📜

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส

ขุทฺทกนิกาเย

ชาตก-อฏฺกถา

(ตติโย ภาโค)

๔. จตุกฺกนิปาโต

๑. กาลิงฺควคฺโค

[๓๐๑] ๑. จูฬกาลิงฺคชาตกวณฺณนา

วิวรถิมาสํ ทฺวารนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต จตุนฺนํ ปริพฺพาชิกานํ ปพฺพชฺชํ อารพฺภ กเถสิ. เวสาลิยํ กิร ลิจฺฉวิราชูนํ สตฺต สหสฺสานิ สตฺต สตานิ สตฺต จ ลิจฺฉวี วสึสุ. เต สพฺเพปิ ปุจฺฉาปฏิปุจฺฉาจิตฺตกา อเหสุํ. อเถโก ปฺจสุ วาทสเตสุ พฺยตฺโต นิคณฺโ เวสาลิยํ สมฺปาปุณิ, เต ตสฺส สงฺคหํ อกํสุ. อปราปิ เอวรูปา นิคณฺี สมฺปาปุณิ. ราชาโน ทฺเวปิ ชเน วาทํ กาเรสุํ, อุโภปิ สทิสาว อเหสุํ. ตโต ลิจฺฉวีนํ เอตทโหสิ ‘‘อิเม ทฺเวปิ ปฏิจฺจ อุปฺปนฺโน ปุตฺโต พฺยตฺโต ภวิสฺสตี’’ติ. เตสํ วิวาหํ กาเรตฺวา ทฺเวปิ เอกโต วาเสสุํ. อถ เนสํ สํวาสมนฺวาย ปฏิปาฏิยา จตสฺโส ทาริกาโย เอโก จ ทารโก ชายิ. ทาริกานํ ‘‘สจฺจา, โลลา, อวธาริกา, ปฏิจฺฉาทา’’ติ นามํ อกํสุ, ทารกสฺส ‘‘สจฺจโก’’ติ. เต ปฺจปิ ชนา วิฺุตํ ปตฺตา มาติโต ปฺจ วาทสตานิ, ปิติโต ปฺจ วาทสตานีติ วาทสหสฺสํ อุคฺคณฺหึสุ. มาตาปิตโร ทาริกานํ เอวํ โอวทึสุ ‘‘สเจ โกจิ คิหี ตุมฺหากํ วาทํ ภินฺทิสฺสติ, ตสฺส ปาทปริจาริกา ภเวยฺยาถ. สเจ ปพฺพชิโต ภินฺทิสฺสติ, ตสฺส สนฺติเก ปพฺพเชยฺยาถา’’ติ.

อปรภาเค มาตาปิตโร กาลมกํสุ. เตสุ กาลกเตสุ สจฺจกนิคณฺโ ตตฺเถว เวสาลิยํ ลิจฺฉวีนํ สิปฺปํ สิกฺขาเปนฺโต วสิ. ภคินิโย ชมฺพุสาขํ คเหตฺวา วาทตฺถาย นครา นครํ จรมานา สาวตฺถึ ปตฺวา นครทฺวาเร สาขํ นิขณิตฺวา ‘‘โย อมฺหากํ วาทํ อาโรเปตุํ สกฺโกติ คิหี วา ปพฺพชิโต วา, โส เอตํ ปํสุปุฺชํ ปาเทหิ วิกิริตฺวา ปาเทเหว สาขํ มทฺทตู’’ติ ทารกานํ วตฺวา ภิกฺขาย นครํ ปวิสึสุ. อถายสฺมา สาริปุตฺโต อสมฺมฏฺฏฺานํ สมฺมชฺชิตฺวา ริตฺตฆเฏสุ ปานียํ อุปฏฺเปตฺวา คิลาเน จ ปฏิชคฺคิตฺวา ทิวาตรํ สาวตฺถึ ปิณฺฑาย ปวิสนฺโต ตํ สาขํ ทิสฺวา ทารเก ปุจฺฉิ, ทารกา ตํ ปวตฺตึ อาจิกฺขึสุ. เถโร ทารเกเหว ปาตาเปตฺวา มทฺทาเปตฺวา ‘‘เยหิ อยํ สาขา ปิตา, เต กตภตฺตกิจฺจาว อาคนฺตฺวา เชตวนทฺวารโกฏฺเก มํ ปสฺสนฺตู’’ติ ทารกานํ วตฺวา นครํ ปวิสิตฺวา กตภตฺตกิจฺโจ วิหารทฺวารโกฏฺเก อฏฺาสิ. ตาปิ ปริพฺพาชิกา ภิกฺขาย จริตฺวา อาคตา สาขํ มทฺทิตํ ทิสฺวา ‘‘เกนายํ มทฺทิตา’’ติ วตฺวา ‘‘สาริปุตฺตตฺเถเรน, สเจ ตุมฺเห วาทตฺถิกา, เชตวนทฺวารโกฏฺกํ คจฺฉถา’’ติ ทารเกหิ วุตฺตา ปุน นครํ ปวิสิตฺวา มหาชนํ สนฺนิปาเตตฺวา วิหารทฺวารโกฏฺกํ คนฺตฺวา เถรํ วาทสหสฺสํ ปุจฺฉึสุ. เถโร ตํ วิสฺสชฺเชตฺวา ‘‘อฺํ กิฺจิ ชานาถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘น ชานาม, สามี’’ติ. ‘‘อหํ ปน โว กิฺจิ ปุจฺฉามี’’ติ. ‘‘ปุจฺฉ, สามิ, ชานนฺติโย กเถสฺสามา’’ติ.

เถโร ‘‘เอกํ นาม กิ’’นฺติ ปุจฺฉิ. ตา น ชานึสุ. เถโร วิสฺสชฺเชสิ. ตา ‘‘อมฺหากํ, สามิ, ปราชโย, ตุมฺหากํ ชโย’’ติ อาหํสุ. ‘‘อิทานิ กึ กริสฺสถา’’ติ? ‘‘อมฺหากํ มาตาปิตูหิ อยํ โอวาโท ทินฺโน ‘สเจ โว คิหี วาทํ ภินฺทิสฺสติ, ตสฺส ปชาปติโย ภเวยฺยาถ. สเจ ปพฺพชิโต, ตสฺส สนฺติเก ปพฺพเชยฺยาถา’ติ, ปพฺพชฺชํ โน เทถา’’ติ. เถโร ‘‘สาธู’’ติ วตฺวา ตา อุปฺปลวณฺณาย เถริยา สนฺติเก ปพฺพาเชสิ. ตา สพฺพาปิ น จิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. อเถกทิวสํ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, สาริปุตฺตตฺเถโร จตุนฺนํ ปริพฺพาชิกานํ อวสฺสโย หุตฺวา สพฺพา อรหตฺตํ ปาเปสี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปส เอตาสํ อวสฺสโย อโหสิ, อิทานิ ปน ปพฺพชฺชาภิเสกํ ทาเปสิ, ปุพฺเพ ราชมเหสิฏฺาเน เปสี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต กาลิงฺครฏฺเ ทนฺตปุรนคเร กาลิงฺคราเช รชฺชํ กาเรนฺเต อสฺสกรฏฺเ ปาฏลินคเร อสฺสโก นาม ราชา รชฺชํ กาเรสิ. กาลิงฺโค สมฺปนฺนพลวาหโน สยมฺปิ นาคพโล ปฏิโยธํ น ปสฺสติ. โส ยุชฺฌิตุกาโม หุตฺวา อมจฺจานํ อาโรเจสิ ‘‘อหํ ยุทฺธตฺถิโก, ปฏิโยธํ ปน น ปสฺสามิ, กึ กโรมา’’ติ. อมจฺจา ‘‘อตฺเถโก, มหาราช, อุปาโย, ธีตโร เต จตสฺโส อุตฺตมรูปธรา, ตา ปสาเธตฺวา ปฏิจฺฉนฺนยาเน นิสีทาเปตฺวา พลปริวุตา คามนิคมราชธานิโย จราเปถ. โย ราชา ตา อตฺตโน เคเห กาตุกาโม ภวิสฺสติ, เตน สทฺธึ ยุทฺธํ กริสฺสามา’’ติ วทึสุ. ราชา ตถา กาเรสิ. ตาหิ คตคตฏฺาเน ราชาโน ภเยน ตาสํ นครํ ปวิสิตุํ น เทนฺติ, ปณฺณาการํ เปเสตฺวา พหินคเรเยว วสาเปนฺติ. เอวํ สกลชมฺพุทีปํ วิจริตฺวา อสฺสกรฏฺเ ปาฏลินครํ ปาปุณึสุ. อสฺสโกปิ นครทฺวารานิ ปิทหาเปตฺวา ปณฺณาการํ เปเสสิ. ตสฺส นนฺทิเสโน นาม อมจฺโจ ปณฺฑิโต พฺยตฺโต อุปายกุสโล. โส จินฺเตสิ ‘‘อิมา กิร ราชธีตโร สกลชมฺพุทีปํ วิจริตฺวา ปฏิโยธํ น ลภึสุ, เอวํ สนฺเต ชมฺพุทีโป ตุจฺโฉ นาม อโหสิ, อหํ กาลิงฺเคน สทฺธึ ยุชฺฌิสฺสามี’’ติ. โส นครทฺวารํ คนฺตฺวา โทวาริเก อามนฺเตตฺวา ตาสํ ทฺวารํ วิวราเปตุํ ปมํ คาถมาห –

.

‘‘วิวรถิมาสํ ทฺวารํ, นครํ ปวิสนฺตุ อรุณราชสฺส;

สีเหน สุสิฏฺเน, สุรกฺขิตํ นนฺทิเสเนนา’’ติ.

ตตฺถ อรุณราชสฺสาติ โส หิ รชฺเช ปติฏฺิตกาเล รฏฺนามวเสน อสฺสโก นาม ชาโต, กุลทตฺติยํ ปนสฺส นามํ อรุโณติ. เตนาห ‘‘อรุณราชสฺสา’’ติ. สีเหนาติ ปุริสสีเหน. สุสิฏฺเนาติ อาจริเยหิ สุฏฺุ อนุสาสิเตน. นนฺทิเสเนนาติ มยา นนฺทิเสเนน นาม.

โส เอวํ วตฺวา ทฺวารํ วิวราเปตฺวา ตา คเหตฺวา อสฺสกรฺโ ทตฺวา ‘‘ตุมฺเห มา ภายิตฺถ, ยุทฺเธ สติ อหํ ชินิสฺสามิ, อิมา อุตฺตมรูปธรา ราชธีตโร มเหสิโย กโรถา’’ติ ตาสํ อภิเสกํ ทาเปตฺวา ตาหิ สทฺธึ อาคเต ปุริเส ‘‘คจฺฉถ, ตุมฺเห ราชธีตูนํ อสฺสกราเชน มเหสิฏฺาเน ปิตภาวํ ตุมฺหากํ รฺโ อาจิกฺขถา’’ติ อุยฺโยเชสิ. เต คนฺตฺวา อาโรเจสุํ. กาลิงฺโค ‘‘น หิ นูน โส มยฺหํ พลํ ชานาตี’’ติ วตฺวา ตาวเทว มหติยา เสนาย นิกฺขมิ. นนฺทิเสโน ตสฺส อาคมนํ ตฺวา ‘‘อตฺตโน กิร รชฺชสีมายเมว โหตุ, มา อมฺหากํ รฺโ รชฺชสีมํ โอกฺกมตุ, อุภินฺนํ รชฺชานํ อนฺตเร ยุทฺธํ ภวิสฺสตี’’ติ สาสนํ เปเสสิ. โส สาสนํ สุตฺวา อตฺตโน รชฺชปริยนฺเตเยว อฏฺาสิ. อสฺสโกปิ อตฺตโน รชฺชปริยนฺเต อฏฺาสิ. ตทา โพธิสตฺโต อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา เตสํ ทฺวินฺนํ รชฺชานํ อนฺตเร ปณฺณสาลายํ วสติ. กาลิงฺโค จินฺเตสิ ‘‘สมณา นาม กิฺจิ ชานิสฺสนฺติ, โก ชานาติ, กึ ภวิสฺสติ, กสฺส ชโย วา ปราชโย วา ภวิสฺสติ, ตาปสํ ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ อฺาตกเวเสน โพธิสตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิตฺวา ปฏิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘ภนฺเต, กาลิงฺโค จ อสฺสโก จ ยุชฺฌิตุกามา อตฺตโน อตฺตโน รชฺชสีมายเมว ิตา, เอเตสุ กสฺส ชโย ภวิสฺสติ, กสฺส ปราชโย’’ติ ปุจฺฉิ. มหาปุฺ, อหํ ‘‘อสุกสฺส ชโย, อสุกสฺส ปราชโย’’ติ น ชานามิ, สกฺโก ปน เทวราชา อิธาคจฺฉติ, ตมหํ ปุจฺฉิตฺวา กเถสฺสามิ, สฺเว อาคจฺเฉยฺยาสีติ. สกฺโก โพธิสตฺตสฺส อุปฏฺานํ อาคนฺตฺวา นิสีทิ, อถ นํ โพธิสตฺโต ตมตฺถํ ปุจฺฉิ. ภนฺเต, กาลิงฺโค ชินิสฺสติ, อสฺสโก ปราชิสฺสติ, อิทฺจิทฺจ ปุพฺพนิมิตฺตํ ปฺายิสฺสตีติ.

กาลิงฺโค ปุนทิวเส อาคนฺตฺวา ปุจฺฉิ, โพธิสตฺโตปิสฺส อาจิกฺขิ. โส ‘‘กึ นาม ปุพฺพนิมิตฺตํ ภวิสฺสตี’’ติ อปุจฺฉิตฺวาว ‘‘อหํ กิร ชินิสฺสามี’’ติ อุฏฺาย ตุฏฺิยา ปกฺกามิ. สา กถา วิตฺถาริกา อโหสิ. ตํ สุตฺวา อสฺสโก นนฺทิเสนํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘กาลิงฺโค กิร ชินิสฺสตึ, มยํ ปราชิสฺสาม, กึ นุ โข กาตพฺพ’’นฺติ อาห. โส ‘‘โก เอตํ ชานาติ มหาราช, กสฺส ชโย วา ปราชโย วา, ตุมฺเห มา จินฺตยิตฺถา’’ติ ราชานํ อสฺสาเสตฺวา โพธิสตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺโน ‘‘ภนฺเต, โก ชินิสฺสติ, โก ปราชิสฺสตี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘กาลิงฺโค ชินิสฺสติ, อสฺสโก ปราชิสฺสตี’’ติ? ‘‘ภนฺเต, ชินนฺตสฺส ปุพฺพนิมิตฺตํ กึ ภวิสฺสติ, กึ ปราชินนฺตสฺสา’’ติ? ‘‘มหาปุฺ, ชินนฺตสฺส อารกฺขเทวตา สพฺพเสโต อุสโภ ภวิสฺสติ, อิตรสฺส สพฺพกาฬโก, อุภินฺนมฺปิ อารกฺขเทวตา ยุชฺฌิตฺวา ชยปราชยํ กริสฺสนฺตี’’ติ. นนฺทิเสโน ตํ สุตฺวา อุฏฺาย คนฺตฺวา รฺโ สหาเย สหสฺสมตฺเต มหาโยเธ คเหตฺวา อวิทูเร ปพฺพตํ อภิรุยฺห ‘‘อมฺโภ, อมฺหากํ รฺโ ชีวิตํ ทาตุํ สกฺขิสฺสถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, สกฺขิสฺสามา’’ติ. ‘‘เตน หิ อิมสฺมึ ปปาเต ปตถา’’ติ. เต ปติตุํ อารภึสุ. อถ เน วาเรตฺวา ‘‘อลํ เอตฺถ ปตเนน, อมฺหากํ รฺโ ชีวิตํ ทาตุํ สุหทยา อนิวตฺติโน หุตฺวา ยุชฺฌถา’’ติ อาห. เต สมฺปฏิจฺฉึสุํ.

อถ สงฺคาเม อุปฏฺิเต กาลิงฺโค ‘‘อหํ กิร ชินิสฺสามี’’ติ โวสานํ อาปชฺชิ, พลกายาปิสฺส ‘‘อมฺหากํ กิร ชโย’’ติ โวสานํ อาปชฺชิตฺวา สนฺนาหํ อกตฺวา วคฺควคฺคา หุตฺวา ยถารุจิ ปกฺกมึสุ, วีริยกรณกาเล วีริยํ น กรึสุ. อุโภปิ ราชาโน อสฺสํ อภิรุหิตฺวา ‘‘ยุชฺฌิสฺสามา’’ติ อฺมฺํ อุปสงฺกมนฺติ. อุภินฺนํ อารกฺขเทวตา ปุรโต คนฺตฺวา กาลิงฺครฺโ อารกฺขเทวตา สพฺพเสโต อุสโภ อโหสิ, อิตรสฺส สพฺพกาฬโก. ตา เทวตาปิ อฺมฺํ ยุชฺฌนาการํ ทสฺเสนฺตา อุปสงฺกมึสุ. เต ปน อุสภา อุภินฺนํ ราชูนํเยว ปฺายนฺติ, น อฺเสํ. นนฺทิเสโน อสฺสกํ ปุจฺฉิ ‘‘ปฺายติ เต, มหาราช, อารกฺขเทวตา’’ติ. ‘‘อาม, ปฺายตี’’ติ. ‘‘เกนากาเรนา’’ติ. ‘‘กาลิงฺครฺโ อารกฺขเทวตา สพฺพเสโต อุสโภ หุตฺวา ปฺายติ, อมฺหากํ อารกฺขเทวตา สพฺพกาฬโก กิลมนฺโต หุตฺวา ติฏฺตี’’ติ. ‘‘มหาราช, ตุมฺเห มา ภายถ, มยํ ชินิสฺสาม, กาลิงฺโค ปราชิสฺสติ, ตุมฺเห อสฺสปิฏฺิโต โอตริตฺวา อิมํ สตฺตึ คเหตฺวา สุสิกฺขิตสินฺธวํ อุทรปสฺเส วามหตฺเถน อุปฺปีเฬตฺวา อิมินา ปุริสสหสฺเสน สทฺธึ เวเคน คนฺตฺวา กาลิงฺครฺโ อารกฺขเทวตํ สตฺติปฺปหาเรน ปาเตถ, ตโต มยํ สหสฺสมตฺตา สตฺติสหสฺเสน ปหริสฺสาม, เอวํ กาลิงฺคสฺส อารกฺขเทวตา นสฺสิสฺสติ, ตโต กาลิงฺโค ปราชิสฺสติ, มยํ ชินิสฺสามา’’ติ. ราชา ‘‘สาธู’’ติ นนฺทิเสเนน ทินฺนสฺาย คนฺตฺวา สตฺติยา ปหริ, สูรโยธสหสฺสาปิ อมจฺจา สตฺติสหสฺเสน ปหรึสุ. อารกฺขเทวตา ตตฺเถว ชีวิตกฺขยํ ปาปุณิ, ตาวเทว กาลิงฺโค ปราชิตฺวา ปลายิ. ตํ ปลายมานํ ทิสฺวา สหสฺสมตฺตา อมจฺจา ‘‘กาลิงฺโค ปลายตี’’ติ อุนฺนทึสุ. กาลิงฺโค มรณภยภีโต ปลายมาโน ตํ ตาปสํ อกฺโกสนฺโต ทุติยํ คาถมาห –

.

‘‘ชโย กลิงฺคานมสยฺหสาหินํ, ปราชโย อนโย อสฺสกานํ;

อิจฺเจว เต ภาสิตํ พฺรหฺมจาริ, น อุชฺชุภูตา วิตถํ ภณนฺตี’’ติ.

ตตฺถ อสยฺหสาหินนฺติ อสยฺหํ ทุสฺสหํ สหิตุํ สมตฺถานํ. อิจฺเจว เต ภาสิตนฺติ เอวํ ตยา กูฏตาปส ลฺชํ คเหตฺวา ปราชินกราชานํ ชินิสฺสติ, ชินนราชานฺจ ปราชิสฺสตีติ ภาสิตํ. น อุชฺชุภูตาติ เย กาเยน วาจาย มนสา จ อุชุภูตา, น เต มุสา ภณนฺตีติ.

เอวํ โส ตาปสํ อกฺโกสนฺโต ปลายนฺโต อตฺตโน นครเมว คโต, นิวตฺติตฺวา โอโลเกตุมฺปิ นาสกฺขิ. ตโต กติปาหจฺจเยน สกฺโก ตาปสสฺส อุปฏฺานํ อคมาสิ. ตาปโส เตน สทฺธึ กเถนฺโต ตติยํ คาถมาห –

.

‘‘เทวา มุสาวาทมุปาติวตฺตา, สจฺจํ ธนํ ปรมํ เตสุ สกฺก;

ตํ เต มุสา ภาสิตํ เทวราช, กึ วา ปฏิจฺจ มฆวา มหินฺทา’’ติ.

ตตฺถ ตํ เต มุสา ภาสิตนฺติ ยํ ตยา มยฺหํ ภาสิตํ, ตํ อตฺถภฺชนกมุสาวาทํ กเถนฺเตน ตยา มุสา ภาสิตํ, ตยา กึ การณํ ปฏิจฺจ เอวํ ภาสิตนฺติ?

ตํ สุตฺวา สกฺโก จตุตฺถํ คาถมาห –

.

‘‘นนุ เต สุตํ พฺราหฺมณ ภฺมาเน, เทวา น อิสฺสนฺติ ปุริสปรกฺกมสฺส;

ทโม สมาธิ มนโส อเภชฺโช, อพฺยคฺคตา นิกฺกมนฺจ กาเล;

ทฬฺหฺจ วิริยํ ปุริสปรกฺกโม จ, เตเนว อาสิ วิชโย อสฺสกาน’’นฺติ.

ตสฺสตฺโถ – กึ ตยา, พฺราหฺมณ, ตตฺถ ตตฺถ วจเน ภฺมาเน อิทํ น สุตปุพฺพํ, ยํ เทวา ปุริสปรกฺกมสฺส น อิสฺสนฺติ น อุสูยนฺติ, อสฺสกรฺโ วีริยกรณวเสน อตฺตทมนสงฺขาโต ทโม, สมคฺคภาเวน มนโส อเภชฺโช, อเภชฺชสมาธิ, อสฺสกรฺโ สหายานํ วีริยกรณกาเล อพฺยคฺคตา ยถา กาลิงฺคสฺส มนุสฺสา วคฺควคฺคา หุตฺวา โอสกฺกึสุ, เอวํ อโนสกฺกนํ สมคฺคภาเวน อเภชฺชจิตฺตานํ วีริยฺจ ปุริสปรกฺกโม จ ถิโร อโหสิ, เตเนว การเณน อสฺสกานํ ชโย อโหสีติ.

ปลาเต จ ปน กาลิงฺเค อสฺสกราชา วิโลปํ คาหาเปตฺวา อตฺตโน นครํ คโต. นนฺทิเสโน กาลิงฺคสฺส สาสนํ เปเสสิ ‘‘อิมาสํ จตุนฺนํ ราชกฺานํ ทายชฺชโกฏฺาสํ เปเสตุ, สเจ น เปเสติ, กาตพฺพเมตฺถ ชานิสฺสามี’’ติ. โส ตํ สาสนํ สุตฺวา ภีตตสิโต ตาหิ ลทฺธพฺพทายชฺชํ เปเสสิ, ตโต ปฏฺาย สมคฺควาสํ วสึสุ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ ‘‘ตทา กาลิงฺครฺโ ธีตโร อิมา ทหรภิกฺขุนิโย อเหสุํ, นนฺทิเสโน สาริปุตฺโต, ตาปโส ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

จูฬกาลิงฺคชาตกวณฺณนา ปมา.

[๓๐๒] ๒. มหาอสฺสาโรหชาตกวณฺณนา

อเทยฺเยสุํ ททํ ทานนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อานนฺทตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ. ปจฺจุปฺปนฺนวตฺถุ เหฏฺา กถิตเมว. สตฺถา ‘‘โปราณกปณฺฑิตาปิ อตฺตโน อุปการวเสเนว กิรึสู’’ติ วตฺวา อิธาปิ อตีตํ อาหริ.

อตีเต โพธิสตฺโต พาราณสิราชา หุตฺวา ธมฺเมน สเมน รชฺชํ กาเรติ, ทานํ เทติ, สีลํ รกฺขติ. โส ‘‘ปจฺจนฺตํ กุปิตํ วูปสเมสฺสามี’’ติ พลวาหนปริวุโต คนฺตฺวา ปราชิโต อสฺสํ อภิรุหิตฺวา ปลายมาโน เอกํ ปจฺจนฺตคามํ ปาปุณิ. ตตฺถ ตึส ชนา ราชเสวกา วสนฺติ. เต ปาโตว คามมชฺเฌ สนฺนิปติตฺวา คามกิจฺจํ กโรนฺติ. ตสฺมึ ขเณ ราชา วมฺมิตํ อสฺสํ อภิรุหิตฺวา อลงฺกตปฏิยตฺโต คามทฺวาเรน อนฺโตคามํ ปาวิสิ. เต ‘‘กึ นุ โข อิท’’นฺติ ภีตา ปลายิตฺวา สกสกเคหานิ ปวิสึสุ. เอโก ปเนตฺถ อตฺตโน เคหํ อคนฺตฺวา รฺโ ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา ‘‘ราชา กิร ปจฺจนฺตํ คโต’’ติ สุยฺยติ, โกสิ ตฺวํ ราชปุริโส โจรปุริโสติ? ‘‘ราชปุริโส, สมฺมา’’ติ. ‘‘เตน หิ เอถา’’ติ ราชานํ เคหํ เนตฺวา อตฺตโน ปีเก นิสีทาเปตฺวา ‘‘เอหิ, ภทฺเท, สหายกสฺส ปาเท โธวา’’ติ ภริยํ ตสฺส ปาเท โธวาเปตฺวา อตฺตโน พลานุรูเปน อาหารํ ทตฺวา ‘‘มุหุตฺตํ วิสฺสมถา’’ติ สยนํ ปฺาเปสิ, ราชา นิปชฺชิ. อิตโร อสฺสสฺส สนฺนาหํ โมเจตฺวา จงฺกมาเปตฺวา อุทกํ ปาเยตฺวา ปิฏฺึ เตเลน มกฺเขตฺวา ติณํ อทาสิ. เอวํ ตโย จตฺตาโร ทิวเส ราชานํ ปฏิชคฺคิตฺวา ‘‘คจฺฉามหํ, สมฺมา’’ติ วุตฺเต ปุน รฺโ จ อสฺสสฺส จ กตฺตพฺพยุตฺตกํ สพฺพมกาสิ. ราชา ตุสฺสิตฺวา คจฺฉนฺโต ‘‘อหํ, สมฺม, มหาอสฺสาโรโห นาม, นครมชฺเฌ อมฺหากํ เคหํ, สเจ เกนจิ กิจฺเจน นครํ อาคจฺฉสิ, ทกฺขิณทฺวาเร ตฺวา โทวาริกํ ‘มหาอสฺสาโรโห กตรเคเห วสตี’ติ ปุจฺฉิตฺวา โทวาริกํ คเหตฺวา อมฺหากํ เคหํ อาคจฺเฉยฺยาสี’’ติ วตฺวา ปกฺกามิ.

พลกาโยปิ ราชานํ อทิสฺวา พหินคเร ขนฺธาวารํ พนฺธิตฺวา ิโต ราชานํ ทิสฺวา ปจฺจุคฺคนฺตฺวา ปริวาเรสิ. ราชา นครํ ปวิสนฺโต ทฺวารนฺตเร ตฺวา โทวาริกํ ปกฺโกสาเปตฺวา มหาชนํ ปฏิกฺกมาเปตฺวา ‘‘ตาต, เอโก ปจฺจนฺตคามวาสี มํ ทฏฺุกาโม อาคนฺตฺวา ‘มหาอสฺสาโรหสฺส เคหํ กห’นฺติ ตํ ปุจฺฉิสฺสติ, ตํ ตฺวํ หตฺเถ คเหตฺวา อาเนตฺวา มํ ทสฺเสยฺยาสิ, ตทา ตฺวํ สหสฺสํ ลภิสฺสสี’’ติ อาห. โส นาคจฺฉติ, ตสฺมึ อนาคจฺฉนฺเต ราชา ตสฺส วสนคาเม พลึ วฑฺฒาเปสิ, พลิมฺหิ วฑฺฒิเต นาคจฺฉติ. เอวํ ทุติยมฺปิ ตติยมฺปิ พลึ วฑฺฒาเปสิ, เนว อาคจฺฉติ. อถ นํ คามวาสิโน สนฺนิปติตฺวา อาหํสุ ‘‘อยฺย, ตว สหายสฺส มหาอสฺสาโรหสฺส อาคตกาลโต ปฏฺาย มยํ พลินา ปีฬิยมานา สีสํ อุกฺขิปิตุํ น สกฺโกม, คจฺฉ ตว สหายสฺส มหาอสฺสาโรหสฺส วตฺวา อมฺหากํ พลึ วิสฺสชฺชาเปหี’’ติ. สาธุ คจฺฉิสฺสามิ, น ปน สกฺกา ตุจฺฉหตฺเถน คนฺตุํ, มยฺหํ สหายสฺส ทฺเว ทารกา อตฺถิ, เตสฺจ ภริยาย จสฺส สหายกสฺส จ เม นิวาสนปารุปนปิฬนฺธนาทีนิ สชฺเชถาติ. ‘‘สาธุ สชฺชิสฺสามา’’ติ เต สพฺพํ ปณฺณาการํ สชฺชยึสุ.

โส ตฺจ อตฺตโน ฆเร ปกฺกปูวฺจ อาทาย คนฺตฺวา ทกฺขิณทฺวารํ ปตฺวา โทวาริกํ ปุจฺฉิ ‘‘กหํ, สมฺม, มหาอสฺสาโรหสฺส เคห’’นฺติ. โส ‘‘เอหิ ทสฺเสมิ เต’’ติ ตํ หตฺเถ คเหตฺวา ราชทฺวารํ คนฺตฺวา ‘‘โทวาริโก เอกํ ปจฺจนฺตคามวาสึ คเหตฺวา อาคโต’’ติ ปฏิเวเทสิ. ราชา ตํ สุตฺวา อาสนา อุฏฺาย ‘‘มยฺหํ สหาโย จ เตน สทฺธึ อาคตา จ ปวิสนฺตู’’ติ ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา ทิสฺวาว นํ ปริสฺสชิตฺวา ‘‘มยฺหํ สหายิกา จ ทารกา จ อโรคา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา หตฺเถ คเหตฺวา มหาตลํ อภิรุหิตฺวา เสตจฺฉตฺตสฺส เหฏฺา ราชาสเน นิสีทาเปตฺวา อคฺคมเหสึ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘ภทฺเท, สหายสฺส เม ปาเท โธวา’’ติ อาห. สา ตสฺส ปาเท โธวิ, ราชา สุวณฺณภิงฺกาเรน อุทกํ อาสิฺจิ. เทวีปิ ปาเท โธวิตฺวา คนฺธเตเลน มกฺเขสิ. ราชา ‘‘กึ, สมฺม, อตฺถิ, กิฺจิ อมฺหากํ ขาทนีย’’นฺติ ปุจฺฉิ. โส ‘‘อตฺถี’’ติ ปสิพฺพกโต ปูเว นีหราเปสิ. ราชา สุวณฺณตฏฺฏเกน คเหตฺวา ตสฺส สงฺคหํ กโรนฺโต ‘‘มม สหาเยน อานีตํ ขาทถา’’ติ เทวิยา จ อมจฺจานฺจ ขาทาเปตฺวา สยมฺปิ ขาทิ. อิตโร อิตรมฺปิ ปณฺณาการํ ทสฺเสสิ. ราชา ตสฺส สงฺคหตฺถํ กาสิกวตฺถานิ อปเนตฺวา เตน อาภตวตฺถยุคํ นิวาเสสึ. เทวีปิ กาสิกวตฺถฺเจว อาภรณานิ จ อปเนตฺวา เตน อาภตวตฺถํ นิวาเสตฺวา อาภรณานิ ปิฬนฺธิ.

อถ นํ ราชา ราชารหํ โภชนํ โภชาเปตฺวา เอกํ อมจฺจํ อาณาเปสิ ‘‘คจฺฉ อิมสฺส มม กรณนิยาเมเนว มสฺสุกมฺมํ กาเรตฺวา คนฺโธทเกน นฺหาเปตฺวา สตสหสฺสคฺฆนิกํ กาสิกวตฺถํ นิวาสาเปตฺวา ราชาลงฺกาเรน อลงฺการาเปตฺวา อาเนหี’’ติ. โส ตถา อกาสิ. ราชา นคเร เภรึ จราเปตฺวา อมจฺเจ สนฺนิปาตาเปตฺวา เสตจฺฉตฺตสฺส มชฺเฌ ชาติหิงฺคุลกสุตฺตํ ปาเตตฺวา อุปฑฺฒรชฺชํ อทาสิ. เต ตโต ปฏฺาย เอกโต ภุฺชนฺติ ปิวนฺติ สยนฺติ, วิสฺสาโส ถิโร อโหสิ เกนจิ อเภชฺโช. อถสฺส ราชา ปุตฺตทาเรปิ ปกฺโกสาเปตฺวา อนฺโตนคเร นิเวสนํ มาเปตฺวา อทาสิ. เต สมคฺคา สมฺโมทมานา รชฺชํ กาเรนฺติ.

อถ อมจฺจา กุชฺฌิตฺวา ราชปุตฺตํ อาหํสุ ‘‘กุมาร, ราชา เอกสฺส คหปติกสฺส อุปฑฺฒรชฺชํ ทตฺวา เตน สทฺธึ เอกโต ภุฺชติ ปิวติ สยติ, ทารเก จ วนฺทาเปติ, อิมินา รฺา กตกมฺมํ น ชานาม, กึ กโรติ ราชา, มยํ ลชฺชาม, ตฺวํ รฺโ กเถหี’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา สพฺพํ ตํ กถํ รฺโ อาโรเจตฺวา ‘‘มา เอวํ กโรหิ, มหาราชา’’ติ อาห. ‘‘ตาต, อหํ ยุทฺธปราชิโต กหํ วสึ, อปิ นุ ชานาถา’’ติ. ‘‘น ชานาม, เทวา’’ติ. ‘‘อหํ เอตสฺส ฆเร วสนฺโต อโรโค หุตฺวา อาคนฺตฺวา รชฺชํ กาเรสึ, เอวํ มม อุปการิโน กสฺมา สมฺปตฺตึ น ทสฺสามี’’ติ เอวํ วตฺวา จ ปน โพธิสตฺโต ‘‘ตาต, โย หิ อทาตพฺพยุตฺตกสฺส เทติ, ทาตพฺพยุตฺตกสฺส น เทติ, โส อาปทํ ปตฺวา กิฺจิ อุปการํ น ลภตี’’ติ ทสฺเสนฺโต อิมา คาถา อาห –

.

‘‘อเทยฺเยสุ ททํ ทานํ, เทยฺเยสุ นปฺปเวจฺฉติ;

อาปาสุ พฺยสนํ ปตฺโต, สหายํ นาธิคจฺฉติ.

.

‘‘นาเทยฺเยสุ ททํ ทานํ, เทยฺเยสุ โย ปเวจฺฉติ;

อาปาสุ พฺยสนํ ปตฺโต, สหายมธิคจฺฉติ.

.

‘‘สฺโคสมฺโภควิเสสทสฺสนํ, อนริยธมฺเมสุ สเสุ นสฺสติ;

กตฺจ อริเยสุ จ อชฺชเวสุ, มหปฺผลํ โหติ อณุมฺปิ ตาทิสุ.

.

‘‘โย ปุพฺเพ กตกลฺยาโณ, อกา โลเก สุทุกฺกรํ;

ปจฺฉา กยิรา น วา กยิรา, อจฺจนฺตํ ปูชนารโห’’ติ.

ตตฺถ อเทยฺเยสูติ ปุพฺเพ อกตูปกาเรสุ. เทยฺเยสูติ ปุพฺเพ กตูปกาเรสุ. นปฺปเวจฺฉตีติ น ปเวเสติ น เทติ. อาปาสูติ อาปทาสุ. พฺยสนนฺติ ทุกฺขํ. สฺโคสมฺโภควิเสสทสฺสนนฺติ โย มิตฺเตน กโต สฺโโค เจว สมฺโภโค จ, ตสฺส วิเสสทสฺสนํ คุณทสฺสนํ สุกตํ มยฺหํ อิมินาติ เอตํ สพฺพํ อสุทฺธธมฺมตฺตา อนริยธมฺเมสุ เกราฏิกตฺตา สเสุ นสฺสติ. อริเยสูติ อตฺตโน กตคุณชานเนน อริเยสุ ปริสุทฺเธสุ. อชฺชเวสูติ เตเนว การเณน อุชุเกสุ อกุฏิเลสุ. อณุมฺปีติ อปฺปมตฺตกมฺปิ. ตาทิสูติ เย ตาทิสา ปุคฺคลา โหนฺติ อริยา อุชุภูตา, เตสุ อปฺปมฺปิ กตํ มหปฺผลํ โหติ มหาชุติกํ มหาวิปฺผารํ, สุเขตฺเต วุตฺตพีชมิว น นสฺสติ, อิตรสฺมึ ปน ปาเป พหุมฺปิ กตํ อคฺคิมฺหิ ขิตฺตพีชมิว นสฺสตีติ อตฺโถ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –

‘‘ยถาปิ พีชมคฺคิมฺหิ, ฑยฺหติ น วิรูหติ;

เอวํ กตํ อสปฺปุริเส, นสฺสติ น วิรูหติ.

‘‘กตฺุมฺหิ จ โปสมฺหิ, สีลวนฺเต อริยวุตฺติเน;

สุเขตฺเต วิย พีชานิ, กตํ ตมฺหิ น นสฺสตี’’ติ. (ชา. ๑.๑๐.๗๗-๗๘);

ปุพฺเพ กตกลฺยาโณติ ปมตรํ อุปการํ กตฺวา ิโต. อกาติ อกริ, อยํ โลเก สุทุกฺกรํ นาม อกาสีติ อตฺโถ. ปจฺฉา กยิราติ โส ปจฺฉา อฺํ กิฺจิ คุณํ กโรตุ วา มา วา, เตเนว ปมกเตน คุเณน อจฺจนฺตํ ปูชนารโห โหติ, สพฺพํ สกฺการสมฺมานํ อรหตีติ.

อิทํ ปน สุตฺวา เนว อมจฺจา, น ราชปุตฺโต ปุน กิฺจิ กเถสีติ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ปจฺจนฺตคามวาสี อานนฺโท อโหสิ, พาราณสิราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

มหาอสฺสาโรหชาตกวณฺณนา ทุติยา.

[๓๐๓] ๓. เอกราชชาตกวณฺณนา

อนุตฺตเร กามคุเณ สมิทฺเธติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ โกสลราชเสวกํ อารพฺภ กเถสิ. ปจฺจุปฺปนฺนวตฺถุ เหฏฺา เสยฺยชาตเก (ชา. ๑.๓.๙๔ อาทโย) กถิตเมว. อิธ ปน สตฺถา ‘‘น ตฺวฺเว อนตฺเถน อตฺถํ อาหริ, โปราณกปณฺฑิตาปิ อตฺตโน อนตฺเถน อตฺถํ อาหรึสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิรฺโ อุปฏฺาโก อมจฺโจ ราชนฺเตปุเร ทุพฺภิ. ราชา ปจฺจกฺขโตว ตสฺส โทสํ ทิสฺวา ตํ รฏฺา ปพฺพาเชสิ. โส ทุพฺภิเสนํ นาม โกสลราชานํ อุปฏฺหนฺโตติ สพฺพํ มหาสีลวชาตเก (ชา. ๑.๑.๕๑) กถิตเมว. อิธ ปน ทุพฺภิเสโน มหาตเล อมจฺจมชฺเฌ นิสินฺนํ พาราณสิราชานํ คณฺหาเปตฺวา สิกฺกาย ปกฺขิปาเปตฺวา อุตฺตรุมฺมาเร เหฏฺาสีสกํ โอลมฺพาเปสิ. ราชา โจรราชานํ อารพฺภ เมตฺตํ ภาเวตฺวา กสิณปริกมฺมํ กตฺวา ฌานํ นิพฺพตฺเตสิ, พนฺธนํ ฉิชฺชิ, ตโต ราชา อากาเส ปลฺลงฺเกน นิสีทิ. โจรราชสฺส สรีเร ทาโห อุปฺปชฺชิ, ‘‘ฑยฺหามิ ฑยฺหามี’’ติ ภูมิยํ อปราปรํ ปริวตฺตติ. ‘‘กิเมต’’นฺติ วุตฺเต ‘‘มหาราช, ตุมฺเห เอวรูปํ ธมฺมิกราชานํ นิรปราธํ ทฺวารสฺส อุตฺตรุมฺมาเร เหฏฺาสีสกํ โอลมฺพาเปถา’’ติ วทึสุ. เตน หิ เวเคน คนฺตฺวา โมเจถ นนฺติ. ปุริสา คนฺตฺวา ราชานํ อากาเส ปลฺลงฺเกน นิสินฺนํ ทิสฺวา อาคนฺตฺวา ทุพฺภิเสนสฺส อาโรเจสุํ. โส เวเคน คนฺตฺวา ตํ วนฺทิตฺวา ขมาเปตุํ ปมํ คาถมาห –

.

‘‘อนุตฺตเร กามคุเณ สมิทฺเธ, ภุตฺวาน ปุพฺเพ วสิ เอกราช;

โสทานิ ทุคฺเค นรกมฺหิ ขิตฺโต, นปฺปชฺชเห วณฺณพลํ ปุราณ’’นฺติ.

ตตฺถ วสีติ วุตฺโถ. เอกราชาติ โพธิสตฺตํ นาเมนาลปติ. โสทานีติ โส ตฺวํ อิทานิ. ทุคฺเคติ วิสเม. นรกมฺหีติ อาวาเฏ. โอลมฺพิตฏฺานํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ. นปฺปชฺชเห วณฺณพลํ ปุราณนฺติ เอวรูเป วิสมฏฺาเน ขิตฺโตปิ โปราณกวณฺณฺจ พลฺจ นปฺปชหสีติ ปุจฺฉติ.

ตํ สุตฺวา โพธิสตฺโต เสสคาถา อโวจ –

๑๐.

‘‘ปุพฺเพว ขนฺตี จ ตโป จ มยฺหํ, สมฺปตฺถิตา ทุพฺภิเสน อโหสิ;

ตํทานิ ลทฺธาน กถํ นุ ราช, ชเห อหํ วณฺณพลํ ปุราณํ.

๑๑.

‘‘สพฺพา กิเรวํ ปรินิฏฺิตานิ, ยสสฺสินํ ปฺวนฺตํ วิสยฺห;

ยโส จ ลทฺธา ปุริมํ อุฬารํ, นปฺปชฺชเห วณฺณพลํ ปุราณํ.

๑๒.

‘‘ปนุชฺช ทุกฺเขน สุขํ ชนินฺท, สุเขน วา ทุกฺขมสยฺหสาหิ;

อุภยตฺถ สนฺโต อภินิพฺพุตตฺตา, สุเข จ ทุกฺเข จ ภวนฺติ ตุลฺยา’’ติ.

ตตฺถ ขนฺตีติ อธิวาสนขนฺติ. ตโปติ ตปจรณํ. สมฺปตฺถิตาติ อิจฺฉิตา อภิกงฺขิตา. ทุพฺภิเสนาติ ตํ นาเมนาลปติ. ตํทานิ ลทฺธานาติ ตํ ปตฺถนํ อิทานาหํ ลภิตฺวา. ชเหติ เกน การเณน อหํ ชเหยฺยํ. ยสฺส หิ ทุกฺขํ วา โทมนสฺสํ วา โหติ, โส ตํ ชเหยฺยาติ ทีเปติ.

‘‘สพฺพา กิเรวํ ปรินิฏฺิตานี’’ติ อนุสฺสววเสน อตฺตโน สมฺปตฺตึ ทสฺเสนฺโต อาห. อิทํ วุตฺตํ โหติ – สพฺพาเนว มม กตฺตพฺพกิจฺจานิ ทานสีลภาวนาอุโปสถกมฺมานิ ปุพฺเพว นิฏฺิตานีติ. ยสสฺสินํ ปฺวนฺตํ วิสยฺหาติ ปริวารสมฺปตฺติยา ยสสฺสิ, ปฺาสมฺปทาย ปฺวนฺต, อสยฺหสาหิตาย วิสยฺห. เอวํ ตีณิเปตานิ อาลปนาเนว. นฺติ ปเนตฺถ นิปาโต. พฺยฺชนสิลิฏฺตาวเสนนฺตการสฺส สานุนาสิกตา กตาติ ปจฺเจตพฺพา. ยโส จาติ ยสฺจ, อยเมว วา ปาโ. ลทฺธา ปุริมนฺติ ลภิตฺวา ปุริมํ ปุพฺเพ อลทฺธปุพฺพํ. อุฬารนฺติ มหนฺตํ. กิเลสวิกฺขมฺภนเมตฺตาภาวนาฌานุปฺปตฺติโย สนฺธาเยวมาห. นปฺปชฺชเหติ เอวรูปํ ยสํ ลทฺธา กึการณา ปุราณวณฺณพลํ ชหิสฺสามีติ อตฺโถ.

ทุกฺเขนาติ ตยา อุปฺปาทิเตน นรกมฺหิ ขิปนทุกฺเขน มม รชฺชสุขํ ปนุทิตฺวา. สุเขน วา ทุกฺขนฺติ ฌานสุเขน วา ตํ ทุกฺขํ ปนุทิตฺวา. อุภยตฺถ สนฺโตติ เย สนฺโต โหนฺติ มาทิสา, เต ทฺวีสุปิ เอเตสุ โกฏฺาเสสุ อภินิพฺพุตสภาวา มชฺฌตฺตา สุเข จ ทุกฺเข จ ภวนฺติ ตุลฺยา, เอกสทิสา นิพฺพิการาว โหนฺตีติ.

อิทํ สุตฺวา ทุพฺภิเสโน โพธิสตฺตํ ขมาเปตฺวา ‘‘ตุมฺหากํ รชฺชํ ตุมฺเหว กาเรถ, อหํ โว โจเร ปฏิพาหิสฺสามี’’ติ วตฺวา ตสฺส ทุฏฺามจฺจสฺส ราชาณํ กาเรตฺวา ปกฺกามิ. โพธิสตฺโตปิ รชฺชํ อมจฺจานํ นิยฺยาเทตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา พฺรหฺมโลกปรายโณ อโหสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ทุพฺภิเสโน อานนฺโท อโหสิ, พาราณสิราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

เอกราชชาตกวณฺณนา ตติยา.

[๓๐๔] ๔. ททฺทรชาตกวณฺณนา

อิมานิ มนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ โกธนํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ เหฏฺา กถิตเมว. ตทา หิ ธมฺมสภายํ ตสฺส โกธนภาวกถาย สมุฏฺิตาย สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ โกธโนสี’’ติ วตฺวา ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปส โกธโนเยว, โกธนภาเวเนวสฺส โปราณกปณฺฑิตา ปริสุทฺธา นาคราชภาเว ิตาปิ ตีณิ วสฺสานิ คูถปูริตาย อุกฺการภูมิยํ วสึสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต หิมวนฺตปเทเส ททฺทรปพฺพตปาเท ททฺทรนาคภวนํ นาม อตฺถิ, ตตฺถ รชฺชํ กาเรนฺตสฺส ททฺทรรฺโ ปุตฺโต มหาททฺทโร นาม อโหสิ, กนิฏฺภาตา ปนสฺส จูฬททฺทโร นาม. โส โกธโน ผรุโส นาคมาณวเก อกฺโกสนฺโต ปริภาสนฺโต ปหรนฺโต วิจรติ. นาคราชา ตสฺส ผรุสภาวํ ตฺวา นาคภวนโต ตํ นีหราเปตุํ อาณาเปสิ. มหาททฺทโร ปน ปิตรํ ขมาเปตฺวา นิวาเรสิ. ทุติยมฺปิ ราชา ตสฺส กุชฺฌิ, ทุติยมฺปิ ขมาเปสิ. ตติยวาเร ปน ‘‘ตฺวํ มํ อิมํ อนาจารํ นีหราเปนฺตํ นิวาเรสิ, คจฺฉถ ทฺเวปิ ชนา อิมมฺหา นาคภวนา นิกฺขมิตฺวา พาราณสิยํ อุกฺการภูมิยํ ตีณิ วสฺสานิ วสถา’’ติ นาคภวนา นิกฺกฑฺฒาเปสิ. เต ตตฺถ คนฺตฺวา วสึสุ. อถ เน อุกฺการภูมิยํ อุทกปริยนฺเต โคจรํ ปริเยสมาเน คามทารกา ทิสฺวา ปหรนฺตา เลฑฺฑุทณฺฑาทโย ขิปนฺตา ‘‘เก อิเม ปุถุลสีสา สูจินงฺคุฏฺา อุทกเทฑฺฑุภา มณฺฑูกภกฺขา’’ติอาทีนิ วตฺวา อกฺโกสนฺติ ปริภาสนฺติ.

จูฬททฺทโร จณฺฑผรุสตาย เตสํ ตํ อวมานํ อสหนฺโต ‘‘ภาติก, อิเม ทารกา อมฺเห ปริภวนฺติ, อาสีวิสภาวํ โน น ชานนฺติ, อหํ เตสํ อวมานํ สหิตุํ น สกฺโกมิ, นาสาวาเตน เต นาเสสฺสามี’’ติ ภาตรา สทฺธึ สลฺลปนฺโต ปมํ คาถมาห –

๑๓.

‘‘อิมานิ มํ ททฺทร ตาปยนฺติ, วาจาทุรุตฺตานิ มนุสฺสโลเก;

มณฺฑูกภกฺขา อุทกนฺตเสวี, อาสีวิสํ มํ อวิสา สปนฺตี’’ติ.

ตตฺถ ตาปยนฺตีติ ทุกฺขาเปนฺติ. มณฺฑูกภกฺขา อุทกนฺตเสวีติ ‘‘มณฺฑูกภกฺขา’’ติ จ ‘‘อุทกนฺตเสวี’’ติ จ วทนฺตา เอเต อวิสา คามทารกา มํ อาสีวิสํ สมานํ สปนฺติ อกฺโกสนฺตีติ.

ตสฺส วจนํ สุตฺวา มหาททฺทโร เสสคาถา อภาสิ –

๑๔.

‘‘สกา รฏฺา ปพฺพาชิโต, อฺํ ชนปทํ คโต;

มหนฺตํ โกฏฺํ กยิราถ, ทุรุตฺตานํ นิเธตเว.

๑๕.

‘‘ยตฺถ โปสํ น ชานนฺติ, ชาติยา วินเยน วา;

น ตตฺถ มานํ กยิราถ, วสมฺาตเก ชเน.

๑๖.

‘‘วิเทสวาสํ วสโต, ชาตเวทสเมนปิ;

ขมิตพฺพํ สปฺเน, อปิ ทาสสฺส ตชฺชิต’’นฺติ.

ตตฺถ ทุรุตฺตานํ นิเธตเวติ ยถา ธฺนิธานตฺถาย มหนฺตํ โกฏฺํ กตฺวา ปูเรตฺวา กิจฺเจ อุปฺปนฺเน ธฺํ วฬฺเชนฺติ, เอวเมวํ วิเทสํ คโต อนฺโตหทเย ปณฺฑิโต โปโส ทุรุตฺตานํ นิธานตฺถาย มหนฺตํ โกฏฺํ กยิราถ. ตตฺถ ตานิ ทุรุตฺตานิ นิทหิตฺวา ปุน อตฺตโน ปโหนกกาเล กาตพฺพํ กริสฺสติ. ชาติยา วินเยน วาติ ‘‘อยํ ขตฺติโย พฺราหฺมโณ’’ติ วา ‘‘สีลวา พหุสฺสุโต คุณสมฺปนฺโน’’ติ วา เอวํ ยตฺถ ชาติยา วินเยน วา น ชานนฺตีติ อตฺโถ. มานนฺติ เอวรูปํ มํ ลามกโวหาเรน โวหรนฺติ, น สกฺกโรนฺติ น ครุํ กโรนฺตีติ มานํ น กเรยฺย. วสมฺาตเก ชเนติ อตฺตโน ชาติโคตฺตาทีนิ อชานนฺตสฺส ชนสฺส สนฺติเก วสนฺโต. วสโตติ วสตา, อยเมว วา ปาโ.

เอวํ เต ตตฺถ ตีณิ วสฺสานิ วสึสุ. อถ เน ปิตา ปกฺโกสาเปสิ. เต ตโต ปฏฺาย นิหตมานา ชาตา.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน โกธโน ภิกฺขุ อนาคามิผเล ปติฏฺหิ. ‘‘ตทา จูฬททฺทโร โกธโน ภิกฺขุ อโหสิ, มหาททฺทโร ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

ททฺทรชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.

[๓๐๕] ๕. สีลวีมํสนชาตกวณฺณนา

นตฺถิ โลเก รโห นามาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต กิเลสนิคฺคหํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ เอกาทสกนิปาเต ปานียชาตเก (ชา. ๑.๑๑.๕๙ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติ. อยํ ปเนตฺถ สงฺเขโป – ปฺจสตา ภิกฺขู อนฺโตเชตวเน วสนฺตา มชฺฌิมยามสมนนฺตเร กามวิตกฺกํ วิตกฺกยึสุ. สตฺถา ฉสุปิ รตฺติทิวาโกฏฺาเสสุ ยถา เอกจกฺขุโก จกฺขุํ, เอกปุตฺโต ปุตฺตํ, จามรี วาลํ อปฺปมาเทน รกฺขติ, เอวํ นิจฺจกาลํ ภิกฺขู โอโลเกติ. โส รตฺติภาเค ทิพฺพจกฺขุนา เชตวนํ โอโลเกนฺโต จกฺกวตฺติรฺโ อตฺตโน นิเวสเน อุปฺปนฺนโจเร วิย เต ภิกฺขู ทิสฺวา คนฺธกุฏึ วิวริตฺวา อานนฺทตฺเถรํ อามนฺเตตฺวา ‘‘อานนฺท, อนฺโตเชตวเน โกฏิสนฺถาเร วสนกภิกฺขู สนฺนิปาตาเปตฺวา คนฺธกุฏิทฺวาเร อาสนํ ปฺาเปหี’’ติ อาห. โส ตถา กตฺวา สตฺถุ ปฏิเวเทสิ. สตฺถา ปฺตฺตาสเน นิสีทิตฺวา สพฺพสงฺคาหิกวเสน อามนฺเตตฺวา ‘‘ภิกฺขเว, โปราณกปณฺฑิตา ‘ปาปกรเณ รโห นาม นตฺถี’ติ ปาปํ น กรึสู’’ติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตตฺเถว พาราณสิยํ ทิสาปาโมกฺขสฺส อาจริยสฺส สนฺติเก ปฺจนฺนํ มาณวกสตานํ เชฏฺโก หุตฺวา สิปฺปํ อุคฺคณฺหาติ. อาจริยสฺส ปน วยปฺปตฺตา ธีตา อตฺถิ. โส จินฺเตสิ ‘‘อิเมสํ มาณวกานํ สีลํ วีมํสิตฺวา สีลสมฺปนฺนสฺเสว ธีตรํ ทสฺสามี’’ติ. โส เอกทิวสํ มาณวเก อามนฺเตตฺวา ‘‘ตาตา, มยฺหํ ธีตา วยปฺปตฺตา, วิวาหมสฺสา กาเรสฺสามิ, วตฺถาลงฺการํ ลทฺธุํ วฏฺฏติ, คจฺฉถ ตุมฺเห อตฺตโน อตฺตโน าตกานํ อปสฺสนฺตานฺเว เถเนตฺวา วตฺถาลงฺกาเร อาหรถ, เกนจิ อทิฏฺเมว คณฺหามิ, ทสฺเสตฺวา อาภตํ น คณฺหามี’’ติ อาห. เต ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตโต ปฏฺาย าตกานํ อปสฺสนฺตานํ เถเนตฺวา วตฺถปิฬนฺธนาทีนิ อาหรนฺติ. อาจริโย อาภตาภตํ วิสุํ วิสุํ เปสิ. โพธิสตฺโต ปน น กิฺจิ อาหริ. อถ นํ อาจริโย อาห ‘‘ตฺวํ ปน, ตาต, น กิฺจิ อาหรสี’’ติ. ‘‘อาม, อาจริยา’’ติ. ‘‘กสฺมา, ตาตา’’ติ. ‘‘ตุมฺเห น กสฺสจิ ปสฺสฺสนฺตสฺส อาภตํ คณฺหถ, อหํ ปน ปาปกรเณ รโห นาม น ปสฺสามี’’ติ ทีเปนฺโต อิมา ทฺเว คาถา อาห –

๑๗.

‘‘นตฺถิ โลเก รโห นาม, ปาปกมฺมํ ปกุพฺพโต;

ปสฺสนฺติ วนภูตานิ, ตํ พาโล มฺตี รโห.

๑๘.

‘‘อหํ รโห น ปสฺสามิ, สุฺํ วาปิ น วิชฺชติ;

ยตฺถ อฺํ น ปสฺสามิ, อสุฺํ โหติ ตํ มยา’’ติ.

ตตฺถ รโหติ ปฏิจฺฉนฺนฏฺานํ. วนภูตานีติ วเน นิพฺพตฺตภูตานิ. ตํ พาโลติ ตํ ปาปกมฺมํ รโห มยา กตนฺติ พาโล มฺติ. สุฺํ วาปีติ ยํ วา านํ สตฺเตหิ สุฺํ ตุจฺฉํ ภเวยฺย, ตมฺปิ นตฺถีติ อาห.

อาจริโย ตสฺส ปสีทิตฺวา ‘‘ตาต, น มยฺหํ เคเห ธนํ นตฺถิ, อหํ ปน สีลสมฺปนฺนสฺส ธีตรํ ทาตุกาโม อิเม มาณวเก วีมํสนฺโต เอวมกาสึ, มม ธีตา ตุยฺหเมว อนุจฺฉวิกา’’ติ ธีตรํ อลงฺกริตฺวา โพธิสตฺตสฺส อทาสิ. เสสมาณวเก ‘‘ตุมฺเหหิ อาภตาภตํ ตุมฺหากํ เคหเมว เนถา’’ติ อาห.

สตฺถา ‘‘อิติ โข, ภิกฺขเว, เต ทุสฺสีลมาณวกา อตฺตโน ทุสฺสีลตาย ตํ อิตฺถึ น ลภึสุ, อิตโร ปณฺฑิตมาณโว สีลสมฺปนฺนตาย ลภี’’ติ วตฺวา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา อิตรา ทฺเว คาถา อภาสิ –

๑๙.

‘‘ทุชฺชจฺโจ จ สุชจฺโจ จ, นนฺโท จ สุขวฑฺฒิโต;

วชฺโช จ อทฺธุวสีโล จ, เต ธมฺมํ ชหุมตฺถิกา.

๒๐.

‘‘พฺราหฺมโณ จ กถํ ชเห, สพฺพธมฺมาน ปารคู;

โย ธมฺมมนุปาเลติ, ธิติมา สจฺจนิกฺกโม’’ติ.

ตตฺถ ทุชฺชจฺโจติอาทโย ฉ เชฏฺกมาณวา, เตสํ นามํ คณฺหิ, อวเสสานํ นามํ อคฺคเหตฺวา สพฺพสงฺคาหิกวเสเนว ‘‘เต ธมฺมํ ชหุมตฺถิกา’’ติ อาห. ตตฺถ เตติ สพฺเพปิ เต มาณวา. ธมฺมนฺติ อิตฺถิปฏิลาภสภาวํ. ชหุมตฺถิกาติ ชหุํ อตฺถิกา, อยเมว วา ปาโ. มกาโร ปทพฺยฺชนสนฺธิวเสน วุตฺโต. อิทํ วุตฺตํ โหติ – สพฺเพปิ เต มาณวา ตาย อิตฺถิยา อตฺถิกาว หุตฺวา อตฺตโน ทุสฺสีลตาย ตํ อิตฺถิปฏิลาภสภาวํ ชหึสุ.

พฺราหฺมโณ จาติ อิตโร ปน สีลสมฺปนฺโน พฺราหฺมโณ. กถํ ชเหติ เกน การเณน ตํ อิตฺถิปฏิลาภสภาวํ ชหิสฺสติ. สพฺพธมฺมานนฺติ อิมสฺมึ าเน โลกิยานิ ปฺจ สีลานิ, ทส สีลานิ, ตีณิ สุจริตานิ จ, สพฺพธมฺมา นาม, เตสํ โส ปารํ คโตติ ปารคู. ธมฺมนฺติ วุตฺตปฺปการเมว ธมฺมํ โย อนุปาเลติ รกฺขติ. ธิติมาติ สีลรกฺขนธิติยา สมนฺนาคโต. สจฺจนิกฺกโมติ สจฺเจ สภาวภูเต ยถาวุตฺเต สีลธมฺเม นิกฺกเมน สมนฺนาคโต.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน ตานิ ปฺจ ภิกฺขุสตานิ อรหตฺเต ปติฏฺหึสุ.

ตทา อาจริโย สาริปุตฺโต อโหสิ, ปณฺฑิตมาณโว ปน อหเมว อโหสินฺติ.

สีลวีมํสนชาตกวณฺณนา ปฺจมา.

[๓๐๖] ๖. สุชาตาชาตกวณฺณนา

กิมณฺฑกาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต มลฺลิกํ เทวึ อารพฺภ กเถสิ. เอกทิวสํ กิร รฺโ ตาย สทฺธึ สิริวิวาโท อโหสิ, ‘‘สยนกลโห’’ติปิ วทนฺติเยว. ราชา กุชฺฌิตฺวา ตสฺสา อตฺถิภาวมฺปิ น ชานาติ. มลฺลิกา เทวีปิ ‘‘สตฺถา รฺโ มยิ กุทฺธภาวํ น ชานาติ มฺเ’’ติ จินฺเตสิ. สตฺถาปิ ตฺวา ‘‘อิเมสํ สมคฺคภาวํ กริสฺสามี’’ติ ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ปฺจภิกฺขุสตปริวาโร สาวตฺถึ ปวิสิตฺวา ราชทฺวารํ อคมาสิ. ราชา ตถาคตสฺส ปตฺตํ คเหตฺวา นิเวสนํ ปเวเสตฺวา ปฺตฺตาสเน นิสีทาเปตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทกฺขิโณทกํ ทตฺวา ยาคุขชฺชกํ อาหริ. สตฺถา ปตฺตํ หตฺเถน ปิทหิตฺวา ‘‘มหาราช, กหํ เทวี’’ติ อาห. ‘‘กึ, ภนฺเต, ตาย อตฺตโน ยเสน มตฺตายา’’ติ? ‘‘มหาราช, สยเมว ยสํ ทตฺวา มาตุคามํ อุกฺขิปิตฺวา ตาย กตสฺส อปราธสฺส อสหนํ นาม น ยุตฺต’’นฺติ. ราชา สตฺถุ วจนํ สุตฺวา ตํ ปกฺโกสาเปสิ, สา สตฺถารํ ปริวิสิ. สตฺถา ‘‘อฺมฺํ สมคฺเคหิ ภวิตุํ วฏฺฏตี’’ติ สามคฺคิรสวณฺณํ กเถตฺวา ปกฺกามิ. ตโต ปฏฺาย อุโภ สมคฺควาสํ วสึสุ. ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, สตฺถา เอกวจเนเนว อุโภ สมคฺเค อกาสี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปาหํ เอเต เอกวาเทเนว สมคฺเค อกาสิ’’นฺติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส อตฺถธมฺมานุสาสโก อมจฺโจ อโหสิ. อเถกทิวสํ ราชา วาตปานํ วิวริตฺวา ราชงฺคณํ โอโลกยมาโน อฏฺาสิ. ตสฺมึ ขเณ เอกา ปณฺณิกธีตา อภิรูปา ปมวเย ิตา สุชาตา นาม พทรปจฺฉึ สีเส กตฺวา ‘‘พทรานิ คณฺหถ, พทรานิ คณฺหถา’’ติ วทมานา ราชงฺคเณน คจฺฉติ. ราชา ตสฺสา สทฺทํ สุตฺวา ตาย ปฏิพทฺธจิตฺโต หุตฺวา อสามิกภาวํ ตฺวา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา อคฺคมเหสิฏฺาเน เปตฺวา มหนฺตํ ยสํ อทาสิ. สา รฺโ ปิยา อโหสิ มนาปา. อเถกทิวสํ ราชา สุวณฺณตฏฺฏเก พทรานิ ขาทนฺโต นิสีทิ. ตทา สุชาตา เทวี ราชานํ พทรานิ ขาทนฺตํ ทิสฺวา ‘‘มหาราช, กึ นาม ตุมฺเห ขาทถา’’ติ ปุจฺฉนฺตี ปมํ คาถมาห –

๒๑.

‘‘กิมณฺฑกา อิเม เทว, นิกฺขิตฺตา กํสมลฺลเก;

อุปโลหิตกา วคฺคู, ตํ เม อกฺขาหิ ปุจฺฉิโต’’ติ.

ตตฺถ กิมณฺฑกาติ กึผลานิ นาเมตานิ, ปริมณฺฑลวเสน ปน อณฺฑกาติ อาห. กํสมลฺลเกติ สุวณฺณตฏฺฏเก. อุปโลหิตกาติ รตฺตวณฺณา. วคฺคูติ โจกฺขา นิมฺมลา.

ราชา กุชฺฌิตฺวา ‘‘พทรวาณิชเก ปณฺณิกคหปติกสฺส ธีเต อตฺตโน กุลสนฺตกานิ พทรานิปิ น ชานาสี’’ติ วตฺวา ทฺเว คาถา อภาสิ –

๒๒.

‘‘ยานิ ปุเร ตุวํ เทวิ, ภณฺฑุ นนฺตกวาสินี;

อุจฺฉงฺคหตฺถา ปจินาสิ, ตสฺสา เต โกลิยํ ผลํ.

๒๓.

‘‘อุฑฺฑยฺหเต น รมติ, โภคา วิปฺปชหนฺติ ตํ;

ตตฺเถวิมํ ปฏิเนถ, ยตฺถ โกลํ ปจิสฺสตี’’ติ.

ตตฺถ ภณฺฑูติ มุณฺฑสีสา หุตฺวา. นนฺตกวาสินีติ ชิณฺณปิโลติกนิวตฺถา. อุจฺฉงฺคหตฺถา ปจินาสีติ อฏวึ ปวิสิตฺวา องฺกุสเกน สาขํ โอนาเมตฺวา โอจิโตจิตํ หตฺเถน คเหตฺวา อุจฺฉงฺเค ปกฺขิปนวเสน อุจฺฉงฺคหตฺถา หุตฺวา ปจินาสิ โอจินาสิ. ตสฺสา เต โกลิยํ ผลนฺติ ตสฺสา ตว เอวํ ปจินนฺติยา โอจินนฺติยา ยมหํ อิทานิ ขาทามิ, อิทํ โกลิยํ กุลทตฺติยํ ผลนฺติ อตฺโถ.

อุฑฺฑยฺหเต น รมตีติ อยํ ชมฺมี อิมสฺมึ ราชกุเล วสมานา โลหกุมฺภิยํ ปกฺขิตฺตา วิย ฑยฺหติ นาภิรมติ. โภคาติ ราชโภคา อิมํ อลกฺขิกํ วิปฺปชหนฺติ. ยตฺถ โกลํ ปจิสฺสตีติ ยตฺถ คนฺตฺวา ปุน พทรเมว ปจินิตฺวา วิกฺกิณนฺตี ชีวิกํ กปฺเปสฺสติ, ตตฺเถว นํ เนถาติ วทติ.

โพธิสตฺโต ‘‘เปตฺวา มํ อฺโ อิเม สมคฺเค กาตุํ น สกฺขิสฺสตี’’ติ ราชานํ สฺาเปตฺวา ‘‘อิมิสฺสา อนิกฺกฑฺฒนํ กริสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา จตุตฺถํ คาถมาห –

๒๔.

‘‘โหนฺติ เหเต มหาราช, อิทฺธิปฺปตฺตาย นาริยา;

ขม เทว สุชาตาย, มาสฺสา กุชฺฌ รเถสภา’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – มหาราช, เอเต เอวรูปา ปมาทโทสา ยสํ ปตฺตาย นาริยา โหนฺติเยว, เอตํ เอวรูเป อุจฺเจ าเน เปตฺวา อิทานิ ‘‘เอตฺตกสฺส อปราธสฺส อสหนํ นาม น ยุตฺตํ ตุมฺหากํ, ตสฺมา ขม, เทว, สุชาตาย, เอติสฺสา มา กุชฺฌ รเถสภ รถเชฏฺกาติ.

ราชา ตสฺส วจเนน เทวิยา ตํ อปราธํ สหิตฺวา ยถาาเนเยว นํ เปสิ. ตโต ปฏฺาย อุโภ สมคฺควาสํ วสึสูติ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา พาราณสิราชา โกสลราชา อโหสิ, สุชาตา มลฺลิกา, อมจฺโจ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

สุชาตาชาตกวณฺณนา ฉฏฺา.

[๓๐๗] ๗. ปลาสชาตกวณฺณนา

อเจตนํ พฺราหฺมณ อสฺสุณนฺตนฺติ อิทํ สตฺถา ปรินิพฺพานมฺเจ นิปนฺโน อานนฺทตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ. โสหายสฺมา ‘‘อชฺช รตฺติยา ปจฺจูสสมเย สตฺถา ปรินิพฺพายิสฺสตี’’ติ ตฺวา ‘‘อหฺจมฺหิ เสกฺโข สกรณีโย, สตฺถุ จ เม ปรินิพฺพานํ ภวิสฺสติ, ปฺจวีสติ วสฺสานิ สตฺถุ กตํ อุปฏฺานํ นิปฺผลํ ภวิสฺสตี’’ติ โสกาภิภูโต อุยฺยานโอวรเก กปิสีสํ อาลมฺพิตฺวา ปโรทิ. สตฺถา ตํ อปสฺสนฺโต ‘‘กหํ, ภิกฺขเว, อานนฺโท’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ตมตฺถํ สุตฺวา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘กตปุฺโสิ ตฺวํ, อานนฺท, ปธานมนุยุฺช, ขิปฺปํ โหหิสิ อนาสโว, มา จินฺตยิ, อิทานิ ตยา มม กตํ อุปฏฺานํ กึการณา นิปฺผลํ ภวิสฺสติ, ยสฺส เต ปุพฺเพ สราคาทิกาเลปิ มม กตํ อุปฏฺานํ นิปฺผลํ นาโหสี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต พาราณสิโต อวิทูเร ปลาสรุกฺขเทวตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ. ตทา พาราณสิวาสิโน มนุสฺสา เทวตามงฺคลิกา อเหสุํ นิจฺจํ พลิกรณาทีสุ ปยุตฺตา. อเถโก ทุคฺคตพฺราหฺมโณ ‘‘อหมฺปิ เอกํ เทวตํ ปฏิชคฺคิสฺสามี’’ติ เอกสฺมึ อุนฺนตปฺปเทเส ิตสฺส มหโต ปลาสรุกฺขสฺส มูลํ สมํ นิตฺติณํ กตฺวา ปริกฺขิปิตฺวา วาลุกํ โอกิริตฺวาว สมฺมชฺชิตฺวา รุกฺเข คนฺธปฺจงฺคุลิกานิ ทตฺวา มาลาคนฺธธูเมหิ ปูเชตฺวา ทีปํ ชาเลตฺวา ‘‘สุขํ สยา’’ติ วตฺวา รุกฺขํ ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกมติ. ทุติยทิวเส ปาโตว คนฺตฺวา สุขเสยฺยํ ปุจฺฉติ. อเถกทิวสํ รุกฺขเทวตา จินฺเตสิ ‘‘อยํ พฺราหฺมโณ อติวิย มํ ปฏิชคฺคติ, อิมํ พฺราหฺมณํ วีมํสิตฺวา เยน การเณน มํ ปฏิชคฺคติ, ตํ ทสฺสามี’’ติ. สา ตสฺมึ ขเณ พฺราหฺมเณ อาคนฺตฺวา รุกฺขมูเล สมฺมชฺชนฺเต มหลฺลกพฺราหฺมณเวเสน สมีเป ตฺวา ปมํ คาถมาห –

๒๕.

