ ตตฺถ มหา โหติ, เนว พาโล สรีรวา’’ติ.
ตตฺถ ปสทา มิคาติ ปสทสงฺขาตา มิคา, ปสทา มิคา จ อวเสสา มิคา จาติปิ อตฺโถ. ‘‘ปสทมิคา’’ติปิ ปาโ, ปสทา มิคาติ อตฺโถ. นตฺถิ กายสฺมิ ตุลฺยตาติ สรีเร ปมาณํ นาม นตฺถิ. ยทิ ภเวยฺย, มหาสรีรา หตฺถิโน เจว ปสทมิคา จ สีหํ มาเรยฺยุํ, สีโห หํสาทโย ¶ ขุทฺทกสรีเรเยว มาเรยฺย, ขุทฺทกาเยว สีหสฺส ภาเยยฺยุํ, น มหนฺตา. ยสฺมา ปเนตํ นตฺถิ, ตสฺมา สพฺเพปิ เต สีหสฺส ภายนฺติ. สรีรวาติ พาโล มหาสรีโรปิ มหา นาม น โหติ, ตสฺมา ลกุณฺฑกภทฺทิโย สรีเรน ขุทฺทโกปิ มา ตํ าเณนปิ ขุทฺทโกติ มฺิตฺถาติ อตฺโถ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน เตสุ ภิกฺขูสุ เกจิ โสตาปนฺนา, เกจิ สกทาคามิโน, เกจิ อนาคามิโน, เกจิ อรหนฺโต อเหสุํ. ‘‘ตทา ราชา ลกุณฺฑกภทฺทิโย อโหสิ, โส ตาย เกฬิสีลตาย ปเรสํ เกฬินิสฺสโย ชาโต, สกฺโก ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
เกฬิสีลชาตกวณฺณนา ทุติยา.
[๒๐๓] ๓. ขนฺธชาตกวณฺณนา
วิรูปกฺเขหิ เม เมตฺตนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. ตํ กิร ชนฺตาฆรทฺวาเร กฏฺานิ ผาเลนฺตํ ปูติรุกฺขนฺตรา นิกฺขมิตฺวา เอโก สปฺโป ปาทงฺคุลิยํ ฑํสิ, โส ตตฺเถว มโต. ตสฺส มตภาโว สกลวิหาเร ปากโฏ อโหสิ. ธมฺมสภายํ ภิกฺขู กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, อสุโก กิร ภิกฺขุ ชนฺตาฆรทฺวาเร กฏฺานิ ผาเลนฺโต สปฺเปน ทฏฺโ ตตฺเถว มโต’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย ¶ นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘สเจ โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ จตฺตาริ อหิราชกุลานิ อารพฺภ เมตฺตํ อภาวยิสฺส, น นํ สปฺโป ฑํเสยฺย. โปราณกตาปสาปิ อนุปฺปนฺเน พุทฺเธ จตูสุ อหิราชกุเลสุ เมตฺตํ ภาเวตฺวา ตานิ อหิราชกุลานิ นิสฺสาย อุปฺปชฺชนกภยโต มุจฺจึสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต ¶ ¶ พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต กาสิรฏฺเ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต กาเม ปหาย อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา หิมวนฺตปเทเส เอกสฺมึ คงฺคานิวตฺตเน อสฺสมปทํ มาเปตฺวา ฌานกีฬํ กีฬนฺโต อิสิคณปริวุโต วิหาสิ. ตทา คงฺคาตีเร นานปฺปการา ทีฆชาติกา อิสีนํ ปริปนฺถํ กโรนฺติ, เยภุยฺเยน อิสโย ชีวิตกฺขยํ ปาปุณนฺติ. ตาปสา ตมตฺถํ โพธิสตฺตสฺส อาโรเจสุํ. โพธิสตฺโต สพฺเพ ตาปเส สนฺนิปาตาเปตฺวา ‘‘สเจ ตุมฺเห จตูสุ อหิราชกุเลสุ เมตฺตํ ภาเวยฺยาถ, น โว สปฺปา ฑํเสยฺยุํ, ตสฺมา อิโต ปฏฺาย จตูสุ อหิราชกุเลสุ เอวํ เมตฺตํ ภาเวถา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘วิรูปกฺเขหิ เม เมตฺตํ, เมตฺตํ เอราปเถหิ เม;
ฉพฺยาปุตฺเตหิ เม เมตฺตํ, เมตฺตํ กณฺหาโคตมเกหิ จา’’ติ.
ตตฺถ วิรูปกฺเขหิ เม เมตฺตนฺติ วิรูปกฺขนาคราชกุเลหิ สทฺธึ มยฺหํ เมตฺตํ. เอราปถาทีสุปิ เอเสว นโย. เอตานิปิ หิ เอราปถนาคราชกุลํ ฉพฺยาปุตฺตนาคราชกุลํ กณฺหาโคตมกนาคราชกุลนฺติ นาคราชกุลาเนว.
เอวํ จตฺตาริ นาคราชกุลานิ ทสฺเสตฺวา ‘‘สเจ ตุมฺเห เอเตสุ เมตฺตํ ภาเวตุํ สกฺขิสฺสถ, ทีฆชาติกา โว น ฑํสิสฺสนฺติ น วิเหเสฺสนฺตี’’ติ วตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘อปาทเกหิ ¶ เม เมตฺตํ, เมตฺตํ ทฺวิปาทเกหิ เม;
จตุปฺปเทหิ เม เมตฺตํ, เมตฺตํ พหุปฺปเทหิ เม’’ติ.
ตตฺถ ปมปเทน โอทิสฺสกํ กตฺวา สพฺเพสุ อปาทเกสุ ทีฆชาติเกสุ เจว มจฺเฉสุ จ เมตฺตาภาวนา ทสฺสิตา, ทุติยปเทน มนุสฺเสสุ เจว ปกฺขิชาเตสุ จ, ตติยปเทน หตฺถิอสฺสาทีสุ สพฺพจตุปฺปเทสุ, จตุตฺถปเทน วิจฺฉิกสตปทิอุจฺจาลิงฺคปาณกมกฺกฏกาทีสุ.
เอวํ สรูเปน เมตฺตาภาวนํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อายาจนวเสน ทสฺเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘มา มํ อปาทโก หึสิ, มา มํ หึสิ ทฺวิปาทโก;
มา มํ จตุปฺปโท หึสิ, มา มํ หึสิ พหุปฺปโท’’ติ.
ตตฺถ ¶ ¶ มา มนฺติ เอเตสุ อปาทกาทีสุ โกจิ เอโกปิ มา มํ หึสตุ, มา วิเหเตูติ เอวํ อายาจนฺตา เมตฺตํ ภาเวถาติ อตฺโถ.
อิทานิ อโนทิสฺสกวเสน เมตฺตาภาวนํ ทสฺเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘สพฺเพ สตฺตา สพฺเพ ปาณา, สพฺเพ ภูตา จ เกวลา;
สพฺเพ ภทฺรานิ ปสฺสนฺตุ, มา กฺจิ ปาปมาคมา’’ติ.
ตตฺถ ตณฺหาทิฏฺิวเสน วฏฺเฏ ปฺจสุ ขนฺเธสุ อาสตฺตา วิสตฺตา ลคฺคา ลคฺคิตาติ สตฺตา, อสฺสาสปสฺสาสปวตฺตนสงฺขาเตน ปาณนวเสน ปาณา, ภูตภาวิตนิพฺพตฺตนวเสน ภูตาติ เอวํ วจนมตฺตวิเสโส เวทิตพฺโพ. อวิเสเสน ปน สพฺพานิเปตานิ ปทานิ สพฺพสตฺตสงฺคาหกาเนว. เกวลาติ สกลา. อิทํ สพฺพสทฺทสฺเสว หิ ปริยายวจนํ. ภทฺรานิ ปสฺสนฺตูติ สพฺเพเปเต สตฺตา ภทฺรานิ สาธูนิ กลฺยาณาเนว ปสฺสนฺตุ. มา กฺจิ ปาปมาคมาติ เอเตสุ กฺจิ เอกํ สตฺตมฺปิ ปาปํ ลามกํ ทุกฺขํ มา อาคมา, มา อาคจฺฉตุ มา ปาปุณาตุ, สพฺเพ อเวรา อพฺยาปชฺชา สุขี นิทฺทุกฺขา โหนฺตูติ.
เอวํ ¶ ‘‘สพฺพสตฺเตสุ อโนทิสฺสกวเสน เมตฺตํ ภาเวถา’’ติ วตฺวา ปุน ติณฺณํ รตนานํ คุเณ อนุสฺสราเปตุํ –
‘‘อปฺปมาโณ พุทฺโธ, อปฺปมาโณ ธมฺโม;
อปฺปมาโณ สงฺโฆ’’ติ อาห.
ตตฺถ ปมาณกรานํ กิเลสานํ อภาเวน คุณานฺจ ปมาณาภาเวน พุทฺธรตนํ อปฺปมาณํ. ธมฺโมติ นววิโธ โลกุตฺตรธมฺโม. ตสฺสปิ ปมาณํ กาตุํ น สกฺกาติ อปฺปมาโณ. เตน อปฺปมาเณน ธมฺเมน สมนฺนาคตตฺตา สงฺโฆปิ อปฺปมาโณ.
อิติ โพธิสตฺโต ‘‘อิเมสํ ติณฺณํ รตนานํ คุเณ อนุสฺสรถา’’ติ วตฺวา ติณฺณํ รตนานํ อปฺปมาณคุณตํ ทสฺเสตฺวา สปฺปมาเณ สตฺเต ทสฺเสตุํ –
‘‘ปมาณวนฺตานิ ¶ ¶ สรีสปานิ, อหิ วิจฺฉิก สตปที;
อุณฺณนาภิ สรพู มูสิกา’’ติ อาห.
ตตฺถ สรีสปานีติ สปฺปทีฆชาติกานํ นามํ. เต หิ สรนฺตา คจฺฉนฺติ, สิเรน วา สปนฺตีติ สรีสปา. ‘‘อหี’’ติอาทิ เตสํ สรูปโต นิทสฺสนํ. ตตฺถ อุณฺณนาภีติ มกฺกฏโก. ตสฺส หิ นาภิโต อุณฺณาสทิสํ สุตฺตํ นิกฺขมติ, ตสฺมา ‘‘อุณฺณนาภี’’ติ วุจฺจติ. สรพูติ ฆรโคฬิกา.
อิติ โพธิสตฺโต ‘‘ยสฺมา เอเตสํ อนฺโตราคาทโย ปมาณกรา ธมฺมา อตฺถิ, ตสฺมา ตานิ สรีสปาทีนิ ปมาณวนฺตานี’’ติ ทสฺเสตฺวา ‘‘อปฺปมาณานํ ติณฺณํ รตนานํ อานุภาเวน อิเม ปมาณวนฺตา สตฺตา รตฺตินฺทิวํ ปริตฺตกมฺมํ กโรนฺตูติ เอวํ ติณฺณํ รตนานํ คุเณ อนุสฺสรถา’’ติ วตฺวา ตโต อุตฺตริ กตฺตพฺพํ ทสฺเสตุํ อิมํ คาถมาห –
‘‘กตา เม รกฺขา กตา เม ปริตฺตา, ปฏิกฺกมนฺตุ ภูตานิ;
โสหํ นโม ภควโต, นโม สตฺตนฺนํ สมฺมาสมฺพุทฺธาน’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ กตา เม รกฺขาติ มยา รตนตฺตยคุเณ อนุสฺสรนฺเตน อตฺตโน รกฺขา คุตฺติ กตา. กตา เม ปริตฺตาติ ปริตฺตาณมฺปิ เม อตฺตโน กตํ. ปฏิกฺกมนฺตุ ภูตานีติ มยิ อหิตชฺฌาสยานิ ภูตานิ ปฏิกฺกมนฺตุ อปคจฺฉนฺตุ. โสหํ นโม ภควโตติ โส อหํ เอวํ กตปริตฺโต อตีตสฺส ปรินิพฺพุตสฺส สพฺพสฺสปิ พุทฺธสฺส ภควโต นโม กโรมิ. นโม สตฺตนฺนํ สมฺมาสมฺพุทฺธานนฺติ วิเสเสน ปน อตีเต ปฏิปาฏิยา ปรินิพฺพุตานํ สตฺตนฺนํ สมฺมาสมฺพุทฺธานํ นโม กโรมีติ.
เอวํ ‘‘นมกฺการํ กโรนฺตาปิ สตฺต พุทฺเธ อนุสฺสรถา’’ติ โพธิสตฺโต อิสิคณสฺส อิมํ ปริตฺตํ พนฺธิตฺวา อทาสิ. อาทิโต ปน ปฏฺาย ทฺวีหิ คาถาหิ จตูสุ อหิราชกุเลสุ เมตฺตาย ทีปิตตฺตา โอทิสฺสกาโนทิสฺสกวเสน วา ทฺวินฺนํ เมตฺตาภาวนานํ ทีปิตตฺตา อิทํ ปริตฺตํ อิธ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ, อฺํ วา การณํ ปริเยสิตพฺพํ. ตโต ปฏฺาย อิสิคโณ โพธิสตฺตสฺส โอวาเท ตฺวา เมตฺตํ ภาเวสิ, พุทฺธคุเณ อนุสฺสริ. เอวเมเตสุ ¶ พุทฺธคุเณ อนุสฺสรนฺเตสุเยว สพฺเพ ทีฆชาติกา ปฏิกฺกมึสุ. โพธิสตฺโตปิ พฺรหฺมวิหาเร ภาเวตฺวา พฺรหฺมโลกปรายโณ อโหสิ.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา อิสิคโณ พุทฺธปริสา อโหสิ, คณสตฺถา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
ขนฺธชาตกวณฺณนา ตติยา.
[๒๐๔] ๔. วีรกชาตกวณฺณนา
อปิ วีรก ปสฺเสสีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สุคตาลยํ อารพฺภ กเถสิ. เทวทตฺตสฺส ปริสํ คเหตฺวา อาคเตสุ หิ เถเรสุ สตฺถา ‘‘สาริปุตฺต, เทวทตฺโต ตุมฺเห ทิสฺวา กึ อกาสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สุคตาลยํ, ภนฺเต, ทสฺเสสี’’ติ วุตฺเต ‘‘น โข, สาริปุตฺต, อิทาเนว เทวทตฺโต มม อนุกิริยํ กโรนฺโต วินาสํ ปตฺโต, ปุพฺเพปิ วินาสํ ปาปุณี’’ติ วตฺวา เถเรน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต ¶ พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต หิมวนฺตปเทเส อุทกกากโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา เอกํ สรํ อุปนิสฺสาย วสิ, ‘‘วีรโก’’ติสฺส นามํ อโหสิ. ตทา กาสิรฏฺเ ทุพฺภิกฺขํ อโหสิ, มนุสฺสา กากภตฺตํ วา ทาตุํ ยกฺขนาคพลิกมฺมํ วา กาตุํ นาสกฺขึสุ. ฉาตกรฏฺโต กากา เยภุยฺเยน อรฺํ ปวิสึสุ. ตตฺเถโก พาราณสิวาสี สวิฏฺโก นาม กาโก กากึ อาทาย วีรกสฺส วสนฏฺานํ คนฺตฺวา ตํ สรํ นิสฺสาย เอกมนฺเต วาสํ กปฺเปสิ. โส เอกทิวสํ ตสฺมึ สเร โคจรํ คณฺหนฺโต วีรกํ สรํ โอตริตฺวา มจฺเฉ ขาทิตฺวา ปจฺจุตฺตริตฺวา สรีรํ สุกฺขาเปนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อิมํ อุทกกากํ นิสฺสาย สกฺกา พหู มจฺเฉ ลทฺธุํ, อิมํ อุปฏฺหิสฺสามี’’ติ ตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘กึ, สมฺมา’’ติ วุตฺเต ‘‘อิจฺฉามิ ตํ สามิ อุปฏฺหิตุ’’นฺติ วตฺวา ‘‘สาธู’’ติ เตน สมฺปฏิจฺฉิโต ตโต ปฏฺาย อุปฏฺาสิ. วีรโกปิ ตโต ปฏฺาย อตฺตโน ยาปนมตฺตํ ขาทิตฺวา มจฺเฉ อุทฺธริตฺวา สวิฏฺกสฺส เทติ. โสปิ อตฺตโน ยาปนมตฺตํ ขาทิตฺวา เสสํ กากิยา เทติ.
ตสฺส ¶ อปรภาเค มาโน อุปฺปชฺชิ – ‘‘อยมฺปิ อุทกกาโก กาฬโก, อหมฺปิ กาฬโก, อกฺขิตุณฺฑปาเทหิปิ เอตสฺส จ มยฺหฺจ นานากรณํ นตฺถิ, อิโต ปฏฺาย อิมินา คหิตมจฺเฉหิ มยฺหํ กมฺมํ นตฺถิ, อหเมว คณฺหิสฺสามี’’ติ. โส วีรกํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘สมฺม, อิโต ปฏฺาย อหเมว สรํ โอตริตฺวา มจฺเฉ คณฺหิสฺสามี’’ติ วตฺวา ‘‘น ตฺวํ, สมฺม, อุทกํ โอตริตฺวา มจฺเฉ คณฺหนกกุเล นิพฺพตฺโต, มา นสฺสี’’ติ เตน วาริยมาโนปิ วจนํ อนาทิยิตฺวา ¶ สรํ โอรุยฺห อุทกํ ปวิสิตฺวา อุมฺมุชฺชมาโน เสวาลํ ฉินฺทิตฺวา นิกฺขมิตุํ นาสกฺขิ, เสวาลนฺตเร ลคฺคิ, อคฺคตุณฺฑเมว ปฺายิ. โส นิรสฺสาโส อนฺโตอุทเกเยว ¶ ชีวิตกฺขยํ ปาปุณิ. อถสฺส ภริยา อาคมนํ อปสฺสมานา ตํ ปวตฺตึ ชานนตฺถํ วีรกสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘สามิ, สวิฏฺโก น ปฺายติ, กหํ นุ โข โส’’ติ ปุจฺฉมานา ปมํ คาถมาห –
‘‘อปิ วีรก ปสฺเสสิ, สกุณํ มฺชุภาณกํ;
มยูรคีวสงฺกาสํ, ปตึ มยฺหํ สวิฏฺก’’นฺติ.
ตตฺถ อปิ, วีรก, ปสฺเสสีติ, สามิ วีรก, อปิ ปสฺสสิ. มฺชุภาณกนฺติ มฺชุภาณินํ. สา หิ ราควเสน ‘‘มธุรสฺสโร เม ปตี’’ติ มฺติ, ตสฺมา เอวมาห. มยูรคีวสงฺกาสนฺติ โมรคีวสมานวณฺณํ.
ตํ สุตฺวา วีรโก ‘‘อาม, ชานามิ เต สามิกสฺส คตฏฺาน’’นฺติ วตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘อุทกถลจรสฺส ปกฺขิโน, นิจฺจํ อามกมจฺฉโภชิโน;
ตสฺสานุกรํ สวิฏฺโก, เสวาเล ปลิคุณฺิโต มโต’’ติ.
ตตฺถ อุทกถลจรสฺสาติ อุทเก จ ถเล จ จริตุํ สมตฺถสฺส. ปกฺขิโนติ อตฺตานํ สนฺธาย วทติ. ตสฺสานุกรนฺติ ตสฺส อนุกโรนฺโต. เสวาเล ปลิคุณฺิโต มโตติ อุทกํ ปวิสิตฺวา เสวาลํ ฉินฺทิตฺวา นิกฺขมิตุํ อสกฺโกนฺโต เสวาลปริโยนทฺโธ อนฺโตอุทเกเยว มโต, ปสฺส, เอตสฺส ตุณฺฑํ ทิสฺสตีติ. ตํ สุตฺวา กากี ปริเทวิตฺวา พาราณสิเมว อคมาสิ.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา สวิฏฺโก เทวทตฺโต อโหสิ, วีรโก ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
วีรกชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.
[๒๐๕] ๕. คงฺเคยฺยชาตกวณฺณนา
โสภติ ¶ ¶ มจฺโฉ คงฺเคยฺโยติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ทฺเว ทหรภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ. เต กิร สาวตฺถิวาสิโน กุลปุตฺตา สาสเน ปพฺพชิตฺวา อสุภภาวนํ อนุนุยฺุชิตฺวา รูปปสํสกา หุตฺวา รูปํ อุปลาเฬนฺตา วิจรึสุ. เต เอกทิวสํ ‘‘ตฺวํ น โสภสิ, อหํ โสภามี’’ติ รูปํ นิสฺสาย อุปฺปนฺนวิวาทา อวิทูเร นิสินฺนํ เอกํ มหลฺลกตฺเถรํ ทิสฺวา ‘‘เอโส อมฺหากํ โสภนภาวํ วา อโสภนภาวํ วา ชานิสฺสตี’’ติ ตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ภนฺเต, โก อมฺเหสุ โสภโน’’ติ ปุจฺฉึสุ. โส ‘‘อาวุโส, ตุมฺเหหิ อหเมว โสภนตโร’’ติ อาห. ทหรา ‘‘อยํ มหลฺลโก อมฺเหหิ ปุจฺฉิตํ อกเถตฺวา อปุจฺฉิตํ กเถตี’’ติ ตํ ปริภาสิตฺวา ปกฺกมึสุ. สา เตสํ กิริยา ภิกฺขุสงฺเฆ ปากฏา ชาตา. อเถกทิวสํ ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, อสุโก มหลฺลโก เถโร กิร เต รูปนิสฺสิตเก ทหเร ลชฺชาเปสี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิเม ทฺเว ทหรา อิทาเนว รูปปสํสกา, ปุพฺเพเปเต รูปเมว อุปลาเฬนฺตา วิจรึสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต คงฺคาตีเร รุกฺขเทวตา อโหสิ. ตทา คงฺคายมุนานํ สมาคมฏฺาเน คงฺเคยฺโย จ ยามุเนยฺโย จ ทฺเว มจฺฉา ‘‘อหํ โสภามิ, ตฺวํ น โสภสี’’ติ รูปํ นิสฺสาย วิวทมานา อวิทูเร คงฺคาตีเร กจฺฉปํ นิปนฺนํ ทิสฺวา ‘‘เอโส อมฺหากํ โสภนภาวํ วา อโสภนภาวํ วา ชานิสฺสตี’’ติ ตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘กึ นุ โข, สมฺม กจฺฉป, คงฺเคยฺโย โสภติ, อุทาหุ ยามุเนยฺโย’’ติ ปุจฺฉึสุ. กจฺฉโป ‘‘คงฺเคยฺโยปิ โสภติ ¶ , ยามุเนยฺโยปิ โสภติ, ตุมฺเหหิ ปน ทฺวีหิ อหเมว อติเรกตรํ โสภามี’’ติ อิมมตฺถํ ปกาเสนฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘โสภติ ¶ มจฺโฉ คงฺเคยฺโย, อโถ โสภติ ยามุโน;
จตุปฺปโทยํ ปุริโส, นิคฺโรธปริมณฺฑโล;
อีสกายตคีโว จ, สพฺเพว อติโรจตี’’ติ.
ตตฺถ จตุปฺปโทยนฺติ จตุปฺปโท อยํ. ปุริโสติ อตฺตานํ สนฺธาย วทติ. นิคฺโรธปริมณฺฑโลติ สุชาโต นิคฺโรโธ วิย ปริมณฺฑโล. อีสกายตคีโวติ รถีสา วิย อายตคีโว ¶ . สพฺเพว อติโรจตีติ เอวํ สณฺานสมฺปนฺโน กจฺฉโป สพฺเพว อติโรจติ, อหเมว สพฺเพ ตุมฺเห อติกฺกมิตฺวา โสภามีติ วทติ.
มจฺฉา ตสฺส กถํ หุตฺวา ‘‘อมฺโภ! ปาปกจฺฉป อมฺเหหิ ปุจฺฉิตํ อกเถตฺวา อฺเมว กเถสี’’ติ วตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘ยํ ปุจฺฉิโต น ตํ อกฺขาสิ, อฺํ อกฺขาสิ ปุจฺฉิโต;
อตฺถปฺปสํสโก โปโส, นายํ อสฺมาก รุจฺจตี’’ติ.
ตตฺถ อตฺตปฺปสํสโกติ อตฺตานํ ปสํสนสีโล อตฺตุกฺกํสโก โปโส. นายํ อสฺมาก รุจฺจตีติ อยํ ปาปกจฺฉโป อมฺหากํ น รุจฺจติ น ขมตีติ กจฺฉปสฺส อุปริ อุทกํ ขิปิตฺวา สกฏฺานเมว คมึสุ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ทฺเว มจฺฉา ทฺเว ทหรภิกฺขู อเหสุํ, กจฺฉโป มหลฺลโก, อิมสฺส การณสฺส ปจฺจกฺขการิกา คงฺคาตีเร นิพฺพตฺตรุกฺขเทวตา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
คงฺเคยฺยชาตกวณฺณนา ปฺจมา.
[๒๐๖] ๖. กุรุงฺคมิคชาตกวณฺณนา
อิงฺฆ วฏฺฏมยํ ปาสนฺติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เทวทตฺตํ อารพฺภ กเถสิ. ตทา หิ สตฺถา ‘‘เทวทตฺโต วธาย ปริสกฺกตี’’ติ สุตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, เทวทตฺโต อิทาเนว มยฺหํ วธาย ปริสกฺกติ, ปุพฺเพปิ ปริสกฺกิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต ¶ ¶ พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต กุรุงฺคมิโค หุตฺวา อรฺเ เอกสฺส สรสฺส อวิทูเร เอกสฺมึ คุมฺเพ วาสํ กปฺเปสิ. ตสฺเสว สรสฺส อวิทูเร เอกสฺมึ รุกฺขคฺเค สตปตฺโต, สรสฺมึ ปน กจฺฉโป วาสํ กปฺเปสิ. เอวํ เต ตโยปิ สหายกา อฺมฺํ ปิยสํวาสํ วสึสุ. อเถโก มิคลุทฺทโก อรฺเ จรนฺโต ปานียติตฺเถ โพธิสตฺตสฺส ปทวลฺชํ ทิสฺวา โลหนิคฬสทิสํ วฏฺฏมยํ ปาสํ โอฑฺเฑตฺวา อคมาสิ. โพธิสตฺโต ปานียํ ปาตุํ ¶ อาคโต ปมยาเมเยว ปาเส พชฺฌิตฺวา พทฺธรวํ รวิ. ตสฺส เตน สทฺเทน รุกฺขคฺคโต สตปตฺโต อุทกโต จ กจฺฉโป อาคนฺตฺวา ‘‘กึ นุ โข กาตพฺพ’’นฺติ มนฺตยึสุ. อถ สตปตฺโต กจฺฉปํ อามนฺเตตฺวา ‘‘สมฺม, ตว ทนฺตา อตฺถิ, ตฺวํ อิมํ ปาสํ ฉินฺท, อหํ คนฺตฺวา ยถา โส นาคจฺฉติ, ตถา กริสฺสามิ, เอวํ อมฺเหหิ ทฺวีหิปิ กตปรกฺกเมน สหาโย โน ชีวิตํ ลภิสฺสตี’’ติ อิมมตฺถํ ปกาเสนฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘อิงฺฆ วฏฺฏมยํ ปาสํ, ฉินฺท ทนฺเตหิ กจฺฉป;
อหํ ตถา กริสฺสามิ, ยถา เนหิติ ลุทฺทโก’’ติ.
อถ กจฺฉโป จมฺมวรตฺตํ ขาทิตุํ อารภิ, สตปตฺโต ลุทฺทกสฺส วสนคามํ คโต อวิทูเร รุกฺเข นิสีทิ. ลุทฺทโก ปจฺจูสกาเลเยว สตฺตึ คเหตฺวา นิกฺขมิ. สกุโณ ตสฺส นิกฺขมนภาวํ ตฺวา วสฺสิตฺวา ปกฺเข ปปฺโผเฏตฺวา ตํ ปุริมทฺวาเรน นิกฺขมนฺตํ มุเข ปหริ. ลุทฺโท ‘‘กาฬกณฺณินา สกุเณนมฺหิ ปหโฏ’’ติ นิวตฺติตฺวา โถกํ สยิตฺวา ปุน สตฺตึ คเหตฺวา อุฏฺาสิ. สกุโณ ‘‘อยํ ปมํ ปุริมทฺวาเรน นิกฺขนฺโต อิทานิ ปจฺฉิมทฺวาเรน นิกฺขมิสฺสตี’’ติ ตฺวา คนฺตฺวา ปจฺฉิมเคเห นิสีทิ. ลุทฺโทปิ ¶ ‘‘ปุริมทฺวาเรน เม นิกฺขนฺเตน กาฬกณฺณี สกุโณ ทิฏฺโ, อิทานิ ปจฺฉิมทฺวาเรน นิกฺขมิสฺสามี’’ติ ปจฺฉิมทฺวาเรน นิกฺขมิ, สกุโณ ปุน วสฺสิตฺวา คนฺตฺวา มุเข ปหริ. ลุทฺโท ‘‘ปุนปิ กาฬกณฺณีสกุเณน ปหโฏ, น ทานิ เม เอส นิกฺขมิตุํ เทตี’’ติ นิวตฺติตฺวา ยาว อรุณุคฺคมนา สยิตฺวา อรุณุคฺคมนเวลาย สตฺตึ คเหตฺวา นิกฺขมิ. สกุโณ เวเคน คนฺตฺวา ‘‘ลุทฺโท อาคจฺฉตี’’ติ โพธิสตฺตสฺส กเถสิ.
ตสฺมึ ¶ ขเณ กจฺฉเปน เอกเมว จมฺมวทฺธํ เปตฺวา เสสวรตฺตา ขาทิตา โหนฺติ. ทนฺตา ปนสฺส ปตนาการปฺปตฺตา ชาตา, มุขโต โลหิตํ ปคฺฆรติ. โพธิสตฺโต ลุทฺทปุตฺตํ สตฺตึ คเหตฺวา อสนิเวเคน อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ตํ วทฺธํ ฉินฺทิตฺวา วนํ ปาวิสิ, สกุโณ รุกฺขคฺเค นิสีทิ, กจฺฉโป ปน ทุพฺพลตฺตา ตตฺเถว นิปชฺชิ. ลุทฺโท กจฺฉปํ คเหตฺวา ปสิพฺพเก ปกฺขิปิตฺวา เอกสฺมึ ขาณุเก ลคฺเคสิ. โพธิสตฺโต นิวตฺติตฺวา โอโลเกนฺโต กจฺฉปสฺส คหิตภาวํ ตฺวา ‘‘สหายสฺส ชีวิตทานํ ทสฺสามี’’ติ ทุพฺพโล วิย หุตฺวา ลุทฺทสฺส อตฺตานํ ทสฺเสสิ. โส ‘‘ทุพฺพโล เอส ภวิสฺสติ, มาเรสฺสามิ น’’นฺติ สตฺตึ อาทาย อนุพนฺธิ. โพธิสตฺโต นาติทูเร นาจฺจาสนฺเน คจฺฉนฺโต ตํ อาทาย อรฺํ ปาวิสิ, ทูรํ คตภาวํ ตฺวา ปทํ วฺเจตฺวา อฺเน มคฺเคน วาตเวเคน คนฺตฺวา สิงฺเคน ปสิพฺพกํ อุกฺขิปิตฺวา ภูมิยํ ปาเตตฺวา ¶ ผาเลตฺวา กจฺฉปํ นีหริ. สตปตฺโตปิ รุกฺขา โอตริ. โพธิสตฺโต ทฺวินฺนมฺปิ โอวาทํ ททมาโน ‘‘อหํ ตุมฺเห นิสฺสาย ชีวิตํ ลภึ, ตุมฺเหหิ สหายกสฺส กตฺตพฺพํ มยฺหํ กตํ, อิทานิ ลุทฺโท อาคนฺตฺวา ตุมฺเห คณฺเหยฺย, ตสฺมา, สมฺม สตปตฺต, ตฺวํ อตฺตโน ปุตฺตเก คเหตฺวา อฺตฺถ ยาหิ, ตฺวมฺปิ, สมฺม กจฺฉป, อุทกํ ปวิสาหี’’ติ อาห. เต ตถา อกํสุ.
สตฺถา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘กจฺฉโป ¶ ปาวิสี วารึ, กุรุงฺโค ปาวิสี วนํ;
สตปตฺโต ทุมคฺคมฺหา, ทูเร ปุตฺเต อปานยี’’ติ.
ตตฺถ อปานยีติ อานยิ, คเหตฺวา อคมาสีติ อตฺโถ;
ลุทฺโทปิ ตํ านํ อาคนฺตฺวา กฺจิ อปสฺสิตฺวา ฉินฺนปสิพฺพกํ คเหตฺวา โทมนสฺสปฺปตฺโต อตฺตโน เคหํ อคมาสิ. เต ตโยปิ สหายา ยาวชีวํ วิสฺสาสํ อจฺฉินฺทิตฺวา ยถากมฺมํ คตา.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ลุทฺทโก เทวทตฺโต อโหสิ, สตปตฺโต สาริปุตฺโต, กจฺฉโป โมคฺคลฺลาโน, กุรุงฺคมิโค ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
กุรุงฺคมิคชาตกวณฺณนา ฉฏฺา.
[๒๐๗] ๗. อสฺสกชาตกวณฺณนา
อยมสฺสกราเชนาติ ¶ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปุราณทุติยิกาปโลภนํ อารพฺภ กเถสิ. โส หิ ภิกฺขุ สตฺถารา ‘‘สจฺจํ กิร, ตฺวํ ภิกฺขุ, อุกฺกณฺิโตสี’’ติ ปุฏฺโ ‘‘สจฺจ’’นฺติ วตฺวา ‘‘เกน อุกฺกณฺาปิโตสี’’ติ วุตฺเต ‘‘ปุราณทุติยิกายา’’ติ อาห. อถ นํ สตฺถา ‘‘น อิทาเนว ตสฺสา ภิกฺขุ อิตฺถิยา ตยิ สิเนโห อตฺถิ, ปุพฺเพปิ ตฺวํ ตํ นิสฺสาย มหาทุกฺขํ ปตฺโต’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต กาสิรฏฺเ ปาฏลินคเร อสฺสโก นาม ราชา รชฺชํ กาเรสิ. ตสฺส อุปรี นาม ¶ อคฺคมเหสี ปิยา อโหสิ มนาปา อภิรูปา ทสฺสนียา ปาสาทิกา อติกฺกนฺตา มานุสวณฺณํ, อปตฺตา ทิพฺพวณฺณํ. สา กาลมกาสิ, ตสฺสา กาลกิริยาย ราชา โสกาภิภูโต อโหสิ ทุกฺขี ทุมฺมโน. โส ตสฺสา สรีรํ โทณิยํ นิปชฺชาเปตฺวา เตลกลลํ ปกฺขิปาเปตฺวา เหฏฺามฺเจ ปาเปตฺวา นิราหาโร โรทมาโน ปริเทวมาโน นิปชฺชิ. มาตาปิตโร ¶ อวเสสาตกา มิตฺตามจฺจพฺราหฺมณคหปติกาทโยปิ ‘‘มา โสจิ, มหาราช, อนิจฺจา สงฺขารา’’ติอาทีนิ วทนฺตา สฺาเปตุํ นาสกฺขึสุ. ตสฺส วิลปนฺตสฺเสว สตฺต ทิวสา อติกฺกนฺตา. ตทา โพธิสตฺโต ปฺจาภิฺอฏฺสมาปตฺติลาภี ตาปโส หุตฺวา หิมวนฺตปเทเส วิหรนฺโต อาโลกํ วฑฺเฒตฺวา ทิพฺเพน จกฺขุนา ชมฺพุทีปํ โอโลเกนฺโต ตํ ราชานํ ตถา ปริเทวมานํ ทิสฺวา ‘‘เอตสฺส มยา อวสฺสเยน ภวิตพฺพ’’นฺติ อิทฺธานุภาเวน อากาเส อุปฺปติตฺวา รฺโ อุยฺยาเน โอตริตฺวา มงฺคลสิลาปฏฺเฏ กฺจนปฏิมา วิย นิสีทิ.
อเถโก ปาฏลินครวาสี พฺราหฺมณมาณโว อุยฺยานํ คโต โพธิสตฺตํ ทิสฺวา วนฺทิตฺวา นิสีทิ. โพธิสตฺโต เตน สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘กึ, มาณว, ราชา ธมฺมิโก’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, ภนฺเต, ธมฺมิโก ราชา, ภริยา ปนสฺส กาลกตา, โส ตสฺสา สรีรํ โทณิยํ ปกฺขิปาเปตฺวา วิลปมาโน นิปนฺโน, อชฺช สตฺตโม ทิวโส, กิสฺส ตุมฺเห ราชานํ เอวรูปา ทุกฺขา น โมเจถ, ยุตฺตํ นุ โข ตุมฺหาทิเสสุ สีลวนฺเตสุ สํวิชฺชมาเนสุ รฺโ เอวรูปํ ทุกฺขํ อนุภวิตุ’’นฺติ. ‘‘น โข อหํ ¶ , มาณว, ราชานํ ชานามิ, สเจ ปน โส อาคนฺตฺวา มํ ปุจฺเฉยฺย, อหเมวสฺส ตสฺสา นิพฺพตฺตฏฺานํ อาจิกฺขิตฺวา รฺโ สนฺติเกเยว ตํ กถาเปยฺย’’นฺติ. ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, ยาว ราชานํ อาเนมิ, ตาว อิเมว นิสีทถา’’ติ มาณโว โพธิสตฺตสฺส ปฏิฺํ คเหตฺวา รฺโ สนฺติกํ คนฺตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจตฺวา ‘‘ตสฺส ทิพฺพจกฺขุกสฺส สนฺติกํ คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ อาห.
ราชา ‘‘อุปรึ กิร ทฏฺุํ ลภิสฺสามี’’ติ ตุฏฺมานโส รถํ อภิรุหิตฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา โพธิสตฺตํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺโน – ‘‘สจฺจํ กิร ตุมฺเห เทวิยา นิพฺพตฺตฏฺานํ ชานาถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, มหาราชา’’ติ. ‘‘กตฺถ นิพฺพตฺตา’’ติ? ‘‘สา โข, มหาราช, รูปสฺมึเยว มตฺตา ปมาทมาคมฺม กลฺยาณกมฺมํ อกตฺวา อิมสฺมึเยว อุยฺยาเน โคมยปาณกโยนิยํ นิพฺพตฺตา’’ติ ¶ . ‘‘นาหํ สทฺทหามี’’ติ. ‘‘เตน หิ เต ทสฺเสตฺวา กถาเปมี’’ติ. ‘‘สาธุ กถาเปถา’’ติ. โพธิสตฺโต อตฺตโน อานุภาเวน ‘‘อุโภปิ โคมยปิณฺฑํ วฏฺฏยมานา รฺโ ปุรโต อาคจฺฉนฺตู’’ติ เตสํ อาคมนํ อกาสิ. เต ตเถว อาคมึสุ. โพธิสตฺโต ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อยํ เต ¶ , มหาราช, อุปริเทวี, ตํ ชหิตฺวา โคมยปาณกสฺส ปจฺฉโต ปจฺฉโต คจฺฉติ, ปสฺสถ น’’นฺติ อาห. ภนฺเต ‘‘‘อุปรี นาม โคมยปาณกโยนิยํ นิพฺพตฺติสฺสตี’ติ น สทฺทหามห’’นฺติ. ‘‘กถาเปมิ นํ, มหาราชา’’ติ. ‘‘กถาเปถ, ภนฺเต’’ติ.
โพธิสตฺโต อตฺตโน อานุภาเวน ตํ กถาเปนฺโต ‘‘อุปรี’’ติ อาห. สา มนุสฺสภาสาย ‘‘กึ, ภนฺเต’’ติ อาห. ‘‘ตฺวํ อตีตภเว กา นาม อโหสี’’ติ? ‘‘ภนฺเต, อสฺสกรฺโ อคฺคมเหสี อุปรี นาม อโหสิ’’นฺติ. ‘‘กึ ปน เต อิทานิ อสฺสกราชา ปิโย, อุทาหุ โคมยปาณโก’’ติ? ‘‘ภนฺเต, โส มยฺหํ ปุริมชาติยา สามิโก, ตทา อหํ อิมสฺมึ อุยฺยาเน เตน สทฺธึ รูปสทฺทคนฺธรสโผฏฺพฺเพ อนุภวมานา วิจรึ. อิทานิ ปน เม ภวสงฺเขปคตกาลโต ปฏฺาย โส กึ โหติ, อหฺหิ อิทานิ อสฺสกราชานํ มาเรตฺวา ตสฺส คลโลหิเตน มยฺหํ สามิกสฺส โคมยปาณกสฺส ปาเท มกฺเขยฺย’’นฺติ วตฺวา ปริสมชฺเฌ มนุสฺสภาสาย อิมา คาถา อโวจ –
‘‘อยมสฺสกราเชน ¶ , เทโส วิจริโต มยา;
อนุกามย กาเมน, ปิเยน ปตินา สห.
‘‘นเวน สุขทุกฺเขน, โปราณํ อปิธียติ;
ตสฺมา อสฺสกรฺาว, กีโฏ ปิยตโร มมา’’ติ.
ตตฺถ อยมสฺสกราเชน, เทโส วิจริโต มยาติ อยํ รมณีโย อุยฺยานปเทโส ปุพฺเพ มยา อสฺสกราเชน สทฺธึ วิจริโต. อนุกามย กาเมนาติ อนูติ นิปาตมตฺตํ, มยา ตํ กามยมานาย เตน มํ กามยมาเนน ¶ สหาติ อตฺโถ. ปิเยนาติ ตสฺมึ อตฺตภาเว ปิเยน. นเวน สุขทุกฺเขน, โปราณํ อปิธียตีติ, ภนฺเต, นเวน หิ สุเขน โปราณํ สุขํ, นเวน จ ทุกฺเขน โปราณํ ทุกฺขํ ปิธียติ ปฏิจฺฉาทียติ, เอสา โลกสฺส ธมฺมตาติ ทีเปติ. ตสฺมา อสฺสกรฺาว, กีโฏ ปิยตโร มมาติ ยสฺมา นเวน โปราณํ ปิธียติ, ตสฺมา มม อสฺสกราชโต สตคุเณน สหสฺสคุเณน กีโฏว ปิยตโรติ.
ตํ สุตฺวา อสฺสกราชา วิปฺปฏิสารี หุตฺวา ตตฺถ ิโตว กุณปํ นีหราเปตฺวา สีสํ นฺหตฺวา โพธิสตฺตํ วนฺทิตฺวา นครํ ปวิสิตฺวา อฺํ อคฺคมเหสึ กตฺวา ธมฺเมน รชฺชํ กาเรสิ. โพธิสตฺโตปิ ราชานํ โอวทิตฺวา นิสฺโสกํ กตฺวา หิมวนฺตเมว อคมาสิ.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺิตภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ‘‘ตทา อุปรี ปุราณทุติยิกา อโหสิ, อสฺสกราชา อุกฺกณฺิโต ภิกฺขุ, มาณโว สาริปุตฺโต, ตาปโส ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
อสฺสกชาตกวณฺณนา สตฺตมา.
[๒๐๘] ๘. สุสุมารชาตกวณฺณนา
อลํ ¶ เมเตหิ อมฺเพหีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เทวทตฺตสฺส วธาย ปริสกฺกนํ อารพฺภ กเถสิ. ตทา หิ สตฺถา ‘‘เทวทตฺโต วธาย ปริสกฺกตี’’ติ สุตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว เทวทตฺโต มยฺหํ วธาย ปริสกฺกติ, ปุพฺเพปิ ปริสกฺกิเยว, สนฺตาสมตฺตมฺปิ ปน กาตุํ น สกฺขี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต หิมวนฺตปเทเส โพธิสตฺโต กปิโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา นาคพโล ถามสมฺปนฺโน มหาสรีโร โสภคฺคปฺปตฺโต หุตฺวา คงฺคานิวตฺตเน อรฺายตเน วาสํ กปฺเปสิ. ตทา คงฺคาย เอโก สุสุมาโร วสิ. อถสฺส ภริยา โพธิสตฺตสฺส สรีรํ ทิสฺวา ¶ ตสฺส หทยมํเส โทหฬํ อุปฺปาเทตฺวา สุสุมารํ อาห – ‘‘อหํ สามิ, เอตสฺส กปิราชสฺส หทยมํสํ ขาทิตุกามา’’ติ. ‘‘ภทฺเท, มยํ ชลโคจรา, เอโส ถลโคจโร, กินฺติ นํ คณฺหิตุํ สกฺขิสฺสามา’’ติ. ‘‘เยน เกนจิ อุปาเยน คณฺห, สเจ น ลภิสฺสามิ, มริสฺสามี’’ติ. ‘‘เตน หิ มา โสจิ, อตฺเถโก อุปาโย, ขาทาเปสฺสามิ ตํ ตสฺส หทยมํส’’นฺติ สุสุมารึ สมสฺสาเสตฺวา โพธิสตฺตสฺส คงฺคาย ปานียํ ปิวิตฺวา คงฺคาตีเร นิสินฺนกาเล สนฺติกํ คนฺตฺวา เอวมาห – ‘‘วานรินฺท, อิมสฺมึ ปเทเส กสายผลานิ ขาทนฺโต กึ ตฺวํ นิวิฏฺฏฺาเนเยว จรสิ, ปารคงฺคาย อมฺพลพุชาทีนํ มธุรผลานํ อนฺโต นตฺถิ, กึ เต ตตฺถ คนฺตฺวา ผลาผลํ ขาทิตุํ น วฏฺฏตี’’ติ? ‘‘กุมฺภีลราช, คงฺคา มโหทกา วิตฺถิณฺณา, กถํ ตตฺถ คมิสฺสามี’’ติ? ‘‘สเจ อิจฺฉสิ, อหํ ตํ มม ปิฏฺึ อาโรเปตฺวา เนสฺสามี’’ติ. โส สทฺทหิตฺวา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ. ‘‘เตน หิ เอหิ ปิฏฺึ เม อภิรูหา’’ติ จ วุตฺเต ตํ อภิรุหิ. สุสุมาโร โถกํ เนตฺวา อุทเก โอสีทาเปสิ.
โพธิสตฺโต ‘‘สมฺม, อุทเก มํ โอสีทาเปสิ, กึ นุ โข เอต’’นฺติ อาห. ‘‘นาหํ ตํ ธมฺมสุธมฺมตาย คเหตฺวา คจฺฉามิ, ภริยาย ปน เม ตว หทยมํเส โทหโฬ อุปฺปนฺโน, ตมหํ ตว ¶ หทยํ ขาทาเปตุกาโม’’ติ. ‘‘สมฺม, กเถนฺเตน เต สุนฺทรํ กตํ. สเจ หิ อมฺหากํ อุทเร หทยํ ภเวยฺย, สาขคฺเคสุ จรนฺตานํ จุณฺณวิจุณฺณํ ภเวยฺยา’’ติ. ‘‘กหํ ปน ตุมฺเห เปถา’’ติ? โพธิสตฺโต ¶ อวิทูเร เอกํ อุทุมฺพรํ ปกฺกผลปิณฺฑิสฺฉนฺนํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปสฺเสตานิ อมฺหากํ หทยานิ เอตสฺมึ อุทุมฺพเร โอลมฺพนฺตี’’ติ อาห. ‘‘สเจ เม หทยํ ¶ ทสฺสสิ, อหํ ตํ น มาเรสฺสามี’’ติ. ‘‘เตน หิ มํ เอตฺถ เนหิ, อหํ เต รุกฺเข โอลมฺพนฺตํ ทสฺสามี’’ติ. โส ตํ อาทาย ตตฺถ อคมาสิ. โพธิสตฺโต ตสฺส ปิฏฺิโต อุปฺปติตฺวา อุทุมฺพรรุกฺเข นิสีทิตฺวา ‘‘สมฺม, พาล สุสุมาร, ‘อิเมสํ สตฺตานํ หทยํ นาม รุกฺขคฺเค โหตี’ติ สฺี อโหสิ, พาโลสิ, อหํ ตํ วฺเจสึ, ตว ผลาผลํ ตเวว โหตุ, สรีรเมว ปน เต มหนฺตํ ปฺา ปน นตฺถี’’ติ วตฺวา อิมมตฺถํ ปกาเสนฺโต อิมา คาถา อโวจ –
‘‘อลํ เมเตหิ อมฺเพหิ, ชมฺพูหิ ปนเสหิ จ;
ยานิ ปารํ สมุทฺทสฺส, วรํ มยฺหํ อุทุมฺพโร.
‘‘มหตี วต เต โพนฺทิ, น จ ปฺา ตทูปิกา;
สุสุมาร วฺจิโต เมสิ, คจฺฉ ทานิ ยถาสุข’’นฺติ.
ตตฺถ อลํ เมเตหีติ ยานิ ตยา ทีปเก นิทฺทิฏฺานิ, เอเตหิ มยฺหํ อลํ. วรํ มยฺหํ อุทุมฺพโรติ มยฺหํ อยเมว อุทุมฺพรรุกฺโข วรํ. โพนฺทีติ สรีรํ. ตทูปิกาติ ปฺา ปน เต ตทูปิกา ตสฺส สรีรสฺส อนุจฺฉวิกา นตฺถิ. คจฺฉ ทานิ ยถาสุขนฺติ อิทานิ ยถาสุขํ คจฺฉ, นตฺถิ เต หทยมํสคหณูปาโยติ อตฺโถ. สุสุมาโร สหสฺสํ ปราชิโต วิย ทุกฺขี ทุมฺมโน ปชฺฌายนฺโตว อตฺตโน นิวาสฏฺานเมว คโต.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา สุสุมาโร เทวทตฺโต อโหสิ, สุสุมารี จิฺจมาณวิกา, กปิราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
สุสุมารชาตกวณฺณนา อฏฺมา.
[๒๐๙] ๙. กุกฺกุฏชาตกวณฺณนา
ทิฏฺา ¶ ¶ มยา วเน รุกฺขาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ธมฺมเสนาปติสาริปุตฺตตฺเถรสฺส สทฺธิวิหาริกํ ทหรภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิร อตฺตโน สรีรสฺส คุตฺติกมฺเม เฉโก ¶ อโหสิ. ‘‘สรีรสฺส เม น สุขํ ภเวยฺยา’’ติ ภเยน อติสีตํ อจฺจุณฺหํ ปริโภคํ น กโรติ, ‘‘สีตุณฺเหหิ สรีรํ กิลเมยฺยา’’ติ ภเยน พหิ น นิกฺขมติ, อติกิลินฺนอุตฺตณฺฑุลาทีนิ น ภฺุชติ. ตสฺส สา สรีรคุตฺติกุสลตา สงฺฆมชฺเฌ ปากฏา ชาตา. ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, อสุโก ทหโร กิร ภิกฺขุ สรีรคุตฺติกมฺเม เฉโก’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อยํ ทหโร อิทาเนว สรีรคุตฺติกมฺเม เฉโก, ปุพฺเพปิ เฉโกว อโหสี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต อรฺายตเน รุกฺขเทวตา อโหสิ. อเถโก สกุณลุทฺทโก เอกํ ทีปกกุกฺกุฏมาทาย วาลรชฺชฺุจ ยฏฺิฺจ คเหตฺวา อรฺเ กุกฺกุเฏ พนฺธนฺโต เอกํ ปลายิตฺวา อรฺํ ปวิฏฺํ โปราณกุกฺกุฏํ พนฺธิตุํ อารภิ. โส วาลปาเส กุสลตาย อตฺตานํ พนฺธิตุํ น เทติ, อุฏฺายุฏฺาย นิลียติ. ลุทฺทโก อตฺตานํ สาขาปลฺลเวหิ ปฏิจฺฉาเทตฺวา ปุนปฺปุนํ ยฏฺิฺจ ปาสฺจ โอฑฺเฑติ. กุกฺกุโฏ ตํ ลชฺชาเปตุกาโม มานุสึ วาจํ นิจฺฉาเรตฺวา ปมํ คาถมาห –
‘‘ทิฏฺา มยา วเน รุกฺขา, อสฺสกณฺณา วิภีฏกา;
น ตานิ เอวํ สกฺกนฺติ, ยถา ตฺวํ รุกฺข สกฺกสี’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – สมฺม ลุทฺทก, มยา อิมสฺมึ วเน ชาตา พหู อสฺสกณฺณา จ วิภีฏกา จ รุกฺขา ทิฏฺปุพฺพา, ตานิ ปน รุกฺขานิ ยถา ตฺวํ สกฺกสิ สงฺกมสิ อิโต จิโต จ วิจรสิ, เอวํ น สกฺกนฺติ น สงฺกมนฺติ น วิจรนฺตีติ.
เอวํ วตฺวา จ ปน โส กุกฺกุโฏ ปลายิตฺวา อฺตฺถ อคมาสิ. ตสฺส ปลายิตฺวา คตกาเล ลุทฺทโก ทุติยํ คาถมาห –
‘‘โปราณกุกฺกุโฏ ¶ ¶ ¶ อยํ, เภตฺวา ปฺชรมาคโต;
กุสโล วาลปาสานํ, อปกฺกมติ ภาสตี’’ติ.
ตตฺถ กุสโล วาลปาสานนฺติ วาลมเยสุ ปาเสสุ กุสโล อตฺตานํ พนฺธิตุํ อทตฺวา อปกฺกมติ เจว ภาสติ จ, ภาสิตฺวา จ ปน ปลาโตติ เอวํ วตฺวา ลุทฺทโก อรฺเ จริตฺวา ยถาลทฺธมาทาย เคหเมว คโต.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ลุทฺทโก เทวทตฺโต อโหสิ, กุกฺกุโฏ กายคุตฺติกุสโล ทหรภิกฺขุ, ตสฺส ปน การณสฺส ปจฺจกฺขการิกา รุกฺขเทวตา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
กุกฺกุฏชาตกวณฺณนา นวมา.
[๒๑๐] ๑๐. กนฺทคลกชาตกวณฺณนา
อมฺโภ โก นามยํ รุกฺโขติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต สุคตาลยํ อารพฺภ กเถสิ. ตทา หิ สตฺถา ‘‘เทวทตฺโต สุคตาลยํ อกาสี’’ติ สุตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว เทวทตฺโต มยฺหํ อนุกิริยํ กโรนฺโต วินาสํ ปตฺโต, ปุพฺเพปิ ปาปุณิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต หิมวนฺตปเทเส รุกฺขโกฏฺฏกสกุณโยนิยํ นิพฺพตฺติ, ‘‘ขทิรวนิโย’’ติสฺส นามํ อโหสิ. โส ขทิรวเนเยว โคจรํ คณฺหิ, ตสฺเสโก กนฺทคลโก นาม สหาโย อโหสิ, โส สิมฺพลิปาลิภทฺทกวเน โคจรํ คณฺหาติ. โส เอกทิวสํ ขทิรวนิยสฺส สนฺติกํ อคมาสิ. ขทิรวนิโย ‘‘สหาโย เม อาคโต’’ติ กนฺทคลกํ คเหตฺวา ขทิรวนํ ปวิสิตฺวา ขทิรขนฺธํ ตุณฺเฑน ปหริตฺวา รุกฺขโต ปาณเก นีหริตฺวา อทาสิ. กนฺทคลโก ทินฺเน ทินฺเน มธุรปูเว วิย ฉินฺทิตฺวา ฉินฺทิตฺวา ขาทิ. ตสฺส ขาทนฺตสฺเสว มาโน อุปฺปชฺชิ – ‘‘อยมฺปิ ¶ รุกฺขโกฏฺฏกโยนิยํ นิพฺพตฺโต, อหมฺปิ, กึ เม เอเตน ทินฺนโคจเรน, สยเมว ขทิรวเน โคจรํ ¶ คณฺหิสฺสามี’’ติ. โส ขทิรวนิยํ อาห – ‘‘สมฺม, มา ตฺวํ ทุกฺขํ อนุภวิ, อหเมว ขทิรวเน โคจรํ คณฺหิสฺสามี’’ติ.
อถ ¶ นํ โส ‘‘หนฺท ตฺวํ สมฺม, สิมฺพลิปาลิภทฺทกาทิวเน นิสฺสาเร โคจรคฺคหณกุเล ชาโต, ขทิรา นาม ชาตสารา ถทฺธา, มา เต เอตํ รุจฺจี’’ติ อาห. กนฺทคลโก ‘‘กึ ทานาหํ น รุกฺขโกฏฺฏกโยนิยํ นิพฺพตฺโต’’ติ ตสฺส วจนํ อนาทิยิตฺวา เวเคน คนฺตฺวา ขทิรรุกฺขํ ตุณฺเฑน ปหริ. ตาวเทวสฺส ตุณฺฑํ ภิชฺชิ, อกฺขีนิ นิกฺขมนาการปฺปตฺตานิ ชาตานิ, สีสํ ผลิตํ. โส ขนฺเธ ปติฏฺาตุํ อสกฺโกนฺโต ภูมิยํ ปติตฺวา ปมํ คาถมาห –
‘‘อมฺโภ โก นามยํ รุกฺโข, สินฺนปตฺโต สกณฺฏโก;
ยตฺถ เอกปฺปหาเรน, อุตฺตมงฺคํ วิภิชฺชิต’’นฺติ.
ตตฺถ อมฺโภ โก นามยํ รุกฺโขติ, โภ ขทิรวนิย, โก นาม อยํ รุกฺโข. ‘‘โก นาม โส’’ติปิ ปาโ. สินฺนปตฺโตติ สุขุมปตฺโต. ยตฺถ เอกปฺปหาเรนาติ ยสฺมึ รุกฺเข เอเกเนว ปหาเรน. อุตฺตมงฺคํ วิภิชฺชิตนฺติ สีสํ ภินฺนํ, น เกวลฺจ สีสํ, ตุณฺฑมฺปิ ภินฺนํ. โส เวทนาปฺปตฺตตาย ขทิรรุกฺขํ ‘‘กึ รุกฺโข นาเมโส’’ติ ชานิตุํ อสกฺโกนฺโต เวทนาปฺปตฺโต หุตฺวา อิมาย คาถาย วิปฺปลปิ.
ตํ วจนํ สุตฺวา ขทิรวนิโย ทุติยํ คาถมาห –
‘‘อจาริ วตายํ วิตุทํ วนานิ, กฏฺงฺครุกฺเขสุ อสารเกสุ;
อถาสทา ขทิรํ ชาตสารํ, ยตฺถพฺภิทา ครุโฬ อุตฺตมงฺค’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ อจาริ วตายนฺติ อจริ วต อยํ. วิตุทํ วนานีติ นิสฺสารสิมฺพลิปาลิภทฺทกวนานิ วิตุทนฺโต วิชฺฌนฺโต. กฏฺงฺครุกฺเขสูติ วนกฏฺโกฏฺาเสสุ รุกฺเขสุ. อสารเกสูติ นิสฺสาเรสุ ปาลิภทฺทกสิมฺพลิอาทีสุ. อถาสทา ขทิรํ ชาตสารนฺติ อถ โปตกกาลโต ปฏฺาย ชาตสารํ ขทิรํ สมฺปาปุณิ. ยตฺถพฺภิทา ครุโฬ อุตฺตมงฺคนฺติ ยตฺถพฺภิทาติ ยสฺมึ ขทิเร อภินฺทิ ปทาลยิ. ครุโฬติ สกุโณ. สพฺพสกุณานฺเหตํ สคารวสปฺปติสฺส วจนํ.
อิติ ¶ นํ ขทิรวนิโย วตฺวา ‘‘โภ กนฺทคลก, ยตฺถ ตฺวํ อุตฺตมงฺคํ อภินฺทิ, ขทิโร นาเมโส สารรุกฺโข’’ติ อาห. โส ตตฺเถว ชีวิตกฺขยํ ปาปุณิ.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา กนฺทคลโก เทวทตฺโต อโหสิ, ขทิรวนิโย ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
กนฺทคลกชาตกวณฺณนา ทสมา.
นตํทฬฺหวคฺโค ฉฏฺโ.
ตสฺสุทฺทานํ –
พนฺธนาคารํ เกฬิสีลํ, ขณฺฑํ วีรกคงฺเคยฺยํ;
กุรุงฺคมสฺสกฺเจว, สุสุมารฺจ กุกฺกุฏํ;
กนฺทคลกนฺติ เต ทส.
๗. พีรณถมฺภวคฺโค
[๒๑๑] ๑. โสมทตฺตชาตกวณฺณนา
อกาสิ ¶ โยคฺคนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ลาฬุทายิตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ. โส หิ ทฺวินฺนํ ติณฺณํ ชนานํ อนฺตเร เอกวจนมฺปิ สมฺปาเทตฺวา กเถสุํ น สกฺโกติ, สารชฺชพหุโล ‘‘อฺํ กเถสฺสามี’’ติ อฺเมว กเถสิ. ตสฺส ตํ ปวตฺตึ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กเถนฺตา นิสีทึสุ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ ¶ , ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, ลาฬุทายี อิทาเนว สารชฺชพหุโล, ปุพฺเพปิ สารชฺชพหุโลเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต กาสิรฏฺเ อฺตรสฺมึ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ สิปฺปํ อุคฺคณฺหิตฺวา ปุน เคหํ อาคนฺตฺวา มาตาปิตูนํ ทุคฺคตภาวํ ตฺวา ‘‘ปริหีนกุลโต เสฏฺิกุลํ ปติฏฺเปสฺสามี’’ติ มาตาปิตโร อาปุจฺฉิตฺวา ¶ พาราณสึ คนฺตฺวา ราชานํ อุปฏฺาสิ. โส รฺา ปิโย อโหสิ มนาโป. อถสฺส ปิตุโน ‘‘ทฺวีหิเยว โคเณหิ กสึ กตฺวา ชีวิกํ กปฺเปนฺตสฺส เอโก โคโณ มโต. โส โพธิสตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ตาต, เอโก โคโณ มโต, กสิกมฺมํ น ปวตฺตติ, ราชานํ เอกํ โคณํ ยาจาหี’’ติ อาห. ‘‘ตาต, นจิรสฺเสว เม ราชา ทิฏฺโ, อิทาเนว โคณํ ยาจิตุํ น ยุตฺตํ, ตุมฺเห ยาจถา’’ติ. ‘‘ตาต, ตฺวํ มยฺหํ สารชฺชพหุลภาวํ น ชานาสิ, อหฺหิ ทฺวินฺนํ ติณฺณํ สมฺมุเข กถํ สมฺปาเทตุํ น สกฺโกมิ. สเจ อหํ รฺโ สนฺติกํ โคณํ ยาจิตุํ คมิสฺสามิ, อิมมฺปิ ทตฺวา อาคมิสฺสามี’’ติ. ‘‘ตาต, ยํ โหติ, ตํ โหตุ, น สกฺกา มยา ราชานํ ยาจิตุํ, อปิจ โข ปนาหํ ตุมฺเห โยคฺคํ กาเรสฺสามี’’ติ. ‘‘เตน หิ สาธุ มํ โยคฺคํ กาเรหี’’ติ.
โพธิสตฺโต ปิตรํ อาทาย พีรณตฺถมฺภกสุสานํ คนฺตฺวา ตตฺถ ตตฺถ ติณกลาเป พนฺธิตฺวา ‘‘อยํ ราชา, อยํ อุปราชา, อยํ เสนาปตี’’ติ นามานิ กตฺวา ปฏิปาฏิยา ปิตุ ทสฺเสตฺวา ‘‘ตาต, ตฺวํ รฺโ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘ชยตุ, มหาราชา’ติ เอวํ อิมํ คาถํ วตฺวา โคณํ ยาเจยฺยาสี’’ติ คาถํ อุคฺคณฺหาเปสิ –
‘‘ทฺเว ¶ เม โคณา มหาราช, เยหิ เขตฺตํ กสามเส;
เตสุ เอโก มโต เทว, ทุติยํ เทหิ ขตฺติยา’’ติ.
พฺราหฺมโณ ¶ เอเกน สํวจฺฉเรน อิมํ คาถํ ปคุณํ กตฺวา โพธิสตฺตํ อาห – ‘‘ตาต, โสมทตฺต, คาถา เม ปคุณา ชาตา, อิทานิ อหํ ยสฺส กสฺสจิ สนฺติเก วตฺตุํ สกฺโกมิ, มํ รฺโ สนฺติกํ เนหี’’ติ. โส ‘‘สาธุ, ตาตา’’ติ ตถารูปํ ปณฺณาการํ คาหาเปตฺวา ปิตรํ รฺโ สนฺติกํ เนสิ. พฺราหฺมโณ ‘‘ชยตุ, มหาราชา’’ติ วตฺวา ปณฺณาการํ อทาสิ. ราชา ‘‘อยํ เต โสมทตฺต พฺราหฺมโณ กึ โหตี’’ติ อาห. ‘‘ปิตา เม, มหาราชา’’ติ. ‘‘เกนฏฺเนาคโต’’ติ? ตสฺมึ ขเณ พฺราหฺมโณ โคณยาจนตฺถาย คาถํ วทนฺโต –
‘‘ทฺเว เม โคณา มหาราช, เยหิ เขตฺตํ กสามเส;
เตสุ เอโก มโต เทว, ทุติยํ คณฺห ขตฺติยา’’ติ. – อาห;
ราชา พฺราหฺมเณน วิรชฺฌิตฺวา กถิตภาวํ ตฺวา สิตํ กตฺวา ‘‘โสมทตฺต, ตุมฺหากํ เคเห พหู มฺเ โคณา’’ติ อาห. ‘‘ตุมฺเหหิ ทินฺนา ¶ ภวิสฺสนฺติ, มหาราชา’’ติ. ราชา โพธิสตฺตสฺส ตุสฺสิตฺวา พฺราหฺมณสฺส โสฬส โคเณ อลงฺการภณฺฑเก นิวาสนคามฺจสฺส พฺรหฺมเทยฺยํ ทตฺวา มหนฺเตน ยเสน พฺราหฺมณํ อุยฺโยเชสิ. พฺราหฺมโณ สพฺพเสตสินฺธวยุตฺตํ รถํ อภิรุยฺห มหนฺเตน ปริวาเรน คามํ อคมาสิ. โพธิสตฺโต ปิตรา สทฺธึ รเถ นิสีทิตฺวา คจฺฉนฺโต ‘‘ตาต, อหํ ตุมฺเห สกลสํวจฺฉรํ โยคฺคํ กาเรสึ, สนฺนิฏฺานกาเล ปน ตุมฺหากํ โคณํ รฺโ อทตฺถา’’ติ วตฺวา ปมํ คาถมาห –
‘‘อกาสิ โยคฺคํ ธุวมปฺปมตฺโต, สํวจฺฉรํ พีรณถมฺภกสฺมึ;
พฺยากาสิ สฺํ ปริสํ วิคยฺห, น นิยฺยโม ตายติ อปฺปปฺ’’นฺติ.
ตตฺถ อกาสิ โยคฺคํ ธุวมปฺปมตฺโต, สํวจฺฉรํ พีรณถมฺภกสฺมินฺติ, ตาต, ตฺวํ นิจฺจํ อปฺปมตฺโต พีรณตฺถมฺภมเย สุสาเน โยคฺคํ อกาสิ ¶ . พฺยากาสิ สฺํ ปริสํ วิคยฺหาติ อถ จ ปน ปริสํ วิคาหิตฺวา ตํ สฺํ วิอกาสิ วิการํ อาปาเทสิ, ปริวตฺเตสีติ อตฺโถ. น นิยฺยโม ตายติ อปฺปปฺนฺติ อปฺปหฺํ นาม ปุคฺคลํ นิยฺยโม โยคฺคาจิณฺณํ จรณํ น ตายติ น รกฺขตีติ.
อถสฺส ¶ วจนํ สุตฺวา พฺราหฺมโณ ทุติยํ คาถมาห –
‘‘ทฺวยํ ยาจนโก ตาต, โสมทตฺต นิคจฺฉติ;
อลาภํ ธนลาภํ วา, เอวํธมฺมา หิ ยาจนา’’ติ.
ตตฺถ เอวํธมฺมา หิ ยาจนาติ ยาจนา หิ เอวํสภาวาติ.
สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, ลาฬุทายี อิทาเนว สารชฺชพหุโล, ปุพฺเพปิ สารชฺชพหุโลเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ราชา อานนฺโท, โสมทตฺตสฺส ปิตา ลาฬุทายี อโหสิ, โสมทตฺโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
โสมทตฺตชาตกวณฺณนา ปมา.
[๒๑๒] ๒. อุจฺฉิฏฺภตฺตชาตกวณฺณนา
อฺโ ¶ อุปริโม วณฺโณติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปุราณทุติยิกาปโลภนํ อารพฺภ กเถสิ. โส หิ ภิกฺขุ สตฺถารา ‘‘สจฺจํ กิร, ตฺวํ ภิกฺขุ, อุกฺกณฺิโตสี’’ติ ปุฏฺโ ‘‘สจฺจ’’นฺติ วตฺวา ‘‘โก ตํ อุกฺกณฺาเปสี’’ติ วุตฺเต ‘‘ปุราณทุติยิกา’’ติ อาห. อถ นํ สตฺถา ‘‘ภิกฺขุ อยํ เต อิตฺถี อนตฺถการิกา, ปุพฺเพปิ อตฺตโน ชารสฺส อุจฺฉิฏฺกํ โภเชสี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต เอกสฺมึ าเน ภิกฺขํ จริตฺวา ชีวิกกปฺปเก กปเณ นฏกกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ทุคฺคโต ทุรูปโก หุตฺวา ภิกฺขํ จริตฺวา ชีวิกํ กปฺเปสิ. ตทา กาสิรฏฺเ เอกสฺมึ คามเก เอกสฺส พฺราหฺมณสฺส พฺราหฺมณี ทุสฺสีลา ปาปธมฺมา อติจารํ จรติ. อเถกทิวสํ พฺราหฺมเณ เกนจิเทว กรณีเยน ¶ พหิ คเต ตสฺสา ชาโร ตํ ขณํ โอโลเกตฺวา ตํ เคหํ ปาวิสิ. สา เตน สทฺธึ อติจริตฺวา ‘‘มุหุตฺตํ อจฺฉ, ภฺุชิตฺวาว คมิสฺสสี’’ติ ภตฺตํ สมฺปาเทตฺวา สูปพฺยฺชนสมฺปนฺนํ อุณฺหภตฺตํ วฑฺเฒตฺวา ‘‘ตฺวํ ภฺุชา’’ติ ตสฺส ทตฺวา สยํ พฺราหฺมณสฺส อาคมนํ โอโลกยมานา ทฺวาเร อฏฺาสิ. โพธิสตฺโต พฺราหฺมณิยา ชารสฺส ภฺุชนฏฺาเน ปิณฺฑํ ปจฺจาสีสนฺโต อฏฺาสิ.
ตสฺมึ ¶ ขเณ พฺราหฺมโณ เคหาภิมุโข อาคจฺฉติ. พฺราหฺมณี ตํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา เวเคน ปวิสิตฺวา ‘‘อุฏฺเหิ, พฺราหฺมโณ อาคจฺฉตี’’ติ ชารํ โกฏฺเ โอตาเรตฺวา พฺราหฺมณสฺส ปวิสิตฺวา นิสินฺนกาเล ผลกํ อุปเนตฺวา หตฺถโธวนํ ทตฺวา อิตเรน ภุตฺตาวสิฏฺสฺส สีตภตฺตสฺส อุปริ อุณฺหภตฺตํ วฑฺเฒตฺวา พฺราหฺมณสฺส อทาสิ. โส ภตฺเต หตฺถํ โอตาเรตฺวา อุปริ อุณฺหํ เหฏฺา จ ภตฺตํ สีตลํ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อิมินา อฺสฺส ภุตฺตาธิเกน อุจฺฉิฏฺภตฺเตน ภวิตพฺพ’’นฺติ. โส พฺราหฺมณึ ปุจฺฉนฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘อฺโ อุปริโม วณฺโณ, อฺโ วณฺโณ จ เหฏฺิโม;
พฺราหฺมณี ตฺเวว ปุจฺฉามิ, กึ เหฏฺา กิฺจ อุปฺปรี’’ติ.
ตตฺถ วณฺโณติ อากาโร. อยฺหิ อุปริมสฺส อุณฺหภาวํ เหฏฺิมสฺส จ สีตภาวํ ปุจฺฉนฺโต เอวมาห. กึ เหฏฺา กิฺจ อุปฺปรีติ วุฑฺฒิตภตฺเตน ¶ นาม อุปริ สีตเลน, เหฏฺา อุณฺเหน ภวิตพฺพํ, อิทฺจ ปน น ตาทิสํ, เตน ตํ ปุจฺฉามิ – ‘‘เกน การเณน อุปริ ภตฺตํ อุณฺหํ, เหฏฺิมํ สีตล’’นฺติ.
พฺราหฺมณี อตฺตนา กตกมฺมสฺส อุตฺตานภาวภเยน พฺราหฺมเณ ปุนปฺปุนํ กเถนฺเตปิ ตุณฺหีเยว อโหสิ. ตสฺมึ ขเณ นฏปุตฺตสฺส เอตทโหสิ – ‘‘โกฏฺเ นิสีทาปิตปาปปุริเสน ชาเรน ภวิตพฺพํ, อิมินา เคหสฺสามิเกน, พฺราหฺมณี ปน อตฺตนา กตกมฺมสฺส ปากฏภาวภเยน กิฺจิ น กเถติ, หนฺทาหํ อิมิสฺสา กตกมฺมํ ปกาเสตฺวา ชารสฺส โกฏฺเก นิสีทาปิตภาวํ พฺราหฺมณสฺส กเถมี’’ติ. โส พฺราหฺมณสฺส เคหา นิกฺขนฺตกาลโต ¶ ปฏฺาย อิตรสฺส เคหปเวสนํ อติจรณํ อคฺคภตฺตภฺุชนํ พฺราหฺมณิยา ทฺวาเร ตฺวา มคฺคํ โอโลกนํ อิตรสฺส โกฏฺเ โอตาริตภาวนฺติ สพฺพํ ตํ ปวตฺตึ อาจิกฺขิตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘อหํ นโฏสฺมิ ภทฺทนฺเต, ภิกฺขโกสฺมิ อิธาคโต;
อยฺหิ โกฏฺโมติณฺโณ, อยํ โส ยํ คเวสสี’’ติ.
ตตฺถ อหํ นโฏสฺมิ, ภทฺทนฺเตติ, สามิ, อหํ นฏชาติโก. ภิกฺขโกสฺมิ อิธาคโตติ สฺวาหํ อิมํ านํ ภิกฺขโก ภิกฺขํ ปริเยสมาโน อาคโตสฺมิ. อยฺหิ โกฏฺโมติณฺโณติ อยํ ปน เอติสฺสา ชาโร อิมํ ภตฺตํ ภฺุชนฺโต ตว ภเยน โกฏฺํ โอติณฺโณ. อยํ โส ยํ คเวสสีติ ยํ ตฺวํ กสฺส นุ โข อิมินา อุจฺฉิฏฺเกน ภวิตพฺพนฺติ คเวสสิ, อยํ โส. จูฬาย ¶ นํ คเหตฺวา โกฏฺา นีหริตฺวา ยถา น ปุเนวรูปํ ปาปํ กโรติ, ตถา อสฺส สตึ ชเนหีติ วตฺวา ปกฺกามิ. พฺราหฺมโณ อุโภปิ เต ยถา นํ น ปุเนวรูปํ ปาปํ กโรนฺติ, ตชฺชนโปถเนหิ ตถา สิกฺขาเปตฺวา ยถากมฺมํ คโต.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺิโต ภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ‘‘ตทา พฺราหฺมณี ปุราณทุติยิกา อโหสิ, พฺราหฺมโณ อุกฺกณฺิโต ภิกฺขุ, นฏปุตฺโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
อุจฺฉิฏฺภตฺตชาตกวณฺณนา ทุติยา.
[๒๑๓] ๓. ภรุชาตกวณฺณนา
อิสีนมนฺตรํ ¶ กตฺวาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โกสลราชานํ อารพฺภ กเถสิ. ภควโต หิ ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ ลาภสกฺกาโร มหา อโหสิ. ยถาห –
‘‘เตน โข ปน สมเยน ภควา สกฺกโต โหติ ครุกโต มานิโต ปูชิโต อปจิโต ลาภี จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารานํ. ภิกฺขุสงฺโฆปิ โข สกฺกโต โหติ…เป… ปริกฺขารานํ. อฺติตฺถิยา ปน ปริพฺพาชกา อสกฺกตา โหนฺติ…เป… ปริกฺขาราน’’นฺติ (อุทา. ๑๔).
เต เอวํ ปริหีนลาภสกฺการา อโหรตฺตํ คุฬฺหสนฺนิปาตํ กตฺวา มนฺตยนฺติ ‘‘สมณสฺส โคตมสฺส อุปฺปนฺนกาลโต ปฏฺาย มยํ หตลาภสกฺการา ชาตา ¶ , สมโณ โคตโม ลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺโต ชาโต, เกน นุ โข การเณนสฺส เอสา สมฺปตฺตี’’ติ. ตตฺเรเก เอวมาหํสุ – ‘‘สมโณ โคตโม สกลชมฺพุทีปสฺส อุตฺตมฏฺาเน ภูมิสีเส วสติ. เตนสฺส ลาภสกฺกาโร อุปฺปชฺชตี’’ติ, เสสา ‘‘อตฺเถตํ การณํ, มยมฺปิ เชตวนปิฏฺเ ติตฺถิยารามํ กาเรมุ, เอวํ ลาภิโน ภวิสฺสามา’’ติ อาหํสุ. เต สพฺเพปิ ‘‘เอวเมต’’นฺติ สนฺนิฏฺานํ กตฺวา ‘‘สเจปิ มยํ รฺโ อนาโรเจตฺวา อารามํ กาเรสฺสาม, ภิกฺขู วาเรสฺสนฺติ, ลฺชํ ลภิตฺวา อภิชฺชนโก นาม นตฺถิ, ตสฺมา รฺโ ลฺชํ ทตฺวา อารามฏฺานํ คณฺหิสฺสามา’’ติ สมฺมนฺเตตฺวา อุปฏฺาเก ยาจิตฺวา รฺโ สตสหสฺสํ ทตฺวา ‘‘มหาราช, มยํ เชตวนปิฏฺิยํ ติตฺถิยารามํ กริสฺสาม, สเจ ¶ ภิกฺขู ‘กาตุํ น ทสฺสามา’ติ ตุมฺหากํ อาโรเจนฺติ, เนสํ ปฏิวจนํ น ทาตพฺพ’’นฺติ อาหํสุ. ราชา ลฺชโลเภน ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ.
ติตฺถิยา ราชานํ สงฺคณฺหิตฺวา วฑฺฒกึ ปกฺโกสาเปตฺวา กมฺมํ ปฏฺเปสุํ, มหาสทฺโท อโหสิ. สตฺถา ‘‘เก ปเนเต, อานนฺท, อุจฺจาสทฺทมหาสทฺทา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อฺติตฺถิยา, ภนฺเต, เชตวนปิฏฺิยํ ติตฺถิยารามํ กาเรนฺติ, ตตฺเถโส สทฺโท’’ติ. ‘‘อานนฺท, เนตํ านํ ติตฺถิยารามสฺส อนุจฺฉวิกํ, ติตฺถิยา อุจฺจาสทฺทกามา, น สกฺกา เตหิ สทฺธึ ¶ วสิตุ’’นฺติ วตฺวา ภิกฺขุสงฺฆํ สนฺนิปาเตตฺวา ‘‘คจฺฉถ, ภิกฺขเว, รฺโ อาจิกฺขิตฺวา ติตฺถิยารามกรณํ นิวาเรถา’’ติ อาห. ภิกฺขุสงฺโฆ คนฺตฺวา รฺโ นิเวสนทฺวาเร อฏฺาสิ. ราชา สงฺฆสฺส อาคตภาวํ สุตฺวาปิ ‘‘ติตฺถิยารามํ นิสฺสาย อาคตา ภวิสฺสนฺตี’’ติ ลฺชสฺส คหิตตฺตา ‘‘ราชา เคเห นตฺถี’’ติ วทาเปสิ. ภิกฺขู คนฺตฺวา สตฺถุ อาโรเจสุํ. สตฺถา ‘‘ลฺชํ นิสฺสาย เอวํ กโรตี’’ติ ทฺเว อคฺคสาวเก เปเสสิ. ราชา เตสมฺปิ อาคตภาวํ สุตฺวา ตเถว วทาเปสิ. เตปิ อาคนฺตฺวา สตฺถุ อาราเจสุํ. สตฺถา ‘‘น อิทานิ, สาริปุตฺต, ราชา เคเห นิสีทิตุํ ลภิสฺสติ, พหิ นิกฺขมิสฺสตี’’ติ ปุนทิวเส ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ รฺโ นิเวสนทฺวารํ อคมาสิ. ราชา สุตฺวา ปาสาทา โอตริตฺวา ปตฺตํ คเหตฺวา สตฺถารํ ปเวเสตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส สงฺฆสฺส ยาคุขชฺชกํ ทตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. สตฺถา รฺโ เอกํ ปริยายธมฺมเทสนํ อารภนฺโต ‘‘มหาราช, โปราณกราชาโน ลฺชํ คเหตฺวา สีลวนฺเต อฺมฺํ กลหํ กาเรตฺวา อตฺตโน รฏฺสฺส อสฺสามิโน หุตฺวา มหาวินาสํ ปาปุณึสู’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต ¶ ภรุรฏฺเ ภรุราชา นาม รชฺชํ กาเรสิ. ตทา โพธิสตฺโต ปฺจาภิฺโ อฏฺสมาปตฺติลาภี คณสตฺถา ตาปโส หุตฺวา หิมวนฺตปเทเส จิรํ วสิตฺวา โลณมฺพิลเสวนตฺถาย ปฺจสตตาปสปริวุโต หิมวนฺตา โอตริตฺวา อนุปุพฺเพน ภรุนครํ ปตฺวา ตตฺถ ปิณฺฑาย จริตฺวา นครา นิกฺขมิตฺวา อุตฺตรทฺวาเร สาขาวิฏปสมฺปนฺนสฺส วฏรุกฺขสฺส มูเล นิสีทิตฺวา ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา ตตฺเถว รุกฺขมูเล วาสํ กปฺเปสิ. เอวํ ตสฺมึ อิสิคเณ ตตฺถ วสนฺเต อฑฺฒมาสจฺจเยน อฺโ คณสตฺถา ปฺจสตปริวาโร อาคนฺตฺวา นคเร ภิกฺขาย จริตฺวา นครา นิกฺขมิตฺวา ทกฺขิณทฺวาเร ตาทิสสฺเสว วฏรุกฺขสฺส มูเล นิสีทิตฺวา ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา ตตฺถ รุกฺขมูเล วาสํ กปฺเปสิ. อิติ เต ทฺเวปิ อิสิคณา ตตฺถ ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวา หิมวนฺตเมว อคมํสุ.
เตสํ ¶ คตกาเล ทกฺขิณทฺวาเร วฏรุกฺโข สุกฺโข. ปุนวาเร เตสุ อาคจฺฉนฺเตสุ ทกฺขิณทฺวาเร วฏรุกฺขวาสิโน ปมตรํ อาคนฺตฺวา อตฺตโน วฏรุกฺขสฺส ¶ สุกฺขภาวํ ตฺวา ภิกฺขาย จริตฺวา นครา นิกฺขมิตฺวา อุตฺตรทฺวาเร วฏรุกฺขมูลํ คนฺตฺวา ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา ตตฺถ วาสํ กปฺเปสุํ. อิตเร ปน อิสโย ปจฺฉา อาคนฺตฺวา นคเร ภิกฺขาย จริตฺวา อตฺตโน รุกฺขมูลเมว คนฺตฺวา ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา วาสํ กปฺเปสุํ. เต ‘‘น โส ตุมฺหากํ รุกฺโข, อมฺหากํ รุกฺโข’’ติ รุกฺขํ นิสฺสาย อฺมฺํ กลหํ กรึสุ, กลโห มหา อโหสิ. เอเก ‘‘อมฺหากํ ปมํ วสิตฏฺานํ ตุมฺเห น ลภิสฺสถา’’ติ วทนฺติ. เอเก ‘‘มยํ อิมสฺมึ วาเร ปมตรํ อิธาคตา, ตุมฺเห น ลภิสฺสถา’’ติ วทนฺติ. อิติ เต ‘‘มยํ สามิโน, มยํ สามิโน’’ติ กลหํ กโรนฺตา รุกฺขมูลสฺสตฺถาย ราชกุลํ อคมํสุ. ราชา ปมํ วุตฺถอิสิคณฺเว สามิกํ อกาสิ ¶ . อิตเร ‘‘น ทานิ มยํ อิเมหิ ปราชิตาติ อตฺตานํ วทาเปสฺสามา’’ติ ทิพฺพจกฺขุนา โอโลเกตฺวา เอกํ จกฺกวตฺติปริโภคํ รถปฺชรํ ทิสฺวา อาหริตฺวา รฺโ ลฺชํ ทตฺวา ‘‘มหาราช, อมฺเหปิ สามิเก กโรหี’’ติ อาหํสุ.
ราชา ลฺชํ คเหตฺวา ‘‘ทฺเวปิ คณา วสนฺตู’’ติ ทฺเวปิ สามิเก อกาสิ. อิตเร อิสโย ตสฺส รถปฺชรสฺส รถจกฺกานิ นีหริตฺวา ลฺชํ ทตฺวา ‘‘มหาราช, อมฺเหเยว สามิเก กโรหี’’ติ อาหํสุ. ราชา ตถา อกาสิ. อิสิคณา ‘‘อมฺเหหิ วตฺถุกาเม จ กิเลสกาเม จ ปหาย ปพฺพชิเตหิ รุกฺขมูลสฺส การณา กลหํ กโรนฺเตหิ ลฺชํ ททนฺเตหิ อยุตฺตํ กต’’นฺติ วิปฺปฏิสาริโน หุตฺวา เวเคน ปลายิตฺวา หิมวนฺตเมว อคมํสุ. สกลภรุรฏฺวาสิโน เทวตา เอกโต หุตฺวา ‘‘สีลวนฺเต กลหํ กโรนฺเตน รฺา อยุตฺตํ กต’’นฺติ ภรุรฺโ กุชฺฌิตฺวา ติโยชนสติกํ ภรุรฏฺํ สมุทฺทํ อุพฺพตฺเตตฺวา อรฏฺมกํสุ. อิติ เอกํ ภรุราชานํ นิสฺสาย สกลรฏฺวาสิโนปิ วินาสํ ปตฺตาติ.
สตฺถา อิมํ อตีตํ อาหริตฺวา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา อิมา คาถา อโวจ –
‘‘อิสีนมนฺตรํ กตฺวา, ภรุราชาติ เม สุตํ;
อุจฺฉินฺโน สห รฏฺเหิ, ส ราชา วิภวงฺคโต.
‘‘ตสฺมา หิ ฉนฺทาคมนํ, นปฺปสํสนฺติ ปณฺฑิตา;
อทุฏฺจิตฺโต ภาเสยฺย, คิรํ สจฺจุปสํหิต’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ ¶ อนฺตรํ กตฺวาติ ฉนฺทาคติวเสน วิวรํ กตฺวา. ภรุราชาติ ภรุรฏฺเ ราชา. อิติ เม สุตนฺติ อิติ มยา ปุพฺเพ เอตํ สุตํ. ตสฺมา หิ ฉนฺทาคมนนฺติ ยสฺมา หิ ฉนฺทาคมนํ คนฺตฺวา ภรุราชา สห รฏฺเน อุจฺฉินฺโน, ตสฺมา ฉนฺทาคมนํ ปณฺฑิตา นปฺปสํสนฺติ. อทุฏฺจิตฺโตติ กิเลเสหิ อทูสิตจิตฺโต หุตฺวา. ภาเสยฺย คิรํ สจฺจุปสํหิตนฺติ สภาวนิสฺสิตํ ¶ อตฺถนิสฺสิตํ การณนิสฺสิตเมว คิรํ ภาเสยฺย. เย หิ ตตฺถ ภรุรฺโ ลฺชํ คณฺหนฺตสฺส อยุตฺตํ เอตนฺติ ปฏิกฺโกสนฺตา สจฺจุปสํหิตํ คิรํ ภาสึสุ, เตสํ ิตฏฺานํ นาฬิเกรทีเป อชฺชาปิ ทีปกสหสฺสํ ปฺายตีติ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘มหาราช, ฉนฺทวสิเกน นาม น ภวิตพฺพํ, ทฺเว ปพฺพชิตคเณ กลหํ กาเรตุํ น วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘อหํ เตน สมเยน เชฏฺกอิสิ อโหสิ’’นฺติ, ราชา ตถาคตสฺส ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา คตกาเล มนุสฺเส เปเสตฺวา ติตฺถิยารามํ วิทฺธํสาเปสิ, ติตฺถิยา อปฺปติฏฺา อเหสุํ.
ภรุชาตกวณฺณนา ตติยา.
[๒๑๔] ๔. ปุณฺณนทีชาตกวณฺณนา
ปุณฺณํ นทินฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปฺาปารมึ อารพฺภ กเถสิ. เอกสฺมิฺหิ ทิวเส ธมฺมสภายํ ภิกฺขู ตถาคตสฺส ปฺํ อารพฺภ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, สมฺมาสมฺพุทฺโธ มหาปฺโ ปุถุปฺโ หาสปฺโ ชวนปฺโ ติกฺขปฺโ คมฺภีรปฺโ นิพฺเพธิกปฺโ อุปายปฺาย สมนฺนาคโต’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ ตถาคโต ปฺวา อุปายกุสโลเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ปุโรหิตกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา ปิตุ อจฺจเยน ปุโรหิตฏฺานํ ลภิตฺวา พาราณสิรฺโ อตฺถธมฺมานุสาสโก ¶ อโหสิ. อปรภาเค ราชา ปริเภทกานํ กถํ คเหตฺวา โพธิสตฺตสฺส กุทฺโธ ‘‘มา มม สนฺติเก วสี’’ติ โพธิสตฺตํ พาราณสิโต ปพฺพาเชสิ. โพธิสตฺโต ปุตฺตทารํ คเหตฺวา เอกสฺมึ กาสิกคามเก วาสํ กปฺเปสิ. อปรภาเค ราชา ตสฺส คุณํ สริตฺวา ‘‘มยฺหํ กฺจิ เปเสตฺวา อาจริยํ ปกฺโกสิตุํ น ยุตฺตํ, เอกํ ปน คาถํ พนฺธิตฺวา ปณฺณํ ¶ ¶ ลิขิตฺวา กากมํสํ ปจาเปตฺวา ปณฺณฺจ มํสฺจ เสตวตฺเถน ปลิเวเตฺวา ราชมุทฺทิกาย ลฺเฉตฺวา เปเสสฺสามิ. ยทิ ปณฺฑิโต ภวิสฺสติ, ปณฺณํ วาเจตฺวา กากมํสภาวํ ตฺวา อาคมิสฺสติ, โน เจ, นาคมิสฺสตี’’ติ ‘‘ปุณฺณํ นทิ’’นฺติ อิมํ คาถํ ปณฺเณ ลิขิ –
‘‘ปุณฺณํ นทึ เยน จ เปยฺยมาหุ, ชาตํ ยวํ เยน จ คุยฺหมาหุ;
ทูรํ คตํ เยน จ อวฺหยนฺติ, โส ตฺยาคโต หนฺท จ ภฺุช พฺราหฺมณา’’ติ.
ตตฺถ ปุณฺณํ นทึ เยน จ เปยฺยมาหูติ กากเปยฺยา นทีหิ วทนฺตา เยน ปุณฺณํ นทึ กากเปยฺยมาหุ, น หิ อปุณฺณา นที ‘‘กากเปยฺยา’’ติ วุจฺจติ. ยทาปิ นทีตีเร ตฺวา คีวํ ปสาเรตฺวา กาเกน ปาตุํ สกฺกา โหติ, ตทา นํ ‘‘กากเปยฺยา’’ติ วทนฺติ. ชาตํ ยวํ เยน จ คุยฺหมาหูติ ยวนฺติ เทสนาสีสมตฺตํ, อิธ ปน สพฺพมฺปิ ชาตํ อุคฺคตํ สมฺปนฺนตรุณสสฺสํ อธิปฺเปตํ. ตฺหิ ยทา อนฺโต ปวิฏฺกากํ ปฏิจฺฉาเทตุํ สกฺโกติ, ตทา คุยฺหตีติ คุยฺหํ. กึ คุยฺหติ? กากํ. อิติ กากสฺส คุยฺหํ กากคุยฺหนฺติ ตํ วทมานา กาเกน คุยฺหวจนสฺส การณภูเตน ‘‘คุยฺห’’นฺติ วทนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘เยน จ คุยฺหมาหู’’ติ. ทูรํ คตํ เยน จ อวฺหยนฺตีติ ทูรํ คตํ วิปฺปวุตฺถํ ปิยปุคฺคลํ ยํ อาคนฺตฺวา นิสินฺนํ ทิสฺวา สเจ อิตฺถนฺนาโม อาคจฺฉติ, วสฺส กากาติ วา วสฺสนฺตฺเว วา สุตฺวา ‘‘ยถา กาโก วสฺสติ, อิตฺถนฺนาโม อาคมิสฺสตี’’ติ เอวํ วทนฺตา เยน จ อวฺหยนฺติ กเถนฺติ มนฺเตนฺติ, อุทาหรนฺตีติ อตฺโถ. โส ตฺยาคโตติ โส เต อานีโต. หนฺท จ ภฺุช, พฺราหฺมณาติ คณฺห, พฺราหฺมณ, ภฺุชสฺสุ นํ, ขาท อิทํ กากมํสนฺติ อตฺโถ.
อิติ ¶ ราชา อิมํ คาถํ ปณฺเณ ลิขิตฺวา โพธิสตฺตสฺส เปเสสิ. โส ปณฺณํ วาเจตฺวา ‘‘ราชา มํ ทฏฺุกาโม’’ติ ตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘ยโต ¶ มํ สรตี ราชา, วายสมฺปิ ปเหตเว;
หํสา โกฺจา มยูรา จ, อสตีเยว ปาปิยา’’ติ.
ตตฺถ ยโต มํ สรตี ราชา, วายสมฺปิ ปเหตเวติ ยทา ราชา วายสมํสํ ลภิตฺวา ตมฺปิ ปเหตุํ มํ สรติ. หํสา โกฺจา มยูรา จาติ ยทา ปนสฺส เอเต หํสาทโย อุปนีตา ภวิสฺสนฺติ, เอกานิ หํสมํสาทีนิ ลจฺฉติ, ตทา มํ กสฺมา น สริสฺสตีติ อตฺโถ? อฏฺกถายํ ¶ ปน ‘‘หํสโกฺจมยูราน’’นฺติ ปาโ. โส สุนฺทรตรา, อิเมสํ หํสาทีนํ มํสํ ลภิตฺวา กสฺมา มํ น สริสฺสติ, สริสฺสติเยวาติ อตฺโถ. อสตีเยว ปาปิยาติ ยํ วา ตํ วา ลภิตฺวา สรณํ นาม สุนฺทรํ, โลกสฺมึ ปน อสติเยว ปาปิยา, อสติกรณํเยว หีนํ ลามกํ, ตฺจ อมฺหากํ รฺโ นตฺถิ. สรติ มํ ราชา, อาคมนํ เม ปจฺจาสีสติ, ตสฺมา คมิสฺสามีติ ยานํ โยชาเปตฺวา คนฺตฺวา ราชานํ ปสฺสิ, ราชา ตุสฺสิตฺวา ปุโรหิตฏฺาเนเยว ปติฏฺาเปสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ราชา อานนฺโท อโหสิ, ปุโรหิโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
ปุณฺณนทีชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.
[๒๑๕] ๕. กจฺฉปชาตกวณฺณนา
อวธี วต อตฺตานนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โกกาลิกํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ มหาตกฺการิชาตเก (ชา. ๑.๑๓.๑๐๔ อาทโย) อาวิ-ภวิสฺสติ. ตทา ปน สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, โกกาลิโก อิทาเนว วาจาย หโต, ปุพฺเพปิ วาจาย หโตเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต อมจฺจกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตสฺส อตฺถธมฺมานุสาสโก อโหสิ. โส ปน ราชา พหุภาณี อโหสิ, ตสฺมึ กเถนฺเต อฺเสํ ¶ วจนสฺส โอกาโส นาม นตฺถิ. โพธิสตฺโต ¶ ตสฺส ตํ พหุภาณิตํ วาเรตุกาโม เอกํ อุปายํ อุปธาเรนฺโต วิจรติ. ตสฺมิฺจ กาเล หิมวนฺตปเทเส เอกสฺมึ สเร กจฺฉโป วสติ, ทฺเว หํสโปตกา โคจราย จรนฺตา เตน สทฺธึ วิสฺสาสํ อกํสุ. เต ทฬฺหวิสฺสาสิกา หุตฺวา เอกทิวสํ กจฺฉปํ อาหํสุ – ‘‘สมฺม กจฺฉป, อมฺหากํ หิมวนฺเต จิตฺตกูฏปพฺพตตเล กฺจนคุหายํ วสนฏฺานํ รมณีโย ปเทโส, คจฺฉสิ อมฺหากํ สทฺธิ’’นฺติ. ‘‘อหํ กินฺติ กตฺวา คมิสฺสามี’’ติ? ‘‘มยํ ตํ คเหตฺวา คมิสฺสาม, สเจ ตฺวํ มุขํ รกฺขิตุํ สกฺขิสฺสสิ, กสฺสจิ กิฺจิ น กเถสฺสสี’’ติ. ‘‘รกฺขิสฺสามิ, สามิ, คเหตฺวา มํ คจฺฉถา’’ติ. เต ‘‘สาธู’’ติ วตฺวา เอกํ ทณฺฑกํ กจฺฉเปน ฑํสาเปตฺวา สยํ ¶ ตสฺส อุโภ โกฏิโย ฑํสิตฺวา อากาสํ ปกฺขนฺทึสุ. ตํ ตถา หํเสหิ นียมานํ คามทารกา ทิสฺวา ‘‘ทฺเว หํสา กจฺฉปํ ทณฺฑเกน หรนฺตี’’ติ อาหํสุ.
กจฺฉโป ‘‘ยทิ มํ สหายกา เนนฺติ, ตุมฺหากํ เอตฺถ กึ ทุฏฺเจฏกา’’ติ วตฺตุกาโม หํสานํ สีฆเวคตาย พาราณสินคเร ราชนิเวสนสฺส อุปริภาคํ สมฺปตฺตกาเล ทฏฺฏฺานโต ทณฺฑกํ วิสฺสชฺเชตฺวา อากาสงฺคเณ ปติตฺวา ทฺเวภาโค อโหสิ, ‘‘กจฺฉโป อากาสโต ปติตฺวา ทฺเวธา ภินฺโน’’ติ เอกโกลาหลํ อโหสิ. ราชา โพธิสตฺตํ อาทาย อมจฺจคณปริวุโต ตํ านํ คนฺตฺวา กจฺฉปํ ทิสฺวา โพธิสตฺตํ ปุจฺฉิ – ‘‘ปณฺฑิต, กินฺติ กตฺวา เอส ปติโต’’ติ? โพธิสตฺโต ‘‘จิรปฏิกงฺโขหํ ราชานํ โอวทิตุกาโม อุปายํ อุปธาเรนฺโต จรามิ, อิมินา กจฺฉเปน หํเสหิ สทฺธึ วิสฺสาโส กโต ภวิสฺสติ, เตหิ อิมํ ‘หิมวนฺตํ เนสฺสามา'ติ ทณฺฑกํ ฑํสาเปตฺวา อากาสํ ปกฺขนฺเตหิ ภวิตพฺพํ, อถ อิมินา กสฺสจิ วจนํ สุตฺวา อรกฺขิตมุขตาย กิฺจิ วตฺตุกาเมน ทณฺฑกา วิสฺสฏฺโ ภวิสฺสติ, เอวํ ¶ อากาสโต ปติตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปตฺเตเนว ภวิตพฺพ’’นฺติ จินฺเตตฺวา ‘‘อาม มหาราช, อติมุขรา นาม อปริยนฺตวจนา เอวรูปํ ทุกฺขํ ปาปุณนฺติเยวา’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อโวจ –
‘‘อวธี วต อตฺตานํ, กจฺฉโป พฺยาหรํ คิรํ;
สุคฺคหีตสฺมึ กฏฺสฺมึ, วาจาย สกิยาวธิ.
‘‘เอตมฺปิ ¶ ทิสฺวา นรวีริยเสฏฺ, วาจํ ปมฺุเจ กุสลํ นาติเวลํ;
ปสฺสสิ พหุภาเณน, กจฺฉปํ พฺยสนํ คต’’นฺติ.
ตตฺถ อวธี วตาติ ฆาเตสิ วต. พฺยาหรนฺติ พฺยาหรนฺโต. สุคฺคหีตสฺมึ กฏฺสฺมินฺติ มุเขน สุฏฺุ ฑํสิตฺวา คหิเต ทณฺฑเก. วาจาย สกิยาวธีติ อติมุขรตาย อกาเล วาจํ นิจฺฉาเรนฺโต ทฏฺฏฺานํ วิสฺสชฺเชตฺวา ตาย สกาย วาจาย อตฺตานํ อวธิ ฆาเตสิ. เอวเมส ชีวิตกฺขยํ ปตฺโต, น อฺถาติ. เอตมฺปิ ทิสฺวาติ เอตมฺปิ การณํ ทิสฺวา. นรวีริยเสฏฺาติ นเรสุ วีริเยน เสฏฺ อุตฺตมวีริย ราชวร. วาจํ ปมฺุเจ กุสลํ นาติเวลนฺติ สจฺจาทิปฏิสํยุตฺตํ กุสลเมว ปณฺฑิโต ปุริโส มฺุเจยฺย นิจฺฉาเรยฺย, ตมฺปิ หิตํ กาลยุตฺตํ, น อติเวลํ, อติกฺกนฺตกาลํ อปริยนฺตวาจํ น ภาเสยฺย. ปสฺสสีติ นนุ ปจฺจกฺขโต ปสฺสสิ. พหุภาเณนาติ พหุภณเนน. กจฺฉปํ พฺยสนํ คตนฺติ เอตํ กจฺฉปํ ชีวิตกฺขยํ ปตฺตนฺติ.
ราชา ¶ ‘‘มํ สนฺธาย ภาสตี’’ติ ตฺวา ‘‘อมฺเห สนฺธาย กเถสิ, ปณฺฑิตา’’ติ อาห. โพธิสตฺโต ‘‘มหาราช, ตฺวํ วา โหหิ อฺโ วา, โย โกจิ ปมาณาติกฺกนฺตํ ภาสนฺโต เอวรูปํ พฺยสนํ ปาปุณาตี’’ติ ปากฏํ กตฺวา กเถสิ. ราชา ตโต ปฏฺาย วิรมิตฺวา มนฺทภาณี อโหสิ.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา กจฺฉโป โกกาลิโก อโหสิ, ทฺเว หํสโปตกา ทฺเว มหาเถรา, ราชา อานนฺโท, อมจฺจปณฺฑิโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
กจฺฉปชาตกวณฺณนา ปฺจมา.
[๒๑๖] ๖. มจฺฉชาตกวณฺณนา
น มายมคฺคิ ตปตีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปุราณทุติยิกาปโลภนํ อารพฺภ กเถสิ. ตฺหิ ภิกฺขุํ สตฺถา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, ภิกฺขุ, อุกฺกณฺิโตสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘สจฺจํ, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘เกน อุกฺกณฺาปิโตสี’’ติ ปุฏฺโ ‘‘ปุราณทุติยิกายา’’ติ อาห. อถ นํ สตฺถา ‘‘อยํ เต ภิกฺขุ อิตฺถี อนตฺถการิกา, ปุพฺเพปิ ตฺวํ เอตํ นิสฺสาย สูเลน วิชฺฌิตฺวา ¶ องฺคาเรสุ ปจิตฺวา ขาทิตพฺพตํ ปตฺโต ปณฺฑิเต นิสฺสาย ชีวิตํ อลตฺถา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส ปุโรหิโต อโหสิ. อเถกทิวสํ เกวฏฺฏา ชาเล ลคฺคํ มจฺฉํ อุทฺธริตฺวา อุณฺหวาลุกาปิฏฺเ เปตฺวา ‘‘องฺคาเรสุ นํ ปจิตฺวา ขาทิสฺสามา’’ติ สูลํ ตจฺฉึสุ. มจฺโฉ มจฺฉึ อารพฺภ ปริเทวมาโน อิมา คาถา อโวจ –
‘‘น มายมคฺคิ ตปติ, น สูโล สาธุตจฺฉิโต;
ยฺจ มํ มฺเต มจฺฉี, อฺํ โส รติยา คโต.
‘‘โส มํ ทหติ ราคคฺคิ, จิตฺตํ จูปตเปติ มํ;
ชาลิโน มฺุจถายิรา มํ, น กาเม หฺเต กฺวจี’’ติ.
ตตฺถ ¶ น มายมคฺคิ ตปตีติ น มํ อยํ อคฺคิ ตปติ, น ตาปํ ชเนติ, น โสจยตีติ อตฺโถ. น สูโลติ อยํ สูโลปิ สาธุตจฺฉิโต มํ น ตปติ, น เม โสกํ อุปฺปาเทติ. ยฺจ มํ มฺเตติ ยํ ปน มํ มจฺฉี เอวํ มฺติ ‘‘อฺํ มจฺฉึ โส ปฺจกามคุณรติยา คโต’’ติ, ตเทว ¶ มํ ตปติ โสจยติ. โส มํ ทหตีติ โย ปเนส ราคคฺคิ, โส มํ ทหติ ฌาเปติ. จิตฺตํ จูปตเปติ มนฺติ ราคสมฺปยุตฺตกํ มม จิตฺตเมว จ มํ อุปตาเปติ กิลเมติ วิเหเติ. ชาลิโนติ เกวฏฺเฏ อาลปติ. เต หิ ชาลสฺส อตฺถิตาย ‘‘ชาลิโน’’ติ วุจฺจนฺติ. มฺุจถายิรา มนฺติ มฺุจถ มํ สามิโนติ ยาจติ. น กาเม หฺเต กฺวจีติ กาเม ปติฏฺิโต กาเมน นียมาโน สตฺโต น กฺวจิ หฺติ. น หิ ตํ ตุมฺหาทิสา หนิตุํ อนุจฺฉวิกาติ ปริเทวติ. อถ วา กาเมติ เหตุวจเน ภุมฺมํ, กามเหตุ มจฺฉึ อนุพนฺธมาโน นาม น กฺวจิ ตุมฺหาทิเสหิ หฺตีติ ปริเทวติ. ตสฺมึ ขเณ โพธิสตฺโต นทีตีรํ คโต ตสฺส มจฺฉสฺส ปริเทวิตสทฺทํ สุตฺวา เกวฏฺเฏ อุปสงฺกมิตฺวา ตํ มจฺฉํ โมเจสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺิตภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ ¶ . ‘‘ตทา มจฺฉี ปุราณทุติยิกา อโหสิ, มจฺโฉ อุกฺกณฺิตภิกฺขุ, ปุโรหิโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
มจฺฉชาตกวณฺณนา ฉฏฺา.
[๒๑๗] ๗. เสคฺคุชาตกวณฺณนา
สพฺโพ โลโกติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ ปณฺณิกอุปาสกํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ เอกกนิปาเต วิตฺถาริตเมว. อิธาปิ สตฺถา ตํ ‘‘กึ, อุปาสก, จิรสฺสํ อาคโตสี’’ติ ปุจฺฉิ. ปณฺณิกอุปาสโก ‘‘ธีตา เม, ภนฺเต, นิจฺจํ ปหํสิตมุขี, ตมหํ วีมํสิตฺวา เอกสฺส กุลทารกสฺส อทาสึ, ตตฺถ อิติกตฺตพฺพตาย ตุมฺหากํ ทสฺสนาย อาคนฺตุํ โอกาสํ น ลภิ’’นฺติ อาห. อถ นํ สตฺถา ‘‘น โข, อุปาสก, อิทาเนเวสา สีลวตี, ปุพฺเพปิ สีลวตี, ตฺวฺจ น อิทาเนเวตํ วีมํสสิ, ปุพฺเพปิ วีมํสิเยวา’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต รุกฺขเทวตา อโหสิ. ตทา อยเมว ¶ ปณฺณิกอุปาสโก ‘‘ธีตรํ วีมํสิสฺสามี’’ติ อรฺํ เนตฺวา กิเลสวเสน อิจฺฉนฺโต ¶ วิย หตฺเถ คณฺหิ. อถ นํ ปริเทวมานํ ปมคาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘สพฺโพ โลโก อตฺตมโน อโหสิ, อโกวิทา คามธมฺมสฺส เสคฺคุ;
โกมาริ โก นาม ตวชฺช ธมฺโม, ยํ ตฺวํ คหิตา ปวเน ปโรทสี’’ติ.
ตตฺถ สพฺโพ โลโก อตฺตมโน อโหสีติ, อมฺม, สกโลปิ สตฺตโลโก เอติสฺสา กามเสวนาย อตฺตมโน ชาโต. อโกวิทา คามธมฺมสฺส เสคฺคูติ เสคฺคูติ ตสฺสา นามํ. เตน ตฺวํ ปน, อมฺม, เสคฺคุ อโกวิทา คามธมฺมสฺส, อิมสฺมึ คามธมฺเม วสลธมฺเม อกุสลาสีติ วุตฺตํ โหติ. โกมาริ โก นาม ตวชฺช ธมฺโมติ, อมฺม, กุมาริ โก นาเมส ตว อชฺช สภาโว. ยํ ตฺวํ คหิตา ปวเน ปโรทสีติ ตฺวํ มยา อิมสฺมึ ปวเน สนฺถววเสน หตฺเถ คหิตา ปโรทสิ ¶ น สมฺปฏิจฺฉสิ, โก เอส ตว สภาโว, กึ กุมาริกาเยว ตฺวนฺติ ปุจฺฉติ.
ตํ สุตฺวา กุมาริกา ‘‘อาม, ตาต, กุมาริกาเยวาหํ, นาหํ เมถุนธมฺมํ นาม ชานามี’’ติ วตฺวา ปริเทวมานา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘โย ทุกฺขผุฏฺาย ภเวยฺย ตาณํ, โส เม ปิตา ทุพฺภิ วเน กโรติ;
สา กสฺส กนฺทามิ วนสฺส มชฺเฌ, โย ตายิตา โส สหสํ กโรตี’’ติ.
สา เหฏฺา กถิตาเยว. อิติ โส ปณฺณิโก ตทา ธีตรํ วีมํสิตฺวา เคหํ เนตฺวา กุลทารกสฺส ทตฺวา ยถากมฺมํ คโต.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน ปณฺณิกอุปาสโก โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ‘‘ตทา ธีตา ธีตาเยว, ปิตา ปิตาเยว อโหสิ, ตสฺส การณสฺส ปจฺจกฺขการิกา รุกฺขเทวตา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
เสคฺคุชาตกวณฺณนา สตฺตมา.
[๒๑๘] ๘. กูฏวาณิชชาตกวณฺณนา
สสฺส ¶ ¶ สาเยฺยมิทนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ กูฏวาณิชํ อารพฺภ กเถสิ. สาวตฺถิวาสิโน หิ กูฏวาณิโช จ ปณฺฑิตวาณิโช จ ทฺเว วาณิชา มิตฺติกา หุตฺวา ปฺจ สกฏสตานิ ภณฺฑสฺส ปูราเปตฺวา ปุพฺพนฺตโต อปรนฺตํ วิจรมานา โวหารํ กตฺวา พหุํ ลาภํ ลภิตฺวา สาวตฺถึ ปจฺจาคมึสุ. ปณฺฑิตวาณิโช กูฏวาณิชํ อาห – ‘‘สมฺม, ภณฺฑํ ภาเชมา’’ติ. กูฏวาณิโช ‘‘อยํ ทีฆรตฺตํ ทุกฺขเสยฺยาย ทุพฺโภชเนน กิลนฺโต อตฺตโน ฆเร นานคฺครสํ ภตฺตํ ภฺุชิตฺวา อชีรเกน มริสฺสติ, อถ สพฺพมฺเปตํ ภณฺฑํ มยฺหเมว ภวิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘นกฺขตฺตํ น มนาปํ, ทิวโส น มนาโป, สฺเว ชานิสฺสามิ ¶ , ปุนทิวเส ชานิสฺสามี’’ติ กาลํ เขเปติ. อถ นํ ปณฺฑิตวาณิโช นิปฺปีเฬตฺวา ภาชาเปตฺวา คนฺธมาลํ อาทาย สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา สตฺถารํ ปูเชตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. สตฺถา ‘‘กทา อาคโตสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อฑฺฒมาสมตฺโต เม, ภนฺเต, อาคตสฺสา’’ติ วตฺวา ‘‘อถ กสฺมา เอวํ ปปฺจํ กตฺวา พุทฺธุปฏฺานํ อาคโตสี’’ติ ปุฏฺโ ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ. สตฺถา ‘‘น โข, อุปาสก, อิทาเนว, ปุพฺเพเปส กูฏวาณิโชเยวา’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต อมจฺจกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตสฺส วินิจฺฉยามจฺโจ อโหสิ. ตทา คามวาสี จ นครวาสี จ ทฺเว วาณิชา มิตฺตา อเหสุํ. คามวาสี นครวาสิสฺส สนฺติเก ปฺจ ผาลสตานิ เปสิ. โส เต ผาเล วิกฺกิณิตฺวา มูลํ คเหตฺวา ผาลานํ ปิตฏฺาเน มูสิกวจฺจํ อากิริตฺวา เปสิ. อปรภาเค คามวาสี อาคนฺตฺวา ‘‘ผาเล เม เทหี’’ติ อาห. กูฏวาณิโช ‘‘ผาลา เต มูสิกาหิ ขาทิตา’’ติ มูสิกวจฺจํ ทสฺเสสิ. อิตโร ‘‘ขาทิตาว โหนฺตุ, มูสิกาหิ ขาทิเต กึ สกฺกา กาตุ’’นฺติ นฺหานตฺถาย ตสฺส ปุตฺตํ อาทาย คจฺฉนฺโต เอกสฺส สหายกสฺส เคเห ‘‘อิมสฺส กตฺถจิ คนฺตุํ มา อทตฺถา’’ติ วตฺวา อนฺโตคพฺเภ ¶ นิสีทาเปตฺวา สยํ นฺหายิตฺวา กูฏวาณิชสฺส เคหํ อคมาสิ. โส ‘‘ปุตฺโต เม กห’’นฺติ อาห. ‘‘สมฺม, ตว ปุตฺตํ ตีเร เปตฺวา มม อุทเก นิมุคฺคกาเล เอโก กุลโล อาคนฺตฺวา ตว ปุตฺตํ นขปฺชเรน คเหตฺวา อากาสํ ปกฺขนฺโต, อหํ ปาณึ ปหริตฺวา วิรวิตฺวา วายมนฺโตปิ โมเจตุํ นาสกฺขิ’’นฺติ. ‘‘ตฺวํ มุสา ภณสิ, กุลลา ทารเก คเหตฺวา คนฺตุํ สมตฺถา นาม นตฺถี’’ติ. ‘‘สมฺม, โหตุ, อยุตฺเตปิ โหนฺเต อหํ กึ กโรมิ, กุลเลเนว เต ปุตฺโต นีโต’’ติ. โส ตํ สนฺตชฺเชตฺวา ‘‘อเร ทุฏฺโจร มนุสฺสมารก ¶ , อิทานิ ตํ วินิจฺฉยํ คนฺตฺวา กฑฺฒาเปสฺสามี’’ติ นิกฺขมิ. โส ‘‘มม รุจฺจนกเมว กโรสี’’ติ เตเนว สทฺธึ วินิจฺฉยฏฺานํ อคมาสิ.
กูฏวาณิโช โพธิสตฺตํ อาห – ‘‘อยํ, สามิ, มม ปุตฺตํ คเหตฺวา นฺหายิตุํ คโต, ‘กหํ เม ปุตฺโต’ติ วุตฺเต ‘กุลเลน หโฏ’ติ อาห, วินิจฺฉินถ ¶ เม อฑฺฑ’’นฺติ. โพธิสตฺโต ‘‘สจฺจํ ภเณ’’ติ อิตรํ ปุจฺฉิ. โส อาห – ‘‘อาม, สามิ, อหํ ตํ อาทาย คโต, เสเนน ปหฏภาโว สจฺจเมว, สามี’’ติ. ‘‘กึ ปน โลเก กุลลา นาม ทารเก หรนฺตี’’ติ? ‘‘สามิ, อหมฺปิ ตุมฺเห ปุจฺฉามิ – ‘‘กุลลา ทารเก คเหตฺวา อากาเส คนฺตุํ น สกฺโกนฺติ, มูสิกา ปน อยผาเล ขาทนฺตี’’ติ. ‘‘อิทํ กึ นามา’’ติ? ‘‘สามิ, มยา เอตสฺส ฆเร ปฺจ ผาลสตานิ ปิตานิ, สฺวายํ ‘ผาลา เต มูสิกาหิ ขาทิตา’ติ วตฺวา ‘อิทํ เต ผาเล ขาทิตมูสิกานํ วจฺจ’นฺติ วจฺจํ ทสฺเสติ, สามิ, มูสิกา เจ ผาเล ขาทนฺติ, กุลลาปิ ทารเก หริสฺสนฺติ. สเจ น ขาทนฺติ, เสนาปิ ตํ น หริสฺสนฺติ. เอโส ปน ‘ผาลา เต มูสิกาหิ ขาทิตา’ติ วทติ, เตสํ ขาทิตภาวํ วา อขาทิตภาวํ วา ชานาถ, อฑฺฑํ ¶ เม วินิจฺฉินถา’’ติ. โพธิสตฺโต ‘‘สสฺส ปฏิสาเยฺยํ กตฺวา ชินิสฺสามีติ อิมินา จินฺติตํ ภวิสฺสตี’’ติ ตฺวา ‘‘สุฏฺุ เต จินฺติต’’นฺติ วตฺวา อิมา คาถา อโวจ –
‘‘สสฺส สาเยฺยมึท สุจินฺติตํ, ปจฺโจฑฺฑิตํ ปฏิกูฏสฺส กูฏํ;
ผาลํ เจ ขาเทยฺยุํ มูสิกา, กสฺมา กุมารํ กุลลา น หเรยฺยุํ.
