📜
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
ชาตก-อฏฺกถา
(ทุติโย ภาโค)
๒. ทุกนิปาโต
๑. ทฬฺหวคฺโค
[๑๕๑] ๑. ราโชวาทชาตกวณฺณนา
ทฬฺหํ ¶ ¶ ¶ ทฬฺหสฺส ขิปตีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ราโชวาทํ อารพฺภ กเถสิ. โส เตสกุณชาตเก (ชา. ๒.๑๗.๑ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติ. เอกสฺมึ ปน ทิวเส โกสลราชา เอกํ อคติคตํ ทุพฺพินิจฺฉยํ อฑฺฑํ วินิจฺฉินิตฺวา ภุตฺตปาตราโส อลฺลหตฺโถว อลงฺกตรถํ อภิรุยฺห สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ผุลฺลปทุมสสฺสิริเกสุ ปาเทสุ นิปติตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. อถ นํ สตฺถา เอตทโวจ – ‘‘หนฺท กุโต นุ ตฺวํ, มหาราช, อาคจฺฉสิ ทิวา ทิวสฺสา’’ติ. ‘‘ภนฺเต, อชฺช เอกํ อคติคตํ ทุพฺพินิจฺฉยํ อฑฺฑํ วินิจฺฉินนฺโต ¶ โอกาสํ อลภิตฺวา อิทานิ ตํ ตีเรตฺวา ภฺุชิตฺวา อลฺลหตฺโถว ตุมฺหากํ อุปฏฺานํ อาคโตมฺหี’’ติ. สตฺถา ‘‘มหาราช, ธมฺเมน สเมน อฑฺฑวินิจฺฉยํ นาม กุสลํ, สคฺคมคฺโค เอส. อนจฺฉริยํ โข ปเนตํ, ยํ ตุมฺเห มาทิสสฺส สพฺพฺุพุทฺธสฺส สนฺติกา โอวาทํ ลภมานา ธมฺเมน สเมน อฑฺฑํ วินิจฺฉิเนยฺยาถ. เอตเทว อจฺฉริยํ, ยํ ปุพฺเพ ราชาโน อสพฺพฺูนมฺปิ ปณฺฑิตานํ วจนํ สุตฺวา ธมฺเมน สเมน ¶ อฑฺฑํ วินิจฺฉินนฺตา จตฺตาริ อคติคมนานิ วชฺเชตฺวา ทส ราชธมฺเม อโกเปตฺวา ธมฺเมน รชฺชํ กาเรตฺวา สคฺคปุรํ ปูรยมานา อคมึสู’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต ¶ พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา ลทฺธคพฺภปริหาโร โสตฺถินา มาตุกุจฺฉิมฺหา นิกฺขมิ. นามคฺคหณทิวเส ปนสฺส ‘‘พฺรหฺมทตฺตกุมาโร’’ตฺเวว นามํ อกํสุ. โส อนุปุพฺเพน วยปฺปตฺโต โสฬสวสฺสกาเล ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา สพฺพสิปฺเปสุ นิปฺผตฺตึ ปตฺวา ปิตุ อจฺจเยน รชฺเช ปติฏฺาย ธมฺเมน สเมน รชฺชํ กาเรสิ, ฉนฺทาทิวเสน อคนฺตฺวา วินิจฺฉยํ อนุสาสิ. ตสฺมึ เอวํ ธมฺเมน รชฺชํ กาเรนฺเต อมจฺจาปิ ธมฺเมเนว โวหารํ วินิจฺฉินึสุ. โวหาเรสุ ธมฺเมน วินิจฺฉยมาเนสุ กูฏฑฺฑการกา นาม นาเหสุํ, เตสํ อภาวา อฑฺฑตฺถาย ราชงฺคเณ อุปรโว ปจฺฉิชฺชิ. อมจฺจา ทิวสมฺปิ วินิจฺฉยฏฺาเน นิสีทิตฺวา กฺจิ วินิจฺฉยตฺถาย อาคจฺฉนฺตํ อทิสฺวา อุฏฺาย ปกฺกมนฺติ, วินิจฺฉยฏฺานํ ฉฑฺเฑตพฺพภาวํ ปาปุณิ.
โพธิสตฺโต จินฺเตสิ – ‘‘มยิ ธมฺเมน รชฺชํ กาเรนฺเต วินิจฺฉยฏฺานํ อาคจฺฉนฺตา นาม นตฺถิ, อุปรโว ปจฺฉิชฺชิ, วินิจฺฉยฏฺานํ ฉฑฺเฑตพฺพภาวํ ปตฺตํ, อิทานิ มยา อตฺตโน อคุณํ ปริเยสิตุํ วฏฺฏติ ‘อยํ นาม เม อคุโณ’ติ สุตฺวา ตํ ปหาย คุเณสุเยว วตฺติสฺสามี’’ติ. ตโต ปฏฺาย ‘‘อตฺถิ นุ โข เม โกจิ อคุณวาที’’ติ ปริคฺคณฺหนฺโต อนฺโตวฬฺชกานํ อนฺตเร กฺจิ อคุณวาทึ อทิสฺวา อตฺตโน คุณกถเมว สุตฺวา ‘‘เอเต มยฺหํ ภเยนาปิ อคุณํ อวตฺวา คุณเมว วเทยฺยุ’’นฺติ พหิวฬฺชนเก ปริคฺคณฺหนฺโต ตตฺถาปิ อทิสฺวา อนฺโตนคเร ปริคฺคณฺหิ. พหินคเร จตูสุ ทฺวาเรสุ จตุคามเก ปริคฺคณฺหิ. ตตฺถาปิ กฺจิ อคุณวาทึ อทิสฺวา อตฺตโน คุณกถเมว สุตฺวา ‘‘ชนปทํ ปริคฺคณฺหิสฺสามี’’ติ อมจฺเจ รชฺชํ ปฏิจฺฉาเปตฺวา รถํ อารุยฺห สารถิเมว คเหตฺวา อฺาตกเวเสน นครา นิกฺขมิตฺวา ชนปทํ ปริคฺคณฺหมาโน ยาว ปจฺจนฺตภูมึ คนฺตฺวา กฺจิ อคุณวาทึ ¶ อทิสฺวา อตฺตโน คุณกถเมว สุตฺวา ปจฺจนฺตสีมโต มหามคฺเคน นคราภิมุโขเยว นิวตฺติ.
ตสฺมึ ¶ ¶ ปน กาเล พลฺลิโก นาม โกสลราชาปิ ธมฺเมน รชฺชํ กาเรนฺโต อคุณกถํ คเวสนฺโต หุตฺวา อนฺโตวฬฺชกาทีสุ อคุณวาทึ อทิสฺวา อตฺตโน คุณกถเมว สุตฺวา ชนปทํ ปริคฺคณฺหนฺโต ตํ ปเทสํ อคมาสิ. เต อุโภปิ เอกสฺมึ นินฺนฏฺาเน สกฏมคฺเค อภิมุขา อเหสุํ, รถสฺส อุกฺกมนฏฺานํ นตฺถิ. อถ พลฺลิกรฺโ สารถิ พาราณสิรฺโ สารถึ ‘‘ตว รถํ อุกฺกมาเปหี’’ติ อาห. โสปิ ‘‘อมฺโภ สารถิ, ตว รถํ อุกฺกมาเปหิ, อิมสฺมึ รเถ พาราณสิรชฺชสามิโก พฺรหฺมทตฺตมหาราชา นิสินฺโน’’ติ อาห. อิตโรปิ นํ ‘‘อมฺโภ สารถิ, อิมสฺมึ รเถ โกสลรชฺชสามิโก พลฺลิกมหาราชา นิสินฺโน, ตว รถํ อุกฺกมาเปตฺวา อมฺหากํ รฺโ รถสฺส โอกาสํ เทหี’’ติ อาห. พาราณสิรฺโ สารถิ ‘‘อยมฺปิ กิร ราชาเยว, กึ นุ โข กาตพฺพ’’นฺติ จินฺเตนฺโต ‘‘อตฺเถโส อุปาโย’’ติ วยํ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ทหรสฺส รถํ อุกฺกมาเปตฺวา มหลฺลกสฺส โอกาสํ ทาเปสฺสามี’’ติ สนฺนิฏฺานํ กตฺวา ตํ สารถึ โกสลรฺโ วยํ ปุจฺฉิตฺวา ปริคฺคณฺหนฺโต อุภินฺนมฺปิ สมานวยภาวํ ตฺวา รชฺชปริมาณํ พลํ ธนํ ยสํ ชาตึ โคตฺตํ กุลปเทสนฺติ สพฺพํ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อุโภปิ ติโยชนสติกสฺส รชฺชสฺส สามิโน สมานพลธนยสชาติโคตฺตกุลปเทสา’’ติ ตฺวา ‘‘สีลวนฺตสฺส โอกาสํ ทสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘โภ สารถิ, ตุมฺหากํ รฺโ สีลาจาโร กีทิโส’’ติ ปุจฺฉิ. โส ‘‘อยฺจ อยฺจ อมฺหากํ รฺโ สีลาจาโร’’ติ อตฺตโน รฺโ อคุณเมว คุณโต ปกาเสนฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘ทฬฺหํ ทฬฺหสฺส ขิปติ, พลฺลิโก มุทุนา มุทุํ;
สาธุมฺปิ สาธุนา เชติ, อสาธุมฺปิ อสาธุนา;
เอตาทิโส อยํ ราชา, มคฺคา อุยฺยาหิ สารถี’’ติ.
ตตฺถ ¶ ทฬฺหํ ทฬฺหสฺส ขิปตีติ โย ทฬฺโห โหติ พลวทฬฺเหน ปหาเรน วา วจเนน วา ชินิตพฺโพ, ตสฺส ทฬฺหเมว ปหารํ วา วจนํ วา ขิปติ. เอวํ ทฬฺโหว หุตฺวา ตํ ชินาตีติ ทสฺเสติ. พลฺลิโกติ ตสฺส รฺโ นามํ. มุทุนา มุทุนฺติ มุทุปุคฺคลํ สยมฺปิ มุทุ หุตฺวา มุทุนาว อุปาเยน ชินาติ. สาธุมฺปิ สาธุนา เชตีติ เย สาธู สปฺปุริสา, เต สยมฺปิ สาธุ หุตฺวา สาธุนาว ¶ อุปาเยน ชินาติ. อสาธุมฺปิ อสาธุนาติ เย ปน อสาธู, เต สยมฺปิ อสาธุ หุตฺวา อสาธุนาว อุปาเยน ชินาตีติ ทสฺเสติ. เอตาทิโส อยํ ราชาติ อยํ อมฺหากํ โกสลราชา สีลาจาเรน เอวรูโป. มคฺคา อุยฺยาหิ สารถีติ อตฺตโน รถํ มคฺคา อุกฺกมาเปตฺวา อุยฺยาหิ, อุปฺปเถน ยาหิ, อมฺหากํ รฺโ มคฺคํ เทหีติ วทติ.
อถ ¶ นํ พาราณสิรฺโ สารถิ ‘‘อมฺโภ, กึ ปน ตยา อตฺตโน รฺโ คุณกถา กถิตา’’ติ วตฺวา ‘‘อามา’’ติ วุตฺเต ‘‘ยทิ ปน เอเต คุณาติ วทสิ, อคุณา ปน กีทิสี’’ติ วตฺวา ‘‘เอเต ตาว อคุณา โหนฺตุ, ตุมฺหากํ ปน รฺโ กีทิโส คุโณ’’ติ วุตฺเต ‘‘เตน หิ สุณาหี’’ติ ทุติยํ คาถมาห –
‘‘อกฺโกเธน ชิเน โกธํ, อสาธุํ สาธุนา ชิเน;
ชิเน กทริยํ ทาเนน, สจฺเจนาลิกวาทินํ;
เอตาทิโส อยํ ราชา, มคฺคา อุยฺยาหิ สารถี’’ติ.
ตตฺถ เอตาทิโสติ เอเตหิ ‘‘อกฺโกเธน ชิเน โกธ’’นฺติอาทิวเสน วุตฺเตหิ คุเณหิ สมนฺนาคโต. อยฺหิ กุทฺธํ ปุคฺคลํ สยํ อกฺโกโธ หุตฺวา อกฺโกเธน ชินาติ, อสาธุํ ปน สยํ สาธุ หุตฺวา สาธุนาว อุปาเยน ชินาติ, กทริยํ ถทฺธมจฺฉรึ สยํ ทายโก หุตฺวา ทาเนน ชินาติ. สจฺเจนาลิกวาทินนฺติ มุสาวาทึ สยํ สจฺจวาที หุตฺวา สจฺเจน ชินาติ. มคฺคา อุยฺยาหิ สารถีติ, สมฺม สารถิ, มคฺคโต อปคจฺฉ. เอวํวิธสีลาจารคุณยุตฺตสฺส อมฺหากํ รฺโ มคฺคํ เทหิ, อมฺหากํ ราชา มคฺคสฺส อนุจฺฉวิโกติ.
เอวํ วุตฺเต พลฺลิกราชา จ สารถิ จ อุโภปิ รถา โอตริตฺวา อสฺเส โมเจตฺวา รถํ อปเนตฺวา พาราณสิรฺโ มคฺคํ อทํสุ. พาราณสิราชา พลฺลิกรฺโ ‘‘รฺา นาม อิทฺจิทฺจ กาตุํ ¶ วฏฺฏตี’’ติ โอวาทํ ทตฺวา พาราณสึ คนฺตฺวา ทานาทีนิ ปฺุานิ กตฺวา ชีวิตปริโยสาเน สคฺคปุรํ ปูเรสิ. พลฺลิกราชาปิ ตสฺส โอวาทํ คเหตฺวา ชนปทํ ปริคฺคเหตฺวา อตฺตโน อคุณวาทึ อทิสฺวาว สกนครํ คนฺตฺวา ทานาทีนิ ปฺุานิ กตฺวา ชีวิตปริโยสาเน สคฺคปุรเมว ปูเรสิ.
สตฺถา ¶ โกสลราชสฺส โอวาทตฺถาย อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา พลฺลิกรฺโ สารถิ โมคฺคลฺลาโน อโหสิ, พลฺลิกราชา อานนฺโท, พาราณสิรฺโ สารถิ สาริปุตฺโต, พาราณสิราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
ราโชวาทชาตกวณฺณนา ปมา.
[๑๕๒] ๒. สิงฺคาลชาตกวณฺณนา
อสเมกฺขิตกมฺมนฺตนฺติ ¶ อิทํ สตฺถา กูฏาคารสาลายํ วิหรนฺโต เวสาลิวาสิกํ เอกํ นฺหาปิตปุตฺตํ อารพฺภ กเถสิ. ตสฺส กิร ปิตา ราชูนํ ราโชโรธานํ ราชกุมารานํ ราชกุมาริกานฺจ มสฺสุกรณเกสสณฺปนอฏฺปทฏฺปนาทีนิ สพฺพกิจฺจานิ กโรติ สทฺโธ ปสนฺโน ติสรณคโต สมาทินฺนปฺจสีโล, อนฺตรนฺตเร สตฺถุ ธมฺมํ สุณนฺโต กาลํ วีตินาเมติ. โส เอกสฺมึ ทิวเส ราชนิเวสเน กมฺมํ กาตุํ คจฺฉนฺโต อตฺตโน ปุตฺตํ คเหตฺวา คโต. โส ตตฺถ เอกํ เทวจฺฉราปฏิภาคํ อลงฺกตปฏิยตฺตํ ลิจฺฉวิกุมาริกํ ทิสฺวา กิเลสวเสน ปฏิพทฺธจิตฺโต หุตฺวา ปิตรา สทฺธึ ราชนิเวสนา นิกฺขมิตฺวา ‘‘เอตํ กุมาริกํ ลภมาโน ชีวิสฺสามิ, อลภมานสฺส เม เอตฺเถว มรณ’’นฺติ อาหารุปจฺเฉทํ กตฺวา มฺจกํ ปริสฺสชิตฺวา นิปชฺชิ.
อถ นํ ปิตา อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ตาต, อวตฺถุมฺหิ ฉนฺทราคํ มา กริ, หีนชจฺโจ ตฺวํ นฺหาปิตปุตฺโต, ลิจฺฉวิกุมาริกา ขตฺติยธีตา ชาติสมฺปนฺนา, น สา ตุยฺหํ อนุจฺฉวิกา, อฺํ เต ชาติโคตฺเตหิ สทิสํ กุมาริกํ อาเนสฺสามี’’ติ อาห. โส ปิตุ กถํ น คณฺหิ. อถ นํ มาตา ภาตา ภคินี จูฬปิตา จูฬมาตาติ สพฺเพปิ าตกา เจว มิตฺตสุหชฺชา จ สนฺนิปติตฺวา สฺาเปนฺตาปิ สฺาเปตุํ นาสกฺขึสุ. โส ตตฺเถว สุสฺสิตฺวา ปริสุสฺสิตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาปุณิ. อถสฺส ปิตา สรีรกิจฺจเปตกิจฺจานิ กตฺวา ตนุโสโก ¶ ‘‘สตฺถารํ วนฺทิสฺสามี’’ติ พหุํ คนฺธมาลาวิเลปนํ คเหตฺวา มหาวนํ คนฺตฺวา สตฺถารํ ปูเชตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺโน ‘‘กึ นุ โข, อุปาสก, พหูนิ ทิวสานิ น ทิสฺสสี’’ติ วุตฺเต ตมตฺถํ อาโรเจสิ. สตฺถา ‘‘น โข, อุปาสก, อิทาเนว ตว ปุตฺโต อวตฺถุสฺมึ ¶ ฉนฺทราคํ อุปฺปาเทตฺวา วินาสํ ปาปุณิ, ปุพฺเพปิ ปตฺโตเยวา’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต หิมวนฺตปเทเส สีหโยนิยํ นิพฺพตฺติ. ตสฺส ฉ กนิฏฺภาตโร เอกา จ ภคินี อโหสิ, สพฺเพปิ กฺจนคุหายํ วสนฺติ. ตสฺสา ปน คุหาย อวิทูเร รชตปพฺพเต เอกา ผลิกคุหา อตฺถิ, ตตฺเถโก สิงฺคาโล วสติ. อปรภาเค สีหานํ มาตาปิตโร กาลมกํสุ. เต ภคินึ สีหโปติกํ กฺจนคุหายํ เปตฺวา โคจราย ปกฺกมิตฺวา มํสํ อาหริตฺวา ตสฺสา เทนฺติ. โส สิงฺคาโล ตํ สีหโปติกํ ทิสฺวา ปฏิพทฺธจิตฺโต อโหสิ. ตสฺสา ปน มาตาปิตูนํ ธรมานกาเล โอกาสํ นาลตฺถ, โส สตฺตนฺนมฺปิ เตสํ โคจราย ปกฺกนฺตกาเล ผลิกคุหาย โอตริตฺวา กฺจนคุหาย ทฺวารํ คนฺตฺวา สีหโปติกาย ¶ ปุรโต โลกามิสปฏิสํยุตฺตํ เอวรูปํ รหสฺสกถํ กเถสิ – ‘‘สีหโปติเก, อหมฺปิ จตุปฺปโท, ตฺวมฺปิ จตุปฺปทา, ตฺวํ เม ปชาปตี โหหิ, อหํ เต ปติ ภวิสฺสามิ, เต มยํ สมคฺคา สมฺโมทมานา วสิสฺสาม, ตฺวํ อิโต ปฏฺาย มํ กิเลสวเสน สงฺคณฺหาหี’’ติ. สา ตสฺส วจนํ สุตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อยํ สิงฺคาโล จตุปฺปทานํ อนฺตเร หีโน ปฏิกุฏฺโ จณฺฑาลสทิโส, มยํ อุตฺตมราชกุลสมฺมตา, เอส โข มยา สทฺธึ อสพฺภึ อนนุจฺฉวิกํ กถํ กเถติ, อหํ เอวรูปํ กถํ สุตฺวา ชีวิเตน กึ กริสฺสามิ, นาสาวาตํ สนฺนิรุชฺฌิตฺวา มริสฺสามี’’ติ. อถสฺสา เอตทโหสิ – ‘‘มยฺหํ เอวเมว มรณํ อยุตฺตํ, ภาติกา ตาว เม อาคจฺฉนฺตุ, เตสํ กเถตฺวา ¶ มริสฺสามี’’ติ. สิงฺคาโลปิ ตสฺสา สนฺติกา ปฏิวจนํ อลภิตฺวา ‘‘อิทานิ เอสา มยฺหํ กุชฺฌตี’’ติ โทมนสฺสปฺปตฺโต ผลิกคุหายํ ปวิสิตฺวา นิปชฺชิ.
อเถโก สีหโปตโก มหึสวารณาทีสุ อฺตรํ วธิตฺวา มํสํ ขาทิตฺวา ภคินิยา ภาคํ อาหริตฺวา ‘‘อมฺม, มํสํ ขาทสฺสู’’ติ อาห. ‘‘ภาติก, นาหํ มํสํ ขาทามิ, มริสฺสามี’’ติ. ‘‘กึ การณา’’ติ? สา ตํ ปวตฺตึ อาจิกฺขิ. ‘‘อิทานิ กหํ โส สิงฺคาโล’’ติ จ วุตฺเต ผลิกคุหายํ นิปนฺนํ สิงฺคาลํ ‘‘อากาเส นิปนฺโน’’ติ มฺมานา ‘‘ภาติก, กึ น ปสฺสสิ, เอโส รชตปพฺพเต อากาเส นิปนฺโน’’ติ. สีหโปตโก ตสฺส ผลิกคุหายํ นิปนฺนภาวํ อชานนฺโต ‘‘อากาเส นิปนฺโน’’ติ สฺี ¶ หุตฺวา ‘‘มาเรสฺสามิ น’’นฺติ สีหเวเคน ปกฺขนฺทิตฺวา ผลิกคุหํ หทเยเนว ปหริ. โส หทเยน ผลิเตน ตตฺเถว ชีวิตกฺขยํ ปตฺวา ปพฺพตปาเท ปติ. อถาปโร อาคจฺฉิ, สา ตสฺสปิ ตเถว กเถสิ. โสปิ ตเถว กตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปตฺวา ปพฺพตปาเท ปติ.
เอวํ ฉสุปิ ภาติเกสุ มเตสุ สพฺพปจฺฉา โพธิสตฺโต อาคจฺฉิ. สา ตสฺสปิ ตํ การณํ อาโรเจตฺวา ‘‘อิทานิ โส กุหิ’’นฺติ วุตฺเต ‘‘เอโส รชตปพฺพตมตฺถเก อากาเส นิปนฺโน’’ติ อาห. โพธิสตฺโต จินฺเตสิ – ‘‘สิงฺคาลานํ อากาเส ปติฏฺา นาม นตฺถิ, ผลิกคุหายํ นิปนฺนโก ภวิสฺสตี’’ติ. โส ปพฺพตปาทํ โอตริตฺวา ฉ ภาติเก มเต ทิสฺวา ‘‘อิเม อตฺตโน พาลตาย ปริคฺคณฺหนปฺาย อภาเวน ผลิกคุหภาวํ อชานิตฺวา หทเยน ปหริตฺวา มตา ภวิสฺสนฺติ, อสเมกฺขิตฺวา อติตุริตํ กโรนฺตานํ กมฺมํ นาม เอวรูปํ โหตี’’ติ วตฺวา ปมํ คาถมาห –
‘‘อสเมกฺขิตกมฺมนฺตํ, ตุริตาภินิปาตินํ;
สานิ กมฺมานิ ตปฺเปนฺติ, อุณฺหํวชฺโฌหิตํ มุเข’’ติ.
ตตฺถ ¶ ¶ อสเมกฺขิตกมฺมนฺตํ, ตุริตาภินิปาตินนฺติ โย ปุคฺคโล ยํ กมฺมํ กตฺตุกาโม โหติ, ตตฺถ โทสํ อสเมกฺขิตฺวา อนุปธาเรตฺวา ตุริโต หุตฺวา เวเคเนว ตํ กมฺมํ กาตุํ อภินิปตติ ปกฺขนฺทติ ปฏิปชฺชติ, ตํ อสเมกฺขิตกมฺมนฺตํ ตุริตาภินิปาตินํ เอวํ สานิ กมฺมานิ ตปฺเปนฺติ, โสเจนฺติ กิลเมนฺติ. ยถา กึ? อุณฺหํวชฺโฌหิตํ มุเขติ, ยถา ภฺุชนฺเตน ‘‘อิทํ สีตลํ อิทํ อุณฺห’’นฺติ อนุปธาเรตฺวา อุณฺหํ อชฺโฌหรณียํ มุเข อชฺโฌหริตํ ปิตํ มุขมฺปิ กณฺมฺปิ กุจฺฉิมฺปิ ทหติ โสเจติ กิลเมติ, เอวํ ตถารูปํ ปุคฺคลํ สานิ กมฺมานิ ตปฺเปนฺติ.
อิติ โส สีโห อิมํ คาถํ วตฺวา ‘‘มม ภาติกา อนุปายกุสลตาย ‘สิงฺคาลํ มาเรสฺสามา’ติ อติเวเคน ปกฺขนฺทิตฺวา สยํ มตา, อหํ ปน เอวรูปํ อกตฺวา สิงฺคาลสฺส ผลิกคุหายํ นิปนฺนสฺเสว หทยํ ผาเลสฺสามี’’ติ สิงฺคาลสฺส อาโรหนโอโรหนมคฺคํ สลฺลกฺเขตฺวา ตทภิมุโข หุตฺวา ติกฺขตฺตุํ สีหนาทํ นทิ, ปถวิยา สทฺธึ อากาสํ เอกนินฺนาทํ อโหสิ. สิงฺคาลสฺส ผลิกคุหายํ นิปนฺนสฺเสว สีตตสิตสฺส หทยํ ผลิ, โส ตตฺเถว ชีวิตกฺขยํ ปาปุณิ.
สตฺถา ¶ ‘‘เอวํ โส สิงฺคาโล สีหนาทํ สุตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปตฺโต’’ติ วตฺวา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘สีโห จ สีหนาเทน, ททฺทรํ อภินาทยิ;
สุตฺวา สีหสฺส นิคฺโฆสํ, สิงฺคาโล ททฺทเร วสํ;
ภีโต สนฺตาสมาปาทิ, หทยฺจสฺส อปฺผลี’’ติ.
ตตฺถ สีโหติ จตฺตาโร สีหา – ติณสีโห, ปณฺฑุสีโห, กาฬสีโห, สุรตฺตหตฺถปาโท เกสรสีโหติ. เตสุ เกสรสีโห อิธ อธิปฺเปโต. ททฺทรํ อภินาทยีติ เตน อสนิปาตสทฺทสทิเสน เภรวตเรน สีหนาเทน ตํ รชตปพฺพตํ อภินาทยิ เอกนินฺนาทํ อกาสิ. ททฺทเร วสนฺติ ผลิกมิสฺสเก รชตปพฺพเต วสนฺโต. ภีโต สนฺตาสมาปาทีติ มรณภเยน ภีโต จิตฺตุตฺราสํ อาปาทิ. หทยฺจสฺส อปฺผลีติ เตน จสฺส ภเยน หทยํ ผลีติ.
เอวํ ¶ ¶ สีโห สิงฺคาลํ ชีวิตกฺขยํ ปาเปตฺวา ภาตโร เอกสฺมึ าเน ปฏิจฺฉาเทตฺวา เตสํ มตภาวํ ภคินิยา อาจิกฺขิตฺวา ตํ สมสฺสาเสตฺวา ยาวชีวํ กฺจนคุหายํ วสิตฺวา ยถากมฺมํ คโต.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุปาสโก โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ‘‘ตทา สิงฺคาโล นฺหาปิตปุตฺโต อโหสิ, สีหโปติกา ลิจฺฉวิกุมาริกา, ฉ กนิฏฺภาตโร อฺตรเถรา อเหสุํ, เชฏฺภาติกสีโห ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
สิงฺคาลชาตกวณฺณนา ทุติยา.
[๑๕๓] ๓. สูกรชาตกวณฺณนา
จตุปฺปโท อหํ, สมฺมาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ มหลฺลกตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ. เอกสฺมิฺหิ ทิวเส รตฺตึ ธมฺมสฺสวเน วตฺตมาเน สตฺถริ คนฺธกุฏิทฺวาเร รมณีเย โสปานผลเก ตฺวา ภิกฺขุสงฺฆสฺส สุคโตวาทํ ทตฺวา คนฺธกุฏึ ปวิฏฺเ ธมฺมเสนาปติ สตฺถารํ วนฺทิตฺวา อตฺตโน ปริเวณํ อคมาสิ. มหาโมคฺคลฺลาโนปิ ปริเวณเมว คนฺตฺวา ¶ มุหุตฺตํ วิสฺสมิตฺวา เถรสฺส สนฺติกํ อาคนฺตฺวา ปฺหํ ปุจฺฉิ, ปุจฺฉิตปุจฺฉิตํ ธมฺมเสนาปติ คคนตเล ปุณฺณจนฺทํ อุฏฺาเปนฺโต วิย วิสฺสชฺเชตฺวา ปากฏมกาสิ. จตสฺโสปิ ปริสา ธมฺมํ สุณมานา นิสีทึสุ. ตตฺเถโก มหลฺลกตฺเถโร จินฺเตสิ – ‘‘สจาหํ อิมิสฺสา ปริสาย มชฺเฌ สาริปุตฺตํ อาลุเฬนฺโต ปฺหํ ปุจฺฉิสฺสามิ, อยํ เม ปริสา ‘พหุสฺสุโต อย’นฺติ ตฺวา สกฺการสมฺมานํ กริสฺสตี’’ติ ปริสนฺตรา อุฏฺาย เถรํ อุปสงฺกมิตฺวา เอกมนฺตํ ตฺวา ‘‘อาวุโส สาริปุตฺต, มยมฺปิ ตํ เอกํ ปฺหํ ปุจฺฉาม, อมฺหากมฺปิ โอกาสํ กโรหิ, เทหิ เม วินิจฺฉยํ อาเวธิกาย วา นิเวธิกาย วา นิคฺคเห วา ปคฺคเห วา วิเสเส วา ปฏิวิเสเส วา’’ติ อาห. เถโร ตํ โอโลเกตฺวา ‘‘อยํ มหลฺลโก อิจฺฉาจาเร ิโต ตุจฺโฉ น กิฺจิ ชานาตี’’ติ เตน สทฺธึ อกเถตฺวาว ลชฺชมาโน พีชนึ เปตฺวา อาสนา โอตริตฺวา ปริเวณํ ¶ ปาวิสิ, โมคฺคลฺลานตฺเถโรปิ อตฺตโน ปริเวณเมว อคมาสิ.
มนุสฺสา อุฏฺาย ‘‘คณฺหเถตํ ตุจฺฉมหลฺลกํ, มธุรธมฺมสฺสวนํ โน โสตุํ น อทาสี’’ติ อนุพนฺธึสุ. โส ปลายนฺโต วิหารปจฺจนฺเต ภินฺนปทราย วจฺจกุฏิยา ปติตฺวา คูถมกฺขิโต อฏฺาสิ. มนุสฺสา ตํ ทิสฺวา วิปฺปฏิสาริโน หุตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ อคมํสุ. สตฺถา เต ทิสฺวา ‘‘กึ ¶ อุปาสกา อเวลาย อาคตตฺถา’’ติ ปุจฺฉิ, มนุสฺสา ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. สตฺถา ‘‘น โข อุปาสกา อิทาเนเวส มหลฺลโก อุปฺปิลาวิโต หุตฺวา อตฺตโน พลํ อชานิตฺวา มหาพเลหิ สทฺธึ ปโยเชตฺวา คูถมกฺขิโต ชาโต, ปุพฺเพเปส อุปฺปิลาวิโต หุตฺวา อตฺตโน พลํ อชานิตฺวา มหาพเลหิ สทฺธึ ปโยเชตฺวา คูถมกฺขิโต อโหสี’’ติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต สีโห หุตฺวา หิมวนฺตปเทเส ปพฺพตคุหาย วาสํ กปฺเปสิ. ตสฺสา อวิทูเร เอกํ สรํ นิสฺสาย พหู สูกรา นิวาสํ กปฺเปสุํ. ตเมว สรํ นิสฺสาย ตาปสาปิ ปณฺณสาลาสุ วาสํ กปฺเปสุํ. อเถกทิวสํ สีโห มหึสวารณาทีสุ อฺตรํ วธิตฺวา ยาวทตฺถํ มํสํ ขาทิตฺวา ตํ สรํ โอตริตฺวา ปานียํ ปิวิตฺวา อุตฺตริ. ตสฺมึ ขเณ เอโก ถูลสูกโร ตํ สรํ นิสฺสาย โคจรํ คณฺหาติ. สีโห ตํ ทิสฺวา ‘‘อฺํ เอกทิวสํ ¶ อิมํ ขาทิสฺสามิ, มํ โข ปน ทิสฺวา ปุน น อาคจฺเฉยฺยา’’ติ ตสฺส อนาคมนภเยน สรโต อุตฺตริตฺวา เอเกน ปสฺเสน คนฺตุํ อารภิ. สูกโร โอโลเกตฺวา ‘‘เอส มํ ทิสฺวา มม ภเยน อุปคนฺตุํ อสกฺโกนฺโต ภเยน ปลายติ, อชฺช มยา อิมินา สีเหน สทฺธึ ปโยเชตุํ วฏฺฏตี’’ติ สีสํ อุกฺขิปิตฺวา ตํ ยุทฺธตฺถาย อวฺหยนฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘จตุปฺปโท อหํ สมฺม, ตฺวมฺปิ สมฺม จตุปฺปโท;
เอหิ สมฺม นิวตฺตสฺสุ, กึ นุ ภีโต ปลายสี’’ติ.
สีโห ¶ ตสฺส กถํ สุตฺวา ‘‘สมฺม สูกร, อชฺช อมฺหากํ ตยา สทฺธึ สงฺคาโม นตฺถิ, อิโต ปน สตฺตเม ทิวเส อิมสฺมึเยว าเน สงฺคาโม โหตู’’ติ วตฺวา ปกฺกามิ. สูกโร ‘‘สีเหน สทฺธึ สงฺคาเมสฺสามี’’ติ หฏฺปหฏฺโ ตํ ปวตฺตึ าตกานํ อาโรเจสิ. เต ตสฺส กถํ สุตฺวา ภีตตสิตา ‘‘อิทานิ ตฺวํ สพฺเพปิ อมฺเห นาเสสฺสสิ, อตฺตโน พลํ อชานิตฺวา สีเหน สทฺธึ สงฺคามํ กตฺตุกาโมติ, สีโห อาคนฺตฺวา สพฺเพปิ อมฺเห ชีวิตกฺขยํ ปาเปสฺสติ, สาหสิกกมฺมํ มา กรี’’ติ อาหํสุ. โสปิ ภีตตสิโต ‘‘อิทานิ กึ กโรมี’’ติ ปุจฺฉิ. สูกรา ‘‘สมฺม, ตฺวํ เอเตสํ ตาปสานํ อุจฺจารภูมึ คนฺตฺวา ปูติคูเถ สตฺต ทิวสานิ สรีรํ ปริวฏฺเฏตฺวา สุกฺขาเปตฺวา สตฺตเม ทิวเส สรีรํ อุสฺสาวพินฺทูหิ เตเมตฺวา สีหสฺส อาคมนโต ปุริมตรํ คนฺตฺวา วาตโยคํ ตฺวา อุปริวาเต ติฏฺ, สุจิชาติโก สีโห ตว สรีรคนฺธํ ฆายิตฺวา ตุยฺหํ ชยํ ทตฺวา คมิสฺสตี’’ติ อาหํสุ. โส ตถา กตฺวา สตฺตเม ทิวเส ตตฺถ อฏฺาสิ. สีโห ตสฺส สรีรคนฺธํ ฆายิตฺวา คูถมกฺขิตภาวํ ตฺวา ‘‘สมฺม สูกร, สุนฺทโร เต เลโส ¶ จินฺติโต, สเจ ตฺวํ คูถมกฺขิโต นาภวิสฺส, อิเธว ตํ ชีวิตกฺขยํ อปาเปสฺสํ, อิทานิ ปน เต สรีรํ เนว มุเขน ฑํสิตุํ, น ปาเทน ปหริตุํ สกฺกา, ชยํ เต ทมฺมี’’ติ วตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘อสุจิ ปูติโลโมสิ, ทุคฺคนฺโธ วาสิ สูกร;
สเจ ยุชฺชิตุกาโมสิ, ชยํ สมฺม ททามิ เต’’ติ.
ตตฺถ ¶ ปูติโลโมติ มีฬฺหมกฺขิตตฺตา ทุคฺคนฺธโลโม. ทุคฺคนฺโธ วาสีติ อนิฏฺเชคุจฺฉปฏิกูลคนฺโธ หุตฺวา วายสิ. ชยํ, สมฺม, ททามิ เตติ ‘‘ตุยฺหํ ชยํ เทมิ, อหํ ปราชิโต, คจฺฉ ตฺว’’นฺติ วตฺวา สีโห ตโตว นิวตฺติตฺวา โคจรํ คเหตฺวา สเร ปานียํ ปิวิตฺวา ปพฺพตคุหเมว คโต. สูกโรปิ ‘‘สีโห เม ชิโต’’ติ าตกานํ อาโรเจสิ ¶ . เต ภีตตสิตา ‘‘ปุน เอกทิวสํ อาคจฺฉนฺโต สีโห สพฺเพว อมฺเห ชีวิตกฺขยํ ปาเปสฺสตี’’ติ ปลายิตฺวา อฺตฺถ อคมํสุ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา สูกโร มหลฺลโก อโหสิ, สีโห ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
สูกรชาตกวณฺณนา ตติยา.
[๑๕๔] ๔. อุรคชาตกวณฺณนา
อิธูรคานํ ปวโร ปวิฏฺโติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เสณิภณฺฑนํ อารพฺภ กเถสิ. โกสลรฺโ กิร เสวกา เสณิปมุขา ทฺเว มหามตฺตา อฺมฺํ ทิฏฺฏฺาเน กลหํ กโรนฺติ, เตสํ เวริภาโว สกลนคเร ปากโฏ ชาโต. เต เนว ราชา, น าติมิตฺตา สมคฺเค กาตุํ สกฺขึสุ. อเถกทิวสํ สตฺถา ปจฺจูสสมเย โพธเนยฺยพนฺธเว โอโลเกนฺโต เตสํ อุภินฺนมฺปิ โสตาปตฺติมคฺคสฺส อุปนิสฺสยํ ทิสฺวา ปุนทิวเส เอกโกว สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย ปวิสิตฺวา เตสุ เอกสฺส เคหทฺวาเร อฏฺาสิ. โส นิกฺขมิตฺวา ปตฺตํ คเหตฺวา สตฺถารํ อนฺโตนิเวสนํ ปเวเสตฺวา อาสนํ ปฺเปตฺวา นิสีทาเปสิ. สตฺถา นิสีทิตฺวา ตสฺส เมตฺตาภาวนาย อานิสํสํ กเถตฺวา กลฺลจิตฺตตํ ตฺวา สจฺจานิ ปกาเสสิ, โส สจฺจปริโยสาเน โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ.
สตฺถา ¶ ตสฺส โสตาปนฺนภาวํ ตฺวา ตเมว ปตฺตํ คาหาเปตฺวา อุฏฺาย อิตรสฺส เคหทฺวารํ อคมาสิ. โสปิ นิกฺขมิตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ‘‘ปวิสถ, ภนฺเต’’ติ ฆรํ ปเวเสตฺวา นิสีทาเปสิ. อิตโรปิ ปตฺตํ คเหตฺวา สตฺถารา สทฺธึเยว ปาวิสิ. สตฺถา ตสฺส เอกาทส เมตฺตานิสํเส วณฺเณตฺวา กลฺลจิตฺตตํ ตฺวา สจฺจานิ ปกาเสสิ, สจฺจปริโยสาเน โสปิ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. อิติ เต อุโภปิ โสตาปนฺนา ¶ หุตฺวา อฺมฺํ อจฺจยํ ทสฺเสตฺวา ขมาเปตฺวา สมคฺคา สมฺโมทมานา เอกชฺฌาสยา อเหสุํ. ตํ ทิวสฺเว จ ภควโต สมฺมุขาว เอกโต ภฺุชึสุ. สตฺถา ภตฺตกิจฺจํ นิฏฺาเปตฺวา วิหารํ อคมาสิ. เต พหูนิ มาลาคนฺธวิเลปนานิ เจว สปฺปิมธุผาณิตาทีนิ จ อาทาย สตฺถารา สทฺธึเยว นิกฺขมึสุ. สตฺถา ภิกฺขุสงฺเฆน วตฺเต ¶ ทสฺสิเต สุคโตวาทํ ทตฺวา คนฺธกุฏึ ปาวิสิ.
ภิกฺขู สายนฺหสมเย ธมฺมสภายํ สตฺถุ คุณกถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, สตฺถา อทนฺตทมโก, เย นาม ทฺเว มหามตฺเต จิรํ วายมมาโนปิ เนว ราชา สมคฺเค กาตุํ สกฺขิ, น าติมิตฺตาทโย สกฺขึสุ, เต เอกทิวเสเนว ตถาคเตน ทมิตา’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนวาหํ อิเม ทฺเว ชเน สมคฺเค อกาสึ, ปุพฺเพเปเต มยา สมคฺคา กตาเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต พาราณสิยํ อุสฺสเว โฆสิเต มหาสมชฺชํ อโหสิ. พหู มนุสฺสา เจว เทวนาคสุปณฺณาทโย จ สมชฺชทสฺสนตฺถํ สนฺนิปตึสุ. ตตฺเรกสฺมึ าเน เอโก นาโค จ สุปณฺโณ จ สมชฺชํ ปสฺสมานา เอกโต อฏฺํสุ. นาโค สุปณฺณสฺส สุปณฺณภาวํ อชานนฺโต อํเส หตฺถํ เปสิ. สุปณฺโณ ‘‘เกน เม อํเส หตฺโถ ปิโต’’ติ นิวตฺติตฺวา โอโลเกนฺโต นาคํ สฺชานิ. นาโคปิ โอโลเกนฺโต สุปณฺณํ สฺชานิตฺวา มรณภยตชฺชิโต นครา นิกฺขมิตฺวา นทีปิฏฺเน ปลายิ. สุปณฺโณปิ ‘‘ตํ คเหสฺสามี’’ติ อนุพนฺธิ. ตสฺมึ สมเย โพธิสตฺโต ตาปโส หุตฺวา ตสฺสา นทิยา ตีเร ปณฺณสาลาย วสมาโน ทิวา ทรถปฏิปฺปสฺสมฺภนตฺถํ อุทกสาฏิกํ นิวาเสตฺวา วกฺกลํ พหิ เปตฺวา นทึ โอตริตฺวา นฺหายติ. นาโค ‘‘อิมํ ปพฺพชิตํ นิสฺสาย ชีวิตํ ลภิสฺสามี’’ติ ปกติวณฺณํ วิชหิตฺวา มณิกฺขนฺธวณฺณํ มาเปตฺวา วกฺกลนฺตรํ ปาวิสิ. สุปณฺโณ อนุพนฺธมาโน ตํ ตตฺถ ปวิฏฺํ ทิสฺวา วกฺกเล ครุภาเวน อคฺคเหตฺวา โพธิสตฺตํ อามนฺเตตฺวา ‘‘ภนฺเต, อหํ ฉาโต, ตุมฺหากํ วกฺกลํ คณฺหถ, อิมํ นาคํ ขาทิสฺสามี’’ติ อิมมตฺถํ ปกาเสตุํ ปมํ คาถมาห –
‘‘อิธูรคานํ ¶ ¶ ¶ ปวโร ปวิฏฺโ, เสลสฺส วณฺเณน ปโมกฺขมิจฺฉํ;
พฺรหฺมฺจ วณฺณํ อปจายมาโน, พุภุกฺขิโต โน วิตรามิ โภตฺตุ’’นฺติ.
ตตฺถ อิธูรคานํ ปวโร ปวิฏฺโติ อิมสฺมึ วกฺกเล อุรคานํ ปวโร นาคราชา ปวิฏฺโ. เสลสฺส วณฺเณนาติ มณิวณฺเณน, มณิกฺขนฺโธ หุตฺวา ปวิฏฺโติ อตฺโถ. ปโมกฺขมิจฺฉนฺติ มม สนฺติกา โมกฺขํ อิจฺฉมาโน. พฺรหฺมฺจ วณฺณํ อปจายมาโนติ อหํ ปน ตุมฺหากํ พฺรหฺมวณฺณํ เสฏฺวณฺณํ ปูเชนฺโต ครุํ กโรนฺโต. พุภุกฺขิโต โน วิตรามิ โภตฺตุนฺติ เอตํ นาคํ วกฺกลนฺตรํ ปวิฏฺํ ฉาโตปิ สมาโน ภกฺขิตุํ น สกฺโกมีติ.
โพธิสตฺโต อุทเก ิโตเยว สุปณฺณราชสฺส ถุตึ กตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘โส พฺรหฺมคุตฺโต จิรเมว ชีว, ทิพฺยา จ เต ปาตุภวนฺตุ ภกฺขา;
โย พฺรหฺมวณฺณํ อปจายมาโน, พุภุกฺขิโต โน วิตราสิ โภตฺตุ’’นฺติ.
ตตฺถ โส พฺรหฺมคุตฺโตติ โส ตฺวํ พฺรหฺมโคปิโต พฺรหฺมรกฺขิโต หุตฺวา. ทิพฺยา จ เต ปาตุภวนฺตุ ภกฺขาติ เทวตานํ ปริโภคารหา ภกฺขา จ ตว ปาตุภวนฺตุ, มา ปาณาติปาตํ กตฺวา นาคมํสขาทโก อโหสิ.
อิติ โพธิสตฺโต อุทเก ิโตว อนุโมทนํ กตฺวา อุตฺตริตฺวา วกฺกลํ นิวาเสตฺวา เต อุโภปิ คเหตฺวา อสฺสมปทํ คนฺตฺวา เมตฺตาภาวนาย วณฺณํ กเถตฺวา ทฺเวปิ ชเน สมคฺเค อกาสิ. เต ตโต ปฏฺาย สมคฺคา สมฺโมทมานา สุขํ วสึสุ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา นาโค จ สุปณฺโณ จ อิเม ทฺเว มหามตฺตา อเหสุํ, ตาปโส ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
อุรคชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.
[๑๕๕] ๕. ภคฺคชาตกวณฺณนา
ชีว ¶ ¶ ¶ วสฺสสตํ ภคฺคาติ อิทํ สตฺถา เชตวนสมีเป ปเสนทิโกสเลน รฺา การิเต ราชการาเม วิหรนฺโต อตฺตโน ขิปิตกํ อารพฺภ กเถสิ. เอกสฺมิฺหิ ทิวเส สตฺถา ราชการาเม จตุปริสมชฺเฌ นิสีทิตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต ขิปิ. ภิกฺขู ‘‘ชีวตุ, ภนฺเต ภควา, ชีวตุ, สุคโต’’ติ อุจฺจาสทฺทํ มหาสทฺทํ อกํสุ, เตน สทฺเทน ธมฺมกถาย อนฺตราโย อโหสิ. อถ โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘อปิ นุ โข, ภิกฺขเว, ขิปิเต ‘ชีวา’ติ วุตฺโต ตปฺปจฺจยา ชีเวยฺย วา มเรยฺย วา’’ติ? ‘‘โน เหตํ ภนฺเต’’ติ. ‘‘น, ภิกฺขเว, ขิปิเต ‘ชีวา’ติ วตฺตพฺโพ, โย วเทยฺย อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (จูฬว. ๒๘๘). เตน โข ปน สมเยน มนุสฺสา ภิกฺขูนํ ขิปิเต ‘‘ชีวถ, ภนฺเต’’ติ วทนฺติ, ภิกฺขู กุกฺกุจฺจายนฺตา นาลปนฺติ. มนุสฺสา อุชฺฌายนฺติ – ‘‘กถฺหิ นาม สมณา สกฺยปุตฺติยา ‘ชีวถ, ภนฺเต’ติ วุจฺจมานา นาลปิสฺสนฺตี’’ติ. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. คิหี, ภิกฺขเว, มงฺคลิกา, อนุชานามิ, ภิกฺขเว, คิหีนํ ‘‘ชีวถ, ภนฺเต’’ติ วุจฺจมาเนน ‘‘จิรํ ชีวา’’ติ วตฺตุนฺติ. ภิกฺขู ภควนฺตํ ปุจฺฉึสุ – ‘‘ภนฺเต, ชีวปฏิชีวํ นาม กทา อุปฺปนฺน’’นฺติ? สตฺถา ‘‘ภิกฺขเว, ชีวปฏิชีวํ นาม โปราณกาเล อุปฺปนฺน’’นฺติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต กาสิรฏฺเ เอกสฺมึ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติ. ตสฺส ปิตา โวหารํ กตฺวา ชีวิกํ กปฺเปติ, โส โสฬสวสฺสุทฺเทสิกํ โพธิสตฺตํ มณิกภณฺฑํ อุกฺขิปาเปตฺวา คามนิคมาทีสุ จรนฺโต พาราณสึ ปตฺวา โทวาริกสฺส ฆเร ภตฺตํ ปจาเปตฺวา ภฺุชิตฺวา นิวาสฏฺานํ อลภนฺโต ‘‘อเวลาย อาคตา อาคนฺตุกา กตฺถ วสนฺตี’’ติ ปุจฺฉิ. อถ นํ มนุสฺสา ‘‘พหินคเร เอกา สาลา อตฺถิ, สา ปน อมนุสฺสปริคฺคหิตา. สเจ อิจฺฉถ, ตตฺถ วสถา’’ติ อาหํสุ. โพธิสตฺโต ‘‘เอถ, ตาต, คจฺฉาม, มา ยกฺขสฺส ภายิตฺถ, อหํ ตํ ทเมตฺวา ตุมฺหากํ ปาเทสุ ปาเตสฺสามี’’ติ ¶ ปิตรํ คเหตฺวา ตตฺถ คโต. อถสฺส ปิตา ผลเก นิปชฺชิ, สยํ ปิตุ ปาเท สมฺพาหนฺโต นิสีทิ. ตตฺถ อธิวตฺโถ ยกฺโข ทฺวาทส วสฺสานิ เวสฺสวณํ อุปฏฺหิตฺวา ตํ สาลํ ลภนฺโต ‘‘อิมํ สาลํ ปวิฏฺมนุสฺเสสุ โย ขิปิเต ‘ชีวา’ติ วทติ, โย จ ‘ชีวา’ติ วุตฺเต ‘ปฏิชีวา’ติ วทติ, เต ชีวปฏิชีวภาณิโน ¶ เปตฺวา อวเสเส ขาเทยฺยาสี’’ติ ลภิ. โส ปิฏฺิวํสถูณาย วสติ. โส ‘‘โพธิสตฺตสฺส ปิตรํ ขิปาเปสฺสามี’’ติ อตฺตโน อานุภาเวน สุขุมจุณฺณํ วิสฺสชฺเชสิ, จุณฺโณ อาคนฺตฺวา ตสฺส นาสปุเฏ ปาวิสิ. โส ผลเก นิปนฺนโกว ขิปิ, โพธิสตฺโต น ‘‘ชีวา’’ติ ¶ อาห. ยกฺโข ตํ ขาทิตุํ ถูณาย โอตรติ. โพธิสตฺโต ตํ โอตรนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อิมินา เม ปิตา ขิปาปิโต ภวิสฺสติ, อยํ โส ขิปิเต ‘ชีวา’ติ อวทนฺตํ ขาทกยกฺโข ภวิสฺสตี’’ติ ปิตรํ อารพฺภ ปมํ คาถมาห –
‘‘ชีว วสฺสสตํ ภคฺค, อปรานิ จ วีสตึ;
มา มํ ปิสาจา ขาทนฺตุ, ชีว ตฺวํ สรโทสต’’นฺติ.
ตตฺถ ภคฺคาติ ปิตรํ นาเมนาลปติ. อปรานิ จ วีสตินฺติ อปรานิ จ วีสติ วสฺสานิ ชีว. มา มํ ปิสาจา ขาทนฺตูติ มํ ปิสาจา มา ขาทนฺตุ. ชีว ตฺวํ สรโทสตนฺติ ตฺวํ ปน วีสุตฺตรํ วสฺสสตํ ชีวาติ. สรโทสตฺหิ คณิยมานํ วสฺสสตเมว โหติ, ตํ ปุริเมหิ วีสาย สทฺธึ วีสุตฺตรํ อิธ อธิปฺเปตํ.
ยกฺโข โพธิสตฺตสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘อิมํ ตาว มาณวํ ‘ชีวา’ติ วุตฺตตฺตา ขาทิตุํ น สกฺกา, ปิตรํ ปนสฺส ขาทิสฺสามี’’ติ ปิตุ สนฺติกํ อคมาสิ. โส ตํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อยํ โส ‘ปฏิชีวา’ติ อภณนฺตานํ ขาทกยกฺโข ภวิสฺสติ, ปฏิชีวํ กริสฺสามี’’ติ. โส ปุตฺตํ อารพฺภ ทุติยํ คาถมาห –
‘‘ตฺวมฺปิ วสฺสสตํ ชีวํ, อปรานิ จ วีสตึ;
วิสํ ปิสาจา ขาทนฺตุ, ชีว ตฺวํ สรโทสต’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ วิสํ ปิสาจา ขาทนฺตูติ ปิสาจา หลาหลวิสํ ขาทนฺตุ.
ยกฺโข ตสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘อุโภปิ เม น สกฺกา ขาทิตุ’’นฺติ ปฏินิวตฺติ. อถ นํ โพธิสตฺโต ปุจฺฉิ – ‘‘โภ ยกฺข, กสฺมา ตฺวํ อิมํ สาลํ ปวิฏฺมนุสฺเส ขาทสี’’ติ? ‘‘ทฺวาทส วสฺสานิ เวสฺสวณํ อุปฏฺหิตฺวา ลทฺธตฺตา’’ติ. ‘‘กึ ปน สพฺเพว ขาทิตุํ ลภสี’’ติ? ‘‘ชีวปฏิชีวภาณิโน เปตฺวา อวเสเส ขาทามี’’ติ. ‘‘ยกฺข, ตฺวํ ปุพฺเพปิ อกุสลํ กตฺวา กกฺขโฬ ¶ ผรุโส ปรวิหึสโก หุตฺวา นิพฺพตฺโต, อิทานิปิ ตาทิสํ กมฺมํ กตฺวา ตโม ตมปรายโณ ภวิสฺสติ, ตสฺมา อิโต ปฏฺาย ปาณาติปาตาทีหิ วิรมสฺสู’’ติ ตํ ยกฺขํ ทเมตฺวา นิรยภเยน ตชฺเชตฺวา ปฺจสุ สีเลสุ ปติฏฺาเปตฺวา ยกฺขํ เปสนการกํ วิย อกาสิ.
ปุนทิวเส ¶ สฺจรนฺตา มนุสฺสา ยกฺขํ ทิสฺวา โพธิสตฺเตน จสฺส ทมิตภาวํ ตฺวา รฺโ อาโรเจสุํ – ‘‘เทว, เอโก มาณโว ตํ ยกฺขํ ทเมตฺวา เปสนการกํ วิย กตฺวา ิโต’’ติ. ราชา โพธิสตฺตํ ปกฺโกสาเปตฺวา เสนาปติฏฺาเน เปสิ, ปิตุ จสฺส มหนฺตํ ยสํ อทาสิ. โส ยกฺขํ พลิปฏิคฺคาหกํ กตฺวา โพธิสตฺตสฺส โอวาเท ตฺวา ทานาทีนิ ปฺุานิ กตฺวา สคฺคปุรํ ปูเรสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘ชีวปฏิชีวํ นาม ตสฺมึ กาเล อุปฺปนฺน’’นฺติ วตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ยกฺโข องฺคุลิมาโล อโหสิ, ราชา อานนฺโท, ปิตา กสฺสโป, ปุตฺโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
ภคฺคชาตกวณฺณนา ปฺจมา.
[๑๕๖] ๖. อลีนจิตฺตชาตกวณฺณนา
อลีนจิตฺตํ นิสฺสายาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ โอสฺสฏฺวีริยํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ เอกาทสนิปาเต สํวรชาตเก (ชา. ๑.๑๑.๙๗ อาทโย) อาวิภวิสฺสติ. โส ปน ภิกฺขุ สตฺถารา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, ภิกฺขุ, วีริยํ โอสฺสชี’’ติ วุตฺเต ‘‘สจฺจํ, ภควา’’ติ ¶ อาห. อถ นํ สตฺถา ‘‘นนุ ตฺวํ, ภิกฺขุ, ปุพฺเพ วีริยํ อวิสฺสชฺเชตฺวา มํสเปสิสทิสสฺส ทหรกุมารสฺส ทฺวาทสโยชนิเก พาราณสินคเร รชฺชํ คเหตฺวา อทาสิ, อิทานิ กสฺมา เอวรูเป สาสเน ปพฺพชิตฺวา วีริยํ โอสฺสชสี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต พาราณสิโต อวิทูเร วฑฺฒกีคาโม อโหสิ, ตตฺถ ปฺจสตา วฑฺฒกี วสนฺติ. เต นาวาย ¶ อุปริโสตํ คนฺตฺวา อรฺเ เคหสมฺภารทารูนิ โกฏฺเฏตฺวา ตตฺเถว เอกภูมิกทฺวิภูมิกาทิเภเท เคหสมฺภาเร สชฺเชตฺวา ถมฺภโต ปฏฺาย สพฺพทารูสุ สฺํ กตฺวา นทีตีรํ เนตฺวา นาวํ อาโรเปตฺวา อนุโสเตน นครํ อาคนฺตฺวา เย ยาทิสานิ เคหานิ อากงฺขนฺติ, เตสํ ตาทิสานิ กตฺวา กหาปเณ คเหตฺวา ปุน ตตฺเถว คนฺตฺวา เคหสมฺภาเร อาหรนฺติ. เอวํ เตสํ ชีวิกํ กปฺเปนฺตานํ เอกสฺมึ กาเล ขนฺธาวารํ พนฺธิตฺวา ทารูนิ โกฏฺเฏนฺตานํ อวิทูเร เอโก หตฺถี ขทิรขาณุกํ อกฺกมิ. ตสฺส โส ขาณุโก ปาทํ วิชฺฌิ, พลวเวทนา วตฺตนฺติ, ปาโท อุทฺธุมายิตฺวา ปุพฺพํ คณฺหิ. โส เวทนาปฺปตฺโต ¶ เตสํ ทารุโกฏฺฏนสทฺทํ สุตฺวา ‘‘อิเม วฑฺฒกี นิสฺสาย มยฺหํ โสตฺถิ ภวิสฺสตี’’ติ มฺมาโน ตีหิ ปาเทหิ เตสํ สนฺติกํ คนฺตฺวา อวิทูเร นิปชฺชิ, วฑฺฒกี ตํ อุทฺธุมาตปาทํ ทิสฺวา อุปสงฺกมิตฺวา ปาเท ขาณุกํ ทิสฺวา ติขิณวาสิยา ขาณุกสฺส สมนฺตโต โอธึ ทตฺวา รชฺชุยา พนฺธิตฺวา อากฑฺฒนฺตา ขาณุํ นีหริตฺวา ปุพฺพํ โมเจตฺวา อุณฺโหทเกน โธวิตฺวา ตทนุรูเปหิ เภสชฺเชหิ มกฺเขตฺวา นจิรสฺเสว วณํ ผาสุกํ กรึสุ.
หตฺถี อโรโค หุตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘มยา อิเม วฑฺฒกี นิสฺสาย ชีวิตํ ลทฺธํ, อิทานิ เตสํ มยา อุปการํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส ตโต ปฏฺาย วฑฺฒกีหิ สทฺธึ ¶ รุกฺเข นีหรติ, ตจฺเฉนฺตานํ ปริวตฺเตตฺวา เทติ, วาสิอาทีนิ อุปสํหรติ, โสณฺฑาย เวเตฺวา กาฬสุตฺตโกฏิยํ คณฺหาติ. วฑฺฒกีปิสฺส โภชนเวลาย เอเกกํ ปิณฺฑํ เทนฺตา ปฺจ ปิณฺฑสตานิ เทนฺติ. ตสฺส ปน หตฺถิสฺส ปุตฺโต สพฺพเสโต หตฺถาชานียโปตโก อตฺถิ, เตนสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อหํ เอตรหิ มหลฺลโก. อิทานิ มยา อิเมสํ วฑฺฒกีนํ กมฺมกรณตฺตาย ปุตฺตํ ทตฺวา คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส วฑฺฒกีนํ อนาจิกฺขิตฺวาว อรฺํ ปวิสิตฺวา ปุตฺตํ อาเนตฺวา ‘‘อยํ หตฺถิโปตโก มม ปุตฺโต, ตุมฺเหหิ มยฺหํ ชีวิตํ ทินฺนํ, อหํ โว เวชฺชเวตนตฺถาย อิมํ ทมฺมิ, อยํ ตุมฺหากํ อิโต ปฏฺาย กมฺมานิ กริสฺสตี’’ติ วตฺวา ‘‘อิโต ปฏฺาย, ปุตฺตก, ยํ มยา กตฺตพฺพํ กมฺมํ, ตํ ตฺวํ กโรหี’’ติ ปุตฺตํ โอวทิตฺวา วฑฺฒกีนํ ทตฺวา สยํ อรฺํ ปาวิสิ.
ตโต ปฏฺาย หตฺถิโปตโก วฑฺฒกีนํ วจนกโร โอวาทกฺขโม หุตฺวา สพฺพกิจฺจานิ กโรติ. เตปิ ตํ ปฺจหิ ปิณฺฑสเตหิ โปเสนฺติ, โส ¶ กมฺมํ กตฺวา นทึ โอตริตฺวา นฺหตฺวา กีฬิตฺวา อาคจฺฉติ, วฑฺฒกีทารกาปิ ตํ โสณฺฑาทีสุ คเหตฺวา อุทเกปิ ถเลปิ เตน สทฺธึ กีฬนฺติ. อาชานียา ปน หตฺถิโนปิ อสฺสาปิ ปุริสาปิ อุทเก อุจฺจารํ วา ปสฺสาวํ วา น กโรนฺติ, ตสฺมา โสปิ อุทเก อุจฺจารปสฺสาวํ อกตฺวา พหินทีตีเรเยว กโรติ. อเถกสฺมึ ทิวเส อุปรินทิยา เทโว วสฺสิ, อถ สุกฺขํ หตฺถิลณฺฑํ อุทเกน นทึ โอตริตฺวา คจฺฉนฺตํ พาราณสีนครติตฺเถ เอกสฺมึ คุมฺเพ ลคฺเคตฺวา อฏฺาสิ. อถ รฺโ หตฺถิโคปกา ‘‘หตฺถี นฺหาเปสฺสามา’’ติ ปฺจ หตฺถิสตานิ นยึสุ. อาชานียลณฺฑสฺส คนฺธํ ฆายิตฺวา เอโกปิ หตฺถี นทึ โอตริตุํ น อุสฺสหิ. สพฺเพปิ นงฺคุฏฺํ อุกฺขิปิตฺวา ปลายิตุํ อารภึสุ, หตฺถิโคปกา หตฺถาจริยานํ อาโรเจสุํ. เต ‘‘อุทเก ปริปนฺเถน ภวิตพฺพ’’นฺติ อุทกํ โสธาเปตฺวา ตสฺมึ ¶ คุมฺเพ ตํ อาชานียลณฺฑํ ทิสฺวา ‘‘อิทเมตฺถ การณ’’นฺติ ตฺวา จาฏึ อาหราเปตฺวา อุทกสฺส ปูเรตฺวา ตํ ตตฺถ มทฺทิตฺวา หตฺถีนํ สรีเร สิฺจาเปสุํ, สรีรานิ สุคนฺธานิ อเหสุํ. ตสฺมึ กาเล เต นทึ โอตริตฺวา นฺหายึสุ.
หตฺถาจริยา ¶ รฺโ ตํ ปวตฺตึ อาโรเจตฺวา ‘‘ตํ หตฺถาชานียํ ปริเยสิตฺวา อาเนตุํ วฏฺฏติ, เทวา’’ติ อาหํสุ. ราชา นาวาสงฺฆาเฏหิ นทึ ปกฺขนฺทิตฺวา อุทฺธํคามีหิ นาวาสงฺฆาเฏหิ วฑฺฒกีนํ วสนฏฺานํ สมฺปาปุณิ. หตฺถิโปตโก นทิยํ กีฬนฺโต เภริสทฺทํ สุตฺวา คนฺตฺวา วฑฺฒกีนํ สนฺติเก อฏฺาสิ. วฑฺฒกี รฺโ ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา ‘‘เทว, สเจ ทารูหิ อตฺโถ, กึ การณา อาคตตฺถ, กึ เปเสตฺวา อาหราเปตุํ น วฏฺฏตี’’ติ อาหํสุ. ‘‘นาหํ, ภเณ, ทารูนํ อตฺถาย อาคโต, อิมสฺส ปน หตฺถิสฺส อตฺถาย อาคโตมฺหี’’ติ. ‘‘คาหาเปตฺวา คจฺฉถ, เทวา’’ติ. หตฺถิโปตโก คนฺตุํ น อิจฺฉิ. ‘‘กึ การาเปติ, ภเณ, หตฺถี’’ติ? ‘‘วฑฺฒกีนํ โปสาวนิกํ อาหราเปติ, เทวา’’ติ. ‘‘สาธุ, ภเณ’’ติ ราชา หตฺถิสฺส จตุนฺนํ ปาทานํ โสณฺฑาย นงฺคุฏฺสฺส จ สนฺติเก สตสหสฺสสตสหสฺสกหาปเณ ปาเปสิ. หตฺถี เอตฺตเกนาปิ อคนฺตฺวา สพฺพวฑฺฒกีนํ ทุสฺสยุเคสุ วฑฺฒกีภริยานํ นิวาสนสาฏเกสุ ทินฺเนสุ สทฺธึกีฬิตานํ ทารกานฺจ ทารกปริหาเร กเต นิวตฺติตฺวา วฑฺฒกี จ อิตฺถิโย จ ทารเก จ โอโลเกตฺวา รฺา สทฺธึ อคมาสิ.
ราชา ¶ ตํ อาทาย นครํ คนฺตฺวา นครฺจ หตฺถิสาลฺจ อลงฺการาเปตฺวา หตฺถึ นครํ ปทกฺขิณํ กาเรตฺวา หตฺถิสาลํ ปเวเสตฺวา สพฺพาลงฺกาเรหิ อลงฺกริตฺวา อภิเสกํ ทตฺวา โอปวยฺหํ กตฺวา อตฺตโน สหายฏฺาเน เปตฺวา อุปฑฺฒรชฺชํ หตฺถิสฺส ¶ ทตฺวา อตฺตนา สมานปริหารํ อกาสิ. หตฺถิสฺส อาคตกาลโต ปฏฺาย รฺโ สกลชมฺพุทีเป รชฺชํ หตฺถคตเมว อโหสิ. เอวํ กาเล คจฺฉนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส รฺโ อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. ตสฺสา คพฺภปริปากกาเล ราชา กาลมกาสิ. หตฺถี ปน สเจ รฺโ กาลกตภาวํ ชาเนยฺย, ตตฺเถวสฺส หทยํ ผเลยฺย, ตสฺมา หตฺถึ รฺโ กาลกตภาวํ อชานาเปตฺวาว อุปฏฺหึสุ. รฺโ ปน กาลกตภาวํ สุตฺวา ‘‘ตุจฺฉํ กิร รชฺช’’นฺติ อนนฺตรสามนฺตโกสลราชา มหติยา เสนาย อาคนฺตฺวา นครํ ปริวาเรสิ. นครวาสิโน ทฺวารานิ ปิทหิตฺวา โกสลรฺโ สาสนํ ปหิณึสุ – ‘‘อมฺหากํ รฺโ อคฺคมเหสี ปริปุณฺณคพฺภา ‘อิโต กิร สตฺตเม ทิวเส ปุตฺตํ วิชายิสฺสตี’ติ องฺควิชฺชาปากา อาหํสุ. สเจ สา ปุตฺตํ วิชายิสฺสติ, มยํ สตฺตเม ทิวเส ยุทฺธํ ทสฺสาม, น รชฺชํ, เอตฺตกํ กาลํ อาคเมถา’’ติ. ราชา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ.
เทวี สตฺตเม ทิวเส ปุตฺตํ วิชายิ. ตสฺส นามคฺคหณทิวเส ปน มหาชนสฺส อลีนจิตฺตํ ปคฺคณฺหนฺโต ชาโตติ ‘‘อลีนจิตฺตกุมาโร’’ตฺเววสฺส นามํ อกํสุ. ชาตทิวสโตเยว ปนสฺส ปฏฺาย นาครา โกสลรฺา สทฺธึ ยุชฺฌึสุ. นินฺนายกตฺตา สงฺคามสฺส มหนฺตมฺปิ พลํ ยุชฺฌมานํ โถกํ โถกํ โอสกฺกติ. อมจฺจา เทวิยา ตมตฺถํ อาโรเจตฺวา ‘‘มยํ ¶ เอวํ โอสกฺกมาเน พเล ปราชยภาวสฺส ภายาม, อมฺหากํ ปน รฺโ กาลกตภาวํ, ปุตฺตสฺส ชาตภาวํ, โกสลรฺโ อาคนฺตฺวา ยุชฺฌานภาวฺจ รฺโ สหายโก มงฺคลหตฺถี น ชานาติ, ชานาเปม น’’นฺติ ปุจฺฉึสุ. สา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ปุตฺตํ อลงฺกริตฺวา ทุกูลจุมฺพฏเก นิปชฺชาเปตฺวา ปาสาทา โอรุยฺห อมจฺจคณปริวุตา หตฺถิสาลํ คนฺตฺวา โพธิสตฺตํ หตฺถิสฺส ปาทมูเล ¶ นิปชฺชาเปตฺวา ‘‘สามิ, สหาโย เต กาลกโต, มยํ ตุยฺหํ หทยผาลนภเยน นาโรจยิมฺห, อยํ เต สหายสฺส ปุตฺโต, โกสลราชา อาคนฺตฺวา นครํ ¶ ปริวาเรตฺวา ตว ปุตฺเตน สทฺธึ ยุชฺฌติ, พลํ โอสกฺกติ, ตว ปุตฺตํ ตฺวฺเว วา มาเรหิ, รชฺชํ วาสฺส คณฺหิตฺวา เทหี’’ติ อาห.
ตสฺมึ กาเล หตฺถี โพธิสตฺตํ โสณฺฑาย ปรามสิตฺวา อุกฺขิปิตฺวา กุมฺเภ เปตฺวา โรทิตฺวา โพธิสตฺตํ โอตาเรตฺวา เทวิยา หตฺเถ นิปชฺชาเปตฺวา ‘‘โกสลราชํ คณฺหิสฺสามี’’ติ หตฺถิสาลโต นิกฺขมิ. อถสฺส อมจฺจา วมฺมํ ปฏิมฺุจิตฺวา อลงฺกริตฺวา นครทฺวารํ อวาปุริตฺวา ตํ ปริวาเรตฺวา นิกฺขมึสุ. หตฺถี นครา นิกฺขมิตฺวา โกฺจนาทํ กตฺวา มหาชนํ สนฺตาเสตฺวา ปลาเปตฺวา พลโกฏฺกํ ภินฺทิตฺวา โกสลราชานํ จูฬาย คเหตฺวา อาเนตฺวา โพธิสตฺตสฺส ปาทมูเล นิปชฺชาเปตฺวา มารณตฺถายสฺส อุฏฺิเต วาเรตฺวา ‘‘อิโต ปฏฺาย อปฺปมตฺโต โหหิ, ‘กุมาโร ทหโร’ติ สฺํ มา กรี’’ติ โอวทิตฺวา อุยฺโยเชสิ. ตโต ปฏฺาย สกลชมฺพุทีเป รชฺชํ โพธิสตฺตสฺส หตฺถคตเมว ชาตํ, อฺโ ปฏิสตฺตุ นาม อุฏฺหิตุํ สมตฺโถ นาโหสิ. โพธิสตฺโต สตฺตวสฺสิกกาเล อภิเสกํ กตฺวา อลีนจิตฺตราชา นาม หุตฺวา ธมฺเมน รชฺชํ กาเรตฺวา ชีวิตปริโยสาเน สคฺคปุรํ ปูเรสิ.
สตฺถา อิมํ อตีตํ อาหริตฺวา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา อิมํ คาถาทฺวยมาห –
‘‘อลีนจิตฺตํ นิสฺสาย, ปหฏฺา มหตี จมู;
โกสลํ เสนาสนฺตุฏฺํ, ชีวคฺคาหํ อคาหยิ.
‘‘เอวํ นิสฺสยสมฺปนฺโน, ภิกฺขุ อารทฺธวีริโย;
ภาวยํ กุสลํ ธมฺมํ, โยคกฺเขมสฺส ปตฺติยา;
ปาปุเณ อนุปุพฺเพน, สพฺพสํโยชนกฺขย’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ อลีนจิตฺตํ นิสฺสายาติ อลีนจิตฺตํ ราชกุมารํ นิสฺสาย. ปหฏฺา มหตี จมูติ ‘‘ปเวณีรชฺชํ โน ทิฏฺ’’นฺติ หฏฺตุฏฺา หุตฺวา มหตี เสนา. โกสลํ เสนาสนฺตุฏฺนฺติ โกสลราชานํ ¶ เสน รชฺเชน อสนฺตุฏฺํ ปรรชฺชโลเภน อาคตํ. ชีวคฺคาหํ อคาหยีติ อมาเรตฺวาว สา จมู ตํ ราชานํ หตฺถินา ชีวคฺคาหํ คณฺหาเปสิ. เอวํ นิสฺสยสมฺปนฺโนติ ยถา สา จมู, เอวํ อฺโปิ กุลปุตฺโต นิสฺสยสมฺปนฺโน กลฺยาณมิตฺตํ ¶ พุทฺธํ วา พุทฺธสาวกํ วา นิสฺสยํ ลภิตฺวา. ภิกฺขูติ ปริสุทฺธาธิวจนเมตํ. อารทฺธวีริโยติ ปคฺคหิตวีริโย จตุโทสาปคเตน วีริเยน สมนฺนาคโต. ภาวยํ กุสลํ ธมฺมนฺติ กุสลํ นิรวชฺชํ สตฺตตึสโพธิปกฺขิยสงฺขาตํ ธมฺมํ ภาเวนฺโต. โยคกฺเขมสฺส ปตฺติยาติ จตูหิ โยเคหิ เขมสฺส นิพฺพานสฺส ปาปุณนตฺถาย ตํ ธมฺมํ ภาเวนฺโต. ปาปุเณ อนุปุพฺเพน, สพฺพสํโยชนกฺขยนฺติ เอวํ วิปสฺสนโต ปฏฺาย อิมํ กุสลํ ธมฺมํ ภาเวนฺโต โส กลฺยาณมิตฺตุปนิสฺสยสมฺปนฺโน ภิกฺขุ อนุปุพฺเพน วิปสฺสนาาณานิ จ เหฏฺิมมคฺคผลานิ จ ปาปุณนฺโต ปริโยสาเน ทสนฺนมฺปิ สํโยชนานํ ขยนฺเต อุปฺปนฺนตฺตา สพฺพสํโยชนกฺขยสงฺขาตํ อรหตฺตํ ปาปุณาติ. ยสฺมา วา นิพฺพานํ อาคมฺม สพฺพสํโยชนานิ ขียนฺติ, ตสฺมา ตมฺปิ สพฺพสํโยชนกฺขยเมว, เอวํ อนุปุพฺเพน นิพฺพานสงฺขาตํ สพฺพสํโยชนกฺขยํ ปาปุณาตีติ อตฺโถ.
อิติ ภควา อมตมหานิพฺพาเนน ธมฺมเทสนาย กูฏํ คเหตฺวา อุตฺตริปิ สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน โอสฺสฏฺวีริโย ภิกฺขุ อรหตฺเต ปติฏฺหิ. ‘‘ตทา มาตา มหามายา, ปิตา สุทฺโธทนมหาราชา อโหสิ, รชฺชํ คเหตฺวา ทินฺนหตฺถี อยํ โอสฺสฏฺวีริโย ภิกฺขุ, หตฺถิสฺส ปิตา สาริปุตฺโต, สามนฺตโกสลราชา โมคฺคลฺลาโน, อลีนจิตฺตกุมาโร ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
อลีนจิตฺตชาตกวณฺณนา ฉฏฺา.
[๑๕๗] ๗. คุณชาตกวณฺณนา
เยน กามํ ปณาเมตีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อานนฺทตฺเถรสฺส สาฏกสหสฺสลาภํ อารพฺภ กเถสิ. เถรสฺส โกสลรฺโ อนฺเตปุเร ธมฺมวาจนวตฺถุ เหฏฺา มหาสารชาตเก (ชา. ๑.๑.๙๒) อาคตเมว. อิติ เถเร รฺโ อนฺเตปุเร ธมฺมํ วาเจนฺเต รฺโ ¶ สหสฺสคฺฆนิกานํ สาฏกานํ สหสฺสํ อาหริยิตฺถ. ราชา ตโต ปฺจ สาฏกสตานิ ปฺจนฺนํ เทวีสตานํ อทาสิ. ตา สพฺพาปิ เต สาฏเก เปตฺวา ปุนทิวเส อานนฺทตฺเถรสฺส ทตฺวา สยํ ปุราณสาฏเกเยว ปารุปิตฺวา รฺโ ปาตราสฏฺานํ อคมํสุ.
ราชา ¶ ¶ ‘‘มยา ตุมฺหากํ สหสฺสคฺฆนิกา สาฏกา ทาปิตา, กสฺมา ตุมฺเห เต อปารุปิตฺวาว อาคตา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘เทว, อมฺเหหิ เต อานนฺทตฺเถรสฺส ทินฺนา’’ติ. ‘‘อานนฺทตฺเถเรน สพฺเพ คหิตา’’ติ? ‘‘อาม, เทวา’’ติ. ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺเธน ติจีวรํ อนฺุาตํ, อานนฺทตฺเถโร ทุสฺสวณิชฺชํ มฺเ กริสฺสติ, อติพหู เตน สาฏกา คหิตา’’ติ เถรสฺส กุชฺฌิตฺวา ภุตฺตปาตราโส วิหารํ คนฺตฺวา เถรสฺส ปริเวณํ ปวิสิตฺวา เถรํ วนฺทิตฺวา นิสินฺโน ปุจฺฉิ – ‘‘อปิ, ภนฺเต, อมฺหากํ ฆเร อิตฺถิโย ตุมฺหากํ สนฺติเก ธมฺมํ อุคฺคณฺหนฺติ วา สุณนฺติ วา’’ติ? ‘‘อาม, มหาราช, คเหตพฺพยุตฺตกํ คณฺหนฺติ, โสตพฺพยุตฺตกํ สุณนฺตี’’ติ. ‘‘กึ ตา สุณนฺติเยว, อุทาหุ ตุมฺหากํ นิวาสนํ วา ปารุปนํ วา ททนฺตี’’ติ? ‘‘ตา อชฺช, มหาราช, สหสฺสคฺฆนิกานิ ปฺจ สาฏกสตานิ อทํสู’’ติ. ‘‘ตุมฺเหหิ คหิตานิ ตานิ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘อาม, มหาราชา’’ติ. ‘‘นนุ, ภนฺเต, สตฺถารา ติจีวรเมว อนฺุาต’’นฺติ? ‘‘อาม, มหาราช, ภควตา เอกสฺส ภิกฺขุโน ติจีวรเมว ปริโภคสีเสน อนฺุาตํ, ปฏิคฺคหณํ ปน อวาริตํ, ตสฺมา มยาปิ อฺเสํ ชิณฺณจีวริกานํ ทาตุํ เต สาฏกา ปฏิคฺคหิตา’’ติ. ‘‘เต ปน ภิกฺขู ตุมฺหากํ สนฺติกา สาฏเก ลภิตฺวา โปราณจีวรานิ กึ กริสฺสนฺตี’’ติ? ‘‘โปราณสงฺฆาฏึ อุตฺตราสงฺคํ กริสฺสนฺตี’’ติ? ‘‘โปราณอุตฺตราสงฺคํ กึ กริสฺสนฺตี’’ติ? ‘‘อนฺตรวาสกํ กริสฺสนฺตี’’ติ. ‘‘โปราณอนฺตรวาสกํ กึ กริสฺสนฺตี’’ติ? ‘‘ปจฺจตฺถรณํ กริสฺสนฺตี’’ติ. ‘‘โปราณปจฺจตฺถรณํ กึ กริสฺสนฺตี’’ติ? ‘‘ภุมฺมตฺถรณํ กริสฺสนฺตี’’ติ. ‘‘โปราณภุมฺมตฺถรณํ ¶ กึ กริสฺสนฺตี’’ติ? ‘‘ปาทปฺุฉนํ กริสฺสนฺตี’’ติ. ‘‘โปราณปาทปฺุฉนํ กึ กริสฺสนฺตี’’ติ? ‘‘มหาราช, สทฺธาเทยฺยํ นาม วินิปาเตตุํ น ลพฺภติ, ตสฺมา โปราณปาทปฺุฉนํ วาสิยา โกฏฺเฏตฺวา มตฺติกาย มกฺเขตฺวา เสนาสเนสุ มตฺติกาเลปนํ กริสฺสนฺตี’’ติ. ‘‘ภนฺเต, ตุมฺหากํ ทินฺนํ ยาว ปาทปฺุฉนาปิ นสฺสิตุํ น ลพฺภตี’’ติ? ‘‘อาม, มหาราช, อมฺหากํ ทินฺนํ นสฺสิตุํ น ลพฺภติ, ปริโภคเมว โหตี’’ติ.
ราชา ตุฏฺโ โสมนสฺสปฺปตฺโต หุตฺวา อิตรานิปิ เคเห ปิตานิ ปฺจ สาฏกสตานิ อาหราเปตฺวา เถรสฺส ทตฺวา อนุโมทนํ สุตฺวา เถรํ วนฺทิตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิ. เถโร ปมลทฺธานิ ปฺจ สาฏกสตานิ ชิณฺณจีวริกานํ ภิกฺขูนํ อทาสิ. เถรสฺส ปน ปฺจมตฺตานิ สทฺธิวิหาริกสตานิ ¶ , เตสุ เอโก ทหรภิกฺขุ เถรสฺส พหูปกาโร ปริเวณํ สมฺมชฺชติ, ปานียปริโภชนียํ อุปฏฺเปติ, ทนฺตกฏฺํ มุโขทกํ นฺหาโนทกํ เทติ, วจฺจกุฏิชนฺตาฆรเสนาสนานิ ปฏิชคฺคติ, หตฺถปริกมฺมปาทปริกมฺมปิฏฺิปริกมฺมาทีนิ กโรติ. เถโร ปจฺฉา ลทฺธานิ ปฺจ สาฏกสตานิ ‘‘อยํ เม พหูปกาโร’’ติ ยุตฺตวเสน สพฺพานิ ตสฺเสว อทาสิ. โสปิ สพฺเพ เต สาฏเก ภาเชตฺวา อตฺตโน สมานุปชฺฌายานํ อทาสิ.
เอวํ ¶ สพฺเพปิ เต ลทฺธสาฏกา ภิกฺขู สาฏเก ฉินฺทิตฺวา รชิตฺวา กณิการปุปฺผวณฺณานิ กาสายานิ นิวาเสตฺวา จ ปารุปิตฺวา จ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิตฺวา เอวมาหํสุ – ‘‘ภนฺเต, โสตาปนฺนสฺส อริยสาวกสฺส มุโขโลกนทานํ นาม อตฺถี’’ติ. ‘‘น, ภิกฺขเว, อริยสาวกานํ มุโขโลกนทานํ นาม อตฺถี’’ติ. ‘‘ภนฺเต, อมฺหากํ อุปชฺฌาเยน ธมฺมภณฺฑาคาริกตฺเถเรน สหสฺสคฺฆนิกานํ สาฏกานํ ปฺจ สตานิ เอกสฺเสว ทหรภิกฺขุโน ทินฺนานิ, โส ปน อตฺตนา ลทฺเธ ภาเชตฺวา อมฺหากํ อทาสี’’ติ. ‘‘น, ภิกฺขเว, อานนฺโท มุโขโลกนภิกฺขํ เทติ ¶ , โส ปนสฺส ภิกฺขุ พหูปกาโร, ตสฺมา อตฺตโน อุปการสฺส อุปการวเสน คุณวเสน ยุตฺตวเสน ‘อุปการสฺส นาม ปจฺจุปกาโร กาตุํ วฏฺฏตี’ติ กตฺุกตเวทิภาเวน อทาสิ. โปราณกปณฺฑิตาปิ หิ อตฺตโน อุปการานฺเว ปจฺจุปการํ กรึสู’’ติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต สีโห หุตฺวา ปพฺพตคุหายํ วสติ. โส เอกทิวสํ คุหาย นิกฺขมิตฺวา ปพฺพตปาทํ โอโลเกสิ, ตํ ปน ปพฺพตปาทํ ปริกฺขิปิตฺวา มหาสโร อโหสิ. ตสฺส เอกสฺมึ อุนฺนตฏฺาเน อุปริถทฺธกทฺทมปิฏฺเ มุทูนิ หริตติณานิ ชายึสุ. สสกา เจว หริณาทโย จ สลฺลหุกมิคา กทฺทมมตฺถเก วิจรนฺตา ตานิ ขาทนฺติ. ตํ ทิวสมฺปิ เอโก มิโค ตานิ ขาทนฺโต วิจรติ. สีโห ‘‘ตํ มิคํ คณฺหิสฺสามี’’ติ ปพฺพตมตฺถกา อุปฺปติตฺวา สีหเวเคน ปกฺขนฺทิ, มิโค มรณภยตชฺชิโต วิรวนฺโต ปลายิ. สีโห เวคํ สนฺธาเรตุํ อสกฺโกนฺโต กลลปิฏฺเ นิปติตฺวา ¶ โอสีทิตฺวา อุคฺคนฺตุํ อสกฺโกนฺโต จตฺตาโร ปาทา ถมฺภา วิย โอสีทิตฺวา สตฺตาหํ นิราหาโร อฏฺาสิ.
อถ นํ เอโก สิงฺคาโล โคจรปฺปสุโต ตํ ทิสฺวา ภเยน ปลายิ. สีโห ตํ ปกฺโกสิตฺวา ‘‘โภ สิงฺคาล, มา ปลายิ, อหํ กลเล ลคฺโค, ชีวิตํ เม เทหี’’ติ อาห. สิงฺคาโล ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘อหํ ตํ อุทฺธเรยฺยํ, อุทฺธโฏ ปน มํ ขาเทยฺยาสีติ ภายามี’’ติ อาห. ‘‘มา ภายิ, นาหํ ตํ ขาทิสฺสามิ, มหนฺตํ ปน เต คุณํ กริสฺสามิ, เอเกนุปาเยน มํ อุทฺธราหี’’ติ. สิงฺคาโล ตสฺส ปฏิฺํ คเหตฺวา จตุนฺนํ ปาทานํ สมนฺตา กลเล อปเนตฺวา จตุนฺนมฺปิ ปาทานํ จตสฺโส มาติกา ขณิตฺวา ¶ อุทกาภิมุขํ อกาสิ, อุทกํ ปวิสิตฺวา กลลํ มุทุํ อกาสิ. ตสฺมึ ขเณ สิงฺคาโล สีหสฺส อุทรนฺตรํ อตฺตโน สีสํ ปเวเสตฺวา ‘‘วายามํ กโรหิ, สามี’’ติ อุจฺจาสทฺทํ กโรนฺโต สีเสน อุทรํ ปหริ. สีโห เวคํ ชเนตฺวา กลลา อุคฺคนฺตฺวา ปกฺขนฺทิตฺวา ถเล อฏฺาสิ. โส มุหุตฺตํ วิสฺสมิตฺวา สรํ โอรุยฺห กทฺทมํ โธวิตฺวา นฺหายิตฺวา ทรถํ ปฏิปฺปสฺสมฺเภตฺวา เอกํ มหึสํ วธิตฺวา ทาาหิ โอวิชฺฌิตฺวา มํสํ ¶ อุพฺพตฺเตตฺวา ‘‘ขาท, สมฺมา’’ติ สิงฺคาลสฺส ปุรโต เปตฺวา เตน ขาทิเต ปจฺฉา อตฺตนา ขาทิ. ปุน สิงฺคาโล เอกํ มํสเปสึ ฑํสิตฺวา คณฺหิ. ‘‘อิทํ กิมตฺถาย, สมฺมา’’ติ จ วุตฺเต ‘‘ตุมฺหากํ ทาสี อตฺถิ, ตสฺสา ภาโค ภวิสฺสตี’’ติ อาห. สีโห ‘‘คณฺหาหี’’ติ วตฺวา สยมฺปิ สีหิยา อตฺถาย มํสํ คณฺหิตฺวา ‘‘เอหิ, สมฺม, อมฺหากํ ปพฺพตมุทฺธนิ ตฺวา สขิยา วสนฏฺานํ คมิสฺสามา’’ติ วตฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา มํสํ ขาทาเปตฺวา สิงฺคาลฺจ สิงฺคาลิฺจ อสฺสาเสตฺวา ‘‘อิโต ปฏฺาย อิทานิ อหํ ตุมฺเห ปฏิชคฺคิสฺสามี’’ติ อตฺตโน วสนฏฺานํ เนตฺวา คุหาย ทฺวาเร อฺิสฺสา คุหาย วสาเปสิ. เต ตโต ปฏฺาย โคจราย คจฺฉนฺตา สีหิฺจ สิงฺคาลิฺจ เปตฺวา สิงฺคาเลน สทฺธึ คนฺตฺวา นานามิเค วธิตฺวา อุโภปิ ตตฺเถว มํสํ ขาทิตฺวา อิตราสมฺปิ ทฺวินฺนํ อาหริตฺวา เทนฺติ.
เอวํ กาเล คจฺฉนฺเต สีหี ทฺเว ปุตฺเต วิชายิ, สิงฺคาลีปิ ทฺเว ปุตฺเต วิชายิ. เต สพฺเพปิ สมคฺควาสํ วสึสุ. อเถกทิวสํ สีหิยา เอตทโหสิ – ‘‘อยํ สีโห สิงฺคาลฺจ สิงฺคาลิฺจ สิงฺคาลโปตเก จ อติวิย ปิยายติ, นูนมสฺส สิงฺคาลิยา สทฺธึ สนฺถโว อตฺถิ, ตสฺมา เอวํ สิเนหํ กโรติ, ยํนูนาหํ อิมํ ปีเฬตฺวา ตชฺเชตฺวา อิโต ปลาเปยฺย’’นฺติ ¶ . สา สีหสฺส สิงฺคาลํ คเหตฺวา โคจราย คตกาเล สิงฺคาลึ ปีเฬสิ ตชฺเชสิ ‘‘กึการณา อิมสฺมึ าเน วสติ ¶ , น ปลายสี’’ติ? ปุตฺตาปิสฺสา สิงฺคาลิปุตฺเต ตเถว ตชฺชยึสุ. สิงฺคาลี ตมตฺถํ สิงฺคาลสฺส กเถตฺวา ‘‘สีหสฺส วจเนน เอตาย เอวํ กตภาวมฺปิ น ชานาม, จิรํ วสิมฺหา, นาสาเปยฺยาปิ โน, อมฺหากํ วสนฏฺานเมว คจฺฉามา’’ติ อาห. สิงฺคาโล ตสฺสา วจนํ สุตฺวา สีหํ อุปสงฺกมิตฺวา อาห – ‘‘สามิ, จิรํ อมฺเหหิ ตุมฺหากํ สนฺติเก นิวุตฺถํ, อติจิรํ วสนฺตา นาม อปฺปิยา โหนฺติ, อมฺหากํ โคจราย ปกฺกนฺตกาเล สีหี สิงฺคาลึ วิเหเติ ‘อิมสฺมึ าเน กสฺมา วสถ, ปลายถา’ติ ตชฺเชติ, สีหโปตกาปิ สิงฺคาลโปตเก ตชฺเชนฺติ. โย นาม ยสฺส อตฺตโน สนฺติเก วาสํ น โรเจติ, เตน โส ‘ยาหี’ติ นีหริตพฺโพว, วิเหนํ นาม กิมตฺถิย’’นฺติ วตฺวา ปมํ คาถมาห –
‘‘เยน กามํ ปณาเมติ, ธมฺโม พลวตํ มิคี;
อุนฺนทนฺตี วิชานาหิ, ชาตํ สรณโต ภย’’นฺติ.
ตตฺถ เยน กามํ ปณาเมติ, ธมฺโม พลวตนฺติ พลวา นาม อิสฺสโร อตฺตโน เสวกํ เยน ทิสาภาเคน อิจฺฉติ, เตน ทิสาภาเคน โส ปณาเมติ นีหรติ. เอส ธมฺโม พลวตํ อยํ อิสฺสรานํ สภาโว ปเวณิธมฺโมว, ตสฺมา สเจ อมฺหากํ วาสํ น โรเจถ, อุชุกเมว โน นีหรถ ¶ , วิเหเนน โก อตฺโถติ ทีเปนฺโต เอวมาห. มิคีติ สีหํ อาลปติ. โส หิ มิคราชตาย มิคา อสฺส อตฺถีติ มิคี. อุนฺนทนฺตีติปิ ตเมว อาลปติ. โส หิ อุนฺนตานํ ทนฺตานํ อตฺถิตาย อุนฺนตา ทนฺตา อสฺส อตฺถีติ อุนฺนทนฺตี. ‘‘อุนฺนตทนฺตี’’ติปิ ปาโเยว. วิชานาหีติ ‘‘เอส อิสฺสรานํ ธมฺโม’’ติ เอวํ ชานาหิ. ชาตํ สรณโต ภยนฺติ อมฺหากํ ตุมฺเห ปติฏฺานฏฺเน สรณํ, ตุมฺหากฺเว สนฺติกา ภยํ ชาตํ, ตสฺมา อตฺตโน วสนฏฺานเมว คมิสฺสามาติ ทีเปติ.
อปโร นโย – ตว มิคี สีหี อุนฺนทนฺตีมม ปุตฺตทารํ ตชฺเชนฺตี เยน กามํ ปณาเมติ, เยน เยนากาเรน อิจฺฉติ, เตน ปณาเมติ ปวตฺตติ, วิเหเติปิ ¶ ปลาเปติปิ, เอวํ ตฺวํ วิชานาหิ, ตตฺถ กึ สกฺกา อมฺเหหิ กาตุํ. ธมฺโม พลวตํ เอส พลวนฺตานํ สภาโว, อิทานิ มยํ คมิสฺสาม. กสฺมา? ชาตํ สรณโต ภยนฺติ.
ตสฺส ¶ วจนํ สุตฺวา สีโห สีหึ อาห – ‘‘ภทฺเท, อสุกสฺมึ นาม กาเล มม โคจรตฺถาย คนฺตฺวา สตฺตเม ทิวเส อิมินา สิงฺคาเลน อิมาย จ สิงฺคาลิยา สทฺธึ อาคตภาวํ สรสี’’ติ. ‘‘อาม, สรามี’’ติ. ‘‘ชานาสิ ปน มยฺหํ สตฺตาหํ อนาคมนสฺส การณ’’นฺติ? ‘‘น ชานามิ, สามี’’ติ. ‘‘ภทฺเท, อหํ ‘เอกํ มิคํ คณฺหิสฺสามี’ติ วิรชฺฌิตฺวา กลเล ลคฺโค, ตโต นิกฺขมิตุํ อสกฺโกนฺโต สตฺตาหํ นิราหาโร อฏฺาสึ, สฺวาหํ อิมํ สิงฺคาลํ นิสฺสาย ชีวิตํ ลภึ, อยํ เม ชีวิตทายโก สหาโย. มิตฺตธมฺเม าตุํ สมตฺโถ หิ มิตฺโต ทุพฺพโล นาม นตฺถิ, อิโต ปฏฺาย มยฺหํ สหายสฺส จ สหายิกาย จ ปุตฺตกานฺจ เอวรูปํ อวมานํ มา อกาสี’’ติ วตฺวา สีโห ทุติยํ คาถมาห –
‘‘อปิ เจปิ ทุพฺพโล มิตฺโต, มิตฺตธมฺเมสุ ติฏฺติ;
โส าตโก จ พนฺธุ จ, โส มิตฺโต โส จ เม สขา;
ทาินิ มาติมฺิตฺโถ, สิงฺคาโล มม ปาณโท’’ติ.
ตตฺถ อปิ เจปีติ เอโก อปิสทฺโท อนุคฺคหตฺโถ, เอโก สมฺภาวนตฺโถ. ตตฺรายํ โยชนา – ทุพฺพโลปิ เจ มิตฺโต มิตฺตธมฺเมสุ อปิ ติฏฺติ, สเจ าตุํ สกฺโกติ, โส าตโก จ พนฺธุ จ, โส เมตฺตจิตฺตตาย มิตฺโต, โส จ เม สหายฏฺเน สขา. ทาินิ มาติมฺิตฺโถติ, ภทฺเท, ทาาสมฺปนฺเน สีหิ มา มยฺหํ สหายํ วา สหายึ วา อติมฺิ, อยฺหิ สิงฺคาโล มม ปาณโทติ.