‘‘อเจตนํ พฺราหฺมณ อสฺสุณนฺตํ, ชาโน อชานนฺตมิมํ ปลาสํ;

อารทฺธวิริโย ธุวํ อปฺปมตฺโต, สุขเสยฺยํ ปุจฺฉสิ กิสฺส เหตู’’ติ.

ตตฺถ อสฺสุณนฺตนฺติ อเจตนตฺตาว อสุณนฺตํ. ชาโนติ ตุวํ ชานมาโน หุตฺวา ธุวํ อปฺปมตฺโตติ นิจฺจํ อปฺปมตฺโต.

ตํ สุตฺวา พฺราหฺมโณ ทุติยํ คาถมาห –

๒๖.

‘‘ทูเร สุโต เจว พฺรหา จ รุกฺโข, เทเส ิโต ภูตนิวาสรูโป;

ตสฺมา นมสฺสามิ อิมํ ปลาสํ, เย เจตฺถ ภูตา เต ธนสฺส เหตู’’ติ.

ตตฺถ ทูเร สุโตติ พฺราหฺมณ อยํ รุกฺโข ทูเร สุโต วิสฺสุโต, น อาสนฺนฏฺาเนเยว ปากโฏ. พฺรหา จาติ มหนฺโต จ. เทเส ิโตติ อุนฺนเต สเม ภูมิปฺปเทเส ิโต. ภูตนิวาสรูโปติ เทวตานิวาสสภาโว, อทฺธา เอตฺถ มเหสกฺขา เทวตา นิวุตฺถา ภวิสฺสติ. เต ธนสฺส เหตูติ อิมฺจ รุกฺขํ เย เจตฺถ นิวุตฺถา ภูตา, เต ธนสฺส เหตุ นมสฺสามิ, น นิกฺการณาติ.

ตํ สุตฺวา รุกฺขเทวตา พฺราหฺมณสฺส ปสนฺนา ‘‘อหํ, พฺราหฺมณ, อิมสฺมึ รุกฺเข นิพฺพตฺตเทวตา, มา ภายิ, ธนํ เต ทสฺสามี’’ติ ตํ อสฺสาเสตฺวา อตฺตโน วิมานทฺวาเร มหนฺเตน เทวตานุภาเวน อากาเส ตฺวา อิตรา ทฺเว คาถา อภาสิ –

๒๗.

‘‘โส เต กริสฺสามิ ยถานุภาวํ, กตฺุตํ พฺราหฺมณ เปกฺขมาโน;

กถฺหิ อาคมฺม สตํ สกาเส, โมฆานิ เต อสฺสุ ปริผนฺทิตานิ.

๒๘.

‘‘โย ตินฺทุกรุกฺขสฺส ปโร ปิลกฺโข, ปริวาริโต ปุพฺพยฺโ อุฬาโร;

ตสฺเสส มูลสฺมึ นิธิ นิขาโต, อทายาโท คจฺฉ ตํ อุทฺธราหี’’ติ.

ตตฺถ ยถานุภาวนฺติ ยถาสตฺติ ยถาพลํ. กตฺุตนฺติ ตยา มยฺหํ กตคุณํ ชานนฺโต ตํ อตฺตนิ วิชฺชมานํ กตฺุตํ เปกฺขมาโน. อาคมฺมาติ อาคนฺตฺวา. สตํ สกาเสติ สปฺปุริสานํ สนฺติเก. โมฆานิ เต อสฺสุ ปริผนฺทิตานีติ สุขเสยฺยปุจฺฉนวเสน วาจาผนฺทิตานิ สมฺมชฺชนาทิกรเณน กายผนฺทิตานิ จ ตว กถํ อผลานิ ภวิสฺสนฺติ.

โย ตินฺทุกรุกฺขสฺส ปโร ปิลกฺโขติ โย เอส ตินฺทุกรุกฺขสฺส ปรโต ปิลกฺขรุกฺโข ิโตติ วิมานทฺวาเร ิตาว หตฺถํ ปสาเรตฺวา ทสฺเสติ. ปริวาริโตติอาทีสุ ตสฺส ปิลกฺขรุกฺขสฺส มูเล เอส ตํ รุกฺขมูลํ ปริกฺขิปิตฺวา นิหิตตาย ปริวาริโต, ปุพฺเพ ยิฏฺยฺวเสน ปุริมสามิกานํ อุปฺปนฺนตาย ปุพฺพยฺโ, อเนกนิธิกุมฺภิ ภาเวน มหนฺตตฺตา อุฬาโร, ภูมึ ขณิตฺวา ปิตตฺตา นิขาโต, อิทานิ ทายาทานํ อภาวโต อทายาโท. อิทํ วุตฺตํ โหติ – เอส ตํ รุกฺขมูลํ ปริกฺขิปิตฺวา คีวาย คีวํ ปหรนฺตีนํ นิธิกุมฺภีนํ วเสน มหานิธิ นิขาโต อสามิโก, คจฺฉ ตํ อุทฺธริตฺวา คณฺหาติ.

เอวฺจ ปน วตฺวา สา เทวตา ‘‘พฺราหฺมณ, ตฺวํ เอตํ อุทฺธริตฺวา คณฺหนฺโต กิลมิสฺสสิ, คจฺฉ ตฺวํ, อหเมว ตํ ตว ฆรํ เนตฺวา อสุกสฺมึ อสุกสฺมิฺจ าเน นิทหิสฺสามิ, ตฺวํ เอตํ ธนํ ยาวชีวํ ปริภุฺชนฺโต ทานํ เทหิ, สีลํ รกฺขาหี’’ติ พฺราหฺมณสฺส โอวาทํ ทตฺวา ตํ ธนํ อตฺตโน อานุภาเวน ตสฺส ฆเร ปติฏฺาเปสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา พฺราหฺมโณ อานนฺโท อโหสิ, รุกฺขเทวตา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

ปลาสชาตกวณฺณนา สตฺตมา.

[๓๐๘] ๘. สกุณชาตกวณฺณนา

อกรมฺหส เต กิจฺจนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เทวทตฺตสฺส อกตฺุตํ อารพฺภ กเถสิ. ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ เทวทตฺโต อกตฺูเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต หิมวนฺตปเทเส รุกฺขโกฏฺฏกสกุโณ หุตฺวา นิพฺพตฺติ. อเถกสฺส สีหสฺส มํสํ ขาทนฺตสฺส อฏฺิ คเล ลคฺคิ, คโล อุทฺธุมายิ, โคจรํ คณฺหิตุํ น สกฺโกติ, ขรา เวทนา ปวตฺตติ. อถ นํ โส สกุโณ โคจรปฺปสุโต ทิสฺวา สาขาย นิลีโน ‘‘กึ เต, สมฺม, ทุกฺข’’นฺติ ปุจฺฉิ. โส ตมตฺถํ อาจิกฺขิ. ‘‘อหํ เต, สมฺม, เอตํ อฏฺึ อปเนยฺยํ, ภเยน ปน เต มุขํ ปวิสิตุํ น วิสหามิ, ขาเทยฺยาสิปิ ม’’นฺติ. ‘‘มา ภายิ, สมฺม, นาหํ ตํ ขาทามิ, ชีวิตํ เม เทหี’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ ตํ วามปสฺเสน นิปชฺชาเปตฺวา ‘‘โก ชานาติ, กิมฺเปส กริสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา ยถา มุขํ ปิทหิตุํ น สกฺโกติ, ตถา ตสฺส อธโรฏฺเ จ อุตฺตโรฏฺเ จ ทณฺฑกํ เปตฺวา มุขํ ปวิสิตฺวา อฏฺิโกฏึ ตุณฺเฑน ปหริ, อฏฺิ ปติตฺวา คตํ. โส อฏฺึ ปาเตตฺวา สีหสฺส มุขโต นิกฺขมนฺโต ทณฺฑกํ ตุณฺเฑน ปหริตฺวา ปาเตนฺโตว นิกฺขมิตฺวา สาขคฺเค นิลียิ. สีโห นิโรโค หุตฺวา เอกทิวสํ เอกํ วนมหึสํ วธิตฺวา ขาทติ. สกุโณ ‘‘วีมํสิสฺสามิ น’’นฺติ ตสฺส อุปริภาเค สาขาย นิลียิตฺวา เตน สทฺธึ สลฺลปนฺโต ปมํ คาถมาห –

๒๙.

‘‘อกรมฺหส เต กิจฺจํ, ยํ พลํ อหุวมฺหเส;

มิคราช นโม ตฺยตฺถุ, อปิ กิฺจิ ลภามเส’’ติ.

ตตฺถ อกรมฺหส เต กิจฺจนฺติ โภ, สีห, มยมฺปิ ตว เอกํ กิจฺจํ อกริมฺห. ยํ พลํ อหุวมฺหเสติ ยํ อมฺหากํ พลํ อโหสิ, เตน พเลน ตโต กิฺจิ อหาเปตฺวา อกริมฺหเยว.

ตํ สุตฺวา สีโห ทุติยํ คาถมาห –

๓๐.

‘‘มม โลหิตภกฺขสฺส, นิจฺจํ ลุทฺทานิ กุพฺพโต;

ทนฺตนฺตรคโต สนฺโต, ตํ พหุํ ยมฺปิ ชีวสี’’ติ.

ตํ สุตฺวา สกุโณ อิตรา ทฺเว คาถา อภาสิ –

๓๑.

‘‘อกตฺุมกตฺตารํ, กตสฺส อปฺปฏิการกํ;

ยสฺมึ กตฺุตา นตฺถิ, นิรตฺถา ตสฺส เสวนา.

๓๒.

‘‘ยสฺส สมฺมุขจิณฺเณน, มิตฺตธมฺโม น ลพฺภติ;

อนุสูยมนกฺโกสํ, สณิกํ ตมฺหา อปกฺกเม’’นฺติ.

ตตฺถ อกตฺุนฺติ กตคุณํ อชานนฺตํ. อกตฺตารนฺติ ยํกิฺจิ อกโรนฺตํ. สมฺมุขจิณฺเณนาติ สมฺมุเข กเตน คุเณน. อนุสูยมนกฺโกสนฺติ ตํ ปุคฺคลํ น อุสูยนฺโต น อกฺโกสนฺโต สณิกํ ตมฺหา ปาปปุคฺคลา อปคจฺเฉยฺยาติ. เอวํ วตฺวา โส สกุโณ ปกฺกามิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา สีโห เทวทตฺโต อโหสิ, สกุโณ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

สกุณชาตกวณฺณนา อฏฺมา.

[๓๐๙] ๙. ฉวชาตกวณฺณนา

สพฺพมิทํ จริมํ กตนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ฉพฺพคฺคิเย ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ วินเย (ปาจิ. ๖๔๖) วิตฺถารโต อาคตเมว. อยํ ปเนตฺถ สงฺเขโป – สตฺถา ฉพฺพคฺคิเย ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตุมฺเห, ภิกฺขเว, นีเจ อาสเน นิสีทิตฺวา อุจฺเจ อาสเน นิสินฺนสฺส ธมฺมํ เทเสถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต เต ภิกฺขู ครหิตฺวา ‘‘อยุตฺตํ, ภิกฺขเว, ตุมฺหากํ มม ธมฺเม อคารวกรณํ, โปราณกปณฺฑิตา หิ นีเจ อาสเน นิสีทิตฺวา พาหิรกมนฺเตปิ วาเจนฺเต ครหึสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต จณฺฑาลกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต กุฏุมฺพํ สณฺเปสิ. ตสฺส ภริยา อมฺพโทหฬินี หุตฺวา ตํ อาห ‘‘สามิ, อิจฺฉามหํ อมฺพํ ขาทิตุ’’นฺติ. ‘‘ภทฺเท, อิมสฺมึ กาเล อมฺพํ นตฺถิ, อฺํ กิฺจิ อมฺพิลผลํ อาหริสฺสามี’’ติ. ‘‘สามิ, อมฺพผลํ ลภมานาว ชีวิสฺสามิ, อลภมานาย เม ชีวิตํ นตฺถี’’ติ. โส ตสฺสา ปฏิพทฺธจิตฺโต ‘‘กหํ นุ โข อมฺพผลํ ลภิสฺสามี’’ติ จินฺเตสิ. เตน โข ปน สมเยน พาราณสิรฺโ อุยฺยาเน อมฺโพ ธุวผโล โหติ. โส ‘‘ตโต อมฺพปกฺกํ อาหริตฺวา อิมิสฺสา โทหฬํ ปฏิปฺปสฺสมฺเภสฺสามี’’ติ รตฺติภาเค อุยฺยานํ คนฺตฺวา อมฺพํ อภิรุหิตฺวา นิลีโน สาขาย สาขํ อมฺพํ โอโลเกนฺโต วิจริ. ตสฺส ตถา กโรนฺตสฺเสว รตฺติ วิภายิ. โส จินฺเตสิ ‘‘สเจ อิทานิ โอตริตฺวา คมิสฺสามิ, ทิสฺวา มํ ‘โจโร’ติ คณฺหิสฺสนฺติ, รตฺติภาเค คมิสฺสามี’’ติ. อเถกํ วิฏปํ อภิรุหิตฺวา นิลีโน อจฺฉิ.

ตทา พาราณสิราชา ‘‘ปุโรหิตสฺส สนฺติเก มนฺเต อุคฺคณฺหิสฺสามี’’ติ อุยฺยานํ ปวิสิตฺวา อมฺพรุกฺขมูเล อุจฺเจ อาสเน นิสีทิตฺวา อาจริยํ นีเจ อาสเน นิสีทาเปตฺวา มนฺเต อุคฺคณฺหิ. โพธิสตฺโต อุปริ นิลีโน จินฺเตสิ – ‘‘ยาว อธมฺมิโก อยํ ราชา, โย อุจฺจาสเน นิสีทิตฺวา มนฺเต อุคฺคณฺหาติ. อยํ พฺราหฺมโณปิ อธมฺมิโก, โย นีจาสเน นิสีทิตฺวา มนฺเต วาเจติ. อหมฺปิ อธมฺมิโก, โย มาตุคามสฺส วสํ คนฺตฺวา มม ชีวิตํ อคเณตฺวา อมฺพํ อาหรามี’’ติ. โส รุกฺขโต โอตรนฺโต เอกํ โอลมฺพนสาขํ คเหตฺวา เตสํ อุภินฺนมฺปิ อนฺตเร ปติฏฺาย ‘‘มหาราช, อหํ นฏฺโ, ตฺวํ มูฬฺโห, ปุโรหิโต มโต’’ติ อาห. โส รฺา ‘‘กึการณา’’ติ ปุฏฺโ ปมํ คาถมาห –

๓๓.

‘‘สพฺพมิทํ จริมํ กตํ, อุโภ ธมฺมํ น ปสฺสเร;

อุโภ ปกติยา จุตา, โย จายํ มนฺเตชฺฌาเปติ;

โย จ มนฺตํ อธียตี’’ติ.

ตตฺถ สพฺพมิทํ จริมํ กตนฺติ ยํ อมฺเหหิ ตีหิ ชเนหิ กตํ, สพฺพํ อิทํ กิจฺจํ ลามกํ นิมฺมริยาทํ อธมฺมิกํ. เอวํ อตฺตโน โจรภาวํ เตสฺจ มนฺเตสุ อคารวํ ครหิตฺวา ปุน อิตเร ทฺเวเยว ครหนฺโต ‘‘อุโภ ธมฺมํ น ปสฺสเร’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อุโภติ อิเม ทฺเวปิ ชนา ครุการารหํ โปราณกธมฺมํ น ปสฺสนฺติ, ตโต ธมฺมปกติโต จุตา. ธมฺโม หิ ปมุปฺปตฺติวเสน ปกติ นาม. วุตฺตมฺปิ เจตํ –

‘‘ธมฺโม หเว ปาตุรโหสิ ปุพฺเพ;

ปจฺฉา อธมฺโม อุทปาทิ โลเก’’ติ. (ชา. ๑.๑๑.๒๘);

โย จายนฺติ โย จ อยํ นีจาสเน นิสีทิตฺวา มนฺเต อชฺฌาเปติ, โย จ อุจฺเจ อาสเน นิสีทิตฺวา อธียตีติ.

ตํ สุตฺวา พฺราหฺมโณ ทุติยํ คาถมาห –

๓๔.

‘‘สาลีนํ โอทนํ ภุฺเช, สุจึ มํสูปเสจนํ;

ตสฺมา เอตํ น เสวามิ, ธมฺมํ อิสีหิ เสวิต’’นฺติ.

ตสฺสตฺโถ – อหฺหิ โภ อิมสฺส รฺโ สนฺตกํ สาลีนํ โอทนํ สุจึ ปณฺฑรํ นานปฺปการาย มํสวิกติยา สิตฺตํ มํสูปเสจนํ ภุฺชามิ, ตสฺมา อุทเร พทฺโธ หุตฺวา เอตํ เอสิตคุเณหิ อิสีหิ เสวิตํ ธมฺมํ น เสวามีติ.

ตํ สุตฺวา อิตโร ทฺเว คาถา อภาสิ –

๓๕.

‘‘ปริพฺพช มหา โลโก, ปจนฺตฺเปิ ปาณิโน;

มา ตํ อธมฺโม อาจริโต, อสฺมา กุมฺภมิวาภิทา.

๓๖.

‘‘ธิรตฺถุ ตํ ยสลาภํ, ธนลาภฺจ พฺราหฺมณ;

ยา วุตฺติ วินิปาเตน, อธมฺมจรเณน วา’’ติ.

ตตฺถ ปริพฺพชาติ อิโต อฺตฺถ คจฺฉ. มหาติ อยํ โลโก นาม มหา. ปจนฺตฺเปิ ปาณิโนติ อิมสฺมึ ชมฺพุทีเป อฺเปิ ปาณิโน ปจนฺติ, นายเมเวโก ราชา. อสฺมา กุมฺภมิวาภิทาติ ปาสาโณ ฆฏํ วิย. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยํ ตฺวํ อฺตฺถ อคนฺตฺวา อิธ วสนฺโต อธมฺมํ อาจรสิ, โส อธมฺโม เอวํ อาจริโต ปาสาโณ ฆฏํ วิย มา ตํ ภินฺทิ.

‘‘ธิรตฺถู’’ติ คาถาย อยํ สงฺเขปตฺโถ – พฺราหฺมณ โย เอส เอวํ ตว ยสลาโภ จ ธนลาโภ จ ธิรตฺถุ, ตํ ครหาม มยํ. กสฺมา? ยสฺมา อยํ ตยา ลทฺธลาโภ อายตึ อปาเยสุ วินิปาตนเหตุนา สมฺปติ จ อธมฺมจรเณน ชีวิตวุตฺติ นาม โหติ, ยา เจสา วุตฺติ อิมินา อายตึ วินิปาเตน อิธ อธมฺมจรเณน วา นิปฺปชฺชติ, กึ ตาย, เตน ตํ เอวํ วทามีติ.

อถสฺส ธมฺมกถาย ราชา ปสีทิตฺวา ‘‘โภ, ปุริส, กึชาติโกสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘จณฺฑาโล อหํ, เทวา’’ติ. โภ ‘‘สเจ ตฺวํ ชาติสมฺปนฺโน อภวิสฺส, รชฺชํ เต อหํ อทสฺสํ, อิโต ปฏฺาย ปน อหํ ทิวา ราชา ภวิสฺสามิ, ตฺวํ รตฺตึ ราชา โหหี’’ติ อตฺตโน กณฺเ ปิฬนฺธนํ ปุปฺผทามํ ตสฺส คีวายํ ปิฬนฺธาเปตฺวา ตํ นครคุตฺติกํ อกาสิ. อยํ นครคุตฺติกานํ กณฺเ รตฺตปุปฺผทามปิฬนฺธนวํโส. ตโต ปฏฺาย ปน ราชา ตสฺโสวาเท ตฺวา อาจริเย คารวํ กริตฺวา นีเจ อาสเน นิสินฺโน มนฺเต อุคฺคณฺหีติ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ ‘‘ตทา ราชา อานนฺโท อโหสิ, จณฺฑาลปุตฺโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

ฉวชาตกวณฺณนา นวมา.

[๓๑๐] ๑๐. เสยฺยชาตกวณฺณนา

สสมุทฺทปริยายนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อุกฺกณฺิตภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. โส หิ สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จรนฺโต เอกํ อภิรูปํ อลงฺกตปฏิยตฺตํ อิตฺถึ ทิสฺวา อุกฺกณฺิโต สาสเน นาภิรมิ. อถ ภิกฺขู ภควโต อาโรเจสุํ. โส ภควตา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ อุกฺกณฺิโตสี’’ติ ปุฏฺโ ‘‘สจฺจํ, ภนฺเต’’ติ วตฺวา ‘‘โก ตํ อุกฺกณฺาเปสี’’ติ วุตฺเต ตมตฺถํ อาโรเจสิ. สตฺถา ‘‘กสฺมา ตฺวํ เอวรูเป นิยฺยานิกสาสเน ปพฺพชิตฺวา อุกฺกณฺิโตสิ, ปุพฺเพ ปณฺฑิตา ปุโรหิตฏฺานํ ลภนฺตาปิ ตํ ปฏิกฺขิปิตฺวา ปพฺพชึสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ปุโรหิตสฺส พฺราหฺมณิยา กุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ คณฺหิตฺวา รฺโ ปุตฺเตน สทฺธึ เอกทิวเส วิชายิ. ราชา ‘‘อตฺถิ นุ โข โกจิ เม ปุตฺเตน สทฺธึ เอกทิวเส ชาโต’’ติ อมจฺเจ ปุจฺฉิ. ‘‘อตฺถิ, มหาราช, ปุโรหิตสฺส ปุตฺโต’’ติ. ราชา ตํ อาหราเปตฺวา ธาตีนํ ทตฺวา ปุตฺเตน สทฺธึ เอกโตว ปฏิชคฺคาเปสิ. อุภินฺนํ อาภรณานิ เจว ปานโภชนาทีนิ จ เอกสทิสาเนว อเหสุํ. เต วยปฺปตฺตา เอกโตว ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา อาคมํสุ. ราชา ปุตฺตสฺส โอปรชฺชํ อทาสิ, มหายโส อโหสิ. ตโต ปฏฺาย โพธิสตฺโต ราชปุตฺเตน สทฺธึ เอกโตว ขาทติ ปิวติ สยติ, อฺมฺํ วิสฺสาโส ถิโร อโหสิ.

อปรภาเค ราชปุตฺโต ปิตุ อจฺจเยน รชฺเช ปติฏฺาย มหาสมฺปตฺตึ อนุภวิ. โพธิสตฺโต จินฺเตสิ ‘‘มยฺหํ สหาโย รชฺชมนุสาสติ, สลฺลกฺขิตกฺขเณเยว โข ปน มยฺหํ ปุโรหิตฏฺานํ ทสฺสติ, กึ เม ฆราวาเสน, ปพฺพชิตฺวา วิเวกมนุพฺรูเหสฺสามี’’ติ? โส มาตาปิตโร วนฺทิตฺวา ปพฺพชฺชํ อนุชานาเปตฺวา มหาสมฺปตฺตึ ฉฑฺเฑตฺวา เอกโกว นิกฺขมิตฺวา หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา มโนรเม ภูมิภาเค ปณฺณสาลํ มาเปตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา ฌานกีฬํ กีฬนฺโต วิหาสิ. ตทา ราชา ตํ อนุสฺสริตฺวา ‘‘มยฺหํ สหาโย น ปฺายติ, กหํ โส’’ติ ปุจฺฉิ. อมจฺจา ตสฺส ปพฺพชิตภาวํ อาโรเจตฺวา ‘‘รมณีเย กิร วนสณฺเฑ วสตี’’ติ อาหํสุ. ราชา ตสฺส วสโนกาสํ ปุจฺฉิตฺวา เสยฺยํ นาม อมจฺจํ ‘‘คจฺฉ สหายํ เม คเหตฺวา เอหิ, ปุโรหิตฏฺานมสฺส ทสฺสามี’’ติ อาห. โส ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา พาราณสิโต นิกฺขมิตฺวา อนุปุพฺเพน ปจฺจนฺตคามํ ปตฺวา ตตฺถ ขนฺธาวารํ เปตฺวา วนจรเกหิ สทฺธึ โพธิสตฺตสฺส วสโนกาสํ คนฺตฺวา โพธิสตฺตํ ปณฺณสาลทฺวาเร สุวณฺณปฏิมํ วิย นิสินฺนํ ทิสฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิตฺวา กตปฏิสนฺถาโร ‘‘ภนฺเต, ราชา ตุยฺหํ ปุโรหิตฏฺานํ ทาตุกาโม, อาคมนํ เต อิจฺฉตี’’ติ อาห.

โพธิสตฺโต ‘‘ติฏฺตุ ปุโรหิตฏฺานํ, อหํ สกลํ กาสิโกสลชมฺพุทีปรชฺชํ จกฺกวตฺติสิริเมว วา ลภนฺโตปิ น คจฺฉิสฺสามิ, น หิ ปณฺฑิตา สกึ ชหิตกิเลเส ปุน คณฺหนฺติ, สกึ ชหิตฺหิ นิฏฺุภเขฬสทิสํ โหตี’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –

๓๗.

‘‘สสมุทฺทปริยายํ, มหึ สาครกุณฺฑลํ;

น อิจฺเฉ สห นินฺทาย, เอวํ เสยฺย วิชานหิ.

๓๘.

‘‘ธิรตฺถุ ตํ ยสลาภํ, ธนลาภฺจ พฺราหฺมณ;

ยา วุตฺติ วินิปาเตน, อธมฺมจรเณน วา.

๓๙.

‘‘อปิ เจ ปตฺตมาทาย, อนคาโร ปริพฺพเช;

สาเยว ชีวิกา เสยฺโย, ยา จาธมฺเมน เอสนา.

๔๐.

‘‘อปิ เจ ปตฺตมาทาย, อนคาโร ปริพฺพเช;

อฺํ อหึสยํ โลเก, อปิ รชฺเชน ตํ วร’’นฺติ.

ตตฺถ สสมุทฺทปริยายนฺติ ปริยาโย วุจฺจติ ปริวาโร, สมุทฺทํ ปริวาเรตฺวา ิเตน จกฺกวาฬปพฺพเตน สทฺธึ, สมุทฺทสงฺขาเตน วา ปริวาเรน สทฺธินฺติ อตฺโถ. สาครกุณฺฑลนฺติ สาครมชฺเฌ ทีปวเสน ิตตฺตา ตสฺส กุณฺฑลภูตนฺติ อตฺโถ. นินฺทายาติ ฌานสุขสมฺปนฺนํ ปพฺพชฺชํ ฉฑฺเฑตฺวา อิสฺสริยํ คณฺหีติ อิมาย นินฺทาย. เสยฺยาติ ตํ นาเมนาลปติ. วิชานหีติ ธมฺมํ วิชานาหิ. ยา วุตฺติ วินิปาเตนาติ ยา ปุโรหิตฏฺานวเสน ลทฺธา ยสลาภธนลาภวุตฺติ ฌานสุขโต อตฺตวินิปาตนสงฺขาเตน วินิปาเตน อิโต คนฺตฺวา อิสฺสริยมทมตฺตสฺส อธมฺมจรเณน วา โหติ, ตํ วุตฺตึ ธิรตฺถุ.

ปตฺตมาทายาติ ภิกฺขาภาชนํ คเหตฺวา. อนคาโรติ อปิ อหํ อคารวิรหิโต ปรกุเลสุ จเรยฺยํ. สาเยว ชีวิกาติ สา เอว เม ชีวิกา เสยฺโย วรตรา. ยา จาธมฺเมน เอสนาติ ยา จ อธมฺเมน เอสนา. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยา อธมฺเมน เอสนา, ตโต เอสาว ชีวิกา สุนฺทรตราติ. อหึสยนฺติ อวิเหเนฺโต. อปิ รชฺเชนาติ เอวํ ปรํ อวิเหเนฺโต กปาลหตฺถสฺส มม ชีวิกกปฺปนํ รชฺเชนาปิ วรํ อุตฺตมนฺติ.

อิติ โส ปุนปฺปุนํ ยาจนฺตมฺปิ ตํ ปฏิกฺขิปิ. เสยฺโยปิ ตสฺส มนํ อลภิตฺวา ตํ วนฺทิตฺวา คนฺตฺวา ตสฺส อนาคมนภาวํ รฺโ อาโรเจสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺิตภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ, อปเรปิ พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ สจฺฉิกรึสุ.

ตทา ราชา อานนฺโท อโหสิ, เสยฺโย สาริปุตฺโต, ปุโรหิตปุตฺโต ปน อหเมว อโหสินฺติ.

เสยฺยชาตกวณฺณนา ทสมา.

กาลิงฺควคฺโค ปโม.

๒. ปุจิมนฺทวคฺโค

[๓๑๑] ๑. ปุจิมนฺทชาตกวณฺณนา

อุฏฺเหิ โจราติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต อายสฺมนฺตํ มหาโมคฺคลฺลานํ อารพฺภ กเถสิ. เถเร กิร ราชคหํ อุปนิสฺสาย อรฺกุฏิกาย วิหรนฺเต เอโก โจโร นครทฺวารคาเม เอกสฺมึ เคเห สนฺธึ ฉินฺทิตฺวา หตฺถสารํ อาทาย ปลายิตฺวา เถรสฺส กุฏิปริเวณํ ปวิสิตฺวา ‘‘อิธ มยฺหํ อารกฺโข ภวิสฺสตี’’ติ เถรสฺส ปณฺณสาลาย ปมุเข นิปชฺชิ. เถโร ตสฺส ปมุเข สยิตภาวํ ตฺวา ตสฺมึ อาสงฺกํ กตฺวา ‘‘โจรสํสคฺโค นาม น วฏฺฏตี’’ติ นิกฺขมิตฺวา ‘‘มา อิธ สยี’’ติ นีหริ. โส โจโร ตโต นิกฺขมิตฺวา ปทํ โมเหตฺวา ปลายิ. มนุสฺสา อุกฺกํ อาทาย โจรสฺส ปทานุสาเรน ตตฺถ อาคนฺตฺวา ตสฺส อาคตฏฺานิตฏฺานนิสินฺนฏฺานสยิตฏฺานาทีนิ ทิสฺวา ‘‘โจโร อิโต อาคโต, อิธ ิโต, อิธ นิสินฺโน, อิมินา าเนน อปคโต, น ทิฏฺโ โน’’ติ อิโต จิโต จ ปกฺขนฺทิตฺวา อทิสฺวาว ปฏิคตา. ปุนทิวเส เถโร ปุพฺพณฺหสมยํ ราชคเห ปิณฺฑาย จริตฺวา ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต เวฬุวนํ คนฺตฺวา ตํ ปวตฺตึ สตฺถุ อาโรเจสิ. สตฺถา ‘‘น โข, โมคฺคลฺลาน, ตฺวฺเว อาสงฺกิตพฺพยุตฺตกํ อาสงฺกิ, โปราณกปณฺฑิตาปิ อาสงฺกึสู’’ติ วตฺวา เถเรน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต นครสฺส สุสานวเน นิมฺพรุกฺขเทวตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ. อเถกทิวสํ นครทฺวารคาเม กตกมฺมโจโร ตํ สุสานวนํ ปาวิสิ. ตทา จ ปน ตตฺถ นิมฺโพ จ อสฺสตฺโถ จาติ ทฺเว เชฏฺกรุกฺขา. โจโร นิมฺพรุกฺขมูเล ภณฺฑิกํ เปตฺวา นิปชฺชิ. ตสฺมึ ปน กาเล โจเร คเหตฺวา นิมฺพสูเล อุตฺตาเสนฺติ. อถ สา เทวตา จินฺเตสิ ‘‘สเจ มนุสฺสา อาคนฺตฺวา อิมํ โจรํ คณฺหิสฺสนฺติ, อิมสฺเสว นิมฺพรุกฺขสฺส สาขํ ฉินฺทิตฺวา สูลํ กตฺวา เอตํ อุตฺตาเสสฺสนฺติ, เอวํ สนฺเต รุกฺโข นสฺสิสฺสติ, หนฺท นํ อิโต นีหริสฺสามี’’ติ. สา เตน สทฺธึ สลฺลปนฺตี ปมํ คาถมาห –

๔๑.

‘‘อุฏฺเหิ โจร กึ เสสิ, โก อตฺโถ สุปเนน เต;

มา ตํ คเหสุํ ราชาโน, คาเม กิพฺพิสการก’’นฺติ.

ตตฺถ ราชาโนติ ราชปุริเส สนฺธาย วุตฺตํ. กิพฺพิสการกนฺติ ทารุณสาหสิกโจรกมฺมการกํ.

อิติ นํ วตฺวา ‘‘ยาว ตํ ราชปุริสา น คณฺหนฺติ, ตาว อฺตฺถ คจฺฉา’’ติ ภายาเปตฺวา ปลาเปสิ. ตสฺมึ ปลาเต อสฺสตฺถเทวตา ทุติยํ คาถมาห –

๔๒.

‘‘ยํ นุ โจรํ คเหสฺสนฺติ, คาเม กิพฺพิสการกํ;

กึ ตตฺถ ปุจิมนฺทสฺส, วเน ชาตสฺส ติฏฺโต’’ติ.

ตตฺถ วเน ชาตสฺส ติฏฺโตติ นิมฺโพ วเน ชาโต เจว ิโต จ. เทวตา ปน ตตฺถ นิพฺพตฺตตฺตา รุกฺขสมุทาจาเรเนว สมุทาจริ.

ตํ สุตฺวา นิมฺพเทวตา ตติยํ คาถมาห –

๔๓.

‘‘น ตฺวํ อสฺสตฺถ ชานาสิ, มม โจรสฺส จนฺตรํ;

โจรํ คเหตฺวา ราชาโน, คาเม กิพฺพิสการกํ;

อปฺเปนฺติ นิมฺพสูลสฺมึ, ตสฺมึ เม สงฺกเต มโน’’ติ.

ตตฺถ อสฺสตฺถาติ ปุริมนเยเนว ตสฺมึ นิพฺพตฺตเทวตํ สมุทาจรติ. มม โจรสฺส จนฺตรนฺติ มม จ โจรสฺส จ เอกโต อวสนการณํ. อปฺเปนฺติ นิมฺพสูลสฺมินฺติ อิมสฺมึ กาเล ราชาโน โจรํ นิมฺพสูเล อาวุณนฺติ. ตสฺมึ เม สงฺกเต มโนติ ตสฺมึ การเณ มม จิตฺตํ สงฺกติ. สเจ หิ อิมํ สูเล อาวุณิสฺสนฺติ, วิมานํ เม นสฺสิสฺสติ, อถ สาขาย โอลมฺเพสฺสนฺติ, วิมาเน เม กุณปคนฺโธ ภวิสฺสติ, เตนาหํ เอตํ ปลาเปสินฺติ อตฺโถ.

เอวํ ตาสํ เทวตานํ อฺมฺํ สลฺลปนฺตานฺเว ภณฺฑสามิกา อุกฺกาหตฺถา ปทานุสาเรน อาคนฺตฺวา โจรสฺส สยิตฏฺานํ ทิสฺวา ‘‘อมฺโภ อิทาเนว โจโร อุฏฺาย ปลาโต, น ลทฺโธ โน โจโร, สเจ ลภิสฺสาม, อิมสฺเสว นํ นิมฺพสฺส สูเล วา อาวุณิตฺวา สาขาย วา โอลมฺเพตฺวา คมิสฺสามา’’ติ วตฺวา อิโต จิโต จ ปกฺขนฺทิตฺวา โจรํ อทิสฺวาว คตา.

เตสํ วจนํ สุตฺวา อสฺสตฺถเทวตา จตุตฺถํ คาถมาห –

๔๔.

‘‘สงฺเกยฺย สงฺกิตพฺพานิ, รกฺเขยฺยานาคตํ ภยํ;

อนาคตภยา ธีโร, อุโภ โลเก อเวกฺขตี’’ติ.

ตตฺถ รกฺเขยฺยานาคตํ ภยนฺติ ทฺเว อนาคตภยานิ ทิฏฺธมฺมิกฺเจว สมฺปรายิกฺจาติ. เตสุ ปาปมิตฺเต ปริวชฺเชนฺโต ทิฏฺธมฺมิกํ รกฺขติ, ตีณิ ทุจฺจริตานิ ปริวชฺเชนฺโต สมฺปรายิกํ รกฺขติ. อนาคตภยาติ อนาคตภยเหตุตํ ภยํ ภายมาโน ธีโร ปณฺฑิโต ปุริโส ปาปมิตฺตสํสคฺคํ น กโรติ, ตีหิปิ ทฺวาเรหิ ทุจฺจริตํ น จรติ. อุโภ โลเกติ เอวํ ภายนฺโต เหส อิธโลกปรโลกสงฺขาเต อุโภ โลเก อเวกฺขติ โอโลเกติ, โอโลกยมาโน อิธโลกภเยน ปาปมิตฺเต วิวชฺเชติ, ปรโลกภเยน ปาปํ น กโรตีติ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา อสฺสตฺถเทวตา อานนฺโท อโหสิ, นิมฺพเทวตา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

ปุจิมนฺทชาตกวณฺณนา ปมา.

[๓๑๒] ๒. กสฺสปมนฺทิยชาตกวณฺณนา

อปิ กสฺสป มนฺทิยาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ มหลฺลกภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. สาวตฺถิยํ กิเรโก กุลปุตฺโต กาเมสุ อาทีนวํ ทิสฺวา สตฺถุ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา กมฺมฏฺาเน อนุยุตฺโต น จิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณิ. ตสฺส อปรภาเค มาตา กาลมกาสิ. โส มาตุ อจฺจเยน ปิตรฺจ กนิฏฺภาตรฺจ ปพฺพาเชตฺวา เชตวเน วสิตฺวา วสฺสูปนายิกสมเย จีวรปจฺจยสฺส สุลภตํ สุตฺวา เอกํ คามกาวาสํ คนฺตฺวา ตโยปิ ตตฺเถว วสฺสํ อุปคนฺตฺวา วุตฺถวสฺสา เชตวนเมว อาคมํสุ. ทหรภิกฺขุ เชตวนสฺส อาสนฺนฏฺาเน ‘‘สามเณร ตฺวํ เถรํ วิสฺสาเมตฺวา อาเนยฺยาสิ, อหํ ปุเรตรํ คนฺตฺวา ปริเวณํ ปฏิชคฺคิสฺสามี’’ติ เชตวนํ ปาวิสิ. มหลฺลกตฺเถโร สณิกํ อาคจฺฉติ. สามเณโร ปุนปฺปุนํ สีเสน อุปฺปีเฬนฺโต วิย ‘‘คจฺฉ, ภนฺเต, คจฺฉ, ภนฺเต’’ติ ตํ พลกฺกาเรน เนติ. เถโร ‘‘ตฺวํ มํ อตฺตโน วสํ อาเนสี’’ติ ปุน นิวตฺติตฺวา โกฏิโต ปฏฺาย อาคจฺฉติ. เตสํ เอวํ อฺมฺํ กลหํ กโรนฺตานฺเว สูริโย อตฺถงฺคโต, อนฺธกาโร ชาโต.

อิตโรปิ ปริเวณํ สมฺมชฺชิตฺวา อุทกํ อุปฏฺเปตฺวา เตสํ อาคมนํ อปสฺสนฺโต อุกฺกํ คเหตฺวา ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา เต อาคจฺฉนฺเต ทิสฺวา ‘‘กึ จิรายิตฺถา’’ติ ปุจฺฉิ. มหลฺลโก ตํ การณํ กเถสิ. โส เต ทฺเวปิ วิสฺสาเมตฺวา สณิกํ อาเนสิ. ตํ ทิวสํ พุทฺธุปฏฺานสฺส โอกาสํ น ลภิ. อถ นํ ทุติยทิวเส พุทฺธุปฏฺานํ อาคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา นิสินฺนํ สตฺถา ‘‘กทา อาคโตสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘หิยฺโย, ภนฺเต’’ติ. ‘‘หิยฺโย อาคนฺตฺวา อชฺช พุทฺธุปฏฺานํ กโรสี’’ติ? โส ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ วตฺวา ตํ การณํ อาจิกฺขิ. สตฺถา มหลฺลกํ ครหิตฺวา ‘‘น เอส อิทาเนว เอวรูปํ กมฺมํ กโรติ, ปุพฺเพปิ อกาสิ. อิทานิ ปน เตน ตฺวํ กิลมิโต, ปุพฺเพปิ ปณฺฑิเต กิลเมสี’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต กาสินิคเม พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติ. ตสฺส วยปฺปตฺตกาเล มาตา กาลมกาสิ. โส มาตุ สรีรกิจฺจํ กตฺวา มาสทฺธมาสจฺจเยน ฆเร วิชฺชมานํ ธนํ ทานํ ทตฺวา ปิตรฺจ กนิฏฺภาตรฺจ คเหตฺวา หิมวนฺตปเทเส เทวทตฺติยํ วกฺกลํ คเหตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อุฺฉาจริยาย วนมูลผลาผเลหิ ยาเปนฺโต รมณีเย วนสณฺเฑ วสิ. หิมวนฺเต ปน วสฺสกาเล อจฺฉินฺนธาเร เทเว วสฺสนฺเต น สกฺกา โหติ กนฺทมูลํ ขณิตุํ, ผลานิ จ ปณฺณานิ จ ปตนฺติ. ตาปสา เยภุยฺเยน หิมวนฺตโต นิกฺขมิตฺวา มนุสฺสปเถ วสนฺติ. ตทา โพธิสตฺโต ปิตรฺจ กนิฏฺภาตรฺจ คเหตฺวา มนุสฺสปเถ วสิตฺวา ปุน หิมวนฺเต ปุปฺผิตผลิเต เต อุโภปิ คเหตฺวา หิมวนฺเต อตฺตโน อสฺสมปทํ อาคจฺฉนฺโต อสฺสมสฺสาวิทูเร สูริเย อตฺถงฺคเต ‘‘ตุมฺเห สณิกํ อาคจฺเฉยฺยาถ, อหํ ปุรโต คนฺตฺวา อสฺสมํ ปฏิชคฺคิสฺสามี’’ติ วตฺวา เต โอหาย คโต. ขุทฺทกตาปโส ปิตรา สทฺธึ สณิกํ คจฺฉนฺโต ตํ กฏิปฺปเทเส สีเสน อุปฺปีเฬนฺโต วิย คจฺฉ คจฺฉาติ ตํ พลกฺกาเรน เนติ. มหลฺลโก ‘‘ตฺวํ มํ อตฺตโน รุจิยา อาเนสี’’ติ ปฏินิวตฺติตฺวา โกฏิโต ปฏฺาย อาคจฺฉติ. เอวํ เตสํ กลหํ กโรนฺตานฺเว อนฺธกาโร อโหสิ.

โพธิสตฺโตปิ ปณฺณสาลํ สมฺมชฺชิตฺวา อุทกํ อุปฏฺเปตฺวา อุกฺกมาทาย ปฏิปถํ อาคจฺฉนฺโต เต ทิสฺวา ‘‘เอตฺตกํ กาลํ กึ กริตฺถา’’ติ อาห. ขุทฺทกตาปโส ปิตรา กตการณํ กเถสิ. โพธิสตฺโต อุโภปิ เต สณิกํ เนตฺวา ปริกฺขารํ ปฏิสาเมตฺวา ปิตรํ นฺหาเปตฺวา ปาทโธวนปิฏฺิสมฺพาหนาทีนิ กตฺวา องฺคารกปลฺลํ อุปฏฺเปตฺวา ปฏิปฺปสฺสทฺธกิลมถํ ปิตรํ อุปนิสีทิตฺวา ‘‘ตาต, ตรุณทารกา นาม มตฺติกาภาชนสทิสา มุหุตฺตเนว ภิชฺชนฺติ, สกึ ภินฺนกาลโต ปฏฺาย ปุน น สกฺกา โหนฺติ ฆเฏตุํ, เต อกฺโกสนฺตาปิ ปริภาสนฺตาปิ มหลฺลเกหิ อธิวาเสตพฺพา’’ติ วตฺวา ปิตรํ โอวทนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –

๔๕.

‘‘อปิ กสฺสป มนฺทิยา, ยุวา สปติ หนฺติ วา;

สพฺพํ ตํ ขมเต ธีโร, ปณฺฑิโต ตํ ติติกฺขติ.

๔๖.

‘‘สเจปิ สนฺโต วิวทนฺติ, ขิปฺปํ สนฺตียเร ปุน;

พาลา ปตฺตาว ภิชฺชนฺติ, น เต สมถมชฺฌคู.

๔๗.

‘‘เอเต ภิยฺโย สมายนฺติ, สนฺธิ เตสํ น ชีรติ;

โย จาธิปนฺนํ ชานาติ, โย จ ชานาติ เทสนํ.

๔๘.

‘‘เอโส หิ อุตฺตริตโร, ภารวโห ธุรทฺธโร;

โย ปเรสาธิปนฺนานํ, สยํ สนฺธาตุมรหตี’’ติ.

ตตฺถ กสฺสปาติ ปิตรํ นาเมนาลปติ. มนฺทิยาติ มนฺทีภาเวน ตรุณตาย. ยุวา สปติ หนฺติ วาติ ตรุณทารโก อกฺโกสติปิ ปหรติปิ. ธีโรติ ธิกฺกตปาโป, ธี วา วุจฺจติ ปฺา, ตาย สมนฺนาคโตติปิ อตฺโถ. อิตรํ ปน อิมสฺเสว เววจนํ. อุภเยนาปิ สพฺพํ ตํ พาลทารเกหิ กตํ อปราธํ มหลฺลโก ธีโร ปณฺฑิโต สหติ ติติกฺขตีติ ทสฺเสติ.

สนฺธียเรติ ปุน มิตฺตภาเวน สนฺธียนฺติ ฆฏียนฺติ. พาลา ปตฺตาวาติ พาลกา ปน มตฺติกาปตฺตาว ภิชฺชนฺติ. น เต สมถมชฺฌคูติ เต พาลกา อปฺปมตฺตกมฺปิ วิวาทํ กตฺวา เวรูปสมนํ น วินฺทนฺติ นาธิคจฺฉนฺติ. เอเต ภิยฺโยติ เอเต ทฺเว ชนา ภินฺนาปิ ปุน สมาคจฺฉนฺติ. สนฺธีติ มิตฺตสนฺธิ. เตสนฺติ เตสฺเว ทฺวินฺนํ สนฺธิ น ชีรติ. โย จาธิปนฺนนฺติ โย จ อตฺตนา อธิปนฺนํ อติกฺกนฺตํ อฺสฺมึ กตโทสํ ชานาติ. เทสนนฺติ โย จ เตน อตฺตโน โทสํ ชานนฺเตน เทสิตํ อจฺจยเทสนํ ปฏิคฺคณฺหิตุํ ชานาติ.

โย ปเรสาธิปนฺนานนฺติ โย ปเรสํ อธิปนฺนานํ โทเสน อภิภูตานํ อปราธการกานํ. สยํ สนฺธาตุมรหตีติ เตสุ อขมาเปนฺเตสุปิ ‘‘เอหิ, ภทฺรมุข, อุทฺเทสํ คณฺห, อฏฺกถํ สุณ, ภาวนมนุยุฺช, กสฺมา ปริพาหิโร โหสี’’ติ เอวํ สยํ สนฺธาตุํ อรหติ มิตฺตภาวํ ฆเฏติ, เอโส เอวรูโป เมตฺตาวิหารี อุตฺตริตโร มิตฺตภารสฺส มิตฺตธุรสฺส จ วหนโต ‘‘ภารวโห’’ติ ‘‘ธุรทฺธโร’’ติ จ สงฺขํ คจฺฉตีติ.

เอวํ โพธิสตฺโต ปิตุ โอวาทํ อทาสิ, โสปิ ตโต ปภุติ ทนฺโต อโหสิ สุทนฺโต.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ปิตา ตาปโส มหลฺลโก อโหสิ, ขุทฺทกตาปโส สามเณโร, ปิตุ โอวาททายโก ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

กสฺสปมนฺทิยชาตกวณฺณนา ทุติยา.

[๓๑๓] ๓. ขนฺติวาทีชาตกวณฺณนา

โย เต หตฺเถ จ ปาเท จาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ โกธนภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ เหฏฺา กถิตเมว. สตฺถา ปน ตํ ภิกฺขุํ ‘‘กสฺมา, ตฺวํ ภิกฺขุ, อกฺโกธนสฺส พุทฺธสฺส สาสเน ปพฺพชิตฺวา โกธํ กโรสิ, โปราณกปณฺฑิตา สรีเร ปหารสหสฺเส ปตนฺเต หตฺถปาทกณฺณนาสาสุ ฉิชฺชมานาสุ ปรสฺส โกธํ น กรึสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ กลาพุ นาม ราชา รชฺชํ กาเรสิ. ตทา โพธิสตฺโต อสีติโกฏิวิภเว พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา กุณฺฑลกุมาโร นาม มาณโว หุตฺวา วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา กุฏุมฺพํ สณฺเปตฺวา มาตาปิตูนํ อจฺจเยน ธนราสึ โอโลเกตฺวา ‘‘อิมํ ธนํ อุปฺปาเทตฺวา มม าตกา อคฺคเหตฺวาว คตา, มยา ปเนตํ คเหตฺวา คนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ สพฺพํ ธนํ วิเจยฺยทานวเสน โย ยํ อาหรติ, ตสฺส ตํ ทตฺวา หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา ปพฺพชิตฺวา ผลาผเลน ยาเปนฺโต จิรํ วสิตฺวา โลณมฺพิลเสวนตฺถาย มนุสฺสปถํ อาคนฺตฺวา อนุปุพฺเพน พาราณสึ ปตฺวา ราชุยฺยาเน วสิตฺวา ปุนทิวเส นคเร ภิกฺขาย จรนฺโต เสนาปติสฺส นิวาสนทฺวารํ สมฺปาปุณิ. เสนาปติ ตสฺส อิริยาปเถสุ ปสีทิตฺวา ฆรํ ปเวเสตฺวา อตฺตโน ปฏิยาทิตโภชนํ โภเชตฺวา ปฏิฺํ คเหตฺวา ตตฺเถว ราชุยฺยาเน วสาเปสิ.

อเถกทิวสํ กลาพุราชา สุรามทมตฺโต เฉกนาฏกปริวุโต มหนฺเตน ยเสน อุยฺยานํ คนฺตฺวา มงฺคลสิลาปฏฺเฏ สยนํ อตฺถราเปตฺวา เอกิสฺสา ปิยมนาปาย อิตฺถิยา องฺเก สยิ. คีตวาทิตนจฺเจสุ เฉกา นาฏกิตฺถิโย คีตาทีนิ ปโยเชสุํ, สกฺกสฺส เทวรฺโ วิย มหาสมฺปตฺติ อโหสิ, ราชา นิทฺทํ โอกฺกมิ. อถ ตา อิตฺถิโย ‘‘ยสฺสตฺถาย มยํ คีตาทีนิ ปโยชยาม, โส นิทฺทํ อุปคโต, กึ โน คีตาทีหี’’ติ วีณาทีนิ ตูริยานิ ตตฺถ ตตฺเถว ฉฑฺเฑตฺวา อุยฺยานํ ปกฺกนฺตา ปุปฺผผลปลฺลวาทีหิ ปโลภิยมานา อุยฺยาเน อภิรมึสุ. ตทา โพธิสตฺโต ตสฺมึ อุยฺยาเน สุปุปฺผิตสาลมูเล ปพฺพชฺชาสุเขน วีตินาเมนฺโต มตฺตวรวารโณ วิย นิสินฺโน โหติ. อถ ตา อิตฺถิโย อุยฺยาเน จรมานา ตํ ทิสฺวา ‘‘เอถ, อยฺยาโย, เอตสฺมึ รุกฺขมูเล ปพฺพชิโต นิสินฺโน, ยาว ราชา น ปพุชฺฌติ, ตาวสฺส สนฺติเก กิฺจิ สุณมานา นิสีทิสฺสามา’’ติ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา ปริวาเรตฺวา นิสินฺนา ‘‘อมฺหากํ กเถตพฺพยุตฺตกํ กิฺจิ กเถถา’’ติ วทึสุ. โพธิสตฺโต ตาสํ ธมฺมํ กเถสิ. อถ สา อิตฺถี องฺกํ จาเลตฺวา ราชานํ ปโพเธสิ. ราชา ปพุทฺโธ ตา อปสฺสนฺโต ‘‘กหํ คตา วสลิโย’’ติ อาห. เอตา, มหาราช, คนฺตฺวา เอกํ ตาปสํ ปริวาเรตฺวา นิสีทึสูติ. ราชา กุปิโต ขคฺคํ คเหตฺวา ‘‘สิกฺขาเปสฺสามิ นํ กูฏชฏิล’’นฺติ เวเคน อคมาสิ.

อถ ตา อิตฺถิโย ราชานํ กุทฺธํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ตาสุ วลฺลภตรา คนฺตฺวา รฺโ หตฺถา อสึ คเหตฺวา ราชานํ วูปสเมสุํ. โส อาคนฺตฺวา โพธิสตฺตสฺส สนฺติเก ตฺวา ‘‘กึวาที ตฺวํ, สมณา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ขนฺติวาที, มหาราชา’’ติ. ‘‘กา เอสา ขนฺติ นามา’’ติ? ‘‘อกฺโกสนฺเตสุ ปริภาสนฺเตสุ ปหรนฺเตสุ อกุชฺฌนภาโว’’ติ. ราชา ‘‘ปสฺสิสฺสามิ ทานิ เต ขนฺติยา อตฺถิภาว’’นฺติ โจรฆาตกํ ปกฺโกสาเปสิ. โส อตฺตโน จาริตฺเตน ผรสุฺจ กณฺฏกกสฺจ อาทาย กาสายนิวสโน รตฺตมาลาธโร อาคนฺตฺวา ราชานํ วนฺทิตฺวา ‘‘กึ กโรมิ, เทวา’’ติ อาห. อิมํ โจรํ ทุฏฺตาปสํ คเหตฺวา อากฑฺฒิตฺวา ภูมิยํ ปาเตตฺวา กณฺฏกกสํ คเหตฺวา ปุรโต จ ปจฺฉโต จ อุโภสุ ปสฺเสสุ จาติ จตูสุปิ ปสฺเสสุ ทฺเวปหารสหสฺสมสฺส เทหีติ. โส ตถา อกาสิ. โพธิสตฺตสฺส ฉวิ ภิชฺชิ. จมฺมํ ภิชฺชิ, มํสํ ฉิชฺชิ, โลหิตํ ปคฺฆรติ.

ปุน ราชา ‘‘กึวาที ตฺวํ ภิกฺขู’’ติ อาห. ‘‘ขนฺติวาที, มหาราช’’. ‘‘ตฺวํ ปน มยฺหํ จมฺมนฺตเร ขนฺตี’’ติ มฺสิ, นตฺถิ มยฺหํ จมฺมนฺตเร ขนฺติ, ตยา ปน ทฏฺุํ อสกฺกุเณยฺเย หทยพฺภนฺตเร มม ขนฺติ ปติฏฺิตา. ‘‘มหาราชา’’ติ. ปุน โจรฆาตโก ‘‘กึ กโรมี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อิมสฺส กูฏชฏิลสฺส อุโภ หตฺเถ ฉินฺทา’’ติ. โส ผรสุํ คเหตฺวา คณฺฑิยํ เปตฺวา หตฺเถ ฉินฺทิ. อถ นํ ‘‘ปาเท ฉินฺทา’’ติ อาห, ปาเทปิ ฉินฺทิ. หตฺถปาทโกฏีหิ ฆฏฉิทฺเทหิ ลาขารโส วิย โลหิตํ ปคฺฆรติ. ปุน ราชา ‘‘กึวาทีสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ขนฺติวาที, มหาราช’’. ‘‘ตฺวํ ปน มยฺหํ หตฺถปาทโกฏีสุ ‘ขนฺติ อตฺถี’ติ มฺสิ, นตฺเถสา เอตฺถ, มยฺหํ ขนฺติ คมฺภีรฏฺาเน ปติฏฺิตา’’ติ. โส ‘‘กณฺณนาสมสฺส ฉินฺทา’’ติ อาห. อิตโร กณฺณนาสํ ฉินฺทิ, สกลสรีเร โลหิตํ อโหสิ. ปุน นํ ‘‘กึวาที นาม ตฺว’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘มหาราช, ขนฺติวาที นาม’’. ‘‘มา โข ปน ตฺวํ ‘กณฺณนาสิกโกฏีสุ ปติฏฺิตา ขนฺตี’ติ มฺสิ, มม ขนฺติ คมฺภีเร หทยพฺภนฺตเร ปติฏฺิตา’’ติ. ราชา ‘‘กูฏชฏิล ตว ขนฺตึ ตฺวเมว อุกฺขิปิตฺวา นิสีทา’’ติ โพธิสตฺตสฺส หทยํ ปาเทน ปหริตฺวา ปกฺกามิ.

ตสฺมึ คเต เสนาปติ โพธิสตฺตสฺส สรีรโต โลหิตํ ปุฺฉิตฺวา หตฺถปาทกณฺณนาสโกฏิโย สาฏกกณฺเณ กตฺวา โพธิสตฺตํ สณิกํ นิสีทาเปตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิตฺวา ‘‘สเจ, ภนฺเต, ตุมฺเห กุชฺฌิตุกามา, ตุมฺเหสุ กตาปราธสฺส รฺโว กุชฺเฌยฺยาถ, มา อฺเส’’นฺติ ยาจนฺโต ปมํ คาถมาห –

๔๙.

‘‘โย เต หตฺเถ จ ปาเท จ, กณฺณนาสฺจ เฉทยิ;

ตสฺส กุชฺฌ มหาวีร, มา รฏฺํ วินสา อิท’’นฺติ.

ตตฺถ มหาวีราติ มหาวีริย. มา รฏฺํ วินสา อิทนฺติ อิทํ นิรปราธํ กาสิรฏฺํ มา วินาเสหิ.

ตํ สุตฺวา โพธิสตฺโต ทุติยํ คาถมาห –

๕๐.

‘‘โย เม หตฺเถ จ ปาเท จ, กณฺณนาสฺจ เฉทยิ;

จิรํ ชีวตุ โส ราชา, น หิ กุชฺฌนฺติ มาทิสา’’ติ.

ตตฺถ มาทิสาติ มม สทิสา ขนฺติพเลน สมนฺนาคตา ปณฺฑิตา ‘‘อยํ มํ อกฺโกสิ ปริภาสิ ปหริ, ฉินฺทิ ภินฺที’’ติ ตํ น กุชฺฌนฺติ.

รฺโ อุยฺยานา นิกฺขมนฺตสฺส โพธิสตฺตสฺส จกฺขุปถํ วิชหนกาเลเยว อยํ จตุนหุตาธิกา ทฺวิโยชนสตสหสฺสพหลา มหาปถวี ขลิพทฺธสาฏโก วิย ผลิตา, อวีจิโต ชาลา นิกฺขมิตฺวา ราชานํ กุลทตฺติเยน รตฺตกมฺพเลน ปารุปนฺตี วิย คณฺหิ. โส อุยฺยานทฺวาเรเยว ปถวึ ปวิสิตฺวา อวีจิมหานิรเย ปติฏฺหิ. โพธิสตฺโตปิ ตํ ทิวสเมว กาลมกาสิ. ราชปริสา จ นาครา จ คนฺธมาลาธูมหตฺถา อาคนฺตฺวา โพธิสตฺตสฺส สรีรกิจฺจํ อกํสุ. เกจิ ปนาหุ ‘‘โพธิสตฺโต ปุน หิมวนฺตเมว คโต’’ติ, ตํ อภูตํ.

๕๑.

‘‘อหู อตีตมทฺธานํ, สมโณ ขนฺติทีปโน;

ตํ ขนฺติยาเยว ิตํ, กาสิราชา อเฉทยิ.

๕๒.

‘‘ตสฺส กมฺมผรุสสฺส, วิปาโก กฏุโก อหุ;

ยํ กาสิราชา เวเทสิ, นิรยมฺหิ สมปฺปิโต’’ติ. –

อิมา ทฺเว อภิสมฺพุทฺธคาถา.

ตตฺถ อตีตมทฺธานนฺติ อตีเต อทฺธาเน. ขนฺติทีปโนติ อธิวาสนขนฺติสํวณฺณโน. อเฉทยีติ มาราเปสิ. เอกจฺเจ ปน ‘‘โพธิสตฺตสฺส ปุน หตฺถปาทกณฺณนาสา ฆฏิตา’’ติ วทนฺติ, ตมฺปิ อภูตเมว. สมปฺปิโตติ ปติฏฺิโต.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน โกธโน ภิกฺขุ อนาคามิผเล ปติฏฺหิ, อฺเ พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ ปาปุณึสุ.

ตทา กลาพุราชา เทวทตฺโต อโหสิ, เสนาปติ สาริปุตฺโต, ขนฺติวาที ตาปโส ปน อหเมว อโหสินฺติ.

ขนฺติวาทีชาตกวณฺณนา ตติยา.

[๓๑๔] ๔. โลหกุมฺภิชาตกวณฺณนา

ทุชฺชีวิตมชีวิมฺหาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โกสลราชานํ อารพฺภ กเถสิ. ตทา กิร โกสลราชา รตฺติภาเค จตุนฺนํ เนรยิกสตฺตานํ สทฺทํ สุณิ. เอโก ทุ-การเมว ภณิ, เอโก -การํ, เอโก -การํ, เอโก โส-การเมวาติ. เต กิร อตีตภเว สาวตฺถิยํเยว ปารทาริกา ราชปุตฺตา อเหสุํ. เต ปเรสํ รกฺขิตโคปิตมาตุคาเมสุ อปรชฺฌิตฺวา จิตฺตเกฬึ กีฬนฺตา พหุํ ปาปกมฺมํ กตฺวา มรณจกฺเกน ฉินฺนา สาวตฺถิสามนฺเต จตูสุ โลหกุมฺภีสุ นิพฺพตฺตา สฏฺิ วสฺสสหสฺสานิ ตตฺถ ปจฺจิตฺวา อุคฺคตา โลหกุมฺภิมุขวฏฺฏึ ทิสฺวา ‘‘กทา นุ โข อิมมฺหา ทุกฺขา มุจฺจิสฺสามา’’ติ จตฺตาโรปิ มหนฺเตน สทฺเทน อนุปฏิปาฏิยา วิรวึสุ. ราชา เตสํ สทฺทํ สุตฺวา มรณภยตชฺชิโต นิสินฺนโกว อรุณํ อุฏฺาเปสิ.

อรุณุคฺคมนเวลาย พฺราหฺมณา อาคนฺตฺวา ราชานํ สุขสยิตํ ปุจฺฉึสุ. ราชา ‘‘กุโต เม อาจริยา สุขสยิตํ, อชฺชาหํ เอวรูเป จตฺตาโร ภึสนกสทฺเท สุณิ’’นฺติ. พฺราหฺมณา หตฺเถ วิธุนึสุ. ‘‘กึ อาจริยา’’ติ? ‘‘สาหสิกสทฺทา, มหาราชา’’ติ. ‘‘สปฏิกมฺมา อปฺปฏิกมฺมา’’ติ? ‘‘กามํ อปฺปฏิกมฺมา, มยํ ปน สุสิกฺขิตา, มหาราชา’’ติ. ‘‘กึ กตฺวา ปฏิพาหิสฺสถา’’ติ? ‘‘มหาราช, ปฏิกมฺมํ มหนฺตํ น สกฺกา กาตุํ, มยํ ปน สพฺพจตุกฺกํ ยฺํ ยชิตฺวา หาเรสฺสามา’’ติ. ‘‘เตน หิ ขิปฺปํ จตฺตาโร หตฺถี จตฺตาโร อสฺเส จตฺตาโร อุสเภ จตฺตาโร มนุสฺเสติ ลฏุกิกสกุณิกา อาทึ กตฺวา จตฺตาโร จตฺตาโร ปาเณ คเหตฺวา สพฺพจตุกฺกยฺํ ยชิตฺวา มม โสตฺถิภาวํ กโรถา’’ติ. ‘‘สาธุ, มหาราชา’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา เยนตฺโถ, ตํ คเหตฺวา ยฺาวาฏํ ปจฺจุปฏฺเปสุํ, พหุปาเณ ถูณูปนีเต กตฺวา เปสุํ. ‘‘พหุํ มจฺฉมํสํ ขาทิสฺสาม, พหุํ ธนํ ลภิสฺสามา’’ติ อุสฺสาหปฺปตฺตา หุตฺวา ‘‘อิทํ ลทฺธุํ วฏฺฏติ, อิทํ ลทฺธุํ วฏฺฏติ, เทวา’’ติ อปราปรํ จรนฺติ.

มลฺลิกา เทวี ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘กึ นุ โข, มหาราช, พฺราหฺมณา อติวิย อุสฺสาหยนฺตา วิจรนฺตี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘เทวิ กึ ตุยฺหิมินา, ตฺวํ อตฺตโน ยเสเนว มตฺตา ปมตฺตา, ทุกฺขํ ปน อมฺหากเมว น ชานาสี’’ติ? ‘‘กึ, มหาราชา’’ติ. ‘‘เทวิ, อหํ เอวรูปํ นาม อโสตพฺพํ สุณึ, ตโต อิเมสํ สทฺทานํ สุตตฺตา ‘‘กึ ภวิสฺสตี’’ติ พฺราหฺมเณ ปุจฺฉึ, พฺราหฺมณา ‘‘ตุมฺหากํ มหาราช รชฺชสฺส วา โภคานํ วา ชีวิตสฺส วา อนฺตราโย ปฺายติ, สพฺพจตุกฺเกน ยฺํ ยชิตฺวา โสตฺถิภาวํ กริสฺสามา’’ติ วทึสุ, เต มยฺหํ วจนํ คเหตฺวา ยฺาวาฏํ กตฺวา เยน เยนตฺโถ, ตสฺส ตสฺส การณา อาคจฺฉนฺตี’’ติ. ‘‘กึ ปน เทว, อิเมสํ สทฺทานํ นิปฺผตฺตึ สเทวเก โลเก อคฺคพฺราหฺมณํ ปุจฺฉิตฺถา’’ติ? ‘‘โก เอส เทวิ, สเทวเก โลเก อคฺคพฺราหฺมโณ นามา’’ติ? ‘‘มหาโคตโม สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ. ‘‘เทวิ, สมฺมาสมฺพุทฺโธ เม น ปุจฺฉิโต’’ติ? ‘‘เตน หิ คนฺตฺวา ปุจฺฉถา’’ติ.

ราชา ตสฺสา วจนํ คเหตฺวา ภุตฺตปาตราโส รถวรมารุยฺห เชตวนํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ปุจฺฉิ ‘‘อหํ, ภนฺเต, รตฺติภาเค จตฺตาโร สทฺเท สุตฺวา พฺราหฺมเณ ปุจฺฉึ, เต ‘สพฺพจตุกฺกยฺํ ยชิตฺวา โสตฺถึ กริสฺสามา’ติ วตฺวา ยฺาวาเฏ กมฺมํ กโรนฺติ, เตสํ สทฺทานํ สุตตฺตา มยฺหํ กึ ภวิสฺสตี’’ติ. ‘‘น กิฺจิ, มหาราช, เนรยิกสตฺตา ทุกฺขมนุภวนฺตา เอวํ วิรวึสุ, น อิเม สทฺทา อิทานิ ตยา เอว สุตา, โปราณกราชูหิปิ สุตาเยว, เตปิ พฺราหฺมเณ ปุจฺฉิตฺวา ปสุฆาตยฺํ กตฺตุกามา หุตฺวา ปณฺฑิตานํ กถํ สุตฺวา น กรึสุ, ปณฺฑิตา เตสํ สทฺทานํ อนฺตรํ กเถตฺวา มหาชนํ วิสฺสชฺชาเปตฺวา โสตฺถิมกํสู’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต อฺตรสฺมึ กาสิคาเม พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต กาเมสุ อาทีนวํ ทิสฺวา กาเม ปหาย อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ อุปฺปาเทตฺวา ฌานกีฬํ กีฬนฺโต หิมวนฺเต รมณีเย วนสณฺเฑ วสติ. ตทา พาราณสิราชา จตุนฺนํ เนรยิกานํ อิเมว จตฺตาโร สทฺเท สุตฺวา ภีตตสิโต อิมินาว นิยาเมน พฺราหฺมเณหิ ‘‘ติณฺณํ อนฺตรายานํ อฺตโร ภวิสฺสติ, สพฺพจตุกฺกยฺเน ตํ วูปสเมสฺสามา’’ติ วุตฺเต สมฺปฏิจฺฉิ. ปุโรหิโต พฺราหฺมเณหิ สทฺธึ ยฺาวาฏํ ปจฺจุปฏฺาเปสิ, มหาชโน ถูณูปนีโต อโหสิ. ตทา โพธิสตฺโต เมตฺตาภาวนํ ปุเรจาริกํ กตฺวา ทิพฺพจกฺขุนา โลกํ โอโลเกนฺโต อิมํ การณํ ทิสฺวา ‘‘อชฺช, มยา คนฺตุํ วฏฺฏติ, มหาชนสฺส โสตฺถิ ภวิสฺสตี’’ติ อิทฺธิพเลน เวหาสํ อุปฺปติตฺวา พาราณสิรฺโ อุยฺยาเน โอตริตฺวา มงฺคลสิลาปฏฺเฏ กฺจนรูปกํ วิย นิสีทิ. ตทา ปุโรหิตสฺส เชฏฺนฺเตวาสิโก อาจริยํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘นนุ, อาจริย, อมฺหากํ เวเทสุ ปรํ มาเรตฺวา โสตฺถิกรณํ นาม นตฺถี’’ติ อาห. ปุโรหิโต ‘‘ตฺวํ ราชธนํ รกฺขสิ, พหุํ มจฺฉมํสํ ขาทิสฺสาม, ธนํ ลภิสฺสาม, ตุณฺหี โหหี’’ติ ตํ ปฏิพาหิ.