‘‘กูฏสฺส หิ สนฺติ กูฏกูฏา, ภวติ จาปิ นิกติโน นิกตฺยา;
เทหิ ปุตฺตนฏฺ ผาลนฏฺสฺส ผาลํ, มา เต ปุตฺตมหาสิ ผาลนฏฺโ’’ติ.
ตตฺถ สสฺสาติ สภาเวน เกราฏิเกน ‘‘เอกํ อุปายํ กตฺวา ปรสนฺตกํ ขาทิตุํ วฏฺฏตี’’ติ สสฺส. สาเยฺยมิทํ สุจินฺติตนฺติ อิทํ ปฏิสาเยฺยํ จินฺเตนฺเตน ตยา สุฏฺุ จินฺติตํ. ปจฺโจฑฺฑิตํ ปฏิกูฏสฺส กูฏนฺติ กูฏสฺส ปุคฺคลสฺส ตยา ปฏิกูฏํ สุฏฺุ ปจฺโจฑฺฑิตํ, ปฏิภาคํ กตฺวา โอฑฺฑิตสทิสเมว กตนฺติ อตฺโถ. ผาลํ เจ ขาเทยฺยุํ มูสิกาติ ยทิ มูสิกา ผาลํ ขาเทยฺยุํ. กสฺมา กุมารํ กุลลา น หเรยฺยุนฺติ มูสิกาสุ ผาเล ขาทนฺตีสุ กุลลา กึ การณา กุมารํ โน หเรยฺยุํ.
กูฏสฺส ¶ ¶ หิ สนฺติ กูฏกูฏาติ ตฺวํ ‘‘อหเมว มูสิกาหิ ผาเล ขาทาปิตปุริโส กูโฏ’’ติ มฺสิ, ตาทิสสฺส ปน กูฏสฺส อิมสฺมึ โลเก พหู กูฏา สนฺติ, กูฏสฺส กูฏาติ กูฏปฏิกูฏานํ เอตํ นามํ, กูฏสฺส ปฏิกูฏา นาม สนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. ภวติ จาปิ นิกติโน นิกตฺยาติ นิกติโน เนกติกสฺส วฺจนกปุคฺคลสฺส นิกตฺยา อปโร นิกติการโก วฺจนกปุริโส ภวติเยว. เทหิ ปุตฺตนฏฺ ผาลนฏฺสฺส ผาลนฺติ อมฺโภ นฏฺปุตฺต ปุริส, เอตสฺส นฏฺผาลสฺส ผาลํ เทหิ. มา เต ปุตฺตมหาสิ ผาลนฏฺโติ สเจ หิสฺส ผาลํ น ทสฺสสิ, ปุตฺตํ เต หริสฺสติ, ตํ เต เอส มา หรตุ, ผาลมสฺส เทหีติ. ‘‘เทมิ, สามิ, สเจ เม ปุตฺตํ เทตี’’ติ. ‘‘เทมิ, สามิ, สเจ เม ผาเล เทตี’’ติ. เอวํ ¶ นฏฺปุตฺโต ปุตฺตํ, นฏฺผาโล จ ผาลํ ปฏิลภิตฺวา อุโภปิ ยถากมฺมํ คตา.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา กูฏวาณิโช อิทานิ กูฏวาณิโชว, ปณฺฑิตวาณิโช ปณฺฑิตวาณิโชเยว, วินิจฺฉยามจฺโจ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
กูฏวาณิชชาตกวณฺณนา อฏฺมา.
[๒๑๙] ๙. ครหิตชาตกวณฺณนา
หิรฺํ เม สุวณฺณํ เมติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ อนภิรติยา อุกฺกณฺิตภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. เอตสฺส หิ ปจฺเจกํ คหิตํ อารมฺมณํ นาม นตฺถิ, อนภิรติวาสํ วสนฺตํ ปน ตํ สตฺถุ สนฺติกํ อาเนสุํ. โส สตฺถารา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, ภิกฺขุ, อุกฺกณฺิโตสี’’ติ ปุฏฺโ ‘‘สจฺจ’’นฺติ วตฺวา ‘‘กึการณา’’ติ วุตฺเต ‘‘กิเลสวเสนา’’ติ อาห. อถ นํ สตฺถา ‘‘อยํ, ภิกฺขุ, กิเลโส นาม ปุพฺเพ ติรจฺฉาเนหิปิ ครหิโต, ตฺวํ เอวรูเป สาสเน ปพฺพชิโต กสฺมา ติรจฺฉาเนหิปิ ครหิตกิเลสวเสน อุกฺกณฺิโต’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต หิมวนฺตปเทเส วานรโยนิยํ นิพฺพตฺติ. ตเมนํ เอโก วนจรโก คเหตฺวา ¶ อาเนตฺวา รฺโ อทาสิ. โส จิรํ ราชเคเห วสมาโน วตฺตสมฺปนฺโน อโหสิ, มนุสฺสโลเก วตฺตมานํ กิริยํ เยภุยฺเยน อฺาสิ. ราชา ตสฺส วตฺเต ปสีทิตฺวา วนจรกํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘อิมํ วานรํ คหิตฏฺาเนเยว วิสฺสชฺเชหี’’ติ อาณาเปสิ ¶ , โส ตถา อกาสิ. วานรคโณ โพธิสตฺตสฺส อาคตภาวํ ตฺวา ตสฺส ทสฺสนตฺถาย มหนฺเต ปาสาณปิฏฺเ สนฺนิปติตฺวา โพธิสตฺเตน สทฺธึ สมฺโมทนียํ กถํ กตฺวา ‘‘สมฺม, กหํ เอตฺตกํ กาลํ วุตฺโถสี’’ติ อาห. ‘‘พาราณสิยํ ราชนิเวสเน’’ติ. ‘‘อถ กถํ มุตฺโตสี’’ติ? ‘‘ราชา มํ เกฬิมกฺกฏํ กตฺวา มม วตฺเต ปสนฺโน มํ วิสฺสชฺเชสี’’ติ.
อถ นํ เต วานรา ‘‘มนุสฺสโลเก วตฺตมานกิริยํ นาม ตุมฺเห ชานิสฺสถ ¶ , อมฺหากมฺปิ ตาว กเถถ, โสตุกามมฺหา’’ติ อาหํสุ. ‘‘มา มํ มนุสฺสานํ กิริยํ ปุจฺฉถา’’ติ. ‘‘กเถถ โสตุกามมฺหา’’ติ. โพธิสตฺโตปิ ‘‘มนุสฺสา นาม ขตฺติยาปิ พฺราหฺมณาปิ ‘มยฺหํ มยฺห’นฺติ วทนฺติ, หุตฺวา อภาวฏฺเน อนิจฺจตํ น ชานนฺติ, สุณาถ ทานิ เตสํ อนฺธพาลานํ การณ’’นฺติ วตฺวา อิมา คาถา อโวจ –
‘‘หิรฺํ เม สุวณฺณํ เม, เอสา รตฺตึ ทิวา กถา;
ทุมฺเมธานํ มนุสฺสานํ, อริยธมฺมํ อปสฺสตํ.
‘‘ทฺเว ทฺเว คหปตโย เคเห, เอโก ตตฺถ อมสฺสุโก;
ลมฺพตฺถโน เวณิกโต, อโถ องฺกิตกณฺณโก;
กีโต ธเนน พหุนา, โส ตํ วิตุทเต ชน’’นฺติ.
ตตฺถ หิรฺํ เม สุวณฺณํ เมติ เทสนาสีสมตฺตเมตํ, อิมินา ปน ปททฺวเยน ทสวิธมฺปิ รตนํ สพฺพํ, ปุพฺพณฺณาปรณฺณํ เขตฺตวตฺถุํ ทฺวิปทจตุปฺปทฺจ สพฺพํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิทํ เม อิทํ เม’’ติ อาห. เอสา รตฺตึ ทิวา กถาติ เอสา มนุสฺสานํ รตฺติฺจ ทิวา จ นิจฺจกาลํ กถา. อฺํ ปน เต ‘‘ปฺจกฺขนฺธา อนิจฺจา’’ติ วา ‘‘หุตฺวา น ภวนฺตี’’ติ วา น ชานนฺติ, เอวเมว ปริเทวนฺตา วิจรนฺติ. ทุมฺเมธานนฺติ อปฺปปฺานํ. อริยธมฺมํ อปสฺสตนฺติ อริยานํ พุทฺธาทีนํ ธมฺมํ, อริยํ วา นิทฺโทสํ นววิธํ โลกุตฺตรธมฺมํ อปสฺสนฺตานํ เอสาว กถา. อฺา ปน ‘‘อนิจฺจํ วา ทุกฺขํ วา’’ติ เตสํ กถา นาม นตฺถิ.
คหปตโยติ ¶ เคเห อธิปติภูตา. เอโก ตตฺถาติ เตสุ ทฺวีสุ ฆรสามิเกสุ ‘‘เอโก’’ติ มาตุคามํ สนฺธาย วทติ. ตตฺถ เวณิกโตติ กตเวณี, นานปฺปกาเรน สณฺาปิตเกสกลาโปติ อตฺโถ. อโถ องฺกิตกณฺณโกติ อถ สฺเวว วิทฺธกณฺโณ ฉิทฺทกณฺโณติ ลมฺพกณฺณตํ สนฺธายาห. กีโต ธเนน พหุนาติ โส ปเนส อมสฺสุโก ลมฺพตฺถโน เวณิกโต องฺกิตกณฺโณ มาตาปิตูนํ พหุํ ¶ ธนํ ทตฺวา กีโต, มณฺเฑตฺวา ปสาเธตฺวา ยานํ อาโรเปตฺวา มหนฺเตน ปริวาเรน ฆรํ อานีโต. โส ตํ วิตุทเต ชนนฺติ โส คหปติ อาคตกาลโต ปฏฺาย ¶ ตสฺมึ เคเห ทาสกมฺมกราทิเภทํ ชนํ ‘‘อเร ทุฏฺทาส ทุฏฺทาสิ, อิมํ น กโรสี’’ติ มุขสตฺตีหิ วิตุทติ, สามิโก วิย หุตฺวา มหาชนํ วิจาเรติ. เอวํ ตาว ‘‘มนุสฺสโลเก อติวิย อยุตฺต’’นฺติ มนุสฺสโลกํ ครหิ.
ตํ สุตฺวา สพฺเพ วานรา ‘‘มา กเถถ, มา กเถถ, อโสตพฺพยุตฺตกํ อสฺสุมฺหา’’ติ อุโภหิ หตฺเถหิ กณฺเณ ทฬฺหํ ปิทหึสุ. ‘‘อิมสฺมึ าเน อมฺเหหิ อิทํ อยุตฺตํ สุต’’นฺติ ตํ านมฺปิ ครหิตฺวา อฺตฺถ อคมํสุ. โส ปิฏฺิปาสาโณ ครหิตปิฏฺิปาสาโณเยว กิร นาม ชาโต.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน โส ภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ‘‘ตทา วานรคโณ พุทฺธปริสา อโหสิ, วานรินฺโท ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
ครหิตชาตกวณฺณนา นวมา.
[๒๒๐] ๑๐. ธมฺมธชชาตกวณฺณนา
สุขํ ชีวิตรูโปสีติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เทวทตฺตสฺส วธาย ปริสกฺกนํ อารพฺภ กเถสิ. ตทา หิ สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ เทวทตฺโต มยฺหํ วธาย ปริสกฺกิเยว, สนฺตาสมตฺตมฺปิ ปน กาตุํ นาสกฺขี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต ¶ พาราณสิยํ ยสปาณิ นาม ราชา รชฺชํ กาเรสิ, กาฬโก นามสฺส เสนาปติ อโหสิ. ตทา โพธิสตฺโต ตสฺเสว ปุโรหิโต อโหสิ นาเมน ธมฺมธโช นาม, รฺโ ปน สีสปฺปสาธนกปฺปโก ฉตฺตปาณิ นาม. ราชา ธมฺเมน รชฺชํ กาเรติ, เสนาปติ ปนสฺส วินิจฺฉยํ กโรนฺโต ลฺชํ ขาทติ ปรปิฏฺิมํสิโก, ลฺชํ คเหตฺวา อสฺสามิเก สามิเก กโรติ. อเถกทิวสํ วินิจฺฉเย ปราชิโต มนุสฺโส พาหา ปคฺคยฺห กนฺทนฺโต วินิจฺฉยา นิกฺขนฺโต ราชุปฏฺานํ คจฺฉนฺตํ ¶ โพธิสตฺตํ ทิสฺวา ตสฺส ปาเทสุ ปติตฺวา ‘‘ตุมฺหาทิเสสุ นาม, สามิ, รฺโ อตฺถฺจ ธมฺมฺจ อนุสาสนฺเตสุ กาฬกเสนาปติ ลฺชํ คเหตฺวา อสฺสามิเก สามิเก กโรตี’’ติ อตฺตโน ปราชิตภาวํ โพธิสตฺตสฺส กเถสิ. โพธิสตฺโต การฺุํ อุปฺปาเทตฺวา ¶ ‘‘เอหิ ภเณ, อฑฺฑํ เต วินิจฺฉินิสฺสามี’’ติ ตํ คเหตฺวา วินิจฺฉยฏฺานํ อคมาสิ. มหาชโน สนฺนิปติ, โพธิสตฺโต ตํ อฑฺฑํ ปฏิวินิจฺฉินิตฺวา สามิกฺเว สามิกํ อกาสิ.
มหาชโน สาธุการํ อทาสิ, โส สทฺโท มหา อโหสิ. ราชา ตํ สุตฺวา ‘‘กึ สทฺโท นาเมโส’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘เทว, ธมฺมธชปณฺฑิเตน ทุพฺพินิจฺฉิโต อฑฺโฑ สุวินิจฺฉิโต, ตตฺเรส สาธุการสทฺโท’’ติ. ราชา ตุฏฺโ โพธิสตฺตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘อฑฺโฑ กิร เต อาจริย วินิจฺฉิโต’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, มหาราช, กาฬเกน ทุพฺพินิจฺฉิตํ อฑฺฑํ วินิจฺฉินิ’’นฺติ วุตฺเต ‘‘อิโต ทานิ ปฏฺาย ตุมฺเหว อฑฺฑํ วินิจฺฉินถ, มยฺหฺจ กณฺณสุขํ ภวิสฺสติ โลกสฺส จ วุฑฺฒี’’ติ วตฺวา อนิจฺฉนฺตมฺปิ ตํ ‘‘สตฺตานุทฺทยาย วินิจฺฉเย นิสีทถา’’ติ ยาจิตฺวา สมฺปฏิจฺฉาเปสิ. ตโต ปฏฺาย โพธิสตฺโต วินิจฺฉเย นิสีทติ, สามิเกเยว สามิเก กโรติ.
กาฬโก ตโต ปฏฺาย ลฺชํ อลภนฺโต ลาภโต ปริหายิตฺวา โพธิสตฺตสฺส อาฆาตํ พนฺธิตฺวา ‘‘มหาราช, ธมฺมธชปณฺฑิโต ตว รชฺชํ ปตฺเถตี’’ติ โพธิสตฺตํ รฺโ อนฺตเร ปริภินฺทิ. ราชา อสทฺทหนฺโต ‘‘มา เอวํ อวจา’’ติ ปฏิกฺขิปิตฺวา ปุน เตน ‘‘สเจ เม น สทฺทหถ, ตสฺสาคมนกาเล วาตปาเนน โอโลเกถ. อถาเนน สกลนครสฺส อตฺตโน หตฺเถ กตภาวํ ปสฺสิสฺสถา’’ติ วุตฺเต ราชา ตสฺส อฑฺฑการกปริสํ ทิสฺวา ‘‘เอตสฺเสว ปริสา’’ติ สฺาย ภิชฺชิตฺวา ‘‘กึ กโรม ¶ เสนาปตี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘เทว, เอตํ มาเรตุํ วฏฺฏตี’’ติ ¶ . ‘‘โอฬาริกโทสํ อปสฺสนฺตา กถํ มาเรสฺสามา’’ติ? ‘‘อตฺเถโก อุปาโย’’ติ. ‘‘กตรูปาโย’’ติ. ‘‘อสยฺหมสฺส กมฺมํ อาโรเปตฺวา ตํ กาตุํ อสกฺโกนฺตํ ตํ เตน โทเสน มาเรสฺสามา’’ติ. ‘‘กึ ปน อสยฺหกมฺม’’นฺติ? ‘‘มหาราช, อุยฺยานํ นาม สารภูมิยํ โรปิตํ ปฏิชคฺคิยมานํ ตีหิ จตูหิ สํวจฺฉเรหิ ผลํ เทติ. ตุมฺเห ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘สฺเว อุยฺยานํ กีฬิสฺสาม, อุยฺยานํ เม มาเปหี’ติ วทถ, โส มาเปตุํ น สกฺขิสฺสติ. อถ นํ ตสฺมึ โทเส มาเรสฺสามา’’ติ.
ราชา โพธิสตฺตํ อามนฺเตตฺวา ‘‘ปณฺฑิต, มยฺหํ ปุราณอุยฺยาเน จิรํ กีฬิมฺห, อิทานิ นวอุยฺยาเน กีฬิตุกามมฺห, สฺเว กีฬิสฺสาม, อุยฺยานํ โน มาเปหิ, สเจ มาเปตุํ น สกฺขิสฺสสิ, ชีวิตํ เต นตฺถี’’ติ. โพธิสตฺโต ‘‘กาฬเกน ลฺชํ อลภมาเนน ราชา อนฺตเร ปริภินฺโน ภวิสฺสตี’’ติ ตฺวา ‘‘สกฺโกนฺโต ชานิสฺสามิ, มหาราชา’’ติ วตฺวา เคหํ คนฺตฺวา สุโภชนํ ภฺุชิตฺวา จินฺตยมาโน สยเน นิปชฺชิ, สกฺกสฺส ภวนํ อุณฺหาการํ ทสฺเสสิ. สกฺโก ¶ อาวชฺเชนฺโต โพธิสตฺตสฺส จิตฺตํ ตฺวา เวเคนาคนฺตฺวา สิริคพฺภํ ปวิสิตฺวา อากาเส ตฺวา ‘‘กึ จินฺเตสิ ปณฺฑิตา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘โกสิ ตฺว’’นฺติ? ‘‘สกฺโกหมสฺมี’’ติ. ‘‘ราชา มํ ‘อุยฺยานํ มาเปหี’ติ อาห, ตํ จินฺเตมี’’ติ. ‘‘ปณฺฑิต, มา จินฺตยิ, อหํ เต นนฺทนวนจิตฺตลตาวนสทิสํ อุยฺยานํ มาเปสฺสามิ, กตรสฺมึ าเน มาเปมี’’ติ? ‘‘อสุกฏฺาเน มาเปหี’’ติ. สกฺโก มาเปตฺวา เทวปุรเมว คโต.
ปุนทิวเส โพธิสตฺโต อุยฺยานํ ปจฺจกฺขโต ทิสฺวา คนฺตฺวา รฺโ อาโรเจสิ – ‘‘นิฏฺิตํ เต, มหาราช, อุยฺยานํ, กีฬสฺสู’’ติ. ราชา คนฺตฺวา อฏฺารสหตฺเถน มโนสิลาวณฺเณน ปากาเรน ปริกฺขิตฺตํ ทฺวารฏฺฏาลกสมฺปนฺนํ ปุปฺผผลภารภริตนานารุกฺขปฏิมณฺฑิตํ ¶ อุยฺยานํ ทิสฺวา กาฬกํ ปุจฺฉิ – ‘‘ปณฺฑิเตน อมฺหากํ วจนํ กตํ, อิทานิ กึ กโรมา’’ติ. ‘‘มหาราช, เอกรตฺเตน อุยฺยานํ มาเปตุํ สกฺโกนฺโต รชฺชํ คเหตุํ กึ น สกฺโกตี’’ติ? ‘‘อิทานิ กึ กโรมา’’ติ? ‘‘อปรมฺปิ นํ อสยฺหกมฺมํ กาเรมา’’ติ. ‘‘กึ กมฺมํ นามา’’ติ? ‘‘สตฺตรตนมยํ โปกฺขรณึ มาเปมา’’ติ. ราชา ‘‘สาธู’’ติ โพธิสตฺตํ อามนฺเตตฺวา ‘‘อาจริย, อุยฺยานํ ตาว เต มาปิตํ ¶ , เอตสฺส ปน อนุจฺฉวิกํ สตฺตรตนมยํ โปกฺขรณึ มาเปหิ. สเจ มาเปตุํ น สกฺขิสฺสสิ, ชีวิตํ เต นตฺถี’’ติ อาห. โพธิสตฺโต ‘‘สาธุ, มหาราช, สกฺโกนฺโต มาเปสฺสามี’’ติ อาห. อถสฺส สกฺโก โปกฺขรณึ มาเปสิ โสภคฺคปฺปตฺตํ สตติตฺถํ สหสฺสวงฺกํ ปฺจวณฺณปทุมสฺฉนฺนํ นนฺทนโปกฺขรณิสทิสํ.
ปุนทิวเส โพธิสตฺโต ตมฺปิ ปจฺจกฺขํ กตฺวา รฺโ อาโรเจสิ – ‘‘มาปิตา, เทว, โปกฺขรณี’’ติ. ราชา ตมฺปิ ทิสฺวา ‘‘อิทานิ กึ กโรมา’’ติ กาฬกํ ปุจฺฉิ. ‘‘อุยฺยานสฺส อนุจฺฉวิกํ เคหํ มาเปตุํ อาณาเปหิ, เทวา’’ติ. ราชา โพธิสตฺตํ อามนฺเตตฺวา ‘‘อิทานิ, อาจริย, อิมสฺส อุยฺยานสฺส เจว โปกฺขรณิยา จ อนุจฺฉวิกํ สพฺพทนฺตมยํ เคหํ มาเปหิ, โน เจ มาเปสฺสสิ, ชีวิตํ เต นตฺถี’’ติ อาห. อถสฺส สกฺโก เคหมฺปิ มาเปสิ. โพธิสตฺโต ปุนทิวเส ตมฺปิ ปจฺจกฺขํ กตฺวา รฺโ อาโรเจสิ. ราชา ตมฺปิ ทิสฺวา ‘‘อิทานิ กึ กโรมา’’ติ กาฬกํ ปุจฺฉิ. ‘‘เคหสฺส อนุจฺฉวิกํ มณึ มาเปตุํ อาณาเปหิ, มหาราชา’’ติ อาห. ราชา โพธิสตฺตํ อามนฺเตตฺวา ‘‘ปณฺฑิต, อิมสฺส ทนฺตมยเคหสฺส อนุจฺฉวิกํ มณึ มาเปหิ, มณิอาโลเกน วิจริสฺสาม. สเจ มาเปตุํ น สกฺโกสิ, ชีวิตํ เต นตฺถี’’ติ อาห. อถสฺส สกฺโก มณิมฺปิ มาเปสิ.
โพธิสตฺโต ¶ ปุนทิวเส ตํ ปจฺจกฺขํ กตฺวา รฺโ อาโรเจสิ ¶ . ราชา ตมฺปิ ทิสฺวา ‘‘อิทานิ กึ กริสฺสามา’’ติ กาฬกํ ปุจฺฉิ. ‘‘มหาราช, ธมฺมธชพฺราหฺมณสฺส อิจฺฉิติจฺฉิตทายิกา เทวตา อตฺถิ มฺเ, อิทานิ ยํ เทวตาปิ มาเปตุํ น สกฺโกติ, ตํ อาณาเปหิ. จตุรงฺคสมนฺนาคตํ นาม มนุสฺสํ เทวตาปิ มาเปตุํ น สกฺโกติ, ตสฺมา ‘จตุรงฺคสมนฺนาคตํ เม อุยฺยานปาลํ มาเปหี’ติ ตํ วทาหี’’ติ. ราชา โพธิสตฺตํ อามนฺเตตฺวา ‘‘อาจริย, ตยา อมฺหากํ อุยฺยานํ, โปกฺขรณี, ทนฺตมยปาสาโท, ตสฺส อาโลกกรณตฺถาย มณิรตนฺจ มาปิตํ, อิทานิ เม อุยฺยานรกฺขกํ จตุรงฺคสมนฺนาคตํ อุยฺยานปาลํ มาเปหิ, โน เจ มาเปสฺสสิ, ชีวิตํ เต นตฺถี’’ติ อาห. โพธิสตฺโต ‘‘โหตุ, ลภมาโน ชานิสฺสามี’’ติ เคหํ คนฺตฺวา สุโภชนํ ภฺุชิตฺวา นิปนฺโน ปจฺจูสกาเล ปพุชฺฌิตฺวา สยนปีเ นิสินฺโน จินฺเตสิ – ‘‘สกฺโก เทวราชา ยํ อตฺตนา สกฺกา มาเปตุํ, ตํ มาเปสิ, จตุรงฺคสมนฺนาคตํ ปน อุยฺยานปาลํ น สกฺกา มาเปตุํ, เอวํ สนฺเต ¶ ปเรสํ หตฺเถ มรณโต อรฺเ อนาถมรณเมว วรตร’’นฺติ. โส กสฺสจิ อนาโรเจตฺวา ปาสาทา โอตริตฺวา อคฺคทฺวาเรเนว นครา นิกฺขมิตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล สตํ ธมฺมํ อาวชฺชมาโน นิสีทิ.
สกฺโก ตํ การณํ ตฺวา วนจรโก วิย หุตฺวา โพธิสตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘พฺราหฺมณ, ตฺวํ สุขุมาโล, อทิฏฺปุพฺพทุกฺขรูโป วิย อิมํ อรฺํ ปวิสิตฺวา กึ กโรนฺโต นิสินฺโนสี’’ติ อิมมตฺถํ ปุจฺฉนฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘สุขํ ชีวิตรูโปสิ, รฏฺา วิวนมาคโต;
โส เอกโก รุกฺขมูเล, กปโณ วิย ฌายสี’’ติ.
ตตฺถ สุขํ ชีวิตรูโปสีติ ตฺวํ สุเขน ชีวิตสทิโส สุเขธิโต สุขปริหโต วิย. รฏฺาติ อากิณฺณมนุสฺสฏฺานา. วิวนมาคโตติ นิรุทกฏฺานํ อรฺํ ปวิฏฺโ. รุกฺขมูเลติ รุกฺขสมีเป. กปโณ วิย ¶ ฌายสีติ กปโณ วิย เอกโก นิสินฺโน ฌายสิ ปชฺฌายสิ, กึ นาเมตํ จินฺเตสีติ ปุจฺฉิ.
ตํ สุตฺวา โพธิสตฺโต ทุติยํ คาถมาห –
‘‘สุขํ ¶ ชีวิตรูโปสฺมิ, รฏฺา วิวนมาคโต;
โส เอกโก รุกฺขมูเล, กปโณ วิย ฌายามิ;
สตํ ธมฺมํ อนุสฺสร’’นฺติ.
ตตฺถ สตํ ธมฺมํ อนุสฺสรนฺติ, สมฺม, สจฺจเมตํ, อหํ สุขํ ชีวิตรูโป รฏฺา จ วิวนมาคโต, โสหํ เอกโกว อิมสฺมึ รุกฺขมูเล นิสีทิตฺวา กปโณ วิย ฌายามิ. ยํ ปน วเทสิ ‘‘กึ นาเมตํ จินฺเตสี’’ติ, ตํ เต ปเวเทมิ ‘‘สตํ ธมฺม’’นฺติ. อหฺหิ สตํ ธมฺมํ อนุสฺสรนฺโต อิธ นิสินฺโน. สตํ ธมฺมนฺติ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธพุทฺธสาวกานํ สตํ สปฺปุริสานํ ปณฺฑิตานํ ธมฺมํ. ลาโภ อลาโภ ยโส อยโส นินฺทา ปสํสา สุขํ ทุกฺขนฺติ อยฺหิ อฏฺวิโธ โลกธมฺโม. อิมินา ปน อพฺภาหตา สนฺโต น กมฺปนฺติ น ปเวเธนฺติ, อยเมตฺถ อกมฺปนสงฺขาโต สตํ ธมฺโม อิมํ อนุสฺสรนฺโต นิสินฺโนมฺหีติ ทีเปติ.
อถ ¶ นํ สกฺโก ‘‘เอวํ สนฺเต, พฺราหฺมณ, อิมสฺมึ าเน กสฺมา นิสินฺโนสี’’ติ. ‘‘ราชา จตุรงฺคสมนฺนาคตํ อุยฺยานปาลํ อาหราเปติ, ตาทิสํ น สกฺโกมิ ลทฺธุํ, โสหํ ‘กึ เม ปรสฺส หตฺเถ มรเณน, อรฺํ ปวิสิตฺวา อนาถมรณํ มริสฺสามี’ติ จินฺเตตฺวา อิธาคนฺตฺวา นิสินฺโน’’ติ. ‘‘พฺราหฺมณ, อหํ สกฺโก เทวราชา, มยา เต อุยฺยานาทีนิ มาปิตานิ, จตุรงฺคสมนฺนาคตํ อุยฺยานปาลํ มาเปตุํ น สกฺกา, ตุมฺหากํ รฺโ สีสปฺปสาธนกปฺปโก ฉตฺตปาณิ นาม, โส จตุรงฺคสมนฺนาคโต, จตุรงฺคสมนฺนาคเตน อุยฺยานปาเลน อตฺเถ สติ เอตํ กปฺปกํ อุยฺยานปาลํ กาตุํ วเทหี’’ติ. อิติ สกฺโก โพธิสตฺตสฺส โอวาทํ ทตฺวา ‘‘มา ภายี’’ติ สมสฺสาเสตฺวา อตฺตโน เทวปุรเมว คโต.
โพธิสตฺโต เคหํ ¶ คนฺตฺวา ภุตฺตปาตราโส ราชทฺวารํ คนฺตฺวา ฉตฺตปาณิมฺปิ ตตฺเถว ทิสฺวา หตฺเถ คเหตฺวา ‘‘ตฺวํ กิร, สมฺม ฉตฺตปาณิ, จตุรงฺคสมนฺนาคโตสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘โก เต มยฺหํ จตุรงฺคสมนฺนาคตภาวํ อาจิกฺขี’’ติ วุตฺเต ‘‘สกฺโก, เทวราชา’’ติ วตฺวา ‘‘กึการณา อาจิกฺขี’’ติ ปุฏฺโ ‘‘อิมินา นาม การเณนา’’ติ สพฺพํ อาจิกฺขิ. โส ‘‘อาม, อหํ จตุรงฺคสมนฺนาคโต’’ติ อาห. อถ นํ โพธิสตฺโต หตฺเถ คเหตฺวาว รฺโ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘อยํ, มหาราช, ฉตฺตปาณิ, จตุรงฺคสมนฺนาคโต, จตุรงฺคสมนฺนาคเตน อุยฺยานปาเลน อตฺเถ สติ อิมํ อุยฺยานปาลํ กโรถา’’ติ อาห. อถ นํ ราชา ‘‘ตฺวํ กิร จตุรงฺคสมนฺนาคโตสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, มหาราชา’’ติ. ‘‘กตเมหิ จตุรงฺเคหิ สมนฺนาคโตสี’’ติ?
‘‘อนุสูยโก ¶ อหํ เทว, อมชฺชปายโก อหํ;
นิสฺเนหโก อหํ เทว, อกฺโกธนํ อธิฏฺิโต’’ติ.
‘‘มยฺหฺหิ, มหาราช, อุสูยา นาม นตฺถิ, มชฺชํ เม น ปิวิตปุพฺพํ, ปเรสุ เม สฺเนโห วา โกโธ วา น ภูตปูพฺโพ. อิเมหิ จตูหิ องฺเคหิ สมนฺนาคโตมฺหี’’ติ.
อถ นํ ราชา, โภ ฉตฺตปาณิ, ‘‘อนุสูยโกสฺมี’’ติ วทสีติ. ‘‘อาม, เทว, อนุสูยโกมฺหี’’ติ. ‘‘กึ อารมฺมณํ ทิสฺวา อนุสูยโก ชาโตสี’’ติ? ‘‘สุณาหิ เทวา’’ติ อตฺตโน อนุสูยกการณํ กเถนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘อิตฺถิยา ¶ การณา ราช, พนฺธาเปสึ ปุโรหิตํ;
โส มํ อตฺเถ นิเวเทสิ, ตสฺมาหํ อนุสูยโก’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – อหํ, เทว, ปุพฺเพ อิมสฺมึเยว พาราณสินคเร ตาทิโสว ราชา หุตฺวา อิตฺถิยา การณา ปุโรหิตํ พนฺธาเปสึ.
‘‘อพทฺธา ตตฺถ พชฺฌนฺติ, ยตฺถ พาลา ปภาสเร;
พทฺธาปิ ตตฺถ มุจฺจนฺติ, ยตฺถ ธีรา ปภาสเร’’ติ. (ชา. ๑.๑.๑๒๐) –
อิมสฺมิฺหิ ¶ ชาตเก อาคตนเยเนว เอกสฺมึ กาเล อยํ ฉตฺตปาณิ ราชา หุตฺวา จตุสฏฺิยา ปาทมูลิเกหิ สทฺธึ สมฺปทุสฺสิตฺวา โพธิสตฺตํ อตฺตโน มโนรถํ อปูเรนฺตํ นาเสตุกามาย เทวิยา ปริภินฺโน พนฺธาเปสิ. ตทา นํ พนฺธิตฺวา อานีโต โพธิสตฺโต ยถาภูตํ เทวิยา โทสํ อาโรเปตฺวา สยํ มุตฺโต รฺา พนฺธาปิเต สพฺเพปิ เต ปาทมูลิเก โมเจตฺวา ‘‘เอเตสฺจ เทวิยา จ อปราธํ ขมถ, มหาราชา’’ติ โอวทิ. สพฺพํ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว วิตฺถารโต เวทิตพฺพํ. ตํ สนฺธายาห –
‘‘อิตฺถิยา การณา ราช, พนฺธาเปสึ ปุโรหิตํ;
โส มํ อตฺเถ นิเวเทสิ, ตสฺมาหํ อนุสูยโก’’ติ.
ตทา ปน โสหํ จินฺเตสึ – ‘‘อหํ โสฬส สหสฺสอิตฺถิโย ปหาย เอตํ เอกเมว กิเลสวเสน สงฺคณฺหนฺโตปิ สนฺตปฺเปตุํ นาสกฺขึ, เอวํ ทุปฺปูรณียานํ อิตฺถีนํ กุชฺฌนํ นาม นิวตฺถวตฺเถ ¶ กิลิสฺสนฺเต ‘กสฺมา กิลิสฺสสี’ติ กุชฺฌนสทิสํ โหติ, ภุตฺตภตฺเต คูถภาวํ อาปชฺชนฺเต ‘กสฺมา เอตํ สภาวํ อาปชฺชสี’ติ กุชฺฌนสทิสํ โหติ. ‘อิโต ทานิ ปฏฺาย ยาว อรหตฺตํ น ปาปุณามิ, ตาว กิเลสํ นิสฺสาย มยิ อุสูยา มา อุปฺปชฺชตู’’’ติ อธิฏฺหึ. ตโต ปฏฺาย อนุสูยโก ชาโต. อิทํ สนฺธาย – ‘‘ตสฺมาหํ อนุสูยโก’’ติ อาห.
อถ นํ ราชา ‘‘สมฺม ฉตฺตปาณิ, กึ อารมฺมณํ ทิสฺวา อมชฺชโป ชาโตสี’’ติ ปุจฺฉิ. โส ตํ การณํ อาจิกฺขนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘มตฺโต ¶ อหํ มหาราช, ปุตฺตมํสานิ ขาทยึ;
ตสฺส โสเกนหํ ผุฏฺโ, มชฺชปานํ วิวชฺชยิ’’นฺติ.
อหํ, มหาราช, ปุพฺเพ ตาทิโส พาราณสิราชา หุตฺวา มชฺเชน วินา วตฺติตุํ นาสกฺขึ, อมํสกภตฺตมฺปิ ภฺุชิตุํ นาสกฺขึ. นคเร อุโปสถทิวเสสุ มาฆาโต โหติ, ภตฺตการโก ปกฺขสฺส เตรสิยฺเว มํสํ คเหตฺวา เปสิ, ตํ ทุนฺนิกฺขิตฺตํ สุนขา ขาทึสุ. ภตฺตการโก อุโปสถทิวเส มํสํ อลภิตฺวา รฺโ นานคฺครสโภชนํ ปจิตฺวา ปาสาทํ อาโรเปตฺวา อุปนาเมตุํ อสกฺโกนฺโต เทวึ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘เทวิ, อชฺช เม มํสํ น ลทฺธํ, อมํสกโภชนํ นาม อุปนาเมตุํ น สกฺโกมิ, กินฺติ กโรมี’’ติ อาห. ‘‘ตาต, มยฺหํ ปุตฺโต รฺา ปิโย มนาโป, ปุตฺตํ เม ทิสฺวา ราชา ตเมว จุมฺพนฺโต ปริสฺสชนฺโต อตฺตโน ¶ อตฺถิภาวมฺปิ น ชานาติ, อหํ ปุตฺตํ มณฺเฑตฺวา รฺโ อูรุมฺหิ นิสีทาเปยฺยํ, รฺโ ปุตฺเตน สทฺธึ กีฬนกาเล ตฺวํ ภตฺตํ อุปเนยฺยาสี’’ติ. สา เอวํ วตฺวา อตฺตโน ปุตฺตํ อลงฺกตาภรณํ มณฺเฑตฺวา รฺโ อูรุมฺหิ นิสีทาเปสิ. รฺโ ปุตฺเตน สทฺธึ กีฬนกาเล ภตฺตการโก ภตฺตํ อุปนาเมสิ. ราชา สุรามทมตฺโต ปาติยํ มํสํ อทิสฺวา ‘‘มํสํ กห’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อชฺช, เทว, อุโปสถทิวสํ มาฆาตตาย มํสํ น ลทฺธ’’นฺติ วุตฺเต ‘‘มยฺหํ มํสํ นาม ทุลฺลภ’’นฺติ วตฺวา อูรุมฺหิ นิสินฺนสฺส ปิยปุตฺตสฺส คีวํ วฏฺเฏตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปตฺวา ภตฺตการกสฺส ปุรโต ขิปิตฺวา ‘‘เวเคน สมฺปาเทตฺวา อาหรา’’ติ อาห. ภตฺตการโก ตถา อกาสิ, ราชา ปุตฺตมํเสน ภตฺตํ ภฺุชิ. รฺโ ภเยน เอโกปิ กนฺทิตุํ วา โรทิตุํ วา กเถตุํ วา สมตฺโถ นาม นาโหสิ.
ราชา ภฺุชิตฺวา สยนปิฏฺเ นิทฺทํ อุปคนฺตฺวา ปจฺจูสกาเล ปพุชฺฌิตฺวา วิคตมโท ‘‘ปุตฺตํ เม อาเนถา’’ติ อาห. ตสฺมึ กาเล เทวี กนฺทมานา ปาทมูเล ปติ. ‘‘กึ, ภทฺเท’’ติ จ วุตฺเต ¶ , ‘‘เทว, หิยฺโย เต ปุตฺตํ มาเรตฺวา ปุตฺตมํเสน ภตฺตํ ภุตฺต’’นฺติ อาห. ราชา ปุตฺตโสเกน โรทิตฺวา กนฺทิตฺวา ‘‘อิทํ เม ทุกฺขํ สุราปานํ นิสฺสาย อุปฺปนฺน’’นฺติ สุราปาเน โทสํ ทิสฺวา ‘‘อิโต ปฏฺาย ยาว อรหตฺตํ น ปาปุณามิ, ตาว เอวรูปํ วินาสการกํ ¶ สุรํ นาม น ปิวิสฺสามี’’ติ ปํสุํ คเหตฺวา มุขํ ปฺุฉิตฺวา อธิฏฺาสิ. ตโต ปฏฺาย มชฺชํ นาม น ปิวึ. อิมมตฺถํ สนฺธาย – ‘‘มตฺโต อหํ, มหาราชา’’ติ อิมํ คาถมาห.
อถ นํ ราชา ‘‘กึ ปน, สมฺม ฉตฺตปาณิ, อารมฺมณํ ทิสฺวา นิสฺเนโห ชาโตสี’’ติ ปุจฺฉิ. โส ตํ การณํ อาจิกฺขนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘กิตวาโส นามหํ ราช, ปุตฺโต ปจฺเจกโพธิ เม;
ปตฺตํ ภินฺทิตฺวา จวิโต, นิสฺเนโห ตสฺส การณา’’ติ.
มหาราช, ปุพฺเพ อหํ พาราณสิยํเยว กิตวาโส นาม ราชา. ตสฺส เม ปุตฺโต วิชายิ. ลกฺขณปากา ตํ ทิสฺวา ‘‘มหาราช, อยํ กุมาโร ปานียํ อลภิตฺวา มริสฺสตี’’ติ อาหํสุ. ‘‘ทุฏฺกุมาโร’’ติสฺส นามํ อโหสิ. โส วิฺุตํ ปตฺโต โอปรชฺชํ กาเรสิ, ราชา กุมารํ ปุรโต วา ปจฺฉโต วา กตฺวา วิจริ, ปานียํ อลภิตฺวา มรณภเยน จสฺส จตูสุ ทฺวาเรสุ อนฺโตนคเรสุ จ ตตฺถ ตตฺถ โปกฺขรณิโย กาเรสิ, จตุกฺกาทีสุ มณฺฑเป กาเรตฺวา ปานียจาฏิโย ปาเปสิ. โส เอกทิวเส อลงฺกตปฏิยตฺโต ปาโตว อุยฺยานํ คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค ปจฺเจกพุทฺธํ ปสฺสิ. มหาชโนปิ ปจฺเจกพุทฺธํ ทิสฺวา ตเมว วนฺทติ ¶ ปสํสติ, อฺชลิฺจสฺส ปคฺคณฺหาติ.
กุมาโร จินฺเตสิ – ‘‘มาทิเสน สทฺธึ คจฺฉนฺตา อิมํ มุณฺฑกํ วนฺทนฺติ ปสํสนฺติ, อฺชลิฺจสฺส ปคฺคณฺหนฺตี’’ติ. โส กุปิโต หตฺถิกฺขนฺธโต โอรุยฺห ปจฺเจกพุทฺธํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ลทฺธํ เต, สมณ, ภตฺต’’นฺติ วตฺวา ‘‘อาม, กุมารา’’ติ วุตฺเต ตสฺส หตฺถโต ปตฺตํ คเหตฺวา ภูมิยํ ปาเตตฺวา สทฺธึ ภตฺเตน มทฺทิตฺวา ปาทปฺปหาเรน จุณฺณวิจุณฺณํ อกาสิ. ปจฺเจกพุทฺโธ ‘‘นฏฺโ วตายํ สตฺโต’’ติ ตสฺส มุขํ โอโลเกสิ. กุมาโร ‘‘อหํ, สมณ, กิตวาสรฺโ ปุตฺโต, นาเมน ทุฏฺกุมาโร นาม, ตฺวํ เม กุทฺโธ อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา โอโลเกนฺโต กึ กริสฺสสี’’ติ อาห.
ปจฺเจกพุทฺโธ ¶ ฉินฺนภตฺโต หุตฺวา เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา อุตฺตรหิมวนฺเต นนฺทนมูลปพฺภารเมว คโต. กุมารสฺสาปิ ตงฺขณฺเว ปาปกมฺมํ ปริปจฺจิ. โส ‘‘ฑยฺหามิ ฑยฺหามี’’ติ สมุคฺคตสรีรฑาโห ตตฺเถว ปติ. ตตฺถ ตตฺเถว ยตฺตกํ ปานียํ, ตตฺตกํ ปานียํ สพฺพํ ฉิชฺชิ, มาติกา สุสฺสึสุ, ตตฺเถว ชีวิตกฺขยํ ¶ ปตฺวา อวีจิมฺหิ นิพฺพตฺติ. ราชา ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา ปุตฺตโสเกน อภิภูโต จินฺเตสิ – ‘‘อยํ เม โสโก ปิยวตฺถุโต อุปฺปชฺชิ, สเจ เม สฺเนโห นาภวิสฺส, โสโก น อุปฺปชฺชิสฺส, อิโต ทานิ เม ปฏฺาย สวิฺาณเก วา อวิฺาณเก วา กิสฺมิฺจิ วตฺถุสฺมึ สฺเนโห นาม มา อุปฺปชฺชตู’’ติ อธิฏฺาสิ, ตโต ปฏฺาย สฺเนโห นาม นตฺถิ. ตํ สนฺธาย ‘‘กิตวาโส นามาห’’นฺติ คาถมาห.
ตตฺถ ปุตฺโต ปจฺเจกโพธิ เม. ปตฺตํ ภินฺทิตฺวา จวิโตติ มม ปุตฺโต ปจฺเจกโพธิปตฺตํ ภินฺทิตฺวา จวิโตติ อตฺโถ. นิสฺเนโห ตสฺส การณาติ ตทา อุปฺปนฺนสฺเนหวตฺถุสฺส การณา อหํ นิสฺเนโห ชาโตติ อตฺโถ.
อถ นํ ราชา ‘‘กึ ปน, สมฺม, อารมฺมณํ ทิสฺวา นิกฺโกโธ ชาโตสี’’ติ ปุจฺฉิ. โส ตํ การณํ อาจิกฺขนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘อรโก หุตฺวา เมตฺตจิตฺตํ, สตฺต วสฺสานิ ภาวยึ;
สตฺต กปฺเป พฺรหฺมโลเก, ตสฺมา อกฺโกธโน อห’’นฺติ.
ตสฺสตฺโถ – อหํ, มหาราช, อรโก นาม ตาปโส หุตฺวา สตฺต วสฺสานิ เมตฺตจิตฺตํ ภาเวตฺวา สตฺต สํวฏฺฏวิวฏฺฏกปฺเป พฺรหฺมโลเก วสึ, ตสฺมา อหํ ทีฆรตฺตํ เมตฺตาภาวนาย อาจิณฺณปริจิณฺณตฺตา อกฺโกธโน ชาโตติ.
เอวํ ฉตฺตปาณินา อตฺตโน จตูสุ องฺเคสุ กถิเตสุ ราชา ปริสาย อิงฺคิตสฺํ อทาสิ. ตงฺขณฺเว อมจฺจา จ พฺราหฺมณคหปติกาทโย ¶ จ อุฏฺหิตฺวา ‘‘อเร ลฺชขาทก ทุฏฺโจร, ตฺวํ ลฺชํ อลภิตฺวา ปณฺฑิตํ อุปวทิตฺวา มาเรตุกาโม ชาโต’’ติ กาฬกํ เสนาปตึ หตฺถปาเทสุ คเหตฺวา ราชนิเวสนา โอตาเรตฺวา คหิตคหิเตเหว ปาสาณมุคฺคเรหิ สีสํ ภินฺทิตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปตฺวา ปาเทสุ คเหตฺวา กฑฺฒนฺตา สงฺการฏฺาเน ฉฑฺเฑสุํ. ตโต ปฏฺาย ราชา ธมฺเมน รชฺชํ กาเรนฺโต ยถากมฺมํ คโต.
สตฺถา ¶ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา กาฬกเสนาปติ เทวทตฺโต อโหสิ, ฉตฺตปาณิกปฺปโก สาริปุตฺโต, สกฺโก อนุรุทฺโธ, ธมฺมธโช ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
ธมฺมธชชาตกวณฺณนา ทสมา.
พีรณถมฺภวคฺโค สตฺตโม.
ตสฺสุทฺทานํ –
โสมทตฺตฺจ อุจฺฉิฏฺํ, กุรุ ปุณฺณนทีปิ จ;
กจฺฉปมจฺฉเสคฺคุ จ, กูฏวาณิชครหิ;
ธมฺมธชนฺติ เต ทส.
๘. กาสาววคฺโค
[๒๒๑] ๑. กาสาวชาตกวณฺณนา
อนิกฺกสาโว ¶ กาสาวนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เทวทตฺตํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ ปน ราชคเห สมุฏฺิตํ. เอกสฺมึ สมเย ธมฺมเสนาปติ ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ เวฬุวเน วิหรติ. เทวทตฺโตปิ อตฺตโน อนุรูปาย ทุสฺสีลปริสาย ปริวุโต คยาสีเส วิหรติ. ตสฺมึ สมเย ราชคหวาสิโน ฉนฺทกํ สงฺฆริตฺวา ทานํ สชฺชยึสุ. อเถโก โวหารตฺถาย อาคตวาณิโช อิมํ สาฏกํ วิสฺสชฺเชตฺวา ‘‘มมฺปิ ปตฺติกํ กโรถา’’ติ มหคฺฆํ คนฺธกาสาวํ อทาสิ. นาครา มหาทานํ ปวตฺตยึสุ, สพฺพํ ฉนฺทเกน สงฺกฑฺฒิตํ กหาปเณเหว นิฏฺาสิ. โส สาฏโก อติเรโก อโหสิ. มหาชโน สนฺนิปติตฺวา ‘‘อยํ คนฺธกาสาวสาฏโก อติเรโก. กสฺส นํ เทม, กึ สาริปุตฺตตฺเถรสฺส, อุทาหุ เทวทตฺตสฺสา’’ติ มนฺตยึสุ.
ตตฺเถเก ‘‘สาริปุตฺตตฺเถรสฺสา’’ติ อาหํสุ. อปเร ‘‘สาริปุตฺตตฺเถโร กติปาหํ วสิตฺวา ยถารุจิ ปกฺกมิสฺสติ ¶ , เทวทตฺตตฺเถโร ปน นิพทฺธํ อมฺหากํ นครเมว อุปนิสฺสาย วิหรติ, มงฺคลามงฺคเลสุ อยเมว อมฺหากํ ¶ อวสฺสโย, เทวทตฺตสฺส ทสฺสามา’’ติ อาหํสุ. สมฺพหุลิกํ กโรนฺเตสุปิ ‘‘เทวทตฺตสฺส ทสฺสามา’’ติ วตฺตาโร พหุตรา อเหสุํ, อถ นํ เทวทตฺตสฺส อทํสุ. เทวทตฺโต ตสฺส ทสา ฉินฺทาเปตฺวา โอวฏฺฏิกํ สิพฺพาเปตฺวา รชาเปตฺวา สุวณฺณปฏฺฏวณฺณํ กตฺวา ปารุปิ. ตสฺมึ กาเล ตึสมตฺตา ภิกฺขู ราชคหา นิกฺขมิตฺวา สาวตฺถึ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา กตปฏิสนฺถารา ตํ ปวตฺตึ อาโรเจตฺวา ‘‘เอวํ, ภนฺเต, อตฺตโน อนนุจฺฉวิกํ อรหทฺธชํ ปารุปี’’ติ อาโรเจสุํ. สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, เทวทตฺโต อิทาเนว อตฺตโน อนนุรูปํ อรหทฺธชํ ปริทหติ, ปุพฺเพปิ ปริทหิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต หิมวนฺตปเทเส หตฺถิกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต อสีติสหสฺสมตฺตวารณปริวาโร ยูถปติ หุตฺวา อรฺายตเน วสติ. อเถโก ทุคฺคตมนุสฺโส พาราณสิยํ วิหรนฺโต ทนฺตการวีถิยํ ทนฺตกาเร ทนฺตวลยาทีนิ กโรนฺเต ทิสฺวา ¶ ‘‘หตฺถิทนฺเต ลภิตฺวา คณฺหิสฺสถา’’ติ ปุจฺฉิ. เต ‘‘อาม คณฺหิสฺสามา’’ติ อาหํสุ. โส อาวุธํ อาทาย กาสาววตฺถวสโน ปจฺเจกพุทฺธเวสํ คณฺหิตฺวา ปฏิสีสกํ ปฏิมฺุจิตฺวา หตฺถิวีถิยํ ตฺวา อาวุเธน หตฺถึ มาเรตฺวา ทนฺเต อาทาย พาราณสิยํ วิกฺกิณนฺโต ชีวิกํ กปฺเปสิ. โส อปรภาเค โพธิสตฺตสฺส ปริวารหตฺถีนํ สพฺพปจฺฉิมํ หตฺถึ มาเรตุํ อารภิ. หตฺถิโน เทวสิกํ หตฺถีสุ ปริหายนฺเตสุ ‘‘เกน นุ โข การเณน หตฺถิโน ปริหายนฺตี’’ติ โพธิสตฺตสฺส อาโรเจสุํ.
โพธิสตฺโต ปริคฺคณฺหนฺโต ‘‘ปจฺเจกพุทฺธเวสํ คเหตฺวา หตฺถิวีถิปริยนฺเต เอโก ปุริโส ติฏฺติ, กจฺจิ นุ โข โส มาเรติ, ปริคฺคณฺหิสฺสามิ น’’นฺติ เอกทิวสํ หตฺถี ปุรโต กตฺวา สยํ ¶ ปจฺฉโต อโหสิ. โส โพธิสตฺตํ ทิสฺวา อาวุธํ อาทาย ปกฺขนฺทิ. โพธิสตฺโต นิวตฺติตฺวา ิโต ‘‘ภูมิยํ โปเถตฺวา มาเรสฺสามิ น’’นฺติ โสณฺฑํ ปสาเรตฺวา เตน ปริทหิตานิ กาสาวานิ ทิสฺวา ‘‘อิมํ อรหทฺธชํ มยา ครุํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ โสณฺฑํ ปฏิสํหริตฺวา ‘‘อมฺโภ ปุริส, นนุ เอส อรหทฺธโช อนนุจฺฉวิโก ตุยฺหํ, กสฺมา เอตํ ปริทหสี’’ติ อิมา คาถา อโวจ –
‘‘อนิกฺกสาโว กาสาวํ, โย วตฺถํ ปริทหิสฺสติ;
อเปโต ทมสจฺเจน, น โส กาสาวมรหติ.
‘‘โย ¶ จ วนฺตกสาวสฺส, สีเลสุ สุสมาหิโต;
อุเปโต ทมสจฺเจน, ส เว กาสาวมรหตี’’ติ.
ตตฺถ อนิกฺกสาโวติ กสาโว วุจฺจติ ราโค โทโส โมโห มกฺโข ปฬาโส อิสฺสา มจฺฉริยํ มายา สาเยฺยํ ถมฺโภ สารมฺโภ มาโน อติมาโน มโท ปมาโท, สพฺเพ อกุสลา ธมฺมา สพฺเพ ทุจฺจริตา สพฺพํ ภวคามิกมฺมํ ทิยฑฺฒกิเลสสหสฺสํ, เอโส กสาโว นาม. โส ยสฺส ปุคฺคลสฺส อปฺปหีโน สนฺตานโต อนิสฺสฏฺโ อนิกฺขนฺโต, โส อนิกฺกสาโว นาม. กาสาวนฺติ กสายรสปีตํ อรหทฺธชภูตํ. โย วตฺถํ ปริทหิสฺสตีติ โย เอวรูโป หุตฺวา เอวรูปํ วตฺถํ ปริทหิสฺสติ นิวาเสติ เจว ปารุปติ จ. อเปโต ทมสจฺเจนาติ อินฺทฺริยทมสงฺขาเตน ทเมน จ นิพฺพานสงฺขาเตน จ ปรมตฺถสจฺเจน อเปโต ปริวชฺชิโต. นิสฺสกฺกตฺเถ วา กรณวจนํ, เอตสฺมา ทมสจฺจา อเปโตติ อตฺโถ. ‘‘สจฺจ’’นฺติ เจตฺถ วจีสจฺจํ ¶ จตุสจฺจมฺปิ วฏฺฏติเยว. น โส กาสาวมรหตีติ โส ปุคฺคโล อนิกฺกสาวตฺตา อรหทฺธชํ กาสาวํ น อรหติ อนนุจฺฉวิโก เอตสฺส.
โย จ วนฺตกสาวสฺสาติ โย ปน ปุคฺคโล ยถาวุตฺตสฺเสว กสาวสฺส วนฺตตฺตา วนฺตกสาโว อสฺส. สีเลสุ สุสมาหิโตติ มคฺคสีเลสุ เจว ผลสีเลสุ จ สมฺมา อาหิโต, อาเนตฺวา ปิโต วิย เตสุ ปติฏฺิโต. เตหิ สีเลหิ สมงฺคีภูตสฺเสตํ อธิวจนํ. อุเปโตติ สมนฺนาคโต. ทมสจฺเจนาติ วุตฺตปฺปกาเรน ทเมน จ สจฺเจน จ. ส เว กาสาวมรหตีติ โส เอวรูโป ปุคฺคโล อิมํ อรหทฺธชํ กาสาวํ อรหติ.
เอวํ ¶ โพธิสตฺโต ตสฺส ปุริสสฺส อิมํ การณํ กเถตฺวา ‘‘อิโต ปฏฺาย มา อิธ อาคมิ, อาคจฺฉสิ เจ, ชีวิตํ เต นตฺถี’’’ติ ตชฺเชตฺวา ปลาเปสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา หตฺถิมารกปุริโส เทวทตฺโต อโหสิ, ยูถปติ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
กาสาวชาตกวณฺณนา ปมา.
[๒๒๒] ๒. จูฬนนฺทิยชาตกวณฺณนา
อิทํ ¶ ตทาจริยวโจติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เทวทตฺตํ อารพฺภ กเถสิ. เอกทิวสฺหิ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, เทวทตฺโต นาม กกฺขโฬ ผรุโส สาหสิโก สมฺมาสมฺพุทฺเธ อภิมาเร ปโยเชสิ, สิลํ ปวิชฺฌิ, นาฬาคิรึ ปโยเชสิ, ขนฺติเมตฺตานุทฺทยมตฺตมฺปิสฺส ตถาคเต นตฺถี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ เทวทตฺโต กกฺขโฬ ผรุโส นิกฺการุณิโกเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต หิมวนฺตปเทเส มหานนฺทิโย นาม วานโร อโหสิ, กนิฏฺภาติโก ปนสฺส จูฬนนฺทิโย นาม. เต อุโภปิ อสีติสหสฺสวานรปริวารา หิมวนฺตปเทเส อนฺธมาตรํ ปฏิชคฺคนฺตา วาสํ กปฺเปสุํ. เต มาตรํ สยนคุมฺเพ เปตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา มธุรานิ ผลาผลานิ มาตุยา เปเสนฺติ. อาหรณกวานรา ¶ ตสฺสา น เทนฺติ, สา ขุทาปีฬิตา อฏฺิจมฺมาวเสสา กิสา อโหสิ. อถ นํ โพธิสตฺโต อาห – ‘‘มยํ, อมฺม, ตุมฺหากํ มธุรผลาผลานิ เปเสม, ตุมฺเห กสฺมา มิลายถา’’ติ. ‘‘ตาต, นาหํ ลภามี’’ติ. โพธิสตฺโต จินฺเตสิ ¶ – ‘‘มยิ ยูถํ ปริหรนฺเต มาตา เม นสฺสิสฺสติ, ยูถํ ปหาย มาตรํเยว ปฏิชคฺคิสฺสามี’’ติ. โส จูฬนนฺทิยํ ปกฺโกสิตฺวา ‘‘ตาต, ตฺวํ ยูถํ ปริหร, อหํ มาตรํ ปฏิชคฺคิสฺสามี’’ติ อาห. โสปิ นํ ‘‘ภาติก, มยฺหํ ยูถปริหรเณน กมฺมํ นตฺถิ, อหมฺปิ มาตรเมว ปฏิชคฺคิสฺสามี’’ติ อาห. อิติ เต อุโภปิ เอกจฺฉนฺทา หุตฺวา ยูถํ ปหาย มาตรํ คเหตฺวา หิมวนฺตา โอรุยฺห ปจฺจนฺเต นิคฺโรธรุกฺเข วาสํ กปฺเปตฺวา มาตรํ ปฏิชคฺคึสุ.
อเถโก พาราณสิวาสี พฺราหฺมณมาณโว ตกฺกสิลายํ ทิสาปาโมกฺขสฺส อาจริยสฺส สนฺติเก สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา ‘‘คมิสฺสามี’’ติ อาจริยํ อาปุจฺฉิ. อาจริโย องฺควิชฺชานุภาเวน ตสฺส กกฺขฬผรุสสาหสิกภาวํ ตฺวา ‘‘ตาต, ตฺวํ กกฺขโฬ ผรุโส สาหสิโก, เอวรูปานํ น สพฺพกาลํ เอกสทิสเมว อิชฺฌติ, มหาวินาสํ มหาทุกฺขํ ปาปุณิสฺสสิ, มา ตฺวํ กกฺขโฬ โหหิ, ปจฺฉานุตาปนการณํ กมฺมํ มา กรี’’ติ ¶ โอวทิตฺวา อุยฺโยเชสิ. โส อาจริยํ วนฺทิตฺวา พาราณสึ คนฺตฺวา ฆราวาสํ คเหตฺวา อฺเหิ สิปฺเปหิ ชีวิกํ กปฺเปตุํ อสกฺโกนฺโต ‘‘ธนุโกฏึ นิสฺสาย ชีวิสฺสามิ, ลุทฺทกมฺมํ กตฺวา ชีวิกํ กปฺเปสฺสามี’’ติ พาราณสิโต นิกฺขมิตฺวา ปจฺจนฺตคามเก วสนฺโต ธนุกลาปสนฺนทฺโธ อรฺํ ปวิสิตฺวา นานามิเค มาเรตฺวา มํสวิกฺกเยน ชีวิกํ กปฺเปสิ. โส เอกทิวสํ อรฺเ กิฺจิ อลภิตฺวา อาคจฺฉนฺโต องฺคณปริยนฺเต ิตํ นิคฺโรธรุกฺขํ ทิสฺวา ‘‘อปิ นาเมตฺถ กิฺจิ ภเวยฺยา’’ติ นิคฺโรธรุกฺขาภิมุโข ปายาสิ.
ตสฺมึ ขเณ อุโภปิ เต ภาตโร มาตรํ ผลานิ ขาทาเปตฺวา ปุรโต กตฺวา วิฏปพฺภนฺตเร นิสินฺนา ตํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘กึ โน มาตรํ กริสฺสตี’’ติ สาขนฺตเร นิลียึสุ. โสปิ โข สาหสิกปุริโส รุกฺขมูลํ อาคนฺตฺวา ตํ เตสํ มาตรํ ชราทุพฺพลํ อนฺธํ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘กึ เม ตุจฺฉหตฺถคมเนน อิมํ มกฺกฏึ วิชฺฌิตฺวา คเหตฺวา คมิสฺสามี’’ติ. โส ¶ ตสฺสา วิชฺฌนตฺถาย ธนุํ คณฺหิ. ตํ ทิสฺวา โพธิสตฺโต ‘‘ตาต จูฬนนฺทิย, เอโส เม ปุริโส มาตรํ วิชฺฌิตุกาโม, อหมสฺสา ชีวิตทานํ ทสฺสามิ, ตฺวํ มมจฺจเยน มาตรํ ปฏิชคฺเคยฺยาสี’’ติ วตฺวา สาขนฺตรา นิกฺขมิตฺวา ‘‘โภ ปุริส, มา เม มาตรํ วิชฺฌิ, เอสา อนฺธา ชราทุพฺพลา, อหมสฺสา ชีวิตทานํ เทมิ, ตฺวํ เอตํ อมาเรตฺวา มํ มาเรหี’’ติ ตสฺส ปฏิฺํ คเหตฺวา สรสฺส อาสนฺนฏฺาเน นิสีทิ. โส นิกฺกรุโณ โพธิสตฺตํ วิชฺฌิตฺวา ปาเตตฺวา มาตรมฺปิสฺส วิชฺฌิตุํ ¶ ปุน ธนุํ สนฺนยฺหิ. ตํ ทิสฺวา จูฬนนฺทิโย ‘‘อยํ เม มาตรํ วิชฺฌิตุกาโม, เอกทิวสมฺปิ โข เม มาตา ชีวมานา ลทฺธชีวิตาเยว นาม โหติ, ชีวิตทานมสฺสา ทสฺสามี’’ติ สาขนฺตรา นิกฺขมิตฺวา ‘‘โภ ปุริส, มา เม มาตรํ วิชฺฌิ, อหมสฺสา ชีวิตทานํ ทมฺมิ, ตฺวํ มํ วิชฺฌิตฺวา อมฺเห ทฺเว ภาติเก คเหตฺวา อมฺหากํ มาตุ ชีวิตทานํ เทหี’’ติ ตสฺส ปฏิฺํ คเหตฺวา สรสฺส อาสนฺนฏฺาเน นิสีทิ. โส ตมฺปิ วิชฺฌิตฺวา ปาเตตฺวา ‘‘อยํ มกฺกฏี ฆเร ทารกานํ ภวิสฺสตี’’ติ มาตรมฺปิ เตสํ วิชฺฌิตฺวา ปาเตตฺวา ตโยปิ กาเชนาทาย เคหาภิมุโข ปายาสิ.
อถสฺส ปาปปุริสสฺส เคเห อสนิ ปติตฺวา ภริยฺจ ทฺเว ทารเก จ เคเหเนว สทฺธึ ฌาเปสิ, ปิฏฺิวํสถูณมตฺตํ อวสิสฺสิ. อถสฺส นํ คามทฺวาเรเยว เอโก ปุริโส ทิสฺวา ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ. โส ปุตฺตทารโสเกน ¶ อภิภูโต ตสฺมึเยว าเน มํสกาชฺช ธนฺุจ ฉฑฺเฑตฺวา วตฺถํ ปหาย นคฺโค พาหา ปคฺคยฺห ปริเทวมาโน คนฺตฺวา ฆรํ ปาวิสิ. อถสฺส สา ถูณา ภิชฺชิตฺวา สีเส ปติตฺวา สีสํ ภินฺทิ, ปถวี วิวรํ อทาสิ, อวีจิโต ชาลา อุฏฺหิ. โส ปถวิยา คิลิยมาโน อาจริยสฺส โอวาทํ สริตฺวา ‘‘อิมํ วต ¶ การณํ ทิสฺวา ปาราสริยพฺราหฺมโณ มยฺหํ โอวาทมทาสี’’ติ ปริเทวมาโน อิมํ คาถาทฺวยมาห –
‘‘อิทํ ตทาจริยวโจ, ปาราสริโย ยทพฺรวิ;
มาสุ ตฺวํ อกริ ปาปํ, ยํ ตฺวํ ปจฺฉา กตํ ตเป.
‘‘ยานิ กโรติ ปุริโส, ตานิ อตฺตนิ ปสฺสติ;
กลฺยาณการี กลฺยาณํ, ปาปการี จ ปาปกํ;
ยาทิสํ วปเต พีชํ, ตาทิสํ หรเต ผล’’นฺติ.
ตสฺสตฺโถ – ยํ ปาราสริโย พฺราหฺมโณ อพฺรวิ – ‘‘มาสุ ตฺวํ ปาปํ อกรี, ยํ กตํ ปจฺฉา ตฺวฺเว ตเปยฺยา’’ติ, อิทํ ตํ อาจริยสฺส วจนํ. ยานิ กายวจีมโนทฺวาเรหิ กมฺมานิ ปุริโส กโรติ, เตสํ วิปากํ ปฏิลภนฺโต ตานิเยว อตฺตนิ ปสฺสติ. กลฺยาณกมฺมการี กลฺยาณํ ผลมนุโภติ, ปาปการี จ ปาปกเมว หีนํ ลามกํ อนิฏฺผลํ อนุโภติ. โลกสฺมิมฺปิ หิ ยาทิสํ วปเต พีชํ, ตาทิสํ หรเต ผลํ, พีชานุรูปํ พีชานุจฺฉวิกเมว ผลํ หรติ คณฺหาติ อนุภวตีติ. อิติ โส ปริเทวนฺโต ปถวึ ปวิสิตฺวา อวีจิมหานิรเย นิพฺพตฺติ.
สตฺถา ¶ ‘‘น, ภิกฺขเว, เทวทตฺโต อิทาเนว, ปุพฺเพปิ กกฺขโฬ ผรุโส นิกฺการุณิโกเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ลุทฺทกปุริโส เทวทตฺโต อโหสิ, ทิสาปาโมกฺโข อาจริโย สาริปุตฺโต, จูฬนนฺทิโย อานนฺโท, มาตา มหาปชาปติโคตมี, มหานนฺทิโย ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
จูฬนนฺทิยชาตกวณฺณนา ทุติยา.
[๒๒๓] ๓. ปุฏภตฺตชาตกวณฺณนา
นเม ¶ นมนฺตสฺส ภเช ภชนฺตนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ กุฏุมฺพิกํ อารพฺภ กเถสิ. สาวตฺถินครวาสี กิเรโก กุฏุมฺพิโก เอเกน ชนปทกุฏุมฺพิเกน สทฺธึ โวหารํ อกาสิ. โส ¶ อตฺตโน ภริยํ อาทาย ตสฺส ธารณกสฺส สนฺติกํ อคมาสิ. ธารณโก ‘‘ทาตุํ น สกฺโกมี’’ติ น กิฺจิ อทาสิ, อิตโร กุชฺฌิตฺวา ภตฺตํ อภฺุชิตฺวาว นิกฺขมิ. อถ นํ อนฺตรามคฺเค ฉาตชฺฌตฺตํ ทิสฺวา มคฺคปฏิปนฺนา ปุริสา ‘‘ภริยายปิ ทตฺวา ภฺุชาหี’’ติ ภตฺตปุฏํ อทํสุ. โส ตํ คเหตฺวา ตสฺสา อทาตุกาโม หุตฺวา ‘‘ภทฺเท, อิทํ โจรานํ ติฏฺนฏฺานํ, ตฺวํ ปุรโต ยาหี’’ติ อุยฺโยเชตฺวา สพฺพํ ภตฺตํ ภฺุชิตฺวา ตุจฺฉปุฏํ ทสฺเสตฺวา ‘‘ภทฺเท, อภตฺตกํ ตุจฺฉปุฏเมว อทํสู’’ติ อาห. สา เตน เอกเกเนว ภุตฺตภาวํ ตฺวา โทมนสฺสปฺปตฺตา อโหสิ. เต อุโภปิ เชตวนปิฏฺิวิหาเรน คจฺฉนฺตา ‘‘ปานียํ ปิวิสฺสามา’’ติ เชตวนํ ปวิสึสุ.
สตฺถาปิ เตสฺเว อาคมนํ โอโลเกนฺโต มคฺคํ คเหตฺวา ิตลุทฺทโก วิย คนฺธกุฏิฉายาย นิสีทิ, เต สตฺถารํ ทิสฺวา อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา นิสีทึสุ. สตฺถา เตหิ สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘กึ, อุปาสิเก, อยํ เต ภตฺตา หิตกาโม สสฺเนโห’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ภนฺเต, อหํ เอตสฺส สสฺเนหา, อยํ ปน มยฺหํ นิสฺเนโห, ติฏฺนฺตุ อฺเปิ ทิวสา, อชฺเชเวส อนฺตรามคฺเค ปุฏภตฺตํ ลภิตฺวา มยฺหํ อทตฺวา อตฺตนาว ภฺุชี’’ติ. ‘‘อุปาสิเก, นิจฺจกาลมฺปิ ตฺวํ เอตสฺส หิตกามา สสฺเนหา, อยํ ปน นิสฺเนโหว. ยทา ปน ปณฺฑิเต นิสฺสาย ตว คุเณ ชานาติ, ตทา เต สพฺพิสฺสริยํ นิยฺยาเทตี’’ติ วตฺวา ตาย ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต อมจฺจกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ¶ ตสฺส อตฺถธมฺมานุสาสโก อโหสิ. อถ ราชา ‘‘ปทุพฺเภยฺยาปิ เม อย’’นฺติ อตฺตโน ปุตฺตํ อาสงฺกนฺโต นีหริ. โส อตฺตโน ภริยํ คเหตฺวา นครา นิกฺขมฺม เอกสฺมึ กาสิกคามเก วาสํ กปฺเปสิ. โส อปรภาเค ปิตุ กาลกตภาวํ ¶ สุตฺวา ‘‘กุลสนฺตกํ รชฺชํ คณฺหิสฺสามี’’ติ พาราณสึ ปจฺจาคจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค ‘‘ภริยายปิ ทตฺวา ภฺุชาหี’’ติ ภตฺตปุฏํ ลภิตฺวา ตสฺสา อทตฺวา สยเมว ตํ ภฺุชิ. สา ‘‘กกฺขโฬ ¶ วตายํ ปุริโส’’ติ โทมนสฺสปฺปตฺตา อโหสิ. โส พาราณสิยํ รชฺชํ คเหตฺวา ตํ อคฺคมเหสิฏฺาเน เปตฺวา ‘‘เอตฺตกเมว เอติสฺสา อล’’นฺติ น อฺํ สกฺการํ วา สมฺมานํ วา กโรติ, ‘‘กถํ ยาเปสี’’ติปิ นํ น ปุจฺฉติ.
โพธิสตฺโต จินฺเตสิ – ‘‘อยํ เทวี รฺโ พหูปการา สสฺเนหา, ราชา ปเนตํ กิสฺมิฺจิ น มฺติ, สกฺการสมฺมานมสฺสา กาเรสฺสามี’’ติ ตํ อุปสงฺกมิตฺวา อุปจารํ กตฺวา เอกมนฺตํ ตฺวา ‘‘กึ, ตาตา’’ติ วุตฺเต ‘‘กถํ สมุฏฺาเปตุํ มยํ, เทวิ, ตุมฺเห อุปฏฺหาม, กึ นาม มหลฺลกานํ ปิตูนํ วตฺถขณฺฑํ วา ภตฺตปิณฺฑํ วา ทาตุํ น วฏฺฏตี’’ติ อาห. ‘‘ตาต, อหํ อตฺตนาว กิฺจิ น ลภามิ, ตุมฺหากํ กึ ทสฺสามิ, นนุ ลภนกาเล อทาสึ, อิทานิ ปน เม ราชา น กิฺจิ เทติ. ติฏฺตุ อฺํ ทานํ, รชฺชํ คณฺหิตุํ อาคจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค ภตฺตปุฏํ ลภิตฺวา ภตฺตมตฺตมฺปิ เม อทตฺวา อตฺตนาว ภฺุชี’’ติ. ‘‘กึ ปน, อมฺม, รฺโ สนฺติเก เอวํ กเถตุํ สกฺขิสฺสถา’’ติ? ‘‘สกฺขิสฺสามิ, ตาตา’’ติ. ‘‘เตน หิ อชฺเชว มม รฺโ สนฺติเก ิตกาเล มยิ ปุจฺฉนฺเต เอวํ กเถถ อชฺเชว โว คุณํ ชานาเปสฺสามี’’ติ เอวํ วตฺวา โพธิสตฺโต ปุริมตรํ คนฺตฺวา รฺโ สนฺติเก อฏฺาสิ. สาปิ คนฺตฺวา รฺโ สมีเป อฏฺาสิ.
อถ นํ โพธิสตฺโต ‘‘อมฺม, ตุมฺเห อติวิย กกฺขฬา, กึ นาม ปิตูนํ วตฺถขณฺฑํ วา ภตฺตปิณฺฑมตฺตํ วา ทาตุํ น วฏฺฏตี’’ติ อาห. ‘‘ตาต, อหเมว รฺโ สนฺติกา กิฺจิ น ลภามิ, ตุมฺหากํ กึ ทสฺสามี’’ติ? ‘‘นนุ อคฺคมเหสิฏฺานํ เต ลทฺธ’’นฺติ? ‘‘ตาต, กิสฺมิฺจิ สมฺมาเน อสติ อคฺคมเหสิฏฺานํ กึ กริสฺสติ, อิทานิ เม ตุมฺหากํ ราชา กึ ทสฺสติ, โส อนฺตรามคฺเค ภตฺตปุฏํ ลภิตฺวา ตโต กิฺจิ อทตฺวา ¶ สยเมว ภฺุชี’’ติ. โพธิสตฺโต ‘‘เอวํ กิร, มหาราชา’’ติ ปุจฺฉิ. ราชา อธิวาเสสิ. โพธิสตฺโต ตสฺส อธิวาสนํ วิทิตฺวา ‘‘เตน หิ, อมฺม, รฺโ อปฺปิยกาลโต ปฏฺาย กึ ตุมฺหากํ อิธ วาเสน. โลกสฺมิฺหิ อปฺปิยสมฺปโยโค จ ทุกฺโข, ตุมฺหากํ อิธ วาเส สติ รฺโ อปฺปิยสมฺปโยโคว ¶ ทุกฺขํ ¶ ภวิสฺสติ, อิเม สตฺตา นาม ภชนฺเต ภชนฺติ, อภชนภาวํ ตฺวา อฺตฺถ คนฺตพฺพํ, มหนฺโต โลกสนฺนิวาโส’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อโวจ –
‘‘นเม นมนฺตสฺส ภเช ภชนฺตํ, กิจฺจานุกุพฺพสฺส กเรยฺย กิจฺจํ;
นานตฺถกามสฺส กเรยฺย อตฺถํ, อสมฺภชนฺตมฺปิ น สมฺภเชยฺย.
‘‘จเช จชนฺตํ วนถํ น กยิรา, อเปตจิตฺเตน น สมฺภเชยฺย;
ทิโช ทุมํ ขีณผลนฺติ ตฺวา, อฺํ สเมกฺเขยฺย มหา หิ โลโก’’ติ.
ตตฺถ นเม นมนฺตสฺส ภเช ภชนฺตนฺติ โย อตฺตโน นมติ, ตสฺเสว ปฏินเมยฺย. โย จ ภชติ, ตเมว ภเชยฺย. กิจฺจานุกุพฺพสฺส กเรยฺย กิจฺจนฺติ อตฺตโน อุปฺปนฺนกิจฺจํ อนุกุพฺพนฺตสฺเสว ตสฺสปิ อุปฺปนฺนกิจฺจํ ปฏิกเรยฺย. จเช จชนฺตํ วนถํ น กยิราติ อตฺตานํ ชหนฺตํ ชเหยฺเยว, ตสฺมึ ตณฺหาสงฺขาตํ วนถํ น กเรยฺย. อเปตจิตฺเตนาติ วิคตจิตฺเตน วิปลฺลตฺถจิตฺเตน. น สมฺภเชยฺยาติ ตถารูเปน สทฺธึ น สมาคจฺเฉยฺย. ทิโช ทุมนฺติ ยถา สกุโณ ปุพฺเพ ผลิตมฺปิ รุกฺขํ ผเล ขีเณ ‘‘ขีณผโล อย’’นฺติ ตฺวา ตํ ฉฑฺเฑตฺวา อฺํ สเมกฺขติ ปริเยสติ, เอวํ อฺํ สเมกฺเขยฺย. มหา หิ เอส โลโก, อถ ตุมฺเห สสฺเนหํ เอกํ ปุริสํ ลภิสฺสถาติ.
ตํ สุตฺวา พาราณสิราชา เทวิยา สพฺพิสฺสริยํ อทาสิ. ตโต ปฏฺาย สมคฺคา สมฺโมทมานา วสึสุ.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน ทฺเว ชยมฺปติกา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสุ. ‘‘ตทา ชยมฺปติกา อิเม ทฺเว ชยมฺปติกา อเหสุํ, ปณฺฑิตามจฺโจ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
ปุฏภตฺตชาตกวณฺณนา ตติยา.
[๒๒๔] ๔. กุมฺภิลชาตกวณฺณนา
ยสฺเสเต ¶ ¶ จตุโร ธมฺมาติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เทวทตฺตํ อารพฺภ กเถสิ.
‘‘ยสฺเสเต จตุโร ธมฺมา, วานรินฺท ยถา ตว;
สจฺจํ ธมฺโม ธิติ จาโค, ทิฏฺํ โส อติวตฺตติ.
‘‘ยสฺส เจเต น วิชฺชนฺติ, คุณา ปรมภทฺทกา;
สจฺจํ ธมฺโม ธิติ จาโค, ทิฏฺํ โส นาติวตฺตตี’’ติ.
ตตฺถ คุณา ปรมภทฺทกาติ ยสฺส เอเต ปรมภทฺทกา จตฺตาโร ราสฏฺเน ปิณฺฑฏฺเน คุณา น วิชฺชนฺติ, โส ปจฺจามิตฺตํ อติกฺกมิตุํ น สกฺโกตีติ. เสสเมตฺถ สพฺพํ เหฏฺา กุมฺภิลชาตเก วุตฺตนยเมว สทฺธึ สโมธาเนนาติ.
กุมฺภิลชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.
[๒๒๕] ๕. ขนฺติวณฺณชาตกวณฺณนา
อตฺถิ เม ปุริโส, เทวาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โกสลราชานํ อารพฺภ กเถสิ. ตสฺส กิเรโก พหูปกาโร อมจฺโจ อนฺเตปุเร ปทุสฺสิ. ราชา ‘‘อุปการโก เม’’ติ ตฺวาปิ อธิวาเสตฺวา สตฺถุ อาโรเจสิ. สตฺถา ‘‘โปราณกราชาโนปิ, มหาราช, เอวํ อธิวาเสสุํเยวา’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต เอโก อมจฺโจ ตสฺส อนฺเตปุเร ปทุสฺสิ, อมจฺจสฺสาปิ เสวโก ตสฺส เคเห ปทุสฺสิ. โส ตสฺส อปราธํ อธิวาเสตุํ อสกฺโกนฺโต ตํ อาทาย รฺโ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘เทว, เอโก เม อุปฏฺาโก สพฺพกิจฺจการโก ¶ , โส มยฺหํ เคเห ปทุสฺสิ, ตสฺส กึ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ ปุจฺฉนฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘อตฺถิ เม ปุริโส เทว, สพฺพกิจฺเจสุ พฺยาวโฏ;
ตสฺส เจโกปราธตฺถิ, ตตฺถ ตฺวํ กินฺติ มฺสี’’ติ.
ตตฺถ ¶ ¶ ตสฺส เจโกปราธตฺถีติ ตสฺส จ ปุริสสฺส เอโก อปราโธ อตฺถิ. ตตฺถ ตฺวํ กินฺติ มฺสีติ ตตฺถ ตสฺส ปุริสสฺส อปราเธ ตฺวํ ‘‘กึ กาตพฺพ’’นฺติ มฺสิ, ยถา เต จิตฺตํ อุปฺปชฺชติ, ตทนุรูปมสฺส ทณฺฑํ ปเณหีติ ทีเปติ.
ตํ สุตฺวา ราชา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘อมฺหากมฺปตฺถิ ปุริโส, เอทิโส อิธ วิชฺชติ;
ทุลฺลโภ องฺคสมฺปนฺโน, ขนฺติรสฺมาก รุจฺจตี’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – อมฺหากมฺปิ ราชูนํ สตํ เอทิโส พหูปกาโร อคาเร ทุสฺสนกปุริโส อตฺถิ, โส จ โข อิธ วิชฺชติ, อิทานิปิ อิเธว สํวิชฺชติ, มยํ ราชาโนปิ สมานา ตสฺส พหูปการตํ สนฺธาย อธิวาเสม, ตุยฺหํ ปน อรฺโปิ สโต อธิวาสนภาโร ชาโต. องฺคสมฺปนฺโน หิ สพฺเพหิ คุณโกฏฺาเสหิ สมนฺนาคโต ปุริโส นาม ทุลฺลโภ, เตน การเณน อสฺมากํ เอวรูเปสุ าเนสุ อธิวาสนขนฺติเยว รุจฺจตีติ.
อมจฺโจ อตฺตานํ สนฺธาย รฺโ วุตฺตภาวํ ตฺวา ตโต ปฏฺาย อนฺเตปุเร ปทุสฺสิตุํ น วิสหิ, โสปิสฺส เสวโก รฺโ อาโรจิตภาวํ ตฺวา ตโต ปฏฺาย ตํ กมฺมํ กาตุํ น วิสหิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา อหเมว พาราณสิราชา อโหสิ’’นฺติ. โสปิ อมจฺโจ รฺโ สตฺถุ กถิตภาวํ ตฺวา ตโต ปฏฺาย ตํ กมฺมํ กาตุํ นาสกฺขีติ.
ขนฺติวณฺณชาตกวณฺณนา ปฺจมา.
[๒๒๖] ๖. โกสิยชาตกวณฺณนา
กาเล ¶ นิกฺขมนา สาธูติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โกสลราชานํ อารพฺภ กเถสิ. โกสลราชา ปจฺจนฺตวูปสมนตฺถาย อกาเล นิกฺขมิ. วตฺถุ เหฏฺา วุตฺตนยเมว.
สตฺถา ¶ ปน อตีตํ อาหริตฺวา อาห – ‘‘มหาราช, อตีเต พาราณสิราชา อกาเล นิกฺขมิตฺวา อุยฺยาเน ขนฺธาวารํ นิเวสยิ. ตสฺมึ กาเล ¶ เอโก อุลูกสกุโณ เวฬุคุมฺพํ ปวิสิตฺวา นิลียิ. กากเสนา อาคนฺตฺวา ‘นิกฺขนฺตเมว ตํ คณฺหิสฺสามา’’’ติ ปริวาเรสิ. โส สูริยตฺถงฺคมนํ อโนโลเกตฺวา อกาเลเยว นิกฺขมิตฺวา ปลายิตุํ อารภิ. อถ นํ กากา ปริวาเรตฺวา ตุณฺเฑหิ โกฏฺเฏนฺตา ปริปาเตสุํ. ราชา โพธิสตฺตํ อามนฺเตตฺวา ‘‘กึ นุ โข, ปณฺฑิต, อิเม กากา โกสิยํ ปริปาเตนฺตี’’ติ ปุจฺฉิ. โพธิสตฺโต ‘‘อกาเล, มหาราช, อตฺตโน วสนฏฺานา นิกฺขมนฺตา เอวรูปํ ทุกฺขํ ปฏิลภนฺติเยว, ตสฺมา อกาเล อตฺตโน วสนฏฺานา นิกฺขมิตุํ น วฏฺฏตี’’ติ อิมมตฺถํ ปกาเสนฺโต อิมํ คาถาทฺวยมาห –
‘‘กาเล นิกฺขมนา สาธุ, นากาเล สาธุ นิกฺขโม;
อกาเลน หิ นิกฺขมฺม, เอกกมฺปิ พหุชฺชโน;
น กิฺจิ อตฺถํ โชเตติ, ธงฺกเสนาว โกสิยํ.
‘‘ธีโร จ วิธิวิธานฺู, ปเรสํ วิวรานุคู;
สพฺพามิตฺเต วสีกตฺวา, โกสิโยว สุขี สิยา’’ติ.
ตตฺถ กาเล นิกฺขมนา สาธูติ, มหาราช, นิกฺขมนา นาม นิกฺขมนํ วา ปรกฺกมนํ วา ยุตฺตปยุตฺตกาเล สาธุ. นากาเล สาธุ นิกฺขโมติ อกาเล ปน อตฺตโน วสนฏฺานโต อฺตฺถ คนฺตุํ นิกฺขโม นาม นิกฺขมนํ วา ปรกฺกมนํ วา น สาธุ. ‘‘อกาเลน หี’’ติอาทีสุ จตูสุ ปเทสุ ปเมน สทฺธึ ตติยํ, ทุติเยน จตุตฺถํ โยเชตฺวา เอวํ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อตฺตโน วสนฏฺานโต หิ โกจิ ปุริโส อกาเลน นิกฺขมิตฺวา วา ปรกฺกมิตฺวา วา น กิฺจิ ¶ อตฺถํ โชเตติ, อตฺตโน อปฺปมตฺตกมฺปิ วุฑฺฒึ อุปฺปาเทตุํ น สกฺโกติ, อถ โข เอกกมฺปิ พหุชฺชโน พหุปิ โส ปจฺจตฺถิกชโน เอตํ อกาเล นิกฺขมนฺตํ วา ปรกฺกมนฺตํ วา เอกกํ ปริวาเรตฺวา มหาวินาสํ ปาเปติ. ตตฺรายํ อุปมา – ธงฺกเสนาว โกสิยํ, ยถา อยํ ธงฺกเสนา อิมํ อกาเล นิกฺขมนฺตฺจ ปรกฺกมนฺตฺจ โกสิยํ ตุณฺเฑหิ วิตุทนฺติ มหาวินาสํ ปาเปนฺติ, ตถา ตสฺมา ติรจฺฉานคเต อาทึ กตฺวา เกนจิ อกาเล อตฺตโน วสนฏฺานโต น นิกฺขมิตพฺพํ น ปรกฺกมิตพฺพนฺติ.
ทุติยคาถาย ¶ ธีโรติ ปณฺฑิโต. วิธีติ โปราณกปณฺฑิเตหิ ปิตปเวณี. วิธานนฺติ โกฏฺาโส วา สํวิทหนํ วา. วิวรานุคูติ วิวรํ อนุคจฺฉนฺโต ชานนฺโต. สพฺพามิตฺเตติ ¶ สพฺเพ อมิตฺเต. วสีกตฺวาติ อตฺตโน วเส กตฺวา. โกสิโยวาติ อิมมฺหา พาลโกสิยา อฺโ ปณฺฑิตโกสิโย วิย. อิทํ วุตฺตํ โหติ – โย จ โข ปณฺฑิโต ‘‘อิมสฺมึ กาเล นิกฺขมิตพฺพํ ปรกฺกมิตพฺพํ, อิมสฺมึ น นิกฺขมิตพฺพํ น ปรกฺกมิตพฺพ’’นฺติ โปราณกปณฺฑิเตหิ ปิตสฺส ปเวณิสงฺขาตสฺส วิธิโน โกฏฺาสสงฺขาตํ วิธานํ วา ตสฺส วา วิธิโน วิธานํ สํวิทหนํ อนุฏฺานํ ชานาติ, โส วิธิวิธานฺู ปเรสํ อตฺตโน ปจฺจามิตฺตานํ วิวรํ ตฺวา ยถา นาม ปณฺฑิโต โกสิโย รตฺติสงฺขาเต อตฺตโน กาเล นิกฺขมิตฺวา จ ปรกฺกมิตฺวา จ ตตฺถ ตตฺถ สยิตานฺเว กากานํ สีสานิ ฉินฺทมาโน เต สพฺเพ อมิตฺเต วสีกตฺวา สุขี สิยา, เอวํ ธีโรปิ กาเล นิกฺขมิตฺวา ปรกฺกมิตฺวา อตฺตโน ปจฺจามิตฺเต วสีกตฺวา สุขี นิทฺทุกฺโข ภเวยฺยาติ. ราชา โพธิสตฺตสฺส วจนํ สุตฺวา นิวตฺติ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ราชา อานนฺโท อโหสิ, ปณฺฑิตามจฺโจ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
โกสิยชาตกวณฺณนา ฉฏฺา.
[๒๒๗] ๗. คูถปาณชาตกวณฺณนา
สูโร สูเรน สงฺคมฺมาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. ตสฺมึ กิร กาเล เชตวนโต ติคาวุตฑฺฒโยชนมตฺเต เอโก นิคมคาโม, ตตฺถ พหูนิ สลากภตฺตปกฺขิยภตฺตานิ อตฺถิ. ตตฺเรโก ปฺหปุจฺฉโก โกณฺโฑ วสติ. โส สลากภตฺตปกฺขิยภตฺตานํ อตฺถาย อาคเต ทหเร จ ¶ สามเณเร จ ‘‘เก ขาทนฺติ, เก ปิวนฺติ, เก ภฺุชนฺตี’’ติ ปฺหํ ปุจฺฉิตฺวา กเถตุํ อสกฺโกนฺเต ลชฺชาเปสิ. เต ตสฺส ภเยน สลากภตฺตปกฺขิยภตฺตตฺถาย ตํ คามํ น คจฺฉนฺติ. อเถกทิวสํ เอโก ภิกฺขุ สลากคฺคํ คนฺตฺวา ‘‘ภนฺเต, อสุกคาเม สลากภตฺตํ วา ปกฺขิยภตฺตํ วา อตฺถี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ¶ ‘‘อตฺถาวุโส, ตตฺถ ปเนโก โกณฺโฑ ปฺหํ ปุจฺฉติ, ตํ กเถตุํ อสกฺโกนฺเต อกฺโกสติ ปริภาสติ, ตสฺส ภเยน โกจิ คนฺตุํ น สกฺโกตี’’ติ วุตฺเต ‘‘ภนฺเต, ตตฺถ ภตฺตานิ มยฺหํ ปาเปถ, อหํ ตํ ทเมตฺวา นิพฺพิเสวนํ กตฺวา ตโต ปฏฺาย ตุมฺเห ทิสฺวา ปลายนกํ กริสฺสามี’’ติ อาห. ภิกฺขู ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตสฺส ตตฺถ ภตฺตานิ ปาเปสุํ.
โส ¶ ตตฺถ คนฺตฺวา คามทฺวาเร จีวรํ ปารุปิ. ตํ ทิสฺวา โกณฺโฑ จณฺฑเมณฺฑโก วิย เวเคน อุปคนฺตฺวา ‘‘ปฺหํ เม, สมณ, กเถหี’’ติ อาห. ‘‘อุปาสก, คาเม จริตฺวา ยาคุํ อาทาย อาสนสาลํ ตาว เม อาคนฺตุํ เทหี’’ติ. โส ยาคุํ อาทาย อาสนสาลํ อาคเตปิ ตสฺมึ ตเถว อาห. โสปิ นํ ภิกฺขุ ‘‘ยาคุํ ตาว เม ปาตุํ เทหิ, อาสนสาลํ ตาว สมฺมชฺชิตุํ เทหิ, สลากภตฺตํ ตาว เม อาหริตุํ เทหี’’ติ วตฺวา สลากภตฺตํ อาหริตฺวา ตเมว ปตฺตํ คาหาเปตฺวา ‘‘เอหิ, ปฺหํ เต กเถสฺสามี’’ติ พหิคามํ เนตฺวา จีวรํ สํหริตฺวา อํเส เปตฺวา ตสฺส หตฺถโต ปตฺตํ คเหตฺวา อฏฺาสิ. ตตฺราปิ นํ โส ‘‘สมณ, ปฺหํ เม กเถหี’’ติ อาห. อถ นํ ‘‘กเถมิ เต ปฺห’’นฺติ เอกปฺปหาเรเนว ปาเตตฺวา อฏฺีนิ สํจุณฺเณนฺโต วิย โปเถตฺวา คูถํ มุเข ปกฺขิปิตฺวา ‘‘อิโต ทานิ ปฏฺาย อิมํ คามํ อาคตํ กฺจิ ภิกฺขุํ ปฺหํ ปุจฺฉิตกาเล ชานิสฺสามี’’ติ สนฺตชฺเชตฺวา ปกฺกามิ. โส ตโต ปฏฺาย ภิกฺขู ทิสฺวาว ปลายติ. อปรภาเค ตสฺส ภิกฺขุโน สา กิริยา ภิกฺขุสงฺเฆ ปากฏา ชาตา. อเถกทิวสํ ธมฺมสภายํ ภิกฺขู กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, อสุกภิกฺขุ กิร โกณฺฑสฺส มุเข คูถํ ปกฺขิปิตฺวา คโต’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, โส ภิกฺขุ อิทาเนว ตํ มีฬฺเหน อาสาเทติ, ปุพฺเพปิ อาสาเทสิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต ¶ องฺคมคธวาสิโน อฺมฺสฺส รฏฺํ คจฺฉนฺตา เอกทิวสํ ทฺวินฺนํ รฏฺานํ สีมนฺตเร เอกํ สรํ นิสฺสาย วสิตฺวา สุรํ ปิวิตฺวา มจฺฉมํสํ ขาทิตฺวา ปาโตว ยานานิ โยเชตฺวา ปกฺกมึสุ. เตสํ คตกาเล เอโก คูถขาทโก ปาณโก คูถคนฺเธน อาคนฺตฺวา เตสํ ปีตฏฺาเน ฉฑฺฑิตํ สุรํ ทิสฺวา ปิปาสาย ปิวิตฺวา มตฺโต หุตฺวา คูถปฺุชํ อภิรุหิ, อลฺลคูถํ ¶ ตสฺมึ อารุฬฺเห โถกํ โอนมิ. โส ‘‘ปถวี มํ ธาเรตุํ น สกฺโกตี’’ติ วิรวิ. ตสฺมิฺเว ขเณ เอโก มตฺตวรวารโณ ตํ ปเทสํ ปตฺวา คูถคนฺธํ ฆายิตฺวา ชิคุจฺฉนฺโต ปฏิกฺกมิ. โส ตํ ทิสฺวา ‘‘เอส มม ภเยน ปลายตี’’ติ สฺี หุตฺวา ‘‘อิมินา เม สทฺธึ สงฺคามํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ ตํ อวฺหยนฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘สูโร สูเรน สงฺคมฺม, วิกฺกนฺเตน ปหารินา;
เอหิ นาค นิวตฺตสฺสุ, กึ นุ ภีโต ปลายสิ;
ปสฺสนฺตุ องฺคมคธา, มม ตุยฺหฺจ วิกฺกม’’นฺติ.
ตสฺสตฺโถ ¶ – ตฺวํ สูโร มยา สูเรน สทฺธึ สมาคนฺตฺวา วีริยวิกฺกเมน วิกฺกนฺเตน ปหารทานสมตฺถตาย ปหารินา กึการณา อสงฺคาเมตฺวาว คจฺฉสิ, นนุ นาม เอกสมฺปหาโรปิ ทาตพฺโพ สิยา, ตสฺมา เอหิ นาค นิวตฺตสฺสุ, เอตฺตเกเนว มรณภยตชฺชิโต หุตฺวา กึ นุ ภีโต ปลายสิ, อิเม อิมํ สีมํ อนฺตรํ กตฺวา วสนฺตา ปสฺสนฺตุ, องฺคมคธา มม ตุยฺหฺจ วิกฺกมํ อุภินฺนมฺปิ อมฺหากํ ปรกฺกมํ ปสฺสนฺตูติ.
โส หตฺถี กณฺณํ ทตฺวา ตสฺส วจนํ สุตฺวา นิวตฺติตฺวา ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ตํ อปสาเทนฺโต ทุติยํ คาถมาห –
‘‘น ตํ ปาทา วธิสฺสามิ, น ทนฺเตหิ น โสณฺฑิยา;
มีฬฺเหน ตํ วธิสฺสามิ, ปูติ หฺตุ ปูตินา’’ติ.
ตสฺสตฺโถ ¶ – น ตํ ปาทาทีหิ วธิสฺสามิ, ตุยฺหํ ปน อนุจฺฉวิเกน มีฬฺเหน ตํ วธิสฺสามีติ.
เอวฺจ ปน วตฺวา ‘‘ปูติคูถปาณโก ปูตินาว หฺตู’’ติ ตสฺส มตฺถเก มหนฺตํ ลณฺฑํ ปาเตตฺวา อุทกํ วิสฺสชฺเชตฺวา ตตฺเถว ตํ ชีวิตกฺขยํ ปาเปตฺวา โกฺจนาทํ นทนฺโต อรฺเมว ปาวิสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา คูถปาณโก โกณฺโฑ อโหสิ, วารโณ โส ภิกฺขุ, ตํ การณํ ปจฺจกฺขโต ทิสฺวา ตสฺมึ วนสณฺเฑ นิวุตฺถเทวตา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
คูถปาณชาตกวณฺณนา สตฺตมา.
[๒๒๘] ๘. กามนีตชาตกวณฺณนา
ตโย ¶ คิรินฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต กามนีตพฺราหฺมณํ นาม อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ ปจฺจุปฺปนฺนฺจ อตีตฺจ ทฺวาทสกนิปาเต กามชาตเก (ชา. ๑.๑๒.๓๗ อาทโย) อาวิภวิสฺสติ. เตสุ ปน ทฺวีสุ ราชปุตฺเตสุ เชฏฺโก อาคนฺตฺวา พาราณสิยํ ราชา อโหสิ, กนิฏฺโ ¶ อุปราชา. เตสุ ราชา วตฺถุกามกิเลสกาเมสุ อติตฺโต ธนโลโล อโหสิ. ตทา โพธิสตฺโต สกฺโก เทวราชา หุตฺวา ชมฺพุทีปํ โอโลเกนฺโต ตสฺส รฺโ ทฺวีสุปิ กาเมสุ อติตฺตภาวํ ตฺวา ‘‘อิมํ ราชานํ นิคฺคณฺหิตฺวา ลชฺชาเปสฺสามี’’ติ พฺราหฺมณมาณววณฺเณน อาคนฺตฺวา ราชานํ ปสฺสิ, รฺา จ ‘‘เกนตฺเถน อาคโตสิ มาณวา’’ติ วุตฺเต ‘‘อหํ, มหาราช, ตีณิ นครานิ ปสฺสามิ เขมานิ สุภิกฺขานิ ปหูตหตฺถิอสฺสรถปตฺตีนิ หิรฺสุวณฺณาลงฺการภริตานิ, สกฺกา จ ปน ตานิ อปฺปเกเนว พเลน คณฺหิตุํ, อหํ เต ตานิ คเหตฺวา ทาตุํ อาคโต’’ติ อาห. ‘‘กทา คจฺฉาม, มาณวา’’ติ วุตฺเต ‘‘สฺเว มหาราชา’’ติ. ‘‘เตน หิ คจฺฉ, ปาโตว อาคจฺเฉยฺยาสี’’ติ. ‘‘สาธุ, มหาราช, เวเคน พลํ สชฺเชหี’’ติ วตฺวา สกฺโก สกฏฺานเมว ¶ คโต.
ราชา ปุนทิวเส เภรึ จราเปตฺวา พลสชฺชํ กาเรตฺวา อมจฺเจ ปกฺโกสาเปตฺวา หิยฺโย เอโก พฺราหฺมณมาณโว ‘‘อุตฺตรปฺจาเล อินฺทปตฺเต เกกเกติ อิเมสุ ตีสุ นคเรสุ รชฺชํ คเหตฺวา ทสฺสามี’’ติ อาห, ตํ มาณวํ อาทาย ตีสุ นคเรสุ รชฺชํ คณฺหิสฺสาม, เวเคน นํ ปกฺโกสถาติ. ‘‘กตฺถสฺส, เทว, นิวาโส ทาปิโต’’ติ? ‘‘น เม ตสฺส นิวาสเคหํ ทาปิต’’นฺติ. ‘‘นิวาสปริพฺพโย ปน ทินฺโน’’ติ? ‘‘โสปิ น ทินฺโน’’ติ. อถ ‘‘กหํ นํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ? ‘‘นครวีถีสุ โอโลเกถา’’ติ. เต โอโลเกนฺตา อทิสฺวา ‘‘น ปสฺสาม, มหาราชา’’ติ อาหํสุ. รฺโ มาณวํ อปสฺสนฺตสฺส ‘‘เอวํ มหนฺตา นาม อิสฺสริยา ปริหีโนมฺหี’’ติ มหาโสโก อุทปาทิ, หทยวตฺถุ อุณฺหํ อโหสิ, วตฺถุโลหิตํ กุปฺปิ, โลหิตปกฺขนฺทิกา อุทปาทิ, เวชฺชา ติกิจฺฉิตุํ นาสกฺขึสุ.
ตโต ตีหจตูหจฺจเยน สกฺโก อาวชฺชมาโน ตสฺส ตํ อาพาธํ ตฺวา ‘‘ติกิจฺฉิสฺสามิ น’’นฺติ พฺราหฺมณวณฺเณน อาคนฺตฺวา ทฺวาเร ตฺวา ‘‘เวชฺชพฺราหฺมโณ ¶ ตุมฺหากํ ติกิจฺฉนตฺถาย อาคโต’’ติ อาโรจาเปสิ. ราชา ตํ สุตฺวา ‘‘มหนฺตมหนฺตา ราชเวชฺชา มํ ติกิจฺฉิตุํ นาสกฺขึสุ, ปริพฺพยมสฺส ทาเปตฺวา อุยฺโยเชถา’’ติ อาห. สกฺโก ตํ สุตฺวา ‘‘มยฺหํ เนว นิวาสปริพฺพเยน อตฺโถ, เวชฺชลาภมฺปิ น คณฺหิสฺสามิ, ติกิจฺฉิสฺสามิ นํ, ปุน ราชา มํ ปสฺสตู’’ติ อาห. ราชา ตํ สุตฺวา ‘‘เตน หิ อาคจฺฉตู’’ติ อาห. สกฺโก ปวิสิตฺวา ชยาเปตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ, ราชา ‘‘ตฺวํ มํ ติกิจฺฉสี’’ติ อาห. ‘‘อาม, เทวา’’ติ. ‘‘เตน หิ ติกิจฺฉสฺสู’’ติ. ‘‘สาธุ, มหาราช, พฺยาธิโน เม ลกฺขณํ กเถถ, เกน การเณน อุปฺปนฺโน, กึ ขาทิตํ วา ปีตํ วา นิสฺสาย, อุทาหุ ทิฏฺํ วา สุตํ วา’’ติ? ‘‘ตาต, มยฺหํ พฺยาธิ สุตํ นิสฺสาย อุปฺปนฺโน’’ติ. ‘‘กึ เต สุต’’นฺติ. ‘‘ตาต เอโก มาณโว ¶ ¶ อาคนฺตฺวา มยฺหํ ‘ตีสุ นคเรสุ รชฺชํ คณฺหิตฺวา ทสฺสามี’ติ อาห, อหํ ตสฺส นิวาสฏฺานํ วา นิวาสปริพฺพยํ วา น ทาเปสึ, โส มยฺหํ กุชฺฌิตฺวา อฺสฺส รฺโ สนฺติกํ คโต ภวิสฺสติ. อถ เม ‘เอวํ มหนฺตา นาม อิสฺสริยา ปริหีโนมฺหี’ติ จินฺเตนฺตสฺส อยํ พฺยาธิ อุปฺปนฺโน. สเจ สกฺโกสิ ตฺวํ เม กามจิตฺตํ นิสฺสาย อุปฺปนฺนํ พฺยาธึ ติกิจฺฉิตุํ, ติกิจฺฉาหี’’ติ เอตมตฺถํ ปกาเสนฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘ตโย คิรึ อนฺตรํ กามยามิ, ปฺจาลา กุรุโย เกกเก จ;
ตตุตฺตรึ พฺราหฺมณ กามยามิ, ติกิจฺฉ มํ พฺราหฺมณ กามนีต’’นฺติ.
ตตฺถ ตโย คิรินฺติ ตโย คิรี, อยเมว วา ปาโ. ยถา ‘‘สุทสฺสนสฺส คิริโน, ทฺวารฺเหตํ ปกาสตี’’ติ เอตฺถ สุทสฺสนํ เทวนครํ ยุชฺฌิตฺวา ทุคฺคณฺหตาย ทุจฺจลนตาย ‘‘สุทสฺสนคิรี’’ติ วุตฺตํ, เอวมิธาปิ ตีณิ นครานิ ‘‘ตโย คิริ’’นฺติ อธิปฺเปตานิ. ตสฺมา อยเมตฺถ อตฺโถ – ตีณิ จ นครานิ เตสฺจ อนฺตรํ ติวิธมฺปิ รฏฺํ กามยามิ. ‘‘ปฺจาลา กุรุโย เกกเก จา’’ติ อิมานิ เตสํ รฏฺานํ นามานิ. เตสุ ปฺจาลาติ อุตฺตรปฺจาลา, ตตฺถ กปิลํ นาม นครํ. กุรุโยติ กุรุรฏฺํ, ตตฺถ อินฺทปตฺตํ นาม นครํ. เกกเก จาติ ปจฺจตฺเต อุปโยควจนํ, เตน เกกกรฏฺํ ทสฺเสติ. ตตฺถ เกกกราชธานีเยว นครํ. ตตุตฺตรินฺติ ตํ ¶ อหํ อิโต ปฏิลทฺธา พาราณสิรชฺชา ตตุตฺตรึ ติวิธํ รชฺชํ กามยามิ. ติกิจฺฉ มํ, พฺราหฺมณ, กามนีตนฺติ อิเมหิ วตฺถุกาเมหิ จ กิเลสกาเมหิ จ นีตํ หตํ ปหตํ สเจ สกฺโกสิ, ติกิจฺฉ มํ พฺราหฺมณาติ.
อถ นํ สกฺโก ‘‘มหาราช, ตฺวํ มูโลสธาทีหิ อเตกิจฺโฉ. าโณสเธเนว ติกิจฺฉิตพฺโพ’’ติ วตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘กณฺหาหิทฏฺสฺส ¶ กโรนฺติ เหเก, อมนุสฺสปวิฏฺสฺส กโรนฺติ ปณฺฑิตา;
น กามนีตสฺส กโรติ โกจิ, โอกฺกนฺตสุกฺกสฺส หิ กา ติกิจฺฉา’’ติ.
ตตฺถ กณฺหาหิทฏฺสฺส กโรนฺติ เหเกติ เอกจฺเจ หิ ติกิจฺฉกา โฆรวิเสน กาฬสปฺเปน ทฏฺสฺส มนฺเตหิ เจว โอสเธหิ จ ติกิจฺฉํ กโรนฺติ. อมนุสฺสปวิฏฺสฺส กโรนฺติ ปณฺฑิตาติ อปเร ปณฺฑิตา ภูตเวชฺชา ภูตยกฺขาทีหิ อมนุสฺเสหิ ปวิฏฺสฺส อภิภูตสฺส คหิตสฺส พลิกมฺมปริตฺตกรณโอสธปริภาวิตาทีหิ ติกิจฺฉํ กโรนฺติ. น กามนีตสฺส กโรติ โกจีติ ¶ กาเมหิ ปน นีตสฺส กามวสิกสฺส ปุคฺคลสฺส อฺตฺร ปณฺฑิเตหิ อฺโ โกจิ ติกิจฺฉํ น กโรติ, กโรนฺโตปิ กาตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ. กึการณา? โอกฺกนฺตสุกฺกสฺส หิ กา ติกิจฺฉาติ, โอกฺกนฺตสุกฺกสฺส อวกฺกนฺตสฺส กุสลธมฺมมริยาทํ อติกฺกนฺตสฺส อกุสลธมฺเม ปติฏฺิตสฺส ปุคฺคลสฺส มนฺโตสธาทีหิ กา นาม ติกิจฺฉา, น สกฺกา โอสเธหิ ติกิจฺฉิตุนฺติ.
อิติสฺส มหาสตฺโต อิมํ การณํ ทสฺเสตฺวา อุตฺตริ เอวมาห – ‘‘มหาราช, สเจ ตฺวํ ตานิ ตีณิ รชฺชานิ ลจฺฉสิ, อปิ นุ โข อิเมสุ จตูสุ นคเรสุ รชฺชํ กโรนฺโต เอกปฺปหาเรเนว จตฺตาริ สาฏกยุคานิ ปริทเหยฺยาสิ, จตูสุ วา สุวณฺณปาตีสุ ภฺุเชยฺยาสิ, จตูสุ วา สยเนสุ สเยยฺยาสิ, มหาราช, ตณฺหาวสิเกน นาม ภวิตุํ น วฏฺฏติ, ตณฺหา หิ นาเมสา วิปตฺติมูลา. สา วฑฺฒมานา โย ตํ วฑฺเฒติ, ตํ ปุคฺคลํ อฏฺสุ มหานิรเยสุ โสฬสสุ อุสฺสทนิรเยสุ นานปฺปการเภเทสุ จ อวเสเสสุ อปาเยสุ ขิปตี’’ติ. เอวํ ราชานํ นิรยาทิภเยน ตชฺเชตฺวา มหาสตฺโต ธมฺมํ เทเสสิ. ราชาปิสฺส ธมฺมํ สุตฺวา วิคตโสโก หุตฺวา ตาวเทว นิพฺยาธิตํ ปาปุณิ ¶ . สกฺโกปิสฺส โอวาทํ ทตฺวา ¶ สีเลสุ ปติฏฺาเปตฺวา เทวโลกเมว คโต. โสปิ ตโต ปฏฺาย ทานาทีนิ ปฺุานิ กตฺวา ยถากมฺมํ คโต.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ราชา กามนีตพฺราหฺมโณ อโหสิ, สกฺโก ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
กามนีตชาตกวณฺณนา อฏฺมา.
[๒๒๙] ๙. ปลายิตชาตกวณฺณนา
คชคฺคเมเฆหีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปลายิตปริพฺพาชกํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิร วาทตฺถาย สกลชมฺพุทีปํ วิจริตฺวา กฺจิ ปฏิวาทึ อลภิตฺวา อนุปุพฺเพน สาวตฺถึ คนฺตฺวา ‘‘อตฺถิ นุ โข โกจิ มยา สทฺธึ วาทํ กาตุํ สมตฺโถ’’ติ มนุสฺเส ปุจฺฉิ. มนุสฺสา ‘‘ตาทิสานํ สหสฺเสนปิ สทฺธึ วาทํ กาตุํ สมตฺโถ สพฺพฺู ทฺวิปทานํ อคฺโค มหาโคตโม ธมฺมิสฺสโร ปรปฺปวาทมทฺทโน, สกเลปิ ชมฺพุทีเป อุปฺปนฺโน ปรปฺปวาโท ตํ ภควนฺตํ อติกฺกมิตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ. เวลนฺตํ ปตฺวา สมุทฺทอูมิโย วิย หิ สพฺพวาทา ตสฺส ปาทมูลํ ปตฺวา จุณฺณวิจุณฺณา โหนฺตี’’ติ พุทฺธคุเณ กเถสุํ. ปริพฺพาชโก ‘‘กหํ ¶ ปน โส เอตรหี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘เชตวเน’’ติ สุตฺวา ‘‘อิทานิสฺส วาทํ อาโรเปสฺสามี’’ติ มหาชนปริวุโต เชตวนํ คจฺฉนฺโต เชเตน ราชกุมาเรน นวโกฏิธนํ วิสฺสชฺเชตฺวา การิตํ เชตวนทฺวารโกฏฺกํ ทิสฺวา ‘‘อยํ สมณสฺส โคตมสฺส วสนปาสาโท’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ทฺวารโกฏฺโก อย’’นฺติ สุตฺวา ‘‘ทฺวารโกฏฺโก ตาว เอวรูโป, วสนเคหํ กีทิสํ ภวิสฺสตี’’ติ วตฺวา ‘‘คนฺธกุฏิ นาม อปฺปเมยฺยา’’ติ วุตฺเต ‘‘เอวรูเปน สมเณน สทฺธึ โก วาทํ กริสฺสตี’’ติ ตโตว ปลายิ. มนุสฺสา อุนฺนาทิโน หุตฺวา เชตวนํ ปวิสิตฺวา สตฺถารา ‘‘กึ อกาเล อาคตตฺถา’’ติ วุตฺตา ตํ ปวตฺตึ กถยึสุ. สตฺถา ‘‘น โข อุปาสกา อิทาเนว, ปุพฺเพเปส มม วสนฏฺานสฺส ทฺวารโกฏฺกํ ทิสฺวา ปลายเตวา’’ติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต ¶ ¶ คนฺธารรฏฺเ ตกฺกสิลายํ โพธิสตฺโต รชฺชํ กาเรสิ, พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺโต. โส ‘‘ตกฺกสิลํ คณฺหิสฺสามี’’ติ มหนฺเตน พลกาเยน คนฺตฺวา นครโต อวิทูเร ตฺวา ‘‘อิมินา นิยาเมน หตฺถี เปเสถ, อิมินา อสฺเส, อิมินา รเถ, อิมินา ปตฺตี, เอวํ ธาวิตฺวา อาวุเธหิ ปหรถ, เอวํ ฆนวสฺสวลาหกา วิย สรวสฺสํ วสฺสถา’’ติ เตนํ วิจาเรนฺโต อิมํ คาถาทฺวยมาห –
‘‘คชคฺคเมเฆหิ หยคฺคมาลิภิ, รถูมิชาเตหิ สราภิวสฺเสภิ;
ถรุคฺคหาวฏฺฏทฬฺหปฺปหาริภิ, ปริวาริตา ตกฺกสิลา สมนฺตโต.
‘‘อภิธาวถ จูปธาวถ จ, วิวิธา วินาทิตา วทนฺติภิ;
วตฺตตชฺช ตุมุโล โฆโส ยถา, วิชฺชุลตา ชลธรสฺส คชฺชโต’’ติ.
ตตฺถ คชคฺคเมเฆหีติ อคฺคคชเมเฆหิ, โกฺจนาทํ คชฺชนฺเตหิ มตฺตวรวารณวลาหเกหีติ อตฺโถ. หยคฺคมาลิภีติ อคฺคหยมาลีหิ, วรสินฺธววลาหกกุเลหิ อสฺสานีเกหีติ อตฺโถ. รถูมิชาเตหีติ สฺชาตอูมิเวเคหิ สาครสลิเลหิ วิย สฺชาตรถูมีหิ, รถานีเกหีติ อตฺโถ. สราภิวสฺเสภีติ เตหิเยว รถานีเกหิ ฆนวสฺสเมโฆ วิย สรวสฺสํ วสฺสนฺเตหิ ¶ . ถรุคฺคหาวฏฺฏทฬฺหปฺปหาริภีติ ถรุคฺคเหหิ อาวฏฺฏทฬฺหปฺปหารีหิ, อิโต จิโต จ อาวตฺติตฺวา ปริวตฺติตฺวา ทฬฺหํ ปหรนฺเตหิ คหิตขคฺครตนถรุทณฺเฑหิ ปตฺติโยเธหิ จาติ อตฺโถ. ปริวาริตา ตกฺกสิลา สมนฺตโตติ ยถา อยํ ตกฺกสิลา ปริวาริตา โหติ, สีฆํ ตถา กโรถาติ อตฺโถ.
อภิธาวถ ¶ จูปธาวถ จาติ เวเคน ธาวถ เจว อุปธาวถ จ. วิวิธา วินาทิตา วทนฺติภีติ วรวารเณหิ สทฺธึ วิวิธา วินทิตา ภวถ, เสลิตคชฺชิตวาทิเตหิ นานาวิรวา โหถาติ อตฺโถ. วตฺตตชฺช ตุมุโล โฆโสติ วตฺตตุ อชฺช ตุมุโล มหนฺโต อสนิสทฺทสทิโส โฆโส. ยถา วิชฺชุลตา ชลธรสฺส คชฺชโตติ ยถา คชฺชนฺตสฺส ¶ ชลธรสฺส มุขโต นิคฺคตา วิชฺชุลตา จรนฺติ, เอวํ วิจรนฺตา นครํ ปริวาเรตฺวา รชฺชํ คณฺหถาติ วทติ.
อิติ โส ราชา คชฺชิตฺวา เสนํ วิจาเรตฺวา นครทฺวารสมีปํ คนฺตฺวา ทฺวารโกฏฺกํ ทิสฺวา ‘‘อิทํ รฺโ วสนเคห’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อยํ นครทฺวารโกฏฺโก’’ติ วุตฺเต ‘‘นครทฺวารโกฏฺโก ตาว เอวรูโป, รฺโ นิเวสนํ กีทิสํ ภวิสฺสตี’’ติ วตฺวา ‘‘เวชยนฺตปาสาทสทิส’’นฺติ สุตฺวา ‘‘เอวํ ยสสมฺปนฺเนน รฺา สทฺธึ ยุชฺฌิตุํ น สกฺขิสฺสามา’’ติ ทฺวารโกฏฺกํ ทิสฺวาว นิวตฺติตฺวา ปลายิตฺวา พาราณสิเมว อคมาสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา พาราณสิราชา ปลายิตปริพฺพาชโก อโหสิ, ตกฺกสิลราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
ปลายิตชาตกวณฺณนา นวมา.