สา ¶ ตสฺส วจนํ สุตฺวา สิงฺคาลึ ขมาเปตฺวา ตโต ปฏฺาย สปุตฺตาย ตาย สทฺธึ สมคฺควาสํ วสิ. สีหโปตกาปิ สิงฺคาลโปตเกหิ สทฺธึ กีฬมานา สมฺโมทมานา มาตาปิตูนํ อติกฺกนฺตกาเลปิ ¶ มิตฺตภาวํ อภินฺทิตฺวา สมฺโมทมานา วสึสุ. เตสํ กิร สตฺตกุลปริวฏฺเฏ อภิชฺชมานา เมตฺติ อคมาสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – สจฺจปริโยสาเน เกจิ โสตาปนฺนา, เกจิ สกทาคามิโน, เกจิ อนาคามิโน, เกจิ อรหนฺโต อเหสุํ. ‘‘ตทา สิงฺคาโล อานนฺโท อโหสิ, สีโห ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
คุณชาตกวณฺณนา สตฺตมา.
[๑๕๘] ๘. สุหนุชาตกวณฺณนา
นยิทํ ¶ วิสมสีเลนาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ทฺเว จณฺฑภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ. ตสฺมิฺหิ สมเย เชตวเนปิ เอโก ภิกฺขุ จณฺโฑ อโหสิ ผรุโส สาหสิโก ชนปเทปิ. อเถกทิวสํ ชานปโท ภิกฺขุ เกนจิเทว กรณีเยน เชตวนํ อคมาสิ, สามเณรา เจว ทหรภิกฺขู จ ตสฺส จณฺฑภาวํ ชานนฺติ. ‘‘เตสํ ทฺวินฺนํ จณฺฑานํ กลหํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ กุตูหเลน ตํ ภิกฺขุํ เชตวนวาสิกสฺส ปริเวณํ ปหิณึสุ. เต อุโภปิ จณฺฑา อฺมฺํ ทิสฺวาว ปิยสํวาสํ สํสนฺทึสุ สมึสุ, หตฺถปาทปิฏฺิสมฺพาหนาทีนิ อกํสุ. ธมฺมสภายํ ภิกฺขู กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, จณฺฑา ภิกฺขู อฺเสํ อุปริ จณฺฑา ผรุสา สาหสิกา, อฺมฺํ ปน อุโภปิ สมคฺคา สมฺโมทมานา ปิยสํวาสา ชาตา’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปเต อฺเสํ จณฺฑา ผรุสา สาหสิกา, อฺมฺํ ปน สมคฺคา สมฺโมทมานา ปิยสํวาสา จ อเหสุ’’นฺติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส สพฺพตฺถสาธโก อตฺถธมฺมานุสาสโก อมจฺโจ อโหสิ. โส ปน ราชา โถกํ ธนโลภปกติโก, ตสฺส ¶ มหาโสโณ นาม กูฏอสฺโส อตฺถิ. อถ อุตฺตราปถกา อสฺสวาณิชา ปฺจ อสฺสสตานิ อาเนสุํ, อสฺสานํ อาคตภาวํ รฺโ อาโรเจสุํ. ตโต ปุพฺเพ ปน โพธิสตฺโต อสฺเส อคฺฆาเปตฺวา ¶ มูลํ อปริหาเปตฺวา ทาเปสิ. ราชา ตํ ปริหายมาโน อฺํ อมจฺจํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘ตาต, อสฺเส อคฺฆาเปหิ, อคฺฆาเปนฺโต จ ปมํ มหาโสณํ ยถา เตสํ อสฺสานํ อนฺตรํ ปวิสติ, ตถา วิสฺสชฺเชตฺวา อสฺเส ฑํสาเปตฺวา วณิเต การาเปตฺวา ทุพฺพลกาเล มูลํ หาเปตฺวา อสฺเส อคฺฆาเปยฺยาสี’’ติ อาห. โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตถา อกาสิ.
อสฺสวาณิชา อนตฺตมนา หุตฺวา เตน กตกิริยํ โพธิสตฺตสฺส อาโรเจสุํ. โพธิสตฺโต ‘‘กึ ปน ตุมฺหากํ นคเร กูฏอสฺโส นตฺถี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อตฺถิ สามิ, สุหนุ นาม กูฏอสฺโส จณฺโฑ ผรุโส’’ติ. ‘‘เตน ¶ หิ ปุน อาคจฺฉนฺตา ตํ อสฺสํ อาเนยฺยาถา’’ติ. เต ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา ปุน อาคจฺฉนฺตา ตํ กูฏสฺสํ คาหาเปตฺวา อาคจฺฉึสุ. ราชา ‘‘อสฺสวาณิชา อาคตา’’ติ สุตฺวา สีหปฺชรํ อุคฺฆาเฏตฺวา อสฺเส โอโลเกตฺวา มหาโสณํ วิสฺสชฺชาเปสิ. อสฺสวาณิชาปิ มหาโสณํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา สุหนุํ วิสฺสชฺชาเปสุํ. เต อฺมฺํ ปตฺวา สรีรานิ เลหนฺตา สมฺโมทมานา อฏฺํสุ. ราชา โพธิสตฺตํ ปุจฺฉิ – ‘‘ปสฺสสิ อิเม ทฺเว กูฏสฺสา อฺเสํ จณฺฑา ผรุสา สาหสิกา, อฺเ อสฺเส ฑํสิตฺวา เคลฺํ ปาเปนฺติ, อิทานิ อฺมฺํ ปน สรีรํ เลหนฺตา สมฺโมทมานา อฏฺํสุ, กึ นาเมต’’นฺติ? โพธิสตฺโต ‘‘นยิเม, มหาราช, วิสมสีลา, สมสีลา สมธาตุกา จ เอเต’’ติ วตฺวา อิมํ คาถาทฺวยมาห –
‘‘นยิทํ วิสมสีเลน, โสเณน สุหนู สห;
สุหนูปิ ตาทิโสเยว, โย โสณสฺส สโคจโร.
‘‘ปกฺขนฺทินา ¶ ปคพฺเภน, นิจฺจํ สนฺทานขาทินา;
สเมติ ปาปํ ปาเปน, สเมติ อสตา อส’’นฺติ.
ตตฺถ นยิทํ วิสมสีเลน, โสเณน สุหนู สหาติ ยํ อิทํ สุหนุ กูฏสฺโส โสเณน สทฺธึ เปมํ กโรติ, อิทํ น อตฺตโน วิสมสีเลน, อถ โข อตฺตโน สมสีเลเนว สทฺธึ กโรติ. อุโภปิ เหเต อตฺตโน อนาจารตาย ทุสฺสีลตาย สมสีลา สมธาตุกา. สุหนูปิ ตาทิโสเยว, โย โสณสฺส สโคจโรติ ยาทิโส โสโณ, สุหนุปิ ตาทิโสเยว, โย โสณสฺส สโคจโร ยํโคจโร โสโณ, โสปิ ตํโคจโรเยว. ยเถว หิ โสโณ อสฺสโคจโร อสฺเส ฑํเสนฺโตว จรติ, ตถา สุหนุปิ. อิมินา เนสํ สมานโคจรตํ ทสฺเสติ.
เต ¶ ปน อาจารโคจเร เอกโต กตฺวา ทสฺเสตุํ ‘‘ปกฺขนฺทินา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ปกฺขนฺทินาติ อสฺสานํ อุปริ ปกฺขนฺทนสีเลน ปกฺขนฺทนโคจเรน. ปคพฺเภนาติ กายปาคพฺภิยาทิสมนฺนาคเตน ทุสฺสีเลน. นิจฺจํ สนฺทานขาทินาติ สทา อตฺตโน พนฺธนโยตฺตํ ขาทนสีเลน ขาทนโคจเรน จ. สเมติ ปาปํ ปาเปนาติ เอเตสุ อฺตเรน ปาเปน สทฺธึ อฺตรสฺส ¶ ปาปํ ทุสฺสีลฺยํ สเมติ. อสตา อสนฺติ เอเตสุ อฺตเรน อสตา อนาจารโคจรสมฺปนฺเนน สห อิตรสฺส อสํ อสาธุกมฺมํ สเมติ, คูถาทีนิ วิย คูถาทีหิ เอกโต สํสนฺทติ สทิสํ นิพฺพิเสสเมว โหตีติ.
เอวํ วตฺวา จ ปน โพธิสตฺโต ‘‘มหาราช, รฺา นาม อติลุทฺเธน น ภวิตพฺพํ, ปรสฺส สนฺตกํ นาม นาเสตุํ น วฏฺฏตี’’ติ ราชานํ โอวทิตฺวา อสฺเส อคฺฆาเปตฺวา ภูตเมว มูลํ ทาเปสิ. อสฺสวาณิชา ยถาสภาวเมว มูลํ ลภิตฺวา หฏฺตุฏฺา อคมํสุ. ราชาปิ โพธิสตฺตสฺส โอวาเท ตฺวา ยถากมฺมํ คโต.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ทฺเว อสฺสา อิเม ทฺเว ทุฏฺภิกฺขู อเหสุํ, ราชา อานนฺโท, ปณฺฑิตามจฺโจ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
สุหนุชาตกวณฺณนา อฏฺมา.
[๑๕๙] ๙. โมรชาตกวณฺณนา
อุเทตยํ ¶ จกฺขุมา เอกราชาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ อุกฺกณฺิตภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. โส หิ ภิกฺขุ ภิกฺขูหิ สตฺถุ สนฺติกํ นีโต ‘‘สจฺจํ กิร, ตฺวํ ภิกฺขุ, อุกฺกณฺิโต’’ติ วุตฺเต ‘‘สจฺจํ, ภนฺเต’’ติ วตฺวา ‘‘กึ ทิสฺวา’’ติ วุตฺเต ‘‘เอกํ อลงฺกตปฏิยตฺตสรีรํ มาตุคามํ โอโลเกตฺวา’’ติ อาห. อถ นํ สตฺถา ‘‘ภิกฺขุ มาตุคาโม นาม กสฺมา ตุมฺหาทิสานํ จิตฺตํ นาลุเฬสฺสติ, โปราณกปณฺฑิตานมฺปิ หิ มาตุคามสฺส สทฺทํ สุตฺวา สตฺต วสฺสสตานิ อสมุทาจิณฺณกิเลสา โอกาสํ ลภิตฺวา ขเณเนว สมุทาจรึสุ. วิสุทฺธาปิ สตฺตา สํกิลิสฺสนฺติ, อุตฺตมยสสมงฺคิโนปิ อายสกฺยํ ปาปุณนฺติ, ปเคว อปริสุทฺธา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต โมรโยนิยํ ปฏิสนฺธึ คเหตฺวา อณฺฑกาเลปิ ¶ กณิการมกุฬวณฺณอณฺฑโกโส หุตฺวา อณฺฑํ ภินฺทิตฺวา นิกฺขนฺโต สุวณฺณวณฺโณ อโหสิ ทสฺสนีโย ปาสาทิโก ปกฺขานํ อนฺตเร สุรตฺตราชิวิราชิโต, โส อตฺตโน ¶ ชีวิตํ รกฺขนฺโต ติสฺโส ปพฺพตราชิโย อติกฺกมฺม จตุตฺถาย ปพฺพตราชิยา เอกสฺมึ ทณฺฑกหิรฺปพฺพตตเล วาสํ กปฺเปสิ. โส ปภาตาย รตฺติยา ปพฺพตมตฺถเก นิสินฺโน สูริยํ อุคฺคจฺฉนฺตํ โอโลเกตฺวา อตฺตโน โคจรภูมิยํ รกฺขาวรณตฺถาย พฺรหฺมมนฺตํ พนฺธนฺโต ‘‘อุเทตย’’นฺติอาทิมาห.
‘‘อุเทตยํ จกฺขุมา เอกราชา,
หริสฺสวณฺโณ ปถวิปฺปภาโส;
ตํ ตํ นมสฺสามิ หริสฺสวณฺณํ ปถวิปฺปภาสํ,
ตยาชฺช คุตฺตา วิหเรมุ ทิวส’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ อุเทตีติ ปาจีนโลกธาตุโต อุคฺคจฺฉติ. จกฺขุมาติ สกลจกฺกวาฬวาสีนํ อนฺธการํ วิธมิตฺวา จกฺขุปฏิลาภกรเณน ยํ เตน เตสํ ทินฺนํ จกฺขุ, เตน จกฺขุนา จกฺขุมา. เอกราชาติ สกลจกฺกวาเฬ อาโลกกรานํ อนฺตเร เสฏฺวิสิฏฺฏฺเน เอกราชา. หริสฺสวณฺโณติ หริสมานวณฺโณ, สุวณฺณวณฺโณติ อตฺโถ. ปถวิปฺปภาโสติ ปถวิยา ปภาโส. ตํ ตํ นมสฺสามีติ ตสฺมา ตํ เอวรูปํ ภวนฺตํ นมสฺสามิ วนฺทามิ. ตยาชฺช คุตฺตา วิหเรมุ ทิวสนฺติ ตยา อชฺช รกฺขิตา โคปิตา หุตฺวา อิมํ ทิวสํ จตุอิริยาปถวิหาเรน สุขํ วิหเรยฺยาม.
เอวํ โพธิสตฺโต อิมาย คาถาย สูริยํ นมสฺสิตฺวา ทุติยคาถาย อตีเต ปรินิพฺพุเต พุทฺเธ เจว พุทฺธคุเณ จ นมสฺสติ.
‘‘เย พฺราหฺมณา เวทคู สพฺพธมฺเม, เต เม นโม เต จ มํ ปาลยนฺตุ;
นมตฺถุ พุทฺธานํ นมตฺถุ โพธิยา, นโม วิมุตฺตานํ นโม วิมุตฺติยา;
อิมํ โส ปริตฺตํ กตฺวา, โมโร จรติ เอสนา’’ติ.
ตตฺถ เย พฺราหฺมณาติ เย พาหิตปาปา วิสุทฺธิพฺราหฺมณา. เวทคูติ เวทานํ ปารํ คตาติปิ เวทคู, เวเทหิ ปารํ คตาติปิ เวทคู. อิธ ปน สพฺเพ สงฺขตาสงฺขตธมฺเม วิทิเต ปากเฏ กตฺวา คตาติ เวทคู. เตเนวาห ¶ ‘‘สพฺพธมฺเม’’ติ. สพฺเพ ขนฺธายตนธาตุธมฺเม สลกฺขณสามฺลกฺขณวเสน ¶ อตฺตโน าณสฺส วิทิเต ปากเฏ กตฺวา คตา, ติณฺณํ มารานํ มตฺถกํ มทฺทิตฺวา ทสสหสฺสิโลกธาตุํ อุนฺนาเทตฺวา โพธิตเล สมฺมาสมฺโพธึ ปตฺวา สํสารํ วา อติกฺกนฺตาติ อตฺโถ. เต เม นโมติ เต มม อิมํ นมกฺการํ ปฏิจฺฉนฺตุ. เต จ มํ ปาลยนฺตูติ เอวํ มยา นมสฺสิตา จ เต ภควนฺโต มํ ปาเลนฺตุ รกฺขนฺตุ โคเปนฺตุ. นมตฺถุ พุทฺธานํ นมตฺถุ โพธิยา, นโม วิมุตฺตานํ นโม วิมุตฺติยาติ อยํ มม นมกฺกาโร ¶ อตีตานํ ปรินิพฺพุตานํ พุทฺธานํ อตฺถุ, เตสฺเว จตูสุ จ มคฺเคสุ จตูสุ ผเลสุ าณสงฺขาตาย โพธิยา อตฺถุ, ตถา เตสฺเว อรหตฺตผลวิมุตฺติยา วิมุตฺตานํ อตฺถุ, ยา จ เนสํ ตทงฺควิมุตฺติ วิกฺขมฺภนวิมุตฺติ สมุจฺเฉทวิมุตฺติ ปฏิปฺปสฺสทฺธิวิมุตฺติ นิสฺสรณวิมุตฺตีติ ปฺจวิธา วิมุตฺติ, ตสฺสา เนสํ วิมุตฺติยาปิ อยํ มยฺหํ นมกฺกาโร อตฺถูติ. ‘‘อิมํ โส ปริตฺตํ กตฺวา, โมโร จรติ เอสนา’’ติ อิทํ ปน ปททฺวยํ สตฺถา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา อาห. ตสฺสตฺโถ – ภิกฺขเว, โส โมโร อิมํ ปริตฺตํ อิมํ รกฺขํ กตฺวา อตฺตโน โคจรภูมิยํ ปุปฺผผลาทีนํ อตฺถาย นานปฺปการาย เอสนาย จรติ.
เอวํ ทิวสํ จริตฺวา สายํ ปพฺพตมตฺถเก นิสีทิตฺวา อตฺถงฺคตํ สูริยํ โอโลเกนฺโต พุทฺธคุเณ อาวชฺเชตฺวา นิวาสฏฺาเน รกฺขาวรณตฺถาย ปุน พฺรหฺมมนฺตํ พนฺธนฺโต ‘‘อเปตย’’นฺติอาทิมาห.
‘‘อเปตยํ จกฺขุมา เอกราชา, หริสฺสวณฺโณ ปถวิปฺปภาโส;
ตํ ตํ นมสฺสามิ หริสฺสวณฺณํ ปถวิปฺปภาสํ, ตยาชฺช คุตฺตา วิหเรมุ รตฺตึ.
‘‘เย พฺราหฺมณา เวทคู สพฺพธมฺเม, เต เม นโม เต จ มํ ปาลยนฺตุ;
นมตฺถุ พุทฺธานํ นมตฺถุ โพธิยา, นโม วิมุตฺตานํ นโม วิมุตฺติยา;
อิมํ โส ปริตฺตํ กตฺวา, โมโร วาสมกปฺปยี’’ติ.
ตตฺถ อเปตีติ อปยาติ อตฺถํ คจฺฉติ. อิมํ โส ปริตฺตํ กตฺวา, โมโร วาสมกปฺปยีติ อิทมฺปิ อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา อาห. ตสฺสตฺโถ – ภิกฺขเว ¶ , โส โมโร อิมํ ปริตฺตํ อิมํ รกฺขํ กตฺวา อตฺตโน นิวาสฏฺาเน วาสํ กปฺปยิตฺถ, ตสฺส รตฺตึ วา ทิวา วา อิมสฺส ปริตฺตสฺสานุภาเวน เนว ภยํ, น โลมหํโส อโหสิ.
อเถโก ¶ พาราณสิยา อวิทูเร เนสาทคามวาสี เนสาโท หิมวนฺตปเทเส วิจรนฺโต ตสฺมึ ¶ ทณฺฑกหิรฺปพฺพตมตฺถเก นิสินฺนํ โพธิสตฺตํ ทิสฺวา อาคนฺตฺวา ปุตฺตสฺส อาโรเจสิ. อเถกทิวสํ เขมา นาม พาราณสิรฺโ เทวี สุปิเนน สุวณฺณวณฺณํ โมรํ ธมฺมํ เทเสนฺตํ ทิสฺวา ปพุทฺธกาเล รฺโ อาโรเจสิ – ‘‘อหํ, เทว, สุวณฺณวณฺณสฺส โมรสฺส ธมฺมํ โสตุกามา’’ติ. ราชา อมจฺเจ ปุจฺฉิ. อมจฺจา ‘‘พฺราหฺมณา ชานิสฺสนฺตี’’ติ อาหํสุ. พฺราหฺมณา ตํ สุตฺวา ‘‘สุวณฺณวณฺณา โมรา นาม โหนฺตี’’ติ วตฺวา ‘‘กตฺถ โหนฺตี’’ติ วุตฺเต ‘‘เนสาทา ชานิสฺสนฺตี’’ติ อาหํสุ. ราชา เนสาเท สนฺนิปาเตตฺวา ปุจฺฉิ. อถ โส เนสาทปุตฺโต ‘‘อาม, มหาราช, ทณฺฑกหิรฺปพฺพโต นาม อตฺถิ, ตตฺถ สุวณฺณวณฺโณ โมโร วสตี’’ติ อาห. ‘‘เตน หิ ตํ โมรํ อมาเรตฺวา พนฺธิตฺวาว อาเนหี’’ติ. เนสาโท คนฺตฺวา ตสฺส โคจรภูมิยํ ปาเส โอฑฺเฑสิ. โมเรน อกฺกนฺตฏฺาเนปิ ปาโส น สฺจรติ. เนสาโท คณฺหิตุํ อสกฺโกนฺโต สตฺต วสฺสานิ วิจริตฺวา ตตฺเถว กาลมกาสิ. เขมาปิ เทวี ปตฺถิตํ อลภมานา กาลมกาสิ.
ราชา ‘‘โมรํ เม นิสฺสาย เทวี กาลกตา’’ติ กุชฺฌิตฺวา ‘‘หิมวนฺตปเทเส ทณฺฑกหิรฺปพฺพโต นาม อตฺถิ, ตตฺถ สุวณฺณวณฺโณ โมโร วสติ, เย ตสฺส มํสํ ขาทนฺติ, เต อชรา อมรา โหนฺตี’’ติ อกฺขรํ สุวณฺณปฏฺเฏ ลิขาเปตฺวา สุวณฺณปฏฺฏํ มฺชูสาย นิกฺขิปาเปสิ. ตสฺมึ กาลกเต อฺโ ราชา รชฺชํ ปตฺวา สุวณฺณปฏฺฏํ วาเจตฺวา ‘‘อชโร อมโร ภวิสฺสามี’’ติ อฺํ เนสาทํ เปเสสิ. โสปิ คนฺตฺวา โพธิสตฺตํ คเหตุํ อสกฺโกนฺโต ตตฺเถว กาลมกาสิ. เอเตเนว นิยาเมน ฉ ราชปริวฏฺฏา คตา. อถ สตฺตโม ราชา รชฺชํ ปตฺวา เอกํ เนสาทํ ปหิณิ. โส คนฺตฺวา โพธิสตฺเตน อกฺกนฺตฏฺาเนปิ ปาสสฺส อสฺจรณภาวํ, อตฺตโน ¶ ปริตฺตํ กตฺวา โคจรภูมิคมนภาวฺจสฺส ตฺวา ปจฺจนฺตํ โอตริตฺวา เอกํ โมรึ คเหตฺวา ยถา หตฺถตาฬสทฺเทน นจฺจติ, อจฺฉราสทฺเทน จ วสฺสติ, เอวํ สิกฺขาเปตฺวา ตํ อาทาย คนฺตฺวา โมเรน ปริตฺเต ¶ อกเต ปาโตเยว ปาสยฏฺิโย โรเปตฺวา ปาเส โอฑฺเฑตฺวา โมรึ วสฺสาเปสิ. โมโร วิสภาคํ มาตุคามสทฺทํ สุตฺวา กิเลสาตุโร หุตฺวา ปริตฺตํ กาตุํ อสกฺกุณิตฺวา คนฺตฺวา ปาเส พชฺฌิ. อถ นํ เนสาโท คเหตฺวา คนฺตฺวา พาราณสิรฺโ อทาสิ.
ราชา ตสฺส รูปสมฺปตฺตึ ทิสฺวา ตุฏฺมานโส อาสนํ ทาเปสิ. โพธิสตฺโต ปฺตฺตาสเน นิสีทิตฺวา ‘‘มหาราช, กสฺมา มํ คณฺหาเปสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘เย กิร ตว มํสํ ขาทนฺติ, เต อชรา อมรา โหนฺติ, สฺวาหํ ตว มํสํ ขาทิตฺวา อชโร อมโร โหตุกาโม ตํ คณฺหาเปสิ’’นฺติ. ‘‘มหาราช, มม ตาว มํสํ ขาทนฺตา อชรา อมรา โหนฺตุ, อหํ ปน มริสฺสามี’’ติ ¶ ? ‘‘อาม, มริสฺสสี’’ติ. ‘‘มยิ มรนฺเต ปน มม มํสเมว ขาทิตฺวา กินฺติ กตฺวา น มริสฺสนฺตี’’ติ? ‘‘ตฺวํ สุวณฺณวณฺโณ, ตสฺมา กิร ตว มํสํ ขาทกา อชรา อมรา ภวิสฺสนฺตี’’ติ. ‘‘มหาราช, อหํ ปน น อการณา สุวณฺณวณฺโณ ชาโต, ปุพฺเพ ปนาหํ อิมสฺมึเยว นคเร จกฺกวตฺตี ราชา หุตฺวา สยมฺปิ ปฺจ สีลานิ รกฺขึ, สกลจกฺกวาฬวาสิโนปิ รกฺขาเปสึ, สฺวาหํ กาลํ กริตฺวา ตาวตึสภวเน นิพฺพตฺโต, ตตฺถ ยาวตายุกํ ตฺวา ตโต จุโต อฺสฺส อกุสลสฺส นิสฺสนฺเทน โมรโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวาปิ โปราณสีลานุภาเวน สุวณฺณวณฺโณ ชาโต’’ติ. ‘‘‘ตฺวํ จกฺกวตฺตี ราชา หุตฺวา สีลํ รกฺขิตฺวา สีลผเลน สุวณฺณวณฺโณ ชาโต’ติ กถมิทํ อมฺเหหิ สทฺธาตพฺพํ. อตฺถิ โน โกจิ สกฺขี’’ติ ¶ ? ‘‘อตฺถิ, มหาราชา’’ติ. ‘‘โก นามา’’ติ? ‘‘มหาราช, อหํ จกฺกวตฺติกาเล รตนมเย รเถ นิสีทิตฺวา อากาเส วิจรึ, โส เม รโถ มงฺคลโปกฺขรณิยา อนฺโตภูมิยํ นิทหาปิโต, ตํ มงฺคลโปกฺขรณิโต อุกฺขิปาเปหิ, โส เม สกฺขิ ภวิสฺสตี’’ติ.
ราชา ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา โปกฺขรณิโต อุทกํ หราเปตฺวา รถํ นีหราเปตฺวา โพธิสตฺตสฺส สทฺทหิ. โพธิสตฺโต ‘‘มหาราช, เปตฺวา อมตมหานิพฺพานํ อวเสสา สพฺเพ สงฺขตธมฺมา หุตฺวา อภาวิโน อนิจฺจา ขยวยธมฺมาเยวา’’ติ รฺโ ธมฺมํ เทเสตฺวา ราชานํ ปฺจสุ สีเลสุ ปติฏฺาเปสิ. ราชา ปสนฺโน โพธิสตฺตํ รชฺเชน ปูเชตฺวา มหนฺตํ สกฺการํ อกาสิ. โส รชฺชํ ตสฺเสว ปฏินิยฺยาเทตฺวา กติปาหํ วสิตฺวา ‘‘อปฺปมตฺโต โหหิ, มหาราชา’’ติ โอวทิตฺวา อากาเส ¶ อุปฺปติตฺวา ทณฺฑกหิรฺปพฺพตเมว อคมาสิ. ราชาปิ โพธิสตฺตสฺส โอวาเท ตฺวา ทานาทีนิ ปฺุานิ กตฺวา ยถากมฺมํ คโต.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺิตภิกฺขุ อรหตฺเต ปติฏฺหิ. ‘‘ตทา ราชา อานนฺโท อโหสิ, สุวณฺณโมโร ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
โมรชาตกวณฺณนา นวมา.
[๑๖๐] ๑๐. วินีลชาตกวณฺณนา
เอวเมว นูน ราชานนฺติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เทวทตฺตสฺส สุคตาลยํ อารพฺภ กเถสิ. เทวทตฺเต หิ คยาสีสคตานํ ทฺวินฺนํ อคฺคสาวกานํ สุคตาลยํ ทสฺเสตฺวา นิปนฺเน อุโภปิ เถรา ¶ ธมฺมํ เทเสตฺวา อตฺตโน นิสฺสิตเก อาทาย เวฬุวนํ อคมึสุ. เต สตฺถารา ‘‘สาริปุตฺต, เทวทตฺโต ตุมฺเห ทิสฺวา กึ ¶ อกาสี’’ติ ปุฏฺา ‘‘ภนฺเต, สุคตาลยํ ทสฺเสตฺวา มหาวินาสํ ปาปุณี’’ติ อาโรเจสุํ. สตฺถา ‘‘น โข, สาริปุตฺต, เทวทตฺโต อิทาเนว มม อนุกิริยํ กโรนฺโต วินาสํ ปตฺโต, ปุพฺเพปิ ปาปุณิเยวา’’ติ วตฺวา เถเรหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต วิเทหรฏฺเ มิถิลายํ วิเทหราเช รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติ. โส วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา ปิตุ อจฺจเยน รชฺเช ปติฏฺาสิ. ตทา เอกสฺส สุวณฺณหํสราชสฺส โคจรภูมิยํ กากิยา สทฺธึ สํวาโส อโหสิ. สา ปุตฺตํ วิชายิ. โส เนว มาตุปติรูปโก อโหสิ, น ปิตุ. อถสฺส วินีลกธาตุกตฺตา ‘‘วินีลโก’’ตฺเวว นามํ อกํสุ. หํสราชา อภิณฺหํ คนฺตฺวา ปุตฺตํ ปสฺสติ. อปเร ปนสฺส ทฺเว หํสโปตกา ปุตฺตา อเหสุํ. เต ปิตรํ อภิณฺหํ มนุสฺสปถํ คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ปุจฺฉึสุ – ‘‘ตาต, ตุมฺเห กสฺมา อภิณฺหํ มนุสฺสปถํ คจฺฉถา’’ติ? ‘‘ตาตา, เอกาย เม กากิยา สทฺธึ สํวาสมนฺวาย เอโก ปุตฺโต ชาโต, ‘วินีลโก’ติสฺส นามํ, ตมหํ ทฏฺุํ คจฺฉามี’’ติ. ‘‘กหํ ปเนเต ¶ วสนฺตี’’ติ? ‘‘วิเทหรฏฺเ มิถิลาย อวิทูเร อสุกสฺมึ นาม าเน เอกสฺมึ ตาลคฺเค วสนฺตี’’ติ. ‘‘ตาต, มนุสฺสปโถ นาม สาสงฺโก สปฺปฏิภโย, ตุมฺเห มา คจฺฉถ, มยํ คนฺตฺวา ตํ อาเนสฺสามา’’ติ ทฺเว หํสโปตกา ปิตรา อาจิกฺขิตสฺาย ตตฺถ คนฺตฺวา ตํ วินีลกํ เอกสฺมึ ทณฺฑเก นิสีทาเปตฺวา มุขตุณฺฑเกน ทณฺฑโกฏิยํ ฑํสิตฺวา มิถิลานครมตฺถเกน ปายึสุ. ตสฺมึ ขเณ วิเทหราชา สพฺพเสตจตุสินฺธวยุตฺตรถวเร นิสีทิตฺวา นครํ ปทกฺขิณํ กโรติ. วินีลโก ตํ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘มยฺหํ วิเทหรฺา กึ นานาการณํ, เอส จตุสินฺธวยุตฺตรเถ นิสีทิตฺวา นครํ อนุสฺจรติ, อหํ ปน หํสยุตฺตรเถ นิสีทิตฺวา คจฺฉามี’’ติ. โส อากาเสน คจฺฉนฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘เอวเมว ¶ นูน ราชานํ, เวเทหํ มิถิลคฺคหํ;
อสฺสา วหนฺติ อาชฺา, ยถา หํสา วินีลก’’นฺติ.
ตตฺถ เอวเมวาติ เอวํ เอว, นูนาติ ปริวิตกฺเก นิปาโต. เอกํเสปิ วฏฺฏติเยว. เวเทหนฺติ วิเทหรฏฺสามิกํ. มิถิลคฺคหนฺติ มิถิลเคหํ, มิถิลายํ ฆรํ ปริคฺคเหตฺวา วสมานนฺติ อตฺโถ. อาชฺาติ การณาการณาชานนกา. ยถา หํสา วินีลกนฺติ ยถา อิเม หํสา มํ วินีลกํ วหนฺติ, เอวเมว วหนฺตีติ.
หํสโปตกา ¶ ตสฺส วจนํ สุตฺวา กุชฺฌิตฺวา ‘‘อิเธว นํ ปาเตตฺวา คมิสฺสามา’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวาปิ ‘‘เอวํ กเต ปิตา โน กึ วกฺขตี’’ติ ครหภเยน ปิตุ สนฺติกํ เนตฺวา เตน กตกิริยํ ปิตุ อาจิกฺขึสุ. อถ นํ ปิตา กุชฺฌิตฺวา ‘‘กึ ตฺวํ มม ปุตฺเตหิ อธิกตโรสิ, โย มม ปุตฺเต อภิภวิตฺวา รเถ ยุตฺตสินฺธเว วิย กโรสิ, อตฺตโน ปมาณํ น ชานาสิ. อิมํ านํ ตว อโคจโร, อตฺตโน มาตุ วสนฏฺานเมว คจฺฉาหี’’ติ ตชฺเชตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘วินีล ทุคฺคํ ภชสิ, อภูมึ ตาต เสวสิ;
คามนฺตกานิ เสวสฺสุ, เอตํ มาตาลยํ ตวา’’ติ.
ตตฺถ วินีลาติ ตํ นาเมนาลปติ. ทุคฺคํ ภชสีติ อิเมสํ วเสน คิริทุคฺคํ ภชสิ. อภูมึ, ตาต, เสวสีติ, ตาต, คิริวิสมํ นาม ตว อภูมิ ¶ , ตํ เสวสิ อุปคจฺฉสิ. เอตํ มาตาลยํ ตวาติ เอตํ คามนฺตํ อุกฺการฏฺานํ อามกสุสานฏฺานฺจ ตว มาตุ อาลยํ เคหํ วสนฏฺานํ, ตตฺถ คจฺฉาหีติ. เอวํ ตํ ตชฺเชตฺวา ‘‘คจฺฉถ, นํ มิถิลนครสฺส อุกฺการภูมิยฺเว โอตาเรตฺวา เอถา’’ติ ปุตฺเต อาณาเปสิ, เต ตถา อกํสุ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา วินีลโก เทวทตฺโต อโหสิ, ทฺเว หํสโปตกา ทฺเว อคฺคสาวกา อเหสุํ, ปิตา อานนฺโท อโหสิ, วิเทหราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
วินีลชาตกวณฺณนา ทสมา.
ทฬฺหวคฺโค ปโม.
ตสฺสุทฺทานํ –
ราโชวาทฺจ สิงฺคาลํ, สูกรํ อุรคํ ภคฺคํ;
อลีนจิตฺตคุณฺจ, สุหนุ โมรวินีลํ.
๒. สนฺถววคฺโค
[๑๖๑] ๑. อินฺทสมานโคตฺตชาตกวณฺณนา
น ¶ ¶ สนฺถวํ กาปุริเสน กยิราติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ ทุพฺพจชาติกํ อารพฺภ กเถสิ. ตสฺส วตฺถุ นวกนิปาเต คิชฺฌชาตเก (ชา. ๑.๙.๑ อาทโย) อาวิภวิสฺสติ. สตฺถา ปน ตํ ภิกฺขุํ ‘‘ปุพฺเพปิ ตฺวํ, ภิกฺขุ, ทุพฺพจตาย ปณฺฑิตานํ วจนํ อกตฺวา มตฺตหตฺถิปาเทหิ สฺจุณฺณิโต’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วุฑฺฒิปฺปตฺโต ฆราวาสํ ปหาย อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ปฺจนฺนํ อิสิสตานํ คณสตฺถา หุตฺวา หิมวนฺตปเทเส วาสํ กปฺเปสิ. ตทา เตสุ ตาปเสสุ อินฺทสมานโคตฺโต นาเมโก ตาปโส ¶ อโหสิ ทุพฺพโจ อโนวาทโก. โส เอกํ หตฺถิโปตกํ โปเสสิ. โพธิสตฺโต สุตฺวา ตํ ปกฺโกสิตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ หตฺถิโปตกํ โปเสสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘สจฺจํ, อาจริย, มตมาติกํ เอกํ หตฺถิโปตกํ โปเสมี’’ติ. ‘‘หตฺถิโน นาม วุฑฺฒิปฺปตฺตา โปสเกเยว มาเรนฺติ, มา ตํ โปเสหี’’ติ. ‘‘เตน วินา วตฺติตุํ น สกฺโกมิ อาจริยา’’ติ. ‘‘เตน หิ ปฺายิสฺสสี’’ติ. โส เตน โปสิยมาโน อปรภาเค มหาสรีโร อโหสิ.
อเถกสฺมึ กาเล เต อิสโย วนมูลผลาผลตฺถาย ทูรํ คนฺตฺวา ตตฺเถว กติปาหํ วสึสุ. หตฺถีปิ อคฺคทกฺขิณวาเต ปภินฺนมโท หุตฺวา ตสฺส ปณฺณสาลํ วิทฺธํเสตฺวา ปานียฆฏํ ภินฺทิตฺวา ปาสาณผลกํ ขิปิตฺวา อาลมฺพนผลกํ ลฺุจิตฺวา ‘‘ตํ ตาปสํ มาเรตฺวาว คมิสฺสามี’’ติ เอกํ คหนฏฺานํ ปวิสิตฺวา ตสฺส อาคมนมคฺคํ โอโลเกนฺโต อฏฺาสิ. อินฺทสมานโคตฺโต ตสฺส โคจรํ ¶ คเหตฺวา สพฺเพสํ ปุรโตว อาคจฺฉนฺโต ตํ ทิสฺวา ปกติสฺาเยวสฺส สนฺติกํ อคมาสิ. อถ นํ โส หตฺถี คหนฏฺานา นิกฺขมิตฺวา โสณฺฑาย ปรามสิตฺวา ภูมิยํ ปาเตตฺวา สีสํ ปาเทน อกฺกมิตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปตฺวา มทฺทิตฺวา โกฺจนาทํ กตฺวา อรฺํ ปาวิสิ. เสสตาปสา ตํ ปวตฺตึ โพธิสตฺตสฺส อาโรเจสุํ ¶ . โพธิสตฺโต ‘‘กาปุริเสหิ นาม สทฺธึ สํสคฺโค น กาตพฺโพ’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อาห –
‘‘น สนฺถวํ กาปุริเสน กยิรา, อริโย อนริเยน ปชานมตฺถํ;
จิรานุวุตฺโถปิ กโรติ ปาปํ, คโช ยถา อินฺทสมานโคตฺตํ.
‘‘ยํ ตฺเวว ชฺา สทิโส มมนฺติ, สีเลน ปฺาย สุเตน จาปิ;
เตเนว เมตฺตึ กยิราถ สทฺธึ, สุโข หเว สปฺปุริเสน สงฺคโม’’ติ.
ตตฺถ น สนฺถวํ กาปุริเสน กยิราติ กุจฺฉิเตน โกธปุริเสน สทฺธึ ตณฺหาสนฺถวํ วา มิตฺตสนฺถวํ วา น กยิราถ. อริโย อนริเยน ปชานมตฺถนฺติ ¶ อริโยติ จตฺตาโร อริยา อาจารอริโย ลิงฺคอริโย ทสฺสนอริโย ปฏิเวธอริโยติ. เตสุ อาจารอริโย อิธ อธิปฺเปโต. โส ปชานมตฺถํ อตฺถํ ปชานนฺโต อตฺถานตฺถกุสโล อาจาเร ิโต อริยปุคฺคโล อนริเยน นิลฺลชฺเชน ทุสฺสีเลน สทฺธึ สนฺถวํ น กเรยฺยาติ อตฺโถ. กึ การณา? จิรานุวุตฺโถปิ กโรติ ปาปนฺติ, ยสฺมา อนริโย จิรํ เอกโต อนุวุตฺโถปิ ตํ เอกโต นิวาสํ อคเณตฺวา กโรติ ปาปํ ลามกกมฺมํ กโรติเยว. ยถา กึ? คโช ยถา อินฺทสมานโคตฺตนฺติ, ยถา โส คโช อินฺทสมานโคตฺตํ มาเรนฺโต ปาปํ อกาสีติ อตฺโถ. ยํ ตฺเวว ชฺา สทิโส มมนฺติอาทีสุ ยํ ตฺเวว ปุคฺคลํ ‘‘อยํ มม สีลาทีหิ สทิโส’’ติ ชาเนยฺย, เตเนว สทฺธึ เมตฺตึ กยิราถ, สปฺปุริเสน สทฺธึ สมาคโม สุขาวโหติ.
เอวํ ¶ โพธิสตฺโต ‘‘อโนวาทเกน นาม น ภวิตพฺพํ, สุสิกฺขิเตน ภวิตุํ วฏฺฏตี’’ติ อิสิคณํ โอวทิตฺวา อินฺทสมานโคตฺตสฺส สรีรกิจฺจํ กาเรตฺวา พฺรหฺมวิหาเร ภาเวตฺวา พฺรหฺมโลกูปโค อโหสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา อินฺทสมานโคตฺโต อยํ ทุพฺพโจ อโหสิ, คณสตฺถา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
อินฺทสมานโคตฺตชาตกวณฺณนา ปมา.
[๑๖๒] ๒. สนฺถวชาตกวณฺณนา
น ¶ สนฺถวสฺมา ปรมตฺถิ ปาปิโยติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อคฺคิชุหนํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ เหฏฺา นงฺคุฏฺชาตเก (ชา. ๑.๑.๑๔๔ อาทโย) กถิตสทิสเมว. ภิกฺขู เต อคฺคึ ชุหนฺเต ทิสฺวา ‘‘ภนฺเต, ชฏิลา นานปฺปการํ มิจฺฉาตปํ กโรนฺติ, อตฺถิ นุ โข เอตฺถ วุฑฺฒี’’ติ ภควนฺตํ ปุจฺฉึสุ. ‘‘น, ภิกฺขเว, เอตฺถกาจิ วุฑฺฒิ นาม อตฺถิ, โปราณกปณฺฑิตาปิ อคฺคิชุหเน วุฑฺฒิ อตฺถีติ สฺาย จิรํ อคฺคึ ชุหิตฺวา ตสฺมึ กมฺเม อวุฑฺฒิเมว ทิสฺวา ¶ อคฺคึ อุทเกน นิพฺพาเปตฺวา สาขาทีหิ โปเถตฺวา ปุน นิวตฺติตฺวาปิ น โอโลเกสุ’’นฺติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติ. มาตาปิตโร ตสฺส ชาตคฺคึ คเหตฺวา ตํ โสฬสวสฺสุทฺเทเส ิตํ อาหํสุ – ‘‘กึ, ตาต, ชาตคฺคึ คเหตฺวา อรฺเ อคฺคึ ปริจริสฺสสิ, อุทาหุ ตโย เวเท อุคฺคณฺหิตฺวา กุฏุมฺพํ สณฺเปตฺวา ฆราวาสํ วสิสฺสสี’’ติ. โส ‘‘น เม ฆราวาเสน อตฺโถ, อรฺเ อคฺคึ ปริจริตฺวา พฺรหฺมโลกปรายโณ ภวิสฺสามี’’ติ ชาตคฺคึ คเหตฺวา มาตาปิตโร วนฺทิตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา ปณฺณสาลาย วาสํ กปฺเปตฺวา อคฺคึ ปริจริ. โส เอกทิวสํ นิมนฺติตฏฺานํ คนฺตฺวา สปฺปินา ปายาสํ ลภิตฺวา ‘‘อิมํ ปายาสํ มหาพฺรหฺมุโน ยชิสฺสามี’’ติ ตํ ปายาสํ ¶ อาหริตฺวา อคฺคึ ชาเลตฺวา ‘‘อคฺคึ ตาว ภวนฺตํ สปฺปิยุตฺตํ ปายาสํ ปาเยมี’’ติ ปายาสํ อคฺคิมฺหิ ปกฺขิปิ. พหุสิเนเห ปายาเส อคฺคิมฺหิ ปกฺขิตฺตมตฺเตเยว อคฺคิ ชลิตฺวา ปจฺจุคฺคตาหิ อจฺจีหิ ปณฺณสาลํ ฌาเปสิ. พฺราหฺมโณ ภีตตสิโต ปลายิตฺวา พหิ ตฺวา ‘‘กาปุริเสหิ นาม สนฺถโว น กาตพฺโพ, อิทานิ เม อิมินา อคฺคินา กิจฺเฉน กตา ปณฺณสาลา ฌาปิตา’’ติ วตฺวา ปมํ คาถมาห –
‘‘น สนฺถวสฺมา ปรมตฺถิ ปาปิโย, โย สนฺถโว กาปุริเสน โหติ;
สนฺตปฺปิโต สปฺปินา ปายเสน, กิจฺฉากตํ ปณฺณกุฏึ อทยฺหี’’ติ.
ตตฺถ น สนฺถวสฺมาติ ตณฺหาสนฺถวาปิ จ มิตฺตสนฺถวาปิ จาติ ทุวิธาปิ เอตสฺมา สนฺถวา ปรํ อุตฺตริ อฺํ ปาปตรํ นตฺถิ, ลามกตรํ นาม นตฺถีติ อตฺโถ. โย สนฺถโว กาปุริเสนาติ โย ปาปเกน กาปุริเสน สทฺธึ ทุวิโธปิ สนฺถโว, ตโต ปาปตรํ อฺํ นตฺถิ. กสฺมา? สนฺตปฺปิโต ¶ …เป…อทยฺหีติ, ยสฺมา สปฺปินา จ ปายาเสน จ สนฺตปฺปิโตปิ อยํ อคฺคิ มยา กิจฺเฉน กตํ ปณฺณสาลํ ฌาเปสีติ อตฺโถ.
โส เอวํ วตฺวา ‘‘น เม ตยา มิตฺตทุพฺภินา อตฺโถ’’ติ ตํ อคฺคึ อุทเกน นิพฺพาเปตฺวา สาขาหิ โปเถตฺวา อนฺโตหิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา เอกํ สามมิคึ สีหสฺส จ พฺยคฺฆสฺส จ ทีปิโน จ มุขํ เลหนฺตึ ทิสฺวา ¶ ‘‘สปฺปุริเสหิ สทฺธึ สนฺถวา ปรํ เสยฺโย นาม นตฺถี’’ติ จินฺเตตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘น สนฺถวสฺมา ปรมตฺถิ เสยฺโย, โย สนฺถโว สปฺปุริเสน โหติ;
สีหสฺส ¶ พฺยคฺฆสฺส จ ทีปิโน จ, สามา มุขํ เลหติ สนฺถเวนา’’ติ.
ตตฺถ สามา มุขํ เลหติ สนฺถเวนาติ สามา นาม มิคี อิเมสํ ติณฺณํ ชนานํ สนฺถเวน สิเนเหน มุขํ เลหตีติ.
เอวํ วตฺวา โพธิสตฺโต อนฺโตหิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา ชีวิตปริโยสาเน พฺรหฺมโลกูปโค อโหสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘เตน สมเยน ตาปโส อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
สนฺถวชาตกวณฺณนา ทุติยา.
[๑๖๓] ๓. สุสีมชาตกวณฺณนา
กาฬา มิคา เสตทนฺตา ตวีเมติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ฉนฺทกทานํ อารพฺภ กเถสิ. สาวตฺถิยฺหิ กทาจิ เอกเมว กุลํ พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทานํ เทติ, กทาจิ อฺติตฺถิยานํ เทติ, กทาจิ คณพนฺธเนน พหู เอกโต หุตฺวา เทนฺติ, กทาจิ วีถิสภาเคน, กทาจิ สกลนครวาสิโน ฉนฺทกํ สํหริตฺวา ทานํ เทนฺติ. อิมสฺมึ ปน กาเล สกลนครวาสิโน ฉนฺทกํ สํหริตฺวา สพฺพปริกฺขารทานํ สชฺเชตฺวา ทฺเว โกฏฺาสา หุตฺวา เอกจฺเจ ‘‘อิมํ สพฺพปริกฺขารทานํ อฺติตฺถิยานํ ทสฺสามา’’ติ อาหํสุ, เอกจฺเจ ‘‘พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺสา’’ติ. เอวํ ปุนปฺปุนํ กถาย วตฺตมานาย อฺติตฺถิยสาวเกหิ อฺติตฺถิยานฺเว ¶ , พุทฺธสาวเกหิ ‘‘‘พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺเสวา’ติ วุตฺเต สมฺพหุลํ กริสามา’’ติ สมฺพหุลาย กถาย ‘‘พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทสฺสามา’’ติ วทนฺตาเยว พหุกา ชาตา, เตสฺเว กถา ปติฏฺาสิ ¶ . อฺติตฺถิยสาวกา พุทฺธานํ ทาตพฺพทานสฺส อนฺตรายํ กาตุํ นาสกฺขึสุ. นาครา พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิมนฺเตตฺวา สตฺตาหํ มหาทานํ ปวตฺเตตฺวา สตฺตเม ทิวเส สพฺพปริกฺขาเร อทํสุ. สตฺถา อนุโมทนํ กตฺวา มหาชนํ มคฺคผเลหิ ¶ ปโพเธตฺวา เชตวนวิหารเมว คนฺตฺวา ภิกฺขุสงฺเฆน วตฺเต ทสฺสิเต คนฺธกุฏิปฺปมุเข ตฺวา สุคโตวาทํ ทตฺวา คนฺธกุฏึ ปาวิสิ.
สายนฺหสมเย ภิกฺขู ธมฺมสภายํ สนฺนิปติตฺวา กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, อฺติตฺถิยสาวกา พุทฺธานํ ทาตพฺพทานสฺส อนฺตรายกรณตฺถาย วายมนฺตาปิ อนฺตรายํ กาตุํ นาสกฺขึสุ, ตํ สพฺพปริกฺขารทานํ พุทฺธานํเยว ปาทมูลํ อาคตํ, อโห พุทฺธพลํ นาม มหนฺต’’นฺติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, เอเต อฺติตฺถิยสาวกา อิทาเนว มยฺหํ ทาตพฺพทานสฺส อนฺตรายกรณตฺถาย วายมนฺติ, ปุพฺเพปิ วายมึสุ, โส ปน ปริกฺขาโร สพฺพกาเลปิ มเมว ปาทมูลํ อาคจฺฉตี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ สุสีโม นาม ราชา อโหสิ. ตทา โพธิสตฺโต ตสฺส ปุโรหิตสฺส พฺราหฺมณิยา กุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ, ตสฺส โสฬสวสฺสิกกาเล ปิตา กาลมกาสิ. โส ปน ธรมานกาเล รฺโ หตฺถิมงฺคลการโก อโหสิ. หตฺถีนํ มงฺคลกรณฏฺาเน อาภตอุปกรณภณฺฑฺจ หตฺถาลงฺการฺจ สพฺพํ โสเยว อลตฺถ. เอวมสฺส เอเกกสฺมึ มงฺคเล โกฏิมตฺตํ ธนํ อุปฺปชฺชติ. อถ ตสฺมึ กาเล หตฺถิมงฺคลฉโณ สมฺปาปุณิ. เสสา พฺราหฺมณา ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘มหาราช, หตฺถิมงฺคลฉโณ สมฺปตฺโต, มงฺคลํ กาตุํ วฏฺฏติ. ปุโรหิตพฺราหฺมณสฺส ปน ปุตฺโต อติทหโร, เนว ตโย เวเท ชานาติ, น หตฺถิสุตฺตํ, มยํ หตฺถิมงฺคลํ กริสฺสามา’’ติ อาหํสุ. ราชา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ. พฺราหฺมณา ปุโรหิตปุตฺตสฺส หตฺถิมงฺคลํ กาตุํ อทตฺวา ‘‘หตฺถิมงฺคลํ กตฺวา มยํ ธนํ คณฺหิสฺสามา’’ติ หฏฺตุฏฺา วิจรนฺติ. อถ ‘‘จตุตฺเถ ทิวเส หตฺถิมงฺคลํ ภวิสฺสตี’’ติ โพธิสตฺตสฺส มาตา ¶ ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา ‘‘หตฺถิมงฺคลกรณํ นาม ยาว สตฺตมา กุลปริวฏฺฏา อมฺหากํ วํโส, วํโส จ โน โอสกฺกิสฺสติ, ธนา จ ปริหายิสฺสามา’’ติ อนุโสจมานา ปโรทิ.
โพธิสตฺโต ¶ ¶ ‘‘กสฺมา, อมฺม, โรทสี’’ติ วตฺวา ตํ การณํ สุตฺวา ‘‘นนุ, อมฺม, อหํ มงฺคลํ กริสฺสามี’’ติ อาห. ‘‘ตาต, ตฺวํ เนว ตโย เวเท ชานาสิ, น หตฺถิสุตฺตํ, กถํ มงฺคลํ กริสฺสสี’’ติ. ‘‘อมฺม, กทา ปน หตฺถิมงฺคลํ กริสฺสตี’’ติ? ‘‘อิโต จตุตฺเถ ทิวเส, ตาตา’’ติ. ‘‘อมฺม, ตโย ปน เวเท ปคุเณ กตฺวา หตฺถิสุตฺตํ ชานนกอาจริโย กหํ วสตี’’ติ? ‘‘ตาต, เอวรูโป ทิสาปาโมกฺโข อาจริโย อิโต วีสโยชนสตมตฺถเก คนฺธารรฏฺเ ตกฺกสิลายํ วสตี’’ติ. ‘‘อมฺม, อมฺหากํ วํสํ น นาเสสฺสามิ, อหํ สฺเว เอกทิวเสเนว ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา เอกรตฺเตเนว ตโย เวเท จ หตฺถิสุตฺตฺจ อุคฺคณฺหิตฺวา ปุนทิวเส อาคนฺตฺวา จตุตฺเถ ทิวเส หตฺถิมงฺคลํ กริสฺสามิ, มา โรที’’ติ มาตรํ สมสฺสาเสตฺวา ปุนทิวเส โพธิสตฺโต ปาโตว ภฺุชิตฺวา เอกโกว นิกฺขมิตฺวา เอกทิวเสเนว ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา อาจริยํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ.
อถ นํ อาจริโย ‘‘กุโต อาคโตสิ, ตาตา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘พาราณสิโต, อาจริยา’’ติ. ‘‘เกนตฺเถนา’’ติ? ‘‘ตุมฺหากํ สนฺติเก ตโย เวเท จ หตฺถิสุตฺตฺจ อุคฺคณฺหนตฺถายา’’ติ. ‘‘สาธุ, ตาต, อุคฺคณฺหา’’ติ. โพธิสตฺโต ‘‘อาจริย, มยฺหํ กมฺมํ อจฺจายิก’’นฺติ สพฺพํ ปวตฺตึ อาโรเจตฺวา ‘‘อหํ เอกทิวเสเนว วีสโยชนสตํ อาคโต, อชฺเชเวกรตฺตึ มยฺหเมว โอกาสํ กโรถ, อิโต ตติยทิวเส หตฺถิมงฺคลํ ภวิสฺสติ, อหํ เอเกเนว อุทฺเทสมคฺเคน สพฺพํ อุคฺคณฺหิสฺสามี’’ติ วตฺวา อาจริยํ โอกาสํ กาเรตฺวา อาจริยสฺส ภุตฺตกาเล สยํ ภฺุชิตฺวา อาจริยสฺส ปาเท โธวิตฺวา สหสฺสตฺถวิกํ ปุรโต เปตฺวา ¶ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺโน ปริยตฺตึ ปฏฺเปตฺวา อรุเณ อุคฺคจฺฉนฺเต ตโย เวเท จ หตฺถิสุตฺตฺจ นิฏฺเปตฺวา ‘‘อฺโปิ อตฺถิ, อาจริยา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘นตฺถิ ตาต, สพฺพํ นิฏฺิต’’นฺติ วุตฺเต ‘‘อาจริย, อิมสฺมึ คนฺเถ เอตฺตกํ ปทปจฺจาภฏฺํ, เอตฺตกํ สชฺฌายสมฺโมหฏฺานํ, อิโต ปฏฺาย ตุมฺเห อนฺเตวาสิเก เอวํ วาเจยฺยาถา’’ติ อาจริยสฺส สิปฺปํ โสเธตฺวา ปาโตว ภฺุชิตฺวา อาจริยํ วนฺทิตฺวา เอกทิวเสเนว พาราณสึ ปจฺจาคนฺตฺวา มาตรํ วนฺทิตฺวา ‘‘อุคฺคหิตํ เต, ตาต, สิปฺป’’นฺติ วุตฺเต ‘‘อาม, อมฺมา’’ติ วตฺวา มาตรํ ปริโตเสสิ.
ปุนทิวเส ¶ หตฺถิมงฺคลฉโณ ปฏิยาทิยิตฺถ. สตมตฺเต หตฺถิโสณฺฑาลงฺกาเร จ สุวณฺณทฺธเช เหมชาลสฺฉนฺเน กตฺวา เปสุํ, ราชงฺคณํ อลงฺกรึสุ. พฺราหฺมณา ‘‘มยํ หตฺถิมงฺคลํ กริสฺสาม, มยํ กริสฺสามา’’ติ มณฺฑิตปสาธิตา อฏฺํสุ. สุสีโมปิ ราชา สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิโต อุปกรณภณฺฑํ คาหาเปตฺวา มงฺคลฏฺานํ อคมาสิ. โพธิสตฺโตปิ กุมารปริหาเรน อลงฺกโต อตฺตโน ปริสาย ปุรกฺขตปริวาริโต รฺโ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร, มหาราช, ตุมฺเห อมฺหากํ ¶ วํสฺจ อตฺตโน วํสฺจ นาเสตฺวา ‘อฺเหิ พฺราหฺมเณหิ หตฺถิมงฺคลํ กาเรตฺวา หตฺถาลงฺการฺจ อุปกรณานิ จ เตสํ ทสฺสามา’ติ อวจุตฺถา’’ติ วตฺวา ปมํ คาถมาห –
‘‘กาฬา มิคา เสตทนฺตา ตวีเม, ปโรสตํ เหมชาลาภิฉนฺนา;
เต เต ททามีติ สุสีม พฺรูสิ, อนุสฺสรํ เปตฺติปิตามหาน’’นฺติ.
ตตฺถ เต เต ททามีติ สุสีม พฺรูสีติ เต เอเต ตว สนฺตเก ‘‘กาฬา มิคา เสตทนฺตา’’ติ เอวํ คเต ปโรสตํ สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิเต ¶ หตฺถี อฺเสํ พฺราหฺมณานํ ททามีติ สจฺจํ กิร, โภ สุสีม, เอวํ พฺรูสีติ อตฺโถ. อนุสฺสรํ เปตฺติปิตามหานนฺติ อมฺหากฺจ อตฺตโน จ วํเส ปิตุปิตามหานํ อาจิณฺณํ สรนฺโตเยว. อิทํ วุตฺตํ โหติ – มหาราช, ยาว สตฺตมกุลปริวฏฺฏา ตุมฺหากํ เปตฺติปิตามหานํ อมฺหากํ เปตฺติปิตามหา จ หตฺถิมงฺคลํ กโรนฺติ, โส ตฺวํ เอวํ อนุสฺสรนฺโตปิ อมฺหากฺจ อตฺตโน จ วํสํ นาเสตฺวา สจฺจํ กิร เอวํ พฺรูสีติ.
สุสีโม ราชา โพธิสตฺตสฺส วจนํ สุตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘กาฬา มิคา เสตทนฺตา มมีเม, ปโรสตํ เหมชาลาภิฉนฺนา;
เต เต ททามีติ วทามิ มาณว, อนุสฺสรํ เปตฺติปิตามหาน’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ เต เต ททามีติ เต เอเต หตฺถี อฺเสํ พฺราหฺมณานํ ททามีติ สจฺจเมว มาณว วทามิ, เนว หตฺถี พฺราหฺมณานํ ททามีติ อตฺโถ. อนุสฺสรนฺติ เปตฺติปิตามหานํ กิริยํ อนุสฺสรามิเยว, โน นานุสฺสรามิ, อมฺหากํ เปตฺติปิตามหานํ หตฺถิมงฺคลํ ตุมฺหากํ เปตฺติปิตามหา กโรนฺตีติ ปน อนุสฺสรนฺโตปิ เอวํ วทามิเยวาติ อธิปฺปาเยเนวมาห.
อถ นํ โพธิสตฺโต เอตทโวจ – ‘‘มหาราช, อมฺหากฺจ อตฺตโน จ วํสํ อนุสฺสรนฺโตเยว กสฺมา มํ เปตฺวา อฺเหิ หตฺถิมงฺคลํ การาเปถา’’ติ. ‘‘ตฺวํ กิร, ตาต, ตโย เวเท หตฺถิสุตฺตฺจ น ชานาสี’’ติ มยฺหํ อาโรเจสุํ, เตนาหํ อฺเหิ พฺราหฺมเณหิ การาเปมีติ. ‘‘เตน หิ, มหาราช, เอตฺตเกสุ พฺราหฺมเณสุ เอกพฺราหฺมโณปิ ตีสุ เวเทสุ วา หตฺถิสุตฺเตสุ วา เอกเทสมฺปิ ยทิ มยา สทฺธึ กเถตุํ สมตฺโต อตฺถิ, อุฏฺหตุ, ตโยปิ เวเท หตฺถิสุตฺตฺจ สทฺธึ หตฺถิมงฺคลกรเณน มํ เปตฺวา อฺโ สกลชมฺพุทีเปปิ ชานนฺโต นาม ¶ นตฺถี’’ติ ¶ สีหนาทํ นทิ. เอกพฺราหฺมโณปิ ตสฺส ปฏิสตฺตุ หุตฺวา อุฏฺาตุํ นาสกฺขิ. โพธิสตฺโต อตฺตโน กุลวํสํ ปติฏฺาเปตฺวา มงฺคลํ กตฺวา พหุํ ธนํ อาทาย อตฺตโน นิเวสนํ อคมาสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน เกจิ โสตาปนฺนา อเหสุํ, เกจิ สกทาคามิโน, เกจิ อนาคามิโน, เกจิ อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. ‘‘ตทา มาตา มหามายา อโหสิ, ปิตา สุทฺโธทนมหาราชา, สุสีโม ราชา อานนฺโท, ทิสาปาโมกฺโข อาจริโย สาริปุตฺโต, มาณโว ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
สุสีมชาตกวณฺณนา ตติยา.
[๑๖๔] ๔. คิชฺฌชาตกวณฺณนา
ยํ ¶ นุ คิชฺโฌ โยชนสตนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ มาตุโปสกภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ สามชาตเก (ชา. ๒.๒๒.๒๙๖ อาทโย) อาวิภวิสฺสติ. สตฺถา ปน ตํ ภิกฺขุํ ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, ภิกฺขุ, คิหี โปเสสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจ’’นฺติ วุตฺเต ‘‘กึ ปน เต โหนฺตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘มาตาปิตโร เม, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘สาธุ สาธู’’ติ ตสฺส สาธุการํ ทตฺวา ‘‘มา, ภิกฺขเว, อิมํ ภิกฺขุํ อุชฺฌายิตฺถ, โปราณกปณฺฑิตาปิ คุณวเสน อฺาตกานมฺปิ อุปการํ อกํสุ, อิมสฺส ปน มาตาปิตูนํ อุปการกรณํ ภาโรเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต คิชฺฌกูฏปพฺพเต คิชฺฌโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา มาตาปิตโร โปเสติ. อเถกสฺมึ กาเล มหตี วาตวุฏฺิ อโหสิ. คิชฺฌา วาตวุฏฺึ สหิตุํ อสกฺโกนฺตา สีตภเยน พาราณสึ คนฺตฺวา ปาการสมีเป จ ปริขาสมีเป จ สีเตน กมฺปมานา นิสีทึสุ. ตทา พาราณสิเสฏฺิ นครา นิกฺขมิตฺวา นฺหายิตุํ คจฺฉนฺโต เต คิชฺเฌ กิลมนฺเต ทิสฺวา เอกสฺมึ อโนวสฺสกฏฺาเน สนฺนิปาเตตฺวา อคฺคึ การาเปตฺวา โคสุสานํ เปเสตฺวา โคมํสํ อาหราเปตฺวา เตสํ ทาเปตฺวา อารกฺขํ เปสิ. คิชฺฌา วูปสนฺตาย วาตวุฏฺิยา ¶ กลฺลสรีรา หุตฺวา ปพฺพตเมว อคมํสุ. เต ตตฺเถว สนฺนิปติตฺวา เอวํ มนฺตยึสุ – ‘‘พาราณสิเสฏฺินา อมฺหากํ อุปกาโร กโต, กตูปการสฺส จ นาม ปจฺจุปการํ กาตุํ ¶ วฏฺฏติ, ตสฺมา อิโต ปฏฺาย ตุมฺเหสุ โย ยํ วตฺถํ วา อาภรณํ วา ลภติ, เตน ตํ พาราณสิเสฏฺิสฺส เคเห อากาสงฺคเณ ปาเตตพฺพ’’นฺติ.
ตโต ปฏฺาย คิชฺฌา มนุสฺสานํ วตฺถาภรณานิ อาตเป สุกฺขาเปนฺตานํ ปมาทํ โอโลเกตฺวา เสนา วิย มํสเปสึ สหสา คเหตฺวา พาราณสิเสฏฺิสฺส เคเห อากาสงฺคเณ ปาเตนฺติ. โส คิชฺฌานํ อาหรณภาวํ ตฺวา สพฺพานิ ตานิ วิสุํเยว เปสิ. ‘‘คิชฺฌา นครํ วิลุมฺปนฺตี’’ติ รฺโ อาโรเจสุํ. ราชา ‘‘เอกํ คิชฺฌมฺปิ ตาว คณฺหถ, สพฺพํ อาหราเปสฺสามี’’ติ ตตฺถ ตตฺถ ปาเส เจว ชาลานิ จ โอฑฺฑาเปสิ. มาตุโปสกคิชฺโฌ ¶ ปาเส พชฺฌิ, ตํ คเหตฺวา ‘‘รฺโ ทสฺเสสฺสามา’’ติ เนนฺติ. พาราณสิเสฏฺิ ราชุปฏฺานํ คจฺฉนฺโต เต มนุสฺเส คิชฺฌํ คเหตฺวา คจฺฉนฺเต ทิสฺวา ‘‘มา อิมํ คิชฺฌํ พาธยึสู’’ติ สทฺธิฺเว อคมาสิ. คิชฺฌํ รฺโ ทสฺเสสุํ. อถ นํ ราชา ปุจฺฉิ – ‘‘ตุมฺเห นครํ วิลุมฺปิตฺวา วตฺถาทีนิ คณฺหถา’’ติ. ‘‘อาม, มหาราชา’’ติ. ‘‘กสฺส ตานิ ทินฺนานี’’ติ? ‘‘พาราณสิเสฏฺิสฺสา’’ติ. ‘‘กึการณา’’ติ? ‘‘อมฺหากํ เตน ชีวิตํ ทฺวินฺนํ, อุปการสฺส นาม ปจฺจุปการํ กาตุํ วฏฺฏติ, ตสฺมา อทมฺหา’’ติ. อถ นํ ราชา ‘‘คิชฺฌา กิร โยชนสตมตฺถเก ตฺวา กุณปํ ปสฺสนฺติ, กสฺมา ตฺวํ อตฺตโน โอฑฺฑิตํ ปาสํ น ปสฺสสี’’ติ วตฺวา ปมํ คาถมาห –
‘‘ยํ นุ คิชฺโฌ โยชนสตํ, กุณปานิ อเวกฺขติ;
กสฺมา ชาลฺจ ปาสฺจ, อาสชฺชาปิ น พุชฺฌสี’’ติ.
ตตฺถ ¶ ยนฺติ นิปาตมตฺตํ, นูติ นามตฺเถ นิปาโต. คิชฺโฌ นาม โยชนสตํ อติกฺกมิตฺวา ิตานิ กุณปานิ อเวกฺขติ, ปสฺสตีติ อตฺโถ. อาสชฺชาปีติ อาสาเทตฺวาปิ, สมฺปาปุณิตฺวาปีติ อตฺโถ. ‘‘ตฺวํ อตฺตโน อตฺถาย โอฑฺฑิตํ ชาลฺจ ปาสฺจ ปตฺวาปิ กสฺมา น พุชฺฌสี’’ติ ปุจฺฉิ.
คิชฺโฌ ตสฺส วจนํ สุตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘ยทา ปราภโว โหติ, โปโส ชีวิตสงฺขเย;
อถ ชาลฺจ ปาสฺจ, อาสชฺชาปิ น พุชฺฌตี’’ติ.
ตตฺถ ¶ ปราภโวติ วินาโส. โปโสติ สตฺโต.
คิชฺฌสฺส วจนํ สุตฺวา ราชา เสฏฺึ ปุจฺฉิ – ‘‘สจฺจํ กิร, มหาเสฏฺิ, คิชฺเฌหิ ตุมฺหากํ เคเห วตฺถาทีนิ อาภตานี’’ติ. ‘‘สจฺจํ, เทวา’’ติ. ‘‘กหํ ตานี’’ติ? ‘‘เทว, มยา ตานิ สพฺพานิ วิสุํ ปิตานิ, ยํ เยสํ สนฺตกํ, ตํ เตสํ ทสฺสามิ, อิมํ คิชฺฌํ วิสฺสชฺเชถา’’ติ คิชฺฌํ วิสฺสชฺชาเปตฺวา มหาเสฏฺึ สพฺเพสํ สนฺตกานิ ทาเปสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน มาตุโปสกภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ ¶ . ‘‘ตทา ราชา อานนฺโท อโหสิ, พาราณสิเสฏฺิ สาริปุตฺโต, มาตุโปสกคิชฺโฌ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
คิชฺฌชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.
[๑๖๕] ๕. นกุลชาตกวณฺณนา
สทฺธึ กตฺวา อมิตฺเตนาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เสณิภณฺฑนํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ เหฏฺา อุรคชาตเก (ชา. ๑.๒.๗-๘) กถิตสทิสเมว. อิธาปิ สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิเม ทฺเว มหามตฺตา อิทาเนว มยา สมคฺคา กตา, ปุพฺเพปาหํ อิเม สมคฺเค อกาสึเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต เอกสฺมึ คามเก พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ ¶ สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคเหตฺวา ฆราวาสํ ปหาย อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา อฺุฉาจริยาย วนมูลผลาหาโร หิมวนฺตปเทเส วาสํ กปฺเปสิ. ตสฺส จงฺกมนโกฏิยํ เอกสฺมึ วมฺมิเก นกุโล, ตสฺเสว สนฺติเก เอกสฺมึ รุกฺขพิเล สปฺโป จ วาสํ กปฺเปสิ. เต อุโภปิ อหินกุลา นิจฺจกาลํ กลหํ กโรนฺติ. โพธิสตฺโต เตสํ กลเห อาทีนวฺจ เมตฺตาภาวนาย จ อานิสํสํ กเถตฺวา ‘‘กลหํ นาม อกตฺวา สมคฺควาสํ วสิตุํ วฏฺฏตี’’ติ โอวทิตฺวา อุโภปิ เต สมคฺเค อกาสิ. อถ สปฺปสฺส พหินิกฺขนฺตกาเล นกุโล จงฺกมนโกฏิยํ วมฺมิกสฺส พิลทฺวาเร สีสํ นีหริตฺวา มุขํ วิวริตฺวา นิปนฺโน อสฺสสนฺโต ปสฺสสนฺโต นิทฺทํ อุปคฺฉิ. โพธิสตฺโต ตํ ตถา ¶ นิทฺทายมานํ ทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข เต นิสฺสาย ภยํ อุปฺปนฺน’’นฺติ ปุจฺฉนฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘สนฺธึ กตฺวา อมิตฺเตน, อณฺฑเชน ชลาพุช;
วิวริย ทาํ เสสิ, กุโต เต ภยมาคต’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ สนฺธึ กตฺวาติ มิตฺตภาวํ กริตฺวา. อณฺฑเชนาติ อณฺฑโกเส นิพฺพตฺเตน นาเคน. ชลาพุชาติ นกุลํ อาลปติ. โส หิ ชลาพุมฺหิ ชาตตฺตา ‘‘ชลาพุโช’’ติ วุจฺจติ. วิวริยาติ วิวริตฺวา.
เอวํ โพธิสตฺเตน วุตฺโต นกุโล ‘‘อยฺย, ปจฺจามิตฺโต นาม น อวชานิตพฺโพ อาสงฺกิตพฺโพเยวา’’ติ วตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘สงฺเกเถว อมิตฺตสฺมึ, มิตฺตสฺมิมฺปิ น วิสฺสเส;
อภยา ภยมุปฺปนฺนํ, อปิ มูลานิ กนฺตตี’’ติ.
ตตฺถ อภยา ภยมุปฺปนฺนนฺติ น อิโต เต ภยมุปฺปนฺนนฺติ อภโย, โก โส? มิตฺโต. ยฺหิ มิตฺตสฺมิมฺปิ วิสฺสาเส สติ ตโต ภยํ อุปฺปชฺชติ, ตํ มูลานิปิ กนฺตติ, มิตฺตสฺส สพฺพรนฺธานํ วิทิตตฺตา มูลฆจฺจาย สํวตฺตตีติ อตฺโถ.
อถ ¶ นํ โพธิสตฺโต ‘‘มา ภายิ, ยถา สปฺโป ตยิ น ทุพฺภติ, เอวมหํ กริสฺสามิ, ตฺวํ อิโต ปฏฺาย ตสฺมึ อาสงฺกํ มา กรี’’ติ โอวทิตฺวา จตฺตาโร พฺรหฺมวิหาเร ภาเวตฺวา พฺรหฺมโลกปรายโณ อโหสิ. เตปิ ยถากมฺมํ คตา.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา สปฺโป จ นกุโล จ อิเม ทฺเว มหามตฺตา อเหสุํ, ตาปโส ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
นกุลชาตกวณฺณนา ปฺจมา.
[๑๖๖] ๖. อุปสาฬกชาตกวณฺณนา
อุปสาฬกนามานีติ ¶ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เอกํ อุปสาฬกํ นาม สุสานสุทฺธิกํ พฺราหฺมณํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิร อฑฺโฒ อโหสิ มหทฺธโน, ทิฏฺิคติกตฺตา ปน ธุรวิหาเร วสนฺตานมฺปิ พุทฺธานํ สงฺคหํ นาม น อกาสิ. ปุตฺโต ปนสฺส ปณฺฑิโต อโหสิ าณสมฺปนฺโน. โส มหลฺลกกาเล ปุตฺตํ อาห – ‘‘มา โข มํ, ตาต, อฺสฺส วสลสฺส ฌาปิตสุสาเน ฌาเปหิ, เอกสฺมึ ปน อนุจฺฉิฏฺสุสาเนเยว มํ ¶ ฌาเปยฺยาสี’’ติ. ‘‘ตาต, อหํ ตุมฺหากํ ฌาเปตพฺพยุตฺตกํ านํ น ชานามิ, สาธุ วต มํ อาทาย คนฺตฺวา ‘อิมสฺมึ าเน มํ ฌาเปยฺยาสี’ติ ตุมฺเหว อาจิกฺขถา’’ติ. พฺราหฺมโณ ‘‘สาธุ, ตาตา’’ติ ตํ อาทาย นครา นิกฺขมิตฺวา คิชฺฌกูฏมตฺถกํ อภิรุหิตฺวา ‘‘ตาต, อิทํ อฺสฺส วสลสฺส อฌาปิตฏฺานํ, เอตฺถ มํ ฌาเปยฺยาสี’’ติ วตฺวา ปุตฺเตน สทฺธึ ปพฺพตา โอตริตุํ อารภิ.
สตฺถา ปน ตํ ทิวสํ ปจฺจูสกาเล โพธเนยฺยพนฺธเว โอโลเกนฺโต เตสํ ปิตาปุตฺตานํ โสตาปตฺติมคฺคสฺส อุปนิสฺสยํ อทฺทส. ตสฺมา มคฺคํ คเหตฺวา ิตลุทฺทโก วิย ปพฺพตปาทํ คนฺตฺวา เตสํ ปพฺพตมตฺถกา โอตรนฺตานํ อาคมยมาโน นิสีทิ, เต โอตรนฺตา สตฺถารํ อทฺทสํสุ. สตฺถา ปฏิสนฺถารํ กโรนฺโต ‘‘กหํ คมิสฺสถ พฺราหฺมณา’’ติ ปุจฺฉิ. มาณโว ตมตฺถํ อาโรเจสิ. สตฺถา ‘‘เตน หิ เอหิ, ตว ปิตรา อาจิกฺขิตฏฺานํ คจฺฉามา’’ติ อุโภ ปิตาปุตฺเต คเหตฺวา ปพฺพตมตฺถกํ อารุยฺห ‘‘กตรํ าน’’นฺติ ปุจฺฉิ. มาณโว ‘‘อิเมสํ ติณฺณํ ปพฺพตานํ อนฺตรํ อาจิกฺขิ, ภนฺเต’’ติ ¶ อาห. สตฺถา ‘‘น โข, มาณว, ตว ปิตา อิทาเนว สุสานสุทฺธิโก, ปุพฺเพปิ สุสานสุทฺธิโกว, น เจส อิทาเนว ‘อิมสฺมึ าเน มํ ฌาเปยฺยาสี’ติ ตว อาจิกฺขติ, ปุพฺเพปิ อิมสฺมึเยว าเน อตฺตโน ฌาปิตภาวํ อาจิกฺขี’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต อิมสฺมิฺเว ราชคเห อยเมว อุปสาฬโก พฺราหฺมโณ อยเมวสฺส ปุตฺโต อโหสิ. ตทา โพธิสตฺโต มคธรฏฺเ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา ปริปุณฺณสิปฺโป อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา ฌานกีฬํ กีฬนฺโต หิมวนฺตปเทเส จิรํ วสิตฺวา โลณมฺพิลเสวนตฺถาย คิชฺฌกูเฏ ปณฺณสาลายํ วิหาสิ. ตทา โส พฺราหฺมโณ อิมินาว นิยาเมน ปุตฺตํ วตฺวา ปุตฺเตน ‘‘ตุมฺเหเยว เม ตถารูปํ านํ อาจิกฺขถา’’ติ วุตฺเต ‘‘อิทเมว าน’’นฺติ อาจิกฺขิตฺวา ปุตฺเตน สทฺธึ โอตรนฺโต โพธิสตฺตํ ทิสฺวา ตสฺส สนฺติกํ อุปสงฺกมิ. โพธิสตฺโต อิมินาว นิยาเมน ปุจฺฉิตฺวา มาณวสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘เอหิ, ตว ปิตรา อาจิกฺขิตฏฺานสฺส ¶ อุจฺฉิฏฺภาวํ วา อนุจฺฉิฏฺภาวํ วา ชานิสฺสามา’’ติ เตหิ สทฺธึ ปพฺพตมตฺถกํ อารุยฺห ‘‘อิทํ ติณฺณํ ปพฺพตานํ อนฺตรํ ¶ อนุจฺฉิฏฺฏฺาน’’นฺติ มาณเวน วุตฺเต ‘‘มาณว, อิมสฺมึเยว าเน ฌาปิตกานํ ปมาณํ นตฺถิ, ตเวว ปิตา อิมสฺมึเยว ราชคเห พฺราหฺมณกุเลเยว นิพฺพตฺติตฺวา อุปสาฬโกเยว นาม หุตฺวา อิมสฺมึเยว ปพฺพตนฺตเร จุทฺทส ชาติสหสฺสานิ ฌาปิโต. ปถวิยฺหิ อฌาปิตฏฺานํ วา อสุสานฏฺานํ วา สีสานํ อนิเวสิตฏฺานํ วา ลทฺธุํ น สกฺกา’’ติ ปุพฺเพนิวาสาเณน ปริจฺฉินฺทิตฺวา อิมํ คาถาทฺวยมาห –
‘‘อุปสาฬกนามานิ ¶ , สหสฺสานิ จตุทฺทส;
อสฺมึ ปเทเส ทฑฺฒานิ, นตฺถิ โลเก อนามตํ.
‘‘ยมฺหิ สจฺจฺจ ธมฺโม จ, อหึสา สํยโม ทโม;
เอตํ อริยา เสวนฺติ, เอตํ โลเก อนามต’’นฺติ.
ตตฺถ อนามตนฺติ มตฏฺานํ. ตฺหิ อุปจารวเสน ‘‘อมต’’นฺติ วุจฺจติ, ตํ ปฏิเสเธนฺโต ‘‘อนามต’’นฺติ อาห. ‘‘อนมต’’นฺติปิ ปาโ, โลกสฺมิฺหิ อนมตฏฺานํ อสุสานํ นาม นตฺถีติ อตฺโถ. ยมฺหิ สจฺจฺจ ธมฺโม จาติ ยสฺมึ ปุคฺคเล จตุสจฺจวตฺถุกํ ปุพฺพภาคสจฺจาณฺจ โลกุตฺตรธมฺโม จ อตฺถิ. อหึสาติ ปเรสํ อวิเหสา อวิเหนา. สํยโมติ สีลสํยโม. ทโมติ อินฺทฺริยทมนํ. อิทฺจ คุณชาตํ ยมฺหิ ปุคฺคเล อตฺถิ, เอตํ อริยา เสวนฺตีติ, อริยา พุทฺธา จ ปจฺเจกพุทฺธา จ พุทฺธสาวกา จ เอตํ านํ เสวนฺติ, เอวรูปํ ปุคฺคลํ อุปสงฺกมนฺติ ภชนฺตีติ อตฺโถ. เอตํ โลเก อนามตนฺติ เอตํ คุณชาตํ โลเก อมตภาวสาธนโต อนามตํ นาม.
เอวํ โพธิสตฺโต ปิตาปุตฺตานํ ธมฺมํ เทเสตฺวา จตฺตาโร พฺรหฺมวิหาเร ภาเวตฺวา พฺรหฺมโลกปรายโณ อโหสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุโภ ปิตาปุตฺตา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสุ. ‘‘ตทา ปิตาปุตฺตาว เอตรหิ ปิตาปุตฺตา อเหสุํ, ตาปโส ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
อุปสาฬกชาตกวณฺณนา ฉฏฺา.
[๑๖๗] ๗. สมิทฺธิชาตกวณฺณนา
อภุตฺวา ¶ ¶ ภิกฺขสิ ภิกฺขูติ อิทํ สตฺถา ราชคหํ อุปนิสฺสาย ตโปทาราเม วิหรนฺโต สมิทฺธิเถรํ อารพฺภ กเถสิ. เอกทิวสฺหิ อายสฺมา สมิทฺธิ สพฺพรตฺตึ ปธานํ ปทหิตฺวา อรุณุคฺคมนเวลาย นฺหตฺวา สุวณฺณวณฺณํ อตฺตภาวํ สุกฺขาปยมาโน อนฺตรวาสกํ นิวาเสตฺวา อุตฺตราสงฺคํ หตฺเถน คเหตฺวา อฏฺาสิ สุปริกมฺมกตา วิย สุวณฺณปฏิมา. อตฺตภาวสมิทฺธิยาเยว หิสฺส ¶ ‘‘สมิทฺธี’’ติ นามํ อโหสิ. อถสฺส สรีรโสภคฺคํ ทิสฺวา เอกา เทวธีตา ปฏิพทฺธจิตฺตา เถรํ เอวมาห – ‘‘ตฺวํ โขสิ, ภิกฺขุ, ทหโร ยุวา สุสุ กาฬเกโส ภทฺเรน โยพฺพเนน สมนฺนาคโต อภิรูโป ทสฺสนีโย ปาสาทิโก, เอวรูปสฺส ตว กาเม อปริภฺุชิตฺวา โก อตฺโถ ปพฺพชฺชาย, กาเม ตาว ปริภฺุชสฺสุ, ปจฺฉา ปพฺพชิตฺวา สมณธมฺมํ กริสฺสสี’’ติ. อถ นํ เถโร อาห – ‘‘เทวธีเต, ‘อสุกสฺมึ นาม วเย ิโต มริสฺสามี’ติ มม มรณกาลํ น ชานามิ, เอส เม กาโล ปฏิจฺฉนฺโน, ตสฺมา ตรุณกาเลเยว สมณธมฺมํ กตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสามี’’ติ. สา เถรสฺส สนฺติกา ปฏิสนฺถารํ อลภิตฺวา ตตฺเถว อนฺตรธายิ. เถโร สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา เอตมตฺถํ อาโรเจสิ. สตฺถา ‘‘น โข, สมิทฺธิ, ตฺวฺเว เอตรหิ เทวธีตาย ปโลภิโต, ปุพฺเพปิ เทวธีตโร ปพฺพชิเต ปโลภึสุเยวา’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต เอกสฺมึ กาสิคามเก พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต สพฺพสิปฺเปสุ นิปฺผตฺตึ ปตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา หิมวนฺตปเทเส เอกํ ชาตสฺสรํ นิสฺสาย วาสํ กปฺเปสิ. โส สพฺพรตฺตึ ปธานํ ปทหิตฺวา อรุณุคฺคมนเวลาย นฺหตฺวา เอกํ วกฺกลํ นิวาเสตฺวา เอกํ หตฺเถน คเหตฺวา สรีรํ โวทกํ กโรนฺโต อฏฺาสิ. อถสฺส รูปโสภคฺคปฺปตฺตํ อตฺตภาวํ โอโลเกตฺวา ปฏิพทฺธจิตฺตา เอกา เทวธีตา โพธิสตฺตํ ปโลภยมานา ปมํ คาถมาห –
‘‘อภุตฺวา ภิกฺขสิ ภิกฺขุ, น หิ ภุตฺวาน ภิกฺขสิ;
ภุตฺวาน ภิกฺขุ ภิกฺขสฺสุ, มา ตํ กาโล อุปจฺจคา’’ติ.
ตตฺถ ¶ อภุตฺวา ภิกฺขสิ ภิกฺขูติ ภิกฺขุ ตฺวํ ทหรกาเล กิเลสกามวเสน วตฺถุกาเม อภุตฺวาว ภิกฺขาย จรสิ. น หิ ภุตฺวาน ภิกฺขสีติ นนุ นาม ปฺจ กามคุเณ ภุตฺวา ภิกฺขาย จริตพฺพํ, กาเม อภุตฺวาว ภิกฺขาจริยํ อุปคโตสิ. ภุตฺวาน ภิกฺขุ ภิกฺขสฺสูติ ภิกฺขุ ¶ ทหรกาเล ตาว กาเม ภฺุชิตฺวา ปจฺฉา มหลฺลกกาเล ภิกฺขสฺสุ. มา ตํ กาโล อุปจฺจคาติ อยํ กาเม ภฺุชนกาโล ทหรกาโล, ตํ มา อติกฺกมตูติ.
โพธิสตฺโต ¶ เทวตาย วจนํ สุตฺวา อตฺตโน อชฺฌาสยํ ปกาเสนฺโต ทุติยํ คาถมาห –
‘‘กาลํ โวหํ น ชานามิ, ฉนฺโน กาโล น ทิสฺสติ;
ตสฺมา อภุตฺวา ภิกฺขามิ, มา มํ กาโล อุปจฺจคา’’ติ.
ตตฺถ กาลํ โวหํ น ชานามีติ โวติ นิปาตมตฺตํ. อหํ ปน ‘‘ปมวเย วา มยา มริตพฺพํ มชฺฌิมวเย วา ปจฺฉิมวเย วา’’ติ เอวํ อตฺตโน มรณกาลํ น ชานามิ. ปณฺฑิเตน หิ ปุคฺคเลน –
‘‘ชีวิตํ พฺยาธิ กาโล จ, เทหนิกฺเขปนํ คติ;
ปฺเจเต ชีวโลกสฺมึ, อนิมิตฺตา น นายเร’’ติ.
ฉนฺโน กาโล น ทิสฺสตีติ ยสฺมา ‘‘อสุกสฺมึ นาม วยกาเล เหมนฺตาทิอุตุกาเล วา มยา มริตพฺพ’’นฺติ มยฺหมฺเปส ฉนฺโน หุตฺวา กาโล น ทิสฺสติ, สุปฺปฏิจฺฉนฺโน หุตฺวา ิโต น ปฺายติ. ตสฺมา อภุตฺวา ภิกฺขามีติ เตน การเณน ปฺจ กามคุเณ อภุตฺวา ภิกฺขามิ. มา มํ กาโล อุปจฺจคาติ มํ สมณธมฺมกรณกาโล มา อติกฺกมตูติ อตฺโถ. อิมินา การเณน ทหโรว สมาโน ปพฺพชิตฺวา สมณธมฺมํ กโรมีติ. เทวธีตา โพธิสตฺตสฺส วจนํ สุตฺวา ตตฺเถว อนฺตรธายิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา เทวธีตา อยํ เทวธีตา อโหสิ, อหเมว เตน สมเยน ตาปโส อโหสิ’’นฺติ.
สมิทฺธิชาตกวณฺณนา สตฺตมา.
[๑๖๘] ๘. สกุณคฺฆิชาตกวณฺณนา
เสโน ¶ ¶ พลสา ปตมาโนติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อตฺตชฺฌาสยํ สกุโณวาทสุตฺตํ (สํ. นิ. ๕.๓๗๒) อารพฺภ กเถสิ. เอกทิวสฺหิ สตฺถา ภิกฺขู อามนฺเตตฺวา ‘‘โคจเร, ภิกฺขเว, จรถ สเก เปตฺติเก วิสเย’’ติ (สํ. นิ. ๕.๓๗๒) อิมํ สํยุตฺตมหาวคฺเค สุตฺตนฺตํ กเถนฺโต ¶ ‘‘ตุมฺเห ตาว ติฏฺถ, ปุพฺเพ ติรจฺฉานคตาปิ สกํ เปตฺติกวิสยํ ปหาย อโคจเร จรนฺตา ปจฺจามิตฺตานํ หตฺถปถํ คนฺตฺวาปิ อตฺตโน ปฺาสมฺปตฺติยา อุปายโกสลฺเลน ปจฺจามิตฺตานํ หตฺถา มุจฺจึสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ลาปสกุณโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา นงฺคลกฏฺกรเณ เลฑฺฑุฏฺาเน วาสํ กปฺเปสิ. โส เอกทิวสํ ‘‘สกวิสเย โคจรคหณํ ปหาย ปรวิสเย โคจรํ คณฺหิสฺสามี’’ติ อฏวิปริยนฺตํ อคมาสิ. อถ นํ ตตฺถ โคจรํ คณฺหนฺตํ ทิสฺวา สกุณคฺฆิ สหสา อชฺฌปฺปตฺตา อคฺคเหสิ. โส สกุณคฺฆิยา หริยมาโน เอวํ ปริเทวสิ – ‘‘มยเมวมฺห อลกฺขิกา, มยํ อปฺปปฺุา, เย มยํ อโคจเร จริมฺห ปรวิสเย, สเจชฺช มยํ โคจเร จเรยฺยาม สเก เปตฺติเก วิสเย, น มฺยายํ สกุณคฺฆิ อลํ อภวิสฺส ยทิทํ ยุทฺธายา’’ติ. ‘‘โก ปน, เต ลาป, โคจโร สโก เปตฺติโก วิสโย’’ติ? ‘‘ยทิทํ นงฺคลกฏฺกรณํ เลฑฺฑุฏฺาน’’นฺติ. อถ นํ สกุณคฺฆิ สเก พเล อปตฺถทฺธา อมฺุจิ – ‘‘คจฺฉ โข, ตฺวํ ลาป, ตตฺรปิ เม คนฺตฺวา น โมกฺขสี’’ติ. โส ตตฺถ คนฺตฺวา มหนฺตํ เลฑฺฑุํ อภิรุหิตฺวา ‘‘เอหิ โข ทานิ สกุณคฺฆี’’ติ เสนํ อวฺหยนฺโต อฏฺาสิ. สกุณคฺฆิ สเก พเล อปตฺถทฺธา อุโภ ปกฺเข สนฺนยฺห ลาปสกุณํ สหสา อชฺฌปฺปตฺตา. ยทา ปน ตํ ลาโป ‘‘พหุอาคตา โข มฺยายํ สกุณคฺฆี’’ติ อฺาสิ, อถ ปริวตฺติตฺวา ตสฺเสว เลฑฺฑุสฺส อนฺตรํ ปจฺจาปาทิ. สกุณคฺฆิ เวคํ สนฺธาเรตุํ อสกฺโกนฺตี ตตฺเถว อุรํ ปจฺจตาเฬสิ. เอวํ สา ภินฺเนน หทเยน นิกฺขนฺเตหิ อกฺขีหิ ชีวิตกฺขยํ ปาปุณิ.
สตฺถา ¶ อิมํ อตีตํ ทสฺเสตฺวา ‘‘เอวํ, ภิกฺขเว, ติรจฺฉานคตาปิ อโคจเร จรนฺตา สปตฺตหตฺถํ คจฺฉนฺติ, โคจเร ปน สเก เปตฺติเก วิสเย จรนฺตา สปตฺเต นิคฺคณฺหนฺติ, ตสฺมา ตุมฺเหปิ มา อโคจเร จรถ ปรวิสเย. อโคจเร ¶ , ภิกฺขเว, จรตํ ปรวิสเย ลจฺฉติ มาโร โอตารํ, ลจฺฉติ มาโร อารมฺมณํ. โก จ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน อโคจโร ปรวิสโย? ยทิทํ ปฺจ กามคุณา. กตเม ปฺจ? จกฺขุวิฺเยฺยา รูปา…เป… อยํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน อโคจโร ปรวิสโย’’ติ วตฺวา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา ปมํ คาถมาห –
‘‘เสโน ¶ พลสา ปตมาโน, ลาปํ โคจรายินํ;
สหสา อชฺฌปฺปตฺโตว, มรณํ เตนุปาคมี’’ติ.
ตตฺถ พลสา ปตมาโนติ ‘‘ลาปํ คณฺหิสฺสามี’’ติ พเลน ถาเมน ปตมาโน. โคจรายินนฺติ สกวิสยา นิกฺขมิตฺวา โคจรตฺถาย อฏวิปริยนฺเต ิตํ. อชฺฌปฺปตฺโตติ สมฺปตฺโต. มรณํ เตนุปาคมีติ เตน การเณน มรณํ ปตฺโต.
ตสฺมึ ปน มรณํ ปตฺเต ลาโป นิกฺขมิตฺวา ‘‘ทิฏฺา วต เม ปจฺจามิตฺตสฺส ปิฏฺี’’ติ ตสฺส หทเย ตฺวา อุทานํ อุทาเนนฺโต ทุติยํ คาถมาห –
‘‘โสหํ นเยน สมฺปนฺโน, เปตฺติเก โคจเร รโต;
อเปตสตฺตุ โมทามิ, สมฺปสฺสํ อตฺถมตฺตโน’’ติ.
ตตฺถ นเยนาติ อุปาเยน. อตฺถมตฺตโนติ อตฺตโน อโรคภาวสงฺขาตํ วุฑฺฒึ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน พหู ภิกฺขู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสุ. ‘‘ตทา เสโน เทวทตฺโต อโหสิ, ลาโป ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
สกุณคฺฆิชาตกวณฺณนา อฏฺมา.
[๑๖๙] ๙. อรกชาตกวณฺณนา
โย ¶ เว เมตฺเตน จิตฺเตนาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เมตฺตสุตฺตํ อารพฺภ กเถสิ. เอกสฺมิฺหิ สมเย สตฺถา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘เมตฺตาย, ภิกฺขเว, เจโตวิมุตฺติยา อาเสวิตาย ภาวิตาย ¶ พหุลีกตาย ยานีกตาย วตฺถุกตาย อนุฏฺิตาย ปริจิตาย สุสมารทฺธาย เอกาทสานิสํสา ปาฏิกงฺขา. กตเม เอกาทส? สุขํ สุปติ, สุขํ ปฏิพุชฺฌติ, น ปาปกํ สุปินํ ปสฺสติ, มนุสฺสานํ ปิโย โหติ, อมนุสฺสานํ ปิโย โหติ, เทวตา รกฺขนฺติ, นาสฺส อคฺคิ วา วิสํ วา สตฺถํ วา กมติ, ตุวฏํ จิตฺตํ สมาธิยติ, มุขวณฺโณ วิปฺปสีทติ, อสมฺมูฬฺโห กาลํ กโรติ, อุตฺตริ อปฺปฏิวิชฺฌนฺโต พฺรหฺมโลกูปโค โหติ. เมตฺตาย, ภิกฺขเว, เจโตวิมุตฺติยา อาเสวิตาย…เป… สุสมารทฺธาย อิเม เอกาทสานิสํสา ¶ ปาฏิกงฺขา’’ติ (อ. นิ. ๑๑.๑๕). อิเม เอกาทสานิสํเส คเหตฺวา ิตํ เมตฺตาภาวนํ วณฺเณตฺวา ‘‘ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา นาม สพฺพสตฺเตสุ โอทิสฺสกาโนทิสฺสกวเสน เมตฺตา ภาเวตพฺพา, หิโตปิ หิเตน ผริตพฺโพ, อหิโตปิ หิเตน ผริตพฺโพ, มชฺฌตฺโตปิ หิเตน ผริตพฺโพ. เอวํ สพฺพสตฺเตสุ โอทิสฺสกาโนทิสฺสกวเสน เมตฺตา ภาเวตพฺพา, กรุณา มุทิตา อุเปกฺขา ภาเวตพฺพา, จตูสุ พฺรหฺมวิหาเรสุ กมฺมํ กาตพฺพเมว. เอวํ กโรนฺโต หิ มคฺคํ วา ผลํ วา อลภนฺโตปิ พฺรหฺมโลกปรายโณ อโหสิ, โปราณกปณฺฑิตาปิ สตฺต วสฺสานิ เมตฺตํ ภาเวตฺวา สตฺต สํวฏฺฏวิวฏฺฏกปฺเป พฺรหฺมโลกสฺมึเยว วสึสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต เอกสฺมึ กปฺเป โพธิสตฺโต พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต กาเม ปหาย อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา จตุนฺนํ พฺรหฺมวิหารานํ ลาภี อรโก นาม สตฺถา หุตฺวา หิมวนฺตปเทเส วาสํ กปฺเปสิ, ตสฺส มหา ปริวาโร อโหสิ. โส อิสิคณํ โอวทนฺโต ‘‘ปพฺพชิเตน นาม เมตฺตา ภาเวตพฺพา, กรุณา มุทิตา อุเปกฺขา ภาเวตพฺพา. เมตฺตจิตฺตฺหิ นาเมตํ อปฺปนาปฺปตฺตํ พฺรหฺมโลกปรายณตํ สาเธตี’’ติ เมตฺตาย อานิสํสํ ปกาเสนฺโต อิมา คาถา อาห –
‘‘โย ¶ เว เมตฺเตน จิตฺเตน, สพฺพโลกานุกมฺปติ;
อุทฺธํ อโธ จ ติริยํ, อปฺปมาเณน สพฺพโส.
