📜

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส

ขุทฺทกนิกาเย

ชาตก-อฏฺกถา

(ตติโย ภาโค)

๔. จตุกฺกนิปาโต

๑. กาลิงฺควคฺโค

[๓๐๑] ๑. จูฬกาลิงฺคชาตกวณฺณนา

วิวรถิมาสํ ทฺวารนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต จตุนฺนํ ปริพฺพาชิกานํ ปพฺพชฺชํ อารพฺภ กเถสิ. เวสาลิยํ กิร ลิจฺฉวิราชูนํ สตฺต สหสฺสานิ สตฺต สตานิ สตฺต จ ลิจฺฉวี วสึสุ. เต สพฺเพปิ ปุจฺฉาปฏิปุจฺฉาจิตฺตกา อเหสุํ. อเถโก ปฺจสุ วาทสเตสุ พฺยตฺโต นิคณฺโ เวสาลิยํ สมฺปาปุณิ, เต ตสฺส สงฺคหํ อกํสุ. อปราปิ เอวรูปา นิคณฺี สมฺปาปุณิ. ราชาโน ทฺเวปิ ชเน วาทํ กาเรสุํ, อุโภปิ สทิสาว อเหสุํ. ตโต ลิจฺฉวีนํ เอตทโหสิ ‘‘อิเม ทฺเวปิ ปฏิจฺจ อุปฺปนฺโน ปุตฺโต พฺยตฺโต ภวิสฺสตี’’ติ. เตสํ วิวาหํ กาเรตฺวา ทฺเวปิ เอกโต วาเสสุํ. อถ เนสํ สํวาสมนฺวาย ปฏิปาฏิยา จตสฺโส ทาริกาโย เอโก จ ทารโก ชายิ. ทาริกานํ ‘‘สจฺจา, โลลา, อวธาริกา, ปฏิจฺฉาทา’’ติ นามํ อกํสุ, ทารกสฺส ‘‘สจฺจโก’’ติ. เต ปฺจปิ ชนา วิฺุตํ ปตฺตา มาติโต ปฺจ วาทสตานิ, ปิติโต ปฺจ วาทสตานีติ วาทสหสฺสํ อุคฺคณฺหึสุ. มาตาปิตโร ทาริกานํ เอวํ โอวทึสุ ‘‘สเจ โกจิ คิหี ตุมฺหากํ วาทํ ภินฺทิสฺสติ, ตสฺส ปาทปริจาริกา ภเวยฺยาถ. สเจ ปพฺพชิโต ภินฺทิสฺสติ, ตสฺส สนฺติเก ปพฺพเชยฺยาถา’’ติ.

อปรภาเค มาตาปิตโร กาลมกํสุ. เตสุ กาลกเตสุ สจฺจกนิคณฺโ ตตฺเถว เวสาลิยํ ลิจฺฉวีนํ สิปฺปํ สิกฺขาเปนฺโต วสิ. ภคินิโย ชมฺพุสาขํ คเหตฺวา วาทตฺถาย นครา นครํ จรมานา สาวตฺถึ ปตฺวา นครทฺวาเร สาขํ นิขณิตฺวา ‘‘โย อมฺหากํ วาทํ อาโรเปตุํ สกฺโกติ คิหี วา ปพฺพชิโต วา, โส เอตํ ปํสุปุฺชํ ปาเทหิ วิกิริตฺวา ปาเทเหว สาขํ มทฺทตู’’ติ ทารกานํ วตฺวา ภิกฺขาย นครํ ปวิสึสุ. อถายสฺมา สาริปุตฺโต อสมฺมฏฺฏฺานํ สมฺมชฺชิตฺวา ริตฺตฆเฏสุ ปานียํ อุปฏฺเปตฺวา คิลาเน จ ปฏิชคฺคิตฺวา ทิวาตรํ สาวตฺถึ ปิณฺฑาย ปวิสนฺโต ตํ สาขํ ทิสฺวา ทารเก ปุจฺฉิ, ทารกา ตํ ปวตฺตึ อาจิกฺขึสุ. เถโร ทารเกเหว ปาตาเปตฺวา มทฺทาเปตฺวา ‘‘เยหิ อยํ สาขา ปิตา, เต กตภตฺตกิจฺจาว อาคนฺตฺวา เชตวนทฺวารโกฏฺเก มํ ปสฺสนฺตู’’ติ ทารกานํ วตฺวา นครํ ปวิสิตฺวา กตภตฺตกิจฺโจ วิหารทฺวารโกฏฺเก อฏฺาสิ. ตาปิ ปริพฺพาชิกา ภิกฺขาย จริตฺวา อาคตา สาขํ มทฺทิตํ ทิสฺวา ‘‘เกนายํ มทฺทิตา’’ติ วตฺวา ‘‘สาริปุตฺตตฺเถเรน, สเจ ตุมฺเห วาทตฺถิกา, เชตวนทฺวารโกฏฺกํ คจฺฉถา’’ติ ทารเกหิ วุตฺตา ปุน นครํ ปวิสิตฺวา มหาชนํ สนฺนิปาเตตฺวา วิหารทฺวารโกฏฺกํ คนฺตฺวา เถรํ วาทสหสฺสํ ปุจฺฉึสุ. เถโร ตํ วิสฺสชฺเชตฺวา ‘‘อฺํ กิฺจิ ชานาถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘น ชานาม, สามี’’ติ. ‘‘อหํ ปน โว กิฺจิ ปุจฺฉามี’’ติ. ‘‘ปุจฺฉ, สามิ, ชานนฺติโย กเถสฺสามา’’ติ.

เถโร ‘‘เอกํ นาม กิ’’นฺติ ปุจฺฉิ. ตา น ชานึสุ. เถโร วิสฺสชฺเชสิ. ตา ‘‘อมฺหากํ, สามิ, ปราชโย, ตุมฺหากํ ชโย’’ติ อาหํสุ. ‘‘อิทานิ กึ กริสฺสถา’’ติ? ‘‘อมฺหากํ มาตาปิตูหิ อยํ โอวาโท ทินฺโน ‘สเจ โว คิหี วาทํ ภินฺทิสฺสติ, ตสฺส ปชาปติโย ภเวยฺยาถ. สเจ ปพฺพชิโต, ตสฺส สนฺติเก ปพฺพเชยฺยาถา’ติ, ปพฺพชฺชํ โน เทถา’’ติ. เถโร ‘‘สาธู’’ติ วตฺวา ตา อุปฺปลวณฺณาย เถริยา สนฺติเก ปพฺพาเชสิ. ตา สพฺพาปิ น จิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. อเถกทิวสํ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, สาริปุตฺตตฺเถโร จตุนฺนํ ปริพฺพาชิกานํ อวสฺสโย หุตฺวา สพฺพา อรหตฺตํ ปาเปสี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปส เอตาสํ อวสฺสโย อโหสิ, อิทานิ ปน ปพฺพชฺชาภิเสกํ ทาเปสิ, ปุพฺเพ ราชมเหสิฏฺาเน เปสี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต กาลิงฺครฏฺเ ทนฺตปุรนคเร กาลิงฺคราเช รชฺชํ กาเรนฺเต อสฺสกรฏฺเ ปาฏลินคเร อสฺสโก นาม ราชา รชฺชํ กาเรสิ. กาลิงฺโค สมฺปนฺนพลวาหโน สยมฺปิ นาคพโล ปฏิโยธํ น ปสฺสติ. โส ยุชฺฌิตุกาโม หุตฺวา อมจฺจานํ อาโรเจสิ ‘‘อหํ ยุทฺธตฺถิโก, ปฏิโยธํ ปน น ปสฺสามิ, กึ กโรมา’’ติ. อมจฺจา ‘‘อตฺเถโก, มหาราช, อุปาโย, ธีตโร เต จตสฺโส อุตฺตมรูปธรา, ตา ปสาเธตฺวา ปฏิจฺฉนฺนยาเน นิสีทาเปตฺวา พลปริวุตา คามนิคมราชธานิโย จราเปถ. โย ราชา ตา อตฺตโน เคเห กาตุกาโม ภวิสฺสติ, เตน สทฺธึ ยุทฺธํ กริสฺสามา’’ติ วทึสุ. ราชา ตถา กาเรสิ. ตาหิ คตคตฏฺาเน ราชาโน ภเยน ตาสํ นครํ ปวิสิตุํ น เทนฺติ, ปณฺณาการํ เปเสตฺวา พหินคเรเยว วสาเปนฺติ. เอวํ สกลชมฺพุทีปํ วิจริตฺวา อสฺสกรฏฺเ ปาฏลินครํ ปาปุณึสุ. อสฺสโกปิ นครทฺวารานิ ปิทหาเปตฺวา ปณฺณาการํ เปเสสิ. ตสฺส นนฺทิเสโน นาม อมจฺโจ ปณฺฑิโต พฺยตฺโต อุปายกุสโล. โส จินฺเตสิ ‘‘อิมา กิร ราชธีตโร สกลชมฺพุทีปํ วิจริตฺวา ปฏิโยธํ น ลภึสุ, เอวํ สนฺเต ชมฺพุทีโป ตุจฺโฉ นาม อโหสิ, อหํ กาลิงฺเคน สทฺธึ ยุชฺฌิสฺสามี’’ติ. โส นครทฺวารํ คนฺตฺวา โทวาริเก อามนฺเตตฺวา ตาสํ ทฺวารํ วิวราเปตุํ ปมํ คาถมาห –

.

‘‘วิวรถิมาสํ ทฺวารํ, นครํ ปวิสนฺตุ อรุณราชสฺส;

สีเหน สุสิฏฺเน, สุรกฺขิตํ นนฺทิเสเนนา’’ติ.

ตตฺถ อรุณราชสฺสาติ โส หิ รชฺเช ปติฏฺิตกาเล รฏฺนามวเสน อสฺสโก นาม ชาโต, กุลทตฺติยํ ปนสฺส นามํ อรุโณติ. เตนาห ‘‘อรุณราชสฺสา’’ติ. สีเหนาติ ปุริสสีเหน. สุสิฏฺเนาติ อาจริเยหิ สุฏฺุ อนุสาสิเตน. นนฺทิเสเนนาติ มยา นนฺทิเสเนน นาม.

โส เอวํ วตฺวา ทฺวารํ วิวราเปตฺวา ตา คเหตฺวา อสฺสกรฺโ ทตฺวา ‘‘ตุมฺเห มา ภายิตฺถ, ยุทฺเธ สติ อหํ ชินิสฺสามิ, อิมา อุตฺตมรูปธรา ราชธีตโร มเหสิโย กโรถา’’ติ ตาสํ อภิเสกํ ทาเปตฺวา ตาหิ สทฺธึ อาคเต ปุริเส ‘‘คจฺฉถ, ตุมฺเห ราชธีตูนํ อสฺสกราเชน มเหสิฏฺาเน ปิตภาวํ ตุมฺหากํ รฺโ อาจิกฺขถา’’ติ อุยฺโยเชสิ. เต คนฺตฺวา อาโรเจสุํ. กาลิงฺโค ‘‘น หิ นูน โส มยฺหํ พลํ ชานาตี’’ติ วตฺวา ตาวเทว มหติยา เสนาย นิกฺขมิ. นนฺทิเสโน ตสฺส อาคมนํ ตฺวา ‘‘อตฺตโน กิร รชฺชสีมายเมว โหตุ, มา อมฺหากํ รฺโ รชฺชสีมํ โอกฺกมตุ, อุภินฺนํ รชฺชานํ อนฺตเร ยุทฺธํ ภวิสฺสตี’’ติ สาสนํ เปเสสิ. โส สาสนํ สุตฺวา อตฺตโน รชฺชปริยนฺเตเยว อฏฺาสิ. อสฺสโกปิ อตฺตโน รชฺชปริยนฺเต อฏฺาสิ. ตทา โพธิสตฺโต อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา เตสํ ทฺวินฺนํ รชฺชานํ อนฺตเร ปณฺณสาลายํ วสติ. กาลิงฺโค จินฺเตสิ ‘‘สมณา นาม กิฺจิ ชานิสฺสนฺติ, โก ชานาติ, กึ ภวิสฺสติ, กสฺส ชโย วา ปราชโย วา ภวิสฺสติ, ตาปสํ ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ อฺาตกเวเสน โพธิสตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิตฺวา ปฏิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘ภนฺเต, กาลิงฺโค จ อสฺสโก จ ยุชฺฌิตุกามา อตฺตโน อตฺตโน รชฺชสีมายเมว ิตา, เอเตสุ กสฺส ชโย ภวิสฺสติ, กสฺส ปราชโย’’ติ ปุจฺฉิ. มหาปุฺ, อหํ ‘‘อสุกสฺส ชโย, อสุกสฺส ปราชโย’’ติ น ชานามิ, สกฺโก ปน เทวราชา อิธาคจฺฉติ, ตมหํ ปุจฺฉิตฺวา กเถสฺสามิ, สฺเว อาคจฺเฉยฺยาสีติ. สกฺโก โพธิสตฺตสฺส อุปฏฺานํ อาคนฺตฺวา นิสีทิ, อถ นํ โพธิสตฺโต ตมตฺถํ ปุจฺฉิ. ภนฺเต, กาลิงฺโค ชินิสฺสติ, อสฺสโก ปราชิสฺสติ, อิทฺจิทฺจ ปุพฺพนิมิตฺตํ ปฺายิสฺสตีติ.

กาลิงฺโค ปุนทิวเส อาคนฺตฺวา ปุจฺฉิ, โพธิสตฺโตปิสฺส อาจิกฺขิ. โส ‘‘กึ นาม ปุพฺพนิมิตฺตํ ภวิสฺสตี’’ติ อปุจฺฉิตฺวาว ‘‘อหํ กิร ชินิสฺสามี’’ติ อุฏฺาย ตุฏฺิยา ปกฺกามิ. สา กถา วิตฺถาริกา อโหสิ. ตํ สุตฺวา อสฺสโก นนฺทิเสนํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘กาลิงฺโค กิร ชินิสฺสตึ, มยํ ปราชิสฺสาม, กึ นุ โข กาตพฺพ’’นฺติ อาห. โส ‘‘โก เอตํ ชานาติ มหาราช, กสฺส ชโย วา ปราชโย วา, ตุมฺเห มา จินฺตยิตฺถา’’ติ ราชานํ อสฺสาเสตฺวา โพธิสตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺโน ‘‘ภนฺเต, โก ชินิสฺสติ, โก ปราชิสฺสตี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘กาลิงฺโค ชินิสฺสติ, อสฺสโก ปราชิสฺสตี’’ติ? ‘‘ภนฺเต, ชินนฺตสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ กึ ภวิสฺสติ, กึ ปราชินนฺตสฺสา’’ติ? ‘‘มหาปุฺ, ชินนฺตสฺส อารกฺขเทวตา สพฺพเสโต อุสโภ ภวิสฺสติ, อิตรสฺส สพฺพกาฬโก, อุภินฺนมฺปิ อารกฺขเทวตา ยุชฺฌิตฺวา ชยปราชยํ กริสฺสนฺตี’’ติ. นนฺทิเสโน ตํ สุตฺวา อุฏฺาย คนฺตฺวา รฺโ สหาเย สหสฺสมตฺเต มหาโยเธ คเหตฺวา อวิทูเร ปพฺพตํ อภิรุยฺห ‘‘อมฺโภ, อมฺหากํ รฺโ ชีวิตํ ทาตุํ สกฺขิสฺสถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, สกฺขิสฺสามา’’ติ. ‘‘เตน หิ อิมสฺมึ ปปาเต ปตถา’’ติ. เต ปติตุํ อารภึสุ. อถ เน วาเรตฺวา ‘‘อลํ เอตฺถ ปตเนน, อมฺหากํ รฺโ ชีวิตํ ทาตุํ สุหทยา อนิวตฺติโน หุตฺวา ยุชฺฌถา’’ติ อาห. เต สมฺปฏิจฺฉึสุํ.

อถ สงฺคาเม อุปฏฺิเต กาลิงฺโค ‘‘อหํ กิร ชินิสฺสามี’’ติ โวสานํ อาปชฺชิ, พลกายาปิสฺส ‘‘อมฺหากํ กิร ชโย’’ติ โวสานํ อาปชฺชิตฺวา สนฺนาหํ อกตฺวา วคฺควคฺคา หุตฺวา ยถารุจิ ปกฺกมึสุ, วีริยกรณกาเล วีริยํ น กรึสุ. อุโภปิ ราชาโน อสฺสํ อภิรุหิตฺวา ‘‘ยุชฺฌิสฺสามา’’ติ อฺมฺํ อุปสงฺกมนฺติ. อุภินฺนํ อารกฺขเทวตา ปุรโต คนฺตฺวา กาลิงฺครฺโ อารกฺขเทวตา สพฺพเสโต อุสโภ อโหสิ, อิตรสฺส สพฺพกาฬโก. ตา เทวตาปิ อฺมฺํ ยุชฺฌนาการํ ทสฺเสนฺตา อุปสงฺกมึสุ. เต ปน อุสภา อุภินฺนํ ราชูนํเยว ปฺายนฺติ, น อฺเสํ. นนฺทิเสโน อสฺสกํ ปุจฺฉิ ‘‘ปฺายติ เต, มหาราช, อารกฺขเทวตา’’ติ. ‘‘อาม, ปฺายตี’’ติ. ‘‘เกนากาเรนา’’ติ. ‘‘กาลิงฺครฺโ อารกฺขเทวตา สพฺพเสโต อุสโภ หุตฺวา ปฺายติ, อมฺหากํ อารกฺขเทวตา สพฺพกาฬโก กิลมนฺโต หุตฺวา ติฏฺตี’’ติ. ‘‘มหาราช, ตุมฺเห มา ภายถ, มยํ ชินิสฺสาม, กาลิงฺโค ปราชิสฺสติ, ตุมฺเห อสฺสปิฏฺิโต โอตริตฺวา อิมํ สตฺตึ คเหตฺวา สุสิกฺขิตสินฺธวํ อุทรปสฺเส วามหตฺเถน อุปฺปีเฬตฺวา อิมินา ปุริสสหสฺเสน สทฺธึ เวเคน คนฺตฺวา กาลิงฺครฺโ อารกฺขเทวตํ สตฺติปฺปหาเรน ปาเตถ, ตโต มยํ สหสฺสมตฺตา สตฺติสหสฺเสน ปหริสฺสาม, เอวํ กาลิงฺคสฺส อารกฺขเทวตา นสฺสิสฺสติ, ตโต กาลิงฺโค ปราชิสฺสติ, มยํ ชินิสฺสามา’’ติ. ราชา ‘‘สาธู’’ติ นนฺทิเสเนน ทินฺนสฺาย คนฺตฺวา สตฺติยา ปหริ, สูรโยธสหสฺสาปิ อมจฺจา สตฺติสหสฺเสน ปหรึสุ. อารกฺขเทวตา ตตฺเถว ชีวิตกฺขยํ ปาปุณิ, ตาวเทว กาลิงฺโค ปราชิตฺวา ปลายิ. ตํ ปลายมานํ ทิสฺวา สหสฺสมตฺตา อมจฺจา ‘‘กาลิงฺโค ปลายตี’’ติ อุนฺนทึสุ. กาลิงฺโค มรณภยภีโต ปลายมาโน ตํ ตาปสํ อกฺโกสนฺโต ทุติยํ คาถมาห –

.

‘‘ชโย กลิงฺคานมสยฺหสาหินํ, ปราชโย อนโย อสฺสกานํ;

อิจฺเจว เต ภาสิตํ พฺรหฺมจาริ, น อุชฺชุภูตา วิตถํ ภณนฺตี’’ติ.

ตตฺถ อสยฺหสาหินนฺติ อสยฺหํ ทุสฺสหํ สหิตุํ สมตฺถานํ. อิจฺเจว เต ภาสิตนฺติ เอวํ ตยา กูฏตาปส ลฺชํ คเหตฺวา ปราชินกราชานํ ชินิสฺสติ, ชินนราชานฺจ ปราชิสฺสตีติ ภาสิตํ. น อุชฺชุภูตาติ เย กาเยน วาจาย มนสา จ อุชุภูตา, น เต มุสา ภณนฺตีติ.

เอวํ โส ตาปสํ อกฺโกสนฺโต ปลายนฺโต อตฺตโน นครเมว คโต, นิวตฺติตฺวา โอโลเกตุมฺปิ นาสกฺขิ. ตโต กติปาหจฺจเยน สกฺโก ตาปสสฺส อุปฏฺานํ อคมาสิ. ตาปโส เตน สทฺธึ กเถนฺโต ตติยํ คาถมาห –

.

‘‘เทวา มุสาวาทมุปาติวตฺตา, สจฺจํ ธนํ ปรมํ เตสุ สกฺก;

ตํ เต มุสา ภาสิตํ เทวราช, กึ วา ปฏิจฺจ มฆวา มหินฺทา’’ติ.

ตตฺถ ตํ เต มุสา ภาสิตนฺติ ยํ ตยา มยฺหํ ภาสิตํ, ตํ อตฺถภฺชนกมุสาวาทํ กเถนฺเตน ตยา มุสา ภาสิตํ, ตยา กึ การณํ ปฏิจฺจ เอวํ ภาสิตนฺติ?

ตํ สุตฺวา สกฺโก จตุตฺถํ คาถมาห –

.

‘‘นนุ เต สุตํ พฺราหฺมณ ภฺมาเน, เทวา น อิสฺสนฺติ ปุริสปรกฺกมสฺส;

ทโม สมาธิ มนโส อเภชฺโช, อพฺยคฺคตา นิกฺกมนฺจ กาเล;

ทฬฺหฺจ วิริยํ ปุริสปรกฺกโม จ, เตเนว อาสิ วิชโย อสฺสกาน’’นฺติ.

ตสฺสตฺโถ – กึ ตยา, พฺราหฺมณ, ตตฺถ ตตฺถ วจเน ภฺมาเน อิทํ น สุตปุพฺพํ, ยํ เทวา ปุริสปรกฺกมสฺส น อิสฺสนฺติ น อุสูยนฺติ, อสฺสกรฺโ วีริยกรณวเสน อตฺตทมนสงฺขาโต ทโม, สมคฺคภาเวน มนโส อเภชฺโช, อเภชฺชสมาธิ, อสฺสกรฺโ สหายานํ วีริยกรณกาเล อพฺยคฺคตา ยถา กาลิงฺคสฺส มนุสฺสา วคฺควคฺคา หุตฺวา โอสกฺกึสุ, เอวํ อโนสกฺกนํ สมคฺคภาเวน อเภชฺชจิตฺตานํ วีริยฺจ ปุริสปรกฺกโม จ ถิโร อโหสิ, เตเนว การเณน อสฺสกานํ ชโย อโหสีติ.

ปลาเต จ ปน กาลิงฺเค อสฺสกราชา วิโลปํ คาหาเปตฺวา อตฺตโน นครํ คโต. นนฺทิเสโน กาลิงฺคสฺส สาสนํ เปเสสิ ‘‘อิมาสํ จตุนฺนํ ราชกฺานํ ทายชฺชโกฏฺาสํ เปเสตุ, สเจ น เปเสติ, กาตพฺพเมตฺถ ชานิสฺสามี’’ติ. โส ตํ สาสนํ สุตฺวา ภีตตสิโต ตาหิ ลทฺธพฺพทายชฺชํ เปเสสิ, ตโต ปฏฺาย สมคฺควาสํ วสึสุ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ ‘‘ตทา กาลิงฺครฺโ ธีตโร อิมา ทหรภิกฺขุนิโย อเหสุํ, นนฺทิเสโน สาริปุตฺโต, ตาปโส ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

จูฬกาลิงฺคชาตกวณฺณนา ปมา.

[๓๐๒] ๒. มหาอสฺสาโรหชาตกวณฺณนา

อเทยฺเยสุํ ททํ ทานนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อานนฺทตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ. ปจฺจุปฺปนฺนวตฺถุ เหฏฺา กถิตเมว. สตฺถา ‘‘โปราณกปณฺฑิตาปิ อตฺตโน อุปการวเสเนว กิรึสู’’ติ วตฺวา อิธาปิ อตีตํ อาหริ.

อตีเต โพธิสตฺโต พาราณสิราชา หุตฺวา ธมฺเมน สเมน รชฺชํ กาเรติ, ทานํ เทติ, สีลํ รกฺขติ. โส ‘‘ปจฺจนฺตํ กุปิตํ วูปสเมสฺสามี’’ติ พลวาหนปริวุโต คนฺตฺวา ปราชิโต อสฺสํ อภิรุหิตฺวา ปลายมาโน เอกํ ปจฺจนฺตคามํ ปาปุณิ. ตตฺถ ตึส ชนา ราชเสวกา วสนฺติ. เต ปาโตว คามมชฺเฌ สนฺนิปติตฺวา คามกิจฺจํ กโรนฺติ. ตสฺมึ ขเณ ราชา วมฺมิตํ อสฺสํ อภิรุหิตฺวา อลงฺกตปฏิยตฺโต คามทฺวาเรน อนฺโตคามํ ปาวิสิ. เต ‘‘กึ นุ โข อิท’’นฺติ ภีตา ปลายิตฺวา สกสกเคหานิ ปวิสึสุ. เอโก ปเนตฺถ อตฺตโน เคหํ อคนฺตฺวา รฺโ ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา ‘‘ราชา กิร ปจฺจนฺตํ คโต’’ติ สุยฺยติ, โกสิ ตฺวํ ราชปุริโส โจรปุริโสติ? ‘‘ราชปุริโส, สมฺมา’’ติ. ‘‘เตน หิ เอถา’’ติ ราชานํ เคหํ เนตฺวา อตฺตโน ปีเก นิสีทาเปตฺวา ‘‘เอหิ, ภทฺเท, สหายกสฺส ปาเท โธวา’’ติ ภริยํ ตสฺส ปาเท โธวาเปตฺวา อตฺตโน พลานุรูเปน อาหารํ ทตฺวา ‘‘มุหุตฺตํ วิสฺสมถา’’ติ สยนํ ปฺาเปสิ, ราชา นิปชฺชิ. อิตโร อสฺสสฺส สนฺนาหํ โมเจตฺวา จงฺกมาเปตฺวา อุทกํ ปาเยตฺวา ปิฏฺึ เตเลน มกฺเขตฺวา ติณํ อทาสิ. เอวํ ตโย จตฺตาโร ทิวเส ราชานํ ปฏิชคฺคิตฺวา ‘‘คจฺฉามหํ, สมฺมา’’ติ วุตฺเต ปุน รฺโ จ อสฺสสฺส จ กตฺตพฺพยุตฺตกํ สพฺพมกาสิ. ราชา ตุสฺสิตฺวา คจฺฉนฺโต ‘‘อหํ, สมฺม, มหาอสฺสาโรโห นาม, นครมชฺเฌ อมฺหากํ เคหํ, สเจ เกนจิ กิจฺเจน นครํ อาคจฺฉสิ, ทกฺขิณทฺวาเร ตฺวา โทวาริกํ ‘มหาอสฺสาโรโห กตรเคเห วสตี’ติ ปุจฺฉิตฺวา โทวาริกํ คเหตฺวา อมฺหากํ เคหํ อาคจฺเฉยฺยาสี’’ติ วตฺวา ปกฺกามิ.

พลกาโยปิ ราชานํ อทิสฺวา พหินคเร ขนฺธาวารํ พนฺธิตฺวา ิโต ราชานํ ทิสฺวา ปจฺจุคฺคนฺตฺวา ปริวาเรสิ. ราชา นครํ ปวิสนฺโต ทฺวารนฺตเร ตฺวา โทวาริกํ ปกฺโกสาเปตฺวา มหาชนํ ปฏิกฺกมาเปตฺวา ‘‘ตาต, เอโก ปจฺจนฺตคามวาสี มํ ทฏฺุกาโม อาคนฺตฺวา ‘มหาอสฺสาโรหสฺส เคหํ กห’นฺติ ตํ ปุจฺฉิสฺสติ, ตํ ตฺวํ หตฺเถ คเหตฺวา อาเนตฺวา มํ ทสฺเสยฺยาสิ, ตทา ตฺวํ สหสฺสํ ลภิสฺสสี’’ติ อาห. โส นาคจฺฉติ, ตสฺมึ อนาคจฺฉนฺเต ราชา ตสฺส วสนคาเม พลึ วฑฺฒาเปสิ, พลิมฺหิ วฑฺฒิเต นาคจฺฉติ. เอวํ ทุติยมฺปิ ตติยมฺปิ พลึ วฑฺฒาเปสิ, เนว อาคจฺฉติ. อถ นํ คามวาสิโน สนฺนิปติตฺวา อาหํสุ ‘‘อยฺย, ตว สหายสฺส มหาอสฺสาโรหสฺส อาคตกาลโต ปฏฺาย มยํ พลินา ปีฬิยมานา สีสํ อุกฺขิปิตุํ น สกฺโกม, คจฺฉ ตว สหายสฺส มหาอสฺสาโรหสฺส วตฺวา อมฺหากํ พลึ วิสฺสชฺชาเปหี’’ติ. สาธุ คจฺฉิสฺสามิ, น ปน สกฺกา ตุจฺฉหตฺเถน คนฺตุํ, มยฺหํ สหายสฺส ทฺเว ทารกา อตฺถิ, เตสฺจ ภริยาย จสฺส สหายกสฺส จ เม นิวาสนปารุปนปิฬนฺธนาทีนิ สชฺเชถาติ. ‘‘สาธุ สชฺชิสฺสามา’’ติ เต สพฺพํ ปณฺณาการํ สชฺชยึสุ.

โส ตฺจ อตฺตโน ฆเร ปกฺกปูวฺจ อาทาย คนฺตฺวา ทกฺขิณทฺวารํ ปตฺวา โทวาริกํ ปุจฺฉิ ‘‘กหํ, สมฺม, มหาอสฺสาโรหสฺส เคห’’นฺติ. โส ‘‘เอหิ ทสฺเสมิ เต’’ติ ตํ หตฺเถ คเหตฺวา ราชทฺวารํ คนฺตฺวา ‘‘โทวาริโก เอกํ ปจฺจนฺตคามวาสึ คเหตฺวา อาคโต’’ติ ปฏิเวเทสิ. ราชา ตํ สุตฺวา อาสนา อุฏฺาย ‘‘มยฺหํ สหาโย จ เตน สทฺธึ อาคตา จ ปวิสนฺตู’’ติ ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา ทิสฺวาว นํ ปริสฺสชิตฺวา ‘‘มยฺหํ สหายิกา จ ทารกา จ อโรคา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา หตฺเถ คเหตฺวา มหาตลํ อภิรุหิตฺวา เสตจฺฉตฺตสฺส เหฏฺา ราชาสเน นิสีทาเปตฺวา อคฺคมเหสึ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘ภทฺเท, สหายสฺส เม ปาเท โธวา’’ติ อาห. สา ตสฺส ปาเท โธวิ, ราชา สุวณฺณภิงฺกาเรน อุทกํ อาสิฺจิ. เทวีปิ ปาเท โธวิตฺวา คนฺธเตเลน มกฺเขสิ. ราชา ‘‘กึ, สมฺม, อตฺถิ, กิฺจิ อมฺหากํ ขาทนีย’’นฺติ ปุจฺฉิ. โส ‘‘อตฺถี’’ติ ปสิพฺพกโต ปูเว นีหราเปสิ. ราชา สุวณฺณตฏฺฏเกน คเหตฺวา ตสฺส สงฺคหํ กโรนฺโต ‘‘มม สหาเยน อานีตํ ขาทถา’’ติ เทวิยา จ อมจฺจานฺจ ขาทาเปตฺวา สยมฺปิ ขาทิ. อิตโร อิตรมฺปิ ปณฺณาการํ ทสฺเสสิ. ราชา ตสฺส สงฺคหตฺถํ กาสิกวตฺถานิ อปเนตฺวา เตน อาภตวตฺถยุคํ นิวาเสสึ. เทวีปิ กาสิกวตฺถฺเจว อาภรณานิ จ อปเนตฺวา เตน อาภตวตฺถํ นิวาเสตฺวา อาภรณานิ ปิฬนฺธิ.

อถ นํ ราชา ราชารหํ โภชนํ โภชาเปตฺวา เอกํ อมจฺจํ อาณาเปสิ ‘‘คจฺฉ อิมสฺส มม กรณนิยาเมเนว มสฺสุกมฺมํ กาเรตฺวา คนฺโธทเกน นฺหาเปตฺวา สตสหสฺสคฺฆนิกํ กาสิกวตฺถํ นิวาสาเปตฺวา ราชาลงฺกาเรน อลงฺการาเปตฺวา อาเนหี’’ติ. โส ตถา อกาสิ. ราชา นคเร เภรึ จราเปตฺวา อมจฺเจ สนฺนิปาตาเปตฺวา เสตจฺฉตฺตสฺส มชฺเฌ ชาติหิงฺคุลกสุตฺตํ ปาเตตฺวา อุปฑฺฒรชฺชํ อทาสิ. เต ตโต ปฏฺาย เอกโต ภุฺชนฺติ ปิวนฺติ สยนฺติ, วิสฺสาโส ถิโร อโหสิ เกนจิ อเภชฺโช. อถสฺส ราชา ปุตฺตทาเรปิ ปกฺโกสาเปตฺวา อนฺโตนคเร นิเวสนํ มาเปตฺวา อทาสิ. เต สมคฺคา สมฺโมทมานา รชฺชํ กาเรนฺติ.

อถ อมจฺจา กุชฺฌิตฺวา ราชปุตฺตํ อาหํสุ ‘‘กุมาร, ราชา เอกสฺส คหปติกสฺส อุปฑฺฒรชฺชํ ทตฺวา เตน สทฺธึ เอกโต ภุฺชติ ปิวติ สยติ, ทารเก จ วนฺทาเปติ, อิมินา รฺา กตกมฺมํ น ชานาม, กึ กโรติ ราชา, มยํ ลชฺชาม, ตฺวํ รฺโ กเถหี’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา สพฺพํ ตํ กถํ รฺโ อาโรเจตฺวา ‘‘มา เอวํ กโรหิ, มหาราชา’’ติ อาห. ‘‘ตาต, อหํ ยุทฺธปราชิโต กหํ วสึ, อปิ นุ ชานาถา’’ติ. ‘‘น ชานาม, เทวา’’ติ. ‘‘อหํ เอตสฺส ฆเร วสนฺโต อโรโค หุตฺวา อาคนฺตฺวา รชฺชํ กาเรสึ, เอวํ มม อุปการิโน กสฺมา สมฺปตฺตึ น ทสฺสามี’’ติ เอวํ วตฺวา จ ปน โพธิสตฺโต ‘‘ตาต, โย หิ อทาตพฺพยุตฺตกสฺส เทติ, ทาตพฺพยุตฺตกสฺส น เทติ, โส อาปทํ ปตฺวา กิฺจิ อุปการํ น ลภตี’’ติ ทสฺเสนฺโต อิมา คาถา อาห –

.

‘‘อเทยฺเยสุ ททํ ทานํ, เทยฺเยสุ นปฺปเวจฺฉติ;

อาปาสุ พฺยสนํ ปตฺโต, สหายํ นาธิคจฺฉติ.

.

‘‘นาเทยฺเยสุ ททํ ทานํ, เทยฺเยสุ โย ปเวจฺฉติ;

อาปาสุ พฺยสนํ ปตฺโต, สหายมธิคจฺฉติ.

.

‘‘สฺโคสมฺโภควิเสสทสฺสนํ, อนริยธมฺเมสุ สเสุ นสฺสติ;

กตฺจ อริเยสุ จ อชฺชเวสุ, มหปฺผลํ โหติ อณุมฺปิ ตาทิสุ.

.

‘‘โย ปุพฺเพ กตกลฺยาโณ, อกา โลเก สุทุกฺกรํ;

ปจฺฉา กยิรา น วา กยิรา, อจฺจนฺตํ ปูชนารโห’’ติ.

ตตฺถ อเทยฺเยสูติ ปุพฺเพ อกตูปกาเรสุ. เทยฺเยสูติ ปุพฺเพ กตูปกาเรสุ. นปฺปเวจฺฉตีติ น ปเวเสติ น เทติ. อาปาสูติ อาปทาสุ. พฺยสนนฺติ ทุกฺขํ. สฺโคสมฺโภควิเสสทสฺสนนฺติ โย มิตฺเตน กโต สฺโโค เจว สมฺโภโค จ, ตสฺส วิเสสทสฺสนํ คุณทสฺสนํ สุกตํ มยฺหํ อิมินาติ เอตํ สพฺพํ อสุทฺธธมฺมตฺตา อนริยธมฺเมสุ เกราฏิกตฺตา สเสุ นสฺสติ. อริเยสูติ อตฺตโน กตคุณชานเนน อริเยสุ ปริสุทฺเธสุ. อชฺชเวสูติ เตเนว การเณน อุชุเกสุ อกุฏิเลสุ. อณุมฺปีติ อปฺปมตฺตกมฺปิ. ตาทิสูติ เย ตาทิสา ปุคฺคลา โหนฺติ อริยา อุชุภูตา, เตสุ อปฺปมฺปิ กตํ มหปฺผลํ โหติ มหาชุติกํ มหาวิปฺผารํ, สุเขตฺเต วุตฺตพีชมิว น นสฺสติ, อิตรสฺมึ ปน ปาเป พหุมฺปิ กตํ อคฺคิมฺหิ ขิตฺตพีชมิว นสฺสตีติ อตฺโถ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –

‘‘ยถาปิ พีชมคฺคิมฺหิ, ฑยฺหติ น วิรูหติ;

เอวํ กตํ อสปฺปุริเส, นสฺสติ น วิรูหติ.

‘‘กตฺุมฺหิ จ โปสมฺหิ, สีลวนฺเต อริยวุตฺติเน;

สุเขตฺเต วิย พีชานิ, กตํ ตมฺหิ น นสฺสตี’’ติ. (ชา. ๑.๑๐.๗๗-๗๘);

ปุพฺเพ กตกลฺยาโณติ ปมตรํ อุปการํ กตฺวา ิโต. อกาติ อกริ, อยํ โลเก สุทุกฺกรํ นาม อกาสีติ อตฺโถ. ปจฺฉา กยิราติ โส ปจฺฉา อฺํ กิฺจิ คุณํ กโรตุ วา มา วา, เตเนว ปมกเตน คุเณน อจฺจนฺตํ ปูชนารโห โหติ, สพฺพํ สกฺการสมฺมานํ อรหตีติ.

อิทํ ปน สุตฺวา เนว อมจฺจา, น ราชปุตฺโต ปุน กิฺจิ กเถสีติ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ปจฺจนฺตคามวาสี อานนฺโท อโหสิ, พาราณสิราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

มหาอสฺสาโรหชาตกวณฺณนา ทุติยา.

[๓๐๓] ๓. เอกราชชาตกวณฺณนา

อนุตฺตเร กามคุเณ สมิทฺเธติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ โกสลราชเสวกํ อารพฺภ กเถสิ. ปจฺจุปฺปนฺนวตฺถุ เหฏฺา เสยฺยชาตเก (ชา. ๑.๓.๙๔ อาทโย) กถิตเมว. อิธ ปน สตฺถา ‘‘น ตฺวฺเว อนตฺเถน อตฺถํ อาหริ, โปราณกปณฺฑิตาปิ อตฺตโน อนตฺเถน อตฺถํ อาหรึสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิรฺโ อุปฏฺาโก อมจฺโจ ราชนฺเตปุเร ทุพฺภิ. ราชา ปจฺจกฺขโตว ตสฺส โทสํ ทิสฺวา ตํ รฏฺา ปพฺพาเชสิ. โส ทุพฺภิเสนํ นาม โกสลราชานํ อุปฏฺหนฺโตติ สพฺพํ มหาสีลวชาตเก (ชา. ๑.๑.๕๑) กถิตเมว. อิธ ปน ทุพฺภิเสโน มหาตเล อมจฺจมชฺเฌ นิสินฺนํ พาราณสิราชานํ คณฺหาเปตฺวา สิกฺกาย ปกฺขิปาเปตฺวา อุตฺตรุมฺมาเร เหฏฺาสีสกํ โอลมฺพาเปสิ. ราชา โจรราชานํ อารพฺภ เมตฺตํ ภาเวตฺวา กสิณปริกมฺมํ กตฺวา ฌานํ นิพฺพตฺเตสิ, พนฺธนํ ฉิชฺชิ, ตโต ราชา อากาเส ปลฺลงฺเกน นิสีทิ. โจรราชสฺส สรีเร ทาโห อุปฺปชฺชิ, ‘‘ฑยฺหามิ ฑยฺหามี’’ติ ภูมิยํ อปราปรํ ปริวตฺตติ. ‘‘กิเมต’’นฺติ วุตฺเต ‘‘มหาราช, ตุมฺเห เอวรูปํ ธมฺมิกราชานํ นิรปราธํ ทฺวารสฺส อุตฺตรุมฺมาเร เหฏฺาสีสกํ โอลมฺพาเปถา’’ติ วทึสุ. เตน หิ เวเคน คนฺตฺวา โมเจถ นนฺติ. ปุริสา คนฺตฺวา ราชานํ อากาเส ปลฺลงฺเกน นิสินฺนํ ทิสฺวา อาคนฺตฺวา ทุพฺภิเสนสฺส อาโรเจสุํ. โส เวเคน คนฺตฺวา ตํ วนฺทิตฺวา ขมาเปตุํ ปมํ คาถมาห –

.

‘‘อนุตฺตเร กามคุเณ สมิทฺเธ, ภุตฺวาน ปุพฺเพ วสิ เอกราช;

โสทานิ ทุคฺเค นรกมฺหิ ขิตฺโต, นปฺปชฺชเห วณฺณพลํ ปุราณ’’นฺติ.

ตตฺถ วสีติ วุตฺโถ. เอกราชาติ โพธิสตฺตํ นาเมนาลปติ. โสทานีติ โส ตฺวํ อิทานิ. ทุคฺเคติ วิสเม. นรกมฺหีติ อาวาเฏ. โอลมฺพิตฏฺานํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. นปฺปชฺชเห วณฺณพลํ ปุราณนฺติ เอวรูเป วิสมฏฺาเน ขิตฺโตปิ โปราณกวณฺณฺจ พลฺจ นปฺปชหสีติ ปุจฺฉติ.

ตํ สุตฺวา โพธิสตฺโต เสสคาถา อโวจ –

๑๐.

‘‘ปุพฺเพว ขนฺตี จ ตโป จ มยฺหํ, สมฺปตฺถิตา ทุพฺภิเสน อโหสิ;

ตํทานิ ลทฺธาน กถํ นุ ราช, ชเห อหํ วณฺณพลํ ปุราณํ.

๑๑.

‘‘สพฺพา กิเรวํ ปรินิฏฺิตานิ, ยสสฺสินํ ปฺวนฺตํ วิสยฺห;

ยโส จ ลทฺธา ปุริมํ อุฬารํ, นปฺปชฺชเห วณฺณพลํ ปุราณํ.

๑๒.

‘‘ปนุชฺช ทุกฺเขน สุขํ ชนินฺท, สุเขน วา ทุกฺขมสยฺหสาหิ;

อุภยตฺถ สนฺโต อภินิพฺพุตตฺตา, สุเข จ ทุกฺเข จ ภวนฺติ ตุลฺยา’’ติ.

ตตฺถ ขนฺตีติ อธิวาสนขนฺติ. ตโปติ ตปจรณํ. สมฺปตฺถิตาติ อิจฺฉิตา อภิกงฺขิตา. ทุพฺภิเสนาติ ตํ นาเมนาลปติ. ตํทานิ ลทฺธานาติ ตํ ปตฺถนํ อิทานาหํ ลภิตฺวา. ชเหติ เกน การเณน อหํ ชเหยฺยํ. ยสฺส หิ ทุกฺขํ วา โทมนสฺสํ วา โหติ, โส ตํ ชเหยฺยาติ ทีเปติ.

‘‘สพฺพา กิเรวํ ปรินิฏฺิตานี’’ติ อนุสฺสววเสน อตฺตโน สมฺปตฺตึ ทสฺเสนฺโต อาห. อิทํ วุตฺตํ โหติ – สพฺพาเนว มม กตฺตพฺพกิจฺจานิ ทานสีลภาวนาอุโปสถกมฺมานิ ปุพฺเพว นิฏฺิตานีติ. ยสสฺสินํ ปฺวนฺตํ วิสยฺหาติ ปริวารสมฺปตฺติยา ยสสฺสิ, ปฺาสมฺปทาย ปฺวนฺต, อสยฺหสาหิตาย วิสยฺห. เอวํ ตีณิเปตานิ อาลปนาเนว. นฺติ ปเนตฺถ นิปาโต. พฺยฺชนสิลิฏฺตาวเสนนฺตการสฺส สานุนาสิกตา กตาติ ปจฺเจตพฺพา. ยโส จาติ ยสฺจ, อยเมว วา ปาโ. ลทฺธา ปุริมนฺติ ลภิตฺวา ปุริมํ ปุพฺเพ อลทฺธปุพฺพํ. อุฬารนฺติ มหนฺตํ. กิเลสวิกฺขมฺภนเมตฺตาภาวนาฌานุปฺปตฺติโย สนฺธาเยวมาห. นปฺปชฺชเหติ เอวรูปํ ยสํ ลทฺธา กึการณา ปุราณวณฺณพลํ ชหิสฺสามีติ อตฺโถ.

ทุกฺเขนาติ ตยา อุปฺปาทิเตน นรกมฺหิ ขิปนทุกฺเขน มม รชฺชสุขํ ปนุทิตฺวา. สุเขน วา ทุกฺขนฺติ ฌานสุเขน วา ตํ ทุกฺขํ ปนุทิตฺวา. อุภยตฺถ สนฺโตติ เย สนฺโต โหนฺติ มาทิสา, เต ทฺวีสุปิ เอเตสุ โกฏฺาเสสุ อภินิพฺพุตสภาวา มชฺฌตฺตา สุเข จ ทุกฺเข จ ภวนฺติ ตุลฺยา, เอกสทิสา นิพฺพิการาว โหนฺตีติ.

อิทํ สุตฺวา ทุพฺภิเสโน โพธิสตฺตํ ขมาเปตฺวา ‘‘ตุมฺหากํ รชฺชํ ตุมฺเหว กาเรถ, อหํ โว โจเร ปฏิพาหิสฺสามี’’ติ วตฺวา ตสฺส ทุฏฺามจฺจสฺส ราชาณํ กาเรตฺวา ปกฺกามิ. โพธิสตฺโตปิ รชฺชํ อมจฺจานํ นิยฺยาเทตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา พฺรหฺมโลกปรายโณ อโหสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ทุพฺภิเสโน อานนฺโท อโหสิ, พาราณสิราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

เอกราชชาตกวณฺณนา ตติยา.

[๓๐๔] ๔. ททฺทรชาตกวณฺณนา

อิมานิ มนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ โกธนํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ เหฏฺา กถิตเมว. ตทา หิ ธมฺมสภายํ ตสฺส โกธนภาวกถาย สมุฏฺิตาย สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ โกธโนสี’’ติ วตฺวา ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปส โกธโนเยว, โกธนภาเวเนวสฺส โปราณกปณฺฑิตา ปริสุทฺธา นาคราชภาเว ิตาปิ ตีณิ วสฺสานิ คูถปูริตาย อุกฺการภูมิยํ วสึสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต หิมวนฺตปเทเส ททฺทรปพฺพตปาเท ททฺทรนาคภวนํ นาม อตฺถิ, ตตฺถ รชฺชํ กาเรนฺตสฺส ททฺทรรฺโ ปุตฺโต มหาททฺทโร นาม อโหสิ, กนิฏฺภาตา ปนสฺส จูฬททฺทโร นาม. โส โกธโน ผรุโส นาคมาณวเก อกฺโกสนฺโต ปริภาสนฺโต ปหรนฺโต วิจรติ. นาคราชา ตสฺส ผรุสภาวํ ตฺวา นาคภวนโต ตํ นีหราเปตุํ อาณาเปสิ. มหาททฺทโร ปน ปิตรํ ขมาเปตฺวา นิวาเรสิ. ทุติยมฺปิ ราชา ตสฺส กุชฺฌิ, ทุติยมฺปิ ขมาเปสิ. ตติยวาเร ปน ‘‘ตฺวํ มํ อิมํ อนาจารํ นีหราเปนฺตํ นิวาเรสิ, คจฺฉถ ทฺเวปิ ชนา อิมมฺหา นาคภวนา นิกฺขมิตฺวา พาราณสิยํ อุกฺการภูมิยํ ตีณิ วสฺสานิ วสถา’’ติ นาคภวนา นิกฺกฑฺฒาเปสิ. เต ตตฺถ คนฺตฺวา วสึสุ. อถ เน อุกฺการภูมิยํ อุทกปริยนฺเต โคจรํ ปริเยสมาเน คามทารกา ทิสฺวา ปหรนฺตา เลฑฺฑุทณฺฑาทโย ขิปนฺตา ‘‘เก อิเม ปุถุลสีสา สูจินงฺคุฏฺา อุทกเทฑฺฑุภา มณฺฑูกภกฺขา’’ติอาทีนิ วตฺวา อกฺโกสนฺติ ปริภาสนฺติ.

จูฬททฺทโร จณฺฑผรุสตาย เตสํ ตํ อวมานํ อสหนฺโต ‘‘ภาติก, อิเม ทารกา อมฺเห ปริภวนฺติ, อาสีวิสภาวํ โน น ชานนฺติ, อหํ เตสํ อวมานํ สหิตุํ น สกฺโกมิ, นาสาวาเตน เต นาเสสฺสามี’’ติ ภาตรา สทฺธึ สลฺลปนฺโต ปมํ คาถมาห –

๑๓.

‘‘อิมานิ มํ ททฺทร ตาปยนฺติ, วาจาทุรุตฺตานิ มนุสฺสโลเก;

มณฺฑูกภกฺขา อุทกนฺตเสวี, อาสีวิสํ มํ อวิสา สปนฺตี’’ติ.

ตตฺถ ตาปยนฺตีติ ทุกฺขาเปนฺติ. มณฺฑูกภกฺขา อุทกนฺตเสวีติ ‘‘มณฺฑูกภกฺขา’’ติ จ ‘‘อุทกนฺตเสวี’’ติ จ วทนฺตา เอเต อวิสา คามทารกา มํ อาสีวิสํ สมานํ สปนฺติ อกฺโกสนฺตีติ.

ตสฺส วจนํ สุตฺวา มหาททฺทโร เสสคาถา อภาสิ –

๑๔.

‘‘สกา รฏฺา ปพฺพาชิโต, อฺํ ชนปทํ คโต;

มหนฺตํ โกฏฺํ กยิราถ, ทุรุตฺตานํ นิเธตเว.

๑๕.

‘‘ยตฺถ โปสํ น ชานนฺติ, ชาติยา วินเยน วา;

น ตตฺถ มานํ กยิราถ, วสมฺาตเก ชเน.

๑๖.

‘‘วิเทสวาสํ วสโต, ชาตเวทสเมนปิ;

ขมิตพฺพํ สปฺเน, อปิ ทาสสฺส ตชฺชิต’’นฺติ.

ตตฺถ ทุรุตฺตานํ นิเธตเวติ ยถา ธฺนิธานตฺถาย มหนฺตํ โกฏฺํ กตฺวา ปูเรตฺวา กิจฺเจ อุปฺปนฺเน ธฺํ วฬฺเชนฺติ, เอวเมวํ วิเทสํ คโต อนฺโตหทเย ปณฺฑิโต โปโส ทุรุตฺตานํ นิธานตฺถาย มหนฺตํ โกฏฺํ กยิราถ. ตตฺถ ตานิ ทุรุตฺตานิ นิทหิตฺวา ปุน อตฺตโน ปโหนกกาเล กาตพฺพํ กริสฺสติ. ชาติยา วินเยน วาติ ‘‘อยํ ขตฺติโย พฺราหฺมโณ’’ติ วา ‘‘สีลวา พหุสฺสุโต คุณสมฺปนฺโน’’ติ วา เอวํ ยตฺถ ชาติยา วินเยน วา น ชานนฺตีติ อตฺโถ. มานนฺติ เอวรูปํ มํ ลามกโวหาเรน โวหรนฺติ, น สกฺกโรนฺติ น ครุํ กโรนฺตีติ มานํ น กเรยฺย. วสมฺาตเก ชเนติ อตฺตโน ชาติโคตฺตาทีนิ อชานนฺตสฺส ชนสฺส สนฺติเก วสนฺโต. วสโตติ วสตา, อยเมว วา ปาโ.

เอวํ เต ตตฺถ ตีณิ วสฺสานิ วสึสุ. อถ เน ปิตา ปกฺโกสาเปสิ. เต ตโต ปฏฺาย นิหตมานา ชาตา.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน โกธโน ภิกฺขุ อนาคามิผเล ปติฏฺหิ. ‘‘ตทา จูฬททฺทโร โกธโน ภิกฺขุ อโหสิ, มหาททฺทโร ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

ททฺทรชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.

[๓๐๕] ๕. สีลวีมํสนชาตกวณฺณนา

นตฺถิ โลเก รโห นามาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต กิเลสนิคฺคหํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ เอกาทสกนิปาเต ปานียชาตเก (ชา. ๑.๑๑.๕๙ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติ. อยํ ปเนตฺถ สงฺเขโป – ปฺจสตา ภิกฺขู อนฺโตเชตวเน วสนฺตา มชฺฌิมยามสมนนฺตเร กามวิตกฺกํ วิตกฺกยึสุ. สตฺถา ฉสุปิ รตฺติทิวาโกฏฺาเสสุ ยถา เอกจกฺขุโก จกฺขุํ, เอกปุตฺโต ปุตฺตํ, จามรี วาลํ อปฺปมาเทน รกฺขติ, เอวํ นิจฺจกาลํ ภิกฺขู โอโลเกติ. โส รตฺติภาเค ทิพฺพจกฺขุนา เชตวนํ โอโลเกนฺโต จกฺกวตฺติรฺโ อตฺตโน นิเวสเน อุปฺปนฺนโจเร วิย เต ภิกฺขู ทิสฺวา คนฺธกุฏึ วิวริตฺวา อานนฺทตฺเถรํ อามนฺเตตฺวา ‘‘อานนฺท, อนฺโตเชตวเน โกฏิสนฺถาเร วสนกภิกฺขู สนฺนิปาตาเปตฺวา คนฺธกุฏิทฺวาเร อาสนํ ปฺาเปหี’’ติ อาห. โส ตถา กตฺวา สตฺถุ ปฏิเวเทสิ. สตฺถา ปฺตฺตาสเน นิสีทิตฺวา สพฺพสงฺคาหิกวเสน อามนฺเตตฺวา ‘‘ภิกฺขเว, โปราณกปณฺฑิตา ‘ปาปกรเณ รโห นาม นตฺถี’ติ ปาปํ น กรึสู’’ติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตตฺเถว พาราณสิยํ ทิสาปาโมกฺขสฺส อาจริยสฺส สนฺติเก ปฺจนฺนํ มาณวกสตานํ เชฏฺโก หุตฺวา สิปฺปํ อุคฺคณฺหาติ. อาจริยสฺส ปน วยปฺปตฺตา ธีตา อตฺถิ. โส จินฺเตสิ ‘‘อิเมสํ มาณวกานํ สีลํ วีมํสิตฺวา สีลสมฺปนฺนสฺเสว ธีตรํ ทสฺสามี’’ติ. โส เอกทิวสํ มาณวเก อามนฺเตตฺวา ‘‘ตาตา, มยฺหํ ธีตา วยปฺปตฺตา, วิวาหมสฺสา กาเรสฺสามิ, วตฺถาลงฺการํ ลทฺธุํ วฏฺฏติ, คจฺฉถ ตุมฺเห อตฺตโน อตฺตโน าตกานํ อปสฺสนฺตานฺเว เถเนตฺวา วตฺถาลงฺกาเร อาหรถ, เกนจิ อทิฏฺเมว คณฺหามิ, ทสฺเสตฺวา อาภตํ น คณฺหามี’’ติ อาห. เต ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตโต ปฏฺาย าตกานํ อปสฺสนฺตานํ เถเนตฺวา วตฺถปิฬนฺธนาทีนิ อาหรนฺติ. อาจริโย อาภตาภตํ วิสุํ วิสุํ เปสิ. โพธิสตฺโต ปน น กิฺจิ อาหริ. อถ นํ อาจริโย อาห ‘‘ตฺวํ ปน, ตาต, น กิฺจิ อาหรสี’’ติ. ‘‘อาม, อาจริยา’’ติ. ‘‘กสฺมา, ตาตา’’ติ. ‘‘ตุมฺเห น กสฺสจิ ปสฺสฺสนฺตสฺส อาภตํ คณฺหถ, อหํ ปน ปาปกรเณ รโห นาม น ปสฺสามี’’ติ ทีเปนฺโต อิมา ทฺเว คาถา อาห –

๑๗.

‘‘นตฺถิ โลเก รโห นาม, ปาปกมฺมํ ปกุพฺพโต;

ปสฺสนฺติ วนภูตานิ, ตํ พาโล มฺตี รโห.

๑๘.

‘‘อหํ รโห น ปสฺสามิ, สุฺํ วาปิ น วิชฺชติ;

ยตฺถ อฺํ น ปสฺสามิ, อสุฺํ โหติ ตํ มยา’’ติ.

ตตฺถ รโหติ ปฏิจฺฉนฺนฏฺานํ. วนภูตานีติ วเน นิพฺพตฺตภูตานิ. ตํ พาโลติ ตํ ปาปกมฺมํ รโห มยา กตนฺติ พาโล มฺติ. สุฺํ วาปีติ ยํ วา านํ สตฺเตหิ สุฺํ ตุจฺฉํ ภเวยฺย, ตมฺปิ นตฺถีติ อาห.

อาจริโย ตสฺส ปสีทิตฺวา ‘‘ตาต, น มยฺหํ เคเห ธนํ นตฺถิ, อหํ ปน สีลสมฺปนฺนสฺส ธีตรํ ทาตุกาโม อิเม มาณวเก วีมํสนฺโต เอวมกาสึ, มม ธีตา ตุยฺหเมว อนุจฺฉวิกา’’ติ ธีตรํ อลงฺกริตฺวา โพธิสตฺตสฺส อทาสิ. เสสมาณวเก ‘‘ตุมฺเหหิ อาภตาภตํ ตุมฺหากํ เคหเมว เนถา’’ติ อาห.

สตฺถา ‘‘อิติ โข, ภิกฺขเว, เต ทุสฺสีลมาณวกา อตฺตโน ทุสฺสีลตาย ตํ อิตฺถึ น ลภึสุ, อิตโร ปณฺฑิตมาณโว สีลสมฺปนฺนตาย ลภี’’ติ วตฺวา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา อิตรา ทฺเว คาถา อภาสิ –

๑๙.

‘‘ทุชฺชจฺโจ จ สุชจฺโจ จ, นนฺโท จ สุขวฑฺฒิโต;

วชฺโช จ อทฺธุวสีโล จ, เต ธมฺมํ ชหุมตฺถิกา.

๒๐.

‘‘พฺราหฺมโณ จ กถํ ชเห, สพฺพธมฺมาน ปารคู;

โย ธมฺมมนุปาเลติ, ธิติมา สจฺจนิกฺกโม’’ติ.

ตตฺถ ทุชฺชจฺโจติอาทโย ฉ เชฏฺกมาณวา, เตสํ นามํ คณฺหิ, อวเสสานํ นามํ อคฺคเหตฺวา สพฺพสงฺคาหิกวเสเนว ‘‘เต ธมฺมํ ชหุมตฺถิกา’’ติ อาห. ตตฺถ เตติ สพฺเพปิ เต มาณวา. ธมฺมนฺติ อิตฺถิปฏิลาภสภาวํ. ชหุมตฺถิกาติ ชหุํ อตฺถิกา, อยเมว วา ปาโ. มกาโร ปทพฺยฺชนสนฺธิวเสน วุตฺโต. อิทํ วุตฺตํ โหติ – สพฺเพปิ เต มาณวา ตาย อิตฺถิยา อตฺถิกาว หุตฺวา อตฺตโน ทุสฺสีลตาย ตํ อิตฺถิปฏิลาภสภาวํ ชหึสุ.

พฺราหฺมโณ จาติ อิตโร ปน สีลสมฺปนฺโน พฺราหฺมโณ. กถํ ชเหติ เกน การเณน ตํ อิตฺถิปฏิลาภสภาวํ ชหิสฺสติ. สพฺพธมฺมานนฺติ อิมสฺมึ าเน โลกิยานิ ปฺจ สีลานิ, ทส สีลานิ, ตีณิ สุจริตานิ จ, สพฺพธมฺมา นาม, เตสํ โส ปารํ คโตติ ปารคู. ธมฺมนฺติ วุตฺตปฺปการเมว ธมฺมํ โย อนุปาเลติ รกฺขติ. ธิติมาติ สีลรกฺขนธิติยา สมนฺนาคโต. สจฺจนิกฺกโมติ สจฺเจ สภาวภูเต ยถาวุตฺเต สีลธมฺเม นิกฺกเมน สมนฺนาคโต.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน ตานิ ปฺจ ภิกฺขุสตานิ อรหตฺเต ปติฏฺหึสุ.

ตทา อาจริโย สาริปุตฺโต อโหสิ, ปณฺฑิตมาณโว ปน อหเมว อโหสินฺติ.

สีลวีมํสนชาตกวณฺณนา ปฺจมา.

[๓๐๖] ๖. สุชาตาชาตกวณฺณนา

กิมณฺฑกาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต มลฺลิกํ เทวึ อารพฺภ กเถสิ. เอกทิวสํ กิร รฺโ ตาย สทฺธึ สิริวิวาโท อโหสิ, ‘‘สยนกลโห’’ติปิ วทนฺติเยว. ราชา กุชฺฌิตฺวา ตสฺสา อตฺถิภาวมฺปิ น ชานาติ. มลฺลิกา เทวีปิ ‘‘สตฺถา รฺโ มยิ กุทฺธภาวํ น ชานาติ มฺเ’’ติ จินฺเตสิ. สตฺถาปิ ตฺวา ‘‘อิเมสํ สมคฺคภาวํ กริสฺสามี’’ติ ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ปฺจภิกฺขุสตปริวาโร สาวตฺถึ ปวิสิตฺวา ราชทฺวารํ อคมาสิ. ราชา ตถาคตสฺส ปตฺตํ คเหตฺวา นิเวสนํ ปเวเสตฺวา ปฺตฺตาสเน นิสีทาเปตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทกฺขิโณทกํ ทตฺวา ยาคุขชฺชกํ อาหริ. สตฺถา ปตฺตํ หตฺเถน ปิทหิตฺวา ‘‘มหาราช, กหํ เทวี’’ติ อาห. ‘‘กึ, ภนฺเต, ตาย อตฺตโน ยเสน มตฺตายา’’ติ? ‘‘มหาราช, สยเมว ยสํ ทตฺวา มาตุคามํ อุกฺขิปิตฺวา ตาย กตสฺส อปราธสฺส อสหนํ นาม น ยุตฺต’’นฺติ. ราชา สตฺถุ วจนํ สุตฺวา ตํ ปกฺโกสาเปสิ, สา สตฺถารํ ปริวิสิ. สตฺถา ‘‘อฺมฺํ สมคฺเคหิ ภวิตุํ วฏฺฏตี’’ติ สามคฺคิรสวณฺณํ กเถตฺวา ปกฺกามิ. ตโต ปฏฺาย อุโภ สมคฺควาสํ วสึสุ. ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, สตฺถา เอกวจเนเนว อุโภ สมคฺเค อกาสี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปาหํ เอเต เอกวาเทเนว สมคฺเค อกาสิ’’นฺติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส อตฺถธมฺมานุสาสโก อมจฺโจ อโหสิ. อเถกทิวสํ ราชา วาตปานํ วิวริตฺวา ราชงฺคณํ โอโลกยมาโน อฏฺาสิ. ตสฺมึ ขเณ เอกา ปณฺณิกธีตา อภิรูปา ปมวเย ิตา สุชาตา นาม พทรปจฺฉึ สีเส กตฺวา ‘‘พทรานิ คณฺหถ, พทรานิ คณฺหถา’’ติ วทมานา ราชงฺคเณน คจฺฉติ. ราชา ตสฺสา สทฺทํ สุตฺวา ตาย ปฏิพทฺธจิตฺโต หุตฺวา อสามิกภาวํ ตฺวา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา อคฺคมเหสิฏฺาเน เปตฺวา มหนฺตํ ยสํ อทาสิ. สา รฺโ ปิยา อโหสิ มนาปา. อเถกทิวสํ ราชา สุวณฺณตฏฺฏเก พทรานิ ขาทนฺโต นิสีทิ. ตทา สุชาตา เทวี ราชานํ พทรานิ ขาทนฺตํ ทิสฺวา ‘‘มหาราช, กึ นาม ตุมฺเห ขาทถา’’ติ ปุจฺฉนฺตี ปมํ คาถมาห –

๒๑.

‘‘กิมณฺฑกา อิเม เทว, นิกฺขิตฺตา กํสมลฺลเก;

อุปโลหิตกา วคฺคู, ตํ เม อกฺขาหิ ปุจฺฉิโต’’ติ.

ตตฺถ กิมณฺฑกาติ กึผลานิ นาเมตานิ, ปริมณฺฑลวเสน ปน อณฺฑกาติ อาห. กํสมลฺลเกติ สุวณฺณตฏฺฏเก. อุปโลหิตกาติ รตฺตวณฺณา. วคฺคูติ โจกฺขา นิมฺมลา.

ราชา กุชฺฌิตฺวา ‘‘พทรวาณิชเก ปณฺณิกคหปติกสฺส ธีเต อตฺตโน กุลสนฺตกานิ พทรานิปิ น ชานาสี’’ติ วตฺวา ทฺเว คาถา อภาสิ –

๒๒.

‘‘ยานิ ปุเร ตุวํ เทวิ, ภณฺฑุ นนฺตกวาสินี;

อุจฺฉงฺคหตฺถา ปจินาสิ, ตสฺสา เต โกลิยํ ผลํ.

๒๓.

‘‘อุฑฺฑยฺหเต น รมติ, โภคา วิปฺปชหนฺติ ตํ;

ตตฺเถวิมํ ปฏิเนถ, ยตฺถ โกลํ ปจิสฺสตี’’ติ.

ตตฺถ ภณฺฑูติ มุณฺฑสีสา หุตฺวา. นนฺตกวาสินีติ ชิณฺณปิโลติกนิวตฺถา. อุจฺฉงฺคหตฺถา ปจินาสีติ อฏวึ ปวิสิตฺวา องฺกุสเกน สาขํ โอนาเมตฺวา โอจิโตจิตํ หตฺเถน คเหตฺวา อุจฺฉงฺเค ปกฺขิปนวเสน อุจฺฉงฺคหตฺถา หุตฺวา ปจินาสิ โอจินาสิ. ตสฺสา เต โกลิยํ ผลนฺติ ตสฺสา ตว เอวํ ปจินนฺติยา โอจินนฺติยา ยมหํ อิทานิ ขาทามิ, อิทํ โกลิยํ กุลทตฺติยํ ผลนฺติ อตฺโถ.

อุฑฺฑยฺหเต น รมตีติ อยํ ชมฺมี อิมสฺมึ ราชกุเล วสมานา โลหกุมฺภิยํ ปกฺขิตฺตา วิย ฑยฺหติ นาภิรมติ. โภคาติ ราชโภคา อิมํ อลกฺขิกํ วิปฺปชหนฺติ. ยตฺถ โกลํ ปจิสฺสตีติ ยตฺถ คนฺตฺวา ปุน พทรเมว ปจินิตฺวา วิกฺกิณนฺตี ชีวิกํ กปฺเปสฺสติ, ตตฺเถว นํ เนถาติ วทติ.

โพธิสตฺโต ‘‘เปตฺวา มํ อฺโ อิเม สมคฺเค กาตุํ น สกฺขิสฺสตี’’ติ ราชานํ สฺาเปตฺวา ‘‘อิมิสฺสา อนิกฺกฑฺฒนํ กริสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา จตุตฺถํ คาถมาห –

๒๔.

‘‘โหนฺติ เหเต มหาราช, อิทฺธิปฺปตฺตาย นาริยา;

ขม เทว สุชาตาย, มาสฺสา กุชฺฌ รเถสภา’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – มหาราช, เอเต เอวรูปา ปมาทโทสา ยสํ ปตฺตาย นาริยา โหนฺติเยว, เอตํ เอวรูเป อุจฺเจ าเน เปตฺวา อิทานิ ‘‘เอตฺตกสฺส อปราธสฺส อสหนํ นาม น ยุตฺตํ ตุมฺหากํ, ตสฺมา ขม, เทว, สุชาตาย, เอติสฺสา มา กุชฺฌ รเถสภ รถเชฏฺกาติ.

ราชา ตสฺส วจเนน เทวิยา ตํ อปราธํ สหิตฺวา ยถาาเนเยว นํ เปสิ. ตโต ปฏฺาย อุโภ สมคฺควาสํ วสึสูติ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา พาราณสิราชา โกสลราชา อโหสิ, สุชาตา มลฺลิกา, อมจฺโจ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

สุชาตาชาตกวณฺณนา ฉฏฺา.

[๓๐๗] ๗. ปลาสชาตกวณฺณนา

อเจตนํ พฺราหฺมณ อสฺสุณนฺตนฺติ อิทํ สตฺถา ปรินิพฺพานมฺเจ นิปนฺโน อานนฺทตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ. โสหายสฺมา ‘‘อชฺช รตฺติยา ปจฺจูสสมเย สตฺถา ปรินิพฺพายิสฺสตี’’ติ ตฺวา ‘‘อหฺจมฺหิ เสกฺโข สกรณีโย, สตฺถุ จ เม ปรินิพฺพานํ ภวิสฺสติ, ปฺจวีสติ วสฺสานิ สตฺถุ กตํ อุปฏฺานํ นิปฺผลํ ภวิสฺสตี’’ติ โสกาภิภูโต อุยฺยานโอวรเก กปิสีสํ อาลมฺพิตฺวา ปโรทิ. สตฺถา ตํ อปสฺสนฺโต ‘‘กหํ, ภิกฺขเว, อานนฺโท’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ตมตฺถํ สุตฺวา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘กตปุฺโสิ ตฺวํ, อานนฺท, ปธานมนุยุฺช, ขิปฺปํ โหหิสิ อนาสโว, มา จินฺตยิ, อิทานิ ตยา มม กตํ อุปฏฺานํ กึการณา นิปฺผลํ ภวิสฺสติ, ยสฺส เต ปุพฺเพ สราคาทิกาเลปิ มม กตํ อุปฏฺานํ นิปฺผลํ นาโหสี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต พาราณสิโต อวิทูเร ปลาสรุกฺขเทวตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ตทา พาราณสิวาสิโน มนุสฺสา เทวตามงฺคลิกา อเหสุํ นิจฺจํ พลิกรณาทีสุ ปยุตฺตา. อเถโก ทุคฺคตพฺราหฺมโณ ‘‘อหมฺปิ เอกํ เทวตํ ปฏิชคฺคิสฺสามี’’ติ เอกสฺมึ อุนฺนตปฺปเทเส ิตสฺส มหโต ปลาสรุกฺขสฺส มูลํ สมํ นิตฺติณํ กตฺวา ปริกฺขิปิตฺวา วาลุกํ โอกิริตฺวาว สมฺมชฺชิตฺวา รุกฺเข คนฺธปฺจงฺคุลิกานิ ทตฺวา มาลาคนฺธธูเมหิ ปูเชตฺวา ทีปํ ชาเลตฺวา ‘‘สุขํ สยา’’ติ วตฺวา รุกฺขํ ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกมติ. ทุติยทิวเส ปาโตว คนฺตฺวา สุขเสยฺยํ ปุจฺฉติ. อเถกทิวสํ รุกฺขเทวตา จินฺเตสิ ‘‘อยํ พฺราหฺมโณ อติวิย มํ ปฏิชคฺคติ, อิมํ พฺราหฺมณํ วีมํสิตฺวา เยน การเณน มํ ปฏิชคฺคติ, ตํ ทสฺสามี’’ติ. สา ตสฺมึ ขเณ พฺราหฺมเณ อาคนฺตฺวา รุกฺขมูเล สมฺมชฺชนฺเต มหลฺลกพฺราหฺมณเวเสน สมีเป ตฺวา ปมํ คาถมาห –

๒๕.

‘‘อเจตนํ พฺราหฺมณ อสฺสุณนฺตํ, ชาโน อชานนฺตมิมํ ปลาสํ;

อารทฺธวิริโย ธุวํ อปฺปมตฺโต, สุขเสยฺยํ ปุจฺฉสิ กิสฺส เหตู’’ติ.

ตตฺถ อสฺสุณนฺตนฺติ อเจตนตฺตาว อสุณนฺตํ. ชาโนติ ตุวํ ชานมาโน หุตฺวา ธุวํ อปฺปมตฺโตติ นิจฺจํ อปฺปมตฺโต.

ตํ สุตฺวา พฺราหฺมโณ ทุติยํ คาถมาห –

๒๖.

‘‘ทูเร สุโต เจว พฺรหา จ รุกฺโข, เทเส ิโต ภูตนิวาสรูโป;

ตสฺมา นมสฺสามิ อิมํ ปลาสํ, เย เจตฺถ ภูตา เต ธนสฺส เหตู’’ติ.

ตตฺถ ทูเร สุโตติ พฺราหฺมณ อยํ รุกฺโข ทูเร สุโต วิสฺสุโต, น อาสนฺนฏฺาเนเยว ปากโฏ. พฺรหา จาติ มหนฺโต จ. เทเส ิโตติ อุนฺนเต สเม ภูมิปฺปเทเส ิโต. ภูตนิวาสรูโปติ เทวตานิวาสสภาโว, อทฺธา เอตฺถ มเหสกฺขา เทวตา นิวุตฺถา ภวิสฺสติ. เต ธนสฺส เหตูติ อิมฺจ รุกฺขํ เย เจตฺถ นิวุตฺถา ภูตา, เต ธนสฺส เหตุ นมสฺสามิ, น นิกฺการณาติ.

ตํ สุตฺวา รุกฺขเทวตา พฺราหฺมณสฺส ปสนฺนา ‘‘อหํ, พฺราหฺมณ, อิมสฺมึ รุกฺเข นิพฺพตฺตเทวตา, มา ภายิ, ธนํ เต ทสฺสามี’’ติ ตํ อสฺสาเสตฺวา อตฺตโน วิมานทฺวาเร มหนฺเตน เทวตานุภาเวน อากาเส ตฺวา อิตรา ทฺเว คาถา อภาสิ –

๒๗.

‘‘โส เต กริสฺสามิ ยถานุภาวํ, กตฺุตํ พฺราหฺมณ เปกฺขมาโน;

กถฺหิ อาคมฺม สตํ สกาเส, โมฆานิ เต อสฺสุ ปริผนฺทิตานิ.

๒๘.

‘‘โย ตินฺทุกรุกฺขสฺส ปโร ปิลกฺโข, ปริวาริโต ปุพฺพยฺโ อุฬาโร;

ตสฺเสส มูลสฺมึ นิธิ นิขาโต, อทายาโท คจฺฉ ตํ อุทฺธราหี’’ติ.

ตตฺถ ยถานุภาวนฺติ ยถาสตฺติ ยถาพลํ. กตฺุตนฺติ ตยา มยฺหํ กตคุณํ ชานนฺโต ตํ อตฺตนิ วิชฺชมานํ กตฺุตํ เปกฺขมาโน. อาคมฺมาติ อาคนฺตฺวา. สตํ สกาเสติ สปฺปุริสานํ สนฺติเก. โมฆานิ เต อสฺสุ ปริผนฺทิตานีติ สุขเสยฺยปุจฺฉนวเสน วาจาผนฺทิตานิ สมฺมชฺชนาทิกรเณน กายผนฺทิตานิ จ ตว กถํ อผลานิ ภวิสฺสนฺติ.

โย ตินฺทุกรุกฺขสฺส ปโร ปิลกฺโขติ โย เอส ตินฺทุกรุกฺขสฺส ปรโต ปิลกฺขรุกฺโข ิโตติ วิมานทฺวาเร ิตาว หตฺถํ ปสาเรตฺวา ทสฺเสติ. ปริวาริโตติอาทีสุ ตสฺส ปิลกฺขรุกฺขสฺส มูเล เอส ตํ รุกฺขมูลํ ปริกฺขิปิตฺวา นิหิตตาย ปริวาริโต, ปุพฺเพ ยิฏฺยฺวเสน ปุริมสามิกานํ อุปฺปนฺนตาย ปุพฺพยฺโ, อเนกนิธิกุมฺภิ ภาเวน มหนฺตตฺตา อุฬาโร, ภูมึ ขณิตฺวา ปิตตฺตา นิขาโต, อิทานิ ทายาทานํ อภาวโต อทายาโท. อิทํ วุตฺตํ โหติ – เอส ตํ รุกฺขมูลํ ปริกฺขิปิตฺวา คีวาย คีวํ ปหรนฺตีนํ นิธิกุมฺภีนํ วเสน มหานิธิ นิขาโต อสามิโก, คจฺฉ ตํ อุทฺธริตฺวา คณฺหาติ.

เอวฺจ ปน วตฺวา สา เทวตา ‘‘พฺราหฺมณ, ตฺวํ เอตํ อุทฺธริตฺวา คณฺหนฺโต กิลมิสฺสสิ, คจฺฉ ตฺวํ, อหเมว ตํ ตว ฆรํ เนตฺวา อสุกสฺมึ อสุกสฺมิฺจ าเน นิทหิสฺสามิ, ตฺวํ เอตํ ธนํ ยาวชีวํ ปริภุฺชนฺโต ทานํ เทหิ, สีลํ รกฺขาหี’’ติ พฺราหฺมณสฺส โอวาทํ ทตฺวา ตํ ธนํ อตฺตโน อานุภาเวน ตสฺส ฆเร ปติฏฺาเปสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา พฺราหฺมโณ อานนฺโท อโหสิ, รุกฺขเทวตา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

ปลาสชาตกวณฺณนา สตฺตมา.

[๓๐๘] ๘. สกุณชาตกวณฺณนา

อกรมฺหส เต กิจฺจนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เทวทตฺตสฺส อกตฺุตํ อารพฺภ กเถสิ. ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ เทวทตฺโต อกตฺูเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต หิมวนฺตปเทเส รุกฺขโกฏฺฏกสกุโณ หุตฺวา นิพฺพตฺติ. อเถกสฺส สีหสฺส มํสํ ขาทนฺตสฺส อฏฺิ คเล ลคฺคิ, คโล อุทฺธุมายิ, โคจรํ คณฺหิตุํ น สกฺโกติ, ขรา เวทนา ปวตฺตติ. อถ นํ โส สกุโณ โคจรปฺปสุโต ทิสฺวา สาขาย นิลีโน ‘‘กึ เต, สมฺม, ทุกฺข’’นฺติ ปุจฺฉิ. โส ตมตฺถํ อาจิกฺขิ. ‘‘อหํ เต, สมฺม, เอตํ อฏฺึ อปเนยฺยํ, ภเยน ปน เต มุขํ ปวิสิตุํ น วิสหามิ, ขาเทยฺยาสิปิ ม’’นฺติ. ‘‘มา ภายิ, สมฺม, นาหํ ตํ ขาทามิ, ชีวิตํ เม เทหี’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ ตํ วามปสฺเสน นิปชฺชาเปตฺวา ‘‘โก ชานาติ, กิมฺเปส กริสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา ยถา มุขํ ปิทหิตุํ น สกฺโกติ, ตถา ตสฺส อธโรฏฺเ จ อุตฺตโรฏฺเ จ ทณฺฑกํ เปตฺวา มุขํ ปวิสิตฺวา อฏฺิโกฏึ ตุณฺเฑน ปหริ, อฏฺิ ปติตฺวา คตํ. โส อฏฺึ ปาเตตฺวา สีหสฺส มุขโต นิกฺขมนฺโต ทณฺฑกํ ตุณฺเฑน ปหริตฺวา ปาเตนฺโตว นิกฺขมิตฺวา สาขคฺเค นิลียิ. สีโห นิโรโค หุตฺวา เอกทิวสํ เอกํ วนมหึสํ วธิตฺวา ขาทติ. สกุโณ ‘‘วีมํสิสฺสามิ น’’นฺติ ตสฺส อุปริภาเค สาขาย นิลียิตฺวา เตน สทฺธึ สลฺลปนฺโต ปมํ คาถมาห –

๒๙.

‘‘อกรมฺหส เต กิจฺจํ, ยํ พลํ อหุวมฺหเส;

มิคราช นโม ตฺยตฺถุ, อปิ กิฺจิ ลภามเส’’ติ.

ตตฺถ อกรมฺหส เต กิจฺจนฺติ โภ, สีห, มยมฺปิ ตว เอกํ กิจฺจํ อกริมฺห. ยํ พลํ อหุวมฺหเสติ ยํ อมฺหากํ พลํ อโหสิ, เตน พเลน ตโต กิฺจิ อหาเปตฺวา อกริมฺหเยว.

ตํ สุตฺวา สีโห ทุติยํ คาถมาห –

๓๐.

‘‘มม โลหิตภกฺขสฺส, นิจฺจํ ลุทฺทานิ กุพฺพโต;

ทนฺตนฺตรคโต สนฺโต, ตํ พหุํ ยมฺปิ ชีวสี’’ติ.

ตํ สุตฺวา สกุโณ อิตรา ทฺเว คาถา อภาสิ –

๓๑.

‘‘อกตฺุมกตฺตารํ, กตสฺส อปฺปฏิการกํ;

ยสฺมึ กตฺุตา นตฺถิ, นิรตฺถา ตสฺส เสวนา.

๓๒.

‘‘ยสฺส สมฺมุขจิณฺเณน, มิตฺตธมฺโม น ลพฺภติ;

อนุสูยมนกฺโกสํ, สณิกํ ตมฺหา อปกฺกเม’’นฺติ.

ตตฺถ อกตฺุนฺติ กตคุณํ อชานนฺตํ. อกตฺตารนฺติ ยํกิฺจิ อกโรนฺตํ. สมฺมุขจิณฺเณนาติ สมฺมุเข กเตน คุเณน. อนุสูยมนกฺโกสนฺติ ตํ ปุคฺคลํ น อุสูยนฺโต น อกฺโกสนฺโต สณิกํ ตมฺหา ปาปปุคฺคลา อปคจฺเฉยฺยาติ. เอวํ วตฺวา โส สกุโณ ปกฺกามิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา สีโห เทวทตฺโต อโหสิ, สกุโณ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

สกุณชาตกวณฺณนา อฏฺมา.

[๓๐๙] ๙. ฉวชาตกวณฺณนา

สพฺพมิทํ จริมํ กตนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ฉพฺพคฺคิเย ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ วินเย (ปาจิ. ๖๔๖) วิตฺถารโต อาคตเมว. อยํ ปเนตฺถ สงฺเขโป – สตฺถา ฉพฺพคฺคิเย ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตุมฺเห, ภิกฺขเว, นีเจ อาสเน นิสีทิตฺวา อุจฺเจ อาสเน นิสินฺนสฺส ธมฺมํ เทเสถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต เต ภิกฺขู ครหิตฺวา ‘‘อยุตฺตํ, ภิกฺขเว, ตุมฺหากํ มม ธมฺเม อคารวกรณํ, โปราณกปณฺฑิตา หิ นีเจ อาสเน นิสีทิตฺวา พาหิรกมนฺเตปิ วาเจนฺเต ครหึสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต จณฺฑาลกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต กุฏุมฺพํ สณฺเปสิ. ตสฺส ภริยา อมฺพโทหฬินี หุตฺวา ตํ อาห ‘‘สามิ, อิจฺฉามหํ อมฺพํ ขาทิตุ’’นฺติ. ‘‘ภทฺเท, อิมสฺมึ กาเล อมฺพํ นตฺถิ, อฺํ กิฺจิ อมฺพิลผลํ อาหริสฺสามี’’ติ. ‘‘สามิ, อมฺพผลํ ลภมานาว ชีวิสฺสามิ, อลภมานาย เม ชีวิตํ นตฺถี’’ติ. โส ตสฺสา ปฏิพทฺธจิตฺโต ‘‘กหํ นุ โข อมฺพผลํ ลภิสฺสามี’’ติ จินฺเตสิ. เตน โข ปน สมเยน พาราณสิรฺโ อุยฺยาเน อมฺโพ ธุวผโล โหติ. โส ‘‘ตโต อมฺพปกฺกํ อาหริตฺวา อิมิสฺสา โทหฬํ ปฏิปฺปสฺสมฺเภสฺสามี’’ติ รตฺติภาเค อุยฺยานํ คนฺตฺวา อมฺพํ อภิรุหิตฺวา นิลีโน สาขาย สาขํ อมฺพํ โอโลเกนฺโต วิจริ. ตสฺส ตถา กโรนฺตสฺเสว รตฺติ วิภายิ. โส จินฺเตสิ ‘‘สเจ อิทานิ โอตริตฺวา คมิสฺสามิ, ทิสฺวา มํ ‘โจโร’ติ คณฺหิสฺสนฺติ, รตฺติภาเค คมิสฺสามี’’ติ. อเถกํ วิฏปํ อภิรุหิตฺวา นิลีโน อจฺฉิ.

ตทา พาราณสิราชา ‘‘ปุโรหิตสฺส สนฺติเก มนฺเต อุคฺคณฺหิสฺสามี’’ติ อุยฺยานํ ปวิสิตฺวา อมฺพรุกฺขมูเล อุจฺเจ อาสเน นิสีทิตฺวา อาจริยํ นีเจ อาสเน นิสีทาเปตฺวา มนฺเต อุคฺคณฺหิ. โพธิสตฺโต อุปริ นิลีโน จินฺเตสิ – ‘‘ยาว อธมฺมิโก อยํ ราชา, โย อุจฺจาสเน นิสีทิตฺวา มนฺเต อุคฺคณฺหาติ. อยํ พฺราหฺมโณปิ อธมฺมิโก, โย นีจาสเน นิสีทิตฺวา มนฺเต วาเจติ. อหมฺปิ อธมฺมิโก, โย มาตุคามสฺส วสํ คนฺตฺวา มม ชีวิตํ อคเณตฺวา อมฺพํ อาหรามี’’ติ. โส รุกฺขโต โอตรนฺโต เอกํ โอลมฺพนสาขํ คเหตฺวา เตสํ อุภินฺนมฺปิ อนฺตเร ปติฏฺาย ‘‘มหาราช, อหํ นฏฺโ, ตฺวํ มูฬฺโห, ปุโรหิโต มโต’’ติ อาห. โส รฺา ‘‘กึการณา’’ติ ปุฏฺโ ปมํ คาถมาห –

๓๓.

‘‘สพฺพมิทํ จริมํ กตํ, อุโภ ธมฺมํ น ปสฺสเร;

อุโภ ปกติยา จุตา, โย จายํ มนฺเตชฺฌาเปติ;

โย จ มนฺตํ อธียตี’’ติ.

ตตฺถ สพฺพมิทํ จริมํ กตนฺติ ยํ อมฺเหหิ ตีหิ ชเนหิ กตํ, สพฺพํ อิทํ กิจฺจํ ลามกํ นิมฺมริยาทํ อธมฺมิกํ. เอวํ อตฺตโน โจรภาวํ เตสฺจ มนฺเตสุ อคารวํ ครหิตฺวา ปุน อิตเร ทฺเวเยว ครหนฺโต ‘‘อุโภ ธมฺมํ น ปสฺสเร’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อุโภติ อิเม ทฺเวปิ ชนา ครุการารหํ โปราณกธมฺมํ น ปสฺสนฺติ, ตโต ธมฺมปกติโต จุตา. ธมฺโม หิ ปมุปฺปตฺติวเสน ปกติ นาม. วุตฺตมฺปิ เจตํ –

‘‘ธมฺโม หเว ปาตุรโหสิ ปุพฺเพ;

ปจฺฉา อธมฺโม อุทปาทิ โลเก’’ติ. (ชา. ๑.๑๑.๒๘);

โย จายนฺติ โย จ อยํ นีจาสเน นิสีทิตฺวา มนฺเต อชฺฌาเปติ, โย จ อุจฺเจ อาสเน นิสีทิตฺวา อธียตีติ.

ตํ สุตฺวา พฺราหฺมโณ ทุติยํ คาถมาห –

๓๔.

‘‘สาลีนํ โอทนํ ภุฺเช, สุจึ มํสูปเสจนํ;

ตสฺมา เอตํ น เสวามิ, ธมฺมํ อิสีหิ เสวิต’’นฺติ.

ตสฺสตฺโถ – อหฺหิ โภ อิมสฺส รฺโ สนฺตกํ สาลีนํ โอทนํ สุจึ ปณฺฑรํ นานปฺปการาย มํสวิกติยา สิตฺตํ มํสูปเสจนํ ภุฺชามิ, ตสฺมา อุทเร พทฺโธ หุตฺวา เอตํ เอสิตคุเณหิ อิสีหิ เสวิตํ ธมฺมํ น เสวามีติ.

ตํ สุตฺวา อิตโร ทฺเว คาถา อภาสิ –

๓๕.

‘‘ปริพฺพช มหา โลโก, ปจนฺตฺเปิ ปาณิโน;

มา ตํ อธมฺโม อาจริโต, อสฺมา กุมฺภมิวาภิทา.

๓๖.

‘‘ธิรตฺถุ ตํ ยสลาภํ, ธนลาภฺจ พฺราหฺมณ;

ยา วุตฺติ วินิปาเตน, อธมฺมจรเณน วา’’ติ.

ตตฺถ ปริพฺพชาติ อิโต อฺตฺถ คจฺฉ. มหาติ อยํ โลโก นาม มหา. ปจนฺตฺเปิ ปาณิโนติ อิมสฺมึ ชมฺพุทีเป อฺเปิ ปาณิโน ปจนฺติ, นายเมเวโก ราชา. อสฺมา กุมฺภมิวาภิทาติ ปาสาโณ ฆฏํ วิย. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยํ ตฺวํ อฺตฺถ อคนฺตฺวา อิธ วสนฺโต อธมฺมํ อาจรสิ, โส อธมฺโม เอวํ อาจริโต ปาสาโณ ฆฏํ วิย มา ตํ ภินฺทิ.

‘‘ธิรตฺถู’’ติ คาถาย อยํ สงฺเขปตฺโถ – พฺราหฺมณ โย เอส เอวํ ตว ยสลาโภ จ ธนลาโภ จ ธิรตฺถุ, ตํ ครหาม มยํ. กสฺมา? ยสฺมา อยํ ตยา ลทฺธลาโภ อายตึ อปาเยสุ วินิปาตนเหตุนา สมฺปติ จ อธมฺมจรเณน ชีวิตวุตฺติ นาม โหติ, ยา เจสา วุตฺติ อิมินา อายตึ วินิปาเตน อิธ อธมฺมจรเณน วา นิปฺปชฺชติ, กึ ตาย, เตน ตํ เอวํ วทามีติ.

อถสฺส ธมฺมกถาย ราชา ปสีทิตฺวา ‘‘โภ, ปุริส, กึชาติโกสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘จณฺฑาโล อหํ, เทวา’’ติ. โภ ‘‘สเจ ตฺวํ ชาติสมฺปนฺโน อภวิสฺส, รชฺชํ เต อหํ อทสฺสํ, อิโต ปฏฺาย ปน อหํ ทิวา ราชา ภวิสฺสามิ, ตฺวํ รตฺตึ ราชา โหหี’’ติ อตฺตโน กณฺเ ปิฬนฺธนํ ปุปฺผทามํ ตสฺส คีวายํ ปิฬนฺธาเปตฺวา ตํ นครคุตฺติกํ อกาสิ. อยํ นครคุตฺติกานํ กณฺเ รตฺตปุปฺผทามปิฬนฺธนวํโส. ตโต ปฏฺาย ปน ราชา ตสฺโสวาเท ตฺวา อาจริเย คารวํ กริตฺวา นีเจ อาสเน นิสินฺโน มนฺเต อุคฺคณฺหีติ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ ‘‘ตทา ราชา อานนฺโท อโหสิ, จณฺฑาลปุตฺโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

ฉวชาตกวณฺณนา นวมา.

[๓๑๐] ๑๐. เสยฺยชาตกวณฺณนา

สสมุทฺทปริยายนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อุกฺกณฺิตภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. โส หิ สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จรนฺโต เอกํ อภิรูปํ อลงฺกตปฏิยตฺตํ อิตฺถึ ทิสฺวา อุกฺกณฺิโต สาสเน นาภิรมิ. อถ ภิกฺขู ภควโต อาโรเจสุํ. โส ภควตา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ อุกฺกณฺิโตสี’’ติ ปุฏฺโ ‘‘สจฺจํ, ภนฺเต’’ติ วตฺวา ‘‘โก ตํ อุกฺกณฺาเปสี’’ติ วุตฺเต ตมตฺถํ อาโรเจสิ. สตฺถา ‘‘กสฺมา ตฺวํ เอวรูเป นิยฺยานิกสาสเน ปพฺพชิตฺวา อุกฺกณฺิโตสิ, ปุพฺเพ ปณฺฑิตา ปุโรหิตฏฺานํ ลภนฺตาปิ ตํ ปฏิกฺขิปิตฺวา ปพฺพชึสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ปุโรหิตสฺส พฺราหฺมณิยา กุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ คณฺหิตฺวา รฺโ ปุตฺเตน สทฺธึ เอกทิวเส วิชายิ. ราชา ‘‘อตฺถิ นุ โข โกจิ เม ปุตฺเตน สทฺธึ เอกทิวเส ชาโต’’ติ อมจฺเจ ปุจฺฉิ. ‘‘อตฺถิ, มหาราช, ปุโรหิตสฺส ปุตฺโต’’ติ. ราชา ตํ อาหราเปตฺวา ธาตีนํ ทตฺวา ปุตฺเตน สทฺธึ เอกโตว ปฏิชคฺคาเปสิ. อุภินฺนํ อาภรณานิ เจว ปานโภชนาทีนิ จ เอกสทิสาเนว อเหสุํ. เต วยปฺปตฺตา เอกโตว ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา อาคมํสุ. ราชา ปุตฺตสฺส โอปรชฺชํ อทาสิ, มหายโส อโหสิ. ตโต ปฏฺาย โพธิสตฺโต ราชปุตฺเตน สทฺธึ เอกโตว ขาทติ ปิวติ สยติ, อฺมฺํ วิสฺสาโส ถิโร อโหสิ.