[๒๓๐] ๑๐. ทุติยปลายิตชาตกวณฺณนา
ธชมปริมิตนฺติ ¶ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ ปลายิตปริพฺพาชกเมว อารพฺภ กเถสิ. อิมสฺมึ ปน วตฺถุสฺมึ โส ปริพฺพาชโก เชตวนํ ปาวิสิ. ตสฺมึ ขเณ สตฺถา มหาชนปริวุโต อลงฺกตธมฺมาสเน นิสินฺโน มโนสิลาตเล สีหนาทํ นทนฺโต สีหโปตโก วิย ธมฺมํ เทเสติ. ปริพฺพาชโก ทสพลสฺส พฺรหฺมสรีรปฏิภาคํ รูปํ ปุณฺณจนฺทสสฺสิริกํ มุขํ สุวณฺณปฏฺฏสทิสํ นลาฏฺจ ทิสฺวา ‘‘โก เอวรูปํ ปุริสุตฺตมํ ชินิตุํ สกฺขิสฺสตี’’ติ นิวตฺติตฺวา ปริสนฺตรํ ปวิสิตฺวา ปลายิ. มหาชโน ตํ อนุพนฺธิตฺวา นิวตฺติตฺวา สตฺถุสฺส ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ. สตฺถา ‘‘น โส ปริพฺพาชโก อิทาเนว, ปุพฺเพปิ มม สุวณฺณวณฺณํ มุขํ ทิสฺวา ปลาโตเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต โพธิสตฺโต พาราณสิยํ รชฺชํ กาเรสิ, ตกฺกสิลายํ เอโก คนฺธารราชา. โส ‘‘พาราณสึ คเหสฺสามี’’ติ จตุรงฺคินิยา เสนาย อาคนฺตฺวา นครํ ปริวาเรตฺวา นครทฺวาเร ิโต อตฺตโน ¶ พลวาหนํ โอโลเกตฺวา ‘‘โก เอตฺตกํ พลวาหนํ ชินิตุํ สกฺขิสฺสตี’’ติ อตฺตโน เสนํ สํวณฺเณตฺวา ปมํ คาถมาห –
‘‘ธชมปริมิตํ ¶ อนนฺตปารํ, ทุปฺปสหํ ธงฺเกหิ สาครํว;
คิริมิว อนิเลน ทุปฺปสยฺโห, ทุปฺปสโห อหมชฺช ตาทิเสนา’’ติ.
ตตฺถ ธชมปริมิตนฺติ อิทํ ตาว เม รเถสุ โมรฉเท เปตฺวา อุสฺสาปิตธชเมว อปริมิตํ พหุํ อเนกสตสงฺขฺยํ. อนนฺตปารนฺติ พลวาหนมฺปิ เม ‘‘เอตฺตกา หตฺถี เอตฺตกา อสฺสา เอตฺตกา รถา เอตฺตกา ปตฺตี’’ติ คณนปริจฺเฉทรหิตํ อนนฺตปารํ. ทุปฺปสหนฺติ น สกฺกา ปฏิสตฺตูหิ สหิตุํ อภิภวิตุํ ¶ . ยถา กึ? ธงฺเกหิ สาครํว, ยถา สาคโร พหูหิ กาเกหิ เวควิกฺขมฺภนวเสน วา อติกฺกมนวเสน วา ทุปฺปสโห, เอวํ ทุปฺปสหํ. คิริมิว อนิเลน ทุปฺปสยฺโหติ อปิจ เม อยํ พลกาโย ยถา ปพฺพโต วาเตน อกมฺปนียโต ทุปฺปสโห, ตถา อฺเน พลกาเยน ทุปฺปสโห. ทุปฺปสโห อหมชฺช ตาทิเสนาติ สฺวาหํ อิมินา พเลน สมนฺนาคโต อชฺช ตาทิเสน ทุปฺปสโหติ อฏฺฏาลเก ิตํ โพธิสตฺตํ สนฺธาย วทติ.
อถสฺส โส ปุณฺณจนฺทสสฺสิริกํ อตฺตโน มุขํ ทสฺเสตฺวา ‘‘พาล, มา วิปฺปลปสิ, อิทานิ เต พลวาหนํ มตฺตวารโณ วิย นฬวนํ วิทฺธํเสสฺสามี’’ติ สนฺตชฺเชตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘มา พาลิยํ วิลปิ น หิสฺส ตาทิสํ, วิฑยฺหเส น หิ ลภเส นิเสธกํ;
อาสชฺชสิ คชมิว เอกจารินํ, โย ตํ ปทา นฬมิว โปถยิสฺสตี’’ติ.
ตตฺถ มา พาลิยํ วิลปีติ มา อตฺตโน พาลภาวํ วิปฺปลปสิ. น หิสฺส ตาทิสนฺติ น หิ อสฺส ตาทิโส, อยเมว วา ปาโ. ตาทิโส ‘‘อนนฺตปารํ เม พลวาหน’’นฺติ เอวรูปํ ตกฺเกนฺโต รชฺชฺจ คเหตุํ สมตฺโถ นาม น หิ อสฺส, น โหตีติ อตฺโถ. วิฑยฺหเสติ ตฺวํ พาล, เกวลํ ราคโทสโมหมานปริฬาเหน วิฑยฺหสิเยว. น หิ ลภเส นิเสธกนฺติ มาทิสํ ปน ปสยฺห อภิภวิตฺวา นิเสธกํ น ตาว ลภสิ, อชฺช ¶ ตํ อาคตมคฺเคเนว ปลาเปสฺสามิ. อาสชฺชสีติ อุปคจฺฉสิ. คชมิว เอกจารินนฺติ เอกจารินํ มตฺตวรวารณํ วิย. โย ตํ ปทา นฬมิว โปถยิสฺสตีติ โย ตํ ยถา นาม มตฺตวรวารโณ ปาทา นฬํ โปเถติ สํจุณฺเณติ, เอวํ โปถยิสฺสติ, ตํ ตฺวํ อาสชฺชสีติ อตฺตานํ สนฺธายาห.
เอวํ ¶ ตชฺเชนฺตสฺส ปนสฺส กถํ สุตฺวา คนฺธารราชา อุลฺโลเกนฺโต ¶ กฺจนปฏฺฏสทิสํ มหานลาฏํ ทิสฺวา อตฺตโน คหณภีโต นิวตฺติตฺวา ปลายนฺโต สกนครเมว อคมาสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา คนฺธารราชา ปลายิตปริพฺพาชโก อโหสิ, พาราณสิราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
ทุติยปลายิตชาตกวณฺณนา ทสมา.
กาสาววคฺโค อฏฺโม.
ตสฺสุทฺทานํ –
กาสาวํ จูฬนนฺทิยํ, ปุฏภตฺตฺจ กุมฺภิลํ;
ขนฺติวณฺณํ โกสิยฺจ, คูถปาณํ กามนีตํ;
ปลายิตทฺวยมฺปิ จ.
๙. อุปาหนวคฺโค
[๒๓๑] ๑. อุปาหนชาตกวณฺณนา
ยถาปิ ¶ กีตาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เทวทตฺตํ อารพฺภ กเถสิ. ธมฺมสภายฺหิ ภิกฺขู กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, เทวทตฺโต อาจริยํ ปจฺจกฺขาย ตถาคตสฺส ปฏิปกฺโข ปฏิสตฺตุ หุตฺวา มหาวินาสํ ปาปุณี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, เทวทตฺโต ¶ อิทาเนว อาจริยํ ปจฺจกฺขาย มม ปฏิปกฺโข หุตฺวา มหาวินาสํ ปตฺโต, ปุพฺเพปิ ปตฺโตเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต หตฺถาจริยกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต หตฺถิสิปฺเป นิปฺผตฺตึ ปาปุณิ. อเถโก กาสิคามโก มาณวโก อาคนฺตฺวา ตสฺส สนฺติเก สิปฺปํ อุคฺคณฺหิ. โพธิสตฺตา นาม สิปฺปํ วาเจนฺตา อาจริยมุฏฺึ น กโรนฺติ, อตฺตโน ชานนนิยาเมน นิรวเสสํ สิกฺขาเปนฺติ. ตสฺมา โส มาณโว โพธิสตฺตสฺส ชานนสิปฺปํ นิรวเสสมุคฺคณฺหิตฺวา โพธิสตฺตํ อาห – ‘‘อาจริย ¶ , อหํ ราชานํ อุปฏฺหิสฺสามี’’ติ. โพธิสตฺโต ‘‘สาธุ, ตาตา’’ติ คนฺตฺวา รฺโ อาโรเจสิ – ‘‘มหาราช, มม อนฺเตวาสิโก ตุมฺเห อุปฏฺาตุํ อิจฺฉตี’’ติ. ‘‘สาธุ, อุปฏฺาตู’’ติ. ‘‘เตน หิสฺส ปริพฺพยํ ชานาถา’’ติ? ‘‘ตุมฺหากํ อนฺเตวาสิโก ตุมฺเหหิ สมกํ น ลจฺฉติ, ตุมฺเหสุ สตํ ลภนฺเตสุ ปณฺณาสํ ลจฺฉติ, ทฺเว ลภนฺเตสุ เอกํ ลจฺฉตี’’ติ. โส เคหํ คนฺตฺวา ตํ ปวตฺตึ อนฺเตวาสิกสฺส อาโรเจสิ. อนฺเตวาสิโก ‘‘อหํ, อาจริย, ตุมฺเหหิ สมํ สิปฺปํ ชานามิ. สเจ สมกฺเว ปริพฺพยํ ลภิสฺสามิ, อุปฏฺหิสฺสามิ. โน เจ, น อุปฏฺหิสฺสามี’’ติ อาห. โพธิสตฺโต ตํ ปวตฺตึ รฺโ อาโรเจสิ. ราชา ‘‘สเจ โส ตุมฺเหหิ สมปฺปกาโร, ตุมฺเหหิ สมกฺเว สิปฺปํ ทสฺเสตุํ สกฺโกนฺโต สมกํ ลภิสฺสตี’’ติ อาห. โพธิสตฺโต ตํ ปวตฺตึ ตสฺส อาโรเจตฺวา เตน ‘‘สาธุ ทสฺเสสฺสามี’’ติ วุตฺเต รฺโ อาโรเจสิ. ราชา ‘‘เตน หิ สฺเว สิปฺปํ ทสฺเสถา’’ติ. ‘‘สาธุ, ทสฺเสสฺสาม, นคเร เภรึ จราเปถา’’ติ. ราชา ‘‘สฺเว กิร อาจริโย จ อนฺเตวาสิโก จ อุโภ หตฺถิสิปฺปํ ทสฺเสสฺสนฺติ, ราชงฺคเณ สนฺนิปติตฺวา ทฏฺุกามา ปสฺสนฺตู’’ติ เภรึ จราเปสิ.
อาจริโย ¶ ‘‘น เม อนฺเตวาสิโก อุปายโกสลฺลํ ชานาตี’’ติ เอกํ หตฺถึ คเหตฺวา เอกรตฺเตเนว วิโลมํ สิกฺขาเปสิ. โส ตํ ‘‘คจฺฉา’’ติ วุตฺเต โอสกฺกิตุํ, ‘‘โอสกฺกา’’ติ วุตฺเต คนฺตุํ, ‘‘ติฏฺา’’ติ วุตฺเต นิปชฺชิตุํ, ‘‘นิปชฺชา’’ติ วุตฺเต าตุํ, ‘‘คณฺหา’’ติ วุตฺเต เปตุํ, ‘‘เปหี’’ติ วุตฺเต คณฺหิตุํ สิกฺขาเปตฺวา ปุนทิวเส ตํ หตฺถึ อภิรุหิตฺวา ราชงฺคณํ อคมาสิ. อนฺเตวาสิโกปิ เอกํ มนาปํ หตฺถึ อภิรุหิ. มหาชโน สนฺนิปติ. อุโภปิ สมกํ สิปฺปํ ทสฺเสสุํ. ปุน โพธิสตฺโต อตฺตโน หตฺถึ ¶ วิโลมํ กาเรสิ, โส ‘‘คจฺฉา’’ติ ¶ วุตฺเต โอสกฺกิ, ‘‘โอสกฺกา’’ติ วุตฺเต ปุรโต ธาวิ, ‘‘ติฏฺา’’ติ วุตฺเต นิปชฺชิ, ‘‘นิปชฺชา’’ติ วุตฺเต อฏฺาสิ, ‘‘คณฺหา’’ติ วุตฺเต นิกฺขิปิ, ‘‘นิกฺขิปา’’ติ วุตฺเต คณฺหิ. มหาชโน ‘‘อเร ทุฏฺอนฺเตวาสิก, ตฺวํ อาจริเยน สทฺธึ สารมฺภํ กโรสิ, อตฺตโน ปมาณํ น ชานาสิ, ‘อาจริเยน สมกํ ชานามี’ติ เอวํสฺี โหสี’’ติ เลฑฺฑุทณฺฑาทีหิ ปหริตฺวา ตตฺเถว ชีวิตกฺขยํ ปาเปสิ.
โพธิสตฺโต หตฺถิมฺหา โอรุยฺห ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘มหาราช, สิปฺปํ นาม อตฺตโน สุขตฺถาย คณฺหนฺติ, เอกจฺจสฺส ปน คหิตสิปฺปํ ทุกฺกฏอุปาหนา วิย วินาสเมว อาวหตี’’ติ วตฺวา อิทํ คาถาทฺวยมาห –
‘‘ยถาปิ กีตา ปุริสสฺสุปาหนา, สุขสฺส อตฺถาย ทุขํ อุทพฺพเห;
ฆมฺมาภิตตฺตา ตลสา ปปีฬิตา, ตสฺเสว ปาเท ปุริสสฺส ขาทเร.
‘‘เอวเมว โย ทุกฺกุลีโน อนริโย, ตมฺมาก วิชฺชฺจ สุตฺจ อาทิย;
ตเมว โส ตตฺถ สุเตน ขาทติ, อนริโย วุจฺจติ ปานทูปโม’’ติ.
ตตฺถ อุทพฺพเหติ อุทพฺพเหยฺย. ฆมฺมาภิตตฺตา ตลสา ปปีฬิตาติ ฆมฺเมน อภิตตฺตา ปาทตเลน จ ปีฬิตา. ตสฺเสวาติ เยน ตา สุขตฺถาย กิณิตฺวา ปาเทสุ ปฏิมุกฺกา ทุกฺกฏูปาหนา, ตสฺเสว. ขาทเรติ วณํ กโรนฺตา ปาเท ขาทนฺติ.
ทุกฺกุลีโนติ ทุชฺชาติโก อกุลปุตฺโต. อนริโยติ หิโรตฺตปฺปวชฺชิโต อสปฺปุริโส. ตมฺมาก วิชฺชฺจ สุตฺจ อาทิยาติ เอตฺถ ตํ ตํ มนตีติ ‘‘ตมฺโม’’ติ วตฺตพฺเพ ตมฺมาโก, ตํ ตํ สิปฺปํ อาเสวติ ปริวตฺเตตีติ อตฺโถ, อาจริยสฺเสตํ นามํ. ตสฺมา ตมฺมากา, คาถาพนฺธสุขตฺถํ ¶ ปนสฺส รสฺสภาโว กโต. วิชฺชนฺติ อฏฺารสสุ วิชฺชาฏฺาเนสุ ¶ ยํกิฺจิ. สุตนฺติ ยํกิฺจิ สุตปริยตฺติ. อาทิยาติอาทิยิตฺวา. ตเมว โส ตตฺถ สุเตน ขาทตีติ ตเมวาติ ¶ อตฺตานเมว. โสติ โย ทุกฺกุลีโน อนริโย อาจริยมฺหา วิชฺชฺจ สุตฺจ อาทิยติ, โส. ตตฺถ สุเตน ขาทตีติ ตสฺส สนฺติเก สุเตน โส อตฺตานเมว ขาทตีติ อตฺโถ. อฏฺกถายํ ปน ‘‘เตเนว โส ตตฺถ สุเตน ขาทตี’’ติปิ ปาโ. ตสฺสาปิ โส เตน ตตฺถ สุเตน อตฺตานเมว ขาทตีติ อยเมว อตฺโถ. อนริโย วุจฺจติ ปานทูปโมติ อิติ อนริโย ทุปาหนูปโม ทุกฺกฏูปาหนูปโม วุจฺจติ. ยถา หิ ทุกฺกฏูปาหนา ปุริสํ ขาทนฺติ, เอวเมส สุเตน ขาทนฺโต อตฺตนาว อตฺตานํ ขาทติ. อถ วา ปานาย ทุโตติ ปานทุ, อุปาหนูปตาปิตสฺส อุปาหนาย ขาทิตปาทสฺเสตํ นามํ. ตสฺมา โย โส อตฺตานํ สุเตน ขาทติ, โส เตน สุเตน ขาทิตตฺตา ‘‘อนริโย’’ติ วุจฺจติ ปานทูปโม, อุปาหนูปตาปิตปาทสทิโสติ วุจฺจตีติ อยเมตฺถ อตฺโถ. ราชา ตุฏฺโ โพธิสตฺตสฺส มหนฺตํ ยสํ อทาสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา อนฺเตวาสิโก เทวทตฺโต อโหสิ, อาจริโย ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
อุปาหนชาตกวณฺณนา ปมา.
[๒๓๒] ๒. วีณาถูณชาตกวณฺณนา
เอกจินฺติโตยมตฺโถติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ กุมาริกํ อารพฺภ กเถสิ. สา กิเรกา สาวตฺถิยํ เสฏฺิธีตา อตฺตโน เคเห อุสภราชสฺส สกฺการํ กยิรมานํ ทิสฺวา ธาตึ ปุจฺฉิ – ‘‘อมฺม, โก นาเมส เอวํ สกฺการํ ลภตี’’ติ. ‘‘อุสภราชา นาม, อมฺมา’’ติ. ปุน สา เอกทิวสํ ปาสาเท ตฺวา อนฺตรวีถึ โอโลเกนฺตี เอกํ ขุชฺชํ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘คุนฺนํ ¶ อนฺตเร เชฏฺกสฺส ปิฏฺิยํ กกุธํ โหติ, มนุสฺสเชฏฺกสฺสปิ เตน ภวิตพฺพํ, อยํ มนุสฺเสสุ ปุริสูสโภ ภวิสฺสติ, เอตสฺส มยา ปาทปริจาริกาย ภวิตุํ วฏฺฏตี’’ติ. สา ทาสึ เปเสตฺวา ¶ ‘‘เสฏฺิธีตา ตยา สทฺธึ คนฺตุกามา, อสุกฏฺานํ กิร คนฺตฺวา ติฏฺา’’ติ ตสฺส อาโรเจตฺวา สารภณฺฑกํ อาทาย อฺาตกเวเสน ปาสาทา โอตริตฺวา เตน สทฺธึ ปลายิ. อปรภาเค ตํ กมฺมํ นคเร จ ภิกฺขุสงฺเฆ จ ปากฏํ ชาตํ. ธมฺมสภายํ ภิกฺขู กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, อสุกา กิร เสฏฺิธีตา ขุชฺเชน สทฺธึ ปลาตา’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนเวสา ขุชฺชํ กาเมติ, ปุพฺเพปิ กาเมสิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต ¶ พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต เอกสฺมึ นิคมคาเม เสฏฺิกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ฆราวาสํ วสนฺโต ปุตฺตธีตาหิ วฑฺฒมาโน อตฺตโน ปุตฺตสฺส พาราณสีเสฏฺิสฺส ธีตรํ วาเรตฺวา ทิวสํ เปสิ. เสฏฺิธีตา อตฺตโน เคเห อุสภสฺส สกฺการสมฺมานํ ทิสฺวา ‘‘โก นาเมโส’’ติ ธาตึ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อุสโภ’’ติ สุตฺวา อนฺตรวีถิยา คจฺฉนฺตํ เอกํ ขุชฺชํ ทิสฺวา ‘‘อยํ ปุริสูสโภ ภวิสฺสตี’’ติ สารภณฺฑกํ คเหตฺวา เตน สทฺธึ ปลายิ. โพธิสตฺโตปิ โข ‘‘เสฏฺิธีตรํ เคหํ อาเนสฺสามี’’ติ มหนฺเตน ปริวาเรน พาราณสึ คจฺฉนฺโต ตเมว มคฺคํ ปฏิปชฺชิ. เต อุโภปิ สพฺพรตฺตึ มคฺคํ อคมํสุ. อถ ขุชฺชสฺส สพฺพรตฺตึ สีตาสิหตสฺส อรุโณทเย สรีเร วาโต กุปฺปิ, มหนฺตา เวทนา วตฺตนฺติ. โส มคฺคา โอกฺกมฺม เวทนาปฺปตฺโต หุตฺวา วีณาทณฺฑโก วิย สํกุฏิโต นิปชฺชิ, เสฏฺิธีตาปิสฺส ปาทมูเล นิสีทิ. โพธิสตฺโต เสฏฺิธีตรํ ขุชฺชสฺส ปาทมูเล นิสินฺนํ ทิสฺวา สฺชานิตฺวา อุปสงฺกมิตฺวา เสฏฺิธีตาย สทฺธึ สลฺลปนฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘เอกจินฺติโตยมตฺโถ ¶ , พาโล อปริณายโก;
น หิ ขุชฺเชน วาเมน, โภติ สงฺคนฺตุมรหสี’’ติ.
ตตฺถ เอกจินฺติโตยมตฺโถติ อมฺม, ยํ ตฺวํ อตฺถํ จินฺเตตฺวา อิมินา ขุชฺเชน สทฺธึ ปลาตา, อยํ ตยา เอกิกาย เอว จินฺติโต ภวิสฺสติ. พาโล อปริณายโกติ อยํ ขุชฺโช พาโล, ทุปฺปฺภาเวน มหลฺลโกปิ พาโลว, อฺสฺมึ คเหตฺวา คจฺฉนฺเต อสติ คนฺตุํ อสมตฺถตาย อปริณายโก. น หิ ขุชฺเชน วาเมน, โภติ สงฺคนฺตุมรหสีติ ¶ อิมินา หิ ขุชฺเชน วามนตฺตา วาเมน โภติ ตฺวํ มหากุเล ชาตา อภิรูปา ทสฺสนียา สงฺคนฺตุํ สห คนฺตุํ นารหสีติ.
อถสฺส ตํ วจนํ สุตฺวา เสฏฺิธีตา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘ปุริสูสภํ มฺมานา, อหํ ขุชฺชมกามยึ;
โสยํ สํกุฏิโต เสติ, ฉินฺนตนฺติ ยถา ถุณา’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – อหํ, อยฺย, เอกํ อุสภํ ทิสฺวา ‘‘คุนฺนํ เชฏฺกสฺส ปิฏฺิยํ กกุธํ โหติ, อิมสฺสปิ ตํ อตฺถิ, อิมินาปิ ปุริสูสเภน ภวิตพฺพ’’นฺติ เอวมหํ ขุชฺชํ ปุริสูสภํ มฺมานา อกามยึ. โสยํ ยถา นาม ฉินฺนตนฺติ สโทณิโก วีณาทณฺฑโก, เอวํ สํกุฏิโต เสตีติ.
โพธิสตฺโต ¶ ตสฺสา อฺาตกเวเสน นิกฺขนฺตภาวเมว ตฺวา ตํ นฺหาเปตฺวา อลงฺกริตฺวา รถํ อาโรเปตฺวา เคหเมว อคมาสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา อยเมว เสฏฺิธีตา อโหสิ, พาราณสีเสฏฺิ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
วีณาถูณชาตกวณฺณนา ทุติยา.
[๒๓๓] ๓. วิกณฺณกชาตกวณฺณนา
กามํ ¶ ยหึ อิจฺฉสิ เตน คจฺฉาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ อุกฺกณฺิตภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. โส หิ ธมฺมสภํ อานีโต ‘‘สจฺจํ กิร, ตฺวํ ภิกฺขุ, อุกฺกณฺิโต’’ติ สตฺถารา ปุฏฺโ ‘‘สจฺจ’’นฺติ วตฺวา ‘‘กสฺมา อุกฺกณฺิโตสี’’ติ วุตฺเต ‘‘กามคุณการณา’’ติ อาห. อถ นํ สตฺถา ‘‘กามคุณา นาเมเต ภิกฺขุ วิกณฺณกสลฺลสทิสา, สกึ หทเย ปติฏฺํ ลภมานา วิกณฺณกํ วิย วิทฺธํ สุํสุมารํ มรณเมว ปาเปนฺตี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต โพธิสตฺโต พาราณสิยํ ธมฺเมน รชฺชํ กาเรนฺโต เอกทิวสํ อุยฺยานํ คนฺตฺวา โปกฺขรณีตีรํ สมฺปาปุณิ. นจฺจคีตาสุ กุสลา นจฺจคีตานิ ¶ ปโยเชสุํ, โปกฺขรณิยํ มจฺฉกจฺฉปา คีตสทฺทโลลตาย สนฺนิปติตฺวา รฺาว สทฺธึ คจฺฉนฺติ. ราชา ตาลกฺขนฺธปฺปมาณํ มจฺฉฆฏํ ทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข อิเม มจฺฉา มยา สทฺธึเยว จรนฺตี’’ติ อมจฺเจ ปุจฺฉิ. อมจฺจา ‘‘เอเต, เทว, อุปฏฺหนฺตี’’ติ อาหํสุ. ราชา ‘‘เอเต กิร มํ อุปฏฺหนฺตี’’ติ ตุสฺสิตฺวา เตสํ นิจฺจภตฺตํ ปฏฺเปสิ. เทวสิกํ ตณฺฑุลมฺพณํ ปาเจสิ. มจฺฉา ภตฺตเวลาย เอกจฺเจ อาคจฺฉนฺติ, เอกจฺเจ นาคจฺฉนฺติ, ภตฺตํ นสฺสติ. รฺโ ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. ราชา ‘‘อิโต ปฏฺาย สตฺตเวลาย เภรึ ปหริตฺวา เภริสฺาย มจฺเฉสุ สนฺนิปติเตสุ ภตฺตํ เทถา’’ติ อาห. ตโต ปฏฺาย ภตฺตกมฺมิโก เภรึ ปหราเปตฺวา สนฺนิปติตานํ มจฺฉานํ ภตฺตํ เทติ. เตปิ เภริสฺาย สนฺนิปติตฺวา ภฺุชนฺติ.
เตสุ เอวํ สนฺนิปติตฺวา ภฺุชนฺเตสุ เอโก สุํสุมาโร อาคนฺตฺวา มจฺเฉ ขาทิ. ภตฺตกมฺมิโก รฺโ อาโรเจสิ. ราชา ตํ สุตฺวา ‘‘สุํสุมารํ มจฺฉานํ ขาทนกาเล วิกณฺณเกน ¶ วิชฺฌิตฺวา คณฺหา’’ติ อาห ¶ . โส ‘‘สาธู’’ติ คนฺตฺวา นาวาย ตฺวา มจฺเฉ ขาทิตุํ อาคตํ สุํสุมารํ วิกณฺณเกน ปหริ, ตํ ตสฺส อนฺโตปิฏฺึ ปาวิสิ. โส เวทนาปฺปตฺโต หุตฺวา ตํ คเหตฺวาว ปลายิ. ภตฺตกมฺมิโก ตสฺส วิทฺธภาวํ ตฺวา ตํ อาลปนฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘กามํ ยหึ อิจฺฉสิ เตน คจฺฉ, วิทฺโธสิ มมฺมมฺหิ วิกณฺณเกน;
หโตสิ ภตฺเตน สุวาทิเตน, โลโล จ มจฺเฉ อนุพนฺธมาโน’’ติ.
ตตฺถ กามนฺติ เอกํเสน. ยหึ อิจฺฉสิ เตน คจฺฉาติ ยสฺมึ อิจฺฉสิ, ตสฺมึ คจฺฉ. มมฺมมฺหีติ มมฺมฏฺาเน. วิกณฺณเกนาติ วิกณฺณกสลฺเลน. หโตสิ ภตฺเตน สุวาทิเตน, โลโล จ มจฺเฉ อนุพนฺธมาโนติ ตฺวํ เภริวาทิตสฺาย ภตฺเต ทียมาเน โลโล หุตฺวา ขาทนตฺถาย มจฺเฉ อนุพนฺธมาโน เตน สวาทิเตน ภตฺเตน หโต, คตฏฺาเนปิ เต ชีวิตํ นตฺถีติ อตฺโถ. โส อตฺตโน วสนฏฺานํ คนฺตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปตฺโต.
สตฺถา ¶ อิมํ การณํ ทสฺเสตฺวา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘เอวมฺปิ โลกามิสํ โอปตนฺโต, วิหฺตี จิตฺตวสานุวตฺตี;
โส หฺตี าติสขาน มชฺเฌ, มจฺฉานุโค โสริว สุํสุมาโร’’ติ.
ตตฺถ โลกามิสนฺติ ปฺจ กามคุณา. เต หิ โลโก อิฏฺโต กนฺตโต มนาปโต คณฺหาติ, ตสฺมา ‘‘โลกามิส’’นฺติ วุจฺจติ. โอปตนฺโตติ ตํ โลกามิสํ อนุปตนฺโต กิเลสวเสน จิตฺตวสานุวตฺตี ปุคฺคโล วิหฺติ กิลมติ, โส หฺตีติ โส เอวรูโป ปุคฺคโล าตีนฺจ สขานฺจ มชฺเฌ โส วิกณฺณเกน วิทฺโธ มจฺฉานุโค สุํสุมาโร วิย ปฺจ กามคุเณ มนาปาติ คเหตฺวา หฺติ กิลมติ มหาวินาสํ ปาปุณาติเยวาติ.
เอวํ ¶ สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺิตภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ‘‘ตทา สุํสุมาโร เทวทตฺโต, มจฺฉา พุทฺธปริสา, พาราณสิราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
วิกณฺณกชาตกวณฺณนา ตติยา.
[๒๓๔] ๔. อสิตาภูชาตกวณฺณนา
ตฺวเมว ¶ ทานิมกราติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ กุมาริกํ อารพฺภ กเถสิ. สาวตฺถิยํ กิเรกสฺมึ ทฺวินฺนํ อคฺคสาวกานํ อุปฏฺากกุเล เอกา กุมาริกา อภิรูปา โสภคฺคปฺปตฺตา, สา วยปฺปตฺตา สมานชาติกํ กุลํ อคมาสิ. สามิโก ตํ กิสฺมิฺจิ อมฺมาโน อฺตฺถ จิตฺตวเสน จรติ. สา ตสฺส ตํ อตฺตนิ อนาทรตํ อคเณตฺวา ทฺเว อคฺคสาวเก นิมนฺเตตฺวา ทานํ ทตฺวา ธมฺมํ สุณนฺตี โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. สา ตโต ปฏฺาย มคฺคผลสุเขน วีตินามยมานา ‘‘สามิโกปิ มํ น อิจฺฉติ, ฆราวาเสน เม กมฺมํ นตฺถิ, ปพฺพชิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ¶ มาตาปิตูนํ อาจิกฺขิตฺวา ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. ตสฺสา สา กิริยา ภิกฺขูสุ ปากฏา ชาตา. อเถกทิวสํ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, อสุกกุลสฺส ธีตา อตฺถคเวสิกา สามิกสฺส อนิจฺฉภาวํ ตฺวา อคฺคสาวกานํ ธมฺมํ สุตฺวา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาย ปุน มาตาปิตโร อาปุจฺฉิตฺวา ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปตฺตา, เอวํ อตฺถคเวสิกา, อาวุโส สา กุมาริกา’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนเวสา กุลธีตา อตฺถคเวสิกา, ปุพฺเพปิ อตฺถคเวสิกาเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา หิมวนฺตปเทเส วาสํ กปฺเปสิ. ตทา พาราณสิราชา อตฺตโน ปุตฺตสฺส พฺรหฺมทตฺตกุมารสฺส ปริวารสมฺปตฺตึ ทิสฺวา อุปฺปนฺนาสงฺโก ปุตฺตํ รฏฺา ปพฺพาเชสิ. โส ¶ อสิตาภุํ นาม อตฺตโน เทวึ อาทาย หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา มจฺฉมํสผลาผลานิ ขาทนฺโต ปณฺณสาลาย นิวาสํ กปฺเปสิ. โส เอกํ กินฺนรึ ทิสฺวา ปฏิพทฺธจิตฺโต ‘‘อิมํ ปชาปตึ กริสฺสามี’’ติ อสิตาภุํ อคเณตฺวา ตสฺสา อนุปทํ อคมาสิ. สา ตํ กินฺนรึ อนุพนฺธมานํ ทิสฺวา ‘‘อยํ มํ อคเณตฺวา กินฺนรึ อนุพนฺธติ, กึ เม อิมินา’’ติ วิรตฺตจิตฺตา หุตฺวา โพธิสตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา อตฺตโน กสิณปริกมฺมํ กถาเปตฺวา กสิณํ โอโลเกนฺตี อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา โพธิสตฺตํ วนฺทิตฺวา อาคนฺตฺวา อตฺตโน ปณฺณสาลาย ทฺวาเร อฏฺาสิ. พฺรหฺมทตฺโตปิ กินฺนรึ อนุพนฺธนฺโต วิจริตฺวา ตสฺสา คตมคฺคมฺปิ อทิสฺวา ฉินฺนาโส หุตฺวา ปณฺณสาลาภิมุโขว อาคโต. อสิตาภู ตํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา มณิวณฺเณ คคนตเล ิตา ‘‘อยฺยปุตฺต, ตํ นิสฺสาย มยา อิทํ ฌานสุขํ ลทฺธ’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ตฺวเมว ¶ ทานิมกร, ยํ กาโม พฺยคมา ตยิ;
โสยํ อปฺปฏิสนฺธิโก, ขรฉินฺนํว เรนุก’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ ตฺวเมว ทานิมกราติ, อยฺยปุตฺต, มํ ปหาย กินฺนรึ อนุพนฺธนฺโต ตฺวฺเว อิทานิ อิทํ อกร. ยํ กาโม พฺยคมา ตยีติ ยํ มม ตยิ กาโม วิคโต วิกฺขมฺภนปฺปหาเนน ปหีโน, ยสฺส ปหีนตฺตา อหํ อิมํ วิเสสํ ปตฺตาติ ทีเปติ. โสยํ อปฺปฏิสนฺธิโกติ โส ปน กาโม อิทานิ อปฺปฏิสนฺธิโก ชาโต, น สกฺกา ปฏิสนฺธิตุํ. ขรฉินฺนํว เรนุกนฺติ ขโร วุจฺจติ กกโจ, เรนุกํ วุจฺจติ หตฺถิทนฺโต. ยถา กกเจน ฉินฺโน หตฺถิทนฺโต อปฺปฏิสนฺธิโก โหติ, น ปุน ปุริมนเยน อลฺลียติ, เอวํ ปุน มยฺหํ ตยา สทฺธึ จิตฺตสฺส ฆฏนํ นาม นตฺถีติ วตฺวา ตสฺส ปสฺสนฺตสฺเสว อุปฺปติตฺวา อฺตฺถ อคมาสิ.
โส ตสฺสา คตกาเล ปริเทวมาโน ทุติยํ คาถมาห –
‘‘อตฺริจฺฉํ อติโลเภน ¶ , อติโลภมเทน จ;
เอวํ หายติ อตฺถมฺหา, อหํว อสิตาภุยา’’ติ.
ตตฺถ อตฺริจฺฉํ อติโลเภนาติ อตฺริจฺฉา วุจฺจติ อตฺร อตฺร อิจฺฉาสงฺขาตา อปริยนฺตตณฺหา, อติโลโภ วุจฺจติ อติกฺกมิตฺวา ปวตฺตโลโภ. อติโลภมเทน จาติ ปุริสมทํ อุปฺปาทนโต อติโลภมโท นาม ชายติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อตฺริจฺฉาวเสน อตฺริจฺฉมาโน ปุคฺคโล อติโลเภน จ อติโลภมเทน จ ยถา อหํ อสิตาภุยา ราชธีตาย ปริหีโน, เอวํ อตฺถา หายตีติ.
อิติ โส อิมาย คาถาย ปริเทวิตฺวา อรฺเ เอกโกว วสิตฺวา ปิตุ อจฺจเยน คนฺตฺวา รชฺชํ คณฺหิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ราชปุตฺโต จ ราชธีตา จ อิเม ทฺเว ชนา อเหสุํ, ตาปโส ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
อสิตาภูชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.
[๒๓๕] ๕. วจฺฉนขชาตกวณฺณนา
สุขา ¶ ¶ ฆรา วจฺฉนขาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โรชมลฺลํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิรายสฺมโต อานนฺทสฺส คิหิสหาโย. โส เอกทิวสํ อาคมนตฺถาย เถรสฺส สาสนํ ปาเหสิ, เถโร สตฺถารํ อาปุจฺฉิตฺวา อคมาสิ. โส เถรํ นานคฺครสโภชนํ โภเชตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺโน เถเรน สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กตฺวา เถรํ คิหิโภเคหิ ปฺจหิ กามคุเณหิ นิมนฺเตนฺโต ‘‘ภนฺเต อานนฺท, มม เคเห ปหูตํ สวิฺาณกอวิฺาณกรตนํ, อิทํ มชฺเฌ ภินฺทิตฺวา ตุยฺหํ ทมฺมิ, เอหิ อุโภ อคารํ อชฺฌาวสามา’’ติ. เถโร ตสฺส กามคุเณสุ อาทีนวํ กเถตฺวา อุฏฺายาสนา วิหารํ คนฺตฺวา ‘‘ทิฏฺโ เต, อานนฺท, โรโช’’ติ สตฺถารา ปุจฺฉิโต ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ วตฺวา ‘‘กิมสฺส กเถสี’’ติ วุตฺเต ‘‘ภนฺเต, มํ โรโช ฆราวาเสน นิมนฺเตสิ, อถสฺสาหํ ฆราวาเส เจว กามคุเณสุ จ อาทีนวํ กเถสิ’’นฺติ. สตฺถา ‘‘น โข, อานนฺท, โรโช มลฺโล อิทาเนว ปพฺพชิเต ฆราวาเสน นิมนฺเตสิ, ปุพฺเพปิ นิมนฺเตสิเยวา’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต ¶ พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต อฺตรสฺมึ นิคมคาเม พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา หิมวนฺตปเทเส จิรํ วสิตฺวา โลณมฺพิลเสวนตฺถาย พาราณสึ ปตฺวา ราชุยฺยาเน วสิตฺวา ปุนทิวเส พาราณสึ ปาวิสิ. อถสฺส พาราณสิเสฏฺิ อาจารวิหาเร ปสีทิตฺวา เคหํ เนตฺวา โภเชตฺวา อุยฺยาเน วสนตฺถาย ปฏิฺํ คเหตฺวา ตํ ปฏิชคฺคนฺโต อุยฺยาเน วสาเปสิ. เต อฺมฺํ อุปฺปนฺนสิเนหา อเหสุํ.
อเถกทิวสํ พาราณสิเสฏฺิ โพธิสตฺเต เปมวิสฺสาสวเสน เอวํ จินฺเตสิ – ‘‘ปพฺพชฺชา นาม ทุกฺขา, มม สหายํ วจฺฉนขปริพฺพาชกํ อุปฺปพฺพาเชตฺวา สพฺพํ วิภวํ มชฺเฌ ภินฺทิตฺวา ตสฺส ทตฺวา ทฺเวปิ สมคฺควาสํ วสิสฺสามา’’ติ. โส เอกทิวสํ ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน เตน สทฺธึ มธุรปฏิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘ภนฺเต วจฺฉนข, ปพฺพชฺชา นาม ทุกฺขา, สุโข ฆราวาโส, เอหิ อุโภ สมคฺคา กาเม ปริภฺุชนฺตา วสามา’’ติ วตฺวา ปมํ คาถมาห –
‘‘สุขา ¶ ฆรา วจฺฉนข, สหิรฺา สโภชนา;
ยตฺถ ภุตฺวา ปิวิตฺวา จ, สเยยฺยาถ อนุสฺสุโก’’ติ.
ตตฺถ ¶ สหิรฺาติ สตฺตรตนสมฺปนฺนา. สโภชนาติ พหุขาทนียโภชนียา. ยตฺถ ภุตฺวา ปิวิตฺวา จาติ เยสุ สหิรฺโภชเนสุ ฆเรสุ นานคฺครสานิ โภชนานิ ปริภฺุชิตฺวา นานาปานานิ จ ปิวิตฺวา. สเยยฺยาถ อนุสฺสุโกติ เยสุ อลงฺกตสิริสยนปิฏฺเ อนุสฺสุโก หุตฺวา สเยยฺยาสิ, เต ฆรา นาม อติวิย สุขาติ.
อถสฺส ตํ สุตฺวา โพธิสตฺโต ‘‘มหาเสฏฺิ, ตฺวํ อฺาณตาย กามคิทฺโธ หุตฺวา ฆราวาสสฺส คุณํ, ปพฺพชฺชาย จ อคุณํ กเถสิ, ฆราวาสสฺส เต อคุณํ กเถสฺสามิ, สุณาหิ ทานี’’ติ วตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘ฆรา ¶ นานีหมานสฺส, ฆรา นาภณโต มุสา;
ฆรา นาทินฺนทณฺฑสฺส, ปเรสํ อนิกุพฺพโต;
เอวํ ฉิทฺทํ ทุรภิสมฺภวํ, โก ฆรํ ปฏิปชฺชตี’’ติ.
ตตฺถ ฆรา นานีหมานสฺสาติ นิจฺจกาลํ กสิโครกฺขาทิกรเณน อนีหมานสฺส อวายมนฺตสฺส ฆรา นาม นตฺถิ, ฆราวาโส น ปติฏฺาตีติ อตฺโถ. ฆรา นาภณโต มุสาติ เขตฺตวตฺถุหิรฺสุวณฺณาทีนํ อตฺถาย อมุสาภณโตปิ ฆรา นาม นตฺถิ. ฆรา นาทินฺนทณฺฑสฺส, ปเรสํ อนิกุพฺพโตติ นาทินฺนทณฺฑสฺสาติ อคฺคหิตทณฺฑสฺส, นิกฺขิตฺตทณฺฑสฺส ปเรสํ อนิกุพฺพโต ฆรา นาม นตฺถิ. โย ปน อาทินฺนทณฺโฑ หุตฺวา ปเรสํ ทาสกมฺมกราทีนํ ตสฺมึ ตสฺมึ อปราเธ อปราธานุรูปํ วธพนฺธนเฉทนตาฬนาทิวเสน กโรติ, ตสฺเสว ฆราวาโส สณฺหตีติ อตฺโถ. เอวํ ฉิทฺทํ ทุรภิสมฺภวํ, โก ฆรํ ปฏิปชฺชตีติ ตํ ทานิ เอวํ เอเตสํ อีหนาทีนํ อกรเณ สติ ตาย ตาย ปริหานิยา ฉิทฺทํ กรเณปิ สติ นิจฺจเมว กาตพฺพโต ทุรภิสมฺภวํ ทุราราธนียํ, นิจฺจํ กโรนฺตสฺสปิ วา ทุรภิสมฺภวเมว ทุปฺปูรํ ฆราวาสํ ‘‘อหํ นิปฺปริตสฺโส หุตฺวา อชฺฌาวสิสฺสามี’’ติ โก ปฏิปชฺชตีติ.
เอวํ มหาสตฺโต ฆราวาสสฺส โทสํ กเถตฺวา อุยฺยานเมว อคมาสิ.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา พาราณสิเสฏฺิ โรโช มลฺโล อโหสิ, วจฺฉนขปริพฺพาชโก ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
วจฺฉนขชาตกวณฺณนา ปฺจมา.
[๒๓๖] ๖. พกชาตกวณฺณนา
ภทฺทโก ¶ วตยํ ปกฺขีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ กุหกภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. ตฺหิ สตฺถา อาเนตฺวา ทสฺสิตํ ทิสฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปส กุหโกเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต ¶ พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต หิมวนฺตปเทเส เอกสฺมึ สเร มจฺโฉ หุตฺวา มหาปริวาโร วสิ. อเถโก พโก ‘‘มจฺเฉ ขาทิสฺสามี’’ติ สรสฺส อาสนฺนฏฺาเน สีสํ ปาเตตฺวา ปกฺเข ปสาเรตฺวา มนฺทมนฺโท มจฺเฉ โอโลเกนฺโต อฏฺาสิ เตสํ ปมาทํ อาคมยมาโน. ตสฺมึ ขเณ โพธิสตฺโต มจฺฉคณปริวุโต โคจรํ คณฺหนฺโต ตํ านํ ปาปุณิ. มจฺฉคโณ ตํ พกํ ปสฺสิตฺวา ปมํ คาถมาห –
‘‘ภทฺทโก วตยํ ปกฺขี, ทิโช กุมุทสนฺนิโภ;
วูปสนฺเตหิ ปกฺเขหิ, มนฺทมนฺโทว ฌายตี’’ติ.
ตตฺถ มนฺทมนฺโทว ฌายตีติ อพลพโล วิย หุตฺวา กิฺจิ อชานนฺโต วิย เอกโกว ฌายตีติ.
อถ นํ โพธิสตฺโต โอโลเกตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘นาสฺส สีลํ วิชานาถ, อนฺาย ปสํสถ;
อมฺเห ทิโช น ปาเลติ, เตน ปกฺขี น ผนฺทตี’’ติ.
ตตฺถ อนฺายาติ อชานิตฺวา. อมฺเห ทิโช น ปาเลตีติ เอส ทิโช อมฺเห น รกฺขติ น โคปายติ, ‘‘กตรํ นุ โข เอเตสุ กพฬํ กริสฺสามี’’ติ อุปธาเรติ. เตน ปกฺขี น ผนฺทตีติ เตนายํ สกุโณ น ผนฺทติ ¶ น จลตีติ. เอวํ วุตฺเต มจฺฉคโณ อุทกํ โขเภตฺวา พกํ ปลาเปสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา พโก กุหโก ภิกฺขุ อโหสิ, มจฺฉราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
พกชาตกวณฺณนา ฉฏฺา.
[๒๓๗] ๗. สาเกตชาตกวณฺณนา
โก ¶ นุ โข ภควา เหตูติ อิทํ สตฺถา สาเกตํ อุปนิสฺสาย วิหรนฺโต สาเกตํ พฺราหฺมณํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ ปเนตฺถ อตีตมฺปิ ปจฺจุปฺปนฺนมฺปิ เหฏฺา เอกกนิปาเต (ชา. อฏฺ. ๑.๑.สาเกตชาตกวณฺณนา) กถิตเมว. ตถาคตสฺส ¶ ปน วิหารํ คตกาเล ภิกฺขู ‘‘สิเนโห นาเมส, ภนฺเต, กถํ ปติฏฺาตี’’ติ ปุจฺฉนฺตา ปมํ คาถมาหํสุ –
‘‘โก นุ โข ภควา เหตุ, เอกจฺเจ อิธ ปุคฺคเล;
อตีว หทยํ นิพฺพาติ, จิตฺตฺจาปิ ปสีทตี’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – โก นุ โข เหตุ, เยน อิเธกจฺเจ ปุคฺคเล ทิฏฺมตฺเตเยว หทยํ อติวิย นิพฺพาติ, สุวาสิตสฺส สีตสฺส อุทกสฺส ฆฏสหสฺเสน ปริสิตฺตํ วิย สีตลํ โหติ, เอกจฺเจ น นิพฺพาติ. เอกจฺเจ ทิฏฺมตฺเตเยว จิตฺตํ ปสีทติ, มุทุ โหติ, เปมวเสน อลฺลียติ, เอกจฺเจ น อลฺลียตีติ.
อถ เนสํ สตฺถา เปมการณํ ทสฺเสนฺโต ทุติยํ คาถมาห –
‘‘ปุพฺเพว สนฺนิวาเสน, ปจฺจุปฺปนฺนหิเตน วา;
เอวํ ตํ ชายเต เปมํ, อุปฺปลํว ยโถทเก’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – ภิกฺขเว, เปมํ นาเมตํ ทฺวีหิ การเณหิ ชายติ, ปุริมภเว มาตา วา ปิตา วา ปุตฺโต วา ธีตา วา ภาตา วา ภคินี วา ปติ วา ภริยา วา สหาโย วา มิตฺโต วา หุตฺวา โย เยน สทฺธึ ¶ เอกฏฺาเน วุตฺถปุพฺโพ, ตสฺส อิมินา ปุพฺเพว สนฺนิวาเสน ภวนฺตเรปิ อนุพนฺธนฺโต โส สิเนโห น วิชหติ. อิมสฺมึ อตฺตภาเว กเตน ปจฺจุปฺปนฺนหิเตน วา เอวํ ตํ ชายเต เปมํ, อิเมหิ ทฺวีหิ การเณหิ เปมํ นาม ชายติ. ยถา กึ? อุปฺปลํว ยโถทเกติ. วา-การสฺส รสฺสตฺตํ กตํ. สมุจฺจยตฺเถ เจส วุตฺโต, ตสฺมา อุปฺปลฺจ เสสํ ชลชปุปฺผฺจ ยถา อุทเก ชายมานํ ทฺเว การณานิ นิสฺสาย ชายติ อุทกฺเจว กลลฺจ, ตถา เอเตหิ ทฺวีหิ การเณหิ เปมํ ชายตีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา พฺราหฺมโณ จ พฺราหฺมณี จ อิเม ทฺเว ชนา อเหสุํ, ปุตฺโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
สาเกตชาตกวณฺณนา สตฺตมา.
[๒๓๘] ๘. เอกปทชาตกวณฺณนา
อิงฺฆ ¶ เอกปทํ, ตาตาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ กุฏุมฺพิกํ อารพฺภ กเถสิ. สาวตฺถิวาสี กิเรส กุฏุมฺพิโก, อถสฺส เอกทิวสํ องฺเก นิสินฺโน ปุตฺโต อตฺถสฺส ทฺวารํ นาม ปฺหํ ปุจฺฉิ. โส ‘‘พุทฺธวิสโย เอส ปฺโห, น ตํ อฺโ กเถตุํ สกฺขิสฺสตี’’ติ ปุตฺตํ คเหตฺวา เชตวนํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ‘‘ภนฺเต, อยํ เม ทารโก อูรุมฺหิ นิสินฺโน อตฺถสฺส ทฺวารํ นาม ปฺหํ ปุจฺฉิ, อหํ ตํ อชานนฺโต อิธาคโต, กเถถ, ภนฺเต, อิมํ ปฺห’’นฺติ. สตฺถา ‘‘น โข, อุปาสก, อยํ ทารโก อิทาเนว อตฺถคเวสโก, ปุพฺเพปิ อตฺถคเวสโกว หุตฺวา อิมํ ปฺหํ ปณฺฑิเต ปุจฺฉิ, โปราณกปณฺฑิตาปิสฺส กเถสุํ, ภวสงฺเขปคตตฺตา ปน น สลฺลกฺเขสี’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต เสฏฺิกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ปิตุ อจฺจเยน เสฏฺิฏฺานํ ลภิ. อถสฺส ปุตฺโต ทหโร กุมาโร อูรุมฺหิ นิสีทิตฺวา ‘‘ตาต, มยฺหํ เอกปทํ อเนกตฺถนิสฺสิตํ เอกํ การณํ กเถถา’’ติ ปุจฺฉนฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘อิงฺฆ ¶ เอกปทํ ตาต, อเนกตฺถปทสฺสิตํ;
กิฺจิ สงฺคาหิกํ พฺรูสิ, เยนตฺเถ สาธเยมเส’’ติ.
ตตฺถ อิงฺฆาติ ยาจนตฺเถ โจทนตฺเถ วา นิปาโต. เอกปทนฺติ เอกํ การณปทํ, เอกํ การณูปสฺหิตํ วา พฺยฺชนปทํ. อเนกตฺถปทสฺสิตนฺติ อเนกานิ อตฺถปทานิ การณปทานิ นิสฺสิตํ. กิฺจิ สงฺคาหิกํ พฺรูสีติ กิฺจิ เอกปทํ พหูนํ ปทานํ สงฺคาหิกํ พฺรูหิ, อยเมว วา ปาโ. เยนตฺเถ สาธเยมเสติ เยน เอเกน ปเทน อเนกตฺถนิสฺสิเตน มยํ อตฺตโน วุฑฺฒึ สาเธยฺยาม, ตํ เม กเถหีติ ปุจฺฉิ.
อถสฺส ปิตา กเถนฺโต ทุติยํ คาถมาห –
‘‘ทกฺเขยฺเยกปทํ ¶ ตาต, อเนกตฺถปทสฺสิตํ;
ตฺจ สีเลน สฺุตฺตํ, ขนฺติยา อุปปาทิตํ;
อลํ มิตฺเต สุขาเปตุํ, อมิตฺตานํ ทุขาย จา’’ติ.
ตตฺถ ¶ ทกฺเขยฺเยกปทนฺติ ทกฺเขยฺยํ เอกปทํ. ทกฺเขยฺยํ นาม ลาภุปฺปาทกสฺส เฉกสฺส กุสลสฺส าณสมฺปยุตฺตํ วีริยํ. อเนกตฺถปทสฺสิตนฺติ เอวํ วุตฺตปฺปการํ วีริยํ อเนเกหิ อตฺถปเทหิ นิสฺสิตํ. กตเรหีติ? สีลาทีหิ. เตเนว ‘‘ตฺจ สีเลน สฺุตฺต’’นฺติอาทิมาห. ตสฺสตฺโถ – ตฺจ ปเนตํ วีริยํ อาจารสีลสมฺปยุตฺตํ อธิวาสนขนฺติยา อุเปตํ มิตฺเต สุขาเปตุํ อมิตฺตานฺจ ทุกฺขาย อลํ สมตฺถํ. โก หิ นาม ลาภุปฺปาทกาณสมฺปยุตฺตกุสลวีริยสมนฺนาคโต อาจารขนฺติสมฺปนฺโน มิตฺเต สุขาเปตุํ, อมิตฺเต วา ทุกฺขาเปตุํ น สกฺโกตีติ.
เอวํ โพธิสตฺโต ปุตฺตสฺส ปฺหํ กเถสิ. โสปิ ปิตุ กถิตนเยเนว อตฺตโน อตฺถํ สาเธตฺวา ยถากมฺมํ คโต.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน ปิตาปุตฺตา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺิตา. ‘‘ตทา ปุตฺโต อยเมว ปุตฺโต อโหสิ, พาราณสิเสฏฺิ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
เอกปทชาตกวณฺณนา อฏฺมา.
[๒๓๙] ๙. หริตมณฺฑูกชาตกวณฺณนา
อาสีวิสมฺปิ ¶ มํ สนฺตนฺติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต อชาตสตฺตุํ อารพฺภ กเถสิ. โกสลราชสฺส หิ ปิตา มหาโกสโล พิมฺพิสารรฺโ ธีตรํ ททมาโน ธีตุ นฺหานมูลํ กาสิคามกํ นาม อทาสิ. สา อชาตสตฺตุนา ปิตุฆาตกกมฺเม กเต รฺโ สิเนเหน นจิรสฺเสว กาลมกาสิ. อชาตสตฺตุ มาตริ กาลกตายปิ ตํ คามํ ภฺุชเตว. โกสลราชา ‘‘ปิตุฆาตกสฺส โจรสฺส มม กุลสนฺตกํ คามํ น ทสฺสามี’’ติ เตน สทฺธึ ยุชฺฌติ. กทาจิ มาตุลสฺส ชโย โหติ, กทาจิ ภาคิเนยฺยสฺส. ยทา ปน ¶ อชาตสตฺตุ ชินาติ, ตทา โสมนสฺสปฺปตฺโต รเถ ธชํ อุสฺสาเปตฺวา มหนฺเตน ยเสน นครํ ปวิสติ. ยทา ปน ปราชยติ, ตทา โทมนสฺสปฺปตฺโต กฺจิ อชานาเปตฺวาว ปวิสติ. อเถกทิวสํ ธมฺมสภายํ ภิกฺขู กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, อชาตสตฺตุ มาตุลํ ชินิตฺวา ตุสฺสติ, ปราชิโต โทมนสฺสปฺปตฺโต โหตี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ ¶ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปส ชินิตฺวา ตุสฺสติ, ปราชิโต โทมนสฺสปฺปตฺโต โหตี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต นีลมณฺฑูกโยนิยํ นิพฺพตฺติ. ตทา มนุสฺสา นทีกนฺทราทีสุ ตตฺถ ตตฺถ มจฺเฉ คหณตฺถาย กุมีนานิ โอฑฺเฑสุํ. เอกสฺมึ กุมีเน พหู มจฺฉา ปวิสึสุ. อเถโก อุทกาสีวิโส มจฺเฉ ขาทนฺโต ตํ กุมีนํ ปาวิสิ, พหู มจฺฉา เอกโต หุตฺวา ตํ ขาทนฺตา เอกโลหิตํ อกํสุ. โส ปฏิสรณํ อปสฺสนฺโต มรณภยตชฺชิโต กุมีนมุเขน นิกฺขมิตฺวา เวทนาปฺปตฺโต อุทกปริยนฺเต นิปชฺชิ. นีลมณฺฑูโกปิ ตสฺมึ ขเณ อุปฺปติตฺวา กุมีนสูลมตฺถเก นิปนฺโน โหติ. อาสีวิโส วินิจฺฉยฏฺานํ อลภนฺโต ตตฺถ นิปนฺนํ ตํ ทิสฺวา ‘‘สมฺม นีลมณฺฑูก, อิเมสํ มจฺฉานํ กิริยา รุจฺจติ ตุยฺห’’นฺติ ปุจฺฉนฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘อาสีวิสมฺปิ มํ สนฺตํ, ปวิฏฺํ กุมินามุขํ;
รุจฺจเต หริตามาตา, ยํ มํ ขาทนฺติ มจฺฉกา’’ติ.
ตตฺถ ¶ อาสีวิสมฺปิ มํ สนฺตนฺติ มํ อาคตวิสํ สมานํ. รุจฺจเต หริตามาตา, ยํ มํ ขาทนฺติ มจฺฉกาติ เอตํ ตว รุจฺจติ หริตมณฺฑูกปุตฺตาติ วทติ.
อถ นํ หริตมณฺฑูโก ‘‘อาม, สมฺม, รุจฺจตี’’ติ. ‘‘กึการณา’’ติ? ‘‘สเจ ตฺวมฺปิ ตว ปเทสํ อาคเต มจฺเฉ ขาทสิ, มจฺฉาปิ อตฺตโน ¶ ปเทสํ อาคตํ ตํ ขาทนฺติ, อตฺตโน วิสเย ปเทเส โคจรภูมิยํ อพลวา นาม นตฺถี’’ติ วตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘วิลุมฺปเตว ปุริโส, ยาวสฺส อุปกปฺปติ;
ยทา จฺเ วิลุมฺปนฺติ, โส วิลุตฺโต วิลุมฺปตี’’ติ.
ตตฺถ วิลุมฺปเตว ปุริโส, ยาวสฺส อุปกปฺปตีติ ยาว อสฺส ปุริสสฺส อิสฺสริยํ อุปกปฺปติ อิชฺฌติ ปวตฺตติ, ตาว โส อฺํ วิลุมฺปติเยว. ‘‘ยาว โส อุปกปฺปตี’’ติปิ ปาโ ¶ , ยตฺตกํ กาลํ โส ปุริโส สกฺโกติ วิลุมฺปิตุนฺติ อตฺโถ. ยทา จฺเ วิลุมฺปนฺตีติ ยทา จ อฺเ อิสฺสรา หุตฺวา วิลุมฺปนฺติ. โส วิลุตฺโต วิลุมฺปตีติ อถ โส วิลุมฺปโก อฺเหิ วิลุมฺปติ. ‘‘วิลุมฺปเต’’ติปิ ปาโ, อยเมวตฺโถ. ‘‘วิลุมฺปน’’นฺติปิ ปนฺติ, ตสฺสตฺโถ น สเมติ. เอวํ ‘‘วิลุมฺปโก ปุน วิลุมฺปํ ปาปุณาตี’’ติ โพธิสตฺเตน อฑฺเฑ วินิจฺฉิเต อุทกาสีวิสสฺส ทุพฺพลภาวํ ตฺวา ‘‘ปจฺจามิตฺตํ คณฺหิสฺสามา’’ติ มจฺฉคณา กุมีนมุขา นิกฺขมิตฺวา ตตฺเถว นํ ชีวิตกฺขยํ ปาเปตฺวา ปกฺกมุํ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา อุทกาสีวิโส อชาตสตฺตุ อโหสิ, นีลมณฺฑูโก ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
หริตมณฺฑูกชาตกวณฺณนา นวมา.
[๒๔๐] ๑๐. มหาปิงฺคลชาตกวณฺณนา
สพฺโพ ชโนติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เทวทตฺตํ อารพฺภ กเถสิ. เทวทตฺเต สตฺถริ อาฆาตํ พนฺธิตฺวา นวมาสจฺจเยน เชตวนทฺวารโกฏฺเก ปถวิยํ นิมุคฺเค เชตวนวาสิโน จ สกลรฏฺวาสิโน จ ‘‘พุทฺธปฏิกณฺฏโก เทวทตฺโต ปถวิยา คิลิโต, นิหตปจฺจามิตฺโต ทานิ ¶ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ชาโต’’ติ ตุฏฺหฏฺา ¶ อเหสุํ. เตสํ กถํ สุตฺวา ปรมฺปรโฆเสน สกลชมฺพุทีปวาสิโน ยกฺขภูตเทวคณา จ ตุฏฺหฏฺา เอว อเหสุํ. อเถกทิวสํ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, เทวทตฺเต ปถวิยํ นิมุคฺเค ‘พุทฺธปฏิกณฺฏโก เทวทตฺโต ปถวิยา คิลิโต’ติ มหาชโน อตฺตมโน ชาโต’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว เทวทตฺเต มเต มหาชโน ตุสฺสติ เจว หสติ จ, ปุพฺเพปิ ตุสฺสิ เจว หสิ จา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ มหาปิงฺคโล นาม ราชา อธมฺเมน วิสเมน รชฺชํ กาเรสิ, ฉนฺทาทิวเสน ปาปกมฺมานิ กโรนฺโต ทณฺฑพลิชงฺฆกหาปณาทิคฺคหเณน อุจฺฉุยนฺเต อุจฺฉุํ วิย มหาชนํ ปีเฬสิ กกฺขโฬ ผรุโส สาหสิโก, ปเรสุ อนุทฺทยามตฺตมฺปิ นามสฺส นตฺถิ, เคเห อิตฺถีนมฺปิ ปุตฺตธีตานมฺปิ อมจฺจพฺราหฺมณคหปติกาทีนมฺปิ อปฺปิโย อมนาโป, อกฺขิมฺหิ ปติตรชํ วิย, ภตฺตปิณฺเฑ สกฺขรา วิย, ปณฺหึ วิชฺฌิตฺวา ปวิฏฺกณฺฏโก วิย จ อโหสิ ¶ . ตทา โพธิสตฺโต มหาปิงฺคลสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ. มหาปิงฺคโล ทีฆรตฺตํ รชฺชํ กาเรตฺวา กาลมกาสิ. ตสฺมึ กาลกเต สกลพาราณสิวาสิโน หฏฺตุฏฺา มหาหสิตํ หสิตฺวา ทารูนํ สกฏสหสฺเสน มหาปิงฺคลํ ฌาเปตฺวา อเนเกหิ ฆฏสหสฺเสหิ อาฬาหนํ นิพฺพาเปตฺวา โพธิสตฺตํ รชฺเช อภิสิฺจิตฺวา ‘‘ธมฺมิโก โน ราชา ลทฺโธ’’ติ หฏฺตุฏฺา นคเร อุสฺสวเภรึ จราเปตฺวา สมุสฺสิตธชปฏากํ นครํ อลงฺกริตฺวา ทฺวาเร ทฺวาเร มณฺฑปํ กาเรตฺวา วิปฺปกิณฺณลาชกุสุมมณฺฑิตตเลสุ อลงฺกตมณฺฑเปสุ นิสีทิตฺวา ขาทึสุ เจว ปิวึสุ จ.
โพธิสตฺโตปิ อลงฺกเต มหาตเล สมุสฺสิตเสตจฺฉตฺตสฺส ปลฺลงฺกวรสฺส ¶ มชฺเฌ มหายสํ อนุภวนฺโต นิสีทิ. อมจฺจา จ พฺราหฺมณคหปติรฏฺิกโทวาริกาทโย จ ราชานํ ปริวาเรตฺวา อฏฺํสุ. อเถโก โทวาริโก นาติทูเร ตฺวา อสฺสสนฺโต ปสฺสสนฺโต ปโรทิ. โพธิสตฺโต ตํ ทิสฺวา ‘‘สมฺม โทวาริก, มม ปิตริ กาลกเต สพฺเพ ตุฏฺปหฏฺา อุสฺสวํ กีฬนฺตา วิจรนฺติ, ตฺวํ ปน โรทมาโน ิโต ¶ , กึ นุ โข มม ปิตา ตเวว ปิโย อโหสิ มนาโป’’ติ ปุจฺฉนฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘สพฺโพ ชโน หึสิโต ปิงฺคเลน, ตสฺมึ มเต ปจฺจยา เวทยนฺติ;
ปิโย นุ เต อาสิ อกณฺหเนตฺโต, กสฺมา นุ ตฺวํ โรทสิ ทฺวารปาลา’’ติ.
ตตฺถ หึสิโตติ นานปฺปกาเรหิ ทณฺฑพลิอาทีหิ ปีฬิโต. ปิงฺคเลนาติ ปิงฺคลกฺเขน. ตสฺส กิร ทฺเวปิ อกฺขีนิ นิพฺพิทฺธปิงฺคลานิ พิฬารกฺขิวณฺณานิ อเหสุํ, เตเนวสฺส ‘‘ปิงฺคโล’’ติ นามํ อกํสุ. ปจฺจยา เวทยนฺตีติ ปีติโย ปเวทยนฺติ. อกณฺหเนตฺโตติ ปิงฺคลเนตฺโต. กสฺมา นุ ตฺวนฺติ เกน นุ การเณน ตฺวํ โรทสิ. อฏฺกถายํ ปน ‘‘กสฺมา ตุว’’นฺติ ปาโ.
โส ตสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘นาหํ, มหาราช, ‘มหาปิงฺคโล มโต’ติ โสเกน โรทามิ, สีสสฺส เม สุขํ ชาตํ. ปิงฺคลราชา หิ ปาสาทา โอตรนฺโต จ อาโรหนฺโต จ กมฺมารมุฏฺิกาย ปหรนฺโต วิย มยฺหํ สีเส อฏฺฏฺ ขฏเก เทติ, โส ปรโลกํ คนฺตฺวาปิ มม สีเส ททมาโน วิย นิรยปาลานมฺปิ ยมสฺสปิ สีเล ขฏเก ทสฺสติ, อถ นํ เต ‘อติวิย อยํ อมฺเห พาธตี’ติ ปุน อิเธว อาเนตฺวา วิสฺสชฺเชยฺยุํ, อถ เม โส ปุนปิ สีเส ขฏเก ทเทยฺยาติ ภเยนาหํ โรทามี’’ติ อิมมตฺถํ ปกาเสนฺโต ทุติยํ คาถมาห –
‘‘น ¶ ¶ เม ปิโย อาสิ อกณฺหเนตฺโต, ภายามิ ปจฺจาคมนาย ตสฺส;
อิโต คโต หึเสยฺย มจฺจุราชํ, โส หึสิโต อาเนยฺย ปุน อิธา’’ติ.
อถ นํ โพธิสตฺโต ‘‘โส ราชา ทารูนํ วาหสหสฺเสน ทฑฺโฒ อุทกฆฏสเตหิ สิตฺโต, สาปิสฺส อาฬาหนภูมิ สมนฺตโต ขตา, ปกติยาปิ จ ปรโลกํ คตา นาม อฺตฺถ คติวสา ปุน เตเนว สรีเรน นาคจฺฉนฺติ, มา ตฺวํ ภายี’’ติ ตํ สมสฺสาเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘ทฑฺโฒ ¶ วาหสหสฺเสหิ, สิตฺโต ฆฏสเตหิ โส;
ปริกฺขตา จ สา ภูมิ, มา ภายิ นาคมิสฺสตี’’ติ.
ตโต ปฏฺาย โทวาริโก อสฺสาสํ ปฏิลภิ. โพธิสตฺโต ธมฺเมน รชฺชํ กาเรตฺวา ทานาทีนิ ปฺุานิ กตฺวา ยถากมฺมํ คโต.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา มหาปิงฺคโล เทวทตฺโต อโหสิ, ปุตฺโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
มหาปิงฺคลชาตกวณฺณนา ทสมา.
อุปาหนวคฺโค นวโม.
ตสฺสุทฺทานํ –
อุปาหนํ วีณาถูณํ, วิกณฺณกํ อสิตาภุ;
วจฺฉนขํ พกฺเจว, สาเกตฺจ เอกปทํ;
หริตมาตุ ปิงฺคลํ.
๑๐. สิงฺคาลวคฺโค
[๒๔๑] ๑. สพฺพทาชาตกวณฺณนา
สิงฺคาโล ¶ มานตฺถทฺโธติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เทวทตฺตํ อารพฺภ กเถสิ. เทวทตฺโต อชาตสตฺตุํ ปสาเทตฺวา อุปฺปาทิตํ ลาภสกฺการํ จิรฏฺิติกํ กาตุํ นาสกฺขิ, นาฬาคิริปโยชเน ปาฏิหาริยสฺส ทิฏฺกาลโต ปฏฺาย ตสฺส โส ลาภสกฺกาโร ¶ อนฺตรธายิ. อเถกทิวสํ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, เทวทตฺโต ลาภสกฺการํ อุปฺปาเทตฺวา จิรฏฺิติกํ กาตุํ นาสกฺขี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, เทวทตฺโต อิทาเนว อตฺตโน อุปฺปนฺนํ ลาภสกฺการํ อนฺตรธาเปติ, ปุพฺเพปิ อนฺตรธาเปสิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต ¶ พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส ปุโรหิโต อโหสิ ติณฺณํ เวทานํ อฏฺารสนฺนฺจ สิปฺปานํ ปารํ คโต. โส ปถวีชยมนฺตํ นาม ชานาติ. ปถวีชยมนฺโตติ อาวฏฺฏนมนฺโต วุจฺจติ. อเถกทิวสํ โพธิสตฺโต ‘‘ตํ มนฺตํ สชฺฌายิสฺสามี’’ติ เอกสฺมึ องฺคณฏฺาเน ปิฏฺิปาสาเณ นิสีทิตฺวา สชฺฌายมกาสิ. ตํ กิร มนฺตํ อฺวิหิตํ ธิติวิรหิตํ สาเวตุํ น สกฺกา, ตสฺมา นํ โส ตถารูเป าเน สชฺฌายติ. อถสฺส สชฺฌายนกาเล เอโก สิงฺคาโล เอกสฺมึ พิเล นิปนฺโน ตํ มนฺตํ สุตฺวาว ปคุณมกาสิ. โส กิร อนนฺตราตีเต อตฺตภาเว ปคุณปถวีชยมนฺโต เอโก พฺราหฺมโณ อโหสิ. โพธิสตฺโต สชฺฌายํ กตฺวา อุฏฺาย ‘‘ปคุโณ วต เม อยํ มนฺโต’’ติ อาห. สิงฺคาโล พิลา นิกฺขมิตฺวา ‘‘อมฺโภ พฺราหฺมณ, อยํ มนฺโต ตยาปิ มเมว ปคุณตโร’’ติ วตฺวา ปลายิ. โพธิสตฺโต ‘‘อยํ สิงฺคาโล มหนฺตํ อกุสลํ กริสฺสตี’’ติ ‘‘คณฺหถ คณฺหถา’’ติ โถกํ อนุพนฺธิ. สิงฺคาโล ปลายิตฺวา อรฺํ ปาวิสิ.
โส คนฺตฺวา เอกํ สิงฺคาลึ โถกํ สรีเร ฑํสิ, ‘‘กึ, สามี’’ติ จ วุตฺเต ‘‘มยฺหํ ชานาสิ น ชานาสี’’ติ อาห. สา ‘‘อาม, ชานามี’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ. โส ปถวีชยมนฺตํ ปริวตฺเตตฺวา ¶ อเนกานิ สิงฺคาลสตานิ อาณาเปตฺวา สพฺเพปิ หตฺถิอสฺสสีหพฺยคฺฆสูกรมิคาทโย จตุปฺปเท อตฺตโน สนฺติเก ¶ อกาสิ. กตฺวา จ ปน สพฺพทาโ นาม ราชา หุตฺวา เอกํ สิงฺคาลึ อคฺคมเหสึ อกาสิ. ทฺวินฺนํ หตฺถีนํ ปิฏฺเ สีโห ติฏฺติ, สีหปิฏฺเ สพฺพทาโ สิงฺคาโล ราชา สิงฺคาลิยา อคฺคมเหสิยา สทฺธึ นิสีทติ, มหนฺโต ยโส อโหสิ. โส ยสมหนฺเตน ปมชฺชิตฺวา มานํ อุปฺปาเทตฺวา ‘‘พาราณสิรชฺชํ คณฺหิสฺสามี’’ติ สพฺพจตุปฺปทปริวุโต พาราณสิยา อวิทูรฏฺานํ สมฺปาปุณิ, ปริสา ทฺวาทสโยชนา อโหสิ. โส อวิทูเร ิโตเยว ‘‘รชฺชํ วา เทตุ, ยุทฺธํ วา’’ติ รฺโ สาสนํ เปเสสิ. พาราณสิวาสิโน ภีตตสิตา นครทฺวารานิ ปิทหิตฺวา อฏฺํสุ.
โพธิสตฺโต ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘มา ภายิ, มหาราช, สพฺพทาสิงฺคาเลน สทฺธึ ยุทฺธํ มม ภาโร, เปตฺวา มํ อฺโ เตน สทฺธึ ยุชฺฌิตุํ ¶ สมตฺโถ นาม นตฺถี’’ติ ราชานฺจ นาคเร จ สมสฺสาเสตฺวา ‘‘กินฺติ กตฺวา นุ โข สพฺพทาโ รชฺชํ คเหสฺสติ, ปุจฺฉิสฺสามิ ตาว น’’นฺติ ทฺวารฏฺฏาลกํ อภิรุหิตฺวา ‘‘สมฺม สพฺพทา, กินฺติ กตฺวา อิมํ รชฺชํ คณฺหิสฺสสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘สีหนาทํ นทาเปตฺวา มหาชนํ สทฺเทน สนฺตาเสตฺวา คณฺหิสฺสามี’’ติ. โพธิสตฺโต ‘‘อตฺเถต’’นฺติ ตฺวา อฏฺฏาลกา โอรุยฺห ‘‘สกลทฺวาทสโยชนิกพาราณสินครวาสิโน กณฺณจฺฉิทฺทานิ มาสปิฏฺเน ลฺชนฺตู’’ติ เภรึ จราเปสิ. มหาชโน เภริยา อาณํ สุตฺวา อนฺตมโส พิฬาเล อุปาทาย สพฺพจตุปฺปทานฺเจว อตฺตโน จ กณฺณจฺฉิทฺทานิ ยถา ปรสฺส สทฺทํ โสตุํ น สกฺกา, เอวํ มาสปิฏฺเน ลฺชิ.
อถ โพธิสตฺโต ปุน อฏฺฏาลกํ อภิรุหิตฺวา ‘‘สพฺพทาา’’ติ อาห. ‘‘กึ, พฺราหฺมณา’’ติ? ‘‘อิมํ รชฺชํ กินฺติ กตฺวา คณฺหิสฺสสี’’ติ? ‘‘สีหนาทํ นทาเปตฺวา มนุสฺเส ตาเสตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปตฺวา คณฺหิสฺสามี’’ติ. ‘‘สีหนาทํ นทาเปตุํ น สกฺขิสฺสสิ. ชาติสมฺปนฺนา หิ สุรตฺตหตฺถปาทา เกสรสีหราชาโน ตาทิสสฺส ชรสิงฺคาลสฺส อาณํ น กริสฺสนฺตี’’ติ. สิงฺคาโล มานตฺถทฺโธ หุตฺวา ¶ ‘‘อฺเ ตาว สีหา ติฏฺนฺตุ, ยสฺสาหํ ปิฏฺเ นิสินฺโน, ตฺเว นทาเปสฺสามี’’ติ อาห. ‘‘เตน หิ นทาเปหิ, ยทิ สกฺโกสี’’ติ. โส ยสฺมึ สีเห นิสินฺโน, ตสฺส ‘‘นทาหี’’ติ ปาเทน สฺํ อทาสิ. สีโห หตฺถิกุมฺเภ มุขํ อุปฺปีเฬตฺวา ติกฺขตฺตุํ อปฺปฏิวตฺติยํ สีหนาทํ นทิ. หตฺถี สนฺตาสปฺปตฺตา หุตฺวา สิงฺคาลํ ปาทมูเล ปาเตตฺวา ปาเทนสฺส สีสํ อกฺกมิตฺวา จุณฺณวิจุณฺณํ อกํสุ, สพฺพทาโ ตตฺเถว ชีวิตกฺขยํ ปตฺโต. เตปิ หตฺถี สีหนาทํ สุตฺวา มรณภยตชฺชิตา อฺมฺํ โอวิชฺฌิตฺวา ตตฺเถว ชีวิตกฺขยํ ปาปุณึสุ, เปตฺวา สีเห เสสาปิ มิคสูกราทโย สสพิฬารปริโยสานา สพฺเพ ¶ จตุปฺปาทา ตตฺเถว ชีวิตกฺขยํ ปาปุณึสุ. สีหา ปลายิตฺวา อรฺํ ปวิสึสุ, ทฺวาทสโยชนิโก มํสราสิ อโหสิ. โพธิสตฺโต อฏฺฏาลกา โอตริตฺวา นครทฺวารานิ วิวราเปตฺวา ‘‘สพฺเพ อตฺตโน กณฺเณสุ มาสปิฏฺํ อปเนตฺวา มํสตฺถิกา มํสํ อาหรนฺตู’’ติ นคเร เภรึ จราเปสิ. มนุสฺสา อลฺลมํสํ ขาทิตฺวา เสสํ สุกฺขาเปตฺวา วลฺลูรมกํสุ. ตสฺมึ กิร กาเล วลฺลูรกรณํ อุทปาทีติ วทนฺติ.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อิมา อภิสมฺพุทฺธคาถา วตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ –
‘‘สิงฺคาโล มานตฺถทฺโธ จ, ปริวาเรน อตฺถิโก;
ปาปุณิ มหตึ ภูมึ, ราชาสิ สพฺพทาินํ.
‘‘เอวเมว มนุสฺเสสุ, โย โหติ ปริวารวา;
โส หิ ตตฺถ มหา โหติ, สิงฺคาโล วิย ทาิน’’นฺติ.
ตตฺถ มานตฺถทฺโธติ ปริวารํ นิสฺสาย อุปฺปนฺเนน มาเนน ถทฺโธ. ปริวาเรน อตฺถิโกติ อุตฺตริมฺปิ ปริวาเรน อตฺถิโก หุตฺวา. มหตึ ภูมินฺติ มหนฺตํ สมฺปตฺตึ. ราชาสิ สพฺพทาินนฺติ สพฺเพสํ ทาีนํ ¶ ราชา อาสิ. โส หิ ตตฺถ มหา โหตีติ โส ปริวารสมฺปนฺโน ปุริโส เตสุ ปริวาเรสุ มหา นาม โหติ. สิงฺคาโล วิย ทาินนฺติ ยถา สิงฺคาโล ทาีนํ มหา อโหสิ, เอวํ มหา โหติ, อถ โส สิงฺคาโล วิย ปมาทํ อาปชฺชิตฺวา ตํ ปริวารํ นิสฺสาย วินาสํ ปาปุณาตีติ.
‘‘ตทา สิงฺคาโล เทวทตฺโต อโหสิ, ราชา สาริปุตฺโต, ปุโรหิโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
สพฺพทาชาตกวณฺณนา ปมา.
[๒๔๒] ๒. สุนขชาตกวณฺณนา
พาโล วตายํ สุนโขติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อมฺพณโกฏฺเก อาสนสาลาย ภตฺตภฺุชนสุนขํ อารพฺภ กเถสิ. ตํ กิร ชาตกาลโต ปฏฺาย ปานียหารกา คเหตฺวา ตตฺถ โปเสสุํ. โส อปรภาเค ตตฺถ ภตฺตํ ภฺุชนฺโต ถูลสรีโร อโหสิ. อเถกทิวสํ เอโก คามวาสี ¶ ปุริโส ตํ านํ ปตฺโต สุนขํ ทิสฺวา ปานียหารกานํ อุตฺตริสาฏกฺจ กหาปณฺจ ทตฺวา คทฺทูเลน พนฺธิตฺวา ตํ อาทาย ปกฺกามิ. โส คเหตฺวา นียมาโน น วสฺสิ, ทินฺนํ ทินฺนํ ขาทนฺโต ปจฺฉโต ปจฺฉโต อคมาสิ. อถ โส ปุริโส ‘‘อยํ อิทานิ มํ ปิยายตี’’ติ คทฺทูลํ โมเจสิ, โส วิสฺสฏฺมตฺโต เอกเวเคน ¶ อาสนสาลเมว คโต. ภิกฺขู ตํ ทิสฺวา เตน คตการณํ ชานิตฺวา สายนฺหสมเย ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, อาสนสาลาย สุนโข พนฺธนโมกฺขกุสโล วิสฺสฏฺมตฺโตว ปุน อาคโต’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, โส สุนโข อิทาเนว พนฺธนโมกฺขกุสโล, ปุพฺเพปิ กุสโลเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต กาสิรฏฺเ เอกสฺมึ มหาโภคกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ฆราวาสํ อคฺคเหสิ. ตทา พาราณสิยํ เอกสฺส มนุสฺสสฺส สุนโข อโหสิ, โส ปิณฺฑิภตฺตํ ลภนฺโต ถูลสรีโร ¶ ชาโต. อเถโก คามวาสี พาราณสึ อาคโต ตํ สุนขํ ทิสฺวา ตสฺส มนุสฺสสฺส อุตฺตริสาฏกฺจ กหาปณฺจ ทตฺวา สุนขํ คเหตฺวา จมฺมโยตฺเตน พนฺธิตฺวา โยตฺตโกฏิยํ คเหตฺวา คจฺฉนฺโต อฏวิมุเข เอกํ สาลํ ปวิสิตฺวา สุนขํ พนฺธิตฺวา ผลเก นิปชฺชิตฺวา นิทฺทํ โอกฺกมิ. ตสฺมึ กาเล โพธิสตฺโต เกนจิเทว กรณีเยน อฏวึ ปฏิปนฺโน ตํ สุนขํ โยตฺเตน พนฺธิตฺวา ปิตํ ทิสฺวา ปมํ คาถมาห –
‘‘พาโล วตายํ สุนโข, โย วรตฺตํ น ขาทติ;
พนฺธนา จ ปมฺุเจยฺย, อสิโต จ ฆรํ วเช’’ติ.
ตตฺถ ปมฺุเจยฺยาติ ปโมเจยฺย, อยเมว วา ปาโ. อสิโต จ ฆรํ วเชติ อสิโต สุหิโต หุตฺวา อตฺตโน วสนฏฺานํ คจฺเฉยฺย.
ตํ สุตฺวา สุนโข ทุติยํ คาถมาห –
‘‘อฏฺิตํ เม มนสฺมึ เม, อโถ เม หทเย กตํ;
กาลฺจ ปฏิกงฺขามิ, ยาว ปสฺสุปตู ชโน’’ติ.
ตตฺถ อฏฺิตํ เม มนสฺมึ เมติ ยํ ตุมฺเห กเถถ, ตํ มยา อธิฏฺิตเมว, มนสฺมึเยว เม เอตํ. อโถ เม หทเย กตนฺติ อถ จ ปน เม ตุมฺหากํ วจนํ หทเย กตเมว. กาลฺจ ปฏิกงฺขามีติ ¶ กาลํ ปฏิมาเนมิ. ยาว ปสฺสุปตู ชโนติ ยาวายํ มหาชโน ปสุปตุ นิทฺทํ โอกฺกมตุ, ตาวาหํ กาลํ ปฏิมาเนมิ ¶ . อิตรถา หิ ‘‘อยํ สุนโข ปลายตี’’ติ รโว อุปฺปชฺเชยฺย, ตสฺมา รตฺติภาเค สพฺเพสํ สุตฺตกาเล จมฺมโยตฺตํ ขาทิตฺวา ปลายิสฺสามีติ. โส เอวํ วตฺวา มหาชเน นิทฺทํ โอกฺกนฺเต โยตฺตํ ขาทิตฺวา สุหิโต หุตฺวา ปลายิตฺวา อตฺตโน สามิกานํ ฆรเมว คโต.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา สุนโขว เอตรหิ สุนโข, ปณฺฑิตปุริโส ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
สุนขชาตกวณฺณนา ทุติยา.
[๒๔๓] ๓. คุตฺติลชาตกวณฺณนา
สตฺตตนฺตึ สุมธุรนฺติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เทวทตฺตํ อารพฺภ กเถสิ. ตสฺมิฺหิ กาเล ภิกฺขู เทวทตฺตํ อาหํสุ – ‘‘อาวุโส เทวทตฺต, สมฺมาสมฺพุทฺโธ ตุยฺหํ อาจริโย, ตฺวํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ นิสฺสาย ตีณิ ปิฏกานิ อุคฺคณฺหิ, จตฺตาริ ฌานานิ อุปฺปาเทสิ, อาจริยสฺส นาม ปฏิสตฺตุนา ภวิตุํ น ยุตฺต’’นฺติ. เทวทตฺโต ‘‘กึ ปน เม, อาวุโส, สมโณ โคตโม อาจริโย, นนุ มยา อตฺตโน พเลเนว ตีณิ ปิฏกานิ อุคฺคหิตานิ, จตฺตาริ ฌานานิ อุปฺปาทิตานี’’ติ อาจริยํ ปจฺจกฺขาสิ. ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, เทวทตฺโต อาจริยํ ปจฺจกฺขาย สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปฏิสตฺตุ หุตฺวา มหาวินาสํ ปตฺโต’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, เทวทตฺโต อิทาเนว อาจริยํ ปจฺจกฺขาย มม ปฏิสตฺตุ หุตฺวา วินาสํ ปาปุณาติ, ปุพฺเพปิ ปตฺโตเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต คนฺธพฺพกุเล นิพฺพตฺติ, ‘‘คุตฺติลกุมาโร’’ติสฺส นามํ อกํสุ. โส วยปฺปตฺโต คนฺธพฺพสิปฺเป นิปฺผตฺตึ ปตฺวา คุตฺติลคนฺธพฺโพ นาม สกลชมฺพุทีเป อคฺคคนฺธพฺโพ อโหสิ. โส ทาราภรณํ อกตฺวา อนฺเธ มาตาปิตโร โปเสสิ. ตทา พาราณสิวาสิโน วาณิชา วณิชฺชาย อุชฺเชนินครํ คนฺตฺวา ¶ อุสฺสเว ฆุฏฺเ ฉนฺทกํ สํหริตฺวา พหุํ มาลาคนฺธวิเลปนฺจ ขชฺชโภชฺชาทีนิ จ อาทาย กีฬนฏฺาเน สนฺนิปติตฺวา ‘‘เวตนํ ทตฺวา เอกํ คนฺธพฺพํ อาเนถา’’ติ อาหํสุ. เตน จ สมเยน ¶ อุชฺเชนิยํ มูสิโล นาม เชฏฺคนฺธพฺโพ ¶ โหติ, เต ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา อตฺตโน คนฺธพฺพํ กาเรสุํ.
มูสิโล วีณํ วาทนฺโต วีณํ อุตฺตมมุจฺฉนาย มุจฺฉิตฺวา วาเทสิ. เตสํ คุตฺติลคนฺธพฺพสฺส คนฺธพฺเพ ชาตปริจยานํ ตสฺส คนฺธพฺพํ กิลฺชกณฺฑูวนํ วิย หุตฺวา อุปฏฺาสิ, เอโกปิ ปหฏฺาการํ น ทสฺเสสิ. มูสิโล เตสุ ตุฏฺาการํ อทสฺเสนฺเตสุ ‘‘อติขรํ กตฺวา วาเทมิ มฺเ’’ติ มชฺฌิมมุจฺฉนาย มุจฺฉิตฺวา มชฺฌิมสเรน วาเทสิ, เต ตตฺถปิ มชฺฌตฺตาว อเหสุํ. อถ โส ‘‘อิเม น กิฺจิ ชานนฺติ มฺเ’’ติ สยมฺปิ อชานนโก วิย หุตฺวา ตนฺติโย สิถิเล วาเทสิ, เต ตตฺถปิ น กิฺจิ อาหํสุ. อถ เน มูสิโล ‘‘อมฺโภ วาณิชา, กึ นุ โข มยิ วีณํ วาเทนฺเต ตุมฺเห น ตุสฺสถา’’ติ. ‘‘กึ ปน ตฺวํ วีณํ วาเทสิ, มยฺหิ ‘อยํ วีณํ มุจฺเฉตี’ติ สฺํ อกริมฺหา’’ติ. ‘‘กึ ปน ตุมฺเห มยา อุตฺตริตรํ อาจริยํ ชานาถ, อุทาหุ อตฺตโน อชานนภาเวน น ตุสฺสถา’’ติ. วาณิชา ‘‘พาราณสิยํ คุตฺติลคนฺธพฺพสฺส วีณาสทฺทํ สุตปุพฺพานํ ตว วีณาสทฺโท อิตฺถีนํ ทารเก โตสาปนสทฺโท วิย โหตี’’ติ อาหํสุ. ‘‘เตน หิ, หนฺท, ตุมฺเหหิ ทินฺนปริพฺพยํ ปฏิคฺคณฺหถ, น มยฺหํ เอเตนตฺโถ, อปิจ โข ปน พาราณสึ คจฺฉนฺตา มํ คณฺหิตฺวา คจฺเฉยฺยาถา’’ติ. เต ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา คมนกาเล ตํ อาทาย พาราณสึ คนฺตฺวา ตสฺส ‘‘เอตํ คุตฺติลสฺส วสนฏฺาน’’นฺติ อาจิกฺขิตฺวา สกสกนิเวสนํ อคมึสุ.
มูสิโล โพธิสตฺตสฺส เคหํ ปวิสิตฺวา ลคฺเคตฺวา ปิตํ โพธิสตฺตสฺส ชาติวีณํ ทิสฺวา คเหตฺวา วาเทสิ, อถ โพธิสตฺตสฺส มาตาปิตโร อนฺธภาเวน ตํ อปสฺสนฺตา ¶ ‘‘มูสิกา มฺเ วีณํ ขาทนฺตี’’ติ สฺาย ‘‘สุสู’’ติ อาหํสุ. ตสฺมึ กาเล มูสิโล วีณํ เปตฺวา โพธิสตฺตสฺส มาตาปิตโร วนฺทิตฺวา ‘‘กุโต อาคโตสี’’ติ วุตฺเต ‘‘อาจริยสฺส สนฺติเก สิปฺปํ อุคฺคณฺหิตุํ อุชฺเชนิโต อาคโตมฺหี’’ติ อาห. โส ‘‘สาธู’’ติ วุตฺเต ‘‘กหํ อาจริโย’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘วิปฺปวุตฺโถ, ตาต, อชฺช อาคมิสฺสตี’’ติ สุตฺวา ตตฺเถว นิสีทิตฺวา โพธิสตฺตํ อาคตํ ทิสฺวา ¶ เตน กตปฏิสนฺถาโร อตฺตโน อาคตการณํ อาโรเจสิ. โพธิสตฺโต องฺควิชฺชาปาโก, โส ตสฺส อสปฺปุริสภาวํ ตฺวา ‘‘คจฺฉ ตาต, นตฺถิ ตว สิปฺป’’นฺติ ปฏิกฺขิปิ. โส โพธิสตฺตสฺส มาตาปิตูนํ ปาเท คเหตฺวา อุปการํ กโรนฺโต เต อาราเธตฺวา ‘‘สิปฺปํ เม ทาเปถา’’ติ ยาจิ. โพธิสตฺโต มาตาปิตูหิ ปุนปฺปุนํ วุจฺจมาโน เต อติกฺกมิตุํ อสกฺโกนฺโต สิปฺปํ อทาสิ. โส โพธิสตฺเตเนว สทฺธึ ราชนิเวสนํ คจฺฉติ. ราชา ตํ ทิสฺวา ‘‘โก เอส, อาจริยา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘มยฺหํ อนฺเตวาสิโก, มหาราชา’’ติ. โส อนุกฺกเมน ¶ รฺโ วิสฺสาสิโก อโหสิ. โพธิสตฺโต อาจริยมุฏฺึ อกตฺวา อตฺตโน ชานนนิยาเมน สพฺพํ สิปฺปํ สิกฺขาเปตฺวา ‘‘นิฏฺิตํ เต, ตาต, สิปฺป’’นฺติ อาห.
โส จินฺเตสิ – ‘‘มยฺหํ สิปฺปํ ปคุณํ, อิทฺจ พาราณสินครํ สกลชมฺพุทีเป อคฺคนครํ, อาจริโยปิ มหลฺลโก, อิเธว มยา วสิตุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส อาจริยํ อาห – ‘‘อาจริย อหํ ราชานํ อุปฏฺหิสฺสามี’’ติ. อาจริโย ‘‘สาธุ, ตาต, รฺโ อาโรเจสฺสามี’’ติ คนฺตฺวา ‘‘อมฺหากํ อนฺเตวาสิโก เทวํ อุปฏฺาตุํ อิจฺฉติ, เทยฺยธมฺมมสฺส ชานาถา’’ติ รฺโ อาโรเจตฺวา รฺา ‘‘ตุมฺหากํ เทยฺยธมฺมโต อุปฑฺฒํ ลภิสฺสตี’’ติ วุตฺเต ตํ ปวตฺตึ มูสิลสฺส อาโรเจสิ. มูสิโล ‘‘อหํ ตุมฺเหหิ สมกฺเว ลภนฺโต อุปฏฺหิสฺสามิ, น อลภนฺโต’’ติ อาห ¶ . ‘‘กึการณา’’ติ? ‘‘นนุ อหํ ตุมฺหากํ ชานนสิปฺปํ สพฺพํ ชานามี’’ติ? ‘‘อาม, ชานาสี’’ติ. ‘‘เอวํ สนฺเต กสฺมา มยฺหํ อุปฑฺฒํ เทตี’’ติ? โพธิสตฺโต รฺโ อาโรเจสิ. ราชา ‘‘ยทิ เอวํ ตุมฺเหหิ สมกํ สิปฺปํ ทสฺเสตุํ สกฺโกนฺโต สมกํ ลภิสฺสตี’’ติ อาห. โพธิสตฺโต รฺโ วจนํ ตสฺส อาโรเจตฺวา เตน ‘‘สาธุ ทสฺเสสฺสามี’’ติ วุตฺเต รฺโ ตํ ปวตฺตึ อาโรเจตฺวา ‘‘สาธุ ทสฺเสตุ, กตรทิวสํ สากจฺฉา โหตู’’ติ วุตฺเต ‘‘อิโต สตฺตเม ทิวเส โหตุ, มหาราชา’’ติ อาห.
ราชา มูสิลํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ อาจริเยน สทฺธึ สากจฺฉํ กริสฺสสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจํ, เทวา’’ติ วุตฺเต ‘‘อาจริเยน สทฺธึ วิคฺคโห นาม น วฏฺฏติ, มา กรี’’ติ วาริยมาโนปิ ‘‘อลํ, มหาราช, โหตุเยว เม อาจริเยน สทฺธึ สตฺตเม ทิวเส สากจฺฉา, กตรสฺส ¶ ชานิภาวํ ชานิสฺสามา’’ติ อาห. ราชา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ‘‘อิโต กิร สตฺตเม ทิวเส อาจริยคุตฺติโล จ อนฺเตวาสิกมูสิโล จ ราชทฺวาเร อฺมฺํ สากจฺฉํ กตฺวา สิปฺปํ ทสฺเสสฺสนฺติ, นาครา สนฺนิปติตฺวา สิปฺปํ ปสฺสนฺตู’’ติ เภรึ จราเปสิ.
โพธิสตฺโต จินฺเตสิ – ‘‘อยํ มูสิโล ทหโร ตรุโณ, อหํ มหลฺลโก ปริหีนถาโม, มหลฺลกสฺส กิริยา นาม น สมฺปชฺชติ. อนฺเตวาสิเก นาม ปราชิเตปิ วิเสโส นตฺถิ, อนฺเตวาสิกสฺส ปน ชเย สติ ปตฺตพฺพลชฺชโต อรฺํ ปวิสิตฺวา มรณํ วรตร’’นฺติ. โส อรฺํ ปวิสิตฺวา มรณภเยน นิวตฺตติ, ลชฺชาภเยน คจฺฉติ. เอวมสฺส คมนาคมนํ กโรนฺตสฺเสว ฉ ทิวสา อติกฺกนฺตา, ติณานิ มตานิ, ชงฺฆมคฺโค นิพฺพตฺติ. ตสฺมึ ขเณ สกฺกสฺส ภวนํ อุณฺหาการํ ทสฺเสสิ. สกฺโก อาวชฺชมาโน ตํ การณํ ตฺวา ‘‘คุตฺติลคนฺธพฺโพ อนฺเตวาสิกสฺส ¶ ภเยน อรฺเ มหาทุกฺขํ อนุโภติ ¶ , เอตสฺส มยา อวสฺสเยน ภวิตุํ วฏฺฏตี’’ติ เวเคน คนฺตฺวา โพธิสตฺตสฺส ปุรโต ตฺวา ‘‘อาจริย, กสฺมา อรฺํ ปวิฏฺโสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘โกสิ ตฺว’’นฺติ วุตฺเต ‘‘สกฺโกหมสฺมี’’ติ อาห. อถ นํ โพธิสตฺโต ‘‘อหํ โข, เทวราช, อนฺเตวาสิกโต ปราชยภเยน อรฺํ ปวิฏฺโ’’ติ วตฺวา ปมํ คาถมาห –
‘‘สตฺตตนฺตึ สุมธุรํ, รามเณยฺยํ อวาจยึ;
โส มํ รงฺคมฺหิ อวฺเหติ, สรณํ เม โหติ โกสิยา’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – อหํ, เทวราช, มูสิลํ นาม อนฺเตวาสิกํ สตฺตตนฺตึ สุมธุรํ รามเณยฺยํ วีณํ อตฺตโน ชานนนิยาเมน สิกฺขาเปสึ, โส มํ อิทานิ รงฺคมณฺฑเล ปกฺโกสติ, ตสฺส เม ตฺวํ, โกสิยโคตฺต, สรณํ โหหีติ.
สกฺโก ตสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘มา ภายิ, อหํ เต ตาณฺจ เลณฺจา’’ติ วตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘อหํ ตํ สรณํ สมฺม, อหมาจริยปูชโก;
น ตํ ชยิสฺสติ สิสฺโส, สิสฺสมาจริย เชสฺสสี’’ติ.
ตตฺถ ¶ อหํ ตํ สรณนฺติ อหํ สรณํ อวสฺสโย ปติฏฺา หุตฺวา ตํ ตายิสฺสามิ. สมฺมาติ ปิยวจนเมตํ. สิสฺสมาจริย, เชสฺสสีติ, อาจริย, ตฺวํ วีณํ วาทยมาโน สิสฺสํ ชินิสฺสสิ. อปิจ ตฺวํ วีณํ วาเทนฺโต เอกํ ตนฺตึ ฉินฺทิตฺวา ฉ วาเทยฺยาสิ, วีณาย เต ปกติสทฺโท ภวิสฺสติ. มูสิโลปิ ตนฺตึ ฉินฺทิสฺสติ, อถสฺส วีณาย สทฺโท น ภวิสฺสติ. ตสฺมึ ขเณ โส ปราชยํ ปาปุณิสฺสติ. อถสฺส ปราชยภาวํ ตฺวา ทุติยมฺปิ ตติยมฺปิ จตุตฺถมฺปิ ปฺจมมฺปิ สตฺตมมฺปิ ตนฺตึ ฉินฺทิตฺวา สุทฺธทณฺฑกเมว วาเทยฺยาสิ, ฉินฺนตนฺติโกฏีหิ สโร นิกฺขมิตฺวา สกลํ ทฺวาทสโยชนิกํ พาราณสินครํ ¶ ฉาเทตฺวา สฺสตีติ.
เอวํ วตฺวา สกฺโก โพธิสตฺตสฺส ติสฺโส ปาสกฆฏิกา ทตฺวา เอวมาห – ‘‘วีณาสทฺเทเนว ปน สกลนคเร ฉาทิเต อิโต เอกํ ปาสกฆฏิกํ อากาเส ขิเปยฺยาสิ, อถ เต ปุรโต โอตริตฺวา ตีณิ อจฺฉราสตานิ นจฺจิสฺสนฺติ. ตาสํ นจฺจนกาเล จ ทุติยํ ขิเปยฺยาสิ, อถาปรานิปิ ตีณิ สตานิ โอตริตฺวา ตว วีณาธุเร นจฺจิสฺสนฺติ. ตโต ตติยํ ขิเปยฺยาสิ, อถาปรานิ ตีณิ สตานิ โอตริตฺวา รงฺคมณฺฑเล นจฺจิสฺสนฺติ. อหมฺปิ เต สนฺติกํ ¶ อาคมิสฺสามิ, คจฺฉ มา ภายี’’ติ โพธิสตฺตํ อสฺสาเสสิ. โพธิสตฺโต ปุพฺพณฺหสมเย เคหํ อคมาสิ. นาครา ราชทฺวารสมีเป มณฺฑปํ กตฺวา รฺโ อาสนํ ปฺเปสุํ. ราชา ปาสาทา โอตริตฺวา อลงฺกตมณฺฑเป ปลฺลงฺกมชฺเฌ นิสีทิ, ทฺวาทสสหสฺสา อลงฺกติตฺถิโย อมจฺจพฺราหฺมณคหปติกาทโย จ ราชานํ ปริวารยึสุ, สพฺเพ นาครา สนฺนิปตึสุ, ราชงฺคเณ จกฺกาติจกฺเก มฺจาติมฺเจ พนฺธึสุ.
โพธิสตฺโตปิ นฺหาตานุลิตฺโต นานคฺครสโภชนํ ภฺุชิตฺวา วีณํ คาหาเปตฺวา อตฺตโน ปฺตฺตาสเน นิสีทิ. สกฺโก อทิสฺสมานกาเยน อาคนฺตฺวา อากาเส อฏฺาสิ, โพธิสตฺโตเยว นํ ปสฺสติ. มูสิโลปิ อาคนฺตฺวา อตฺตโน อาสเน นิสีทิ. มหาชโน ปริวาเรสิ, อาทิโตว ทฺเวปิ สมสมํ วาทยึสุ. มหาชโน ทฺวินฺนมฺปิ วาทิเตน ตุฏฺโ อุกฺกุฏฺิสหสฺสานิ ปวตฺเตสิ. สกฺโก อากาเส ตฺวา โพธิสตฺตฺเว สาเวนฺโต ‘‘เอกํ ตนฺตึ ฉินฺทา’’ติ อาห. โพธิสตฺโต ตนฺตึ ฉินฺทิ, สา ฉินฺนาปิ ฉินฺนโกฏิยา สรํ มฺุจเตว, เทวคนฺธพฺพํ วิย วตฺตติ. มูสิโลปิ ตนฺตึ ฉินฺทิ, ตโต สทฺโท น นิกฺขมิ. อาจริโย ทุติยมฺปิ ฉินฺทิ ¶ …เป… สตฺตมมฺปิ ฉินฺทิ. สุทฺธทณฺฑกํ วาเทนฺตสฺส สทฺโท นครํ ฉาเทตฺวา อฏฺาสิ. เจลุกฺเขปสหสฺสานิ เจว อุกฺกุฏฺิสหสฺสานิ ¶ จ ปวตฺตยึสุ. โพธิสตฺโต เอกํ ปาสกํ อากาเส ขิปิ, ตีณิ อจฺฉราสตานิ โอตริตฺวา นจฺจึสุ. เอวํ ทุติเย จ ตติเย จ ขิตฺเต ตีณิ ตีณิ อจฺฉราสตานิ โอตริตฺวา วุตฺตนเยเนว นจฺจึสุ.
ตสฺมึ ขเณ ราชา มหาชนสฺส อิงฺคิตสฺํ อทาสิ, มหาชโน อุฏฺาย ‘‘ตฺวํ อาจริเยน สทฺธึ วิรุชฺฌิตฺวา ‘สมการํ กโรมี’ติ วายมสิ, อตฺตโน ปมาณํ น ชานาสี’’ติ มูสิลํ ตชฺเชตฺวา คหิตคหิเตเหว ปาสาณทณฺฑาทีหิ สํจุณฺเณตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปตฺวา ปาเท คเหตฺวา สงฺการฏฺาเน ฉฑฺเฑสิ. ราชา ตุฏฺจิตฺโต ฆนวสฺสํ วสฺสาเปนฺโต วิย โพธิสตฺตสฺส พหุํ ธนํ อทาสิ, ตถา นาครา. สกฺโก โพธิสตฺเตน สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘อหํ เต, ปณฺฑิต, สหสฺสยุตฺตํ อาชฺรถํ คาหาเปตฺวา ปจฺฉา มาตลึ เปเสสฺสามิ, ตฺวํ สหสฺสยุตฺตํ เวชยนฺตรถวรํ อภิรุยฺห เทวโลกํ อาคจฺเฉยฺยาสี’’ติ วตฺวา ปกฺกามิ.
อถ นํ คนฺตฺวา ปณฺฑุกมฺพลสิลายํ นิสินฺนํ ‘‘กหํ คตาตฺถ, มหาราชา’’ติ เทวธีตโร ปุจฺฉึสุ. สกฺโก ตาสํ ตํ การณํ วิตฺถาเรน กเถตฺวา โพธิสตฺตสฺส สีลฺจ คุณฺจ วณฺเณสิ. เทวธีตโร ‘‘มหาราช, มยมฺปิ อาจริยํ ทฏฺุกามา, อิธ นํ อาเนหี’’ติ อาหํสุ. สกฺโก มาตลึ อามนฺเตตฺวา ‘‘ตาต, เทวจฺฉรา คุตฺติลคนฺธพฺพํ ทฏฺุกามา, คจฺฉ นํ เวชยนฺตรเถ นิสีทาเปตฺวา ¶ อาเนหี’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ คนฺตฺวา โพธิสตฺตํ อาเนสิ. สกฺโก โพธิสตฺเตน สทฺธึ สมฺโมทิตฺวา ‘‘เทวกฺา กิร เต, อาจริย, คนฺธพฺพํ โสตุกามา’’ติ อาห. ‘‘มยํ มหาราช, คนฺธพฺพา นาม สิปฺปํ นิสฺสาย ชีวาม, มูลํ ลภนฺตา วาเทยฺยามา’’ติ. ‘‘วาเทหิ, อหํ เต มูลํ ทสฺสามี’’ติ. ‘‘น มยฺหํ อฺเน มูเลนตฺโถ, อิมา ปน เทวธีตโร อตฺตโน อตฺตโน กลฺยาณกมฺมํ กเถนฺตุ, เอวาหํ วาเทสฺสามี’’ติ ¶ . อถ นํ เทวธีตโร อาหํสุ – ‘‘อมฺเหหิ กตํ กลฺยาณกมฺมํ ปจฺฉา ตุมฺหากํ กเถสฺสาม, คนฺธพฺพํ กโรหิ อาจริยา’’ติ. โพธิสตฺโต สตฺตาหํ เทวตานํ คนฺธพฺพํ อกาสิ, ตํ ทิพฺพคนฺธพฺพํ อภิภวิตฺวา ปวตฺติ. สตฺตเม ทิวเส อาทิโต ปฏฺาย เทวธีตานํ กลฺยาณกมฺมํ ปุจฺฉิ. เอกํ กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล เอกสฺส ภิกฺขุโน อุตฺตมวตฺถํ ¶ ทตฺวา สกฺกสฺส ปริจาริกา หุตฺวา นิพฺพตฺตํ อจฺฉราสหสฺสปริวารํ อุตฺตมวตฺถเทวกฺํ ‘‘ตฺวํ ปุริมภเว กึ กมฺมํ กตฺวา นิพฺพตฺตา’’ติ ปุจฺฉิ. ตสฺส ปุจฺฉนากาโร จ วิสฺสชฺชนา จ วิมานวตฺถุมฺหิ อาคตเมว. วุตฺตฺหิ ตตฺถ –
‘‘อภิกฺกนฺเตน วณฺเณน, ยา ตฺวํ ติฏฺสิ เทวเต;
โอภาเสนฺตี ทิสา สพฺพา, โอสธี วิย ตารกา.
‘‘เกน เตตาทิโส วณฺโณ, เกน เต อิธ มิชฺฌติ;
อุปฺปชฺชนฺติ จ เต โภคา, เย เกจิ มนโส ปิยา.
‘‘ปุจฺฉามิ ตํ เทวิ มหานุภาเว, มนุสฺสภูตา กิมกาสิ ปฺุํ;
เกนาสิ เอวํ ชลิตานุภาวา, วณฺโณ จ เต สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ.
‘‘วตฺถุตฺตมทายิกา นารี, ปวรา โหติ นเรสุ นารีสุ;
เอวํ ปิยรูปทายิกา มนาปํ, ทิพฺพํ สา ลภเต อุเปจฺจ านํ.
‘‘ตสฺสา เม ปสฺส วิมานํ, อจฺฉรา กามวณฺณินีหมสฺมิ;
อจฺฉราสหสฺสสฺสาหํ, ปวรา ปสฺส ปฺุานํ วิปากํ.
‘‘เตน เมตาทิโส วณฺโณ, เตน เม อิธ มิชฺฌติ;
อุปฺปชฺชนฺติ จ เม โภคา, เย เกจิ มนโส ปิยา.
‘‘เตนมฺหิ ¶ เอวํ ชลิตานุภาวา;
วณฺโณ จ เม สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ. (วิ. ว. ๓๒๙-๓๓๑, ๓๓๓-๓๓๖);
อปรา ¶ ปิณฺฑาย จรมานสฺส ภิกฺขุโน ปูชนตฺถาย ปุปฺผานิ อทาสิ, อปรา ‘‘เจติเย คนฺธปฺจงฺคุลิกํ เทถา’’ติ คนฺเธ อทาสิ, อปรา มธุรานิ ผลาผลานิ อทาสิ, อปรา อุจฺฉุรสํ อทาสิ, อปรา กสฺสปทสพลสฺส เจติเย คนฺธปฺจงฺคุลิกํ อทาสิ, อปรา มคฺคปฏิปนฺนานํ ภิกฺขูนํ ภิกฺขุนีนฺจ กุลเคเห วาสํ อุปคตานํ สนฺติเก ธมฺมํ อสฺโสสิ, อปรา นาวาย อุปกฏฺาย เวลาย ภุตฺตสฺส ภิกฺขุโน อุทเก ตฺวา อุทกํ อทาสิ, อปรา อคารมชฺเฌ วสมานา อกฺโกธนา หุตฺวา สสฺสุสสุรวตฺตํ อกาสิ, อปรา อตฺตโน ลทฺธโกฏฺาสโตปิ สํวิภาคํ กตฺวาว ¶ ปริภฺุชิ, สีลวตี จ อโหสิ, อปรา ปรเคเห ทาสี หุตฺวา นิกฺโกธนา นิมฺมานา อตฺตโน ลทฺธโกฏฺาสโต สํวิภาคํ กตฺวา เทวรฺโ ปริจาริกา หุตฺวา นิพฺพตฺตา (วิ. ว. อฏฺ. ๓๒๘-๓๓๖). เอวํ สพฺพาปิ คุตฺติลวิมานวตฺถุสฺมึ อาคตา ฉตฺตึส เทวธีตา ยํ ยํ กมฺมํ กตฺวา ตตฺถ นิพฺพตฺตา, สพฺพํ โพธิสตฺโต ปุจฺฉิ. ตาปิสฺส อตฺตโน กตกมฺมํ คาถาหิเยว กเถสุํ. ตํ สุตฺวา โพธิสตฺโต ‘‘ลาภา วต เม, สุลทฺธํ วต เม, สฺวาหํ อิธาคนฺตฺวา อปฺปมตฺตเกนปิ กมฺเมน ปฏิลทฺธทิพฺพสมฺปตฺติโย อสฺโสสึ. อิโต ทานิ ปฏฺาย มนุสฺสโลกํ คนฺตฺวา ทานาทีนิ กุสลกมฺมาเนว กริสฺสามี’’ติ วตฺวา อิมํ อุทานํ อุทาเนสิ –
‘‘สฺวาคตํ วต เม อชฺช, สุปฺปภาตํ สุหุฏฺิตํ;
ยํ อทฺทสามิ เทวตาโย, อจฺฉรากามวณฺณิโย.
‘‘อิมาสาหํ ¶ ธมฺมํ สุตฺวา, กาหามิ กุสลํ พหุํ;
ทาเนน สมจริยาย, สํยเมน ทเมน จ;
สฺวาหํ ตตฺถ คมิสฺสามิ, ยตฺถ คนฺตฺวา น โสจเร’’ติ. (วิ. ว. ๖๑๗-๖๑๘);
อถ นํ สตฺตาหจฺจเยน เทวราชา มาตลิสงฺคาหกํ อาณาเปตฺวา รเถ นิสีทาเปตฺวา พาราณสิเมว เปเสสิ. โส พาราณสึ คนฺตฺวา เทวโลเก อตฺตนา ทิฏฺการณํ มนุสฺสานํ อาจิกฺขิ. ตโต ปฏฺาย มนุสฺสา สอุสฺสาหา ปฺุานิ กาตุํ มฺึสุ.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา มูสิโล เทวทตฺโต อโหสิ, สกฺโก อนุรุทฺโธ, ราชา อานนฺโท, คุตฺติลคนฺธพฺโพ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
คุตฺติลชาตกวณฺณนา ตติยา.
[๒๔๔] ๔. วิคติจฺฉชาตกวณฺณนา
ยํ ¶ ปสฺสติ น ตํ อิจฺฉตีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ ปลายิกํ ปริพฺพาชกํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิร สกลชมฺพุทีเป ปฏิวาทํ อลภิตฺวา สาวตฺถึ อาคนฺตฺวา ‘‘โก มยา สทฺธึ วาทํ กาตุํ สมตฺโถ’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ สุตฺวา มหาชนปริวุโต เชตวนํ คนฺตฺวา ภควนฺตํ จตุปริสมชฺเฌ ธมฺมํ เทเสนฺตํ ปฺหํ ปุจฺฉิ. อถสฺส สตฺถา ตํ วิสฺสชฺเชตฺวา ‘‘เอกํ นาม กิ’’นฺติ ปฺหํ ปุจฺฉิ, โส ตํ กเถตุํ อสกฺโกนฺโต อุฏฺาย ปลายิ. นิสินฺนปริสา ‘‘เอกปเทเนว โว, ภนฺเต, ปริพฺพาชโก นิคฺคหิโต’’ติ อาหํสุ. สตฺถา ‘‘นาหํ, อุปาสกา, อิทาเนเวตํ เอกปเทเนว นิคฺคณฺหามิ, ปุพฺเพปิ นิคฺคณฺหึเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต กาสิรฏฺเ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต กาเม ปหาย อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ทีฆรตฺตํ หิมวนฺเต ¶ วสิ. โส ปพฺพตา โอรุยฺห เอกํ นิคมคามํ นิสฺสาย คงฺคานิวตฺตเน ปณฺณสาลายํ วาสํ กปฺเปสิ. อเถโก ปริพฺพาชโก สกลชมฺพุทีเป ปฏิวาทํ อลภิตฺวา ตํ นิคมํ ปตฺวา ‘‘อตฺถิ นุ โข โกจิ มยา สทฺธึ วาทํ กาตุํ สมตฺโถ’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อตฺถี’’ติ โพธิสตฺตสฺส อานุภาวํ สุตฺวา มหาชนปริวุโต ตสฺส วสนฏฺานํ คนฺตฺวา ปฏิสนฺถารํ กตฺวา นิสีทิ. อถ นํ โพธิสตฺโต ‘‘วณฺณคนฺธปริภาวิตํ คงฺคาปานียํ ปิวิสฺสตี’’ติ ปุจฺฉิ. ปริพฺพาชโก วาเทน โอตฺถรนฺโต ‘‘กา คงฺคา, วาลุกา คงฺคา, อุทกํ คงฺคา, โอริมตีรํ คงฺคา, ปาริมตีรํ คงฺคา’’ติ อาห. โพธิสตฺโต ‘‘ตฺวํ ปน, ปริพฺพาชก, เปตฺวา อุทกํ วาลุกํ โอริมตีรํ ปาริมตีรฺจ กหํ คงฺคํ ลภิสฺสสี’’ติ อาห. ปริพฺพาชโก อปฺปฏิภาโน หุตฺวา อุฏฺาย ปลายิ. ตสฺมึ ปลาเต โพธิสตฺโต นิสินฺนปริสาย ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อโวจ –
‘‘ยํ ปสฺสติ น ตํ อิจฺฉติ, ยฺจ น ปสฺสติ ตํ กิริจฺฉติ;
มฺามิ จิรํ จริสฺสติ, น หิ ตํ ลจฺฉติ ยํ ส อิจฺฉติ.
‘‘ยํ ¶ ลภติ น เตน ตุสฺสติ, ยฺจ ปตฺเถติ ลทฺธํ หีเฬติ;
อิจฺฉา หิ อนนฺตโคจรา, วิคติจฺฉาน นโม กโรมเส’’ติ.