‘‘อปฺปมาณํ หิตํ จิตฺตํ, ปริปุณฺณํ สุภาวิตํ;
ยํ ปมาณกตํ กมฺมํ, น ตํ ตตฺราวสิสฺสตี’’ติ.
ตตฺถ ¶ โย เว เมตฺเตน จิตฺเตน, สพฺพโลกานุกมฺปตีติ ขตฺติยาทีสุ วา สมณพฺราหฺมเณสุ วา โย โกจิ อปฺปมาเณน เมตฺเตน จิตฺเตน สกลํ สตฺตโลกํ อนุกมฺปติ. อุทฺธนฺติ ปถวิโต ยาว เนวสฺานาสฺายตนพฺรหฺมโลกา. อโธติ ปถวิยา เหฏฺา อุสฺสเท มหานิรเย. ติริยนฺติ มนุสฺสโลเก, ยตฺตกานิ จกฺกวาฬานิ จ เตสุ สพฺเพสุ เอตฺตเก าเน นิพฺพตฺตา สพฺเพ สตฺตา อเวรา โหนฺตุ, อพฺยาปชฺฌา อนีฆา, สุขี อตฺตานํ ปริหรนฺตูติ เอวํ ภาวิเตน เมตฺเตน จิตฺเตนาติ อตฺโถ. อปฺปมาเณนาติ อปฺปมาณสตฺตานํ อปฺปมาณารมฺมณตฺตา อปฺปมาเณน. สพฺพโสติ สพฺพากาเรน, อุทฺธํ อโธ ติริยนฺติ เอวํ สพฺพสุคติทุคฺคติวเสนาติ อตฺโถ.
อปฺปมาณํ หิตํ จิตฺตนฺติ อปฺปมาณํ กตฺวา ภาวิตํ สพฺพสตฺเตสุ หิตจิตฺตํ. ปริปุณฺณนฺติ อวิกลํ. สุภาวิตนฺติ สุวฑฺฒิตํ, อปฺปนาจิตฺตสฺเสตํ นามํ. ยํ ปมาณกตํ กมฺมนฺติ ยํ ‘‘อปฺปมาณํ ¶ อปฺปมาณารมฺมณ’’นฺติ เอวํ อารมฺมณตฺติกวเสน จ วสีภาวปฺปตฺติวเสน จ อวฑฺฒิตฺวา กตํ ปริตฺตํ กามาวจรกมฺมํ. น ตํ ตตฺราวสิสฺสตีติ ตํ ปริตฺตํ กมฺมํ ยํ ตํ ‘‘อปฺปมาณํ หิตํ จิตฺต’’นฺติ สงฺขคตํ รูปาวจรกมฺมํ, ตตฺร น อวสิสฺสติ. ยถา นาม มโหเฆน อชฺโฌตฺถฏํ ปริตฺโตทกํ โอฆสฺส อพฺภนฺตเร เตน อสํหีรมานํ นาวสิสฺสติ น ติฏฺติ, อถ โข มโหโฆว ตํ อชฺโฌตฺถริตฺวา ติฏฺติ, เอวเมว ตํ ปริตฺตกมฺมํ ตสฺส มหคฺคตกมฺมสฺส อพฺภนฺตเร เตน มหคฺคตกมฺเมน อจฺฉินฺทิตฺวา อคฺคหิตวิปาโกกาสํ หุตฺวา น อวสิสฺสติ น ติฏฺติ, น สกฺโกติ อตฺตโน วิปากํ ทาตุํ, อถ โข มหคฺคตกมฺมเมว ตํ อชฺโฌตฺถริตฺวา ติฏฺติ วิปากํ เทตีติ.
เอวํ โพธิสตฺโต อนฺเตวาสิกานํ เมตฺตาภาวนาย อานิสํสํ กเถตฺวา อปริหีนชฺฌาโน พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺติตฺวา สตฺต สํวฏฺฏวิวฏฺฏกปฺเป น อิมํ โลกํ ปุน อคมาสิ.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา อิสิคโณ พุทฺธปริสา อโหสิ, อรโก ปน สตฺถา อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
อรกชาตกวณฺณนา นวมา.
[๑๗๐] ๑๐. กกณฺฏกชาตกวณฺณนา
นายํ ¶ ปุเร อุณฺณมตีติ อิทํ กกณฺฏกชาตกํ มหาอุมงฺคชาตเก (ชา. ๒.๒๒.๕๙๐ อาทโย) อาวิภวิสฺสติ.
กกณฺฏกชาตกวณฺณนา ทสมา.
สนฺถววคฺโค ทุติโย.
ตสฺสุทฺทานํ –
อินฺทสมานโคตฺตฺจ, สนฺถวํ สุสีมํ คิชฺฌํ;
นกุลํ อุปสาฬกํ, สมิทฺธิ จ สกุณคฺฆิ;
อรกฺจ กกณฺฏกํ.
๓. กลฺยาณวคฺโค
[๑๗๑] ๑. กลฺยาณธมฺมชาตกวณฺณนา
กลฺยาณธมฺโมติ ¶ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ พธิรสสฺสุํ อารพฺภ กเถสิ. สาวตฺถิยฺหิ เอโก กุฏุมฺพิโก สทฺโธ ปสนฺโน ติสรณคโต ปฺจสีเลน สมนฺนาคโต. โส เอกทิวสํ พหูนิ สปฺปิอาทีนิ เภสชฺชานิ เจว ปุปฺผคนฺธวตฺถาทีนิ จ คเหตฺวา ‘‘เชตวเน สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ โสสฺสามี’’ติ อคมาสิ. ตสฺส ตตฺถ คตกาเล สสฺสุ ขาทนียโภชนียํ คเหตฺวา ธีตรํ ทฏฺุกามา ตํ เคหํ อคมาสิ, สา จ โถกํ พธิรธาตุกา โหติ. สา ธีตรา สทฺธึ ภุตฺตโภชนา ¶ ภตฺตสมฺมทํ วิโนทยมานา ธีตรํ ปุจฺฉิ – ‘‘กึ, อมฺม, ภตฺตา เต สมฺโมทมาโน อวิวทมาโน ปิยสํวาสํ วสตี’’ติ. ‘‘กึ, อมฺม, กเถถ ยาทิโส ตุมฺหากํ ชามาตา สีเลน เจว อาจารสมฺปทาย จ, ตาทิโส ปพฺพชิโตปิ ทุลฺลโภ’’ติ. อุปาสิกา ธีตุ วจนํ สาธุกํ อสลฺลกฺเขตฺวา ‘‘ปพฺพชิโต’’ติ ปทเมว คเหตฺวา ‘‘อมฺม, กสฺมา เต ภตฺตา ปพฺพชิโต’’ติ มหาสทฺทํ อกาสิ. ตํ สุตฺวา สกลเคหวาสิโน ‘‘อมฺหากํ กิร กุฏุมฺพิโก ปพฺพชิโต’’ติ วิรวึสุ. เตสํ สทฺทํ สุตฺวา ทฺวาเรน สฺจรนฺตา ‘‘กึ นาม กิเรต’’นฺติ ปุจฺฉึสุ. ‘‘อิมสฺมึ กิร เคเห กุฏุมฺพิโก ปพฺพชิโต’’ติ. โสปิ โข กุฏุมฺพิโก ทสพลสฺส ธมฺมํ สุตฺวา วิหารา นิกฺขมฺม นครํ ปาวิสิ.
อถ นํ อนฺตรามคฺเคเยว เอโก ปุริโส ทิสฺวา ‘‘สมฺม, ตฺวํ กิร ปพฺพชิโตติ ตว เคเห ปุตฺตทารปริชโน ปริเทวตี’’ติ อาห. อถสฺส ¶ เอตทโหสิ – ‘‘อยํ อปพฺพชิตเมว กิร มํ ‘ปพฺพชิโต’ติ วทติ, อุปฺปนฺโน โข ปน เม กลฺยาณสทฺโท น อนฺตรธาเปตพฺโพ, อชฺเชว มยา ปพฺพชิตุํ วฏฺฏตี’’ติ ตโตว นิวตฺติตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘กึ นุ โข, อุปาสก, อิทาเนว พุทฺธุปฏฺานํ กตฺวา คนฺตฺวา อิทาเนว ปจฺจาคโตสี’’ติ วุตฺเต ตมตฺถํ อาโรเจตฺวา ‘‘ภนฺเต, กลฺยาณสทฺโท นาม อุปฺปนฺโน น อนฺตรธาเปตุํ วฏฺฏติ, ตสฺมา ปพฺพชิตุกาโม หุตฺวา อาคโตมฺหี’’ติ อาห. โส ปพฺพชฺชฺจ อุปสมฺปทฺจ ลภิตฺวา สมฺมา ปฏิปนฺโน นจิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. อิทํ กิร การณํ ภิกฺขุสงฺเฆ ปากฏํ ชาตํ. อเถกทิวสํ ธมฺมสภายํ ภิกฺขู กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, อสุโก นาม กุฏุมฺพิโก ‘อุปฺปนฺโน กลฺยาณสทฺโท ¶ น อนฺตรธาเปตพฺโพ’ติ ปพฺพชิตฺวา อิทานิ อรหตฺตํ ปตฺโต’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘ภิกฺขเว, โปราณกปณฺฑิตาปิ ‘อุปฺปนฺโน กลฺยาณสทฺโท วิราเธตุํ น วฏฺฏตี’ติ ปพฺพชึสุเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต เสฏฺิกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ปิตุ อจฺจเยน เสฏฺิฏฺานํ ปาปุณิ. โส เอกทิวสํ นิเวสนา นิกฺขมิตฺวา ราชุปฏฺานํ อคมาสิ. อถสฺส สสฺสุ ‘‘ธีตรํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ ตํ เคหํ อคมาสิ, สา โถกํ พธิรธาตุกาติ สพฺพํ ¶ ปจฺจุปฺปนฺนวตฺถุสทิสเมว. ตํ ปน ราชุปฏฺานํ คนฺตฺวา อตฺตโน ฆรํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา เอโก ปุริโส ‘‘ตุมฺเห กิร ปพฺพชิตาติ ตุมฺหากํ เคเห มหาปริเทโว ปวตฺตตี’’ติ อาห. โพธิสตฺโต ‘‘อุปฺปนฺโน กลฺยาณสทฺโท นาม น อนฺตรธาเปตุํ วฏฺฏตี’’ติ ตโตว นิวตฺติตฺวา รฺโ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘กึ, มหาเสฏฺิ, อิทาเนว คนฺตฺวา ปุน อาคโตสี’’ติ วุตฺเต ‘‘เทว, เคหชโน กิร มํ อปพฺพชิตเมว ‘ปพฺพชิโต’ติ วตฺวา ปริเทวติ, อุปฺปนฺโน โข ปน กลฺยาณสทฺโท น อนฺตรธาเปตพฺโพ, ปพฺพชิสฺสามหํ, ปพฺพชฺชํ เม อนุชานาหี’’ติ เอตมตฺถํ ปกาเสตุํ อิมา คาถา อาห –
‘‘กลฺยาณธมฺโมติ ¶ ยทา ชนินฺท, โลเก สมฺํ อนุปาปุณาติ;
ตสฺมา น หิยฺเยถ นโร สปฺโ, หิริยาปิ สนฺโต ฆุรมาทิยนฺติ.
‘‘สายํ สมฺา อิธ มชฺช ปตฺตา, กลฺยาณธมฺโมติ ชนินฺท โลเก;
ตาหํ สเมกฺขํ อิธ ปพฺพชิสฺสํ, น หิ มตฺถิ ฉนฺโท อิธ กามโภเค’’ติ.
ตตฺถ กลฺยาณธมฺโมติ สุนฺทรธมฺโม. สมฺํ อนุปาปุณาตีติ ยทา สีลวา กลฺยาณธมฺโม ปพฺพชิโตติ อิทํ ปฺตฺติโวหารํ ปาปุณาติ. ตสฺมา น หิยฺเยถาติ ตโต สามฺโต น ปริหาเยถ. หิริยาปิ สนฺโต ธุรมาทิยนฺตีติ, มหาราช, สปฺปุริสา นาม อชฺฌตฺตสมุฏฺิตาย หิริยา พหิทฺธสมุฏฺิเตน โอตฺตปฺเปนปิ เอตํ ปพฺพชิตธุรํ คณฺหนฺติ. อิธ มชฺช ปตฺตาติ อิธ มยา อชฺช ปตฺตา. ตาหํ สเมกฺขนฺติ ตํ อหํ คุณวเสน ลทฺธสมฺํ สเมกฺขนฺโต ปสฺสนฺโต. น หิ มตฺถิ ฉนฺโทติ น หิ เม อตฺถิ ฉนฺโท. อิธ กามโภเคติ อิมสฺมึ โลเก กิเลสกามวตฺถุกามปริโภเคหิ.
โพธิสตฺโต ¶ เอวํ วตฺวา ราชานํ ปพฺพชฺชํ อนุชานาเปตฺวา หิมวนฺตปเทสํ คนฺตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา พฺรหฺมโลกปรายโณ อโหสิ.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ราชา อานนฺโท อโหสิ, พาราณสิเสฏฺิ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
กลฺยาณธมฺมชาตกวณฺณนา ปมา.
[๑๗๒] ๒. ททฺทรชาตกวณฺณนา
โก นุ สทฺเทน มหตาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โกกาลิกํ อารพฺภ กเถสิ. ตสฺมิฺหิ กาเล พหู พหุสฺสุตา ภิกฺขู มโนสิลาตเล นทมานา ตรุณสีหา วิย อากาสคงฺคํ โอตาเรนฺตา ¶ วิย สงฺฆมชฺเฌ สรภาณํ ภณนฺติ. โกกาลิโก เตสุ สรภาณํ ภณนฺเตสุ อตฺตโน ตุจฺฉภาวํ อชานิตฺวาว ‘‘อหมฺปิ สรภาณํ ภณิสฺสามี’’ติ ภิกฺขูนํ อนฺตรํ ปวิสิตฺวา ‘‘อมฺหากํ สรภาณํ น ปาเปนฺติ. สเจ อมฺหากมฺปิ ปาเปยฺยุํ, มยมฺปิ ภเณยฺยามา’’ติ ภิกฺขุสงฺฆสฺส นามํ อคฺคเหตฺวาว ตตฺถ ตตฺถ กเถนฺโต อาหิณฺฑติ. ตสฺส สา กถา ภิกฺขุสงฺเฆ ปากฏา ชาตา. ภิกฺขู ‘‘วีมํสิสฺสาม ตาว น’’นฺติ สฺาย เอวมาหํสุ – ‘‘อาวุโส โกกาลิก, อชฺช สงฺฆสฺส สรภาณํ ภณาหี’’ติ. โส อตฺตโน พลํ อชานิตฺวาว ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ‘‘อชฺช สรภาณํ ภณิสฺสามี’’ติ อตฺตโน สปฺปายํ ยาคุํ ปิวิ, ขชฺชกํ ขาทิ, สปฺปาเยเนว สูเปน ภฺุชิ.
สูริเย อตฺถงฺคเต ธมฺมสฺสวนกาเล โฆสิเต ภิกฺขุสงฺโฆ สนฺนิปติ. โส กณฺฏกุรณฺฑกวณฺณํ กาสาวํ นิวาเสตฺวา กณิการปุปฺผวณฺณํ จีวรํ ปารุปิตฺวา สงฺฆมชฺฌํ ปวิสิตฺวา เถเร วนฺทิตฺวา อลงฺกตรตนมณฺฑเป ปฺตฺตวรธมฺมาสนํ อภิรุหิตฺวา จิตฺรพีชนึ คเหตฺวา ‘‘สรภาณํ ภณิสฺสามี’’ติ นิสีทิ, ตาวเทวสฺส สรีรา เสทา มุจฺจึสุ, สารชฺชํ โอกฺกมิ, ปุพฺพคาถาย ปมํ ปทํ อุทาหริตฺวา อนนฺตรํ น ปสฺสิ. โส กมฺปมาโน อาสนา โอรุยฺห ลชฺชิโต สงฺฆมชฺฌโต อปกฺกมฺม อตฺตโน ปริเวณํ อคมาสิ. อฺโ พหุสฺสุโต ภิกฺขุ สรภาณํ ภณิ. ตโต ปฏฺาย ภิกฺขู ตสฺส ตุจฺฉภาวํ ชานึสุ. อเถกทิวสํ ¶ ธมฺมสภายํ ภิกฺขู กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, ปมํ โกกาลิกสฺส ตุจฺฉภาโว ทุชฺชาโน, อิทานิ ¶ ปเนส สยํ นทิตฺวา ปากโฏ ชาโต’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, โกกาลิโก อิทาเนว นทิตฺวา ปากโฏ ชาโต, ปุพฺเพปิ นทิตฺวา ปากโฏ อโหสี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต หิมวนฺตปเทเส สีหโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา พหูนํ ¶ สีหานํ ราชา อโหสิ. โส อเนกสีหปริวาโร รชตคุหายํ วาสํ กปฺเปสิ. ตสฺส อวิทูเร เอกิสฺสาย คุหาย เอโก สิงฺคาโลปิ วสติ. อเถกทิวสํ เทเว วสฺสิตฺวา วิคเต สพฺเพ สีหา สีหราชสฺเสว คุหทฺวาเร สนฺนิปติตฺวา สีหนาทํ นทนฺตา สีหกีฬํ กีฬึสุ. เตสํ เอวํ นทิตฺวา กีฬนกาเล โสปิ สิงฺคาโล นทติ. สีหา ตสฺส สทฺทํ สุตฺวา ‘‘อยํ สิงฺคาโล อมฺเหหิ สทฺธึ นทตี’’ติ ลชฺชิตา ตุณฺหี อเหสุํ. เตสํ ตุณฺหีภูตกาเล โพธิสตฺตสฺส ปุตฺโต สีหโปตโก ‘‘ตาต, อิเม สีหา นทิตฺวา สีหกีฬํ กีฬนฺตา เอตสฺส สทฺทํ สุตฺวา ลชฺชาย ตุณฺหี ชาตา, โก นาเมส อตฺตโน สทฺเทน อตฺตานํ ชานาเปตี’’ติ ปิตรํ ปุจฺฉนฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘โก นุ สทฺเทน มหตา, อภินาเทติ ททฺทรํ;
ตํ สีหา นปฺปฏินทนฺติ, โก นาเมโส มิคาธิภู’’ติ.
ตตฺถ อภินาเทติ ททฺทรนฺติ ททฺทรํ รชตปพฺพตํ เอกนาทํ กโรติ. มิคาธิภูติ ปิตรํ อาลปติ. อยฺเหตฺถ อตฺโถ – มิคาธิภู มิคเชฏฺก สีหราช ปุจฺฉามิ ตํ ‘‘โก นาเมโส’’ติ.
อถสฺส วจนํ สุตฺวา ปิตา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘อธโม มิคชาตานํ, สิงฺคาโล ตาต วสฺสติ;
ชาติมสฺส ชิคุจฺฉนฺตา, ตุณฺหี สีหา สมจฺจเร’’ติ.
ตตฺถ สมจฺจเรติ สนฺติ อุปสคฺคมตฺตํ, อจฺจนฺตีติ อตฺโถ, ตุณฺหี หุตฺวา นิสีทนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. โปตฺถเกสุ ปน ‘‘สมจฺฉเร’’ติ ลิขนฺติ.
สตฺถา ¶ ¶ ‘‘น, ภิกฺขเว, โกกาลิโก อิทาเนว อตฺตโน นาเทน อตฺตานํ ปากฏํ กโรติ, ปุพฺเพปิ อกาสิเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา สิงฺคาโล โกกาลิโก อโหสิ, สีหโปตโก ราหุโล, สีหราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
ททฺทรชาตกวณฺณนา ทุติยา.
[๑๗๓] ๓. มกฺกฏชาตกวณฺณนา
ตาตมาณวโก ¶ เอโสติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ กุหกภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ ปกิณฺณกนิปาเต อุทฺทาลกชาตเก (ชา. ๑.๑๔.๖๒ อาทโย) อาวิภวิสฺสติ. ตทา ปน สตฺถา ‘‘ภิกฺขเว, นายํ ภิกฺขุ อิทาเนว กุหโก, ปุพฺเพปิ มกฺกโฏ หุตฺวา อคฺคิสฺส การณา โกหฺํ อกาสิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต เอกสฺมึ กาสิคามเก พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ สิปฺปํ อุคฺคณฺหิตฺวา ฆราวาสํ สณฺเปสิ. อถสฺส พฺราหฺมณี เอกํ ปุตฺตํ วิชายิตฺวา ปุตฺตสฺส อาธาวิตฺวา ปริธาวิตฺวา วิจรณกาเล กาลมกาสิ. โพธิสตฺโต ตสฺสา เปตกิจฺจํ กตฺวา ‘‘กึ เม ทานิ ฆราวาเสน, ปุตฺตํ คเหตฺวา ปพฺพชิสฺสามี’’ติ อสฺสุมุขํ าติมิตฺตวคฺคํ ปหาย ปุตฺตํ อาทาย หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ตตฺถ วนมูลผลาหาโร วาสํ กปฺเปสิ. โส เอกทิวสํ วสฺสานกาเล เทเว วสฺสนฺเต สารทารูนิ อคฺคึ ชาเลตฺวา วิสิพฺพนฺโต ผลกตฺถเร นิปชฺชิ, ปุตฺโตปิสฺส ตาปสกุมารโก ปิตุ ปาเท สมฺพาหนฺโตว นิสีทิ.
อเถโก วนมกฺกโฏ สีเตน ปีฬิยมาโน ตสฺส ปณฺณสาลาย ตํ อคฺคึ ทิสฺวา ‘‘สจาหํ เอตฺถ ปวิสิสฺสามิ, ‘มกฺกโฏ มกฺกโฏ’ติ มํ โปเถตฺวา นีหริสฺสนฺติ, อคฺคึ วิสิพฺเพตุํ น ลภิสฺสามิ, อตฺถิ ทานิ เม อุปาโย, ตาปสเวสํ คเหตฺวา โกหฺํ กตฺวา ปวิสิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา เอกสฺส มตตาปสสฺส วกฺกลานิ นิวาเสตฺวา ปจฺฉิฺจ องฺกุสยฏฺิฺจ ¶ คเหตฺวา ปณฺณสาลทฺวาเร เอกํ ตาลรุกฺขํ นิสฺสาย สํกุฏิโต อฏฺาสิ. ตาปสกุมารโก ตํ ทิสฺวา มกฺกฏภาวํ อชานนฺโต ‘‘เอโก มหลฺลกตาปโส สีเตน ปีฬิโต อคฺคึ วิสิพฺเพตุํ อาคโต ¶ ภวิสฺสตี’’ติ ปิตุ ตาปสสฺส กเถตฺวา ‘‘เอตํ ปณฺณสาลํ ปเวเสตฺวา วิสิพฺพาเปสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ปิตรํ อาลปนฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘ตาต ¶ มาณวโก เอโส, ตาลมูลํ อปสฺสิโต;
อคารกฺจิทํ อตฺถิ, หนฺท เทมสฺสคารก’’นฺติ.
ตตฺถ มาณวโกติ สตฺตาธิวจนํ. เตน ‘‘ตาต, เอโส เอโก มาณวโก สตฺโต เอโก ตาปโส’’ติ ทีเปติ. ตาลมูลํ อปสฺสิโตติ ตาลกฺขนฺธํ นิสฺสาย ิโต. อคารกฺจิทํ อตฺถีติ อิทฺจ อมฺหากํ ปพฺพชิตาคารํ อตฺถิ, ปณฺณสาลํ สนฺธาย วทติ. หนฺทาติ ววสฺสคฺคตฺเถ นิปาโต. เทมสฺสคารกนฺติ เอตสฺส เอกมนฺเต วสนตฺถาย อคารกํ เทม.
โพธิสตฺโต ปุตฺตสฺส วจนํ สุตฺวา อุฏฺาย ปณฺณสาลทฺวาเร ตฺวา โอโลเกนฺโต ตสฺส มกฺกฏภาวํ ตฺวา ‘‘ตาต, มนุสฺสานํ นาม น เอวรูปํ มุขํ โหติ, มกฺกโฏ เอส, นยิธ ปกฺโกสิตพฺโพ’’ติ วตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘มา โข ตฺวํ ตาต ปกฺโกสิ, ทูเสยฺย โน อคารกํ;
เนตาทิสํ มุขํ โหติ, พฺราหฺมณสฺส สุสีลิโน’’ติ.
ตตฺถ ทูเสยฺย โน อคารกนฺติ อยฺหิ อิธ ปวิฏฺโ สมาโน อิมํ กิจฺเฉน กตํ ปณฺณสาลํ อคฺคินา วา ฌาเปนฺโต อุจฺจาราทีนิ วา กโรนฺโต ทูเสยฺย. เนตาทิสนฺติ ‘‘เอตาทิสํ พฺราหฺมณสฺส สุสีลิโน มุขํ น โหติ, มกฺกโฏ เอโส’’ติ วตฺวา โพธิสตฺโต เอกํ อุมฺมุกํ คเหตฺวา ‘‘กึ เอตฺถ ติฏฺสี’’ติ ขิปิตฺวา ตํ ปลาเปสิ. มกฺกโฏ วกฺกลานิ ฉฑฺเฑตฺวา รุกฺขํ อภิรุหิตฺวา วนสณฺฑํ ปาวิสิ. โพธิสตฺโต จตฺตาโร พฺรหฺมวิหาเร ภาเวตฺวา พฺรหฺมโลกูปโค อโหสิ.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา มกฺกโฏ อยํ กุหกภิกฺขุ อโหสิ, ตาปสกุมาโร ราหุโล, ตาปโส ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
มกฺกฏชาตกวณฺณนา ตติยา.
[๑๗๔] ๔. ทุพฺภิยมกฺกฏชาตกณฺณนา
อทมฺห ¶ ¶ เต วาริ ปหูตรูปนฺติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เทวทตฺตํ อารพฺภ กเถสิ. เอกทิวสฺหิ ธมฺมสภายํ ภิกฺขู เทวทตฺตสฺส อกตฺุมิตฺตทุพฺภิภาวํ กเถนฺตา นิสีทึสุ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, เทวทตฺโต อิทาเนว อกตฺู มิตฺตทุพฺภี, ปุพฺเพปิ เอวรูโป อโหสี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต เอกสฺมึ กาสิคามเก พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ฆราวาสํ สณฺเปสิ. ตสฺมึ ปน สมเย กาสิรฏฺเ วตฺตนิมหามคฺเค เอโก คมฺภีโร อุทปาโน โหติ อโนตรณีโย ติรจฺฉานานํ, มคฺคปฺปฏิปนฺนา ปฺุตฺถิกา มนุสฺสา ทีฆรชฺชุเกน วารเกน อุทกํ อุสฺสิฺจิตฺวา เอกิสฺสา โทณิยา ปูเรตฺวา ติรจฺฉานานํ ปานียํ เทนฺติ. ตสฺส สามนฺตโต มหนฺตํ อรฺํ, ตตฺถ พหู มกฺกฏา วสนฺติ. อถ ตสฺมึ มคฺเค ทฺเว ตีณิ ทิวสานิ มนุสฺสสฺจาโร ปจฺฉิชฺชิ, ติรจฺฉานา ปานียํ น ลภึสุ. เอโก มกฺกโฏ ปิปาสาตุโร หุตฺวา ปานียํ ปริเยสนฺโต อุทปานสฺส สนฺติเก วิจรติ. โพธิสตฺโต เกนจิเทว กรณีเยน ตํ มคฺคํ ปฏิปชฺชิตฺวา ตตฺถ คจฺฉนฺโต ปานียํ อุตฺตาเรตฺวา ปิวิตฺวา หตฺถปาเท โธวิตฺวา ิโต ตํ มกฺกฏํ อทฺทส. อถสฺส ปิปาสิตภาวํ ตฺวา ปานียํ อุสฺสิฺจิตฺวา โทณิยํ อากิริตฺวา อทาสิ, ทตฺวา จ ปน ‘‘วิสฺสมิสฺสามี’’ติ เอกสฺมึ รุกฺขมูเล นิปชฺชิ. มกฺกโฏ ปานียํ ปิวิตฺวา อวิทูเร นิสีทิตฺวา มุขมกฺกฏิกํ กโรนฺโต โพธิสตฺตํ ภึสาเปสิ. โพธิสตฺโต ตสฺส ตํ กิริยํ ทิสฺวา ‘‘อเร ทุฏฺมกฺกฏ, อหํ ตว ปิปาสิตสฺส กิลนฺตสฺส พหุํ ¶ ปานียํ อทาสึ, อิทานิ ตฺวํ มยฺหํ มุขมกฺกฏิกํ กโรสิ, อโห ปาปชนสฺส นาม กโต อุปกาโร นิรตฺถโก’’ติ วตฺวา ปมํ คาถมาห –
‘‘อทมฺห ¶ เต วาริ ปหูตรูปํ, ฆมฺมาภิตตฺตสฺส ปิปาสิตสฺส;
โส ทานิ ปิตฺวาน กิริงฺกโรสิ, อสงฺคโม ปาปชเนน เสยฺโย’’ติ.
ตตฺถ โส ทานิ ปิตฺวาน กิริงฺกโรสีติ โส อิทานิ ตฺวํ มยา ทินฺนปานียํ ปิวิตฺวา มุขมกฺกฏิกํ กโรนฺโต ‘‘กิริ กิรี’’ติ สทฺทํ กโรสิ. อสงฺคโม ปาปชเนน เสยฺโยติ ปาปชเนน สทฺธึ สงฺคโม น เสยฺโย, อสงฺคโมว เสยฺโยติ.
ตํ ¶ สุตฺวา โส มิตฺตทุพฺภี มกฺกโฏ ‘‘ตฺวํ ‘เอตฺตเกนเวตํ นิฏฺิต’นฺติ สฺํ กโรสิ, อิทานิ เต สีเส วจฺจํ ปาเตตฺวา คมิสฺสามี’’ติ วตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘โก เต สุโต วา ทิฏฺโ วา, สีลวา นาม มกฺกโฏ;
อิทานิ โข ตํ โอหจฺฉํ, เอสา อสฺมาก ธมฺมตา’’ติ.
ตตฺรายํ สงฺเขปตฺโถ – โภ พฺราหฺมณ, ‘‘มกฺกโฏ กตคุณชานนโก อาจารสมฺปนฺโน สีลวา นาม อตฺถี’’ติ กหํ ตยา สุโต วา ทิฏฺโ วา, อิทานิ โข อหํ ตํ โอหจฺฉํ วจฺจํ เต สีเส กตฺวา ปกฺกมิสฺสามิ, อสฺมากฺหิ มกฺกฏานํ นาม เอสา ธมฺมตา อยํ ชาติสภาโว, ยทิทํ อุปการกสฺส สีเส วจฺจํ กาตพฺพนฺติ.
ตํ สุตฺวา โพธิสตฺโต อุฏฺาย คนฺตุํ อารภิ. มกฺกโฏ ตงฺขณฺเว อุปฺปติตฺวา สาขายํ นิสีทิตฺวา โอลมฺพกํ โอตรนฺโต วิย ตสฺส สีเส วจฺจํ ปาเตตฺวา วิรวนฺโต วนสณฺฑํ ปาวิสิ. โพธิสตฺโต นฺหตฺวา อคมาสิ.
สตฺถา ¶ ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว เทวทตฺโต, ปุพฺเพปิ มยา กตคุณํ น ชานาสิเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา มกฺกโฏ เทวทตฺโต อโหสิ, พฺราหฺมโณ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
ทุพฺภิยมกฺกฏชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.
[๑๗๕] ๕. อาทิจฺจุปฏฺานชาตกวณฺณนา
สพฺเพสุ ¶ กิร ภูเตสูติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ กุหกภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ เหฏฺา กถิตสทิสเมว.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต กาสิรฏฺเ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา มหาปริวาโร คณสตฺถา หุตฺวา หิมวนฺเต วาสํ กปฺเปสิ. โส ตตฺถ จิรํ วสิตฺวา โลณมฺพิลเสวนตฺถาย ปพฺพตา โอรุยฺห ปจฺจนฺเต เอกํ คามํ นิสฺสาย ¶ ปณฺณสาลายํ วาสํ อุปคฺฉิ. อเถโก โลลมกฺกโฏ อิสิคเณ ภิกฺขาจารํ คเต อสฺสมปทํ อาคนฺตฺวา ปณฺณสาลา อุตฺติณฺณา กโรติ, ปานียฆเฏสุ อุทกํ ฉฑฺเฑติ, กุณฺฑิกํ ภินฺทติ, อคฺคิสาลายํ วจฺจํ กโรติ. ตาปสา วสฺสํ วสิตฺวา ‘‘อิทานิ หิมวนฺโต ปุปฺผผลสมิทฺโธ รมณีโย, ตตฺเถว คมิสฺสามา’’ติ ปจฺจนฺตคามวาสิเก อาปุจฺฉึสุ. มนุสฺสา ‘‘สฺเว, ภนฺเต, มยํ ภิกฺขํ คเหตฺวา อสฺสมปทํ อาคมิสฺสาม, ตํ ปริภฺุชิตฺวาว คมิสฺสถา’’ติ วตฺวา ทุติยทิวเส ปหูตํ ขาทนียโภชนียํ คเหตฺวา ตตฺถ อคมํสุ. ตํ ทิสฺวา โส มกฺกโฏ จินฺเตสิ – ‘‘โกหฺํ กตฺวา มนุสฺเส อาราเธตฺวา มยฺหมฺปิ ขาทนียโภชนียํ อาหราเปสฺสามี’’ติ. โส ตาปสจรณํ จรนฺโต วิย สีลวา วิย จ หุตฺวา ตาปสานํ ¶ อวิทูเร สูริยํ นมสฺสมาโน อฏฺาสิ. มนุสฺสา ตํ ทิสฺวา ‘‘สีลวนฺตานํ สนฺติเก วสนฺตา สีลวนฺตา โหนฺตี’’ติ วตฺวา ปมํ คาถมาห –
‘‘สพฺเพสุ กิร ภูเตสุ, สนฺติ สีลสมาหิตา;
ปสฺส สาขมิคํ ชมฺมํ, อาทิจฺจมุปติฏฺตี’’ติ.
ตตฺถ สนฺติ สีลสมาหิตาติ สีเลน สมนฺนาคตา สํวิชฺชนฺติ, สีลวนฺตา จ สมาหิตา จ เอกคฺคจิตฺตา สํวิชฺชนฺตีติปิ อตฺโถ. ชมฺมนฺติ ลามกํ. อาทิจฺจมุปติฏฺตีติ สูริยํ นมสฺสมาโน ติฏฺติ.
เอวํ เต มนุสฺเส ตสฺส คุณํ กเถนฺเต ทิสฺวา โพธิสตฺโต ‘‘ตุมฺเห อิมสฺส โลลมกฺกฏสฺส สีลาจารํ อชานิตฺวา อวตฺถุสฺมึเยว ปสนฺนา’’ติ วตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘นาสฺส ¶ สีลํ วิชานาถ, อนฺาย ปสํสถ;
อคฺคิหุตฺตฺจ อุหนฺนํ, ทฺเว จ ภินฺนา กมณฺฑลู’’ติ.
ตตฺถ อนฺายาติ อชานิตฺวา. อุหนฺนนฺติ อิมินา ปาปมกฺกเฏน อูหทํ. กมณฺฑลูติ กุณฺฑิกา. ‘‘ทฺเว จ กุณฺฑิกา เตน ภินฺนา’’ติ เอวมสฺส อคุณํ กเถสิ.
มนุสฺสา มกฺกฏสฺส กุหกภาวํ ตฺวา เลฑฺฑฺุจ ยฏฺิฺจ คเหตฺวา โปเถตฺวา ปลาเปตฺวา อิสิคณสฺส ภิกฺขํ อทํสุ. อิสโยปิ หิมวนฺตเมว คนฺตฺวา อปริหีนชฺฌานา พฺรหฺมโลกปรายณา อเหสุํ.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา มกฺกโฏ อยํ กุหโก ภิกฺขุ อโหสิ, อิสิคโณ พุทฺธปริสา, คณสตฺถา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
อาทิจฺจุปฏฺานชาตกวณฺณนา ปฺจมา.
[๑๗๖] ๖. กฬายมุฏฺิชาตกวณฺณนา
พาโล ¶ วตายํ ทุมสาขโคจโรติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โกสลราชานํ อารพฺภ กเถสิ. เอกสฺมิฺหิ สมเย วสฺสกาเล โกสลรฺโ ปจฺจนฺโต กุปิ. ตตฺถ ิตา โยธา ทฺเว ตีณิ ยุทฺธานิ กตฺวา ปจฺจตฺถิเก อภิภวิตุํ อสกฺโกนฺตา รฺโ สาสนํ เปเสสุํ. ราชา อกาเล วสฺสาเนเยว นิกฺขมิตฺวา เชตวนสมีเป ขนฺธาวารํ พนฺธิตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อหํ อกาเล นิกฺขนฺโต, กนฺทรปทราทโย อุทกปูรา, ทุคฺคโม มคฺโค, สตฺถารํ อุปสงฺกมิสฺสามิ, โส มํ ‘กหํ คจฺฉสิ, มหาราชา’ติ ปุจฺฉิสฺสติ, อถาหํ เอตมตฺถํ อาโรเจสฺสามิ, น โข ปน มํ สตฺถา สมฺปรายิเกเนวตฺเถน อนุคฺคณฺหาติ, ทิฏฺธมฺมิเกนาปิ อนุคฺคณฺหาติเยว, ตสฺมึ สเจ เม คมเนน อวุฑฺฒิ ภวิสฺสติ, ‘อกาโล, มหาราชา’ติ วกฺขติ. สเจ ปน วุฑฺฑิ ภวิสฺสติ, ตุณฺหี ภวิสฺสตี’’ติ. โส เชตวนํ ปวิสิตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. สตฺถา ‘‘หนฺท กุโต นุ ตฺวํ, มหาราช, อาคจฺฉสิ ทิวา ทิวสฺสา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ภนฺเต, อหํ ปจฺจนฺตํ วูปสเมตุํ นิกฺขนฺโต ‘ตุมฺเห วนฺทิตฺวา คมิสฺสามี’ติ อาคโตมฺหี’’ติ ¶ . สตฺถา ‘‘ปุพฺเพปิ, มหาราช, ราชาโน เสนาย อพฺภุคฺคจฺฉมานาย ปณฺฑิตานํ กถํ สุตฺวา อกาเล อพฺภุคฺคมนํ นาม น คมึสู’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส อตฺถธมฺมานุสาสโก สพฺพตฺถกอมจฺโจ อโหสิ. อถ รฺโ ปจฺจนฺเต กุปิเต ปจฺจนฺตโยธา ปณฺณํ เปเสสุํ. ราชา วสฺสกาเล นิกฺขมิตฺวา อุยฺยาเน ขนฺธาวารํ พนฺธิ, โพธิสตฺโต รฺโ สนฺติเก อฏฺาสิ. ตสฺมึ ขเณ อสฺสานํ กฬาเย เสเทตฺวา อาหริตฺวา โทณิยํ ปกฺขิปึสุ. อุยฺยาเน มกฺกเฏสุ เอโก มกฺกโฏ รุกฺขา โอตริตฺวา ตโต กฬาเย คเหตฺวา มุขํ ปูเรตฺวา หตฺเถหิปิ คเหตฺวา อุปฺปติตฺวา รุกฺเข นิสีทิตฺวา ขาทิตุํ อารภิ, อถสฺส ขาทมานสฺส หตฺถโก เอโก กฬาโย ภูมิยํ ปติ. โส มุเขน จ หตฺเถหิ จ คหิเต สพฺเพ ¶ กฬาเย ฉฑฺเฑตฺวา รุกฺขา โอรุยฺห ตเมว กฬายํ โอโลเกนฺโต ตํ กฬายํ อทิสฺวาว ปุน รุกฺขํ อภิรุหิตฺวา อฑฺเฑ สหสฺสปราชิโต วิย โสจมาโน ทุมฺมุโข รุกฺขสาขายํ นิสีทิ. ราชา มกฺกฏสฺส กิริยํ ทิสฺวา โพธิสตฺตํ อามนฺเตตฺวา ¶ ‘‘ปสฺสถ, กึ นาเมตํ มกฺกเฏน กต’’นฺติ ปุจฺฉิ. โพธิสตฺโต ‘‘มหาราช, พหุํ อนวโลเกตฺวา อปฺปํ โอโลเกตฺวา ทุพฺพุทฺธิโน พาลา เอวรูปํ กโรนฺติเยวา’’ติ วตฺวา ปมํ คาถมาห –
‘‘พาโล วตายํ ทุมสาขโคจโร, ปฺา ชนินฺท นยิมสฺส วิชฺชติ;
กฬายมุฏฺึ อวกิริย เกวลํ, เอกํ กฬายํ ปติตํ คเวสตี’’ติ.
ตตฺถ ทุมสาขโคจโรติ มกฺกโฏ. โส หิ ทุมสาขาสุ โคจรํ คณฺหาติ, สาว อสฺส โคจโร สฺจรณภูมิภูตา, ตสฺมา ‘‘ทุมสาขโคจโร’’ติ วุจฺจติ. ชนินฺทาติ ราชานํ อาลปติ. ราชา หิ ปรมิสฺสรภาเวน ชนสฺส อินฺโทติ ชนินฺโท. กฬายมุฏฺินฺติ จณกมุฏฺึ. ‘‘กาฬราชมาสมุฏฺิ’’นฺติปิ วทนฺติเยว. อวกิริยาติ อวกิริตฺวา. เกวลนฺติ สพฺพํ. คเวสตีติ ภูมิยํ ปติตํ เอกเมว ปริเยสติ.
เอวํ ¶ วตฺวา ปุน โพธิสตฺโต ตํ อุปสงฺกมิตฺวา ราชานํ อามนฺเตตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘เอวเมว มยํ ราช, เย จฺเ อติโลภิโน;
อปฺเปน พหุํ ชิยฺยาม, กฬาเยเนว วานโร’’ติ.
ตตฺรายํ สงฺเขปตฺโถ – มหาราช, เอวเมว มยฺจ เย จฺเ โลภาภิภูตา ชนา สพฺเพปิ อปฺเปน พหุํ ชิยฺยาม. มยฺหิ เอตรหิ อกาเล วสฺสานสมเย มคฺคํ คจฺฉนฺตา อปฺปกสฺส อตฺถสฺส การณา พหุกา อตฺถา ปริหายาม. กฬาเยเนว วานโรติ ยถา อยํ วานโร เอกํ กฬายํ ปริเยสมาโน เตเนเกน กฬาเยน สพฺพกฬาเยหิ ปริหีโน, เอวํ มยมฺปิ ¶ อกาเลน กนฺทรปทราทีสุ ปูเรสุ คจฺฉมานา อปฺปมตฺตกํ อตฺถํ ปริเยสมานา พหูหิ หตฺถิวาหนอสฺสวาหนาทีหิ เจว พลกาเยน จ ปริหายิสฺสาม. ตสฺมา อกาเล คนฺตุํ น วฏฺฏตีติ รฺโ โอวาทํ อทาสิ.
ราชา ตสฺส กถํ สุตฺวา ตโต นิวตฺติตฺวา พาราณสิเมว ปาวิสิ. โจราปิ ‘‘ราชา กิร โจรมทฺทนํ กริสฺสามีติ นครา นิกฺขนฺโต’’ติ สุตฺวา ปจฺจนฺตโต ปลายึสุ. ปจฺจุปฺปนฺเนปิ โจรา ‘‘โกสลราชา กิร นิกฺขนฺโต’’ติ สุตฺวา ปลายึสุ. ราชา สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา อุฏฺายาสนา วนฺทิตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา สาวตฺถิเมว ปาวิสิ.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ราชา อานนฺโท อโหสิ, ปณฺฑิตามจฺโจ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
กฬายมุฏฺิชาตกวณฺณนา ฉฏฺา.
[๑๗๗] ๗. ตินฺทุกชาตกวณฺณนา
ธนุหตฺถกลาเปหีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปฺาปารมึ อารพฺภ กเถสิ. สตฺถา หิ มหาโพธิชาตเก (ชา. ๒.๑๘.๑๒๔ อาทโย) วิย อุมงฺคชาตเก (ชา. ๒.๒๒.๕๙๐ อาทโย) วิย จ อตฺตโน ปฺาย วณฺณํ วณฺณิตํ สุตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว ตถาคโต ปฺวา, ปุพฺเพปิ ปฺวา อุปายกุสโลเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต ¶ พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต วานรโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา อสีติสหสฺสวานรคณปริวาโร หิมวนฺตปเทเส วาสํ กปฺเปสิ. ตสฺสาสนฺเน เอโก ปจฺจนฺตคามโก กทาจิ วสติ, กทาจิ อุพฺพสติ. ตสฺส ปน คามสฺส มชฺเฌ สาขาวิฏปสมฺปนฺโน มธุรผโล เอโก ตินฺทุกรุกฺโข อตฺถิ, วานรคโณ อุพฺพสิตกาเล อาคนฺตฺวา ตสฺส ผลานิ ขาทติ. อถาปรสฺมึ ผลวาเร โส คาโม ปุน อาวาโส อโหสิ ทฬฺหปริกฺขิตฺโต ทฺวารยุตฺโต, โสปิ รุกฺโข ผลภารนมิตสาโข ¶ อฏฺาสิ. วานรคโณ จินฺเตสิ – ‘‘มยํ ปุพฺเพ อสุกคาเม ตินฺทุกผลานิ ขาทาม, ผลิโต นุ โข โส เอตรหิ รุกฺโข, อุทาหุ โน, อาวสิโต โส คาโม, อุทาหุ โน’’ติ. เอวฺจ ปน จินฺเตตฺวา ‘‘คจฺฉ อิมํ ปวตฺตึ ชานาหี’’ติ เอกํ วานรํ เปเสสิ. โส คนฺตฺวา รุกฺขสฺส จ ผลิตภาวํ คามสฺส จ คาฬฺหวาสภาวํ ตฺวา อาคนฺตฺวา วานรานํ อาโรเจสิ.
วานรา ตสฺส ผลิตภาวํ สุตฺวา ‘‘มธุรานิ ตินฺทุกผลานิ ขาทิสฺสามา’’ติ อุสฺสาหชาตา วานรินฺทสฺส ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. วานรินฺโท ‘‘คาโม อาวาโส อนาวาโส’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาวาโส, เทวา’’ติ. ‘‘เตน หิ น คนฺตพฺพํ. มนุสฺสา หิ พหุมายา โหนฺตี’’ติ. ‘‘เทว, มนุสฺสานํ ปฏิสลฺลานเวลาย อฑฺฒรตฺตสมเย ขาทิสฺสามา’’ติ พหู คนฺตฺวา วานรินฺทํ สมฺปฏิจฺฉาเปตฺวา หิมวนฺตา โอตริตฺวา ตสฺส คามสฺส อวิทูเร มนุสฺสานํ ปฏิสลฺลานกาลํ อาคมยมานา มหาปาสาณปิฏฺเ สยิตฺวา มชฺฌิมยาเม มนุสฺเสสุ นิทฺทํ โอกฺกมนฺเตสุ รุกฺขํ อารุยฺห ผลานิ ขาทึสุ. อเถโก ปุริโส สรีรกิจฺเจน เคหา นิกฺขมิตฺวา คามมชฺฌคโต วานเร ¶ ทิสฺวา มนุสฺสานํ อาจิกฺขิ. พหู มนุสฺสา ธนุกลาปํ สนฺนยฺหิตฺวา นานาวุธหตฺถา เลฑฺฑุทณฺฑาทีนิ อาทาย ‘‘ปภาตาย รตฺติยา วานเร คณฺหิสฺสามา’’ติ รุกฺขํ ปริวาเรตฺวา อฏฺํสุ. อสีติสหสฺสวานรา มนุสฺเส ทิสฺวา มรณภยตชฺชิตา ‘‘นตฺถิ โน อฺํ ปฏิสฺสรณํ อฺตฺร วานรินฺเทนา’’ติ ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ปมํ คาถมาหํสุ –
‘‘ธนุหตฺถกลาเปหิ, เนตฺตึสวรธาริภิ;
สมนฺตา ปริกิณฺณมฺห, กถํ โมกฺโข ภวิสฺสตี’’ติ.
ตตฺถ ¶ ธนุหตฺถกลาเปหีติ ธนุกลาปหตฺเถหิ, ธนูนิ เจว สรกลาเป จ คเหตฺวา ิเตหีติ อตฺโถ. เนตฺตึสวรธาริภีติ เนตฺตึสา วุจฺจนฺติ ขคฺคา, อุตฺตมขคฺคธารีหีติ อตฺโถ. ปริกิณฺณมฺหาติ ปริวาริตมฺห. กถนฺติ เกน นุ โข อุปาเยน อมฺหากํ โมกฺโข ภวิสฺสตีติ.
เตสํ ¶ กถํ สุตฺวา วานรินฺโท ‘‘มา ภายิตฺถ, มนุสฺสา นาม พหุกิจฺจา, อชฺชปิ มชฺฌิมยาโม วตฺตติ, อปิ นาม เตสํ ‘อมฺเห มาเรสฺสามา’ติ ปริวาริตานํ อิมสฺส กิจฺจสฺส อนฺตรายกรํ อฺํ กิจฺจํ อุปฺปชฺเชยฺยา’’ติ วานเร สมสฺสาเสตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘อปฺเปว พหุกิจฺจานํ, อตฺโถ ชาเยถ โกจิ นํ;
อตฺถิ รุกฺขสฺส อจฺฉินฺนํ, ขชฺชถฺเว ตินฺทุก’’นฺติ.
ตตฺถ นนฺติ นิปาตมตฺตํ, อปฺเปว พหุกิจฺจานํ มนุสฺสานํ อฺโ โกจิ อตฺโถ อุปฺปชฺเชยฺยาติ อยเมเวตฺถ อตฺโถ. อตฺถิ รุกฺขสฺส อจฺฉินฺนนฺติ อิมสฺส รุกฺขสฺส ผลานํ อากฑฺฒนปริกฑฺฒนวเสน อจฺฉินฺนํ พหุ านํ อตฺถิ. ขชฺชถฺเว ตินฺทุกนฺติ ตินฺทุกผลํ ขชฺชถฺเว. ตุมฺเห หิ ยาวตเกน โว อตฺโถ อตฺถิ, ตตฺตกํ ขาทถ, อมฺหากํ ปหรณกาลํ ชานิสฺสามาติ.
เอวํ มหาสตฺโต กปิคณํ สมสฺสาเสสิ. เอตฺตกฺหิ อสฺสาสํ อลภมานา สพฺเพปิ เต ผลิเตน หทเยน ชีวิตกฺขยํ ปาปุเณยฺยุํ. มหาสตฺโต ปน เอวํ วานรคณํ อสฺสาเสตฺวา ‘‘สพฺเพ วานเร สมาเนถา’’ติ อาห. สมาเนนฺตา ตสฺส ภาคิเนยฺยํ เสนกํ นาม วานรํ อทิสฺวา ‘‘เสนโก นาคโต’’ติ อาโรเจสุํ. ‘‘สเจ เสนโก นาคโต, ตุมฺเห มา ภายิตฺถ, อิทานิ โว โส ¶ โสตฺถึ กริสฺสตี’’ติ. เสนโกปิ โข วานรคณสฺส คมนกาเล นิทฺทายิตฺวา ปจฺฉา ปพุทฺโธ กฺจิ อทิสฺวา ปทานุปทิโก หุตฺวา อาคจฺฉนฺโต มนุสฺเส ทิสฺวา ‘‘วานรคณสฺส ภยํ อุปฺปนฺน’’นฺติ ตฺวา เอกสฺมึ ปริยนฺเต เคเห อคฺคึ ชาเลตฺวา สุตฺตํ กนฺตนฺติยา มหลฺลกิตฺถิยา สนฺติกํ คนฺตฺวา เขตฺตํ คจฺฉนฺโต คามทารโก วิย เอกํ อุมฺมุกํ คเหตฺวา ¶ อุปริวาเต ตฺวา คามํ ปทีเปสิ. มนุสฺสา มกฺกเฏ ฉฑฺเฑตฺวา อคฺคึ นิพฺพาเปตุํ อคมํสุ. วานรา ปลายนฺตา เสนกสฺสตฺถาย เอเกกํ ผลํ คเหตฺวา ปลายึสุ.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ภาคิเนยฺโย เสนโก มหานาโม สกฺโก อโหสิ, วานรคโณ พุทฺธปริสา, วานรินฺโท ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
ตินฺทุกชาตกวณฺณนา สตฺตมา.
[๑๗๘] ๘. กจฺฉปชาตกวณฺณนา
ชนิตฺตํ เม ภวิตฺตํ เมติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ อหิวาตกโรคมุตฺตํ อารพฺภ กเถสิ. สาวตฺถิยํ กิร เอกสฺมึ กุเล อหิวาตกโรโค อุปฺปชฺชิ. มาตาปิตโร ปุตฺตํ อาหํสุ – ‘‘ตาต, มา อิมสฺมึ เคเห วส, ภิตฺตึ ภินฺทิตฺวา ปลายิตฺวา ยตฺถ กตฺถจิ คนฺตฺวา ชีวิตํ รกฺข, ปจฺฉา อาคนฺตฺวา อิมสฺมึ นาม าเน มหานิธานํ อตฺถิ, ตํ อุทฺธริตฺวา กุฏุมฺพํ สณฺเปตฺวา สุเขน ชีเวยฺยาสี’’ติ. ปุตฺโต เตสํ วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ภิตฺตึ ภินฺทิตฺวา ปลายิตฺวา อตฺตโน โรเค วูปสนฺเต อาคนฺตฺวา มหานิธานํ อุทฺธริตฺวา กุฏุมฺพํ สณฺเปตฺวา ฆราวาสํ วสิ. โส เอกทิวสํ สปฺปิเตลาทีนิ เจว วตฺถจฺฉาทนาทีนิ จ คาหาเปตฺวา เชตวนํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา นิสีทิ. สตฺถา เตน สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘ตุมฺหากํ เคเห อหิวาตกโรโค อุปฺปนฺโนติ อสฺสุมฺห, กินฺติ กตฺวา มุตฺโตสี’’ติ ปุจฺฉิ, โส ตํ ปวตฺตึ อาจิกฺขิ. สตฺถา ‘‘ปุพฺเพปิ โข, อุปาสก, ภเย อุปฺปนฺเน อตฺตโน วสนฏฺาเน อาลยํ กตฺวา อฺตฺถ อคตา ชีวิตกฺขยํ ปาปุณึสุ, อนาลยํ ปน กตฺวา อฺตฺถ คตา ชีวิตํ ลภึสู’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต กาสิคามเก กุมฺภการกุเล นิพฺพตฺติตฺวา กุมฺภการกมฺมํ กตฺวา ปุตฺตทารํ โปเสสิ. ตทา ปน พาราณสิยํ มหานทิยา สทฺธึ เอกาพทฺโธ มหาชาตสฺสโร อโหสิ. โส พหุอุทกกาเล นทิยา สทฺธึ เอโกทโก โหติ, อุทเก มนฺทีภูเต ¶ วิสุํ โหติ. มจฺฉกจฺฉปา ¶ ปน ‘‘อิมสฺมึ สํวจฺฉเร สุวุฏฺิกา ภวิสฺสติ, อิมสฺมึ สํวจฺฉเร ทุพฺพุฏฺิกา’’ติ ชานนฺติ. อถ ตสฺมึ สเร นิพฺพตฺตมจฺฉกจฺฉปา ‘‘อิมสฺมึ สํวจฺฉเร ทุพฺพุฏฺิกา ภวิสฺสตี’’ติ ตฺวา อุทกสฺส เอกาพทฺธกาเลเยว ตมฺหา สรา นิกฺขมิตฺวา ¶ นทึ อคมึสุ. เอโก ปน กจฺฉโป ‘‘อิทํ เม ชาตฏฺานํ วฑฺฒิตฏฺานํ, มาตาปิตูหิ วสิตฏฺานํ, น สกฺโกมิ อิมํ ชหิตุ’’นฺติ นทึ น อคมาสิ. อถ นิทาฆสมเย ตตฺถ อุทกํ ฉิชฺชิ, โส กจฺฉโป โพธิสตฺตสฺส มตฺติกคหณฏฺาเน ภูมึ ขณิตฺวา ปาวิสิ. โพธิสตฺโต ‘‘มตฺติกํ คเหสฺสามี’’ติ ตตฺถ คนฺตฺวา มหากุทฺทาเลน ภูมึ ขณนฺโต กจฺฉปสฺส ปิฏฺึ ภินฺทิตฺวา มตฺติกปิณฺฑํ วิย กุทฺทาเลเนว นํ อุทฺธริตฺวา ถเล ปาเตสิ. โส เวทนาปฺปตฺโต หุตฺวา ‘‘วสนฏฺาเน อาลยํ ชหิตุํ อสกฺโกนฺโต เอวํ วินาสํ ปาปุณิ’’นฺติ วตฺวา ปริเทวมาโน อิมา คาถา อโวจ –
‘‘ชนิตฺตํ เม ภวิตฺตํ เม, อิติ ปงฺเก อวสฺสยึ;
ตํ มํ ปงฺโก อชฺฌภวิ, ยถา ทุพฺพลกํ ตถา;
ตํ ตํ วทามิ ภคฺคว, สุโณหิ วจนํ มม.
‘‘คาเม วา ยทิ วารฺเ, สุขํ ยตฺราธิคจฺฉติ;
ตํ ชนิตฺตํ ภวิตฺตฺจ, ปุริสสฺส ปชานโต;
ยมฺหิ ชีเว ตมฺหิ คจฺเฉ, น นิเกตหโต สิยา’’ติ.
ตตฺถ ชนิตฺตํ เม ภวิตฺตํ เมติ อิทํ มม ชาตฏฺานํ, อิทํ มม วฑฺฒิตฏฺานํ. อิติ ปงฺเก อวสฺสยินฺติ อิมินา การเณนาหํ อิมสฺมึ กทฺทเม อวสฺสยึ นิปชฺชึ, วาสํ กปฺเปสินฺติ อตฺโถ. อชฺฌภวีติ อธิอภวิ วินาสํ ปาเปสิ. ภคฺควาติ กุมฺภการํ อาลปติ. กุมฺภการานฺหิ นามโคตฺตปฺตฺติ เอสา, ยทิทํ ภคฺควาติ. สุขนฺติ กายิกเจตสิกสฺสาทํ. ตํ ¶ ชนิตฺตํ ภวิตฺตฺจาติ ตํ ชาตฏฺานฺจ วฑฺฒิตฏฺานฺจ. ‘‘ชานิตฺตํ ภาวิตฺต’’นฺติ ทีฆวเสนปิ ปาโ, โสเยวตฺโถ. ปชานโตติ อตฺถานตฺถํ การณาการณํ ชานนฺตสฺส. น นิเกตหโต สิยาติ นิเกเต อาลยํ กตฺวา อฺตฺถ อคนฺตฺวา นิเกเตน หโต, เอวรูปํ มรณทุกฺขํ ปาปิโต น ภเวยฺยาติ.
เอวํ โส โพธิสตฺเตน สทฺธึ กเถนฺโต กาลมกาสิ. โพธิสตฺโต ตํ คเหตฺวา สกลคามวาสิโน สนฺนิปาตาเปตฺวา เต มนุสฺเส โอวทนฺโต เอวมาห – ‘‘ปสฺสถ อิมํ กจฺฉปํ, อยํ ¶ อฺเสํ มจฺฉกจฺฉปานํ มหานทึ คมนกาเล อตฺตโน วสนฏฺาเน อาลยํ ฉินฺทิตุํ อสกฺโกนฺโต ¶ เตหิ สทฺธึ อคนฺตฺวา มม มตฺติกคหณฏฺานํ ปวิสิตฺวา นิปชฺชิ. อถสฺสาหํ มตฺติกํ คณฺหนฺโต มหากุทฺทาเลน ปิฏฺึ ภินฺทิตฺวา มตฺติกปิณฺฑํ วิย นํ ถเล ปาเตสึ, อยํ อตฺตนา กตกมฺมํ สริตฺวา ทฺวีหิ คาถาหิ ปริเทวิตฺวา กาลมกาสิ. เอวเมส อตฺตโน วสนฏฺาเน อาลยํ กตฺวา มรณํ ปตฺโต, ตุมฺเหปิ มา อิมินา กจฺฉเปน สทิสา อหุวตฺถ, อิโต ปฏฺาย ‘มยฺหํ รูปํ มยฺหํ สทฺโท มยฺหํ คนฺโธ มยฺหํ รโส มยฺหํ โผฏฺพฺโพ มยฺหํ ปุตฺโต มยฺหํ ธีตา มยฺหํ ทาสทาสิปริจฺเฉโท มยฺหํ หิรฺสุวณฺณ’นฺติ ตณฺหาวเสน อุปโภควเสน มา คณฺหิตฺถ, เอกโกเวส สตฺโต ตีสุ ภเวสุ ปริวตฺตตี’’ติ. เอวํ พุทฺธลีลาย มหาชนสฺส โอวาทมทาสิ, โส โอวาโท สกลชมฺพุทีปํ ปตฺถริตฺวา สฏฺิมตฺตานิ วสฺสสหสฺสานิ อฏฺาสิ. มหาชโน โพธิสตฺตสฺส โอวาเท ตฺวา ทานาทีนิ ปฺุานิ กตฺวา อายุปริโยสาเน สคฺคปุรํ ปูเรสิ, โพธิสตฺโตปิ ตเถว ปฺุานิ กตฺวา สคฺคปุรํ ปูเรสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน โส กุลปุตฺโต โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาสิ. ‘‘ตทา กจฺฉโป อานนฺโท อโหสิ, กุมฺภกาโร ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
กจฺฉปชาตกวณฺณนา อฏฺมา.
[๑๗๙] ๙. สตธมฺมชาตกวณฺณนา
ตฺจ ¶ อปฺปนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกวีสติวิธํ อเนสนํ อารพฺภ กเถสิ. เอกสฺมิฺหิ กาเล พหู ภิกฺขู เวชฺชกมฺเมน ทูตกมฺเมน ปหิณกมฺเมน ชงฺฆเปสนิเกน ปิณฺฑปฏิปิณฺเฑนาติ เอวรูปาย เอกวีสติวิธาย อเนสนาย ชีวิกํ กปฺเปสุํ. สา สาเกตชาตเก (ชา. ๑.๒.๑๗๓-๑๗๔) อาวิภวิสฺสติ. สตฺถา เตสํ ตถา ชีวิกกปฺปนภาวํ ตฺวา ‘‘เอตรหิ โข พหู ภิกฺขู อเนสนาย ชีวิกํ กปฺเปนฺติ, เต ปน เอวํ ชีวิกํ กปฺเปตฺวา ยกฺขตฺตภาวา เปตตฺตภาวา น มุจฺจิสฺสนฺติ, ธุรโคณา หุตฺวาว นิพฺพตฺติสฺสนฺติ, นิรเย ปฏิสนฺธึ คณฺหิสฺสนฺติ, เอเตสํ หิตตฺถาย สุขตฺถาย ¶ อตฺตชฺฌาสยํ สกปฏิภานํ เอกํ ธมฺมเทสนํ กเถตุํ วฏฺฏตี’’ติ ภิกฺขุสงฺฆํ สนฺนิปาตาเปตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, เอกวีสติวิธาย อเนสนาย ปจฺจยา อุปฺปาเทตพฺพา. อเนสนาย หิ อุปฺปนฺโน ปิณฺฑปาโต อาทิตฺตโลหคุฬสทิโส หลาหลวิสูปโม. อเนสนา หิ นาเมสา พุทฺธปจฺเจกพุทฺธสาวเกหิ ครหิตพฺพา ปฏิกุฏฺา. อเนสนาย ¶ อุปฺปนฺนํ ปิณฺฑปาตํ ภฺุชนฺตสฺส หิ หาโส วา โสมนสฺสํ วา นตฺถิ. เอวํ อุปฺปนฺโน หิ ปิณฺฑปาโต มม สาสเน จณฺฑาลสฺส อุจฺฉิฏฺโภชนสทิโส, ตสฺส ปริโภโค สตธมฺมมาณวสฺส จณฺฑาลุจฺฉิฏฺภตฺตปริโภโค วิย โหตี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต จณฺฑาลโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต เกนจิเทว กรณีเยน ปาเถยฺยตณฺฑุเล จ ภตฺตปุฏฺจ คเหตฺวา มคฺคํ ปฏิปชฺชิ. ตสฺมิฺหิ กาเล พาราณสิยํ เอโก มาณโว อตฺถิ สตธมฺโม นาม อุทิจฺจพฺราหฺมณมหาสาลกุเล นิพฺพตฺโต. โสปิ เกนจิเทว กรณีเยน ตณฺฑุเล จ ภตฺตปุฏฺจ อคเหตฺวาว มคฺคํ ปฏิปชฺชิ, เต อุโภปิ มหามคฺเค สมาคจฺฉึสุ. มาณโว โพธิสตฺตํ ‘‘กึชาติโกสี’’ติ ปุจฺฉิ. โส ‘‘อหํ จณฺฑาโล’’ติ วตฺวา ‘‘ตฺวํ กึชาติโกสี’’ติ มาณวํ ปุจฺฉิ ¶ . ‘‘อุทิจฺจพฺราหฺมโณ อห’’นฺติ. ‘‘สาธุ คจฺฉามา’’ติ เต อุโภปิ มคฺคํ อคมํสุ. โพธิสตฺโต ปาตราสเวลาย อุทกผาสุกฏฺาเน นิสีทิตฺวา หตฺเถ โธวิตฺวา ภตฺตปุฏํ โมเจตฺวา ‘‘มาณว, ภตฺตํ ภฺุชาหี’’ติ อาห. ‘‘นตฺถิ, อเร จณฺฑาล, มม ภตฺเตน อตฺโถ’’ติ. โพธิสตฺโต ‘‘สาธู’’ติ ปุฏกภตฺตํ อุจฺฉิฏฺํ อกตฺวาว อตฺตโน ยาปนมตฺตํ อฺสฺมึ ปณฺเณ ปกฺขิปิตฺวา ปุฏกภตฺตํ พนฺธิตฺวา เอกมนฺเต เปตฺวา ภฺุชิตฺวา ปานียํ ปิวิตฺวา โธตหตฺถปาโท ตณฺฑุเล จ เสสภตฺตฺจ อาทาย ‘‘คจฺฉาม, มาณวา’’ติ มคฺคํ ปฏิปชฺชิ.
เต สกลทิวสํ คนฺตฺวา สายํ อุโภปิ เอกสฺมึ อุทกผาสุกฏฺาเน นฺหตฺวา ปจฺจุตฺตรึสุ. โพธิสตฺโต ผาสุกฏฺาเน นิสีทิตฺวา ภตฺตปุฏํ โมเจตฺวา มาณวํ อนาปุจฺฉิตฺวา ภฺุชิตุํ อารภิ. มาณโว สกลทิวสํ มคฺคคมเนน กิลนฺโต ฉาตชฺฌตฺโต ‘‘สเจ เม ภตฺตํ ทสฺสติ, ภฺุชิสฺสามี’’ติ โอโลเกนฺโต อฏฺาสิ. อิตโร กิฺจิ อวตฺวา ภฺุชเตว. มาณโว จินฺเตสิ – ‘‘อยํ จณฺฑาโล มยฺหํ อวตฺวาว สพฺพํ ภฺุชติ ¶ นิปฺปีเฬตฺวาปิ ตํ คเหตฺวา อุปริ อุจฺฉิฏฺภตฺตํ ฉฑฺเฑตฺวา เสสํ ภฺุชิตุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส ตถา กตฺวา อุจฺฉิฏฺภตฺตํ ภฺุชิ. อถสฺส ภุตฺตมตฺตสฺเสว ‘‘มยา อตฺตโน ชาติโคตฺตกุลปเทสานํ อนนุจฺฉวิกํ กตํ, จณฺฑาลสฺส นาม เม อุจฺฉิฏฺภตฺตํ ภุตฺต’’นฺติ พลววิปฺปฏิสาโร อุปฺปชฺชิ, ตาวเทวสฺส สโลหิตํ ภตฺตํ มุขโต อุคฺคจฺฉิ. โส ‘‘อปฺปมตฺตกสฺส วต เม การณา อนนุจฺฉวิกํ กมฺมํ กต’’นฺติ อุปฺปนฺนพลวโสกตาย ปริเทวมาโน ปมํ คาถมาห –
‘‘ตฺจ ¶ อปฺปฺจ อุจฺฉิฏฺํ, ตฺจ กิจฺเฉน โน อทา;
โสหํ พฺราหฺมณชาติโก, ยํ ภุตฺตํ ตมฺปิ อุคฺคต’’นฺติ.
ตตฺรายํ ¶ สงฺเขปตฺโถ – ยํ มยา ภุตฺตํ, ตํ อปฺปฺจ อุจฺฉิฏฺฺจ, ตฺจ โส จณฺฑาโล น อตฺตโน รุจิยา มํ อทาสิ, อถ โข นิปฺปีฬิยมาโน กิจฺเฉน กสิเรน อทาสิ, โสหํ ปริสุทฺธพฺราหฺมณชาติโก, เตเนว เม ยํ ภุตฺตํ, ตมฺปิ สทฺธึ โลหิเตน อุคฺคตนฺติ.
เอวํ มาณโว ปริเทวิตฺวา ‘‘กึ ทานิ เม เอวรูปํ อนนุจฺฉวิกํ กมฺมํ กตฺวา ชีวิเตนา’’ติ อรฺํ ปวิสิตฺวา กสฺสจิ อตฺตานํ อทสฺเสตฺวาว อนาถมรณํ ปตฺโต.
สตฺถา อิมํ อตีตํ ทสฺเสตฺวา ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, สตธมฺมมาณวสฺส ตํ จณฺฑาลุจฺฉิฏฺกํ ภฺุชิตฺวา อตฺตโน อยุตฺตโภชนสฺส ภุตฺตตฺตา เนว หาโส, น โสมนสฺสํ อุปฺปชฺชิ, เอวเมว โย อิมสฺมึ สาสเน ปพฺพชิโต อเนสนาย ชีวิกํ กปฺเปนฺโต ตถาลทฺธปจฺจยํ ปริภฺุชติ, ตสฺส พุทฺธปฏิกุฏฺครหิตชีวิตภาวโต เนว หาโส, น โสมนสฺสํ อุปฺปชฺชตี’’ติ วตฺวา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘เอวํ ธมฺมํ นิรํกตฺวา, โย อธมฺเมน ชีวติ;
สตธมฺโมว ลาเภน, ลทฺเธนปิ น นนฺทตี’’ติ.
ตตฺถ ธมฺมนฺติ อาชีวปาริสุทฺธิสีลธมฺมํ. นิรํกตฺวาติ นีหริตฺวา ฉฑฺเฑตฺวา. อธมฺเมนาติ เอกวีสติยา อเนสนสงฺขาเตน มิจฺฉาชีเวน. สตธมฺโมติ ตสฺส นามํ, ‘‘สนฺตธมฺโม’’ติปิ ปาโ. น นนฺทตีติ ยถา สตธมฺโม มาณโว ‘‘จณฺฑาลุจฺฉิฏฺกํ เม ลทฺธ’’นฺติ เตน ลาเภน น ¶ นนฺทติ, เอวํ อิมสฺมิมฺปิ สาสเน ปพฺพชิโต กุลปุตฺโต อเนสนาย ลทฺธลาภํ ปริภฺุชนฺโต น นนฺทติ น ตุสฺสติ, ‘‘พุทฺธครหิตชีวิกาย ชีวามี’’ติ โทมนสฺสปฺปตฺโต โหติ. ตสฺมา อเนสนาย ชีวิกํ กปฺเปนฺตสฺส สตธมฺมมาณวสฺเสว อรฺํ ปวิสิตฺวา อนาถมรณํ มริตุํ วรนฺติ.
เอวํ ¶ สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ เทเสตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน พหู ภิกฺขู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสุ. ‘‘ตทา มาณโว อานนฺโท อโหสิ, อหเมว จณฺฑาลปุตฺโต อโหสิ’’นฺติ.
สตธมฺมชาตกวณฺณนา นวมา.
[๑๘๐] ๑๐. ทุทฺททชาตกวณฺณนา
ทุทฺททํ ¶ ททมานานนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต คณทานํ อารพฺภ กเถสิ. สาวตฺถิยํ กิร ทฺเว สหายกา กุฏุมฺพิยปุตฺตา ฉนฺทกํ สํหริตฺวา สพฺพปริกฺขารทานํ สชฺเชตฺวา พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิมนฺเตตฺวา สตฺตาหํ มหาทานํ ปวตฺเตตฺวา สตฺตเม ทิวเส สพฺพปริกฺขาเร อทํสุ. เตสุ คณเชฏฺโก สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิตฺวา ‘‘ภนฺเต, อิมสฺมึ ทาเน พหุทายกาปิ อตฺถิ อปฺปทายกาปิ, เตสํ สพฺเพสมฺปิ ‘อิทํ ทานํ มหปฺผลํ โหตู’’’ติ ทานํ นิยฺยาเทสิ. สตฺถา ‘‘ตุมฺเหหิ โข อุปาสกา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทานํ ทตฺวา เอวํ นิยฺยาเทนฺเตหิ มหากมฺมํ กตํ, โปราณกปณฺฑิตาปิ ทานํ ทตฺวา เอวเมว นิยฺยาทึสู’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต กาสิรฏฺเ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา ฆราวาสํ ปหาย อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา คณสตฺถา หุตฺวา หิมวนฺตปเทเส จิรํ วสิตฺวา โลณมฺพิลเสวนตฺถาย ชนปทจาริกํ จรมาโน พาราณสึ ปตฺวา ราชุยฺยาเน วสิตฺวา ปุนทิวเส ทฺวารคาเม สปริวาโร ภิกฺขาย จริ. มนุสฺสา ภิกฺขํ อทํสุ. ปุนทิวเส พาราณสิยํ จริ, มนุสฺสา สมฺปิยายมานา ภิกฺขํ ทตฺวา คณพนฺธเนน ฉนฺทกํ ¶ สํหริตฺวา ทานํ สชฺเชตฺวา อิสิคณสฺส มหาทานํ ปวตฺตยึสุ. ทานปริโยสาเน คณเชฏฺโก เอวเมว วตฺวา อิมินาว นิยาเมน ทานํ นิยฺยาเทสิ. โพธิสตฺโต ‘‘อาวุโส, จิตฺตปฺปสาเท สติ อปฺปกํ นาม ทานํ นตฺถี’’ติ วตฺวา อนุโมทนํ กโรนฺโต อิมา คาถา อโวจ –
‘‘ทุทฺททํ ¶ ททมานานํ, ทุกฺกรํ กมฺม กุพฺพตํ;
อสนฺโต นานุกุพฺพนฺติ, สตํ ธมฺโม ทุรนฺนโย.
‘‘ตสฺมา สตฺจ อสตํ, นานา โหติ อิโต คติ;
อสนฺโต นิรยํ ยนฺติ, สนฺโต สคฺคปรายณา’’ติ.
ตตฺถ ทุทฺททนฺติ ทานํ นาม โลภโทสวสิเกหิ อปณฺฑิเตหิ ทาตุํ น สกฺกา, ตสฺมา ‘‘ทุทฺทท’’นฺติ วุจฺจติ. ตํ ททมานานํ. ทุกฺกรํ กมฺม กุพฺพตนฺติ ตเทว ทานกมฺมํ สพฺเพหิ กาตุํ น สกฺกาติ ทุกฺกรํ. ตํ กุรุมานานํ. อสนฺโตติ อปณฺฑิตา พาลา. นานุกุพฺพนฺตีติ ตํ ¶ กมฺมํ นานุกโรนฺติ. สตํ ธมฺโมติ ปณฺฑิตานํ สภาโว. ทานํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. ทุรนฺนโยติ ผลสมฺพนฺธวเสน ทุชฺชาโน, เอวรูปสฺส ทานสฺส เอวรูโป ผลวิปาโก โหตีติ ทุรนุโพโธ. อปิจ ทุรนฺนโยติ ทุรธิคโม, อปณฺฑิเตหิ ทานํ ทตฺวา ทานผลํ นาม ลทฺธุํ น สกฺกาติปิ อตฺโถ. นานา โหติ อิโต คตีติ อิโต จวิตฺวา ปรโลกํ คจฺฉนฺตานํ ปฏิสนฺธิคฺคหณํ นานา โหติ. อสนฺโต นิรยํ ยนฺตีติ อปณฺฑิตา ทุสฺสีลา ทานํ อทตฺวา สีลํ อรกฺขิตฺวา นิรยํ คจฺฉนฺติ. สนฺโต สคฺคปรายณาติ ปณฺฑิตา ปน ทานํ ทตฺวา สีลํ รกฺขิตฺวา อุโปสถกมฺมํ กริตฺวา ตีณิ สุจริตานิ ปูเรตฺวา สคฺคปรายณา โหนฺติ, มหนฺตํ สคฺคสุขสมฺปตฺตึ อนุภวนฺตีติ.
เอวํ โพธิสตฺโต อนุโมทนํ กตฺวา จตฺตาโร วสฺสิเก มาเส ตตฺเถว วสิตฺวา วสฺสาติกฺกเม หิมวนฺตํ คนฺตฺวา ฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา อปริหีนชฺฌาโน พฺรหฺมโลกูปโค อโหสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา อิสิคโณ พุทฺธปริสา อโหสิ, คณสตฺถา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
ทุทฺททชาตกวณฺณนา ทสมา.
กลฺยาณวคฺโค ตติโย.
ตสฺสุทฺทานํ –
กลฺยาณธมฺมํ ¶ ททฺทรํ, มกฺกฏิ ทุพฺภิมกฺกฏํ;
อาทิจฺจุปฏฺานฺเจว, กฬายมุฏฺิ ตินฺทุกํ;
กจฺฉปํ สตธมฺมฺจ, ทุทฺททนฺติ จ เต ทส.
๔. อสทิสวคฺโค
[๑๘๑] ๑. อสทิสชาตกวณฺณนา
ธนุคฺคโห ¶ อสทิโสติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต มหาภินิกฺขมนํ อารพฺภ กเถสิ. เอกทิวสฺหิ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ สนฺนิสินฺนา ภควโต มหานิกฺขมปารมึ วณฺเณนฺตา นิสีทึสุ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, ตถาคโต อิทาเนว มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขนฺโต, ปุพฺเพปิ เสตจฺฉตฺตํ ปหาย นิกฺขนฺโตเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต ¶ พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ, ตสฺส โสตฺถินา ชาตสฺส นามคฺคหณทิวเส ‘‘อสทิสกุมาโร’’ติ นามํ อกํสุ. อถสฺส อาธาวิตฺวา ปริธาวิตฺวา วิจรณกาเล อฺโ ปฺุวา สตฺโต เทวิยา กุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ, ตสฺส โสตฺถินา ชาตสฺส นามคฺคหณทิวเส ‘‘พฺรหฺมทตฺตกุมาโร’’ติ นามํ อกํสุ. เตสุ โพธิสตฺโต โสฬสวสฺสกาเล ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา ทิสาปาโมกฺขสฺส อาจริยสฺส สนฺติเก ตโย เวเท อฏฺารส จ สิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา เตสุ อิสฺสาสสิปฺเป อสทิโส หุตฺวา พาราณสึ ปจฺจาคมิ. ราชา กาลํ กโรนฺโต ‘‘อสทิสกุมารสฺส รชฺชํ ทตฺวา พฺรหฺมทตฺตสฺส โอปรชฺชํ เทถา’’ติ วตฺวา กาลมกาสิ. ตสฺมึ กาลกเต โพธิสตฺโต อตฺตโน รชฺเช ทียมาเน ‘‘น มยฺหํ รชฺเชนตฺโถ’’ติ ปฏิกฺขิปิ, พฺรหฺมทตฺตํ รชฺเช อภิสิฺจึสุ. โพธิสตฺโต ‘‘มยฺหํ รชฺเชน อตฺโถ นตฺถี’’ติ กิฺจิปิ น อิจฺฉิ, กนิฏฺเ รชฺชํ กาเรนฺเต ปกติยา วสนากาเรเนว วสิ. ราชปาทมูลิกา ‘‘อสทิสกุมาโร ¶ รชฺชํ ปตฺเถตี’’ติ วตฺวา รฺโ สนฺติเก โพธิสตฺตํ ปริภินฺทึสุ. โสปิ เตสํ วจนํ คเหตฺวา ปริภินฺนจิตฺโต ‘‘ภาตรํ เม คณฺหถา’’ติ มนุสฺเส ปโยเชสิ.
อเถโก โพธิสตฺตสฺส อตฺถจรโก ตํ การณํ โพธิสตฺตสฺส อาโรเจสิ. โพธิสตฺโต กนิฏฺภาติกสฺส กุชฺฌิตฺวา นครา นิกฺขมิตฺวา อฺํ รฏฺํ คนฺตฺวา ‘‘เอโก ธนุคฺคโห อาคนฺตฺวา ราชทฺวาเร ิโต’’ติ รฺโ อาโรจาเปสิ. ราชา ‘‘กิตฺตกํ โภคํ อิจฺฉสี’’ติ ปุจฺฉิ ¶ . ‘‘เอกสํวจฺฉเรน สตสหสฺส’’นฺติ. ‘‘สาธุ อาคจฺฉตู’’ติ. อถ นํ อาคนฺตฺวา สมีเป ิตํ ปุจฺฉิ – ‘‘ตฺวํ ธนคฺคโหสี’’ติ? ‘‘อาม, เทวา’’ติ. ‘‘สาธุ มํ อุปฏฺหสฺสู’’ติ. โส ตโต ปฏฺาย ราชานํ อุปฏฺหิ. ตสฺส ปริพฺพยํ ทียมานํ ¶ ทิสฺวา ‘‘อติพหุํ ลภตี’’ติ โปราณกธนุคฺคหา อุชฺฌายึสุ. อเถกทิวสํ ราชา อุยฺยานํ คนฺตฺวา มงฺคลสิลาปฏฺฏสมีเป สาณิปาการํ ปริกฺขิปาเปตฺวา อมฺพรุกฺขมูเล มหาสยเน นิปนฺโน อุทฺธํ โอโลเกนฺโต รุกฺขคฺเค เอกํ อมฺพปิณฺฑึ ทิสฺวา ‘‘อิมํ น สกฺกา อภิรุหิตฺวา คณฺหิตุ’’นฺติ ธนุคฺคเห ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘อิมํ อมฺพปิณฺฑึ สเรน ฉินฺทิตฺวา ปาเตตุํ สกฺขิสฺสถา’’ติ อาห. น ตํ, เทว, อมฺหากํ ครุ, เทเวน ปน โน พหุวาเร กมฺมํ ทิฏฺปุพฺพํ, อธุนาคโต ธนุคฺคโห อมฺเหหิ พหุตรํ ลภติ, ตํ ปาตาเปถาติ.
ราชา โพธิสตฺตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สกฺขิสฺสสิ, ตาต, เอตํ ปาเตตุ’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, มหาราช, เอกํ โอกาสํ ลภมาโน สกฺขิสฺสามี’’ติ. ‘‘กตโรกาส’’นฺติ? ‘‘ตุมฺหากํ สยนสฺส อนฺโตกาส’’นฺติ. ราชา สยนํ หราเปตฺวา โอกาสํ กาเรสิ. โพธิสตฺตสฺส หตฺเถ ธนุ นตฺถิ, นิวาสนนฺตเร ธนุํ สนฺนยฺหิตฺวา วิจรติ, ตสฺมา ‘‘สาณึ ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ อาห. ราชา ‘‘สาธู’’ติ สาณึ อาหราเปตฺวา ปริกฺขิปาเปสิ. โพธิสตฺโต อนฺโตสาณึ ปวิสิตฺวา อุปรินิวตฺถํ เสตวตฺถํ หริตฺวา เอกํ รตฺตปฏํ นิวาเสตฺวา กจฺฉํ พนฺธิตฺวา เอกํ รตฺตปฏํ อุทเร พนฺธิตฺวา ปสิพฺพกโต สนฺธิยุตฺตํ ขคฺคํ นีหริตฺวา วามปสฺเส สนฺนยฺหิตฺวา สุวณฺณกฺจุกํ ปฏิมฺุจิตฺวา จาปนาฬึ ปิฏฺิยํ สนฺนยฺหิตฺวา สนฺธิยุตฺตเมณฺฑกมหาธนุํ อาทาย ปวาฬวณฺณํ ชิยํ อาโรเปตฺวา อุณฺหีสํ สีเส ปฏิมฺุจิตฺวา ติขิณขุรปฺปํ นเขหิ ปริวตฺตยมาโน สาณึ ทฺวิธา กตฺวา ปถวึ ผาเลตฺวา อลงฺกตนาคกุมาโร วิย นิกฺขมิตฺวา สรขิปนฏฺานํ คนฺตฺวา ขุรปฺปํ สนฺนยฺหิตฺวา ราชานํ อาห – ‘‘กึ, มหาราช, เอตํ อมฺพปิณฺฑึ อุทฺธํ อาโรหนกณฺเฑน ปาเตมิ, อุทาหุ ¶ อโธ โอโรหนกณฺเฑนา’’ติ ¶ . ‘‘ตาต, พหู มยา อาโรหนกณฺเฑน ปาเตนฺตา ทิฏฺปุพฺพา, โอโรหนกณฺเฑน ปน ปาเตนฺตา มยา น ทิฏฺปุพฺพา, โอโรหนกณฺเฑน ปาเตหี’’ติ. ‘‘มหาราช, อิทํ กณฺฑํ ทูรํ อาโรหิสฺสติ, ยาว จาตุมหาราชิกภวนํ, ตาว คนฺตฺวา สยํ โอโรหิสฺสติ, ยาวสฺส โอโรหนํ, ตาว ตุมฺเหหิ อธิวาเสตุํ วฏฺฏตี’’ติ. ราชา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ.
อถ นํ ปุน อาห – ‘‘มหาราช, อิทํ กณฺฑํ ปน อาโรหมานํ อมฺพปิณฺฑิวณฺฏํ ยาวมชฺฌํ กนฺตมานํ อาโรหิสฺสติ, โอโรหมานํ เกสคฺคมตฺตมฺปิ อิโต วา เอตฺโต วา อคนฺตฺวา อุชฺุเว ปติตฺวา อมฺพปิณฺฑึ คเหตฺวา โอตริสฺสติ, ปสฺส, มหาราชา’’ติ เวคํ ชเนตฺวา กณฺฑํ ¶ ขิปิ. ตํ กณฺฑํ อมฺพปิณฺฑิวณฺฏํ ยาวมชฺฌํ กนฺตมานํ อภิรุหิ. โพธิสตฺโต ‘‘อิทานิ ตํ กณฺฑํ ยาว จาตุมหาราชิกภวนํ คตํ ภวิสฺสตี’’ติ ตฺวา ปมํ ขิตฺตกณฺฑโต อธิกตรํ เวคํ ชเนตฺวา อฺํ กณฺฑํ ขิปิ, ตํ คนฺตฺวา ปุริมกณฺฑปุงฺเข ปหริตฺวา นิวตฺติตฺวา สยํ ตาวตึสภวนํ อภิรุหิ. ตตฺถ นํ เทวตา อคฺคเหสุํ, นิวตฺตนกณฺฑสฺส วาตฉินฺนสทฺโท อสนิสทฺโท วิย อโหสิ. มหาชเนน ‘‘กึ เอโส สทฺโท’’ติ วุตฺเต โพธิสตฺโต ‘‘นิวตฺตนกณฺฑสฺส สทฺโท’’ติ วตฺวา อตฺตโน อตฺตโน สรีเร กณฺฑสฺส ปตนภาวํ ตฺวา ภีตตสิตํ มหาชนํ ‘‘มา ภายิตฺถา’’ติ สมสฺสาเสตฺวา ‘‘กณฺฑสฺส ภูมิยํ ปติตุํ น ทสฺสามี’’ติ อาห. กณฺฑํ โอตรมานํ เกสคฺคมตฺตมฺปิ อิโต วา เอตฺโต วา อคนฺตฺวา อุชฺุเว ปติตฺวา อมฺพปิณฺฑึ ฉินฺทิ. โพธิสตฺโต อมฺพปิณฺฑิยา จ กณฺฑสฺส จ ภูมิยํ ปติตุํ อทตฺวา อากาเสเยว สมฺปฏิจฺฉนฺโต เอเกน หตฺเถน อมฺพปิณฺฑึ, เอเกน หตฺเถน กณฺฑํ อคฺคเหสิ. มหาชโน ตํ อจฺฉริยํ ทิสฺวา ‘‘น โน เอวรูปํ ทิฏฺปุพฺพ’’นฺติ มหาปุริสํ ปสํสติ ¶ อุนฺนทติ อปฺโผเฏติ องฺคุลิโย วิธูนติ, เจลุกฺเขปสหสฺสานิ ปวตฺเตติ. ราชปริสาย ตุฏฺปหฏฺาย โพธิสตฺตสฺส ทินฺนธนํ โกฏิมตฺตํ อโหสิ. ราชาปิสฺส ธนวสฺสํ วสฺเสนฺโต วิย พหุํ ธนํ มหนฺตฺจ ยสํ อทาสิ.
เอวํ โพธิสตฺเต เตน รฺา สกฺกเต ครุกเต ตตฺถ วสนฺเต ‘‘อสทิสกุมาโร กิร พาราณสิยํ นตฺถี’’ติ สตฺต ราชาโน อาคนฺตฺวา พาราณสินครํ ¶ ปริวาเรตฺวา ‘‘รชฺชํ วา เทตุ ยุทฺธํ วา’’ติ รฺโ ปณฺณํ เปเสสุํ. ราชา มรณภยภีโต ‘‘กุหึ เม ภาตา วสตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘เอกํ สามนฺตราชานํ อุปฏฺหตี’’ติ สุตฺวา ‘‘มม ภาติเก อนาคจฺฉนฺเต มยฺหํ ชีวิตํ นตฺถิ, คจฺฉถ ตสฺส มม วจเนน ปาเท วนฺทิตฺวา ขมาเปตฺวา คณฺหิตฺวา อาคจฺฉถา’’ติ ทูเต ปาเหสิ. เต คนฺตฺวา โพธิสตฺตสฺส ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสุํ. โพธิสตฺโต ตํ ราชานํ อาปุจฺฉิตฺวา พาราณสึ ปจฺจาคนฺตฺวา ราชานํ ‘‘มา ภายี’’ติ สมสฺสาเสตฺวา กณฺเฑ อกฺขรานิ ฉินฺทิตฺวา ‘‘อหํ อสทิสกุมาโร อาคโต, อฺํ เอกกณฺฑํ ขิปนฺโต สพฺเพสํ โว ชีวิตํ หริสฺสามิ, ชีวิเตน อตฺถิกา ปลายนฺตู’’ติ อฏฺฏาลเก ตฺวา สตฺตนฺนํ ราชูนํ ภฺุชนฺตานํ กฺจนปาติมกุเลเยว กณฺฑํ ปาเตสิ. เต อกฺขรานิ ทิสฺวา มรณภยภีตา สพฺเพว ปลายึสุ. เอวํ มหาสตฺโต ขุทฺทกมกฺขิกาย ปิวนมตฺตมฺปิ โลหิตํ อนุปฺปาเทตฺวา สตฺต ราชาโน ปลาเปตฺวา กนิฏฺภาตรํ อปโลเกตฺวา กาเม ปหาย อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา ชีวิตปริโยสาเน พฺรหฺมโลกูปโค อโหสิ.
สตฺถา ¶ ¶ ‘‘เอวํ, ภิกฺขเว, อสทิสกุมาโร สตฺต ราชาโน ปลาเปตฺวา วิชิตสงฺคาโม อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิโต’’ติ อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา อิมา คาถา อโวจ –
‘‘ธนุคฺคโห อสทิโส, ราชปุตฺโต มหพฺพโล;
ทูเรปาตี อกฺขณเวธี, มหากายปฺปทาลโน.
‘‘สพฺพามิตฺเต รณํ กตฺวา, น จ กฺจิ วิเหยิ;
ภาตรํ โสตฺถึ กตฺวาน, สํยมํ อชฺฌุปาคมี’’ติ.
ตตฺถ อสทิโสติ น เกวลํ นาเมเนว, พลวีริยปฺาหิปิ อสทิโสว. มหพฺพโลติ กายพเลนปิ ปฺาพเลนปิ มหพฺพโล. ทูเรปาตีติ ยาว จาตุมหาราชิกภวนา ตาวตึสภวนา จ กณฺฑํ เปเสตุํ สมตฺถตาย ทูเรปาตี. อกฺขณเวธีติ อวิราธิตเวธี. อถ วา อกฺขณา วุจฺจติ วิชฺชุ, ยาว เอกา วิชฺชุ นิจฺฉรติ, ตาว เตโนภาเสน สตฺตฏฺ ¶ วาเร กณฺฑานิ คเหตฺวา วิชฺฌตีติ อกฺขณเวธี. มหากายปฺปทาลโนติ มหนฺเต กาเย ปทาเลติ. จมฺมกาโย, ทารุกาโย, โลหกาโย, อโยกาโย, วาลิกกาโย, อุทกกาโย, ผลกกาโยติ อิเม สตฺต มหากายา นาม. ตตฺถ อฺโ จมฺมกายปทาลโน มหึสจมฺมํ วินิวิชฺฌติ, โส ปน สตมฺปิ มหึสจมฺมานํ วินิวิชฺฌติเยว. อฺโ อฏฺงฺคุลพหลํ อุทุมฺพรปทรํ, จตุรงฺคุลพหลํ อสนปทรํ วินิวิชฺฌติ, โส ปน ผลกสตมฺปิ เอกโต พทฺธํ วินิวิชฺฌติ, ตถา ทฺวงฺคุลพหลํ ตมฺพโลหปฏฺฏํ, องฺคุลพหลํ อยปฏฺฏํ. วาลิกสกฏสฺส พทรสกฏสฺส ปลาลสกฏสฺส วา ปจฺฉาภาเคน กณฺฑํ ปเวเสตฺวา ปุเรภาเคน อติปาเตติ, ปกติยา อุทเก จตุอุสภฏฺานํ กณฺฑํ เปเสติ, ถเล อฏฺอุสภนฺติ เอวํ อิเมสํ สตฺตนฺนํ มหากายานํ ปทาลนโต มหากายปฺปทาลโน. สพฺพามิตฺเตติ สพฺเพ อมิตฺเต. รณํ กตฺวาติ ยุทฺธํ กตฺวา ปลาเปสีติ อตฺโถ. น จ กฺจิ วิเหยีติ เอกมฺปิ น วิเหเสิ. อวิเหยนฺโตเยว ปน เตหิ สทฺธึ กณฺฑเปสเนเนว รณํ กตฺวา. สํยมํ อชฺฌุปาคมีติ สีลสํยมํ ปพฺพชฺชํ อุปคโต.
เอวํ ¶ สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา กนิฏฺภาตา อานนฺโท อโหสิ, อสทิสกุมาโร ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
อสทิสชาตกวณฺณนา ปมา.
[๑๘๒] ๒. สงฺคามาวจรชาตกวณฺณนา
สงฺคามาวจโร ¶ สูโรติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต นนฺทตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ. สตฺถริ หิ ปมคมเนน กปิลปุรํ คนฺตฺวา กนิฏฺภาติกํ นนฺทราชกุมารํ ปพฺพาเชตฺวา กปิลปุรา นิกฺขมฺม อนุปุพฺเพน สาวตฺถึ คนฺตฺวา วิหรนฺเต อายสฺมา นนฺโท ภควโต ปตฺตํ อาทาย ตถาคเตน สทฺธึ เคหา นิกฺขมนกาเล ‘‘นนฺทกุมาโร กิร สตฺถารา สทฺธึ คจฺฉตี’’ติ สุตฺวา อฑฺฒุลฺลิขิเตหิ เกเสหิ วาตปานนฺตเรน โอโลเกตฺวา ‘‘ตุวฏํ โข, อยฺยปุตฺต, อาคจฺเฉยฺยาสี’’ติ อิทํ ชนปทกลฺยาณิยา วุตฺตวจนํ อนุสฺสรนฺโต อุกฺกณฺิโต อนภิรโต อุปฺปณฺฑุปฺปณฺฑุกชาโต ธมนิสนฺถตคตฺโต ¶ อโหสิ. สตฺถา ตสฺส ตํ ปวตฺตึ ตฺวา ‘‘ยํนูนาหํ นนฺทํ อรหตฺเต ปติฏฺาเปยฺย’’นฺติ จินฺเตตฺวา ตสฺส วสนปริเวณํ คนฺตฺวา ปฺตฺตาสเน นิสินฺโน ‘‘กจฺจิ, นนฺท, อิมสฺมึ สาสเน อภิรมสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ภนฺเต, ชนปทกลฺยาณิยา ปฏิพทฺธจิตฺโต หุตฺวา นาภิรมามี’’ติ. ‘‘หิมวนฺตจาริกํ คตปุพฺโพสิ นนฺทา’’ติ? ‘‘น คตปุพฺโพ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘เตน หิ คจฺฉามา’’ติ. ‘‘นตฺถิ เม, ภนฺเต, อิทฺธิ, กตาหํ คมิสฺสามี’’ติ. สตฺถา ‘‘อหํ ตํ, นนฺท, มม อิทฺธิพเลน เนสฺสามี’’ติ เถรํ หตฺเถ คเหตฺวา อากาสํ ปกฺขนฺทนฺโต อนฺตรามคฺเค เอกสฺมึ ฌามเขตฺเต ฌามขาณุเก นิสินฺนํ ฉินฺนกณฺณนาสนงฺคุฏฺํ ฌามโลมํ ฉินฺนฉวึ จมฺมมตฺตํ โลหิตปลิคุณฺิตํ เอกํ ปลุฏฺมกฺกฏึ ทสฺเสสิ – ‘‘ปสฺสสิ, นนฺท, เอตํ มกฺกฏิ’’นฺติ. ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘สุฏฺุ ปจฺจกฺขํ กโรหี’’ติ.