โส ‘‘นาหํ เอตฺถ สหาโย ภวิสฺสามี’’ติ นิกฺขมิตฺวา ราชุยฺยานํ คนฺตฺวา โพธิสตฺตํ ทิสฺวา วนฺทิตฺวา กตปฏิสนฺถาโร เอกมนฺตํ นิสีทิ. โพธิสตฺโต ‘‘กึ, มาณว, ราชา ธมฺเมน รชฺชํ กาเรตี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ภนฺเต, ราชา ธมฺเมน รชฺชํ กาเรติ, รตฺติภาเค ปน จตฺตาโร สทฺเท สุตฺวา พฺราหฺมเณ ปุจฺฉิ. พฺราหฺมณา ‘สพฺพจตุกฺกยฺํ ยชิตฺวา โสตฺถึ กริสฺสามา’’’ติ วทึสุ. ราชา ปสุฆาตกมฺมํ กตฺวา อตฺตโน โสตฺถึ กาตุกาโม มหาชโน ถูณูปนีโต, ‘‘กึ นุ โข, ภนฺเต, ตุมฺหาทิสานํ สีลวนฺตานํ เตสํ สทฺทานํ นิปฺผตฺตึ วตฺวา มหาชนํ มรณมุขา โมเจตุํ วฏฺฏตี’’ติ. ‘‘มาณว, ราชา อมฺเห น ชานาติ, มยมฺปิ ตํ น ชานาม, อิเมสํ ปน สทฺทานํ นิปฺผตฺตึ ชานาม, สเจ ราชา อมฺเห อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺเฉยฺย, ราชานํ นิกฺกงฺขํ กตฺวา กเถสฺสามา’’ติ. ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, มุหุตฺตํ อิเธว โหถ, อหํ ราชานํ อาเนสฺสามี’’ติ. ‘‘สาธุ, มาณวา’’ติ. โส คนฺตฺวา รฺโ ตมตฺถํ อาโรเจตฺวา ราชานํ อาเนสิ.

อถ ราชา โพธิสตฺตํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺโน ปุจฺฉิ ‘‘สจฺจํ กิร ตุมฺเห มยา สุตสทฺทานํ นิปฺผตฺตึ ชานาถา’’ติ? ‘‘อาม, มหาราชา’’ติ. ‘‘กเถถ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘มหาราช, เอเต ปุริมภเว ปเรสํ รกฺขิตโคปิเตสุ ทาเรสุ จาริตฺตํ อาปชฺชิตฺวา พาราณสิสามนฺเต จตูสุ โลหกุมฺภีสุ นิพฺพตฺตา ปกฺกุถิเต ขารโลโหทเก เผณุทฺเทหกํ ปจฺจมานา ตึส วสฺสสหสฺสานิ อโธ คนฺตฺวา กุมฺภิตลํ อาหจฺจ อุทฺธํ อาโรหนฺตา ตึสวสฺสสหสฺเสเนว กาเลน กุมฺภิมุขํ ทิสฺวา พหิ โอโลเกตฺวา จตฺตาโร ชนา จตสฺโส คาถา ปริปุณฺณํ กตฺวา วตฺตุกามาปิ ตถา กาตุํ อสกฺโกนฺตา เอเกกเมว อกฺขรํ วตฺวา ปุน โลหกุมฺภีสุเยว นิมุคฺคา. เตสุ ทุ-การํ วตฺวา นิมุคฺคสตฺโต เอวํ วตฺตุกาโม อโหสิ –

๕๓.

‘ทุชฺชีวิตมชีวิมฺห, เย สนฺเต น ททมฺหเส;

วิชฺชมาเนสุ โภเคสุ, ทีปํ นากมฺห อตฺตโน’ติ. –

ตํ คาถํ ปริปุณฺณํ กาตุํ นาสกฺขี’’ติ วตฺวา โพธิสตฺโต อตฺตโน าเณน ตํ คาถํ ปริปุณฺณํ กตฺวา กเถสิ. เสสาสุปิ เอเสว นโย.

เตสุ -การํ วตฺวา วตฺตุกามสฺส อยํ คาถา –

๕๔.

‘‘สฏฺิ วสฺสสหสฺสานิ, ปริปุณฺณานิ สพฺพโส;

นิรเย ปจฺจมานานํ, กทา อนฺโต ภวิสฺสตี’’ติ.

-การํ วตฺวา วตฺตุกามสฺส อยํ คาถา –

๕๕.

‘‘นตฺถิ อนฺโต กุโต อนฺโต, น อนฺโต ปฏิทิสฺสติ;

ตทา หิ ปกตํ ปาปํ, มม ตุยฺหฺจ มาริสา’’ติ.

โส-การํ วตฺวา วตฺตุกามสฺส อยํ คาถา –

๕๖.

‘‘โสหํ นูน อิโต คนฺตฺวา, โยนึ ลทฺธาน มานุสึ;

วทฺู สีลสมฺปนฺโน, กาหามิ กุสลํ พหุ’’นฺติ.

ตตฺถ ทุชฺชีวิตนฺติ ตีณิ ทุจฺจริตานิ จรนฺโต ทุชฺชีวิตํ ลามกชีวิตํ ชีวติ นาม, โสปิ ตเทว สนฺธายาห ‘‘ทุชฺชีวิตมชีวิมฺหา’’ติ. เย สนฺเต น ททมฺหเสติ เย มยํ เทยฺยธมฺเม จ ปฏิคฺคาหเก จ สํวิชฺชมาเนเยว น ทานํ ททิมฺห. ทีปํ นากมฺห อตฺตโนติ อตฺตโน ปติฏฺํ น กริมฺห. ปริปุณฺณานีติ อนูนานิ อนธิกานิ. สพฺพโสติ สพฺพากาเรน. ปจฺจมานานนฺติ อมฺหากํ อิมสฺมึ นิรเย ปจฺจมานานํ.

นตฺถิ อนฺโตติ ‘‘อมฺหากํ อสุกกาเล นาม โมกฺโข ภวิสฺสตี’’ติ เอวํ กาลปริจฺเฉโท นตฺถิ. กุโต อนฺโตติ เกน การเณน อนฺโต ปฺายิสฺสติ. น อนฺโตติ อนฺตํ ทฏฺุกามานมฺปิ โน ทุกฺขสฺส อนฺโต น ปฏิทิสฺสติ. ตทา หิ ปกตนฺติ ตสฺมึ กาเล มาริสา มม จ ตุยฺหฺจ ปกตํ ปาปํ ปกฏฺํ กตํ อติพหุเมว กตํ. ‘‘ตถา หิ ปกต’’นฺติปิ ปาโ, เตน การเณน กตํ, เยนสฺส อนฺโต ทฏฺุํ น สกฺกาติ อตฺโถ. มาริสาติ มยา สทิสา, ปิยาลปนเมตํ เอเตสํ. นูนาติ เอกํสตฺเถ นิปาโต, โส อหํ อิโต คนฺตฺวา โยนึ มานุสึ ลทฺธาน วทฺู สีลสมฺปนฺโน หุตฺวา เอกํเสเนว พหุํ กุสลํ กริสฺสามีติ อยเมตฺถ อตฺโถ.

อิติ โพธิสตฺโต เอกเมกํ คาถํ วตฺวา ‘‘มหาราช, โส เนรยิกสตฺโต อิมํ คาถํ ปริปุณฺณํ กตฺวา วตฺตุกาโม อตฺตโน ปาปสฺส มหนฺตตาย ตถา กเถตุํ นาสกฺขิ, อิติ โส อตฺตโน กมฺมวิปากํ อนุภวนฺโต วิรวิ. ตุมฺหากํ เอตสฺส สทฺทสฺส สวนปจฺจยา อนฺตราโย นาม นตฺถิ, ตุมฺเห มา ภายิตฺถา’’ติ ราชานํ สฺาเปสิ. ราชา มหาชนํ วิสฺสชฺชาเปตฺวา สุวณฺณเภรึ จราเปตฺวา ยฺาวาฏํ วิทฺธํสาเปสิ. โพธิสตฺโต มหาชนสฺส โสตฺถึ กตฺวา กติปาหํ วสิตฺวา ตตฺเถว คนฺตฺวา อปริหีนชฺฌาโน พฺรหฺมโลเก อุปฺปชฺชิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ปุโรหิตสฺส เชฏฺนฺเตวาสิกมาณโว สาริปุตฺโต อโหสิ, ตาปโส ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

โลหกุมฺภิชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.

[๓๑๕] ๕. สพฺพมํสลาภชาตกวณฺณนา

ผรุสา วต เต วาจาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สาริปุตฺตตฺเถเรน ปีตวิเรจนานํ ทินฺนรสปิณฺฑปาตํ อารพฺภ กเถสิ. ตทา กิร เชตวเน เอกจฺเจ ภิกฺขู สฺเนหวิเรจนํ ปิวึสุ. เตสํ รสปิณฺฑปาเตน อตฺโถ โหติ, คิลานุปฏฺากา ‘‘รสภตฺตํ อาหริสฺสามา’’ติ สาวตฺถึ ปวิสิตฺวา โอทนิกฆรวีถิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวาปิ รสภตฺตํ อลภิตฺวา นิวตฺตึสุ. เถโร ทิวาตรํ ปิณฺฑาย ปวิสมาโน เต ภิกฺขู ทิสฺวา ‘‘กึ, อาวุโส, อติปเคว นิวตฺตถา’’ติ ปุจฺฉิ. เต ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. เถโร ‘‘เตน หิ เอถา’’ติ เต คเหตฺวา ตเมว วีถึ อคมาสิ, มนุสฺสา ปูเรตฺวา รสภตฺตํ อทํสุ. คิลานุปฏฺากา รสภตฺตํ อาหริตฺวา คิลานานํ อทํสุ, เต ปริภุฺชึสุ. อเถกทิวสํ ธมฺมสภายํ ภิกฺขู กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, เถโร กิร ปีตวิเรจนานํ อุปฏฺาเก รสภตฺตํ อลภิตฺวา นิกฺขมนฺเต คเหตฺวา โอทนิกฆรวีถิยํ จริตฺวา พหุํ รสปิณฺฑปาตํ เปเสสี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทานิ สาริปุตฺโตว มํสํ ลภิ, ปุพฺเพปิ มุทุวาจา ปิยวจนา วตฺตุํ เฉกา ปณฺฑิตา ลภึสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต เสฏฺิปุตฺโต อโหสิ. อเถกทิวสํ เอโก มิคลุทฺทโก พหุํ มํสํ ลภิตฺวา ยานกํ ปูเรตฺวา ‘‘วิกฺกิณิสฺสามี’’ติ นครํ อาคจฺฉติ. ตทา พาราณสิวาสิกา จตฺตาโร เสฏฺิปุตฺตา นครา นิกฺขมิตฺวา เอกสฺมึ มคฺคสภาคฏฺาเน กิฺจิ ทิฏฺํ สุตํ สลฺลปนฺตา นิสีทึสุ. เอเตสุ เอโก เสฏฺิปุตฺโต ตํ มํสยานกํ ทิสฺวา ‘‘เอตํ ลุทฺทกํ มํสขณฺฑํ อาหราเปมี’’ติ อาห. ‘‘คจฺฉ อาหราเปหี’’ติ. โส ตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘อเร, ลุทฺทก, เทหิ เม มํสขณฺฑ’’นฺติ อาห. ลุทฺทโก ‘‘มาริส, ปรํ กิฺจิ ยาจนฺเตน นาม ปิยวจเนน ภวิตพฺพํ, ตยา กถิตวาจาย อนุจฺฉวิกํ มํสขณฺฑํ ลภิสฺสสี’’ติ วตฺวา ปมํ คาถมาห –

๕๗.

‘‘ผรุสา วต เต วาจา, มํสํ ยาจนโก อสิ;

กิโลมสทิสี วาจา, กิโลมํ สมฺม ทมฺมิ เต’’ติ.

ตตฺถ กิโลมสทิสีติ ผรุสตาย กิโลมสทิสี. กิโลมํ สมฺม ทมฺมิ เตติ หนฺท คณฺห, อิทํ เต วาจาย สทิสํ กิโลมํ ทมฺมีติ นิรสํ นิมํสโลหิตํ กิโลมกขณฺฑํ อุกฺขิปิตฺวา อทาสิ.

อถ นํ อปโร เสฏฺิปุตฺโต ‘‘กินฺติ วตฺวา ยาจสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อเร’’ติ วตฺวาติ. โส ‘‘อหมฺปิ นํ ยาจิสฺสามี’’ติ วตฺวา คนฺตฺวา ‘‘เชฏฺภาติก, มํสขณฺฑํ เม เทหี’’ติ อาห. อิตโร ‘‘ตว วจนสฺส อนุจฺฉวิกํ มํสขณฺฑํ ลภิสฺสสี’’ติ วตฺวา ทุติยํ คาถมาห –

๕๘.

‘‘องฺคเมตํ มนุสฺสานํ, ภาตา โลเก ปวุจฺจติ;

องฺคสฺส สทิสี วาจา, องฺคํ สมฺม ททามิ เต’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – อิมสฺมึ โลเก มนุสฺสานํ องฺคสทิสตฺตา องฺคเมตํ ยทิทํ ภาตา ภคินีติ, ตสฺมา ตเวสา องฺคสทิสี วาจาติ เอติสฺสา อนุจฺฉวิกํ องฺคเมว ททามิ เตติ. เอวฺจ ปน วตฺวา องฺคมํสํ อุกฺขิปิตฺวา อทาสิ.

ตมฺปิ อปโร เสฏฺิปุตฺโต ‘‘กินฺติ วตฺวา ยาจสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ภาติกา’’ติ วตฺวาติ. โส ‘‘อหมฺปิ นํ ยาจิสฺสามี’’ติ วตฺวา คนฺตฺวา ‘‘ตาต, มํสขณฺฑํ เม เทหี’’ติ อาห. ลุทฺทโก ตว วจนานูรูปํ ลจฺฉสี’’ติ วตฺวา ตติยํ คาถมาห –

๕๙.

‘‘ตาตาติ ปุตฺโต วทมาโน, กมฺเปติ หทยํ ปิตุ;

หทยสฺส สทิสี วาจา, หทยํ สมฺม ทมฺมิ เต’’ติ.

เอวฺจ ปน วตฺวา หทยมํเสน สทฺธึ มธุรมํสํ อุกฺขิปิตฺวา อทาสิ.

ตํ จตุตฺโถ เสฏฺิปุตฺโต ‘‘กินฺติ วตฺวา ยาจสี’’ติ ปุจฺฉิ. โส ‘‘ตาตา’’ติ วตฺวาติ. โส ‘‘อหมฺปิ ยาจิสฺสามี’’ติ วตฺวา คนฺตฺวา ‘‘สหาย มํสขณฺฑํ เม เทหี’’ติ อาห. ลุทฺทโก ‘‘ตว วจนานุรูปํ ลจฺฉสี’’ติ วตฺวา จตุตฺถํ คาถมาห –

๖๐.

‘‘ยสฺส คาเม สขา นตฺถิ, ยถารฺํ ตเถว ตํ;

สพฺพสฺส สทิสี วาจา, สพฺพํ สมฺม ททามิ เต’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – ยสฺส ปุริสสฺส คาเม สุขทุกฺเขสุ สห อยนโต สหายสงฺขาโต สขา นตฺถิ, ตสฺส ตํ านํ ยถา อมนุสฺสํ อรฺํ ตเถว โหติ, อิติ อยํ ตว วาจา สพฺพสฺส สทิสี, สพฺเพน อตฺตโน สนฺตเกน วิภเวน สทิสี, ตสฺมา สพฺพเมว อิมํ มม สนฺตกํ มํสยานกํ ททามิ เตติ.

เอวฺจ ปน วตฺวา ‘‘เอหิ, สมฺม, สพฺพเมว อิทํ มํสยานกํ ตว เคหํ อาหริสฺสามี’’ติ อาห. เสฏฺิปุตฺโต เตน ยานกํ ปาชาเปนฺโต อตฺตโน ฆรํ คนฺตฺวา มํสํ โอตาราเปตฺวา ลุทฺทกสฺส สกฺการสมฺมานํ กตฺวา ปุตฺตทารมฺปิสฺส ปกฺโกสาเปตฺวา ลุทฺทกมฺมโต อปเนตฺวา อตฺตโน กุฏุมฺพมชฺเฌ วสาเปนฺโต เตน สทฺธึ อเภชฺชสหาโย หุตฺวา ยาวชีวํ สมคฺควาสํ วสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ลุทฺทโก สาริปุตฺโต อโหสิ, สพฺพมํสลาภี เสฏฺิปุตฺโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

สพฺพมํสลาภชาตกวณฺณนา ปฺจมา.

[๓๑๖] ๖. สสปณฺฑิตชาตกวณฺณนา

สตฺต เม โรหิตา มจฺฉาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สพฺพปริกฺขารทานํ อารพฺภ กเถสิ. สาวตฺถิยํ กิร เอโก กุฏุมฺพิโก พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส สพฺพปริกฺขารทานํ สชฺเชตฺวา ฆรทฺวาเร มณฺฑปํ กาเรตฺวา พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิมนฺเตตฺวา สุสชฺชิตมณฺฑเป ปฺตฺตวราสเน นิสีทาเปตฺวา นานคฺครสํ ปณีตทานํ ทตฺวา ปุน สฺวาตนายาติ สตฺตาหํ นิมนฺเตตฺวา สตฺตเม ทิวเส พุทฺธปฺปมุขานํ ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ สพฺพปริกฺขาเร อทาสิ. สตฺถา ภตฺตกิจฺจาวสาเน อนุโมทนํ กโรนฺโต ‘‘อุปาสก, ตยา ปีติโสมนสฺสํ กาตุํ วฏฺฏติ, อิทฺหิ ทานํ นาม โปราณกปณฺฑิตานํ วํโส, โปราณกปณฺฑิตา หิ สมฺปตฺตยาจกานํ ชีวิตํ ปริจฺจชิตฺวา อตฺตโน มํสมฺปิ อทํสู’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต สสโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา อรฺเ วสิ. ตสฺส ปน อรฺสฺส เอกโต ปพฺพตปาโท เอกโต นที เอกโต ปจฺจนฺตคามโก อโหสิ. อปเรปิสฺส ตโย สหายา อเหสุํ มกฺกโฏ จ สิงฺคาโล จ อุทฺโท จาติ. เต จตฺตาโรปิ ปณฺฑิตา เอกโตว วสนฺตา อตฺตโน อตฺตโน โคจรฏฺาเน โคจรํ คเหตฺวา สายนฺหสมเย เอกโต สนฺนิปตนฺติ. สสปณฺฑิโต ‘‘ทานํ ทาตพฺพํ, สีลํ รกฺขิตพฺพํ, อุโปสถกมฺมํ กาตพฺพ’’นฺติ ติณฺณํ ชนานํ โอวาทวเสน ธมฺมํ เทเสติ. เต ตสฺส โอวาทํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา อตฺตโน อตฺตโน นิวาสคุมฺพํ ปวิสิตฺวา วสนฺติ. เอวํ กาเล คจฺฉนฺเต เอกทิวสํ โพธิสตฺโต อากาสํ โอโลเกตฺวา จนฺทํ ทิสฺวา ‘‘สฺเว อุโปสถทิวโส’’ติ ตฺวา อิตเร ตโย อาห ‘‘สฺเว อุโปสโถ, ตุมฺเหปิ ตโย ชนา สีลํ สมาทิยิตฺวา อุโปสถิกา โหถ, สีเล ปติฏฺาย ทินฺนทานํ มหปฺผลํ โหติ, ตสฺมา ยาจเก สมฺปตฺเต ตุมฺเหหิ ขาทิตพฺพาหารโต ทานํ ทตฺวา ขาเทยฺยาถา’’ติ. เต ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา อตฺตโน อตฺตโน วสนฏฺาเนสุ วสึสุ.

ปุนทิวเส เตสุ อุทฺโท ปาโตว ‘‘โคจรํ ปริเยสิสฺสามี’’ติ นิกฺขมิตฺวา คงฺคาตีรํ คโต. อเถโก พาลิสิโก สตฺต โรหิตมจฺเฉ อุทฺธริตฺวา วลฺลิยา อาวุณิตฺวา เนตฺวา คงฺคาตีเร วาลุกํ วิยูหิตฺวา วาลิกาย ปฏิจฺฉาเทตฺวา ปุน มจฺเฉ คณฺหนฺโต อโธคงฺคํ คจฺฉิ. อุทฺโท มจฺฉคนฺธํ ฆายิตฺวา วาลุกํ วิยูหิตฺวา มจฺเฉ ทิสฺวา นีหริตฺวา ‘‘อตฺถิ นุ โข เอเตสํ สามิโก’’ติ ติกฺขตฺตุํ โฆเสตฺวา สามิกํ อปสฺสนฺโต วลฺลิโกฏึ ฑํสิตฺวา เนตฺวา อตฺตโน วสนคุมฺเพ เปตฺวา ‘‘เวลายเมว ขาทิสฺสามี’’ติ อตฺตโน สีลํ อาวชฺเชนฺโต นิปชฺชิ. สิงฺคาโลปิ วสนฏฺานโต นิกฺขมิตฺวา โคจรํ ปริเยสนฺโต เอกสฺส เขตฺตโคปกสฺส กุฏิยํ ทฺเว มํสสูลานิ เอกํ โคธํ เอกฺจ ทธิวารกํ ทิสฺวา ‘‘อตฺถิ นุ โข เอเตสํ สามิโก’’ติ ติกฺขตฺตุํ โฆเสตฺวา สามิกํ อทิสฺวา ทธิวารกสฺส อุคฺคหณรชฺชุกํ คีวาย ปเวเสตฺวา ทฺเว มํสสูเล จ โคธฺจ มุเขน ฑํสิตฺวา เนตฺวา อตฺตโน วสนคุมฺเพ เปตฺวา ‘‘เวลายเมว ขาทิสฺสามี’’ติ อตฺตโน สีลํ อาวชฺเชนฺโต นิปชฺชิ. มกฺกโฏปิ วสนฏฺานโต นิกฺขมิตฺวา วนสณฺฑํ ปวิสิตฺวา อมฺพปิณฺฑํ อาหริตฺวา อตฺตโน วสนคุมฺเพ เปตฺวา ‘‘เวลายเมว ขาทิสฺสามี’’ติ อตฺตโน สีลํ อาวชฺเชนฺโต นิปชฺชิ.

โพธิสตฺโต ปน ‘‘เวลายเมว วสนฏฺานโต นิกฺขมิตฺวา ทพฺพติณานิ ขาทิสฺสามี’’ติ อตฺตโน วสนคุมฺเพเยว นิปนฺโน จินฺเตสิ ‘‘มม สนฺติกํ อาคตานํ ยาจกานํ ติณานิ ทาตุํ น สกฺกา, ติลตณฺฑุลาทโยปิ มยฺหํ นตฺถิ, สเจ เม สนฺติกํ ยาจโก อาคจฺฉิสฺสติ, อตฺตโน สรีรมํสํ ทสฺสามี’’ติ. ตสฺส สีลเตเชน สกฺกสฺส ปณฺฑุกมฺพลสิลาสนํ อุณฺหาการํ ทสฺเสสิ. โส อาวชฺชมาโน อิทํ การณํ ทิสฺวา ‘‘สสราชานํ วีมํสิสฺสามี’’ติ ปมํ อุทฺทสฺส วสนฏฺานํ คนฺตฺวา พฺราหฺมณเวเสน อฏฺาสิ. ‘‘พฺราหฺมณ, กิมตฺถํ ิโตสี’’ติ วุตฺเต ปณฺฑิต สเจ กิฺจิ อาหารํ ลเภยฺยํ, อุโปสถิโก หุตฺวา วเสยฺยนฺติ. โส ‘‘สาธุ ทสฺสามิ เต อาหาร’’นฺติ เตน สทฺธึ สลฺลปนฺโต ปมํ คาถมาห –

๖๑.

‘‘สตฺต เม โรหิตา มจฺฉา, อุทกา ถลมุพฺภตา;

อิทํ พฺราหฺมณ เม อตฺถิ, เอตํ ภุตฺวา วเน วสา’’ติ.

ตตฺถ ถลมุพฺภตาติ อุทกโต ถเล ปิตา, เกวฏฺเฏน วา อุทฺธฏา. เอตํ ภุตฺวาติ เอตํ มม สนฺตกํ มจฺฉาหารํ ปจิตฺวา ภุฺชิตฺวา สมณธมฺมํ กโรนฺโต รมณีเย รุกฺขมูเล นิสินฺโน อิมสฺมึ วเน วสาติ.

พฺราหฺมโณ ‘‘ปเคว ตาว โหตุ, ปจฺฉา ชานิสฺสามี’’ติ สิงฺคาลสฺส สนฺติกํ คโต. เตนาปิ ‘‘กิมตฺถํ ิโตสี’’ติ วุตฺโต ตเถวาห. สิงฺคาโล ‘‘สาธุ ทสฺสามี’’ติ เตน สทฺธึ สลฺลปนฺโต ทุติยํ คาถมาห –

๖๒.

‘‘ทุสฺส เม เขตฺตปาลสฺส, รตฺติภตฺตํ อปาภตํ;

มํสสูลา จ ทฺเว โคธา, เอกฺจ ทธิวารกํ;

อิทํ พฺราหฺมณ เม อตฺถิ, เอตํ ภุตฺวา วเน วสา’’ติ.

ตตฺถ ทุสฺส เมติ โย เอส มม อวิทูเร เขตฺตปาโล วสติ, ทุสฺส อมุสฺสาติ อตฺโถ. อปาภตนฺติ อาภตํ อานีตํ. มํสสูลา จ ทฺเว โคธาติ องฺคารปกฺกานิ ทฺเว มํสสูลานิ จ เอกา จ โคธา. ทธิวารกนฺติ ทธิวารโก. อิทนฺติ อิทํ เอตฺตกํ มม อตฺถิ, เอตํ สพฺพมฺปิ ยถาภิรุจิเตน ปาเกน ปจิตฺวา ปริภุฺชิตฺวา อุโปสถิโก หุตฺวา รมณีเย รุกฺขมูเล นิสีทิตฺวา สมณธมฺมํ กโรนฺโต อิมสฺมึ วนสณฺเฑ วสาติ อตฺโถ.

พฺราหฺมโณ ‘‘ปเคว ตาว โหตุ, ปจฺฉา ชานิสฺสามี’’ติ มกฺกฏสฺส สนฺติกํ คโต. เตนาปิ ‘‘กิมตฺถํ ิโตสี’’ติ วุตฺโต ตเถวาห. มกฺกโฏ ‘‘สาธุ ทสฺสามี’’ติ เตน สทฺธึ สลฺลปนฺโต ตติยํ คาถมาห –

๖๓.

‘‘อมฺพปกฺกํ ทกํ สีตํ, สีตจฺฉายา มโนรมา;

อิทํ พฺราหฺมณ เม อตฺถิ, เอตํ ภุตฺวา วเน วสา’’ติ.

ตตฺถ อมฺพปกฺกนฺติ มธุรอมฺพผลํ. ทกํ สีตนฺติ คงฺคาย อุทกํ สีตลํ. เอตํ ภุตฺวา วเน วสาติ พฺราหฺมณ เอตํ อมฺพปกฺกํ ปริภุฺชิตฺวา สีตลํ อุทกํ ปิวิตฺวา ยถาภิรุจิเต รมณีเย รุกฺขมูเล นิสินฺโน สมณธมฺมํ กโรนฺโต อิมสฺมึ วนสณฺเฑ วสาติ.

พฺราหฺมโณ ‘‘ปเคว ตาว โหตุ, ปจฺฉา ชานิสฺสามี’’ติ สสปณฺฑิตสฺส สนฺติกํ คโต. เตนาปิ ‘‘กิมตฺถํ ิโตสี’’ติ วุตฺโต ตเถวาห. ตํ สุตฺวา โพธิสตฺโต โสมนสฺสปฺปตฺโต ‘‘พฺราหฺมณ, สุฏฺุ เต กตํ อาหารตฺถาย มม สนฺติกํ อาคจฺฉนฺเตน, อชฺชาหํ อทินฺนปุพฺพํ ทานํ ทสฺสามิ. ตฺวํ ปน สีลวา ปาณาติปาตํ น กริสฺสสิ, คจฺฉ, พฺราหฺมณ, นานาทารูนิ สงฺกฑฺฒิตฺวา องฺคาเร กตฺวา มยฺหํ อาโรเจหิ, อหํ อตฺตานํ ปริจฺจชิตฺวา องฺคารมชฺเฌ ปติสฺสามิ. มม สรีเร ปกฺเก ตฺวํ มํสํ ขาทิตฺวา สมณธมฺมํ กเรยฺยาสี’’ติ เตน สทฺธึ สลฺลปนฺโต จตุตฺถํ คาถมาห –

๖๔.

‘‘น สสสฺส ติลา อตฺถิ, น มุคฺคา นปิ ตณฺฑุลา;

อิมินา อคฺคินา ปกฺกํ, มมํ ภุตฺวา วเน วสา’’ติ.

ตตฺถ มมํ ภุตฺวาติ ยํ ตํ อหํ อคฺคึ กโรหีติ วทามิ, อิมินา อคฺคินา ปกฺกํ มํ ภุฺชิตฺวา อิมสฺมึ วเน วส, เอกสฺส สสสฺส สรีรํ นาม เอกสฺส ปุริสสฺส ยาปนมตฺตํ โหตีติ.

สกฺโก ตสฺส วจนํ สุตฺวา อตฺตโน อานุภาเวน เอกํ องฺคารราสึ มาเปตฺวา โพธิสตฺตสฺส อาโรเจสิ. โส ทพฺพติณสยนโต อุฏฺาย ตตฺถ คนฺตฺวา ‘‘สเจ เม โลมนฺตเรสุ ปาณกา อตฺถิ, เต มา มรึสู’’ติ ติกฺขตฺตุํ สรีรํ วิธุนิตฺวา สกลสรีรํ ทานมุเข เปตฺวา ลงฺฆิตฺวา ปทุมสเร ราชหํโส วิย ปมุทิตจิตฺโต องฺคารราสิมฺหิ ปติ. โส ปน อคฺคิ โพธิสตฺตสฺส สรีเร โลมกูปมตฺตมฺปิ อุณฺหํ กาตุํ นาสกฺขิ, หิมคพฺภํ ปวิฏฺโ วิย อโหสิ. อถ สกฺกํ อามนฺเตตฺวา ‘‘พฺราหฺมณ, ตยา กโต อคฺคิ อติสีตโล, มม สรีเร โลมกูปมตฺตมฺปิ อุณฺหํ กาตุํ น สกฺโกติ, กึ นาเมต’’นฺติ อาห. ‘‘สสปณฺฑิต, นาหํ พฺราหฺมโณ, สกฺโกหมสฺมิ, ตว วีมํสนตฺถาย อาคโตมฺหี’’ติ. ‘‘สกฺก, ตฺวํ ตาว ติฏฺ, สกโลปิ เจ โลกสนฺนิวาโส มํ ทาเนน วีมํเสยฺย, เนว เม อทาตุกามตํ ปสฺเสยฺยา’’ติ โพธิสตฺโต สีหนาทํ นทิ. อถ นํ สกฺโก ‘‘สสปณฺฑิต, ตว คุโณ สกลกปฺปํ ปากโฏ โหตู’’ติ ปพฺพตํ ปีเฬตฺวา ปพฺพตรสํ อาทาย จนฺทมณฺฑเล สสลกฺขณํ ลิขิตฺวา โพธิสตฺตํ อาเนตฺวา ตสฺมึ วนสณฺเฑ ตสฺมึเยว วนคุมฺเพ ตรุณทพฺพติณปิฏฺเ นิปชฺชาเปตฺวา อตฺตโน วสนฏฺานเมว คโต. เตปิ จตฺตาโร ปณฺฑิตา สมคฺคา สมฺโมทมานา สีลํ ปูเรตฺวา ทานํ ทตฺวา อุโปสถกมฺมํ กตฺวา ยถากมฺมํ คตา.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน สพฺพปริกฺขารทานทายโก คหปติ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ.

ตทา อุทฺโท อานนฺโท อโหสิ, สิงฺคาโล โมคฺคลฺลาโน, มกฺกโฏ สาริปุตฺโต, สกฺโก อนุรุทฺโธ, สสปณฺฑิโต ปน อหเมว อโหสินฺติ.

สสปณฺฑิตชาตกวณฺณนา ฉฏฺา.

[๓๑๗] ๗. มตโรทนชาตกวณฺณนา

มตํ มตํ เอว โรทถาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ สาวตฺถิวาสึ กุฏุมฺพิกํ อารพฺภ กเถสิ. ตสฺส กิร ภาตา กาลมกาสิ. โส ตสฺส กาลกิริยาย โสกาภิภูโต น นฺหายติ น ภุฺชติ น วิลิมฺปติ, ปาโตว สุสานํ คนฺตฺวา โสกสมปฺปิโต โรทติ. สตฺถา ปจฺจูสสมเย โลกํ โอโลเกนฺโต ตสฺส โสตาปตฺติผลูปนิสฺสยํ ทิสฺวา ‘‘อิมสฺส อตีตการณํ อาหริตฺวา โสกํ วูปสเมตฺวา โสตาปตฺติผลํ ทาตุํ เปตฺวา มํ อฺโ โกจิ สมตฺโถ นตฺถิ, อิมสฺส มยา อวสฺสเยน ภวิตุํ วฏฺฏตี’’ติ ปุนทิวเส ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต ปจฺฉาสมณํ อาทาย ตสฺส ฆรทฺวารํ คนฺตฺวา ‘‘สตฺถา อาคโต’’ติ สุตฺวา อาสนํ ปฺเปตฺวา ‘‘ปเวเสถา’’ติ กุฏุมฺพิเกน วุตฺโต ปวิสิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ. กุฏุมฺพิโกปิ อาคนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. อถ นํ สตฺถา ‘‘กึ กุฏุมฺพิก จินฺเตสี’’ติ อาห. ‘‘อาม, ภนฺเต, มม ภาตุ มตกาลโต ปฏฺาย จินฺเตมี’’ติ. ‘‘อาวุโส, สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา, ภิชฺชิตพฺพยุตฺตกํ ภิชฺชติ, น ตตฺถ จินฺเตตพฺพํ, โปราณกปณฺฑิตาปิ ภาตริ มเตปิ ‘ภิชฺชิตพฺพยุตฺตกํ ภิชฺชตี’ติ น จินฺตยึสู’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต อสีติโกฏิวิภเว เสฏฺิกุเล นิพฺพตฺติ, ตสฺส วยปฺปตฺตสฺส มาตาปิตโร กาลมกํสุ. เตสุ กาลกเตสุ โพธิสตฺตสฺส ภาตา กุฏุมฺพํ วิจาเรติ, โพธิสตฺโต ตํ นิสฺสาย ชีวติ. โส อปรภาเค ตถารูเปน พฺยาธินา กาลมกาสิ. าติมิตฺตา สุหชฺชา สนฺนิปติตฺวา พาหา ปคฺคยฺห กนฺทนฺติ โรทนฺติ, เอโกปิ สกภาเวน สณฺาตุํ นาสกฺขิ, โพธิสตฺโต ปน เนว กนฺทติ น โรทติ. มนุสฺสา ‘‘ปสฺสถ โภ, อิมสฺส ภาตริ มเต มุขสงฺโกจนมตฺตมฺปิ นตฺถิ, อติวิย ถทฺธหทโย, ‘ทฺเวปิ โกฏฺาเส อหเมว ปริภุฺชิสฺสามี’ติ ภาตุ มรณํ อิจฺฉติ มฺเ’’ติ โพธิสตฺตํ ครหึสุ. าตกาปิ นํ ‘‘ตฺวํ ภาตริ มเต น โรทสี’’ติ ครหึสุเยว. โส เตสํ กถํ สุตฺวา ‘‘ตุมฺเห อตฺตโน อนฺธพาลภาเวน อฏฺ โลกธมฺเม อชานนฺตา ‘มม ภาตา มโต’ติ โรทถ, อหมฺปิ มริสฺสามิ, ตุมฺเหปิ มริสฺสถ, อตฺตานมฺปิ ‘มยมฺปิ มริสฺสามา’ติ กสฺมา น โรทถ. สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา หุตฺวา นิรุชฺฌนฺติ, เตเนว สภาเวน สณฺาตุํ สมตฺโถ เอกสงฺขาโรปิ นตฺถิ. ตุมฺเห อนฺธพาลา อฺาณตาย อฏฺ โลกธมฺเม อชานิตฺวา โรทถ, อหํ กิมตฺถํ โรทิสฺสามี’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –

๖๕.

‘‘มตํ มตํ เอว โรทถ, น หิ ตํ โรทถ โย มริสฺสติ;

สพฺเพปิ สรีรธาริโน, อนุปุพฺเพน ชหนฺติ ชีวิตํ.

๖๖.

‘‘เทวมนุสฺสา จตุปฺปทา, ปกฺขิคณา อุรคา จ โภคิโน;

สมฺหิ สรีเร อนิสฺสรา, รมมานาว ชหนฺติ ชีวิตํ.

๖๗.

‘‘เอวํ จลิตํ อสณฺิตํ, สุขทุกฺขํ มนุเชสฺวเปกฺขิย;

กนฺทิตรุทิตํ นิรตฺถกํ, กึ โว โสกคณาภิกีรเร.

๖๘.

‘‘ธุตฺตา จ โสณฺฑา อกตา, พาลา สูรา อโยคิโน;

ธีรํ มฺนฺติ พาโลติ, เย ธมฺมสฺส อโกวิทา’’ติ.

ตตฺถ มตํ มตํ เอวาติ มตํ มตํเยว. อนุปุพฺเพนาติ อตฺตโน อตฺตโน มรณวาเร สมฺปตฺเต ปฏิปาฏิยา ชหนฺติ ชีวิตํ, น เอกโตว สพฺเพ มรนฺติ, ยทิ เอวํ มเรยฺยุํ, โลกปฺปวตฺติ อุจฺฉิชฺเชยฺย. โภคิโนติ มหนฺเตน สรีรโภเคน สมนฺนาคตา. รมมานาวาติ ตตฺถ ตตฺถ นิพฺพตฺตา สพฺเพปิ เอเต เทวาทโย สตฺตา อตฺตโน อตฺตโน นิพฺพตฺตฏฺาเน อภิรมมานาว อนุกฺกณฺิตาว ชีวิตํ ชหนฺติ. เอวํ จลิตนฺติ เอวํ ตีสุ ภเวสุ นิจฺจลภาวสฺส จ สณฺิตภาวสฺส จ อภาวา จลิตํ อสณฺิตํ. กึ โว โสกคณาภิกีรเรติ กึการณา ตุมฺเห โสกราสี อภิกิรนฺติ อชฺโฌตฺถรนฺติ.

ธุตฺตา จ โสณฺฑา อกตาติ อิตฺถิธุตฺตา สุราธุตฺตา อกฺขธุตฺตา จ สุราโสณฺฑาทโย โสณฺฑา จ อกตพุทฺธิโน อสิกฺขิตกา จ. พาลาติ พาลฺเยน สมนฺนาคตา อวิทฺทสุโน. สูรา อโยคิโนติ อโยนิโสมนสิกาเรน สูรา, โยเคสุ อยุตฺตตาย อโยคิโน. ‘‘อโยธิโน’’ติปิ ปาโ, กิเลสมาเรน สทฺธึ ยุชฺฌิตุํ อสมตฺถาติ อตฺโถ. ธีรํ มฺนฺติ พาโลติ, เย ธมฺมสฺส อโกวิทาติ เย เอวรูปา ธุตฺตาทโย อฏฺวิธสฺส โลกธมฺมสฺส อโกวิทา, เต อปฺปมตฺตเกปิ ทุกฺขธมฺเม อุปฺปนฺเน อตฺตนา กนฺทมานา โรทมานา อฏฺ โลกธมฺเม กถโต ชานิตฺวา าติมรณาทีสุ อกนฺทนฺตํ อโรทนฺตํ มาทิสํ ธีรํ ปณฺฑิตํ ‘‘พาโล อยํ น โรทตี’’ติ มฺนฺตีติ.

เอวํ โพธิสตฺโต เตสํ ธมฺมํ เทเสตฺวา สพฺเพปิ เต นิสฺโสเก อกาสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน กุฏุมฺพิโก โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ตทา มหาชนสฺส ธมฺมํ เทเสตฺวา นิสฺโสกภาวกรปณฺฑิโต ปน อหเมว อโหสินฺติ.

มตโรทนชาตกวณฺณนา สตฺตมา.

[๓๑๘] ๘. กณเวรชาตกวณฺณนา

ยํ ตํ วสนฺต สมเยติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปุราณทุติยิกาปโลภนํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ อินฺทฺริยชาตเก (ชา. ๑.๘.๖๐ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติ. สตฺถา ปน ตํ ภิกฺขุํ ‘‘ปุพฺเพ ตฺวํ ภิกฺขุ เอตํ นิสฺสาย อสินา สีสจฺเฉทํ ปฏิลภี’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต กาสิคามเก เอกสฺส คหปติกสฺส ฆเร โจรนกฺขตฺเตน ชาโต วยปฺปตฺโต โจรกมฺมํ กตฺวา ชีวิกํ กปฺเปนฺโต โลเก ปากโฏ อโหสิ สูโร นาคพโล, โกจิ นํ คณฺหิตุํ นาสกฺขิ. โส เอกทิวสํ เอกสฺมึ เสฏฺิฆเร สนฺธึ ฉินฺทิตฺวา พหุํ ธนํ อวหริ. นาครา ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘เทว, เอโก มหาโจโร นครํ วิลุมฺปติ, ตํ คณฺหาเปถา’’ติ วทึสุ. ราชา ตสฺส คหณตฺถาย นครคุตฺติกํ อาณาเปสิ. โส รตฺติภาเค ตตฺถ ตตฺถ วคฺคพนฺธเนน มนุสฺเส เปตฺวา ตํ สโหฑฺฒํ คาหาเปตฺวา รฺโ อาโรเจสิ. ราชา ‘‘สีสมสฺส ฉินฺทา’’ติ นครคุตฺติกฺเว อาณาเปสิ. นครคุตฺติโก ตํ ปจฺฉาพาหํ คาฬฺหพนฺธนํ พนฺธาเปตฺวา คีวายสฺส รตฺตกณวีรมาลํ ลคฺเคตฺวา สีเส อิฏฺกจุณฺณํ โอกิริตฺวา จตุกฺเก จตุกฺเก กสาหิ ตาฬาเปนฺโต ขรสฺสเรน ปณเวน อาฆาตนํ เนติ. ‘‘อิมสฺมึ กิร นคเร วิโลปการโก โจโร คหิโต’’ติ สกลนครํ สงฺขุภิ.

ตทา จ พาราณสิยํ สหสฺสํ คณฺหนฺตี สามา นาม คณิกา โหติ ราชวลฺลภา ปฺจสตวณฺณทาสีปริวารา. สา ปาสาทตเล วาตปานํ วิวริตฺวา ิตา ตํ นียมานํ ปสฺสิ. โส ปน อภิรูโป ปาสาทิโก อติวิย โสภคฺคปฺปตฺโต เทววณฺโณ สพฺเพสํ มตฺถกมตฺถเกน ปฺายติ. สามา ตํ ทิสฺวา ปฏิพทฺธจิตฺตา หุตฺวา ‘‘เกน นุ โข อุปาเยนาหํ อิมํ ปุริสํ อตฺตโน สามิกํ กเรยฺย’’นฺติ จินฺตยนฺตี ‘‘อตฺเถโก อุปาโย’’ติ อตฺตโน อตฺถจริกาย เอกิสฺสา หตฺเถ นครคุตฺติกสฺส สหสฺสํ เปเสสิ ‘‘อยํ โจโร สามาย ภาตา, อฺตฺร สามาย อฺโ เอตสฺส อวสฺสโย นตฺถิ, ตุมฺเห กิร อิทํ สหสฺสํ คเหตฺวา เอตํ วิสฺสชฺเชถา’’ติ. สา คนฺตฺวา ตถา อกาสิ. นครคุตฺติโก ‘‘อยํ โจโร ปากโฏ, น สกฺกา เอตํ วิสฺสชฺเชตุํ, อฺํ ปน มนุสฺสํ ลภิตฺวา อิมํ ปฏิจฺฉนฺนยานเก นิสีทาเปตฺวา เปเสตุํ สกฺกา’’ติ อาห. สา คนฺตฺวา ตสฺสา อาโรเจสิ.

ตทา ปเนโก เสฏฺิปุตฺโต สามาย ปฏิพทฺธจิตฺโต เทวสิกํ สหสฺสํ เทติ. โส ตํ ทิวสมฺปิ สูริยตฺถงฺคมนเวลาย สหสฺสํ คณฺหิตฺวา ตํ ฆรํ อคมาสิ. สามาปิ สหสฺสภณฺฑิกํ คเหตฺวา อูรูสุ เปตฺวา ปโรทนฺตี นิสินฺนา โหติ. ‘‘กึ เอต’’นฺติ จ วุตฺตา ‘‘สามิ, อยํ โจโร มม ภาตา, ‘อหํ นีจกมฺมํ กโรมี’ติ มยฺหํ สนฺติกํ น เอติ, นครคุตฺติกสฺส ปหิตํ ‘สหสฺสํ ลภมาโน วิสฺสชฺเชสฺสามิ น’นฺติ สาสนํ เปเสสิ. อิทานิ อิมํ สหสฺสํ อาทาย นครคุตฺติกสฺส สนฺติกํ คจฺฉนฺตํ น ลภามี’’ติ อาห. โส ตสฺสา ปฏิพทฺธจิตฺตตาย ‘‘อหํ คมิสฺสามี’’ติ อาห. ‘‘เตน หิ ตยา อาภตเมว คเหตฺวา คจฺฉาหี’’ติ. โส ตํ คเหตฺวา นครคุตฺติกสฺส เคหํ คฺฉิ. โส ตํ เสฏฺิปุตฺตํ ปฏิจฺฉนฺนฏฺาเน เปตฺวา โจรํ ปฏิจฺฉนฺนยานเก นิสีทาเปตฺวา สามาย ปหิณิตฺวา ‘‘อยํ โจโร รฏฺเ ปากโฏ, ตมนฺธการํ ตาว โหตุ, อถ นํ มนุสฺสานํ ปฏิสลฺลีนเวลาย ฆาตาเปสฺสามี’’ติ อปเทสํ กตฺวา มุหุตฺตํ วีตินาเมตฺวา มนุสฺเสสุ ปฏิสลฺลีเนสุ เสฏฺิปุตฺตํ มหนฺเตนารกฺเขน อาฆาตนํ เนตฺวา อสินา สีสํ ฉินฺทิตฺวา สรีรํ สูเล อาโรเปตฺวา นครํ ปาวิสิ.

ตโต ปฏฺาย สามา อฺเสํ หตฺถโต กิฺจิ น คณฺหาติ, เตเนว สทฺธึ อภิรมมานา วิจรติ. โส จินฺเตสิ ‘‘สเจ อยํ อฺสฺมึ ปฏิพทฺธจิตฺตา ภวิสฺสติ, มมฺปิ มาราเปตฺวา เตน สทฺธึ อภิรมิสฺสติ, อจฺจนฺตํ มิตฺตทุพฺภินี เอสา, มยา อิธ อวสิตฺวา ขิปฺปํ ปลายิตุํ วฏฺฏติ, คจฺฉนฺโต จ ปน ตุจฺฉหตฺโถ อคนฺตฺวา เอติสฺสา อาภรณภณฺฑํ คเหตฺวา คจฺฉิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา เอกสฺมึ ทิวเส ตํ อาห – ‘‘ภทฺเท, มยํ ปฺชเร ปกฺขิตฺตกุกฺกุฏา วิย นิจฺจํ ฆเรเยว โหม, เอกทิวสํ อุยฺยานกีฬํ กริสฺสามา’’ติ. สา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ขาทนียโภชนียาทึ สพฺพํ ปฏิยาเทตฺวา สพฺพาภรณปฏิมณฺฑิตา เตน สทฺธึ ปฏิจฺฉนฺนยาเน นิสีทิตฺวา อุยฺยานํ อคมาสิ. โส ตตฺถ ตาย สทฺธึ กีฬนฺโต ‘‘อิทานิ มยฺหํ ปลายิตุํ วฏฺฏตี’’ติ ตาย สทฺธึ กิเลสรติยา รมิตุกาโม วิย เอกํ กณวีรคจฺฉนฺตรํ ปวิสิตฺวา ตํ อาลิงฺคนฺโต วิย นิปฺปีเฬตฺวา วิสฺํ กตฺวา ปาเตตฺวา สพฺพาภรณานิ โอมุฺจิตฺวา ตสฺสาเยว อุตฺตราสงฺเคน พนฺธิตฺวา ภณฺฑิกํ ขนฺเธ เปตฺวา อุยฺยานวตึ ลงฺฆิตฺวา ปกฺกามิ.

สาปิ ปฏิลทฺธสฺา อุฏฺาย ปริจาริกานํ สนฺติกํ อาคนฺตฺวา ‘‘อยฺยปุตฺโต กห’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘น ชานาม, อยฺเย’’ติ. ‘‘มํ มตาติ สฺาย ภายิตฺวา ปลาโต ภวิสฺสตี’’ติ อนตฺตมนา หุตฺวา ตโตเยว เคหํ คนฺตฺวา ‘‘มม ปิยสามิกสฺส อทิฏฺกาลโต ปฏฺาเยว อลงฺกตสยเน น สยิสฺสามี’’ติ ภูมิยํ นิปชฺชิ. ตโต ปฏฺาย มนาปํ สาฏกํ น นิวาเสติ, ทฺเว ภตฺตานิ น ภุฺชติ, คนฺธมาลาทีนิ น ปฏิเสวติ, ‘‘เยน เกนจิ อุปาเยน อยฺยปุตฺตํ ปริเยสิตฺวา ปกฺโกสาเปสฺสามี’’ติ นเฏ ปกฺโกสาเปตฺวา สหสฺสํ อทาสิ. ‘‘กึ กโรม, อยฺเย’’ติ วุตฺเต ‘‘ตุมฺหากํ อคมนฏฺานํ นาม นตฺถิ, ตุมฺเห คามนิคมราชธานิโย จรนฺตา สมชฺชํ กตฺวา สมชฺชมณฺฑเล ปมเมว อิมํ คีตํ คาเยยฺยาถา’’ติ นเฏ สิกฺขาเปนฺตี ปมํ คาถํ วตฺวา ‘‘ตุมฺเหหิ อิมสฺมึ คีตเก คีเต สเจ อยฺยปุตฺโต ตสฺมึ ปริสนฺตเร ภวิสฺสติ, ตุมฺเหหิ สทฺธึ กเถสฺสติ, อถสฺส มม อโรคภาวํ กเถตฺวา ตํ อาทาย อาคจฺเฉยฺยาถ, โน เจ อาคจฺฉติ, สาสนํ เปเสยฺยาถา’’ติ ปริพฺพยํ ทตฺวา นเฏ อุยฺโยเชสิ. เต พาราณสิโต นิกฺขมิตฺวา ตตฺถ ตตฺถ สมชฺชํ กโรนฺตา เอกํ ปจฺจนฺตคามกํ อคมึสุ. โสปิ โจโร ปลายิตฺวา ตตฺถ วสติ. เต ตตฺถ สมชฺชํ กโรนฺตา ปมเมว อิมํ คีตกํ คายึสุ –

๖๙.

‘‘ยํ ตํ วสนฺตสมเย, กณเวเรสุ ภาณุสุ;

สามํ พาหาย ปีเฬสิ, สา ตํ อาโรคฺยมพฺรวี’’ติ.

ตตฺถ กณเวเรสูติ กรวีเรสุ. ภาณุสูติ รตฺตวณฺณานํ ปุปฺผานํ ปภาย สมฺปนฺเนสุ. สามนฺติ เอวํนามิกํ. ปีเฬสีติ กิเลสรติยา รมิตุกาโม วิย อาลิงฺคนฺโต ปีเฬสิ. สา ตนฺติ สา สามา อโรคา, ตฺวํ ปน ‘‘สา มตา’’ติ สฺาย ภีโต ปลายสิ, สา อตฺตโน อาโรคฺยํ อพฺรวิ กเถสิ, อาโรเจสีติ อตฺโถ.

โจโร ตํ สุตฺวา นฏํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ตฺวํ ‘สามา ชีวตี’ติ วทสิ, อหํ ปน น สทฺทหามี’’ติ เตน สทฺธึ สลฺลปนฺโต ทุติยํ คาถมาห –

๗๐.

‘‘อมฺโภ น กิร สทฺเธยฺยํ, ยํ วาโต ปพฺพตํ วเห;

ปพฺพตฺเจ วเห วาโต, สพฺพมฺปิ ปถวึ วเห;

ยตฺถ สามา กาลกตา, สา มํ อาโรคฺยมพฺรวี’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – อมฺโภ นฏ, อิทํ กิร น สทฺทเหยฺยํ น สทฺทหิตพฺพํ. ยํ วาโต ติณปณฺณานิ วิย ปพฺพตํ วเหยฺย, สเจปิ โส ปพฺพตํ วเหยฺย, สพฺพมฺปิ ปถวึ วเหยฺย, ยถา เจตํ อสทฺทเหยฺยํ, ตถา อิทนฺติ. ยตฺถ สามา กาลกตาติ ยา นาม สามา กาลกตา, สา มํ อาโรคฺยํ อพฺรวีติ กึการณา สทฺทเหยฺยํ. มตา นาม น กสฺสจิ สาสนํ เปเสนฺตีติ.

ตสฺส วจนํ สุตฺวา นโฏ ตติยํ คาถมาห –

๗๑.

‘‘น เจว สา กาลกตา, น จ สา อฺมิจฺฉติ;

เอกภตฺติกินี สามา, ตเมว อภิกงฺขตี’’ติ.

ตตฺถ ตเมว อภิกงฺขตีติ อฺํ ปุริสํ น อิจฺฉติ, ตฺเว กงฺขติ อิจฺฉติ ปตฺเถตีติ.

ตํ สุตฺวา โจโร ‘‘สา ชีวตุ วา มา วา, น ตาย มยฺหํ อตฺโถ’’ติ วตฺวา จตุตฺถํ คาถมาห –

๗๒.

‘‘อสนฺถุตํ มํ จิรสนฺถุเตน, นิมีนิ สามา อธุวํ ธุเวน;

มยาปิ สามา นิมิเนยฺย อฺํ, อิโต อหํ ทูรตรํ คมิสฺส’’นฺติ.

ตตฺถ อสนฺถุตนฺติ อกตสํสคฺคํ. จิรสนฺถุเตนาติ จิรกตสํสคฺเคน. นิมีนีติ ปริวตฺเตสิ. อธุวํ ธุเวนาติ มํ อธุวํ เตน ธุวสามิเกน ปริวตฺเตตุํ นครคุตฺติกสฺส สหสฺสํ ทตฺวา มํ คณฺหีติ อตฺโถ. มยาปิ สามา นิมิเนยฺย อฺนฺติ สามา มยาปิ อฺํ สามิกํ ปริวตฺเตตฺวา คณฺเหยฺย. อิโต อหํ ทูรตรํ คมิสฺสนฺติ ยตฺถ น สกฺกา ตสฺสา สาสนํ วา ปวตฺตึ วา โสตุํ, ตาทิสํ ทูรตรํ านํ คมิสฺสํ, ตสฺมา มม อิโต อฺตฺถ คตภาวํ ตสฺสา อาโรเจถาติ วตฺวา เตสํ ปสฺสนฺตานฺเว คาฬฺหตรํ นิวาเสตฺวา เวเคน ปลายิ.

นฏา คนฺตฺวา เตน กตกิริยํ ตสฺสา กถยึสุ. สา วิปฺปฏิสารินี หุตฺวา อตฺตโน ปกติยา เอว วีตินาเมสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺิตภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ.

ตทา เสฏฺิปุตฺโต อยํ ภิกฺขุ อโหสิ, สามา ปุราณทุติยิกา, โจโร ปน อหเมว อโหสินฺติ.

กณเวรชาตกวณฺณนา อฏฺมา.

[๓๑๙] ๙. ติตฺติรชาตกวณฺณนา

สุสุขํ วต ชีวามีติ อิทํ สตฺถา โกสมฺพิยํ นิสฺสาย พทริการาเม วิหรนฺโต ราหุลตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ เหฏฺา ติปลฺลตฺถชาตเก (ชา. ๑.๑.๑๖) วิตฺถาริตเมว. ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, ราหุโล สิกฺขากาโม กุกฺกุจฺจโก โอวาทกฺขโม’’ติ. ตสฺสายสฺมโต คุณกถาย สมุฏฺาปิตาย สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ ราหุโล สิกฺขากาโม กุกฺกุจฺจโก โอวาทกฺขโมเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา นิกฺขมฺม หิมวนฺตปเทเส อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา ฌานกีฬํ กีฬนฺโต รมณีเย วนสณฺเฑ วสิตฺวา โลณมฺพิลเสวนตฺถาย อฺตรํ ปจฺจนฺตคามกํ อคมาสิ. ตตฺถ นํ มนุสฺสา ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺตา อฺตรสฺมึ อรฺเ ปณฺณสาลํ กาเรตฺวา ปจฺจเยหิ อุปฏฺหนฺตา วาสาเปสุํ. ตทา ตสฺมึ คามเก เอโก สากุณิโก เอกํ ทีปกติตฺติรํ คเหตฺวา สุฏฺุ สิกฺขาเปตฺวา ปฺชเร ปกฺขิปิตฺวา ปฏิชคฺคติ. โส ตํ อรฺํ เนตฺวา ตสฺส สทฺเทน อาคตาคเต ติตฺติเร คเหตฺวา วิกฺกิณิตฺวา ชีวิกํ กปฺเปสิ. ติตฺติโร ‘‘มํ เอกํ นิสฺสาย พหู มม าตกา นสฺสนฺติ, มยฺหเมตํ ปาป’’นฺติ นิสฺสทฺโท อโหสิ. โส ตสฺส นิสฺสทฺทภาวํ ตฺวา เวฬุเปสิกาย นํ สีเส ปหรติ. ติตฺติโร ทุกฺขาตุรตาย สทฺทํ กโรติ. เอวํ โส สากุณิโก ตํ นิสฺสาย ติตฺติเร คเหตฺวา ชีวิกํ กปฺเปสิ.

อถ โส ติตฺติโร จินฺเตสิ ‘‘อิเม มรนฺตูติ มยฺหํ เจตนา นตฺถิ, ปฏิจฺจกมฺมํ ปน มํ ผุสติ, มยิ สทฺทํ อกโรนฺเต เอเต นาคจฺฉนฺติ, กโรนฺเตเยว อาคจฺฉนฺติ, อาคตาคเต อยํ คเหตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปติ, อตฺถิ นุ โข เอตฺถ มยฺหํ ปาปํ, นตฺถี’’ติ. โส ตโต ปฏฺาย ‘‘โก นุ โข เม อิมํ กงฺขํ ฉินฺเทยฺยา’’ติ ตถารูปํ ปณฺฑิตํ อุปธาเรนฺโต จรติ. อเถกทิวสํ โส สากุณิโก พหู ติตฺติเร คเหตฺวา ปจฺฉึ ปูเรตฺวา ‘‘ปานียํ ปิวิสฺสามี’’ติ โพธิสตฺตสฺส อสฺสมํ คนฺตฺวา ตํ ปฺชรํ โพธิสตฺตสฺส สนฺติเก เปตฺวา ปานียํ ปิวิตฺวา วาลุกาตเล นิปนฺโน นิทฺทํ โอกฺกมิ. ติตฺติโร ตสฺส นิทฺโทกฺกนฺตภาวํ ตฺวา ‘‘มม กงฺขํ อิมํ ตาปสํ ปุจฺฉิสฺสามิ, ชานนฺโต เม กเถสฺสตี’’ติ ปฺชเร นิสินฺโนเยว ตํ ปุจฺฉนฺโต ปมํ คาถมาห –

๗๓.

‘‘สุสุขํ วต ชีวามิ, ลภามิ เจว ภุฺชิตุํ;

ปริปนฺเถ จ ติฏฺามิ, กา นุ ภนฺเต คตี มมา’’ติ.

ตตฺถ สุสุขํ วต ชีวามีติ อหํ, ภนฺเต, อิมํ สากุณิกํ นิสฺสาย สุฏฺุ สุขํ ชีวามิ. ลภามีติ ยถารุจิตํ ขาทนียํ โภชนียํ ภุฺชิตุมฺปิ ลภามิ. ปริปนฺเถ จ ติฏฺามีติ อปิจ โข ยตฺถ มม าตกา มม สทฺเทน อาคตาคตา วินสฺสนฺติ, ตสฺมึ ปริปนฺเถ ติฏฺามิ. กา นุ, ภนฺเต, คตี มมาติ กา นุ โข, ภนฺเต, มม คติ, กา นิปฺผตฺติ ภวิสฺสตีติ ปุจฺฉิ.

ตสฺส ปฺหํ วิสฺสชฺเชนฺโต โพธิสตฺโต ทุติยํ คาถมาห –

๗๔.

‘‘มโน เจ เต นปฺปณมติ, ปกฺขิ ปาปสฺส กมฺมุโน;

อพฺยาวฏสฺส ภทฺรสฺส, น ปาปมุปลิมฺปตี’’ติ.

ตตฺถ ปาปสฺส กมฺมุโนติ ยทิ ตว มโน ปาปกมฺมสฺสตฺถาย น ปณมติ, ปาปกรเณ ตนฺนินฺโน ตปฺโปโณ ตปฺปพฺภาโร น โหติ. อพฺยาวฏสฺสาติ เอวํ สนฺเต ปาปกมฺมกรณตฺถาย อพฺยาวฏสฺส อุสฺสุกฺกํ อนาปนฺนสฺส ตว ภทฺรสฺส สุทฺธสฺเสว สโต ปาปํ น อุปลิมฺปติ น อลฺลียตีติ.

ตํ สุตฺวา ติตฺติโร ตติยํ คาถมาห –

๗๕.

‘‘าตโก โน นิสินฺโนติ, พหุ อาคจฺฉเต ชโน;

ปฏิจฺจกมฺมํ ผุสติ, ตสฺมึ เม สงฺกเต มโน’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – ภนฺเต, สจาหํ สทฺทํ น กเรยฺยํ, อยํ ติตฺติรชโน น อาคจฺเฉยฺย, มยิ ปน สทฺทํ กโรนฺเต ‘‘าตโก โน นิสินฺโน’’ติ อยํ พหุ ชโน อาคจฺฉติ, ตํ อาคตาคตํ ลุทฺโท คเหตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปนฺโต มํ ปฏิจฺจ นิสฺสาย เอตํ ปาณาติปาตกมฺมํ ผุสติ ปฏิลภติ วินฺทติ, ตสฺมึ มํ ปฏิจฺจ กเต ปาเป มม นุ โข เอตํ ปาปนฺติ เอวํ เม มโน สงฺกเต ปริสงฺกติ กุกฺกุจฺจํ อาปชฺชตีติ.

ตํ สุตฺวา โพธิสตฺโต จตุตฺถํ คาถมาห –

๗๖.

‘‘น ปฏิจฺจกมฺมํ ผุสติ, มโน เจ นปฺปทุสฺสติ;

อปฺโปสฺสุกฺกสฺส ภทฺรสฺส, น ปาปมุปลิมฺปตี’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – ยทิ ตว ปาปกิริยาย มโน น ปทุสฺสติ, ตนฺนินฺโน ตปฺโปโน ตปฺปพฺภาโร น โหติ, เอวํ สนฺเต ลุทฺเทน อายสฺมนฺตํ ปฏิจฺจ กตมฺปิ ปาปกมฺมํ ตํ น ผุสติ น อลฺลียติ, ปาปกิริยาย หิ อปฺโปสฺสุกฺกสฺส นิราลยสฺส ภทฺรสฺส ปริสุทฺธสฺเสว สโต ตว ปาณาติปาตเจตนาย อภาวา ตํ ปาปํ น อุปลิมฺปติ, ตว จิตฺตํ น อลฺลียตีติ.

เอวํ มหาสตฺโต ติตฺติรํ สฺาเปสิ, โสปิ ตํ นิสฺสาย นิกฺกุกฺกุจฺโจ อโหสิ. ลุทฺโท ปพุทฺโธ โพธิสตฺตํ วนฺทิตฺวา ปฺชรํ อาทาย ปกฺกามิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ติตฺติโร ราหุโล อโหสิ, ตาปโส ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

ติตฺติรชาตกวณฺณนา นวมา.

[๓๒๐] ๑๐. สุจฺจชชาตกวณฺณนา

สุจฺจชํ วต นจฺจชีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ กุฏุมฺพิกํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิร ‘‘คามเก อุทฺธารํ สาเธสฺสามี’’ติ ภริยาย สทฺธึ ตตฺถ คนฺตฺวา สาเธตฺวา ธนํ อาหริตฺวา ‘‘ปจฺฉา เนสฺสามี’’ติ เอกสฺมึ กุเล เปตฺวา ปุน สาวตฺถึ คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค เอกํ ปพฺพตํ อทฺทส. อถ นํ ภริยา อาห ‘‘สเจ, สามิ, อยํ ปพฺพโต สุวณฺณมโย ภเวยฺย, ทเทยฺยาสิ ปน เม กิฺจี’’ติ. ‘‘กาสิ ตฺวํ, น กิฺจิ ทสฺสามี’’ติ. สา ‘‘ยาว ถทฺธหทโย วตายํ, ปพฺพเต สุวณฺณมเย ชาเตปิ มยฺหํ กิฺจิ น ทสฺสตี’’ติ อนตฺตมนา อโหสิ. เต เชตวนสมีปํ อาคนฺตฺวา ‘‘ปานียํ ปิวิสฺสามา’’ติ วิหารํ ปวิสิตฺวา ปานียํ ปิวึสุ. สตฺถาปิ ปจฺจูสกาเลเยว เตสํ โสตาปตฺติผลสฺส อุปนิสฺสยํ ทิสฺวา อาคมนํ โอโลกยมาโน คนฺธกุฏิปริเวเณ นิสีทิ ฉพฺพณฺณรสฺมิโย วิสฺสชฺเชนฺโต. เตปิ ปานียํ ปิวิตฺวา อาคนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา นิสีทึสุ. สตฺถา เตหิ สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘กหํ คตาตฺถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อมฺหากํ คามเก อุทฺธารํ สาธนตฺถาย, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กึ, อุปาสิเก ตว สามิโก ตุยฺหํ หิตํ ปฏิกงฺขติ, อุปการํ เต กโรตี’’ติ. ภนฺเต, อหํ อิมสฺมึ สสิเนหา, อยํ ปน มยิ นิสฺสิเนโห, อชฺช มยา ปพฺพตํ ทิสฺวา ‘‘สจายํ ปพฺพโต สุวณฺณมโย อสฺส, กิฺจิ เม ทเทยฺยาสี’’ติ วุตฺโต ‘‘กาสิ ตฺวํ, น กิฺจิ ทสฺสามี’’ติ อาห, เอวํ ถทฺธหทโย อยนฺติ. ‘‘อุปาสิเก, เอวํ นาเมส วทติ, ยทา ปน ตว คุณํ สรติ, ตทา สพฺพิสฺสริยํ เต เทตี’’ติ วตฺวา ‘‘กเถถ, ภนฺเต’’ติ เตหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส สพฺพกิจฺจการโก อมจฺโจ อโหสิ. อเถกทิวสํ ราชา ปุตฺตํ อุปราชานํ อุปฏฺานํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ มม อนฺเตปุเร ทุพฺเภยฺยา’’ติ ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘ตาต, ยาวาหํ ชีวามิ, ตาว นคเร วสิตุํ น ลจฺฉสิ, อฺตฺถ วสิตฺวา มมจฺจเยน รชฺชํ กาเรหี’’ติ อาห. โส ‘‘สาธู’’ติ ปิตรํ วนฺทิตฺวา เชฏฺภริยาย สทฺธึ นครา นิกฺขมิตฺวา ปจฺจนฺตํ คนฺตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา ปณฺณสาลํ มาเปตฺวา วนมูลผลาผเลหิ ยาเปนฺโต วสิ. อปรภาเค ราชา กาลมกาสิ. อุปราชา นกฺขตฺตํ โอโลเกนฺโต ตสฺส กาลกตภาวํ ตฺวา พาราณสึ อาคจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค เอกํ ปพฺพตํ อทฺทส. อถ นํ ภริยา อาห ‘‘สเจ, เทว, อยํ ปพฺพโต สุวณฺณมโย อสฺส, ทเทยฺยาสิ เม กิฺจี’’ติ. ‘‘กาสิ ตฺวํ, น กิฺจิ ทสฺสามี’’ติ. สา ‘‘อหํ อิมสฺมึ สิเนหํ ฉินฺทิตุํ อสกฺโกนฺตี อรฺํ ปาวิสึ, อยฺจ เอวํ วทติ, อติวิย ถทฺธหทโย, ราชา หุตฺวาปิ เอส มยฺหํ กึ กลฺยาณํ กริสฺสตี’’ติ อนตฺตมนา อโหสิ. โส อาคนฺตฺวา รชฺเช ปติฏฺิโต ตํ อคฺคมเหสิฏฺาเน เปสิ, อิทํ ยสมตฺตกเมว อทาสิ. อุตฺตริ ปน สกฺการสมฺมาโน นตฺถิ, ตสฺสา อตฺถิภาวมฺปิ น ชานาติ.