ตตฺถ ¶ ยํ ปสฺสตีติ ยํ อุทกาทึ ปสฺสติ, ตํ คงฺคาติ น อิจฺฉติ. ยฺจ น ปสฺสตีติ ยฺจ อุทกาทิวินิมุตฺตํ คงฺคํ น ปสฺสติ, ตํ กิริจฺฉติ. มฺามิ จิรํ จริสฺสตีติ อหํ เอวํ มฺามิ – อยํ ปริพฺพาชโก เอวรูปํ คงฺคํ ปริเยสนฺโต จิรํ จริสฺสติ. ยถา วา อุทกาทิวินิมุตฺตํ คงฺคํ, เอวํ รูปาทิวินิมุตฺตํ อตฺตานมฺปิ ปริเยสนฺโต สํสาเร จิรํ ¶ จริสฺสติ. น หิ ตํ ลจฺฉตีติ จิรํ จรนฺโตปิ ยํ ตํ เอวรูปํ คงฺคํ วา อตฺตานํ วา อิจฺฉติ, ตํ น ลจฺฉติ. ยํ ลภตีติ ยํ อุทกํ วา รูปาทึ วา ลภติ, เตน น ตุสฺสติ. ยฺจ ปตฺเถติ ลทฺธํ หีเฬตีติ เอวํ ลทฺเธน อตุสฺสนฺโต ยํ ยํ สมฺปตฺตึ ปตฺเถติ, ตํ ตํ ลภิตฺวา ‘‘กึ เอตายา’’ติ หีเฬติ อวมฺติ. อิจฺฉา หิ อนนฺตโคจราติ ลทฺธํ หีเฬตฺวา อฺมฺํ อารมฺมณํ อิจฺฉนโต อยํ อิจฺฉา นาม ตณฺหา อนนฺตโคจรา. วิคติจฺฉาน นโม กโรมเสติ ตสฺมา เย วิคติจฺฉา พุทฺธาทโย, เตสํ มยํ นมกฺการํ กโรมาติ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ปริพฺพาชโก เอตรหิ ปริพฺพาชโก อโหสิ, ตาปโส ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
วิคติจฺฉชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.
[๒๔๕] ๕. มูลปริยายชาตกวณฺณนา
กาโล ฆสติ ภูตานีติ อิทํ สตฺถา อุกฺกฏฺํ นิสฺสาย สุภควเน วิหรนฺโต มูลปริยายสุตฺตนฺตํ อารพฺภ กเถสิ. ตทา กิร ปฺจสตา พฺราหฺมณา ติณฺณํ เวทานํ ปารคู สาสเน ปพฺพชิตฺวา ตีณิ ปิฏกานิ อุคฺคณฺหิตฺวา มานมทมตฺตา หุตฺวา ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺโธปิ ตีเณว ปิฏกานิ ชานาติ, มยมฺปิ ตานิ ชานาม, เอวํ สนฺเต กึ ตสฺส อมฺเหหิ นานากรณ’’นฺติ พุทฺธุปฏฺานํ น คจฺฉนฺติ, ปฏิปกฺขา หุตฺวา จรนฺติ.
อเถกทิวสํ สตฺถา เตสุ อาคนฺตฺวา อตฺตโน สนฺติเก นิสินฺเนสุ อฏฺหิ ภูมีหิ ปฏิมณฺเฑตฺวา มูลปริยายสุตฺตนฺตํ กเถสิ, เต น กิฺจิ สลฺลกฺเขสุํ. อถ เนสํ เอตทโหสิ – ‘‘มยํ ¶ อมฺเหหิ สทิสา ปณฺฑิตา นตฺถี’ติ ¶ มานํ กโรม, อิทานิ ปน น กิฺจิ ชานาม, พุทฺเธหิ สทิโส ปณฺฑิโต นาม นตฺถิ, อโห พุทฺธคุณา นามา’’ติ. เต ตโต ปฏฺาย นิหตมานา หุตฺวา อุทฺธฏทาา วิย สปฺปา นิพฺพิเสวนา ชาตา. สตฺถา อุกฺกฏฺายํ ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวา เวสาลึ คนฺตฺวา โคตมกเจติเย โคตมกสุตฺตนฺตํ นาม กเถสิ, ทสสหสฺสิโลกธาตุ กมฺปิ, ตํ สุตฺวา เต ภิกฺขู อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. มูลปริยายสุตฺตนฺตปริโยสาเน ปน สตฺถริ อุกฺกฏฺายํ วิหรนฺเตเยว ภิกฺขู ¶ ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, อโห พุทฺธานํ อานุภาโว, เต นาม พฺราหฺมณปพฺพชิตา ตถา มานมทมตฺตา ภควตา มูลปริยายเทสนาย นิหตมานา กตา’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปาหํ อิเม เอวํ มานปคฺคหิตสิเร วิจรนฺเต นิหตมาเน อกาสึเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ติณฺณํ เวทานํ ปารคู ทิสาปาโมกฺโข อาจริโย หุตฺวา ปฺจ มาณวกสตานิ มนฺเต วาเจสิ. เต ปฺจสตาปิ นิฏฺิตสิปฺปา สิปฺเป อนุโยคํ ทตฺวา ‘‘ยตฺตกํ มยํ ชานาม, อาจริโยปิ ตตฺตกเมว, วิเสโส นตฺถี’’ติ มานตฺถทฺธา หุตฺวา อาจริยสฺส สนฺติกํ น คจฺฉนฺติ, วตฺตปฏิวตฺตํ น กโรนฺติ. เต เอกทิวสํ อาจริเย พทริรุกฺขมูเล นิสินฺเน ตํ วมฺเภตุกามา พทริรุกฺขํ นเขน อาโกเฏตฺวา ‘‘นิสฺสาโรวายํ รุกฺโข’’ติ อาหํสุ. โพธิสตฺโต อตฺตโน วมฺภนภาวํ ตฺวา อนฺเตวาสิเก ‘‘เอกํ โว ปฺหํ ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ อาห. เต หฏฺตุฏฺา ‘‘วเทถ, กเถสฺสามา’’ติ. อาจริโย ปฺหํ ปุจฺฉนฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘กาโล ฆสติ ภูตานิ, สพฺพาเนว สหตฺตนา;
โย จ กาลฆโส ภูโต, ส ภูตปจนึ ปจี’’ติ.
ตตฺถ กาโลติ ปุเรภตฺตกาโลปิ ปจฺฉาภตฺตกาโลปีติ เอวมาทิ. ภูตานีติ สตฺตาธิวจนเมตํ, น กาโล ภูตานํ จมฺมมํสาทีนิ ลฺุจิตฺวา ขาทติ, อปิจ โข เนสํ อายุวณฺณพลานิ เขเปนฺโต โยพฺพฺํ ¶ มทฺทนฺโต อาโรคฺยํ วินาเสนฺโต ฆสติ ขาทตีติ วุจฺจติ. เอวํ ฆสนฺโต จ น กิฺจิ วชฺเชติ, สพฺพาเนว ฆสติ. น เกวลฺจ ภูตาเนว, อปิจ โข สหตฺตนา อตฺตานมฺปิ ฆสติ, ปุเรภตฺตกาโล ปจฺฉาภตฺตกาลํ น ปาปุณาติ. เอส นโย ปจฺฉาภตฺตกาลาทีสุ. โย จ กาลฆโส ภูโตติ ขีณาสวสฺเสตํ อธิวจนํ ¶ . โส หิ อริยมคฺเคน อายตึ ปฏิสนฺธิกาลํ เขเปตฺวา ขาทิตฺวา ิตตฺตา ‘‘กาลฆโส ภูโต’’ติ วุจฺจติ ¶ . ส ภูตปจนึ ปจีติ โส ยายํ ตณฺหา อปาเยสุ ภูเต ปจติ, ตํ าณคฺคินา ปจิ ทหิ ภสฺมมกาสิ, เตน ‘‘ภูตปจนึ ปจี’’ติ วุจฺจติ. ‘‘ปชนิ’’นฺติปิ ปาโ, ชนิกํ นิพฺพตฺตกินฺติ อตฺโถ.
อิมํ ปฺหํ สุตฺวา มาณเวสุ เอโกปิ ชานิตุํ สมตฺโถ นาม นาโหสิ. อถ เน โพธิสตฺโต ‘‘มา โข ตุมฺเห ‘อยํ ปฺโห ตีสุ เวเทสุ อตฺถี’ติ สฺํ อกตฺถ, ตุมฺเห ‘ยมหํ ชานามิ, ตํ สพฺพํ ชานามา’ติ มฺมานา มํ พทริรุกฺขสทิสํ กโรถ, มม ตุมฺเหหิ อฺาตสฺส พหุโน ชานนภาวํ น ชานาถ, คจฺฉถ สตฺตเม ทิวเส กาลํ ทมฺมิ, เอตฺตเกน กาเลน อิมํ ปฺหํ จินฺเตถา’’ติ. เต โพธิสตฺตํ วนฺทิตฺวา อตฺตโน อตฺตโน วสนฏฺานํ คนฺตฺวา สตฺตาหํ จินฺเตตฺวาปิ ปฺหสฺส เนว อนฺตํ, น โกฏึ ปสฺสึสุ. เต สตฺตมทิวเส อาจริยสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา นิสีทิตฺวา ‘‘กึ, ภทฺรมุขา, ชานิตฺถ ปฺห’’นฺติ วุตฺเต ‘‘น ชานามา’’ติ วทึสุ. อถ โพธิสตฺโต เต ครหมาโน ทุติยํ คาถมาห –
‘‘พหูนิ นรสีสานิ, โลมสานิ พฺรหานิ จ;
คีวาสุ ปฏิมุกฺกานิ, โกจิเทเวตฺถ กณฺณวา’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – พหูนิ นรานํ สีสานิ ทิสฺสนฺติ, สพฺพานิ จ ตานิ โลมสานิ, สพฺพานิ มหนฺตานิ คีวาสุเยว ปิตานิ, น ตาลผลํ วิย หตฺเถน คหิตานิ, นตฺถิ เตสํ อิเมหิ ธมฺเมหิ นานากรณํ. เอตฺถ ปน โกจิเทว กณฺณวาติ อตฺตานํ สนฺธายาห. กณฺณวาติ ปฺวา, กณฺณฉิทฺทํ ปน น กสฺสจิ นตฺถิ. อิติ เต มาณวเก ‘‘กณฺณฉิทฺทมตฺตเมว ตุมฺหากํ พาลานํ อตฺถิ, น ปฺา’’ติ ครหิตฺวา ปฺหํ วิสฺสชฺเชสิ. เต สุตฺวา ¶ – ‘‘อโห ¶ อาจริยา นาม มหนฺตา’’ติ ขมาเปตฺวา นิหตมานา โพธิสตฺตํ อุปฏฺหึสุ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ปฺจสตา มาณวกา อิเม ภิกฺขู อเหสุํ, อาจริโย ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
มูลปริยายชาตกวณฺณนา ปฺจมา.
[๒๔๖] ๖. พาโลวาทชาตกวณฺณนา
หนฺตฺวา ¶ เฉตฺวา วธิตฺวา จาติ อิทํ สตฺถา เวสาลึ อุปนิสฺสาย กูฏาคารสาลายํ วิหรนฺโต สีหเสนาปตึ อารพฺภ กเถสิ. โส หิ ภควนฺตํ สรณํ คนฺตฺวา นิมนฺเตตฺวา ปุนทิวเส สมํสกภตฺตํ อทาสิ. นิคณฺา ตํ สุตฺวา กุปิตา อนตฺตมนา ตถาคตํ วิเหเตุกามา ‘‘สมโณ โคตโม ชานํ อุทฺทิสฺสกตํ มํสํ ภฺุชตี’’ติ อกฺโกสึสุ. ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, นิคณฺโ นาฏปุตฺโต ‘สมโณ โคตโม ชานํ อุทฺทิสฺสกตํ มํสํ ภฺุชตี’ติ สทฺธึ ปริสาย อกฺโกสนฺโต อาหิณฺฑตี’’ติ. ตํ สุตฺวา สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, นิคณฺโ นาฏปุตฺโต อิทาเนว มํ อุทฺทิสฺสกตมํสขาทเนน ครหติ, ปุพฺเพปิ ครหิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา โลณมฺพิลเสวนตฺถาย หิมวนฺตโต พาราณสึ คนฺตฺวา ปุนทิวเส นครํ ภิกฺขาย ปาวิสิ. อเถโก กุฏุมฺพิโก ‘‘ตาปสํ วิเหเสฺสามี’’ติ ฆรํ ปเวเสตฺวา ปฺตฺตาสเน นิสีทาเปตฺวา มจฺฉมํเสน ปริวิสิตฺวา ภตฺตกิจฺจาวสาเน เอกมนฺตํ นิสีทิตฺวา ‘‘อิมํ มํสํ ตุมฺเหเยว อุทฺทิสฺส ปาเณ มาเรตฺวา กตํ, อิทํ อกุสลํ มา อมฺหากเมว, ตุมฺหากมฺปิ โหตู’’ติ วตฺวา ปมํ คาถมาห –
‘‘หนฺตฺวา เฉตฺวา วธิตฺวา จ, เทติ ทานํ อสฺโต;
เอทิสํ ภตฺตํ ภฺุชมาโน, ส ปาเปน อุปลิปฺปตี’’ติ.
ตตฺถ ¶ ¶ หนฺตฺวาติ ปหริตฺวา. เฉตฺวาติ กิลเมตฺวา. วธิตฺวาติ มาเรตฺวา. เทติ ทานํ อสฺโตติ อสฺโต ทุสฺสีโล เอวํ กตฺวา ทานํ เทติ. เอทิสํ ภตฺตํ ภฺุชมาโน, ส ปาเปน อุปลิปฺปตีติ เอทิสํ อุทฺทิสฺสกตภตฺตํ ภฺุชมาโน โส สมโณปิ ปาเปน อุปลิปฺปติ สํยุชฺชติเยวาติ.
ตํ สุตฺวา โพธิสตฺโต ทุติยํ คาถมาห –
‘‘ปุตฺตทารมฺปิ เจ หนฺตฺวา, เทติ ทานํ อสฺโต;
ภฺุชมาโนปิ สปฺปฺโ, น ปาเปน อุปลิปฺปตี’’ติ.
ตตฺถ ¶ ภฺุชมาโนปิ สปฺปฺโติ ติฏฺตุ อฺํ มํสํ, ปุตฺตทารํ วธิตฺวาปิ ทุสฺสีเลน ทินฺนํ สปฺปฺโ ขนฺติเมตฺตาทิคุณสมฺปนฺโน ตํ ภฺุชมาโนปิ ปาเปน น อุปลิปฺปตีติ. เอวมสฺส โพธิสตฺโต ธมฺมํ กเถตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกามิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา กุฏุมฺพิโก นิคณฺโ นาฏปุตฺโต อโหสิ, ตาปโส ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
พาโลวาทชาตกวณฺณนา ฉฏฺา.
[๒๔๗] ๗. ปาทฺชลิชาตกวณฺณนา
อทฺธา ปาทฺชลี สพฺเพติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ลาฬุทายีเถรํ อารพฺภ กเถสิ. เอกสฺมิฺหิ ทิวเส ทฺเว อคฺคสาวกา ปฺหํ วินิจฺฉินนฺติ, ภิกฺขู ปฺหํ สุณนฺตา เถเร ปสํสนฺติ. ลาฬุทายีเถโร ปน ปริสนฺตเร นิสินฺโน ‘‘เอเต อมฺเหหิ สมํ กึ ชานนฺตี’’ติ โอฏฺํ ภฺชิ. ตํ ทิสฺวา เถรา อุฏฺาย ปกฺกมึสุ, ปริสา ภิชฺชิ. ธมฺมสภายํ ภิกฺขู กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส ลาฬุทายี, ทฺเว อคฺคสาวเก ครหิตฺวา โอฏฺํ ภฺชี’’ติ. ตํ สุตฺวา สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ ลาฬุทายี เปตฺวา โอฏฺภฺชนํ ตโต อุตฺตริ อฺํ น ชานาตี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต ¶ ¶ พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส อตฺถธมฺมานุสาสโก อมจฺโจ อโหสิ. รฺโ ปาทฺชลี นาม ปุตฺโต ลาโล ทนฺธปริสกฺกโน อโหสิ. อปรภาเค ราชา กาลมกาสิ. อมจฺจา รฺโ มตกิจฺจานิ กตฺวา ‘‘ตํ รชฺเช อภิสิฺจิสฺสามา’’ติ มนฺตยมานา ราชปุตฺตํ ปาทฺชลึ อาหํสุ. โพธิสตฺโต ปน ‘‘อยํ กุมาโร ลาโล ทนฺธปริสกฺกโน, ปริคฺคเหตฺวา นํ อภิสิฺจิสฺสามา’’ติ อาห. อมจฺจา วินิจฺฉยํ สชฺเชตฺวา กุมารํ สมีเป นิสีทาเปตฺวา อฑฺฑํ วินิจฺฉินนฺตา น สมฺมา วินิจฺฉินึสุ. เต อสฺสามิกํ สามิกํ กตฺวา กุมารํ ปุจฺฉึสุ – ‘‘กีทิสํ, กุมาร, สุฏฺุ อฑฺฑํ วินิจฺฉินิมฺหา’’ติ. โส โอฏฺํ ภฺชิ. โพธิสตฺโต ‘‘ปณฺฑิโต วต มฺเ กุมาโร, อสมฺมาวินิจฺฉิตภาโว เตน าโต ภวิสฺสตี’’ติ มฺมาโน ปมํ คาถมาห –
‘‘อทฺธา ¶ ปาทฺชลี สพฺเพ, ปฺาย อติโรจติ;
ตถา หิ โอฏฺํ ภฺชติ, อุตฺตรึ นูน ปสฺสตี’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – เอกํเสน ปาทฺชลิกุมาโร สพฺเพ อมฺเห ปฺาย อติโรจติ. ตถา หิ โอฏฺํ ภฺชติ, นูน อุตฺตรึ อฺํ การณํ ปสฺสตีติ.
เต อปรสฺมิมฺปิ ทิวเส วินิจฺฉยํ สชฺเชตฺวา อฺํ อฑฺฑํ สุฏฺุ วินิจฺฉินิตฺวา ‘‘กีทิสํ, เทว, สุฏฺุ วินิจฺฉินิต’’นฺติ ปุจฺฉึสุ. โส ปุนปิ โอฏฺเมว ภฺชิ. อถสฺส อนฺธพาลภาวํ ตฺวา โพธิสตฺโต ทุติยํ คาถมาห –
‘‘นายํ ธมฺมํ อธมฺมํ วา, อตฺถานตฺถฺจ พุชฺฌติ;
อฺตฺร โอฏฺนิพฺโภคา, นายํ ชานาติ กิฺจน’’นฺติ.
อมจฺจา ปาทฺชลิกุมารสฺส ลาลภาวํ ตฺวา โพธิสตฺตํ รชฺเช อภิสิฺจึสุ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ปาทฺชลี ลาฬุทายี อโหสิ, ปณฺฑิตามจฺโจ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
ปาทฺชลิชาตกวณฺณนา สตฺตมา.
[๒๔๘] ๘. กึสุโกปมชาตกวณฺณนา
สพฺเพหิ ¶ ¶ กึสุโก ทิฏฺโติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต กึสุโกปมสุตฺตนฺตํ อารพฺภ กเถสิ. จตฺตาโร หิ ภิกฺขู ตถาคตํ อุปสงฺกมิตฺวา กมฺมฏฺานํ ยาจึสุ, สตฺถา เตสํ กมฺมฏฺานํ กเถสิ. เต กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา อตฺตโน รตฺติฏฺานทิวาฏฺานานิ อคมึสุ. เตสุ เอโก ฉ ผสฺสายตนานิ ปริคฺคณฺหิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ, เอโก ปฺจกฺขนฺเธ, เอโก จตฺตาโร มหาภูเต, เอโก อฏฺารส ธาตุโย. เต อตฺตโน อตฺตโน อธิคตวิเสสํ สตฺถุ อาโรเจสุํ. อเถกสฺส ภิกฺขุโน ปริวิตกฺโก อุทปาทิ – ‘‘อิเมสํ กมฺมฏฺานานิ นานา, นิพฺพานํ เอกํ, กถํ สพฺเพหิ อรหตฺตํ ปตฺต’’นฺติ. โส สตฺถารํ ปุจฺฉิ. สตฺถา ‘‘กึ เต, ภิกฺขุ, กึสุกทิฏฺภาติเกหิ นานตฺต’’นฺติ วตฺวา ‘‘อิทํ โน, ภนฺเต, การณํ กเถถา’’ติ ภิกฺขูหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต ¶ พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต ตสฺส จตฺตาโร ปุตฺตา อเหสุํ. เต เอกทิวสํ สารถึ ปกฺโกเสตฺวา ‘‘มยํ, สมฺม, กึสุกํ ทฏฺุกามา, กึสุกรุกฺขํ โน ทสฺเสหี’’ติ อาหํสุ. สารถิ ‘‘สาธุ, ทสฺเสสฺสามี’’ติ วตฺวา จตุนฺนมฺปิ เอกโต อทสฺเสตฺวา เชฏฺราชปุตฺตํ ตาว รเถ นิสีทาเปตฺวา อรฺํ เนตฺวา ‘‘อยํ กึสุโก’’ติ ขาณุกกาเล กึสุกํ ทสฺเสสิ. อปรสฺส พหลปลาสกาเล, อปรสฺส ปุปฺผิตกาเล, อปรสฺส ผลิตกาเล. อปรภาเค จตฺตาโรปิ ภาตโร เอกโต นิสินฺนา ‘‘กึสุโก นาม กีทิโส’’ติ กถํ สมุฏฺาเปสุํ. ตโต เอโก ‘‘เสยฺยาถาปิ ฌามถูโณ’’ติ อาห. ทุติโย ‘‘เสยฺยถาปิ นิคฺโรธรุกฺโข’’ติ, ตติโย ‘‘เสยฺยถาปิ มํสเปสี’’ติ, จตุตฺโถ ‘‘เสยฺยถาปิ สิรีโส’’ติ. เต อฺมฺสฺส กถาย อปริตุฏฺา ปิตุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘เทว, กึสุโก นาม กีทิโส’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ตุมฺเหหิ กึ กถิต’’นฺติ วุตฺเต อตฺตนา กถิตนีหารํ รฺโ กเถสุํ. ราชา ‘‘จตูหิปิ ตุมฺเหหิ กึสุโก ทิฏฺโ, เกวลํ โว กึสุกสฺส ทสฺเสนฺโต สารถิ ‘อิมสฺมึ กาเล กึสุโก กีทิโส ¶ , อิมสฺมึ กีทิโส’ติ วิภชิตฺวา น ปุจฺฉิโต, เตน โว กงฺขา อุปฺปนฺนา’’ติ วตฺวา ปมํ คาถมาห –
‘‘สพฺเพหิ ¶ กึสุโก ทิฏฺโ, กึ นฺเวตฺถ วิจิกิจฺฉถ;
น หิ สพฺเพสุ าเนสุ, สารถี ปริปุจฺฉิโต’’ติ.
ตตฺถ น หิ สพฺเพสุ าเนสุ, สารถี ปริปุจฺฉิโตติ สพฺเพหิ โว กึสุโก ทิฏฺโ, กึ นุ ตุมฺเห เอตฺถ วิจิกิจฺฉถ, สพฺเพสุ าเนสุ กึสุโกเวโส, ตุมฺเหหิ ปน น หิ สพฺเพสุ าเนสุ สารถิ ปริปุจฺฉิโต, เตน โว กงฺขา อุปฺปนฺนาติ.
สตฺถา อิมํ การณํ ทสฺเสตฺวา ‘‘ยถา, ภิกฺขุ, เต จตฺตาโร ภาติกา วิภาคํ กตฺวา อปุจฺฉิตตฺตา กึสุเก กงฺขํ อุปฺปาเทสุํ, เอวํ ตฺวมฺปิ อิมสฺมึ ธมฺเม กงฺขํ อุปฺปาเทสี’’ติ วตฺวา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘เอวํ สพฺเพหิ าเณหิ, เยสํ ธมฺมา อชานิตา;
เต เว ธมฺเมสุ กงฺขนฺติ, กึสุกสฺมึว ภาตโร’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – ยถา เต ภาตโร สพฺเพสุ าเนสุ กึสุกสฺส อทิฏฺตฺตา กงฺขึสุ, เอวํ สพฺเพหิ วิปสฺสนาาเณหิ เยสํ สพฺเพ ฉผสฺสายตนขนฺธภูตธาตุเภทา ธมฺมา อชานิตา, โสตาปตฺติมคฺคสฺส ¶ อนธิคตตฺตา อปฺปฏิวิทฺธา, เต เว เตสุ ผสฺสายตนาทิธมฺเมสุ กงฺขนฺติ ยถา เอกสฺมึเยว กึสุกสฺมึ จตฺตาโร ภาตโรติ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา พาราณสิราชา อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
กึสุโกปมชาตกวณฺณนา อฏฺมา.
[๒๔๙] ๙. สาลกชาตกวณฺณนา
เอกปุตฺตโก ภวิสฺสสีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ มหาเถรํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิเรกํ กุมารกํ ปพฺพาเชตฺวา ปีเฬนฺโต ตตฺถ วิหรติ. สามเณโร ปีฬํ สหิตุํ อสกฺโกนฺโต อุปฺปพฺพชิ. เถโร คนฺตฺวา ตํ อุปลาเปติ ‘‘กุมาร, ตว จีวรํ ¶ ตเวว ภวิสฺสติ ปตฺโตปิ, มม สนฺตกํ ปตฺตจีวรมฺปิ ตเวว ภวิสฺสติ, เอหิ ปพฺพชาหี’’ติ. โส ‘‘นาหํ ปพฺพชิสฺสามี’’ติ วตฺวาปิ ปุนปฺปุนํ วุจฺจมาโน ปพฺพชิ ¶ . อถ นํ ปพฺพชิตทิวสโต ปฏฺาย ปุน เถโร วิเหเสิ. โส ปีฬํ อสหนฺโต ปุน อุปฺปพฺพชิตฺวา อเนกวารํ ยาจนฺเตปิ ตสฺมึ ‘‘ตฺวํ เนว มํ สหสิ, น วินา วตฺติตุํ สกฺโกสิ, คจฺฉ น ปพฺพชิสฺสามี’’ติ น ปพฺพชิ. ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, สุหทโย วต โส ทารโก มหาเถรสฺส อาสยํ ตฺวา น ปพฺพชี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนเวส สุหทโย, ปุพฺเพปิ สุหทโยว, เอกวารํ เอตสฺส โทสํ ทิสฺวา น ปุน อุปคจฺฉี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต กุฏุมฺพิกกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ธฺวิกฺกเยน ชีวิกํ กปฺเปสิ. อฺตโรปิ อหิตุณฺฑิโก เอกํ มกฺกฏํ สิกฺขาเปตฺวา โอสธํ คาหาเปตฺวา เตน สปฺปํ กีฬาเปนฺโต ชีวิกํ กปฺเปสิ. โส พาราณสิยํ อุสฺสเว ฆุฏฺเ อุสฺสวํ กีฬิตุกาโม ‘‘อิมํ มา ปมชฺชี’’ติ ตํ มกฺกฏํ ตสฺส ธฺวาณิชสฺส หตฺเถ เปตฺวา อุสฺสวํ กีฬิตฺวา สตฺตเม ทิวเส ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘กหํ มกฺกโฏ’’ติ ปุจฺฉิ. มกฺกโฏ สามิกสฺส สทฺทํ สุตฺวาว ธฺาปณโต เวเคน นิกฺขมิ. อถ นํ โส เวฬุเปสิกาย ปิฏฺิยํ โปเถตฺวา อาทาย อุยฺยานํ คนฺตฺวา เอกมนฺเต พนฺธิตฺวา นิทฺทํ โอกฺกมิ. มกฺกโฏ ตสฺส นิทฺทายนภาวํ ตฺวา อตฺตโน พนฺธนํ โมเจตฺวา ปลายิตฺวา อมฺพรุกฺขํ อารุยฺห อมฺพปกฺกํ ขาทิตฺวา อฏฺึ อหิตุณฺฑิกสฺส สรีเร ปาเตสิ. โส ปพุชฺฌิตฺวา อุลฺโลเกนฺโต ตํ ทิสฺวา ¶ ‘‘มธุรวจเนน นํ วฺเจตฺวา รุกฺขา โอตาเรตฺวา คณฺหิสฺสามี’’ติ ตํ อุปลาเปนฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘เอกปุตฺตโก ภวิสฺสสิ, ตฺวฺจ โน เหสฺสสิ อิสฺสโร กุเล;
โอโรห ¶ ทุมสฺมา สาลก, เอหิ ทานิ ฆรกํ วเชมเส’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – ตฺวํ มยฺหํ เอกปุตฺตโก ภวิสฺสสิ, กุเล จ เม โภคานํ อิสฺสโร, เอตมฺหา รุกฺขา โอตร, เอหิ อมฺหากํ ฆรํ คมิสฺสาม. สาลกาติ นาเมน อาลปนฺโต อาห.
ตํ ¶ สุตฺวา มกฺกโฏ ทุติยํ คาถมาห –
‘‘นนุ มํ สุหทโยติ มฺสิ, ยฺจ มํ หนสิ เวฬุยฏฺิยา;
ปกฺกมฺพวเน รมามเส, คจฺฉ ตฺวํ ฆรกํ ยถาสุข’’นฺติ.
ตตฺถ นนุ มํ สุหทโยติ มฺสีติ นนุ ตฺวํ มํ ‘‘สุหทโย’’ติ มฺสิ, ‘‘สุหทโย อย’’นฺติ มฺสีติ อตฺโถ. ยฺจ มํ หนสิ เวฬุยฏฺิยาติ ยํ มํ เอวํ อติมฺสิ, ยฺจ เวฬุเปสิกาย หนสิ, เตนาหํ นาคจฺฉามีติ ทีเปติ. อถ นํ ‘‘มยํ อิมสฺมึ ปกฺกมฺพวเน รมามเส, คจฺฉ ตฺวํ ฆรกํ ยถาสุข’’นฺติ วตฺวา อุปฺปติตฺวา วนํ ปาวิสิ. อหิตุณฺฑิโกปิ อนตฺตมโน อตฺตโน เคหํ อคมาสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา มกฺกโฏ สามเณโร อโหสิ, อหิตุณฺฑิโก มหาเถโร, ธฺวาณิโช ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
สาลกชาตกวณฺณนา นวมา.
[๒๕๐] ๑๐. กปิชาตกวณฺณนา
อยํ อิสี อุปสมสํยเม รโตติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ กุหกํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. ตสฺส หิ กุหกภาโว ภิกฺขูสุ ปากโฏ ชาโต. ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, อสุโก ภิกฺขุ นิยฺยานิเก พุทฺธสาสเน ปพฺพชิตฺวา กุหกวตฺตํ ปูเรตี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ¶ ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว ¶ , เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, เอส ภิกฺขุ อิทาเนว, ปุพฺเพปิ กุหโกเยว, อคฺคิมตฺตสฺส การณา มกฺกโฏ หุตฺวา โกหฺมกาสี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต กาสิรฏฺเ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ปุตฺตสฺส อาธาวิตฺวา ปริธาวิตฺวา วิจรณกาเล พฺราหฺมณิยา มตาย ปุตฺตํ องฺเกนาทาย หิมวนฺตํ ¶ ปวิสิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ตมฺปิ ปุตฺตํ ตาปสกุมารกํ กตฺวา ปณฺณสาลาย วาสํ กปฺเปสิ. วสฺสารตฺตสมเย อจฺฉินฺนธาเร เทเว วสฺสนฺเต เอโก มกฺกโฏ สีตปีฬิโต ทนฺเต ขาทนฺโต กมฺปนฺโต วิจรติ. โพธิสตฺโต มหนฺเต ทารุกฺขนฺเธ อาหริตฺวา อคฺคึ กตฺวา มฺจเก นิปชฺชิ, ปุตฺตโกปิสฺส ปาเท ปริมชฺชมาโน นิสีทิ. โส มกฺกโฏ เอกสฺส มตตาปสสฺส สนฺตกานิ วกฺกลานิ นิวาเสตฺวา จ ปารุปิตฺวา จ อชินจมฺมํ อํเส กตฺวา กาชกมณฺฑลุํ อาทาย อิสิเวเสนาคนฺตฺวา ปณฺณสาลทฺวาเร อคฺคิสฺส การณา กุหกกมฺมํ กตฺวา อฏฺาสิ. ตาปสกุมารโก ตํ ทิสฺวา ‘‘ตาต, ตาปโส เอโก สีตปีฬิโต กมฺปมาโน ติฏฺติ, อิธ นํ ปกฺโกสถ, วิสิพฺเพสฺสตี’’ติ ปิตรํ อายาจนฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘อยํ อิสี อุปสมสํยเม รโต, ส ติฏฺติ สิสิรภเยน อฏฺฏิโต;
หนฺท อยํ ปวิสตุมํ อคารกํ, วิเนตุ สีตํ ทรถฺจ เกวล’’นฺติ.
ตตฺถ อุปสมสํยเม รโตติ ราคาทิกิเลสอุปสเม จ สีลสํยเม จ รโต. ส ติฏฺตีติ โส ติฏฺติ. สิสิรภเยนาติ วาตวุฏฺิชนิตสฺส สิสิรสฺส ภเยน. อฏฺฏิโตติ ปีฬิโต. ปวิสตุมนฺติ ปวิสตุ อิมํ. เกวลนฺติ สกลํ อนวเสสํ.
โพธิสตฺโต ปุตฺตสฺส วจนํ สุตฺวา อุฏฺาย โอโลเกนฺโต มกฺกฏภาวํ ตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘นายํ ¶ อิสี อุปสมสํยเม รโต, กปี อยํ ทุมวรสาขโคจโร;
โส ทูสโก โรสโก จาปิ ชมฺโม, สเจ วเชมมฺปิ ทูเสยฺยคาร’’นฺติ.
ตตฺถ ทุมวรสาขโคจโรติ ทุมวรานํ สาขโคจโร. โส ทูสโก โรสโก จาปิ ชมฺโมติ โส เอวํ คตคตฏฺานสฺส ทูสนโต ทูสโก, ฆฏฺฏนตาย โรสโก, ลามกภาเวน ชมฺโม. สเจ วเชติ ¶ ยทิ อิมํ ปณฺณสาลํ วเช ปวิเสยฺย, สพฺพํ อุจฺจารปสฺสาวกรเณน จ อคฺคิทาเนน จ ทูเสยฺยาติ.
เอวฺจ ¶ ปน วตฺวา โพธิสตฺโต อุมฺมุกํ คเหตฺวา ตํ สนฺตาเสตฺวา ปลาเปสิ. โส อุปฺปติตฺวา วนํ ปกฺขนฺโต ตถา ปกฺขนฺโตว อโหสิ, น ปุน ตํ านํ อคมาสิ. โพธิสตฺโต อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา ตาปสกุมารสฺส กสิณปริกมฺมํ อาจิกฺขิ, โสปิ อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ อุปฺปาเทสิ. เต อุโภปิ อปริหีนชฺฌานา พฺรหฺมโลกปรายณา อเหสุํ.
สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, โปราณโต ปฏฺายเปส กุหโกเยวา’’ติ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ. สจฺจปริโยสาเน เกจิ โสตาปนฺนา, เกจิ สกทาคามิโน, เกจิ อนาคามิโน เกจิ อรหนฺโต อเหสุํ. ‘‘ตทา มกฺกโฏ กุหกภิกฺขุ อโหสิ, ปุตฺโต ราหุโล, ปิตา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
กปิชาตกวณฺณนา ทสมา.
สิงฺคาลวคฺโค ทสโม.
ตสฺสุทฺทานํ –
สพฺพทาี จ สุนโข, คุตฺติโล วิคติจฺฉา จ;
มูลปริยายํ พาโลวาทํ, ปาทฺชลิ กึ สุโกปมํ;
สาลกํ กปิ เต ทส.
อถ วคฺคุทฺทานํ –
ทฬฺหวคฺโค จ สนฺถโว, กลฺยาณธมฺมาสทิโส;
รูหโก ทฬฺหวคฺโค จ, พีรณถมฺภกาสาโว;
อุปาหโน สิงฺคาโล จ, ทสวคฺคา ทุเก สิยุํ.
ทุกนิปาตวณฺณนา นิฏฺิตา.
๓. ติกนิปาโต
๑. สงฺกปฺปวคฺโค
[๒๕๑] ๑. สงฺกปฺปราคชาตกวณฺณนา
สงฺกปฺปราคโธเตนาติ ¶ ¶ ¶ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อุกฺกณฺิตภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. สาวตฺถินครวาสี กิเรโก กุลปุตฺโต สาสเน อุรํ ทตฺวา ปพฺพชิตฺวา เอกทิวสํ สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จรนฺโต เอกํ อลงฺกตปฏิยตฺตํ อิตฺถึ ทิสฺวา อุปฺปนฺนกามราโค อนภิรโต วิจริ. ตเมนํ อาจริยุปชฺฌายาทโย ทิสฺวา อนภิรติการณํ ปุจฺฉิตฺวา วิพฺภมิตุกามภาวมสฺส ตฺวา ‘‘อาวุโส, สตฺถา นาม กามราคาทิกิเลสปีฬิตานํ กิเลเส หาเรตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา โสตาปตฺติผลาทีนิ เทติ, เอหิ ตํ สตฺถุ สนฺติกํ เนสฺสามา’’ติ อาทาย อคมํสุ. สตฺถารา จ ‘‘กึ นุ โข, ภิกฺขเว, อนิจฺฉมานกฺเว ภิกฺขุํ คเหตฺวา อาคตตฺถา’’ติ วุตฺเต ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. สตฺถา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, ภิกฺขุ, อุกฺกณฺิโต’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจํ, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘กึการณา’’ติ ปุจฺฉิ. โส ตมตฺถํ อาโรเจสิ. อถ นํ สตฺถา ‘‘อิตฺถิโย นาเมตา, ภิกฺขุ, ปุพฺเพ ฌานพเลน วิกฺขมฺภิตกิเลสานํ วิสุทฺธสตฺตานมฺปิ สํกิเลสํ อุปฺปาเทสุํ, ตาทิสํ ตุจฺฉปุคฺคลํ กึการณา น สํกิเลสิสฺสนฺติ, วิสุทฺธาปิ สตฺตา สํกิลิสฺสนฺติ, อุตฺตมยสสมงฺคิโนปิ อายสกฺยํ ปาปุณนฺติ, ปเคว อปริสุทฺธา. สิเนรุกมฺปนกวาโต ปุราณปณฺณกสฏํ กึ ¶ น กมฺเปสฺสติ, โพธิตเล นิสีทิตฺวา อภิสมฺพุชฺฌนกสตฺตํ อยํ กิเลโส อาโลเฬสิ, ตาทิสํ กึ น อาโลเฬสฺสตี’’ติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต อสีติโกฏิวิภเว พฺราหฺมณมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา พาราณสึ ปจฺจาคนฺตฺวา กตทารปริคฺคโห มาตาปิตูนํ อจฺจเยน เตสํ มตกิจฺจานิ กตฺวา หิรฺโโลกนกมฺมํ กโรนฺโต ‘‘อิทํ ธนํ ปฺายติ, เยหิ ปเนตํ สมฺภตํ, เต ¶ น ปฺายนฺตี’’ติ ¶ อาวชฺเชนฺโต สํเวคปฺปตฺโต อโหสิ, สรีรา เสทา มุจฺจึสุ. โส ฆราวาเส จิรํ วสนฺโต มหาทานํ ทตฺวา กาเม ปหาย อสฺสุมุขํ าติสงฺฆํ ปริจฺจชิตฺวา หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา รมณีเย ปเทเส ปณฺณสาลํ มาเปตฺวา อฺุฉาจริยาย วนมูลผลาทีหิ ยาเปนฺโต นจิรสฺเสว อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ อุปฺปาเทตฺวา ฌานกีฬํ กีฬนฺโต จิรํ วสิตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘มนุสฺสปถํ คนฺตฺวา โลณมฺพิลํ อุปเสวิสฺสามิ, เอวํ เม สรีรฺเจว ถิรํ ภวิสฺสติ, ชงฺฆวิหาโร จ กโต ภวิสฺสติ, เย จ มาทิสสฺส สีลสมฺปนฺนสฺส ภิกฺขํ วา ทสฺสนฺติ, อภิวาทนาทีนิ วา กริสฺสนฺติ, เต สคฺคปุรํ ปูเรสฺสนฺตี’’ติ.
โส หิมวนฺตา โอตริตฺวา อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน พาราณสึ ปตฺวา สูริยตฺถงฺคมนเวลาย วสนฏฺานํ โอโลเกนฺโต ราชุยฺยานํ ทิสฺวา ‘‘อิทํ ปฏิสลฺลานสารุปฺปํ, เอตฺถ วสิสฺสาเม’’ติ อุยฺยานํ ปวิสิตฺวา อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล นิสินฺโน ฌานสุเขน รตฺตึ เขเปตฺวา ปุนทิวเส กตสรีรปฏิชคฺคโน ปุพฺพณฺหสมเย ชฏาชินวกฺกลานิ สณฺเปตฺวา ภิกฺขาภาชนํ อาทาย สนฺตินฺทฺริโย สนฺตมานโส อิริยาปถสมฺปนฺโน ยุคมตฺตทสฺสโน หุตฺวา สพฺพาการสมฺปนฺนาย อตฺตโน รูปสิริยา โลกสฺส ¶ โลจนานิ อากฑฺเฒนฺโต นครํ ปวิสิตฺวา ภิกฺขาย จรนฺโต รฺโ นิเวสนทฺวารํ ปาปุณิ. ราชา มหาตเล จงฺกมนฺโต วาตปานนฺตเรน โพธิสตฺตํ ทิสฺวา อิริยาปถสฺมิฺเว ปสีทิตฺวา ‘‘สเจ สนฺตธมฺโม นาม อตฺถิ, อิมสฺส เตน อพฺภนฺตเร ภวิตพฺพ’’นฺติ จินฺเตตฺวา ‘‘คจฺฉ, ตํ ตาปสํ อาเนหี’’ติ เอกํ อมจฺจํ อาณาเปสิ. โส คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา ภิกฺขาภาชนํ คเหตฺวา ‘‘ราชา, ภนฺเต, ตํ ปกฺโกสตี’’ติ อาห. โพธิสตฺโต ‘‘มหาปฺุ, อมฺเห ราชา น ชานาตี’’ติ อาห. ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, ยาวาหํ อาคจฺฉามิ, ตาว อิเธว โหถา’’ติ คนฺตฺวา รฺโ อาโรเจสิ. ราชา ‘‘อมฺหากํ กุลูปกตาปโส นตฺถิ, คจฺฉ, นํ อาเนหี’’ติ สยมฺปิ วาตปาเนน หตฺถํ ปสาเรตฺวา วนฺทนฺโต ‘‘อิโต เอถ, ภนฺเต’’ติ อาห. โพธิสตฺโต อมจฺจสฺส หตฺเถ ภิกฺขาภาชนํ ทตฺวา มหาตลํ อภิรุหิ.
อถ นํ ราชา วนฺทิตฺวา ราชปลฺลงฺเก นิสีทาเปตฺวา อตฺตโน สมฺปาทิเตหิ ยาคุขชฺชกภตฺเตหิ ปริวิสิตฺวา กตภตฺตกิจฺจํ ปฺหํ ปุจฺฉิ. ปฺหพฺยากรเณน ภิยฺโยโสมตฺตาย ปสีทิตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเห กตฺถวาสิกา ¶ , กุโต อาคตตฺถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘หิมวนฺตวาสิกา มยํ, มหาราช, หิมวนฺตโต อาคตา’’ติ วุตฺเต ปุน ‘‘กึการณา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘วสฺสารตฺตกาเล, มหาราช, นิพทฺธวาโส นาม ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺเต ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, ราชุยฺยาเน วสถ, ตุมฺเห จ จตูหิ ปจฺจเยหิ น กิลมิสฺสถ, อหฺจ สคฺคสํวตฺตนิกํ ปฺุํ ปาปุณิสฺสามี’’ติ ปฏิฺํ คเหตฺวา ภุตฺตปาตราโส โพธิสตฺเตน สทฺธึ ¶ อุยฺยานํ คนฺตฺวา ปณฺณสาลํ กาเรตฺวา จงฺกมํ มาเปตฺวา เสสานิปิ รตฺติฏฺานทิวาฏฺานาทีนิ สมฺปาเทตฺวา ปพฺพชิตปริกฺขาเร ปฏิยาเทตฺวา ‘‘สุเขน วสถ, ภนฺเต’’ติ อุยฺยานปาลํ สมฺปฏิจฺฉาเปสิ. โพธิสตฺโต ตโต ปฏฺาย ทฺวาทส ¶ สํวจฺฉรานิ ตตฺเถว วสิ.
อเถกทิวสํ รฺโ ปจฺจนฺโต กุปิโต. โส ตสฺส วูปสมนตฺถาย คนฺตุกาโม เทวึ อามนฺเตตฺวา ‘‘ภทฺเท, ตยา นคเร โอหียิตุํ วฏฺฏตี’’ติ อาห. ‘‘กึ นิสฺสาย กเถถ, เทวา’’ติ. ‘‘สีลวนฺตํ ตาปสํ, ภทฺเท’’ติ. ‘‘เทว, นาหํ ตสฺมึ ปมชฺชิสฺสามิ, อมฺหากํ อยฺยสฺส ปฏิชคฺคนํ มม ภาโร, ตุมฺเห นิราสงฺกา คจฺฉถา’’ติ. ราชา นิกฺขมิตฺวา คโต, เทวีปิ โพธิสตฺตํ ตเถว สกฺกจฺจํ อุปฏฺาติ. โพธิสตฺโต ปน รฺโ คตกาเล นิพทฺธเวลายํ อาคนฺตฺวา อตฺตโน รุจิตาย เวลาย ราชนิเวสนํ คนฺตฺวา ภตฺตกิจฺจํ กโรติ.
อเถกทิวสํ โพธิสตฺเต อติจิรายนฺเต เทวี สพฺพํ ขาทนียโภชนียํ ปฏิยาเทตฺวา นฺหตฺวา อลงฺกริตฺวา นีจมฺจกํ ปฺาเปตฺวา โพธิสตฺตสฺส อาคมนํ โอโลกยมานา มฏฺสาฏกํ สิถิลํ กตฺวา นิวาเสตฺวา นิปชฺชิ. โพธิสตฺโตปิ เวลํ สลฺลกฺเขตฺวา ภิกฺขาภาชนํ อาทาย อากาเสนาคนฺตฺวา มหาวาตปานทฺวารํ ปาปุณิ. ตสฺส วกฺกลสทฺทํ สุตฺวา สหสา อุฏฺหมานาย เทวิยา สรีรา มฏฺสาฏโก ภสฺสิตฺถ, โพธิสตฺโต วิสภาคารมฺมณํ ทิสฺวา อินฺทฺริยานิ ภินฺทิตฺวา สุภวเสน โอโลเกสิ. อถสฺส ฌานพเลน สนฺนิสินฺโนปิ กิเลโส กรณฺฑเก ปกฺขิตฺตอาสีวิโส วิย ผณํ กตฺวา อุฏฺหิ, ขีรรุกฺขสฺส วาสิยา อาโกฏิตกาโล วิย อโหสิ. กิเลสุปฺปาทเนน สเหว ฌานงฺคานิ ปริหายึสุ, อินฺทฺริยานิ อปริปุณฺณานิ อเหสุํ, สยํ ปกฺขจฺฉินฺนกาโก วิย อโหสิ. โส ปุพฺเพ วิย นิสีทิตฺวา ภตฺตกิจฺจํ กาตุํ นาสกฺขิ ¶ , นิสีทาปิยมาโนปิ น นิสีทิ. อถสฺส เทวี สพฺพํ ขาทนียโภชนียํ ภิกฺขาภาชเนเยว ¶ ปกฺขิปิ. ยถา จ ปุพฺเพ ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา สีหปฺชเรน นิกฺขมิตฺวา อากาเสเนว คจฺฉติ, เอวํ ตํ ทิวสํ คนฺตุํ นาสกฺขิ. ภตฺตํ ปน คเหตฺวา มหานิสฺเสณิยา โอตริตฺวา อุยฺยานํ อคมาสิ. เทวีปิ อสฺส อตฺตนิ ปฏิพทฺธจิตฺตตํ อฺาสิ. โส อุยฺยานํ คนฺตฺวา ภตฺตํ อภฺุชิตฺวาว เหฏฺามฺจเก นิกฺขิปิตฺวา ‘‘เทวิยา เอวรูปา หตฺถโสภา ปาทโสภา, เอวรูปํ กฏิปริโยสานํ, เอวรูปํ อูรุลกฺขณ’’นฺติอาทีนิ วิปฺปลปนฺโต สตฺตาหํ นิปชฺชิ, ภตฺตํ ปูติกํ อโหสิ นีลมกฺขิกาปริปุณฺณํ.
อถ ราชา ปจฺจนฺตํ วูปสเมตฺวา ปจฺจาคโต อลงฺกตปฏิยตฺตํ นครํ ปทกฺขิณํ กตฺวา ราชนิเวสนํ อคนฺตฺวาว ‘‘โพธิสตฺตํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ อุยฺยานํ คนฺตฺวา อุกฺลาปํ อสฺสมปทํ ทิสฺวา ¶ ‘‘ปกฺกนฺโต ภวิสฺสตี’’ติ ปณฺณสาลาย ทฺวารํ วิวริตฺวา อนฺโตปวิฏฺโ ตํ นิปนฺนกํ ทิสฺวา ‘‘เกนจิ อผาสุเกน ภวิตพฺพ’’นฺติ ปูติภตฺตํ ฉฑฺฑาเปตฺวา ปณฺณสาลํ ปฏิชคฺคาเปตฺวา ‘‘ภนฺเต, กึ เต อผาสุก’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘วิทฺโธสฺมิ, มหาราชา’’ติ. ราชา ‘‘มม ปจฺจามิตฺเตหิ มยิ โอกาสํ อลภนฺเตหิ ‘มมายนฏฺานมสฺส ทุพฺพลํ กริสฺสามา’ติ อาคนฺตฺวา เอส วิทฺโธ ภวิสฺสติ มฺเ’’ติ สรีรํ ปริวตฺเตตฺวา วิทฺธฏฺานํ โอโลเกนฺโต วิทฺธฏฺานํ อทิสฺวา ‘‘กตฺถ วิทฺโธสิ, ภนฺเต’’ติ ปุจฺฉิ. โพธิสตฺโต ‘‘นาหํ, มหาราช, อฺเน วิทฺโธ, อหํ ปน อตฺตนาว อตฺตานํ หทเย วิชฺฌิ’’นฺติ วตฺวา อุฏฺาย นิสีทิตฺวา อิมา คาถา อโวจ –
‘‘สงฺกปฺปราคโธเตน, วิตกฺกนิสิเตน จ;
นาลงฺกเตน ภทฺเรน, อุสุการากเตน จ.
‘‘น กณฺณายตมุตฺเตน, นาปิ โมรูปเสวินา;
เตนมฺหิ หทเย วิทฺโธ, สพฺพงฺคปริทาหินา.
‘‘อาเวธฺจ ¶ น ปสฺสามิ, ยโต รุหิรมสฺสเว;
ยาว อโยนิโส จิตฺตํ, สยํ เม ทุกฺขมาภต’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ สงฺกปฺปราคโธเตนาติ กามวิตกฺกสมฺปยุตฺตราคโธเตน. วิตกฺกนิสิเตน จาติ เตเนว ราโคทเกน วิตกฺกปาสาเณ นิสิเตน. นาลงฺกเตน ภทฺเรนาติ เนว อลงฺกเตน ภทฺเรน, อนลงฺกเตน พีภจฺเฉนาติ อตฺโถ. อุสุการากเตน จาติ อุสุกาเรหิปิ อกเตน. น กณฺณายตมุตฺเตนาติ ยาว ทกฺขิณกณฺณจูฬกํ อากฑฺฒิตฺวา อมุตฺตเกน. นาปิ โมรูปเสวินาติ โมรปตฺตคิชฺฌปตฺตาทีหิ อกตูปเสวเนน. เตนมฺหิ หทเย วิทฺโธติ เตน กิเลสกณฺเฑนาหํ หทเย วิทฺโธ อมฺหิ. สพฺพงฺคปริทาหินาติ สพฺพานิ องฺคานิ ปริทหนสมตฺเถน. มหาราช, เตน หิ กิเลสกณฺเฑน หทเย วิทฺธกาลโต ปฏฺาย มม อคฺคิ ปทิตฺตานิว สพฺพานิ องฺคานิ ฑยฺหนฺตีติ ทสฺเสติ.
อาเวธฺจ น ปสฺสามีติ วิทฺธฏฺาเน วณฺจ น ปสฺสามิ. ยโต รุหิรมสฺสเวติ ยโต เม อาเวธโต โลหิตํ ปคฺฆเรยฺย, ตํ น ปสฺสามีติ อตฺโถ. ยาว อโยนิโส จิตฺตนฺติ เอตฺถ ยาวาติ ทฬฺหตฺเถ นิปาโต, อติวิย ทฬฺหํ กตฺวา อโยนิโส จิตฺตํ วฑฺฒิตนฺติ อตฺโถ. สยํ เม ทุกฺขมาภตนฺติ อตฺตนาว มยา อตฺตโน ทุกฺขํ อานีตนฺติ.
เอวํ ¶ โพธิสตฺโต อิมาหิ ตีหิ คาถาหิ รฺโ ธมฺมํ เทเสตฺวา ราชานํ ปณฺณสาลโต พหิ กตฺวา กสิณปริกมฺมํ กตฺวา นฏฺํ ฌานํ อุปฺปาเทตฺวา ปณฺณสาลาย นิกฺขมิตฺวา อากาเส นิสินฺโน ราชานํ โอวทิตฺวา ‘‘มหาราช, อหํ หิมวนฺตเมว คมิสฺสามี’’ติ วตฺวา ‘‘น สกฺกา, ภนฺเต, คนฺตุ’’นฺติ วุจฺจมาโนปิ ‘‘มหาราช, มยา อิธ วสนฺเตน เอวรูโป วิปฺปกาโร ปตฺโต, อิทานิ น สกฺกา อิธ วสิตุ’’นฺติ รฺโ ยาจนฺตสฺเสว อากาเส อุปฺปติตฺวา หิมวนฺตํ คนฺตฺวา ตตฺถ ยาวตายุกํ ตฺวา พฺรหฺมโลกูปโค อโหสิ.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺิตภิกฺขุ อรหตฺเต ปติฏฺหิ. เกจิ โสตาปนฺนา, เกจิ สกทาคามิโน, เกจิ อนาคามิโน, เกจิ อรหนฺโต อเหสุํ. ‘‘ตทา ราชา อานนฺโท อโหสิ, ตาปโส ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
สงฺกปฺปราคชาตกวณฺณนา ปมา.
[๒๕๒] ๒. ติลมุฏฺิชาตกวณฺณนา
อชฺชาปิ ¶ เม ตํ มนสีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ โกธนํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. อฺตโร กิร, ภิกฺขุ, โกธโน อโหสิ อุปายาสพหุโล, อปฺปมฺปิ วุตฺโต สมาโน กุปฺปิ อภิสชฺชิ, โกปฺจ โทสฺจ อปฺปจฺจยฺจ ปาตฺวากาสิ. อเถกทิวสํ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, อสุโก นาม ภิกฺขุ โกธโน อุปายาสพหุโล อุทฺธเน ปกฺขิตฺตโลณํ วิย ตฏตฏายนฺโต วิจรติ, เอวรูเป นิกฺโกธเน พุทฺธสาสเน ปพฺพชิโต สมาโน โกธมตฺตมฺปิ นิคฺคณฺหิตุํ น สกฺโกตี’’ติ. สตฺถา เตสํ กถํ สุตฺวา เอกํ ภิกฺขุํ เปเสตฺวา ตํ ภิกฺขุํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, ภิกฺขุ, โกธโน’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจํ, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ อยํ โกธโน อโหสี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต ตสฺส ปุตฺโต พฺรหฺมทตฺตกุมาโร นาม อโหสิ. โปราณกราชาโน จ อตฺตโน ปุตฺเต ‘‘เอวํ เอเต นิหตมานทปฺปา สีตุณฺหกฺขมา โลกจาริตฺตฺู จ ภวิสฺสนฺตี’’ติ อตฺตโน นคเร ทิสาปาโมกฺขอาจริเย วิชฺชมาเนปิ สิปฺปุคฺคหณตฺถาย ทูเร ติโรรฏฺํ เปเสนฺติ, ตสฺมา โสปิ ราชา โสฬสวสฺสุทฺเทสิกํ ปุตฺตํ ปกฺโกสาเปตฺวา เอกปฏลิกอุปาหนา ¶ จ ปณฺณจฺฉตฺตฺจ กหาปณสหสฺสฺจ ทตฺวา ‘‘ตาต, ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา สิปฺปํ อุคฺคณฺหา’’ติ ¶ เปเสสิ. โส ‘‘สาธู’’ติ มาตาปิตโร วนฺทิตฺวา นิกฺขมิตฺวา อนุปุพฺเพน ตกฺกสิลํ ปตฺวา อาจริยสฺส เคหํ ปุจฺฉิตฺวา อาจริเย มาณวกานํ สิปฺปํ วาเจตฺวา อุฏฺาย ฆรทฺวาเร จงฺกมนฺเต เคหํ คนฺตฺวา ยสฺมึ าเน ิโต อาจริยํ อทฺทส, ตตฺเถว อุปาหนา โอมฺุจิตฺวา ฉตฺตฺจ อปเนตฺวา อาจริยํ วนฺทิตฺวา อฏฺาสิ. โส ตสฺส กิลนฺตภาวํ ตฺวา อาคนฺตุกสงฺคหํ กาเรสิ. กุมาโร ภุตฺตโภชโน โถกํ วิสฺสมิตฺวา อาจริยํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา อฏฺาสิ, ‘‘กุโต อาคโตสิ, ตาตา’’ติ จ วุตฺเต ‘‘พาราณสิโต’’ติ อาห. ‘‘กสฺส ปุตฺโตสี’’ติ? ‘‘พาราณสิรฺโ’’ติ. ‘‘เกนตฺเถนาคโตสี’’ติ? ‘‘สิปฺปํ อุคฺคณฺหตฺถายา’’ติ. ‘‘กึ เต อาจริยภาโค อาภโต, อุทาหุ ธมฺมนฺเตวาสิโก โหตุกาโมสี’’ติ? โส ‘‘อาจริยภาโค เม ¶ อาภโต’’ติ วตฺวา อาจริยสฺส ปาทมูเล สหสฺสตฺถวิกํ เปตฺวา วนฺทิ.
ธมฺมนฺเตวาสิกา ทิวา อาจริยสฺส กมฺมํ กตฺวา รตฺตึ สิปฺปํ อุคฺคณฺหนฺติ, อาจริยภาคทายกา เคเห เชฏฺปุตฺตา วิย หุตฺวา สิปฺปเมว อุคฺคณฺหนฺติ. ตสฺมา โสปิ อาจริโย สลฺลหุเกน สุภนกฺขตฺเตน กุมารสฺส สิปฺปํ ปฏฺเปสิ. กุมาโรปิ สิปฺปํ อุคฺคณฺหนฺโต เอกทิวสํ อาจริเยน สทฺธึ นฺหายิตุํ อคมาสิ. อเถกา มหลฺลิกา อิตฺถี ติลานิ เสเต กตฺวา ปตฺถริตฺวา รกฺขมานา นิสีทิ. กุมาโร เสตติเล ทิสฺวา ขาทิตุกาโม หุตฺวา เอกํ ติลมุฏฺึ คเหตฺวา ขาทิ, มหลฺลิกา ‘‘ตณฺหาลุโก เอโส’’ติ กิฺจิ อวตฺวา ตุณฺหี อโหสิ. โส ปุนทิวเสปิ ตาย เวลาย ตเถว อกาสิ, สาปิ นํ น กิฺจิ อาห. อิตโร ตติยทิวเสปิ ตเถวากาสิ, ตทา มหลฺลิกา ‘‘ทิสาปาโมกฺโข อาจริโย อตฺตโน อนฺเตวาสิเกหิ มํ วิลุมฺปาเปตี’’ติ พาหา ปคฺคยฺห กนฺทิ. อาจริโย นิวตฺติตฺวา ‘‘กึ เอตํ ¶ , อมฺมา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘สามิ, อนฺเตวาสิโก เต มยา กตานํ เสตติลานํ อชฺเชกํ มุฏฺึ ขาทิ, หิยฺโย เอกํ, ปเร เอกํ, นนุ เอวํ ขาทนฺโต มม สนฺตกํ สพฺพํ นาเสสฺสตี’’ติ. ‘‘อมฺม, มา โรทิ, มูลํ เต ทาเปสฺสามี’’ติ. ‘‘น เม, สามิ, มูเลนตฺโถ, ยถา ปเนส กุมาโร ปุน เอวํ น กโรติ, ตถา ตํ สิกฺขาเปหี’’ติ. อาจริโย ‘‘เตน หิ ปสฺส, อมฺมา’’ติ ทฺวีหิ มาณเวหิ ตํ กุมารํ ทฺวีสุ หตฺเถสุ คาหาเปตฺวา เวฬุเปสิกํ คเหตฺวา ‘‘ปุน เอวรูปํ มา อกาสี’’ติ ติกฺขตฺตุํ ปิฏฺิยํ ปหริ. กุมาโร อาจริยสฺส กุชฺฌิตฺวา รตฺตานิ อกฺขีนิ กตฺวา ปาทปิฏฺิโต ยาว เกสมตฺถกา โอโลเกสิ. โสปิสฺส กุชฺฌิตฺวา โอโลกิตภาวํ อฺาสิ. กุมาโร สิปฺปํ นิฏฺาเปตฺวา ‘‘อนุโยคํ ทตฺวา มาราเปตพฺโพ เอส มยา’’ติ เตน กตโทสํ หทเย เปตฺวา คมนกาเล อาจริยํ วนฺทิตฺวา ‘‘ยทาหํ, อาจริย, พาราณสิรชฺชํ ปตฺวา ตุมฺหากํ สนฺติกํ เปเสสฺสามิ, ตทา ตุมฺเห อาคจฺเฉยฺยาถา’’ติ สสิเนโห วิย ปฏิฺํ คเหตฺวา ปกฺกามิ.
โส ¶ พาราณสึ ปตฺวา มาตาปิตโร วนฺทิตฺวา สิปฺปํ ทสฺเสสิ. ราชา ‘‘ชีวมาเนน เม ปุตฺโต ทิฏฺโ, ชีวมาโนวสฺส รชฺชสิรึ ปสฺสามี’’ติ ปุตฺตํ รชฺเช ปติฏฺาเปสิ. โส รชฺชสิรึ อนุภวมาโน อาจริเยน กตโทสํ ¶ สริตฺวา อุปฺปนฺนโกโธ ‘‘มาราเปสฺสามิ น’’นฺติ ปกฺโกสนตฺถาย อาจริยสฺส ทูตํ ปาเหสิ. อาจริโย ‘‘ตรุณกาเล นํ สฺาเปตุํ น สกฺขิสฺสามี’’ติ อคนฺตฺวา ตสฺส รฺโ มชฺฌิมวยกาเล ‘‘อิทานิ นํ สฺาเปตุํ สกฺขิสฺสามี’’ติ คนฺตฺวา ราชทฺวาเร ตฺวา ‘‘ตกฺกสิลาจริโย อาคโต’’ติ อาโรจาเปสิ. ราชา ตุฏฺโ พฺราหฺมณํ ปกฺโกสาเปตฺวา ตํ อตฺตโน สนฺติกํ อาคตํ ทิสฺวาว โกธํ อุปฺปาเทตฺวา รตฺตานิ อกฺขีนิ กตฺวา อมจฺเจ อามนฺเตตฺวา ‘‘โภ, อชฺชาปิ เม อาจริเยน ปหฏฏฺานํ รุชฺชติ, อาจริโย นลาเฏน มจฺจุํ อาทาย ‘มริสฺสามี’ติ ¶ อาคโต, อชฺชสฺส ชีวิตํ นตฺถี’’ติ วตฺวา ปุริมา ทฺเว คาถา อโวจ –
‘‘อชฺชาปิ เม ตํ มนสิ, ยํ มํ ตฺวํ ติลมุฏฺิยา;
พาหาย มํ คเหตฺวาน, ลฏฺิยา อนุตาฬยิ.
‘‘นนุ ชีวิเต น รมสิ, เยนาสิ พฺราหฺมณาคโต;
ยํ มํ พาหา คเหตฺวาน, ติกฺขตฺตุํ อนุตาฬยี’’ติ.
ตตฺถ ยํ มํ พาหาย มนฺติ ทฺวีสุ ปเทสุ อุปโยควจนํ อนุตาฬนคหณาเปกฺขํ. ยํ มํ ตฺวํ ติลมุฏฺิยา การณา อนุตาฬยิ, อนุตาเฬนฺโต จ มํ พาหาย คเหตฺวา อนุตาฬยิ, ตํ อนุตาฬนํ อชฺชาปิ เม มนสีติ อยฺเหตฺถ อตฺโถ. นนุ ชีวิเต น รมสีติ มฺเ ตฺวํ อตฺตโน ชีวิตมฺหิ นาภิรมสิ. เยนาสิ พฺราหฺมณาคโตติ ยสฺมา พฺราหฺมณ อิธ มม สนฺติกํ อาคโตสิ. ยํ มํ พาหา คเหตฺวานาติ ยํ มม พาหา คเหตฺวา, ยํ มํ พาหาย คเหตฺวาติปิ อตฺโถ. ติกฺขตฺตุํ อนุตาฬยีติ ตโย วาเร เวฬุลฏฺิยา ตาเฬสิ, อชฺช ทานิ ตสฺส ผลํ วินฺทาหีติ นํ มรเณน สนฺตชฺเชนฺโต เอวมาห.
ตํ สุตฺวา อาจริโย ตติยํ คาถมาห –
‘‘อริโย อนริยํ กุพฺพนฺตํ, โย ทณฺเฑน นิเสธติ;
สาสนํ ตํ น ตํ เวรํ, อิติ นํ ปณฺฑิตา วิทู’’ติ.
ตตฺถ ¶ ¶ อริโยติ สุนฺทราธิวจนเมตํ. โส ปน อริโย จตุพฺพิโธ โหติ อาจารอริโย ทสฺสนอริโย ลิงฺคอริโย ปฏิเวธอริโยติ. ตตฺถ มนุสฺโส วา โหตุ ติรจฺฉาโน วา, อริยาจาเร ิโต อาจารอริโย นาม. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘อริยวตฺตสิ วกฺกงฺค, โย ปิณฺฑมปจายติ;
จชามิ เต ตํ ภตฺตารํ, คจฺฉถูโภ ยถาสุข’’นฺติ. (ชา. ๒.๒๑.๑๐๖);
รูเปน ปน อิริยาปเถน จ ปาสาทิเกน ทสฺสนีเยน สมนฺนาคโต ทสฺสนอริโย นาม. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘อริยาวกาโสสิ ¶ ปสนฺนเนตฺโต, มฺเ ภวํ ปพฺพชิโต กุลมฺหา;
กถํ นุ จิตฺตานิ ปหาย โภเค, ปพฺพชิ นิกฺขมฺม ฆรา สปฺา’’ติ. (ชา. ๒.๑๗.๑๔๓);
นิวาสนปารุปนลิงฺคคฺคหเณน ปน สมณสทิโส หุตฺวา วิจรนฺโต ทุสฺสีโลปิ ลิงฺคอริโย นาม. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ –
‘‘ฉทนํ กตฺวาน สุพฺพตานํ, ปกฺขนฺที กุลทูสโก ปคพฺโภ;
มายาวี อสฺโต ปลาโป, ปติรูเปน จรํ ส มคฺคทูสี’’ติ.
พุทฺธาทโย ปน ปฏิเวธอริยา นาม. เตน วุตฺตํ – ‘‘อริยา วุจฺจนฺติ พุทฺธา จ ปจฺเจกพุทฺธา จ พุทฺธสาวกา จา’’ติ. เตสุ อิธ อาจารอริโยว อธิปฺเปโต.
อนริยนฺติ ทุสฺสีลํ ปาปธมฺมํ. กุพฺพนฺตนฺติ ปาณาติปาตาทิกํ ปฺจวิธทุสฺสีลฺยกมฺมํ กโรนฺตํ, เอกเมว วา เอตํ อตฺถปทํ, อนริยํ หีนํ ลามกํ ปฺจเวรภยกมฺมํ กโรนฺตํ ปุคฺคลํ. โยติ ขตฺติยาทีสุ โย โกจิ. ทณฺเฑนาติ เยน เกนจิ ปหรณเกน. นิเสธตีติ ‘‘มา ปุน เอวรูปํ กรี’’ติ ปหรนฺโต นิวาเรติ. สาสนํ ตํ น ตํ เวรนฺติ ตํ, มหาราช, อกตฺตพฺพํ กโรนฺเต ปุตฺตธีตโร วา อนฺเตวาสิเก วา เอวํ ปหริตฺวา นิเสธนํ นาม อิมสฺมึ โลเก สาสนํ อนุสิฏฺิ โอวาโท, น เวรํ. อิติ นํ ปณฺฑิตา ¶ วิทูติ เอวเมตํ ปณฺฑิตา ชานนฺติ. ตสฺมา, มหาราช, ตฺวมฺปิ เอวํ ชาน, น เอวรูเป าเน เวรํ กาตุํ อรหสิ. สเจ หิ ¶ ตฺวํ, มหาราช, มยา เอวํ สิกฺขาปิโต นาภวิสฺส, อถ คจฺฉนฺเต กาเล ปูวสกฺขลิอาทีนิ เจว ผลาผลาทีนิ จ หรนฺโต โจรกมฺเมสุ ปลุทฺโธ อนุปุพฺเพน สนฺธิจฺเฉทนปนฺถทูหนคามฆาตกาทีนิ กตฺวา ‘‘ราชาปราธิโก โจโร’’ติ สโหฑฺฒํ คเหตฺวา รฺโ ทสฺสิโต ‘‘คจฺฉถสฺส โทสานุรูปํ ทณฺฑํ อุปเนถา’’ติ ทณฺฑภยํ ปาปุณิสฺส, กุโต เต เอวรูปา สมฺปตฺติ อภวิสฺส, นนุ มํ นิสฺสาย อิทํ อิสฺสริยํ ตยา ลทฺธนฺติ เอวํ อาจริโย ราชานํ สฺาเปสิ ¶ . ปริวาเรตฺวา ิตา อมจฺจาปิสฺส กถํ สุตฺวา ‘‘สจฺจํ, เทว, อิทํ อิสฺสริยํ ตุมฺหากํ อาจริยสฺเสว สนฺตก’’นฺติ อาหํสุ.
ตสฺมึ ขเณ ราชา อาจริยสฺส คุณํ สลฺลกฺเขตฺวา ‘‘สพฺพิสฺสริยํ เต, อาจริย, ทมฺมิ, รชฺชํ ปฏิจฺฉา’’ติ อาห. อาจริโย ‘‘น เม, มหาราช, รชฺเชนตฺโถ’’ติ ปฏิกฺขิปิ. ราชา ตกฺกสิลํ เปเสตฺวา อาจริยสฺส ปุตฺตทารํ อาหราเปตฺวา มหนฺตํ อิสฺสริยํ ทตฺวา ตเมว ปุโรหิตํ กตฺวา ปิตุฏฺาเน เปตฺวา ตสฺโสวาเท ิโต ทานาทีนิ ปฺุานิ กตฺวา สคฺคปรายโณ อโหสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน โกธโน ภิกฺขุ อนาคามิผเล ปติฏฺหิ, พหู ชนา โสตาปนฺนสกทาคามิอนาคามิโน อเหสุํ. ‘‘ตทา ราชา โกธโน ภิกฺขุ อโหสิ, อาจริโย ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
ติลมุฏฺิชาตกวณฺณนา ทุติยา.
[๒๕๓] ๓. มณิกณฺชาตกวณฺณนา
มมนฺนปานนฺติ อิทํ สตฺถา อาฬวึ นิสฺสาย อคฺคาฬเว เจติเย วิหรนฺโต กุฏิการสิกฺขาปทํ (ปารา. ๓๔๒) อารพฺภ กเถสิ. อาฬวกา หิ ภิกฺขู สฺาจิกาย กุฏิโย การยมานา ยาจนพหุลา วิฺตฺติพหุลา วิหรึสุ ‘‘ปุริสํ เทถ, ปุริสตฺถกรํ เทถา’’ติอาทีนิ วทนฺตา. มนุสฺสา ¶ อุปทฺทุตา ยาจนาย อุปทฺทุตา วิฺตฺติยา ภิกฺขู ทิสฺวา อุพฺพิชฺชึสุปิ อุตฺตสึสุปิ ปลายึสุปิ. อถายสฺมา มหากสฺสโป อาฬวึ อุปสงฺกมิตฺวา ปิณฺฑาย ปาวิสิ, มนุสฺสา เถรมฺปิ ทิสฺวา ตเถว ปฏิปชฺชึสุ. โส ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต ภิกฺขู อามนฺเตตฺวา ‘‘ปุพฺพายํ, อาวุโส, อาฬวี สุลภปิณฺฑา, อิทานิ กสฺมา ¶ ทุลฺลภปิณฺฑา ชาตา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ตํ การณํ สุตฺวา ภควติ อาฬวึ อาคนฺตฺวา อคฺคาฬวเจติเย วิหรนฺเต ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอตมตฺถํ อาโรเจสิ. สตฺถา เอตสฺมึ การเณ ภิกฺขุสงฺฆํ สนฺนิปาตาเปตฺวา อาฬวเก ภิกฺขู ปฏิปุจฺฉิ ¶ – ‘‘สจฺจํ กิร ตุมฺเห, ภิกฺขเว, สฺาจิกาย กุฏิโย กาเรถา’’ติ. ‘‘สจฺจํ, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต เต ภิกฺขู ครหิตฺวา ‘‘ภิกฺขเว, ยาจนา นาเมสา สตฺตรตนปริปุณฺเณ นาคภวเน วสนฺตานํ นาคานมฺปิ อมนาปา, ปเคว มนุสฺสานํ, เยสํ เอกํ กหาปณกํ อุปฺปาเทนฺตานํ ปาสาณโต มํสํ อุปฺปาฏนกาโล วิย โหตี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต มหาวิภเว พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติ. ตสฺส อาธาวิตฺวา ปริธาวิตฺวา วิจรณกาเล อฺโปิ ปฺุวา สตฺโต ตสฺส มาตุ กุจฺฉิสฺมึ นิพฺพตฺติ. เต อุโภปิ ภาตโร วยปฺปตฺตา มาตาปิตูนํ กาลกิริยาย สํวิคฺคหทยา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา คงฺคาตีเร ปณฺณสาลํ มาเปตฺวา วสึสุ. เตสุ เชฏฺสฺส อุปริคงฺคาย ปณฺณสาลา อโหสิ, กนิฏฺสฺส อโธคงฺคาย. อเถกทิวสํ มณิกณฺโ นาม นาคราชา นาคภวนา นิกฺขมิตฺวา คงฺคาตีเร มาณวกเวเสน วิจรนฺโต กนิฏฺสฺส อสฺสมํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ, เต อฺมฺํ สมฺโมทนียกถํ กเถตฺวา วิสฺสาสิกา อเหสุํ, วินา วตฺติตุํ นาสกฺขึสุ. มณิกณฺโ อภิณฺหํ กนิฏฺตาปสสฺส สนฺติกํ อาคนฺตฺวา กถาสลฺลาเปน นิสีทิตฺวา คมนกาเล ตาปเส สิเนเหน อตฺตภาวํ วิชหิตฺวา โภเคหิ ตาปสํ ปริกฺขิปนฺโต ปริสฺสชิตฺวา อุปริมุทฺธนิ มหนฺตํ ผณํ ธาเรตฺวา โถกํ วสิตฺวา ตํ สิเนหํ วิโนเทตฺวา สรีรํ วินิเวเตฺวา ตาปสํ วนฺทิตฺวา สกฏฺานเมว คจฺฉติ. ตาปโส ตสฺส ภเยน กิโส อโหสิ ลูโข ทุพฺพณฺโณ อุปฺปณฺฑุปฺปณฺฑุกชาโต ธมนิสนฺถตคตฺโต.
โส ¶ เอกทิวสํ ภาตุ สนฺติกํ อคมาสิ. อถ นํ โส ปุจฺฉิ – ‘‘กิสฺส, ตฺวํ โภ, กิโส ลูโข ทุพฺพณฺโณ อุปฺปณฺฑุปฺปณฺฑุกชาโต ธมนิสนฺถตคตฺโต’’ติ. โส ตสฺส ตํ ปวตฺตึ อาโรเจตฺวา ‘‘กึ ปน, ตฺวํ โภ, ตสฺส นาคราชสฺส อาคมนํ ¶ อิจฺฉสิ, น อิจฺฉสี’’ติ ปุฏฺโ ‘‘น อิจฺฉามี’’ติ วตฺวา ‘‘โส ปน นาคราชา ตว สนฺติกํ อาคจฺฉนฺโต กึ ปิฬนฺธนํ ปิฬนฺธิตฺวา อาคจฺฉตี’’ติ วุตฺเต ‘‘มณิรตน’’นฺติ อาห. เตน หิ ตฺวํ ตสฺมึ นาคราเช ตว สนฺติกํ อาคนฺตฺวา อนิสินฺเนเยว ‘‘มณึ เม เทหี’’ติ ยาจ, เอวํ โส นาโค ตํ โภเคหิ อปริกฺขิปิตฺวาว คมิสฺสติ. ปุนทิวเส อสฺสมปททฺวาเร ตฺวา อาคจฺฉนฺตเมว นํ ยาเจยฺยาสิ, ตติยทิวเส คงฺคาตีเร ตฺวา อุทกา อุมฺมุชฺชนฺตเมว นํ ยาเจยฺยาสิ, เอวํ โส ตว สนฺติกํ ปุน น อาคมิสฺสตีติ.
ตาปโส ¶ ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา อตฺตโน ปณฺณสาลํ คนฺตฺวา ปุนทิวเส นาคราชานํ อาคนฺตฺวา ิตมตฺตเมว ‘‘เอตํ อตฺตโน ปิฬนฺธนมณึ เม เทหี’’ติ ยาจิ, โส อนิสีทิตฺวาว ปลายิ. อถ นํ ทุติยทิวเส อสฺสมปททฺวาเร ตฺวา อาคจฺฉนฺตเมว ‘‘หิยฺโย เม มณิรตนํ นาทาสิ, อชฺช ทานํ ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ อาห. นาโค อสฺสมปทํ อปวิสิตฺวาว ปลายิ. ตติยทิวเส อุทกโต อุมฺมุชฺชนฺตเมว นํ ‘‘อชฺช เม ตติโย ทิวโส ยาจนฺตสฺส, เทหิ ทานิ เม เอตํ มณิรตน’’นฺติ อาห. นาคราชา อุทเก ตฺวาว ตาปสํ ปฏิกฺขิปนฺโต ทฺเว คาถา อาห –
‘‘มมนฺนปานํ วิปุลํ อุฬารํ, อุปฺปชฺชตีมสฺส มณิสฺส เหตุ;
ตํ เต น ทสฺสํ อติยาจโกสิ, น จาปิ เต อสฺสมมาคมิสฺสํ.
‘‘สุสู ยถา สกฺขรโธตปาณี, ตาเสสิมํ เสลํ ยาจมาโน;
ตํ เต น ทสฺสํ อติยาจโกสิ, น จาปิ เต อสฺสมมาคมิสฺส’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ มมนฺนปานนฺติ มม ยาคุภตฺตาทิทิพฺพโภชนํ อฏฺปานกเภทฺจ ทิพฺพปานํ. วิปุลนฺติ พหุ. อุฬารนฺติ เสฏฺํ ปณีตํ. ตํ เตติ ตํ มณึ ตุยฺหํ. อติยาจโกสีติ ¶ กาลฺจ ปมาณฺจ อติกฺกมิตฺวา อชฺช ตีณิ ทิวสานิ มยฺหํ ปิยํ มนาปํ มณิรตนํ ยาจมาโน อติกฺกมฺม ยาจโกสิ. น จาปิ เตติ น เกวลํ น ทสฺสํ, อสฺสมมฺปิ เต นาคมิสฺสํ. สุสู ยถาติ ยถา นาม ยุวา ตรุณมนุสฺโส. สกฺขรโธตปาณีติ สกฺขราย โธตปาณิ, เตเลน ปาสาเณ โธตอสิหตฺโถ. ตาเสสิมํ เสลํ ยาจมาโนติ อิมํ มณึ ยาจนฺโต ตฺวํ กฺจนถรุขคฺคํ อพฺพาหิตฺวา ‘‘สีสํ เต ฉินฺทามี’’ติ วทนฺโต ตรุณปุริโส วิย มํ ตาเสสิ.
เอวํ วตฺวา โส นาคราชา อุทเก นิมุชฺชิตฺวา อตฺตโน นาคภวนเมว คนฺตฺวา น ปจฺจาคฺฉิ. อถ โส ตาปโส ตสฺส ทสฺสนียสฺส นาคราชสฺส อทสฺสเนน ภิยฺโยโสมตฺตาย กิโส อโหสิ ลูโข ทุพฺพณฺโณ อุปฺปณฺฑุปฺปณฺฑุกชาโต ธมนิสนฺถตคตฺโต. อถ เชฏฺตาปโส ‘‘กนิฏฺสฺส ปวตฺตึ ชานิสฺสามี’’ติ ตสฺส สนฺติกํ อาคนฺตฺวา ตํ ภิยฺโยโสมตฺตาย ปณฺฑุโรคินํ ทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข, โภ, ตฺวํ ภิยฺโยโสมตฺตาย ปณฺฑุโรคี ชาโต’’ติ วตฺวา ‘‘ตสฺส ทสฺสนียสฺส นาคราชสฺส อทสฺสเนนา’’ติ สุตฺวา ‘‘อยํ ตาปโส นาคราชานํ วินา วตฺติตุํ น สกฺโกตี’’ติ สลฺลกฺเขตฺวา ตติยํ คาถมาห –
‘‘น ¶ ตํ ยาเจ ยสฺส ปิยํ ชิคีเส, เทสฺโส โหติ อติยาจนาย;
นาโค มณึ ยาจิโต พฺราหฺมเณน, อทสฺสนํเยว ตทชฺฌคมา’’ติ.
ตตฺถ น ตํ ยาเจติ ตํ ภณฺฑํ น ยาเจยฺย. ยสฺส ปิยํ ชิคีเสติ ยํ ภณฺฑํ อสฺส ปุคฺคลสฺส ปิยนฺติ ชาเนยฺย. เทสฺโส โหตีติ อปฺปิโย โหติ. อติยาจนายาติ ปมาณํ อติกฺกมิตฺวา วรภณฺฑํ ยาจนฺโต ตาย อติยาจนาย. อทสฺสนํเยว ตทชฺฌคมาติ ตโต ปฏฺาย อทสฺสนเมว คโตติ.
เอวํ ปน ตํ วตฺวา ‘‘อิโต ทานิ ปฏฺาย มา โสจี’’ติ สมสฺสาเสตฺวา เชฏฺภาตา อตฺตโน อสฺสมเมว คโต. อถาปรภาเค เต ¶ ทฺเวปิ ภาตโร อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา พฺรหฺมโลกปรายณา อเหสุํ.
สตฺถา ¶ ‘‘เอวํ, ภิกฺขเว, สตฺตรตนปริปุณฺเณ นาคภวเน วสนฺตานํ นาคานมฺปิ ยาจนา นาม อมนาปา, กิมงฺคํ ปน มนุสฺสาน’’นฺติ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา กนิฏฺโ อานนฺโท อโหสิ, เชฏฺโ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
มณิกณฺชาตกวณฺณนา ตติยา.
[๒๕๔] ๔. กุณฺฑกกุจฺฉิสินฺธวชาตกวณฺณนา
ภุตฺวา ติณปริฆาสนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สาริปุตฺตตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ. เอกสฺมิฺหิ สมเย สมฺมาสมฺพุทฺเธ สาวตฺถิยํ วสฺสํ วสิตฺวา จาริกํ จริตฺวา ปุน ปจฺจาคเต มนุสฺสา ‘‘อาคนฺตุกสกฺการํ กริสฺสามา’’ติ พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ ททนฺติ. วิหาเร เอกํ ธมฺมโฆสกภิกฺขุํ เปสุํ, โส เย เย อาคนฺตฺวา ยตฺตเก ภิกฺขู อิจฺฉนฺติ, เตสํ เตสํ ภิกฺขู วิจาเรตฺวา เทติ.
อเถกา ทุคฺคตมหลฺลิกา อิตฺถี เอกเมว ปฏิวีสํ สชฺเชตฺวา เตสํ เตสํ มนุสฺสานํ ภิกฺขูสุ วิจาเรตฺวา ทินฺเนสุ อุสฺสูเร ธมฺมโฆสกสฺส สนฺติกํ อาคนฺตฺวา ‘‘มยฺหํ เอกํ ภิกฺขุํ เทถา’’ติ อาห. โส ‘‘มยา สพฺเพ ภิกฺขู วิจาเรตฺวา ทินฺนา, สาริปุตฺตตฺเถโร ปน วิหาเรเยว, ตฺวํ ตสฺส ภิกฺขํ เทหี’’ติ อาห. สา ‘‘สาธู’’ติ ตุฏฺจิตฺตา เชตวนทฺวารโกฏฺเก ตฺวา เถรสฺส อาคตกาเล ¶ วนฺทิตฺวา หตฺถโต ปตฺตํ คเหตฺวา ฆรํ เนตฺวา นิสีทาเปสิ. ‘‘เอกาย กิร มหลฺลิกาย ธมฺมเสนาปติ อตฺตโน ฆเร นิสีทาปิโต’’ติ พหูนิ สทฺธานิ กุลานิ อสฺโสสุํ. เตสุ ราชา ปสฺเสนที โกสโล ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา ตสฺสา สาฏเกน เจว สหสฺสตฺถวิกาย จ สทฺธึ ภตฺตภาชนานิ ปหิณิ ‘‘มยฺหํ อยฺยํ ปริวิสมานา อิมํ สาฏกํ นิวาเสตฺวา อิเม กหาปเณ วฬฺเชตฺวา เถรํ ปริวิสตู’’ติ. ยถา จ ราชา, เอวํ อนาถปิณฺฑิโก ¶ จูฬอนาถปิณฺฑิโก วิสาขา จ มหาอุปาสิกา ปหิณิ. อฺานิปิ ปน กุลานิ เอกสตทฺวิสตาทิวเสน อตฺตโน อตฺตโน พลานุรูเปน กหาปเณ ปหิณึสุ. เอวํ เอกาเหเนว สา มหลฺลิกา สตสหสฺสมตฺตํ ลภิ. เถโร ปน ตาย ทินฺนยาคุเมว ปิวิตฺวา ¶ ตาย กตขชฺชกเมว ปกฺกภตฺตเมว จ ปริภฺุชิตฺวา อนุโมทนํ กตฺวา ตํ มหลฺลิกํ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาเปตฺวา วิหารเมว อคมาสิ.
ธมฺมสภายํ ภิกฺขู เถรสฺส คุณกถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, ธมฺมเสนาปติ มหลฺลิกคหปตานึ ทุคฺคตภาวโต โมเจสิ, ปติฏฺา อโหสิ. ตาย ทินฺนมาหารํ อชิคุจฺฉนฺโต ปริภฺุชี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, สาริปุตฺโต อิทาเนว เอติสฺสา มหลฺลิกาย อวสฺสโย ชาโต, น จ อิทาเนว ตาย ทินฺนํ อาหารํ อชิคุจฺฉนฺโต ปริภฺุชติ, ปุพฺเพปิ ปริภฺุชิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต อุตฺตราปเถ อสฺสวาณิชกุเล นิพฺพตฺติ. อุตฺตราปถชนปทโต ปฺจสตา อสฺสวาณิชา อสฺเส พาราณสึ อาเนตฺวา วิกฺกิณนฺติ. อฺตโรปิ อสฺสวาณิโช ปฺจอสฺสสตานิ อาทาย พาราณสิมคฺคํ ปฏิปชฺชิ. อนฺตรามคฺเค จ พาราณสิโต อวิทูเร เอโก นิคมคาโม อตฺถิ, ตตฺถ ปุพฺเพ มหาวิภโว เสฏฺิ อโหสิ. ตสฺส มหนฺตํ นิเวสนํ, ตํ ปน กุลํ อนุกฺกเมน ปริกฺขยํ คตํ, เอกาว มหลฺลิกา อวสิฏฺา, สา ตสฺมึ นิเวสเน วสติ. อถ โส อสฺสวาณิโช ตํ นิคมคามํ ปตฺวา ‘‘เวตนํ ทสฺสามี’’ติ ตสฺสา นิเวสเน นิวาสํ คณฺหิตฺวา อสฺเส เอกมนฺเต เปสิ. ตํทิวสเมวสฺส เอกิสฺสา อาชานียาวฬวาย คพฺภวุฏฺานํ อโหสิ. โส ทฺเว ตโย ทิวเส วสิตฺวา อสฺเส พลํ คาหาเปตฺวา ‘‘ราชานํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ อสฺเส อาทาย ปายาสิ. อถ นํ มหลฺลิกา ‘‘เคหเวตนํ เทหี’’ติ วตฺวา ‘‘สาธุ, อมฺม, เทมี’’ติ ¶ วุตฺเต ‘‘ตาต, เวตนํ เม ททมาโน อิมมฺปิ อสฺสโปตกํ เวตนโต ขณฺเฑตฺวา เทหี’’ติ อาห. วาณิโช ตถา กตฺวา ¶ ปกฺกามิ. สา ตสฺมึ อสฺสโปตเก ปุตฺตสิเนหํ ปจฺจุปฏฺเปตฺวา อวสฺสาวนฌามกภตฺตวิฆาสติณานิ ทตฺวา ตํ ปฏิชคฺคิ.
อถาปรภาเค โพธิสตฺโต ปฺจ อสฺสสตานิ อาทาย อาคจฺฉนฺโต ตสฺมึ เคเห นิวาสํ คณฺหิ. กุณฺฑกขาทกสฺส สินฺธวโปตกสฺส ิตฏฺานโต คนฺธํ ฆายิตฺวา เอกอสฺโสปิ เคหํ ปวิสิตุํ นาสกฺขิ. โพธิสตฺโต มหลฺลิกํ ปุจฺฉิ – ‘‘อมฺม, กจฺจิ อิมสฺมึ เคเห อสฺโส อตฺถี’’ติ ¶ . ‘‘ตาต, อฺโ อสฺโส นาม นตฺถิ, อหํ ปน ปุตฺตํ กตฺวา เอกํ อสฺสโปตกํ ปฏิชคฺคามิ, โส เอตฺถ อตฺถี’’ติ. ‘‘กหํ โส, อมฺมา’’ติ? ‘‘จริตุํ คโต, ตาตา’’ติ. ‘‘กาย เวลาย อาคมิสฺสติ, อมฺมา’’ติ? ‘‘สายนฺเห, ตาตา’’ติ. โพธิสตฺโต ตสฺส อาคมนํ ปฏิมาเนนฺโต อสฺเส พหิ เปตฺวาว นิสีทิ. สินฺธวโปตโกปิ วิจริตฺวา กาเลเยว อาคมิ. โพธิสตฺโต กุณฺฑกกุจฺฉิสินฺธวโปตกํ ทิสฺวา ลกฺขณานิ สมาเนตฺวา ‘‘อยํ สินฺธโว อนคฺโฆ, มหลฺลิกาย มูลํ ทตฺวา คเหตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตสิ. สินฺธวโปตโกปิ เคหํ ปวิสิตฺวา อตฺตโน วสนฏฺาเนเยว ิโต. ตสฺมึ ขเณ เต อสฺสา เคหํ ปวิสิตุํ สกฺขึสุ.
โพธิสตฺโต ทฺวีหตีหํ วสิตฺวา อสฺเส สนฺตปฺเปตฺวา คจฺฉนฺโต ‘‘อมฺม, อิมํ อสฺสโปตกํ มูลํ คเหตฺวา มยฺหํ เทหี’’ติ อาห. ‘‘กึ วเทสิ, ตาต, ปุตฺตํ วิกฺกิณนฺตา นาม อตฺถี’’ติ. ‘‘อมฺม, ตฺวํ เอตํ กึ ขาทาเปตฺวา ปฏิชคฺคสี’’ติ? ‘‘โอทนกฺชิกฺจ ฌามกภตฺตฺจ วิฆาสติณฺจ ขาทาเปตฺวา กุณฺฑกยาคฺุจ ปาเยตฺวา ปฏิชคฺคามิ, ตาตา’’ติ. ‘‘อมฺม, อหํ เอตํ ลภิตฺวา ปิณฺฑรสโภชนํ โภเชสฺสามิ, ิตฏฺาเน ¶ เจลวิตานํ ปสาเรตฺวา อตฺถรณปิฏฺเ เปสฺสามี’’ติ. ‘‘ตาต, เอวํ สนฺเต มม ปุตฺโต จ สุขํ อนุภวตุ, ตํ คเหตฺวา คจฺฉา’’ติ. อถ โพธิสตฺโต ตสฺส จตุนฺนํ ปาทานํ นงฺคุฏฺสฺส มุขสฺส จ มูลํ เอเกกํ กตฺวา ฉ สหสฺสตฺถวิกาโย เปตฺวา มหลฺลิกํ นววตฺถํ นิวาสาเปตฺวา สินฺธวโปตกสฺส ปุรโต เปสิ. โส อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา มาตรํ โอโลเกตฺวา อสฺสูนิ ปวตฺเตสิ. สาปิ ตสฺส ปิฏฺึ ปริมชฺชิตฺวา อาห – ‘‘มยา ปุตฺตโปสาวนิกํ ลทฺธํ, ตฺวํ, ตาต, คจฺฉาหี’’ติ, ตทา โส อคมาสิ.
โพธิสตฺโต ปุนทิวเส อสฺสโปตกสฺส ปิณฺฑรสโภชนํ สชฺเชตฺวา ‘‘วีมํสิสฺสามิ ตาว นํ, ชานาติ นุ โข อตฺตโน พลํ, อุทาหุ น ชานาตี’’ติ โทณิยํ กุณฺฑกยาคุํ อากิราเปตฺวา ทาเปสิ. โส ‘‘นาหํ อิมํ โภชนํ ภฺุชิสฺสามี’’ติ ตํ ยาคุํ ปายิตุํ น อิจฺฉิ. โพธิสตฺโต ตสฺส วีมํสนวเสน ปมํ คาถมาห –
‘‘ภุตฺวา ¶ ติณปริฆาสํ, ภุตฺวา อาจามกุณฺฑกํ;
เอตํ เต โภชนํ อาสิ, กสฺมา ทานิ น ภฺุชสี’’ติ.
ตตฺถ ¶ ภุตฺวา ติณปริฆาสนฺติ ตฺวํ ปุพฺเพ มหลฺลิกาย ทินฺนํ เตสํ เตสํ ขาทิตาวเสสํ วิฆาสติณสงฺขาตํ ปริฆาสํ ภฺุชิตฺวา วฑฺฒิโต. ภุตฺวา อาจามกุณฺฑกนฺติ เอตฺถ อาจาโม วุจฺจติ โอทนาวเสสํ. กุณฺฑกนฺติ กุณฺฑกเมว. เอตฺจ ภฺุชิตฺวา วฑฺฒิโตสีติ ทีเปติ. เอตํ เตติ เอตํ ตว ปุพฺเพ โภชนํ อาสิ. กสฺมา ทานิ น ภฺุชสีติ มยาปิ เต ตเมว ทินฺนํ, ตฺวํ ตํ กสฺมา อิทานิ น ภฺุชสีติ.
ตํ สุตฺวา สินฺธวโปตโก อิตรา ทฺเว คาถา อโวจ –
‘‘ยตฺถ โปสํ น ชานนฺติ, ชาติยา วินเยน วา;
พหุ ตตฺถ มหาพฺรหฺเม, อปิ อาจามกุณฺฑกํ.
‘‘ตฺวฺจ โขมํ ปชานาสิ, ยาทิสายํ หยุตฺตโม;
ชานนฺโต ชานมาคมฺม, น เต ภกฺขามิ กุณฺฑก’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ ยตฺถาติ ยสฺมึ าเน. โปสนฺติ สตฺตํ. ชาติยา วินเยน วาติ ‘‘ชาติสมฺปนฺโน วา เอโส, น วา, อาจารยุตฺโต วา, น วา’’ติ เอวํ น ชานนฺติ. มหาพฺรหฺเมติ ครุกาลปเนน อาลปนฺโต อาห. ยาทิสายนฺติ ยาทิโส อยํ, อตฺตานํ สนฺธาย วทติ. ชานนฺโต ชานมาคมฺมาติ อหํ อตฺตโน พลํ ชานนฺโต ชานนฺตเมว ตํ อาคมฺม ปฏิจฺจ ตว สนฺติเก กุณฺฑกํ กึ ภฺุชิสฺสามิ. น หิ ตฺวํ กุณฺฑกํ โภชาเปตุกามตาย ฉ สหสฺสานิ ทตฺวา มํ คณฺหีติ.
ตํ สุตฺวา โพธิสตฺโต ‘‘ตํ วีมํสนตฺถาย ตํ มยา กตํ, มา กุชฺฌี’’ติ ตํ สมสฺสาเสตฺวา สุโภชนํ โภเชตฺวา อาทาย ราชงฺคณํ คนฺตฺวา เอกสฺมึ ปสฺเส ปฺจ อสฺสสตานิ เปตฺวา เอกสฺมึ ปสฺเส วิจิตฺตสาณึ ปริกฺขิปิตฺวา เหฏฺา อตฺถรณํ ปตฺถริตฺวา อุปริ เจลวิตานํ พนฺธิตฺวา สินฺธวโปตกํ เปสิ.
ราชา อาคนฺตฺวา อสฺเส โอโลเกนฺโต ‘‘อยํ อสฺโส กสฺมา วิสุํ ปิโต’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘มหาราช ¶ , อยํ สินฺธโว อิเม อสฺเส วิสุํ อกโต โมเจสฺสตี’’ติ สุตฺวา ‘‘โสภโน, โภ, สินฺธโว’’ติ ปุจฺฉิ. โพธิสตฺโต ‘‘อาม, มหาราชา’’ติ วตฺวา ‘‘เตน หิสฺส ชวํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ ¶ วุตฺเต ตํ อสฺสํ กปฺเปตฺวา อภิรุหิตฺวา ‘‘ปสฺส, มหาราชา’’ติ มนุสฺเส อุสฺสาเรตฺวา ราชงฺคเณ อสฺสํ ปาเหสิ. สพฺพํ ราชงฺคณํ นิรนฺตรํ อสฺสปนฺตีหิ ปริกฺขิตฺตมิวาโหสิ. ปุน โพธิสตฺโต ‘‘ปสฺส, มหาราช, สินฺธวโปตกสฺส เวค’’นฺติ วิสฺสชฺเชสิ, เอกปุริโสปิ นํ น อทฺทส. ปุน รตฺถปฏํ อุทเร ปริกฺขิปิตฺวา วิสฺสชฺเชสิ, รตฺตปฏเมว ปสฺสึสุ. อถ นํ อนฺโตนคเร เอกิสฺสา อุยฺยานโปกฺขรณิยา อุทกปิฏฺเ วิสฺสชฺเชสิ, ตตฺถสฺส อุทกปิฏฺเ ธาวโต ขุรคฺคานิปิ น เตมึสุ. ปุนวารํ ปทุมินิปตฺตานํ อุปริ ¶ ธาวนฺโต เอกปณฺณมฺปิ น อุทเก โอสีทาเปสิ. เอวมสฺส ชวสมฺปนฺนํ ทสฺเสตฺวา โอรุยฺห ปาณึ ปหริตฺวา หตฺถตลํ อุปนาเมสิ, อสฺโส อุปคนฺตฺวา จตฺตาโร ปาเท เอกโต กตฺวา หตฺถตเล อฏฺาสิ. อถ มหาสตฺโต ราชานํ อาห – ‘‘มหาราช, อิมสฺส อสฺสโปตกสฺส สพฺพากาเรน เวเค ทสฺสิยมาเน สมุทฺทปริยนฺโต นปฺปโหตี’’ติ. ราชา ตุสฺสิตฺวา มหาสตฺตสฺส อุปฑฺฒรชฺชํ อทาสิ. สินฺธวโปตกมฺปิ อภิสิฺจิตฺวา มงฺคลอสฺสํ อกาสิ.
โส รฺโ ปิโย อโหสิ มนาโป, สกฺกาโรปิสฺส มหา อโหสิ. ตสฺส หิ วสนฏฺานํ รฺโ อลงฺกตปฏิยตฺโต วาสฆรคพฺโภ วิย อโหสิ, จตุชาติคนฺเธหิ ภูมิเลปนํ อกํสุ, คนฺธทามมาลาทามานิ โอสารยึสุ, อุปริ สุวณฺณตารกขจิตํ เจลวิตานํ อโหสิ, สมนฺตโต จิตฺรสาณิ ปริกฺขิตฺตา อโหสิ, นิจฺจํ คนฺธเตลปทีปา ฌายึสุ, อุจฺจารปสฺสาวฏฺาเนปิสฺส สุวณฺณกฏาหํ ปยึสุ, นิจฺจํ ราชารหโภชนเมว ภฺุชิ. ตสฺส ปน อาคตกาลโต ปฏฺาย รฺโ สกลชมฺพุทีเป รชฺชํ หตฺถคตเมว อโหสิ. ราชา โพธิสตฺตสฺส โอวาเท ตฺวา ทานาทีนิ ปฺุานิ กตฺวา สคฺคปรายโณ อโหสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน พหู โสตาปนฺนา สกทาคามิโน อนาคามิโน อรหนฺโต จ อเหสุํ. ‘‘ตทา มหลฺลิกา อยเมว มหลฺลิกา อโหสิ, สินฺธโว สาริปุตฺโต, ราชา อานนฺโท, อสฺสวาณิชฺโช ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
กุณฺฑกกุจฺฉิสินฺธวชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.
[๒๕๕] ๕. สุกชาตกวณฺณนา
ยาว ¶ ¶ โส มตฺตมฺาสีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ อติพหุํ ภฺุชิตฺวา อชีรเณน กาลกตํ ภิกฺขุํ อารพฺภ ¶ กเถสิ. ตสฺมึ กิร เอวํ กาลกเต ธมฺมสภายํ ภิกฺขู ตสฺส อคุณกถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, อสุโก นาม ภิกฺขุ อตฺตโน กุจฺฉิปฺปมาณํ อชานิตฺวา อติพหุํ ภฺุชิตฺวา ชีราเปตุํ อสกฺโกนฺโต กาลกโต’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปส อติโภชนปจฺจเยเนว มโต’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต หิมวนฺตปเทเส สุกโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา อเนกานํ สุกสหสฺสานํ สมุทฺทานุคเต หิมวนฺตปเทเส วสนฺตานํ ราชา อโหสิ. ตสฺเสโก ปุตฺโต อโหสิ, ตสฺมึ พลปฺปตฺเต โพธิสตฺโต ทุพฺพลจกฺขุโก อโหสิ. สุกานํ กิร สีโฆ เวโค โหติ, เตน เตสํ มหลฺลกกาเล ปมํ จกฺขุเมว ทุพฺพลํ โหติ. โพธิสตฺตสฺส ปุตฺโต มาตาปิตโร กุลาวเก เปตฺวา โคจรํ อาหริตฺวา โปเสสิ. โส เอกทิวสํ โคจรภูมึ คนฺตฺวา ปพฺพตมตฺถเก ิโต สมุทฺทํ โอโลเกนฺโต เอกํ ทีปกํ ปสฺสิ. ตสฺมึ ปน สุวณฺณวณฺณํ มธุรผลํ อมฺพวนํ อตฺถิ. โส ปุนทิวเส โคจรเวลาย อุปฺปติตฺวา ตสฺมึ อมฺพวเน โอตริตฺวา อมฺพรสํ ปิวิตฺวา อมฺพปกฺกํ อาทาย อาคนฺตฺวา มาตาปิตูนํ อทาสิ. โพธิสตฺโต ตํ ขาทนฺโต รสํ สฺชานิตฺวา ‘‘ตาต, นนุ อิมํ อสุกทีปเก อมฺพปกฺก’’นฺติ วตฺวา ‘‘อาม, ตาตา’’ติ วุตฺเต ‘‘ตาต, เอตํ ทีปกํ คจฺฉนฺตา นาม สุกา ทีฆมายุํ ปาเลนฺตา นาม นตฺถิ, มา โข ตฺวํ ปุน ตํ ทีปกํ อคมาสี’’ติ อาห. โส ตสฺส วจนํ อคฺคเหตฺวา อคมาสิเยว.
อเถกทิวสํ พหุํ อมฺพรสํ ปิวิตฺวา มาตาปิตูนํ อตฺถาย อมฺพปกฺกํ อาทาย สมุทฺทมตฺถเกนาคจฺฉนฺโต ¶ อติธาตตาย กิลนฺตกาโย นิทฺทายาภิภูโต, โส นิทฺทายนฺโตปิ อาคจฺฉเตว, ตุณฺเฑน ปนสฺส คหิตํ อมฺพปกฺกํ ปติ. โส อนุกฺกเมน อาคมนวีถึ ชหิตฺวา โอสีทนฺโต อุทกปิฏฺเเนว อาคจฺฉนฺโต อุทเก ปติ. อถ นํ เอโก มจฺโฉ คเหตฺวา ¶ ขาทิ. โพธิสตฺโต ตสฺมึ อาคมนเวลาย อนาคจฺฉนฺเตเยว ‘‘สมุทฺเท ปติตฺวา มโต ภวิสฺสตี’’ติ อฺาสิ. อถสฺส มาตาปิตโรปิ อาหารํ อลภมานา สุสฺสิตฺวา มรึสุ.
สตฺถา ¶ อิมํ อตีตํ อาหริตฺวา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา อิมา คาถา อโวจ –
‘‘ยาว โส มตฺตมฺาสิ, โภชนสฺมึ วิหงฺคโม;
ตาว อทฺธานมาปาทิ, มาตรฺจ อโปสยิ.
‘‘ยโต จ โข พหุตรํ, โภชนํ อชฺฌวาหริ;
ตโต ตตฺเถว สํสีทิ, อมตฺตฺู หิ โส อหุ.
‘‘ตสฺมา มตฺตฺุตา สาธุ, โภชนสฺมึ อคิทฺธตา;
อมตฺตฺู หิ สีทนฺติ, มตฺตฺู จ น สีทเร’’ติ.
ตตฺถ ยาว โสติ ยาว โส วิหงฺคโม โภชเน มตฺตมฺาสิ. ตาว อทฺธานมาปาทีติ ตตฺถกํ กาลํ ชีวิตอทฺธานํ อาปาทิ, อายุํ วินฺทิ. มาตรฺจาติ เทสนาสีสเมตํ, มาตาปิตโร จ อโปสยีติ อตฺโถ. ยโต จ โขติ ยสฺมิฺจ โข กาเล. โภชนํ อชฺฌวาหรีติ อมฺพรสํ อชฺโฌหริ. ตโตติ ตสฺมึ กาเล. ตตฺเถว สํสีทีติ ตสฺมึ สมุทฺเทเยว โอสีทิ นิมุชฺชิ, มจฺฉโภชนตํ อาปชฺชิ.
ตสฺมา มตฺตฺุตา สาธูติ ยสฺมา โภชเน อมตฺตฺู สุโก สมุทฺเท โอสีทิตฺวา มโต, ตสฺมา โภชนสฺมึ อคิทฺธิตาสงฺขาโต มตฺตฺุภาโว สาธุ, ปมาณชานนํ สุนฺทรนฺติ อตฺโถ. อถ วา ‘‘ปฏิสงฺขา โยนิโส อาหารํ อาหาเรติ, เนว ทวาย น มทาย…เป… ผาสุวิหาโร จา’’ติ.
‘‘อลฺลํ สุกฺขฺจ ภฺุชนฺโต, น พาฬฺหํ สุหิโต สิยา;
อูนุทโร มิตาหาโร, สโต ภิกฺขุ ปริพฺพเช.
‘‘จตฺตาโร ¶ ปฺจ อาโลเป, อภุตฺวา อุทกํ ปิเว;
อลํ ผาสุวิหาราย, ปหิตตฺตสฺส ภิกฺขุโน. (เถรคา. ๙๘๒-๙๘๓);
‘‘มนุชสฺส ¶ ¶ สทา สตีมโต, มตฺตํ ชานโต ลทฺธโภชเน;
ตนู ตสฺส ภวนฺติ เวทนา, สณิกํ ชีรติ อายุํ ปาลย’’นฺติ. (สํ. นิ. ๑.๑๒๔) –
เอวํ วณฺณิตา มตฺตฺุตาปิ สาธุ.
‘‘กนฺตาเร ปุตฺตมํสํว, อกฺขสฺสพฺภฺชนํ ยถา;
เอวํ อาหริ อาหรํ, ยาปนตฺถมมุจฺฉิโต’’ติ. (วิสุทฺธิ. ๑.๑๙) –
เอวํ วณฺณิตา อคิทฺธิตาปิ สาธุ. ปาฬิยํ ปน ‘‘อคิทฺธิมา’’ติ ลิขิตํ, ตโต อยํ อฏฺกถาปาโว สุนฺทรตโร. อมตฺตฺู หิ สีทนฺตีติ โภชเน ปมาณํ อชานนฺตา หิ รสตณฺหาวเสน ปาปกมฺมํ กตฺวา จตูสุ อปาเยสุ สีทนฺติ. มตฺตฺู จ น สีทเรติ เย ปน โภชเน ปมาณํ ชานนฺติ, เต ทิฏฺธมฺเมปิ สมฺปราเยปิ น สีทนฺตีติ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน พหู โสตาปนฺนาปิ สกทาคามิโนปิ อนาคามิโนปิ อรหนฺโตปิ อเหสุํ. ‘‘ตทา สุกราชปุตฺโต โภชเน อมตฺตฺู ภิกฺขุ อโหสิ, สุกราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
สุกชาตกวณฺณนา ปฺจมา.
[๒๕๖] ๖. ชรูทปานชาตกวณฺณนา
ชรูทปานํ ขณมานาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สาวตฺถิวาสิโน วาณิเช อารพฺภ กเถสิ. เต กิร สาวตฺถิยํ ภณฺฑํ คเหตฺวา สกฏานิ ปูเรตฺวา โวหารตฺถาย คมนกาเล ตถาคตํ นิมนฺเตตฺวา สรณานิ คเหตฺวา สีเลสุ ปติฏฺาย สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ‘‘มยํ, ภนฺเต, โวหารตฺถาย ทีฆมคฺคํ คมิสฺสาม, ภณฺฑํ วิสฺสชฺเชตฺวา สิทฺธิปฺปตฺตา โสตฺถินา ปจฺจาคนฺตฺวา ปน ตุมฺเห วนฺทิสฺสามา’’ติ วตฺวา มคฺคํ ปฏิปชฺชึสุ. เต กนฺตารมคฺเค ปุราณอุทปานํ ทิสฺวา ‘‘อิมสฺมึ อุทปาเน ปานียํ นตฺถิ, มยฺจ ปิปาสิตา, ขณิสฺสาม น’’นฺติ ขณนฺตา ปฏิปาฏิยา พหุํ ¶ อยํ…เป… เวฬุริยํ ลภึสุ. เต เตเนว สนฺตุฏฺา หุตฺวา เตสํ รตนานํ สกฏานิ ¶ ปูเรตฺวา โสตฺถินา ¶ สาวตฺถึ ปจฺจาคมึสุ. เต อาภตํ ธนํ ปฏิสาเมตฺวา มยํ ‘‘สิทฺธิปฺปตฺตา ภตฺตํ ทสฺสามา’’ติ ตถาคตํ นิมนฺเตตฺวา ทานํ ทตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺนา อตฺตโน ธนสฺส ลทฺธาการํ สตฺถุ อาโรเจสุํ. สตฺถา ‘‘ตุมฺเห โข อุปาสกา เตน ธเนน สนฺตุฏฺา หุตฺวา ปมาณฺุตาย ธนฺจ ชีวิตฺจ อลภิตฺถ, โปราณกา ปน อสนฺตุฏฺา อมตฺตฺุโน ปณฺฑิตานํ วจนํ อกตฺวา ชีวิกฺขยํ ปตฺตา’’ติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต พาราณสิยํ วาณิชกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต สตฺถวาหเชฏฺโก อโหสิ. โส พาราณสิยํ ภณฺฑํ คเหตฺวา สกฏานิ ปูเรตฺวา พหู วาณิเช อาทาย ตเมว กนฺตารํ ปฏิปนฺโน ตเมว อุทปานํ อทฺทส. ตตฺถ เต วาณิชา ‘‘ปานียํ ปิวิสฺสามา’’ติ ตํ อุทปานํ ขณนฺตา ปฏิปาฏิยา พหูนิ อยาทีนิ ลภึสุ. เต พหุมฺปิ รตนํ ลภิตฺวา เตน อสนฺตุฏฺา ‘‘อฺมฺปิ เอตฺถ อิโต สุนฺทรตรํ ภวิสฺสตี’’ติ ภิยฺโยโสมตฺตาย ตํ ขณึสุเยว. อถ โพธิสตฺโต เต อาห – ‘‘โภ วาณิชา, โลโภ นาเมส วินาสมูลํ, อมฺเหหิ พหุ ธนํ ลทฺธํ, เอตฺตเกเนว สนฺตุฏฺา โหถ, มา อติขณถา’’ติ. เต เตน นิวาริยมานาปิ ขณึสุเยว. โส จ อุทปาโน นาคปริคฺคหิโต, อถสฺส เหฏฺา วสนกนาคราชา อตฺตโน วิมาเน ภิชฺชนฺเต เลฑฺฑูสู จ ปํสูสุ จ ปตมาเนสุ กุทฺโธ เปตฺวา โพธิสตฺตํ อวเสเส สพฺเพปิ นาสิกวาเตน ปหริตฺวา ชีวิตกฺขยํ ¶ ปาเปตฺวา นาคภวนา นิกฺขมฺม สกฏานิ โยเชตฺวา สพฺพรตนานํ ปูเรตฺวา โพธิสตฺตํ สุขยานเก นิสีทาเปตฺวา นาคมาณวเกหิ สทฺธึ สกฏานิ โยชาเปนฺโต โพธิสตฺตํ พาราณสึ เนตฺวา ฆรํ ปเวเสตฺวา ตํ ปฏิสาเมตฺวา อตฺตโน นาคภวนเมว คโต. โพธิสตฺโต ตํ ธนํ วิสฺสชฺเชตฺวา สกลชมฺพุทีปํ อุนฺนงฺคลํ กตฺวา ทานํ ทตฺวา สีลํ สมาทิยิตฺวา อุโปสถกมฺมํ กตฺวา ชีวิตปริโยสาเน สคฺคปุรํ ปูเรสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา อิมา คาถา อโวจ –
‘‘ชรูทปานํ ¶ ขณมานา, วาณิชา อุทกตฺถิกา;
อชฺฌคมุํ อยสํ โลหํ, ติปุสีสฺจ วาณิชา;
รชตํ ชาตรูปฺจ, มุตฺตา เวฬุริยา พหู.
‘‘เต จ เตน อสนฺตุฏฺา, ภิยฺโย ภิยฺโย อขาณิสุํ;
เต ตตฺถาสีวิโส โฆโร, เตชสฺสี เตชสา หนิ.
‘‘ตสฺมา ¶ ขเณ นาติขเณ, อติขาตฺหิ ปาปกํ;
ขาเตน จ ธนํ ลทฺธํ, อติขาเตน นาสิต’’นฺติ.
ตตฺถ อยสนฺติ กาฬโลหํ. โลหนฺติ ตมฺพโลหํ. มุตฺตาติ มุตฺตาโย. เต จ เตน อสนฺตุฏฺาติ เต จ วาณิชา เตน ธเนน อสนฺตุฏฺา. เต ตตฺถาติ เต วาณิชา ตสฺมึ อุทปาเน. เตชสฺสีติ วิสเตเชน สมนฺนาคโต. เตชสา หนีติ วิสเตเชน ฆาเตสิ. อติขาเตน นาสิตนฺติ อติขเณน ตฺจ ธนํ ชีวิตฺจ นาสิตํ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา นาคราชา สาริปุตฺโต อโหสิ, สตฺถวาหเชฏฺโก ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
ชรูทปานชาตกวณฺณนา ฉฏฺา.
[๒๕๗] ๗. คามณิจนฺทชาตกวณฺณนา
นายํ ¶ ฆรานํ กุสโลติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปฺาปสํสนํ อารพฺภ กเถสิ. ธมฺมสภายฺหิ ภิกฺขู ทสพลสฺส ปฺํ ปสํสนฺตา นิสีทึสุ – ‘‘อาวุโส, ตถาคโต มหาปฺโ ปุถุปฺโ หาสปฺโ ชวนปฺโ ติกฺขปฺโ นิพฺเพธิกปฺโ สเทวกํ โลกํ ปฺาย อติกฺกมตี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ ตถาคโต ปฺวาเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ ชนสนฺโธ นาม ราชา รชฺชํ กาเรสิ. โพธิสตฺโต ตสฺส อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติ. ตสฺส มุขํ สุปริมชฺชิตกฺจนาทาสตลํ ¶ วิย ปริสุทฺธํ อโหสิ อติโสภคฺคปฺปตฺตํ, เตนสฺส นามคฺคหณทิวเส ‘‘อาทาสมุขมาโร’’ติ นามํ อกํสุ. ตํ สตฺตวสฺสพฺภนฺตเรเยว ปน ปิตา ตโย เวเท จ สพฺพฺจ โลเก กตฺตพฺพากตฺตพฺพํ สิกฺขาเปตฺวา ตสฺส สตฺตวสฺสิกกาเล กาลมกาสิ. อมจฺจา มหนฺเตน สกฺกาเรน รฺโ สรีรกิจฺจํ กตฺวา มตกทานํ ทตฺวา สตฺตเม ทิวเส ราชงฺคเณ สนฺนิปติตฺวา ‘‘กุมาโร อติทหโร, น สกฺกา รชฺเช อภิสิฺจิตุํ, วีมํสิตฺวา นํ อภิสิฺจิสฺสามา’’ติ เอกทิวสํ นครํ อลงฺการาเปตฺวา วินิจฺฉยฏฺานํ ¶ สชฺเชตฺวา ปลฺลงฺกํ ปฺเปตฺวา กุมารสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘วินิจฺฉยฏฺานํ, เทว, คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ อาหํสุ. กุมาโร ‘‘สาธู’’ติ มหนฺเตน ปริวาเรน คนฺตฺวา ปลฺลงฺเก นิสีทิ.