อถ นํ คเหตฺวา สฏฺิโยชนิกํ มโนสิลาตลํ, อโนตตฺตทหาทโย สตฺต มหาสเร, ปฺจ มหานทิโย, สุวณฺณปพฺพตรชตปพฺพตมณิปพฺพตปฏิมณฺฑิตํ อเนกสตรามเณยฺยกํ หิมวนฺตปพฺพตฺจ ทสฺเสตฺวา ‘‘ตาวตึสภวนํ เต, นนฺท, ทิฏฺปุพฺพ’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘น ¶ , ทิฏฺปุพฺพํ, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘เอหิ, นนฺท, ตาวตึสภวนํ เต ทสฺสยิสฺสามี’’ติ ตตฺถ เนตฺวา ปณฺฑุกมฺพลสิลาสเน นิสีทิ. สกฺโก เทวราชา ทฺวีสุ เทวโลเกสุ เทวสงฺเฆน สทฺธึ อาคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. อฑฺฒติยโกฏิสงฺขา ตสฺส ปริจาริกา ปฺจสตา กกุฏปาทา เทวจฺฉราโยปิ อาคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุ. สตฺถา อายสฺมนฺตํ นนฺทํ ตา ปฺจสตา อจฺฉรา กิเลสวเสน ปุนปฺปุนํ โอโลกาเปสิ. ‘‘ปสฺสสิ, นนฺท, อิมา กกุฏปาทินิโย อจฺฉราโย’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กึ นุ โข เอตา โสภนฺติ, อุทาหุ ชนปทกลฺยาณี’’ติ. ‘‘เสยฺยถาปิ, ภนฺเต, ชนปทกลฺยาณึ อุปนิธาย สา ปลุฏฺมกฺกฏี, เอวเมว อิมา อุปนิธาย ชนปทกลฺยาณี’’ติ. ‘‘อิทานิ กึ กริสฺสสิ นนฺทา’’ติ? ‘‘กึ กมฺมํ กตฺวา, ภนฺเต, อิมา อจฺฉรา ลภนฺตี’’ติ? ‘‘สมณธมฺมํ กตฺวา’’ติ. ‘‘สเจ เม, ภนฺเต, อิมาสํ ¶ ปฏิลาภตฺถาย ภควา ปาฏิโภโค โหติ, อหํ สมณธมฺมํ กริสฺสามี’’ติ. ‘‘กโรหิ, นนฺท, อหํ เต ปาฏิโภโค’’ติ. เอวํ เถโร เทวสงฺฆสฺส มชฺเฌ ตถาคตํ ปาฏิโภคํ คเหตฺวา ‘‘มา, ภนฺเต, อติปปฺจํ กโรถ, เอถ คจฺฉาม, อหํ สมณธมฺมํ กริสฺสามี’’ติ อาห. สตฺถา ¶ ตํ อาทาย เชตวนเมว ปจฺจาคมิ. เถโร สมณธมฺมํ กาตุํ อารภิ.
สตฺถา ธมฺมเสนาปตึ อามนฺเตตฺวา ‘‘สาริปุตฺต, มยฺหํ กนิฏฺภาตา นนฺโท ตาวตึสเทวโลเก เทวสงฺฆสฺส มชฺเฌ เทวจฺฉรานํ การณา มํ ปาฏิโภคํ อคฺคเหสี’’ติ ตสฺส อาจิกฺขิ. เอเตนุปาเยน มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรสฺส มหากสฺสปตฺเถรสฺส อนุรุทฺธตฺเถรสฺส ธมฺมภณฺฑาคาริกอานนฺทตฺเถรสฺสาติ อสีติยา มหาสาวกานํ เยภุยฺเยน จ เสสภิกฺขูนํ อาจิกฺขิ. ธมฺมเสนาปติ สาริปุตฺตตฺเถโร นนฺทตฺเถรํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, อาวุโส นนฺท, ตาวตึสเทวโลเก เทวสงฺฆสฺส มชฺเฌ ‘เทวจฺฉรา ลภนฺโต สมณธมฺมํ กริสฺสามี’ติ ทสพลํ ปาฏิโภคํ คณฺหี’’ติ วตฺวา ‘‘นนุ เอวํ สนฺเต ตว พฺรหฺมจริยวาโส มาตุคามสนฺนิสฺสิโต กิเลสสนฺนิสฺสิโต, ตสฺส เต อิตฺถีนํ อตฺถาย สมณธมฺมํ กโรนฺตสฺส ภติยา กมฺมํ กโรนฺเตน กมฺมการเกน สทฺธึ ¶ กึ นานากรณ’’นฺติ เถรํ ลชฺชาเปสิ นิตฺเตชํ อกาสิ. เอเตนุปาเยน สพฺเพปิ อสีติมหาสาวกา อวเสสภิกฺขู จ ตํ อายสฺมนฺตํ นนฺทํ ลชฺชาปยึสุ.
โส ‘‘อยุตฺตํ วต เม กต’’นฺติ หิริยา จ โอตฺตปฺเปน จ วีริยํ ทฬฺหํ ปคฺคณฺหิตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตํ ปตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘อหํ, ภนฺเต, ภควโต ปฏิสฺสวํ มฺุจามี’’ติ อาห. สตฺถาปิ ‘‘ยทา ตฺวํ, นนฺท, อรหตฺตํ ปตฺโต, ตทาเยวาหํ ปฏิสฺสวา มุตฺโต’’ติ อาห. เอตมตฺถํ วิทิตฺวา ธมฺมสภายํ ภิกฺขู กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘ยาว โอวาทกฺขโม จายํ, อาวุโส, นนฺทตฺเถโร เอโกวาเทเนว หิโรตฺตปฺปํ ปจฺจุปฏฺเปตฺวา สมณธมฺมํ กตฺวา อรหตฺตํ ปตฺโต’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ นนฺโท โอวาทกฺขโมเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต หตฺถาจริยกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต หตฺถาจริยสิปฺเป นิปฺผตฺตึ ปตฺโต เอกํ พาราณสิรฺโ สปตฺตราชานํ อุปฏฺาสิ. โส ตสฺส มงฺคลหตฺถึ สุสิกฺขิตํ กตฺวา สิกฺขาเปสิ. โส ราชา ‘‘พาราณสิรชฺชํ คณฺหิสฺสามี’’ติ โพธิสตฺตํ คเหตฺวา มงฺคลหตฺถึ อารุยฺห มหติยา เสนาย พาราณสึ ¶ คนฺตฺวา ปริวาเรตฺวา ‘‘รชฺชํ วา เทตุ ยุทฺธํ วา’’ติ รฺโ ปณฺณํ เปเสสิ. พฺรหฺมทตฺโต ‘‘ยุทฺธํ ทสฺสามี’’ติ ¶ ปาการทฺวารฏฺฏาลกโคปุเรสุ พลกายํ อาโรเปตฺวา ยุทฺธํ อทาสิ. สปตฺตราชา มงฺคลหตฺถึ วมฺเมน ฉาเทตฺวา สยมฺปิ วมฺมํ ปฏิมฺุจิตฺวา หตฺติกฺขนฺธวรคโต ติขิณํ องฺกุสํ อาทาย ‘‘นครํ ภินฺทิตฺวา ปจฺจามิตฺตํ ชีวิตกฺขยํ ปาเปตฺวา รชฺชํ หตฺถคตํ กริสฺสามี’’ติ หตฺถึ นคราภิมุขํ เปเสสิ. โส อุณฺหกลลานิ เจว ยนฺตปาสาเณ จ นานปฺปการานิ จ ปหรณานิ วิสฺสชฺเชนฺเต ทิสฺวา มรณภยภีโต อุปสงฺกมิตุํ อสกฺโกนฺโต ปฏิกฺกมิ. อถ นํ หตฺถาจริโย อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ตาต, ตฺวํ สูโร สงฺคามาวจโร, เอวรูเป าเน ปฏิกฺกมนํ ¶ นาม ตุยฺหํ นานุจฺฉวิก’’นฺติ วตฺวา หตฺถึ โอวทนฺโต อิมา คาถา อโวจ –
‘‘สงฺคามาวจโร สูโร, พลวา อิติ วิสฺสุโต;
กึ นุ โตรณมาสชฺช, ปฏิกฺกมสิ กฺุชร.
‘‘โอมทฺท ขิปฺปํ ปลิฆํ, เอสิกานิ จ อพฺพห;
โตรณานิ จ มทฺทิตฺวา, ขิปฺปํ ปวิส กฺุชรา’’ติ.
ตตฺถ อิติ วิสฺสุโตติ, ตาต, ตฺวํ ปวตฺตสมฺปหารํ สงฺคามํ มทฺทิตฺวา อวจรณโต สงฺคามาวจโร, ถิรหทยตาย สูโร, ถามสมฺปตฺติยา พลวาติ เอวํ วิสฺสุโต ปฺาโต ปากโฏ. โตรณมาสชฺชาติ นครทฺวารสงฺขาตํ โตรณํ ปตฺวา. ปฏิกฺกมสีติ กึ นุ โข โอสกฺกสิ, เกน การเณน นิวตฺตสีติ วทติ. โอมทฺทาติ อวมทฺท อโธ ปาตย. เอสิกานิ จ อพฺพหาติ นครทฺวาเร โสฬสรตนํ อฏฺรตนํ ภูมิยํ ปเวเสตฺวา นิจฺจลํ กตฺวา นิขาตา เอสิกตฺถมฺภา โหนฺติ, เต ขิปฺปํ อุทฺธร ลฺุจาหีติ อาณาเปติ. โตรณานิ จ มทฺทิตฺวาติ นครทฺวารสฺส ปิฏฺสงฺฆาเฏ มทฺทิตฺวา. ขิปฺปํ ปวิสาติ สีฆํ นครํ ปวิส. กฺุชราติ นาคํ อาลปติ.
ตํ สุตฺวา นาโค โพธิสตฺตสฺส เอโกวาเทเนว นิวตฺติตฺวา เอสิกตฺถมฺเภ โสณฺฑาย ปลิเวเตฺวา อหิจฺฉตฺตกานิ วิย ลฺุจิตฺวา โตรณํ มทฺทิตฺวา ปลิฆํ โอตาเรตฺวา นครทฺวารํ ภินฺทิตฺวา นครํ ปวิสิตฺวา รชฺชํ คเหตฺวา อทาสิ.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา หตฺถี นนฺโท อโหสิ, ราชา อานนฺโท, หตฺถาจริโย ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
สงฺคามาวจรชาตกวณฺณนา ทุติยา.
[๑๘๓] ๓. วาโลทกชาตกวณฺณนา
วาโลทกํ ¶ อปฺปรสํ นิหีนนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปฺจสเต วิฆาสาเท อารพฺภ กเถสิ. สาวตฺถิยํ กิร ปฺจสตา อุปาสกา ฆราวาสปลิโพธํ ปุตฺตทารสฺส นิยฺยาเทตฺวา สตฺถุ ¶ ธมฺมเทสนํ สุณนฺตา เอกโตว วิจรนฺติ. เตสุ เกจิ โสตาปนฺนา, เกจิ สกทาคามิโน, เกจิ อนาคามิโน, เอโกปิ ปุถุชฺชโน นาม นตฺถิ, สตฺถารํ นิมนฺเตนฺตาปิ เต อุปาสเก อนฺโตกริตฺวาว นิมนฺเตนฺติ. เตสํ ปน ทนฺตกฏฺมุโขทกวตฺถคนฺธมาลทายกา ปฺจสตา จูฬุปฏฺากา วิฆาสาทา หุตฺวา วสนฺติ. เต ภุตฺตปาตราสา นิทฺทายิตฺวา อุฏฺาย อจิรวตึ คนฺตฺวา นทีตีเร อุนฺนทนฺตา มลฺลยุทฺธํ ยุชฺฌนฺติ. เต ปน ปฺจสตา อุปาสกา อปฺปสทฺทา อปฺปนิคฺโฆสา ปฏิสลฺลานมนุยฺุชนฺติ. สตฺถา เตสํ วิฆาสาทานํ อุจฺจาสทฺทํ สุตฺวา ‘‘กึ เอโส, อานนฺท, สทฺโท’’ติ เถรํ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘วิฆาสาทสทฺโท, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘น โข, อานนฺท, อิเม วิฆาสาทา อิทาเนว วิฆาสํ ขาทิตฺวา อุนฺนทนฺติ, ปุพฺเพปิ อุนฺนทนฺติเยว, อิเมปิ อุปาสกา น อิทาเนว สนฺนิสินฺนา, ปุพฺเพปิ สนฺนิสินฺนาเยวา’’ติ วตฺวา เถเรน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต อมจฺจกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต รฺโ อตฺถธมฺมานุสาสโก อโหสิ. อเถกสฺมึ กาเล โส ราชา ‘‘ปจฺจนฺโต กุปิโต’’ติ สุตฺวา ปฺจสเต สินฺธเว กปฺปาเปตฺวา จตุรงฺคินิยา เสนาย คนฺตฺวา ปจฺจนฺตํ วูปสเมตฺวา พาราณสิเมว ปจฺจาคนฺตฺวา ‘‘สินฺธวา กิลนฺตา อลฺลรสเมว เนสํ มุทฺทิกปานํ เทถา’’ติ อาณาเปสิ. สินฺธวา คนฺธปานํ ปิวิตฺวา อสฺสสาลํ คนฺตฺวา อตฺตโน อตฺตโน าเนสุ อฏฺํสุ. เตสํ ปน ¶ ทินฺนาวสิฏฺกํ อปฺปรสํ พหุกสฏํ อโหสิ. มนุสฺสา ‘‘อิทํ กึ กโรมา’’ติ ราชานํ ปุจฺฉึสุ. ราชา อุทเกน มทฺทิตฺวา มกจิปิโลติกาหิ ปริสฺสาเวตฺวา ‘‘เย คทฺรภา สินฺธวานํ นิวาปํ ปหึสุ, เตสํ ทาเปถา’’ติ ทาเปสิ. คทฺรภา กสฏอุทกํ ปิวิตฺวา มตฺตา หุตฺวา วิรวนฺตา ราชงฺคเณ วิจรึสุ. ราชา มหาวาตปานํ วิวริตฺวา ราชงฺคณํ โอโลกยมาโน สมีเป ิตํ โพธิสตฺตํ อามนฺเตตฺวา ‘‘ปสฺส, อิเม ¶ คทฺรภา กสโฏทกํ ปิวิตฺวา มตฺตา หุตฺวา วิรวนฺตา อุปฺปตนฺตา วิจรนฺติ, สินฺธวกุเล ชาตสินฺธวา ปน คนฺธปานํ ปิวิตฺวา นิสฺสทฺทา สนฺนิสินฺนา น อุปฺปิลวนฺติ, กึ นุ โข การณ’’นฺติ ปุจฺฉนฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘วาโลทกํ อปฺปรสํ นิหีนํ, ปิตฺวา มโท ชายติ คทฺรภานํ;
อิมฺจ ปิตฺวาน รสํ ปณีตํ, มโท น สฺชายติ สินฺธวาน’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ วาโลทกนฺติ มกจิวาเลหิ ปริสฺสาวิตอุทกํ. ‘‘วาลุทก’’นฺติปิ ปาโ. นิหีนนฺติ นิหีนรสภาเวน นิหีนํ. น สฺชายตีติ สินฺธวานํ มโท น ชายติ, กึ นุ โข การณนฺติ ปุจฺฉิ.
อถสฺส การณํ อาจิกฺขนฺโต โพธิสตฺโต ทุติยํ คาถมาห –
‘‘อปฺปํ ปิวิตฺวาน นิหีนชจฺโจ, โส มชฺชตี เตน ชนินฺท ปุฏฺโ;
โธรยฺหสีลี จ กุลมฺหิ ชาโต, น มชฺชตี อคฺครสํ ปิวิตฺวา’’ติ.
ตตฺถ เตน ชนินฺท ปุฏฺโติ ชนินฺท อุตฺตมราช โย นิหีนชจฺโจ, เตน นิหีนชจฺจภาเวน ปุฏฺโ มชฺชติ ปมชฺชติ. โธรยฺหสีลีติ โธรยฺหสีโล ธุรวหนกอาจาเรน สมฺปนฺโน ชาติสินฺธโว. อคฺครสนฺติ สพฺพปมํ คหิตํ มุทฺทิกรสํ ปิวิตฺวาปิ น มชฺชติ.
ราชา โพธิสตฺตสฺส วจนํ สุตฺวา คทฺรเภ ราชงฺคณา นีหราเปตฺวา ตสฺเสว โอวาเท ิโต ทานาทีนิ ปฺุานิ กตฺวา ยถากมฺมํ คโต.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ปฺจสตา ¶ คทฺรภา อิเม วิฆาสาทา อเหสุํ, ปฺจสตา สินฺธวา อิเม อุปาสกา, ราชา อานนฺโท, ปณฺฑิตามจฺโจ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
วาโลทกชาตกวณฺณนา ตติยา.
[๑๘๔] ๔. คิริทตฺตชาตกวณฺณนา
ทูสิโต ¶ คิริทตฺเตนาติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เอกํ วิปกฺขเสวึ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ เหฏฺา มหิฬามุขชาตเก (ชา. ๑.๑.๒๖) กถิตเมว. สตฺถา ปน ‘‘น, ภิกฺขเว, อยํ ภิกฺขุ อิทาเนว วิปกฺขํ เสวติ, ปุพฺเพเปส วิปกฺขเสวโกเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต ¶ พาราณสิยํ สามราชา รชฺชํ กาเรสิ. ตทา โพธิสตฺโต อมจฺจกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตสฺส อตฺถธมฺมานุสาสโก อโหสิ. รฺโ ปน ปณฺฑโว นาม มงฺคลสฺโส, ตสฺส คิริทตฺโต นาม อสฺสพนฺโธ, โส ขฺโช อโหสิ. อสฺโส มุขรชฺชุเก คเหตฺวา ตํ ปุรโต ปุรโต คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘มํ เอส สิกฺขาเปตี’’ติ สฺาย ตสฺส อนุสิกฺขนฺโต ขฺโช อโหสิ. ตสฺส อสฺสสฺส ขฺชภาวํ รฺโ อาโรเจสุํ, ราชา เวชฺเช เปเสสิ. เต คนฺตฺวา อสฺสสฺส สรีเร โรคํ อปสฺสนฺตา ‘‘โรคมสฺส น ปสฺสามา’’ติ รฺโ กถยึสุ. ราชา โพธิสตฺตํ เปเสสิ – ‘‘คจฺฉ วยสฺส, เอตฺถ การณํ ชานาหี’’ติ. โส คนฺตฺวา ขฺชอสฺสพนฺธสํสคฺเคน ตสฺส ขฺชภูตภาวํ ตฺวา รฺโ ตมตฺถํ อาโรเจตฺวา ‘‘สํสคฺคโทเสน นาม เอวํ โหตี’’ติ ทสฺเสนฺโต ปมํ คาถมาห –-
‘‘ทูสิโต คิริทตฺเตน, หโย สามสฺส ปณฺฑโว;
โปราณํ ปกตึ หิตฺวา, ตสฺเสวานุวิธิยฺยตี’’ติ.
ตตฺถ หโย สามสฺสาติ สามสฺส รฺโ มงฺคลสฺโส. โปราณํ ปกตึ หิตฺวาติ อตฺตโน โปราณปกตึ สิงฺคารภาวํ ปหาย. อนุวิธิยฺยตีติ อนุสิกฺขติ.
อถ ¶ นํ ราชา ‘‘อิทานิ วยสฺส กึ กตฺตพฺพ’’นฺติ ปุจฺฉิ. โพธิสตฺโต ‘‘สุนฺทรํ อสฺสพนฺธํ ลภิตฺวา ยถา โปราโณ ภวิสฺสตี’’ติ วตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘สเจ ¶ จ ตนุโช โปโส, สิขราการกปฺปิโต;
อานเน นํ คเหตฺวาน, มณฺฑเล ปริวตฺตเย;
ขิปฺปเมว ปหนฺตฺวาน, ตสฺเสวานุวิธิยฺยตี’’ติ.
ตตฺถ ตนุโชติ ตสฺส อนุโช. อนุรูปํ ชาโต หิ อนุโช, ตสฺส อนุโช ตนุโช. อิทํ วุตฺตํ โหติ – สเจ หิ, มหาราช, ตสฺส สิงฺคารสฺส อาจารสมฺปนฺนสฺส อสฺสสฺส อนุรูปํ ชาโต สิงฺคาโร อาจารสมฺปนฺโน โปโส. สิขราการกปฺปิโตติ สิขเรน สุนฺทเรน อากาเรน กปฺปิตเกสมสฺสุ ตํ อสฺสํ อานเน คเหตฺวา อสฺสมณฺฑเล ปริวตฺเตยฺย, ขิปฺปเมเวส ตํ ขฺชภาวํ ปหาย ‘‘อยํ สิงฺคาโร อาจารสมฺปนฺโน อสฺสโคปโก มํ สิกฺขาเปตี’’ติ สฺาย ขิปฺปเมว ตสฺส อนุวิธิยฺยติ อนุสิกฺขิสฺสติ, ปกติภาเวเยว สฺสตีติ อตฺโถ. ราชา ตถา ¶ กาเรสิ, อสฺโส ปกติภาเว ปติฏฺาสิ. ราชา ‘‘ติรจฺฉานานมฺปิ นาม อาสยํ ชานิสฺสตี’’ติ ตุฏฺจิตฺโต โพธิสตฺตสฺส มหนฺตํ ยสํ อทาสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา คิริทตฺโต เทวทตฺโต อโหสิ, อสฺโส วิปกฺขเสวโก ภิกฺขุ, ราชา อานนฺโท, อมจฺจปณฺฑิโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
คิริทตฺตชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.
[๑๘๕] ๕. อนภิรติชาตกวณฺณนา
ยโถทเก อาวิเล อปฺปสนฺเนติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ พฺราหฺมณกุมารํ อารพฺภ กเถสิ. สาวตฺถิยํ กิร เอโก พฺราหฺมณกุมาโร ติณฺณํ เวทานํ ปารคู พหู ขตฺติยกุมาเร จ พฺราหฺมณกุมาเร จ มนฺเต วาเจสิ. โส อปรภาเค ฆราวาสํ สณฺเปตฺวา วตฺถาลงฺการทาสทาสิเขตฺตวตฺถุโคมหึสปุตฺตทาราทีนํ ¶ อตฺถาย จินฺตยมาโน ราคโทสโมหวสิโก หุตฺวา อาวิลจิตฺโต อโหสิ, มนฺเต ปฏิปาฏิยา ปริวตฺเตตุํ นาสกฺขิ, อิโต จิโต จ มนฺตา น ปฏิภํสุ. โส เอกทิวสํ พหุํ คนฺธมาลาทึ คเหตฺวา เชตวนํ คนฺตฺวา สตฺถารํ ปูเชตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ ¶ . สตฺถา เตน สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘กึ, มาณว, มนฺเต วาเจสิ, ปคุณา เต มนฺตา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ปุพฺเพ เม, ภนฺเต, มนฺตา ปคุณา อเหสุํ, ฆราวาสสฺส ปน คหิตกาลโต ปฏฺาย จิตฺตํ เม อาวิลํ ชาตํ, เตน เม มนฺตา น ปคุณา’’ติ. อถ นํ สตฺถา ‘‘น โข, มาณว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ เต จิตฺตสฺส อนาวิลกาเล ตว มนฺตา ปคุณา อเหสุํ, ราคาทีหิ ปน อาวิลกาเล ตว มนฺตา น ปฏิภํสู’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต พฺราหฺมณมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ มนฺเต อุคฺคณฺหิตฺวา ทิสาปาโมกฺโข อาจริโย หุตฺวา พาราณสิยํ พหู ขตฺติยกุมาเร จ พฺราหฺมณกุมาเร จ มนฺเต วาเจสิ. ตสฺส สนฺติเก เอโก พฺราหฺมณมาณโว ตโย เวเท ปคุเณ อกาสิ, เอกปเทปิ นิกฺกงฺโข ปิฏฺิอาจริโย หุตฺวา มนฺเต วาเจสิ. โส อปเรน สมเยน ฆราวาสํ คเหตฺวา ฆราวาสจินฺตาย อาวิลจิตฺโต มนฺเต ปริวตฺเตตุํ นาสกฺขิ. อถ นํ อาจริโย อตฺตโน สนฺติกํ อาคตํ ‘‘กึ, มาณว, ปคุณา เต มนฺตา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ฆราวาสคหิตกาลโต ¶ ปฏฺาย เม จิตฺตํ อาวิลํ ชาตํ, มนฺเต ปริวตฺเตตุํ น สกฺโกมี’’ติ วุตฺเต ‘‘ตาต, อาวิเล จิตฺตมฺหิ ปคุณาปิ มนฺตา น ปฏิภนฺติ, อนาวิเล ปน จิตฺเต อปฺปฏิภาณํ นาม นตฺถี’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อาห –
‘‘ยโถทเก อาวิเล อปฺปสนฺเน, น ปสฺสติ สิปฺปิกสมฺพุกฺจ;
สกฺขรํ วาลุกํ มจฺฉคุมฺพํ, เอวํ อาวิลมฺหิ จิตฺเต;
น โส ปสฺสติ อตฺตทตฺถํ ปรตฺถํ.
‘‘ยโถทเก ¶ อจฺเฉ วิปฺปสนฺเน, โส ปสฺสติ สิปฺปิกสมฺพุกฺจ;
สกฺขรํ วาลุกํ มจฺฉคุมฺพํ, เอวํ ¶ อนาวิลมฺหิ จิตฺเต;
โส ปสฺสติ อตฺถทตฺถํ ปรตฺถ’’นฺติ.
ตตฺถ อาวิเลติ กทฺทมาลุฬิเต. อปฺปสนฺเนติ ตาเยว อาวิลตาย อวิปฺปสนฺเน. สิปฺปิกสมฺพุกฺจาติ สิปฺปิกฺจ สมฺพุกฺจ. มจฺฉคุมฺพนฺติ มจฺฉฆฏํ. เอวํ อาวิลมฺหีติ เอวเมว ราคาทีหิ อาวิเล จิตฺเต. อตฺตทตฺถํ ปรตฺถนฺติ เนว อตฺตทตฺถํ น ปรตฺถํ ปสฺสตีติ อตฺโถ. โส ปสฺสตีติ เอวเมว อนาวิเล จิตฺเต โส ปุริโส อตฺตทตฺถํ ปรตฺถฺจ ปสฺสตีติ.
สตฺถา อิมํ อตีตํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน พฺราหฺมณกุมาโร โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ‘‘ตทา มาณโว อยเมว มาณโว อโหสิ, อาจริโย ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
อนภิรติชาตกวณฺณนา ปฺจมา.
[๑๘๖] ๖. ทธิวาหนชาตกวณฺณนา
วณฺณคนฺธรสูเปโตติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต วิปกฺขเสวึ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ เหฏฺา กถิตเมว. สตฺถา ปน ‘‘ภิกฺขเว, อสาธุสนฺนิวาโส นาม ปาโป อนตฺถกโร, ตตฺถ มนุสฺสภูตานํ ตาว ปาปสนฺนิวาสสฺส อนตฺถกรตาย กึ วตฺตพฺพํ, ปุพฺเพ ปน อสาเตน อมธุเรน นิมฺพรุกฺเขน สทฺธึ สนฺนิวาสมาคมฺม มธุรรโส ทิพฺพรสปฏิภาโค อเจตโน อมฺพรุกฺโขปิ อมธุโร ติตฺตโก ชาโต’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต ¶ พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต กาสิรฏฺเ จตฺตาโร ภาตโร พฺราหฺมณา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา หิมวนฺตปเทเส ปฏิปาฏิยา ปณฺณสาลา กตฺวา วาสํ กปฺเปสุํ. เตสํ เชฏฺกภาตา กาลํ กตฺวา สกฺกตฺตํ ปาปุณิ. โส ตํ การณํ ตฺวา อนฺตรนฺตรา สตฺตฏฺทิวสจฺจเยน เตสํ ¶ อุปฏฺานํ คจฺฉนฺโต เอกทิวสํ เชฏฺกตาปสํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิตฺวา ¶ – ‘‘ภนฺเต, เกน เต อตฺโถ’’ติ ปุจฺฉิ. ปณฺฑุโรโค ตาปโส ‘‘อคฺคินา เม อตฺโถ’’ติ อาห. โส ตํ สุตฺวา ตสฺส วาสิผรสุกํ อทาสิ. วาสิผรสุโก นาม ทณฺเฑ ปเวสนวเสน วาสิปิ โหติ ผรสุปิ. ตาปโส ‘‘โก เม อิมํ อาทาย ทารูนิ อาหริสฺสตี’’ติ อาห. อถ นํ สกฺโก เอวมาห – ‘‘ยทา เต, ภนฺเต, ทารูหิ อตฺโถ, อิมํ ผรสุํ หตฺเถน ปหริตฺวา ‘ทารูนิ เม อาหริตฺวา อคฺคึ กโรหี’ติ วเทยฺยาสิ, ทารูนิ อาหริตฺวา อคฺคึ กตฺวา ทสฺสตี’’ติ. ตสฺส วาสิผรสุกํ ทตฺวา ทุติยมฺปิ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ภนฺเต, เกน เต อตฺโถ’’ติ ปุจฺฉิ. ตสฺส ปณฺณสาลาย หตฺถิมคฺโค โหติ, โส หตฺถีหิ อุปทฺทุโต ‘‘หตฺถีนํ เม วเสน ทุกฺขํ อุปฺปชฺชติ, เต ปลาเปหี’’ติ อาห. สกฺโก ตสฺส เอกํ เภรึ อุปนาเมตฺวา ‘‘ภนฺเต, อิมสฺมึ ตเล ปหเฏ ตุมฺหากํ ปจฺจามิตฺตา ปลายิสฺสนฺติ, อิมสฺมึ ตเล ปหเฏ เมตฺตจิตฺตา หุตฺวา จตุรงฺคินิยา เสนาย ปริวาเรสฺสนฺตี’’ติ วตฺวา ตํ เภรึ ทตฺวา กนิฏฺสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘ภนฺเต, เกน เต อตฺโถ’’ติ ปุจฺฉิ. โสปิ ปณฺฑุโรคธาตุโกว, ตสฺมา ‘‘ทธินา เม อตฺโถ’’ติ อาห. สกฺโก ตสฺส เอกํ ทธิฆฏํ ทตฺวา ‘‘สเจ ตุมฺเห อิจฺฉมานา อิมํ อาสิฺเจยฺยาถ, มหานที หุตฺวา มโหฆํ ปวตฺเตตฺวา ตุมฺหากํ รชฺชํ คเหตฺวา ทาตุํ สมตฺโถปิ ภวิสฺสตี’’ติ วตฺวา ปกฺกามิ. ตโต ปฏฺาย วาสิผรสุโก เชฏฺภาติกสฺส อคฺคึ กโรติ, อิตเรน เภริตเล ปหเฏ หตฺถี ปลายนฺติ, กนิฏฺโ ทธึ ปริภฺุชติ.
ตสฺมึ กาเล เอโก สูกโร เอกสฺมึ ปุราณคามฏฺาเน จรนฺโต อานุภาวสมฺปนฺนํ เอกํ มณิกฺขนฺธํ อทฺทส. โส ตํ มณิกฺขนฺธํ มุเขน ฑํสิตฺวา ตสฺสานุภาเวน อากาเส อุปฺปติตฺวา สมุทฺทสฺส มชฺเฌ เอกํ ทีปกํ คนฺตฺวา ‘‘เอตฺถ ทานิ มยา วสิตุํ วฏฺฏตี’’ติ โอตริตฺวา ผาสุกฏฺาเน เอกสฺส อุทุมฺพรรุกฺขสฺส เหฏฺา ¶ วาสํ กปฺเปสิ. โส เอกทิวสํ ตสฺมึ รุกฺขมูเล มณิกฺขนฺธํ ปุรโต เปตฺวา นิทฺทํ โอกฺกมิ. อเถโก กาสิรฏฺวาสี มนุสฺโส ‘‘นิรุปกาโร เอส อมฺหาก’’นฺติ มาตาปิตูหิ เคหา นิกฺกฑฺฒิโต เอกํ ปฏฺฏนคามํ คนฺตฺวา นาวิกานํ กมฺมกาโร หุตฺวา นาวํ อารุยฺห ¶ สมุทฺทมชฺเฌ ภินฺนาย นาวาย ผลเก นิปนฺโน ตํ ทีปกํ ปตฺวา ผลาผลานิ ปริเยสนฺโต ตํ สูกรํ นิทฺทายนฺตํ ทิสฺวา สณิกํ คนฺตฺวา มณิกฺขนฺธํ คณฺหิตฺวา ตสฺส อานุภาเวน อากาเส อุปฺปติตฺวา อุทุมฺพรรุกฺเข นิสีทิตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อยํ สูกโร ¶ อิมสฺส มณิกฺขนฺธสฺส อานุภาเวน อากาสจาริโก หุตฺวา อิธ วสติ มฺเ, มยา ปมเมว อิมํ สูกรํ มาเรตฺวา มํสํ ขาทิตฺวา ปจฺฉา คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส เอกํ ทณฺฑกํ ภฺชิตฺวา ตสฺส สีเส ปาเตติ. สูกโร ปพุชฺฌิตฺวา มณึ อปสฺสนฺโต อิโต จิโต จ กมฺปมาโน วิธาวติ, รุกฺเข นิสินฺนปุริโส หสิ. สูกโร โอโลเกนฺโต ตํ ทิสฺวา ตํ รุกฺขํ สีเสน ปหริตฺวา ตตฺเถว มโต.
โส ปุริโส โอตริตฺวา อคฺคึ กตฺวา ตสฺส มํสํ ปจิตฺวา ขาทิตฺวา อากาเส อุปฺปติตฺวา หิมวนฺตมตฺถเกน คจฺฉนฺโต อสฺสมปทํ ทิสฺวา เชฏฺภาติกสฺส ตาปสสฺส อสฺสเม โอตริตฺวา ทฺวีหตีหํ วสิตฺวา ตาปสสฺส วตฺตปฏิวตฺตํ อกาสิ, วาสิผรสุกสฺส อานุภาวฺจ ปสฺสิ. โส ‘‘อิมํ มยา คเหตุํ วฏฺฏตี’’ติ มณิกฺขนฺธสฺส อานุภาวํ ตาปสสฺส ทสฺเสตฺวา ‘‘ภนฺเต, อิมํ มณึ คเหตฺวา วาสิผรสุกํ เทถา’’ติ อาห. ตาปโส อากาเสน จริตุกาโม ตํ คเหตฺวา วาสิผรสุกํ อทาสิ. โส ตํ คเหตฺวา โถกํ คนฺตฺวา วาสิผรสุกํ ปหริตฺวา ‘‘วาสิผรสุก ตาปสสฺส สีสํ ฉินฺทิตฺวา มณิกฺขนฺธํ เม อาหรา’’ติ อาห. โส คนฺตฺวา ตาปสสฺส สีสํ ฉินฺทิตฺวา มณิกฺขนฺธํ อาหริ. โส วาสิผรสุกํ ปฏิจฺฉนฺนฏฺาเน เปตฺวา มชฺฌิมตาปสสฺส สนฺติกํ ¶ คนฺตฺวา กติปาหํ วสิตฺวา เภริยา อานุภาวํ ทิสฺวา มณิกฺขนฺธํ ทตฺวา เภรึ คณฺหิตฺวา ปุริมนเยเนว ตสฺสปิ สีสํ ฉินฺทาเปตฺวา กนิฏฺํ อุปสงฺกมิตฺวา ทธิฆฏสฺส อานุภาวํ ทิสฺวา มณิกฺขนฺธํ ทตฺวา ทธิฆฏํ คเหตฺวา ปุริมนเยเนว ตสฺส สีสํ ฉินฺทาเปตฺวา มณิกฺขนฺธฺจ วาสิผรสุกฺจ เภริฺจ ทธิฆฏฺจ คเหตฺวา อากาเส อุปฺปติตฺวา พาราณสิยา อวิทูเร ตฺวา พาราณสิรฺโ ‘‘ยุทฺธํ วา เม เทตุ รชฺชํ วา’’ติ เอกสฺส ปุริสสฺส หตฺเถ ปณฺณํ ปาเหสิ.
ราชา สาสนํ สุตฺวาว ‘‘โจรํ คณฺหิสฺสามี’’ติ นิกฺขมิ. โส เอกํ เภริตลํ ปหริ, จตุรงฺคินี เสนา ปริวาเรสิ. รฺโ อวตฺถรณภาวํ ตฺวา ทธิฆฏํ วิสฺสชฺเชสิ, มหานที ปวตฺติ. มหาชโน ทธิมฺหิ โอสีทิตฺวา นิกฺขมิตุํ นาสกฺขิ. วาสิผรสุกํ ปหริตฺวา ‘‘รฺโ สีสํ อาหรา’’ติ ¶ อาห, วาสิผรสุโก คนฺตฺวา รฺโ สีสํ อาหริตฺวา ปาทมูเล นิกฺขิปิ. เอโกปิ อาวุธํ อุกฺขิปิตุํ นาสกฺขิ. โส มหนฺเตน พเลน ปริวุโต นครํ ปวิสิตฺวา อภิเสกํ กาเรตฺวา ทธิวาหโน นาม ราชา หุตฺวา ธมฺเมน สเมน รชฺชํ กาเรสิ.
ตสฺเสกทิวสํ มหานทิยํ ชาลกรณฺฑเก กีฬนฺตสฺส กณฺณมุณฺฑทหโต เทวปริโภคํ เอกํ อมฺพปกฺกํ อาคนฺตฺวา ชาเล ลคฺคิ, ชาลํ อุกฺขิปนฺตา ตํ ทิสฺวา รฺโ อทํสุ. ตํ มหนฺตํ ฆฏปฺปมาณํ ¶ ปริมณฺฑลํ สุวณฺณวณฺณํ อโหสิ. ราชา ‘‘กิสฺส ผลํ นาเมต’’นฺติ วนจรเก ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อมฺพผล’’นฺติ สุตฺวา ปริภฺุชิตฺวา ตสฺส อฏฺึ อตฺตโน อุยฺยาเน โรปาเปตฺวา ขีโรทเกน สิฺจาเปสิ. รุกฺโข นิพฺพตฺติตฺวา ตติเย สํวจฺฉเร ผลํ อทาสิ. อมฺพสฺส สกฺกาโร มหา อโหสิ, ขีโรทเกน สิฺจนฺติ, คนฺธปฺจงฺคุลิกํ เทนฺติ, มาลาทามานิ ปริกฺขิปนฺติ, คนฺธเตเลน ทีปํ ชาเลนฺติ, ปริกฺเขโป ปนสฺส ปฏสาณิยา อโหสิ. ผลานิ มธุรานิ สุวณฺณวณฺณานิ อเหสุํ. ทธิวาหนราชา อฺเสํ ราชูนํ อมฺพผลํ เปเสนฺโต อฏฺิโต รุกฺขนิพฺพตฺตนภเยน ¶ องฺกุรนิพฺพตฺตนฏฺานํ มณฺฑูกกณฺฏเกน วิชฺฌิตฺวา เปเสสิ. เตสํ อมฺพํ ขาทิตฺวา อฏฺิ โรปิตํ น สมฺปชฺชติ. เต ‘‘กึ นุ โข เอตฺถ การณ’’นฺติ ปุจฺฉนฺตา ตํ การณํ ชานึสุ.
อเถโก ราชา อุยฺยานปาลํ ปกฺโกสิตฺวา ‘‘ทธิวาหนสฺส อมฺพผลานํ รสํ นาเสตฺวา ติตฺตกภาวํ กาตุํ สกฺขิสฺสสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาม, เทวา’’ติ วุตฺเต ‘‘เตน หิ คจฺฉาหี’’ติ สหสฺสํ ทตฺวา เปเสสิ. โส พาราณสึ คนฺตฺวา ‘‘เอโก อุยฺยานปาโล อาคโต’’ติ รฺโ อาโรจาเปตฺวา เตน ปกฺโกสาปิโต ปวิสิตฺวา ราชานํ วนฺทิตฺวา ‘‘ตฺวํ อุยฺยานปาโล’’ติ ปุฏฺโ ‘‘อาม, เทวา’’ติ วตฺวา อตฺตโน อานุภาวํ วณฺเณสิ. ราชา ‘‘คจฺฉ อมฺหากํ อุยฺยานปาลสฺส สนฺติเก โหหี’’ติ อาห. เต ตโต ปฏฺาย ทฺเว ชนา อุยฺยานํ ปฏิชคฺคนฺติ. อธุนาคโต อุยฺยานปาโล อกาลปุปฺผานิ สุฏฺุ ปุปฺผาเปนฺโต อกาลผลานิ คณฺหาเปนฺโต อุยฺยานํ รมณียํ อกาสิ. ราชา ตสฺส ปสีทิตฺวา โปราณกอุยฺยานปาลํ นีหริตฺวา ตสฺเสว อุยฺยานํ อทาสิ. โส อุยฺยานสฺส อตฺตโน หตฺถคตภาวํ ตฺวา อมฺพรุกฺขํ ปริวาเรตฺวา นิมฺเพ จ ผคฺคววลฺลิโย จ โรเปสิ, อนุปุพฺเพน นิมฺพา วฑฺฒึสุ, มูเลหิ มูลานิ, สาขาหิ จ สาขา สํสฏฺา โอนทฺธวินทฺธา อเหสุํ. เตน อสาตอมธุรสํสคฺเคน ตาวมธุรผโล ¶ อมฺโพ ติตฺตโก ชาโต นิมฺพปณฺณสทิสรโส, อมฺพผลานํ ติตฺตกภาวํ ตฺวา อุยฺยานปาโล ปลายิ.
ทธิวาหโน อุยฺยานํ คนฺตฺวา อมฺพผลํ ขาทนฺโต มุเข ปวิฏฺํ อมฺพรสํ นิมฺพกสฏํ วิย อชฺโฌหริตุํ อสกฺโกนฺโต กกฺกาเรตฺวา นิฏฺุภิ. ตทา โพธิสตฺโต ตสฺส อตฺถธมฺมานุสาสโก อมจฺโจ อโหสิ. ราชา โพธิสตฺตํ อามนฺเตตฺวา ‘‘ปณฺฑิต, อิมสฺส รุกฺขสฺส โปราณกปริหารโต ปริหีนํ นตฺถิ, เอวํ สนฺเตปิสฺส ผลํ ติตฺตกํ ชาตํ, กึ นุ โข การณ’’นฺติ ปุจฺฉนฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘วณฺณคนฺธรสูเปโต ¶ ¶ , อมฺโพยํ อหุวา ปุเร;
ตเมว ปูชํ ลภมาโน, เกนมฺโพ กฏุกปฺผโล’’ติ.
อถสฺส การณํ อาจิกฺขนฺโต โพธิสตฺโต ทุติยํ คาถมาห –
‘‘ปุจิมนฺทปริวาโร, อมฺโพ เต ทธิวาหน;
มูลํ มูเลน สํสฏฺํ, สาขา สาขา นิเสวเร;
อสาตสนฺนิวาเสน, เตนมฺโพ กฏุกปฺผโล’’ติ.
ตตฺถ ปุจิมนฺทปริวาโรติ นิมฺพรุกฺขปริวาโร. สาขา สาขา นิเสวเรติ ปุจิมนฺทสฺส สาขาโย อมฺพรุกฺขสฺส สาขาโย นิเสวนฺติ. อสาตสนฺนิวาเสนาติ อมธุเรหิ ปุจิมนฺเทหิ สทฺธึ สนฺนิวาเสน. เตนาติ เตน การเณน อยํ อมฺโพ กฏุกปฺผโล อสาตผโล ติตฺตกผโล ชาโตติ.
ราชา ตสฺส วจนํ สุตฺวา สพฺเพปิ ปุจิมนฺเท จ ผคฺคววลฺลิโย จ ฉินฺทาเปตฺวา มูลานิ อุทฺธราเปตฺวา สมนฺตา อมธุรปํสุํ หราเปตฺวา มธุรปํสุํ ปกฺขิปาเปตฺวา ขีโรทกสกฺขโรทกคนฺโธทเกหิ อมฺพํ ปฏิชคฺคาเปสิ. โส มธุรสํสคฺเคน ปุน มธุโรว อโหสิ. ราชา ปกติอุยฺยานปาลสฺเสว อุยฺยานํ นิยฺยาเทตฺวา ยาวตายุกํ ตฺวา ยถากมฺมํ คโต.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา อหเมว ปณฺฑิตามจฺโจ อโหสิ’’นฺติ.
ทธิวาหนชาตกวณฺณนา ฉฏฺา.
[๑๘๗] ๗. จตุมฏฺชาตกวณฺณนา
อุจฺเจ ¶ วิฏภิมารุยฺหาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ มหลฺลกภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. เอกทิวสํ กิร ทฺวีสุ อคฺคสาวเกสุ อฺมฺํ ปฺหปุจฺฉนวิสฺสชฺชนกถาย นิสินฺเนสุ เอโก มหลฺลโก ภิกฺขุ เตสํ สนฺติกํ คนฺตฺวา ตติโย หุตฺวา นิสีทิตฺวา ¶ ‘‘ภนฺเต, มยมฺปิ ตุมฺเห ปฺหํ ปุจฺฉิสฺสาม, ตุมฺเหปิ อตฺตโน กงฺขํ อมฺเห ปุจฺฉถา’’ติ ¶ อาห. เถรา ตํ ชิคุจฺฉิตฺวา อุฏฺาย ปกฺกมึสุ. เถรานํ ธมฺมํ โสตุํ นิสินฺนปริสา สมาคมสฺส ภินฺนกาเล สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘กึ อกาเล อาคตตฺถา’’ติ วุตฺเต ตํ การณํ อาโรจยึสุ. สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา เอตํ ชิคุจฺฉิตฺวา อกเถตฺวา ปกฺกมนฺติ, ปุพฺเพปิ ปกฺกมึสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต อรฺายตเน รุกฺขเทวตา อโหสิ. อถ ทฺเว หํสโปตกา จิตฺตกูฏปพฺพตา นิกฺขมิตฺวา ตสฺมึ รุกฺเข นิสีทิตฺวา โคจราย คนฺตฺวา นิวตฺตนฺตาปิ ตสฺมึเยว วิสฺสมิตฺวา จิตฺตกูฏํ คจฺฉนฺติ. คจฺฉนฺเต คจฺฉนฺเต กาเล เตสํ โพธิสตฺเตน สทฺธึ วิสฺสาโส อโหสิ. คจฺฉนฺตา จ อาคจฺฉนฺตา จ อฺมฺํ สมฺโมทิตฺวา ธมฺมกถํ กเถตฺวา ปกฺกมึสุ. อเถกทิวสํ เตสุ รุกฺขคฺเค นิสีทิตฺวา โพธิสตฺเตน สทฺธึ กเถนฺเตสุ เอโก สิงฺคาโล ตสฺส รุกฺขสฺส เหฏฺา ตฺวา เตหิ หํสโปตเกหิ สทฺธึ มนฺเตนฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘อุจฺเจ วิฏภิมารุยฺห, มนฺตยวฺโห รโหคตา;
นีเจ โอรุยฺห มนฺตวฺโห, มิคราชาปิ โสสฺสตี’’ติ.
ตตฺถ อุจฺเจ วิฏภิมารุยฺหาติ ปกติยา จ อุจฺเจ อิมสฺมึ รุกฺเข อุจฺจตรํ เอกํ วิฏปํ อภิรุหิตฺวา. มนฺตยวฺโหติ มนฺเตถ กเถถ. นีเจ โอรุยฺหาติ โอตริตฺวา นีเจ าเน ตฺวา มนฺเตถ. มิคราชาปิ โสสฺสตีติ อตฺตานํ มิคราชานํ กตฺวา อาห. หํสโปตกา ชิคุจฺฉิตฺวา อุฏฺาย จิตฺตกูฏเมว คตา.
เตสํ คตกาเล โพธิสตฺโต สิงฺคาลสฺส ทุติยํ คาถมาห –
‘‘ยํ สุวณฺโณ สุวณฺเณน, เทโว เทเวน มนฺตเย;
กึ เตตฺถ จตุมฏฺสฺส, พิลํ ปวิส ชมฺพุกา’’ติ.
ตตฺถ ¶ สุวณฺโณติ สุนฺทรวณฺโณ. สุวณฺเณนาติ ทุติเยน หํสโปตเกน. เทโว เทเวนาติ เตเยว ทฺเว เทเว กตฺวา กเถติ. จตุมฏฺสฺสาติ สรีเรน ¶ ชาติยา สเรน คุเณนาติ อิเมหิ จตูหิ มฏฺสฺส สุทฺธสฺสาติ อกฺขรตฺโถ. อสุทฺธํเยว ปน ตํ ปสํสาวจเนน นินฺทนฺโต เอวมาห, จตูหิ ¶ ลามกสฺส กึ เต เอตฺถ สิงฺคาลสฺสาติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโย. ‘‘พิลํ ปวิสา’’ติ อิทํ โพธิสตฺโต เภรวารมฺมณํ ทสฺเสตฺวา ตํ ปลาเปนฺโต อาห.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา สิงฺคาโล มหลฺลโก อโหสิ, ทฺเว หํสโปตกา สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา, รุกฺขเทวตา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
จตุมฏฺชาตกวณฺณนา สตฺตมา.
[๑๘๘] ๘. สีหโกตฺถุชาตกวณฺณนา
สีหงฺคุลี สีหนโขติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โกกาลิกํ อารพฺภ กเถสิ. เอกทิวสํ กิร โกกาลิโก อฺเสุ พหุสฺสุเตสุ ธมฺมํ กเถนฺเตสุ สยมฺปิ กเถตุกาโม อโหสีติ สพฺพํ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว วิตฺถาเรตพฺพํ. ตํ ปน ปวตฺตึ สุตฺวา สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, โกกาลิโก อิทาเนว อตฺตโน สทฺเทน ปากโฏ ชาโต, ปุพฺเพปิ ปากโฏ อโหสี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต หิมวนฺตปเทเส สีโห หุตฺวา เอกาย สิงฺคาลิยา สทฺธึ สํวาสมนฺวาย ปุตฺตํ ปฏิลภิ. โส องฺคุลีหิ นเขหิ เกสเรน วณฺเณน สณฺาเนนาติ อิเมหิ อากาเรหิ ปิตุสทิโส อโหสิ, สทฺเทน มาตุสทิโส. อเถกทิวสํ เทเว วสฺสิตฺวา วิคเต สีเหสุ นทิตฺวา สีหกีฬํ กีฬนฺเตสุ โสปิ เตสํ อนฺตเร นทิตุกาโม หุตฺวา สิงฺคาลิกํ นาทํ นทิ. อถสฺส สทฺทํ สุตฺวา สีหา ตุณฺหี อเหสุํ. ตสฺส สทฺทํ สุตฺวา อปโร โพธิสตฺตสฺส สชาติปุตฺโต ‘‘ตาต, อยํ สีโห วณฺณาทีหิ อมฺเหหิ ¶ สมาโน, สทฺโท ปนสฺส อฺาทิโส, โก นาเมโส’’ติ ปุจฺฉนฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘สีหงฺคุลี สีหนโข, สีหปาทปติฏฺิโต;
โส สีโห สีหสงฺฆมฺหิ, เอโก นทติ อฺถา’’ติ.
ตตฺถ ¶ สีหปาทปติฏฺิโตติ สีหปาเทเหว ปติฏฺิโต. เอโก นทติ อฺถาติ เอโกว อวเสสสีเหหิ อสทิเสน สิงฺคาลสทฺเทน นทนฺโต อฺถา นทติ.
ตํ ¶ สุตฺวา โพธิสตฺโต ‘‘ตาต, เอส ตว ภาตา สิงฺคาลิยา ปุตฺโต, รูเปน มยา สทิโส, สทฺเทน มาตรา สทิโส’’ติ วตฺวา สิงฺคาลิปุตฺตํ อามนฺเตตฺวา ‘‘ตาต, ตฺวํ อิโต ปฏฺาย อิธ วสนฺโต อปฺปสทฺโท วส, สเจ ปุน นทิสฺสสิ, สิงฺคาลภาวํ เต ชานิสฺสนฺตี’’ติ โอวทนฺโต ทุติยํ คาถมาห –
‘‘มา ตฺวํ นทิ ราชปุตฺต, อปฺปสทฺโท วเน วส;
สเรน โข ตํ ชาเนยฺยุํ, น หิ เต เปตฺติโก สโร’’ติ.
ตตฺถ ราชปุตฺตาติ สีหสฺส มิครฺโ ปุตฺต. อิมฺจ ปน โอวาทํ สุตฺวา ปุน โส นทิตุํ นาม น อุสฺสหิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา สิงฺคาโล โกกาลิโก อโหสิ, สชาติปุตฺโต ราหุโล, มิคราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
สีหโกตฺถุชาตกวณฺณนา อฏฺมา.
[๑๘๙] ๙. สีหจมฺมชาตกวณฺณนา
เนตํ สีหสฺส นทิตนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โกกาลิกฺเว อารพฺภ กเถสิ. โส อิมสฺมึ กาเล สรภฺํ ภณิตุกาโม อโหสิ. สตฺถา ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต ¶ พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต กสฺสกกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต กสิกมฺเมน ชีวิกํ กปฺเปสิ. ตสฺมึ กาเล เอโก วาณิโช คทฺรภภารเกน โวหารํ กโรนฺโต วิจรติ. โส คตคตฏฺาเน คทฺรภสฺส ปิฏฺิโต ภณฺฑิกํ โอตาเรตฺวา คทฺรภํ สีหจมฺเมน ปารุปิตฺวา สาลิยวเขตฺเตสุ ¶ วิสฺสชฺเชติ. เขตฺตรกฺขกา ตํ ทิสฺวา ‘‘สีโห’’ติ สฺาย อุปสงฺกมิตุํ น สกฺโกนฺติ. อเถกทิวสํ โส วาณิโช เอกสฺมึ คามทฺวาเร นิวาสํ คเหตฺวา ปาตราสํ ปจาเปนฺโต ตโต คทฺรภํ สีหจมฺมํ ปารุปิตฺวา ยวเขตฺเต วิสฺสชฺเชสิ. เขตฺตรกฺขกา ‘‘สีโห’’ติ สฺาย ตํ อุปสงฺกมิตุํ อสกฺโกนฺตา เคหํ คนฺตฺวา อาโรเจสุํ. สกลคามวาสิโน อาวุธานิ คเหตฺวา สงฺเข ธเมนฺตา เภริโย วาเทนฺตา เขตฺตสมีปํ คนฺตฺวา อุนฺนทึสุ, คทฺรโภ มรณภยภีโต คทฺรภรวํ รวิ. อถสฺส คทฺรภภาวํ ตฺวา โพธิสตฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘เนตํ ¶ สีหสฺส นทิตํ, น พฺยคฺฆสฺส น ทีปิโน;
ปารุโต สีหจมฺเมน, ชมฺโม นทติ คทฺรโภ’’ติ.
ตตฺถ ชมฺโมติ ลามโก. คามวาสิโนปิ ตสฺส คทฺรภภาวํ ตฺวา ตํ อฏฺีนิ ภฺชนฺตา โปเถตฺวา สีหจมฺมํ อาทาย อคมํสุ.
อถ โส วาณิโช อาคนฺตฺวา ตํ พฺยสนภาวปฺปตฺตํ คทฺรภํ ทิสฺวา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘จิรมฺปิ โข ตํ ขาเทยฺย, คทฺรโภ หริตํ ยวํ;
ปารุโต สีหจมฺเมน, รวมาโนว ทูสยี’’ติ.
ตตฺถ ตนฺติ นิปาตมตฺตํ, อยํ คทฺรโภ อตฺตโน คทฺรภภาวํ อชานาเปตฺวา สีหจมฺเมน ปารุโต จิรมฺปิ กาลํ หริตํ ยวํ ขาเทยฺยาติ อตฺโถ. รวมาโนว ทูสยีติ อตฺตโน ปน คทฺรภรวํ รวมาโนเวส อตฺตานํ ทูสยิ, นตฺเถตฺถ สีหจมฺมสฺส โทโสติ. ตสฺมึ เอวํ กเถนฺเตเยว คทฺรโภ ตตฺเถว นิปนฺโน มริ, วาณิโชปิ ตํ ปหาย ปกฺกามิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา วาณิโช เทวทตฺโต อโหสิ, คทฺรโภ โกกาลิโก, ปณฺฑิตกสฺสโก ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
สีหจมฺมชาตกวณฺณนา นวมา.
[๑๙๐] ๑๐. สีลานิสํสชาตกวณฺณนา
ปสฺส ¶ ¶ สทฺธาย สีลสฺสาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ สทฺธํ อุปาสกํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิร สทฺโธ ปสนฺโน อริยสาวโก เอกทิวสํ เชตวนํ คจฺฉนฺโต สายํ อจิรวตินทีตีรํ คนฺตฺวา นาวิเก นาวํ ตีเร เปตฺวา ธมฺมสฺสวนตฺถาย คเต ติตฺเถ นาวํ อทิสฺวา พุทฺธารมฺมณํ ปีตึ คเหตฺวา นทึ โอตริ, ปาทา อุทกมฺหิ น โอสีทึสุ. โส ปถวีตเล คจฺฉนฺโต วิย เวมชฺฌํ คตกาเล วีจึ ปสฺสิ. อถสฺส พุทฺธารมฺมณา ปีติ มนฺทา ชาตา, ปาทา โอสีทิตุํ อารภึสุ, โส ปุน พุทฺธารมฺมณํ ปีตึ ทฬฺหํ กตฺวา อุทกปิฏฺเเนว คนฺตฺวา เชตวนํ ปวิสิตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. สตฺถา เตน สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กตฺวา ¶ ‘‘อุปาสก, กจฺจิ มคฺคํ อาคจฺฉนฺโต อปฺปกิลมเถน อาคโตสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ภนฺเต, พุทฺธารมฺมณํ ปีตึ คเหตฺวา อุทกปิฏฺเ ปติฏฺํ ลภิตฺวา ปถวึ มทฺทนฺโต วิย อาคโตมฺหี’’ติ วุตฺเต ‘‘น โข ปน, อุปาสก, ตฺวฺเว พุทฺธคุเณ อนุสฺสริตฺวา ปติฏฺํ ลทฺโธ, ปุพฺเพปิ อุปาสกา สมุทฺทมชฺเฌ นาวาย ภินฺนาย พุทฺธคุเณ อนุสฺสรนฺตา ปติฏฺํ ลภึสู’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล โสตาปนฺโน อริยสาวโก เอเกน นฺหาปิตกุฏุมฺพิเกน สทฺธึ นาวํ อภิรุหิ, ตสฺส นฺหาปิตสฺส ภริยา ‘‘อยฺย, อิมสฺส สุขทุกฺขํ ตว ภาโร’’ติ นฺหาปิตํ ตสฺส อุปาสกสฺส หตฺเถ นิกฺขิปิ. อถ สา นาวา สตฺตเม ทิวเส สมุทฺทมชฺเฌ ภินฺนา, เตปิ ทฺเว ชนา เอกสฺมึ ผลเก นิปนฺนา เอกํ ทีปกํ ปาปุณึสุ. ตตฺถ โส นฺหาปิโต สกุเณ มาเรตฺวา ปจิตฺวา ขาทนฺโต อุปาสกสฺสปิ เทติ. อุปาสโก ‘‘อลํ มยฺห’’นฺติ น ขาทติ. โส จินฺเตสิ – ‘‘อิมสฺมึ าเน อมฺหากํ เปตฺวา ตีณิ สรณานิ อฺา ปติฏฺา นตฺถี’’ติ. โส ติณฺณํ รตนานํ คุเณ อนุสฺสริ. อถสฺสานุสรนฺตสฺส ตสฺมึ ทีปเก นิพฺพตฺโต นาคราชา อตฺตโน สรีรํ มหานาวํ กตฺวา มาเปสิ, สมุทฺทเทวตา ¶ นิยามโก อโหสิ, นาวา สตฺตหิ รตเนหิ ปูรยิตฺถ, ตโย กูปกา อินฺทนีลมณิมยา อเหสุํ, สุวณฺณมโย ลงฺกาโร, รชตมยานิ โยตฺตานิ, สุวณฺณมยานิ ยฏฺิผิยานิ.
สมุทฺทเทวตา ¶ นาวาย ตฺวา ‘‘อตฺถิ ชมฺพุทีปคมิกา’’ติ โฆเสสิ. อุปาสโก ‘‘มยํ คมิสฺสามา’’ติ อาห. เตน หิ เอหิ, นาวํ อภิรุหาติ. โส นาวํ อภิรุหิตฺวา นฺหาปิตํ ปกฺโกสิ, สมุทฺทเทวตา – ‘‘ตุยฺหฺเว ลพฺภติ, น เอตสฺสา’’ติ อาห. ‘‘กึการณา’’ติ? ‘‘เอตสฺส สีลคุณาจาโร นตฺถิ, ตํ การณํ. อหฺหิ ตุยฺหํ นาวํ อาหรึ, น เอตสฺสา’’ติ. ‘‘โหตุ, อหํ อตฺตนา ทินฺนทาเนน รกฺขิตสีเลน ภาวิตภาวนาย เอตสฺส ปตฺตึ ทมฺมี’’ติ. นฺหาปิโต ‘‘อนุโมทามิ, สามี’’ติ อาห. เทวตา ‘‘อิทานิ คณฺหิสฺสามี’’ติ ตมฺปิ อาโรเปตฺวา อุโภปิ ชเน สมุทฺทา นิกฺขาเมตฺวา นทิยา พาราณสึ คนฺตฺวา อตฺตโน อานุภาเวน ทฺวินฺนมฺปิ เตสํ เคเห ธนํ ปติฏฺเปตฺวา ‘‘ปณฺฑิเตเหว สทฺธึ สํสคฺโค นาม กาตพฺโพ. สเจ หิ อิมสฺส นฺหาปิตสฺส อิมินา อุปาสเกน สทฺธึ สํสคฺโค นาภวิสฺส, สมุทฺทมชฺเฌเยว นสฺสิสฺสา’’ติ ปณฺฑิตสํสคฺคคุณํ กถยมานา อิมา คาถา อโวจ –
‘‘ปสฺส สทฺธาย สีลสฺส, จาคสฺส จ อยํ ผลํ;
นาโค นาวาย วณฺเณน, สทฺธํ วหตุปาสกํ.
‘‘สพฺภิเรว ¶ สมาเสถ, สพฺภิ กุพฺเพถ สนฺถวํ;
สตฺหิ สนฺนิวาเสน, โสตฺถึ คจฺฉติ นฺหาปิโต’’ติ.
ตตฺถ ปสฺสาติ กฺจิ อนิยเมตฺวา ปสฺสถาติ อาลปติ. สทฺธายาติ โลกิยโลกุตฺตราย สทฺธาย. สีเลปิ เอเสว นโย. จาคสฺสาติ เทยฺยธมฺมปริจฺจาคสฺส เจว กิเลสปริจฺจาคสฺส จ. อยํ ผลนฺติ อิทํ ผลํ, คุณํ อานิสํสนฺติ อตฺโถ. อถ วา จาคสฺส จ ผลํ ปสฺส, อยํ นาโค นาวาย วณฺเณนาติ เอวมฺเปตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. นาวาย วณฺเณนาติ นาวาย สณฺาเนน. สทฺธนฺติ ตีสุ รตเนสุ ปติฏฺิตสทฺธํ. สพฺภิเรวาติ ปณฺฑิเตหิเยว ¶ . สมาเสถาติ เอกโต อาวเสยฺย, อุปวเสยฺยาติ อตฺโถ. กุพฺเพถาติ กเรยฺย. สนฺถวนฺติ มิตฺตสนฺถวํ. ตณฺหาสนฺถโว ปน เกนจิปิ สทฺธึ น กาตพฺโพ. นฺหาปิโตติ นฺหาปิตกุฏุมฺพิโก. ‘‘นหาปิโต’’ติปิ ปาโ.
เอวํ สมุทฺทเทวตา อากาเส ตฺวา ธมฺมํ เทเสตฺวา โอวทิตฺวา นาคราชานํ คณฺหิตฺวา อตฺตโน วิมานเมว อคมาสิ.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – สจฺจปริโยสาเน อุปาสโก สกทาคามิผเล ปติฏฺหิ. ‘‘ตทา โสตาปนฺนอุปาสโก ปรินิพฺพายิ, นาคราชา สาริปุตฺโต อโหสิ, สมุทฺทเทวตา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
สีลานิสํสชาตกวณฺณนา ทสมา.
อสทิสวคฺโค จตุตฺโถ.
ตสฺสุทฺทานํ –
อสทิสฺจ สงฺคามํ, วาโลทกํ คิริทตฺตํ;
นภิรติ ทธิวาหํ, จตุมฏฺํ สีหโกฏฺํ;
สีหจมฺมํ สีลานิสํสํ.
๕. รุหกวคฺโค
[๑๙๑] ๑. รุหกชาตกวณฺณนา
อปิ ¶ รุหก ฉินฺนาปีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปุราณทุติยิกาปโลภนํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ อฏฺกนิปาเต อินฺทฺริยชาตเก (ชา. ๑.๘.๖๐ อาทโย) อาวิภวิสฺสติ. สตฺถา ปน ตํ ภิกฺขุํ ‘‘อยํ เต ภิกฺขุ อิตฺถี อนตฺถการิกา, ปุพฺเพปิ เต เอสา สราชิกาย ปริสาย มชฺเฌ ลชฺชาเปตฺวา เคหา นิกฺขมนาการํ กาเรสี’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ปิตุ อจฺจเยน รชฺเช ปติฏฺาย ธมฺเมน รชฺชํ กาเรสิ. ตสฺส รุหโก นาม ปุโรหิโต อโหสิ, ตสฺส ปุราณี นาม พฺราหฺมณี ภริยา. ราชา พฺราหฺมณสฺส อสฺสภณฺฑเกน อลงฺกริตฺวา อสฺสํ อทาสิ. โส ตํ อสฺสํ อารุยฺห รฺโ อุปฏฺานํ คจฺฉติ. อถ นํ อลงฺกตอสฺสสฺส ปิฏฺเ นิสีทิตฺวา คจฺฉนฺตํ อาคจฺฉนฺตฺจ ทิสฺวา ตหึ ตหึ ิตา มนุสฺสา ‘‘อโห ¶ อสฺสสฺส รูปํ, อโห อสฺโส โสภตี’’ติ อสฺสเมว ปสํสนฺติ. โส เคหํ อาคนฺตฺวา ปาสาทํ อภิรุยฺห ภริยํ อามนฺเตสิ – ‘‘ภทฺเท ¶ , อมฺหากํ อสฺโส อติวิย โสภติ, อุโภสุ ปสฺเสสุ ิตา มนุสฺสา อมฺหากํ อสฺสเมว วณฺเณนฺตี’’ติ. สา ปน พฺราหฺมณี โถกํ ฉินฺนิกา ธุตฺติกธาตุกา, เตน นํ เอวมาห – ‘‘อยฺย, ตฺวํ อสฺสสฺส โสภนการณํ น ชานาสิ, อยํ อสฺโส อตฺตโน อลงฺกตํ อสฺสภณฺฑกํ นิสฺสาย โสภติ, สเจ ตฺวมฺปิ อสฺโส วิย โสภิตุกาโม อสฺสภณฺฑกํ ปิฬนฺธิตฺวา อนฺตรวีถึ โอรุยฺห อสฺโส วิย ปาเท โกฏฺฏยมาโน คนฺตฺวา ราชานํ ปสฺส, ราชาปิ ตํ วณฺณยิสฺสติ, มนุสฺสาปิ ตฺเว วณฺณยิสฺสนฺตี’’ติ.
โส อุมฺมตฺตกชาติโก พฺราหฺมโณ ตสฺสา วจนํ สุตฺวา ‘‘อิมินา นาม การเณน สา มํ วทตี’’ติ อชานิตฺวา ตถาสฺี หุตฺวา ตถา อกาสิ. เย เย ปสฺสนฺติ, เต เต ปริหาสํ กโรนฺตา ‘‘โสภติ อาจริโย’’ติ วทึสุ. ราชา ปน นํ ‘‘กึ, อาจริย, ปิตฺตํ เต กุปิตํ ¶ , อุมฺมตฺตโกสิ ชาโต’’ติอาทีนิ วตฺวา ลชฺชาเปสิ. ตสฺมึ กาเล พฺราหฺมโณ ‘‘อยุตฺตํ มยา กต’’นฺติ ลชฺชิโต พฺราหฺมณิยา กุชฺฌิตฺวา ‘‘ตายมฺหิ สราชิกาย ปริสาย อนฺตเร ลชฺชาปิโต, โปเถตฺวา ตํ นิกฺกฑฺฒิสฺสามี’’ติ เคหํ อคมาสิ. ธุตฺติกพฺราหฺมณี ตสฺส กุชฺฌิตฺวา อาคมนภาวํ ตฺวา ปุเรตรฺเว จูฬทฺวาเรน นิกฺขมิตฺวา ราชนิเวสนํ คนฺตฺวา จตูหปฺจาหํ ตตฺเถว อโหสิ. ราชา ตํ การณํ ตฺวา ปุโรหิตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘อาจริย, มาตุคามสฺส นาม โทโส โหติเยว, พฺราหฺมณิยา ขมิตุํ วฏฺฏตี’’ติ ขมาปนตฺถาย ปมํ คาถมาห –
‘‘อปิ รุหก ฉินฺนาปิ, ชิยา สนฺธียเต ปุน;
สนฺธียสฺสุ ปุราณิยา, มา โกธสฺส วสํ คมี’’ติ.
ตตฺรายํ สงฺเขปตฺโถ – โภ รุหก, นนุ ฉินฺนาปิ ธนุชิยา ปุน สนฺธียติ ฆฏียติ, เอวเมว ตฺวมฺปิ ปุราณิยา สทฺธึ สนฺธียสฺสุ, โกธสฺส วสํ มา คมีติ.
ตํ ¶ ¶ สุตฺวา รุหโก ทุติยํ คาถมาห –
‘‘วิชฺชมาเนสุ วาเกสุ, วิชฺชมาเนสุ การิสุ;
อฺํ ชิยํ กริสฺสามิ, อลฺเว ปุราณิยา’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – มหาราช, ธนุการมุทุวาเกสุ จ ชิยการเกสุ จ มนุสฺเสสุ วิชฺชมาเนสุ อฺํ ชิยํ กริสฺสามิ, อิมาย ฉินฺนาย ปุราณิยา ชิยาย อลํ, นตฺถิ เม โกจิ อตฺโถติ. เอวฺจ ปน วตฺวา ตํ นีหริตฺวา อฺํ พฺราหฺมณึ อาเนสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺิตภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ‘‘ตทา, พฺราหฺมณี, ปุราณทุติยิกา อโหสิ, รุหโก อุกฺกณฺิตภิกฺขุ, พาราณสิราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
รุหกชาตกวณฺณนา ปมา.
[๑๙๒] ๒. สิริกาฬกณฺณิชาตกวณฺณนา
อิตฺถี ¶ สิยา รูปวตีติ อิทํ สิริกาฬกณฺณิชาตกํ มหาอุมงฺคชาตเก อาวิภวิสฺสติ.
สิริกาฬกณฺณิชาตกวณฺณนา ทุติยา.
[๑๙๓] ๓. จูฬปทุมชาตกวณฺณนา
อยเมว สา อหมปิ โส อนฺโติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อุกฺกณฺิตภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ อุมฺมาทนฺตีชาตเก (ชา. ๒.๒๐.๕๗ อาทโย) อาวิภวิสฺสติ. โส ปน ภิกฺขุ สตฺถารา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, ภิกฺขุ, อุกฺกณฺิโต’’ติ วุตฺเต ‘‘สจฺจํ, ภควา’’ติ วตฺวา ‘‘เกน ปน ตฺวํ อุกฺกณฺาปิโต’’ติ วุตฺเต ¶ ‘‘อหํ, ภนฺเต, เอกํ อลงฺกตปฏิยตฺตํ มาตุคามํ ทิสฺวา กิเลสานุวตฺตโก หุตฺวา อุกฺกณฺิโตมฺหี’’ติ อาห. อถ นํ สตฺถา ‘‘ภิกฺขุ, มาตุคาโม นาม อกตฺู มิตฺตทุพฺภี พหุมายา, โปราณกปณฺฑิตาปิ อตฺตโน ทกฺขิณชาณุโลหิตํ ปาเยตฺวา ยาวชีวิตทานมฺปิ ทตฺวา มาตุคามสฺส จิตฺตํ น ลภึสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต ¶ พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติ, นามคฺคหณทิวเส จสฺส ‘‘ปทุมกุมาโร’’ติ นามํ อกํสุ. ตสฺส อปเรน ฉ กนิฏฺภาติกา อเหสุํ. เต สตฺตปิ ชนา อนุปุพฺเพน วุฑฺฒิปฺปตฺตา ฆราวาสํ คเหตฺวา รฺโ สหายา วิย วิจรนฺติ. อเถกทิวสํ ราชา ราชงฺคณํ โอโลเกนฺโต ิโต เต มหาปริวาเรน ราชุปฏฺานํ อาคจฺฉนฺเต ทิสฺวา ‘‘อิเม มํ วธิตฺวา รชฺชมฺปิ คณฺเหยฺยุ’’นฺติ อาสงฺกํ อุปฺปาเทตฺวา เต ปกฺโกสาเปตฺวา – ‘‘ตาตา, ตุมฺเห อิมสฺมึ นคเร วสิตุํ น ลภถ, อฺตฺถ คนฺตฺวา มม อจฺจเยน อาคนฺตฺวา กุลสนฺตกํ รชฺชํ คณฺหถา’’ติ อาห. เต ปิตุ วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา โรทิตฺวา กนฺทิตฺวา อตฺตโน อตฺตโน ฆรานิ คนฺตฺวา ปชาปติโย อาทาย ‘‘ยตฺถ วา ตตฺถ วา คนฺตฺวา ชีวิสฺสามา’’ติ นครา นิกฺขมิตฺวา มคฺคํ คจฺฉนฺตา เอกํ กนฺตารํ ปตฺวา อนฺนปานํ อลภมานา ขุทํ อธิวาเสตุํ อสกฺโกนฺตา ‘‘มยํ ชีวมานา อิตฺถิโย ลภิสฺสามา’’ติ กนิฏฺสฺส ภริยํ มาเรตฺวา เตรส โกฏฺาเส กตฺวา มํสํ ขาทึสุ. โพธิสตฺโต อตฺตโน จ ภริยาย จ ลทฺธโกฏฺาเสสุ เอกํ เปตฺวา เอกํ ทฺเวปิ ขาทึสุ. เอวํ ฉ ทิวเส ฉ อิตฺถิโย มาเรตฺวา มํสํ ขาทึสุ.
โพธิสตฺโต ¶ ปน ทิวเส ทิวเส เอเกกํ เปตฺวา ฉ โกฏฺาเส เปสิ. สตฺตเม ทิวเส ‘‘โพธิสตฺตสฺส ภริยํ มาเรสฺสามา’’ติ วุตฺเต โพธิสตฺโต เต ฉ โกฏฺาเส เตสํ ทตฺวา ‘‘อชฺช ตาว อิเม ฉ โกฏฺาเส ขาทถ, สฺเว ชานิสฺสามา’’ติ วตฺวา เตสํ มํสํ ขาทิตฺวา นิทฺทายนกาเล ภริยํ คเหตฺวา ปลายิ. สา โถกํ คนฺตฺวา ‘‘คนฺตุํ น สกฺโกมิ, สามี’’ติ อาห. อถ นํ โพธิสตฺโต ขนฺเธนาทาย อรุณุคฺคมนเวลาย กนฺตารา นิกฺขมิ. สา สูริเย อุคฺคเต ‘‘ปิปาสิตามฺหิ, สามี’’ติ อาห. โพธิสตฺโต ‘‘อุทกํ นตฺถิ, ภทฺเท’’ติ วตฺวา ปุนปฺปุนํ กถิเต ขคฺเคน ¶ ทกฺขิณชาณุกํ ปหริตฺวา – ‘‘ภทฺเท, ปานียํ นตฺถิ, อิทํ ปน เม ทกฺขิณชาณุโลหิตํ ปิวมานา นิสีทาหี’’ติ อาห. สา ตถา อกาสิ. เต อนุปุพฺเพน มหาคงฺคํ ปตฺวา ปิวิตฺวา จ นฺหตฺวา จ ผลาผลํ ขาทิตฺวา ผาสุกฏฺาเน วิสฺสมิตฺวา เอกสฺมึ คงฺคานิวตฺตเน อสฺสมปทํ มาเปตฺวา วาสํ กปฺเปสุํ.
อเถกทิวสํ อุปริคงฺคาย ราชาปราธิกํ โจรํ หตฺถปาเท จ กณฺณนาสฺจ ฉินฺทิตฺวา เอกสฺมึ อมฺพณเก นิปชฺชาเปตฺวา มหาคงฺคาย ปวาเหสุํ. โส มหนฺตํ อฏฺฏสฺสรํ กโรนฺโต ตํ านํ ปาปุณิ. โพธิสตฺโต ตสฺส กรุณํ ปริเทวิตสทฺทํ สุตฺวา ‘‘ทุกฺขปฺปตฺโต สตฺโต มยิ ิเต มา นสฺสี’’ติ คงฺคาตีรํ คนฺตฺวา ตํ อุตฺตาเรตฺวา อสฺสมปทํ อาเนตฺวา กาสาวโธวนเลปนาทีหิ วณปฏิกมฺมํ อกาสิ. ภริยา ปนสฺส ‘‘เอวรูปํ นาม ทุสฺสีลํ กุณฺํ คงฺคาย อาวาเหตฺวา ปฏิชคฺคนฺโต วิจรตี’’ติ วตฺวา ตํ กุณฺํ ชิคุจฺฉมานา นิฏฺุภนฺตี วิจรติ. โพธิสตฺโต ตสฺส วเณสุ สํวิรุฬฺเหสุ ภริยาย สทฺธึ ตํ อสฺสมปเทเยว เปตฺวา อฏวิโต ผลาผลานิ อาหริตฺวา ตฺจ ภริยฺจ โปเสสิ. เตสุ เอวํ วสนฺเตสุ สา อิตฺถี เอตสฺมึ กุณฺเ ปฏิพทฺธจิตฺตา หุตฺวา เตน สทฺธึ อนาจารํ จริตฺวา เอเกนุปาเยน โพธิสตฺตํ มาเรตุกามา หุตฺวา เอวมาห – ‘‘สามิ, อหํ ตุมฺหากํ อํเส นิสีทิตฺวา กนฺตารา นิกฺขมมานา เอกํ ปพฺพตํ โอโลเกตฺวา อยฺเย ปพฺพตมฺหิ นิพฺพตฺตเทวเต ‘สเจ อหํ สามิเกน สทฺธึ อโรคา ชีวิตํ ลภิสฺสามิ, พลิกมฺมํ เต กริสฺสามี’ติ อายาจึ, สา มํ อิทานิ อุตฺตาเสติ, กโรมสฺสา พลิกมฺม’’นฺติ. โพธิสตฺโต ตํ มายํ อชานนฺโต ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา พลิกมฺมํ สชฺเชตฺวา ตาย พลิภาชนํ คาหาเปตฺวา ปพฺพตมตฺถกํ อภิรุหิ. อถ นํ ¶ สา เอวมาห – ‘‘สามิ, เทวตายปิ ตฺวฺเว อุตฺตมเทวตา, ปมํ ตาว ตํ วนปุปฺเผหิ ปูเชตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา วนฺทิตฺวา ปจฺฉา เทวตาย พลิกมฺมํ กริสฺสามี’’ติ. สา โพธิสตฺตํ ปปาตาภิมุขํ เปตฺวา วนปุปฺเผหิ ปูเชตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา วนฺทิตุกามา วิย หุตฺวา ปิฏฺิปสฺเส ตฺวา ปิฏฺิยํ ปหริตฺวา ปปาเต ปาเตตฺวา ‘‘ทิฏฺา เม ปจฺจามิตฺตสฺส ปิฏฺี’’ติ ตุฏฺมานสา ปพฺพตา โอโรหิตฺวา กุณฺสฺส สนฺติกํ อคมาสิ.
โพธิสตฺโตปิ ¶ ¶ ปปาตานุสาเรน ปพฺพตา ปตนฺโต อุทุมฺพรรุกฺขมตฺถเก เอกสฺมึ อกณฺฏเก ปตฺตสฺฉนฺเน คุมฺเพ ลคฺคิ, เหฏฺาปพฺพตํ ปน โอโรหิตุํ น สกฺกา. โส อุทุมฺพรผลานิ ขาทิตฺวา สาขนฺตเร นิสีทิ. อเถโก มหาสรีโร โคธราชา เหฏฺาปพฺพตปาทโต อภิรุหิตฺวา ตสฺมึ อุทุมฺพรผลานิ ขาทติ. โส ตํ ทิวสํ โพธิสตฺตํ ทิสฺวา ปลายิ, ปุนทิวเส อาคนฺตฺวา เอกสฺมึ ปสฺเส ผลานิ ขาทิตฺวา ปกฺกามิ. โส เอวํ ปุนปฺปุนํ อาคจฺฉนฺโต โพธิสตฺเตน สทฺธึ วิสฺสาสํ อาปชฺชิตฺวา ‘‘ตฺวํ อิมํ านํ เกน การเณน อาคโตสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมินา นาม การเณนา’’ติ วุตฺเต ‘‘เตน หิ มา ภายี’’ติ วตฺวา โพธิสตฺตํ อตฺตโน ปิฏฺิยํ นิปชฺชาเปตฺวา โอตาเรตฺวา อรฺโต นิกฺขมิตฺวา มหามคฺเค เปตฺวา ‘‘ตฺวํ อิมินา มคฺเคน คจฺฉาหี’’ติ อุยฺโยเชตฺวา อรฺเมว ปาวิสิ. โพธิสตฺโต เอกํ คามกํ คนฺตฺวา ตตฺเถว วสนฺโต ปิตุ กาลกตภาวํ สุตฺวา พาราณสึ คนฺตฺวา กุลสนฺตเก รชฺเช ปติฏฺาย ปทุมราชา นาม หุตฺวา ทส ราชธมฺเม อโกเปตฺวา ธมฺเมน รชฺชํ กาเรนฺโต จตูสุ นครทฺวาเรสุ นครมชฺเฌ นิเวสนทฺวาเรติ ฉ ทานสาลาโย กาเรตฺวา เทวสิกํ ฉ สตสหสฺสานิ วิสฺสชฺเชตฺวา ทานํ อทาสิ.
สาปิ โข อิตฺถี ตํ กุณฺํ ขนฺเธ นิสีทาเปตฺวา อรฺา นิกฺขมิตฺวา มนุสฺสปเถ ภิกฺขํ จรมานา ยาคุภตฺตํ สํหริตฺวา ตํ กุณฺํ โปเสสิ. มนุสฺสา ‘‘อยํ เต กึ โหตี’’ติ ¶ ปุจฺฉิยมานา ‘‘อหํ เอตสฺส มาตุลธีตา, ปิตุจฺฉาปุตฺโต เม เอโส, เอตสฺเสว มํ อทํสุ, สาหํ วชฺฌปฺปตฺตมฺปิ อตฺตโน สามิกํ อุกฺขิปิตฺวา ปริหรนฺตี ภิกฺขํ จริตฺวา โปเสมี’’ติ. มนุสฺสา ‘‘อยํ ปติพฺพตา’’ติ ตโต ปฏฺาย พหุตรํ ยาคุภตฺตํ อทํสุ. อปเร ปน ชนา เอวมาหํสุ – ‘‘ตฺวํ มา เอวํ วิจริ, ปทุมราชา พาราณสิยํ รชฺชํ กาเรติ, สกลชมฺพุทีปํ สงฺโขเภตฺวา ทานํ เทติ, โส ตํ ทิสฺวา ตุสฺสิสฺสติ, ตุฏฺโ เต พหุํ ธนํ ทสฺสติ, ตว สามิกํ อิเธว นิสีทาเปตฺวา คจฺฉา’’ติ ถิรํ กตฺวา เวตฺตปจฺฉึ อทํสุ. สา อนาจารา ตํ กุณฺํ เวตฺตปจฺฉิยํ นิสีทาเปตฺวา ปจฺฉึ อุกฺขิปิตฺวา พาราณสึ คนฺตฺวา ทานสาลาสุ ภฺุชมานา วิจรติ. โพธิสตฺโต อลงฺกตหตฺถิกฺขนฺธวรคโต ทานคฺคํ คนฺตฺวา อฏฺนฺนํ วา ทสนฺนํ วา สหตฺถา ทานํ ทตฺวา ปุน เคหํ คจฺฉติ ¶ . สา อนาจารา ตํ กุณฺํ ปจฺฉิยํ นิสีทาเปตฺวา ปจฺฉึ อุกฺขิปิตฺวา ตสฺส คมนมคฺเค อฏฺาสิ.
ราชา ทิสฺวา ‘‘กึ เอต’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘เอกา, เทว, ปติพฺพตา’’ติ. อถ นํ ปกฺโกสาเปตฺวา สฺชานิตฺวา กุณฺํ ปจฺฉิยา นีหราเปตฺวา ‘‘อยํ เต กึ โหตี’’ติ ปุจฺฉิ. สา ‘‘ปิตุจฺฉาปุตฺโต เม, เทว, กุลทตฺติโก สามิโก’’ติ อาห. มนุสฺสา ตํ อนฺตรํ อชานนฺตา ¶ ‘‘อโห ปติพฺพตา’’ติอาทีนิ วตฺวา ตํ อนาจาริตฺถึ วณฺณยึสุ. ปุน ราชา ‘‘อยํ เต กุณฺโ กุลทตฺติโก สามิโก’’ติ ปุจฺฉิ. สา ราชานํ อสฺชานนฺตี ‘‘อาม, เทวา’’ติ สูรา หุตฺวา กเถสิ. อถ นํ ราชา ‘‘กึ เอส พาราณสิรฺโ ปุตฺโต, นนุ ตฺวํ ปทุมกุมารสฺส ภริยา อสุกรฺโ ธีตา, อสุกา นาม มม ชาณุโลหิตํ ปิวิตฺวา อิมสฺมึ กุณฺเ ปฏิพทฺธจิตฺตา มํ ปปาเต ปาเตสิ. สา อิทานิ ตฺวํ นลาเฏน มจฺจุํ คเหตฺวา มํ ‘มโต’ติ มฺมานา อิมํ านํ อาคตา, นนุ อหํ ชีวามี’’ติ ¶ วตฺวา อมจฺเจ อามนฺเตตฺวา ‘‘โภ, อมจฺจา นนุ จาหํ ตุมฺเหหิ ปุฏฺโ เอวํ กเถสึ ‘มม กนิฏฺภาติกา ฉ อิตฺถิโย มาเรตฺวา มํสํ ขาทึสุ, อหํ ปน มยฺหํ ภริยํ อโรคํ กตฺวา คงฺคาตีรํ เนตฺวา อสฺสมปเท วสนฺโต เอกํ วชฺฌปฺปตฺตํ กุณฺํ อุตฺตาเรตฺวา ปฏิชคฺคึ. สา อิตฺถี เอตสฺมึ ปฏิพทฺธจิตฺตา มํ ปพฺพตปาเท ปาเตสิ. อหํ อตฺตโน เมตฺตจิตฺตตาย ชีวิตํ ลภิ’นฺติ. ยาย อหํ ปพฺพตา ปาติโต, น สา อฺา, เอสา ทุสฺสีลา, โสปิ วชฺฌปฺปตฺโต กุณฺโ น อฺโ, อยเมวา’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อโวจ –
‘‘อยเมว สา อหมปิ โส อนฺโ, อยเมว โส หตฺถจฺฉินฺโน อนฺโ;
ยมาห ‘โกมารปตี มม’นฺติ, วชฺฌิตฺถิโย นตฺถิ อิตฺถีสุ สจฺจํ.
‘‘อิมฺจ ชมฺมํ มุสเลน หนฺตฺวา, ลุทฺทํ ฉวํ ปรทารูปเสวึ;
อิมิสฺสา จ นํ ปาปปติพฺพตาย, ชีวนฺติยา ฉินฺทถ กณฺณนาส’’นฺติ.
ตตฺถ ยมาห โกมารปตี มมนฺติ ยํ เอสา ‘‘อยํ เม, โกมารปติ, กุลทตฺติโก สามิโก’’ติ อาห, อยเมว โส, น อฺโ. ‘‘ยมาหุ ¶ , โกมารปตี’’ติปิ ปาโ. อยเมว หิ โปตฺถเกสุ ลิขิโต, ตสฺสาปิ อยเมวตฺโถ, วจนวิปลฺลาโส ปเนตฺถ เวทิตพฺโพ. ยฺหิ รฺา วุตฺตํ, ตเทว อิธ อาคตํ. วชฺฌิตฺถิโยติ อิตฺถิโย นาม วชฺฌา วธิตพฺพา เอว. นตฺถิ อิตฺถีสุ สจฺจนฺติ เอตาสุ สภาโว นาเมโก นตฺถิ. ‘‘อิมฺจ ชมฺม’’นฺติอาทิ ทฺวินฺนมฺปิ เตสํ ทณฺฑาณาปนวเสน วุตฺตํ. ตตฺถ ชมฺมนฺติ ลามกํ. มุสเลน หนฺตฺวาติ มุสเลน หนิตฺวา โปเถตฺวา อฏฺีนิ ภฺชิตฺวา จุณฺณวิจุณฺณํ กตฺวา. ลุทฺทนฺติ ทารุณํ. ฉวนฺติ คุณาภาเวน นิชฺชีวํ มตสทิสํ. อิมิสฺสา ¶ จ นนฺติ เอตฺถ นนฺติ นิปาตมตฺตํ, อิมิสฺสา จ ปาปปติพฺพตาย อนาจาราย ทุสฺสีลาย ชีวนฺติยาว กณฺณนาสํ ฉินฺทถาติ อตฺโถ.
โพธิสตฺโต โกธํ อธิวาเสตุํ อสกฺโกนฺโต เอวํ เตสํ ทณฺฑํ อาณาเปตฺวาปิ น ตถา กาเรสิ ¶ . โกปํ ปน มนฺทํ กตฺวา ยถา สา ปจฺฉึ สีสโต โอโรเปตุํ น สกฺโกติ, เอวํ คาฬฺหตรํ พนฺธาเปตฺวา กุณฺํ ตตฺถ ปกฺขิปาเปตฺวา อตฺตโน วิชิตา นีหราเปสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺิตภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ‘‘ตทา ฉ ภาตโร อฺตรา เถรา อเหสุํ, ภริยา จิฺจมาณวิกา, กุณฺโ เทวทตฺโต, โคธราชา อานนฺโท, ปทุมราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
จูฬปทุมชาตกวณฺณนา ตติยา.
[๑๙๔] ๔. มณิโจรชาตกวณฺณนา
น สนฺติ เทวา ปวสนฺติ นูนาติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต วธาย ปริสกฺกนฺตํ เทวทตฺตํ อารพฺภ กเถสิ. ตทา ปน สตฺถา ‘‘เทวทตฺโต วธาย ปริสกฺกตี’’ติ สุตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ เทวทตฺโต มยฺหํ วธาย ปริสกฺกติเยว, ปริสกฺกนฺโตปิ ปน มํ วธิตุํ นาสกฺขี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต พาราณสิโต อวิทูเร คามเก คหปติกุเล นิพฺพตฺติ. อถสฺส วยปฺปตฺตสฺส ¶ พาราณสิโต กุลธีตรํ อาเนสุํ, สา สุวณฺณวณฺณา อโหสิ อภิรูปา ทสฺสนียา เทวจฺฉรา วิย ปุปฺผลตา วิย ลฬมานา มตฺตกินฺนรี วิย จ สุชาตาติ นาเมน ปติพฺพตา สีลาจารสมฺปนฺนา วตฺตสมฺปนฺนา. นิจฺจกาลมฺปิสฺสา ปติวตฺตํ สสฺสุวตฺตํ สสุรวตฺตฺจ กตเมว โหติ, สา โพธิสตฺตสฺส ปิยา อโหสิ มนาปา. อิติ อุโภปิ ¶ เต สมฺโมทมานา เอกจิตฺตา สมคฺควาสํ วสึสุ.
อเถกทิวสํ สุชาตา ‘‘มาตาปิตโร ทฏฺุกามามฺหี’’ติ โพธิสตฺตสฺส อาโรเจสิ. ‘‘สาธุ, ภทฺเท, มคฺคปาเถยฺยํ ปโหนกํ ปฏิยาเทหี’’ติ ขชฺชวิกตึ ปจาเปตฺวา ขชฺชกาทีนิ ยานเก เปตฺวา ยานกํ ปาเชนฺโต ยานกสฺส ปุรโต อโหสิ, อิตรา ปจฺฉโต. เต นครสมีปํ คนฺตฺวา ยานกํ โมเจตฺวา นฺหตฺวา ภฺุชึสุ. ปุน โพธิสตฺโต ยานกํ โยเชตฺวา ปุรโต นิสีทิ, สุชาตา วตฺถานิ ปริวตฺเตตฺวา อลงฺกริตฺวา ปจฺฉโต นิสีทิ. ยานกสฺส อนฺโตนครํ ปวิฏฺกาเล พาราณสิราชา หตฺถิกฺขนฺธวรคโต นครํ ปทกฺขิณํ กโรนฺโต ตํ ปเทสํ อคมาสิ. สุชาตา โอตริตฺวา ¶ ยานกสฺส ปจฺฉโต ปทสา ปายาสิ. ราชา ตํ ทิสฺวา ตสฺสา รูปสมฺปตฺติยา อากฑฺฒิยมานโลจโน ปฏิพทฺธจิตฺโต หุตฺวา เอกํ อมจฺจํ อาณาเปสิ – ‘‘คจฺฉ ตฺวํ เอติสฺสา สสฺสามิกภาวํ วา อสฺสามิกภาวํ วา ชานาหี’’ติ. โส คนฺตฺวา ตสฺสา สสฺสามิกภาวํ ตฺวา ‘‘สสฺสามิกา กิร, เทว, ยานเก นิสินฺโน ปุริโส เอติสฺสา สามิโก’’ติ อาห.
ราชา ปฏิพทฺธจิตฺตํ วิโนเทตุํ อสกฺโกนฺโต กิเลสาตุโร หุตฺวา ‘‘เอเกน นํ อุปาเยน มาราเปตฺวา อิตฺถึ คณฺหิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา เอกํ ปุริสํ อามนฺเตตฺวา ‘‘คจฺฉ, โภ, อิมํ จูฬามณึ วีถึ คจฺฉนฺโต วิย หุตฺวา เอตสฺส ปุริสสฺส ยานเก ปกฺขิปิตฺวา เอหี’’ติ จูฬามณึ ทตฺวา อุยฺโยเชสิ. โส ‘‘สาธู’’ติ ตํ คเหตฺวา คนฺตฺวา ยานเก เปตฺวา ‘‘ปิโต เม, เทวา’’ติ อาคนฺตฺวา อาโรเจสิ. ราชา ‘‘จูฬามณิ เม นฏฺโ’’ติ อาห, มนุสฺสา เอกโกลาหลํ อกํสุ. ราชา ‘‘สพฺพทฺวารานิ ปิทหิตฺวา สฺจารํ ฉินฺทิตฺวา โจรํ ปริเยสถา’’ติ อาห, ราชปุริสา ตถา อกํสุ, นครํ เอกสงฺโขภํ อโหสิ. อิตโร ปุริโส มนุสฺเส คเหตฺวา โพธิสตฺตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘โภ, ยานกํ เปหิ, รฺโ จูฬามณิ ¶ ¶ นฏฺโ, ยานกํ โสเธสฺสามี’’ติ ยานกํ โสเธนฺโต อตฺตนา ปิตมณึ คเหตฺวา โพธิสตฺตํ คเหตฺวา ‘‘มณิโจโร’’ติ หตฺเถหิ จ ปาเทหิ จ โปเถตฺวา ปจฺฉาพาหํ พนฺธิตฺวา เนตฺวา ‘‘อยํ มณิโจโร’’ติ รฺโ ทสฺเสสิ. ราชาปิ ‘‘สีสมสฺส ฉินฺทถา’’ติ อาณาเปสิ.