โพธิสตฺโต ‘‘อยํ เทวี อิมสฺส รฺโ อุปการิกา ทุกฺขํ อคเณตฺวา อรฺวาสํ วสิ. อยํ ปเนตํ อคเณตฺวา อฺาหิ สทฺธึ อภิรมนฺโต วิจรติ, ยถา เอสา สพฺพิสฺสริยํ ลภติ, ตถา กริสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา เอกทิวสํ ตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘มหาเทวิ มยํ ตุมฺหากํ สนฺติกา ปิณฺฑปาตมตฺตมฺปิ น ลภาม, กสฺมา อมฺเหสุ ปมชฺชิตฺถ, อติวิย ถทฺธหทยา อตฺถา’’ติ อาห. ‘‘ตาต, สจาหํ อตฺตนา ลเภยฺยํ, ตุยฺหมฺปิ ทเทยฺยํ, อลภมานา ปน กึ ทสฺสามิ, ราชาปิ มยฺหํ อิทานิ กึ นาม ทสฺสติ, โส อนฺตรามคฺเค ‘อิมสฺมึ ปพฺพเต สุวณฺณมเย ชาเต มยฺหํ กิฺจิ ทสฺสสี’ติ วุตฺโต ‘กาสิ ตฺวํ, น กิฺจิ ทสฺสามี’ติ อาห, สุปริจฺจชมฺปิ น ปริจฺจชี’’ติ. ‘‘กึ ปน รฺโ สนฺติเก อิมํ กถํ กเถตุํ สกฺขิสฺสถา’’ติ? ‘‘สกฺขิสฺสามิ, ตาตา’’ติ. ‘‘เตน หิ อหํ รฺโ สนฺติเก ิโต ปุจฺฉิสฺสามิ, ตุมฺเห กเถยฺยาถา’’ติ. ‘‘สาธุ, ตาตา’’ติ. โพธิสตฺโต เทวิยา รฺโ อุปฏฺานํ อาคนฺตฺวา ิตกาเล อาห ‘‘นนุ, อยฺเย, มยํ ตุมฺหากํ สนฺติกา กิฺจิ น ลภามา’’ติ? ‘‘ตาต, อหํ ลภมานา ตุยฺหํ ทเทยฺยํ, อหเมว กิฺจิ น ลภามิ, อลภมานา ตุยฺหํ กึ ทสฺสามิ, ราชาปิ อิทานิ มยฺหํ กึ นาม ทสฺสติ, โส อรฺโต อาคมนกาเล เอกํ ปพฺพตํ ทิสฺวา ‘สจายํ ปพฺพโต สุวณฺณมโย อสฺส, กิฺจิ เม ทเทยฺยาสี’ติ วุตฺโต ‘กาสิ ตฺวํ, น กิฺจิ ทสฺสามี’ติ วทติ, สุปริจฺจชมฺปิ น ปริจฺจชี’’ติ เอตมตฺถํ ทีเปนฺตี ปมํ คาถมาห –

๗๗.

‘‘สุจฺจชํ วต นจฺจชิ, วาจาย อททํ คิรึ;

กิฺหิ ตสฺสจชนฺตสฺส, วาจาย อทท ปพฺพต’’นฺติ.

ตตฺถ สุจฺจชํ วตาติ สุเขน จชิตุํ สกฺกุเณยฺยมฺปิ น จชิ. อททนฺติ วจนมตฺเตนาปิ ปพฺพตํ อททมาโน. กิฺหิ ตสฺสจชนฺตสฺสาติ ตสฺส นาเมตสฺส มยา ยาจิตสฺส น จชนฺตสฺส กิฺหิ จเชยฺย. วาจาย อทท ปพฺพตนฺติ สจายํ มยา ยาจิโต มม วจเนน สุวณฺณมยมฺปิ โหนฺตํ ตํ ปพฺพตํ วาจาย อทท, วจนมตฺเตน อทสฺสาติ อตฺโถ.

ตํ สุตฺวา ราชา ทุติยํ คาถมาห –

๗๘.

‘‘ยฺหิ กยิรา ตฺหิ วเท, ยํ น กยิรา น ตํ วเท;

อกโรนฺตํ ภาสมานํ, ปริชานนฺติ ปณฺฑิตา’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – ยเทว หิ ปณฺฑิโต ปุริโส กาเยน กเรยฺย, ตํ วาจาย วเทยฺย. ยํ น กยิรา, น ตํ วเทยฺย, ทาตุกาโมว ทมฺมีติ วเทยฺย, น อทาตุกาโมติ อธิปฺปาโย. กึการณา? โย หิ ‘‘ทสฺสามี’’ติ วตฺวาปิ ปจฺฉา น ททาติ, ตํ อกโรนฺตํ เกวลํ มุสา ภาสมานํ ปริชานนฺติ ปณฺฑิตา. อยํ ‘‘ทสฺสามี’’ติ วจนมตฺตเมว ภาสติ, น ปน เทติ, ยฺหิ โข ปน อทินฺนมฺปิ วจนมตฺเตเนว ทินฺนํ โหติ, ตํ ปุเรตรเมว ลทฺธํ นาม ภวิสฺสตีติ เอวํ ตสฺส มุสาวาทิภาวํ ปริชานนฺติ ปณฺฑิตา, พาลา ปน วจนมตฺเตเนว ตุสฺสนฺตีติ.

ตํ สุตฺวา เทวี รฺโ อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา ตติยํ คาถมาห –

๗๙.

‘‘ราชปุตฺต นโม ตฺยตฺถุ, สจฺเจ ธมฺเม ิโต จสิ;

ยสฺส เต พฺยสนํ ปตฺโต, สจฺจสฺมึ รมเต มโน’’ติ.

ตตฺถ สจฺเจ ธมฺเมติ วจีสจฺเจ จ สภาวธมฺเม จ. พฺยสนํ ปตฺโตติ ยสฺส ตว รฏฺา ปพฺพาชนียสงฺขาตํ พฺยสนํ ปตฺโตปิ มโน สจฺจสฺมึเยว รมติ.

เอวํ รฺโ คุณกถํ กถยมานาย เทวิยา ตํ สุตฺวา โพธิสตฺโต ตสฺสา คุณกถํ กเถนฺโต จตุตฺถํ คาถมาห –

๘๐.

‘‘ยา ทลิทฺที ทลิทฺทสฺส, อฑฺฒา อฑฺฒสฺส กิตฺติม;

สา หิสฺส ปรมา ภริยา, สหิรฺสฺส อิตฺถิโย’’ติ.

ตตฺถ กิตฺติมาติ กิตฺติสมฺปนฺนาติ อตฺโถ. สา หิสฺส ปรมาติ ยา ทลิทฺทสฺส สามิกสฺส ทลิทฺทกาเล สยมฺปิ ทลิทฺที หุตฺวา ตํ น ปริจฺจชติ. อฑฺฒสฺสาติ อฑฺฒกาเล อฑฺฒา หุตฺวา สามิกเมว อนุวตฺตติ, สมานสุขทุกฺขาว โหติ, สา หิ ตสฺส ปรมา อุตฺตมา ภริยา นาม. สหิรฺสฺส ปน อิสฺสริเย ิตสฺส อิตฺถิโย นาม โหนฺติเยว, อนจฺฉริยเมว เอตนฺติ.

เอวฺจ ปน วตฺวา โพธิสตฺโต ‘‘อยํ, มหาราช, ตุมฺหากํ ทุกฺขิตกาเล อรฺเ สมานทุกฺขา หุตฺวา วสิ, อิมิสฺสา สมฺมานํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ เทวิยา คุณํ กเถสิ. ราชา ตสฺส วจเนน เทวิยา คุณํ สริตฺวา ‘‘ปณฺฑิต, ตว กถายาหํ เทวิยา คุณํ อนุสฺสริ’’นฺติ วตฺวา ตสฺสา สพฺพิสฺสริยมทาสิ. ‘‘ตยาหํ เทวิยา คุณํ สราปิโต’’ติ โพธิสตฺตสฺสปิ มหนฺตํ สกฺการํ อกาสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุโภ ชยมฺปติกา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสุ.

ตทา พาราณสิราชา อยํ กุฏุมฺพิโก อโหสิ, เทวี อยํ อุปาสิกา, ปณฺฑิตามจฺโจ ปน อหเมว อโหสินฺติ.

สุจฺจชชาตกวณฺณนา ทสมา.

ปุจิมนฺทวคฺโค ทุติโย.

๓. กุฏิทูสกวคฺโค

[๓๒๑] ๑. กุฏิทูสกชาตกวณฺณนา

มนุสฺสสฺเสว เต สีสนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต มหากสฺสปตฺเถรสฺส ปณฺณสาลฌาปกํ ทหรภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ ปน ราชคเห สมุฏฺิตํ. ตทา กิร เถโร ราชคหํ นิสฺสาย อรฺกุฏิยํ วิหรติ, ตสฺส ทฺเว ทหรา อุปฏฺานํ กโรนฺติ. เตสุ เอโก เถรสฺส อุปการโก, เอโก ทุพฺพโจ อิตเรน กตํ อตฺตนา กตสทิสํ กโรติ. เตน มุโขทกาทีสุ อุปฏฺาปิเตสุ เถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘ภนฺเต, อุทกํ ปิตํ, มุขํ โธวถา’’ติอาทีนิ วทติ. เตน กาลสฺเสว วุฏฺาย เถรสฺส ปริเวเณ สมฺมฏฺเ เถรสฺส นิกฺขมนเวลาย อิโต จิโต จ ปหรนฺโต สกลปริเวณํ อตฺตนา สมฺมฏฺํ วิย กโรติ. วตฺตสมฺปนฺโน จินฺเตสิ ‘‘อยํ ทุพฺพโจ มยา กตํ อตฺตนา กตสทิสํ กโรติ, เอตสฺส สกมฺมํ ปากฏํ กริสฺสามี’’ติ.

ตสฺมึ อนฺโตคาเม ภุตฺวา อาคนฺตฺวา นิทฺทายนฺเตว นฺหาโนทกํ ตาเปตฺวา ปิฏฺิโกฏฺเก เปตฺวา อฺํ อฑฺฒนาฬิมตฺตํ อุทกํ อุทฺธเน เปสิ. อิตโร ปพุชฺฌิตฺวาว คนฺตฺวา อุสุมํ อุฏฺหนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อุทกํ ตาเปตฺวา โกฏฺเก ปิตํ ภวิสฺสตี’’ติ เถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘ภนฺเต, นฺหานโกฏฺเก อุทกํ ปิตํ, นฺหายถา’’ติ อาห. เถโร ‘นฺหายิสฺสามี’’ติ เตน สทฺธึเยว อาคนฺตฺวา โกฏฺเก อุทกํ อทิตฺวา ‘‘กหํ อุทก’’นฺติ ปุจฺฉิ. โส เวเคน อคฺคิสาลํ คนฺตฺวา ตุจฺฉภาชเน อุฬุงฺกํ โอตาเรสิ, อุฬุงฺโก ตุจฺฉภาชนสฺส ตเล ปฏิหโต ‘‘ตตา’’ติ สทฺทมกาสิ. ตโต ปฏฺาย ตสฺส ‘‘อุฬุงฺกสทฺทโก’’ตฺเวว นามํ ชาตํ.

ตสฺมึ ขเณ อิตโร ปิฏฺิโกฏฺกโต อุทกํ อาหริตฺวา ‘‘นฺหายถ, ภนฺเต’’ติ อาห. เถโร นฺหตฺวา อาวชฺเชนฺโต อุฬุงฺกสทฺทกสฺส ทุพฺพจภาวํ ตฺวา ตํ สายํ เถรุปฏฺานํ อาคตํ โอวทิ ‘‘อาวุโส, สมเณน นาม อตฺตนา กตเมว ‘กตํ เม’ติ วตฺตุํ วฏฺฏติ, อฺถา สมฺปชานมุสาวาโท โหติ, อิโต ปฏฺาย เอวรูปํ มา อกาสี’’ติ. โส เถรสฺส กุชฺฌิตฺวา ปุนทิวเส เถเรน สทฺธึ ปิณฺฑาย คามํ น ปาวิสิ. เถโร อิตเรเนว สทฺธึ ปาวิสิ. อุฬุงฺกสทฺทโกปิ เถรสฺส อุปฏฺากกุลํ คนฺตฺวา ‘‘ภนฺเต, เถโร กห’’นฺติ วุตฺเต ‘‘อผาสุเกน วิหาเรเยว นิสินฺโน’’ติ วตฺวา ‘‘กึ, ภนฺเต, ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺเต ‘‘อิทฺจิทฺจ เทถา’’ติ คเหตฺวา อตฺตโน รุจิตฏฺานํ คนฺตฺวา ภุฺชิตฺวา วิหารํ อคมาสิ.

ปุนทิวเส เถโร ตํ กุลํ คนฺตฺวา นิสีทิ. มนุสฺเสหิ ‘‘กึ, ภนฺเต, อยฺยสฺส อผาสุกํ, หิยฺโย กิรตฺถ วิหาเรเยว นิสินฺนา, อสุกทหรสฺส หตฺเถ อาหารํ เปสยิมฺห, ปริภุตฺโต อยฺเยนา’’ติ วุตฺเต เถโร ตุณฺหีภูโตว ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา สายํ เถรุปฏฺานกาเล อาคตํ อามนฺเตตฺวา ‘‘อาวุโส, อสุกคาเม นาม อสุกกุเล ‘เถรสฺส อิทฺจิทฺจ ลทฺธุํ วฏฺฏตี’ติ วิฺาเปตฺวา กิร เต ภุตฺต’’นฺติ วตฺวา ‘‘วิฺตฺติ นาม น วฏฺฏติ, มา ปุน เอวรูปํ อนาจารํ จรา’’ติ อาห. โส เอตฺตเกน เถเร อาฆาตํ พนฺธิตฺวา ‘‘อยํ หิยฺโยปิ อุทกมตฺตํ นิสฺสาย มยา สทฺธึ กลหํ กริ, อิทานิ ปนสฺส อุปฏฺากานํ เคเห มยา ภตฺตมุฏฺิ ภุตฺตาติ อสหนฺโต ปุน กลหํ กโรติ, ชานิสฺสามิสฺส กตฺตพฺพยุตฺตก’’นฺติ ปุนทิวเส เถเร ปิณฺฑาย ปวิฏฺเ มุคฺครํ คเหตฺวา ปริโภคภาชนานิ ภินฺทิตฺวา ปณฺณสาลํ ฌาเปตฺวา ปลายิ. โส ชีวมาโนว มนุสฺสเปโต หุตฺวา สุสฺสิตฺวา กาลํ กตฺวา อวีจิมหานิรเย นิพฺพตฺติ. โส เตน กโต อนาจาโร มหาชนสฺส มชฺเฌ ปากโฏ ชาโต.

อเถกจฺเจ ภิกฺขู ราชคหา สาวตฺถึ คนฺตฺวา สภาคฏฺาเน ปตฺตจีวรํ ปฏิสาเมตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา นิสีทึสุ. สตฺถา เตหิ สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘กุโต อาคตตฺถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ราชคหา, ภนฺเต’’ติ. ‘‘โก ตตฺถ โอวาททายโก อาจริโย’’ติ. ‘‘มหากสฺสปตฺเถโร, ภนฺเต’’ติ. ‘‘สุขํ, ภิกฺขเว, กสฺสปสฺสา’’ติ. ‘‘อาม, ภนฺเต, เถรสฺส สุขํ, สทฺธิวิหาริโก ปนสฺส โอวาเท ทินฺเน กุชฺฌิตฺวา เถรสฺส ปณฺณสาลํ ฌาเปตฺวา ปลายีติ. ตํ สุตฺวา สตฺถา ‘‘ภิกฺขเว, กสฺสปสฺส เอวรูเปน พาเลน สทฺธึ จรณโต เอกจริยาว เสยฺโย’’ติ วตฺวา อิมํ ธมฺมปเท คาถมาห –

‘‘จรฺเจ นาธิคจฺเฉยฺย, เสยฺยํ สทิสมตฺตโน;

เอกจริยํ ทฬฺหํ กยิรา, นตฺถิ พาเล สหายตา’’ติ. (ธ. ป. ๖๑);

อิทฺจ ปน วตฺวา ปุน เต ภิกฺขู อามนฺเตตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว โส กุฏิทูสโก, ปุพฺเพปิ กุฏิทูสโกเยว, น จ อิทาเนว โอวาททายกสฺส กุชฺฌติ, ปุพฺเพปิ กุชฺฌิเยวา’’ติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต สิงฺคิลสกุณโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต อตฺตโน มนาปํ อโนวสฺสกํ กุลาวกํ กตฺวา หิมวนฺตปเทเส วสติ. อเถโก มกฺกโฏ วสฺสกาเล อจฺฉินฺนธาเร เทเว วสฺสนฺเต สีตปีฬิโต ทนฺเต ขาทนฺโต โพธิสตฺตสฺส อวิทูเร นิสีทิ. โพธิสตฺโต ตํ ตถา กิลมนฺตํ ทิสฺวา เตน สทฺธึ สลฺลปนฺโต ปมํ คาถมาห –

๘๑.

‘‘มนุสฺสสฺเสว เต สีสํ, หตฺถปาทา จ วานร;

อถ เกน นุ วณฺเณน, อคารํ เต น วิชฺชตี’’ติ.

ตตฺถ วณฺเณนาติ การเณน. อคารนฺติ ตว นิวาสเคหํ เกน การเณน นตฺถีติ ปุจฺฉิ.

ตํ สุตฺวา วานโร ทุติยํ คาถมาห –

๘๒.

‘‘มนุสฺสสฺเสว เม สีสํ, หตฺถปาทา จ สิงฺคิล;

ยาหุ เสฏฺา มนุสฺเสสุ, สา เม ปฺา น วิชฺชตี’’ติ.

ตตฺถ สิงฺคิลาติ ตํ สกุณํ นาเมนาลปติ. ยาหุ เสฏฺา มนุสฺเสสูติ ยา มนุสฺเสสุ เสฏฺาติ กเถนฺติ, สา มม วิจารณปฺา นตฺถิ. สีสหตฺถปาทกายพลานิ หิ โลเก อปฺปมาณํ, วิจารณปฺาว เสฏฺา, สา มม นตฺถิ, ตสฺมา เม อคารํ น วิชฺชตีติ.

ตํ สุตฺวา โพธิสตฺโต อิตรํ คาถาทฺวยมาห –

๘๓.

‘‘อนวฏฺิตจิตฺตสฺส, ลหุจิตฺตสฺส ทุพฺภิโน;

นิจฺจํ อทฺธุวสีลสฺส, สุขภาโว น วิชฺชติ.

๘๔.

‘‘โส กรสฺสุ อานุภาวํ, วีติวตฺตสฺสุ สีลิยํ;

สีตวาตปริตฺตาณํ, กรสฺสุ กุฏวํ กปี’’ติ.

ตตฺถ อนวฏฺิตจิตฺตสฺสาติ อปฺปติฏฺิตจิตฺตสฺส. ทุพฺภิโนติ มิตฺตทุพฺภิสฺส. อทฺธุวสีลสฺสาติ น สพฺพกาลํ สีลรกฺขกสฺส. โส กรสฺสุ อานุภาวนฺติ โส ตฺวํ สมฺม มกฺกฏ ปฺาย อุปฺปาทนตฺถํ อานุภาวํ พลํ อุปายํ กโรหิ. วีติวตฺตสฺสุ สีลิยนฺติ อตฺตโน ทุสฺสีลภาวสงฺขาตํ สีลิยํ อติกฺกมิตฺวา สีลวา โหติ. กุฏวํ กปีติ สีตวาตสฺส ปริตฺตาณสมตฺถํ อตฺตโน กุฏวํ กุลาวกํ เอกํ วสนาคารกํ กโรหีติ.

มกฺกโฏ จินฺเตสิ ‘‘อยํ ตาว อตฺตโน อโนวสฺสกฏฺาเน นิสินฺนภาเวน มํ ปริภาสติ, น นิสีทาเปสฺสามิ นํ อิมสฺมึ กุลาวเก’’ติ. ตโต โพธิสตฺตํ คณฺหิตุกาโม ปกฺขนฺทิ, โพธิสตฺโต อุปฺปติตฺวา อฺตฺถ คโต. มกฺกโฏ กุลาวกํ วิทฺธํเสตฺวา จุณฺณวิจุณฺณํ กตฺวา ปกฺกามิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา มกฺกโฏ กุฏิฌาปโก อโหสิ, สิงฺคิลสกุโณ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

กุฏิทูสกชาตกวณฺณนา ปมา.

[๓๒๒] ๒. ทุทฺทุภชาตกวณฺณนา

ทุทฺทุภายติ ภทฺทนฺเตติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺติตฺถิเย อารพฺภ กเถสิ. ติตฺถิยา กิร เชตวนสฺส สมีเป ตสฺมึ ตสฺมึ าเน กณฺฏกาปสฺสเย เสยฺยํ กปฺเปนฺติ, ปฺจาตปํ ตเปนฺติ, นานปฺปการํ มิจฺฉาตปํ จรนฺติ. อถ สมฺพหุลา ภิกฺขู สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา เชตวนํ อาคจฺฉนฺตา อนฺตรามคฺเค เต ทิสฺวา คนฺตฺวา สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘อตฺถิ นุ โข, ภนฺเต, อฺติตฺถิยานํ วตสมาทาเน สาโร’’ติ ปุจฺฉึสุ. สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, เตสํ วตสมาทาเน สาโร วา วิเสโส วา อตฺถิ, ตฺหิ นิฆํสิยมานํ อุปปริกฺขิยมานํ อุกฺการภูมิมคฺคสทิสํ สสกสฺส ทุทฺทุภสทิสํ โหตี’’ติ วตฺวา ‘‘ทุทฺทุภสทิสภาวมสฺส มยํ น ชานาม, กเถถ โน, ภนฺเต’’ติ เตหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต สีหโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต อรฺเ ปฏิวสติ. ตทา ปน ปจฺฉิมสมุทฺทสมีเป เพลุวมิสฺสกตาลวนํ โหติ. ตตฺเรโก สสโก เพลุวรุกฺขมูเล เอกสฺส ตาลคจฺฉสฺส เหฏฺา วสติ. โส เอกทิวสํ โคจรํ อาทาย อาคนฺตฺวา ตาลปณฺณสฺส เหฏฺา นิปนฺโน จินฺเตสิ ‘‘สเจ อยํ ปถวี สํวฏฺเฏยฺย, กหํ นุ โข คมิสฺสามี’’ติ. ตสฺมึ ขเณ เอกํ เพลุวปกฺกํ ตาลปณฺณสฺส อุปริ ปติ. โส ตสฺส สทฺเทน ‘‘อทฺธา ปถวี สํวฏฺฏตี’’ติ อุปฺปติตฺวา ปจฺฉโต อโนโลเกนฺโตว ปลายิ. ตํ มรณภยภีตํ เวเคน ปลายนฺตํ อฺโ สสโก ทิสฺวา ปุจฺฉิ ‘‘กึ โภ, อติวิย ภีโต ปลายสี’’ติ. ‘‘มา ปุจฺฉิ, โภ’’ติ. โส ‘‘กึ โภ, กึ โภ’’ติ ปจฺฉโต ธาวเตว. อิตโร นิวตฺติตฺวา อโนโลเกนฺโตว ‘‘เอตฺถ ปถวี สํวฏฺฏตี’’ติ อาห. โสปิ ตสฺส ปจฺฉโต ปลายิ. เอวํ ตมฺโ อทฺทส, ตมฺโติ เอวํ สสกสหสฺสํ เอกโต หุตฺวา ปลายิ. เต เอโกปิ มิโค ทิสฺวา เอกโต หุตฺวา ปลายิ. เอโก สูกโร, เอโก โคกณฺโณ, เอโก มหึโส, เอโก ควโย, เอโก ขคฺโค, เอโก พฺยคฺโฆ, เอโก สีโห, เอโก หตฺถี ทิสฺวา ‘‘กิเมต’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘เอตฺถ ปถวี สํวฏฺฏตี’’ติ วุตฺเต ปลายิ. เอวํ อนุกฺกเมน โยชนมตฺตํ ติรจฺฉานพลํ อโหสิ.

ตทา โพธิสตฺโต ตํ พลํ ปลายนฺตํ ทิสฺวา ‘‘กิเมต’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘เอตฺถ ปถวี สํวฏฺฏตี’’ติ สุตฺวา จินฺเตสิ ‘‘ปถวีสํวฏฺฏนํ นาม น กทาจิ อตฺถิ, อทฺธา เอเตสํ กิฺจิ ทุสฺสุตํ ภวิสฺสติ, มยิ โข ปน อุสฺสุกฺกํ อนาปชฺชนฺเต สพฺเพ นสฺสิสฺสนฺติ, ชีวิตํ เนสํ ทสฺสามี’’ติ สีหเวเคน ปุรโต ปพฺพตปาทํ คนฺตฺวา ติกฺขตฺตุํ สีหนาทํ นทิ. เต สีหภยตชฺชิตา นิวตฺติตฺวา ปิณฺฑิตา อฏฺํสุ. สีโห เตสํ อนฺตรํ ปวิสิตฺวา ‘‘กิมตฺถํ ปลายถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ปถวี สํวฏฺฏตี’’ติ. ‘‘เกน สํวฏฺฏมานา ทิฏฺา’’ติ? ‘‘หตฺถี ชานนฺตี’’ติ. หตฺถี ปุจฺฉิ. เต ‘‘มยํ น ชานาม, สีหา ชานนฺตี’’ติ วทึสุ, สีหาปิ ‘‘มยํ น ชานาม, พฺยคฺฆา ชานนฺตี’’ติ, พฺยคฺฆาปิ ‘‘มยํ น ชานาม, ขคฺคา ชานนฺตี’’ติ, ขคฺคาปิ ‘‘ควยา ชานนฺตี’’ติ, ควยาปิ ‘‘มหึสา ชานนฺตี’’ติ, มหึสาปิ ‘‘โคกณฺณา ชานนฺตี’’ติ, โคกณฺณาปิ ‘‘สูกรา ชานนฺตี’’ติ, สูกราปิ ‘‘มิคา ชานนฺตี’’ติ, มิคาปิ ‘‘มยํ น ชานาม, สสกา ชานนฺตี’’ติ, สสเกสุ ปุจฺฉิยมาเนสุ ‘‘อยํ กเถตี’’ติ ตํ สสกํ ทสฺเสสุํ. อถ นํ ‘‘เอวํ กิร, สมฺม, ปสฺสสิ ปถวี สํวฏฺฏตี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, สามิ มยา ทิฏฺา’’ติ. ‘‘กตฺถ วสนฺโต ปสฺสสี’’ติ? ‘‘ปจฺฉิมสมุทฺทสมีเป เพลุวมิสฺสกตาลวเน วสามิ. อหฺหิ ตตฺถ เพลุวรุกฺขมูเล ตาลคจฺเฉ ตาลปณฺณสฺส เหฏฺา นิปนฺโน จินฺเตสึ ‘‘สเจ ปถวี สํวฏฺฏติ, กหํ คมิสฺสามี’’ติ, อถ ตงฺขณฺเว ปถวิยา สํวฏฺฏนสทฺทํ สุตฺวา ปลาโตมฺหี’’ติ.

สีโห จินฺเตสิ ‘‘อทฺธา ตสฺส ตาลปณฺณสฺส อุปริ เพลุวปกฺกํ ปติตฺวา ทุทฺทุภายนสทฺทมกาสิ, สฺวายํ ตํ สทฺทํ สุตฺวา ‘ปถวี สํวฏฺฏตี’ติ สฺํ อุปฺปาเทตฺวา ปลายิ, ตถโต ชานิสฺสามี’’ติ. โส ตํ สสกํ คเหตฺวา มหาชนํ อสฺสาเสตฺวา ‘‘อหํ อิมินา ทิฏฺฏฺาเน ปถวิยา สํวฏฺฏนภาวํ วา อสํวฏฺฏนภาวํ วา ตถโต ชานิตฺวา อาคมิสฺสามิ, ยาว มมาคมนา ตุมฺเห เอตฺเถว โหถา’’ติ สสกํ ปิฏฺิยํ อาโรเปตฺวา สีหเวเคน ปกฺขนฺทิตฺวา ตาลวเน สสกํ โอตาเรตฺวา ‘‘เอหิ ตยา ทิฏฺฏฺานํ ทสฺเสหี’’ติ อาห. ‘‘น วิสหามิ สามี’’ติ. ‘‘เอหิ มา ภายี’’ติ. โส เพลุวรุกฺขํ อุปสงฺกมิตุํ อสกฺโกนฺโต อวิทูเร ตฺวา ‘‘อิทํ สามิ ทุทฺทุภายนฏฺาน’’นฺติ วตฺวา ปมํ คาถมาห –

๘๕.

‘‘ทุทฺทุภายติ ภทฺทนฺเต, ยสฺมึ เทเส วสามหํ;

อหมฺเปตํ น ชานามิ, กิเมตํ ทุทฺทุภายตี’’ติ.

ตตฺถ ทุทฺทุภายตีติ ทุทฺทุภสทฺทํ กโรติ. ภทฺทนฺเตติ ภทฺทํ ตว อตฺถุ. กิเมตนฺติ ยสฺมึ ปเทเส อหํ วสามิ, ตตฺถ ทุทฺทุภายติ, อหมฺปิ น ชานามิ ‘‘กึ วา เอตํ ทุทฺทุภายติ, เกน วา การเณน ทุทฺทุภายติ, เกวลํ ทุทฺทุภายนสทฺทํ อสฺโสสิ’’นฺติ.

เอวํ วุตฺเต สีโห เพลุวรุกฺขมูลํ คนฺตฺวา ตาลปณฺณสฺส เหฏฺา สสเกน นิปนฺนฏฺานฺเจว ตาลปณฺณมตฺถเก ปติตํ เพลุวปกฺกฺจ ทิสฺวา ปถวิยา อสํวฏฺฏนภาวํ ตถโต ชานิตฺวา สสกํ ปิฏฺิยํ อาโรเปตฺวา สีหเวเคน ขิปฺปํ มิคสงฺฆานํ สนฺติกํ คนฺตฺวา สพฺพํ ปวตฺตึ อาโรเจตฺวา ‘‘ตุมฺเห มา ภายถา’’ติ มิคคณํ อสฺสาเสตฺวา วิสฺสชฺเชสิ. สเจ หิ ตทา โพธิสตฺโต น ภเวยฺย, สพฺเพ สมุทฺทํ ปวิสิตฺวา นสฺเสยฺยุํ. โพธิสตฺตํ ปน นิสฺสาย สพฺเพ ชีวิตํ ลภึสูติ.

๘๖.

‘‘เพลุวํ ปติตํ สุตฺวา, ทุทฺทุภนฺติ สโส ชวิ;

สสสฺส วจนํ สุตฺวา, สนฺตตฺตา มิควาหินี.

๘๗.

‘‘อปฺปตฺวา ปทวิฺาณํ, ปรโฆสานุสาริโน;

ปนาทปรมา พาลา, เต โหนฺติ ปรปตฺติยา.

๘๘.

‘‘เย จ สีเลน สมฺปนฺนา, ปฺายูปสเม รตา;

อารกา วิรตา ธีรา, น โหนฺติ ปรปตฺติยา’’ติ. –

อิมา ติสฺโส อภิสมฺพุทฺธคาถา.

ตตฺถ เพลุวนฺติ เพลุวปกฺกํ. ทุทฺทุภนฺตีติ เอวํ สทฺทํ กุรุมานํ. สนฺตตฺตาติ อุตฺรสฺตา. มิควาหินีติ อเนกสหสฺสสงฺขา มิคเสนา. ปทวิฺาณนฺติ วิฺาณปทํ, โสตวิฺาณโกฏฺาสํ อปาปุณิตฺวาติ อตฺโถ. เต โหนฺติ ปรปตฺติยาติ เต ปรโฆสานุสาริโน ตเมว ปรโฆสสงฺขาตํ ปนาทํ ‘‘ปรม’’นฺติ มฺมานา พาลา อนฺธปุถุชฺชนา วิฺาณปทสฺส อปฺปตฺตตาย ปรปตฺติยาว โหนฺติ, ปเรสํ วจนํ สทฺทหิตฺวา ยํ วา ตํ วา กโรนฺติ.

สีเลนาติ อริยมคฺเคน อาคตสีเลน สมนฺนาคตา. ปฺายูปสเม รตาติ มคฺเคเนว อาคตปฺาย กิเลสูปสเม รตา, ยถา วา สีเลน, เอวํ ปฺายปิ สมฺปนฺนา, กิเลสูปสเม รตาติปิ อตฺโถ. อารกา วิรตา ธีราติ ปาปกิริยโต อารกา วิรตา ปณฺฑิตา. น โหนฺตีติ เต เอวรูปา โสตาปนฺนา ปาปโต โอรตภาเวน กิเลสูปสเม อภิรตภาเวน จ เอกวารํ มคฺคาเณน ปฏิวิทฺธธมฺมา อฺเสํ กเถนฺตานมฺปิ น สทฺทหนฺติ น คณฺหนฺติ. กสฺมา? อตฺตโน ปจฺจกฺขตฺตาติ. เตน วุตฺตํ –

‘‘อสฺสทฺโธ อกตฺู จ, สนฺธิจฺเฉโท จ โย นโร;

หตาวกาโส วนฺตาโส, ส เว อุตฺตมโปริโส’’ติ. (ธ. ป. ๙๗);

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา สีโห อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

ทุทฺทุภชาตกวณฺณนา ทุติยา.

[๓๒๓] ๓. พฺรหฺมทตฺตชาตกวณฺณนา

ทฺวยํ ยาจนโกติ อิทํ สตฺถา อาฬวึ นิสฺสาย อคฺคาฬเว เจติเย วิหรนฺโต กุฏิการสิกฺขาปทํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ ปน เหฏฺา มณิกณฺชาตเก (ชา. ๑.๓.๗ อาทโย) อาคตเมว. อิธ ปน สตฺถา ‘‘สจฺจํ กิร ตุมฺเห, ภิกฺขเว, ยาจนพหุลา วิฺตฺติพหุลา วิหรถา’’ติ วตฺวา ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต เต ภิกฺขู ครหิตฺวา ‘‘ภิกฺขเว, โปราณกปณฺฑิตา ปถวิสฺสเรน รฺา ปวาริตาปิ ปณฺณจฺฉตฺตฺจ เอกปฏลิกํ อุปาหนยุคฺจ ยาจิตุกามา หิโรตฺตปฺปเภทนภเยน มหาชนมชฺเฌ อกเถตฺวา รโห กถยึสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต กปิลรฏฺเ อุตฺตรปฺจาลนคเร อุตฺตรปฺจาลราเช รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต เอกสฺมึ นิคมคาเม พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา อปรภาเค ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา หิมวนฺเต อุฺฉาจริยาย วนมูลผลาผเลน ยาเปนฺโต จิรํ วสิตฺวา โลณมฺพิลเสวนตฺถาย มนุสฺสปถํ วิจรนฺโต อุตฺตรปฺจาลนครํ ปตฺวา ราชุยฺยาเน วสิตฺวา ปุนทิวเส ภิกฺขํ ปริเยสมาโน นครํ ปวิสิตฺวา ราชทฺวารํ สมฺปาปุณิ. ราชา ตสฺสาจาเร จ วิหาเร จ ปสีทิตฺวา มหาตเล นิสีทาเปตฺวา ราชารหํ ปณีตโภชนํ โภเชตฺวา ปฏิฺํ คเหตฺวา อุยฺยาเนเยว วสาเปสิ. โส นิพทฺธํ ราชฆเรเยว ภุฺชนฺโต วสฺสานสฺส อจฺจเยน หิมวนฺตเมว คนฺตุกาโม หุตฺวา จินฺเตสิ ‘‘มยฺหํ มคฺคํ คจฺฉนฺตสฺส เอกปฏลิกา อุปาหนา เจว ปณฺณจฺฉตฺตฺจ ลทฺธุํ วฏฺฏติ, ราชานํ ยาจิสฺสามี’’ติ. โส เอกทิวสํ ราชานํ อุยฺยานํ อาคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา นิสินฺนํ ทิสฺวา ‘‘อุปาหนฺจ ฉตฺตฺจ ยาจิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ปุน จินฺเตสิ ‘‘ปรํ ‘อิมํ นาม เทหี’ติ ยาจนฺโต โรทติ นาม, ปโรปิ ‘นตฺถี’ติ วทนฺโต ปฏิโรทติ นาม, ‘มา โข ปน มํ โรทนฺตํ มหาชโน อทฺทส, มา ราชาน’’นฺติ รโห ปฏิจฺฉนฺนฏฺาเน อุโภปิ โรทิตฺวา ตุณฺหี ภวิสฺสามา’’ติ. อถ นํ ‘‘มหาราช, รโห ปจฺจาสีสามี’’ติ อาห. ราชา ตํ สุตฺวา ราชปุริเส อปสกฺกิ. โพธิสตฺโต ‘‘สเจ มยิ ยาจนฺเต ราชา น ทสฺสติ, เมตฺติ โน ภิชฺชิสฺสติ, ตสฺมา น ยาจิสฺสามี’’ติ ตํ ทิวสํ นามํ คเหตุํ อสกฺโกนฺโต ‘‘คจฺฉ, ตาว, มหาราช, ปุเนกทิวสํ ชานิสฺสามี’’ติ อาห.

ปุเนกทิวสํ รฺโ อุยฺยานํ อาคตกาเล ตเถว ปุน ตเถวาติ เอวํ ยาจิตุํ อสกฺโกนฺตสฺเสว ทฺวาทส สํวจฺฉรานิ อติกฺกนฺตานิ. ตโต ราชา จินฺเตสิ ‘‘มยฺหํ อยฺโย ‘มหาราช, รโห ปจฺจาสีสามี’ติ วตฺวา ปริสาย อปคตาย กิฺจิ วตฺตุํ น วิสหติ, วตฺตุกามสฺเสวสฺส ทฺวาทส วสฺสานิ อติกฺกนฺตานิ, จิรํ โข ปนสฺส พฺรหฺมจริยํ จรนฺตสฺส อุกฺกณฺิตฺวา โภเค ภุฺชิตุกาโม รชฺชํ ปจฺจาสีสติ มฺเ, รชฺชสฺส ปน นามํ คเหตุํ อสกฺโกนฺโต ตุณฺหี โหติ, อชฺช ทานิสฺสาหํ รชฺชํ อาทึ กตฺวา ยํ อิจฺฉติ, ตํ ทสฺสามี’’ติ. โส อุยฺยานํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา นิสินฺโน โพธิสตฺเตน ‘‘รโห ปจฺจาสีสามี’’ติ วุตฺเต ปริสาย อปคตาย ตํ กิฺจิ วตฺตุํ อสกฺโกนฺตํ อาห ‘‘ตุมฺเห ทฺวาทส วสฺสานิ ‘รโห ปจฺจาสีสามี’ติ วตฺวา รโห ลทฺธาปิ กิฺจิ วตฺตุํ น สกฺโกถ, อหํ โว รชฺชํ อาทึ กตฺวา สพฺพํ ปวาเรมิ, นิพฺภยา หุตฺวา ยํ โว รุจฺจติ, ตํ ยาจถา’’ติ. ‘‘มหาราช, ยมหํ ยาจามิ, ตํ ทสฺสสี’’ติ? ‘‘ทสฺสามิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘มหาราช, มยฺหํ มคฺคํ คจฺฉนฺตสฺส เอกปฏลิกา อุปาหนา จ ปณฺณจฺฉตฺตฺจ ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ. ‘‘เอตฺตกํ, ภนฺเต, ตุมฺเห ทฺวาทส สํวจฺฉรานิ ยาจิตุํ น สกฺโกถา’’ติ. ‘‘อาม, มหาราชา’’ติ. ‘‘กึการณา, ภนฺเต, เอวมกตฺถา’’ติ. ‘‘มหาราช, ‘อิมํ นาม เม เทหี’ติ ยาจนฺโต โรทติ นาม, ‘นตฺถี’ติ วทนฺโต ปฏิโรทติ นาม. ‘สเจ ตฺวํ มยา ยาจิโต น ทเทยฺยาสิ, ตํ โน โรทิตปฏิโรทิตํ นาม มหาชโน มา ปสฺสตู’ติ เอตทตฺถํ รโห ปจฺจาสีสามี’’ติ วตฺวา อาทิโต ติสฺโส คาถา อภาสิ –

๘๙.

‘‘ทฺวยํ ยาจนโก ราช, พฺรหฺมทตฺต นิคจฺฉติ;

อลาภํ ธนลาภํ วา, เอวํธมฺมา หิ ยาจนา.

๙๐.

‘‘ยาจนํ โรทนํ อาหุ, ปฺจาลานํ รเถสภ;

โย ยาจนํ ปจฺจกฺขาติ, ตมาหุ ปฏิโรทนํ.

๙๑.

‘‘มา มทฺทสํสุ โรทนฺตํ, ปฺจาลา สุสมาคตา;

ตุวํ วา ปฏิโรทนฺตํ, ตสฺมา อิจฺฉามหํ รโห’’ติ.

ตตฺถ ราช พฺรหฺมทตฺตาติ ทฺวีหิปิ ราชานํ อาลปติ. นิคจฺฉตีติ ลภติ วินฺทติ. เอวํธมฺมาติ เอวํสภาวา. อาหูติ ปณฺฑิตา กเถนฺติ. ปฺจาลานํ รเถสภาติ ปฺจาลรฏฺสฺส อิสฺสร รถปวร. โย ยาจนํ ปจฺจกฺขาตีติ โย ปน ยํ ยาจนกํ ‘‘นตฺถี’’ติ ปฏิกฺขิปติ. ตมาหูติ ตํ ปฏิกฺขิปนํ ‘‘ปฏิโรทน’’นฺติ วทนฺติ. มา มทฺทสํสูติ ตว รฏฺวาสิโน ปฺจาลา สุสมาคตา มํ โรทนฺตํ มา อทฺทสํสูติ.

ราชา โพธิสตฺตสฺส คารวลกฺขเณ ปสีทิตฺวา วรํ ททมาโน จตุตฺถํ คาถมาห –

๙๒.

‘‘ททามิ เต พฺราหฺมณ โรหิณีนํ, ควํ สหสฺสํ สห ปุงฺคเวน;

อริโย หิ อริยสฺส กถํ น ทชฺชา, สุตฺวาน คาถา ตว ธมฺมยุตฺตา’’ติ.

ตตฺถ โรหิณีนนฺติ รตฺตวณฺณานํ. อริโยติ อาจารสมฺปนฺโน. อริยสฺสาติ อาจารสมฺปนฺนสฺส. กถํ น ทชฺชาติ เกน การเณน น ทเทยฺย. ธมฺมยุตฺตาติ การณยุตฺตา.

โพธิสตฺโต ปน ‘‘นาหํ, มหาราช, วตฺถุกาเมหิ อตฺถิโก, ยํ อหํ ยาจามิ, ตเทว เม เทหี’’ติ เอกปฏลิกา อุปาหนา จ ปณฺณจฺฉตฺตฺจ คเหตฺวา ‘‘มหาราช, อปฺปมตฺโต โหหิ, ทานํ เทหิ, สีลํ รกฺขาหิ, อุโปสถกมฺมํ กโรหี’’ติ ราชานํ โอวทิตฺวา ตสฺส ยาจนฺตสฺเสว หิมวนฺตเมว คโต. ตตฺถ อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา พฺรหฺมโลกปรายโณ อโหสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ราชา อานนฺโท อโหสิ, ตาปโส ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

พฺรหฺมทตฺตชาตกวณฺณนา ตติยา.

[๓๒๔] ๔. จมฺมสาฏกชาตกวณฺณนา

กลฺยาณรูโป วตยนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต จมฺมสาฏกํ นาม ปริพฺพาชกํ อารพฺภ กเถสิ. ตสฺส กิร จมฺมเมว นิวาสนฺจ ปารุปนฺจ โหติ. โส เอกทิวสํ ปริพฺพาชการามา นิกฺขมิตฺวา สาวตฺถิยํ ภิกฺขาย จรนฺโต เอฬกานํ ยุชฺฌนฏฺานํ สมฺปาปุณิ. เอฬโก ตํ ทิสฺวา ปหริตุกาโม โอสกฺกิ. ปริพฺพาชโก ‘‘เอส มยฺหํ อปจิตึ ทสฺเสตี’’ติ น ปฏิกฺกมิ. เอฬโก เวเคนาคนฺตฺวา ตํ อูรุมฺหิ ปหริตฺวา ปาเตสิ. ตสฺส ตํ อสนฺตปคฺคหณการณํ ภิกฺขุสงฺเฆ ปากฏํ อโหสิ. ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, จมฺมสาฏกปริพฺพาชโก อสนฺตปคฺคหํ กตฺวา วินาสํ ปตฺโต’’ติ สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปส อสนฺตปคฺคหํ กตฺวา วินาสํ ปตฺโตเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต เอกสฺมึ วาณิชกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต วณิชฺชํ กโรติ. ตทา เอโก จมฺมสาฏกปริพฺพาชโก พาราณสิยํ ภิกฺขาย จรนฺโต เอฬกานํ ยุชฺฌนฏฺานํ ปตฺวา เอฬกํ โอสกฺกนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อปจิตึ เม กโรตี’’ติ สฺาย อปฏิกฺกมิตฺวา ‘‘อิเมสํ เอตฺตกานํ มนุสฺสานํ อนฺตเร อยํ เอโก เอฬโก อมฺหากํ คุณํ ชานาตี’’ติ ตสฺส อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา ิโตว ปมํ คาถมาห –

๙๓.

‘‘กลฺยาณรูโป วตยํ จตุปฺปโท, สุภทฺทโก เจว สุเปสโล จ;

โย พฺราหฺมณํ ชาติมนฺตูปปนฺนํ, อปจายติ เมณฺฑวโร ยสสฺสี’’ติ.

ตตฺถ กลฺยาณรูโปติ กลฺยาณชาติโก. สุเปสโลติ สุฏฺุ ปิยสีโล. ชาติมนฺตูปปนฺนนฺติ ชาติยา จ มนฺเตหิ จ สมฺปนฺนํ. ยสสฺสีติ วณฺณภณนเมตํ.

ตสฺมึ ขเณ อาปเณ นิสินฺโน ปณฺฑิตวาณิโช ตํ ปริพฺพาชกํ นิเสเธนฺโต ทุติยํ คาถมาห –

๙๔.

‘‘มา พฺราหฺมณ อิตฺตรทสฺสเนน, วิสฺสาสมาปชฺชิ จตุปฺปทสฺส;

ทฬฺหปฺปหารํ อภิกงฺขมาโน, อวสกฺกตี ทสฺสติ สุปฺปหาร’’นฺติ.

ตตฺถ อิตฺตรทสฺสเนนาติ ขณิกทสฺสเนน.

ตสฺส ปณฺฑิตวาณิชสฺส กเถนฺตสฺเสว โส เมณฺฑโก เวเคนาคนฺตฺวา อูรุมฺหิ ปหริตฺวา ตํ ตตฺเถว เวทนาปฺปตฺตํ กตฺวา ปาเตสิ. โส ปริเทวมาโน นิปชฺชิ. สตฺถา ตํ การณํ ปกาเสนฺโต ตติยํ คาถมาห –

๙๕.

‘‘อูรุฏฺิ ภคฺคํ วฏฺฏิโต ขาริภาโร, สพฺพฺจ ภณฺฑํ พฺราหฺมณสฺส ภินฺนํ;

อุโภปิ พาหา ปคฺคยฺห กนฺทติ, อติธาวถ หฺเต พฺรหฺมจารี’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – ภิกฺขเว, ตสฺส ปริพฺพาชกสฺส อูรุฏฺิกํ ภคฺคํ, ขาริภาโร วฏฺฏิโต ปวฏฺฏิโต, ตสฺมึ ปวฏฺฏมาเน ยํ ตตฺถ ตสฺส พฺราหฺมณสฺส อุปกรณภณฺฑํ, ตมฺปิ สพฺพํ ภินฺนํ, โสปิ อุโภ พาหา อุกฺขิปิตฺวา ปริวาเรตฺวา ิตปริสํ สนฺธาย ‘‘อภิธาวถ, หฺเต พฺรหฺมจารี’’ติ วทนฺโต กนฺทติ โรทติ ปริเทวตีติ.

ปริพฺพาชโก จตุตฺถํ คาถํ อาห –

๙๖.

‘‘เอวํ โส นิหโต เสติ, โย อปูชํ ปสํสติ;

ยถาหมชฺช ปหโต, หโต เมณฺเฑน ทุมฺมตี’’ติ.

ตตฺถ อปูชนฺติ อปูชนียํ. ยถาหมชฺชาติ ยถา อหํ อชฺช อสนฺตปคฺคหํ กตฺวา ิโต เมณฺเฑน ทฬฺหปฺปหาเรน ปหโต เอตฺเถว มาริโต. ทุมฺมตีติ ทุปฺปฺโ. เอวํ โย อฺโปิ อสนฺตปคฺคหํ กริสฺสติ, โสปิ อหํ วิย ทุกฺขํ อนุภวิสฺสตีติ โส ปริเทวนฺโต ตตฺเถว ชีวิตกฺขยํ ปตฺโตติ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา จมฺมสาฏโก เอตรหิ จมฺมสาฏโก อโหสิ, ปณฺฑิตวาณิโช ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

จมฺมสาฏกชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.

[๓๒๕] ๕. โคธราชชาตกวณฺณนา

สมณํ ตํ มฺมาโนติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ กุหกํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ เหฏฺา วิตฺถาริตเมว. อิธาปิ ภิกฺขู ตํ ภิกฺขุํ อาเนตฺวา ‘‘อยํ, ภนฺเต, ภิกฺขุ กุหโก’’ติ สตฺถุ ทสฺเสสุํ. สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปส กุหโกเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต โคธโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต กายพเลน สมฺปนฺโน อรฺเ วสติ. เอโก ทุสีลตาปโสปิ ตสฺส อวิทูเร ปณฺณสาลํ มาเปตฺวา วาสํ กปฺเปสิ. โพธิสตฺโต โคจราย จรนฺโต ตํ ทิสฺวา ‘‘สีลวนฺตตาปสสฺส ปณฺณสาลา ภวิสฺสตี’’ติ ตตฺถ คนฺตฺวา ตํ วนฺทิตฺวา อตฺตโน วสนฏฺานเมว คจฺฉติ. อเถกทิวสํ โส กูฏตาปโส อุปฏฺากกุเล สมฺปาทิตํ มธุรมํสํ ลภิตฺวา ‘‘กึ มํสํ นาเมต’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘โคธมํส’’นฺติ สุตฺวา รสตณฺหาย อภิภูโต ‘‘มยฺหํ อสฺสมปทํ นิพทฺธํ อาคจฺฉมานํ โคธํ มาเรตฺวา ยถารุจิ ปจิตฺวา ขาทิสฺสามี’’ติ สปฺปิทธิกฏุกภณฺฑาทีนิ คเหตฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา มุคฺครํ คเหตฺวา กาสาเวน ปฏิจฺฉาเทตฺวา โพธิสตฺตสฺส อาคมนํ โอโลเกนฺโต ปณฺณสาลทฺวาเร อุปสนฺตูปสนฺโต วิย นิสีทิ.

โส อาคนฺตฺวา ตํ ปทุฏฺินฺทฺริยํ ทิสฺวา ‘‘อิมินา อมฺหากํ สชาติกมํสํ ขาทิตํ ภวิสฺสติ, ปริคฺคณฺหิสฺสามิ น’’นฺติ อโธวาเต ตฺวา สรีรคนฺธํ ฆายิตฺวา สชาติมํสสฺส ขาทิตภาวํ ตฺวา ตาปสํ อนุปคมฺม ปฏิกฺกมิตฺวา จริ. ตาปโสปิ ตสฺส อนาคมนภาวํ ตฺวา มุคฺครํ ขิปิ, มุคฺคโร สรีเร อปติตฺวา นงฺคุฏฺโกฏึ ปาปุณิ. ตาปโส ‘‘คจฺฉ วิรทฺโธสฺมี’’ติ อาห. โพธิสตฺโต ‘‘มํ ตาว วิรทฺโธสิ, จตฺตาโร ปน อปาเย น วิรทฺโธสี’’ติ วตฺวา ปลายิตฺวา จงฺกมนโกฏิยํ ิตํ วมฺมิกํ ปวิสิตฺวา อฺเน ฉิทฺเทน สีสํ นีหริตฺวา เตน สทฺธึ สลฺลปนฺโต ทฺเว คาถา อภาสิ –

๙๗.

‘‘สมณํ ตํ มฺมาโน, อุปคจฺฉิมสฺตํ;

โส มํ ทณฺเฑน ปาหาสิ, ยถา อสฺสมโณ ตถา.

๙๘.

‘‘กึ เต ชฏาหิ ทุมฺเมธ, กึ เต อชินสาฏิยา;

อพฺภนฺตรํ เต คหนํ, พาหิรํ ปริมชฺชสี’’ติ.

ตตฺถ อสฺตนฺติ อหํ กายาทีหิ อสฺตํ อสฺสมณเมว สมานํ ตํ ‘‘สมโณ เอโส’’ติ สมิตปาปตาย สมณํ มฺมาโน อุปคจฺฉึ. ปาหาสีติ ปหริ. อชินสาฏิยาติ เอกํสํ กตฺวา ปารุเตน อชินจมฺเมน ตุยฺหํ โก อตฺโถ. อพฺภนฺตรํ เต คหนนฺติ ตว สรีรพฺภนฺตรํ วิสปูรา วิย อลาพุ, คูถปูโร วิย อาวาโฏ, อาสีวิสปูโร วิย วมฺมิโก กิเลสคหนํ. พาหิรนฺติ เกวลํ พหิสรีรํ ปริมชฺชสิ, ตํ อนฺโตผรุสตาย พหิมฏฺตาย หตฺถิลณฺฑํ วิย อสฺสลณฺฑํ วิย จ โหตีติ.

ตํ สุตฺวา ตาปโส ตติยํ คาถมาห –

๙๙.

‘‘เอหิ โคธ นิวตฺตสฺสุ, ภุฺช สาลีนโมทนํ;

เตลํ โลณฺจ เม อตฺถิ, ปหูตํ มยฺห ปิปฺผลี’’ติ.

ตตฺถ ปหูตํ มยฺห ปิปฺผลีติ น เกวลํ สาลีนโมทนํ เตลโลณเมว, หิงฺคุชีรกสิงฺคิเวรลสุณมริจปิปฺผลิปฺปเภทํ กฏุกภณฺฑมฺปิ มยฺหํ พหุ อตฺถิ, เตนาภิสงฺขตํ สาลีนโมทนํ ภุฺชาหีติ.

ตํ สุตฺวา โพธิสตฺโต จตุตฺถํ คาถมาห –

๑๐๐.

‘‘เอส ภิยฺโย ปเวกฺขามิ, วมฺมิกํ สตโปริสํ;

เตลํ โลณฺจ กิตฺเตสิ, อหิตํ มยฺห ปิปฺผลี’’ติ.

ตตฺถ ปเวกฺขามีติ ปวิสิสฺสามิ. อหิตนฺติ ยํ เอตํ ตว กฏุกภณฺฑสงฺขาตํ ปิปฺผลิ, เอตํ มยฺหํ อหิตํ อสปฺปายนฺติ.

เอวฺจ ปน วตฺวา ‘‘อเร, กูฏชฏิล, สเจ อิธ วสิสฺสสิ, โคจรคาเม มนุสฺเสเหว ตํ ‘อยํ โจโร’ติ คาหาเปตฺวา วิปฺปการํ ปาเปสฺสามิ, สีฆํ ปลายสฺสู’’ติ สนฺตชฺเชสิ. กูฏชฏิโล ตโต ปลายิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา กูฏชฏิโล อยํ กุหกภิกฺขุ อโหสิ, โคธราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

โคธราชชาตกวณฺณนา ปฺจมา.

[๓๒๖] ๖. กกฺการุชาตกวณฺณนา

กาเยน โย นาวหเรติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เทวทตฺตํ อารพฺภ กเถสิ. ตสฺส หิ สงฺฆํ ภินฺทิตฺวา คตสฺส อคฺคสาวเกหิ สทฺธึ ปริสาย ปกฺกนฺตาย อุณฺหํ โลหิตํ มุขโต อุคฺคฺฉิ. อถ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, เทวทตฺโต มุสาวาทํ กตฺวา สงฺฆํ ภินฺทิตฺวา อิทานิ คิลาโน หุตฺวา มหาทุกฺขํ อนุโภตี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปส มุสาวาทีเยว, น เจส อิทาเนว มุสาวาทํ กตฺวา มหาทุกฺขํ อนุโภติ, ปุพฺเพปิ อนุโภสิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตาวตึสภวเน อฺตโร เทวปุตฺโต อโหสิ. เตน โข ปน สมเยน พาราณสิยํ มหาอุสฺสโว อโหสิ. พหู นาคา จ สุปณฺณา จ ภูมฏฺกา จ เทวา อาคนฺตฺวา อุสฺสวํ โอโลกยึสุ. ตาวตึสภวนโตปิ จตฺตาโร เทวปุตฺตา กกฺการูนิ นาม ทิพฺพปุปฺผานิ เตหิ กตจุมฺพฏกํ ปิฬนฺธิตฺวา อุสฺสวทสฺสนํ อาคมึสุ. ทฺวาทสโยชนิกํ พาราณสินครํ เตสํ ปุปฺผานํ คนฺเธน เอกคนฺธํ อโหสิ. มนุสฺสา ‘‘อิมานิ ปุปฺผานิ เกน ปิฬนฺธิตานี’’ติ อุปธาเรนฺตา วิจรนฺติ. เต เทวปุตฺตา ‘‘อมฺเห เอเต อุปธาเรนฺตี’’ติ ตฺวา ราชงฺคเณ อุปฺปติตฺวา มหนฺเตน เทวานุภาเวน อากาเส อฏฺํสุ. มหาชโน สนฺนิปติ, ราชาปิ สทฺธึ อุปราชาทีหิ อคมาสิ. อถ เน ‘‘กตรเทวโลกโต, สามิ, อาคจฺฉถา’’ติ ปุจฺฉึสุ. ‘‘ตาวตึสเทวโลกโต อาคจฺฉามา’’ติ. ‘‘เกน กมฺเมน อาคตตฺถา’’ติ. ‘‘อุสฺสวทสฺสนตฺถายา’’ติ. ‘‘กึปุปฺผานิ นาเมตานี’’ติ? ‘‘ทิพฺพกกฺการุปุปฺผานิ นามา’’ติ. ‘‘สามิ, ตุมฺเห เทวโลเก อฺานิ ปิฬนฺเธยฺยาถ, อิมานิ อมฺหากํ เทถา’’ติ. เทวปุตฺตา ‘‘ทิพฺพกกฺการุปุปฺผานิ มหานุภาวานิ เทวานฺเว อนุจฺฉวิกานิ, มนุสฺสโลเก ลามกานํ ทุปฺปฺานํ หีนาธิมุตฺติกานํ ทุสฺสีลานํ นานุจฺฉวิกานิ. เย ปน มนุสฺสา อิเมหิ จ อิเมหิ จ คุเณหิ สมนฺนาคตา, เตสํ เอตานิ อนุจฺฉวิกานี’’ติ อาหํสุ.

เอวฺจ ปน วตฺวา เตสุ เชฏฺกเทวปุตฺโต ปมํ คาถมาห –

๑๐๑.

‘‘กาเยน โย นาวหเร, วาจาย น มุสา ภเณ;

ยโส ลทฺธา น มชฺเชยฺย, ส เว กกฺการุมรหตี’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – โย กาเยน ปรสฺส สนฺตกํ ติณสลากมฺปิ นาวหรติ, วาจาย ชีวิตํ ปริจฺจชมาโนปิ มุสาวาทํ น ภณติ. เทสนาสีสเมเวตํ, กายทฺวารวจีทฺวารมโนทฺวาเรหิ ปน โย ทสปิ อกุสลกมฺมปเถ น กโรตีติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโย. ยโส ลทฺธาติ อิสฺสริยฺจ ลภิตฺวา โย อิสฺสริยมทมตฺโต สตึ วิสฺสชฺเชตฺวา ปาปกมฺมํ น กโรติ, ส เว เอวรูโป อิเมหิ คุเณหิ ยุตฺโต ปุคฺคโล อิมํ ทิพฺพปุปฺผํ อรหติ. ตสฺมา โย อิเมหิ คุเณหิ สมนฺนาคโต, โส อิมานิ ปุปฺผานิ ยาจิตุํ อรหติ, ตสฺส ทสฺสามีติ.

ตํ สุตฺวา ปุโรหิโต จินฺเตสิ ‘‘มยฺหํ อิเมสุ คุเณสุ เอโกปิ นตฺถิ, มุสาวาทํ ปน วตฺวา เอตานิ ปุปฺผานิ คเหตฺวา ปิฬนฺธิสฺสามิ, เอวํ มํ มหาชโน ‘คุณสมฺปนฺโน อย’นฺติ ชานิสฺสตี’’ติ. โส ‘‘อหํ เอเตหิ คุเณหิ สมนฺนาคโต’’ติ วตฺวา ตานิ ปุปฺผานิ อาหราเปตฺวา ปิฬนฺธิตฺวา ทุติยํ เทวปุตฺตํ ยาจิ. โส ทุติยํ คาถมาห –

๑๐๒.

‘‘ธมฺเมน วิตฺตเมเสยฺย, น นิกตฺยา ธนํ หเร;

โภเค ลทฺธา น มชฺเชยฺย, ส เว กกฺการุมรหตี’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – ธมฺเมน ปริสุทฺธาชีเวน สุวณฺณรชตาทิวิตฺตํ ปริเยเสยฺย. น นิกตฺยาติ น วฺจนาย ธนํ หเรยฺย, วตฺถาภรณาทิเก โภเค ลภิตฺวา ปมาทํ นาปชฺเชยฺย, เอวรูโป อิมานิ ปุปฺผานิ อรหตีติ.

ปุโรหิโต ‘‘อหํ เอเตหิ คุเณหิ สมนฺนาคโต’’ติ วตฺวา ตานิ อาหราเปตฺวา ปิฬนฺธิตฺวา ตติยํ เทวปุตฺตํ ยาจิ. โส ตติยํ คาถมาห –

๑๐๓.

‘‘ยสฺส จิตฺตํ อหาลิทฺทํ, สทฺธา จ อวิราคินี;

เอโก สาทุํ น ภุฺเชยฺย, ส เว กกฺการุมรหตี’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – ยสฺส ปุคฺคลสฺส จิตฺตํ อหาลิทฺทํ หลิทฺทิราโค วิย ขิปฺปํ น วิรชฺชติ, ถิรเมว โหติ. สทฺธา จ อวิราคินีติ กมฺมํ วา วิปากํ วา โอกปฺปนียสฺส วา ปุคฺคลสฺส วจนํ สทฺทหิตฺวา อปฺปมตฺตเกเนว น วิรชฺชติ น ภิชฺชติ. โย ยาจเก วา อฺเ วา สํวิภาคารเห ปุคฺคเล พหิ กตฺวา เอกโกว สาทุรสโภชนํ น ภุฺชติ, เนสํ สํวิภชิตฺวา ภุฺชติ, โส อิมานิ ปุปฺผานิ อรหตีติ.

ปุโรหิโต ‘‘อหํ เอเตหิ คุเณหิ สมนฺนาคโต’’ติ วตฺวา ตานิ ปุปฺผานิ อาหราเปตฺวา ปิฬนฺธิตฺวา จตุตฺถํ เทวปุตฺตํ ยาจิ. โส จตุตฺถํ คาถมาห –

๑๐๔.

‘‘สมฺมุขา วา ติโรกฺขา วา, โย สนฺเต น ปริภาสติ;

ยถาวาที ตถาการี, ส เว กกฺการุมรหตี’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – โย ปุคฺคโล สมฺมุขา วา ปรมฺมุขา วา สีลาทิคุณยุตฺเต สนฺเต อุตฺตมปณฺฑิตปุริเส น อกฺโกสติ น ปริภาสติ, ยํ วาจาย วทติ, ตเทว กาเยน กโรติ, โส อิมานิ ปุปฺผานิ อรหตีติ.

ปุโรหิโต ‘‘อหํ เอเตหิ คุเณหิ สมนฺนาคโต’’ติ วตฺวา ตานิปิ อาหราเปตฺวา ปิฬนฺธิ. จตฺตาโร เทวปุตฺตา จตฺตาริ ปุปฺผจุมฺพฏกานิ ปุโรหิตสฺส ทตฺวา เทวโลกเมว คตา. เตสํ คตกาเล ปุโรหิตสฺส สีเส มหตี เวทนา อุปฺปชฺชิ, ติขิณสิขเรน นิมฺมถิตํ วิย จ อยปฏฺเฏน ปีฬิตํ วิย จ สีสํ อโหสิ. โส เวทนาปฺปตฺโต อปราปรํ ปริวตฺตมาโน มหาสทฺเทน วิรวิ, ‘‘กิเมต’’นฺติ จ วุตฺเต ‘‘อหํ มมพฺภนฺตเร อวิชฺชมาเนเยว คุเณ ‘อตฺถี’ติ มุสาวาทํ กตฺวา เต เทวปุตฺเต อิมานิ ปุปฺผานิ ยาจึ, หรเถตานิ มม สีสโต’’ติ อาห. ตานิ หรนฺตาปิ หริตุํ นาสกฺขึสุ, อยปฏฺเฏน พทฺธานิ วิย อเหสุํ. อถ นํ อุกฺขิปิตฺวา เคหํ นยึสุ. ตตฺถ ตสฺส วิรวนฺตสฺส สตฺต ทิวสา วีติวตฺตา.

ราชา อมจฺเจ อามนฺเตตฺวา ‘‘ทุสฺสีลพฺราหฺมโณ มริสฺสติ, กึ กโรมา’’ติ อาห. ‘‘เทว, ปุน อุสฺสวํ กาเรม, เทวปุตฺตา ปุน อาคจฺฉิสฺสนฺตี’’ติ. ราชา ปุน อุสฺสวํ กาเรสิ. เทวปุตฺตา ปุน อาคนฺตฺวา สกลนครํ ปุปฺผคนฺเธน เอกคนฺธํ กตฺวา ตเถว ราชงฺคเณ อฏฺํสุ, มหาชโน สนฺนิปติตฺวา ทุสฺสีลพฺราหฺมณํ อาเนตฺวา เตสํ ปุรโต อุตฺตานํ นิปชฺชาเปสิ. โส ‘‘ชีวิตํ เม เทถ, สามี’’ติ เทวปุตฺเต ยาจิ. เทวปุตฺตา ‘‘ตุยฺหํ ทุสฺสีลสฺส ปาปธมฺมสฺส อนนุจฺฉวิกาเนเวตานิ ปุปฺผานิ, ตฺวํ ปน ‘อมฺเห วฺเจสฺสามี’ติ สฺี อโหสิ, อตฺตโน มุสาวาทผลํ ลทฺธ’’นฺติ มหาชนมชฺเฌ ทุสฺสีลพฺราหฺมณํ ครหิตฺวา สีสโต ปุปฺผจุมฺพฏกํ อปเนตฺวา มหาชนสฺส โอวาทํ ทตฺวา สกฏฺานเมว อคมํสุ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา พฺราหฺมโณ เทวทตฺโต อโหสิ, เตสุ เทวปุตฺเตสุ เอโก กสฺสโป, เอโก โมคฺคลฺลาโน, เอโก สาริปุตฺโต, เชฏฺกเทวปุตฺโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

กกฺการุชาตกวณฺณนา ฉฏฺา.

[๓๒๗] ๗. กากวตีชาตกวณฺณนา

วาติ จายํ ตโต คนฺโธติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ อุกฺกณฺิตภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. ตทา หิ สตฺถา ตํ ภิกฺขุํ ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ อุกฺกณฺิโตสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘สจฺจํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กสฺมา อุกฺกณฺิโตสี’’ติ? ‘‘กิเลสวเสน, ภนฺเต’’ติ. ‘‘ภิกฺขุ มาตุคาโม นาม อรกฺขิโย, น สกฺกา รกฺขิตุํ, โปราณกปณฺฑิตา ปน มาตุคามํ มหาสมุทฺทมชฺเฌ สิมฺพลิรุกฺขวิมาเน วสาเปนฺตาปิ รกฺขิตุํ นาสกฺขึสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิสฺมึ นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ปิตุ อจฺจเยน รชฺชํ กาเรสิ. กากวตี นามสฺส อคฺคมเหสี อโหสิ อภิรูปา เทวจฺฉรา วิย. อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถารโต ปน อตีตวตฺถุ กุณาลชาตเก (ชา. ๒.๒๑.กุณาลชาตก) อาวิ ภวิสฺสติ. ตทา ปเนโก สุปณฺณราชา มนุสฺสเวเสน อาคนฺตฺวา รฺา สห ชูตํ กีฬนฺโต กากวติยา อคฺคมเหสิยา ปฏิพทฺธจิตฺโต ตํ อาทาย สุปณฺณภวนํ เนตฺวา ตาย สทฺธึ อภิรมิ. ราชา เทวึ อปสฺสนฺโต นฏกุเวรํ นาม คนฺธพฺพํ ‘‘ตฺวํ วิจินาหิ น’’นฺติ อาห. โส ตํ สุปณฺณราชานํ ปริคฺคเหตฺวา เอกสฺมึ สเร เอรกวเน นิปชฺชิตฺวา ตโต สุปณฺณสฺส คมนกาเล ปตฺตนฺตเร นิสีทิตฺวา สุปณฺณภวนํ ปตฺวา ปตฺตนฺตรโต นิกฺขมิตฺวา ตาย สทฺธึ กิเลสสํสคฺคํ กตฺวา ปุน ตสฺเสว ปตฺตนฺตเร นิสินฺโน อาคนฺตฺวา สุปณฺณสฺส รฺา สทฺธึ ชูตกีฬนกาเล อตฺตโน วีณํ คเหตฺวา ชูตมณฺฑลํ คนฺตฺวา รฺโ สนฺติเก ิโต คีตวเสน ปมํ คาถมาห –

๑๐๕.

‘‘วาติ จายํ ตโต คนฺโธ, ยตฺถ เม วสตี ปิยา;

ทูเร อิโต หิ กากวตี, ยตฺถ เม นิรโต มโน’’ติ.

ตตฺถ คนฺโธติ ตสฺสา ทิพฺพคนฺธวิลิตฺตาย สรีรคนฺโธ. ยตฺถ เมติ ยตฺถ สุปณฺณภวเน มม ปิยา วสติ, ตโต อิมินา สทฺธึ กตกายสํสคฺคาย ตสฺสา อิมสฺส กาเยน สทฺธึ อาคโต คนฺโธ วายตีติ อธิปฺปาโย. ทูเร อิโตติ อิมมฺหา านา ทูเร. หิ-กาโร นิปาตมตฺโต. กากวตีติ กากวตี เทวี. ยตฺถ เมติ ยสฺสา อุปริ มม มโน นิรโต.

ตํ สุตฺวา สุปณฺโณ ทุติยํ คาถมาห –

๑๐๖.

‘‘กถํ สมุทฺทมตรี, กถํ อตริ เกปุกํ;

กถํ สตฺต สมุทฺทานิ, กถํ สิมฺพลิมารุหี’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – ตฺวํ อิมํ ชมฺพุทีปสมุทฺทํ ตสฺส ปรโต เกปุกํ นาม นทึ ปพฺพตนฺตเรสุ ิตานิ สตฺต สมุทฺทานิ จ กถํ อตริ, เกนุปาเยน ติณฺโณ สตฺต สมุทฺทานิ อติกฺกมิตฺวา ิตํ อมฺหากํ ภวนํ สิมฺพลิรุกฺขฺจ กถํ อารุหีติ.