อปรภาเค ราชปุตฺโต ปิตุ อจฺจเยน รชฺเช ปติฏฺาย มหาสมฺปตฺตึ อนุภวิ. โพธิสตฺโต จินฺเตสิ ‘‘มยฺหํ สหาโย รชฺชมนุสาสติ, สลฺลกฺขิตกฺขเณเยว โข ปน มยฺหํ ปุโรหิตฏฺานํ ทสฺสติ, กึ เม ฆราวาเสน, ปพฺพชิตฺวา วิเวกมนุพฺรูเหสฺสามี’’ติ? โส มาตาปิตโร วนฺทิตฺวา ปพฺพชฺชํ อนุชานาเปตฺวา มหาสมฺปตฺตึ ฉฑฺเฑตฺวา เอกโกว นิกฺขมิตฺวา หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา มโนรเม ภูมิภาเค ปณฺณสาลํ มาเปตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา ฌานกีฬํ กีฬนฺโต วิหาสิ. ตทา ราชา ตํ อนุสฺสริตฺวา ‘‘มยฺหํ สหาโย น ปฺายติ, กหํ โส’’ติ ปุจฺฉิ. อมจฺจา ตสฺส ปพฺพชิตภาวํ อาโรเจตฺวา ‘‘รมณีเย กิร วนสณฺเฑ วสตี’’ติ อาหํสุ. ราชา ตสฺส วสโนกาสํ ปุจฺฉิตฺวา เสยฺยํ นาม อมจฺจํ ‘‘คจฺฉ สหายํ เม คเหตฺวา เอหิ, ปุโรหิตฏฺานมสฺส ทสฺสามี’’ติ อาห. โส ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา พาราณสิโต นิกฺขมิตฺวา อนุปุพฺเพน ปจฺจนฺตคามํ ปตฺวา ตตฺถ ขนฺธาวารํ เปตฺวา วนจรเกหิ สทฺธึ โพธิสตฺตสฺส วสโนกาสํ คนฺตฺวา โพธิสตฺตํ ปณฺณสาลทฺวาเร สุวณฺณปฏิมํ วิย นิสินฺนํ ทิสฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิตฺวา กตปฏิสนฺถาโร ‘‘ภนฺเต, ราชา ตุยฺหํ ปุโรหิตฏฺานํ ทาตุกาโม, อาคมนํ เต อิจฺฉตี’’ติ อาห.

โพธิสตฺโต ‘‘ติฏฺตุ ปุโรหิตฏฺานํ, อหํ สกลํ กาสิโกสลชมฺพุทีปรชฺชํ จกฺกวตฺติสิริเมว วา ลภนฺโตปิ น คจฺฉิสฺสามิ, น หิ ปณฺฑิตา สกึ ชหิตกิเลเส ปุน คณฺหนฺติ, สกึ ชหิตฺหิ นิฏฺุภเขฬสทิสํ โหตี’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –

๓๗.

‘‘สสมุทฺทปริยายํ, มหึ สาครกุณฺฑลํ;

น อิจฺเฉ สห นินฺทาย, เอวํ เสยฺย วิชานหิ.

๓๘.

‘‘ธิรตฺถุ ตํ ยสลาภํ, ธนลาภฺจ พฺราหฺมณ;

ยา วุตฺติ วินิปาเตน, อธมฺมจรเณน วา.

๓๙.

‘‘อปิ เจ ปตฺตมาทาย, อนคาโร ปริพฺพเช;

สาเยว ชีวิกา เสยฺโย, ยา จาธมฺเมน เอสนา.

๔๐.

‘‘อปิ เจ ปตฺตมาทาย, อนคาโร ปริพฺพเช;

อฺํ อหึสยํ โลเก, อปิ รชฺเชน ตํ วร’’นฺติ.

ตตฺถ สสมุทฺทปริยายนฺติ ปริยาโย วุจฺจติ ปริวาโร, สมุทฺทํ ปริวาเรตฺวา ิเตน จกฺกวาฬปพฺพเตน สทฺธึ, สมุทฺทสงฺขาเตน วา ปริวาเรน สทฺธินฺติ อตฺโถ. สาครกุณฺฑลนฺติ สาครมชฺเฌ ทีปวเสน ิตตฺตา ตสฺส กุณฺฑลภูตนฺติ อตฺโถ. นินฺทายาติ ฌานสุขสมฺปนฺนํ ปพฺพชฺชํ ฉฑฺเฑตฺวา อิสฺสริยํ คณฺหีติ อิมาย นินฺทาย. เสยฺยาติ ตํ นาเมนาลปติ. วิชานหีติ ธมฺมํ วิชานาหิ. ยา วุตฺติ วินิปาเตนาติ ยา ปุโรหิตฏฺานวเสน ลทฺธา ยสลาภธนลาภวุตฺติ ฌานสุขโต อตฺตวินิปาตนสงฺขาเตน วินิปาเตน อิโต คนฺตฺวา อิสฺสริยมทมตฺตสฺส อธมฺมจรเณน วา โหติ, ตํ วุตฺตึ ธิรตฺถุ.

ปตฺตมาทายาติ ภิกฺขาภาชนํ คเหตฺวา. อนคาโรติ อปิ อหํ อคารวิรหิโต ปรกุเลสุ จเรยฺยํ. สาเยว ชีวิกาติ สา เอว เม ชีวิกา เสยฺโย วรตรา. ยา จาธมฺเมน เอสนาติ ยา จ อธมฺเมน เอสนา. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยา อธมฺเมน เอสนา, ตโต เอสาว ชีวิกา สุนฺทรตราติ. อหึสยนฺติ อวิเหเนฺโต. อปิ รชฺเชนาติ เอวํ ปรํ อวิเหเนฺโต กปาลหตฺถสฺส มม ชีวิกกปฺปนํ รชฺเชนาปิ วรํ อุตฺตมนฺติ.

อิติ โส ปุนปฺปุนํ ยาจนฺตมฺปิ ตํ ปฏิกฺขิปิ. เสยฺโยปิ ตสฺส มนํ อลภิตฺวา ตํ วนฺทิตฺวา คนฺตฺวา ตสฺส อนาคมนภาวํ รฺโ อาโรเจสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺิตภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, อปเรปิ พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ สจฺฉิกรึสุ.

ตทา ราชา อานนฺโท อโหสิ, เสยฺโย สาริปุตฺโต, ปุโรหิตปุตฺโต ปน อหเมว อโหสินฺติ.

เสยฺยชาตกวณฺณนา ทสมา.

กาลิงฺควคฺโค ปโม.

๒. ปุจิมนฺทวคฺโค

[๓๑๑] ๑. ปุจิมนฺทชาตกวณฺณนา

อุฏฺเหิ โจราติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต อายสฺมนฺตํ มหาโมคฺคลฺลานํ อารพฺภ กเถสิ. เถเร กิร ราชคหํ อุปนิสฺสาย อรฺกุฏิกาย วิหรนฺเต เอโก โจโร นครทฺวารคาเม เอกสฺมึ เคเห สนฺธึ ฉินฺทิตฺวา หตฺถสารํ อาทาย ปลายิตฺวา เถรสฺส กุฏิปริเวณํ ปวิสิตฺวา ‘‘อิธ มยฺหํ อารกฺโข ภวิสฺสตี’’ติ เถรสฺส ปณฺณสาลาย ปมุเข นิปชฺชิ. เถโร ตสฺส ปมุเข สยิตภาวํ ตฺวา ตสฺมึ อาสงฺกํ กตฺวา ‘‘โจรสํสคฺโค นาม น วฏฺฏตี’’ติ นิกฺขมิตฺวา ‘‘มา อิธ สยี’’ติ นีหริ. โส โจโร ตโต นิกฺขมิตฺวา ปทํ โมเหตฺวา ปลายิ. มนุสฺสา อุกฺกํ อาทาย โจรสฺส ปทานุสาเรน ตตฺถ อาคนฺตฺวา ตสฺส อาคตฏฺานิตฏฺานนิสินฺนฏฺานสยิตฏฺานาทีนิ ทิสฺวา ‘‘โจโร อิโต อาคโต, อิธ ิโต, อิธ นิสินฺโน, อิมินา าเนน อปคโต, น ทิฏฺโ โน’’ติ อิโต จิโต จ ปกฺขนฺทิตฺวา อทิสฺวาว ปฏิคตา. ปุนทิวเส เถโร ปุพฺพณฺหสมยํ ราชคเห ปิณฺฑาย จริตฺวา ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต เวฬุวนํ คนฺตฺวา ตํ ปวตฺตึ สตฺถุ อาโรเจสิ. สตฺถา ‘‘น โข, โมคฺคลฺลาน, ตฺวฺเว อาสงฺกิตพฺพยุตฺตกํ อาสงฺกิ, โปราณกปณฺฑิตาปิ อาสงฺกึสู’’ติ วตฺวา เถเรน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต นครสฺส สุสานวเน นิมฺพรุกฺขเทวตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ. อเถกทิวสํ นครทฺวารคาเม กตกมฺมโจโร ตํ สุสานวนํ ปาวิสิ. ตทา จ ปน ตตฺถ นิมฺโพ จ อสฺสตฺโถ จาติ ทฺเว เชฏฺกรุกฺขา. โจโร นิมฺพรุกฺขมูเล ภณฺฑิกํ เปตฺวา นิปชฺชิ. ตสฺมึ ปน กาเล โจเร คเหตฺวา นิมฺพสูเล อุตฺตาเสนฺติ. อถ สา เทวตา จินฺเตสิ ‘‘สเจ มนุสฺสา อาคนฺตฺวา อิมํ โจรํ คณฺหิสฺสนฺติ, อิมสฺเสว นิมฺพรุกฺขสฺส สาขํ ฉินฺทิตฺวา สูลํ กตฺวา เอตํ อุตฺตาเสสฺสนฺติ, เอวํ สนฺเต รุกฺโข นสฺสิสฺสติ, หนฺท นํ อิโต นีหริสฺสามี’’ติ. สา เตน สทฺธึ สลฺลปนฺตี ปมํ คาถมาห –

๔๑.

‘‘อุฏฺเหิ โจร กึ เสสิ, โก อตฺโถ สุปเนน เต;

มา ตํ คเหสุํ ราชาโน, คาเม กิพฺพิสการก’’นฺติ.

ตตฺถ ราชาโนติ ราชปุริเส สนฺธาย วุตฺตํ. กิพฺพิสการกนฺติ ทารุณสาหสิกโจรกมฺมการกํ.

อิติ นํ วตฺวา ‘‘ยาว ตํ ราชปุริสา น คณฺหนฺติ, ตาว อฺตฺถ คจฺฉา’’ติ ภายาเปตฺวา ปลาเปสิ. ตสฺมึ ปลาเต อสฺสตฺถเทวตา ทุติยํ คาถมาห –

๔๒.

‘‘ยํ นุ โจรํ คเหสฺสนฺติ, คาเม กิพฺพิสการกํ;

กึ ตตฺถ ปุจิมนฺทสฺส, วเน ชาตสฺส ติฏฺโต’’ติ.

ตตฺถ วเน ชาตสฺส ติฏฺโตติ นิมฺโพ วเน ชาโต เจว ิโต จ. เทวตา ปน ตตฺถ นิพฺพตฺตตฺตา รุกฺขสมุทาจาเรเนว สมุทาจริ.

ตํ สุตฺวา นิมฺพเทวตา ตติยํ คาถมาห –

๔๓.

‘‘น ตฺวํ อสฺสตฺถ ชานาสิ, มม โจรสฺส จนฺตรํ;

โจรํ คเหตฺวา ราชาโน, คาเม กิพฺพิสการกํ;

อปฺเปนฺติ นิมฺพสูลสฺมึ, ตสฺมึ เม สงฺกเต มโน’’ติ.

ตตฺถ อสฺสตฺถาติ ปุริมนเยเนว ตสฺมึ นิพฺพตฺตเทวตํ สมุทาจรติ. มม โจรสฺส จนฺตรนฺติ มม จ โจรสฺส จ เอกโต อวสนการณํ. อปฺเปนฺติ นิมฺพสูลสฺมินฺติ อิมสฺมึ กาเล ราชาโน โจรํ นิมฺพสูเล อาวุณนฺติ. ตสฺมึ เม สงฺกเต มโนติ ตสฺมึ การเณ มม จิตฺตํ สงฺกติ. สเจ หิ อิมํ สูเล อาวุณิสฺสนฺติ, วิมานํ เม นสฺสิสฺสติ, อถ สาขาย โอลมฺเพสฺสนฺติ, วิมาเน เม กุณปคนฺโธ ภวิสฺสติ, เตนาหํ เอตํ ปลาเปสินฺติ อตฺโถ.

เอวํ ตาสํ เทวตานํ อฺมฺํ สลฺลปนฺตานฺเว ภณฺฑสามิกา อุกฺกาหตฺถา ปทานุสาเรน อาคนฺตฺวา โจรสฺส สยิตฏฺานํ ทิสฺวา ‘‘อมฺโภ อิทาเนว โจโร อุฏฺาย ปลาโต, น ลทฺโธ โน โจโร, สเจ ลภิสฺสาม, อิมสฺเสว นํ นิมฺพสฺส สูเล วา อาวุณิตฺวา สาขาย วา โอลมฺเพตฺวา คมิสฺสามา’’ติ วตฺวา อิโต จิโต จ ปกฺขนฺทิตฺวา โจรํ อทิสฺวาว คตา.

เตสํ วจนํ สุตฺวา อสฺสตฺถเทวตา จตุตฺถํ คาถมาห –

๔๔.

‘‘สงฺเกยฺย สงฺกิตพฺพานิ, รกฺเขยฺยานาคตํ ภยํ;

อนาคตภยา ธีโร, อุโภ โลเก อเวกฺขตี’’ติ.

ตตฺถ รกฺเขยฺยานาคตํ ภยนฺติ ทฺเว อนาคตภยานิ ทิฏฺธมฺมิกฺเจว สมฺปรายิกฺจาติ. เตสุ ปาปมิตฺเต ปริวชฺเชนฺโต ทิฏฺธมฺมิกํ รกฺขติ, ตีณิ ทุจฺจริตานิ ปริวชฺเชนฺโต สมฺปรายิกํ รกฺขติ. อนาคตภยาติ อนาคตภยเหตุตํ ภยํ ภายมาโน ธีโร ปณฺฑิโต ปุริโส ปาปมิตฺตสํสคฺคํ น กโรติ, ตีหิปิ ทฺวาเรหิ ทุจฺจริตํ น จรติ. อุโภ โลเกติ เอวํ ภายนฺโต เหส อิธโลกปรโลกสงฺขาเต อุโภ โลเก อเวกฺขติ โอโลเกติ, โอโลกยมาโน อิธโลกภเยน ปาปมิตฺเต วิวชฺเชติ, ปรโลกภเยน ปาปํ น กโรตีติ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา อสฺสตฺถเทวตา อานนฺโท อโหสิ, นิมฺพเทวตา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

ปุจิมนฺทชาตกวณฺณนา ปมา.

[๓๑๒] ๒. กสฺสปมนฺทิยชาตกวณฺณนา

อปิ กสฺสป มนฺทิยาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ มหลฺลกภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. สาวตฺถิยํ กิเรโก กุลปุตฺโต กาเมสุ อาทีนวํ ทิสฺวา สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา กมฺมฏฺาเน อนุยุตฺโต น จิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. ตสฺส อปรภาเค มาตา กาลมกาสิ. โส มาตุ อจฺจเยน ปิตรฺจ กนิฏฺภาตรฺจ ปพฺพาเชตฺวา เชตวเน วสิตฺวา วสฺสูปนายิกสมเย จีวรปจฺจยสฺส สุลภตํ สุตฺวา เอกํ คามกาวาสํ คนฺตฺวา ตโยปิ ตตฺเถว วสฺสํ อุปคนฺตฺวา วุตฺถวสฺสา เชตวนเมว อาคมํสุ. ทหรภิกฺขุ เชตวนสฺส อาสนฺนฏฺาเน ‘‘สามเณร ตฺวํ เถรํ วิสฺสาเมตฺวา อาเนยฺยาสิ, อหํ ปุเรตรํ คนฺตฺวา ปริเวณํ ปฏิชคฺคิสฺสามี’’ติ เชตวนํ ปาวิสิ. มหลฺลกตฺเถโร สณิกํ อาคจฺฉติ. สามเณโร ปุนปฺปุนํ สีเสน อุปฺปีเฬนฺโต วิย ‘‘คจฺฉ, ภนฺเต, คจฺฉ, ภนฺเต’’ติ ตํ พลกฺกาเรน เนติ. เถโร ‘‘ตฺวํ มํ อตฺตโน วสํ อาเนสี’’ติ ปุน นิวตฺติตฺวา โกฏิโต ปฏฺาย อาคจฺฉติ. เตสํ เอวํ อฺมฺํ กลหํ กโรนฺตานฺเว สูริโย อตฺถงฺคโต, อนฺธกาโร ชาโต.

อิตโรปิ ปริเวณํ สมฺมชฺชิตฺวา อุทกํ อุปฏฺเปตฺวา เตสํ อาคมนํ อปสฺสนฺโต อุกฺกํ คเหตฺวา ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา เต อาคจฺฉนฺเต ทิสฺวา ‘‘กึ จิรายิตฺถา’’ติ ปุจฺฉิ. มหลฺลโก ตํ การณํ กเถสิ. โส เต ทฺเวปิ วิสฺสาเมตฺวา สณิกํ อาเนสิ. ตํ ทิวสํ พุทฺธุปฏฺานสฺส โอกาสํ น ลภิ. อถ นํ ทุติยทิวเส พุทฺธุปฏฺานํ อาคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา นิสินฺนํ สตฺถา ‘‘กทา อาคโตสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘หิยฺโย, ภนฺเต’’ติ. ‘‘หิยฺโย อาคนฺตฺวา อชฺช พุทฺธุปฏฺานํ กโรสี’’ติ? โส ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ วตฺวา ตํ การณํ อาจิกฺขิ. สตฺถา มหลฺลกํ ครหิตฺวา ‘‘น เอส อิทาเนว เอวรูปํ กมฺมํ กโรติ, ปุพฺเพปิ อกาสิ. อิทานิ ปน เตน ตฺวํ กิลมิโต, ปุพฺเพปิ ปณฺฑิเต กิลเมสี’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต กาสินิคเม พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติ. ตสฺส วยปฺปตฺตกาเล มาตา กาลมกาสิ. โส มาตุ สรีรกิจฺจํ กตฺวา มาสทฺธมาสจฺจเยน ฆเร วิชฺชมานํ ธนํ ทานํ ทตฺวา ปิตรฺจ กนิฏฺภาตรฺจ คเหตฺวา หิมวนฺตปเทเส เทวทตฺติยํ วกฺกลํ คเหตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อุฺฉาจริยาย วนมูลผลาผเลหิ ยาเปนฺโต รมณีเย วนสณฺเฑ วสิ. หิมวนฺเต ปน วสฺสกาเล อจฺฉินฺนธาเร เทเว วสฺสนฺเต น สกฺกา โหติ กนฺทมูลํ ขณิตุํ, ผลานิ จ ปณฺณานิ จ ปตนฺติ. ตาปสา เยภุยฺเยน หิมวนฺตโต นิกฺขมิตฺวา มนุสฺสปเถ วสนฺติ. ตทา โพธิสตฺโต ปิตรฺจ กนิฏฺภาตรฺจ คเหตฺวา มนุสฺสปเถ วสิตฺวา ปุน หิมวนฺเต ปุปฺผิตผลิเต เต อุโภปิ คเหตฺวา หิมวนฺเต อตฺตโน อสฺสมปทํ อาคจฺฉนฺโต อสฺสมสฺสาวิทูเร สูริเย อตฺถงฺคเต ‘‘ตุมฺเห สณิกํ อาคจฺเฉยฺยาถ, อหํ ปุรโต คนฺตฺวา อสฺสมํ ปฏิชคฺคิสฺสามี’’ติ วตฺวา เต โอหาย คโต. ขุทฺทกตาปโส ปิตรา สทฺธึ สณิกํ คจฺฉนฺโต ตํ กฏิปฺปเทเส สีเสน อุปฺปีเฬนฺโต วิย คจฺฉ คจฺฉาติ ตํ พลกฺกาเรน เนติ. มหลฺลโก ‘‘ตฺวํ มํ อตฺตโน รุจิยา อาเนสี’’ติ ปฏินิวตฺติตฺวา โกฏิโต ปฏฺาย อาคจฺฉติ. เอวํ เตสํ กลหํ กโรนฺตานฺเว อนฺธกาโร อโหสิ.

โพธิสตฺโตปิ ปณฺณสาลํ สมฺมชฺชิตฺวา อุทกํ อุปฏฺเปตฺวา อุกฺกมาทาย ปฏิปถํ อาคจฺฉนฺโต เต ทิสฺวา ‘‘เอตฺตกํ กาลํ กึ กริตฺถา’’ติ อาห. ขุทฺทกตาปโส ปิตรา กตการณํ กเถสิ. โพธิสตฺโต อุโภปิ เต สณิกํ เนตฺวา ปริกฺขารํ ปฏิสาเมตฺวา ปิตรํ นฺหาเปตฺวา ปาทโธวนปิฏฺิสมฺพาหนาทีนิ กตฺวา องฺคารกปลฺลํ อุปฏฺเปตฺวา ปฏิปฺปสฺสทฺธกิลมถํ ปิตรํ อุปนิสีทิตฺวา ‘‘ตาต, ตรุณทารกา นาม มตฺติกาภาชนสทิสา มุหุตฺตเนว ภิชฺชนฺติ, สกึ ภินฺนกาลโต ปฏฺาย ปุน น สกฺกา โหนฺติ ฆเฏตุํ, เต อกฺโกสนฺตาปิ ปริภาสนฺตาปิ มหลฺลเกหิ อธิวาเสตพฺพา’’ติ วตฺวา ปิตรํ โอวทนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –

๔๕.

‘‘อปิ กสฺสป มนฺทิยา, ยุวา สปติ หนฺติ วา;

สพฺพํ ตํ ขมเต ธีโร, ปณฺฑิโต ตํ ติติกฺขติ.

๔๖.

‘‘สเจปิ สนฺโต วิวทนฺติ, ขิปฺปํ สนฺตียเร ปุน;

พาลา ปตฺตาว ภิชฺชนฺติ, น เต สมถมชฺฌคู.

๔๗.

‘‘เอเต ภิยฺโย สมายนฺติ, สนฺธิ เตสํ น ชีรติ;

โย จาธิปนฺนํ ชานาติ, โย จ ชานาติ เทสนํ.

๔๘.

‘‘เอโส หิ อุตฺตริตโร, ภารวโห ธุรทฺธโร;

โย ปเรสาธิปนฺนานํ, สยํ สนฺธาตุมรหตี’’ติ.

ตตฺถ กสฺสปาติ ปิตรํ นาเมนาลปติ. มนฺทิยาติ มนฺทีภาเวน ตรุณตาย. ยุวา สปติ หนฺติ วาติ ตรุณทารโก อกฺโกสติปิ ปหรติปิ. ธีโรติ ธิกฺกตปาโป, ธี วา วุจฺจติ ปฺา, ตาย สมนฺนาคโตติปิ อตฺโถ. อิตรํ ปน อิมสฺเสว เววจนํ. อุภเยนาปิ สพฺพํ ตํ พาลทารเกหิ กตํ อปราธํ มหลฺลโก ธีโร ปณฺฑิโต สหติ ติติกฺขตีติ ทสฺเสติ.

สนฺธียเรติ ปุน มิตฺตภาเวน สนฺธียนฺติ ฆฏียนฺติ. พาลา ปตฺตาวาติ พาลกา ปน มตฺติกาปตฺตาว ภิชฺชนฺติ. น เต สมถมชฺฌคูติ เต พาลกา อปฺปมตฺตกมฺปิ วิวาทํ กตฺวา เวรูปสมนํ น วินฺทนฺติ นาธิคจฺฉนฺติ. เอเต ภิยฺโยติ เอเต ทฺเว ชนา ภินฺนาปิ ปุน สมาคจฺฉนฺติ. สนฺธีติ มิตฺตสนฺธิ. เตสนฺติ เตสฺเว ทฺวินฺนํ สนฺธิ น ชีรติ. โย จาธิปนฺนนฺติ โย จ อตฺตนา อธิปนฺนํ อติกฺกนฺตํ อฺสฺมึ กตโทสํ ชานาติ. เทสนนฺติ โย จ เตน อตฺตโน โทสํ ชานนฺเตน เทสิตํ อจฺจยเทสนํ ปฏิคฺคณฺหิตุํ ชานาติ.

โย ปเรสาธิปนฺนานนฺติ โย ปเรสํ อธิปนฺนานํ โทเสน อภิภูตานํ อปราธการกานํ. สยํ สนฺธาตุมรหตีติ เตสุ อขมาเปนฺเตสุปิ ‘‘เอหิ, ภทฺรมุข, อุทฺเทสํ คณฺห, อฏฺกถํ สุณ, ภาวนมนุยุฺช, กสฺมา ปริพาหิโร โหสี’’ติ เอวํ สยํ สนฺธาตุํ อรหติ มิตฺตภาวํ ฆเฏติ, เอโส เอวรูโป เมตฺตาวิหารี อุตฺตริตโร มิตฺตภารสฺส มิตฺตธุรสฺส จ วหนโต ‘‘ภารวโห’’ติ ‘‘ธุรทฺธโร’’ติ จ สงฺขํ คจฺฉตีติ.

เอวํ โพธิสตฺโต ปิตุ โอวาทํ อทาสิ, โสปิ ตโต ปภุติ ทนฺโต อโหสิ สุทนฺโต.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ปิตา ตาปโส มหลฺลโก อโหสิ, ขุทฺทกตาปโส สามเณโร, ปิตุ โอวาททายโก ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

กสฺสปมนฺทิยชาตกวณฺณนา ทุติยา.

[๓๑๓] ๓. ขนฺติวาทีชาตกวณฺณนา

โย เต หตฺเถ จ ปาเท จาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ โกธนภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ เหฏฺา กถิตเมว. สตฺถา ปน ตํ ภิกฺขุํ ‘‘กสฺมา, ตฺวํ ภิกฺขุ, อกฺโกธนสฺส พุทฺธสฺส สาสเน ปพฺพชิตฺวา โกธํ กโรสิ, โปราณกปณฺฑิตา สรีเร ปหารสหสฺเส ปตนฺเต หตฺถปาทกณฺณนาสาสุ ฉิชฺชมานาสุ ปรสฺส โกธํ น กรึสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ กลาพุ นาม ราชา รชฺชํ กาเรสิ. ตทา โพธิสตฺโต อสีติโกฏิวิภเว พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา กุณฺฑลกุมาโร นาม มาณโว หุตฺวา วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา กุฏุมฺพํ สณฺเปตฺวา มาตาปิตูนํ อจฺจเยน ธนราสึ โอโลเกตฺวา ‘‘อิมํ ธนํ อุปฺปาเทตฺวา มม าตกา อคฺคเหตฺวาว คตา, มยา ปเนตํ คเหตฺวา คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ สพฺพํ ธนํ วิเจยฺยทานวเสน โย ยํ อาหรติ, ตสฺส ตํ ทตฺวา หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา ปพฺพชิตฺวา ผลาผเลน ยาเปนฺโต จิรํ วสิตฺวา โลณมฺพิลเสวนตฺถาย มนุสฺสปถํ อาคนฺตฺวา อนุปุพฺเพน พาราณสึ ปตฺวา ราชุยฺยาเน วสิตฺวา ปุนทิวเส นคเร ภิกฺขาย จรนฺโต เสนาปติสฺส นิวาสนทฺวารํ สมฺปาปุณิ. เสนาปติ ตสฺส อิริยาปเถสุ ปสีทิตฺวา ฆรํ ปเวเสตฺวา อตฺตโน ปฏิยาทิตโภชนํ โภเชตฺวา ปฏิฺํ คเหตฺวา ตตฺเถว ราชุยฺยาเน วสาเปสิ.

อเถกทิวสํ กลาพุราชา สุรามทมตฺโต เฉกนาฏกปริวุโต มหนฺเตน ยเสน อุยฺยานํ คนฺตฺวา มงฺคลสิลาปฏฺเฏ สยนํ อตฺถราเปตฺวา เอกิสฺสา ปิยมนาปาย อิตฺถิยา องฺเก สยิ. คีตวาทิตนจฺเจสุ เฉกา นาฏกิตฺถิโย คีตาทีนิ ปโยเชสุํ, สกฺกสฺส เทวรฺโ วิย มหาสมฺปตฺติ อโหสิ, ราชา นิทฺทํ โอกฺกมิ. อถ ตา อิตฺถิโย ‘‘ยสฺสตฺถาย มยํ คีตาทีนิ ปโยชยาม, โส นิทฺทํ อุปคโต, กึ โน คีตาทีหี’’ติ วีณาทีนิ ตูริยานิ ตตฺถ ตตฺเถว ฉฑฺเฑตฺวา อุยฺยานํ ปกฺกนฺตา ปุปฺผผลปลฺลวาทีหิ ปโลภิยมานา อุยฺยาเน อภิรมึสุ. ตทา โพธิสตฺโต ตสฺมึ อุยฺยาเน สุปุปฺผิตสาลมูเล ปพฺพชฺชาสุเขน วีตินาเมนฺโต มตฺตวรวารโณ วิย นิสินฺโน โหติ. อถ ตา อิตฺถิโย อุยฺยาเน จรมานา ตํ ทิสฺวา ‘‘เอถ, อยฺยาโย, เอตสฺมึ รุกฺขมูเล ปพฺพชิโต นิสินฺโน, ยาว ราชา น ปพุชฺฌติ, ตาวสฺส สนฺติเก กิฺจิ สุณมานา นิสีทิสฺสามา’’ติ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา ปริวาเรตฺวา นิสินฺนา ‘‘อมฺหากํ กเถตพฺพยุตฺตกํ กิฺจิ กเถถา’’ติ วทึสุ. โพธิสตฺโต ตาสํ ธมฺมํ กเถสิ. อถ สา อิตฺถี องฺกํ จาเลตฺวา ราชานํ ปโพเธสิ. ราชา ปพุทฺโธ ตา อปสฺสนฺโต ‘‘กหํ คตา วสลิโย’’ติ อาห. เอตา, มหาราช, คนฺตฺวา เอกํ ตาปสํ ปริวาเรตฺวา นิสีทึสูติ. ราชา กุปิโต ขคฺคํ คเหตฺวา ‘‘สิกฺขาเปสฺสามิ นํ กูฏชฏิล’’นฺติ เวเคน อคมาสิ.

อถ ตา อิตฺถิโย ราชานํ กุทฺธํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ตาสุ วลฺลภตรา คนฺตฺวา รฺโ หตฺถา อสึ คเหตฺวา ราชานํ วูปสเมสุํ. โส อาคนฺตฺวา โพธิสตฺตสฺส สนฺติเก ตฺวา ‘‘กึวาที ตฺวํ, สมณา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ขนฺติวาที, มหาราชา’’ติ. ‘‘กา เอสา ขนฺติ นามา’’ติ? ‘‘อกฺโกสนฺเตสุ ปริภาสนฺเตสุ ปหรนฺเตสุ อกุชฺฌนภาโว’’ติ. ราชา ‘‘ปสฺสิสฺสามิ ทานิ เต ขนฺติยา อตฺถิภาว’’นฺติ โจรฆาตกํ ปกฺโกสาเปสิ. โส อตฺตโน จาริตฺเตน ผรสุฺจ กณฺฏกกสฺจ อาทาย กาสายนิวสโน รตฺตมาลาธโร อาคนฺตฺวา ราชานํ วนฺทิตฺวา ‘‘กึ กโรมิ, เทวา’’ติ อาห. อิมํ โจรํ ทุฏฺตาปสํ คเหตฺวา อากฑฺฒิตฺวา ภูมิยํ ปาเตตฺวา กณฺฏกกสํ คเหตฺวา ปุรโต จ ปจฺฉโต จ อุโภสุ ปสฺเสสุ จาติ จตูสุปิ ปสฺเสสุ ทฺเวปหารสหสฺสมสฺส เทหีติ. โส ตถา อกาสิ. โพธิสตฺตสฺส ฉวิ ภิชฺชิ. จมฺมํ ภิชฺชิ, มํสํ ฉิชฺชิ, โลหิตํ ปคฺฆรติ.

ปุน ราชา ‘‘กึวาที ตฺวํ ภิกฺขู’’ติ อาห. ‘‘ขนฺติวาที, มหาราช’’. ‘‘ตฺวํ ปน มยฺหํ จมฺมนฺตเร ขนฺตี’’ติ มฺสิ, นตฺถิ มยฺหํ จมฺมนฺตเร ขนฺติ, ตยา ปน ทฏฺุํ อสกฺกุเณยฺเย หทยพฺภนฺตเร มม ขนฺติ ปติฏฺิตา. ‘‘มหาราชา’’ติ. ปุน โจรฆาตโก ‘‘กึ กโรมี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อิมสฺส กูฏชฏิลสฺส อุโภ หตฺเถ ฉินฺทา’’ติ. โส ผรสุํ คเหตฺวา คณฺฑิยํ เปตฺวา หตฺเถ ฉินฺทิ. อถ นํ ‘‘ปาเท ฉินฺทา’’ติ อาห, ปาเทปิ ฉินฺทิ. หตฺถปาทโกฏีหิ ฆฏฉิทฺเทหิ ลาขารโส วิย โลหิตํ ปคฺฆรติ. ปุน ราชา ‘‘กึวาทีสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ขนฺติวาที, มหาราช’’. ‘‘ตฺวํ ปน มยฺหํ หตฺถปาทโกฏีสุ ‘ขนฺติ อตฺถี’ติ มฺสิ, นตฺเถสา เอตฺถ, มยฺหํ ขนฺติ คมฺภีรฏฺาเน ปติฏฺิตา’’ติ. โส ‘‘กณฺณนาสมสฺส ฉินฺทา’’ติ อาห. อิตโร กณฺณนาสํ ฉินฺทิ, สกลสรีเร โลหิตํ อโหสิ. ปุน นํ ‘‘กึวาที นาม ตฺว’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘มหาราช, ขนฺติวาที นาม’’. ‘‘มา โข ปน ตฺวํ ‘กณฺณนาสิกโกฏีสุ ปติฏฺิตา ขนฺตี’ติ มฺสิ, มม ขนฺติ คมฺภีเร หทยพฺภนฺตเร ปติฏฺิตา’’ติ. ราชา ‘‘กูฏชฏิล ตว ขนฺตึ ตฺวเมว อุกฺขิปิตฺวา นิสีทา’’ติ โพธิสตฺตสฺส หทยํ ปาเทน ปหริตฺวา ปกฺกามิ.

ตสฺมึ คเต เสนาปติ โพธิสตฺตสฺส สรีรโต โลหิตํ ปุฺฉิตฺวา หตฺถปาทกณฺณนาสโกฏิโย สาฏกกณฺเณ กตฺวา โพธิสตฺตํ สณิกํ นิสีทาเปตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิตฺวา ‘‘สเจ, ภนฺเต, ตุมฺเห กุชฺฌิตุกามา, ตุมฺเหสุ กตาปราธสฺส รฺโว กุชฺเฌยฺยาถ, มา อฺเส’’นฺติ ยาจนฺโต ปมํ คาถมาห –

๔๙.

‘‘โย เต หตฺเถ จ ปาเท จ, กณฺณนาสฺจ เฉทยิ;

ตสฺส กุชฺฌ มหาวีร, มา รฏฺํ วินสา อิท’’นฺติ.

ตตฺถ มหาวีราติ มหาวีริย. มา รฏฺํ วินสา อิทนฺติ อิทํ นิรปราธํ กาสิรฏฺํ มา วินาเสหิ.

ตํ สุตฺวา โพธิสตฺโต ทุติยํ คาถมาห –

๕๐.

‘‘โย เม หตฺเถ จ ปาเท จ, กณฺณนาสฺจ เฉทยิ;

จิรํ ชีวตุ โส ราชา, น หิ กุชฺฌนฺติ มาทิสา’’ติ.

ตตฺถ มาทิสาติ มม สทิสา ขนฺติพเลน สมนฺนาคตา ปณฺฑิตา ‘‘อยํ มํ อกฺโกสิ ปริภาสิ ปหริ, ฉินฺทิ ภินฺที’’ติ ตํ น กุชฺฌนฺติ.

รฺโ อุยฺยานา นิกฺขมนฺตสฺส โพธิสตฺตสฺส จกฺขุปถํ วิชหนกาเลเยว อยํ จตุนหุตาธิกา ทฺวิโยชนสตสหสฺสพหลา มหาปถวี ขลิพทฺธสาฏโก วิย ผลิตา, อวีจิโต ชาลา นิกฺขมิตฺวา ราชานํ กุลทตฺติเยน รตฺตกมฺพเลน ปารุปนฺตี วิย คณฺหิ. โส อุยฺยานทฺวาเรเยว ปถวึ ปวิสิตฺวา อวีจิมหานิรเย ปติฏฺหิ. โพธิสตฺโตปิ ตํ ทิวสเมว กาลมกาสิ. ราชปริสา จ นาครา จ คนฺธมาลาธูมหตฺถา อาคนฺตฺวา โพธิสตฺตสฺส สรีรกิจฺจํ อกํสุ. เกจิ ปนาหุ ‘‘โพธิสตฺโต ปุน หิมวนฺตเมว คโต’’ติ, ตํ อภูตํ.

๕๑.

‘‘อหู อตีตมทฺธานํ, สมโณ ขนฺติทีปโน;

ตํ ขนฺติยาเยว ิตํ, กาสิราชา อเฉทยิ.

๕๒.

‘‘ตสฺส กมฺมผรุสสฺส, วิปาโก กฏุโก อหุ;

ยํ กาสิราชา เวเทสิ, นิรยมฺหิ สมปฺปิโต’’ติ. –

อิมา ทฺเว อภิสมฺพุทฺธคาถา.

ตตฺถ อตีตมทฺธานนฺติ อตีเต อทฺธาเน. ขนฺติทีปโนติ อธิวาสนขนฺติสํวณฺณโน. อเฉทยีติ มาราเปสิ. เอกจฺเจ ปน ‘‘โพธิสตฺตสฺส ปุน หตฺถปาทกณฺณนาสา ฆฏิตา’’ติ วทนฺติ, ตมฺปิ อภูตเมว. สมปฺปิโตติ ปติฏฺิโต.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน โกธโน ภิกฺขุ อนาคามิผเล ปติฏฺหิ, อฺเ พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสุ.

ตทา กลาพุราชา เทวทตฺโต อโหสิ, เสนาปติ สาริปุตฺโต, ขนฺติวาที ตาปโส ปน อหเมว อโหสินฺติ.

ขนฺติวาทีชาตกวณฺณนา ตติยา.

[๓๑๔] ๔. โลหกุมฺภิชาตกวณฺณนา

ทุชฺชีวิตมชีวิมฺหาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โกสลราชานํ อารพฺภ กเถสิ. ตทา กิร โกสลราชา รตฺติภาเค จตุนฺนํ เนรยิกสตฺตานํ สทฺทํ สุณิ. เอโก ทุ-การเมว ภณิ, เอโก -การํ, เอโก -การํ, เอโก โส-การเมวาติ. เต กิร อตีตภเว สาวตฺถิยํเยว ปารทาริกา ราชปุตฺตา อเหสุํ. เต ปเรสํ รกฺขิตโคปิตมาตุคาเมสุ อปรชฺฌิตฺวา จิตฺตเกฬึ กีฬนฺตา พหุํ ปาปกมฺมํ กตฺวา มรณจกฺเกน ฉินฺนา สาวตฺถิสามนฺเต จตูสุ โลหกุมฺภีสุ นิพฺพตฺตา สฏฺิ วสฺสสหสฺสานิ ตตฺถ ปจฺจิตฺวา อุคฺคตา โลหกุมฺภิมุขวฏฺฏึ ทิสฺวา ‘‘กทา นุ โข อิมมฺหา ทุกฺขา มุจฺจิสฺสามา’’ติ จตฺตาโรปิ มหนฺเตน สทฺเทน อนุปฏิปาฏิยา วิรวึสุ. ราชา เตสํ สทฺทํ สุตฺวา มรณภยตชฺชิโต นิสินฺนโกว อรุณํ อุฏฺาเปสิ.

อรุณุคฺคมนเวลาย พฺราหฺมณา อาคนฺตฺวา ราชานํ สุขสยิตํ ปุจฺฉึสุ. ราชา ‘‘กุโต เม อาจริยา สุขสยิตํ, อชฺชาหํ เอวรูเป จตฺตาโร ภึสนกสทฺเท สุณิ’’นฺติ. พฺราหฺมณา หตฺเถ วิธุนึสุ. ‘‘กึ อาจริยา’’ติ? ‘‘สาหสิกสทฺทา, มหาราชา’’ติ. ‘‘สปฏิกมฺมา อปฺปฏิกมฺมา’’ติ? ‘‘กามํ อปฺปฏิกมฺมา, มยํ ปน สุสิกฺขิตา, มหาราชา’’ติ. ‘‘กึ กตฺวา ปฏิพาหิสฺสถา’’ติ? ‘‘มหาราช, ปฏิกมฺมํ มหนฺตํ น สกฺกา กาตุํ, มยํ ปน สพฺพจตุกฺกํ ยฺํ ยชิตฺวา หาเรสฺสามา’’ติ. ‘‘เตน หิ ขิปฺปํ จตฺตาโร หตฺถี จตฺตาโร อสฺเส จตฺตาโร อุสเภ จตฺตาโร มนุสฺเสติ ลฏุกิกสกุณิกา อาทึ กตฺวา จตฺตาโร จตฺตาโร ปาเณ คเหตฺวา สพฺพจตุกฺกยฺํ ยชิตฺวา มม โสตฺถิภาวํ กโรถา’’ติ. ‘‘สาธุ, มหาราชา’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา เยนตฺโถ, ตํ คเหตฺวา ยฺาวาฏํ ปจฺจุปฏฺเปสุํ, พหุปาเณ ถูณูปนีเต กตฺวา เปสุํ. ‘‘พหุํ มจฺฉมํสํ ขาทิสฺสาม, พหุํ ธนํ ลภิสฺสามา’’ติ อุสฺสาหปฺปตฺตา หุตฺวา ‘‘อิทํ ลทฺธุํ วฏฺฏติ, อิทํ ลทฺธุํ วฏฺฏติ, เทวา’’ติ อปราปรํ จรนฺติ.

มลฺลิกา เทวี ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘กึ นุ โข, มหาราช, พฺราหฺมณา อติวิย อุสฺสาหยนฺตา วิจรนฺตี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘เทวิ กึ ตุยฺหิมินา, ตฺวํ อตฺตโน ยเสเนว มตฺตา ปมตฺตา, ทุกฺขํ ปน อมฺหากเมว น ชานาสี’’ติ? ‘‘กึ, มหาราชา’’ติ. ‘‘เทวิ, อหํ เอวรูปํ นาม อโสตพฺพํ สุณึ, ตโต อิเมสํ สทฺทานํ สุตตฺตา ‘‘กึ ภวิสฺสตี’’ติ พฺราหฺมเณ ปุจฺฉึ, พฺราหฺมณา ‘‘ตุมฺหากํ มหาราช รชฺชสฺส วา โภคานํ วา ชีวิตสฺส วา อนฺตราโย ปฺายติ, สพฺพจตุกฺเกน ยฺํ ยชิตฺวา โสตฺถิภาวํ กริสฺสามา’’ติ วทึสุ, เต มยฺหํ วจนํ คเหตฺวา ยฺาวาฏํ กตฺวา เยน เยนตฺโถ, ตสฺส ตสฺส การณา อาคจฺฉนฺตี’’ติ. ‘‘กึ ปน เทว, อิเมสํ สทฺทานํ นิปฺผตฺตึ สเทวเก โลเก อคฺคพฺราหฺมณํ ปุจฺฉิตฺถา’’ติ? ‘‘โก เอส เทวิ, สเทวเก โลเก อคฺคพฺราหฺมโณ นามา’’ติ? ‘‘มหาโคตโม สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ. ‘‘เทวิ, สมฺมาสมฺพุทฺโธ เม น ปุจฺฉิโต’’ติ? ‘‘เตน หิ คนฺตฺวา ปุจฺฉถา’’ติ.

ราชา ตสฺสา วจนํ คเหตฺวา ภุตฺตปาตราโส รถวรมารุยฺห เชตวนํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ปุจฺฉิ ‘‘อหํ, ภนฺเต, รตฺติภาเค จตฺตาโร สทฺเท สุตฺวา พฺราหฺมเณ ปุจฺฉึ, เต ‘สพฺพจตุกฺกยฺํ ยชิตฺวา โสตฺถึ กริสฺสามา’ติ วตฺวา ยฺาวาเฏ กมฺมํ กโรนฺติ, เตสํ สทฺทานํ สุตตฺตา มยฺหํ กึ ภวิสฺสตี’’ติ. ‘‘น กิฺจิ, มหาราช, เนรยิกสตฺตา ทุกฺขมนุภวนฺตา เอวํ วิรวึสุ, น อิเม สทฺทา อิทานิ ตยา เอว สุตา, โปราณกราชูหิปิ สุตาเยว, เตปิ พฺราหฺมเณ ปุจฺฉิตฺวา ปสุฆาตยฺํ กตฺตุกามา หุตฺวา ปณฺฑิตานํ กถํ สุตฺวา น กรึสุ, ปณฺฑิตา เตสํ สทฺทานํ อนฺตรํ กเถตฺวา มหาชนํ วิสฺสชฺชาเปตฺวา โสตฺถิมกํสู’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต อฺตรสฺมึ กาสิคาเม พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต กาเมสุ อาทีนวํ ทิสฺวา กาเม ปหาย อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ อุปฺปาเทตฺวา ฌานกีฬํ กีฬนฺโต หิมวนฺเต รมณีเย วนสณฺเฑ วสติ. ตทา พาราณสิราชา จตุนฺนํ เนรยิกานํ อิเมว จตฺตาโร สทฺเท สุตฺวา ภีตตสิโต อิมินาว นิยาเมน พฺราหฺมเณหิ ‘‘ติณฺณํ อนฺตรายานํ อฺตโร ภวิสฺสติ, สพฺพจตุกฺกยฺเน ตํ วูปสเมสฺสามา’’ติ วุตฺเต สมฺปฏิจฺฉิ. ปุโรหิโต พฺราหฺมเณหิ สทฺธึ ยฺาวาฏํ ปจฺจุปฏฺาเปสิ, มหาชโน ถูณูปนีโต อโหสิ. ตทา โพธิสตฺโต เมตฺตาภาวนํ ปุเรจาริกํ กตฺวา ทิพฺพจกฺขุนา โลกํ โอโลเกนฺโต อิมํ การณํ ทิสฺวา ‘‘อชฺช, มยา คนฺตุํ วฏฺฏติ, มหาชนสฺส โสตฺถิ ภวิสฺสตี’’ติ อิทฺธิพเลน เวหาสํ อุปฺปติตฺวา พาราณสิรฺโ อุยฺยาเน โอตริตฺวา มงฺคลสิลาปฏฺเฏ กฺจนรูปกํ วิย นิสีทิ. ตทา ปุโรหิตสฺส เชฏฺนฺเตวาสิโก อาจริยํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘นนุ, อาจริย, อมฺหากํ เวเทสุ ปรํ มาเรตฺวา โสตฺถิกรณํ นาม นตฺถี’’ติ อาห. ปุโรหิโต ‘‘ตฺวํ ราชธนํ รกฺขสิ, พหุํ มจฺฉมํสํ ขาทิสฺสาม, ธนํ ลภิสฺสาม, ตุณฺหี โหหี’’ติ ตํ ปฏิพาหิ.

โส ‘‘นาหํ เอตฺถ สหาโย ภวิสฺสามี’’ติ นิกฺขมิตฺวา ราชุยฺยานํ คนฺตฺวา โพธิสตฺตํ ทิสฺวา วนฺทิตฺวา กตปฏิสนฺถาโร เอกมนฺตํ นิสีทิ. โพธิสตฺโต ‘‘กึ, มาณว, ราชา ธมฺเมน รชฺชํ กาเรตี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ภนฺเต, ราชา ธมฺเมน รชฺชํ กาเรติ, รตฺติภาเค ปน จตฺตาโร สทฺเท สุตฺวา พฺราหฺมเณ ปุจฺฉิ. พฺราหฺมณา ‘สพฺพจตุกฺกยฺํ ยชิตฺวา โสตฺถึ กริสฺสามา’’’ติ วทึสุ. ราชา ปสุฆาตกมฺมํ กตฺวา อตฺตโน โสตฺถึ กาตุกาโม มหาชโน ถูณูปนีโต, ‘‘กึ นุ โข, ภนฺเต, ตุมฺหาทิสานํ สีลวนฺตานํ เตสํ สทฺทานํ นิปฺผตฺตึ วตฺวา มหาชนํ มรณมุขา โมเจตุํ วฏฺฏตี’’ติ. ‘‘มาณว, ราชา อมฺเห น ชานาติ, มยมฺปิ ตํ น ชานาม, อิเมสํ ปน สทฺทานํ นิปฺผตฺตึ ชานาม, สเจ ราชา อมฺเห อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺเฉยฺย, ราชานํ นิกฺกงฺขํ กตฺวา กเถสฺสามา’’ติ. ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, มุหุตฺตํ อิเธว โหถ, อหํ ราชานํ อาเนสฺสามี’’ติ. ‘‘สาธุ, มาณวา’’ติ. โส คนฺตฺวา รฺโ ตมตฺถํ อาโรเจตฺวา ราชานํ อาเนสิ.

อถ ราชา โพธิสตฺตํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺโน ปุจฺฉิ ‘‘สจฺจํ กิร ตุมฺเห มยา สุตสทฺทานํ นิปฺผตฺตึ ชานาถา’’ติ? ‘‘อาม, มหาราชา’’ติ. ‘‘กเถถ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘มหาราช, เอเต ปุริมภเว ปเรสํ รกฺขิตโคปิเตสุ ทาเรสุ จาริตฺตํ อาปชฺชิตฺวา พาราณสิสามนฺเต จตูสุ โลหกุมฺภีสุ นิพฺพตฺตา ปกฺกุถิเต ขารโลโหทเก เผณุทฺเทหกํ ปจฺจมานา ตึส วสฺสสหสฺสานิ อโธ คนฺตฺวา กุมฺภิตลํ อาหจฺจ อุทฺธํ อาโรหนฺตา ตึสวสฺสสหสฺเสเนว กาเลน กุมฺภิมุขํ ทิสฺวา พหิ โอโลเกตฺวา จตฺตาโร ชนา จตสฺโส คาถา ปริปุณฺณํ กตฺวา วตฺตุกามาปิ ตถา กาตุํ อสกฺโกนฺตา เอเกกเมว อกฺขรํ วตฺวา ปุน โลหกุมฺภีสุเยว นิมุคฺคา. เตสุ ทุ-การํ วตฺวา นิมุคฺคสตฺโต เอวํ วตฺตุกาโม อโหสิ –

๕๓.

‘ทุชฺชีวิตมชีวิมฺห, เย สนฺเต น ททมฺหเส;

วิชฺชมาเนสุ โภเคสุ, ทีปํ นากมฺห อตฺตโน’ติ. –

ตํ คาถํ ปริปุณฺณํ กาตุํ นาสกฺขี’’ติ วตฺวา โพธิสตฺโต อตฺตโน าเณน ตํ คาถํ ปริปุณฺณํ กตฺวา กเถสิ. เสสาสุปิ เอเสว นโย.

เตสุ -การํ วตฺวา วตฺตุกามสฺส อยํ คาถา –

๕๔.

‘‘สฏฺิ วสฺสสหสฺสานิ, ปริปุณฺณานิ สพฺพโส;

นิรเย ปจฺจมานานํ, กทา อนฺโต ภวิสฺสตี’’ติ.

-การํ วตฺวา วตฺตุกามสฺส อยํ คาถา –

๕๕.

‘‘นตฺถิ อนฺโต กุโต อนฺโต, น อนฺโต ปฏิทิสฺสติ;

ตทา หิ ปกตํ ปาปํ, มม ตุยฺหฺจ มาริสา’’ติ.

โส-การํ วตฺวา วตฺตุกามสฺส อยํ คาถา –

๕๖.

‘‘โสหํ นูน อิโต คนฺตฺวา, โยนึ ลทฺธาน มานุสึ;

วทฺู สีลสมฺปนฺโน, กาหามิ กุสลํ พหุ’’นฺติ.

ตตฺถ ทุชฺชีวิตนฺติ ตีณิ ทุจฺจริตานิ จรนฺโต ทุชฺชีวิตํ ลามกชีวิตํ ชีวติ นาม, โสปิ ตเทว สนฺธายาห ‘‘ทุชฺชีวิตมชีวิมฺหา’’ติ. เย สนฺเต น ททมฺหเสติ เย มยํ เทยฺยธมฺเม จ ปฏิคฺคาหเก จ สํวิชฺชมาเนเยว น ทานํ ททิมฺห. ทีปํ นากมฺห อตฺตโนติ อตฺตโน ปติฏฺํ น กริมฺห. ปริปุณฺณานีติ อนูนานิ อนธิกานิ. สพฺพโสติ สพฺพากาเรน. ปจฺจมานานนฺติ อมฺหากํ อิมสฺมึ นิรเย ปจฺจมานานํ.

นตฺถิ อนฺโตติ ‘‘อมฺหากํ อสุกกาเล นาม โมกฺโข ภวิสฺสตี’’ติ เอวํ กาลปริจฺเฉโท นตฺถิ. กุโต อนฺโตติ เกน การเณน อนฺโต ปฺายิสฺสติ. น อนฺโตติ อนฺตํ ทฏฺุกามานมฺปิ โน ทุกฺขสฺส อนฺโต น ปฏิทิสฺสติ. ตทา หิ ปกตนฺติ ตสฺมึ กาเล มาริสา มม จ ตุยฺหฺจ ปกตํ ปาปํ ปกฏฺํ กตํ อติพหุเมว กตํ. ‘‘ตถา หิ ปกต’’นฺติปิ ปาโ, เตน การเณน กตํ, เยนสฺส อนฺโต ทฏฺุํ น สกฺกาติ อตฺโถ. มาริสาติ มยา สทิสา, ปิยาลปนเมตํ เอเตสํ. นูนาติ เอกํสตฺเถ นิปาโต, โส อหํ อิโต คนฺตฺวา โยนึ มานุสึ ลทฺธาน วทฺู สีลสมฺปนฺโน หุตฺวา เอกํเสเนว พหุํ กุสลํ กริสฺสามีติ อยเมตฺถ อตฺโถ.

อิติ โพธิสตฺโต เอกเมกํ คาถํ วตฺวา ‘‘มหาราช, โส เนรยิกสตฺโต อิมํ คาถํ ปริปุณฺณํ กตฺวา วตฺตุกาโม อตฺตโน ปาปสฺส มหนฺตตาย ตถา กเถตุํ นาสกฺขิ, อิติ โส อตฺตโน กมฺมวิปากํ อนุภวนฺโต วิรวิ. ตุมฺหากํ เอตสฺส สทฺทสฺส สวนปจฺจยา อนฺตราโย นาม นตฺถิ, ตุมฺเห มา ภายิตฺถา’’ติ ราชานํ สฺาเปสิ. ราชา มหาชนํ วิสฺสชฺชาเปตฺวา สุวณฺณเภรึ จราเปตฺวา ยฺาวาฏํ วิทฺธํสาเปสิ. โพธิสตฺโต มหาชนสฺส โสตฺถึ กตฺวา กติปาหํ วสิตฺวา ตตฺเถว คนฺตฺวา อปริหีนชฺฌาโน พฺรหฺมโลเก อุปฺปชฺชิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ปุโรหิตสฺส เชฏฺนฺเตวาสิกมาณโว สาริปุตฺโต อโหสิ, ตาปโส ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

โลหกุมฺภิชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.

[๓๑๕] ๕. สพฺพมํสลาภชาตกวณฺณนา

ผรุสา วต เต วาจาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สาริปุตฺตตฺเถเรน ปีตวิเรจนานํ ทินฺนรสปิณฺฑปาตํ อารพฺภ กเถสิ. ตทา กิร เชตวเน เอกจฺเจ ภิกฺขู สฺเนหวิเรจนํ ปิวึสุ. เตสํ รสปิณฺฑปาเตน อตฺโถ โหติ, คิลานุปฏฺากา ‘‘รสภตฺตํ อาหริสฺสามา’’ติ สาวตฺถึ ปวิสิตฺวา โอทนิกฆรวีถิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวาปิ รสภตฺตํ อลภิตฺวา นิวตฺตึสุ. เถโร ทิวาตรํ ปิณฺฑาย ปวิสมาโน เต ภิกฺขู ทิสฺวา ‘‘กึ, อาวุโส, อติปเคว นิวตฺตถา’’ติ ปุจฺฉิ. เต ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. เถโร ‘‘เตน หิ เอถา’’ติ เต คเหตฺวา ตเมว วีถึ อคมาสิ, มนุสฺสา ปูเรตฺวา รสภตฺตํ อทํสุ. คิลานุปฏฺากา รสภตฺตํ อาหริตฺวา คิลานานํ อทํสุ, เต ปริภุฺชึสุ. อเถกทิวสํ ธมฺมสภายํ ภิกฺขู กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, เถโร กิร ปีตวิเรจนานํ อุปฏฺาเก รสภตฺตํ อลภิตฺวา นิกฺขมนฺเต คเหตฺวา โอทนิกฆรวีถิยํ จริตฺวา พหุํ รสปิณฺฑปาตํ เปเสสี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทานิ สาริปุตฺโตว มํสํ ลภิ, ปุพฺเพปิ มุทุวาจา ปิยวจนา วตฺตุํ เฉกา ปณฺฑิตา ลภึสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต เสฏฺิปุตฺโต อโหสิ. อเถกทิวสํ เอโก มิคลุทฺทโก พหุํ มํสํ ลภิตฺวา ยานกํ ปูเรตฺวา ‘‘วิกฺกิณิสฺสามี’’ติ นครํ อาคจฺฉติ. ตทา พาราณสิวาสิกา จตฺตาโร เสฏฺิปุตฺตา นครา นิกฺขมิตฺวา เอกสฺมึ มคฺคสภาคฏฺาเน กิฺจิ ทิฏฺํ สุตํ สลฺลปนฺตา นิสีทึสุ. เอเตสุ เอโก เสฏฺิปุตฺโต ตํ มํสยานกํ ทิสฺวา ‘‘เอตํ ลุทฺทกํ มํสขณฺฑํ อาหราเปมี’’ติ อาห. ‘‘คจฺฉ อาหราเปหี’’ติ. โส ตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘อเร, ลุทฺทก, เทหิ เม มํสขณฺฑ’’นฺติ อาห. ลุทฺทโก ‘‘มาริส, ปรํ กิฺจิ ยาจนฺเตน นาม ปิยวจเนน ภวิตพฺพํ, ตยา กถิตวาจาย อนุจฺฉวิกํ มํสขณฺฑํ ลภิสฺสสี’’ติ วตฺวา ปมํ คาถมาห –

๕๗.

‘‘ผรุสา วต เต วาจา, มํสํ ยาจนโก อสิ;

กิโลมสทิสี วาจา, กิโลมํ สมฺม ทมฺมิ เต’’ติ.

ตตฺถ กิโลมสทิสีติ ผรุสตาย กิโลมสทิสี. กิโลมํ สมฺม ทมฺมิ เตติ หนฺท คณฺห, อิทํ เต วาจาย สทิสํ กิโลมํ ทมฺมีติ นิรสํ นิมํสโลหิตํ กิโลมกขณฺฑํ อุกฺขิปิตฺวา อทาสิ.

อถ นํ อปโร เสฏฺิปุตฺโต ‘‘กินฺติ วตฺวา ยาจสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อเร’’ติ วตฺวาติ. โส ‘‘อหมฺปิ นํ ยาจิสฺสามี’’ติ วตฺวา คนฺตฺวา ‘‘เชฏฺภาติก, มํสขณฺฑํ เม เทหี’’ติ อาห. อิตโร ‘‘ตว วจนสฺส อนุจฺฉวิกํ มํสขณฺฑํ ลภิสฺสสี’’ติ วตฺวา ทุติยํ คาถมาห –

๕๘.

‘‘องฺคเมตํ มนุสฺสานํ, ภาตา โลเก ปวุจฺจติ;

องฺคสฺส สทิสี วาจา, องฺคํ สมฺม ททามิ เต’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – อิมสฺมึ โลเก มนุสฺสานํ องฺคสทิสตฺตา องฺคเมตํ ยทิทํ ภาตา ภคินีติ, ตสฺมา ตเวสา องฺคสทิสี วาจาติ เอติสฺสา อนุจฺฉวิกํ องฺคเมว ททามิ เตติ. เอวฺจ ปน วตฺวา องฺคมํสํ อุกฺขิปิตฺวา อทาสิ.

ตมฺปิ อปโร เสฏฺิปุตฺโต ‘‘กินฺติ วตฺวา ยาจสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ภาติกา’’ติ วตฺวาติ. โส ‘‘อหมฺปิ นํ ยาจิสฺสามี’’ติ วตฺวา คนฺตฺวา ‘‘ตาต, มํสขณฺฑํ เม เทหี’’ติ อาห. ลุทฺทโก ตว วจนานูรูปํ ลจฺฉสี’’ติ วตฺวา ตติยํ คาถมาห –

๕๙.

‘‘ตาตาติ ปุตฺโต วทมาโน, กมฺเปติ หทยํ ปิตุ;

หทยสฺส สทิสี วาจา, หทยํ สมฺม ทมฺมิ เต’’ติ.

เอวฺจ ปน วตฺวา หทยมํเสน สทฺธึ มธุรมํสํ อุกฺขิปิตฺวา อทาสิ.

ตํ จตุตฺโถ เสฏฺิปุตฺโต ‘‘กินฺติ วตฺวา ยาจสี’’ติ ปุจฺฉิ. โส ‘‘ตาตา’’ติ วตฺวาติ. โส ‘‘อหมฺปิ ยาจิสฺสามี’’ติ วตฺวา คนฺตฺวา ‘‘สหาย มํสขณฺฑํ เม เทหี’’ติ อาห. ลุทฺทโก ‘‘ตว วจนานุรูปํ ลจฺฉสี’’ติ วตฺวา จตุตฺถํ คาถมาห –

๖๐.

‘‘ยสฺส คาเม สขา นตฺถิ, ยถารฺํ ตเถว ตํ;

สพฺพสฺส สทิสี วาจา, สพฺพํ สมฺม ททามิ เต’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – ยสฺส ปุริสสฺส คาเม สุขทุกฺเขสุ สห อยนโต สหายสงฺขาโต สขา นตฺถิ, ตสฺส ตํ านํ ยถา อมนุสฺสํ อรฺํ ตเถว โหติ, อิติ อยํ ตว วาจา สพฺพสฺส สทิสี, สพฺเพน อตฺตโน สนฺตเกน วิภเวน สทิสี, ตสฺมา สพฺพเมว อิมํ มม สนฺตกํ มํสยานกํ ททามิ เตติ.

เอวฺจ ปน วตฺวา ‘‘เอหิ, สมฺม, สพฺพเมว อิทํ มํสยานกํ ตว เคหํ อาหริสฺสามี’’ติ อาห. เสฏฺิปุตฺโต เตน ยานกํ ปาชาเปนฺโต อตฺตโน ฆรํ คนฺตฺวา มํสํ โอตาราเปตฺวา ลุทฺทกสฺส สกฺการสมฺมานํ กตฺวา ปุตฺตทารมฺปิสฺส ปกฺโกสาเปตฺวา ลุทฺทกมฺมโต อปเนตฺวา อตฺตโน กุฏุมฺพมชฺเฌ วสาเปนฺโต เตน สทฺธึ อเภชฺชสหาโย หุตฺวา ยาวชีวํ สมคฺควาสํ วสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ลุทฺทโก สาริปุตฺโต อโหสิ, สพฺพมํสลาภี เสฏฺิปุตฺโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

สพฺพมํสลาภชาตกวณฺณนา ปฺจมา.

[๓๑๖] ๖. สสปณฺฑิตชาตกวณฺณนา

สตฺต เม โรหิตา มจฺฉาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สพฺพปริกฺขารทานํ อารพฺภ กเถสิ. สาวตฺถิยํ กิร เอโก กุฏุมฺพิโก พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส สพฺพปริกฺขารทานํ สชฺเชตฺวา ฆรทฺวาเร มณฺฑปํ กาเรตฺวา พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิมนฺเตตฺวา สุสชฺชิตมณฺฑเป ปฺตฺตวราสเน นิสีทาเปตฺวา นานคฺครสํ ปณีตทานํ ทตฺวา ปุน สฺวาตนายาติ สตฺตาหํ นิมนฺเตตฺวา สตฺตเม ทิวเส พุทฺธปฺปมุขานํ ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ สพฺพปริกฺขาเร อทาสิ. สตฺถา ภตฺตกิจฺจาวสาเน อนุโมทนํ กโรนฺโต ‘‘อุปาสก, ตยา ปีติโสมนสฺสํ กาตุํ วฏฺฏติ, อิทฺหิ ทานํ นาม โปราณกปณฺฑิตานํ วํโส, โปราณกปณฺฑิตา หิ สมฺปตฺตยาจกานํ ชีวิตํ ปริจฺจชิตฺวา อตฺตโน มํสมฺปิ อทํสู’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต สสโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา อรฺเ วสิ. ตสฺส ปน อรฺสฺส เอกโต ปพฺพตปาโท เอกโต นที เอกโต ปจฺจนฺตคามโก อโหสิ. อปเรปิสฺส ตโย สหายา อเหสุํ มกฺกโฏ จ สิงฺคาโล จ อุทฺโท จาติ. เต จตฺตาโรปิ ปณฺฑิตา เอกโตว วสนฺตา อตฺตโน อตฺตโน โคจรฏฺาเน โคจรํ คเหตฺวา สายนฺหสมเย เอกโต สนฺนิปตนฺติ. สสปณฺฑิโต ‘‘ทานํ ทาตพฺพํ, สีลํ รกฺขิตพฺพํ, อุโปสถกมฺมํ กาตพฺพ’’นฺติ ติณฺณํ ชนานํ โอวาทวเสน ธมฺมํ เทเสติ. เต ตสฺส โอวาทํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา อตฺตโน อตฺตโน นิวาสคุมฺพํ ปวิสิตฺวา วสนฺติ. เอวํ กาเล คจฺฉนฺเต เอกทิวสํ โพธิสตฺโต อากาสํ โอโลเกตฺวา จนฺทํ ทิสฺวา ‘‘สฺเว อุโปสถทิวโส’’ติ ตฺวา อิตเร ตโย อาห ‘‘สฺเว อุโปสโถ, ตุมฺเหปิ ตโย ชนา สีลํ สมาทิยิตฺวา อุโปสถิกา โหถ, สีเล ปติฏฺาย ทินฺนทานํ มหปฺผลํ โหติ, ตสฺมา ยาจเก สมฺปตฺเต ตุมฺเหหิ ขาทิตพฺพาหารโต ทานํ ทตฺวา ขาเทยฺยาถา’’ติ. เต ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา อตฺตโน อตฺตโน วสนฏฺาเนสุ วสึสุ.

ปุนทิวเส เตสุ อุทฺโท ปาโตว ‘‘โคจรํ ปริเยสิสฺสามี’’ติ นิกฺขมิตฺวา คงฺคาตีรํ คโต. อเถโก พาลิสิโก สตฺต โรหิตมจฺเฉ อุทฺธริตฺวา วลฺลิยา อาวุณิตฺวา เนตฺวา คงฺคาตีเร วาลุกํ วิยูหิตฺวา วาลิกาย ปฏิจฺฉาเทตฺวา ปุน มจฺเฉ คณฺหนฺโต อโธคงฺคํ คจฺฉิ. อุทฺโท มจฺฉคนฺธํ ฆายิตฺวา วาลุกํ วิยูหิตฺวา มจฺเฉ ทิสฺวา นีหริตฺวา ‘‘อตฺถิ นุ โข เอเตสํ สามิโก’’ติ ติกฺขตฺตุํ โฆเสตฺวา สามิกํ อปสฺสนฺโต วลฺลิโกฏึ ฑํสิตฺวา เนตฺวา อตฺตโน วสนคุมฺเพ เปตฺวา ‘‘เวลายเมว ขาทิสฺสามี’’ติ อตฺตโน สีลํ อาวชฺเชนฺโต นิปชฺชิ. สิงฺคาโลปิ วสนฏฺานโต นิกฺขมิตฺวา โคจรํ ปริเยสนฺโต เอกสฺส เขตฺตโคปกสฺส กุฏิยํ ทฺเว มํสสูลานิ เอกํ โคธํ เอกฺจ ทธิวารกํ ทิสฺวา ‘‘อตฺถิ นุ โข เอเตสํ สามิโก’’ติ ติกฺขตฺตุํ โฆเสตฺวา สามิกํ อทิสฺวา ทธิวารกสฺส อุคฺคหณรชฺชุกํ คีวาย ปเวเสตฺวา ทฺเว มํสสูเล จ โคธฺจ มุเขน ฑํสิตฺวา เนตฺวา อตฺตโน วสนคุมฺเพ เปตฺวา ‘‘เวลายเมว ขาทิสฺสามี’’ติ อตฺตโน สีลํ อาวชฺเชนฺโต นิปชฺชิ. มกฺกโฏปิ วสนฏฺานโต นิกฺขมิตฺวา วนสณฺฑํ ปวิสิตฺวา อมฺพปิณฺฑํ อาหริตฺวา อตฺตโน วสนคุมฺเพ เปตฺวา ‘‘เวลายเมว ขาทิสฺสามี’’ติ อตฺตโน สีลํ อาวชฺเชนฺโต นิปชฺชิ.

โพธิสตฺโต ปน ‘‘เวลายเมว วสนฏฺานโต นิกฺขมิตฺวา ทพฺพติณานิ ขาทิสฺสามี’’ติ อตฺตโน วสนคุมฺเพเยว นิปนฺโน จินฺเตสิ ‘‘มม สนฺติกํ อาคตานํ ยาจกานํ ติณานิ ทาตุํ น สกฺกา, ติลตณฺฑุลาทโยปิ มยฺหํ นตฺถิ, สเจ เม สนฺติกํ ยาจโก อาคจฺฉิสฺสติ, อตฺตโน สรีรมํสํ ทสฺสามี’’ติ. ตสฺส สีลเตเชน สกฺกสฺส ปณฺฑุกมฺพลสิลาสนํ อุณฺหาการํ ทสฺเสสิ. โส อาวชฺชมาโน อิทํ การณํ ทิสฺวา ‘‘สสราชานํ วีมํสิสฺสามี’’ติ ปมํ อุทฺทสฺส วสนฏฺานํ คนฺตฺวา พฺราหฺมณเวเสน อฏฺาสิ. ‘‘พฺราหฺมณ, กิมตฺถํ ิโตสี’’ติ วุตฺเต ปณฺฑิต สเจ กิฺจิ อาหารํ ลเภยฺยํ, อุโปสถิโก หุตฺวา วเสยฺยนฺติ. โส ‘‘สาธุ ทสฺสามิ เต อาหาร’’นฺติ เตน สทฺธึ สลฺลปนฺโต ปมํ คาถมาห –

๖๑.

‘‘สตฺต เม โรหิตา มจฺฉา, อุทกา ถลมุพฺภตา;

อิทํ พฺราหฺมณ เม อตฺถิ, เอตํ ภุตฺวา วเน วสา’’ติ.

ตตฺถ ถลมุพฺภตาติ อุทกโต ถเล ปิตา, เกวฏฺเฏน วา อุทฺธฏา. เอตํ ภุตฺวาติ เอตํ มม สนฺตกํ มจฺฉาหารํ ปจิตฺวา ภุฺชิตฺวา สมณธมฺมํ กโรนฺโต รมณีเย รุกฺขมูเล นิสินฺโน อิมสฺมึ วเน วสาติ.

พฺราหฺมโณ ‘‘ปเคว ตาว โหตุ, ปจฺฉา ชานิสฺสามี’’ติ สิงฺคาลสฺส สนฺติกํ คโต. เตนาปิ ‘‘กิมตฺถํ ิโตสี’’ติ วุตฺโต ตเถวาห. สิงฺคาโล ‘‘สาธุ ทสฺสามี’’ติ เตน สทฺธึ สลฺลปนฺโต ทุติยํ คาถมาห –

๖๒.

‘‘ทุสฺส เม เขตฺตปาลสฺส, รตฺติภตฺตํ อปาภตํ;

มํสสูลา จ ทฺเว โคธา, เอกฺจ ทธิวารกํ;

อิทํ พฺราหฺมณ เม อตฺถิ, เอตํ ภุตฺวา วเน วสา’’ติ.

ตตฺถ ทุสฺส เมติ โย เอส มม อวิทูเร เขตฺตปาโล วสติ, ทุสฺส อมุสฺสาติ อตฺโถ. อปาภตนฺติ อาภตํ อานีตํ. มํสสูลา จ ทฺเว โคธาติ องฺคารปกฺกานิ ทฺเว มํสสูลานิ จ เอกา จ โคธา. ทธิวารกนฺติ ทธิวารโก. อิทนฺติ อิทํ เอตฺตกํ มม อตฺถิ, เอตํ สพฺพมฺปิ ยถาภิรุจิเตน ปาเกน ปจิตฺวา ปริภุฺชิตฺวา อุโปสถิโก หุตฺวา รมณีเย รุกฺขมูเล นิสีทิตฺวา สมณธมฺมํ กโรนฺโต อิมสฺมึ วนสณฺเฑ วสาติ อตฺโถ.

พฺราหฺมโณ ‘‘ปเคว ตาว โหตุ, ปจฺฉา ชานิสฺสามี’’ติ มกฺกฏสฺส สนฺติกํ คโต. เตนาปิ ‘‘กิมตฺถํ ิโตสี’’ติ วุตฺโต ตเถวาห. มกฺกโฏ ‘‘สาธุ ทสฺสามี’’ติ เตน สทฺธึ สลฺลปนฺโต ตติยํ คาถมาห –

๖๓.

‘‘อมฺพปกฺกํ ทกํ สีตํ, สีตจฺฉายา มโนรมา;

อิทํ พฺราหฺมณ เม อตฺถิ, เอตํ ภุตฺวา วเน วสา’’ติ.

ตตฺถ อมฺพปกฺกนฺติ มธุรอมฺพผลํ. ทกํ สีตนฺติ คงฺคาย อุทกํ สีตลํ. เอตํ ภุตฺวา วเน วสาติ พฺราหฺมณ เอตํ อมฺพปกฺกํ ปริภุฺชิตฺวา สีตลํ อุทกํ ปิวิตฺวา ยถาภิรุจิเต รมณีเย รุกฺขมูเล นิสินฺโน สมณธมฺมํ กโรนฺโต อิมสฺมึ วนสณฺเฑ วสาติ.

พฺราหฺมโณ ‘‘ปเคว ตาว โหตุ, ปจฺฉา ชานิสฺสามี’’ติ สสปณฺฑิตสฺส สนฺติกํ คโต. เตนาปิ ‘‘กิมตฺถํ ิโตสี’’ติ วุตฺโต ตเถวาห. ตํ สุตฺวา โพธิสตฺโต โสมนสฺสปฺปตฺโต ‘‘พฺราหฺมณ, สุฏฺุ เต กตํ อาหารตฺถาย มม สนฺติกํ อาคจฺฉนฺเตน, อชฺชาหํ อทินฺนปุพฺพํ ทานํ ทสฺสามิ. ตฺวํ ปน สีลวา ปาณาติปาตํ น กริสฺสสิ, คจฺฉ, พฺราหฺมณ, นานาทารูนิ สงฺกฑฺฒิตฺวา องฺคาเร กตฺวา มยฺหํ อาโรเจหิ, อหํ อตฺตานํ ปริจฺจชิตฺวา องฺคารมชฺเฌ ปติสฺสามิ. มม สรีเร ปกฺเก ตฺวํ มํสํ ขาทิตฺวา สมณธมฺมํ กเรยฺยาสี’’ติ เตน สทฺธึ สลฺลปนฺโต จตุตฺถํ คาถมาห –

๖๔.

‘‘น สสสฺส ติลา อตฺถิ, น มุคฺคา นปิ ตณฺฑุลา;

อิมินา อคฺคินา ปกฺกํ, มมํ ภุตฺวา วเน วสา’’ติ.

ตตฺถ มมํ ภุตฺวาติ ยํ ตํ อหํ อคฺคึ กโรหีติ วทามิ, อิมินา อคฺคินา ปกฺกํ มํ ภุฺชิตฺวา อิมสฺมึ วเน วส, เอกสฺส สสสฺส สรีรํ นาม เอกสฺส ปุริสสฺส ยาปนมตฺตํ โหตีติ.

สกฺโก ตสฺส วจนํ สุตฺวา อตฺตโน อานุภาเวน เอกํ องฺคารราสึ มาเปตฺวา โพธิสตฺตสฺส อาโรเจสิ. โส ทพฺพติณสยนโต อุฏฺาย ตตฺถ คนฺตฺวา ‘‘สเจ เม โลมนฺตเรสุ ปาณกา อตฺถิ, เต มา มรึสู’’ติ ติกฺขตฺตุํ สรีรํ วิธุนิตฺวา สกลสรีรํ ทานมุเข เปตฺวา ลงฺฆิตฺวา ปทุมสเร ราชหํโส วิย ปมุทิตจิตฺโต องฺคารราสิมฺหิ ปติ. โส ปน อคฺคิ โพธิสตฺตสฺส สรีเร โลมกูปมตฺตมฺปิ อุณฺหํ กาตุํ นาสกฺขิ, หิมคพฺภํ ปวิฏฺโ วิย อโหสิ. อถ สกฺกํ อามนฺเตตฺวา ‘‘พฺราหฺมณ, ตยา กโต อคฺคิ อติสีตโล, มม สรีเร โลมกูปมตฺตมฺปิ อุณฺหํ กาตุํ น สกฺโกติ, กึ นาเมต’’นฺติ อาห. ‘‘สสปณฺฑิต, นาหํ พฺราหฺมโณ, สกฺโกหมสฺมิ, ตว วีมํสนตฺถาย อาคโตมฺหี’’ติ. ‘‘สกฺก, ตฺวํ ตาว ติฏฺ, สกโลปิ เจ โลกสนฺนิวาโส มํ ทาเนน วีมํเสยฺย, เนว เม อทาตุกามตํ ปสฺเสยฺยา’’ติ โพธิสตฺโต สีหนาทํ นทิ. อถ นํ สกฺโก ‘‘สสปณฺฑิต, ตว คุโณ สกลกปฺปํ ปากโฏ โหตู’’ติ ปพฺพตํ ปีเฬตฺวา ปพฺพตรสํ อาทาย จนฺทมณฺฑเล สสลกฺขณํ ลิขิตฺวา โพธิสตฺตํ อาเนตฺวา ตสฺมึ วนสณฺเฑ ตสฺมึเยว วนคุมฺเพ ตรุณทพฺพติณปิฏฺเ นิปชฺชาเปตฺวา อตฺตโน วสนฏฺานเมว คโต. เตปิ จตฺตาโร ปณฺฑิตา สมคฺคา สมฺโมทมานา สีลํ ปูเรตฺวา ทานํ ทตฺวา อุโปสถกมฺมํ กตฺวา ยถากมฺมํ คตา.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน สพฺพปริกฺขารทานทายโก คหปติ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ.

ตทา อุทฺโท อานนฺโท อโหสิ, สิงฺคาโล โมคฺคลฺลาโน, มกฺกโฏ สาริปุตฺโต, สกฺโก อนุรุทฺโธ, สสปณฺฑิโต ปน อหเมว อโหสินฺติ.

สสปณฺฑิตชาตกวณฺณนา ฉฏฺา.

[๓๑๗] ๗. มตโรทนชาตกวณฺณนา

มตํ มตํ เอว โรทถาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ สาวตฺถิวาสึ กุฏุมฺพิกํ อารพฺภ กเถสิ. ตสฺส กิร ภาตา กาลมกาสิ. โส ตสฺส กาลกิริยาย โสกาภิภูโต น นฺหายติ น ภุฺชติ น วิลิมฺปติ, ปาโตว สุสานํ คนฺตฺวา โสกสมปฺปิโต โรทติ. สตฺถา ปจฺจูสสมเย โลกํ โอโลเกนฺโต ตสฺส โสตาปตฺติผลูปนิสฺสยํ ทิสฺวา ‘‘อิมสฺส อตีตการณํ อาหริตฺวา โสกํ วูปสเมตฺวา โสตาปตฺติผลํ ทาตุํ เปตฺวา มํ อฺโ โกจิ สมตฺโถ นตฺถิ, อิมสฺส มยา อวสฺสเยน ภวิตุํ วฏฺฏตี’’ติ ปุนทิวเส ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต ปจฺฉาสมณํ อาทาย ตสฺส ฆรทฺวารํ คนฺตฺวา ‘‘สตฺถา อาคโต’’ติ สุตฺวา อาสนํ ปฺเปตฺวา ‘‘ปเวเสถา’’ติ กุฏุมฺพิเกน วุตฺโต ปวิสิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ. กุฏุมฺพิโกปิ อาคนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. อถ นํ สตฺถา ‘‘กึ กุฏุมฺพิก จินฺเตสี’’ติ อาห. ‘‘อาม, ภนฺเต, มม ภาตุ มตกาลโต ปฏฺาย จินฺเตมี’’ติ. ‘‘อาวุโส, สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา, ภิชฺชิตพฺพยุตฺตกํ ภิชฺชติ, น ตตฺถ จินฺเตตพฺพํ, โปราณกปณฺฑิตาปิ ภาตริ มเตปิ ‘ภิชฺชิตพฺพยุตฺตกํ ภิชฺชตี’ติ น จินฺตยึสู’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต อสีติโกฏิวิภเว เสฏฺิกุเล นิพฺพตฺติ, ตสฺส วยปฺปตฺตสฺส มาตาปิตโร กาลมกํสุ. เตสุ กาลกเตสุ โพธิสตฺตสฺส ภาตา กุฏุมฺพํ วิจาเรติ, โพธิสตฺโต ตํ นิสฺสาย ชีวติ. โส อปรภาเค ตถารูเปน พฺยาธินา กาลมกาสิ. าติมิตฺตา สุหชฺชา สนฺนิปติตฺวา พาหา ปคฺคยฺห กนฺทนฺติ โรทนฺติ, เอโกปิ สกภาเวน สณฺาตุํ นาสกฺขิ, โพธิสตฺโต ปน เนว กนฺทติ น โรทติ. มนุสฺสา ‘‘ปสฺสถ โภ, อิมสฺส ภาตริ มเต มุขสงฺโกจนมตฺตมฺปิ นตฺถิ, อติวิย ถทฺธหทโย, ‘ทฺเวปิ โกฏฺาเส อหเมว ปริภุฺชิสฺสามี’ติ ภาตุ มรณํ อิจฺฉติ มฺเ’’ติ โพธิสตฺตํ ครหึสุ. าตกาปิ นํ ‘‘ตฺวํ ภาตริ มเต น โรทสี’’ติ ครหึสุเยว. โส เตสํ กถํ สุตฺวา ‘‘ตุมฺเห อตฺตโน อนฺธพาลภาเวน อฏฺ โลกธมฺเม อชานนฺตา ‘มม ภาตา มโต’ติ โรทถ, อหมฺปิ มริสฺสามิ, ตุมฺเหปิ มริสฺสถ, อตฺตานมฺปิ ‘มยมฺปิ มริสฺสามา’ติ กสฺมา น โรทถ. สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา หุตฺวา นิรุชฺฌนฺติ, เตเนว สภาเวน สณฺาตุํ สมตฺโถ เอกสงฺขาโรปิ นตฺถิ. ตุมฺเห อนฺธพาลา อฺาณตาย อฏฺ โลกธมฺเม อชานิตฺวา โรทถ, อหํ กิมตฺถํ โรทิสฺสามี’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –

๖๕.

‘‘มตํ มตํ เอว โรทถ, น หิ ตํ โรทถ โย มริสฺสติ;

สพฺเพปิ สรีรธาริโน, อนุปุพฺเพน ชหนฺติ ชีวิตํ.

๖๖.

‘‘เทวมนุสฺสา จตุปฺปทา, ปกฺขิคณา อุรคา จ โภคิโน;

สมฺหิ สรีเร อนิสฺสรา, รมมานาว ชหนฺติ ชีวิตํ.

๖๗.

‘‘เอวํ จลิตํ อสณฺิตํ, สุขทุกฺขํ มนุเชสฺวเปกฺขิย;

กนฺทิตรุทิตํ นิรตฺถกํ, กึ โว โสกคณาภิกีรเร.

๖๘.

‘‘ธุตฺตา จ โสณฺฑา อกตา, พาลา สูรา อโยคิโน;

ธีรํ มฺนฺติ พาโลติ, เย ธมฺมสฺส อโกวิทา’’ติ.

ตตฺถ มตํ มตํ เอวาติ มตํ มตํเยว. อนุปุพฺเพนาติ อตฺตโน อตฺตโน มรณวาเร สมฺปตฺเต ปฏิปาฏิยา ชหนฺติ ชีวิตํ, น เอกโตว สพฺเพ มรนฺติ, ยทิ เอวํ มเรยฺยุํ, โลกปฺปวตฺติ อุจฺฉิชฺเชยฺย. โภคิโนติ มหนฺเตน สรีรโภเคน สมนฺนาคตา. รมมานาวาติ ตตฺถ ตตฺถ นิพฺพตฺตา สพฺเพปิ เอเต เทวาทโย สตฺตา อตฺตโน อตฺตโน นิพฺพตฺตฏฺาเน อภิรมมานาว อนุกฺกณฺิตาว ชีวิตํ ชหนฺติ. เอวํ จลิตนฺติ เอวํ ตีสุ ภเวสุ นิจฺจลภาวสฺส จ สณฺิตภาวสฺส จ อภาวา จลิตํ อสณฺิตํ. กึ โว โสกคณาภิกีรเรติ กึการณา ตุมฺเห โสกราสี อภิกิรนฺติ อชฺโฌตฺถรนฺติ.

ธุตฺตา จ โสณฺฑา อกตาติ อิตฺถิธุตฺตา สุราธุตฺตา อกฺขธุตฺตา จ สุราโสณฺฑาทโย โสณฺฑา จ อกตพุทฺธิโน อสิกฺขิตกา จ. พาลาติ พาลฺเยน สมนฺนาคตา อวิทฺทสุโน. สูรา อโยคิโนติ อโยนิโสมนสิกาเรน สูรา, โยเคสุ อยุตฺตตาย อโยคิโน. ‘‘อโยธิโน’’ติปิ ปาโ, กิเลสมาเรน สทฺธึ ยุชฺฌิตุํ อสมตฺถาติ อตฺโถ. ธีรํ มฺนฺติ พาโลติ, เย ธมฺมสฺส อโกวิทาติ เย เอวรูปา ธุตฺตาทโย อฏฺวิธสฺส โลกธมฺมสฺส อโกวิทา, เต อปฺปมตฺตเกปิ ทุกฺขธมฺเม อุปฺปนฺเน อตฺตนา กนฺทมานา โรทมานา อฏฺ โลกธมฺเม กถโต ชานิตฺวา าติมรณาทีสุ อกนฺทนฺตํ อโรทนฺตํ มาทิสํ ธีรํ ปณฺฑิตํ ‘‘พาโล อยํ น โรทตี’’ติ มฺนฺตีติ.

เอวํ โพธิสตฺโต เตสํ ธมฺมํ เทเสตฺวา สพฺเพปิ เต นิสฺโสเก อกาสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน กุฏุมฺพิโก โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ตทา มหาชนสฺส ธมฺมํ เทเสตฺวา นิสฺโสกภาวกรปณฺฑิโต ปน อหเมว อโหสินฺติ.

มตโรทนชาตกวณฺณนา สตฺตมา.

[๓๑๘] ๘. กณเวรชาตกวณฺณนา

ยํ ตํ วสนฺต สมเยติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปุราณทุติยิกาปโลภนํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ อินฺทฺริยชาตเก (ชา. ๑.๘.๖๐ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติ. สตฺถา ปน ตํ ภิกฺขุํ ‘‘ปุพฺเพ ตฺวํ ภิกฺขุ เอตํ นิสฺสาย อสินา สีสจฺเฉทํ ปฏิลภี’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต กาสิคามเก เอกสฺส คหปติกสฺส ฆเร โจรนกฺขตฺเตน ชาโต วยปฺปตฺโต โจรกมฺมํ กตฺวา ชีวิกํ กปฺเปนฺโต โลเก ปากโฏ อโหสิ สูโร นาคพโล, โกจิ นํ คณฺหิตุํ นาสกฺขิ. โส เอกทิวสํ เอกสฺมึ เสฏฺิฆเร สนฺธึ ฉินฺทิตฺวา พหุํ ธนํ อวหริ. นาครา ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘เทว, เอโก มหาโจโร นครํ วิลุมฺปติ, ตํ คณฺหาเปถา’’ติ วทึสุ. ราชา ตสฺส คหณตฺถาย นครคุตฺติกํ อาณาเปสิ. โส รตฺติภาเค ตตฺถ ตตฺถ วคฺคพนฺธเนน มนุสฺเส เปตฺวา ตํ สโหฑฺฒํ คาหาเปตฺวา รฺโ อาโรเจสิ. ราชา ‘‘สีสมสฺส ฉินฺทา’’ติ นครคุตฺติกฺเว อาณาเปสิ. นครคุตฺติโก ตํ ปจฺฉาพาหํ คาฬฺหพนฺธนํ พนฺธาเปตฺวา คีวายสฺส รตฺตกณวีรมาลํ ลคฺเคตฺวา สีเส อิฏฺกจุณฺณํ โอกิริตฺวา จตุกฺเก จตุกฺเก กสาหิ ตาฬาเปนฺโต ขรสฺสเรน ปณเวน อาฆาตนํ เนติ. ‘‘อิมสฺมึ กิร นคเร วิโลปการโก โจโร คหิโต’’ติ สกลนครํ สงฺขุภิ.

ตทา จ พาราณสิยํ สหสฺสํ คณฺหนฺตี สามา นาม คณิกา โหติ ราชวลฺลภา ปฺจสตวณฺณทาสีปริวารา. สา ปาสาทตเล วาตปานํ วิวริตฺวา ิตา ตํ นียมานํ ปสฺสิ. โส ปน อภิรูโป ปาสาทิโก อติวิย โสภคฺคปฺปตฺโต เทววณฺโณ สพฺเพสํ มตฺถกมตฺถเกน ปฺายติ. สามา ตํ ทิสฺวา ปฏิพทฺธจิตฺตา หุตฺวา ‘‘เกน นุ โข อุปาเยนาหํ อิมํ ปุริสํ อตฺตโน สามิกํ กเรยฺย’’นฺติ จินฺตยนฺตี ‘‘อตฺเถโก อุปาโย’’ติ อตฺตโน อตฺถจริกาย เอกิสฺสา หตฺเถ นครคุตฺติกสฺส สหสฺสํ เปเสสิ ‘‘อยํ โจโร สามาย ภาตา, อฺตฺร สามาย อฺโ เอตสฺส อวสฺสโย นตฺถิ, ตุมฺเห กิร อิทํ สหสฺสํ คเหตฺวา เอตํ วิสฺสชฺเชถา’’ติ. สา คนฺตฺวา ตถา อกาสิ. นครคุตฺติโก ‘‘อยํ โจโร ปากโฏ, น สกฺกา เอตํ วิสฺสชฺเชตุํ, อฺํ ปน มนุสฺสํ ลภิตฺวา อิมํ ปฏิจฺฉนฺนยานเก นิสีทาเปตฺวา เปเสตุํ สกฺกา’’ติ อาห. สา คนฺตฺวา ตสฺสา อาโรเจสิ.

ตทา ปเนโก เสฏฺิปุตฺโต สามาย ปฏิพทฺธจิตฺโต เทวสิกํ สหสฺสํ เทติ. โส ตํ ทิวสมฺปิ สูริยตฺถงฺคมนเวลาย สหสฺสํ คณฺหิตฺวา ตํ ฆรํ อคมาสิ. สามาปิ สหสฺสภณฺฑิกํ คเหตฺวา อูรูสุ เปตฺวา ปโรทนฺตี นิสินฺนา โหติ. ‘‘กึ เอต’’นฺติ จ วุตฺตา ‘‘สามิ, อยํ โจโร มม ภาตา, ‘อหํ นีจกมฺมํ กโรมี’ติ มยฺหํ สนฺติกํ น เอติ, นครคุตฺติกสฺส ปหิตํ ‘สหสฺสํ ลภมาโน วิสฺสชฺเชสฺสามิ น’นฺติ สาสนํ เปเสสิ. อิทานิ อิมํ สหสฺสํ อาทาย นครคุตฺติกสฺส สนฺติกํ คจฺฉนฺตํ น ลภามี’’ติ อาห. โส ตสฺสา ปฏิพทฺธจิตฺตตาย ‘‘อหํ คมิสฺสามี’’ติ อาห. ‘‘เตน หิ ตยา อาภตเมว คเหตฺวา คจฺฉาหี’’ติ. โส ตํ คเหตฺวา นครคุตฺติกสฺส เคหํ คฺฉิ. โส ตํ เสฏฺิปุตฺตํ ปฏิจฺฉนฺนฏฺาเน เปตฺวา โจรํ ปฏิจฺฉนฺนยานเก นิสีทาเปตฺวา สามาย ปหิณิตฺวา ‘‘อยํ โจโร รฏฺเ ปากโฏ, ตมนฺธการํ ตาว โหตุ, อถ นํ มนุสฺสานํ ปฏิสลฺลีนเวลาย ฆาตาเปสฺสามี’’ติ อปเทสํ กตฺวา มุหุตฺตํ วีตินาเมตฺวา มนุสฺเสสุ ปฏิสลฺลีเนสุ เสฏฺิปุตฺตํ มหนฺเตนารกฺเขน อาฆาตนํ เนตฺวา อสินา สีสํ ฉินฺทิตฺวา สรีรํ สูเล อาโรเปตฺวา นครํ ปาวิสิ.