อถ นํ ราชปุริสา จตุกฺเก จตุกฺเก กสาหิ ตาเฬนฺตา ทกฺขิณทฺวาเรน นครา นิกฺขมาเปสุํ. สุชาตาปิ ยานกํ ปหาย พาหา ปคฺคยฺห ปริเทวมานา ‘‘สามิ, มํ นิสฺสาย อิมํ ทุกฺขํ ปตฺโตสี’’ติ ปริเทวมานา ปจฺฉโต ปจฺฉโต อคมาสิ. ราชปุริสา ‘‘สีสมสฺส ฉินฺทิสฺสามา’’ติ โพธิสตฺตํ อุตฺตานํ นิปชฺชาเปสุํ. ตํ ทิสฺวา สุชาตา อตฺตโน สีลคุณํ อาวชฺเชตฺวา ‘‘นตฺถิ วต มฺเ อิมสฺมึ โลเก สีลวนฺตานํ วิเหเก ปาปสาหสิกมนุสฺเส นิเสเธตุํ สมตฺถา เทวตา นามา’’ติอาทีนิ วตฺวา ปมํ คาถมาห –
‘‘น สนฺติ เทวา ปวสนฺติ นูน, น หิ นูน สนฺติ อิธ โลกปาลา;
สหสา กโรนฺตานมสฺตานํ, น หิ นูน สนฺติ ปฏิเสธิตาโร’’ติ.
ตตฺถ น สนฺติ, เทวาติ อิมสฺมึ โลเก สีลวนฺตานํ โอโลกนกา ปาปานฺจ นิเสธกา น สนฺติ นูน เทวา. ปวสนฺติ นูนาติ เอวรูเปสุ วา กิจฺเจสุ อุปฺปนฺเนสุ นูน ปวสนฺติ ปวาสํ คจฺฉนฺติ. อิธ, โลกปาลาติ อิมสฺมึ โลเก โลกปาลสมฺมตา สมณพฺราหฺมณาปิ สีลวนฺตานํ ¶ อนุคฺคาหกา น หิ นูน สนฺติ. สหสา กโรนฺตานมสฺตานนฺติ สหสา อวีมํสิตฺวา สาหสิกํ ทารุณํ กมฺมํ กโรนฺตานํ ทุสฺสีลานํ. ปฏิเสธิตาโรติ เอวรูปํ กมฺมํ มา กริตฺถ, น ลพฺภา เอตํ กาตุนฺติ ปฏิเสเธนฺตา นตฺถีติ อตฺโถ.
เอวํ ตาย สีลสมฺปนฺนาย ปริเทวมานาย สกฺกสฺส เทวรฺโ นิสินฺนาสนํ อุณฺหาการํ ทสฺเสสิ, สกฺโก ‘‘โก นุ โข มํ ¶ สกฺกตฺตโต จาเวตุกาโม’’ติ อาวชฺเชนฺโต อิมํ การณํ ตฺวา ‘‘พาราณสิราชา อติผรุสกมฺมํ กโรติ, สีลสมฺปนฺนํ สุชาตํ กิลเมติ, คนฺตุํ ทานิ เม วฏฺฏตี’’ติ เทวโลกา โอรุยฺห อตฺตโน อานุภาเวน หตฺถิปิฏฺเ ¶ นิสินฺนํ ตํ ปาปราชานํ หตฺถิกฺขนฺธโต โอตาเรตฺวา ธมฺมคณฺฑิกาย อุตฺตานํ นิปชฺชาเปตฺวา โพธิสตฺตํ อุกฺขิปิตฺวา สพฺพาลงฺกาเรหิ อลงฺกริตฺวา ราชเวสํ คาหาเปตฺวา หตฺถิกฺขนฺเธ นิสีทาเปสิ. ราชปุริสา ผรสุํ อุกฺขิปิตฺวา สีสํ ฉินฺทนฺตา รฺโ สีสํ ฉินฺทึสุ, ฉินฺนกาเลเยว จสฺส รฺโ สีสภาวํ ชานึสุ. สกฺโก เทวราชา ทิสฺสมานกสรีเรเนว โพธิสตฺตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา โพธิสตฺตสฺส ราชาภิเสกํ กตฺวา สุชาตาย จ อคฺคมเหสิฏฺานํ ทาเปสิ. อมจฺจา เจว พฺราหฺมณคหปติกาทโย จ สกฺกํ เทวราชานํ ทิสฺวา ‘‘อธมฺมิกราชา มาริโต, อิทานิ อมฺเหหิ สกฺกทตฺติโก ธมฺมิกราชา ลทฺโธ’’ติ โสมนสฺสปฺปตฺตา อเหสุํ.
สกฺโกปิ อากาเส ตฺวา ‘‘อยํ โว สกฺกทตฺติโก ราชา, อิโต ปฏฺาย ธมฺเมน รชฺชํ กาเรสฺสติ. สเจ หิ ราชา อธมฺมิโก โหติ, เทโว อกาเล วสฺสติ, กาเล น วสฺสติ, ฉาตภยํ โรคภยํ สตฺถภยนฺติ อิมานิ ตีณิ ภยานิ อุปคตาเนว โหนฺตี’’ติ โอวทนฺโต ทุติยํ คาถมาห –
‘‘อกาเล วสฺสตี ตสฺส, กาเล ตสฺส น วสฺสติ;
สคฺคา จ จวติ านา, นนุ โส ตาวตา หโต’’ติ.
ตตฺถ อกาเลติ อธมฺมิกรฺโ รชฺเช อยุตฺตกาเล สสฺสานํ ปกฺกกาเล วา ลายนมทฺทนาทิกาเล วา เทโว วสฺสติ. กาเลติ ยุตฺตปยุตฺตกาเล วปนกาเล ตรุณสสฺสกาเล คพฺภคฺคหณกาเล จ น วสฺสติ. สคฺคา จ จวติ านาติ สคฺคสงฺขาตา านา เทวโลกา จวตีติ อตฺโถ. อธมฺมิกราชา หิ อปฺปฏิลาภวเสน เทวโลกา จวติ นาม, สคฺเคปิ วา รชฺชํ กาเรนฺโต อธมฺมิกราชา ตโต จวตีติปิ อตฺโถ. นนุ โส ตาวตา หโตติ นนุ โส อธมฺมิโก ราชา เอตฺตเกน หโต โหติ. อถ ¶ วา เอกํสวาจี เอตฺถ นุ-กาโร, เนโส เอกํเสน เอตฺตาวตา ¶ หโต, อฏฺสุ ปน มหานิรเยสุ โสฬสสุ จ อุสฺสทนิรเยสุ ทีฆรตฺตํ โส หฺิสฺสตีติ อยเมตฺถ อตฺโถ.
เอวํ ¶ สกฺโก มหาชนสฺส โอวาทํ ทตฺวา อตฺตโน เทวฏฺานเมว อคมาสิ. โพธิสตฺโตปิ ธมฺเมน รชฺชํ กาเรตฺวา สคฺคปุรํ ปูเรสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา อธมฺมิกราชา เทวทตฺโต อโหสิ, สกฺโก อนุรุทฺโธ, สุชาตา ราหุลมาตา, สกฺกทตฺติยราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
มณิโจรชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.
[๑๙๕] ๕. ปพฺพตูปตฺถรชาตกวณฺณนา
ปพฺพตูปตฺถเร รมฺเมติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โกสลราชานํ อารพฺภ กเถสิ. โกสลรฺโ กิร เอโก อมจฺโจ อนฺเตปุเร ปทุสฺสิ. ราชาปิ ปริวีมํสมาโน ตํ ตถโต ตฺวา ‘‘สตฺถุ อาโรเจสฺสามี’’ติ เชตวนํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ‘‘ภนฺเต, อมฺหากํ อนฺเตปุเร เอโก อมจฺโจ ปทุสฺสิ, ตสฺส กึ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ ปุจฺฉิ. อถ นํ สตฺถา ‘‘อุปการโก เต, มหาราช, โส จ อมจฺโจ สา จ อิตฺถี ปิยา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาม, ภนฺเต, อติวิย อุปการโก สกลํ ราชกุลํ สนฺธาเรติ, สาปิ เม อิตฺถี ปิยา’’ติ วุตฺเต ‘‘มหาราช, ‘อตฺตโน อุปการเกสุ เสวเกสุ ปิยาสุ จ อิตฺถีสุ ทุพฺภิตุํ น สกฺกา’ติ ปุพฺเพปิ ราชาโน ปณฺฑิตานํ กถํ สุตฺวา มชฺฌตฺตาว อเหสุ’’นฺติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต อมจฺจกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตสฺส อตฺถธมฺมานุสาสโก อโหสิ. อถสฺส รฺโ เอโก อมจฺโจ อนฺเตปุเร ปทุสฺสิ. ราชา นํ ตถโต ตฺวา ‘‘อมจฺโจปิ เม พหูปกาโร, อยํ อิตฺถีปิ เม ปิยา, ทฺเวปิ อิเม นาเสตุํ น สกฺกา ¶ , ปณฺฑิตามจฺจํ ปฺหํ ปุจฺฉิตฺวา สเจ สหิตพฺพํ ภวิสฺสติ, สหิสฺสามิ, โน เจ, น สหิสฺสามี’’ติ โพธิสตฺตํ ปกฺโกสาเปตฺวา อาสนํ ทตฺวา ‘‘ปณฺฑิต, ปฺหํ ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ วตฺวา ‘‘ปุจฺฉถ, มหาราช, วิสฺสชฺเชสฺสามี’’ติ วุตฺเต ปฺหํ ปุจฺฉนฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘ปพฺพตูปตฺถเร ¶ ¶ รมฺเม, ชาตา โปกฺขรณี สิวา;
ตํ สิงฺคาโล อปาปายิ, ชานํ สีเหน รกฺขิต’’นฺติ.
ตตฺถ ปพฺพตูปตฺถเร รมฺเมติ หิมวนฺตปพฺพตปาเท ปตฺถริตฺวา ิเต องฺคณฏฺาเนติ อตฺโถ. ชาตา โปกฺขรณี สิวาติ สิวา สีตลา มธุโรทกา โปกฺขรณี นิพฺพตฺตา, อปิจ โข โปกฺขรสฺฉนฺนา นทีปิ โปกฺขรณีเยว. อปาปายีติ อป-อิติ อุปสคฺโค, อปายีติ อตฺโถ. ชานํ สีเหน รกฺขิตนฺติ สา โปกฺขรณี สีหปริโภคา สีเหน รกฺขิตา, โสปิ นํ สิงฺคาโล ‘‘สีเหน รกฺขิตา อย’’นฺติ ชานนฺโตว อปายิ. ตํ กึ มฺติ, พาโล สิงฺคาโล สีหสฺส อภายิตฺวา ปิเวยฺย เอวรูปํ โปกฺขรณินฺติ อยเมตฺถาธิปฺปาโย.
โพธิสตฺโต ‘‘อทฺธา เอตสฺส อนฺเตปุเร เอโก อมจฺโจ ปทุฏฺโ ภวิสฺสตี’’ติ ตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘ปิวนฺติ เจ มหาราช, สาปทานิ มหานทึ;
น เตน อนที โหติ, ขมสฺสุ ยทิ เต ปิยา’’ติ.
ตตฺถ สาปทานีติ น เกวลํ สิงฺคาโลว, อวเสสานิ สุนขปสทพิฬารมิคาทีนิ สพฺพสาปทานิ ตํ โปกฺขรสฺฉนฺนตฺตา ‘‘โปกฺขรณี’’ติ ลทฺธนามํ นทึ ปิวนฺติ เจ. น เตน อนที โหตีติ นทิยฺหิ ทฺวิปทจตุปฺปทาปิ อหิมจฺฉาปิ สพฺเพ ปิปาสิตา ปานียํ ปิวนฺติ, น สา เตน การเณน อนที นาม โหติ, นาปิ อุจฺฉิฏฺนที. กสฺมา? สพฺเพสํ สาธารณตฺตา. ยถา นที เยน เกนจิ ปีตา น ทุสฺสติ, เอวํ อิตฺถีปิ กิเลสวเสน สามิกํ อติกฺกมิตฺวา อฺเน สทฺธึ สํวาสํ คตา เนว อนิตฺถี โหติ. กสฺมา? สพฺเพสํ สาธารณภาเวน. นาปิ อุจฺฉิฏฺิตฺถี. กสฺมา? โอทกนฺติกตาย สุทฺธภาเวน. ขมสฺสุ ยทิ เต ปิยาติ ยทิ ปน เต สา อิตฺถี ปิยา, โส จ อมจฺโจ พหูปกาโร, เตสํ อุภินฺนมฺปิ ขมสฺสุ มชฺฌตฺตภาเวน ติฏฺาหีติ.
เอวํ ¶ มหาสตฺโต รฺโ โอวาทํ อทาสิ. ราชา ตสฺส โอวาเท ตฺวา ‘‘ปุน เอวรูปํ ปาปกมฺมํ มา กริตฺถา’’ติ วตฺวา อุภินฺนมฺปิ ขมิ. ตโต ปฏฺาย ¶ เต โอรมึสุ. ราชาปิ ทานาทีนิ ปฺุานิ กตฺวา ชีวิตปริโยสาเน สคฺคปุรํ ปูเรสิ. โกสลราชาปิ อิมํ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา เตสํ อุภินฺนมฺปิ ขมิตฺวา มชฺฌตฺโต อโหสิ.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ราชา อานนฺโท อโหสิ, ปณฺฑิตามจฺโจ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
ปพฺพตูปตฺถรชาตกวณฺณนา ปฺจมา.
[๑๙๖] ๖. วลาหกสฺสชาตกวณฺณนา
เย น กาหนฺติ โอวาทนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ อุกฺกณฺิตภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. โส หิ ภิกฺขุ สตฺถารา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, ภิกฺขุ, อุกฺกณฺิโตสี’’ติ ปุฏฺโ ‘‘สจฺจ’’นฺติ วตฺวา ‘‘กึ การณา’’ติ วุตฺเต ‘‘เอกํ อลงฺกตํ มาตุคามํ ทิสฺวา กิเลสวเสนา’’ติ อาห. อถ นํ สตฺถา ‘‘อิตฺถิโย นาเมตา ภิกฺขุ อตฺตโน รูปสทฺทคนฺธรสโผฏฺพฺเพหิ เจว อิตฺถิกุตฺตวิลาเสหิ จ ปุริเส ปโลเภตฺวา อตฺตโน วเส กตฺวา วสํ อุปคตภาวํ ตฺวา สีลวินาสฺเจว ธนวินาสฺจ ปาปนฏฺเน ‘ยกฺขินิโย’ติ วุจฺจนฺติ. ปุพฺเพปิ หิ ยกฺขินิโย อิตฺถิกุตฺเตน เอกํ ปุริสสตฺถํ อุปสงฺกมิตฺวา วาณิเช ปโลเภตฺวา อตฺตโน วเส กตฺวา ปุน อฺเ ปุริเส ทิสฺวา เต สพฺเพปิ ชีวิตกฺขยํ ปาเปตฺวา อุโภหิ หนุกปสฺเสหิ โลหิเตน ปคฺฆรนฺเตน มุขํ ปูราเปตฺวา ขาทึสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต ตมฺพปณฺณิทีเป สิรีสวตฺถุ นาม ยกฺขนครํ อโหสิ, ตตฺถ ยกฺขินิโย วสึสุ. ตา ภินฺนนาวานํ วาณิชานํ อาคตกาเล อลงฺกตปฏิยตฺตา ขาทนียโภชนียํ คาหาเปตฺวา ทาสิคณปริวุตา ทารเก องฺเกนาทาย วาณิเช อุปสงฺกมนฺติ. เตสํ ¶ ‘‘มนุสฺสาวาสํ อาคตมฺหา’’ติ สฺชานนตฺถํ ตตฺถ ตตฺถ กสิโครกฺขาทีนิ กโรนฺเต มนุสฺเส โคคเณ สุนเขติ เอวมาทีนิ ทสฺเสนฺติ, วาณิชานํ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘อิมํ ยาคุํ ปิวถ, ภตฺตํ ภฺุชถ, ขาทนียํ ขาทถา’’ติ วทนฺติ. วาณิชา อชานนฺตา ตาหิ ทินฺนํ ปริภฺุชนฺติ. อถ เตสํ ขาทิตฺวา ภฺุชิตฺวา ปิวิตฺวา วิสฺสมิตกาเล ¶ ปฏิสนฺถารํ กโรนฺติ, ‘‘ตุมฺเห กตฺถ วาสิกา, กุโต อาคตา, กหํ คจฺฉิสฺสถ, เกน กมฺเมน อิธาคตตฺถา’’ติ ปุจฺฉนฺติ. ‘‘ภินฺนนาวา หุตฺวา อิธาคตมฺหา’’ติ วุตฺเต ‘‘สาธุ, อยฺยา, อมฺหากมฺปิ สามิกานํ นาวํ อภิรุหิตฺวา คตานํ ตีณิ สํวจฺฉรานิ อติกฺกนฺตานิ, เต มตา ภวิสฺสนฺติ; ตุมฺเหปิ วาณิชาเยว, มยํ ตุมฺหากํ ปาทปริจาริกา ภวิสฺสามา’’ติ วตฺวา เต วาณิเช อิตฺถิกุตฺตหาวภาววิลาเสหิ ปโลเภตฺวา ยกฺขนครํ เนตฺวา สเจ ปมคหิตา มนุสฺสา อตฺถิ, เต เทวสงฺขลิกาย พนฺธิตฺวา การณฆเร ปกฺขิปนฺติ ¶ , อตฺตโน วสนฏฺาเน ภินฺนนาเว มนุสฺเส อลภนฺติโย ปน ปรโต กลฺยาณึ โอรโต นาคทีปนฺติ เอวํ สมุทฺทตีรํ อนุสฺจรนฺติ. อยํ ตาสํ ธมฺมตา.
อเถกทิวสํ ปฺจสตา ภินฺนนาวา วาณิชา ตาสํ นครสมีเป อุตฺตรึสุ. ตา เตสํ สนฺติกํ คนฺตฺวา ปโลเภตฺวา ยกฺขนครํ เนตฺวา ปมํ คหิเต มนุสฺเส เทวสงฺขลิกาย พนฺธิตฺวา การณฆเร ปกฺขิปิตฺวา เชฏฺยกฺขินี เชฏฺกวาณิชํ, เสสา เสเสติ ตา ปฺจสตา ยกฺขินิโย เต ปฺจสเต วาณิเช อตฺตโน สามิเก อกํสุ. อถ สา เชฏฺยกฺขินี รตฺติภาเค วาณิเช นิทฺทํ อุปคเต อุฏฺาย คนฺตฺวา การณฆเร มนุสฺเส มาเรตฺวา มํสํ ขาทิตฺวา อาคจฺฉติ, เสสาปิ ตเถว กโรนฺติ. เชฏฺยกฺขินิยา มนุสฺสมํสํ ขาทิตฺวา อาคตกาเล สรีรํ สีตลํ โหติ. เชฏฺวาณิโช ปริคฺคณฺหนฺโต ตสฺสา ยกฺขินิภาวํ ตฺวา ‘‘อิมา ปฺจสตา ยกฺขินิโย ¶ ภวิสฺสนฺติ, อมฺเหหิ ปลายิตุํ วฏฺฏตี’’ติ ปุนทิวเส ปาโตว มุขโธวนตฺถาย คนฺตฺวา เสสวาณิชานํ อาโรเจสิ – ‘‘อิมา ยกฺขินิโย, น มนุสฺสิตฺถิโย, อฺเสํ ภินฺนนาวานํ อาคตกาเล เต สามิเก กตฺวา อมฺเหปิ ขาทิสฺสนฺติ, เอถ อิโต ปลายิสฺสามา’’ติ เตสุ ปฺจสเตสุ อฑฺฒเตยฺยสตา ‘‘น มยํ เอตา วิชหิตุํ สกฺขิสฺสาม, ตุมฺเห คจฺฉถ, มยํ น ปลายิสฺสามา’’ติ อาหํสุ. เชฏฺวาณิโช อตฺตโน วจนกาเร อฑฺฒเตยฺยสเต คเหตฺวา ตาสํ ภีโต ปลายิ.
ตสฺมึ ปน กาเล โพธิสตฺโต วลาหกสฺสโยนิยํ นิพฺพตฺติ, สพฺพเสโต กาฬสีโส มฺุชเกโส อิทฺธิมา เวหาสงฺคโม อโหสิ. โส ¶ หิมวนฺตโต อากาเส อุปฺปติตฺวา ตมฺพปณฺณิทีปํ คนฺตฺวา ตตฺถ ตมฺพปณฺณิสเร ปลฺลเล สยํชาตสาลึ ขาทิตฺวา คจฺฉติ. เอวํ คจฺฉนฺโต จ ‘‘ชนปทํ คนฺตุกามา อตฺถี’’ติ ติกฺขตฺตุํ กรุณาปริภาวิตํ มานุสึ วาจํ ภาสติ. เต โพธิสตฺตสฺส วจนํ สุตฺวา อุปสงฺกมิตฺวา อฺชลึ ปคฺคยฺห ‘‘สามิ, มยํ ชนปทํ คมิสฺสามา’’ติ อาหํสุ. เตน หิ มยฺหํ ปิฏฺึ อภิรุหถาติ. อปฺเปกจฺเจ อภิรุหึสุ, เตสุ เอกจฺเจ วาลธึ คณฺหึสุ, เอกจฺเจ อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา อฏฺํสุเยว. โพธิสตฺโต อนฺตมโส อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา ิเต สพฺเพปิ เต อฑฺฒเตยฺยสเต วาณิเช อตฺตโน อานุภาเวน ชนปทํ เนตฺวา สกสกฏฺาเนสุ ปติฏฺเปตฺวา อตฺตโน วสนฏฺานํ อาคมาสิ. ตาปิ โข ยกฺขินิโย อฺเสํ อาคตกาเล ตตฺถ โอหีนเก อฑฺฒเตยฺยสเต มนุสฺเส วธิตฺวา ขาทึสุ.
สตฺถา ภิกฺขู อามนฺเตตฺวา ‘‘ภิกฺขเว, ยถา เต ยกฺขินีนํ วสํ คตา วาณิชา ชีวิตกฺขยํ ปตฺตา, วลาหกสฺสราชสฺส วจนกรา วาณิชา สกสกฏฺาเนสุ ปติฏฺิตา, เอวเมว พุทฺธานํ โอวาทํ อกโรนฺตา ภิกฺขูปิ ภิกฺขุนิโยปิ อุปาสกาปิ อุปาสิกาโยปิ จตูสุ อปาเยสุ ¶ ปฺจวิธพนฺธนกมฺมกรณฏฺานาทีสุ ¶ มหาทุกฺขํ ปาปุณนฺติ. โอวาทกรา ปน ติสฺโส กุลสมฺปตฺติโย จ ฉ กามสคฺเค วีสติ พฺรหฺมโลเกติ อิมานิ จ านานิ ปตฺวา อมตมหานิพฺพานํ สจฺฉิกตฺวา มหนฺตํ สุขํ อนุภวนฺตี’’ติ วตฺวา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา อิมา คาถา อโวจ –
‘‘เย น กาหนฺติ โอวาทํ, นรา พุทฺเธน เทสิตํ;
พฺยสนํ เต คมิสฺสนฺติ, รกฺขสีหิว วาณิชา.
‘‘เย จ กาหนฺติ โอวาทํ, นรา พุทฺเธน เทสิตํ;
โสตฺถึ ปารํ คมิสฺสนฺติ, วลาเหเนว วาณิชา’’ติ.
ตตฺถ เย น กาหนฺตีติ เย น กริสฺสนฺติ. พฺยสนํ เต คมิสฺสนฺตีติ เต มหาวินาสํ ปาปุณิสฺสนฺติ. รกฺขสีหิว วาณิชาติ รกฺขสีหิ ปโลภิตวาณิชา วิย. โสตฺถึ ปารํ คมิสฺสนฺตีติ อนนฺตราเยน นิพฺพานํ ปาปุณิสฺสนฺติ. วลาเหเนว วาณิชาติ วลาเหเนว ‘‘อาคจฺฉถา’’ติ ¶ วุตฺตา ตสฺส วจนกรา วาณิชา วิย. ยถา หิ เต สมุทฺทปารํ คนฺตฺวา สกสกฏฺานํ อคมํสุ, เอวํ พุทฺธานํ โอวาทกรา สํสารปารํ นิพฺพานํ คจฺฉนฺตีติ อมตมหานิพฺพาเนน ธมฺมเทสนาย กูฏํ คณฺหิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺิตภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, อฺเปิ พหู โสตาปตฺติผลสกทาคามิผลอนาคามิผลอรหตฺตผลานิ ปาปุณึสุ. ‘‘ตทา วลาหกสฺสราชสฺส วจนกรา อฑฺฒเตยฺยสตา วาณิชา พุทฺธปริสา อเหสุํ, วลาหกสฺสราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
วลาหกสฺสชาตกวณฺณนา ฉฏฺา.
[๑๙๗] ๗. มิตฺตามิตฺตชาตกวณฺณนา
น นํ อุมฺหยเต ทิสฺวาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. อฺตโร ภิกฺขุ ‘‘มยา คหิเต มยฺหํ อุปชฺฌาโย น กุชฺฌิสฺสตี’’ติ อุปชฺฌาเยน ปิตํ วิสฺสาเสน เอกํ วตฺถขณฺฑํ คเหตฺวา อุปาหนตฺถวิกํ กตฺวา ปจฺฉา อุปชฺฌายํ อาปุจฺฉิ. อถ ตํ อุปชฺฌาโย ¶ ‘‘กึการณา คณฺหี’’ติ ¶ วตฺวา ‘‘มยา คหิเต น กุชฺฌิสฺสตีติ ตุมฺหากํ วิสฺสาเสนา’’ติ วุตฺเต ‘‘โก มยา สทฺธึ ตุยฺหํ วิสฺสาโส นามา’’ติ วตฺวา กุทฺโธ อุฏฺหิตฺวา ปหริ. ตสฺส สา กิริยา ภิกฺขูสุ ปากฏา ชาตา. อเถกทิวสํ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, อสุโก กิร ทหโร อุปชฺฌายสฺส วิสฺสาเสน วตฺถขณฺฑํ คเหตฺวา อุปาหนตฺถวิกํ อกาสิ. อถ นํ อุปชฺฌาโย ‘โก มยา สทฺธึ ตุยฺหํ วิสฺสาโส นามา’ติ วตฺวา กุทฺโธ อุฏฺหิตฺวา ปหรี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนเวส ภิกฺขุ อตฺตโน สทฺธิวิหาริเกน สทฺธึ อวิสฺสาสิโก, ปุพฺเพปิ อวิสฺสาสิโกเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต กาสิรฏฺเ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อภิฺา ¶ จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา คณสตฺถา หุตฺวา หิมวนฺตปเทเส วาสํ กปฺเปสิ. ตสฺมึ อิสิคเณ เอโก ตาปโส โพธิสตฺตสฺส วจนํ อกตฺวา เอกํ มตมาติกํ หตฺถิโปตกํ ปฏิชคฺคิ. อถ นํ โส วุทฺธิปฺปตฺโต มาเรตฺวา อรฺํ ปาวิสิ. ตสฺส สรีรกิจฺจํ กตฺวา อิสิคโณ โพธิสตฺตํ ปริวาเรตฺวา – ‘‘ภนฺเต, เกน นุ โก การเณน มิตฺตภาโว วา อมิตฺตภาโว วา สกฺกา ชานิตุ’’นฺติ ปุจฺฉิ. โพธิสตฺโต ‘‘อิมินา จ อิมินา จ การเณนา’’ติ อาจิกฺขนฺโต อิมา คาถา อโวจ –
‘‘น นํ อุมฺหยเต ทิสฺวา, น จ นํ ปฏินนฺทติ;
จกฺขูนิ จสฺส น ททาติ, ปฏิโลมฺจ วตฺตติ.
‘‘เอเต ภวนฺติ อาการา, อมิตฺตสฺมึ ปติฏฺิตา;
เยหิ อมิตฺตํ ชาเนยฺย, ทิสฺวา สุตฺวา จ ปณฺฑิโต’’ติ.
ตตฺถ น นํ อุมฺหยเต ทิสฺวาติ โย หิ ยสฺส อมิตฺโต โหติ, โส ตํ ปุคฺคลํ ทิสฺวา น อุมฺหยเต, หสิตํ น กโรติ, ปหฏฺาการํ น ทสฺเสติ. น ¶ จ นํ ปฏินนฺทตีติ ตสฺส วจนํ สุตฺวาปิ ตํ ปุคฺคลํ น ปฏินนฺทติ, สาธุ สุภาสิตนฺติ น จานุโมทติ. จกฺขูนิ จสฺส น ททาตีติ จกฺขุนา จกฺขุํ อาหจฺจ ปฏิมุโข หุตฺวา น โอโลเกติ, อฺโต จกฺขูนิ หรติ. ปฏิโลมฺจ วตฺตตีติ ตสฺส กายกมฺมมฺปิ วจีกมฺมมฺปิ น โรเจติ, ปฏิโลมคาหํ คณฺหาติ ปจฺจนีกคาหํ. อาการาติ การณานิ. เยหิ อมิตฺตนฺติ เยหิ การเณหิ ¶ ตานิ การณานิ ทิสฺวา สุตฺวา จ ปณฺฑิโต ปุคฺคโล ‘‘อยํ เม อมิตฺโต’’ติ ชาเนยฺย, ตโต วิปรีเตหิ ปน มิตฺตภาโว ชานิตพฺโพติ.
เอวํ โพธิสตฺโต มิตฺตามิตฺตภาวการณานิ อาจิกฺขิตฺวา พฺรหฺมวิหาเร ภาเวตฺวา พฺรหฺมโลกูปโค อโหสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา หตฺถิโปสกตาปโส สทฺธิวิหาริโก อโหสิ, หตฺถี อุปชฺฌาโย, อิสิคโณ พุทฺธปริสา, คณสตฺถา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
มิตฺตามิตฺตชาตกวณฺณนา สตฺตมา.
[๑๙๘] ๘. ราธชาตกวณฺณนา
ปวาสา ¶ อาคโต ตาตาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ อุกฺกณฺิตภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิร สตฺถารา ‘‘สจฺจํ กิร, ตฺวํ ภิกฺขุ, อุกฺกณฺิโต’’ติ ปุฏฺโ ‘‘สจฺจํ, ภนฺเต’’ติ วตฺวา ‘‘กึการณา’’ติ วุตฺเต ‘‘เอกํ อลงฺกตอิตฺถึ ทิสฺวา กิเลสวเสนา’’ติ อาห. อถ นํ สตฺถา ‘‘มาตุคาโม นาม ภิกฺขุ น สกฺกา รกฺขิตุํ, ปุพฺเพปิ โทวาริเก เปตฺวา รกฺขนฺตาปิ รกฺขิตุํ น สกฺขึสุ, กึ เต อิตฺถิยา, ลทฺธาปิ สา รกฺขิตุํ น สกฺกา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต สุวโยนิยํ นิพฺพตฺติ, ‘‘ราโธ’’ติสฺส นามํ, กนิฏฺภาตา ปนสฺส โปฏฺปาโท นาม. เต อุโภปิ ตรุณกาเลเยว เอโก ลุทฺทโก คเหตฺวา พาราณสิยํ อฺตรสฺส พฺราหฺมณสฺส อทาสิ, พฺราหฺมโณ เต ปุตฺตฏฺาเน เปตฺวา ปฏิชคฺคิ. พฺราหฺมณสฺส ¶ ปน พฺราหฺมณี อรกฺขิตา ทุสฺสีลา. โส โวหารกรณตฺถาย คจฺฉนฺโต เต สุวโปตเก อามนฺเตตฺวา ‘‘ตาตา, อหํ โวหารกรณตฺถาย คจฺฉามิ, กาเล วา วิกาเล วา ตุมฺหากํ มาตุ กรณกมฺมํ โอโลเกยฺยาถ, อฺสฺส ปุริสสฺส คมนภาวํ วา อคมนภาวํ วา ชาเนยฺยาถา’’ติ พฺราหฺมณึ สุวโปตกานํ ปฏิจฺฉาเปตฺวา อคมาสิ. สา ตสฺส นิกฺขนฺตกาลโต ปฏฺาย อนาจารํ จริ, รตฺติมฺปิ ทิวาปิ อาคจฺฉนฺตานฺจ คจฺฉนฺตานฺจ ปมาณํ นตฺถิ.
ตํ ทิสฺวา โปฏฺปาโท ราธํ ปุจฺฉิ – ‘‘พฺราหฺมโณ อิมํ พฺราหฺมณึ อมฺหากํ นิยฺยาเทตฺวา คโต, อยฺจ ¶ ปาปกมฺมํ กโรติ, วทามิ น’’นฺติ. ราโธ ‘‘มา วทาหี’’ติ อาห. โส ตสฺส วจนํ อคฺคเหตฺวา ‘‘อมฺม, กึการณา ปาปกมฺมํ กโรสี’’ติ อาห. สา ตํ มาเรตุกามา หุตฺวา ‘‘ตาต, ตฺวํ นาม มยฺหํ ปุตฺโต, อิโต ปฏฺาย น กริสฺสามิ, เอหิ, ตาต, ตาวา’’ติ ปิยายมานา วิย ปกฺโกสิตฺวา อาคตํ คเหตฺวา ‘‘ตฺวํ มํ โอวทสิ, อตฺตโน ปมาณํ น ชานาสี’’ติ คีวํ ปริวตฺเตตฺวา มาเรตฺวา อุทฺธนนฺตเรสุ ปกฺขิปิ. พฺราหฺมโณ อาคนฺตฺวา วิสฺสมิตฺวา โพธิสตฺตํ ‘‘กึ, ตาต ราธ, มาตา เต อนาจารํ กโรติ, น กโรตี’’ติ ปุจฺฉนฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘ปวาสา ¶ อาคโต ตาต, อิทานิ นจิราคโต;
กจฺจินฺนุ ตาต เต มาตา, น อฺมุปเสวตี’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – อหํ, ตาต ราธ, ปวาสา อาคโต, โส จมฺหิ อิทาเนว อาคโต นจิราคโต, เตน ปวตฺตึ อชานนฺโต ตํ ปุจฺฉามิ – ‘‘กจฺจิ นุ เต, ตาต, มาตา อฺํ ปุริสํ น อุปเสวตี’’ติ.
ราโธ ‘‘ตาต, ปณฺฑิตา นาม ภูตํ วา อภูตํ วา อนิยฺยานิกํ นาม น กเถสุ’’นฺติ าเปนฺโต ทุติยํ คาถมาห –
‘‘น ¶ โข ปเนตํ สุภณํ, คิรํ สจฺจุปสํหิตํ;
สเยถ โปฏฺปาโทว, มุมฺมุเร อุปกูถิโต’’ติ.
ตตฺถ คิรนฺติ วจนํ. ตฺหิ ยถา อิทานิ คิรา, เอวํ ตทา ‘‘คิร’’นฺติ วุจฺจติ, โส สุวโปตโก ลิงฺคํ อนาทิยิตฺวา เอวมาห. อยํ ปเนตฺถ อตฺโถ – ตาต, ปณฺฑิเตน นาม สจฺจุปสํหิตํ ยถาภูตํ อตฺถยุตฺตํ สภาววจนมฺปิ อนิยฺยานิกํ น สุภณํ. อนิยฺยานิกฺจ สจฺจํ ภณนฺโต สเยถ โปฏฺปาโทว, มุมฺมุเร อุปกูถิโต, ยถา โปฏฺปาโท กุกฺกุเฬ ฌาโม สยติ, เอวํ สเยยฺยาติ. ‘‘อุปกูธิโต’’ติปิ ปาโ, อยเมวตฺโถ.
เอวํ โพธิสตฺโต พฺราหฺมณสฺส ธมฺมํ เทเสตฺวา ‘‘มยาปิ อิมสฺมึ าเน วสิตุํ น สกฺกา’’ติ พฺราหฺมณํ อาปุจฺฉิตฺวา อรฺเมว ปาวิสิ.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺิตภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ‘‘ตทา โปฏฺปาโท อานนฺโท อโหสิ, ราโธ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
ราธชาตกวณฺณนา อฏฺมา.
[๑๙๙] ๙. คหปติชาตกวณฺณนา
อุภยํ ¶ เม น ขมตีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อุกฺกณฺิตเมว ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. กเถนฺโต จ ‘‘มาตุคาโม นาม อรกฺขิโต, ปาปกมฺมํ กตฺวา เยน เกนจิ อุปาเยน สามิกํ วฺเจติเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต กาสิรฏฺเ คหปติกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ฆราวาสํ คณฺหิ. ตสฺส ภริยา ทุสฺสีลา คามโภชเกน สทฺธึ อนาจารํ จรติ. โพธิสตฺโต ตํ ตฺวา ปริคฺคณฺหนฺโต จรติ ¶ . ตทา ปน อนฺโตวสฺเส พีเชสุ นีหเฏสุ ฉาตกํ อโหสิ, สสฺสานํ คพฺภคหณกาโล ชาโต. สกลคามวาสิโน ‘‘อิโต มาสทฺวเยน สสฺสานิ อุทฺธริตฺวา วีหึ ทสฺสามา’’ติ เอกโต หุตฺวา คามโภชกสฺส หตฺถโต เอกํ ชรโคณํ คเหตฺวา มํสํ ขาทึสุ.
อเถกทิวสํ คามภาชโก ขณํ โอโลเกตฺวา โพธิสตฺตสฺส พหิคตเวลายํ เคหํ ปาวิสิ. เตสํ สุขนิปนฺนกฺขเณเยว โพธิสตฺโต คามทฺวาเรน ปวิสิตฺวา เคหาภิมุโข ปายาสิ. สา อิตฺถี คามทฺวาราภิมุขี ตํ ทิสฺวา ‘‘โก นุ โข เอโส’’ติ อุมฺมาเร ตฺวา โอโลเกนฺตี ‘‘โสเยวา’’ติ ตฺวา คามโภชกสฺส อาจิกฺขิ, คามโภชโก ภีโต ปกมฺปิ. อถ นํ สา ‘‘มา ภายิ, อตฺเถโก อุปาโย, อมฺเหหิ ตว หตฺถโต โคณมํสํ ขาทิตํ, ตฺวํ มํสมูลํ โสเธนฺโต วิย โหหิ, อหํ โกฏฺํ อารุยฺห โกฏฺทฺวาเร ตฺวา ‘วีหิ นตฺถี’ติ วกฺขามิ. ตฺวํ เคหมชฺเฌ ตฺวา ‘อมฺหากํ ฆเร ทารกา ฉาตา, มํสมูลํ เม เทหี’ติ ปุนปฺปุนํ โจเทยฺยาสี’’ติ วตฺวา โกฏฺํ อารุยฺห โกฏฺทฺวาเร นิสีทิ. อิตโร เคหมชฺเฌ ตฺวา ‘‘มํสมูลํ เทหี’’ติ วทติ. สา โกฏฺทฺวาเร นิสินฺนา ‘‘โกฏฺเ วีหิ นตฺถิ, สสฺเส อุทฺธรนฺเต ทสฺสามิ คจฺฉาหี’’ติ อาห.
โพธิสตฺโต เคหํ ปวิสิตฺวา เตสํ กิริยํ ทิสฺวา ‘‘อิมาย ปาปาย กตอุปาโย เอส ภวิสฺสตี’’ติ ¶ ตฺวา คามโภชกํ อามนฺเตตฺวา ‘‘โส คามโภชก อมฺเห ตว ชรโคณสฺส มํสํ ขาทนฺตา ‘อิโต มาสทฺวเยน วีหึ ทสฺสามา’ติ ขาทิมฺห, ตฺวํ อฑฺฒมาสมฺปิ อนติกฺกมิตฺวา อิทาเนว ¶ กสฺมา อาหราเปสิ, น ตฺวํ อิมินา การเณน อาคโต, อฺเน การเณน อาคโต ภวิสฺสสิ, มยฺหํ ตว กิริยา น รุจฺจติ, อยมฺปิ อนาจารา ปาปธมฺมา โกฏฺเ วีหีนํ อภาวํ ชานาติ, สา ทานิ โกฏฺํ อารุยฺห ‘วีหิ นตฺถี’ติ ¶ วทติ, ตฺวมฺปิ ‘เทหี’ติ วทติ, อุภินฺนมฺปิ โว กรณํ มยฺหํ น รุจฺจตี’’ติ เอตมตฺถํ ปกาเสนฺโต อิมา คาถา อโวจ –
‘‘อุภยํ เม น ขมติ, อุภยํ เม น รุจฺจติ;
ยาจายํ โกฏฺโมติณฺณา, นทสฺสํ อิติ ภาสติ.
‘‘ตํ ตํ คามปติ พฺรูมิ, กทเร อปฺปสฺมิ ชีวิเต;
ทฺเว มาเส สงฺครํ กตฺวา, มํสํ ชรคฺควํ กิสํ;
อปฺปตฺตกาเล โจเทสิ, ตมฺปิ มยฺหํ น รุจฺจตี’’ติ.
ตตฺถ ตํ ตํ คามปติ พฺรูมีติ, อมฺโภ คามเชฏฺก, เตน การเณน ตํ วทามิ. กทเร อปฺปสฺมิ ชีวิเตติ อมฺหากํ ชีวิตํ นาม กทรฺเจว ถทฺธํ ลูขํ กสิรํ อปฺปฺจ มนฺทํ ปริตฺตํ, ตสฺมึ โน เอวรูเป ชีวิเต วตฺตมาเน. ทฺเว มาเส สงฺครํ กตฺวา, มํสํ ชรคฺควํ กิสนฺติ อมฺหากํ มํสํ คณฺหนฺตานํ ชรคฺควํ กิสํ ทุพฺพลํ ชรโคณํ ททมาโน ตฺวํ ‘‘ทฺวีหิ มาเสหิ มูลํ ทาตพฺพ’’นฺติ เอวํ ทฺเว มาเส สงฺครํ ปริจฺเฉทํ กตฺวา. อปฺปตฺตกาเล โจเทสีติ ตสฺมึ กาเล อสมฺปตฺเต อนฺตราว โจเทสิ. ตมฺปิ มยฺหํ น รุจฺจตีติ ยา จายํ ปาปธมฺมา ทุสฺสีลา อนฺโตโกฏฺเ วีหีนํ นตฺถิภาวํ ชานมานาว อชานนฺตี วิย หุตฺวา โกฏฺโมติณฺณา โกฏฺทฺวาเร ตฺวา น ทสฺสํ อิติ ภาสติ, ยฺจ ตฺวํ อกาเล โจเทสิ, ตมฺปีติ อิทํ อุภยมฺปิ มม เนว ขมติ น รุจฺจตีติ.
เอวํ โส กเถนฺโตว คามโภชกํ จูฬาย คเหตฺวา กฑฺฒิตฺวา เคหมชฺเฌ ปาเตตฺวา ‘‘คามโภชโกมฺหีติ ปรสฺส รกฺขิตโคปิตภณฺเฑ อปรชฺฌสี’’ติอาทีหิ ปริภาสิตฺวา โปเถตฺวา ทุพฺพลํ กตฺวา คีวาย คเหตฺวา เคหา นิกฺกฑฺฒิตฺวา ตมฺปิ ทุฏฺอิตฺถึ เกเสสุ คเหตฺวา โกฏฺา โอตาเรตฺวา นิปฺโปเถตฺวา ‘‘สเจ ปุน เอวรูปํ กโรสิ, ชานิสฺสสี’’ติ สนฺตชฺเชสิ. ตโต ปฏฺาย คามโภชโก ตํ เคหํ โอโลเกตุมฺปิ น วิสหิ, สาปิ ปาปา ปุน มนสาปิ อติจริตุํ นาสกฺขิ.
สตฺถา ¶ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน ¶ อุกฺกณฺิตภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ‘‘ตทา คามโภชโก เทวทตฺโต, นิคฺคหการโก คหปติ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
คหปติชาตกวณฺณนา นวมา.
[๒๐๐] ๑๐. สาธุสีลชาตกวณฺณนา
สรีรทพฺยนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ พฺราหฺมณํ อารพฺภ กเถสิ. ตสฺส กิร จตสฺโส ธีตโร อเหสุํ. ตา จตฺตาโร ชนา ปตฺเถนฺติ, เตสุ เอโก อภิรูโป สรีรสมฺปนฺโน, เอโก วยปฺปตฺโต มหลฺลโก, เอโก ชาติสมฺปนฺโน, เอโก สีลวา. พฺราหฺมโณ จินฺเตสิ – ‘‘ธีตโร นิเวเสนฺเตน ปติฏฺาเปนฺเตน กสฺส นุ โข ทาตพฺพา, กึ รูปสมฺปนฺนสฺส, อุทาหุ วยปฺปตฺตสฺส, ชาติสมฺปนฺนสีลวนฺตานํ อฺตรสฺสา’’ติ. โส จินฺเตนฺโตปิ อชานิตฺวา ‘‘อิมํ การณํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ชานิสฺสติ, ตํ ปุจฺฉิตฺวา เอเตสํ อนฺตเร อนุจฺฉวิกสฺส ทสฺสามี’’ติ คนฺธมาลาทีนิ คาหาเปตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺโน อาทิโต ปฏฺาย ตมตฺถํ อาโรเจตฺวา ‘‘ภนฺเต, อิเมสุ จตูสุ ชเนสุ กสฺส ทาตุํ วฏฺฏตี’’ติ ปุจฺฉิ. สตฺถา ‘‘ปุพฺเพปิ ปณฺฑิตา เอตํ ปฺหํ กถยึสุ, ภวสงฺเขปคตตฺตา ปน สลฺลกฺเขตุํ น สกฺโกสี’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ สิปฺปํ อุคฺคณฺหิตฺวา อาคนฺตฺวา พาราณสิยํ ทิสาปาโมกฺโข อาจริโย อโหสิ. อเถกสฺส พฺราหฺมณสฺส จตสฺโส ธีตโร อเหสุํ, ตา เอวเมว จตฺตาโร ชนา ปตฺถยึสุ. พฺราหฺมโณ ‘‘กสฺส นุ โข ทาตพฺพา’’ติ อชานนฺโต ‘‘อาจริยํ ปุจฺฉิตฺวา ทาตพฺพยุตฺตกสฺส ทสฺสามี’’ติ ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ตมตฺถํ ปุจฺฉนฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘สรีรทพฺยํ ¶ วุฑฺฒพฺยํ, โสชจฺจํ สาธุสีลิยํ;
พฺราหฺมณํ เตว ปุจฺฉาม, กนฺนุ เตสํ วนิมฺหเส’’ติ.
ตตฺถ ¶ ‘‘สรีรทพฺย’’นฺติอาทีหิ เตสํ จตุนฺนํ วิชฺชมาเน คุเณ ปกาเสติ. อยฺเหตฺถ อธิปฺปาโย – ธีตโร เม จตฺตาโร ชนา ปตฺเถนฺติ, เตสุ เอกสฺส สรีรทพฺยมตฺถิ, สรีรสมฺปทา อภิรูปภาโว สํวิชฺชติ. เอกสฺส วุฑฺฒพฺยํ วุฑฺฒิภาโว มหลฺลกตา อตฺถิ. เอกสฺส โสชจฺจํ สุชาติตา ชาติสมฺปทา อตฺถิ. ‘‘สุชจฺจ’’นฺติปิ ปาโ. เอกสฺส สาธุสีลิยํ สุนฺทรสีลภาโว ¶ สีลสมฺปทา อตฺถิ. พฺราหฺมณํ เตว ปุจฺฉามาติ เตสุ อสุกสฺส นาเมตา ทาตพฺพาติ อชานนฺตา มยํ ภวนฺตํ พฺราหฺมณฺเว ปุจฺฉาม. กนฺนุ เตสํ วนิมฺหเสติ เตสํ จตุนฺนํ ชนานํ กํ วนิมฺหเส, กํ อิจฺฉาม, กสฺส ตา กุมาริกา ททามาติ ปุจฺฉติ.
ตํ สุตฺวา อาจริโย ‘‘รูปสมฺปทาทีสุ วิชฺชมานาสุปิ วิปนฺนสีโล คารยฺโห, ตสฺมา ตํ นปฺปมาณํ, อมฺหากํ สีลวนฺตภาโว รุจฺจตี’’ติ อิมมตฺถํ ปกาเสนฺโต ทุติยํ คาถมาห –
‘‘อตฺโถ อตฺถิ สรีรสฺมึ, วุฑฺฒพฺยสฺส นโม กเร;
อตฺโถ อตฺถิ สุชาตสฺมึ, สีลํ อสฺมาก รุจฺจตี’’ติ.
ตตฺถ อตฺโถ อตฺถิ สรีรสฺมินฺติ รูปสมฺปนฺเน สรีเรปิ อตฺโถ วิเสโส วุทฺธิ อตฺถิเยว, ‘‘นตฺถี’’ติ น วทามิ. วุฑฺฒพฺยสฺส นโม กเรติ วุฑฺฒภาวสฺส ปน นมกฺการเมว กโรมิ. วุฑฺฒภาโว หิ วนฺทนมานนํ ลภติ. อตฺโถ อตฺถิ สุชาตสฺมินฺติ สุชาเตปิ ปุริเส วุฑฺฒิ อตฺถิ, ชาติสมฺปตฺติปิ อิจฺฉิตพฺพาเยว. สีลํ อสฺมาก รุจฺจตีติ อมฺหากํ ปน สีลเมว รุจฺจติ. สีลวา หิ อาจารสมฺปนฺโน สรีรทพฺยวิรหิโตปิ ปุชฺโช ปาสํโสติ. พฺราหฺมโณ ตสฺส วจนํ สุตฺวา สีลวนฺตสฺเสว ธีตโร อทาสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – สจฺจปริโยสาเน พฺราหฺมโณ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ‘‘ตทา พฺราหฺมโณ อยเมว พฺราหฺมโณ อโหสิ, ทิสาปาโมกฺโข อาจริโย ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
สาธุสีลชาตกวณฺณนา ทสมา.
รุหกวคฺโค ปฺจโม.
ตสฺสุทฺทานํ –
รุหกํ ¶ สิริกาฬกํ, ปทุมํ มณิโจรกํ;
ปพฺพตูปตฺถรวลาหํ, มิตฺตามิตฺตฺจ ราธฺจ;
คหปติ สาธุสีลํ.
๖. นตํทฬฺหวคฺโค
[๒๐๑] ๑. พนฺธนาคารชาตกวณฺณนา
น ¶ ¶ ตํ ทฬฺหํ พนฺธนมาหุ ธีราติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต พนฺธนาคารํ อารพฺภ กเถสิ. ตสฺมึ กิร กาเล พหู สนฺธิจฺเฉทกปนฺถฆาตกโจเร อาเนตฺวา โกสลรฺโ ทสฺเสสุํ. เต ราชา อทฺทุพนฺธนรชฺชุพนฺธนสงฺขลิกพนฺธเนหิ พนฺธาเปสิ. ตึสมตฺตา ชานปทา ภิกฺขู สตฺถารํ ทฏฺุกามา อาคนฺตฺวา ทิสฺวา วนฺทิตฺวา ปุนทิวเส ปิณฺฑาย จรนฺตา พนฺธนาคารํ คนฺตฺวา เต โจเร ทิสฺวา ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺตา สายนฺหสมเย ตถาคตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ภนฺเต, อชฺช อมฺเหหิ ปิณฺฑาย จรนฺเตหิ พนฺธนาคาเร พหู โจรา อทฺทุพนฺธนาทีหิ พทฺธา มหาทุกฺขํ อนุภวนฺตา ทิฏฺา, เต ตานิ พนฺธนานิ ฉินฺทิตฺวา ปลายิตุํ น สกฺโกนฺติ, อตฺถิ นุ โข เตหิ พนฺธเนหิ ถิรตรํ นาม อฺํ พนฺธน’’นฺติ ปุจฺฉึสุ. สตฺถา ‘‘ภิกฺขเว, กึ พนฺธนานิ นาเมตานิ, ยํ ปเนตํ ธนธฺปุตฺตทาราทีสุ ตณฺหาสงฺขาตํ กิเลสพนฺธนํ, เอตํ เอเตหิ พนฺธเนหิ สตคุเณน สหสฺสคุเณน ถิรตรํ, เอวํ มหนฺตมฺปิ ปเนตํ ทุจฺฉินฺทนิยํ พนฺธนํ โปราณกปณฺฑิตา ฉินฺทิตฺวา หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา ปพฺพชึสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต เอกสฺมึ ทุคฺคตคหปติกุเล นิพฺพตฺติ, ตสฺส วยปฺปตฺตสฺส ปิตา กาลมกาสิ. โส ภตึ กตฺวา มาตรํ โปเสสิ, อถสฺส มาตา อนิจฺฉมานสฺเสว เอกํ กุลธีตรํ เคเห กตฺวา อปรภาเค กาลมกาสิ. ภริยายปิสฺส กุจฺฉิยํ คพฺโภ ปติฏฺาสิ. โส คพฺภสฺส ปติฏฺิตภาวํ อชานนฺโต ‘‘ภทฺเท, ตฺวํ ภตึ กตฺวา ชีวาหิ, อหํ ปพฺพชิสฺสามี’’ติ อาห ¶ . สาปิ ‘‘คพฺโภ เม ปติฏฺิโต, มยิ ¶ วิชาตาย ทารกํ ทิสฺวา ปพฺพชิสฺสสี’’ติ อาห. โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตสฺสา วิชาตกาเล ‘‘ภทฺเท, ตฺวํ โสตฺถินา วิชาตา, อิทานาหํ ปพฺพชิสฺสามี’’ติ อาปุจฺฉิ. อถ นํ สา ‘‘ปุตฺตกสฺส ตาว ถนปานโต อปคมนกาลํ อาคเมหี’’ติ วตฺวา ปุน คพฺภํ คณฺหิ.
โส จินฺเตสิ – ‘‘อิมํ สมฺปฏิจฺฉาเปตฺวา คนฺตุํ น สกฺกา, อิมิสฺสา อนาจิกฺขิตฺวาว ปลายิตฺวา ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. โส ตสฺสา อนาจิกฺขิตฺวา รตฺถิภาเค อุฏฺาย ปลายิ. อถ นํ ¶ นครคุตฺติกา อคฺคเหสุํ. โส ‘‘อหํ, สามิ, มาตุโปสโก นาม, วิสฺสชฺเชถ ม’’นฺติ เตหิ อตฺตานํ วิสฺสชฺชาเปตฺวา เอกสฺมึ าเน วสิตฺวา อคฺคทฺวาเรเนว นิกฺขมิตฺวา หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา ฌานกีฬํ กีฬนฺโต วิหาสิ. โส ตตฺถ วสนฺโต ‘‘เอวรูปมฺปิ นาม เม ทุจฺฉินฺทนิยํ ปุตฺตทารพนฺธนํ กิเลสพนฺธนํ ฉินฺทิต’’นฺติ อุทานํ อุทาเนนฺโต อิมา คาถา อโวจ –
‘‘น ตํ ทฬฺหํ พนฺธนมาหุ ธีรา, ยทายสํ ทารุชปพฺพชฺจ;
สารตฺตรตฺตา มณิกุณฺฑเลสุ, ปุตฺเตสุ ทาเรสุ จ ยา อเปกฺขา.
‘‘เอตํ ทฬฺหํ พนฺธนมาหุ ธีรา, โอหารินํ สีถิลํ ทุปฺปมฺุจํ;
เอตมฺปิ เฉตฺวาน วชนฺติ ธีรา, อนเปกฺขิโน กามสุขํ ปหายา’’ติ.
ตตฺถ ธีราติ ธิติมนฺตา, ธิกฺกตปาปาติ ธีรา. อถ วา ธี วุจฺจติ ปฺา, ตาย ปฺาย สมนฺนาคตาติ ธีรา, พุทฺธา ปจฺเจกพุทฺธา พุทฺธสาวกา ¶ โพธิสตฺตา จ อิเม ธีรา นาม. ยทายสนฺติอาทีสุ ยํ สงฺขลิกสงฺขาตํ อยสา นิพฺพตฺตํ อายสํ, ยํ อทฺทุพนฺธนสงฺขาตํ ทารุชํ, ยฺจ ปพฺพชติเณหิ วา อฺเหิ วา วากาทีหิ รชฺชุํ กตฺวา กตรชฺชุพนฺธนํ, ตํ อายสาทึ ฉินฺทิตุํ สกฺกุเณยฺยภาเวน ธีรา ทฬฺหํ ถิรนฺติ นาหุ น กเถนฺติ. สารตฺตรตฺตาติ สารตฺตา หุตฺวา รตฺตา, พลวราครตฺตาติ อตฺโถ. มณิกุณฺฑเลสูติ มณีสุ จ กุณฺฑเลสุ จ, มณิยุตฺเตสุ วา กุณฺฑเลสุ.
เอตํ ¶ ทฬฺหนฺติ เย มณิกุณฺฑเลสุ สารตฺตรตฺตา, เตสํ โย จ สาราโค, ยา จ เตสํ ปุตฺตทาเรสุ อเปกฺขา ตณฺหา, เอตํ กิเลสมยํ พนฺธนํ ทฬฺหํ ถิรนฺติ ธีรา อาหุ. โอหารินนฺติ อากฑฺฒิตฺวา จตูสุ อปาเยสุ ปาตนโต อวหรติ เหฏฺา หรตีติ โอหารินํ. สิถิลนฺติ พนฺธนฏฺาเน ฉวิจมฺมมํสานิ น ฉินฺทติ, โลหิตํ น นีหรติ, พนฺธนภาวมฺปิ น ชานาเปติ, ถลปถชลปถาทีสุ กมฺมานิ กาตุํ เทตีติ สิถิลํ. ทุปฺปมฺุจนฺติ ตณฺหาโลภวเสน หิ เอกวารมฺปิ อุปฺปนฺนํ กิเลสพนฺธนํ ทฏฺฏฺานโต กจฺฉโป วิย ทุมฺโมจยํ โหตีติ ทุปฺปมฺุจํ. เอตมฺปิ เฉตฺวานาติ เอตํ เอวํ ทฬฺหมฺปิ กิเลสพนฺธนํ าณขคฺเคน ฉินฺทิตฺวา อยทามานิ ฉินฺทิตฺวา มตฺตวรวารณา วิย ปฺชเร ฉินฺทิตฺวา สีหโปตกา วิย จ ธีรา วตฺถุกามกิเลสกาเม อุกฺการภูมึ วิย ชิคุจฺฉมานา อนเปกฺขิโน หุตฺวา กามสุขํ ปหาย วชนฺติ ปกฺกมนฺติ, ปกฺกมิตฺวา จ ปน หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ฌานสุเขน วีตินาเมนฺตีติ.
เอวํ ¶ โพธิสตฺโต อิมํ อุทานํ อุทาเนตฺวา อปริหีนชฺฌาโน พฺรหฺมโลกปรายโณ อโหสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน เกจิ โสตาปนฺนา, เกจิ สกทาคามิโน, เกจิ อนาคามิโน, เกจิ อรหนฺโต อเหสุํ. ‘‘ตทา มาตา มหามายา อโหสิ, ปิตา สุทฺโธทนมหาราชา, ภริยา ราหุลมาตา, ปุตฺโต ราหุโล, ปุตฺตทารํ ปหาย นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิโต ปุริโส ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
พนฺธนาคารชาตกวณฺณนา ปมา.
[๒๐๒] ๒. เกฬิสีลชาตกวณฺณนา
หํสา ¶ โกฺจา มยูรา จาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อายสฺมนฺตํ ลกุณฺฑกภทฺทิยํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิรายสฺมา พุทฺธสาสเน ปากโฏ อโหสิ ปฺาโต มธุรสฺสโร มธุรธมฺมกถิโก ปฏิสมฺภิทาปฺปตฺโต มหาขีณาสโว อสีติยา มหาเถรานํ อนฺตโร ¶ ปมาเณน โอมโก ลกุณฺฑโก สามเณโร วิย, ขุทฺทโก กีฬนตฺถาย กโต วิย. ตสฺมึ เอกทิวสํ ตถาคตํ วนฺทิตฺวา เชตวนโกฏฺกํ คเต ชนปทา ตึสมตฺตา ภิกฺขู ‘‘ทสพลํ วนฺทิสฺสามา’’ติ เชตวนํ ปวิสนฺตา วิหารโกฏฺเก เถรํ ทิสฺวา ‘‘สามเณโร เอโส’’ติ สฺาย เถรํ จีวรกณฺเณ คณฺหนฺตา หตฺเถ คณฺหนฺตา สีสํ คณฺหนฺตา นาสาย ปรามสนฺตา กณฺเณสุ คเหตฺวา จาเลตฺวา หตฺถกุกฺกุจฺจํ กตฺวา ปตฺตจีวรํ ปฏิสาเมตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา นิสีทิตฺวา สตฺถารา มธุรปฏิสนฺถาเร กเต ปุจฺฉึสุ – ‘‘ภนฺเต, ลกุณฺฑกภทฺทิยตฺเถโร กิร นาเมโก ตุมฺหากํ สาวโก มธุรธมฺมกถิโก อตฺถิ, กหํ โส อิทานี’’ติ. ‘‘กึ ปน, ภิกฺขเว, ทฏฺุกามตฺถา’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘ยํ, ภิกฺขเว, ตุมฺเห ทฺวารโกฏฺเก ทิสฺวา จีวรกณฺณาทีสุ คณฺหนฺตา หตฺถกุกฺกุจฺจํ กตฺวา อาคตา, เอส โส’’ติ. ‘‘ภนฺเต, เอวรูโป ปตฺถิตปตฺถโน อภินีหารสมฺปนฺโน สาวโก กึการณา อปฺเปสกฺโข ชาโต’’ติ? สตฺถา ‘‘อตฺตนา กตปาปกมฺมํ นิสฺสายา’’ติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต สกฺโก เทวราชา อโหสิ. ตทา พฺรหฺมทตฺตสฺส ชิณฺณํ ชราปฺปตฺตํ หตฺถึ วา อสฺสํ วา โคณํ วา ทสฺเสตุํ น สกฺกา, เกฬิสีโล หุตฺวา ตถารูปํ ทิสฺวาว อนุพนฺธาเปติ, ชิณฺณสกฏมฺปิ ทิสฺวา ภินฺทาเปติ, ชิณฺณมาตุคาเม ทิสฺวา ปกฺโกสาเปตฺวา อุทเร ปหราเปตฺวา ปาตาเปตฺวา ปุน อุฏฺาเปตฺวา ภายาเปติ ¶ , ชิณฺณปุริเส ทิสฺวา ลงฺฆเก วิย ภูมิยํ สํปริวตฺตกาทิกีฬํ กีฬาเปติ, อปสฺสนฺโต ‘‘อสุกฆเร กิร มหลฺลโก อตฺถี’’ติ สุตฺวาปิ ¶ ปกฺโกสาเปตฺวา กีฬติ. มนุสฺสา ลชฺชนฺตา อตฺตโน มาตาปิตโร ติโรรฏฺานิ เปเสนฺติ, มาตุปฏฺานธมฺโม ปิตุปฏฺานธมฺโม ปจฺฉิชฺชิ, ราชเสวกาปิ เกฬิสีลาว อเหสุํ. มตมตา จตฺตาโร อปาเย ปูเรนฺติ, เทวปริสา ปริหายติ.
สกฺโก อภินเว เทวปุตฺเต อปสฺสนฺโต ‘‘กึ นุ โข การณ’’นฺติ อาวชฺเชนฺโต ตํ การณํ ตฺวา ‘‘ทเมสฺสามิ น’’นฺติ มหลฺลกวณฺณํ อภินิมฺมินิตฺวา ชิณฺณยานเก ทฺเว ตกฺกจาฏิโย อาโรเปตฺวา ทฺเว ชรโคเณ ¶ โยเชตฺวา เอกสฺมึ ฉณทิวเส อลงฺกตหตฺถึ อภิรุหิตฺวา พฺรหฺมทตฺเต อลงฺกตนครํ ปทกฺขิณํ กโรนฺเต ปิโลติกนิวตฺโถ ตํ ยานกํ ปาเชนฺโต รฺโ อภิมุโข อคมาสิ. ราชา ชิณฺณยานกํ ทิสฺวา ‘‘เอตํ ยานกํ อปเนถา’’ติ วทติ. มนุสฺสา ‘‘กหํ, เทว, น ปสฺสามา’’ติ อาหํสุ. สกฺโก อตฺตโน อานุภาเวน รฺโเยว ทสฺเสสิ. อถ นํ พหุสมฺปตฺเต ตสฺมึ ตสฺส อุปริภาเคน ปาเชนฺโต รฺโ มตฺถเก เอกํ จาฏึ ภินฺทิตฺวา นิวตฺตาเปนฺโต ทุติยํ ภินฺทิ. อถสฺส สีสโต ปฏฺาย อิโต จิโต จ ตกฺกํ ปคฺฆรติ, โส เตน อฏฺฏียติ หรายติ ชิคุจฺฉติ. อถสฺส ตํ อุปทฺทุตภาวํ ตฺวา สกฺโก ยานกํ อนฺตรธาเปตฺวา สกฺกตฺตภาวํ มาเปตฺวา วชิรหตฺโถ อากาเส ตฺวา ‘‘ปาป อธมฺมิกราช, กึ ตฺวํ มหลฺลโก น ภวิสฺสสิ, ตว สรีรํ ชรา น ปหริสฺสติ, เกฬิสีโล หุตฺวา วุฑฺเฒ วิเหนกมฺมํ กโรสิ, เอกกํ ตํ นิสฺสาย เอตํ กมฺมํ กตฺวา มตมตา อปาเย ปริปูเรนฺติ, มนุสฺสา มาตาปิตโร ปฏิชคฺคิตุํ น ลภนฺติ. สเจ อิมมฺหา กมฺมา น วิรมิสฺสสิ, วชิเรน เต สีสํ ปทาเลสฺสามิ, มา อิโต ปฏฺาเยตํ กมฺมํ อกตฺถา’’ติ สนฺตชฺเชตฺวา มาตาปิตูนํ คุณํ กเถตฺวา วุฑฺฒาปจายิกกมฺมสฺส อานิสํสํ ปกาเสตฺวา โอวทิตฺวา สกฏฺานเมว อคมาสิ. ราชา ตโต ปฏฺาย ตถารูปํ กมฺมํ กาตุํ จิตฺตมฺปิ น อุปฺปาเทสิ.
สตฺถา ¶ อิมํ อตีตํ อาหริตฺวา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา อิมา คาถา อโวจ –
‘‘หํสา โกฺจา มยูรา จ, หตฺถโย ปสทา มิคา;
สพฺเพ สีหสฺส ภายนฺติ, นตฺถิ กายสฺมิ ตุลฺยตา.
‘‘เอวเมว ¶ มนุสฺเสสุ, ทหโร เจปิ ปฺวา;
โส หิ ตตฺถ มหา โหติ, เนว พาโล สรีรวา’’ติ.
ตตฺถ ปสทา มิคาติ ปสทสงฺขาตา มิคา, ปสทา มิคา จ อวเสสา มิคา จาติปิ อตฺโถ. ‘‘ปสทมิคา’’ติปิ ปาโ, ปสทา มิคาติ อตฺโถ. นตฺถิ กายสฺมิ ตุลฺยตาติ สรีเร ปมาณํ นาม นตฺถิ. ยทิ ภเวยฺย, มหาสรีรา หตฺถิโน เจว ปสทมิคา จ สีหํ มาเรยฺยุํ, สีโห หํสาทโย ¶ ขุทฺทกสรีเรเยว มาเรยฺย, ขุทฺทกาเยว สีหสฺส ภาเยยฺยุํ, น มหนฺตา. ยสฺมา ปเนตํ นตฺถิ, ตสฺมา สพฺเพปิ เต สีหสฺส ภายนฺติ. สรีรวาติ พาโล มหาสรีโรปิ มหา นาม น โหติ, ตสฺมา ลกุณฺฑกภทฺทิโย สรีเรน ขุทฺทโกปิ มา ตํ าเณนปิ ขุทฺทโกติ มฺิตฺถาติ อตฺโถ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน เตสุ ภิกฺขูสุ เกจิ โสตาปนฺนา, เกจิ สกทาคามิโน, เกจิ อนาคามิโน, เกจิ อรหนฺโต อเหสุํ. ‘‘ตทา ราชา ลกุณฺฑกภทฺทิโย อโหสิ, โส ตาย เกฬิสีลตาย ปเรสํ เกฬินิสฺสโย ชาโต, สกฺโก ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
เกฬิสีลชาตกวณฺณนา ทุติยา.
[๒๐๓] ๓. ขนฺธชาตกวณฺณนา
วิรูปกฺเขหิ เม เมตฺตนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. ตํ กิร ชนฺตาฆรทฺวาเร กฏฺานิ ผาเลนฺตํ ปูติรุกฺขนฺตรา นิกฺขมิตฺวา เอโก สปฺโป ปาทงฺคุลิยํ ฑํสิ, โส ตตฺเถว มโต. ตสฺส มตภาโว สกลวิหาเร ปากโฏ อโหสิ. ธมฺมสภายํ ภิกฺขู กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, อสุโก กิร ภิกฺขุ ชนฺตาฆรทฺวาเร กฏฺานิ ผาเลนฺโต สปฺเปน ทฏฺโ ตตฺเถว มโต’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย ¶ นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘สเจ โส, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ จตฺตาริ อหิราชกุลานิ อารพฺภ เมตฺตํ อภาวยิสฺส, น นํ สปฺโป ฑํเสยฺย. โปราณกตาปสาปิ อนุปฺปนฺเน พุทฺเธ จตูสุ อหิราชกุเลสุ เมตฺตํ ภาเวตฺวา ตานิ อหิราชกุลานิ นิสฺสาย อุปฺปชฺชนกภยโต มุจฺจึสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต ¶ ¶ พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต กาสิรฏฺเ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต กาเม ปหาย อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา หิมวนฺตปเทเส เอกสฺมึ คงฺคานิวตฺตเน อสฺสมปทํ มาเปตฺวา ฌานกีฬํ กีฬนฺโต อิสิคณปริวุโต วิหาสิ. ตทา คงฺคาตีเร นานปฺปการา ทีฆชาติกา อิสีนํ ปริปนฺถํ กโรนฺติ, เยภุยฺเยน อิสโย ชีวิตกฺขยํ ปาปุณนฺติ. ตาปสา ตมตฺถํ โพธิสตฺตสฺส อาโรเจสุํ. โพธิสตฺโต สพฺเพ ตาปเส สนฺนิปาตาเปตฺวา ‘‘สเจ ตุมฺเห จตูสุ อหิราชกุเลสุ เมตฺตํ ภาเวยฺยาถ, น โว สปฺปา ฑํเสยฺยุํ, ตสฺมา อิโต ปฏฺาย จตูสุ อหิราชกุเลสุ เอวํ เมตฺตํ ภาเวถา’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘วิรูปกฺเขหิ เม เมตฺตํ, เมตฺตํ เอราปเถหิ เม;
ฉพฺยาปุตฺเตหิ เม เมตฺตํ, เมตฺตํ กณฺหาโคตมเกหิ จา’’ติ.
ตตฺถ วิรูปกฺเขหิ เม เมตฺตนฺติ วิรูปกฺขนาคราชกุเลหิ สทฺธึ มยฺหํ เมตฺตํ. เอราปถาทีสุปิ เอเสว นโย. เอตานิปิ หิ เอราปถนาคราชกุลํ ฉพฺยาปุตฺตนาคราชกุลํ กณฺหาโคตมกนาคราชกุลนฺติ นาคราชกุลาเนว.
เอวํ จตฺตาริ นาคราชกุลานิ ทสฺเสตฺวา ‘‘สเจ ตุมฺเห เอเตสุ เมตฺตํ ภาเวตุํ สกฺขิสฺสถ, ทีฆชาติกา โว น ฑํสิสฺสนฺติ น วิเหเสฺสนฺตี’’ติ วตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘อปาทเกหิ ¶ เม เมตฺตํ, เมตฺตํ ทฺวิปาทเกหิ เม;
จตุปฺปเทหิ เม เมตฺตํ, เมตฺตํ พหุปฺปเทหิ เม’’ติ.
ตตฺถ ปมปเทน โอทิสฺสกํ กตฺวา สพฺเพสุ อปาทเกสุ ทีฆชาติเกสุ เจว มจฺเฉสุ จ เมตฺตาภาวนา ทสฺสิตา, ทุติยปเทน มนุสฺเสสุ เจว ปกฺขิชาเตสุ จ, ตติยปเทน หตฺถิอสฺสาทีสุ สพฺพจตุปฺปเทสุ, จตุตฺถปเทน วิจฺฉิกสตปทิอุจฺจาลิงฺคปาณกมกฺกฏกาทีสุ.
เอวํ สรูเปน เมตฺตาภาวนํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อายาจนวเสน ทสฺเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘มา มํ อปาทโก หึสิ, มา มํ หึสิ ทฺวิปาทโก;
มา มํ จตุปฺปโท หึสิ, มา มํ หึสิ พหุปฺปโท’’ติ.
ตตฺถ ¶ ¶ มา มนฺติ เอเตสุ อปาทกาทีสุ โกจิ เอโกปิ มา มํ หึสตุ, มา วิเหเตูติ เอวํ อายาจนฺตา เมตฺตํ ภาเวถาติ อตฺโถ.
อิทานิ อโนทิสฺสกวเสน เมตฺตาภาวนํ ทสฺเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘สพฺเพ สตฺตา สพฺเพ ปาณา, สพฺเพ ภูตา จ เกวลา;
สพฺเพ ภทฺรานิ ปสฺสนฺตุ, มา กฺจิ ปาปมาคมา’’ติ.
ตตฺถ ตณฺหาทิฏฺิวเสน วฏฺเฏ ปฺจสุ ขนฺเธสุ อาสตฺตา วิสตฺตา ลคฺคา ลคฺคิตาติ สตฺตา, อสฺสาสปสฺสาสปวตฺตนสงฺขาเตน ปาณนวเสน ปาณา, ภูตภาวิตนิพฺพตฺตนวเสน ภูตาติ เอวํ วจนมตฺตวิเสโส เวทิตพฺโพ. อวิเสเสน ปน สพฺพานิเปตานิ ปทานิ สพฺพสตฺตสงฺคาหกาเนว. เกวลาติ สกลา. อิทํ สพฺพสทฺทสฺเสว หิ ปริยายวจนํ. ภทฺรานิ ปสฺสนฺตูติ สพฺเพเปเต สตฺตา ภทฺรานิ สาธูนิ กลฺยาณาเนว ปสฺสนฺตุ. มา กฺจิ ปาปมาคมาติ เอเตสุ กฺจิ เอกํ สตฺตมฺปิ ปาปํ ลามกํ ทุกฺขํ มา อาคมา, มา อาคจฺฉตุ มา ปาปุณาตุ, สพฺเพ อเวรา อพฺยาปชฺชา สุขี นิทฺทุกฺขา โหนฺตูติ.
เอวํ ¶ ‘‘สพฺพสตฺเตสุ อโนทิสฺสกวเสน เมตฺตํ ภาเวถา’’ติ วตฺวา ปุน ติณฺณํ รตนานํ คุเณ อนุสฺสราเปตุํ –
‘‘อปฺปมาโณ พุทฺโธ, อปฺปมาโณ ธมฺโม;
อปฺปมาโณ สงฺโฆ’’ติ อาห.
ตตฺถ ปมาณกรานํ กิเลสานํ อภาเวน คุณานฺจ ปมาณาภาเวน พุทฺธรตนํ อปฺปมาณํ. ธมฺโมติ นววิโธ โลกุตฺตรธมฺโม. ตสฺสปิ ปมาณํ กาตุํ น สกฺกาติ อปฺปมาโณ. เตน อปฺปมาเณน ธมฺเมน สมนฺนาคตตฺตา สงฺโฆปิ อปฺปมาโณ.
อิติ โพธิสตฺโต ‘‘อิเมสํ ติณฺณํ รตนานํ คุเณ อนุสฺสรถา’’ติ วตฺวา ติณฺณํ รตนานํ อปฺปมาณคุณตํ ทสฺเสตฺวา สปฺปมาเณ สตฺเต ทสฺเสตุํ –
‘‘ปมาณวนฺตานิ ¶ ¶ สรีสปานิ, อหิ วิจฺฉิก สตปที;
อุณฺณนาภิ สรพู มูสิกา’’ติ อาห.
ตตฺถ สรีสปานีติ สปฺปทีฆชาติกานํ นามํ. เต หิ สรนฺตา คจฺฉนฺติ, สิเรน วา สปนฺตีติ สรีสปา. ‘‘อหี’’ติอาทิ เตสํ สรูปโต นิทสฺสนํ. ตตฺถ อุณฺณนาภีติ มกฺกฏโก. ตสฺส หิ นาภิโต อุณฺณาสทิสํ สุตฺตํ นิกฺขมติ, ตสฺมา ‘‘อุณฺณนาภี’’ติ วุจฺจติ. สรพูติ ฆรโคฬิกา.
อิติ โพธิสตฺโต ‘‘ยสฺมา เอเตสํ อนฺโตราคาทโย ปมาณกรา ธมฺมา อตฺถิ, ตสฺมา ตานิ สรีสปาทีนิ ปมาณวนฺตานี’’ติ ทสฺเสตฺวา ‘‘อปฺปมาณานํ ติณฺณํ รตนานํ อานุภาเวน อิเม ปมาณวนฺตา สตฺตา รตฺตินฺทิวํ ปริตฺตกมฺมํ กโรนฺตูติ เอวํ ติณฺณํ รตนานํ คุเณ อนุสฺสรถา’’ติ วตฺวา ตโต อุตฺตริ กตฺตพฺพํ ทสฺเสตุํ อิมํ คาถมาห –
‘‘กตา เม รกฺขา กตา เม ปริตฺตา, ปฏิกฺกมนฺตุ ภูตานิ;
โสหํ นโม ภควโต, นโม สตฺตนฺนํ สมฺมาสมฺพุทฺธาน’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ กตา เม รกฺขาติ มยา รตนตฺตยคุเณ อนุสฺสรนฺเตน อตฺตโน รกฺขา คุตฺติ กตา. กตา เม ปริตฺตาติ ปริตฺตาณมฺปิ เม อตฺตโน กตํ. ปฏิกฺกมนฺตุ ภูตานีติ มยิ อหิตชฺฌาสยานิ ภูตานิ ปฏิกฺกมนฺตุ อปคจฺฉนฺตุ. โสหํ นโม ภควโตติ โส อหํ เอวํ กตปริตฺโต อตีตสฺส ปรินิพฺพุตสฺส สพฺพสฺสปิ พุทฺธสฺส ภควโต นโม กโรมิ. นโม สตฺตนฺนํ สมฺมาสมฺพุทฺธานนฺติ วิเสเสน ปน อตีเต ปฏิปาฏิยา ปรินิพฺพุตานํ สตฺตนฺนํ สมฺมาสมฺพุทฺธานํ นโม กโรมีติ.
เอวํ ‘‘นมกฺการํ กโรนฺตาปิ สตฺต พุทฺเธ อนุสฺสรถา’’ติ โพธิสตฺโต อิสิคณสฺส อิมํ ปริตฺตํ พนฺธิตฺวา อทาสิ. อาทิโต ปน ปฏฺาย ทฺวีหิ คาถาหิ จตูสุ อหิราชกุเลสุ เมตฺตาย ทีปิตตฺตา โอทิสฺสกาโนทิสฺสกวเสน วา ทฺวินฺนํ เมตฺตาภาวนานํ ทีปิตตฺตา อิทํ ปริตฺตํ อิธ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ, อฺํ วา การณํ ปริเยสิตพฺพํ. ตโต ปฏฺาย อิสิคโณ โพธิสตฺตสฺส โอวาเท ตฺวา เมตฺตํ ภาเวสิ, พุทฺธคุเณ อนุสฺสริ. เอวเมเตสุ ¶ พุทฺธคุเณ อนุสฺสรนฺเตสุเยว สพฺเพ ทีฆชาติกา ปฏิกฺกมึสุ. โพธิสตฺโตปิ พฺรหฺมวิหาเร ภาเวตฺวา พฺรหฺมโลกปรายโณ อโหสิ.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา อิสิคโณ พุทฺธปริสา อโหสิ, คณสตฺถา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
ขนฺธชาตกวณฺณนา ตติยา.
[๒๐๔] ๔. วีรกชาตกวณฺณนา
อปิ วีรก ปสฺเสสีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สุคตาลยํ อารพฺภ กเถสิ. เทวทตฺตสฺส ปริสํ คเหตฺวา อาคเตสุ หิ เถเรสุ สตฺถา ‘‘สาริปุตฺต, เทวทตฺโต ตุมฺเห ทิสฺวา กึ อกาสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สุคตาลยํ, ภนฺเต, ทสฺเสสี’’ติ วุตฺเต ‘‘น โข, สาริปุตฺต, อิทาเนว เทวทตฺโต มม อนุกิริยํ กโรนฺโต วินาสํ ปตฺโต, ปุพฺเพปิ วินาสํ ปาปุณี’’ติ วตฺวา เถเรน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต ¶ พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต หิมวนฺตปเทเส อุทกกากโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา เอกํ สรํ อุปนิสฺสาย วสิ, ‘‘วีรโก’’ติสฺส นามํ อโหสิ. ตทา กาสิรฏฺเ ทุพฺภิกฺขํ อโหสิ, มนุสฺสา กากภตฺตํ วา ทาตุํ ยกฺขนาคพลิกมฺมํ วา กาตุํ นาสกฺขึสุ. ฉาตกรฏฺโต กากา เยภุยฺเยน อรฺํ ปวิสึสุ. ตตฺเถโก พาราณสิวาสี สวิฏฺโก นาม กาโก กากึ อาทาย วีรกสฺส วสนฏฺานํ คนฺตฺวา ตํ สรํ นิสฺสาย เอกมนฺเต วาสํ กปฺเปสิ. โส เอกทิวสํ ตสฺมึ สเร โคจรํ คณฺหนฺโต วีรกํ สรํ โอตริตฺวา มจฺเฉ ขาทิตฺวา ปจฺจุตฺตริตฺวา สรีรํ สุกฺขาเปนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อิมํ อุทกกากํ นิสฺสาย สกฺกา พหู มจฺเฉ ลทฺธุํ, อิมํ อุปฏฺหิสฺสามี’’ติ ตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘กึ, สมฺมา’’ติ วุตฺเต ‘‘อิจฺฉามิ ตํ สามิ อุปฏฺหิตุ’’นฺติ วตฺวา ‘‘สาธู’’ติ เตน สมฺปฏิจฺฉิโต ตโต ปฏฺาย อุปฏฺาสิ. วีรโกปิ ตโต ปฏฺาย อตฺตโน ยาปนมตฺตํ ขาทิตฺวา มจฺเฉ อุทฺธริตฺวา สวิฏฺกสฺส เทติ. โสปิ อตฺตโน ยาปนมตฺตํ ขาทิตฺวา เสสํ กากิยา เทติ.
ตสฺส ¶ อปรภาเค มาโน อุปฺปชฺชิ – ‘‘อยมฺปิ อุทกกาโก กาฬโก, อหมฺปิ กาฬโก, อกฺขิตุณฺฑปาเทหิปิ เอตสฺส จ มยฺหฺจ นานากรณํ นตฺถิ, อิโต ปฏฺาย อิมินา คหิตมจฺเฉหิ มยฺหํ กมฺมํ นตฺถิ, อหเมว คณฺหิสฺสามี’’ติ. โส วีรกํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘สมฺม, อิโต ปฏฺาย อหเมว สรํ โอตริตฺวา มจฺเฉ คณฺหิสฺสามี’’ติ วตฺวา ‘‘น ตฺวํ, สมฺม, อุทกํ โอตริตฺวา มจฺเฉ คณฺหนกกุเล นิพฺพตฺโต, มา นสฺสี’’ติ เตน วาริยมาโนปิ วจนํ อนาทิยิตฺวา ¶ สรํ โอรุยฺห อุทกํ ปวิสิตฺวา อุมฺมุชฺชมาโน เสวาลํ ฉินฺทิตฺวา นิกฺขมิตุํ นาสกฺขิ, เสวาลนฺตเร ลคฺคิ, อคฺคตุณฺฑเมว ปฺายิ. โส นิรสฺสาโส อนฺโตอุทเกเยว ¶ ชีวิตกฺขยํ ปาปุณิ. อถสฺส ภริยา อาคมนํ อปสฺสมานา ตํ ปวตฺตึ ชานนตฺถํ วีรกสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘สามิ, สวิฏฺโก น ปฺายติ, กหํ นุ โข โส’’ติ ปุจฺฉมานา ปมํ คาถมาห –
‘‘อปิ วีรก ปสฺเสสิ, สกุณํ มฺชุภาณกํ;
มยูรคีวสงฺกาสํ, ปตึ มยฺหํ สวิฏฺก’’นฺติ.
ตตฺถ อปิ, วีรก, ปสฺเสสีติ, สามิ วีรก, อปิ ปสฺสสิ. มฺชุภาณกนฺติ มฺชุภาณินํ. สา หิ ราควเสน ‘‘มธุรสฺสโร เม ปตี’’ติ มฺติ, ตสฺมา เอวมาห. มยูรคีวสงฺกาสนฺติ โมรคีวสมานวณฺณํ.
ตํ สุตฺวา วีรโก ‘‘อาม, ชานามิ เต สามิกสฺส คตฏฺาน’’นฺติ วตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘อุทกถลจรสฺส ปกฺขิโน, นิจฺจํ อามกมจฺฉโภชิโน;
ตสฺสานุกรํ สวิฏฺโก, เสวาเล ปลิคุณฺิโต มโต’’ติ.
ตตฺถ อุทกถลจรสฺสาติ อุทเก จ ถเล จ จริตุํ สมตฺถสฺส. ปกฺขิโนติ อตฺตานํ สนฺธาย วทติ. ตสฺสานุกรนฺติ ตสฺส อนุกโรนฺโต. เสวาเล ปลิคุณฺิโต มโตติ อุทกํ ปวิสิตฺวา เสวาลํ ฉินฺทิตฺวา นิกฺขมิตุํ อสกฺโกนฺโต เสวาลปริโยนทฺโธ อนฺโตอุทเกเยว มโต, ปสฺส, เอตสฺส ตุณฺฑํ ทิสฺสตีติ. ตํ สุตฺวา กากี ปริเทวิตฺวา พาราณสิเมว อคมาสิ.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา สวิฏฺโก เทวทตฺโต อโหสิ, วีรโก ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
วีรกชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.
[๒๐๕] ๕. คงฺเคยฺยชาตกวณฺณนา
โสภติ ¶ ¶ มจฺโฉ คงฺเคยฺโยติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ทฺเว ทหรภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ. เต กิร สาวตฺถิวาสิโน กุลปุตฺตา สาสเน ปพฺพชิตฺวา อสุภภาวนํ อนุนุยฺุชิตฺวา รูปปสํสกา หุตฺวา รูปํ อุปลาเฬนฺตา วิจรึสุ. เต เอกทิวสํ ‘‘ตฺวํ น โสภสิ, อหํ โสภามี’’ติ รูปํ นิสฺสาย อุปฺปนฺนวิวาทา อวิทูเร นิสินฺนํ เอกํ มหลฺลกตฺเถรํ ทิสฺวา ‘‘เอโส อมฺหากํ โสภนภาวํ วา อโสภนภาวํ วา ชานิสฺสตี’’ติ ตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ภนฺเต, โก อมฺเหสุ โสภโน’’ติ ปุจฺฉึสุ. โส ‘‘อาวุโส, ตุมฺเหหิ อหเมว โสภนตโร’’ติ อาห. ทหรา ‘‘อยํ มหลฺลโก อมฺเหหิ ปุจฺฉิตํ อกเถตฺวา อปุจฺฉิตํ กเถตี’’ติ ตํ ปริภาสิตฺวา ปกฺกมึสุ. สา เตสํ กิริยา ภิกฺขุสงฺเฆ ปากฏา ชาตา. อเถกทิวสํ ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, อสุโก มหลฺลโก เถโร กิร เต รูปนิสฺสิตเก ทหเร ลชฺชาเปสี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิเม ทฺเว ทหรา อิทาเนว รูปปสํสกา, ปุพฺเพเปเต รูปเมว อุปลาเฬนฺตา วิจรึสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต คงฺคาตีเร รุกฺขเทวตา อโหสิ. ตทา คงฺคายมุนานํ สมาคมฏฺาเน คงฺเคยฺโย จ ยามุเนยฺโย จ ทฺเว มจฺฉา ‘‘อหํ โสภามิ, ตฺวํ น โสภสี’’ติ รูปํ นิสฺสาย วิวทมานา อวิทูเร คงฺคาตีเร กจฺฉปํ นิปนฺนํ ทิสฺวา ‘‘เอโส อมฺหากํ โสภนภาวํ วา อโสภนภาวํ วา ชานิสฺสตี’’ติ ตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘กึ นุ โข, สมฺม กจฺฉป, คงฺเคยฺโย โสภติ, อุทาหุ ยามุเนยฺโย’’ติ ปุจฺฉึสุ. กจฺฉโป ‘‘คงฺเคยฺโยปิ โสภติ ¶ , ยามุเนยฺโยปิ โสภติ, ตุมฺเหหิ ปน ทฺวีหิ อหเมว อติเรกตรํ โสภามี’’ติ อิมมตฺถํ ปกาเสนฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘โสภติ ¶ มจฺโฉ คงฺเคยฺโย, อโถ โสภติ ยามุโน;
จตุปฺปโทยํ ปุริโส, นิคฺโรธปริมณฺฑโล;
อีสกายตคีโว จ, สพฺเพว อติโรจตี’’ติ.
ตตฺถ จตุปฺปโทยนฺติ จตุปฺปโท อยํ. ปุริโสติ อตฺตานํ สนฺธาย วทติ. นิคฺโรธปริมณฺฑโลติ สุชาโต นิคฺโรโธ วิย ปริมณฺฑโล. อีสกายตคีโวติ รถีสา วิย อายตคีโว ¶ . สพฺเพว อติโรจตีติ เอวํ สณฺานสมฺปนฺโน กจฺฉโป สพฺเพว อติโรจติ, อหเมว สพฺเพ ตุมฺเห อติกฺกมิตฺวา โสภามีติ วทติ.
มจฺฉา ตสฺส กถํ หุตฺวา ‘‘อมฺโภ! ปาปกจฺฉป อมฺเหหิ ปุจฺฉิตํ อกเถตฺวา อฺเมว กเถสี’’ติ วตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘ยํ ปุจฺฉิโต น ตํ อกฺขาสิ, อฺํ อกฺขาสิ ปุจฺฉิโต;
อตฺถปฺปสํสโก โปโส, นายํ อสฺมาก รุจฺจตี’’ติ.
ตตฺถ อตฺตปฺปสํสโกติ อตฺตานํ ปสํสนสีโล อตฺตุกฺกํสโก โปโส. นายํ อสฺมาก รุจฺจตีติ อยํ ปาปกจฺฉโป อมฺหากํ น รุจฺจติ น ขมตีติ กจฺฉปสฺส อุปริ อุทกํ ขิปิตฺวา สกฏฺานเมว คมึสุ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ทฺเว มจฺฉา ทฺเว ทหรภิกฺขู อเหสุํ, กจฺฉโป มหลฺลโก, อิมสฺส การณสฺส ปจฺจกฺขการิกา คงฺคาตีเร นิพฺพตฺตรุกฺขเทวตา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
คงฺเคยฺยชาตกวณฺณนา ปฺจมา.
[๒๐๖] ๖. กุรุงฺคมิคชาตกวณฺณนา
อิงฺฆ วฏฺฏมยํ ปาสนฺติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เทวทตฺตํ อารพฺภ กเถสิ. ตทา หิ สตฺถา ‘‘เทวทตฺโต วธาย ปริสกฺกตี’’ติ สุตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, เทวทตฺโต อิทาเนว มยฺหํ วธาย ปริสกฺกติ, ปุพฺเพปิ ปริสกฺกิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต ¶ ¶ พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต กุรุงฺคมิโค หุตฺวา อรฺเ เอกสฺส สรสฺส อวิทูเร เอกสฺมึ คุมฺเพ วาสํ กปฺเปสิ. ตสฺเสว สรสฺส อวิทูเร เอกสฺมึ รุกฺขคฺเค สตปตฺโต, สรสฺมึ ปน กจฺฉโป วาสํ กปฺเปสิ. เอวํ เต ตโยปิ สหายกา อฺมฺํ ปิยสํวาสํ วสึสุ. อเถโก มิคลุทฺทโก อรฺเ จรนฺโต ปานียติตฺเถ โพธิสตฺตสฺส ปทวลฺชํ ทิสฺวา โลหนิคฬสทิสํ วฏฺฏมยํ ปาสํ โอฑฺเฑตฺวา อคมาสิ. โพธิสตฺโต ปานียํ ปาตุํ ¶ อาคโต ปมยาเมเยว ปาเส พชฺฌิตฺวา พทฺธรวํ รวิ. ตสฺส เตน สทฺเทน รุกฺขคฺคโต สตปตฺโต อุทกโต จ กจฺฉโป อาคนฺตฺวา ‘‘กึ นุ โข กาตพฺพ’’นฺติ มนฺตยึสุ. อถ สตปตฺโต กจฺฉปํ อามนฺเตตฺวา ‘‘สมฺม, ตว ทนฺตา อตฺถิ, ตฺวํ อิมํ ปาสํ ฉินฺท, อหํ คนฺตฺวา ยถา โส นาคจฺฉติ, ตถา กริสฺสามิ, เอวํ อมฺเหหิ ทฺวีหิปิ กตปรกฺกเมน สหาโย โน ชีวิตํ ลภิสฺสตี’’ติ อิมมตฺถํ ปกาเสนฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘อิงฺฆ วฏฺฏมยํ ปาสํ, ฉินฺท ทนฺเตหิ กจฺฉป;
อหํ ตถา กริสฺสามิ, ยถา เนหิติ ลุทฺทโก’’ติ.
อถ กจฺฉโป จมฺมวรตฺตํ ขาทิตุํ อารภิ, สตปตฺโต ลุทฺทกสฺส วสนคามํ คโต อวิทูเร รุกฺเข นิสีทิ. ลุทฺทโก ปจฺจูสกาเลเยว สตฺตึ คเหตฺวา นิกฺขมิ. สกุโณ ตสฺส นิกฺขมนภาวํ ตฺวา วสฺสิตฺวา ปกฺเข ปปฺโผเฏตฺวา ตํ ปุริมทฺวาเรน นิกฺขมนฺตํ มุเข ปหริ. ลุทฺโท ‘‘กาฬกณฺณินา สกุเณนมฺหิ ปหโฏ’’ติ นิวตฺติตฺวา โถกํ สยิตฺวา ปุน สตฺตึ คเหตฺวา อุฏฺาสิ. สกุโณ ‘‘อยํ ปมํ ปุริมทฺวาเรน นิกฺขนฺโต อิทานิ ปจฺฉิมทฺวาเรน นิกฺขมิสฺสตี’’ติ ตฺวา คนฺตฺวา ปจฺฉิมเคเห นิสีทิ. ลุทฺโทปิ ¶ ‘‘ปุริมทฺวาเรน เม นิกฺขนฺเตน กาฬกณฺณี สกุโณ ทิฏฺโ, อิทานิ ปจฺฉิมทฺวาเรน นิกฺขมิสฺสามี’’ติ ปจฺฉิมทฺวาเรน นิกฺขมิ, สกุโณ ปุน วสฺสิตฺวา คนฺตฺวา มุเข ปหริ. ลุทฺโท ‘‘ปุนปิ กาฬกณฺณีสกุเณน ปหโฏ, น ทานิ เม เอส นิกฺขมิตุํ เทตี’’ติ นิวตฺติตฺวา ยาว อรุณุคฺคมนา สยิตฺวา อรุณุคฺคมนเวลาย สตฺตึ คเหตฺวา นิกฺขมิ. สกุโณ เวเคน คนฺตฺวา ‘‘ลุทฺโท อาคจฺฉตี’’ติ โพธิสตฺตสฺส กเถสิ.