ตํ สุตฺวา นฏกุเวโร ตติยํ คาถมาห –

๑๐๗.

‘‘ตยา สมุทฺทมตรึ, ตยา อตริ เกปุกํ;

ตยา สตฺต สมุทฺทานิ, ตยา สิมฺพลิมารุหิ’’นฺติ.

ตตฺถ ตยาติ ตยา กรณภูเตน ตว ปตฺตนฺตเร นิสินฺโน อหํ สพฺพเมตํ อกาสินฺติ อตฺโถ.

ตโต สุปณฺณราชา จตุตฺถํ คาถมาห –

๑๐๘.

‘‘ธิรตฺถุ มํ มหากายํ, ธิรตฺถุ มํ อเจตนํ;

ยตฺถ ชายายหํ ชารํ, อาวหามิ วหามิ จา’’ติ.

ตตฺถ ธิรตฺถุ มนฺติ อตฺตานํ ครหนฺโต อาห. อเจตนนฺติ มหาสรีรตาย ลหุภาวครุภาวสฺส อชานนตาย อเจตนํ. ยตฺถาติ ยสฺมา. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยสฺมา อหํ อตฺตโน ชายาย ชารํ อิมํ คนฺธพฺพํ ปตฺตนฺตเร นิสินฺนํ อาเนนฺโต อาวหามิ เนนฺโต จ วหามิ, ตสฺมา ธิรตฺถุ มนฺติ. โส ตํ อาเนตฺวา พาราณสิรฺโ ทตฺวา ปุน นครํ นาคมาสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺิตภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ตทา นฏกุเวโร อุกฺกณฺิตภิกฺขุ อโหสิ, ราชา ปน อหเมว อโหสินฺติ.

กากวตีชาตกวณฺณนา สตฺตมา.

[๓๒๘] ๘. อนนุโสจิยชาตกวณฺณนา

พหูนํ วิชฺชตี โภตีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ มตภริยํ กุฏุมฺพิกํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิร ภริยาย มตาย น นฺหายิ น ปิวิ น ลิมฺปิ น ภุฺชิ, น กมฺมนฺเต ปโยเชสิ, อฺทตฺถุ โสกาภิภูโต อาฬาหนํ คนฺตฺวา ปริเทวมาโน วิจริ. อพฺภนฺตเร ปนสฺส กุเฏ ปทีโป วิย โสตาปตฺติมคฺคสฺส อุปนิสฺสโย ชลติ. สตฺถา ปจฺจูสสมเย โลกํ โอโลเกนฺโต ตํ ทิสฺวา ‘‘อิมสฺส มํ เปตฺวา อฺโ โกจิ โสกํ นีหริตฺวา โสตาปตฺติมคฺคสฺส ทายโก นตฺถิ, ภวิสฺสามิสฺส อวสฺสโย’’ติ ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต ปจฺฉาสมณํ อาทาย ตสฺส เคหทฺวารํ คนฺตฺวา กุฏุมฺพิเกน สุตาคมโน กตปจฺจุคฺคมนาทิสกฺกาโร ปฺตฺตาสเน นิสินฺโน กุฏุมฺพิกํ อาคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺนํ ‘‘กึ, อุปาสก, จินฺเตสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาม, ภนฺเต, ภริยา เม กาลกตา, ตมหํ อนุโสจนฺโต จินฺเตมี’’ติ วุตฺเต ‘‘อุปาสก, ภิชฺชนธมฺมํ นาม ภิชฺชติ, ตสฺมึ ภินฺเน น ยุตฺตํ จินฺเตตุํ, โปราณกปณฺฑิตาปิ ภริยาย มตาย ‘ภิชฺชนธมฺมํ ภิชฺชตี’ติ น จินฺตยึสู’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ. อตีตวตฺถุ ทสกนิปาเต จูฬโพธิชาตเก (ชา. ๑.๑๐.๔๙ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติ, อยํ ปเนตฺถ สงฺเขโป.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา มาตาปิตูนํ สนฺติกํ อคมาสิ. อิมสฺมึ ชาตเก โพธิสตฺโต โกมารพฺรหฺมจารี อโหสิ. อถสฺส มาตาปิตโร ‘‘ตว ทาริกปริเยสนํ กโรมา’’ติ อาโรจยึสุ. โพธิสตฺโต ‘‘น มยฺหํ ฆราวาเสนตฺโถ, อหํ ตุมฺหากํ อจฺจเยน ปพฺพชิสฺสามี’’ติ วตฺวา เตหิ ปุนปฺปุนํ ยาจิโต เอกํ กฺจนรูปกํ กาเรตฺวา ‘‘เอวรูปํ กุมาริกํ ลภมาโน คณฺหิสฺสามี’’ติ อาห. ตสฺส มาตาปิตโร ตํ กฺจนรูปกํ ปฏิจฺฉนฺนยาเน อาโรเปตฺวา ‘‘คจฺฉถ ชมฺพุทีปตลํ วิจรนฺตา ยตฺถ เอวรูปํ พฺราหฺมณกุมาริกํ ปสฺสถ, ตตฺถ อิมํ กฺจนรูปกํ ทตฺวา ตํ อาเนถา’’ติ มหนฺเตน ปริวาเรน มนุสฺเส เปเสสุํ.

ตสฺมึ ปน กาเล เอโก ปุฺวา สตฺโต พฺรหฺมโลกโต จวิตฺวา กาสิรฏฺเเยว นิคมคาเม อสีติโกฏิวิภวสฺส พฺราหฺมณสฺส เคเห กุมาริกา หุตฺวา นิพฺพตฺติ, ‘‘สมฺมิลฺลหาสินี’’ติสฺสา นามํ อกํสุ. สา โสฬสวสฺสกาเล อภิรูปา อโหสิ ปาสาทิกา เทวจฺฉรปฺปฏิภาคา สพฺพงฺคสมฺปนฺนา. ตสฺสาปิ กิเลสวเสน จิตฺตํ นาม น อุปฺปนฺนปุพฺพํ, อจฺจนฺตพฺรหฺมจารินี อโหสิ. กฺจนรูปกํ อาทาย วิจรนฺตา มนุสฺสา ตํ คามํ ปาปุณึสุ. ตตฺถ มนุสฺสา ตํ ทิสฺวา ‘‘อสุกพฺราหฺมณสฺส ธีตา สมฺมิลฺลหาสินี กึการณา อิธ ิตา’’ติ อาหํสุ. มนุสฺสา ตํ สุตฺวา พฺราหฺมณกุลํ คนฺตฺวา สมฺมิลฺลหาสินึ วาเรสุํ. สา ‘‘อหํ ตุมฺหากํ อจฺจเยน ปพฺพชิสฺสามิ, น เม ฆราวาเสนตฺโถ’’ติ มาตาปิตูนํ สาสนํ เปเสสิ. เต ‘‘กึ กโรสิ กุมาริเก’’ติ วตฺวา กฺจนรูปกํ คเหตฺวา ตํ มหนฺเตน ปริวาเรน เปสยึสุ. โพธิสตฺตสฺส จ สมฺมิลฺลหาสินิยา จ อุภินฺนมฺปิ อนิจฺฉนฺตานฺเว มงฺคลํ กรึสุ. เต เอกคพฺเภ วสมานา เอกสฺมึ สยเน สยนฺตาปิ น อฺมฺํ กิเลสวเสน โอโลกยึสุ, ทฺเว ภิกฺขู ทฺเว พฺราหฺมาโน วิย จ เอกสฺมึ าเน วสึสุ.

อปรภาเค โพธิสตฺตสฺส มาตาปิตโร กาลมกํสุ. โส เตสํ สรีรกิจฺจํ กตฺวา สมฺมิลฺลหาสินึ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘ภทฺเท, มม กุลสนฺตกา อสีติโกฏิโย, ตว กุลสนฺตกา อสีติโกฏิโยติ อิมํ เอตฺตกํ ธนํ คเหตฺวา อิมํ กุฏุมฺพํ ปฏิปชฺชาหิ, อหํ ปพฺพชิสฺสามี’’ติ อาห. ‘‘อยฺยปุตฺต, ตยิ ปพฺพชนฺเต อหมฺปิ ปพฺพชิสฺสามิ, น สกฺโกมิ ตํ ชหิตุ’’นฺติ. ‘‘เตน หิ เอหี’’ติ สพฺพํ ธนํ ทานมุเข วิสฺสชฺเชตฺวา เขฬปิณฺฑํ วิย สมฺปตฺตึ ปหาย หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา อุโภปิ ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา วนมูลผลาหารา ตตฺถ จิรํ วสิตฺวา โลณมฺพิลเสวนตฺถาย หิมวนฺตา โอตริตฺวา อนุปุพฺเพน พาราณสึ ปตฺวา ราชุยฺยาเน วสึสุ.

เตสํ ตตฺถ วสนฺตานํ สุขุมาลาย ปริพฺพาชิกาย นิโรชํ มิสฺสกภตฺตํ ปริภุฺชนฺติยา โลหิตปกฺขนฺทิกาพาโธ อุปฺปชฺชิ. สา สปฺปายเภสชฺชํ อลภมานา ทุพฺพลา อโหสิ. โพธิสตฺโต ภิกฺขาจารเวลาย ตํ ปริคฺคเหตฺวา นครทฺวารํ เนตฺวา เอกิสฺสา สาลาย ผลเก นิปชฺชาเปตฺวา สยํ ภิกฺขาย ปาวิสิ. สา ตสฺมึ อนิกฺขนฺเตเยว กาลมกาสิ. มหาชโน ปริพฺพาชิกาย รูปสมฺปตฺตึ ทิสฺวา ปริวาเรตฺวา โรทติ ปริเทวติ. โพธิสตฺโต ภิกฺขํ จริตฺวา อาคโต ตสฺสา มตภาวํ ตฺวา ‘‘ภิชฺชนธมฺมํ ภิชฺชติ, สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา เอวํคติกาเยวา’’ติ วตฺวา ตาย นิปนฺนผลเกเยว นิสีทิตฺวา มิสฺสกโภชนํ ภุฺชิตฺวา มุขํ วิกฺขาเลสิ. ปริวาเรตฺวา ิตมหาชโน ‘‘อยํ เต, ภนฺเต, ปริพฺพาชิกา กึ โหตี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘คิหิกาเล เม ปาทปริจาริกา อโหสี’’ติ. ‘‘ภนฺเต, มยํ ตาว น สณฺาม โรทาม ปริเทวาม, ตุมฺเห กสฺมา น โรทถา’’ติ? โพธิสตฺโต ‘‘ชีวมานา ตาว เอสา มม กิฺจิ โหติ, อิทานิ ปรโลกสมงฺคิตาย น กิฺจิ โหติ, มรณวสํ คตา, อหํ กิสฺส โรทามี’’ติ มหาชนสฺส ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –

๑๐๙.

‘‘พหูนํ วิชฺชตี โภตี, เตหิ เม กึ ภวิสฺสติ;

ตสฺมา เอตํ น โสจามิ, ปิยํ สมฺมิลฺลหาสินึ.

๑๑๐.

‘‘ตํ ตํ เจ อนุโสเจยฺย, ยํ ยํ ตสฺส น วิชฺชติ;

อตฺตานมนุโสเจยฺย, สทา มจฺจุวสํ ปตํ.

๑๑๑.

‘‘น เหว ิตํ นาสีนํ, น สยานํ น ปทฺธคุํ;

ยาว พฺยาติ นิมิสติ, ตตฺราปิ รสตี วโย.

๑๑๒.

‘‘ตตฺถตฺตนิ วตปฺปทฺเธ, วินาภาเว อสํสเย;

ภูตํ เสสํ ทยิตพฺพํ, วีตํ อนนุโสจิย’’นฺติ.

ตตฺถ พหูนํ วิชฺชตี โภตีติ อยํ โภตี อมฺเห ฉฑฺเฑตฺวา อิทานิ อฺเสํ พหูนํ มตกสตฺตานํ อนฺตเร วิชฺชติ อตฺถิ อุปลพฺภติ. เตหิ เม กึ ภวิสฺสตีติ เตหิ มตกสตฺเตหิ สทฺธึ วตฺตมานา อิทาเนเวสา มยฺหํ กึ ภวิสฺสติ, เตหิ วา มตกสตฺเตหิ อติเรกสมฺพนฺธวเสเนสา มยฺหํ กึ ภวิสฺสติ, กา นาม ภวิสฺสติ, กึ ภริยา, อุทาหุ ภคินีติ? ‘‘เตหิ เมก’’นฺติปิ ปาโ, เตหิ มตเกหิ สทฺธึ อิทมฺปิ เม กเฬวรํ เอกํ ภวิสฺสตีติ อตฺโถ. ตสฺมาติ ยสฺมา เอสา มตเกสุ สงฺขํ คตา, มยฺหํ สา น กิฺจิ โหติ, ตสฺมา เอตํ น โสจามิ.

ยํ ยํ ตสฺสาติ ยํ ยํ ตสฺส อนุโสจนกสฺส สตฺตสฺส น วิชฺชติ นตฺถิ, มตํ นิรุทฺธํ, ตํ ตํ สเจ อนุโสเจยฺยาติ อตฺโถ. ‘‘ยสฺสา’’ติปิ ปาโ, ยํ ยํ ยสฺส น วิชฺชติ, ตํ ตํ โส อนุโสเจยฺยาติ อตฺโถ. มจฺจุวสํ ปตนฺติ เอวํ สนฺเต นิจฺจํ มจฺจุวสํ ปตนฺตํ คจฺฉนฺตํ อตฺตานเมว อนุโสเจยฺย, เตนสฺส อโสจนกาโลเยว น ภเวยฺยาติ อตฺโถ.

ตติยคาถาย น เหว ิตํ นาสีนํ, น สยานํ น ปทฺธคุนฺติ กฺจิ สตฺตํ อายุสงฺขาโร อนุคจฺฉตีติ ปาเสโส. ตตฺถ ปทฺธคุนฺติ ปริวตฺเตตฺวา จรมานํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อิเม สตฺตา จตูสุปิ อิริยาปเถสุ ปมตฺตา วิหรนฺติ, อายุสงฺขารา ปน รตฺติฺจ ทิวา จ สพฺพิริยาปเถสุ อปฺปมตฺตา อตฺตโน ขยคมนกมฺมเมว กโรนฺตีติ. ยาว พฺยาตีติ ยาว อุมฺมิสติ. อยฺหิ ตสฺมึ กาเล โวหาโร. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยาว อุมฺมิสติ จ นิมิสติ จ, ตตฺราปิ เอวํ อปฺปมตฺตเก กาเล อิเมสํ สตฺตานํ รสตี วโย, ตีสุ วเยสุ โส โส วโย หายเตว น วฑฺฒตีติ.

ตตฺถตฺตนิ วตปฺปทฺเธติ ตตฺถ วต อตฺตนิ ปทฺเธ. อิทํ วุตฺตํ โหติ ตสฺมึ วต เอวํ รสมาเน วเย อยํ ‘‘อตฺตา’’ติ สงฺขฺยํ คโต อตฺตภาโว ปทฺโธ โหติ, วเยน อฑฺโฒ อุปฑฺโฒ อปริปุณฺโณว โหติ. เอวํ ตตฺถ อิมสฺมึ อตฺตนิ ปทฺเธ โย เจส ตตฺถ ตตฺถ นิพฺพตฺตานํ สตฺตานํ วินาภาโว อสํสโย, ตสฺมึ วินาภาเวปิ อสํสเย นิสฺสํสเย ยํ ภูตํ เสสํ อมตํ ชีวมานํ, ตํ ชีวมานเมว ทยิตพฺพํ ปิยายิตพฺพํ เมตฺตายิตพฺพํ, ‘‘อยํ สตฺโต อโรโค โหตุ อพฺยาปชฺโช’’ติ เอวํ ตสฺมึ เมตฺตาภาวนา กาตพฺพา. ยํ ปเนตํ วีตํ วิคตํ มตํ, ตํ อนนุโสจิยํ น อนุโสจิตพฺพนฺติ.

เอวํ มหาสตฺโต จตูหิ คาถาหิ อนิจฺจาการํ ทีเปนฺโต ธมฺมํ เทเสสิ. มหาชโน ปริพฺพาชิกาย สรีรกิจฺจํ อกาสิ. โพธิสตฺโต หิมวนฺตเมว ปวิสิตฺวา ฌานาภิฺาสมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวา พฺรหฺมโลกปรายโณ อโหสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน กุฏุมฺพิโก โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ตทา สมฺมิลฺลหาสินี ราหุลมาตา อโหสิ, ตาปโส ปน อหเมว อโหสินฺติ.

อนนุโสจิยชาตกวณฺณนา อฏฺมา.

[๓๒๙] ๙. กาฬพาหุชาตกวณฺณนา

ยํ อนฺนปานสฺสาติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต หตลาภสกฺการํ เทวทตฺตํ อารพฺภ กเถสิ. เทวทตฺเตน หิ ตถาคเต อฏฺานโกปํ พนฺธิตฺวา ธนุคฺคเหสุ ปโยชิเตสุ นาฬาคิริวิสฺสชฺชเนน ตสฺส โทโส ปากโฏ ชาโต. อถสฺส ปฏฺปิตานิ ธุวภตฺตาทีนิ มนุสฺสา น กรึสุ, ราชาปิ นํ น โอโลเกสิ. โส หตลาภสกฺกาโร กุเลสุ วิฺาเปตฺวา ภุฺชนฺโต วิจริ. ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, เทวทตฺโต ‘ลาภสกฺการํ อุปฺปาเทสฺสามี’ติ อุปฺปนฺนมฺปิ ถิรํ กาตุํ นาสกฺขี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปส หตลาภสกฺกาโร อโหสี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ ธนฺชเย รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ราโธ นาม สุโก อโหสิ มหาสรีโร ปริปุณฺณคตฺโต, กนิฏฺโ ปนสฺส โปฏฺปาโท นาม. เอโก ลุทฺทโก เต ทฺเวปิ ชเน พนฺธิตฺวา เนตฺวา พาราณสิรฺโ อทาสิ. ราชา อุโภปิ เต สุวณฺณปฺชเร ปกฺขิปิตฺวา สุวณฺณตฏฺฏเกน มธุลาเช ขาทาเปนฺโต สกฺขโรทกํ ปาเยนฺโต ปฏิชคฺคิ. สกฺกาโร จ มหา อโหสิ, ลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺตา อเหสุํ. อเถโก วนจรโก กาฬพาหุํ นาเมกํ มหากาฬมกฺกฏํ อาเนตฺวา พาราณสิรฺโ อทาสิ. ตสฺส ปจฺฉา อาคตตฺตา มหนฺตตโร ลาภสกฺกาโร อโหสิ, สุกานํ ปริหายิ. โพธิสตฺโต ตาทิลกฺขณโยคโต น กิฺจิ อาห, กนิฏฺโ ปนสฺส ตาทิลกฺขณาภาวา ตํ มกฺกฏสฺส สกฺการํ อสหนฺโต ‘‘ภาติก, ปุพฺเพ อิมสฺมึ ราชกุเล สาธุรสขาทนียาทีนิ อมฺหากเมว เทนฺติ, อิทานิ ปน มยํ น ลภาม, กาฬพาหุมกฺกฏสฺเสว เทนฺติ. มยํ ธนฺชยรฺโ สนฺติกา ลาภสกฺการํ อลภนฺตา อิมสฺมึ าเน กึ กริสฺสาม, เอหิ อรฺเมว คนฺตฺวา วสิสฺสามา’’ติ เตน สทฺธึ สลฺลปนฺโต ปมํ คาถมาห –

๑๑๓.

‘‘ยํ อนฺนปานสฺส ปุเร ลภาม, ตํ ทานิ สาขมิคเมว คจฺฉติ;

คจฺฉาม ทานิ วนเมว ราธ, อสกฺกตา จสฺม ธนฺชยายา’’ติ.

ตตฺถ ยํ อนฺนปานสฺสาติ ยํ อนฺนปานํ อสฺส รฺโ สนฺติกา. อุปโยคตฺเถ วา สามิวจนํ. ธนฺชยายาติ กรณตฺเถ สมฺปทานวจนํ, ธนฺชเยน. อสกฺกตา จสฺมาติ อนฺนปานํ น ลภาม, อิมินา จ น สกฺกตมฺหาติ อตฺโถ.

ตํ สุตฺวา ราโธ ทุติยํ คาถมาห –

๑๑๔.

‘‘ลาโภ อลาโภ ยโส อยโส จ, นินฺทา ปสํสา จ สุขฺจ ทุกฺขํ;

เอเต อนิจฺจา มนุเชสุ ธมฺมา, มา โสจิ กึ โสจสิ โปฏฺปาทา’’ติ.

ตตฺถ ยโสติ อิสฺสริยปริวาโร. อยโสติ ตสฺสาภาโว. เอเตติ เอเต อฏฺ โลกธมฺมา มนุเชสุ อนิจฺจา, ลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺตา หุตฺวาปิ อปเรน สมเยน อปฺปลาภา อปฺปสกฺการา โหนฺติ, นิจฺจลาภิโน นาม น โหนฺติ. ยสาทีสุปิ เอเสว นโย.

ตํ สุตฺวา โปฏฺปาโท มกฺกเฏ อุสูยํ อปเนตุํ อสกฺโกนฺโต ตติยํ คาถมาห –

๑๑๕.

‘‘อทฺธา ตุวํ ปณฺฑิตโกสิ ราธ, ชานาสิ อตฺถานิ อนาคตานิ;

กถํ นุ สาขามิคํ ทกฺขิสาม, นิทฺธาวิตํ ราชกุลโตว ชมฺม’’นฺติ.

ตตฺถ กถํ นูติ เกน นุ โข อุปาเยน. ทกฺขิสามาติ ทกฺขิสฺสาม. นิทฺธาวิตนฺติ นิวุฏฺาปิตํ นิกฺกฑฺฒาปิตํ. ชมฺมนฺติ ลามกํ.

ตํ สุตฺวา ราโธ จตุตฺถํ คาถมาห –

๑๑๖.

‘‘จาเลติ กณฺณํ ภกุฏึ กโรติ, มุหุํ มุหุํ ภายยเต กุมาเร;

สยเมว ตํ กาหติ กาฬพาหุ, เยนารกา สฺสติ อนฺนปานา’’ติ.

ตตฺถ ภายยเต กุมาเรติ ราชกุมาเร อุตฺราเสติ. เยนารกา สฺสติ อนฺนปานาติ เยน การเณน อิมมฺหา อนฺนปานา ทูเร สฺสติ, สยเมว ตํ การณํ กริสฺสติ, มา ตฺวํ เอตสฺส จินฺตยีติ อตฺโถ.

กาฬพาหุปิ กติปาเหเนว ราชกุมารานํ ปุรโต ตฺวา กณฺณจลนาทีนิ กโรนฺโต กุมาเร ภายาเปสิ. เต ภีตตสิตา วิสฺสรมกํสุ. ราชา ‘‘กึ เอต’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ตมตฺถํ สุตฺวา ‘‘นิกฺกฑฺฒถ น’’นฺติ มกฺกฏํ นิกฺกฑฺฒาเปสิ. สุกานํ ลาภสกฺกาโร ปุน ปากติโก อโหสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา กาฬพาหุ เทวทตฺโต อโหสิ, โปฏฺปาโท อานนฺโท, ราโธ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

กาฬพาหุชาตกวณฺณนา นวมา.

[๓๓๐] ๑๐. สีลวีมํสชาตกวณฺณนา

สีลํ กิเรว กลฺยาณนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สีลวีมํสกพฺราหฺมณํ อารพฺภ กเถสิ. ทฺเวปิ วตฺถูนิ เหฏฺา กถิตาเนว. อิธ ปน โพธิสตฺโต พาราณสิรฺโ ปุโรหิโต อโหสิ. โส อตฺตโน สีลํ วีมํสนฺโต ตีณิ ทิวสานิ เหรฺิกผลกโต กหาปณํ คณฺหิ. ตํ ‘‘โจโร’’ติ คเหตฺวา รฺโ ทสฺเสสุํ. โส รฺโ สนฺติเก ิโต –

๑๑๗.

‘‘สีลํ กิเรว กลฺยาณํ, สีลํ โลเก อนุตฺตรํ;

ปสฺส โฆรวิโส นาโค, สีลวาติ น หฺตี’’ติ. –

อิมาย ปมคาถาย สีลํ วณฺเณตฺวา ราชานํ ปพฺพชฺชํ อนุชานาเปตฺวา ปพฺพชิตุํ คจฺฉติ.

อเถกสฺมึ ทิวเส สูนาปณโต เสโน มํสเปสึ คเหตฺวา อากาสํ ปกฺขนฺทิ. ตมฺเ สกุณา ปริวาเรตฺวา ปาทนขตุณฺฑกาทีหิ ปหรนฺติ. โส ตํ ทุกฺขํ สหิตุํ อสกฺโกนฺโต มํสเปสึ ฉฑฺเฑสิ, อปโร คณฺหิ. โสปิ ตเถว วิเหิยมาโน ฉฑฺเฑสิ, อถฺโ คณฺหิ. เอวํ โย โย คณฺหิ, ตํ ตํ สกุณา อนุพนฺธึสุ. โย โย ฉฑฺเฑสิ, โส โส สุขิโต อโหสิ. โพธิสตฺโต ตํ ทิสฺวา ‘‘อิเม กามา นาม มํสเปสูปมา, เอเต คณฺหนฺตานํเยว ทุกฺขํ, วิสฺสชฺเชนฺตานํ สุข’’นฺติ จินฺเตตฺวา ทุติยํ คาถมาห –

๑๑๘.

‘‘ยาวเทวสฺสหู กิฺจิ, ตาวเทว อขาทิสุํ;

สงฺคมฺม กุลลา โลเก, น หึสนฺติ อกิฺจน’’นฺติ.

ตสฺสตฺโถ – ยาวเทว อสฺส เสนสฺส อหุ กิฺจิ มุเขน คหิตํ มํสขณฺฑํ, ตาวเทว นํ อิมสฺมึ โลเก กุลลา สมาคนฺตฺวา อขาทึสุ. ตสฺมึ ปน วิสฺสฏฺเ ตเมนํ อกิฺจนํ นิปฺปลิโพธํ ปกฺขึ เสสปกฺขิโน น หึสนฺตีติ.

โส นครา นิกฺขมิตฺวา อนฺตรามคฺเค เอกสฺมึ คาเม สายํ เอกสฺส เคเห นิปชฺชิ. ตตฺถ ปน ปิงฺคลา นาม ทาสี ‘‘อสุกเวลาย อาคจฺเฉยฺยาสี’’ติ เอเกน ปุริเสน สทฺธึ สงฺเกตมกาสิ. สา สามิกานํ ปาเท โธวิตฺวา เตสุ นิปนฺเนสุ ตสฺสาคมนํ โอโลเกนฺตี อุมฺมาเร นิสีทิตฺวา ‘‘อิทานิ อาคมิสฺสติ, อิทานิ อาคมิสฺสตี’’ติ ปมยามมฺปิ มชฺฌิมยามมฺปิ วีตินาเมสิ. ปจฺจูสสมเย ปน ‘‘น โส อิทานิ อาคมิสฺสตี’’ติ ฉินฺนาสา หุตฺวา นิปชฺชิตฺวา นิทฺทํ โอกฺกมิ. โพธิสตฺโต อิทํ การณํ ทิสฺวา ‘‘อยํ ทาสี ‘โส ปุริโส อาคมิสฺสตี’ติ อาสาย เอตฺตกํ กาลํ นิสินฺนา, อิทานิสฺส อนาคมนภาวํ ตฺวา ฉินฺนาสา หุตฺวา สุขํ สุปติ. กิเลเสสุ หิ อาสา นาม ทุกฺขํ, นิราสภาโวว สุข’’นฺติ จินฺเตตฺวา ตติยํ คาถมาห –

๑๑๙.

‘‘สุขํ นิราสา สุปติ, อาสา ผลวตี สุขา;

อาสํ นิราสํ กตฺวาน, สุขํ สุปติ ปิงฺคลา’’ติ.

ตตฺถ ผลวตีติ ยสฺสา อาสาย ผลํ ลทฺธํ โหติ, สา ตสฺส ผลสฺส สุขตาย สุขา นาม. นิราสํ กตฺวานาติ อนาสํ กตฺวา ฉินฺทิตฺวา ปชหิตฺวาติ อตฺโถ. ปิงฺคลาติ เอสา ปิงฺคลทาสี อิทานิ สุขํ สุปตีติ.

โส ปุนทิวเส ตโต คามา อรฺํ ปวิสนฺโต อรฺเ เอกํ ตาปสํ ฌานํ อปฺเปตฺวา นิสินฺนํ ทิสฺวา ‘‘อิธโลเก จ ปรโลเก จ ฌานสุขโต อุตฺตริตรํ สุขํ นาม นตฺถี’’ติ จินฺเตตฺวา จตุตฺถํ คาถมาห –

๑๒๐.

‘‘น สมาธิปโร อตฺถิ, อสฺมึ โลเก ปรมฺหิ จ;

น ปรํ นาปิ อตฺตานํ, วิหึสติ สมาหิโต’’ติ.

ตตฺถ น สมาธิปโรติ สมาธิโต ปโร อฺโ สุขธมฺโม นาม นตฺถีติ.

โส อรฺํ ปวิสิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ฌานาภิฺา อุปฺปาเทตฺวา พฺรหฺมโลกปรายโณ อโหสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ปุโรหิโต อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

สีลวีมํสชาตกวณฺณนา ทสมา.

กุฏิทูสกวคฺโค ตติโย.

๔. โกกิลวคฺโค

[๓๓๑] ๑. โกกิลชาตกวณฺณนา

โย เว กาเล อสมฺปตฺเตติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โกกาลิกํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ ตกฺการิยชาตเก วิตฺถาริตเมว.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส อมจฺโจ โอวาทโก อโหสิ, ราชา พหุภาณี อโหสิ. โพธิสตฺโต ‘‘ตสฺส พหุภาณิตํ นิเสเธสฺสามี’’ติ เอกํ อุปมํ อุปธาเรนฺโต วิจรติ. อเถกทิวสํ ราชา อุยฺยานํ คโต มงฺคลสิลาปฏฺเฏ นิสีทิ, ตสฺสุปริ อมฺพรุกฺโข อตฺถิ. ตตฺเรกสฺมึ กากกุลาวเก กาฬโกกิลา อตฺตโน อณฺฑกํ นิกฺขิปิตฺวา อคมาสิ. กากี ตํ โกกิลอณฺฑกํ ปฏิชคฺคิ, อปรภาเค ตโต โกกิลโปตโก นิกฺขมิ. กากี ‘‘ปุตฺโต เม’’ติ สฺาย มุขตุณฺฑเกน โคจรํ อาหริตฺวา ตํ ปฏิชคฺคิ. โส อวิรูฬฺหปกฺโข อกาเลเยว โกกิลรวํ รวิ. กากี ‘‘อยํ อิทาเนว ตาว อฺํ รวํ รวติ, วฑฺฒนฺโต กึ กริสฺสตี’’ติ ตุณฺฑเกน โกฏฺเฏตฺวา มาเรตฺวา กุลาวกา ปาเตสิ. โส รฺโ ปาทมูเล ปติ.

ราชา โพธิสตฺตํ ปุจฺฉิ ‘‘กิเมตํ สหายา’’ติ? โพธิสตฺโต ‘‘อหํ ราชานํ นิวาเรตุํ เอกํ อุปมํ ปริเยสามิ, ลทฺธา ทานิ เม สา’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘มหาราช, อติมุขรา อกาเล พหุภาณิโน เอวรูปํ ลภนฺติ. อยํ มหาราช, โกกิลโปตโก กากิยา ปุฏฺโ อวิรูฬฺหปกฺโข อกาเลเยว โกกิลรวํ รวิ. อถ นํ กากี ‘นายํ มม ปุตฺตโก’ติ ตฺวา มุขตุณฺฑเกน โกฏฺเฏตฺวา มาเรตฺวา กุลาวกา ปาเตสิ. มนุสฺสา วา โหนฺตุ ติรจฺฉานา วา, อกาเล พหุภาณิโน เอวรูปํ ทุกฺขํ ลภนฺตี’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –

๑๒๑.

‘‘โย เว กาเล อสมฺปตฺเต, อติเวลํ ปภาสติ;

เอวํ โส นิหโต เสติ, โกกิลายิว อตฺรโช.

๑๒๒.

‘‘น หิ สตฺถํ สุนิสิตํ, วิสํ หลาหลามิว;

เอวํ นิกฏฺเ ปาเตติ, วาจา ทุพฺภาสิตา ยถา.

๑๒๓.

‘‘ตสฺมา กาเล อกาเล วา, วาจํ รกฺเขยฺย ปณฺฑิโต;

นาติเวลํ ปภาเสยฺย, อปิ อตฺตสมมฺหิ วา.

๑๒๔.

‘‘โย จ กาเล มิตํ ภาเส, มติปุพฺโพ วิจกฺขโณ;

สพฺเพ อมิตฺเต อาเทติ, สุปณฺโณ อุรคามิวา’’ติ.

ตตฺถ กาเล อสมฺปตฺเตติ อตฺตโน วจนกาเล อสมฺปตฺเต. อติเวลนฺติ เวลาติกฺกนฺตํ กตฺวา อติเรกปฺปมาณํ ภาสติ. หลาหลามิวาติ หลาหลํ อิว. นิกฏฺเติ ตสฺมึเยว ขเณ อปฺปมตฺตเก กาเล. ตสฺมาติ ยสฺมา สุนิสิตสตฺถหลาหลวิสโตปิ ขิปฺปตรํ ทุพฺภาสิตวจนเมว ปาเตสิ, ตสฺมา. กาเล อกาเล วาติ วตฺตุํ ยุตฺตกาเล จ อกาเล จ วาจํ รกฺเขยฺย, อติเวลํ น ภาเสยฺย อปิ อตฺตนา สเม นินฺนานากรเณปิ ปุคฺคเลติ อตฺโถ.

มติปุพฺโพติ มตึ ปุเรจาริกํ กตฺวา กถเนน มติปุพฺโพ. วิจกฺขโณติ าเณน วิจาเรตฺวา อตฺถวินฺทนปุคฺคโล วิจกฺขโณ นาม. อุรคามิวาติ อุรคํ อิว. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา สุปณฺโณ สมุทฺทํ โขเภตฺวา มหาโภคํ อุรคํ อาเทติ คณฺหาติ, อาทิยิตฺวา จ ตงฺขณฺเว นํ สิมฺพลึ อาโรเปตฺวา มํสํ ขาทติ, เอวเมว โย มติปุพฺพงฺคโม วิจกฺขโณ วตฺตุํ ยุตฺตกาเล มิตํ ภาสติ, โส สพฺเพ อมิตฺเต อาเทติ คณฺหาติ, อตฺตโน วเส วตฺเตตีติ.

ราชา โพธิสตฺตสฺส ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ตโต ปฏฺาย มิตภาณี อโหสิ, ยสฺจสฺส วฑฺเฒตฺวา มหนฺตตรํ อทาสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา โกกิลโปตโก โกกาลิโก อโหสิ, ปณฺฑิตามจฺโจ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

โกกิลชาตกวณฺณนา ปมา.

[๓๓๒] ๒. รถลฏฺิชาตกวณฺณนา

อปิ หนฺตฺวา หโต พฺรูตีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โกสลรฺโ ปุโรหิตํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิร รเถน อตฺตโน โภคคามํ คจฺฉนฺโต สมฺพาเธ มคฺเค รถํ ปาเชนฺโต เอกํ สกฏสตฺถํ ทิสฺวา ‘‘ตุมฺหากํ สกฏํ อปเนถา’’ติ คจฺฉนฺโต สกเฏ อนปนียมาเน กุชฺฌิตฺวา ปโตทลฏฺิยา ปุริมสกเฏ สากฏิกสฺส รถธุเร ปหริ. สา รถธุเร ปฏิหตา นิวตฺติตฺวา ตสฺเสว นลาฏํ ปหริ. ตาวเทวสฺส นลาเฏ คณฺโฑ อุฏฺหิ. โส นิวตฺติตฺวา ‘‘สากฏิเกหิ ปหโฏมฺหี’’ติ รฺโ อาโรเจสิ. สากฏิเก ปกฺโกสาเปตฺวา วินิจฺฉินนฺตา ตสฺเสว โทสํ อทฺทสํสุ. อเถกทิวสํ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, รฺโ กิร ปุโรหิโต ‘สากฏิเกหิ ปหโฏมฺหี’ติ อฑฺฑํ กโรนฺโต สยเมว ปรชฺชี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปส เอวรูปํ อกาสิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺเสว วินิจฺฉยามจฺโจ อโหสิ. อถ รฺโ ปุโรหิโต รเถน อตฺตโน โภคคามํ คจฺฉนฺโตติ สพฺพํ ปุริมสทิสเมว. อิธ ปน เตน รฺโ อาโรจิเต ราชา สยํ วินิจฺฉเย นิสีทิตฺวา สากฏิเก ปกฺโกสาเปตฺวา กมฺมํ อโสเธตฺวาว ‘‘ตุมฺเหหิ มม ปุโรหิตํ โกฏฺเฏตฺวา นลาเฏ คณฺโฑ อุฏฺาปิโต’’ติ วตฺวา ‘‘สพฺพสฺสหรณํ เตสํ กโรถา’’ติ อาห. อถ นํ โพธิสตฺโต ‘‘ตุมฺเห, มหาราช, กมฺมํ อโสเธตฺวาว เอเตสํ สพฺพสฺสํ หราเปถ, เอกจฺเจ ปน อตฺตนาว อตฺตานํ ปหริตฺวาปิ ‘ปเรน ปหฏมฺหา’ติ วทนฺติ, ตสฺมา อวิจินิตฺวา กาตุํ น ยุตฺตํ, รชฺชํ กาเรนฺเตน นาม นิสาเมตฺวา กมฺมํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ.

๑๒๕.

‘‘อปิ หนฺตฺวา หโต พฺรูติ, เชตฺวา ชิโตติ ภาสติ;

ปุพฺพมกฺขายิโน ราช, อฺทตฺถุ น สทฺทเห.

๑๒๖.

‘‘ตสฺมา ปณฺฑิตชาติโย, สุเณยฺย อิตรสฺสปิ;

อุภินฺนํ วจนํ สุตฺวา, ยถา ธมฺโม ตถา กเร.

๑๒๗.

‘‘อลโส คิหี กามโภคี น สาธุ, อสฺโต ปพฺพชิโต น สาธุ;

ราชา น สาธุ อนิสมฺมการี, โย ปณฺฑิโต โกธโน ตํ น สาธุ.

๑๒๘.

‘‘นิสมฺม ขตฺติโย กยิรา, นานิสมฺม ทิสมฺปติ;

นิสมฺมการิโน ราช, ยโส กิตฺติ จ วฑฺฒตี’’ติ.

ตตฺถ อปิ หนฺตฺวาติ อปิ เอโก อตฺตนาว อตฺตานํ หนฺตฺวา ‘‘ปเรน ปหโฏมฺหี’’ติ พฺรูติ กเถติ. เชตฺวา ชิโตติ สยํ วา ปน ปรํ ชิตฺวา ‘‘อหํ ชิโตมฺหี’’ติ ภาสติ. อฺทตฺถูติ มหาราช, ปุพฺพเมว ราชกุลํ คนฺตฺวา อกฺขายนฺตสฺส ปุพฺพมกฺขายิโน อฺทตฺถุ น สทฺทเห, เอกํเสน วจนํ น สทฺทเหยฺย. ตสฺมาติ ยสฺมา ปมตรํ อาคนฺตฺวา กเถนฺตสฺส เอกํเสน วจนํ น สทฺทหาตพฺพํ, ตสฺมา. ยถา ธมฺโมติ ยถา วินิจฺฉยสภาโว ิโต, ตถา กเรยฺย.

อสฺโตติ กายาทีหิ อสฺโต ทุสฺสีโล. ตํ น สาธูติ ยํ ตสฺส ปณฺฑิตสฺส าณวโต ปุคฺคลสฺส อาธานคฺคาหิวเสน ทฬฺหโกปสงฺขาตํ โกธนํ, ตํ น สาธุ. นานิสมฺมาติ น อนิสาเมตฺวา. ทิสมฺปตีติ ทิสานํ ปติ, มหาราช. ยโส กิตฺติ จาติ อิสฺสริยปริวาโร เจว กิตฺติสทฺโท จ วฑฺฒตีติ.

ราชา โพธิสตฺตสฺส วจนํ สุตฺวา ธมฺเมน วินิจฺฉินิ, ธมฺเมน วินิจฺฉิยมาเน พฺราหฺมณสฺเสว โทโส ชาโตติ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา พฺราหฺมโณ เอตรหิ พฺราหฺมโณว อโหสิ, ปณฺฑิตามจฺโจ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

รถลฏฺิชาตกวณฺณนา ทุติยา.

[๓๓๓] ๓. ปกฺกโคธชาตกวณฺณนา

ตเทว เม ตฺวนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ กุฏุมฺพิกํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ เหฏฺา วิตฺถาริตเมว. อิธ ปน เตสํ อุทฺธารํ สาเธตฺวา อาคจฺฉนฺตานํ อนฺตรามคฺเค ลุทฺทโก ‘‘อุโภปิ ขาทถา’’ติ เอกํ ปกฺกโคธํ อทาสิ. โส ปุริโส ภริยํ ปานียตฺถาย เปเสตฺวา สพฺพํ โคธํ ขาทิตฺวา ตสฺสา อาคตกาเล ‘‘ภทฺเท, โคธา ปลาตา’’ติ อาห. ‘‘สาธุ, สามิ, ปกฺกโคธาย ปลายนฺติยา กึ สกฺกา กาตุ’’นฺติ? สา เชตวเน ปานียํ ปิวิตฺวา สตฺถุ สนฺติเก นิสินฺนา สตฺถารา ‘‘กึ อุปาสิเก, อยํ เต หิตกาโม สสิเนโห อุปการโก’’ติ ปุจฺฉิตา ‘‘ภนฺเต, อหํ เอตสฺส หิตกามา สสิเนหา, อยํ ปน มยิ นิสฺสิเนโห’’ติ อาห. สตฺถา ‘‘โหตุ มา จินฺตยิ, เอวํ นาเมส กโรติ. ยทา ปน เต คุณํ สรติ, ตทา ตุยฺหเมว สพฺพิสฺสริยํ เทตี’’ติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีตมฺปิ เหฏฺา วุตฺตสทิสเมว. อิธ ปน เตสํ นิวตฺตนฺตานํ อนฺตรามคฺเค ลุทฺทโก กิลนฺตภาวํ ทิสฺวา ‘‘ทฺเวปิ ชนา ขาทถา’’ติ เอกํ ปกฺกโคธํ อทาสิ. ราชธีตา ตํ วลฺลิยา พนฺธิตฺวา อาทาย มคฺคํ ปฏิปชฺชิ. เต เอกํ สรํ ทิสฺวา มคฺคา โอกฺกมฺม อสฺสตฺถมูเล นิสีทึสุ. ราชปุตฺโต ‘‘คจฺฉ ภทฺเท, สรโต ปทุมินิปตฺเตน อุทกํ อาหร, มํสํ ขาทิสฺสามา’’ติ อาห. สา โคธํ สาขาย ลคฺเคตฺวา ปานียตฺถาย คตา. อิตโร สพฺพํ โคธํ ขาทิตฺวา อคฺคนงฺคุฏฺํ คเหตฺวา ปรมฺมุโข นิสีทิ. โส ตาย ปานียํ คเหตฺวา อาคตาย ‘‘ภทฺเท, โคธา สาขาย โอตริตฺวา วมฺมิกํ ปาวิสิ, อหํ ธาวิตฺวา อคฺคนงฺคุฏฺํ อคฺคเหสึ, คหิตฏฺานํ หตฺเถเยว กตฺวา ฉิชฺชิตฺวา พิลํ ปวิฏฺา’’ติ อาห. ‘‘โหตุ, เทว, ปกฺกโคธาย ปลายนฺติยา กึ กริสฺสาม, เอหิ คจฺฉามา’’ติ. เต ปานียํ ปิวิตฺวา พาราณสึ อคมํสุ.

ราชปุตฺโต รชฺชํ ปตฺวา ตํ อคฺคมเหสิฏฺานมตฺเต เปสิ, สกฺการสมฺมาโน ปนสฺสา นตฺถิ. โพธิสตฺโต ตสฺสา สกฺการํ กาเรตุกาโม รฺโ สนฺติเก ตฺวา ‘‘นนุ มยํ อยฺเย ตุมฺหากํ สนฺติกา กิฺจิ น ลภาม, กึ โน น โอโลเกถา’’ติ อาห. ‘‘ตาต, อหเมว รฺโ สนฺติกา กิฺจิ น ลภามิ, ตุยฺหํ กึ ทสฺสามิ, ราชาปิ มยฺหํ อิทานิ กึ ทสฺสติ, โส อรฺโต อาคมนกาเล ปกฺกโคธํ เอกโกว ขาที’’ติ. ‘‘อยฺเย, น เทโว เอวรูปํ กริสฺสติ, มา เอวํ อวจุตฺถา’’ติ. อถ นํ เทวี ‘‘ตุยฺหํ ตํ, ตาต, น ปากฏํ, รฺโเยว มยฺหฺจ ปากฏ’’นฺติ วตฺวา ปมํ คาถมาห –

๑๒๙.

‘‘ตเทว เม ตฺวํ วิทิโต, วนมชฺเฌ รเถสภ;

ยสฺส เต ขคฺคพทฺธสฺส, สนฺนทฺธสฺส ติรีฏิโน;

อสฺสตฺถทุมสาขาย, ปกฺกโคธา ปลายถา’’ติ.

ตตฺถ ตเทวาติ ตสฺมึเยว กาเล ‘‘อยํ มยฺหํ อทายโก’’ติ เอวํ ตฺวํ วิทิโต. อฺเ ปน ตว สภาวํ น ชานนฺตีติ อตฺโถ. ขคฺคพทฺธสฺสาติ พทฺธขคฺคสฺส. ติรีฏิโนติ ติรีฏวตฺถนิวตฺถสฺส มคฺคาคมนกาเล. ปกฺกโคธาติ องฺคารปกฺกา โคธา ปลายถาติ.

เอวํ รฺา กตโทสํ ปริสมชฺเฌ ปากฏํ กตฺวา กเถสิ. ตํ สุตฺวา โพธิสตฺโต ‘‘อยฺเย, เทวสฺส อปฺปิยกาลโต ปภุติ อุภินฺนมฺปิ อผาสุกํ กตฺวา กสฺมา อิธ วสถา’’ติ วตฺวา ทฺเว คาถา อภาสิ –

๑๓๐.

‘‘นเม นมนฺตสฺส ภเช ภชนฺตํ, กิจฺจานุกุพฺพสฺส กเรยฺย กิจฺจํ;

นานตฺถกามสฺส กเรยฺย อตฺถํ, อสมฺภชนฺตมฺปิ น สมฺภเชยฺย.

๑๓๑.

‘‘จเช จชนฺตํ วนถํ น กยิรา, อเปตจิตฺเตน น สมฺภเชยฺย;

ทิโช ทุมํ ขีณผลนฺติ ตฺวา, อฺํ สเมกฺเขยฺย มหา หิ โลโก’’ติ.

ตตฺถ นเม นมนฺตสฺสาติ โย อตฺตนิ มุทุจิตฺเตน นมติ, ตสฺเสว ปฏินเมยฺย. กิจฺจานุกุพฺพสฺสาติ อตฺตโน อุปฺปนฺนํ กิจฺจํ อนุกุพฺพนฺตสฺเสว. อนตฺถกามสฺสาติ อวฑฺฒิกามสฺส. วนถํ น กยิราติ ตสฺมึ จชนฺเต ตณฺหาสฺเนหํ น กเรยฺย. อเปตจิตฺเตนาติ อปคตจิตฺเตน วิรตฺตจิตฺเตน. น สมฺภเชยฺยาติ น สมาคจฺเฉยฺย. อฺํ สเมกฺเขยฺยาติ อฺํ โอโลเกยฺย, ยถา ทิโช ขีณผลํ ทุมํ รุกฺขํ ตฺวา อฺํ ผลภริตํ รุกฺขํ คจฺฉติ, ตถา ขีณราคํ ปุริสํ ตฺวา อฺํ สสิเนหํ อุปคจฺเฉยฺยาติ อธิปฺปาโย.

ราชา โพธิสตฺเต กเถนฺเต เอว ตสฺสา คุณํ สริตฺวา ‘‘ภทฺเท, เอตฺตกํ กาลํ ตว คุณํ น สลฺลกฺเขสึ, ปณฺฑิตสฺสเยว กถาย สลฺลกฺเขสึ, มม อปราธํ สหนฺติยา อิทํ สกลรชฺชํ ตุยฺหเมว ทมฺมี’’ติ วตฺวา จตุตฺถํ คาถมาห –

๑๓๒.

‘‘โส เต กริสฺสามิ ยถานุภาวํ, กตฺุตํ ขตฺติเย เปกฺขมาโน;

สพฺพฺจ เต อิสฺสริยํ ททามิ, ยสฺสิจฺฉสี ตสฺส ตุวํ ททามี’’ติ.

ตตฺถ โสติ โส อหํ. ยถานุภาวนฺติ ยถาสตฺติ ยถาพลํ. ยสฺสิจฺฉสีติ ยสฺส อิจฺฉสิ, ตสฺส อิทํ รชฺชํ อาทึ กตฺวา ยํ ตฺวํ อิจฺฉสิ, ตํ ททามีติ.

เอวฺจ ปน วตฺวา ราชา เทวิยา สพฺพิสฺสริยํ อทาสิ, ‘‘อิมินาหํ เอติสฺสา คุณํ สราปิโต’’ติ ปณฺฑิตสฺสปิ มหนฺตํ อิสฺสริยํ อทาสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุโภ ชยมฺปติกา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสุ.

ตทา ชยมฺปติกา เอตรหิ ชยมฺปติกาว อเหสุํ, ปณฺฑิตามจฺโจ ปน อหเมว อโหสินฺติ.

ปกฺกโคธชาตกวณฺณนา ตติยา.

[๓๓๔] ๔. ราโชวาทชาตกวณฺณนา

ควํ เจ ตรมานานนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ราโชวาทํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ เตสกุณชาตเก (ชา. ๒.๑๗.๑ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติ. อิธ ปน สตฺถา ‘‘มหาราช, โปราณกราชาโนปิ ปณฺฑิตานํ กถํ สุตฺวา ธมฺเมน สเมน รชฺชํ กาเรนฺตา สคฺคปุรํ ปูรยมานา คมึสู’’ติ วตฺวา รฺา ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต สิกฺขิตสพฺพสิปฺโป อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา รมณีเย หิมวนฺตปเทเส วนมูลผลาหาโร วิหาสิ. อถ ราชา อคุณปริเยสโก หุตฺวา ‘‘อตฺถิ นุ โข เม โกจิ อคุณํ กเถนฺโต’’ติ ปริเยสนฺโต อนฺโตชเน จ พหิชเน จ อนฺโตนคเร จ พหินคเร จ กฺจิ อตฺตโน อวณฺณวาทึ อทิสฺวา ‘‘ชนปเท นุ โข กถ’’นฺติ อฺาตกเวเสน ชนปทํ จริ. ตตฺราปิ อวณฺณวาทึ อปสฺสนฺโต อตฺตโน คุณกถเมว สุตฺวา ‘‘หิมวนฺตปเทเส นุ โข กถ’’นฺติ อรฺํ ปวิสิตฺวา วิจรนฺโต โพธิสตฺตสฺส อสฺสมํ ปตฺวา ตํ อภิวาเทตฺวา กตปฏิสนฺถาโร เอกมนฺตํ นิสีทิ.

ตทา โพธิสตฺโต อรฺโต ปริปกฺกานิ นิคฺโรธผลานิ อาหริตฺวา ปริภุฺชิ, ตานิ โหนฺติ มธุรานิ โอชวนฺตานิ สกฺขรจุณฺณสมรสานิ. โส ราชานมฺปิ อามนฺเตตฺวา ‘‘อิมํ มหาปุฺ, นิคฺโรธปกฺกผลํ ขาทิตฺวา ปานียํ ปิวา’’ติ อาห. ราชา ตถา กตฺวา โพธิสตฺตํ ปุจฺฉิ ‘‘กึ นุ โข, ภนฺเต, อิมํ นิคฺโรธปกฺกํ อติ วิย มธุร’’นฺติ? ‘‘มหาปุฺ, นูน ราชา ธมฺเมน สเมน รชฺชํ กาเรติ, เตเนตํ มธุรนฺติ. รฺโ อธมฺมิกกาเล อมธุรํ นุ โข, ภนฺเต, โหตี’’ติ. ‘‘อาม, มหาปุฺ, ราชูสุ อธมฺมิเกสุ เตลมธุผาณิตาทีนิปิ วนมูลผลานิปิ อมธุรานิ โหนฺติ นิโรชานิ, น เกวลํ เอตานิ, สกลมฺปิ รฏฺํ นิโรชํ กสฏํ โหติ. เตสุ ปน ธมฺมิเกสุ สพฺพานิ ตานิ มธุรานิ โหนฺติ โอชวนฺตานิ, สกลมฺปิ รฏฺํ โอชวนฺตเมว โหตี’’ติ. ราชา ‘‘เอวํ ภวิสฺสติ, ภนฺเต’’ติ อตฺตโน ราชภาวํ อชานาเปตฺวาว โพธิสตฺตํ วนฺทิตฺวา พาราณสึ คนฺตฺวา ‘‘ตาปสสฺส วจนํ วีมํสิสฺสามี’’ติ อธมฺเมน รชฺชํ กาเรตฺวา ‘‘อิทานิ ชานิสฺสามี’’ติ กิฺจิ กาลํ วีตินาเมตฺวา ปุน ตตฺถ คนฺตฺวา ตํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ.

โพธิสตฺโตปิสฺส ตเถว วตฺวา นิคฺโรธปกฺกํ อทาสิ, ตํ ตสฺส ติตฺตกรสํ อโหสิ. ราชา ‘‘อมธุรํ นิรส’’นฺติ สห เขเฬน ฉฑฺเฑตฺวา ‘‘ติตฺตกํ, ภนฺเต’’ติ อาห. โพธิสตฺโต ‘‘มหาปุฺ, นูน ราชา อธมฺมิโก ภวิสฺสติ. ราชูนฺหิ อธมฺมิกกาเล อรฺเ ผลาผลํ อาทึ กตฺวา สพฺพํ อมธุรํ นิโรชํ ชาต’’นฺติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –

๑๓๓.

‘‘คเว เจ ตรมานานํ, ชิมฺหํ คจฺฉติ ปุงฺคโว;

สพฺพา ตา ชิมฺหํ คจฺฉนฺติ, เนตฺเต ชิมฺหํ คเต สติ.

๑๓๔.

‘‘เอวเมว มนุสฺเสสุ, โย โหติ เสฏฺสมฺมโต;

โส เจ อธมฺมํ จรติ, ปเคว อิตรา ปชา;

สพฺพํ รฏฺํ ทุขํ เสติ, ราชา เจ โหติ อธมฺมิโก.

๑๓๕.

‘‘ควํ เจ ตรมานานํ, อุชุํ คจฺฉติ ปุงฺคโว;

สพฺพา คาวี อุชุํ ยนฺติ, เนตฺเต อุชุํ คเต สติ.

๑๓๖.

‘‘เอวเมว มนุสฺเสสุ, โย โหติ เสฏฺสมฺมโต;

โส สเจ ธมฺมํ จรติ, ปเคว อิตรา ปชา;

สพฺพํ รฏฺํ สุขํ เสติ, ราชา เจ โหติ ธมฺมิโก’’ติ.

ตตฺถ ควนฺติ คุนฺนํ. ตรมานานนฺติ นทึ โอตรนฺตานํ. ชิมฺหนฺติ กุฏิลํ วงฺกํ. เนตฺเตติ นายเก คเหตฺวา คจฺฉนฺเต ควเชฏฺเก อุสเภ ปุงฺคเว. ปเคว อิตรา ปชาติ อิตเร สตฺตา ปุเรตรเมว อธมฺมํ จรนฺตีติ อตฺโถ. ทุขํ เสตีติ น เกวลํ เสติ, จตูสุปิ อิริยาปเถสุ ทุกฺขเมว วินฺทติ. อธมฺมิโกติ ยทิ ราชา ฉนฺทาทิอคติคมนวเสน อธมฺมิโก โหติ. สุขํ เสตีติ สเจ ราชา อคติคมนํ ปหาย ธมฺมิโก โหติ, สพฺพํ รฏฺํ จตูสุ อิริยาปเถสุ สุขปฺปตฺตเมว โหตีติ.

ราชา โพธิสตฺตสฺส ธมฺมํ สุตฺวา อตฺตโน ราชภาวํ ชานาเปตฺวา ‘‘ภนฺเต, ปุพฺเพ นิคฺโรธปกฺกํ อหเมว มธุรํ กตฺวา ติตฺตกํ อกาสึ, อิทานิ ปุน มธุรํ กริสฺสามี’’ติ โพธิสตฺตํ วนฺทิตฺวา นครํ คนฺตฺวา ธมฺเมน รชฺชํ กาเรนฺโต สพฺพํ ปฏิปากติกํ อกาสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ราชา อานนฺโท อโหสิ, ตาปโส ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

ราโชวาทชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.

[๓๓๕] ๕. ชมฺพุกชาตกวณฺณนา

พฺรหา ปวฑฺฒกาโย โสติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เทวทตฺตสฺส สุคตาลยกรณํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ เหฏฺา วิตฺถาริตเมว, อยํ ปเนตฺถ สงฺเขโป. สตฺถารา ‘‘สาริปุตฺต, เทวทตฺโต ตุมฺเห ทิสฺวา กึ อกาสี’’ติ วุตฺโต เถโร อาห ‘‘ภนฺเต, โส ตุมฺหากํ อนุกโรนฺโต มม หตฺเถ พีชนึ ทตฺวา นิปชฺชิ. อถ นํ โกกาลิโก อุเร ชณฺณุนา ปหริ, อิติ โส ตุมฺหากํ อนุกโรนฺโต ทุกฺขํ อนุภวี’’ติ. ตํ สุตฺวา สตฺถา ‘‘น โข, สาริปุตฺต, เทวทตฺโต อิทาเนว มม อนุกโรนฺโต ทุกฺขํ อนุโภติ, ปุพฺเพเปส อนุโภสิเยวา’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต สีหโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา หิมวนฺเต คุหายํ วสนฺโต เอกทิวสํ มหึสํ วธิตฺวา มํสํ ขาทิตฺวา ปานียํ ปิวิตฺวา คุหํ อาคจฺฉติ. เอโก สิงฺคาโล ตํ ทิสฺวา ปลายิตุํ อสกฺโกนฺโต อุเรน นิปชฺชิ, ‘‘กึ ชมฺพุกา’’ติ จ วุตฺเต ‘‘อุปฏฺหิสฺสามิ ตํ, ภทฺทนฺเต’’ติ อาห. สีโห ‘‘เตน หิ เอหี’’ติ ตํ อตฺตโน วสนฏฺานํ เนตฺวา ทิวเส ทิวเส มํสํ อาหริตฺวา โปเสสิ. ตสฺส สีหวิฆาเสน ถูลสรีรตํ ปตฺตสฺส เอกทิวสํ มาโน อุปฺปชฺชิ. โส สีหํ อุปสงฺกมิตฺวา อาห ‘‘อหํ, สามิ, นิจฺจกาลํ ตุมฺหากํ ปลิโพโธ, ตุมฺเห นิจฺจํ มํสํ อาหริตฺวา มํ โปเสถ, อชฺช ตุมฺเห อิเธว โหถ, อหํ เอกํ วารณํ วธิตฺวา มํสํ ขาทิตฺวา ตุมฺหากมฺปิ อาหริสฺสามี’’ติ. สีโห ‘‘มา เต, ชมฺพุก, เอตํ รุจฺจิ, น ตฺวํ วารณํ วธิตฺวา มํสขาทกโยนิยํ นิพฺพตฺโต, อหํ เต วารณํ วธิตฺวา ทสฺสามิ, วารโณ นาม มหากาโย ปวฑฺฒกาโย, มา วารณํ คณฺหิ, มม วจนํ กโรหี’’ติ วตฺวา ปมํ คาถมาห.

๑๓๗.

‘‘พฺรหา ปวฑฺฒกาโย โส, ทีฆทาโ จ ชมฺพุก;

น ตฺวํ ตตฺถ กุเล ชาโต, ยตฺถ คณฺหนฺติ กุฺชร’’นฺติ.

ตตฺถ พฺรหาติ มหนฺโต. ปวฑฺฒกาโยติ อุทฺธํ อุคฺคตกาโย. ทีฆทาโติ ทีฆทนฺโต เตหิ ทนฺเตหิ ตุมฺหาทิเส ปหริตฺวา ชีวิตกฺขเย ปาเปติ. ยตฺถาติ ยสฺมึ สีหกุเล ชาตา มตฺตวารณํ คณฺหนฺติ, ตฺวํ น ตตฺถ ชาโต, สิงฺคาลกุเล ปน ชาโตสีติ อตฺโถ.

สิงฺคาโล สีเหน วาริโตเยว คุหา นิกฺขมิตฺวา ติกฺขตฺตุํ ‘‘พุกฺก พุกฺกา’’ติ สิงฺคาลิกํ นทํ นทิตฺวา ปพฺพตกูเฏ ิโต ปพฺพตปาทํ โอโลเกนฺโต เอกํ กาฬวารณํ ปพฺพตปาเทน อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา อุลฺลงฺฆิตฺวา ‘‘ตสฺส กุมฺเภ ปติสฺสามี’’ติ ปริวตฺติตฺวา ปาทมูเล ปติ. วารโณ ปุริมปาทํ อุกฺขิปิตฺวา ตสฺส มตฺถเก ปติฏฺาเปสิ, สีสํ ภิชฺชิตฺวา จุณฺณวิจุณฺณํ ชาตํ. โส ตตฺเถว อนุตฺถุนนฺโต สยิ, วารโณ โกฺจนาทํ กโรนฺโต ปกฺกามิ. โพธิสตฺโต คนฺตฺวา ปพฺพตมตฺถเก ิโต ตํ วินาสปฺปตฺตํ ทิสฺวา ‘‘อตฺตโน มานํ นิสฺสาย นฏฺโ สิงฺคาโล’’ติ ติสฺโส คาถา อภาสิ –

๑๓๘.

‘‘อสีโห สีหมาเนน, โย อตฺตานํ วิกุพฺพติ;

โกตฺถูว คชมาสชฺช, เสติ ภูมฺยา อนุตฺถุนํ.

๑๓๙.

‘‘ยสสฺสิโน อุตฺตมปุคฺคลสฺส, สฺชาตขนฺธสฺส มหพฺพลสฺส;

อสเมกฺขิย ถามพลูปปตฺตึ, ส เสติ นาเคน หโตยํ ชมฺพุโก.

๑๔๐.

‘‘โย จีธ กมฺมํ กุรุเต ปมาย, ถามพฺพลํ อตฺตนิ สํวิทิตฺวา;

ชปฺเปน มนฺเตน สุภาสิเตน, ปริกฺขวา โส วิปุลํ ชินาตี’’ติ.

ตตฺถ วิกุพฺพตีติ ปริวตฺเตติ. โกตฺถูวาติ สิงฺคาโล วิย. อนุตฺถุนนฺติ อนุตฺถุนนฺโต. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา อยํ โกตฺถุ มหนฺตํ คชํ ปตฺวา อนุตฺถุนนฺโต ภูมิยํ เสติ, เอวํ โย อฺโ ทุพฺพโล พลวตา วิคฺคหํ กโรติ, โสปิ เอวรูโปว โหตีติ.

ยสสฺสิโนติ อิสฺสริยวโต. อุตฺตมปุคฺคลสฺสาติ กายพเลน จ าณพเลน จ อุตฺตมปุคฺคลสฺส. สฺชาตขนฺธสฺสาติ สุสณฺิตมหาขนฺธสฺส. มหพฺพลสฺสาติ มหาถามสฺส. ถามพลูปปตฺตินฺติ เอวรูปสฺส สีหสฺส ถามสงฺขาตํ พลฺเจว สีหชาติสงฺขาตํ อุปปตฺติฺจ อชานิตฺวา, กายถามฺจ าณพลฺจ สีหอุปปตฺติฺจ อชานิตฺวาติ อตฺโถ. ส เสตีติ อตฺตานมฺปิ สีเหน สทิสํ มฺมาโน, โส อยํ ชมฺพุโก นาเคน หโต มตสยนํ เสติ.

ปมายาติ ปมินิตฺวา อุปปริกฺขิตฺวา. ‘‘ปมาณา’’ติปิ ปาโ, อตฺตโน ปมาณํ คเหตฺวา โย อตฺตโน ปมาเณน กมฺมํ กุรุเตติ อตฺโถ. ถามพฺพลนฺติ ถามสงฺขาตํ พลํ, กายถามฺจ าณพลฺจาติปิ อตฺโถ. ชปฺเปนาติ ชเปน, อชฺเฌเนนาติ อตฺโถ. มนฺเตนาติ อฺเหิ ปณฺฑิเตหิ สทฺธึ มนฺเตตฺวา กรเณน. สุภาสิเตนาติ สจฺจาทิคุณยุตฺเตน อนวชฺชวจเนน. ปริกฺขวาติ ปริกฺขาสมฺปนฺโน. โส วิปุลํ ชินาตีติ โย เอวรูโป โหติ, ยํ กิฺจิ กมฺมํ กุรุมาโน อตฺตโน ถามฺจ พลฺจ ตฺวา ชปฺปมนฺตวเสน ปริจฺฉินฺทิตฺวา สุภาสิตํ ภาสนฺโต กโรติ, โส วิปุลํ มหนฺตํ อตฺถํ ชินาติ น ปริหายตีติ.

เอวํ โพธิสตฺโต อิมาหิ ตีหิ คาถาหิ อิมสฺมึ โลเก กตฺตพฺพยุตฺตกํ กมฺมํ กเถสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา สิงฺคาโล เทวทตฺโต อโหสิ, สีโห ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

ชมฺพุกชาตกวณฺณนา ปฺจมา.

[๓๓๖] ๖. พฺรหาฉตฺตชาตกวณฺณนา

ติณํ ติณนฺติ ลปสีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต กุหกภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. ปจฺจุปฺปนฺนวตฺถุ กถิตเมว.

อตีเต ปน พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส อตฺถธมฺมานุสาสโก อมจฺโจ อโหสิ. พาราณสิราชา มหติยา เสนาย โกสลราชานํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา สาวตฺถึ ปตฺวา ยุทฺเธน นครํ ปวิสิตฺวา ราชานํ คณฺหิ. โกสลรฺโ ปน ปุตฺโต ฉตฺโต นาม กุมาโร อตฺถิ. โส อฺาตกเวเสน นิกฺขมิตฺวา ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา ตโย เวเท จ อฏฺารส สิปฺปานิ จ อุคฺคณฺหิตฺวา ตกฺกสิลโต นิกฺขมฺม สพฺพสมยสิปฺปานิ สิกฺขนฺโต เอกํ ปจฺจนฺตคามํ ปาปุณิ. ตํ นิสฺสาย ปฺจสตตาปสา อรฺเ ปณฺณสาลาสุ วสนฺติ. กุมาโร เต อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘อิเมสมฺปิ สนฺติเก กิฺจิ สิกฺขิสฺสามี’’ติ ปพฺพชิตฺวา ยํ เต ชานนฺติ, ตํ สพฺพํ อุคฺคณฺหิ. โส อปรภาเค คณสตฺถา ชาโต.

อเถกทิวสํ อิสิคณํ อามนฺเตตฺวา ‘‘มาริสา, กสฺมา มชฺฌิมเทสํ น คจฺฉถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘มาริส, มชฺฌิมเทเส มนุสฺสา นาม ปณฺฑิตา, เต ปฺหํ ปุจฺฉนฺติ, อนุโมทนํ การาเปนฺติ, มงฺคลํ ภณาเปนฺติ, อสกฺโกนฺเต ครหนฺติ, มยํ เตน ภเยน น คจฺฉามา’’ติ. ‘‘มา ตุมฺเห ภายถ, อหเมตํ สพฺพํ กริสฺสามี’’ติ. ‘‘เตน หิ คจฺฉามา’’ติ สพฺเพ อตฺตโน อตฺตโน ขาริวิวิธมาทาย อนุปุพฺเพน พาราณสึ ปตฺตา. พาราณสิราชาปิ โกสลรชฺชํ อตฺตโน หตฺถคตํ กตฺวา ตตฺถ ราชยุตฺเต เปตฺวา สยํ ตตฺถ วิชฺชมานํ ธนํ คเหตฺวา พาราณสึ คนฺตฺวา อุยฺยาเน โลหจาฏิโย ปูราเปตฺวา นิทหิตฺวา ตสฺมึ สมเย พาราณสิยเมว วสติ. อถ เต อิสโย ราชุยฺยาเน รตฺตึ วสิตฺวา ปุนทิวเส นครํ ภิกฺขาย ปวิสิตฺวา ราชทฺวารํ อคมํสุ. ราชา เตสํ อิริยาปเถสฺสุ ปสีทิตฺวา ปกฺโกสาเปตฺวา มหาตเล นิสีทาเปตฺวา ยาคุขชฺชกํ ทตฺวา ยาว ภตฺตกาลา ตํ ตํ ปฺหํ ปุจฺฉิ. ฉตฺโต รฺโ จิตฺตํ อาราเธนฺโต สพฺพปฺเห วิสฺสชฺเชตฺวา ภตฺตกิจฺจาวสาเน วิจิตฺรํ อนุโมทนํ อกาสิ. ราชา สุฏฺุตรํ ปสนฺโน ปฏิฺํ คเหตฺวา สพฺเพปิ เต อุยฺยาเน วาสาเปสิ.