ตโต ปฏฺาย สามา อฺเสํ หตฺถโต กิฺจิ น คณฺหาติ, เตเนว สทฺธึ อภิรมมานา วิจรติ. โส จินฺเตสิ ‘‘สเจ อยํ อฺสฺมึ ปฏิพทฺธจิตฺตา ภวิสฺสติ, มมฺปิ มาราเปตฺวา เตน สทฺธึ อภิรมิสฺสติ, อจฺจนฺตํ มิตฺตทุพฺภินี เอสา, มยา อิธ อวสิตฺวา ขิปฺปํ ปลายิตุํ วฏฺฏติ, คจฺฉนฺโต จ ปน ตุจฺฉหตฺโถ อคนฺตฺวา เอติสฺสา อาภรณภณฺฑํ คเหตฺวา คจฺฉิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา เอกสฺมึ ทิวเส ตํ อาห – ‘‘ภทฺเท, มยํ ปฺชเร ปกฺขิตฺตกุกฺกุฏา วิย นิจฺจํ ฆเรเยว โหม, เอกทิวสํ อุยฺยานกีฬํ กริสฺสามา’’ติ. สา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ขาทนียโภชนียาทึ สพฺพํ ปฏิยาเทตฺวา สพฺพาภรณปฏิมณฺฑิตา เตน สทฺธึ ปฏิจฺฉนฺนยาเน นิสีทิตฺวา อุยฺยานํ อคมาสิ. โส ตตฺถ ตาย สทฺธึ กีฬนฺโต ‘‘อิทานิ มยฺหํ ปลายิตุํ วฏฺฏตี’’ติ ตาย สทฺธึ กิเลสรติยา รมิตุกาโม วิย เอกํ กณวีรคจฺฉนฺตรํ ปวิสิตฺวา ตํ อาลิงฺคนฺโต วิย นิปฺปีเฬตฺวา วิสฺํ กตฺวา ปาเตตฺวา สพฺพาภรณานิ โอมุฺจิตฺวา ตสฺสาเยว อุตฺตราสงฺเคน พนฺธิตฺวา ภณฺฑิกํ ขนฺเธ เปตฺวา อุยฺยานวตึ ลงฺฆิตฺวา ปกฺกามิ.

สาปิ ปฏิลทฺธสฺา อุฏฺาย ปริจาริกานํ สนฺติกํ อาคนฺตฺวา ‘‘อยฺยปุตฺโต กห’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘น ชานาม, อยฺเย’’ติ. ‘‘มํ มตาติ สฺาย ภายิตฺวา ปลาโต ภวิสฺสตี’’ติ อนตฺตมนา หุตฺวา ตโตเยว เคหํ คนฺตฺวา ‘‘มม ปิยสามิกสฺส อทิฏฺกาลโต ปฏฺาเยว อลงฺกตสยเน น สยิสฺสามี’’ติ ภูมิยํ นิปชฺชิ. ตโต ปฏฺาย มนาปํ สาฏกํ น นิวาเสติ, ทฺเว ภตฺตานิ น ภุฺชติ, คนฺธมาลาทีนิ น ปฏิเสวติ, ‘‘เยน เกนจิ อุปาเยน อยฺยปุตฺตํ ปริเยสิตฺวา ปกฺโกสาเปสฺสามี’’ติ นเฏ ปกฺโกสาเปตฺวา สหสฺสํ อทาสิ. ‘‘กึ กโรม, อยฺเย’’ติ วุตฺเต ‘‘ตุมฺหากํ อคมนฏฺานํ นาม นตฺถิ, ตุมฺเห คามนิคมราชธานิโย จรนฺตา สมชฺชํ กตฺวา สมชฺชมณฺฑเล ปมเมว อิมํ คีตํ คาเยยฺยาถา’’ติ นเฏ สิกฺขาเปนฺตี ปมํ คาถํ วตฺวา ‘‘ตุมฺเหหิ อิมสฺมึ คีตเก คีเต สเจ อยฺยปุตฺโต ตสฺมึ ปริสนฺตเร ภวิสฺสติ, ตุมฺเหหิ สทฺธึ กเถสฺสติ, อถสฺส มม อโรคภาวํ กเถตฺวา ตํ อาทาย อาคจฺเฉยฺยาถ, โน เจ อาคจฺฉติ, สาสนํ เปเสยฺยาถา’’ติ ปริพฺพยํ ทตฺวา นเฏ อุยฺโยเชสิ. เต พาราณสิโต นิกฺขมิตฺวา ตตฺถ ตตฺถ สมชฺชํ กโรนฺตา เอกํ ปจฺจนฺตคามกํ อคมึสุ. โสปิ โจโร ปลายิตฺวา ตตฺถ วสติ. เต ตตฺถ สมชฺชํ กโรนฺตา ปมเมว อิมํ คีตกํ คายึสุ –

๖๙.

‘‘ยํ ตํ วสนฺตสมเย, กณเวเรสุ ภาณุสุ;

สามํ พาหาย ปีเฬสิ, สา ตํ อาโรคฺยมพฺรวี’’ติ.

ตตฺถ กณเวเรสูติ กรวีเรสุ. ภาณุสูติ รตฺตวณฺณานํ ปุปฺผานํ ปภาย สมฺปนฺเนสุ. สามนฺติ เอวํนามิกํ. ปีเฬสีติ กิเลสรติยา รมิตุกาโม วิย อาลิงฺคนฺโต ปีเฬสิ. สา ตนฺติ สา สามา อโรคา, ตฺวํ ปน ‘‘สา มตา’’ติ สฺาย ภีโต ปลายสิ, สา อตฺตโน อาโรคฺยํ อพฺรวิ กเถสิ, อาโรเจสีติ อตฺโถ.

โจโร ตํ สุตฺวา นฏํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ตฺวํ ‘สามา ชีวตี’ติ วทสิ, อหํ ปน น สทฺทหามี’’ติ เตน สทฺธึ สลฺลปนฺโต ทุติยํ คาถมาห –

๗๐.

‘‘อมฺโภ น กิร สทฺเธยฺยํ, ยํ วาโต ปพฺพตํ วเห;

ปพฺพตฺเจ วเห วาโต, สพฺพมฺปิ ปถวึ วเห;

ยตฺถ สามา กาลกตา, สา มํ อาโรคฺยมพฺรวี’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – อมฺโภ นฏ, อิทํ กิร น สทฺทเหยฺยํ น สทฺทหิตพฺพํ. ยํ วาโต ติณปณฺณานิ วิย ปพฺพตํ วเหยฺย, สเจปิ โส ปพฺพตํ วเหยฺย, สพฺพมฺปิ ปถวึ วเหยฺย, ยถา เจตํ อสทฺทเหยฺยํ, ตถา อิทนฺติ. ยตฺถ สามา กาลกตาติ ยา นาม สามา กาลกตา, สา มํ อาโรคฺยํ อพฺรวีติ กึการณา สทฺทเหยฺยํ. มตา นาม น กสฺสจิ สาสนํ เปเสนฺตีติ.

ตสฺส วจนํ สุตฺวา นโฏ ตติยํ คาถมาห –

๗๑.

‘‘น เจว สา กาลกตา, น จ สา อฺมิจฺฉติ;

เอกภตฺติกินี สามา, ตเมว อภิกงฺขตี’’ติ.

ตตฺถ ตเมว อภิกงฺขตีติ อฺํ ปุริสํ น อิจฺฉติ, ตฺเว กงฺขติ อิจฺฉติ ปตฺเถตีติ.

ตํ สุตฺวา โจโร ‘‘สา ชีวตุ วา มา วา, น ตาย มยฺหํ อตฺโถ’’ติ วตฺวา จตุตฺถํ คาถมาห –

๗๒.

‘‘อสนฺถุตํ มํ จิรสนฺถุเตน, นิมีนิ สามา อธุวํ ธุเวน;

มยาปิ สามา นิมิเนยฺย อฺํ, อิโต อหํ ทูรตรํ คมิสฺส’’นฺติ.

ตตฺถ อสนฺถุตนฺติ อกตสํสคฺคํ. จิรสนฺถุเตนาติ จิรกตสํสคฺเคน. นิมีนีติ ปริวตฺเตสิ. อธุวํ ธุเวนาติ มํ อธุวํ เตน ธุวสามิเกน ปริวตฺเตตุํ นครคุตฺติกสฺส สหสฺสํ ทตฺวา มํ คณฺหีติ อตฺโถ. มยาปิ สามา นิมิเนยฺย อฺนฺติ สามา มยาปิ อฺํ สามิกํ ปริวตฺเตตฺวา คณฺเหยฺย. อิโต อหํ ทูรตรํ คมิสฺสนฺติ ยตฺถ น สกฺกา ตสฺสา สาสนํ วา ปวตฺตึ วา โสตุํ, ตาทิสํ ทูรตรํ านํ คมิสฺสํ, ตสฺมา มม อิโต อฺตฺถ คตภาวํ ตสฺสา อาโรเจถาติ วตฺวา เตสํ ปสฺสนฺตานฺเว คาฬฺหตรํ นิวาเสตฺวา เวเคน ปลายิ.

นฏา คนฺตฺวา เตน กตกิริยํ ตสฺสา กถยึสุ. สา วิปฺปฏิสารินี หุตฺวา อตฺตโน ปกติยา เอว วีตินาเมสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺิตภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ.

ตทา เสฏฺิปุตฺโต อยํ ภิกฺขุ อโหสิ, สามา ปุราณทุติยิกา, โจโร ปน อหเมว อโหสินฺติ.

กณเวรชาตกวณฺณนา อฏฺมา.

[๓๑๙] ๙. ติตฺติรชาตกวณฺณนา

สุสุขํ วต ชีวามีติ อิทํ สตฺถา โกสมฺพิยํ นิสฺสาย พทริการาเม วิหรนฺโต ราหุลตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ เหฏฺา ติปลฺลตฺถชาตเก (ชา. ๑.๑.๑๖) วิตฺถาริตเมว. ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, ราหุโล สิกฺขากาโม กุกฺกุจฺจโก โอวาทกฺขโม’’ติ. ตสฺสายสฺมโต คุณกถาย สมุฏฺาปิตาย สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ ราหุโล สิกฺขากาโม กุกฺกุจฺจโก โอวาทกฺขโมเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา นิกฺขมฺม หิมวนฺตปเทเส อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา ฌานกีฬํ กีฬนฺโต รมณีเย วนสณฺเฑ วสิตฺวา โลณมฺพิลเสวนตฺถาย อฺตรํ ปจฺจนฺตคามกํ อคมาสิ. ตตฺถ นํ มนุสฺสา ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺตา อฺตรสฺมึ อรฺเ ปณฺณสาลํ กาเรตฺวา ปจฺจเยหิ อุปฏฺหนฺตา วาสาเปสุํ. ตทา ตสฺมึ คามเก เอโก สากุณิโก เอกํ ทีปกติตฺติรํ คเหตฺวา สุฏฺุ สิกฺขาเปตฺวา ปฺชเร ปกฺขิปิตฺวา ปฏิชคฺคติ. โส ตํ อรฺํ เนตฺวา ตสฺส สทฺเทน อาคตาคเต ติตฺติเร คเหตฺวา วิกฺกิณิตฺวา ชีวิกํ กปฺเปสิ. ติตฺติโร ‘‘มํ เอกํ นิสฺสาย พหู มม าตกา นสฺสนฺติ, มยฺหเมตํ ปาป’’นฺติ นิสฺสทฺโท อโหสิ. โส ตสฺส นิสฺสทฺทภาวํ ตฺวา เวฬุเปสิกาย นํ สีเส ปหรติ. ติตฺติโร ทุกฺขาตุรตาย สทฺทํ กโรติ. เอวํ โส สากุณิโก ตํ นิสฺสาย ติตฺติเร คเหตฺวา ชีวิกํ กปฺเปสิ.

อถ โส ติตฺติโร จินฺเตสิ ‘‘อิเม มรนฺตูติ มยฺหํ เจตนา นตฺถิ, ปฏิจฺจกมฺมํ ปน มํ ผุสติ, มยิ สทฺทํ อกโรนฺเต เอเต นาคจฺฉนฺติ, กโรนฺเตเยว อาคจฺฉนฺติ, อาคตาคเต อยํ คเหตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปติ, อตฺถิ นุ โข เอตฺถ มยฺหํ ปาปํ, นตฺถี’’ติ. โส ตโต ปฏฺาย ‘‘โก นุ โข เม อิมํ กงฺขํ ฉินฺเทยฺยา’’ติ ตถารูปํ ปณฺฑิตํ อุปธาเรนฺโต จรติ. อเถกทิวสํ โส สากุณิโก พหู ติตฺติเร คเหตฺวา ปจฺฉึ ปูเรตฺวา ‘‘ปานียํ ปิวิสฺสามี’’ติ โพธิสตฺตสฺส อสฺสมํ คนฺตฺวา ตํ ปฺชรํ โพธิสตฺตสฺส สนฺติเก เปตฺวา ปานียํ ปิวิตฺวา วาลุกาตเล นิปนฺโน นิทฺทํ โอกฺกมิ. ติตฺติโร ตสฺส นิทฺโทกฺกนฺตภาวํ ตฺวา ‘‘มม กงฺขํ อิมํ ตาปสํ ปุจฺฉิสฺสามิ, ชานนฺโต เม กเถสฺสตี’’ติ ปฺชเร นิสินฺโนเยว ตํ ปุจฺฉนฺโต ปมํ คาถมาห –

๗๓.

‘‘สุสุขํ วต ชีวามิ, ลภามิ เจว ภุฺชิตุํ;

ปริปนฺเถ จ ติฏฺามิ, กา นุ ภนฺเต คตี มมา’’ติ.

ตตฺถ สุสุขํ วต ชีวามีติ อหํ, ภนฺเต, อิมํ สากุณิกํ นิสฺสาย สุฏฺุ สุขํ ชีวามิ. ลภามีติ ยถารุจิตํ ขาทนียํ โภชนียํ ภุฺชิตุมฺปิ ลภามิ. ปริปนฺเถ จ ติฏฺามีติ อปิจ โข ยตฺถ มม าตกา มม สทฺเทน อาคตาคตา วินสฺสนฺติ, ตสฺมึ ปริปนฺเถ ติฏฺามิ. กา นุ, ภนฺเต, คตี มมาติ กา นุ โข, ภนฺเต, มม คติ, กา นิปฺผตฺติ ภวิสฺสตีติ ปุจฺฉิ.

ตสฺส ปฺหํ วิสฺสชฺเชนฺโต โพธิสตฺโต ทุติยํ คาถมาห –

๗๔.

‘‘มโน เจ เต นปฺปณมติ, ปกฺขิ ปาปสฺส กมฺมุโน;

อพฺยาวฏสฺส ภทฺรสฺส, น ปาปมุปลิมฺปตี’’ติ.

ตตฺถ ปาปสฺส กมฺมุโนติ ยทิ ตว มโน ปาปกมฺมสฺสตฺถาย น ปณมติ, ปาปกรเณ ตนฺนินฺโน ตปฺโปโณ ตปฺปพฺภาโร น โหติ. อพฺยาวฏสฺสาติ เอวํ สนฺเต ปาปกมฺมกรณตฺถาย อพฺยาวฏสฺส อุสฺสุกฺกํ อนาปนฺนสฺส ตว ภทฺรสฺส สุทฺธสฺเสว สโต ปาปํ น อุปลิมฺปติ น อลฺลียตีติ.

ตํ สุตฺวา ติตฺติโร ตติยํ คาถมาห –

๗๕.

‘‘าตโก โน นิสินฺโนติ, พหุ อาคจฺฉเต ชโน;

ปฏิจฺจกมฺมํ ผุสติ, ตสฺมึ เม สงฺกเต มโน’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – ภนฺเต, สจาหํ สทฺทํ น กเรยฺยํ, อยํ ติตฺติรชโน น อาคจฺเฉยฺย, มยิ ปน สทฺทํ กโรนฺเต ‘‘าตโก โน นิสินฺโน’’ติ อยํ พหุ ชโน อาคจฺฉติ, ตํ อาคตาคตํ ลุทฺโท คเหตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปนฺโต มํ ปฏิจฺจ นิสฺสาย เอตํ ปาณาติปาตกมฺมํ ผุสติ ปฏิลภติ วินฺทติ, ตสฺมึ มํ ปฏิจฺจ กเต ปาเป มม นุ โข เอตํ ปาปนฺติ เอวํ เม มโน สงฺกเต ปริสงฺกติ กุกฺกุจฺจํ อาปชฺชตีติ.

ตํ สุตฺวา โพธิสตฺโต จตุตฺถํ คาถมาห –

๗๖.

‘‘น ปฏิจฺจกมฺมํ ผุสติ, มโน เจ นปฺปทุสฺสติ;

อปฺโปสฺสุกฺกสฺส ภทฺรสฺส, น ปาปมุปลิมฺปตี’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – ยทิ ตว ปาปกิริยาย มโน น ปทุสฺสติ, ตนฺนินฺโน ตปฺโปโน ตปฺปพฺภาโร น โหติ, เอวํ สนฺเต ลุทฺเทน อายสฺมนฺตํ ปฏิจฺจ กตมฺปิ ปาปกมฺมํ ตํ น ผุสติ น อลฺลียติ, ปาปกิริยาย หิ อปฺโปสฺสุกฺกสฺส นิราลยสฺส ภทฺรสฺส ปริสุทฺธสฺเสว สโต ตว ปาณาติปาตเจตนาย อภาวา ตํ ปาปํ น อุปลิมฺปติ, ตว จิตฺตํ น อลฺลียตีติ.

เอวํ มหาสตฺโต ติตฺติรํ สฺาเปสิ, โสปิ ตํ นิสฺสาย นิกฺกุกฺกุจฺโจ อโหสิ. ลุทฺโท ปพุทฺโธ โพธิสตฺตํ วนฺทิตฺวา ปฺชรํ อาทาย ปกฺกามิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ติตฺติโร ราหุโล อโหสิ, ตาปโส ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

ติตฺติรชาตกวณฺณนา นวมา.

[๓๒๐] ๑๐. สุจฺจชชาตกวณฺณนา

สุจฺจชํ วต นจฺจชีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ กุฏุมฺพิกํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิร ‘‘คามเก อุทฺธารํ สาเธสฺสามี’’ติ ภริยาย สทฺธึ ตตฺถ คนฺตฺวา สาเธตฺวา ธนํ อาหริตฺวา ‘‘ปจฺฉา เนสฺสามี’’ติ เอกสฺมึ กุเล เปตฺวา ปุน สาวตฺถึ คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค เอกํ ปพฺพตํ อทฺทส. อถ นํ ภริยา อาห ‘‘สเจ, สามิ, อยํ ปพฺพโต สุวณฺณมโย ภเวยฺย, ทเทยฺยาสิ ปน เม กิฺจี’’ติ. ‘‘กาสิ ตฺวํ, น กิฺจิ ทสฺสามี’’ติ. สา ‘‘ยาว ถทฺธหทโย วตายํ, ปพฺพเต สุวณฺณมเย ชาเตปิ มยฺหํ กิฺจิ น ทสฺสตี’’ติ อนตฺตมนา อโหสิ. เต เชตวนสมีปํ อาคนฺตฺวา ‘‘ปานียํ ปิวิสฺสามา’’ติ วิหารํ ปวิสิตฺวา ปานียํ ปิวึสุ. สตฺถาปิ ปจฺจูสกาเลเยว เตสํ โสตาปตฺติผลสฺส อุปนิสฺสยํ ทิสฺวา อาคมนํ โอโลกยมาโน คนฺธกุฏิปริเวเณ นิสีทิ ฉพฺพณฺณรสฺมิโย วิสฺสชฺเชนฺโต. เตปิ ปานียํ ปิวิตฺวา อาคนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา นิสีทึสุ. สตฺถา เตหิ สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘กหํ คตาตฺถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อมฺหากํ คามเก อุทฺธารํ สาธนตฺถาย, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กึ, อุปาสิเก ตว สามิโก ตุยฺหํ หิตํ ปฏิกงฺขติ, อุปการํ เต กโรตี’’ติ. ภนฺเต, อหํ อิมสฺมึ สสิเนหา, อยํ ปน มยิ นิสฺสิเนโห, อชฺช มยา ปพฺพตํ ทิสฺวา ‘‘สจายํ ปพฺพโต สุวณฺณมโย อสฺส, กิฺจิ เม ทเทยฺยาสี’’ติ วุตฺโต ‘‘กาสิ ตฺวํ, น กิฺจิ ทสฺสามี’’ติ อาห, เอวํ ถทฺธหทโย อยนฺติ. ‘‘อุปาสิเก, เอวํ นาเมส วทติ, ยทา ปน ตว คุณํ สรติ, ตทา สพฺพิสฺสริยํ เต เทตี’’ติ วตฺวา ‘‘กเถถ, ภนฺเต’’ติ เตหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส สพฺพกิจฺจการโก อมจฺโจ อโหสิ. อเถกทิวสํ ราชา ปุตฺตํ อุปราชานํ อุปฏฺานํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ มม อนฺเตปุเร ทุพฺเภยฺยา’’ติ ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘ตาต, ยาวาหํ ชีวามิ, ตาว นคเร วสิตุํ น ลจฺฉสิ, อฺตฺถ วสิตฺวา มมจฺจเยน รชฺชํ กาเรหี’’ติ อาห. โส ‘‘สาธู’’ติ ปิตรํ วนฺทิตฺวา เชฏฺภริยาย สทฺธึ นครา นิกฺขมิตฺวา ปจฺจนฺตํ คนฺตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา ปณฺณสาลํ มาเปตฺวา วนมูลผลาผเลหิ ยาเปนฺโต วสิ. อปรภาเค ราชา กาลมกาสิ. อุปราชา นกฺขตฺตํ โอโลเกนฺโต ตสฺส กาลกตภาวํ ตฺวา พาราณสึ อาคจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค เอกํ ปพฺพตํ อทฺทส. อถ นํ ภริยา อาห ‘‘สเจ, เทว, อยํ ปพฺพโต สุวณฺณมโย อสฺส, ทเทยฺยาสิ เม กิฺจี’’ติ. ‘‘กาสิ ตฺวํ, น กิฺจิ ทสฺสามี’’ติ. สา ‘‘อหํ อิมสฺมึ สิเนหํ ฉินฺทิตุํ อสกฺโกนฺตี อรฺํ ปาวิสึ, อยฺจ เอวํ วทติ, อติวิย ถทฺธหทโย, ราชา หุตฺวาปิ เอส มยฺหํ กึ กลฺยาณํ กริสฺสตี’’ติ อนตฺตมนา อโหสิ. โส อาคนฺตฺวา รชฺเช ปติฏฺิโต ตํ อคฺคมเหสิฏฺาเน เปสิ, อิทํ ยสมตฺตกเมว อทาสิ. อุตฺตริ ปน สกฺการสมฺมาโน นตฺถิ, ตสฺสา อตฺถิภาวมฺปิ น ชานาติ.

โพธิสตฺโต ‘‘อยํ เทวี อิมสฺส รฺโ อุปการิกา ทุกฺขํ อคเณตฺวา อรฺวาสํ วสิ. อยํ ปเนตํ อคเณตฺวา อฺาหิ สทฺธึ อภิรมนฺโต วิจรติ, ยถา เอสา สพฺพิสฺสริยํ ลภติ, ตถา กริสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา เอกทิวสํ ตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘มหาเทวิ มยํ ตุมฺหากํ สนฺติกา ปิณฺฑปาตมตฺตมฺปิ น ลภาม, กสฺมา อมฺเหสุ ปมชฺชิตฺถ, อติวิย ถทฺธหทยา อตฺถา’’ติ อาห. ‘‘ตาต, สจาหํ อตฺตนา ลเภยฺยํ, ตุยฺหมฺปิ ทเทยฺยํ, อลภมานา ปน กึ ทสฺสามิ, ราชาปิ มยฺหํ อิทานิ กึ นาม ทสฺสติ, โส อนฺตรามคฺเค ‘อิมสฺมึ ปพฺพเต สุวณฺณมเย ชาเต มยฺหํ กิฺจิ ทสฺสสี’ติ วุตฺโต ‘กาสิ ตฺวํ, น กิฺจิ ทสฺสามี’ติ อาห, สุปริจฺจชมฺปิ น ปริจฺจชี’’ติ. ‘‘กึ ปน รฺโ สนฺติเก อิมํ กถํ กเถตุํ สกฺขิสฺสถา’’ติ? ‘‘สกฺขิสฺสามิ, ตาตา’’ติ. ‘‘เตน หิ อหํ รฺโ สนฺติเก ิโต ปุจฺฉิสฺสามิ, ตุมฺเห กเถยฺยาถา’’ติ. ‘‘สาธุ, ตาตา’’ติ. โพธิสตฺโต เทวิยา รฺโ อุปฏฺานํ อาคนฺตฺวา ิตกาเล อาห ‘‘นนุ, อยฺเย, มยํ ตุมฺหากํ สนฺติกา กิฺจิ น ลภามา’’ติ? ‘‘ตาต, อหํ ลภมานา ตุยฺหํ ทเทยฺยํ, อหเมว กิฺจิ น ลภามิ, อลภมานา ตุยฺหํ กึ ทสฺสามิ, ราชาปิ อิทานิ มยฺหํ กึ นาม ทสฺสติ, โส อรฺโต อาคมนกาเล เอกํ ปพฺพตํ ทิสฺวา ‘สจายํ ปพฺพโต สุวณฺณมโย อสฺส, กิฺจิ เม ทเทยฺยาสี’ติ วุตฺโต ‘กาสิ ตฺวํ, น กิฺจิ ทสฺสามี’ติ วทติ, สุปริจฺจชมฺปิ น ปริจฺจชี’’ติ เอตมตฺถํ ทีเปนฺตี ปมํ คาถมาห –

๗๗.

‘‘สุจฺจชํ วต นจฺจชิ, วาจาย อททํ คิรึ;

กิฺหิ ตสฺสจชนฺตสฺส, วาจาย อทท ปพฺพต’’นฺติ.

ตตฺถ สุจฺจชํ วตาติ สุเขน จชิตุํ สกฺกุเณยฺยมฺปิ น จชิ. อททนฺติ วจนมตฺเตนาปิ ปพฺพตํ อททมาโน. กิฺหิ ตสฺสจชนฺตสฺสาติ ตสฺส นาเมตสฺส มยา ยาจิตสฺส น จชนฺตสฺส กิฺหิ จเชยฺย. วาจาย อทท ปพฺพตนฺติ สจายํ มยา ยาจิโต มม วจเนน สุวณฺณมยมฺปิ โหนฺตํ ตํ ปพฺพตํ วาจาย อทท, วจนมตฺเตน อทสฺสาติ อตฺโถ.

ตํ สุตฺวา ราชา ทุติยํ คาถมาห –

๗๘.

‘‘ยฺหิ กยิรา ตฺหิ วเท, ยํ น กยิรา น ตํ วเท;

อกโรนฺตํ ภาสมานํ, ปริชานนฺติ ปณฺฑิตา’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – ยเทว หิ ปณฺฑิโต ปุริโส กาเยน กเรยฺย, ตํ วาจาย วเทยฺย. ยํ น กยิรา, น ตํ วเทยฺย, ทาตุกาโมว ทมฺมีติ วเทยฺย, น อทาตุกาโมติ อธิปฺปาโย. กึการณา? โย หิ ‘‘ทสฺสามี’’ติ วตฺวาปิ ปจฺฉา น ททาติ, ตํ อกโรนฺตํ เกวลํ มุสา ภาสมานํ ปริชานนฺติ ปณฺฑิตา. อยํ ‘‘ทสฺสามี’’ติ วจนมตฺตเมว ภาสติ, น ปน เทติ, ยฺหิ โข ปน อทินฺนมฺปิ วจนมตฺเตเนว ทินฺนํ โหติ, ตํ ปุเรตรเมว ลทฺธํ นาม ภวิสฺสตีติ เอวํ ตสฺส มุสาวาทิภาวํ ปริชานนฺติ ปณฺฑิตา, พาลา ปน วจนมตฺเตเนว ตุสฺสนฺตีติ.

ตํ สุตฺวา เทวี รฺโ อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา ตติยํ คาถมาห –

๗๙.

‘‘ราชปุตฺต นโม ตฺยตฺถุ, สจฺเจ ธมฺเม ิโต จสิ;

ยสฺส เต พฺยสนํ ปตฺโต, สจฺจสฺมึ รมเต มโน’’ติ.

ตตฺถ สจฺเจ ธมฺเมติ วจีสจฺเจ จ สภาวธมฺเม จ. พฺยสนํ ปตฺโตติ ยสฺส ตว รฏฺา ปพฺพาชนียสงฺขาตํ พฺยสนํ ปตฺโตปิ มโน สจฺจสฺมึเยว รมติ.

เอวํ รฺโ คุณกถํ กถยมานาย เทวิยา ตํ สุตฺวา โพธิสตฺโต ตสฺสา คุณกถํ กเถนฺโต จตุตฺถํ คาถมาห –

๘๐.

‘‘ยา ทลิทฺที ทลิทฺทสฺส, อฑฺฒา อฑฺฒสฺส กิตฺติม;

สา หิสฺส ปรมา ภริยา, สหิรฺสฺส อิตฺถิโย’’ติ.

ตตฺถ กิตฺติมาติ กิตฺติสมฺปนฺนาติ อตฺโถ. สา หิสฺส ปรมาติ ยา ทลิทฺทสฺส สามิกสฺส ทลิทฺทกาเล สยมฺปิ ทลิทฺที หุตฺวา ตํ น ปริจฺจชติ. อฑฺฒสฺสาติ อฑฺฒกาเล อฑฺฒา หุตฺวา สามิกเมว อนุวตฺตติ, สมานสุขทุกฺขาว โหติ, สา หิ ตสฺส ปรมา อุตฺตมา ภริยา นาม. สหิรฺสฺส ปน อิสฺสริเย ิตสฺส อิตฺถิโย นาม โหนฺติเยว, อนจฺฉริยเมว เอตนฺติ.

เอวฺจ ปน วตฺวา โพธิสตฺโต ‘‘อยํ, มหาราช, ตุมฺหากํ ทุกฺขิตกาเล อรฺเ สมานทุกฺขา หุตฺวา วสิ, อิมิสฺสา สมฺมานํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ เทวิยา คุณํ กเถสิ. ราชา ตสฺส วจเนน เทวิยา คุณํ สริตฺวา ‘‘ปณฺฑิต, ตว กถายาหํ เทวิยา คุณํ อนุสฺสริ’’นฺติ วตฺวา ตสฺสา สพฺพิสฺสริยมทาสิ. ‘‘ตยาหํ เทวิยา คุณํ สราปิโต’’ติ โพธิสตฺตสฺสปิ มหนฺตํ สกฺการํ อกาสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุโภ ชยมฺปติกา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสุ.

ตทา พาราณสิราชา อยํ กุฏุมฺพิโก อโหสิ, เทวี อยํ อุปาสิกา, ปณฺฑิตามจฺโจ ปน อหเมว อโหสินฺติ.

สุจฺจชชาตกวณฺณนา ทสมา.

ปุจิมนฺทวคฺโค ทุติโย.

๓. กุฏิทูสกวคฺโค

[๓๒๑] ๑. กุฏิทูสกชาตกวณฺณนา

มนุสฺสสฺเสว เต สีสนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต มหากสฺสปตฺเถรสฺส ปณฺณสาลฌาปกํ ทหรภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ ปน ราชคเห สมุฏฺิตํ. ตทา กิร เถโร ราชคหํ นิสฺสาย อรฺกุฏิยํ วิหรติ, ตสฺส ทฺเว ทหรา อุปฏฺานํ กโรนฺติ. เตสุ เอโก เถรสฺส อุปการโก, เอโก ทุพฺพโจ อิตเรน กตํ อตฺตนา กตสทิสํ กโรติ. เตน มุโขทกาทีสุ อุปฏฺาปิเตสุ เถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘ภนฺเต, อุทกํ ปิตํ, มุขํ โธวถา’’ติอาทีนิ วทติ. เตน กาลสฺเสว วุฏฺาย เถรสฺส ปริเวเณ สมฺมฏฺเ เถรสฺส นิกฺขมนเวลาย อิโต จิโต จ ปหรนฺโต สกลปริเวณํ อตฺตนา สมฺมฏฺํ วิย กโรติ. วตฺตสมฺปนฺโน จินฺเตสิ ‘‘อยํ ทุพฺพโจ มยา กตํ อตฺตนา กตสทิสํ กโรติ, เอตสฺส สกมฺมํ ปากฏํ กริสฺสามี’’ติ.

ตสฺมึ อนฺโตคาเม ภุตฺวา อาคนฺตฺวา นิทฺทายนฺเตว นฺหาโนทกํ ตาเปตฺวา ปิฏฺิโกฏฺเก เปตฺวา อฺํ อฑฺฒนาฬิมตฺตํ อุทกํ อุทฺธเน เปสิ. อิตโร ปพุชฺฌิตฺวาว คนฺตฺวา อุสุมํ อุฏฺหนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อุทกํ ตาเปตฺวา โกฏฺเก ปิตํ ภวิสฺสตี’’ติ เถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘ภนฺเต, นฺหานโกฏฺเก อุทกํ ปิตํ, นฺหายถา’’ติ อาห. เถโร ‘นฺหายิสฺสามี’’ติ เตน สทฺธึเยว อาคนฺตฺวา โกฏฺเก อุทกํ อทิตฺวา ‘‘กหํ อุทก’’นฺติ ปุจฺฉิ. โส เวเคน อคฺคิสาลํ คนฺตฺวา ตุจฺฉภาชเน อุฬุงฺกํ โอตาเรสิ, อุฬุงฺโก ตุจฺฉภาชนสฺส ตเล ปฏิหโต ‘‘ตตา’’ติ สทฺทมกาสิ. ตโต ปฏฺาย ตสฺส ‘‘อุฬุงฺกสทฺทโก’’ตฺเวว นามํ ชาตํ.

ตสฺมึ ขเณ อิตโร ปิฏฺิโกฏฺกโต อุทกํ อาหริตฺวา ‘‘นฺหายถ, ภนฺเต’’ติ อาห. เถโร นฺหตฺวา อาวชฺเชนฺโต อุฬุงฺกสทฺทกสฺส ทุพฺพจภาวํ ตฺวา ตํ สายํ เถรุปฏฺานํ อาคตํ โอวทิ ‘‘อาวุโส, สมเณน นาม อตฺตนา กตเมว ‘กตํ เม’ติ วตฺตุํ วฏฺฏติ, อฺถา สมฺปชานมุสาวาโท โหติ, อิโต ปฏฺาย เอวรูปํ มา อกาสี’’ติ. โส เถรสฺส กุชฺฌิตฺวา ปุนทิวเส เถเรน สทฺธึ ปิณฺฑาย คามํ น ปาวิสิ. เถโร อิตเรเนว สทฺธึ ปาวิสิ. อุฬุงฺกสทฺทโกปิ เถรสฺส อุปฏฺากกุลํ คนฺตฺวา ‘‘ภนฺเต, เถโร กห’’นฺติ วุตฺเต ‘‘อผาสุเกน วิหาเรเยว นิสินฺโน’’ติ วตฺวา ‘‘กึ, ภนฺเต, ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺเต ‘‘อิทฺจิทฺจ เทถา’’ติ คเหตฺวา อตฺตโน รุจิตฏฺานํ คนฺตฺวา ภุฺชิตฺวา วิหารํ อคมาสิ.

ปุนทิวเส เถโร ตํ กุลํ คนฺตฺวา นิสีทิ. มนุสฺเสหิ ‘‘กึ, ภนฺเต, อยฺยสฺส อผาสุกํ, หิยฺโย กิรตฺถ วิหาเรเยว นิสินฺนา, อสุกทหรสฺส หตฺเถ อาหารํ เปสยิมฺห, ปริภุตฺโต อยฺเยนา’’ติ วุตฺเต เถโร ตุณฺหีภูโตว ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา สายํ เถรุปฏฺานกาเล อาคตํ อามนฺเตตฺวา ‘‘อาวุโส, อสุกคาเม นาม อสุกกุเล ‘เถรสฺส อิทฺจิทฺจ ลทฺธุํ วฏฺฏตี’ติ วิฺาเปตฺวา กิร เต ภุตฺต’’นฺติ วตฺวา ‘‘วิฺตฺติ นาม น วฏฺฏติ, มา ปุน เอวรูปํ อนาจารํ จรา’’ติ อาห. โส เอตฺตเกน เถเร อาฆาตํ พนฺธิตฺวา ‘‘อยํ หิยฺโยปิ อุทกมตฺตํ นิสฺสาย มยา สทฺธึ กลหํ กริ, อิทานิ ปนสฺส อุปฏฺากานํ เคเห มยา ภตฺตมุฏฺิ ภุตฺตาติ อสหนฺโต ปุน กลหํ กโรติ, ชานิสฺสามิสฺส กตฺตพฺพยุตฺตก’’นฺติ ปุนทิวเส เถเร ปิณฺฑาย ปวิฏฺเ มุคฺครํ คเหตฺวา ปริโภคภาชนานิ ภินฺทิตฺวา ปณฺณสาลํ ฌาเปตฺวา ปลายิ. โส ชีวมาโนว มนุสฺสเปโต หุตฺวา สุสฺสิตฺวา กาลํ กตฺวา อวีจิมหานิรเย นิพฺพตฺติ. โส เตน กโต อนาจาโร มหาชนสฺส มชฺเฌ ปากโฏ ชาโต.

อเถกจฺเจ ภิกฺขู ราชคหา สาวตฺถึ คนฺตฺวา สภาคฏฺาเน ปตฺตจีวรํ ปฏิสาเมตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา นิสีทึสุ. สตฺถา เตหิ สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘กุโต อาคตตฺถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ราชคหา, ภนฺเต’’ติ. ‘‘โก ตตฺถ โอวาททายโก อาจริโย’’ติ. ‘‘มหากสฺสปตฺเถโร, ภนฺเต’’ติ. ‘‘สุขํ, ภิกฺขเว, กสฺสปสฺสา’’ติ. ‘‘อาม, ภนฺเต, เถรสฺส สุขํ, สทฺธิวิหาริโก ปนสฺส โอวาเท ทินฺเน กุชฺฌิตฺวา เถรสฺส ปณฺณสาลํ ฌาเปตฺวา ปลายีติ. ตํ สุตฺวา สตฺถา ‘‘ภิกฺขเว, กสฺสปสฺส เอวรูเปน พาเลน สทฺธึ จรณโต เอกจริยาว เสยฺโย’’ติ วตฺวา อิมํ ธมฺมปเท คาถมาห –

‘‘จรฺเจ นาธิคจฺเฉยฺย, เสยฺยํ สทิสมตฺตโน;

เอกจริยํ ทฬฺหํ กยิรา, นตฺถิ พาเล สหายตา’’ติ. (ธ. ป. ๖๑);

อิทฺจ ปน วตฺวา ปุน เต ภิกฺขู อามนฺเตตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว โส กุฏิทูสโก, ปุพฺเพปิ กุฏิทูสโกเยว, น จ อิทาเนว โอวาททายกสฺส กุชฺฌติ, ปุพฺเพปิ กุชฺฌิเยวา’’ติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต สิงฺคิลสกุณโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต อตฺตโน มนาปํ อโนวสฺสกํ กุลาวกํ กตฺวา หิมวนฺตปเทเส วสติ. อเถโก มกฺกโฏ วสฺสกาเล อจฺฉินฺนธาเร เทเว วสฺสนฺเต สีตปีฬิโต ทนฺเต ขาทนฺโต โพธิสตฺตสฺส อวิทูเร นิสีทิ. โพธิสตฺโต ตํ ตถา กิลมนฺตํ ทิสฺวา เตน สทฺธึ สลฺลปนฺโต ปมํ คาถมาห –

๘๑.

‘‘มนุสฺสสฺเสว เต สีสํ, หตฺถปาทา จ วานร;

อถ เกน นุ วณฺเณน, อคารํ เต น วิชฺชตี’’ติ.

ตตฺถ วณฺเณนาติ การเณน. อคารนฺติ ตว นิวาสเคหํ เกน การเณน นตฺถีติ ปุจฺฉิ.

ตํ สุตฺวา วานโร ทุติยํ คาถมาห –

๘๒.

‘‘มนุสฺสสฺเสว เม สีสํ, หตฺถปาทา จ สิงฺคิล;

ยาหุ เสฏฺา มนุสฺเสสุ, สา เม ปฺา น วิชฺชตี’’ติ.

ตตฺถ สิงฺคิลาติ ตํ สกุณํ นาเมนาลปติ. ยาหุ เสฏฺา มนุสฺเสสูติ ยา มนุสฺเสสุ เสฏฺาติ กเถนฺติ, สา มม วิจารณปฺา นตฺถิ. สีสหตฺถปาทกายพลานิ หิ โลเก อปฺปมาณํ, วิจารณปฺาว เสฏฺา, สา มม นตฺถิ, ตสฺมา เม อคารํ น วิชฺชตีติ.

ตํ สุตฺวา โพธิสตฺโต อิตรํ คาถาทฺวยมาห –

๘๓.

‘‘อนวฏฺิตจิตฺตสฺส, ลหุจิตฺตสฺส ทุพฺภิโน;

นิจฺจํ อทฺธุวสีลสฺส, สุขภาโว น วิชฺชติ.

๘๔.

‘‘โส กรสฺสุ อานุภาวํ, วีติวตฺตสฺสุ สีลิยํ;

สีตวาตปริตฺตาณํ, กรสฺสุ กุฏวํ กปี’’ติ.

ตตฺถ อนวฏฺิตจิตฺตสฺสาติ อปฺปติฏฺิตจิตฺตสฺส. ทุพฺภิโนติ มิตฺตทุพฺภิสฺส. อทฺธุวสีลสฺสาติ น สพฺพกาลํ สีลรกฺขกสฺส. โส กรสฺสุ อานุภาวนฺติ โส ตฺวํ สมฺม มกฺกฏ ปฺาย อุปฺปาทนตฺถํ อานุภาวํ พลํ อุปายํ กโรหิ. วีติวตฺตสฺสุ สีลิยนฺติ อตฺตโน ทุสฺสีลภาวสงฺขาตํ สีลิยํ อติกฺกมิตฺวา สีลวา โหติ. กุฏวํ กปีติ สีตวาตสฺส ปริตฺตาณสมตฺถํ อตฺตโน กุฏวํ กุลาวกํ เอกํ วสนาคารกํ กโรหีติ.

มกฺกโฏ จินฺเตสิ ‘‘อยํ ตาว อตฺตโน อโนวสฺสกฏฺาเน นิสินฺนภาเวน มํ ปริภาสติ, น นิสีทาเปสฺสามิ นํ อิมสฺมึ กุลาวเก’’ติ. ตโต โพธิสตฺตํ คณฺหิตุกาโม ปกฺขนฺทิ, โพธิสตฺโต อุปฺปติตฺวา อฺตฺถ คโต. มกฺกโฏ กุลาวกํ วิทฺธํเสตฺวา จุณฺณวิจุณฺณํ กตฺวา ปกฺกามิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา มกฺกโฏ กุฏิฌาปโก อโหสิ, สิงฺคิลสกุโณ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

กุฏิทูสกชาตกวณฺณนา ปมา.

[๓๒๒] ๒. ทุทฺทุภชาตกวณฺณนา

ทุทฺทุภายติ ภทฺทนฺเตติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺติตฺถิเย อารพฺภ กเถสิ. ติตฺถิยา กิร เชตวนสฺส สมีเป ตสฺมึ ตสฺมึ าเน กณฺฏกาปสฺสเย เสยฺยํ กปฺเปนฺติ, ปฺจาตปํ ตเปนฺติ, นานปฺปการํ มิจฺฉาตปํ จรนฺติ. อถ สมฺพหุลา ภิกฺขู สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา เชตวนํ อาคจฺฉนฺตา อนฺตรามคฺเค เต ทิสฺวา คนฺตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘อตฺถิ นุ โข, ภนฺเต, อฺติตฺถิยานํ วตสมาทาเน สาโร’’ติ ปุจฺฉึสุ. สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, เตสํ วตสมาทาเน สาโร วา วิเสโส วา อตฺถิ, ตฺหิ นิฆํสิยมานํ อุปปริกฺขิยมานํ อุกฺการภูมิมคฺคสทิสํ สสกสฺส ทุทฺทุภสทิสํ โหตี’’ติ วตฺวา ‘‘ทุทฺทุภสทิสภาวมสฺส มยํ น ชานาม, กเถถ โน, ภนฺเต’’ติ เตหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต สีหโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต อรฺเ ปฏิวสติ. ตทา ปน ปจฺฉิมสมุทฺทสมีเป เพลุวมิสฺสกตาลวนํ โหติ. ตตฺเรโก สสโก เพลุวรุกฺขมูเล เอกสฺส ตาลคจฺฉสฺส เหฏฺา วสติ. โส เอกทิวสํ โคจรํ อาทาย อาคนฺตฺวา ตาลปณฺณสฺส เหฏฺา นิปนฺโน จินฺเตสิ ‘‘สเจ อยํ ปถวี สํวฏฺเฏยฺย, กหํ นุ โข คมิสฺสามี’’ติ. ตสฺมึ ขเณ เอกํ เพลุวปกฺกํ ตาลปณฺณสฺส อุปริ ปติ. โส ตสฺส สทฺเทน ‘‘อทฺธา ปถวี สํวฏฺฏตี’’ติ อุปฺปติตฺวา ปจฺฉโต อโนโลเกนฺโตว ปลายิ. ตํ มรณภยภีตํ เวเคน ปลายนฺตํ อฺโ สสโก ทิสฺวา ปุจฺฉิ ‘‘กึ โภ, อติวิย ภีโต ปลายสี’’ติ. ‘‘มา ปุจฺฉิ, โภ’’ติ. โส ‘‘กึ โภ, กึ โภ’’ติ ปจฺฉโต ธาวเตว. อิตโร นิวตฺติตฺวา อโนโลเกนฺโตว ‘‘เอตฺถ ปถวี สํวฏฺฏตี’’ติ อาห. โสปิ ตสฺส ปจฺฉโต ปลายิ. เอวํ ตมฺโ อทฺทส, ตมฺโติ เอวํ สสกสหสฺสํ เอกโต หุตฺวา ปลายิ. เต เอโกปิ มิโค ทิสฺวา เอกโต หุตฺวา ปลายิ. เอโก สูกโร, เอโก โคกณฺโณ, เอโก มหึโส, เอโก ควโย, เอโก ขคฺโค, เอโก พฺยคฺโฆ, เอโก สีโห, เอโก หตฺถี ทิสฺวา ‘‘กิเมต’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘เอตฺถ ปถวี สํวฏฺฏตี’’ติ วุตฺเต ปลายิ. เอวํ อนุกฺกเมน โยชนมตฺตํ ติรจฺฉานพลํ อโหสิ.

ตทา โพธิสตฺโต ตํ พลํ ปลายนฺตํ ทิสฺวา ‘‘กิเมต’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘เอตฺถ ปถวี สํวฏฺฏตี’’ติ สุตฺวา จินฺเตสิ ‘‘ปถวีสํวฏฺฏนํ นาม น กทาจิ อตฺถิ, อทฺธา เอเตสํ กิฺจิ ทุสฺสุตํ ภวิสฺสติ, มยิ โข ปน อุสฺสุกฺกํ อนาปชฺชนฺเต สพฺเพ นสฺสิสฺสนฺติ, ชีวิตํ เนสํ ทสฺสามี’’ติ สีหเวเคน ปุรโต ปพฺพตปาทํ คนฺตฺวา ติกฺขตฺตุํ สีหนาทํ นทิ. เต สีหภยตชฺชิตา นิวตฺติตฺวา ปิณฺฑิตา อฏฺํสุ. สีโห เตสํ อนฺตรํ ปวิสิตฺวา ‘‘กิมตฺถํ ปลายถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ปถวี สํวฏฺฏตี’’ติ. ‘‘เกน สํวฏฺฏมานา ทิฏฺา’’ติ? ‘‘หตฺถี ชานนฺตี’’ติ. หตฺถี ปุจฺฉิ. เต ‘‘มยํ น ชานาม, สีหา ชานนฺตี’’ติ วทึสุ, สีหาปิ ‘‘มยํ น ชานาม, พฺยคฺฆา ชานนฺตี’’ติ, พฺยคฺฆาปิ ‘‘มยํ น ชานาม, ขคฺคา ชานนฺตี’’ติ, ขคฺคาปิ ‘‘ควยา ชานนฺตี’’ติ, ควยาปิ ‘‘มหึสา ชานนฺตี’’ติ, มหึสาปิ ‘‘โคกณฺณา ชานนฺตี’’ติ, โคกณฺณาปิ ‘‘สูกรา ชานนฺตี’’ติ, สูกราปิ ‘‘มิคา ชานนฺตี’’ติ, มิคาปิ ‘‘มยํ น ชานาม, สสกา ชานนฺตี’’ติ, สสเกสุ ปุจฺฉิยมาเนสุ ‘‘อยํ กเถตี’’ติ ตํ สสกํ ทสฺเสสุํ. อถ นํ ‘‘เอวํ กิร, สมฺม, ปสฺสสิ ปถวี สํวฏฺฏตี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, สามิ มยา ทิฏฺา’’ติ. ‘‘กตฺถ วสนฺโต ปสฺสสี’’ติ? ‘‘ปจฺฉิมสมุทฺทสมีเป เพลุวมิสฺสกตาลวเน วสามิ. อหฺหิ ตตฺถ เพลุวรุกฺขมูเล ตาลคจฺเฉ ตาลปณฺณสฺส เหฏฺา นิปนฺโน จินฺเตสึ ‘‘สเจ ปถวี สํวฏฺฏติ, กหํ คมิสฺสามี’’ติ, อถ ตงฺขณฺเว ปถวิยา สํวฏฺฏนสทฺทํ สุตฺวา ปลาโตมฺหี’’ติ.

สีโห จินฺเตสิ ‘‘อทฺธา ตสฺส ตาลปณฺณสฺส อุปริ เพลุวปกฺกํ ปติตฺวา ทุทฺทุภายนสทฺทมกาสิ, สฺวายํ ตํ สทฺทํ สุตฺวา ‘ปถวี สํวฏฺฏตี’ติ สฺํ อุปฺปาเทตฺวา ปลายิ, ตถโต ชานิสฺสามี’’ติ. โส ตํ สสกํ คเหตฺวา มหาชนํ อสฺสาเสตฺวา ‘‘อหํ อิมินา ทิฏฺฏฺาเน ปถวิยา สํวฏฺฏนภาวํ วา อสํวฏฺฏนภาวํ วา ตถโต ชานิตฺวา อาคมิสฺสามิ, ยาว มมาคมนา ตุมฺเห เอตฺเถว โหถา’’ติ สสกํ ปิฏฺิยํ อาโรเปตฺวา สีหเวเคน ปกฺขนฺทิตฺวา ตาลวเน สสกํ โอตาเรตฺวา ‘‘เอหิ ตยา ทิฏฺฏฺานํ ทสฺเสหี’’ติ อาห. ‘‘น วิสหามิ สามี’’ติ. ‘‘เอหิ มา ภายี’’ติ. โส เพลุวรุกฺขํ อุปสงฺกมิตุํ อสกฺโกนฺโต อวิทูเร ตฺวา ‘‘อิทํ สามิ ทุทฺทุภายนฏฺาน’’นฺติ วตฺวา ปมํ คาถมาห –

๘๕.

‘‘ทุทฺทุภายติ ภทฺทนฺเต, ยสฺมึ เทเส วสามหํ;

อหมฺเปตํ น ชานามิ, กิเมตํ ทุทฺทุภายตี’’ติ.

ตตฺถ ทุทฺทุภายตีติ ทุทฺทุภสทฺทํ กโรติ. ภทฺทนฺเตติ ภทฺทํ ตว อตฺถุ. กิเมตนฺติ ยสฺมึ ปเทเส อหํ วสามิ, ตตฺถ ทุทฺทุภายติ, อหมฺปิ น ชานามิ ‘‘กึ วา เอตํ ทุทฺทุภายติ, เกน วา การเณน ทุทฺทุภายติ, เกวลํ ทุทฺทุภายนสทฺทํ อสฺโสสิ’’นฺติ.

เอวํ วุตฺเต สีโห เพลุวรุกฺขมูลํ คนฺตฺวา ตาลปณฺณสฺส เหฏฺา สสเกน นิปนฺนฏฺานฺเจว ตาลปณฺณมตฺถเก ปติตํ เพลุวปกฺกฺจ ทิสฺวา ปถวิยา อสํวฏฺฏนภาวํ ตถโต ชานิตฺวา สสกํ ปิฏฺิยํ อาโรเปตฺวา สีหเวเคน ขิปฺปํ มิคสงฺฆานํ สนฺติกํ คนฺตฺวา สพฺพํ ปวตฺตึ อาโรเจตฺวา ‘‘ตุมฺเห มา ภายถา’’ติ มิคคณํ อสฺสาเสตฺวา วิสฺสชฺเชสิ. สเจ หิ ตทา โพธิสตฺโต น ภเวยฺย, สพฺเพ สมุทฺทํ ปวิสิตฺวา นสฺเสยฺยุํ. โพธิสตฺตํ ปน นิสฺสาย สพฺเพ ชีวิตํ ลภึสูติ.

๘๖.

‘‘เพลุวํ ปติตํ สุตฺวา, ทุทฺทุภนฺติ สโส ชวิ;

สสสฺส วจนํ สุตฺวา, สนฺตตฺตา มิควาหินี.

๘๗.

‘‘อปฺปตฺวา ปทวิฺาณํ, ปรโฆสานุสาริโน;

ปนาทปรมา พาลา, เต โหนฺติ ปรปตฺติยา.

๘๘.

‘‘เย จ สีเลน สมฺปนฺนา, ปฺายูปสเม รตา;

อารกา วิรตา ธีรา, น โหนฺติ ปรปตฺติยา’’ติ. –

อิมา ติสฺโส อภิสมฺพุทฺธคาถา.

ตตฺถ เพลุวนฺติ เพลุวปกฺกํ. ทุทฺทุภนฺตีติ เอวํ สทฺทํ กุรุมานํ. สนฺตตฺตาติ อุตฺรสฺตา. มิควาหินีติ อเนกสหสฺสสงฺขา มิคเสนา. ปทวิฺาณนฺติ วิฺาณปทํ, โสตวิฺาณโกฏฺาสํ อปาปุณิตฺวาติ อตฺโถ. เต โหนฺติ ปรปตฺติยาติ เต ปรโฆสานุสาริโน ตเมว ปรโฆสสงฺขาตํ ปนาทํ ‘‘ปรม’’นฺติ มฺมานา พาลา อนฺธปุถุชฺชนา วิฺาณปทสฺส อปฺปตฺตตาย ปรปตฺติยาว โหนฺติ, ปเรสํ วจนํ สทฺทหิตฺวา ยํ วา ตํ วา กโรนฺติ.

สีเลนาติ อริยมคฺเคน อาคตสีเลน สมนฺนาคตา. ปฺายูปสเม รตาติ มคฺเคเนว อาคตปฺาย กิเลสูปสเม รตา, ยถา วา สีเลน, เอวํ ปฺายปิ สมฺปนฺนา, กิเลสูปสเม รตาติปิ อตฺโถ. อารกา วิรตา ธีราติ ปาปกิริยโต อารกา วิรตา ปณฺฑิตา. น โหนฺตีติ เต เอวรูปา โสตาปนฺนา ปาปโต โอรตภาเวน กิเลสูปสเม อภิรตภาเวน จ เอกวารํ มคฺคาเณน ปฏิวิทฺธธมฺมา อฺเสํ กเถนฺตานมฺปิ น สทฺทหนฺติ น คณฺหนฺติ. กสฺมา? อตฺตโน ปจฺจกฺขตฺตาติ. เตน วุตฺตํ –

‘‘อสฺสทฺโธ อกตฺู จ, สนฺธิจฺเฉโท จ โย นโร;

หตาวกาโส วนฺตาโส, ส เว อุตฺตมโปริโส’’ติ. (ธ. ป. ๙๗);

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา สีโห อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

ทุทฺทุภชาตกวณฺณนา ทุติยา.

[๓๒๓] ๓. พฺรหฺมทตฺตชาตกวณฺณนา

ทฺวยํ ยาจนโกติ อิทํ สตฺถา อาฬวึ นิสฺสาย อคฺคาฬเว เจติเย วิหรนฺโต กุฏิการสิกฺขาปทํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ ปน เหฏฺา มณิกณฺชาตเก (ชา. ๑.๓.๗ อาทโย) อาคตเมว. อิธ ปน สตฺถา ‘‘สจฺจํ กิร ตุมฺเห, ภิกฺขเว, ยาจนพหุลา วิฺตฺติพหุลา วิหรถา’’ติ วตฺวา ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต เต ภิกฺขู ครหิตฺวา ‘‘ภิกฺขเว, โปราณกปณฺฑิตา ปถวิสฺสเรน รฺา ปวาริตาปิ ปณฺณจฺฉตฺตฺจ เอกปฏลิกํ อุปาหนยุคฺจ ยาจิตุกามา หิโรตฺตปฺปเภทนภเยน มหาชนมชฺเฌ อกเถตฺวา รโห กถยึสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต กปิลรฏฺเ อุตฺตรปฺจาลนคเร อุตฺตรปฺจาลราเช รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต เอกสฺมึ นิคมคาเม พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา อปรภาเค ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา หิมวนฺเต อุฺฉาจริยาย วนมูลผลาผเลน ยาเปนฺโต จิรํ วสิตฺวา โลณมฺพิลเสวนตฺถาย มนุสฺสปถํ วิจรนฺโต อุตฺตรปฺจาลนครํ ปตฺวา ราชุยฺยาเน วสิตฺวา ปุนทิวเส ภิกฺขํ ปริเยสมาโน นครํ ปวิสิตฺวา ราชทฺวารํ สมฺปาปุณิ. ราชา ตสฺสาจาเร จ วิหาเร จ ปสีทิตฺวา มหาตเล นิสีทาเปตฺวา ราชารหํ ปณีตโภชนํ โภเชตฺวา ปฏิฺํ คเหตฺวา อุยฺยาเนเยว วสาเปสิ. โส นิพทฺธํ ราชฆเรเยว ภุฺชนฺโต วสฺสานสฺส อจฺจเยน หิมวนฺตเมว คนฺตุกาโม หุตฺวา จินฺเตสิ ‘‘มยฺหํ มคฺคํ คจฺฉนฺตสฺส เอกปฏลิกา อุปาหนา เจว ปณฺณจฺฉตฺตฺจ ลทฺธุํ วฏฺฏติ, ราชานํ ยาจิสฺสามี’’ติ. โส เอกทิวสํ ราชานํ อุยฺยานํ อาคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา นิสินฺนํ ทิสฺวา ‘‘อุปาหนฺจ ฉตฺตฺจ ยาจิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ปุน จินฺเตสิ ‘‘ปรํ ‘อิมํ นาม เทหี’ติ ยาจนฺโต โรทติ นาม, ปโรปิ ‘นตฺถี’ติ วทนฺโต ปฏิโรทติ นาม, ‘มา โข ปน มํ โรทนฺตํ มหาชโน อทฺทส, มา ราชาน’’นฺติ รโห ปฏิจฺฉนฺนฏฺาเน อุโภปิ โรทิตฺวา ตุณฺหี ภวิสฺสามา’’ติ. อถ นํ ‘‘มหาราช, รโห ปจฺจาสีสามี’’ติ อาห. ราชา ตํ สุตฺวา ราชปุริเส อปสกฺกิ. โพธิสตฺโต ‘‘สเจ มยิ ยาจนฺเต ราชา น ทสฺสติ, เมตฺติ โน ภิชฺชิสฺสติ, ตสฺมา น ยาจิสฺสามี’’ติ ตํ ทิวสํ นามํ คเหตุํ อสกฺโกนฺโต ‘‘คจฺฉ, ตาว, มหาราช, ปุเนกทิวสํ ชานิสฺสามี’’ติ อาห.

ปุเนกทิวสํ รฺโ อุยฺยานํ อาคตกาเล ตเถว ปุน ตเถวาติ เอวํ ยาจิตุํ อสกฺโกนฺตสฺเสว ทฺวาทส สํวจฺฉรานิ อติกฺกนฺตานิ. ตโต ราชา จินฺเตสิ ‘‘มยฺหํ อยฺโย ‘มหาราช, รโห ปจฺจาสีสามี’ติ วตฺวา ปริสาย อปคตาย กิฺจิ วตฺตุํ น วิสหติ, วตฺตุกามสฺเสวสฺส ทฺวาทส วสฺสานิ อติกฺกนฺตานิ, จิรํ โข ปนสฺส พฺรหฺมจริยํ จรนฺตสฺส อุกฺกณฺิตฺวา โภเค ภุฺชิตุกาโม รชฺชํ ปจฺจาสีสติ มฺเ, รชฺชสฺส ปน นามํ คเหตุํ อสกฺโกนฺโต ตุณฺหี โหติ, อชฺช ทานิสฺสาหํ รชฺชํ อาทึ กตฺวา ยํ อิจฺฉติ, ตํ ทสฺสามี’’ติ. โส อุยฺยานํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา นิสินฺโน โพธิสตฺเตน ‘‘รโห ปจฺจาสีสามี’’ติ วุตฺเต ปริสาย อปคตาย ตํ กิฺจิ วตฺตุํ อสกฺโกนฺตํ อาห ‘‘ตุมฺเห ทฺวาทส วสฺสานิ ‘รโห ปจฺจาสีสามี’ติ วตฺวา รโห ลทฺธาปิ กิฺจิ วตฺตุํ น สกฺโกถ, อหํ โว รชฺชํ อาทึ กตฺวา สพฺพํ ปวาเรมิ, นิพฺภยา หุตฺวา ยํ โว รุจฺจติ, ตํ ยาจถา’’ติ. ‘‘มหาราช, ยมหํ ยาจามิ, ตํ ทสฺสสี’’ติ? ‘‘ทสฺสามิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘มหาราช, มยฺหํ มคฺคํ คจฺฉนฺตสฺส เอกปฏลิกา อุปาหนา จ ปณฺณจฺฉตฺตฺจ ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ. ‘‘เอตฺตกํ, ภนฺเต, ตุมฺเห ทฺวาทส สํวจฺฉรานิ ยาจิตุํ น สกฺโกถา’’ติ. ‘‘อาม, มหาราชา’’ติ. ‘‘กึการณา, ภนฺเต, เอวมกตฺถา’’ติ. ‘‘มหาราช, ‘อิมํ นาม เม เทหี’ติ ยาจนฺโต โรทติ นาม, ‘นตฺถี’ติ วทนฺโต ปฏิโรทติ นาม. ‘สเจ ตฺวํ มยา ยาจิโต น ทเทยฺยาสิ, ตํ โน โรทิตปฏิโรทิตํ นาม มหาชโน มา ปสฺสตู’ติ เอตทตฺถํ รโห ปจฺจาสีสามี’’ติ วตฺวา อาทิโต ติสฺโส คาถา อภาสิ –

๘๙.

‘‘ทฺวยํ ยาจนโก ราช, พฺรหฺมทตฺต นิคจฺฉติ;

อลาภํ ธนลาภํ วา, เอวํธมฺมา หิ ยาจนา.

๙๐.

‘‘ยาจนํ โรทนํ อาหุ, ปฺจาลานํ รเถสภ;

โย ยาจนํ ปจฺจกฺขาติ, ตมาหุ ปฏิโรทนํ.

๙๑.

‘‘มา มทฺทสํสุ โรทนฺตํ, ปฺจาลา สุสมาคตา;

ตุวํ วา ปฏิโรทนฺตํ, ตสฺมา อิจฺฉามหํ รโห’’ติ.

ตตฺถ ราช พฺรหฺมทตฺตาติ ทฺวีหิปิ ราชานํ อาลปติ. นิคจฺฉตีติ ลภติ วินฺทติ. เอวํธมฺมาติ เอวํสภาวา. อาหูติ ปณฺฑิตา กเถนฺติ. ปฺจาลานํ รเถสภาติ ปฺจาลรฏฺสฺส อิสฺสร รถปวร. โย ยาจนํ ปจฺจกฺขาตีติ โย ปน ยํ ยาจนกํ ‘‘นตฺถี’’ติ ปฏิกฺขิปติ. ตมาหูติ ตํ ปฏิกฺขิปนํ ‘‘ปฏิโรทน’’นฺติ วทนฺติ. มา มทฺทสํสูติ ตว รฏฺวาสิโน ปฺจาลา สุสมาคตา มํ โรทนฺตํ มา อทฺทสํสูติ.

ราชา โพธิสตฺตสฺส คารวลกฺขเณ ปสีทิตฺวา วรํ ททมาโน จตุตฺถํ คาถมาห –

๙๒.

‘‘ททามิ เต พฺราหฺมณ โรหิณีนํ, ควํ สหสฺสํ สห ปุงฺคเวน;

อริโย หิ อริยสฺส กถํ น ทชฺชา, สุตฺวาน คาถา ตว ธมฺมยุตฺตา’’ติ.

ตตฺถ โรหิณีนนฺติ รตฺตวณฺณานํ. อริโยติ อาจารสมฺปนฺโน. อริยสฺสาติ อาจารสมฺปนฺนสฺส. กถํ น ทชฺชาติ เกน การเณน น ทเทยฺย. ธมฺมยุตฺตาติ การณยุตฺตา.

โพธิสตฺโต ปน ‘‘นาหํ, มหาราช, วตฺถุกาเมหิ อตฺถิโก, ยํ อหํ ยาจามิ, ตเทว เม เทหี’’ติ เอกปฏลิกา อุปาหนา จ ปณฺณจฺฉตฺตฺจ คเหตฺวา ‘‘มหาราช, อปฺปมตฺโต โหหิ, ทานํ เทหิ, สีลํ รกฺขาหิ, อุโปสถกมฺมํ กโรหี’’ติ ราชานํ โอวทิตฺวา ตสฺส ยาจนฺตสฺเสว หิมวนฺตเมว คโต. ตตฺถ อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา พฺรหฺมโลกปรายโณ อโหสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ราชา อานนฺโท อโหสิ, ตาปโส ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

พฺรหฺมทตฺตชาตกวณฺณนา ตติยา.

[๓๒๔] ๔. จมฺมสาฏกชาตกวณฺณนา

กลฺยาณรูโป วตยนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต จมฺมสาฏกํ นาม ปริพฺพาชกํ อารพฺภ กเถสิ. ตสฺส กิร จมฺมเมว นิวาสนฺจ ปารุปนฺจ โหติ. โส เอกทิวสํ ปริพฺพาชการามา นิกฺขมิตฺวา สาวตฺถิยํ ภิกฺขาย จรนฺโต เอฬกานํ ยุชฺฌนฏฺานํ สมฺปาปุณิ. เอฬโก ตํ ทิสฺวา ปหริตุกาโม โอสกฺกิ. ปริพฺพาชโก ‘‘เอส มยฺหํ อปจิตึ ทสฺเสตี’’ติ น ปฏิกฺกมิ. เอฬโก เวเคนาคนฺตฺวา ตํ อูรุมฺหิ ปหริตฺวา ปาเตสิ. ตสฺส ตํ อสนฺตปคฺคหณการณํ ภิกฺขุสงฺเฆ ปากฏํ อโหสิ. ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, จมฺมสาฏกปริพฺพาชโก อสนฺตปคฺคหํ กตฺวา วินาสํ ปตฺโต’’ติ สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปส อสนฺตปคฺคหํ กตฺวา วินาสํ ปตฺโตเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต เอกสฺมึ วาณิชกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต วณิชฺชํ กโรติ. ตทา เอโก จมฺมสาฏกปริพฺพาชโก พาราณสิยํ ภิกฺขาย จรนฺโต เอฬกานํ ยุชฺฌนฏฺานํ ปตฺวา เอฬกํ โอสกฺกนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อปจิตึ เม กโรตี’’ติ สฺาย อปฏิกฺกมิตฺวา ‘‘อิเมสํ เอตฺตกานํ มนุสฺสานํ อนฺตเร อยํ เอโก เอฬโก อมฺหากํ คุณํ ชานาตี’’ติ ตสฺส อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา ิโตว ปมํ คาถมาห –

๙๓.

‘‘กลฺยาณรูโป วตยํ จตุปฺปโท, สุภทฺทโก เจว สุเปสโล จ;

โย พฺราหฺมณํ ชาติมนฺตูปปนฺนํ, อปจายติ เมณฺฑวโร ยสสฺสี’’ติ.

ตตฺถ กลฺยาณรูโปติ กลฺยาณชาติโก. สุเปสโลติ สุฏฺุ ปิยสีโล. ชาติมนฺตูปปนฺนนฺติ ชาติยา จ มนฺเตหิ จ สมฺปนฺนํ. ยสสฺสีติ วณฺณภณนเมตํ.

ตสฺมึ ขเณ อาปเณ นิสินฺโน ปณฺฑิตวาณิโช ตํ ปริพฺพาชกํ นิเสเธนฺโต ทุติยํ คาถมาห –

๙๔.

‘‘มา พฺราหฺมณ อิตฺตรทสฺสเนน, วิสฺสาสมาปชฺชิ จตุปฺปทสฺส;

ทฬฺหปฺปหารํ อภิกงฺขมาโน, อวสกฺกตี ทสฺสติ สุปฺปหาร’’นฺติ.

ตตฺถ อิตฺตรทสฺสเนนาติ ขณิกทสฺสเนน.

ตสฺส ปณฺฑิตวาณิชสฺส กเถนฺตสฺเสว โส เมณฺฑโก เวเคนาคนฺตฺวา อูรุมฺหิ ปหริตฺวา ตํ ตตฺเถว เวทนาปฺปตฺตํ กตฺวา ปาเตสิ. โส ปริเทวมาโน นิปชฺชิ. สตฺถา ตํ การณํ ปกาเสนฺโต ตติยํ คาถมาห –

๙๕.

‘‘อูรุฏฺิ ภคฺคํ วฏฺฏิโต ขาริภาโร, สพฺพฺจ ภณฺฑํ พฺราหฺมณสฺส ภินฺนํ;

อุโภปิ พาหา ปคฺคยฺห กนฺทติ, อติธาวถ หฺเต พฺรหฺมจารี’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – ภิกฺขเว, ตสฺส ปริพฺพาชกสฺส อูรุฏฺิกํ ภคฺคํ, ขาริภาโร วฏฺฏิโต ปวฏฺฏิโต, ตสฺมึ ปวฏฺฏมาเน ยํ ตตฺถ ตสฺส พฺราหฺมณสฺส อุปกรณภณฺฑํ, ตมฺปิ สพฺพํ ภินฺนํ, โสปิ อุโภ พาหา อุกฺขิปิตฺวา ปริวาเรตฺวา ิตปริสํ สนฺธาย ‘‘อภิธาวถ, หฺเต พฺรหฺมจารี’’ติ วทนฺโต กนฺทติ โรทติ ปริเทวตีติ.

ปริพฺพาชโก จตุตฺถํ คาถํ อาห –

๙๖.

‘‘เอวํ โส นิหโต เสติ, โย อปูชํ ปสํสติ;

ยถาหมชฺช ปหโต, หโต เมณฺเฑน ทุมฺมตี’’ติ.

ตตฺถ อปูชนฺติ อปูชนียํ. ยถาหมชฺชาติ ยถา อหํ อชฺช อสนฺตปคฺคหํ กตฺวา ิโต เมณฺเฑน ทฬฺหปฺปหาเรน ปหโต เอตฺเถว มาริโต. ทุมฺมตีติ ทุปฺปฺโ. เอวํ โย อฺโปิ อสนฺตปคฺคหํ กริสฺสติ, โสปิ อหํ วิย ทุกฺขํ อนุภวิสฺสตีติ โส ปริเทวนฺโต ตตฺเถว ชีวิตกฺขยํ ปตฺโตติ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา จมฺมสาฏโก เอตรหิ จมฺมสาฏโก อโหสิ, ปณฺฑิตวาณิโช ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

จมฺมสาฏกชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.

[๓๒๕] ๕. โคธราชชาตกวณฺณนา

สมณํ ตํ มฺมาโนติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ กุหกํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ เหฏฺา วิตฺถาริตเมว. อิธาปิ ภิกฺขู ตํ ภิกฺขุํ อาเนตฺวา ‘‘อยํ, ภนฺเต, ภิกฺขุ กุหโก’’ติ สตฺถุ ทสฺเสสุํ. สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปส กุหโกเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต โคธโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต กายพเลน สมฺปนฺโน อรฺเ วสติ. เอโก ทุสีลตาปโสปิ ตสฺส อวิทูเร ปณฺณสาลํ มาเปตฺวา วาสํ กปฺเปสิ. โพธิสตฺโต โคจราย จรนฺโต ตํ ทิสฺวา ‘‘สีลวนฺตตาปสสฺส ปณฺณสาลา ภวิสฺสตี’’ติ ตตฺถ คนฺตฺวา ตํ วนฺทิตฺวา อตฺตโน วสนฏฺานเมว คจฺฉติ. อเถกทิวสํ โส กูฏตาปโส อุปฏฺากกุเล สมฺปาทิตํ มธุรมํสํ ลภิตฺวา ‘‘กึ มํสํ นาเมต’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘โคธมํส’’นฺติ สุตฺวา รสตณฺหาย อภิภูโต ‘‘มยฺหํ อสฺสมปทํ นิพทฺธํ อาคจฺฉมานํ โคธํ มาเรตฺวา ยถารุจิ ปจิตฺวา ขาทิสฺสามี’’ติ สปฺปิทธิกฏุกภณฺฑาทีนิ คเหตฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา มุคฺครํ คเหตฺวา กาสาเวน ปฏิจฺฉาเทตฺวา โพธิสตฺตสฺส อาคมนํ โอโลเกนฺโต ปณฺณสาลทฺวาเร อุปสนฺตูปสนฺโต วิย นิสีทิ.

โส อาคนฺตฺวา ตํ ปทุฏฺินฺทฺริยํ ทิสฺวา ‘‘อิมินา อมฺหากํ สชาติกมํสํ ขาทิตํ ภวิสฺสติ, ปริคฺคณฺหิสฺสามิ น’’นฺติ อโธวาเต ตฺวา สรีรคนฺธํ ฆายิตฺวา สชาติมํสสฺส ขาทิตภาวํ ตฺวา ตาปสํ อนุปคมฺม ปฏิกฺกมิตฺวา จริ. ตาปโสปิ ตสฺส อนาคมนภาวํ ตฺวา มุคฺครํ ขิปิ, มุคฺคโร สรีเร อปติตฺวา นงฺคุฏฺโกฏึ ปาปุณิ. ตาปโส ‘‘คจฺฉ วิรทฺโธสฺมี’’ติ อาห. โพธิสตฺโต ‘‘มํ ตาว วิรทฺโธสิ, จตฺตาโร ปน อปาเย น วิรทฺโธสี’’ติ วตฺวา ปลายิตฺวา จงฺกมนโกฏิยํ ิตํ วมฺมิกํ ปวิสิตฺวา อฺเน ฉิทฺเทน สีสํ นีหริตฺวา เตน สทฺธึ สลฺลปนฺโต ทฺเว คาถา อภาสิ –

๙๗.

‘‘สมณํ ตํ มฺมาโน, อุปคจฺฉิมสฺตํ;

โส มํ ทณฺเฑน ปาหาสิ, ยถา อสฺสมโณ ตถา.

๙๘.

‘‘กึ เต ชฏาหิ ทุมฺเมธ, กึ เต อชินสาฏิยา;

อพฺภนฺตรํ เต คหนํ, พาหิรํ ปริมชฺชสี’’ติ.

ตตฺถ อสฺตนฺติ อหํ กายาทีหิ อสฺตํ อสฺสมณเมว สมานํ ตํ ‘‘สมโณ เอโส’’ติ สมิตปาปตาย สมณํ มฺมาโน อุปคจฺฉึ. ปาหาสีติ ปหริ. อชินสาฏิยาติ เอกํสํ กตฺวา ปารุเตน อชินจมฺเมน ตุยฺหํ โก อตฺโถ. อพฺภนฺตรํ เต คหนนฺติ ตว สรีรพฺภนฺตรํ วิสปูรา วิย อลาพุ, คูถปูโร วิย อาวาโฏ, อาสีวิสปูโร วิย วมฺมิโก กิเลสคหนํ. พาหิรนฺติ เกวลํ พหิสรีรํ ปริมชฺชสิ, ตํ อนฺโตผรุสตาย พหิมฏฺตาย หตฺถิลณฺฑํ วิย อสฺสลณฺฑํ วิย จ โหตีติ.

ตํ สุตฺวา ตาปโส ตติยํ คาถมาห –

๙๙.

‘‘เอหิ โคธ นิวตฺตสฺสุ, ภุฺช สาลีนโมทนํ;

เตลํ โลณฺจ เม อตฺถิ, ปหูตํ มยฺห ปิปฺผลี’’ติ.

ตตฺถ ปหูตํ มยฺห ปิปฺผลีติ น เกวลํ สาลีนโมทนํ เตลโลณเมว, หิงฺคุชีรกสิงฺคิเวรลสุณมริจปิปฺผลิปฺปเภทํ กฏุกภณฺฑมฺปิ มยฺหํ พหุ อตฺถิ, เตนาภิสงฺขตํ สาลีนโมทนํ ภุฺชาหีติ.

ตํ สุตฺวา โพธิสตฺโต จตุตฺถํ คาถมาห –

๑๐๐.

‘‘เอส ภิยฺโย ปเวกฺขามิ, วมฺมิกํ สตโปริสํ;

เตลํ โลณฺจ กิตฺเตสิ, อหิตํ มยฺห ปิปฺผลี’’ติ.

ตตฺถ ปเวกฺขามีติ ปวิสิสฺสามิ. อหิตนฺติ ยํ เอตํ ตว กฏุกภณฺฑสงฺขาตํ ปิปฺผลิ, เอตํ มยฺหํ อหิตํ อสปฺปายนฺติ.

เอวฺจ ปน วตฺวา ‘‘อเร, กูฏชฏิล, สเจ อิธ วสิสฺสสิ, โคจรคาเม มนุสฺเสเหว ตํ ‘อยํ โจโร’ติ คาหาเปตฺวา วิปฺปการํ ปาเปสฺสามิ, สีฆํ ปลายสฺสู’’ติ สนฺตชฺเชสิ. กูฏชฏิโล ตโต ปลายิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา กูฏชฏิโล อยํ กุหกภิกฺขุ อโหสิ, โคธราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

โคธราชชาตกวณฺณนา ปฺจมา.

[๓๒๖] ๖. กกฺการุชาตกวณฺณนา

กาเยน โย นาวหเรติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เทวทตฺตํ อารพฺภ กเถสิ. ตสฺส หิ สงฺฆํ ภินฺทิตฺวา คตสฺส อคฺคสาวเกหิ สทฺธึ ปริสาย ปกฺกนฺตาย อุณฺหํ โลหิตํ มุขโต อุคฺคฺฉิ. อถ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, เทวทตฺโต มุสาวาทํ กตฺวา สงฺฆํ ภินฺทิตฺวา อิทานิ คิลาโน หุตฺวา มหาทุกฺขํ อนุโภตี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปส มุสาวาทีเยว, น เจส อิทาเนว มุสาวาทํ กตฺวา มหาทุกฺขํ อนุโภติ, ปุพฺเพปิ อนุโภสิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตาวตึสภวเน อฺตโร เทวปุตฺโต อโหสิ. เตน โข ปน สมเยน พาราณสิยํ มหาอุสฺสโว อโหสิ. พหู นาคา จ สุปณฺณา จ ภูมฏฺกา จ เทวา อาคนฺตฺวา อุสฺสวํ โอโลกยึสุ. ตาวตึสภวนโตปิ จตฺตาโร เทวปุตฺตา กกฺการูนิ นาม ทิพฺพปุปฺผานิ เตหิ กตจุมฺพฏกํ ปิฬนฺธิตฺวา อุสฺสวทสฺสนํ อาคมึสุ. ทฺวาทสโยชนิกํ พาราณสินครํ เตสํ ปุปฺผานํ คนฺเธน เอกคนฺธํ อโหสิ. มนุสฺสา ‘‘อิมานิ ปุปฺผานิ เกน ปิฬนฺธิตานี’’ติ อุปธาเรนฺตา วิจรนฺติ. เต เทวปุตฺตา ‘‘อมฺเห เอเต อุปธาเรนฺตี’’ติ ตฺวา ราชงฺคเณ อุปฺปติตฺวา มหนฺเตน เทวานุภาเวน อากาเส อฏฺํสุ. มหาชโน สนฺนิปติ, ราชาปิ สทฺธึ อุปราชาทีหิ อคมาสิ. อถ เน ‘‘กตรเทวโลกโต, สามิ, อาคจฺฉถา’’ติ ปุจฺฉึสุ. ‘‘ตาวตึสเทวโลกโต อาคจฺฉามา’’ติ. ‘‘เกน กมฺเมน อาคตตฺถา’’ติ. ‘‘อุสฺสวทสฺสนตฺถายา’’ติ. ‘‘กึปุปฺผานิ นาเมตานี’’ติ? ‘‘ทิพฺพกกฺการุปุปฺผานิ นามา’’ติ. ‘‘สามิ, ตุมฺเห เทวโลเก อฺานิ ปิฬนฺเธยฺยาถ, อิมานิ อมฺหากํ เทถา’’ติ. เทวปุตฺตา ‘‘ทิพฺพกกฺการุปุปฺผานิ มหานุภาวานิ เทวานฺเว อนุจฺฉวิกานิ, มนุสฺสโลเก ลามกานํ ทุปฺปฺานํ หีนาธิมุตฺติกานํ ทุสฺสีลานํ นานุจฺฉวิกานิ. เย ปน มนุสฺสา อิเมหิ จ อิเมหิ จ คุเณหิ สมนฺนาคตา, เตสํ เอตานิ อนุจฺฉวิกานี’’ติ อาหํสุ.

เอวฺจ ปน วตฺวา เตสุ เชฏฺกเทวปุตฺโต ปมํ คาถมาห –

๑๐๑.

‘‘กาเยน โย นาวหเร, วาจาย น มุสา ภเณ;

ยโส ลทฺธา น มชฺเชยฺย, ส เว กกฺการุมรหตี’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – โย กาเยน ปรสฺส สนฺตกํ ติณสลากมฺปิ นาวหรติ, วาจาย ชีวิตํ ปริจฺจชมาโนปิ มุสาวาทํ น ภณติ. เทสนาสีสเมเวตํ, กายทฺวารวจีทฺวารมโนทฺวาเรหิ ปน โย ทสปิ อกุสลกมฺมปเถ น กโรตีติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโย. ยโส ลทฺธาติ อิสฺสริยฺจ ลภิตฺวา โย อิสฺสริยมทมตฺโต สตึ วิสฺสชฺเชตฺวา ปาปกมฺมํ น กโรติ, ส เว เอวรูโป อิเมหิ คุเณหิ ยุตฺโต ปุคฺคโล อิมํ ทิพฺพปุปฺผํ อรหติ. ตสฺมา โย อิเมหิ คุเณหิ สมนฺนาคโต, โส อิมานิ ปุปฺผานิ ยาจิตุํ อรหติ, ตสฺส ทสฺสามีติ.

ตํ สุตฺวา ปุโรหิโต จินฺเตสิ ‘‘มยฺหํ อิเมสุ คุเณสุ เอโกปิ นตฺถิ, มุสาวาทํ ปน วตฺวา เอตานิ ปุปฺผานิ คเหตฺวา ปิฬนฺธิสฺสามิ, เอวํ มํ มหาชโน ‘คุณสมฺปนฺโน อย’นฺติ ชานิสฺสตี’’ติ. โส ‘‘อหํ เอเตหิ คุเณหิ สมนฺนาคโต’’ติ วตฺวา ตานิ ปุปฺผานิ อาหราเปตฺวา ปิฬนฺธิตฺวา ทุติยํ เทวปุตฺตํ ยาจิ. โส ทุติยํ คาถมาห –

๑๐๒.

‘‘ธมฺเมน วิตฺตเมเสยฺย, น นิกตฺยา ธนํ หเร;

โภเค ลทฺธา น มชฺเชยฺย, ส เว กกฺการุมรหตี’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – ธมฺเมน ปริสุทฺธาชีเวน สุวณฺณรชตาทิวิตฺตํ ปริเยเสยฺย. น นิกตฺยาติ น วฺจนาย ธนํ หเรยฺย, วตฺถาภรณาทิเก โภเค ลภิตฺวา ปมาทํ นาปชฺเชยฺย, เอวรูโป อิมานิ ปุปฺผานิ อรหตีติ.

ปุโรหิโต ‘‘อหํ เอเตหิ คุเณหิ สมนฺนาคโต’’ติ วตฺวา ตานิ อาหราเปตฺวา ปิฬนฺธิตฺวา ตติยํ เทวปุตฺตํ ยาจิ. โส ตติยํ คาถมาห –

๑๐๓.

‘‘ยสฺส จิตฺตํ อหาลิทฺทํ, สทฺธา จ อวิราคินี;

เอโก สาทุํ น ภุฺเชยฺย, ส เว กกฺการุมรหตี’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – ยสฺส ปุคฺคลสฺส จิตฺตํ อหาลิทฺทํ หลิทฺทิราโค วิย ขิปฺปํ น วิรชฺชติ, ถิรเมว โหติ. สทฺธา จ อวิราคินีติ กมฺมํ วา วิปากํ วา โอกปฺปนียสฺส วา ปุคฺคลสฺส วจนํ สทฺทหิตฺวา อปฺปมตฺตเกเนว น วิรชฺชติ น ภิชฺชติ. โย ยาจเก วา อฺเ วา สํวิภาคารเห ปุคฺคเล พหิ กตฺวา เอกโกว สาทุรสโภชนํ น ภุฺชติ, เนสํ สํวิภชิตฺวา ภุฺชติ, โส อิมานิ ปุปฺผานิ อรหตีติ.

ปุโรหิโต ‘‘อหํ เอเตหิ คุเณหิ สมนฺนาคโต’’ติ วตฺวา ตานิ ปุปฺผานิ อาหราเปตฺวา ปิฬนฺธิตฺวา จตุตฺถํ เทวปุตฺตํ ยาจิ. โส จตุตฺถํ คาถมาห –

๑๐๔.

‘‘สมฺมุขา วา ติโรกฺขา วา, โย สนฺเต น ปริภาสติ;

ยถาวาที ตถาการี, ส เว กกฺการุมรหตี’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – โย ปุคฺคโล สมฺมุขา วา ปรมฺมุขา วา สีลาทิคุณยุตฺเต สนฺเต อุตฺตมปณฺฑิตปุริเส น อกฺโกสติ น ปริภาสติ, ยํ วาจาย วทติ, ตเทว กาเยน กโรติ, โส อิมานิ ปุปฺผานิ อรหตีติ.

ปุโรหิโต ‘‘อหํ เอเตหิ คุเณหิ สมนฺนาคโต’’ติ วตฺวา ตานิปิ อาหราเปตฺวา ปิฬนฺธิ. จตฺตาโร เทวปุตฺตา จตฺตาริ ปุปฺผจุมฺพฏกานิ ปุโรหิตสฺส ทตฺวา เทวโลกเมว คตา. เตสํ คตกาเล ปุโรหิตสฺส สีเส มหตี เวทนา อุปฺปชฺชิ, ติขิณสิขเรน นิมฺมถิตํ วิย จ อยปฏฺเฏน ปีฬิตํ วิย จ สีสํ อโหสิ. โส เวทนาปฺปตฺโต อปราปรํ ปริวตฺตมาโน มหาสทฺเทน วิรวิ, ‘‘กิเมต’’นฺติ จ วุตฺเต ‘‘อหํ มมพฺภนฺตเร อวิชฺชมาเนเยว คุเณ ‘อตฺถี’ติ มุสาวาทํ กตฺวา เต เทวปุตฺเต อิมานิ ปุปฺผานิ ยาจึ, หรเถตานิ มม สีสโต’’ติ อาห. ตานิ หรนฺตาปิ หริตุํ นาสกฺขึสุ, อยปฏฺเฏน พทฺธานิ วิย อเหสุํ. อถ นํ อุกฺขิปิตฺวา เคหํ นยึสุ. ตตฺถ ตสฺส วิรวนฺตสฺส สตฺต ทิวสา วีติวตฺตา.

ราชา อมจฺเจ อามนฺเตตฺวา ‘‘ทุสฺสีลพฺราหฺมโณ มริสฺสติ, กึ กโรมา’’ติ อาห. ‘‘เทว, ปุน อุสฺสวํ กาเรม, เทวปุตฺตา ปุน อาคจฺฉิสฺสนฺตี’’ติ. ราชา ปุน อุสฺสวํ กาเรสิ. เทวปุตฺตา ปุน อาคนฺตฺวา สกลนครํ ปุปฺผคนฺเธน เอกคนฺธํ กตฺวา ตเถว ราชงฺคเณ อฏฺํสุ, มหาชโน สนฺนิปติตฺวา ทุสฺสีลพฺราหฺมณํ อาเนตฺวา เตสํ ปุรโต อุตฺตานํ นิปชฺชาเปสิ. โส ‘‘ชีวิตํ เม เทถ, สามี’’ติ เทวปุตฺเต ยาจิ. เทวปุตฺตา ‘‘ตุยฺหํ ทุสฺสีลสฺส ปาปธมฺมสฺส อนนุจฺฉวิกาเนเวตานิ ปุปฺผานิ, ตฺวํ ปน ‘อมฺเห วฺเจสฺสามี’ติ สฺี อโหสิ, อตฺตโน มุสาวาทผลํ ลทฺธ’’นฺติ มหาชนมชฺเฌ ทุสฺสีลพฺราหฺมณํ ครหิตฺวา สีสโต ปุปฺผจุมฺพฏกํ อปเนตฺวา มหาชนสฺส โอวาทํ ทตฺวา สกฏฺานเมว อคมํสุ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา พฺราหฺมโณ เทวทตฺโต อโหสิ, เตสุ เทวปุตฺเตสุ เอโก กสฺสโป, เอโก โมคฺคลฺลาโน, เอโก สาริปุตฺโต, เชฏฺกเทวปุตฺโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

กกฺการุชาตกวณฺณนา ฉฏฺา.

[๓๒๗] ๗. กากวตีชาตกวณฺณนา

วาติ จายํ ตโต คนฺโธติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ อุกฺกณฺิตภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. ตทา หิ สตฺถา ตํ ภิกฺขุํ ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ อุกฺกณฺิโตสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘สจฺจํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กสฺมา อุกฺกณฺิโตสี’’ติ? ‘‘กิเลสวเสน, ภนฺเต’’ติ. ‘‘ภิกฺขุ มาตุคาโม นาม อรกฺขิโย, น สกฺกา รกฺขิตุํ, โปราณกปณฺฑิตา ปน มาตุคามํ มหาสมุทฺทมชฺเฌ สิมฺพลิรุกฺขวิมาเน วสาเปนฺตาปิ รกฺขิตุํ นาสกฺขึสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิสฺมึ นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ปิตุ อจฺจเยน รชฺชํ กาเรสิ. กากวตี นามสฺส อคฺคมเหสี อโหสิ อภิรูปา เทวจฺฉรา วิย. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถารโต ปน อตีตวตฺถุ กุณาลชาตเก (ชา. ๒.๒๑.กุณาลชาตก) อาวิ ภวิสฺสติ. ตทา ปเนโก สุปณฺณราชา มนุสฺสเวเสน อาคนฺตฺวา รฺา สห ชูตํ กีฬนฺโต กากวติยา อคฺคมเหสิยา ปฏิพทฺธจิตฺโต ตํ อาทาย สุปณฺณภวนํ เนตฺวา ตาย สทฺธึ อภิรมิ. ราชา เทวึ อปสฺสนฺโต นฏกุเวรํ นาม คนฺธพฺพํ ‘‘ตฺวํ วิจินาหิ น’’นฺติ อาห. โส ตํ สุปณฺณราชานํ ปริคฺคเหตฺวา เอกสฺมึ สเร เอรกวเน นิปชฺชิตฺวา ตโต สุปณฺณสฺส คมนกาเล ปตฺตนฺตเร นิสีทิตฺวา สุปณฺณภวนํ ปตฺวา ปตฺตนฺตรโต นิกฺขมิตฺวา ตาย สทฺธึ กิเลสสํสคฺคํ กตฺวา ปุน ตสฺเสว ปตฺตนฺตเร นิสินฺโน อาคนฺตฺวา สุปณฺณสฺส รฺา สทฺธึ ชูตกีฬนกาเล อตฺตโน วีณํ คเหตฺวา ชูตมณฺฑลํ คนฺตฺวา รฺโ สนฺติเก ิโต คีตวเสน ปมํ คาถมาห –

๑๐๕.

‘‘วาติ จายํ ตโต คนฺโธ, ยตฺถ เม วสตี ปิยา;

ทูเร อิโต หิ กากวตี, ยตฺถ เม นิรโต มโน’’ติ.

ตตฺถ คนฺโธติ ตสฺสา ทิพฺพคนฺธวิลิตฺตาย สรีรคนฺโธ. ยตฺถ เมติ ยตฺถ สุปณฺณภวเน มม ปิยา วสติ, ตโต อิมินา สทฺธึ กตกายสํสคฺคาย ตสฺสา อิมสฺส กาเยน สทฺธึ อาคโต คนฺโธ วายตีติ อธิปฺปาโย. ทูเร อิโตติ อิมมฺหา านา ทูเร. หิ-กาโร นิปาตมตฺโต. กากวตีติ กากวตี เทวี. ยตฺถ เมติ ยสฺสา อุปริ มม มโน นิรโต.

ตํ สุตฺวา สุปณฺโณ ทุติยํ คาถมาห –

๑๐๖.