ตสฺส นิสินฺนกาเล อมจฺจา เอกํ ทฺวีหิ ปาเทหิ วิจรณมกฺกฏํ วตฺถุวิชฺชาจริยเวสํ คาหาเปตฺวา วินิจฺฉยฏฺานํ เนตฺวา ‘‘เทว, อยํ ปุริโส ปิตุ มหาราชสฺส กาเล วตฺถุวิชฺชาจริโย ปคุณวิชฺโช อนฺโตภูมิยํ สตฺตรตนฏฺาเน ¶ คุณโทสํ ปสฺสติ, เอเตเนว คหิตํ ราชกุลานํ เคหฏฺานํ โหติ, อิมํ เทโว สงฺคณฺหิตฺวา านนฺตเร เปตู’’ติ อาหํสุ. กุมาโร ตํ เหฏฺา จ อุปริจ โอโลเกตฺวา ‘‘นายํ มนุสฺโส, มกฺกโฏ เอโส’’ติ ตฺวา ‘‘มกฺกฏา นาม กตํ กตํ วิทฺธํเสตุํ ชานนฺติ, อกตํ ปน กาตุํ วา วิจาเรตุํ วา น ชานนฺตี’’ติ จินฺเตตฺวา อมจฺจานํ ปมํ คาถมาห –
‘‘นายํ ฆรานํ กุสโล, โลโล อยํ วลีมุโข;
กตํ กตํ โข ทูเสยฺย, เอวํ ธมฺมมิทํ กุล’’นฺติ.
ตตฺถ นายํ ฆรานํ กุสโลติ อยํ สตฺโต น ฆรานํ กุสโล, ฆรานิ วิจาเรตุํ วา กาตุํ วา เฉโก น โหติ. โลโลติ โลลชาติโก. วลีมุโขติ วลิโย มุเข อสฺสาติ วลีมุโข. เอวํ ธมฺมมิทํกุลนฺติ อิทํ มกฺกฏกุลํ นาม กตํ กตํ ทูเสตพฺพํ วินาเสตพฺพนฺติ เอวํ สภาวนฺติ.
อถามจฺจา ‘‘เอวํ ภวิสฺสติ, เทวา’’ติ ตํ อปเนตฺวา เอกาหทฺวีหจฺจเยน ปุน ตเมว อลงฺกริตฺวา วินิจฺฉยฏฺานํ อาเนตฺวา ‘‘อยํ, เทว, ปิตุ มหาราชสฺส กาเล วินิจฺฉยามจฺโจ, วินิจฺฉยสุตฺตมสฺส สุปวตฺติตํ, อิมํ ¶ สงฺคณฺหิตฺวา วินิจฺฉยกมฺมํ กาเรตุํ วฏฺฏตี’’ติ อาหํสุ. กุมาโร ตํ โอโลเกตฺวา ‘‘จิตฺตวโต มนุสฺสสฺส โลมํ นาม เอวรูปํ น โหติ, อยํ นิจิตฺตโก วานโร วินิจฺฉยกมฺมํ กาตุํ น สกฺขิสฺสตี’’ติ ตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘นยิทํ จิตฺตวโต โลมํ, นายํ อสฺสาสิโก มิโค;
สิฏฺํ เม ชนสนฺเธน, นายํ กิฺจิ วิชานตี’’ติ.
ตตฺถ นยิทํ จิตฺตวโต โลมนฺติ ยํ อิทํ เอตสฺส สรีเร ผรุสโลมํ, อิทํ วิจารณปฺาย สมฺปยุตฺตจิตฺตวโต น โหติ. ปากติกจิตฺเตน ปน อจิตฺตโก นาม ติรจฺฉานคโต นตฺถิ. นายํ ¶ อสฺสาสิโกติ อยํ อวสฺสโย วา หุตฺวา อนุสาสนึ วา ทตฺวา อฺํ อสฺสาเสตุํ อสมตฺถตาย น อสฺสาสิโก. มิโคติ ¶ มกฺกฏํ อาห. สิฏฺํ เม ชนสนฺเธนาติ มยฺหํ ปิตรา ชนสนฺเธน เอตํ สิฏฺํ กถิตํ, ‘‘มกฺกโฏ นาม การณาการณํ น ชานาตี’’ติ เอวํ อนุสาสนี ทินฺนาติ ทีเปติ. นายํ กิฺจิ วิชานตีติ ตสฺมา อยํ วานโร น กิฺจิ ชานาตีติ นิฏฺเมตฺถ คนฺตพฺพํ. ปาฬิยํ ปน ‘‘นายํ กิฺจิ น ทูสเย’’ติ ลิขิตํ, ตํ อฏฺกถายํ นตฺถิ.
อมจฺจา อิมมฺปิ คาถํ สุตฺวา ‘‘เอวํ ภวิสฺสติ, เทวา’’ติ ตํ อปเนตฺวา ปุนปิ เอกทิวสํ ตเมว อลงฺกริตฺวา วินิจฺฉยฏฺานํ อาเนตฺวา ‘‘อยํ, เทว, ปุริโส ปิตุ มหาราชสฺส กาเล มาตาปิตุอุปฏฺานการโก, กุเลเชฏฺาปจายิกกมฺมการโก, อิมํ สงฺคณฺหิตุํ วฏฺฏตี’’ติ อาหํสุ. กุมาโร ตํ โอโลเกตฺวา ‘‘มกฺกฏา นาม จลจิตฺตา, เอวรูปํ กมฺมํ กาตุํ น สมตฺถา’’ติ จินฺเตตฺวา ตติยํ คาถมาห –
‘‘น มาตรํ ปิตรํ วา, ภาตรํ ภคินึ สกํ;
ภเรยฺย ตาทิโส โปโส, สิฏฺํ ทสรเถน เม’’ติ.
ตตฺถ ภาตรํ ภคินึ สกนฺติ อตฺตโน ภาตรํ วา ภคินึ วา. ปาฬิยํ ปน ‘‘สข’’นฺติ ลิขิตํ, ตํ ปน อฏฺกถายํ ‘‘สกนฺติ วุตฺเต สกภาติกภคินิโย ลพฺภนฺติ, สขนฺติ วุตฺเต สหายโก ลพฺภตี’’ติ วิจาริตเมว. ภเรยฺยาติ โปเสยฺย. ตาทิโส โปโสติ ยาทิโส เอส ทิสฺสติ, ตาทิโส มกฺกฏชาติโก สตฺโต น ภเรยฺย. สิฏฺํ ทสรเถน เมติ ¶ เอวํ เม ปิตรา อนุสิฏฺํ. ปิตา หิสฺส ชนํ จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ สนฺทหนโต ‘‘ชนสนฺโธ’’ติ วุจฺจติ, ทสหิ รเถหิ กตฺตพฺพากตฺตพฺพํ อตฺตโน เอเกเนว รเถน กรณโต ‘‘ทสรโถ’’ติ. ตสฺส สนฺติกา เอวรูปสฺส โอวาทสฺส สุตตฺตา เอวมาห.
อมจฺจา ‘‘เอวํ ภวิสฺสติ, เทวา’’ติ มกฺกฏํ อปเนตฺวา ‘‘ปณฺฑิโต กุมาโร, สกฺขิสฺสติ รชฺชํ กาเรตุ’’นฺติ โพธิสตฺตํ รชฺเช ¶ อภิสิฺจิตฺวา ‘‘อาทาสมุขรฺโ อาณา’’ติ นคเร เภรึ จราเปสุํ. ตโต ปฏฺาย โพธิสตฺโต ธมฺเมน รชฺชํ กาเรสิ, ปณฺฑิตภาโวปิสฺส สกลชมฺพุทีปํ ปตฺถริตฺวา คโต.
ปณฺฑิตภาวทีปนตฺถํ ปนสฺส อิมานิ จุทฺทส วตฺถูนิ อาภตานิ –
‘‘โคโณ ¶ ปุตฺโต หโย เจว, นฬกาโร คามโภชโก;
คณิกา ตรุณี สปฺโป, มิโค ติตฺติรเทวตา;
นาโค ตปสฺสิโน เจว, อโถ พฺราหฺมณมาณโว’’ติ.
ตตฺรายํ อนุปุพฺพีกถา – โพธิสตฺตสฺมิฺหิ รชฺเช อภิสิฺจิเต เอโก ชนสนฺธรฺโ ปาทมูลิโก นาเมน คามณิจนฺโท นาม เอวํ จินฺเตสิ – ‘‘อิทํ รชฺชํ นาม สมานวเยหิ สทฺธึ โสภติ, อหฺจ มหลฺลโก, ทหรํ กุมารํ อุปฏฺาตุํ น สกฺขิสฺสามิ, ชนปเท กสิกมฺมํ กตฺวา ชีวิสฺสามี’’ติ, โส นครโต ติโยชนมตฺตํ คนฺตฺวา เอกสฺมึ คามเก วาสํ กปฺเปสิ. กสิกมฺมตฺถาย ปนสฺส โคณาปิ นตฺถิ, โส เทเว วุฏฺเ เอกํ สหายกํ ทฺเว โคเณ ยาจิตฺวา สพฺพทิวสํ กสิตฺวา ติณํ ขาทาเปตฺวา โคเณ สามิกสฺส นิยฺยาเทตุํ เคหํ อคมาสิ. โส ตสฺมึ ขเณ ภริยาย สทฺธึ เคหมชฺเฌ นิสีทิตฺวา ภตฺตํ ภฺุชติ. โคณาปิ ปริจเยน เคหํ ปวิสึสุ, เตสุ ปวิสนฺเตสุ สามิโก ถาลกํ อุกฺขิปิ, ภริยา ถาลกํ อปเนสิ. คามณิจนฺโท ‘‘ภตฺเตน มํ นิมนฺเตยฺยุ’’นฺติ โอโลเกนฺโต โคเณ อนิยฺยาเทตฺวาว คโต. โจรา รตฺตึ วชํ ภินฺทิตฺวา เตเยว โคเณ หรึสุ. โคณสามิโก ปาโตว วชํ ปวิฏฺโ เต โคเณ อทิสฺวา โจเรหิ หฏภาวํ ชานนฺโตปิ ‘‘คามณิจนฺทสฺส คีวํ กริสฺสามี’’ติ ตํ อุปสงฺกมิตฺวา ¶ ‘‘โภ โคเณ, เม เทหี’’ติ อาห. ‘‘นนุ โคณา เคหํ ปวิฏฺา’’ติ. ‘‘กึ ปน เต มยฺหํ นิยฺยาทิตา’’ติ? ‘‘น นิยฺยาทิตา’’ติ. ‘‘เตน หิ อยํ เต ราชทูโต, เอหี’’ติ ¶ อาห. เตสุ หิ ชนปเทสุ ยํกิฺจิ สกฺขรํ วา กปาลขณฺฑํ วา อุกฺขิปิตฺวา ‘‘อยํ เต ราชทูโต, เอหี’’ติ วุตฺเต โย น คจฺฉติ, ตสฺส ราชาณํ กโรติ, ตสฺมา โส ‘‘ราชทูโต’’ติ สุตฺวาว นิกฺขมิ.
โส เตน สทฺธึ ราชกุลํ คจฺฉนฺโต เอกํ สหายกสฺส วสนคามํ ปตฺวา ‘‘โภ, อติฉาโตมฺหิ, ยาว คามํ ปวิสิตฺวา อาหารกิจฺจํ กตฺวา อาคจฺฉามิ, ตาว อิเธว โหหี’’ติ วตฺวา สหายเคหํ ปาวิสิ. สหาโย ปนสฺส เคเห นตฺถิ, สหายิกา ทิสฺวา ‘‘สามิ, ปกฺกาหาโร นตฺถิ, มุหุตฺตํ อธิวาเสหิ, อิทาเนว ปจิตฺวา ทสฺสามี’’ติ นิสฺเสณิยา เวเคน ตณฺฑุลโกฏฺกํ อภิรุหนฺตี ภูมิยํ ปติ, ตงฺขณฺเว ตสฺสา สตฺตมาสิโก คพฺโภ ปติโต. ตสฺมึ ขเณ ตสฺสา สามิโก อาคนฺตฺวา ตํ ทิสฺวา ‘‘ตฺวํ เม ภริยํ ปหริตฺวา คพฺภํ ปาเตสิ, อยํ เต ราชทูโต, เอหี’’ติ ตํ คเหตฺวา นิกฺขมิ. ตโต ปฏฺาย ทฺเว ชนา คามณึ มชฺเฌ กตฺวา คจฺฉนฺติ.
อเถกสฺมึ คามทฺวาเร เอโก อสฺสโคปโก อสฺสํ นิวตฺเตตุํ น สกฺโกติ, อสฺโสปิ เตสํ สนฺติเกน ¶ คจฺฉติ. อสฺสโคปโก คามณิจนฺทํ ทิสฺวา ‘‘มาตุล คามณิจนฺท, เอตํ ตาว อสฺสํ เกนจิเทว ปหริตฺวา นิวตฺเตหี’’ติ อาห. โส เอกํ ปาสาณํ คเหตฺวา ขิปิ, ปาสาโณ อสฺสสฺส ปาเท ปหริตฺวา เอรณฺฑทณฺฑกํ วิย ภินฺทิ. อถ นํ อสฺสโคปโก ‘‘ตยา เม อสฺสสฺส ปาโท ภินฺโน, อยํ เต ราชทูโต’’ติ วตฺวา คณฺหิ.
โส ตีหิ ชเนหิ นียมาโน จินฺเตสิ – ‘‘อิเม มํ รฺโ ทสฺเสสฺสนฺติ, อหํ โคณมูลมฺปิ ¶ ทาตุํ น สกฺโกมิ, ปเคว คพฺภปาตนทณฺฑํ, อสฺสมูลํ ปน กุโต ลภิสฺสามิ, มตํ เม เสยฺโย’’ติ. โส คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค อฏวิยํ มคฺคสมีเปเยว เอกํ เอกโต ปปาตํ ปพฺพตํ อทฺทส, ตสฺส ฉายาย ทฺเว ปิตาปุตฺตา นฬการา เอกโต กิลฺชํ จินนฺติ. คามณิจนฺโท ‘‘โภ, สรีรกิจฺจํ กาตุกาโมมฺหิ, โถกํ อิเธว โหถ, ยาว อาคจฺฉามี’’ติ วตฺวา ปพฺพตํ อภิรุหิตฺวา ปปาตปสฺเส ปตมาโน ปิตุนฬการสฺส ปิฏฺิยํ ปติ, นฬกาโร เอกปฺปหาเรเนว ชีวิตกฺขยํ ปาปุณิ. คามณิ อุฏฺาย อฏฺาสิ. นฬการปุตฺโต ‘‘ตฺวํ เม ปิตุฆาตกโจโร, อยํ เต ราชทูโต’’ติ วตฺวา ตํ หตฺเถ คเหตฺวา คุมฺพโต นิกฺขมิ ¶ , ‘‘กึ เอต’’นฺติ จ วุตฺเต ‘‘ปิตุฆาตกโจโร เม’’ติ อาห. ตโต ปฏฺาย คามณึ มชฺเฌ กตฺวา จตฺตาโร ชนา ปริวาเรตฺวา นยึสุ.
อถาปรสฺมึ คามทฺวาเร เอโก คามโภชโก คามณิจนฺทํ ทิสฺวา ‘‘มาตุล คามณิจนฺท, กหํ คจฺฉสี’’ติ วตฺวา ‘‘ราชานํ ปสฺสิตุ’’นฺติ วุตฺเต ‘‘อทฺธา ตฺวํ ราชานํ ปสฺสิสฺสสิ, อหํ รฺโ สาสนํ ทาตุกาโม, หริสฺสสี’’ติ อาห. ‘‘อาม, หริสฺสามี’’ติ. ‘‘อหํ ปกติยา อภิรูโป ธนวา ยสสมฺปนฺโน อโรโค, อิทานิ ปนมฺหิ ทุคฺคโต เจว ปณฺฑุโรคี จ, ตตฺถ กึ การณนฺติ ราชานํ ปุจฺฉ, ราชา กิร ปณฺฑิโต, โส เต กเถสฺสติ, ตสฺส สาสนํ ปุน มยฺหํ กเถยฺยาสี’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ.
อถ นํ ปุรโต อฺตรสฺมึ คามทฺวาเร เอกา คณิกา ทิสฺวา ‘‘มาตุล คามณิจนฺท, กหํ คจฺฉสี’’ติ วตฺวา ‘‘ราชานํ ปสฺสิตุ’’นฺติ วุตฺเต ‘‘ราชา กิร ปณฺฑิโต, มม สาสนํ หรา’’ติ ¶ วตฺวา เอวมาห – ‘‘ปุพฺเพ อหํ พหุํ ภตึ ลภามิ, อิทานิ ปน ตมฺพุลมตฺตมฺปิ น ลภามิ, โกจิ เม สนฺติกํ อาคโต นาม นตฺถิ, ตตฺถ กึ การณนฺติ ราชานํ ปุจฺฉิตฺวา ปจฺจาคนฺตฺวา มยฺหํ กเถยฺยาสี’’ติ.
อถ นํ ปุรโต อฺตรสฺมึ คามทฺวาเร เอกา ตรุณิตฺถี ทิสฺวา ตเถว ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อหํ เนว ¶ สามิกสฺส เคเห วสิตุํ สกฺโกมิ, น กุลเคเห, ตตฺถ กึ การณนฺติ ราชานํ ปุจฺฉิตฺวา ปจฺจาคนฺตฺวา มยฺหํ กเถยฺยาสี’’ติ อาห.
อถ นํ ตโต ปรภาเค มหามคฺคสมีเป เอกสฺมึ วมฺมิเก วสนฺโต สปฺโป ทิสฺวา ‘‘คามณิจนฺท, กหํ ยาสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ราชานํ ปสฺสิตุ’’นฺติ วุตฺเต ‘‘ราชา กิร ปณฺฑิโต, สาสนํ เม หรา’’ติ วตฺวา ‘‘อหํ โคจรตฺถาย คมนกาเล ฉาตชฺฌตฺโต มิลาตสรีโร วมฺมิกโต นิกฺขมนฺโต สรีเรน พิลํ ปูเรตฺวา สรีรํ กฑฺเฒนฺโต กิจฺเฉน นิกฺขมามิ, โคจรํ จริตฺวา อาคโต ปน สุหิโต ถูลสรีโร หุตฺวา ปวิสนฺโต พิลปสฺสานิ อผุสนฺโต สหสาว ปวิสามิ, ตตฺถ กึ การณนฺติ ราชานํ ปุจฺฉิตฺวา มยฺหํ กเถยฺยาสี’’ติ อาห.
อถ ¶ นํ ปุรโต เอโก มิโค ทิสฺวา ตเถว ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อหํ อฺตฺถ ติณํ ขาทิตุํ น สกฺโกมิ, เอกสฺมึเยว รุกฺขมูเล สกฺโกมิ, ตตฺถ กึ การณนฺติ ราชานํ ปุจฺเฉยฺยาสี’’ติ อาห.
อถ นํ ตโต ปรภาเค เอโก ติตฺติโร ทิสฺวา ตเถว ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อหํ เอกสฺมึเยว วมฺมิกปาเท นิสีทิตฺวา วสฺสนฺโต มนาปํ กริตฺวา วสฺสิตุํ สกฺโกมิ, เสสฏฺาเนสุ นิสินฺโน น สกฺโกมิ, ตตฺถ กึ การณนฺติ ราชานํ ปุจฺเฉยฺยาสี’’ติ อาห.
อถ นํ ปุรโต เอกา ¶ รุกฺขเทวตา ทิสฺวา ‘‘จนฺท, กหํ ยาสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘รฺโ สนฺติก’’นฺติ วุตฺเต ‘‘ราชา กิร ปณฺฑิโต, อหํ ปุพฺเพ สกฺการปฺปตฺโต อโหสึ, อิทานิ ปน ปลฺลวมุฏฺิมตฺตมฺปิ น ลภามิ, ตตฺถ กึ การณนฺติ ราชานํ ปุจฺเฉยฺยาสี’’ติ อาห.
ตโต อปรภาเค เอโก นาคราชา ตํ ทิสฺวา ตเถว ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ราชา กิร ปณฺฑิโต, ปุพฺเพ อิมสฺมึ สเร อุทกํ ปสนฺนํ มณิวณฺณํ, อิทานิ อาวิลํ ปณฺณกเสวาลปริโยนทฺธํ, ตตฺถ กึ การณนฺติ ราชานํ ปุจฺเฉยฺยาสี’’ติ อาห.
อถ นํ ปุรโต นครสฺส อาสนฺนฏฺาเน เอกสฺมึ อาราเม วสนฺตา ตาปสา ทิสฺวา ตเถว ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ราชา กิร ปณฺฑิโต, ปุพฺเพ อิมสฺมึ อาราเม ผลาผลานิ มธุรานิ อเหสุํ, อิทานิ นิโรชานิ กสฏานิ ชาตานิ, ตตฺถ กึ การณนฺติ ราชานํ ปุจฺเฉยฺยาสี’’ติ อาหํสุ.
ตโต ¶ นํ ปุรโต คนฺตฺวา นครทฺวารสมีเป เอกิสฺสํ สาลายํ พฺราหฺมณมาณวกา ทิสฺวา ‘‘กหํ, โภ จนฺท, คจฺฉสี’’ติ วตฺวา ‘‘รฺโ สนฺติก’’นฺติ วุตฺเต ‘‘เตน หิ โน สาสนํ คเหตฺวา คจฺฉ, อมฺหากฺหิ ปุพฺเพ คหิตคหิตฏฺานํ ปากฏํ อโหสิ, อิทานิ ปน ฉิทฺทฆเฏ อุทกํ วิย น สณฺาติ น ปฺายติ, อนฺธกาโร วิย โหติ, ตตฺถ กึ การณนฺติ ราชานํ ปุจฺเฉยฺยาสี’’ติ อาหํสุ.
คามณิจนฺโท อิมานิ ทส สาสนานิ คเหตฺวา รฺโ สนฺติกํ อคมาสิ. ราชา วินิจฺฉยฏฺาเน นิสินฺโน อโหสิ. โคณสามิโก คามณิจนฺทํ คเหตฺวา ราชานํ อุปสงฺกมิ. ราชา คามณิจนฺทํ ทิสฺวา สฺชานิตฺวา ¶ ‘‘อยํ อมฺหากํ ปิตุ อุปฏฺาโก, อมฺเห อุกฺขิปิตฺวา ปริหริ, กหํ นุ โข เอตฺตกํ กาลํ วสี’’ติ ¶ จินฺเตตฺวา ‘‘อมฺโภ คามณิจนฺท, กหํ เอตฺตกํ กาลํ วสสิ, จิรกาลโต ปฏฺาย น ปฺายสิ, เกนตฺเถน อาคโตสี’’ติ อาห. ‘‘อาม, เทว, อมฺหากํ เทวสฺส สคฺคคตกาลโต ปฏฺาย ชนปทํ คนฺตฺวา กสิกมฺมํ กตฺวา ชีวามิ, ตโต มํ อยํ ปุริโส โคณอฑฺฑการณา ราชทูตํ ทสฺเสตฺวา ตุมฺหากํ สนฺติกํ อากฑฺฒี’’ติ. ‘‘อนากฑฺฒิยมาโน นาคจฺเฉยฺยาสิ’’, ‘‘อากฑฺฒิตภาโวเยว โสภโน, อิทานิ ตํ ทฏฺุํ ลภามิ, กหํ โส ปุริโส’’ติ? ‘‘อยํ, เทวา’’ติ. ‘‘สจฺจํ กิร, โภ, อมฺหากํ จนฺทสฺส ทูตํ ทสฺเสสี’’ติ? ‘‘สจฺจํ, เทวา’’ติ. ‘‘กึ การณา’’ติ? ‘‘อยํ เม เทว ทฺเว โคเณ น เทตี’’ติ. ‘‘สจฺจํ กิร, จนฺทา’’ติ. ‘‘เตน หิ, เทว, มยฺหมฺปิ วจนํ สุณาถา’’ติ สพฺพํ ปวตฺตึ กเถสิ. ตํ สุตฺวา ราชา โคณสามิกํ ปุจฺฉิ – ‘‘กึ, โภ, ตว เคหํ ปวิสนฺเต โคเณ อทฺทสา’’ติ. ‘‘นาทฺทสํ, เทวา’’ติ. ‘‘กึ, โภ, มํ ‘อาทาสมุขราชา นามา’ติ กเถนฺตานํ น สุตปุพฺพํ ตยา, วิสฺสตฺโถ กเถหี’’ติ? ‘‘อทฺทสํ, เทวา’’ติ. ‘‘โภ จนฺท, โคณานํ อนิยฺยาทิตตฺตา โคณา ตว คีวา, อยํ ปน ปุริโส ทิสฺวาว ‘น ปสฺสามี’ติ สมฺปชานมุสาวาทํ ภณิ, ตสฺมา ตฺวฺเว กมฺมิโก หุตฺวา อิมสฺส จ ปุริสสฺส ปชาปติยาย จสฺส อกฺขีนิ อุปฺปาเฏตฺวา สยํ โคณมูลํ จตุวีสติ กหาปเณ เทหี’’ติ. เอวํ วุตฺเต โคณสามิกํ พหิ กรึสุ. โส ‘‘อกฺขีสุ อุปฺปาฏิเตสุ จตุวีสติกหาปเณหิ กึ กริสฺสามี’’ติ คามณิจนฺทสฺส ปาเทสุ ปติตฺวา ‘‘สามิ จนฺท, โคณมูลกหาปณา ตุยฺเหว โหนฺตุ, อิเม จ คณฺหาหี’’ติ อฺเปิ กหาปเณ ทตฺวา ปลายิ.
ตโต ทุติโย อาห – ‘‘อยํ, เทว, มม ปชาปตึ ปหริตฺวา ¶ คพฺภํ ปาเตสี’’ติ. ‘‘สจฺจํ จนฺทา’’ติ? ‘‘สุโณหิ มหาราชา’’ติ จนฺโท สพฺพํ วิตฺถาเรตฺวา กเถสิ. อถ นํ ราชา ‘‘กึ ปน ตฺวํ เอตสฺส ปชาปตึ ปหริตฺวา คพฺภํ ปาเตสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘น ปาเตมิ, เทวา’’ติ ¶ . ‘‘อมฺโภ สกฺขิสฺสสิ ตฺวํ อิมินา คพฺภสฺส ปาติตภาวํ สาเธตุ’’นฺติ? ‘‘น สกฺโกมิ, เทวา’’ติ. ‘‘อิทานิ กึ กโรสี’’ติ? ‘‘เทว, ปุตฺตํ เม ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ. ‘‘เตน หิ, อมฺโภ จนฺท, ตฺวํ เอตสฺส ปชาปตึ ตว เคเห กริตฺวา ยทา ปุตฺตวิชาตา ¶ โหติ, ตทา นํ เนตฺวา เอตสฺเสว เทหี’’ติ. โสปิ คามณิจนฺทสฺส ปาเทสุ ปติตฺวา ‘‘มา เม, สามิ, เคหํ, ภินฺที’’ติ กหาปเณ ทตฺวา ปลายิ.
อถ ตติโย อาคนฺตฺวา ‘‘อิมินา เม, เทว, ปหริตฺวา อสฺสสฺส ปาโท ภินฺโน’’ติ อาห. ‘‘สจฺจํ จนฺทา’’ติ. ‘‘สุโณหิ, มหาราชา’’ติ จนฺโท ตํ ปวตฺตึ วิตฺถาเรน กเถสิ. ตํ สุตฺวา ราชา อสฺสโคปกํ อาห – ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ‘อสฺสํ ปหริตฺวา นิวตฺเตหี’ติ กเถสี’’ติ. ‘‘น กเถมิ, เทวา’’ติ. โส ปุนวาเร ปุจฺฉิโต ‘‘อาม, กเถมี’’ติ อาห. ราชา จนฺทํ อามนฺเตตฺวา ‘‘อมฺโภ จนฺท, อยํ กเถตฺวาว ‘น กเถมี’ติ มุสาวาทํ วทติ, ตฺวํ เอตสฺส ชิวฺหํ ฉินฺทิตฺวา อสฺสมูลํ อมฺหากํ สนฺติกา คเหตฺวา สหสฺสํ เทหี’’ติ อาห. อสฺสโคปโก อปเรปิ กหาปเณ ทตฺวา ปลายิ.
ตโต นฬการปุตฺโต ‘‘อยํ เม, เทว, ปิตุฆาตกโจโร’’ติ อาห. ‘‘สจฺจํ กิร, จนฺทา’’ติ. ‘‘สุโณหิ, เทวา’’ติ จนฺโท ตมฺปิ การณํ วิตฺถาเรตฺวา กเถสิ. อถ ราชา นฬการํ อามนฺเตตฺวา ‘‘อิทานิ กึ กโรสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘เทว ¶ เม ปิตรํ ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ. ‘‘อมฺโภ จนฺท, อิมสฺส กิร ปิตรํ ลทฺธุํ วฏฺฏติ, มตกํ ปน น สกฺกา ปุน อาเนตุํ, ตฺวํ อิมสฺส มาตรํ อาเนตฺวา ตว เคเห กตฺวา เอตสฺส ปิตา โหหี’’ติ. นฬการปุตฺโต ‘‘มา เม, สามิ, มตสฺส ปิตุ เคหํ ภินฺที’’ติ คามณิจนฺทสฺส กหาปเณ ทตฺวา ปลายิ.
คามณิจนฺโท อฑฺเฑ ชยํ ปตฺวา ตุฏฺจิตฺโต ราชานํ อาห – ‘‘อตฺถิ, เทว, ตุมฺหากํ เกหิจิ สาสนํ ปหิตํ, ตํ โว กเถมี’’ติ. ‘‘กเถหิ, จนฺทา’’ติ. จนฺโท พฺราหฺมณมาณวกานํ สาสนํ อาทึ กตฺวา ปฏิโลมกฺกเมน เอเกกํ กถํ กเถสิ. ราชา ปฏิปาฏิยา วิสฺสชฺเชสิ.
กถํ? ปมํ ตาว สาสนํ สุตฺวา ‘‘ปุพฺเพ เตสํ วสนฏฺาเน เวลํ ชานิตฺวา วสฺสนกุกฺกุโฏ อโหสิ, เตสํ เตน สทฺเทน อุฏฺาย มนฺเต คเหตฺวา สชฺฌายํ กโรนฺตานฺเว อรุโณ อุคฺคจฺฉติ, เตน เตสํ คหิตคหิตํ น นสฺสติ. อิทานิ ปน เนสํ วสนฏฺาเน อเวลาย วสฺสนกกุกฺกุโฏ อตฺถิ, โส อติรตฺตึ วา วสฺสติ อติปภาเต วา, อติรตฺตึ วสฺสนฺตสฺส ตสฺส สทฺเทน อุฏฺาย มนฺเต คเหตฺวา นิทฺทาภิภูตา ¶ สชฺฌายํ อกตฺวาว ปุน สยนฺติ ¶ , อติปภาเต วสฺสนฺตสฺส สทฺเทน อุฏฺาย สชฺฌายิตุํ น ลภนฺติ, เตน เตสํ คหิตคหิตํ น ปฺายตี’’ติ อาห.
ทุติยํ สุตฺวา ‘‘เต ปุพฺเพ สมณธมฺมํ กโรนฺตา กสิณปริกมฺเม ยุตฺตปยุตฺตา อเหสุํ. อิทานิ ปน สมณธมฺมํ วิสฺสชฺเชตฺวา อกตฺตพฺเพสุ ยุตฺตปยุตฺตา อาราเม อุปฺปนฺนานิ ผลาผลานิ อุปฏฺากานํ ทตฺวา ปิณฺฑปฏิปิณฺฑเกน มิจฺฉาชีเวน ชีวิกํ กปฺเปนฺติ, เตน เนสํ ผลาผลานิ น มธุรานิ ¶ ชาตานิ. สเจ ปน เต ปุพฺเพ วิย ปุน สมณธมฺเม ยุตฺตปยุตฺตา ภวิสฺสนฺติ, ปุน เตสํ ผลาผลานิ มธุรานิ ภวิสฺสนฺติ. เต ตาปสา ราชกุลานํ ปณฺฑิตภาวํ น ชานนฺติ, สมณธมฺมํ เตสํ กาตุํ วเทหี’’ติ อาห.
ตติยํ สุตฺวา ‘‘เต นาคราชาโน อฺมฺํ กลหํ กโรนฺติ, เตน ตํ อุทกํ อาวิลํ ชาตํ. สเจ เต ปุพฺเพ วิย สมคฺคา ภวิสฺสนฺติ, ปุน ปสนฺนํ ภวิสฺสตี’’ติ อาห.
จตุตฺถํ สุตฺวา ‘‘สา รุกฺขเทวตา ปุพฺเพ อฏวิยํ ปฏิปนฺเน มนุสฺเส รกฺขติ, ตสฺมา นานปฺปการํ พลิกมฺมํ ลภติ. อิทานิ ปน อารกฺขํ น กโรติ, ตสฺมา พลิกมฺมํ น ลภติ. สเจ ปุพฺเพ วิย อารกฺขํ กริสฺสติ, ปุน ลาภคฺคปฺปตฺตา ภวิสฺสติ. สา ราชูนํ อตฺถิภาวํ น ชานาติ, ตสฺมา อฏวิอารุฬฺหมนุสฺสานํ อารกฺขํ กาตุํ วเทหี’’ติ อาห.
ปฺจมํ สุตฺวา ‘‘ยสฺมึ วมฺมิกปาเท นิสีทิตฺวา โส ติตฺติโร มนาปํ วสฺสติ, ตสฺส เหฏฺา มหนฺตี นิธิกุมฺภิ อตฺถิ, ตํ อุทฺธริตฺวา ตฺวํ คณฺหาหี’’ติ อาห.
ฉฏฺํ สุตฺวา ‘‘ยสฺส รุกฺขสฺส มูเล โส มิโค ติณานิ ขาทิตุํ สกฺโกติ, ตสฺส รุกฺขสฺส อุปริ มหนฺตํ ภมรมธุ อตฺถิ, โส มธุมกฺขิเตสุ ติเณสุ ปลุทฺโธ อฺานิ ขาทิตุํ น สกฺโกติ, ตฺวํ ตํ มธุปฏลํ หริตฺวา อคฺคมธุํ อมฺหากํ ปหิณ, เสสํ อตฺตนา ปริภฺุชา’’ติ อาห.
สตฺตมํ สุตฺวา ‘‘ยสฺมึ วมฺมิเก โส สปฺโป วสติ, ตสฺส เหฏฺา มหนฺตี นิธิกุมฺภิ อตฺถิ, โส ตํ รกฺขมาโน วสนฺโต นิกฺขมนกาเล ธนโลเภน สรีรํ สิถิลํ กตฺวา ลคฺคนฺโต นิกฺขมติ, โคจรํ คเหตฺวา ¶ ธนสิเนเหน อลคฺคนฺโต เวเคน สหสา ปวิสติ. ตํ นิธิกุมฺภึ อุทฺธริตฺวา ตฺวํ คณฺหาหี’’ติ อาห.
อฏฺมํ ¶ สุตฺวา ‘‘ตสฺสา ตรุณิตฺถิยา สามิกสฺส จ มาตาปิตูนฺจ วสนคามานํ ¶ อนฺตเร เอกสฺมึ คามเก ชาโร อตฺถิ. สา ตํ สริตฺวา ตสฺมึ สิเนเหน สามิกสฺส เคเห วสิตุํ อสกฺโกนฺตี ‘มาตาปิตโร ปสฺสิสฺสามี’ติ ชารสฺส เคเห กติปาหํ วสิตฺวา มาตาปิตูนํ เคหํ คจฺฉติ, ตตฺถ กติปาหํ วสิตฺวา ปุน ชารํ สริตฺวา ‘สามิกสฺส เคหํ คมิสฺสามี’ติ ปุน ชารสฺเสว เคหํ คจฺฉติ. ตสฺสา อิตฺถิยา ราชูนํ อตฺถิภาวํ อาจิกฺขิตฺวา ‘สามิกสฺเสว กิร เคเห วสตุ. สเจ ตํ ราชา คณฺหาเปติ, ชีวิตํ เต นตฺถิ, อปฺปมาทํ กาตุํ วฏฺฏตี’ติ ตสฺสา กเถหี’’ติ อาห.
นวมํ สุตฺวา ‘‘สา คณิกา ปุพฺเพ เอกสฺส หตฺถโต ภตึ คเหตฺวา ตํ อชีราเปตฺวา อฺสฺส หตฺถโต น คณฺหาติ, เตนสฺสา ปุพฺเพ พหุํ อุปฺปชฺชิ. อิทานิ ปน อตฺตโน ธมฺมตํ วิสฺสชฺเชตฺวา เอกสฺส หตฺถโต คหิตํ อชีราเปตฺวาว อฺสฺส หตฺถโต คณฺหาติ, ปุริมสฺส โอกาสํ อกตฺวา ปจฺฉิมสฺส กโรติ, เตนสฺสา ภติ น อุปฺปชฺชติ, น เกจิ นํ อุปสงฺกมนฺติ. สเจ อตฺตโน ธมฺเม สฺสติ, ปุพฺพสทิสาว ภวิสฺสติ. อตฺตโน ธมฺเม าตุมสฺสา กเถหี’’ติ อาห.
ทสมํ สุตฺวา ‘‘โส คามโภชโก ปุพฺเพ ธมฺเมน สเมน อฑฺฑํ วินิจฺฉินิ, เตน มนุสฺสานํ ปิโย อโหสิ มนาโป, สมฺปิยายมานา จสฺส มนุสฺสา พหุปณฺณาการํ อาหรึสุ, เตน อภิรูโป ธนวา ยสสมฺปนฺโน อโหสิ. อิทานิ ปน ลฺชวิตฺตโก หุตฺวา อธมฺเมน อฑฺฑํ วินิจฺฉินติ, เตน ทุคฺคโต กปโณ หุตฺวา ปณฺฑุโรเคน อภิภูโต. สเจ ปุพฺเพ วิย ธมฺเมน อฑฺฑํ วินิจฺฉินิสฺสติ, ปุน ปุพฺพสทิโส ภวิสฺสติ. โส รฺโ อตฺถิภาวํ น ชานาติ, ธมฺเมน อฑฺฑํ วินิจฺฉินิตุมสฺส กเถหี’’ติ อาห.
อิติ โส คามณิจนฺโท อิมานิ เอตฺตกานิ สาสนานิ รฺโ อาโรเจสิ, ราชา อตฺตโน ปฺาย สพฺพานิปิ ตานิ สพฺพฺุพุทฺโธ ¶ วิย พฺยากริตฺวา คามณิจนฺทสฺส พหุํ ธนํ ทตฺวา ตสฺส วสนคามํ พฺรหฺมเทยฺยํ กตฺวา ตสฺเสว ทตฺวา อุยฺโยเชสิ. โส นครา นิกฺขมิตฺวา โพธิสตฺเตน ทินฺนสาสนํ ¶ พฺราหฺมณมาณวกานฺจ ตาปสานฺจ นาคราชสฺส จ รุกฺขเทวตาย จ อาโรเจตฺวา ติตฺติรสฺส วสนฏฺานโต นิธึ คเหตฺวา มิคสฺส ติณขาทนฏฺาเน รุกฺขโต ภมรมธุํ คเหตฺวา รฺโ มธุํ เปเสตฺวา สปฺปสฺส วสนฏฺาเน วมฺมิกํ ขณิตฺวา นิธึ คเหตฺวา ตรุณิตฺถิยา จ คณิกาย จ คามโภชกสฺส จ รฺโ กถิตนิยาเมเนว สาสนํ อาโรเจตฺวา มหนฺเตน ยเสน ¶ อตฺตโน คามกํ คนฺตฺวา ยาวตายุกํ ตฺวา ยถากมฺมํ คโต. อาทาสมุขราชาปิ ทานาทีนิ ปฺุานิ กตฺวา ชีวิตปริโยสาเน สคฺคปุรํ ปูเรนฺโต คโต.
สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, ตถาคโต อิทาเนว มหาปฺโ, ปุพฺเพปิ มหาปฺโเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน พหู โสตาปนฺนสกทาคามิอนาคามิอรหนฺโต อเหสุํ. ‘‘ตทา คามณิจนฺโท อานนฺโท อโหสิ, อาทาสมุขราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
คามณิจนฺทชาตกวณฺณนา สตฺตมา.
[๒๕๘] ๘. มนฺธาตุชาตกวณฺณนา
ยาวตา จนฺทิมสูริยาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ อุกฺกณฺิตภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิร สาวตฺถึ ปิณฺฑาย จรมาโน เอกํ อลงฺกตปฏิยตฺตํ อิตฺถึ ทิสฺวา อุกฺกณฺิ. อถ นํ ภิกฺขู ธมฺมสภํ อาเนตฺวา ‘‘อยํ, ภนฺเต, ภิกฺขุ อุกฺกณฺิโต’’ติ สตฺถุ ทสฺเสสุํ. สตฺถา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, ภิกฺขุ, อุกฺกณฺิโต’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจํ, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘กทา ตฺวํ ¶ , ภิกฺขุ, อคารํ อชฺฌาวสมาโน ตณฺหํ ปูเรตุํ สกฺขิสฺสสิ, กามตณฺหา หิ นาเมสา สมุทฺโท วิย ทุปฺปูรา, โปราณกราชาโน ทฺวิสหสฺสปริตฺตทีปปริวาเรสุ จตูสุ มหาทีเปสุ จกฺกวตฺติรชฺชํ กาเรตฺวา มนุสฺสปริหาเรเนว จาตุมหาราชิกเทวโลเก รชฺชํ กาเรตฺวา ตาวตึสเทวโลเก ฉตฺตึสาย สกฺกานฺจ วสนฏฺาเน เทวรชฺชํ กาเรตฺวาปิ อตฺตโน กามตณฺหํ ปูเรตุํ อสกฺโกนฺตาว กาลมกํสุ, ตฺวํ ปเนตํ ตณฺหํ กทา ปูเรตุํ สกฺขิสฺสสี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต ปมกปฺปิเกสุ มหาสมฺมโต นาม ราชา อโหสิ. ตสฺส ปุตฺโต โรโช นาม, ตสฺส ปุตฺโต วรโรโช นาม, ตสฺส ปุตฺโต กลฺยาโณ นาม, ตสฺส ปุตฺโต ¶ วรกลฺยาโณ นาม, ตสฺส ปุตฺโต อุโปสโถ นาม, ตสฺส ปุตฺโต มนฺธาตุ นาม อโหสิ. โส สตฺตหิ รตเนหิ จตูหิ จ อิทฺธีหิ สมนฺนาคโต จกฺกวตฺติรชฺชํ กาเรสิ. ตสฺส วามหตฺถํ สมฺชิตฺวา ทกฺขิณหตฺเถน อปฺโผฏิตกาเล อากาสา ทิพฺพเมโฆ วิย ชาณุปฺปมาณํ สตฺตรตนวสฺสํ วสฺสติ, เอวรูโป อจฺฉริยมนุสฺโส อโหสิ. โส จตุราสีติ วสฺสสหสฺสานิ กุมารกีฬํ กีฬิ. จตุราสีติ วสฺสสหสฺสานิ ¶ โอปรชฺชํ กาเรสิ, จตุราสีติ วสฺสสหสฺสานิ จกฺกวตฺติรชฺชํ กาเรสิ, อายุปฺปมาณํ อสงฺขฺเยยฺยํ อโหสิ.
โส เอกทิวสํ กามตณฺหํ ปูเรตุํ อสกฺโกนฺโต อุกฺกณฺิตาการํ ทสฺเสสิ. อถามจฺจา ‘‘กึ นุ โข, เทว, อุกฺกณฺิโตสี’’ติ ปุจฺฉึสุ. ‘‘มยฺหํ ปฺุพเล โอโลกิยมาเน อิทํ รชฺชํ กึ กริสฺสติ, กตรํ นุ โข านํ รมณีย’’นฺติ? ‘‘เทวโลโก, มหาราชา’’ติ. โส จกฺกรตนํ อพฺภุกฺกิริตฺวา สทฺธึ ปริสาย จาตุมหาราชิกเทวโลกํ ¶ อคมาสิ. อถสฺส จตฺตาโร มหาราชาโน ทิพฺพมาลาคนฺธหตฺถา เทวคณปริวุตา ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา ตํ อาทาย จาตุมหาราชิกเทวโลกํ คนฺตฺวา เทวรชฺชํ อทํสุ. ตสฺส สกปริสาย ปริวาริตสฺเสว ตสฺมึ รชฺชํ กาเรนฺตสฺส ทีโฆ อทฺธา วีติวตฺโต.
โส ตตฺถาปิ ตณฺหํ ปูเรตุํ อสกฺโกนฺโต อุกฺกณฺิตาการํ ทสฺเสสิ, จตฺตาโร มหาราชาโน ‘‘กึ นุ โข, เทว, อุกฺกณฺิโตสี’’ติ ปุจฺฉึสุ. ‘‘อิมมฺหา เทวโลกา กตรํ านํ รมณีย’’นฺติ. ‘‘มยํ, เทว, ปเรสํ อุปฏฺากปริสา, ตาวตึสเทวโลโก รมณีโย’’ติ. มนฺธาตา จกฺกรตนํ อพฺภุกฺกิริตฺวา อตฺตโน ปริสาย ปริวุโต ตาวตึสาภิมุโข ปายาสิ. อถสฺส สกฺโก เทวราชา ทิพฺพมาลาคนฺธหตฺโถ เทวคณปริวุโต ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา ตํ หตฺเถ คเหตฺวา ‘‘อิโต เอหิ, มหาราชา’’ติ อาห. รฺโ เทวคณปริวุตสฺส คมนกาเล ปริณายกรตนํ จกฺกรตนํ อาทาย สทฺธึ ปริสาย มนุสฺสปถํ โอตริตฺวา อตฺตโน นครเมว ปาวิสิ. สกฺโก มนฺธาตุํ ตาวตึสภวนํ เนตฺวา เทวตา ทฺเว โกฏฺาเส กตฺวา อตฺตโน เทวรชฺชํ มชฺเฌ ภินฺทิตฺวา อทาสิ. ตโต ปฏฺาย ทฺเว ราชาโน รชฺชํ กาเรสุํ. เอวํ กาเล คจฺฉนฺเต สกฺโก สฏฺิ จ วสฺสสตสหสฺสานิ ติสฺโส จ วสฺสโกฏิโย อายุํ เขเปตฺวา จวิ, อฺโ สกฺโก นิพฺพตฺติ. โสปิ เทวรชฺชํ ¶ กาเรตฺวา อายุกฺขเยน จวิ. เอเตนูปาเยน ฉตฺตึส สกฺกา จวึสุ, มนฺธาตา ปน มนุสฺสปริหาเรน เทวรชฺชํ กาเรสิเยว.
ตสฺส เอวํ กาเล คจฺฉนฺเต ภิยฺโยโสมตฺตาย กามตณฺหา อุปฺปชฺชิ, โส ‘‘กึ เม อุปฑฺฒรชฺเชน, สกฺกํ มาเรตฺวา เอกรชฺชเมว กริสฺสามี’’ติ จินฺเตสิ. สกฺกํ มาเรตุํ นาม น สกฺกา, ตณฺหา นาเมสา วิปตฺติมูลา, เตนสฺส อายุสงฺขาโร ปริหายิ, ชรา สรีรํ ปหริ. มนุสฺสสรีรฺจ ¶ นาม เทวโลเก น ภิชฺชติ, อถ โส เทวโลกา ภสฺสิตฺวา อุยฺยาเน โอตริ. อุยฺยานปาโล ตสฺส อาคตภาวํ ราชกุเล นิเวเทสิ. ราชกุลํ อาคนฺตฺวา อุยฺยาเนเยว สยนํ ปฺเปสิ. ราชา อนุฏฺานเสยฺยาย นิปชฺชิ. อมจฺจา ‘‘เทว, ตุมฺหากํ ปรโต ¶ กินฺติ กเถมา’’ติ ปุจฺฉึสุ. ‘‘มม ปรโต ตุมฺเห อิมํ สาสนํ มหาชนสฺส กเถยฺยาถ – ‘มนฺธาตุมหาราชา ทฺวิสหสฺสปริตฺตทีปปริวาเรสุ จตูสุ มหาทีเปสุ จกฺกวตฺติรชฺชํ กาเรตฺวา ทีฆรตฺตํ จาตุมหาราชิเกสุ รชฺชํ กาเรตฺวา ฉตฺตึสาย สกฺกานํ อายุปฺปมาเณน เทวโลเก รชฺชํ กาเรตฺวา ตณฺหํ อปูเรตฺวา กาลมกาสี’’’ติ. โส เอวํ วตฺวา กาลํ กตฺวา ยถากมฺมํ คโต.
สตฺถา อิมํ อตีตํ อาหริตฺวา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา อิมา คาถา อโวจ –
‘‘ยาวตา จนฺทิมสูริยา, ปริหรนฺติ ทิสา ภนฺติ วิโรจนา;
สพฺเพว ทาสา มนฺธาตุ, เย ปาณา ปถวิสฺสิตา.
‘‘น กหาปณวสฺเสน, ติตฺติ กาเมสุ วิชฺชติ;
อปฺปสฺสาทา ทุขา กามา, อิติ วิฺาย ปณฺฑิโต.
‘‘อปิ ทิพฺเพสุ กาเมสุ, รตึ โส นาธิคจฺฉติ;
ตณฺหกฺขยรโต โหติ, สมฺมาสมฺพุทฺธสาวโก’’ติ.
ตตฺถ ยาวตาติ ปริจฺเฉทวจนํ. ปริหรนฺตีติ ยตฺตเกน ปริจฺเฉเทน สิเนรุํ ปริหรนฺติ. ทิสา ภนฺตีติ ทสสุ ทิสาสุ ภาสนฺติ ปภาสนฺติ. วิโรจนาติ อาโลกกรณตาย วิโรจนสภาวา. สพฺเพว ทาสา มนฺธาตุ, เย ปาณา ปถวิสฺสิตาติ เอตฺตเก ปเทเส เย ปถวินิสฺสิตา ¶ ปาณา ชนปทวาสิโน มนุสฺสา, สพฺเพว เต ‘‘ทาสา มยํ รฺโ มนฺธาตุสฺส, อยฺยโก โน ราชา มนฺธาตา’’ติ เอวํ อุปคตตฺตา ภุชิสฺสาปิ สมานา ทาสาเยว.
น กหาปณวสฺเสนาติ เตสํ ทาสภูตานํ มนุสฺสานํ อนุคฺคหาย ยํ มนฺธาตา อปฺโผเฏตฺวา ¶ สตฺตรตนวสฺสํ วสฺสาเปติ, ตํ อิธ ‘‘กหาปณวสฺส’’นฺติ วุตฺตํ. ติตฺติ กาเมสูติ เตนาปิ กหาปณวสฺเสน วตฺถุกามกิเลสกาเมสุ ติตฺติ นาม นตฺถิ, เอวํ ทุปฺปูรา เอสา ตณฺหา. อปฺปสฺสาทา ทุขา กามาติ สุปินกูปมตฺตา กามา นาม อปฺปสฺสาทา ปริตฺตสุขา, ทุกฺขเมว ปเนตฺถ พหุตรํ. ตํ ทุกฺขกฺขนฺธสุตฺตปริยาเยน ทีเปตพฺพํ. อิติ วิฺายาติ เอวํ ชานิตฺวา.
ทิพฺเพสูติ เทวตานํ ปริโภเคสุ รูปาทีสุ. รตึ โสติ โส วิปสฺสโก ภิกฺขุ ทิพฺเพหิ กาเมหิ ¶ นิมนฺติยมาโนปิ เตสุ รตึ นาธิคจฺฉติ อายสฺมา สมิทฺธิ วิย. ตณฺหกฺขยรโตติ นิพฺพานรโต. นิพฺพานฺหิ อาคมฺม ตณฺหา ขียติ, ตสฺมา ตํ ‘‘ตณฺหกฺขโย’’ติ วุจฺจติ. ตตฺถ รโต โหติ อภิรโต. สมฺมาสมฺพุทฺธสาวโกติ พุทฺธสฺส สวนนฺเต ชาโต พหุสฺสุโต โยคาวจรปุคฺคโล.
เอวํ สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺิตภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, อฺเ ปน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสุ. ‘‘ตทา มนฺธาตุราชา อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
มนฺธาตุชาตกวณฺณนา อฏฺมา.
[๒๕๙] ๙. ติรีฏวจฺฉชาตกวณฺณนา
นยิมสฺส วิชฺชาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อายสฺมโต อานนฺทสฺส โกสลรฺโ มาตุคามานํ หตฺถโต ปฺจสตานิ, รฺโ หตฺถโต ปฺจสตานีติ ทุสฺสสหสฺสปฏิลาภวตฺถุํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ เหฏฺา ทุกนิปาเต คุณชาตเก (ชา. อฏฺ. ๒.๒.คุณชาตกวณฺณนา) วิตฺถาริตเมว.
อตีเต ¶ พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต กาสิรฏฺเ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา นามคฺคหณทิวเส ติรีฏวจฺฉกุมาโรติ กตนาโม อนุปุพฺเพน วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา อคารํ อชฺฌาวสนฺโต มาตาปิตูนํ กาลกิริยาย สํวิคฺคหทโย หุตฺวา นิกฺขมิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ¶ ปพฺพชิตฺวา อรฺายตเน วนมูลผลาหาโร หุตฺวา วาสํ กปฺเปสิ. ตสฺมึ ตตฺถ วสนฺเต พาราณสิรฺโ ปจฺจนฺโต กุปิ, โส ตตฺถ คนฺตฺวา ยุทฺเธ ปราชิโต มรณภยภีโต หตฺถิกฺขนฺธคโต เอเกน ปสฺเสน ปลายิตฺวา อรฺเ วิจรนฺโต ปุพฺพณฺหสมเย ติรีฏวจฺฉสฺส ผลาผลตฺถาย คตกาเล ตสฺส อสฺสมปทํ ปาวิสิ. โส ‘‘ตาปสานํ วสนฏฺาน’’นฺติ หตฺถิโต โอตริตฺวา วาตาตเปน กิลนฺโต ปิปาสิโต ปานียฆฏํ โอโลเกนฺโต กตฺถจิ อทิสฺวา จงฺกมนโกฏิยํ อุทปานํ อทฺทส. อุทกอุสฺสิฺจนตฺถาย ปน รชฺชุฆฏํ อทิสฺวา ปิปาสํ สนฺธาเรตุํ อสกฺโกนฺโต หตฺถิสฺส กุจฺฉิยํ พทฺธโยตฺตํ คเหตฺวา หตฺถึ อุทปานตเฏ เปตฺวา ตสฺส ปาเท โยตฺตํ พนฺธิตฺวา โยตฺเตน อุทปานํ โอตริตฺวา โยตฺเต อปาปุณนฺเต อุตฺตริตฺวา อุตฺตรสาฏกํ โยตฺตโกฏิยา สงฺฆาเฏตฺวา ปุน โอตริ, ตถาปิ นปฺปโหสิเยว. โส อคฺคปาเทหิ ¶ อุทกํ ผุสิตฺวา อติปิปาสิโต ‘‘ปิปาสํ วิโนเทตฺวา มรณมฺปิ สุมรณ’’นฺติ จินฺเตตฺวา อุทปาเน ปติตฺวา ยาวทตฺถํ ปิวิตฺวา ปจฺจุตฺตริตุํ อสกฺโกนฺโต ตตฺเถว อฏฺาสิ. หตฺถีปิ สุสิกฺขิตตฺตา อฺตฺถ อคนฺตฺวา ราชานํ โอโลเกนฺโต ตตฺเถว อฏฺาสิ. โพธิสตฺโต สายนฺหสมเย ผลาผลํ อาหริตฺวา หตฺถึ ทิสฺวา ‘‘ราชา อาคโต ภวิสฺสติ, วมฺมิตหตฺถีเยว ปน ปฺายติ, กึ นุ โข การณ’’นฺติ โส หตฺถิสมีปํ อุปสงฺกมิ. หตฺถีปิ ตสฺส อุปสงฺกมนภาวํ ตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. โพธิสตฺโต อุทปานตฏํ คนฺตฺวา ราชานํ ทิสฺวา ‘‘มา ภายิ, มหาราชา’’ติ สมสฺสาเสตฺวา นิสฺเสณึ พนฺธิตฺวา ราชานํ อุตฺตาเรตฺวา กายมสฺส สมฺพาหิตฺวา เตเลน มกฺเขตฺวา นฺหาเปตฺวา ผลาผลานิ ขาทาเปตฺวา ¶ หตฺถิสฺส สนฺนาหํ โมเจสิ. ราชา ทฺวีหตีหํ วิสฺสมิตฺวา โพธิสตฺตสฺส อตฺตโน สนฺติกํ อาคมนตฺถาย ปฏิฺํ คเหตฺวา ปกฺกามิ. ราชพลกาโย นครสฺส อวิทูเร ขนฺธาวารํ พนฺธิตฺวา ิโต. ราชานํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ปริวาเรสิ, ราชา นครํ ปาวิสิ.
โพธิสตฺโตปิ ¶ อฑฺฒมาสจฺจเยน พาราณสึ ปตฺวา อุยฺยาเน วสิตฺวา ปุนทิวเส ภิกฺขํ จรมาโน ราชทฺวารํ คโต. ราชา มหาวาตปานํ อุคฺฆาเฏตฺวา ราชงฺคณํ โอโลกยมาโน โพธิสตฺตํ ทิสฺวา สฺชานิตฺวา ปาสาทา โอรุยฺห วนฺทิตฺวา มหาตลํ อาโรเปตฺวา สมุสฺสิตเสตจฺฉตฺเต ราชปลฺลงฺเก นิสีทาเปตฺวา อตฺตโน ปฏิยาทิตํ อาหารํ โภเชตฺวา สยมฺปิ ภฺุชิตฺวา อุยฺยานํ เนตฺวา ตตฺถสฺส จงฺกมนาทิปริวารํ วสนฏฺานํ กาเรตฺวา สพฺเพ ปพฺพชิตปริกฺขาเร ทตฺวา อุยฺยานปาลํ ปฏิจฺฉาเปตฺวา วนฺทิตฺวา ปกฺกามิ. ตโต ปฏฺาย โพธิสตฺโต ราชนิเวสเนเยว ปริภฺุชิ, มหาสกฺการสมฺมาโน อโหสิ.
ตํ อสหมานา อมจฺจา ‘‘เอวรูปํ สกฺการํ เอโกปิ โยโธ ลภมาโน กึ นาม น กเรยฺยา’’ติ วตฺวา อุปราชานํ อุปคนฺตฺวา ‘‘เทว, อมฺหากํ ราชา เอกํ ตาปสํ อติวิย มมายติ, กึ นาม เตน ตสฺมึ ทิฏฺํ, ตุมฺเหปิ ตาว รฺา สทฺธึ มนฺเตถา’’ติ อาหํสุ. โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา อมจฺเจหิ สทฺธึ ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา ปมํ คาถมาห –
‘‘นยิมสฺส วิชฺชามยมตฺถิ กิฺจิ, น พนฺธโว โน ปน เต สหาโย;
อถ เกน วณฺเณน ติรีฏวจฺโฉ, เตทณฺฑิโก ภฺุชติ อคฺคปิณฺฑ’’นฺติ.
ตตฺถ นยิมสฺส วิชฺชามยมตฺถิ กิฺจีติ อิมสฺส ตาปสสฺส วิชฺชามยํ กิฺจิ กมฺมํ นตฺถิ. น พนฺธโว ติปุตฺตพนฺธวสิปฺปพนฺธวโคตฺตพนฺธวาติพนฺธเวสุ ¶ อฺตโรปิ น โหติ ¶ . โน ปน เต สหาโยติ สหปํสุกีฬิโก สหายโกปิ เต น โหติ. เกน วณฺเณนาติ เกน การเณน. ติรีฏวจฺโฉติ ตสฺส นามํ. เตทณฺฑิโกติ กุณฺฑิกปนตฺถาย ติทณฺฑกํ คเหตฺวา จรนฺโต. อคฺคปิณฺฑนฺติ รสสมฺปนฺนํ ราชารหํ อคฺคโภชนํ.
ตํ สุตฺวา ราชา ปุตฺตํ อามนฺเตตฺวา ‘‘ตาต, มม ปจฺจนฺตํ คนฺตฺวา ยุทฺธปราชิตสฺส ทฺวีหตีหํ อนาคตภาวํ สรสี’’ติ วตฺวา ‘‘สรามี’’ติ วุตฺเต ‘‘ตทา มยา อิมํ นิสฺสาย ชีวิตํ ลทฺธ’’นฺติ สพฺพํ ตํ ปวตฺตึ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘ตาต ¶ , มยฺหํ ชีวิตทายเก มม สนฺติกํ อาคเต รชฺชํ ททนฺโตปิ อหํ เนว เอเตน กตคุณานุรูปํ กาตุํ สกฺโกมี’’ติ วตฺวา อิตรา ทฺเว คาถา อโวจ –
‘‘อาปาสุ เม ยุทฺธปราชิตสฺส, เอกสฺส กตฺวา วิวนสฺมิ โฆเร;
ปสารยี กิจฺฉคตสฺส ปาณึ, เตนูทตารึ ทุขสมฺปเรโต.
‘‘เอตสฺส กิจฺเจน อิธานุปตฺโต, เวสายิโน วิสยา ชีวโลเก;
ลาภารโห ตาต ติรีฏวจฺโฉ, เทถสฺส โภคํ ยชถฺจ ยฺ’’นฺติ.
ตตฺถ อาปาสูติ อาปทาสุ. เอกสฺสาติ อทุติยสฺส. กตฺวาติ อนุกมฺปํ กริตฺวา เปมํ อุปฺปาเทตฺวา. วิวนสฺมินฺติ ปานียรหิเต อรฺเ. โฆเรติ ทารุเณ. ปสารยี กิจฺฉคตสฺส ปาณินฺติ นิสฺเสณึ พนฺธิตฺวา กูปํ โอตาเรตฺวา ทุกฺขคตสฺส มยฺหํ อุตฺตารณตฺถาย วีริยปฏิสํยุตฺตํ หตฺถํ ปสาเรสิ. เตนูทตารึ ทุขสมฺปเรโตติ เตน การเณนมฺหิ ทุกฺขปริวาริโตปิ ตมฺหา กูปา อุตฺติณฺโณ.
เอตสฺส กิจฺเจน อิธานุปตฺโตติ อหํ เอตสฺส ตาปสสฺส กิจฺเจน, เอเตน กตสฺส กิจฺจสฺสานุภาเวน อิธานุปฺปตฺโต ¶ . เวสายิโน วิสยาติ เวสายี วุจฺจติ ยโม, ตสฺส วิสยา. ชีวโลเกติ มนุสฺสโลเก. อหฺหิ อิมสฺมึ ชีวโลเก ิโต ยมวิสยํ มจฺจุวิสยํ ปรโลกํ คโต นาม อโหสึ, โสมฺหิ เอตสฺส การณา ตโต ปุน อิธาคโตติ วุตฺตํ โหติ. ลาภารโหติ ลาภํ อรโห จตุปจฺจยลาภสฺส อนุจฺฉวิโก. เทถสฺส โภคนฺติ เอเตน ปริภฺุชิตพฺพํ จตุปจฺจยสมณปริกฺขารสงฺขาตํ โภคํ เอตสฺส เทถ. ยชถฺจ ยฺนฺติ ตฺวฺจ อมจฺจา จ นาครา จาติ สพฺเพปิ ตุมฺเห เอตสฺส โภคฺจ เทถ, ยฺฺจ ยชถ. ตสฺส หิ ทียมาโน เทยฺยธมฺโม ¶ เตน ภฺุชิตพฺพตฺตา โภโค โหติ, อิตเรสํ ทานยฺตฺตา ยฺโ. เตนาห ‘‘เทถสฺส โภคํ ยชถฺจ ยฺ’’นฺติ.
เอวํ ¶ รฺา คคนตเล ปุณฺณจนฺทํ อุฏฺาเปนฺเตน วิย โพธิสตฺตสฺส คุเณ ปกาสิเต ตสฺส คุโณ สพฺพตฺถเมว ปากโฏ ชาโต, อติเรกตโร ตสฺส ลาภสกฺกาโร อุทปาทิ. ตโต ปฏฺาย อุปราชา วา อมจฺจา วา อฺโ วา โกจิ กิฺจิ ราชานํ วตฺตุํ น วิสหิ. ราชา โพธิสตฺตสฺส โอวาเท ตฺวา ทานาทีนิ ปฺุานิ กตฺวา สคฺคปุรํ ปูเรสิ. โพธิสตฺโตปิ อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ อุปฺปาเทตฺวา พฺรหฺมโลกปรายโณ อโหสิ.
สตฺถา ‘‘โปราณกปณฺฑิตาปิ อุปการวเสน กรึสู’’ติ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ราชา อานนฺโท อโหสิ, ตาปโส ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
ติรีฏวจฺฉชาตกวณฺณนา นวมา.
[๒๖๐] ๑๐. ทูตชาตกวณฺณนา
ยสฺสตฺถา ทูรมายนฺตีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ โลลภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ นวกนิปาเต จกฺกวากชาตเก (ชา. ๑.๙.๖๙ อาทโย) อาวิภวิสฺสติ. สตฺถา ปน ตํ ภิกฺขุํ อามนฺเตตฺวา ¶ ‘‘น โข, ภิกฺขุ, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ ตฺวํ โลโล, โลลฺยการเณเนว ปน อสินา สีสจฺเฉทนํ ลภี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส ปุตฺโต หุตฺวา วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา ปิตุ อจฺจเยน รชฺเช ปติฏฺาย โภชนสุทฺธิโก อโหสิ, เตนสฺส โภชนสุทฺธิกราชาตฺเวว นามํ ชาตํ. โส กิร ตถารูเปน วิธาเนน ภตฺตํ ภฺุชติ, ยถาสฺส เอกิสฺสา ภตฺตปาติยา สตสหสฺสํ วยํ คจฺฉติ. ภฺุชนฺโต ปน อนฺโตเคเห น ภฺุชติ, อตฺตโน โภชนวิธานํ โอโลเกนฺตํ มหาชนํ ปฺุํ กาเรตุกามตาย ราชทฺวาเร รตนมณฺฑปํ กาเรตฺวา โภชนเวลาย ตํ อลงฺกราเปตฺวา กฺจนมเย สมุสฺสิตเสตจฺฉตฺเต ราชปลฺลงฺเก นิสีทิตฺวา ขตฺติยกฺาหิ ปริวุโต ¶ สตสหสฺสคฺฆนิกาย สุวณฺณปาติยา สพฺพรสโภชนํ ภฺุชติ. อเถโก โลลปุริโส ตสฺส โภชนวิธานํ โอโลเกตฺวา ตํ โภชนํ ภฺุชิตุกาโม ¶ หุตฺวา ปิปาสํ สนฺธาเรตุํ อสกฺโกนฺโต ‘‘อตฺเถโก อุปาโย’’ติ คาฬฺหํ นิวาเสตฺวา หตฺเถ อุกฺขิปิตฺวา ‘‘โภ, อหํ ทูโต, ทูโต’’ติ อุจฺจาสทฺทํ กโรนฺโต ราชานํ อุปสงฺกมิ. เตน จ สมเยน ตสฺมึ ชนปเท ‘‘ทูโตมฺหี’’ติ วทนฺตํ น วาเรนฺติ, ตสฺมา มหาชโน ทฺวิธา ภิชฺชิตฺวา โอกาสํ อทาสิ. โส เวเคน คนฺตฺวา รฺโ ปาติยา เอกํ ภตฺตปิณฺฑํ คเหตฺวา มุเข ปกฺขิปิ, อถสฺส ‘‘สีสํ ฉินฺทิสฺสามี’’ติ อสิคาโห อสึ อพฺพาเหสิ, ราชา ‘‘มา ปหรี’’ติ นิวาเรสิ, ‘‘มา ภายิ, ภฺุชสฺสู’’ติ หตฺถํ โธวิตฺวา นิสีทิ. โภชนปริโยสาเน ¶ จสฺส อตฺตโน ปิวนปานียฺเจว ตมฺพูลฺจ ทาเปตฺวา ‘‘โภ ปุริส, ตฺวํ ‘ทูโตมฺหี’ติ วทสิ, กสฺส ทูโตสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘มหาราช อหํ ตณฺหาทูโต, อุทรทูโต, ตณฺหา มํ อาณาเปตฺวา ‘ตฺวํ คจฺฉาหี’ติ ทูตํ กตฺวา เปเสสี’’ติ วตฺวา ปุริมา ทฺเว คาถา อโวจ –
‘‘ยสฺสตฺถา ทูรมายนฺติ, อมิตฺตมปิ ยาจิตุํ;
ตสฺสูทรสฺสหํ ทูโต, มา เม กุชฺฌ รเถสภ.
‘‘ยสฺส ทิวา จ รตฺโต จ, วสมายนฺติ มาณวา;
ตสฺสูทรสฺสหํ ทูโต, มา เม กุชฺฌ รเถสภา’’ติ.
ตตฺถ ยสฺสตฺถา ทูรมายนฺตีติ ยสฺส อตฺถาย อิเม สตฺตา ตณฺหาวสิกา หุตฺวา ทูรมฺปิ คจฺฉนฺติ. รเถสภาติ รถโยธเชฏฺก.
ราชา ตสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘สจฺจเมตํ, อิเม สตฺตา อุทรทูตา ตณฺหาวเสน วิจรนฺติ, ตณฺหาว อิเม สตฺเต วิจาเรติ, ยาว มนาปํ วต อิมินา กถิต’’นฺติ ตสฺส ปุริสสฺส ตุสฺสิตฺวา ตติยํ คาถมาห –
‘‘ททามิ เต พฺราหฺมณ โรหิณีนํ, ควํ สหสฺสํ สห ปุงฺคเวน;
ทูโต หิ ทูตสฺส กถํ น ทชฺชํ, มยมฺปิ ตสฺเสว ภวาม ทูตา’’ติ.
ตตฺถ ¶ พฺราหฺมณาติ อาลปนมตฺตเมตํ. โรหิณีนนฺติ รตฺตวณฺณานํ. สห ปุงฺคเวนาติ ยูถปริณายเกน อุปทฺทวรกฺขเกน อุสเภน สทฺธึ. มยมฺปีติ อหฺจ อวเสสา จ สพฺเพ สตฺตา ตสฺเสว อุทรสฺส ทูตา ภวาม, ตสฺมา อหํ อุทรทูโต สมาโน อุทรทูตสฺส ตุยฺหํ กสฺมา น ¶ ทชฺชนฺติ. เอวฺจ ปน วตฺวา ‘‘อิมินา วต ปุริเสน อสฺสุตปุพฺพํ การณํ กถิต’’นฺติ ตุฏฺจิตฺโต ตสฺส มหนฺตํ ยสํ อทาสิ.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน โส โลลภิกฺขุ สกทาคามิผเล ปติฏฺหิ, อฺเปิ พหู โสตาปนฺนาทโย อเหสุํ. ‘‘ตทา โลลปุริโส เอตรหิ โลลภิกฺขุ อโหสิ, โภชนสุทฺธิกราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
ทูตชาตกวณฺณนา ทสมา.
สงฺกปฺปวคฺโค ปโม.
ตสฺสุทฺทานํ –
สงฺกปฺป ติลมุฏฺิ จ, มณิ จ สินฺธวาสุกํ;
ชรูทปานํ คามณิ, มนฺธาตา ติรีฏทูตนฺติ.
๒. ปทุมวคฺโค
[๒๖๑] ๑. ปทุมชาตกวณฺณนา
ยถา ¶ เกสา จ มสฺสู จาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อานนฺทโพธิมฺหิ มาลาปูชการเก ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ กาลิงฺคโพธิชาตเก อาวิภวิสฺสติ. โส ปน อานนฺทตฺเถเรน โรปิตตฺตา ‘‘อานนฺทโพธี’’ติ ชาโต. เถเรน หิ เชตวนทฺวารโกฏฺเก โพธิสฺส โรปิตภาโว สกลชมฺพุทีเป ปตฺถริ. อเถกจฺเจ ชนปทวาสิโน ภิกฺขู ‘‘อานนฺทโพธิมฺหิ มาลาปูชํ กริสฺสามา’’ติ เชตวนํ ¶ อาคนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ปุนทิวเส สาวตฺถึ ปวิสิตฺวา อุปฺปลวีถึ คนฺตฺวา มาลํ อลภิตฺวา อาคนฺตฺวา อานนฺทตฺเถรสฺส อาโรเจสุํ – ‘‘อาวุโส, มยํ ‘โพธิมฺหิ มาลาปูชํ กริสฺสามา’ติ อุปฺปลวีถึ คนฺตฺวา เอกมาลมฺปิ น ลภิมฺหา’’ติ. เถโร ‘‘อหํ โว, อาวุโส, อาหริสฺสามี’’ติ อุปฺปลวีถึ คนฺตฺวา พหู นีลุปฺปลกลาเป อุกฺขิปาเปตฺวา อาคมฺม เตสํ ทาเปสิ, เต ตานิ คเหตฺวา โพธิสฺส ปูชํ กรึสุ. ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา ธมฺมสภายํ ภิกฺขู เถรสฺส คุณกถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, ชานปทา ภิกฺขู อปฺปปฺุา อุปฺปลวีถึ คนฺตฺวา มาลํ น ลภึสุ, เถโร ปน คนฺตฺวาว อาหราเปสี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว ¶ วตฺตุเฉกา กถากุสลา มาลํ ลภนฺติ, ปุพฺเพปิ ลภึสุเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต เสฏฺิปุตฺโต อโหสิ. อนฺโตนคเร จ เอกสฺมึ สเร ปทุมานิ ปุปฺผนฺติ. เอโก ฉินฺนนาโส ปุริโส ตํ สรํ รกฺขติ. อเถกทิวสํ พาราณสิยํ อุสฺสเว ฆุฏฺเ มาลํ ปิฬนฺธิตฺวา อุสฺสวํ กีฬิตุกามา ตโย เสฏฺิปุตฺตา ‘‘นาสจฺฉินฺนสฺส อภูเตน วณฺณํ วตฺวา มาลํ ยาจิสฺสามา’’ติ ตสฺส ปทุมานิ ภฺชนกาเล สรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺํสุ.
เตสุ เอโก ตํ อามนฺเตตฺวา ปมํ คาถมาห –
‘‘ยถา ¶ เกสา จ มสฺสู จ, ฉินฺนํ ฉินฺนํ วิรูหติ;
เอวํ รุหตุ เต นาสา, ปทุมํ เทหิ ยาจิโต’’ติ.
โส ตสฺส กุชฺฌิตฺวา ปทุมํ น อทาสิ.
อถสฺส ทุติโย ทุติยํ คาถมาห –
‘‘ยถา สารทิกํ พีชํ, เขตฺเต วุตฺตํ วิรูหติ;
เอวํ รุหตุ เต นาสา, ปทุมํ เทหิ ยาจิโต’’ติ.
ตตฺถ สารทิกนฺติ สรทสมเย คเหตฺวา นิกฺขิตฺตํ สารสมฺปนฺนํ พีชํ. โส ตสฺสปิ กุชฺฌิตฺวา ปทุมํ น อทาสิ.
อถสฺส ตติโย ตติยํ คาถมาห –
‘‘อุโภปิ ¶ ปลปนฺเตเต, อปิ ปทฺมานิ ทสฺสติ;
วชฺชุํ วา เต น วา วชฺชุํ, นตฺถิ นาสาย รูหนา;
เทหิ สมฺม ปทุมานิ, อหํ ยาจามิ ยาจิโต’’ติ.
ตตฺถ อุโภปิ ปลปนฺเตเตติ เอเต ทฺเวปิ มุสา วทนฺติ. อปิ ปทฺมานีติ ‘‘อปิ นาม โน ปทุมานิ ทสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา เอวํ วทนฺติ. วชฺชุํ วา ¶ เต น วา วชฺชุนฺติ ‘‘ตว นาสา รุหตู’’ติ เอวํ วเทยฺยุํ วา น วา วเทยฺยุํ, เอเตสํ วจนํ อปฺปมาณํ, สพฺพตฺถาปิ นตฺถิ นาสาย รุหนา, อหํ ปน เต นาสํ ปฏิจฺจ น กิฺจิ วทามิ, เกวลํ ยาจามิ, ตสฺส เม เทหิ, สมฺม, ปทุมานิ ยาจิโตติ.
ตํ สุตฺวา ปทุมสรโคปโก ‘‘อิเมหิ ทฺวีหิ มุสาวาโท กถิโต, ตุมฺเหหิ สภาโว กถิโต, ตุมฺหากํ อนุจฺฉวิกานิ ปทุมานี’’ติ มหนฺตํ ปทุมกลาปํ อาทาย ตสฺส ทตฺวา อตฺตโน ปทุมสรเมว คโต.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ปทุมลาภี เสฏฺิปุตฺโต อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
ปทุมชาตกวณฺณนา ปมา.
[๒๖๒] ๒. มุทุปาณิชาตกวณฺณนา
ปาณิ เจ มุทุโก จสฺสาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ อุกฺกณฺิตภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. ตฺหิ สตฺถา ธมฺมสภํ อานีตํ ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, ภิกฺขุ, อุกฺกณฺิโตสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจํ, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘ภิกฺขุ, อิตฺถิโย นาเมตา กิเลสวเสน คมนโต อรกฺขิยา, โปราณกปณฺฑิตาปิ อตฺตโน ธีตรํ รกฺขิตุํ นาสกฺขึสุ, ปิตรา หตฺเถ คเหตฺวา ิตาว ปิตรํ อชานาเปตฺวา กิเลสวเสน ปุริเสน สทฺธึ ปลายี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา ปิตุ อจฺจเยน รชฺเช ปติฏฺาย ธมฺเมน รชฺชํ กาเรสิ. โส ¶ ธีตรฺจ ภาคิเนยฺยฺจ ทฺเวปิ อนฺโตนิเวสเน โปเสนฺโต เอกทิวสํ อมจฺเจหิ สทฺธึ นิสินฺโน ‘‘มมจฺจเยน มยฺหํ ภาคิเนยฺโย ราชา ¶ ภวิสฺสติ, ธีตาปิ เม ตสฺส อคฺคมเหสี ภวิสฺสตี’’ติ วตฺวา อปรภาเค ภาคิเนยฺยสฺส วยปฺปตฺตกาเล ปุน อมจฺเจหิ สทฺธึ นิสินฺโน ‘‘มยฺหํ ภาคิเนยฺยสฺส อฺสฺส รฺโ ธีตรํ อาเนสฺสาม, มยฺหํ ธีตรมฺปิ อฺสฺมึ ราชกุเล ทสฺสาม, เอวํ โน าตกา พหุตรา ภวิสฺสนฺตี’’ติ อาห. อมจฺจา สมฺปฏิจฺฉึสุ.
อถ ราชา ภาคิเนยฺยสฺส พหิเคหํ ทาเปสิ, อนฺโต ปเวสนํ นิวาเรสิ. เต ปน อฺมฺํ ปฏิพทฺธจิตฺตา อเหสุํ. กุมาโร ‘‘เกน นุ โข อุปาเยน ราชธีตรํ พหิ นีหราเปยฺย’’นฺติ จินฺเตนฺโต ‘‘อตฺถิ อุปาโย’’ติ ธาติยา ลฺชํ ทตฺวา ‘‘กึ, อยฺยปุตฺต, กิจฺจ’’นฺติ วุตฺเต ‘‘อมฺม, กถํ นุ โข ราชธีตรํ พหิ กาตุํ โอกาสํ ลเภยฺยามา’’ติ อาห. ‘‘ราชธีตาย สทฺธึ กเถตฺวา ชานิสฺสามี’’ติ. ‘‘สาธุ, อมฺมา’’ติ. สา คนฺตฺวา ‘‘เอหิ, อมฺม, สีเส เต อูกา คณฺหิสฺสามี’’ติ ตํ นีจปีเก นิสีทาเปตฺวา สยํ อุจฺเจ นิสีทิตฺวา ตสฺสา สีสํ อตฺตโน อูรูสุ เปตฺวา อูกา คณฺหยมานา ราชธีตาย สีสํ นเขหิ วิชฺฌิ ¶ . ราชธีตา ‘‘นายํ อตฺตโน นเขหิ วิชฺฌติ, ปิตุจฺฉาปุตฺตสฺส เม กุมารสฺส นเขหิ วิชฺฌตี’’ติ ตฺวา ‘‘อมฺม, ตฺวํ กุมารสฺส สนฺติกํ อคมาสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, อมฺมา’’ติ. ‘‘กึ เตน สาสนํ กถิต’’นฺติ? ‘‘ตว พหิกรณูปายํ ปุจฺฉติ, อมฺมา’’ติ. ราชธีตา ‘‘ปณฺฑิโต โหนฺโต ชานิสฺสตี’’ติ ปมํ คาถํ พนฺธิตฺวา ‘‘อมฺม, อิมํ อุคฺคเหตฺวา กุมารสฺส กเถหี’’ติ อาห.
‘‘ปาณิ เจ มุทุโก จสฺส, นาโค จสฺส สุการิโต;
อนฺธกาโร จ วสฺเสยฺย, อถ นูน ตทา สิยา’’ติ.
สา ตํ อุคฺคณฺหิตฺวา กุมารสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘อมฺม, ราชธีตา กิมาหา’’ติ วุตฺเต ‘‘อยฺยปุตฺต, อฺํ กิฺจิ อวตฺวา อิมํ คาถํ ¶ ปหิณี’’ติ ตํ คาถํ อุทาหาสิ. กุมาโร จ ตสฺสตฺถํ ตฺวา ‘‘คจฺฉ, อมฺมา’’ติ ตํ อุยฺโยเชสิ.
คาถายตฺโถ – สเจ เต เอกิสฺสา จูฬุปฏฺากาย มม หตฺโถ วิย หตฺโถ มุทุ อสฺส, ยทิ จ เต อาเนฺชการณํ สุการิโต เอโก หตฺถี อสฺส, ยทิ จ ตํ ทิวสํ จตุรงฺคสมนฺนาคโต อติวิย พหโล อนฺธกาโร อสฺส, เทโว จ วสฺเสยฺย. อถ นูน ตทา สิยาติ ¶ ตาทิเส กาเล อิเม จตฺตาโร ปจฺจเย อาคมฺม เอกํเสน เต มโนรถสฺส มตฺถกคมนํ สิยาติ.
กุมาโร เอตมตฺถํ ตถโต ตฺวา เอกํ อภิรูปํ มุทุหตฺถํ จูฬุปฏฺากํ สชฺชํ กตฺวา มงฺคลหตฺถิโคปกสฺส ลฺชํ ทตฺวา หตฺถึ อาเนฺชการณํ กาเรตฺวา กาลํ อาคเมนฺโต อจฺฉิ.
อเถกสฺมึ กาฬปกฺขุโปสถทิวเส มชฺฌิมยามสมนนฺตเร ฆนกาฬเมโฆ วสฺสิ. โส ‘‘อยํ ทานิ ราชธีตาย วุตฺตทิวโส’’ติ วารณํ อภิรุหิตฺวา มุทุหตฺถกํ จูฬุปฏฺากํ หตฺถิปิฏฺเ นิสีทาเปตฺวา คนฺตฺวา ราชนิเวสนสฺส อากาสงฺคณาภิมุเข าเน หตฺถึ มหาภิตฺติยํ อลฺลียาเปตฺวา วาตปานสมีเป เตเมนฺโต อฏฺาสิ. ราชาปิ ธีตรํ รกฺขนฺโต อฺตฺถ สยิตุํ น เทติ, อตฺตโน สนฺติเก จูฬสยเน สยาเปติ. สาปิ ‘‘อชฺช กุมาโร อาคมิสฺสตี’’ติ ตฺวา นิทฺทํ อโนกฺกมิตฺวาว นิปนฺนา ‘‘ตาต นฺหายิตุกามามฺหี’’ติ อาห. ราชา ‘‘เอหิ, อมฺมา’’ติ ตํ หตฺเถ คเหตฺวา วาตปานสมีปํ เนตฺวา ‘‘นฺหายาหิ, อมฺมา’’ติ อุกฺขิปิตฺวา วาตปานสฺส พหิปสฺเส ปมุเข เปตฺวา เอกสฺมึ หตฺเถ คเหตฺวา อฏฺาสิ. สา นฺหายมานาว กุมารสฺส หตฺถํ ปสาเรสิ, โส ตสฺสา หตฺถโต อาภรณานิ โอมฺุจิตฺวา อุปฏฺากาย หตฺเถ ปิฬนฺธิตฺวา ¶ ตํ อุกฺขิปิตฺวา ราชธีตรํ นิสฺสาย ปมุเข เปสิ ¶ . สา ตสฺสา หตฺถํ คเหตฺวา ปิตุ หตฺเถ เปสิ, โส ตสฺสา หตฺถํ คเหตฺวา ธีตุ หตฺถํ มฺุจิ, สา อิตรสฺมาปิ หตฺถา อาภรณานิ โอมฺุจิตฺวา ตสฺสา ทุติยหตฺเถ ปิฬนฺธิตฺวา ปิตุ หตฺเถ เปตฺวา กุมาเรน สทฺธึ อคมาสิ. ราชา ‘‘ธีตาเยว เม’’ติ สฺาย ตํ ทาริกํ นฺหานปริโยสาเน สิริคพฺเภ สยาเปตฺวา ทฺวารํ ปิธาย ลฺเฉตฺวา อารกฺขํ ทตฺวา อตฺตโน สยนํ คนฺตฺวา นิปชฺชิ.
โส ปภาตาย รตฺติยา ทฺวารํ วิวริตฺวา ตํ ทาริกํ ทิสฺวา ‘‘กิเมต’’นฺติ ปุจฺฉิ. สา ตสฺสา กุมาเรน สทฺธึ คตภาวํ กเถสิ. ราชา วิปฺปฏิสารี หุตฺวา ‘‘หตฺเถ คเหตฺวา จรนฺเตนปิ มาตุคามํ รกฺขิตุํ น สกฺกา, เอวํ อรกฺขิยา นามิตฺถิโย’’ติ จินฺเตตฺวา อิตรา ทฺเว คาถา อโวจ –
‘‘อนลา มุทุสมฺภาสา, ทุปฺปูรา ตา นทีสมา;
สีทนฺติ นํ วิทิตฺวาน, อารกา ปริวชฺชเย.
‘‘ยํ ¶ เอตา อุปเสวนฺติ, ฉนฺทสา วา ธเนน วา;
ชาตเวโทว สํ านํ, ขิปฺปํ อนุทหนฺติ น’’นฺติ.
ตตฺถ อนลา มุทุสมฺภาสาติ มุทุวจเนนปิ อสกฺกุเณยฺยา, เนว สกฺกา สณฺหวาจาย สงฺคณฺหิตุนฺติ อตฺโถ. ปุริเสหิ วา เอตาสํ น อลนฺติ อนลา. มุทุสมฺภาสาติ หทเย ถทฺเธปิ สมฺภาสาว มุทุ เอตาสนฺติ มุทุสมฺภาสา. ทุปฺปูรา ตา นทีสมาติ ยถา นที อาคตาคตสฺส อุทกสฺส สนฺทนโต อุทเกน ทุปฺปูรา, เอวํ อนุภูตานุภูเตหิ เมถุนาทีหิ อปริตุสฺสนโต ทุปฺปูรา. เตน วุตฺตํ –
‘‘ติณฺณํ, ภิกฺขเว, ธมฺมานํ อติตฺโต อปฺปฏิวาโน มาตุคาโม กาลํ กโรติ. กตเมสํ ติณฺณํ? เมถุนสมาปตฺติยา จ วิชายนสฺส จ อลงฺการสฺส จ. อิเมสํ โข, ภิกฺขเว, ติณฺณํ ธมฺมานํ อติตฺโต อปฺปฏิวาโน มาตุคาโม กาลํ กโรตี’’ติ.
สีทนฺตีติ อฏฺสุ มหานิรเยสุ โสฬสสุ อุสฺสทนิรเยสุ นิมุชฺชนฺติ. นนฺติ นิปาตมตฺตํ ¶ . วิทิตฺวานาติ เอวํ ชานิตฺวา. อารกา ปริวชฺชเยติ ‘‘เอตา อิตฺถิโย นาม เมถุนธมฺมาทีหิ อติตฺตา กาลํ กตฺวา เอเตสุ นิรเยสุ สีทนฺติ, เอตา เอวํ อตฺตนา สีทมานา กสฺสฺสฺส ¶ สุขาย ภวิสฺสนฺตี’’ติ เอวํ ตฺวา ปณฺฑิโต ปุริโส ทูรโตว ตา ปริวชฺชเยติ ทีเปติ. ฉนฺทสา วา ธเนน วาติ อตฺตโน วา ฉนฺเทน รุจิยา เปเมน, ภติวเสน ลทฺธธเนน วา ยํ ปุริสํ เอตา อิตฺถิโย อุปเสวนฺติ ภชนฺติ. ชาตเวโทติ อคฺคิ. โส หิ ชาตมตฺโตว เวทิยติ, วิทิโต ปากโฏ โหตีติ ชาตเวโท. โส ยถา อตฺตโน านํ การณํ โอกาสํ อนุทหติ, เอวเมตาปิ ยํ อุปเสวนฺติ, ตํ ปุริสํ ธนยสสีลปฺาสมนฺนาคตมฺปิ เตสํ สพฺเพสํ ธนาทีนํ วินาสนโต ปุน ตาย สมฺปตฺติยา อภพฺพุปฺปตฺติกํ กุรุมานา ขิปฺปํ อนุทหนฺติ ฌาเปนฺติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –
‘‘พลวนฺโต ทุพฺพลา โหนฺติ, ถามวนฺโตปิ หายเร;
จกฺขุมา อนฺธกา โหนฺติ, มาตุคามวสํ คตา.
‘‘คุณวนฺโต ¶ นิคฺคุณา โหนฺติ, ปฺวนฺโตปิ หายเร;
ปมตฺตา พนฺธเน เสนฺติ, มาตุคามวสํ คตา.
‘‘อชฺเฌนฺจ ตปํ สีลํ, สจฺจํ จาคํ สตึ มตึ;
อจฺฉินฺทนฺติ ปมตฺตสฺส, ปนฺถทูภีว ตกฺกรา.
‘‘ยสํ กิตฺตึ ธิตึ สูรํ, พาหุสจฺจํ ปชานนํ;
เขปยนฺติ ปมตฺตสฺส, กฏฺปฺุชํว ปาวโก’’ติ.
เอวํ วตฺวา มหาสตฺโต ‘‘ภาคิเนยฺโยปิ มยาว โปเสตพฺโพ’’ติ มหนฺเตน สกฺกาเรน ธีตรํ ตสฺเสว ทตฺวา ตํ โอปรชฺเช ปติฏฺเปสิ. โสปิ มาตุลสฺส อจฺจเยน รชฺเช ปติฏฺหิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทเสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺิตภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ‘‘ตทา ราชา อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
มุทุปาณิชาตกวณฺณนา ทุติยา.
[๒๖๓] ๓. จูฬปโลภนชาตกวณฺณนา
อภิชฺชมาเน ¶ ¶ วาริสฺมินฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ อุกฺกณฺิตภิกฺขุเมว อารพฺภ กเถสิ. ตฺหิ สตฺถา ธมฺมสภํ อานีตํ ‘‘สจฺจํ กิร, ตฺวํ ภิกฺขุ, อุกฺกณฺิโตสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจํ, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘ภิกฺขุ, อิตฺถิโย นาเมตา โปราณเก สุทฺธสตฺเตปิ สํกิเลเสสุ’’นฺติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺโต ราชา อปุตฺตโก หุตฺวา อตฺตโน อิตฺถิโย ‘‘ปุตฺตปตฺถนํ กโรถา’’ติ อาห. ตา ปุตฺเต ปตฺเถนฺติ. เอวํ อทฺธาเน คเต โพธิสตฺโต พฺรหฺมโลกา จวิตฺวา อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิสฺมึ นิพฺพตฺติ. ตํ ชาตมตฺตํ นฺหาเปตฺวา ถฺปายนตฺถาย ธาติยา อทํสุ. โส ปายมาโน โรทติ, อถ นํ อฺิสฺสา อทํสุ. มาตุคามหตฺถคโต เนว ตุณฺหี โหติ. อถ นํ เอกสฺส ปาทมูลิกสฺส อทํสุ, เตน คหิตมตฺโตเยว ตุณฺหี อโหสิ. ตโต ปฏฺาย ปุริสาว ¶ ตํ คเหตฺวา จรนฺติ. ถฺํ ปาเยนฺตา ทุหิตฺวา วา ปาเยนฺติ, สาณิอนฺตเรน วา ถนํ มุเข เปนฺติ. เตนสฺส อนิตฺถิคนฺธกุมาโรติ นามํ กรึสุ. ตสฺส อปราปรํ วทฺธมานสฺสปิ มาตุคามํ นาม ทสฺเสตุํ น สกฺกา. เตนสฺส ราชา วิสุํเยว นิสชฺชาทิฏฺานานิ ฌานาคารฺจ กาเรสิ.
โส ตสฺส โสฬสวสฺสิกกาเล จินฺเตสิ – ‘‘มยฺหํ อฺโ ปุตฺโต นตฺถิ, อยํ ปน กุมาโร กาเม น ปริภฺุชติ, รชฺชมฺปิ น อิจฺฉิสฺสติ, ทุลฺลทฺโธ วต เม ปุตฺโต’’ติ. อถ นํ เอกา นจฺจคีตวาทิตกุสลา ปุริเส ปริจริตฺวา อตฺตโน วเส กาตุํ ปฏิพลา ตรุณนาฏกิตฺถี อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘เทว, กึ นุ จินฺเตสี’’ติ อาห, ราชา ตํ การณํ อาจิกฺขิ. ‘‘โหตุ, เทว ¶ , อหํ ตํ ปโลเภตฺวา กามรสํ ชานาเปสฺสามี’’ติ. ‘‘สเจ เม ปุตฺตํ อนิตฺถิคนฺธกุมารํ ปโลเภตุํ สกฺกิสฺสสิ, โส ราชา ภวิสฺสติ, ตฺวํ อคฺคมเหสี’’ติ. สา ‘‘มเมโส ภาโร, ตุมฺเห มา จินฺตยิตฺถา’’ติ วตฺวา อารกฺขมนุสฺเส อุปสงฺกมิตฺวา อาห – ‘‘อหํ ปจฺจูสสมเย อาคนฺตฺวา อยฺยปุตฺตสฺส สยนฏฺาเน พหิฌานาคาเร ตฺวา คายิสฺสามิ. สเจ โส กุชฺฌติ, มยฺหํ กเถยฺยาถ, อหํ อปคจฺฉิสฺสามิ. สเจ สุณาติ, วณฺณํ เม กเถยฺยาถา’’ติ. เต ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉึสุ.
สาปิ ปจฺจูสกาเล ตสฺมึ ปเทเส ตฺวา ตนฺติสฺสเรน คีตสฺสรํ, คีตสฺสเรน ตนฺติสฺสรํ อนติกฺกมิตฺวา มธุเรน สทฺเทน คายิ, กุมาโร สุณนฺโตว นิปชฺชิ, ปุนทิวเส จ อาสนฺนฏฺาเน ตฺวา ¶ คายิตุํ อาณาเปสิ, ปุนทิวเส ฌานาคาเร ตฺวา คายิตุํ อาณาเปสิ, ปุนทิวเส อตฺตโน สมีเป ตฺวาติ เอวํ อนุกฺกเมเนว ตณฺหํ อุปฺปาเทตฺวา โลกธมฺมํ เสวิตฺวา กามรสํ ตฺวา ‘‘มาตุคามํ นาม อฺเสํ น ทสฺสามี’’ติ อสึ คเหตฺวา อนฺตรวีถึ โอตริตฺวา ปุริเส อนุพนฺธนฺโต วิจริ. อถ นํ ราชา คาหาเปตฺวา ตาย กุมาริกาย สทฺธึ นครา นีหราเปสิ. อุโภปิ อรฺํ ปวิสิตฺวา อโธคงฺคํ คนฺตฺวา เอกสฺมึ ปสฺเส คงฺคํ, เอกสฺมึ สมุทฺทํ กตฺวา อุภินฺนมนฺตเร อสฺสมปทํ มาเปตฺวา วาสํ กปฺปยึสุ. กุมาริกา ปณฺณสาลายํ นิสีทิตฺวา กนฺทมูลาทีนิ ปจติ, โพธิสตฺโต อรฺโต ผลาผลํ อาหรติ.
อเถกทิวสํ ¶ ตสฺมึ ผลาผลตฺถาย คเต สมุทฺททีปกา เอโก ตาปโส ภิกฺขาจารตฺถาย อากาเสน คจฺฉนฺโต ธูมํ ทิสฺวา อสฺสมปเท โอตริ. อถ นํ สา ‘‘นิสีท, ยาว ปจฺจตี’’ติ นิสีทาเปตฺวา อิตฺถิกุตฺเตน ปโลเภตฺวา ฌานา จาเวตฺวา พฺรหฺมจริยมสฺส อนฺตรธาเปสิ. โส ปกฺขจฺฉินฺนกาโก วิย หุตฺวา ¶ ตํ ชหิตุํ อสกฺโกนฺโต สพฺพทิวสํ ตตฺเถว ตฺวา โพธิสตฺตํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา เวเคน สมุทฺทาภิมุโข ปลายิ. อถ นํ โส ‘‘ปจฺจามิตฺโต เม อยํ ภวิสฺสตี’’ติ อสึ คเหตฺวา อนุพนฺธิ. ตาปโส อากาเส อุปฺปตนาการํ ทสฺเสตฺวา สมุทฺเท ปติ. โพธิสตฺโต ‘‘เอส ตาปโส อากาเสนาคโต ภวิสฺสติ, ฌานสฺส ปริหีนตฺตา สมุทฺเท ปติโต, มยา ทานิสฺส อวสฺสเยน ภวิตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา เวลนฺเต ตฺวา อิมา คาถา อโวจ –
‘‘อภิชฺชมาเน วาริสฺมึ, สยํ อาคมฺม อิทฺธิยา;
มิสฺสีภาวิตฺถิยา คนฺตฺวา, สํสีทสิ มหณฺณเว.
‘‘อาวฏฺฏนี มหามายา, พฺรหฺมจริยวิโกปนา;
สีทนฺติ นํ วิทิตฺวาน, อารกา ปริวชฺชเย.
‘‘ยํ เอตา อุปเสวนฺติ, ฉนฺทสา วา ธเนน วา;
ชาตเวโทว สํ านํ, ขิปฺปํ อนุทหนฺติ น’’นฺติ.
ตตฺถ อภิชฺชมาเน วาริสฺมินฺติ อิมสฺมึ อุทเก อจลมาเน อกมฺปมาเน อุทกํ อนามสิตฺวา สยํ อากาเสเนว อิทฺธิยา อาคนฺตฺวา. มิสฺสีภาวิตฺถิยาติ โลกธมฺมวเสน อิตฺถิยา ¶ สทฺธึ มิสฺสีภาวํ. อาวฏฺฏนี มหามายาติ อิตฺถิโย นาเมตา กามาวฏฺเฏน อาวฏฺฏนโต อาวฏฺฏนี, อนนฺตาหิ อิตฺถิมายาหิ สมนฺนาคตตฺตา มหามายา นาม. วุตฺตฺเหตํ –
‘‘มายา เจตา มรีจี จ, โสโก โรโค จุปทฺทโว;
ขรา จ พนฺธนา เจตา, มจฺจุปาโส คุหาสโย;
ตาสุ โย วิสฺสเส โปโส, โส นเรสุ นราธโม’’ติ. (ชา. ๒.๒๑.๑๑๘);
พฺรหฺมจริยวิโกปนาติ ¶ เสฏฺจริยสฺส เมถุนวิรติพฺรหฺมจริยสฺส วิโกปนา. สีทนฺตีติ อิตฺถิโย นาเมตา อิสีนํ พฺรหฺมจริยวิโกปเนน อปาเยสุ สีทนฺติ. เสสํ ปุริมนเยเนว โยเชตพฺพํ.
เอตํ ปน โพธิสตฺตสฺส วจนํ สุตฺวา ตาปโส สมุทฺทมชฺเฌ ิโตเยว นฏฺชฺฌานํ ปุน อุปฺปาเทตฺวา อากาเสน อตฺตโน วสนฏฺานเมว คโต. โพธิสตฺโต จินฺเตสิ – ‘‘อยํ ตาปโส เอวํ ภาริโก สมาโน สิมฺพลิตูลํ วิย อากาเสน คโต, มยาปิ อิมินา ¶ วิย ฌานํ อุปฺปาเทตฺวา อากาเสน จริตุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส อสฺสมํ คนฺตฺวา ตํ อิตฺถึ มนุสฺสปถํ เนตฺวา ‘‘คจฺฉ, ตฺว’’นฺติ อุยฺโยเชตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา มนฺุเ ภูมิภาเค อสฺสมํ มาเปตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา กสิณปริกมฺมํ กตฺวา อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา พฺรหฺมโลกปรายโณ อโหสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺิตภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ‘‘ตทา อนิตฺถิคนฺธกุมาโร อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
จูฬปโลภนชาตกวณฺณนา ตติยา.
[๒๖๔] ๔. มหาปนาทชาตกวณฺณนา
ปนาโท นาม โส ราชาติ อิทํ สตฺถา คงฺคาตีเร นิสินฺโน ภทฺทชิตฺเถรสฺสานุภาวํ อารพฺภ กเถสิ. เอกสฺมิฺหิ สมเย สตฺถา สาวตฺถิยํ วสฺสํ วสิตฺวา ‘‘ภทฺทชิกุมารสฺส สงฺคหํ กริสฺสามี’’ติ ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต จาริกํ จรมาโน ภทฺทิยนครํ ปตฺวา ชาติยาวเน ตโย มาเส ¶ วสิ กุมารสฺส าณปริปากํ อาคมยมาโน. ภทฺทชิกุมาโร มหายโส อสีติโกฏิวิภวสฺส ภทฺทิยเสฏฺิโน เอกปุตฺตโก. ตสฺส ติณฺณํ อุตูนํ อนุจฺฉวิกา ตโย ปาสาทา อเหสุํ. เอเกกสฺมึ จตฺตาโร จตฺตาโร มาเส วสติ. เอกสฺมึ วสิตฺวา นาฏกปริวุโต มหนฺเตน ยเสน อฺํ ปาสาทํ คจฺฉติ. ตสฺมึ ขเณ ‘‘กุมารสฺส ยสํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ สกลนครํ สงฺขุภิ, ปาสาทนฺตเร จกฺกาติจกฺกานิ มฺจาติมฺจานิ พนฺธนฺติ.
สตฺถา ¶ ตโย มาเส วสิตฺวา ‘‘มยํ คจฺฉามา’’ติ นครวาสีนํ อาโรเจสิ. นาครา ‘‘ภนฺเต, สฺเว คมิสฺสถา’’ติ สตฺถารํ นิมนฺเตตฺวา ทุติยทิวเส พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ สชฺเชตฺวา นครมชฺเฌ มณฺฑปํ กตฺวา อลงฺกริตฺวา อาสนานิ ปฺเปตฺวา กาลํ อาโรเจสุํ. สตฺถา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ตตฺถ คนฺตฺวา นิสีทิ, มนุสฺสา มหาทานํ อทํสุ. สตฺถา นิฏฺิตภตฺตกิจฺโจ มธุรสฺสเรน อนุโมทนํ อารภิ. ตสฺมึ ขเณ ภทฺทชิกุมาโรปิ ปาสาทโต ปาสาทํ คจฺฉติ ¶ , ตสฺส สมฺปตฺติทสฺสนตฺถาย ตํ ทิวสํ น โกจิ อคมาสิ, อตฺตโน มนุสฺสาว ปริวาเรสุํ. โส มนุสฺเส ปุจฺฉิ – ‘‘อฺสฺมึ กาเล มยิ ปาสาทโต ปาสาทํ คจฺฉนฺเต สกลนครํ สงฺขุภติ, จกฺกาติจกฺกานิ มฺจาติมฺจานิ พนฺธนฺติ, อชฺช ปน เปตฺวา มยฺหํ มนุสฺเส อฺโ โกจิ นตฺถิ, กึ นุ โข การณ’’นฺติ. ‘‘สามิ, สมฺมาสมฺพุทฺโธ อิมํ ภทฺทิยนครํ อุปนิสฺสาย ตโย มาเส วสิตฺวา อชฺเชว คมิสฺสติ, โส ภตฺตกิจฺจํ นิฏฺาเปตฺวา มหาชนสฺส ธมฺมํ เทเสติ, สกลนครวาสิโนปิ ตสฺส ธมฺมกถํ สุณนฺตี’’ติ. โส ‘‘เตน หิ เอถ, มยมฺปิ สุณิสฺสามา’’ติ สพฺพาภรณปฏิมณฺฑิโตว มหนฺเตน ปริวาเรน อุปสงฺกมิตฺวา ปริสปริยนฺเต ิโต ธมฺมํ สุณนฺโต ิโตว สพฺพกิเลเส เขเปตฺวา อคฺคผลํ อรหตฺตํ ปาปุณิ.
สตฺถา ภทฺทิยเสฏฺึ อามนฺเตตฺวา ‘‘มหาเสฏฺิ, ปุตฺโต เต อลงฺกตปฏิยตฺโตว ธมฺมกถํ สุณนฺโต อรหตฺเต ปติฏฺิโต, เตนสฺส อชฺเชว ปพฺพชิตุํ วา วฏฺฏติ ปรินิพฺพายิตุํ วา’’ติ อาห. ‘‘ภนฺเต, มยฺหํ ปุตฺตสฺส ปรินิพฺพาเนน กิจฺจํ นตฺถิ, ปพฺพาเชถ นํ, ปพฺพาเชตฺวา จ ปน นํ คเหตฺวา สฺเว อมฺหากํ เคหํ อุปสงฺกมถา’’ติ. ภควา นิมนฺตนํ อธิวาเสตฺวา กุลปุตฺตํ อาทาย วิหารํ คนฺตฺวา ปพฺพาเชตฺวา อุปสมฺปทํ ทาเปสิ. ตสฺส มาตาปิตโร สตฺตาหํ มหาสกฺการํ กรึสุ. สตฺถา สตฺตาหํ วสิตฺวา กุลปุตฺตมาทาย จาริกํ จรนฺโต โกฏิคามํ ปาปุณิ. โกฏิคามวาสิโน มนุสฺสา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ อทํสุ. สตฺถา ภตฺตกิจฺจาวสาเน อนุโมทนํ อารภิ. กุลปุตฺโต อนุโมทนกรณกาเล พหิคามํ คนฺตฺวา ‘‘สตฺถุ อาคตกาเลเยว อุฏฺหิสฺสามี’’ติ คงฺคาติตฺถสมีเป เอกสฺมึ รุกฺขมูเล ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา นิสีทิ ¶ . มหลฺลกตฺเถเรสุ อาคจฺฉนฺเตสุปิ อนุฏฺหิตฺวา สตฺถุ อาคตกาเลเยว อุฏฺหิ. ปุถุชฺชนา ภิกฺขู ‘‘อยํ ปุเร วิย ปพฺพชิตฺวา มหาเถเร อาคจฺฉนฺเตปิ ทิสฺวา น อุฏฺหตี’’ติ กุชฺฌึสุ.
โกฏิคามวาสิโน ¶ มนุสฺสา นาวาสงฺฆาเต พนฺธึสุ. สตฺถา นาวาสงฺฆาเต ตฺวา ‘‘กหํ ¶ , ภทฺทชี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘เอส, ภนฺเต, อิเธวา’’ติ. ‘‘เอหิ, ภทฺทชิ, อมฺเหหิ สทฺธึ เอกนาวํ อภิรุหา’’ติ. เถโรปิ อุปฺปติตฺวา เอกนาวาย อฏฺาสิ. อถ นํ คงฺคาย มชฺฌํ คตกาเล สตฺถา อาห – ‘‘ภทฺทชิ, ตยา มหาปนาทราชกาเล อชฺฌาวุตฺถปาสาโท กห’’นฺติ. อิมสฺมึ าเน นิมุคฺโค, ภนฺเตติ. ปุถุชฺชนา ภิกฺขู ‘‘ภทฺทชิตฺเถโร อฺํ พฺยากโรตี’’ติ อาหํสุ. สตฺถา ‘‘เตน หิ, ภทฺทชิ, สพฺรหฺมจารีนํ กงฺขํ ฉินฺทา’’ติ อาห. ตสฺมึ ขเณ เถโร สตฺถารํ วนฺทิตฺวา อิทฺธิพเลน คนฺตฺวา ปาสาทถูปิกํ ปาทงฺคุลิยา คเหตฺวา ปฺจวีสติโยชนํ ปาสาทํ คเหตฺวา อากาเส อุปฺปติ. อุปฺปติโต จ ปน เหฏฺาปาสาเท ิตานํ ปาสาทํ ภินฺทิตฺวา ปฺายิ. โส เอกโยชนํ ทฺวิโยชนํ ติโยชนนฺติ ยาว วีสติโยชนา อุทกโต ปาสาทํ อุกฺขิปิ. อถสฺส ปุริมภเว าตกา ปาสาทโลเภน มจฺฉกจฺฉปนาคมณฺฑูกา หุตฺวา ตสฺมึเยว ปาสาเท นิพฺพตฺตา ปาสาเท อุฏฺหนฺเต ปริวตฺติตฺวา ปริวตฺติตฺวา อุทเกเยว ปตึสุ. สตฺถา เต ปตนฺเต ทิสฺวา ‘‘าตกา เต, ภทฺทชิ, กิลมนฺตี’’ติ อาห. เถโร สตฺถุ วจนํ สุตฺวา ปาสาทํ วิสฺสชฺเชสิ, ปาสาโท ยถาาเนเยว ปติฏฺหิ, สตฺถา ปารคงฺคํ คโต. อถสฺส คงฺคาตีเรเยว อาสนํ ปฺาปยึสุ, โส ปฺตฺเต วรพุทฺธาสเน ตรุณสูริโย วิย รสฺมิโย มฺุจนฺโต นิสีทิ. อถ นํ ภิกฺขู ‘‘กสฺมึ กาเล, ภนฺเต, อยํ ปาสาโท ภทฺทชิตฺเถเรน อชฺฌาวุตฺโถ’’ติ ปุจฺฉึสุ. สตฺถา ‘‘มหาปนาทราชกาเล’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต วิเทหรฏฺเ มิถิลายํ สุรุจิ นาม ราชา อโหสิ, ปุตฺโตปิ ตสฺส สุรุจิเยว, ตสฺส ปน ปุตฺโต มหาปนาโท นาม อโหสิ, เต อิมํ ปาสาทํ ปฏิลภึสุ. ปฏิลาภตฺถาย ปนสฺส อิทํ ปุพฺพกมฺมํ – ทฺเว ปิตาปุตฺตา นเฬหิ จ อุทุมฺพรทารูหิ จ ปจฺเจกพุทฺธสฺส วสนปณฺณสาลํ กรึสุ. อิมสฺมึ ชาตเก สพฺพํ อตีตวตฺถุ ปกิณฺณกนิปาเต สุรุจิชาตเก (ชา. ๑.๑๔.๑๐๒ อาทโย) อาวิภวิสฺสติ.
สตฺถา ¶ อิมํ อตีตํ อาหริตฺวา สมฺมาสมฺพุทฺโธ หุตฺวา อิมา คาถา อโวจ –
‘‘ปนาโท ¶ นาม โส ราชา, ยสฺส ยูโป สุวณฺณโย;
ติริยํ โสฬสุพฺเพโธ, อุทฺธมาหุ สหสฺสธา.
‘‘สหสฺสกณฺโฑ ¶ สตเคณฺฑุ, ธชาลุ หริตามโย;
อนจฺจุํ ตตฺถ คนฺธพฺพา, ฉ สหสฺสานิ สตฺตธา.
‘‘เอวเมตํ ตทา อาสิ, ยถา ภาสสิ ภทฺทชิ;
สกฺโก อหํ ตทา อาสึ, เวยฺยาวจฺจกโร ตวา’’ติ.
ตตฺถ ยูโปติ ปาสาโท. ติริยํ โสฬสุพฺเพโธติ วิตฺถารโต โสฬสกณฺฑปาตวิตฺถาโร อโหสิ. อุทฺธมาหุ สหสฺสธาติ อุพฺเพเธน สหสฺสกณฺฑคมนมตฺตํ อุจฺโจ อหุ, สหสฺสกณฺฑคมนคณนาย ปฺจวีสติโยชนปฺปมาณํ โหติ. วิตฺถาโร ปนสฺส อฏฺโยชนมตฺโต.
สหสฺสกณฺโฑ สตเคณฺฑูติ โส ปเนส สหสฺสกณฺฑุพฺเพโธ ปาสาโท สตภูมิโก อโหสิ. ธชาลูติ ธชสมฺปนฺโน. หริตามโยติ หริตมณิปริกฺขิตฺโต. อฏฺกถายํ ปน ‘‘สมาลุหริตามโย’’ติ ปาโ, หริตมณิมเยหิ ทฺวารกวาฏวาตปาเนหิ สมนฺนาคโตติ อตฺโถ. สมาลูติ กิร ทฺวารกวาฏวาตปานานํ นามํ. คนฺธพฺพาติ นฏา, ฉ สหสฺสานิ สตฺตธาติ ฉ คนฺธพฺพสหสฺสานิ สตฺตธา หุตฺวา ตสฺส ปาสาทสฺส สตฺตสุ าเนสุ รฺโ รติชนนตฺถาย นจฺจึสูติ อตฺโถ. เต เอวํ นจฺจนฺตาปิ ราชานํ หาเสตุํ นาสกฺขึสุ, อถ สกฺโก เทวราชา เทวนฏํ เปเสตฺวา สมชฺชํ กาเรสิ, ตทา มหาปนาโท หสิ.
ยถา ภาสสิ, ภทฺทชีติ ภทฺทชิตฺเถเรน หิ ‘‘ภทฺทชิ, ตยา มหาปนาทราชกาเล อชฺฌาวุตฺถปาสาโท กห’’นฺติ วุตฺเต ‘‘อิมสฺมึ าเน นิมุคฺโค, ภนฺเต’’ติ วทนฺเตน ตสฺมึ กาเล อตฺตโน อตฺถาย ตสฺส ปาสาทสฺส นิพฺพตฺตภาโว จ มหาปนาทราชภาโว จ ภาสิโต โหติ. ตํ คเหตฺวา สตฺถา ‘‘ยถา ตฺวํ, ภทฺทชิ, ภาสสิ, ตทา เอตํ ตเถว อโหสิ, อหํ ตทา ตว กายเวยฺยาวจฺจกโร สกฺโก เทวานมินฺโท อโหสิ’’นฺติ อาห. ตสฺมึ ¶ ขเณ ปุถุชฺชนภิกฺขู นิกฺกงฺขา อเหสุํ.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา มหาปนาโท ราชา ภทฺทชิ อโหสิ, สกฺโก ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
มหาปนาทชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.
[๒๖๕] ๕. ขุรปฺปชาตกวณฺณนา
ทิสฺวา ¶ ขุรปฺเปติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ โอสฺสฏฺวีริยํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. ตฺหิ สตฺถา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, ภิกฺขุ, โอสฺสฏฺวีริโย’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจํ, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘ภิกฺขุ, กสฺมา เอวํ ตฺวํ นิยฺยานิกสาสเน ปพฺพชิตฺวา วีริยํ โอสฺสชิ, โปราณกปณฺฑิตา อนิยฺยานิกฏฺาเนปิ วีริยํ กรึสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต เอกสฺมึ อฏวิอารกฺขกกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ปฺจปุริสสตปริวาโร อฏวิอารกฺขเกสุ สพฺพเชฏฺโก หุตฺวา อฏวิมุเข เอกสฺมึ คาเม วาสํ กปฺเปสิ. โส ภตึ คเหตฺวา มนุสฺเส อฏวึ อติกฺกาเมติ. อเถกสฺมึ ทิวเส พาราณเสยฺยโก สตฺถวาหปุตฺโต ปฺจหิ สกฏสเตหิ ตํ คามํ ปตฺวา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สมฺม, สหสฺสํ คเหตฺวา มํ อฏวึ อติกฺกาเมหี’’ติ อาห. โส ‘‘สาธู’’ติ ตสฺส หตฺถโต สหสฺสํ คณฺหิ, ภตึ คณฺหนฺโตเยว ตสฺส ชีวิตํ ปริจฺจชิ. โส ตํ อาทาย อฏวึ ปาวิสิ, อฏวิมชฺเฌ ปฺจสตา โจรา อุฏฺหึสุ, โจเร ทิสฺวาว เสสปุริสา อุเรน นิปชฺชึสุ, อารกฺขกเชฏฺโก เอโกว นทนฺโต วคฺคนฺโต ปหริตฺวา ปฺจสเตปิ โจเร ปลาเปตฺวา สตฺถวาหปุตฺตํ โสตฺถินา กนฺตารํ ตาเรสิ.
สตฺถวาหปุตฺโต ปรกนฺตาเร สตฺถํ นิเวเสตฺวา ¶ อารกฺขกเชฏฺกํ นานคฺครสโภชนํ โภเชตฺวา สยมฺปิ ภุตฺตปาตราโส สุขนิสินฺโน เตน สทฺธึ สลฺลปนฺโต ‘‘สมฺม, ตถาทารุณานํ โจรานํ อาวุธานิ คเหตฺวา อวตฺถรณกาเล เกน นุ โข เต การเณน จิตฺตุตฺราสมตฺตมฺปิ น อุปฺปนฺน’’นฺติ ปุจฺฉนฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘ทิสฺวา ¶ ขุรปฺเป ธนุเวคนุนฺเน, ขคฺเค คหีเต ติขิเณ เตลโธเต;
ตสฺมึ ภยสฺมึ มรเณ วิยูฬฺเห, กสฺมา นุ เต นาหุ ฉมฺภิตตฺต’’นฺติ.
ตตฺถ ธนุเวคนุนฺเนติ ธนุเวเคน วิสฺสฏฺเ. ขคฺเค คหีเตติ ถรุทณฺเฑหิ สุคหิเต ขคฺเค. มรเณ วิยูฬฺเหติ มรเณ ปจฺจุปฏฺิเต. กสฺมา นุ เต นาหูติ เกน นุ โข การเณน นาโหสิ. ฉมฺภิตตฺตนฺติ สรีรจลนํ.
ตํ สุตฺวา อารกฺขกเชฏฺโก อิตรา ทฺเว คาถา อภาสิ –
‘‘ทิสฺวา ¶ ขุรปฺเป ธนุเวคนุนฺเน, ขคฺเค คหีเต ติขิเณ เตลโธเต;
ตสฺมึ ภยสฺมึ มรเณ วิยูฬฺเห, เวทํ อลตฺถํ วิปุลํ อุฬารํ.