ฉตฺโต นิธิอุทฺธรณมนฺตํ ชานาติ. โส ตตฺถ วสนฺโต ‘‘กหํ นุ โข อิมินา มม ปิตุ สนฺตกํ ธนํ นิทหิต’’นฺติ มนฺตํ ปริวตฺเตตฺวา โอโลเกนฺโต อุยฺยาเน นิทหิตภาวํ ตฺวา ‘‘อิทํ ธนํ คเหตฺวา มม รชฺชํ คณฺหิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ตาปเส อามนฺเตตฺวา ‘‘มาริสา, อหํ โกสลรฺโ ปุตฺโต, พาราณสิรฺา อมฺหากํ รชฺเช คหิเต อฺาตกเวเสน นิกฺขมิตฺวา เอตฺตกํ กาลํ อตฺตโน ชีวิตํ อนุรกฺขึ, อิทานิ กุลสนฺตกํ ธนํ ลทฺธํ, อหํ เอตํ อาทาย คนฺตฺวา อตฺตโน รชฺชํ คณฺหิสฺสามิ, ตุมฺเห กึ กริสฺสถา’’ติ อาห. ‘‘มยมฺปิ ตยาว สทฺธึ คมิสฺสามา’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ มหนฺเต มหนฺเต จมฺมปสิพฺพเก กาเรตฺวา รตฺติภาเค ภูมึ ขณิตฺวา ธนจาฏิโย อุทฺธริตฺวา ปสิพฺพเกสุ ธนํ ปกฺขิปิตฺวา จาฏิโย ติณสฺส ปูราเปตฺวา ปฺจ จ อิสิสตานิ อฺเ จ มนุสฺเส ธนํ คาหาเปตฺวา ปลายิตฺวา สาวตฺถึ คนฺตฺวา สพฺเพ ราชยุตฺเต คาหาเปตฺวา รชฺชํ คเหตฺวา ปาการอฏฺฏาลกาทิปฏิสงฺขรณํ การาเปตฺวา ปุน สปตฺตรฺา ยุทฺเธน อคฺคเหตพฺพํ กตฺวา นครํ อชฺฌาวสติ. พาราณสิรฺโปิ ‘‘ตาปสา อุยฺยานโต ธนํ คเหตฺวา ปลาตา’’ติ อาโรจยึสุ. โส อุยฺยานํ คนฺตฺวา จาฏิโย วิวราเปตฺวา ติณเมว ปสฺสิ, ตสฺส ธนํ นิสฺสาย มหนฺโต โสโก อุปฺปชฺชิ. โส นครํ คนฺตฺวา ‘‘ติณํ ติณ’’นฺติ วิปฺปลปนฺโต จรติ, นาสฺส โกจิ โสกํ นิพฺพาเปตุํ สกฺโกติ.

โพธิสตฺโต จินฺเตสิ ‘‘รฺโ มหนฺโต โสโก, วิปฺปลปนฺโต จรติ, เปตฺวา โข ปน มํ นาสฺส อฺโ โกจิ โสกํ วิโนเทตุํ สมตฺโถ, นิสฺโสกํ นํ กริสฺสามี’’ติ. โส เอกทิวสํ เตน สทฺธึ สุขนิสินฺโน ตสฺส วิปฺปลปนกาเล ปมํ คาถมาห –

๑๔๑.

‘‘ติณํ ติณนฺติ ลปสิ, โก นุ เต ติณมาหริ;

กึ นุ เต ติณกิจฺจตฺถิ, ติณเมว ปภาสสี’’ติ.

ตตฺถ กึ นุ เต ติณกิจฺจตฺถีติ กึ นุ ตว ติเณน กิจฺจํ กาตพฺพํ อตฺถิ. ติณเมว ปภาสสีติ ตฺวฺหิ เกวลํ ‘‘ติณํ ติณ’’นฺติ ติณเมว ปภาสสิ, ‘‘อสุกติณํ นามา’’ติ น กเถสิ, ติณนามํ ตาวสฺส กเถหิ ‘‘อสุกติณํ นามา’’ติ, มยํ เต อาหริสฺสาม, อถ ปน เต ติเณนตฺโถ นตฺถิ, นิกฺการณา มา วิปฺปลปีติ.

ตํ สุตฺวา ราชา ทุติยํ คาถมาห –

๑๔๒.

‘‘อิธาคมา พฺรหฺมจารี, พฺรหา ฉตฺโต พหุสฺสุโต;

โส เม สพฺพํ สมาทาย, ติณํ นิกฺขิปฺป คจฺฉตี’’ติ.

ตตฺถ พฺรหาติ ทีโฆ. ฉตฺโตติ ตสฺส นามํ. สพฺพํ สมาทายาติ สพฺพํ ธนํ คเหตฺวา. ติณํ นิกฺขิปฺป คจฺฉตีติ จาฏีสุ ติณํ นิกฺขิปิตฺวา คโตติ ทสฺเสนฺโต เอวมาห.

ตํ สุตฺวา โพธิสตฺโต ตติยํ คาถมาห –

๑๔๓.

‘‘เอเวตํ โหติ กตฺตพฺพํ, อปฺเปน พหุมิจฺฉตา;

สพฺพํ สกสฺส อาทานํ, อนาทานํ ติณสฺส จา’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – อปฺเปน ติเณน พหุธนํ อิจฺฉตา เอวํ เอตํ กตฺตพฺพํ โหติ, ยทิทํ ปิตุ สนฺตกตฺตา สกสฺส ธนสฺส สพฺพํ อาทานํ อคยฺหูปคสฺส ติณสฺส จ อนาทานํ. อิติ, มหาราช, โส พฺรหา ฉตฺโต คเหตพฺพยุตฺตกํ อตฺตโน ปิตุ สนฺตกํ ธนํ คเหตฺวา อคฺคเหตพฺพยุตฺตกํ ติณํ จาฏีสุ ปกฺขิปิตฺวา คโต, ตตฺถ กา ปริเทวนาติ.

ตํ สุตฺวา ราชา จตุตฺถํ คาถมาห –

๑๔๔.

‘‘สีลวนฺโต น กุพฺพนฺติ, พาโล สีลานิ กุพฺพติ;

อนิจฺจสีลํ ทุสฺสีลฺยํ, กึ ปณฺฑิจฺจํ กริสฺสตี’’ติ.

ตตฺถ สีลวนฺโตติ เย สีลสมฺปนฺนา พฺรหฺมจารโย, เต เอวรูปํ น กุพฺพนฺติ. พาโล สีลานิ กุพฺพตีติ พาโล ปน ทุราจาโร เอวรูปานิ อตฺตโน อนาจารสงฺขาตานิ สีลานิ กโรติ. อนิจฺจสีลนฺติ อทฺธุเวน ทีฆรตฺตํ อปฺปวตฺเตน สีเลน สมนฺนาคตํ. ทุสฺสีลฺยนฺติ ทุสฺสีลํ. กึ ปณฺฑิจฺจํ กริสฺสตีติ เอวรูปํ ปุคฺคลํ พาหุสจฺจปริภาวิตํ ปณฺฑิจฺจํ กึ กริสฺสติ กึ สมฺปาเทสฺสติ, วิปตฺติเมวสฺส กริสฺสตีติ. ตํ ครหนฺโต วตฺวา โส ตาย โพธิสตฺตสฺส กถาย นิสฺโสโก หุตฺวา ธมฺเมน รชฺชํ กาเรสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา พฺรหาฉตฺโต กุหกภิกฺขุ อโหสิ, ปณฺฑิตามจฺโจ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

พฺรหาฉตฺตชาตกวณฺณนา ฉฏฺา.

[๓๓๗] ๗. ปีชาตกวณฺณนา

เต ปีมทายิมฺหาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิร ชนปทโต เชตวนํ คนฺตฺวา ปตฺตจีวรํ ปฏิสาเมตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา สามเณรทหเร ปุจฺฉิ ‘‘อาวุโส, สาวตฺถิยํ อาคนฺตุกภิกฺขูนํ เก อุปการกา’’ติ. ‘‘อาวุโส, อนาถปิณฺฑิโก นาม มหาเสฏฺิ, วิสาขา นาม มหาอุปาสิกา เอเต ภิกฺขุสงฺฆสฺส อุปการกา มาตาปิตุฏฺานิยา’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ ปุนทิวเส ปาโตว เอกภิกฺขุสฺสปิ อปวิฏฺกาเล อนาถปิณฺฑิกสฺส ฆรทฺวารํ อคมาสิ. ตํ อเวลาย คตตฺตา โกจิ น โอโลเกสิ. โส ตโต กิฺจิ อลภิตฺวา วิสาขาย ฆรทฺวารํ คโต. ตตฺราปิ อติปาโตว คตตฺตา กิฺจิ น ลภิ. โส ตตฺถ ตตฺถ วิจริตฺวา ปุนาคจฺฉนฺโต ยาคุยา นิฏฺิตาย คโต, ปุนปิ ตตฺถ ตตฺถ วิจริตฺวา ภตฺเต นิฏฺิเต คโต. โส วิหารํ คนฺตฺวา ‘‘ทฺเวปิ กุลานิ อสฺสทฺธานิ อปฺปสนฺนานิ เอว, อิเม ภิกฺขู ปน ‘สทฺธานิ ปสนฺนานี’ติ กเถนฺตี’’ติ ตานิ กุลานิ ปริภวนฺโต จรติ.

อเถกทิวสํ ธมฺมสภายํ ภิกฺขู กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, อสุโก กิร ชานปโท ภิกฺขุ อติกาลสฺเสว กุลทฺวารํ คโต ภิกฺขํ อลภิตฺวา กุลานิ ปริภวนฺโต จรตี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ตํ ภิกฺขุํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ภิกฺขู’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจํ, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘กสฺมา ตฺวํ ภิกฺขุ กุชฺฌสิ, ปุพฺเพ อนุปฺปนฺเน พุทฺเธ ตาปสาปิ ตาว กุลทฺวารํ คนฺตฺวา ภิกฺขํ อลภิตฺวา น กุชฺฌึสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา อปรภาเค ตาปสปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา หิมวนฺเต จิรํ วสิตฺวา โลณมฺพิลเสวนตฺถาย พาราณสึ ปตฺวา อุยฺยาเน วสิตฺวา ปุนทิวเส นครํ ภิกฺขาย ปาวิสิ. ตทา พาราณสิเสฏฺิ สทฺโธ โหติ ปสนฺโน. โพธิสตฺโต ‘‘กตรํ กุลฆรํ สทฺธ’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘เสฏฺิฆร’’นฺติ สุตฺวา เสฏฺิโน ฆรทฺวารํ อคมาสิ. ตสฺมึ ขเณ เสฏฺิ ราชุปฏฺานํ คโต, มนุสฺสาปิ นํ น ปสฺสึสุ, โส นิวตฺติตฺวา คจฺฉติ. อถ นํ เสฏฺิ ราชกุลโต นิวตฺตนฺโต ทิสฺวา วนฺทิตฺวา ภิกฺขาภาชนํ คเหตฺวา ฆรํ เนตฺวา นิสีทาเปตฺวา ปาทโธวนเตลมกฺขนยาคุขชฺชกาทีหิ สนฺตปฺเปตฺวา อนฺตราภตฺเต กิฺจิ การณํ อปุจฺฉิตฺวา กตภตฺตกิจฺจํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺโน ‘‘ภนฺเต, อมฺหากํ ฆรทฺวารํ อาคตา นาม ยาจกา วา ธมฺมิกสมณพฺราหฺมณา วา สกฺการสมฺมานํ อลภิตฺวา คตปุพฺพา นาม นตฺถิ, ตุมฺเห ปน อชฺช อมฺหากํ ทารเกหิ อทิฏฺตฺตา อาสนํ วา ปานียํ วา ปาทโธวนํ วา ยาคุภตฺตํ วา อลภิตฺวาว คตา, อยํ อมฺหากํ โทโส, ตํ โน ขมิตุํ วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา ปมํ คาถมาห –

๑๔๕.

‘‘น เต ปีมทายิมฺหา, น ปานํ นปิ โภชนํ;

พฺรหฺมจาริ ขมสฺสุ เม, เอตํ ปสฺสามิ อจฺจย’’นฺติ.

ตตฺถ น เต ปีมทายิมฺหาติ ปีมฺปิ เต น ทาปยิมฺห.

ตํ สุตฺวา โพธิสตฺโต ทุติยํ คาถมาห –

๑๔๖.

‘‘เนวาภิสชฺชามิ น จาปิ กุปฺเป, น จาปิ เม อปฺปิยมาสิ กิฺจิ;

อโถปิ เม อาสิ มโนวิตกฺโก, เอตาทิโส นูน กุลสฺส ธมฺโม’’ติ.

ตตฺถ เนวาภิสชฺชามีติ เนว ลคฺคามิ. เอตาทิโสติ ‘‘อิมสฺส กุลสฺส เอตาทิโส นูน สภาโว, อทายกวํโส เอส ภวิสฺสตี’’ติ เอวํ เม มโนวิตกฺโก อุปฺปนฺโน.

ตํ สุตฺวา เสฏฺิ อิตรา ทฺเว คาถา อภาสิ –

๑๔๗.

‘‘เอสสฺมากํ กุเล ธมฺโม, ปิตุปิตามโห สทา;

อาสนํ อุทกํ ปชฺชํ, สพฺเพตํ นิปทามเส.

๑๔๘.

‘‘เอสสฺมากํ กุเล ธมฺโม, ปิตุปิตามโห สทา;

สกฺกจฺจํ อุปติฏฺาม, อุตฺตมํ วิย าตก’’นฺติ.

ตตฺถ ธมฺโมติ สภาโว. ปิตุปิตามโหติ ปิตูนฺจ ปิตามหานฺจ สนฺตโก. อุทกนฺติ ปาทโธวนอุทกํ. ปชฺชนฺติ ปาทมกฺขนเตลํ. สพฺเพตนฺติ สพฺพํ เอตํ. นิปทามเสติ นิการการา อุปสคฺคา, ทามเสติ อตฺโถ, ททามาติ วุตฺตํ โหติ. อิมินา ยาว สตฺตมา กุลปริวฏฺฏา ทายกวํโส อมฺหากํ วํโสติ ทสฺเสติ. อุตฺตมํ วิย าตกนฺติ มาตรํ วิย ปิตรํ วิย จ มยํ ธมฺมิกํ สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา ทิสฺวา สกฺกจฺจํ สหตฺเถน อุปฏฺหามาติ อตฺโถ.

โพธิสตฺโต ปน กติปาหํ พาราณสิเสฏฺิโน ธมฺมํ เทเสนฺโต ตตฺถ วสิตฺวา ปุน หิมวนฺตเมว คนฺตฺวา อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา พฺรหฺมโลกปรายโณ อโหสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน โส ภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ตทา พาราณสิเสฏฺิ อานนฺโท อโหสิ, ตาปโส ปน อหเมว อโหสินฺติ.

ปีชาตกวณฺณนา สตฺตมา.

[๓๓๘] ๘. ถุสชาตกวณฺณนา

วิทิตํ ถุสนฺติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต อชาตสตฺตุํ อารพฺภ กเถสิ. ตสฺมึ กิร มาตุกุจฺฉิคเต ตสฺส มาตุ โกสลราชธีตาย พิมฺพิสารรฺโ ทกฺขิณชาณุโลหิตปิวนโทหโฬ อุปฺปชฺชิตฺวา ปณฺฑุ อโหสิ. สา ปริจาริกาหิ ปุจฺฉิตา ตาสํ ตมตฺถํ อาโรเจสิ. ราชาปิ สุตฺวา เนมิตฺตเก ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘เทวิยา กิร เอวรูโป โทหโฬ อุปฺปนฺโน, ตสฺส กา นิปฺผตฺตี’’ติ ปุจฺฉิ. เนมิตฺตกา ‘‘เทวิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺตกสตฺโต ตุมฺเห มาเรตฺวา รชฺชํ คณฺหิสฺสตี’’ติ อาหํสุ. ราชา ‘‘สเจ มม ปุตฺโต มํ มาเรตฺวา รชฺชํ คณฺหิสฺสติ, โก เอตฺถ โทโส’’ติ ทกฺขิณชาณุํ สตฺเถน ผาลาเปตฺวา โลหิตํ สุวณฺณตฏฺฏเกน คาหาเปตฺวา เทวิยา ปาเยสิ. สา จินฺเตสิ ‘‘สเจ มม กุจฺฉิยํ นิพฺพตฺโต ปุตฺโต ปิตรํ มาเรสฺสติ, กึ เม เตนา’’ติ. สา คพฺภปาตนตฺถํ กุจฺฉึ มทฺทาเปสิ.

ราชา ตฺวา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘ภทฺเท มยฺหํ กิร ปุตฺโต มํ มาเรตฺวา รชฺชํ คณฺหิสฺสติ, น โข ปนาหํ อชโร อมโร, ปุตฺตมุขํ ปสฺสิตุํ เม เทหิ, มา อิโต ปภุติ เอวรูปํ กมฺมํ อกาสี’’ติ อาห. สา ตโต ปฏฺาย อุยฺยานํ คนฺตฺวา กุจฺฉึ มทฺทาเปสิ. ราชา ตฺวา ตโต ปฏฺาย อุยฺยานคมนํ นิวาเรสิ. สา ปริปุณฺณคพฺภา ปุตฺตํ วิชายิ. นามคฺคหณทิวเส จสฺส อชาตสฺเสว ปิตุ สตฺตุภาวโต ‘‘อชาตสตฺตุ’’ตฺเวว นามมกํสุ. ตสฺมึ กุมารปริหาเรน วฑฺฒนฺเต สตฺถา เอกทิวสํ ปฺจสตภิกฺขุปริวุโต รฺโ นิเวสนํ คนฺตฺวา นิสีทิ. ราชา พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปณีเตน ขาทนียโภชนีเยน ปริวิสิตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ธมฺมํ สุณนฺโต นิสีทิ. ตสฺมึ ขเณ กุมารํ มณฺเฑตฺวา รฺโ อทํสุ. ราชา พลวสิเนเหน ปุตฺตํ คเหตฺวา อูรุมฺหิ นิสีทาเปตฺวา ปุตฺตคเตน เปเมน ปุตฺตเมว มมายนฺโต น ธมฺมํ สุณาติ. สตฺถา ตสฺส ปมาทภาวํ ตฺวา ‘‘มหาราช, ปุพฺเพ ราชาโน ปุตฺเต อาสงฺกมานา ปฏิจฺฉนฺเน กาเรตฺวา ‘อมฺหากํ อจฺจเยน นีหริตฺวา รชฺเช ปติฏฺาเปยฺยาถา’ติ อาณาเปสุ’’นฺติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตกฺกสิลายํ ทิสาปาโมกฺขอาจริโย หุตฺวา พหู ราชกุมาเร จ พฺราหฺมณกุมาเร จ สิปฺปํ วาเจสิ. พาราณสิรฺโปิ ปุตฺโต โสฬสวสฺสกาเล ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ตโย เวเท จ สพฺพสิปฺปานิ จ อุคฺคณฺหิตฺวา ปริปุณฺณสิปฺโป อาจริยํ อาปุจฺฉิ. อาจริโย องฺควิชฺชาวเสน ตํ โอโลเกนฺโต ‘‘อิมสฺส ปุตฺตํ นิสฺสาย อนฺตราโย ปฺายติ, ตมหํ อตฺตโน อานุภาเวน หริสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา จตสฺโส คาถา พนฺธิตฺวา ราชกุมารสฺส อทาสิ, เอวฺจ ปน ตํ วเทสิ ‘‘ตาต, ปมํ คาถํ รชฺเช ปติฏฺาย ตว ปุตฺตสฺส โสฬสวสฺสกาเล ภตฺตํ ภุฺชนฺโต วเทยฺยาสิ, ทุติยํ มหาอุปฏฺานกาเล, ตติยํ ปาสาทํ อภิรุหมาโน โสปานสีเส ตฺวา, จตุตฺถํ สยนสิริคพฺภํ ปวิสนฺโต อุมฺมาเร ตฺวา’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา อาจริยํ วนฺทิตฺวา คโต โอปรชฺเช ปติฏฺาย ปิตุ อจฺจเยน รชฺเช ปติฏฺาสิ. ตสฺส ปุตฺโต โสฬสวสฺสกาเล รฺโ อุยฺยานกีฬาทีนํ อตฺถาย นิกฺขมนฺตสฺส สิริวิภวํ ทิสฺวา ปิตรํ มาเรตฺวา รชฺชํ คเหตุกาโม หุตฺวา อตฺตโน อุปฏฺากานํ กเถสิ. เต ‘‘สาธุ เทว, มหลฺลกกาเล ลทฺเธน อิสฺสริเยน โก อตฺโถ, เยน เกนจิ อุปาเยน ราชานํ มาเรตฺวา รชฺชํ คณฺหิตุํ วฏฺฏตี’’ติ วทึสุ. กุมาโร ‘‘วิสํ ขาทาเปตฺวา มาเรสฺสามี’’ติ ปิตรา สทฺธึ สายมาสํ ภุฺชนฺโต วิสํ คเหตฺวา นิสีทิ. ราชา ภตฺตปาติยํ ภตฺเต อจฺฉุปนฺเตเยว ปมํ คาถมาห –

๑๔๙.

‘‘วิทิตํ ถุสํ อุนฺทุรานํ, วิทิตํ ปน ตณฺฑุลํ;

ถุสํ ถุสํ วิวชฺเชตฺวา, ตณฺฑุลํ ปน ขาทเร’’ติ.

ตตฺถ วิทิตนฺติ กาฬวทฺทเลปิ อนฺธกาเร อุนฺทุรานํ ถุโส ถุสภาเวน ตณฺฑุโล จ ตณฺฑุลภาเวน วิทิโต ปากโฏเยว. อิธ ปน ลิงฺควิปลฺลาสวเสน ‘‘ถุสํ ตณฺฑุล’’นฺติ วุตฺตํ. ขาทเรติ ถุสํ ถุสํ วชฺเชตฺวา ตณฺฑุลเมว ขาทนฺติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ตาต กุมาร, ยถา อุนฺทุรานํ อนฺธกาเรปิ ถุโส ถุสภาเวน ตณฺฑุโล จ ตณฺฑุลภาเวน ปากโฏ, เต ถุสํ วชฺเชตฺวา ตณฺฑุลเมว ขาทนฺติ, เอวเมว มมปิ ตว วิสํ คเหตฺวา นิสินฺนภาโว ปากโฏติ.

กุมาโร ‘‘าโตมฺหี’’ติ ภีโต ภตฺตปาติยํ วิสํ ปาเตตุํ อวิสหิตฺวา อุฏฺาย ราชานํ วนฺทิตฺวา คโต. โส ตมตฺถํ อตฺตโน อุปฏฺากานํ อาโรเจตฺวา ‘‘อชฺช ตาวมฺหิ าโต, อิทานิ กถํ มาเรสฺสามี’’ติ ปุจฺฉิ. เต ตโต ปฏฺาย อุยฺยาเน ปฏิจฺฉนฺนา หุตฺวา นิกณฺณิกวเสน มนฺตยมานา ‘‘อตฺเถโก อุปาโย, ขคฺคํ สนฺนยฺหิตฺวา มหาอุปฏฺานํ คตกาเล อมจฺจานํ อนฺตเร ตฺวา รฺโ ปมตฺตภาวํ ตฺวา ขคฺเคน ปหริตฺวา มาเรตุํ วฏฺฏตี’’ติ ววตฺถเปสุํ. กุมาโร ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา มหาอุปฏฺานกาเล สนฺนทฺธขคฺโค หุตฺวา คนฺตฺวา อิโต จิโต จ รฺโ ปหรโณกาสํ อุปธาเรติ. ตสฺมึ ขเณ ราชา ทุติยํ คาถมาห –

๑๕๐.

‘‘ยา มนฺตนา อรฺสฺมึ, ยา จ คาเม นิกณฺณิกา;

ยฺเจตํ อิติ จีติ จ, เอตมฺปิ วิทิตํ มยา’’ติ.

ตตฺถ อรฺสฺมินฺติ อุยฺยาเน. นิกณฺณิกาติ กณฺณมูเล มนฺตนา. ยฺเจตํ อิติ จีติ จาติ ยฺจ เอตํ อิทานิ มม ปหรโณกาสปริเยสนํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ตาต กุมาร, ยา เอสา ตว อตฺตโน อุปฏฺาเกหิ สทฺธึ อุยฺยาเน จ คาเม จ นิกณฺณิกา มนฺตนา, ยฺเจตํ อิทานิ มม มารณตฺถาย อิติ จีติ จ กรณํ, เอตมฺปิ สพฺพํ มยา าตนฺติ.

กุมาโร ‘‘ชานาติ เม เวริภาวํ ปิตา’’ติ ตโต ปลายิตฺวา อุปฏฺากานํ อาโรเจสิ. เต สตฺตฏฺ ทิวเส อติกฺกมิตฺวา ‘‘กุมาร, น เต ปิตา, เวริภาวํ ชานาติ, ตกฺกมตฺเตน ตฺวํ เอวํสฺี อโหสิ, มาเรหิ น’’นฺติ วทึสุ. โส เอกทิวสํ ขคฺคํ คเหตฺวา โสปานมตฺถเก คพฺภทฺวาเร อฏฺาสิ. ราชา โสปานมตฺถเก ิโต ตติยํ คาถมาห –

๑๕๑.

‘‘ธมฺเมน กิร ชาตสฺส, ปิตา ปุตฺตสฺส มกฺกโฏ;

ทหรสฺเสว สนฺตสฺส, ทนฺเตหิ ผลมจฺฉิทา’’ติ.

ตตฺถ ธมฺเมนาติ สภาเวน. ปิตา ปุตฺตสฺส มกฺกโฏติ ปิตา มกฺกโฏ ปุตฺตสฺส มกฺกฏโปตกสฺส. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา อรฺเ ชาโต มกฺกโฏ อตฺตโน ยูถปริหรณํ อาสงฺกนฺโต ตรุณสฺส มกฺกฏโปตกสฺส ทนฺเตหิ ผลํ ฉินฺทิตฺวา ปุริสภาวํ นาเสติ, ตถา ตว อติรชฺชกามสฺส ผลานิ อุปฺปาฏาเปตฺวา ปุริสภาวํ นาเสสฺสามีติ.

กุมาโร ‘‘คณฺหาเปตุกาโม มํ ปิตา’’ติ ภีโต ปลายิตฺวา ‘‘ปิตรามฺหิ สนฺตชฺชิโต’’ติ อุปฏฺากานํ อาโรเจสิ. เต อฑฺฒมาสมตฺเต วีติวตฺเต ‘‘กุมาร, สเจ ราชา ชาเนยฺย, เอตฺตกํ กาลํ นาธิวาเสยฺย, ตกฺกมตฺเตน ตยา กถิตํ, มาเรหิ น’’นฺติ วทึสุ. โส เอกทิวสํ ขคฺคํ คเหตฺวา อุปริปาสาเท สิริสยนํ ปวิสิตฺวา ‘‘อาคจฺฉนฺตเมว นํ มาเรสฺสามี’’ติ เหฏฺาปลฺลงฺเก นิสีทิ. ราชา ภุตฺตสายมาโส ปริชนํ อุยฺโยเชตฺวา ‘‘นิปชฺชิสฺสามี’’ติ สิริคพฺภํ ปวิสนฺโต อุมฺมาเร ตฺวา จตุตฺถํ คาถมาห –

๑๕๒.

‘‘ยเมตํ ปริสปฺปสิ, อชกาโณว สาสเป;

โยปายํ เหฏฺโต เสติ, เอตมฺปิ วิทิตํ มยา’’ติ.

ตตฺถ ปริสปฺปสีติ ภเยน อิโต จิโต จ สปฺปสิ. สาสเปติ สาสปเขตฺเต. โยปายนฺติ โยปิ อยํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยมฺปิ เอตํ ตฺวํ สาสปวนํ ปวิฏฺกาณเอฬโก วิย ภเยน อิโต จิโต จ สํสปฺปสิ, ปมํ วิสํ คเหตฺวา อาคโตสิ, ทุติยํ ขคฺเคน ปหริตุกาโม หุตฺวา อาคโตสิ, ตติยํ ขคฺคํ อาทาย โสปานมตฺถเก อฏฺาสิ, อิทานิ มํ ‘‘มาเรสฺสามี’’ติ เหฏฺาสยเน นิปนฺโนสิ, สพฺพเมตํ ชานามิ, น ตํ อิทานิ วิสฺสชฺเชมิ, คเหตฺวา ราชาณํ การาเปสฺสามีติ. เอวํ ตสฺส อชานนฺตสฺเสว สา สา คาถา ตํ ตํ อตฺถํ ทีเปติ.

กุมาโร ‘‘าโตมฺหิ ปิตรา, อิทานิ มํ นาสฺเสสฺสตี’’ติ ภยปฺปตฺโต เหฏฺาสยนา นิกฺขมิตฺวา ขคฺคํ รฺโ ปาทมูเล ฉฑฺเฑตฺวา ‘‘ขมาหิ เม, เทวา’’ติ ปาทมูเล อุเรน นิปชฺชิ. ราชา ‘‘น มยฺหํ โกจิ กมฺมํ ชานาตีติ ตฺวํ จินฺเตสี’’ติ ตํ ตชฺเชตฺวา สงฺขลิกพนฺธเนน พนฺธาเปตฺวา พนฺธนาคารํ ปเวสาเปตฺวา อารกฺขํ เปสิ. ตทา ราชา โพธิสตฺตสฺส คุณํ สลฺลกฺเขสิ. โส อปรภาเค กาลมกาสิ, ตสฺส สรีรกิจฺจํ กตฺวา กุมารํ พนฺธนาคารา นีหริตฺวา รชฺเช ปติฏฺาเปสุํ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ตกฺกสิลายํ ทิสาปาโมกฺโข อาจริโย อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

ถุสชาตกวณฺณนา อฏฺมา.

[๓๓๙] ๙. พาเวรุชาตกวณฺณนา

อทสฺสเนน โมรสฺสาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต หตลาภสกฺกาเร ติตฺถิเย อารพฺภ กเถสิ. ติตฺถิยา หิ อนุปฺปนฺเน พุทฺเธ ลาภิโน อเหสุํ, อุปฺปนฺเน ปน พุทฺเธ หตลาภสกฺการา สูริยุคฺคมเน ขชฺโชปนกา วิย ชาตา. เตสํ ตํ ปวตฺตึ อารพฺภ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ ยาว คุณวนฺตา น อุปฺปชฺชนฺติ, ตาว นิคฺคุณา ลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺตา อเหสุํ, คุณวนฺเตสุ ปน อุปฺปนฺเนสุ นิคฺคุณา หตลาภสกฺการา ชาตา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต โมรโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา วุฑฺฒิมนฺวาย โสภคฺคปฺปตฺโต อรฺเ วิจริ. ตทา เอกจฺเจ วาณิชา ทิสากากํ คเหตฺวา นาวาย พาเวรุรฏฺํ อคมํสุ. ตสฺมึ กิร กาเล พาเวรุรฏฺเ สกุณา นาม นตฺถิ. อาคตาคตา รฏฺวาสิโน ตํ ปฺชเร นิสินฺนํ ทิสฺวา ‘‘ปสฺสถิมสฺส ฉวิวณฺณํ คลปริโยสานํ มุขตุณฺฑกํ มณิคุฬสทิสานิ อกฺขีนี’’ติ กากเมว ปสํสิตฺวา เต วาณิชเก อาหํสุ ‘‘อิมํ, อยฺยา, สกุณํ อมฺหากํ เทถ, อมฺหากํ อิมินา อตฺโถ, ตุมฺเห อตฺตโน รฏฺเ อฺํ ลภิสฺสถา’’ติ. ‘‘เตน หิ มูเลน คณฺหถา’’ติ. ‘‘กหาปเณน โน เทถา’’ติ. ‘‘น เทมา’’ติ. อนุปุพฺเพน วฑฺฒิตฺวา ‘‘สเตน เทถา’’ติ วุตฺเต ‘‘อมฺหากํ เอส พหูปกาโร, ตุมฺเหหิ สทฺธึ เมตฺติ โหตู’’ติ กหาปณสตํ คเหตฺวา อทํสุ. เต ตํ เนตฺวา สุวณฺณปฺชเร ปกฺขิปิตฺวา นานปฺปกาเรน มจฺฉมํเสน เจว ผลาผเลน จ ปฏิชคฺคึสุ. อฺเสํ สกุณานํ อวิชฺชมานฏฺาเน ทสหิ อสทฺธมฺเมหิ สมนฺนาคโต กาโก ลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺโต อโหสิ.

ปุนวาเร เต วาณิชา เอกํ โมรราชานํ คเหตฺวา ยถา อจฺฉรสทฺเทน วสฺสติ, ปาณิปฺปหรณสทฺเทน นจฺจติ, เอวํ สิกฺขาเปตฺวา พาเวรุรฏฺํ อคมํสุ. โส มหาชเน สนฺนิปติเต นาวาย ธุเร ตฺวา ปกฺเข วิธุนิตฺวา มธุรสฺสรํ นิจฺฉาเรตฺวา นจฺจิ. มนุสฺสา ตํ ทิสฺวา โสมนสฺสชาตา ‘‘เอตํ, อยฺยา, โสภคฺคปฺปตฺตํ สุสิกฺขิตํ สกุณราชานํ อมฺหากํ เทถา’’ติ อาหํสุ. อมฺเหหิ ปมํ กาโก อานีโต, ตํ คณฺหิตฺถ, อิทานิ เอกํ โมรราชานํ อานยิมฺหา, เอตมฺปิ ยาจถ, ตุมฺหากํ รฏฺเ สกุณํ นาม คเหตฺวา อาคนฺตุํ น สกฺกาติ. ‘‘โหตุ, อยฺยา, อตฺตโน รฏฺเ อฺํ ลภิสฺสถ, อิมํ โน เทถา’’ติ มูลํ วฑฺเฒตฺวา สหสฺเสน คณฺหึสุ. อถ นํ สตฺตรตนวิจิตฺเต ปฺชเร เปตฺวา มจฺฉมํสผลาผเลหิ เจว มธุลาชสกฺกรปานกาทีหิ จ ปฏิชคฺคึสุ, มยูรราชา ลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺโต ชาโต, ตสฺสาคตกาลโต ปฏฺาย กากสฺส ลาภสกฺกาโร ปริหายิ, โกจิ นํ โอโลเกตุมฺปิ น อิจฺฉิ. กาโก ขาทนียโภชนียํ อลภมาโน ‘‘กากา’’ติ วสฺสนฺโต คนฺตฺวา อุกฺการภูมิยํ โอตริตฺวา โคจรํ คณฺหิ.

สตฺถา ทฺเว วตฺถูนิ ฆเฏตฺวา สมฺพุทฺโธ หุตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –

๑๕๓.

‘‘อทสฺสเนน โมรสฺส, สิขิโน มฺชุภาณิโน;

กากํ ตตฺถ อปูเชสุํ, มํเสน จ ผเลน จ.

๑๕๔.

‘‘ยทา จ สรสมฺปนฺโน, โมโร พาเวรุมาคมา;

อถ ลาโภ จ สกฺกาโร, วายสสฺส อหายถ.

๑๕๕.

‘‘ยาว นุปฺปชฺชตี พุทฺโธ, ธมฺมราชา ปภงฺกโร;

ตาว อฺเ อปูเชสุํ, ปุถู สมณพฺราหฺมเณ.

๑๕๖.

‘‘ยทา จ สรสมฺปนฺโน, พุทฺโธ ธมฺมํ อเทสยิ;

อถ ลาโภ จ สกฺกาโร, ติตฺถิยานํ อหายถา’’ติ.

ตตฺถ สิขิโนติ สิขาย สมนฺนาคตสฺส. มฺชุภาณิโนติ มธุรสฺสรสฺส. อปูเชสุนฺติ อปูชยึสุ. มํเสน จ ผเลน จาติ นานปฺปกาเรน มํเสน ผลาผเลน จ. พาเวรุมาคมาติ พาเวรุรฏฺํ อาคโต. ‘‘ภาเวรู’’ติปิ ปาโ. อหายถาติ ปริหีโน. ธมฺมราชาติ นวหิ โลกุตฺตรธมฺเมหิ ปริสํ รฺเชตีติ ธมฺมราชา. ปภงฺกโรติ สตฺตโลกโอกาสโลกสงฺขารโลเกสุ อาโลกสฺส กตตฺตา ปภงฺกโร. สรสมฺปนฺโนติ พฺรหฺมสฺสเรน สมนฺนาคโต. ธมฺมํ อเทสยีติ จตุสจฺจธมฺมํ ปกาเสสีติ.

อิติ อิมา จตสฺโส คาถา ภาสิตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา กาโก นิคณฺโ นาฏปุตฺโต อโหสิ, โมรราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

พาเวรุชาตกวณฺณนา นวมา.

[๓๔๐] ๑๐. วิสยฺหชาตกวณฺณนา

อทาสิ ทานานีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อนาถปิณฺฑิกํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ เหฏฺา ขทิรงฺคารชาตเก (ชา. ๑.๑.๔๐) วิตฺถาริตเมว. อิธ ปน สตฺถา อนาถปิณฺฑิกํ. อามนฺเตตฺวา ‘‘โปราณกปณฺฑิตาปิ คหปติ ‘ทานํ มา ททาสี’ติ อากาเส ตฺวา วาเรนฺตํ สกฺกํ เทวานมินฺทํ ปฏิพาหิตฺวา ทานํ อทํสุเยวา’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต อสีติโกฏิวิภโว วิสยฺโห นาม เสฏฺิ หุตฺวา ปฺจหิ สีเลหิ สมนฺนาคโต ทานชฺฌาสโย ทานาภิรโต อโหสิ. โส จตูสุ นครทฺวาเรสุ, นครมชฺเฌ, อตฺตโน ฆรทฺวาเรติ ฉสุ าเนสุ ทานสาลาโย กาเรตฺวา ทานํ ปวตฺเตสิ, ทิวเส ทิวเส ฉ สตสหสฺสานิ วิสฺสชฺเชติ. โพธิสตฺตสฺส จ วนิพฺพกยาจกานฺจ เอกสทิสเมว ภตฺตํ โหติ. ตสฺส ชมฺพุทีปํ อุนฺนงฺคลํ กตฺวา ทานํ ททโต ทานานุภาเวน สกฺกสฺส ภวนํ กมฺปิ, สกฺกสฺส เทวรฺโ ปณฺฑุกมฺพลสิลาสนํ อุณฺหาการํ ทสฺเสสิ. สกฺโก ‘‘โก นุ โข มํ านา จาเวตุกาโม’’ติ อุปธาเรนฺโต มหาเสฏฺึ ทิสฺวา ‘‘อยํ วิสยฺโห อติวิย ปตฺถริตฺวา สกลชมฺพุทีปํ อุนฺนงฺคลํ กโรนฺโต ทานํ เทติ, อิมินา ทาเนน มํ จาเวตฺวา สยํ สกฺโก ภวิสฺสติ มฺเ, ธนมสฺส นาเสตฺวา เอตํ ทลิทฺทํ กตฺวา ยถา ทานํ น เทติ, ตถา กริสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา สพฺพํ ธนธฺํ เตลมธุผาณิตสกฺกราทีนิ อนฺตมโส ทาสกมฺมกรโปริสมฺปิ อนฺตรธาเปสิ.

ตทา ทานพฺยาวฏา อาคนฺตฺวา ‘‘สามิ ทานคฺคํ ปจฺฉินฺนํ, ปิตปิตฏฺาเน น กิฺจิ ปสฺสามา’’ติ อาโรจยึสุ. ‘‘อิโต ปริพฺพยํ หรถ, มา ทานํ ปจฺฉินฺทถา’’ติ ภริยํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘ภทฺเท, ทานํ ปวตฺตาเปหี’’ติ อาห. สา สกลเคหํ วิจินิตฺวา อฑฺฒมาสกมตฺตมฺปิ อทิสฺวา ‘‘อยฺย, อมฺหากํ นิวตฺถวตฺถํ เปตฺวา อฺํ กิฺจิ น ปสฺสามิ, สกลเคหํ ตุจฺฉ’’นฺติ อาห. สตฺตรตนคพฺเภสุ ทฺวารํ วิวราเปตฺวา น กิฺจิ อทฺทส, เสฏฺิฺจ ภริยฺจ เปตฺวา อฺเ ทาสกมฺมกราปิ น ปฺายึสุ. ปุน มหาสตฺโต. ภริยํ อามนฺเตตฺวา ‘‘ภทฺเท, น สกฺกา ทานํ ปจฺฉินฺทิตุํ, สกลนิเวสนํ วิจินิตฺวา กิฺจิ อุปธาเรหี’’ติ อาห. ตสฺมึ ขเณ เอโก ติณหารโก อสิตฺจ กาชฺจ ติณพนฺธนรชฺชุฺจ ทฺวารนฺตเร ฉฑฺเฑตฺวา ปลายิ. เสฏฺิภริยา ตํ ทิสฺวา ‘‘สามิ, อิทํ เปตฺวา อฺํ น ปสฺสามี’’ติ อาหริตฺวา อทาสิ. มหาสตฺโต ‘‘ภทฺเท, มยา เอตฺตกํ กาลํ ติณํ นาม น ลายิตปุพฺพํ, อชฺช ปน ติณํ ลายิตฺวา อาหริตฺวา วิกฺกิณิตฺวา ยถานุจฺฉวิกํ ทานํ ทสฺสามี’’ติ ทานุปจฺเฉทภเยน อสิตฺเจว กาชฺจ รชฺชุฺจ คเหตฺวา นครา นิกฺขมิตฺวา ติณวตฺถุํ คนฺตฺวา ติณํ ลายิตฺวา ‘‘เอโก อมฺหากํ ภวิสฺสติ, เอเกน ทานํ ทสฺสามี’’ติ ทฺเว ติณกลาเป พนฺธิตฺวา กาเช ลคฺเคตฺวา อาทาย คนฺตฺวา นครทฺวาเร วิกฺกิณิตฺวา มาสเก คเหตฺวา เอกํ โกฏฺาสํ ยาจกานํ อทาสิ. ยาจกา พหู, เตสํ ‘‘มยฺหมฺปิ เทหิ, มยฺหมฺปิ เทหี’’ติ วทนฺตานํ อิตรมฺปิ โกฏฺาสํ ทตฺวา ตํ ทิวสํ สทฺธึ ภริยาย อนาหาโร วีตินาเมสิ. อิมินา นิยาเมน ฉ ทิวสา วีติวตฺตา.

อถสฺส สตฺตเม ทิวเส ติณํ อาหรมานสฺส สตฺตาหํ นิราหารสฺส อติสุขุมาลสฺส นลาเฏ สูริยาตเปน ปหฏมตฺเต อกฺขีนิ ภมึสุ. โส สตึ ปจฺจุปฏฺาเปตุํ อสกฺโกนฺโต ติณํ อวตฺถริตฺวา ปติ. สกฺโก ตสฺส กิริยํ อุปธารยมาโน วิจรติ. โส ตงฺขณฺเว อาคนฺตฺวา อากาเส ตฺวา ปมํ คาถมาห –

๑๕๗.

‘‘อทาสิ ทานานิ ปุเร วิสยฺห, ททโต จ เต ขยธมฺโม อโหสิ;

อิโต ปรํ เจ น ทเทยฺย ทานํ, ติฏฺเยฺยุํ เต สํยมนฺตสฺส โภคา’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – อมฺโภ วิสยฺห ตฺวํ อิโต ปุพฺเพ ตว เคเห ธเน วิชฺชมาเน สกลชมฺพุทีปํ อุนฺนงฺคลํ กริตฺวา ทานานิ อทาสิ. ตสฺส จ เต เอวํ ททโต โภคานํ ขยธมฺโม ขยสภาโว อโหสิ, สพฺพํ สาปเตยฺยํ ขีณํ, อิโต ปรํ เจปิ ตฺวํ ทานํ น ทเทยฺย, กสฺสจิ กิฺจิ น ทเทยฺยาสิ, ตว สํยมนฺตสฺส อททนฺตสฺส โภคา ตเถว ติฏฺเยฺยุํ, ‘‘อิโต ปฏฺาย น ทสฺสามี’’ติ ตฺวํ มยฺหํ ปฏิฺํ เทหิ, อหํ เต โภเค ทสฺเสสฺสามีติ.

มหาสตฺโต ตสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘โกสิ ตฺว’’นฺติ อาห. ‘‘สกฺโกหมสฺมี’’ติ. โพธิสตฺโต ‘‘สกฺโก นาม สยํ ทานํ ทตฺวา สีลํ สมาทิยิตฺวา อุโปสถกมฺมํ กตฺวา สตฺต วตฺตปทานิ ปูเรตฺวา สกฺกตฺตํ ปตฺโต, ตฺวํ ปน อตฺตโน อิสฺสริยการณํ ทานํ วาเรสิ, อนริยํ วต กโรสี’’ติ วตฺวา ติสฺโส คาถา อภาสิ –

๑๕๘.

‘‘อนริยมริเยน สหสฺสเนตฺต, สุทุคฺคเตนาปิ อกิจฺจมาหุ;

มา โว ธนํ ตํ อหุ เทวราช, ยํ โภคเหตุ วิชเหมุ สทฺธํ.

๑๕๙.

‘‘เยน เอโก รโถ ยาติ, ยาติ เตนปโร รโถ;

โปราณํ นิหิตํ วตฺตํ, วตฺตตฺเว วาสว.

๑๖๐.

‘‘ยทิ เหสฺสติ ทสฺสาม, อสนฺเต กึ ททามเส;

เอวํภูตาปิ ทสฺสาม, มา ทานํ ปมทมฺหเส’’ติ.

ตตฺถ อนริยนฺติ ลามกํ ปาปกมฺมํ. อริเยนาติ ปริสุทฺธาจาเรน อริเยน. สุทุคฺคเตนาปีติ สุทลิทฺเทนาปิ. อกิจฺจมาหูติ อกตฺตพฺพนฺติ พุทฺธาทโย อริยา วทนฺติ, ตฺวํ ปน มํ อนริยํ มคฺคํ อาโรเจสีติ อธิปฺปาโย. โวติ นิปาตมตฺตํ. ยํ โภคเหตูติ ยสฺส ธนสฺส ปริภุฺชนเหตุ มยํ ทานสทฺธํ วิชเหมุ ปริจฺจเชยฺยาม, ตํ ธนเมว มา อหุ, น โน เตน ธเนน อตฺโถติ ทีเปติ.

รโถติ ยํกิฺจิ ยานํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – เยน มคฺเคน เอโก รโถ ยาติ, อฺโปิ รโถ ‘‘รถสฺส คตมคฺโค เอโส’’ติ เตเนว มคฺเคน ยาติ. โปราณํ นิหิตํ วตฺตนฺติ ยํ มยา ปุพฺเพ นิหิตํ วตฺตํ, ตํ มยิ ธรนฺเต วตฺตตุเยว, มา ติฏฺตูติ อตฺโถ. เอวํภูตาติ เอวํ ติณหารกภูตาปิ มยํ ยาว ชีวาม, ตาว ทสฺสามเยว. กึการณา? มา ทานํ ปมทมฺหเสติ. อททนฺโต หิ ทานํ ปมชฺชติ นาม น สรติ น สลฺลกฺเขติ, อหํ ปน ชีวมาโน ทานํ ปมุสฺสิตุํ น อิจฺฉามิ, ตสฺมา ทานํ ทสฺสามิเยวาติ ทีเปติ.

สกฺโก ตํ ปฏิพาหิตุํ อสกฺโกนฺโต ‘‘กิมตฺถาย ทานํ ททาสี’’ติ ปุจฺฉิ. โพธิสตฺโต ‘‘เนว สกฺกตฺตํ, น พฺรหฺมตฺตํ ปตฺถยมาโน, สพฺพฺุตํ ปตฺเถนฺโต ปนาหํ ททามี’’ติ อาห. สกฺโก ตสฺส วจนํ สุตฺวา ตุฏฺโ หตฺเถน ปิฏฺึ ปริมชฺชิ. โพธิสตฺตสฺส ตงฺขณฺเว ปริมชฺชิตมตฺตสฺเสว สกลสรีรํ ปริปูริ. สกฺกานุภาเวน จสฺส สพฺโพ วิภวปริจฺเฉโท ปฏิปากติโกว อโหสิ. สกฺโก ‘‘มหาเสฏฺิ, ตฺวํ อิโต ปฏฺาย ทิวเส ทิวเส ทฺวาทส สตสหสฺสานิ วิสฺสชฺเชนฺโต ทานํ ททาหี’’ติ ตสฺส เคเห อปริมาณํ ธนํ กตฺวา ตํ อุยฺโยเชตฺวา สกฏฺานเมว คโต.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา เสฏฺิภริยา ราหุลมาตา อโหสิ, วิสยฺโห ปน เสฏฺิ อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

วิสยฺหชาตกวณฺณนา ทสมา.

โกกิลวคฺโค จตุตฺโถ.

๕. จูฬกุณาลวคฺโค

[๓๔๑] ๑. กณฺฑรีชาตกวณฺณนา

นรานมารามกราสูติ อิมสฺส ชาตกสฺส วิตฺถารกถา กุณาลชาตเก (ชา. ๒.๒๑.กุณาลชาตก) อาวิ ภวิสฺสติ.

กณฺฑรีชาตกวณฺณนา ปมา.

[๓๔๒] ๒. วานรชาตกวณฺณนา

อสกฺขึ วต อตฺตานนฺติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เทวทตฺตสฺส วธาย ปริสกฺกนํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ (ชา. อฏฺ. ๒.๒.สุสุมารชาตกวณฺณนา) เหฏฺา วิตฺถาริตเมว.

อตีเต ปน พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต หิมวนฺตปเทเส กปิโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต คงฺคาตีเร วสิ. อเถกา อนฺโตคงฺคายํ สํสุมารี โพธิสตฺตสฺส หทยมํเส โทหฬํ อุปฺปาเทตฺวา สํสุมารสฺส กเถสิ. โส ‘‘ตํ กปึ อุทเก นิมุชฺชาเปตฺวา มาเรตฺวา หทยมํสํ คเหตฺวา สํสุมาริยา ทสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา มหาสตฺตํ อาห – ‘‘เอหิ, สมฺม, อนฺตรทีปเก ผลาผเล ขาทิตุํ คจฺฉามา’’ติ. ‘‘กถํ, สมฺม, อหํ คมิสฺสามี’’ติ. ‘‘อหํ ตํ มม ปิฏฺิยํ นิสีทาเปตฺวา เนสฺสามี’’ติ. โส ตสฺส จิตฺตํ อชานนฺโต ลงฺฆิตฺวา ปิฏฺิยํ นิสีทิ. สํสุมาโร โถกํ คนฺตฺวา นิมุชฺชิตุํ อารภิ. อถ นํ วานโร ‘‘กึการณา, โภ, มํ อุทเก นิมุชฺชาเปสี’’ติ อาห. ‘‘อหํ ตํ มาเรตฺวา ตว หทยมํสํ มม ภริยาย ทสฺสามี’’ติ. ‘‘ทนฺธ ตฺวํ มม หทยมํสํ อุเร อตฺถีติ มฺสี’’ติ? ‘‘อถ กหํ เต ปิต’’นฺติ? ‘‘เอตํ อุทุมฺพเร โอลมฺพนฺตํ น ปสฺสสี’’ติ? ‘‘ปสฺสามิ, ทสฺสสิ ปน เม’’ติ. ‘‘อาม, ทสฺสามี’’ติ. สํสุมาโร ทนฺธตาย ตํ คเหตฺวา นทีตีเร อุทุมฺพรมูลํ คโต. โพธิสตฺโต ตสฺส ปิฏฺิโต ลงฺฆิตฺวา อุทุมฺพรรุกฺเข นิสินฺโน อิมา คาถา อภาสิ –

๑๖๑.

‘‘อสกฺขึ วต อตฺตานํ, อุทฺธาตุํ อุทกา ถลํ;

น ทานาหํ ปุน ตุยฺหํ, วสํ คจฺฉามิ วาริช.

๑๖๒.

‘‘อลเมเตหิ อมฺเพหิ, ชมฺพูหิ ปนเสหิ จ;

ยานิ ปารํ สมุทฺทสฺส, วรํ มยฺหํ อุทุมฺพโร.

๑๖๓.

‘‘โย จ อุปฺปติตํ อตฺถํ, น ขิปฺปมนุพุชฺฌติ;

อมิตฺตวสมนฺเวติ, ปจฺฉา จ อนุตปฺปติ.

๑๖๔.

‘‘โย จ อุปฺปติตํ อตฺถํ, ขิปฺปเมว นิโพธติ;

มุจฺจเต สตฺตุสมฺพาธา, น จ ปจฺฉานุตปฺปตี’’ติ.

ตตฺถ อสกฺขึ วตาติ สมตฺโถ วต อโหสึ. อุทฺธาตุนฺติ อุทฺธริตุํ. วาริชาติ สํสุมารํ อาลปติ. ยานิ ปารํ สมุทฺทสฺสาติ คงฺคํ สมุทฺทนาเมนาลปนฺโต ‘‘ยานิ สมุทฺทสฺส ปารํ คนฺตฺวา ขาทิตพฺพานิ, อลํ เตหี’’ติ วทติ. ปจฺฉา จ อนุตปฺปตีติ อุปฺปนฺนํ อตฺถํ ขิปฺปํ อชานนฺโต อมิตฺตวสํ คจฺฉติ, ปจฺฉา จ อนุตปฺปติ.

อิติ โส จตูหิ คาถาหิ โลกิยกิจฺจานํ นิปฺผตฺติการณํ กเถตฺวา วนสณฺฑเมว ปาวิสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา สํสุมาโร เทวทตฺโต อโหสิ, วานโร ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

วานรชาตกวณฺณนา ทุติยา.

[๓๔๓] ๓. กุนฺตินีชาตกวณฺณนา

อวสิมฺห ตวาคาเรติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โกสลรฺโ เคเห นิวุตฺถํ กุนฺตินีสกุณิกํ อารพฺภ กเถสิ. สา กิร รฺโ ทูเตยฺยหาริกา อโหสิ. ทฺเว โปตกาปิสฺสา อตฺถิ, ราชา ตํ สกุณิกํ เอกสฺส รฺโ ปณฺณํ คาหาเปตฺวา เปเสสิ. ตสฺสา คตกาเล ราชกุเล ทารกา เต สกุณโปตเก หตฺเถหิ ปริมทฺทนฺตา มาเรสุํ. สา อาคนฺตฺวา เต โปตเก มเต ปสฺสนฺตี ‘‘เกน เม ปุตฺตกา มาริตา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อสุเกน จ อสุเกน จา’’ติ. ตสฺมิฺจ กาเล ราชกุเล โปสาวนิกพฺยคฺโฆ อตฺถิ กกฺขโฬ ผรุโส, พนฺธนพเลน ติฏฺติ. อถ เต ทารกา ตํ พฺยคฺฆํ ทสฺสนาย อคมํสุ. สาปิ สกุณิกา เตหิ สทฺธึ คนฺตฺวา ‘‘ยถา อิเมหิ มม ปุตฺตกา มาริตา, ตเถว เน กริสฺสามี’’ติ เต ทารเก คเหตฺวา พฺยคฺฆสฺส ปาทมูเล ขิปิ, พฺยคฺโฆ มุรามุราเปตฺวา ขาทิ. สา ‘‘อิทานิ เม มโนรโถ ปริปุณฺโณ’’ติ อุปฺปติตฺวา หิมวนฺตเมว คตา. ตํ การณํ สุตฺวา ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, ราชกุเล กิร อสุกา นาม กุนฺตินี สกุณิกา เย หิสฺสา โปตกา มาริตา, เต ทารเก พฺยคฺฆสฺส ปาทมูเล ขิปิตฺวา หิมวนฺตเมว คตา’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปสา อตฺตโน โปตกฆาตเก ทารเก คเหตฺวา พฺยคฺฆสฺส ปาทมูเล ขิปิตฺวา หิมวนฺตเมว คตา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ โพธิสตฺโต ธมฺเมน สเมน รชฺชํ กาเรสิ. ตสฺส นิเวสเน เอกา กุนฺตินี สกุณิกา ทูเตยฺยหาริกาติ สพฺพํ ปุริมสทิสเมว. อยํ ปน วิเสโส. อยํ กุนฺตินี พฺยคฺเฆน ทารเก มาราเปตฺวา จินฺเตสิ ‘‘อิทานิ น สกฺกา มยา อิธ วสิตุํ, คมิสฺสามิ, คจฺฉนฺตี จ ปน รฺโ อนาโรเจตฺวา น คมิสฺสามิ, อาโรเจตฺวาว คมิสฺสามี’’ติ. สา ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ ิตา ‘‘สามิ, ตุมฺหากํ ปมาเทน มม ปุตฺตเก ทารกา มาเรสุํ, อหํ โกธวสิกา หุตฺวา เต ทารเก ปฏิมาเรสึ, อิทานิ มยา อิธ วสิตุํ น สกฺกา’’ติ วตฺวา ปมํ คาถมาห –

๑๖๕.

‘‘อวสิมฺห ตวาคาเร, นิจฺจํ สกฺกตปูชิตา,

ตฺวเมว ทานิมกริ, หนฺท ราช วชามห’’นฺติ.

ตตฺถ ตฺวเมว ทานิมกรีติ มํ ปณฺณํ คาหาเปตฺวา เปเสตฺวา อตฺตโน ปมาเทน มม ปิยปุตฺตเก อรกฺขนฺโต ตฺวฺเว อิทานิ เอตํ มม โทมนสฺสการณํ อกริ. หนฺทาติ ววสฺสคฺคตฺเถ นิปาโต. ราชาติ โพธิสตฺตํ อาลปติ. วชามหนฺติ อหํ หิมวนฺตํ คจฺฉามีติ.

ตํ สุตฺวา ราชา ทุติยํ คาถมาห –

๑๖๖.

‘‘โย เว กเต ปฏิกเต, กิพฺพิเส ปฏิกิพฺพิเส;

เอวํ ตํ สมฺมตี เวรํ, วส กุนฺตินิ มาคมา’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – โย ปุคฺคโล ปเรน กเต กิพฺพิเส อตฺตโน ปุตฺตมารณาทิเก ทารุเณ กมฺเม กเต ปุน อตฺตโน ตสฺส ปุคฺคลสฺส ปฏิกเต ปฏิกิพฺพิเส ‘‘ปฏิกตํ มยา ตสฺสา’’ติ ชานาติ. เอวํ ตํ สมฺมตี เวรนฺติ เอตฺตเกน ตํ เวรํ สมฺมติ วูปสนฺตํ โหติ, ตสฺมา วส กุนฺตินิ มาคมาติ.

ตํ สุตฺวา กุนฺตินี ตติยํ คาถมาห –

๑๖๗.

‘‘น กตสฺส จ กตฺตา จ, เมตฺติ สนฺธียเต ปุน;

หทยํ นานุชานาติ, คจฺฉฺเว รเถสภา’’ติ.

ตตฺถ น กตสฺส จ กตฺตา จาติ กตสฺส จ อภิภูตสฺส อุปปีฬิตสฺส ปุคฺคลสฺส, อิทานิ วิภตฺติวิปริณามํ กตฺวา โย กตฺตา ตสฺส จาติ อิเมสํ ทฺวินฺนํ ปุคฺคลานํ ปุน มิตฺตภาโว นาม น สนฺธียติ น ฆฏียตีติ อตฺโถ. หทยํ นานุชานาตีติ เตน การเณน มม หทยํ อิธ วาสํ นานุชานาติ. คจฺฉฺเว รเถสภาติ ตสฺมา อหํ มหาราช คมิสฺสามิเยวาติ.

ตํ สุตฺวา ราชา จตุตฺถํ คาถมาห –

๑๖๘.

‘‘กตสฺส เจว กตฺตา จ, เมตฺติ สนฺธียเต ปุน;

ธีรานํ โน จ พาลานํ, วส กุนฺตินิ มาคมา’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – กตสฺส เจว ปุคฺคลสฺส, โย จ กตฺตา ตสฺส เมตฺติ สนฺธียเต ปุน, สา ปน ธีรานํ, โน จ พาลานํ. ธีรานฺหิ เมตฺติ ภินฺนาปิ ปุน ฆฏียติ, พาลานํ ปน สกึ ภินฺนา ภินฺนาว โหติ, ตสฺมา วส กุนฺตินิ มาคมาติ.

สกุณิกา ‘‘เอวํ สนฺเตปิ น สกฺกา มยา อิธ วสิตุํ สามี’’ติ ราชานํ วนฺทิตฺวา อุปฺปติตฺวา หิมวนฺตเมว คตา.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา กุนฺตินีเยว เอตรหิ กุนฺตินี อโหสิ, พาราณสิราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

กุนฺตินีชาตกวณฺณนา ตติยา.

[๓๔๔] ๔. อมฺพชาตกวณฺณนา

โย นีลิยํ มณฺฑยตีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ อมฺพโคปกตฺเถรํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิร มหลฺลกกาเล ปพฺพชิตฺวา เชตวนปจฺจนฺเต อมฺพวเน ปณฺณสาลํ กาเรตฺวา อมฺเพ รกฺขนฺโต ปติตานิ อมฺพปกฺกานิ ขาทนฺโต วิจรติ, อตฺตโน สมฺพนฺธมนุสฺสานมฺปิ เทติ. ตสฺมึ ภิกฺขาจารํ ปวิฏฺเ อมฺพโจรกา อมฺพานิ ปาเตตฺวา ขาทิตฺวา จ คเหตฺวา จ คจฺฉนฺติ. ตสฺมึ ขเณ จตสฺโส เสฏฺิธีตโร อจิรวติยํ นฺหายิตฺวา วิจรนฺติโย ตํ อมฺพวนํ ปวิสึสุ. มหลฺลโก อาคนฺตฺวา ตา ทิสฺวา ‘‘ตุมฺเหหิ เม อมฺพานิ ขาทิตานี’’ติ อาห. ‘‘ภนฺเต, มยํ อิทาเนว อาคตา, น ตุมฺหากํ อมฺพานิ ขาทามา’’ติ. ‘‘เตน หิ สปถํ กโรถา’’ติ? ‘‘กโรม, ภนฺเต’’ติ สปถํ กรึสุ. มหลฺลโก ตา สปถํ กาเรตฺวา ลชฺชาเปตฺวา วิสฺสชฺเชสิ. ตสฺส ตํ กิริยํ สุตฺวา ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, อสุโก กิร มหลฺลโก อตฺตโน วสนกํ อมฺพวนํ ปวิฏฺา เสฏฺิธีตโร สปถํ กาเรตฺวา ลชฺชาเปตฺวา วิสฺสชฺเชสี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปส อมฺพโคปโก หุตฺวา จตสฺโส เสฏฺิธีตโร สปถํ กาเรตฺวา ลชฺชาเปตฺวา วิสฺสชฺเชสี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต สกฺกตฺตํ กาเรสิ. ตทา เอโก กูฏชฏิโล พาราณสึ อุปนิสฺสาย นทีตีเร อมฺพวเน ปณฺณสาลํ มาเปตฺวา อมฺเพ รกฺขนฺโต ปติตานิ อมฺพปกฺกานิ ขาทนฺโต สมฺพนฺธมนุสฺสานมฺปิ เทนฺโต นานปฺปกาเรน มิจฺฉาชีเวน ชีวิกํ กปฺเปนฺโต วิจรติ. ตทา สกฺโก เทวราชา ‘‘เก นุ โข โลเก มาตาปิตโร อุปฏฺหนฺติ, กุเล เชฏฺาปจยนกมฺมํ กโรนฺติ, ทานํ เทนฺติ, สีลํ รกฺขนฺติ, อุโปสถกมฺมํ กโรนฺติ, เก ปพฺพชิตา สมณธมฺเม ยุตฺตปยุตฺตา วิหรนฺติ, เก อนาจารํ จรนฺตี’’ติ โลกํ โวโลเกนฺโต อิมํ อมฺพโคปกํ อนาจารํ กูฏชฏิลํ ทิสฺวา ‘‘อยํ กูฏชฏิโล กสิณปริกมฺมาทึ อตฺตโน สมณธมฺมํ ปหาย อมฺพวนํ รกฺขนฺโต วิจรติ, สํเวเชสฺสามิ น’’นฺติ ตสฺส คามํ ภิกฺขาย ปวิฏฺกาเล อตฺตโน อานุภาเวน อมฺเพ ปาเตตฺวา โจเรหิ วิลุมฺพิเต วิย อกาสิ.

ตทา พาราณสิโต จตสฺโส เสฏฺิธีตโร ตํ อมฺพวนํ ปวิสึสุ. กูฏชฏิโล ตา ทิสฺวา ‘‘ตุมฺเหหิ เม อมฺพานิ ขาทิตานี’’ติ ปลิพุทฺธิ. ‘‘ภนฺเต, มยํ อิทาเนว อาคตา, น เต อมฺพานิ ขาทามา’’ติ. ‘‘เตน หิ สปถํ กโรถา’’ติ? ‘‘กตฺวา จ ปน คนฺตุํ ลภิสฺสามา’’ติ? ‘‘อาม, ลภิสฺสถา’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ ตาสุ เชฏฺิกา สปถํ กโรนฺตี ปมํ คาถมาห –

๑๖๙.

‘‘โย นีลิยํ มณฺฑยติ, สณฺฑาเสน วิหฺติ;

ตสฺส สา วสมนฺเวตุ, ยา เต อมฺเพ อวาหรี’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – โย ปุริโส ปลิตานํ กาฬวณฺณกรณตฺถาย นีลผลาทีนิ โยเชตฺวา กตํ นีลิยํ มณฺฑยติ, นีลเกสนฺตเร จ อุฏฺิตํ ปลิตํ อุทฺธรนฺโต สณฺฑาเสน วิหฺติ กิลมติ, ตสฺส เอวรูปสฺส มหลฺลกสฺส สา วสํ อนฺเวตุ, ตถารูปํ ปตึ ลภตุ, ยา เต อมฺเพ อวาหรีติ.

ตาปโส ‘‘ตฺวํ เอกมนฺตํ ติฏฺาหี’’ติ วตฺวา ทุติยํ เสฏฺิธีตรํ สปถํ กาเรสิ. สา สปถํ กโรนฺตี ทุติยํ คาถมาห –

๑๗๐.

‘‘วีสํ วา ปฺจวีสํ วา, อูนตึสํว ชาติยา;

ตาทิสา ปติ มา ลทฺธา, ยา เต อมฺเพ อวาหรี’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – นาริโย นาม ปนฺนรสโสฬสวสฺสิกกาเล ปุริสานํ ปิยา โหนฺติ. ยา ปน ตว อมฺพานิ อวาหริ, สา เอวรูเป โยพฺพเน ปตึ อลภิตฺวา ชาติยา วีสํ วา ปฺจวีสํ วา เอเกน ทฺวีหิ อูนตาย อูนตึสํ วา วสฺสานิ ปตฺวา ตาทิสา ปริปกฺกวยา หุตฺวาปิ ปตึ มา ลทฺธาติ.

ตายปิ สปถํ กตฺวา เอกมนฺตํ ิตาย ตติยา ตติยํ คาถมาห –

๑๗๑.

‘‘ทีฆํ คจฺฉตุ อทฺธานํ, เอกิกา อภิสาริกา;

สงฺเกเต ปติ มา อทฺท, ยา เต อมฺเพ อวาหรี’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – ยา เต อมฺเพ อวาหริ, สา ปตึ ปตฺถยมานา ตสฺส สนฺติกํ อภิสรณตาย อภิสาริกา นาม หุตฺวา เอกิกา อทุติยา คาวุตทฺวิคาวุตมตฺตํ ทีฆํ อทฺธานํ คจฺฉตุ, คนฺตฺวาปิ จ ตสฺมึ อสุกฏฺานํ นาม อาคจฺเฉยฺยาสีติ กเต สงฺเกเต ตํ ปตึ มา อทฺทสาติ.

ตายปิ สปถํ กตฺวา เอกมนฺตํ ิตาย จตุตฺถา จตุตฺถํ คาถมาห –

๑๗๒.

‘‘อลงฺกตา สุวสนา, มาลินี จนฺทนุสฺสทา;

เอกิกา สยเน เสตุ, ยา เต อมฺเพ อวาหรี’’ติ. – สา อุตฺตานตฺถาเยว;

ตาปโส ‘‘ตุมฺเหหิ อติภาริยา สปถา กตา, อฺเหิ อมฺพานิ ขาทิตานิ ภวิสฺสนฺติ, คจฺฉถ ทานิ ตุมฺเห’’ติ ตา อุยฺโยเชสิ. สกฺโก เภรวรูปารมฺมณํ ทสฺเสตฺวา กูฏตาปสํ ตโต ปลาเปสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา กูฏชฏิโล อยํ อมฺพโคปโก มหลฺลโก อโหสิ, จตสฺโส เสฏฺิธีตโร เอตาเยว, สกฺโก ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

อมฺพชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.

[๓๔๕] ๕. ราชกุมฺภชาตกวณฺณนา

วนํ ยทคฺคิ ทหตีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ อลสภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิร สาวตฺถิวาสี กุลปุตฺโต สาสเน อุรํ ทตฺวา ปพฺพชิตฺวาปิ อลโส อโหสิ อุทฺเทสปริปุจฺฉาโยนิโสมนสิการวตฺตปฏิวตฺตาทีหิ ปริพาหิโร นีวรณาภิภูโต. นิสินฺนฏฺานาทีสุ อิริยาปเถสุ ตถา เอว โหติ. ตสฺส ตํ อาลสิยภาวํ อารพฺภ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, อสุโก นาม ภิกฺขุ เอวรูเป นิยฺยานิกสาสเน ปพฺพชิตฺวา อาลสิโย กุสีโต นีวรณาภิภูโต วิหรตี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปส อาลสิโยเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส อมจฺจรตนํ อโหสิ, พาราณสิราชา อาลสิยชาติโก อโหสิ. โพธิสตฺโต ‘‘ราชานํ ปโพเธสฺสามี’’ติ เอกํ อุปมํ อุปธาเรนฺโต วิจรติ. อเถกทิวสํ ราชา อุยฺยานํ คนฺตฺวา อมจฺจคณปริวุโต ตตฺถ วิจรนฺโต เอกํ ราชกุมฺภํ นาม อาลสิยํ ปสฺสิ. ตถารูปา กิร อาลสิยา สกลทิวสํ คจฺฉนฺตาปิ เอกทฺวงฺคุลมตฺตเมว คจฺฉนฺติ. ราชา ตํ ทิสฺวา ‘‘วยสฺส โก นาม โส’’ติ โพธิสตฺตํ ปุจฺฉิ. มหาสตฺโต ‘‘ราชกุมฺโภ นาเมส, มหาราช, อาลสิโย. เอวรูโป หิ สกลทิวสํ คจฺฉนฺโตปิ เอกงฺคุลทฺวงฺคุลมตฺตเมว คจฺฉตี’’ติ วตฺวา เตน สทฺธึ สลฺลปนฺโต ‘‘อมฺโภ, ราชกุมฺภ, ตุมฺหากํ ทนฺธคมนํ อิมสฺมึ อรฺเ ทาวคฺคิมฺหิ อุฏฺิเต กึ กโรถา’’ติ วตฺวา ปมํ คาถมาห –

๑๗๓.

‘‘วนํ ยทคฺคิ ทหติ, ปาวโก กณฺหวตฺตนี;

กถํ กโรสิ ปจลก, เอวํ ทนฺธปรกฺกโม’’ติ.