‘‘กถํ สมุทฺทมตรี, กถํ อตริ เกปุกํ;

กถํ สตฺต สมุทฺทานิ, กถํ สิมฺพลิมารุหี’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – ตฺวํ อิมํ ชมฺพุทีปสมุทฺทํ ตสฺส ปรโต เกปุกํ นาม นทึ ปพฺพตนฺตเรสุ ิตานิ สตฺต สมุทฺทานิ จ กถํ อตริ, เกนุปาเยน ติณฺโณ สตฺต สมุทฺทานิ อติกฺกมิตฺวา ิตํ อมฺหากํ ภวนํ สิมฺพลิรุกฺขฺจ กถํ อารุหีติ.

ตํ สุตฺวา นฏกุเวโร ตติยํ คาถมาห –

๑๐๗.

‘‘ตยา สมุทฺทมตรึ, ตยา อตริ เกปุกํ;

ตยา สตฺต สมุทฺทานิ, ตยา สิมฺพลิมารุหิ’’นฺติ.

ตตฺถ ตยาติ ตยา กรณภูเตน ตว ปตฺตนฺตเร นิสินฺโน อหํ สพฺพเมตํ อกาสินฺติ อตฺโถ.

ตโต สุปณฺณราชา จตุตฺถํ คาถมาห –

๑๐๘.

‘‘ธิรตฺถุ มํ มหากายํ, ธิรตฺถุ มํ อเจตนํ;

ยตฺถ ชายายหํ ชารํ, อาวหามิ วหามิ จา’’ติ.

ตตฺถ ธิรตฺถุ มนฺติ อตฺตานํ ครหนฺโต อาห. อเจตนนฺติ มหาสรีรตาย ลหุภาวครุภาวสฺส อชานนตาย อเจตนํ. ยตฺถาติ ยสฺมา. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยสฺมา อหํ อตฺตโน ชายาย ชารํ อิมํ คนฺธพฺพํ ปตฺตนฺตเร นิสินฺนํ อาเนนฺโต อาวหามิ เนนฺโต จ วหามิ, ตสฺมา ธิรตฺถุ มนฺติ. โส ตํ อาเนตฺวา พาราณสิรฺโ ทตฺวา ปุน นครํ นาคมาสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺิตภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ตทา นฏกุเวโร อุกฺกณฺิตภิกฺขุ อโหสิ, ราชา ปน อหเมว อโหสินฺติ.

กากวตีชาตกวณฺณนา สตฺตมา.

[๓๒๘] ๘. อนนุโสจิยชาตกวณฺณนา

พหูนํ วิชฺชตี โภตีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ มตภริยํ กุฏุมฺพิกํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิร ภริยาย มตาย น นฺหายิ น ปิวิ น ลิมฺปิ น ภุฺชิ, น กมฺมนฺเต ปโยเชสิ, อฺทตฺถุ โสกาภิภูโต อาฬาหนํ คนฺตฺวา ปริเทวมาโน วิจริ. อพฺภนฺตเร ปนสฺส กุเฏ ปทีโป วิย โสตาปตฺติมคฺคสฺส อุปนิสฺสโย ชลติ. สตฺถา ปจฺจูสสมเย โลกํ โอโลเกนฺโต ตํ ทิสฺวา ‘‘อิมสฺส มํ เปตฺวา อฺโ โกจิ โสกํ นีหริตฺวา โสตาปตฺติมคฺคสฺส ทายโก นตฺถิ, ภวิสฺสามิสฺส อวสฺสโย’’ติ ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต ปจฺฉาสมณํ อาทาย ตสฺส เคหทฺวารํ คนฺตฺวา กุฏุมฺพิเกน สุตาคมโน กตปจฺจุคฺคมนาทิสกฺกาโร ปฺตฺตาสเน นิสินฺโน กุฏุมฺพิกํ อาคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺนํ ‘‘กึ, อุปาสก, จินฺเตสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาม, ภนฺเต, ภริยา เม กาลกตา, ตมหํ อนุโสจนฺโต จินฺเตมี’’ติ วุตฺเต ‘‘อุปาสก, ภิชฺชนธมฺมํ นาม ภิชฺชติ, ตสฺมึ ภินฺเน น ยุตฺตํ จินฺเตตุํ, โปราณกปณฺฑิตาปิ ภริยาย มตาย ‘ภิชฺชนธมฺมํ ภิชฺชตี’ติ น จินฺตยึสู’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ. อตีตวตฺถุ ทสกนิปาเต จูฬโพธิชาตเก (ชา. ๑.๑๐.๔๙ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติ, อยํ ปเนตฺถ สงฺเขโป.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา มาตาปิตูนํ สนฺติกํ อคมาสิ. อิมสฺมึ ชาตเก โพธิสตฺโต โกมารพฺรหฺมจารี อโหสิ. อถสฺส มาตาปิตโร ‘‘ตว ทาริกปริเยสนํ กโรมา’’ติ อาโรจยึสุ. โพธิสตฺโต ‘‘น มยฺหํ ฆราวาเสนตฺโถ, อหํ ตุมฺหากํ อจฺจเยน ปพฺพชิสฺสามี’’ติ วตฺวา เตหิ ปุนปฺปุนํ ยาจิโต เอกํ กฺจนรูปกํ กาเรตฺวา ‘‘เอวรูปํ กุมาริกํ ลภมาโน คณฺหิสฺสามี’’ติ อาห. ตสฺส มาตาปิตโร ตํ กฺจนรูปกํ ปฏิจฺฉนฺนยาเน อาโรเปตฺวา ‘‘คจฺฉถ ชมฺพุทีปตลํ วิจรนฺตา ยตฺถ เอวรูปํ พฺราหฺมณกุมาริกํ ปสฺสถ, ตตฺถ อิมํ กฺจนรูปกํ ทตฺวา ตํ อาเนถา’’ติ มหนฺเตน ปริวาเรน มนุสฺเส เปเสสุํ.

ตสฺมึ ปน กาเล เอโก ปุฺวา สตฺโต พฺรหฺมโลกโต จวิตฺวา กาสิรฏฺเเยว นิคมคาเม อสีติโกฏิวิภวสฺส พฺราหฺมณสฺส เคเห กุมาริกา หุตฺวา นิพฺพตฺติ, ‘‘สมฺมิลฺลหาสินี’’ติสฺสา นามํ อกํสุ. สา โสฬสวสฺสกาเล อภิรูปา อโหสิ ปาสาทิกา เทวจฺฉรปฺปฏิภาคา สพฺพงฺคสมฺปนฺนา. ตสฺสาปิ กิเลสวเสน จิตฺตํ นาม น อุปฺปนฺนปุพฺพํ, อจฺจนฺตพฺรหฺมจารินี อโหสิ. กฺจนรูปกํ อาทาย วิจรนฺตา มนุสฺสา ตํ คามํ ปาปุณึสุ. ตตฺถ มนุสฺสา ตํ ทิสฺวา ‘‘อสุกพฺราหฺมณสฺส ธีตา สมฺมิลฺลหาสินี กึการณา อิธ ิตา’’ติ อาหํสุ. มนุสฺสา ตํ สุตฺวา พฺราหฺมณกุลํ คนฺตฺวา สมฺมิลฺลหาสินึ วาเรสุํ. สา ‘‘อหํ ตุมฺหากํ อจฺจเยน ปพฺพชิสฺสามิ, น เม ฆราวาเสนตฺโถ’’ติ มาตาปิตูนํ สาสนํ เปเสสิ. เต ‘‘กึ กโรสิ กุมาริเก’’ติ วตฺวา กฺจนรูปกํ คเหตฺวา ตํ มหนฺเตน ปริวาเรน เปสยึสุ. โพธิสตฺตสฺส จ สมฺมิลฺลหาสินิยา จ อุภินฺนมฺปิ อนิจฺฉนฺตานฺเว มงฺคลํ กรึสุ. เต เอกคพฺเภ วสมานา เอกสฺมึ สยเน สยนฺตาปิ น อฺมฺํ กิเลสวเสน โอโลกยึสุ, ทฺเว ภิกฺขู ทฺเว พฺราหฺมาโน วิย จ เอกสฺมึ าเน วสึสุ.

อปรภาเค โพธิสตฺตสฺส มาตาปิตโร กาลมกํสุ. โส เตสํ สรีรกิจฺจํ กตฺวา สมฺมิลฺลหาสินึ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘ภทฺเท, มม กุลสนฺตกา อสีติโกฏิโย, ตว กุลสนฺตกา อสีติโกฏิโยติ อิมํ เอตฺตกํ ธนํ คเหตฺวา อิมํ กุฏุมฺพํ ปฏิปชฺชาหิ, อหํ ปพฺพชิสฺสามี’’ติ อาห. ‘‘อยฺยปุตฺต, ตยิ ปพฺพชนฺเต อหมฺปิ ปพฺพชิสฺสามิ, น สกฺโกมิ ตํ ชหิตุ’’นฺติ. ‘‘เตน หิ เอหี’’ติ สพฺพํ ธนํ ทานมุเข วิสฺสชฺเชตฺวา เขฬปิณฺฑํ วิย สมฺปตฺตึ ปหาย หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา อุโภปิ ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา วนมูลผลาหารา ตตฺถ จิรํ วสิตฺวา โลณมฺพิลเสวนตฺถาย หิมวนฺตา โอตริตฺวา อนุปุพฺเพน พาราณสึ ปตฺวา ราชุยฺยาเน วสึสุ.

เตสํ ตตฺถ วสนฺตานํ สุขุมาลาย ปริพฺพาชิกาย นิโรชํ มิสฺสกภตฺตํ ปริภุฺชนฺติยา โลหิตปกฺขนฺทิกาพาโธ อุปฺปชฺชิ. สา สปฺปายเภสชฺชํ อลภมานา ทุพฺพลา อโหสิ. โพธิสตฺโต ภิกฺขาจารเวลาย ตํ ปริคฺคเหตฺวา นครทฺวารํ เนตฺวา เอกิสฺสา สาลาย ผลเก นิปชฺชาเปตฺวา สยํ ภิกฺขาย ปาวิสิ. สา ตสฺมึ อนิกฺขนฺเตเยว กาลมกาสิ. มหาชโน ปริพฺพาชิกาย รูปสมฺปตฺตึ ทิสฺวา ปริวาเรตฺวา โรทติ ปริเทวติ. โพธิสตฺโต ภิกฺขํ จริตฺวา อาคโต ตสฺสา มตภาวํ ตฺวา ‘‘ภิชฺชนธมฺมํ ภิชฺชติ, สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา เอวํคติกาเยวา’’ติ วตฺวา ตาย นิปนฺนผลเกเยว นิสีทิตฺวา มิสฺสกโภชนํ ภุฺชิตฺวา มุขํ วิกฺขาเลสิ. ปริวาเรตฺวา ิตมหาชโน ‘‘อยํ เต, ภนฺเต, ปริพฺพาชิกา กึ โหตี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘คิหิกาเล เม ปาทปริจาริกา อโหสี’’ติ. ‘‘ภนฺเต, มยํ ตาว น สณฺาม โรทาม ปริเทวาม, ตุมฺเห กสฺมา น โรทถา’’ติ? โพธิสตฺโต ‘‘ชีวมานา ตาว เอสา มม กิฺจิ โหติ, อิทานิ ปรโลกสมงฺคิตาย น กิฺจิ โหติ, มรณวสํ คตา, อหํ กิสฺส โรทามี’’ติ มหาชนสฺส ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –

๑๐๙.

‘‘พหูนํ วิชฺชตี โภตี, เตหิ เม กึ ภวิสฺสติ;

ตสฺมา เอตํ น โสจามิ, ปิยํ สมฺมิลฺลหาสินึ.

๑๑๐.

‘‘ตํ ตํ เจ อนุโสเจยฺย, ยํ ยํ ตสฺส น วิชฺชติ;

อตฺตานมนุโสเจยฺย, สทา มจฺจุวสํ ปตํ.

๑๑๑.

‘‘น เหว ิตํ นาสีนํ, น สยานํ น ปทฺธคุํ;

ยาว พฺยาติ นิมิสติ, ตตฺราปิ รสตี วโย.

๑๑๒.

‘‘ตตฺถตฺตนิ วตปฺปทฺเธ, วินาภาเว อสํสเย;

ภูตํ เสสํ ทยิตพฺพํ, วีตํ อนนุโสจิย’’นฺติ.

ตตฺถ พหูนํ วิชฺชตี โภตีติ อยํ โภตี อมฺเห ฉฑฺเฑตฺวา อิทานิ อฺเสํ พหูนํ มตกสตฺตานํ อนฺตเร วิชฺชติ อตฺถิ อุปลพฺภติ. เตหิ เม กึ ภวิสฺสตีติ เตหิ มตกสตฺเตหิ สทฺธึ วตฺตมานา อิทาเนเวสา มยฺหํ กึ ภวิสฺสติ, เตหิ วา มตกสตฺเตหิ อติเรกสมฺพนฺธวเสเนสา มยฺหํ กึ ภวิสฺสติ, กา นาม ภวิสฺสติ, กึ ภริยา, อุทาหุ ภคินีติ? ‘‘เตหิ เมก’’นฺติปิ ปาโ, เตหิ มตเกหิ สทฺธึ อิทมฺปิ เม กเฬวรํ เอกํ ภวิสฺสตีติ อตฺโถ. ตสฺมาติ ยสฺมา เอสา มตเกสุ สงฺขํ คตา, มยฺหํ สา น กิฺจิ โหติ, ตสฺมา เอตํ น โสจามิ.

ยํ ยํ ตสฺสาติ ยํ ยํ ตสฺส อนุโสจนกสฺส สตฺตสฺส น วิชฺชติ นตฺถิ, มตํ นิรุทฺธํ, ตํ ตํ สเจ อนุโสเจยฺยาติ อตฺโถ. ‘‘ยสฺสา’’ติปิ ปาโ, ยํ ยํ ยสฺส น วิชฺชติ, ตํ ตํ โส อนุโสเจยฺยาติ อตฺโถ. มจฺจุวสํ ปตนฺติ เอวํ สนฺเต นิจฺจํ มจฺจุวสํ ปตนฺตํ คจฺฉนฺตํ อตฺตานเมว อนุโสเจยฺย, เตนสฺส อโสจนกาโลเยว น ภเวยฺยาติ อตฺโถ.

ตติยคาถาย น เหว ิตํ นาสีนํ, น สยานํ น ปทฺธคุนฺติ กฺจิ สตฺตํ อายุสงฺขาโร อนุคจฺฉตีติ ปาเสโส. ตตฺถ ปทฺธคุนฺติ ปริวตฺเตตฺวา จรมานํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อิเม สตฺตา จตูสุปิ อิริยาปเถสุ ปมตฺตา วิหรนฺติ, อายุสงฺขารา ปน รตฺติฺจ ทิวา จ สพฺพิริยาปเถสุ อปฺปมตฺตา อตฺตโน ขยคมนกมฺมเมว กโรนฺตีติ. ยาว พฺยาตีติ ยาว อุมฺมิสติ. อยฺหิ ตสฺมึ กาเล โวหาโร. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยาว อุมฺมิสติ จ นิมิสติ จ, ตตฺราปิ เอวํ อปฺปมตฺตเก กาเล อิเมสํ สตฺตานํ รสตี วโย, ตีสุ วเยสุ โส โส วโย หายเตว น วฑฺฒตีติ.

ตตฺถตฺตนิ วตปฺปทฺเธติ ตตฺถ วต อตฺตนิ ปทฺเธ. อิทํ วุตฺตํ โหติ ตสฺมึ วต เอวํ รสมาเน วเย อยํ ‘‘อตฺตา’’ติ สงฺขฺยํ คโต อตฺตภาโว ปทฺโธ โหติ, วเยน อฑฺโฒ อุปฑฺโฒ อปริปุณฺโณว โหติ. เอวํ ตตฺถ อิมสฺมึ อตฺตนิ ปทฺเธ โย เจส ตตฺถ ตตฺถ นิพฺพตฺตานํ สตฺตานํ วินาภาโว อสํสโย, ตสฺมึ วินาภาเวปิ อสํสเย นิสฺสํสเย ยํ ภูตํ เสสํ อมตํ ชีวมานํ, ตํ ชีวมานเมว ทยิตพฺพํ ปิยายิตพฺพํ เมตฺตายิตพฺพํ, ‘‘อยํ สตฺโต อโรโค โหตุ อพฺยาปชฺโช’’ติ เอวํ ตสฺมึ เมตฺตาภาวนา กาตพฺพา. ยํ ปเนตํ วีตํ วิคตํ มตํ, ตํ อนนุโสจิยํ น อนุโสจิตพฺพนฺติ.

เอวํ มหาสตฺโต จตูหิ คาถาหิ อนิจฺจาการํ ทีเปนฺโต ธมฺมํ เทเสสิ. มหาชโน ปริพฺพาชิกาย สรีรกิจฺจํ อกาสิ. โพธิสตฺโต หิมวนฺตเมว ปวิสิตฺวา ฌานาภิฺาสมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวา พฺรหฺมโลกปรายโณ อโหสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน กุฏุมฺพิโก โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ตทา สมฺมิลฺลหาสินี ราหุลมาตา อโหสิ, ตาปโส ปน อหเมว อโหสินฺติ.

อนนุโสจิยชาตกวณฺณนา อฏฺมา.

[๓๒๙] ๙. กาฬพาหุชาตกวณฺณนา

ยํ อนฺนปานสฺสาติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต หตลาภสกฺการํ เทวทตฺตํ อารพฺภ กเถสิ. เทวทตฺเตน หิ ตถาคเต อฏฺานโกปํ พนฺธิตฺวา ธนุคฺคเหสุ ปโยชิเตสุ นาฬาคิริวิสฺสชฺชเนน ตสฺส โทโส ปากโฏ ชาโต. อถสฺส ปฏฺปิตานิ ธุวภตฺตาทีนิ มนุสฺสา น กรึสุ, ราชาปิ นํ น โอโลเกสิ. โส หตลาภสกฺกาโร กุเลสุ วิฺาเปตฺวา ภุฺชนฺโต วิจริ. ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, เทวทตฺโต ‘ลาภสกฺการํ อุปฺปาเทสฺสามี’ติ อุปฺปนฺนมฺปิ ถิรํ กาตุํ นาสกฺขี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปส หตลาภสกฺกาโร อโหสี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ ธนฺชเย รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ราโธ นาม สุโก อโหสิ มหาสรีโร ปริปุณฺณคตฺโต, กนิฏฺโ ปนสฺส โปฏฺปาโท นาม. เอโก ลุทฺทโก เต ทฺเวปิ ชเน พนฺธิตฺวา เนตฺวา พาราณสิรฺโ อทาสิ. ราชา อุโภปิ เต สุวณฺณปฺชเร ปกฺขิปิตฺวา สุวณฺณตฏฺฏเกน มธุลาเช ขาทาเปนฺโต สกฺขโรทกํ ปาเยนฺโต ปฏิชคฺคิ. สกฺกาโร จ มหา อโหสิ, ลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺตา อเหสุํ. อเถโก วนจรโก กาฬพาหุํ นาเมกํ มหากาฬมกฺกฏํ อาเนตฺวา พาราณสิรฺโ อทาสิ. ตสฺส ปจฺฉา อาคตตฺตา มหนฺตตโร ลาภสกฺกาโร อโหสิ, สุกานํ ปริหายิ. โพธิสตฺโต ตาทิลกฺขณโยคโต น กิฺจิ อาห, กนิฏฺโ ปนสฺส ตาทิลกฺขณาภาวา ตํ มกฺกฏสฺส สกฺการํ อสหนฺโต ‘‘ภาติก, ปุพฺเพ อิมสฺมึ ราชกุเล สาธุรสขาทนียาทีนิ อมฺหากเมว เทนฺติ, อิทานิ ปน มยํ น ลภาม, กาฬพาหุมกฺกฏสฺเสว เทนฺติ. มยํ ธนฺชยรฺโ สนฺติกา ลาภสกฺการํ อลภนฺตา อิมสฺมึ าเน กึ กริสฺสาม, เอหิ อรฺเมว คนฺตฺวา วสิสฺสามา’’ติ เตน สทฺธึ สลฺลปนฺโต ปมํ คาถมาห –

๑๑๓.

‘‘ยํ อนฺนปานสฺส ปุเร ลภาม, ตํ ทานิ สาขมิคเมว คจฺฉติ;

คจฺฉาม ทานิ วนเมว ราธ, อสกฺกตา จสฺม ธนฺชยายา’’ติ.

ตตฺถ ยํ อนฺนปานสฺสาติ ยํ อนฺนปานํ อสฺส รฺโ สนฺติกา. อุปโยคตฺเถ วา สามิวจนํ. ธนฺชยายาติ กรณตฺเถ สมฺปทานวจนํ, ธนฺชเยน. อสกฺกตา จสฺมาติ อนฺนปานํ น ลภาม, อิมินา จ น สกฺกตมฺหาติ อตฺโถ.

ตํ สุตฺวา ราโธ ทุติยํ คาถมาห –

๑๑๔.

‘‘ลาโภ อลาโภ ยโส อยโส จ, นินฺทา ปสํสา จ สุขฺจ ทุกฺขํ;

เอเต อนิจฺจา มนุเชสุ ธมฺมา, มา โสจิ กึ โสจสิ โปฏฺปาทา’’ติ.

ตตฺถ ยโสติ อิสฺสริยปริวาโร. อยโสติ ตสฺสาภาโว. เอเตติ เอเต อฏฺ โลกธมฺมา มนุเชสุ อนิจฺจา, ลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺตา หุตฺวาปิ อปเรน สมเยน อปฺปลาภา อปฺปสกฺการา โหนฺติ, นิจฺจลาภิโน นาม น โหนฺติ. ยสาทีสุปิ เอเสว นโย.

ตํ สุตฺวา โปฏฺปาโท มกฺกเฏ อุสูยํ อปเนตุํ อสกฺโกนฺโต ตติยํ คาถมาห –

๑๑๕.

‘‘อทฺธา ตุวํ ปณฺฑิตโกสิ ราธ, ชานาสิ อตฺถานิ อนาคตานิ;

กถํ นุ สาขามิคํ ทกฺขิสาม, นิทฺธาวิตํ ราชกุลโตว ชมฺม’’นฺติ.

ตตฺถ กถํ นูติ เกน นุ โข อุปาเยน. ทกฺขิสามาติ ทกฺขิสฺสาม. นิทฺธาวิตนฺติ นิวุฏฺาปิตํ นิกฺกฑฺฒาปิตํ. ชมฺมนฺติ ลามกํ.

ตํ สุตฺวา ราโธ จตุตฺถํ คาถมาห –

๑๑๖.

‘‘จาเลติ กณฺณํ ภกุฏึ กโรติ, มุหุํ มุหุํ ภายยเต กุมาเร;

สยเมว ตํ กาหติ กาฬพาหุ, เยนารกา สฺสติ อนฺนปานา’’ติ.

ตตฺถ ภายยเต กุมาเรติ ราชกุมาเร อุตฺราเสติ. เยนารกา สฺสติ อนฺนปานาติ เยน การเณน อิมมฺหา อนฺนปานา ทูเร สฺสติ, สยเมว ตํ การณํ กริสฺสติ, มา ตฺวํ เอตสฺส จินฺตยีติ อตฺโถ.

กาฬพาหุปิ กติปาเหเนว ราชกุมารานํ ปุรโต ตฺวา กณฺณจลนาทีนิ กโรนฺโต กุมาเร ภายาเปสิ. เต ภีตตสิตา วิสฺสรมกํสุ. ราชา ‘‘กึ เอต’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ตมตฺถํ สุตฺวา ‘‘นิกฺกฑฺฒถ น’’นฺติ มกฺกฏํ นิกฺกฑฺฒาเปสิ. สุกานํ ลาภสกฺกาโร ปุน ปากติโก อโหสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา กาฬพาหุ เทวทตฺโต อโหสิ, โปฏฺปาโท อานนฺโท, ราโธ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

กาฬพาหุชาตกวณฺณนา นวมา.

[๓๓๐] ๑๐. สีลวีมํสชาตกวณฺณนา

สีลํ กิเรว กลฺยาณนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สีลวีมํสกพฺราหฺมณํ อารพฺภ กเถสิ. ทฺเวปิ วตฺถูนิ เหฏฺา กถิตาเนว. อิธ ปน โพธิสตฺโต พาราณสิรฺโ ปุโรหิโต อโหสิ. โส อตฺตโน สีลํ วีมํสนฺโต ตีณิ ทิวสานิ เหรฺิกผลกโต กหาปณํ คณฺหิ. ตํ ‘‘โจโร’’ติ คเหตฺวา รฺโ ทสฺเสสุํ. โส รฺโ สนฺติเก ิโต –

๑๑๗.

‘‘สีลํ กิเรว กลฺยาณํ, สีลํ โลเก อนุตฺตรํ;

ปสฺส โฆรวิโส นาโค, สีลวาติ น หฺตี’’ติ. –

อิมาย ปมคาถาย สีลํ วณฺเณตฺวา ราชานํ ปพฺพชฺชํ อนุชานาเปตฺวา ปพฺพชิตุํ คจฺฉติ.

อเถกสฺมึ ทิวเส สูนาปณโต เสโน มํสเปสึ คเหตฺวา อากาสํ ปกฺขนฺทิ. ตมฺเ สกุณา ปริวาเรตฺวา ปาทนขตุณฺฑกาทีหิ ปหรนฺติ. โส ตํ ทุกฺขํ สหิตุํ อสกฺโกนฺโต มํสเปสึ ฉฑฺเฑสิ, อปโร คณฺหิ. โสปิ ตเถว วิเหิยมาโน ฉฑฺเฑสิ, อถฺโ คณฺหิ. เอวํ โย โย คณฺหิ, ตํ ตํ สกุณา อนุพนฺธึสุ. โย โย ฉฑฺเฑสิ, โส โส สุขิโต อโหสิ. โพธิสตฺโต ตํ ทิสฺวา ‘‘อิเม กามา นาม มํสเปสูปมา, เอเต คณฺหนฺตานํเยว ทุกฺขํ, วิสฺสชฺเชนฺตานํ สุข’’นฺติ จินฺเตตฺวา ทุติยํ คาถมาห –

๑๑๘.

‘‘ยาวเทวสฺสหู กิฺจิ, ตาวเทว อขาทิสุํ;

สงฺคมฺม กุลลา โลเก, น หึสนฺติ อกิฺจน’’นฺติ.

ตสฺสตฺโถ – ยาวเทว อสฺส เสนสฺส อหุ กิฺจิ มุเขน คหิตํ มํสขณฺฑํ, ตาวเทว นํ อิมสฺมึ โลเก กุลลา สมาคนฺตฺวา อขาทึสุ. ตสฺมึ ปน วิสฺสฏฺเ ตเมนํ อกิฺจนํ นิปฺปลิโพธํ ปกฺขึ เสสปกฺขิโน น หึสนฺตีติ.

โส นครา นิกฺขมิตฺวา อนฺตรามคฺเค เอกสฺมึ คาเม สายํ เอกสฺส เคเห นิปชฺชิ. ตตฺถ ปน ปิงฺคลา นาม ทาสี ‘‘อสุกเวลาย อาคจฺเฉยฺยาสี’’ติ เอเกน ปุริเสน สทฺธึ สงฺเกตมกาสิ. สา สามิกานํ ปาเท โธวิตฺวา เตสุ นิปนฺเนสุ ตสฺสาคมนํ โอโลเกนฺตี อุมฺมาเร นิสีทิตฺวา ‘‘อิทานิ อาคมิสฺสติ, อิทานิ อาคมิสฺสตี’’ติ ปมยามมฺปิ มชฺฌิมยามมฺปิ วีตินาเมสิ. ปจฺจูสสมเย ปน ‘‘น โส อิทานิ อาคมิสฺสตี’’ติ ฉินฺนาสา หุตฺวา นิปชฺชิตฺวา นิทฺทํ โอกฺกมิ. โพธิสตฺโต อิทํ การณํ ทิสฺวา ‘‘อยํ ทาสี ‘โส ปุริโส อาคมิสฺสตี’ติ อาสาย เอตฺตกํ กาลํ นิสินฺนา, อิทานิสฺส อนาคมนภาวํ ตฺวา ฉินฺนาสา หุตฺวา สุขํ สุปติ. กิเลเสสุ หิ อาสา นาม ทุกฺขํ, นิราสภาโวว สุข’’นฺติ จินฺเตตฺวา ตติยํ คาถมาห –

๑๑๙.

‘‘สุขํ นิราสา สุปติ, อาสา ผลวตี สุขา;

อาสํ นิราสํ กตฺวาน, สุขํ สุปติ ปิงฺคลา’’ติ.

ตตฺถ ผลวตีติ ยสฺสา อาสาย ผลํ ลทฺธํ โหติ, สา ตสฺส ผลสฺส สุขตาย สุขา นาม. นิราสํ กตฺวานาติ อนาสํ กตฺวา ฉินฺทิตฺวา ปชหิตฺวาติ อตฺโถ. ปิงฺคลาติ เอสา ปิงฺคลทาสี อิทานิ สุขํ สุปตีติ.

โส ปุนทิวเส ตโต คามา อรฺํ ปวิสนฺโต อรฺเ เอกํ ตาปสํ ฌานํ อปฺเปตฺวา นิสินฺนํ ทิสฺวา ‘‘อิธโลเก จ ปรโลเก จ ฌานสุขโต อุตฺตริตรํ สุขํ นาม นตฺถี’’ติ จินฺเตตฺวา จตุตฺถํ คาถมาห –

๑๒๐.

‘‘น สมาธิปโร อตฺถิ, อสฺมึ โลเก ปรมฺหิ จ;

น ปรํ นาปิ อตฺตานํ, วิหึสติ สมาหิโต’’ติ.

ตตฺถ น สมาธิปโรติ สมาธิโต ปโร อฺโ สุขธมฺโม นาม นตฺถีติ.

โส อรฺํ ปวิสิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ฌานาภิฺา อุปฺปาเทตฺวา พฺรหฺมโลกปรายโณ อโหสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ปุโรหิโต อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

สีลวีมํสชาตกวณฺณนา ทสมา.

กุฏิทูสกวคฺโค ตติโย.

๔. โกกิลวคฺโค

[๓๓๑] ๑. โกกิลชาตกวณฺณนา

โย เว กาเล อสมฺปตฺเตติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โกกาลิกํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ ตกฺการิยชาตเก วิตฺถาริตเมว.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส อมจฺโจ โอวาทโก อโหสิ, ราชา พหุภาณี อโหสิ. โพธิสตฺโต ‘‘ตสฺส พหุภาณิตํ นิเสเธสฺสามี’’ติ เอกํ อุปมํ อุปธาเรนฺโต วิจรติ. อเถกทิวสํ ราชา อุยฺยานํ คโต มงฺคลสิลาปฏฺเฏ นิสีทิ, ตสฺสุปริ อมฺพรุกฺโข อตฺถิ. ตตฺเรกสฺมึ กากกุลาวเก กาฬโกกิลา อตฺตโน อณฺฑกํ นิกฺขิปิตฺวา อคมาสิ. กากี ตํ โกกิลอณฺฑกํ ปฏิชคฺคิ, อปรภาเค ตโต โกกิลโปตโก นิกฺขมิ. กากี ‘‘ปุตฺโต เม’’ติ สฺาย มุขตุณฺฑเกน โคจรํ อาหริตฺวา ตํ ปฏิชคฺคิ. โส อวิรูฬฺหปกฺโข อกาเลเยว โกกิลรวํ รวิ. กากี ‘‘อยํ อิทาเนว ตาว อฺํ รวํ รวติ, วฑฺฒนฺโต กึ กริสฺสตี’’ติ ตุณฺฑเกน โกฏฺเฏตฺวา มาเรตฺวา กุลาวกา ปาเตสิ. โส รฺโ ปาทมูเล ปติ.

ราชา โพธิสตฺตํ ปุจฺฉิ ‘‘กิเมตํ สหายา’’ติ? โพธิสตฺโต ‘‘อหํ ราชานํ นิวาเรตุํ เอกํ อุปมํ ปริเยสามิ, ลทฺธา ทานิ เม สา’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘มหาราช, อติมุขรา อกาเล พหุภาณิโน เอวรูปํ ลภนฺติ. อยํ มหาราช, โกกิลโปตโก กากิยา ปุฏฺโ อวิรูฬฺหปกฺโข อกาเลเยว โกกิลรวํ รวิ. อถ นํ กากี ‘นายํ มม ปุตฺตโก’ติ ตฺวา มุขตุณฺฑเกน โกฏฺเฏตฺวา มาเรตฺวา กุลาวกา ปาเตสิ. มนุสฺสา วา โหนฺตุ ติรจฺฉานา วา, อกาเล พหุภาณิโน เอวรูปํ ทุกฺขํ ลภนฺตี’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –

๑๒๑.

‘‘โย เว กาเล อสมฺปตฺเต, อติเวลํ ปภาสติ;

เอวํ โส นิหโต เสติ, โกกิลายิว อตฺรโช.

๑๒๒.

‘‘น หิ สตฺถํ สุนิสิตํ, วิสํ หลาหลามิว;

เอวํ นิกฏฺเ ปาเตติ, วาจา ทุพฺภาสิตา ยถา.

๑๒๓.

‘‘ตสฺมา กาเล อกาเล วา, วาจํ รกฺเขยฺย ปณฺฑิโต;

นาติเวลํ ปภาเสยฺย, อปิ อตฺตสมมฺหิ วา.

๑๒๔.

‘‘โย จ กาเล มิตํ ภาเส, มติปุพฺโพ วิจกฺขโณ;

สพฺเพ อมิตฺเต อาเทติ, สุปณฺโณ อุรคามิวา’’ติ.

ตตฺถ กาเล อสมฺปตฺเตติ อตฺตโน วจนกาเล อสมฺปตฺเต. อติเวลนฺติ เวลาติกฺกนฺตํ กตฺวา อติเรกปฺปมาณํ ภาสติ. หลาหลามิวาติ หลาหลํ อิว. นิกฏฺเติ ตสฺมึเยว ขเณ อปฺปมตฺตเก กาเล. ตสฺมาติ ยสฺมา สุนิสิตสตฺถหลาหลวิสโตปิ ขิปฺปตรํ ทุพฺภาสิตวจนเมว ปาเตสิ, ตสฺมา. กาเล อกาเล วาติ วตฺตุํ ยุตฺตกาเล จ อกาเล จ วาจํ รกฺเขยฺย, อติเวลํ น ภาเสยฺย อปิ อตฺตนา สเม นินฺนานากรเณปิ ปุคฺคเลติ อตฺโถ.

มติปุพฺโพติ มตึ ปุเรจาริกํ กตฺวา กถเนน มติปุพฺโพ. วิจกฺขโณติ าเณน วิจาเรตฺวา อตฺถวินฺทนปุคฺคโล วิจกฺขโณ นาม. อุรคามิวาติ อุรคํ อิว. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา สุปณฺโณ สมุทฺทํ โขเภตฺวา มหาโภคํ อุรคํ อาเทติ คณฺหาติ, อาทิยิตฺวา จ ตงฺขณฺเว นํ สิมฺพลึ อาโรเปตฺวา มํสํ ขาทติ, เอวเมว โย มติปุพฺพงฺคโม วิจกฺขโณ วตฺตุํ ยุตฺตกาเล มิตํ ภาสติ, โส สพฺเพ อมิตฺเต อาเทติ คณฺหาติ, อตฺตโน วเส วตฺเตตีติ.

ราชา โพธิสตฺตสฺส ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ตโต ปฏฺาย มิตภาณี อโหสิ, ยสฺจสฺส วฑฺเฒตฺวา มหนฺตตรํ อทาสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา โกกิลโปตโก โกกาลิโก อโหสิ, ปณฺฑิตามจฺโจ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

โกกิลชาตกวณฺณนา ปมา.

[๓๓๒] ๒. รถลฏฺิชาตกวณฺณนา

อปิ หนฺตฺวา หโต พฺรูตีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โกสลรฺโ ปุโรหิตํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิร รเถน อตฺตโน โภคคามํ คจฺฉนฺโต สมฺพาเธ มคฺเค รถํ ปาเชนฺโต เอกํ สกฏสตฺถํ ทิสฺวา ‘‘ตุมฺหากํ สกฏํ อปเนถา’’ติ คจฺฉนฺโต สกเฏ อนปนียมาเน กุชฺฌิตฺวา ปโตทลฏฺิยา ปุริมสกเฏ สากฏิกสฺส รถธุเร ปหริ. สา รถธุเร ปฏิหตา นิวตฺติตฺวา ตสฺเสว นลาฏํ ปหริ. ตาวเทวสฺส นลาเฏ คณฺโฑ อุฏฺหิ. โส นิวตฺติตฺวา ‘‘สากฏิเกหิ ปหโฏมฺหี’’ติ รฺโ อาโรเจสิ. สากฏิเก ปกฺโกสาเปตฺวา วินิจฺฉินนฺตา ตสฺเสว โทสํ อทฺทสํสุ. อเถกทิวสํ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, รฺโ กิร ปุโรหิโต ‘สากฏิเกหิ ปหโฏมฺหี’ติ อฑฺฑํ กโรนฺโต สยเมว ปรชฺชี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปส เอวรูปํ อกาสิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺเสว วินิจฺฉยามจฺโจ อโหสิ. อถ รฺโ ปุโรหิโต รเถน อตฺตโน โภคคามํ คจฺฉนฺโตติ สพฺพํ ปุริมสทิสเมว. อิธ ปน เตน รฺโ อาโรจิเต ราชา สยํ วินิจฺฉเย นิสีทิตฺวา สากฏิเก ปกฺโกสาเปตฺวา กมฺมํ อโสเธตฺวาว ‘‘ตุมฺเหหิ มม ปุโรหิตํ โกฏฺเฏตฺวา นลาเฏ คณฺโฑ อุฏฺาปิโต’’ติ วตฺวา ‘‘สพฺพสฺสหรณํ เตสํ กโรถา’’ติ อาห. อถ นํ โพธิสตฺโต ‘‘ตุมฺเห, มหาราช, กมฺมํ อโสเธตฺวาว เอเตสํ สพฺพสฺสํ หราเปถ, เอกจฺเจ ปน อตฺตนาว อตฺตานํ ปหริตฺวาปิ ‘ปเรน ปหฏมฺหา’ติ วทนฺติ, ตสฺมา อวิจินิตฺวา กาตุํ น ยุตฺตํ, รชฺชํ กาเรนฺเตน นาม นิสาเมตฺวา กมฺมํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ.

๑๒๕.

‘‘อปิ หนฺตฺวา หโต พฺรูติ, เชตฺวา ชิโตติ ภาสติ;

ปุพฺพมกฺขายิโน ราช, อฺทตฺถุ น สทฺทเห.

๑๒๖.

‘‘ตสฺมา ปณฺฑิตชาติโย, สุเณยฺย อิตรสฺสปิ;

อุภินฺนํ วจนํ สุตฺวา, ยถา ธมฺโม ตถา กเร.

๑๒๗.

‘‘อลโส คิหี กามโภคี น สาธุ, อสฺโต ปพฺพชิโต น สาธุ;

ราชา น สาธุ อนิสมฺมการี, โย ปณฺฑิโต โกธโน ตํ น สาธุ.

๑๒๘.

‘‘นิสมฺม ขตฺติโย กยิรา, นานิสมฺม ทิสมฺปติ;

นิสมฺมการิโน ราช, ยโส กิตฺติ จ วฑฺฒตี’’ติ.

ตตฺถ อปิ หนฺตฺวาติ อปิ เอโก อตฺตนาว อตฺตานํ หนฺตฺวา ‘‘ปเรน ปหโฏมฺหี’’ติ พฺรูติ กเถติ. เชตฺวา ชิโตติ สยํ วา ปน ปรํ ชิตฺวา ‘‘อหํ ชิโตมฺหี’’ติ ภาสติ. อฺทตฺถูติ มหาราช, ปุพฺพเมว ราชกุลํ คนฺตฺวา อกฺขายนฺตสฺส ปุพฺพมกฺขายิโน อฺทตฺถุ น สทฺทเห, เอกํเสน วจนํ น สทฺทเหยฺย. ตสฺมาติ ยสฺมา ปมตรํ อาคนฺตฺวา กเถนฺตสฺส เอกํเสน วจนํ น สทฺทหาตพฺพํ, ตสฺมา. ยถา ธมฺโมติ ยถา วินิจฺฉยสภาโว ิโต, ตถา กเรยฺย.

อสฺโตติ กายาทีหิ อสฺโต ทุสฺสีโล. ตํ น สาธูติ ยํ ตสฺส ปณฺฑิตสฺส าณวโต ปุคฺคลสฺส อาธานคฺคาหิวเสน ทฬฺหโกปสงฺขาตํ โกธนํ, ตํ น สาธุ. นานิสมฺมาติ น อนิสาเมตฺวา. ทิสมฺปตีติ ทิสานํ ปติ, มหาราช. ยโส กิตฺติ จาติ อิสฺสริยปริวาโร เจว กิตฺติสทฺโท จ วฑฺฒตีติ.

ราชา โพธิสตฺตสฺส วจนํ สุตฺวา ธมฺเมน วินิจฺฉินิ, ธมฺเมน วินิจฺฉิยมาเน พฺราหฺมณสฺเสว โทโส ชาโตติ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา พฺราหฺมโณ เอตรหิ พฺราหฺมโณว อโหสิ, ปณฺฑิตามจฺโจ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

รถลฏฺิชาตกวณฺณนา ทุติยา.

[๓๓๓] ๓. ปกฺกโคธชาตกวณฺณนา

ตเทว เม ตฺวนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ กุฏุมฺพิกํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ เหฏฺา วิตฺถาริตเมว. อิธ ปน เตสํ อุทฺธารํ สาเธตฺวา อาคจฺฉนฺตานํ อนฺตรามคฺเค ลุทฺทโก ‘‘อุโภปิ ขาทถา’’ติ เอกํ ปกฺกโคธํ อทาสิ. โส ปุริโส ภริยํ ปานียตฺถาย เปเสตฺวา สพฺพํ โคธํ ขาทิตฺวา ตสฺสา อาคตกาเล ‘‘ภทฺเท, โคธา ปลาตา’’ติ อาห. ‘‘สาธุ, สามิ, ปกฺกโคธาย ปลายนฺติยา กึ สกฺกา กาตุ’’นฺติ? สา เชตวเน ปานียํ ปิวิตฺวา สตฺถุ สนฺติเก นิสินฺนา สตฺถารา ‘‘กึ อุปาสิเก, อยํ เต หิตกาโม สสิเนโห อุปการโก’’ติ ปุจฺฉิตา ‘‘ภนฺเต, อหํ เอตสฺส หิตกามา สสิเนหา, อยํ ปน มยิ นิสฺสิเนโห’’ติ อาห. สตฺถา ‘‘โหตุ มา จินฺตยิ, เอวํ นาเมส กโรติ. ยทา ปน เต คุณํ สรติ, ตทา ตุยฺหเมว สพฺพิสฺสริยํ เทตี’’ติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีตมฺปิ เหฏฺา วุตฺตสทิสเมว. อิธ ปน เตสํ นิวตฺตนฺตานํ อนฺตรามคฺเค ลุทฺทโก กิลนฺตภาวํ ทิสฺวา ‘‘ทฺเวปิ ชนา ขาทถา’’ติ เอกํ ปกฺกโคธํ อทาสิ. ราชธีตา ตํ วลฺลิยา พนฺธิตฺวา อาทาย มคฺคํ ปฏิปชฺชิ. เต เอกํ สรํ ทิสฺวา มคฺคา โอกฺกมฺม อสฺสตฺถมูเล นิสีทึสุ. ราชปุตฺโต ‘‘คจฺฉ ภทฺเท, สรโต ปทุมินิปตฺเตน อุทกํ อาหร, มํสํ ขาทิสฺสามา’’ติ อาห. สา โคธํ สาขาย ลคฺเคตฺวา ปานียตฺถาย คตา. อิตโร สพฺพํ โคธํ ขาทิตฺวา อคฺคนงฺคุฏฺํ คเหตฺวา ปรมฺมุโข นิสีทิ. โส ตาย ปานียํ คเหตฺวา อาคตาย ‘‘ภทฺเท, โคธา สาขาย โอตริตฺวา วมฺมิกํ ปาวิสิ, อหํ ธาวิตฺวา อคฺคนงฺคุฏฺํ อคฺคเหสึ, คหิตฏฺานํ หตฺเถเยว กตฺวา ฉิชฺชิตฺวา พิลํ ปวิฏฺา’’ติ อาห. ‘‘โหตุ, เทว, ปกฺกโคธาย ปลายนฺติยา กึ กริสฺสาม, เอหิ คจฺฉามา’’ติ. เต ปานียํ ปิวิตฺวา พาราณสึ อคมํสุ.

ราชปุตฺโต รชฺชํ ปตฺวา ตํ อคฺคมเหสิฏฺานมตฺเต เปสิ, สกฺการสมฺมาโน ปนสฺสา นตฺถิ. โพธิสตฺโต ตสฺสา สกฺการํ กาเรตุกาโม รฺโ สนฺติเก ตฺวา ‘‘นนุ มยํ อยฺเย ตุมฺหากํ สนฺติกา กิฺจิ น ลภาม, กึ โน น โอโลเกถา’’ติ อาห. ‘‘ตาต, อหเมว รฺโ สนฺติกา กิฺจิ น ลภามิ, ตุยฺหํ กึ ทสฺสามิ, ราชาปิ มยฺหํ อิทานิ กึ ทสฺสติ, โส อรฺโต อาคมนกาเล ปกฺกโคธํ เอกโกว ขาที’’ติ. ‘‘อยฺเย, น เทโว เอวรูปํ กริสฺสติ, มา เอวํ อวจุตฺถา’’ติ. อถ นํ เทวี ‘‘ตุยฺหํ ตํ, ตาต, น ปากฏํ, รฺโเยว มยฺหฺจ ปากฏ’’นฺติ วตฺวา ปมํ คาถมาห –

๑๒๙.

‘‘ตเทว เม ตฺวํ วิทิโต, วนมชฺเฌ รเถสภ;

ยสฺส เต ขคฺคพทฺธสฺส, สนฺนทฺธสฺส ติรีฏิโน;

อสฺสตฺถทุมสาขาย, ปกฺกโคธา ปลายถา’’ติ.

ตตฺถ ตเทวาติ ตสฺมึเยว กาเล ‘‘อยํ มยฺหํ อทายโก’’ติ เอวํ ตฺวํ วิทิโต. อฺเ ปน ตว สภาวํ น ชานนฺตีติ อตฺโถ. ขคฺคพทฺธสฺสาติ พทฺธขคฺคสฺส. ติรีฏิโนติ ติรีฏวตฺถนิวตฺถสฺส มคฺคาคมนกาเล. ปกฺกโคธาติ องฺคารปกฺกา โคธา ปลายถาติ.

เอวํ รฺา กตโทสํ ปริสมชฺเฌ ปากฏํ กตฺวา กเถสิ. ตํ สุตฺวา โพธิสตฺโต ‘‘อยฺเย, เทวสฺส อปฺปิยกาลโต ปภุติ อุภินฺนมฺปิ อผาสุกํ กตฺวา กสฺมา อิธ วสถา’’ติ วตฺวา ทฺเว คาถา อภาสิ –

๑๓๐.

‘‘นเม นมนฺตสฺส ภเช ภชนฺตํ, กิจฺจานุกุพฺพสฺส กเรยฺย กิจฺจํ;

นานตฺถกามสฺส กเรยฺย อตฺถํ, อสมฺภชนฺตมฺปิ น สมฺภเชยฺย.

๑๓๑.

‘‘จเช จชนฺตํ วนถํ น กยิรา, อเปตจิตฺเตน น สมฺภเชยฺย;

ทิโช ทุมํ ขีณผลนฺติ ตฺวา, อฺํ สเมกฺเขยฺย มหา หิ โลโก’’ติ.

ตตฺถ นเม นมนฺตสฺสาติ โย อตฺตนิ มุทุจิตฺเตน นมติ, ตสฺเสว ปฏินเมยฺย. กิจฺจานุกุพฺพสฺสาติ อตฺตโน อุปฺปนฺนํ กิจฺจํ อนุกุพฺพนฺตสฺเสว. อนตฺถกามสฺสาติ อวฑฺฒิกามสฺส. วนถํ น กยิราติ ตสฺมึ จชนฺเต ตณฺหาสฺเนหํ น กเรยฺย. อเปตจิตฺเตนาติ อปคตจิตฺเตน วิรตฺตจิตฺเตน. น สมฺภเชยฺยาติ น สมาคจฺเฉยฺย. อฺํ สเมกฺเขยฺยาติ อฺํ โอโลเกยฺย, ยถา ทิโช ขีณผลํ ทุมํ รุกฺขํ ตฺวา อฺํ ผลภริตํ รุกฺขํ คจฺฉติ, ตถา ขีณราคํ ปุริสํ ตฺวา อฺํ สสิเนหํ อุปคจฺเฉยฺยาติ อธิปฺปาโย.

ราชา โพธิสตฺเต กเถนฺเต เอว ตสฺสา คุณํ สริตฺวา ‘‘ภทฺเท, เอตฺตกํ กาลํ ตว คุณํ น สลฺลกฺเขสึ, ปณฺฑิตสฺสเยว กถาย สลฺลกฺเขสึ, มม อปราธํ สหนฺติยา อิทํ สกลรชฺชํ ตุยฺหเมว ทมฺมี’’ติ วตฺวา จตุตฺถํ คาถมาห –

๑๓๒.

‘‘โส เต กริสฺสามิ ยถานุภาวํ, กตฺุตํ ขตฺติเย เปกฺขมาโน;

สพฺพฺจ เต อิสฺสริยํ ททามิ, ยสฺสิจฺฉสี ตสฺส ตุวํ ททามี’’ติ.

ตตฺถ โสติ โส อหํ. ยถานุภาวนฺติ ยถาสตฺติ ยถาพลํ. ยสฺสิจฺฉสีติ ยสฺส อิจฺฉสิ, ตสฺส อิทํ รชฺชํ อาทึ กตฺวา ยํ ตฺวํ อิจฺฉสิ, ตํ ททามีติ.

เอวฺจ ปน วตฺวา ราชา เทวิยา สพฺพิสฺสริยํ อทาสิ, ‘‘อิมินาหํ เอติสฺสา คุณํ สราปิโต’’ติ ปณฺฑิตสฺสปิ มหนฺตํ อิสฺสริยํ อทาสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุโภ ชยมฺปติกา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสุ.

ตทา ชยมฺปติกา เอตรหิ ชยมฺปติกาว อเหสุํ, ปณฺฑิตามจฺโจ ปน อหเมว อโหสินฺติ.

ปกฺกโคธชาตกวณฺณนา ตติยา.

[๓๓๔] ๔. ราโชวาทชาตกวณฺณนา

ควํ เจ ตรมานานนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ราโชวาทํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ เตสกุณชาตเก (ชา. ๒.๑๗.๑ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติ. อิธ ปน สตฺถา ‘‘มหาราช, โปราณกราชาโนปิ ปณฺฑิตานํ กถํ สุตฺวา ธมฺเมน สเมน รชฺชํ กาเรนฺตา สคฺคปุรํ ปูรยมานา คมึสู’’ติ วตฺวา รฺา ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต สิกฺขิตสพฺพสิปฺโป อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา รมณีเย หิมวนฺตปเทเส วนมูลผลาหาโร วิหาสิ. อถ ราชา อคุณปริเยสโก หุตฺวา ‘‘อตฺถิ นุ โข เม โกจิ อคุณํ กเถนฺโต’’ติ ปริเยสนฺโต อนฺโตชเน จ พหิชเน จ อนฺโตนคเร จ พหินคเร จ กฺจิ อตฺตโน อวณฺณวาทึ อทิสฺวา ‘‘ชนปเท นุ โข กถ’’นฺติ อฺาตกเวเสน ชนปทํ จริ. ตตฺราปิ อวณฺณวาทึ อปสฺสนฺโต อตฺตโน คุณกถเมว สุตฺวา ‘‘หิมวนฺตปเทเส นุ โข กถ’’นฺติ อรฺํ ปวิสิตฺวา วิจรนฺโต โพธิสตฺตสฺส อสฺสมํ ปตฺวา ตํ อภิวาเทตฺวา กตปฏิสนฺถาโร เอกมนฺตํ นิสีทิ.

ตทา โพธิสตฺโต อรฺโต ปริปกฺกานิ นิคฺโรธผลานิ อาหริตฺวา ปริภุฺชิ, ตานิ โหนฺติ มธุรานิ โอชวนฺตานิ สกฺขรจุณฺณสมรสานิ. โส ราชานมฺปิ อามนฺเตตฺวา ‘‘อิมํ มหาปุฺ, นิคฺโรธปกฺกผลํ ขาทิตฺวา ปานียํ ปิวา’’ติ อาห. ราชา ตถา กตฺวา โพธิสตฺตํ ปุจฺฉิ ‘‘กึ นุ โข, ภนฺเต, อิมํ นิคฺโรธปกฺกํ อติ วิย มธุร’’นฺติ? ‘‘มหาปุฺ, นูน ราชา ธมฺเมน สเมน รชฺชํ กาเรติ, เตเนตํ มธุรนฺติ. รฺโ อธมฺมิกกาเล อมธุรํ นุ โข, ภนฺเต, โหตี’’ติ. ‘‘อาม, มหาปุฺ, ราชูสุ อธมฺมิเกสุ เตลมธุผาณิตาทีนิปิ วนมูลผลานิปิ อมธุรานิ โหนฺติ นิโรชานิ, น เกวลํ เอตานิ, สกลมฺปิ รฏฺํ นิโรชํ กสฏํ โหติ. เตสุ ปน ธมฺมิเกสุ สพฺพานิ ตานิ มธุรานิ โหนฺติ โอชวนฺตานิ, สกลมฺปิ รฏฺํ โอชวนฺตเมว โหตี’’ติ. ราชา ‘‘เอวํ ภวิสฺสติ, ภนฺเต’’ติ อตฺตโน ราชภาวํ อชานาเปตฺวาว โพธิสตฺตํ วนฺทิตฺวา พาราณสึ คนฺตฺวา ‘‘ตาปสสฺส วจนํ วีมํสิสฺสามี’’ติ อธมฺเมน รชฺชํ กาเรตฺวา ‘‘อิทานิ ชานิสฺสามี’’ติ กิฺจิ กาลํ วีตินาเมตฺวา ปุน ตตฺถ คนฺตฺวา ตํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ.

โพธิสตฺโตปิสฺส ตเถว วตฺวา นิคฺโรธปกฺกํ อทาสิ, ตํ ตสฺส ติตฺตกรสํ อโหสิ. ราชา ‘‘อมธุรํ นิรส’’นฺติ สห เขเฬน ฉฑฺเฑตฺวา ‘‘ติตฺตกํ, ภนฺเต’’ติ อาห. โพธิสตฺโต ‘‘มหาปุฺ, นูน ราชา อธมฺมิโก ภวิสฺสติ. ราชูนฺหิ อธมฺมิกกาเล อรฺเ ผลาผลํ อาทึ กตฺวา สพฺพํ อมธุรํ นิโรชํ ชาต’’นฺติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –

๑๓๓.

‘‘คเว เจ ตรมานานํ, ชิมฺหํ คจฺฉติ ปุงฺคโว;

สพฺพา ตา ชิมฺหํ คจฺฉนฺติ, เนตฺเต ชิมฺหํ คเต สติ.

๑๓๔.

‘‘เอวเมว มนุสฺเสสุ, โย โหติ เสฏฺสมฺมโต;

โส เจ อธมฺมํ จรติ, ปเคว อิตรา ปชา;

สพฺพํ รฏฺํ ทุขํ เสติ, ราชา เจ โหติ อธมฺมิโก.

๑๓๕.

‘‘ควํ เจ ตรมานานํ, อุชุํ คจฺฉติ ปุงฺคโว;

สพฺพา คาวี อุชุํ ยนฺติ, เนตฺเต อุชุํ คเต สติ.

๑๓๖.

‘‘เอวเมว มนุสฺเสสุ, โย โหติ เสฏฺสมฺมโต;

โส สเจ ธมฺมํ จรติ, ปเคว อิตรา ปชา;

สพฺพํ รฏฺํ สุขํ เสติ, ราชา เจ โหติ ธมฺมิโก’’ติ.

ตตฺถ ควนฺติ คุนฺนํ. ตรมานานนฺติ นทึ โอตรนฺตานํ. ชิมฺหนฺติ กุฏิลํ วงฺกํ. เนตฺเตติ นายเก คเหตฺวา คจฺฉนฺเต ควเชฏฺเก อุสเภ ปุงฺคเว. ปเคว อิตรา ปชาติ อิตเร สตฺตา ปุเรตรเมว อธมฺมํ จรนฺตีติ อตฺโถ. ทุขํ เสตีติ น เกวลํ เสติ, จตูสุปิ อิริยาปเถสุ ทุกฺขเมว วินฺทติ. อธมฺมิโกติ ยทิ ราชา ฉนฺทาทิอคติคมนวเสน อธมฺมิโก โหติ. สุขํ เสตีติ สเจ ราชา อคติคมนํ ปหาย ธมฺมิโก โหติ, สพฺพํ รฏฺํ จตูสุ อิริยาปเถสุ สุขปฺปตฺตเมว โหตีติ.

ราชา โพธิสตฺตสฺส ธมฺมํ สุตฺวา อตฺตโน ราชภาวํ ชานาเปตฺวา ‘‘ภนฺเต, ปุพฺเพ นิคฺโรธปกฺกํ อหเมว มธุรํ กตฺวา ติตฺตกํ อกาสึ, อิทานิ ปุน มธุรํ กริสฺสามี’’ติ โพธิสตฺตํ วนฺทิตฺวา นครํ คนฺตฺวา ธมฺเมน รชฺชํ กาเรนฺโต สพฺพํ ปฏิปากติกํ อกาสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ราชา อานนฺโท อโหสิ, ตาปโส ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

ราโชวาทชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.

[๓๓๕] ๕. ชมฺพุกชาตกวณฺณนา

พฺรหา ปวฑฺฒกาโย โสติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เทวทตฺตสฺส สุคตาลยกรณํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ เหฏฺา วิตฺถาริตเมว, อยํ ปเนตฺถ สงฺเขโป. สตฺถารา ‘‘สาริปุตฺต, เทวทตฺโต ตุมฺเห ทิสฺวา กึ อกาสี’’ติ วุตฺโต เถโร อาห ‘‘ภนฺเต, โส ตุมฺหากํ อนุกโรนฺโต มม หตฺเถ พีชนึ ทตฺวา นิปชฺชิ. อถ นํ โกกาลิโก อุเร ชณฺณุนา ปหริ, อิติ โส ตุมฺหากํ อนุกโรนฺโต ทุกฺขํ อนุภวี’’ติ. ตํ สุตฺวา สตฺถา ‘‘น โข, สาริปุตฺต, เทวทตฺโต อิทาเนว มม อนุกโรนฺโต ทุกฺขํ อนุโภติ, ปุพฺเพเปส อนุโภสิเยวา’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต สีหโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา หิมวนฺเต คุหายํ วสนฺโต เอกทิวสํ มหึสํ วธิตฺวา มํสํ ขาทิตฺวา ปานียํ ปิวิตฺวา คุหํ อาคจฺฉติ. เอโก สิงฺคาโล ตํ ทิสฺวา ปลายิตุํ อสกฺโกนฺโต อุเรน นิปชฺชิ, ‘‘กึ ชมฺพุกา’’ติ จ วุตฺเต ‘‘อุปฏฺหิสฺสามิ ตํ, ภทฺทนฺเต’’ติ อาห. สีโห ‘‘เตน หิ เอหี’’ติ ตํ อตฺตโน วสนฏฺานํ เนตฺวา ทิวเส ทิวเส มํสํ อาหริตฺวา โปเสสิ. ตสฺส สีหวิฆาเสน ถูลสรีรตํ ปตฺตสฺส เอกทิวสํ มาโน อุปฺปชฺชิ. โส สีหํ อุปสงฺกมิตฺวา อาห ‘‘อหํ, สามิ, นิจฺจกาลํ ตุมฺหากํ ปลิโพโธ, ตุมฺเห นิจฺจํ มํสํ อาหริตฺวา มํ โปเสถ, อชฺช ตุมฺเห อิเธว โหถ, อหํ เอกํ วารณํ วธิตฺวา มํสํ ขาทิตฺวา ตุมฺหากมฺปิ อาหริสฺสามี’’ติ. สีโห ‘‘มา เต, ชมฺพุก, เอตํ รุจฺจิ, น ตฺวํ วารณํ วธิตฺวา มํสขาทกโยนิยํ นิพฺพตฺโต, อหํ เต วารณํ วธิตฺวา ทสฺสามิ, วารโณ นาม มหากาโย ปวฑฺฒกาโย, มา วารณํ คณฺหิ, มม วจนํ กโรหี’’ติ วตฺวา ปมํ คาถมาห.

๑๓๗.

‘‘พฺรหา ปวฑฺฒกาโย โส, ทีฆทาโ จ ชมฺพุก;

น ตฺวํ ตตฺถ กุเล ชาโต, ยตฺถ คณฺหนฺติ กุฺชร’’นฺติ.

ตตฺถ พฺรหาติ มหนฺโต. ปวฑฺฒกาโยติ อุทฺธํ อุคฺคตกาโย. ทีฆทาโติ ทีฆทนฺโต เตหิ ทนฺเตหิ ตุมฺหาทิเส ปหริตฺวา ชีวิตกฺขเย ปาเปติ. ยตฺถาติ ยสฺมึ สีหกุเล ชาตา มตฺตวารณํ คณฺหนฺติ, ตฺวํ น ตตฺถ ชาโต, สิงฺคาลกุเล ปน ชาโตสีติ อตฺโถ.

สิงฺคาโล สีเหน วาริโตเยว คุหา นิกฺขมิตฺวา ติกฺขตฺตุํ ‘‘พุกฺก พุกฺกา’’ติ สิงฺคาลิกํ นทํ นทิตฺวา ปพฺพตกูเฏ ิโต ปพฺพตปาทํ โอโลเกนฺโต เอกํ กาฬวารณํ ปพฺพตปาเทน อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา อุลฺลงฺฆิตฺวา ‘‘ตสฺส กุมฺเภ ปติสฺสามี’’ติ ปริวตฺติตฺวา ปาทมูเล ปติ. วารโณ ปุริมปาทํ อุกฺขิปิตฺวา ตสฺส มตฺถเก ปติฏฺาเปสิ, สีสํ ภิชฺชิตฺวา จุณฺณวิจุณฺณํ ชาตํ. โส ตตฺเถว อนุตฺถุนนฺโต สยิ, วารโณ โกฺจนาทํ กโรนฺโต ปกฺกามิ. โพธิสตฺโต คนฺตฺวา ปพฺพตมตฺถเก ิโต ตํ วินาสปฺปตฺตํ ทิสฺวา ‘‘อตฺตโน มานํ นิสฺสาย นฏฺโ สิงฺคาโล’’ติ ติสฺโส คาถา อภาสิ –

๑๓๘.

‘‘อสีโห สีหมาเนน, โย อตฺตานํ วิกุพฺพติ;

โกตฺถูว คชมาสชฺช, เสติ ภูมฺยา อนุตฺถุนํ.

๑๓๙.

‘‘ยสสฺสิโน อุตฺตมปุคฺคลสฺส, สฺชาตขนฺธสฺส มหพฺพลสฺส;

อสเมกฺขิย ถามพลูปปตฺตึ, ส เสติ นาเคน หโตยํ ชมฺพุโก.

๑๔๐.

‘‘โย จีธ กมฺมํ กุรุเต ปมาย, ถามพฺพลํ อตฺตนิ สํวิทิตฺวา;

ชปฺเปน มนฺเตน สุภาสิเตน, ปริกฺขวา โส วิปุลํ ชินาตี’’ติ.

ตตฺถ วิกุพฺพตีติ ปริวตฺเตติ. โกตฺถูวาติ สิงฺคาโล วิย. อนุตฺถุนนฺติ อนุตฺถุนนฺโต. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา อยํ โกตฺถุ มหนฺตํ คชํ ปตฺวา อนุตฺถุนนฺโต ภูมิยํ เสติ, เอวํ โย อฺโ ทุพฺพโล พลวตา วิคฺคหํ กโรติ, โสปิ เอวรูโปว โหตีติ.

ยสสฺสิโนติ อิสฺสริยวโต. อุตฺตมปุคฺคลสฺสาติ กายพเลน จ าณพเลน จ อุตฺตมปุคฺคลสฺส. สฺชาตขนฺธสฺสาติ สุสณฺิตมหาขนฺธสฺส. มหพฺพลสฺสาติ มหาถามสฺส. ถามพลูปปตฺตินฺติ เอวรูปสฺส สีหสฺส ถามสงฺขาตํ พลฺเจว สีหชาติสงฺขาตํ อุปปตฺติฺจ อชานิตฺวา, กายถามฺจ าณพลฺจ สีหอุปปตฺติฺจ อชานิตฺวาติ อตฺโถ. ส เสตีติ อตฺตานมฺปิ สีเหน สทิสํ มฺมาโน, โส อยํ ชมฺพุโก นาเคน หโต มตสยนํ เสติ.

ปมายาติ ปมินิตฺวา อุปปริกฺขิตฺวา. ‘‘ปมาณา’’ติปิ ปาโ, อตฺตโน ปมาณํ คเหตฺวา โย อตฺตโน ปมาเณน กมฺมํ กุรุเตติ อตฺโถ. ถามพฺพลนฺติ ถามสงฺขาตํ พลํ, กายถามฺจ าณพลฺจาติปิ อตฺโถ. ชปฺเปนาติ ชเปน, อชฺเฌเนนาติ อตฺโถ. มนฺเตนาติ อฺเหิ ปณฺฑิเตหิ สทฺธึ มนฺเตตฺวา กรเณน. สุภาสิเตนาติ สจฺจาทิคุณยุตฺเตน อนวชฺชวจเนน. ปริกฺขวาติ ปริกฺขาสมฺปนฺโน. โส วิปุลํ ชินาตีติ โย เอวรูโป โหติ, ยํ กิฺจิ กมฺมํ กุรุมาโน อตฺตโน ถามฺจ พลฺจ ตฺวา ชปฺปมนฺตวเสน ปริจฺฉินฺทิตฺวา สุภาสิตํ ภาสนฺโต กโรติ, โส วิปุลํ มหนฺตํ อตฺถํ ชินาติ น ปริหายตีติ.

เอวํ โพธิสตฺโต อิมาหิ ตีหิ คาถาหิ อิมสฺมึ โลเก กตฺตพฺพยุตฺตกํ กมฺมํ กเถสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา สิงฺคาโล เทวทตฺโต อโหสิ, สีโห ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

ชมฺพุกชาตกวณฺณนา ปฺจมา.

[๓๓๖] ๖. พฺรหาฉตฺตชาตกวณฺณนา

ติณํ ติณนฺติ ลปสีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต กุหกภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. ปจฺจุปฺปนฺนวตฺถุ กถิตเมว.

อตีเต ปน พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส อตฺถธมฺมานุสาสโก อมจฺโจ อโหสิ. พาราณสิราชา มหติยา เสนาย โกสลราชานํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา สาวตฺถึ ปตฺวา ยุทฺเธน นครํ ปวิสิตฺวา ราชานํ คณฺหิ. โกสลรฺโ ปน ปุตฺโต ฉตฺโต นาม กุมาโร อตฺถิ. โส อฺาตกเวเสน นิกฺขมิตฺวา ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา ตโย เวเท จ อฏฺารส สิปฺปานิ จ อุคฺคณฺหิตฺวา ตกฺกสิลโต นิกฺขมฺม สพฺพสมยสิปฺปานิ สิกฺขนฺโต เอกํ ปจฺจนฺตคามํ ปาปุณิ. ตํ นิสฺสาย ปฺจสตตาปสา อรฺเ ปณฺณสาลาสุ วสนฺติ. กุมาโร เต อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘อิเมสมฺปิ สนฺติเก กิฺจิ สิกฺขิสฺสามี’’ติ ปพฺพชิตฺวา ยํ เต ชานนฺติ, ตํ สพฺพํ อุคฺคณฺหิ. โส อปรภาเค คณสตฺถา ชาโต.

อเถกทิวสํ อิสิคณํ อามนฺเตตฺวา ‘‘มาริสา, กสฺมา มชฺฌิมเทสํ น คจฺฉถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘มาริส, มชฺฌิมเทเส มนุสฺสา นาม ปณฺฑิตา, เต ปฺหํ ปุจฺฉนฺติ, อนุโมทนํ การาเปนฺติ, มงฺคลํ ภณาเปนฺติ, อสกฺโกนฺเต ครหนฺติ, มยํ เตน ภเยน น คจฺฉามา’’ติ. ‘‘มา ตุมฺเห ภายถ, อหเมตํ สพฺพํ กริสฺสามี’’ติ. ‘‘เตน หิ คจฺฉามา’’ติ สพฺเพ อตฺตโน อตฺตโน ขาริวิวิธมาทาย อนุปุพฺเพน พาราณสึ ปตฺตา. พาราณสิราชาปิ โกสลรชฺชํ อตฺตโน หตฺถคตํ กตฺวา ตตฺถ ราชยุตฺเต เปตฺวา สยํ ตตฺถ วิชฺชมานํ ธนํ คเหตฺวา พาราณสึ คนฺตฺวา อุยฺยาเน โลหจาฏิโย ปูราเปตฺวา นิทหิตฺวา ตสฺมึ สมเย พาราณสิยเมว วสติ. อถ เต อิสโย ราชุยฺยาเน รตฺตึ วสิตฺวา ปุนทิวเส นครํ ภิกฺขาย ปวิสิตฺวา ราชทฺวารํ อคมํสุ. ราชา เตสํ อิริยาปเถสฺสุ ปสีทิตฺวา ปกฺโกสาเปตฺวา มหาตเล นิสีทาเปตฺวา ยาคุขชฺชกํ ทตฺวา ยาว ภตฺตกาลา ตํ ตํ ปฺหํ ปุจฺฉิ. ฉตฺโต รฺโ จิตฺตํ อาราเธนฺโต สพฺพปฺเห วิสฺสชฺเชตฺวา ภตฺตกิจฺจาวสาเน วิจิตฺรํ อนุโมทนํ อกาสิ. ราชา สุฏฺุตรํ ปสนฺโน ปฏิฺํ คเหตฺวา สพฺเพปิ เต อุยฺยาเน วาสาเปสิ.

ฉตฺโต นิธิอุทฺธรณมนฺตํ ชานาติ. โส ตตฺถ วสนฺโต ‘‘กหํ นุ โข อิมินา มม ปิตุ สนฺตกํ ธนํ นิทหิต’’นฺติ มนฺตํ ปริวตฺเตตฺวา โอโลเกนฺโต อุยฺยาเน นิทหิตภาวํ ตฺวา ‘‘อิทํ ธนํ คเหตฺวา มม รชฺชํ คณฺหิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ตาปเส อามนฺเตตฺวา ‘‘มาริสา, อหํ โกสลรฺโ ปุตฺโต, พาราณสิรฺา อมฺหากํ รชฺเช คหิเต อฺาตกเวเสน นิกฺขมิตฺวา เอตฺตกํ กาลํ อตฺตโน ชีวิตํ อนุรกฺขึ, อิทานิ กุลสนฺตกํ ธนํ ลทฺธํ, อหํ เอตํ อาทาย คนฺตฺวา อตฺตโน รชฺชํ คณฺหิสฺสามิ, ตุมฺเห กึ กริสฺสถา’’ติ อาห. ‘‘มยมฺปิ ตยาว สทฺธึ คมิสฺสามา’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ มหนฺเต มหนฺเต จมฺมปสิพฺพเก กาเรตฺวา รตฺติภาเค ภูมึ ขณิตฺวา ธนจาฏิโย อุทฺธริตฺวา ปสิพฺพเกสุ ธนํ ปกฺขิปิตฺวา จาฏิโย ติณสฺส ปูราเปตฺวา ปฺจ จ อิสิสตานิ อฺเ จ มนุสฺเส ธนํ คาหาเปตฺวา ปลายิตฺวา สาวตฺถึ คนฺตฺวา สพฺเพ ราชยุตฺเต คาหาเปตฺวา รชฺชํ คเหตฺวา ปาการอฏฺฏาลกาทิปฏิสงฺขรณํ การาเปตฺวา ปุน สปตฺตรฺา ยุทฺเธน อคฺคเหตพฺพํ กตฺวา นครํ อชฺฌาวสติ. พาราณสิรฺโปิ ‘‘ตาปสา อุยฺยานโต ธนํ คเหตฺวา ปลาตา’’ติ อาโรจยึสุ. โส อุยฺยานํ คนฺตฺวา จาฏิโย วิวราเปตฺวา ติณเมว ปสฺสิ, ตสฺส ธนํ นิสฺสาย มหนฺโต โสโก อุปฺปชฺชิ. โส นครํ คนฺตฺวา ‘‘ติณํ ติณ’’นฺติ วิปฺปลปนฺโต จรติ, นาสฺส โกจิ โสกํ นิพฺพาเปตุํ สกฺโกติ.

โพธิสตฺโต จินฺเตสิ ‘‘รฺโ มหนฺโต โสโก, วิปฺปลปนฺโต จรติ, เปตฺวา โข ปน มํ นาสฺส อฺโ โกจิ โสกํ วิโนเทตุํ สมตฺโถ, นิสฺโสกํ นํ กริสฺสามี’’ติ. โส เอกทิวสํ เตน สทฺธึ สุขนิสินฺโน ตสฺส วิปฺปลปนกาเล ปมํ คาถมาห –

๑๔๑.

‘‘ติณํ ติณนฺติ ลปสิ, โก นุ เต ติณมาหริ;

กึ นุ เต ติณกิจฺจตฺถิ, ติณเมว ปภาสสี’’ติ.

ตตฺถ กึ นุ เต ติณกิจฺจตฺถีติ กึ นุ ตว ติเณน กิจฺจํ กาตพฺพํ อตฺถิ. ติณเมว ปภาสสีติ ตฺวฺหิ เกวลํ ‘‘ติณํ ติณ’’นฺติ ติณเมว ปภาสสิ, ‘‘อสุกติณํ นามา’’ติ น กเถสิ, ติณนามํ ตาวสฺส กเถหิ ‘‘อสุกติณํ นามา’’ติ, มยํ เต อาหริสฺสาม, อถ ปน เต ติเณนตฺโถ นตฺถิ, นิกฺการณา มา วิปฺปลปีติ.

ตํ สุตฺวา ราชา ทุติยํ คาถมาห –

๑๔๒.

‘‘อิธาคมา พฺรหฺมจารี, พฺรหา ฉตฺโต พหุสฺสุโต;

โส เม สพฺพํ สมาทาย, ติณํ นิกฺขิปฺป คจฺฉตี’’ติ.

ตตฺถ พฺรหาติ ทีโฆ. ฉตฺโตติ ตสฺส นามํ. สพฺพํ สมาทายาติ สพฺพํ ธนํ คเหตฺวา. ติณํ นิกฺขิปฺป คจฺฉตีติ จาฏีสุ ติณํ นิกฺขิปิตฺวา คโตติ ทสฺเสนฺโต เอวมาห.

ตํ สุตฺวา โพธิสตฺโต ตติยํ คาถมาห –

๑๔๓.

‘‘เอเวตํ โหติ กตฺตพฺพํ, อปฺเปน พหุมิจฺฉตา;

สพฺพํ สกสฺส อาทานํ, อนาทานํ ติณสฺส จา’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – อปฺเปน ติเณน พหุธนํ อิจฺฉตา เอวํ เอตํ กตฺตพฺพํ โหติ, ยทิทํ ปิตุ สนฺตกตฺตา สกสฺส ธนสฺส สพฺพํ อาทานํ อคยฺหูปคสฺส ติณสฺส จ อนาทานํ. อิติ, มหาราช, โส พฺรหา ฉตฺโต คเหตพฺพยุตฺตกํ อตฺตโน ปิตุ สนฺตกํ ธนํ คเหตฺวา อคฺคเหตพฺพยุตฺตกํ ติณํ จาฏีสุ ปกฺขิปิตฺวา คโต, ตตฺถ กา ปริเทวนาติ.

ตํ สุตฺวา ราชา จตุตฺถํ คาถมาห –

๑๔๔.

‘‘สีลวนฺโต น กุพฺพนฺติ, พาโล สีลานิ กุพฺพติ;

อนิจฺจสีลํ ทุสฺสีลฺยํ, กึ ปณฺฑิจฺจํ กริสฺสตี’’ติ.

ตตฺถ สีลวนฺโตติ เย สีลสมฺปนฺนา พฺรหฺมจารโย, เต เอวรูปํ น กุพฺพนฺติ. พาโล สีลานิ กุพฺพตีติ พาโล ปน ทุราจาโร เอวรูปานิ อตฺตโน อนาจารสงฺขาตานิ สีลานิ กโรติ. อนิจฺจสีลนฺติ อทฺธุเวน ทีฆรตฺตํ อปฺปวตฺเตน สีเลน สมนฺนาคตํ. ทุสฺสีลฺยนฺติ ทุสฺสีลํ. กึ ปณฺฑิจฺจํ กริสฺสตีติ เอวรูปํ ปุคฺคลํ พาหุสจฺจปริภาวิตํ ปณฺฑิจฺจํ กึ กริสฺสติ กึ สมฺปาเทสฺสติ, วิปตฺติเมวสฺส กริสฺสตีติ. ตํ ครหนฺโต วตฺวา โส ตาย โพธิสตฺตสฺส กถาย นิสฺโสโก หุตฺวา ธมฺเมน รชฺชํ กาเรสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา พฺรหาฉตฺโต กุหกภิกฺขุ อโหสิ, ปณฺฑิตามจฺโจ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

พฺรหาฉตฺตชาตกวณฺณนา ฉฏฺา.

[๓๓๗] ๗. ปีชาตกวณฺณนา

เต ปีมทายิมฺหาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิร ชนปทโต เชตวนํ คนฺตฺวา ปตฺตจีวรํ ปฏิสาเมตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา สามเณรทหเร ปุจฺฉิ ‘‘อาวุโส, สาวตฺถิยํ อาคนฺตุกภิกฺขูนํ เก อุปการกา’’ติ. ‘‘อาวุโส, อนาถปิณฺฑิโก นาม มหาเสฏฺิ, วิสาขา นาม มหาอุปาสิกา เอเต ภิกฺขุสงฺฆสฺส อุปการกา มาตาปิตุฏฺานิยา’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ ปุนทิวเส ปาโตว เอกภิกฺขุสฺสปิ อปวิฏฺกาเล อนาถปิณฺฑิกสฺส ฆรทฺวารํ อคมาสิ. ตํ อเวลาย คตตฺตา โกจิ น โอโลเกสิ. โส ตโต กิฺจิ อลภิตฺวา วิสาขาย ฆรทฺวารํ คโต. ตตฺราปิ อติปาโตว คตตฺตา กิฺจิ น ลภิ. โส ตตฺถ ตตฺถ วิจริตฺวา ปุนาคจฺฉนฺโต ยาคุยา นิฏฺิตาย คโต, ปุนปิ ตตฺถ ตตฺถ วิจริตฺวา ภตฺเต นิฏฺิเต คโต. โส วิหารํ คนฺตฺวา ‘‘ทฺเวปิ กุลานิ อสฺสทฺธานิ อปฺปสนฺนานิ เอว, อิเม ภิกฺขู ปน ‘สทฺธานิ ปสนฺนานี’ติ กเถนฺตี’’ติ ตานิ กุลานิ ปริภวนฺโต จรติ.

อเถกทิวสํ ธมฺมสภายํ ภิกฺขู กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, อสุโก กิร ชานปโท ภิกฺขุ อติกาลสฺเสว กุลทฺวารํ คโต ภิกฺขํ อลภิตฺวา กุลานิ ปริภวนฺโต จรตี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ตํ ภิกฺขุํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ภิกฺขู’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจํ, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘กสฺมา ตฺวํ ภิกฺขุ กุชฺฌสิ, ปุพฺเพ อนุปฺปนฺเน พุทฺเธ ตาปสาปิ ตาว กุลทฺวารํ คนฺตฺวา ภิกฺขํ อลภิตฺวา น กุชฺฌึสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา อปรภาเค ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา หิมวนฺเต จิรํ วสิตฺวา โลณมฺพิลเสวนตฺถาย พาราณสึ ปตฺวา อุยฺยาเน วสิตฺวา ปุนทิวเส นครํ ภิกฺขาย ปาวิสิ. ตทา พาราณสิเสฏฺิ สทฺโธ โหติ ปสนฺโน. โพธิสตฺโต ‘‘กตรํ กุลฆรํ สทฺธ’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘เสฏฺิฆร’’นฺติ สุตฺวา เสฏฺิโน ฆรทฺวารํ อคมาสิ. ตสฺมึ ขเณ เสฏฺิ ราชุปฏฺานํ คโต, มนุสฺสาปิ นํ น ปสฺสึสุ, โส นิวตฺติตฺวา คจฺฉติ. อถ นํ เสฏฺิ ราชกุลโต นิวตฺตนฺโต ทิสฺวา วนฺทิตฺวา ภิกฺขาภาชนํ คเหตฺวา ฆรํ เนตฺวา นิสีทาเปตฺวา ปาทโธวนเตลมกฺขนยาคุขชฺชกาทีหิ สนฺตปฺเปตฺวา อนฺตราภตฺเต กิฺจิ การณํ อปุจฺฉิตฺวา กตภตฺตกิจฺจํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺโน ‘‘ภนฺเต, อมฺหากํ ฆรทฺวารํ อาคตา นาม ยาจกา วา ธมฺมิกสมณพฺราหฺมณา วา สกฺการสมฺมานํ อลภิตฺวา คตปุพฺพา นาม นตฺถิ, ตุมฺเห ปน อชฺช อมฺหากํ ทารเกหิ อทิฏฺตฺตา อาสนํ วา ปานียํ วา ปาทโธวนํ วา ยาคุภตฺตํ วา อลภิตฺวาว คตา, อยํ อมฺหากํ โทโส, ตํ โน ขมิตุํ วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา ปมํ คาถมาห –

๑๔๕.

‘‘น เต ปีมทายิมฺหา, น ปานํ นปิ โภชนํ;

พฺรหฺมจาริ ขมสฺสุ เม, เอตํ ปสฺสามิ อจฺจย’’นฺติ.

ตตฺถ น เต ปีมทายิมฺหาติ ปีมฺปิ เต น ทาปยิมฺห.

ตํ สุตฺวา โพธิสตฺโต ทุติยํ คาถมาห –

๑๔๖.

‘‘เนวาภิสชฺชามิ น จาปิ กุปฺเป, น จาปิ เม อปฺปิยมาสิ กิฺจิ;

อโถปิ เม อาสิ มโนวิตกฺโก, เอตาทิโส นูน กุลสฺส ธมฺโม’’ติ.

ตตฺถ เนวาภิสชฺชามีติ เนว ลคฺคามิ. เอตาทิโสติ ‘‘อิมสฺส กุลสฺส เอตาทิโส นูน สภาโว, อทายกวํโส เอส ภวิสฺสตี’’ติ เอวํ เม มโนวิตกฺโก อุปฺปนฺโน.

ตํ สุตฺวา เสฏฺิ อิตรา ทฺเว คาถา อภาสิ –

๑๔๗.

‘‘เอสสฺมากํ กุเล ธมฺโม, ปิตุปิตามโห สทา;

อาสนํ อุทกํ ปชฺชํ, สพฺเพตํ นิปทามเส.

๑๔๘.

‘‘เอสสฺมากํ กุเล ธมฺโม, ปิตุปิตามโห สทา;

สกฺกจฺจํ อุปติฏฺาม, อุตฺตมํ วิย าตก’’นฺติ.

ตตฺถ ธมฺโมติ สภาโว. ปิตุปิตามโหติ ปิตูนฺจ ปิตามหานฺจ สนฺตโก. อุทกนฺติ ปาทโธวนอุทกํ. ปชฺชนฺติ ปาทมกฺขนเตลํ. สพฺเพตนฺติ สพฺพํ เอตํ. นิปทามเสติ นิการการา อุปสคฺคา, ทามเสติ อตฺโถ, ททามาติ วุตฺตํ โหติ. อิมินา ยาว สตฺตมา กุลปริวฏฺฏา ทายกวํโส อมฺหากํ วํโสติ ทสฺเสติ. อุตฺตมํ วิย าตกนฺติ มาตรํ วิย ปิตรํ วิย จ มยํ ธมฺมิกํ สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา ทิสฺวา สกฺกจฺจํ สหตฺเถน อุปฏฺหามาติ อตฺโถ.

โพธิสตฺโต ปน กติปาหํ พาราณสิเสฏฺิโน ธมฺมํ เทเสนฺโต ตตฺถ วสิตฺวา ปุน หิมวนฺตเมว คนฺตฺวา อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา พฺรหฺมโลกปรายโณ อโหสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน โส ภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ตทา พาราณสิเสฏฺิ อานนฺโท อโหสิ, ตาปโส ปน อหเมว อโหสินฺติ.

ปีชาตกวณฺณนา สตฺตมา.

[๓๓๘] ๘. ถุสชาตกวณฺณนา

วิทิตํ ถุสนฺติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต อชาตสตฺตุํ อารพฺภ กเถสิ. ตสฺมึ กิร มาตุกุจฺฉิคเต ตสฺส มาตุ โกสลราชธีตาย พิมฺพิสารรฺโ ทกฺขิณชาณุโลหิตปิวนโทหโฬ อุปฺปชฺชิตฺวา ปณฺฑุ อโหสิ. สา ปริจาริกาหิ ปุจฺฉิตา ตาสํ ตมตฺถํ อาโรเจสิ. ราชาปิ สุตฺวา เนมิตฺตเก ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘เทวิยา กิร เอวรูโป โทหโฬ อุปฺปนฺโน, ตสฺส กา นิปฺผตฺตี’’ติ ปุจฺฉิ. เนมิตฺตกา ‘‘เทวิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺตกสตฺโต ตุมฺเห มาเรตฺวา รชฺชํ คณฺหิสฺสตี’’ติ อาหํสุ. ราชา ‘‘สเจ มม ปุตฺโต มํ มาเรตฺวา รชฺชํ คณฺหิสฺสติ, โก เอตฺถ โทโส’’ติ ทกฺขิณชาณุํ สตฺเถน ผาลาเปตฺวา โลหิตํ สุวณฺณตฏฺฏเกน คาหาเปตฺวา เทวิยา ปาเยสิ. สา จินฺเตสิ ‘‘สเจ มม กุจฺฉิยํ นิพฺพตฺโต ปุตฺโต ปิตรํ มาเรสฺสติ, กึ เม เตนา’’ติ. สา คพฺภปาตนตฺถํ กุจฺฉึ มทฺทาเปสิ.

ราชา ตฺวา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘ภทฺเท มยฺหํ กิร ปุตฺโต มํ มาเรตฺวา รชฺชํ คณฺหิสฺสติ, น โข ปนาหํ อชโร อมโร, ปุตฺตมุขํ ปสฺสิตุํ เม เทหิ, มา อิโต ปภุติ เอวรูปํ กมฺมํ อกาสี’’ติ อาห. สา ตโต ปฏฺาย อุยฺยานํ คนฺตฺวา กุจฺฉึ มทฺทาเปสิ. ราชา ตฺวา ตโต ปฏฺาย อุยฺยานคมนํ นิวาเรสิ. สา ปริปุณฺณคพฺภา ปุตฺตํ วิชายิ. นามคฺคหณทิวเส จสฺส อชาตสฺเสว ปิตุ สตฺตุภาวโต ‘‘อชาตสตฺตุ’’ตฺเวว นามมกํสุ. ตสฺมึ กุมารปริหาเรน วฑฺฒนฺเต สตฺถา เอกทิวสํ ปฺจสตภิกฺขุปริวุโต รฺโ นิเวสนํ คนฺตฺวา นิสีทิ. ราชา พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปณีเตน ขาทนียโภชนีเยน ปริวิสิตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ธมฺมํ สุณนฺโต นิสีทิ. ตสฺมึ ขเณ กุมารํ มณฺเฑตฺวา รฺโ อทํสุ. ราชา พลวสิเนเหน ปุตฺตํ คเหตฺวา อูรุมฺหิ นิสีทาเปตฺวา ปุตฺตคเตน เปเมน ปุตฺตเมว มมายนฺโต น ธมฺมํ สุณาติ. สตฺถา ตสฺส ปมาทภาวํ ตฺวา ‘‘มหาราช, ปุพฺเพ ราชาโน ปุตฺเต อาสงฺกมานา ปฏิจฺฉนฺเน กาเรตฺวา ‘อมฺหากํ อจฺจเยน นีหริตฺวา รชฺเช ปติฏฺาเปยฺยาถา’ติ อาณาเปสุ’’นฺติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตกฺกสิลายํ ทิสาปาโมกฺขอาจริโย หุตฺวา พหู ราชกุมาเร จ พฺราหฺมณกุมาเร จ สิปฺปํ วาเจสิ. พาราณสิรฺโปิ ปุตฺโต โสฬสวสฺสกาเล ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ตโย เวเท จ สพฺพสิปฺปานิ จ อุคฺคณฺหิตฺวา ปริปุณฺณสิปฺโป อาจริยํ อาปุจฺฉิ. อาจริโย องฺควิชฺชาวเสน ตํ โอโลเกนฺโต ‘‘อิมสฺส ปุตฺตํ นิสฺสาย อนฺตราโย ปฺายติ, ตมหํ อตฺตโน อานุภาเวน หริสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา จตสฺโส คาถา พนฺธิตฺวา ราชกุมารสฺส อทาสิ, เอวฺจ ปน ตํ วเทสิ ‘‘ตาต, ปมํ คาถํ รชฺเช ปติฏฺาย ตว ปุตฺตสฺส โสฬสวสฺสกาเล ภตฺตํ ภุฺชนฺโต วเทยฺยาสิ, ทุติยํ มหาอุปฏฺานกาเล, ตติยํ ปาสาทํ อภิรุหมาโน โสปานสีเส ตฺวา, จตุตฺถํ สยนสิริคพฺภํ ปวิสนฺโต อุมฺมาเร ตฺวา’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา อาจริยํ วนฺทิตฺวา คโต โอปรชฺเช ปติฏฺาย ปิตุ อจฺจเยน รชฺเช ปติฏฺาสิ. ตสฺส ปุตฺโต โสฬสวสฺสกาเล รฺโ อุยฺยานกีฬาทีนํ อตฺถาย นิกฺขมนฺตสฺส สิริวิภวํ ทิสฺวา ปิตรํ มาเรตฺวา รชฺชํ คเหตุกาโม หุตฺวา อตฺตโน อุปฏฺากานํ กเถสิ. เต ‘‘สาธุ เทว, มหลฺลกกาเล ลทฺเธน อิสฺสริเยน โก อตฺโถ, เยน เกนจิ อุปาเยน ราชานํ มาเรตฺวา รชฺชํ คณฺหิตุํ วฏฺฏตี’’ติ วทึสุ. กุมาโร ‘‘วิสํ ขาทาเปตฺวา มาเรสฺสามี’’ติ ปิตรา สทฺธึ สายมาสํ ภุฺชนฺโต วิสํ คเหตฺวา นิสีทิ. ราชา ภตฺตปาติยํ ภตฺเต อจฺฉุปนฺเตเยว ปมํ คาถมาห –

๑๔๙.

‘‘วิทิตํ ถุสํ อุนฺทุรานํ, วิทิตํ ปน ตณฺฑุลํ;

ถุสํ ถุสํ วิวชฺเชตฺวา, ตณฺฑุลํ ปน ขาทเร’’ติ.

ตตฺถ วิทิตนฺติ กาฬวทฺทเลปิ อนฺธกาเร อุนฺทุรานํ ถุโส ถุสภาเวน ตณฺฑุโล จ ตณฺฑุลภาเวน วิทิโต ปากโฏเยว. อิธ ปน ลิงฺควิปลฺลาสวเสน ‘‘ถุสํ ตณฺฑุล’’นฺติ วุตฺตํ. ขาทเรติ ถุสํ ถุสํ วชฺเชตฺวา ตณฺฑุลเมว ขาทนฺติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ตาต กุมาร, ยถา อุนฺทุรานํ อนฺธกาเรปิ ถุโส ถุสภาเวน ตณฺฑุโล จ ตณฺฑุลภาเวน ปากโฏ, เต ถุสํ วชฺเชตฺวา ตณฺฑุลเมว ขาทนฺติ, เอวเมว มมปิ ตว วิสํ คเหตฺวา นิสินฺนภาโว ปากโฏติ.

กุมาโร ‘‘าโตมฺหี’’ติ ภีโต ภตฺตปาติยํ วิสํ ปาเตตุํ อวิสหิตฺวา อุฏฺาย ราชานํ วนฺทิตฺวา คโต. โส ตมตฺถํ อตฺตโน อุปฏฺากานํ อาโรเจตฺวา ‘‘อชฺช ตาวมฺหิ าโต, อิทานิ กถํ มาเรสฺสามี’’ติ ปุจฺฉิ. เต ตโต ปฏฺาย อุยฺยาเน ปฏิจฺฉนฺนา หุตฺวา นิกณฺณิกวเสน มนฺตยมานา ‘‘อตฺเถโก อุปาโย, ขคฺคํ สนฺนยฺหิตฺวา มหาอุปฏฺานํ คตกาเล อมจฺจานํ อนฺตเร ตฺวา รฺโ ปมตฺตภาวํ ตฺวา ขคฺเคน ปหริตฺวา มาเรตุํ วฏฺฏตี’’ติ ววตฺถเปสุํ. กุมาโร ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา มหาอุปฏฺานกาเล สนฺนทฺธขคฺโค หุตฺวา คนฺตฺวา อิโต จิโต จ รฺโ ปหรโณกาสํ อุปธาเรติ. ตสฺมึ ขเณ ราชา ทุติยํ คาถมาห –

๑๕๐.

‘‘ยา มนฺตนา อรฺสฺมึ, ยา จ คาเม นิกณฺณิกา;

ยฺเจตํ อิติ จีติ จ, เอตมฺปิ วิทิตํ มยา’’ติ.