‘‘โส เวทชาโต อชฺฌภวึ อมิตฺเต, ปุพฺเพว เม ชีวิตมาสิ จตฺตํ;
น หิ ชีวิเต อาลยํ กุพฺพมาโน, สูโร กยิรา สูรกิจฺจํ กทาจี’’ติ.
ตตฺถ เวทํ อลตฺถนฺติ ตุฏฺิฺเจว โสมนสฺสฺจ ปฏิลภึ. วิปุลนฺติ พหุํ. อุฬารนฺติ อุตฺตมํ. อชฺฌภวินฺติ ชีวิตํ ปริจฺจชิตฺวา อภิภวึ. ปุพฺเพว เม ชีวิตมาสิ จตฺตนฺติ มยา ปุพฺเพว ตว หตฺถโต ภตึ คณฺหนฺเตเนว ชีวิตํ จตฺตมาสิ. น หิ ชีวิเต อาลยํ กุพฺพมาโนติ ชีวิตสฺมิฺหิ นิกนฺตึ กุรุมาโน ปุริสกิจฺจํ กทาจิปิ น กโรติ.
เอวํ ¶ โส สรวสฺเส วสฺสนฺเต ชีวิตนิกนฺติยา วิสฺสฏฺตฺตา อตฺตนา สูรกิจฺจสฺส กตภาวํ าเปตฺวา สตฺถวาหปุตฺตํ อุยฺโยเชตฺวา สกคามเมว ปจฺจาคนฺตฺวา ทานาทีนิ ปฺุานิ กตฺวา ยถากมฺมํ คโต.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน โอสฺสฏฺวีริโย ภิกฺขุ อรหตฺเต ปติฏฺหิ. ‘‘ตทา อารกฺขกเชฏฺโก อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
ขุรปฺปชาตกวณฺณนา ปฺจมา.
[๒๖๖] ๖. วาตคฺคสินฺธวชาตกวณฺณนา
เยนาสิ ¶ กิสิยา ปณฺฑูติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สาวตฺถิยํ อฺตรํ กุฏุมฺพิกํ อารพฺภ กเถสิ. สาวตฺถิยํ กิเรกา อภิรูปา อิตฺถี เอกํ อภิรูปํ กุฏุมฺพิกํ ทิสฺวา ปฏิพทฺธจิตฺตา อโหสิ, สกลสรีรํ ฌายมาโน วิยสฺสา อพฺภนฺตเร กิเลสคฺคิ อุปฺปชฺชิ. สา เนว กายสฺสาทํ ลภิ, น จิตฺตสฺสาทํ, ภตฺตมฺปิสฺสา น รุจฺจิ, เกวลํ มฺจกอฏนึ คเหตฺวา นิปชฺชิ. อถ นํ อุปฏฺายิกา จ สหายิกา จ ปุจฺฉึสุ – ‘‘กึ นุ โข ตฺวํ กมฺปมานจิตฺตา อฏนึ คเหตฺวา นิปนฺนา, กึ เต อผาสุก’’นฺติ. สา เอกํ ทฺเว วาเร อกเถตฺวา ปุนปฺปุนํ วุจฺจมานา ตมตฺถํ อาโรเจสิ. อถ นํ ตา สมสฺสาเสตฺวา ‘‘ตฺวํ มา จินฺตยิ, มยํ ตํ ¶ อาเนสฺสามา’’ติ วตฺวา คนฺตฺวา กุฏุมฺพิเกน สทฺธึ มนฺเตสุํ, โส ปฏิกฺขิปิตฺวา ปุนปฺปุนํ วุจฺจมาโน อธิวาเสสิ. ตา ‘‘อสุกทิวเส อสุกเวลายํ อาคจฺฉา’’ติ ปฏิฺํ คเหตฺวา คนฺตฺวา ตสฺสา อาโรเจสุํ. สา อตฺตโน สยนคพฺภํ สชฺเชตฺวา อตฺตานํ อลงฺกริตฺวา สยนปิฏฺเ นิสินฺนา ตสฺมึ อาคนฺตฺวา สยเนกเทเส นิสินฺเน จินฺเตสิ – ‘‘สจาหํ อิมสฺส ¶ ครุกํ อกตฺวา อิทาเนว โอกาสํ กริสฺสามิ, อิสฺสริยํ เม ปริหายิสฺสติ, อาคตทิวเสเยว โอกาสกรณํ นาม อการณํ, อชฺช น มงฺกุํ กตฺวา อฺสฺมึ ทิวเส โอกาสํ กริสฺสามี’’ติ. อถ นํ หตฺถคหณาทิวเสน เกฬึ กาตุํ อารทฺธํ หตฺเถ คเหตฺวา ‘‘อเปหิ อเปหิ, น เม ตยา อตฺโถ’’ติ นิพฺภจฺเฉสิ. โส โอสกฺกิตฺวา ลชฺชิโต อุฏฺาย อตฺตโน เคหเมว คโต.
อิตรา อิตฺถิโย ตาย ตถา กตภาวํ ตฺวา กุฏุมฺพิเก นิกฺขนฺเต ตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาหํสุ – ‘‘ตฺวํ เอตสฺมึ ปฏิพทฺธจิตฺตา อาหารํ ปฏิกฺขิปิตฺวา นิปชฺชิ, อถ นํ มยํ ปุนปฺปุนํ ยาจิตฺวา อานยิมฺห, ตสฺส กสฺมา โอกาสํ น อกาสี’’ติ. สา ตมตฺถํ อาโรเจสิ. อิตรา ‘‘เตน หิ ปฺายิสฺสสี’’ติ วตฺวา ปกฺกมึสุ. กุฏุมฺพิโก ปุน นิวตฺติตฺวาปิ น โอโลเกสิ. สา ตํ อลภมานา นิราหารา ตตฺเถว ชีวิตกฺขยํ ปาปุณิ. กุฏุมฺพิโก ตสฺสา มตภาวํ ตฺวา พหุํ มาลาคนฺธวิเลปนํ อาทาย เชตวนํ คนฺตฺวา สตฺถารํ ปูเชตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิตฺวา สตฺถารา จ ‘‘กึ นุ โข, อุปาสก, น ปฺายสี’’ติ ปุจฺฉิเต ตมตฺถํ อาโรเจตฺวา ‘‘สฺวาหํ, ภนฺเต, เอตฺตกํ กาลํ ลชฺชาย พุทฺธุปฏฺานํ นาคโต’’ติ อาห. สตฺถา ‘‘น ¶ , อุปาสก, อิทาเนเวสา กิเลสวเสน ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา อาคตกาเล ตํ โอกาสํ อกตฺวา ลชฺชาเปสิ, ปุพฺเพปิ ปน ปณฺฑิเตสุ ปฏิพทฺธจิตฺตา หุตฺวา ปกฺโกสาเปตฺวา อาคตกาเล โอกาสํ อกตฺวา กิลเมตฺวาว อุยฺโยเชสี’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต สินฺธวกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วาตคฺคสินฺธโว นาม หุตฺวา ตสฺส มงฺคลอสฺโส อโหสิ. อสฺสโคปกา ตํ เนตฺวา คงฺคายํ นฺหาเปนฺติ. อถ นํ ภทฺทลี นาม คทฺรภี ทิสฺวา ปฏิพทฺธจิตฺตา หุตฺวา กิเลสวเสน กมฺปมานา เนว ติณํ ขาทิ ¶ , น อุทกํ ปิวิ, ปริสุสฺสิตฺวา กิสา อฏฺิจมฺมมตฺตา อโหสิ. อถ นํ ปุตฺโต คทฺรภโปตโก มาตรํ ปริสุสฺสมานํ ทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข ตฺวํ, อมฺม, เนว ติณํ ขาทสิ, น อุทกํ ปิวสิ, ปริสุสฺสิตฺวา ตตฺถ ตตฺถ กมฺปมานา นิปชฺชสิ, กึ เต อผาสุก’’นฺติ ปุจฺฉิ. สา อกเถตฺวา ปุนปฺปุนํ วุจฺจมานา ตมตฺถํ กเถสิ. อถ นํ ปุตฺโต สมสฺสาเสตฺวา ‘‘อมฺม, มา จินฺตยิ, อหํ ตํ อาเนสฺสามี’’ติ วตฺวา วาตคฺคสินฺธวสฺส นฺหายิตุํ ¶ อาคตกาเล ตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ตาต, มยฺหํ มาตา ตุมฺเหสุ ปฏิพทฺธจิตฺตา นิราหารา สุสฺสิตฺวา มริสฺสติ, ชีวิตทานมสฺสา เทถา’’ติ อาห. ‘‘สาธุ, ตาต, ทสฺสามิ, อสฺสโคปกา มํ นฺหาเปตฺวา โถกํ คงฺคาตีเร วิจรณตฺถาย วิสฺสชฺเชนฺติ, ตฺวํ มาตรํ คเหตฺวา ตํ ปเทสํ เอหี’’ติ. โส คนฺตฺวา มาตรํ อาเนตฺวา ตสฺมึ ปเทเส วิสฺสชฺเชตฺวา เอกมนฺตํ ปฏิจฺฉนฺโน อฏฺาสิ.
อสฺสโคปกาปิ วาตคฺคสินฺธวํ ตสฺมึ าเน วิสฺสชฺเชสุํ. โส ตํ คทฺรภึ โอโลเกตฺวา อุปสงฺกมิ. อถ สา คทฺรภี ตสฺมึ อุปสงฺกมิตฺวา อตฺตโน สรีรํ อุปสิงฺฆมาเน ‘‘สจาหํ ครุํ อกตฺวา อาคตกฺขเณเยวสฺส โอกาสํ กริสฺสามิ, เอวํ เม ยโส จ อิสฺสริยฺจ ปริหายิสฺสติ, อนิจฺฉมานา วิย ภวิตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา สินฺธวสฺส เหฏฺาหนุเก ปาเทน ปหริตฺวา ปลายิ, ทนฺตมูลมสฺส ภิชฺชิตฺวา คตกาโล วิย อโหสิ. วาตคฺคสินฺธโว ‘‘โก เม เอตาย อตฺโถ’’ติ ¶ ลชฺชิโต ตโตว ปลายิ. สา วิปฺปฏิสารินี หุตฺวา ตตฺเถว ปติตฺวา โสจมานา นิปชฺชิ.
อถ ¶ นํ ปุตฺโต อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉนฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘เยนาสิ กิสิยา ปณฺฑุ, เยน ภตฺตํ น รุจฺจติ;
อยํ โส อาคโต ภตฺตา, กสฺมา ทานิ ปลายสี’’ติ.
ตตฺถ เยนาติ ตสฺมึ ปฏิพทฺธจิตฺตตาย เยน การณภูเตน.
ปุตฺตสฺส วจนํ สุตฺวา คทฺรภี ทุติยํ คาถมาห –
‘‘สเจ ปนาทิเกเนว, สนฺถโว นาม ชายติ;
ยโส หายติ อิตฺถีนํ, ตสฺมา ตาต ปลายห’’นฺติ.
ตตฺถ อาทิเกเนวาติอาทิโตว ปมเมว. สนฺถโวติ เมถุนธมฺมสํโยควเสน มิตฺตสนฺถโว. ยโส หายติ อิตฺถีนนฺติ, ตาต, อิตฺถีนฺหิ ครุกํ อกตฺวา อาทิโตว สนฺถวํ กุรุมานานํ ยโส หายติ, อิสฺสริยคพฺพิตภาโว ปริหายตีติ. เอวํ สา อิตฺถีนํ สภาวํ ปุตฺตสฺส กเถสิ.
ตติยคาถํ ¶ ปน สตฺถา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา อาห –
‘‘ยสสฺสินํ กุเล ชาตํ, อาคตํ ยา น อิจฺฉติ;
โสจติ จิรรตฺตาย, วาตคฺคมิว ภทฺทลี’’ติ.
ตตฺถ ยสสฺสินนฺติ ยสสมฺปนฺนํ. ยา น อิจฺฉตีติ ยา อิตฺถี ตถารูปํ ปุริสํ น อิจฺฉติ. จิรรตฺตายาติ จิรรตฺตํ, ทีฆมทฺธานนฺติ อตฺโถ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน กุฏุมฺพิโก โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ‘‘ตทา คทฺรภี สา อิตฺถี อโหสิ, วาตคฺคสินฺธโว ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
วาตคฺคสินฺธวชาตกวณฺณนา ฉฏฺา.
[๒๖๗] ๗. กกฺกฏกชาตกวณฺณนา
สิงฺคี ¶ ¶ มิโคติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ อิตฺถึ อารพฺภ กเถสิ. สาวตฺถิยํ กิเรโก กุฏุมฺพิโก อตฺตโน ภริยํ คเหตฺวา อุทฺธารโสธนตฺถาย ชนปทํ คนฺตฺวา อุทฺธารํ โสเธตฺวา อาคจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค โจเรหิ คหิโต. ภริยา ปนสฺส อภิรูปา ปาสาทิกา ทสฺสนียา, โจรเชฏฺโก ตสฺสา สิเนเหน กุฏุมฺพิกํ มาเรตุํ อารภิ. สา ปน อิตฺถี สีลวตี อาจารสมฺปนฺนา ปติเทวตา, สา โจรเชฏฺกสฺส ปาเทสุ นิปติตฺวา ‘‘สามิ, สเจ มยิ สิเนโห อตฺถิ, มา มยฺหํ สามิกํ มาเรหิ. สเจ มาเรสิ, อหมฺปิ วิสํ วา ขาทิตฺวา นาสวาตํ วา สนฺนิรุมฺภิตฺวา มริสฺสามิ, ตยา ปน สทฺธึ น คมิสฺสามิ, มา เม อการเณน สามิกํ มาเรหี’’ติ ยาจิตฺวา ตํ วิสฺสชฺชาเปสิ. เต อุโภปิ โสตฺถินา สาวตฺถึ ปตฺวา เชตวนปิฏฺิวิหาเรน คจฺฉนฺตา ‘‘วิหารํ ปวิสิตฺวา สตฺถารํ วนฺทิสฺสามา’’ติ คนฺธกุฏิปริเวณํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. เต สตฺถารา ‘‘กหํ คตตฺถ, อุปาสกา’’ติ ปุฏฺา ‘‘อุทฺธารโสธนตฺถายา’’ติ อาหํสุ. ‘‘อนฺตรามคฺเค ปน อาโรคฺเยน อาคตตฺถา’’ติ วุตฺเต กุฏุมฺพิโก อาห – ‘‘อนฺตรามคฺเค โน, ภนฺเต, โจรา คณฺหึสุ, ตตฺเรสา มํ มาริยมานํ โจรเชฏฺกํ ยาจิตฺวา โมเจสิ, อิมํ นิสฺสาย มยา ชีวิตํ ลทฺธ’’นฺติ. สตฺถา ‘‘น, อุปาสก, อิทาเนเวตาย ¶ เอวํ ตุยฺหํ ชีวิตํ ทินฺนํ, ปุพฺเพปิ ปณฺฑิตานมฺปิ ชีวิตํ อทาสิเยวา’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต หิมวนฺเต มหาอุทกรหโท, ตตฺถ มหาสุวณฺณกกฺกฏโก อโหสิ. โส ตสฺส นิวาสภาเวน ‘‘กุฬีรทโห’’ติ ปฺายิตฺถ. กกฺกฏโก มหา อโหสิ ขลมณฺฑลปฺปมาโณ, หตฺถี คเหตฺวา วธิตฺวา ขาทติ. หตฺถี ตสฺส ภเยน ตตฺถ โอตริตฺวา โคจรํ ¶ คณฺหิตุํ น สกฺโกนฺติ. ตทา โพธิสตฺโต กุฬีรทหํ อุปนิสฺสาย วสมานํ หตฺถิยูถเชฏฺกํ ปฏิจฺจ กเรณุยา กุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. อถสฺส มาตา ‘‘คพฺภํ รกฺขิสฺสามี’’ติ อฺํ ปพฺพตปฺปเทสํ คนฺตฺวา คพฺภํ รกฺขิตฺวา ปุตฺตํ วิชายิ. โส อนุกฺกเมน วิฺุตํ ปตฺโต ¶ มหาสรีโร ถามสมฺปนฺโน โสภคฺคปฺปตฺโต อฺชนปพฺพโต วิย อโหสิ. โส เอกาย กเรณุยา สทฺธึ สํวาสํ กปฺเปตฺวา ‘‘กกฺกฏกํ คณฺหิสฺสามี’’ติ อตฺตโน ภริยฺจ มาตรฺจ อาทาย ตํ หตฺถิยูถํ อุปสงฺกมิตฺวา ปิตรํ ปสฺสิตฺวา ‘‘ตาต, อหํ กกฺกฏกํ คณฺหิสฺสามี’’ติ อาห. อถ นํ ปิตา ‘‘น สกฺขิสฺสสิ, ตาตา’’ติ วาเรตฺวา ปุนปฺปุนํ วทนฺตํ ‘‘ตฺวฺเว ชานิสฺสสี’’ติ อาห.
โส กุฬีรทหํ อุปนิสฺสาย วสนฺเต สพฺพวารเณ สนฺนิปาเตตฺวา สพฺเพหิ สทฺธึ ทหสมีปํ คนฺตฺวา ‘‘กึ โส กกฺกฏโก โอตรณกาเล คณฺหาติ, อุทาหุ โคจรํ คณฺหนกาเล, อุทาหุ อุตฺตรณกาเล’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อุตฺตรณกาเล’’ติ สุตฺวา ‘‘เตน หิ ตุมฺเห กุฬีรทหํ โอตริตฺวา ยาวทตฺถํ โคจรํ คเหตฺวา ปมํ อุตฺตรถ, อหํ ปจฺฉโต ภวิสฺสามี’’ติ อาห. วารณา ตถา กรึสุ. กุฬีโร ปจฺฉโต อุตฺตรนฺตํ โพธิสตฺตํ มหาสณฺฑาเสน กมฺมาโร โลหสลากํ วิย อฬทฺวเยน ปาเท ทฬฺหํ คณฺหิ, กเรณุกา โพธิสตฺตํ อวิชหิตฺวา สมีเปเยว อฏฺาสิ. โพธิสตฺโต อากฑฺฒนฺโต กุฬีรํ จาเลตุํ นาสกฺขิ, กุฬีโร ปน ตํ อากฑฺฒนฺโต อตฺตโน อภิมุขํ กโรติ. โส มรณภยตชฺชิโต พทฺธรวํ รวิ, สพฺเพ วารณา มรณภยตชฺชิตา โกฺจนาทํ กตฺวา มุตฺตกรีสํ จชมานา ปลายึสุ, กเรณุกาปิสฺส สณฺาตุํ อสกฺโกนฺตี ปลายิตุํ อารภิ.
อถ นํ ¶ โส อตฺตโน พทฺธภาวํ สฺาเปตฺวา ตสฺสา อปลายนตฺถํ ปมํ คาถมาห –
๔๙. ตตฺถ ¶ สิงฺคี มิโคติ สิงฺคี สุวณฺณวณฺโณ มิโค. ทฺวีหิ อเฬหิ สิงฺคกิจฺจํ สาเธนฺเตหิ ยุตฺตตาย สิงฺคีติ อตฺโถ. มิโคติ ปน สพฺพปาณสงฺคาหกวเสน อิธ กุฬีโร วุตฺโต. อายตจกฺขุเนตฺโตติ เอตฺถ ทสฺสนฏฺเน จกฺขุ, นยนฏฺเน เนตฺตํ, อายตานิ จกฺขุสงฺขาตานิ เนตฺตานิ ¶ อสฺสาติ อายตจกฺขุเนตฺโต, ทีฆอกฺขีติ อตฺโถ. อฏฺิเมวสฺส ตจกิจฺจํ สาเธตีติ อฏฺิตฺตโจ. เตนาภิภูโตติ เตน มิเคน อภิภูโต อชฺโฌตฺถโต นิจฺจลํ คหิโต หุตฺวา. กปณํ รุทามีติ การฺุปฺปตฺโต หุตฺวา รุทามิ วิรวามิ. มา เหว มนฺติ มํ เอวรูปํ พฺยสนปฺปตฺตํ อตฺตโน ปาณสมํ ปิยสามิกํ ตฺวํ มา เหว ชหีติ.
อถ สา กเรณุกา นิวตฺติตฺวา ตํ อสฺสาสยมานา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘อยฺย น ตํ ชหิสฺสามิ, กฺุชรํ สฏฺิหายนํ;
ปถพฺยา จาตุรนฺตาย, สุปฺปิโย โหสิ เม ตุว’’นฺติ.
ตตฺถ สฏฺิหายนนฺติ ชาติยา สฏฺิวสฺสกาลสฺมิฺหิ กฺุชรา ถาเมน ปริหายนฺติ, สา อหํ เอวํ ถามหีนํ อิมํ พฺยสนํ ปตฺตํ ตํ น ชหิสฺสามิ, มา ภายิ, อิมิสฺสา หิ จตูสุ ทิสาสุ สมุทฺทํ ปตฺวา ิตาย จาตุรนฺตาย ปถวิยา ตฺวํ มยฺหํ สุฏฺุ ปิโยติ.
อถ นํ สนฺถมฺเภตฺวา ‘‘อยฺย, อิทานิ ตํ กุฬีเรน สทฺธึ โถกํ กถาสลฺลาปํ ลภมานา วิสฺสชฺชาเปสฺสามี’’ติ วตฺวา กุฬีรํ ยาจมานา ตติยํ คาถมาห –
‘‘เย ¶ กุฬีรา สมุทฺทสฺมึ, คงฺคาย ยมุนาย จ;
เตสํ ตฺวํ วาริโช เสฏฺโ, มฺุจ โรทนฺติยา ปติ’’นฺติ.
ตสฺสตฺโถ – เย สมุทฺเท วา คงฺคาย วา ยมุนาย วา กุฬีรา, สพฺเพสํ วณฺณสมฺปตฺติยา จ มหนฺตตฺเตน จ ตฺวเมว เสฏฺโ อุตฺตโม. เตน ตํ ยาจามิ, มยฺหํ โรทมานาย สามิกํ มฺุจาติ.
กุฬีโร ตสฺสา กถยมานาย อิตฺถิสทฺเท นิมิตฺตํ คเหตฺวา อากฑฺฒิยมานโส หุตฺวา วารณสฺส ปาทโต อเฬ วินิเวเนฺโต ‘‘อยํ วิสฺสฏฺโ อิทํ นาม กริสฺสตี’’ติ น กิฺจิ อฺาสิ. อถ นํ วารโณ ปาทํ อุกฺขิปิตฺวา ปิฏฺิยํ อกฺกมิ, ตาวเทว อฏฺีนิ ภิชฺชึสุ. วารโณ ตุฏฺรวํ ¶ รวิ, สพฺเพ วารณา สนฺนิปติตฺวา กุฬีรํ นีหริตฺวา มหีตเล เปตฺวา มทฺทนฺตา จุณฺณวิจุณฺณมกํสุ. ตสฺส ทฺเว อฬา สรีรโต ภิชฺชิตฺวา เอกมนฺเต ปตึสุ. โส จ กุฬีรทโห คงฺคาย เอกาพทฺโธ ¶ , คงฺคาย ปูรณกาเล คงฺโคทเกน ปูรติ, อุทเก มนฺทีภูเต ทหโต อุทกํ คงฺคํ โอตรติ. อถ ทฺเวปิ เต อฬา อุปฺลวิตฺวา คงฺคาย วุยฺหึสุ. เตสุ เอโก สมุทฺทํ ปาวิสิ, เอกํ ทสภาติกราชาโน อุทเก กีฬมานา ลภิตฺวา อาฬิงฺคํ นาม มุทิงฺคํ อกํสุ. สมุทฺทํ ปน ปวิฏฺํ อสุรา คเหตฺวา อาลมฺพรํ นาม เภรึ กาเรสุํ. เต อปรภาเค สกฺเกน สงฺคาเม ปราชิตา ตํ ฉฑฺเฑตฺวา ปลายึสุ, อถ นํ สกฺโก อตฺตโน อตฺถาย คณฺหาเปสิ. ‘‘อาลมฺพรเมโฆ วิย ถนตี’’ติ ตํ สนฺธาย วทนฺติ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุโภ ชยมฺปติกา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสุ ¶ . ‘‘ตทา กเรณุกา อยํ อุปาสิกา อโหสิ, วารโณ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
กกฺกฏกชาตกวณฺณนา สตฺตมา.
[๒๖๘] ๘. อารามทูสกชาตกวณฺณนา
โย เว สพฺพสเมตานนฺติ อิทํ สตฺถา ทกฺขิณาคิริชนปเท อฺตรํ อุยฺยานปาลปุตฺตํ อารพฺภ กเถสิ. สตฺถา กิร วุตฺถวสฺโส เชตวนา นิกฺขมิตฺวา ทกฺขิณาคิริชนปเท จาริกํ จริ. อเถโก อุปาสโก พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิมนฺเตตฺวา อุยฺยาเน นิสีทาเปตฺวา ยาคุขชฺชเกหิ สนฺตปฺเปตฺวา ‘‘อยฺยา, อุยฺยานจาริกํ จริตุกามา อิมินา อุยฺยานปาเลน สทฺธึ จรนฺตู’’ติ วตฺวา ‘‘อยฺยานํ ผลาผลานิ ทเทยฺยาสี’’ติ อุยฺยานปาลํ อาณาเปสิ. ภิกฺขู จรมานา เอกํ ฉิทฺทฏฺานํ ทิสฺวา ‘‘อิทํ านํ ฉิทฺทํ วิรฬรุกฺขํ, กึ นุ โข การณ’’นฺติ ปุจฺฉึสุ. อถ เนสํ อุยฺยานปาโล อาจิกฺขิ – ‘‘เอโก กิร อุยฺยานปาลปุตฺโต อุปโรปเกสุ อุทกํ อาสิฺจนฺโต ‘มูลปฺปมาเณน อาสิฺจิสฺสามี’ติ อุปฺปาเฏตฺวา มูลปฺปมาเณน อุทกํ อาสิฺจิ, เตน ตํ านํ ฉิทฺทํ ชาต’’นฺติ. ภิกฺขู สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว ปุพฺเพปิ โส กุมารโก อารามทูสโกเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต ¶ พาราณสิยํ วิสฺสเสเน นาม รฺเ รชฺชํ กาเรนฺเต อุสฺสเว ฆุฏฺเ อุยฺยานปาโล ‘‘อุสฺสวํ กีฬิสฺสามี’’ติ อุยฺยานวาสิโน มกฺกเฏ อาห – ‘‘อิทํ อุยฺยานํ ตุมฺหากํ พหูปการํ ¶ , อหํ สตฺตาหํ อุสฺสวํ กีฬิสฺสามิ, ตุมฺเห สตฺต ทิวเส อุปโรปเกสุ อุทกํ อาสิฺจถา’’ติ. เต ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉึสุ. โส เตสํ จมฺมฆฏเก ทตฺวา ปกฺกามิ. มกฺกฏา อุทกํ อาสิฺจนฺตา อุปโรปเกสุ อาสิฺจึสุ. อถ เน มกฺกฏเชฏฺโก อาห – ‘‘อาคเมถ ตาว, อุทกํ นาม สพฺพกาลํ ทุลฺลภํ, ตํ รกฺขิตพฺพํ, อุปโรปเก อุปฺปาเฏตฺวา มูลปฺปมาณํ ¶ ตฺวา ทีฆมูลเกสุ พหุํ, รสฺสมูลเกสุ อปฺปํ อุทกํ สิฺจิตุํ วฏฺฏตี’’ติ. เต ‘‘สาธู’’ติ วตฺวา เอกจฺเจ อุปโรปเก อุปฺปาเฏตฺวา คจฺฉนฺติ, เอกจฺเจ เต โรเปตฺวา อุทกํ สิฺจนฺติ.
ตสฺมึ กาเล โพธิสตฺโต พาราณสิยํ เอกสฺส กุลสฺส ปุตฺโต อโหสิ, โส เกนจิเทว กรณีเยน อุยฺยานํ คนฺตฺวา เต มกฺกเฏ ตถา กโรนฺเต ทิสฺวา ‘‘โก ตุมฺเห เอวํ กาเรตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘วานรเชฏฺโก’’ติ วุตฺเต ‘‘เชฏฺกสฺส ตาว โว อยํ ปฺา, ตุมฺหากํ ปน กีทิสี ภวิสฺสตี’’ติ ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต อิมํ ปมํ คาถมาห –
‘‘โย เว สพฺพสเมตานํ, อหุวา เสฏฺสมฺมโต;
ตสฺสายํ เอทิสี ปฺา, กิเมว อิตรา ปชา’’ติ.
ตตฺถ สพฺพสเมตานนฺติ อิเมสํ สพฺเพสํ สมานชาตีนํ. อหุวาติ อโหสิ. กิเมว อิตรา ปชาติ ยา อิตรา เอเตสุ ลามิกา ปชา, กีทิสา นุ โข ตสฺสา ปฺาติ.
ตสฺส กถํ สุตฺวา วานรา ทุติยํ คาถมาหํสุ –
‘‘เอวเมว ตุวํ พฺรหฺเม, อนฺาย วินินฺทสิ;
กถํ มูลํ อทิสฺวาน, รุกฺขํ ชฺา ปติฏฺิต’’นฺติ.
ตตฺถ พฺรหฺเมติ อาลปนมตฺตํ. อยํ ปเนตฺถ สงฺเขปตฺโถ – ตฺวํ, โภ ปุริส, การณาการณํ อชานิตฺวา เอวเมว อมฺเห วินินฺทสิ, รุกฺขํ นาม ‘‘คมฺภีเร ปติฏฺิโต วา เอส, น วา’’ติ มูลํ อนุปฺปาเฏตฺวา กถํ าตุํ สกฺกา, เตน มยํ อุปฺปาเฏตฺวา มูลปฺปมาเณน อุทกํ อาสิฺจามาติ.
ตํ ¶ สุตฺวา โพธิสตฺโต ตติยํ คาถมาห –
‘‘นาหํ ¶ ตุมฺเห วินินฺทามิ, เย จฺเ วานรา วเน;
วิสฺสเสโนว คารยฺโห, ยสฺสตฺถา รุกฺขโรปกา’’ติ.
ตตฺถ วิสฺสเสโนว คารยฺโหติ พาราณสิราชา วิสฺสเสโนเยว เอตฺถ ครหิตพฺโพ. ยสฺสตฺถา รุกฺขโรปกาติ ยสฺสตฺถาย ตุมฺหาทิสา รุกฺขโรปกา ชาตาติ.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา วานรเชฏฺโก อารามทูสกกุมาโร อโหสิ, ปณฺฑิตปุริโส ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
อารามทูสกชาตกวณฺณนา อฏฺมา.
[๒๖๙] ๙. สุชาตชาตกวณฺณนา
น หิ วณฺเณน สมฺปนฺนาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อนาถปิณฺฑิกสฺส สุณิสํ ธนฺจยเสฏฺิธีตรํ วิสาขาย กนิฏฺภคินึ สุชาตํ อารพฺภ กเถสิ. สา กิร มหนฺเตน ยเสน อนาถปิณฺฑิกสฺส ฆรํ ปูรยมานา ปาวิสิ, ‘‘มหากุลสฺส ธีตา อห’’นฺติ มานถทฺธา อโหสิ โกธนา จณฺฑี ผรุสา, สสฺสุสสุรสามิกวตฺตานิ น กโรติ, เคหชนํ ตชฺเชนฺตี ปหรนฺตี จรติ. อเถกทิวสํ สตฺถา ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ ปริวุโต อนาถปิณฺฑิกสฺส เคหํ คนฺตฺวา นิสีทิ. มหาเสฏฺิ ธมฺมํ สุณนฺโตว ภควนฺตํ อุปนิสีทิ, ตสฺมึ ขเณ สุชาตา ทาสกมฺมกเรหิ สทฺธึ กลหํ กโรติ. สตฺถา ธมฺมกถํ เปตฺวา ‘‘กึ สทฺโท เอโส’’ติ อาห. เอสา, ภนฺเต, กุลสุณฺหา อคารวา, เนวสฺสา สสฺสุสสุรสามิกวตฺตํ อตฺถิ, อสฺสทฺธา อปฺปสนฺนา อโหรตฺตํ กลหํ กุรุมานา วิจรตีติ. เตน หิ นํ ปกฺโกสถาติ. สา อาคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ.
อถ นํ สตฺถา ‘‘สตฺติมา, สุชาเต, ปุริสสฺส ภริยา, ตาสํ ตฺวํ กตรา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ภนฺเต, นาหํ สํขิตฺเตน กถิตสฺส อตฺถํ อาชานามิ, วิตฺถาเรน เม กเถถา’’ติ. สตฺถา ‘‘เตน หิ โอหิตโสตา สุโณหี’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –
‘‘ปทุฏฺจิตฺตา ¶ ¶ อหิตานุกมฺปินี, อฺเสุ รตฺตา อติมฺเต ปตึ,
ธเนน กีตสฺส วธาย อุสฺสุกา; ยา เอวรูปา ปุริสสฺส ภริยา,
วธกา จ ภริยาติ จ สา ปวุจฺจติ. [๑]
‘‘ยํ อิตฺถิยา วินฺทติ สามิโก ธนํ, สิปฺปํ วณิชฺชฺจ กสึ อธิฏฺหํ,
อปฺปมฺปิ ¶ ตสฺส อปหาตุมิจฺฉติ; ยา เอวรูปา ปุริสสฺส ภริยา,
โจรี จ ภริยาติ จ สา ปวุจฺจติ. [๒]
‘‘อกมฺมกามา อลสา มหคฺฆสา, ผรุสา จ จณฺฑี จ ทุรุตฺตวาทินี,
อุฏฺายกานํ อภิภุยฺย วตฺตติ; ยา เอวรูปา ปุริสสฺส ภริยา,
อยฺยา จ ภริยาติ จ สา ปวุจฺจติ. [๓]
‘‘ยา สพฺพทา โหติ หิตานุกมฺปินี, มาตาว ปุตฺตํ อนุรกฺขเต ปตึ,
ตโต ธนํ สมฺภตมสฺส รกฺขติ; ยา เอวรูปา ปุริสสฺส ภริยา,
มาตา จ ภริยาติ จ สา ปวุจฺจติ. [๔]
‘‘ยถาปิ เชฏฺา ภคินี กนิฏฺกา, สคารวา โหติ สกมฺหิ สาธิเก,
หิรีมนา ภตฺตุ วสานุวตฺตินี; ยา เอวรูปา ปุริสสฺส ภริยา,
ภคินี จ ภริยาติ จ สา ปวุจฺจติ. [๕]
‘‘ยาจีธ ทิสฺวาน ปตึ ปโมทติ, สขี สขารํว จิรสฺสมาคตํ,
โกเลยฺยกา สีลวตี ปติพฺพตา; ยา เอวรูปา ปุริสสฺส ภริยา,
สขี จ ภริยาติ จ สา ปวุจฺจติ. [๖]
‘‘อกฺกุทฺธสนฺตา ¶ วธทณฺฑตชฺชิตา, อทุฏฺจิตฺตา ปติโน ติติกฺขติ,
อกฺโกธนา ภตฺตุ วสานุวตฺตินี; ยา เอวรูปา ปุริสสฺส ภริยา,
ทาสี จ ภริยาติ จ สา ปวุจฺจติ’’. (อ. นิ. ๗.๖๓); [๗]
อิมา ¶ โข, สุชาเต, ปุริสสฺส สตฺต ภริยา. ตาสุ วธกสมา โจรีสมา อยฺยสมาติ อิมา ติสฺโส นิรเย นิพฺพตฺตนฺติ, อิตรา จตสฺโส นิมฺมานรติเทวโลเก.
‘‘ยาจีธ ¶ ภริยา วธกาติ วุจฺจติ, โจรีติ อยฺยาติ จ ยา ปวุจฺจติ;
ทุสฺสีลรูปา ผรุสา อนาทรา, กายสฺส เภทา นิรยํ วชนฺติ ตา.
‘‘ยาจีธ มาตา ภคินี สขีติ จ, ทาสีติ ภริยาติ จ ยา ปวุจฺจติ;
สีเล ิตตฺตา จิรรตฺตสํวุตา, กายสฺส เภทา สุคตึ วชนฺติ ตา’’ติ. (อ. นิ. ๗.๖๓);
เอวํ สตฺถริ อิมา สตฺต ภริยา ทสฺเสนฺเตเยว สุชาตา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ‘‘สุชาเต, ตฺวํ อิมาสํ สตฺตนฺนํ ภริยานํ กตรา’’ติ วุตฺเต ‘‘ทาสิสมา อหํ, ภนฺเต’’ติ วตฺวา ตถาคตํ วนฺทิตฺวา ขมาเปสิ. อิติ สตฺถา สุชาตํ ฆรสุณฺหํ เอโกวาเทเนว ทเมตฺวา กตภตฺตกิจฺโจ เชตวนํ คนฺตฺวา ภิกฺขุสงฺเฆน วตฺเต ทสฺสิเต คนฺธกุฏึ ปาวิสิ. ธมฺมสภายมฺปิ โข, ภิกฺขู, สตฺถุ คุณกถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, เอโกวาเทเนว สตฺถา สุชาตํ ฆรสุณฺหํ ทเมตฺวา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาเปสี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ มยา สุชาตา เอโกวาเทเนว ทมิตา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิสฺมึ นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ สพฺพสิปฺปานิ ¶ อุคฺคณฺหิตฺวา ปิตุ อจฺจเยน รชฺเช ปติฏฺาย ธมฺเมน สเมน รชฺชํ กาเรสิ. ตสฺส มาตา โกธนา อโหสิ จณฺฑา ผรุสา อกฺโกสิกา ปริภาสิกา. โส มาตุ โอวาทํ ทาตุกาโมปิ ‘‘อวตฺถุกํ กเถตุํ น ยุตฺต’’นฺติ ตสฺสา อนุสาสนตฺถํ เอกํ อุปมํ โอโลเกนฺโต จรติ. อเถกทิวสํ อุยฺยานํ อคมาสิ, มาตาปิ ปุตฺเตน สทฺธึเยว อคมาสิ ¶ . อถ อนฺตรามคฺเค กิกี สกุโณ วิรวิ, โพธิสตฺตปริสา ตํ สทฺทํ สุตฺวา กณฺเณ ปิทหิตฺวา ‘‘อมฺโภ, จณฺฑวาเจ ผรุสวาเจ มา สทฺทมกาสี’’ติ อาห. โพธิสตฺเต ปน นาฏกปริวาริเต มาตรา สทฺธึ อุยฺยาเน วิจรนฺเต เอกสฺมึ สุปุปฺผิตสาลรุกฺเข นิลีนา เอกา โกกิลา มธุเรน สเรน วสฺสิ. มหาชโน ตสฺสา สทฺเทน สมฺมตฺโต หุตฺวา อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา ‘‘สณฺหวาเจ สขิลวาเจ มุทุวาเจ วสฺส วสฺสา’’ติ คีวํ อุกฺขิปิตฺวา โอหิตโสโต โอโลเกนฺโต อฏฺาสิ.
อถ มหาสตฺโต ตานิ ทฺเว การณานิ ทิสฺวา ‘‘อิทานิ มาตรํ สฺาเปตุํ สกฺขิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘อมฺม, อนฺตรามคฺเค กิกีสทฺทํ สุตฺวา มหาชโน ‘มา สทฺทมกาสิ ¶ , มา สทฺทมกาสี’ติ กณฺเณ ปิทหิ, ผรุสวาจา นาม น กสฺสจิ ปิยา’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อโวจ –
‘‘น หิ วณฺเณน สมฺปนฺนา, มฺชุกา ปิยทสฺสนา;
ขรวาจา ปิยา โหนฺติ, อสฺมึ โลเก ปรมฺหิ จ.
‘‘นนุ ปสฺสสิมํ กาฬึ, ทุพฺพณฺณํ ติลกาหตํ;
โกกิลํ สณฺหภาเณน, พหูนํ ปาณินํ ปิยํ.
‘‘ตสฺมา สขิลวาจสฺส, มนฺตภาณี อนุทฺธโต;
อตฺถํ ธมฺมฺจ ทีเปติ, มธุรํ ตสฺส ภาสิต’’นฺติ.
ตาสํ อยมตฺโถ – อมฺม, อิเม สตฺตา ปิยงฺคุสามาทินา สรีรวณฺเณน สมนฺนาคตา กถานิคฺโฆสสฺส มธุรตาย มฺชุกา, อภิรูปตาย ปิยทสฺสนา สมานาปิ อนฺตมโส มาตาปิตโรปิ อกฺโกสปริภาสาทิวเสน ปวตฺตาย ขรวาจาย สมนฺนาคตตฺตา ขรวาจา อิมสฺมิฺจ ปรสฺมิฺจ โลเก ปิยา นาม น โหนฺติ อนฺตรามคฺเค ขรวาจา กิกี วิย, สณฺหภาณิโน ¶ ปน มฏฺาย มธุราย วาจาย สมนฺนาคตา วิรูปาปิ ปิยา โหนฺติ. เตน ตํ วทามิ – นนุ ปสฺสสิ ตฺวํ อิมํ กาฬึ ทุพฺพณฺณํ สรีรวณฺณโตปิ กาฬตเรหิ ติลเกหิ ¶ อาหตํ โกกิลํ, ยา เอวํ ทุพฺพณฺณา สมานาปิ สณฺหภาสเนน พหูนํ ปิยา ชาตา. อิติ ยสฺมา ขรวาโจ สตฺโต โลเก มาตาปิตูนมฺปิ อปฺปิโย, ตสฺมา พหุชนสฺส ปิยภาวํ อิจฺฉนฺโต โปโส สขิลวาโจ สณฺหมฏฺมุทุวาโจ อสฺส. ปฺาสงฺขาตาย มนฺตาย ปริจฺฉินฺทิตฺวา วจนโต มนฺตภาณี, วินา อุทฺธจฺเจน ปมาณยุตฺตสฺเสว กถนโต อนุทฺธโต. โย หิ เอวรูโป ปุคฺคโล ปาฬิฺจ อตฺถฺจ ทีเปติ, ตสฺส ภาสิตํ การณสนฺนิสฺสิตํ กตฺวา ปรํ อนกฺโกเสตฺวา กถิตตาย มธุรนฺติ.
เอวํ โพธิสตฺโต อิมาหิ ตีหิ คาถาหิ มาตุ ธมฺมํ เทเสตฺวา มาตรํ สฺาเปสิ, สา ตโต ปฏฺาย อาจารสมฺปนฺนา อโหสิ. โพธิสตฺโตปิ มาตรํ เอโกวาเทน นิพฺพิเสวนํ กตฺวา ยถากมฺมํ คโต.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา พาราณสิรฺโ มาตา สุชาตา อโหสิ, ราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
สุชาตชาตกวณฺณนา นวมา.
[๒๗๐] ๑๐. อุลูกชาตกวณฺณนา
สพฺเพหิ กิร าตีหีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต กาโกลูกกลหํ อารพฺภ กเถสิ. ตสฺมิฺหิ กาเล กากา ทิวา อุลูเก ขาทนฺติ, อุลูกา สูริยตฺถงฺคมนโต ปฏฺาย ตตฺถ ตตฺถ สยิตานํ กากานํ สีสานิ ฉินฺทิตฺวา เต ชีวิตกฺขยํ ปาเปนฺติ. อเถกสฺส ภิกฺขุโน เชตวนปจฺจนฺเต เอกสฺมึ ปริเวเณ วสนฺตสฺส สมฺมชฺชนกาเล รุกฺขโต ปติตานิ สตฺตฏฺนาฬิมตฺตานิปิ พหุตรานิปิ กากสีสานิ ฉฑฺเฑตพฺพานิ โหนฺติ. โส ตมตฺถํ ภิกฺขูนํ อาโรเจสิ. ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, อมุกสฺส กิร ภิกฺขุโน วสนฏฺาเน ¶ ทิวเส ทิวเส เอตฺตกานิ ¶ นาม กากสีสานิ ฉฑฺเฑตพฺพานิ โหนฺตี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิ, ภิกฺขู ‘‘อิมาย นามา’’ติ วตฺวา ‘‘กทา ปฏฺาย ปน, ภนฺเต, กากานฺจ อุลูกานฺจ อฺมฺํ เวรํ อุปฺปนฺน’’นฺติ ปุจฺฉึสุ, สตฺถา ‘‘ปมกปฺปิกกาลโต ปฏฺายา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต ปมกปฺปิกา มนุสฺสา สนฺนิปติตฺวา เอกํ อภิรูปํ โสภคฺคปฺปตฺตํ อาจารสมฺปนฺนํ สพฺพาการปริปุณฺณํ ปุริสํ คเหตฺวา ราชานํ กรึสุ, จตุปฺปทาปิ สนฺนิปติตฺวา เอกํ สีหํ ราชานํ อกํสุ, มหาสมุทฺเท มจฺฉา อานนฺทํ นาม มจฺฉํ ราชานํ อกํสุ. ตโต สกุณคณา หิมวนฺตปเทเส เอกสฺมึ ปิฏฺิปาสาเณ สนฺนิปติตฺวา ‘‘มนุสฺเสสุ ราชา ปฺายติ, ตถา จตุปฺปเทสุ เจว มจฺเฉสุ จ. อมฺหากํ ปนนฺตเร ราชา นาม นตฺถิ, อปฺปติสฺสวาโส นาม น วฏฺฏติ, อมฺหากมฺปิ ราชานํ ลทฺธุํ วฏฺฏติ, เอกํ ราชฏฺาเน เปตพฺพยุตฺตกํ ชานาถา’’ติ. เต ตาทิสํ สกุณํ โอโลกยมานา เอกํ อุลูกํ โรเจตฺวา ‘‘อยํ โน รุจฺจตี’’ติ อาหํสุ. อเถโก สกุโณ สพฺเพสํ อชฺฌาสยคฺคหณตฺถํ ติกฺขตฺตุํ สาเวสิ. ตสฺส สาเวนฺตสฺส ทฺเว สาวนา อธิวาเสตฺวา ตติยสาวนาย เอโก กาโก อุฏฺาย ‘‘ติฏฺ ตาเวตสฺส อิมสฺมึ ราชาภิเสกกาเล เอวรูปํ มุขํ ภวติ, กุทฺธสฺส กีทิสํ ภวิสฺสติ, อิมินา หิ กุทฺเธน โอโลกิตา มยํ ตตฺตกปาเล ปกฺขิตฺตโลณํ วิย ตตฺถ ตตฺเถว ภิชฺชิสฺสาม, อิมํ ราชานํ กาตุํ มยฺหํ น รุจฺจตี’’ติ อิมมตฺถํ ปกาเสตุํ ปมํ คาถมาห –
‘‘สพฺเพหิ ¶ ¶ กิร าตีหิ, โกสิโย อิสฺสโร กโต;
สเจ าตีหนฺุาโต, ภเณยฺยาหํ เอกวาจิก’’นฺติ.
ตสฺสตฺโถ – ยา เอสา สาวนา วตฺตติ, ตํ สุตฺวา วทามิ. สพฺเพหิ กิร อิเมหิ สมาคเตหิ าตีหิ อยํ โกสิโย ราชา กโต. สเจ ปนาหํ าตีหิ อนฺุาโต ภเวยฺยํ, เอตฺถ วตฺตพฺพํ เอกวาจิกํ กิฺจิ ภเณยฺยนฺติ.
อถ ¶ นํ อนุชานนฺตา สกุณา ทุติยํ คาถมาหํสุ –
‘‘ภณ สมฺม อนฺุาโต, อตฺถํ ธมฺมฺจ เกวลํ;
สนฺติ หิ ทหรา ปกฺขี, ปฺวนฺโต ชุตินฺธรา’’ติ.
ตตฺถ ภณ, สมฺม, อนฺุาโตติ, สมฺม, วายส ตฺวํ อมฺเหหิ สพฺเพหิ อนฺุาโต, ยํ เต ภณิตพฺพํ, ตํ ภณ. อตฺถํ ธมฺมฺจ เกวลนฺติ ภณนฺโต จ การณฺเจว ปเวณิอาคตฺจ วจนํ อมฺุจิตฺวา ภณ. ปฺวนฺโต ชุตินฺธราติ ปฺาสมฺปนฺนา เจว าโณภาสธรา จ ทหราปิ ปกฺขิโน อตฺถิเยว.
โส เอวํ อนฺุาโต ตติยํ คาถมาห –
‘‘น เม รุจฺจติ ภทฺทํ โว, อุลูกสฺสาภิเสจนํ;
อกฺกุทฺธสฺส มุขํ ปสฺส, กถํ กุทฺโธ กริสฺสตี’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – ภทฺทํ ตุมฺหากํ โหตุ, ยํ ปเนตํ ติกฺขตฺตุํ สาวนวาจาย อุลูกสฺส อภิเสจนํ กรียติ, เอตํ มยฺหํ น รุจฺจติ. เอตสฺส หิ อิทานิ ตุฏฺจิตฺตสฺส อกฺกุทฺธสฺส มุขํ ปสฺสถ, กุทฺโธ ปนายํ กถํ กริสฺสตีติ น ชานามิ, สพฺพถาปิ เอตํ มยฺหํ น รุจฺจตีติ.
โส เอวํ วตฺวา ‘‘มยฺหํ น รุจฺจติ, มยฺหํ น รุจฺจตี’’ติ วิรวนฺโต อากาเส อุปฺปติ, อุลูโกปิ นํ อุฏฺาย อนุพนฺธิ. ตโต ปฏฺาย เต อฺมฺํ เวรํ พนฺธึสุ. สกุณา สุวณฺณหํสํ ราชานํ กตฺวา ปกฺกมึสุ.
สตฺถา ¶ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน พหู โสตาปนฺนาทโย อเหสุํ. ‘‘ตทา รชฺเช อภิสิตฺตหํสโปโต อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
อุลูกชาตกวณฺณนา ทสมา.
ปทุมวคฺโค ทุติโย.
ตสฺสุทฺทานํ –
ปทุมํ มุทุปาณี จ, ปโลภนํ ปนาทกํ;
ขุรปฺปํ สินฺธวฺเจว, กกฺกฏา, รามทูสกํ;
สุชาตํ อุลูกํ ทส.
๓. อุทปานวคฺโค
[๒๗๑] ๑. อุทปานทูสกชาตกวณฺณนา
อารฺิกสฺส ¶ ¶ อิสิโนติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ อุทปานทูสกสิงฺคาลํ อารพฺภ กเถสิ. เอโก กิร สิงฺคาโล ภิกฺขุสงฺฆสฺส ปานียอุทปานํ อุจฺจารปสฺสาวกรเณน ทูเสตฺวา ปกฺกามิ. อถ นํ เอกทิวสํ อุทปานสมีปํ อาคตํ สามเณรา เลฑฺฑูหิ ปหริตฺวา กิลเมสุํ, โส ตโต ปฏฺาย ตํ านํ ปุน นิวตฺติตฺวาปิ น โอโลเกสิ. ภิกฺขู ตํ ปวตฺตึ ตฺวา ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, อุทปานทูสกสิงฺคาโล กิร สามเณเรหิ กิลมิตกาลโต ปฏฺาย ปุน นิวตฺติตฺวาปิ น โอโลเกสี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปส สิงฺคาโล อุทปานทูสโกเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ อิทเมว อิสิปตนํ อยเมว อุทปาโน อโหสิ. ตทา โพธิสตฺโต พาราณสิยํ กุลฆเร นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อิสิคณปริวุโต อิสิปตเน วาสํ กปฺเปสิ. ตทา เอโก สิงฺคาโล อิทเมว อุทปานํ ทูเสตฺวา ปกฺกมติ. อถ นํ เอกทิวสํ ตาปสา ปริวาเรตฺวา ิตา เอเกนุปาเยน คเหตฺวา โพธิสตฺตสฺส สนฺติกํ อานยึสุ. โพธิสตฺโต สิงฺคาเลน สทฺธึ สลฺลปนฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘อารฺิกสฺส อิสิโน, จิรรตฺตตปสฺสิโน;
กิจฺฉากตํ อุทปานํ, กถํ สมฺม อวาหยี’’ติ.
ตสฺสตฺโถ ¶ – อรฺเ วสนตาย อารฺิกสฺส, เอสิตคุณตฺตา อิสิโน, จิรรตฺตํ ตปํ นิสฺสาย วุตฺถตฺตา จิรรตฺตตปสฺสิโน กิจฺฉากตํ กิจฺเฉน ทุกฺเขน นิปฺผาทิตํ อุทปานํ กถํ กิมตฺถาย สมฺม สิงฺคาล, ตฺวํ อวาหยิ มุตฺตกรีเสน อชฺโฌตฺถริ ทูเสสิ, ตํ วา มุตฺตกรีสํ เอตฺถ อวาหยิ ปาเตสีติ.
ตํ ¶ สุตฺวา สิงฺคาโล ทุติยํ คาถมาห –
‘‘เอส ธมฺโม สิงฺคาลานํ, ยํ ปิตฺวา โอหทามเส;
ปิตุปิตามหํ ธมฺโม, น ตํ อุชฺฌาตุมรหสี’’ติ.
ตตฺถ ¶ เอส ธมฺโมติ เอส สภาโว. ยํ ปิตฺวา โอหทามเสติ, สมฺม, ยํ มยํ ยตฺถ ปานียํ ปิวาม, ตเมว อูหทามปิ โอมุตฺเตมปิ, เอส อมฺหากํ สิงฺคาลานํ ธมฺโมติ ทสฺเสติ. ปิตุปิตามหนฺติ ปิตูนฺจ ปิตามหานฺจ โน เอส ธมฺโม. น ตํ อุชฺฌาตุมรหสีติ ตํ อมฺหากํ ปเวณิอาคตํ ธมฺมํ สภาวํ ตฺวํ อุชฺฌาตุํ น อรหสิ, น ยุตฺตํ เต เอตฺถ กุชฺฌิตุนฺติ.
อถสฺส โพธิสตฺโต ตติยํ คาถมาห –
‘‘เยสํ โว เอทิโส ธมฺโม, อธมฺโม ปน กีทิโส;
มา โว ธมฺมํ อธมฺมํ วา, อทฺทสาม กุทาจน’’นฺติ.
ตตฺถ มา โวติ ตุมฺหากํ ธมฺมํ วา อธมฺมํ วา น มยํ กทาจิ อทฺทสามาติ.
เอวํ โพธิสตฺโต ตสฺส โอวาทํ ทตฺวา ‘‘มา ปุน อาคจฺฉา’’ติ อาห. โส ตโต ปฏฺาย ปุน นิวตฺติตฺวาปิ น โอโลเกสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา อุทปานทูสโก อยเมว สิงฺคาโล อโหสิ, คณสตฺถา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
อุทปานทูสกชาตกวณฺณนา ปมา.
[๒๗๒] ๒. พฺยคฺฆชาตกวณฺณนา
เยน ¶ มิตฺเตน สํสคฺคาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โกกาลิกํ อารพฺภ กเถสิ. โกกาลิกวตฺถุ เตรสกนิปาเต ตกฺการิยชาตเก (ชา. ๑.๑๓.๑๐๔ อาทโย) อาวิภวิสฺสติ. โกกาลิโก ปน ‘‘สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเน คเหตฺวา อาคมิสฺสามี’’ติ โกกาลิกรฏฺโต ¶ เชตวนํ อาคนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เถเร อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘อาวุโส, โกกาลิกรฏฺวาสิโน มนุสฺสา ตุมฺเห ปกฺโกสนฺติ, เอถ คจฺฉามา’’ติ อาห. ‘‘คจฺฉ ตฺวํ, อาวุโส, น มยํ อาคจฺฉามา’’ติ. โส เถเรหิ ปฏิกฺขิตฺโต สยเมว อคมาสิ. อถ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, โกกาลิโก สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเนหิ สหาปิ ¶ วินาปิ วตฺติตุํ น สกฺโกติ, สํโยคมฺปิ น สหติ, วิโยคมฺปิ น สหตี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ โกกาลิโก สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเนหิ เนว สห, น วินา วตฺติตุํ สกฺโกตี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต อฺตรสฺมึ อรฺายตเน รุกฺขเทวตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ตสฺส วิมานโต อวิทูเร อฺตรสฺมึ วนปฺปติเชฏฺเก อฺา รุกฺขเทวตา วสติ. ตสฺมึ วนสณฺเฑ สีโห จ พฺยคฺโฆ จ วสนฺติ. เตสํ ภเยน โกจิ ตตฺถ น เขตฺตํ กโรติ, น รุกฺขํ ฉินฺทติ, นิวตฺติตฺวา โอโลเกตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ. เต ปน สีหพฺยคฺฆา นานปฺปกาเร มิเค วธิตฺวา ขาทนฺติ, ขาทิตาวเสสํ ตตฺเถว ปหาย คจฺฉนฺติ. เตน โส วนสณฺโฑ อสุจิกุณปคนฺโธ โหติ. อถ อิตรา รุกฺขเทวตา อนฺธพาลา การณาการณํ อชานมานา เอกทิวสํ โพธิสตฺตํ อาห – ‘‘สมฺม, เอเต โน สีหพฺยคฺเฆ นิสฺสาย วนสณฺโฑ อสุจิกุณปคนฺโธ ชาโต, อหํ เอเต ปลาเปมี’’ติ. โพธิสตฺโต ‘‘สมฺม, อิเม ทฺเว นิสฺสาย อมฺหากํ วิมานานิ ¶ รกฺขิยนฺติ, เอเตสุ ปลายนฺเตสุ วิมานานิ โน วินสฺสิสฺสนฺติ, สีหพฺยคฺฆานํ ปทํ อปสฺสนฺตา มนุสฺสา สพฺพํ วนํ ฉินฺทิตฺวา เอกงฺคณํ กตฺวา เขตฺตานิ กริสฺสนฺติ, มา เต เอวํ รุจฺจี’’ติ วตฺวา ปุริมา ทฺเว คาถา อโวจ –
‘‘เยน มิตฺเตน สํสคฺคา, โยคกฺเขโม วิหิยฺยติ;
ปุพฺเพวชฺฌาภวํ ตสฺส, รกฺเข อกฺขีว ปณฺฑิโต.
‘‘เยน มิตฺเตน สํสคฺคา, โยคกฺเขโม ปวฑฺฒติ;
กเรยฺยตฺตสมํ วุตฺตึ, สพฺพกิจฺเจสุ ปณฺฑิโต’’ติ.
ตตฺถ เยน มิตฺเตน สํสคฺคาติ เยน ปาปมิตฺเตน สทฺธึ สํสคฺคเหตุ สํสคฺคการณา, เยน สทฺธึ ทสฺสนสํสคฺโค สวนสํสคฺโค กายสํสคฺโค สมุลฺลปนสํสคฺโค ปริโภคสํสคฺโคติ อิมสฺส ปฺจวิธสฺส สํสคฺคสฺส กตตฺตาติ อตฺโถ. โยคกฺเขโมติ กายจิตฺตสุขํ. ตฺหิ ¶ ทุกฺขโยคโต เขมตฺตา ¶ อิธ โยคกฺเขโมติ อธิปฺเปตํ. วิหิยฺยตีติ ปริหายติ. ปุพฺเพวชฺฌาภวํ ตสฺส, รกฺเข อกฺขีว ปณฺฑิโตติ ตสฺส ปาปมิตฺตสฺส อชฺฌาภวํ เตน อภิภวิตพฺพํ อตฺตโน ลาภยสชีวิตํ, ยถา นํ โส น อชฺฌาภวติ, ตถา ปมตรเมว อตฺตโน อกฺขี วิย ปณฺฑิโต ปุริโส รกฺเขยฺย.
ทุติยคาถาย เยนาติ เยน กลฺยาณมิตฺเตน สห สํสคฺคการณา. โยคกฺเขโม ปวฑฺฒตีติ กายจิตฺตสุขํ วฑฺฒติ. กเรยฺยตฺตสมํ วุตฺตินฺติ ตสฺส กลฺยาณมิตฺตสฺส สพฺพกิจฺเจสุ ปณฺฑิโต ปุริโส ยถา อตฺตโน ชีวิตวุตฺติฺจ อุปโภคปริโภควุตฺติฺจ กโรติ, เอวเมตํ สพฺพํ กเรยฺย, อธิกมฺปิ กเรยฺย, หีนํ ปน น กเรยฺยาติ.
เอวํ โพธิสตฺเตน การเณ กถิเตปิ สา พาลเทวตา อนุปธาเรตฺวา เอกทิวสํ เภรวรูปารมฺมณํ ทสฺเสตฺวา เต สีหพฺยคฺเฆ ปลาเปสิ. มนุสฺสา เตสํ ปทวลฺชํ อทิสฺวา ‘‘สีหพฺยคฺฆา อฺํ วนสณฺฑํ คตา’’ติ ตฺวา วนสณฺฑสฺส เอกปสฺสํ ฉินฺทึสุ. เทวตา โพธิสตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ¶ ‘‘อหํ, สมฺม, ตว วจนํ อกตฺวา เต ปลาเปสึ, อิทานิ เตสํ คตภาวํ ตฺวา มนุสฺสา วนสณฺฑํ ฉินฺทนฺติ, กึ นุ โข กาตพฺพ’’นฺติ วตฺวา ‘‘อิทานิ เต อสุกวนสณฺเฑ นาม วสนฺติ, คนฺตฺวา เต อาเนหี’’ติ วุตฺตา ตตฺถ คนฺตฺวา เตสํ ปุรโต ตฺวา อฺชลึ ปคฺคยฺห ตติยํ คาถมาห –
‘‘เอถ พฺยคฺฆา นิวตฺตวฺโห, ปจฺจุเปถ มหาวนํ;
มา วนํ ฉินฺทิ นิพฺยคฺฆํ, พฺยคฺฆา มาเหสุ นิพฺพนา’’ติ.
ตตฺถ พฺยคฺฆาติ อุโภปิ เต พฺยคฺฆนาเมเนวาลปนฺตี อาห. นิวตฺตวฺโหติ นิวตฺตถ. ปจฺจุเปถ มหาวนนฺติ ตํ มหาวนํ ปจฺจุเปถ ปุน อุปคจฺฉถ, อยเมว วา ปาโ. มา วนํ ฉินฺทิ นิพฺยคฺฆนฺติ อมฺหากํ วสนกวนสณฺฑํ อิทานิ ตุมฺหากํ อภาเวน นิพฺยคฺฆํ มนุสฺสา มา ฉินฺทึสุ. พฺยคฺฆา มาเหสุ นิพฺพนาติ ตุมฺหาทิสา จ พฺยคฺฆราชาโน อตฺตโน วสนฏฺานา ปลายิตตฺตา นิพฺพนา วสนฏฺานภูเตน วเนน วิรหิตา มา อเหสุํ. เต เอวํ ตาย เทวตาย ยาจิยมานาปิ ‘‘คจฺฉ ตฺวํ, น มยํ อาคมิสฺสามา’’ติ ปฏิกฺขิปึสุเยว. เทวตา เอกิกาว วนสณฺฑํ ปจฺจาคฺฉิ. มนุสฺสาปิ กติปาเหเนว สพฺพํ วนํ ฉินฺทิตฺวา เขตฺตานิ กริตฺวา กสิกมฺมํ กรึสุ.
สตฺถา ¶ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา อปณฺฑิตา เทวตา โกกาลิโก อโหสิ, สีโห สาริปุตฺโต, พฺยคฺโฆ โมคฺคลฺลาโน, ปณฺฑิตเทวตา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
พฺยคฺฆชาตกวณฺณนา ทุติยา.
[๒๗๓] ๓. กจฺฉปชาตกวณฺณนา
โก ¶ นุ อุทฺธิตภตฺโตวาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โกสลราชสฺส ทฺวินฺนํ มหามตฺตานํ กลหวูปสมนํ อารพฺภ กเถสิ. ปจฺจุปฺปนฺนวตฺถุ ทุกนิปาเต กถิตเมว.
อตีเต ปน พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต กาสิรฏฺเ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา กาเม ปหาย อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา หิมวนฺตปเทเส คงฺคาตีเร อสฺสมปทํ มาเปตฺวา ตตฺถ อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา ฌานกีฬํ กีฬนฺโต วาสํ กปฺเปสิ. อิมสฺมึ กิร ชาตเก โพธิสตฺโต ปรมมชฺฌตฺโต อโหสิ, อุเปกฺขาปารมึ ปูเรสิ. ตสฺส ปณฺณสาลทฺวาเร นิสินฺนสฺส เอโก ปคพฺโภ ทุสฺสีโล มกฺกโฏ อาคนฺตฺวา กณฺณโสเตสุ องฺคชาเตน สลากปเวสนกมฺมํ กโรติ, โพธิสตฺโต อวาเรตฺวา มชฺฌตฺโต หุตฺวา นิสีทติเยว. อเถกทิวสํ เอโก กจฺฉโป อุทกา อุตฺตริตฺวา คงฺคาตีเร มุขํ วิวริตฺวา อาตปํ ตปฺปนฺโต นิทฺทายติ. ตํ ทิสฺวา โส โลลวานโร ตสฺส มุเข สลากปเวสนกมฺมํ อกาสิ. อถสฺส กจฺฉโป ปพุชฺฌิตฺวา องฺคชาตํ สมุคฺเค ปกฺขิปนฺโต วิย ฑํสิ, พลวเวทนา อุปฺปชฺชิ. เวทนํ อธิวาเสตุํ อสกฺโกนฺโต ‘‘โก นุ โข มํ อิมมฺหา ทุกฺขา โมเจยฺย, กสฺส สนฺติกํ คจฺฉามี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘อฺโ มํ อิมมฺหา ทุกฺขา โมเจตุํ สมตฺโถ นตฺถิ อฺตฺร ตาปเสน, ตสฺเสว สนฺติกํ มยา คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ กจฺฉปํ ทฺวีหิ หตฺเถหิ อุกฺขิปิตฺวา โพธิสตฺตสฺส สนฺติกํ อคมาสิ. โพธิสตฺโต เตน ทุสฺสีลมกฺกเฏน สทฺธึ ทวํ กโรนฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘โก ¶ ¶ นุ อุทฺธิตภตฺโตว, ปูรหตฺโถว พฺราหฺมโณ;
กหํ นุ ภิกฺขํ อจริ, กํ สทฺธํ อุปสงฺกมี’’ติ.
ตตฺถ โก นุ อุทฺธิตภตฺโตวาติ โก นุ เอส วฑฺฒิตภตฺโต วิย, เอกํ วฑฺฒิตภตฺตํ ภตฺตปูรปาตึ ¶ หตฺเถหิ คเหตฺวา วิย โก นุ เอโส อาคจฺฉตีติ อตฺโถ. ปูรหตฺโถว พฺราหฺมโณติ กตฺติกมาเส วาจนกํ ลภิตฺวา ปูรหตฺโถ พฺราหฺมโณ วิย จ โก นุ โข เอโสติ วานรํ สนฺธาย วทติ. กหํ นุ ภิกฺขํ อจรีติ, โภ วานร, กสฺมึ ปเทเส อชฺช ตฺวํ ภิกฺขํ อจริ. กํ สทฺธํ อุปสงฺกมีติ กตรํ นาม ปุพฺพเปเต อุทฺทิสฺส กตํ สทฺธภตฺตํ, กตรํ วา สทฺธํ ปุคฺคลํ ตฺวํ อุปสงฺกมิ, กุโต เต อยํ เทยฺยธมฺโม ลทฺโธติ ทีเปติ.
ตํ สุตฺวา ทุสฺสีลวานโร ทุติยํ คาถมาห –
‘‘อหํ กปิสฺมิ ทุมฺเมโธ, อนามาสานิ อามสึ;
ตฺวํ มํ โมจย ภทฺทํ เต, มุตฺโต คจฺเฉยฺย ปพฺพต’’นฺติ.
ตตฺถ อหํ กปิสฺมิ ทุมฺเมโธติ ภทฺทํ เต อหํ อสฺมิ ทุมฺเมโธ จปลจิตฺโต มกฺกโฏ. อนามาสานิ อามสินฺติ อนามสิตพฺพฏฺานานิ อามสึ. ตฺวํ มํ โมจย ภทฺทํ เตติ ตฺวํ ทยาลุ อนุกมฺปโก มํ อิมมฺหา ทุกฺขา โมเจหิ, ภทฺทํ เต โหตุ. มุตฺโต คจฺเฉยฺย ปพฺพตนฺติ โสหํ ตวานุภาเวน อิมมฺหา พฺยสนา มุตฺโต ปพฺพตเมว คจฺเฉยฺยํ, น เต ปุน จกฺขุปเถ อตฺตานํ ทสฺเสยฺยนฺติ.
โพธิสตฺโต ตสฺมึ การฺุเน กจฺฉเปน สทฺธึ สลฺลปนฺโต ตติยํ คาถมาห –
‘‘กจฺฉปา กสฺสปา โหนฺติ, โกณฺฑฺา โหนฺติ มกฺกฏา;
มฺุจ กสฺสป โกณฺฑฺํ, กตํ เมถุนกํ ตยา’’ติ.
ตสฺสตฺโถ ¶ – กจฺฉปา นาม กสฺสปโคตฺตา โหนฺติ, มกฺกฏา โกณฺฑฺโคตฺตา, กสฺสปโกณฺฑฺานฺจ อฺมฺํ อาวาหวิวาหสมฺพนฺโธ อตฺถิ. อทฺธา ตยิทํ โลเลน ทุสฺสีลมกฺกเฏน ตยา สทฺธึ, ตยา จ ทุสฺสีเลน อิมินา มกฺกเฏน สทฺธึ โคตฺตสทิสตาสงฺขาตสฺส เมถุนธมฺมสฺส ¶ อนุจฺฉวิกํ ทุสฺสีลฺยกมฺมสงฺขาตมฺปิ เมถุนกํ กตํ, ตสฺมา มฺุจ, กสฺสป, โกณฺฑฺนฺติ.
กจฺฉโป โพธิสตฺตสฺส วจนํ สุตฺวา การเณน ปสนฺโน วานรสฺส องฺคชาตํ มฺุจิ. มกฺกโฏ มุตฺตมตฺโตว โพธิสตฺตํ วนฺทิตฺวา ปลาโต, ปุน ตํ านํ นิวตฺติตฺวาปิ น โอโลเกสิ. กจฺฉโปปิ ¶ โพธิสตฺตํ วนฺทิตฺวา สกฏฺานเมว คโต. โพธิสตฺโตปิ อปริหีนชฺฌาโน พฺรหฺมโลกปรายโณ อโหสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา กจฺฉปวานรา ทฺเว มหามตฺตา อเหสุํ, ตาปโส ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
กจฺฉปชาตกวณฺณนา ตติยา.
[๒๗๔] ๔. โลลชาตกวณฺณนา
กายํ พลากา สิขินีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ โลลภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. ตฺหิ ธมฺมสภํ อานีตํ สตฺถา ‘‘น ตฺวํ ภิกฺขุ อิทาเนว โลโล, ปุพฺเพปิ โลโลเยว, โลลตาเยว จ ชีวิตกฺขยํ ปตฺโต, ตํ นิสฺสาย โปราณกปณฺฑิตาปิ อตฺตโน วสนฏฺานา ปริพาหิรา อเหสุ’’นฺติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต พาราณสิเสฏฺิโน มหานเส ภตฺตการโก ปฺุตฺถาย นีฬปจฺฉึ เปสิ. ตทา โพธิสตฺโต ปาราวตโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา ตตฺถ วาสํ กปฺเปสิ. อเถโก โลลกาโก มหานสมตฺถเกน คจฺฉนฺโต นานปฺปการํ มจฺฉมํสวิกตึ ทิสฺวา ปิปาสาภิภูโต ‘‘กํ นุ โข นิสฺสาย สกฺกา ภเวยฺยํ โอกาสํ ¶ ลทฺธุ’’นฺติ จินฺเตตฺวา โพธิสตฺตํ ทิสฺวา ‘‘อิมํ นิสฺสาย สกฺกา’’ติ สนฺนิฏฺานํ กตฺวา ตสฺส โคจราย อรฺคมนกาเล ปิฏฺิโต ปิฏฺิโต อนุพนฺธิ. อถ นํ โพธิสตฺโต ‘‘มยํ โข, กาก, อฺโคจรา, ตฺวมฺปิ อฺโคจโร, กึ นุ โข มํ อนุพนฺธสี’’ติ อาห. ‘‘ตุมฺหากํ, สามิ, กิริยา มยฺหํ รุจฺจติ, อหมฺปิ ตุมฺเหหิ สมานโคจโร หุตฺวา ตุมฺเห อุปฏฺาตุํ ¶ อิจฺฉามี’’ติ. โพธิสตฺโต สมฺปฏิจฺฉิ. โส เตน สทฺธึ โคจรภูมิยํ เอกโคจรํ จรนฺโต วิย โอสกฺกิตฺวา โคมยราสึ วิทฺธํเสตฺวา ปาณเก ขาทิตฺวา กุจฺฉิปูรํ กตฺวา โพธิสตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ตุมฺเห เอตฺตกํ กาลํ จรเถว, นนุ โภชเน นาม ปมาณํ าตุํ วฏฺฏติ, เอถ นาติสายเมว คจฺฉามา’’ติ อาห. โพธิสตฺโต ตํ อาทาย วสนฏฺานํ อคมาสิ. ภตฺตการโก ‘‘อมฺหากํ ปาราวโต สหายํ คเหตฺวา อาคโต’’ติ กากสฺสาปิ เอกํ ถุสปจฺฉึ เปสิ. กาโกปิ จตูหปฺจาหํ เตเนว นีหาเรน วสิ.
อเถกทิวสํ ¶ เสฏฺิโน พหุมจฺฉมํสํ อาหริยิตฺถ, กาโก ตํ ทิสฺวา โลภาภิภูโต ปจฺจูสกาลโต ปฏฺาย นิตฺถุนนฺโต นิปชฺชิ. อถ นํ ปุนทิวเส โพธิสตฺโต ‘‘เอหิ, สมฺม, โคจราย ปกฺกมิสฺสามา’’ติ อาห. ‘‘ตุมฺเห คจฺฉถ, มยฺหํ อชิณฺณาสงฺกา อตฺถี’’ติ. ‘‘สมฺม, กากานํ อชีรโก นาม นตฺถิ, ทีปวฏฺฏิมตฺตเมว หิ ตุมฺหากํ กุจฺฉิยํ โถกํ ติฏฺติ, เสสํ อชฺโฌหฏมตฺตเมว ชีรติ, มม วจนํ กโรหิ, มา เอตํ ¶ มจฺฉมํสํ ทิสฺวา เอวมกาสี’’ติ. ‘‘สามิ, กึ นาเมตํ กเถถ, อชิณฺณาสงฺกาว มยฺห’’นฺติ. ‘‘เตน หิ อปฺปมตฺโต โหหี’’ติ ตํ โอวทิตฺวา โพธิสตฺโต ปกฺกามิ.
ภตฺตการโกปิ นานามจฺฉมํสวิกติโย สมฺปาเทตฺวา สรีรโต เสทํ อปเนนฺโต มหานสทฺวาเร อฏฺาสิ. กาโก ‘‘อยํ อิทานิ กาโล มํสํ ขาทิตุ’’นฺติ คนฺตฺวา รสกโรฏิมตฺถเก นิสีทิ. ภตฺตการโก ‘‘กิรี’’ติ สทฺทํ สุตฺวา นิวตฺติตฺวา โอโลเกนฺโต กากํ ทิสฺวา ปวิสิตฺวา ตํ คเหตฺวา สกลสรีรโลมํ ลฺุจิตฺวา มตฺถเก จูฬํ เปตฺวา สิงฺคีเวรมริจาทีนิ ปิสิตฺวา ตกฺเกน อาโลเฬตฺวา ‘‘ตฺวํ อมฺหากํ เสฏฺิโน มจฺฉมํสํ อุจฺฉิฏฺกํ กโรสี’’ติ สกลสรีรมสฺส มกฺเขตฺวา ขิปิตฺวา นีฬปจฺฉิยํ ปาเตสิ, พลวเวทนา อุปฺปชฺชิ. โพธิสตฺโต โคจรภูมิโต อาคนฺตฺวา ตํ นิตฺถุนนฺตํ ทิสฺวา ทวํ กโรนฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘กายํ พลากา สิขินี, โจรี ลงฺฆิปิตามหา;
โอรํ พลาเก อาคจฺฉ, จณฺโฑ เม วายโส สขา’’ติ.
ตตฺถ ¶ กายํ พลากา สิขินีติ ตํ กากํ ตสฺส พหลตกฺเกน มกฺขิตสรีรเสตวณฺณตฺตา มตฺถเก จ สิขาย ปิตตฺตา ‘‘กา เอสา พลากา สิขินี’’ติ ปุจฺฉนฺโต อาลปติ. โจรีติ กุลสฺส อนนฺุาย กุลฆรํ, กากสฺส วา อรุจิยา ปจฺฉึ ปวิฏฺตฺตา ‘‘โจรี’’ติ วทติ. ลงฺฆิปิตามหาติ ลงฺฆี วุจฺจติ อากาเส ลงฺฆนโต เมโฆ, พลากา จ นาม เมฆสทฺเทน คพฺภํ คณฺหนฺตีติ เมฆสทฺโท พลากานํ ปิตา, เมโฆ ปิตามโห โหติ. เตนาห ‘‘ลงฺฆิปิตามหา’’ติ. โอรํ พลาเก อาคจฺฉาติ, อมฺโภ พลาเก, อิโต เอหิ. จณฺโฑ เม วา ยโส สขาติ มยฺหํ สขา ปจฺฉิสามิโก วายโส จณฺโฑ ผรุโส ¶ , โส อาคโต ตํ ทิสฺวา กณยสทิเสน ตุณฺเฑน โกฏฺเฏตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปยฺย, ตสฺมา ยาว วายโส นาคจฺฉติ, ตาว ปจฺฉิโต โอตริตฺวา อิโต เอหิ, สีฆํ ปลายสฺสูติ วทติ.
ตํ สุตฺวา กาโก ทุติยํ คาถมาห –
‘‘นาหํ ¶ พลากา สิขินี, อหํ โลโลสฺมิ วายโส;
อกตฺวา วจนํ ตุยฺหํ, ปสฺส ลูโนสฺมิ อาคโต’’ติ.
ตตฺถ อาคโตติ ตฺวํ อิทานิ โคจรภูมิโต อาคโต, มํ ลูนํ ปสฺสาติ อตฺโถ.
ตํ สุตฺวา โพธิสตฺโต ตติยํ คาถมาห –
‘‘ปุนปาปชฺชสี สมฺม, สีลฺหิ ตว ตาทิสํ;
น หิ มานุสกา โภคา, สุภฺุชา โหนฺติ ปกฺขินา’’ติ.
ตตฺถ ปุนปาปชฺชสี สมฺมาติ สมฺม วายส, ปุนปิ ตฺวํ เอวรูปํ ทุกฺขํ ปฏิลภิสฺสเสว, นตฺถิ เต เอตฺตเกน โมกฺโข. กึการณา? สีลฺหิ ตว ตาทิสํ ปาปกํ, ยสฺมา ตว อาจารสีลํ ตาทิสํ ทุกฺขาธิคมสฺเสว อนุรูปํ. น หิ มานุสกาติ มนุสฺสา นาม มหาปฺุา, ติรจฺฉานคตานํ ตถารูปํ ปฺุํ นตฺถิ, ตสฺมา มานุสกา โภคา ติรจฺฉานคเตน ปกฺขินา น ภฺุชียนฺตีติ.
เอวฺจ ¶ ปน วตฺวา โพธิสตฺโต ‘‘อิโต ทานิ ปฏฺาย มยา เอตฺถ วสิตุํ น สกฺกา’’ติ อุปฺปติตฺวา อฺตฺถ อคมาสิ. กาโกปิ นิตฺถุนนฺโต ตตฺเถว กาลมกาสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน โลลภิกฺขุ อนาคามิผเล ปติฏฺหิ. ‘‘ตทา โลลกาโก โลลภิกฺขุ อโหสิ, ปาราวโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
โลลชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.
[๒๗๕] ๕. รุจิรชาตกวณฺณนา
กายํ ¶ พลากา รุจิราติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ โลลภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. ทฺเวปิ วตฺถูนิ ปุริมสทิสาเนว คาถาปิ.
‘‘กายํ ¶ พลากา รุจิรา, กากนีฬสฺมิมจฺฉติ;
จณฺโฑ กาโก สขา มยฺหํ, ยสฺส เจตํ กุลาวกํ.
‘‘นนุ มํ สมฺม ชานาสิ, ทิช สามากโภชน;
อกตฺวา วจนํ ตุยฺหํ, ปสฺส ลูโนสฺมิ อาคโต.
‘‘ปุนปาปชฺชสี สมฺม, สีลฺหิ ตว ตาทิสํ;
น หิ มานุสกา โภคา, สุภฺุชา โหนฺติ ปกฺขินา’’ติ. –
คาถา หิ เอกนฺตริกาเยว.
ตตฺถ ‘‘รุจิรา’’ติ ตกฺกมกฺขิตสรีรตาย เสตวณฺณตํ สนฺธาย วทติ. รุจิรา ปิยทสฺสนา, ปณฺฑราติ อตฺโถ. กากนีฬสฺมินฺติ กากกุลาวเก. ‘‘กากนิฑฺฒสฺมิ’’นฺติปิ ปาโ. ทิชาติ กาโก ปาเรวตํ อาลปติ. สามากโภชนาติ ติณพีชโภชน. สามากคฺคหเณน เหตฺถ สพฺพมฺปิ ติณพีชํ คหิตํ. อิธาปิ โพธิสตฺโต ‘‘น อิทานิ สกฺกา อิโต ปฏฺาย มยา เอตฺถ วสิตุ’’นฺติ อุปฺปติตฺวา อฺตฺถ คโต.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน โลลภิกฺขุ อนาคามิผเล ปติฏฺหิ. ‘‘ตทา โลลกาโก โลลภิกฺขุ อโหสิ, ปาราวโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
รุจิรชาตกวณฺณนา ปฺจมา.
[๒๗๖] ๖. กุรุธมฺมชาตกวณฺณนา
ตว สทฺธฺจ สีลฺจาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ หํสฆาตกภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. สาวตฺถิวาสิโน ¶ ทฺเว สหายกา ภิกฺขู ปพฺพชิตฺวา ลทฺธูปสมฺปทา เยภุยฺเยน เอกโต วิจรนฺติ. เต เอกทิวสํ อจิรวตึ คนฺตฺวา นฺหตฺวา วาลุกปุลิเน อาตปํ ตปฺปมานา สารณียกถํ กเถนฺตา อฏฺํสุ, ตสฺมึ ขเณ ทฺเว หํสา อากาเสน คจฺฉนฺติ. อเถโก ทหรภิกฺขุ สกฺขรํ คเหตฺวา ‘‘เอกสฺส หํสโปตกสฺส อกฺขึ ปหริสฺสามี’’ติ อาห, อิตโร ‘‘น สกฺขิสฺสสี’’ติ ¶ อาห. ‘‘ติฏฺตุ อิมสฺมึ ปสฺเส อกฺขิ, ปรปสฺเส อกฺขึ ปหริสฺสามี’’ติ. ‘‘อิทมฺปิ น สกฺขิสฺสสิเยวา’’ติ. ‘‘เตน หิ อุปธาเรหี’’ติ ติยํสํ สกฺขรํ คเหตฺวา หํสสฺส ปจฺฉาภาเค ขิปิ. หํโส สกฺขรสทฺทํ สุตฺวา นิวตฺติตฺวา โอโลเกสิ, อถ นํ อิตโร วฏฺฏสกฺขรํ คเหตฺวา ปรปสฺเส อกฺขิมฺหิ ปหริตฺวา โอริมกฺขินา นิกฺขมาเปสิ. หํโส วิรวนฺโต ปริวตฺติตฺวา เตสํ ปาทมูเลเยว ปติ. ตตฺถ ตตฺถ ิตา ภิกฺขู ทิสฺวา อาคนฺตฺวา ‘‘อาวุโส, เอวรูเป นิยฺยานิกสาสเน ปพฺพชิตฺวา อนนุจฺฉวิกํ โว กตํ ปาณาติปาตํ กโรนฺเตหี’’ติ วตฺวา เต อาทาย ตถาคตสฺส ทสฺเสสุํ. สตฺถา ‘‘สจฺจํ, กิร ตยา ภิกฺขุ ปาณาติปาโต กโต’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจํ, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘ภิกฺขุ, กสฺมา เอวรูเป นิยฺยานิกสาสเน ปพฺพชิตฺวา เอวมกาสิ, โปราณกปณฺฑิตา อนุปฺปนฺเน พุทฺเธ อคารมชฺเฌ สํกิลิฏฺวาสํ วสมานา อปฺปมตฺตเกสุปิ าเนสุ กุกฺกุจฺจํ กรึสุ, ตฺวํ ปน เอวรูเป นิยฺยานิกสาสเน ปพฺพชิตฺวา กุกฺกุจฺจมตฺตมฺปิ น อกาสิ, นนุ นาม ภิกฺขุนา กายวาจาจิตฺเตหิ สฺเตน ภวิตพฺพ’’นฺติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต ¶ กุรุรฏฺเ อินฺทปตฺถนคเร ธนฺจเย โกรพฺเย รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา อนุปุพฺเพน วิฺุตํ ปตฺโต ตกฺกสิลายํ สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา ปิตรา โอปรชฺเช ปติฏฺาปิโต อปรภาเค ¶ ปิตุ อจฺจเยน รชฺชํ ปตฺวา ทส ราชธมฺเม อโกเปนฺโต กุรุธมฺเม วตฺติตฺถ. กุรุธมฺโม นาม ปฺจ สีลานิ, ตานิ โพธิสตฺโต ปริสุทฺธานิ กตฺวา รกฺขิ. ยถา จ โพธิสตฺโต, เอวมสฺส มาตา อคฺคมเหสี กนิฏฺภาตา อุปราชา ปุโรหิโต พฺราหฺมโณ รชฺชุคาหโก อมจฺโจ สารถิ เสฏฺิ โทณมาปโก มหามตฺโต โทวาริโก นครโสภินี วณฺณทาสีติ เอวเมเต.
‘‘ราชา มาตา มเหสี จ, อุปราชา ปุโรหิโต;
รชฺชุโก สารถิ เสฏฺิ, โทโณ โทวาริโก ตถา;
คณิเกกาทส ชนา, กุรุธมฺเม ปติฏฺิตา’’ติ.
อิติ อิเม สพฺเพปิ ปริสุทฺธานิ กตฺวา ปฺจ สีลานิ รกฺขึสุ. ราชา จตูสุ นครทฺวาเรสุ จ นครมชฺเฌ จ นิเวสนทฺวาเร จาติ ฉ ทานสาลาโย กาเรตฺวา เทวสิกํ ฉสตสหสฺสํ ธนํ วิสฺสชฺเชนฺโต สกลชมฺพุทีปํ อุนฺนงฺคลํ กตฺวา ทานํ อทาสิ, ตสฺส ปน ทานชฺฌาสยตา ทานาภิรตตา สกลชมฺพุทีปํ อชฺโฌตฺถริ. ตสฺมึ กาเล กาลิงฺครฏฺเ ทนฺตปุรนคเร กาลิงฺคราชา รชฺชํ กาเรสิ. ตสฺส รฏฺเ เทโว น วสฺสิ, ตสฺมึ อวสฺสนฺเต สกลรฏฺเ ¶ ฉาตกํ ชาตํ, อาหารวิปตฺติยา จ มนุสฺสานํ โรโค อุทปาทิ, ทุพฺพุฏฺิภยํ ฉาตกภยํ โรคภยนฺติ ตีณิ ภยานิ อุปฺปชฺชึสุ. มนุสฺสา นิคฺคหณา ทารเก หตฺเถสุ คเหตฺวา ตตฺถ ตตฺถ วิจรนฺติ.
สกลรฏฺวาสิโน เอกโต หุตฺวา ทนฺตปุรํ คนฺตฺวา ราชทฺวาเร อุกฺกุฏฺิมกํสุ. ราชา วาตปานํ นิสฺสาย ิโต ตํ สทฺทํ สุตฺวา ‘‘กึ การณา เอเต วิรวนฺตี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘มหาราช ¶ , สกลรฏฺเ ตีณิ ภยานิ อุปฺปนฺนานิ, เทโว น วสฺสติ, สสฺสานิ น วิปนฺนานิ, ฉาตกํ ชาตํ. มนุสฺสา ทุพฺโภชนา โรคาภิภูตา นิคฺคหณา ปุตฺเต หตฺเถสุ คเหตฺวา วิจรนฺติ, เทวํ วสฺสาเปหิ มหาราชา’’ติ. ‘‘โปราณกราชาโน เทเว อวสฺสนฺเต กึ กโรนฺตี’’ติ? ‘‘โปราณกราชาโน, มหาราช, เทเว อวสฺสนฺเต ทานํ ทตฺวา ¶ อุโปสถํ อธิฏฺาย สมาทินฺนสีลา สิริคพฺภํ ปวิสิตฺวา ทพฺพสนฺถเร สตฺตาหํ นิปชฺชนฺติ, ตทา เทโว วสฺสตี’’ติ. ราชา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตถา อกาสิ. เอวํ สนฺเตปิ เทโว น วสฺสิ.
ราชา อมจฺเจ ปุจฺฉิ – ‘‘อหํ กตฺตพฺพกิจฺจํ อกาสึ, เทโว น วสฺสติ, กินฺติ กโรมา’’ติ? ‘‘มหาราช, อินฺทปตฺถนคเร ธนฺจยสฺส โกรพฺยรฺโ อฺชนวณฺโณ นาม มงฺคลหตฺถี อตฺถิ, ตํ อาเนสฺสาม, เอวํ สนฺเต เทโว วสฺสตี’’ติ. ‘‘โส ราชา พลวาหนสมฺปนฺโน ทุปฺปสโห, กถมสฺส หตฺถึ อาเนสฺสามา’’ติ? ‘‘มหาราช, เตน สทฺธึ ยุทฺธกิจฺจํ นตฺถิ, ทานชฺฌาสโย ราชา ทานาภิรโต ยาจิโต สมาโน อลงฺกตสีสมฺปิ ฉินฺทิตฺวา ปสาทสมฺปนฺนานิ อกฺขีนิปิ อุปฺปาเฏตฺวา สกลรชฺชมฺปิ นิยฺยาเทตฺวา ทเทยฺย, หตฺถิมฺหิ วตฺตพฺพเมว นตฺถิ, อวสฺสํ ยาจิโต ทสฺสตี’’ติ. ‘‘เก ปน ตํ ยาจิตุํ สมตฺถา’’ติ? ‘‘พฺราหฺมณา, มหาราชา’’ติ. ราชา พฺราหฺมณคามโต อฏฺ พฺราหฺมเณ ปกฺโกสาเปตฺวา สกฺการสมฺมานํ กตฺวา หตฺถึ ยาจนตฺถาย เปเสสิ. เต ปริพฺพยํ อาทาย อทฺธิกเวสํ คเหตฺวา สพฺพตฺถ เอกรตฺติวาเสน ตุริตคมนํ คนฺตฺวา กติปาหํ นครทฺวาเร ทานสาลาสุ ภฺุชิตฺวา สรีรํ สนฺตปฺเปตฺวา ‘‘กทา ราชา ทานคฺคํ อาคจฺฉิสฺสตี’’ติ ปุจฺฉึสุ. มนุสฺสา ‘‘ปกฺขสฺส ตโย ทิวเส ¶ จาตุทฺทเส ปนฺนรเส อฏฺมิยฺจ อาคจฺฉติ, สฺเว ปน ปุณฺณมี, ตสฺมา สฺเว อาคจฺฉิสฺสตี’’ติ วทึสุ.
พฺราหฺมณา ปุนทิวเส ปาโตว คนฺตฺวา ปาจีนทฺวาเร อฏฺํสุ. โพธิสตฺโต ปาโตว นฺหตฺวา คตฺตานุลิตฺโต สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิโต อลงฺกตหตฺถิกฺขนฺธวรคโต มหนฺเตน ปริวาเรน ปาจีนทฺวาเรน ทานสาลํ คนฺตฺวา โอตริตฺวา สตฺตฏฺชนานํ สหตฺถา ภตฺตํ ทตฺวา ‘‘อิมินาว นีหาเรน ¶ เทถา’’ติ วตฺวา หตฺถึ อภิรุหิตฺวา ทกฺขิณทฺวารํ อคมาสิ. พฺราหฺมณา ปาจีนทฺวาเร อารกฺขสฺส พลวตาย โอกาสํ อลภิตฺวา ทกฺขิณทฺวารเมว คนฺตฺวา ราชานํ อาคจฺฉนฺตํ โอโลกยมานา ทฺวารโต นาติทูเร อุนฺนตฏฺาเน ิตา สมฺปตฺตํ ราชานํ หตฺเถ อุกฺขิปิตฺวา ‘‘ชยตุ ภวํ, มหาราชา’’ติ ชยาเปสุํ. ราชา วชิรงฺกุเสน วารณํ นิวตฺเตตฺวา เตสํ สนฺติกํ ¶ คนฺตฺวา ‘‘โภ พฺราหฺมณา, กึ อิจฺฉถา’’ติ ปุจฺฉิ. พฺราหฺมณา โพธิสตฺตสฺส คุณํ วณฺเณนฺตา ปมํ คาถมาหํสุ –
‘‘ตว สทฺธฺจ สีลฺจ, วิทิตฺวาน ชนาธิป;
วณฺณํ อฺชนวณฺเณน, กาลิงฺคสฺมึ นิมิมฺหเส’’ติ.
ตตฺถ สทฺธนฺติ กมฺมผลานํ สทฺทหนวเสน โอกปฺปนิยสทฺธํ. สีลนฺติ สํวรสีลํ อวีติกฺกมสีลํ. วณฺณนฺติ ตทา ตสฺมึ เทเส สุวณฺณํ วุจฺจติ, เทสนาสีสเมว เจตํ. อิมินา ปน ปเทน สพฺพมฺปิ หิรฺสุวณฺณาทิธนธฺํ สงฺคหิตํ. อฺชนวณฺเณนาติ อฺชนปฺุชสมานวณฺเณน อิมินา ตว นาเคน, กาลิงฺคสฺมินฺติ กาลิงฺครฺโ สนฺติเก. นิมิมฺหเสติ วินิมยวเสน คณฺหิมฺห, ปริโภควเสน วา อุทเร ปกฺขิปิมฺหาติ อตฺโถ. เสติ นิปาตมตฺตํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – มยฺหิ, ชนาธิป, ตว สทฺธฺจ สีลฺจ วิทิตฺวาน ‘‘อทฺธา โน เอวํ สทฺธาสีลสมฺปนฺโน ¶ ราชา ยาจิโต อฺชนวณฺณํ นาคํ ทสฺสตี’’ติ อิมินา อตฺตโน สนฺตเกน วิย อฺชนวณฺเณน กาลิงฺครฺโ สนฺติเก นาคํ โว อาหริสฺสามาติ วตฺวา พหุธนธฺํ นิมิมฺหเส ปริวตฺตยิมฺห เจว อุทเร จ ปกฺขิปิมฺห. เอวํ ตํ มยํ ธารยมานา อิธาคตา. ตตฺถ กตฺตพฺพํ เทโว ชานาตูติ.
อปโร นโย – ตว สทฺธฺจ สีลคุณสงฺขาตํ วณฺณฺจ สุตฺวา ‘‘อุฬารคุโณ ราชา ชีวิตมฺปิ ยาจิโต ทเทยฺย, ปเคว ติรจฺฉานคตํ นาค’’นฺติ เอวํ กาลิงฺคสฺส สนฺติเก อิมินา อฺชนวณฺเณน ตว วณฺณํ นิมิมฺหเส นิมิมฺห ตุลยิมฺห, เตนมฺหา อิธาคตาติ.
ตํ สุตฺวา โพธิสตฺโต ‘‘สเจ, โว พฺราหฺมณา, อิมํ นาคํ ปริวตฺเตตฺวา ธนํ ขาทิตํ สุขาทิตํ มา จินฺตยิตฺถ, ยถาลงฺกตเมว โว นาคํ ทสฺสามี’’ติ สมสฺสาเสตฺวา อิตรา ทฺเว คาถา อโวจ –
‘‘อนฺนภจฺจา จภจฺจา จ, โยธ อุทฺทิสฺส คจฺฉติ;
สพฺเพ เต อปฺปฏิกฺขิปฺปา, ปุพฺพาจริยวโจ อิทํ.
‘‘ททามิ ¶ ¶ โว พฺราหฺมณา นาคเมตํ, ราชารหํ ราชโภคฺคํ ยสสฺสินํ;
อลงฺกตํ เหมชาลาภิฉนฺนํ, สสารถึ คจฺฉถ เยนกาม’’นฺติ.
ตตฺถ อนฺนภจฺจา จภจฺจา จาติ ปุริสํ อุปนิสฺสาย ชีวมานา ยาคุภตฺตาทินา อนฺเนน ภริตพฺพาติ อนฺนภจฺจา, อิตเร ตถา อภริตพฺพตฺตา อภจฺจา. สนฺธิวเสน ปเนตฺถ อการโลโป เวทิตพฺโพ. เอตฺตาวตา อตฺตานํ อุปนิสฺสาย จ อนุปนิสฺสาย จ ชีวมานวเสน สพฺเพปิ สตฺตา ทฺเว โกฏฺาเส กตฺวา ทสฺสิตา โหนฺติ. โยธ อุทฺทิสฺส คจฺฉตีติ เตสุ สตฺเตสุ อิธ ชีวโลเก โย สตฺโต ยํ ปุริสํ กายจิเทว ปจฺจาสีสนาย อุทฺทิสฺส คจฺฉติ. สพฺเพ เต อปฺปฏิกฺขิปฺปาติ ตถา อุทฺทิสฺส คจฺฉนฺตา สเจปิ พหู โหนฺติ, ตถาปิ เตน ปุริเสน สพฺเพ เต อปฺปฏิกฺขิปฺปา, ‘‘อเปถ, น โว ทสฺสามี’’ติ เอวํ น ปฏิกฺขิปิตพฺพาติ อตฺโถ. ปุพฺพาจริยวโจ อิทนฺติ ปุพฺพาจริยา วุจฺจนฺติ มาตาปิตโร, อิทํ เตสํ วจนํ. เอวมหํ มาตาปิตูหิ สิกฺขาปิโตติ ทีเปติ.
ททามิ โว พฺราหฺมณา นาคเมตนฺติ ยสฺมา ¶ อิทํ อมฺหากํ ปุพฺพาจริยวโจ, ตสฺมาหํ พฺราหฺมณา ตุมฺหากํ อิมํ นาคํ ททามิ. ราชารหนฺติ รฺโ อนุจฺฉวิกํ. ราชโภคฺคนฺติ ราชปริโภคํ. ยสสฺสินนฺติ ปริวารสมฺปนฺนํ, ตํ กิร หตฺถึ นิสฺสาย หตฺถิโคปกหตฺถิเวชฺชาทีนิ ปฺจ กุลสตานิ ชีวนฺติ, เตหิ สทฺธิฺเว โว ททามีติ อตฺโถ. อลงฺกตนฺติ นานาวิเธหิ หตฺถิอลงฺกาเรหิ อลงฺกตํ. เหมชาลาภิฉนฺนนฺติ สุวณฺณชาเลน อภิจฺฉนฺนํ. สสารถินฺติ โย ปนสฺส สารถิ หตฺถิโคปโก อาจริโย, เตน สทฺธึเยว ททามิ, ตสฺมา สสารถิ หุตฺวา ตุมฺเห สปริวารํ อิมํ นาคํ คเหตฺวา เยนกามํ คจฺฉถาติ.
เอวํ หตฺถิกฺขนฺธวรคโตว มหาสตฺโต วาจาย ทตฺวา ปุน หตฺถิกฺขนฺธา โอรุยฺห ‘‘สเจ อนลงฺกตฏฺานํ อตฺถิ, อลงฺกริตฺวา ทสฺสามี’’ติ วตฺวา ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กโรนฺโต อุปธาเรตฺวา อนลงฺกตฏฺานํ อทิสฺวา ตสฺส โสณฺฑํ พฺราหฺมณานํ หตฺเถสุ เปตฺวา สุวณฺณภิงฺกาเรน ปุปฺผคนฺธวาสิตํ อุทกํ ปาเตตฺวา อทาสิ. พฺราหฺมณา สปริวารํ นาคํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ¶ หตฺถิปิฏฺเ นิสินฺนา ทนฺตปุรํ คนฺตฺวา หตฺถึ รฺโ อทํสุ, หตฺถิมฺหิ อาคเตปิ เทโว น วสฺสเตว. ราชา ‘‘กึ นุ โข การณ’’นฺติ อุตฺตรึ ปุจฺฉนฺโต ‘‘ธนฺจยโกรพฺยราชา กุรุธมฺมํ รกฺขติ, เตนสฺส รฏฺเ อนฺวฑฺฒมาสํ อนุทสาหํ เทโว วสฺสติ, รฺโ คุณานุภาโว เจส, อิมสฺส ปน ติรจฺฉานคตสฺส คุณา โหนฺตาปิ กิตฺตกา ภเวยฺยุ’’นฺติ สุตฺวา ‘‘เตน หิ ยถาลงฺกตเมว สปริวารํ หตฺถึ ปติเนตฺวา รฺโ ทตฺวา ยํ โส กุรุธมฺมํ รกฺขติ, ตํ สุวณฺณปฏฺเฏ ลิขิตฺวา อาเนถา’’ติ ¶ พฺราหฺมเณ จ อมจฺเจ จ เปเสสิ. เต คนฺตฺวา รฺโ หตฺถึ นิยฺยาเทตฺวา ‘‘เทว, อิมสฺมึ หตฺถิมฺหิ คเตปิ อมฺหากํ รฏฺเ ¶ เทโว น วสฺสติ, ตุมฺเห กิร กุรุธมฺมํ นาม รกฺขถ, อมฺหากมฺปิ ราชา ตํ รกฺขิตุกาโม อิมสฺมึ สุวณฺณปฏฺเฏ ลิขิตฺวา อาเนถา’’ติ เปเสสิ. ‘‘เทถ โน กุรุธมฺม’’นฺติ. ‘‘ตาตา, สจฺจาหํ เอตํ กุรุธมฺมํ รกฺขามิ, อิทานิ ปน เม ตตฺถ กุกฺกุจฺจํ อตฺถิ, น เม โส กุรุธมฺโม จิตฺตํ อาราเธติ, ตสฺมา ตุมฺหากํ ทาตุํ น สกฺกา’’ติ.
กสฺมา ปน ตํ สีลํ ราชานํ น อาราเธตีติ? ตทา กิร ราชูนํ ตติเย ตติเย สํวจฺฉเร กตฺติกมาเส ปวตฺโต ฉโณ นาม โหติ, ตํ ฉณํ กีฬนฺตา ราชาโน สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิตา เทวเวสํ คเหตฺวา จิตฺตราชสฺส นาม ยกฺขสฺส สนฺติเก ตฺวา จตุทฺทิสา ปุปฺผปฏิมณฺฑิเต จิตฺตสเร ขิปนฺติ. อยมฺปิ ราชา ตํ ขณํ กีฬนฺโต เอกิสฺสา ตฬากปาฬิยา จิตฺตราชสฺส ยกฺขสฺส สนฺติเก ตฺวา จตุทฺทิสา จิตฺตสเร ขิปิตฺวา เตสุ เสสทิสาคเต ตโย สเร ทิสฺวา อุทกปิฏฺเ ขิตฺตสรํ น อทฺทส. รฺโ ‘‘กจฺจิ นุ โข มยา ขิตฺโต สโร มจฺฉสรีเร ปติโต’’ติ กุกฺกุจฺจํ อโหสิ ปาณาติปาตกมฺเมน สีลเภทํ อารพฺภ, ตสฺมา สีลํ น อาราเธติ. โส เอวมาห – ‘‘ตาตา, มยฺหํ กุรุธมฺเม กุกฺกุจฺจํ อตฺถิ, มาตา ปน เม สุรกฺขิตํ รกฺขติ, ตสฺสา สนฺติเก คณฺหถา’’ติ. ‘‘มหาราช, ตุมฺหากํ ‘ปาณํ วธิสฺสามี’ติ เจตนา นตฺถิ, ตํ วินา ปาณาติปาโต นาม น โหติ, เทถ โน อตฺตนา รกฺขิตํ กุรุธมฺม’’นฺติ. ‘‘เตน หิ ลิขถา’’ติ สุวณฺณปฏฺเฏ ลิขาเปสิ – ‘‘ปาโณ น หนฺตพฺโพ, อทินฺนํ นาทาตพฺพํ ¶ , กาเมสุ มิจฺฉา น จริตพฺพํ, มุสา น ภณิตพฺพํ ¶ , มชฺชํ น ปาตพฺพ’’นฺติ ลิขาเปตฺวา จ ปน ‘‘เอวํ สนฺเตปิ เนว มํ อาราเธติ, มาตุ เม สนฺติเก คณฺหถา’’ติ อาห.
ทูตา ราชานํ วนฺทิตฺวา ตสฺสา สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘เทวิ, ตุมฺเห กิร กุรุธมฺมํ รกฺขถ, ตํ โน เทถา’’ติ วทึสุ. ‘‘ตาตา, สจฺจาหํ กุรุธมฺมํ รกฺขามิ, อิทานิ ปน เม ตตฺถ กุกฺกุจฺจํ อุปฺปนฺนํ, น เม โส กุรุธมฺโม อาราเธติ เตน โว ทาตุํ น สกฺกา’’ติ. ตสฺสา กิร ทฺเว ปุตฺตา เชฏฺโ ราชา, กนิฏฺโ อุปราชา. อเถโก ราชา โพธิสตฺตสฺส สตสหสฺสคฺฆนกํ จนฺทนสารํ สหสฺสคฺฆนกํ กฺจนมาลํ เปเสสิ. โส ‘‘มาตรํ ปูเชสฺสามี’’ติ ตํ สพฺพํ มาตุ เปเสสิ. สา จินฺเตสิ – ‘‘อหํ เนว จนฺทนํ วิลิมฺปามิ, น มาลํ ธาเรมิ, สุณิสานํ ทสฺสามี’’ติ. อถสฺสา เอตทโหสิ – ‘‘เชฏฺสุณิสา เม อิสฺสรา, อคฺคมเหสิฏฺาเน ิตา, ตสฺสา สุวณฺณมาลํ ทสฺสามิ. กนิฏฺสุณิสา ปน ทุคฺคตา, ตสฺสา จนฺทนสารํ ทสฺสามี’’ติ. สา รฺโ เทวิยา สุวณฺณมาลํ ทตฺวา อุปราชภริยาย จนฺทนสารํ อทาสิ, ทตฺวา จ ปนสฺสา ‘‘อหํ ¶ กุรุธมฺมํ รกฺขามิ, เอตาสํ ทุคฺคตาทุคฺคตภาโว มยฺหํ อปฺปมาณํ, เชฏฺาปจายิกกมฺมเมว ปน กาตุํ มยฺหํ อนุรูปํ, กจฺจิ นุ โข เม ตสฺส อกตตฺตา สีลํ ภินฺน’’นฺติ กุกฺกุจฺจํ อโหสิ, ตสฺมา เอวมาห. อถ นํ ทูตา ‘‘อตฺตโน สนฺตกํ นาม ยถารุจิยา ทียติ, ตุมฺเห เอตฺตเกนปิ กุกฺกุจฺจํ กุรุมานา กึ อฺํ ปาปํ กริสฺสถ, สีลํ นาม เอวรูเปน น ¶ ภิชฺชติ, เทถ โน กุรุธมฺม’’นฺติ วตฺวา ตสฺสาปิ สนฺติเก คเหตฺวา สุวณฺณปฏฺเฏ ลิขึสุ.
‘‘ตาตา, เอวํ สนฺเตปิ เนว มํ อาราเธติ, สุณิสา ปน เม สุฏฺุ รกฺขติ, ตสฺสา สนฺติเก คณฺหถา’’ติ วุตฺตา จ ปน อคฺคมเหสึ อุปสงฺกมิตฺวา ปุริมนเยเนว กุรุธมฺมํ ยาจึสุ. สาปิ ปุริมนเยเนว วตฺวา ‘‘อิทานิ มํ สีลํ นาราเธติ, เตน โว ทาตุํ น สกฺกา’’ติ อาห. สา กิร เอกทิวสํ สีหปฺชเร ิตา รฺโ นครํ ปทกฺขิณํ กโรนฺตสฺส ปจฺฉโต หตฺถิปิฏฺเ นิสินฺนํ อุปราชํ ทิสฺวา โลภํ อุปฺปาเทตฺวา ‘‘สจาหํ อิมินา สทฺธึ สนฺถวํ กเรยฺยํ, ภาตุ อจฺจเยน รชฺเช ปติฏฺิโต มํ เอส สงฺคณฺเหยฺยา’’ติ จินฺเตสิ. อถสฺสา ‘‘อหํ กุรุธมฺมํ รกฺขมานา สสามิกา หุตฺวา กิเลสวเสน อฺํ ปุริสํ โอโลเกสึ, สีเลน เม ภินฺเนน ภวิตพฺพ’’นฺติ ¶ กุกฺกุจฺจํ อโหสิ, ตสฺมา เอวมาห. อถ นํ ทูตา ‘‘อติจาโร นาม อยฺเย จิตฺตุปฺปาทมตฺเตน ¶ น โหติ, ตุมฺเห เอตฺตเกนปิ กุกฺกุจฺจํ กุรุมานา วีติกฺกมํ กึกริสฺสถ, น เอตฺตเกน สีลํ ภิชฺชติ, เทถ โน กุรุธมฺม’’นฺติ วตฺวา ตสฺสาปิ สนฺติเก คเหตฺวา สุวณฺณปฏฺเฏ ลิขึสุ.
‘‘ตาตา, เอวํ สนฺเตปิ เนว มํ อาราเธติ, อุปราชา ปน สุฏฺุ รกฺขติ, ตสฺส สนฺติเก คณฺหถา’’ติ วุตฺตา จ ปน อุปราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุริมนเยเนว กุรุธมฺมํ ยาจึสุ. โส ปน สายํ ราชุปฏฺานํ คจฺฉนฺโต รเถเนว ราชงฺคณํ ปตฺวา สเจ รฺโ สนฺติเก ภฺุชิตฺวา ตตฺเถว สยิตุกาโม โหติ, รสฺมิโย จ ปโตทฺจ อนฺโตธุเร ฉฑฺเฑติ. ตาย สฺาย ชโน ปกฺกมิตฺวา ปุนทิวเส ปาโตว คนฺตฺวา ตสฺส นิกฺขมนํ โอโลเกนฺโตว ติฏฺติ. สารถิปิ รถํ โคปยิตฺวา ¶ ปุนทิวเส ปาโตว ตํ อาทาย ราชทฺวาเร ติฏฺติ. สเจ ตงฺขณฺเว นิกฺขนฺตุกาโม โหติ, รสฺมิโย จ ปโตทฺจ อนฺโตรเถเยว เปตฺวา ราชุปฏฺานํ คจฺฉติ. มหาชโน ตาย สฺาย ‘‘อิทาเนว นิกฺขมิสฺสตี’’ติ ราชทฺวาเรเยว ติฏฺติ. โส เอกทิวสํ เอวํ กตฺวา ราชนิเวสนํ ปาวิสิ, ปวิฏฺมตฺตสฺสเยวสฺส เทโว ปาวสฺสิ. ราชา ‘‘เทโว วสฺสตี’’ติ ตสฺส นิกฺขนฺตุํ นาทาสิ, โส ตตฺเถว ภฺุชิตฺวา สยิ. มหาชโน ‘‘อิทานิ นิกฺขมิสฺสตี’’ติ สพฺพรตฺตึ เตเมนฺโต อฏฺาสิ. อุปราชา ทุติยทิวเส นิกฺขมิตฺวา เตเมตฺวา ิตํ มหาชนํ ทิสฺวา ‘‘อหํ กุรุธมฺมํ รกฺขนฺโต เอตฺตกํ ชนํ กิลเมสึ, สีเลน เม ภินฺเนน ภวิตพฺพ’’นฺติ กุกฺกุจฺจํ อโหสิ, เตน เตสํ ทูตานํ ‘‘สจฺจาหํ กุรุธมฺมํ รกฺขามิ, อิทานิ ปน เม กุกฺกุจฺจํ อตฺถิ, เตน โว น สกฺกา ทาตุ’’นฺติ วตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจสิ. อถ นํ ทูตา ‘‘ตุมฺหากํ, เทว, ‘เอเต กิลมนฺตู’ติ จิตฺตํ นตฺถิ, อเจตนกํ กมฺมํ น โหติ, เอตฺตเกนปิ กุกฺกุจฺจํ กโรนฺตานํ กถํ ตุมฺหากํ วีติกฺกโม ภวิสฺสตี’’ติ วตฺวา ตสฺสปิ สนฺติเก สีลํ คเหตฺวา สุวณฺณปฏฺเฏ ลิขึสุ.
‘‘เอวํ สนฺเตปิ เนว มํ อาราเธติ, ปุโรหิโต ปน สุฏฺุ รกฺขติ, ตสฺส สนฺติเก คณฺหถา’’ติ วุตฺตา จ ปน ปุโรหิตํ อุปสงฺกมิตฺวา ยาจึสุ. โสปิ เอกทิวสํ ราชุปฏฺานํ คจฺฉนฺโต เอเกน รฺา ตสฺส รฺโ เปสิตํ ตรุณรวิวณฺณํ รถํ อนฺตรามคฺเค ทิสฺวา ‘‘กสฺสายํ รโถ’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘รฺโ อาภโต’’ติ สุตฺวา ‘‘อหํ ¶ มหลฺลโก, สเจ เม ราชา อิมํ รถํ ทเทยฺย, สุขํ อิมํ อารุยฺห วิจเรยฺย’’นฺติ จินฺเตตฺวา ราชุปฏฺานํ คโต. ตสฺส ชยาเปตฺวา ิตกาเล รฺโ รถํ ¶ ทสฺเสสุํ. ราชา ทิสฺวา ‘‘อติ วิย สุนฺทโร อยํ รโถ, อาจริยสฺส นํ เทถา’’ติ อาห. ปุโรหิโต น อิจฺฉิ, ปุนปฺปุนํ วุจฺจมาโนปิ น อิจฺฉิเยว. กึการณา? เอวํ กิรสฺส อโหสิ – ‘‘อหํ กุรุธมฺมํ รกฺขนฺโตว ปรสนฺตเก โลภํ อกาสึ, ภินฺเนน เม สีเลน ภวิตพฺพ’’นฺติ. โส เอตมตฺถํ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘ตาตา, กุรุธมฺเม เม กุกฺกุจฺจํ อตฺถิ, น มํ โส ธมฺโม อาราเธติ, ตสฺมา น สกฺกา ทาตุ’’นฺติ อาห. อถ นํ ทูตา ‘‘อยฺย, โลภุปฺปาทมตฺเตน น สีลํ ภิชฺชติ, ตุมฺเห เอตฺตเกนปิ กุกฺกุจฺจํ กโรนฺตา กึ วีติกฺกมํ กริสฺสถา’’ติ วตฺวา ตสฺสปิ สนฺติเก สีลํ คเหตฺวา สุวณฺณปฏฺเฏ ลิขึสุ.
‘‘เอวํ สนฺเตปิ เนว มํ อาราเธติ, รชฺชุคาหโก อมจฺโจ ปน สุฏฺุ รกฺขติ, ตสฺส สนฺติเก คณฺหถา’’ติ วุตฺตา จ ปน ตมฺปิ อุปสงฺกมิตฺวา ยาจึสุ. โสปิ เอกทิวสํ ชนปเท เขตฺตํ มินนฺโต รชฺชุํ ทณฺฑเก พนฺธิตฺวา เอกํ โกฏึ เขตฺตสามิเกน คณฺหาเปตฺวา เอกํ อตฺตนา อคฺคเหสิ, เตน คหิตรชฺชุโกฏิยา พทฺธทณฺฑโก เอกสฺส กกฺกฏกสฺส พิลมชฺฌํ ปาปุณิ. โส จินฺเตสิ – ‘‘สเจ ทณฺฑกํ พิเล โอตาเรสฺสามิ, อนฺโตพิเล กกฺกฏโก นสฺสิสฺสติ. สเจ ปน ปรโต กริสฺสามิ, รฺโ สนฺตกํ นสฺสิสฺสติ. สเจ โอรโต กริสฺสามิ, กุฏุมฺพิกสฺส สนฺตกํ นสฺสิสฺสติ, กึ นุ โข กาตพฺพ’’นฺติ? อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘พิเล กกฺกฏเกน ภวิตพฺพํ, สเจ ภเวยฺย, ปฺาเยยฺย, เอตฺเถว นํ โอตาเรสฺสามี’’ติ พิเล ทณฺฑกํ โอตาเรสิ, กกฺกฏโก ‘‘กิรี’’ติ สทฺทมกาสิ. อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘ทณฺฑโก กกฺกฏกปิฏฺเ โอติณฺโณ ภวิสฺสติ, กกฺกฏโก มโต ภวิสฺสติ, อหฺจ กุรุธมฺมํ รกฺขามิ, เตน เม สีเลน ภินฺเนน ภวิตพฺพ’’นฺติ ¶ . โส เอตมตฺถํ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘อิมินา เม ¶ การเณน กุรุธมฺเม กุกฺกุจฺจํ อตฺถิ, เตน โว น สกฺกา ทาตุ’’นฺติ อาห. อถ นํ ทูตา ‘‘ตุมฺหากํ ‘กกฺกฏโก มรตู’ติ จิตฺตํ นตฺถิ, อเจตนกํ กมฺมํ นาม น โหติ. ตุมฺเห เอตฺตเกนปิ กุกฺกุจฺจํ กโรนฺตา กึ วีติกฺกมํ กริสฺสถา’’ติ วตฺวา ตสฺสปิ สนฺติเก สีลํ คเหตฺวา สุวณฺณปฏฺเฏ ลิขึสุ.