ตสฺมึ ¶ ขเณ กจฺฉเปน เอกเมว จมฺมวทฺธํ เปตฺวา เสสวรตฺตา ขาทิตา โหนฺติ. ทนฺตา ปนสฺส ปตนาการปฺปตฺตา ชาตา, มุขโต โลหิตํ ปคฺฆรติ. โพธิสตฺโต ลุทฺทปุตฺตํ สตฺตึ คเหตฺวา อสนิเวเคน อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ตํ วทฺธํ ฉินฺทิตฺวา วนํ ปาวิสิ, สกุโณ รุกฺขคฺเค นิสีทิ, กจฺฉโป ปน ทุพฺพลตฺตา ตตฺเถว นิปชฺชิ. ลุทฺโท กจฺฉปํ คเหตฺวา ปสิพฺพเก ปกฺขิปิตฺวา เอกสฺมึ ขาณุเก ลคฺเคสิ. โพธิสตฺโต นิวตฺติตฺวา โอโลเกนฺโต กจฺฉปสฺส คหิตภาวํ ตฺวา ‘‘สหายสฺส ชีวิตทานํ ทสฺสามี’’ติ ทุพฺพโล วิย หุตฺวา ลุทฺทสฺส อตฺตานํ ทสฺเสสิ. โส ‘‘ทุพฺพโล เอส ภวิสฺสติ, มาเรสฺสามิ น’’นฺติ สตฺตึ อาทาย อนุพนฺธิ. โพธิสตฺโต นาติทูเร นาจฺจาสนฺเน คจฺฉนฺโต ตํ อาทาย อรฺํ ปาวิสิ, ทูรํ คตภาวํ ตฺวา ปทํ วฺเจตฺวา อฺเน มคฺเคน วาตเวเคน คนฺตฺวา สิงฺเคน ปสิพฺพกํ อุกฺขิปิตฺวา ภูมิยํ ปาเตตฺวา ¶ ผาเลตฺวา กจฺฉปํ นีหริ. สตปตฺโตปิ รุกฺขา โอตริ. โพธิสตฺโต ทฺวินฺนมฺปิ โอวาทํ ททมาโน ‘‘อหํ ตุมฺเห นิสฺสาย ชีวิตํ ลภึ, ตุมฺเหหิ สหายกสฺส กตฺตพฺพํ มยฺหํ กตํ, อิทานิ ลุทฺโท อาคนฺตฺวา ตุมฺเห คณฺเหยฺย, ตสฺมา, สมฺม สตปตฺต, ตฺวํ อตฺตโน ปุตฺตเก คเหตฺวา อฺตฺถ ยาหิ, ตฺวมฺปิ, สมฺม กจฺฉป, อุทกํ ปวิสาหี’’ติ อาห. เต ตถา อกํสุ.
สตฺถา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘กจฺฉโป ¶ ปาวิสี วารึ, กุรุงฺโค ปาวิสี วนํ;
สตปตฺโต ทุมคฺคมฺหา, ทูเร ปุตฺเต อปานยี’’ติ.
ตตฺถ อปานยีติ อานยิ, คเหตฺวา อคมาสีติ อตฺโถ;
ลุทฺโทปิ ตํ านํ อาคนฺตฺวา กฺจิ อปสฺสิตฺวา ฉินฺนปสิพฺพกํ คเหตฺวา โทมนสฺสปฺปตฺโต อตฺตโน เคหํ อคมาสิ. เต ตโยปิ สหายา ยาวชีวํ วิสฺสาสํ อจฺฉินฺทิตฺวา ยถากมฺมํ คตา.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ลุทฺทโก เทวทตฺโต อโหสิ, สตปตฺโต สาริปุตฺโต, กจฺฉโป โมคฺคลฺลาโน, กุรุงฺคมิโค ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
กุรุงฺคมิคชาตกวณฺณนา ฉฏฺา.
[๒๐๗] ๗. อสฺสกชาตกวณฺณนา
อยมสฺสกราเชนาติ ¶ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปุราณทุติยิกาปโลภนํ อารพฺภ กเถสิ. โส หิ ภิกฺขุ สตฺถารา ‘‘สจฺจํ กิร, ตฺวํ ภิกฺขุ, อุกฺกณฺิโตสี’’ติ ปุฏฺโ ‘‘สจฺจ’’นฺติ วตฺวา ‘‘เกน อุกฺกณฺาปิโตสี’’ติ วุตฺเต ‘‘ปุราณทุติยิกายา’’ติ อาห. อถ นํ สตฺถา ‘‘น อิทาเนว ตสฺสา ภิกฺขุ อิตฺถิยา ตยิ สิเนโห อตฺถิ, ปุพฺเพปิ ตฺวํ ตํ นิสฺสาย มหาทุกฺขํ ปตฺโต’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต กาสิรฏฺเ ปาฏลินคเร อสฺสโก นาม ราชา รชฺชํ กาเรสิ. ตสฺส อุปรี นาม ¶ อคฺคมเหสี ปิยา อโหสิ มนาปา อภิรูปา ทสฺสนียา ปาสาทิกา อติกฺกนฺตา มานุสวณฺณํ, อปตฺตา ทิพฺพวณฺณํ. สา กาลมกาสิ, ตสฺสา กาลกิริยาย ราชา โสกาภิภูโต อโหสิ ทุกฺขี ทุมฺมโน. โส ตสฺสา สรีรํ โทณิยํ นิปชฺชาเปตฺวา เตลกลลํ ปกฺขิปาเปตฺวา เหฏฺามฺเจ ปาเปตฺวา นิราหาโร โรทมาโน ปริเทวมาโน นิปชฺชิ. มาตาปิตโร ¶ อวเสสาตกา มิตฺตามจฺจพฺราหฺมณคหปติกาทโยปิ ‘‘มา โสจิ, มหาราช, อนิจฺจา สงฺขารา’’ติอาทีนิ วทนฺตา สฺาเปตุํ นาสกฺขึสุ. ตสฺส วิลปนฺตสฺเสว สตฺต ทิวสา อติกฺกนฺตา. ตทา โพธิสตฺโต ปฺจาภิฺอฏฺสมาปตฺติลาภี ตาปโส หุตฺวา หิมวนฺตปเทเส วิหรนฺโต อาโลกํ วฑฺเฒตฺวา ทิพฺเพน จกฺขุนา ชมฺพุทีปํ โอโลเกนฺโต ตํ ราชานํ ตถา ปริเทวมานํ ทิสฺวา ‘‘เอตสฺส มยา อวสฺสเยน ภวิตพฺพ’’นฺติ อิทฺธานุภาเวน อากาเส อุปฺปติตฺวา รฺโ อุยฺยาเน โอตริตฺวา มงฺคลสิลาปฏฺเฏ กฺจนปฏิมา วิย นิสีทิ.
อเถโก ปาฏลินครวาสี พฺราหฺมณมาณโว อุยฺยานํ คโต โพธิสตฺตํ ทิสฺวา วนฺทิตฺวา นิสีทิ. โพธิสตฺโต เตน สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘กึ, มาณว, ราชา ธมฺมิโก’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, ภนฺเต, ธมฺมิโก ราชา, ภริยา ปนสฺส กาลกตา, โส ตสฺสา สรีรํ โทณิยํ ปกฺขิปาเปตฺวา วิลปมาโน นิปนฺโน, อชฺช สตฺตโม ทิวโส, กิสฺส ตุมฺเห ราชานํ เอวรูปา ทุกฺขา น โมเจถ, ยุตฺตํ นุ โข ตุมฺหาทิเสสุ สีลวนฺเตสุ สํวิชฺชมาเนสุ รฺโ เอวรูปํ ทุกฺขํ อนุภวิตุ’’นฺติ. ‘‘น โข อหํ ¶ , มาณว, ราชานํ ชานามิ, สเจ ปน โส อาคนฺตฺวา มํ ปุจฺเฉยฺย, อหเมวสฺส ตสฺสา นิพฺพตฺตฏฺานํ อาจิกฺขิตฺวา รฺโ สนฺติเกเยว ตํ กถาเปยฺย’’นฺติ. ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, ยาว ราชานํ อาเนมิ, ตาว อิเมว นิสีทถา’’ติ มาณโว โพธิสตฺตสฺส ปฏิฺํ คเหตฺวา รฺโ สนฺติกํ คนฺตฺวา ตมตฺถํ อาโรเจตฺวา ‘‘ตสฺส ทิพฺพจกฺขุกสฺส สนฺติกํ คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ อาห.
ราชา ‘‘อุปรึ กิร ทฏฺุํ ลภิสฺสามี’’ติ ตุฏฺมานโส รถํ อภิรุหิตฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา โพธิสตฺตํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺโน – ‘‘สจฺจํ กิร ตุมฺเห เทวิยา นิพฺพตฺตฏฺานํ ชานาถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, มหาราชา’’ติ. ‘‘กตฺถ นิพฺพตฺตา’’ติ? ‘‘สา โข, มหาราช, รูปสฺมึเยว มตฺตา ปมาทมาคมฺม กลฺยาณกมฺมํ อกตฺวา อิมสฺมึเยว อุยฺยาเน โคมยปาณกโยนิยํ นิพฺพตฺตา’’ติ ¶ . ‘‘นาหํ สทฺทหามี’’ติ. ‘‘เตน หิ เต ทสฺเสตฺวา กถาเปมี’’ติ. ‘‘สาธุ กถาเปถา’’ติ. โพธิสตฺโต อตฺตโน อานุภาเวน ‘‘อุโภปิ โคมยปิณฺฑํ วฏฺฏยมานา รฺโ ปุรโต อาคจฺฉนฺตู’’ติ เตสํ อาคมนํ อกาสิ. เต ตเถว อาคมึสุ. โพธิสตฺโต ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อยํ เต ¶ , มหาราช, อุปริเทวี, ตํ ชหิตฺวา โคมยปาณกสฺส ปจฺฉโต ปจฺฉโต คจฺฉติ, ปสฺสถ น’’นฺติ อาห. ภนฺเต ‘‘‘อุปรี นาม โคมยปาณกโยนิยํ นิพฺพตฺติสฺสตี’ติ น สทฺทหามห’’นฺติ. ‘‘กถาเปมิ นํ, มหาราชา’’ติ. ‘‘กถาเปถ, ภนฺเต’’ติ.
โพธิสตฺโต อตฺตโน อานุภาเวน ตํ กถาเปนฺโต ‘‘อุปรี’’ติ อาห. สา มนุสฺสภาสาย ‘‘กึ, ภนฺเต’’ติ อาห. ‘‘ตฺวํ อตีตภเว กา นาม อโหสี’’ติ? ‘‘ภนฺเต, อสฺสกรฺโ อคฺคมเหสี อุปรี นาม อโหสิ’’นฺติ. ‘‘กึ ปน เต อิทานิ อสฺสกราชา ปิโย, อุทาหุ โคมยปาณโก’’ติ? ‘‘ภนฺเต, โส มยฺหํ ปุริมชาติยา สามิโก, ตทา อหํ อิมสฺมึ อุยฺยาเน เตน สทฺธึ รูปสทฺทคนฺธรสโผฏฺพฺเพ อนุภวมานา วิจรึ. อิทานิ ปน เม ภวสงฺเขปคตกาลโต ปฏฺาย โส กึ โหติ, อหฺหิ อิทานิ อสฺสกราชานํ มาเรตฺวา ตสฺส คลโลหิเตน มยฺหํ สามิกสฺส โคมยปาณกสฺส ปาเท มกฺเขยฺย’’นฺติ วตฺวา ปริสมชฺเฌ มนุสฺสภาสาย อิมา คาถา อโวจ –
‘‘อยมสฺสกราเชน ¶ , เทโส วิจริโต มยา;
อนุกามย กาเมน, ปิเยน ปตินา สห.
‘‘นเวน สุขทุกฺเขน, โปราณํ อปิธียติ;
ตสฺมา อสฺสกรฺาว, กีโฏ ปิยตโร มมา’’ติ.
ตตฺถ อยมสฺสกราเชน, เทโส วิจริโต มยาติ อยํ รมณีโย อุยฺยานปเทโส ปุพฺเพ มยา อสฺสกราเชน สทฺธึ วิจริโต. อนุกามย กาเมนาติ อนูติ นิปาตมตฺตํ, มยา ตํ กามยมานาย เตน มํ กามยมาเนน ¶ สหาติ อตฺโถ. ปิเยนาติ ตสฺมึ อตฺตภาเว ปิเยน. นเวน สุขทุกฺเขน, โปราณํ อปิธียตีติ, ภนฺเต, นเวน หิ สุเขน โปราณํ สุขํ, นเวน จ ทุกฺเขน โปราณํ ทุกฺขํ ปิธียติ ปฏิจฺฉาทียติ, เอสา โลกสฺส ธมฺมตาติ ทีเปติ. ตสฺมา อสฺสกรฺาว, กีโฏ ปิยตโร มมาติ ยสฺมา นเวน โปราณํ ปิธียติ, ตสฺมา มม อสฺสกราชโต สตคุเณน สหสฺสคุเณน กีโฏว ปิยตโรติ.
ตํ สุตฺวา อสฺสกราชา วิปฺปฏิสารี หุตฺวา ตตฺถ ิโตว กุณปํ นีหราเปตฺวา สีสํ นฺหตฺวา โพธิสตฺตํ วนฺทิตฺวา นครํ ปวิสิตฺวา อฺํ อคฺคมเหสึ กตฺวา ธมฺเมน รชฺชํ กาเรสิ. โพธิสตฺโตปิ ราชานํ โอวทิตฺวา นิสฺโสกํ กตฺวา หิมวนฺตเมว อคมาสิ.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺิตภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ‘‘ตทา อุปรี ปุราณทุติยิกา อโหสิ, อสฺสกราชา อุกฺกณฺิโต ภิกฺขุ, มาณโว สาริปุตฺโต, ตาปโส ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
อสฺสกชาตกวณฺณนา สตฺตมา.
[๒๐๘] ๘. สุสุมารชาตกวณฺณนา
อลํ ¶ เมเตหิ อมฺเพหีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เทวทตฺตสฺส วธาย ปริสกฺกนํ อารพฺภ กเถสิ. ตทา หิ สตฺถา ‘‘เทวทตฺโต วธาย ปริสกฺกตี’’ติ สุตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว เทวทตฺโต มยฺหํ วธาย ปริสกฺกติ, ปุพฺเพปิ ปริสกฺกิเยว, สนฺตาสมตฺตมฺปิ ปน กาตุํ น สกฺขี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต หิมวนฺตปเทเส โพธิสตฺโต กปิโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา นาคพโล ถามสมฺปนฺโน มหาสรีโร โสภคฺคปฺปตฺโต หุตฺวา คงฺคานิวตฺตเน อรฺายตเน วาสํ กปฺเปสิ. ตทา คงฺคาย เอโก สุสุมาโร วสิ. อถสฺส ภริยา โพธิสตฺตสฺส สรีรํ ทิสฺวา ¶ ตสฺส หทยมํเส โทหฬํ อุปฺปาเทตฺวา สุสุมารํ อาห – ‘‘อหํ สามิ, เอตสฺส กปิราชสฺส หทยมํสํ ขาทิตุกามา’’ติ. ‘‘ภทฺเท, มยํ ชลโคจรา, เอโส ถลโคจโร, กินฺติ นํ คณฺหิตุํ สกฺขิสฺสามา’’ติ. ‘‘เยน เกนจิ อุปาเยน คณฺห, สเจ น ลภิสฺสามิ, มริสฺสามี’’ติ. ‘‘เตน หิ มา โสจิ, อตฺเถโก อุปาโย, ขาทาเปสฺสามิ ตํ ตสฺส หทยมํส’’นฺติ สุสุมารึ สมสฺสาเสตฺวา โพธิสตฺตสฺส คงฺคาย ปานียํ ปิวิตฺวา คงฺคาตีเร นิสินฺนกาเล สนฺติกํ คนฺตฺวา เอวมาห – ‘‘วานรินฺท, อิมสฺมึ ปเทเส กสายผลานิ ขาทนฺโต กึ ตฺวํ นิวิฏฺฏฺาเนเยว จรสิ, ปารคงฺคาย อมฺพลพุชาทีนํ มธุรผลานํ อนฺโต นตฺถิ, กึ เต ตตฺถ คนฺตฺวา ผลาผลํ ขาทิตุํ น วฏฺฏตี’’ติ? ‘‘กุมฺภีลราช, คงฺคา มโหทกา วิตฺถิณฺณา, กถํ ตตฺถ คมิสฺสามี’’ติ? ‘‘สเจ อิจฺฉสิ, อหํ ตํ มม ปิฏฺึ อาโรเปตฺวา เนสฺสามี’’ติ. โส สทฺทหิตฺวา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ. ‘‘เตน หิ เอหิ ปิฏฺึ เม อภิรูหา’’ติ จ วุตฺเต ตํ อภิรุหิ. สุสุมาโร โถกํ เนตฺวา อุทเก โอสีทาเปสิ.
โพธิสตฺโต ‘‘สมฺม, อุทเก มํ โอสีทาเปสิ, กึ นุ โข เอต’’นฺติ อาห. ‘‘นาหํ ตํ ธมฺมสุธมฺมตาย คเหตฺวา คจฺฉามิ, ภริยาย ปน เม ตว หทยมํเส โทหโฬ อุปฺปนฺโน, ตมหํ ตว ¶ หทยํ ขาทาเปตุกาโม’’ติ. ‘‘สมฺม, กเถนฺเตน เต สุนฺทรํ กตํ. สเจ หิ อมฺหากํ อุทเร หทยํ ภเวยฺย, สาขคฺเคสุ จรนฺตานํ จุณฺณวิจุณฺณํ ภเวยฺยา’’ติ. ‘‘กหํ ปน ตุมฺเห เปถา’’ติ? โพธิสตฺโต ¶ อวิทูเร เอกํ อุทุมฺพรํ ปกฺกผลปิณฺฑิสฺฉนฺนํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ปสฺเสตานิ อมฺหากํ หทยานิ เอตสฺมึ อุทุมฺพเร โอลมฺพนฺตี’’ติ อาห. ‘‘สเจ เม หทยํ ¶ ทสฺสสิ, อหํ ตํ น มาเรสฺสามี’’ติ. ‘‘เตน หิ มํ เอตฺถ เนหิ, อหํ เต รุกฺเข โอลมฺพนฺตํ ทสฺสามี’’ติ. โส ตํ อาทาย ตตฺถ อคมาสิ. โพธิสตฺโต ตสฺส ปิฏฺิโต อุปฺปติตฺวา อุทุมฺพรรุกฺเข นิสีทิตฺวา ‘‘สมฺม, พาล สุสุมาร, ‘อิเมสํ สตฺตานํ หทยํ นาม รุกฺขคฺเค โหตี’ติ สฺี อโหสิ, พาโลสิ, อหํ ตํ วฺเจสึ, ตว ผลาผลํ ตเวว โหตุ, สรีรเมว ปน เต มหนฺตํ ปฺา ปน นตฺถี’’ติ วตฺวา อิมมตฺถํ ปกาเสนฺโต อิมา คาถา อโวจ –
‘‘อลํ เมเตหิ อมฺเพหิ, ชมฺพูหิ ปนเสหิ จ;
ยานิ ปารํ สมุทฺทสฺส, วรํ มยฺหํ อุทุมฺพโร.
‘‘มหตี วต เต โพนฺทิ, น จ ปฺา ตทูปิกา;
สุสุมาร วฺจิโต เมสิ, คจฺฉ ทานิ ยถาสุข’’นฺติ.
ตตฺถ อลํ เมเตหีติ ยานิ ตยา ทีปเก นิทฺทิฏฺานิ, เอเตหิ มยฺหํ อลํ. วรํ มยฺหํ อุทุมฺพโรติ มยฺหํ อยเมว อุทุมฺพรรุกฺโข วรํ. โพนฺทีติ สรีรํ. ตทูปิกาติ ปฺา ปน เต ตทูปิกา ตสฺส สรีรสฺส อนุจฺฉวิกา นตฺถิ. คจฺฉ ทานิ ยถาสุขนฺติ อิทานิ ยถาสุขํ คจฺฉ, นตฺถิ เต หทยมํสคหณูปาโยติ อตฺโถ. สุสุมาโร สหสฺสํ ปราชิโต วิย ทุกฺขี ทุมฺมโน ปชฺฌายนฺโตว อตฺตโน นิวาสฏฺานเมว คโต.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา สุสุมาโร เทวทตฺโต อโหสิ, สุสุมารี จิฺจมาณวิกา, กปิราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
สุสุมารชาตกวณฺณนา อฏฺมา.
[๒๐๙] ๙. กุกฺกุฏชาตกวณฺณนา
ทิฏฺา ¶ ¶ มยา วเน รุกฺขาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ธมฺมเสนาปติสาริปุตฺตตฺเถรสฺส สทฺธิวิหาริกํ ทหรภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิร อตฺตโน สรีรสฺส คุตฺติกมฺเม เฉโก ¶ อโหสิ. ‘‘สรีรสฺส เม น สุขํ ภเวยฺยา’’ติ ภเยน อติสีตํ อจฺจุณฺหํ ปริโภคํ น กโรติ, ‘‘สีตุณฺเหหิ สรีรํ กิลเมยฺยา’’ติ ภเยน พหิ น นิกฺขมติ, อติกิลินฺนอุตฺตณฺฑุลาทีนิ น ภฺุชติ. ตสฺส สา สรีรคุตฺติกุสลตา สงฺฆมชฺเฌ ปากฏา ชาตา. ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, อสุโก ทหโร กิร ภิกฺขุ สรีรคุตฺติกมฺเม เฉโก’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อยํ ทหโร อิทาเนว สรีรคุตฺติกมฺเม เฉโก, ปุพฺเพปิ เฉโกว อโหสี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต อรฺายตเน รุกฺขเทวตา อโหสิ. อเถโก สกุณลุทฺทโก เอกํ ทีปกกุกฺกุฏมาทาย วาลรชฺชฺุจ ยฏฺิฺจ คเหตฺวา อรฺเ กุกฺกุเฏ พนฺธนฺโต เอกํ ปลายิตฺวา อรฺํ ปวิฏฺํ โปราณกุกฺกุฏํ พนฺธิตุํ อารภิ. โส วาลปาเส กุสลตาย อตฺตานํ พนฺธิตุํ น เทติ, อุฏฺายุฏฺาย นิลียติ. ลุทฺทโก อตฺตานํ สาขาปลฺลเวหิ ปฏิจฺฉาเทตฺวา ปุนปฺปุนํ ยฏฺิฺจ ปาสฺจ โอฑฺเฑติ. กุกฺกุโฏ ตํ ลชฺชาเปตุกาโม มานุสึ วาจํ นิจฺฉาเรตฺวา ปมํ คาถมาห –
‘‘ทิฏฺา มยา วเน รุกฺขา, อสฺสกณฺณา วิภีฏกา;
น ตานิ เอวํ สกฺกนฺติ, ยถา ตฺวํ รุกฺข สกฺกสี’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – สมฺม ลุทฺทก, มยา อิมสฺมึ วเน ชาตา พหู อสฺสกณฺณา จ วิภีฏกา จ รุกฺขา ทิฏฺปุพฺพา, ตานิ ปน รุกฺขานิ ยถา ตฺวํ สกฺกสิ สงฺกมสิ อิโต จิโต จ วิจรสิ, เอวํ น สกฺกนฺติ น สงฺกมนฺติ น วิจรนฺตีติ.
เอวํ วตฺวา จ ปน โส กุกฺกุโฏ ปลายิตฺวา อฺตฺถ อคมาสิ. ตสฺส ปลายิตฺวา คตกาเล ลุทฺทโก ทุติยํ คาถมาห –
‘‘โปราณกุกฺกุโฏ ¶ ¶ ¶ อยํ, เภตฺวา ปฺชรมาคโต;
กุสโล วาลปาสานํ, อปกฺกมติ ภาสตี’’ติ.
ตตฺถ กุสโล วาลปาสานนฺติ วาลมเยสุ ปาเสสุ กุสโล อตฺตานํ พนฺธิตุํ อทตฺวา อปกฺกมติ เจว ภาสติ จ, ภาสิตฺวา จ ปน ปลาโตติ เอวํ วตฺวา ลุทฺทโก อรฺเ จริตฺวา ยถาลทฺธมาทาย เคหเมว คโต.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ลุทฺทโก เทวทตฺโต อโหสิ, กุกฺกุโฏ กายคุตฺติกุสโล ทหรภิกฺขุ, ตสฺส ปน การณสฺส ปจฺจกฺขการิกา รุกฺขเทวตา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
กุกฺกุฏชาตกวณฺณนา นวมา.
[๒๑๐] ๑๐. กนฺทคลกชาตกวณฺณนา
อมฺโภ โก นามยํ รุกฺโขติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต สุคตาลยํ อารพฺภ กเถสิ. ตทา หิ สตฺถา ‘‘เทวทตฺโต สุคตาลยํ อกาสี’’ติ สุตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว เทวทตฺโต มยฺหํ อนุกิริยํ กโรนฺโต วินาสํ ปตฺโต, ปุพฺเพปิ ปาปุณิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต หิมวนฺตปเทเส รุกฺขโกฏฺฏกสกุณโยนิยํ นิพฺพตฺติ, ‘‘ขทิรวนิโย’’ติสฺส นามํ อโหสิ. โส ขทิรวเนเยว โคจรํ คณฺหิ, ตสฺเสโก กนฺทคลโก นาม สหาโย อโหสิ, โส สิมฺพลิปาลิภทฺทกวเน โคจรํ คณฺหาติ. โส เอกทิวสํ ขทิรวนิยสฺส สนฺติกํ อคมาสิ. ขทิรวนิโย ‘‘สหาโย เม อาคโต’’ติ กนฺทคลกํ คเหตฺวา ขทิรวนํ ปวิสิตฺวา ขทิรขนฺธํ ตุณฺเฑน ปหริตฺวา รุกฺขโต ปาณเก นีหริตฺวา อทาสิ. กนฺทคลโก ทินฺเน ทินฺเน มธุรปูเว วิย ฉินฺทิตฺวา ฉินฺทิตฺวา ขาทิ. ตสฺส ขาทนฺตสฺเสว มาโน อุปฺปชฺชิ – ‘‘อยมฺปิ ¶ รุกฺขโกฏฺฏกโยนิยํ นิพฺพตฺโต, อหมฺปิ, กึ เม เอเตน ทินฺนโคจเรน, สยเมว ขทิรวเน โคจรํ ¶ คณฺหิสฺสามี’’ติ. โส ขทิรวนิยํ อาห – ‘‘สมฺม, มา ตฺวํ ทุกฺขํ อนุภวิ, อหเมว ขทิรวเน โคจรํ คณฺหิสฺสามี’’ติ.
อถ ¶ นํ โส ‘‘หนฺท ตฺวํ สมฺม, สิมฺพลิปาลิภทฺทกาทิวเน นิสฺสาเร โคจรคฺคหณกุเล ชาโต, ขทิรา นาม ชาตสารา ถทฺธา, มา เต เอตํ รุจฺจี’’ติ อาห. กนฺทคลโก ‘‘กึ ทานาหํ น รุกฺขโกฏฺฏกโยนิยํ นิพฺพตฺโต’’ติ ตสฺส วจนํ อนาทิยิตฺวา เวเคน คนฺตฺวา ขทิรรุกฺขํ ตุณฺเฑน ปหริ. ตาวเทวสฺส ตุณฺฑํ ภิชฺชิ, อกฺขีนิ นิกฺขมนาการปฺปตฺตานิ ชาตานิ, สีสํ ผลิตํ. โส ขนฺเธ ปติฏฺาตุํ อสกฺโกนฺโต ภูมิยํ ปติตฺวา ปมํ คาถมาห –
‘‘อมฺโภ โก นามยํ รุกฺโข, สินฺนปตฺโต สกณฺฏโก;
ยตฺถ เอกปฺปหาเรน, อุตฺตมงฺคํ วิภิชฺชิต’’นฺติ.
ตตฺถ อมฺโภ โก นามยํ รุกฺโขติ, โภ ขทิรวนิย, โก นาม อยํ รุกฺโข. ‘‘โก นาม โส’’ติปิ ปาโ. สินฺนปตฺโตติ สุขุมปตฺโต. ยตฺถ เอกปฺปหาเรนาติ ยสฺมึ รุกฺเข เอเกเนว ปหาเรน. อุตฺตมงฺคํ วิภิชฺชิตนฺติ สีสํ ภินฺนํ, น เกวลฺจ สีสํ, ตุณฺฑมฺปิ ภินฺนํ. โส เวทนาปฺปตฺตตาย ขทิรรุกฺขํ ‘‘กึ รุกฺโข นาเมโส’’ติ ชานิตุํ อสกฺโกนฺโต เวทนาปฺปตฺโต หุตฺวา อิมาย คาถาย วิปฺปลปิ.
ตํ วจนํ สุตฺวา ขทิรวนิโย ทุติยํ คาถมาห –
‘‘อจาริ วตายํ วิตุทํ วนานิ, กฏฺงฺครุกฺเขสุ อสารเกสุ;
อถาสทา ขทิรํ ชาตสารํ, ยตฺถพฺภิทา ครุโฬ อุตฺตมงฺค’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ อจาริ วตายนฺติ อจริ วต อยํ. วิตุทํ วนานีติ นิสฺสารสิมฺพลิปาลิภทฺทกวนานิ วิตุทนฺโต วิชฺฌนฺโต. กฏฺงฺครุกฺเขสูติ วนกฏฺโกฏฺาเสสุ รุกฺเขสุ. อสารเกสูติ นิสฺสาเรสุ ปาลิภทฺทกสิมฺพลิอาทีสุ. อถาสทา ขทิรํ ชาตสารนฺติ อถ โปตกกาลโต ปฏฺาย ชาตสารํ ขทิรํ สมฺปาปุณิ. ยตฺถพฺภิทา ครุโฬ อุตฺตมงฺคนฺติ ยตฺถพฺภิทาติ ยสฺมึ ขทิเร อภินฺทิ ปทาลยิ. ครุโฬติ สกุโณ. สพฺพสกุณานฺเหตํ สคารวสปฺปติสฺส วจนํ.
อิติ ¶ นํ ขทิรวนิโย วตฺวา ‘‘โภ กนฺทคลก, ยตฺถ ตฺวํ อุตฺตมงฺคํ อภินฺทิ, ขทิโร นาเมโส สารรุกฺโข’’ติ อาห. โส ตตฺเถว ชีวิตกฺขยํ ปาปุณิ.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา กนฺทคลโก เทวทตฺโต อโหสิ, ขทิรวนิโย ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
กนฺทคลกชาตกวณฺณนา ทสมา.
นตํทฬฺหวคฺโค ฉฏฺโ.
ตสฺสุทฺทานํ –
พนฺธนาคารํ เกฬิสีลํ, ขณฺฑํ วีรกคงฺเคยฺยํ;
กุรุงฺคมสฺสกฺเจว, สุสุมารฺจ กุกฺกุฏํ;
กนฺทคลกนฺติ เต ทส.
๗. พีรณถมฺภวคฺโค
[๒๑๑] ๑. โสมทตฺตชาตกวณฺณนา
อกาสิ ¶ โยคฺคนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ลาฬุทายิตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ. โส หิ ทฺวินฺนํ ติณฺณํ ชนานํ อนฺตเร เอกวจนมฺปิ สมฺปาเทตฺวา กเถสุํ น สกฺโกติ, สารชฺชพหุโล ‘‘อฺํ กเถสฺสามี’’ติ อฺเมว กเถสิ. ตสฺส ตํ ปวตฺตึ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กเถนฺตา นิสีทึสุ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ ¶ , ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, ลาฬุทายี อิทาเนว สารชฺชพหุโล, ปุพฺเพปิ สารชฺชพหุโลเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต กาสิรฏฺเ อฺตรสฺมึ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ สิปฺปํ อุคฺคณฺหิตฺวา ปุน เคหํ อาคนฺตฺวา มาตาปิตูนํ ทุคฺคตภาวํ ตฺวา ‘‘ปริหีนกุลโต เสฏฺิกุลํ ปติฏฺเปสฺสามี’’ติ มาตาปิตโร อาปุจฺฉิตฺวา ¶ พาราณสึ คนฺตฺวา ราชานํ อุปฏฺาสิ. โส รฺา ปิโย อโหสิ มนาโป. อถสฺส ปิตุโน ‘‘ทฺวีหิเยว โคเณหิ กสึ กตฺวา ชีวิกํ กปฺเปนฺตสฺส เอโก โคโณ มโต. โส โพธิสตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ตาต, เอโก โคโณ มโต, กสิกมฺมํ น ปวตฺตติ, ราชานํ เอกํ โคณํ ยาจาหี’’ติ อาห. ‘‘ตาต, นจิรสฺเสว เม ราชา ทิฏฺโ, อิทาเนว โคณํ ยาจิตุํ น ยุตฺตํ, ตุมฺเห ยาจถา’’ติ. ‘‘ตาต, ตฺวํ มยฺหํ สารชฺชพหุลภาวํ น ชานาสิ, อหฺหิ ทฺวินฺนํ ติณฺณํ สมฺมุเข กถํ สมฺปาเทตุํ น สกฺโกมิ. สเจ อหํ รฺโ สนฺติกํ โคณํ ยาจิตุํ คมิสฺสามิ, อิมมฺปิ ทตฺวา อาคมิสฺสามี’’ติ. ‘‘ตาต, ยํ โหติ, ตํ โหตุ, น สกฺกา มยา ราชานํ ยาจิตุํ, อปิจ โข ปนาหํ ตุมฺเห โยคฺคํ กาเรสฺสามี’’ติ. ‘‘เตน หิ สาธุ มํ โยคฺคํ กาเรหี’’ติ.
โพธิสตฺโต ปิตรํ อาทาย พีรณตฺถมฺภกสุสานํ คนฺตฺวา ตตฺถ ตตฺถ ติณกลาเป พนฺธิตฺวา ‘‘อยํ ราชา, อยํ อุปราชา, อยํ เสนาปตี’’ติ นามานิ กตฺวา ปฏิปาฏิยา ปิตุ ทสฺเสตฺวา ‘‘ตาต, ตฺวํ รฺโ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘ชยตุ, มหาราชา’ติ เอวํ อิมํ คาถํ วตฺวา โคณํ ยาเจยฺยาสี’’ติ คาถํ อุคฺคณฺหาเปสิ –
‘‘ทฺเว ¶ เม โคณา มหาราช, เยหิ เขตฺตํ กสามเส;
เตสุ เอโก มโต เทว, ทุติยํ เทหิ ขตฺติยา’’ติ.
พฺราหฺมโณ ¶ เอเกน สํวจฺฉเรน อิมํ คาถํ ปคุณํ กตฺวา โพธิสตฺตํ อาห – ‘‘ตาต, โสมทตฺต, คาถา เม ปคุณา ชาตา, อิทานิ อหํ ยสฺส กสฺสจิ สนฺติเก วตฺตุํ สกฺโกมิ, มํ รฺโ สนฺติกํ เนหี’’ติ. โส ‘‘สาธุ, ตาตา’’ติ ตถารูปํ ปณฺณาการํ คาหาเปตฺวา ปิตรํ รฺโ สนฺติกํ เนสิ. พฺราหฺมโณ ‘‘ชยตุ, มหาราชา’’ติ วตฺวา ปณฺณาการํ อทาสิ. ราชา ‘‘อยํ เต โสมทตฺต พฺราหฺมโณ กึ โหตี’’ติ อาห. ‘‘ปิตา เม, มหาราชา’’ติ. ‘‘เกนฏฺเนาคโต’’ติ? ตสฺมึ ขเณ พฺราหฺมโณ โคณยาจนตฺถาย คาถํ วทนฺโต –
‘‘ทฺเว เม โคณา มหาราช, เยหิ เขตฺตํ กสามเส;
เตสุ เอโก มโต เทว, ทุติยํ คณฺห ขตฺติยา’’ติ. – อาห;
ราชา พฺราหฺมเณน วิรชฺฌิตฺวา กถิตภาวํ ตฺวา สิตํ กตฺวา ‘‘โสมทตฺต, ตุมฺหากํ เคเห พหู มฺเ โคณา’’ติ อาห. ‘‘ตุมฺเหหิ ทินฺนา ¶ ภวิสฺสนฺติ, มหาราชา’’ติ. ราชา โพธิสตฺตสฺส ตุสฺสิตฺวา พฺราหฺมณสฺส โสฬส โคเณ อลงฺการภณฺฑเก นิวาสนคามฺจสฺส พฺรหฺมเทยฺยํ ทตฺวา มหนฺเตน ยเสน พฺราหฺมณํ อุยฺโยเชสิ. พฺราหฺมโณ สพฺพเสตสินฺธวยุตฺตํ รถํ อภิรุยฺห มหนฺเตน ปริวาเรน คามํ อคมาสิ. โพธิสตฺโต ปิตรา สทฺธึ รเถ นิสีทิตฺวา คจฺฉนฺโต ‘‘ตาต, อหํ ตุมฺเห สกลสํวจฺฉรํ โยคฺคํ กาเรสึ, สนฺนิฏฺานกาเล ปน ตุมฺหากํ โคณํ รฺโ อทตฺถา’’ติ วตฺวา ปมํ คาถมาห –
‘‘อกาสิ โยคฺคํ ธุวมปฺปมตฺโต, สํวจฺฉรํ พีรณถมฺภกสฺมึ;
พฺยากาสิ สฺํ ปริสํ วิคยฺห, น นิยฺยโม ตายติ อปฺปปฺ’’นฺติ.
ตตฺถ อกาสิ โยคฺคํ ธุวมปฺปมตฺโต, สํวจฺฉรํ พีรณถมฺภกสฺมินฺติ, ตาต, ตฺวํ นิจฺจํ อปฺปมตฺโต พีรณตฺถมฺภมเย สุสาเน โยคฺคํ อกาสิ ¶ . พฺยากาสิ สฺํ ปริสํ วิคยฺหาติ อถ จ ปน ปริสํ วิคาหิตฺวา ตํ สฺํ วิอกาสิ วิการํ อาปาเทสิ, ปริวตฺเตสีติ อตฺโถ. น นิยฺยโม ตายติ อปฺปปฺนฺติ อปฺปหฺํ นาม ปุคฺคลํ นิยฺยโม โยคฺคาจิณฺณํ จรณํ น ตายติ น รกฺขตีติ.
อถสฺส ¶ วจนํ สุตฺวา พฺราหฺมโณ ทุติยํ คาถมาห –
‘‘ทฺวยํ ยาจนโก ตาต, โสมทตฺต นิคจฺฉติ;
อลาภํ ธนลาภํ วา, เอวํธมฺมา หิ ยาจนา’’ติ.
ตตฺถ เอวํธมฺมา หิ ยาจนาติ ยาจนา หิ เอวํสภาวาติ.
สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, ลาฬุทายี อิทาเนว สารชฺชพหุโล, ปุพฺเพปิ สารชฺชพหุโลเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ราชา อานนฺโท, โสมทตฺตสฺส ปิตา ลาฬุทายี อโหสิ, โสมทตฺโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
โสมทตฺตชาตกวณฺณนา ปมา.
[๒๑๒] ๒. อุจฺฉิฏฺภตฺตชาตกวณฺณนา
อฺโ ¶ อุปริโม วณฺโณติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปุราณทุติยิกาปโลภนํ อารพฺภ กเถสิ. โส หิ ภิกฺขุ สตฺถารา ‘‘สจฺจํ กิร, ตฺวํ ภิกฺขุ, อุกฺกณฺิโตสี’’ติ ปุฏฺโ ‘‘สจฺจ’’นฺติ วตฺวา ‘‘โก ตํ อุกฺกณฺาเปสี’’ติ วุตฺเต ‘‘ปุราณทุติยิกา’’ติ อาห. อถ นํ สตฺถา ‘‘ภิกฺขุ อยํ เต อิตฺถี อนตฺถการิกา, ปุพฺเพปิ อตฺตโน ชารสฺส อุจฺฉิฏฺกํ โภเชสี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต เอกสฺมึ าเน ภิกฺขํ จริตฺวา ชีวิกกปฺปเก กปเณ นฏกกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ทุคฺคโต ทุรูปโก หุตฺวา ภิกฺขํ จริตฺวา ชีวิกํ กปฺเปสิ. ตทา กาสิรฏฺเ เอกสฺมึ คามเก เอกสฺส พฺราหฺมณสฺส พฺราหฺมณี ทุสฺสีลา ปาปธมฺมา อติจารํ จรติ. อเถกทิวสํ พฺราหฺมเณ เกนจิเทว กรณีเยน ¶ พหิ คเต ตสฺสา ชาโร ตํ ขณํ โอโลเกตฺวา ตํ เคหํ ปาวิสิ. สา เตน สทฺธึ อติจริตฺวา ‘‘มุหุตฺตํ อจฺฉ, ภฺุชิตฺวาว คมิสฺสสี’’ติ ภตฺตํ สมฺปาเทตฺวา สูปพฺยฺชนสมฺปนฺนํ อุณฺหภตฺตํ วฑฺเฒตฺวา ‘‘ตฺวํ ภฺุชา’’ติ ตสฺส ทตฺวา สยํ พฺราหฺมณสฺส อาคมนํ โอโลกยมานา ทฺวาเร อฏฺาสิ. โพธิสตฺโต พฺราหฺมณิยา ชารสฺส ภฺุชนฏฺาเน ปิณฺฑํ ปจฺจาสีสนฺโต อฏฺาสิ.
ตสฺมึ ¶ ขเณ พฺราหฺมโณ เคหาภิมุโข อาคจฺฉติ. พฺราหฺมณี ตํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา เวเคน ปวิสิตฺวา ‘‘อุฏฺเหิ, พฺราหฺมโณ อาคจฺฉตี’’ติ ชารํ โกฏฺเ โอตาเรตฺวา พฺราหฺมณสฺส ปวิสิตฺวา นิสินฺนกาเล ผลกํ อุปเนตฺวา หตฺถโธวนํ ทตฺวา อิตเรน ภุตฺตาวสิฏฺสฺส สีตภตฺตสฺส อุปริ อุณฺหภตฺตํ วฑฺเฒตฺวา พฺราหฺมณสฺส อทาสิ. โส ภตฺเต หตฺถํ โอตาเรตฺวา อุปริ อุณฺหํ เหฏฺา จ ภตฺตํ สีตลํ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อิมินา อฺสฺส ภุตฺตาธิเกน อุจฺฉิฏฺภตฺเตน ภวิตพฺพ’’นฺติ. โส พฺราหฺมณึ ปุจฺฉนฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘อฺโ อุปริโม วณฺโณ, อฺโ วณฺโณ จ เหฏฺิโม;
พฺราหฺมณี ตฺเวว ปุจฺฉามิ, กึ เหฏฺา กิฺจ อุปฺปรี’’ติ.
ตตฺถ วณฺโณติ อากาโร. อยฺหิ อุปริมสฺส อุณฺหภาวํ เหฏฺิมสฺส จ สีตภาวํ ปุจฺฉนฺโต เอวมาห. กึ เหฏฺา กิฺจ อุปฺปรีติ วุฑฺฒิตภตฺเตน ¶ นาม อุปริ สีตเลน, เหฏฺา อุณฺเหน ภวิตพฺพํ, อิทฺจ ปน น ตาทิสํ, เตน ตํ ปุจฺฉามิ – ‘‘เกน การเณน อุปริ ภตฺตํ อุณฺหํ, เหฏฺิมํ สีตล’’นฺติ.
พฺราหฺมณี อตฺตนา กตกมฺมสฺส อุตฺตานภาวภเยน พฺราหฺมเณ ปุนปฺปุนํ กเถนฺเตปิ ตุณฺหีเยว อโหสิ. ตสฺมึ ขเณ นฏปุตฺตสฺส เอตทโหสิ – ‘‘โกฏฺเ นิสีทาปิตปาปปุริเสน ชาเรน ภวิตพฺพํ, อิมินา เคหสฺสามิเกน, พฺราหฺมณี ปน อตฺตนา กตกมฺมสฺส ปากฏภาวภเยน กิฺจิ น กเถติ, หนฺทาหํ อิมิสฺสา กตกมฺมํ ปกาเสตฺวา ชารสฺส โกฏฺเก นิสีทาปิตภาวํ พฺราหฺมณสฺส กเถมี’’ติ. โส พฺราหฺมณสฺส เคหา นิกฺขนฺตกาลโต ¶ ปฏฺาย อิตรสฺส เคหปเวสนํ อติจรณํ อคฺคภตฺตภฺุชนํ พฺราหฺมณิยา ทฺวาเร ตฺวา มคฺคํ โอโลกนํ อิตรสฺส โกฏฺเ โอตาริตภาวนฺติ สพฺพํ ตํ ปวตฺตึ อาจิกฺขิตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘อหํ นโฏสฺมิ ภทฺทนฺเต, ภิกฺขโกสฺมิ อิธาคโต;
อยฺหิ โกฏฺโมติณฺโณ, อยํ โส ยํ คเวสสี’’ติ.
ตตฺถ อหํ นโฏสฺมิ, ภทฺทนฺเตติ, สามิ, อหํ นฏชาติโก. ภิกฺขโกสฺมิ อิธาคโตติ สฺวาหํ อิมํ านํ ภิกฺขโก ภิกฺขํ ปริเยสมาโน อาคโตสฺมิ. อยฺหิ โกฏฺโมติณฺโณติ อยํ ปน เอติสฺสา ชาโร อิมํ ภตฺตํ ภฺุชนฺโต ตว ภเยน โกฏฺํ โอติณฺโณ. อยํ โส ยํ คเวสสีติ ยํ ตฺวํ กสฺส นุ โข อิมินา อุจฺฉิฏฺเกน ภวิตพฺพนฺติ คเวสสิ, อยํ โส. จูฬาย ¶ นํ คเหตฺวา โกฏฺา นีหริตฺวา ยถา น ปุเนวรูปํ ปาปํ กโรติ, ตถา อสฺส สตึ ชเนหีติ วตฺวา ปกฺกามิ. พฺราหฺมโณ อุโภปิ เต ยถา นํ น ปุเนวรูปํ ปาปํ กโรนฺติ, ตชฺชนโปถเนหิ ตถา สิกฺขาเปตฺวา ยถากมฺมํ คโต.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺิโต ภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ‘‘ตทา พฺราหฺมณี ปุราณทุติยิกา อโหสิ, พฺราหฺมโณ อุกฺกณฺิโต ภิกฺขุ, นฏปุตฺโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
อุจฺฉิฏฺภตฺตชาตกวณฺณนา ทุติยา.
[๒๑๓] ๓. ภรุชาตกวณฺณนา
อิสีนมนฺตรํ ¶ กตฺวาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โกสลราชานํ อารพฺภ กเถสิ. ภควโต หิ ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ ลาภสกฺกาโร มหา อโหสิ. ยถาห –
‘‘เตน โข ปน สมเยน ภควา สกฺกโต โหติ ครุกโต มานิโต ปูชิโต อปจิโต ลาภี จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารานํ. ภิกฺขุสงฺโฆปิ โข สกฺกโต โหติ…เป… ปริกฺขารานํ. อฺติตฺถิยา ปน ปริพฺพาชกา อสกฺกตา โหนฺติ…เป… ปริกฺขาราน’’นฺติ (อุทา. ๑๔).
เต เอวํ ปริหีนลาภสกฺการา อโหรตฺตํ คุฬฺหสนฺนิปาตํ กตฺวา มนฺตยนฺติ ‘‘สมณสฺส โคตมสฺส อุปฺปนฺนกาลโต ปฏฺาย มยํ หตลาภสกฺการา ชาตา ¶ , สมโณ โคตโม ลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺโต ชาโต, เกน นุ โข การเณนสฺส เอสา สมฺปตฺตี’’ติ. ตตฺเรเก เอวมาหํสุ – ‘‘สมโณ โคตโม สกลชมฺพุทีปสฺส อุตฺตมฏฺาเน ภูมิสีเส วสติ. เตนสฺส ลาภสกฺกาโร อุปฺปชฺชตี’’ติ, เสสา ‘‘อตฺเถตํ การณํ, มยมฺปิ เชตวนปิฏฺเ ติตฺถิยารามํ กาเรมุ, เอวํ ลาภิโน ภวิสฺสามา’’ติ อาหํสุ. เต สพฺเพปิ ‘‘เอวเมต’’นฺติ สนฺนิฏฺานํ กตฺวา ‘‘สเจปิ มยํ รฺโ อนาโรเจตฺวา อารามํ กาเรสฺสาม, ภิกฺขู วาเรสฺสนฺติ, ลฺชํ ลภิตฺวา อภิชฺชนโก นาม นตฺถิ, ตสฺมา รฺโ ลฺชํ ทตฺวา อารามฏฺานํ คณฺหิสฺสามา’’ติ สมฺมนฺเตตฺวา อุปฏฺาเก ยาจิตฺวา รฺโ สตสหสฺสํ ทตฺวา ‘‘มหาราช, มยํ เชตวนปิฏฺิยํ ติตฺถิยารามํ กริสฺสาม, สเจ ¶ ภิกฺขู ‘กาตุํ น ทสฺสามา’ติ ตุมฺหากํ อาโรเจนฺติ, เนสํ ปฏิวจนํ น ทาตพฺพ’’นฺติ อาหํสุ. ราชา ลฺชโลเภน ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ.
ติตฺถิยา ราชานํ สงฺคณฺหิตฺวา วฑฺฒกึ ปกฺโกสาเปตฺวา กมฺมํ ปฏฺเปสุํ, มหาสทฺโท อโหสิ. สตฺถา ‘‘เก ปเนเต, อานนฺท, อุจฺจาสทฺทมหาสทฺทา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อฺติตฺถิยา, ภนฺเต, เชตวนปิฏฺิยํ ติตฺถิยารามํ กาเรนฺติ, ตตฺเถโส สทฺโท’’ติ. ‘‘อานนฺท, เนตํ านํ ติตฺถิยารามสฺส อนุจฺฉวิกํ, ติตฺถิยา อุจฺจาสทฺทกามา, น สกฺกา เตหิ สทฺธึ ¶ วสิตุ’’นฺติ วตฺวา ภิกฺขุสงฺฆํ สนฺนิปาเตตฺวา ‘‘คจฺฉถ, ภิกฺขเว, รฺโ อาจิกฺขิตฺวา ติตฺถิยารามกรณํ นิวาเรถา’’ติ อาห. ภิกฺขุสงฺโฆ คนฺตฺวา รฺโ นิเวสนทฺวาเร อฏฺาสิ. ราชา สงฺฆสฺส อาคตภาวํ สุตฺวาปิ ‘‘ติตฺถิยารามํ นิสฺสาย อาคตา ภวิสฺสนฺตี’’ติ ลฺชสฺส คหิตตฺตา ‘‘ราชา เคเห นตฺถี’’ติ วทาเปสิ. ภิกฺขู คนฺตฺวา สตฺถุ อาโรเจสุํ. สตฺถา ‘‘ลฺชํ นิสฺสาย เอวํ กโรตี’’ติ ทฺเว อคฺคสาวเก เปเสสิ. ราชา เตสมฺปิ อาคตภาวํ สุตฺวา ตเถว วทาเปสิ. เตปิ อาคนฺตฺวา สตฺถุ อาราเจสุํ. สตฺถา ‘‘น อิทานิ, สาริปุตฺต, ราชา เคเห นิสีทิตุํ ลภิสฺสติ, พหิ นิกฺขมิสฺสตี’’ติ ปุนทิวเส ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ รฺโ นิเวสนทฺวารํ อคมาสิ. ราชา สุตฺวา ปาสาทา โอตริตฺวา ปตฺตํ คเหตฺวา สตฺถารํ ปเวเสตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส สงฺฆสฺส ยาคุขชฺชกํ ทตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. สตฺถา รฺโ เอกํ ปริยายธมฺมเทสนํ อารภนฺโต ‘‘มหาราช, โปราณกราชาโน ลฺชํ คเหตฺวา สีลวนฺเต อฺมฺํ กลหํ กาเรตฺวา อตฺตโน รฏฺสฺส อสฺสามิโน หุตฺวา มหาวินาสํ ปาปุณึสู’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต ¶ ภรุรฏฺเ ภรุราชา นาม รชฺชํ กาเรสิ. ตทา โพธิสตฺโต ปฺจาภิฺโ อฏฺสมาปตฺติลาภี คณสตฺถา ตาปโส หุตฺวา หิมวนฺตปเทเส จิรํ วสิตฺวา โลณมฺพิลเสวนตฺถาย ปฺจสตตาปสปริวุโต หิมวนฺตา โอตริตฺวา อนุปุพฺเพน ภรุนครํ ปตฺวา ตตฺถ ปิณฺฑาย จริตฺวา นครา นิกฺขมิตฺวา อุตฺตรทฺวาเร สาขาวิฏปสมฺปนฺนสฺส วฏรุกฺขสฺส มูเล นิสีทิตฺวา ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา ตตฺเถว รุกฺขมูเล วาสํ กปฺเปสิ. เอวํ ตสฺมึ อิสิคเณ ตตฺถ วสนฺเต อฑฺฒมาสจฺจเยน อฺโ คณสตฺถา ปฺจสตปริวาโร อาคนฺตฺวา นคเร ภิกฺขาย จริตฺวา นครา นิกฺขมิตฺวา ทกฺขิณทฺวาเร ตาทิสสฺเสว วฏรุกฺขสฺส มูเล นิสีทิตฺวา ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา ตตฺถ รุกฺขมูเล วาสํ กปฺเปสิ. อิติ เต ทฺเวปิ อิสิคณา ตตฺถ ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวา หิมวนฺตเมว อคมํสุ.
เตสํ ¶ คตกาเล ทกฺขิณทฺวาเร วฏรุกฺโข สุกฺโข. ปุนวาเร เตสุ อาคจฺฉนฺเตสุ ทกฺขิณทฺวาเร วฏรุกฺขวาสิโน ปมตรํ อาคนฺตฺวา อตฺตโน วฏรุกฺขสฺส ¶ สุกฺขภาวํ ตฺวา ภิกฺขาย จริตฺวา นครา นิกฺขมิตฺวา อุตฺตรทฺวาเร วฏรุกฺขมูลํ คนฺตฺวา ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา ตตฺถ วาสํ กปฺเปสุํ. อิตเร ปน อิสโย ปจฺฉา อาคนฺตฺวา นคเร ภิกฺขาย จริตฺวา อตฺตโน รุกฺขมูลเมว คนฺตฺวา ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา วาสํ กปฺเปสุํ. เต ‘‘น โส ตุมฺหากํ รุกฺโข, อมฺหากํ รุกฺโข’’ติ รุกฺขํ นิสฺสาย อฺมฺํ กลหํ กรึสุ, กลโห มหา อโหสิ. เอเก ‘‘อมฺหากํ ปมํ วสิตฏฺานํ ตุมฺเห น ลภิสฺสถา’’ติ วทนฺติ. เอเก ‘‘มยํ อิมสฺมึ วาเร ปมตรํ อิธาคตา, ตุมฺเห น ลภิสฺสถา’’ติ วทนฺติ. อิติ เต ‘‘มยํ สามิโน, มยํ สามิโน’’ติ กลหํ กโรนฺตา รุกฺขมูลสฺสตฺถาย ราชกุลํ อคมํสุ. ราชา ปมํ วุตฺถอิสิคณฺเว สามิกํ อกาสิ ¶ . อิตเร ‘‘น ทานิ มยํ อิเมหิ ปราชิตาติ อตฺตานํ วทาเปสฺสามา’’ติ ทิพฺพจกฺขุนา โอโลเกตฺวา เอกํ จกฺกวตฺติปริโภคํ รถปฺชรํ ทิสฺวา อาหริตฺวา รฺโ ลฺชํ ทตฺวา ‘‘มหาราช, อมฺเหปิ สามิเก กโรหี’’ติ อาหํสุ.
ราชา ลฺชํ คเหตฺวา ‘‘ทฺเวปิ คณา วสนฺตู’’ติ ทฺเวปิ สามิเก อกาสิ. อิตเร อิสโย ตสฺส รถปฺชรสฺส รถจกฺกานิ นีหริตฺวา ลฺชํ ทตฺวา ‘‘มหาราช, อมฺเหเยว สามิเก กโรหี’’ติ อาหํสุ. ราชา ตถา อกาสิ. อิสิคณา ‘‘อมฺเหหิ วตฺถุกาเม จ กิเลสกาเม จ ปหาย ปพฺพชิเตหิ รุกฺขมูลสฺส การณา กลหํ กโรนฺเตหิ ลฺชํ ททนฺเตหิ อยุตฺตํ กต’’นฺติ วิปฺปฏิสาริโน หุตฺวา เวเคน ปลายิตฺวา หิมวนฺตเมว อคมํสุ. สกลภรุรฏฺวาสิโน เทวตา เอกโต หุตฺวา ‘‘สีลวนฺเต กลหํ กโรนฺเตน รฺา อยุตฺตํ กต’’นฺติ ภรุรฺโ กุชฺฌิตฺวา ติโยชนสติกํ ภรุรฏฺํ สมุทฺทํ อุพฺพตฺเตตฺวา อรฏฺมกํสุ. อิติ เอกํ ภรุราชานํ นิสฺสาย สกลรฏฺวาสิโนปิ วินาสํ ปตฺตาติ.
สตฺถา อิมํ อตีตํ อาหริตฺวา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา อิมา คาถา อโวจ –
‘‘อิสีนมนฺตรํ กตฺวา, ภรุราชาติ เม สุตํ;
อุจฺฉินฺโน สห รฏฺเหิ, ส ราชา วิภวงฺคโต.
‘‘ตสฺมา หิ ฉนฺทาคมนํ, นปฺปสํสนฺติ ปณฺฑิตา;
อทุฏฺจิตฺโต ภาเสยฺย, คิรํ สจฺจุปสํหิต’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ ¶ อนฺตรํ กตฺวาติ ฉนฺทาคติวเสน วิวรํ กตฺวา. ภรุราชาติ ภรุรฏฺเ ราชา. อิติ เม สุตนฺติ อิติ มยา ปุพฺเพ เอตํ สุตํ. ตสฺมา หิ ฉนฺทาคมนนฺติ ยสฺมา หิ ฉนฺทาคมนํ คนฺตฺวา ภรุราชา สห รฏฺเน อุจฺฉินฺโน, ตสฺมา ฉนฺทาคมนํ ปณฺฑิตา นปฺปสํสนฺติ. อทุฏฺจิตฺโตติ กิเลเสหิ อทูสิตจิตฺโต หุตฺวา. ภาเสยฺย คิรํ สจฺจุปสํหิตนฺติ สภาวนิสฺสิตํ ¶ อตฺถนิสฺสิตํ การณนิสฺสิตเมว คิรํ ภาเสยฺย. เย หิ ตตฺถ ภรุรฺโ ลฺชํ คณฺหนฺตสฺส อยุตฺตํ เอตนฺติ ปฏิกฺโกสนฺตา สจฺจุปสํหิตํ คิรํ ภาสึสุ, เตสํ ิตฏฺานํ นาฬิเกรทีเป อชฺชาปิ ทีปกสหสฺสํ ปฺายตีติ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘มหาราช, ฉนฺทวสิเกน นาม น ภวิตพฺพํ, ทฺเว ปพฺพชิตคเณ กลหํ กาเรตุํ น วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘อหํ เตน สมเยน เชฏฺกอิสิ อโหสิ’’นฺติ, ราชา ตถาคตสฺส ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา คตกาเล มนุสฺเส เปเสตฺวา ติตฺถิยารามํ วิทฺธํสาเปสิ, ติตฺถิยา อปฺปติฏฺา อเหสุํ.
ภรุชาตกวณฺณนา ตติยา.
[๒๑๔] ๔. ปุณฺณนทีชาตกวณฺณนา
ปุณฺณํ นทินฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปฺาปารมึ อารพฺภ กเถสิ. เอกสฺมิฺหิ ทิวเส ธมฺมสภายํ ภิกฺขู ตถาคตสฺส ปฺํ อารพฺภ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, สมฺมาสมฺพุทฺโธ มหาปฺโ ปุถุปฺโ หาสปฺโ ชวนปฺโ ติกฺขปฺโ คมฺภีรปฺโ นิพฺเพธิกปฺโ อุปายปฺาย สมนฺนาคโต’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ ตถาคโต ปฺวา อุปายกุสโลเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ปุโรหิตกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา ปิตุ อจฺจเยน ปุโรหิตฏฺานํ ลภิตฺวา พาราณสิรฺโ อตฺถธมฺมานุสาสโก ¶ อโหสิ. อปรภาเค ราชา ปริเภทกานํ กถํ คเหตฺวา โพธิสตฺตสฺส กุทฺโธ ‘‘มา มม สนฺติเก วสี’’ติ โพธิสตฺตํ พาราณสิโต ปพฺพาเชสิ. โพธิสตฺโต ปุตฺตทารํ คเหตฺวา เอกสฺมึ กาสิกคามเก วาสํ กปฺเปสิ. อปรภาเค ราชา ตสฺส คุณํ สริตฺวา ‘‘มยฺหํ กฺจิ เปเสตฺวา อาจริยํ ปกฺโกสิตุํ น ยุตฺตํ, เอกํ ปน คาถํ พนฺธิตฺวา ปณฺณํ ¶ ¶ ลิขิตฺวา กากมํสํ ปจาเปตฺวา ปณฺณฺจ มํสฺจ เสตวตฺเถน ปลิเวเตฺวา ราชมุทฺทิกาย ลฺเฉตฺวา เปเสสฺสามิ. ยทิ ปณฺฑิโต ภวิสฺสติ, ปณฺณํ วาเจตฺวา กากมํสภาวํ ตฺวา อาคมิสฺสติ, โน เจ, นาคมิสฺสตี’’ติ ‘‘ปุณฺณํ นทิ’’นฺติ อิมํ คาถํ ปณฺเณ ลิขิ –
‘‘ปุณฺณํ นทึ เยน จ เปยฺยมาหุ, ชาตํ ยวํ เยน จ คุยฺหมาหุ;
ทูรํ คตํ เยน จ อวฺหยนฺติ, โส ตฺยาคโต หนฺท จ ภฺุช พฺราหฺมณา’’ติ.
ตตฺถ ปุณฺณํ นทึ เยน จ เปยฺยมาหูติ กากเปยฺยา นทีหิ วทนฺตา เยน ปุณฺณํ นทึ กากเปยฺยมาหุ, น หิ อปุณฺณา นที ‘‘กากเปยฺยา’’ติ วุจฺจติ. ยทาปิ นทีตีเร ตฺวา คีวํ ปสาเรตฺวา กาเกน ปาตุํ สกฺกา โหติ, ตทา นํ ‘‘กากเปยฺยา’’ติ วทนฺติ. ชาตํ ยวํ เยน จ คุยฺหมาหูติ ยวนฺติ เทสนาสีสมตฺตํ, อิธ ปน สพฺพมฺปิ ชาตํ อุคฺคตํ สมฺปนฺนตรุณสสฺสํ อธิปฺเปตํ. ตฺหิ ยทา อนฺโต ปวิฏฺกากํ ปฏิจฺฉาเทตุํ สกฺโกติ, ตทา คุยฺหตีติ คุยฺหํ. กึ คุยฺหติ? กากํ. อิติ กากสฺส คุยฺหํ กากคุยฺหนฺติ ตํ วทมานา กาเกน คุยฺหวจนสฺส การณภูเตน ‘‘คุยฺห’’นฺติ วทนฺติ. เตน วุตฺตํ ‘‘เยน จ คุยฺหมาหู’’ติ. ทูรํ คตํ เยน จ อวฺหยนฺตีติ ทูรํ คตํ วิปฺปวุตฺถํ ปิยปุคฺคลํ ยํ อาคนฺตฺวา นิสินฺนํ ทิสฺวา สเจ อิตฺถนฺนาโม อาคจฺฉติ, วสฺส กากาติ วา วสฺสนฺตฺเว วา สุตฺวา ‘‘ยถา กาโก วสฺสติ, อิตฺถนฺนาโม อาคมิสฺสตี’’ติ เอวํ วทนฺตา เยน จ อวฺหยนฺติ กเถนฺติ มนฺเตนฺติ, อุทาหรนฺตีติ อตฺโถ. โส ตฺยาคโตติ โส เต อานีโต. หนฺท จ ภฺุช, พฺราหฺมณาติ คณฺห, พฺราหฺมณ, ภฺุชสฺสุ นํ, ขาท อิทํ กากมํสนฺติ อตฺโถ.
อิติ ¶ ราชา อิมํ คาถํ ปณฺเณ ลิขิตฺวา โพธิสตฺตสฺส เปเสสิ. โส ปณฺณํ วาเจตฺวา ‘‘ราชา มํ ทฏฺุกาโม’’ติ ตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘ยโต ¶ มํ สรตี ราชา, วายสมฺปิ ปเหตเว;
หํสา โกฺจา มยูรา จ, อสตีเยว ปาปิยา’’ติ.
ตตฺถ ยโต มํ สรตี ราชา, วายสมฺปิ ปเหตเวติ ยทา ราชา วายสมํสํ ลภิตฺวา ตมฺปิ ปเหตุํ มํ สรติ. หํสา โกฺจา มยูรา จาติ ยทา ปนสฺส เอเต หํสาทโย อุปนีตา ภวิสฺสนฺติ, เอกานิ หํสมํสาทีนิ ลจฺฉติ, ตทา มํ กสฺมา น สริสฺสตีติ อตฺโถ? อฏฺกถายํ ¶ ปน ‘‘หํสโกฺจมยูราน’’นฺติ ปาโ. โส สุนฺทรตรา, อิเมสํ หํสาทีนํ มํสํ ลภิตฺวา กสฺมา มํ น สริสฺสติ, สริสฺสติเยวาติ อตฺโถ. อสตีเยว ปาปิยาติ ยํ วา ตํ วา ลภิตฺวา สรณํ นาม สุนฺทรํ, โลกสฺมึ ปน อสติเยว ปาปิยา, อสติกรณํเยว หีนํ ลามกํ, ตฺจ อมฺหากํ รฺโ นตฺถิ. สรติ มํ ราชา, อาคมนํ เม ปจฺจาสีสติ, ตสฺมา คมิสฺสามีติ ยานํ โยชาเปตฺวา คนฺตฺวา ราชานํ ปสฺสิ, ราชา ตุสฺสิตฺวา ปุโรหิตฏฺาเนเยว ปติฏฺาเปสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ราชา อานนฺโท อโหสิ, ปุโรหิโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
ปุณฺณนทีชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.
[๒๑๕] ๕. กจฺฉปชาตกวณฺณนา
อวธี วต อตฺตานนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โกกาลิกํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ มหาตกฺการิชาตเก (ชา. ๑.๑๓.๑๐๔ อาทโย) อาวิ-ภวิสฺสติ. ตทา ปน สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, โกกาลิโก อิทาเนว วาจาย หโต, ปุพฺเพปิ วาจาย หโตเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต อมจฺจกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตสฺส อตฺถธมฺมานุสาสโก อโหสิ. โส ปน ราชา พหุภาณี อโหสิ, ตสฺมึ กเถนฺเต อฺเสํ ¶ วจนสฺส โอกาโส นาม นตฺถิ. โพธิสตฺโต ¶ ตสฺส ตํ พหุภาณิตํ วาเรตุกาโม เอกํ อุปายํ อุปธาเรนฺโต วิจรติ. ตสฺมิฺจ กาเล หิมวนฺตปเทเส เอกสฺมึ สเร กจฺฉโป วสติ, ทฺเว หํสโปตกา โคจราย จรนฺตา เตน สทฺธึ วิสฺสาสํ อกํสุ. เต ทฬฺหวิสฺสาสิกา หุตฺวา เอกทิวสํ กจฺฉปํ อาหํสุ – ‘‘สมฺม กจฺฉป, อมฺหากํ หิมวนฺเต จิตฺตกูฏปพฺพตตเล กฺจนคุหายํ วสนฏฺานํ รมณีโย ปเทโส, คจฺฉสิ อมฺหากํ สทฺธิ’’นฺติ. ‘‘อหํ กินฺติ กตฺวา คมิสฺสามี’’ติ? ‘‘มยํ ตํ คเหตฺวา คมิสฺสาม, สเจ ตฺวํ มุขํ รกฺขิตุํ สกฺขิสฺสสิ, กสฺสจิ กิฺจิ น กเถสฺสสี’’ติ. ‘‘รกฺขิสฺสามิ, สามิ, คเหตฺวา มํ คจฺฉถา’’ติ. เต ‘‘สาธู’’ติ วตฺวา เอกํ ทณฺฑกํ กจฺฉเปน ฑํสาเปตฺวา สยํ ¶ ตสฺส อุโภ โกฏิโย ฑํสิตฺวา อากาสํ ปกฺขนฺทึสุ. ตํ ตถา หํเสหิ นียมานํ คามทารกา ทิสฺวา ‘‘ทฺเว หํสา กจฺฉปํ ทณฺฑเกน หรนฺตี’’ติ อาหํสุ.
กจฺฉโป ‘‘ยทิ มํ สหายกา เนนฺติ, ตุมฺหากํ เอตฺถ กึ ทุฏฺเจฏกา’’ติ วตฺตุกาโม หํสานํ สีฆเวคตาย พาราณสินคเร ราชนิเวสนสฺส อุปริภาคํ สมฺปตฺตกาเล ทฏฺฏฺานโต ทณฺฑกํ วิสฺสชฺเชตฺวา อากาสงฺคเณ ปติตฺวา ทฺเวภาโค อโหสิ, ‘‘กจฺฉโป อากาสโต ปติตฺวา ทฺเวธา ภินฺโน’’ติ เอกโกลาหลํ อโหสิ. ราชา โพธิสตฺตํ อาทาย อมจฺจคณปริวุโต ตํ านํ คนฺตฺวา กจฺฉปํ ทิสฺวา โพธิสตฺตํ ปุจฺฉิ – ‘‘ปณฺฑิต, กินฺติ กตฺวา เอส ปติโต’’ติ? โพธิสตฺโต ‘‘จิรปฏิกงฺโขหํ ราชานํ โอวทิตุกาโม อุปายํ อุปธาเรนฺโต จรามิ, อิมินา กจฺฉเปน หํเสหิ สทฺธึ วิสฺสาโส กโต ภวิสฺสติ, เตหิ อิมํ ‘หิมวนฺตํ เนสฺสามา'ติ ทณฺฑกํ ฑํสาเปตฺวา อากาสํ ปกฺขนฺเตหิ ภวิตพฺพํ, อถ อิมินา กสฺสจิ วจนํ สุตฺวา อรกฺขิตมุขตาย กิฺจิ วตฺตุกาเมน ทณฺฑกา วิสฺสฏฺโ ภวิสฺสติ, เอวํ ¶ อากาสโต ปติตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปตฺเตเนว ภวิตพฺพ’’นฺติ จินฺเตตฺวา ‘‘อาม มหาราช, อติมุขรา นาม อปริยนฺตวจนา เอวรูปํ ทุกฺขํ ปาปุณนฺติเยวา’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อโวจ –
‘‘อวธี วต อตฺตานํ, กจฺฉโป พฺยาหรํ คิรํ;
สุคฺคหีตสฺมึ กฏฺสฺมึ, วาจาย สกิยาวธิ.
‘‘เอตมฺปิ ¶ ทิสฺวา นรวีริยเสฏฺ, วาจํ ปมฺุเจ กุสลํ นาติเวลํ;
ปสฺสสิ พหุภาเณน, กจฺฉปํ พฺยสนํ คต’’นฺติ.
ตตฺถ อวธี วตาติ ฆาเตสิ วต. พฺยาหรนฺติ พฺยาหรนฺโต. สุคฺคหีตสฺมึ กฏฺสฺมินฺติ มุเขน สุฏฺุ ฑํสิตฺวา คหิเต ทณฺฑเก. วาจาย สกิยาวธีติ อติมุขรตาย อกาเล วาจํ นิจฺฉาเรนฺโต ทฏฺฏฺานํ วิสฺสชฺเชตฺวา ตาย สกาย วาจาย อตฺตานํ อวธิ ฆาเตสิ. เอวเมส ชีวิตกฺขยํ ปตฺโต, น อฺถาติ. เอตมฺปิ ทิสฺวาติ เอตมฺปิ การณํ ทิสฺวา. นรวีริยเสฏฺาติ นเรสุ วีริเยน เสฏฺ อุตฺตมวีริย ราชวร. วาจํ ปมฺุเจ กุสลํ นาติเวลนฺติ สจฺจาทิปฏิสํยุตฺตํ กุสลเมว ปณฺฑิโต ปุริโส มฺุเจยฺย นิจฺฉาเรยฺย, ตมฺปิ หิตํ กาลยุตฺตํ, น อติเวลํ, อติกฺกนฺตกาลํ อปริยนฺตวาจํ น ภาเสยฺย. ปสฺสสีติ นนุ ปจฺจกฺขโต ปสฺสสิ. พหุภาเณนาติ พหุภณเนน. กจฺฉปํ พฺยสนํ คตนฺติ เอตํ กจฺฉปํ ชีวิตกฺขยํ ปตฺตนฺติ.
ราชา ¶ ‘‘มํ สนฺธาย ภาสตี’’ติ ตฺวา ‘‘อมฺเห สนฺธาย กเถสิ, ปณฺฑิตา’’ติ อาห. โพธิสตฺโต ‘‘มหาราช, ตฺวํ วา โหหิ อฺโ วา, โย โกจิ ปมาณาติกฺกนฺตํ ภาสนฺโต เอวรูปํ พฺยสนํ ปาปุณาตี’’ติ ปากฏํ กตฺวา กเถสิ. ราชา ตโต ปฏฺาย วิรมิตฺวา มนฺทภาณี อโหสิ.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา กจฺฉโป โกกาลิโก อโหสิ, ทฺเว หํสโปตกา ทฺเว มหาเถรา, ราชา อานนฺโท, อมจฺจปณฺฑิโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
กจฺฉปชาตกวณฺณนา ปฺจมา.
[๒๑๖] ๖. มจฺฉชาตกวณฺณนา
น มายมคฺคิ ตปตีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปุราณทุติยิกาปโลภนํ อารพฺภ กเถสิ. ตฺหิ ภิกฺขุํ สตฺถา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, ภิกฺขุ, อุกฺกณฺิโตสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘สจฺจํ, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘เกน อุกฺกณฺาปิโตสี’’ติ ปุฏฺโ ‘‘ปุราณทุติยิกายา’’ติ อาห. อถ นํ สตฺถา ‘‘อยํ เต ภิกฺขุ อิตฺถี อนตฺถการิกา, ปุพฺเพปิ ตฺวํ เอตํ นิสฺสาย สูเลน วิชฺฌิตฺวา ¶ องฺคาเรสุ ปจิตฺวา ขาทิตพฺพตํ ปตฺโต ปณฺฑิเต นิสฺสาย ชีวิตํ อลตฺถา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส ปุโรหิโต อโหสิ. อเถกทิวสํ เกวฏฺฏา ชาเล ลคฺคํ มจฺฉํ อุทฺธริตฺวา อุณฺหวาลุกาปิฏฺเ เปตฺวา ‘‘องฺคาเรสุ นํ ปจิตฺวา ขาทิสฺสามา’’ติ สูลํ ตจฺฉึสุ. มจฺโฉ มจฺฉึ อารพฺภ ปริเทวมาโน อิมา คาถา อโวจ –
‘‘น มายมคฺคิ ตปติ, น สูโล สาธุตจฺฉิโต;
ยฺจ มํ มฺเต มจฺฉี, อฺํ โส รติยา คโต.
‘‘โส มํ ทหติ ราคคฺคิ, จิตฺตํ จูปตเปติ มํ;
ชาลิโน มฺุจถายิรา มํ, น กาเม หฺเต กฺวจี’’ติ.
ตตฺถ ¶ น มายมคฺคิ ตปตีติ น มํ อยํ อคฺคิ ตปติ, น ตาปํ ชเนติ, น โสจยตีติ อตฺโถ. น สูโลติ อยํ สูโลปิ สาธุตจฺฉิโต มํ น ตปติ, น เม โสกํ อุปฺปาเทติ. ยฺจ มํ มฺเตติ ยํ ปน มํ มจฺฉี เอวํ มฺติ ‘‘อฺํ มจฺฉึ โส ปฺจกามคุณรติยา คโต’’ติ, ตเทว ¶ มํ ตปติ โสจยติ. โส มํ ทหตีติ โย ปเนส ราคคฺคิ, โส มํ ทหติ ฌาเปติ. จิตฺตํ จูปตเปติ มนฺติ ราคสมฺปยุตฺตกํ มม จิตฺตเมว จ มํ อุปตาเปติ กิลเมติ วิเหเติ. ชาลิโนติ เกวฏฺเฏ อาลปติ. เต หิ ชาลสฺส อตฺถิตาย ‘‘ชาลิโน’’ติ วุจฺจนฺติ. มฺุจถายิรา มนฺติ มฺุจถ มํ สามิโนติ ยาจติ. น กาเม หฺเต กฺวจีติ กาเม ปติฏฺิโต กาเมน นียมาโน สตฺโต น กฺวจิ หฺติ. น หิ ตํ ตุมฺหาทิสา หนิตุํ อนุจฺฉวิกาติ ปริเทวติ. อถ วา กาเมติ เหตุวจเน ภุมฺมํ, กามเหตุ มจฺฉึ อนุพนฺธมาโน นาม น กฺวจิ ตุมฺหาทิเสหิ หฺตีติ ปริเทวติ. ตสฺมึ ขเณ โพธิสตฺโต นทีตีรํ คโต ตสฺส มจฺฉสฺส ปริเทวิตสทฺทํ สุตฺวา เกวฏฺเฏ อุปสงฺกมิตฺวา ตํ มจฺฉํ โมเจสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺิตภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ ¶ . ‘‘ตทา มจฺฉี ปุราณทุติยิกา อโหสิ, มจฺโฉ อุกฺกณฺิตภิกฺขุ, ปุโรหิโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
มจฺฉชาตกวณฺณนา ฉฏฺา.
[๒๑๗] ๗. เสคฺคุชาตกวณฺณนา
สพฺโพ โลโกติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ ปณฺณิกอุปาสกํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ เอกกนิปาเต วิตฺถาริตเมว. อิธาปิ สตฺถา ตํ ‘‘กึ, อุปาสก, จิรสฺสํ อาคโตสี’’ติ ปุจฺฉิ. ปณฺณิกอุปาสโก ‘‘ธีตา เม, ภนฺเต, นิจฺจํ ปหํสิตมุขี, ตมหํ วีมํสิตฺวา เอกสฺส กุลทารกสฺส อทาสึ, ตตฺถ อิติกตฺตพฺพตาย ตุมฺหากํ ทสฺสนาย อาคนฺตุํ โอกาสํ น ลภิ’’นฺติ อาห. อถ นํ สตฺถา ‘‘น โข, อุปาสก, อิทาเนเวสา สีลวตี, ปุพฺเพปิ สีลวตี, ตฺวฺจ น อิทาเนเวตํ วีมํสสิ, ปุพฺเพปิ วีมํสิเยวา’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต รุกฺขเทวตา อโหสิ. ตทา อยเมว ¶ ปณฺณิกอุปาสโก ‘‘ธีตรํ วีมํสิสฺสามี’’ติ อรฺํ เนตฺวา กิเลสวเสน อิจฺฉนฺโต ¶ วิย หตฺเถ คณฺหิ. อถ นํ ปริเทวมานํ ปมคาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘สพฺโพ โลโก อตฺตมโน อโหสิ, อโกวิทา คามธมฺมสฺส เสคฺคุ;
โกมาริ โก นาม ตวชฺช ธมฺโม, ยํ ตฺวํ คหิตา ปวเน ปโรทสี’’ติ.
ตตฺถ สพฺโพ โลโก อตฺตมโน อโหสีติ, อมฺม, สกโลปิ สตฺตโลโก เอติสฺสา กามเสวนาย อตฺตมโน ชาโต. อโกวิทา คามธมฺมสฺส เสคฺคูติ เสคฺคูติ ตสฺสา นามํ. เตน ตฺวํ ปน, อมฺม, เสคฺคุ อโกวิทา คามธมฺมสฺส, อิมสฺมึ คามธมฺเม วสลธมฺเม อกุสลาสีติ วุตฺตํ โหติ. โกมาริ โก นาม ตวชฺช ธมฺโมติ, อมฺม, กุมาริ โก นาเมส ตว อชฺช สภาโว. ยํ ตฺวํ คหิตา ปวเน ปโรทสีติ ตฺวํ มยา อิมสฺมึ ปวเน สนฺถววเสน หตฺเถ คหิตา ปโรทสิ ¶ น สมฺปฏิจฺฉสิ, โก เอส ตว สภาโว, กึ กุมาริกาเยว ตฺวนฺติ ปุจฺฉติ.
ตํ สุตฺวา กุมาริกา ‘‘อาม, ตาต, กุมาริกาเยวาหํ, นาหํ เมถุนธมฺมํ นาม ชานามี’’ติ วตฺวา ปริเทวมานา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘โย ทุกฺขผุฏฺาย ภเวยฺย ตาณํ, โส เม ปิตา ทุพฺภิ วเน กโรติ;
สา กสฺส กนฺทามิ วนสฺส มชฺเฌ, โย ตายิตา โส สหสํ กโรตี’’ติ.
สา เหฏฺา กถิตาเยว. อิติ โส ปณฺณิโก ตทา ธีตรํ วีมํสิตฺวา เคหํ เนตฺวา กุลทารกสฺส ทตฺวา ยถากมฺมํ คโต.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน ปณฺณิกอุปาสโก โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ‘‘ตทา ธีตา ธีตาเยว, ปิตา ปิตาเยว อโหสิ, ตสฺส การณสฺส ปจฺจกฺขการิกา รุกฺขเทวตา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
เสคฺคุชาตกวณฺณนา สตฺตมา.
[๒๑๘] ๘. กูฏวาณิชชาตกวณฺณนา
สสฺส ¶ ¶ สาเยฺยมิทนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ กูฏวาณิชํ อารพฺภ กเถสิ. สาวตฺถิวาสิโน หิ กูฏวาณิโช จ ปณฺฑิตวาณิโช จ ทฺเว วาณิชา มิตฺติกา หุตฺวา ปฺจ สกฏสตานิ ภณฺฑสฺส ปูราเปตฺวา ปุพฺพนฺตโต อปรนฺตํ วิจรมานา โวหารํ กตฺวา พหุํ ลาภํ ลภิตฺวา สาวตฺถึ ปจฺจาคมึสุ. ปณฺฑิตวาณิโช กูฏวาณิชํ อาห – ‘‘สมฺม, ภณฺฑํ ภาเชมา’’ติ. กูฏวาณิโช ‘‘อยํ ทีฆรตฺตํ ทุกฺขเสยฺยาย ทุพฺโภชเนน กิลนฺโต อตฺตโน ฆเร นานคฺครสํ ภตฺตํ ภฺุชิตฺวา อชีรเกน มริสฺสติ, อถ สพฺพมฺเปตํ ภณฺฑํ มยฺหเมว ภวิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘นกฺขตฺตํ น มนาปํ, ทิวโส น มนาโป, สฺเว ชานิสฺสามิ ¶ , ปุนทิวเส ชานิสฺสามี’’ติ กาลํ เขเปติ. อถ นํ ปณฺฑิตวาณิโช นิปฺปีเฬตฺวา ภาชาเปตฺวา คนฺธมาลํ อาทาย สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา สตฺถารํ ปูเชตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. สตฺถา ‘‘กทา อาคโตสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อฑฺฒมาสมตฺโต เม, ภนฺเต, อาคตสฺสา’’ติ วตฺวา ‘‘อถ กสฺมา เอวํ ปปฺจํ กตฺวา พุทฺธุปฏฺานํ อาคโตสี’’ติ ปุฏฺโ ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ. สตฺถา ‘‘น โข, อุปาสก, อิทาเนว, ปุพฺเพเปส กูฏวาณิโชเยวา’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต อมจฺจกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตสฺส วินิจฺฉยามจฺโจ อโหสิ. ตทา คามวาสี จ นครวาสี จ ทฺเว วาณิชา มิตฺตา อเหสุํ. คามวาสี นครวาสิสฺส สนฺติเก ปฺจ ผาลสตานิ เปสิ. โส เต ผาเล วิกฺกิณิตฺวา มูลํ คเหตฺวา ผาลานํ ปิตฏฺาเน มูสิกวจฺจํ อากิริตฺวา เปสิ. อปรภาเค คามวาสี อาคนฺตฺวา ‘‘ผาเล เม เทหี’’ติ อาห. กูฏวาณิโช ‘‘ผาลา เต มูสิกาหิ ขาทิตา’’ติ มูสิกวจฺจํ ทสฺเสสิ. อิตโร ‘‘ขาทิตาว โหนฺตุ, มูสิกาหิ ขาทิเต กึ สกฺกา กาตุ’’นฺติ นฺหานตฺถาย ตสฺส ปุตฺตํ อาทาย คจฺฉนฺโต เอกสฺส สหายกสฺส เคเห ‘‘อิมสฺส กตฺถจิ คนฺตุํ มา อทตฺถา’’ติ วตฺวา อนฺโตคพฺเภ ¶ นิสีทาเปตฺวา สยํ นฺหายิตฺวา กูฏวาณิชสฺส เคหํ อคมาสิ. โส ‘‘ปุตฺโต เม กห’’นฺติ อาห. ‘‘สมฺม, ตว ปุตฺตํ ตีเร เปตฺวา มม อุทเก นิมุคฺคกาเล เอโก กุลโล อาคนฺตฺวา ตว ปุตฺตํ นขปฺชเรน คเหตฺวา อากาสํ ปกฺขนฺโต, อหํ ปาณึ ปหริตฺวา วิรวิตฺวา วายมนฺโตปิ โมเจตุํ นาสกฺขิ’’นฺติ. ‘‘ตฺวํ มุสา ภณสิ, กุลลา ทารเก คเหตฺวา คนฺตุํ สมตฺถา นาม นตฺถี’’ติ. ‘‘สมฺม, โหตุ, อยุตฺเตปิ โหนฺเต อหํ กึ กโรมิ, กุลเลเนว เต ปุตฺโต นีโต’’ติ. โส ตํ สนฺตชฺเชตฺวา ‘‘อเร ทุฏฺโจร มนุสฺสมารก ¶ , อิทานิ ตํ วินิจฺฉยํ คนฺตฺวา กฑฺฒาเปสฺสามี’’ติ นิกฺขมิ. โส ‘‘มม รุจฺจนกเมว กโรสี’’ติ เตเนว สทฺธึ วินิจฺฉยฏฺานํ อคมาสิ.
กูฏวาณิโช โพธิสตฺตํ อาห – ‘‘อยํ, สามิ, มม ปุตฺตํ คเหตฺวา นฺหายิตุํ คโต, ‘กหํ เม ปุตฺโต’ติ วุตฺเต ‘กุลเลน หโฏ’ติ อาห, วินิจฺฉินถ ¶ เม อฑฺฑ’’นฺติ. โพธิสตฺโต ‘‘สจฺจํ ภเณ’’ติ อิตรํ ปุจฺฉิ. โส อาห – ‘‘อาม, สามิ, อหํ ตํ อาทาย คโต, เสเนน ปหฏภาโว สจฺจเมว, สามี’’ติ. ‘‘กึ ปน โลเก กุลลา นาม ทารเก หรนฺตี’’ติ? ‘‘สามิ, อหมฺปิ ตุมฺเห ปุจฺฉามิ – ‘‘กุลลา ทารเก คเหตฺวา อากาเส คนฺตุํ น สกฺโกนฺติ, มูสิกา ปน อยผาเล ขาทนฺตี’’ติ. ‘‘อิทํ กึ นามา’’ติ? ‘‘สามิ, มยา เอตสฺส ฆเร ปฺจ ผาลสตานิ ปิตานิ, สฺวายํ ‘ผาลา เต มูสิกาหิ ขาทิตา’ติ วตฺวา ‘อิทํ เต ผาเล ขาทิตมูสิกานํ วจฺจ’นฺติ วจฺจํ ทสฺเสติ, สามิ, มูสิกา เจ ผาเล ขาทนฺติ, กุลลาปิ ทารเก หริสฺสนฺติ. สเจ น ขาทนฺติ, เสนาปิ ตํ น หริสฺสนฺติ. เอโส ปน ‘ผาลา เต มูสิกาหิ ขาทิตา’ติ วทติ, เตสํ ขาทิตภาวํ วา อขาทิตภาวํ วา ชานาถ, อฑฺฑํ ¶ เม วินิจฺฉินถา’’ติ. โพธิสตฺโต ‘‘สสฺส ปฏิสาเยฺยํ กตฺวา ชินิสฺสามีติ อิมินา จินฺติตํ ภวิสฺสตี’’ติ ตฺวา ‘‘สุฏฺุ เต จินฺติต’’นฺติ วตฺวา อิมา คาถา อโวจ –
‘‘สสฺส สาเยฺยมึท สุจินฺติตํ, ปจฺโจฑฺฑิตํ ปฏิกูฏสฺส กูฏํ;
ผาลํ เจ ขาเทยฺยุํ มูสิกา, กสฺมา กุมารํ กุลลา น หเรยฺยุํ.
‘‘กูฏสฺส หิ สนฺติ กูฏกูฏา, ภวติ จาปิ นิกติโน นิกตฺยา;
เทหิ ปุตฺตนฏฺ ผาลนฏฺสฺส ผาลํ, มา เต ปุตฺตมหาสิ ผาลนฏฺโ’’ติ.
ตตฺถ สสฺสาติ สภาเวน เกราฏิเกน ‘‘เอกํ อุปายํ กตฺวา ปรสนฺตกํ ขาทิตุํ วฏฺฏตี’’ติ สสฺส. สาเยฺยมิทํ สุจินฺติตนฺติ อิทํ ปฏิสาเยฺยํ จินฺเตนฺเตน ตยา สุฏฺุ จินฺติตํ. ปจฺโจฑฺฑิตํ ปฏิกูฏสฺส กูฏนฺติ กูฏสฺส ปุคฺคลสฺส ตยา ปฏิกูฏํ สุฏฺุ ปจฺโจฑฺฑิตํ, ปฏิภาคํ กตฺวา โอฑฺฑิตสทิสเมว กตนฺติ อตฺโถ. ผาลํ เจ ขาเทยฺยุํ มูสิกาติ ยทิ มูสิกา ผาลํ ขาเทยฺยุํ. กสฺมา กุมารํ กุลลา น หเรยฺยุนฺติ มูสิกาสุ ผาเล ขาทนฺตีสุ กุลลา กึ การณา กุมารํ โน หเรยฺยุํ.
กูฏสฺส ¶ ¶ หิ สนฺติ กูฏกูฏาติ ตฺวํ ‘‘อหเมว มูสิกาหิ ผาเล ขาทาปิตปุริโส กูโฏ’’ติ มฺสิ, ตาทิสสฺส ปน กูฏสฺส อิมสฺมึ โลเก พหู กูฏา สนฺติ, กูฏสฺส กูฏาติ กูฏปฏิกูฏานํ เอตํ นามํ, กูฏสฺส ปฏิกูฏา นาม สนฺตีติ วุตฺตํ โหติ. ภวติ จาปิ นิกติโน นิกตฺยาติ นิกติโน เนกติกสฺส วฺจนกปุคฺคลสฺส นิกตฺยา อปโร นิกติการโก วฺจนกปุริโส ภวติเยว. เทหิ ปุตฺตนฏฺ ผาลนฏฺสฺส ผาลนฺติ อมฺโภ นฏฺปุตฺต ปุริส, เอตสฺส นฏฺผาลสฺส ผาลํ เทหิ. มา เต ปุตฺตมหาสิ ผาลนฏฺโติ สเจ หิสฺส ผาลํ น ทสฺสสิ, ปุตฺตํ เต หริสฺสติ, ตํ เต เอส มา หรตุ, ผาลมสฺส เทหีติ. ‘‘เทมิ, สามิ, สเจ เม ปุตฺตํ เทตี’’ติ. ‘‘เทมิ, สามิ, สเจ เม ผาเล เทตี’’ติ. เอวํ ¶ นฏฺปุตฺโต ปุตฺตํ, นฏฺผาโล จ ผาลํ ปฏิลภิตฺวา อุโภปิ ยถากมฺมํ คตา.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา กูฏวาณิโช อิทานิ กูฏวาณิโชว, ปณฺฑิตวาณิโช ปณฺฑิตวาณิโชเยว, วินิจฺฉยามจฺโจ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
กูฏวาณิชชาตกวณฺณนา อฏฺมา.
[๒๑๙] ๙. ครหิตชาตกวณฺณนา
หิรฺํ เม สุวณฺณํ เมติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ อนภิรติยา อุกฺกณฺิตภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. เอตสฺส หิ ปจฺเจกํ คหิตํ อารมฺมณํ นาม นตฺถิ, อนภิรติวาสํ วสนฺตํ ปน ตํ สตฺถุ สนฺติกํ อาเนสุํ. โส สตฺถารา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, ภิกฺขุ, อุกฺกณฺิโตสี’’ติ ปุฏฺโ ‘‘สจฺจ’’นฺติ วตฺวา ‘‘กึการณา’’ติ วุตฺเต ‘‘กิเลสวเสนา’’ติ อาห. อถ นํ สตฺถา ‘‘อยํ, ภิกฺขุ, กิเลโส นาม ปุพฺเพ ติรจฺฉาเนหิปิ ครหิโต, ตฺวํ เอวรูเป สาสเน ปพฺพชิโต กสฺมา ติรจฺฉาเนหิปิ ครหิตกิเลสวเสน อุกฺกณฺิโต’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต หิมวนฺตปเทเส วานรโยนิยํ นิพฺพตฺติ. ตเมนํ เอโก วนจรโก คเหตฺวา ¶ อาเนตฺวา รฺโ อทาสิ. โส จิรํ ราชเคเห วสมาโน วตฺตสมฺปนฺโน อโหสิ, มนุสฺสโลเก วตฺตมานํ กิริยํ เยภุยฺเยน อฺาสิ. ราชา ตสฺส วตฺเต ปสีทิตฺวา วนจรกํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘อิมํ วานรํ คหิตฏฺาเนเยว วิสฺสชฺเชหี’’ติ อาณาเปสิ ¶ , โส ตถา อกาสิ. วานรคโณ โพธิสตฺตสฺส อาคตภาวํ ตฺวา ตสฺส ทสฺสนตฺถาย มหนฺเต ปาสาณปิฏฺเ สนฺนิปติตฺวา โพธิสตฺเตน สทฺธึ สมฺโมทนียํ กถํ กตฺวา ‘‘สมฺม, กหํ เอตฺตกํ กาลํ วุตฺโถสี’’ติ อาห. ‘‘พาราณสิยํ ราชนิเวสเน’’ติ. ‘‘อถ กถํ มุตฺโตสี’’ติ? ‘‘ราชา มํ เกฬิมกฺกฏํ กตฺวา มม วตฺเต ปสนฺโน มํ วิสฺสชฺเชสี’’ติ.
อถ นํ เต วานรา ‘‘มนุสฺสโลเก วตฺตมานกิริยํ นาม ตุมฺเห ชานิสฺสถ ¶ , อมฺหากมฺปิ ตาว กเถถ, โสตุกามมฺหา’’ติ อาหํสุ. ‘‘มา มํ มนุสฺสานํ กิริยํ ปุจฺฉถา’’ติ. ‘‘กเถถ โสตุกามมฺหา’’ติ. โพธิสตฺโตปิ ‘‘มนุสฺสา นาม ขตฺติยาปิ พฺราหฺมณาปิ ‘มยฺหํ มยฺห’นฺติ วทนฺติ, หุตฺวา อภาวฏฺเน อนิจฺจตํ น ชานนฺติ, สุณาถ ทานิ เตสํ อนฺธพาลานํ การณ’’นฺติ วตฺวา อิมา คาถา อโวจ –
‘‘หิรฺํ เม สุวณฺณํ เม, เอสา รตฺตึ ทิวา กถา;
ทุมฺเมธานํ มนุสฺสานํ, อริยธมฺมํ อปสฺสตํ.
‘‘ทฺเว ทฺเว คหปตโย เคเห, เอโก ตตฺถ อมสฺสุโก;
ลมฺพตฺถโน เวณิกโต, อโถ องฺกิตกณฺณโก;
กีโต ธเนน พหุนา, โส ตํ วิตุทเต ชน’’นฺติ.
ตตฺถ หิรฺํ เม สุวณฺณํ เมติ เทสนาสีสมตฺตเมตํ, อิมินา ปน ปททฺวเยน ทสวิธมฺปิ รตนํ สพฺพํ, ปุพฺพณฺณาปรณฺณํ เขตฺตวตฺถุํ ทฺวิปทจตุปฺปทฺจ สพฺพํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อิทํ เม อิทํ เม’’ติ อาห. เอสา รตฺตึ ทิวา กถาติ เอสา มนุสฺสานํ รตฺติฺจ ทิวา จ นิจฺจกาลํ กถา. อฺํ ปน เต ‘‘ปฺจกฺขนฺธา อนิจฺจา’’ติ วา ‘‘หุตฺวา น ภวนฺตี’’ติ วา น ชานนฺติ, เอวเมว ปริเทวนฺตา วิจรนฺติ. ทุมฺเมธานนฺติ อปฺปปฺานํ. อริยธมฺมํ อปสฺสตนฺติ อริยานํ พุทฺธาทีนํ ธมฺมํ, อริยํ วา นิทฺโทสํ นววิธํ โลกุตฺตรธมฺมํ อปสฺสนฺตานํ เอสาว กถา. อฺา ปน ‘‘อนิจฺจํ วา ทุกฺขํ วา’’ติ เตสํ กถา นาม นตฺถิ.