ตตฺถ ยทคฺคีติ ยทา อคฺคิ. ปาวโก กณฺหวตฺตนีติ อคฺคิโน เววจนํ. ปจลกาติ ตํ อาลปติ. โส หิ จลนฺโต จลนฺโต คจฺฉติ, นิจฺจํ วา ปจลายติ, ตสฺมา ‘‘ปจลโก’’ติ วุจฺจติ. ทนฺธปรกฺกโมติ ครุวีริโย.

ตํ สุตฺวา ราชกุมฺโภ ทุติยํ คาถมาห –

๑๗๔.

‘‘พหูนิ รุกฺขฉิทฺทานิ, ปถพฺยา วิวรานิ จ;

ตานิ เจ นาภิสมฺโภม, โหติ โน กาลปริยาโย’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – ปณฺฑิต, อมฺหากํ อิโต อุตฺตริคมนํ นาม นตฺถิ. อิมสฺมึ ปน อรฺเ รุกฺขฉิทฺทานิ ปถวิยํ วิวรานิ จ พหูนิ. ยทิ ตานิ น ปาปุณาม, โหติ โน กาลปริยาโยติ มรณเมว โน โหตีติ.

ตํ สุตฺวา โพธิสตฺโต อิตรา ทฺเว คาถา อภาสิ –

๑๗๕.

‘‘โย ทนฺธกาเล ตรติ, ตรณีเย จ ทนฺธติ;

สุกฺขปณฺณํว อกฺกมฺม, อตฺถํ ภฺชติ อตฺตโน.

๑๗๖.

‘‘โย ทนฺธกาเล ทนฺเธติ, ตรณีเย จ ตารยิ;

สสีว รตฺตึ วิภชํ, ตสฺสตฺโถ ปริปูรตี’’ติ.

ตตฺถ ทนฺธกาเลติ เตสํ เตสํ กมฺมานํ สณิกํ กตฺตพฺพกาเล. ตรตีติ ตุริตตุริโต เวเคน ตานิ กมฺมานิ กโรติ. สุกฺขปณฺณํวาติ ยถา วาตาตปสุกฺขํ ตาลปณฺณํ พลวา ปุริโส อกฺกมิตฺวา ภฺเชยฺย, ตตฺเถว จุณฺณวิจุณฺณํ กเรยฺย, เอวํ โส อตฺตโน อตฺถํ วุทฺธึ ภฺชติ. ทนฺเธตีติ ทนฺธยติ ทนฺธกาตพฺพานิ กมฺมานิ ทนฺธเมว กโรติ. ตารยีติ ตุริตกาตพฺพานิ กมฺมานิ ตุริโตว กโรติ. สสีว รตฺตึ วิภชนฺติ ยถา จนฺโท ชุณฺหปกฺขํ รตฺตึ โชตยมาโน กาฬปกฺขรตฺติโต รตฺตึ วิภชนฺโต ทิวเส ทิวเส ปริปูรติ, เอวํ ตสฺส ปุริสสฺส อตฺโถ ปริปูรตีติ วุตฺตํ โหติ.

ราชา โพธิสตฺตสฺส วจนํ สุตฺวา ตโต ปฏฺาย อนลโส ชาโต.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ราชกุมฺโภ อาลสิยภิกฺขุ อโหสิ, ปณฺฑิตามจฺโจ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

ราชกุมฺภชาตกวณฺณนา ปฺจมา.

[๓๔๖] ๖. เกสวชาตกวณฺณนา

มนุสฺสินฺทํ ชหิตฺวานาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต วิสฺสาสโภชนํ อารพฺภ กเถสิ. อนาถปิณฺฑิกสฺส กิร เคเห ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ นิพทฺธภตฺตํ โหติ, เคหํ นิจฺจกาลํ ภิกฺขุสงฺฆสฺส โอปานภูตํ กาสาวปชฺโชตํ อิสิวาตปฏิวาตํ. อเถกทิวสํ ราชา นครํ ปทกฺขิณํ กโรนฺโต เสฏฺิโน นิเวสเน ภิกฺขุสงฺฆํ ทิสฺวา ‘‘อหมฺปิ อริยสงฺฆสฺส นิพทฺธํ ภิกฺขํ ทสฺสามี’’ติ วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ นิพทฺธํ ภิกฺขํ ปฏฺเปสิ. ตโต ปฏฺาย ราชนิเวสเน นิพทฺธํ ภิกฺขา ทิยฺยติ, ติวสฺสิกคนฺธสาลิโภชนํ ปณีตํ. วิสฺสาเสนปิ สิเนเหนปิ สหตฺถา ทายกา นตฺถิ, ราชยุตฺเต ทาเปสิ. ภิกฺขู นิสีทิตฺวา ภุฺชิตุํ น อิจฺฉนฺติ, นานคฺครสภตฺตํ คเหตฺวา อตฺตโน อตฺตโน อุปฏฺากกุลํ คนฺตฺวา ตํ ภตฺตํ เตสํ ทตฺวา เตหิ ทินฺนํ ลูขํ วา ปณีตํ วา ภุฺชนฺติ.

อเถกทิวสํ รฺโ พหุํ ผลาผลํ อาหรึสุ. ราชา ‘‘สงฺฆสฺส เทถา’’ติ อาห. มนุสฺสา ภตฺตคฺคํ คนฺตฺวา เอกภิกฺขุมฺปิ อทิสฺวา ‘‘เอโก ภิกฺขุปิ นตฺถี’’ติ รฺโ อาโรเจสุํ. ‘‘นนุ เวลาเยว ตาวา’’ติ? ‘‘อาม, เวลา, ภิกฺขู ปน ตุมฺหากํ เคเห ภตฺตํ คเหตฺวา อตฺตโน อตฺตโน วิสฺสาสิกานํ อุปฏฺากานํ เคหํ คนฺตฺวา เตสํ ทตฺวา เตหิ ทินฺนํ ลูขํ วา ปณีตํ วา ภุฺชนฺตี’’ติ. ราชา ‘‘อมฺหากํ ภตฺตํ ปณีตํ, เกน นุ โข การเณน อภุตฺวา อฺํ ภุฺชนฺติ, สตฺถารํ ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ปุจฺฉิ. สตฺถา ‘‘มหาราช, โภชนํ นาม วิสฺสาสปรมํ, ตุมฺหากํ เคเห วิสฺสาสํ ปจฺจุปฏฺาเปตฺวา สิเนเหน ทายกานํ อภาวา ภิกฺขู ภตฺตํ คเหตฺวา อตฺตโน อตฺตโน วิสฺสาสิกฏฺาเน ปริภุฺชนฺติ. มหาราช, วิสฺสาสสทิโส อฺโ รโส นาม นตฺถิ, อวิสฺสาสิเกน ทินฺนํ จตุมธุรมฺปิ หิ วิสฺสาสิเกน ทินฺนํ สามากภตฺตํ น อคฺฆติ. โปราณกปณฺฑิตาปิ โรเค อุปฺปนฺเน รฺา ปฺจ เวชฺชกุลานิ คเหตฺวา เภสชฺเช การิเตปิ โรเค อวูปสนฺเต วิสฺสาสิกานํ สนฺติกํ คนฺตฺวา อโลณกํ สามากนีวารยาคุฺเจว อุทกมตฺตสิตฺตํ อโลณกปณฺณฺจ ปริภุฺชิตฺวา นิโรคา ชาตา’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต กาสิรฏฺเ พฺรามฺหณกุเล นิพฺพตฺติ, ‘‘กปฺปกุมาโร’’ติสฺส นามํ อกํสุ. โส วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา อปรภาเค อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิ. ตทา เกสโว นาม ตาปโส ปฺจหิ ตาปสสเตหิ ปริวุโต คณสตฺถา หุตฺวา หิมวนฺเต วสติ. โพธิสตฺโต ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ปฺจนฺนํ อนฺเตวาสิกสตานํ เชฏฺนฺเตวาสิโก หุตฺวา วิหาสิ, เกสวตาปสสฺส หิตชฺฌาสโย สสิเนโห อโหสิ. เต อฺมฺํ อติวิย วิสฺสาสิกา อเหสุํ. อปรภาเค เกสโว เต ตาปเส อาทาย โลณมฺพิลเสวนตฺถาย มนุสฺสปถํ คนฺตฺวา พาราณสึ ปตฺวา ราชุยฺยาเน วสิตฺวา ปุนทิวเส นครํ ภิกฺขาย ปวิสิตฺวา ราชทฺวารํ อคมาสิ. ราชา อิสิคณํ ทิสฺวา ปกฺโกสาเปตฺวา อนฺโตนิเวสเน โภเชตฺวา ปฏิฺํ คเหตฺวา อุยฺยาเน วสาเปสิ. อถ วสฺสารตฺเต อติกฺกนฺเต เกสโว ราชานํ อาปุจฺฉิ. ราชา ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเห มหลฺลกา, อมฺเห ตาว อุปนิสฺสาย วสถ, ทหรตาปเส หิมวนฺตํ เปเสถา’’ติ อาห. โส ‘‘สาธู’’ติ เชฏฺนฺเตวาสิเกน สทฺธึ เต หิมวนฺตํ เปเสตฺวา สยํ เอกโกว โอหิยิ. กปฺโป หิมวนฺตํ คนฺตฺวา ตาปเสหิ สทฺธึ วสิ.

เกสโว กปฺเปน วินา วสนฺโต อุกฺกณฺิตฺวา ตํ ทฏฺุกาโม หุตฺวา นิทฺทํ น ลภติ, ตสฺส นิทฺทํ อลภนฺตสฺส สมฺมา อาหาโร น ปริณามํ คจฺฉติ, โลหิตปกฺขนฺทิกา อโหสิ, พาฬฺหา เวทนา วตฺตนฺติ. ราชา ปฺจ เวชฺชกุลานิ คเหตฺวา ตาปสํ ปฏิชคฺคิ, โรโค น วูปสมฺมติ. เกสโว ราชานํ อาห ‘‘มหาราช, กึ มยฺหํ มรณํ อิจฺฉถ, อุทาหุ อโรคภาว’’นฺติ? ‘‘อโรคภาวํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘เตน หิ มํ หิมวนฺตํ เปเสถา’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ ราชา นารทํ นาม อมจฺจํ ปกฺกาสาเปตฺวา ‘‘นารท, อมฺหากํ ภทนฺตํ คเหตฺวา วนจรเกหิ สทฺธึ หิมวนฺตํ ยาหี’’ติ เปเสสิ. นารโท ตํ ตตฺถ เนตฺวา ปจฺจาคมาสิ. เกสวสฺสปิ กปฺเป ทิฏฺมตฺเตเยว เจตสิกโรโค วูปสนฺโต, อุกฺกณฺา ปฏิปฺปสฺสมฺภิ. อถสฺส กปฺโป อโลณเกน อธูปเนน อุทกมตฺตสิตฺตปณฺเณน สทฺธึ สามากนีวารยาคุํ อทาสิ, ตสฺส ตงฺขณฺเว โลหิตปกฺขนฺทิกา ปฏิปฺปสฺสมฺภิ.

ปุน ราชา นารทํ เปเสสิ ‘‘คจฺฉ เกสวสฺส ตาปสสฺส ปวตฺตึ ชานาหี’’ติ. โส คนฺตฺวา ตํ อโรคํ ทิสฺวา ‘‘ภนฺเต, พาราณสิราชา ปฺจ เวชฺชกุลานิ คเหตฺวา ปฏิชคฺคนฺโต ตุมฺเห อโรเค กาตุํ นาสกฺขิ, กถํ เต กปฺโป ปฏิชคฺคี’’ติ วตฺวา ปมํ คาถมาห –

๑๗๗.

‘‘มนุสฺสินฺทํ ชหิตฺวาน, สพฺพกามสมิทฺธินํ;

กถํ นุ ภควา เกสี, กปฺปสฺส รมติ อสฺสเม’’ติ.

ตตฺถ มนุสฺสินฺทนฺติ มนุสฺสานํ อินฺทํ พาราณสิราชานํ. กถํ นุ ภควา เกสีติ เกน นุ โข อุปาเยน อยํ อมฺหากํ ภควา เกสวตาปโส กปฺปสฺส อสฺสเม รมตีติ.

เอวํ อฺเหิ สทฺธึ สลฺลปนฺโต วิย เกสวสฺส อภิรติการณํ ปุจฺฉิ. ตํ สุตฺวา เกสโว ทุติยํ คาถมาห –

๑๗๘.

‘‘สาทูนิ รมณียานิ, สนฺติ วกฺขา มโนรมา;

สุภาสิตานิ กปฺปสฺส, นารท รมยนฺติ ม’’นฺติ.

ตตฺถ วกฺขาติ รุกฺขา. ปาฬิยํ ปน ‘‘รุกฺขา’’ตฺเวว ลิขิตํ. สุภาสิตานีติ กปฺเปน กถิตานิ สุภาสิตานิ มํ รมยนฺตีติ อตฺโถ.

เอวฺจ ปน วตฺวา ‘‘เอวํ มํ อภิรมาเปนฺโต กปฺโป อโลณกํ อธูปนํ อุทกสิตฺตปณฺณมิสฺสํ สามากนีวารยาคุํ ปาเยสิ, ตาย เม สรีเร พฺยาธิ วูปสมิโต, อโรโค ชาโตมฺหี’’ติ อาห. ตํ สุตฺวา นารโท ตติยํ คาถมาห –

๑๗๙.

‘‘สาลีนํ โอทนํ ภุฺเช, สุจึ มํสูปเสจนํ;

กถํ สามากนีวารํ, อโลณํ ฉาทยนฺติ ต’’นฺติ.

ตตฺถ ภุฺเชติ ภุฺชสิ, อยเมว วา ปาโ. ฉาทยนฺตีติ ฉาทยติ ปีเณติ โตเสติ. คาถาพนฺธสุขตฺถํ ปน อนุนาสิโก กโต. อิทํ วุตฺตํ โหติ – โย ตฺวํ สุจึ มํสูปเสจนํ ราชกุเล ราชารหํ สาลิภตฺตํ ภุฺชสิ, ตํ กถมิทํ สามากนีวารํ อโลณํ ปีเณติ โตเสติ, กถํ เต เอตํ รุจฺจตีติ.

ตํ สุตฺวา เกสโว จตุตฺถํ คาถมาห –

๑๘๐.

‘‘สาทุํ วา ยทิ วาสาทุํ, อปฺปํ วา ยทิ วา พหุํ;

วิสฺสตฺโถ ยตฺถ ภุฺเชยฺย, วิสฺสาสปรมา รสา’’ติ.

ตตฺถ ยทิ วาสาทุนฺติ ยทิ วา อสาทุํ. วิสฺสตฺโถติ นิราสงฺโก วิสฺสาสปตฺโต หุตฺวา. ยตฺถ ภุฺเชยฺยาติ ยสฺมึ นิเวสเน เอวํ ภุฺเชยฺย, ตตฺถ เอวํ ภุตฺตํ ยํกิฺจิ โภชนํ สาทุเมว. กสฺมา? ยสฺมา วิสฺสาสปรมา รสา, วิสฺสาโส ปรโม อุตฺตโม เอเตสนฺติ วิสฺสาสปรมา รสา. วิสฺสาสสทิโส หิ อฺโ รโส นาม นตฺถิ. อวิสฺสาสิเกน หิ ทินฺนํ จตุมธุรมฺปิ วิสฺสาสิเกน ทินฺนํ อมฺพิลกฺชิยํ น อคฺฆตีติ.

นารโท ตสฺส วจนํ สุตฺวา รฺโ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘เกสโว อิทํ นาม กเถสี’’ติ อาจิกฺขิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ราชา อานนฺโท อโหสิ, นารโท สาริปุตฺโต, เกสโว พกพฺรหฺมา, กปฺโป ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

เกสวชาตกวณฺณนา ฉฏฺา.

[๓๔๗] ๗. อยกูฏชาตกวณฺณนา

สพฺพายสนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โลกตฺถจริยํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ มหากณฺหชาตเก (ชา. ๑.๑๒.๖๑ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต อุคฺคหิตสพฺพสิปฺโป ปิตุ อจฺจเยน รชฺเช ปติฏฺาย ธมฺเมน รชฺชํ กาเรสิ. ตทา มนุสฺสา เทวมงฺคลิกา หุตฺวา พหู อเชฬกาทโย มาเรตฺวา เทวตานํ พลิกมฺมํ กโรนฺติ. โพธิสตฺโต ‘‘ปาโณ น หนฺตพฺโพ’’ติ เภรึ จราเปสิ. ยกฺขา พลิกมฺมํ อลภมานา โพธิสตฺตสฺส กุชฺฌิตฺวา หิมวนฺเต ยกฺขสมาคมํ คนฺตฺวา โพธิสตฺตสฺส มารณตฺถาย เอกํ กกฺขฬํ ยกฺขํ เปเสสุํ. โส กณฺณิกมตฺตํ มหนฺตํ อาทิตฺตํ อยกูฏํ คเหตฺวา ‘‘อิมินา นํ ปหริตฺวา มาเรสฺสามี’’ติ อาคนฺตฺวา มชฺฌิมยามสมนนฺตเร โพธิสตฺตสฺส สยนมตฺถเก อฏฺาสิ. ตสฺมึ ขเณ สกฺกสฺส อาสนํ อุณฺหาการํ ทสฺเสสิ. โส อาวชฺชมาโน ตํ การณํ ตฺวา อินฺทวชิรํ อาทาย คนฺตฺวา ยกฺขสฺส อุปริ อฏฺาสิ. โพธิสตฺโต ยกฺขํ ทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข เอส มํ รกฺขมาโน ิโต, อุทาหุ มาเรตุกาโม’’ติ เตน สทฺธึ สลฺลปนฺโต ปมํ คาถมาห –

๑๘๑.

‘‘สพฺพายสํ กูฏมติปฺปมาณํ, ปคฺคยฺห โย ติฏฺสิ อนฺตลิกฺเข;

รกฺขาย เม ตฺวํ วิหิโต นุสชฺช, อุทาหุ เม เจตยเส วธายา’’ติ.

ตตฺถ วิหิโต นุสชฺชาติ วิหิโต นุ อสิ อชฺช.

โพธิสตฺโต ปน ยกฺขเมว ปสฺสติ, น สกฺกํ. ยกฺโข สกฺกสฺส ภเยน โพธิสตฺตํ ปหริตุํ น สกฺโกติ. โส โพธิสตฺตสฺส กถํ สุตฺวา ‘‘มหาราช, นาหํ ตว รกฺขณตฺถาย ิโต, อิมินา ปน ชลิเตน อยกูเฏน ปหริตฺวา ตํ มาเรสฺสามีติ อาคโตมฺหิ, สกฺกสฺส ภเยน ตํ ปหริตุํ น สกฺโกมี’’ติ เอตมตฺถํ ทีเปนฺโต ทุติยํ คาถมาห –

๑๘๒.

‘‘ทูโต อหํ ราชิธ รกฺขสานํ, วธาย ตุยฺหํ ปหิโตหมสฺมิ;

อินฺโท จ ตํ รกฺขติ เทวราชา, เตนุตฺตมงฺคํ น เต ผาลยามี’’ติ.

ตํ สุตฺวา โพธิสตฺโต อิตรา ทฺเว คาถา อภาสิ –

๑๘๓.

‘‘สเจ จ มํ รกฺขติ เทวราชา, เทวานมินฺโท มฆวา สุชมฺปติ;

กามํ ปิสาจา วินทนฺตุ สพฺเพ, น สนฺตเส รกฺขสิยา ปชาย.

๑๘๔.

‘‘กามํ กนฺทนฺตุ กุมฺภณฺฑา, สพฺเพ ปํสุปิสาจกา;

นาลํ ปิสาจา ยุทฺธาย, มหตี สา วิภึสิกา’’ติ.

ตตฺถ รกฺขสิยา ปชายาติ รกฺขสิสงฺขาตาย ปชาย, รกฺขสสตฺตานนฺติ อตฺโถ. กุมฺภณฺฑาติ กุมฺภมตฺตรหสฺสงฺคา มโหทรา ยกฺขา. ปํสุปิสาจกาติ สงฺการฏฺาเน ปิสาจา. นาลนฺติ ปิสาจา นาม มยา สทฺธึ ยุทฺธาย น สมตฺถา. มหตี สา วิภึสิกาติ ยํ ปเนเต ยกฺขา สนฺนิปติตฺวา วิภึสิกํ ทสฺเสนฺติ, สา มหตี วิภึสิกา ภยการณทสฺสนมตฺตเมว มยฺหํ, น ปนาหํ ภายามีติ อตฺโถ.

สกฺโก ยกฺขํ ปลาเปตฺวา มหาสตฺตํ โอวทิตฺวา ‘‘มา ภายิ, มหาราช, อิโต ปฏฺาย ตว รกฺขา มมายตฺตา’’ติ วตฺวา สกฏฺานเมว คโต.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา สกฺโก อนุรุทฺโธ อโหสิ, พาราณสิราชา อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

อยกูฏชาตกวณฺณนา สตฺตมา.

[๓๔๘] ๘. อรฺชาตกวณฺณนา

อรฺา คามมาคมฺมาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ถุลฺลกุมาริกาปโลภนํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ จูฬนารทกสฺสปชาตเก (ชา. ๑.๑๓.๔๐ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ อุคฺคหิตสิปฺโป ภริยาย กาลกตาย ปุตฺตํ คเหตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา หิมวนฺเต วสนฺโต ปุตฺตํ อสฺสมปเท เปตฺวา ผลาผลตฺถาย คจฺฉติ. ตทา โจเรสุ ปจฺจนฺตคามํ ปหริตฺวา กรมเร คเหตฺวา คจฺฉนฺเตสุ เอกา กุมาริกา ปลายิตฺวา ตํ อสฺสมปทํ ปตฺวา ตาปสกุมารํ ปโลเภตฺวา สีลวินาสํ ปาเปตฺวา ‘‘เอหิ คจฺฉามา’’ติ อาห. ‘‘ปิตา ตาว เม อาคจฺฉตุ, ตํ ปสฺสิตฺวา คมิสฺสามี’’ติ. ‘‘เตน หิ ทิสฺวา อาคจฺฉา’’ติ นิกฺขมิตฺวา อนฺตรามคฺเค นิสีทิ. ตาปสกุมาโร ปิตริ อาคเต ปมํ คาถมาห –

๑๘๕.

‘‘อรฺา คามมาคมฺม, กึสีลํ กึวตํ อหํ;

ปุริสํ ตาต เสเวยฺยํ, ตํ เม อกฺขาหิ ปุจฺฉิโต’’ติ.

ตตฺถ อรฺา คามมาคมฺมาติ ตาต อหํ อิโต อรฺโต มนุสฺสปถํ วสนตฺถาย คโต วสนคามํ ปตฺวา กึ กโรมีติ.

อถสฺส ปิตา โอวาทํ ททนฺโต ติสฺโส คาถา อภาสิ –

๑๘๖.

‘‘โย ตํ วิสฺสาสเย ตาต, วิสฺสาสฺจ ขเมยฺย เต;

สุสฺสูสี จ ติติกฺขี จ, ตํ ภเชหิ อิโต คโต.

๑๘๗.

‘‘ยสฺส กาเยน วาจาย, มนสา นตฺถิ ทุกฺกฏํ;

อุรสีว ปติฏฺาย, ตํ ภเชหิ อิโต คโต.

๑๘๘.

‘‘หลิทฺทิราคํ กปิจิตฺตํ, ปุริสํ ราควิราคินํ;

ตาทิสํ ตาต มา เสวิ, นิมฺมนุสฺสมฺปิ เจ สิยา’’ติ.

ตตฺถ โย ตํ วิสฺสาสเยติ โย ปุริโส ตํ วิสฺสาเสยฺย น ปริสงฺเกยฺย. วิสฺสาสฺจ ขเมยฺย เตติ โย จ อตฺตนิ กยิรมานํ ตว วิสฺสาสํ ปตฺโต นิราสงฺโก ตํ ขเมยฺย. สุสฺสูสีติ โย จ ตว วิสฺสาสวจนํ โสตุมิจฺฉติ. ติติกฺขีติ โย จ ตยา กตํ อปราธํ ขมติ. ตํ ภเชหีติ ตํ ปุริสํ ภเชยฺยาสิ ปยิรุปาเสยฺยาสิ. อุรสีว ปติฏฺายาติ ยถา ตสฺส อุรสิ ปติฏฺาย วฑฺฒิโต โอรสปุตฺโต ตฺวมฺปิ ตาทิโส อุรสิ ปติฏฺิตปุตฺโต วิย หุตฺวา เอวรูปํ ปุริสํ ภเชยฺยาสีติ อตฺโถ.

หลิทฺทิราคนฺติ หลิทฺทิราคสทิสํ อถิรจิตฺตํ. กปิจิตฺตนฺติ ลหุปริวตฺติตาย มกฺกฏจิตฺตํ. ราควิราคินนฺติ มุหุตฺเตเนว รชฺชนวิรชฺชนสภาวํ. นิมฺมนุสฺสมฺปิ เจ สิยาติ สเจปิ สกลํ ชมฺพุทีปตลํ กายทุจฺจริตาทิวิรหิตสฺส มนุสฺสสฺส อภาเวน นิมฺมนุสฺสํ สิยา, ตถาปิ, ตาต, ตาทิสํ ลหุจิตฺตํ มา เสวิ, สพฺพมฺปิ มนุสฺสปถํ วิจินิตฺวา เหฏฺา วุตฺตคุณสมฺปนฺนเมว ภเชยฺยาสีติ อตฺโถ.

ตํ สุตฺวา ตาปสกุมาโร ‘‘อหํ, ตาต, อิเมหิ คุเณหิ สมนฺนาคตํ ปุริสํ กตฺถ ลภิสฺสามิ, น คจฺฉามิ, ตุมฺหากฺเว สนฺติเก วสิสฺสามี’’ติ วตฺวา นิวตฺติ. อถสฺส ปิตา กสิณปริกมฺมํ อาจิกฺขิ. อุโภปิ อปริหีนชฺฌานา พฺรหฺมโลกปรายณา อเหสุํ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ปุตฺโต จ กุมาริกา จ เอเตเยว อเหสุํ, ปิตา ตาปโส ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

อรฺชาตกวณฺณนา อฏฺมา.

[๓๔๙] ๙. สนฺธิเภทชาตกวณฺณนา

เนว อิตฺถีสุ สามฺนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เปสุฺสิกฺขาปทํ อารพฺภ กเถสิ. เอกสฺมึ กิร สมเย สตฺถา ‘‘ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู เปสุฺํ อุปสํหรนฺตี’’ติ สุตฺวา เต ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตุมฺเห, ภิกฺขเว, ภิกฺขูนํ ภณฺฑนชาตานํ กลหชาตานํ วิวาทาปนฺนานํ เปสุฺํ อุปสํหรถ, เตน อนุปฺปนฺนานิ เจว ภณฺฑนานิ อุปฺปชฺชนฺติ, อุปฺปนฺนานิ จ ภิยฺโยภาวาย สํวตฺตนฺตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจ’’นฺติ วุตฺเต เต ภิกฺขู ครหิตฺวา ‘‘ภิกฺขเว, ปิสุณา วาจา นาม ติขิณสตฺติปหารสทิสา, ทฬฺโห วิสฺสาโสปิ ตาย ขิปฺปํ ภิชฺชติ, ตฺจ ปน คเหตฺวา อตฺตโน เมตฺติภินฺทนกชโน สีหอุสภสทิโส โหตี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส ปุตฺโต หุตฺวา วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ อุคฺคหิตสิปฺโป ปิตุ อจฺจเยน ธมฺเมน รชฺชํ กาเรสิ. ตทา เอโก โคปาลโก อรฺเ โคกุเลสุ คาโว ปฏิชคฺคิตฺวา อาคจฺฉนฺโต เอกํ คพฺภินึ อสลฺลกฺเขตฺวา ปหาย อาคโต. ตสฺสา เอกาย สีหิยา สทฺธึ วิสฺสาโส อุปฺปชฺชิ. ตา อุโภปิ ทฬฺหมิตฺตา หุตฺวา เอกโต วิจรนฺติ. อปรภาเค คาวี วจฺฉกํ, สีหี สีหโปตกํ วิชายิ. เต อุโภปิ ชนา กุเลน อาคตเมตฺติยา ทฬฺหมิตฺตา หุตฺวา เอกโต วิจรนฺติ. อเถโก วนจรโก อรฺํ ปวิสิตฺวา เตสํ วิสฺสาสํ ทิสฺวา อรฺเ อุปฺปชฺชนกภณฺฑํ อาทาย พาราณสึ คนฺตฺวา รฺโ ทตฺวา ‘‘อปิ เต, สมฺม, กิฺจิ อรฺเ อจฺฉริยํ ทิฏฺปุพฺพ’’นฺติ รฺา ปุฏฺโ ‘‘เทว, อฺํ กิฺจิ น ปสฺสามิ, เอกํ ปน สีหฺจ อุสภฺจ อฺมฺํ วิสฺสาสิเก เอกโต วิจรนฺเต อทฺทส’’นฺติ อาห. ‘‘เอเตสํ ตติเย อุปฺปนฺเน ภยํ ภวิสฺสติ, ยทา เตสํ ตติยํ ปสฺสติ, อถ เม อาจิกฺเขยฺยาสี’’ติ. ‘‘สาธุ, เทวา’’ติ.

วนจรเก ปน พาราณสึ คเต เอโก สิงฺคาโล สีหฺจ อุสภฺจ อุปฏฺหิ. วนจรโก อรฺํ คนฺตฺวา ตํ ทิสฺวา ‘‘ตติยสฺส อุปฺปนฺนภาวํ รฺโ กเถสฺสามี’’ติ นครํ คโต. สิงฺคาโล จินฺเตสิ ‘‘มยา เปตฺวา สีหมํสฺจ อุสภมํสฺจ อฺํ อขาทิตปุพฺพํ นาม นตฺถิ, อิเม ภินฺทิตฺวา อิเมสํ มํสํ ขาทิสฺสามี’’ติ. โส ‘‘อยํ ตํ เอวํ วทติ, อยํ ตํ เอวํ วทตี’’ติ อุโภปิ เต อฺมฺํ ภินฺทิตฺวา น จิรสฺเสว กลหํ กาเรตฺวา มรณาการปฺปตฺเต อกาสิ. วนจรโกปิ คนฺตฺวา รฺโ ‘‘เตสํ, เทว, ตติโย อุปฺปนฺโน’’ติ อาห. ‘‘โก โส’’ติ? ‘‘สิงฺคาโล, เทวา’’ติ. ราชา ‘‘โส อุโภ มิตฺเต ภินฺทิตฺวา มาราเปสฺสติ, มยํ เตสํ มตกาเล สมฺปาปุณิสฺสามา’’ติ วตฺวา รถํ อภิรุยฺห วนจรเกน มคฺคเทสเกน คจฺฉนฺโต เตสุ อฺมฺํ กลหํ กตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปตฺเตสุ สมฺปาปุณิ. สิงฺคาโล ปน หฏฺตุฏฺโ เอกวารํ สีหสฺส มํสํ ขาทติ, เอกวารํ อุสภสฺส มํสํ ขาทติ. ราชา เต อุโภปิ ชีวิตกฺขยปฺปตฺเต ทิสฺวา รเถ ิโตว สารถินา สทฺธึ สลฺลปนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –

๑๘๙.

‘‘เนว อิตฺถีสุ สามฺํ, นาปิ ภกฺเขสุ สารถิ;

อถสฺส สนฺธิเภทสฺส, ปสฺส ยาว สุจินฺติตํ.

๑๙๐.

‘‘อสิ ติกฺโขว มํสมฺหิ, เปสุฺํ ปริวตฺตติ;

ยตฺถูสภฺจ สีหฺจ, ภกฺขยนฺติ มิคาธมา.

๑๙๑.

‘‘อิมํ โส สยนํ เสติ, ยมิมํ ปสฺสสิ สารถิ;

โย วาจํ สนฺธิเภทสฺส, ปิสุณสฺส นิโพธติ.

๑๙๒.

‘‘เต ชนา สุขเมธนฺติ, นรา สคฺคคตาริว;

เย วาจํ สนฺธิเภทสฺส, นาวโพธนฺติ สารถี’’ติ.

ตตฺถ เนว อิตฺถีสูติ สมฺม สารถิ, อิเมสํ ทฺวินฺนํ ชนานํ เนว อิตฺถีสุ สามฺํ อตฺถิ น, ภกฺเขสุปิ. อฺเมว หิ อิตฺถึ สีโห เสวติ, อฺํ อุสโภ, อฺํ ภกฺขํ สีโห ขาทติ, อฺํ อุสโภติ อตฺโถ. อถสฺสาติ เอวํ กลหการเณ อวิชฺชมาเนปิ อถ อิมสฺส มิตฺตสนฺธิเภทกสฺส ทุฏฺสิงฺคาลสฺส ‘‘อุภินฺนํ มํสํ ขาทิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา อิเม มาเรนฺตสฺส ปสฺส ยาว สุจินฺติตํ, สุจินฺติตํ ชาตนฺติ อธิปฺปาโย. ยตฺถาติ ยสฺมึ เปสุฺเ ปริวตฺตมาเน. อุสภฺจ สีหฺจ มิคาธมา สิงฺคาลา ขาทนฺติ, ตํ เปสุฺํ มํสมฺหิ ติขิโณ อสิ วิย มิตฺตภาวํ ฉินฺทนฺตเมว ปริวตฺตตีติ ทีเปติ.

ยมิมํ ปสฺสสีติ สมฺม สารถิ, ยํ อิมํ ปสฺสสิ อิเมสํ ทฺวินฺนํ มตสยนํ, อฺโปิ โย ปุคฺคโล สนฺธิเภทสฺส ปิสุณสฺส ปิสุณวาจํ นิโพธติ คณฺหาติ, โส อิมํ สยนํ เสติ, เอวเมวํ มรตีติ ทสฺเสติ. สุขเมธนฺตีติ สุขํ วินฺทนฺติ ลภนฺติ. นรา สคฺคคตาริวาติ สคฺคคตา ทิพฺพโภคสมงฺคิโน นรา วิย เต สุขํ วินฺทนฺติ. นาวโพธนฺตีติ น สารโต ปจฺเจนฺติ, ตาทิสํ ปน วจนํ สุตฺวา โจเทตฺวา สาเรตฺวา เมตฺตึ อภินฺทิตฺวา ปากติกาว โหนฺตีติ.

ราชา อิมา คาถา ภาสิตฺวา สีหสฺส เกสรจมฺมนขทาา คาหาเปตฺวา นครเมว คโต.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา พาราณสิราชา อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

สนฺธิเภทชาตกวณฺณนา นวมา.

[๓๕๐] ๑๐. เทวตาปฺหชาตกวณฺณนา

หนฺติ หตฺเถหิ ปาเทหีติ อยํ เทวตาปุจฺฉา อุมงฺคชาตเก (ชา. ๒.๒๒.๕๙๐ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติ.

เทวตาปฺหชาตกวณฺณนา ทสมา.

จูฬกุณาลวคฺโค ปฺจโม.

ชาตกุทฺทานํ

กาลิงฺโค อสฺสาโรโห จ, เอกราชา จ ททฺทโร;

สีลวีมํสสุชาตา, ปลาโส สกุโณ ฉโว;

เสยฺโยติ ทส ชาตกา.

ปุจิมนฺโท กสฺสโป จ, ขนฺติวาที โลหกุมฺภี;

สพฺพมํสลาภี สโส, มตาโรทกณเวรา;

ติตฺติโร สุจฺจโช ทส.

กุฏิทูโส ทุทฺทภาโย, พฺรหฺมทตฺตจมฺมสาฏโก;

โคธราชา จ กกฺการุ, กากวตี นนุ โสจิโย;

กาฬพาหุ สีลวีมํโส ทส.

โกกาลิโก รถลฏฺิ, ปกฺกโคธราโชวาทา;

ชมฺพุกพฺรหาฉตฺโต จ, ปีถุสา จ พาเวรุ;

วิสยฺหเสฏฺิ ทสธา.

กินฺนรีวานรกุนฺตินี, อมฺพหารี คชกุมฺโภ;

เกสวายกูฏารฺํ, สนฺธิเภโท เทวตาปฺหา.

วคฺคุทฺทานํ –

กาลิงฺโค ปุจิมนฺโท จ, กุฏิทูสกโกกิลา;

จูฬกุณาลวคฺโคติ, ปฺจวคฺคา จตุกฺกมฺหิ;

โหนฺติ ปฺาส ชาตกา.

จตุกฺกนิปาตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๕. ปฺจกนิปาโต

๑. มณิกุณฺฑลวคฺโค

[๓๕๑] ๑. มณิกุณฺฑลชาตกวณฺณนา

ชีโน รถสฺสํ มณิกุณฺฑเล จาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โกสลรฺโ อนฺเตปุเร สพฺพตฺถสาธกํ ปทุฏฺามจฺจํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ เหฏฺา วิตฺถาริตเมว. อิธ ปน โพธิสตฺโต พาราณสิราชา อโหสิ. ปทุฏฺามจฺโจ โกสลราชานํ อาเนตฺวา กาสิรชฺชํ คาหาเปตฺวา พาราณสิราชานํ พนฺธาเปตฺวา พนฺธนาคาเร ปกฺขิปาเปสิ. ราชา ฌานํ อุปฺปาเทตฺวา อากาเส ปลฺลงฺเกน นิสีทิ, โจรรฺโ สรีเร ฑาโห อุปฺปชฺชิ. โส พาราณสิราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา ปมํ คาถมาห –

.

‘‘ชีโน รถสฺสํ มณิกุณฺฑเล จ, ปุตฺเต จ ทาเร จ ตเถว ชีโน;

สพฺเพสุ โภเคสุ อเสสเกสุ, กสฺมา น สนฺตปฺปสิ โสกกาเล’’ติ.

ตตฺถ ชีโน รถสฺสํ มณิกุณฺฑเล จาติ มหาราช, ตฺวํ รถฺจ อสฺสฺจ มณิกุณฺฑลานิ จ ชีโน, ‘‘ชีโน รถสฺเส จ มณิกุณฺฑเล จา’’ติปิ ปาโ. อเสสเกสูติ นิสฺเสสเกสุ.

ตํ สุตฺวา โพธิสตฺโต อิมา ทฺเว คาถา อภาสิ –

.

‘‘ปุพฺเพว มจฺจํ วิชหนฺติ โภคา, มจฺโจ วา เต ปุพฺพตรํ ชหาติ;

อสสฺสตา โภคิโน กามกามิ, ตสฺมา น โสจามหํ โสกกาเล.

.

‘‘อุเทติ อาปูรติ เวติ จนฺโท, อตฺถํ ตเปตฺวาน ปเลติ สูริโย;

วิทิตา มยา สตฺตุก โลกธมฺมา, ตสฺมา น โสจามหํ โสกกาเล’’ติ.

ตตฺถ ปุพฺเพว มจฺจนฺติ มจฺจํ วา โภคา ปุพฺเพว ปมตรฺเว วิชหนฺติ, มจฺโจ วา เต โภเค ปุพฺพตรํ ชหาติ. กามกามีติ โจรราชานํ อาลปติ. อมฺโภ, กาเม กามยมาน กามกามิ โภคิโน นาม โลเก อสสฺสตา, โภเคสุ วา นฏฺเสุ ชีวมานาว อโภคิโน โหนฺติ, โภเค วา ปหาย สยํ นสฺสนฺติ, ตสฺมา อหํ มหาชนสฺส โสกกาเลปิ น โสจามีติ อตฺโถ. วิทิตา มยา สตฺตุก โลกธมฺมาติ โจรราชานํ อาลปติ. อมฺโภ, สตฺตุก, มยา ลาโภ อลาโภ ยโส อยโสติอาทโย โลกธมฺมา วิทิตา. ยเถว หิ จนฺโท อุเทติ จ ปูรติ จ ปุน จ ขียติ, ยถา จ สูริโย อนฺธการํ วิธมนฺโต มหนฺตํ อาโลกํ ตเปตฺวาน ปุน สายํ อตฺถํ ปเลติ อตฺถํ คจฺฉติ น ทิสฺสติ, เอวเมว โภคา อุปฺปชฺชนฺติ จ นสฺสนฺติ จ, ตตฺถ กึ โสเกน, ตสฺมา น โสจามีติ อตฺโถ.

เอวํ มหาสตฺโต โจรรฺโ ธมฺมํ เทเสตฺวา อิทานิ ตเมว โจรํ ครหนฺโต อาห –

.

‘‘อลโส คิหี กามโภคี น สาธุ, อสฺโต ปพฺพชิโต น สาธุ;

ราชา น สาธุ อนิสมฺมการี, โย ปณฺฑิโต โกธโน ตํ น สาธุ.

.

‘‘นิสมฺม ขตฺติโย กยิรา, นานิสมฺม ทิสมฺปติ;

นิสมฺมการิโน ราช, ยโส กิตฺติ จ วฑฺฒตี’’ติ.

อิมา ปน ทฺเว คาถา เหฏฺา วิตฺถาริตาเยว. โจรราชา โพธิสตฺตํ ขมาเปตฺวา รชฺชํ ปฏิจฺฉาเปตฺวา อตฺตโน ชนปทเมว คโต.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา โกสลราชา อานนฺโท อโหสิ, พาราณสิราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

มณิกุณฺฑลชาตกวณฺณนา ปมา.

[๓๕๒] ๒. สุชาตชาตกวณฺณนา

กึ นุ สนฺตรมาโนวาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต มตปิติกํ กุฏุมฺพิกํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิร ปิตริ มเต ปริเทวมาโน วิจรติ, โสกํ วิโนเทตุํ น สกฺโกติ. อถ สตฺถา ตสฺส โสตาปตฺติผลูปนิสฺสยํ ทิสฺวา สาวตฺถึ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาสมณํ อาทาย ตสฺส เคหํ คนฺตฺวา ปฺตฺตาสเน นิสินฺโน ตํ วนฺทิตฺวา นิสินฺนํ ‘‘กึ, อุปาสก, โสจสี’’ติ วตฺวา ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘อาวุโส, โปราณกปณฺฑิตา ปณฺฑิตานํ วจนํ สุตฺวา ปิตริ กาลกเต น โสจึสู’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต กุฏุมฺพิกเคเห นิพฺพตฺติ, ‘‘สุชาตกุมาโร’’ติสฺส นามํ กรึสุ. ตสฺส วยปฺปตฺตสฺส ปิตามโห กาลมกาสิ. อถสฺส ปิตา ปิตุ กาลกิริยโต ปฏฺาย โสกสมปฺปิโต อาฬาหนํ คนฺตฺวา อาฬาหนโต อฏฺีนิ อาหริตฺวา อตฺตโน อาราเม มตฺติกาถูปํ กตฺวา ตานิ ตตฺถ นิทหิตฺวา คตคตเวลาย ถูปํ ปุปฺเผหิ ปูเชตฺวา เจติยํ อาวิชฺฌนฺโต ปริเทวติ, เนว นฺหายติ น ลิมฺปติ น ภุฺชติ น กมฺมนฺเต วิจาเรติ. ตํ ทิสฺวา โพธิสตฺโต ‘‘ปิตา เม อยฺยกสฺส มตกาลโต ปฏฺาย โสกาภิภูโต จรติ, เปตฺวา ปน มํ อฺโ เอตํ สฺาเปตุํ น สกฺโกติ, เอเกน นํ อุปาเยน นิสฺโสกํ กริสฺสามี’’ติ พหิคาเม เอกํ มตโคณํ ทิสฺวา ติณฺจ ปานียฺจ อาหริตฺวา ตสฺส ปุรโต เปตฺวา ‘‘ขาท, ขาท, ปิว, ปิวา’’ติ อาห. อาคตาคตา นํ ทิสฺวา ‘‘สมฺม สุชาต, กึ อุมฺมตฺตโกสิ, มตโคณสฺส ติโณทกํ เทสี’’ติ วทนฺติ. โส น กิฺจิ ปฏิวทติ. อถสฺส ปิตุ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘ปุตฺโต เต อุมฺมตฺตโก ชาโต, มตโคณสฺส ติโณทกํ เทตี’’ติ อาหํสุ. ตํ สุตฺวา กุฏุมฺพิกสฺส ปิตุโสโก อปคโต, ปุตฺตโสโก ปติฏฺิโต. โส เวเคนาคนฺตฺวา ‘‘นนุ ตฺวํ, ตาต สุชาต, ปณฺฑิโตสิ, กึการณา มตโคณสฺส ติโณทกํ เทสี’’ติ วตฺวา ทฺเว คาถา อภาสิ –

.

‘‘กึ นุ สนฺตรมาโนว, ลายิตฺวา หริตํ ติณํ;

ขาท ขาทาติ ลปสิ, คตสตฺตํ ชรคฺควํ.

.

‘‘น หิ อนฺเนน ปาเนน, มโต โคโณ สมุฏฺเห;

ตฺวฺจ ตุจฺฉํ วิลปสิ, ยถา ตํ ทุมฺมตี ตถา’’ติ.

ตตฺถ สนฺตรมาโนวาติ ตุริโต วิย หุตฺวา. ลายิตฺวาติ ลุนิตฺวา. ลปสีติ วิลปสิ. คตสตฺตํ ชรคฺควนฺติ วิคตชีวิตํ ชิณฺณโคณํ. ยถา ตนฺติ เอตฺถ นฺติ นิปาตมตฺตํ, ยถา ทุมฺมติ อปฺปปฺโ วิลเปยฺย, ตถา ตฺวํ ตุจฺฉํ วิลปสีติ.

ตโต โพธิสตฺโต ทฺเว คาถา อภาสิ –

.

‘‘ตเถว ติฏฺติ สีสํ, หตฺถปาทา จ วาลธิ;

โสตา ตเถว ติฏฺนฺติ, มฺเ โคโณ สมุฏฺเห.

.

‘‘เนวยฺยกสฺส สีสฺจ, หตฺถปาทา จ ทิสฺสเร;

รุทํ มตฺติกถูปสฺมึ, นนุ ตฺวฺเว ทุมฺมตี’’ติ.

ตตฺถ ตเถวาติ ยถา ปุพฺเพ ิตํ, ตเถว ติฏฺติ. มฺเติ เอเตสํ สีสาทีนํ ตเถว ิตตฺตา อยํ โคโณ สมุฏฺเหยฺยาติ มฺามิ. เนวยฺยกสฺส สีสฺจาติ อยฺยกสฺส ปน สีสฺจ หตฺถปาทา จ น ทิสฺสนฺติ. ‘‘ปิฏฺิปาทา น ทิสฺสเร’’ติปิ ปาโ. นนุ ตฺวฺเว ทุมฺมตีติ อหํ ตาว สีสาทีนิ ปสฺสนฺโต เอวํ กโรมิ, ตฺวํ ปน น กิฺจิ ปสฺสสิ, ฌาปิตฏฺานโต อฏฺีนิ อาหริตฺวา มตฺติกาถูปํ กตฺวา ปริเทวสิ. อิติ มํ ปฏิจฺจ สตคุเณน สหสฺสคุเณน สตสหสฺสคุเณน นนุ ตฺวฺเว ทุมฺมติ. ภิชฺชนธมฺมา นาม สงฺขารา ภิชฺชนฺติ, ตตฺถ กา ปริเทวนาติ.

ตํ สุตฺวา โพธิสตฺตสฺส ปิตา ‘‘มม ปุตฺโต ปณฺฑิโต อิธโลกปรโลกกิจฺจํ ชานาติ, มม สฺาปนตฺถาย เอตํ กมฺมํ อกาสี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘ตาต สุชาตปณฺฑิต, ‘สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา’ติ เม าตา, อิโต ปฏฺาย น โสจิสฺสามิ, ปิตุโสกหรณกปุตฺเตน นาม ตาทิเสน ภวิตพฺพ’’นฺติ วตฺวา ปุตฺตสฺส ถุตึ กโรนฺโต อาห –

๑๐.

‘‘อาทิตฺตํ วต มํ สนฺตํ, ฆตสิตฺตํว ปาวกํ;

วารินา วิย โอสิฺจํ, สพฺพํ นิพฺพาปเย ทรํ.

๑๑.

‘‘อพฺพหี วต เม สลฺลํ, ยมาสิ หทยสฺสิตํ;

โย เม โสกปเรตสฺส, ปิตุโสกํ อปานุทิ.

๑๒.

‘‘โสหํ อพฺพูฬฺหสลฺโลสฺมิ, วีตโสโก อนาวิโล;

น โสจามิ น โรทามิ, ตว สุตฺวาน มาณว.

๑๓.

‘‘เอวํ กโรนฺติ สปฺปฺา, เย โหนฺติ อนุกมฺปกา;

วินิวตฺเตนฺติ โสกมฺหา, สุชาโต ปิตรํ ยถา’’ติ.

ตตฺถ นิพฺพาปเยติ นิพฺพาปยิ. ทรนฺติ โสกทรถํ. สุชาโต ปิตรํ ยถาติ ยถา มม ปุตฺโต สุชาโต มํ ปิตรํ สมานํ อตฺตโน สปฺปฺตาย โสกมฺหา วินิวตฺตยิ, เอวํ อฺเปิ สปฺปฺา โสกมฺหา วินิวตฺตยนฺตีติ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน กุฏุมฺพิโก โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ตทา สุชาโต อหเมว อโหสินฺติ.

สุชาตชาตกวณฺณนา ทุติยา.

[๓๕๓] ๓. เวนสาขชาตกวณฺณนา

นยิทํ นิจฺจํ ภวิตพฺพนฺติ อิทํ สตฺถา ภคฺเคสุ สํสุมารคิรํ นิสฺสาย เภสกฬาวเน วิหรนฺโต โพธิราชกุมารํ อารพฺภ กเถสิ. โพธิราชกุมาโร นาม อุเทนสฺส รฺโ ปุตฺโต ตสฺมึ กาเล สํสุมารคิเร วสนฺโต เอกํ ปริโยทาตสิปฺปํ วฑฺฒกึ ปกฺโกสาเปตฺวา อฺเหิ ราชูหิ อสทิสํ กตฺวา โกกนทํ นาม ปาสาทํ การาเปสิ. การาเปตฺวา จ ปน ‘‘อยํ วฑฺฒกี อฺสฺสปิ รฺโ เอวรูปํ ปาสาทํ กเรยฺยา’’ติ มจฺฉรายนฺโต ตสฺส อกฺขีนิ อุปฺปาฏาเปสิ. เตนสฺส อกฺขีนํ อุปฺปาฏิตภาโว ภิกฺขุสงฺเฆ ปากโฏ ชาโต. ตสฺมา ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, โพธิราชกุมาโร กิร ตถารูปสฺส วฑฺฒกิโน อกฺขีนิ อุปฺปาฏาเปสิ, อโห กกฺขโฬ ผรุโส สาหสิโก’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปส กกฺขโฬ ผรุโส สาหสิโกว. น เกวลฺจ อิทาเนว, ปุพฺเพเปส ขตฺติยสหสฺสานํ อกฺขีนิ อุปฺปาฏาเปตฺวา มาเรตฺวา เตสํ มํเสน พลิกมฺมํ กาเรสี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตกฺกสิลายํ ทิสาปาโมกฺโข อาจริโย อโหสิ. ชมฺพุทีปตเล ขตฺติยมาณวา พฺราหฺมณมาณวา จ ตสฺเสว สนฺติเก สิปฺปํ อุคฺคณฺหึสุ. พาราณสิรฺโ ปุตฺโต พฺรหฺมทตฺตกุมาโร นาม ตสฺส สนฺติเก ตโย เวเท อุคฺคณฺหิ. โส ปน ปกติยาปิ กกฺขโฬ ผรุโส สาหสิโก อโหสิ. โพธิสตฺโต องฺควิชฺชาวเสน ตสฺส กกฺขฬผรุสสาหสิกภาวํ ตฺวา ‘‘ตาต, ตฺวํ กกฺขโฬ ผรุโส สาหสิโก, ผรุเสน นาม ลทฺธํ อิสฺสริยํ อจิรฏฺิติกํ โหติ, โส อิสฺสริเย วินฏฺเ ภินฺนนาโว วิย สมุทฺเท ปติฏฺํ น ลภติ, ตสฺมา มา เอวรูโป อโหสี’’ติ ตํ โอวทนฺโต ทฺเว คาถา อภาสิ –

๑๔.

‘‘นยิทํ นิจฺจํ ภวิตพฺพํ พฺรหฺมทตฺต, เขมํ สุภิกฺขํ สุขตา จ กาเย;

อตฺถจฺจเย มา อหุ สมฺปมูฬฺโห, ภินฺนปฺลโว สาครสฺเสว มชฺเฌ.

๑๕.

‘‘ยานิ กโรติ ปุริโส, ตานิ อตฺตนิ ปสฺสติ;

กลฺยาณการี กลฺยาณํ, ปาปการี จ ปาปกํ;

ยาทิสํ วปเต พีชํ, ตาทิสํ หรเต ผล’’นฺติ.

ตตฺถ สุขตา จ กาเยติ ตาต พฺรหฺมทตฺต, ยเทตํ เขมํ วา สุภิกฺขํ วา ยา วา เอสา สุขตา กาเย, อิทํ สพฺพํ อิเมสํ สตฺตานํ นิจฺจํ สพฺพกาลเมว น ภวติ, อิทํ ปน อนิจฺจํ หุตฺวา อภาวธมฺมํ. อตฺถจฺจเยติ โส ตฺวํ อนิจฺจตาวเสน อิสฺสริเย วิคเต อตฺตโน อตฺถสฺส อจฺจเย ยถา นาม ภินฺนปฺลโว ภินฺนนาโว มนุสฺโส สาครมชฺเฌ ปติฏฺํ อลภนฺโต สมฺปมูฬฺโห โหติ, เอวํ มา อหุ สมฺปมูฬฺโห. ตานิ อตฺตนิ ปสฺสตีติ เตสํ กมฺมานํ วิปากํ วินฺทนฺโต ตานิ อตฺตนิ ปสฺสติ นาม.

โส อาจริยํ วนฺทิตฺวา พาราณสึ คนฺตฺวา ปิตุ สิปฺปํ ทสฺเสตฺวา โอปรชฺเช ปติฏฺาย ปิตุ อจฺจเยน รชฺชํ ปาปุณิ. ตสฺส ปิงฺคิโย นาม ปุโรหิโต อโหสิ กกฺขโฬ ผรุโส สาหสิโก. โส ยสโลเภน จินฺเตสิ ‘‘ยํนูนาหํ อิมินา รฺา สกลชมฺพุทีเป สพฺเพ ราชาโน คาหาเปยฺยํ, เอวเมส เอกราชา ภวิสฺสติ, อหมฺปิ เอกปุโรหิโต ภวิสฺสามี’’ติ. โส ตํ ราชานํ อตฺตโน กถํ คาหาเปสิ. ราชา มหติยา เสนาย นครา นิกฺขมิตฺวา เอกสฺส รฺโ นครํ รุนฺธิตฺวา ตํ ราชานํ คณฺหิ. เอเตนุปาเยน สกลชมฺพุทีเป รชฺชํ คเหตฺวา ราชสหสฺสปริวุโต ‘‘ตกฺกสิลายํ รชฺชํ คณฺหิสฺสามี’’ติ อคมาสิ. โพธิสตฺโต นครํ ปฏิสงฺขริตฺวา ปเรหิ อปฺปธํสิยํ อกาสิ.

พาราณสิราชา คงฺคานทีตีเร มหโต นิคฺโรธรุกฺขสฺส มูเล สาณึ ปริกฺขิปาเปตฺวา อุปริ วิตานํ การาเปตฺวา สยนํ ปฺเปตฺวา นิวาสํ คณฺหิ. โส ชมฺพุทีปตเล สหสฺสราชาโน คเหตฺวา ยุชฺฌมาโนปิ ตกฺกสิลํ คเหตุํ อสกฺโกนฺโต อตฺตโน ปุโรหิตํ ปุจฺฉิ ‘‘อาจริย, มยํ เอตฺตเกหิ ราชูหิ สทฺธึ อาคนฺตฺวาปิ ตกฺกสิลํ คเหตุํ น สกฺโกม, กึ นุ โข กาตพฺพ’’นฺติ. ‘‘มหาราช, สหสฺสราชูนํ อกฺขีนิ อุปฺปาเฏตฺวา มาเรตฺวา กุจฺฉึ ผาเลตฺวา ปฺจมธุรมํสํ อาทาย อิมสฺมึ นิคฺโรเธ อธิวตฺถาย เทวตาย พลิกมฺมํ กตฺวา อนฺตวฏฺฏีหิ รุกฺขํ ปริกฺขิปิตฺวา โลหิตปฺจงฺคุลิกานิ กโรม, เอวํ โน ขิปฺปเมว ชโย ภวิสฺสตี’’ติ. ราชา ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา อนฺโตสาณิยํ มหาพเล มลฺเล เปตฺวา เอกเมกํ ราชานํ ปกฺโกสาเปตฺวา นิปฺปีฬเนน วิสฺํ กาเรตฺวา อกฺขีนิ อุปฺปาเฏตฺวา มาเรตฺวา มํสํ อาทาย กเฬวรานิ คงฺคายํ ปวาเหตฺวา วุตฺตปฺปการํ พลิกมฺมํ กาเรตฺวา พลิเภรึ อาโกฏาเปตฺวา ยุทฺธาย คโต.

อถสฺส อฏฺฏาลกโต เอโก ยกฺโข อาคนฺตฺวา ทกฺขิณกฺขึ อุปฺปาเฏตฺวา อคมาสิ, อถสฺส มหตี เวทนา อุปฺปชฺชิ. โส เวทนาปฺปตฺโต อาคนฺตฺวา นิคฺโรธรุกฺขมูเล ปฺตฺตาสเน อุตฺตานโก นิปชฺชิ. ตสฺมึ ขเณ เอโก คิชฺโฌ เอกํ ติขิณโกฏิกํ อฏฺึ คเหตฺวา รุกฺขคฺเค นิสินฺโน มํสํ ขาทิตฺวา อฏฺึ วิสฺสชฺเชสิ, อฏฺิโกฏิ อาคนฺตฺวา รฺโ วามกฺขิมฺหิ อยสูลํ วิย ปติตฺวา อกฺขึ ภินฺทิ. ตสฺมึ ขเณ โพธิสตฺตสฺส วจนํ สลฺลกฺเขสิ. โส ‘‘อมฺหากํ อาจริโย ‘อิเม สตฺตา พีชานุรูปํ ผลํ วิย กมฺมานุรูปํ วิปากํ อนุโภนฺตี’ติ กเถนฺโต อิทํ ทิสฺวา กเถสิ มฺเ’’ติ วตฺวา วิลปนฺโต ทฺเว คาถา อภาสิ –

๑๖.

‘‘อิทํ ตทาจริยวโจ, ปาราสริโย ยทพฺรวิ;

‘มา สุ ตฺวํ อกริ ปาปํ, ยํ ตฺวํ ปจฺฉา กตํ ตเป’.

๑๗.

‘‘อยเมว โส ปิงฺคิย เวนสาโข, ยมฺหิ ฆาตยึ ขตฺติยานํ สหสฺสํ;

อลงฺกเต จนฺทนสารานุลิตฺเต, ตเมว ทุกฺขํ ปจฺจาคตํ มม’’นฺติ.

ตตฺถ อิทํ ตทาจริยวโจติ อิทํ ตํ อาจริยสฺส วจนํ. ปาราสริโยติ ตํ โคตฺเตน กิตฺเตติ. ปจฺฉา กตนฺติ ยํ ปาปํ ตยา กตํ, ปจฺฉา ตํ ตเปยฺย กิลเมยฺย, ตํ มา กรีติ โอวาทํ อทาสิ, อหํ ปนสฺส วจนํ น กรินฺติ. อยเมวาติ นิคฺโรธรุกฺขํ ทสฺเสนฺโต วิลปติ. เวนสาโขติ ปตฺถฏสาโข. ยมฺหิ ฆาตยินฺติ ยมฺหิ รุกฺเข ขตฺติยสหสฺสํ มาเรสึ. อลงฺกเต จนฺทนสารานุลิตฺเตติ ราชาลงฺกาเรหิ อลงฺกเต โลหิตจนฺทนสารานุลิตฺเต เต ขตฺติเย ยตฺถาหํ ฆาเตสึ, อยเมว โส รุกฺโข อิทานิ มยฺหํ กิฺจิ ปริตฺตาณํ กาตุํ น สกฺโกตีติ ทีเปติ. ตเมว ทุกฺขนฺติ ยํ มยา ปเรสํ อกฺขิอุปฺปาฏนทุกฺขํ กตํ, อิทํ เม ตเถว ปฏิอาคตํ, อิทานิ โน อาจริยสฺส วจนํ มตฺถกํ ปตฺตนฺติ ปริเทวติ.

โส เอวํ ปริเทวมาโน อคฺคมเหสึ อนุสฺสริตฺวา –

๑๘.

‘‘สามา จ โข จนฺทนลิตฺตคตฺตา, ลฏฺีว โสภฺชนกสฺส อุคฺคตา;

อทิสฺวา กาลํ กริสฺสามิ อุพฺพรึ, ตํ เม อิโต ทุกฺขตรํ ภวิสฺสตี’’ติ. –

คาถมาห –

ตสฺสตฺโถ – มม ภริยา สุวณฺณสามา อุพฺพรี ยถา นาม สิคฺคุรุกฺขสฺส อุชุ อุคฺคตา สาขา มนฺทมาลุเตริตา กมฺปมานา โสภติ, เอวํ อิตฺถิวิลาสํ กุรุมานา โสภติ, ตมหํ อิทานิ อกฺขีนํ ภินฺนตฺตา อุพฺพรึ อทิสฺวาว กาลํ กริสฺสามิ, ตํ เม ตสฺสา อทสฺสนํ อิโต มรณทุกฺขโตปิ ทุกฺขตรํ ภวิสฺสตีติ.

โส เอวํ วิลปนฺโตว มริตฺวา นิรเย นิพฺพตฺติ. น นํ อิสฺสริยลุทฺโธ ปุโรหิโต ปริตฺตาณํ กาตุํ สกฺขิ, น อตฺตโน อิสฺสริยํ. ตสฺมึ มตมตฺเตเยว พลกาโย ภิชฺชิตฺวา ปลายิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา พาราณสิราชา โพธิราชกุมาโร อโหสิ, ปิงฺคิโย เทวทตฺโต, ทิสาปาโมกฺขาจริโย ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

เวนสาขชาตกวณฺณนา ตติยา.

[๓๕๔] ๔. อุรคชาตกวณฺณนา

อุรโคว ตจํ ชิณฺณนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต มตปุตฺตกํ กุฏุมฺพิกํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ ปน มตภริยมตปิติกวตฺถุสทิสเมว. อิธาปิ ตเถว สตฺถา ตสฺส นิเวสนํ คนฺตฺวา ตํ อาคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา นิสินฺนํ ‘‘กึ, อาวุโส, โสจสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาม, ภนฺเต, ปุตฺตสฺส เม มตกาลโต ปฏฺาย โสจามี’’ติ วุตฺเต ‘‘อาวุโส, ภิชฺชนธมฺมํ นาม ภิชฺชติ, นสฺสนธมฺมํ นาม นสฺสติ, ตฺจ โข น เอกสฺมึเยว กุเล, นาปิ เอกสฺมิฺเว คาเม, อถ โข อปริมาเณสุ จกฺกวาเฬสุ ตีสุ ภเวสุ อมรณธมฺโม นาม นตฺถิ, ตพฺภาเวเนว าตุํ สมตฺโถ เอกสงฺขาโรปิ สสฺสโต นาม นตฺถิ, สพฺเพ สตฺตา มรณธมฺมา, สพฺเพ สงฺขารา ภิชฺชนธมฺมา, โปราณกปณฺฑิตาปิ ปุตฺเต มเต ‘มรณธมฺมํ มตํ, นสฺสนธมฺมํ นฏฺ’นฺติ น โสจึสู’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต พาราณสิยํ ทฺวารคามเก พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา กุฏุมฺพํ สณฺเปตฺวา กสิกมฺเมน ชีวิกํ กปฺเปสิ. ตสฺส ปุตฺโต จ ธีตา จาติ ทฺเว ทารกา อเหสุํ. โส ปุตฺตสฺส วยปฺปตฺตสฺส สมานกุลโต กุมาริกํ อาหริตฺวา อทาสิ, อิติ เต ทาสิยา สทฺธึ ฉ ชนา อเหสุํ – โพธิสตฺโต, ภริยา, ปุตฺโต, ธีตา, สุณิสา, ทาสีติ. เต สมคฺคา สมฺโมทมานา ปิยสํวาสา อเหสุํ. โพธิสตฺโต เสสานํ ปฺจนฺนํ เอวํ โอวาทํ เทติ ‘‘ตุมฺเห ยถาลทฺธนิยาเมเนว ทานํ เทถ, สีลํ รกฺขถ, อุโปสถกมฺมํ กโรถ, มรณสฺสตึ ภาเวถ, ตุมฺหากํ มรณภาวํ สลฺลกฺเขถ, อิเมสฺหิ สตฺตานํ มรณํ ธุวํ, ชีวิตํ อทฺธุวํ, สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา ขยวยธมฺมิโนว, รตฺติฺจ ทิวา จ อปฺปมตฺตา โหถา’’ติ. เต ‘‘สาธู’’ติ โอวาทํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา อปฺปมตฺตา มรณสฺสตึ ภาเวนฺติ.

อเถกทิวสํ โพธิสตฺโต ปุตฺเตน สทฺธึ เขตฺตํ คนฺตฺวา กสติ. ปุตฺโต กจวรํ สงฺกฑฺฒิตฺวา ฌาเปติ. ตสฺสาวิทูเร เอกสฺมึ วมฺมิเก อาสีวิโส อตฺถิ. ธูโม ตสฺส อกฺขีนิ ปหริ. โส กุทฺโธ นิกฺขมิตฺวา ‘‘อิมํ นิสฺสาย มยฺหํ ภย’’นฺติ จตสฺโส ทาา นิมุชฺชาเปนฺโต ตํ ฑํสิ, โส ปริวตฺติตฺวา ปติโต. โพธิสตฺโต ปริวตฺติตฺวา ตํ ปติตํ ทิสฺวา โคเณ เปตฺวา คนฺตฺวา ตสฺส มตภาวํ ตฺวา ตํ อุกฺขิปิตฺวา เอกสฺมึ รุกฺขมูเล นิปชฺชาเปตฺวา ปารุปิตฺวา เนว โรทิ น ปริเทวิ – ‘‘ภิชฺชนธมฺมํ ปน ภินฺนํ, มรณธมฺมํ มตํ, สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา มรณนิปฺผตฺติกา’’ติ อนิจฺจภาวเมว สลฺลกฺเขตฺวา กสิ. โส เขตฺตสมีเปน คจฺฉนฺตํ เอกํ ปฏิวิสฺสกํ ปุริสํ ทิสฺวา ‘‘ตาต, เคหํ คจฺฉสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อามา’’ติ วุตฺเต เตน หิ อมฺหากมฺปิ ฆรํ คนฺตฺวา พฺราหฺมณึ วเทยฺยาสิ ‘‘อชฺช กิร ปุพฺเพ วิย ทฺวินฺนํ ภตฺตํ อนาหริตฺวา เอกสฺเสวาหารํ อาหเรยฺยาถ, ปุพฺเพ จ เอกิกาว ทาสี อาหารํ อาหรติ, อชฺช ปน จตฺตาโรปิ ชนา สุทฺธวตฺถนิวตฺถา คนฺธปุปฺผหตฺถา อาคจฺเฉยฺยาถา’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ คนฺตฺวา พฺราหฺมณิยา ตเถว กเถสิ. เกน เต, ตาต, อิมํ สาสนํ ทินฺนนฺติ. พฺราหฺมเณน, อยฺเยติ. สา ‘‘ปุตฺโต เม มโต’’ติ อฺาสิ, กมฺปนมตฺตมฺปิสฺสา นาโหสิ. เอวํ สุภาวิตจิตฺตา สุทฺธวตฺถนิวตฺถา คนฺธปุปฺผหตฺถา ทาสึ ปน อาหารํ อาหราเปตฺวา เสเสหิ สทฺธึ เขตฺตํ อคมาสิ. เอกสฺสปิ โรทิตํ วา ปริเทวิตํ วา นาโหสิ.

โพธิสตฺโต ปุตฺตสฺส นิปนฺนฉายายเมว นิสีทิตฺวา ภุฺชิ. ภุตฺตาวสาเน สพฺเพปิ ทารูนิ อุทฺธริตฺวา ตํ จิตกํ อาโรเปตฺวา คนฺธปุปฺเผหิ ปูเชตฺวา ฌาเปสุํ. เอกสฺส จ เอกพินฺทุปิ อสฺสุ นาโหสิ, สพฺเพปิ สุภาวิตมรณสฺสติโน โหนฺติ. เตสํ สีลเตเชน สกฺกสฺส อาสนํ อุณฺหาการํ ทสฺเสสิ. โส ‘‘โก นุ โข มํ านา จาเวตุกาโม’’ติ อุปธาเรนฺโต เตสํ คุณเตเชน อุณฺหภาวํ ตฺวา ปสนฺนมานโส หุตฺวา ‘‘มยา เอเตสํ สนฺติกํ คนฺตฺวา สีหนาทํ นทาเปตฺวา สีหนาทปริโยสาเน เอเตสํ นิเวสนํ สตฺตรตนปริปุณฺณํ กตฺวา อาคนฺตุํ วฏฺฏตี’’ติ เวเคน ตตฺถ คนฺตฺวา อาฬาหนปสฺเส ิโต ‘‘ตาต, กึ กโรถา’’ติ อาห. ‘‘เอกํ มนุสฺสํ ฌาเปม, สามี’’ติ. ‘‘น ตุมฺเห มนุสฺสํ ฌาเปสฺสถ, เอกํ ปน มิคํ มาเรตฺวา ปจถ มฺเ’’ติ. ‘‘นตฺเถตํ สามิ, มนุสฺสเมว ฌาเปมา’’ติ. ‘‘เตน หิ เวริมนุสฺโส โว ภวิสฺสตี’’ติ. อถ นํ โพธิสตฺโต ‘‘โอรสปุตฺโต โน สามิ, น เวริโก’’ติ อาห. ‘‘เตน หิ โว อปฺปิยปุตฺโต ภวิสฺสตี’’ติ? ‘‘อติวิย ปิยปุตฺโต, สามี’’ติ. ‘‘อถ กสฺมา น โรทสี’’ติ? โส อโรทนการณํ กเถนฺโต ปมํ คาถมาห –

๑๙.

‘‘อุรโคว ตจํ ชิณฺณํ, หิตฺวา คจฺฉติ สํ ตนุํ;

เอวํ สรีเร นิพฺโภเค, เปเต กาลกเต สติ.

๒๐.

‘‘ฑยฺหมาโน น ชานาติ, าตีนํ ปริเทวิตํ;

ตสฺมา เอตํ น โสจามิ, คโต โส ตสฺส ยา คตี’’ติ.