ตตฺถ อรฺสฺมินฺติ อุยฺยาเน. นิกณฺณิกาติ กณฺณมูเล มนฺตนา. ยฺเจตํ อิติ จีติ จาติ ยฺจ เอตํ อิทานิ มม ปหรโณกาสปริเยสนํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ตาต กุมาร, ยา เอสา ตว อตฺตโน อุปฏฺาเกหิ สทฺธึ อุยฺยาเน จ คาเม จ นิกณฺณิกา มนฺตนา, ยฺเจตํ อิทานิ มม มารณตฺถาย อิติ จีติ จ กรณํ, เอตมฺปิ สพฺพํ มยา าตนฺติ.

กุมาโร ‘‘ชานาติ เม เวริภาวํ ปิตา’’ติ ตโต ปลายิตฺวา อุปฏฺากานํ อาโรเจสิ. เต สตฺตฏฺ ทิวเส อติกฺกมิตฺวา ‘‘กุมาร, น เต ปิตา, เวริภาวํ ชานาติ, ตกฺกมตฺเตน ตฺวํ เอวํสฺี อโหสิ, มาเรหิ น’’นฺติ วทึสุ. โส เอกทิวสํ ขคฺคํ คเหตฺวา โสปานมตฺถเก คพฺภทฺวาเร อฏฺาสิ. ราชา โสปานมตฺถเก ิโต ตติยํ คาถมาห –

๑๕๑.

‘‘ธมฺเมน กิร ชาตสฺส, ปิตา ปุตฺตสฺส มกฺกโฏ;

ทหรสฺเสว สนฺตสฺส, ทนฺเตหิ ผลมจฺฉิทา’’ติ.

ตตฺถ ธมฺเมนาติ สภาเวน. ปิตา ปุตฺตสฺส มกฺกโฏติ ปิตา มกฺกโฏ ปุตฺตสฺส มกฺกฏโปตกสฺส. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา อรฺเ ชาโต มกฺกโฏ อตฺตโน ยูถปริหรณํ อาสงฺกนฺโต ตรุณสฺส มกฺกฏโปตกสฺส ทนฺเตหิ ผลํ ฉินฺทิตฺวา ปุริสภาวํ นาเสติ, ตถา ตว อติรชฺชกามสฺส ผลานิ อุปฺปาฏาเปตฺวา ปุริสภาวํ นาเสสฺสามีติ.

กุมาโร ‘‘คณฺหาเปตุกาโม มํ ปิตา’’ติ ภีโต ปลายิตฺวา ‘‘ปิตรามฺหิ สนฺตชฺชิโต’’ติ อุปฏฺากานํ อาโรเจสิ. เต อฑฺฒมาสมตฺเต วีติวตฺเต ‘‘กุมาร, สเจ ราชา ชาเนยฺย, เอตฺตกํ กาลํ นาธิวาเสยฺย, ตกฺกมตฺเตน ตยา กถิตํ, มาเรหิ น’’นฺติ วทึสุ. โส เอกทิวสํ ขคฺคํ คเหตฺวา อุปริปาสาเท สิริสยนํ ปวิสิตฺวา ‘‘อาคจฺฉนฺตเมว นํ มาเรสฺสามี’’ติ เหฏฺาปลฺลงฺเก นิสีทิ. ราชา ภุตฺตสายมาโส ปริชนํ อุยฺโยเชตฺวา ‘‘นิปชฺชิสฺสามี’’ติ สิริคพฺภํ ปวิสนฺโต อุมฺมาเร ตฺวา จตุตฺถํ คาถมาห –

๑๕๒.

‘‘ยเมตํ ปริสปฺปสิ, อชกาโณว สาสเป;

โยปายํ เหฏฺโต เสติ, เอตมฺปิ วิทิตํ มยา’’ติ.

ตตฺถ ปริสปฺปสีติ ภเยน อิโต จิโต จ สปฺปสิ. สาสเปติ สาสปเขตฺเต. โยปายนฺติ โยปิ อยํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยมฺปิ เอตํ ตฺวํ สาสปวนํ ปวิฏฺกาณเอฬโก วิย ภเยน อิโต จิโต จ สํสปฺปสิ, ปมํ วิสํ คเหตฺวา อาคโตสิ, ทุติยํ ขคฺเคน ปหริตุกาโม หุตฺวา อาคโตสิ, ตติยํ ขคฺคํ อาทาย โสปานมตฺถเก อฏฺาสิ, อิทานิ มํ ‘‘มาเรสฺสามี’’ติ เหฏฺาสยเน นิปนฺโนสิ, สพฺพเมตํ ชานามิ, น ตํ อิทานิ วิสฺสชฺเชมิ, คเหตฺวา ราชาณํ การาเปสฺสามีติ. เอวํ ตสฺส อชานนฺตสฺเสว สา สา คาถา ตํ ตํ อตฺถํ ทีเปติ.

กุมาโร ‘‘าโตมฺหิ ปิตรา, อิทานิ มํ นาสฺเสสฺสตี’’ติ ภยปฺปตฺโต เหฏฺาสยนา นิกฺขมิตฺวา ขคฺคํ รฺโ ปาทมูเล ฉฑฺเฑตฺวา ‘‘ขมาหิ เม, เทวา’’ติ ปาทมูเล อุเรน นิปชฺชิ. ราชา ‘‘น มยฺหํ โกจิ กมฺมํ ชานาตีติ ตฺวํ จินฺเตสี’’ติ ตํ ตชฺเชตฺวา สงฺขลิกพนฺธเนน พนฺธาเปตฺวา พนฺธนาคารํ ปเวสาเปตฺวา อารกฺขํ เปสิ. ตทา ราชา โพธิสตฺตสฺส คุณํ สลฺลกฺเขสิ. โส อปรภาเค กาลมกาสิ, ตสฺส สรีรกิจฺจํ กตฺวา กุมารํ พนฺธนาคารา นีหริตฺวา รชฺเช ปติฏฺาเปสุํ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ตกฺกสิลายํ ทิสาปาโมกฺโข อาจริโย อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

ถุสชาตกวณฺณนา อฏฺมา.

[๓๓๙] ๙. พาเวรุชาตกวณฺณนา

อทสฺสเนน โมรสฺสาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต หตลาภสกฺกาเร ติตฺถิเย อารพฺภ กเถสิ. ติตฺถิยา หิ อนุปฺปนฺเน พุทฺเธ ลาภิโน อเหสุํ, อุปฺปนฺเน ปน พุทฺเธ หตลาภสกฺการา สูริยุคฺคมเน ขชฺโชปนกา วิย ชาตา. เตสํ ตํ ปวตฺตึ อารพฺภ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ ยาว คุณวนฺตา น อุปฺปชฺชนฺติ, ตาว นิคฺคุณา ลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺตา อเหสุํ, คุณวนฺเตสุ ปน อุปฺปนฺเนสุ นิคฺคุณา หตลาภสกฺการา ชาตา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต โมรโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา วุฑฺฒิมนฺวาย โสภคฺคปฺปตฺโต อรฺเ วิจริ. ตทา เอกจฺเจ วาณิชา ทิสากากํ คเหตฺวา นาวาย พาเวรุรฏฺํ อคมํสุ. ตสฺมึ กิร กาเล พาเวรุรฏฺเ สกุณา นาม นตฺถิ. อาคตาคตา รฏฺวาสิโน ตํ ปฺชเร นิสินฺนํ ทิสฺวา ‘‘ปสฺสถิมสฺส ฉวิวณฺณํ คลปริโยสานํ มุขตุณฺฑกํ มณิคุฬสทิสานิ อกฺขีนี’’ติ กากเมว ปสํสิตฺวา เต วาณิชเก อาหํสุ ‘‘อิมํ, อยฺยา, สกุณํ อมฺหากํ เทถ, อมฺหากํ อิมินา อตฺโถ, ตุมฺเห อตฺตโน รฏฺเ อฺํ ลภิสฺสถา’’ติ. ‘‘เตน หิ มูเลน คณฺหถา’’ติ. ‘‘กหาปเณน โน เทถา’’ติ. ‘‘น เทมา’’ติ. อนุปุพฺเพน วฑฺฒิตฺวา ‘‘สเตน เทถา’’ติ วุตฺเต ‘‘อมฺหากํ เอส พหูปกาโร, ตุมฺเหหิ สทฺธึ เมตฺติ โหตู’’ติ กหาปณสตํ คเหตฺวา อทํสุ. เต ตํ เนตฺวา สุวณฺณปฺชเร ปกฺขิปิตฺวา นานปฺปกาเรน มจฺฉมํเสน เจว ผลาผเลน จ ปฏิชคฺคึสุ. อฺเสํ สกุณานํ อวิชฺชมานฏฺาเน ทสหิ อสทฺธมฺเมหิ สมนฺนาคโต กาโก ลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺโต อโหสิ.

ปุนวาเร เต วาณิชา เอกํ โมรราชานํ คเหตฺวา ยถา อจฺฉรสทฺเทน วสฺสติ, ปาณิปฺปหรณสทฺเทน นจฺจติ, เอวํ สิกฺขาเปตฺวา พาเวรุรฏฺํ อคมํสุ. โส มหาชเน สนฺนิปติเต นาวาย ธุเร ตฺวา ปกฺเข วิธุนิตฺวา มธุรสฺสรํ นิจฺฉาเรตฺวา นจฺจิ. มนุสฺสา ตํ ทิสฺวา โสมนสฺสชาตา ‘‘เอตํ, อยฺยา, โสภคฺคปฺปตฺตํ สุสิกฺขิตํ สกุณราชานํ อมฺหากํ เทถา’’ติ อาหํสุ. อมฺเหหิ ปมํ กาโก อานีโต, ตํ คณฺหิตฺถ, อิทานิ เอกํ โมรราชานํ อานยิมฺหา, เอตมฺปิ ยาจถ, ตุมฺหากํ รฏฺเ สกุณํ นาม คเหตฺวา อาคนฺตุํ น สกฺกาติ. ‘‘โหตุ, อยฺยา, อตฺตโน รฏฺเ อฺํ ลภิสฺสถ, อิมํ โน เทถา’’ติ มูลํ วฑฺเฒตฺวา สหสฺเสน คณฺหึสุ. อถ นํ สตฺตรตนวิจิตฺเต ปฺชเร เปตฺวา มจฺฉมํสผลาผเลหิ เจว มธุลาชสกฺกรปานกาทีหิ จ ปฏิชคฺคึสุ, มยูรราชา ลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺโต ชาโต, ตสฺสาคตกาลโต ปฏฺาย กากสฺส ลาภสกฺกาโร ปริหายิ, โกจิ นํ โอโลเกตุมฺปิ น อิจฺฉิ. กาโก ขาทนียโภชนียํ อลภมาโน ‘‘กากา’’ติ วสฺสนฺโต คนฺตฺวา อุกฺการภูมิยํ โอตริตฺวา โคจรํ คณฺหิ.

สตฺถา ทฺเว วตฺถูนิ ฆเฏตฺวา สมฺพุทฺโธ หุตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –

๑๕๓.

‘‘อทสฺสเนน โมรสฺส, สิขิโน มฺชุภาณิโน;

กากํ ตตฺถ อปูเชสุํ, มํเสน จ ผเลน จ.

๑๕๔.

‘‘ยทา จ สรสมฺปนฺโน, โมโร พาเวรุมาคมา;

อถ ลาโภ จ สกฺกาโร, วายสสฺส อหายถ.

๑๕๕.

‘‘ยาว นุปฺปชฺชตี พุทฺโธ, ธมฺมราชา ปภงฺกโร;

ตาว อฺเ อปูเชสุํ, ปุถู สมณพฺราหฺมเณ.

๑๕๖.

‘‘ยทา จ สรสมฺปนฺโน, พุทฺโธ ธมฺมํ อเทสยิ;

อถ ลาโภ จ สกฺกาโร, ติตฺถิยานํ อหายถา’’ติ.

ตตฺถ สิขิโนติ สิขาย สมนฺนาคตสฺส. มฺชุภาณิโนติ มธุรสฺสรสฺส. อปูเชสุนฺติ อปูชยึสุ. มํเสน จ ผเลน จาติ นานปฺปกาเรน มํเสน ผลาผเลน จ. พาเวรุมาคมาติ พาเวรุรฏฺํ อาคโต. ‘‘ภาเวรู’’ติปิ ปาโ. อหายถาติ ปริหีโน. ธมฺมราชาติ นวหิ โลกุตฺตรธมฺเมหิ ปริสํ รฺเชตีติ ธมฺมราชา. ปภงฺกโรติ สตฺตโลกโอกาสโลกสงฺขารโลเกสุ อาโลกสฺส กตตฺตา ปภงฺกโร. สรสมฺปนฺโนติ พฺรหฺมสฺสเรน สมนฺนาคโต. ธมฺมํ อเทสยีติ จตุสจฺจธมฺมํ ปกาเสสีติ.

อิติ อิมา จตสฺโส คาถา ภาสิตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา กาโก นิคณฺโ นาฏปุตฺโต อโหสิ, โมรราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

พาเวรุชาตกวณฺณนา นวมา.

[๓๔๐] ๑๐. วิสยฺหชาตกวณฺณนา

อทาสิ ทานานีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อนาถปิณฺฑิกํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ เหฏฺา ขทิรงฺคารชาตเก (ชา. ๑.๑.๔๐) วิตฺถาริตเมว. อิธ ปน สตฺถา อนาถปิณฺฑิกํ. อามนฺเตตฺวา ‘‘โปราณกปณฺฑิตาปิ คหปติ ‘ทานํ มา ททาสี’ติ อากาเส ตฺวา วาเรนฺตํ สกฺกํ เทวานมินฺทํ ปฏิพาหิตฺวา ทานํ อทํสุเยวา’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต อสีติโกฏิวิภโว วิสยฺโห นาม เสฏฺิ หุตฺวา ปฺจหิ สีเลหิ สมนฺนาคโต ทานชฺฌาสโย ทานาภิรโต อโหสิ. โส จตูสุ นครทฺวาเรสุ, นครมชฺเฌ, อตฺตโน ฆรทฺวาเรติ ฉสุ าเนสุ ทานสาลาโย กาเรตฺวา ทานํ ปวตฺเตสิ, ทิวเส ทิวเส ฉ สตสหสฺสานิ วิสฺสชฺเชติ. โพธิสตฺตสฺส จ วนิพฺพกยาจกานฺจ เอกสทิสเมว ภตฺตํ โหติ. ตสฺส ชมฺพุทีปํ อุนฺนงฺคลํ กตฺวา ทานํ ททโต ทานานุภาเวน สกฺกสฺส ภวนํ กมฺปิ, สกฺกสฺส เทวรฺโ ปณฺฑุกมฺพลสิลาสนํ อุณฺหาการํ ทสฺเสสิ. สกฺโก ‘‘โก นุ โข มํ านา จาเวตุกาโม’’ติ อุปธาเรนฺโต มหาเสฏฺึ ทิสฺวา ‘‘อยํ วิสยฺโห อติวิย ปตฺถริตฺวา สกลชมฺพุทีปํ อุนฺนงฺคลํ กโรนฺโต ทานํ เทติ, อิมินา ทาเนน มํ จาเวตฺวา สยํ สกฺโก ภวิสฺสติ มฺเ, ธนมสฺส นาเสตฺวา เอตํ ทลิทฺทํ กตฺวา ยถา ทานํ น เทติ, ตถา กริสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา สพฺพํ ธนธฺํ เตลมธุผาณิตสกฺกราทีนิ อนฺตมโส ทาสกมฺมกรโปริสมฺปิ อนฺตรธาเปสิ.

ตทา ทานพฺยาวฏา อาคนฺตฺวา ‘‘สามิ ทานคฺคํ ปจฺฉินฺนํ, ปิตปิตฏฺาเน น กิฺจิ ปสฺสามา’’ติ อาโรจยึสุ. ‘‘อิโต ปริพฺพยํ หรถ, มา ทานํ ปจฺฉินฺทถา’’ติ ภริยํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘ภทฺเท, ทานํ ปวตฺตาเปหี’’ติ อาห. สา สกลเคหํ วิจินิตฺวา อฑฺฒมาสกมตฺตมฺปิ อทิสฺวา ‘‘อยฺย, อมฺหากํ นิวตฺถวตฺถํ เปตฺวา อฺํ กิฺจิ น ปสฺสามิ, สกลเคหํ ตุจฺฉ’’นฺติ อาห. สตฺตรตนคพฺเภสุ ทฺวารํ วิวราเปตฺวา น กิฺจิ อทฺทส, เสฏฺิฺจ ภริยฺจ เปตฺวา อฺเ ทาสกมฺมกราปิ น ปฺายึสุ. ปุน มหาสตฺโต. ภริยํ อามนฺเตตฺวา ‘‘ภทฺเท, น สกฺกา ทานํ ปจฺฉินฺทิตุํ, สกลนิเวสนํ วิจินิตฺวา กิฺจิ อุปธาเรหี’’ติ อาห. ตสฺมึ ขเณ เอโก ติณหารโก อสิตฺจ กาชฺจ ติณพนฺธนรชฺชุฺจ ทฺวารนฺตเร ฉฑฺเฑตฺวา ปลายิ. เสฏฺิภริยา ตํ ทิสฺวา ‘‘สามิ, อิทํ เปตฺวา อฺํ น ปสฺสามี’’ติ อาหริตฺวา อทาสิ. มหาสตฺโต ‘‘ภทฺเท, มยา เอตฺตกํ กาลํ ติณํ นาม น ลายิตปุพฺพํ, อชฺช ปน ติณํ ลายิตฺวา อาหริตฺวา วิกฺกิณิตฺวา ยถานุจฺฉวิกํ ทานํ ทสฺสามี’’ติ ทานุปจฺเฉทภเยน อสิตฺเจว กาชฺจ รชฺชุฺจ คเหตฺวา นครา นิกฺขมิตฺวา ติณวตฺถุํ คนฺตฺวา ติณํ ลายิตฺวา ‘‘เอโก อมฺหากํ ภวิสฺสติ, เอเกน ทานํ ทสฺสามี’’ติ ทฺเว ติณกลาเป พนฺธิตฺวา กาเช ลคฺเคตฺวา อาทาย คนฺตฺวา นครทฺวาเร วิกฺกิณิตฺวา มาสเก คเหตฺวา เอกํ โกฏฺาสํ ยาจกานํ อทาสิ. ยาจกา พหู, เตสํ ‘‘มยฺหมฺปิ เทหิ, มยฺหมฺปิ เทหี’’ติ วทนฺตานํ อิตรมฺปิ โกฏฺาสํ ทตฺวา ตํ ทิวสํ สทฺธึ ภริยาย อนาหาโร วีตินาเมสิ. อิมินา นิยาเมน ฉ ทิวสา วีติวตฺตา.

อถสฺส สตฺตเม ทิวเส ติณํ อาหรมานสฺส สตฺตาหํ นิราหารสฺส อติสุขุมาลสฺส นลาเฏ สูริยาตเปน ปหฏมตฺเต อกฺขีนิ ภมึสุ. โส สตึ ปจฺจุปฏฺาเปตุํ อสกฺโกนฺโต ติณํ อวตฺถริตฺวา ปติ. สกฺโก ตสฺส กิริยํ อุปธารยมาโน วิจรติ. โส ตงฺขณฺเว อาคนฺตฺวา อากาเส ตฺวา ปมํ คาถมาห –

๑๕๗.

‘‘อทาสิ ทานานิ ปุเร วิสยฺห, ททโต จ เต ขยธมฺโม อโหสิ;

อิโต ปรํ เจ น ทเทยฺย ทานํ, ติฏฺเยฺยุํ เต สํยมนฺตสฺส โภคา’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – อมฺโภ วิสยฺห ตฺวํ อิโต ปุพฺเพ ตว เคเห ธเน วิชฺชมาเน สกลชมฺพุทีปํ อุนฺนงฺคลํ กริตฺวา ทานานิ อทาสิ. ตสฺส จ เต เอวํ ททโต โภคานํ ขยธมฺโม ขยสภาโว อโหสิ, สพฺพํ สาปเตยฺยํ ขีณํ, อิโต ปรํ เจปิ ตฺวํ ทานํ น ทเทยฺย, กสฺสจิ กิฺจิ น ทเทยฺยาสิ, ตว สํยมนฺตสฺส อททนฺตสฺส โภคา ตเถว ติฏฺเยฺยุํ, ‘‘อิโต ปฏฺาย น ทสฺสามี’’ติ ตฺวํ มยฺหํ ปฏิฺํ เทหิ, อหํ เต โภเค ทสฺเสสฺสามีติ.

มหาสตฺโต ตสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘โกสิ ตฺว’’นฺติ อาห. ‘‘สกฺโกหมสฺมี’’ติ. โพธิสตฺโต ‘‘สกฺโก นาม สยํ ทานํ ทตฺวา สีลํ สมาทิยิตฺวา อุโปสถกมฺมํ กตฺวา สตฺต วตฺตปทานิ ปูเรตฺวา สกฺกตฺตํ ปตฺโต, ตฺวํ ปน อตฺตโน อิสฺสริยการณํ ทานํ วาเรสิ, อนริยํ วต กโรสี’’ติ วตฺวา ติสฺโส คาถา อภาสิ –

๑๕๘.

‘‘อนริยมริเยน สหสฺสเนตฺต, สุทุคฺคเตนาปิ อกิจฺจมาหุ;

มา โว ธนํ ตํ อหุ เทวราช, ยํ โภคเหตุ วิชเหมุ สทฺธํ.

๑๕๙.

‘‘เยน เอโก รโถ ยาติ, ยาติ เตนปโร รโถ;

โปราณํ นิหิตํ วตฺตํ, วตฺตตฺเว วาสว.

๑๖๐.

‘‘ยทิ เหสฺสติ ทสฺสาม, อสนฺเต กึ ททามเส;

เอวํภูตาปิ ทสฺสาม, มา ทานํ ปมทมฺหเส’’ติ.

ตตฺถ อนริยนฺติ ลามกํ ปาปกมฺมํ. อริเยนาติ ปริสุทฺธาจาเรน อริเยน. สุทุคฺคเตนาปีติ สุทลิทฺเทนาปิ. อกิจฺจมาหูติ อกตฺตพฺพนฺติ พุทฺธาทโย อริยา วทนฺติ, ตฺวํ ปน มํ อนริยํ มคฺคํ อาโรเจสีติ อธิปฺปาโย. โวติ นิปาตมตฺตํ. ยํ โภคเหตูติ ยสฺส ธนสฺส ปริภุฺชนเหตุ มยํ ทานสทฺธํ วิชเหมุ ปริจฺจเชยฺยาม, ตํ ธนเมว มา อหุ, น โน เตน ธเนน อตฺโถติ ทีเปติ.

รโถติ ยํกิฺจิ ยานํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – เยน มคฺเคน เอโก รโถ ยาติ, อฺโปิ รโถ ‘‘รถสฺส คตมคฺโค เอโส’’ติ เตเนว มคฺเคน ยาติ. โปราณํ นิหิตํ วตฺตนฺติ ยํ มยา ปุพฺเพ นิหิตํ วตฺตํ, ตํ มยิ ธรนฺเต วตฺตตุเยว, มา ติฏฺตูติ อตฺโถ. เอวํภูตาติ เอวํ ติณหารกภูตาปิ มยํ ยาว ชีวาม, ตาว ทสฺสามเยว. กึการณา? มา ทานํ ปมทมฺหเสติ. อททนฺโต หิ ทานํ ปมชฺชติ นาม น สรติ น สลฺลกฺเขติ, อหํ ปน ชีวมาโน ทานํ ปมุสฺสิตุํ น อิจฺฉามิ, ตสฺมา ทานํ ทสฺสามิเยวาติ ทีเปติ.

สกฺโก ตํ ปฏิพาหิตุํ อสกฺโกนฺโต ‘‘กิมตฺถาย ทานํ ททาสี’’ติ ปุจฺฉิ. โพธิสตฺโต ‘‘เนว สกฺกตฺตํ, น พฺรหฺมตฺตํ ปตฺถยมาโน, สพฺพฺุตํ ปตฺเถนฺโต ปนาหํ ททามี’’ติ อาห. สกฺโก ตสฺส วจนํ สุตฺวา ตุฏฺโ หตฺเถน ปิฏฺึ ปริมชฺชิ. โพธิสตฺตสฺส ตงฺขณฺเว ปริมชฺชิตมตฺตสฺเสว สกลสรีรํ ปริปูริ. สกฺกานุภาเวน จสฺส สพฺโพ วิภวปริจฺเฉโท ปฏิปากติโกว อโหสิ. สกฺโก ‘‘มหาเสฏฺิ, ตฺวํ อิโต ปฏฺาย ทิวเส ทิวเส ทฺวาทส สตสหสฺสานิ วิสฺสชฺเชนฺโต ทานํ ททาหี’’ติ ตสฺส เคเห อปริมาณํ ธนํ กตฺวา ตํ อุยฺโยเชตฺวา สกฏฺานเมว คโต.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา เสฏฺิภริยา ราหุลมาตา อโหสิ, วิสยฺโห ปน เสฏฺิ อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

วิสยฺหชาตกวณฺณนา ทสมา.

โกกิลวคฺโค จตุตฺโถ.

๕. จูฬกุณาลวคฺโค

[๓๔๑] ๑. กณฺฑรีชาตกวณฺณนา

นรานมารามกราสูติ อิมสฺส ชาตกสฺส วิตฺถารกถา กุณาลชาตเก (ชา. ๒.๒๑.กุณาลชาตก) อาวิ ภวิสฺสติ.

กณฺฑรีชาตกวณฺณนา ปมา.

[๓๔๒] ๒. วานรชาตกวณฺณนา

อสกฺขึ วต อตฺตานนฺติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เทวทตฺตสฺส วธาย ปริสกฺกนํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ (ชา. อฏฺ. ๒.๒.สุสุมารชาตกวณฺณนา) เหฏฺา วิตฺถาริตเมว.

อตีเต ปน พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต หิมวนฺตปเทเส กปิโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต คงฺคาตีเร วสิ. อเถกา อนฺโตคงฺคายํ สํสุมารี โพธิสตฺตสฺส หทยมํเส โทหฬํ อุปฺปาเทตฺวา สํสุมารสฺส กเถสิ. โส ‘‘ตํ กปึ อุทเก นิมุชฺชาเปตฺวา มาเรตฺวา หทยมํสํ คเหตฺวา สํสุมาริยา ทสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา มหาสตฺตํ อาห – ‘‘เอหิ, สมฺม, อนฺตรทีปเก ผลาผเล ขาทิตุํ คจฺฉามา’’ติ. ‘‘กถํ, สมฺม, อหํ คมิสฺสามี’’ติ. ‘‘อหํ ตํ มม ปิฏฺิยํ นิสีทาเปตฺวา เนสฺสามี’’ติ. โส ตสฺส จิตฺตํ อชานนฺโต ลงฺฆิตฺวา ปิฏฺิยํ นิสีทิ. สํสุมาโร โถกํ คนฺตฺวา นิมุชฺชิตุํ อารภิ. อถ นํ วานโร ‘‘กึการณา, โภ, มํ อุทเก นิมุชฺชาเปสี’’ติ อาห. ‘‘อหํ ตํ มาเรตฺวา ตว หทยมํสํ มม ภริยาย ทสฺสามี’’ติ. ‘‘ทนฺธ ตฺวํ มม หทยมํสํ อุเร อตฺถีติ มฺสี’’ติ? ‘‘อถ กหํ เต ปิต’’นฺติ? ‘‘เอตํ อุทุมฺพเร โอลมฺพนฺตํ น ปสฺสสี’’ติ? ‘‘ปสฺสามิ, ทสฺสสิ ปน เม’’ติ. ‘‘อาม, ทสฺสามี’’ติ. สํสุมาโร ทนฺธตาย ตํ คเหตฺวา นทีตีเร อุทุมฺพรมูลํ คโต. โพธิสตฺโต ตสฺส ปิฏฺิโต ลงฺฆิตฺวา อุทุมฺพรรุกฺเข นิสินฺโน อิมา คาถา อภาสิ –

๑๖๑.

‘‘อสกฺขึ วต อตฺตานํ, อุทฺธาตุํ อุทกา ถลํ;

น ทานาหํ ปุน ตุยฺหํ, วสํ คจฺฉามิ วาริช.

๑๖๒.

‘‘อลเมเตหิ อมฺเพหิ, ชมฺพูหิ ปนเสหิ จ;

ยานิ ปารํ สมุทฺทสฺส, วรํ มยฺหํ อุทุมฺพโร.

๑๖๓.

‘‘โย จ อุปฺปติตํ อตฺถํ, น ขิปฺปมนุพุชฺฌติ;

อมิตฺตวสมนฺเวติ, ปจฺฉา จ อนุตปฺปติ.

๑๖๔.

‘‘โย จ อุปฺปติตํ อตฺถํ, ขิปฺปเมว นิโพธติ;

มุจฺจเต สตฺตุสมฺพาธา, น จ ปจฺฉานุตปฺปตี’’ติ.

ตตฺถ อสกฺขึ วตาติ สมตฺโถ วต อโหสึ. อุทฺธาตุนฺติ อุทฺธริตุํ. วาริชาติ สํสุมารํ อาลปติ. ยานิ ปารํ สมุทฺทสฺสาติ คงฺคํ สมุทฺทนาเมนาลปนฺโต ‘‘ยานิ สมุทฺทสฺส ปารํ คนฺตฺวา ขาทิตพฺพานิ, อลํ เตหี’’ติ วทติ. ปจฺฉา จ อนุตปฺปตีติ อุปฺปนฺนํ อตฺถํ ขิปฺปํ อชานนฺโต อมิตฺตวสํ คจฺฉติ, ปจฺฉา จ อนุตปฺปติ.

อิติ โส จตูหิ คาถาหิ โลกิยกิจฺจานํ นิปฺผตฺติการณํ กเถตฺวา วนสณฺฑเมว ปาวิสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา สํสุมาโร เทวทตฺโต อโหสิ, วานโร ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

วานรชาตกวณฺณนา ทุติยา.

[๓๔๓] ๓. กุนฺตินีชาตกวณฺณนา

อวสิมฺห ตวาคาเรติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โกสลรฺโ เคเห นิวุตฺถํ กุนฺตินีสกุณิกํ อารพฺภ กเถสิ. สา กิร รฺโ ทูเตยฺยหาริกา อโหสิ. ทฺเว โปตกาปิสฺสา อตฺถิ, ราชา ตํ สกุณิกํ เอกสฺส รฺโ ปณฺณํ คาหาเปตฺวา เปเสสิ. ตสฺสา คตกาเล ราชกุเล ทารกา เต สกุณโปตเก หตฺเถหิ ปริมทฺทนฺตา มาเรสุํ. สา อาคนฺตฺวา เต โปตเก มเต ปสฺสนฺตี ‘‘เกน เม ปุตฺตกา มาริตา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อสุเกน จ อสุเกน จา’’ติ. ตสฺมิฺจ กาเล ราชกุเล โปสาวนิกพฺยคฺโฆ อตฺถิ กกฺขโฬ ผรุโส, พนฺธนพเลน ติฏฺติ. อถ เต ทารกา ตํ พฺยคฺฆํ ทสฺสนาย อคมํสุ. สาปิ สกุณิกา เตหิ สทฺธึ คนฺตฺวา ‘‘ยถา อิเมหิ มม ปุตฺตกา มาริตา, ตเถว เน กริสฺสามี’’ติ เต ทารเก คเหตฺวา พฺยคฺฆสฺส ปาทมูเล ขิปิ, พฺยคฺโฆ มุรามุราเปตฺวา ขาทิ. สา ‘‘อิทานิ เม มโนรโถ ปริปุณฺโณ’’ติ อุปฺปติตฺวา หิมวนฺตเมว คตา. ตํ การณํ สุตฺวา ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, ราชกุเล กิร อสุกา นาม กุนฺตินี สกุณิกา เย หิสฺสา โปตกา มาริตา, เต ทารเก พฺยคฺฆสฺส ปาทมูเล ขิปิตฺวา หิมวนฺตเมว คตา’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปสา อตฺตโน โปตกฆาตเก ทารเก คเหตฺวา พฺยคฺฆสฺส ปาทมูเล ขิปิตฺวา หิมวนฺตเมว คตา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ โพธิสตฺโต ธมฺเมน สเมน รชฺชํ กาเรสิ. ตสฺส นิเวสเน เอกา กุนฺตินี สกุณิกา ทูเตยฺยหาริกาติ สพฺพํ ปุริมสทิสเมว. อยํ ปน วิเสโส. อยํ กุนฺตินี พฺยคฺเฆน ทารเก มาราเปตฺวา จินฺเตสิ ‘‘อิทานิ น สกฺกา มยา อิธ วสิตุํ, คมิสฺสามิ, คจฺฉนฺตี จ ปน รฺโ อนาโรเจตฺวา น คมิสฺสามิ, อาโรเจตฺวาว คมิสฺสามี’’ติ. สา ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ ิตา ‘‘สามิ, ตุมฺหากํ ปมาเทน มม ปุตฺตเก ทารกา มาเรสุํ, อหํ โกธวสิกา หุตฺวา เต ทารเก ปฏิมาเรสึ, อิทานิ มยา อิธ วสิตุํ น สกฺกา’’ติ วตฺวา ปมํ คาถมาห –

๑๖๕.

‘‘อวสิมฺห ตวาคาเร, นิจฺจํ สกฺกตปูชิตา,

ตฺวเมว ทานิมกริ, หนฺท ราช วชามห’’นฺติ.

ตตฺถ ตฺวเมว ทานิมกรีติ มํ ปณฺณํ คาหาเปตฺวา เปเสตฺวา อตฺตโน ปมาเทน มม ปิยปุตฺตเก อรกฺขนฺโต ตฺวฺเว อิทานิ เอตํ มม โทมนสฺสการณํ อกริ. หนฺทาติ ววสฺสคฺคตฺเถ นิปาโต. ราชาติ โพธิสตฺตํ อาลปติ. วชามหนฺติ อหํ หิมวนฺตํ คจฺฉามีติ.

ตํ สุตฺวา ราชา ทุติยํ คาถมาห –

๑๖๖.

‘‘โย เว กเต ปฏิกเต, กิพฺพิเส ปฏิกิพฺพิเส;

เอวํ ตํ สมฺมตี เวรํ, วส กุนฺตินิ มาคมา’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – โย ปุคฺคโล ปเรน กเต กิพฺพิเส อตฺตโน ปุตฺตมารณาทิเก ทารุเณ กมฺเม กเต ปุน อตฺตโน ตสฺส ปุคฺคลสฺส ปฏิกเต ปฏิกิพฺพิเส ‘‘ปฏิกตํ มยา ตสฺสา’’ติ ชานาติ. เอวํ ตํ สมฺมตี เวรนฺติ เอตฺตเกน ตํ เวรํ สมฺมติ วูปสนฺตํ โหติ, ตสฺมา วส กุนฺตินิ มาคมาติ.

ตํ สุตฺวา กุนฺตินี ตติยํ คาถมาห –

๑๖๗.

‘‘น กตสฺส จ กตฺตา จ, เมตฺติ สนฺธียเต ปุน;

หทยํ นานุชานาติ, คจฺฉฺเว รเถสภา’’ติ.

ตตฺถ น กตสฺส จ กตฺตา จาติ กตสฺส จ อภิภูตสฺส อุปปีฬิตสฺส ปุคฺคลสฺส, อิทานิ วิภตฺติวิปริณามํ กตฺวา โย กตฺตา ตสฺส จาติ อิเมสํ ทฺวินฺนํ ปุคฺคลานํ ปุน มิตฺตภาโว นาม น สนฺธียติ น ฆฏียตีติ อตฺโถ. หทยํ นานุชานาตีติ เตน การเณน มม หทยํ อิธ วาสํ นานุชานาติ. คจฺฉฺเว รเถสภาติ ตสฺมา อหํ มหาราช คมิสฺสามิเยวาติ.

ตํ สุตฺวา ราชา จตุตฺถํ คาถมาห –

๑๖๘.

‘‘กตสฺส เจว กตฺตา จ, เมตฺติ สนฺธียเต ปุน;

ธีรานํ โน จ พาลานํ, วส กุนฺตินิ มาคมา’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – กตสฺส เจว ปุคฺคลสฺส, โย จ กตฺตา ตสฺส เมตฺติ สนฺธียเต ปุน, สา ปน ธีรานํ, โน จ พาลานํ. ธีรานฺหิ เมตฺติ ภินฺนาปิ ปุน ฆฏียติ, พาลานํ ปน สกึ ภินฺนา ภินฺนาว โหติ, ตสฺมา วส กุนฺตินิ มาคมาติ.

สกุณิกา ‘‘เอวํ สนฺเตปิ น สกฺกา มยา อิธ วสิตุํ สามี’’ติ ราชานํ วนฺทิตฺวา อุปฺปติตฺวา หิมวนฺตเมว คตา.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา กุนฺตินีเยว เอตรหิ กุนฺตินี อโหสิ, พาราณสิราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

กุนฺตินีชาตกวณฺณนา ตติยา.

[๓๔๔] ๔. อมฺพชาตกวณฺณนา

โย นีลิยํ มณฺฑยตีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ อมฺพโคปกตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิร มหลฺลกกาเล ปพฺพชิตฺวา เชตวนปจฺจนฺเต อมฺพวเน ปณฺณสาลํ กาเรตฺวา อมฺเพ รกฺขนฺโต ปติตานิ อมฺพปกฺกานิ ขาทนฺโต วิจรติ, อตฺตโน สมฺพนฺธมนุสฺสานมฺปิ เทติ. ตสฺมึ ภิกฺขาจารํ ปวิฏฺเ อมฺพโจรกา อมฺพานิ ปาเตตฺวา ขาทิตฺวา จ คเหตฺวา จ คจฺฉนฺติ. ตสฺมึ ขเณ จตสฺโส เสฏฺิธีตโร อจิรวติยํ นฺหายิตฺวา วิจรนฺติโย ตํ อมฺพวนํ ปวิสึสุ. มหลฺลโก อาคนฺตฺวา ตา ทิสฺวา ‘‘ตุมฺเหหิ เม อมฺพานิ ขาทิตานี’’ติ อาห. ‘‘ภนฺเต, มยํ อิทาเนว อาคตา, น ตุมฺหากํ อมฺพานิ ขาทามา’’ติ. ‘‘เตน หิ สปถํ กโรถา’’ติ? ‘‘กโรม, ภนฺเต’’ติ สปถํ กรึสุ. มหลฺลโก ตา สปถํ กาเรตฺวา ลชฺชาเปตฺวา วิสฺสชฺเชสิ. ตสฺส ตํ กิริยํ สุตฺวา ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, อสุโก กิร มหลฺลโก อตฺตโน วสนกํ อมฺพวนํ ปวิฏฺา เสฏฺิธีตโร สปถํ กาเรตฺวา ลชฺชาเปตฺวา วิสฺสชฺเชสี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปส อมฺพโคปโก หุตฺวา จตสฺโส เสฏฺิธีตโร สปถํ กาเรตฺวา ลชฺชาเปตฺวา วิสฺสชฺเชสี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต สกฺกตฺตํ กาเรสิ. ตทา เอโก กูฏชฏิโล พาราณสึ อุปนิสฺสาย นทีตีเร อมฺพวเน ปณฺณสาลํ มาเปตฺวา อมฺเพ รกฺขนฺโต ปติตานิ อมฺพปกฺกานิ ขาทนฺโต สมฺพนฺธมนุสฺสานมฺปิ เทนฺโต นานปฺปกาเรน มิจฺฉาชีเวน ชีวิกํ กปฺเปนฺโต วิจรติ. ตทา สกฺโก เทวราชา ‘‘เก นุ โข โลเก มาตาปิตโร อุปฏฺหนฺติ, กุเล เชฏฺาปจยนกมฺมํ กโรนฺติ, ทานํ เทนฺติ, สีลํ รกฺขนฺติ, อุโปสถกมฺมํ กโรนฺติ, เก ปพฺพชิตา สมณธมฺเม ยุตฺตปยุตฺตา วิหรนฺติ, เก อนาจารํ จรนฺตี’’ติ โลกํ โวโลเกนฺโต อิมํ อมฺพโคปกํ อนาจารํ กูฏชฏิลํ ทิสฺวา ‘‘อยํ กูฏชฏิโล กสิณปริกมฺมาทึ อตฺตโน สมณธมฺมํ ปหาย อมฺพวนํ รกฺขนฺโต วิจรติ, สํเวเชสฺสามิ น’’นฺติ ตสฺส คามํ ภิกฺขาย ปวิฏฺกาเล อตฺตโน อานุภาเวน อมฺเพ ปาเตตฺวา โจเรหิ วิลุมฺพิเต วิย อกาสิ.

ตทา พาราณสิโต จตสฺโส เสฏฺิธีตโร ตํ อมฺพวนํ ปวิสึสุ. กูฏชฏิโล ตา ทิสฺวา ‘‘ตุมฺเหหิ เม อมฺพานิ ขาทิตานี’’ติ ปลิพุทฺธิ. ‘‘ภนฺเต, มยํ อิทาเนว อาคตา, น เต อมฺพานิ ขาทามา’’ติ. ‘‘เตน หิ สปถํ กโรถา’’ติ? ‘‘กตฺวา จ ปน คนฺตุํ ลภิสฺสามา’’ติ? ‘‘อาม, ลภิสฺสถา’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ ตาสุ เชฏฺิกา สปถํ กโรนฺตี ปมํ คาถมาห –

๑๖๙.

‘‘โย นีลิยํ มณฺฑยติ, สณฺฑาเสน วิหฺติ;

ตสฺส สา วสมนฺเวตุ, ยา เต อมฺเพ อวาหรี’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – โย ปุริโส ปลิตานํ กาฬวณฺณกรณตฺถาย นีลผลาทีนิ โยเชตฺวา กตํ นีลิยํ มณฺฑยติ, นีลเกสนฺตเร จ อุฏฺิตํ ปลิตํ อุทฺธรนฺโต สณฺฑาเสน วิหฺติ กิลมติ, ตสฺส เอวรูปสฺส มหลฺลกสฺส สา วสํ อนฺเวตุ, ตถารูปํ ปตึ ลภตุ, ยา เต อมฺเพ อวาหรีติ.

ตาปโส ‘‘ตฺวํ เอกมนฺตํ ติฏฺาหี’’ติ วตฺวา ทุติยํ เสฏฺิธีตรํ สปถํ กาเรสิ. สา สปถํ กโรนฺตี ทุติยํ คาถมาห –

๑๗๐.

‘‘วีสํ วา ปฺจวีสํ วา, อูนตึสํว ชาติยา;

ตาทิสา ปติ มา ลทฺธา, ยา เต อมฺเพ อวาหรี’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – นาริโย นาม ปนฺนรสโสฬสวสฺสิกกาเล ปุริสานํ ปิยา โหนฺติ. ยา ปน ตว อมฺพานิ อวาหริ, สา เอวรูเป โยพฺพเน ปตึ อลภิตฺวา ชาติยา วีสํ วา ปฺจวีสํ วา เอเกน ทฺวีหิ อูนตาย อูนตึสํ วา วสฺสานิ ปตฺวา ตาทิสา ปริปกฺกวยา หุตฺวาปิ ปตึ มา ลทฺธาติ.

ตายปิ สปถํ กตฺวา เอกมนฺตํ ิตาย ตติยา ตติยํ คาถมาห –

๑๗๑.

‘‘ทีฆํ คจฺฉตุ อทฺธานํ, เอกิกา อภิสาริกา;

สงฺเกเต ปติ มา อทฺท, ยา เต อมฺเพ อวาหรี’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – ยา เต อมฺเพ อวาหริ, สา ปตึ ปตฺถยมานา ตสฺส สนฺติกํ อภิสรณตาย อภิสาริกา นาม หุตฺวา เอกิกา อทุติยา คาวุตทฺวิคาวุตมตฺตํ ทีฆํ อทฺธานํ คจฺฉตุ, คนฺตฺวาปิ จ ตสฺมึ อสุกฏฺานํ นาม อาคจฺเฉยฺยาสีติ กเต สงฺเกเต ตํ ปตึ มา อทฺทสาติ.

ตายปิ สปถํ กตฺวา เอกมนฺตํ ิตาย จตุตฺถา จตุตฺถํ คาถมาห –

๑๗๒.

‘‘อลงฺกตา สุวสนา, มาลินี จนฺทนุสฺสทา;

เอกิกา สยเน เสตุ, ยา เต อมฺเพ อวาหรี’’ติ. – สา อุตฺตานตฺถาเยว;

ตาปโส ‘‘ตุมฺเหหิ อติภาริยา สปถา กตา, อฺเหิ อมฺพานิ ขาทิตานิ ภวิสฺสนฺติ, คจฺฉถ ทานิ ตุมฺเห’’ติ ตา อุยฺโยเชสิ. สกฺโก เภรวรูปารมฺมณํ ทสฺเสตฺวา กูฏตาปสํ ตโต ปลาเปสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา กูฏชฏิโล อยํ อมฺพโคปโก มหลฺลโก อโหสิ, จตสฺโส เสฏฺิธีตโร เอตาเยว, สกฺโก ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

อมฺพชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.

[๓๔๕] ๕. ราชกุมฺภชาตกวณฺณนา

วนํ ยทคฺคิ ทหตีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ อลสภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิร สาวตฺถิวาสี กุลปุตฺโต สาสเน อุรํ ทตฺวา ปพฺพชิตฺวาปิ อลโส อโหสิ อุทฺเทสปริปุจฺฉาโยนิโสมนสิการวตฺตปฏิวตฺตาทีหิ ปริพาหิโร นีวรณาภิภูโต. นิสินฺนฏฺานาทีสุ อิริยาปเถสุ ตถา เอว โหติ. ตสฺส ตํ อาลสิยภาวํ อารพฺภ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, อสุโก นาม ภิกฺขุ เอวรูเป นิยฺยานิกสาสเน ปพฺพชิตฺวา อาลสิโย กุสีโต นีวรณาภิภูโต วิหรตี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปส อาลสิโยเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส อมจฺจรตนํ อโหสิ, พาราณสิราชา อาลสิยชาติโก อโหสิ. โพธิสตฺโต ‘‘ราชานํ ปโพเธสฺสามี’’ติ เอกํ อุปมํ อุปธาเรนฺโต วิจรติ. อเถกทิวสํ ราชา อุยฺยานํ คนฺตฺวา อมจฺจคณปริวุโต ตตฺถ วิจรนฺโต เอกํ ราชกุมฺภํ นาม อาลสิยํ ปสฺสิ. ตถารูปา กิร อาลสิยา สกลทิวสํ คจฺฉนฺตาปิ เอกทฺวงฺคุลมตฺตเมว คจฺฉนฺติ. ราชา ตํ ทิสฺวา ‘‘วยสฺส โก นาม โส’’ติ โพธิสตฺตํ ปุจฺฉิ. มหาสตฺโต ‘‘ราชกุมฺโภ นาเมส, มหาราช, อาลสิโย. เอวรูโป หิ สกลทิวสํ คจฺฉนฺโตปิ เอกงฺคุลทฺวงฺคุลมตฺตเมว คจฺฉตี’’ติ วตฺวา เตน สทฺธึ สลฺลปนฺโต ‘‘อมฺโภ, ราชกุมฺภ, ตุมฺหากํ ทนฺธคมนํ อิมสฺมึ อรฺเ ทาวคฺคิมฺหิ อุฏฺิเต กึ กโรถา’’ติ วตฺวา ปมํ คาถมาห –

๑๗๓.

‘‘วนํ ยทคฺคิ ทหติ, ปาวโก กณฺหวตฺตนี;

กถํ กโรสิ ปจลก, เอวํ ทนฺธปรกฺกโม’’ติ.

ตตฺถ ยทคฺคีติ ยทา อคฺคิ. ปาวโก กณฺหวตฺตนีติ อคฺคิโน เววจนํ. ปจลกาติ ตํ อาลปติ. โส หิ จลนฺโต จลนฺโต คจฺฉติ, นิจฺจํ วา ปจลายติ, ตสฺมา ‘‘ปจลโก’’ติ วุจฺจติ. ทนฺธปรกฺกโมติ ครุวีริโย.

ตํ สุตฺวา ราชกุมฺโภ ทุติยํ คาถมาห –

๑๗๔.

‘‘พหูนิ รุกฺขฉิทฺทานิ, ปถพฺยา วิวรานิ จ;

ตานิ เจ นาภิสมฺโภม, โหติ โน กาลปริยาโย’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – ปณฺฑิต, อมฺหากํ อิโต อุตฺตริคมนํ นาม นตฺถิ. อิมสฺมึ ปน อรฺเ รุกฺขฉิทฺทานิ ปถวิยํ วิวรานิ จ พหูนิ. ยทิ ตานิ น ปาปุณาม, โหติ โน กาลปริยาโยติ มรณเมว โน โหตีติ.

ตํ สุตฺวา โพธิสตฺโต อิตรา ทฺเว คาถา อภาสิ –

๑๗๕.

‘‘โย ทนฺธกาเล ตรติ, ตรณีเย จ ทนฺธติ;

สุกฺขปณฺณํว อกฺกมฺม, อตฺถํ ภฺชติ อตฺตโน.

๑๗๖.

‘‘โย ทนฺธกาเล ทนฺเธติ, ตรณีเย จ ตารยิ;

สสีว รตฺตึ วิภชํ, ตสฺสตฺโถ ปริปูรตี’’ติ.

ตตฺถ ทนฺธกาเลติ เตสํ เตสํ กมฺมานํ สณิกํ กตฺตพฺพกาเล. ตรตีติ ตุริตตุริโต เวเคน ตานิ กมฺมานิ กโรติ. สุกฺขปณฺณํวาติ ยถา วาตาตปสุกฺขํ ตาลปณฺณํ พลวา ปุริโส อกฺกมิตฺวา ภฺเชยฺย, ตตฺเถว จุณฺณวิจุณฺณํ กเรยฺย, เอวํ โส อตฺตโน อตฺถํ วุทฺธึ ภฺชติ. ทนฺเธตีติ ทนฺธยติ ทนฺธกาตพฺพานิ กมฺมานิ ทนฺธเมว กโรติ. ตารยีติ ตุริตกาตพฺพานิ กมฺมานิ ตุริโตว กโรติ. สสีว รตฺตึ วิภชนฺติ ยถา จนฺโท ชุณฺหปกฺขํ รตฺตึ โชตยมาโน กาฬปกฺขรตฺติโต รตฺตึ วิภชนฺโต ทิวเส ทิวเส ปริปูรติ, เอวํ ตสฺส ปุริสสฺส อตฺโถ ปริปูรตีติ วุตฺตํ โหติ.

ราชา โพธิสตฺตสฺส วจนํ สุตฺวา ตโต ปฏฺาย อนลโส ชาโต.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ราชกุมฺโภ อาลสิยภิกฺขุ อโหสิ, ปณฺฑิตามจฺโจ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

ราชกุมฺภชาตกวณฺณนา ปฺจมา.

[๓๔๖] ๖. เกสวชาตกวณฺณนา

มนุสฺสินฺทํ ชหิตฺวานาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต วิสฺสาสโภชนํ อารพฺภ กเถสิ. อนาถปิณฺฑิกสฺส กิร เคเห ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ นิพทฺธภตฺตํ โหติ, เคหํ นิจฺจกาลํ ภิกฺขุสงฺฆสฺส โอปานภูตํ กาสาวปชฺโชตํ อิสิวาตปฏิวาตํ. อเถกทิวสํ ราชา นครํ ปทกฺขิณํ กโรนฺโต เสฏฺิโน นิเวสเน ภิกฺขุสงฺฆํ ทิสฺวา ‘‘อหมฺปิ อริยสงฺฆสฺส นิพทฺธํ ภิกฺขํ ทสฺสามี’’ติ วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ นิพทฺธํ ภิกฺขํ ปฏฺเปสิ. ตโต ปฏฺาย ราชนิเวสเน นิพทฺธํ ภิกฺขา ทิยฺยติ, ติวสฺสิกคนฺธสาลิโภชนํ ปณีตํ. วิสฺสาเสนปิ สิเนเหนปิ สหตฺถา ทายกา นตฺถิ, ราชยุตฺเต ทาเปสิ. ภิกฺขู นิสีทิตฺวา ภุฺชิตุํ น อิจฺฉนฺติ, นานคฺครสภตฺตํ คเหตฺวา อตฺตโน อตฺตโน อุปฏฺากกุลํ คนฺตฺวา ตํ ภตฺตํ เตสํ ทตฺวา เตหิ ทินฺนํ ลูขํ วา ปณีตํ วา ภุฺชนฺติ.

อเถกทิวสํ รฺโ พหุํ ผลาผลํ อาหรึสุ. ราชา ‘‘สงฺฆสฺส เทถา’’ติ อาห. มนุสฺสา ภตฺตคฺคํ คนฺตฺวา เอกภิกฺขุมฺปิ อทิสฺวา ‘‘เอโก ภิกฺขุปิ นตฺถี’’ติ รฺโ อาโรเจสุํ. ‘‘นนุ เวลาเยว ตาวา’’ติ? ‘‘อาม, เวลา, ภิกฺขู ปน ตุมฺหากํ เคเห ภตฺตํ คเหตฺวา อตฺตโน อตฺตโน วิสฺสาสิกานํ อุปฏฺากานํ เคหํ คนฺตฺวา เตสํ ทตฺวา เตหิ ทินฺนํ ลูขํ วา ปณีตํ วา ภุฺชนฺตี’’ติ. ราชา ‘‘อมฺหากํ ภตฺตํ ปณีตํ, เกน นุ โข การเณน อภุตฺวา อฺํ ภุฺชนฺติ, สตฺถารํ ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ปุจฺฉิ. สตฺถา ‘‘มหาราช, โภชนํ นาม วิสฺสาสปรมํ, ตุมฺหากํ เคเห วิสฺสาสํ ปจฺจุปฏฺาเปตฺวา สิเนเหน ทายกานํ อภาวา ภิกฺขู ภตฺตํ คเหตฺวา อตฺตโน อตฺตโน วิสฺสาสิกฏฺาเน ปริภุฺชนฺติ. มหาราช, วิสฺสาสสทิโส อฺโ รโส นาม นตฺถิ, อวิสฺสาสิเกน ทินฺนํ จตุมธุรมฺปิ หิ วิสฺสาสิเกน ทินฺนํ สามากภตฺตํ น อคฺฆติ. โปราณกปณฺฑิตาปิ โรเค อุปฺปนฺเน รฺา ปฺจ เวชฺชกุลานิ คเหตฺวา เภสชฺเช การิเตปิ โรเค อวูปสนฺเต วิสฺสาสิกานํ สนฺติกํ คนฺตฺวา อโลณกํ สามากนีวารยาคุฺเจว อุทกมตฺตสิตฺตํ อโลณกปณฺณฺจ ปริภุฺชิตฺวา นิโรคา ชาตา’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต กาสิรฏฺเ พฺรามฺหณกุเล นิพฺพตฺติ, ‘‘กปฺปกุมาโร’’ติสฺส นามํ อกํสุ. โส วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา อปรภาเค อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิ. ตทา เกสโว นาม ตาปโส ปฺจหิ ตาปสสเตหิ ปริวุโต คณสตฺถา หุตฺวา หิมวนฺเต วสติ. โพธิสตฺโต ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ปฺจนฺนํ อนฺเตวาสิกสตานํ เชฏฺนฺเตวาสิโก หุตฺวา วิหาสิ, เกสวตาปสสฺส หิตชฺฌาสโย สสิเนโห อโหสิ. เต อฺมฺํ อติวิย วิสฺสาสิกา อเหสุํ. อปรภาเค เกสโว เต ตาปเส อาทาย โลณมฺพิลเสวนตฺถาย มนุสฺสปถํ คนฺตฺวา พาราณสึ ปตฺวา ราชุยฺยาเน วสิตฺวา ปุนทิวเส นครํ ภิกฺขาย ปวิสิตฺวา ราชทฺวารํ อคมาสิ. ราชา อิสิคณํ ทิสฺวา ปกฺโกสาเปตฺวา อนฺโตนิเวสเน โภเชตฺวา ปฏิฺํ คเหตฺวา อุยฺยาเน วสาเปสิ. อถ วสฺสารตฺเต อติกฺกนฺเต เกสโว ราชานํ อาปุจฺฉิ. ราชา ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเห มหลฺลกา, อมฺเห ตาว อุปนิสฺสาย วสถ, ทหรตาปเส หิมวนฺตํ เปเสถา’’ติ อาห. โส ‘‘สาธู’’ติ เชฏฺนฺเตวาสิเกน สทฺธึ เต หิมวนฺตํ เปเสตฺวา สยํ เอกโกว โอหิยิ. กปฺโป หิมวนฺตํ คนฺตฺวา ตาปเสหิ สทฺธึ วสิ.

เกสโว กปฺเปน วินา วสนฺโต อุกฺกณฺิตฺวา ตํ ทฏฺุกาโม หุตฺวา นิทฺทํ น ลภติ, ตสฺส นิทฺทํ อลภนฺตสฺส สมฺมา อาหาโร น ปริณามํ คจฺฉติ, โลหิตปกฺขนฺทิกา อโหสิ, พาฬฺหา เวทนา วตฺตนฺติ. ราชา ปฺจ เวชฺชกุลานิ คเหตฺวา ตาปสํ ปฏิชคฺคิ, โรโค น วูปสมฺมติ. เกสโว ราชานํ อาห ‘‘มหาราช, กึ มยฺหํ มรณํ อิจฺฉถ, อุทาหุ อโรคภาว’’นฺติ? ‘‘อโรคภาวํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘เตน หิ มํ หิมวนฺตํ เปเสถา’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ ราชา นารทํ นาม อมจฺจํ ปกฺกาสาเปตฺวา ‘‘นารท, อมฺหากํ ภทนฺตํ คเหตฺวา วนจรเกหิ สทฺธึ หิมวนฺตํ ยาหี’’ติ เปเสสิ. นารโท ตํ ตตฺถ เนตฺวา ปจฺจาคมาสิ. เกสวสฺสปิ กปฺเป ทิฏฺมตฺเตเยว เจตสิกโรโค วูปสนฺโต, อุกฺกณฺา ปฏิปฺปสฺสมฺภิ. อถสฺส กปฺโป อโลณเกน อธูปเนน อุทกมตฺตสิตฺตปณฺเณน สทฺธึ สามากนีวารยาคุํ อทาสิ, ตสฺส ตงฺขณฺเว โลหิตปกฺขนฺทิกา ปฏิปฺปสฺสมฺภิ.

ปุน ราชา นารทํ เปเสสิ ‘‘คจฺฉ เกสวสฺส ตาปสสฺส ปวตฺตึ ชานาหี’’ติ. โส คนฺตฺวา ตํ อโรคํ ทิสฺวา ‘‘ภนฺเต, พาราณสิราชา ปฺจ เวชฺชกุลานิ คเหตฺวา ปฏิชคฺคนฺโต ตุมฺเห อโรเค กาตุํ นาสกฺขิ, กถํ เต กปฺโป ปฏิชคฺคี’’ติ วตฺวา ปมํ คาถมาห –

๑๗๗.

‘‘มนุสฺสินฺทํ ชหิตฺวาน, สพฺพกามสมิทฺธินํ;

กถํ นุ ภควา เกสี, กปฺปสฺส รมติ อสฺสเม’’ติ.

ตตฺถ มนุสฺสินฺทนฺติ มนุสฺสานํ อินฺทํ พาราณสิราชานํ. กถํ นุ ภควา เกสีติ เกน นุ โข อุปาเยน อยํ อมฺหากํ ภควา เกสวตาปโส กปฺปสฺส อสฺสเม รมตีติ.

เอวํ อฺเหิ สทฺธึ สลฺลปนฺโต วิย เกสวสฺส อภิรติการณํ ปุจฺฉิ. ตํ สุตฺวา เกสโว ทุติยํ คาถมาห –

๑๗๘.

‘‘สาทูนิ รมณียานิ, สนฺติ วกฺขา มโนรมา;

สุภาสิตานิ กปฺปสฺส, นารท รมยนฺติ ม’’นฺติ.

ตตฺถ วกฺขาติ รุกฺขา. ปาฬิยํ ปน ‘‘รุกฺขา’’ตฺเวว ลิขิตํ. สุภาสิตานีติ กปฺเปน กถิตานิ สุภาสิตานิ มํ รมยนฺตีติ อตฺโถ.

เอวฺจ ปน วตฺวา ‘‘เอวํ มํ อภิรมาเปนฺโต กปฺโป อโลณกํ อธูปนํ อุทกสิตฺตปณฺณมิสฺสํ สามากนีวารยาคุํ ปาเยสิ, ตาย เม สรีเร พฺยาธิ วูปสมิโต, อโรโค ชาโตมฺหี’’ติ อาห. ตํ สุตฺวา นารโท ตติยํ คาถมาห –

๑๗๙.

‘‘สาลีนํ โอทนํ ภุฺเช, สุจึ มํสูปเสจนํ;

กถํ สามากนีวารํ, อโลณํ ฉาทยนฺติ ต’’นฺติ.

ตตฺถ ภุฺเชติ ภุฺชสิ, อยเมว วา ปาโ. ฉาทยนฺตีติ ฉาทยติ ปีเณติ โตเสติ. คาถาพนฺธสุขตฺถํ ปน อนุนาสิโก กโต. อิทํ วุตฺตํ โหติ – โย ตฺวํ สุจึ มํสูปเสจนํ ราชกุเล ราชารหํ สาลิภตฺตํ ภุฺชสิ, ตํ กถมิทํ สามากนีวารํ อโลณํ ปีเณติ โตเสติ, กถํ เต เอตํ รุจฺจตีติ.

ตํ สุตฺวา เกสโว จตุตฺถํ คาถมาห –

๑๘๐.

‘‘สาทุํ วา ยทิ วาสาทุํ, อปฺปํ วา ยทิ วา พหุํ;

วิสฺสตฺโถ ยตฺถ ภุฺเชยฺย, วิสฺสาสปรมา รสา’’ติ.

ตตฺถ ยทิ วาสาทุนฺติ ยทิ วา อสาทุํ. วิสฺสตฺโถติ นิราสงฺโก วิสฺสาสปตฺโต หุตฺวา. ยตฺถ ภุฺเชยฺยาติ ยสฺมึ นิเวสเน เอวํ ภุฺเชยฺย, ตตฺถ เอวํ ภุตฺตํ ยํกิฺจิ โภชนํ สาทุเมว. กสฺมา? ยสฺมา วิสฺสาสปรมา รสา, วิสฺสาโส ปรโม อุตฺตโม เอเตสนฺติ วิสฺสาสปรมา รสา. วิสฺสาสสทิโส หิ อฺโ รโส นาม นตฺถิ. อวิสฺสาสิเกน หิ ทินฺนํ จตุมธุรมฺปิ วิสฺสาสิเกน ทินฺนํ อมฺพิลกฺชิยํ น อคฺฆตีติ.

นารโท ตสฺส วจนํ สุตฺวา รฺโ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘เกสโว อิทํ นาม กเถสี’’ติ อาจิกฺขิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ราชา อานนฺโท อโหสิ, นารโท สาริปุตฺโต, เกสโว พกพฺรหฺมา, กปฺโป ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

เกสวชาตกวณฺณนา ฉฏฺา.

[๓๔๗] ๗. อยกูฏชาตกวณฺณนา

สพฺพายสนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โลกตฺถจริยํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ มหากณฺหชาตเก (ชา. ๑.๑๒.๖๑ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต อุคฺคหิตสพฺพสิปฺโป ปิตุ อจฺจเยน รชฺเช ปติฏฺาย ธมฺเมน รชฺชํ กาเรสิ. ตทา มนุสฺสา เทวมงฺคลิกา หุตฺวา พหู อเชฬกาทโย มาเรตฺวา เทวตานํ พลิกมฺมํ กโรนฺติ. โพธิสตฺโต ‘‘ปาโณ น หนฺตพฺโพ’’ติ เภรึ จราเปสิ. ยกฺขา พลิกมฺมํ อลภมานา โพธิสตฺตสฺส กุชฺฌิตฺวา หิมวนฺเต ยกฺขสมาคมํ คนฺตฺวา โพธิสตฺตสฺส มารณตฺถาย เอกํ กกฺขฬํ ยกฺขํ เปเสสุํ. โส กณฺณิกมตฺตํ มหนฺตํ อาทิตฺตํ อยกูฏํ คเหตฺวา ‘‘อิมินา นํ ปหริตฺวา มาเรสฺสามี’’ติ อาคนฺตฺวา มชฺฌิมยามสมนนฺตเร โพธิสตฺตสฺส สยนมตฺถเก อฏฺาสิ. ตสฺมึ ขเณ สกฺกสฺส อาสนํ อุณฺหาการํ ทสฺเสสิ. โส อาวชฺชมาโน ตํ การณํ ตฺวา อินฺทวชิรํ อาทาย คนฺตฺวา ยกฺขสฺส อุปริ อฏฺาสิ. โพธิสตฺโต ยกฺขํ ทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข เอส มํ รกฺขมาโน ิโต, อุทาหุ มาเรตุกาโม’’ติ เตน สทฺธึ สลฺลปนฺโต ปมํ คาถมาห –

๑๘๑.

‘‘สพฺพายสํ กูฏมติปฺปมาณํ, ปคฺคยฺห โย ติฏฺสิ อนฺตลิกฺเข;

รกฺขาย เม ตฺวํ วิหิโต นุสชฺช, อุทาหุ เม เจตยเส วธายา’’ติ.

ตตฺถ วิหิโต นุสชฺชาติ วิหิโต นุ อสิ อชฺช.

โพธิสตฺโต ปน ยกฺขเมว ปสฺสติ, น สกฺกํ. ยกฺโข สกฺกสฺส ภเยน โพธิสตฺตํ ปหริตุํ น สกฺโกติ. โส โพธิสตฺตสฺส กถํ สุตฺวา ‘‘มหาราช, นาหํ ตว รกฺขณตฺถาย ิโต, อิมินา ปน ชลิเตน อยกูเฏน ปหริตฺวา ตํ มาเรสฺสามีติ อาคโตมฺหิ, สกฺกสฺส ภเยน ตํ ปหริตุํ น สกฺโกมี’’ติ เอตมตฺถํ ทีเปนฺโต ทุติยํ คาถมาห –

๑๘๒.

‘‘ทูโต อหํ ราชิธ รกฺขสานํ, วธาย ตุยฺหํ ปหิโตหมสฺมิ;

อินฺโท จ ตํ รกฺขติ เทวราชา, เตนุตฺตมงฺคํ น เต ผาลยามี’’ติ.

ตํ สุตฺวา โพธิสตฺโต อิตรา ทฺเว คาถา อภาสิ –

๑๘๓.

‘‘สเจ จ มํ รกฺขติ เทวราชา, เทวานมินฺโท มฆวา สุชมฺปติ;

กามํ ปิสาจา วินทนฺตุ สพฺเพ, น สนฺตเส รกฺขสิยา ปชาย.

๑๘๔.

‘‘กามํ กนฺทนฺตุ กุมฺภณฺฑา, สพฺเพ ปํสุปิสาจกา;

นาลํ ปิสาจา ยุทฺธาย, มหตี สา วิภึสิกา’’ติ.

ตตฺถ รกฺขสิยา ปชายาติ รกฺขสิสงฺขาตาย ปชาย, รกฺขสสตฺตานนฺติ อตฺโถ. กุมฺภณฺฑาติ กุมฺภมตฺตรหสฺสงฺคา มโหทรา ยกฺขา. ปํสุปิสาจกาติ สงฺการฏฺาเน ปิสาจา. นาลนฺติ ปิสาจา นาม มยา สทฺธึ ยุทฺธาย น สมตฺถา. มหตี สา วิภึสิกาติ ยํ ปเนเต ยกฺขา สนฺนิปติตฺวา วิภึสิกํ ทสฺเสนฺติ, สา มหตี วิภึสิกา ภยการณทสฺสนมตฺตเมว มยฺหํ, น ปนาหํ ภายามีติ อตฺโถ.

สกฺโก ยกฺขํ ปลาเปตฺวา มหาสตฺตํ โอวทิตฺวา ‘‘มา ภายิ, มหาราช, อิโต ปฏฺาย ตว รกฺขา มมายตฺตา’’ติ วตฺวา สกฏฺานเมว คโต.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา สกฺโก อนุรุทฺโธ อโหสิ, พาราณสิราชา อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

อยกูฏชาตกวณฺณนา สตฺตมา.

[๓๔๘] ๘. อรฺชาตกวณฺณนา

อรฺา คามมาคมฺมาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ถุลฺลกุมาริกาปโลภนํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ จูฬนารทกสฺสปชาตเก (ชา. ๑.๑๓.๔๐ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ อุคฺคหิตสิปฺโป ภริยาย กาลกตาย ปุตฺตํ คเหตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา หิมวนฺเต วสนฺโต ปุตฺตํ อสฺสมปเท เปตฺวา ผลาผลตฺถาย คจฺฉติ. ตทา โจเรสุ ปจฺจนฺตคามํ ปหริตฺวา กรมเร คเหตฺวา คจฺฉนฺเตสุ เอกา กุมาริกา ปลายิตฺวา ตํ อสฺสมปทํ ปตฺวา ตาปสกุมารํ ปโลเภตฺวา สีลวินาสํ ปาเปตฺวา ‘‘เอหิ คจฺฉามา’’ติ อาห. ‘‘ปิตา ตาว เม อาคจฺฉตุ, ตํ ปสฺสิตฺวา คมิสฺสามี’’ติ. ‘‘เตน หิ ทิสฺวา อาคจฺฉา’’ติ นิกฺขมิตฺวา อนฺตรามคฺเค นิสีทิ. ตาปสกุมาโร ปิตริ อาคเต ปมํ คาถมาห –

๑๘๕.

‘‘อรฺา คามมาคมฺม, กึสีลํ กึวตํ อหํ;

ปุริสํ ตาต เสเวยฺยํ, ตํ เม อกฺขาหิ ปุจฺฉิโต’’ติ.

ตตฺถ อรฺา คามมาคมฺมาติ ตาต อหํ อิโต อรฺโต มนุสฺสปถํ วสนตฺถาย คโต วสนคามํ ปตฺวา กึ กโรมีติ.

อถสฺส ปิตา โอวาทํ ททนฺโต ติสฺโส คาถา อภาสิ –

๑๘๖.

‘‘โย ตํ วิสฺสาสเย ตาต, วิสฺสาสฺจ ขเมยฺย เต;

สุสฺสูสี จ ติติกฺขี จ, ตํ ภเชหิ อิโต คโต.

๑๘๗.

‘‘ยสฺส กาเยน วาจาย, มนสา นตฺถิ ทุกฺกฏํ;

อุรสีว ปติฏฺาย, ตํ ภเชหิ อิโต คโต.

๑๘๘.

‘‘หลิทฺทิราคํ กปิจิตฺตํ, ปุริสํ ราควิราคินํ;

ตาทิสํ ตาต มา เสวิ, นิมฺมนุสฺสมฺปิ เจ สิยา’’ติ.

ตตฺถ โย ตํ วิสฺสาสเยติ โย ปุริโส ตํ วิสฺสาเสยฺย น ปริสงฺเกยฺย. วิสฺสาสฺจ ขเมยฺย เตติ โย จ อตฺตนิ กยิรมานํ ตว วิสฺสาสํ ปตฺโต นิราสงฺโก ตํ ขเมยฺย. สุสฺสูสีติ โย จ ตว วิสฺสาสวจนํ โสตุมิจฺฉติ. ติติกฺขีติ โย จ ตยา กตํ อปราธํ ขมติ. ตํ ภเชหีติ ตํ ปุริสํ ภเชยฺยาสิ ปยิรุปาเสยฺยาสิ. อุรสีว ปติฏฺายาติ ยถา ตสฺส อุรสิ ปติฏฺาย วฑฺฒิโต โอรสปุตฺโต ตฺวมฺปิ ตาทิโส อุรสิ ปติฏฺิตปุตฺโต วิย หุตฺวา เอวรูปํ ปุริสํ ภเชยฺยาสีติ อตฺโถ.

หลิทฺทิราคนฺติ หลิทฺทิราคสทิสํ อถิรจิตฺตํ. กปิจิตฺตนฺติ ลหุปริวตฺติตาย มกฺกฏจิตฺตํ. ราควิราคินนฺติ มุหุตฺเตเนว รชฺชนวิรชฺชนสภาวํ. นิมฺมนุสฺสมฺปิ เจ สิยาติ สเจปิ สกลํ ชมฺพุทีปตลํ กายทุจฺจริตาทิวิรหิตสฺส มนุสฺสสฺส อภาเวน นิมฺมนุสฺสํ สิยา, ตถาปิ, ตาต, ตาทิสํ ลหุจิตฺตํ มา เสวิ, สพฺพมฺปิ มนุสฺสปถํ วิจินิตฺวา เหฏฺา วุตฺตคุณสมฺปนฺนเมว ภเชยฺยาสีติ อตฺโถ.

ตํ สุตฺวา ตาปสกุมาโร ‘‘อหํ, ตาต, อิเมหิ คุเณหิ สมนฺนาคตํ ปุริสํ กตฺถ ลภิสฺสามิ, น คจฺฉามิ, ตุมฺหากฺเว สนฺติเก วสิสฺสามี’’ติ วตฺวา นิวตฺติ. อถสฺส ปิตา กสิณปริกมฺมํ อาจิกฺขิ. อุโภปิ อปริหีนชฺฌานา พฺรหฺมโลกปรายณา อเหสุํ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ปุตฺโต จ กุมาริกา จ เอเตเยว อเหสุํ, ปิตา ตาปโส ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

อรฺชาตกวณฺณนา อฏฺมา.

[๓๔๙] ๙. สนฺธิเภทชาตกวณฺณนา

เนว อิตฺถีสุ สามฺนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เปสุฺสิกฺขาปทํ อารพฺภ กเถสิ. เอกสฺมึ กิร สมเย สตฺถา ‘‘ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู เปสุฺํ อุปสํหรนฺตี’’ติ สุตฺวา เต ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตุมฺเห, ภิกฺขเว, ภิกฺขูนํ ภณฺฑนชาตานํ กลหชาตานํ วิวาทาปนฺนานํ เปสุฺํ อุปสํหรถ, เตน อนุปฺปนฺนานิ เจว ภณฺฑนานิ อุปฺปชฺชนฺติ, อุปฺปนฺนานิ จ ภิยฺโยภาวาย สํวตฺตนฺตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจ’’นฺติ วุตฺเต เต ภิกฺขู ครหิตฺวา ‘‘ภิกฺขเว, ปิสุณา วาจา นาม ติขิณสตฺติปหารสทิสา, ทฬฺโห วิสฺสาโสปิ ตาย ขิปฺปํ ภิชฺชติ, ตฺจ ปน คเหตฺวา อตฺตโน เมตฺติภินฺทนกชโน สีหอุสภสทิโส โหตี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส ปุตฺโต หุตฺวา วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ อุคฺคหิตสิปฺโป ปิตุ อจฺจเยน ธมฺเมน รชฺชํ กาเรสิ. ตทา เอโก โคปาลโก อรฺเ โคกุเลสุ คาโว ปฏิชคฺคิตฺวา อาคจฺฉนฺโต เอกํ คพฺภินึ อสลฺลกฺเขตฺวา ปหาย อาคโต. ตสฺสา เอกาย สีหิยา สทฺธึ วิสฺสาโส อุปฺปชฺชิ. ตา อุโภปิ ทฬฺหมิตฺตา หุตฺวา เอกโต วิจรนฺติ. อปรภาเค คาวี วจฺฉกํ, สีหี สีหโปตกํ วิชายิ. เต อุโภปิ ชนา กุเลน อาคตเมตฺติยา ทฬฺหมิตฺตา หุตฺวา เอกโต วิจรนฺติ. อเถโก วนจรโก อรฺํ ปวิสิตฺวา เตสํ วิสฺสาสํ ทิสฺวา อรฺเ อุปฺปชฺชนกภณฺฑํ อาทาย พาราณสึ คนฺตฺวา รฺโ ทตฺวา ‘‘อปิ เต, สมฺม, กิฺจิ อรฺเ อจฺฉริยํ ทิฏฺปุพฺพ’’นฺติ รฺา ปุฏฺโ ‘‘เทว, อฺํ กิฺจิ น ปสฺสามิ, เอกํ ปน สีหฺจ อุสภฺจ อฺมฺํ วิสฺสาสิเก เอกโต วิจรนฺเต อทฺทส’’นฺติ อาห. ‘‘เอเตสํ ตติเย อุปฺปนฺเน ภยํ ภวิสฺสติ, ยทา เตสํ ตติยํ ปสฺสติ, อถ เม อาจิกฺเขยฺยาสี’’ติ. ‘‘สาธุ, เทวา’’ติ.

วนจรเก ปน พาราณสึ คเต เอโก สิงฺคาโล สีหฺจ อุสภฺจ อุปฏฺหิ. วนจรโก อรฺํ คนฺตฺวา ตํ ทิสฺวา ‘‘ตติยสฺส อุปฺปนฺนภาวํ รฺโ กเถสฺสามี’’ติ นครํ คโต. สิงฺคาโล จินฺเตสิ ‘‘มยา เปตฺวา สีหมํสฺจ อุสภมํสฺจ อฺํ อขาทิตปุพฺพํ นาม นตฺถิ, อิเม ภินฺทิตฺวา อิเมสํ มํสํ ขาทิสฺสามี’’ติ. โส ‘‘อยํ ตํ เอวํ วทติ, อยํ ตํ เอวํ วทตี’’ติ อุโภปิ เต อฺมฺํ ภินฺทิตฺวา น จิรสฺเสว กลหํ กาเรตฺวา มรณาการปฺปตฺเต อกาสิ. วนจรโกปิ คนฺตฺวา รฺโ ‘‘เตสํ, เทว, ตติโย อุปฺปนฺโน’’ติ อาห. ‘‘โก โส’’ติ? ‘‘สิงฺคาโล, เทวา’’ติ. ราชา ‘‘โส อุโภ มิตฺเต ภินฺทิตฺวา มาราเปสฺสติ, มยํ เตสํ มตกาเล สมฺปาปุณิสฺสามา’’ติ วตฺวา รถํ อภิรุยฺห วนจรเกน มคฺคเทสเกน คจฺฉนฺโต เตสุ อฺมฺํ กลหํ กตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปตฺเตสุ สมฺปาปุณิ. สิงฺคาโล ปน หฏฺตุฏฺโ เอกวารํ สีหสฺส มํสํ ขาทติ, เอกวารํ อุสภสฺส มํสํ ขาทติ. ราชา เต อุโภปิ ชีวิตกฺขยปฺปตฺเต ทิสฺวา รเถ ิโตว สารถินา สทฺธึ สลฺลปนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –

๑๘๙.

‘‘เนว อิตฺถีสุ สามฺํ, นาปิ ภกฺเขสุ สารถิ;

อถสฺส สนฺธิเภทสฺส, ปสฺส ยาว สุจินฺติตํ.

๑๙๐.

‘‘อสิ ติกฺโขว มํสมฺหิ, เปสุฺํ ปริวตฺตติ;

ยตฺถูสภฺจ สีหฺจ, ภกฺขยนฺติ มิคาธมา.

๑๙๑.

‘‘อิมํ โส สยนํ เสติ, ยมิมํ ปสฺสสิ สารถิ;

โย วาจํ สนฺธิเภทสฺส, ปิสุณสฺส นิโพธติ.

๑๙๒.

‘‘เต ชนา สุขเมธนฺติ, นรา สคฺคคตาริว;

เย วาจํ สนฺธิเภทสฺส, นาวโพธนฺติ สารถี’’ติ.

ตตฺถ เนว อิตฺถีสูติ สมฺม สารถิ, อิเมสํ ทฺวินฺนํ ชนานํ เนว อิตฺถีสุ สามฺํ อตฺถิ น, ภกฺเขสุปิ. อฺเมว หิ อิตฺถึ สีโห เสวติ, อฺํ อุสโภ, อฺํ ภกฺขํ สีโห ขาทติ, อฺํ อุสโภติ อตฺโถ. อถสฺสาติ เอวํ กลหการเณ อวิชฺชมาเนปิ อถ อิมสฺส มิตฺตสนฺธิเภทกสฺส ทุฏฺสิงฺคาลสฺส ‘‘อุภินฺนํ มํสํ ขาทิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา อิเม มาเรนฺตสฺส ปสฺส ยาว สุจินฺติตํ, สุจินฺติตํ ชาตนฺติ อธิปฺปาโย. ยตฺถาติ ยสฺมึ เปสุฺเ ปริวตฺตมาเน. อุสภฺจ สีหฺจ มิคาธมา สิงฺคาลา ขาทนฺติ, ตํ เปสุฺํ มํสมฺหิ ติขิโณ อสิ วิย มิตฺตภาวํ ฉินฺทนฺตเมว ปริวตฺตตีติ ทีเปติ.

ยมิมํ ปสฺสสีติ สมฺม สารถิ, ยํ อิมํ ปสฺสสิ อิเมสํ ทฺวินฺนํ มตสยนํ, อฺโปิ โย ปุคฺคโล สนฺธิเภทสฺส ปิสุณสฺส ปิสุณวาจํ นิโพธติ คณฺหาติ, โส อิมํ สยนํ เสติ, เอวเมวํ มรตีติ ทสฺเสติ. สุขเมธนฺตีติ สุขํ วินฺทนฺติ ลภนฺติ. นรา สคฺคคตาริวาติ สคฺคคตา ทิพฺพโภคสมงฺคิโน นรา วิย เต สุขํ วินฺทนฺติ. นาวโพธนฺตีติ น สารโต ปจฺเจนฺติ, ตาทิสํ ปน วจนํ สุตฺวา โจเทตฺวา สาเรตฺวา เมตฺตึ อภินฺทิตฺวา ปากติกาว โหนฺตีติ.

ราชา อิมา คาถา ภาสิตฺวา สีหสฺส เกสรจมฺมนขทาา คาหาเปตฺวา นครเมว คโต.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา พาราณสิราชา อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

สนฺธิเภทชาตกวณฺณนา นวมา.

[๓๕๐] ๑๐. เทวตาปฺหชาตกวณฺณนา

หนฺติ หตฺเถหิ ปาเทหีติ อยํ เทวตาปุจฺฉา อุมงฺคชาตเก (ชา. ๒.๒๒.๕๙๐ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติ.

เทวตาปฺหชาตกวณฺณนา ทสมา.

จูฬกุณาลวคฺโค ปฺจโม.

ชาตกุทฺทานํ

กาลิงฺโค อสฺสาโรโห จ, เอกราชา จ ททฺทโร;

สีลวีมํสสุชาตา, ปลาโส สกุโณ ฉโว;

เสยฺโยติ ทส ชาตกา.

ปุจิมนฺโท กสฺสโป จ, ขนฺติวาที โลหกุมฺภี;

สพฺพมํสลาภี สโส, มตาโรทกณเวรา;

ติตฺติโร สุจฺจโช ทส.

กุฏิทูโส ทุทฺทภาโย, พฺรหฺมทตฺตจมฺมสาฏโก;

โคธราชา จ กกฺการุ, กากวตี นนุ โสจิโย;

กาฬพาหุ สีลวีมํโส ทส.

โกกาลิโก รถลฏฺิ, ปกฺกโคธราโชวาทา;

ชมฺพุกพฺรหาฉตฺโต จ, ปีถุสา จ พาเวรุ;

วิสยฺหเสฏฺิ ทสธา.

กินฺนรีวานรกุนฺตินี, อมฺพหารี คชกุมฺโภ;

เกสวายกูฏารฺํ, สนฺธิเภโท เทวตาปฺหา.

วคฺคุทฺทานํ –

กาลิงฺโค ปุจิมนฺโท จ, กุฏิทูสกโกกิลา;

จูฬกุณาลวคฺโคติ, ปฺจวคฺคา จตุกฺกมฺหิ;

โหนฺติ ปฺาส ชาตกา.

จตุกฺกนิปาตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. ปฺจกนิปาโต

๑. มณิกุณฺฑลวคฺโค

[๓๕๑] ๑. มณิกุณฺฑลชาตกวณฺณนา

ชีโน รถสฺสํ มณิกุณฺฑเล จาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โกสลรฺโ อนฺเตปุเร สพฺพตฺถสาธกํ ปทุฏฺามจฺจํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ เหฏฺา วิตฺถาริตเมว. อิธ ปน โพธิสตฺโต พาราณสิราชา อโหสิ. ปทุฏฺามจฺโจ โกสลราชานํ อาเนตฺวา กาสิรชฺชํ คาหาเปตฺวา พาราณสิราชานํ พนฺธาเปตฺวา พนฺธนาคาเร ปกฺขิปาเปสิ. ราชา ฌานํ อุปฺปาเทตฺวา อากาเส ปลฺลงฺเกน นิสีทิ, โจรรฺโ สรีเร ฑาโห อุปฺปชฺชิ. โส พาราณสิราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา ปมํ คาถมาห –

.

‘‘ชีโน รถสฺสํ มณิกุณฺฑเล จ, ปุตฺเต จ ทาเร จ ตเถว ชีโน;

สพฺเพสุ โภเคสุ อเสสเกสุ, กสฺมา น สนฺตปฺปสิ โสกกาเล’’ติ.

ตตฺถ ชีโน รถสฺสํ มณิกุณฺฑเล จาติ มหาราช, ตฺวํ รถฺจ อสฺสฺจ มณิกุณฺฑลานิ จ ชีโน, ‘‘ชีโน รถสฺเส จ มณิกุณฺฑเล จา’’ติปิ ปาโ. อเสสเกสูติ นิสฺเสสเกสุ.

ตํ สุตฺวา โพธิสตฺโต อิมา ทฺเว คาถา อภาสิ –

.

‘‘ปุพฺเพว มจฺจํ วิชหนฺติ โภคา, มจฺโจ วา เต ปุพฺพตรํ ชหาติ;

อสสฺสตา โภคิโน กามกามิ, ตสฺมา น โสจามหํ โสกกาเล.

.

‘‘อุเทติ อาปูรติ เวติ จนฺโท, อตฺถํ ตเปตฺวาน ปเลติ สูริโย;

วิทิตา มยา สตฺตุก โลกธมฺมา, ตสฺมา น โสจามหํ โสกกาเล’’ติ.

ตตฺถ ปุพฺเพว มจฺจนฺติ มจฺจํ วา โภคา ปุพฺเพว ปมตรฺเว วิชหนฺติ, มจฺโจ วา เต โภเค ปุพฺพตรํ ชหาติ. กามกามีติ โจรราชานํ อาลปติ. อมฺโภ, กาเม กามยมาน กามกามิ โภคิโน นาม โลเก อสสฺสตา, โภเคสุ วา นฏฺเสุ ชีวมานาว อโภคิโน โหนฺติ, โภเค วา ปหาย สยํ นสฺสนฺติ, ตสฺมา อหํ มหาชนสฺส โสกกาเลปิ น โสจามีติ อตฺโถ. วิทิตา มยา สตฺตุก โลกธมฺมาติ โจรราชานํ อาลปติ. อมฺโภ, สตฺตุก, มยา ลาโภ อลาโภ ยโส อยโสติอาทโย โลกธมฺมา วิทิตา. ยเถว หิ จนฺโท อุเทติ จ ปูรติ จ ปุน จ ขียติ, ยถา จ สูริโย อนฺธการํ วิธมนฺโต มหนฺตํ อาโลกํ ตเปตฺวาน ปุน สายํ อตฺถํ ปเลติ อตฺถํ คจฺฉติ น ทิสฺสติ, เอวเมว โภคา อุปฺปชฺชนฺติ จ นสฺสนฺติ จ, ตตฺถ กึ โสเกน, ตสฺมา น โสจามีติ อตฺโถ.

เอวํ มหาสตฺโต โจรรฺโ ธมฺมํ เทเสตฺวา อิทานิ ตเมว โจรํ ครหนฺโต อาห –

.

‘‘อลโส คิหี กามโภคี น สาธุ, อสฺโต ปพฺพชิโต น สาธุ;

ราชา น สาธุ อนิสมฺมการี, โย ปณฺฑิโต โกธโน ตํ น สาธุ.

.

‘‘นิสมฺม ขตฺติโย กยิรา, นานิสมฺม ทิสมฺปติ;

นิสมฺมการิโน ราช, ยโส กิตฺติ จ วฑฺฒตี’’ติ.

อิมา ปน ทฺเว คาถา เหฏฺา วิตฺถาริตาเยว. โจรราชา โพธิสตฺตํ ขมาเปตฺวา รชฺชํ ปฏิจฺฉาเปตฺวา อตฺตโน ชนปทเมว คโต.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา โกสลราชา อานนฺโท อโหสิ, พาราณสิราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

มณิกุณฺฑลชาตกวณฺณนา ปมา.

[๓๕๒] ๒. สุชาตชาตกวณฺณนา

กึ นุ สนฺตรมาโนวาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต มตปิติกํ กุฏุมฺพิกํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิร ปิตริ มเต ปริเทวมาโน วิจรติ, โสกํ วิโนเทตุํ น สกฺโกติ. อถ สตฺถา ตสฺส โสตาปตฺติผลูปนิสฺสยํ ทิสฺวา สาวตฺถึ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาสมณํ อาทาย ตสฺส เคหํ คนฺตฺวา ปฺตฺตาสเน นิสินฺโน ตํ วนฺทิตฺวา นิสินฺนํ ‘‘กึ, อุปาสก, โสจสี’’ติ วตฺวา ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘อาวุโส, โปราณกปณฺฑิตา ปณฺฑิตานํ วจนํ สุตฺวา ปิตริ กาลกเต น โสจึสู’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต กุฏุมฺพิกเคเห นิพฺพตฺติ, ‘‘สุชาตกุมาโร’’ติสฺส นามํ กรึสุ. ตสฺส วยปฺปตฺตสฺส ปิตามโห กาลมกาสิ. อถสฺส ปิตา ปิตุ กาลกิริยโต ปฏฺาย โสกสมปฺปิโต อาฬาหนํ คนฺตฺวา อาฬาหนโต อฏฺีนิ อาหริตฺวา อตฺตโน อาราเม มตฺติกาถูปํ กตฺวา ตานิ ตตฺถ นิทหิตฺวา คตคตเวลาย ถูปํ ปุปฺเผหิ ปูเชตฺวา เจติยํ อาวิชฺฌนฺโต ปริเทวติ, เนว นฺหายติ น ลิมฺปติ น ภุฺชติ น กมฺมนฺเต วิจาเรติ. ตํ ทิสฺวา โพธิสตฺโต ‘‘ปิตา เม อยฺยกสฺส มตกาลโต ปฏฺาย โสกาภิภูโต จรติ, เปตฺวา ปน มํ อฺโ เอตํ สฺาเปตุํ น สกฺโกติ, เอเกน นํ อุปาเยน นิสฺโสกํ กริสฺสามี’’ติ พหิคาเม เอกํ มตโคณํ ทิสฺวา ติณฺจ ปานียฺจ อาหริตฺวา ตสฺส ปุรโต เปตฺวา ‘‘ขาท, ขาท, ปิว, ปิวา’’ติ อาห. อาคตาคตา นํ ทิสฺวา ‘‘สมฺม สุชาต, กึ อุมฺมตฺตโกสิ, มตโคณสฺส ติโณทกํ เทสี’’ติ วทนฺติ. โส น กิฺจิ ปฏิวทติ. อถสฺส ปิตุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘ปุตฺโต เต อุมฺมตฺตโก ชาโต, มตโคณสฺส ติโณทกํ เทตี’’ติ อาหํสุ. ตํ สุตฺวา กุฏุมฺพิกสฺส ปิตุโสโก อปคโต, ปุตฺตโสโก ปติฏฺิโต. โส เวเคนาคนฺตฺวา ‘‘นนุ ตฺวํ, ตาต สุชาต, ปณฺฑิโตสิ, กึการณา มตโคณสฺส ติโณทกํ เทสี’’ติ วตฺวา ทฺเว คาถา อภาสิ –

.

‘‘กึ นุ สนฺตรมาโนว, ลายิตฺวา หริตํ ติณํ;

ขาท ขาทาติ ลปสิ, คตสตฺตํ ชรคฺควํ.

.

‘‘น หิ อนฺเนน ปาเนน, มโต โคโณ สมุฏฺเห;

ตฺวฺจ ตุจฺฉํ วิลปสิ, ยถา ตํ ทุมฺมตี ตถา’’ติ.

ตตฺถ สนฺตรมาโนวาติ ตุริโต วิย หุตฺวา. ลายิตฺวาติ ลุนิตฺวา. ลปสีติ วิลปสิ. คตสตฺตํ ชรคฺควนฺติ วิคตชีวิตํ ชิณฺณโคณํ. ยถา ตนฺติ เอตฺถ นฺติ นิปาตมตฺตํ, ยถา ทุมฺมติ อปฺปปฺโ วิลเปยฺย, ตถา ตฺวํ ตุจฺฉํ วิลปสีติ.

ตโต โพธิสตฺโต ทฺเว คาถา อภาสิ –

.

‘‘ตเถว ติฏฺติ สีสํ, หตฺถปาทา จ วาลธิ;

โสตา ตเถว ติฏฺนฺติ, มฺเ โคโณ สมุฏฺเห.

.

‘‘เนวยฺยกสฺส สีสฺจ, หตฺถปาทา จ ทิสฺสเร;

รุทํ มตฺติกถูปสฺมึ, นนุ ตฺวฺเว ทุมฺมตี’’ติ.

ตตฺถ ตเถวาติ ยถา ปุพฺเพ ิตํ, ตเถว ติฏฺติ. มฺเติ เอเตสํ สีสาทีนํ ตเถว ิตตฺตา อยํ โคโณ สมุฏฺเหยฺยาติ มฺามิ. เนวยฺยกสฺส สีสฺจาติ อยฺยกสฺส ปน สีสฺจ หตฺถปาทา จ น ทิสฺสนฺติ. ‘‘ปิฏฺิปาทา น ทิสฺสเร’’ติปิ ปาโ. นนุ ตฺวฺเว ทุมฺมตีติ อหํ ตาว สีสาทีนิ ปสฺสนฺโต เอวํ กโรมิ, ตฺวํ ปน น กิฺจิ ปสฺสสิ, ฌาปิตฏฺานโต อฏฺีนิ อาหริตฺวา มตฺติกาถูปํ กตฺวา ปริเทวสิ. อิติ มํ ปฏิจฺจ สตคุเณน สหสฺสคุเณน สตสหสฺสคุเณน นนุ ตฺวฺเว ทุมฺมติ. ภิชฺชนธมฺมา นาม สงฺขารา ภิชฺชนฺติ, ตตฺถ กา ปริเทวนาติ.