คหปตโยติ ¶ เคเห อธิปติภูตา. เอโก ตตฺถาติ เตสุ ทฺวีสุ ฆรสามิเกสุ ‘‘เอโก’’ติ มาตุคามํ สนฺธาย วทติ. ตตฺถ เวณิกโตติ กตเวณี, นานปฺปกาเรน สณฺาปิตเกสกลาโปติ อตฺโถ. อโถ องฺกิตกณฺณโกติ อถ สฺเวว วิทฺธกณฺโณ ฉิทฺทกณฺโณติ ลมฺพกณฺณตํ สนฺธายาห. กีโต ธเนน พหุนาติ โส ปเนส อมสฺสุโก ลมฺพตฺถโน เวณิกโต องฺกิตกณฺโณ มาตาปิตูนํ พหุํ ¶ ธนํ ทตฺวา กีโต, มณฺเฑตฺวา ปสาเธตฺวา ยานํ อาโรเปตฺวา มหนฺเตน ปริวาเรน ฆรํ อานีโต. โส ตํ วิตุทเต ชนนฺติ โส คหปติ อาคตกาลโต ปฏฺาย ¶ ตสฺมึ เคเห ทาสกมฺมกราทิเภทํ ชนํ ‘‘อเร ทุฏฺทาส ทุฏฺทาสิ, อิมํ น กโรสี’’ติ มุขสตฺตีหิ วิตุทติ, สามิโก วิย หุตฺวา มหาชนํ วิจาเรติ. เอวํ ตาว ‘‘มนุสฺสโลเก อติวิย อยุตฺต’’นฺติ มนุสฺสโลกํ ครหิ.
ตํ สุตฺวา สพฺเพ วานรา ‘‘มา กเถถ, มา กเถถ, อโสตพฺพยุตฺตกํ อสฺสุมฺหา’’ติ อุโภหิ หตฺเถหิ กณฺเณ ทฬฺหํ ปิทหึสุ. ‘‘อิมสฺมึ าเน อมฺเหหิ อิทํ อยุตฺตํ สุต’’นฺติ ตํ านมฺปิ ครหิตฺวา อฺตฺถ อคมํสุ. โส ปิฏฺิปาสาโณ ครหิตปิฏฺิปาสาโณเยว กิร นาม ชาโต.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน โส ภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ‘‘ตทา วานรคโณ พุทฺธปริสา อโหสิ, วานรินฺโท ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
ครหิตชาตกวณฺณนา นวมา.
[๒๒๐] ๑๐. ธมฺมธชชาตกวณฺณนา
สุขํ ชีวิตรูโปสีติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เทวทตฺตสฺส วธาย ปริสกฺกนํ อารพฺภ กเถสิ. ตทา หิ สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ เทวทตฺโต มยฺหํ วธาย ปริสกฺกิเยว, สนฺตาสมตฺตมฺปิ ปน กาตุํ นาสกฺขี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต ¶ พาราณสิยํ ยสปาณิ นาม ราชา รชฺชํ กาเรสิ, กาฬโก นามสฺส เสนาปติ อโหสิ. ตทา โพธิสตฺโต ตสฺเสว ปุโรหิโต อโหสิ นาเมน ธมฺมธโช นาม, รฺโ ปน สีสปฺปสาธนกปฺปโก ฉตฺตปาณิ นาม. ราชา ธมฺเมน รชฺชํ กาเรติ, เสนาปติ ปนสฺส วินิจฺฉยํ กโรนฺโต ลฺชํ ขาทติ ปรปิฏฺิมํสิโก, ลฺชํ คเหตฺวา อสฺสามิเก สามิเก กโรติ. อเถกทิวสํ วินิจฺฉเย ปราชิโต มนุสฺโส พาหา ปคฺคยฺห กนฺทนฺโต วินิจฺฉยา นิกฺขนฺโต ราชุปฏฺานํ คจฺฉนฺตํ ¶ โพธิสตฺตํ ทิสฺวา ตสฺส ปาเทสุ ปติตฺวา ‘‘ตุมฺหาทิเสสุ นาม, สามิ, รฺโ อตฺถฺจ ธมฺมฺจ อนุสาสนฺเตสุ กาฬกเสนาปติ ลฺชํ คเหตฺวา อสฺสามิเก สามิเก กโรตี’’ติ อตฺตโน ปราชิตภาวํ โพธิสตฺตสฺส กเถสิ. โพธิสตฺโต การฺุํ อุปฺปาเทตฺวา ¶ ‘‘เอหิ ภเณ, อฑฺฑํ เต วินิจฺฉินิสฺสามี’’ติ ตํ คเหตฺวา วินิจฺฉยฏฺานํ อคมาสิ. มหาชโน สนฺนิปติ, โพธิสตฺโต ตํ อฑฺฑํ ปฏิวินิจฺฉินิตฺวา สามิกฺเว สามิกํ อกาสิ.
มหาชโน สาธุการํ อทาสิ, โส สทฺโท มหา อโหสิ. ราชา ตํ สุตฺวา ‘‘กึ สทฺโท นาเมโส’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘เทว, ธมฺมธชปณฺฑิเตน ทุพฺพินิจฺฉิโต อฑฺโฑ สุวินิจฺฉิโต, ตตฺเรส สาธุการสทฺโท’’ติ. ราชา ตุฏฺโ โพธิสตฺตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘อฑฺโฑ กิร เต อาจริย วินิจฺฉิโต’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, มหาราช, กาฬเกน ทุพฺพินิจฺฉิตํ อฑฺฑํ วินิจฺฉินิ’’นฺติ วุตฺเต ‘‘อิโต ทานิ ปฏฺาย ตุมฺเหว อฑฺฑํ วินิจฺฉินถ, มยฺหฺจ กณฺณสุขํ ภวิสฺสติ โลกสฺส จ วุฑฺฒี’’ติ วตฺวา อนิจฺฉนฺตมฺปิ ตํ ‘‘สตฺตานุทฺทยาย วินิจฺฉเย นิสีทถา’’ติ ยาจิตฺวา สมฺปฏิจฺฉาเปสิ. ตโต ปฏฺาย โพธิสตฺโต วินิจฺฉเย นิสีทติ, สามิเกเยว สามิเก กโรติ.
กาฬโก ตโต ปฏฺาย ลฺชํ อลภนฺโต ลาภโต ปริหายิตฺวา โพธิสตฺตสฺส อาฆาตํ พนฺธิตฺวา ‘‘มหาราช, ธมฺมธชปณฺฑิโต ตว รชฺชํ ปตฺเถตี’’ติ โพธิสตฺตํ รฺโ อนฺตเร ปริภินฺทิ. ราชา อสทฺทหนฺโต ‘‘มา เอวํ อวจา’’ติ ปฏิกฺขิปิตฺวา ปุน เตน ‘‘สเจ เม น สทฺทหถ, ตสฺสาคมนกาเล วาตปาเนน โอโลเกถ. อถาเนน สกลนครสฺส อตฺตโน หตฺเถ กตภาวํ ปสฺสิสฺสถา’’ติ วุตฺเต ราชา ตสฺส อฑฺฑการกปริสํ ทิสฺวา ‘‘เอตสฺเสว ปริสา’’ติ สฺาย ภิชฺชิตฺวา ‘‘กึ กโรม ¶ เสนาปตี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘เทว, เอตํ มาเรตุํ วฏฺฏตี’’ติ ¶ . ‘‘โอฬาริกโทสํ อปสฺสนฺตา กถํ มาเรสฺสามา’’ติ? ‘‘อตฺเถโก อุปาโย’’ติ. ‘‘กตรูปาโย’’ติ. ‘‘อสยฺหมสฺส กมฺมํ อาโรเปตฺวา ตํ กาตุํ อสกฺโกนฺตํ ตํ เตน โทเสน มาเรสฺสามา’’ติ. ‘‘กึ ปน อสยฺหกมฺม’’นฺติ? ‘‘มหาราช, อุยฺยานํ นาม สารภูมิยํ โรปิตํ ปฏิชคฺคิยมานํ ตีหิ จตูหิ สํวจฺฉเรหิ ผลํ เทติ. ตุมฺเห ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘สฺเว อุยฺยานํ กีฬิสฺสาม, อุยฺยานํ เม มาเปหี’ติ วทถ, โส มาเปตุํ น สกฺขิสฺสติ. อถ นํ ตสฺมึ โทเส มาเรสฺสามา’’ติ.
ราชา โพธิสตฺตํ อามนฺเตตฺวา ‘‘ปณฺฑิต, มยฺหํ ปุราณอุยฺยาเน จิรํ กีฬิมฺห, อิทานิ นวอุยฺยาเน กีฬิตุกามมฺห, สฺเว กีฬิสฺสาม, อุยฺยานํ โน มาเปหิ, สเจ มาเปตุํ น สกฺขิสฺสสิ, ชีวิตํ เต นตฺถี’’ติ. โพธิสตฺโต ‘‘กาฬเกน ลฺชํ อลภมาเนน ราชา อนฺตเร ปริภินฺโน ภวิสฺสตี’’ติ ตฺวา ‘‘สกฺโกนฺโต ชานิสฺสามิ, มหาราชา’’ติ วตฺวา เคหํ คนฺตฺวา สุโภชนํ ภฺุชิตฺวา จินฺตยมาโน สยเน นิปชฺชิ, สกฺกสฺส ภวนํ อุณฺหาการํ ทสฺเสสิ. สกฺโก ¶ อาวชฺเชนฺโต โพธิสตฺตสฺส จิตฺตํ ตฺวา เวเคนาคนฺตฺวา สิริคพฺภํ ปวิสิตฺวา อากาเส ตฺวา ‘‘กึ จินฺเตสิ ปณฺฑิตา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘โกสิ ตฺว’’นฺติ? ‘‘สกฺโกหมสฺมี’’ติ. ‘‘ราชา มํ ‘อุยฺยานํ มาเปหี’ติ อาห, ตํ จินฺเตมี’’ติ. ‘‘ปณฺฑิต, มา จินฺตยิ, อหํ เต นนฺทนวนจิตฺตลตาวนสทิสํ อุยฺยานํ มาเปสฺสามิ, กตรสฺมึ าเน มาเปมี’’ติ? ‘‘อสุกฏฺาเน มาเปหี’’ติ. สกฺโก มาเปตฺวา เทวปุรเมว คโต.
ปุนทิวเส โพธิสตฺโต อุยฺยานํ ปจฺจกฺขโต ทิสฺวา คนฺตฺวา รฺโ อาโรเจสิ – ‘‘นิฏฺิตํ เต, มหาราช, อุยฺยานํ, กีฬสฺสู’’ติ. ราชา คนฺตฺวา อฏฺารสหตฺเถน มโนสิลาวณฺเณน ปากาเรน ปริกฺขิตฺตํ ทฺวารฏฺฏาลกสมฺปนฺนํ ปุปฺผผลภารภริตนานารุกฺขปฏิมณฺฑิตํ ¶ อุยฺยานํ ทิสฺวา กาฬกํ ปุจฺฉิ – ‘‘ปณฺฑิเตน อมฺหากํ วจนํ กตํ, อิทานิ กึ กโรมา’’ติ. ‘‘มหาราช, เอกรตฺเตน อุยฺยานํ มาเปตุํ สกฺโกนฺโต รชฺชํ คเหตุํ กึ น สกฺโกตี’’ติ? ‘‘อิทานิ กึ กโรมา’’ติ? ‘‘อปรมฺปิ นํ อสยฺหกมฺมํ กาเรมา’’ติ. ‘‘กึ กมฺมํ นามา’’ติ? ‘‘สตฺตรตนมยํ โปกฺขรณึ มาเปมา’’ติ. ราชา ‘‘สาธู’’ติ โพธิสตฺตํ อามนฺเตตฺวา ‘‘อาจริย, อุยฺยานํ ตาว เต มาปิตํ ¶ , เอตสฺส ปน อนุจฺฉวิกํ สตฺตรตนมยํ โปกฺขรณึ มาเปหิ. สเจ มาเปตุํ น สกฺขิสฺสสิ, ชีวิตํ เต นตฺถี’’ติ อาห. โพธิสตฺโต ‘‘สาธุ, มหาราช, สกฺโกนฺโต มาเปสฺสามี’’ติ อาห. อถสฺส สกฺโก โปกฺขรณึ มาเปสิ โสภคฺคปฺปตฺตํ สตติตฺถํ สหสฺสวงฺกํ ปฺจวณฺณปทุมสฺฉนฺนํ นนฺทนโปกฺขรณิสทิสํ.
ปุนทิวเส โพธิสตฺโต ตมฺปิ ปจฺจกฺขํ กตฺวา รฺโ อาโรเจสิ – ‘‘มาปิตา, เทว, โปกฺขรณี’’ติ. ราชา ตมฺปิ ทิสฺวา ‘‘อิทานิ กึ กโรมา’’ติ กาฬกํ ปุจฺฉิ. ‘‘อุยฺยานสฺส อนุจฺฉวิกํ เคหํ มาเปตุํ อาณาเปหิ, เทวา’’ติ. ราชา โพธิสตฺตํ อามนฺเตตฺวา ‘‘อิทานิ, อาจริย, อิมสฺส อุยฺยานสฺส เจว โปกฺขรณิยา จ อนุจฺฉวิกํ สพฺพทนฺตมยํ เคหํ มาเปหิ, โน เจ มาเปสฺสสิ, ชีวิตํ เต นตฺถี’’ติ อาห. อถสฺส สกฺโก เคหมฺปิ มาเปสิ. โพธิสตฺโต ปุนทิวเส ตมฺปิ ปจฺจกฺขํ กตฺวา รฺโ อาโรเจสิ. ราชา ตมฺปิ ทิสฺวา ‘‘อิทานิ กึ กโรมา’’ติ กาฬกํ ปุจฺฉิ. ‘‘เคหสฺส อนุจฺฉวิกํ มณึ มาเปตุํ อาณาเปหิ, มหาราชา’’ติ อาห. ราชา โพธิสตฺตํ อามนฺเตตฺวา ‘‘ปณฺฑิต, อิมสฺส ทนฺตมยเคหสฺส อนุจฺฉวิกํ มณึ มาเปหิ, มณิอาโลเกน วิจริสฺสาม. สเจ มาเปตุํ น สกฺโกสิ, ชีวิตํ เต นตฺถี’’ติ อาห. อถสฺส สกฺโก มณิมฺปิ มาเปสิ.
โพธิสตฺโต ¶ ปุนทิวเส ตํ ปจฺจกฺขํ กตฺวา รฺโ อาโรเจสิ ¶ . ราชา ตมฺปิ ทิสฺวา ‘‘อิทานิ กึ กริสฺสามา’’ติ กาฬกํ ปุจฺฉิ. ‘‘มหาราช, ธมฺมธชพฺราหฺมณสฺส อิจฺฉิติจฺฉิตทายิกา เทวตา อตฺถิ มฺเ, อิทานิ ยํ เทวตาปิ มาเปตุํ น สกฺโกติ, ตํ อาณาเปหิ. จตุรงฺคสมนฺนาคตํ นาม มนุสฺสํ เทวตาปิ มาเปตุํ น สกฺโกติ, ตสฺมา ‘จตุรงฺคสมนฺนาคตํ เม อุยฺยานปาลํ มาเปหี’ติ ตํ วทาหี’’ติ. ราชา โพธิสตฺตํ อามนฺเตตฺวา ‘‘อาจริย, ตยา อมฺหากํ อุยฺยานํ, โปกฺขรณี, ทนฺตมยปาสาโท, ตสฺส อาโลกกรณตฺถาย มณิรตนฺจ มาปิตํ, อิทานิ เม อุยฺยานรกฺขกํ จตุรงฺคสมนฺนาคตํ อุยฺยานปาลํ มาเปหิ, โน เจ มาเปสฺสสิ, ชีวิตํ เต นตฺถี’’ติ อาห. โพธิสตฺโต ‘‘โหตุ, ลภมาโน ชานิสฺสามี’’ติ เคหํ คนฺตฺวา สุโภชนํ ภฺุชิตฺวา นิปนฺโน ปจฺจูสกาเล ปพุชฺฌิตฺวา สยนปีเ นิสินฺโน จินฺเตสิ – ‘‘สกฺโก เทวราชา ยํ อตฺตนา สกฺกา มาเปตุํ, ตํ มาเปสิ, จตุรงฺคสมนฺนาคตํ ปน อุยฺยานปาลํ น สกฺกา มาเปตุํ, เอวํ สนฺเต ¶ ปเรสํ หตฺเถ มรณโต อรฺเ อนาถมรณเมว วรตร’’นฺติ. โส กสฺสจิ อนาโรเจตฺวา ปาสาทา โอตริตฺวา อคฺคทฺวาเรเนว นครา นิกฺขมิตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล สตํ ธมฺมํ อาวชฺชมาโน นิสีทิ.
สกฺโก ตํ การณํ ตฺวา วนจรโก วิย หุตฺวา โพธิสตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘พฺราหฺมณ, ตฺวํ สุขุมาโล, อทิฏฺปุพฺพทุกฺขรูโป วิย อิมํ อรฺํ ปวิสิตฺวา กึ กโรนฺโต นิสินฺโนสี’’ติ อิมมตฺถํ ปุจฺฉนฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘สุขํ ชีวิตรูโปสิ, รฏฺา วิวนมาคโต;
โส เอกโก รุกฺขมูเล, กปโณ วิย ฌายสี’’ติ.
ตตฺถ สุขํ ชีวิตรูโปสีติ ตฺวํ สุเขน ชีวิตสทิโส สุเขธิโต สุขปริหโต วิย. รฏฺาติ อากิณฺณมนุสฺสฏฺานา. วิวนมาคโตติ นิรุทกฏฺานํ อรฺํ ปวิฏฺโ. รุกฺขมูเลติ รุกฺขสมีเป. กปโณ วิย ¶ ฌายสีติ กปโณ วิย เอกโก นิสินฺโน ฌายสิ ปชฺฌายสิ, กึ นาเมตํ จินฺเตสีติ ปุจฺฉิ.
ตํ สุตฺวา โพธิสตฺโต ทุติยํ คาถมาห –
‘‘สุขํ ¶ ชีวิตรูโปสฺมิ, รฏฺา วิวนมาคโต;
โส เอกโก รุกฺขมูเล, กปโณ วิย ฌายามิ;
สตํ ธมฺมํ อนุสฺสร’’นฺติ.
ตตฺถ สตํ ธมฺมํ อนุสฺสรนฺติ, สมฺม, สจฺจเมตํ, อหํ สุขํ ชีวิตรูโป รฏฺา จ วิวนมาคโต, โสหํ เอกโกว อิมสฺมึ รุกฺขมูเล นิสีทิตฺวา กปโณ วิย ฌายามิ. ยํ ปน วเทสิ ‘‘กึ นาเมตํ จินฺเตสี’’ติ, ตํ เต ปเวเทมิ ‘‘สตํ ธมฺม’’นฺติ. อหฺหิ สตํ ธมฺมํ อนุสฺสรนฺโต อิธ นิสินฺโน. สตํ ธมฺมนฺติ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธพุทฺธสาวกานํ สตํ สปฺปุริสานํ ปณฺฑิตานํ ธมฺมํ. ลาโภ อลาโภ ยโส อยโส นินฺทา ปสํสา สุขํ ทุกฺขนฺติ อยฺหิ อฏฺวิโธ โลกธมฺโม. อิมินา ปน อพฺภาหตา สนฺโต น กมฺปนฺติ น ปเวเธนฺติ, อยเมตฺถ อกมฺปนสงฺขาโต สตํ ธมฺโม อิมํ อนุสฺสรนฺโต นิสินฺโนมฺหีติ ทีเปติ.
อถ ¶ นํ สกฺโก ‘‘เอวํ สนฺเต, พฺราหฺมณ, อิมสฺมึ าเน กสฺมา นิสินฺโนสี’’ติ. ‘‘ราชา จตุรงฺคสมนฺนาคตํ อุยฺยานปาลํ อาหราเปติ, ตาทิสํ น สกฺโกมิ ลทฺธุํ, โสหํ ‘กึ เม ปรสฺส หตฺเถ มรเณน, อรฺํ ปวิสิตฺวา อนาถมรณํ มริสฺสามี’ติ จินฺเตตฺวา อิธาคนฺตฺวา นิสินฺโน’’ติ. ‘‘พฺราหฺมณ, อหํ สกฺโก เทวราชา, มยา เต อุยฺยานาทีนิ มาปิตานิ, จตุรงฺคสมนฺนาคตํ อุยฺยานปาลํ มาเปตุํ น สกฺกา, ตุมฺหากํ รฺโ สีสปฺปสาธนกปฺปโก ฉตฺตปาณิ นาม, โส จตุรงฺคสมนฺนาคโต, จตุรงฺคสมนฺนาคเตน อุยฺยานปาเลน อตฺเถ สติ เอตํ กปฺปกํ อุยฺยานปาลํ กาตุํ วเทหี’’ติ. อิติ สกฺโก โพธิสตฺตสฺส โอวาทํ ทตฺวา ‘‘มา ภายี’’ติ สมสฺสาเสตฺวา อตฺตโน เทวปุรเมว คโต.
โพธิสตฺโต เคหํ ¶ คนฺตฺวา ภุตฺตปาตราโส ราชทฺวารํ คนฺตฺวา ฉตฺตปาณิมฺปิ ตตฺเถว ทิสฺวา หตฺเถ คเหตฺวา ‘‘ตฺวํ กิร, สมฺม ฉตฺตปาณิ, จตุรงฺคสมนฺนาคโตสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘โก เต มยฺหํ จตุรงฺคสมนฺนาคตภาวํ อาจิกฺขี’’ติ วุตฺเต ‘‘สกฺโก, เทวราชา’’ติ วตฺวา ‘‘กึการณา อาจิกฺขี’’ติ ปุฏฺโ ‘‘อิมินา นาม การเณนา’’ติ สพฺพํ อาจิกฺขิ. โส ‘‘อาม, อหํ จตุรงฺคสมนฺนาคโต’’ติ อาห. อถ นํ โพธิสตฺโต หตฺเถ คเหตฺวาว รฺโ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘อยํ, มหาราช, ฉตฺตปาณิ, จตุรงฺคสมนฺนาคโต, จตุรงฺคสมนฺนาคเตน อุยฺยานปาเลน อตฺเถ สติ อิมํ อุยฺยานปาลํ กโรถา’’ติ อาห. อถ นํ ราชา ‘‘ตฺวํ กิร จตุรงฺคสมนฺนาคโตสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, มหาราชา’’ติ. ‘‘กตเมหิ จตุรงฺเคหิ สมนฺนาคโตสี’’ติ?
‘‘อนุสูยโก ¶ อหํ เทว, อมชฺชปายโก อหํ;
นิสฺเนหโก อหํ เทว, อกฺโกธนํ อธิฏฺิโต’’ติ.
‘‘มยฺหฺหิ, มหาราช, อุสูยา นาม นตฺถิ, มชฺชํ เม น ปิวิตปุพฺพํ, ปเรสุ เม สฺเนโห วา โกโธ วา น ภูตปูพฺโพ. อิเมหิ จตูหิ องฺเคหิ สมนฺนาคโตมฺหี’’ติ.
อถ นํ ราชา, โภ ฉตฺตปาณิ, ‘‘อนุสูยโกสฺมี’’ติ วทสีติ. ‘‘อาม, เทว, อนุสูยโกมฺหี’’ติ. ‘‘กึ อารมฺมณํ ทิสฺวา อนุสูยโก ชาโตสี’’ติ? ‘‘สุณาหิ เทวา’’ติ อตฺตโน อนุสูยกการณํ กเถนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘อิตฺถิยา ¶ การณา ราช, พนฺธาเปสึ ปุโรหิตํ;
โส มํ อตฺเถ นิเวเทสิ, ตสฺมาหํ อนุสูยโก’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – อหํ, เทว, ปุพฺเพ อิมสฺมึเยว พาราณสินคเร ตาทิโสว ราชา หุตฺวา อิตฺถิยา การณา ปุโรหิตํ พนฺธาเปสึ.
‘‘อพทฺธา ตตฺถ พชฺฌนฺติ, ยตฺถ พาลา ปภาสเร;
พทฺธาปิ ตตฺถ มุจฺจนฺติ, ยตฺถ ธีรา ปภาสเร’’ติ. (ชา. ๑.๑.๑๒๐) –
อิมสฺมิฺหิ ¶ ชาตเก อาคตนเยเนว เอกสฺมึ กาเล อยํ ฉตฺตปาณิ ราชา หุตฺวา จตุสฏฺิยา ปาทมูลิเกหิ สทฺธึ สมฺปทุสฺสิตฺวา โพธิสตฺตํ อตฺตโน มโนรถํ อปูเรนฺตํ นาเสตุกามาย เทวิยา ปริภินฺโน พนฺธาเปสิ. ตทา นํ พนฺธิตฺวา อานีโต โพธิสตฺโต ยถาภูตํ เทวิยา โทสํ อาโรเปตฺวา สยํ มุตฺโต รฺา พนฺธาปิเต สพฺเพปิ เต ปาทมูลิเก โมเจตฺวา ‘‘เอเตสฺจ เทวิยา จ อปราธํ ขมถ, มหาราชา’’ติ โอวทิ. สพฺพํ เหฏฺา วุตฺตนเยเนว วิตฺถารโต เวทิตพฺพํ. ตํ สนฺธายาห –
‘‘อิตฺถิยา การณา ราช, พนฺธาเปสึ ปุโรหิตํ;
โส มํ อตฺเถ นิเวเทสิ, ตสฺมาหํ อนุสูยโก’’ติ.
ตทา ปน โสหํ จินฺเตสึ – ‘‘อหํ โสฬส สหสฺสอิตฺถิโย ปหาย เอตํ เอกเมว กิเลสวเสน สงฺคณฺหนฺโตปิ สนฺตปฺเปตุํ นาสกฺขึ, เอวํ ทุปฺปูรณียานํ อิตฺถีนํ กุชฺฌนํ นาม นิวตฺถวตฺเถ ¶ กิลิสฺสนฺเต ‘กสฺมา กิลิสฺสสี’ติ กุชฺฌนสทิสํ โหติ, ภุตฺตภตฺเต คูถภาวํ อาปชฺชนฺเต ‘กสฺมา เอตํ สภาวํ อาปชฺชสี’ติ กุชฺฌนสทิสํ โหติ. ‘อิโต ทานิ ปฏฺาย ยาว อรหตฺตํ น ปาปุณามิ, ตาว กิเลสํ นิสฺสาย มยิ อุสูยา มา อุปฺปชฺชตู’’’ติ อธิฏฺหึ. ตโต ปฏฺาย อนุสูยโก ชาโต. อิทํ สนฺธาย – ‘‘ตสฺมาหํ อนุสูยโก’’ติ อาห.
อถ นํ ราชา ‘‘สมฺม ฉตฺตปาณิ, กึ อารมฺมณํ ทิสฺวา อมชฺชโป ชาโตสี’’ติ ปุจฺฉิ. โส ตํ การณํ อาจิกฺขนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘มตฺโต ¶ อหํ มหาราช, ปุตฺตมํสานิ ขาทยึ;
ตสฺส โสเกนหํ ผุฏฺโ, มชฺชปานํ วิวชฺชยิ’’นฺติ.
อหํ, มหาราช, ปุพฺเพ ตาทิโส พาราณสิราชา หุตฺวา มชฺเชน วินา วตฺติตุํ นาสกฺขึ, อมํสกภตฺตมฺปิ ภฺุชิตุํ นาสกฺขึ. นคเร อุโปสถทิวเสสุ มาฆาโต โหติ, ภตฺตการโก ปกฺขสฺส เตรสิยฺเว มํสํ คเหตฺวา เปสิ, ตํ ทุนฺนิกฺขิตฺตํ สุนขา ขาทึสุ. ภตฺตการโก อุโปสถทิวเส มํสํ อลภิตฺวา รฺโ นานคฺครสโภชนํ ปจิตฺวา ปาสาทํ อาโรเปตฺวา อุปนาเมตุํ อสกฺโกนฺโต เทวึ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘เทวิ, อชฺช เม มํสํ น ลทฺธํ, อมํสกโภชนํ นาม อุปนาเมตุํ น สกฺโกมิ, กินฺติ กโรมี’’ติ อาห. ‘‘ตาต, มยฺหํ ปุตฺโต รฺา ปิโย มนาโป, ปุตฺตํ เม ทิสฺวา ราชา ตเมว จุมฺพนฺโต ปริสฺสชนฺโต อตฺตโน ¶ อตฺถิภาวมฺปิ น ชานาติ, อหํ ปุตฺตํ มณฺเฑตฺวา รฺโ อูรุมฺหิ นิสีทาเปยฺยํ, รฺโ ปุตฺเตน สทฺธึ กีฬนกาเล ตฺวํ ภตฺตํ อุปเนยฺยาสี’’ติ. สา เอวํ วตฺวา อตฺตโน ปุตฺตํ อลงฺกตาภรณํ มณฺเฑตฺวา รฺโ อูรุมฺหิ นิสีทาเปสิ. รฺโ ปุตฺเตน สทฺธึ กีฬนกาเล ภตฺตการโก ภตฺตํ อุปนาเมสิ. ราชา สุรามทมตฺโต ปาติยํ มํสํ อทิสฺวา ‘‘มํสํ กห’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อชฺช, เทว, อุโปสถทิวสํ มาฆาตตาย มํสํ น ลทฺธ’’นฺติ วุตฺเต ‘‘มยฺหํ มํสํ นาม ทุลฺลภ’’นฺติ วตฺวา อูรุมฺหิ นิสินฺนสฺส ปิยปุตฺตสฺส คีวํ วฏฺเฏตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปตฺวา ภตฺตการกสฺส ปุรโต ขิปิตฺวา ‘‘เวเคน สมฺปาเทตฺวา อาหรา’’ติ อาห. ภตฺตการโก ตถา อกาสิ, ราชา ปุตฺตมํเสน ภตฺตํ ภฺุชิ. รฺโ ภเยน เอโกปิ กนฺทิตุํ วา โรทิตุํ วา กเถตุํ วา สมตฺโถ นาม นาโหสิ.
ราชา ภฺุชิตฺวา สยนปิฏฺเ นิทฺทํ อุปคนฺตฺวา ปจฺจูสกาเล ปพุชฺฌิตฺวา วิคตมโท ‘‘ปุตฺตํ เม อาเนถา’’ติ อาห. ตสฺมึ กาเล เทวี กนฺทมานา ปาทมูเล ปติ. ‘‘กึ, ภทฺเท’’ติ จ วุตฺเต ¶ , ‘‘เทว, หิยฺโย เต ปุตฺตํ มาเรตฺวา ปุตฺตมํเสน ภตฺตํ ภุตฺต’’นฺติ อาห. ราชา ปุตฺตโสเกน โรทิตฺวา กนฺทิตฺวา ‘‘อิทํ เม ทุกฺขํ สุราปานํ นิสฺสาย อุปฺปนฺน’’นฺติ สุราปาเน โทสํ ทิสฺวา ‘‘อิโต ปฏฺาย ยาว อรหตฺตํ น ปาปุณามิ, ตาว เอวรูปํ วินาสการกํ ¶ สุรํ นาม น ปิวิสฺสามี’’ติ ปํสุํ คเหตฺวา มุขํ ปฺุฉิตฺวา อธิฏฺาสิ. ตโต ปฏฺาย มชฺชํ นาม น ปิวึ. อิมมตฺถํ สนฺธาย – ‘‘มตฺโต อหํ, มหาราชา’’ติ อิมํ คาถมาห.
อถ นํ ราชา ‘‘กึ ปน, สมฺม ฉตฺตปาณิ, อารมฺมณํ ทิสฺวา นิสฺเนโห ชาโตสี’’ติ ปุจฺฉิ. โส ตํ การณํ อาจิกฺขนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘กิตวาโส นามหํ ราช, ปุตฺโต ปจฺเจกโพธิ เม;
ปตฺตํ ภินฺทิตฺวา จวิโต, นิสฺเนโห ตสฺส การณา’’ติ.
มหาราช, ปุพฺเพ อหํ พาราณสิยํเยว กิตวาโส นาม ราชา. ตสฺส เม ปุตฺโต วิชายิ. ลกฺขณปากา ตํ ทิสฺวา ‘‘มหาราช, อยํ กุมาโร ปานียํ อลภิตฺวา มริสฺสตี’’ติ อาหํสุ. ‘‘ทุฏฺกุมาโร’’ติสฺส นามํ อโหสิ. โส วิฺุตํ ปตฺโต โอปรชฺชํ กาเรสิ, ราชา กุมารํ ปุรโต วา ปจฺฉโต วา กตฺวา วิจริ, ปานียํ อลภิตฺวา มรณภเยน จสฺส จตูสุ ทฺวาเรสุ อนฺโตนคเรสุ จ ตตฺถ ตตฺถ โปกฺขรณิโย กาเรสิ, จตุกฺกาทีสุ มณฺฑเป กาเรตฺวา ปานียจาฏิโย ปาเปสิ. โส เอกทิวเส อลงฺกตปฏิยตฺโต ปาโตว อุยฺยานํ คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค ปจฺเจกพุทฺธํ ปสฺสิ. มหาชโนปิ ปจฺเจกพุทฺธํ ทิสฺวา ตเมว วนฺทติ ¶ ปสํสติ, อฺชลิฺจสฺส ปคฺคณฺหาติ.
กุมาโร จินฺเตสิ – ‘‘มาทิเสน สทฺธึ คจฺฉนฺตา อิมํ มุณฺฑกํ วนฺทนฺติ ปสํสนฺติ, อฺชลิฺจสฺส ปคฺคณฺหนฺตี’’ติ. โส กุปิโต หตฺถิกฺขนฺธโต โอรุยฺห ปจฺเจกพุทฺธํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ลทฺธํ เต, สมณ, ภตฺต’’นฺติ วตฺวา ‘‘อาม, กุมารา’’ติ วุตฺเต ตสฺส หตฺถโต ปตฺตํ คเหตฺวา ภูมิยํ ปาเตตฺวา สทฺธึ ภตฺเตน มทฺทิตฺวา ปาทปฺปหาเรน จุณฺณวิจุณฺณํ อกาสิ. ปจฺเจกพุทฺโธ ‘‘นฏฺโ วตายํ สตฺโต’’ติ ตสฺส มุขํ โอโลเกสิ. กุมาโร ‘‘อหํ, สมณ, กิตวาสรฺโ ปุตฺโต, นาเมน ทุฏฺกุมาโร นาม, ตฺวํ เม กุทฺโธ อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา โอโลเกนฺโต กึ กริสฺสสี’’ติ อาห.
ปจฺเจกพุทฺโธ ¶ ฉินฺนภตฺโต หุตฺวา เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา อุตฺตรหิมวนฺเต นนฺทนมูลปพฺภารเมว คโต. กุมารสฺสาปิ ตงฺขณฺเว ปาปกมฺมํ ปริปจฺจิ. โส ‘‘ฑยฺหามิ ฑยฺหามี’’ติ สมุคฺคตสรีรฑาโห ตตฺเถว ปติ. ตตฺถ ตตฺเถว ยตฺตกํ ปานียํ, ตตฺตกํ ปานียํ สพฺพํ ฉิชฺชิ, มาติกา สุสฺสึสุ, ตตฺเถว ชีวิตกฺขยํ ¶ ปตฺวา อวีจิมฺหิ นิพฺพตฺติ. ราชา ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา ปุตฺตโสเกน อภิภูโต จินฺเตสิ – ‘‘อยํ เม โสโก ปิยวตฺถุโต อุปฺปชฺชิ, สเจ เม สฺเนโห นาภวิสฺส, โสโก น อุปฺปชฺชิสฺส, อิโต ทานิ เม ปฏฺาย สวิฺาณเก วา อวิฺาณเก วา กิสฺมิฺจิ วตฺถุสฺมึ สฺเนโห นาม มา อุปฺปชฺชตู’’ติ อธิฏฺาสิ, ตโต ปฏฺาย สฺเนโห นาม นตฺถิ. ตํ สนฺธาย ‘‘กิตวาโส นามาห’’นฺติ คาถมาห.
ตตฺถ ปุตฺโต ปจฺเจกโพธิ เม. ปตฺตํ ภินฺทิตฺวา จวิโตติ มม ปุตฺโต ปจฺเจกโพธิปตฺตํ ภินฺทิตฺวา จวิโตติ อตฺโถ. นิสฺเนโห ตสฺส การณาติ ตทา อุปฺปนฺนสฺเนหวตฺถุสฺส การณา อหํ นิสฺเนโห ชาโตติ อตฺโถ.
อถ นํ ราชา ‘‘กึ ปน, สมฺม, อารมฺมณํ ทิสฺวา นิกฺโกโธ ชาโตสี’’ติ ปุจฺฉิ. โส ตํ การณํ อาจิกฺขนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘อรโก หุตฺวา เมตฺตจิตฺตํ, สตฺต วสฺสานิ ภาวยึ;
สตฺต กปฺเป พฺรหฺมโลเก, ตสฺมา อกฺโกธโน อห’’นฺติ.
ตสฺสตฺโถ – อหํ, มหาราช, อรโก นาม ตาปโส หุตฺวา สตฺต วสฺสานิ เมตฺตจิตฺตํ ภาเวตฺวา สตฺต สํวฏฺฏวิวฏฺฏกปฺเป พฺรหฺมโลเก วสึ, ตสฺมา อหํ ทีฆรตฺตํ เมตฺตาภาวนาย อาจิณฺณปริจิณฺณตฺตา อกฺโกธโน ชาโตติ.
เอวํ ฉตฺตปาณินา อตฺตโน จตูสุ องฺเคสุ กถิเตสุ ราชา ปริสาย อิงฺคิตสฺํ อทาสิ. ตงฺขณฺเว อมจฺจา จ พฺราหฺมณคหปติกาทโย ¶ จ อุฏฺหิตฺวา ‘‘อเร ลฺชขาทก ทุฏฺโจร, ตฺวํ ลฺชํ อลภิตฺวา ปณฺฑิตํ อุปวทิตฺวา มาเรตุกาโม ชาโต’’ติ กาฬกํ เสนาปตึ หตฺถปาเทสุ คเหตฺวา ราชนิเวสนา โอตาเรตฺวา คหิตคหิเตเหว ปาสาณมุคฺคเรหิ สีสํ ภินฺทิตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปตฺวา ปาเทสุ คเหตฺวา กฑฺฒนฺตา สงฺการฏฺาเน ฉฑฺเฑสุํ. ตโต ปฏฺาย ราชา ธมฺเมน รชฺชํ กาเรนฺโต ยถากมฺมํ คโต.
สตฺถา ¶ ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา กาฬกเสนาปติ เทวทตฺโต อโหสิ, ฉตฺตปาณิกปฺปโก สาริปุตฺโต, สกฺโก อนุรุทฺโธ, ธมฺมธโช ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
ธมฺมธชชาตกวณฺณนา ทสมา.
พีรณถมฺภวคฺโค สตฺตโม.
ตสฺสุทฺทานํ –
โสมทตฺตฺจ อุจฺฉิฏฺํ, กุรุ ปุณฺณนทีปิ จ;
กจฺฉปมจฺฉเสคฺคุ จ, กูฏวาณิชครหิ;
ธมฺมธชนฺติ เต ทส.
๘. กาสาววคฺโค
[๒๒๑] ๑. กาสาวชาตกวณฺณนา
อนิกฺกสาโว ¶ กาสาวนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เทวทตฺตํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ ปน ราชคเห สมุฏฺิตํ. เอกสฺมึ สมเย ธมฺมเสนาปติ ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ เวฬุวเน วิหรติ. เทวทตฺโตปิ อตฺตโน อนุรูปาย ทุสฺสีลปริสาย ปริวุโต คยาสีเส วิหรติ. ตสฺมึ สมเย ราชคหวาสิโน ฉนฺทกํ สงฺฆริตฺวา ทานํ สชฺชยึสุ. อเถโก โวหารตฺถาย อาคตวาณิโช อิมํ สาฏกํ วิสฺสชฺเชตฺวา ‘‘มมฺปิ ปตฺติกํ กโรถา’’ติ มหคฺฆํ คนฺธกาสาวํ อทาสิ. นาครา มหาทานํ ปวตฺตยึสุ, สพฺพํ ฉนฺทเกน สงฺกฑฺฒิตํ กหาปเณเหว นิฏฺาสิ. โส สาฏโก อติเรโก อโหสิ. มหาชโน สนฺนิปติตฺวา ‘‘อยํ คนฺธกาสาวสาฏโก อติเรโก. กสฺส นํ เทม, กึ สาริปุตฺตตฺเถรสฺส, อุทาหุ เทวทตฺตสฺสา’’ติ มนฺตยึสุ.
ตตฺเถเก ‘‘สาริปุตฺตตฺเถรสฺสา’’ติ อาหํสุ. อปเร ‘‘สาริปุตฺตตฺเถโร กติปาหํ วสิตฺวา ยถารุจิ ปกฺกมิสฺสติ ¶ , เทวทตฺตตฺเถโร ปน นิพทฺธํ อมฺหากํ นครเมว อุปนิสฺสาย วิหรติ, มงฺคลามงฺคเลสุ อยเมว อมฺหากํ ¶ อวสฺสโย, เทวทตฺตสฺส ทสฺสามา’’ติ อาหํสุ. สมฺพหุลิกํ กโรนฺเตสุปิ ‘‘เทวทตฺตสฺส ทสฺสามา’’ติ วตฺตาโร พหุตรา อเหสุํ, อถ นํ เทวทตฺตสฺส อทํสุ. เทวทตฺโต ตสฺส ทสา ฉินฺทาเปตฺวา โอวฏฺฏิกํ สิพฺพาเปตฺวา รชาเปตฺวา สุวณฺณปฏฺฏวณฺณํ กตฺวา ปารุปิ. ตสฺมึ กาเล ตึสมตฺตา ภิกฺขู ราชคหา นิกฺขมิตฺวา สาวตฺถึ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา กตปฏิสนฺถารา ตํ ปวตฺตึ อาโรเจตฺวา ‘‘เอวํ, ภนฺเต, อตฺตโน อนนุจฺฉวิกํ อรหทฺธชํ ปารุปี’’ติ อาโรเจสุํ. สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, เทวทตฺโต อิทาเนว อตฺตโน อนนุรูปํ อรหทฺธชํ ปริทหติ, ปุพฺเพปิ ปริทหิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต หิมวนฺตปเทเส หตฺถิกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต อสีติสหสฺสมตฺตวารณปริวาโร ยูถปติ หุตฺวา อรฺายตเน วสติ. อเถโก ทุคฺคตมนุสฺโส พาราณสิยํ วิหรนฺโต ทนฺตการวีถิยํ ทนฺตกาเร ทนฺตวลยาทีนิ กโรนฺเต ทิสฺวา ¶ ‘‘หตฺถิทนฺเต ลภิตฺวา คณฺหิสฺสถา’’ติ ปุจฺฉิ. เต ‘‘อาม คณฺหิสฺสามา’’ติ อาหํสุ. โส อาวุธํ อาทาย กาสาววตฺถวสโน ปจฺเจกพุทฺธเวสํ คณฺหิตฺวา ปฏิสีสกํ ปฏิมฺุจิตฺวา หตฺถิวีถิยํ ตฺวา อาวุเธน หตฺถึ มาเรตฺวา ทนฺเต อาทาย พาราณสิยํ วิกฺกิณนฺโต ชีวิกํ กปฺเปสิ. โส อปรภาเค โพธิสตฺตสฺส ปริวารหตฺถีนํ สพฺพปจฺฉิมํ หตฺถึ มาเรตุํ อารภิ. หตฺถิโน เทวสิกํ หตฺถีสุ ปริหายนฺเตสุ ‘‘เกน นุ โข การเณน หตฺถิโน ปริหายนฺตี’’ติ โพธิสตฺตสฺส อาโรเจสุํ.
โพธิสตฺโต ปริคฺคณฺหนฺโต ‘‘ปจฺเจกพุทฺธเวสํ คเหตฺวา หตฺถิวีถิปริยนฺเต เอโก ปุริโส ติฏฺติ, กจฺจิ นุ โข โส มาเรติ, ปริคฺคณฺหิสฺสามิ น’’นฺติ เอกทิวสํ หตฺถี ปุรโต กตฺวา สยํ ¶ ปจฺฉโต อโหสิ. โส โพธิสตฺตํ ทิสฺวา อาวุธํ อาทาย ปกฺขนฺทิ. โพธิสตฺโต นิวตฺติตฺวา ิโต ‘‘ภูมิยํ โปเถตฺวา มาเรสฺสามิ น’’นฺติ โสณฺฑํ ปสาเรตฺวา เตน ปริทหิตานิ กาสาวานิ ทิสฺวา ‘‘อิมํ อรหทฺธชํ มยา ครุํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ โสณฺฑํ ปฏิสํหริตฺวา ‘‘อมฺโภ ปุริส, นนุ เอส อรหทฺธโช อนนุจฺฉวิโก ตุยฺหํ, กสฺมา เอตํ ปริทหสี’’ติ อิมา คาถา อโวจ –
‘‘อนิกฺกสาโว กาสาวํ, โย วตฺถํ ปริทหิสฺสติ;
อเปโต ทมสจฺเจน, น โส กาสาวมรหติ.
‘‘โย ¶ จ วนฺตกสาวสฺส, สีเลสุ สุสมาหิโต;
อุเปโต ทมสจฺเจน, ส เว กาสาวมรหตี’’ติ.
ตตฺถ อนิกฺกสาโวติ กสาโว วุจฺจติ ราโค โทโส โมโห มกฺโข ปฬาโส อิสฺสา มจฺฉริยํ มายา สาเยฺยํ ถมฺโภ สารมฺโภ มาโน อติมาโน มโท ปมาโท, สพฺเพ อกุสลา ธมฺมา สพฺเพ ทุจฺจริตา สพฺพํ ภวคามิกมฺมํ ทิยฑฺฒกิเลสสหสฺสํ, เอโส กสาโว นาม. โส ยสฺส ปุคฺคลสฺส อปฺปหีโน สนฺตานโต อนิสฺสฏฺโ อนิกฺขนฺโต, โส อนิกฺกสาโว นาม. กาสาวนฺติ กสายรสปีตํ อรหทฺธชภูตํ. โย วตฺถํ ปริทหิสฺสตีติ โย เอวรูโป หุตฺวา เอวรูปํ วตฺถํ ปริทหิสฺสติ นิวาเสติ เจว ปารุปติ จ. อเปโต ทมสจฺเจนาติ อินฺทฺริยทมสงฺขาเตน ทเมน จ นิพฺพานสงฺขาเตน จ ปรมตฺถสจฺเจน อเปโต ปริวชฺชิโต. นิสฺสกฺกตฺเถ วา กรณวจนํ, เอตสฺมา ทมสจฺจา อเปโตติ อตฺโถ. ‘‘สจฺจ’’นฺติ เจตฺถ วจีสจฺจํ ¶ จตุสจฺจมฺปิ วฏฺฏติเยว. น โส กาสาวมรหตีติ โส ปุคฺคโล อนิกฺกสาวตฺตา อรหทฺธชํ กาสาวํ น อรหติ อนนุจฺฉวิโก เอตสฺส.
โย จ วนฺตกสาวสฺสาติ โย ปน ปุคฺคโล ยถาวุตฺตสฺเสว กสาวสฺส วนฺตตฺตา วนฺตกสาโว อสฺส. สีเลสุ สุสมาหิโตติ มคฺคสีเลสุ เจว ผลสีเลสุ จ สมฺมา อาหิโต, อาเนตฺวา ปิโต วิย เตสุ ปติฏฺิโต. เตหิ สีเลหิ สมงฺคีภูตสฺเสตํ อธิวจนํ. อุเปโตติ สมนฺนาคโต. ทมสจฺเจนาติ วุตฺตปฺปกาเรน ทเมน จ สจฺเจน จ. ส เว กาสาวมรหตีติ โส เอวรูโป ปุคฺคโล อิมํ อรหทฺธชํ กาสาวํ อรหติ.
เอวํ ¶ โพธิสตฺโต ตสฺส ปุริสสฺส อิมํ การณํ กเถตฺวา ‘‘อิโต ปฏฺาย มา อิธ อาคมิ, อาคจฺฉสิ เจ, ชีวิตํ เต นตฺถี’’’ติ ตชฺเชตฺวา ปลาเปสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา หตฺถิมารกปุริโส เทวทตฺโต อโหสิ, ยูถปติ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
กาสาวชาตกวณฺณนา ปมา.
[๒๒๒] ๒. จูฬนนฺทิยชาตกวณฺณนา
อิทํ ¶ ตทาจริยวโจติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เทวทตฺตํ อารพฺภ กเถสิ. เอกทิวสฺหิ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, เทวทตฺโต นาม กกฺขโฬ ผรุโส สาหสิโก สมฺมาสมฺพุทฺเธ อภิมาเร ปโยเชสิ, สิลํ ปวิชฺฌิ, นาฬาคิรึ ปโยเชสิ, ขนฺติเมตฺตานุทฺทยมตฺตมฺปิสฺส ตถาคเต นตฺถี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ เทวทตฺโต กกฺขโฬ ผรุโส นิกฺการุณิโกเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต หิมวนฺตปเทเส มหานนฺทิโย นาม วานโร อโหสิ, กนิฏฺภาติโก ปนสฺส จูฬนนฺทิโย นาม. เต อุโภปิ อสีติสหสฺสวานรปริวารา หิมวนฺตปเทเส อนฺธมาตรํ ปฏิชคฺคนฺตา วาสํ กปฺเปสุํ. เต มาตรํ สยนคุมฺเพ เปตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา มธุรานิ ผลาผลานิ มาตุยา เปเสนฺติ. อาหรณกวานรา ¶ ตสฺสา น เทนฺติ, สา ขุทาปีฬิตา อฏฺิจมฺมาวเสสา กิสา อโหสิ. อถ นํ โพธิสตฺโต อาห – ‘‘มยํ, อมฺม, ตุมฺหากํ มธุรผลาผลานิ เปเสม, ตุมฺเห กสฺมา มิลายถา’’ติ. ‘‘ตาต, นาหํ ลภามี’’ติ. โพธิสตฺโต จินฺเตสิ ¶ – ‘‘มยิ ยูถํ ปริหรนฺเต มาตา เม นสฺสิสฺสติ, ยูถํ ปหาย มาตรํเยว ปฏิชคฺคิสฺสามี’’ติ. โส จูฬนนฺทิยํ ปกฺโกสิตฺวา ‘‘ตาต, ตฺวํ ยูถํ ปริหร, อหํ มาตรํ ปฏิชคฺคิสฺสามี’’ติ อาห. โสปิ นํ ‘‘ภาติก, มยฺหํ ยูถปริหรเณน กมฺมํ นตฺถิ, อหมฺปิ มาตรเมว ปฏิชคฺคิสฺสามี’’ติ อาห. อิติ เต อุโภปิ เอกจฺฉนฺทา หุตฺวา ยูถํ ปหาย มาตรํ คเหตฺวา หิมวนฺตา โอรุยฺห ปจฺจนฺเต นิคฺโรธรุกฺเข วาสํ กปฺเปตฺวา มาตรํ ปฏิชคฺคึสุ.
อเถโก พาราณสิวาสี พฺราหฺมณมาณโว ตกฺกสิลายํ ทิสาปาโมกฺขสฺส อาจริยสฺส สนฺติเก สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา ‘‘คมิสฺสามี’’ติ อาจริยํ อาปุจฺฉิ. อาจริโย องฺควิชฺชานุภาเวน ตสฺส กกฺขฬผรุสสาหสิกภาวํ ตฺวา ‘‘ตาต, ตฺวํ กกฺขโฬ ผรุโส สาหสิโก, เอวรูปานํ น สพฺพกาลํ เอกสทิสเมว อิชฺฌติ, มหาวินาสํ มหาทุกฺขํ ปาปุณิสฺสสิ, มา ตฺวํ กกฺขโฬ โหหิ, ปจฺฉานุตาปนการณํ กมฺมํ มา กรี’’ติ ¶ โอวทิตฺวา อุยฺโยเชสิ. โส อาจริยํ วนฺทิตฺวา พาราณสึ คนฺตฺวา ฆราวาสํ คเหตฺวา อฺเหิ สิปฺเปหิ ชีวิกํ กปฺเปตุํ อสกฺโกนฺโต ‘‘ธนุโกฏึ นิสฺสาย ชีวิสฺสามิ, ลุทฺทกมฺมํ กตฺวา ชีวิกํ กปฺเปสฺสามี’’ติ พาราณสิโต นิกฺขมิตฺวา ปจฺจนฺตคามเก วสนฺโต ธนุกลาปสนฺนทฺโธ อรฺํ ปวิสิตฺวา นานามิเค มาเรตฺวา มํสวิกฺกเยน ชีวิกํ กปฺเปสิ. โส เอกทิวสํ อรฺเ กิฺจิ อลภิตฺวา อาคจฺฉนฺโต องฺคณปริยนฺเต ิตํ นิคฺโรธรุกฺขํ ทิสฺวา ‘‘อปิ นาเมตฺถ กิฺจิ ภเวยฺยา’’ติ นิคฺโรธรุกฺขาภิมุโข ปายาสิ.
ตสฺมึ ขเณ อุโภปิ เต ภาตโร มาตรํ ผลานิ ขาทาเปตฺวา ปุรโต กตฺวา วิฏปพฺภนฺตเร นิสินฺนา ตํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘กึ โน มาตรํ กริสฺสตี’’ติ สาขนฺตเร นิลียึสุ. โสปิ โข สาหสิกปุริโส รุกฺขมูลํ อาคนฺตฺวา ตํ เตสํ มาตรํ ชราทุพฺพลํ อนฺธํ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘กึ เม ตุจฺฉหตฺถคมเนน อิมํ มกฺกฏึ วิชฺฌิตฺวา คเหตฺวา คมิสฺสามี’’ติ. โส ¶ ตสฺสา วิชฺฌนตฺถาย ธนุํ คณฺหิ. ตํ ทิสฺวา โพธิสตฺโต ‘‘ตาต จูฬนนฺทิย, เอโส เม ปุริโส มาตรํ วิชฺฌิตุกาโม, อหมสฺสา ชีวิตทานํ ทสฺสามิ, ตฺวํ มมจฺจเยน มาตรํ ปฏิชคฺเคยฺยาสี’’ติ วตฺวา สาขนฺตรา นิกฺขมิตฺวา ‘‘โภ ปุริส, มา เม มาตรํ วิชฺฌิ, เอสา อนฺธา ชราทุพฺพลา, อหมสฺสา ชีวิตทานํ เทมิ, ตฺวํ เอตํ อมาเรตฺวา มํ มาเรหี’’ติ ตสฺส ปฏิฺํ คเหตฺวา สรสฺส อาสนฺนฏฺาเน นิสีทิ. โส นิกฺกรุโณ โพธิสตฺตํ วิชฺฌิตฺวา ปาเตตฺวา มาตรมฺปิสฺส วิชฺฌิตุํ ¶ ปุน ธนุํ สนฺนยฺหิ. ตํ ทิสฺวา จูฬนนฺทิโย ‘‘อยํ เม มาตรํ วิชฺฌิตุกาโม, เอกทิวสมฺปิ โข เม มาตา ชีวมานา ลทฺธชีวิตาเยว นาม โหติ, ชีวิตทานมสฺสา ทสฺสามี’’ติ สาขนฺตรา นิกฺขมิตฺวา ‘‘โภ ปุริส, มา เม มาตรํ วิชฺฌิ, อหมสฺสา ชีวิตทานํ ทมฺมิ, ตฺวํ มํ วิชฺฌิตฺวา อมฺเห ทฺเว ภาติเก คเหตฺวา อมฺหากํ มาตุ ชีวิตทานํ เทหี’’ติ ตสฺส ปฏิฺํ คเหตฺวา สรสฺส อาสนฺนฏฺาเน นิสีทิ. โส ตมฺปิ วิชฺฌิตฺวา ปาเตตฺวา ‘‘อยํ มกฺกฏี ฆเร ทารกานํ ภวิสฺสตี’’ติ มาตรมฺปิ เตสํ วิชฺฌิตฺวา ปาเตตฺวา ตโยปิ กาเชนาทาย เคหาภิมุโข ปายาสิ.
อถสฺส ปาปปุริสสฺส เคเห อสนิ ปติตฺวา ภริยฺจ ทฺเว ทารเก จ เคเหเนว สทฺธึ ฌาเปสิ, ปิฏฺิวํสถูณมตฺตํ อวสิสฺสิ. อถสฺส นํ คามทฺวาเรเยว เอโก ปุริโส ทิสฺวา ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ. โส ปุตฺตทารโสเกน ¶ อภิภูโต ตสฺมึเยว าเน มํสกาชฺช ธนฺุจ ฉฑฺเฑตฺวา วตฺถํ ปหาย นคฺโค พาหา ปคฺคยฺห ปริเทวมาโน คนฺตฺวา ฆรํ ปาวิสิ. อถสฺส สา ถูณา ภิชฺชิตฺวา สีเส ปติตฺวา สีสํ ภินฺทิ, ปถวี วิวรํ อทาสิ, อวีจิโต ชาลา อุฏฺหิ. โส ปถวิยา คิลิยมาโน อาจริยสฺส โอวาทํ สริตฺวา ‘‘อิมํ วต ¶ การณํ ทิสฺวา ปาราสริยพฺราหฺมโณ มยฺหํ โอวาทมทาสี’’ติ ปริเทวมาโน อิมํ คาถาทฺวยมาห –
‘‘อิทํ ตทาจริยวโจ, ปาราสริโย ยทพฺรวิ;
มาสุ ตฺวํ อกริ ปาปํ, ยํ ตฺวํ ปจฺฉา กตํ ตเป.
‘‘ยานิ กโรติ ปุริโส, ตานิ อตฺตนิ ปสฺสติ;
กลฺยาณการี กลฺยาณํ, ปาปการี จ ปาปกํ;
ยาทิสํ วปเต พีชํ, ตาทิสํ หรเต ผล’’นฺติ.
ตสฺสตฺโถ – ยํ ปาราสริโย พฺราหฺมโณ อพฺรวิ – ‘‘มาสุ ตฺวํ ปาปํ อกรี, ยํ กตํ ปจฺฉา ตฺวฺเว ตเปยฺยา’’ติ, อิทํ ตํ อาจริยสฺส วจนํ. ยานิ กายวจีมโนทฺวาเรหิ กมฺมานิ ปุริโส กโรติ, เตสํ วิปากํ ปฏิลภนฺโต ตานิเยว อตฺตนิ ปสฺสติ. กลฺยาณกมฺมการี กลฺยาณํ ผลมนุโภติ, ปาปการี จ ปาปกเมว หีนํ ลามกํ อนิฏฺผลํ อนุโภติ. โลกสฺมิมฺปิ หิ ยาทิสํ วปเต พีชํ, ตาทิสํ หรเต ผลํ, พีชานุรูปํ พีชานุจฺฉวิกเมว ผลํ หรติ คณฺหาติ อนุภวตีติ. อิติ โส ปริเทวนฺโต ปถวึ ปวิสิตฺวา อวีจิมหานิรเย นิพฺพตฺติ.
สตฺถา ¶ ‘‘น, ภิกฺขเว, เทวทตฺโต อิทาเนว, ปุพฺเพปิ กกฺขโฬ ผรุโส นิกฺการุณิโกเยวา’’ติ วตฺวา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ลุทฺทกปุริโส เทวทตฺโต อโหสิ, ทิสาปาโมกฺโข อาจริโย สาริปุตฺโต, จูฬนนฺทิโย อานนฺโท, มาตา มหาปชาปติโคตมี, มหานนฺทิโย ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
จูฬนนฺทิยชาตกวณฺณนา ทุติยา.
[๒๒๓] ๓. ปุฏภตฺตชาตกวณฺณนา
นเม ¶ นมนฺตสฺส ภเช ภชนฺตนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ กุฏุมฺพิกํ อารพฺภ กเถสิ. สาวตฺถินครวาสี กิเรโก กุฏุมฺพิโก เอเกน ชนปทกุฏุมฺพิเกน สทฺธึ โวหารํ อกาสิ. โส ¶ อตฺตโน ภริยํ อาทาย ตสฺส ธารณกสฺส สนฺติกํ อคมาสิ. ธารณโก ‘‘ทาตุํ น สกฺโกมี’’ติ น กิฺจิ อทาสิ, อิตโร กุชฺฌิตฺวา ภตฺตํ อภฺุชิตฺวาว นิกฺขมิ. อถ นํ อนฺตรามคฺเค ฉาตชฺฌตฺตํ ทิสฺวา มคฺคปฏิปนฺนา ปุริสา ‘‘ภริยายปิ ทตฺวา ภฺุชาหี’’ติ ภตฺตปุฏํ อทํสุ. โส ตํ คเหตฺวา ตสฺสา อทาตุกาโม หุตฺวา ‘‘ภทฺเท, อิทํ โจรานํ ติฏฺนฏฺานํ, ตฺวํ ปุรโต ยาหี’’ติ อุยฺโยเชตฺวา สพฺพํ ภตฺตํ ภฺุชิตฺวา ตุจฺฉปุฏํ ทสฺเสตฺวา ‘‘ภทฺเท, อภตฺตกํ ตุจฺฉปุฏเมว อทํสู’’ติ อาห. สา เตน เอกเกเนว ภุตฺตภาวํ ตฺวา โทมนสฺสปฺปตฺตา อโหสิ. เต อุโภปิ เชตวนปิฏฺิวิหาเรน คจฺฉนฺตา ‘‘ปานียํ ปิวิสฺสามา’’ติ เชตวนํ ปวิสึสุ.
สตฺถาปิ เตสฺเว อาคมนํ โอโลเกนฺโต มคฺคํ คเหตฺวา ิตลุทฺทโก วิย คนฺธกุฏิฉายาย นิสีทิ, เต สตฺถารํ ทิสฺวา อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา นิสีทึสุ. สตฺถา เตหิ สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘กึ, อุปาสิเก, อยํ เต ภตฺตา หิตกาโม สสฺเนโห’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ภนฺเต, อหํ เอตสฺส สสฺเนหา, อยํ ปน มยฺหํ นิสฺเนโห, ติฏฺนฺตุ อฺเปิ ทิวสา, อชฺเชเวส อนฺตรามคฺเค ปุฏภตฺตํ ลภิตฺวา มยฺหํ อทตฺวา อตฺตนาว ภฺุชี’’ติ. ‘‘อุปาสิเก, นิจฺจกาลมฺปิ ตฺวํ เอตสฺส หิตกามา สสฺเนหา, อยํ ปน นิสฺเนโหว. ยทา ปน ปณฺฑิเต นิสฺสาย ตว คุเณ ชานาติ, ตทา เต สพฺพิสฺสริยํ นิยฺยาเทตี’’ติ วตฺวา ตาย ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต อมจฺจกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ¶ ตสฺส อตฺถธมฺมานุสาสโก อโหสิ. อถ ราชา ‘‘ปทุพฺเภยฺยาปิ เม อย’’นฺติ อตฺตโน ปุตฺตํ อาสงฺกนฺโต นีหริ. โส อตฺตโน ภริยํ คเหตฺวา นครา นิกฺขมฺม เอกสฺมึ กาสิกคามเก วาสํ กปฺเปสิ. โส อปรภาเค ปิตุ กาลกตภาวํ ¶ สุตฺวา ‘‘กุลสนฺตกํ รชฺชํ คณฺหิสฺสามี’’ติ พาราณสึ ปจฺจาคจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค ‘‘ภริยายปิ ทตฺวา ภฺุชาหี’’ติ ภตฺตปุฏํ ลภิตฺวา ตสฺสา อทตฺวา สยเมว ตํ ภฺุชิ. สา ‘‘กกฺขโฬ ¶ วตายํ ปุริโส’’ติ โทมนสฺสปฺปตฺตา อโหสิ. โส พาราณสิยํ รชฺชํ คเหตฺวา ตํ อคฺคมเหสิฏฺาเน เปตฺวา ‘‘เอตฺตกเมว เอติสฺสา อล’’นฺติ น อฺํ สกฺการํ วา สมฺมานํ วา กโรติ, ‘‘กถํ ยาเปสี’’ติปิ นํ น ปุจฺฉติ.
โพธิสตฺโต จินฺเตสิ – ‘‘อยํ เทวี รฺโ พหูปการา สสฺเนหา, ราชา ปเนตํ กิสฺมิฺจิ น มฺติ, สกฺการสมฺมานมสฺสา กาเรสฺสามี’’ติ ตํ อุปสงฺกมิตฺวา อุปจารํ กตฺวา เอกมนฺตํ ตฺวา ‘‘กึ, ตาตา’’ติ วุตฺเต ‘‘กถํ สมุฏฺาเปตุํ มยํ, เทวิ, ตุมฺเห อุปฏฺหาม, กึ นาม มหลฺลกานํ ปิตูนํ วตฺถขณฺฑํ วา ภตฺตปิณฺฑํ วา ทาตุํ น วฏฺฏตี’’ติ อาห. ‘‘ตาต, อหํ อตฺตนาว กิฺจิ น ลภามิ, ตุมฺหากํ กึ ทสฺสามิ, นนุ ลภนกาเล อทาสึ, อิทานิ ปน เม ราชา น กิฺจิ เทติ. ติฏฺตุ อฺํ ทานํ, รชฺชํ คณฺหิตุํ อาคจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค ภตฺตปุฏํ ลภิตฺวา ภตฺตมตฺตมฺปิ เม อทตฺวา อตฺตนาว ภฺุชี’’ติ. ‘‘กึ ปน, อมฺม, รฺโ สนฺติเก เอวํ กเถตุํ สกฺขิสฺสถา’’ติ? ‘‘สกฺขิสฺสามิ, ตาตา’’ติ. ‘‘เตน หิ อชฺเชว มม รฺโ สนฺติเก ิตกาเล มยิ ปุจฺฉนฺเต เอวํ กเถถ อชฺเชว โว คุณํ ชานาเปสฺสามี’’ติ เอวํ วตฺวา โพธิสตฺโต ปุริมตรํ คนฺตฺวา รฺโ สนฺติเก อฏฺาสิ. สาปิ คนฺตฺวา รฺโ สมีเป อฏฺาสิ.
อถ นํ โพธิสตฺโต ‘‘อมฺม, ตุมฺเห อติวิย กกฺขฬา, กึ นาม ปิตูนํ วตฺถขณฺฑํ วา ภตฺตปิณฺฑมตฺตํ วา ทาตุํ น วฏฺฏตี’’ติ อาห. ‘‘ตาต, อหเมว รฺโ สนฺติกา กิฺจิ น ลภามิ, ตุมฺหากํ กึ ทสฺสามี’’ติ? ‘‘นนุ อคฺคมเหสิฏฺานํ เต ลทฺธ’’นฺติ? ‘‘ตาต, กิสฺมิฺจิ สมฺมาเน อสติ อคฺคมเหสิฏฺานํ กึ กริสฺสติ, อิทานิ เม ตุมฺหากํ ราชา กึ ทสฺสติ, โส อนฺตรามคฺเค ภตฺตปุฏํ ลภิตฺวา ตโต กิฺจิ อทตฺวา ¶ สยเมว ภฺุชี’’ติ. โพธิสตฺโต ‘‘เอวํ กิร, มหาราชา’’ติ ปุจฺฉิ. ราชา อธิวาเสสิ. โพธิสตฺโต ตสฺส อธิวาสนํ วิทิตฺวา ‘‘เตน หิ, อมฺม, รฺโ อปฺปิยกาลโต ปฏฺาย กึ ตุมฺหากํ อิธ วาเสน. โลกสฺมิฺหิ อปฺปิยสมฺปโยโค จ ทุกฺโข, ตุมฺหากํ อิธ วาเส สติ รฺโ อปฺปิยสมฺปโยโคว ¶ ทุกฺขํ ¶ ภวิสฺสติ, อิเม สตฺตา นาม ภชนฺเต ภชนฺติ, อภชนภาวํ ตฺวา อฺตฺถ คนฺตพฺพํ, มหนฺโต โลกสนฺนิวาโส’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อโวจ –
‘‘นเม นมนฺตสฺส ภเช ภชนฺตํ, กิจฺจานุกุพฺพสฺส กเรยฺย กิจฺจํ;
นานตฺถกามสฺส กเรยฺย อตฺถํ, อสมฺภชนฺตมฺปิ น สมฺภเชยฺย.
‘‘จเช จชนฺตํ วนถํ น กยิรา, อเปตจิตฺเตน น สมฺภเชยฺย;
ทิโช ทุมํ ขีณผลนฺติ ตฺวา, อฺํ สเมกฺเขยฺย มหา หิ โลโก’’ติ.
ตตฺถ นเม นมนฺตสฺส ภเช ภชนฺตนฺติ โย อตฺตโน นมติ, ตสฺเสว ปฏินเมยฺย. โย จ ภชติ, ตเมว ภเชยฺย. กิจฺจานุกุพฺพสฺส กเรยฺย กิจฺจนฺติ อตฺตโน อุปฺปนฺนกิจฺจํ อนุกุพฺพนฺตสฺเสว ตสฺสปิ อุปฺปนฺนกิจฺจํ ปฏิกเรยฺย. จเช จชนฺตํ วนถํ น กยิราติ อตฺตานํ ชหนฺตํ ชเหยฺเยว, ตสฺมึ ตณฺหาสงฺขาตํ วนถํ น กเรยฺย. อเปตจิตฺเตนาติ วิคตจิตฺเตน วิปลฺลตฺถจิตฺเตน. น สมฺภเชยฺยาติ ตถารูเปน สทฺธึ น สมาคจฺเฉยฺย. ทิโช ทุมนฺติ ยถา สกุโณ ปุพฺเพ ผลิตมฺปิ รุกฺขํ ผเล ขีเณ ‘‘ขีณผโล อย’’นฺติ ตฺวา ตํ ฉฑฺเฑตฺวา อฺํ สเมกฺขติ ปริเยสติ, เอวํ อฺํ สเมกฺเขยฺย. มหา หิ เอส โลโก, อถ ตุมฺเห สสฺเนหํ เอกํ ปุริสํ ลภิสฺสถาติ.
ตํ สุตฺวา พาราณสิราชา เทวิยา สพฺพิสฺสริยํ อทาสิ. ตโต ปฏฺาย สมคฺคา สมฺโมทมานา วสึสุ.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน ทฺเว ชยมฺปติกา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสุ. ‘‘ตทา ชยมฺปติกา อิเม ทฺเว ชยมฺปติกา อเหสุํ, ปณฺฑิตามจฺโจ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
ปุฏภตฺตชาตกวณฺณนา ตติยา.
[๒๒๔] ๔. กุมฺภิลชาตกวณฺณนา
ยสฺเสเต ¶ ¶ จตุโร ธมฺมาติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เทวทตฺตํ อารพฺภ กเถสิ.
‘‘ยสฺเสเต จตุโร ธมฺมา, วานรินฺท ยถา ตว;
สจฺจํ ธมฺโม ธิติ จาโค, ทิฏฺํ โส อติวตฺตติ.
‘‘ยสฺส เจเต น วิชฺชนฺติ, คุณา ปรมภทฺทกา;
สจฺจํ ธมฺโม ธิติ จาโค, ทิฏฺํ โส นาติวตฺตตี’’ติ.
ตตฺถ คุณา ปรมภทฺทกาติ ยสฺส เอเต ปรมภทฺทกา จตฺตาโร ราสฏฺเน ปิณฺฑฏฺเน คุณา น วิชฺชนฺติ, โส ปจฺจามิตฺตํ อติกฺกมิตุํ น สกฺโกตีติ. เสสเมตฺถ สพฺพํ เหฏฺา กุมฺภิลชาตเก วุตฺตนยเมว สทฺธึ สโมธาเนนาติ.
กุมฺภิลชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.
[๒๒๕] ๕. ขนฺติวณฺณชาตกวณฺณนา
อตฺถิ เม ปุริโส, เทวาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โกสลราชานํ อารพฺภ กเถสิ. ตสฺส กิเรโก พหูปกาโร อมจฺโจ อนฺเตปุเร ปทุสฺสิ. ราชา ‘‘อุปการโก เม’’ติ ตฺวาปิ อธิวาเสตฺวา สตฺถุ อาโรเจสิ. สตฺถา ‘‘โปราณกราชาโนปิ, มหาราช, เอวํ อธิวาเสสุํเยวา’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต เอโก อมจฺโจ ตสฺส อนฺเตปุเร ปทุสฺสิ, อมจฺจสฺสาปิ เสวโก ตสฺส เคเห ปทุสฺสิ. โส ตสฺส อปราธํ อธิวาเสตุํ อสกฺโกนฺโต ตํ อาทาย รฺโ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘เทว, เอโก เม อุปฏฺาโก สพฺพกิจฺจการโก ¶ , โส มยฺหํ เคเห ปทุสฺสิ, ตสฺส กึ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ ปุจฺฉนฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘อตฺถิ เม ปุริโส เทว, สพฺพกิจฺเจสุ พฺยาวโฏ;
ตสฺส เจโกปราธตฺถิ, ตตฺถ ตฺวํ กินฺติ มฺสี’’ติ.
ตตฺถ ¶ ¶ ตสฺส เจโกปราธตฺถีติ ตสฺส จ ปุริสสฺส เอโก อปราโธ อตฺถิ. ตตฺถ ตฺวํ กินฺติ มฺสีติ ตตฺถ ตสฺส ปุริสสฺส อปราเธ ตฺวํ ‘‘กึ กาตพฺพ’’นฺติ มฺสิ, ยถา เต จิตฺตํ อุปฺปชฺชติ, ตทนุรูปมสฺส ทณฺฑํ ปเณหีติ ทีเปติ.
ตํ สุตฺวา ราชา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘อมฺหากมฺปตฺถิ ปุริโส, เอทิโส อิธ วิชฺชติ;
ทุลฺลโภ องฺคสมฺปนฺโน, ขนฺติรสฺมาก รุจฺจตี’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – อมฺหากมฺปิ ราชูนํ สตํ เอทิโส พหูปกาโร อคาเร ทุสฺสนกปุริโส อตฺถิ, โส จ โข อิธ วิชฺชติ, อิทานิปิ อิเธว สํวิชฺชติ, มยํ ราชาโนปิ สมานา ตสฺส พหูปการตํ สนฺธาย อธิวาเสม, ตุยฺหํ ปน อรฺโปิ สโต อธิวาสนภาโร ชาโต. องฺคสมฺปนฺโน หิ สพฺเพหิ คุณโกฏฺาเสหิ สมนฺนาคโต ปุริโส นาม ทุลฺลโภ, เตน การเณน อสฺมากํ เอวรูเปสุ าเนสุ อธิวาสนขนฺติเยว รุจฺจตีติ.
อมจฺโจ อตฺตานํ สนฺธาย รฺโ วุตฺตภาวํ ตฺวา ตโต ปฏฺาย อนฺเตปุเร ปทุสฺสิตุํ น วิสหิ, โสปิสฺส เสวโก รฺโ อาโรจิตภาวํ ตฺวา ตโต ปฏฺาย ตํ กมฺมํ กาตุํ น วิสหิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา อหเมว พาราณสิราชา อโหสิ’’นฺติ. โสปิ อมจฺโจ รฺโ สตฺถุ กถิตภาวํ ตฺวา ตโต ปฏฺาย ตํ กมฺมํ กาตุํ นาสกฺขีติ.
ขนฺติวณฺณชาตกวณฺณนา ปฺจมา.
[๒๒๖] ๖. โกสิยชาตกวณฺณนา
กาเล ¶ นิกฺขมนา สาธูติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โกสลราชานํ อารพฺภ กเถสิ. โกสลราชา ปจฺจนฺตวูปสมนตฺถาย อกาเล นิกฺขมิ. วตฺถุ เหฏฺา วุตฺตนยเมว.
สตฺถา ¶ ปน อตีตํ อาหริตฺวา อาห – ‘‘มหาราช, อตีเต พาราณสิราชา อกาเล นิกฺขมิตฺวา อุยฺยาเน ขนฺธาวารํ นิเวสยิ. ตสฺมึ กาเล ¶ เอโก อุลูกสกุโณ เวฬุคุมฺพํ ปวิสิตฺวา นิลียิ. กากเสนา อาคนฺตฺวา ‘นิกฺขนฺตเมว ตํ คณฺหิสฺสามา’’’ติ ปริวาเรสิ. โส สูริยตฺถงฺคมนํ อโนโลเกตฺวา อกาเลเยว นิกฺขมิตฺวา ปลายิตุํ อารภิ. อถ นํ กากา ปริวาเรตฺวา ตุณฺเฑหิ โกฏฺเฏนฺตา ปริปาเตสุํ. ราชา โพธิสตฺตํ อามนฺเตตฺวา ‘‘กึ นุ โข, ปณฺฑิต, อิเม กากา โกสิยํ ปริปาเตนฺตี’’ติ ปุจฺฉิ. โพธิสตฺโต ‘‘อกาเล, มหาราช, อตฺตโน วสนฏฺานา นิกฺขมนฺตา เอวรูปํ ทุกฺขํ ปฏิลภนฺติเยว, ตสฺมา อกาเล อตฺตโน วสนฏฺานา นิกฺขมิตุํ น วฏฺฏตี’’ติ อิมมตฺถํ ปกาเสนฺโต อิมํ คาถาทฺวยมาห –
‘‘กาเล นิกฺขมนา สาธุ, นากาเล สาธุ นิกฺขโม;
อกาเลน หิ นิกฺขมฺม, เอกกมฺปิ พหุชฺชโน;
น กิฺจิ อตฺถํ โชเตติ, ธงฺกเสนาว โกสิยํ.
‘‘ธีโร จ วิธิวิธานฺู, ปเรสํ วิวรานุคู;
สพฺพามิตฺเต วสีกตฺวา, โกสิโยว สุขี สิยา’’ติ.
ตตฺถ กาเล นิกฺขมนา สาธูติ, มหาราช, นิกฺขมนา นาม นิกฺขมนํ วา ปรกฺกมนํ วา ยุตฺตปยุตฺตกาเล สาธุ. นากาเล สาธุ นิกฺขโมติ อกาเล ปน อตฺตโน วสนฏฺานโต อฺตฺถ คนฺตุํ นิกฺขโม นาม นิกฺขมนํ วา ปรกฺกมนํ วา น สาธุ. ‘‘อกาเลน หี’’ติอาทีสุ จตูสุ ปเทสุ ปเมน สทฺธึ ตติยํ, ทุติเยน จตุตฺถํ โยเชตฺวา เอวํ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อตฺตโน วสนฏฺานโต หิ โกจิ ปุริโส อกาเลน นิกฺขมิตฺวา วา ปรกฺกมิตฺวา วา น กิฺจิ ¶ อตฺถํ โชเตติ, อตฺตโน อปฺปมตฺตกมฺปิ วุฑฺฒึ อุปฺปาเทตุํ น สกฺโกติ, อถ โข เอกกมฺปิ พหุชฺชโน พหุปิ โส ปจฺจตฺถิกชโน เอตํ อกาเล นิกฺขมนฺตํ วา ปรกฺกมนฺตํ วา เอกกํ ปริวาเรตฺวา มหาวินาสํ ปาเปติ. ตตฺรายํ อุปมา – ธงฺกเสนาว โกสิยํ, ยถา อยํ ธงฺกเสนา อิมํ อกาเล นิกฺขมนฺตฺจ ปรกฺกมนฺตฺจ โกสิยํ ตุณฺเฑหิ วิตุทนฺติ มหาวินาสํ ปาเปนฺติ, ตถา ตสฺมา ติรจฺฉานคเต อาทึ กตฺวา เกนจิ อกาเล อตฺตโน วสนฏฺานโต น นิกฺขมิตพฺพํ น ปรกฺกมิตพฺพนฺติ.
ทุติยคาถาย ¶ ธีโรติ ปณฺฑิโต. วิธีติ โปราณกปณฺฑิเตหิ ปิตปเวณี. วิธานนฺติ โกฏฺาโส วา สํวิทหนํ วา. วิวรานุคูติ วิวรํ อนุคจฺฉนฺโต ชานนฺโต. สพฺพามิตฺเตติ ¶ สพฺเพ อมิตฺเต. วสีกตฺวาติ อตฺตโน วเส กตฺวา. โกสิโยวาติ อิมมฺหา พาลโกสิยา อฺโ ปณฺฑิตโกสิโย วิย. อิทํ วุตฺตํ โหติ – โย จ โข ปณฺฑิโต ‘‘อิมสฺมึ กาเล นิกฺขมิตพฺพํ ปรกฺกมิตพฺพํ, อิมสฺมึ น นิกฺขมิตพฺพํ น ปรกฺกมิตพฺพ’’นฺติ โปราณกปณฺฑิเตหิ ปิตสฺส ปเวณิสงฺขาตสฺส วิธิโน โกฏฺาสสงฺขาตํ วิธานํ วา ตสฺส วา วิธิโน วิธานํ สํวิทหนํ อนุฏฺานํ ชานาติ, โส วิธิวิธานฺู ปเรสํ อตฺตโน ปจฺจามิตฺตานํ วิวรํ ตฺวา ยถา นาม ปณฺฑิโต โกสิโย รตฺติสงฺขาเต อตฺตโน กาเล นิกฺขมิตฺวา จ ปรกฺกมิตฺวา จ ตตฺถ ตตฺถ สยิตานฺเว กากานํ สีสานิ ฉินฺทมาโน เต สพฺเพ อมิตฺเต วสีกตฺวา สุขี สิยา, เอวํ ธีโรปิ กาเล นิกฺขมิตฺวา ปรกฺกมิตฺวา อตฺตโน ปจฺจามิตฺเต วสีกตฺวา สุขี นิทฺทุกฺโข ภเวยฺยาติ. ราชา โพธิสตฺตสฺส วจนํ สุตฺวา นิวตฺติ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ราชา อานนฺโท อโหสิ, ปณฺฑิตามจฺโจ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
โกสิยชาตกวณฺณนา ฉฏฺา.
[๒๒๗] ๗. คูถปาณชาตกวณฺณนา
สูโร สูเรน สงฺคมฺมาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. ตสฺมึ กิร กาเล เชตวนโต ติคาวุตฑฺฒโยชนมตฺเต เอโก นิคมคาโม, ตตฺถ พหูนิ สลากภตฺตปกฺขิยภตฺตานิ อตฺถิ. ตตฺเรโก ปฺหปุจฺฉโก โกณฺโฑ วสติ. โส สลากภตฺตปกฺขิยภตฺตานํ อตฺถาย อาคเต ทหเร จ ¶ สามเณเร จ ‘‘เก ขาทนฺติ, เก ปิวนฺติ, เก ภฺุชนฺตี’’ติ ปฺหํ ปุจฺฉิตฺวา กเถตุํ อสกฺโกนฺเต ลชฺชาเปสิ. เต ตสฺส ภเยน สลากภตฺตปกฺขิยภตฺตตฺถาย ตํ คามํ น คจฺฉนฺติ. อเถกทิวสํ เอโก ภิกฺขุ สลากคฺคํ คนฺตฺวา ‘‘ภนฺเต, อสุกคาเม สลากภตฺตํ วา ปกฺขิยภตฺตํ วา อตฺถี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ¶ ‘‘อตฺถาวุโส, ตตฺถ ปเนโก โกณฺโฑ ปฺหํ ปุจฺฉติ, ตํ กเถตุํ อสกฺโกนฺเต อกฺโกสติ ปริภาสติ, ตสฺส ภเยน โกจิ คนฺตุํ น สกฺโกตี’’ติ วุตฺเต ‘‘ภนฺเต, ตตฺถ ภตฺตานิ มยฺหํ ปาเปถ, อหํ ตํ ทเมตฺวา นิพฺพิเสวนํ กตฺวา ตโต ปฏฺาย ตุมฺเห ทิสฺวา ปลายนกํ กริสฺสามี’’ติ อาห. ภิกฺขู ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตสฺส ตตฺถ ภตฺตานิ ปาเปสุํ.
โส ¶ ตตฺถ คนฺตฺวา คามทฺวาเร จีวรํ ปารุปิ. ตํ ทิสฺวา โกณฺโฑ จณฺฑเมณฺฑโก วิย เวเคน อุปคนฺตฺวา ‘‘ปฺหํ เม, สมณ, กเถหี’’ติ อาห. ‘‘อุปาสก, คาเม จริตฺวา ยาคุํ อาทาย อาสนสาลํ ตาว เม อาคนฺตุํ เทหี’’ติ. โส ยาคุํ อาทาย อาสนสาลํ อาคเตปิ ตสฺมึ ตเถว อาห. โสปิ นํ ภิกฺขุ ‘‘ยาคุํ ตาว เม ปาตุํ เทหิ, อาสนสาลํ ตาว สมฺมชฺชิตุํ เทหิ, สลากภตฺตํ ตาว เม อาหริตุํ เทหี’’ติ วตฺวา สลากภตฺตํ อาหริตฺวา ตเมว ปตฺตํ คาหาเปตฺวา ‘‘เอหิ, ปฺหํ เต กเถสฺสามี’’ติ พหิคามํ เนตฺวา จีวรํ สํหริตฺวา อํเส เปตฺวา ตสฺส หตฺถโต ปตฺตํ คเหตฺวา อฏฺาสิ. ตตฺราปิ นํ โส ‘‘สมณ, ปฺหํ เม กเถหี’’ติ อาห. อถ นํ ‘‘กเถมิ เต ปฺห’’นฺติ เอกปฺปหาเรเนว ปาเตตฺวา อฏฺีนิ สํจุณฺเณนฺโต วิย โปเถตฺวา คูถํ มุเข ปกฺขิปิตฺวา ‘‘อิโต ทานิ ปฏฺาย อิมํ คามํ อาคตํ กฺจิ ภิกฺขุํ ปฺหํ ปุจฺฉิตกาเล ชานิสฺสามี’’ติ สนฺตชฺเชตฺวา ปกฺกามิ. โส ตโต ปฏฺาย ภิกฺขู ทิสฺวาว ปลายติ. อปรภาเค ตสฺส ภิกฺขุโน สา กิริยา ภิกฺขุสงฺเฆ ปากฏา ชาตา. อเถกทิวสํ ธมฺมสภายํ ภิกฺขู กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, อสุกภิกฺขุ กิร โกณฺฑสฺส มุเข คูถํ ปกฺขิปิตฺวา คโต’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, โส ภิกฺขุ อิทาเนว ตํ มีฬฺเหน อาสาเทติ, ปุพฺเพปิ อาสาเทสิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต ¶ องฺคมคธวาสิโน อฺมฺสฺส รฏฺํ คจฺฉนฺตา เอกทิวสํ ทฺวินฺนํ รฏฺานํ สีมนฺตเร เอกํ สรํ นิสฺสาย วสิตฺวา สุรํ ปิวิตฺวา มจฺฉมํสํ ขาทิตฺวา ปาโตว ยานานิ โยเชตฺวา ปกฺกมึสุ. เตสํ คตกาเล เอโก คูถขาทโก ปาณโก คูถคนฺเธน อาคนฺตฺวา เตสํ ปีตฏฺาเน ฉฑฺฑิตํ สุรํ ทิสฺวา ปิปาสาย ปิวิตฺวา มตฺโต หุตฺวา คูถปฺุชํ อภิรุหิ, อลฺลคูถํ ¶ ตสฺมึ อารุฬฺเห โถกํ โอนมิ. โส ‘‘ปถวี มํ ธาเรตุํ น สกฺโกตี’’ติ วิรวิ. ตสฺมิฺเว ขเณ เอโก มตฺตวรวารโณ ตํ ปเทสํ ปตฺวา คูถคนฺธํ ฆายิตฺวา ชิคุจฺฉนฺโต ปฏิกฺกมิ. โส ตํ ทิสฺวา ‘‘เอส มม ภเยน ปลายตี’’ติ สฺี หุตฺวา ‘‘อิมินา เม สทฺธึ สงฺคามํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ ตํ อวฺหยนฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘สูโร สูเรน สงฺคมฺม, วิกฺกนฺเตน ปหารินา;
เอหิ นาค นิวตฺตสฺสุ, กึ นุ ภีโต ปลายสิ;
ปสฺสนฺตุ องฺคมคธา, มม ตุยฺหฺจ วิกฺกม’’นฺติ.
ตสฺสตฺโถ ¶ – ตฺวํ สูโร มยา สูเรน สทฺธึ สมาคนฺตฺวา วีริยวิกฺกเมน วิกฺกนฺเตน ปหารทานสมตฺถตาย ปหารินา กึการณา อสงฺคาเมตฺวาว คจฺฉสิ, นนุ นาม เอกสมฺปหาโรปิ ทาตพฺโพ สิยา, ตสฺมา เอหิ นาค นิวตฺตสฺสุ, เอตฺตเกเนว มรณภยตชฺชิโต หุตฺวา กึ นุ ภีโต ปลายสิ, อิเม อิมํ สีมํ อนฺตรํ กตฺวา วสนฺตา ปสฺสนฺตุ, องฺคมคธา มม ตุยฺหฺจ วิกฺกมํ อุภินฺนมฺปิ อมฺหากํ ปรกฺกมํ ปสฺสนฺตูติ.
โส หตฺถี กณฺณํ ทตฺวา ตสฺส วจนํ สุตฺวา นิวตฺติตฺวา ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ตํ อปสาเทนฺโต ทุติยํ คาถมาห –
‘‘น ตํ ปาทา วธิสฺสามิ, น ทนฺเตหิ น โสณฺฑิยา;
มีฬฺเหน ตํ วธิสฺสามิ, ปูติ หฺตุ ปูตินา’’ติ.
ตสฺสตฺโถ ¶ – น ตํ ปาทาทีหิ วธิสฺสามิ, ตุยฺหํ ปน อนุจฺฉวิเกน มีฬฺเหน ตํ วธิสฺสามีติ.
เอวฺจ ปน วตฺวา ‘‘ปูติคูถปาณโก ปูตินาว หฺตู’’ติ ตสฺส มตฺถเก มหนฺตํ ลณฺฑํ ปาเตตฺวา อุทกํ วิสฺสชฺเชตฺวา ตตฺเถว ตํ ชีวิตกฺขยํ ปาเปตฺวา โกฺจนาทํ นทนฺโต อรฺเมว ปาวิสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา คูถปาณโก โกณฺโฑ อโหสิ, วารโณ โส ภิกฺขุ, ตํ การณํ ปจฺจกฺขโต ทิสฺวา ตสฺมึ วนสณฺเฑ นิวุตฺถเทวตา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
คูถปาณชาตกวณฺณนา สตฺตมา.
[๒๒๘] ๘. กามนีตชาตกวณฺณนา
ตโย ¶ คิรินฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต กามนีตพฺราหฺมณํ นาม อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ ปจฺจุปฺปนฺนฺจ อตีตฺจ ทฺวาทสกนิปาเต กามชาตเก (ชา. ๑.๑๒.๓๗ อาทโย) อาวิภวิสฺสติ. เตสุ ปน ทฺวีสุ ราชปุตฺเตสุ เชฏฺโก อาคนฺตฺวา พาราณสิยํ ราชา อโหสิ, กนิฏฺโ ¶ อุปราชา. เตสุ ราชา วตฺถุกามกิเลสกาเมสุ อติตฺโต ธนโลโล อโหสิ. ตทา โพธิสตฺโต สกฺโก เทวราชา หุตฺวา ชมฺพุทีปํ โอโลเกนฺโต ตสฺส รฺโ ทฺวีสุปิ กาเมสุ อติตฺตภาวํ ตฺวา ‘‘อิมํ ราชานํ นิคฺคณฺหิตฺวา ลชฺชาเปสฺสามี’’ติ พฺราหฺมณมาณววณฺเณน อาคนฺตฺวา ราชานํ ปสฺสิ, รฺา จ ‘‘เกนตฺเถน อาคโตสิ มาณวา’’ติ วุตฺเต ‘‘อหํ, มหาราช, ตีณิ นครานิ ปสฺสามิ เขมานิ สุภิกฺขานิ ปหูตหตฺถิอสฺสรถปตฺตีนิ หิรฺสุวณฺณาลงฺการภริตานิ, สกฺกา จ ปน ตานิ อปฺปเกเนว พเลน คณฺหิตุํ, อหํ เต ตานิ คเหตฺวา ทาตุํ อาคโต’’ติ อาห. ‘‘กทา คจฺฉาม, มาณวา’’ติ วุตฺเต ‘‘สฺเว มหาราชา’’ติ. ‘‘เตน หิ คจฺฉ, ปาโตว อาคจฺเฉยฺยาสี’’ติ. ‘‘สาธุ, มหาราช, เวเคน พลํ สชฺเชหี’’ติ วตฺวา สกฺโก สกฏฺานเมว ¶ คโต.
ราชา ปุนทิวเส เภรึ จราเปตฺวา พลสชฺชํ กาเรตฺวา อมจฺเจ ปกฺโกสาเปตฺวา หิยฺโย เอโก พฺราหฺมณมาณโว ‘‘อุตฺตรปฺจาเล อินฺทปตฺเต เกกเกติ อิเมสุ ตีสุ นคเรสุ รชฺชํ คเหตฺวา ทสฺสามี’’ติ อาห, ตํ มาณวํ อาทาย ตีสุ นคเรสุ รชฺชํ คณฺหิสฺสาม, เวเคน นํ ปกฺโกสถาติ. ‘‘กตฺถสฺส, เทว, นิวาโส ทาปิโต’’ติ? ‘‘น เม ตสฺส นิวาสเคหํ ทาปิต’’นฺติ. ‘‘นิวาสปริพฺพโย ปน ทินฺโน’’ติ? ‘‘โสปิ น ทินฺโน’’ติ. อถ ‘‘กหํ นํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ? ‘‘นครวีถีสุ โอโลเกถา’’ติ. เต โอโลเกนฺตา อทิสฺวา ‘‘น ปสฺสาม, มหาราชา’’ติ อาหํสุ. รฺโ มาณวํ อปสฺสนฺตสฺส ‘‘เอวํ มหนฺตา นาม อิสฺสริยา ปริหีโนมฺหี’’ติ มหาโสโก อุทปาทิ, หทยวตฺถุ อุณฺหํ อโหสิ, วตฺถุโลหิตํ กุปฺปิ, โลหิตปกฺขนฺทิกา อุทปาทิ, เวชฺชา ติกิจฺฉิตุํ นาสกฺขึสุ.
ตโต ตีหจตูหจฺจเยน สกฺโก อาวชฺชมาโน ตสฺส ตํ อาพาธํ ตฺวา ‘‘ติกิจฺฉิสฺสามิ น’’นฺติ พฺราหฺมณวณฺเณน อาคนฺตฺวา ทฺวาเร ตฺวา ‘‘เวชฺชพฺราหฺมโณ ¶ ตุมฺหากํ ติกิจฺฉนตฺถาย อาคโต’’ติ อาโรจาเปสิ. ราชา ตํ สุตฺวา ‘‘มหนฺตมหนฺตา ราชเวชฺชา มํ ติกิจฺฉิตุํ นาสกฺขึสุ, ปริพฺพยมสฺส ทาเปตฺวา อุยฺโยเชถา’’ติ อาห. สกฺโก ตํ สุตฺวา ‘‘มยฺหํ เนว นิวาสปริพฺพเยน อตฺโถ, เวชฺชลาภมฺปิ น คณฺหิสฺสามิ, ติกิจฺฉิสฺสามิ นํ, ปุน ราชา มํ ปสฺสตู’’ติ อาห. ราชา ตํ สุตฺวา ‘‘เตน หิ อาคจฺฉตู’’ติ อาห. สกฺโก ปวิสิตฺวา ชยาเปตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ, ราชา ‘‘ตฺวํ มํ ติกิจฺฉสี’’ติ อาห. ‘‘อาม, เทวา’’ติ. ‘‘เตน หิ ติกิจฺฉสฺสู’’ติ. ‘‘สาธุ, มหาราช, พฺยาธิโน เม ลกฺขณํ กเถถ, เกน การเณน อุปฺปนฺโน, กึ ขาทิตํ วา ปีตํ วา นิสฺสาย, อุทาหุ ทิฏฺํ วา สุตํ วา’’ติ? ‘‘ตาต, มยฺหํ พฺยาธิ สุตํ นิสฺสาย อุปฺปนฺโน’’ติ. ‘‘กึ เต สุต’’นฺติ. ‘‘ตาต เอโก มาณโว ¶ ¶ อาคนฺตฺวา มยฺหํ ‘ตีสุ นคเรสุ รชฺชํ คณฺหิตฺวา ทสฺสามี’ติ อาห, อหํ ตสฺส นิวาสฏฺานํ วา นิวาสปริพฺพยํ วา น ทาเปสึ, โส มยฺหํ กุชฺฌิตฺวา อฺสฺส รฺโ สนฺติกํ คโต ภวิสฺสติ. อถ เม ‘เอวํ มหนฺตา นาม อิสฺสริยา ปริหีโนมฺหี’ติ จินฺเตนฺตสฺส อยํ พฺยาธิ อุปฺปนฺโน. สเจ สกฺโกสิ ตฺวํ เม กามจิตฺตํ นิสฺสาย อุปฺปนฺนํ พฺยาธึ ติกิจฺฉิตุํ, ติกิจฺฉาหี’’ติ เอตมตฺถํ ปกาเสนฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘ตโย คิรึ อนฺตรํ กามยามิ, ปฺจาลา กุรุโย เกกเก จ;
ตตุตฺตรึ พฺราหฺมณ กามยามิ, ติกิจฺฉ มํ พฺราหฺมณ กามนีต’’นฺติ.