‘‘เอวํ ¶ สนฺเตปิ เนว มํ อาราเธติ, สารถิ ปน สุฏฺุ รกฺขติ, ตสฺส สนฺติเก คณฺหถา’’ติ วุตฺตา จ ปน ตมฺปิ อุปสงฺกมิตฺวา ยาจึสุ. โส เอกทิวสํ ราชานํ รเถน อุยฺยานํ เนสิ. ราชา ตตฺถ ทิวา กีฬิตฺวา สายํ นิกฺขมิตฺวา รถํ อภิรุหิ, ตสฺส นครํ อสมฺปตฺตสฺเสว สูริยตฺถงฺคมนเวลาย เมโฆ อุฏฺหิ. สารถิ รฺโ เตมนภเยน สินฺธวานํ ปโตทสฺมทาสิ. สินฺธวา ชเวน ปกฺขนฺทึสุ. ตโต ปฏฺาย จ ปน เต อุยฺยานํ คจฺฉนฺตาปิ ตโต อาคจฺฉนฺตาปิ ตํ านํ ปตฺวา ชเวน คจฺฉนฺติ อาคจฺฉนฺติ. กึ การณา? เตสํ กิร เอตทโหสิ – ‘‘อิมสฺมึ าเน ปริสฺสเยน ภวิตพฺพํ, เตน โน สารถิ ตทา ปโตทสฺํ อทาสี’’ติ. สารถิสฺสปิ เอตทโหสิ – ‘‘รฺโ เตมเน วา อเตมเน วา มยฺหํ โทโส นตฺถิ, อหํ ปน อฏฺาเน สุสิกฺขิตสินฺธวานํ ปโตทสฺํ อทาสึ, เตน อิเม อิทานิ อปราปรํ ชวนฺตา กิลมนฺติ, อหฺจ กุรุธมฺมํ รกฺขามิ, เตน เม ภินฺเนน สีเลน ภวิตพฺพ’’นฺติ. โส เอตมตฺถํ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘อิมินา การเณน กุรุธมฺเม กุกฺกุจฺจํ อตฺถิ, เตน โว น สกฺกา ทาตุ’’นฺติ อาห. อถ นํ ทูตา ‘‘ตุมฺหากํ ‘สินฺธวา กิลมนฺตู’ติ จิตฺตํ นตฺถิ, อเจตนกํ กมฺมํ นาม น โหติ, เอตฺตเกนปิ จ ตุมฺเห กุกฺกุจฺจํ กโรนฺตา กึ วีติกฺกมํ กริสฺสถา’’ติ วตฺวา ตสฺส สนฺติเก สีลํ คเหตฺวา สุวณฺณปฏฺเฏ ¶ ลิขึสุ.
‘‘เอวํ สนฺเตปิ เนว มํ อาราเธติ, เสฏฺิ ปน สุฏฺุ รกฺขติ, ตสฺส สนฺติเก คณฺหถา’’ติ วุตฺตา จ ปน ตมฺปิ อุปสงฺกมิตฺวา ยาจึสุ. โสปิ เอกทิวสํ คพฺภโต นิกฺขนฺตสาลิสีสํ อตฺตโน สาลิเขตฺตํ คนฺตฺวา ปจฺจเวกฺขิตฺวา นิวตฺตมาโน ‘‘วีหิมาลํ พนฺธาเปสฺสามี’’ติ เอกํ สาลิสีสมุฏฺึ คาหาเปตฺวา ถูณาย พนฺธาเปสิ. อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อิมมฺหา เกทารา มยา รฺโ ภาโค ทาตพฺโพ, อทินฺนภาคโตเยว เม เกทารโต สาลิสีสมุฏฺิ คาหาปิโต, อหฺจ กุรุธมฺมํ รกฺขามิ, เตน เม ภินฺเนน สีเลน ภวิตพฺพ’’นฺติ. โส เอตมตฺถํ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘อิมินา เม การเณน กุรุธมฺเม กุกฺกุจฺจํ อตฺถิ, เตน โว น สกฺกา ทาตุ’’นฺติ อาห. อถ นํ ทูตา ‘‘ตุมฺหากํ เถยฺยจิตฺตํ นตฺถิ, เตน วินา อทินฺนาทานํ นาม ปฺาเปตุํ น สกฺกา, เอตฺตเกนปิ กุกฺกุจฺจํ กโรนฺตา ตุมฺเห ปรสนฺตกํ นาม ¶ กึ คณฺหิสฺสถา’’ติ วตฺวา ตสฺสปิ สนฺติเก สีลํ คเหตฺวา สุวณฺณปฏฺเฏ ลิขึสุ.
‘‘เอวํ ¶ สนฺเตปิ เนว มํ อาราเธติ, โทณมาปโก ปน มหามตฺโต สุฏฺุ รกฺขติ, ตสฺส สนฺติเก คณฺหถา’’ติ วุตฺตา จ ปน ตมฺปิ อุปสงฺกมิตฺวา ยาจึสุ. โส กิร เอกทิวสํ โกฏฺาคารทฺวาเร นิสีทิตฺวา ราชภาเค วีหึ มินาเปนฺโต อมิตวีหิราสิโต วีหึ คเหตฺวา ลกฺขํ เปสิ, ตสฺมึ ขเณ เทโว ปาวสฺสิ. มหามตฺโต ลกฺขานิ คเณตฺวา ‘‘มิตวีหี เอตฺตกา นาม โหนฺตี’’ติ วตฺวา ลกฺขวีหึ สํกฑฺฒิตฺวา มิตราสิมฺหิ ปกฺขิปิตฺวา เวเคน คนฺตฺวา ทฺวารโกฏฺเก ตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘กึ นุ โข มยา ลกฺขวีหี มิตวีหิราสิมฺหิ ปกฺขิตฺตา, อุทาหุ อมิตราสิมฺหี’’ติ. อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘สเจ เม ¶ มิตวีหิราสิมฺหิ ปกฺขิตฺตา อการเณเนว รฺโ สนฺตกํ วฑฺฒิตํ, คหปติกานํ สนฺตกํ นาสิตํ, อหฺจ กุรุธมฺมํ รกฺขามิ, เตน เม ภินฺเนน สีเลน ภวิตพฺพ’’นฺติ. โส เอตมตฺถํ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘อิมินา เม การเณน กุรุธมฺเม กุกฺกุจฺจํ อตฺถิ, เตน โว น สกฺกา ทาตุ’’นฺติ อาห. อถ นํ ทูตา ‘‘ตุมฺหากํ เถยฺยจิตฺตํ นตฺถิ, เตน วินา อทินฺนาทานํ นาม ปฺาเปตุํ น สกฺกา, เอตฺตเกนปิ กุกฺกุจฺจํ กโรนฺตา กึ ตุมฺเห ปรสฺส สนฺตกํ คณฺหิสฺสถา’’ติ วตฺวา ตสฺสปิ สนฺติเก สีลํ คเหตฺวา สุวณฺณปฏฺเฏ ลิขึสุ.
‘‘เอวํ สนฺเตปิ เนว มํ อาราเธติ, โทวาริโก ปน สุฏฺุ รกฺขติ, ตสฺส สนฺติเก คณฺหถา’’ติ วุตฺตา จ ปน ตมฺปิ อุปสงฺกมิตฺวา ยาจึสุ. โสปิ เอกทิวสํ นครทฺวารํ ปิธานเวลาย ติกฺขตฺตุํ สทฺทมนุสฺสาเวสิ. อเถโก ทลิทฺทมนุสฺโส อตฺตโน กนิฏฺภคินิยา สทฺธึ ทารุปณฺณตฺถาย อรฺํ คนฺตฺวา นิวตฺตนฺโต ตสฺส สทฺทํ สุตฺวา ภคินึ อาทาย เวเคน ทฺวารํ สมฺปาปุณิ. อถ นํ โทวาริโก ‘‘ตฺวํ นคเร รฺโ อตฺถิภาวํ กึ น ชานาสิ, ‘สกลสฺเสว อิมสฺส นครสฺส ทฺวารํ ปิธียตี’ติ น ชานาสิ, อตฺตโน มาตุคามํ คเหตฺวา อรฺเ กามรติกีฬํ กีฬนฺโต ทิวสํ วิจรสี’’ติ อาห. อถสฺส อิตเรน ‘‘น เม, สามิ, ภริยา, ภคินี เม เอสา’’ติ วุตฺเต เอตทโหสิ – ‘‘อการณํ วต เม กตํ ภคินึ ภริยาติ กเถนฺเตน, อหฺจ กุรุธมฺมํ รกฺขามิ, เตน เม ภินฺเนน สีเลน ภวิตพฺพ’’นฺติ. โส เอตมตฺถํ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘อิมินา เม การเณน กุรุธมฺเม กุกฺกุจฺจํ ¶ อตฺถิ, เตน โว น สกฺกา ทาตุ’’นฺติ อาห. อถ นํ ทูตา ‘‘เอตํ ตุมฺเหหิ ตถาสฺาย กถิตํ, เอตฺถ ¶ โว สีลเภโท นตฺถิ, เอตฺตเกนปิ จ ตุมฺเห กุกฺกุจฺจายนฺตา กุรุธมฺเม สมฺปชานมุสาวาทํ นาม กึ กริสฺสถา’’ติ วตฺวา ตสฺสปิ สนฺติเก สีลํ คเหตฺวา สุวณฺณปฏฺเฏ ลิขึสุ.
‘‘เอวํ สนฺเตปิ เนว มํ อาราเธติ, วณฺณทาสี ปน สุฏฺุ รกฺขติ, ตสฺส สนฺติเก คณฺหถา’’ติ วุตฺตา จ ปน ตมฺปิ อุปสงฺกมิตฺวา ยาจึสุ. สา ปุริมนเยเนว ปฏิกฺขิปิ. กึการณา ¶ ? สกฺโก กิร เทวานมินฺโท ‘‘ตสฺสา สีลํ วีมํสิสฺสามี’’ติ มาณวกวณฺเณน อาคนฺตฺวา ‘‘อหํ อาคมิสฺสามี’’ติ วตฺวา สหสฺสํ ทตฺวา เทวโลกเมว คนฺตฺวา ตีณิ สํวจฺฉรานิ นาคจฺฉิ. สา อตฺตโน สีลเภทภเยน ตีณิ สํวจฺฉรานิ อฺสฺส ปุริสสฺส หตฺถโต ตมฺพูลมตฺตมฺปิ น คณฺหิ, สา อนุกฺกเมน ทุคฺคตา หุตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘มยฺหํ สหสฺสํ ทตฺวา คตปุริสสฺส ตีณิ สํวจฺฉรานิ อนาคจฺฉนฺตสฺส ทุคฺคตา ชาตา, ชีวิตวุตฺตึ ฆเฏตุํ น สกฺโกมิ, อิโต ทานิ ปฏฺาย มยา วินิจฺฉยมหามตฺตานํ อาโรเจตฺวา ปริพฺพยํ คเหตุํ วฏฺฏตี’’ติ. สา วินิจฺฉยํ คนฺตฺวา ‘‘สามิ, ปริพฺพยํ ทตฺวา คตปุริสสฺส เม ตีณิ สํวจฺฉรานิ, มตภาวมฺปิสฺส น ชานามิ, ชีวิตํ ฆเฏตุํ น สกฺโกมิ, กึ กโรมิ, สามี’’ติ อาห. ตีณิ สํวจฺฉรานิ อนาคจฺฉนฺเต กึ กริสฺสสิ, อิโต ปฏฺาย ปริพฺพยํ คณฺหาติ. ตสฺสา ลทฺธวินิจฺฉยาย วินิจฺฉยโต นิกฺขมมานาย เอว เอโก ปุริโส สหสฺสภณฺฑิกํ อุปนาเมสิ.
ตสฺส คหณตฺถาย หตฺถํ ปสารณกาเล สกฺโก อตฺตานํ ทสฺเสสิ. สา ทิสฺวาว ‘‘มยฺหํ สํวจฺฉรตฺตยมตฺถเก สหสฺสทายโก ปุริโส อาคโต, ตาต, นตฺถิ เม ตว กหาปเณหิ อตฺโถ’’ติ หตฺถํ สมิฺเชสิ. สกฺโก อตฺตโน สรีรฺเว อภินิมฺมินิตฺวา ตรุณสูริโย วิย ชลนฺโต อากาเส อฏฺาสิ, สกลนครํ สนฺนิปติ. สกฺโก มหาชนมชฺเฌ ‘‘อหํ ¶ เอติสฺสา วีมํสนวเสน สํวจฺฉรตฺตยมตฺถเก สหสฺสํ อทาสึ, สีลํ รกฺขนฺตา นาม เอวรูปา หุตฺวา รกฺขถา’’ติ โอวาทํ ทตฺวา ตสฺสา นิเวสนํ สตฺตรตเนหิ ปูเรตฺวา ‘‘อิโต ปฏฺาย อปฺปมตฺตา โหหี’’ติ ตํ อนุสาสิตฺวา เทวโลกเมว อคมาสิ. อิมินา การเณน สา ‘‘อหํ คหิตภตึ อชีราเปตฺวาว อฺเน ทียมานาย ภติยา หตฺถํ ปสาเรสึ, อิมินา การเณน ¶ มํ สีลํ นาราเธติ, เตน โว ทาตุํ น สกฺกา’’ติ ปฏิกฺขิปิ. อถ นํ ทูตา ‘‘หตฺถปฺปสารณมตฺเตน สีลเภโท นตฺถิ, สีลํ นาม เอตํ ปรมวิสุทฺธิ โหตี’’ติ วตฺวา ตสฺสาปิ สนฺติเก สีลํ คเหตฺวา สุวณฺณปฏฺเฏ ลิขึสุ.
อิติ อิเมสํ เอกาทสนฺนํ ชนานํ รกฺขณสีลํ สุวณฺณปฏฺเฏ ลิขิตฺวา ทนฺตปุรํ คนฺตฺวา กาลิงฺครฺโ สุวณฺณปฏฺฏํ ทตฺวา ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสุํ. ราชา ตสฺมึ กุรุธมฺเม วตฺตมาโน ปฺจ สีลานิ ปูเรสิ. ตสฺมึ ขเณ สกลกาลิงฺครฏฺเ เทโว วสฺสิ, ตีณิ ภยานิ วูปสนฺตานิ, รฏฺํ เขมํ สุภิกฺขํ อโหสิ. โพธิสตฺโต ยาวชีวํ ทานาทีนิ ปฺุานิ กตฺวา สปริวาโร สคฺคปุรํ ปูเรสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ. ‘‘สจฺจปริโยสาเน ¶ เกจิ โสตาปนฺนา อเหสุํ, เกจิ สกทาคามิโน, เกจิ อนาคามิโน, เกจิ อรหนฺโต’’ติ. ชาตกสโมธาเน ปน –
‘‘คณิกา อุปฺปลวณฺณา, ปุณฺโณ โทวาริโก ตทา;
รชฺชุคาโห กจฺจายโน, โมคฺคลฺลาโน โทณมาปโก.
‘‘สาริปุตฺโต ตทา เสฏฺิ, อนุรุทฺโธ จ สารถิ;
พฺราหฺมโณ กสฺสโป เถโร, อุปราชา นนฺทปณฺฑิโต.
‘‘มเหสี ราหุลมาตา, มายาเทวี ชเนตฺติยา;
กุรุราชา โพธิสตฺโต, เอวํ ธาเรถ ชาตก’’นฺติ.
กุรุธมฺมชาตกวณฺณนา ฉฏฺา.
[๒๗๗] ๗. โรมกชาตกวณฺณนา
วสฺสานิ ¶ ปฺาส สมาธิกานีติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต ภควโต วธาย ปริสกฺกนํ อารพฺภ กเถสิ. ปจฺจุปฺปนฺนวตฺถุ อุตฺตานเมว.
อตีเต ปน พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ปาราวโต หุตฺวา พหุปาราวตปริวุโต อรฺเ ปพฺพตคุหายํ วาสํ กปฺเปสิ. อฺตโรปิ โข ตาปโส สีลสมฺปนฺโน เตสํ ปาราวตานํ วสนฏฺานโต ¶ อวิทูเร เอกํ ปจฺจนฺตคามํ อุปนิสฺสาย อสฺสมปทํ มาเปตฺวา ปพฺพตคุหายํ วาสํ กปฺเปสิ. โพธิสตฺโต อนฺตรนฺตรา ตสฺส สนฺติกํ อาคนฺตฺวา โสตพฺพยุตฺตกํ สุณาติ. ตาปโส ตตฺถ จิรํ วสิตฺวา ปกฺกามิ, อถฺโ กูฏชฏิโล อาคนฺตฺวา ตตฺถ วาสํ กปฺเปสิ. โพธิสตฺโต ปาราวตปริวุโต ตํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา ปฏิสนฺถารํ กตฺวา อสฺสมปเท วิจริตฺวา คิริกนฺทรสมีเป โคจรํ คเหตฺวา สายํ อตฺตโน วสนฏฺานํ คจฺฉติ. กูฏตาปโส ตตฺถ อติเรกปณฺณาสวสฺสานิ วสิ.
อถสฺส เอกทิวสํ ปจฺจนฺตคามวาสิโน มนุสฺสา ปาราวตมํสํ อภิสงฺขริตฺวา อทํสุ. โส ตตฺถ รสตณฺหาย พชฺฌิตฺวา ‘‘กึ มํสํ นาเมต’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ปาราวตมํส’’นฺติ สุตฺวา จินฺเตสิ ¶ – ‘‘มยฺหํ อสฺสมปทํ พหู ปาราวตา อาคจฺฉนฺติ, เต มาเรตฺวา มํสํ ขาทิตุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส ตณฺฑุลสปฺปิทธิขีรมริจาทีนิ อาหริตฺวา เอกมนฺเต เปตฺวา มุคฺครํ จีวรกณฺเณน ปฏิจฺฉาเทตฺวา ปาราวตานํ อาคมนํ โอโลเกนฺโต ปณฺณสาลทฺวาเร นิสีทิ. โพธิสตฺโต ปาราวตปริวุโต อาคนฺตฺวา ตสฺส กูฏชฏิลสฺส ทุฏฺกิริยํ โอโลเกตฺวา ‘‘อยํ ทุฏฺตาปโส อฺเนากาเรน นิสินฺโน, กจฺจิ นุ โข อมฺหากํ สมานชาตีนํ มํสํ ขาทิ, ปริคณฺหิสฺสามิ น’’นฺติ อนุวาเต ตฺวา ตสฺส สรีรคนฺธํ ¶ ฆายิตฺวา ‘‘อยํ อมฺเห มาเรตฺวา มํสํ ขาทิตุกาโม, น ตสฺส สนฺติกํ คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ ปาราวเต อาทาย ปฏิกฺกมิตฺวา จริ. ตาปโส ตํ อนาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘มธุรกถํ เตหิ สทฺธึ กเถตฺวา วิสฺสาเสน อุปคเต มาเรตฺวา มํสํ ขาทิตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา ปุริมา ทฺเว คาถา อโวจ –
‘‘วสฺสานิ ปฺาส สมาธิกานิ, วสิมฺห เสลสฺส คุหาย โรมก;
อสงฺกมานา อภินิพฺพุตตฺตา, หตฺถตฺตมายนฺติ มมณฺฑชา ปุเร.
‘‘เตทานิ วกฺกงฺค กิมตฺถมุสฺสุกา, ภชนฺติ อฺํ คิริกนฺทรํ ทิชา;
น นูน มฺนฺติ มมํ ยถา ปุเร, จิรปฺปวุตฺถา อถ วา น เต อิเม’’ติ.
ตตฺถ ¶ สมาธิกานีติ สมอธิกานิ. โรมกาติ รุมาย อุปฺปนฺน, สุโธตปวาเฬน สมานวณฺณเนตฺตปาทตาย โพธิสตฺตํ ปาราวตํ อาลปติ. อสงฺกมานาติ เอวํ อติเรกปฺาสวสฺสานิ อิมิสฺสา ปพฺพตคุหาย วสนฺเตสุ อมฺเหสุ เอเต อณฺฑชา เอกทิวสมฺปิ มยิ อาสงฺกํ อกตฺวา อภินิพฺพุตจิตฺตาว หุตฺวา ปุพฺเพ มม หตฺถตฺตํ หตฺถปฺปสารโณกาสํ อาคจฺฉนฺตีติ อตฺโถ.
เตทานีติ เต อิทานิ. วกฺกงฺคาติ โพธิสตฺตํ อาลปติ, สพฺเพปิ ปน ปกฺขิโน อุปฺปตนกาเล คีวํ วกฺกํ กตฺวา อุปฺปตนโต ‘‘วกฺกงฺคา’’ติ วุจฺจนฺติ. กิมตฺถนฺติ กึการณํ สมฺปสฺสมานา? อุสฺสุกาติ อุกฺกณฺิตรูปา หุตฺวา. คิริกนฺทรนฺติ คิริโต อฺํ ปพฺพตกนฺทรํ. ยถา ปุเรติ ยถา ปุพฺเพ เอเต ปกฺขิโน มํ ครุํ กตฺวา ปิยํ กตฺวา มฺนฺติ, ตถา อิทานิ น นูน มฺนฺติ, ปุพฺเพ อิธ นิวุตฺถตาปโส อฺโ, อยํ อฺโ, เอวํ มฺเ เอเต มํ มฺนฺตีติ ทีเปติ. จิรปฺปวุตฺถา อถ วา น เต อิเมติ กึ นุ โข อิเม จิรํ วิปฺปวสิตฺวา ทีฆสฺส อทฺธุโน อจฺจเยน อาคตตฺตา มํ ‘‘โสเยว ¶ อย’’นฺติ น สฺชานนฺติ, อุทาหุ เย อมฺเหสุ อภินิพฺพุตจิตฺตา, น เต อิเม, อฺเว อาคนฺตุกปกฺขิโน, อิเม เกน มํ น อุปสงฺกมนฺตีติ ปุจฺฉติ.
ตํ ¶ สุตฺวา โพธิสตฺโต ปกฺกมิตฺวา ิโตว ตติยํ คาถมาห –
‘‘ชานาม ตํ น มยํ สมฺปมูฬฺหา, โสเยว ตฺวํ เต มยมสฺม นาฺเ;
จิตฺตฺจ เต อสฺมึ ชเน ปทุฏฺํ, อาชีวิกา เตน ตมุตฺตสามา’’ติ.
ตตฺถ น มยํ สมฺปมูฬฺหาติ มยํ มูฬฺหา ปมตฺตา น โหม. จิตฺตฺจ เต อสฺมึ ชเน ปทุฏฺนฺติ ตฺวํ, โสเยว มยมฺปิ เตเยว, น ตํ สฺชานาม, อปิจ โข ปน ตว จิตฺตํ อสฺมึ ชเน ปทุฏฺํ อมฺเห มาเรตุํ อุปฺปนฺนํ. อาชีวิกาติ อาชีวเหตุ ปพฺพชิต ปทุฏฺตาปส. เตน ตมุตฺตสามาติ เตน การเณน ตํ อุตฺตสาม ภายาม น อุปสงฺกมาม.
กูฏตาปโส ¶ ‘‘าโต อหํ อิเมหี’’ติ มุคฺครํ ขิปิตฺวา วิรชฺฌิตฺวา ‘‘คจฺฉ ตาว ตฺวํ วิรทฺโธมฺหี’’ติ อาห. อถ นํ โพธิสตฺโต ‘‘มํ ตาว วิรทฺโธสิ, จตฺตาโร ปน อปาเย น วิรชฺฌสิ. สเจ อิธ วสิสฺสสิ, คามวาสีนํ ‘โจโร อย’นฺติ อาจิกฺขิตฺวา ตํ คาหาเปสฺสามิ สีฆํ ปลายสฺสู’’ติ ตํ ตชฺเชตฺวา ปกฺกามิ. กูฏชฏิโล ตตฺถ วสิตุํ นาสกฺขิ, อฺตฺถ อคมาสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา กูฏตาปโส เทวทตฺโต อโหสิ, ปุริโม สีลวนฺตตาปโส สาริปุตฺโต, ปาราวตเชฏฺโก ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
โรมกชาตกวณฺณนา สตฺตมา.
[๒๗๘] ๘. มหึสราชชาตกวณฺณนา
กิมตฺถมภิสนฺธายาติ ¶ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ โลลมกฺกฏํ อารพฺภ กเถสิ. สาวตฺถิยํ กิร เอกสฺมึ กุเล เอโก โปสาวนิยโลลมกฺกโฏ หตฺถิสาลํ คนฺตฺวา เอกสฺส สีลวนฺตสฺส หตฺถิสฺส ปิฏฺิยํ นิสีทิตฺวา อุจฺจารปสฺสาวํ กโรติ, ปิฏฺิยํ จงฺกมติ. หตฺถี อตฺตโน สีลวนฺตตาย ขนฺติสมฺปทาย น กิฺจิ กโรติ. อเถกทิวสํ ตสฺส หตฺถิสฺส าเน อฺโ ทุฏฺหตฺถิโปโต อฏฺาสิ. มกฺกโฏ ‘‘โสเยว อย’’นฺติ สฺาย ทุฏฺหตฺถิสฺส ปิฏฺึ อภิรุหิ. อถ นํ โส โสณฺฑาย คเหตฺวา ภูมิยํ เปตฺวา ปาเทน อกฺกมิตฺวา สฺจุณฺเณสิ. สา ¶ ปวตฺติ ภิกฺขุสงฺเฆ ปากฏา ชาตา. อเถกทิวสํ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, โลลมกฺกโฏ กิร สีลวนฺตหตฺถิสฺาย ทุฏฺหตฺถิปิฏฺึ อภิรุหิ, อถ นํ โส ชีวิตกฺขยํ ปาเปสี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนเวส, โลลมกฺกโฏ เอวํสีโล, โปราณโต ปฏฺาย เอวํสีโลเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต หิมวนฺตปเทเส มหึสโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ถามสมฺปนฺโน มหาสรีโร ¶ ปพฺพตปาทปพฺภารคิริทุคฺควนฆเฏสุ วิจรนฺโต เอกํ ผาสุกํ รุกฺขมูลํ ทิสฺวา โคจรํ คเหตฺวา ทิวา ตสฺมึ รุกฺขมูเล อฏฺาสิ. อเถโก โลลมกฺกโฏ รุกฺขา โอตริตฺวา ตสฺส ปิฏฺึ อภิรุหิตฺวา อุจฺจารปสฺสาวํ กตฺวา สิงฺเค คณฺหิตฺวา โอลมฺพนฺโต นงฺคุฏฺเ คเหตฺวา โทลายนฺโตว กีฬิ. โพธิสตฺโต ขนฺติเมตฺตานุทฺทยสมฺปทาย ตํ ตสฺส อนาจารํ น มนสากาสิ, มกฺกโฏ ปุนปฺปุนํ ตเถว กริ. อเถกทิวสํ ตสฺมึ รุกฺเข อธิวตฺถา เทวตา รุกฺขกฺขนฺเธ ตฺวา นํ ‘‘มหึสราช ¶ กสฺมา อิมสฺส ทุฏฺมกฺกฏสฺส อวมานํ สหสิ, นิเสเธหิ น’’นฺติ วตฺวา เอตมตฺถํ ปกาเสนฺตี ปุริมา ทฺเว คาถา อโวจ –
‘‘กิมตฺถมภิสนฺธาย, ลหุจิตฺตสฺส ทุพฺภิโน;
สพฺพกามททสฺเสว, อิมํ ทุกฺขํ ติติกฺขสิ.
‘‘สิงฺเคน นิหนาเหตํ, ปทสา จ อธิฏฺห;
ภิยฺโย พาลา ปกุชฺเฌยฺยุํ, โน จสฺส ปฏิเสธโก’’ติ.
ตตฺถ กิมตฺถมภิสนฺธายาติ กึ นุ โข การณํ ปฏิจฺจ กึ สมฺปสฺสมาโน. ทุพฺภิโนติ มิตฺตทุพฺภิสฺส. สพฺพกามททสฺเสวาติ สพฺพกามททสฺส สามิกสฺส อิว. ติติกฺขสีติ อธิวาเสสิ. ปทสา จ อธิฏฺหาติ ปาเทน จ นํ ติณฺหขุรคฺเคน ยถา เอตฺเถว มรติ, เอวํ อกฺกม. ภิยฺโย พาลาติ สเจ หิ ปฏิเสธโก น ภเวยฺย, พาลา อฺาณสตฺตา ปุนปฺปุนํ กุชฺเฌยฺยุํ ฆฏฺเฏยฺยุํ วิเหเยฺยุํ เอวาติ ทีเปติ.
ตํ สุตฺวา โพธิสตฺโต ‘‘รุกฺขเทวเต, สจาหํ อิมินา ชาติโคตฺตพลาทีหิ อธิโก สมาโน อิมสฺส โทสํ น สหิสฺสามิ, กถํ เม มโนรโถ นิปฺผตฺตึ คมิสฺสติ. อยํ ปน มํ วิย อฺมฺปิ มฺมาโน เอวํ อนาจารํ กริสฺสติ, ตโต เยสํ จณฺฑมหึสานํ เอส เอวํ กริสฺสติ ¶ , เอเตเยว เอตํ วธิสฺสนฺติ. สา ตสฺส อฺเหิ มารณา มยฺหํ ทุกฺขโต จ ปาณาติปาตโต จ วิมุตฺติ ภวิสฺสตี’’ติ วตฺวา ตติยํ คาถมาห –
‘‘มเมวายํ มฺมาโน, อฺเเปวํ กริสฺสติ;
เต นํ ตตฺถ วธิสฺสนฺติ, สา เม มุตฺติ ภวิสฺสตี’’ติ.
กติปาหจฺจเยน ¶ ปน โพธิสตฺโต อฺตฺถ คโต. อฺโ จณฺฑมหึโส ตตฺถ อาคนฺตฺวา อฏฺาสิ. ทุฏฺมกฺกโฏ ‘‘โสเยว ¶ อย’’นฺติ สฺาย ตสฺส ปิฏฺึ อภิรุหิตฺวา ตเถว อนาจารํ จริ. อถ นํ โส วิธุนนฺโต ภูมิยํ ปาเตตฺวา สิงฺเคน หทเย วิชฺฌิตฺวา ปาเทหิ มทฺทิตฺวา สฺจุณฺเณสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ทุฏฺมหึโส อยํ ทุฏฺหตฺถี อโหสิ, ทุฏฺมกฺกโฏ เอตรหิ อยํ มกฺกโฏ, สีลวา มหึสราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
มหึสราชชาตกวณฺณนา อฏฺมา.
[๒๗๙] ๙. สตปตฺตชาตกวณฺณนา
ยถา มาณวโก ปนฺเถติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปณฺฑุกโลหิตเก อารพฺภ กเถสิ. ฉพฺพคฺคิยานฺหิ ทฺเว ชนา เมตฺติยภูมชกา ราชคหํ อุปนิสฺสาย วิหรึสุ, ทฺเว อสฺสชิปุนพฺพสุกา กีฏาคิรึ อุปนิสฺสาย วิหรึสุ, ปณฺฑุกโลหิตกา อิเม ปน ทฺเว สาวตฺถึ อุปนิสฺสาย เชตวเน วิหรึสุ. เต ธมฺเมน นีหฏํ อธิกรณํ อุกฺโกเฏนฺติ. เยปิ เตสํ สนฺทิฏฺสมฺภตฺตา โหนฺติ, เตสํ อุปตฺถมฺภา หุตฺวา ‘‘น, อาวุโส, ตุมฺเห เอเตหิ ชาติยา วา โคตฺเตน วา สีเลน วา นิหีนตรา. สเจ ตุมฺเห อตฺตโน คาหํ วิสฺสชฺเชถ, สุฏฺุตรํ โว เอเต อธิภวิสฺสนฺตี’’ติอาทีนิ วตฺวา คาหํ วิสฺสชฺเชตุํ น เทนฺติ. เตน ภณฺฑนานิ เจว กลหวิคฺคหวิวาทา จ ปวตฺตนฺติ. ภิกฺขู เอตมตฺถํ ภควโต อาโรเจสุํ. อถ ภควา เอตสฺมึ นิทาเน เอตสฺมึ ปกรเณ ภิกฺขู สนฺนิปาตาเปตฺวา ปณฺฑุกโลหิตเก ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตุมฺเห, ภิกฺขเว, อตฺตนาปิ อธิกรณํ อุกฺโกเฏถ, อฺเสมฺปิ คาหํ วิสฺสชฺเชตุํ น เทถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจํ, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘เอวํ สนฺเต, ภิกฺขเว, ตุมฺหากํ กิริยา สตปตฺตมาณวสฺส กิริยา วิย โหตี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต ¶ ¶ พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต อฺตรสฺมึ กาสิคามเก เอกสฺมึ กุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต กสิวณิชฺชาทีหิ ชีวิกํ อกปฺเปตฺวา ปฺจสตมตฺเต ¶ โจเร คเหตฺวา เตสํ เชฏฺโก หุตฺวา ปนฺถทูหนสนฺธิจฺเฉทาทีนิ กโรนฺโต ชีวิกํ กปฺเปสิ. ตทา พาราณสิยํ เอโก กุฏุมฺพิโก เอกสฺส ชานปทสฺส กหาปณสหสฺสํ ทตฺวา ปุน อคฺคเหตฺวาว กาลมกาสิ. อถสฺส ภริยา อปรภาเค คิลานา มรณมฺเจ นิปนฺนา ปุตฺตํ อามนฺเตตฺวา ‘‘ตาต, ปิตา เต เอกสฺส สหสฺสํ ทตฺวา อนาหราเปตฺวาว มโต, สเจ อหมฺปิ มริสฺสามิ, น โส ตุยฺหํ ทสฺสติ, คจฺฉ นํ มยิ ชีวนฺติยา อาหราเปตฺวา คณฺหา’’ติ อาห. โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา กหาปเณ ลภิ. อถสฺส มาตา กาลกิริยํ กตฺวา ปุตฺตสิเนเหน ตสฺส อาคมนมคฺเค โอปปาติกสิงฺคาลี หุตฺวา นิพฺพติ.
ตทา โส โจรเชฏฺโก มคฺคปฏิปนฺเน วิลุมฺปมาโน สปริโส ตสฺมึ มคฺเค อฏฺาสิ. อถ สา สิงฺคาลี ปุตฺเต อฏวีมุขํ สมฺปตฺเต ‘‘ตาต, มา อฏวึ อภิรุหิ, โจรา เอตฺถ ิตา, เต ตํ มาเรตฺวา กหาปเณ คณฺหิสฺสนฺตี’’ติ ปุนปฺปุนํ มคฺคํ โอจฺฉินฺทมานา นิวาเรติ. โส ตํ การณํ อชานนฺโต ‘‘อยํ กาฬกณฺณี สิงฺคาลี มยฺหํ มคฺคํ โอจฺฉินฺทตี’’ติ เลฑฺฑุทณฺฑํ คเหตฺวา มาตรํ ปลาเปตฺวา อฏวึ ปฏิปชฺชิ. อเถโก สตปตฺตสกุโณ ‘‘อิมสฺส ปุริสสฺส หตฺเถ กหาปณสหสฺสํ อตฺถิ, อิมํ มาเรตฺวา ตํ กหาปณํ คณฺหถา’’ติ วิรวนฺโต โจราภิมุโข ปกฺขนฺทิ. มาณโว เตน กตการณํ อชานนฺโต ‘‘อยํ มงฺคลสกุโณ, อิทานิ เม โสตฺถิ ภวิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘วสฺส, สามิ, วสฺส, สามี’’ติ วตฺวา อฺชลึ ปคฺคณฺหิ.
โพธิสตฺโต สพฺพรุตฺู เตสํ ทฺวินฺนํ กิริยํ ทิสฺวา จินฺเตสิ – อิมาย สิงฺคาลิยา เอตสฺส มาตรา ภวิตพฺพํ, เตน สา ‘‘อิมํ มาเรตฺวา กหาปเณ คณฺหนฺตี’’ติ ภเยน วาเรติ. อิมินา ปน สตปตฺเตน ปจฺจามิตฺเตน ภวิตพฺพํ, เตน โส ‘‘อิมํ มาเรตฺวา กหาปเณ คณฺหถา’’ติ อมฺหากํ อาโรเจสิ. อยํ ปน เอตมตฺถํ อชานนฺโต อตฺถกามํ ¶ มาตรํ ตชฺเชตฺวา ปลาเปสิ, อนตฺถกามสฺส สตปตฺตสฺส ‘‘อตฺถกาโม เม’’ติ สฺาย อฺชลึ ปคฺคณฺหาติ, อโห วตายํ พาโลติ ¶ . โพธิสตฺตานฺหิ เอวํ มหาปุริสานมฺปิ สตํ ปรสนฺตกคฺคหณํ วิสมปฏิสนฺธิคฺคหณวเสน โหติ, ‘‘นกฺขตฺตโทเสนา’’ติปิ วทนฺติ.
มาณโว อาคนฺตฺวา โจรานํ สีมนฺตรํ ปาปุณิ. โพธิสตฺโต ตํ คาหาเปตฺวา ‘‘กตฺถ วาสิโกสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘พาราณสิวาสิโกมฺหี’’ติ. ‘‘กหํ อคมาสี’’ติ? ‘‘เอกสฺมึ คามเก สหสฺสํ ลทฺธพฺพํ อตฺถิ, ตตฺถ อคมาสิ’’นฺติ. ‘‘ลทฺธํ ปน เต’’ติ? ‘‘อาม, ลทฺธ’’นฺติ ¶ . ‘‘เกน ตฺวํ เปสิโตสี’’ติ? ‘‘สามิ, ปิตา เม มโต, มาตาปิ เม คิลานา, สา ‘มยิ มตาย เอส น ลภิสฺสตี’ติ มฺมานา มํ เปเสสี’’ติ. ‘‘อิทานิ ตว มาตุ ปวตฺตึ ชานาสี’’ติ? ‘‘น ชานามิ, สามี’’ติ. ‘‘มาตา เต ตยิ นิกฺขนฺเต กาลํ กตฺวา ปุตฺตสิเนเหน สิงฺคาลี หุตฺวา ตว มรณภยภีตา มคฺคํ เต โอจฺฉินฺทิตฺวา ตํ วาเรสิ, ตํ ตฺวํ ตชฺเชตฺวา ปลาเปสิ, สตปตฺตสกุโณ ปน เต ปจฺจามิตฺโต. โส ‘อิมํ มาเรตฺวา กหาปเณ คณฺหถา’ติ อมฺหากํ อาจิกฺขิ, ตฺวํ อตฺตโน พาลตาย อตฺถกามํ มาตรํ ‘อนตฺถกามา เม’ติ มฺสิ, อนตฺถกามํ สตปตฺตํ ‘อตฺถกาโม เม’ติ. ตสฺส ตุมฺหากํ กตคุโณ นาม นตฺถิ, มาตา ปน เต มหาคุณา, กหาปเณ คเหตฺวา คจฺฉา’’ติ วิสฺสชฺเชสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา อิมา คาถา อโวจ –
‘‘ยถา มาณวโก ปนฺเถ, สิงฺคาลึ วนโคจรึ;
อตฺถกามํ ปเวเทนฺตึ, อนตฺถกามาติ มฺติ;
อนตฺถกามํ สตปตฺตํ, อตฺถกาโมติ มฺติ.
‘‘เอวเมว อิเธกจฺโจ, ปุคฺคโล โหติ ตาทิโส;
หิเตหิ วจนํ วุตฺโต, ปฏิคฺคณฺหาติ วามโต.
‘‘เย ¶ จ โข นํ ปสํสนฺติ, ภยา อุกฺกํสยนฺติ วา;
ตฺหิ โส มฺเต มิตฺตํ, สตปตฺตํว มาณโว’’ติ.
ตตฺถ หิเตหีติ หิตํ วุฑฺฒึ อิจฺฉมาเนหิ. วจนํ วุตฺโตติ หิตสุขาวหํ โอวาทานุสาสนํ วุตฺโต. ปฏิคฺคณฺหาติ วามโตติ โอวาทํ อคณฺหนฺโต ‘‘อยํ เม น อตฺถาวโห โหติ, อนตฺถาวโห เม อย’’นฺติ คณฺหนฺโต วามโต ปฏิคฺคณฺหาติ นาม.
เย ¶ จ โข นนฺติ เย จ โข ตํ อตฺตโน คาหํ คเหตฺวา ิตปุคฺคลํ ‘‘อธิกรณํ คเหตฺวา ิเตหิ นาม ตุมฺหาทิเสหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ วณฺเณนฺติ. ภยา อุกฺกํสยนฺติ วาติ อิมสฺส คาหสฺส วิสฺสฏฺปจฺจยา ตุมฺหากํ อิทฺจิทฺจ ภยํ อุปฺปชฺชิสฺสติ, มา วิสฺสชฺชยิตฺถ, น เอเต พาหุสจฺจกุลปริวาราทีหิ ตุมฺเห สมฺปาปุณนฺตีติ เอวํ วิสฺสชฺชนปจฺจยา ภยํ ทสฺเสตฺวา อุกฺขิปนฺติ. ตฺหิ โส มฺเต มิตฺตนฺติ เย เอวรูปา โหนฺติ, เตสุ ยํกิฺจิ โส เอกจฺโจ พาลปุคฺคโล ¶ อตฺตโน พาลตาย มิตฺตํ มฺติ, ‘‘อยํ เม อตฺถกาโม มิตฺโต’’ติ มฺติ. สตปตฺตํว มาณโวติ ยถา อนตฺถกามฺเว สตปตฺตํ โส มาณโว อตฺตโน พาลตาย ‘‘อตฺถกาโม เม’’ติ มฺติ, ปณฺฑิโต ปน เอวรูปํ ‘‘อนุปฺปิยภาณี มิตฺโต’’ติ อคเหตฺวา ทูรโตว นํ วิวชฺเชติ. เตน วุตฺตํ –
‘‘อฺทตฺถุหโร มิตฺโต, โย จ มิตฺโต วจีปโร;
อนุปฺปิยฺจ โย อาห, อปาเยสุ จ โย สขา.
‘‘เอเต อมิตฺเต จตฺตาโร, อิติ วิฺาย ปณฺฑิโต;
อารกา ปริวชฺเชยฺย, มคฺคํ ปฏิภยํ ยถา’’ติ. (ที. นิ. ๓.๒๕๙);
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา โจรเชฏฺโก อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
สตปตฺตชาตกวณฺณนา นวมา.
[๒๘๐] ๑๐. ปุฏทูสกชาตกวณฺณนา
อทฺธา หิ นูน มิคราชาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ ปุฏทูสกํ อารพฺภ กเถสิ. สาวตฺถิยํ กิเรโก อมจฺโจ พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิมนฺเตตฺวา อุยฺยาเน นิสีทาเปตฺวา ¶ ทานํ ททมาโน ‘‘อนฺตราภตฺเต อุยฺยาเน จริตุกามา จรนฺตู’’ติ อาห. ภิกฺขู อุยฺยานจาริกํ จรึสุ. ตสฺมึ ขเณ อุยฺยานปาโล ปตฺตสมฺปนฺนํ รุกฺขํ อภิรุหิตฺวา มหนฺตมหนฺตานิ ปณฺณานิ คเหตฺวา ‘‘อยํ ปุปฺผานํ ภวิสฺสติ, อยํ ผลาน’’นฺติ ปุเฏ กตฺวา รุกฺขมูเล ปาเตติ. ตสฺส ปุตฺโต ทารโก ปาติตปาติตํ ปุฏํ วิทฺธํเสติ. ภิกฺขู ตมตฺถํ ภควโต อาโรเจสุํ. สตฺถา ¶ ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปส ปุฏทูสโกเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต พาราณสิยํ เอกสฺมึ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต อคารํ อชฺฌาวสมาโน เอกทิวสํ เกนจิเทว กรณีเยน อุยฺยานํ อคมาสิ. ตตฺถ พหู วานรา วสนฺติ. อุยฺยานปาโล อิมินาว นิยาเมน ปตฺตปุเฏ ปาเตติ, เชฏฺวานโร ปาติตปาติเต วิทฺธํเสติ. โพธิสตฺโต ตํ อามนฺเตตฺวา ‘‘อุยฺยานปาเลน ปาติตปาติตํ ปุฏํ วิทฺธํเสตฺวา มนาปตรํ กาตุกาโม มฺเ’’ติ วตฺวา ปมํ คาถมาห –
‘‘อทฺธา ¶ หิ นูน มิคราชา, ปุฏกมฺมสฺส โกวิโท;
ตถา หิ ปุฏํ ทูเสติ, อฺํ นูน กริสฺสตี’’ติ.
ตตฺถ มิคราชาติ มกฺกฏํ วณฺเณนฺโต วทติ. ปุฏกมฺมสฺสาติ มาลาปุฏกรณสฺส. โกวิโทติ เฉโก. อยํ ปเนตฺถ สงฺเขปตฺโถ – อยํ มิคราชา เอกํเสน ปุฏกมฺมสฺส โกวิโท มฺเ, ตถา หิ ปาติตปาติตํ ปุฏํ ทูเสติ, อฺํ นูน ตโต มนาปตรํ กริสฺสตีติ.
ตํ สุตฺวา มกฺกโฏ ทุติยํ คาถมาห –
‘‘น เม มาตา วา ปิตา วา, ปุฏกมฺมสฺส โกวิโท;
กตํ กตํ โข ทูเสม, เอวํ ธมฺมมิทํ กุล’’นฺติ.
ตํ ¶ สุตฺวา โพธิสตฺโต ตติยํ คาถมาห –
‘‘เยสํ โว เอทิโส ธมฺโม, อธมฺโม ปน กีทิโส;
มา โว ธมฺมํ อธมฺมํ วา, อทฺทสาม กุทาจน’’นฺติ.
เอวํ วตฺวา จ ปน วานรคณํ ครหิตฺวา ปกฺกามิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา วานโร ปุฏทูสกทารโก อโหสิ, ปณฺฑิตปุริโส ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
ปุฏทูสกชาตกวณฺณนา ทสมา.
อุทปานวคฺโค ตติโย.
ตสฺสุทฺทานํ –
อุทปานวรํ ¶ วนพฺยคฺฆ กปิ, สิขินี จ พลาก รุจิรวโร;
สุชนาธิป โรมก ทูส ปุน, สตปตฺตวโร ปุฏกมฺม ทสาติ.
๔. อพฺภนฺตรวคฺโค
[๒๘๑] ๑. อพฺภนฺตรชาตกวณฺณนา
อพฺภนฺตโร ¶ นาม ทุโมติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สาริปุตฺตตฺเถรสฺส พิมฺพาเทวีเถริยา อมฺพรสทานํ อารพฺภ กเถสิ. สมฺมาสมฺพุทฺเธ หิ ปวตฺติตวรธมฺมจกฺเก เวสาลิยํ กูฏาคารสาลายํ วิหรนฺเต มหาปชาปตี โคตมี ปฺจ สากิยสตานิ อาทาย คนฺตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิตฺวา ปพฺพชฺชฺเจว อุปสมฺปทฺจ ลภิ. อปรภาเค ตา ปฺจสตา ภิกฺขุนิโย นนฺทโกวาทํ (ม. นิ. ๓.๓๙๘ อาทโย) สุตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. สตฺถริ ปน สาวตฺถึ อุปนิสฺสาย วิหรนฺเต ราหุลมาตา พิมฺพาเทวี ‘‘สามิโก เม ปพฺพชิตฺวา สพฺพฺุตํ ปตฺโต, ปุตฺโตปิ เม ปพฺพชิตฺวา ตสฺเสว สนฺติเก วสติ, อหํ อคารมชฺเฌ กึกริสฺสามิ, อหมฺปิ ปพฺพชิตฺวา สาวตฺถึ คนฺตฺวา สมฺมาสมฺพุทฺธฺจ ปุตฺตฺจ นิพทฺธํ ปสฺสมานา วิหริสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ภิกฺขุนุปสฺสยํ คนฺตฺวา ปพฺพชิตฺวา อาจริยุปชฺฌายาหิ สทฺธึ สาวตฺถึ คนฺตฺวา สตฺถารฺจ ปิยปุตฺตฺจ ปสฺสมานา เอกสฺมึ ภิกฺขุนุปสฺสเย วาสํ กปฺเปสิ. ราหุลสามเณโร อาคนฺตฺวา มาตรํ ปสฺสติ.
อเถกทิวสํ เถริยา อุทรวาโต ¶ กุปฺปิ. สา ปุตฺเต ทฏฺุํ อาคเต ตสฺส ทสฺสนตฺถาย นิกฺขมิตุํ นาสกฺขิ, อฺาว อาคนฺตฺวา อผาสุกภาวํ กถยึสุ. โส มาตุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘กึ เต ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ตาต, อคารมชฺเฌ เม สกฺขรโยชิเต อมฺพรเส ปีเต อุทรวาโต วูปสมฺมติ, อิทานิ ปิณฺฑาย จริตฺวา ชีวิกํ กปฺเปม, กุโต ตํ ลภิสฺสามา’’ติ. สามเณโร ‘‘ลภนฺโต อาหริสฺสามี’’ติ วตฺวา นิกฺขมิ. ตสฺส ¶ ปนายสฺมโต อุปชฺฌาโย ธมฺมเสนาปติ, อาจริโย มหาโมคฺคลฺลาโน, จูฬปิตา อานนฺทตฺเถโร, ปิตา สมฺมาสมฺพุทฺโธติ มหาสมฺปตฺติ. เอวํ สนฺเตปิ อฺสฺส สนฺติกํ อคนฺตฺวา อุปชฺฌายสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา ทุมฺมุขากาโร หุตฺวา อฏฺาสิ. อถ นํ เถโร ‘‘กึ นุ โข, ราหุล, ทุมฺมุโข วิยาสี’’ติ อาห. ‘‘มาตุ เม, ภนฺเต, เถริยา อุทรวาโต กุปิโต’’ติ. ‘‘กึ ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ? ‘‘สกฺขรโยชิเตน กิร อมฺพรเสน ผาสุ โหตี’’ติ. ‘‘โหตุ ลภิสฺสามิ, มา จินฺตยี’’ติ.
โส ¶ ปุนทิวเส ตํ อาทาย สาวตฺถึ ปวิสิตฺวา สามเณรํ อาสนสาลายํ นิสีทาเปตฺวา ราชทฺวารํ อคมาสิ. โกสลราชา เถรํ ทิสฺวา นิสีทาเปสิ, ตงฺขณฺเว อุยฺยานปาโล ปิณฺฑิปกฺกานํ มธุรอมฺพานํ เอกํ ปุฏํ อาหริ. ราชา อมฺพานํ ตจํ อปเนตฺวา สกฺขรํ ปกฺขิปิตฺวา สยเมว มทฺทิตฺวา เถรสฺส ปตฺตํ ปูเรตฺวา อทาสิ. เถโร ราชนิเวสนา นิกฺขมิตฺวา อาสนสาลํ คนฺตฺวา สามเณรสฺส อทาสิ ‘‘หริตฺวา มาตุ เต เทหี’’ติ. โส หริตฺวา อทาสิ, เถริยา ปริภุตฺตมตฺเตว อุทรวาโต วูปสมิ. ราชาปิ มนุสฺสํ เปเสสิ – ‘‘เถโร อิธ นิสีทิตฺวา อมฺพรสํ น ปริภฺุชิ, คจฺฉ กสฺสจิ ทินฺนภาวํ ชานาหี’’ติ. โส เถเรน สทฺธึเยว คนฺตฺวา ตํ ปวตฺตึ ตฺวา อาคนฺตฺวา รฺโ กเถสิ. ราชา จินฺเตสิ – ‘‘สเจ สตฺถา อคารํ อชฺฌาวสิสฺส, จกฺกวตฺติราชา อภวิสฺส, ราหุลสามเณโร ปริณายกรตนํ, เถรี อิตฺถิรตนํ, สกลจกฺกวาฬรชฺชํ เอเตสฺเว อภวิสฺส. อมฺเหหิ เอเต อุปฏฺหนฺเตหิ จริตพฺพํ อสฺส, อิทานิ ปพฺพชิตฺวา อมฺเห อุปนิสฺสาย วสนฺเตสุ เอเตสุ น ยุตฺตํ อมฺหากํ ปมชฺชิตุ’’นฺติ. โส ตโต ปฏฺาย เถริยา นิพทฺธํ อมฺพรสํ ทาเปสิ. เถเรน พิมฺพาเทวีเถริยา อมฺพรสสฺส ทินฺนภาโว ภิกฺขุสงฺเฆ ปากโฏ ชาโต. อเถกทิวสํ ¶ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, สาริปุตฺตตฺเถโร กิร พิมฺพาเทวีเถรึ อมฺพรเสน สนฺตปฺเปสี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว ราหุลมาตา สาริปุตฺเตน อมฺพรเสน สนฺตปฺปิตา, ปุพฺเพเปส เอตํ สนฺตปฺเปสิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต ¶ พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต กาสิคามเก พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา สณฺปิตฆราวาโส มาตาปิตูนํ อจฺจเยน อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา หิมวนฺตปเทเส อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา อิสิคณปริวุโต คณสตฺถา หุตฺวา ทีฆสฺส อทฺธุโน อจฺจเยน โลณมฺพิลเสวนตฺถาย ปพฺพตปาทา โอตริตฺวา จาริกํ จรมาโน พาราณสึ ปตฺวา อุยฺยาเน วาสํ กปฺเปสิ. อถสฺส อิสิคณสฺส สีลเตเชน สกฺกสฺส ภวนํ กมฺปิ. สกฺโก อาวชฺชมาโน ตํ การณํ ตฺวา ‘‘อิเมสํ ตาปสานํ อวาสาย ปริสกฺกิสฺสามิ, อถ เต ภินฺนาวาสา อุปทฺทุตา จรมานา จิตฺเตกคฺคตํ น ลภิสฺสนฺติ, เอวํ เม ผาสุกํ ภวิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘โก นุ โข อุปาโย’’ติ วีมํสนฺโต อิมํ อุปายํ อทฺทส – มชฺฌิมยามสมนนฺตเร รฺโ อคฺคมเหสิยา สิริคพฺภํ ปวิสิตฺวา อากาเส ตฺวา ‘‘ภทฺเท, สเจ ตฺวํ อพฺภนฺตรอมฺพปกฺกํ ขาเทยฺยาสิ, ปุตฺตํ ลภิสฺสสิ, โส จกฺกวตฺติราชา ภวิสฺสตี’’ติ อาจิกฺขิสฺสามิ. ราชา เทวิยา กถํ สุตฺวา อมฺพปกฺกตฺถาย อุยฺยานํ เปเสสฺสติ, อถาหํ อมฺพานิ อนฺตรธาเปสฺสามิ, รฺโ อุยฺยาเน อมฺพานํ อภาวํ อาโรเจสฺสนฺติ ¶ , ‘‘เก เต ขาทนฺตี’’ติ วุตฺเต ‘‘ตาปสา ขาทนฺตี’’ติ วกฺขนฺติ, ตํ สุตฺวา ราชา ตาปเส โปเถตฺวา นีหราเปสฺสติ, เอวํ เต อุปทฺทุตา ภวิสฺสนฺตีติ.
โส มชฺฌิมยามสมนนฺตเร สิริคพฺภํ ปวิสิตฺวา อากาเส ิโต อตฺตโน เทวราชภาวํ ชานาเปตฺวา ตาย สทฺธึ สลฺลปนฺโต ปุริมา ทฺเว คาถา อโวจ –
‘‘อพฺภนฺตโร ¶ นาม ทุโม, ยสฺส ทิพฺยมิทํ ผลํ;
ภุตฺวา โทหฬินี นารี, จกฺกวตฺตึ วิชายติ.
‘‘ตฺวมฺปิ ภทฺเท มเหสีสิ, สา จาปิ ปติโน ปิยา;
อาหริสฺสติ เต ราชา, อิทํ อพฺภนฺตรํ ผล’’นฺติ.
ตตฺถ อพฺภนฺตโร นาม ทุโมติ อิมินา ตาว คามนิคมชนปทปพฺพตาทีนํ อสุกสฺส อพฺภนฺตโรติ อวตฺวา เกวลํ เอกํ อพฺภนฺตรํ อมฺพรุกฺขํ ¶ กเถสิ. ยสฺส ทิพฺยมิทํ ผลนฺติ ยสฺส อมฺพรุกฺขสฺส เทวตานํ ปริโภคารหํ ทิพฺยํ ผลํ. อิทนฺติ ปน นิปาตมตฺตเมว. โทหฬินีติ สฺชาตโทหฬา. ตฺวมฺปิ, ภทฺเท, มเหสีสีติ ตฺวํ, โสภเน มเหสี, อสิ. อฏฺกถายํ ปน ‘‘มเหสี จา’’ติปิ ปาโ. สา จาปิ ปติโน ปิยาติ โสฬสนฺนํ เทวีสหสฺสานํ อพฺภนฺตเร อคฺคมเหสี จาปิ ปติโน จาปิ ปิยาติ อตฺโถ. อาหริสฺสติ เต ราชา, อิทํ อพฺภนฺตรํ ผลนฺติ ตสฺสา เต ปิยาย อคฺคมเหสิยา อิทํ มยา วุตฺตปฺปการํ ผลํ ราชา อาหราเปสฺสติ, สา ตฺวํ ตํ ปริภฺุชิตฺวา จกฺกวตฺติคพฺภํ ลภิสฺสสีติ.
เอวํ สกฺโก เทวิยา อิมา ทฺเว คาถา วตฺวา ‘‘ตฺวํ อปฺปมตฺตา โหหิ, มา ปปฺจํ อกาสิ, สฺเว รฺโ อาโรเจยฺยาสี’’ติ ตํ อนุสาสิตฺวา อตฺตโน วสนฏฺานเมว คโต. สา ปุนทิวเส คิลานาลยํ ทสฺเสตฺวา ปริจาริกานํ สฺํ ทตฺวา นิปชฺชิ. ราชา สมุสฺสิตเสตจฺฉตฺเต สีหาสเน นิสินฺโน นาฏกานิ ปสฺสนฺโต เทวึ อทิสฺวา ‘‘กหํ, เทวี’’ติ ปริจาริเก ปุจฺฉิ. ‘‘คิลานา, เทวา’’ติ. โส ตสฺสา สนฺติกํ คนฺตฺวา สยนปสฺเส นิสีทิตฺวา ปิฏฺึ ปริมชฺชนฺโต ‘‘กึ เต, ภทฺเท, อผาสุก’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘มหาราช อฺํ อผาสุกํ นาม นตฺถิ, โทหโฬ เม อุปฺปนฺโน’’ติ. ‘‘กึ อิจฺฉสิ, ภทฺเท’’ติ? ‘‘อพฺภนฺตรอมฺพผลํ เทวา’’ติ. ‘‘อพฺภนฺตรอมฺโพ นาม กหํ อตฺถี’’ติ? ‘‘นาหํ, เทว, อพฺภนฺตรอมฺพํ ชานามิ, ตสฺส ปน เม ผลํ ลภมานาย ชีวิตํ อตฺถิ, อลภมานาย นตฺถี’’ติ. ‘‘เตน หิ อาหราเปสฺสามิ ¶ , มา จินฺตยี’’ติ ราชา เทวึ อสฺสาเสตฺวา อุฏฺาย คนฺตฺวา ราชปลฺลงฺเก นิสินฺโน อมจฺเจ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘เทวิยา ¶ อพฺภนฺตรอมฺเพ นาม โทหโฬ อุปฺปนฺโน, กึ กาตพฺพ’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘เทว ทฺวินฺนํ อมฺพานํ อนฺตเร ิโต อมฺโพ อพฺภนฺตรอมฺโพ นาม, อุยฺยานํ เปเสตฺวา อพฺภนฺตเร ิตอมฺพโต ผลํ อาหราเปตฺวา เทวิยา ทาเปถา’’ติ.
ราชา ‘‘สาธุ, เอวรูปํ อมฺพํ อาหรถา’’ติ อุยฺยานํ เปเสสิ. สกฺโก อตฺตโน อานุภาเวน อุยฺยาเน อมฺพานิ ขาทิตสทิสานิ กตฺวา อนฺตรธาเปสิ. อมฺพตฺถาย คตา มนุสฺสา สกลอุยฺยานํ วิจรนฺตา เอกํ อมฺพมฺปิ อลภิตฺวา คนฺตฺวา อุยฺยาเน อมฺพานํ อภาวํ รฺโ กถยึสุ. ‘‘เก ¶ อมฺพานิ ขาทนฺตี’’ติ? ‘‘ตาปสา, เทวา’’ติ. ‘‘ตาปเส อุยฺยานโต โปเถตฺวา นีหรถา’’ติ. มนุสฺสา ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา นีหรึสุ. สกฺกสฺส มโนรโถ มตฺถกํ ปาปุณิ. เทวี อมฺพผลตฺถาย นิพทฺธํ กตฺวา นิปชฺชิเยว. ราชา กตฺตพฺพกิจฺจํ อปสฺสนฺโต อมจฺเจ จ พฺราหฺมเณ จ สนฺนิปาตาเปตฺวา ‘‘อพฺภนฺตรอมฺพสฺส อตฺถิภาวํ ชานาถา’’ติ ปุจฺฉิ. พฺราหฺมณา อาหํสุ – ‘‘เทว, อพฺภนฺตรอมฺโพ นาม เทวตานํ ปริโภโค, ‘หิมวนฺเต กฺจนคุหาย อนฺโต อตฺถี’ติ อยํ โน ปรมฺปราคโต อนุสฺสโว’’ติ. ‘‘โก ปน ตโต อมฺพํ อาหริตุํ สกฺขิสฺสตี’’ติ? ‘‘น สกฺกา ตตฺถ มนุสฺสภูเตน คนฺตุํ, เอกํ สุวโปตกํ เปเสตุํ วฏฺฏตี’’ติ.
เตน จ สมเยน ราชกุเล เอโก สุวโปตโก มหาสรีโร กุมารกานํ ยานกจกฺกนาภิมตฺโต ถามสมฺปนฺโน ปฺวา อุปายกุสโล. ราชา ตํ อาหราเปตฺวา ‘‘ตาต สุวโปตก, อหํ ตว พหูปกาโร, กฺจนปฺชเร วสสิ, สุวณฺณตฏฺฏเก มธุลาเช ขาทสิ, สกฺขรปานกํ ปิวสิ, ตยาปิ อมฺหากํ เอกํ กิจฺจํ นิตฺถริตุํ วฏฺฏตี’’ติ อาห. ‘‘กึ, เทวา’’ติ. ‘‘ตาต เทวิยา อพฺภนฺตรอมฺเพ โทหโฬ อุปฺปนฺโน, โส จ อมฺโพ หิมวนฺเต กฺจนปพฺพตนฺตเร อตฺถิ เทวตานํ ปริโภโค, น สกฺกา ¶ มนุสฺสภูเตน ตตฺถ คนฺตุํ, ตยา ตโต อมฺพผลํ อาหริตุํ วฏฺฏตี’’ติ. ‘‘สาธุ, เทว, อาหริสฺสามี’’ติ. อถ นํ ราชา สุวณฺณตฏฺฏเก มธุลาเช ขาทาเปตฺวา สกฺขรปานกํ ปาเยตฺวา สตปากเตเลน ตสฺส ปกฺขนฺตรานิ มกฺเขตฺวา อุโภหิ หตฺเถหิ คเหตฺวา สีหปฺชเร ตฺวา อากาเส วิสฺสชฺเชสิ. โสปิ รฺโ นิปจฺจการํ ทสฺเสตฺวา อากาเส ปกฺขนฺทนฺโต มนุสฺสปถํ อติกฺกมฺม หิมวนฺเต ปเม ปพฺพตนฺตเร วสนฺตานํ สุกานํ สนฺติกํ คนฺตฺวา อพฺภนฺตรอมฺโพ นาม กตฺถ อตฺถิ, กเถถ เม ตํ าน’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘มยํ น ชานาม, ทุติเย ปพฺพตนฺตเร สุกา ชานิสฺสนฺตี’’ติ.
โส เตสํ วจนํ สุตฺวา ตโต อุปฺปติตฺวา ทุติยํ ปพฺพตนฺตรํ อคมาสิ, ตถา ตติยํ, จตุตฺถํ ¶ , ปฺจมํ, ฉฏฺํ อคมาสิ. ตตฺถปิ นํ สุกา ‘‘น มยํ ชานาม, สตฺตมปพฺพตนฺตเร สุกา ชานิสฺสนฺตี’’ติ อาหํสุ. โส ตตฺถปิ คนฺตฺวา ‘‘อพฺภนฺตรอมฺโพ นาม กตฺถ อตฺถี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อสุกฏฺาเน นาม กฺจนปพฺพตนฺตเร’’ติ อาหํสุ. ‘‘อหํ ตสฺส ผลตฺถาย อาคโต, มํ ตตฺถ เนตฺวา ตโต เม ผลํ ทาเปถา’’ติ. สุกคณา ¶ อาหํสุ – ‘‘สมฺม, โส เวสฺสวณมหาราชสฺส ปริโภโค, น สกฺกา อุปสงฺกมิตุํ, สกลรุกฺโข มูลโต ปฏฺาย สตฺตหิ โลหชาเลหิ ปริกฺขิตฺโต, สหสฺสกุมฺภณฺฑรกฺขสา รกฺขนฺติ, เตหิ ทิฏฺสฺส ชีวิตํ นาม นตฺถิ, กปฺปุฏฺานคฺคิอวีจิมหานิรยสทิสฏฺานํ, มา ตตฺถ ปตฺถนํ กรี’’ติ. ‘‘สเจ ตุมฺเห น คจฺฉถ, มยฺหํ านํ อาจิกฺขถา’’ติ. ‘‘เตน หิ อสุเกน จ อสุเกน จ าเนน ยาหี’’ติ. โส เตหิ อาจิกฺขิตวเสเนว สุฏฺุ มคฺคํ อุปธาเรตฺวา ตํ านํ คนฺตฺวา ทิวา อตฺตานํ อทสฺเสตฺวา มชฺฌิมยามสมนนฺตเร รกฺขสานํ นิทฺโทกฺกมนสมเย อพฺภนฺตรอมฺพสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา เอเกน มูลนฺตเรน สณิกํ อภิรุหิตุํ อารภิ. โลหชาลํ ‘‘กิรี’’ติ สทฺทมกาสิ ¶ .
รกฺขสา ปพุชฺฌิตฺวา สุกโปตกํ ทิสฺวา ‘‘อมฺพโจโรย’’นฺติ คเหตฺวา กมฺมกรณํ สํวิทหึสุ. เอโก ‘‘มุเข ปกฺขิปิตฺวา คิลิสฺสามิ น’’นฺติ อาห, อปโร ‘‘หตฺเถหิ มทฺทิตฺวา ปฺุชิตฺวา วิปฺปกิริสฺสามิ น’’นฺติ, อปโร ‘‘ทฺเวธา ผาเลตฺวา องฺคาเรสุ ปจิตฺวา ขาทิสฺสามี’’ติ. โส เตสํ กมฺมกรณสํวิธานํ สุตฺวาปิ อสนฺตสิตฺวาว เต รกฺขเส อามนฺเตตฺวา ‘‘อมฺโภ รกฺขสา, ตุมฺเห กสฺส มนุสฺสา’’ติ อาห. ‘‘เวสฺสวณมหาราชสฺสา’’ติ. ‘‘อมฺโภ, ตุมฺเหปิ เอกสฺส รฺโว มนุสฺสา, อหมฺปิ รฺโว มนุสฺโส, พาราณสิราชา มํ อพฺภนฺตรอมฺพผลตฺถาย เปเสสิ, สฺวาหํ ตตฺเถว อตฺตโน รฺโ ชีวิตํ ทตฺวา อาคโต. โย หิ อตฺตโน มาตาปิตูนฺเจว สามิกสฺส จ อตฺถาย ชีวิตํ ปริจฺจชติ, โส เทวโลเกเยว นิพฺพตฺตติ, ตสฺมา อหมฺปิ อิมมฺหา ติรจฺฉานโยนิยา จวิตฺวา เทวโลเก นิพฺพตฺติสฺสามี’’ติ วตฺวา ตติยํ คาถมาห –
‘‘ภตฺตุรตฺเถ ปรกฺกนฺโต, ยํ านมธิคจฺฉติ;
สูโร อตฺตปริจฺจาคี, ลภมาโน ภวามห’’นฺติ.
ตตฺถ ภตฺตุรตฺเถติ ภตฺตา วุจฺจนฺติ ภตฺตาทีหิ ภรณโปสกา ปิตา มาตา สามิโก จ, อิติ ติวิธสฺสเปตสฺส ภตฺตุ อตฺถาย. ปรกฺกนฺโตติ ปรกฺกมํ กโรนฺโต วายมนฺโต. ยํ านมธิคจฺฉตีติ ยํ สุขการณํ ยสํ วา ลาภํ วา สคฺคํ วา อธิคจฺฉติ. สูโรติ อภีรุ วิกฺกมสมฺปนฺโน. อตฺตปริจฺจาคีติ ¶ กาเย จ ชีวิเต จ นิรเปกฺโข หุตฺวา ตสฺส ติวิธสฺสปิ ภตฺตุ อตฺถาย อตฺตานํ ปริจฺจชนฺโต. ลภมาโน ภวามหนฺติ ยํ โส เอวรูโป สูโร เทวสมฺปตฺตึ วา ¶ มนุสฺสสมฺปตฺตึ วา ลภติ, อหมฺปิ ตํ ลภมาโน ภวามิ, ตสฺมา หาโสว เม เอตฺถ, น ตาโส, กึ มํ ตุมฺเห ตาเสถาติ.
เอวํ โส อิมาย คาถาย เตสํ ธมฺมํ เทเสสิ. เต ตสฺส ธมฺมกถํ สุตฺวา ปสนฺนจิตฺตา ‘‘ธมฺมิโก เอส, น สกฺกา มาเรตุํ, วิสฺสชฺเชม น’’นฺติ วตฺวา สุกโปตกํ วิสฺสชฺเชตฺวา ‘อมฺโภ สุกโปตก, มุตฺโตสิ, อมฺหากํ หตฺถโต โสตฺถินา คจฺฉา’’ติ ¶ อาหํสุ. ‘‘มยฺหํ อาคมนํ มา ตุจฺฉํ กโรถ, เทถ เม เอกํ อมฺพผล’’นฺติ. ‘‘สุกโปตก, ตุยฺหํ เอกํ อมฺพผลํ ทาตุํ นาม น ภาโร, อิมสฺมึ ปน รุกฺเข อมฺพานิ องฺเกตฺวา คหิตานิ, เอกสฺมึ ผเล อสเมนฺเต อมฺหากํ ชีวิตํ นตฺถิ. เวสฺสวเณน หิ กุชฺฌิตฺวา สกึ โอโลกิเต ตตฺตกปาเล ปกฺขิตฺตติลา วิย กุมฺภณฺฑสหสฺสํ ภิชฺชิตฺวา วิปฺปกิรียติ, เตน เต ทาตุํ น สกฺโกม, ลภนฏฺานํ ปน อาจิกฺขิสฺสามา’’ติ. ‘‘โย โกจิ เทตุ, ผเลเนว เม อตฺโถ, ลภนฏฺานํ อาจิกฺขถา’’ติ. ‘‘เอตสฺส กฺจนปพฺพตสฺส อนฺตเร โชติรโส นาม ตาปโส อคฺคึ ชุหมาโน กฺจนปตฺติยา นาม ปณฺณสาลายํ วสติ เวสฺสวณสฺส กุลูปโก, เวสฺสวโณ ตสฺส นิพทฺธํ จตฺตาริ อมฺพผลานิ เปเสติ, ตสฺส สนฺติกํ คจฺฉา’’ติ.
โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตาปสสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. อถ นํ ตาปโส ‘‘กุโต อาคโตสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘พาราณสิรฺโ สนฺติกา’’ติ. ‘‘กิมตฺถาย อาคโตสี’’ติ? ‘‘สามิ, อมฺหากํ รฺโ เทวิยา อพฺภนฺตรอมฺพปกฺเก โทหโฬ อุปฺปนฺโน, ตทตฺถํ อาคโตมฺหิ, รกฺขสา ปน เม สยํ อมฺพปกฺกํ อทตฺวา ตุมฺหากํ สนฺติกํ เปเสสุ’’นฺติ. ‘‘เตน หิ นิสีท, ลภิสฺสสี’’ติ. อถสฺส เวสฺสวโณ จตฺตาริ ผลานิ เปเสสิ. ตาปโส ตโต ทฺเว ปริภฺุชิ, เอกํ สุวโปตกสฺส ขาทนตฺถาย อทาสิ. เตน ตสฺมึ ขาทิเต เอกํ ผลํ สิกฺกาย ปกฺขิปิตฺวา สุวโปตกสฺส คีวาย ปฏิมฺุจิตฺวา ‘‘อิทานิ คจฺฉา’’ติ สุกโปตกํ วิสฺสชฺเชสิ ¶ . โส ตํ อาหริตฺวา เทวิยา อทาสิ. สา ตํ ขาทิตฺวา โทหฬํ ปฏิปฺปสฺสมฺเภสิ, ตโตนิทานํ ปนสฺสา ปุตฺโต นาโหสิ.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา เทวี ราหุลมาตา อโหสิ, สุโก อานนฺโท, อมฺพปกฺกทายโก ตาปโส สาริปุตฺโต, อุยฺยาเน นิวุตฺถตาปโส ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
อพฺภนฺตรชาตกวณฺณนา ปมา.
[๒๘๒] ๒. เสยฺยชาตกวณฺณนา
เสยฺยํโส ¶ เสยฺยโส โหตีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ โกสลรฺโ อมจฺจํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิร รฺโ พหูปกาโร สพฺพกิจฺจนิปฺผาทโก อโหสิ. ราชา ‘‘พหูปกาโร เม อย’’นฺติ ตสฺส มหนฺตํ ยสํ อทาสิ. ตํ อสหมานา อฺเ รฺโ เปสฺุํ อุปสํหริตฺวา ตํ ปริภินฺทึสุ. ราชา เตสํ วจนํ สทฺทหิตฺวา โทสํ อนุปปริกฺขิตฺวาว ตํ สีลวนฺตํ นิทฺโทสํ สงฺขลิกพนฺธเนน พนฺธาเปตฺวา พนฺธนาคาเร ปกฺขิปาเปสิ. โส ตตฺถ เอกโก วสนฺโต สีลสมฺปตฺตึ นิสฺสาย จิตฺเตกคฺคตํ ลภิตฺวา เอกคฺคจิตฺโต สงฺขาเร สมฺมสิตฺวา โสตาปตฺติผลํ ปาปุณิ. อถสฺส ราชา อปรภาเค นิทฺโทสภาวํ ตฺวา สงฺขลิกพนฺธนํ ภินฺทาเปตฺวา ปุริมยสโต มหนฺตตรํ ยสํ อทาสิ. โส ‘‘สตฺถารํ วนฺทิสฺสามี’’ติ พหูนิ มาลาคนฺธาทีนิ อาทาย วิหารํ คนฺตฺวา ตถาคตํ ปูเชตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. สตฺถา เตน สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กโรนฺโต ‘‘อนตฺโถ กิร เต อุปฺปนฺโนติ อสฺสุมฺหา’’ติ อาห. ‘‘อาม, ภนฺเต, อุปฺปนฺโน, อหํ ปน เตน อนตฺเถน อตฺถํ อกาสึ, พนฺธนาคาเร นิสีทิตฺวา โสตาปตฺติผลํ นิพฺพตฺเตสิ’’นฺติ. สตฺถา ‘‘น โข, อุปาสก, ตฺวฺเว อนตฺเถน อตฺถํ อาหริ, โปราณกปณฺฑิตาปิ อตฺตโน อนตฺเถน อตฺถํ อาหรึ สุเยวา’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ สพฺพสิปฺปานิ ¶ อุคฺคณฺหิตฺวา ปิตุ อจฺจเยน รชฺเช ปติฏฺาย ทส ราชธมฺเม อโกเปตฺวา ทานํ เทติ, ปฺจ สีลานิ รกฺขติ ¶ , อุโปสถกมฺมํ กโรติ. อถสฺเสโก อมจฺโจ อนฺเตปุเร ปทุสฺสิ. ปาทมูลิกาทโย ตฺวา ‘‘อสุกอมจฺโจ อนฺเตปุเร ปทุฏฺโ’’ติ รฺโ อาโรเจสุํ. ราชา ปริคฺคณฺหนฺโต ยถาสภาวโต ตฺวา ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘มา มํ อิโต ปฏฺาย อุปฏฺาหี’’ติ นิพฺพิสยํ อกาสิ. โส คนฺตฺวา อฺตรํ สามนฺตราชานํ อุปฏฺหีติ สพฺพํ วตฺถุ เหฏฺา มหาสีลวชาตเก (ชา. ๑.๑.๕๑) กถิตสทิสเมว. อิธาปิ โส ราชา ติกฺขตฺตุํ วีมํสิตฺวา ตสฺส อมจฺจสฺส วจนํ สทฺทหิตฺวา ‘‘พาราณสิรชฺชํ คณฺหิสฺสามี’’ติ มหนฺเตน ปริวาเรน รชฺชสีมํ ปาปุณิ. พาราณสิรฺโ สตฺตสตมตฺตา มหาโยธา ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา ‘‘เทว, อสุโก นาม กิร ราชา พาราณสิรชฺชํ คณฺหิสฺสามี’ติ ชนปทํ ภินฺทนฺโต อาคจฺฉติ, เอตฺเถว นํ คนฺตฺวา คณฺหิสฺสามา’’ติ อาหํสุ. ‘‘มยฺหํ ปรวิหึสาย ลทฺเธน รชฺเชน กิจฺจํ นตฺถิ, มา กิฺจิ กริตฺถา’’ติ?
โจรราชา ¶ อาคนฺตฺวา นครํ ปริกฺขิปิ, ปุน อมจฺจา ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘เทว, มา เอวํ กริตฺถ, คณฺหิสฺสาม น’’นฺติ อาหํสุ. ราชา ‘‘น ลพฺภา กิฺจิ กาตุํ, นครทฺวารานิ วิวรถา’’ติ วตฺวา สยํ อมจฺจคณปริวุโต มหาตเล ราชปลฺลงฺเก นิสีทิ. โจรราชา จตูสุ ทฺวาเรสุ มนุสฺเส โปเถนฺโต นครํ ปวิสิตฺวา ปาสาทํ อภิรุยฺห อมจฺจปริวุตํ ราชานํ คาหาเปตฺวา สงฺขลิกาหิ พนฺธาเปตฺวา พนฺธนาคาเร ปกฺขิปาเปสิ. ราชา พนฺธนาคาเร นิสินฺโนว โจรราชานํ เมตฺตายนฺโต เมตฺตชฺฌานํ อุปฺปาเทสิ. ตสฺส เมตฺตานุภาเวน โจรรฺโ กาเย ฑาโห อุปฺปชฺชิ, สกลสรีรํ ยมกอุกฺกาหิ ฌาปิยมานํ วิย ชาตํ. โส มหาทุกฺขาภิตุนฺโน ‘‘กึ นุ โข การณ’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘ตุมฺเห สีลวนฺตํ ราชานํ พนฺธนาคาเร ปกฺขิเปถ, เตน โว อิทํ ทุกฺขํ อุปฺปนฺนํ ภวิสฺสตี’’ติ. โส คนฺตฺวา โพธิสตฺตํ ขมาเปตฺวา ‘‘ตุมฺหากํ รชฺชํ ตุมฺหากเมว โหตู’’ติ รชฺชํ ตสฺเสว ¶ นิยฺยาเทตฺวา ‘‘อิโต ปฏฺาย ตุมฺหากํ ปจฺจตฺถิโก เม ภาโร โหตู’’ติ วตฺวา ปทุฏฺามจฺจสฺส ราชาณํ กาเรตฺวา อตฺตโน นครเมว คโต.
โพธิสตฺโต อลงฺกตมหาตเล สมุสฺสิตเสตจฺฉตฺเต ราชปลฺลงฺเก นิสินฺโน อมจฺเจหิ สทฺธึ สลฺลปนฺโต ปุริมา ทฺเวคาถา อโวจ –
‘‘เสยฺยํโส ¶ เสยฺยโส โหติ, โย เสยฺยมุปเสวติ;
เอเกน สนฺธึ กตฺวาน, สตํ วชฺเฌ อโมจยึ.
‘‘ตสฺมา สพฺเพน โลเกน, สนฺธึ กตฺวาน เอกโต;
เปจฺจ สคฺคํ นิคจฺเฉยฺย, อิทํ สุณาถ กาสิยา’’ติ.
ตตฺถ เสยฺยํโส เสยฺยโส โหติ, โย เสยฺยมุปเสวตีติ อนวชฺชอุตฺตมธมฺมสงฺขาโต เสยฺโย อํโส โกฏฺาโส อสฺสาติ เสยฺยํโส, กุสลธมฺมนิสฺสิตปุคฺคโล. โย ปุนปฺปุนํ ตํ เสยฺยํ กุสลธมฺมภาวนํ กุสลาภิรตํ วา อุตฺตมปุคฺคลมุปเสวติ, โส เสยฺยโส โหติ ปาสํสตโร เจว อุตฺตริตโร จ โหติ. เอเกน สนฺธึ กตฺวาน, สตํ วชฺเฌ อโมจยินฺติ ตทมินาปิ เจตํ เวทิตพฺพํ – อหฺหิ เสยฺยํ เมตฺตาภาวนํ อุปเสวนฺโต ตาย เมตฺตาภาวนาย เอเกน โจรรฺา สนฺธึ สนฺถวํ กตฺวา เมตฺตาภาวนํ ภาเวตฺวา ตุมฺเห สตชเน วชฺเฌ อโมจยึ.
ทุติยคาถาย อตฺโถ – ยสฺมา อหํ เอเกน สทฺธึ เอกโต เมตฺตาภาวนาย สนฺธึ กตฺวา ตุมฺเห วชฺฌปฺปตฺเต สตชเน โมจยึ, ตสฺมา เวทิตพฺพเมเวตํ, ตสฺมา สพฺเพน โลเกน สทฺธึ เมตฺตาภาวนาย ¶ สนฺธึ กตฺวา เอกโต ปุคฺคโล เปจฺจ ปรโลเก สคฺคํ นิคจฺเฉยฺย. เมตฺตาย หิ อุปจารํ กามาวจเร ปฏิสนฺธึ เทติ, อปฺปนา พฺรหฺมโลเก. อิทํ มม วจนํ สพฺเพปิ ตุมฺเห กาสิรฏฺวาสิโน สุณาถาติ.
เอวํ มหาสตฺโต มหาชนสฺส เมตฺตาภาวนาย คุณํ วณฺเณตฺวา ทฺวาทสโยชนิเก พาราณสินคเร เสตจฺฉตฺตํ ปหาย หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิ. สตฺถา ¶ สมฺมาสมฺพุทฺโธ หุตฺวา ตติยํ คาถมาห –
‘‘อิทํ วตฺวา มหาราชา, กํโส พาราณสิคฺคโห;
ธนุํ กณฺฑฺจ นิกฺขิปฺป, สํยมํ อชฺฌุปาคมี’’ติ.
ตตฺถ มหนฺโต ราชาติ มหาราชา. กํโสติ ตสฺส นามํ. พาราณสึ คเหตฺวา อชฺฌาวสนโต พาราณสิคฺคโห. โส ราชา อิทํ วจนํ วตฺวา ธนฺุจ สรสงฺขาตํ กณฺฑฺจ นิกฺขิปฺป โอหาย ฉฑฺเฑตฺวา สีลสํยมํ ¶ อุปคโต ปพฺพชิโต, ปพฺพชิตฺวา จ ปน ฌานํ อุปฺปาเทตฺวา อปริหีนชฺฌาโน พฺรหฺมโลเก อุปฺปนฺโนติ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา โจรราชา อานนฺโท อโหสิ, พาราณสิราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
เสยฺยชาตกวณฺณนา ทุติยา.
[๒๘๓] ๓. วฑฺฒกีสูกรชาตกวณฺณนา
วรํ วรํ ตฺวนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ธนุคฺคหติสฺสตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ. ปเสนทิรฺโ ปิตา มหาโกสโล พิมฺพิสารรฺโ ธีตรํ เวเทหึ นาม โกสลเทวึ ททมาโน ตสฺสา นฺหานจุณฺณมูลํ สตสหสฺสุฏฺานํ กาสิคามํ อทาสิ. อชาตสตฺตุนา ปน ปิตริ มาริเต โกสลเทวีปิ โสกาภิภูตา กาลมกาสิ. ตโต ปเสนทิ โกสลราชา จินฺเตสิ – ‘‘อชาตสตฺตุนา ปิตา มาริโต, ภคินีปิ เม สามิเก กาลกเต เตน โสเกน กาลกตา, ปิตุฆาตกสฺส โจรสฺส กาสิคามํ น ทสฺสามี’’ติ. โส ตํ อชาตสตฺตุสฺส น อทาสิ. ตํ คามํ นิสฺสาย เตสํ ทฺวินฺนมฺปิ กาเลน กาลํ ยุทฺธํ โหติ, อชาตสตฺตุ ตรุโณ สมตฺโถ, ปเสนทิ ¶ มหลฺลโกเยว. โส อภิกฺขณํ ปรชฺชติ, มหาโกสลสฺสาปิ มนุสฺสา เยภุยฺเยน ปราชิตา. อถ ราชา ‘‘มยํ อภิณฺหํ ปรชฺชาม, กึ นุ โข กาตพฺพ’’นฺติ อมจฺเจ ปุจฺฉิ. ‘‘เทว, อยฺยา นาม มนฺตจฺเฉกา โหนฺติ, เชตวนวิหาเร ภิกฺขูนํ กถํ โสตุํ วฏฺฏตี’’ติ. ราชา ‘‘เตน หิ ตายํ เวลายํ ภิกฺขูนํ กถาสลฺลาปํ สุณาถา’’ติ จรปุริเส อาณาเปสิ. เต ตโต ปฏฺาย ตถา อกํสุ.
ตสฺมึ ปน กาเล ทฺเว มหลฺลกตฺเถรา วิหารปจฺจนฺเต ปณฺณสาลายํ วสนฺติ ทตฺตตฺเถโร จ ธนุคฺคหติสฺสตฺเถโร ¶ จ. เตสุ ธนุคฺคหติสฺสตฺเถโร ปมยาเมปิ มชฺฌิมยาเมปิ นิทฺทายิตฺวา ปจฺฉิมยาเม ปพุชฺฌิตฺวา อุมฺมุกฺกานิ โสเธตฺวา ¶ อคฺคึ ชาเลตฺวา นิสินฺนโก อาห – ‘‘ภนฺเต, ทตฺตตฺเถรา’’ติ. ‘‘กึ, ภนฺเต, ติสฺสตฺเถรา’’ติ? ‘‘กึ นิทฺทายสิ โน ตฺว’’นฺติ. ‘‘อนิทฺทายนฺตา กึ กริสฺสามา’’ติ? ‘‘อุฏฺาย ตาว นิสีทถา’’ติ. โส อุฏฺาย นิสินฺโน ตํ ทตฺตตฺเถรํ อาห – ‘‘ภนฺเต ทตฺตตฺเถร, อยํ เต โลโล มโหทรโกสโล จาฏิมตฺตํ ภตฺตเมว ปูตึ กโรติ, ยุทฺธวิจารณํ ปน กิฺจิ น ชานาติ, ปราชิโต ปราชิโตตฺเวว วทาเปตี’’ติ. ‘‘กึ ปน กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ? ตสฺมึ ขเณ เต จรปุริสา เตสํ กถํ สุณนฺตา อฏฺํสุ.
ธนุคฺคหติสฺสตฺเถโร ยุทฺธํ วิจาเรสิ – ‘‘ภนฺเต, ยุทฺโธ นาม ติวิโธ – ปทุมพฺยูโห, จกฺกพฺยูโห, สกฏพฺยูโหติ. อชาตสตฺตุํ คณฺหิตุกาเมน อสุเก นาม ปพฺพตกุจฺฉิสฺมึ ทฺวีสุ ปพฺพตภิตฺตีสุ มนุสฺเส เปตฺวา ปุรโต ทุพฺพลพลํ ทสฺเสตฺวา ปพฺพตนฺตรํ ปวิฏฺภาวํ ชานิตฺวา ปวิฏฺมคฺคํ โอจฺฉินฺทิตฺวา ปุรโต จ ปจฺฉโต จ อุโภสุ ปพฺพตภิตฺตีสุ วคฺคิตฺวา อุนฺนทิตฺวา ขิเป ปติตมจฺฉํ วิย อนฺโตมุฏฺิยํ วฏฺฏโปตกํ วิย จ กตฺวา สกฺกา อสฺส ตํ คเหตุ’’นฺติ. จรปุริสา ตํ สาสนํ รฺโ อาโรเจสุํ. ตํ สุตฺวา ราชา สงฺคามเภรึ จราเปตฺวา คนฺตฺวา สกฏพฺยูหํ กตฺวา อชาตสตฺตุํ ชีวคฺคาหํ คาหาเปตฺวา อตฺตโน ธีตรํ วชิรกุมารึ ภาคิเนยฺยสฺส ทตฺวา กาสิคามํ ตสฺสา นฺหานมูลํ กตฺวา ทตฺวา อุยฺโยเชสิ. สา ปวตฺติ ภิกฺขุสงฺเฆ ปากฏา ชาตา. อเถกทิวสํ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, โกสลราชา กิร ธนุคฺคหติสฺสตฺเถรสฺส วิจารณาย อชาตสตฺตุํ ชินี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ ธนุคฺคหติสฺโส ยุทฺธวิจารณาย เฉโกเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต ¶ พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต อรฺเ รุกฺขเทวตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ ¶ . ตทา พาราณสึ นิสฺสาย นิวุตฺถวฑฺฒกิคามกา เอโก วฑฺฒกี ถมฺภตฺถาย อรฺํ คนฺตฺวา อาวาเฏ ปติตํ สูกรโปตกํ ทิสฺวา ตํ ฆรํ เนตฺวา ปฏิชคฺคิ. โส วุฑฺฒิปฺปตฺโต มหาสรีโร วงฺกทาโ ¶ อาจารสมฺปนฺโน อโหสิ, วฑฺฒกินา โปสิตตฺตา ปน ‘‘วฑฺฒกีสูกโร’’ตฺเวว ปฺายิ. วฑฺฒกิสฺส รุกฺขตจฺฉนกาเล ตุณฺเฑน รุกฺขํ ปริวตฺเตติ, มุเขน ฑํสิตฺวา วาสิผรสุนิขาทนมุคฺคเร อาหรติ, กาลสุตฺตโกฏิยํ คณฺหาติ. อถ โส วฑฺฒกี ‘‘โกจิเทว, นํ ขาเทยฺยา’’ติ ภเยน เนตฺวา อรฺเ วิสฺสชฺเชสิ. โสปิ อรฺํ ปวิสิตฺวา เขมํ ผาสุกฏฺานํ โอโลเกนฺโต เอกํ ปพฺพตนฺตเร มหนฺตํ คิริกนฺทรํ อทฺทส สมฺปนฺนกนฺทมูลผลํ ผาสุกํ วสนฏฺานํ อเนกสตสูกรสมากิณฺณํ. เต สูกรา ตํ ทิสฺวา ตสฺส สนฺติกํ อาคมํสุ. โสปิ เต อาห – ‘‘อหํ ตุมฺเหว โอโลเกนฺโต วิจรามิ, อปิจ โว มยา ทิฏฺา, อิทฺจ านํ รมณียํ, อหมฺปิ อิทานิ อิเธว วสิสฺสามี’’ติ. ‘‘สจฺจํ อิทํ านํ รมณียํ, ปริสฺสโย ปเนตฺถ อตฺถี’’ติ. ‘‘อหมฺปิ ตุมฺเห ทิสฺวา เอตํ อฺาสึ, เอวํ โคจรสมฺปนฺเน าเน วสนฺตานํ โว สรีเรสุ มํสโลหิตํ นตฺถิ, กึ ปน โว เอตฺถ ภย’’นฺติ? ‘‘เอโก พฺยคฺโฆ ปาโตว อาคนฺตฺวา ทิฏฺทิฏฺํเยว คเหตฺวา คจฺฉตี’’ติ. ‘‘กึ ปน โส นิพทฺธํ คณฺหาติ, อุทาหุ อนฺตรนฺตรา’’ติ? ‘‘นิพทฺธํ คณฺหาตี’’ติ. ‘‘กติ ปน เต พฺยคฺฆา’’ติ? ‘‘เอโกเยวา’’ติ. ‘‘เอตฺตกา ตุมฺเห เอกสฺส ยุชฺฌิตุํ น สกฺโกถา’’ติ? ‘‘อาม, น สกฺโกมา’’ติ. ‘‘อหํ ตํ คณฺหิสฺสามิ, เกวลํ ตุมฺเห มม วจนํ กโรถ, โส พฺยคฺโฆ กหํ วสตี’’ติ? ‘‘เอตสฺมึ ปพฺพเต’’ติ.
โส รตฺติฺเว สูกเร จราเปตฺวา ยุทฺธํ วิจาเรนฺโต ‘‘ยุทฺธํ นาม ¶ ปทุมพฺยูหจกฺกพฺยูหสกฏพฺยูหวเสน ติวิธํ โหตี’’ติ วตฺวา ปทุมพฺยูหวเสน วิจาเรสิ. โส หิ ภูมิสีสํ ชานาติ. ตสฺมา ‘‘อิมสฺมึ าเน ยุทฺธํ วิจาเรตุํ วฏฺฏตี’’ติ สูกรปิลฺลเก มาตโร จ เตสํ มชฺฌฏฺาเน เปสิ. โส ตา อาวิชฺฌิตฺวา มชฺฌิมสูกริโย, ตา อาวิชฺฌิตฺวา โปตกสูกเร, เต อาวิชฺฌิตฺวา ชรสูกเร, เต อาวิชฺฌิตฺวา ทีฆทาสูกเร, เต อาวิชฺฌิตฺวา ยุทฺธสมตฺเถ พลวตรสูกเร ทส วีส ตึส ชเน ตสฺมึ ตสฺมึ าเน พลคุมฺพํ กตฺวา เปสิ. อตฺตโน ิตฏฺานสฺส ปุรโต เอกํ ปริมณฺฑลํ อาวาฏํ ขณาเปสิ, ปจฺฉโต เอกํ สุปฺปสณฺานํ อนุปุพฺพนินฺนํ ปพฺภารสทิสํ. ตสฺส สฏฺิสตฺตติมตฺเต โยธสูกเร อาทาย ตสฺมึ ตสฺมึ าเน ‘‘มา ภายิตฺถา’’ติ กมฺมํ วิจารโต อรุณํ อุฏฺหิ.
พฺยคฺโฆ ¶ อุฏฺาย ‘‘กาโล’’ติ ตฺวา คนฺตฺวา เตสํ สมฺมุขา ิเต ปพฺพตตเล ตฺวา อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา สูกเร โอโลเกสิ. วฑฺฒกีสูกโร ‘‘ปฏิโอโลเกถ น’’นฺติ สูกรานํ สฺํ ¶ อทาสิ, เต ปฏิโอโลเกสุํ. พฺยคฺโฆ มุขํ อุคฺฆาเฏตฺวา อสฺโสสิ, สูกราปิ ตถา กรึสุ. พฺยคฺโฆ มุตฺตํ ฉฑฺเฑสิ, สูกราปิ ฉฑฺฑยึสุ. อิติ ยํ ยํ โส กโรติ, ตํ ตํ เต ปฏิกรึสุ. โส จินฺเตสิ – ‘‘ปุพฺเพ สูกรา มยา โอโลกิตกาเล ปลายนฺตา ปลายิตุมฺปิ น สกฺโกนฺติ, อชฺช อปลายิตฺวา มม ปฏิสตฺตุ หุตฺวา มยา กตเมว ปฏิกโรนฺติ. เอตสฺมึ ภูมิสีเส ิโต เอโก เตสํ สํวิธายโกปิ อตฺถิ, อชฺช มยฺหํ คตสฺส ชโย น ปฺายตี’’ติ. โส นิวตฺติตฺวา อตฺตโน วสนฏฺานเมว อคมาสิ. เตน ปน คหิตมํสขาทโก เอโก กูฏชฏิโล อตฺถิ, โส ตํ ตุจฺฉหตฺถเมว อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา เตน สทฺธึ สลฺลปนฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘วรํ ¶ วรํ ตฺวํ นิหนํ ปุเร จริ,
อสฺมึ ปเทเส อภิภุยฺย สูกเร;
โสทานิ เอโก พฺยปคมฺม ฌายสิ,
พลํ นุ เต พฺยคฺฆ น จชฺช วิชฺชตี’’ติ.
ตตฺถ วรํ วรํ ตฺวํ นิหนํ ปุเร จริ, อสฺมึ ปเทเส อภิภุยฺย สูกเรติ อมฺโภ พฺยคฺฆ, ตฺวํ ปุพฺเพ อิมสฺมึ ปเทเส สพฺพสูกเร อภิภวิตฺวา อิเมสุ สูกเรสุ วรํ วรํ ตฺวํ อุตฺตมุตฺตมํ สูกรํ นิหนนฺโต วิจริ. โสทานิ เอโก พฺยปคมฺม ฌายสีติ โส ตฺวํ อิทานิ อฺตรํ สูกรํ อคฺคเหตฺวา เอกโกว อปคนฺตฺวา ฌายสิ ปชฺฌายสิ. พลํ นุ เต พฺยคฺฆ น จชฺช วิชฺชตีติ กึ นุ เต, อมฺโภ พฺยคฺฆ, อชฺช กายพลํ นตฺถีติ.
ตํ สุตฺวา พฺยคฺโฆ ทุติยํ คาถมาห –
‘‘อิเม สุทํ ยนฺติ ทิโสทิสํ ปุเร, ภยฏฺฏิตา เลณคเวสิโน ปุถู;
เต ทานิ สงฺคมฺม วสนฺติ เอกโต, ยตฺถฏฺิตา ทุปฺปสหชฺชเม มยา’’ติ.
ตตฺถ ¶ สุทนฺติ นิปาโต. อยํ ปน สงฺเขปตฺโถ – อิเม สูกรา ปุพฺเพ มํ ทิสฺวา ภเยน อฏฺฏิตา ปีฬิตา อตฺตโน เลณคเวสิโน ปุถู วิสุํ วิสุํ หุตฺวา ทิโสทิสํ ยนฺติ, ตํ ตํ ทิสํ อภิมุขา ปลายนฺติ, เต ทานิ สพฺเพปิ สมาคนฺตฺวา เอกโต วสนฺติ ติฏฺนฺติ, ตฺจ ภูมิสีสํ อุปคตา, ยตฺถ ิตา ทุปฺปสหา ทุมฺมทฺทยา อชฺช อิเม มยาติ.
อถสฺส ¶ อุสฺสาหํ ชเนนฺโต กูฏชฏิโล ‘‘มา ภายิ, คจฺฉ ตยิ นทิตฺวา ปกฺขนฺทนฺเต สพฺเพปิ ภีตา ภิชฺชิตฺวา ปลายิสฺสนฺตี’’ติ อาห. พฺยคฺโฆ ตสฺมึ อุสฺสาหํ ชเนนฺเต สูโร หุตฺวา ปุน คนฺตฺวา ปพฺพตตเล อฏฺาสิ. วฑฺฒกีสูกโร ทฺวินฺนํ อาวาฏานํ อนฺตเร อฏฺาสิ. สูกรา ‘‘สามิ, มหาโจโร ปุนาคโต’’ติ อาหํสุ. ‘‘มา ภายิตฺถ, อิทานิ ตํ คณฺหิสฺสามี’’ติ. พฺยคฺโฆ นทิตฺวา วฑฺฒกีสูกรสฺส อุปริ ปตติ, สูกโร ตสฺส อตฺตโน อุปริ ปตนกาเล ¶ ปริวตฺติตฺวา เวเคน อุชุกํ ขตอาวาเฏ ปติ. พฺยคฺโฆ เวคํ สนฺธาเรตุํ อสกฺโกนฺโต อุปริภาเคน คนฺตฺวา สุปฺปมุขสฺส ติริยํ ขตอาวาฏสฺส อติสมฺพาเธ มุขฏฺาเน ปติตฺวา ปฺุชกโต วิย อโหสิ. สูกโร อาวาฏา อุตฺตริตฺวา อสนิเวเคน คนฺตฺวา พฺยคฺฆํ อนฺตรสตฺถิมฺหิ ทาาย ปหริตฺวา ยาว วกฺกปเทสา ผาเลตฺวา ปฺจมธุรมํสํ ทาาย ปลิเวเตฺวา พฺยคฺฆสฺส มตฺถเก อาวิชฺฌิตฺวา ‘‘คณฺหถ ตุมฺหากํ ปจฺจามิตฺต’’นฺติ อุกฺขิปิตฺวา พหิอาวาเฏ ฉฑฺเฑสิ. ปมํ อาคตา พฺยคฺฆมํสํ ลภึสุ, ปจฺฉา อาคตา ‘‘พฺยคฺฆมํสํ กีทิสํ โหตี’’ติ เตสํ มุขํ อุปสิงฺฆนฺตา วิจรึสุ.
สูกรา น ตาว ตุสฺสนฺติ. วฑฺฒกีสูกโร เตสํ อิงฺฆิตํ ทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข ตุมฺเห น ตุสฺสถา’’ติ อาห. ‘‘สามิ, กึ เอเตน พฺยคฺเฆน ฆาติเตน, อฺโ ปน พฺยคฺฆอาณาปนสมตฺโถ กูฏชฏิโล อตฺถิเยวา’’ติ. ‘‘โก นาเมโส’’ติ? ‘‘เอโก ทุสฺสีลตาปโส’’ติ. ‘‘พฺยคฺโฆปิ มยา ฆาติโต, โส เม กึ ปโหติ, เอถ คณฺหิสฺสาม น’’นฺติ สูกรฆฏาย สทฺธึ ปายาสิ. กูฏตาปโสปิ พฺยคฺเฆ จิรายนฺเต ‘‘กึ นุ โข สูกรา พฺยคฺฆํ คณฺหึสู’’ติ ปฏิปถํ คจฺฉนฺโต เต สูกเร อาคจฺฉนฺเต ทิสฺวา อตฺตโน ปริกฺขารํ อาทาย ปลายนฺโต เตหิ อนุพนฺธิโต ปริกฺขารํ ฉฑฺเฑตฺวา เวเคน อุทุมฺพรรุกฺขํ อภิรุหิ. สูกรา ‘‘อิทานิมฺห, สามิ, นฏฺา, ตาปโส ปลายิตฺวา ¶ รุกฺขํ อภิรุหี’’ติ อาหํสุ. ‘‘กึ รุกฺขํ นามา’’ติ? ‘‘อุทุมฺพรรุกฺข’’นฺติ. โส ‘‘สูกริโย อุทกํ อาหรนฺตุ, สูกรโปตกา ปถวึ ขณนฺตุ, ทีฆทาา สูกรา มูลานิ ฉินฺทนฺตุ, เสสา ปริวาเรตฺวา อารกฺขนฺตู’’ติ สํวิทหิตฺวา เตสุ ตถา กโรนฺเตสุ สยํ อุทุมฺพรสฺส อุชุกํ ถูลมูลํ ¶ ผรสุนา ปหรนฺโต วิย เอกปฺปหารเมว กตฺวา อุทุมฺพรรุกฺขํ ปาเตสิ. ปริวาเรตฺวา ิตสูกรา กูฏชฏิลํ ภูมิยํ ปาเตตฺวา ขณฺฑาขณฺฑิกํ กตฺวา ยาว อฏฺิโต ขาทิตฺวา วฑฺฒกีสูกรํ อุทุมฺพรขนฺเธเยว นิสีทาเปตฺวา กูฏชฏิลสฺส ปริโภคสงฺเขน อุทกํ อาหริตฺวา อภิสิฺจิตฺวา ราชานํ กรึสุ, เอกฺจ ตรุณสูกรึ ตสฺส อคฺคมเหสึ อกํสุ. ตโต ปฏฺาย กิร ยาวชฺชตนา ราชาโน อุทุมฺพรภทฺทปีเ นิสีทาเปตฺวา ตีหิ สงฺเขหิ อภิสิฺจนฺติ.
ตสฺมึ ¶ วนสณฺเฑ อธิวตฺถา เทวตา ตํ อจฺฉริยํ ทิสฺวา เอกสฺมึ วิฏปนฺตเร สูกรานํ อภิมุขา หุตฺวา ตติยํ คาถมาห –
‘‘นมตฺถุ สงฺฆาน สมาคตานํ, ทิสฺวา สยํ สขฺย วทามิ อพฺภุตํ;
พฺยคฺฆํ มิคา ยตฺถ ชินึสุ ทาิโน, สามคฺคิยา ทาพเลสุ มุจฺจเร’’ติ.
ตตฺถ นมตฺถุ สงฺฆานนฺติ อยํ มม นมกฺกาโร สมาคตานํ สูกรสงฺฆานํ อตฺถุ. ทิสฺวา สยํ สขฺย วทามิ อพฺภุตนฺติ อิทํ ปุพฺเพ อภูตปุพฺพํ อพฺภุตํ สขฺยํ มิตฺตภาวํ สยํ ทิสฺวา วทามิ. พฺยคฺฆํ มิคา ยตฺถ ชินึสุ ทาิโนติ ยตฺร หิ นาม ทาิโน สูกรมิคา พฺยคฺฆํ ชินึสุ, อยเมว วา ปาโ. สามคฺคิยา ทาพเลสุ มุจฺจเรติ ยา สา ทาพเลสุ สูกเรสุ สามคฺคี เอกชฺฌาสยตา, ตาย เตสุ สามคฺคิยา เต ทาพลา ปจฺจามิตฺตํ คเหตฺวา อชฺช มรณภยา มุตฺตาติ อตฺโถ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ธนุคฺคหติสฺโส วฑฺฒกีสูกโร อโหสิ, รุกฺขเทวตา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
วฑฺฒกีสูกรชาตกวณฺณนา ตติยา.
[๒๘๔] ๔. สิริชาตกวณฺณนา
ยํ ¶ อุสฺสุกา สงฺฆรนฺตีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ สิริโจรพฺราหฺมณํ อารพฺภ กเถสิ. อิมสฺมึ ชาตเก ¶ ปจฺจุปฺปนฺนวตฺถุ เหฏฺา ขทิรงฺคารชาตเก (ชา. ๑.๑.๔๐) วิตฺถาริตเมว. อิธาปิ ปน สา อนาถปิณฺฑิกสฺส ฆเร จตุตฺเถ ทฺวารโกฏฺเก วสนกา มิจฺฉาทิฏฺิเทวตา ทณฺฑกมฺมํ กโรนฺตี จตุปฺาสหิรฺโกฏิโย อาหริตฺวา โกฏฺเ ปูเรตฺวา เสฏฺินา สทฺธึ สหายิกา อโหสิ. อถ นํ โส อาทาย สตฺถุ สนฺติกํ เนสิ. สตฺถา ตสฺสา ธมฺมํ เทเสสิ, สา ธมฺมํ สุตฺวา โสตาปนฺนา อโหสิ. ตโต ปฏฺาย เสฏฺิโน ยโส ยถาโปราโณว ชาโต. อเถโก สาวตฺถิวาสี สิริลกฺขณฺู พฺราหฺมโณ จินฺเตสิ – ‘‘อนาถปิณฺฑิโก ทุคฺคโต หุตฺวา ปุน อิสฺสโร ชาโต, ยํนูนาหํ ตํ ทฏฺุกาโม วิย คตฺวา ตสฺส ฆรโต สิรึ เถเนตฺวา อาคจฺเฉยฺย’’นฺติ. โส ตสฺส ฆรํ คนฺตฺวา เตน กตสกฺการสมฺมาโน สารณียกถาย วตฺตมานาย ‘‘กิมตฺถํ อาคโตสี’’ติ วุตฺเต ‘‘กตฺถ นุ โข สิรี ปติฏฺิตา’’ติ โอโลเกสิ. เสฏฺิโน จ สพฺพเสโต ¶ โธตสงฺขปฏิภาโค กุกฺกุโฏ สุวณฺณปฺชเร ปกฺขิปิตฺวา ปิโต อตฺถิ, ตสฺส จูฬาย สิรี ปติฏฺาสิ. พฺราหฺมโณ โอโลกยมาโน สิริยา ตตฺถ ปติฏฺิตภาวํ ตฺวา อาห – ‘‘อหํ, มหาเสฏฺิ, ปฺจสเต มาณเว มนฺเต วาเจมิ, อกาลรวึ เอกํ กุกฺกุฏํ นิสฺสาย เต จ มยฺจ กิลมาม, อยฺจ กิร กุกฺกุโฏ กาลรวี, อิมสฺสตฺถาย อาคโตมฺหิ, เทหิ เม เอตํ กุกฺกุฏ’’นฺติ. ‘‘คณฺห, พฺราหฺมณ, เทมิ เต กุกฺกุฏ’’นฺติ. ‘‘เทมี’’ติ จ วุตฺตกฺขเณเยว สิรี ตสฺส จูฬโต อปคนฺตฺวา อุสฺสีสเก ปิเต มณิกฺขนฺเธ ปติฏฺาสิ.
พฺราหฺมโณ สิริยา มณิมฺหิ ปติฏฺิตภาวํ ตฺวา มณิมฺปิ ยาจิ. ‘‘มณิมฺปิ เทมี’’ติ วุตฺตกฺขเณเยว สิรี มณิโต อปคนฺตฺวา อุสฺสีสเก ปิตอารกฺขยฏฺิยํ ปติฏฺาสิ. พฺราหฺมโณ สิริยา ตตฺถ ปติฏฺิตภาวํ ตฺวา ตมฺปิ ยาจิ. ‘‘คเหตฺวา คจฺฉาหี’’ติ วุตฺตกฺขเณเยว สิรี ยฏฺิโต อปคนฺตฺวา ปฺุลกฺขณเทวิยา นาม เสฏฺิโน อคฺคมเหสิยา สีเส ปติฏฺาสิ. สิริโจรพฺราหฺมโณ ตตฺถ ปติฏฺิตภาวํ ตฺวา ‘‘อวิสฺสชฺชิยภณฺฑํ เอตํ, ยาจิตุมฺปิ น สกฺกา’’ติ จินฺเตตฺวา เสฏฺึ เอตทโวจ – ‘‘มหาเสฏฺิ, อหํ ¶ ตุมฺหากํ เคเห ‘สิรึ เถเนตฺวา คมิสฺสามี’ติ อาคจฺฉึ, สิรี ปน เต กุกฺกุฏสฺส จูฬายํ ปติฏฺิตา อโหสิ, ตสฺมึ มม ทินฺเน ตโต อปคนฺตฺวา มณิมฺหิ ปติฏฺหิ, มณิมฺหิ ทินฺเน อารกฺขยฏฺิยํ ปติฏฺหิ, อารกฺขยฏฺิยา ทินฺนาย ตโต อปคนฺตฺวา ปฺุลกฺขณเทวิยา ¶ สีเส ปติฏฺหิ, ‘อิทํ โข ปน อวิสฺสชฺชิยภณฺฑ’นฺติ อิมมฺปิ เม น คหิตํ, น สกฺกา ตว สิรึ เถเนตุํ, ตว สนฺตกํ ตเวว โหตู’’ติ อุฏฺายาสนา ปกฺกามิ. อนาถปิณฺฑิโก ‘‘อิมํ การณํ สตฺถุ กเถสฺสามี’’ติ วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถารํ ปูเชตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺโน สพฺพํ ตถาคตสฺส อาโรเจสิ. สตฺถา ตํ สุตฺวา ‘‘น โข, คหปติ, อิทาเนว อฺเสํ สิรี อฺตฺถ คจฺฉติ, ปุพฺเพปิ อปฺปปฺุเหิ อุปฺปาทิตสิรี ปน ปฺุวนฺตานํเยว ปาทมูลํ คตา’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต กาสิรฏฺเ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ สิปฺปํ อุคฺคณฺหิตฺวา อคารํ อชฺฌาวสนฺโต มาตาปิตูนํ กาลกิริยาย สํวิคฺโค นิกฺขมิตฺวา หิมวนฺตปเทเส อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ อุปฺปาเทตฺวา ทีฆสฺส อทฺธุโน อจฺจเยน โลณมฺพิลเสวนตฺถาย ชนปทํ คนฺตฺวา พาราณสิรฺโ อุยฺยาเน วสิตฺวา ปุนทิวเส ภิกฺขํ จรมาโน หตฺถาจริยสฺส ฆรทฺวารํ อคมาสิ. โส ตสฺส อาจารวิหาเร ปสนฺโน ภิกฺขํ ทตฺวา อุยฺยาเน วสาเปตฺวา นิจฺจํ ปฏิชคฺคิ. ตสฺมึ กาเล เอโก กฏฺหารโก อรฺโต ทารูนิ อาหรนฺโต เวลาย นครทฺวารํ ปาปุณิตุํ ¶ นาสกฺขิ. สายํ เอกสฺมึ เทวกุเล ทารุกลาปํ อุสฺสีสเก กตฺวา นิปชฺชิ, เทวกุเล วิสฺสฏฺา พหู กุกฺกุฏา ตสฺส อวิทูเร เอกสฺมึ รุกฺเข สยึสุ. เตสุ อุปริสยิตกุกฺกุโฏ ปจฺจูสกาเล วจฺจํ ปาเตนฺโต เหฏฺาสยิตกุกฺกุฏสฺส สรีเร ปาเตสิ. ‘‘เกน เม สรีเร วจฺจํ ปาติต’’นฺติ จ วุตฺเต ‘‘มยา’’ติ อาห. ‘‘กึการณา’’ติ จ วุตฺเต ‘‘อนุปธาเรตฺวา’’ติ วตฺวา ปุนปิ ปาเตสิ. ตโต อุโภปิ อฺมฺํ กุทฺธา ‘‘กึ เต พลํ, กึ เต พล’’นฺติ กลหํ กรึสุ. อถ เหฏฺาสยิตกุกฺกุโฏ อาห – ‘‘มํ มาเรตฺวา องฺคาเร ปกฺกมํสํ ขาทนฺโต ปาโตว กหาปณสหสฺสํ ¶ ลภตี’’ติ. อุปริสยิตกุกฺกุโฏ อาห – ‘‘อมฺโภ, มา ตฺวํ เอตฺตเกน คชฺชิ, มม ถูลมํสํ ขาทนฺโต ราชา โหติ, พหิมํสํ ¶ ขาทนฺโต ปุริโส เจ, เสนาปติฏฺานํ, อิตฺถี เจ, อคฺคมเหสิฏฺานํ ลภติ. อฏฺิมํสํ ปน เม ขาทนฺโต คิหี เจ, ภณฺฑาคาริกฏฺานํ, ปพฺพชิโต เจ, ราชกุลูปกภาวํ ลภตี’’ติ.
กฏฺหารโก เตสํ วจนํ สุตฺวา ‘‘รชฺเช ปตฺเต สหสฺเสน กิจฺจํ นตฺถี’’ติ สณิกํ อภิรุหิตฺวา อุปริสยิตกุกฺกุฏํ คเหตฺวา มาเรตฺวา อุจฺฉงฺเค กตฺวา ‘‘ราชา ภวิสฺสามี’’ติ คนฺตฺวา วิวฏทฺวาเรเนว นครํ ปวิสิตฺวา กุกฺกุฏํ นิตฺตจํ กตฺวา อุทรํ โสเธตฺวา ‘‘อิทํ กุกฺกุฏมํสํ สาธุกํ สมฺปาเทหี’’ติ ปชาปติยา อทาสิ. สา กุกฺกุฏมํสฺจ ภตฺตฺจ สมฺปาเทตฺวา ‘‘ภฺุช, สามี’’ติ ตสฺส อุปนาเมสิ. ‘‘ภทฺเท, เอตํ มํสํ มหานุภาวํ, เอตํ ขาทิตฺวา อหํ ราชา ภวิสฺสามิ, ตฺวํ อคฺคมเหสี ภวิสฺสสิ, ตํ ภตฺตฺจ มํสฺจ อาทาย คงฺคาตีรํ คนฺตฺวา นฺหายิตฺวา ภฺุชิสฺสามา’’ติ ภตฺตภาชนํ ตีเร เปตฺวา นฺหานตฺถาย โอตรึสุ. ตสฺมึ ขเณ วาเตน ขุภิตํ อุทกํ อาคนฺตฺวา ภตฺตภาชนํ อาทาย อคมาสิ. ตํ นทีโสเตน วุยฺหมานํ เหฏฺานทิยํ หตฺถึ นฺหาเปนฺโต เอโก หตฺถาจริโย มหามตฺโต ทิสฺวา อุกฺขิปาเปตฺวา วิวราเปตฺวา ‘‘กิเมตฺถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ภตฺตฺเจว กุกฺกุฏมํสฺจ สามี’’ติ. โส ตํ ปิทหาเปตฺวา ลฺฉาเปตฺวา ‘‘ยาว มยํ อาคจฺฉาม, ตาวิมํ ภตฺตํ มา วิวรา’’ติ ภริยาย เปเสสิ. โสปิ โข กฏฺหารโก มุขโต ปวิฏฺเน วาลุโกทเกน อุทฺธุมาตอุทโร ปลายิ.
อเถโก ตสฺส หตฺถาจริยสฺส กุลูปโก ทิพฺพจกฺขุกตาปโส ‘‘มยฺหํ อุปฏฺาโก หตฺถิฏฺานํ น วิชหติ, กทา นุ โข สมฺปตฺตึ ปาปุณิสฺสตี’’ติ ทิพฺพจกฺขุนา อุปธาเรนฺโต ตํ ปุริสํ ทิสฺวา ตํ การณํ ตฺวา ปุเรตรํ คนฺตฺวา หตฺถาจริยสฺส นิเวสเน นิสีทิ. หตฺถาจริโย อาคนฺตฺวา ตํ วนฺทิตฺวา ¶ เอกมนฺตํ นิสินฺโน ตํ ภตฺตภาชนํ อาหราเปตฺวา ‘‘ตาปสํ มํโสทเนน ปริวิสถา’’ติ อาห. ตาปโส ภตฺตํ คเหตฺวา มํเส ทียมาเน อคฺคเหตฺวา ‘‘อิมํ มํสํ อหํ วิจาเรมี’’ติ วตฺวา ‘‘วิจาเรถ ¶ , ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ถูลมํสาทีนิ เอเกกํ โกฏฺาสํ กาเรตฺวา ถูลมํสํ หตฺถาจริยสฺส ทาเปสิ, พหิมํสํ ตสฺส ภริยาย, อฏฺิมํสํ อตฺตนา ปริภฺุชิ. โส ภตฺตกิจฺจาวสาเน คจฺฉนฺโต ‘‘ตฺวํ อิโต ตติยทิวเส ราชา ภวิสฺสสิ, อปฺปมตฺโต โหหี’’ติ วตฺวา ปกฺกามิ. ตติยทิวเส เอโก สามนฺตราชา อาคนฺตฺวา พาราณสึ ปริวาเรสิ. พาราณสิราชา ¶ หตฺถาจริยํ ราชเวสํ คาหาเปตฺวา ‘‘หตฺถึ อภิรุหิตฺวา ยุชฺฌา’’ติ อาณาเปตฺวา สยํ อฺาตกเวเสน เสนาย วิจาเรนฺโต เอเกน มหาเวเคน สเรน วิทฺโธ ตงฺขณฺเว มริ. ตสฺส มตภาวํ ตฺวา หตฺถาจริโย พหู กหาปเณ นีหราเปตฺวา ‘‘ธนตฺถิกา ปุรโต หุตฺวา ยุชฺฌนฺตู’’ติ เภรึ จราเปสิ. พลกาโย มุหุตฺเตเนว สามนฺตราชานํ ชีวิตกฺขยํ ปาเปสิ. อมจฺจา รฺโ สรีรกิจฺจํ กตฺวา ‘‘กํ ราชานํ กโรมา’’ติ มนฺตยมานา ‘‘อมฺหากํ ราชา ชีวมาโน อตฺตโน เวสํ หตฺถาจริยสฺส อทาสิ, อยเมว ยุทฺธํ กตฺวา รชฺชํ คณฺหิ, เอตสฺเสว รชฺชํ ทสฺสามา’’ติ ตํ รชฺเชน อภิสิฺจึสุ, ภริยมฺปิสฺส อคฺคมเหสึ อกํสุ. โพธิสตฺโต ราชกุลูปโก อโหสิ.