ตํ สุตฺวา โพธิสตฺตสฺส ปิตา ‘‘มม ปุตฺโต ปณฺฑิโต อิธโลกปรโลกกิจฺจํ ชานาติ, มม สฺาปนตฺถาย เอตํ กมฺมํ อกาสี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘ตาต สุชาตปณฺฑิต, ‘สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา’ติ เม าตา, อิโต ปฏฺาย น โสจิสฺสามิ, ปิตุโสกหรณกปุตฺเตน นาม ตาทิเสน ภวิตพฺพ’’นฺติ วตฺวา ปุตฺตสฺส ถุตึ กโรนฺโต อาห –

๑๐.

‘‘อาทิตฺตํ วต มํ สนฺตํ, ฆตสิตฺตํว ปาวกํ;

วารินา วิย โอสิฺจํ, สพฺพํ นิพฺพาปเย ทรํ.

๑๑.

‘‘อพฺพหี วต เม สลฺลํ, ยมาสิ หทยสฺสิตํ;

โย เม โสกปเรตสฺส, ปิตุโสกํ อปานุทิ.

๑๒.

‘‘โสหํ อพฺพูฬฺหสลฺโลสฺมิ, วีตโสโก อนาวิโล;

น โสจามิ น โรทามิ, ตว สุตฺวาน มาณว.

๑๓.

‘‘เอวํ กโรนฺติ สปฺปฺา, เย โหนฺติ อนุกมฺปกา;

วินิวตฺเตนฺติ โสกมฺหา, สุชาโต ปิตรํ ยถา’’ติ.

ตตฺถ นิพฺพาปเยติ นิพฺพาปยิ. ทรนฺติ โสกทรถํ. สุชาโต ปิตรํ ยถาติ ยถา มม ปุตฺโต สุชาโต มํ ปิตรํ สมานํ อตฺตโน สปฺปฺตาย โสกมฺหา วินิวตฺตยิ, เอวํ อฺเปิ สปฺปฺา โสกมฺหา วินิวตฺตยนฺตีติ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน กุฏุมฺพิโก โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ตทา สุชาโต อหเมว อโหสินฺติ.

สุชาตชาตกวณฺณนา ทุติยา.

[๓๕๓] ๓. เวนสาขชาตกวณฺณนา

นยิทํ นิจฺจํ ภวิตพฺพนฺติ อิทํ สตฺถา ภคฺเคสุ สํสุมารคิรํ นิสฺสาย เภสกฬาวเน วิหรนฺโต โพธิราชกุมารํ อารพฺภ กเถสิ. โพธิราชกุมาโร นาม อุเทนสฺส รฺโ ปุตฺโต ตสฺมึ กาเล สํสุมารคิเร วสนฺโต เอกํ ปริโยทาตสิปฺปํ วฑฺฒกึ ปกฺโกสาเปตฺวา อฺเหิ ราชูหิ อสทิสํ กตฺวา โกกนทํ นาม ปาสาทํ การาเปสิ. การาเปตฺวา จ ปน ‘‘อยํ วฑฺฒกี อฺสฺสปิ รฺโ เอวรูปํ ปาสาทํ กเรยฺยา’’ติ มจฺฉรายนฺโต ตสฺส อกฺขีนิ อุปฺปาฏาเปสิ. เตนสฺส อกฺขีนํ อุปฺปาฏิตภาโว ภิกฺขุสงฺเฆ ปากโฏ ชาโต. ตสฺมา ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, โพธิราชกุมาโร กิร ตถารูปสฺส วฑฺฒกิโน อกฺขีนิ อุปฺปาฏาเปสิ, อโห กกฺขโฬ ผรุโส สาหสิโก’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปส กกฺขโฬ ผรุโส สาหสิโกว. น เกวลฺจ อิทาเนว, ปุพฺเพเปส ขตฺติยสหสฺสานํ อกฺขีนิ อุปฺปาฏาเปตฺวา มาเรตฺวา เตสํ มํเสน พลิกมฺมํ กาเรสี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตกฺกสิลายํ ทิสาปาโมกฺโข อาจริโย อโหสิ. ชมฺพุทีปตเล ขตฺติยมาณวา พฺราหฺมณมาณวา จ ตสฺเสว สนฺติเก สิปฺปํ อุคฺคณฺหึสุ. พาราณสิรฺโ ปุตฺโต พฺรหฺมทตฺตกุมาโร นาม ตสฺส สนฺติเก ตโย เวเท อุคฺคณฺหิ. โส ปน ปกติยาปิ กกฺขโฬ ผรุโส สาหสิโก อโหสิ. โพธิสตฺโต องฺควิชฺชาวเสน ตสฺส กกฺขฬผรุสสาหสิกภาวํ ตฺวา ‘‘ตาต, ตฺวํ กกฺขโฬ ผรุโส สาหสิโก, ผรุเสน นาม ลทฺธํ อิสฺสริยํ อจิรฏฺิติกํ โหติ, โส อิสฺสริเย วินฏฺเ ภินฺนนาโว วิย สมุทฺเท ปติฏฺํ น ลภติ, ตสฺมา มา เอวรูโป อโหสี’’ติ ตํ โอวทนฺโต ทฺเว คาถา อภาสิ –

๑๔.

‘‘นยิทํ นิจฺจํ ภวิตพฺพํ พฺรหฺมทตฺต, เขมํ สุภิกฺขํ สุขตา จ กาเย;

อตฺถจฺจเย มา อหุ สมฺปมูฬฺโห, ภินฺนปฺลโว สาครสฺเสว มชฺเฌ.

๑๕.

‘‘ยานิ กโรติ ปุริโส, ตานิ อตฺตนิ ปสฺสติ;

กลฺยาณการี กลฺยาณํ, ปาปการี จ ปาปกํ;

ยาทิสํ วปเต พีชํ, ตาทิสํ หรเต ผล’’นฺติ.

ตตฺถ สุขตา จ กาเยติ ตาต พฺรหฺมทตฺต, ยเทตํ เขมํ วา สุภิกฺขํ วา ยา วา เอสา สุขตา กาเย, อิทํ สพฺพํ อิเมสํ สตฺตานํ นิจฺจํ สพฺพกาลเมว น ภวติ, อิทํ ปน อนิจฺจํ หุตฺวา อภาวธมฺมํ. อตฺถจฺจเยติ โส ตฺวํ อนิจฺจตาวเสน อิสฺสริเย วิคเต อตฺตโน อตฺถสฺส อจฺจเย ยถา นาม ภินฺนปฺลโว ภินฺนนาโว มนุสฺโส สาครมชฺเฌ ปติฏฺํ อลภนฺโต สมฺปมูฬฺโห โหติ, เอวํ มา อหุ สมฺปมูฬฺโห. ตานิ อตฺตนิ ปสฺสตีติ เตสํ กมฺมานํ วิปากํ วินฺทนฺโต ตานิ อตฺตนิ ปสฺสติ นาม.

โส อาจริยํ วนฺทิตฺวา พาราณสึ คนฺตฺวา ปิตุ สิปฺปํ ทสฺเสตฺวา โอปรชฺเช ปติฏฺาย ปิตุ อจฺจเยน รชฺชํ ปาปุณิ. ตสฺส ปิงฺคิโย นาม ปุโรหิโต อโหสิ กกฺขโฬ ผรุโส สาหสิโก. โส ยสโลเภน จินฺเตสิ ‘‘ยํนูนาหํ อิมินา รฺา สกลชมฺพุทีเป สพฺเพ ราชาโน คาหาเปยฺยํ, เอวเมส เอกราชา ภวิสฺสติ, อหมฺปิ เอกปุโรหิโต ภวิสฺสามี’’ติ. โส ตํ ราชานํ อตฺตโน กถํ คาหาเปสิ. ราชา มหติยา เสนาย นครา นิกฺขมิตฺวา เอกสฺส รฺโ นครํ รุนฺธิตฺวา ตํ ราชานํ คณฺหิ. เอเตนุปาเยน สกลชมฺพุทีเป รชฺชํ คเหตฺวา ราชสหสฺสปริวุโต ‘‘ตกฺกสิลายํ รชฺชํ คณฺหิสฺสามี’’ติ อคมาสิ. โพธิสตฺโต นครํ ปฏิสงฺขริตฺวา ปเรหิ อปฺปธํสิยํ อกาสิ.

พาราณสิราชา คงฺคานทีตีเร มหโต นิคฺโรธรุกฺขสฺส มูเล สาณึ ปริกฺขิปาเปตฺวา อุปริ วิตานํ การาเปตฺวา สยนํ ปฺเปตฺวา นิวาสํ คณฺหิ. โส ชมฺพุทีปตเล สหสฺสราชาโน คเหตฺวา ยุชฺฌมาโนปิ ตกฺกสิลํ คเหตุํ อสกฺโกนฺโต อตฺตโน ปุโรหิตํ ปุจฺฉิ ‘‘อาจริย, มยํ เอตฺตเกหิ ราชูหิ สทฺธึ อาคนฺตฺวาปิ ตกฺกสิลํ คเหตุํ น สกฺโกม, กึ นุ โข กาตพฺพ’’นฺติ. ‘‘มหาราช, สหสฺสราชูนํ อกฺขีนิ อุปฺปาเฏตฺวา มาเรตฺวา กุจฺฉึ ผาเลตฺวา ปฺจมธุรมํสํ อาทาย อิมสฺมึ นิคฺโรเธ อธิวตฺถาย เทวตาย พลิกมฺมํ กตฺวา อนฺตวฏฺฏีหิ รุกฺขํ ปริกฺขิปิตฺวา โลหิตปฺจงฺคุลิกานิ กโรม, เอวํ โน ขิปฺปเมว ชโย ภวิสฺสตี’’ติ. ราชา ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา อนฺโตสาณิยํ มหาพเล มลฺเล เปตฺวา เอกเมกํ ราชานํ ปกฺโกสาเปตฺวา นิปฺปีฬเนน วิสฺํ กาเรตฺวา อกฺขีนิ อุปฺปาเฏตฺวา มาเรตฺวา มํสํ อาทาย กเฬวรานิ คงฺคายํ ปวาเหตฺวา วุตฺตปฺปการํ พลิกมฺมํ กาเรตฺวา พลิเภรึ อาโกฏาเปตฺวา ยุทฺธาย คโต.

อถสฺส อฏฺฏาลกโต เอโก ยกฺโข อาคนฺตฺวา ทกฺขิณกฺขึ อุปฺปาเฏตฺวา อคมาสิ, อถสฺส มหตี เวทนา อุปฺปชฺชิ. โส เวทนาปฺปตฺโต อาคนฺตฺวา นิคฺโรธรุกฺขมูเล ปฺตฺตาสเน อุตฺตานโก นิปชฺชิ. ตสฺมึ ขเณ เอโก คิชฺโฌ เอกํ ติขิณโกฏิกํ อฏฺึ คเหตฺวา รุกฺขคฺเค นิสินฺโน มํสํ ขาทิตฺวา อฏฺึ วิสฺสชฺเชสิ, อฏฺิโกฏิ อาคนฺตฺวา รฺโ วามกฺขิมฺหิ อยสูลํ วิย ปติตฺวา อกฺขึ ภินฺทิ. ตสฺมึ ขเณ โพธิสตฺตสฺส วจนํ สลฺลกฺเขสิ. โส ‘‘อมฺหากํ อาจริโย ‘อิเม สตฺตา พีชานุรูปํ ผลํ วิย กมฺมานุรูปํ วิปากํ อนุโภนฺตี’ติ กเถนฺโต อิทํ ทิสฺวา กเถสิ มฺเ’’ติ วตฺวา วิลปนฺโต ทฺเว คาถา อภาสิ –

๑๖.

‘‘อิทํ ตทาจริยวโจ, ปาราสริโย ยทพฺรวิ;

‘มา สุ ตฺวํ อกริ ปาปํ, ยํ ตฺวํ ปจฺฉา กตํ ตเป’.

๑๗.

‘‘อยเมว โส ปิงฺคิย เวนสาโข, ยมฺหิ ฆาตยึ ขตฺติยานํ สหสฺสํ;

อลงฺกเต จนฺทนสารานุลิตฺเต, ตเมว ทุกฺขํ ปจฺจาคตํ มม’’นฺติ.

ตตฺถ อิทํ ตทาจริยวโจติ อิทํ ตํ อาจริยสฺส วจนํ. ปาราสริโยติ ตํ โคตฺเตน กิตฺเตติ. ปจฺฉา กตนฺติ ยํ ปาปํ ตยา กตํ, ปจฺฉา ตํ ตเปยฺย กิลเมยฺย, ตํ มา กรีติ โอวาทํ อทาสิ, อหํ ปนสฺส วจนํ น กรินฺติ. อยเมวาติ นิคฺโรธรุกฺขํ ทสฺเสนฺโต วิลปติ. เวนสาโขติ ปตฺถฏสาโข. ยมฺหิ ฆาตยินฺติ ยมฺหิ รุกฺเข ขตฺติยสหสฺสํ มาเรสึ. อลงฺกเต จนฺทนสารานุลิตฺเตติ ราชาลงฺกาเรหิ อลงฺกเต โลหิตจนฺทนสารานุลิตฺเต เต ขตฺติเย ยตฺถาหํ ฆาเตสึ, อยเมว โส รุกฺโข อิทานิ มยฺหํ กิฺจิ ปริตฺตาณํ กาตุํ น สกฺโกตีติ ทีเปติ. ตเมว ทุกฺขนฺติ ยํ มยา ปเรสํ อกฺขิอุปฺปาฏนทุกฺขํ กตํ, อิทํ เม ตเถว ปฏิอาคตํ, อิทานิ โน อาจริยสฺส วจนํ มตฺถกํ ปตฺตนฺติ ปริเทวติ.

โส เอวํ ปริเทวมาโน อคฺคมเหสึ อนุสฺสริตฺวา –

๑๘.

‘‘สามา จ โข จนฺทนลิตฺตคตฺตา, ลฏฺีว โสภฺชนกสฺส อุคฺคตา;

อทิสฺวา กาลํ กริสฺสามิ อุพฺพรึ, ตํ เม อิโต ทุกฺขตรํ ภวิสฺสตี’’ติ. –

คาถมาห –

ตสฺสตฺโถ – มม ภริยา สุวณฺณสามา อุพฺพรี ยถา นาม สิคฺคุรุกฺขสฺส อุชุ อุคฺคตา สาขา มนฺทมาลุเตริตา กมฺปมานา โสภติ, เอวํ อิตฺถิวิลาสํ กุรุมานา โสภติ, ตมหํ อิทานิ อกฺขีนํ ภินฺนตฺตา อุพฺพรึ อทิสฺวาว กาลํ กริสฺสามิ, ตํ เม ตสฺสา อทสฺสนํ อิโต มรณทุกฺขโตปิ ทุกฺขตรํ ภวิสฺสตีติ.

โส เอวํ วิลปนฺโตว มริตฺวา นิรเย นิพฺพตฺติ. น นํ อิสฺสริยลุทฺโธ ปุโรหิโต ปริตฺตาณํ กาตุํ สกฺขิ, น อตฺตโน อิสฺสริยํ. ตสฺมึ มตมตฺเตเยว พลกาโย ภิชฺชิตฺวา ปลายิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา พาราณสิราชา โพธิราชกุมาโร อโหสิ, ปิงฺคิโย เทวทตฺโต, ทิสาปาโมกฺขาจริโย ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

เวนสาขชาตกวณฺณนา ตติยา.

[๓๕๔] ๔. อุรคชาตกวณฺณนา

อุรโคว ตจํ ชิณฺณนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต มตปุตฺตกํ กุฏุมฺพิกํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ ปน มตภริยมตปิติกวตฺถุสทิสเมว. อิธาปิ ตเถว สตฺถา ตสฺส นิเวสนํ คนฺตฺวา ตํ อาคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา นิสินฺนํ ‘‘กึ, อาวุโส, โสจสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาม, ภนฺเต, ปุตฺตสฺส เม มตกาลโต ปฏฺาย โสจามี’’ติ วุตฺเต ‘‘อาวุโส, ภิชฺชนธมฺมํ นาม ภิชฺชติ, นสฺสนธมฺมํ นาม นสฺสติ, ตฺจ โข น เอกสฺมึเยว กุเล, นาปิ เอกสฺมิฺเว คาเม, อถ โข อปริมาเณสุ จกฺกวาเฬสุ ตีสุ ภเวสุ อมรณธมฺโม นาม นตฺถิ, ตพฺภาเวเนว าตุํ สมตฺโถ เอกสงฺขาโรปิ สสฺสโต นาม นตฺถิ, สพฺเพ สตฺตา มรณธมฺมา, สพฺเพ สงฺขารา ภิชฺชนธมฺมา, โปราณกปณฺฑิตาปิ ปุตฺเต มเต ‘มรณธมฺมํ มตํ, นสฺสนธมฺมํ นฏฺ’นฺติ น โสจึสู’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต พาราณสิยํ ทฺวารคามเก พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา กุฏุมฺพํ สณฺเปตฺวา กสิกมฺเมน ชีวิกํ กปฺเปสิ. ตสฺส ปุตฺโต จ ธีตา จาติ ทฺเว ทารกา อเหสุํ. โส ปุตฺตสฺส วยปฺปตฺตสฺส สมานกุลโต กุมาริกํ อาหริตฺวา อทาสิ, อิติ เต ทาสิยา สทฺธึ ฉ ชนา อเหสุํ – โพธิสตฺโต, ภริยา, ปุตฺโต, ธีตา, สุณิสา, ทาสีติ. เต สมคฺคา สมฺโมทมานา ปิยสํวาสา อเหสุํ. โพธิสตฺโต เสสานํ ปฺจนฺนํ เอวํ โอวาทํ เทติ ‘‘ตุมฺเห ยถาลทฺธนิยาเมเนว ทานํ เทถ, สีลํ รกฺขถ, อุโปสถกมฺมํ กโรถ, มรณสฺสตึ ภาเวถ, ตุมฺหากํ มรณภาวํ สลฺลกฺเขถ, อิเมสฺหิ สตฺตานํ มรณํ ธุวํ, ชีวิตํ อทฺธุวํ, สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา ขยวยธมฺมิโนว, รตฺติฺจ ทิวา จ อปฺปมตฺตา โหถา’’ติ. เต ‘‘สาธู’’ติ โอวาทํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา อปฺปมตฺตา มรณสฺสตึ ภาเวนฺติ.

อเถกทิวสํ โพธิสตฺโต ปุตฺเตน สทฺธึ เขตฺตํ คนฺตฺวา กสติ. ปุตฺโต กจวรํ สงฺกฑฺฒิตฺวา ฌาเปติ. ตสฺสาวิทูเร เอกสฺมึ วมฺมิเก อาสีวิโส อตฺถิ. ธูโม ตสฺส อกฺขีนิ ปหริ. โส กุทฺโธ นิกฺขมิตฺวา ‘‘อิมํ นิสฺสาย มยฺหํ ภย’’นฺติ จตสฺโส ทาา นิมุชฺชาเปนฺโต ตํ ฑํสิ, โส ปริวตฺติตฺวา ปติโต. โพธิสตฺโต ปริวตฺติตฺวา ตํ ปติตํ ทิสฺวา โคเณ เปตฺวา คนฺตฺวา ตสฺส มตภาวํ ตฺวา ตํ อุกฺขิปิตฺวา เอกสฺมึ รุกฺขมูเล นิปชฺชาเปตฺวา ปารุปิตฺวา เนว โรทิ น ปริเทวิ – ‘‘ภิชฺชนธมฺมํ ปน ภินฺนํ, มรณธมฺมํ มตํ, สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา มรณนิปฺผตฺติกา’’ติ อนิจฺจภาวเมว สลฺลกฺเขตฺวา กสิ. โส เขตฺตสมีเปน คจฺฉนฺตํ เอกํ ปฏิวิสฺสกํ ปุริสํ ทิสฺวา ‘‘ตาต, เคหํ คจฺฉสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อามา’’ติ วุตฺเต เตน หิ อมฺหากมฺปิ ฆรํ คนฺตฺวา พฺราหฺมณึ วเทยฺยาสิ ‘‘อชฺช กิร ปุพฺเพ วิย ทฺวินฺนํ ภตฺตํ อนาหริตฺวา เอกสฺเสวาหารํ อาหเรยฺยาถ, ปุพฺเพ จ เอกิกาว ทาสี อาหารํ อาหรติ, อชฺช ปน จตฺตาโรปิ ชนา สุทฺธวตฺถนิวตฺถา คนฺธปุปฺผหตฺถา อาคจฺเฉยฺยาถา’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ คนฺตฺวา พฺราหฺมณิยา ตเถว กเถสิ. เกน เต, ตาต, อิมํ สาสนํ ทินฺนนฺติ. พฺราหฺมเณน, อยฺเยติ. สา ‘‘ปุตฺโต เม มโต’’ติ อฺาสิ, กมฺปนมตฺตมฺปิสฺสา นาโหสิ. เอวํ สุภาวิตจิตฺตา สุทฺธวตฺถนิวตฺถา คนฺธปุปฺผหตฺถา ทาสึ ปน อาหารํ อาหราเปตฺวา เสเสหิ สทฺธึ เขตฺตํ อคมาสิ. เอกสฺสปิ โรทิตํ วา ปริเทวิตํ วา นาโหสิ.

โพธิสตฺโต ปุตฺตสฺส นิปนฺนฉายายเมว นิสีทิตฺวา ภุฺชิ. ภุตฺตาวสาเน สพฺเพปิ ทารูนิ อุทฺธริตฺวา ตํ จิตกํ อาโรเปตฺวา คนฺธปุปฺเผหิ ปูเชตฺวา ฌาเปสุํ. เอกสฺส จ เอกพินฺทุปิ อสฺสุ นาโหสิ, สพฺเพปิ สุภาวิตมรณสฺสติโน โหนฺติ. เตสํ สีลเตเชน สกฺกสฺส อาสนํ อุณฺหาการํ ทสฺเสสิ. โส ‘‘โก นุ โข มํ านา จาเวตุกาโม’’ติ อุปธาเรนฺโต เตสํ คุณเตเชน อุณฺหภาวํ ตฺวา ปสนฺนมานโส หุตฺวา ‘‘มยา เอเตสํ สนฺติกํ คนฺตฺวา สีหนาทํ นทาเปตฺวา สีหนาทปริโยสาเน เอเตสํ นิเวสนํ สตฺตรตนปริปุณฺณํ กตฺวา อาคนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ เวเคน ตตฺถ คนฺตฺวา อาฬาหนปสฺเส ิโต ‘‘ตาต, กึ กโรถา’’ติ อาห. ‘‘เอกํ มนุสฺสํ ฌาเปม, สามี’’ติ. ‘‘น ตุมฺเห มนุสฺสํ ฌาเปสฺสถ, เอกํ ปน มิคํ มาเรตฺวา ปจถ มฺเ’’ติ. ‘‘นตฺเถตํ สามิ, มนุสฺสเมว ฌาเปมา’’ติ. ‘‘เตน หิ เวริมนุสฺโส โว ภวิสฺสตี’’ติ. อถ นํ โพธิสตฺโต ‘‘โอรสปุตฺโต โน สามิ, น เวริโก’’ติ อาห. ‘‘เตน หิ โว อปฺปิยปุตฺโต ภวิสฺสตี’’ติ? ‘‘อติวิย ปิยปุตฺโต, สามี’’ติ. ‘‘อถ กสฺมา น โรทสี’’ติ? โส อโรทนการณํ กเถนฺโต ปมํ คาถมาห –

๑๙.

‘‘อุรโคว ตจํ ชิณฺณํ, หิตฺวา คจฺฉติ สํ ตนุํ;

เอวํ สรีเร นิพฺโภเค, เปเต กาลกเต สติ.

๒๐.

‘‘ฑยฺหมาโน น ชานาติ, าตีนํ ปริเทวิตํ;

ตสฺมา เอตํ น โสจามิ, คโต โส ตสฺส ยา คตี’’ติ.

ตตฺถ สํ ตนุนฺติ อตฺตโน สรีรํ. นิพฺโภเคติ ชีวิตินฺทฺริยสฺส อภาเวน โภครหิเต. เปเตติ ปรโลกํ ปฏิคเต. กาลกเตติ กตกาเล, มเตติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – สามิ, มม ปุตฺโต ยถา นาม อุรโค ชิณฺณตจํ นิจฺฉินฺทิตฺวา อโนโลเกตฺวา อนเปกฺโข ฉฑฺเฑตฺวา คจฺเฉยฺย, เอวํ อตฺตโน สรีรํ ฉฑฺเฑตฺวา คจฺฉติ, ตสฺส ชีวิตินฺทฺริยรหิเต สรีเร เอวํ นิพฺโภเค ตสฺมิฺจ เม ปุตฺเต เปเต ปุน ปฏิคเต มรณกาลํ กตฺวา ิเต สติ โก การุฺเน วา ปริเทเวน วา อตฺโถ. อยฺหิ ยถา สูเลหิ วิชฺฌิตฺวา ฑยฺหมาโน สุขทุกฺขํ น ชานาติ, เอวํ าตีนํ ปริเทวิตมฺปิ น ชานาติ, เตน การเณนาหํ เอตํ น โสจามิ. ยา ตสฺส อตฺตโน คติ, ตํ โส คโตติ.

สกฺโก โพธิสตฺตสฺส วจนํ สุตฺวา พฺราหฺมณึ ปุจฺฉิ ‘‘อมฺม, ตุยฺหํ โส กึ โหตี’’ติ? ‘‘ทส มาเส กุจฺฉินา ปริหริตฺวา ถฺํ ปาเยตฺวา หตฺถปาเท สณฺเปตฺวา วฑฺฒิตปุตฺโต เม, สามี’’ติ. ‘‘อมฺม, ปิตา ตาว ปุริสภาเวน มา โรทตุ, มาตุ หทยํ ปน มุทุกํ โหติ, ตฺวํ กสฺมา น โรทสี’’ติ? สา อโรทนการณํ กเถนฺตี –

๒๑.

‘‘อนวฺหิโต ตโต อาคา, อนนุฺาโต อิโต คโต;

ยถาคโต ตถา คโต, ตตฺถ กา ปริเทวนา.

๒๒.

‘‘ฑยฺหมาโน น ชานาติ, าตีนํ ปริเทวิตํ;

ตสฺมา เอตํ น โสจามิ, คโต โส ตสฺส ยา คตี’’ติ. – คาถาทฺวยมาห –

ตตฺถ อนวฺหิโตติ อยํ ตาต มยา ปรโลกโต อนวฺหิโต อยาจิโต. อาคาติ อมฺหากํ เคหํ อาคโต. อิโตติ อิโต มนุสฺสโลกโต คจฺฉนฺโตปิ มยา อนนุฺาโตว คโต. ยถาคโตติ อาคจฺฉนฺโตปิ ยถา อตฺตโนว รุจิยา อาคโต, คจฺฉนฺโตปิ ตเถว คโต. ตตฺถาติ ตสฺมึ ตสฺส อิโต คมเน กา ปริเทวนา. ฑยฺหมาโนติ คาถา วุตฺตนเยน เวทิตพฺพา.

สกฺโก พฺราหฺมณิยา กถํ สุตฺวา ตสฺส ภคินึ ปุจฺฉิ ‘‘อมฺม, ตุยฺหํ โส กึ โหตี’’ติ? ‘‘ภาตา เม, สามี’’ติ. ‘‘อมฺม, ภคินิโย นาม ภาตูสุ สิเนหา โหนฺติ, ตฺวํ กสฺมา น โรทสี’’ติ? สา อโรทนการณํ กเถนฺตี –

๒๓.

‘‘สเจ โรเท กิสา อสฺสํ, ตสฺสา เม กึ ผลํ สิยา;

าติมิตฺตสุหชฺชานํ, ภิยฺโย โน อรตี สิยา.

๒๔.

ฑยฺหมาโน น ชานาติ, าตีนํ ปริเทวิตํ;

ตสฺมา เอตํ น โสจามิ, คโต โส ตสฺส ยา คตี’’ติ. – คาถาทฺวยมาห –

ตตฺถ สเจติ ยทิ อหํ ภาตริ มเต โรเทยฺยํ, กิสสรีรา อสฺสํ. ภาตุ ปน เม ตปฺปจฺจยา วุฑฺฒิ นาม นตฺถีติ ทสฺเสติ. ตสฺสา เมติ ตสฺสา มยฺหํ โรทนฺติยา กึ ผลํ โก อานิสํโส ภเวยฺย. มยฺหํ อวุทฺธิ ปน ปฺายตีติ ทีเปติ. าติมิตฺตสุหชฺชานนฺติ าติมิตฺตสุหทานํ. อยเมว วา ปาโ. ภิยฺโย โนติ เย อมฺหากํ าตี จ มิตฺตา จ สุหทยา จ, เตสํ อธิกตรา อรติ สิยา.

สกฺโก ภคินิยา กถํ สุตฺวา ภริยํ ปุจฺฉิ ‘‘อมฺม, ตุยฺหํ โส กึ โหตี’’ติ? ‘‘ปติ เม, สามี’’ติ. ‘‘อิตฺถิโย นาม ปติมฺหิ มเต วิธวา โหนฺติ อนาถา, ตฺวํ กสฺมา น โรทสี’’ติ. สาปิสฺส อโรทนการณํ กเถนฺตี –

๒๕.

‘‘ยถาปิ ทารโก จนฺทํ, คจฺฉนฺตมนุโรทติ;

เอวํสมฺปทเมเวตํ, โย เปตมนุโสจติ.

๒๖.

‘‘ฑยฺหมาโน น ชานาติ, าตีนํ ปริเทวิตํ;

ตสฺมา เอตํ น โสจามิ, คโต โส ตสฺส ยา คตี’’ติ. – คาถาทฺวยมาห –

ตสฺสตฺโถ – ยถา นาม ยตฺถ กตฺถจิ ยุตฺตายุตฺตํ ลพฺภนียาลพฺภนียํ อชานนฺโต พาลทารโก มาตุ อุจฺฉงฺเค นิสินฺโน ปุณฺณมาสิยํ ปุณฺณํ จนฺทํ อากาเส คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อมฺม, จนฺทํ เม เทหิ, อมฺม, จนฺทํ เม เทหี’’ติ ปุนปฺปุนํ โรทติ, เอวํสมฺปทเมเวตํ, เอวํนิปฺผตฺติกเมว เอตํ ตสฺส รุณฺณํ โหติ, โย เปตํ กาลกตํ อนุโสจติ. อิโตปิ จ พาลตรํ. กึการณา? โส หิ วิชฺชมานจนฺทํ อนุโรทติ, มยฺหํ ปน ปติ มโต เอตรหิ อวิชฺชมาโน สูเลหิ วิชฺฌิตฺวา ฑยฺหมาโนปิ น กิฺจิ ชานาตีติ.

สกฺโก ภริยาย วจนํ สุตฺวา ทาสึ ปุจฺฉิ ‘‘อมฺม, ตุยฺหํ โส กึ โหตี’’ติ? ‘‘อยฺโย เม, สามี’’ติ. ‘‘นนุ ตฺวํ อิมินา ปีเฬตฺวา โปเถตฺวา ปริภุตฺตา ภวิสฺสสิ, ตสฺมา ‘‘สุมุตฺตา อห’’นฺติ น โรทสี’’ติ. ‘สามิ, มา เอวํ อวจ, น เอตํ เอตสฺส อนุจฺฉวิกํ, ขนฺติเมตฺตานุทฺทยสมฺปนฺโน เม อยฺยปุตฺโต, อุเร สํวฑฺฒิตปุตฺโต วิย อโหสี’ติ. ‘‘อถ กสฺมา น โรทสี’’ติ? สาปิสฺส อโรทนการณํ กเถนฺตี –

๒๗.

‘‘ยถาปิ อุทกกุมฺโภ, ภินฺโน อปฺปฏิสนฺธิโย;

เอวํสมฺปทเมเวตํ, โย เปตมนุโสจติ.

๒๘.

‘‘ฑยฺหมาโน น ชานาติ, าตีนํ ปริเทวิตํ;

ตสฺมา เอตํ น โสจามิ, คโต โส ตสฺส ยา คตี’’ติ. – คาถาทฺวยมาห –

ตสฺสตฺโถ – ยถา นาม อุทกกุมฺโภ อุกฺขิปิยมาโน ปติตฺวา สตฺตธา ภินฺโน ปุน ตานิ กปาลานิ ปฏิปาฏิยา เปตฺวา สํวิทหิตฺวา ปฏิปากติกํ กาตุํ น สกฺโกติ, โย เปตมนุโสจติ, ตสฺสปิ เอตมนุโสจนํ เอวํนิปฺผตฺติกเมว โหติ, มตสฺส ปุน ชีวาเปตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา อิทฺธิมโต วา อิทฺธานุภาเวน ภินฺนํ กุมฺภํ สํวิทหิตฺวา อุทกสฺส ปูเรตุํ สกฺกา ภเวยฺย, กาลกโต ปน อิทฺธิพเลนาปิ น สกฺกา ปฏิปากติตํ กาตุนฺติ. อิตรา คาถา วุตฺตตฺถาเยว.

สกฺโก สพฺเพสํ ธมฺมกถํ สุตฺวา ปสีทิตฺวา ‘‘ตุมฺเหหิ อปฺปมตฺเตหิ มรณสฺสติ ภาวิตา, ตุมฺเห อิโต ปฏฺาย สหตฺเถน กมฺมํ มา กริตฺถ, อหํ, สกฺโก เทวราชา, อหํ โว เคเห สตฺต รตนานิ อปริมาณานิ กริสฺสามิ, ตุมฺเห ทานํ เทถ, สีลํ รกฺขถ, อุโปสถกมฺมํ กโรถ, อปฺปมตฺตา โหถา’’ติ เตสํ โอวาทํ ทตฺวา เคหํ อปริมิตธนํ กตฺวา ปกฺกามิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน กุฏุมฺพิโก โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ตทา ทาสี ขุชฺชุตฺตรา อโหสิ, ธีตา อุปฺปลวณฺณา, ปุตฺโต ราหุโล, มาตา เขมา, พฺราหฺมโณ ปน อหเมว อโหสินฺติ.

อุรคชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.

[๓๕๕] ๕. ฆฏชาตกวณฺณนา

อฺเ โสจนฺติ โรทนฺตีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โกสลรฺโ เอกํ อมจฺจํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ เหฏฺา กถิตสทิสเมว. อิธ ปน ราชา อตฺตโน อุปการสฺส อมจฺจสฺส มหนฺตํ ยสํ ทตฺวา ปริเภทกานํ กถํ คเหตฺวา ตํ พนฺธาเปตฺวา พนฺธนาคาเร ปเวเสสิ. โส ตตฺถ นิสินฺโนว โสตาปตฺติมคฺคํ นิพฺพตฺเตสิ. ราชา ตสฺส คุณํ สลฺลกฺเขตฺวา โมจาเปสิ. โส คนฺธมาลํ อาทาย สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา นิสีทิ. อถ นํ สตฺถา ‘‘อนตฺโถ กิร เต อุปฺปนฺโน’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาม, ภนฺเต, อนตฺเถน ปน เม อตฺโถ อาคโต, โสตาปตฺติมคฺโค นิพฺพตฺโต’’ติ วุตฺเต ‘‘น โข, อุปาสก, ตฺวฺเว อนตฺเถน อตฺถํ อาหริ, โปราณกปณฺฑิตาปิ อาหรึสู’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติ, ‘‘ฆฏกุมาโร’’ติสฺส นามํ กรึสุ. โส อปเรน สมเยน ตกฺกสิลายํ อุคฺคหิตสิปฺโป ธมฺเมน รชฺชํ กาเรสิ. ตสฺส อนฺเตปุเร เอโก อมจฺโจ ทุพฺภิ. โส ตํ ปจฺจกฺขโต ตฺวา รฏฺา ปพฺพาเชสิ. ตทา สาวตฺถิยํ ธงฺกราชา นาม รชฺชํ กาเรสิ. โส ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ตํ อุปฏฺหิตฺวา เหฏฺา วุตฺตนเยน อตฺตโน วจนํ คาหาเปตฺวา พาราณสิรชฺชํ คณฺหาเปสิ. โสปิ รชฺชํ คเหตฺวา โพธิสตฺตํ สงฺขลิกาหิ พนฺธาเปตฺวา พนฺธนาคารํ ปเวเสสิ. โพธิสตฺโต ฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา อากาเส ปลฺลงฺเกน นิสีทิ, ธงฺกสฺส สรีเร ฑาโห อุปฺปชฺชิ. โส คนฺตฺวา โพธิสตฺตสฺส สุวณฺณาทาสผุลฺลปทุมสสฺสิริกํ มุขํ ทิสฺวา โพธิสตฺตํ ปุจฺฉนฺโต ปมํ คาถมาห –

๒๙.

‘‘อฺเ โสจนฺติ โรทนฺติ, อฺเ อสฺสุมุขา ชนา;

ปสนฺนมุขวณฺโณสิ, กสฺมา ฆฏ น โสจสี’’ติ.

ตตฺถ อฺเติ ตํ เปตฺวา เสสมนุสฺสา.

อถสฺส โพธิสตฺโต อโสจนการณํ กเถนฺโต จตสฺโส คาถา อภาสิ –

๓๐.

‘‘นาพฺภตีตหโร โสโก, นานาคตสุขาวโห;

ตสฺมา ธงฺก น โสจามิ, นตฺถิ โสเก ทุตียตา.

๓๑.

‘‘โสจํ ปณฺฑุ กิโส โหติ, ภตฺตฺจสฺส น รุจฺจติ;

อมิตฺตา สุมนา โหนฺติ, สลฺลวิทฺธสฺส รุปฺปโต.

๓๒.

‘‘คาเม วา ยทิ วารฺเ, นินฺเน วา ยทิ วา ถเล;

ิตํ มํ นาคมิสฺสติ, เอวํ ทิฏฺปโท อหํ.

๓๓.

‘‘ยสฺสตฺตา นาลเมโกว, สพฺพกามรสาหโร;

สพฺพาปิ ปถวี ตสฺส, น สุขํ อาวหิสฺสตี’’ติ.

ตตฺถ นาพฺภตีตหโรติ นาพฺภตีตาหาโร, อยเมว วา ปาโ. โสโก นาม อพฺภตีตํ อติกฺกนฺตํ นิรุทฺธํ อตฺถงฺคตํ ปุน นาหรติ. ทุตียตาติ สหายตา. อตีตาหรเณน วา อนาคตาหรเณน วา โสโก นาม กสฺสจิ สหาโย น โหติ, เตนาปิ การเณนาหํ น โสจามีติ วทติ. โสจนฺติ โสจนฺโต. สลฺลวิทฺธสฺส รุปฺปโตติ โสกสลฺเลน วิทฺธสฺส เตเนว ฆฏฺฏิยมานสฺส ‘‘ทิฏฺา วต โน ปจฺจามิตฺตสฺส ปิฏฺี’’ติ อมิตฺตา สุมนา โหนฺตีติ อตฺโถ.

ิตํ มํ นาคมิสฺสตีติ สมฺม ธงฺกราช, เอเตสุ คามาทีสุ ยตฺถ กตฺถจิ ิตํ มํ ปณฺฑุกิสภาวาทิกํ โสกมูลกํ พฺยสนํ น อาคมิสฺสติ. เอวํ ทิฏฺปโทติ ยถา ตํ พฺยสนํ นาคจฺฉติ, เอวํ มยา ฌานปทํ ทิฏฺํ. ‘‘อฏฺโลกธมฺมปท’’นฺติปิ วทนฺติเยว. ปาฬิยํ ปน ‘‘น มตฺตํ นาคมิสฺสตี’’ติ ลิขิตํ, ตํ อฏฺกถายํ นตฺถิ. ปริโยสานคาถาย อิจฺฉิตปตฺถิตตฺเถน ฌานสุขสงฺขาตํ สพฺพกามรสํ อาหรตีติ สพฺพกามรสาหโร. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยสฺส รฺโ ปหาย อฺสหาเย อตฺตาว เอโก สพฺพกามรสาหโร นาลํ, สพฺพํ ฌานสุขสงฺขาตํ กามรสํ อาหริตุํ อสมตฺโถ, ตสฺส รฺโ สพฺพาปิ ปถวี น สุขํ อาวหิสฺสติ. กามาตุรสฺส หิ สุขํ นาม นตฺถิ, โย ปน กิเลสทรถรหิตํ ฌานสุขํ อาหริตุํ สมตฺโถ, โส ราชา สุขี โหตีติ. โย ปเนตาย คาถาย ‘‘ยสฺสตฺถา นาลเมโก’’ติปิ ปาโ, ตสฺสตฺโถ น ทิสฺสติ.

อิติ ธงฺโก อิมา จตสฺโส คาถา สุตฺวา โพธิสตฺตํ ขมาเปตฺวา รชฺชํ ปฏิจฺฉาเปตฺวา ปกฺกามิ. โพธิสตฺโตปิ รชฺชํ อมจฺจานํ ปฏินิยฺยาเทตฺวา หิมวนฺตปเทสํ คนฺตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อปริหีนชฺฌาโน พฺรหฺมโลกปรายโณ อโหสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ธงฺกราชา อานนฺโท อโหสิ, ฆฏราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

ฆฏชาตกวณฺณนา ปฺจมา.

[๓๕๖] ๖. โกรณฺฑิยชาตกวณฺณนา

เอโก อรฺเติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ธมฺมเสนาปตึ อารพฺภ กเถสิ. เถโร กิร อาคตาคตานํ ทุสฺสีลานํ มิคลุทฺทกมจฺฉพนฺธาทีนํ ทิฏฺทิฏฺานฺเว ‘‘สีลํ คณฺหถ, สีลํ คณฺหถา’’ติ สีลํ เทติ. เต เถเร ครุภาเวน ตสฺส กถํ ภินฺทิตุํ อสกฺโกนฺตา สีลํ คณฺหนฺติ, คเหตฺวา จ ปน น รกฺขนฺติ, อตฺตโน อตฺตโน กมฺมเมว กโรนฺติ. เถโร สทฺธิวิหาริเก อามนฺเตตฺวา ‘‘อาวุโส, อิเม มนุสฺสา มม สนฺติเก สีลํ คณฺหึสุ, คณฺหิตฺวา จ ปน น รกฺขนฺตี’’ติ อาห. ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเห เอเตสํ อรุจิยา สีลํ เทถ, เอเต ตุมฺหากํ กถํ ภินฺทิตุํ อสกฺโกนฺตา คณฺหนฺติ, ตุมฺเห อิโต ปฏฺาย เอวรูปานํ สีลํ มา อทตฺถา’’ติ. เถโร อนตฺตมโน อโหสิ. ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, สาริปุตฺตตฺเถโร กิร ทิฏฺทิฏฺานฺเว สีลํ เทตี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปส ทิฏฺทิฏฺานํ อยาจนฺตานฺเว สีลํ เทตี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ ทิสาปาโมกฺขสฺส อาจริยสฺส เชฏฺนฺเตวาสิโก โกรณฺฑิโย นาม อโหสิ. ตทา โส อาจริโย ทิฏฺทิฏฺานํ เกวฏฺฏาทีนํ อยาจนฺตานฺเว ‘‘สีลํ คณฺหถ, สีลํ คณฺหถา’’ติ สีลํ เทติ. เต คเหตฺวาปิ น รกฺขนฺติ อาจริโย ตมตฺถํ อนฺเตวาสิกานํ อาโรเจสิ. อนฺเตวาสิกา ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเห เอเตสํ อรุจิยา สีลํ เทถ, ตสฺมา ภินฺทนฺติ, อิโต ทานิ ปฏฺาย ยาจนฺตานฺเว ทเทยฺยาถ, มา อยาจนฺตาน’’นฺติ วทึสุ. โส วิปฺปฏิสารี อโหสิ, เอวํ สนฺเตปิ ทิฏฺทิฏฺานํ สีลํ เทติเยว.

อเถกทิวสํ เอกสฺมา คามา มนุสฺสา อาคนฺตฺวา พฺราหฺมณวาจนกตฺถาย อาจริยํ นิมนฺตยึสุ. โส โกรณฺฑิยมาณวํ ปกฺโกสิตฺวา ‘‘ตาต, อหํ น คจฺฉามิ, ตฺวํ อิเม ปฺจสเต มาณเว คเหตฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา วาจนกานิ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา อมฺหากํ ทินฺนโกฏฺาสํ อาหรา’’ติ เปเสสิ. โส คนฺตฺวา ปฏินิวตฺตนฺโต อนฺตรามคฺเค เอกํ กนฺทรํ ทิสฺวา จินฺเตสิ ‘‘อมฺหากํ อาจริโย ทิฏฺทิฏฺานํ อยาจนฺตานฺเว สีลํ เทติ, อิโต ทานิ ปฏฺาย ยถา ยาจนฺตานฺเว เทติ, ตถา นํ กริสฺสามี’’ติ. โส เตสุ มาณเวสุ สุขนิสินฺเนสุ อุฏฺาย มหนฺตํ มหนฺตํ เสลํ อุกฺขิปิตฺวา กนฺทรายํ ขิปิ, ปุนปฺปุนํ ขิปิเยว. อถ นํ เต มาณวา อุฏฺาย ‘‘อาจริย, กึ กโรสี’’ติ อาหํสุ. โส น กิฺจิ กเถสิ, เต เวเคน คนฺตฺวา อาจริยสฺส อาโรเจสุํ. อาจริโย อาคนฺตฺวา เตน สทฺธึ สลฺลปนฺโต ปมํ คาถมาห –

๓๔.

‘‘เอโก อรฺเ คิริกนฺทรายํ, ปคฺคยฺห ปคฺคยฺห สิลํ ปเวจฺฉสิ;

ปุนปฺปุนํ สนฺตรมานรูโป, โกรณฺฑิย โก นุ ตว ยิธตฺโถ’’ติ.

ตตฺถ โก นุ ตว ยิธตฺโถติ โก นุ ตว อิธ กนฺทรายํ สิลาขิปเนน อตฺโถ.

โส ตสฺส วจนํ สุตฺวา อาจริยํ ปโพเธตุกาโม ทุติยํ คาถมาห –

๓๕.

‘‘อหฺหิมํ สาครเสวิตนฺตํ, สมํ กริสฺสามิ ยถาปิ ปาณิ;

วิกิริย สานูนิ จ ปพฺพตานิ จ, ตสฺมา สิลํ ทริยา ปกฺขิปามี’’ติ.

ตตฺถ อหฺหิมนฺติ อหฺหิ อิมํ มหาปถวึ. สาครเสวิตนฺตนฺติ สาคเรหิ เสวิตํ จาตุรนฺตํ. ยถาปิ ปาณีติ หตฺถตลํ วิย สมํ กริสฺสามิ. วิกิริยาติ วิกิริตฺวา. สานูนิ จ ปพฺพตานิ จาติ ปํสุปพฺพเต จ สิลาปพฺพเต จ.

ตํ สุตฺวา พฺราหฺมโณ ตติยํ คาถมาห –

๓๖.

‘‘นยิมํ มหึ อรหติ ปาณิกปฺปํ, สมํ มนุสฺโส กรณาย เมโก;

มฺามิมฺเว ทรึ ชิคีสํ, โกรณฺฑิย หาหสิ ชีวโลก’’นฺติ.

ตตฺถ กรณาย เมโกติ กรณาย เอโก กาตุํ น สกฺโกตีติ ทีเปติ. มฺามิมฺเว ทรึ ชิคีสนฺติ อหํ มฺามิ ติฏฺตุ ปถวี, อิมฺเว เอกํ ทรึ ชิคีสํ ปูรณตฺถาย วายมนฺโต สิลา ปริเยสนฺโต อุปายํ วิจินนฺโตว ตฺวํ อิมํ ชีวโลกํ หาหสิ ชหิสฺสสิ, มริสฺสสีติ อตฺโถ.

ตํ สุตฺวา มาณโว จตุตฺถํ คาถมาห –

๓๗.

‘‘สเจ อยํ ภูตธรํ น สกฺกา, สมํ มนุสฺโส กรณาย เมโก;

เอวเมว ตฺวํ พฺรหฺเม อิเม มนุสฺเส, นานาทิฏฺิเก นานยิสฺสสิ เต’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – สเจ อยํ เอโก มนุสฺโส อิมํ ภูตธรํ ปถวึ สมํ กาตุํ น สกฺกา น สมตฺโถ, เอวเมว ตฺวํ อิเม ทุสฺสีลมนุสฺเส นานาทิฏฺิเก นานยิสฺสสิ, เต เอวํ ‘‘สีลํ คณฺหถ, สีลํ คณฺหถา’’ติ วทนฺโต อตฺตโน วสํ น อานยิสฺสสิ, ปณฺฑิตปุริสาเยว หิ ปาณาติปาตํ ‘‘อกุสล’’นฺติ ครหนฺติ. สํสารโมจกาทโย ปเนตฺถ กุสลสฺิโน, เต ตฺวํ กถํ อานยิสฺสสิ, ตสฺมา ทิฏฺทิฏฺานํ สีลํ อทตฺวา ยาจนฺตานฺเว เทหีติ.

ตํ สุตฺวา อาจริโย ‘‘ยุตฺตํ วทติ โกรณฺฑิโย, อิทานิ น เอวรูปํ กริสฺสามี’’ติ อตฺตโน วิรทฺธภาวํ ตฺวา ปฺจมํ คาถมาห –

๓๘.

‘‘สํขิตฺตรูเปน ภวํ มมตฺถํ, อกฺขาสิ โกรณฺฑิย เอวเมตํ;

ยถา น สกฺกา ปถวี สมายํ, กตฺตุํ มนุสฺเสน ตถา มนุสฺสา’’ติ.

ตตฺถ สมายนฺติ สมํ อยํ. เอวํ อาจริโย มาณวสฺส ถุตึ อกาสิ, โสปิ นํ โพเธตฺวา สยํ ฆรํ เนสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา พฺราหฺมโณ สาริปุตฺโต อโหสิ, โกรณฺฑิยมาณโว ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

โกรณฺฑิยชาตกวณฺณนา ฉฏฺา.

[๓๕๗] ๗. ลฏุกิกชาตกวณฺณนา

วนฺทามิ ตํ กุฺชร สฏฺิหายนนฺติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เทวทตฺตํ อารพฺภ กเถสิ. เอกสฺมิฺหิ ทิวเส ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, เทวทตฺโต กกฺขโฬ ผรุโส สาหสิโก, สตฺเตสุ กรุณามตฺตมฺปิสฺส นตฺถี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปส นิกฺกรุโณเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต หตฺถิโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ปาสาทิโก มหากาโย อสีติสหสฺสวารณปริวาโร ยูถปติ หุตฺวา หิมวนฺตปเทเส วิหาสิ. ตทา เอกา ลฏุกิกา สกุณิกา หตฺถีนํ วิจรณฏฺาเน อณฺฑานิ นิกฺขิปิ, ตานิ ปริณตานิ ภินฺทิตฺวา สกุณโปตกา นิกฺขมึสุ. เตสุ อวิรุฬฺหปกฺเขสุ อุปฺปติตุํ อสกฺโกนฺเตสุเยว มหาสตฺโต อสีติสหสฺสวารณปริวุโต โคจราย จรนฺโต ตํ ปเทสํ ปตฺโต. ตํ ทิสฺวา ลฏุกิกา จินฺเตสิ ‘‘อยํ หตฺถิราชา มม โปตเก มทฺทิตฺวา มาเรสฺสติ, หนฺท นํ ปุตฺตกานํ ปริตฺตาณตฺถาย ธมฺมิการกฺขํ ยาจามี’’ติ. สา อุโภ ปกฺเข เอกโต กตฺวา ตสฺส ปุรโต ตฺวา ปมํ คาถมาห –

๓๙.

‘‘วนฺทามิ ตํ กุฺชร สฏฺิหายนํ, อารฺกํ ยูถปตึ ยสสฺสึ;

ปกฺเขหิ ตํ ปฺชลิกํ กโรมิ, มา เม วธี ปุตฺตเก ทุพฺพลายา’’ติ.

ตตฺถ สฏฺิหายนนฺติ สฏฺิวสฺสกาเล หายนพลํ. ยสสฺสินฺติ ปริวารสมฺปนฺนํ. ปกฺเขหิ ตํ ปฺจลิกํ กโรมีติ อหํ ปกฺเขหิ ตํ อฺชลิกํ กโรมีติ อตฺโถ.

มหาสตฺโต ‘‘มา จินฺตยิ ลฏุกิเก, อหํ เต ปุตฺตเก รกฺขิสฺสามี’’ติ สกุณโปตกานํ อุปริ ตฺวา อสีติยา หตฺถิสหสฺเสสุ คเตสุ ลฏุกิกํ อามนฺเตตฺวา ‘‘ลฏุกิเก อมฺหากํ ปจฺฉโต เอโก เอกจาริโก หตฺถี อาคจฺฉติ, โส อมฺหากํ วจนํ น กริสฺสติ, ตสฺมึ อาคเต ตมฺปิ ยาจิตฺวา ปุตฺตกานํ โสตฺถิภาวํ กเรยฺยาสี’’ติ วตฺวา ปกฺกามิ. สาปิ ตสฺส ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา อุโภหิ ปกฺเขหิ อฺชลึ กตฺวา ทุติยํ คาถมาห –

๔๐.

‘‘วนฺทามิ ตํ กุฺชร เอกจารึ, อารฺกํ ปพฺพตสานุโคจรํ;

ปกฺเขหิ ตํ ปฺชลิกํ กโรมิ, มา เม วธี ปุตฺตเก ทุพฺพลายา’’ติ.

ตตฺถ ปพฺพตสานุโคจรนฺติ ฆนเสลปพฺพเตสุ จ ปํสุปพฺพเตสุ จ โคจรํ คณฺหนฺตํ.

โส ตสฺสา วจนํ สุตฺวา ตติยํ คาถมาห –

๔๑.

‘‘วธิสฺสามิ เต ลฏุกิเก ปุตฺตกานิ, กึ เม ตุวํ กาหสิ ทุพฺพลาสิ;

สตํ สหสฺสานิปิ ตาทิสีนํ, วาเมน ปาเทน ปโปถเยยฺย’’นฺติ.

ตตฺถ วธิสฺสามิ เตติ ตฺวํ กสฺมา มม วิจรณมคฺเค ปุตฺตกานิ เปสิ, ยสฺมา เปสิ, ตสฺมา วธิสฺสามิ เต ปุตฺตกานีติ วทติ. กึ เม ตุวํ กาหสีติ มยฺหํ มหาถามสฺส ตฺวํ ทุพฺพลา กึ กริสฺสสิ. ปโปถเยยฺยนฺติ อหํ ตาทิสานํ ลฏุกิกานํ สตสหสฺสมฺปิ วาเมน ปาเทน สฺจุณฺเณยฺยํ, ทกฺขิณปาเทน ปน กถาว นตฺถีติ.

เอวฺจ ปน วตฺวา โส ตสฺสา ปุตฺตเก ปาเทน สฺจุณฺเณตฺวา มุตฺเตน ปวาเหตฺวา นทนฺโตว ปกฺกามิ. ลฏุกิกา รุกฺขสาขาย นิลียิตฺวา ‘‘อิทานิ ตาว วารณ นทนฺโต คจฺฉสิ, กติปาเหเนว เม กิริยํ ปสฺสิสฺสสิ, กายพลโต าณพลสฺส มหนฺตภาวํ น ชานาสิ, โหตุ, ชานาเปสฺสามิ น’’นฺติ ตํ สนฺตชฺชยมานาว จตุตฺถํ คาถมาห –

๔๒.

‘‘น เหว สพฺพตฺถ พเลน กิจฺจํ, พลฺหิ พาลสฺส วธาย โหติ;

กริสฺสามิ เต นาคราชา อนตฺถํ, โย เม วธี ปุตฺตเก ทุพฺพลายา’’ติ.

ตตฺถ พเลนาติ กายพเลน. อนตฺถนฺติ อวุฑฺฒึ. โย เมติ โย ตฺวํ มม ทุพฺพลาย ปุตฺตเก วธี ฆาเตสิ.

สา เอวํ วตฺวา กติปาหํ เอกํ กากํ อุปฏฺหิตฺวา เตน ตุฏฺเน ‘‘กึ เต กโรมี’’ติ วุตฺตา ‘‘สามิ, อฺํ เม กาตพฺพํ นตฺถิ, เอกสฺส ปน เอกจาริกวารณสฺส ตุณฺเฑน ปหริตฺวา ตุมฺเหหิ อกฺขีนิ ภินฺนานิ ปจฺจาสีสามี’’ติ อาห. สา เตน ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตา เอกํ นีลมกฺขิกํ อุปฏฺหิ. ตายปิ ‘‘กึ เต, กโรมี’’ติ วุตฺตา ‘‘อิมินา กาเกน เอกจาริกวารณสฺส อกฺขีสุ ภินฺเนสุ ตุมฺเหหิ ตตฺถ อาสาฏิกํ ปาเตตุํ อิจฺฉามี’’ติ วตฺวา ตายปิ ‘‘สาธู’’ติ วุตฺเต เอกํ มณฺฑูกํ อุปฏฺหิตฺวา เตน ‘‘กึ เต, กโรมี’’ติ วุตฺตา ‘‘ยทา เอกจาริกวารโณ อนฺโธ หุตฺวา ปานียํ ปริเยสติ, ตทา ปพฺพตมตฺถเก ิโต สทฺทํ กตฺวา ตสฺมึ ปพฺพตมตฺถกํ อภิรุหนฺเต โอตริตฺวา ปปาเต สทฺทํ กเรยฺยาถ, อหํ ตุมฺหากํ สนฺติกา เอตฺตกํ ปจฺจาสีสามี’’ติ อาห. โสปิ ตสฺสา วจนํ ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ.

อเถกทิวสํ กาโก วารณสฺส ทฺเวปิ อกฺขีนิ ตุณฺเฑน ภินฺทิ, นีลมกฺขิกา อาสาฏิกํ ปาเตสิ. โส ปุฬเวหิ ขชฺชนฺโต เวทนาปฺปตฺโต ปิปาสาภิภูโต ปานียํ ปริเยสมาโน วิจริ. ตสฺมึ กาเล มณฺฑูโก ปพฺพตมตฺถเก ตฺวา สทฺทมกาสิ. วารโณ ‘‘เอตฺถ ปานียํ ภวิสฺสตี’’ติ ปพฺพตมตฺถกํ อภิรุหิ. อถ มณฺฑูโก โอตริตฺวา ปปาเต ตฺวา สทฺทมกาสิ. วารโณ ‘‘เอตฺถ ปานียํ ภวิสฺสตี’’ติ ปปาตาภิมุโข คจฺฉนฺโต ปริคฬิตฺวา ปพฺพตปาเท ปติตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาปุณิ. ลฏุกิกา ตสฺส มตภาวํ ตฺวา ‘‘ทิฏฺา เม ปจฺจามิตฺตสฺส ปิฏฺี’’ติ หฏฺตุฏฺา ตสฺส ขนฺเธ จงฺกมิตฺวา ยถากมฺมํ คตา.

สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, เกนจิ สทฺธึ เวรํ นาม กาตพฺพํ, เอวํ พลสมฺปนฺนมฺปิ วารณํ อิเม จตฺตาโร ชนา เอกโต หุตฺวา วารณสฺส ชีวิตกฺขยํ ปาเปสุ’’นฺติ –

๔๓.

‘‘กากฺจ ปสฺส ลฏุกิกํ, มณฺฑูกํ นีลมกฺขิกํ;

เอเต นาคํ อฆาเตสุํ, ปสฺส เวรสฺส เวรินํ;

ตสฺมา หิ เวรํ น กยิราถ, อปฺปิเยนปิ เกนจี’’ติ. –

อิมํ อภิสมฺพุทฺธคาถํ วตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ.

ตตฺถ ปสฺสาติ อนิยามิตาลปนเมตํ, ภิกฺขู ปน สนฺธาย วุตฺตตฺตา ปสฺสถ ภิกฺขเวติ วุตฺตํ โหติ. เอเตติ เอเต จตฺตาโร เอกโต หุตฺวา. อฆาเตสุนฺติ ตํ วธึสุ. ปสฺส เวรสฺส เวรินนฺติ ปสฺสถ เวริกานํ เวรสฺส คตินฺติ อตฺโถ.

ตทา เอกจาริกหตฺถี เทวทตฺโต อโหสิ, ยูถปติ ปน อหเมว อโหสินฺติ.

ลฏุกิกชาตกวณฺณนา สตฺตมา.

[๓๕๘] ๘. จูฬธมฺมปาลชาตกวณฺณนา

อหเมว ทูสิยา ภูนหตาติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เทวทตฺตสฺส วธาย ปริสกฺกนํ อารพฺภ กเถสิ. อฺเสุ ชาตเกสุ เทวทตฺโต โพธิสตฺตสฺส ตาสมตฺตมฺปิ กาตุํ นาสกฺขิ, อิมสฺมึ ปน จูฬธมฺมปาลชาตเก โพธิสตฺตสฺส สตฺตมาสิกกาเล หตฺถปาเท จ สีสฺจ เฉทาเปตฺวา อสิมาลกํ นาม กาเรสิ. ททฺทรชาตเก (ชา. ๑.๒.๔๓-๔๔) คีวํ คเหตฺวา มาเรตฺวา อุทฺธเน มํสํ ปจิตฺวา ขาทิ. ขนฺตีวาทีชาตเก (ชา. ๑.๔.๔๙ อาทโย) ทฺวีหิปิ กสาหิ ปหารสหสฺเสหิ ตาฬาเปตฺวา หตฺถปาเท จ กณฺณนาสฺจ เฉทาเปตฺวา ชฏาสุ คเหตฺวา กฑฺฒาเปตฺวา อุตฺตานกํ นิปชฺชาเปตฺวา อุเร ปาเทน ปหริตฺวา คโต. โพธิสตฺโต ตํ ทิวสํเยว ชีวิตกฺขยํ ปาปุณิ. จูฬนนฺทิยชาตเกปิ (ชา. ๑.๒.๑๔๓-๑๔๔) มหากปิชาตเกปิ (ชา. ๑.๗.๘๓ อาทโย) มาเรสิเยว. เอวเมว โส ทีฆรตฺตํ วธาย ปริสกฺกนฺโต พุทฺธกาเลปิ ปริสกฺกิเยว. อเถกทิวสํ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, เทวทตฺโต พุทฺธานํ มารณตฺถเมว อุปายํ กโรติ, ‘สมฺมาสมฺพุทฺธํ มาราเปสฺสามี’ติ ธนุคฺคเห ปโยเชสิ, สิลํ ปวิชฺฌิ, นาฬาคิรึ วิสฺสชฺชาเปสี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปส มยฺหํ วธาย ปริสกฺกิเยว, อิทานิ ปน ตาสมตฺตมฺปิ กาตุํ น สกฺโกติ, ปุพฺเพ มํ จูฬธมฺมปาลกุมารกาเล อตฺตโน ปุตฺตํ สมานํ ชีวตกฺขยํ ปาเปตฺวา อสิมาลกํ กาเรสี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ มหาปตาเป นาม รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส อคฺคมเหสิยา จนฺทาเทวิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติ, ‘‘ธมฺมปาโล’’ติสฺส นามํ กรึสุ. ตเมนํ สตฺตมาสิกกาเล มาตา คนฺโธทเกน นฺหาเปตฺวา อลงฺกริตฺวา กีฬาปยมานา นิสีทิ. ราชา ตสฺสา วสนฏฺานํ อคมาสิ. สา ปุตฺตํ กีฬาปยมานา ปุตฺตสิเนเหน สมปฺปิตา หุตฺวา ราชานํ ปสฺสิตฺวาปิ น อุฏฺหิ. โส จินฺเตสิ ‘‘อยํ อิทาเนว ตาว ปุตฺตํ นิสฺสาย มานํ กโรติ, มํ กิสฺมิฺจิ น มฺติ, ปุตฺเต ปน วฑฺฒนฺเต มยิ ‘มนุสฺโส’ติปิ สฺํ น กริสฺสติ, อิทาเนว นํ ฆาเตสฺสามี’’ติ. โส นิวตฺติตฺวา ราชาสเน นิสีทิตฺวา ‘‘อตฺตโน วิธาเนน อาคจฺฉตู’’ติ โจรฆาตกํ ปกฺโกสาเปสิ. โส กาสายวตฺถนิวตฺโถ รตฺตมาลาธโร ผรสุํ อํเส เปตฺวา อุปธานฆฏิกํ หตฺถปาทปนทณฺฑกฺจ อาทาย อาคนฺตฺวา ราชานํ วนฺทิตฺวา ‘‘กึ กโรมิ, เทวา’’ติ อฏฺาสิ. เทวิยา สิริคพฺภํ คนฺตฺวา ธมฺมปาลํ อาเนหีติ. เทวีปิ รฺโ กุชฺฌิตฺวา นิวตฺตนภาวํ ตฺวา โพธิสตฺตํ อุเร นิปชฺชาเปตฺวา โรทมานา นิสีทิ. โจรฆาตโก คนฺตฺวา ตํ ปิฏฺิยํ หตฺเถน ปหริตฺวา หตฺถโต กุมารํ อจฺฉินฺทิตฺวา อาทาย รฺโ สนฺติกํ อาคนฺตฺวา ‘‘กึ กโรมิ, เทวา’’ติ อาห. ราชา เอกํ ผลกํ อาหราเปตฺวา ปุรโต นิกฺขิปาเปตฺวา ‘‘อิธ นํ นิปชฺชาเปหี’’ติ อาห. โส ตถา อกาสิ.

จนฺทาเทวี ปุตฺตสฺส ปจฺฉโตว ปริเทวมานา อาคจฺฉิ. ปุน โจรฆาตโก ‘‘กึ กโรมี, เทวา’’ติ อาห. ธมฺมปาลสฺส หตฺเถ ฉินฺทาติ. จนฺทาเทวี ‘‘มหาราช, มม ปุตฺโต สตฺตมาสิโก พาลโก น กิฺจิ ชานาติ, นตฺเถตสฺส โทโส, โทโส ปน โหนฺโต มยิ ภเวยฺย, ตสฺมา มยฺหํ หตฺเถ เฉทาเปหี’’ติ อิมมตฺถํ ปกาเสนฺตี ปมํ คาถมาห –

๔๔.

‘‘อหเมว ทูสิยา ภูนหตา, รฺโ มหาปตาปสฺส;

เอตํ มุฺจตุ ธมฺมปาลํ, หตฺเถ เม เทว เฉเทหี’’ติ.

ตตฺถ ทูสิยาติ ทูสิกา, ตุมฺเห ทิสฺวา อนุฏฺหมานา โทสการิกาติ อตฺโถ. ‘‘ทูสิกา’’ติปิ ปาโ, อยเมวตฺโถ. ภูนหตาติ หตภูนา, หตวุฑฺฒีติ อตฺโถ. รฺโติ อิทํ ‘‘ทูสิยา’’ติ ปเทน โยเชตพฺพํ. อหํ รฺโ มหาปตาปสฺส อปราธการิกา, นายํ กุมาโร, ตสฺมา นิรปราธํ เอตํ พาลกํ มุฺจตุ ธมฺมปาลํ, สเจปิ หตฺเถ เฉทาเปตุกาโม, โทสการิกาย หตฺเถ เม, เทว, เฉเทหีติ อยเมตฺถ อตฺโถ.

ราชา โจรฆาตกํ โอโลเกสิ. ‘‘กึ กโรมิ, เทวา’’ติ? ‘‘ปปฺจํ อกตฺวา หตฺเถ เฉทา’’ติ. ตสฺมึ ขเณ โจรฆาตโก ติขิณผรสุํ คเหตฺวา กุมารสฺส ตรุณวํสกฬีเร วิย ทฺเว หตฺเถ ฉินฺทิ. โส ทฺวีสุ หตฺเถสุ ฉิชฺชมาเนสุ เนว โรทิ น ปริเทวิ, ขนฺติฺจ เมตฺตฺจ ปุเรจาริกํ กตฺวา อธิวาเสสิ. จนฺทา ปน เทวี ฉินฺนหตฺถโกฏึ คเหตฺวา อุจฺฉงฺเค กตฺวา โลหิตลิตฺตา ปริเทวมานา วิจริ. ปุน โจรฆาตโก ‘‘กึ กโรมิ, เทวา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ทฺเวปิ ปาเท ฉินฺทา’’ติ. ตํ สุตฺวา จนฺทาเทวี ทุติยํ คาถมาห –

๔๕.

‘‘อหเมว ทูสิยา ภูนหตา, รฺโ มหาปตาปสฺส;

เอตํ มุฺจตุ ธมฺมปาลํ, ปาเท เม เทว เฉเทหี’’ติ.

ตตฺถ อธิปฺปาโย วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ.

ราชาปิ ปุน โจรฆาตกํ อาณาเปสิ. โส อุโภปิ ปาเท ฉินฺทิ. จนฺทาเทวี ปาทโกฏิมฺปิ คเหตฺวา อุจฺฉงฺเค กตฺวา โลหิตลิตฺตา ปริเทวมานา ‘‘สามิ มหาปตาป, ฉินฺนหตฺถปาทา นาม ทารกา มาตรา โปเสตพฺพา โหนฺติ, อหํ ภตึ กตฺวา มม ปุตฺตกํ โปเสสฺสามิ, เทหิ เม เอต’’นฺติ อาห. โจรฆาตโก ‘‘กึ เทว กตา ราชาณา, นิฏฺิตํ มม กิจฺจ’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘น ตาว นิฏฺิต’’นฺติ. ‘‘อถ กึ กโรมิ, เทวา’’ติ? ‘‘สีสมสฺส ฉินฺทา’’ติ. ตํ สุตฺวา จนฺทาเทวี ตติยํ คาถมาห –

๔๖.

‘‘อหเมว ทูสิยา ภูนหตา, รฺโ มหาปตาปสฺส;

เอตํ มุฺจตุ ธมฺมปาลํ, สีสํ เม เทว เฉเทหี’’ติ.

วตฺวา จ ปน อตฺตโน สีสํ อุปเนสิ.

ปุน โจรฆาตโก ‘‘กึ กโรมิ, เทวา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘สีสมสฺส ฉินฺทา’’ติ. โส สีสํ ฉินฺทิตฺวา ‘‘กตา, เทว, ราชาณา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘น ตาว กตา’’ติ. ‘‘อถ กึ กโรมิ, เทวา’’ติ? ‘‘อสิตุณฺเฑน นํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา อสิมาลกํ นาม กโรหี’’ติ. โส ตสฺส กเฬวรํ อากาเส ขิปิตฺวา อสิตุณฺเฑน สมฺปฏิจฺฉิตฺวา อสิมาลกํ นาม กตฺวา มหาตเล วิปฺปกิริ. จนฺทาเทวี โพธิสตฺตสฺส มํเส อุจฺฉงฺเค กตฺวา มหาตเล โรทมานา ปริเทวมานา อิมา คาถา อภาสิ –

๔๗.

‘‘น หิ นูนิมสฺส รฺโ, มิตฺตามจฺจา จ วิชฺชเร สุหทา;

เย น วทนฺติ ราชานํ, มา ฆาตยิ โอรสํ ปุตฺตํ.

๔๘.

‘‘น หิ นูนิมสฺส รฺโ, าตี มิตฺตา จ วิชฺชเร สุหทา;

เย น วทนฺติ ราชานํ, มา ฆาตยิ อตฺรชํ ปุตฺต’’นฺติ.

ตตฺถ มิตฺตามจฺจา จ วิชฺชเร สุหทาติ นูน อิมสฺส รฺโ ทฬฺหมิตฺตา วา สพฺพกิจฺเจสุ สหภาวิโน อมจฺจา วา มุทุหทยตาย สุหทา วา เกจิ น วิชฺชนฺติ. เย น วทนฺตีติ เย อธุนา อาคนฺตฺวา ‘‘อตฺตโน ปิยปุตฺตํ มา ฆาตยี’’ติ น วทนฺติ, อิมํ ราชานํ ปฏิเสเธนฺติ, เต นตฺถิเยวาติ มฺเ. ทุติยคาถายํ าตีติ าตกา.

อิมา ปน ทฺเว คาถา วตฺวา จนฺทาเทวี อุโภหิ หตฺเถหิ หทยมํสํ ธารยมานา ตติยํ คาถมาห –

๔๙.

‘‘จนฺทนสารานุลิตฺตา, พาหา ฉิชฺชนฺติ ธมฺมปาลสฺส;

ทายาทสฺส ปถพฺยา, ปาณา เม เทว รุชฺฌนฺตี’’ติ.

ตตฺถ ทายาทสฺส ปถพฺยาติ ปิตุสนฺตกาย จาตุรนฺตาย ปถวิยา ทายาทสฺส โลหิตจนฺทนสารานุลิตฺตา หตฺถา ฉิชฺชนฺติ, ปาทา ฉิชฺชนฺติ, สีสฺจ ฉิชฺชติ, อสิมาลโกปิ กโต, ตว วํสํ ปจฺฉินฺทิตฺวา คโตสิ ทานีติ เอวมาทีนิ วิลปนฺติ เอวมาห. ปาณา เม เทว รุชฺฌนฺตีติ เทว, มยฺหมฺปิ อิมํ โสกํ สนฺธาเรตุํ อสกฺโกนฺติยา ชีวิตํ รุชฺฌตีติ.

ตสฺสา เอวํ ปริเทวมานาย เอว ฑยฺหมาเน เวฬุวเน เวฬุ วิย หทยํ ผลิ, สา ตตฺเถว ชีวิตกฺขยํ ปตฺตา. ราชาปิ ปลฺลงฺเก าตุํ อสกฺโกนฺโต มหาตเล ปติ, ปทรตลํ ทฺวิธา ภิชฺชิ, โส ตโตปิ ภูมิยํ ปติ. ตโต จตุนหุตาธิกทฺวิโยชนสตสหสฺสพหลาปิ ฆนปถวี ตสฺส อคุณํ ธาเรตุํ อสกฺโกนฺตี ภิชฺชิตฺวา วิวรมทาสิ, อวีจิโต ชาลา อุฏฺาย กุลทตฺติเกน กมฺพเลน ปริกฺขิปนฺตี วิย ตํ คเหตฺวา อวีจิมฺหิ ขิปิ. จนฺทาย จ โพธิสตฺตสฺส จ อมจฺจา สรีรกิจฺจํ กรึสุ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ราชา เทวทตฺโต อโหสิ, จนฺทาเทวี มหาปชาปติโคตมี, ธมฺมปาลกุมาโร ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

จูฬธมฺมปาลชาตกวณฺณนา อฏฺมา.

[๓๕๙] ๙. สุวณฺณมิคชาตกวณฺณนา

วิกฺกม เร หริปาทาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สาวตฺถิยํ เอกํ กุลธีตรํ อารพฺภ กเถสิ. สา กิร สาวตฺถิยํ ทฺวินฺนํ อคฺคสาวกานํ อุปฏฺากกุลสฺส ธีตา สทฺธา ปสนฺนา พุทฺธมามกา ธมฺมมามกา สงฺฆมามกา อาจารสมฺปนฺนา ปณฺฑิตา ทานาทิปุฺาภิรตา. ตํ อฺํ สาวตฺถิยเมว สมานชาติกํ มิจฺฉาทิฏฺิกกุลํ วาเรสิ. อถสฺสา มาตาปิตโร ‘‘อมฺหากํ ธีตา สทฺธา ปสนฺนา ตีณิ รตนานิ มมายติ ทานาทิปุฺาภิรตา, ตุมฺเห มิจฺฉาทิฏฺิกา อิมิสฺสาปิ ยถารุจิยา ทานํ วา ทาตุํ ธมฺมํ วา โสตุํ วิหารํ วา คนฺตุํ สีลํ วา รกฺขิตุํ อุโปสถกมฺมํ วา กาตุํ น ทสฺสถ, น มยํ ตุมฺหากํ เทม, อตฺตนา สทิสํ มิจฺฉาทิฏฺิกกุลาว กุมาริกํ คณฺหถา’’ติ อาหํสุ. เต เตหิ ปฏิกฺขิตฺตา ‘‘ตุมฺหากํ ธีตา อมฺหากํ ฆรํ คนฺตฺวา ยถาธิปฺปาเยน สพฺพเมตํ กโรตุ, มยํ น วาเรสฺสาม, เทถ โน เอต’’นฺติ วตฺวา ‘‘เตน หิ คณฺหถา’’ติ วุตฺตา ภทฺทเกน นกฺขตฺเตน มงฺคลํ กตฺวา ตํ อตฺตโน ฆรํ นยึสุ. สา วตฺตาจารสมฺปนฺนา ปติเทวตา อโหสิ, สสฺสุสสุรสามิกวตฺตานิ กตาเนว โหนฺติ.

สา เอกทิวสํ สามิกํ อาห – ‘‘อิจฺฉามหํ, อยฺยปุตฺต, อมฺหากํ กุลูปกตฺเถรานํ ทานํ ทาตุ’’นฺติ. สาธุ, ภทฺเท, ยถาชฺฌาสเยน ทานํ เทหีติ. สา เถเร นิมนฺตาเปตฺวา มหนฺตํ สกฺการํ กตฺวา ปณีตโภชนํ โภเชตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิตฺวา ‘‘ภนฺเต, อิมํ กุลํ มิจฺฉาทิฏฺิกํ อสฺสทฺธํ ติณฺณํ รตนานํ คุณํ น ชานาติ, สาธุ, อยฺยา, ยาว อิมํ กุลํ ติณฺณํ รตนานํ คุณํ ชานาติ, ตาว อิเธว ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ อาห. เถรา อธิวาเสตฺวา ตตฺถ นิพทฺธํ ภุฺชนฺติ. ปุน สามิกํ อาห ‘‘อยฺยปุตฺต, เถรา อิธ นิพทฺธํ อาคจฺฉนฺติ, กึการณา ตุมฺเห น ปสฺสถา’’ติ. ‘‘สาธุ, ปสฺสิสฺสามี’’ติ. สา ปุนทิวเส เถรานํ ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน ตสฺส อาโรเจสิ. โส อุปสงฺกมิตฺวา เถเรหิ สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. อถสฺส ธมฺมเสนาปติ ธมฺมกถํ กเถสิ. โส เถรสฺส ธมฺมกถาย จ อิริยาปเถสุ จ ปสีทิตฺวา ตโต ปฏฺาย เถรานํ อาสนํ ปฺเปติ, ปานียํ ปริสฺสาเวติ, อนฺตราภตฺเต ธมฺมกถํ สุณาติ, ตสฺส อปรภาเค มิจฺฉาทิฏฺิ ภิชฺชิ.

อเถกทิวสํ เถโร ทฺวินฺนมฺปิ ธมฺมกถํ กเถนฺโต สจฺจานิ ปกาเสสิ, สจฺจปริโยสาเน อุโภปิ ชยมฺปติกา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสุ. ตโต ปฏฺาย ตสฺส มาตาปิตโร อาทึ กตฺวา อนฺตมโส ทาสกมฺมกราปิ สพฺเพ มิจฺฉาทิฏฺึ ภินฺทิตฺวา พุทฺธธมฺมสงฺฆมามกาเยว ชาตา. อเถกทิวสํ ทาริกา สามิกํ อาห – ‘‘อยฺยปุตฺต, กึ เม ฆราวาเสน, อิจฺฉามหํ ปพฺพชิตุ’’นฺติ. โส ‘‘สาธุ ภทฺเท, อหมฺปิ ปพฺพชิสฺสามี’’ติ มหนฺเตน ปริวาเรน ตํ ภิกฺขุนุปสฺสยํ เนตฺวา ปพฺพาเชตฺวา สยมฺปิ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิ. ตํ สตฺถา ปพฺพาเชสิ. อุโภปิ วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา น จิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. อเถกทิวสํ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, อสุกา นาม ทหรภิกฺขุนี อตฺตโน เจว ปจฺจยา ชาตา สามิกสฺส จ, อตฺตนาปิ ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปตฺวา ตมฺปิ ปาเปสี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว ตาว เอสา สามิกํ ราคปาสา โมเจสิ, ปุพฺเพเปสา โปราณกปณฺฑิเต ปน มรณปาสา โมเจสี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต มิคโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต อภิรูโป อโหสิ ปาสาทิโก ทสฺสนีโย สุวณฺณวณฺโณ ลาขารสปริกมฺมกเตหิ วิย หตฺถปาเทหิ รชตทามสทิเสหิ วิสาเณหิ มณิคุฬิกปฏิภาเคหิ อกฺขีหิ รตฺตกมฺพลเคณฺฑุสทิเสน มุเขน สมนฺนาคโต. ภริยาปิสฺส ตรุณมิคี อภิรูปา อโหสิ ทสฺสนียา. เต สมคฺควาสํ วสึสุ, อสีติสหสฺสจิตฺรมิคา โพธิสตฺตํ อุปฏฺหึสุ. ตทา ลุทฺทกา มิควีถีสุ ปาเส โอฑฺเฑสุํ. อเถกทิวสํ โพธิสตฺโต มิคานํ ปุรโต คจฺฉนฺโต ปาเท ปาเสน พชฺฌิตฺวา ‘‘ฉินฺทิสฺสามิ น’’นฺติ อากฑฺฒิ, จมฺมํ ฉิชฺชิ, ปุน อากฑฺฒนฺตสฺส มํสํ ฉิชฺชิ, ปุน นฺหารุ ฉิชฺชิ, ปาโส อฏฺิมาหจฺจ อฏฺาสิ. โส ปาสํ ฉินฺทิตุํ อสกฺโกนฺโต มรณภยตชฺชิโต พทฺธรวํ รวิ. ตํ สุตฺวา ภีโต มิคคโณ ปลายิ. ภริยา ปนสฺส ปลายิตฺวา มิคานํ อนฺตเร โอโลเกนฺตี ตํ อทิสฺวา ‘‘อิทํ ภยํ มยฺหํ ปิยสามิกสฺส อุปฺปนฺนํ ภวิสฺสตี’’ติ เวเคน ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา อสฺสุมุขี โรทมานา ‘‘สามิ, ตฺวํ มหพฺพโล, กึ เอตํ ปาสํ สนฺธาเรตุํ น สกฺขิสฺสสิ, เวคํ ชเนตฺวา ฉินฺทาหิ น’’นฺติ ตสฺส อุสฺสาหํ ชเนนฺตี ปมํ คาถมาห –

๕๐.

‘‘วิกฺกม เร หริปาท, วิกฺกม เร มหามิค;

ฉินฺท วารตฺติกํ ปาสํ, นาหํ เอกา วเน รเม’’ติ.

ตตฺถ วิกฺกมาติ ปรกฺกม, อากฑฺฒาติ อตฺโถ. เรติ อามนฺตเน นิปาโต. หริปาทาติ สุวณฺณปาท. สกลสรีรมฺปิ ตสฺส สุวณฺณวณฺณํ, อยํ ปน คารเวเนวมาห. นาหํ เอกาติ อหํ ตยา วินา เอกิกา วเน น รมิสฺสามิ, ติโณทกํ ปน อคฺคเหตฺวา สุสฺสิตฺวา มริสฺสามีติ ทสฺเสติ.

ตํ สุตฺวา มิโค ทุติยํ คาถมาห –

๕๑.

‘‘วิกฺกมามิ น ปาเรมิ, ภูมึ สุมฺภามิ เวคสา;

ทฬฺโห วารตฺติโก ปาโส, ปาทํ เม ปริกนฺตตี’’ติ.

ตตฺถ วิกฺกมามีติ ภทฺเท, อหํ วีริยํ กโรมิ. น ปาเรมีติ ปาสํ ฉินฺทิตุํ ปน น สกฺโกมีติ อตฺโถ. ภูมึ สุมฺภามีติ อปิ นาม ฉิชฺเชยฺยาติ ปาเทนาปิ ภูมึ ปหรามิ. เวคสาติ เวเคน. ปริกนฺตตีติ จมฺมาทีนิ ฉินฺทนฺโต สมนฺตา กนฺตตีติ.

อถ นํ มิคี ‘‘มา ภายิ, สามิ, อหํ อตฺตโน พเลน ลุทฺทกํ ยาจิตฺวา ตว ชีวิตํ อาหริสฺสามิ. สเจ ยาจนาย น สกฺขิสฺสามิ, มม ชีวิตมฺปิ ทตฺวา ตว ชีวิตํ อาหริสฺสามี’’ติ มหาสตฺตํ อสฺสาเสตฺวา โลหิตลิตฺตํ โพธิสตฺตํ ปริคฺคเหตฺวา อฏฺาสิ. ลุทฺทโกปิ อสิฺจ สตฺติฺจ คเหตฺวา กปฺปุฏฺานคฺคิ วิย อาคจฺฉติ. สา ตํ ทิสฺวา ‘‘สามิ, ลุทฺทโก อาคจฺฉติ, อหํ อตฺตโน พลํ กริสฺสามิ, ตฺวํ มา ภายี’’ติ มิคํ อสฺสาเสตฺวา ลุทฺทกสฺส ปฏิปถํ คนฺตฺวา ปฏิกฺกมิตฺวา เอกมนฺตํ ิตา ตํ วนฺทิตฺวา ‘‘สามิ, มม สามิโก สุวณฺณวณฺโณ สีลาจารสมฺปนฺโน, อสีติสหสฺสานํ มิคานํ ราชา’’ติ โพธิสตฺตสฺส คุณํ กเถตฺวา มิคราเช ิเตเยว อตฺตโน วธํ ยาจนฺตี ตติยํ คาถมาห –

๕๒.

‘‘อตฺถรสฺสุ ปลาสานิ, อสึ นิพฺพาห ลุทฺทก;

ปมํ มํ วธิตฺวาน, หน ปจฺฉา มหามิค’’นฺติ.

ตตฺถ ปลาสานีติ มํสฏฺปนตฺถํ ปลาสปณฺณานิ อตฺถรสฺสุ. อสึ นิพฺพาหาติ อสึ โกสโต นีหร.

ตํ สุตฺวา ลุทฺทโก ‘‘มนุสฺสภูตา ตาว สามิกสฺส อตฺถาย อตฺตโน ชีวิตํ น ปริจฺจชนฺติ, อยํ ติรจฺฉานคตา ชีวิตํ ปริจฺจชติ, มนุสฺสภาสาย จ มธุเรน สเรน กเถติ, อชฺช อิมิสฺสา จ ปติโน จสฺสา ชีวิตํ ทสฺสามี’’ติ ปสนฺนจิตฺโต จตุตฺถํ คาถมาห –

๕๓.

‘‘น เม สุตํ วา ทิฏฺํ วา, ภาสนฺตึ มานุสึ มิคึ;

ตฺวฺจ ภทฺเท สุขี โหหิ, เอโส จาปิ มหามิโค’’ติ.

ตตฺถ สุตํ วา ทิฏฺํ วาติ มยา อิโต ปุพฺเพ เอวรูปํ ทิฏฺํ วา สุตํ วา นตฺถิ. ภาสนฺตึ มานุสึ มิคินฺติ อหฺหิ อิโต ปุพฺเพ มานุสึ วาจํ ภาสนฺตึ มิคึ เนว อทฺทสํ น อสฺโสสึ. เยสํ ปน ‘‘น เม สุตา วา ทิฏฺา วา, ภาสนฺตี มานุสี มิคี’’ติ ปาฬิ, เตสํ ยถาปาฬิเมว อตฺโถ ทิสฺสติ. ภทฺเทติ ภทฺทเก ปณฺฑิเก อุปายกุสเล. อิติ ตํ อาลปิตฺวา ปุน ‘‘ตฺวฺจ เอโส จาปิ มหามิโคติ ทฺเวปิ ชนา สุขี นิทฺทุกฺขา โหถา’’ติ ตํ สมสฺสาเสตฺวา ลุทฺทโก โพธิสตฺตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา วาสิยา จมฺมปาสํ ฉินฺทิตฺวา ปาเท ลคฺคปาสกํ สณิกํ นีหริตฺวา นฺหารุนา นฺหารุํ, มํเสน มํสํ, จมฺเมน จมฺมํ ปฏิปาเฏตฺวา ปาทํ หตฺเถน ปริมชฺชิ. ตงฺขณฺเว มหาสตฺตสฺส ปูริตปารมิตานุภาเวน ลุทฺทกสฺส จ เมตฺตจิตฺตานุภาเวน มิคิยา จ เมตฺตธมฺมานุภาเวน นฺหารุมํสจมฺมานิ นฺหารุมํสจมฺเมหิ ฆฏยึสุ. โพธิสตฺโต ปน สุขี นิทฺทุกฺโข อฏฺาสิ.

มิคี โพธิสตฺตํ สุขิตํ ทิสฺวา โสมนสฺสชาตา ลุทฺทกสฺส อนุโมทนํ กโรนฺตี ปฺจมํ คาถมาห –

๕๔.

‘‘เอวํ ลุทฺทก นนฺทสฺสุ, สห สพฺเพหิ าติภิ;

ยถาหมชฺช นนฺทามิ, มุตฺตํ ทิสฺวา มหามิค’’นฺติ.

ตตฺถ ลุทฺทกาติ ทารุณกมฺมกิริยาย ลทฺธนามวเสน อาลปติ.

โพธิสตฺโต ‘‘อยํ ลุทฺโท มยฺหํ อวสฺสโย ชาโต, มยาปิสฺส อวสฺสเยเนว ภวิตุํ วฏตี’’ติ โคจรภูมิยํ ทิฏฺํ เอกํ มณิกฺขนฺธํ ตสฺส ทตฺวา ‘‘สมฺม, อิโต ปฏฺาย ปาณาติปาตาทีนิ มา กริ, อิมินา กุฏุมฺพํ สณฺเปตฺวา ทารเก โปเสนฺโต ทานสีลาทีนิ ปุฺานิ กโรหี’’ติ ตสฺโสวาทํ ทตฺวา อรฺํ ปาวิสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ลุทฺทโก ฉนฺโน อโหสิ, มิคี ทหรภิกฺขุนี, มิคราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

สุวณฺณมิคชาตกวณฺณนา นวมา.

[๓๖๐] ๑๐. สุโยนนฺทีชาตกวณฺณนา

วาติ คนฺโธ ติมิรานนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อุกฺกณฺิตภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. ตฺหิ สตฺถา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ อุกฺกณฺิโตสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจ’’นฺติ วุตฺเต ‘‘กึ ทิสฺวา’’ติ วตฺวา ‘‘อลงฺกตมาตุคาม’’นฺติ วุตฺเต ‘‘มาตุคาโม นาเมส ภิกฺขุ น สกฺกา รกฺขิตุํ, โปราณกปณฺฑิตา สุปณฺณภวเน กตฺวา รกฺขนฺตาปิ รกฺขิตุํ นาสกฺขึสู’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ ตมฺพราชา นาม รชฺชํ กาเรสิ. ตสฺส สุโยนนฺที นาม อคฺคมเหสี อโหสิ อุตฺตมรูปธรา. ตทา โพธิสตฺโต สุปณฺณโยนิยํ นิพฺพตฺติ, ตสฺมึ กาเล นาคทีโป เสทุมทีโป นาม อโหสิ. โพธิสตฺโต ตสฺมึ ทีเป สุปณฺณภวเน วสติ. โส พาราณสึ คนฺตฺวา ตมฺพราเชน สทฺธึ มาณวกเวเสน ชูตํ กีฬติ. ตสฺส รูปสมฺปตฺตึ ทิสฺวา ปริจาริกา ‘‘อมฺหากํ รฺา สทฺธึ เอวรูโป นาม มาณวโก ชูตํ กีฬตี’’ติ สุโยนนฺทิยา อาโรเจสุํ. สา สุตฺวา ตํ ทฏฺุกามา หุตฺวา เอกทิวสํ อลงฺกริตฺวา ชูตมณฺฑลํ อาคนฺตฺวา ปริจาริกานํ อนฺตเร ิตา นํ โอโลเกสิ. โสปิ เทวึ โอโลเกสิ. ทฺเวปิ อฺมฺํ ปฏิพทฺธจิตฺตา อเหสุํ. สุปณฺณราชา อตฺตโน อานุภาเวน นคเร วาตํ สมุฏฺาเปสิ, เคหปตนภเยน ราชนิเวสนา มนุสฺสา นิกฺขมึสุ. โส อตฺตโน อานุภาเวน อนฺธการํ กตฺวา เทวึ คเหตฺวา อากาเสน อาคนฺตฺวา นาคทีเป อตฺตโน ภวนํ ปาวิสิ สุโยนนฺทิยา คตฏฺานํ ชานนฺตา นาม นาเหสุํ. โส ตาย สทฺธึ อภิรมมาโน คนฺตฺวา รฺา สทฺธึ ชูตํ กีฬติ.

รฺโ ปน สคฺโค นาม คนฺธพฺโพ อตฺถิ, โส เทวิยา คตฏฺานํ อชานนฺโต ตํ คนฺธพฺพํ อามนฺเตตฺวา ‘‘คจฺฉ, ตาต, คนฺธพฺพ สพฺพํ ถลชลปถํ อนุวิจริตฺวา เทวิยา คตฏฺานํ ปสฺสา’’ติ อุยฺโยเชสิ. โส ปริพฺพยํ คเหตฺวา ทฺวารคามโต ปฏฺาย วิจินนฺโต กุรุกจฺฉํ ปาปุณิ. ตทา กุรุกจฺฉวาณิชา นาวาย สุวณฺณภูมึ คจฺฉนฺติ. โส เต อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘อหํ คนฺธพฺโพ นาวาย เวตนํ ขณฺเฑตฺวา ตุมฺหากํ คนฺธพฺพํ กริสฺสามิ, มมฺปิ เนถา’’ติ อาห. เต ‘‘สาธู’’ติ ตมฺปิ อาโรเปตฺวา นาวํ วิสฺสชฺเชสุํ. เต สุขปยาตาย นาวาย ตํ ปกฺโกสิตฺวา ‘‘คนฺธพฺพํ โน กโรหี’’ติ อาหํสุ. ‘‘อหํ เจ คนฺธพฺพํ กเรยฺยํ, มยิ ปน คนฺธพฺพํ กโรนฺเต มจฺฉา จลิสฺสนฺติ, อถ โว นาโว ภิชฺชิสฺสตี’’ติ. ‘‘มนุสฺสมตฺเต คนฺธพฺพํ กโรนฺเต มจฺฉานํ จลนํ นาม นตฺถิ, กโรหี’’ติ. ‘‘เตน หิ มา มยฺหํ กุชฺฌิตฺถา’’ติ วีณํ มุจฺฉิตฺวา ตนฺติสฺสเรน คีตสฺสรํ, คีตสฺสเรน ตนฺติสฺสรํ อนติกฺกมิตฺวา คนฺธพฺพํ อกาสิ. เตน สทฺเทน สมฺมตฺตา หุตฺวา มจฺฉา จลึสุ.