ตตฺถ ตโย คิรินฺติ ตโย คิรี, อยเมว วา ปาโ. ยถา ‘‘สุทสฺสนสฺส คิริโน, ทฺวารฺเหตํ ปกาสตี’’ติ เอตฺถ สุทสฺสนํ เทวนครํ ยุชฺฌิตฺวา ทุคฺคณฺหตาย ทุจฺจลนตาย ‘‘สุทสฺสนคิรี’’ติ วุตฺตํ, เอวมิธาปิ ตีณิ นครานิ ‘‘ตโย คิริ’’นฺติ อธิปฺเปตานิ. ตสฺมา อยเมตฺถ อตฺโถ – ตีณิ จ นครานิ เตสฺจ อนฺตรํ ติวิธมฺปิ รฏฺํ กามยามิ. ‘‘ปฺจาลา กุรุโย เกกเก จา’’ติ อิมานิ เตสํ รฏฺานํ นามานิ. เตสุ ปฺจาลาติ อุตฺตรปฺจาลา, ตตฺถ กปิลํ นาม นครํ. กุรุโยติ กุรุรฏฺํ, ตตฺถ อินฺทปตฺตํ นาม นครํ. เกกเก จาติ ปจฺจตฺเต อุปโยควจนํ, เตน เกกกรฏฺํ ทสฺเสติ. ตตฺถ เกกกราชธานีเยว นครํ. ตตุตฺตรินฺติ ตํ ¶ อหํ อิโต ปฏิลทฺธา พาราณสิรชฺชา ตตุตฺตรึ ติวิธํ รชฺชํ กามยามิ. ติกิจฺฉ มํ, พฺราหฺมณ, กามนีตนฺติ อิเมหิ วตฺถุกาเมหิ จ กิเลสกาเมหิ จ นีตํ หตํ ปหตํ สเจ สกฺโกสิ, ติกิจฺฉ มํ พฺราหฺมณาติ.
อถ นํ สกฺโก ‘‘มหาราช, ตฺวํ มูโลสธาทีหิ อเตกิจฺโฉ. าโณสเธเนว ติกิจฺฉิตพฺโพ’’ติ วตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘กณฺหาหิทฏฺสฺส ¶ กโรนฺติ เหเก, อมนุสฺสปวิฏฺสฺส กโรนฺติ ปณฺฑิตา;
น กามนีตสฺส กโรติ โกจิ, โอกฺกนฺตสุกฺกสฺส หิ กา ติกิจฺฉา’’ติ.
ตตฺถ กณฺหาหิทฏฺสฺส กโรนฺติ เหเกติ เอกจฺเจ หิ ติกิจฺฉกา โฆรวิเสน กาฬสปฺเปน ทฏฺสฺส มนฺเตหิ เจว โอสเธหิ จ ติกิจฺฉํ กโรนฺติ. อมนุสฺสปวิฏฺสฺส กโรนฺติ ปณฺฑิตาติ อปเร ปณฺฑิตา ภูตเวชฺชา ภูตยกฺขาทีหิ อมนุสฺเสหิ ปวิฏฺสฺส อภิภูตสฺส คหิตสฺส พลิกมฺมปริตฺตกรณโอสธปริภาวิตาทีหิ ติกิจฺฉํ กโรนฺติ. น กามนีตสฺส กโรติ โกจีติ ¶ กาเมหิ ปน นีตสฺส กามวสิกสฺส ปุคฺคลสฺส อฺตฺร ปณฺฑิเตหิ อฺโ โกจิ ติกิจฺฉํ น กโรติ, กโรนฺโตปิ กาตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ. กึการณา? โอกฺกนฺตสุกฺกสฺส หิ กา ติกิจฺฉาติ, โอกฺกนฺตสุกฺกสฺส อวกฺกนฺตสฺส กุสลธมฺมมริยาทํ อติกฺกนฺตสฺส อกุสลธมฺเม ปติฏฺิตสฺส ปุคฺคลสฺส มนฺโตสธาทีหิ กา นาม ติกิจฺฉา, น สกฺกา โอสเธหิ ติกิจฺฉิตุนฺติ.
อิติสฺส มหาสตฺโต อิมํ การณํ ทสฺเสตฺวา อุตฺตริ เอวมาห – ‘‘มหาราช, สเจ ตฺวํ ตานิ ตีณิ รชฺชานิ ลจฺฉสิ, อปิ นุ โข อิเมสุ จตูสุ นคเรสุ รชฺชํ กโรนฺโต เอกปฺปหาเรเนว จตฺตาริ สาฏกยุคานิ ปริทเหยฺยาสิ, จตูสุ วา สุวณฺณปาตีสุ ภฺุเชยฺยาสิ, จตูสุ วา สยเนสุ สเยยฺยาสิ, มหาราช, ตณฺหาวสิเกน นาม ภวิตุํ น วฏฺฏติ, ตณฺหา หิ นาเมสา วิปตฺติมูลา. สา วฑฺฒมานา โย ตํ วฑฺเฒติ, ตํ ปุคฺคลํ อฏฺสุ มหานิรเยสุ โสฬสสุ อุสฺสทนิรเยสุ นานปฺปการเภเทสุ จ อวเสเสสุ อปาเยสุ ขิปตี’’ติ. เอวํ ราชานํ นิรยาทิภเยน ตชฺเชตฺวา มหาสตฺโต ธมฺมํ เทเสสิ. ราชาปิสฺส ธมฺมํ สุตฺวา วิคตโสโก หุตฺวา ตาวเทว นิพฺยาธิตํ ปาปุณิ ¶ . สกฺโกปิสฺส โอวาทํ ทตฺวา ¶ สีเลสุ ปติฏฺาเปตฺวา เทวโลกเมว คโต. โสปิ ตโต ปฏฺาย ทานาทีนิ ปฺุานิ กตฺวา ยถากมฺมํ คโต.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ราชา กามนีตพฺราหฺมโณ อโหสิ, สกฺโก ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
กามนีตชาตกวณฺณนา อฏฺมา.
[๒๒๙] ๙. ปลายิตชาตกวณฺณนา
คชคฺคเมเฆหีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปลายิตปริพฺพาชกํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิร วาทตฺถาย สกลชมฺพุทีปํ วิจริตฺวา กฺจิ ปฏิวาทึ อลภิตฺวา อนุปุพฺเพน สาวตฺถึ คนฺตฺวา ‘‘อตฺถิ นุ โข โกจิ มยา สทฺธึ วาทํ กาตุํ สมตฺโถ’’ติ มนุสฺเส ปุจฺฉิ. มนุสฺสา ‘‘ตาทิสานํ สหสฺเสนปิ สทฺธึ วาทํ กาตุํ สมตฺโถ สพฺพฺู ทฺวิปทานํ อคฺโค มหาโคตโม ธมฺมิสฺสโร ปรปฺปวาทมทฺทโน, สกเลปิ ชมฺพุทีเป อุปฺปนฺโน ปรปฺปวาโท ตํ ภควนฺตํ อติกฺกมิตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ. เวลนฺตํ ปตฺวา สมุทฺทอูมิโย วิย หิ สพฺพวาทา ตสฺส ปาทมูลํ ปตฺวา จุณฺณวิจุณฺณา โหนฺตี’’ติ พุทฺธคุเณ กเถสุํ. ปริพฺพาชโก ‘‘กหํ ¶ ปน โส เอตรหี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘เชตวเน’’ติ สุตฺวา ‘‘อิทานิสฺส วาทํ อาโรเปสฺสามี’’ติ มหาชนปริวุโต เชตวนํ คจฺฉนฺโต เชเตน ราชกุมาเรน นวโกฏิธนํ วิสฺสชฺเชตฺวา การิตํ เชตวนทฺวารโกฏฺกํ ทิสฺวา ‘‘อยํ สมณสฺส โคตมสฺส วสนปาสาโท’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ทฺวารโกฏฺโก อย’’นฺติ สุตฺวา ‘‘ทฺวารโกฏฺโก ตาว เอวรูโป, วสนเคหํ กีทิสํ ภวิสฺสตี’’ติ วตฺวา ‘‘คนฺธกุฏิ นาม อปฺปเมยฺยา’’ติ วุตฺเต ‘‘เอวรูเปน สมเณน สทฺธึ โก วาทํ กริสฺสตี’’ติ ตโตว ปลายิ. มนุสฺสา อุนฺนาทิโน หุตฺวา เชตวนํ ปวิสิตฺวา สตฺถารา ‘‘กึ อกาเล อาคตตฺถา’’ติ วุตฺตา ตํ ปวตฺตึ กถยึสุ. สตฺถา ‘‘น โข อุปาสกา อิทาเนว, ปุพฺเพเปส มม วสนฏฺานสฺส ทฺวารโกฏฺกํ ทิสฺวา ปลายเตวา’’ติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต ¶ ¶ คนฺธารรฏฺเ ตกฺกสิลายํ โพธิสตฺโต รชฺชํ กาเรสิ, พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺโต. โส ‘‘ตกฺกสิลํ คณฺหิสฺสามี’’ติ มหนฺเตน พลกาเยน คนฺตฺวา นครโต อวิทูเร ตฺวา ‘‘อิมินา นิยาเมน หตฺถี เปเสถ, อิมินา อสฺเส, อิมินา รเถ, อิมินา ปตฺตี, เอวํ ธาวิตฺวา อาวุเธหิ ปหรถ, เอวํ ฆนวสฺสวลาหกา วิย สรวสฺสํ วสฺสถา’’ติ เตนํ วิจาเรนฺโต อิมํ คาถาทฺวยมาห –
‘‘คชคฺคเมเฆหิ หยคฺคมาลิภิ, รถูมิชาเตหิ สราภิวสฺเสภิ;
ถรุคฺคหาวฏฺฏทฬฺหปฺปหาริภิ, ปริวาริตา ตกฺกสิลา สมนฺตโต.
‘‘อภิธาวถ จูปธาวถ จ, วิวิธา วินาทิตา วทนฺติภิ;
วตฺตตชฺช ตุมุโล โฆโส ยถา, วิชฺชุลตา ชลธรสฺส คชฺชโต’’ติ.
ตตฺถ คชคฺคเมเฆหีติ อคฺคคชเมเฆหิ, โกฺจนาทํ คชฺชนฺเตหิ มตฺตวรวารณวลาหเกหีติ อตฺโถ. หยคฺคมาลิภีติ อคฺคหยมาลีหิ, วรสินฺธววลาหกกุเลหิ อสฺสานีเกหีติ อตฺโถ. รถูมิชาเตหีติ สฺชาตอูมิเวเคหิ สาครสลิเลหิ วิย สฺชาตรถูมีหิ, รถานีเกหีติ อตฺโถ. สราภิวสฺเสภีติ เตหิเยว รถานีเกหิ ฆนวสฺสเมโฆ วิย สรวสฺสํ วสฺสนฺเตหิ ¶ . ถรุคฺคหาวฏฺฏทฬฺหปฺปหาริภีติ ถรุคฺคเหหิ อาวฏฺฏทฬฺหปฺปหารีหิ, อิโต จิโต จ อาวตฺติตฺวา ปริวตฺติตฺวา ทฬฺหํ ปหรนฺเตหิ คหิตขคฺครตนถรุทณฺเฑหิ ปตฺติโยเธหิ จาติ อตฺโถ. ปริวาริตา ตกฺกสิลา สมนฺตโตติ ยถา อยํ ตกฺกสิลา ปริวาริตา โหติ, สีฆํ ตถา กโรถาติ อตฺโถ.
อภิธาวถ ¶ จูปธาวถ จาติ เวเคน ธาวถ เจว อุปธาวถ จ. วิวิธา วินาทิตา วทนฺติภีติ วรวารเณหิ สทฺธึ วิวิธา วินทิตา ภวถ, เสลิตคชฺชิตวาทิเตหิ นานาวิรวา โหถาติ อตฺโถ. วตฺตตชฺช ตุมุโล โฆโสติ วตฺตตุ อชฺช ตุมุโล มหนฺโต อสนิสทฺทสทิโส โฆโส. ยถา วิชฺชุลตา ชลธรสฺส คชฺชโตติ ยถา คชฺชนฺตสฺส ¶ ชลธรสฺส มุขโต นิคฺคตา วิชฺชุลตา จรนฺติ, เอวํ วิจรนฺตา นครํ ปริวาเรตฺวา รชฺชํ คณฺหถาติ วทติ.
อิติ โส ราชา คชฺชิตฺวา เสนํ วิจาเรตฺวา นครทฺวารสมีปํ คนฺตฺวา ทฺวารโกฏฺกํ ทิสฺวา ‘‘อิทํ รฺโ วสนเคห’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อยํ นครทฺวารโกฏฺโก’’ติ วุตฺเต ‘‘นครทฺวารโกฏฺโก ตาว เอวรูโป, รฺโ นิเวสนํ กีทิสํ ภวิสฺสตี’’ติ วตฺวา ‘‘เวชยนฺตปาสาทสทิส’’นฺติ สุตฺวา ‘‘เอวํ ยสสมฺปนฺเนน รฺา สทฺธึ ยุชฺฌิตุํ น สกฺขิสฺสามา’’ติ ทฺวารโกฏฺกํ ทิสฺวาว นิวตฺติตฺวา ปลายิตฺวา พาราณสิเมว อคมาสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา พาราณสิราชา ปลายิตปริพฺพาชโก อโหสิ, ตกฺกสิลราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
ปลายิตชาตกวณฺณนา นวมา.
[๒๓๐] ๑๐. ทุติยปลายิตชาตกวณฺณนา
ธชมปริมิตนฺติ ¶ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ ปลายิตปริพฺพาชกเมว อารพฺภ กเถสิ. อิมสฺมึ ปน วตฺถุสฺมึ โส ปริพฺพาชโก เชตวนํ ปาวิสิ. ตสฺมึ ขเณ สตฺถา มหาชนปริวุโต อลงฺกตธมฺมาสเน นิสินฺโน มโนสิลาตเล สีหนาทํ นทนฺโต สีหโปตโก วิย ธมฺมํ เทเสติ. ปริพฺพาชโก ทสพลสฺส พฺรหฺมสรีรปฏิภาคํ รูปํ ปุณฺณจนฺทสสฺสิริกํ มุขํ สุวณฺณปฏฺฏสทิสํ นลาฏฺจ ทิสฺวา ‘‘โก เอวรูปํ ปุริสุตฺตมํ ชินิตุํ สกฺขิสฺสตี’’ติ นิวตฺติตฺวา ปริสนฺตรํ ปวิสิตฺวา ปลายิ. มหาชโน ตํ อนุพนฺธิตฺวา นิวตฺติตฺวา สตฺถุสฺส ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ. สตฺถา ‘‘น โส ปริพฺพาชโก อิทาเนว, ปุพฺเพปิ มม สุวณฺณวณฺณํ มุขํ ทิสฺวา ปลาโตเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต โพธิสตฺโต พาราณสิยํ รชฺชํ กาเรสิ, ตกฺกสิลายํ เอโก คนฺธารราชา. โส ‘‘พาราณสึ คเหสฺสามี’’ติ จตุรงฺคินิยา เสนาย อาคนฺตฺวา นครํ ปริวาเรตฺวา นครทฺวาเร ิโต อตฺตโน ¶ พลวาหนํ โอโลเกตฺวา ‘‘โก เอตฺตกํ พลวาหนํ ชินิตุํ สกฺขิสฺสตี’’ติ อตฺตโน เสนํ สํวณฺเณตฺวา ปมํ คาถมาห –
‘‘ธชมปริมิตํ ¶ อนนฺตปารํ, ทุปฺปสหํ ธงฺเกหิ สาครํว;
คิริมิว อนิเลน ทุปฺปสยฺโห, ทุปฺปสโห อหมชฺช ตาทิเสนา’’ติ.
ตตฺถ ธชมปริมิตนฺติ อิทํ ตาว เม รเถสุ โมรฉเท เปตฺวา อุสฺสาปิตธชเมว อปริมิตํ พหุํ อเนกสตสงฺขฺยํ. อนนฺตปารนฺติ พลวาหนมฺปิ เม ‘‘เอตฺตกา หตฺถี เอตฺตกา อสฺสา เอตฺตกา รถา เอตฺตกา ปตฺตี’’ติ คณนปริจฺเฉทรหิตํ อนนฺตปารํ. ทุปฺปสหนฺติ น สกฺกา ปฏิสตฺตูหิ สหิตุํ อภิภวิตุํ ¶ . ยถา กึ? ธงฺเกหิ สาครํว, ยถา สาคโร พหูหิ กาเกหิ เวควิกฺขมฺภนวเสน วา อติกฺกมนวเสน วา ทุปฺปสโห, เอวํ ทุปฺปสหํ. คิริมิว อนิเลน ทุปฺปสยฺโหติ อปิจ เม อยํ พลกาโย ยถา ปพฺพโต วาเตน อกมฺปนียโต ทุปฺปสโห, ตถา อฺเน พลกาเยน ทุปฺปสโห. ทุปฺปสโห อหมชฺช ตาทิเสนาติ สฺวาหํ อิมินา พเลน สมนฺนาคโต อชฺช ตาทิเสน ทุปฺปสโหติ อฏฺฏาลเก ิตํ โพธิสตฺตํ สนฺธาย วทติ.
อถสฺส โส ปุณฺณจนฺทสสฺสิริกํ อตฺตโน มุขํ ทสฺเสตฺวา ‘‘พาล, มา วิปฺปลปสิ, อิทานิ เต พลวาหนํ มตฺตวารโณ วิย นฬวนํ วิทฺธํเสสฺสามี’’ติ สนฺตชฺเชตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘มา พาลิยํ วิลปิ น หิสฺส ตาทิสํ, วิฑยฺหเส น หิ ลภเส นิเสธกํ;
อาสชฺชสิ คชมิว เอกจารินํ, โย ตํ ปทา นฬมิว โปถยิสฺสตี’’ติ.
ตตฺถ มา พาลิยํ วิลปีติ มา อตฺตโน พาลภาวํ วิปฺปลปสิ. น หิสฺส ตาทิสนฺติ น หิ อสฺส ตาทิโส, อยเมว วา ปาโ. ตาทิโส ‘‘อนนฺตปารํ เม พลวาหน’’นฺติ เอวรูปํ ตกฺเกนฺโต รชฺชฺจ คเหตุํ สมตฺโถ นาม น หิ อสฺส, น โหตีติ อตฺโถ. วิฑยฺหเสติ ตฺวํ พาล, เกวลํ ราคโทสโมหมานปริฬาเหน วิฑยฺหสิเยว. น หิ ลภเส นิเสธกนฺติ มาทิสํ ปน ปสยฺห อภิภวิตฺวา นิเสธกํ น ตาว ลภสิ, อชฺช ¶ ตํ อาคตมคฺเคเนว ปลาเปสฺสามิ. อาสชฺชสีติ อุปคจฺฉสิ. คชมิว เอกจารินนฺติ เอกจารินํ มตฺตวรวารณํ วิย. โย ตํ ปทา นฬมิว โปถยิสฺสตีติ โย ตํ ยถา นาม มตฺตวรวารโณ ปาทา นฬํ โปเถติ สํจุณฺเณติ, เอวํ โปถยิสฺสติ, ตํ ตฺวํ อาสชฺชสีติ อตฺตานํ สนฺธายาห.
เอวํ ¶ ตชฺเชนฺตสฺส ปนสฺส กถํ สุตฺวา คนฺธารราชา อุลฺโลเกนฺโต ¶ กฺจนปฏฺฏสทิสํ มหานลาฏํ ทิสฺวา อตฺตโน คหณภีโต นิวตฺติตฺวา ปลายนฺโต สกนครเมว อคมาสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา คนฺธารราชา ปลายิตปริพฺพาชโก อโหสิ, พาราณสิราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
ทุติยปลายิตชาตกวณฺณนา ทสมา.
กาสาววคฺโค อฏฺโม.
ตสฺสุทฺทานํ –
กาสาวํ จูฬนนฺทิยํ, ปุฏภตฺตฺจ กุมฺภิลํ;
ขนฺติวณฺณํ โกสิยฺจ, คูถปาณํ กามนีตํ;
ปลายิตทฺวยมฺปิ จ.
๙. อุปาหนวคฺโค
[๒๓๑] ๑. อุปาหนชาตกวณฺณนา
ยถาปิ ¶ กีตาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เทวทตฺตํ อารพฺภ กเถสิ. ธมฺมสภายฺหิ ภิกฺขู กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, เทวทตฺโต อาจริยํ ปจฺจกฺขาย ตถาคตสฺส ปฏิปกฺโข ปฏิสตฺตุ หุตฺวา มหาวินาสํ ปาปุณี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, เทวทตฺโต ¶ อิทาเนว อาจริยํ ปจฺจกฺขาย มม ปฏิปกฺโข หุตฺวา มหาวินาสํ ปตฺโต, ปุพฺเพปิ ปตฺโตเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต หตฺถาจริยกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต หตฺถิสิปฺเป นิปฺผตฺตึ ปาปุณิ. อเถโก กาสิคามโก มาณวโก อาคนฺตฺวา ตสฺส สนฺติเก สิปฺปํ อุคฺคณฺหิ. โพธิสตฺตา นาม สิปฺปํ วาเจนฺตา อาจริยมุฏฺึ น กโรนฺติ, อตฺตโน ชานนนิยาเมน นิรวเสสํ สิกฺขาเปนฺติ. ตสฺมา โส มาณโว โพธิสตฺตสฺส ชานนสิปฺปํ นิรวเสสมุคฺคณฺหิตฺวา โพธิสตฺตํ อาห – ‘‘อาจริย ¶ , อหํ ราชานํ อุปฏฺหิสฺสามี’’ติ. โพธิสตฺโต ‘‘สาธุ, ตาตา’’ติ คนฺตฺวา รฺโ อาโรเจสิ – ‘‘มหาราช, มม อนฺเตวาสิโก ตุมฺเห อุปฏฺาตุํ อิจฺฉตี’’ติ. ‘‘สาธุ, อุปฏฺาตู’’ติ. ‘‘เตน หิสฺส ปริพฺพยํ ชานาถา’’ติ? ‘‘ตุมฺหากํ อนฺเตวาสิโก ตุมฺเหหิ สมกํ น ลจฺฉติ, ตุมฺเหสุ สตํ ลภนฺเตสุ ปณฺณาสํ ลจฺฉติ, ทฺเว ลภนฺเตสุ เอกํ ลจฺฉตี’’ติ. โส เคหํ คนฺตฺวา ตํ ปวตฺตึ อนฺเตวาสิกสฺส อาโรเจสิ. อนฺเตวาสิโก ‘‘อหํ, อาจริย, ตุมฺเหหิ สมํ สิปฺปํ ชานามิ. สเจ สมกฺเว ปริพฺพยํ ลภิสฺสามิ, อุปฏฺหิสฺสามิ. โน เจ, น อุปฏฺหิสฺสามี’’ติ อาห. โพธิสตฺโต ตํ ปวตฺตึ รฺโ อาโรเจสิ. ราชา ‘‘สเจ โส ตุมฺเหหิ สมปฺปกาโร, ตุมฺเหหิ สมกฺเว สิปฺปํ ทสฺเสตุํ สกฺโกนฺโต สมกํ ลภิสฺสตี’’ติ อาห. โพธิสตฺโต ตํ ปวตฺตึ ตสฺส อาโรเจตฺวา เตน ‘‘สาธุ ทสฺเสสฺสามี’’ติ วุตฺเต รฺโ อาโรเจสิ. ราชา ‘‘เตน หิ สฺเว สิปฺปํ ทสฺเสถา’’ติ. ‘‘สาธุ, ทสฺเสสฺสาม, นคเร เภรึ จราเปถา’’ติ. ราชา ‘‘สฺเว กิร อาจริโย จ อนฺเตวาสิโก จ อุโภ หตฺถิสิปฺปํ ทสฺเสสฺสนฺติ, ราชงฺคเณ สนฺนิปติตฺวา ทฏฺุกามา ปสฺสนฺตู’’ติ เภรึ จราเปสิ.
อาจริโย ¶ ‘‘น เม อนฺเตวาสิโก อุปายโกสลฺลํ ชานาตี’’ติ เอกํ หตฺถึ คเหตฺวา เอกรตฺเตเนว วิโลมํ สิกฺขาเปสิ. โส ตํ ‘‘คจฺฉา’’ติ วุตฺเต โอสกฺกิตุํ, ‘‘โอสกฺกา’’ติ วุตฺเต คนฺตุํ, ‘‘ติฏฺา’’ติ วุตฺเต นิปชฺชิตุํ, ‘‘นิปชฺชา’’ติ วุตฺเต าตุํ, ‘‘คณฺหา’’ติ วุตฺเต เปตุํ, ‘‘เปหี’’ติ วุตฺเต คณฺหิตุํ สิกฺขาเปตฺวา ปุนทิวเส ตํ หตฺถึ อภิรุหิตฺวา ราชงฺคณํ อคมาสิ. อนฺเตวาสิโกปิ เอกํ มนาปํ หตฺถึ อภิรุหิ. มหาชโน สนฺนิปติ. อุโภปิ สมกํ สิปฺปํ ทสฺเสสุํ. ปุน โพธิสตฺโต อตฺตโน หตฺถึ ¶ วิโลมํ กาเรสิ, โส ‘‘คจฺฉา’’ติ ¶ วุตฺเต โอสกฺกิ, ‘‘โอสกฺกา’’ติ วุตฺเต ปุรโต ธาวิ, ‘‘ติฏฺา’’ติ วุตฺเต นิปชฺชิ, ‘‘นิปชฺชา’’ติ วุตฺเต อฏฺาสิ, ‘‘คณฺหา’’ติ วุตฺเต นิกฺขิปิ, ‘‘นิกฺขิปา’’ติ วุตฺเต คณฺหิ. มหาชโน ‘‘อเร ทุฏฺอนฺเตวาสิก, ตฺวํ อาจริเยน สทฺธึ สารมฺภํ กโรสิ, อตฺตโน ปมาณํ น ชานาสิ, ‘อาจริเยน สมกํ ชานามี’ติ เอวํสฺี โหสี’’ติ เลฑฺฑุทณฺฑาทีหิ ปหริตฺวา ตตฺเถว ชีวิตกฺขยํ ปาเปสิ.
โพธิสตฺโต หตฺถิมฺหา โอรุยฺห ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘มหาราช, สิปฺปํ นาม อตฺตโน สุขตฺถาย คณฺหนฺติ, เอกจฺจสฺส ปน คหิตสิปฺปํ ทุกฺกฏอุปาหนา วิย วินาสเมว อาวหตี’’ติ วตฺวา อิทํ คาถาทฺวยมาห –
‘‘ยถาปิ กีตา ปุริสสฺสุปาหนา, สุขสฺส อตฺถาย ทุขํ อุทพฺพเห;
ฆมฺมาภิตตฺตา ตลสา ปปีฬิตา, ตสฺเสว ปาเท ปุริสสฺส ขาทเร.
‘‘เอวเมว โย ทุกฺกุลีโน อนริโย, ตมฺมาก วิชฺชฺจ สุตฺจ อาทิย;
ตเมว โส ตตฺถ สุเตน ขาทติ, อนริโย วุจฺจติ ปานทูปโม’’ติ.
ตตฺถ อุทพฺพเหติ อุทพฺพเหยฺย. ฆมฺมาภิตตฺตา ตลสา ปปีฬิตาติ ฆมฺเมน อภิตตฺตา ปาทตเลน จ ปีฬิตา. ตสฺเสวาติ เยน ตา สุขตฺถาย กิณิตฺวา ปาเทสุ ปฏิมุกฺกา ทุกฺกฏูปาหนา, ตสฺเสว. ขาทเรติ วณํ กโรนฺตา ปาเท ขาทนฺติ.
ทุกฺกุลีโนติ ทุชฺชาติโก อกุลปุตฺโต. อนริโยติ หิโรตฺตปฺปวชฺชิโต อสปฺปุริโส. ตมฺมาก วิชฺชฺจ สุตฺจ อาทิยาติ เอตฺถ ตํ ตํ มนตีติ ‘‘ตมฺโม’’ติ วตฺตพฺเพ ตมฺมาโก, ตํ ตํ สิปฺปํ อาเสวติ ปริวตฺเตตีติ อตฺโถ, อาจริยสฺเสตํ นามํ. ตสฺมา ตมฺมากา, คาถาพนฺธสุขตฺถํ ¶ ปนสฺส รสฺสภาโว กโต. วิชฺชนฺติ อฏฺารสสุ วิชฺชาฏฺาเนสุ ¶ ยํกิฺจิ. สุตนฺติ ยํกิฺจิ สุตปริยตฺติ. อาทิยาติอาทิยิตฺวา. ตเมว โส ตตฺถ สุเตน ขาทตีติ ตเมวาติ ¶ อตฺตานเมว. โสติ โย ทุกฺกุลีโน อนริโย อาจริยมฺหา วิชฺชฺจ สุตฺจ อาทิยติ, โส. ตตฺถ สุเตน ขาทตีติ ตสฺส สนฺติเก สุเตน โส อตฺตานเมว ขาทตีติ อตฺโถ. อฏฺกถายํ ปน ‘‘เตเนว โส ตตฺถ สุเตน ขาทตี’’ติปิ ปาโ. ตสฺสาปิ โส เตน ตตฺถ สุเตน อตฺตานเมว ขาทตีติ อยเมว อตฺโถ. อนริโย วุจฺจติ ปานทูปโมติ อิติ อนริโย ทุปาหนูปโม ทุกฺกฏูปาหนูปโม วุจฺจติ. ยถา หิ ทุกฺกฏูปาหนา ปุริสํ ขาทนฺติ, เอวเมส สุเตน ขาทนฺโต อตฺตนาว อตฺตานํ ขาทติ. อถ วา ปานาย ทุโตติ ปานทุ, อุปาหนูปตาปิตสฺส อุปาหนาย ขาทิตปาทสฺเสตํ นามํ. ตสฺมา โย โส อตฺตานํ สุเตน ขาทติ, โส เตน สุเตน ขาทิตตฺตา ‘‘อนริโย’’ติ วุจฺจติ ปานทูปโม, อุปาหนูปตาปิตปาทสทิโสติ วุจฺจตีติ อยเมตฺถ อตฺโถ. ราชา ตุฏฺโ โพธิสตฺตสฺส มหนฺตํ ยสํ อทาสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา อนฺเตวาสิโก เทวทตฺโต อโหสิ, อาจริโย ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
อุปาหนชาตกวณฺณนา ปมา.
[๒๓๒] ๒. วีณาถูณชาตกวณฺณนา
เอกจินฺติโตยมตฺโถติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ กุมาริกํ อารพฺภ กเถสิ. สา กิเรกา สาวตฺถิยํ เสฏฺิธีตา อตฺตโน เคเห อุสภราชสฺส สกฺการํ กยิรมานํ ทิสฺวา ธาตึ ปุจฺฉิ – ‘‘อมฺม, โก นาเมส เอวํ สกฺการํ ลภตี’’ติ. ‘‘อุสภราชา นาม, อมฺมา’’ติ. ปุน สา เอกทิวสํ ปาสาเท ตฺวา อนฺตรวีถึ โอโลเกนฺตี เอกํ ขุชฺชํ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘คุนฺนํ ¶ อนฺตเร เชฏฺกสฺส ปิฏฺิยํ กกุธํ โหติ, มนุสฺสเชฏฺกสฺสปิ เตน ภวิตพฺพํ, อยํ มนุสฺเสสุ ปุริสูสโภ ภวิสฺสติ, เอตสฺส มยา ปาทปริจาริกาย ภวิตุํ วฏฺฏตี’’ติ. สา ทาสึ เปเสตฺวา ¶ ‘‘เสฏฺิธีตา ตยา สทฺธึ คนฺตุกามา, อสุกฏฺานํ กิร คนฺตฺวา ติฏฺา’’ติ ตสฺส อาโรเจตฺวา สารภณฺฑกํ อาทาย อฺาตกเวเสน ปาสาทา โอตริตฺวา เตน สทฺธึ ปลายิ. อปรภาเค ตํ กมฺมํ นคเร จ ภิกฺขุสงฺเฆ จ ปากฏํ ชาตํ. ธมฺมสภายํ ภิกฺขู กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, อสุกา กิร เสฏฺิธีตา ขุชฺเชน สทฺธึ ปลาตา’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนเวสา ขุชฺชํ กาเมติ, ปุพฺเพปิ กาเมสิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต ¶ พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต เอกสฺมึ นิคมคาเม เสฏฺิกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ฆราวาสํ วสนฺโต ปุตฺตธีตาหิ วฑฺฒมาโน อตฺตโน ปุตฺตสฺส พาราณสีเสฏฺิสฺส ธีตรํ วาเรตฺวา ทิวสํ เปสิ. เสฏฺิธีตา อตฺตโน เคเห อุสภสฺส สกฺการสมฺมานํ ทิสฺวา ‘‘โก นาเมโส’’ติ ธาตึ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อุสโภ’’ติ สุตฺวา อนฺตรวีถิยา คจฺฉนฺตํ เอกํ ขุชฺชํ ทิสฺวา ‘‘อยํ ปุริสูสโภ ภวิสฺสตี’’ติ สารภณฺฑกํ คเหตฺวา เตน สทฺธึ ปลายิ. โพธิสตฺโตปิ โข ‘‘เสฏฺิธีตรํ เคหํ อาเนสฺสามี’’ติ มหนฺเตน ปริวาเรน พาราณสึ คจฺฉนฺโต ตเมว มคฺคํ ปฏิปชฺชิ. เต อุโภปิ สพฺพรตฺตึ มคฺคํ อคมํสุ. อถ ขุชฺชสฺส สพฺพรตฺตึ สีตาสิหตสฺส อรุโณทเย สรีเร วาโต กุปฺปิ, มหนฺตา เวทนา วตฺตนฺติ. โส มคฺคา โอกฺกมฺม เวทนาปฺปตฺโต หุตฺวา วีณาทณฺฑโก วิย สํกุฏิโต นิปชฺชิ, เสฏฺิธีตาปิสฺส ปาทมูเล นิสีทิ. โพธิสตฺโต เสฏฺิธีตรํ ขุชฺชสฺส ปาทมูเล นิสินฺนํ ทิสฺวา สฺชานิตฺวา อุปสงฺกมิตฺวา เสฏฺิธีตาย สทฺธึ สลฺลปนฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘เอกจินฺติโตยมตฺโถ ¶ , พาโล อปริณายโก;
น หิ ขุชฺเชน วาเมน, โภติ สงฺคนฺตุมรหสี’’ติ.
ตตฺถ เอกจินฺติโตยมตฺโถติ อมฺม, ยํ ตฺวํ อตฺถํ จินฺเตตฺวา อิมินา ขุชฺเชน สทฺธึ ปลาตา, อยํ ตยา เอกิกาย เอว จินฺติโต ภวิสฺสติ. พาโล อปริณายโกติ อยํ ขุชฺโช พาโล, ทุปฺปฺภาเวน มหลฺลโกปิ พาโลว, อฺสฺมึ คเหตฺวา คจฺฉนฺเต อสติ คนฺตุํ อสมตฺถตาย อปริณายโก. น หิ ขุชฺเชน วาเมน, โภติ สงฺคนฺตุมรหสีติ ¶ อิมินา หิ ขุชฺเชน วามนตฺตา วาเมน โภติ ตฺวํ มหากุเล ชาตา อภิรูปา ทสฺสนียา สงฺคนฺตุํ สห คนฺตุํ นารหสีติ.
อถสฺส ตํ วจนํ สุตฺวา เสฏฺิธีตา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘ปุริสูสภํ มฺมานา, อหํ ขุชฺชมกามยึ;
โสยํ สํกุฏิโต เสติ, ฉินฺนตนฺติ ยถา ถุณา’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – อหํ, อยฺย, เอกํ อุสภํ ทิสฺวา ‘‘คุนฺนํ เชฏฺกสฺส ปิฏฺิยํ กกุธํ โหติ, อิมสฺสปิ ตํ อตฺถิ, อิมินาปิ ปุริสูสเภน ภวิตพฺพ’’นฺติ เอวมหํ ขุชฺชํ ปุริสูสภํ มฺมานา อกามยึ. โสยํ ยถา นาม ฉินฺนตนฺติ สโทณิโก วีณาทณฺฑโก, เอวํ สํกุฏิโต เสตีติ.
โพธิสตฺโต ¶ ตสฺสา อฺาตกเวเสน นิกฺขนฺตภาวเมว ตฺวา ตํ นฺหาเปตฺวา อลงฺกริตฺวา รถํ อาโรเปตฺวา เคหเมว อคมาสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา อยเมว เสฏฺิธีตา อโหสิ, พาราณสีเสฏฺิ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
วีณาถูณชาตกวณฺณนา ทุติยา.
[๒๓๓] ๓. วิกณฺณกชาตกวณฺณนา
กามํ ¶ ยหึ อิจฺฉสิ เตน คจฺฉาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ อุกฺกณฺิตภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. โส หิ ธมฺมสภํ อานีโต ‘‘สจฺจํ กิร, ตฺวํ ภิกฺขุ, อุกฺกณฺิโต’’ติ สตฺถารา ปุฏฺโ ‘‘สจฺจ’’นฺติ วตฺวา ‘‘กสฺมา อุกฺกณฺิโตสี’’ติ วุตฺเต ‘‘กามคุณการณา’’ติ อาห. อถ นํ สตฺถา ‘‘กามคุณา นาเมเต ภิกฺขุ วิกณฺณกสลฺลสทิสา, สกึ หทเย ปติฏฺํ ลภมานา วิกณฺณกํ วิย วิทฺธํ สุํสุมารํ มรณเมว ปาเปนฺตี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต โพธิสตฺโต พาราณสิยํ ธมฺเมน รชฺชํ กาเรนฺโต เอกทิวสํ อุยฺยานํ คนฺตฺวา โปกฺขรณีตีรํ สมฺปาปุณิ. นจฺจคีตาสุ กุสลา นจฺจคีตานิ ¶ ปโยเชสุํ, โปกฺขรณิยํ มจฺฉกจฺฉปา คีตสทฺทโลลตาย สนฺนิปติตฺวา รฺาว สทฺธึ คจฺฉนฺติ. ราชา ตาลกฺขนฺธปฺปมาณํ มจฺฉฆฏํ ทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข อิเม มจฺฉา มยา สทฺธึเยว จรนฺตี’’ติ อมจฺเจ ปุจฺฉิ. อมจฺจา ‘‘เอเต, เทว, อุปฏฺหนฺตี’’ติ อาหํสุ. ราชา ‘‘เอเต กิร มํ อุปฏฺหนฺตี’’ติ ตุสฺสิตฺวา เตสํ นิจฺจภตฺตํ ปฏฺเปสิ. เทวสิกํ ตณฺฑุลมฺพณํ ปาเจสิ. มจฺฉา ภตฺตเวลาย เอกจฺเจ อาคจฺฉนฺติ, เอกจฺเจ นาคจฺฉนฺติ, ภตฺตํ นสฺสติ. รฺโ ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. ราชา ‘‘อิโต ปฏฺาย สตฺตเวลาย เภรึ ปหริตฺวา เภริสฺาย มจฺเฉสุ สนฺนิปติเตสุ ภตฺตํ เทถา’’ติ อาห. ตโต ปฏฺาย ภตฺตกมฺมิโก เภรึ ปหราเปตฺวา สนฺนิปติตานํ มจฺฉานํ ภตฺตํ เทติ. เตปิ เภริสฺาย สนฺนิปติตฺวา ภฺุชนฺติ.
เตสุ เอวํ สนฺนิปติตฺวา ภฺุชนฺเตสุ เอโก สุํสุมาโร อาคนฺตฺวา มจฺเฉ ขาทิ. ภตฺตกมฺมิโก รฺโ อาโรเจสิ. ราชา ตํ สุตฺวา ‘‘สุํสุมารํ มจฺฉานํ ขาทนกาเล วิกณฺณเกน ¶ วิชฺฌิตฺวา คณฺหา’’ติ อาห ¶ . โส ‘‘สาธู’’ติ คนฺตฺวา นาวาย ตฺวา มจฺเฉ ขาทิตุํ อาคตํ สุํสุมารํ วิกณฺณเกน ปหริ, ตํ ตสฺส อนฺโตปิฏฺึ ปาวิสิ. โส เวทนาปฺปตฺโต หุตฺวา ตํ คเหตฺวาว ปลายิ. ภตฺตกมฺมิโก ตสฺส วิทฺธภาวํ ตฺวา ตํ อาลปนฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘กามํ ยหึ อิจฺฉสิ เตน คจฺฉ, วิทฺโธสิ มมฺมมฺหิ วิกณฺณเกน;
หโตสิ ภตฺเตน สุวาทิเตน, โลโล จ มจฺเฉ อนุพนฺธมาโน’’ติ.
ตตฺถ กามนฺติ เอกํเสน. ยหึ อิจฺฉสิ เตน คจฺฉาติ ยสฺมึ อิจฺฉสิ, ตสฺมึ คจฺฉ. มมฺมมฺหีติ มมฺมฏฺาเน. วิกณฺณเกนาติ วิกณฺณกสลฺเลน. หโตสิ ภตฺเตน สุวาทิเตน, โลโล จ มจฺเฉ อนุพนฺธมาโนติ ตฺวํ เภริวาทิตสฺาย ภตฺเต ทียมาเน โลโล หุตฺวา ขาทนตฺถาย มจฺเฉ อนุพนฺธมาโน เตน สวาทิเตน ภตฺเตน หโต, คตฏฺาเนปิ เต ชีวิตํ นตฺถีติ อตฺโถ. โส อตฺตโน วสนฏฺานํ คนฺตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปตฺโต.
สตฺถา ¶ อิมํ การณํ ทสฺเสตฺวา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘เอวมฺปิ โลกามิสํ โอปตนฺโต, วิหฺตี จิตฺตวสานุวตฺตี;
โส หฺตี าติสขาน มชฺเฌ, มจฺฉานุโค โสริว สุํสุมาโร’’ติ.
ตตฺถ โลกามิสนฺติ ปฺจ กามคุณา. เต หิ โลโก อิฏฺโต กนฺตโต มนาปโต คณฺหาติ, ตสฺมา ‘‘โลกามิส’’นฺติ วุจฺจติ. โอปตนฺโตติ ตํ โลกามิสํ อนุปตนฺโต กิเลสวเสน จิตฺตวสานุวตฺตี ปุคฺคโล วิหฺติ กิลมติ, โส หฺตีติ โส เอวรูโป ปุคฺคโล าตีนฺจ สขานฺจ มชฺเฌ โส วิกณฺณเกน วิทฺโธ มจฺฉานุโค สุํสุมาโร วิย ปฺจ กามคุเณ มนาปาติ คเหตฺวา หฺติ กิลมติ มหาวินาสํ ปาปุณาติเยวาติ.
เอวํ ¶ สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺิตภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ‘‘ตทา สุํสุมาโร เทวทตฺโต, มจฺฉา พุทฺธปริสา, พาราณสิราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
วิกณฺณกชาตกวณฺณนา ตติยา.
[๒๓๔] ๔. อสิตาภูชาตกวณฺณนา
ตฺวเมว ¶ ทานิมกราติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ กุมาริกํ อารพฺภ กเถสิ. สาวตฺถิยํ กิเรกสฺมึ ทฺวินฺนํ อคฺคสาวกานํ อุปฏฺากกุเล เอกา กุมาริกา อภิรูปา โสภคฺคปฺปตฺตา, สา วยปฺปตฺตา สมานชาติกํ กุลํ อคมาสิ. สามิโก ตํ กิสฺมิฺจิ อมฺมาโน อฺตฺถ จิตฺตวเสน จรติ. สา ตสฺส ตํ อตฺตนิ อนาทรตํ อคเณตฺวา ทฺเว อคฺคสาวเก นิมนฺเตตฺวา ทานํ ทตฺวา ธมฺมํ สุณนฺตี โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. สา ตโต ปฏฺาย มคฺคผลสุเขน วีตินามยมานา ‘‘สามิโกปิ มํ น อิจฺฉติ, ฆราวาเสน เม กมฺมํ นตฺถิ, ปพฺพชิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ¶ มาตาปิตูนํ อาจิกฺขิตฺวา ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิ. ตสฺสา สา กิริยา ภิกฺขูสุ ปากฏา ชาตา. อเถกทิวสํ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, อสุกกุลสฺส ธีตา อตฺถคเวสิกา สามิกสฺส อนิจฺฉภาวํ ตฺวา อคฺคสาวกานํ ธมฺมํ สุตฺวา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาย ปุน มาตาปิตโร อาปุจฺฉิตฺวา ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปตฺตา, เอวํ อตฺถคเวสิกา, อาวุโส สา กุมาริกา’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนเวสา กุลธีตา อตฺถคเวสิกา, ปุพฺเพปิ อตฺถคเวสิกาเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา หิมวนฺตปเทเส วาสํ กปฺเปสิ. ตทา พาราณสิราชา อตฺตโน ปุตฺตสฺส พฺรหฺมทตฺตกุมารสฺส ปริวารสมฺปตฺตึ ทิสฺวา อุปฺปนฺนาสงฺโก ปุตฺตํ รฏฺา ปพฺพาเชสิ. โส ¶ อสิตาภุํ นาม อตฺตโน เทวึ อาทาย หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา มจฺฉมํสผลาผลานิ ขาทนฺโต ปณฺณสาลาย นิวาสํ กปฺเปสิ. โส เอกํ กินฺนรึ ทิสฺวา ปฏิพทฺธจิตฺโต ‘‘อิมํ ปชาปตึ กริสฺสามี’’ติ อสิตาภุํ อคเณตฺวา ตสฺสา อนุปทํ อคมาสิ. สา ตํ กินฺนรึ อนุพนฺธมานํ ทิสฺวา ‘‘อยํ มํ อคเณตฺวา กินฺนรึ อนุพนฺธติ, กึ เม อิมินา’’ติ วิรตฺตจิตฺตา หุตฺวา โพธิสตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา อตฺตโน กสิณปริกมฺมํ กถาเปตฺวา กสิณํ โอโลเกนฺตี อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา โพธิสตฺตํ วนฺทิตฺวา อาคนฺตฺวา อตฺตโน ปณฺณสาลาย ทฺวาเร อฏฺาสิ. พฺรหฺมทตฺโตปิ กินฺนรึ อนุพนฺธนฺโต วิจริตฺวา ตสฺสา คตมคฺคมฺปิ อทิสฺวา ฉินฺนาโส หุตฺวา ปณฺณสาลาภิมุโขว อาคโต. อสิตาภู ตํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา มณิวณฺเณ คคนตเล ิตา ‘‘อยฺยปุตฺต, ตํ นิสฺสาย มยา อิทํ ฌานสุขํ ลทฺธ’’นฺติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
‘‘ตฺวเมว ¶ ทานิมกร, ยํ กาโม พฺยคมา ตยิ;
โสยํ อปฺปฏิสนฺธิโก, ขรฉินฺนํว เรนุก’’นฺติ.
ตตฺถ ¶ ตฺวเมว ทานิมกราติ, อยฺยปุตฺต, มํ ปหาย กินฺนรึ อนุพนฺธนฺโต ตฺวฺเว อิทานิ อิทํ อกร. ยํ กาโม พฺยคมา ตยีติ ยํ มม ตยิ กาโม วิคโต วิกฺขมฺภนปฺปหาเนน ปหีโน, ยสฺส ปหีนตฺตา อหํ อิมํ วิเสสํ ปตฺตาติ ทีเปติ. โสยํ อปฺปฏิสนฺธิโกติ โส ปน กาโม อิทานิ อปฺปฏิสนฺธิโก ชาโต, น สกฺกา ปฏิสนฺธิตุํ. ขรฉินฺนํว เรนุกนฺติ ขโร วุจฺจติ กกโจ, เรนุกํ วุจฺจติ หตฺถิทนฺโต. ยถา กกเจน ฉินฺโน หตฺถิทนฺโต อปฺปฏิสนฺธิโก โหติ, น ปุน ปุริมนเยน อลฺลียติ, เอวํ ปุน มยฺหํ ตยา สทฺธึ จิตฺตสฺส ฆฏนํ นาม นตฺถีติ วตฺวา ตสฺส ปสฺสนฺตสฺเสว อุปฺปติตฺวา อฺตฺถ อคมาสิ.
โส ตสฺสา คตกาเล ปริเทวมาโน ทุติยํ คาถมาห –
‘‘อตฺริจฺฉํ อติโลเภน ¶ , อติโลภมเทน จ;
เอวํ หายติ อตฺถมฺหา, อหํว อสิตาภุยา’’ติ.
ตตฺถ อตฺริจฺฉํ อติโลเภนาติ อตฺริจฺฉา วุจฺจติ อตฺร อตฺร อิจฺฉาสงฺขาตา อปริยนฺตตณฺหา, อติโลโภ วุจฺจติ อติกฺกมิตฺวา ปวตฺตโลโภ. อติโลภมเทน จาติ ปุริสมทํ อุปฺปาทนโต อติโลภมโท นาม ชายติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อตฺริจฺฉาวเสน อตฺริจฺฉมาโน ปุคฺคโล อติโลเภน จ อติโลภมเทน จ ยถา อหํ อสิตาภุยา ราชธีตาย ปริหีโน, เอวํ อตฺถา หายตีติ.
อิติ โส อิมาย คาถาย ปริเทวิตฺวา อรฺเ เอกโกว วสิตฺวา ปิตุ อจฺจเยน คนฺตฺวา รชฺชํ คณฺหิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ราชปุตฺโต จ ราชธีตา จ อิเม ทฺเว ชนา อเหสุํ, ตาปโส ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
อสิตาภูชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.
[๒๓๕] ๕. วจฺฉนขชาตกวณฺณนา
สุขา ¶ ¶ ฆรา วจฺฉนขาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โรชมลฺลํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิรายสฺมโต อานนฺทสฺส คิหิสหาโย. โส เอกทิวสํ อาคมนตฺถาย เถรสฺส สาสนํ ปาเหสิ, เถโร สตฺถารํ อาปุจฺฉิตฺวา อคมาสิ. โส เถรํ นานคฺครสโภชนํ โภเชตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺโน เถเรน สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กตฺวา เถรํ คิหิโภเคหิ ปฺจหิ กามคุเณหิ นิมนฺเตนฺโต ‘‘ภนฺเต อานนฺท, มม เคเห ปหูตํ สวิฺาณกอวิฺาณกรตนํ, อิทํ มชฺเฌ ภินฺทิตฺวา ตุยฺหํ ทมฺมิ, เอหิ อุโภ อคารํ อชฺฌาวสามา’’ติ. เถโร ตสฺส กามคุเณสุ อาทีนวํ กเถตฺวา อุฏฺายาสนา วิหารํ คนฺตฺวา ‘‘ทิฏฺโ เต, อานนฺท, โรโช’’ติ สตฺถารา ปุจฺฉิโต ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ วตฺวา ‘‘กิมสฺส กเถสี’’ติ วุตฺเต ‘‘ภนฺเต, มํ โรโช ฆราวาเสน นิมนฺเตสิ, อถสฺสาหํ ฆราวาเส เจว กามคุเณสุ จ อาทีนวํ กเถสิ’’นฺติ. สตฺถา ‘‘น โข, อานนฺท, โรโช มลฺโล อิทาเนว ปพฺพชิเต ฆราวาเสน นิมนฺเตสิ, ปุพฺเพปิ นิมนฺเตสิเยวา’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต ¶ พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต อฺตรสฺมึ นิคมคาเม พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา หิมวนฺตปเทเส จิรํ วสิตฺวา โลณมฺพิลเสวนตฺถาย พาราณสึ ปตฺวา ราชุยฺยาเน วสิตฺวา ปุนทิวเส พาราณสึ ปาวิสิ. อถสฺส พาราณสิเสฏฺิ อาจารวิหาเร ปสีทิตฺวา เคหํ เนตฺวา โภเชตฺวา อุยฺยาเน วสนตฺถาย ปฏิฺํ คเหตฺวา ตํ ปฏิชคฺคนฺโต อุยฺยาเน วสาเปสิ. เต อฺมฺํ อุปฺปนฺนสิเนหา อเหสุํ.
อเถกทิวสํ พาราณสิเสฏฺิ โพธิสตฺเต เปมวิสฺสาสวเสน เอวํ จินฺเตสิ – ‘‘ปพฺพชฺชา นาม ทุกฺขา, มม สหายํ วจฺฉนขปริพฺพาชกํ อุปฺปพฺพาเชตฺวา สพฺพํ วิภวํ มชฺเฌ ภินฺทิตฺวา ตสฺส ทตฺวา ทฺเวปิ สมคฺควาสํ วสิสฺสามา’’ติ. โส เอกทิวสํ ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน เตน สทฺธึ มธุรปฏิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘ภนฺเต วจฺฉนข, ปพฺพชฺชา นาม ทุกฺขา, สุโข ฆราวาโส, เอหิ อุโภ สมคฺคา กาเม ปริภฺุชนฺตา วสามา’’ติ วตฺวา ปมํ คาถมาห –
‘‘สุขา ¶ ฆรา วจฺฉนข, สหิรฺา สโภชนา;
ยตฺถ ภุตฺวา ปิวิตฺวา จ, สเยยฺยาถ อนุสฺสุโก’’ติ.
ตตฺถ ¶ สหิรฺาติ สตฺตรตนสมฺปนฺนา. สโภชนาติ พหุขาทนียโภชนียา. ยตฺถ ภุตฺวา ปิวิตฺวา จาติ เยสุ สหิรฺโภชเนสุ ฆเรสุ นานคฺครสานิ โภชนานิ ปริภฺุชิตฺวา นานาปานานิ จ ปิวิตฺวา. สเยยฺยาถ อนุสฺสุโกติ เยสุ อลงฺกตสิริสยนปิฏฺเ อนุสฺสุโก หุตฺวา สเยยฺยาสิ, เต ฆรา นาม อติวิย สุขาติ.
อถสฺส ตํ สุตฺวา โพธิสตฺโต ‘‘มหาเสฏฺิ, ตฺวํ อฺาณตาย กามคิทฺโธ หุตฺวา ฆราวาสสฺส คุณํ, ปพฺพชฺชาย จ อคุณํ กเถสิ, ฆราวาสสฺส เต อคุณํ กเถสฺสามิ, สุณาหิ ทานี’’ติ วตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘ฆรา ¶ นานีหมานสฺส, ฆรา นาภณโต มุสา;
ฆรา นาทินฺนทณฺฑสฺส, ปเรสํ อนิกุพฺพโต;
เอวํ ฉิทฺทํ ทุรภิสมฺภวํ, โก ฆรํ ปฏิปชฺชตี’’ติ.
ตตฺถ ฆรา นานีหมานสฺสาติ นิจฺจกาลํ กสิโครกฺขาทิกรเณน อนีหมานสฺส อวายมนฺตสฺส ฆรา นาม นตฺถิ, ฆราวาโส น ปติฏฺาตีติ อตฺโถ. ฆรา นาภณโต มุสาติ เขตฺตวตฺถุหิรฺสุวณฺณาทีนํ อตฺถาย อมุสาภณโตปิ ฆรา นาม นตฺถิ. ฆรา นาทินฺนทณฺฑสฺส, ปเรสํ อนิกุพฺพโตติ นาทินฺนทณฺฑสฺสาติ อคฺคหิตทณฺฑสฺส, นิกฺขิตฺตทณฺฑสฺส ปเรสํ อนิกุพฺพโต ฆรา นาม นตฺถิ. โย ปน อาทินฺนทณฺโฑ หุตฺวา ปเรสํ ทาสกมฺมกราทีนํ ตสฺมึ ตสฺมึ อปราเธ อปราธานุรูปํ วธพนฺธนเฉทนตาฬนาทิวเสน กโรติ, ตสฺเสว ฆราวาโส สณฺหตีติ อตฺโถ. เอวํ ฉิทฺทํ ทุรภิสมฺภวํ, โก ฆรํ ปฏิปชฺชตีติ ตํ ทานิ เอวํ เอเตสํ อีหนาทีนํ อกรเณ สติ ตาย ตาย ปริหานิยา ฉิทฺทํ กรเณปิ สติ นิจฺจเมว กาตพฺพโต ทุรภิสมฺภวํ ทุราราธนียํ, นิจฺจํ กโรนฺตสฺสปิ วา ทุรภิสมฺภวเมว ทุปฺปูรํ ฆราวาสํ ‘‘อหํ นิปฺปริตสฺโส หุตฺวา อชฺฌาวสิสฺสามี’’ติ โก ปฏิปชฺชตีติ.
เอวํ มหาสตฺโต ฆราวาสสฺส โทสํ กเถตฺวา อุยฺยานเมว อคมาสิ.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา พาราณสิเสฏฺิ โรโช มลฺโล อโหสิ, วจฺฉนขปริพฺพาชโก ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
วจฺฉนขชาตกวณฺณนา ปฺจมา.
[๒๓๖] ๖. พกชาตกวณฺณนา
ภทฺทโก ¶ วตยํ ปกฺขีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ กุหกภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. ตฺหิ สตฺถา อาเนตฺวา ทสฺสิตํ ทิสฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปส กุหโกเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต ¶ พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต หิมวนฺตปเทเส เอกสฺมึ สเร มจฺโฉ หุตฺวา มหาปริวาโร วสิ. อเถโก พโก ‘‘มจฺเฉ ขาทิสฺสามี’’ติ สรสฺส อาสนฺนฏฺาเน สีสํ ปาเตตฺวา ปกฺเข ปสาเรตฺวา มนฺทมนฺโท มจฺเฉ โอโลเกนฺโต อฏฺาสิ เตสํ ปมาทํ อาคมยมาโน. ตสฺมึ ขเณ โพธิสตฺโต มจฺฉคณปริวุโต โคจรํ คณฺหนฺโต ตํ านํ ปาปุณิ. มจฺฉคโณ ตํ พกํ ปสฺสิตฺวา ปมํ คาถมาห –
‘‘ภทฺทโก วตยํ ปกฺขี, ทิโช กุมุทสนฺนิโภ;
วูปสนฺเตหิ ปกฺเขหิ, มนฺทมนฺโทว ฌายตี’’ติ.
ตตฺถ มนฺทมนฺโทว ฌายตีติ อพลพโล วิย หุตฺวา กิฺจิ อชานนฺโต วิย เอกโกว ฌายตีติ.
อถ นํ โพธิสตฺโต โอโลเกตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘นาสฺส สีลํ วิชานาถ, อนฺาย ปสํสถ;
อมฺเห ทิโช น ปาเลติ, เตน ปกฺขี น ผนฺทตี’’ติ.
ตตฺถ อนฺายาติ อชานิตฺวา. อมฺเห ทิโช น ปาเลตีติ เอส ทิโช อมฺเห น รกฺขติ น โคปายติ, ‘‘กตรํ นุ โข เอเตสุ กพฬํ กริสฺสามี’’ติ อุปธาเรติ. เตน ปกฺขี น ผนฺทตีติ เตนายํ สกุโณ น ผนฺทติ ¶ น จลตีติ. เอวํ วุตฺเต มจฺฉคโณ อุทกํ โขเภตฺวา พกํ ปลาเปสิ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา พโก กุหโก ภิกฺขุ อโหสิ, มจฺฉราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
พกชาตกวณฺณนา ฉฏฺา.
[๒๓๗] ๗. สาเกตชาตกวณฺณนา
โก ¶ นุ โข ภควา เหตูติ อิทํ สตฺถา สาเกตํ อุปนิสฺสาย วิหรนฺโต สาเกตํ พฺราหฺมณํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ ปเนตฺถ อตีตมฺปิ ปจฺจุปฺปนฺนมฺปิ เหฏฺา เอกกนิปาเต (ชา. อฏฺ. ๑.๑.สาเกตชาตกวณฺณนา) กถิตเมว. ตถาคตสฺส ¶ ปน วิหารํ คตกาเล ภิกฺขู ‘‘สิเนโห นาเมส, ภนฺเต, กถํ ปติฏฺาตี’’ติ ปุจฺฉนฺตา ปมํ คาถมาหํสุ –
‘‘โก นุ โข ภควา เหตุ, เอกจฺเจ อิธ ปุคฺคเล;
อตีว หทยํ นิพฺพาติ, จิตฺตฺจาปิ ปสีทตี’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – โก นุ โข เหตุ, เยน อิเธกจฺเจ ปุคฺคเล ทิฏฺมตฺเตเยว หทยํ อติวิย นิพฺพาติ, สุวาสิตสฺส สีตสฺส อุทกสฺส ฆฏสหสฺเสน ปริสิตฺตํ วิย สีตลํ โหติ, เอกจฺเจ น นิพฺพาติ. เอกจฺเจ ทิฏฺมตฺเตเยว จิตฺตํ ปสีทติ, มุทุ โหติ, เปมวเสน อลฺลียติ, เอกจฺเจ น อลฺลียตีติ.
อถ เนสํ สตฺถา เปมการณํ ทสฺเสนฺโต ทุติยํ คาถมาห –
‘‘ปุพฺเพว สนฺนิวาเสน, ปจฺจุปฺปนฺนหิเตน วา;
เอวํ ตํ ชายเต เปมํ, อุปฺปลํว ยโถทเก’’ติ.
ตสฺสตฺโถ – ภิกฺขเว, เปมํ นาเมตํ ทฺวีหิ การเณหิ ชายติ, ปุริมภเว มาตา วา ปิตา วา ปุตฺโต วา ธีตา วา ภาตา วา ภคินี วา ปติ วา ภริยา วา สหาโย วา มิตฺโต วา หุตฺวา โย เยน สทฺธึ ¶ เอกฏฺาเน วุตฺถปุพฺโพ, ตสฺส อิมินา ปุพฺเพว สนฺนิวาเสน ภวนฺตเรปิ อนุพนฺธนฺโต โส สิเนโห น วิชหติ. อิมสฺมึ อตฺตภาเว กเตน ปจฺจุปฺปนฺนหิเตน วา เอวํ ตํ ชายเต เปมํ, อิเมหิ ทฺวีหิ การเณหิ เปมํ นาม ชายติ. ยถา กึ? อุปฺปลํว ยโถทเกติ. วา-การสฺส รสฺสตฺตํ กตํ. สมุจฺจยตฺเถ เจส วุตฺโต, ตสฺมา อุปฺปลฺจ เสสํ ชลชปุปฺผฺจ ยถา อุทเก ชายมานํ ทฺเว การณานิ นิสฺสาย ชายติ อุทกฺเจว กลลฺจ, ตถา เอเตหิ ทฺวีหิ การเณหิ เปมํ ชายตีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา พฺราหฺมโณ จ พฺราหฺมณี จ อิเม ทฺเว ชนา อเหสุํ, ปุตฺโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
สาเกตชาตกวณฺณนา สตฺตมา.
[๒๓๘] ๘. เอกปทชาตกวณฺณนา
อิงฺฆ ¶ เอกปทํ, ตาตาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ กุฏุมฺพิกํ อารพฺภ กเถสิ. สาวตฺถิวาสี กิเรส กุฏุมฺพิโก, อถสฺส เอกทิวสํ องฺเก นิสินฺโน ปุตฺโต อตฺถสฺส ทฺวารํ นาม ปฺหํ ปุจฺฉิ. โส ‘‘พุทฺธวิสโย เอส ปฺโห, น ตํ อฺโ กเถตุํ สกฺขิสฺสตี’’ติ ปุตฺตํ คเหตฺวา เชตวนํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ‘‘ภนฺเต, อยํ เม ทารโก อูรุมฺหิ นิสินฺโน อตฺถสฺส ทฺวารํ นาม ปฺหํ ปุจฺฉิ, อหํ ตํ อชานนฺโต อิธาคโต, กเถถ, ภนฺเต, อิมํ ปฺห’’นฺติ. สตฺถา ‘‘น โข, อุปาสก, อยํ ทารโก อิทาเนว อตฺถคเวสโก, ปุพฺเพปิ อตฺถคเวสโกว หุตฺวา อิมํ ปฺหํ ปณฺฑิเต ปุจฺฉิ, โปราณกปณฺฑิตาปิสฺส กเถสุํ, ภวสงฺเขปคตตฺตา ปน น สลฺลกฺเขสี’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต เสฏฺิกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ปิตุ อจฺจเยน เสฏฺิฏฺานํ ลภิ. อถสฺส ปุตฺโต ทหโร กุมาโร อูรุมฺหิ นิสีทิตฺวา ‘‘ตาต, มยฺหํ เอกปทํ อเนกตฺถนิสฺสิตํ เอกํ การณํ กเถถา’’ติ ปุจฺฉนฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘อิงฺฆ ¶ เอกปทํ ตาต, อเนกตฺถปทสฺสิตํ;
กิฺจิ สงฺคาหิกํ พฺรูสิ, เยนตฺเถ สาธเยมเส’’ติ.
ตตฺถ อิงฺฆาติ ยาจนตฺเถ โจทนตฺเถ วา นิปาโต. เอกปทนฺติ เอกํ การณปทํ, เอกํ การณูปสฺหิตํ วา พฺยฺชนปทํ. อเนกตฺถปทสฺสิตนฺติ อเนกานิ อตฺถปทานิ การณปทานิ นิสฺสิตํ. กิฺจิ สงฺคาหิกํ พฺรูสีติ กิฺจิ เอกปทํ พหูนํ ปทานํ สงฺคาหิกํ พฺรูหิ, อยเมว วา ปาโ. เยนตฺเถ สาธเยมเสติ เยน เอเกน ปเทน อเนกตฺถนิสฺสิเตน มยํ อตฺตโน วุฑฺฒึ สาเธยฺยาม, ตํ เม กเถหีติ ปุจฺฉิ.
อถสฺส ปิตา กเถนฺโต ทุติยํ คาถมาห –
‘‘ทกฺเขยฺเยกปทํ ¶ ตาต, อเนกตฺถปทสฺสิตํ;
ตฺจ สีเลน สฺุตฺตํ, ขนฺติยา อุปปาทิตํ;
อลํ มิตฺเต สุขาเปตุํ, อมิตฺตานํ ทุขาย จา’’ติ.
ตตฺถ ¶ ทกฺเขยฺเยกปทนฺติ ทกฺเขยฺยํ เอกปทํ. ทกฺเขยฺยํ นาม ลาภุปฺปาทกสฺส เฉกสฺส กุสลสฺส าณสมฺปยุตฺตํ วีริยํ. อเนกตฺถปทสฺสิตนฺติ เอวํ วุตฺตปฺปการํ วีริยํ อเนเกหิ อตฺถปเทหิ นิสฺสิตํ. กตเรหีติ? สีลาทีหิ. เตเนว ‘‘ตฺจ สีเลน สฺุตฺต’’นฺติอาทิมาห. ตสฺสตฺโถ – ตฺจ ปเนตํ วีริยํ อาจารสีลสมฺปยุตฺตํ อธิวาสนขนฺติยา อุเปตํ มิตฺเต สุขาเปตุํ อมิตฺตานฺจ ทุกฺขาย อลํ สมตฺถํ. โก หิ นาม ลาภุปฺปาทกาณสมฺปยุตฺตกุสลวีริยสมนฺนาคโต อาจารขนฺติสมฺปนฺโน มิตฺเต สุขาเปตุํ, อมิตฺเต วา ทุกฺขาเปตุํ น สกฺโกตีติ.
เอวํ โพธิสตฺโต ปุตฺตสฺส ปฺหํ กเถสิ. โสปิ ปิตุ กถิตนเยเนว อตฺตโน อตฺถํ สาเธตฺวา ยถากมฺมํ คโต.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน ปิตาปุตฺตา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺิตา. ‘‘ตทา ปุตฺโต อยเมว ปุตฺโต อโหสิ, พาราณสิเสฏฺิ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
เอกปทชาตกวณฺณนา อฏฺมา.
[๒๓๙] ๙. หริตมณฺฑูกชาตกวณฺณนา
อาสีวิสมฺปิ ¶ มํ สนฺตนฺติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต อชาตสตฺตุํ อารพฺภ กเถสิ. โกสลราชสฺส หิ ปิตา มหาโกสโล พิมฺพิสารรฺโ ธีตรํ ททมาโน ธีตุ นฺหานมูลํ กาสิคามกํ นาม อทาสิ. สา อชาตสตฺตุนา ปิตุฆาตกกมฺเม กเต รฺโ สิเนเหน นจิรสฺเสว กาลมกาสิ. อชาตสตฺตุ มาตริ กาลกตายปิ ตํ คามํ ภฺุชเตว. โกสลราชา ‘‘ปิตุฆาตกสฺส โจรสฺส มม กุลสนฺตกํ คามํ น ทสฺสามี’’ติ เตน สทฺธึ ยุชฺฌติ. กทาจิ มาตุลสฺส ชโย โหติ, กทาจิ ภาคิเนยฺยสฺส. ยทา ปน ¶ อชาตสตฺตุ ชินาติ, ตทา โสมนสฺสปฺปตฺโต รเถ ธชํ อุสฺสาเปตฺวา มหนฺเตน ยเสน นครํ ปวิสติ. ยทา ปน ปราชยติ, ตทา โทมนสฺสปฺปตฺโต กฺจิ อชานาเปตฺวาว ปวิสติ. อเถกทิวสํ ธมฺมสภายํ ภิกฺขู กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, อชาตสตฺตุ มาตุลํ ชินิตฺวา ตุสฺสติ, ปราชิโต โทมนสฺสปฺปตฺโต โหตี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ ¶ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปส ชินิตฺวา ตุสฺสติ, ปราชิโต โทมนสฺสปฺปตฺโต โหตี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต นีลมณฺฑูกโยนิยํ นิพฺพตฺติ. ตทา มนุสฺสา นทีกนฺทราทีสุ ตตฺถ ตตฺถ มจฺเฉ คหณตฺถาย กุมีนานิ โอฑฺเฑสุํ. เอกสฺมึ กุมีเน พหู มจฺฉา ปวิสึสุ. อเถโก อุทกาสีวิโส มจฺเฉ ขาทนฺโต ตํ กุมีนํ ปาวิสิ, พหู มจฺฉา เอกโต หุตฺวา ตํ ขาทนฺตา เอกโลหิตํ อกํสุ. โส ปฏิสรณํ อปสฺสนฺโต มรณภยตชฺชิโต กุมีนมุเขน นิกฺขมิตฺวา เวทนาปฺปตฺโต อุทกปริยนฺเต นิปชฺชิ. นีลมณฺฑูโกปิ ตสฺมึ ขเณ อุปฺปติตฺวา กุมีนสูลมตฺถเก นิปนฺโน โหติ. อาสีวิโส วินิจฺฉยฏฺานํ อลภนฺโต ตตฺถ นิปนฺนํ ตํ ทิสฺวา ‘‘สมฺม นีลมณฺฑูก, อิเมสํ มจฺฉานํ กิริยา รุจฺจติ ตุยฺห’’นฺติ ปุจฺฉนฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘อาสีวิสมฺปิ มํ สนฺตํ, ปวิฏฺํ กุมินามุขํ;
รุจฺจเต หริตามาตา, ยํ มํ ขาทนฺติ มจฺฉกา’’ติ.
ตตฺถ ¶ อาสีวิสมฺปิ มํ สนฺตนฺติ มํ อาคตวิสํ สมานํ. รุจฺจเต หริตามาตา, ยํ มํ ขาทนฺติ มจฺฉกาติ เอตํ ตว รุจฺจติ หริตมณฺฑูกปุตฺตาติ วทติ.
อถ นํ หริตมณฺฑูโก ‘‘อาม, สมฺม, รุจฺจตี’’ติ. ‘‘กึการณา’’ติ? ‘‘สเจ ตฺวมฺปิ ตว ปเทสํ อาคเต มจฺเฉ ขาทสิ, มจฺฉาปิ อตฺตโน ¶ ปเทสํ อาคตํ ตํ ขาทนฺติ, อตฺตโน วิสเย ปเทเส โคจรภูมิยํ อพลวา นาม นตฺถี’’ติ วตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
‘‘วิลุมฺปเตว ปุริโส, ยาวสฺส อุปกปฺปติ;
ยทา จฺเ วิลุมฺปนฺติ, โส วิลุตฺโต วิลุมฺปตี’’ติ.
ตตฺถ วิลุมฺปเตว ปุริโส, ยาวสฺส อุปกปฺปตีติ ยาว อสฺส ปุริสสฺส อิสฺสริยํ อุปกปฺปติ อิชฺฌติ ปวตฺตติ, ตาว โส อฺํ วิลุมฺปติเยว. ‘‘ยาว โส อุปกปฺปตี’’ติปิ ปาโ ¶ , ยตฺตกํ กาลํ โส ปุริโส สกฺโกติ วิลุมฺปิตุนฺติ อตฺโถ. ยทา จฺเ วิลุมฺปนฺตีติ ยทา จ อฺเ อิสฺสรา หุตฺวา วิลุมฺปนฺติ. โส วิลุตฺโต วิลุมฺปตีติ อถ โส วิลุมฺปโก อฺเหิ วิลุมฺปติ. ‘‘วิลุมฺปเต’’ติปิ ปาโ, อยเมวตฺโถ. ‘‘วิลุมฺปน’’นฺติปิ ปนฺติ, ตสฺสตฺโถ น สเมติ. เอวํ ‘‘วิลุมฺปโก ปุน วิลุมฺปํ ปาปุณาตี’’ติ โพธิสตฺเตน อฑฺเฑ วินิจฺฉิเต อุทกาสีวิสสฺส ทุพฺพลภาวํ ตฺวา ‘‘ปจฺจามิตฺตํ คณฺหิสฺสามา’’ติ มจฺฉคณา กุมีนมุขา นิกฺขมิตฺวา ตตฺเถว นํ ชีวิตกฺขยํ ปาเปตฺวา ปกฺกมุํ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา อุทกาสีวิโส อชาตสตฺตุ อโหสิ, นีลมณฺฑูโก ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
หริตมณฺฑูกชาตกวณฺณนา นวมา.
[๒๔๐] ๑๐. มหาปิงฺคลชาตกวณฺณนา
สพฺโพ ชโนติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เทวทตฺตํ อารพฺภ กเถสิ. เทวทตฺเต สตฺถริ อาฆาตํ พนฺธิตฺวา นวมาสจฺจเยน เชตวนทฺวารโกฏฺเก ปถวิยํ นิมุคฺเค เชตวนวาสิโน จ สกลรฏฺวาสิโน จ ‘‘พุทฺธปฏิกณฺฏโก เทวทตฺโต ปถวิยา คิลิโต, นิหตปจฺจามิตฺโต ทานิ ¶ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ชาโต’’ติ ตุฏฺหฏฺา ¶ อเหสุํ. เตสํ กถํ สุตฺวา ปรมฺปรโฆเสน สกลชมฺพุทีปวาสิโน ยกฺขภูตเทวคณา จ ตุฏฺหฏฺา เอว อเหสุํ. อเถกทิวสํ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, เทวทตฺเต ปถวิยํ นิมุคฺเค ‘พุทฺธปฏิกณฺฏโก เทวทตฺโต ปถวิยา คิลิโต’ติ มหาชโน อตฺตมโน ชาโต’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว เทวทตฺเต มเต มหาชโน ตุสฺสติ เจว หสติ จ, ปุพฺเพปิ ตุสฺสิ เจว หสิ จา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ มหาปิงฺคโล นาม ราชา อธมฺเมน วิสเมน รชฺชํ กาเรสิ, ฉนฺทาทิวเสน ปาปกมฺมานิ กโรนฺโต ทณฺฑพลิชงฺฆกหาปณาทิคฺคหเณน อุจฺฉุยนฺเต อุจฺฉุํ วิย มหาชนํ ปีเฬสิ กกฺขโฬ ผรุโส สาหสิโก, ปเรสุ อนุทฺทยามตฺตมฺปิ นามสฺส นตฺถิ, เคเห อิตฺถีนมฺปิ ปุตฺตธีตานมฺปิ อมจฺจพฺราหฺมณคหปติกาทีนมฺปิ อปฺปิโย อมนาโป, อกฺขิมฺหิ ปติตรชํ วิย, ภตฺตปิณฺเฑ สกฺขรา วิย, ปณฺหึ วิชฺฌิตฺวา ปวิฏฺกณฺฏโก วิย จ อโหสิ ¶ . ตทา โพธิสตฺโต มหาปิงฺคลสฺส ปุตฺโต หุตฺวา นิพฺพตฺติ. มหาปิงฺคโล ทีฆรตฺตํ รชฺชํ กาเรตฺวา กาลมกาสิ. ตสฺมึ กาลกเต สกลพาราณสิวาสิโน หฏฺตุฏฺา มหาหสิตํ หสิตฺวา ทารูนํ สกฏสหสฺเสน มหาปิงฺคลํ ฌาเปตฺวา อเนเกหิ ฆฏสหสฺเสหิ อาฬาหนํ นิพฺพาเปตฺวา โพธิสตฺตํ รชฺเช อภิสิฺจิตฺวา ‘‘ธมฺมิโก โน ราชา ลทฺโธ’’ติ หฏฺตุฏฺา นคเร อุสฺสวเภรึ จราเปตฺวา สมุสฺสิตธชปฏากํ นครํ อลงฺกริตฺวา ทฺวาเร ทฺวาเร มณฺฑปํ กาเรตฺวา วิปฺปกิณฺณลาชกุสุมมณฺฑิตตเลสุ อลงฺกตมณฺฑเปสุ นิสีทิตฺวา ขาทึสุ เจว ปิวึสุ จ.
โพธิสตฺโตปิ อลงฺกเต มหาตเล สมุสฺสิตเสตจฺฉตฺตสฺส ปลฺลงฺกวรสฺส ¶ มชฺเฌ มหายสํ อนุภวนฺโต นิสีทิ. อมจฺจา จ พฺราหฺมณคหปติรฏฺิกโทวาริกาทโย จ ราชานํ ปริวาเรตฺวา อฏฺํสุ. อเถโก โทวาริโก นาติทูเร ตฺวา อสฺสสนฺโต ปสฺสสนฺโต ปโรทิ. โพธิสตฺโต ตํ ทิสฺวา ‘‘สมฺม โทวาริก, มม ปิตริ กาลกเต สพฺเพ ตุฏฺปหฏฺา อุสฺสวํ กีฬนฺตา วิจรนฺติ, ตฺวํ ปน โรทมาโน ิโต ¶ , กึ นุ โข มม ปิตา ตเวว ปิโย อโหสิ มนาโป’’ติ ปุจฺฉนฺโต ปมํ คาถมาห –
‘‘สพฺโพ ชโน หึสิโต ปิงฺคเลน, ตสฺมึ มเต ปจฺจยา เวทยนฺติ;
ปิโย นุ เต อาสิ อกณฺหเนตฺโต, กสฺมา นุ ตฺวํ โรทสิ ทฺวารปาลา’’ติ.
ตตฺถ หึสิโตติ นานปฺปกาเรหิ ทณฺฑพลิอาทีหิ ปีฬิโต. ปิงฺคเลนาติ ปิงฺคลกฺเขน. ตสฺส กิร ทฺเวปิ อกฺขีนิ นิพฺพิทฺธปิงฺคลานิ พิฬารกฺขิวณฺณานิ อเหสุํ, เตเนวสฺส ‘‘ปิงฺคโล’’ติ นามํ อกํสุ. ปจฺจยา เวทยนฺตีติ ปีติโย ปเวทยนฺติ. อกณฺหเนตฺโตติ ปิงฺคลเนตฺโต. กสฺมา นุ ตฺวนฺติ เกน นุ การเณน ตฺวํ โรทสิ. อฏฺกถายํ ปน ‘‘กสฺมา ตุว’’นฺติ ปาโ.
โส ตสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘นาหํ, มหาราช, ‘มหาปิงฺคโล มโต’ติ โสเกน โรทามิ, สีสสฺส เม สุขํ ชาตํ. ปิงฺคลราชา หิ ปาสาทา โอตรนฺโต จ อาโรหนฺโต จ กมฺมารมุฏฺิกาย ปหรนฺโต วิย มยฺหํ สีเส อฏฺฏฺ ขฏเก เทติ, โส ปรโลกํ คนฺตฺวาปิ มม สีเส ททมาโน วิย นิรยปาลานมฺปิ ยมสฺสปิ สีเล ขฏเก ทสฺสติ, อถ นํ เต ‘อติวิย อยํ อมฺเห พาธตี’ติ ปุน อิเธว อาเนตฺวา วิสฺสชฺเชยฺยุํ, อถ เม โส ปุนปิ สีเส ขฏเก ทเทยฺยาติ ภเยนาหํ โรทามี’’ติ อิมมตฺถํ ปกาเสนฺโต ทุติยํ คาถมาห –
‘‘น ¶ ¶ เม ปิโย อาสิ อกณฺหเนตฺโต, ภายามิ ปจฺจาคมนาย ตสฺส;
อิโต คโต หึเสยฺย มจฺจุราชํ, โส หึสิโต อาเนยฺย ปุน อิธา’’ติ.
อถ นํ โพธิสตฺโต ‘‘โส ราชา ทารูนํ วาหสหสฺเสน ทฑฺโฒ อุทกฆฏสเตหิ สิตฺโต, สาปิสฺส อาฬาหนภูมิ สมนฺตโต ขตา, ปกติยาปิ จ ปรโลกํ คตา นาม อฺตฺถ คติวสา ปุน เตเนว สรีเรน นาคจฺฉนฺติ, มา ตฺวํ ภายี’’ติ ตํ สมสฺสาเสนฺโต อิมํ คาถมาห –
‘‘ทฑฺโฒ ¶ วาหสหสฺเสหิ, สิตฺโต ฆฏสเตหิ โส;
ปริกฺขตา จ สา ภูมิ, มา ภายิ นาคมิสฺสตี’’ติ.
ตโต ปฏฺาย โทวาริโก อสฺสาสํ ปฏิลภิ. โพธิสตฺโต ธมฺเมน รชฺชํ กาเรตฺวา ทานาทีนิ ปฺุานิ กตฺวา ยถากมฺมํ คโต.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา มหาปิงฺคโล เทวทตฺโต อโหสิ, ปุตฺโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
มหาปิงฺคลชาตกวณฺณนา ทสมา.
อุปาหนวคฺโค นวโม.
ตสฺสุทฺทานํ –
อุปาหนํ วีณาถูณํ, วิกณฺณกํ อสิตาภุ;
วจฺฉนขํ พกฺเจว, สาเกตฺจ เอกปทํ;
หริตมาตุ ปิงฺคลํ.
๑๐. สิงฺคาลวคฺโค
[๒๔๑] ๑. สพฺพทาชาตกวณฺณนา
สิงฺคาโล ¶ มานตฺถทฺโธติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เทวทตฺตํ อารพฺภ กเถสิ. เทวทตฺโต อชาตสตฺตุํ ปสาเทตฺวา อุปฺปาทิตํ ลาภสกฺการํ จิรฏฺิติกํ กาตุํ นาสกฺขิ, นาฬาคิริปโยชเน ปาฏิหาริยสฺส ทิฏฺกาลโต ปฏฺาย ตสฺส โส ลาภสกฺกาโร ¶ อนฺตรธายิ. อเถกทิวสํ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, เทวทตฺโต ลาภสกฺการํ อุปฺปาเทตฺวา จิรฏฺิติกํ กาตุํ นาสกฺขี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, เทวทตฺโต อิทาเนว อตฺตโน อุปฺปนฺนํ ลาภสกฺการํ อนฺตรธาเปติ, ปุพฺเพปิ อนฺตรธาเปสิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต ¶ พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส ปุโรหิโต อโหสิ ติณฺณํ เวทานํ อฏฺารสนฺนฺจ สิปฺปานํ ปารํ คโต. โส ปถวีชยมนฺตํ นาม ชานาติ. ปถวีชยมนฺโตติ อาวฏฺฏนมนฺโต วุจฺจติ. อเถกทิวสํ โพธิสตฺโต ‘‘ตํ มนฺตํ สชฺฌายิสฺสามี’’ติ เอกสฺมึ องฺคณฏฺาเน ปิฏฺิปาสาเณ นิสีทิตฺวา สชฺฌายมกาสิ. ตํ กิร มนฺตํ อฺวิหิตํ ธิติวิรหิตํ สาเวตุํ น สกฺกา, ตสฺมา นํ โส ตถารูเป าเน สชฺฌายติ. อถสฺส สชฺฌายนกาเล เอโก สิงฺคาโล เอกสฺมึ พิเล นิปนฺโน ตํ มนฺตํ สุตฺวาว ปคุณมกาสิ. โส กิร อนนฺตราตีเต อตฺตภาเว ปคุณปถวีชยมนฺโต เอโก พฺราหฺมโณ อโหสิ. โพธิสตฺโต สชฺฌายํ กตฺวา อุฏฺาย ‘‘ปคุโณ วต เม อยํ มนฺโต’’ติ อาห. สิงฺคาโล พิลา นิกฺขมิตฺวา ‘‘อมฺโภ พฺราหฺมณ, อยํ มนฺโต ตยาปิ มเมว ปคุณตโร’’ติ วตฺวา ปลายิ. โพธิสตฺโต ‘‘อยํ สิงฺคาโล มหนฺตํ อกุสลํ กริสฺสตี’’ติ ‘‘คณฺหถ คณฺหถา’’ติ โถกํ อนุพนฺธิ. สิงฺคาโล ปลายิตฺวา อรฺํ ปาวิสิ.
โส คนฺตฺวา เอกํ สิงฺคาลึ โถกํ สรีเร ฑํสิ, ‘‘กึ, สามี’’ติ จ วุตฺเต ‘‘มยฺหํ ชานาสิ น ชานาสี’’ติ อาห. สา ‘‘อาม, ชานามี’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ. โส ปถวีชยมนฺตํ ปริวตฺเตตฺวา ¶ อเนกานิ สิงฺคาลสตานิ อาณาเปตฺวา สพฺเพปิ หตฺถิอสฺสสีหพฺยคฺฆสูกรมิคาทโย จตุปฺปเท อตฺตโน สนฺติเก ¶ อกาสิ. กตฺวา จ ปน สพฺพทาโ นาม ราชา หุตฺวา เอกํ สิงฺคาลึ อคฺคมเหสึ อกาสิ. ทฺวินฺนํ หตฺถีนํ ปิฏฺเ สีโห ติฏฺติ, สีหปิฏฺเ สพฺพทาโ สิงฺคาโล ราชา สิงฺคาลิยา อคฺคมเหสิยา สทฺธึ นิสีทติ, มหนฺโต ยโส อโหสิ. โส ยสมหนฺเตน ปมชฺชิตฺวา มานํ อุปฺปาเทตฺวา ‘‘พาราณสิรชฺชํ คณฺหิสฺสามี’’ติ สพฺพจตุปฺปทปริวุโต พาราณสิยา อวิทูรฏฺานํ สมฺปาปุณิ, ปริสา ทฺวาทสโยชนา อโหสิ. โส อวิทูเร ิโตเยว ‘‘รชฺชํ วา เทตุ, ยุทฺธํ วา’’ติ รฺโ สาสนํ เปเสสิ. พาราณสิวาสิโน ภีตตสิตา นครทฺวารานิ ปิทหิตฺวา อฏฺํสุ.
โพธิสตฺโต ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘มา ภายิ, มหาราช, สพฺพทาสิงฺคาเลน สทฺธึ ยุทฺธํ มม ภาโร, เปตฺวา มํ อฺโ เตน สทฺธึ ยุชฺฌิตุํ ¶ สมตฺโถ นาม นตฺถี’’ติ ราชานฺจ นาคเร จ สมสฺสาเสตฺวา ‘‘กินฺติ กตฺวา นุ โข สพฺพทาโ รชฺชํ คเหสฺสติ, ปุจฺฉิสฺสามิ ตาว น’’นฺติ ทฺวารฏฺฏาลกํ อภิรุหิตฺวา ‘‘สมฺม สพฺพทา, กินฺติ กตฺวา อิมํ รชฺชํ คณฺหิสฺสสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘สีหนาทํ นทาเปตฺวา มหาชนํ สทฺเทน สนฺตาเสตฺวา คณฺหิสฺสามี’’ติ. โพธิสตฺโต ‘‘อตฺเถต’’นฺติ ตฺวา อฏฺฏาลกา โอรุยฺห ‘‘สกลทฺวาทสโยชนิกพาราณสินครวาสิโน กณฺณจฺฉิทฺทานิ มาสปิฏฺเน ลฺชนฺตู’’ติ เภรึ จราเปสิ. มหาชโน เภริยา อาณํ สุตฺวา อนฺตมโส พิฬาเล อุปาทาย สพฺพจตุปฺปทานฺเจว อตฺตโน จ กณฺณจฺฉิทฺทานิ ยถา ปรสฺส สทฺทํ โสตุํ น สกฺกา, เอวํ มาสปิฏฺเน ลฺชิ.
อถ โพธิสตฺโต ปุน อฏฺฏาลกํ อภิรุหิตฺวา ‘‘สพฺพทาา’’ติ อาห. ‘‘กึ, พฺราหฺมณา’’ติ? ‘‘อิมํ รชฺชํ กินฺติ กตฺวา คณฺหิสฺสสี’’ติ? ‘‘สีหนาทํ นทาเปตฺวา มนุสฺเส ตาเสตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปตฺวา คณฺหิสฺสามี’’ติ. ‘‘สีหนาทํ นทาเปตุํ น สกฺขิสฺสสิ. ชาติสมฺปนฺนา หิ สุรตฺตหตฺถปาทา เกสรสีหราชาโน ตาทิสสฺส ชรสิงฺคาลสฺส อาณํ น กริสฺสนฺตี’’ติ. สิงฺคาโล มานตฺถทฺโธ หุตฺวา ¶ ‘‘อฺเ ตาว สีหา ติฏฺนฺตุ, ยสฺสาหํ ปิฏฺเ นิสินฺโน, ตฺเว นทาเปสฺสามี’’ติ อาห. ‘‘เตน หิ นทาเปหิ, ยทิ สกฺโกสี’’ติ. โส ยสฺมึ สีเห นิสินฺโน, ตสฺส ‘‘นทาหี’’ติ ปาเทน สฺํ อทาสิ. สีโห หตฺถิกุมฺเภ มุขํ อุปฺปีเฬตฺวา ติกฺขตฺตุํ อปฺปฏิวตฺติยํ สีหนาทํ นทิ. หตฺถี สนฺตาสปฺปตฺตา หุตฺวา สิงฺคาลํ ปาทมูเล ปาเตตฺวา ปาเทนสฺส สีสํ อกฺกมิตฺวา จุณฺณวิจุณฺณํ อกํสุ, สพฺพทาโ ตตฺเถว ชีวิตกฺขยํ ปตฺโต. เตปิ หตฺถี สีหนาทํ สุตฺวา มรณภยตชฺชิตา อฺมฺํ โอวิชฺฌิตฺวา ตตฺเถว ชีวิตกฺขยํ ปาปุณึสุ, เปตฺวา สีเห เสสาปิ มิคสูกราทโย สสพิฬารปริโยสานา สพฺเพ ¶ จตุปฺปาทา ตตฺเถว ชีวิตกฺขยํ ปาปุณึสุ. สีหา ปลายิตฺวา อรฺํ ปวิสึสุ, ทฺวาทสโยชนิโก มํสราสิ อโหสิ. โพธิสตฺโต อฏฺฏาลกา โอตริตฺวา นครทฺวารานิ วิวราเปตฺวา ‘‘สพฺเพ อตฺตโน กณฺเณสุ มาสปิฏฺํ อปเนตฺวา มํสตฺถิกา มํสํ อาหรนฺตู’’ติ นคเร เภรึ จราเปสิ. มนุสฺสา อลฺลมํสํ ขาทิตฺวา เสสํ สุกฺขาเปตฺวา วลฺลูรมกํสุ. ตสฺมึ กิร กาเล วลฺลูรกรณํ อุทปาทีติ วทนฺติ.
สตฺถา ¶ อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา อิมา อภิสมฺพุทฺธคาถา วตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ –
‘‘สิงฺคาโล มานตฺถทฺโธ จ, ปริวาเรน อตฺถิโก;
ปาปุณิ มหตึ ภูมึ, ราชาสิ สพฺพทาินํ.
‘‘เอวเมว มนุสฺเสสุ, โย โหติ ปริวารวา;
โส หิ ตตฺถ มหา โหติ, สิงฺคาโล วิย ทาิน’’นฺติ.
ตตฺถ มานตฺถทฺโธติ ปริวารํ นิสฺสาย อุปฺปนฺเนน มาเนน ถทฺโธ. ปริวาเรน อตฺถิโกติ อุตฺตริมฺปิ ปริวาเรน อตฺถิโก หุตฺวา. มหตึ ภูมินฺติ มหนฺตํ สมฺปตฺตึ. ราชาสิ สพฺพทาินนฺติ สพฺเพสํ ทาีนํ ¶ ราชา อาสิ. โส หิ ตตฺถ มหา โหตีติ โส ปริวารสมฺปนฺโน ปุริโส เตสุ ปริวาเรสุ มหา นาม โหติ. สิงฺคาโล วิย ทาินนฺติ ยถา สิงฺคาโล ทาีนํ มหา อโหสิ, เอวํ มหา โหติ, อถ โส สิงฺคาโล วิย ปมาทํ อาปชฺชิตฺวา ตํ ปริวารํ นิสฺสาย วินาสํ ปาปุณาตีติ.
‘‘ตทา สิงฺคาโล เทวทตฺโต อโหสิ, ราชา สาริปุตฺโต, ปุโรหิโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.
สพฺพทาชาตกวณฺณนา ปมา.
[๒๔๒] ๒. สุนขชาตกวณฺณนา
พาโล วตายํ สุนโขติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อมฺพณโกฏฺเก อาสนสาลาย ภตฺตภฺุชนสุนขํ อารพฺภ กเถสิ. ตํ กิร ชาตกาลโต ปฏฺาย ปานียหารกา คเหตฺวา ตตฺถ โปเสสุํ. โส อปรภาเค ตตฺถ ภตฺตํ ภฺุชนฺโต ถูลสรีโร อโหสิ. อเถกทิวสํ เอโก คามวาสี ¶ ปุริโส ตํ านํ ปตฺโต สุนขํ ทิสฺวา ปานียหารกานํ อุตฺตริสาฏกฺจ กหาปณฺจ ทตฺวา คทฺทูเลน พนฺธิตฺวา ตํ อาทาย ปกฺกามิ. โส คเหตฺวา นียมาโน น วสฺสิ, ทินฺนํ ทินฺนํ ขาทนฺโต ปจฺฉโต ปจฺฉโต อคมาสิ. อถ โส ปุริโส ‘‘อยํ อิทานิ มํ ปิยายตี’’ติ คทฺทูลํ โมเจสิ, โส วิสฺสฏฺมตฺโต เอกเวเคน ¶ อาสนสาลเมว คโต. ภิกฺขู ตํ ทิสฺวา เตน คตการณํ ชานิตฺวา สายนฺหสมเย ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, อาสนสาลาย สุนโข พนฺธนโมกฺขกุสโล วิสฺสฏฺมตฺโตว ปุน อาคโต’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, โส สุนโข อิทาเนว พนฺธนโมกฺขกุสโล, ปุพฺเพปิ กุสโลเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต กาสิรฏฺเ เอกสฺมึ มหาโภคกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ฆราวาสํ อคฺคเหสิ. ตทา พาราณสิยํ เอกสฺส มนุสฺสสฺส สุนโข อโหสิ, โส ปิณฺฑิภตฺตํ ลภนฺโต ถูลสรีโร ¶ ชาโต. อเถโก คามวาสี พาราณสึ อาคโต ตํ สุนขํ ทิสฺวา ตสฺส มนุสฺสสฺส อุตฺตริสาฏกฺจ กหาปณฺจ ทตฺวา สุนขํ คเหตฺวา จมฺมโยตฺเตน พนฺธิตฺวา โยตฺตโกฏิยํ คเหตฺวา คจฺฉนฺโต อฏวิมุเข เอกํ สาลํ ปวิสิตฺวา สุนขํ พนฺธิตฺวา ผลเก นิปชฺชิตฺวา นิทฺทํ โอกฺกมิ. ตสฺมึ กาเล โพธิสตฺโต เกนจิเทว กรณีเยน อฏวึ ปฏิปนฺโน ตํ สุนขํ โยตฺเตน พนฺธิตฺวา ปิตํ ทิสฺวา ปมํ คาถมาห –
‘‘พาโล วตายํ สุนโข, โย วรตฺตํ น ขาทติ;
พนฺธนา จ ปมฺุเจยฺย, อสิโต จ ฆรํ วเช’’ติ.
ตตฺถ ปมฺุเจยฺยาติ ปโมเจยฺย, อยเมว วา ปาโ. อสิโต จ ฆรํ วเชติ อสิโต สุหิโต หุตฺวา อตฺตโน วสนฏฺานํ คจฺเฉยฺย.
ตํ สุตฺวา สุนโข ทุติยํ คาถมาห –
‘‘อฏฺิตํ เม มนสฺมึ เม, อโถ เม หทเย กตํ;
กาลฺจ ปฏิกงฺขามิ, ยาว ปสฺสุปตู ชโน’’ติ.
ตตฺถ อฏฺิตํ เม มนสฺมึ เมติ ยํ ตุมฺเห กเถถ, ตํ มยา อธิฏฺิตเมว, มนสฺมึเยว เม เอตํ. อโถ เม หทเย กตนฺติ อถ จ ปน เม ตุมฺหากํ วจนํ หทเย กตเมว. กาลฺจ ปฏิกงฺขามีติ ¶ กาลํ ปฏิมาเนมิ. ยาว ปสฺสุปตู ชโนติ ยาวายํ มหาชโน ปสุปตุ นิทฺทํ โอกฺกมตุ, ตาวาหํ กาลํ ปฏิมาเนมิ ¶ . อิตรถา หิ ‘‘อยํ สุนโข ปลายตี’’ติ รโว อุปฺปชฺเชยฺย, ตสฺมา รตฺติภาเค สพฺเพสํ สุตฺตกาเล จมฺมโยตฺตํ ขาทิตฺวา ปลายิสฺสามีติ. โส เอวํ วตฺวา มหาชเน นิทฺทํ โอกฺก