สตฺถา อตีตํ อาหริตฺวา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา อิมา ทฺเว คาถา อภาสิ –
‘‘ยํ อุสฺสุกา สงฺฆรนฺติ, อลกฺขิกา พหุํ ธนํ;
สิปฺปวนฺโต อสิปฺปา จ, ลกฺขิวา ตานิ ภฺุชติ.
‘‘สพฺพตฺถ กตปฺุสฺส, อติจฺจฺเว ปาณิโน;
อุปฺปชฺชนฺติ พหู โภคา, อปฺปนายตเนสุปี’’ติ.
ตตฺถ ยํ อุสฺสุกาติ ยํ ธนสงฺฆรเณ อุสฺสุกฺกมาปนฺนา ฉนฺทชาตา กิจฺเฉน พหุํ ธนํ สงฺฆรนฺติ.‘‘เย อุสฺสุกา’’ติปิ ปาโ, เย ปุริสา ¶ ธนสํหรเณ อุสฺสุกา หตฺถิสิปฺปาทิวเสน สิปฺปวนฺโต อสิปฺปา จ อนฺตมโส เวตเนน กมฺมํ กตฺวา พหุํ ธนํ สงฺฆรนฺตีติ อตฺโถ. ลกฺขิวา ตานิ ภฺุชตีติ ตานิ ‘‘พหุํ ธน’’นฺติ วุตฺตานิ ธนานิ ปฺุวา ปุริโส อตฺตโน ปฺุผลํ ปริภฺุชนฺโต กิฺจิ กมฺมํ อกตฺวาปิ ปริภฺุชติ.
อติจฺจฺเว ปาณิโนติ อติจฺจ อฺเ เอว ปาณิโน. เอว-กาโร ปุริมปเทน โยเชตพฺโพ, สพฺพตฺเถว กตปฺุสฺส อฺเ อกตปฺุเ สตฺเต อติกฺกมิตฺวาติ อตฺโถ. อปฺปนายตเนสุปีติ อปิ อนายตเนสุปิ อรตนากเรสุ รตนานิ อสุวณฺณายตนาทีสุ สุวณฺณาทีนิ อหตฺถายตนาทีสุ หตฺถิอาทโยติ สวิฺาณกอวิฺาณกา พหู โภคา อุปฺปชฺชนฺติ ¶ . ตตฺถ มุตฺตามณิอาทีนํ อนากเร อุปฺปตฺติยํ ทุฏฺคามณิอภยมหาราชสฺส วตฺถุ กเถตพฺพํ.
สตฺถา ¶ ปน อิมา คาถา วตฺวา ‘‘คหปติ, อิเมสํ สตฺตานํ ปฺุสทิสํ อฺํ อายตนํ นาม นตฺถิ, ปฺุวนฺตานฺหิ อนากเรสุ รตนานิ อุปฺปชฺชนฺติเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ ธมฺมํ เทเสสิ –
‘‘เอส เทวมนุสฺสานํ, สพฺพกามทโท นิธิ;
ยํ ยเทวาภิปตฺเถนฺติ, สพฺพเมเตน ลพฺภติ.
‘‘สุวณฺณตา สุสรตา, สุสณฺานา สุรูปตา;
อาธิปจฺจปริวาโร, สพฺพเมเตน ลพฺภติ.
‘‘ปเทสรชฺชํ อิสฺสริยํ, จกฺกวตฺติสุขํ ปิยํ;
เทวรชฺชมฺปิ ทิพฺเพสุ, สพฺพเมเตน ลพฺภติ.
‘‘มานุสฺสิกา จ สมฺปตฺติ, เทวโลเก จ ยา รติ;
ยา จ นิพฺพานสมฺปตฺติ, สพฺพเมเตน ลพฺภติ.
‘‘มิตฺตสมฺปทมาคมฺม, โยนิโสว ปยฺุชโต;
วิชฺชาวิมุตฺติวสีภาโว, สพฺพเมเตน ลพฺภติ.
‘‘ปฏิสมฺภิทา วิโมกฺขา จ, ยา จ สาวกปารมี;
ปจฺเจกโพธิ พุทฺธภูมิ, สพฺพเมเตน ลพฺภติ.
‘‘เอวํ มหตฺถิกา เอสา, ยทิทํ ปฺุสมฺปทา;
ตสฺมา ธีรา ปสํสนฺติ, ปณฺฑิตา กตปฺุต’’นฺติ. (ขุ. ปา. ๘.๑๐-๑๖);
อิทานิ ¶ เยสุ อนาถปิณฺฑิกสฺส สิรี ปติฏฺิตา, ตานิ รตนานิ ทสฺเสตุํ ‘‘กุกฺกุโฏ’’ติอาทิมาห.
‘‘กุกฺกุโฏ ¶ มณโย ทณฺโฑ, ถิโย จ ปฺุลกฺขณา;
อุปฺปชฺชนฺติ อปาปสฺส, กตปฺุสฺส ชนฺตุโน’’ติ.
ตตฺถ ทณฺโฑติ อารกฺขยฏฺึ สนฺธาย วุตฺตํ, ถิโยติ เสฏฺิภริยํ ปฺุลกฺขณเทวึ. เสสเมตฺถ อุตฺตานเมว. คาถํ วตฺวา จ ปน ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ราชา อานนฺโท อโหสิ, กุลูปกตาปโส ปน อหเมว สมฺมาสมฺพุทฺโธ อโหสิ’’นฺติ.
สิริชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.
[๒๘๕] ๕. มณิสูกรชาตกวณฺณนา
ทริยา ¶ สตฺต วสฺสานีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สุนฺทรีมารณํ อารพฺภ กเถสิ. เตน โข ปน สมเยน ภควา สกฺกโต โหติ ครุกโตติ วตฺถุ อุทาเน (อุทา. ๓๘) อาคตเมว. อยํ ปเนตฺถ สงฺเขโป – ภควโต กิร ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ ปฺจนฺนํ มหานทีนํ มโหฆสทิเส ลาภสกฺกาเร อุปฺปนฺเน หตลาภสกฺการา อฺติตฺถิยา สูริยุคฺคมนกาเล ขชฺโชปนกา วิย นิปฺปภา หุตฺวา เอกโต สนฺนิปติตฺวา มนฺตยึสุ – ‘‘มยํ สมณสฺส โคตมสฺส อุปฺปนฺนกาลโต ปฏฺาย หตลาภสกฺการา, น โกจิ อมฺหากํ อตฺถิภาวมฺปิ ชานาติ, เกน นุ โข สทฺธึ เอกโต หุตฺวา สมณสฺส โคตมสฺส อวณฺณํ อุปฺปาเทตฺวา ลาภสกฺการมสฺส อนฺตรธาเปยฺยามา’’ติ. อถ เนสํ เอตทโหสิ – ‘‘สุนฺทริยา สทฺธึ เอกโต หุตฺวา สกฺกุณิสฺสามา’’ติ.
เต เอกทิวสํ สุนฺทรึ ติตฺถิยารามํ ปวิสิตฺวา วนฺทิตฺวา ิตํ นาลปึสุ. สา ปุนปฺปุนํ สลฺลปนฺตีปิ ปฏิวจนํ อลภิตฺวา ‘‘อปิ นุ, อยฺยา, ตุมฺเห เกนจิ วิเหิตาตฺถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘กึ, ภคินิ, สมณํ โคตมํ อมฺเห วิเหเตฺวา หตลาภสกฺกาเร กตฺวา วิจรนฺตํ น ปสฺสสี’’ติ. สา เอวมาห – ‘‘มยา เอตฺถ กึ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ? ตฺวํ โขสิ, ภคินิ, อภิรูปา โสภคฺคปฺปตฺตา, สมณสฺส โคตมสฺส อยสํ อาโรเปตฺวา มหาชนํ ตว กถํ ¶ คาหาเปตฺวา หตลาภสกฺการํ กโรหี’’ติ? สา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา วนฺทิตฺวา ปกฺกนฺตา. ตโต ปฏฺาย มาลาคนฺธวิเลปนกปฺปูรกฏุกผลาทีนิ คเหตฺวา สายํ มหาชนสฺส สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา นครํ ปวิสนกาเล เชตวนาภิมุขี คจฺฉติ. ‘‘กหํ คจฺฉสี’’ติ จ ปุฏฺา ‘‘สมณสฺส โคตมสฺส สนฺติกํ, อหฺหิ เตน สทฺธึ เอกคนฺธกุฏิยํ วสามี’’ติ วตฺวา อฺตรสฺมึ ¶ ติตฺถิยาราเม วสิตฺวา ปาโตว เชตวนมคฺคํ โอตริตฺวา นคราภิมุขี คจฺฉติ. ‘‘กึ, สุนฺทริ, กหํ คตาสี’’ติ จ ปุฏฺา ‘‘สมเณน โคตเมน สทฺธึ เอกคนฺธกุฏิยํ วสิตฺวา ตํ กิเลสรติยา รมาเปตฺวา อาคตามฺหี’’ติ วทติ.
อถ นํ กติปาหจฺจเยน ธุตฺตานํ กหาปเณ ทตฺวา ‘‘คจฺฉถ สุนฺทรึ มาเรตฺวา สมณสฺส โคตมสฺส คนฺธกุฏิยา สมีเป มาลากจวรนฺตเร นิกฺขิปิตฺวา ¶ เอถา’’ติ วทึสุ, เต ตถา อกํสุ. ตโต ติตฺถิยา ‘‘สุนฺทรึ น ปสฺสามา’’ติ โกลาหลํ กตฺวา รฺโ อาโรเจตฺวา ‘‘กหํ โว อาสงฺกา’’ติ วุตฺตา ‘‘อิเมสุ ทิวเสสุ เชตวเน วสติ, ตตฺรสฺสา ปวตฺตึ น ชานามา’’ติ วตฺวา ‘‘เตน หิ คจฺฉถ, นํ วิจินถา’’ติ รฺา อนฺุาตา อตฺตโน อุปฏฺาเก คเหตฺวา เชตวนํ คนฺตฺวา วิจินนฺตา มาลากจวรนฺตเร ทิสฺวา มฺจกํ อาโรเปตฺวา นครํ ปเวเสตฺวา ‘‘สมณสฺส โคตมสฺส สาวกา ‘สตฺถารา กตปาปกมฺมํ ปฏิจฺฉาเทสฺสามา’ติ สุนฺทรึ มาเรตฺวา มาลากจวรนฺตเร นิกฺขิปึสู’’ติ รฺโ อาโรเจสุํ, ราชา ‘‘เตน หิ คจฺฉถ, นครํ อาหิณฺฑถา’’ติ อาห. เต นครวีถีสุ ‘‘ปสฺสถ สมณานํ สกฺยปุตฺติยานํ กมฺม’’นฺติอาทีนิ วิรวิตฺวา ปุน รฺโ นิเวสนทฺวารํ อคมํสุ.
ราชา สุนฺทริยา สรีรํ อามกสุสาเน อฏฺฏกํ อาโรเปตฺวา รกฺขาเปสิ. สาวตฺถิวาสิโน เปตฺวา อริยสาวเก เสสา เยภุยฺเยน ‘‘ปสฺสถ สมณานํ สกฺยปุตฺติยานํ กมฺม’’นฺติอาทีนิ วตฺวา อนฺโตนคเร จ พหินคเร จ ภิกฺขู อกฺโกสนฺตา ปริภาสนฺตา วิจรนฺติ. ภิกฺขู ตํ ปวตฺตึ ตถาคตสฺส อาโรเจสุํ. สตฺถา ‘‘เตน หิ ตุมฺเหปิ เต มนุสฺเส เอวํ ปฏิโจเทถา’’ติ –
‘‘อภูตวาที นิรยํ อุเปติ, โย วาปิ กตฺวา น กโรมิ จาห;
อุโภปิ ¶ เต เปจฺจ สมา ภวนฺติ, นิหีนกมฺมา มนุชา ปรตฺถา’’ติ. (อุทา. ๓๘) –
อิมํ คาถมาห.
ราชา ‘‘สุนฺทริยา อฺเหิ มาริตภาวํ ชานาถา’’ติ ปุริเส เปเสสิ. เตปิ โข ธุตฺตา เตหิ กหาปเณหิ สุรํ ปิวนฺตา อฺมฺํ กลหํ กโรนฺติ. ตตฺเถโก เอวมาห – ‘‘ตฺวํ สุนฺทรึ เอกปฺปหาเรเนว มาเรตฺวา มาลากจวรนฺตเร นิกฺขิปิตฺวา ตโต ลทฺธกหาปเณหิ สุรํ ปิวสิ, โหตุ โหตู’’ติ. ราชปุริสา เต ธุตฺเต คเหตฺวา รฺโ ทสฺเสสุํ. อถ เต ราชา ‘‘ตุมฺเหหิ ¶ มาริตา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, เทวา’’ติ. ‘‘เกหิ มาราปิตา’’ติ? ‘‘อฺติตฺถิเยหิ, เทวา’’ติ. ราชา ¶ ติตฺถิเย ปกฺโกสาเปตฺวา สุนฺทรึ อุกฺขิปาเปตฺวา ‘‘คจฺฉถ ตุมฺเห, เอวํ วทนฺตา นครํ อาหิณฺฑถ ‘อยํ สุนฺทรี สมณสฺส โคตมสฺส อวณฺณํ อาโรเปตุกาเมหิ อมฺเหหิ มาราปิตา, เนว สมณสฺส โคตมสฺส, น โคตมสาวกานํ โทโส อตฺถิ, อมฺหากํเยว โทโส’’’ติ อาณาเปสิ. เต ตถา อกํสุ. พาลมหาชโน ตทา สทฺทหิ, ติตฺถิยาปิ ปุริสวธทณฺเฑน ปลิพุทฺธา. ตโต ปฏฺาย พุทฺธานํ มหนฺตตโร ลาภสกฺกาโร อโหสิ.
อเถกทิวสํ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, ติตฺถิยา ‘พุทฺธานํ กาฬกภาวํ อุปฺปาเทสฺสามา’ติ สยํ กาฬกา ชาตา, พุทฺธานํ ปน มหนฺตตโร ลาภสกฺกาโร อุทปาที’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, สกฺกา พุทฺธานํ สํกิเลสํ อุปฺปาเทตุํ, พุทฺธานํ สํกิลิฏฺภาวกรณํ นาม ชาติมณิโน กิลิฏฺภาวกรณสทิสํ, ปุพฺเพ ชาติมณึ ‘กิลิฏฺํ กริสฺสามา’ติ วายมนฺตาปิ นาสกฺขึสุ กิลิฏฺํ กาตุ’’นฺติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต เอกสฺมึ คามเก พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต กาเมสุ อาทีนวํ ทิสฺวา นิกฺขมิตฺวา หิมวนฺตปเทเส ติสฺโส ปพฺพตราชิโย อติกฺกมิตฺวา ตาปโส หุตฺวา ปณฺณสาลายํ วสิ. ตสฺสา อวิทูเร มณิคุหา อโหสิ, ตตฺถ ตึสมตฺตา สูกรา วสนฺติ, คุหาย อวิทูเร เอโก สีโห จรติ, ตสฺส มณิมฺหิ ¶ ฉายา ปฺายติ. สูกรา สีหจฺฉายํ ทิสฺวา ภีตา อุตฺรสฺตา อปฺปมํสโลหิตา อเหสุํ. เต ‘‘อิมสฺส มณิโน วิปฺปสนฺนตฺตา อยํ ฉายา ปฺายติ, อิมํ มณึ สํกิลิฏฺํ วิวณฺณํ กโรมา’’ติ จินฺเตตฺวา อวิทูเร เอกํ สรํ คนฺตฺวา กลเล ปวฏฺเฏตฺวา อาคนฺตฺวา ตํ มณึ ฆํสนฺติ. โส สูกรโลเมหิ ฆํสิยมาโน วิปฺปสนฺนตโร อโหสิ. สูกรา อุปายํ อปสฺสนฺตา ‘‘อิมสฺส มณิโน วิวณฺณกรณูปายํ ตาปสํ ปุจฺฉิสฺสามา’’ติ โพธิสตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ ิตา ปุริมา ทฺเว คาถา อุทาหรึสุ –
‘‘ทริยา สตฺต วสฺสานิ, ตึสมตฺตา วสามเส;
หฺาม มณิโน อาภํ, อิติ โน มนฺตรํ อหุ.
‘‘ยาวตา ¶ ¶ มณึ ฆํสาม, ภิยฺโย โวทายเต มณิ;
อิทฺจทานิ ปุจฺฉาม, กึ กิจฺจํ อิธ มฺสี’’ติ.
ตตฺถ ทริยาติ มณิคุหายํ. วสามเสติ วสาม. หฺามาติ หนิสฺสาม, มยมฺปิ วิวณฺณํ กริสฺสาม. อิทฺจทานิ ปุจฺฉามาติ อิทานิ มยํ ‘‘เกน การเณน อยํ มณิ กิลิสฺสมาโน โวทายเต’’ติ อิทํ ตํ ปุจฺฉาม. ‘‘กึ กิจฺจํ ‘อิธ มฺสี’ติ อิมสฺมึ อตฺเถ ตฺวํ อิมํ กิจฺจํ กินฺติ มฺสี’’ติ.
อถ เนสํ อาจิกฺขนฺโต โพธิสตฺโต ตติยํ คาถมาห –
‘‘อยํ มณิ เวฬุริโย, อกาโจ วิมโล สุโภ;
นาสฺส สกฺกา สิรึ หนฺตุํ, อปกฺกมถ สูกรา’’ติ.
ตตฺถ อกาโจติ อกกฺกโส. สุโภติ โสภโน. สิรินฺติ ปภํ. อปกฺกมถาติ อิมสฺส มณิสฺส ปภา นาเสตุํ น สกฺกา, ตุมฺเห ปน อิมํ มณิคุหํ ปหาย อฺตฺถ คจฺฉถาติ.
เต ตสฺส กถํ สุตฺวา ตถา อกํสุ. โพธิสตฺโต ฌานํ อุปฺปาเทตฺวา พฺรหฺมโลกปรายโณ อโหสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ตาปโส อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
มณิสูกรชาตกวณฺณนา ปฺจมา.
[๒๘๖] ๖. สาลูกชาตกวณฺณนา
มา ¶ สาลูกสฺส ปิหยีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ถุลฺลกุมาริกาปโลภนํ อารพฺภ กเถสิ. ตํ จูฬนารทกสฺสปชาตเก (ชา. ๑.๑๓.๔๐ อาทโย) อาวิภวิสฺสติ. ตํ ปน ภิกฺขุํ สตฺถา ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, ภิกฺขุ, อุกฺกณฺิโตสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘โก ตํ อุกฺกณฺาเปตี’’ติ? ‘‘ถุลฺลกุมาริกา, ภนฺเต’’ติ. สตฺถา ‘‘เอสา เต ภิกฺขุ ¶ อนตฺถการิกา, ปุพฺเพปิ ตฺวํ เอติสฺสา วิวาหตฺถาย อาคตปริสาย อุตฺตริภงฺโค อโหสี’’ติ วตฺวา ภิกฺขูหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต ¶ พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต มหาโลหิตโคโณ นาม อโหสิ, กนิฏฺภาตา ปนสฺส จูฬโลหิโต นาม. อุโภปิ โคณา คามเก เอกสฺมึ กุเล กมฺมํ กโรนฺติ. ตสฺส กุลสฺส เอกา วยปฺปตฺตา กุมาริกา อตฺถิ, ตํ อฺกุลํ วาเรสิ. อถ นํ กุลํ ‘‘วิวาหกาเล อุตฺตริภงฺโค ภวิสฺสตี’’ติ สาลูกํ นาม สูกรํ ยาคุภตฺเตน ปฏิชคฺคิ, โส เหฏฺามฺเจ สยติ. อเถกทิวสํ จูฬโลหิโต ภาตรํ อาห – ‘‘ภาติก, มยํ อิมสฺมึ กุเล กมฺมํ กโรม, อมฺเห นิสฺสาย อิมํ กุลํ ชีวติ, อถ จ ปนิเม มนุสฺสา อมฺหากํ ติณปลาลมตฺตํ เทนฺติ, อิมํ สูกรํ ยาคุภตฺเตน โปเสนฺติ, เหฏฺามฺเจ สยาเปนฺติ, กึ นาเมส เอเตสํ กริสฺสตี’’ติ. มหาโลหิโต ‘‘ตาต, มา ตฺวํ เอตสฺส ยาคุภตฺตํ ปตฺถย, เอติสฺสา กุมาริกาย วิวาหทิวเส เอตํ อุตฺตริภงฺคํ กาตุกามา เอเต มํสสฺส ถูลภาวกรณตฺถํ โปเสนฺติ, กติปาหจฺจเยน ตํ ปสฺสิสฺสสิ เหฏฺามฺจโต นิกฺขาเมตฺวา วธิตฺวา ขณฺฑาขณฺฑิกํ ฉินฺทิตฺวา อาคนฺตุกภตฺตํ กริยมาน’’นฺติ วตฺวา ปุริมา ทฺเว คาถา สมุฏฺาเปสิ –
‘‘มา ¶ สาลูกสฺส ปิหยิ, อาตุรนฺนานิ ภฺุชติ;
อปฺโปสฺสุกฺโก ภุสํ ขาท, เอตํ ทีฆายุลกฺขณํ.
‘‘อิทานิ โส อิธาคนฺตฺวา, อติถี ยุตฺตเสวโก;
อถ ทกฺขสิ สาลูกํ, สยนฺตํ มุสลุตฺตร’’นฺติ.
ตตฺถายํ สงฺเขปตฺโถ – ตาต, ตฺวํ มา สาลูกสูกรภาวํ ปตฺถยิ, อยฺหิ อาตุรนฺนานิ มรณโภชนานิ ภฺุชติ, ยานิ ภฺุชิตฺวา นจิรสฺเสว มรณํ ปาปุณิสฺสติ, ตฺวํ ปน อปฺโปสฺสุกฺโก นิราลโย หุตฺวา อตฺตนา ลทฺธํ อิมํ ปลาลมิสฺสกํ ภุสํ ขาท, เอตํ ทีฆายุภาวสฺส ลกฺขณํ สฺชานนนิมิตฺตํ. อิทานิ กติปาหสฺเสว โส เววาหิกปุริโส มหติยา ปริสาย ยุตฺโต ยุตฺตเสวโก อิธ อติถิ หุตฺวา อาคโต ภวิสฺสติ, อเถตํ สาลูกํ มุสลสทิเสน อุตฺตโรฏฺเน สมนฺนาคตตฺตา มุสลุตฺตรํ มาริตํ สยนฺตํ ทกฺขสีติ.
ตโต กติปาหสฺเสว เววาหิเกสุ อาคเตสุ สาลูกํ มาเรตฺวา อุตฺตริภงฺคมกํสุ. อุโภ โคณา ¶ ตํ ตสฺส วิปตฺตึ ทิสฺวา ‘‘อมฺหากํ ¶ ภุสเมว วร’’นฺติ จินฺตยึสุ. สตฺถา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา ตทตฺถโชติกํ ตติยํ คาถมาห –
‘‘วิกนฺตํ สูกรํ ทิสฺวา, สยนฺตํ มุสลุตฺตรํ;
ชรคฺควา วิจินฺเตสุํ, วรมฺหากํ ภุสามิวา’’ติ.
ตตฺถ ภุสามิวาติ ภุสเมว อมฺหากํ วรํ อุตฺตมนฺติ อตฺโถ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน โส ภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ‘‘ตทา กุมาริกา เอตรหิ ถุลฺลกุมาริกา อโหสิ, สาลูโก อุกฺกณฺิตภิกฺขุ, จูฬโลหิโต อานนฺโท, มหาโลหิโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
สาลูกชาตกวณฺณนา ฉฏฺา.
[๒๘๗] ๗. ลาภครหชาตกวณฺณนา
นานุมฺมตฺโตติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สาริปุตฺตตฺเถรสฺส สทฺธิวิหาริกํ อารพฺภ กเถสิ. เถรสฺส กิร สทฺธิวิหาริโก ¶ เถรํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺโน ‘‘ลาภุปฺปตฺติปฏิปทํ เม, ภนฺเต, กเถถ, กึ กโรนฺโต จีวราทีนํ ลาภี โหตี’’ติ ปุจฺฉิ. อถสฺส เถโร ‘‘อาวุโส, จตูหงฺเคหิ สมนฺนาคตสฺส ลาภสกฺกาโร อุปฺปชฺชติ, อตฺตโน อพฺภนฺตเร หิโรตฺตปฺปํ ภินฺทิตฺวา สามฺํ ปหาย อนุมฺมตฺเตเนว อุมฺมตฺเตน วิย ภวิตพฺพํ, ปิสุณวาจา วตฺตพฺพา, นฏสทิเสน ภวิตพฺพํ, วิกิณฺณวาเจน กุตูหเลน ภวิตพฺพ’’นฺติ อิมํ ลาภุปฺปตฺติปฏิปทํ กเถสิ. โส ตํ ปฏิปทํ ครหิตฺวา อุฏฺาย ปกฺกนฺโต. เถโร สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา ตํ ปวตฺตึ อาจิกฺขิ. สตฺถา ‘‘เนโส, สาริปุตฺต, ภิกฺขุ อิทาเนว ลาภํ ครหติ, ปุพฺเพเปส ครหิเยวา’’ติ วตฺวา เถเรน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต โสฬสวสฺสิกกาเลเยว ติณฺณํ เวทานํ อฏฺารสนฺนฺจ สิปฺปานํ ปริโยสานํ ปตฺวา ทิสาปาโมกฺโข อาจริโย ¶ หุตฺวา ปฺจ มาณวกสตานิ สิปฺปํ วาเจสิ. ตตฺเรโก มาณโว สีลาจารสมฺปนฺโน เอกทิวสํ อาจริยํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘กถํ อิเมสํ สตฺตานํ ลาโภ อุปฺปชฺชตี’’ติ ¶ ลาภุปฺปตฺติปฏิปทํ ปุจฺฉิ. อาจริโย ‘‘ตาต, อิเมสํ สตฺตานํ จตูหิ การเณหิ ลาโภ อุปฺปชฺชตี’’ติ วตฺวา ปมํ คาถมาห –
‘‘นานุมฺมตฺโต นาปิสุโณ, นานโฏ นากุตูหโล;
มูฬฺเหสุ ลภเต ลาภํ, เอสา เต อนุสาสนี’’ติ.
ตตฺถ นานุมฺมตฺโตติ น อนุมฺมตฺโต. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา อุมฺมตฺตโก นาม อิตฺถิปุริสทาริกทารเก ทิสฺวา เตสํ วตฺถาลงฺการาทีนิ วิลุมฺปติ, ตโต ตโต มจฺฉมํสปูวาทีนิ พลกฺกาเรน คเหตฺวา ขาทติ, เอวเมว โย คิหิภูโต อชฺฌตฺตพหิทฺธสมุฏฺานํ หิโรตฺตปฺปํ ปหาย กุสลากุสลํ อคเณตฺวา นิรยภยํ อภายนฺโต โลภาภิภูโต ปริยาทิณฺณจิตฺโต กาเมสุ ปมตฺโต สนฺธิจฺเฉทาทีนิ สาหสิกกมฺมานิ กโรติ, ปพฺพชิโตปิ หิโรตฺตปฺปํ ปหาย กุสลากุสลํ อคเณตฺวา นิรยภยํ อภายนฺโต สตฺถารา ปฺตฺตํ สิกฺขาปทํ มทฺทนฺโต โลเภน อภิภูโต ปริยาทิณฺณจิตฺโต จีวราทิมตฺตํ นิสฺสาย อตฺตโน สามฺํ วิชหิตฺวา ปมตฺโต เวชฺชกมฺมทูตกมฺมาทีนิ กโรติ, เวฬุทานาทีนิ นิสฺสาย ชีวิกํ กปฺเปติ, อยํ อนุมฺมตฺโตปิ อุมฺมตฺตสทิสตฺตา อุมฺมตฺโต นาม ¶ , เอวรูปสฺส ขิปฺปํ ลาโภ อุปฺปชฺชติ. โย ปน เอวํ อนุมฺมตฺโต ลชฺชี กุกฺกุจฺจโก, เอส มูฬฺเหสุ อปณฺฑิเตสุ ปุริเสสุ ลาภํ น ลภติ, ตสฺมา ลาภตฺถิเกน อุมฺมตฺตเกน วิย ภวิตพฺพนฺติ.
นาปิสุโณติ เอตฺถาปิ โย ปิสุโณ โหติ, ‘‘อสุเกน อิทํ นาม กต’’นฺติ ราชกุเล เปสฺุํ อุปสํหรติ, โส อฺเสํ ยสํ อจฺฉินฺทิตฺวา อตฺตโน คณฺหาติ. ราชาโนปิ นํ ‘‘อยํ อมฺเหสุ สสสฺเนโห’’ติ อุจฺเจ าเน เปนฺติ, อมจฺจาทโยปิสฺส ‘‘อยํ โน ราชกุเล ปริภินฺเทยฺยา’’ติ ภเยน ทาตพฺพํ มฺนฺติ, เอวํ เอตรหิ ปิสุณสฺส ลาโภ อุปฺปชฺชติ. โย ปน อปิสุโณ, โส มูฬฺเหสุ ลาภํ น ลภตีติ เอวมตฺโถ เวทิตพฺโพ.
นานโฏติ ลาภํ อุปฺปาเทนฺเตน นเฏน วิย ภวิตพฺพํ. ยถา นโฏ หิโรตฺตปฺปํ ปหาย นจฺจคีตวาทิเตหิ กีฬํ กตฺวา ธนํ สํหรติ, เอวเมว ลาภตฺถิเกน ¶ หิโรตฺตปฺปํ ภินฺทิตฺวา อิตฺถิปุริสทาริกทารกานํ โสณฺฑสหาเยน วิย นานปฺปการํ เกฬึ กโรนฺเตน วิจริตพฺพํ. โย เอวํ อนโฏ, โส มูฬฺเหสุ ลาภํ น ลภติ.
นากุตูหโลติ ¶ กุตูหโล นาม วิปฺปกิณฺณวาโจ. ราชาโน หิ อมจฺเจ ปุจฺฉนฺติ – ‘‘อสุกฏฺาเน กิร ‘มนุสฺโส มาริโต, ฆรํ วิลุตฺตํ, ปเรสํ ทารา ปธํสิตา’ติ สุยฺยติ, เกสํ นุ โข อิทํ กมฺม’’นฺติ. ตตฺถ เสเสสุ อกเถนฺเตสุเยว โย อุฏฺหิตฺวา ‘‘อสุโก จ อสุโก จ นามา’’ติ วทติ, อยํ กุตูหโล นาม. ราชาโน ตสฺส วจเนน เต ปุริเส ปริเยสิตฺวา นิเสเธตฺวา ‘‘อิมํ นิสฺสาย โน นครํ นิจฺโจรํ ชาต’’นฺติ ตสฺส มหนฺตํ ยสํ เทนฺติ, เสสาปิ ชนา ‘‘อยํ โน ราชปุริเสหิ ปุฏฺโ สุยุตฺตทุยุตฺตํ กเถยฺยา’’ติ ภเยน ตสฺเสว ธนํ เทนฺติ, เอวํ กุตูหลสฺส ลาโภ อุปฺปชฺชติ. โย ปน อกุตูหโล, เอส น มูฬฺเหสุ ลภติ ลาภํ. เอสา เต อนุสาสนีติ เอสา อมฺหากํ สนฺติกา ตุยฺหํ ลาภานุสิฏฺีติ.
อนฺเตวาสิโก อาจริยสฺส กถํ สุตฺวา ลาภํ ครหนฺโต –
‘‘ธิรตฺถุ ตํ ยสลาภํ, ธนลาภฺจ พฺราหฺมณ;
ยา วุตฺติ วินิปาเตน, อธมฺมจรเณน วา.
‘‘อปิ เจ ปตฺตมาทาย, อนคาโร ปริพฺพเช;
เอสาว ชีวิกา เสยฺโย, ยา จาธมฺเมน เอสนา’’ติ. – คาถาทฺวยมาห;
ตตฺถ ยา วุตฺตีติ ยา ชีวิตวุตฺติ. วินิปาเตนาติ อตฺตโน วินิปาเตน. อธมฺมจรเณนาติ อธมฺมกิริยาย วิสมกิริยาย วธพนฺธนครหาทีหิ อตฺตานํ วินิปาเตตฺวา อธมฺมํ จริตฺวา ยา วุตฺติ, ตฺจ ยสธนลาภฺจ ¶ สพฺพํ ธิรตฺถุ นินฺทามิ ครหามิ, น เม เอเตนตฺโถติ อธิปฺปาโย. ปตฺตมาทายาติ ภิกฺขาภาชนํ คเหตฺวา. อนคาโร ปริพฺพเชติ อเคโห ปพฺพชิโต หุตฺวา จเรยฺย, น จ สปฺปุริโส กายทุจฺจริตาทิวเสน อธมฺมจริยํ จเรยฺย. กึการณา? เอสาว ชีวิกา เสยฺโย. ยา จาธมฺเมน เอสนาติ, ยา ¶ เอสา อธมฺเมน ชีวิกปริเยสนา, ตโต เอสา ปตฺตหตฺถสฺส ปรกุเลสุ ภิกฺขาจริยาว เสยฺโย, สตคุเณน สหสฺสคุเณน สุนฺทรตโรติ ทสฺเสติ.
เอวํ มาณโว ปพฺพชฺชาย คุณํ วณฺเณตฺวา นิกฺขมิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ธมฺเมน ภิกฺขํ ปริเยสนฺโต อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา พฺรหฺมโลกปรายโณ อโหสิ.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา มาณโว ลาภครหี ภิกฺขุ อโหสิ, อาจริโย ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
ลาภครหชาตกวณฺณนา สตฺตมา.
[๒๘๘] ๘. มจฺฉุทฺทานชาตกวณฺณนา
อคฺฆนฺติ มจฺฉาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ กูฏวาณิชํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ เหฏฺา กถิตเมว.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต กุฏุมฺพิกกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วิฺุตํ ปตฺโต กุฏุมฺพํ สณฺเปสิ. กนิฏฺภาตาปิสฺส อตฺถิ, เตสํ อปรภาเค ปิตา กาลกโต. เต เอกทิวสํ ‘‘ปิตุ สนฺตกํ โวหารํ สาเธสฺสามา’’ติ เอกํ คามํ คนฺตฺวา กหาปณสหสฺสํ ลภิตฺวา อาคจฺฉนฺตา นทีติตฺเถ นาวํ ปฏิมาเนนฺตา ปุฏภตฺตํ ภฺุชึสุ. โพธิสตฺโต อติเรกภตฺตํ คงฺคาย มจฺฉานํ ทตฺวา นทีเทวตาย ปตฺตึ อทาสิ. เทวตา ปตฺตึ อนุโมทิตฺวาเยว ทิพฺเพน ยเสน วฑฺฒิตฺวา อตฺตโน ยสวุฑฺฒึ อาวชฺชมานา ตํ การณํ อฺาสิ. โพธิสตฺโตปิ วาลิกายํ ¶ อุตฺตราสงฺคํ ปตฺถริตฺวา นิปนฺโน นิทฺทํ โอกฺกมิ, กนิฏฺภาตา ปนสฺส โถกํ โจรปกติโก. โส เต กหาปเณ โพธิสตฺตสฺส อทตฺวา สยเมว คณฺหิตุกามตาย กหาปณภณฺฑิกสทิสํ เอกํ สกฺขรภณฺฑิกํ กตฺวา ทฺเวปิ ภณฺฑิกา เอกโตว เปสิ. เตสํ นาวํ อภิรุหิตฺวา คงฺคามชฺฌคตานํ กนิฏฺโ นาวํ โขเภตฺวา ‘‘สกฺขรภณฺฑิกํ อุทเก ¶ ขิปิสฺสามี’’ติ สหสฺสภณฺฑิกํ ขิปิตฺวา ‘‘ภาติก, สหสฺสภณฺฑิกา อุทเก ปติตา, กินฺติ กโรมา’’ติ อาห. ‘‘อุทเก ปติตาย กึ กริสฺสาม, มา จินฺตยี’’ติ. นทีเทวตา จินฺเตสิ – ‘‘อหํ อิมินา ทินฺนปตฺตึ อนุโมทิตฺวา ทิพฺพยเสน วฑฺฒิตฺวา เอตสฺส สนฺตกํ รกฺขิสฺสามี’’ติ อตฺตโน อานุภาเวน ตํ ภณฺฑิกํ เอกํ มหามจฺฉํ คิลาเปตฺวา สยํ อารกฺขํ คณฺหิ. โสปิ โจโร เคหํ คนฺตฺวา ‘‘ภาตา เม วฺจิโต’’ติ ภณฺฑิกํ โมเจนฺโต สกฺขรา ปสฺสิตฺวา หทเยน สุสฺสนฺเตน มฺจสฺส อฏนึ อุปคูหิตฺวา นิปชฺชิ.
ตทา เกวฏฺฏา มจฺฉคหณตฺถาย ชาลํ ขิปึสุ. โส มจฺโฉ เทวตานุภาเวน ชาลํ ปาวิสิ. เกวฏฺฏา ตํ คเหตฺวา วิกฺกิณิตุํ นครํ ปวิฏฺา. มนุสฺสา มหามจฺฉํ ทิสฺวา มูลํ ปุจฺฉนฺติ. เกวฏฺฏา ‘‘กหาปณสหสฺสฺจ สตฺต จ มาสเก ทตฺวา คณฺหถา’’ติ วทนฺติ. มนุสฺสา ‘‘สหสฺสคฺฆนกมจฺโฉปิ ¶ โน ทิฏฺโ’’ติ ปริหาสํ กโรนฺติ. เกวฏฺฏา มจฺฉํ คเหตฺวา โพธิสตฺตสฺส ฆรทฺวารํ คนฺตฺวา ‘‘อิมํ มจฺฉํ คณฺหถา’’ติ อาหํสุ. ‘‘กิมสฺส มูล’’นฺติ? ‘‘สตฺต มาสเก ทตฺวา คณฺหถา’’ติ. ‘‘อฺเสํ ททมานา กถํ เทถา’’ติ? ‘‘อฺเสํ สหสฺเสน จ สตฺตหิ จ มาสเกหิ เทม, ตุมฺเห ปน สตฺต มาสเก ทตฺวา คณฺหถา’’ติ. โส เตสํ สตฺต มาสเก ทตฺวา มจฺฉํ ภริยาย เปเสสิ. สา มจฺฉสฺส กุจฺฉึ ผาลยมานา สหสฺสภณฺฑิกํ ทิสฺวา โพธิสตฺตสฺส ¶ อาโรเจสิ. โพธิสตฺโต ตํ โอโลเกตฺวา อตฺตโน ลฺฉํ ทิสฺวา สกสนฺตกภาวํ ตฺวา ‘‘อิทานิ อิเม เกวฏฺฏา อิมํ มจฺฉํ อฺเสํ ททมานา สหสฺเสน เจว สตฺตหิ จ มาสเกหิ เทนฺติ, อมฺเห ปน ปตฺวา สหสฺสสฺส อมฺหากํ สนฺตกตฺตา สตฺเตว มาสเก คเหตฺวา อทํสุ, อิทํ อนฺตรํ อชานนฺตํ น สกฺกา กฺจิ สทฺทหาเปตุ’’นฺติ จินฺเตตฺวา ปมํ คาถมาห –
‘‘อคฺฆนฺติ มจฺฉา อธิกํ สหสฺสํ, น โส อตฺถิ โย อิมํ สทฺทเหยฺย;
มยฺหฺจ อสฺสุ อิธ สตฺต มาสา, อหมฺปิ ตํ มจฺฉุทฺทานํ กิเณยฺย’’นฺติ.
ตตฺถ อธิกนฺติ อฺเหิ ปุจฺฉิตา เกวฏฺฏา ‘‘สตฺตมาสาธิกํ สหสฺสํ อคฺฆนฺตี’’ติ วทนฺติ. น โส อตฺถิ โย อิมํ สทฺทเหยฺยาติ โส ปุริโส น ¶ อตฺถิ, โย อิมํ การณํ ปจฺจกฺขโต อชานนฺโต มม วจเนน สทฺทเหยฺย, เอตฺตกํ วา มจฺฉา อคฺฆนฺตีติ โย อิมํ สทฺทเหยฺย, โส นตฺถิ, ตสฺมาเยว เต อฺเหิ น คหิตาติปิ อตฺโถ. มยฺหฺจ อสฺสูติ มยฺหํ ปน สตฺต มาสกา อเหสุํ. มจฺฉุทฺทานนฺติ มจฺฉวคฺคํ. เตน หิ มจฺเฉน สทฺธึ อฺเปิ มจฺฉา เอกโต พทฺธา ตํ สกลมฺปิ มจฺฉุทฺทานํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. กิเณยฺยนฺติ กิณึ, สตฺเตว มาสเก ทตฺวา เอตฺตกํ มจฺฉวคฺคํ คณฺหินฺติ อตฺโถ.
เอวฺจ ปน วตฺวา อิทํ จินฺเตสิ – ‘‘กึ นุ โข นิสฺสาย มยา เอเต กหาปณา ลทฺธา’’ติ? ตสฺมึ ขเณ นทีเทวตา อากาเส ทิสฺสมานรูเปน ตฺวา ‘‘อหํ, คงฺคาเทวตา, ตยา มจฺฉานํ อติเรกภตฺตํ ทตฺวา มยฺหํ ปตฺติ ทินฺนา, เตนาหํ ตว สนฺตกํ รกฺขนฺตี อาคตา’’ติ ทีปยมานา คาถมาห –
‘‘มจฺฉานํ โภชนํ ทตฺวา, มม ทกฺขิณมาทิสิ;
ตํ ทกฺขิณํ สรนฺติยา, กตํ อปจิตึ ตยา’’ติ.
ตตฺถ ¶ ¶ ทกฺขิณนฺติ อิมสฺมึ าเน ปตฺติทานํ ทกฺขิณา นาม. สรนฺติยา กตํ อปจิตึ ตยาติ ตํ ตยา มยฺหํ กตํ อปจิตึ สรนฺติยา มยา อิทํ ตว ธนํ รกฺขิตนฺติ อตฺโถ.
อิทํ วตฺวา จ ปน สา เทวตา ตสฺส กนิฏฺเน กตกูฏกมฺมํ สพฺพํ กเถตฺวา ‘‘เอโส อิทานิ หทเยน สุสฺสนฺเตน นิปนฺโน, ทุฏฺจิตฺตสฺส วุฑฺฒิ นาม นตฺถิ, อหํ ปน ‘ตว สนฺตกํ มา นสฺสี’ติ ธนํ เต อาหริตฺวา อทาสึ, อิทํ กนิฏฺโจรสฺส อทตฺวา สพฺพํ ตฺวฺเว คณฺหา’’ติ วตฺวา ตติยํ คาถมาห –
‘‘ปทุฏฺจิตฺตสฺส น ผาติ โหติ, น จาปิ ตํ เทวตา ปูชยนฺติ;
โย ภาตรํ เปตฺติกํ สาปเตยฺยํ, อวฺจยี ทุกฺกฏกมฺมการี’’ติ.
ตตฺถ น ผาติ โหตีติ เอวรูปสฺส ปุคฺคลสฺส อิธโลเก วา ปรโลเก วา วุฑฺฒิ นาม น โหติ. น จาปิ ตนฺติ ตํ ปุคฺคลํ ตสฺส สนฺตกํ รกฺขมานา เทวตา น ปูชยนฺติ.
อิติ ¶ เทวตา มิตฺตทุพฺภิโจรสฺส กหาปเณ อทาตุกามา เอวมาห. โพธิสตฺโต ปน ‘‘น สกฺกา เอวํ กาตุ’’นฺติ ตสฺสปิ ปฺจ กหาปณสตานิ เปเสสิเยว.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน วาณิโช โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ‘‘ตทา กนิฏฺภาตา อิทานิ กูฏวาณิโช, เชฏฺภาตา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
มจฺฉุทฺทานชาตกวณฺณนา อฏฺมา.
[๒๘๙] ๙. นานาฉนฺทชาตกวณฺณนา
นานาฉนฺทา, มหาราชาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อายสฺมโต อานนฺทสฺส อฏฺวรลาภํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ เอกาทสกนิปาเต ชุณฺหชาตเก (ชา. ๑.๑๑.๑๓ อาทโย) อาวิภวิสฺสติ.
อตีเต ¶ ปน โพธิสตฺโต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต ตสฺส อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ ¶ นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคเหตฺวา ปิตุ อจฺจเยน รชฺชํ ปาปุณิ. ตสฺส านโต อปนีโต ปิตุ ปุโรหิโต อตฺถิ. โส ทุคฺคโต หุตฺวา เอกสฺมึ ชรเคเห วสติ. อเถกทิวสํ โพธิสตฺโต อฺาตกเวเสน รตฺติภาเค นครํ ปริคฺคณฺหนฺโต วิจรติ. ตเมนํ กตกมฺมโจรา เอกสฺมึ สุราปาเน สุรํ ปิวิตฺวา อปรมฺปิ ฆเฏนาทาย อตฺตโน เคหํ คจฺฉนฺตา อนฺตรวีถิยํ ทิสฺวา ‘‘อเร โกสิ ตฺว’’นฺติ วตฺวา ปหริตฺวา อุตฺตริสาฏกํ คเหตฺวา ฆฏํ อุกฺขิปาเปตฺวา ตาเสนฺตา คจฺฉึสุ. โสปิ โข พฺราหฺมโณ ตสฺมึ ขเณ นิกฺขมิตฺวา อนฺตรวีถิยํ ิโต นกฺขตฺตํ โอโลเกนฺโต รฺโ อมิตฺตานํ หตฺถคตภาวํ ตฺวา พฺราหฺมณึ อามนฺเตสิ. สา ‘‘กึ, อยฺยา’’ติ วตฺวา เวเคน ตสฺส สนฺติกํ อาคตา. อถ นํ โส อาห – ‘‘โภติ อมฺหากํ ราชา อมิตฺตานํ วสํ คโต’’ติ. ‘‘อยฺย, กึ เต รฺโ สนฺติเก ปวตฺติยา, พฺราหฺมณา ชานิสฺสนฺตี’’ติ.
ราชา ¶ พฺราหฺมณสฺส สทฺทํ สุตฺวา โถกํ คนฺตฺวา ธุตฺเต อาห – ‘‘ทุคฺคโตมฺหิ, สามิ, อุตฺตราสงฺคํ คเหตฺวา วิสฺสชฺเชถ ม’’นฺติ. เต ปุนปฺปุนํ กเถนฺตํ การฺุเน วิสฺสชฺเชสุํ. โส เตสํ วสนเคหํ สลฺลกฺเขตฺวา นิวตฺติ. อถ โปราณกปุโรหิโต พฺราหฺมโณปิ ‘‘โภติ, อมฺหากํ ราชา อมิตฺตหตฺถโต มุตฺโต’’ติ อาห. ราชา ตมฺปิ สุตฺวา ตมฺปิ เคหํ สลฺลกฺเขตฺวา ปาสาทํ อภิรุหิ. โส วิภาตาย รตฺติยา พฺราหฺมเณ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘กึ อาจริยา รตฺตึ นกฺขตฺตํ โอโลกยิตฺถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, เทวา’’ติ. ‘‘กึ โสภน’’นฺติ? ‘‘โสภนํ, เทวา’’ติ. ‘‘โกจิ คาโห นตฺถี’’ติ. ‘‘นตฺถิ, เทวา’’ติ. ราชา ‘‘อสุกเคหโต พฺราหฺมณํ ปกฺโกสถา’’ติ โปราณกปุโรหิตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘กึ, อาจริย, รตฺตึ เต นกฺขตฺตํ ¶ ทิฏฺ’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, เทวา’’ติ. ‘‘อตฺถิ โกจิ คาโห’’ติ. ‘‘อาม, มหาราช, อชฺช รตฺตึ ตุมฺเห อมิตฺตวสํ คนฺตฺวา มุหุตฺเตเนว มุตฺตา’’ติ. ราชา ‘‘นกฺขตฺตชานนเกน นาม เอวรูเปน ภวิตพฺพ’’นฺติ เสสพฺราหฺมเณ นิกฺกฑฺฒาเปตฺวา ‘‘พฺราหฺมณ, ปสนฺโนสฺมิ เต, วรํ ตฺวํ คณฺหา’’ติ อาห. ‘‘มหาราช, ปุตฺตทาเรน สทฺธึ มนฺเตตฺวา คณฺหิสฺสามี’’ติ. ‘‘คจฺฉ มนฺเตตฺวา เอหี’’ติ.
โส คนฺตฺวา พฺราหฺมณิฺจ ปุตฺตฺจ สุณิสฺจ ทาสิฺจ ปกฺโกสิตฺวา ‘‘ราชา เม วรํ ททาติ, กึ คณฺหามา’’ติ ปุจฺฉิ. พฺราหฺมณี ‘‘มยฺหํ เธนุสตํ อาเนหี’’ติ อาห, ปุตฺโต ฉตฺตมาณโว นาม ‘‘มยฺหํ กุมุทวณฺเณหิ จตูหิ สินฺธเวหิ ยุตฺตํ อาชฺรถ’’นฺติ, สุณิสา ‘‘มยฺหํ มณิกุณฺฑลํ อาทึ กตฺวา สพฺพาลงฺการ’’นฺติ, ปุณฺณา นาม ทาสี ‘‘มยฺหํ อุทุกฺขลมุสลฺเจว สุปฺปฺจา’’ติ. พฺราหฺมโณ ปน คามวรํ คเหตุกาโม รฺโ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘กึ ¶ , พฺราหฺมณ, ปุจฺฉิโต เต ปุตฺตทาโร’’ติ ปุฏฺโ ‘‘อาม, เทว, ปุจฺฉิโต, อเนกจฺฉนฺโท’’ติ วตฺวา ปมํ คาถาทฺวยมาห –
‘‘นานาฉนฺทา มหาราช, เอกาคาเร วสามเส;
อหํ คามวรํ อิจฺเฉ, พฺราหฺมณี จ ควํ สตํ.
‘‘ปุตฺโต จ อาชฺรถํ, กฺา จ มณิกุณฺฑลํ;
ยา เจสา ปุณฺณิกา ชมฺมี, อุทุกฺขลํภิกงฺขตี’’ติ.
ตตฺถ ¶ อิจฺเฉติ อิจฺฉามิ. ควํ สตนฺติ เธนูนํ คุนฺนํ สตํ. กฺาติ สุณิสา. ยา เจสาติ ยา เอสา อมฺหากํ ฆเร ปุณฺณิกา นาม ทาสี, สา ชมฺมี ลามิกา สุปฺปมุสเลหิ สทฺธึ อุทุกฺขลํ อภิกงฺขติ อิจฺฉตีติ.
ราชา ‘‘สพฺเพสํ อิจฺฉิติจฺฉิตํ เทถา’’ติ อาณาเปนฺโต –
‘‘พฺราหฺมณสฺส ¶ คามวรํ, พฺราหฺมณิยา ควํ สตํ;
ปุตฺตสฺส อาชฺรถํ, กฺาย มณิกุณฺฑลํ;
ยฺเจตํ ปุณฺณิกํ ชมฺมึ, ปฏิปาเทถุทุกฺขล’’นฺติ. – คาถมาห;
ตตฺถ ยฺเจตนฺติ ยฺจ เอตํ ปุณฺณิกนฺติ วทติ, ตํ ชมฺมึ อุทุกฺขลํ ปฏิปาเทถ สมฺปฏิจฺฉาเปถาติ.
อิติ ราชา พฺราหฺมเณน ปตฺถิตฺจ อฺฺจ มหนฺตํ ยสํ ทตฺวา ‘‘อิโต ปฏฺาย อมฺหากํ กตฺตพฺพกิจฺเจสุ อุสฺสุกฺกํ อาปชฺชา’’ติ วตฺวา พฺราหฺมณํ อตฺตโน สนฺติเก อกาสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา พฺราหฺมโณ อานนฺโท อโหสิ, ราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
นานาฉนฺทชาตกวณฺณนา นวมา.
[๒๙๐] ๑๐. สีลวีมํสกชาตกวณฺณนา
สีลํ ¶ กิเรว กลฺยาณนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ สีลวีมํสกพฺราหฺมณํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ ปน ปจฺจุปฺปนฺนมฺปิ อตีตมฺปิ เหฏฺา เอกกนิปาเต สีลวีมํสกชาตเก (ชา. ๑.๑.๘๖) วิตฺถาริตเมว. อิธ ปน พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต ตสฺส ปุโรหิโต สีลสมฺปนฺโน ‘‘อตฺตโน สีลํ วีมํสิสฺสามี’’ติ เหรฺิกผลกโต ทฺเว ทิวเส เอเกกํ กหาปณํ คณฺหิ. อถ นํ ตติยทิวเส ‘‘โจโร’’ติ คเหตฺวา รฺโ สนฺติกํ นยึสุ. โส อนฺตรามคฺเค อหิตุณฺฑิเก สปฺปํ กีฬาเปนฺเต อทฺทส. อถ นํ ราชา ทิสฺวา ‘‘กสฺมา เอวรูปํ อกาสี’’ติ ปุจฺฉิ ¶ . พฺราหฺมโณ ‘‘อตฺตโน สีลํ วีมํสิตุกามตายา’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อโวจ –
‘‘สีลํ กิเรว กลฺยาณํ, สีลํ โลเก อนุตฺตรํ;
ปสฺส โฆรวิโส นาโค, สีลวาติ น หฺติ.
‘‘โสหํ ¶ สีลํ สมาทิสฺสํ, โลเก อนุมตํ สิวํ;
อริยวุตฺติสมาจาโร, เยน วุจฺจติ สีลวา.
‘‘าตีนฺจ ปิโย โหติ, มิตฺเตสุ จ วิโรจติ;
กายสฺส เภทา สุคตึ, อุปปชฺชติ สีลวา’’ติ.
ตตฺถ สีลนฺติ อาจาโร. กิราติ อนุสฺสวตฺเถ นิปาโต. กลฺยาณนฺติ โสภนํ, ‘‘สีลํ กิเรว กลฺยาณ’’นฺติ เอวํ ปณฺฑิตา วทนฺตีติ อตฺโถ. ปสฺสาติ อตฺตานเมว วทติ. น หฺตีติ ปรมฺปิ น วิเหเติ, ปเรหิปิ น วิเหียติ. สมาทิสฺสนฺติ สมาทิยิสฺสามิ. อนุมตํ สิวนฺติ ‘‘เขมํ นิพฺภย’’นฺติ เอวํ ปณฺฑิเตหิ สมฺปฏิจฺฉิตํ. เยน วุจฺจตีติ เยน สีเลน สีลวา ปุริโส อริยานํ พุทฺธาทีนํ ปฏิปตฺตึ สมาจรนฺโต ‘‘อริยวุตฺติสมาจาโร’’ติ วุจฺจติ, ตมหํ สมาทิยิสฺสามีติ อตฺโถ. วิโรจตีติ ปพฺพตมตฺถเก อคฺคิกฺขนฺโธ วิย วิโรจติ.
เอวํ โพธิสตฺโต ตีหิ คาถาหิ สีลสฺส วณฺณํ ปกาเสนฺโต รฺโ ธมฺมํ เทเสตฺวา ‘‘มหาราช, มม เคเห ปิตุ สนฺตกํ มาตุ สนฺตกํ อตฺตนา อุปฺปาทิตํ ตยา ทินฺนฺจ พหุ ธนํ อตฺถิ ¶ , ปริยนฺโต นาม น ปฺายติ, อหํ ปน สีลํ วีมํสนฺโต เหรฺิกผลกโต กหาปเณ คณฺหึ. อิทานิ มยา อิมสฺมึ โลเก ชาติโคตฺตกุลปเทสานํ ลามกภาโว, สีลสฺเสว จ เชฏฺกภาโว าโต, อหํ ปพฺพชิสฺสามิ, ปพฺพชฺชํ เม อนุชานาหี’’ติ อนุชานาเปตฺวา รฺา ปุนปฺปุนํ ยาจิยมาโนปิ นิกฺขมฺม หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา พฺรหฺมโลกปรายโณ อโหสิ.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา สีลวีมํสโก ปุโรหิโต พฺราหฺมโณ อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
สีลวีมํสกชาตกวณฺณนา ทสมา.
อพฺภนฺตรวคฺโค จตุตฺโถ.
ตสฺสุทฺทานํ –
ทุม กํสวรุตฺตมพฺยคฺฆมิคา, มณโย มณิ สาลุกมวฺหยโน;
อนุสาสนิโยปิ จ มจฺฉวโร, มณิกุณฺฑลเกน กิเรน ทสาติ.
๕. กุมฺภวคฺโค
[๒๙๑] ๑. สุราฆฏชาตกวณฺณนา
สพฺพกามททํ ¶ ¶ กุมฺภนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อนาถปิณฺฑิกสฺส ภาคิเนยฺยํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิร มาตาปิตูนํ สนฺตกา จตฺตาลีส หิรฺโกฏิโย ปานพฺยสเนน นาเสตฺวา เสฏฺิโน สนฺติกํ อคมาสิ. โสปิสฺส ‘‘โวหารํ กโรหี’’ติ สหสฺสํ อทาสิ, ตมฺปิ นาเสตฺวา ปุน อคมาสิ. ปุนสฺส ปฺจ สตานิ ทาเปสิ, ตานิปิ นาเสตฺวา ปุน อาคตสฺส ทฺเว ถูลสาฏเก ทาเปสิ. เตปิ นาเสตฺวา ปุน อาคตํ คีวายํ คาหาเปตฺวา นีหราเปสิ. โส อนาโถ หุตฺวา ปรกุฏฺฏํ นิสฺสาย กาลมกาสิ, ตเมนํ กฑฺฒิตฺวา พหิ ฉฑฺเฑสุํ. อนาถปิณฺฑิโก วิหารํ คนฺตฺวา สพฺพํ ตํ ภาคิเนยฺยสฺส ปวตฺตึ ตถาคตสฺส อาโรเจสิ. สตฺถา ‘‘ตฺวํ เอตํ กถํ สนฺตปฺเปสฺสสิ, ยมหํ ปุพฺเพ สพฺพกามททํ กุมฺภํ ทตฺวาปิ สนฺตปฺเปตุํ นาสกฺขิ’’นฺติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต เสฏฺิกุเล นิพฺพตฺติตฺวา ปิตุ อจฺจเยน เสฏฺิฏฺานํ ลภิ. ตสฺส เคเห ภูมิคตเมว ¶ จตฺตาลีสโกฏิธนํ อโหสิ, ปุตฺโต ปนสฺส เอโกเยว. โพธิสตฺโต ทานาทีนิ ปฺุานิ กตฺวา กาลกโต สกฺโก เทวราชา หุตฺวา นิพฺพตฺติ. อถสฺส ปุตฺโต วีถึ อาวริตฺวา มณฺฑปํ กาเรตฺวา มหาชนปริวุโต นิสีทิตฺวา สุรํ ปาตุํ อารภิ. โส ลงฺฆนธาวนนจฺจคีตาทีนิ กโรนฺตานํ สหสฺสํ สหสฺสํ ททมาโน อิตฺถิโสณฺฑสุราโสณฺฑมํสโสณฺฑาทิภาวํ อาปชฺชิตฺวา ‘‘กฺว คีตํ, กฺว นจฺจํ, กฺว วาทิต’’นฺติ สมชฺชตฺถิโก ปมตฺโต หุตฺวา อาหิณฺฑนฺโต นจิรสฺเสว จตฺตาลีสโกฏิธนํ อุปโภคปริโภคูปกรณานิ ¶ จ วินาเสตฺวา ทุคฺคโต กปโณ ปิโลติกํ นิวาเสตฺวา วิจริ. สกฺโก อาวชฺเชนฺโต ตสฺส ทุคฺคตภาวํ ตฺวา ปุตฺตเปเมน อาคนฺตฺวา สพฺพกามททํ กุมฺภํ ทตฺวา ‘‘ตาต, ยถา อยํ กุมฺโภ น ภิชฺชติ, ตถา นํ รกฺข, อิมสฺมึ เต สติ ธนสฺส ปริจฺเฉโท นาม น ภวิสฺสติ, อปฺปมตฺโต โหหี’’ติ โอวทิตฺวา เทวโลกเมว คโต. ตโต ปฏฺาย สุรํ ปิวนฺโต วิจริ. อเถกทิวสํ มตฺโต ตํ กุมฺภํ อากาเส ขิปิตฺวา สมฺปฏิจฺฉนฺโต เอกวารํ วิรชฺฌิ ¶ , กุมฺโภ ภูมิยํ ปติตฺวา ภิชฺชิ. ตโต ปฏฺาย ปุน ทลิทฺโท หุตฺวา ปิโลติกํ นิวาเสตฺวา กปาลหตฺโถ ภิกฺขํ จรนฺโต ปรกุฏฺฏํ นิสฺสาย กาลมกาสิ.
สตฺถา อิมํ อตีตํ อาหริตฺวา –
‘‘สพฺพกามททํ กุมฺภํ, กุฏํ ลทฺธาน ธุตฺตโก;
ยาว นํ อนุปาเลติ, ตาว โส สุขเมธติ.
‘‘ยทา มตฺโต จ ทิตฺโต จ, ปมาทา กุมฺภมพฺภิทา;
ตทา นคฺโค จ โปตฺโถ จ, ปจฺฉา พาโล วิหฺติ.
‘‘เอวเมว โย ธนํ ลทฺธา, ปมตฺโต ปริภฺุชติ;
ปจฺฉา ตปฺปติ ทุมฺเมโธ, กุฏํ ภิตฺวาว ธุตฺตโก’’ติ. –
อิมา อภิสมฺพุทฺธคาถา วตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ.
ตตฺถ สพฺพกามททนฺติ สพฺเพ วตฺถุกาเม ทาตุํ สมตฺถํ กุมฺภํ. กุฏนฺติ กุมฺภเววจนํ. ยาวาติ ยตฺตกํ กาลํ. อนุปาเลตีติ โย โกจิ เอวรูปํ ลภิตฺวา ยาว รกฺขติ, ตาว โส สุขเมธตีติ อตฺโถ. มตฺโต ¶ จ ทิตฺโต จาติ สุรามเทน มตฺโต ทปฺเปน ทิตฺโต. ปมาทา กุมฺภมพฺภิทาติ ปมาเทน กุมฺภํ ภินฺทิ. นคฺโค จ โปตฺโถ จาติ กทาจิ นคฺโค, กทาจิ โปตฺถกปิโลติกาย นิวตฺถตฺตา โปตฺโถ. เอวเมวาติ เอวํ เอว. ปมตฺโตติ ปมาเทน. ตปฺปตีติ โสจติ.
‘‘ตทา สุราฆฏเภทโก ธุตฺโต เสฏฺิภาคิเนยฺโย อโหสิ, สกฺโก ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
สุราฆฏชาตกวณฺณนา ปมา.
[๒๙๒] ๒. สุปตฺตชาตกวณฺณนา
พาราณสฺยํ ¶ ¶ , มหาราชาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต พิมฺพาเทวิยา สาริปุตฺตตฺเถเรน ทินฺนํ โรหิตมจฺฉรสํ นวสปฺปิมิสฺสกํ สาลิภตฺตํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ เหฏฺา กถิตอพฺภนฺตรชาตเก (ชา. ๑.๓.๙๑-๙๓) วตฺถุสทิสเมว. ตทาปิ หิ เถริยา อุทรวาโต กุปฺปิ, ราหุลภทฺโท เถรสฺส อาจิกฺขิ. เถโร ตํ อาสนสาลายํ นิสีทาเปตฺวา โกสลรฺโ นิเวสนํ คนฺตฺวา โรหิตมจฺฉรสํ นวสปฺปิมิสฺสกํ สาลิภตฺตํ อาหริตฺวา ตสฺส อทาสิ. โส อาหริตฺวา มาตุ เถริยา อทาสิ, ตสฺสา ภุตฺตมตฺตาย อุทรวาโต ปฏิปฺปสฺสมฺภิ. ราชา ปุริเส เปเสตฺวา ปริคฺคณฺหาเปตฺวา ตโต ปฏฺาย เถริยา ตถารูปํ ภตฺตํ อทาสิ. อเถกทิวสํ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส ธมฺมเสนาปติ, เถรึ เอวรูเปน นาม โภชเนน สนฺตปฺเปสี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว สาริปุตฺโต ราหุลมาตาย ปตฺถิตํ เทติ, ปุพฺเพปิ อทาสิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต กากโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต อสีติยา กากสหสฺสานํ เชฏฺโก สุปตฺโต นาม กากราชา อโหสิ, อคฺคมเหสี ปนสฺส สุผสฺสา นาม กากี อโหสิ, เสนาปติ สุมุโข นาม. โส อสีติยา กากสหสฺเสหิ ปริวุโต พาราณสึ อุปนิสฺสาย วสิ. โส ¶ เอกทิวสํ สุผสฺสํ อาทาย โคจรํ ปริเยสนฺโต พาราณสิรฺโ มหานสมตฺถเกน อคมาสิ. สูโท รฺโ นานามจฺฉมํสวิกติปริวารํ โภชนํ สมฺปาเทตฺวา โถกํ ภาชนานิ วิวริตฺวา อุสุมํ ปลาเปนฺโต อฏฺาสิ. สุผสฺสา มจฺฉมํสคนฺธํ ฆายิตฺวา ราชโภชนํ ภฺุชิตุกามา หุตฺวา ตํ ทิวสํ อกเถตฺวา ทุติยทิวเส ‘‘เอหิ, ภทฺเท, โคจราย คมิสฺสามา’’ติ วุตฺตา ‘‘ตุมฺเห คจฺฉถ, มยฺหํ เอโก โทหโฬ อตฺถี’’ติ วตฺวา ‘‘กีทิโส โทหโฬ’’ติ วุตฺเต ‘‘พาราณสิรฺโ โภชนํ ภฺุชิตุกามามฺหิ, น โข ปน สกฺกา ¶ มยา ตํ ลทฺธุํ, ตสฺมา ชีวิตํ ปริจฺจชิสฺสามิ, เทวา’’ติ อาห. โพธิสตฺโต จินฺตยมาโน นิสีทิ. สุมุโข อาคนฺตฺวา ‘‘กึ, มหาราช, อนตฺตมโนสี’’ติ ปุจฺฉิ, ราชา ตมตฺถํ อาโรเจสิ. เสนาปติ ‘‘มา จินฺตยิ, มหาราชา’’ติ เต อุโภปิ อสฺสาเสตฺวา ‘‘อชฺช ตุมฺเห อิเธว โหถ, มยํ ภตฺตํ อาหริสฺสามา’’ติ วตฺวา ปกฺกามิ.
โส กาเก สนฺนิปาเตตฺวา ตํ การณํ กเถตฺวา ‘‘เอถ ภตฺตํ อาหริสฺสามา’’ติ กาเกหิ สทฺธึ พาราณสึ ปวิสิตฺวา มหานสสฺส อวิทูเร กาเก วคฺเค วคฺเค กตฺวา ตสฺมึ ตสฺมึ าเน ¶ อารกฺขตฺถาย เปตฺวา สยํ อฏฺหิ กากโยเธหิ สทฺธึ มหานสฉทเน นิสีทิ รฺโ ภตฺตหรณกาลํ โอโลกยมาโน. เต จ กาเก อาห – ‘‘อหํ รฺโ ภตฺเต หริยมาเน ภาชนานิ ปาเตสฺสามิ, ภาชเนสุ ปติเตสุ มยฺหํ ชีวิตํ นตฺถิ, ตุมฺเหสุ จตฺตาโร ชนา มุขปูรํ ภตฺตํ, จตฺตาโร มจฺฉมํสํ คเหตฺวา เนตฺวา สุปตฺตํ สปชาปติกํ กากราชานํ โภเชถ, ‘กหํ เสนาปตี’ติ วุตฺเต ‘ปจฺฉโต เอหิตี’ติ วเทยฺยาถา’’ติ. อถ สูโท รฺโ โภชนวิกตึ สมฺปาเทตฺวา กาเชน คเหตฺวา ราชกุลํ ปายาสิ. ตสฺส ราชงฺคณํ คตกาเล กากเสนาปติ กากานํ สฺํ ทตฺวา สยํ อุปฺปติตฺวา ภตฺตหารกสฺส อุเร นิสีทิตฺวา นขปฺชเรน ปหริตฺวา กณยคฺคสทิเสน ตุณฺเฑน นาสคฺคมสฺส อภิหนฺตฺวา อุฏฺาย ทฺวีหิ ปกฺเขหิ มุขมสฺส ปิทหิ. ราชา มหาตเล จงฺกมนฺโต มหาวาตปาเนน โอโลเกตฺวา ตํ กากสฺส กิริยํ ทิสฺวา ภตฺตหารกสฺส สทฺทํ ทตฺวา ‘‘โภ ภตฺตการก, ภาชนานิ ฉฑฺเฑตฺวา กากเมว คณฺหา’’ติ อาห. โส ภาชนานิ ฉฑฺเฑตฺวา กากํ ทฬฺหํ คณฺหิ. ราชาปิ นํ ‘‘อิโต เอหี’’ติ อาห.
ตสฺมึ ¶ ขเณ กากา อาคนฺตฺวา อตฺตโน ปโหนกํ ภฺุชิตฺวา ¶ เสสํ วุตฺตนิยาเมเนว คเหตฺวา อคมึสุ. ตโต เสสา อาคนฺตฺวา เสสํ ภฺุชึสุ. เตปิ อฏฺ ชนา คนฺตฺวา ราชานํ สปชาปติกํ โภเชสุํ, สุผสฺสาย โทหโฬ วูปสมิ. ภตฺตหารโก กากํ รฺโ อุปเนสิ. อถ นํ ราชา ปุจฺฉิ – ‘‘โภ กาก, ตฺวํ มมฺจ น ลชฺชิ, ภตฺตหารกสฺส จ นาสํ ขณฺเฑสิ, ภตฺตภาชนานิ จ ภินฺทิ, อตฺตโน จ ชีวิตํ น รกฺขิ, กสฺมา เอวรูปํ กมฺมมกาสี’’ติ? กาโก ‘‘มหาราช, อมฺหากํ ราชา พาราณสึ อุปนิสฺสาย วสติ, อหมสฺส เสนาปติ, ตสฺส สุผสฺสา นาม ภริยา โทหฬินี ตุมฺหากํ โภชนํ ภฺุชิตุกามา, ราชา ตสฺสา โทหฬํ มยฺหํ อาจิกฺขิ. อหํ ตตฺเถว มม ชีวิตํ ปริจฺจชิตฺวา อาคโต, อิทานิ เม ตสฺสา โภชนํ เปสิตํ, มยฺหํ มโนรโถ มตฺถกํ ปตฺโต, อิมินา การเณน มยา เอวรูปํ กมฺมํ กต’’นฺติ ทีเปนฺโต อิมา คาถา อาห.
‘‘พาราณสฺยํ มหาราช, กากราชา นิวาสโก;
อสีติยา สหสฺเสหิ, สุปตฺโต ปริวาริโต.
‘‘ตสฺส โทหฬินี ภริยา, สุผสฺสา ภกฺขิตุมิจฺฉติ;
รฺโ มหานเส ปกฺกํ, ปจฺจคฺฆํ ราชโภชนํ.
‘‘เตสาหํ ¶ ปหิโต ทูโต, รฺโ จมฺหิ อิธาคโต;
ภตฺตุ อปจิตึ กุมฺมิ, นาสายมกรํ วณ’’นฺติ.
ตตฺถ พาราณสฺยนฺติ พาราณสิยํ. นิวาสโกติ นิพทฺธวสนโก. ปกฺกนฺติ นานปฺปกาเรน สมฺปาทิตํ. เกจิ ‘‘สิทฺธ’’นฺติ สชฺฌายนฺติ. ปจฺจคฺฆนฺติ อพฺภุณฺหํ อปาริวาสิกํ, มจฺฉมํสวิกตีสุ วา ปจฺเจกํ มหคฺฆํ เอตฺถาติ ปจฺจคฺฆํ. เตสาหํ ปหิโต ทูโต, รฺโ จมฺหิ อิธาคโตติ เตสํ อุภินฺนมฺปิ อหํ ทูโต อาณตฺติกโร รฺโ จ อมฺหิ ปหิโต, ตสฺมา อิธ อาคโตติ อตฺโถ. ภตฺตุ อปจิตึ กุมฺมีติ สฺวาหํ เอวํ อาคโต อตฺตโน ภตฺตุ อปจิตึ สกฺการสมฺมานํ กโรมิ. นาสายมกรํ วณนฺติ, มหาราช, อิมินา การเณน ตุมฺเห จ อตฺตโน ¶ จ ชีวิตํ อคเณตฺวา ภตฺตภาชนํ ปาตาเปตุํ ภตฺตหารกสฺส นาสาย มุขตุณฺฑเกน วณํ อกาสึ, มยา อตฺตโน รฺโ อปจิติ กตา, อิทานิ ตุมฺเห ยํ อิจฺฉถ, ตํ ทณฺฑํ กโรถาติ.
ราชา ¶ ตสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘มยํ ตาว มนุสฺสภูตานํ มหนฺตํ ยสํ ทตฺวา อมฺหากํ สุหชฺเช กาตุํ น สกฺโกม, คามาทีนิ ททมานาปิ อมฺหากํ ชีวิตทายกํ น ลภาม, อยํ กาโก สมาโน อตฺตโน รฺโ ชีวิตํ ปริจฺจชติ, อติวิย สปฺปุริโส มธุรสฺสโร ธมฺมกถิโก’’ติ คุเณสุ ปสีทิตฺวา ตํ เสตจฺฉตฺเตน ปูเชสิ. โส อตฺตนา ลทฺเธน เสตจฺฉตฺเตน ราชานเมว ปูเชตฺวา โพธิสตฺตสฺส คุเณ กเถสิ. ราชา นํ ปกฺโกสาเปตฺวา ธมฺมํ สุตฺวา อุภินฺนมฺปิ เตสํ อตฺตโน โภชนนิยาเมน ภตฺตํ ปฏฺเปสิ, เสสกากานํ เทวสิกํ เอกํ ตณฺฑุลมฺพณํ ปจาเปสิ, สยฺจ โพธิสตฺตสฺส โอวาเท ตฺวา สพฺพสตฺตานํ อภยํ ทตฺวา ปฺจ สีลานิ รกฺขิ. สุปตฺตกาโกวาโท ปน สตฺต วสฺสสตานิ ปวตฺติ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ราชา อานนฺโท อโหสิ, สุมุโข เสนาปติ สาริปุตฺโต, สุผสฺสา ราหุลมาตา, สุปตฺโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
สุปตฺตชาตกวณฺณนา ทุติยา.
[๒๙๓] ๓. กายนิพฺพินฺทชาตกวณฺณนา
ผุฏฺสฺส เมติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ ปุริสํ อารพฺภ กเถสิ. สาวตฺถิยํ กิเรโก ปุริโส ปณฺฑุโรเคน อฏฺฏิโต เวชฺเชหิ ปฏิกฺขิตฺโต. ปุตฺตทาโรปิสฺส ‘‘โก อิมํ ปฏิชคฺคิตุํ ¶ สกฺโกตี’’ติ จินฺเตสิ. ตสฺส เอตทโหสิ – ‘‘สจาหํ อิมมฺหา โรคา วุฏฺหิสฺสามิ, ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. โส กติปาเหเนว กิฺจิ สปฺปายํ ลภิตฺวา อโรโค หุตฺวา เชตวนํ คนฺตฺวา สตฺถารํ ปพฺพชฺชํ ยาจิ. โส สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชฺชฺจ อุปสมฺปทฺจ ลภิตฺวา นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. อเถกทิวสํ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, อสุโก นาม ปณฺฑุโรคี ¶ ‘อิมมฺหา โรคา วุฏฺิโต ปพฺพชิสฺสามี’ติ จินฺเตตฺวา ปพฺพชิโต เจว อรหตฺตฺจ ปตฺโต’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ¶ . ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทานิ อยเมว; ปุพฺเพ ปณฺฑิตาปิ เอวํ วตฺวา โรคา วุฏฺาย ปพฺพชิตฺวา อตฺตโน วุฑฺฒิมกํสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต กุฏุมฺพํ สณฺเปตฺวา วสนฺโต ปณฺฑุโรคี อโหสิ. เวชฺชาปิ ปฏิชคฺคิตุํ นาสกฺขึสุ, ปุตฺตทาโรปิสฺส วิปฺปฏิสารี อโหสิ. โส ‘‘อิมมฺหา โรคา วุฏฺิโต ปพฺพชิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา กิฺจิเทว สปฺปายํ ลภิตฺวา อโรโค หุตฺวา หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ อุปฺปาเทตฺวา ฌานสุเขน วิหรนฺโต ‘‘เอตฺตกํ กาลํ เอวรูปํ สุขํ นาม นาลตฺถ’’นฺติ อุทานํ อุทาเนนฺโต อิมา คาถา อาห –
‘‘ผุฏฺสฺส เม อฺตเรน พฺยาธินา, โรเคน พาฬฺหํ ทุขิตสฺส รุปฺปโต;
ปริสุสฺสติ ขิปฺปมิทํ กเฬวรํ, ปุปฺผํ ยถา ปํสุนิ อาตเป กตํ.
‘‘อชฺํ ชฺสงฺขาตํ, อสุจึ สุจิสมฺมตํ;
นานากุณปปริปูรํ, ชฺรูปํ อปสฺสโต.
‘‘ธิรตฺถุมํ อาตุรํ ปูติกายํ, เชคุจฺฉิยํ อสฺสุจึ พฺยาธิธมฺมํ;
ยตฺถปฺปมตฺตา อธิมุจฺฉิตา ปชา, หาเปนฺติ มคฺคํ สุคตูปปตฺติยา’’ติ.
ตตฺถ อฺตเรนาติ อฏฺนวุติยา โรเคสุ เอเกน ปณฺฑุโรคพฺยาธินา. โรเคนาติ รุชฺชนสภาวตฺตา เอวํลทฺธนาเมน. รุปฺปโตติ ฆฏฺฏิยมานสฺส ปีฬิยมานสฺส. ปํสุนิ อาตเป กตนฺติ ยถา อาตเป ตตฺตวาลิกาย ปิตํ สุขุมปุปฺผํ ปริสุสฺเสยฺย, เอวํ ปริสุสฺสตีติ อตฺโถ.
อชฺํ ชฺสงฺขาตนฺติ ปฏิกูลํ อมนาปเมว พาลานํ มนาปนฺติ สงฺขํ คตํ. นานากุณปปริปูรนฺติ ¶ เกสาทีหิ ทฺวตฺตึสาย กุณเปหิ ปริปุณฺณํ ¶ . ชฺรูปํ อปสฺสโตติ อปสฺสนฺตสฺส อนฺธพาลปุถุชฺชนสฺส ¶ มนาปํ สาธุรูปํ ปริโภคสภาวํ หุตฺวา อุปฏฺาติ, ‘‘อกฺขิมฺหา อกฺขิคูถโก’’ติอาทินา นเยน ปกาสิโต อสุภสภาโว พาลานํ น อุปฏฺาติ.
อาตุรนฺติ นิจฺจคิลานํ. อธิมุจฺฉิตาติ กิเลสมุจฺฉาย อติวิย มุจฺฉิตา. ปชาติ อนฺธพาลปุถุชฺชนา. หาเปนฺติ มคฺคํ สุคตูปปตฺติยาติ อิมสฺมึ ปูติกาเย ลคฺคา ลคฺคิตา หุตฺวา อปายมคฺคํ ปูเรนฺตา เทวมนุสฺสเภทาย สุคติอุปปตฺติยา มคฺคํ ปริหาเปนฺติ.
อิติ มหาสตฺโต นานปฺปกาเรน อสุจิภาวฺจ นิจฺจาตุรภาวฺจ ปริคฺคณฺหนฺโต กาเย นิพฺพินฺทิตฺวา ยาวชีวํ จตฺตาโร พฺรหฺมวิหาเร ภาเวตฺวา พฺรหฺมโลกปรายโณ อโหสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน พหุชนา โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสุ. ‘‘ตทา ตาปโส อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
กายนิพฺพินฺทชาตกวณฺณนา ตติยา.
[๒๙๔] ๔. ชมฺพุขาทกชาตกวณฺณนา
โกยํ พินฺทุสฺสโร วคฺคูติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เทวทตฺตโกกาลิเก อารพฺภ กเถสิ. ตทา หิ เทวทตฺเต ปริหีนลาภสกฺกาเร โกกาลิโก กุลานิ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘เทวทตฺตตฺเถโร นาม มหาสมฺมตปเวณิยา โอกฺกากราชวํเส ชาโต อสมฺภินฺนขตฺติยวํเส วฑฺฒิโต ติปิฏกธโร ฌานลาภี มธุรกโถ ธมฺมกถิโก, เทถ กโรถ เถรสฺสา’’ติ เทวทตฺตสฺส วณฺณํ ภาสติ. เทวทตฺโตปิ ‘‘โกกาลิโก อุทิจฺจพฺราหฺมณกุลา นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิโต พหุสฺสุโต ธมฺมกถิโก, เทถ กโรถ โกกาลิกสฺสา’’ติ โกกาลิกสฺส วณฺณํ ภาสติ. อิติ เต อฺมฺสฺส วณฺณํ ภาสิตฺวา กุลฆเรสุ ภฺุชนฺตา วิจรนฺติ. อเถกทิวสํ ธมฺมสภายํ ภิกฺขู ¶ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส เทวทตฺตโกกาลิกา, อฺมฺสฺส อภูตคุณกถํ กเถตฺวา ภฺุชนฺตา วิจรนฺตี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว เต อฺมฺสฺส อภูตคุณกถํ กเถตฺวา ภฺุชนฺติ, ปุพฺเพเปวํ ภฺุชึสุเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต ¶ พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต อฺตรสฺมึ ชมฺพุวนสณฺเฑ รุกฺขเทวตา หุตฺวา ¶ นิพฺพตฺติ. ตตฺเรโก กาโก ชมฺพุสาขาย นิสินฺโน ชมฺพุปกฺกานิ ขาทติ. อเถโก สิงฺคาโล อาคนฺตฺวา อุทฺธํ โอโลเกนฺโต กากํ ทิสฺวา ‘‘ยํนูนาหํ อิมสฺส อภูตคุณกถํ กเถตฺวา ชมฺพูนิ ขาเทยฺย’’นฺติ ตสฺส วณฺณํ กเถนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘โกยํ พินฺทุสฺสโร วคฺคุ, สรวนฺตานมุตฺตโม;
อจฺจุโต ชมฺพุสาขาย, โมรจฺฉาโปว กูชตี’’ติ.
ตตฺถ พินฺทุสฺสโรติ พินฺทุนา อวิสาเรน ปิณฺฑิเตน สเรน สมนฺนาคโต. วคฺคูติ มธุรสทฺโท. อจฺจุโตติ น จุโต สนฺนิสินฺโน. โมรจฺฉาโปว กูชตีติ ตรุณโมโรว มนาเปน สทฺเทน ‘‘โก นาเมโส กูชตี’’ติ วทติ.
อถ นํ กาโก ปฏิปสํสนฺโต ทุติยํ คาถมาห –
‘‘กุลปุตฺโตว ชานาติ, กุลปุตฺตํ ปสํสิตุํ;
พฺยคฺฆจฺฉาปสรีวณฺณ, ภฺุช สมฺม ททามิ เต’’ติ.
ตตฺถ พฺยคฺฆจฺฉาปสรีวณฺณาติ ตฺวํ อมฺหากํ พฺยคฺฆโปตกสมานวณฺโณว ขายสิ, เตน ตํ วทามิ อมฺโภ พฺยคฺฆจฺฉาปสรีวณฺณ. ภฺุช, สมฺม, ททามิ เตติ วยสฺส ยาวทตฺถํ ชมฺพุปกฺกานิ ขาท, อหํ เต ททามีติ.
เอวฺจ ปน วตฺวา ชมฺพุสาขํ จาเลตฺวา ผลานิ ปาเตสิ. อถ ตสฺมึ ชมฺพุรุกฺเข อธิวตฺถา เทวตา เต อุโภปิ อภูตคุณกถํ กเถตฺวา ชมฺพูนิ ขาทนฺเต ทิสฺวา ตติยํ คาถมาห –
‘‘จิรสฺสํ ¶ วต ปสฺสามิ, มุสาวาที สมาคเต;
วนฺตาทํ กุณปาทฺจ, อฺมฺํ ปสํสเก’’ติ.
ตตฺถ วนฺตาทนฺติ ปเรสํ วนฺตภตฺตขาทกํ กากํ. กุณปาทฺจาติ กุณปขาทกํ สิงฺคาลฺจ.
อิมฺจ ปน คาถํ วตฺวา สา เทวตา เภรวรูปารมฺมณํ ทสฺเสตฺวา เต ตโต ปลาเปสิ.
สตฺถา ¶ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา สิงฺคาโล เทวทตฺโต อโหสิ, กาโก โกกาลิโก, รุกฺขเทวตา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
ชมฺพุขาทกชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.
[๒๙๕] ๕. อนฺตชาตกวณฺณนา
อุสภสฺเสว เต ขนฺโธติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เตเยว ทฺเว ชเน อารพฺภ กเถสิ. ปจฺจุปฺปนฺนวตฺถุ ปุริมสทิสเมว.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต เอกสฺมึ คามูปจาเร เอรณฺฑรุกฺขเทวตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ตทา เอกสฺมึ คามเก มตํ ชรคฺควํ นิกฺกฑฺฒิตฺวา คามทฺวาเร เอรณฺฑวเน ฉฑฺเฑสุํ. เอโก สิงฺคาโล อาคนฺตฺวา ตสฺส มํสํ ขาทิ. เอโก กาโก อาคนฺตฺวา เอรณฺเฑ นิลีโน ตํ ทิสฺวา ‘‘ยํนูนาหํ เอตสฺส อภูตคุณกถํ กเถตฺวา มํสํ ขาเทยฺย’’นฺติ จินฺเตตฺวา ปมํ คาถมาห –
‘‘อุสภสฺเสว เต ขนฺโธ, สีหสฺเสว วิชมฺภิตํ;
มิคราช นโม ตฺยตฺถุ, อปิ กิฺจิ ลภามเส’’ติ.
ตตฺถ นโม ตฺยตฺถูติ นโม เต อตฺถุ.
ตํ สุตฺวา สิงฺคาโล ทุติยํ คาถมาห –
‘‘กุลปุตฺโตว ชานาติ, กุลปุตฺตํ ปสํสิตุํ;
มยูรคีวสงฺกาส, อิโต ปริยาหิ วายสา’’ติ.
ตตฺถ ¶ อิโต ปริยาหีติ เอรณฺฑโต โอตริตฺวา อิโต เยนาหํ, เตนาคนฺตฺวา มํสํ ขาทาติ วทติ.
ตํ เตสํ กิริยํ ทิสฺวา รุกฺขเทวตา ตติยํ คาถมาห –
‘‘มิคานํ ¶ สิงฺคาโล อนฺโต, ปกฺขีนํ ปน วายโส;
เอรณฺโฑ อนฺโต รุกฺขานํ, ตโย อนฺตา สมาคตา’’ติ.
ตตฺถ อนฺโตติ หีโน ลามโก.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา สิงฺคาโล เทวทตฺโต อโหสิ, กาโก โกกาลิโก, รุกฺขเทวตา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
อนฺตชาตกวณฺณนา ปฺจมา.
[๒๙๖] ๖. สมุทฺทชาตกวณฺณนา
โก นายนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อุปนนฺทตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ. โส หิ มหคฺฆโส มหาตณฺโห อโหสิ, สกฏปูเรหิ ปจฺจเยหิปิ สนฺตปฺเปตุํ น สกฺกา. วสฺสูปนายิกกาเล ทฺวีสุ ตีสุ วิหาเรสุ วสฺสํ อุปคนฺตฺวา เอกสฺมึ อุปาหเน เปติ, เอกสฺมึ กตฺตรยฏฺึ, เอกสฺมึ อุทกตุมฺพํ. เอกสฺมึ สยํ วสติ, ชนปทวิหารํ คนฺตฺวา ปณีตปริกฺขาเร ภิกฺขู ทิสฺวา อริยวํสกถํ กเถตฺวา เตสํ ปํสุกูลานิ คาหาเปตฺวา เตสํ จีวรานิ คณฺหาติ, มตฺติกาปตฺเต คาหาเปตฺวา มนาปมนาเป ปตฺเต ถาลกานิ จ คเหตฺวา ยานกํ ปูเรตฺวา เชตวนํ อาคจฺฉติ. อเถกทิวสํ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, อุปนนฺโท สกฺยปุตฺโต มหคฺฆโส มหิจฺโฉ อฺเสํ ปฏิปตฺตึ กเถตฺวา สมณปริกฺขาเรน ยานกํ ปูเรตฺวา อาคจฺฉตี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘อยุตฺตํ, ภิกฺขเว, อุปนนฺเทน กตํ ปเรสํ อริยวํสกถํ กเถนฺเตน, ปมตรฺหิ อตฺตนา อปฺปิจฺเฉน หุตฺวา ปจฺฉา ปเรสํ อริยวํสํ กเถตุํ วฏฺฏตี’’ติ.
‘‘อตฺตานเมว ¶ ปมํ, ปติรูเป นิเวสเย;
อถฺมนุสาเสยฺย, น กิลิสฺเสยฺย ปณฺฑิโต’’ติ. (ธ. ป. ๑๕๘) –
อิมํ ธมฺมปเท คาถํ เทเสตฺวา อุปนนฺทํ ครหิตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว อุปนนฺโท มหิจฺโฉ, ปุพฺเพ มหาสมุทฺเทปิ อุทกํ รกฺขิตพฺพํ มฺี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต ¶ พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต สมุทฺทเทวตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ. อเถโก กาโก สมุทฺทสฺส อุปริภาเค วิจรนฺโต ‘‘สมุทฺเท อุทกํ ปมาเณน ปิวถ, รกฺขนฺตา ปิวถา’’ติ มจฺฉสงฺฆสกุณสงฺเฆ ¶ วาเรนฺโต วาเรนฺโต จรติ. ตํ ทิสฺวา สมุทฺทเทวตา ปมํ คาถมาห –
‘‘โก นายํ โลณโตยสฺมึ, สมนฺตา ปริธาวติ;
มจฺเฉ มกเร จ วาเรติ, อูมีสุ จ วิหฺตี’’ติ.
ตตฺถ โก นายนฺติ โก นุ อยํ.
ตํ สุตฺวา สมุทฺทกาโก ทุติยํ คาถมาห –
‘‘อนนฺตปายี สกุโณ, อติตฺโตติ ทิสาสุโต;
สมุทฺทํ ปาตุมิจฺฉามิ, สาครํ สริตํปติ’’นฺติ.
ตสฺสตฺโถ – อหํ อนนฺตสาครํ ปาตุมิจฺฉามิ, เตนมฺหิ อนนฺตปายี นาม สกุโณ มหติยาปิ อปูรณิยา ตณฺหาย สมนฺนาคตตฺตา อติตฺโตติปิ อหํ ทิสาสุ สุโต วิสฺสุโต ปากโฏ, สฺวาหํ อิมํ สกลสมุทฺทํ สุนฺทรานํ รตนานํ อากรตฺตา สาคเรน วา ขตตฺตา สาครํ สริตานํ ปติภาเวน สริตํปตึ ปาตุมิจฺฉามีติ.
ตํ สุตฺวา สมุทฺทเทวตา ตติยํ คาถมาห –
‘‘โส อยํ หายติ เจว, ปูรเต จ มโหทธิ;
นาสฺส นายติ ปีตนฺโต, อเปยฺโย กิร สาคโร’’ติ.
ตตฺถ ¶ โส อยํ หายติ เจวาติ อุทกสฺส โอสกฺกนเวลาย หายติ, นิกฺขมนเวลาย ปูรติ. นาสฺส นายตีติ อสฺส มหาสมุทฺทสฺส สเจปิ นํ สกลโลโก ปิเวยฺย, ตถาปิ ‘‘อิโต เอตฺตกํ นาม อุทกํ ปีต’’นฺติ ปริยนฺโต น ปฺายติ. อเปยฺโย กิราติ เอโส กิร สาคโร น สกฺกา เกนจิ อุทกํ เขเปตฺวา ปาตุนฺติ.
เอวฺจ ปน วตฺวา สา เภรวรูปารมฺมณํ ทสฺเสตฺวา สมุทฺทกากํ ปลาเปสิ.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา สมุทฺทกาโก อุปนนฺโท อโหสิ, เทวตา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
สมุทฺทชาตกวณฺณนา ฉฏฺา.
[๒๙๗] ๗. กามวิลาปชาตกวณฺณนา
อุจฺเจ ¶ สกุณ เฑมานาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปุราณทุติยิกาปโลภนํ อารพฺภ กเถสิ. ปจฺจุปฺปนฺนวตฺถุ ปุปฺผรตฺตชาตเก (ชา. ๑.๑.๑๔๗) กถิตํ, อตีตวตฺถุ อินฺทฺริยชาตเก (ชา. ๑.๘.๖๐ อาทโย) อาวิภวิสฺสติ. ตํ ปน ปุริสํ ชีวนฺตํ สูเล อุตฺตาเสสุํ. โส ตตฺถ นิสินฺโน อากาเสน คจฺฉนฺตํ เอกํ กากํ ทิสฺวา ตาวขรมฺปิ ตํ เวทนํ อคเณตฺวา ปิยภริยาย สาสนํ เปเสตุํ กากํ อามนฺเตนฺโต อิมา คาถา อาห –
‘‘อุจฺเจ สกุณ เฑมาน, ปตฺตยาน วิหงฺคม;
วชฺชาสิ โข ตฺวํ วามูรุํ, จิรํ โข สา กริสฺสติ.
‘‘อิทํ โข สา น ชานาติ, อสึ สตฺติฺจ โอฑฺฑิตํ;
สา จณฺฑี กาหติ โกธํ, ตํ เม ตปติ โน อิทํ.
‘‘เอส อุปฺปลสนฺนาโห, นิกฺขฺจุสฺสีสโกหิตํ;
กาสิกฺจ มุทุํ วตฺถํ, ตปฺเปตุ ธนิกา ปิยา’’ติ.
ตตฺถ ¶ เฑมานาติ คจฺฉมาน จรมาน. ปตฺตยานาติ ตเมวาลปติ, ตถา วิหงฺคมาติ. โส หิ ปตฺเตหิ ยานํ กตฺวา คมนโต ปตฺตยาโน, อากาเส คมนโต วิหงฺคโม. วชฺชาสีติ วเทยฺยาสิ. วามูรุนฺติ กทลิกฺขนฺธสมานอูรุํ, มม สูเล นิสินฺนภาวํ วเทยฺยาสิ. จิรํ โข สา กริสฺสตีติ สา อิมํ ปวตฺตึ อชานมานา มม อาคมนํ จิรํ กริสฺสติ, ‘‘จิรํ เม คตสฺส ปิยสฺส น จ อาคจฺฉตี’’ติ เอวํ จินฺเตสฺสตีติ อตฺโถ.
อสึ สตฺติฺจาติ อสิสมานตาย สตฺติสมานตาย จ สูลเมว สนฺธาย วทติ. ตฺหิ ¶ ตสฺส อุตฺตาสนตฺถาย โอฑฺฑิตํ ปิตํ. จณฺฑีติ โกธนา. กาหติ โกธนฺติ ‘‘อติจิรายตี’’ติ ¶ มยิ โกธํ กริสฺสติ. ตํ เม ตปตีติ ตํ ตสฺสา กุชฺฌนํ มํ ตปติ. โน อิทนฺติ อิธ ปน อิทํ สูลํ มํ น ตปตีติ ทีเปติ.
‘‘เอส อุปฺปลสนฺนาโห’’ติอาทีหิ ฆเร อุสฺสีสเก ปิตํ อตฺตโน ภณฺฑํ อาจิกฺขติ. ตตฺถ อุปฺปลสนฺนาโหติ อุปฺปโล จ สนฺนาโห จ อุปฺปลสนฺนาโห, อุปฺปลสทิโส กณโย จ สนฺนาหโก จาติ อตฺโถ. นิกฺขฺจาติ ปฺจหิ สุวณฺเณหิ กตํ องฺคุลิมุทฺทิกํ. กาสิกฺจ มุทุ วตฺถนฺติ มุทุํ กาสิกสาฏกยุคํ สนฺธายาห. เอตฺตกํ กิร เตน อุสฺสีสเก นิกฺขิตฺตํ. ตปฺเปตุ ธนิกา ปิยาติ เอตํ สพฺพํ คเหตฺวา สา มม ปิยา ธนตฺถิกา อิมินา ธเนน ตปฺเปตุ ปูเรตุ, สนฺตุฏฺา โหตูติ.
เอวํ โส ปริเทวมาโนว กาลํ กตฺวา นิรเย นิพฺพตฺติ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺิตภิกฺขุ, โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ‘‘ตทา ภริยา เอตรหิ ภริยา อโหสิ, เยน ปน เทวปุตฺเตน ตํ การณํ ทิฏฺํ, โส อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
กามวิลาปชาตกวณฺณนา สตฺตมา.
[๒๙๘] ๘. อุทุมฺพรชาตกวณฺณนา
อุทุมฺพรา ¶ จิเม ปกฺกาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิร อฺตรสฺมึ ปจฺจนฺตคามเก วิหารํ กาเรตฺวา วสติ. รมณีโย วิหาโร ปิฏฺิปาสาเณ นิวิฏฺโ, มนฺทํ สมฺมชฺชนฏฺานํ อุทกผาสุกํ, โคจรคาโม นาติทูเร นาจฺจาสนฺเน, สมฺปิยายมานา มนุสฺสา ภิกฺขํ เทนฺติ. อเถโก ภิกฺขุ จาริกํ จรมาโน ตํ วิหารํ ปาปุณิ. เนวาสิโก ตสฺส อาคนฺตุกวตฺตํ กตฺวา ปุนทิวเส ตํ อาทาย คามํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. มนุสฺสา ปณีตํ ภิกฺขํ ทตฺวา สฺวาตนาย นิมนฺตยึสุ. อาคนฺตุโก กติปาหํ ภฺุชิตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘เอเกนุปาเยน อิมํ ภิกฺขุํ วฺเจตฺวา ¶ นิกฺกฑฺฒิตฺวา อิมํ วิหารํ คณฺหิสฺสามี’’ติ. อถ นํ เถรูปฏฺานํ อาคตํ ปุจฺฉิ – ‘‘กึ, อาวุโส, พุทฺธูปฏฺานํ นากาสี’’ติ? ‘‘ภนฺเต, อิมํ วิหารํ ปฏิชคฺคนฺโต นตฺถิ, เตนมฺหิ น คตปุพฺโพ’’ติ. ‘‘ยาว ตฺวํ ¶ พุทฺธูปฏฺานํ คนฺตฺวา อาคจฺฉสิ, ตาวาหํ ปฏิชคฺคิสฺสามี’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ เนวาสิโก ‘‘ยาว มมาคมนา เถเร มา ปมชฺชิตฺถา’’ติ มนุสฺสานํ วตฺวา ปกฺกามิ.
ตโต ปฏฺาย อาคนฺตุโก ‘‘ตสฺส เนวาสิกสฺส อยฺจ อยฺจ โทโส’’ติ เต มนุสฺเส ปริภินฺทิ. อิตโรปิ สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ปุนาคโต, อถสฺส โส เสนาสนํ น อทาสิ. โส เอกสฺมึ าเน วสิตฺวา ปุนทิวเส ปิณฺฑาย คามํ ปาวิสิ, มนุสฺสา สามีจิมตฺตมฺปิ น กรึสุ. โส วิปฺปฏิสารี หุตฺวา ปุน เชตวนํ คนฺตฺวา ตํ การณํ ภิกฺขูนํ อาโรเจสิ. เต ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, อสุโก กิร ภิกฺขุ อสุกํ ภิกฺขุํ วิหารา นิกฺกฑฺฒิตฺวา สยํ ตตฺถ วสี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ โส อิมํ วสนฏฺานา นิกฺกฑฺฒิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต อรฺเ รุกฺขเทวตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ตตฺถ วสฺสาเน สตฺตสตฺตาหํ เทโว วสฺสิ. อเถโก รตฺตมุขขุทฺทกมกฺกโฏ เอกิสฺสา อโนวสฺสิกาย ปาสาณทริยา วสมาโน เอกทิวสํ ทริทฺวาเร อเตมนฏฺาเน สุเขน ¶ นิสีทิ. ตตฺถ เอโก กาฬมุขมหามกฺกโฏ ตินฺโต สีเตน ปีฬิยมาโน วิจรนฺโต ตํ ตถานิสินฺนํ ทิสฺวา ‘‘อุปาเยน นํ นีหริตฺวา เอตฺถ วสิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา กุจฺฉึ โอลมฺเพตฺวา สุหิตาการํ ทสฺเสตฺวา ตสฺส ปุรโต ตฺวา ปมํ คาถมาห –
‘‘อุทุมฺพรา จิเม ปกฺกา, นิคฺโรธา จ กปิตฺถนา;
เอหิ นิกฺขม ภฺุชสฺสุ, กึ ชิฆจฺฉาย มิยฺยสี’’ติ.
ตตฺถ ¶ กปิตฺถนาติ ปิลกฺขา. เอหิ นิกฺขมาติ เอเต อุทุมฺพราทโย ผลภารนมิตา, อหมฺปิ ขาทิตฺวา สุหิโต อาคโตสฺมิ, ตฺวมฺปิ คจฺฉ ภฺุชสฺสูติ.
โสปิ ตสฺส วจนํ สุตฺวา สทฺทหิตฺวา ผลานิ ขาทิตุกาโม นิกฺขมิตฺวา ตตฺถ ตตฺถ วิจริตฺวา กิฺจิ อลภนฺโต ปุนาคนฺตฺวา ตํ อนฺโตปาสาณทริยํ ปวิสิตฺวา นิสินฺนํ ทิสฺวา ‘‘วฺเจสฺสามิ น’’นฺติ ตสฺส ปุรโต ตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘เอวํ ¶ โส สุหิโต โหติ, โย วุฑฺฒมปจายติ;
ยถาหมชฺช สุหิโต, ทุมปกฺกานิ มาสิโต’’ติ.
ตตฺถ ทุมปกฺกานิ มาสิโตติ อุทุมฺพราทีนิ รุกฺขผลานิ ขาทิตฺวา อสิโต ธาโต สุหิโต.
ตํ สุตฺวา มหามกฺกโฏ ตติยํ คาถมาห –
‘‘ยํ วเนโช วเนชสฺส, วฺเจยฺย กปิโน กปิ;
ทหโร กปิ สทฺเธยฺย, น หิ ชิณฺโณ ชรากปี’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – ยํ วเน ชาโต กปิ วเน ชาตสฺส กปิโน วฺจนํ กเรยฺย, ตํ ตยา สทิโส ทหโร วานโร สทฺทเหยฺย, มาทิโส ปน ชิณฺโณ ชรากปิ มหลฺลกมกฺกโฏ น หิ สทฺทเหยฺย, สตกฺขตฺตุมฺปิ ภณนฺตสฺส ตุมฺหาทิสสฺส น สทฺทหติ. อิมสฺมิฺหิ หิมวนฺตปเทเส สพฺพํ ผลาผลํ ¶ วสฺเสน กิลินฺนํ ปติตํ, ปุน ตว อิทํ านํ นตฺถิ, คจฺฉาติ. โส ตโตว ปกฺกามิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ขุทฺทกมกฺกโฏ เนวาสิโก อโหสิ, กาฬมหามกฺกโฏ อาคนฺตุโก, รุกฺขเทวตา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
อุทุมฺพรชาตกวณฺณนา อฏฺมา.
[๒๙๙] ๙. โกมารปุตฺตชาตกวณฺณนา
ปุเร ¶ ตุวนฺติ อิทํ สตฺถา ปุพฺพาราเม วิหรนฺโต เกฬิสีเล ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ. เต กิร ภิกฺขู สตฺถริ อุปริปาสาเท วิหรนฺเต เหฏฺาปาสาเท ทิฏฺสุตาทีนิ กเถนฺตา กลหฺจ ปริภาสฺจ กโรนฺตา นิสีทึสุ. สตฺถา มหาโมคฺคลฺลานํ อามนฺเตตฺวา ‘‘เอเต ภิกฺขู สํเวเชหี’’ติ อาห. เถโร อากาเส อุปฺปติตฺวา ปาทงฺคุฏฺเกน ปาสาทถุปิกํ ปหริตฺวา ยาว อุทกปริยนฺตา ปาสาทํ กมฺเปสิ. เต ภิกฺขู มรณภยภีตา นิกฺขมิตฺวา พหิ อฏฺํสู. เตสํ โส เกฬิสีลภาโว ภิกฺขูสุ ปากโฏ ชาโต. อเถกทิวสํ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ¶ – ‘‘อาวุโส, เอกจฺเจ ภิกฺขู เอวรูเป นิยฺยานิกสาสเน ปพฺพชิตฺวา เกฬิสีลา หุตฺวา วิจรนฺติ, ‘อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา’ติ วิปสฺสนาย กมฺมํ น กโรนฺตี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปเต เกฬิสีลกาเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต เอกสฺมึ คามเก พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติ, ‘‘โกมารปุตฺโต’’ติ นํ สฺชานึสุ. โส อปรภาเค นิกฺขมิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา หิมวนฺตปเทเส วสิ. อถฺเ เกฬิสีลา ตาปสา หิมวนฺตปเทเส อสฺสมํ มาเปตฺวา วสึสุ, กสิณปริกมฺมมตฺตมฺปิ เนสํ นตฺถิ, อรฺโต ผลาผลานิ อาหริตฺวา ขาทิตฺวา หสมานา นานปฺปการาย เกฬิยา วีตินาเมนฺติ. เตสํ สนฺติเก เอโก มกฺกโฏ อตฺถิ, โสปิ เกฬิสีลโกว ¶ มุขวิการาทีนิ กโรนฺโต ตาปสานํ นานาวิธํ เกฬึ ทสฺเสติ. ตาปสา ตตฺถ จิรํ วสิตฺวา โลณมฺพิลเสวนตฺถาย มนุสฺสปถํ อคมํสุ. เตสํ คตกาลโต ปฏฺาย โพธิสตฺโต ตํ านํ คนฺตฺวา วาสํ กปฺเปสิ, มกฺกโฏ เตสํ วิย ตสฺสปิ เกฬึ ทสฺเสสิ.
โพธิสตฺโต อจฺฉรํ ปหริตฺวา ‘‘สุสิกฺขิตปพฺพชิตานํ สนฺติเก วสนฺเตน นาม อาจารสมฺปนฺเนน ¶ กายาทีหิ สุสฺเตน ฌาเนสุ ยุตฺเตน ภวิตุํ วฏฺฏตี’’ติ ตสฺส โอวาทํ อทาสิ. โส ตโต ปฏฺาย สีลวา อาจารสมฺปนฺโน อโหสิ, โพธิสตฺโตปิ ตโต อฺตฺถ อคมาสิ. อถ เต ตาปสา โลณมฺพิลํ เสวิตฺวา ตํ านํ อคมํสุ. มกฺกโฏ ปุพฺเพ วิย เตสํ เกฬึ น ทสฺเสสิ. อถ นํ ตาปสา ‘‘ปุพฺเพ, ตฺวํ อาวุโส, อมฺหากํ ปุรโต เกฬึ อกาสิ, อิทานิ น กโรสิ, กึการณา’’ติ ปุจฺฉนฺตา ปมํ คาถมาหํสุ –
‘‘ปุเร ตุวํ สีลวตํ สกาเส, โอกฺกนฺติกํ กีฬสิ อสฺสมมฺหิ;
กโรหเร มกฺกฏิยานิ มกฺกฏ, น ตํ มยํ สีลวตํ รมามา’’ติ.
ตตฺถ สีลวตํ สกาเสติ เกฬิสีลานํ อมฺหากํ สนฺติเก. โอกฺกนฺติกนฺติ มิโค วิย โอกฺกนฺติตฺวา กีฬสิ. กโรหเรติ เอตฺถ อเรติ อาลปนํ. มกฺกฏิยานีติ มุขมกฺกฏิกกีฬาสงฺขาตานิ มุขวิการานิ. น ตํ มยํ สีลวตํ รมามาติ ยํ ปุพฺเพ ตว เกฬิสีลํ เกฬิวตํ, ตํ มยํ เอตรหิ น รมาม, ตฺวมฺปิ โน น รมาเปสิ, กึ นุ โข การณนฺติ.
ตํ ¶ สุตฺวา มกฺกโฏ ทุติยํ คาถมาห –
‘‘สุตา หิ มยฺหํ ปรมา วิสุทฺธิ, โกมารปุตฺตสฺส พหุสฺสุตสฺส;
มา ทานิ มํ มฺิ ตุวํ ยถา ปุเร, ฌานานุยุตฺโต วิหรามิ อาวุโส’’ติ.
ตตฺถ ¶ มยฺหนฺติ กรณตฺเถ สมฺปทานํ. วิสุทฺธีติ ฌานวิสุทฺธิ. พหุสฺสุตสฺสาติ พหูนํ กสิณปริกมฺมานํ อฏฺนฺนฺจ สมาปตฺตีนํ สุตตฺตา เจว ปฏิวิทฺธตฺตา จ พหุสฺสุตสฺส. ตุวนฺติ เตสุ เอกํ ตาปสํ อาลปนฺโต อิทานิ มา มํ ตฺวํ ปุเร วิย สฺชานิ, นาหํ ปุริมสทิโส, อาจริโย เม ลทฺโธติ ทีเปติ.
ตํ ¶ สุตฺวา ตาปสา ตติยํ คาถมาหํสุ –
‘‘สเจปิ เสลสฺมิ วเปยฺย พีชํ, เทโว จ วสฺเส น หิ ตํ วิรูฬฺเห;
สุตา หิ เต สา ปรมา วิสุทฺธิ, อารา ตุวํ มกฺกฏ ฌานภูมิยา’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – สเจปิ ปาสาณปิฏฺเ ปฺจวิธํ พีชํ วเปยฺย, เทโว จ สมฺมา วสฺเสยฺย, อเขตฺตตาย ตํ น วิรูฬฺเหยฺย, เอวเมว ตยา ปรมา ฌานวิสุทฺธิ สุตา, ตฺวํ ปน ติรจฺฉานโยนิกตฺตา อารา ฌานภูมิยา ทูเร ิโต, น สกฺกา ตยา ฌานํ นิพฺพตฺเตตุนฺติ มกฺกฏํ ครหึสุ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา เกฬิสีลา ตาปสา อิเม ภิกฺขู อเหสุํ, โกมารปุตฺโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
โกมารปุตฺตชาตกวณฺณนา นวมา.
[๓๐๐] ๑๐. วกชาตกวณฺณนา
ปรปาณโรธา ชีวนฺโตติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปุราณสนฺถตํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ วินเย (ปารา. ๕๖๕ อาทโย) วิตฺถารโต อาคตเมว. อยํ ปเนตฺถ สงฺเขโป – อายสฺมา อุปเสโน ทุวสฺสิโก เอกวสฺสิเกน สทฺธิวิหาริเกน สทฺธึ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา สตฺถารา ครหิโต ¶ วนฺทิตฺวา ปกฺกนฺโต วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา อรหตฺตปฺปตฺโต อปฺปิจฺฉตาทิคุณยุตฺโต เตรส ธุตงฺคานิ สมาทาย ปริสมฺปิ เตรสธุตงฺคธรํ กตฺวา ภควติ เตมาสํ ปฏิสลฺลีเน สปริโส สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ปริสํ นิสฺสาย ปมํ ครหํ ลภิตฺวา อธมฺมิกาย กติกาย อนนุวตฺตเน ทุติยํ สาธุการํ ลภิตฺวา ‘‘อิโต ปฏฺาย ธุตงฺคธรา ภิกฺขู ยถาสุขํ อุปสงฺกมิตฺวา มํ ปสฺสนฺตู’’ติ สตฺถารา กตานุคฺคโห นิกฺขมิตฺวา ภิกฺขูนํ ตมตฺถํ อาโรเจสิ. ตโต ปภุติ ภิกฺขู ธุตงฺคธรา หุตฺวา สตฺถารํ ¶ ทสฺสนาย อุปสงฺกมิตฺวา สตฺถริ ปฏิสลฺลานา วุฏฺิเต ตตฺถ ตตฺถ ปํสุกูลานิ ฉฑฺเฑตฺวา อตฺตโน ปตฺตจีวราเนว คณฺหึสุ. สตฺถา สมฺพหุเลหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ เสนาสนจาริกํ จรนฺโต ¶ ตตฺถ ตตฺถ ปติตานิ ปํสุกูลานิ ทิสฺวา ปุจฺฉิตฺวา ตมตฺถํ สุตฺวา ‘‘ภิกฺขเว, อิเมสํ นาม ภิกฺขูนํ ธุตงฺคสมาทานํ น จิรฏฺิติกํ วกสฺส อุโปสถกมฺมสทิสํ อโหสี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต สกฺโก เทวราชา อโหสิ. อเถโก วโก คงฺคาตีเร ปาสาณปิฏฺเ วสติ, อถ คงฺคาย มโหทกํ อาคนฺตฺวา ตํ ปาสาณํ ปริกฺขิปิ. วโก อภิรุหิตฺวา ปาสาณปิฏฺเ นิปชฺชิ, เนวสฺส โคจโร อตฺถิ, น โคจราย คมนมคฺโค, อุทกมฺปิ วฑฺฒเตว. โส จินฺเตสิ – ‘‘มยฺหํ เนว โคจโร อตฺถิ, น โคจราย คมนมคฺโค, นิกฺกมฺมสฺส ปน นิปชฺชนโต อุโปสถกมฺมํ วร’’นฺติ มนสาว อุโปสถํ อธิฏฺาย สีลานิ สมาทิยิตฺวา นิปชฺชิ. ตทา สกฺโก เทวราชา อาวชฺชมาโน ตสฺส ตํ ทุพฺพลสมาทานํ ตฺวา ‘‘เอตํ วกํ วิเหเสฺสามี’’ติ เอฬกรูเปน อาคนฺตฺวา ตสฺส อวิทูเร ตฺวา อตฺตานํ ทสฺเสสิ. วโก ตํ ทิสฺวา ‘‘อฺสฺมึ ทิวเส อุโปสถกมฺมํ ชานิสฺสามี’’ติ อุฏฺาย ตํ คณฺหิตุํ ปกฺขนฺทิ. เอฬโกปิ อิโต จิโต จ ปกฺขนฺทิตฺวา อตฺตานํ คเหตุํ นาทาสิ. วโก ตํ คเหตุํ อสกฺโกนฺโต นิวตฺติตฺวา อาคมฺม ‘‘อุโปสถกมฺมํ ตาว เม น ภิชฺชตี’’ติ ตตฺเถว ปุน นิปชฺชิ. สกฺโก สกฺกตฺตภาเวเนว อากาเส ตฺวา ‘‘ตาทิสสฺส ทุพฺพลชฺฌาสยสฺส กึ อุโปสถกมฺเมน, ตฺวํ มม สกฺกภาวํ อชานนฺโต เอฬกมํสํ ขาทิตุกาโม อโหสี’’ติ ตํ วิเหเตฺวา ครหิตฺวา เทวโลกเมว คโต.
‘‘ปรปาณโรธา ชีวนฺโต, มํสโลหิตโภชโน;
วโก วตํ สมาทาย, อุปปชฺชิ อุโปสถํ.
‘‘ตสฺส ¶ สกฺโก วตฺาย, อชรูเปนุปาคมิ;
วีตตโป อชฺฌปฺปตฺโต, ภฺชิ โลหิตโป ตปํ.
‘‘เอวเมว ¶ ¶ อิเธกจฺเจ, สมาทานมฺหิ ทุพฺพลา;
ลหุํ กโรนฺติ อตฺตานํ, วโกว อชการณา’’ติ. –
ติสฺโสปิ อภิสมฺพุทฺธคาถาว.
ตตฺถ อุปปชฺชิ อุโปสถนฺติ อุโปสถวาสํ อุปคโต. วตฺายาติ ตสฺส ทุพฺพลวตํ อฺาย. วีตตโป อชฺฌปฺปตฺโตติ วิคตตโป หุตฺวา อุปคโต, ตํ ขาทิตุํ ปกฺขนฺทีติ อตฺโถ. โลหิตโปติ โลหิตปายี. ตปนฺติ ตํ อตฺตโน สมาทานตปํ ภินฺทิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา สกฺโก อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
วกชาตกวณฺณนา ทสมา.
กุมฺภวคฺโค ปฺจโม.
ตสฺสุทฺทานํ –
วรกุมฺภ สุปตฺต สิริวฺหยโน, สุจิสมฺมต พินฺทุสโร จุสโภ;
สริตํปติ จณฺฑิ ชรากปินา, อถ มกฺกฏิยา วกเกน ทสาติ.
อถ วคฺคุทฺทานํ –
สงฺกปฺโป ปทุโม เจว, อุทปาเนน ตติยํ;
อพฺภนฺตรํ ฆฏเภทํ, ติกนิปาตมฺหิลงฺกตนฺติ.
ติกนิปาตวณฺณนา นิฏฺิตา.
(ทุติโย ภาโค นิฏฺิโต.)