อเถโก มกโร อุปฺปติตฺวา นาวาย ปตนฺโต นาวํ ภินฺทิ. สคฺโค ผลเก นิปชฺชิตฺวา ยถาวาตํ คจฺฉนฺโต นาคทีเป สุปณฺณภวนสฺส นิคฺโรธรุกฺขสฺส สนฺติกํ ปาปุณิ. สุโยนนฺทีปิ เทวี สุปณฺณราชสฺส ชูตํ กีฬิตุํ คตกาเล วิมานา โอตริตฺวา เวลนฺเต วิจรนฺตี สคฺคํ คนฺธพฺพํ ทิสฺวา สฺชานิตฺวา ‘‘กถํ อาคโตสี’’ติ ปุจฺฉิ. โส สพฺพํ กเถสิ. ‘‘เตน หิ มา ภายี’’ติ ตํ อสฺสาเสตฺวา พาหาหิ ปริคฺคเหตฺวา วิมานํ อาโรเปตฺวา สยนปิฏฺเ นิปชฺชาเปตฺวา สมสฺสตฺถกาเล ทิพฺพโภชนํ ทตฺวา ทิพฺพคนฺโธทเกน นฺหาเปตฺวา ทิพฺพวตฺเถหิ อจฺฉาเทตฺวา ทิพฺพคนฺธปุปฺเผหิ อลงฺกริตฺวา ปุน ทิพฺพสยเน นิปชฺชาเปสิ. เอวํ ทิวสํ ปริคฺคหมานา สุปณฺณรฺโ อาคมนเวลาย ปฏิจฺฉาเทตฺวา คตกาเล เตน สทฺธึ กิเลสวเสน อภิรมิ. ตโต มาสทฺธมาสจฺจเยน พาราณสิวาสิโน วาณิชา ทารุทกคหณตฺถาย ตสฺมึ ทีเป นิคฺโรธรุกฺขมูลํ สมฺปตฺตา. โส เตหิ สทฺธึ นาวํ อภิรุยฺห พาราณสึ คนฺตฺวา ราชานํ ทิสฺวาว ตสฺส ชูตกีฬนเวลาย วีณํ คเหตฺวา รฺโ คนฺธพฺพํ กโรนฺโต ปมํ คาถมาห –

๕๕.

‘‘วาติ คนฺโธ ติมิรานํ, กุสมุทฺโท จ โฆสวา;

ทูเร อิโต สุโยนนฺที, ตมฺพ กามา ตุทนฺติ ม’’นฺติ.

ตตฺถ ติมิรานนฺติ ติมิรรุกฺขปุปฺผานํ. ตํ กิร นิคฺโรธํ ปริวาเรตฺวา ติมิรรุกฺขา อตฺถิ, เต สนฺธาเยวํ วทติ. กุสมุทฺโทติ ขุทฺทกสมุทฺโท. โฆสวาติ มหารโว. ตสฺเสว นิคฺโรธสฺส สนฺติเก สมุทฺทํ สนฺธาเยวมาห. อิโตติ อิมมฺหา นครา. ตมฺพาติ ราชานํ อาลปติ. อถ วา ตมฺพกามาติ ตมฺเพน กามิตกามา ตมฺพกามา นาม. เต มํ หทเย วิชฺฌนฺตีติ ทีเปติ.

ตํ สุตฺวา สุปณฺโณ ทุติยํ คาถมาห –

๕๖.

‘‘กถํ สมุทฺทมตริ, กถํ อทฺทกฺขิ เสทุมํ;

กถํ ตสฺสา จ ตุยฺหฺจ, อหุ สคฺค สมาคโม’’ติ.

ตตฺถ เสทุมนฺติ เสทุมทีปํ.

ตโต สคฺโค ติสฺโส คาถา อภาสิ –

๕๗.

‘‘กุรุกจฺฉา ปยาตานํ, วาณิชานํ ธเนสินํ;

มกเรหิ อภิทา นาวา, ผลเกนาหมปฺลวึ.

๕๘.

‘‘สา มํ สณฺเหน มุทุนา, นิจฺจํ จนฺทนคนฺธินี;

องฺเคน อุทฺธรี ภทฺทา, มาตา ปุตฺตํว โอรสํ.

๕๙.

‘‘สา มํ อนฺเนน ปาเนน, วตฺเถน สยเนน จ;

อตฺตนาปิ จ มนฺทกฺขี, เอวํ ตมฺพ วิชานหี’’ติ.

ตตฺถ สา มํ สณฺเหน มุทุนาติ เอวํ ผลเกน ตีรํ อุตฺติณฺณํ มํ สมุทฺทตีเร วิจรนฺตี สา ทิสฺวา ‘‘มา ภายี’’ติ สณฺเหน มุทุนา วจเนน สมสฺสาเสตฺวาติ อตฺโถ. องฺเคนาติ พาหุยุคฬํ อิธ ‘‘องฺเคนา’’ติ วุตฺตํ. ภทฺทาติ ทสฺสนียา ปาสาทิกา. สา มํ อนฺเนนาติ สา มํ เอเตน อนฺนาทินา สนฺตปฺเปสีติ อตฺโถ. อตฺตนาปิ จาติ น เกวลํ อนฺนาทีเหว, อตฺตนาปิ มํ อภิรเมนฺตี สนฺตปฺเปสีติ ทีเปติ. มนฺทกฺขีติ มนฺททสฺสนี, มุทุนา อากาเรน โอโลกนสีลาติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘มตฺตกฺขี’’ติปิ ปาโ, มทมตฺเตหิ วิย อกฺขีหิ สมนฺนาคตาติ อตฺโถ. เอวํ ตมฺพาติ เอวํ ตมฺพราช ชานาหีติ.

สุปณฺโณ คนฺธพฺพสฺส กเถนฺตสฺเสว วิปฺปฏิสารี หุตฺวา ‘‘อหํ สุปณฺณภวเน วสนฺโตปิ รกฺขิตุํ นาสกฺขึ, กึ เม ตาย ทุสฺสีลายา’’ติ ตํ อาเนตฺวา รฺโ ปฏิทตฺวา ปกฺกามิ, ตโต ปฏฺาย ปุน นาคจฺฉีติ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺิตภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ตทา ราชา อานนฺโท อโหสิ, สุปณฺณราชา ปน อหเมว อโหสินฺติ.

สุโยนนฺทีชาตกวณฺณนา ทสมา.

มณิกุณฺฑลวคฺโค ปโม.

๒. วณฺณาโรหวคฺโค

[๓๖๑] ๑. วณฺณาโรหชาตกวณฺณนา

วณฺณาโรเหนาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ทฺเว อคฺคสาวเก อารพฺภ กเถสิ. เอกสฺมิฺหิ สมเย อุโภปิ มหาเถรา ‘‘อิมํ อนฺโตวสฺสํ สุฺาคารํ อนุพฺรูเหสฺสามา’’ติ สตฺถารํ อาปุจฺฉิตฺวา คณํ ปหาย สยเมว ปตฺตจีวรํ อาทาย เชตวนา นิกฺขมิตฺวา เอกํ ปจฺจนฺตคามํ นิสฺสาย อรฺเ วิหรึสุ. อฺตโรปิ วิฆาสาทปุริโส เถรานํ อุปฏฺานํ กโรนฺโต ตตฺเถว เอกมนฺเต วสิ. โส เถรานํ สมคฺควาสํ ทิสฺวา ‘‘อิเม อติวิย สมคฺคา วสนฺติ, สกฺกา นุ โข เอเต อฺมฺํ ภินฺทิตุ’’นฺติ จินฺเตตฺวา สาริปุตฺตตฺเถรํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘กึ นุ โข, ภนฺเต, อยฺเยน มหาโมคฺคลฺลานตฺเถเรน สทฺธึ ตุมฺหากํ กิฺจิ เวรํ อตฺถี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘กึ ปนาวุโส’’ติ. เอส, ภนฺเต, มม อาคตกาเล ‘‘สาริปุตฺโต นาม ชาติโคตฺตกุลปเทเสหิ วา สุตคนฺถปฏิเวธอิทฺธีหิ วา มยา สทฺธึ กึ ปโหตี’’ติ ตุมฺหากํ อคุณเมว กเถสีติ. เถโร สิตํ กตฺวา ‘‘คจฺฉ ตฺวํ อาวุโส’’ติ อาห.

โส อปรสฺมิมฺปิ ทิวเส มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรมฺปิ อุปสงฺกมิตฺวา ตเถว กเถสิ. โสปิ นํ สิตํ กตฺวา ‘‘คจฺฉ, ตฺวํ, อาวุโส’’ติ วตฺวา สาริปุตฺตตฺเถรํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘อาวุโส, เอโส วิฆาสาโท ตุมฺหากํ สนฺติเก กิฺจิ กเถสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อามาวุโส, มยฺหมฺปิ สนฺติเก กเถสิ, อิมํ นีหริตุํ วฏฺฏตี’’ติ. ‘‘สาธุ, อาวุโส, นีหรา’’ติ วุตฺเต เถโร ‘‘มา อิธ วสี’’ติ อจฺฉรํ ปหริตฺวา ตํ นีหริ. เต อุโภปิ สมคฺควาสํ วสิตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา นิสีทึสุ. สตฺถา ปฏิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘สุเขน วสฺสํ วสิตฺถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ภนฺเต, เอโก วิฆาสาโท อมฺเห ภินฺทิตุกาโม หุตฺวา ภินฺทิตุํ อสกฺโกนฺโต ปลายี’’ติ วุตฺเต ‘‘น โข โส, สาริปุตฺต, อิทาเนว, ปุพฺเพเปส ตุมฺเห ‘ภินฺทิสฺสามี’ติ ภินฺทิตุํ อสกฺโกนฺโต ปลายี’’ติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต อรฺเ รุกฺขเทวตา อโหสิ. ตทา สีโห จ พฺยคฺโฆ จ อรฺเ ปพฺพตคุหายํ วสนฺติ. เอโก สิงฺคาโล เต อุปฏฺหนฺโต เตสํ วิฆาสํ ขาทิตฺวา มหากาโย หุตฺวา เอกทิวสํ จินฺเตสิ ‘‘มยา สีหพฺยคฺฆานํ มํสํ น ขาทิตปุพฺพํ, มยา อิเม ทฺเว ชเน ภินฺทิตุํ วฏฺฏติ, ตโต เนสํ กลหํ กตฺวา มตานํ มํสํ ขาทิสฺสามี’’ติ. โส สีหํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘กึ, สามิ, ตุมฺหากํ พฺยคฺเฆน สทฺธึ กิฺจิ เวรํ อตฺถี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘กึ ปน, สมฺมา’’ติ? เอส, ภนฺเต, มมาคตกาเล ‘‘สีโห นาม สรีรวณฺเณน วา อาโรหปริณาเหน วา ชาติพลวีริเยหิ วา มม กลภาคมฺปิ น ปาปุณาตี’’ติ ตุมฺหากํ อคุณเมว กเถสีติ. อถ นํ สีโห ‘‘คจฺฉ ตฺวํ, น โส เอวํ กเถสฺสตี’’ติ อาห. พฺยคฺฆมฺปิ อุปสงฺกมิตฺวา เอเตเนว อุปาเยน กเถสิ. ตํ สุตฺวา พฺยคฺโฆปิ สีหํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘สมฺม, ตฺวํ กิร อิทฺจิทฺจ วเทสี’’ติ ปุจฺฉนฺโต ปมํ คาถมาห –

๖๐.

‘‘วณฺณาโรเหน ชาติยา, พลนิกฺกมเนน จ;

สุพาหุ น มยา เสยฺโย, สุทา อิติ ภาสสี’’ติ.

ตตฺถ พลนิกฺกมเนน จาติ กายพเลน เจว วีริยพเลน จ. สุพาหุ น มยา เสยฺโยติ อยํ สุพาหุ นาม พฺยคฺโฆ เอเตหิ การเณหิ มยา เนว สทิโส น อุตฺตริตโรติ สจฺจํ กิร ตฺวํ โสภนาหิ ทาาหิ สมนฺนาคต สุทา มิคราช, เอวํ วเทสีติ.

ตํ สุตฺวา สุทาโ เสสา จตสฺโส คาถา อภาสิ –

๖๑.

‘‘วณฺณาโรเหน ชาติยา, พลนิกฺกมเนน จ;

สุทาโ น มยา เสยฺโย, สุพาหุ อิติ ภาสสิ.

๖๒.

‘‘เอวํ เจ มํ วิหรนฺตํ, สุพาหุ สมฺม ทุพฺภสิ;

น ทานาหํ ตยา สทฺธึ, สํวาสมภิโรจเย.

๖๓.

‘‘โย ปเรสํ วจนานิ, สทฺทเหยฺย ยถาตถํ;

ขิปฺปํ ภิชฺเชถ มิตฺตสฺมึ, เวรฺจ ปสเว พหุํ.

๖๔.

‘‘น โส มิตฺโต โย สทา อปฺปมตฺโต, เภทาสงฺกี รนฺธเมวานุปสฺสี;

ยสฺมิฺจ เสตี อุรสีว ปุตฺโต, ส เว มิตฺโต โย อเภชฺโช ปเรหี’’ติ.

ตตฺถ สมฺมาติ วยสฺส. ทุพฺภสีติ ยทิ เอวํ ตยา สทฺธึ สมคฺควาสํ วสนฺตํ มํ สิงฺคาลสฺส กถํ คเหตฺวา ตฺวํ ทุพฺภสิ หนิตุํ อิจฺฉสิ, อิโต ทานิ ปฏฺาย อหํ ตยา สทฺธึ สํวาสํ น อภิโรจเย. ยถาตถนฺติ ตถโต ยถาตถํ ยถาตจฺฉํ อวิสํวาทเกน อริเยน วุตฺตวจนํ สทฺธาตพฺพํ. เอวํ โย เยสํ เกสฺจิ ปเรสํ วจนานิ สทฺทเหถาติ อตฺโถ. โย สทา อปฺปมตฺโตติ โย นิจฺจํ อปฺปมตฺโต หุตฺวา มิตฺตสฺส วิสฺสาสํ น เทติ, โส มิตฺโต นาม น โหตีติ อตฺโถ. เภทาสงฺกีติ ‘‘อชฺช ภิชฺชิสฺสติ, สฺเว ภิชฺชิสฺสตี’’ติ เอวํ มิตฺตสฺส เภทเมว อาสงฺกติ. รนฺธเมวานุปสฺสีติ ฉิทฺทํ วิวรเมว ปสฺสนฺโต. อุรสีว ปุตฺโตติ ยสฺมึ มิตฺเต มาตุ หทเย ปุตฺโต วิย นิราสงฺโก นิพฺภโย เสติ.

อิติ อิมาหิ จตูหิ คาถาหิ สีเหน มิตฺตคุเณ กถิเต พฺยคฺโฆ ‘‘มยฺหํ โทโส’’ติ สีหํ ขมาเปสิ. เต ตตฺเถว สมคฺควาสํ วสึสุ. สิงฺคาโล ปน ปลายิตฺวา อฺตฺถ คโต.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา สิงฺคาโล วิฆาสาโท อโหสิ, สีโห สาริปุตฺโต, พฺยคฺโฆ โมคฺคลฺลาโน, ตํ การณํ ปจฺจกฺขโต ทิฏฺา ตสฺมึ วเน นิวุตฺถรุกฺขเทวตา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

วณฺณาโรหชาตกวณฺณนา ปมา.

[๓๖๒] ๒. สีลวีมํสชาตกวณฺณนา

สีลํ เสยฺโยติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ สีลวีมํสกพฺราหฺมณํ อารพฺภ กเถสิ. ตํ กิร ราชา ‘‘เอส สีลสมฺปนฺโน’’ติ อฺเหิ พฺราหฺมเณหิ อติเรกํ กตฺวา ปสฺสติ. โส จินฺเตสิ ‘‘กึ นุ โข มํ ราชา ‘สีลสมฺปนฺโน’ติ อฺเหิ อติเรกํ กตฺวา ปสฺสติ, อุทาหุ ‘สุตธรยุตฺโต’ติ, วีมํสิสฺสามิ ตาว สีลสฺส วา สุตสฺส วา มหนฺตภาว’’นฺติ. โส เอกทิวสํ เหรฺิกผลกโต กหาปณํ คณฺหิ. เหรฺิโก ครุภาเวน น กิฺจิ อาห, ทุติยวาเรปิ น กิฺจิ อาห. ตติยวาเร ปน ตํ ‘‘วิโลปขาทโก’’ติ คาหาเปตฺวา รฺโ ทสฺเสตฺวา ‘‘กึ อิมินา กต’’นฺติ วุตฺเต ‘‘กุฏุมฺพํ วิลุมฺปตี’’ติ อาห. ‘‘สจฺจํ กิร, พฺราหฺมณา’’ติ? ‘‘น, มหาราช, กุฏุมฺพํ วิลุมฺปามิ, มยฺหํ ปน ‘สีลํ นุ โข มหนฺตํ, สุตํ นุ โข’ติ กุกฺกุจฺจํ อโหสิ, สฺวาหํ ‘เอเตสุ กตรํ นุ โข มหนฺต’นฺติ วีมํสนฺโต ตโย วาเร กหาปณํ คณฺหึ, ตํ มํ เอส พนฺธาเปตฺวา ตุมฺหากํ ทสฺเสติ. อิทานิ เม สุตโต สีลสฺส มหนฺตภาโว าโต, น เม ฆราวาเสนตฺโถ, ปพฺพชิสฺสามห’’นฺติ ปพฺพชฺชํ อนุชานาเปตฺวา ฆรทฺวารํ อโนโลเกตฺวาว เชตวนํ คนฺตฺวา สตฺถารํ ปพฺพชฺชํ ยาจิ. ตสฺส สตฺถา ปพฺพชฺชฺจ อุปสมฺปทฺจ ทาเปสิ. โส อจิรูปสมฺปนฺโน วิปสฺสนํ วิปสฺสิตฺวา อคฺคผเล ปติฏฺหิ. ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, อสุกพฺราหฺมโณ อตฺตโน สีลํ วีมํสิตฺวา ปพฺพชิโต วิปสฺสิตฺวา อรหตฺตํ ปตฺโต’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทานิ อยเมว, ปุพฺเพ ปณฺฑิตาปิ สีลํ วีมํสิตฺวา ปพฺพชิตฺวา อตฺตโน ปติฏฺํ กรึสุเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา พาราณสึ อาคนฺตฺวา ราชานํ ปสฺสิ. ราชา ตสฺส ปุโรหิตฏฺานํ อทาสิ. โส ปฺจ สีลานิ รกฺขติ. ราชาปิ นํ ‘‘สีลวา’’ติ ครุํ กตฺวา ปสฺสิ. โส จินฺเตสิ ‘‘กึ นุ โข ราชา ‘สีลวา’ติ มํ ครุํ กตฺวา ปสฺสติ, อุทาหุ ‘สุตธรยุตฺโต’’’ติ. สพฺพํ ปจฺจุปฺปนฺนวตฺถุสทิสเมว. อิธ ปน โส พฺราหฺมโณ ‘‘อิทานิ เม สุตโต สีลสฺส มหนฺตภาโว าโต’’ติ วตฺวา อิมา ปฺจ คาถา อภาสิ –

๖๕.

‘‘สีลํ เสยฺโย สุตํ เสยฺโย, อิติ เม สํสโย อหุ;

สีลเมว สุตา เสยฺโย, อิติ เม นตฺถิ สํสโย.

๖๖.

‘‘โมฆา ชาติ จ วณฺโณ จ, สีลเมว กิรุตฺตมํ;

สีเลน อนุเปตสฺส, สุเตนตฺโถ น วิชฺชติ.

๖๗.

‘‘ขตฺติโย จ อธมฺมฏฺโ, เวสฺโส จาธมฺมนิสฺสิโต;

เต ปริจฺจชฺชุโภ โลเก, อุปปชฺชนฺติ ทุคฺคตึ.

๖๘.

‘‘ขตฺติยา พฺราหฺมณา เวสฺสา, สุทฺทา จณฺฑาลปุกฺกุสา;

อิธ ธมฺมํ จริตฺวาน, ภวนฺติ ติทิเว สมา.

๖๙.

‘‘น เวทา สมฺปรายาย, น ชาติ นาปิ พนฺธวา;

สกฺจ สีลํ สํสุทฺธํ, สมฺปรายาย สุขาย จา’’ติ.

ตตฺถ สีลเมว สุตา เสยฺโยติ สุตปริยตฺติโต สตคุเณน สหสฺสคุเณน สีลเมว อุตฺตริตรนฺติ. เอวฺจ ปน วตฺวา สีลํ นาเมตํ เอกวิธํ สํวรวเสน, ทุวิธํ จาริตฺตวาริตฺตวเสน, ติวิธํ กายิกวาจสิกมานสิกวเสน, จตุพฺพิธํ ปาติโมกฺขสํวรอินฺทฺริยสํวรอาชีวปาริสุทฺธิปจฺจยสนฺนิสฺสิตวเสนาติ มาติกํ เปตฺวา วิตฺถาเรนฺโต สีลสฺส วณฺณํ อภาสิ.

โมฆาติ อผลา ตุจฺฉา. ชาตีติ ขตฺติยกุลาทีสุ นิพฺพตฺติ. วณฺโณติ สรีรวณฺโณ อภิรูปภาโว. ยา หิ ยสฺมา สีลรหิตสฺส ชาติสมฺปทา วา วณฺณสมฺปทา วา สคฺคสุขํ ทาตุํ น สกฺโกติ, ตสฺมา อุภยมฺปิ ตํ ‘‘โมฆ’’นฺติ อาห. สีลเมว กิราติ อนุสฺสววเสน วทติ, น ปน สยํ ชานาติ. อนุเปตสฺสาติ อนุปคตสฺส. สุเตนตฺโถ น วิชฺชตีติ สีลรหิตสฺส สุตปริยตฺติมตฺเตน อิธโลเก วา ปรโลเก วา กาจิ วฑฺฒิ นาม นตฺถิ.

ตโต ปรา ทฺเว คาถา ชาติยา โมฆภาวทสฺสนตฺถํ วุตฺตา. ตตฺถ เต ปริจฺจชฺชุโภ โลเกติ เต ทุสฺสีลา เทวโลกฺจ มนุสฺสโลกฺจาติ อุโภปิ โลเก ปริจฺจชิตฺวา ทุคฺคตึ อุปปชฺชนฺติ. จณฺฑาลปุกฺกุสาติ ฉวฉฑฺฑกจณฺฑาลา จ ปุปฺผฉฑฺฑกปุกฺกุสา จ. ภวนฺติ ติทิเว สมาติ เอเต สพฺเพปิ สีลานุภาเวน เทวโลเก นิพฺพตฺตา สมา โหนฺติ นิพฺพิเสสา, เทวาตฺเวว สงฺขฺยํ คจฺฉนฺติ.

ปฺจมคาถา สพฺเพสมฺปิ สุตาทีนํ โมฆภาวทสฺสนตฺถํ วุตฺตา. ตสฺสตฺโถ – มหาราช, เอเต เวทาทโย เปตฺวา อิธโลเก ยสมตฺตทานํ สมฺปราเย ทุติเย วา ตติเย วา ภเว ยสํ วา สุขํ วา ทาตุํ นาม น สกฺโกนฺติ, ปริสุทฺธํ ปน อตฺตโน สีลเมว ตํ ทาตุํ สกฺโกตีติ.

เอวํ มหาสตฺโต สีลคุเณ โถเมตฺวา ราชานํ ปพฺพชฺชํ อนุชานาเปตฺวา ตํ ทิวสเมว หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา อปริหีนชฺฌาโน พฺรหฺมโลกปรายโณ อโหสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา สีลํ วีมํสิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิโต อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

สีลวีมํสชาตกวณฺณนา ทุติยา.

[๓๖๓] ๓. หิริชาตกวณฺณนา

หิรึ ตรนฺตนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อนาถปิณฺฑิกสฺส สหายํ ปจฺจนฺตวาสิเสฏฺึ อารพฺภ กเถสิ. ทฺเวปิ วตฺถูนิ เอกกนิปาเต นวมวคฺคสฺส ปริโยสานชาตเก วิตฺถาริตาเนว. อิธ ปน ‘‘ปจฺจนฺตวาสิเสฏฺิโน มนุสฺสา อจฺฉินฺนสพฺพสาปเตยฺยา อตฺตโน สนฺตกสฺส อสฺสามิโน หุตฺวา ปลาตา’’ติ พาราณสิเสฏฺิสฺส อาโรจิเต พาราณสิเสฏฺิ ‘‘อตฺตโน สนฺติกํ อาคตานํ กตฺตพฺพํ อกโรนฺตา นาม ปฏิการเก น ลภนฺติเยวา’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –

๗๐.

‘‘หิรึ ตรนฺตํ วิชิคุจฺฉมานํ, ตวาหมสฺมี อิติ ภาสมานํ;

เสยฺยานิ กมฺมานิ อนาทิยนฺตํ, เนโส มมนฺติ อิติ นํ วิชฺา.

๗๑.

‘‘ยฺหิ กยิรา ตฺหิ วเท, ยํ น กยิรา น ตํ วเท;

อกโรนฺตํ ภาสมานํ, ปริชานนฺติ ปณฺฑิตา.

๗๒.

‘‘น โส มิตฺโต โย สทา อปฺปมตฺโต, เภทาสงฺกี รนฺธเมวานุปสฺสี;

ยสฺมิฺจ เสตี อุรสีว ปุตฺโต, ส เว มิตฺโต โย อเภชฺโช ปเรหิ.

๗๓.

‘‘ปาโมชฺชกรณํ านํ, ปสํสาวหนํ สุขํ;

ผลานิสํโส ภาเวติ, วหนฺโต โปริสํ ธุรํ.

๗๔.

‘‘ปวิเวกรสํ ปิตฺวา, รสํ อุปสมสฺส จ;

นิทฺทโร โหติ นิปฺปาโป, ธมฺมปฺปีติรสํ ปิว’’นฺติ.

ตตฺถ หิรึ ตรนฺตนฺติ ลชฺชํ อติกฺกนฺตํ. วิชิคุจฺฉมานนฺติ มิตฺตภาเวน ชิคุจฺฉยมานํ. ตวาหมสฺมีติ ‘‘ตว อหํ มิตฺโต’’ติ เกวลํ วจนมตฺเตเนว ภาสมานํ. เสยฺยานิ กมฺมานิติ ‘‘ทสฺสามิ กริสฺสามี’’ติ วจนสฺส อนุรูปานิ อุตฺตมกมฺมานิ. อนาทิยนฺตนฺติ อกโรนฺตํ. เนโส มมนฺติ เอวรูปํ ปุคฺคลํ ‘‘น เอโส มม มิตฺโต’’ติ วิชฺา.

ปาโมชฺชกรณํ านนฺติ ทานมฺปิ สีลมฺปิ ภาวนาปิ ปณฺฑิเตหิ กลฺยาณมิตฺเตหิ สทฺธึ มิตฺตภาโวปิ. อิธ ปน วุตฺตปฺปการํ มิตฺตภาวเมว สนฺธาเยวมาห. ปณฺฑิเตน หิ กลฺยาณมิตฺเตน สทฺธึ มิตฺตภาโว ปาโมชฺชมฺปิ กโรติ, ปสํสมฺปิ วหติ. อิธโลกปรโลเกสุ กายิกเจตสิกสุขเหตุโต ‘‘สุข’’นฺติปิ วุจฺจติ, ตสฺมา เอตํ ผลฺจ อานิสํสฺจ สมฺปสฺสมาโน ผลานิสํโส กุลปุตฺโต ปุริเสหิ วหิตพฺพํ ทานสีลภาวนามิตฺตภาวสงฺขาตํ จตุพฺพิธมฺปิ โปริสํ ธุรํ วหนฺโต เอตํ มิตฺตภาวสงฺขาตํ ปาโมชฺชกรณํ านํ ปสํสาวหนํ สุขํ ภาเวติ วฑฺเฒติ, น ปณฺฑิเตหิ มิตฺตภาวํ ภินฺทตีติ ทีเปติ.

ปวิเวกรสนฺติ กายจิตฺตอุปธิวิเวกานํ รสํ เต วิเวเก นิสฺสาย อุปฺปนฺนํ โสมนสฺสรสํ. อุปสมสฺส จาติ กิเลสูปสเมน ลทฺธโสมนสฺสสฺส. นิทฺทโร โหติ นิปฺปาโปติ สพฺพกิเลสทรถาภาเวน นิทฺทโร, กิเลสาภาเวน นิปฺปาโป โหติ. ธมฺมปฺปีติรสนฺติ ธมฺมปีติสงฺขาตํ รสํ, วิมุตฺติปีตึ ปิวนฺโตติ อตฺโถ.

อิติ มหาสตฺโต ปาปมิตฺตสํสคฺคโต อุพฺพิคฺโค ปวิเวกรเสน อมตมหานิพฺพานํ ปาเปตฺวา เทสนาย กูฏํ คณฺหิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ปจฺจนฺตวาสี อิทานิ ปจฺจนฺตวาสีเยว, ตทา พาราณสิเสฏฺิ อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

หิริชาตกวณฺณนา ตติยา.

[๓๖๔] ๔. ขชฺโชปนกชาตกวณฺณนา

๗๕-๗๙.

โก นุ สนฺตมฺหิ ปชฺโชเตติ อยํ ขชฺโชปนกปฺโห มหาอุมงฺเค วิตฺถารโต อาวิ ภวิสฺสติ.

ขชฺโชปนกชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.

[๓๖๕] ๕. อหิตุณฺฑิกชาตกวณฺณนา

ธุตฺโตมฺหีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ มหลฺลกภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ เหฏฺา สาลูกชาตเก (ชา. ๑.๓.๑๐๖ อาทโย) วิตฺถาริตํ. อิธาปิ โส มหลฺลโก เอกํ คามทารกํ ปพฺพาเชตฺวา อกฺโกสติ ปหรติ. ทารโก ปลายิตฺวา วิพฺภมิ. ทุติยมฺปิ นํ ปพฺพาเชตฺวา ตเถวากาสิ. ทุติยมฺปิ วิพฺภมิตฺวา ปุน ยาจิยมาโน โอโลเกตุมฺปิ น อิจฺฉิ. ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, อสุโก นาม มหลฺลโก อตฺตโน สามเณเรน สหาปิ วินาปิ วตฺติตุํ น สกฺโกติ, อิตโร ตสฺส โทสํ ทิสฺวา ปุน โอโลเกตุมฺปิ น อิจฺฉิ, สุหทโย กุมารโก’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปส สามเณโร สุหทโยว, สกึ โทสํ ทิสฺวา ปุน โอโลเกตุมฺปิ น อิจฺฉี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ธฺวาณิชกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ธฺวิกฺกเยน ชีวิกํ กปฺเปสิ. อเถโก อหิตุณฺฑิโก มกฺกฏํ คเหตฺวา สิกฺขาเปตฺวา อหึ กีฬาเปนฺโต พาราณสิยํ อุสฺสเว ฆุฏฺเ ตํ มกฺกฏํ ธฺวาณิชกสฺส สนฺติเก เปตฺวา อหึ กีฬาเปนฺโต สตฺต ทิวสานิ วิจริ. โสปิ วาณิโช มกฺกฏสฺส ขาทนียํ โภชนียํ อทาสิ. อหิตุณฺฑิโก สตฺตเม ทิวเส อุสฺสวกีฬนโต อาคนฺตฺวา ตํ มกฺกฏํ เวฬุเปสิกาย ติกฺขตฺตุํ ปหริตฺวา ตํ อาทาย อุยฺยานํ คนฺตฺวา พนฺธิตฺวา นิทฺทํ โอกฺกมิ. มกฺกโฏ พนฺธนํ โมเจตฺวา อมฺพรุกฺขํ อารุยฺห อมฺพานิ ขาทนฺโต นิสีทิ. โส ปพุทฺโธ รุกฺเข มกฺกฏํ ทิสฺวา ‘‘เอตํ มยา อุปลาเปตฺวา คเหตุํ วฏฺฏตี’’ติ เตน สทฺธึ สลฺลปนฺโต ปมํ คาถมาห –

๘๐.

‘‘ธุตฺโตมฺหิ สมฺม สุมุข, ชูเต อกฺขปราชิโต;

หเรหิ อมฺพปกฺกานิ, วีริยํ เต ภกฺขยามเส’’ติ.

ตตฺถ อกฺขปราชิโตติ อกฺเขหิ ปราชิโต. หเรหีติ ปาเตหิ. อยเมว วา ปาโ.

ตํ สุตฺวา มกฺกโฏ เสสคาถา อภาสิ –

๘๑.

‘‘อลิกํ วต มํ สมฺม, อภูเตน ปสํสสิ;

โก เต สุโต วา ทิฏฺโ วา, สุมุโข นาม มกฺกโฏ.

๘๒.

‘‘อชฺชาปิ เม ตํ มนสิ, ยํ มํ ตฺวํ อหิตุณฺฑิก;

ธฺาปณํ ปวิสิตฺวา, มตฺโต ฉาตํ หนาสิ มํ.

๘๓.

‘‘ตาหํ สรํ ทุกฺขเสยฺยํ, อปิ รชฺชมฺปิ การเย;

เนวาหํ ยาจิโต ทชฺชํ, ตถา หิ ภยตชฺชิโต.

๘๔.

‘‘ยฺจ ชฺา กุเล ชาตํ, คพฺเภ ติตฺตํ อมจฺฉรึ;

เตน สขิฺจ มิตฺตฺจ, ธีโร สนฺธาตุมรหตี’’ติ.

ตตฺถ อลิกํ วตาติ มุสา วต. อภูเตนาติ อวิชฺชมาเนน. โก เตติ กฺว ตยา. สุมุโขติ สุนฺทรมุโข. อหิตุณฺฑิกาติ ตํ อาลปติ. ‘‘อหิโกณฺฑิกา’’ติปิ ปาโ. ฉาตนฺติ ชิฆจฺฉาภิภูตํ ทุพฺพลํ กปณํ. หนาสีติ เวฬุเปสิกาย ติกฺขตฺตุํ ปหรสิ. ตาหนฺติ ตํ อหํ. สรนฺติ สรนฺโต. ทุกฺขเสยฺยนฺติ ตสฺมึ อาปเณ ทุกฺขสยนํ. อปิ รชฺชมฺปิ การเยติ สเจปิ พาราณสิรชฺชํ คเหตฺวา มยฺหํ ทตฺวา มํ รชฺชํ กาเรยฺยาสิ, เอวมฺปิ ตํ เนวาหํ ยาจิโต ทชฺชํ, ตํ เอกมฺปิ อมฺพปกฺกํ อหํ ตยา ยาจิโต น ทเทยฺยํ. กึการณา? ตถา หิ ภยตชฺชิโตติ, ตถา หิ อหํ ตยา ภเยน ตชฺชิโตติ อตฺโถ.

คพฺเภ ติตฺตนฺติ สุโภชนรเสน มาตุกุจฺฉิยํเยว อลงฺกตปฏิยตฺเต สยนคพฺเภเยว วา ติตฺตํ โภคาสาย อกปณํ. สขิฺจ มิตฺตฺจาติ สขิภาวฺจ มิตฺตภาวฺจ ตถารูเปน กุลชาเตน ติตฺเตน อกปเณน อมจฺฉรินา สทฺธึ ปณฺฑิโต สนฺธาตุํ ปุน ฆเฏตุํ อรหติ, ตยา ปน กปเณน อหิตุณฺฑิเกน สทฺธึ โก มิตฺตภาวํ ปุน ฆเฏตุนฺติ อตฺโถ. เอวฺจ ปน วตฺวา วานโร วนํ สหสา ปาวิสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา อหิตุณฺฑิโก มหลฺลโก อโหสิ, มกฺกโฏ สามเณโร, ธฺวาณิโช ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

อหิตุณฺฑิกชาตกวณฺณนา ปฺจมา.

[๓๖๖] ๖. คุมฺพิยชาตกวณฺณนา

มธุวณฺณํ มธุรสนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อุกฺกณฺิตภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. ตฺหิ สตฺถา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ อุกฺกณฺิโตสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจํ, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘กึ ทิสฺวา’’ติ วตฺวา ‘‘อลงฺกตมาตุคาม’’นฺติ วุตฺเต ‘‘ภิกฺขุ อิเม ปฺจ กามคุณา นาม เอเกน คุมฺพิเยน ยกฺเขน หลาหลวิสํ ปกฺขิปิตฺวา มคฺเค ปิตมธุสทิสา’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต สตฺถวาหกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต พาราณสิโต ปฺจหิ สกฏสเตหิ ภณฺฑํ อาทาย โวหารตฺถาย คจฺฉนฺโต มหาวตฺตนิอฏวิทฺวารํ ปตฺวา สตฺถเก สนฺนิปาตาเปตฺวา ‘‘อมฺโภ, อิมสฺมึ มคฺเค วิสปณฺณปุปฺผผลาทีนิ อตฺถิ, ตุมฺเห กิฺจิ อขาทิตปุพฺพํ ขาทนฺตา มํ อปุจฺฉิตฺวา มา ขาทิตฺถ, อมนุสฺสาปิ วิสํ ปกฺขิปิตฺวา ภตฺตปุฏมธุกผลานิ มคฺเค เปนฺติ, ตานิปิ มํ อนาปุจฺฉิตฺวา มา ขาทิตฺถา’’ติ โอวาทํ ทตฺวา มคฺคํ ปฏิปชฺชิ. อเถโก คุมฺพิโย นาม ยกฺโข อฏวิยา มชฺฌฏฺาเน มคฺเค ปณฺณานิ อตฺถริตฺวา หลาหลวิสสํยุตฺตานิ มธุปิณฺฑานิ เปตฺวา สยํ มคฺคสามนฺเต มธุํ คณฺหนฺโต วิย รุกฺเข โกฏฺเฏนฺโต วิจรติ. อชานนฺตา ‘‘ปุฺตฺถาย ปิตานิ ภวิสฺสนฺตี’’ติ ขาทิตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาปุณนฺติ. อมนุสฺสา อาคนฺตฺวา เต ขาทนฺติ. โพธิสตฺตสฺส สตฺถกมนุสฺสาปิ ตานิ ทิสฺวา เอกจฺเจ โลลชาติกา อธิวาเสตุํ อสกฺโกนฺตา ขาทึสุ, ปณฺฑิตชาติกา ‘‘ปุจฺฉิตฺวา ขาทิสฺสามา’’ติ คเหตฺวา อฏฺํสุ. โพธิสตฺโต เต ทิสฺวา หตฺถคตานิ ฉฑฺฑาเปสิ, เยหิ ปมตรํ ขาทิตานิ, เต มรึสุ. เยหิ อฑฺฒขาทิตานิ, เตสํ วมนวิเรจนํ ทตฺวา วนฺตกาเล จตุมธุรํ อทาสิ. อิติ เต ตสฺส อานุภาเวน ชีวิตํ ปฏิลภึสุ. โพธิสตฺโต โสตฺถินา อิจฺฉิตฏฺานํ คนฺตฺวา ภณฺฑํ วิสฺสชฺเชตฺวา อตฺตโน เคหเมว อคมาสิ. ตมตฺถํ กเถนฺโต สตฺถา อิมา อภิสมฺพุทฺธคาถา อภาสิ –

๘๕.

‘‘มธุวณฺณํ มธุรสํ, มธุคนฺธํ วิสํ อหุ;

คุมฺพิโย ฆาสเมสาโน, อรฺเ โอทหี วิสํ.

๘๖.

‘‘มธุ อิติ มฺมานา, เย ตํ วิสมขาทิสุํ;

เตสํ ตํ กฏุกํ อาสิ, มรณํ เตนุปาคมุํ.

๘๗.

‘‘เย จ โข ปฏิสงฺขาย, วิสํ ตํ ปริวชฺชยุํ;

เต อาตุเรสุ สุขิตา, ฑยฺหมาเนสุ นิพฺพุตา.

๘๘.

‘‘เอวเมว มนุสฺเสสุ, วิสํ กามา สโมหิตา;

อามิสํ พนฺธนฺเจตํ, มจฺจุเวโส คุหาสโย.

๘๙.

‘‘เอวเมว อิเม กาเม, อาตุรา ปริจาริเก;

เย สทา ปริวชฺเชนฺติ, สงฺคํ โลเก อุปจฺจคุ’’นฺติ.

ตตฺถ คุมฺพิโยติ ตสฺมึ วนคุมฺเพ วิจรเณน เอวํลทฺธนาโม ยกฺโข. ฆาสเมสาโนติ ‘‘ตํ วิสํ ขาทิตฺวา มเต ขาทิสฺสามี’’ติ เอวํ อตฺตโน ฆาสํ ปริเยสนฺโต. โอทหีติ ตํ มธุนา สมานวณฺณคนฺธรสํ วิสํ นิกฺขิปิ. กฏุกํ อาสีติ ติขิณํ อโหสิ. มรณํ เตนุปาคมุนฺติ เตน วิเสน เต สตฺตา มรณํ อุปคตา.

อาตุเรสูติ วิสเวเคน อาสนฺนมรเณสุ. ฑยฺหมาเนสูติ วิสเตเชเนว ฑยฺหมาเนสุ. วิสํ กามา สโมหิตาติ ยถา ตสฺมึ วตฺตนิมหามคฺเค วิสํ สโมหิตํ นิกฺขิตฺตํ, เอวํ มนุสฺเสสุปิ เย เอเต รูปาทโย ปฺจ วตฺถุกามา ตตฺถ ตตฺถ สโมหิตา นิกฺขิตฺตา, เต ‘‘วิส’’นฺติ เวทิตพฺพา. อามิสํ พนฺธนฺเจตนฺติ เอเต ปฺจ กามคุณา นาม เอวํ อิมสฺส มจฺฉภูตสฺส โลกสฺส มารพาลิสิเกน ปกฺขิตฺตํ อามิสฺเจว, ภวาภวโต นิกฺขมิตุํ อปฺปทาเนน อนฺทุอาทิปฺปเภทํ นานปฺปการํ พนฺธนฺจ. มจฺจุเวโส คุหาสโยติ สรีรคุหาย วสนโก มรณมจฺจุเวโส.

เอวเมว อิเม กาเมติ ยถา วตฺตนิมหามคฺเค วิสํ นิกฺขิตฺตํ, เอวํ ตตฺถ ตตฺถ นิกฺขิตฺเต อิเม กาเม. อาตุราติ เอกนฺตมรณธมฺมตาย อาตุรา อาสนฺนมรณา ปณฺฑิตมนุสฺสา. ปริจาริเกติ กิเลสปริจาริเก กิเลสพนฺธเก. เย สทา ปริวชฺเชนฺตีติ เย วุตฺตปฺปการา ปณฺฑิตปุริสา นิจฺจํ เอวรูเป กาเม วชฺเชนฺติ. สงฺคํ โลเกติ โลเก สงฺคนฏฺเน ‘‘สงฺค’’นฺติ ลทฺธนามํ ราคาทิเภทํ กิเลสชาตํ. อุปจฺจคุนฺติ อตีตา นามาติ เวทิตพฺพา, อติกฺกมนฺตีติ วา อตฺโถ.

สตฺถา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺิตภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ตทา สตฺถวาโห อหเมว อโหสินฺติ.

คุมฺพิยชาตกวณฺณนา ฉฏฺา.

[๓๖๗] ๗. สาฬิยชาตกวณฺณนา

ยฺวายํ สาฬิยฉาโปตีติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต ‘‘อาวุโส, เทวทตฺโต ตาสการโกปิ ภวิตุํ นาสกฺขี’’ติ วจนํ อารพฺภ กเถสิ. ตทา หิ สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปส มม ตาสการโกปิ ภวิตุํ นาสกฺขี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต คามเก กุฏุมฺพิกกุเล นิพฺพตฺติตฺวา ตรุณกาเล ปํสุกีฬเกหิ ทารเกหิ สทฺธึ คามทฺวาเร นิคฺโรธรุกฺขมูเล กีฬติ. ตทา เอโก ทุพฺพลเวชฺโช คาเม กิฺจิ อลภิตฺวา นิกฺขมนฺโต ตํ านํ ปตฺวา เอกํ สปฺปํ วิฏปพฺภนฺตเรน สีสํ นีหริตฺวา นิทฺทายนฺตํ ทิสฺวา ‘‘มยา คาเม กิฺจิ น ลทฺธํ, อิเม ทารเก วฺเจตฺวา สปฺเปน ฑํสาเปตฺวา ติกิจฺฉิตฺวา กิฺจิเทว คณฺหิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา โพธิสตฺตํ อาห ‘‘สเจ สาฬิยฉาปํ ปสฺเสยฺยาสิ, คณฺเหยฺยาสี’’ติ. ‘‘อาม, คณฺเหยฺย’’นฺติ. ‘‘ปสฺเสโส วิฏปพฺภนฺตเร สยิโต’’ติ. โส ตสฺส สปฺปภาวํ อชานนฺโต รุกฺขํ อารุยฺห ตํ คีวายํ คเหตฺวา ‘‘สปฺโป’’ติ ตฺวา นิวตฺติตุํ อเทนฺโต สุคฺคหิตํ คเหตฺวา เวเคน ขิปิ. โส คนฺตฺวา เวชฺชสฺส คีวายํ ปติโต คีวํ ปลิเวเตฺวา ‘‘กร กรา’’ติ ฑํสิตฺวา ตตฺเถว นํ ปาเตตฺวา ปลายิ. มนุสฺสา ปริวารยึสุ.

มหาสตฺโต สมฺปตฺตปริสาย ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –

๙๐.

‘‘ยฺวายํ สาฬิยฉาโปติ, กณฺหสปฺปํ อคาหยิ;

เตน สปฺเปนยํ ทฏฺโ, หโต ปาปานุสาสโก.

๙๑.

‘‘อหนฺตารมหนฺตารํ, โย นโร หนฺตุมิจฺฉติ;

เอวํ โส นิหโต เสติ, ยถายํ ปุริโส หโต.

๙๒.

‘‘อหนฺตารมฆาเตนฺตํ, โย นโร หนฺตุมิจฺฉติ;

เอวํ โส นิหโต เสติ, ยถายํ ปุริโส หโต.

๙๓.

‘‘ยถา ปํสุมุฏฺึ ปุริโส, ปฏิวาตํ ปฏิกฺขิเป;

ตเมว โส รโช หนฺติ, ตถายํ ปุริโส หโต.

๙๔.

‘‘โย อปฺปทุฏฺสฺส นรสฺส ทุสฺสติ, สุทฺธสฺส โปสสฺส อนงฺคณสฺส;

ตเมว พาลํ ปจฺเจติ ปาปํ, สุขุโม รโช ปฏิวาตํว ขิตฺโต’’ติ.

ตตฺถ ยฺวายนฺติ โย อยํ, อยเมว วา ปาโ. สปฺเปนยนฺติ โส อยํ เตน สปฺเปน ทฏฺโ. ปาปานุสาสโกติ ปาปกํ อนุสาสโก.

อหนฺตารนฺติ อปหรนฺตํ. อหนฺตารนฺติ อมาเรนฺตํ. เสตีติ มตสยนํ สยติ. อฆาเตนฺตนฺติ อมาเรนฺตํ. สุทฺธสฺสาติ นิรปราธสฺส. โปสสฺสาติ สตฺตสฺส. อนงฺคณสฺสาติ อิทมฺปิ นิรปราธภาวฺเว สนฺธาย วุตฺตํ. ปจฺเจตีติ กมฺมสริกฺขกํ หุตฺวา ปติเอติ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ทุพฺพลเวชฺโช เทวทตฺโต อโหสิ, ปณฺฑิตทารโก ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

สาฬิยชาตกวณฺณนา สตฺตมา.

[๓๖๘] ๘. ตจสารชาตกวณฺณนา

อมิตฺตหตฺถตฺถคตาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปฺาปารมึ อารพฺภ กเถสิ. ตทา หิ สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ ตถาคโต ปฺวา อุปายกุสโลเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต คามเก กุฏุมฺพิกกุเล นิพฺพตฺติตฺวาติ สพฺพํ ปุริมชาตกนิยาเมเนว กเถตพฺพํ. อิธ ปน เวชฺเช มเต คามวาสิโน มนุสฺสา ‘‘มนุสฺสมารกา’’ติ เต ทารเก กุทณฺฑเกหิ พนฺธิตฺวา ‘‘รฺโ ทสฺเสสฺสามา’’ติ พาราณสึ นยึสุ. โพธิสตฺโต อนฺตรามคฺเคเยว เสสทารกานํ โอวาทํ อทาสิ ‘‘ตุมฺเห มา ภายถ, ราชานํ ทิสฺวาปิ อภีตา ตุฏฺินฺทฺริยา ภเวยฺยาถ, ราชา อมฺเหหิ สทฺธึ ปมตรํ กเถสฺสติ, ตโต ปฏฺาย อหํ ชานิสฺสามี’’ติ. เต ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตถา กรึสุ. ราชา เต อภีเต ตุฏฺินฺทฺริเย ทิสฺวา ‘‘อิเม ‘มนุสฺสมารกา’ติ กุทณฺฑกพทฺธา อานีตา, เอวรูปํ ทุกฺขํ ปตฺตาปิ น ภายนฺติ, ตุฏฺินฺทฺริยาเยว, กึ นุ โข เอเตสํ อโสจนการณํ, ปุจฺฉิสฺสามิ เน’’ติ ปุจฺฉนฺโต ปมํ คาถมาห –

๙๕.

‘‘อมิตฺตหตฺถตฺถคตา, ตจสารสมปฺปิตา;

ปสนฺนมุขวณฺณาตฺถ, กสฺมา ตุมฺเห น โสจถา’’ติ.

ตตฺถ อมิตฺตหตฺถตฺถคตาติ กุทณฺฑเกหิ คีวายํ พนฺธิตฺวา อาเนนฺตานํ อมิตฺตานํ หตฺถคตา. ตจสารสมปฺปิตาติ เวฬุทณฺฑเกหิ พทฺธตฺตา เอวมาห. กสฺมาติ ‘‘เอวรูปํ พฺยสนํ ปตฺตาปิ ตุมฺเห กึการณา น โสจถา’’ติ ปุจฺฉติ.

ตํ สุตฺวา โพธิสตฺโต เสสคาถา อภาสิ –

๙๖.

‘‘น โสจนาย ปริเทวนาย, อตฺโถว ลพฺโภ อปิ อปฺปโกปิ;

โสจนฺตเมนํ ทุขิตํ วิทิตฺวา, ปจฺจตฺถิกา อตฺตมนา ภวนฺติ.

๙๗.

‘‘ยโต จ โข ปณฺฑิโต อาปทาสุ, น เวธตี อตฺถวินิจฺฉยฺู;

ปจฺจตฺถิกาสฺส ทุขิตา ภวนฺติ, ทิสฺวา มุขํ อวิการํ ปุราณํ.

๙๘.

‘‘ชปฺเปน มนฺเตน สุภาสิเตน, อนุปฺปทาเนน ปเวณิยา วา;

ยถา ยถา ยตฺถ ลเภถ อตฺถํ, ตถา ตถา ตตฺถ ปรกฺกเมยฺย.

๙๙.

‘‘ยโต จ ชาเนยฺย อลพฺภเนยฺโย, มยาว อฺเน วา เอส อตฺโถ;

อโสจมาโน อธิวาสเยยฺย, กมฺมํ ทฬฺหํ กินฺติ กโรมิ ทานี’’ติ.

ตตฺถ อตฺโถติ วุฑฺฒิ. ปจฺจตฺถิกา อตฺตมนาติ เอตํ ปุริสํ โสจนฺตํ ทุกฺขิตํ วิทิตฺวา ปจฺจามิตฺตา ตุฏฺจิตฺตา โหนฺติ. เตสํ ตุสฺสนการณํ นาม ปณฺฑิเตน กาตุํ น วฏฺฏตีติ ทีเปติ. ยโตติ ยทา. น เวธตีติ จิตฺตุตฺราสภเยน น กมฺปติ. อตฺถวินิจฺฉยฺูติ ตสฺส ตสฺส อตฺถสฺส วินิจฺฉยกุสโล.

ชปฺเปนาติ มนฺตปริชปฺปเนน. มนฺเตนาติ ปณฺฑิเตหิ สทฺธึ มนฺตคฺคหเณน. สุภาสิเตนาติ ปิยวจเนน. อนุปฺปทาเนนาติ ลฺชทาเนน. ปเวณิยาติ กุลวํเสน. อิทํ วุตฺตํ โหติ – มหาราช, ปณฺฑิเตน นาม อาปทาสุ อุปฺปนฺนาสุ น โสจิตพฺพํ น กิลมิตพฺพํ, อิเมสุ ปน ปฺจสุ การเณสุ อฺตรวเสน ปจฺจามิตฺตา ชินิตพฺพา. สเจ หิ สกฺโกติ, มนฺตํ ปริชปฺปิตฺวา มุขพนฺธนํ กตฺวาปิ เต ชินิตพฺพา, ตถา อสกฺโกนฺเตน ปณฺฑิเตหิ สทฺธึ มนฺเตตฺวา เอกํ อุปายํ สลฺลกฺเขตฺวา ชินิตพฺพา, ปิยวจนํ วตฺตุํ สกฺโกนฺเตน ปิยํ วตฺวาปิ เต ชินิตพฺพา, ตถา อสกฺโกนฺเตน วินิจฺฉยามจฺจานํ ลฺชํ ทตฺวาปิ ชินิตพฺพา, ตถา อสกฺโกนฺเตน กุลวํสํ กเถตฺวา ‘‘มยํ อสุกปเวณิยา อาคตา, ตุมฺหากฺจ อมฺหากฺจ เอโกว ปุพฺพปุริโส’’ติ เอวํ วิชฺชมานาติโกฏึ ฆเฏตฺวาปิ ชินิตพฺพา เอวาติ. ยถา ยถาติ เอเตสุ ปฺจสุ การเณสุ เยน เยน การเณน ยตฺถ ยตฺถ อตฺตโน วุฑฺฒึ ลเภยฺย. ตถา ตถาติ เตน เตน การเณน ตตฺถ ตตฺถ ปรกฺกเมยฺย, ปรกฺกมํ กตฺวา ปจฺจตฺถิเก ชิเนยฺยาติ อธิปฺปาโย.

ยโต จ ชาเนยฺยาติ ยทา ปน ชาเนยฺย, มยา วา อฺเน วา เอส อตฺโถ อลพฺภเนยฺโย นานปฺปกาเรน วายมิตฺวาปิ น สกฺกา ลทฺธุํ, ตทา ปณฺฑิโต ปุริโส อโสจมาโน อกิลมมาโน ‘‘มยา ปุพฺเพ กตกมฺมํ ทฬฺหํ ถิรํ น สกฺกา ปฏิพาหิตุํ, อิทานิ กึ สกฺกา กาตุ’’นฺติ อธิวาสเยยฺยาติ.

ราชา โพธิสตฺตสฺส ธมฺมกถํ สุตฺวา กมฺมํ โสเธตฺวา นิทฺโทสภาวํ ตฺวา กุทณฺฑเก หราเปตฺวา มหาสตฺตสฺส มหนฺตํ ยสํ ทตฺวา อตฺตโน อตฺถธมฺมอนุสาสกํ อมจฺจรตนํ อกาสิ, เสสทารกานมฺปิ ยสํ ทตฺวา านนฺตรานิ อทาสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ ‘‘ตทา พาราณสิราชา อานนฺโท อโหสิ, ทารกา เถรานุเถรา, ปณฺฑิตทารโก ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

ตจสารชาตกวณฺณนา อฏฺมา.

[๓๖๙] ๙. มิตฺตวินฺทกชาตกวณฺณนา

กฺยาหํ เทวานมกรนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ ทุพฺพจภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ มหามิตฺตวินฺทกชาตเก (ชา. ๑.๕.๑๐๐ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติ. อยํ ปน มิตฺตวินฺทโก สมุทฺเท ขิตฺโต อตฺริจฺโฉ หุตฺวา ปุรโต คนฺตฺวา เนรยิกสตฺตานํ ปจฺจนฏฺานํ อุสฺสทนิรยํ ทิสฺวา ‘‘เอกํ นคร’’นฺติ สฺาย ปวิสิตฺวา ขุรจกฺกํ อสฺสาเทสิ. ตทา โพธิสตฺโต เทวปุตฺโต หุตฺวา อุสฺสทนิรยจาริกํ จรติ. โส ตํ ทิสฺวา ปุจฺฉนฺโต ปมํ คาถมาห –

๑๐๐.

‘‘กฺยาหํ เทวานมกรํ, กึ ปาปํ ปกตํ มยา;

ยํ เม สิรสฺมึ โอหจฺจ, จกฺกํ ภมติ มตฺถเก’’ติ.

ตตฺถ กฺยาหํ เทวานมกรนฺติ สามิ เทวปุตฺต, กึ นาม อหํ เทวานํ อกรึ, กึ มํ เทวา โปเถนฺตีติ. กึ ปาปํ ปกตํ มยาติ ทุกฺขมหนฺตตาย เวทนาปฺปตฺโต อตฺตนา กตํ ปาปํ อสลฺลกฺเขนฺโต เอวมาห. ยํ เมติ เยน ปาเปน มม สิรสฺมึ โอหจฺจ โอหนิตฺวา อิทํ ขุรจกฺกํ มม มตฺถเก ภมติ, ตํ กึ นามาติ?

ตํ สุตฺวา โพธิสตฺโต ทุติยํ คาถมาห –

๑๐๑.

‘‘อติกฺกมฺม รมณกํ, สทามตฺตฺจ ทูภกํ;

พฺรหฺมตฺตรฺจ ปาสาทํ, เกนตฺเถน อิธาคโต’’ติ.

ตตฺถ รมณกนฺติ ผลิกปาสาทํ. สทามตฺตนฺติ รชตปาสาทํ. ทูภกนฺติ มณิปาสาทํ. พฺรหฺมตฺตรฺจ ปาสาทนฺติ สุวณฺณปาสาทฺจ. เกนตฺเถนาติ ตฺวํ เอเตสุ รมณกาทีสุ จตสฺโส อฏฺ โสฬส ทฺวตฺตึสาติ เอตา เทวธีตโร ปหาย เต ปาสาเท อติกฺกมิตฺวา เกน การเณน อิธ อาคโตติ.

ตโต มิตฺตวินฺทโก ตติยํ คาถมาห –

๑๐๒.

‘‘อิโต พหุตรา โภคา, อตฺร มฺเ ภวิสฺสเร;

อิติ เอตาย สฺาย, ปสฺส มํ พฺยสนํ คต’’นฺติ.

ตตฺถ อิโต พหุตราติ อิเมสุ จตูสุ ปาสาเทสุ โภเคหิ อติเรกตรา ภวิสฺสนฺติ.

ตโต โพธิสตฺโต เสสคาถา อภาสิ –

๑๐๓.

‘‘จตุพฺภิ อฏฺชฺฌคมา, อฏฺาหิปิ จ โสฬส;

โสฬสาหิ จ พาตฺตึส, อตฺริจฺฉํ จกฺกมาสโท;

อิจฺฉาหตสฺส โปสสฺส, จกฺกํ ภมติ มตฺถเก.

๑๐๔.

‘‘อุปริวิสาลา ทุปฺปูรา, อิจฺฉา วิสฏคามินี;

เย จ ตํ อนุคิชฺฌนฺติ, เต โหนฺติ จกฺกธาริโน’’ติ.

ตตฺถ อุปริวิสาลาติ มิตฺตวินฺทก ตณฺหา นาเมสา อาเสวิยมานา อุปริวิสาลา โหติ ปตฺถฏา, มหาสมุทฺโท วิย ทุปฺปูรา, รูปาทีสุ อารมฺมเณสุ ตํ ตํ อารมฺมณํ อิจฺฉมานาย อิจฺฉาย ปตฺถฏาย วิสฏคามินี, ตสฺมา เย ปุริสา ตํ เอวรูปํ ตณฺหํ อนุคิชฺฌนฺติ, ปุนปฺปุนํ คิทฺธา หุตฺวา คณฺหนฺติ. เต โหนฺติ จกฺกธาริโนติ เต เอตํ ขุรจกฺกํ ธาเรนฺตีติ วทติ.

มิตฺตวินฺทกํ ปน กเถนฺตเมว นิปิสมานํ ตํ ขุรจกฺกํ ภสฺสิ, เตน โส ปุน กเถตุํ นาสกฺขิ. เทวปุตฺโต อตฺตโน เทวฏฺานเมว คโต.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา มิตฺตวินฺทโก ทุพฺพจภิกฺขุ อโหสิ, เทวปุตฺโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

มิตฺตวินฺทกชาตกวณฺณนา นวมา.

[๓๗๐] ๑๐. ปลาสชาตกวณฺณนา

หํโส ปลาสมวจาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต กิเลสนิคฺคหํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ ปฺาสชาตเก อาวิ ภวิสฺสติ. อิธ ปน สตฺถา ภิกฺขู อามนฺเตตฺวา ‘‘ภิกฺขเว, กิเลโส นาม อาสงฺกิตพฺโพว, อปฺปมตฺตโก สมาโนปิ นิคฺโรธคจฺโฉ วิย วินาสํ ปาเปติ, โปราณกปณฺฑิตาปิ อาสงฺกิตพฺพํ อาสงฺกึสุเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต สุวณฺณหํสโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต จิตฺตกูฏปพฺพเต สุวณฺณคุหายํ วสนฺโต หิมวนฺตปเทเส ชาตสฺสเร สยํชาตสาลึ ขาทิตฺวา อาคจฺฉติ. ตสฺส คมนาคมนมคฺเค มหาปลาสรุกฺโข อโหสิ. โส คจฺฉนฺโตปิ ตตฺถ วิสฺสมิตฺวา คจฺฉติ, อาคจฺฉนฺโตปิ ตตฺถ วิสฺสมิตฺวา อาคจฺฉติ. อถสฺส ตสฺมึ รุกฺเข นิพฺพตฺตเทวตาย สทฺธึ วิสฺสาโส อโหสิ. อปรภาเค เอกา สกุณิกา เอกสฺมึ นิคฺโรธรุกฺเข นิคฺโรธปกฺกํ ขาทิตฺวา อาคนฺตฺวา ตสฺมึ ปลาสรุกฺเข นิสีทิตฺวา วิฏปนฺตเร วจฺจํ ปาเตสิ. ตตฺถ นิคฺโรธคจฺโฉ ชาโต, โส จตุรงฺคุลมตฺตกาเล รตฺตงฺกุรปลาสตาย โสภติ. หํสราชา ตํ ทิสฺวา รุกฺขเทวตํ อามนฺเตตฺวา ‘‘สมฺม ปลาส, นิคฺโรโธ นาม ยมฺหิ รุกฺเข ชายติ, วฑฺฒนฺโต ตํ นาเสติ, อิมสฺส วฑฺฒิตุํ มา เทติ, วิมานํ เต นาเสสฺสติ, ปฏิกจฺเจว นํ อุทฺธริตฺวา ฉฑฺเฑหิ, อาสงฺกิตพฺพยุตฺตกํ นาม อาสงฺกิตุํ วฏฺฏตี’’ติ ปลาสเทวตาย สทฺธึ มนฺเตนฺโต ปมํ คาถมาห –

๑๐๕.

‘‘หํโส ปลาสมวจ, นิคฺโรโธ สมฺม ชายติ;

องฺกสฺมึ เต นิสินฺโนว, โส เต มมฺมานิ เฉจฺฉตี’’ติ.

ปมปาโท ปเนตฺถ อภิสมฺพุทฺเธน หุตฺวา สตฺถารา วุตฺโต. ปลาสนฺติ ปลาสเทวตํ. สมฺมาติ วยสฺส. องฺกสฺมินฺติ วิฏภิยํ. โส เต มมฺมานิ เฉจฺฉตีติ โส เต องฺเก สํวฑฺโฒ สปตฺโต วิย ชีวิตํ ฉินฺทิสฺสตีติ อตฺโถ. ชีวิตสงฺขารา หิ อิธ ‘‘มมฺมานี’’ติ วุตฺตา.

ตํ สุตฺวา ตสฺส วจนํ อคณฺหนฺตี ปลาสเทวตา ทุติยํ คาถมาห –

๑๐๖.

‘‘วฑฺฒตาเมว นิคฺโรโธ, ปติฏฺสฺส ภวามหํ;

ยถา ปิตา จ มาตา จ, เอวํ เม โส ภวิสฺสตี’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – สมฺม, น ตฺวํ ชานาสิ วฑฺฒตเมว เอส, อหมสฺส ยถา พาลกาเล ปุตฺตานํ มาตาปิตโร ปติฏฺา โหนฺติ, ตถา ภวิสฺสามิ, ยถา ปน สํวฑฺฒา ปุตฺตา ปจฺฉา มหลฺลกกาเล มาตาปิตูนํ ปติฏฺา โหนฺติ, มยฺหมฺปิ ปจฺฉา มหลฺลกกาเล เอวเมว โส ปติฏฺโ ภวิสฺสตีติ.

ตโต หํโส ตติยํ คาถมาห –

๑๐๗.

‘‘ยํ ตฺวํ องฺกสฺมึ วฑฺเฒสิ, ขีรรุกฺขํ ภยานกํ;

อามนฺต โข ตํ คจฺฉาม, วุฑฺฒิ มสฺส น รุจฺจตี’’ติ.

ตตฺถ ยํ ตฺวนฺติ ยสฺมา ตฺวํ เอตฺจ ภยทายกตฺเตน ภยานกํ ขีรรุกฺขํ สปตฺตํ วิย องฺเก วฑฺเฒสิ. อามนฺต โข ตนฺติ ตสฺมา มยํ ตํ อามนฺเตตฺวา ชานาเปตฺวา คจฺฉาม. วุฑฺฒิ มสฺสาติ อสฺส วุฑฺฒิ มยฺหํ น รุจฺจตีติ.

เอวฺจ ปน วตฺวา หํสราชา ปกฺเข ปสาเรตฺวา จิตฺตกูฏปพฺพตเมว คโต. ตโต ปฏฺาย ปุน นาคจฺฉิ. อปรภาเค นิคฺโรโธ วฑฺฒึ, ตสฺมึ เอกา รุกฺขเทวตาปิ นิพฺพตฺติ. โส วฑฺฒนฺโต ปลาสํ ภฺชิ, สาขาหิ สทฺธึเยว เทวตาย วิมานํ ปติ. สา ตสฺมึ กาเล หํสรฺโ วจนํ สลฺลกฺเขตฺวา ‘‘อิทํ อนาคตภยํ ทิสฺวา หํสราชา กเถสิ, อหํ ปนสฺส วจนํ นากาสิ’’นฺติ ปริเทวมานา จตุตฺถํ คาถมาห –

๑๐๘.

‘‘อิทานิ โข มํ ภาเยติ, มหาเนรุนิทสฺสนํ;

หํสสฺส อนภิฺาย, มหา เม ภยมาคต’’นฺติ.

ตตฺถ อิทานิ โข มํ ภาเยตีติ อยํ นิคฺโรโธ ตรุณกาเล โตเสตฺวา อิทานิ มํ ภายาเปติ สนฺตาเสติ. มหาเนรุนิทสฺสนนฺติ สิเนรุปพฺพตสทิสํ มหนฺตํ หํสราชสฺส วจนํ สุตฺวา อชานิตฺวา ตรุณกาเลเยว เอตสฺส อนุทฺธฏตฺตา. มหา เม ภยมาคตนฺติ อิทานิ มยฺหํ มหนฺตํ ภยํ อาคตนฺติ ปริเทวิ.

นิคฺโรโธปิ วฑฺฒนฺโต สพฺพํ ปลาสํ ภฺชิตฺวา ขาณุกมตฺตเมว อกาสิ. เทวตาย วิมานํ สพฺพํ อนฺตรธายิ.

๑๐๙.

‘‘น ตสฺส วุฑฺฒิ กุสลปฺปสตฺถา, โย วฑฺฒมาโน ฆสเต ปติฏฺํ;

ตสฺสูปโรธํ ปริสงฺกมาโน, ปตารยี มูลวธาย ธีโร’’ติ. –

ปฺจมา อภิสมฺพุทฺธคาถา.

ตตฺถ กุสลปฺปสตฺถาติ กุสเลหิ ปสตฺถา. ฆสเตติ ขาทติ, วินาเสตีติ อตฺโถ. ปตารยีติ ปตรติ วายมติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ภิกฺขเว, โย วฑฺฒมาโน อตฺตโน ปติฏฺํ นาเสติ, ตสฺส วุฑฺฒิ ปณฺฑิเตหิ น ปสตฺถา, ตสฺส ปน อพฺภนฺตรสฺส วา พาหิรสฺส วา ปริสฺสยสฺส ‘‘อิโต เม อุปโรโธ ภวิสฺสตี’’ติ เอวํ อุปโรธํ วินาสํ ปริสงฺกมาโน วีโร าณสมฺปนฺโน มูลวธาย ปรกฺกมตีติ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน ปฺจสตา ภิกฺขู อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. ตทา สุวณฺณหํโส อหเมว อโหสินฺติ.

ปลาสชาตกวณฺณนา ทสมา.

วณฺณาโรหวคฺโค ทุติโย.

๓. อฑฺฒวคฺโค

[๓๗๑] ๑. ทีฆีติโกสลชาตกวณฺณนา

เอวํภูตสฺส เต ราชาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โกสมฺพเก ภณฺฑนการเก อารพฺภ กเถสิ. เตสฺหิ เชตวนํ อาคนฺตฺวา ขมาปนกาเล สตฺถา เต อามนฺเตตฺวา ‘‘ภิกฺขเว, ตุมฺเห มยฺหํ โอรสา มุขโต ชาตา ปุตฺตา นาม, ปุตฺเตหิ จ ปิตรา ทินฺนํ โอวาทํ ภินฺทิตุํ น วฏฺฏติ, ตุมฺเห ปน มม โอวาทํ น กริตฺถ, โปราณกปณฺฑิตา อตฺตโน มาตาปิตโร ฆาเตตฺวา รชฺชํ คเหตฺวา ิตโจเรปิ อรฺเ หตฺถปถํ อาคเต มาตาปิตูหิ ทินฺนํ โอวาทํ น ภินฺทิสฺสามาติ น มารยึสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อิมสฺมึ ปน ชาตเก ทฺเวปิ วตฺถูนิ. สงฺฆเภทกกฺขนฺธเก วิตฺถารโต อาวิ ภวิสฺสนฺติ. โส ปน ทีฆาวุกุมาโร อรฺเ อตฺตโน องฺเก นิปนฺนํ พาราณสิราชานํ จูฬาย คเหตฺวา ‘‘อิทานิ มยฺหํ มาตาปิตุฆาตกํ โจรํ ขณฺฑาขณฺฑํ กตฺวา ฉินฺทิสฺสามี’’ติ อสึ อุกฺขิปนฺโต ตสฺมึ ขเณ มาตาปิตูหิ ทินฺนํ โอวาทํ สริตฺวา ‘‘ชีวิตํ จชนฺโตปิ เตสํ โอวาทํ น ภินฺทิสฺสามิ, เกวลํ อิมํ ตชฺเชสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ปมํ คาถมาห –

๑๑๐.

‘‘เอวํภูตสฺส เต ราช, อาคตสฺส วเส มม;

อตฺถิ นุ โกจิ ปริยาโย, โย ตํ ทุกฺขา ปโมจเย’’ติ.

ตตฺถ วเส มมาติ มม วสํ อาคตสฺส. ปริยาโยติ การณํ.

ตโต ราชา ทุติยํ คาถมาห –

๑๑๑.

‘‘เอวํภูตสฺส เม ตาต, อาคตสฺส วเส ตว;

นตฺถิ โน โกจิ ปริยาโย, โย มํ ทุกฺขา ปโมจเย’’ติ.

ตตฺถ โนติ นิปาตมตฺถํ, นตฺถิ โกจิ ปริยาโย, โย มํ เอตสฺมา ทุกฺขา ปโมจเยติ อตฺโถ.

ตโต โพธิสตฺโต อวเสสคาถา อภาสิ –

๑๑๒.

‘‘นาฺํ สุจริตํ ราช, นาฺํ ราช สุภาสิตํ;

ตายเต มรณกาเล, เอวเมวิตรํ ธนํ.

๑๑๓.

‘‘อกฺโกจฺฉิ มํ อวธิ มํ, อชินิ มํ อหาสิ เม;

เย จ ตํ อุปนยฺหนฺติ, เวรํ เตสํ น สมฺมติ.

๑๑๔.

‘‘อกฺโกจฺฉิ มํ อวธิ มํ, อชินิ มํ อหาสิ เม;

เย จ ตํ นุปนยฺหนฺติ, เวรํ เตสูปสมฺมติ.

๑๑๕.

‘‘น หิ เวเรน เวรานิ, สมฺมนฺตีธ กุทาจนํ;

อเวเรน จ สมฺมนฺติ, เอส ธมฺโม สนนฺตโน’’นฺติ.

ตตฺถ นาฺํ สุจริตนฺติ นาฺํ สุจริตา, อยเมว วา ปาโ, เปตฺวา สุจริตํ อฺํ น ปสฺสามีติ อตฺโถ. อิธ ‘‘สุจริต’’นฺติปิ ‘‘สุภาสิต’’นฺติปิ มาตาปิตูหิ ทินฺนํ โอวาทํเยว สนฺธายาห. เอวเมวาติ นิรตฺถกเมว. อิทํ วุตฺตํ โหติ – มหาราช, อฺตฺร โอวาทานุสิฏฺิสงฺขาตา สุจริตสุภาสิตา มรณกาเล ตายิตุํ รกฺขิตุํ สมตฺโถ นาม อฺโ นตฺถิ, ยํ เอตํ อิตรํ ธนํ, ตํ เอวเมว นิรตฺถกเมว โหติ, ตฺวฺหิ อิทานิ มยฺหํ โกฏิสตสหสฺสมตฺตมฺปิ ธนํ ททนฺโต ชีวิตํ น ลเภยฺยาสิ, ตสฺมา เวทิตพฺพเมตํ ‘‘ธนโต สุจริตสุภาสิตเมว อุตฺตริตร’’นฺติ.

เสสคาถาสุปิ อยํ สงฺเขปตฺโถ – มหาราช, เย ปุริสา ‘‘อยํ มํ อกฺโกสิ, อยํ มํ ปหริ, อยํ มํ อชินิ, อยํ มม สนฺตกํ อหาสี’’ติ เอวํ เวรํ อุปนยฺหนฺติ พนฺธิตฺวา วิย หทเย เปนฺติ, เตสํ เวรํ น อุปสมฺมติ. เย จ ปเนตํ น อุปนยฺหนฺติ หทเย น เปนฺติ, เตสํ วูปสมฺมติ. เวรานิ หิ น กทาจิ เวเรน สมฺมนฺติ, อเวเรเนว ปน สมฺมนฺติ. เอส ธมฺโม สนนฺตโนติ เอโส โปราณโก ธมฺโม จิรกาลปฺปวตฺโต สภาโวติ.

เอวฺจ ปน วตฺวา โพธิสตฺโต ‘‘อหํ, มหาราช, ตยิ น ทุพฺภามิ, ตฺวํ ปน มํ มาเรหี’’ติ ตสฺส หตฺเถ อสึ เปสิ. ราชาปิ ‘‘นาหํ ตยิ ทุพฺภามี’’ติ สปถํ กตฺวา เตน สทฺธึ นครํ คนฺตฺวา ตํ อมจฺจานํ ทสฺเสตฺวา ‘‘อยํ, ภเณ, โกสลรฺโ ปุตฺโต ทีฆาวุกุมาโร นาม, อิมินา มยฺหํ ชีวิตํ ทินฺนํ, น ลพฺภา อิมํ กิฺจิ กาตุ’’นฺติ วตฺวา อตฺตโน ธีตรํ ทตฺวา ปิตุ สนฺตเก รชฺเช ปติฏฺาเปสิ. ตโต ปฏฺาย อุโภปิ สมคฺคา สมฺโมทมานา รชฺชํ กาเรสุํ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา มาตาปิตโร มหาราชกุลานิ อเหสุํ, ทีฆาวุกุมาโร ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

ทีฆีติโกสลชาตกวณฺณนา ปมา.

[๓๗๒] ๒. มิคโปตกชาตกวณฺณนา

อคารา ปจฺจุเปตสฺสาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ มหลฺลกํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิเรกํ ทารกํ ปพฺพาเชสิ. สามเณโร ตํ สกฺกจฺจํ อุปฏฺหิตฺวา อปรภาเค อผาสุเกน กาลมกาสิ. ตสฺส กาลกิริยาย มหลฺลโก โสกาภิภูโต มหนฺเตน สทฺเทน ปริเทวนฺโต วิจริ. ภิกฺขู สฺาเปตุํ อสกฺโกนฺตา ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, อสุโก นาม มหลฺลโก สามเณรสฺส กาลกิริยาย ปริเทวนฺโต วิจรติ, มรณสฺสติภาวนาย ปริพาหิโร เอโส ภวิสฺสตี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปส เอตสฺมึ มเต ปริเทวนฺโต วิจรี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต สกฺกตฺตํ กาเรสิ. ตทา เอโก กาสิรฏฺวาสี พฺราหฺมโณ หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ผลาผเลหิ ยาเปสิ. โส เอกทิวสํ อรฺเ เอกํ มตมาติกํ มิคโปตกํ ทิสฺวา อสฺสมํ อาเนตฺวา โคจรํ ทตฺวา โปเสสิ. มิคโปตโก วฑฺฒนฺโต อภิรูโป อโหสิ โสภคฺคปฺปตฺโต. ตาปโส ตํ อตฺตโน ปุตฺตกํ กตฺวา ปริหรติ. เอกทิวสํ มิคโปตโก พหุํ ติณํ ขาทิตฺวา อชีรเกน กาลมกาสิ. ตาปโส ‘‘ปุตฺโต เม มโต’’ติ ปริเทวนฺโต วิจรติ. ตทา สกฺโก เทวราชา โลกํ ปริคฺคณฺหนฺโต ตํ ตาปสํ ทิสฺวา ‘‘สํเวเชสฺสามิ น’’นฺติ อาคนฺตฺวา อากาเส ิโต ปมํ คาถมาห –

๑๑๖.

‘‘อคารา ปจฺจุเปตสฺส, อนคารสฺส เต สโต;

สมณสฺส น ตํ สาธุ, ยํ เปตมนุโสจสี’’ติ.

ตํ สุตฺวา ตาปโส ทุติยํ คาถมาห –

๑๑๗.

‘‘สํวาเสน หเว สกฺก, มนุสฺสสฺส มิคสฺส วา;

หทเย ชายเต เปมํ, น ตํ สกฺกา อโสจิตุ’’นฺติ.

ตตฺถ น ตํ สกฺกาติ ตํ มนุสฺสํ วา ติรจฺฉานํ วา น สกฺกา อโสจิตุํ, โสจามิเยวาหนฺติ.

ตโต สกฺโก ทฺเว คาถา อภาสิ –

๑๑๘.

‘‘มตํ มริสฺสํ โรทนฺติ, เย รุทนฺติ ลปนฺติ จ;

ตสฺมา ตฺวํ อิสิ มา โรทิ, โรทิตํ โมฆมาหุ สนฺโต.

๑๑๙.

‘‘โรทิเตน หเว พฺรหฺเม, มโต เปโต สมุฏฺเห;

สพฺเพ สงฺคมฺม โรทาม, อฺมฺสฺส าตเก’’ติ.

ตตฺถ มริสฺสนฺติ โย อิทานิ มริสฺสติ, ตํ. ลปนฺติ จาติ วิลปนฺติ จ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – เย โลเก มตฺจ มริสฺสนฺตฺจ โรทนฺติ, เต รุทนฺติ เจว วิลปนฺติ จ, เตสํ อสฺสุปจฺฉิชฺชนทิวโส นาม นตฺถิ. กึการณา? สทาปิ มตานฺจ มริสฺสนฺตานฺจ อตฺถิตาย. ตสฺมา ตฺวํ อิสิ มา โรทิ. กึการณา? โรทิตํ โมฆมาหุ สนฺโตติ, พุทฺธาทโย ปน ปณฺฑิตา โรทิตํ ‘‘โมฆ’’นฺติ วทนฺติ. มโต เปโตติ โย เอส มโต เปโตติ วุจฺจติ, ยทิ โส โรทิเตน สมุฏฺเหยฺย, เอวํ สนฺเต กึ นิกฺกมฺมา อจฺฉาม, สพฺเพว สมาคมฺม อฺมฺสฺส าตเก โรทาม. ยสฺมา ปน เต โรทิตการณา น อุฏฺหนฺติ, ตสฺมา โรทิตสฺส โมฆภาวํ สาเธติ.

เอวํ สกฺกสฺส กเถนฺตสฺส ตาปโส ‘‘นิรตฺถกํ โรทิต’’นฺติ สลฺลกฺเขตฺวา สกฺกสฺส ถุตึ กโรนฺโต ติสฺโส คาถา อภาสิ –

๑๒๐.

‘‘อาทิตฺตํ วต มํ สนฺตํ, ฆตสิตฺตํว ปาวกํ;

วารินา วิย โอสิฺจํ, สพฺพํ นิพฺพาปเย ทรํ.

๑๒๑.

‘‘อพฺพหิ วต เม สลฺลํ, ยมาสิ หทยสฺสิตํ;

โย เม โสกปเรตสฺส, ปุตฺตโสกํ อปานุทิ.

๑๒๒.

‘‘โสหํ อพฺพูฬฺหสลฺโลสฺมิ, วีตโสโก อนาวิโล;

น โสจามิ น โรทามิ, ตว สุตฺวาน วาสวา’’ติ.

ตตฺถ ยมาสีติ ยํ เม อาสิ. หทยสฺสิตนฺติ หทเย นิสฺสิตํ. อปานุทีติ นีหริ. สกฺโก ตาปสสฺส โอวาทํ ทตฺวา สกฏฺานเมว คโต.

สตฺถา อิธํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ตาปโส มหลฺลโก อโหสิ, มิโค สามเณโร, สกฺโก ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

มิคโปตกชาตกวณฺณนา ทุติยา.

[๓๗๓] ๓. มูสิกชาตกวณฺณนา

กุหึ คตา กตฺถ คตาติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต อชาตสตฺตุํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ เหฏฺา ถุสชาตเก (ชา. ๑.๔.๑๔๙ อาทโย) วิตฺถาริตเมว. อิธาปิ สตฺถา ตเถว ราชานํ สกึ ปุตฺเตน สทฺธึ กีฬมานํ สกึ ธมฺมํ สุณนฺตํ ทิสฺวา ‘‘ตํ นิสฺสาย รฺโ ภยํ อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ ตฺวา ‘‘มหาราช, โปราณกราชาโน อาสงฺกิตพฺพํ อาสงฺกิตฺวา อตฺตโน ปุตฺตํ ‘อมฺหากํ ธูมกาเล รชฺชํ กาเรตู’ติ เอกมนฺเต อกํสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตกฺกสิลายํ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา ทิสาปาโมกฺขาจริโย อโหสิ. ตสฺส สนฺติเก พาราณสิรฺโ ปุตฺโต ยวกุมาโร นาม สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา อนุโยคํ ทตฺวา คนฺตุกาโม ตํ อาปุจฺฉิ. อาจริโย ‘‘ปุตฺตํ นิสฺสาย ตสฺส อนฺตราโย ภวิสฺสตี’’ติ องฺควิชฺชาวเสน ตฺวา ‘‘เอตมสฺส หริสฺสามี’’ติ เอกํ อุปมํ อุปธาเรตุํ อารภิ. ตทา ปนสฺส เอโก อสฺโส อโหสิ, ตสฺส ปาเท วโณ อุฏฺหิ, ตํ วณานุรกฺขณตฺถํ เคเหเยว กรึสุ. ตสฺสาวิทูเร เอโก อุทปาโน อตฺถิ. อเถกา มูสิกา เคหา นิกฺขมิตฺวา อสฺสสฺส ปาเท วณํ ขาทติ, อสฺโส วาเรตุํ น สกฺโกติ. โส เอกทิวสํ เวทนํ อธิวาเสตุํ อสกฺโกนฺโต มูสิกํ ขาทิตุํ อาคตํ ปาเทน ปหริตฺวา มาเรตฺวา อุทปาเน ปาเตสิ. อสฺสโคปกา มูสิกํ อปสฺสนฺตา ‘‘อฺเสุ ทิวเสสุ มูสิกา อาคนฺตฺวา วณํ ขาทติ, อิทานิ น ปฺายติ, กหํ นุ โข คตา’’ติ วทึสุ.

โพธิสตฺโต ตํ การณํ ปจฺจกฺขํ กตฺวา ‘‘อฺเ อชานนฺตา ‘กหํ มูสิกา คตา’ติ วทนฺติ, มูสิกาย ปน มาเรตฺวา อุทปาเน ขิตฺตภาวํ อหเมว ชานามี’’ติ อิทเมว การณํ อุปมํ กตฺวา ปมํ คาถํ พนฺธิตฺวา ราชกุมารสฺส อทาสิ. โส อปรํ อุปมํ อุปธาเรนฺโต ตเมว อสฺสํ ปรุฬฺหวณํ นิกฺขมิตฺวา เอกํ ยววตฺถุํ คนฺตฺวา ‘‘ยวํ ขาทิสฺสามี’’ติ วติจฺฉิทฺเทน มุขํ ปเวเสนฺตํ ทิสฺวา ตเมว การณํ อุปมํ กตฺวา ทุติยํ คาถํ พนฺธิตฺวา ตสฺส อทาสิ. ตติยคาถํ ปน อตฺตโน ปฺาพเลเนว พนฺธิตฺวา ตมฺปิ ตสฺส ทตฺวา ‘‘ตาต, ตฺวํ รชฺเช ปติฏฺาย สายํ นฺหานโปกฺขรณึ คจฺฉนฺโต ยาว ธุรโสปานา ปมํ คาถํ สชฺฌายนฺโต คจฺเฉยฺยาสิ, ตว นิวสนปาสาทํ ปวิสนฺโต ยาว โสปานปาทมูลา ทุติยํ คาถํ สชฺฌายนฺโต คจฺเฉยฺยาสิ, ตโต ยาว โสปานมตฺถกา ตติยํ คาถํ สชฺฌายนฺโต คจฺเฉยฺยาสี’’ติ วตฺวา เปเสสิ.

โส กุมาโร คนฺตฺวา อุปราชา หุตฺวา ปิตุ อจฺจเยน รชฺชํ กาเรสิ, ตสฺเสโก ปุตฺโต ชายิ. โส โสฬสวสฺสกาเล รชฺชโลเภน ‘‘ปิตรํ มาเรสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา อุปฏฺาเก อาห ‘‘มยฺหํ ปิตา ตรุโณ, อหํ เอตสฺส ธูมกาลํ โอโลเกนฺโต มหลฺลโก ภวิสฺสามิ ชราชิณฺโณ, ตาทิเส กาเล ลทฺเธนปิ รชฺเชน โก อตฺโถ’’ติ. เต อาหํสุ ‘‘เทว, น สกฺกา ปจฺจนฺตํ คนฺตฺวา โจรตฺตํ กาตุํ, ตว ปิตรํ เกนจิ อุปาเยน มาเรตฺวา รชฺชํ คณฺหา’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ อนฺโตนิเวสเน รฺโ สายํ นฺหานโปกฺขรณีสมีปํ คนฺตฺวา ‘‘เอตฺถ นํ มาเรสฺสามี’’ติ ขคฺคํ คเหตฺวา อฏฺาสิ. ราชา สายํ มูสิกํ นาม ทาสึ ‘‘คนฺตฺวา โปกฺขรณีปิฏฺึ โสเธตฺวา เอหิ, นฺหายิสฺสามี’’ติ เปเสสิ. สา คนฺตฺวา โปกฺขรณีปิฏฺึ โสเธนฺตี กุมารํ ปสฺสิ. กุมาโร อตฺตโน กมฺมสฺส ปากฏภาวภเยน ตํ ทฺวิธา ฉินฺทิตฺวา โปกฺขรณิยํ ปาเตสิ. ราชา นฺหายิตุํ อคมาสิ. เสสชโน ‘‘อชฺชาปิ มูสิกา ทาสี น ปุนาคจฺฉติ, กุหึ คตา กตฺถ คตา’’ติ อาห. ราชา –

๑๒๓.

‘‘กุหึ คตา กตฺถ คตา, อิติ ลาลปฺปตี ชโน;

อหเมเวโก ชานามิ, อุทปาเน มูสิกา หตา’’ติ. –

ปมํ คาถํ ภณนฺโต โปกฺขรณีตีรํ อคมาสิ.

ตตฺถ กุหึ คตา กตฺถ คตาติ อฺมฺเววจนานิ. อิติ ลาลปฺปตีติ เอวํ วิปฺปลปติ. อิติ อยํ คาถา ‘‘อชานนฺโต ชโน มูสิกา ทาสี กุหึ คตาติ วิปฺปลปติ, ราชกุมาเรน ทฺวิธา ฉินฺทิตฺวา มูสิกาย โปกฺขรณิยํ ปาติตภาวํ อหเมว เอโก ชานามี’’ติ รฺโ อชานนฺตสฺเสว อิมมตฺถํ ทีเปติ.

กุมาโร ‘‘มยา กตกมฺมํ มยฺหํ ปิตรา าต’’นฺติ ภีโต ปลายิตฺวา ตมตฺถํ อุปฏฺากานํ อาโรเจสิ. เต สตฺตฏฺทิวสจฺจเยน ปุน ตํ อาหํสุ ‘‘เทว, สเจ ราชา ชาเนยฺย, น ตุณฺหี ภเวยฺย, ตกฺกคาเหน ปน เตน ตํ วุตฺตํ ภวิสฺสติ, มาเรหิ น’’นฺติ. โส ปุเนกทิวสํ ขคฺคหตฺโถ โสปานปาทมูเล ตฺวา รฺโ อาคมนกาเล อิโต จิโต จ ปหรโณกาสํ โอโลเกสิ. ราชา –

๑๒๔.

‘‘ยฺเจตํ อิติ จีติ จ, คทฺรโภว นิวตฺตสิ;

อุทปาเน มูสิกํ หนฺตฺวา, ยวํ ภกฺเขตุมิจฺฉสี’’ติ. –

ทุติยํ คาถํ สชฺฌายนฺโต อคมาสิ. อยมฺปิ คาถา ‘‘ยสฺมา ตฺวํ อิติ จีติ จ อิโต จิโต จ ปหรโณกาสํ โอโลเกนฺโต คทฺรโภว นิวตฺตสิ, ตสฺมา ตํ ชานามิ ‘ปุริมทิวเส โปกฺขรณิยํ มูสิกํ ทาสึ หนฺตฺวา อชฺช มํ ยวราชานํ ภกฺเขตุํ มาเรตุํ อิจฺฉสี’’’ติ รฺโ อชานนฺตสฺเสว อิมมตฺถํ ทีเปติ.

กุมาโร ‘‘ทิฏฺโมฺหิ ปิตรา’’ติ อุตฺรสฺโต ปลายิ. โส ปุน อฑฺฒมาสมตฺตํ อติกฺกมิตฺวา ‘‘ราชานํ ทพฺพิยา ปหริตฺวา มาเรสฺสามี’’ติ เอกํ ทีฆทณฺฑกํ ทพฺพิปหรณํ คเหตฺวา โอลุมฺพิตฺวา อฏฺาสิ. ราชา –

๑๒๕.

‘‘ทหโร จาสิ ทุมฺเมธ, ปมุปฺปตฺติโก สุสุ;

ทีฆฺเจตํ สมาสชฺช, น เต ทสฺสามิ ชีวิต’’นฺติ. –

ตติยํ คาถํ สชฺฌายนฺโต โสปานปาทมตฺถกํ อภิรุหิ.

ตตฺถ ปมุปฺปตฺติโกติ ปมวเยน อุปฺปตฺติโต อุเปโต, ปมวเย ิโตติ อตฺโถ. สุสูติ ตรุโณ. ทีฆนฺติ ทีฆทณฺฑกํ ทพฺพิปหรณํ. สมาสชฺชาติ คเหตฺวา, โอลุมฺพิตฺวา ิโตสีติ อตฺโถ. อยมฺปิ คาถา ‘‘ทุมฺเมธ, อตฺตโน วยํ ปริภุฺชิตุํ น ลภิสฺสสิ, น เต ทานิ นิลฺลชฺชสฺส ชีวิตํ ทสฺสามิ, มาเรตฺวา ขณฺฑาขณฺฑํ ฉินฺทิตฺวา สูเลเยว อาวุณาเปสฺสามี’’ติ รฺโ อชานนฺตสฺเสว กุมารํ สนฺตชฺชยมานา อิมมตฺถํ ทีเปติ.

โส ตํ ทิวสํ ปลายิตุํ อสกฺโกนฺโต ‘‘ชีวิตํ เม เทหิ, เทวา’’ติ รฺโ ปาทมูเล นิปชฺชิ. ราชา ตํ ตชฺเชตฺวา สงฺขลิกาหิ พนฺธาเปตฺวา พนฺธนาคาเร กาเรตฺวา เสตจฺฉตฺตสฺส เหฏฺา อลงฺกตราชาสเน นิสีทิตฺวา ‘‘อมฺหากํ อาจริโย ทิสาปาโมกฺโข พฺราหฺมโณ อิมํ มยฺหํ อนฺตรายํ ทิสฺวา อิมา ติสฺโส คาถา อภาสี’’ติ หฏฺตุฏฺโ อุทานํ อุทาเนนฺโต เสสคาถา อภาสิ –

๑๒๖.

‘‘นานฺตลิกฺขภวเนน, นางฺคปุตฺตปิเนน วา;

ปุตฺเตน หิ ปตฺถยิโต, สิโลเกหิ ปโมจิโต.

๑๒๗.

‘‘สพฺพํ สุตมธีเยถ, หีนมุกฺกฏฺมชฺฌิมํ;

สพฺพสฺส อตฺถํ ชาเนยฺย, น จ สพฺพํ ปโยชเย;

โหติ ตาทิสโก กาโล, ยตฺถ อตฺถาวหํ สุต’’นฺติ.

ตตฺถ นานฺตลิกฺขภวเนนาติ อนฺตลิกฺขภวนํ วุจฺจติ ทิพฺพวิมานํ, อหํ อชฺช อนฺตลิกฺขภวนมฺปิ น อารุฬฺโห, ตสฺมา อนฺตลิกฺขภวเนนาปิ อชฺช มรณโต น ปโมจิโตมฺหิ. นางฺคปุตฺตปิเนน วาติ องฺคสริกฺขเกน วา ปุตฺตปิเนนปิ น ปโมจิโต. ปุตฺเตน หิ ปตฺถยิโตติ อหํ ปน อตฺตโน ปุตฺเตเนว อชฺช มาเรตุํ ปตฺถิโต. สิโลเกหิ ปโมจิโตติ โสหํ อาจริเยน พนฺธิตฺวา ทินฺนาหิ คาถาหิ ปโมจิโต.

สุตนฺติ ปริยตฺตึ. อธีเยถาติ คณฺเหยฺย สิกฺเขยฺย. หีนมุกฺกฏฺมชฺฌิมนฺติ หีนํ วา โหตุ อุตฺตมํ วา มชฺฌิมํ วา, สพฺพํ อธียิตพฺพเมวาติ ทีเปติ. น จ สพฺพํ ปโยชเยติ หีนํ มนฺตํ วา สิปฺปํ วา มชฺฌิมํ วา น ปโยชเย, อุตฺตมเมว ปโยชเยยฺยาติ อตฺโถ. ยตฺถ อตฺถาวหํ สุตนฺติ ยสฺมึ กาเล มโหสธปณฺฑิตสฺส กุมฺภการกมฺมกรณํ วิย ยํกิฺจิ สิกฺขิตสิปฺปํ อตฺถาวหํ โหติ, ตาทิโสปิ กาโล โหติเยวาติ อตฺโถ. อปรภาเค รฺโ อจฺจเยน กุมาโร รชฺเช ปติฏฺาสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ทิสาปาโมกฺโข อาจริโย อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

มูสิกชาตกวณฺณนา ตติยา.

[๓๗๔] ๔. จูฬธนุคฺคหชาตกวณฺณนา

สพฺพํ ภณฺฑนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปุราณทุติยิกาปโลภนํ อารพฺภ กเถสิ. เตน ภิกฺขุนา ‘‘ปุราณทุติยิกา มํ, ภนฺเต, อุกฺกณฺาเปตี’’ติ วุตฺเต สตฺถา ‘‘เอสา ภิกฺขุ, อิตฺถี น อิทาเนว ตุยฺหํ อนตฺถการิกา, ปุพฺเพปิ เต เอตํ นิสฺสาย อสินา สีสํ ฉินฺน’’นฺติ วตฺวา ภิกฺขูหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต สกฺกตฺตํ กาเรสิ. ตทา เอโก พาราณสิวาสี พฺราหฺมณมาณโว ตกฺกสิลายํ สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา ธนุกมฺเม นิปฺผตฺตึ ปตฺโต จูฬธนุคฺคหปณฺฑิโต นาม อโหสิ. อถสฺส อาจริโย ‘‘อยํ มยา สทิสํ สิปฺปํ อุคฺคณฺหี’’ติ อตฺตโน ธีตรํ อทาสิ. โส ตํ คเหตฺวา ‘‘พาราณสึ คมิสฺสามี’’ติ มคฺคํ ปฏิปชฺชิ. อนฺตรามคฺเค เอโก วารโณ เอกํ ปเทสํ สุฺมกาสิ, ตํ านํ อภิรุหิตุํ น โกจิ อุสฺสหิ. จูฬธนุคฺคหปณฺฑิโต มนุสฺสานํ วาเรนฺตานฺเว ภริยํ คเหตฺวา อฏวิมุขํ อภิรุหิ. อถสฺส อฏวิมชฺเฌ วารโณ อุฏฺหิ, โส ตํ กุมฺเภ สเรน วิชฺฌิ. สโร วินิวิชฺฌิตฺวา ปจฺฉาภาเคน นิกฺขมิ. วารโณ ตตฺเถว ปติ, ธนุคฺคหปณฺฑิโต ตํ านํ เขมํ กตฺวา ปุรโต อฺํ อฏวึ ปาปุณิ. ตตฺถาปิ ปฺาส โจรา มคฺคํ หนนฺติ. ตมฺปิ โส มนุสฺเสหิ วาริยมาโน อภิรุยฺห เตสํ โจรานํ มิเค วธิตฺวา มคฺคสมีเป มํสํ ปจิตฺวา ขาทนฺตานํ ิตฏฺานํ ปาปุณิ.

ตทา ตํ โจรา อลงฺกตปฏิยตฺตาย ภริยาย สทฺธึ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘คณฺหิสฺสาม น’’นฺติ อุสฺสาหํ กรึสุ. โจรเชฏฺโก ปุริสลกฺขณกุสโล, โส ตํ โอโลเกตฺวาว ‘‘อุตฺตมปุริโส อย’’นฺติ ตฺวา เอกสฺสปิ อุฏฺหิตุํ นาทาสิ. ธนุคฺคหปณฺฑิโต ‘‘คจฺฉ ‘อมฺหากมฺปิ เอกํ มํสสูลํ เทถา’ติ วตฺวา มํสํ อาหรา’’ติ เตสํ สนฺติกํ ภริยํ เปเสสิ. สา คนฺตฺวา ‘‘เอกํ กิร มํสสูลํ เทถา’’ติ อาห. โจรเชฏฺโก ‘‘อนคฺโฆ ปุริโส’’ติ มํสสูลํ ทาเปสิ. โจรา ‘‘อมฺเหหิ กิร ปกฺกํ ขาทิต’’นฺติ อปกฺกมํสสูลํ อทํสุ. ธนุคฺคโห อตฺตานํ สมฺภาเวตฺวา ‘‘มยฺหํ อปกฺกมํสสูลํ ททนฺตี’’ติ โจรานํ กุชฺฌิ. โจรา ‘‘กึ อยเมเวโก ปุริโส, มยํ อิตฺถิโย’’ติ กุชฺฌิตฺวา อุฏฺหึสุ. ธนุคฺคโห เอกูนปฺาส ชเน เอกูนปฺาสกณฺเฑหิ วิชฺฌิตฺวา ปาเตสิ. โจรเชฏฺกํ วิชฺฌิตุํ กณฺฑํ นาโหสิ. ตสฺส กิร กณฺฑนาฬิยํ สมปณฺณาสเยว กณฺฑานิ. เตสุ เอเกน วารณํ วิชฺฌิ, เอกูนปฺาสกณฺเฑหิ โจเร วิชฺฌิตฺวา โจรเชฏฺกํ ปาเตตฺวา ตสฺส อุเร นิสินฺโน ‘‘สีสมสฺส ฉินฺทิสฺสามี’’ติ ภริยาย หตฺถโต อสึ อาหราเปสิ. สา ตงฺขณฺเว โจรเชฏฺเก โลภํ กตฺวา โจรสฺส หตฺเถ ถรุํ, สามิกสฺส หตฺเถ ธารํ เปสิ. โจโร ถรุทณฺฑํ ปรามสิตฺวา อสึ นีหริตฺวา ธนุคฺคหสฺส สีสํ ฉินฺทิ.

โส ตํ ฆาเตตฺวา อิตฺถึ อาทาย คจฺฉนฺโต ชาติโคตฺตํ ปุจฺฉิ. สา ‘‘ตกฺกสิลายํ ทิสาปาโมกฺขาจริยสฺส ธีตามฺหี’’ติ อาห. ‘‘กถํ ตฺวํ อิมินา ลทฺธา’’ติ. มยฺหํ ปิตา ‘‘อยํ มยา สทิสํ กตฺวา สิปฺปํ สิกฺขี’’ติ ตุสฺสิตฺวา อิมสฺส มํ อทาสิ, สาหํ ตยิ สิเนหํ กตฺวา อตฺตโน กุลทตฺติยํ สามิกํ มาราเปสินฺติ. โจรเชฏฺโก ‘‘กุลทตฺติยํ ตาเวสา สามิกํ มาเรสิ, อฺํ ปเนกํ ทิสฺวา มมฺปิ เอวเมวํ กริสฺสติ, อิมํ ฉฑฺเฑตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค เอกํ กุนฺนทึ อุตฺตานตลํ ตงฺขโณทกปูรํ ทิสฺวา ‘‘ภทฺเท, อิมิสฺสํ นทิยํ สุสุมารา กกฺขฬา, กึ กโรมา’’ติ อาห. ‘‘สามิ, สพฺพํ อาภรณภณฺฑํ มม อุตฺตราสงฺเคน ภณฺฑิกํ กตฺวา ปรตีรํ เนตฺวา ปุน อาคนฺตฺวา มํ คเหตฺวา คจฺฉา’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ สพฺพํ อาภรณภณฺฑํ อาทาย นทึ โอตริตฺวา ตรนฺโต วิย ปรตีรํ ปตฺวา ตํ ฉฑฺเฑตฺวา ปายาสิ. สา ตํ ทิสฺวา ‘‘สามิ, กึ มํ ฉฑฺเฑตฺวา วิย คจฺฉสิ, กสฺมา เอวํ กโรสิ, เอหิ มมฺปิ อาทาย คจฺฉา’’ติ เตน สทฺธึ สลฺลปนฺตี ปมํ คาถมาห –

๑๒๘.

‘‘สพฺพํ ภณฺฑํ สมาทาย, ปารํ ติณฺโณสิ พฺราหฺมณ;

ปจฺจาคจฺฉ ลหุํ ขิปฺปํ, มมฺปิ ตาเรหิ ทานิโต’’ติ.

ตตฺถ ลหุํ ขิปฺปนฺติ ลหุํ ปจฺจาคจฺฉ, ขิปฺปํ มมฺปิ ตาเรหิ ทานิ อิโตติ อตฺโถ.

โจโร ตํ สุตฺวา ปรตีเร ิโตเยว ทุติยํ คาถมาห –

๑๒๙.

‘‘อสนฺถุตํ มํ จิรสนฺถุเตน, นิมีนิ โภตี อธุวํ ธุเวน;

มยาปิ โภตี นิมิเนยฺย อฺํ, อิโต อหํ ทูรตรํ คมิสฺส’’นฺติ.

สา เหฏฺา วุตฺตตฺถาเยว –

โจโร ปน ‘‘อิโต อหํ ทูรตรํ คมิสฺสํ, ติฏฺ ตฺว’’นฺติ วตฺวา ตสฺสา วิรวนฺติยาว อาภรณภณฺฑิกํ อาทาย ปลาโต. ตโต สา พาลา อตฺริจฺฉตาย เอวรูปํ พฺยสนํ ปตฺตา อนาถา หุตฺวา อวิทูเร เอกํ เอฬคลาคุมฺพํ อุปคนฺตฺวา โรทมานา นิสีทิ. ตสฺมึ ขเณ สกฺโก เทวราชา โลกํ โอโลเกนฺโต ตํ อตฺริจฺฉตาหตํ สามิกา จ ชารา จ ปริหีนํ โรทมานํ ทิสฺวา ‘‘เอตํ นิคฺคณฺหิตฺวา ลชฺชาเปตฺวา อาคมิสฺสามี’’ติ มาตลิฺจ ปฺจสิขฺจ อาทาย ตตฺถ คนฺตฺวา นทีตีเร ตฺวา ‘‘มาตลิ, ตฺวํ มจฺโฉ ภว, ปฺจสิข ตฺวํ สกุโณ ภว, อหํ ปน สิงฺคาโล หุตฺวา มุเขน มํสปิณฺฑํ คเหตฺวา เอติสฺสา สมฺมุขฏฺานํ คมิสฺสามิ, ตฺวํ มยิ ตตฺถ คเต อุทกโต อุลฺลงฺฆิตฺวา มม ปุรโต ปต, อถาหํ มุเขน คหิตมํสปิณฺฑํ ฉฑฺเฑตฺวา มจฺฉํ คเหตุํ ปกฺขนฺทิสฺสามิ, ตสฺมึ ขเณ ตฺวํ, ปฺจสิข, ตํ มํสปิณฺฑํ คเหตฺวา อากาเส อุปฺปต, ตฺวํ มาตลิ, อุทเก ปตา’’ติ อาณาเปสิ. ‘‘สาธุ, เทวา’’ติ, มาตลิ, มจฺโฉ อโหสิ, ปฺจสิโข สกุโณ อโหสิ. สกฺโก สิงฺคาโล หุตฺวา มํสปิณฺฑํ มุเขนาทาย ตสฺสา สมฺมุขฏฺานํ อคมาสิ. มจฺโฉ อุทกา อุปฺปติตฺวา สิงฺคาลสฺส ปุรโต ปติ. โส มุเขน คหิตมํสปิณฺฑํ ฉฑฺเฑตฺวา มจฺฉสฺสตฺถาย ปกฺขนฺทิ. มจฺโฉ อุปฺปติตฺวา อุทเก ปติ, สกุโณ มํสปิณฺฑํ คเหตฺวา อากาเส อุปฺปติ, สิงฺคาโล อุโภปิ อลภิตฺวา เอฬคลาคุมฺพํ โอโลเกนฺโต ทุมฺมุโข นิสีทิ. สา ตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ อตฺริจฺฉตาหโต เนว มํสํ, น มจฺฉํ ลภี’’ติ กุฏํ ภินฺทนฺตี วิย มหาหสิตํ หสิ. ตํ สุตฺวา สิงฺคาโล ตติยํ คาถมาห –

๑๓๐.

‘‘กายํ เอฬคลาคุมฺเพ, กโรติ อหุหาสิยํ;

นยีธ นจฺจคีตํ วา, ตาฬํ วา สุสมาหิตํ;

อนมฺหิกาเล สุโสณิ, กินฺนุ ชคฺฆสิ โสภเน’’ติ.

ตตฺถ กายนฺติ กา อยํ. เอฬคลาคุมฺเพติ กมฺโพชิคุมฺเพ. อหุหาสิยนฺติ ทนฺตวิทํสกํ มหาหสิตํ วุจฺจติ, ตํ กา เอสา เอตสฺมึ คุมฺเพ กโรตีติ ปุจฺฉติ. นยีธ นจฺจคีตํ วาติ อิมสฺมึ าเน กสฺสจิ นจฺจนฺตสฺส นจฺจํ วา คายนฺตสฺส คีตํ วา หตฺเถ สุสมาหิเต กตฺวา วาเทนฺตสฺส สุสมาหิตํ หตฺถตาฬํ วา นตฺถิ, กํ ทิสฺวา ตฺวํ หเสยฺยาสีติ ทีเปติ. อนมฺหิกาเลติ โรทนกาเล. สุโสณีติ สุนฺทรโสณิ. กึ นุ ชคฺฆสีติ เกน การเณน ตฺวํ โรทิตุํ ยุตฺตกาเล อโรทมานาว มหาหสิตํ หสสิ. โสภเนติ ตํ ปสํสนฺโต อาลปติ.

ตํ สุตฺวา สา จตุตฺถํ คาถมาห –

๑๓๑.

‘‘สิงฺคาล พาล ทุมฺเมธ, อปฺปปฺโสิ ชมฺพุก;

ชีโน มจฺฉฺจ เปสิฺจ, กปโณ วิย ฌายสี’’ติ.

ตตฺถ ชีโนติ ชานิปฺปตฺโต หุตฺวา. เปสินฺติ มํสเปสึ. กปโณ วิย ฌายสีติ สหสฺสภณฺฑิกํ ปราชิโต กปโณ วิย ฌายสิ โสจสิ จินฺเตสิ.

ตโต สิงฺคาโล ปฺจมํ คาถมาห –

๑๓๒.

‘‘สุทสฺสํ วชฺชมฺเสํ, อตฺตโน ปน ทุทฺทสํ;

ชีนา ปติฺจ ชารฺจ, มฺเ ตฺวฺเว ฌายสี’’ติ.

ตตฺถ ตฺวฺเว ฌายสีติ ปาปธมฺเม ทุสฺสีเล อหํ ตาว มม โคจรํ น ลภิสฺสามิ, ตฺวํ ปน อตฺริจฺฉตาย หตา ตํมุหุตฺตทิฏฺเก โจเร ปฏิพทฺธจิตฺตา หุตฺวา ตฺจ ชารํ กุลทตฺติยฺจ ปตึ ชีนา, มํ อุปาทาย สตคุเณน สหสฺสคุเณน กปณตรา หุตฺวา ฌายสิ โรทสิ ปริเทวสีติ ลชฺชาเปตฺวา วิปฺปการํ ปาเปนฺโต มหาสตฺโต เอวมาห.

สา ตสฺส วจนํ สุตฺวา คาถมาห –

๑๓๓.

‘‘เอวเมตํ มิคราช, ยถา ภาสสิ ชมฺพุก;

สา นูนาหํ อิโต คนฺตฺวา, ภตฺตุ เหสฺสํ วสานุคา’’ติ.

ตตฺถ นูนาติ เอกํสตฺเถ นิปาโต. สา อหํ อิโต คนฺตฺวา ปุน อฺํ ภตฺตารํ ลภิตฺวา เอกํเสเนว ตสฺส ภตฺตุ วสานุคา วสวตฺตินี ภวิสฺสามีติ.

อถสฺสา อนาจาราย ทุสฺสีลาย วจนํ สุตฺวา สกฺโก เทวราชา โอสานคาถมาห –

๑๓๔.

‘‘โย หเร มตฺติกํ ถาลํ, กํสถาลมฺปิ โส หเร;

กตํเยว ตยา ปาปํ, ปุนเปวํ กริสฺสสี’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – อนาจาเร กึ กเถสิ, โย มตฺติกํ ถาลํ หรติ, สุวณฺณถาลรชตถาลาทิปฺปเภทํ กํสถาลมฺปิ โส หรเตว, อิทฺจ ตยา ปาปํ กตเมว, น สกฺกา ตว สทฺธาตุํ, สา ตฺวํ ปุนปิ เอวํ กริสฺสสิเยวาติ. เอวํ โส ตํ ลชฺชาเปตฺวา วิปฺปการํ ปาเปตฺวา สกฏฺานเมว อคมาสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺิตภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ.

ตทา ธนุคฺคโห อุกฺกณฺิตภิกฺขุ อโหสิ, สา อิตฺถี ปุราณทุติยิกา, สกฺโก เทวราชา ปน อหเมว อโหสินฺติ.

จูฬธนุคฺคหชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.

[๓๗๕] ๕. กโปตชาตกวณฺณนา

อิทานิ โขมฺหีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ โลลภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. โลลวตฺถุ อเนกโส วิตฺถาริตเมว. ตํ ปน สตฺถา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ, โลโล’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘น โข ภิกฺขุ อิทาเนว, ปุพฺเพปิ ตฺวํ โลโลสิ, โลลตาย ปน ชีวิตกฺขยํ ปตฺโต’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ปาราวตโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา พาราณสิเสฏฺิโน มหานเส นีฬปจฺฉิยํ วสติ. อเถโก กาโก มจฺฉมํสลุทฺโธ เตน สทฺธึ เมตฺตึ กตฺวา ตตฺเถว วสิ. โส เอกทิวสํ พหุํ มจฺฉมํสํ ทิสฺวา ‘‘อิมํ ขาทิสฺสามี’’ติ นิตฺถุนนฺโต นีฬปจฺฉิยํเยว นิปชฺชิตฺวา ปาราวเตน ‘‘เอหิ, สมฺม, โคจราย คมิสฺสามา’’ติ วุจฺจมาโนปิ ‘‘อชีรเกน นิปนฺโนมฺหิ, คจฺฉ ตฺว’’นฺติ วตฺวา ตสฺมึ คเต ‘‘คโต เม ปจฺจามิตฺตกณฺฏโก, อิทานิ ยถารุจิ มจฺฉมํสํ ขาทิสฺสามี’’ติ จินฺเตนฺโต ปมํ คาถมาห –

๑๓๕.

‘‘อิทานิ โขมฺหิ สุขิโต อโรโค, นิกฺกณฺฏโก นิปฺปติโต กโปโต;

กาหามิ ทานี หทยสฺส ตุฏฺึ, ตถา หิ มํ มํสสากํ พเลตี’’ติ.

ตตฺถ นิปฺปติโตติ นิคฺคโต. กโปโตติ ปาราวโต. กาหามิ ทานีติ กริสฺสามิ ทานิ. ตถา หิ มํ มํสสากํ พเลตีติ ตถา หิ มํสฺจ อวเสสํ สากฺจ มยฺหํ พลํ กโรติ, อุฏฺเหิ ขาทาติ วทมานํ วิย อุสฺสาหํ มมํ กโรตีติ อตฺโถ.

โส ภตฺตการเก มจฺฉมํสํ ปจิตฺวา มหานสา นิกฺขมฺม สรีรโต เสทํ ปวาเหนฺเต ปจฺฉิโต นิกฺขมิตฺวา รสกโรฏิยํ นิลียิตฺวา ‘‘กิริ กิรี’’ติ สทฺทมกาสิ. ภตฺตการโก เวเคนาคนฺตฺวา กากํ คเหตฺวา สพฺพปตฺตานิ ลุฺชิตฺวา อลฺลสิงฺคีเวรฺจ สิทฺธตฺถเก จ ปิสิตฺวา ลสุณํ ปูติตกฺเกน มทฺทิตฺวา สกลสรีรํ มกฺเขตฺวา เอกํ กลํ ฆํสิตฺวา วิชฺฌิตฺวา สุตฺตเกน ตสฺส คีวายํ พนฺธิตฺวา นีฬปจฺฉิยํเยว ตํ ปกฺขิปิตฺวา อคมาสิ. ปาราวโต อาคนฺตฺวา ตํ ทิสฺวา ‘‘กา เอสา พลากา มม สหายสฺส ปจฺฉิยํ นิปนฺนา, จณฺโฑ หิ โส อาคนฺตฺวา ฆาเตยฺยาปิ น’’นฺติ ปริหาสํ กโรนฺโต ทุติยํ คาถมาห –

๑๓๖.

‘‘กายํ พลากา สิขินี, โจรี ลงฺฆิปิตามหา;

โอรํ พลาเก อาคจฺฉ, จณฺโฑ เม วายโส สขา’’ติ.

สา เหฏฺา (ชา. อฏฺ. ๒.๓.๗๐) วุตฺตตฺถาเยว.

ตํ สุตฺวา กาโก ตติยํ คาถมาห –

๑๓๗.

‘‘อลฺหิ เต ชคฺฆิตาเย, มมํ ทิสฺวาน เอทิสํ;

วิลูนํ สูทปุตฺเตน, ปิฏฺมณฺเฑน มกฺขิต’’นฺติ.

ตตฺถ อลนฺติ ปฏิเสธตฺเถ นิปาโต. ชคฺฆิตาเยติ หสิตุํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อิทานิ มํ เอทิสํ เอวํ ทุกฺขปฺปตฺตํ ทิสฺวา ตว อลํ หสิตุํ, มา เอทิเส กาเล ปริหาสเกฬึ กโรหีติ.

โส ปริหาสเกฬึ กโรนฺโตว ปุน จตุตฺถํ คาถมาห –

๑๓๘.

‘‘สุนฺหาโต สุวิลิตฺโตสิ, อนฺนปาเนน ตปฺปิโต;

กณฺเ จ เต เวฬุริโย, อคมา นุ กชงฺคล’’นฺติ.

ตตฺถ กณฺเ จ เต เวฬุริโยติ อยํ เต เวฬุริยมณิปิ กณฺเ ปิฬนฺโธ, ตฺวํ เอตฺตกํ กาลํ อมฺหากํ เอตํ น ทสฺเสสีติ กปาลํ สนฺธาเยวมาห. กชงฺคลนฺติ อิธ พาราณสีเยว ‘‘กชงฺคลา’’ติ อธิปฺเปตา. อิโต นิกฺขมิตฺวา กจฺจิ อนฺโตนครํ คโตสีติ ปุจฺฉติ.

ตโต กาโก ปฺจมํ คาถมาห –

๑๓๙.

‘‘มา เต มิตฺโต อมิตฺโต วา, อคมาสิ กชงฺคลํ;

ปิฺฉานิ ตตฺถ ลายิตฺวา, กณฺเ พนฺธนฺติ วฏฺฏน’’นฺติ.

ตตฺถ ปิฺฉานีติ ปตฺตานิ. ตตฺถ ลายิตฺวาติ ตสฺมึ พาราณสินคเร ลุฺจิตฺวา. วฏฺฏนนฺติ กลิกํ.

ตํ สุตฺวา ปาราวโต โอสานคาถมาห –

๑๔๐.

‘‘ปุนปาปชฺชสี สมฺม, สีลฺหิ ตว ตาทิสํ;

น หิ มานุสกา โภคา, สุภุฺชา โหนฺติ ปกฺขินา’’ติ.

ตตฺถ ปุนปาปชฺชสีติ ปุนปิ เอวรูปํ อาปชฺชิสฺสสิ. เอวรูปฺหิ เต สีลนฺติ.

อิติ นํ โส โอวทิตฺวา ตตฺถ อวสิตฺวา ปกฺเข ปสาเรตฺวา อฺตฺถ อคมาสิ. กาโกปิ ตตฺเถว ชีวิตกฺขยํ ปาปุณิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน โลลภิกฺขุ อนาคามิผเล ปติฏฺหิ. ตทา กาโก โลลภิกฺขุ อโหสิ, กโปโต ปน อหเมว อโหสินฺติ.

กโปตชาตกวณฺณนา ปฺจมา.

อฑฺฒวคฺโค ตติโย.

ชาตกุทฺทานํ –

มณิกุณฺฑล สุชาตา, เวนสาขฺจ โอรคํ;

ฆฏํ โกรณฺฑิ ลฏุกิ, ธมฺมปาลํ มิคํ ตถา.

สุโยนนฺที วณฺณาโรห, สีลํ หิรี ขชฺโชปนํ;

อหิ คุมฺพิย สาฬิยํ, ตจสารํ มิตฺตวินฺทํ.

ปลาสฺเจว ทีฆิติ, มิคโปตก มูสิกํ;

ธนุคฺคโห กโปตฺจ, ชาตกา ปฺจวีสติ.

ปฺจกนิปาตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. ฉกฺกนิปาโต

๑. อวาริยวคฺโค

[๓๗๖] ๑. อวาริยชาตกวณฺณนา

มาสุ กุชฺฌ ภูมิปตีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ ติตฺถนาวิกํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิร พาโล อโหสิ อฺาโณ, เนว โส พุทฺธาทีนํ รตนานํ, น อฺเสํ ปุคฺคลานํ คุณํ ชานาติ, จณฺโฑ ผรุโส สาหสิโก. อเถโก ชานปโท ภิกฺขุ ‘‘พุทฺธุปฏฺานํ กริสฺสามี’’ติ อาคจฺฉนฺโต สายํ อจิรวตีติตฺถํ ปตฺวา ตํ เอวมาห ‘‘อุปาสก, ปรตีรํ คมิสฺสามิ, นาวํ เม เทหี’’ติ. ‘‘ภนฺเต, อิทานิ อกาโล, เอกสฺมึ าเน วสสฺสู’’ติ. ‘‘อุปาสก, อิธ กุหึ วสิสฺสามิ, มํ คณฺหิตฺวา คจฺฉา’’ติ. โส กุชฺฌิตฺวา ‘‘เอหิ เร สมณ, วหามี’’ติ เถรํ นาวํ อาโรเปตฺวา อุชุกํ อคนฺตฺวา เหฏฺา นาวํ เนตฺวา อุลฺโลฬํ กตฺวา ตสฺส ปตฺตจีวรํ เตเมตฺวา กิลเมตฺวา ตีรํ ปตฺวา อนฺธการเวลายํ อุยฺโยเชสิ. อถ โส วิหารํ คนฺตฺวา ตํ ทิวสํ พุทฺธุปฏฺานสฺส โอกาสํ อลภิตฺวา ปุนทิวเส สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิตฺวา สตฺถารา กตปฏิสนฺถาโร ‘‘กทา อาคโตสี’’ติ วุตฺเต ‘‘หิยฺโย, ภนฺเต’’ติ วตฺวา ‘‘อถ กสฺมา อชฺช พุทฺธุปฏฺานํ อาคโตสี’’ติ วุตฺเต ตมตฺถํ อาโรเจสิ. ตํ สุตฺวา สตฺถา ‘‘น โข ภิกฺขุ อิทาเนว, ปุพฺเพเปส จณฺโฑ ผรุโส สาหสิโก, อิทานิ ปน เตน ตฺวํ กิลมิโต, ปุพฺเพเปส ปณฺฑิเต กิลเมสี’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ทีฆมทฺธานํ หิมวนฺเต ผลาผเลน ยาเปตฺวา โลณมฺพิลเสวนตฺถาย พาราณสึ ปตฺวา ราชุยฺยาเน วสิตฺวา ปุนทิวเส นครํ ภิกฺขาย ปาวิสิ. อถ นํ ราชงฺคณปฺปตฺตํ ราชา ทิสฺวา ตสฺส อิริยาปเถ ปสีทิตฺวา อนฺเตปุรํ อาเนตฺวา โภเชตฺวา ปฏิฺํ คเหตฺวา ราชุยฺยาเน วสาเปสิ, เทวสิกํ อุปฏฺานํ อคมาสิ. ตเมนํ โพธิสตฺโต ‘‘รฺา นาม, มหาราช, จตฺตาริ อคติคมนานิ วชฺเชตฺวา อปฺปมตฺเตน ขนฺติเมตฺตานุทฺทยสมฺปนฺเนน หุตฺวา ธมฺเมน รชฺชํ กาเรตพฺพ’’นฺติ วตฺวา เทวสิกํ โอวทนฺโต –

.

‘‘มาสุ กุชฺฌ ภูมิปติ, มาสุ กุชฺฌ รเถสภ;

กุทฺธํ อปฺปฏิกุชฺฌนฺโต, ราชา รฏฺสฺส ปูชิโต.

.

‘‘คาเม วา ยทิ วารฺเ, นินฺเน วา ยทิ วา ถเล;

สพฺพตฺถ อนุสาสามิ, มาสุ กุชฺฌ รเถสภา’’ติ. – ทฺเว คาถา อภาสิ;

ตตฺถ รฏฺสฺส ปูชิโตติ เอวรูโป ราชา รฏฺสฺส ปูชนีโย โหตีติ อตฺโถ. สพฺพตฺถ อนุสาสามีติ เอเตสุ คามาทีสุ ยตฺถ กตฺถจิ วสนฺโตปาหํ มหาราช, อิมาย เอว อนุสิฏฺิยา ตมนุสาสามิ, เอเตสุ วา คามาทีสุ ยตฺถ กตฺถจิ เอกสฺมิมฺปิ เอกสตฺเตปิ อนุสาสามิ. มาสุ กุชฺฌ รเถสภาติ เอวเมวาหํ ตํ อนุสาสามิ, รฺา นาม กุชฺฌตุํ น วฏฺฏติ. กึการณา? ราชาโน นาม วาจาวุธา, เตสํ กุทฺธานํ วจนมตฺเตเนว พหู ชีวิตกฺขยํ ปาปุณนฺตีติ.

เอวํ โพธิสตฺโต รฺโ อาคตาคตทิวเส อิมา ทฺเว คาถา อภาสิ. ราชา อนุสิฏฺิยา ปสนฺนจิตฺโต มหาสตฺตสฺส สตสหสฺสุฏฺานกํ เอกํ คามวรํ อทาสิ, โพธิสตฺโต ปฏิกฺขิปิ. อิติ โส ตตฺเถว ทฺวาทสสํวจฺฉรํ วสิตฺวา ‘‘อติจิรํ นิวุตฺโถมฺหิ, ชนปทจาริกํ ตาว จริตฺวา อาคมิสฺสามี’’ติ รฺโ อกเถตฺวาว อุยฺยานปาลํ อามนฺเตตฺวา ‘‘ตาต, อุกฺกณฺิตรูโปสฺมิ, ชนปทํ จริตฺวา อาคมิสฺสามิ, ตฺวํ รฺโ กเถยฺยาสี’’ติ วตฺวา ปกฺกนฺโต คงฺคาย นาวาติตฺถํ ปาปุณิ. ตตฺถ อวาริยปิตา นาม นาวิโก อโหสิ. โส พาโล เนว คุณวนฺตานํ คุณํ ชานาติ, น อตฺตโน อายาปายํ ชานาติ, โส คงฺคํ ตริตุกามํ ชนํ ปมํ ตาเรตฺวา ปจฺฉา เวตนํ ยาจติ, เวตนํ อเทนฺเตหิ สทฺธึ กลหํ กโรนฺโต อกฺโกสปฺปหาเรเยว พหู ลภติ, อปฺปํ ลาภํ, เอวรูโป อนฺธพาโล. ตํ สนฺธาย สตฺถา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา ตติยํ คาถมาห –

.

‘‘อวาริยปิตา นาม, อหุ คงฺคาย นาวิโก;

ปุพฺเพ ชนํ ตาเรตฺวาน, ปจฺฉา ยาจติ เวตนํ;

เตนสฺส ภณฺฑนํ โหติ, น จ โภเคหิ วฑฺฒตี’’ติ.

ตตฺถ อวาริยปิตา นามาติ อวาริยา นาม ตสฺส ธีตา, ตสฺสา วเสน อวาริยปิตา นาม ชาโต. เตนสฺส ภณฺฑนนฺติ เตน การเณน, เตน วา ปจฺฉา ยาจิยมาเนน ชเนน สทฺธึ ตสฺส ภณฺฑนํ โหติ.

โพธิสตฺโต ตํ นาวิกํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘อาวุโส, ปรตีรํ มํ เนหี’’ติ อาห. ตํ สุตฺวา โส อาห ‘‘สมณ, กึ เม นาวาเวตนํ ทสฺสสี’’ติ? ‘‘อาวุโส, อหํ โภควฑฺฒึ อตฺถวฑฺฒึ ธมฺมวฑฺฒึ นาม เต กเถสฺสามี’’ติ. ตํ สุตฺวา นาวิโก ‘‘ธุวํ เอส มยฺหํ กิฺจิ ทสฺสตี’’ติ ตํ ปรตีรํ เนตฺวา ‘‘เทหิ เม นาวาย เวตน’’นฺติ อาห. โส ตสฺส ‘‘สาธุ, อาวุโส’’ติ ปมํ โภควฑฺฒึ กเถนฺโต –

.

‘‘อติณฺณํเยว ยาจสฺสุ, อปารํ ตาต นาวิก;

อฺโ หิ ติณฺณสฺส มโน, อฺโ โหติ ปาเรสิโน’’ติ. – คาถมาห;

ตตฺถ อปารนฺติ ตาต, นาวิก ปรตีรํ อติณฺณเมว ชนํ โอริมตีเร ิตฺเว เวตนํ ยาจสฺสุ, ตโต ลทฺธฺจ คเหตฺวา คุตฺตฏฺาเน เปตฺวา ปจฺฉา มนุสฺเส ปรตีรํ เนยฺยาสิ, เอวํ เต โภควฑฺฒิ ภวิสฺสติ. อฺโ หิ ติณฺณสฺส มโนติ ตาต นาวิก, ปรตีรํ คตสฺส อฺโ มโน ภวติ, อทตฺวาว คนฺตุกาโม โหติ. โย ปเนส ปาเรสี นาม ปรตีรํ เอสติ, ปรตีรํ คนฺตุกาโม โหติ, โส อติเรกมฺปิ ทตฺวา คนฺตุกาโม โหติ, อิติ ปาเรสิโน อฺโ มโน โหติ, ตสฺมา ตฺวํ อติณฺณเมว ยาเจยฺยาสิ, อยํ ตาว เต โภคานํ วฑฺฒิ นามาติ.

ตํ สุตฺวา นาวิโก จินฺเตสิ ‘‘อยํ ตาว เม โอวาโท ภวิสฺสติ, อิทานิ ปเนส อฺํ กิฺจิ มยฺหํ ทสฺสตี’’ติ. อถ นํ โพธิสตฺโต ‘‘อยํ ตาว เต, อาวุโส, โภควฑฺฒิ, อิทานิ อตฺถธมฺมวฑฺฒึ สุณาหี’’ติ วตฺวา โอวทนฺโต –

.

‘‘คาเม วา ยทิ วารฺเ, นินฺเน วา ยทิ วา ถเล;

สพฺพตฺถ อนุสาสามิ, มาสุ กุชฺฌิตฺถ นาวิกา’’ติ. – คาถมาห;

อิติสฺส อิมาย คาถาย อตฺถธมฺมวฑฺฒึ กเถตฺวา ‘‘อยํ เต อตฺถวฑฺฒิ จ ธมฺมวฑฺฒิ จา’’ติ อาห. โส ปน ทนฺธปุริโส ตํ โอวาทํ น กิฺจิ มฺมาโน ‘‘อิทํ, สมณ, ตยา มยฺหํ ทินฺนํ นาวาเวตน’’นฺติ อาห. ‘‘อามาวุโส’’ติ. ‘‘มยฺหํ อิมินา กมฺมํ นตฺถิ, อฺํ เม เทหี’’ติ. ‘‘อาวุโส, อิทํ เปตฺวา มยฺหํ อฺํ นตฺถี’’ติ. ‘‘อถ ตฺวํ กสฺมา มม นาวํ อารุฬฺโหสี’’ติ ตาปสํ คงฺคาตีเร ปาเตตฺวา อุเร นิสีทิตฺวา มุขเมวสฺส โปเถสิ.

สตฺถา ‘‘อิติ โส, ภิกฺขเว, ตาปโส ยํ โอวาทํ ทตฺวา รฺโ สนฺติกา คามวรํ ลภิ, ตเมว โอวาทํ อนฺธพาลสฺส นาวิกสฺส กเถตฺวา มุขโปถนํ ปาปุณิ, ตสฺมา โอวาทํ เทนฺเตน ยุตฺตชนสฺเสว ทาตพฺโพ, น อยุตฺตชนสฺสา’’ติ วตฺวา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา ตทนนฺตรํ คาถมาห –

.

‘‘ยาเยวานุสาสนิยา, ราชา คามวรํ อทา;

ตาเยวานุสาสนิยา, นาวิโก ปหรี มุข’’นฺติ.

ตสฺส ตํ ปหรนฺตสฺเสว ภริยา ภตฺตํ คเหตฺวา อาคตา ปาปปุริสํ ทิสฺวา ‘‘สามิ, อยํ ตาปโส นาม ราชกุลูปโก, มา ปหรี’’ติ อาห. โส กุชฺฌิตฺวา ‘‘ตฺวํ เม อิมํ กูฏตาปสํ ปหริตุํ น เทสี’’ติ อุฏฺาย ตํ ปหริตฺวา ปาเตสิ. อถ ภตฺตปาติ ปติตฺวา ภิชฺชิ, ตสฺสา จ ปน ครุคพฺภาย คพฺโภ ภูมิยํ ปติ. อถ นํ มนุสฺสา สมฺปริวาเรตฺวา ‘‘ปุริสฆาตกโจโร’’ติ คเหตฺวา พนฺธิตฺวา รฺโ ทสฺเสสุํ. ราชา วินิจฺฉินิตฺวา ตสฺส ราชาณํ กาเรสิ. สตฺถา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต โอสานคาถมาห –

.

‘‘ภตฺตํ ภินฺนํ หตา ภริยา, คพฺโภ จ ปติโต ฉมา;

มิโคว ชาตรูเปน, น เตนตฺถํ อพนฺธิ สู’’ติ.

ตตฺถ ภตฺตํ ภินฺนนฺติ ภตฺตปาติ ภินฺนา. หตาติ ปหตา. ฉมาติ ภูมิยํ. มิโคว ชาตรูเปนาติ ยถา มิโค สุวณฺณํ วา หิรฺํ วา มุตฺตามณิอาทีนิ วา มทฺทิตฺวา คจฺฉนฺโตปิ อตฺถริตฺวา นิปชฺชนฺโตปิ เตน ชาตรูเปน อตฺตโน อตฺถํ วฑฺเฒตุํ นิพฺพตฺเตตุํ น สกฺโกติ, เอวเมว โส อนฺธพาโล ปณฺฑิเตหิ ทินฺนํ โอวาทํ สุตฺวาปิ อตฺตโน อตฺถํ วฑฺเฒตุํ นิพฺพตฺเตตุํ นาสกฺขีติ วุตฺตํ โหติ. อพนฺธิ สูติ เอตฺถ อพนฺธิ โสติ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ส-โออิติ อิเมสํ ปทานฺหิ สูติ สนฺธิ โหติ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน โส ภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ตทา นาวิโก อิทานิ นาวิโกว อโหสิ, ราชา อานนฺโท, ตาปโส ปน อหเมว อโหสินฺติ.

อวาริยชาตกวณฺณนา ปมา.

[๓๗๗] ๒. เสตเกตุชาตกวณฺณนา

มา ตาต กุชฺฌิ น หิ สาธุ โกโธติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต กุหกภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ, ปจฺจุปฺปนฺนวตฺถุ อุทฺทาลชาตเก (ชา. ๑.๑๔.๖๒ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต พาราณสิยํ ทิสาปาโมกฺโข อาจริโย หุตฺวา ปฺจสเต มาณเว มนฺเต วาเจสิ. เตสํ เชฏฺโก เสตเกตุ นาม อุทิจฺจพฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺตมาณโว, ตสฺส ชาตึ นิสฺสาย มหนฺโต มาโน อโหสิ. โส เอกทิวสํ อฺเหิ มาณเวหิ สทฺธึ นครา นิกฺขมนฺโต นครํ ปวิสนฺตํ เอกํ จณฺฑาลํ ทิสฺวา ‘‘โกสิ ตฺว’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘จณฺฑาโลหมสฺมี’’ติ วุตฺเต ตสฺส สรีรํ ปหริตฺวา อาคตวาตสฺส อตฺตโน สรีเร ผุสนภเยน ‘‘นสฺส, จณฺฑาล, กาฬกณฺณี, อโธวาตํ ยาหี’’ติ วตฺวา เวเคน ตสฺส อุปริวาตํ อคมาสิ. จณฺฑาโล สีฆตรํ คนฺตฺวา ตสฺส อุปริวาเต อฏฺาสิ. อถ นํ โส ‘‘นสฺส กาฬกณฺณี’’ติ สุฏฺุตรํ อกฺโกสิ ปริภาสิ. ตํ สุตฺวา จณฺฑาโล ‘‘ตฺวํ โกสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘พฺราหฺมณมาณโวหมสฺมี’’ติ. ‘‘พฺราหฺมโณ โหตุ, มยา ปน ปุฏฺปฺหํ กเถตุํ สกฺขิสฺสสี’’ติ. ‘‘อาม, สกฺขิสฺสามี’’ติ. ‘‘สเจ น สกฺโกสิ, ปาทนฺตเรน ตํ คเมมี’’ติ. โส อตฺตานํ ตกฺเกตฺวา ‘‘คเมหี’’ติ อาห.

จณฺฑาลปุตฺโต ตสฺส กถํ ปริสํ คาหาเปตฺวา ‘‘มาณว, ทิสา นาม กตรา’’ติ ปฺหํ ปุจฺฉิ. ‘‘ทิสา นาม ปุรตฺถิมาทโย จตสฺโส ทิสา’’ติ. จณฺฑาโล ‘‘นาหํ ตํ เอตํ ทิสํ ปุจฺฉามิ, ตฺวํ เอตฺตกมฺปิ อชานนฺโต มม สรีเร ปหฏวาตํ ชิคุจฺฉสี’’ติ ตํ ขนฺธฏฺิเก คเหตฺวา โอนเมตฺวา อตฺตโน ปาทนฺตเรน คเมสิ. มาณวา ตํ ปวตฺตึ อาจริยสฺส อาจิกฺขึสุ. ตํ สุตฺวา อาจริโย ‘‘สจฺจํ กิร, ตาต, เสตเกตุ จณฺฑาเลนาสิ ปาทนฺตเรน คมิโต’’ติ? ‘‘อาม, อาจริย, โส มํ จณฺฑาลทาสิปุตฺโต ทิสามตฺตมฺปิ น ชานาสี’’ติ อตฺตโน ปาทนฺตเรน คเมสิ, อิทานิ ทิสฺวา กตฺตพฺพํ อสฺส ชานิสฺสามีติ กุทฺโธ จณฺฑาลปุตฺตํ อกฺโกสิ ปริภาสิ. อถ นํ อาจริโย ‘ตาต, เสตเกตุ มา ตสฺส กุชฺฌิ, ปณฺฑิโต จณฺฑาลทาสิปุตฺโต, น โส ตํ เอตํ ทิสํ ปุจฺฉติ, อฺํ ทิสํ ปุจฺฉิ, ตยา ปน ทิฏฺสุตวิฺาตโต อทิฏฺาสุตาวิฺาตเมว พหุตร’’นฺติ โอวทนฺโต ทฺเว คาถา อภาสิ –

.

‘‘มา ตาต กุชฺฌิ น หิ สาธุ โกโธ, พหุมฺปิ เต อทิฏฺมสฺสุตฺจ;

มาตา ปิตา ทิสตา เสตเกตุ, อาจริยมาหุ ทิสตํ ปสตฺถา.

.

‘‘อคาริโน อนฺนทปานวตฺถทา, อวฺหายิกา ตมฺปิ ทิสํ วทนฺติ;

เอสา ทิสา ปรมา เสตเกตุ, ยํ ปตฺวา ทุกฺขี สุขิโน ภวนฺตี’’ติ.

ตตฺถ น หิ สาธุ โกโธติ โกโธ นาม อุปฺปชฺชมาโน สุภาสิตทุพฺภาสิตํ อตฺถานตฺถํ หิตาหิตํ ชานิตุํ น เทตีติ น สาธุ น ลทฺธโก. พหุมฺปิ เต อทิฏฺนฺติ ตยา จกฺขุนา อทิฏฺํ โสเตน จ อสฺสุตเมว พหุตรํ. ทิสตาติ ทิสา. มาตาปิตโร ปุตฺตานํ ปุริมตรํ อุปฺปนฺนตฺตา ปุรตฺถิมทิสา นาม ชาตาติ วทติ. อาจริยมาหุ ทิสตํ ปสตฺถาติ อาจริยา ปน ทกฺขิเณยฺยตฺตา ทิสตํ ปสตฺถา ทกฺขิณา ทิสาติ พุทฺธาทโย อริยา อาหุ กเถนฺติ ทีเปนฺติ.

อคาริโนติ คหฏฺา. อนฺนทปานวตฺถทาติ อนฺนทา, ปานทา, วตฺถทา จ. อวฺหายิกาติ ‘‘เอถ เทยฺยธมฺมํ ปฏิคฺคณฺหถา’’ติ ปกฺโกสนกา. ตมฺปิ ทิสํ วทนฺตีติ ตมฺปิ พุทฺธาทโย อริยา เอกํ ทิสํ วทนฺติ. อิมินา จตุปจฺจยทายกา คหฏฺา ปจฺจเย อปทิสิตฺวา ธมฺมิกสมณพฺราหฺมเณหิ อุปคนฺตพฺพตฺตา เอกา ทิสา นามาติ ทีเปติ. อปโร นโย – เย เอเต อคาริโน อนฺนปานวตฺถทา, เตสํ ฉกามสคฺคสมฺปตฺติทายกฏฺเน อุปรูปริ อวฺหายนโต เย อวฺหายิกา ธมฺมิกสมณพฺราหฺมณา, ตมฺปิ ทิสํ วทนฺติ, พุทฺธาทโย อริยา อุปริมทิสํ นาม วทนฺตีติ ทีเปติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –

‘‘มาตา ปิตา ทิสา ปุพฺพา, อาจริยา ทกฺขิณา ทิสา;

ปุตฺตทารา ทิสา ปจฺฉา, มิตฺตามจฺจา จ อุตฺตรา.

‘‘ทาสกมฺมกรา เหฏฺา, อุทฺธํ สมณพฺราหฺมณา;

เอตา ทิสา นมสฺเสยฺย, อลมตฺโต กุเล คิหี’’ติ. (ที. นิ. ๓.๒๗๓);

เอสา ทิสาติ อิทํ ปน นิพฺพานํ สนฺธาย วุตฺตํ. ชาติอาทินา หิ นานปฺปกาเรน ทุกฺเขน ทุกฺขิตา สตฺตา ยํ ปตฺวา นิทฺทุกฺขา สุขิโน ภวนฺติ, เอสา เอว จ สตฺเตหิ อคตปุพฺพา ทิสา นาม. เตเนว จ นิพฺพานํ ‘‘ปรมา’’ติ อาห. วุตฺตมฺปิ เจตํ –

‘‘สมติตฺติกํ อนวเสสกํ, เตลปตฺตํ ยถา ปริหเรยฺย;

เอวํ สจิตฺตมนุรกฺเข, ปตฺถยาโน ทิสํ อคตปุพฺพ’’นฺติ. (ชา. ๑.๑.๙๖);

เอวํ มหาสตฺโต มาณวสฺส ทิสา กเถสิ. โส ปน ‘‘จณฺฑาเลนมฺหิ ปาทนฺตเรน คมิโต’’ติ ตสฺมึ าเน อวสิตฺวา ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา ทิสาปาโมกฺขาจริยสฺส สนฺติเก สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา อาจริเยน อนุฺาโต ตกฺกสิลโต นิกฺขมิตฺวา สพฺพสมยสิปฺปํ สิกฺขนฺโต วิจริ. โส เอกํ ปจฺจนฺตคามํ ปตฺวา ตํ นิสฺสาย วสนฺเต ปฺจสเต ตาปเส ทิสฺวา เตสํ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ยํ เต ชานนฺติ สิปฺปมนฺตจรณํ, ตํ อุคฺคณฺหิตฺวา คณสตฺถา หุตฺวา เตหิ ปริวาริโต พาราณสึ คนฺตฺวา ปุนทิวเส ภิกฺขํ จรนฺโต ราชงฺคณํ อคมาสิ. ราชา ตาปสานํ อิริยาปเถ ปสีทิตฺวา อนฺโตนิเวสเน โภเชตฺวา เต อตฺตโน อุยฺยาเน วสาเปสิ. โส เอกทิวสํ ตาปเส ปริวิสิตฺวา ‘‘อชฺช สายนฺเห อุยฺยานํ คนฺตฺวา อยฺเย วนฺทิสฺสามี’’ติ อาห.

เสตเกตุ อุยฺยานํ คนฺตฺวา ตาปเส สนฺนิปาเตตฺวา ‘‘มาริสา, อชฺช ราชา อาคมิสฺสติ, ราชาโน จ นาม สกึ อาราเธตฺวา ยาวตายุกํ สุขํ ชีวิตุํ สกฺกา, อชฺช เอกจฺเจ วคฺคุลิวตํ จรถ, เอกจฺเจ กณฺฏกเสยฺยํ กปฺเปถ, เอกจฺเจ ปฺจาตปํ ตปฺเปถ, เอกจฺเจ อุกฺกุฏิกปฺปธานมนุยุฺชถ, เอกจฺเจ อุทโกโรหณกมฺมํ กโรถ, เอกจฺเจ มนฺเต สชฺฌายถา’’ติ วิจาเรตฺวา สยํ ปกฺกสาลทฺวาเร อปสฺสยปีเก นิสีทิตฺวา ปฺจวณฺณรงฺคสมุชฺชลวาสนํ เอกํ โปตฺถกํ วิจิตฺรวณฺเณ อาธารเก เปตฺวา สุสิกฺขิเตหิ จตูหิ ปฺจหิ มาณเวหิ ปุจฺฉิเต ปุจฺฉิเต ปฺเห กเถสิ. ตสฺมึ ขเณ ราชา อาคนฺตฺวา เต มิจฺฉาตปํ กโรนฺเต ทิสฺวา ตุฏฺโ เสตเกตุํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺโน ปุโรหิเตน สทฺธึ สลฺลปนฺโต ตติยํ คาถมาห –

๑๐.

‘‘ขราชินา ชฏิลา ปงฺกทนฺตา, ทุมฺมกฺขรูปา เยเม ชปฺปนฺติ มนฺเต;

กจฺจิ นุ เต มานุสเก ปโยเค, อิทํ วิทู ปริมุตฺตา อปายา’’ติ.

ตตฺถ ขราชินาติ สขุเรหิ อชินจมฺเมหิ สมนฺนาคตา. ปงฺกทนฺตาติ ทนฺตกฏฺสฺส อขาทเนน มลคฺคหิตทนฺตา. ทุมฺมกฺขรูปาติ อนฺชิตามณฺฑิตลูขนิวาสนปารุปนา มาลาคนฺธวิเลปนวชฺชิตา, กิลิฏฺรูปาติ วุตฺตํ โหติ. เยเม ชปฺปนฺตีติ เย อิเม มนฺเต สชฺฌายนฺติ. มานุสเก ปโยเคติ มนุสฺเสหิ กตฺตพฺพปโยเค ิตา. อิทํ วิทู ปริมุตฺตา อปายาติ อิมสฺมึ ปโยเค ตฺวา อิมํ โลกํ วิทิตฺวา ปากฏํ กตฺวา ‘‘กจฺจิ เอเต อิสโย จตูหิ อปาเยหิ มุตฺตา’’ติ ปุจฺฉติ.

ตํ สุตฺวา ปุโรหิโต จตุตฺถํ คาถมาห –

๑๑.

‘‘ปาปานิ กมฺมานิ กริตฺว ราช, พหุสฺสุโต เจ น จเรยฺย ธมฺมํ;

สหสฺสเวโทปิ น ตํ ปฏิจฺจ, ทุกฺขา ปมุฺเจ จรณํ อปตฺวา’’ติ.

ตตฺถ กริตฺวาติ กตฺวา. จรณนฺติ สห สีเลน อฏฺ สมาปตฺติโย. อิทํ วุตฺตํ โหติ. มหาราช, ‘‘อหํ พหุสฺสุโตมฺหี’’ติ สหสฺสเวโทปิ เจ ติวิธํ สุจริตธมฺมํ น จเรยฺย, ปาปาเนว กเรยฺย, โส ตานิ ปาปานิ กมฺมานิ กตฺวา ตํ พาหุสจฺจํ ปฏิจฺจ สีลสมาปตฺติสงฺขาตํ จรณํ อปฺปตฺวา ทุกฺขา น ปมุฺเจ, อปายทุกฺขโต น มุจฺจเตวาติ.

ตํ สุตฺวา ราชา ตาปเสสุ ปสาทํ หริ. ตโต เสตเกตุ จินฺเตสิ ‘‘อิมสฺส รฺโ ตาปเสสุ ปสาโท อุทปาทิ, ตํ ปเนส ปุโรหิโต วาสิยา ปหริตฺวา วิย ฉินฺทิ, มยา เอเตน สทฺธึ กเถตุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส เตน สทฺธึ กเถนฺโต ปฺจมํ คาถมาห –

๑๒.

‘‘สหสฺสเวโทปิ น ตํ ปฏิจฺจ, ทุกฺขา ปมุฺเจ จรณํ อปตฺวา;

มฺามิ เวทา อผลา ภวนฺติ, สสํยมํ จรณเมว สจฺจ’’นฺติ.

ตสฺสตฺโถ – สเจ สหสฺสเวโทปิ ตํ พาหุสจฺจํ ปฏิจฺจ จรณํ อปฺปตฺวา อตฺตานํ ทุกฺขา น ปมุฺเจ, เอวํ สนฺเต อหํ มฺามิ ‘‘ตโย เวทา อผลา โหนฺติ, สสีลํ สมาปตฺติจรณเมว สจฺจํ โหตี’’ติ.

ตํ สุตฺวา ปุโรหิโต ฉฏฺํ คาถมาห –

๑๓.

‘‘น เหว เวทา อผลา ภวนฺติ, สสํยมํ จรณเมว สจฺจํ;

กิตฺติฺหิ ปปฺโปติ อธิจฺจ เวเท, สนฺตึ ปุเณติ จรเณน ทนฺโต’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – ตโย เวทา อผลา น ภวนฺติ, สสํยมํ จรณเมว สจฺจํ เสยฺยํ อุตฺตมํ ปวรํ น เหว โหติ. กึการณา? กิตฺติฺหิ ปปฺโปติ อธิจฺจ เวเทติ ตโย เวเท อธิจฺจ ทิฏฺธมฺเม กิตฺติมตฺตํ ยสมตฺตํ ลาภมตฺตํ ลภติ, อิโต ปรํ อฺํ นตฺถิ, ตสฺมา น เต อผลา. สนฺตึ ปุเณติ จรเณน ทนฺโตติ สีเล ปติฏฺาย สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวา สมาปตฺติปทฏฺานํ วิปสฺสนํ วฑฺเฒนฺโต อจฺจนฺตํ สนฺตํ นิพฺพานํ นาม ตํ เอติ ปาปุณาติ.

อิติ ปุโรหิโต เสตเกตุโน วาทํ ภินฺทิตฺวา เต สพฺเพ คิหี กาเรตฺวา ผลกาวุธานิ คาหาเปตฺวา มหนฺตตรเก กตฺวา รฺโ อุปฏฺาเก กาเรสิ. อยํ กิร มหนฺตตรกานํ วํโส.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา เสตเกตุ กุหกภิกฺขุ อโหสิ, จณฺฑาโล สาริปุตฺโต, ราชา อานนฺโท, ปุโรหิโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

เสตเกตุชาตกวณฺณนา ทุติยา.

[๓๗๘] ๓. ทรีมุขชาตกวณฺณนา

ปงฺโก จ กามาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต มหาภินิกฺขมนํ อารพฺภ กเถสิ. ปจฺจุปฺปนฺนวตฺถุ เหฏฺา กถิตเมว.

อตีเต ราชคหนคเร มคธราชา นาม รชฺชํ กาเรสิ. ตทา โพธิสตฺโต ตสฺส อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติ, พฺรหฺมทตฺตกุมาโรติสฺส นามํ อกํสุ. ตสฺส ชาตทิวเสเยว ปุโรหิตสฺสปิ ปุตฺโต ชายิ, ตสฺส มุขํ อติวิย โสภติ, เตนสฺส ทรีมุโขติ นามํ อกํสุ. เต อุโภปิ ราชกุเลเยว สํวฑฺฒา อฺมฺํ ปิยสหายา หุตฺวา โสฬสวสฺสกาเล ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา ‘‘สพฺพสมยสิปฺปฺจ สิกฺขิสฺสาม, เทสจาริตฺตฺจ ชานิสฺสามา’’ติ คามนิคมาทีสุ จรนฺตา พาราณสึ ปตฺวา เทวกุเล วสิตฺวา ปุนทิวเส พาราณสึ ภิกฺขาย ปวิสึสุ. ตตฺถ เอกสฺมึ กุเล ‘‘พฺราหฺมเณ โภเชตฺวา วาจนกํ ทสฺสามา’’ติ ปายาสํ ปจิตฺวา อาสนานิ ปฺตฺตานิ โหนฺติ. มนุสฺสา เต อุโภปิ ภิกฺขาย จรนฺเต ทิสฺวา ‘‘พฺราหฺมณา อาคตา’’ติ เคหํ ปเวเสตฺวา มหาสตฺตสฺส อาสเน สุทฺธวตฺถํ ปฺาเปสุํ, ทรีมุขสฺส อาสเน รตฺตกมฺพลํ. ทรีมุโข ตํ นิมิตฺตํ ทิสฺวา ‘‘อชฺช มยฺหํ สหาโย พาราณสิราชา ภวิสฺสติ, อหํ เสนาปตี’’ติ อฺาสิ. เต ตตฺถ ภุฺชิตฺวา วาจนกํ คเหตฺวา มงฺคลํ วตฺวา นิกฺขมฺม ตํ ราชุยฺยานํ อคมํสุ. ตตฺถ มหาสตฺโต มงฺคลสิลาปฏฺเฏ นิปชฺชิ, ทรีมุโข ปนสฺส ปาเท ปริมชฺชนฺโต นิสีทิ.

ตทา พาราณสิรฺโ มตสฺส สตฺตโม ทิวโส โหติ. ปุโรหิโต รฺโ สรีรกิจฺจํ กตฺวา อปุตฺตเก รชฺเช สตฺตเม ทิวเส ผุสฺสรถํ วิสฺสชฺเชสิ. ผุสฺสรถวิสฺสชฺชนกิจฺจํ มหาชนกชาตเก (ชา. ๒.๒๒.๑๒๓ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติ. ผุสฺสรโถ นครา นิกฺขมิตฺวา จตุรงฺคินิยา เสนาย ปริวุโต อเนกสเตหิ ตูริเยหิ วชฺชมาเนหิ อุยฺยานทฺวารํ ปาปุณิ. ทรีมุโข ตูริยสทฺทํ สุตฺวา ‘‘สหายสฺส เม ผุสฺสรโถ อาคจฺฉติ, อชฺเชเวส ราชา หุตฺวา มยฺหํ เสนาปติฏฺานํ ทสฺสติ, โก เม ฆราวาเสนตฺโถ, นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิสฺสามี’’ติ โพธิสตฺตํ อนามนฺเตตฺวาว เอกมนฺตํ คนฺตฺวา ปฏิจฺฉนฺเน อฏฺาสิ. ปุโรหิโต อุยฺยานทฺวาเร รถํ เปตฺวา อุยฺยานํ ปวิฏฺโ โพธิสตฺตํ มงฺคลสิลาปฏฺเฏ นิปนฺนํ ทิสฺวา ปาเทสุ ลกฺขณานิ โอโลเกตฺวา ‘‘อยํ ปุฺวา สตฺโต ทฺวิสหสฺสทีปปริวารานํ จตุนฺนมฺปิ มหาทีปานํ รชฺชํ กาเรตุํ สมตฺโถ, ธิติ ปนสฺส กีทิสา’’ติ สพฺพตูริยานิ ปคฺคณฺหาเปสิ. โพธิสตฺโต ปพุชฺฌิตฺวา มุขโต สาฏกํ อปเนตฺวา มหาชนํ โอโลเกตฺวา ปุน สาฏเกน มุขํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา โถกํ นิปชฺชิตฺวา ปสฺสทฺธทรโถ อุฏฺาย สิลาปฏฺเฏ ปลฺลงฺเกน นิสีทิ. ปุโรหิโต ชาณุเกน ปติฏฺาย ‘‘เทว, รชฺชํ ตุมฺหากํ ปาปุณาตี’’ติ อาห. ‘‘อปุตฺตกํ ภเณ รชฺช’’นฺติ. ‘‘อาม, เทวา’’ติ. ‘‘เตน หิ สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ. เต ตสฺส อุยฺยาเนเยว อภิเสกํ อกํสุ. โส ยสมหนฺตตาย ทรีมุขํ อสริตฺวาว รถํ อภิรุยฺห มหาชนปริวุโต นครํ ปวิสิตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ราชทฺวาเร ิโตว อมจฺจานํ านนฺตรานิ วิจาเรตฺวา ปาสาทํ อภิรุหิ.

ตสฺมึ ขเณ ทรีมุโข ‘‘สุฺํ ทานิ อุยฺยาน’’นฺติ อาคนฺตฺวา มงฺคลสิลาย นิสีทิ, อถสฺส ปุรโต ปณฺฑุปลาสํ ปติ. โส ตสฺมึเยว ปณฺฑุปลาเส ขยวยํ ปฏฺเปตฺวา ติลกฺขณํ สมฺมสิตฺวา ปถวึ อุนฺนาเทนฺโต ปจฺเจกโพธึ นิพฺพตฺเตสิ. ตสฺส ตงฺขณฺเว คิหิลิงฺคํ อนฺตรธายิ, อิทฺธิมยปตฺตจีวรํ อากาสโต โอตริตฺวา สรีเร ปฏิมุฺจิ. ตาวเทว อฏฺปริกฺขารธโร อิริยาปถสมฺปนฺโน วสฺสสฏฺิกตฺเถโร วิย หุตฺวา อิทฺธิยา อากาเส อุปฺปติตฺวา หิมวนฺตปเทเส นนฺทมูลกปพฺภารํ อคมาสิ. โพธิสตฺโตปิ ธมฺเมน รชฺชํ กาเรสิ, ยสมหนฺตตาย ปน ยเสน ปมตฺโต หุตฺวา จตฺตาลีส วสฺสานิ ทรีมุขํ น สริ, จตฺตาลีเส ปน สํวจฺฉเร อตีเต ตํ สริตฺวา ‘‘มยฺหํ สหาโย ทรีมุโข นาม อตฺถิ, กหํ นุ โข โส’’ติ ตํ ทฏฺุกาโม อโหสิ. โส ตโต ปฏฺาย อนฺเตปุเรปิ ปริสมชฺเฌปิ ‘‘กหํ นุ โข มยฺหํ สหาโย ทรีมุโข, โย เม ตสฺส วสนฏฺานํ กเถติ, มหนฺตมสฺส ยสํ ทสฺสามี’’ติ วทติ. เอวํ ตสฺส ปุนปฺปุนํ ตํ สรนฺตสฺเสว อฺานิ ทส สํวจฺฉรานิ อติกฺกนฺตานิ.

ทรีมุขปจฺเจกพุทฺโธปิ ปฺาสวสฺสจฺจเยน อาวชฺเชนฺโต ‘‘มํ โข สหาโย สรตี’’ติ ตฺวา ‘‘อิทานิ โส มหลฺลโก ปุตฺตธีตาทีหิ วุทฺธิปฺปตฺโต, คนฺตฺวา ธมฺมํ กเถตฺวา ปพฺพาเชสฺสามิ น’’นฺติ อิทฺธิยา อากาเสน อาคนฺตฺวา อุยฺยาเน โอตริตฺวา สุวณฺณปฏิมา วิย สิลาปฏฺเฏ นิสีทิ. อุยฺยานปาโล ตํ ทิสฺวา อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ภนฺเต, กุโต ตุมฺเห เอถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘นนฺทมูลกปพฺภารโต’’ติ. ‘‘เก นาม ตุมฺเห’’ติ? ‘‘ทรีมุขปจฺเจกพุทฺโธ นามาหํ, อาวุโส’’ติ. ‘‘ภนฺเต, อมฺหากํ ราชานํ ชานาถา’’ติ? ‘‘อาม ชานามิ, คิหิกาเล โน สหาโย’’ติ. ‘‘ภนฺเต, ราชา ตุมฺเห ทฏฺุกาโม, กเถสฺสามิ ตสฺส ตุมฺหากํ อาคตภาว’’นฺติ. ‘‘คจฺฉ กเถหี’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ วตฺวา ตุริตตุริโตว คนฺตฺวา ตสฺส สิลาปฏฺเฏ นิสินฺนภาวํ รฺโ กเถสิ. ราชา ‘‘อาคโต กิร เม สหาโย, ปสฺสิสฺสามิ น’’นฺติ รถํ อารุยฺห มหนฺเตน ปริวาเรน อุยฺยานํ คนฺตฺวา ปจฺเจกพุทฺธํ วนฺทิตฺวา ปฏิสนฺถารํ กตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. อถ นํ ปจฺเจกพุทฺโธ ‘‘กึ, พฺรหฺมทตฺต, ธมฺเมน รชฺชํ กาเรสิ, อคติคมนํ น คจฺฉสิ, ธนตฺถาย โลกํ น ปีเฬสิ, ทานาทีนิ ปุฺานิ กโรสี’’ติอาทีนิ วทนฺโต ปฏิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘พฺรหฺมทตฺต, มหลฺลโกสิ, เอตรหิ กาเม ปหาย ปพฺพชิตุํ เต สมโย’’ติ วตฺวา ตสฺส ธมฺมํ เทเสนฺโต ปมํ คาถมาห –

๑๔.

‘‘ปงฺโก จ กามา ปลิโป จ กามา, ภยฺจ เมตํ ติมูลํ ปวุตฺตํ;

รโช จ ธูโม จ มยา ปกาสิตา, หิตฺวา ตุวํ ปพฺพช พฺรหฺมทตฺตา’’ติ.

ตตฺถ ปงฺโกติ อุทเก ชาตานิ ติณเสวาลกุมุทคจฺฉาทีนิ อธิปฺเปตานิ. ยถา หิ อุทกํ ตรนฺตํ ตานิ ลคฺคาเปนฺติ สชฺชาเปนฺติ, ตถา สํสารสาครํ ตรนฺตสฺส โยคาวจรสฺส ปฺจ กามคุณา สพฺเพ วา ปน วตฺถุกามกิเลสกามา ลคฺคาปนวเสน ปงฺโก นาม. อิมสฺมิฺหิ ปงฺเก อาสตฺตา วิสตฺตา เทวาปิ มนุสฺสาปิ ติรจฺฉานาปิ กิลมนฺติ โรทนฺติ ปริเทวนฺติ. ปลิโป จ กามาติ ปลิโป วุจฺจติ มหากทฺทโม, ยมฺหิ ลคฺคา สูกรมิคาทโยปิ สีหาปิ วารณาปิ อตฺตานํ อุทฺธริตฺวา คนฺตุํ น สกฺโกนฺติ, วตฺถุกามกิเลสกามาปิ ตํสริกฺขตาย ‘‘ปลิปา’’ติ วุตฺตา. ปฺวนฺโตปิ หิ สตฺตา เตสุ กาเมสุ สกึ ลคฺคกาลโต ปฏฺาย เต กาเม ปทาเลตฺวา สีฆํ อุฏฺาย อกิฺจนํ อปลิโพธํ รมณียํ ปพฺพชฺชํ อุปคนฺตุํ น สกฺโกนฺติ. ภยฺจ เมตนฺติ ภยฺจ เอตํ, ม-กาโร พฺยฺชนสนฺธิวเสน วุตฺโต. ติมูลนฺติ ตีหิ มูเลหิ ปติฏฺิตํ วิย อจลํ. พลวภยสฺเสตํ นามํ. ปวุตฺตนฺติ มหาราช, เอเต กามา นาม ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกสฺส อตฺตานุวาทภยาทิกสฺส เจว ทฺวตฺตึสกมฺมกรณฉนวุติโรควสปฺปวตฺตสฺส จ ภยสฺส ปจฺจยฏฺเน พลวภยนฺติ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธพุทฺธสาวเกหิ เจว สพฺพฺุโพธิสตฺเตหิ จ ปวุตฺตํ กถิตํ, ทีปิตนฺติ อตฺโถ. อถ วา ภยฺจ เมตนฺติ ภยฺจ มยา เอตํ ติมูลํ ปวุตฺตนฺติ เอวฺเจตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพเยว.

รโช จ ธูโม จาติ รชธูมสทิสตฺตา ‘‘รโช’’ติ จ ‘‘ธูโม’’ติ จ มยา ปกาสิตา. ยถา หิ สุนฺหาตสฺส สุวิลิตฺตาลงฺกตสฺส ปุริสสฺส สรีเร สุขุมรชํ ปติตํ, ตํ สรีรํ ทุพฺพณฺณํ โสภารหิตํ กิลิฏฺํ กโรติ, เอวเมว อิทฺธิพเลน อากาเสน อาคนฺตฺวา จนฺโท วิย จ สูริโย วิย จ โลเก ปฺาตาปิ สกึ กามรชสฺส อนฺโต ปติตกาลโต ปฏฺาย คุณวณฺณคุณโสภาคุณสุทฺธีนํ อุปหตตฺตา ทุพฺพณฺณา โสภารหิตา กิลิฏฺาเยว โหนฺติ. ยถา จ ธูเมน ปหฏกาลโต ปฏฺาย สุปริสุทฺธาปิ ภิตฺติ กาฬวณฺณา โหติ, เอวํ อติปริสุทฺธฺาณาปิ กามธูเมน ปหฏกาลโต ปฏฺาย คุณวินาสปฺปตฺติยา มหาชนมชฺเฌ กาฬกาว หุตฺวา ปฺายนฺติ. อิติ รชธูมสริกฺขตาย เอเต กามา ‘‘รโช จ ธูโม จา’’ติ มยา ตุยฺหํ ปกาสิตา, ตสฺมา อิเม กาเม หิตฺวา ตุวํ ปพฺพช พฺรหฺมทตฺตาติ ราชานํ ปพฺพชฺชาย อุสฺสาหํ ชเนติ.

ตํ สุตฺวา ราชา กิเลเสหิ อตฺตโน พทฺธภาวํ กเถนฺโต ทุติยํ คาถมาห –

๑๕.

‘‘คธิโต จ รตฺโต จ อธิมุจฺฉิโต จ, กาเมสฺวหํ พฺราหฺมณ ภึสรูปํ;

ตํ นุสฺสเห ชีวิกตฺโถ ปหาตุํ, กาหามิ ปุฺานิ อนปฺปกานี’’ติ.

ตตฺถ คธิโตติ อภิชฺฌากายคนฺเถน พทฺโธ. รตฺโตติ ปกติชหาปเนน ราเคน รตฺโต. อธิมุจฺฉิโตติ อติวิย มุจฺฉิโต. กาเมสฺวหนฺติ ทุวิเธสุปิ กาเมสุ อหํ. พฺราหฺมณาติ ทรีมุขปจฺเจกพุทฺธํ อาลปติ. ภึสรูปนฺติ พลวรูปํ. ตํ นุสฺสเหติ ตํ ทุวิธมฺปิ กามํ น อุสฺสหามิ น สกฺโกมิ. ชีวิกตฺโถ ปหาตุนฺติ อิมาย ชีวิกาย อตฺถิโก อหํ ตํ กามํ ปหาตุํ น สกฺโกมีติ วทติ. กาหามิ ปุฺานีติ อิทานิ ทานสีลอุโปสถกมฺมสงฺขาตานิ ปุฺานิ อนปฺปกานิ พหูนิ กริสฺสามีติ.

เอวํ กิเลสกาโม นาเมส สกึ อลฺลีนกาลโต ปฏฺาย อปเนตุํ น สกฺโกติ, เยน สํกิลิฏฺจิตฺโต มหาปุริโส ปจฺเจกพุทฺเธน ปพฺพชฺชาย คุเณ กถิเตปิ ‘‘ปพฺพชิตุํ น สกฺโกมี’’ติ อาห. โยยํ ทีปงฺกรปาทมูเล อตฺตนิ สมฺภเวน าเณน พุทฺธกรธมฺเม วิจินนฺโต ตติยํ เนกฺขมฺมปารมึ ทิสฺวา –

‘‘อิมํ ตฺวํ ตติยํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;

เนกฺขมฺมปารมิตํ คจฺฉ, ยทิ โพธึ ปตฺตุมิจฺฉสิ.

‘‘ยถา อนฺทุฆเร ปุริโส, จิรวุตฺโถ ทุขฏฺฏิโต;

น ตตฺถ ราคํ ชเนติ, มุตฺตึเยว คเวสติ.

‘‘ตเถว ตฺวํ สพฺพภเว, ปสฺส อนฺทุฆเร วิย;

เนกฺขมฺมาภิมุโข หุตฺวา, สมฺโพธึ ปาปุณิสฺสสี’’ติ. –

เอวํ เนกฺขมฺเม คุณํ ปริกิตฺเตสิ, โส ปจฺเจกพุทฺเธน ปพฺพชฺชาย วณฺณํ วตฺวา ‘‘กิเลเส ฉฑฺเฑตฺวา สมโณ โหหี’’ติ วุจฺจมาโนปิ ‘‘นาหํ กิเลเส ฉฑฺเฑตฺวา สมโณ ภวิตุํ สกฺโกมี’’ติ วทติ.

อิมสฺมึ กิร โลเก อฏฺ อุมฺมตฺตกา นาม. เตนาหุ โปราณา ‘‘อฏฺ ปุคฺคลา อุมฺมตฺตกสฺํ ปฏิลภนฺติ, กามุมฺมตฺตโก โลภวสํ คโต, โกธุมฺมตฺตโก โทสวสํ คโต, ทิฏฺุมฺมตฺตโก วิปลฺลาสวสํ คโต, โมหุมฺมตฺตโก อฺาณวสํ คโต, ยกฺขุมฺมตฺตโก ยกฺขวสํ คโต, ปิตฺตุมฺมตฺตโก ปิตฺตวสํ คโต, สุรุมฺมตฺตโก ปานวสํ คโต, พฺยสนุมฺมตฺตโก โสกวสํ คโต’’ติ. อิเมสุ อฏฺสุ อุมฺมตฺตเกสุ มหาสตฺโต อิมสฺมึ ชาตเก กามุมฺมตฺตโก หุตฺวา โลภวสํ คโต ปพฺพชฺชาย คุณํ น อฺาสิ.

เอวํ อนตฺถการกํ ปน อิมํ คุณปริธํสกํ โลภชาตํ กสฺมา สตฺตา ปริมุฺจิตุํ น สกฺโกนฺตีติ? อนมตคฺเค สํสาเร อเนกานิ กปฺปโกฏิสตสหสฺสานิ เอกโต พนฺธิตภาเวน. เอวํ สนฺเตปิ ตํ ปณฺฑิตา ‘‘อปฺปสฺสาทา กามา’’ติอาทีนํ อเนเกสํ ปจฺจเวกฺขณานํ วเสน ปชหนฺติ. เตเนว ทรีมุขปจฺเจกพุทฺโธ มหาสตฺเตน ‘‘ปพฺพชิตุํ น สกฺโกมี’’ติ วุตฺเตปิ ธุรนิกฺเขปํ อกตฺวา อุตฺตริมฺปิ โอวทนฺโต ทฺเว คาถา อาห.

๑๖.

‘‘โย อตฺถกามสฺส หิตานุกมฺปิโน, โอวชฺชมาโน น กโรติ สาสนํ;

อิทเมว เสยฺโย อิติ มฺมาโน, ปุนปฺปุนํ คพฺภมุเปติ มนฺโท.

๑๗.

‘‘โส โฆรรูปํ นิรยํ อุเปติ, สุภาสุภํ มุตฺตกรีสปูรํ;

สตฺตา สกาเย น ชหนฺติ คิทฺธา, เย โหนฺติ กาเมสุ อวีตราคา’’ติ.

ตตฺถ อตฺถกามสฺสาติ วุฑฺฒิกามสฺส. หิตานุกมฺปิโนติ หิเตน มุทุจิตฺเตน อนุกมฺปนฺตสฺส. โอวชฺชมาโนติ โอวทิยมาโน. อิทเมว เสยฺโยติ ยํ อตฺตนา คหิตํ อเสยฺยํ อนุตฺตมมฺปิ สมานํ, ตํ อิทเมว เสยฺโย อิติ มฺมาโน. มนฺโทติ โส อฺาณปุคฺคโล มาตุกุจฺฉิยํ วาสํ นาติกฺกมติ, ปุนปฺปุนํ คพฺภํ อุเปติเยวาติ อตฺโถ.

โส โฆรรูปนฺติ มหาราช, โส มนฺโท ตํ มาตุกุจฺฉึ อุเปนฺโต โฆรรูปํ ทารุณชาติกํ นิรยํ อุเปติ นาม. มาตุกุจฺฉิ หิ นิรสฺสาทฏฺเน อิธ ‘‘นิรโย’’ติ วุตฺโต, ‘‘จตุกุฏฺฏิกนิรโย’’ติ วุจฺจติ. ‘‘จตุกุฏฺฏิกนิรโย นาม กตโร’’ติ วุตฺเต มาตุกุจฺฉิเมว วตฺตุํ วฏฺฏติ. อวีจิมหานิรเย นิพฺพตฺตสตฺตสฺส หิ อปราปรํ อาธาวนปริธาวนํ โหติเยว, ตสฺมา ตํ ‘‘จตุกุฏฺฏิกนิรโย’’ติ วตฺตุํ น ลพฺภติ, มาตุกุจฺฉิยํ ปน นว วา ทส วา มาเส จตูหิปิ ปสฺเสหิ อิโต จิโต จ ธาวิตุํ นาม น สกฺกา, อติสมฺพาเธ โอกาเส จตุโกเฏน จตุสงฺกุฏิเตเนว หุตฺวา อจฺฉิตพฺพํ, ตสฺมา เอส ‘‘จตุกุฏฺฏิกนิรโย’’ติ วุจฺจติ.

สุภาสุภนฺติ สุภานํ อสุภํ. สุภานฺหิ สํสารภีรุกานํ โยคาวจรกุลปุตฺตานํ มาตุกุจฺฉิ เอกนฺตํ อสุภสมฺมโต. เตน วุตฺตํ –

‘‘อชฺํ ชฺสงฺขาตํ, อสุจึ สุจิสมฺมตํ;

นานากุณปปริปูรํ, ชฺรูปํ อปสฺสโต.

‘‘ธิรตฺถุมํ อาตุรํ ปูติกายํ, เชคุจฺฉิยํ อสฺสุจึ พฺยาธิธมฺมํ;

ยตฺถปฺปมตฺตา อธิมุจฺฉิตา ปชา, หาเปนฺติ มคฺคํ สุคตูปปตฺติยา’’ติ. (ชา. ๑.๓.๑๒๘-๑๒๙);

สตฺตาติ อาสตฺตา วิสตฺตา ลคฺคา ลคฺคิตา สกาเย น ชหนฺตีติ ตํ มาตุกุจฺฉึ น ปริจฺจชนฺติ. คิทฺธาติ คธิตา. เย โหนฺตีติ เย กาเมสุ อวีตราคา โหนฺติ, เต เอตํ คพฺภวาสํ น ชหนฺตีติ.

เอวํ ทรีมุขปจฺเจกพุทฺโธ คพฺภโอกฺกนฺติมูลกฺจ, ปริหารมูลกฺจ ทุกฺขํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ คพฺภวุฏฺานมูลกํ ทสฺเสตุํ ทิยฑฺฒคาถมาห.

๑๘.

‘‘มีฬฺเหน ลิตฺตา รุหิเรน มกฺขิตา, เสมฺเหน ลิตฺตา อุปนิกฺขมนฺติ;

ยํ ยฺหิ กาเยน ผุสนฺติ ตาวเท, สพฺพํ อสาตํ ทุขเมว เกวลํ.

๑๙.

‘‘ทิสฺวา วทามิ น หิ อฺโต สวํ, ปุพฺเพนิวาสํ พหุกํ สรามี’’ติ.

ตตฺถ มีฬฺเหน ลิตฺตาติ มหาราช, อิเม สตฺตา มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขมนฺตา น จตุชฺชาติคนฺเธหิ วิลิมฺปิตฺวา สุรภิมาลํ ปิฬนฺธิตฺวา นิกฺขมนฺติ, ปุราณคูเถน ปน มกฺขิตา ปลิพุทฺธา หุตฺวา นิกฺขมนฺติ. รุหิเรน มกฺขิตาติ รตฺตโลหิตจนฺทนานุลิตฺตาปิ จ หุตฺวา น นิกฺขมนฺติ, รตฺตโลหิตมกฺขิตา ปน หุตฺวา นิกฺขมนฺติ. เสมฺเหน ลิตฺตาติ น จาปิ เสตจนฺทนวิลิตฺตา นิกฺขมนฺติ, พหลปิจฺฉิลเสมฺหลิตฺตา ปน หุตฺวา นิกฺขมนฺติ. อิตฺถีนฺหิ คพฺภวุฏฺานกาเล เอตา อสุจิโย นิกฺขมนฺติ. ตาวเทติ ตสฺมึ สมเย. อิทํ วุตฺตํ โหติ – มหาราช, อิเม สตฺตา ตสฺมึ มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขมนสมเย เอวํ มีฬฺหาทิลิตฺตา นิกฺขมนฺตา ยํ ยํ นิกฺขมนมคฺคปเทสํ วา หตฺถํ วา ปาทํ วา ผุสนฺติ, ตํ สพฺพํ อสาตํ อมธุรํ เกวลํ อสมฺมิสฺสํ ทุกฺขเมว ผุสนฺติ, สุขํ นาม เตสํ ตสฺมึ สมเย นตฺถีติ.

ทิสฺวา วทามิ น หิ อฺโต สวนฺติ มหาราช, อหํ อิมํ เอตฺตกํ วทนฺโต น อฺโต สวํ, อฺสฺส สมณสฺส วา พฺราหฺมณสฺส วา ตํ สุตฺวา น วทามิ, อตฺตโน ปน ปจฺเจกโพธิาเณน ทิสฺวา ปฏิวิชฺฌิตฺวา ปจฺจกฺขํ กตฺวา วทามีติ อตฺโถ. ปุพฺเพนิวาสํ พหุกนฺติ อิทํ อตฺตโน อานุภาวํ ทสฺเสนฺโต อาห. อิทํ วุตฺตํ โหติ – มหาราช, อหฺหิ ปุพฺเพ นิวุตฺถกฺขนฺธปฏิปาฏิสงฺขาตํ ปุพฺเพนิวาสํ พหุกํ สรามิ, สตสหสฺสกปฺปาธิกานิ ทฺเว อสงฺขฺเยยฺยานิ สรามีติ.

อิทานิ สตฺถา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา ‘‘เอวํ โส ปจฺเจกพุทฺโธ ราชานํ สุภาสิตกถาย สงฺคณฺหี’’ติ วตฺวา โอสาเน อุปฑฺฒคาถมาห –

‘‘จิตฺราหิ คาถาหิ สุภาสิตาหิ, ทรีมุโข นิชฺฌาปยิ สุเมธ’’นฺติ.

ตตฺถ จิตฺราหีติ อเนกตฺถสนฺนิสฺสิตาหิ. สุภาสิตาหีติ สุกถิตาหิ. ทรีมุโข นิชฺฌาปยิ สุเมธนฺติ ภิกฺขเว, โส ทรีมุขปจฺเจกพุทฺโธ ตํ สุเมธํ สุนฺทรปฺํ การณาการณชานนสมตฺถํ ราชานํ นิชฺฌาเปสิ สฺาเปสิ, อตฺตโน วจนํ คณฺหาเปสีติ อตฺโถ.

เอวํ ปจฺเจกพุทฺโธ กาเมสุ โทสํ ทสฺเสตฺวา อตฺตโน วจนํ คาหาเปตฺวา ‘‘มหาราช, อิทานิ ปพฺพช วา มา วา, มยา ปน ตุยฺหํ กาเมสุ อาทีนโว ปพฺพชฺชาย จ อานิสํโส กถิโต, ตฺวํ อปฺปมตฺโต โหหี’’ติ วตฺวา สุวณฺณราชหํโส วิย อากาเส อุปฺปติตฺวา วลาหกคพฺภํ มทฺทนฺโต นนฺทมูลกปพฺภารเมว คโต. มหาสตฺโต ทสนขสโมธานสมุชฺชลํ อฺชลึ สิรสฺมึ เปตฺวา นมสฺสมาโน ตสฺมึ ทสฺสนวิสเย อตีเต เชฏฺปุตฺตํ ปกฺโกสาเปตฺวา รชฺชํ ปฏิจฺฉาเปตฺวา มหาชนสฺส โรทนฺตสฺส ปริเทวนฺตสฺส กาเม ปหาย หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา ปณฺณสาลํ มาเปตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา น จิรสฺเสว อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา อายุปริโยสาเน พฺรหฺมโลกูปโค อโหสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน พหู โสตาปนฺนาทโย อเหสุํ. ตทา ราชา อหเมว อโหสินฺติ.

ทรีมุขชาตกวณฺณนา ตติยา.

[๓๗๙] ๔. เนรุชาตกวณฺณนา

กาโกลา กากสงฺฆา จาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิร สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา เอกํ ปจฺจนฺตคามํ อคมาสิ. มนุสฺสา ตสฺส อิริยาปเถ ปสีทิตฺวา ตํ โภเชตฺวา ปฏิฺํ คเหตฺวา อรฺเ ปณฺณสาลํ กตฺวา ตตฺถ วสาเปสุํ, อติวิย จสฺส สกฺการํ กรึสุ. อเถเก สสฺสตวาทา อาคมํสุ. เต เตสํ วจนํ สุตฺวา เถรสฺส วาทํ วิสฺสชฺเชตฺวา สสฺสตวาทํ คเหตฺวา เตสฺเว สกฺการํ กรึสุ. ตโต อุจฺเฉทวาทา อาคมํสุ เต สสฺสตวาทํ วิสฺสชฺเชตฺวา อุจฺเฉทวาทเมว คณฺหึสุ. อถฺเ อเจลกา อาคมึสุ. เต อุจฺเฉทวาทํ วิสฺสชฺเชตฺวา อเจลกวาทํ คณฺหึสุ. โส เตสํ คุณาคุณํ อชานนฺตานํ มนุสฺสานํ สนฺติเก ทุกฺเขน วสิตฺวา วุตฺถวสฺโส ปวาเรตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา กตปฏิสนฺถาโร ‘‘กหํ วสฺสํวุตฺโถสี’’ติ วุตฺเต ‘‘ปจฺจนฺตํ นิสฺสาย, ภนฺเต’’ติ วตฺวา ‘‘สุขํ วุตฺโถสี’’ติ ปุฏฺโ ‘‘ภนฺเต, คุณาคุณํ อชานนฺตานํ สนฺติเก ทุกฺขํ วุตฺโถสฺมี’’ติ อาห. สตฺถา ‘‘ภิกฺขุ โปราณกปณฺฑิตา ติรจฺฉานโยนิยํ นิพฺพตฺตาปิ คุณาคุณํ อชานนฺเตหิ สทฺธึ เอกทิวสมฺปิ น วสึสุ, ตฺวํ อตฺตโน คุณาคุณํ อชานนฏฺาเน กสฺมา วสี’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต สุวณฺณหํสโยนิยํ นิพฺพตฺติ, กนิฏฺภาตาปิสฺส อตฺถิ. เต จิตฺตกูฏปพฺพเต วสนฺตา หิมวนฺตปเทเส สยํชาตสาลึ ขาทนฺติ. เต เอกทิวสํ ตตฺถ จริตฺวา จิตฺตกูฏํ อาคจฺฉนฺตา อนฺตรามคฺเค เอกํ เนรุํ นาม กฺจนปพฺพตํ ทิสฺวา ตสฺส มตฺถเก นิสีทึสุ. ตํ ปน ปพฺพตํ นิสฺสาย วสนฺตา สกุณสงฺฆา จตุปฺปทา จ โคจรภูมิยํ นานาวณฺณา โหนฺติ, ปพฺพตํ ปวิฏฺกาลโต ปฏฺาย เต สพฺเพ ตสฺโสภาเสน สุวณฺณวณฺณา โหนฺติ. ตํ ทิสฺวา โพธิสตฺตสฺส กนิฏฺโ ตํ การณํ อชานิตฺวา ‘‘กึ นุ โข เอตฺถ การณ’’นฺติ ภาตรา สทฺธึ สลฺลปนฺโต ทฺเว คาถา อภาสิ –

๒๐.

‘‘กาโกลา กากสงฺฆา จ, มยฺจ ปตตํ วรา;

สพฺเพว สทิสา โหม, อิมํ อาคมฺม ปพฺพตํ.

๒๑.

‘‘อิธ สีหา จ พฺยคฺฆา จ, สิงฺคาลา จ มิคาธมา;

สพฺเพว สทิสา โหนฺติ, อยํ โก นาม ปพฺพโต’’ติ.

ตตฺถ กาโกลาติ วนกากา. กากสงฺฆาติ ปกติกากสงฺฆา จ. ปตตํ วราติ ปกฺขีนํ เสฏฺา. สทิสา โหมาติ สทิสวณฺณา โหม.

ตสฺส วจนํ สุตฺวา โพธิสตฺโต ตติยํ คาถมาห –

๒๒.

‘‘อิมํ เนรูติ ชานนฺติ, มนุสฺสา ปพฺพตุตฺตมํ;

อิธ วณฺเณน สมฺปนฺนา, วสนฺติ สพฺพปาณิโน’’ติ.

ตตฺถ อิธ วณฺเณนาติ อิมสฺมึ เนรุปพฺพเต โอภาเสน วณฺณสมฺปนฺนา หุตฺวา.

ตํ สุตฺวา กนิฏฺโ เสสคาถา อภาสิ –

๒๓.

‘‘อมานนา ยตฺถ สิยา, อนฺตานํ วา วิมานนา;

หีนสมฺมานนา วาปิ, น ตตฺถ วิสตึวเส.

๒๔.

‘‘ยตฺถาลโส จ ทกฺโข จ, สูโร ภีรุ จ ปูชิยา;

น ตตฺถ สนฺโต วสนฺติ, อวิเสสกเร นเร.

๒๕.

‘‘นายํ เนรุ วิภชติ, หีนอุกฺกฏฺมชฺฌิเม;

อวิเสสกโร เนรุ, หนฺท เนรุํ ชหามเส’’ติ.

ตตฺถ ปมคาถาย อยมตฺโถ – ยตฺถ สนฺตานํ ปณฺฑิตานํ สีลสมฺปนฺนานํ มานนสฺส อภาเวน อมานนา อวมฺนา จ อวมานวเสน วิมานนา วา หีนานํ วา ทุสฺสีลานํ สมฺมานนา สิยา, ตตฺถ นิวาเส น วเสยฺย. ปูชิยาติ เอเต เอตฺถ เอกสทิสาย ปูชาย ปูชนียา โหนฺติ, สมกํ สกฺการํ ลภนฺติ. หีนอุกฺกฏฺมชฺฌิเมติ ชาติโคตฺตกุลปฺปเทสสีลาจาราณาทีหิ หีเน จ มชฺฌิเม จ อุกฺกฏฺเ จ อยํ น วิภชติ. หนฺทาติ ววสฺสคฺคตฺเถ นิปาโต. ชหามเสติ ปริจฺจชาม. เอวฺจ ปน วตฺวา อุโภปิ เต หํสา อุปฺปติตฺวา จิตฺตกูฏเมว คตา.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน โส ภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ตทา กนิฏฺหํโส อานนฺโท อโหสิ, เชฏฺกหํโส ปน อหเมว อโหสินฺติ.

เนรุชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.

[๓๘๐] ๕. อาสงฺกชาตกวณฺณนา

อาสาวตี นาม ลตาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปุราณทุติยิกาปโลภนํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ อินฺทฺริยชาตเก (ชา. ๑.๘.๖๐ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติ. อิธ ปน สตฺถา ตํ ภิกฺขุํ ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ อุกฺกณฺิโตสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจํ, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘เกน อุกฺกณฺาปิโตสี’’ติ วตฺวา ‘‘ปุราณทุติยิกาย, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘ภิกฺขุ เอสา อิตฺถี ตุยฺหํ อนตฺถการิกา, ปุพฺเพปิ ตฺวํ เอตํ นิสฺสาย จตุรงฺคินิเสนํ ชห