ตตฺถ สํ ตนุนฺติ อตฺตโน สรีรํ. นิพฺโภเคติ ชีวิตินฺทฺริยสฺส อภาเวน โภครหิเต. เปเตติ ปรโลกํ ปฏิคเต. กาลกเตติ กตกาเล, มเตติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – สามิ, มม ปุตฺโต ยถา นาม อุรโค ชิณฺณตจํ นิจฺฉินฺทิตฺวา อโนโลเกตฺวา อนเปกฺโข ฉฑฺเฑตฺวา คจฺเฉยฺย, เอวํ อตฺตโน สรีรํ ฉฑฺเฑตฺวา คจฺฉติ, ตสฺส ชีวิตินฺทฺริยรหิเต สรีเร เอวํ นิพฺโภเค ตสฺมิฺจ เม ปุตฺเต เปเต ปุน ปฏิคเต มรณกาลํ กตฺวา ิเต สติ โก การุฺเน วา ปริเทเวน วา อตฺโถ. อยฺหิ ยถา สูเลหิ วิชฺฌิตฺวา ฑยฺหมาโน สุขทุกฺขํ น ชานาติ, เอวํ าตีนํ ปริเทวิตมฺปิ น ชานาติ, เตน การเณนาหํ เอตํ น โสจามิ. ยา ตสฺส อตฺตโน คติ, ตํ โส คโตติ.

สกฺโก โพธิสตฺตสฺส วจนํ สุตฺวา พฺราหฺมณึ ปุจฺฉิ ‘‘อมฺม, ตุยฺหํ โส กึ โหตี’’ติ? ‘‘ทส มาเส กุจฺฉินา ปริหริตฺวา ถฺํ ปาเยตฺวา หตฺถปาเท สณฺเปตฺวา วฑฺฒิตปุตฺโต เม, สามี’’ติ. ‘‘อมฺม, ปิตา ตาว ปุริสภาเวน มา โรทตุ, มาตุ หทยํ ปน มุทุกํ โหติ, ตฺวํ กสฺมา น โรทสี’’ติ? สา อโรทนการณํ กเถนฺตี –

๒๑.

‘‘อนวฺหิโต ตโต อาคา, อนนุฺาโต อิโต คโต;

ยถาคโต ตถา คโต, ตตฺถ กา ปริเทวนา.

๒๒.

‘‘ฑยฺหมาโน น ชานาติ, าตีนํ ปริเทวิตํ;

ตสฺมา เอตํ น โสจามิ, คโต โส ตสฺส ยา คตี’’ติ. – คาถาทฺวยมาห –

ตตฺถ อนวฺหิโตติ อยํ ตาต มยา ปรโลกโต อนวฺหิโต อยาจิโต. อาคาติ อมฺหากํ เคหํ อาคโต. อิโตติ อิโต มนุสฺสโลกโต คจฺฉนฺโตปิ มยา อนนุฺาโตว คโต. ยถาคโตติ อาคจฺฉนฺโตปิ ยถา อตฺตโนว รุจิยา อาคโต, คจฺฉนฺโตปิ ตเถว คโต. ตตฺถาติ ตสฺมึ ตสฺส อิโต คมเน กา ปริเทวนา. ฑยฺหมาโนติ คาถา วุตฺตนเยน เวทิตพฺพา.

สกฺโก พฺราหฺมณิยา กถํ สุตฺวา ตสฺส ภคินึ ปุจฺฉิ ‘‘อมฺม, ตุยฺหํ โส กึ โหตี’’ติ? ‘‘ภาตา เม, สามี’’ติ. ‘‘อมฺม, ภคินิโย นาม ภาตูสุ สิเนหา โหนฺติ, ตฺวํ กสฺมา น โรทสี’’ติ? สา อโรทนการณํ กเถนฺตี –

๒๓.

‘‘สเจ โรเท กิสา อสฺสํ, ตสฺสา เม กึ ผลํ สิยา;

าติมิตฺตสุหชฺชานํ, ภิยฺโย โน อรตี สิยา.

๒๔.

ฑยฺหมาโน น ชานาติ, าตีนํ ปริเทวิตํ;

ตสฺมา เอตํ น โสจามิ, คโต โส ตสฺส ยา คตี’’ติ. – คาถาทฺวยมาห –

ตตฺถ สเจติ ยทิ อหํ ภาตริ มเต โรเทยฺยํ, กิสสรีรา อสฺสํ. ภาตุ ปน เม ตปฺปจฺจยา วุฑฺฒิ นาม นตฺถีติ ทสฺเสติ. ตสฺสา เมติ ตสฺสา มยฺหํ โรทนฺติยา กึ ผลํ โก อานิสํโส ภเวยฺย. มยฺหํ อวุทฺธิ ปน ปฺายตีติ ทีเปติ. าติมิตฺตสุหชฺชานนฺติ าติมิตฺตสุหทานํ. อยเมว วา ปาโ. ภิยฺโย โนติ เย อมฺหากํ าตี จ มิตฺตา จ สุหทยา จ, เตสํ อธิกตรา อรติ สิยา.

สกฺโก ภคินิยา กถํ สุตฺวา ภริยํ ปุจฺฉิ ‘‘อมฺม, ตุยฺหํ โส กึ โหตี’’ติ? ‘‘ปติ เม, สามี’’ติ. ‘‘อิตฺถิโย นาม ปติมฺหิ มเต วิธวา โหนฺติ อนาถา, ตฺวํ กสฺมา น โรทสี’’ติ. สาปิสฺส อโรทนการณํ กเถนฺตี –

๒๕.

‘‘ยถาปิ ทารโก จนฺทํ, คจฺฉนฺตมนุโรทติ;

เอวํสมฺปทเมเวตํ, โย เปตมนุโสจติ.

๒๖.

‘‘ฑยฺหมาโน น ชานาติ, าตีนํ ปริเทวิตํ;

ตสฺมา เอตํ น โสจามิ, คโต โส ตสฺส ยา คตี’’ติ. – คาถาทฺวยมาห –

ตสฺสตฺโถ – ยถา นาม ยตฺถ กตฺถจิ ยุตฺตายุตฺตํ ลพฺภนียาลพฺภนียํ อชานนฺโต พาลทารโก มาตุ อุจฺฉงฺเค นิสินฺโน ปุณฺณมาสิยํ ปุณฺณํ จนฺทํ อากาเส คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อมฺม, จนฺทํ เม เทหิ, อมฺม, จนฺทํ เม เทหี’’ติ ปุนปฺปุนํ โรทติ, เอวํสมฺปทเมเวตํ, เอวํนิปฺผตฺติกเมว เอตํ ตสฺส รุณฺณํ โหติ, โย เปตํ กาลกตํ อนุโสจติ. อิโตปิ จ พาลตรํ. กึการณา? โส หิ วิชฺชมานจนฺทํ อนุโรทติ, มยฺหํ ปน ปติ มโต เอตรหิ อวิชฺชมาโน สูเลหิ วิชฺฌิตฺวา ฑยฺหมาโนปิ น กิฺจิ ชานาตีติ.

สกฺโก ภริยาย วจนํ สุตฺวา ทาสึ ปุจฺฉิ ‘‘อมฺม, ตุยฺหํ โส กึ โหตี’’ติ? ‘‘อยฺโย เม, สามี’’ติ. ‘‘นนุ ตฺวํ อิมินา ปีเฬตฺวา โปเถตฺวา ปริภุตฺตา ภวิสฺสสิ, ตสฺมา ‘‘สุมุตฺตา อห’’นฺติ น โรทสี’’ติ. ‘สามิ, มา เอวํ อวจ, น เอตํ เอตสฺส อนุจฺฉวิกํ, ขนฺติเมตฺตานุทฺทยสมฺปนฺโน เม อยฺยปุตฺโต, อุเร สํวฑฺฒิตปุตฺโต วิย อโหสี’ติ. ‘‘อถ กสฺมา น โรทสี’’ติ? สาปิสฺส อโรทนการณํ กเถนฺตี –

๒๗.

‘‘ยถาปิ อุทกกุมฺโภ, ภินฺโน อปฺปฏิสนฺธิโย;

เอวํสมฺปทเมเวตํ, โย เปตมนุโสจติ.

๒๘.

‘‘ฑยฺหมาโน น ชานาติ, าตีนํ ปริเทวิตํ;

ตสฺมา เอตํ น โสจามิ, คโต โส ตสฺส ยา คตี’’ติ. – คาถาทฺวยมาห –

ตสฺสตฺโถ – ยถา นาม อุทกกุมฺโภ อุกฺขิปิยมาโน ปติตฺวา สตฺตธา ภินฺโน ปุน ตานิ กปาลานิ ปฏิปาฏิยา เปตฺวา สํวิทหิตฺวา ปฏิปากติกํ กาตุํ น สกฺโกติ, โย เปตมนุโสจติ, ตสฺสปิ เอตมนุโสจนํ เอวํนิปฺผตฺติกเมว โหติ, มตสฺส ปุน ชีวาเปตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา อิทฺธิมโต วา อิทฺธานุภาเวน ภินฺนํ กุมฺภํ สํวิทหิตฺวา อุทกสฺส ปูเรตุํ สกฺกา ภเวยฺย, กาลกโต ปน อิทฺธิพเลนาปิ น สกฺกา ปฏิปากติตํ กาตุนฺติ. อิตรา คาถา วุตฺตตฺถาเยว.

สกฺโก สพฺเพสํ ธมฺมกถํ สุตฺวา ปสีทิตฺวา ‘‘ตุมฺเหหิ อปฺปมตฺเตหิ มรณสฺสติ ภาวิตา, ตุมฺเห อิโต ปฏฺาย สหตฺเถน กมฺมํ มา กริตฺถ, อหํ, สกฺโก เทวราชา, อหํ โว เคเห สตฺต รตนานิ อปริมาณานิ กริสฺสามิ, ตุมฺเห ทานํ เทถ, สีลํ รกฺขถ, อุโปสถกมฺมํ กโรถ, อปฺปมตฺตา โหถา’’ติ เตสํ โอวาทํ ทตฺวา เคหํ อปริมิตธนํ กตฺวา ปกฺกามิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน กุฏุมฺพิโก โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ตทา ทาสี ขุชฺชุตฺตรา อโหสิ, ธีตา อุปฺปลวณฺณา, ปุตฺโต ราหุโล, มาตา เขมา, พฺราหฺมโณ ปน อหเมว อโหสินฺติ.

อุรคชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.

[๓๕๕] ๕. ฆฏชาตกวณฺณนา

อฺเ โสจนฺติ โรทนฺตีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โกสลรฺโ เอกํ อมจฺจํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ เหฏฺา กถิตสทิสเมว. อิธ ปน ราชา อตฺตโน อุปการสฺส อมจฺจสฺส มหนฺตํ ยสํ ทตฺวา ปริเภทกานํ กถํ คเหตฺวา ตํ พนฺธาเปตฺวา พนฺธนาคาเร ปเวเสสิ. โส ตตฺถ นิสินฺโนว โสตาปตฺติมคฺคํ นิพฺพตฺเตสิ. ราชา ตสฺส คุณํ สลฺลกฺเขตฺวา โมจาเปสิ. โส คนฺธมาลํ อาทาย สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา นิสีทิ. อถ นํ สตฺถา ‘‘อนตฺโถ กิร เต อุปฺปนฺโน’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาม, ภนฺเต, อนตฺเถน ปน เม อตฺโถ อาคโต, โสตาปตฺติมคฺโค นิพฺพตฺโต’’ติ วุตฺเต ‘‘น โข, อุปาสก, ตฺวฺเว อนตฺเถน อตฺถํ อาหริ, โปราณกปณฺฑิตาปิ อาหรึสู’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติ, ‘‘ฆฏกุมาโร’’ติสฺส นามํ กรึสุ. โส อปเรน สมเยน ตกฺกสิลายํ อุคฺคหิตสิปฺโป ธมฺเมน รชฺชํ กาเรสิ. ตสฺส อนฺเตปุเร เอโก อมจฺโจ ทุพฺภิ. โส ตํ ปจฺจกฺขโต ตฺวา รฏฺา ปพฺพาเชสิ. ตทา สาวตฺถิยํ ธงฺกราชา นาม รชฺชํ กาเรสิ. โส ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ตํ อุปฏฺหิตฺวา เหฏฺา วุตฺตนเยน อตฺตโน วจนํ คาหาเปตฺวา พาราณสิรชฺชํ คณฺหาเปสิ. โสปิ รชฺชํ คเหตฺวา โพธิสตฺตํ สงฺขลิกาหิ พนฺธาเปตฺวา พนฺธนาคารํ ปเวเสสิ. โพธิสตฺโต ฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา อากาเส ปลฺลงฺเกน นิสีทิ, ธงฺกสฺส สรีเร ฑาโห อุปฺปชฺชิ. โส คนฺตฺวา โพธิสตฺตสฺส สุวณฺณาทาสผุลฺลปทุมสสฺสิริกํ มุขํ ทิสฺวา โพธิสตฺตํ ปุจฺฉนฺโต ปมํ คาถมาห –

๒๙.

‘‘อฺเ โสจนฺติ โรทนฺติ, อฺเ อสฺสุมุขา ชนา;

ปสนฺนมุขวณฺโณสิ, กสฺมา ฆฏ น โสจสี’’ติ.

ตตฺถ อฺเติ ตํ เปตฺวา เสสมนุสฺสา.

อถสฺส โพธิสตฺโต อโสจนการณํ กเถนฺโต จตสฺโส คาถา อภาสิ –

๓๐.

‘‘นาพฺภตีตหโร โสโก, นานาคตสุขาวโห;

ตสฺมา ธงฺก น โสจามิ, นตฺถิ โสเก ทุตียตา.

๓๑.

‘‘โสจํ ปณฺฑุ กิโส โหติ, ภตฺตฺจสฺส น รุจฺจติ;

อมิตฺตา สุมนา โหนฺติ, สลฺลวิทฺธสฺส รุปฺปโต.

๓๒.

‘‘คาเม วา ยทิ วารฺเ, นินฺเน วา ยทิ วา ถเล;

ิตํ มํ นาคมิสฺสติ, เอวํ ทิฏฺปโท อหํ.

๓๓.

‘‘ยสฺสตฺตา นาลเมโกว, สพฺพกามรสาหโร;

สพฺพาปิ ปถวี ตสฺส, น สุขํ อาวหิสฺสตี’’ติ.

ตตฺถ นาพฺภตีตหโรติ นาพฺภตีตาหาโร, อยเมว วา ปาโ. โสโก นาม อพฺภตีตํ อติกฺกนฺตํ นิรุทฺธํ อตฺถงฺคตํ ปุน นาหรติ. ทุตียตาติ สหายตา. อตีตาหรเณน วา อนาคตาหรเณน วา โสโก นาม กสฺสจิ สหาโย น โหติ, เตนาปิ การเณนาหํ น โสจามีติ วทติ. โสจนฺติ โสจนฺโต. สลฺลวิทฺธสฺส รุปฺปโตติ โสกสลฺเลน วิทฺธสฺส เตเนว ฆฏฺฏิยมานสฺส ‘‘ทิฏฺา วต โน ปจฺจามิตฺตสฺส ปิฏฺี’’ติ อมิตฺตา สุมนา โหนฺตีติ อตฺโถ.

ิตํ มํ นาคมิสฺสตีติ สมฺม ธงฺกราช, เอเตสุ คามาทีสุ ยตฺถ กตฺถจิ ิตํ มํ ปณฺฑุกิสภาวาทิกํ โสกมูลกํ พฺยสนํ น อาคมิสฺสติ. เอวํ ทิฏฺปโทติ ยถา ตํ พฺยสนํ นาคจฺฉติ, เอวํ มยา ฌานปทํ ทิฏฺํ. ‘‘อฏฺโลกธมฺมปท’’นฺติปิ วทนฺติเยว. ปาฬิยํ ปน ‘‘น มตฺตํ นาคมิสฺสตี’’ติ ลิขิตํ, ตํ อฏฺกถายํ นตฺถิ. ปริโยสานคาถาย อิจฺฉิตปตฺถิตตฺเถน ฌานสุขสงฺขาตํ สพฺพกามรสํ อาหรตีติ สพฺพกามรสาหโร. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยสฺส รฺโ ปหาย อฺสหาเย อตฺตาว เอโก สพฺพกามรสาหโร นาลํ, สพฺพํ ฌานสุขสงฺขาตํ กามรสํ อาหริตุํ อสมตฺโถ, ตสฺส รฺโ สพฺพาปิ ปถวี น สุขํ อาวหิสฺสติ. กามาตุรสฺส หิ สุขํ นาม นตฺถิ, โย ปน กิเลสทรถรหิตํ ฌานสุขํ อาหริตุํ สมตฺโถ, โส ราชา สุขี โหตีติ. โย ปเนตาย คาถาย ‘‘ยสฺสตฺถา นาลเมโก’’ติปิ ปาโ, ตสฺสตฺโถ น ทิสฺสติ.

อิติ ธงฺโก อิมา จตสฺโส คาถา สุตฺวา โพธิสตฺตํ ขมาเปตฺวา รชฺชํ ปฏิจฺฉาเปตฺวา ปกฺกามิ. โพธิสตฺโตปิ รชฺชํ อมจฺจานํ ปฏินิยฺยาเทตฺวา หิมวนฺตปเทสํ คนฺตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อปริหีนชฺฌาโน พฺรหฺมโลกปรายโณ อโหสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ธงฺกราชา อานนฺโท อโหสิ, ฆฏราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

ฆฏชาตกวณฺณนา ปฺจมา.

[๓๕๖] ๖. โกรณฺฑิยชาตกวณฺณนา

เอโก อรฺเติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ธมฺมเสนาปตึ อารพฺภ กเถสิ. เถโร กิร อาคตาคตานํ ทุสฺสีลานํ มิคลุทฺทกมจฺฉพนฺธาทีนํ ทิฏฺทิฏฺานฺเว ‘‘สีลํ คณฺหถ, สีลํ คณฺหถา’’ติ สีลํ เทติ. เต เถเร ครุภาเวน ตสฺส กถํ ภินฺทิตุํ อสกฺโกนฺตา สีลํ คณฺหนฺติ, คเหตฺวา จ ปน น รกฺขนฺติ, อตฺตโน อตฺตโน กมฺมเมว กโรนฺติ. เถโร สทฺธิวิหาริเก อามนฺเตตฺวา ‘‘อาวุโส, อิเม มนุสฺสา มม สนฺติเก สีลํ คณฺหึสุ, คณฺหิตฺวา จ ปน น รกฺขนฺตี’’ติ อาห. ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเห เอเตสํ อรุจิยา สีลํ เทถ, เอเต ตุมฺหากํ กถํ ภินฺทิตุํ อสกฺโกนฺตา คณฺหนฺติ, ตุมฺเห อิโต ปฏฺาย เอวรูปานํ สีลํ มา อทตฺถา’’ติ. เถโร อนตฺตมโน อโหสิ. ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, สาริปุตฺตตฺเถโร กิร ทิฏฺทิฏฺานฺเว สีลํ เทตี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปส ทิฏฺทิฏฺานํ อยาจนฺตานฺเว สีลํ เทตี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ ทิสาปาโมกฺขสฺส อาจริยสฺส เชฏฺนฺเตวาสิโก โกรณฺฑิโย นาม อโหสิ. ตทา โส อาจริโย ทิฏฺทิฏฺานํ เกวฏฺฏาทีนํ อยาจนฺตานฺเว ‘‘สีลํ คณฺหถ, สีลํ คณฺหถา’’ติ สีลํ เทติ. เต คเหตฺวาปิ น รกฺขนฺติ อาจริโย ตมตฺถํ อนฺเตวาสิกานํ อาโรเจสิ. อนฺเตวาสิกา ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเห เอเตสํ อรุจิยา สีลํ เทถ, ตสฺมา ภินฺทนฺติ, อิโต ทานิ ปฏฺาย ยาจนฺตานฺเว ทเทยฺยาถ, มา อยาจนฺตาน’’นฺติ วทึสุ. โส วิปฺปฏิสารี อโหสิ, เอวํ สนฺเตปิ ทิฏฺทิฏฺานํ สีลํ เทติเยว.

อเถกทิวสํ เอกสฺมา คามา มนุสฺสา อาคนฺตฺวา พฺราหฺมณวาจนกตฺถาย อาจริยํ นิมนฺตยึสุ. โส โกรณฺฑิยมาณวํ ปกฺโกสิตฺวา ‘‘ตาต, อหํ น คจฺฉามิ, ตฺวํ อิเม ปฺจสเต มาณเว คเหตฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา วาจนกานิ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา อมฺหากํ ทินฺนโกฏฺาสํ อาหรา’’ติ เปเสสิ. โส คนฺตฺวา ปฏินิวตฺตนฺโต อนฺตรามคฺเค เอกํ กนฺทรํ ทิสฺวา จินฺเตสิ ‘‘อมฺหากํ อาจริโย ทิฏฺทิฏฺานํ อยาจนฺตานฺเว สีลํ เทติ, อิโต ทานิ ปฏฺาย ยถา ยาจนฺตานฺเว เทติ, ตถา นํ กริสฺสามี’’ติ. โส เตสุ มาณเวสุ สุขนิสินฺเนสุ อุฏฺาย มหนฺตํ มหนฺตํ เสลํ อุกฺขิปิตฺวา กนฺทรายํ ขิปิ, ปุนปฺปุนํ ขิปิเยว. อถ นํ เต มาณวา อุฏฺาย ‘‘อาจริย, กึ กโรสี’’ติ อาหํสุ. โส น กิฺจิ กเถสิ, เต เวเคน คนฺตฺวา อาจริยสฺส อาโรเจสุํ. อาจริโย อาคนฺตฺวา เตน สทฺธึ สลฺลปนฺโต ปมํ คาถมาห –

๓๔.

‘‘เอโก อรฺเ คิริกนฺทรายํ, ปคฺคยฺห ปคฺคยฺห สิลํ ปเวจฺฉสิ;

ปุนปฺปุนํ สนฺตรมานรูโป, โกรณฺฑิย โก นุ ตว ยิธตฺโถ’’ติ.

ตตฺถ โก นุ ตว ยิธตฺโถติ โก นุ ตว อิธ กนฺทรายํ สิลาขิปเนน อตฺโถ.

โส ตสฺส วจนํ สุตฺวา อาจริยํ ปโพเธตุกาโม ทุติยํ คาถมาห –

๓๕.

‘‘อหฺหิมํ สาครเสวิตนฺตํ, สมํ กริสฺสามิ ยถาปิ ปาณิ;

วิกิริย สานูนิ จ ปพฺพตานิ จ, ตสฺมา สิลํ ทริยา ปกฺขิปามี’’ติ.

ตตฺถ อหฺหิมนฺติ อหฺหิ อิมํ มหาปถวึ. สาครเสวิตนฺตนฺติ สาคเรหิ เสวิตํ จาตุรนฺตํ. ยถาปิ ปาณีติ หตฺถตลํ วิย สมํ กริสฺสามิ. วิกิริยาติ วิกิริตฺวา. สานูนิ จ ปพฺพตานิ จาติ ปํสุปพฺพเต จ สิลาปพฺพเต จ.

ตํ สุตฺวา พฺราหฺมโณ ตติยํ คาถมาห –

๓๖.

‘‘นยิมํ มหึ อรหติ ปาณิกปฺปํ, สมํ มนุสฺโส กรณาย เมโก;

มฺามิมฺเว ทรึ ชิคีสํ, โกรณฺฑิย หาหสิ ชีวโลก’’นฺติ.

ตตฺถ กรณาย เมโกติ กรณาย เอโก กาตุํ น สกฺโกตีติ ทีเปติ. มฺามิมฺเว ทรึ ชิคีสนฺติ อหํ มฺามิ ติฏฺตุ ปถวี, อิมฺเว เอกํ ทรึ ชิคีสํ ปูรณตฺถาย วายมนฺโต สิลา ปริเยสนฺโต อุปายํ วิจินนฺโตว ตฺวํ อิมํ ชีวโลกํ หาหสิ ชหิสฺสสิ, มริสฺสสีติ อตฺโถ.

ตํ สุตฺวา มาณโว จตุตฺถํ คาถมาห –

๓๗.

‘‘สเจ อยํ ภูตธรํ น สกฺกา, สมํ มนุสฺโส กรณาย เมโก;

เอวเมว ตฺวํ พฺรหฺเม อิเม มนุสฺเส, นานาทิฏฺิเก นานยิสฺสสิ เต’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – สเจ อยํ เอโก มนุสฺโส อิมํ ภูตธรํ ปถวึ สมํ กาตุํ น สกฺกา น สมตฺโถ, เอวเมว ตฺวํ อิเม ทุสฺสีลมนุสฺเส นานาทิฏฺิเก นานยิสฺสสิ, เต เอวํ ‘‘สีลํ คณฺหถ, สีลํ คณฺหถา’’ติ วทนฺโต อตฺตโน วสํ น อานยิสฺสสิ, ปณฺฑิตปุริสาเยว หิ ปาณาติปาตํ ‘‘อกุสล’’นฺติ ครหนฺติ. สํสารโมจกาทโย ปเนตฺถ กุสลสฺิโน, เต ตฺวํ กถํ อานยิสฺสสิ, ตสฺมา ทิฏฺทิฏฺานํ สีลํ อทตฺวา ยาจนฺตานฺเว เทหีติ.

ตํ สุตฺวา อาจริโย ‘‘ยุตฺตํ วทติ โกรณฺฑิโย, อิทานิ น เอวรูปํ กริสฺสามี’’ติ อตฺตโน วิรทฺธภาวํ ตฺวา ปฺจมํ คาถมาห –

๓๘.

‘‘สํขิตฺตรูเปน ภวํ มมตฺถํ, อกฺขาสิ โกรณฺฑิย เอวเมตํ;

ยถา น สกฺกา ปถวี สมายํ, กตฺตุํ มนุสฺเสน ตถา มนุสฺสา’’ติ.

ตตฺถ สมายนฺติ สมํ อยํ. เอวํ อาจริโย มาณวสฺส ถุตึ อกาสิ, โสปิ นํ โพเธตฺวา สยํ ฆรํ เนสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา พฺราหฺมโณ สาริปุตฺโต อโหสิ, โกรณฺฑิยมาณโว ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

โกรณฺฑิยชาตกวณฺณนา ฉฏฺา.

[๓๕๗] ๗. ลฏุกิกชาตกวณฺณนา

วนฺทามิ ตํ กุฺชร สฏฺิหายนนฺติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เทวทตฺตํ อารพฺภ กเถสิ. เอกสฺมิฺหิ ทิวเส ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, เทวทตฺโต กกฺขโฬ ผรุโส สาหสิโก, สตฺเตสุ กรุณามตฺตมฺปิสฺส นตฺถี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปส นิกฺกรุโณเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต หตฺถิโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ปาสาทิโก มหากาโย อสีติสหสฺสวารณปริวาโร ยูถปติ หุตฺวา หิมวนฺตปเทเส วิหาสิ. ตทา เอกา ลฏุกิกา สกุณิกา หตฺถีนํ วิจรณฏฺาเน อณฺฑานิ นิกฺขิปิ, ตานิ ปริณตานิ ภินฺทิตฺวา สกุณโปตกา นิกฺขมึสุ. เตสุ อวิรุฬฺหปกฺเขสุ อุปฺปติตุํ อสกฺโกนฺเตสุเยว มหาสตฺโต อสีติสหสฺสวารณปริวุโต โคจราย จรนฺโต ตํ ปเทสํ ปตฺโต. ตํ ทิสฺวา ลฏุกิกา จินฺเตสิ ‘‘อยํ หตฺถิราชา มม โปตเก มทฺทิตฺวา มาเรสฺสติ, หนฺท นํ ปุตฺตกานํ ปริตฺตาณตฺถาย ธมฺมิการกฺขํ ยาจามี’’ติ. สา อุโภ ปกฺเข เอกโต กตฺวา ตสฺส ปุรโต ตฺวา ปมํ คาถมาห –

๓๙.

‘‘วนฺทามิ ตํ กุฺชร สฏฺิหายนํ, อารฺกํ ยูถปตึ ยสสฺสึ;

ปกฺเขหิ ตํ ปฺชลิกํ กโรมิ, มา เม วธี ปุตฺตเก ทุพฺพลายา’’ติ.

ตตฺถ สฏฺิหายนนฺติ สฏฺิวสฺสกาเล หายนพลํ. ยสสฺสินฺติ ปริวารสมฺปนฺนํ. ปกฺเขหิ ตํ ปฺจลิกํ กโรมีติ อหํ ปกฺเขหิ ตํ อฺชลิกํ กโรมีติ อตฺโถ.

มหาสตฺโต ‘‘มา จินฺตยิ ลฏุกิเก, อหํ เต ปุตฺตเก รกฺขิสฺสามี’’ติ สกุณโปตกานํ อุปริ ตฺวา อสีติยา หตฺถิสหสฺเสสุ คเตสุ ลฏุกิกํ อามนฺเตตฺวา ‘‘ลฏุกิเก อมฺหากํ ปจฺฉโต เอโก เอกจาริโก หตฺถี อาคจฺฉติ, โส อมฺหากํ วจนํ น กริสฺสติ, ตสฺมึ อาคเต ตมฺปิ ยาจิตฺวา ปุตฺตกานํ โสตฺถิภาวํ กเรยฺยาสี’’ติ วตฺวา ปกฺกามิ. สาปิ ตสฺส ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา อุโภหิ ปกฺเขหิ อฺชลึ กตฺวา ทุติยํ คาถมาห –

๔๐.

‘‘วนฺทามิ ตํ กุฺชร เอกจารึ, อารฺกํ ปพฺพตสานุโคจรํ;

ปกฺเขหิ ตํ ปฺชลิกํ กโรมิ, มา เม วธี ปุตฺตเก ทุพฺพลายา’’ติ.

ตตฺถ ปพฺพตสานุโคจรนฺติ ฆนเสลปพฺพเตสุ จ ปํสุปพฺพเตสุ จ โคจรํ คณฺหนฺตํ.

โส ตสฺสา วจนํ สุตฺวา ตติยํ คาถมาห –

๔๑.

‘‘วธิสฺสามิ เต ลฏุกิเก ปุตฺตกานิ, กึ เม ตุวํ กาหสิ ทุพฺพลาสิ;

สตํ สหสฺสานิปิ ตาทิสีนํ, วาเมน ปาเทน ปโปถเยยฺย’’นฺติ.

ตตฺถ วธิสฺสามิ เตติ ตฺวํ กสฺมา มม วิจรณมคฺเค ปุตฺตกานิ เปสิ, ยสฺมา เปสิ, ตสฺมา วธิสฺสามิ เต ปุตฺตกานีติ วทติ. กึ เม ตุวํ กาหสีติ มยฺหํ มหาถามสฺส ตฺวํ ทุพฺพลา กึ กริสฺสสิ. ปโปถเยยฺยนฺติ อหํ ตาทิสานํ ลฏุกิกานํ สตสหสฺสมฺปิ วาเมน ปาเทน สฺจุณฺเณยฺยํ, ทกฺขิณปาเทน ปน กถาว นตฺถีติ.

เอวฺจ ปน วตฺวา โส ตสฺสา ปุตฺตเก ปาเทน สฺจุณฺเณตฺวา มุตฺเตน ปวาเหตฺวา นทนฺโตว ปกฺกามิ. ลฏุกิกา รุกฺขสาขาย นิลียิตฺวา ‘‘อิทานิ ตาว วารณ นทนฺโต คจฺฉสิ, กติปาเหเนว เม กิริยํ ปสฺสิสฺสสิ, กายพลโต าณพลสฺส มหนฺตภาวํ น ชานาสิ, โหตุ, ชานาเปสฺสามิ น’’นฺติ ตํ สนฺตชฺชยมานาว จตุตฺถํ คาถมาห –

๔๒.

‘‘น เหว สพฺพตฺถ พเลน กิจฺจํ, พลฺหิ พาลสฺส วธาย โหติ;

กริสฺสามิ เต นาคราชา อนตฺถํ, โย เม วธี ปุตฺตเก ทุพฺพลายา’’ติ.

ตตฺถ พเลนาติ กายพเลน. อนตฺถนฺติ อวุฑฺฒึ. โย เมติ โย ตฺวํ มม ทุพฺพลาย ปุตฺตเก วธี ฆาเตสิ.

สา เอวํ วตฺวา กติปาหํ เอกํ กากํ อุปฏฺหิตฺวา เตน ตุฏฺเน ‘‘กึ เต กโรมี’’ติ วุตฺตา ‘‘สามิ, อฺํ เม กาตพฺพํ นตฺถิ, เอกสฺส ปน เอกจาริกวารณสฺส ตุณฺเฑน ปหริตฺวา ตุมฺเหหิ อกฺขีนิ ภินฺนานิ ปจฺจาสีสามี’’ติ อาห. สา เตน ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตา เอกํ นีลมกฺขิกํ อุปฏฺหิ. ตายปิ ‘‘กึ เต, กโรมี’’ติ วุตฺตา ‘‘อิมินา กาเกน เอกจาริกวารณสฺส อกฺขีสุ ภินฺเนสุ ตุมฺเหหิ ตตฺถ อาสาฏิกํ ปาเตตุํ อิจฺฉามี’’ติ วตฺวา ตายปิ ‘‘สาธู’’ติ วุตฺเต เอกํ มณฺฑูกํ อุปฏฺหิตฺวา เตน ‘‘กึ เต, กโรมี’’ติ วุตฺตา ‘‘ยทา เอกจาริกวารโณ อนฺโธ หุตฺวา ปานียํ ปริเยสติ, ตทา ปพฺพตมตฺถเก ิโต สทฺทํ กตฺวา ตสฺมึ ปพฺพตมตฺถกํ อภิรุหนฺเต โอตริตฺวา ปปาเต สทฺทํ กเรยฺยาถ, อหํ ตุมฺหากํ สนฺติกา เอตฺตกํ ปจฺจาสีสามี’’ติ อาห. โสปิ ตสฺสา วจนํ ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ.

อเถกทิวสํ กาโก วารณสฺส ทฺเวปิ อกฺขีนิ ตุณฺเฑน ภินฺทิ, นีลมกฺขิกา อาสาฏิกํ ปาเตสิ. โส ปุฬเวหิ ขชฺชนฺโต เวทนาปฺปตฺโต ปิปาสาภิภูโต ปานียํ ปริเยสมาโน วิจริ. ตสฺมึ กาเล มณฺฑูโก ปพฺพตมตฺถเก ตฺวา สทฺทมกาสิ. วารโณ ‘‘เอตฺถ ปานียํ ภวิสฺสตี’’ติ ปพฺพตมตฺถกํ อภิรุหิ. อถ มณฺฑูโก โอตริตฺวา ปปาเต ตฺวา สทฺทมกาสิ. วารโณ ‘‘เอตฺถ ปานียํ ภวิสฺสตี’’ติ ปปาตาภิมุโข คจฺฉนฺโต ปริคฬิตฺวา ปพฺพตปาเท ปติตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาปุณิ. ลฏุกิกา ตสฺส มตภาวํ ตฺวา ‘‘ทิฏฺา เม ปจฺจามิตฺตสฺส ปิฏฺี’’ติ หฏฺตุฏฺา ตสฺส ขนฺเธ จงฺกมิตฺวา ยถากมฺมํ คตา.

สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, เกนจิ สทฺธึ เวรํ นาม กาตพฺพํ, เอวํ พลสมฺปนฺนมฺปิ วารณํ อิเม จตฺตาโร ชนา เอกโต หุตฺวา วารณสฺส ชีวิตกฺขยํ ปาเปสุ’’นฺติ –

๔๓.

‘‘กากฺจ ปสฺส ลฏุกิกํ, มณฺฑูกํ นีลมกฺขิกํ;

เอเต นาคํ อฆาเตสุํ, ปสฺส เวรสฺส เวรินํ;

ตสฺมา หิ เวรํ น กยิราถ, อปฺปิเยนปิ เกนจี’’ติ. –

อิมํ อภิสมฺพุทฺธคาถํ วตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ.

ตตฺถ ปสฺสาติ อนิยามิตาลปนเมตํ, ภิกฺขู ปน สนฺธาย วุตฺตตฺตา ปสฺสถ ภิกฺขเวติ วุตฺตํ โหติ. เอเตติ เอเต จตฺตาโร เอกโต หุตฺวา. อฆาเตสุนฺติ ตํ วธึสุ. ปสฺส เวรสฺส เวรินนฺติ ปสฺสถ เวริกานํ เวรสฺส คตินฺติ อตฺโถ.

ตทา เอกจาริกหตฺถี เทวทตฺโต อโหสิ, ยูถปติ ปน อหเมว อโหสินฺติ.

ลฏุกิกชาตกวณฺณนา สตฺตมา.

[๓๕๘] ๘. จูฬธมฺมปาลชาตกวณฺณนา

อหเมว ทูสิยา ภูนหตาติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เทวทตฺตสฺส วธาย ปริสกฺกนํ อารพฺภ กเถสิ. อฺเสุ ชาตเกสุ เทวทตฺโต โพธิสตฺตสฺส ตาสมตฺตมฺปิ กาตุํ นาสกฺขิ, อิมสฺมึ ปน จูฬธมฺมปาลชาตเก โพธิสตฺตสฺส สตฺตมาสิกกาเล หตฺถปาเท จ สีสฺจ เฉทาเปตฺวา อสิมาลกํ นาม กาเรสิ. ททฺทรชาตเก (ชา. ๑.๒.๔๓-๔๔) คีวํ คเหตฺวา มาเรตฺวา อุทฺธเน มํสํ ปจิตฺวา ขาทิ. ขนฺตีวาทีชาตเก (ชา. ๑.๔.๔๙ อาทโย) ทฺวีหิปิ กสาหิ ปหารสหสฺเสหิ ตาฬาเปตฺวา หตฺถปาเท จ กณฺณนาสฺจ เฉทาเปตฺวา ชฏาสุ คเหตฺวา กฑฺฒาเปตฺวา อุตฺตานกํ นิปชฺชาเปตฺวา อุเร ปาเทน ปหริตฺวา คโต. โพธิสตฺโต ตํ ทิวสํเยว ชีวิตกฺขยํ ปาปุณิ. จูฬนนฺทิยชาตเกปิ (ชา. ๑.๒.๑๔๓-๑๔๔) มหากปิชาตเกปิ (ชา. ๑.๗.๘๓ อาทโย) มาเรสิเยว. เอวเมว โส ทีฆรตฺตํ วธาย ปริสกฺกนฺโต พุทฺธกาเลปิ ปริสกฺกิเยว. อเถกทิวสํ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, เทวทตฺโต พุทฺธานํ มารณตฺถเมว อุปายํ กโรติ, ‘สมฺมาสมฺพุทฺธํ มาราเปสฺสามี’ติ ธนุคฺคเห ปโยเชสิ, สิลํ ปวิชฺฌิ, นาฬาคิรึ วิสฺสชฺชาเปสี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปส มยฺหํ วธาย ปริสกฺกิเยว, อิทานิ ปน ตาสมตฺตมฺปิ กาตุํ น สกฺโกติ, ปุพฺเพ มํ จูฬธมฺมปาลกุมารกาเล อตฺตโน ปุตฺตํ สมานํ ชีวตกฺขยํ ปาเปตฺวา อสิมาลกํ กาเรสี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ มหาปตาเป นาม รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส อคฺคมเหสิยา จนฺทาเทวิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติ, ‘‘ธมฺมปาโล’’ติสฺส นามํ กรึสุ. ตเมนํ สตฺตมาสิกกาเล มาตา คนฺโธทเกน นฺหาเปตฺวา อลงฺกริตฺวา กีฬาปยมานา นิสีทิ. ราชา ตสฺสา วสนฏฺานํ อคมาสิ. สา ปุตฺตํ กีฬาปยมานา ปุตฺตสิเนเหน สมปฺปิตา หุตฺวา ราชานํ ปสฺสิตฺวาปิ น อุฏฺหิ. โส จินฺเตสิ ‘‘อยํ อิทาเนว ตาว ปุตฺตํ นิสฺสาย มานํ กโรติ, มํ กิสฺมิฺจิ น มฺติ, ปุตฺเต ปน วฑฺฒนฺเต มยิ ‘มนุสฺโส’ติปิ สฺํ น กริสฺสติ, อิทาเนว นํ ฆาเตสฺสามี’’ติ. โส นิวตฺติตฺวา ราชาสเน นิสีทิตฺวา ‘‘อตฺตโน วิธาเนน อาคจฺฉตู’’ติ โจรฆาตกํ ปกฺโกสาเปสิ. โส กาสายวตฺถนิวตฺโถ รตฺตมาลาธโร ผรสุํ อํเส เปตฺวา อุปธานฆฏิกํ หตฺถปาทปนทณฺฑกฺจ อาทาย อาคนฺตฺวา ราชานํ วนฺทิตฺวา ‘‘กึ กโรมิ, เทวา’’ติ อฏฺาสิ. เทวิยา สิริคพฺภํ คนฺตฺวา ธมฺมปาลํ อาเนหีติ. เทวีปิ รฺโ กุชฺฌิตฺวา นิวตฺตนภาวํ ตฺวา โพธิสตฺตํ อุเร นิปชฺชาเปตฺวา โรทมานา นิสีทิ. โจรฆาตโก คนฺตฺวา ตํ ปิฏฺิยํ หตฺเถน ปหริตฺวา หตฺถโต กุมารํ อจฺฉินฺทิตฺวา อาทาย รฺโ สนฺติกํ อาคนฺตฺวา ‘‘กึ กโรมิ, เทวา’’ติ อาห. ราชา เอกํ ผลกํ อาหราเปตฺวา ปุรโต นิกฺขิปาเปตฺวา ‘‘อิธ นํ นิปชฺชาเปหี’’ติ อาห. โส ตถา อกาสิ.

จนฺทาเทวี ปุตฺตสฺส ปจฺฉโตว ปริเทวมานา อาคจฺฉิ. ปุน โจรฆาตโก ‘‘กึ กโรมี, เทวา’’ติ อาห. ธมฺมปาลสฺส หตฺเถ ฉินฺทาติ. จนฺทาเทวี ‘‘มหาราช, มม ปุตฺโต สตฺตมาสิโก พาลโก น กิฺจิ ชานาติ, นตฺเถตสฺส โทโส, โทโส ปน โหนฺโต มยิ ภเวยฺย, ตสฺมา มยฺหํ หตฺเถ เฉทาเปหี’’ติ อิมมตฺถํ ปกาเสนฺตี ปมํ คาถมาห –

๔๔.

‘‘อหเมว ทูสิยา ภูนหตา, รฺโ มหาปตาปสฺส;

เอตํ มุฺจตุ ธมฺมปาลํ, หตฺเถ เม เทว เฉเทหี’’ติ.

ตตฺถ ทูสิยาติ ทูสิกา, ตุมฺเห ทิสฺวา อนุฏฺหมานา โทสการิกาติ อตฺโถ. ‘‘ทูสิกา’’ติปิ ปาโ, อยเมวตฺโถ. ภูนหตาติ หตภูนา, หตวุฑฺฒีติ อตฺโถ. รฺโติ อิทํ ‘‘ทูสิยา’’ติ ปเทน โยเชตพฺพํ. อหํ รฺโ มหาปตาปสฺส อปราธการิกา, นายํ กุมาโร, ตสฺมา นิรปราธํ เอตํ พาลกํ มุฺจตุ ธมฺมปาลํ, สเจปิ หตฺเถ เฉทาเปตุกาโม, โทสการิกาย หตฺเถ เม, เทว, เฉเทหีติ อยเมตฺถ อตฺโถ.

ราชา โจรฆาตกํ โอโลเกสิ. ‘‘กึ กโรมิ, เทวา’’ติ? ‘‘ปปฺจํ อกตฺวา หตฺเถ เฉทา’’ติ. ตสฺมึ ขเณ โจรฆาตโก ติขิณผรสุํ คเหตฺวา กุมารสฺส ตรุณวํสกฬีเร วิย ทฺเว หตฺเถ ฉินฺทิ. โส ทฺวีสุ หตฺเถสุ ฉิชฺชมาเนสุ เนว โรทิ น ปริเทวิ, ขนฺติฺจ เมตฺตฺจ ปุเรจาริกํ กตฺวา อธิวาเสสิ. จนฺทา ปน เทวี ฉินฺนหตฺถโกฏึ คเหตฺวา อุจฺฉงฺเค กตฺวา โลหิตลิตฺตา ปริเทวมานา วิจริ. ปุน โจรฆาตโก ‘‘กึ กโรมิ, เทวา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ทฺเวปิ ปาเท ฉินฺทา’’ติ. ตํ สุตฺวา จนฺทาเทวี ทุติยํ คาถมาห –

๔๕.

‘‘อหเมว ทูสิยา ภูนหตา, รฺโ มหาปตาปสฺส;

เอตํ มุฺจตุ ธมฺมปาลํ, ปาเท เม เทว เฉเทหี’’ติ.

ตตฺถ อธิปฺปาโย วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ.

ราชาปิ ปุน โจรฆาตกํ อาณาเปสิ. โส อุโภปิ ปาเท ฉินฺทิ. จนฺทาเทวี ปาทโกฏิมฺปิ คเหตฺวา อุจฺฉงฺเค กตฺวา โลหิตลิตฺตา ปริเทวมานา ‘‘สามิ มหาปตาป, ฉินฺนหตฺถปาทา นาม ทารกา มาตรา โปเสตพฺพา โหนฺติ, อหํ ภตึ กตฺวา มม ปุตฺตกํ โปเสสฺสามิ, เทหิ เม เอต’’นฺติ อาห. โจรฆาตโก ‘‘กึ เทว กตา ราชาณา, นิฏฺิตํ มม กิจฺจ’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘น ตาว นิฏฺิต’’นฺติ. ‘‘อถ กึ กโรมิ, เทวา’’ติ? ‘‘สีสมสฺส ฉินฺทา’’ติ. ตํ สุตฺวา จนฺทาเทวี ตติยํ คาถมาห –

๔๖.

‘‘อหเมว ทูสิยา ภูนหตา, รฺโ มหาปตาปสฺส;

เอตํ มุฺจตุ ธมฺมปาลํ, สีสํ เม เทว เฉเทหี’’ติ.

วตฺวา จ ปน อตฺตโน สีสํ อุปเนสิ.

ปุน โจรฆาตโก ‘‘กึ กโรมิ, เทวา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘สีสมสฺส ฉินฺทา’’ติ. โส สีสํ ฉินฺทิตฺวา ‘‘กตา, เทว, ราชาณา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘น ตาว กตา’’ติ. ‘‘อถ กึ กโรมิ, เทวา’’ติ? ‘‘อสิตุณฺเฑน นํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา อสิมาลกํ นาม กโรหี’’ติ. โส ตสฺส กเฬวรํ อากาเส ขิปิตฺวา อสิตุณฺเฑน สมฺปฏิจฺฉิตฺวา อสิมาลกํ นาม กตฺวา มหาตเล วิปฺปกิริ. จนฺทาเทวี โพธิสตฺตสฺส มํเส อุจฺฉงฺเค กตฺวา มหาตเล โรทมานา ปริเทวมานา อิมา คาถา อภาสิ –

๔๗.

‘‘น หิ นูนิมสฺส รฺโ, มิตฺตามจฺจา จ วิชฺชเร สุหทา;

เย น วทนฺติ ราชานํ, มา ฆาตยิ โอรสํ ปุตฺตํ.

๔๘.

‘‘น หิ นูนิมสฺส รฺโ, าตี มิตฺตา จ วิชฺชเร สุหทา;

เย น วทนฺติ ราชานํ, มา ฆาตยิ อตฺรชํ ปุตฺต’’นฺติ.

ตตฺถ มิตฺตามจฺจา จ วิชฺชเร สุหทาติ นูน อิมสฺส รฺโ ทฬฺหมิตฺตา วา สพฺพกิจฺเจสุ สหภาวิโน อมจฺจา วา มุทุหทยตาย สุหทา วา เกจิ น วิชฺชนฺติ. เย น วทนฺตีติ เย อธุนา อาคนฺตฺวา ‘‘อตฺตโน ปิยปุตฺตํ มา ฆาตยี’’ติ น วทนฺติ, อิมํ ราชานํ ปฏิเสเธนฺติ, เต นตฺถิเยวาติ มฺเ. ทุติยคาถายํ าตีติ าตกา.

อิมา ปน ทฺเว คาถา วตฺวา จนฺทาเทวี อุโภหิ หตฺเถหิ หทยมํสํ ธารยมานา ตติยํ คาถมาห –

๔๙.

‘‘จนฺทนสารานุลิตฺตา, พาหา ฉิชฺชนฺติ ธมฺมปาลสฺส;

ทายาทสฺส ปถพฺยา, ปาณา เม เทว รุชฺฌนฺตี’’ติ.

ตตฺถ ทายาทสฺส ปถพฺยาติ ปิตุสนฺตกาย จาตุรนฺตาย ปถวิยา ทายาทสฺส โลหิตจนฺทนสารานุลิตฺตา หตฺถา ฉิชฺชนฺติ, ปาทา ฉิชฺชนฺติ, สีสฺจ ฉิชฺชติ, อสิมาลโกปิ กโต, ตว วํสํ ปจฺฉินฺทิตฺวา คโตสิ ทานีติ เอวมาทีนิ วิลปนฺติ เอวมาห. ปาณา เม เทว รุชฺฌนฺตีติ เทว, มยฺหมฺปิ อิมํ โสกํ สนฺธาเรตุํ อสกฺโกนฺติยา ชีวิตํ รุชฺฌตีติ.

ตสฺสา เอวํ ปริเทวมานาย เอว ฑยฺหมาเน เวฬุวเน เวฬุ วิย หทยํ ผลิ, สา ตตฺเถว ชีวิตกฺขยํ ปตฺตา. ราชาปิ ปลฺลงฺเก าตุํ อสกฺโกนฺโต มหาตเล ปติ, ปทรตลํ ทฺวิธา ภิชฺชิ, โส ตโตปิ ภูมิยํ ปติ. ตโต จตุนหุตาธิกทฺวิโยชนสตสหสฺสพหลาปิ ฆนปถวี ตสฺส อคุณํ ธาเรตุํ อสกฺโกนฺตี ภิชฺชิตฺวา วิวรมทาสิ, อวีจิโต ชาลา อุฏฺาย กุลทตฺติเกน กมฺพเลน ปริกฺขิปนฺตี วิย ตํ คเหตฺวา อวีจิมฺหิ ขิปิ. จนฺทาย จ โพธิสตฺตสฺส จ อมจฺจา สรีรกิจฺจํ กรึสุ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ราชา เทวทตฺโต อโหสิ, จนฺทาเทวี มหาปชาปติโคตมี, ธมฺมปาลกุมาโร ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

จูฬธมฺมปาลชาตกวณฺณนา อฏฺมา.

[๓๕๙] ๙. สุวณฺณมิคชาตกวณฺณนา

วิกฺกม เร หริปาทาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต สาวตฺถิยํ เอกํ กุลธีตรํ อารพฺภ กเถสิ. สา กิร สาวตฺถิยํ ทฺวินฺนํ อคฺคสาวกานํ อุปฏฺากกุลสฺส ธีตา สทฺธา ปสนฺนา พุทฺธมามกา ธมฺมมามกา สงฺฆมามกา อาจารสมฺปนฺนา ปณฺฑิตา ทานาทิปุฺาภิรตา. ตํ อฺํ สาวตฺถิยเมว สมานชาติกํ มิจฺฉาทิฏฺิกกุลํ วาเรสิ. อถสฺสา มาตาปิตโร ‘‘อมฺหากํ ธีตา สทฺธา ปสนฺนา ตีณิ รตนานิ มมายติ ทานาทิปุฺาภิรตา, ตุมฺเห มิจฺฉาทิฏฺิกา อิมิสฺสาปิ ยถารุจิยา ทานํ วา ทาตุํ ธมฺมํ วา โสตุํ วิหารํ วา คนฺตุํ สีลํ วา รกฺขิตุํ อุโปสถกมฺมํ วา กาตุํ น ทสฺสถ, น มยํ ตุมฺหากํ เทม, อตฺตนา สทิสํ มิจฺฉาทิฏฺิกกุลาว กุมาริกํ คณฺหถา’’ติ อาหํสุ. เต เตหิ ปฏิกฺขิตฺตา ‘‘ตุมฺหากํ ธีตา อมฺหากํ ฆรํ คนฺตฺวา ยถาธิปฺปาเยน สพฺพเมตํ กโรตุ, มยํ น วาเรสฺสาม, เทถ โน เอต’’นฺติ วตฺวา ‘‘เตน หิ คณฺหถา’’ติ วุตฺตา ภทฺทเกน นกฺขตฺเตน มงฺคลํ กตฺวา ตํ อตฺตโน ฆรํ นยึสุ. สา วตฺตาจารสมฺปนฺนา ปติเทวตา อโหสิ, สสฺสุสสุรสามิกวตฺตานิ กตาเนว โหนฺติ.

สา เอกทิวสํ สามิกํ อาห – ‘‘อิจฺฉามหํ, อยฺยปุตฺต, อมฺหากํ กุลูปกตฺเถรานํ ทานํ ทาตุ’’นฺติ. สาธุ, ภทฺเท, ยถาชฺฌาสเยน ทานํ เทหีติ. สา เถเร นิมนฺตาเปตฺวา มหนฺตํ สกฺการํ กตฺวา ปณีตโภชนํ โภเชตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิตฺวา ‘‘ภนฺเต, อิมํ กุลํ มิจฺฉาทิฏฺิกํ อสฺสทฺธํ ติณฺณํ รตนานํ คุณํ น ชานาติ, สาธุ, อยฺยา, ยาว อิมํ กุลํ ติณฺณํ รตนานํ คุณํ ชานาติ, ตาว อิเธว ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ อาห. เถรา อธิวาเสตฺวา ตตฺถ นิพทฺธํ ภุฺชนฺติ. ปุน สามิกํ อาห ‘‘อยฺยปุตฺต, เถรา อิธ นิพทฺธํ อาคจฺฉนฺติ, กึการณา ตุมฺเห น ปสฺสถา’’ติ. ‘‘สาธุ, ปสฺสิสฺสามี’’ติ. สา ปุนทิวเส เถรานํ ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน ตสฺส อาโรเจสิ. โส อุปสงฺกมิตฺวา เถเรหิ สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. อถสฺส ธมฺมเสนาปติ ธมฺมกถํ กเถสิ. โส เถรสฺส ธมฺมกถาย จ อิริยาปเถสุ จ ปสีทิตฺวา ตโต ปฏฺาย เถรานํ อาสนํ ปฺเปติ, ปานียํ ปริสฺสาเวติ, อนฺตราภตฺเต ธมฺมกถํ สุณาติ, ตสฺส อปรภาเค มิจฺฉาทิฏฺิ ภิชฺชิ.

อเถกทิวสํ เถโร ทฺวินฺนมฺปิ ธมฺมกถํ กเถนฺโต สจฺจานิ ปกาเสสิ, สจฺจปริโยสาเน อุโภปิ ชยมฺปติกา โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหึสุ. ตโต ปฏฺาย ตสฺส มาตาปิตโร อาทึ กตฺวา อนฺตมโส ทาสกมฺมกราปิ สพฺเพ มิจฺฉาทิฏฺึ ภินฺทิตฺวา พุทฺธธมฺมสงฺฆมามกาเยว ชาตา. อเถกทิวสํ ทาริกา สามิกํ อาห – ‘‘อยฺยปุตฺต, กึ เม ฆราวาเสน, อิจฺฉามหํ ปพฺพชิตุ’’นฺติ. โส ‘‘สาธุ ภทฺเท, อหมฺปิ ปพฺพชิสฺสามี’’ติ มหนฺเตน ปริวาเรน ตํ ภิกฺขุนุปสฺสยํ เนตฺวา ปพฺพาเชตฺวา สยมฺปิ สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา ปพฺพชฺชํ ยาจิ. ตํ สตฺถา ปพฺพาเชสิ. อุโภปิ วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา น จิรสฺเสว อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. อเถกทิวสํ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, อสุกา นาม ทหรภิกฺขุนี อตฺตโน เจว ปจฺจยา ชาตา สามิกสฺส จ, อตฺตนาปิ ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปตฺวา ตมฺปิ ปาเปสี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว ตาว เอสา สามิกํ ราคปาสา โมเจสิ, ปุพฺเพเปสา โปราณกปณฺฑิเต ปน มรณปาสา โมเจสี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต มิคโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต อภิรูโป อโหสิ ปาสาทิโก ทสฺสนีโย สุวณฺณวณฺโณ ลาขารสปริกมฺมกเตหิ วิย หตฺถปาเทหิ รชตทามสทิเสหิ วิสาเณหิ มณิคุฬิกปฏิภาเคหิ อกฺขีหิ รตฺตกมฺพลเคณฺฑุสทิเสน มุเขน สมนฺนาคโต. ภริยาปิสฺส ตรุณมิคี อภิรูปา อโหสิ ทสฺสนียา. เต สมคฺควาสํ วสึสุ, อสีติสหสฺสจิตฺรมิคา โพธิสตฺตํ อุปฏฺหึสุ. ตทา ลุทฺทกา มิควีถีสุ ปาเส โอฑฺเฑสุํ. อเถกทิวสํ โพธิสตฺโต มิคานํ ปุรโต คจฺฉนฺโต ปาเท ปาเสน พชฺฌิตฺวา ‘‘ฉินฺทิสฺสามิ น’’นฺติ อากฑฺฒิ, จมฺมํ ฉิชฺชิ, ปุน อากฑฺฒนฺตสฺส มํสํ ฉิชฺชิ, ปุน นฺหารุ ฉิชฺชิ, ปาโส อฏฺิมาหจฺจ อฏฺาสิ. โส ปาสํ ฉินฺทิตุํ อสกฺโกนฺโต มรณภยตชฺชิโต พทฺธรวํ รวิ. ตํ สุตฺวา ภีโต มิคคโณ ปลายิ. ภริยา ปนสฺส ปลายิตฺวา มิคานํ อนฺตเร โอโลเกนฺตี ตํ อทิสฺวา ‘‘อิทํ ภยํ มยฺหํ ปิยสามิกสฺส อุปฺปนฺนํ ภวิสฺสตี’’ติ เวเคน ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา อสฺสุมุขี โรทมานา ‘‘สามิ, ตฺวํ มหพฺพโล, กึ เอตํ ปาสํ สนฺธาเรตุํ น สกฺขิสฺสสิ, เวคํ ชเนตฺวา ฉินฺทาหิ น’’นฺติ ตสฺส อุสฺสาหํ ชเนนฺตี ปมํ คาถมาห –

๕๐.

‘‘วิกฺกม เร หริปาท, วิกฺกม เร มหามิค;

ฉินฺท วารตฺติกํ ปาสํ, นาหํ เอกา วเน รเม’’ติ.

ตตฺถ วิกฺกมาติ ปรกฺกม, อากฑฺฒาติ อตฺโถ. เรติ อามนฺตเน นิปาโต. หริปาทาติ สุวณฺณปาท. สกลสรีรมฺปิ ตสฺส สุวณฺณวณฺณํ, อยํ ปน คารเวเนวมาห. นาหํ เอกาติ อหํ ตยา วินา เอกิกา วเน น รมิสฺสามิ, ติโณทกํ ปน อคฺคเหตฺวา สุสฺสิตฺวา มริสฺสามีติ ทสฺเสติ.

ตํ สุตฺวา มิโค ทุติยํ คาถมาห –

๕๑.

‘‘วิกฺกมามิ น ปาเรมิ, ภูมึ สุมฺภามิ เวคสา;

ทฬฺโห วารตฺติโก ปาโส, ปาทํ เม ปริกนฺตตี’’ติ.

ตตฺถ วิกฺกมามีติ ภทฺเท, อหํ วีริยํ กโรมิ. น ปาเรมีติ ปาสํ ฉินฺทิตุํ ปน น สกฺโกมีติ อตฺโถ. ภูมึ สุมฺภามีติ อปิ นาม ฉิชฺเชยฺยาติ ปาเทนาปิ ภูมึ ปหรามิ. เวคสาติ เวเคน. ปริกนฺตตีติ จมฺมาทีนิ ฉินฺทนฺโต สมนฺตา กนฺตตีติ.

อถ นํ มิคี ‘‘มา ภายิ, สามิ, อหํ อตฺตโน พเลน ลุทฺทกํ ยาจิตฺวา ตว ชีวิตํ อาหริสฺสามิ. สเจ ยาจนาย น สกฺขิสฺสามิ, มม ชีวิตมฺปิ ทตฺวา ตว ชีวิตํ อาหริสฺสามี’’ติ มหาสตฺตํ อสฺสาเสตฺวา โลหิตลิตฺตํ โพธิสตฺตํ ปริคฺคเหตฺวา อฏฺาสิ. ลุทฺทโกปิ อสิฺจ สตฺติฺจ คเหตฺวา กปฺปุฏฺานคฺคิ วิย อาคจฺฉติ. สา ตํ ทิสฺวา ‘‘สามิ, ลุทฺทโก อาคจฺฉติ, อหํ อตฺตโน พลํ กริสฺสามิ, ตฺวํ มา ภายี’’ติ มิคํ อสฺสาเสตฺวา ลุทฺทกสฺส ปฏิปถํ คนฺตฺวา ปฏิกฺกมิตฺวา เอกมนฺตํ ิตา ตํ วนฺทิตฺวา ‘‘สามิ, มม สามิโก สุวณฺณวณฺโณ สีลาจารสมฺปนฺโน, อสีติสหสฺสานํ มิคานํ ราชา’’ติ โพธิสตฺตสฺส คุณํ กเถตฺวา มิคราเช ิเตเยว อตฺตโน วธํ ยาจนฺตี ตติยํ คาถมาห –

๕๒.

‘‘อตฺถรสฺสุ ปลาสานิ, อสึ นิพฺพาห ลุทฺทก;

ปมํ มํ วธิตฺวาน, หน ปจฺฉา มหามิค’’นฺติ.

ตตฺถ ปลาสานีติ มํสฏฺปนตฺถํ ปลาสปณฺณานิ อตฺถรสฺสุ. อสึ นิพฺพาหาติ อสึ โกสโต นีหร.

ตํ สุตฺวา ลุทฺทโก ‘‘มนุสฺสภูตา ตาว สามิกสฺส อตฺถาย อตฺตโน ชีวิตํ น ปริจฺจชนฺติ, อยํ ติรจฺฉานคตา ชีวิตํ ปริจฺจชติ, มนุสฺสภาสาย จ มธุเรน สเรน กเถติ, อชฺช อิมิสฺสา จ ปติโน จสฺสา ชีวิตํ ทสฺสามี’’ติ ปสนฺนจิตฺโต จตุตฺถํ คาถมาห –

๕๓.

‘‘น เม สุตํ วา ทิฏฺํ วา, ภาสนฺตึ มานุสึ มิคึ;

ตฺวฺจ ภทฺเท สุขี โหหิ, เอโส จาปิ มหามิโค’’ติ.

ตตฺถ สุตํ วา ทิฏฺํ วาติ มยา อิโต ปุพฺเพ เอวรูปํ ทิฏฺํ วา สุตํ วา นตฺถิ. ภาสนฺตึ มานุสึ มิคินฺติ อหฺหิ อิโต ปุพฺเพ มานุสึ วาจํ ภาสนฺตึ มิคึ เนว อทฺทสํ น อสฺโสสึ. เยสํ ปน ‘‘น เม สุตา วา ทิฏฺา วา, ภาสนฺตี มานุสี มิคี’’ติ ปาฬิ, เตสํ ยถาปาฬิเมว อตฺโถ ทิสฺสติ. ภทฺเทติ ภทฺทเก ปณฺฑิเก อุปายกุสเล. อิติ ตํ อาลปิตฺวา ปุน ‘‘ตฺวฺจ เอโส จาปิ มหามิโคติ ทฺเวปิ ชนา สุขี นิทฺทุกฺขา โหถา’’ติ ตํ สมสฺสาเสตฺวา ลุทฺทโก โพธิสตฺตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา วาสิยา จมฺมปาสํ ฉินฺทิตฺวา ปาเท ลคฺคปาสกํ สณิกํ นีหริตฺวา นฺหารุนา นฺหารุํ, มํเสน มํสํ, จมฺเมน จมฺมํ ปฏิปาเฏตฺวา ปาทํ หตฺเถน ปริมชฺชิ. ตงฺขณฺเว มหาสตฺตสฺส ปูริตปารมิตานุภาเวน ลุทฺทกสฺส จ เมตฺตจิตฺตานุภาเวน มิคิยา จ เมตฺตธมฺมานุภาเวน นฺหารุมํสจมฺมานิ นฺหารุมํสจมฺเมหิ ฆฏยึสุ. โพธิสตฺโต ปน สุขี นิทฺทุกฺโข อฏฺาสิ.

มิคี โพธิสตฺตํ สุขิตํ ทิสฺวา โสมนสฺสชาตา ลุทฺทกสฺส อนุโมทนํ กโรนฺตี ปฺจมํ คาถมาห –

๕๔.

‘‘เอวํ ลุทฺทก นนฺทสฺสุ, สห สพฺเพหิ าติภิ;

ยถาหมชฺช นนฺทามิ, มุตฺตํ ทิสฺวา มหามิค’’นฺติ.

ตตฺถ ลุทฺทกาติ ทารุณกมฺมกิริยาย ลทฺธนามวเสน อาลปติ.

โพธิสตฺโต ‘‘อยํ ลุทฺโท มยฺหํ อวสฺสโย ชาโต, มยาปิสฺส อวสฺสเยเนว ภวิตุํ วฏตี’’ติ โคจรภูมิยํ ทิฏฺํ เอกํ มณิกฺขนฺธํ ตสฺส ทตฺวา ‘‘สมฺม, อิโต ปฏฺาย ปาณาติปาตาทีนิ มา กริ, อิมินา กุฏุมฺพํ สณฺเปตฺวา ทารเก โปเสนฺโต ทานสีลาทีนิ ปุฺานิ กโรหี’’ติ ตสฺโสวาทํ ทตฺวา อรฺํ ปาวิสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ลุทฺทโก ฉนฺโน อโหสิ, มิคี ทหรภิกฺขุนี, มิคราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

สุวณฺณมิคชาตกวณฺณนา นวมา.

[๓๖๐] ๑๐. สุโยนนฺทีชาตกวณฺณนา

วาติ คนฺโธ ติมิรานนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อุกฺกณฺิตภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. ตฺหิ สตฺถา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ อุกฺกณฺิโตสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจ’’นฺติ วุตฺเต ‘‘กึ ทิสฺวา’’ติ วตฺวา ‘‘อลงฺกตมาตุคาม’’นฺติ วุตฺเต ‘‘มาตุคาโม นาเมส ภิกฺขุ น สกฺกา รกฺขิตุํ, โปราณกปณฺฑิตา สุปณฺณภวเน กตฺวา รกฺขนฺตาปิ รกฺขิตุํ นาสกฺขึสู’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ ตมฺพราชา นาม รชฺชํ กาเรสิ. ตสฺส สุโยนนฺที นาม อคฺคมเหสี อโหสิ อุตฺตมรูปธรา. ตทา โพธิสตฺโต สุปณฺณโยนิยํ นิพฺพตฺติ, ตสฺมึ กาเล นาคทีโป เสทุมทีโป นาม อโหสิ. โพธิสตฺโต ตสฺมึ ทีเป สุปณฺณภวเน วสติ. โส พาราณสึ คนฺตฺวา ตมฺพราเชน สทฺธึ มาณวกเวเสน ชูตํ กีฬติ. ตสฺส รูปสมฺปตฺตึ ทิสฺวา ปริจาริกา ‘‘อมฺหากํ รฺา สทฺธึ เอวรูโป นาม มาณวโก ชูตํ กีฬตี’’ติ สุโยนนฺทิยา อาโรเจสุํ. สา สุตฺวา ตํ ทฏฺุกามา หุตฺวา เอกทิวสํ อลงฺกริตฺวา ชูตมณฺฑลํ อาคนฺตฺวา ปริจาริกานํ อนฺตเร ิตา นํ โอโลเกสิ. โสปิ เทวึ โอโลเกสิ. ทฺเวปิ อฺมฺํ ปฏิพทฺธจิตฺตา อเหสุํ. สุปณฺณราชา อตฺตโน อานุภาเวน นคเร วาตํ สมุฏฺาเปสิ, เคหปตนภเยน ราชนิเวสนา มนุสฺสา นิกฺขมึสุ. โส อตฺตโน อานุภาเวน อนฺธการํ กตฺวา เทวึ คเหตฺวา อากาเสน อาคนฺตฺวา นาคทีเป อตฺตโน ภวนํ ปาวิสิ สุโยนนฺทิยา คตฏฺานํ ชานนฺตา นาม นาเหสุํ. โส ตาย สทฺธึ อภิรมมาโน คนฺตฺวา รฺา สทฺธึ ชูตํ กีฬติ.

รฺโ ปน สคฺโค นาม คนฺธพฺโพ อตฺถิ, โส เทวิยา คตฏฺานํ อชานนฺโต ตํ คนฺธพฺพํ อามนฺเตตฺวา ‘‘คจฺฉ, ตาต, คนฺธพฺพ สพฺพํ ถลชลปถํ อนุวิจริตฺวา เทวิยา คตฏฺานํ ปสฺสา’’ติ อุยฺโยเชสิ. โส ปริพฺพยํ คเหตฺวา ทฺวารคามโต ปฏฺาย วิจินนฺโต กุรุกจฺฉํ ปาปุณิ. ตทา กุรุกจฺฉวาณิชา นาวาย สุวณฺณภูมึ คจฺฉนฺติ. โส เต อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘อหํ คนฺธพฺโพ นาวาย เวตนํ ขณฺเฑตฺวา ตุมฺหากํ คนฺธพฺพํ กริสฺสามิ, มมฺปิ เนถา’’ติ อาห. เต ‘‘สาธู’’ติ ตมฺปิ อาโรเปตฺวา นาวํ วิสฺสชฺเชสุํ. เต สุขปยาตาย นาวาย ตํ ปกฺโกสิตฺวา ‘‘คนฺธพฺพํ โน กโรหี’’ติ อาหํสุ. ‘‘อหํ เจ คนฺธพฺพํ กเรยฺยํ, มยิ ปน คนฺธพฺพํ กโรนฺเต มจฺฉา จลิสฺสนฺติ, อถ โว นาโว ภิชฺชิสฺสตี’’ติ. ‘‘มนุสฺสมตฺเต คนฺธพฺพํ กโรนฺเต มจฺฉานํ จลนํ นาม นตฺถิ, กโรหี’’ติ. ‘‘เตน หิ มา มยฺหํ กุชฺฌิตฺถา’’ติ วีณํ มุจฺฉิตฺวา ตนฺติสฺสเรน คีตสฺสรํ, คีตสฺสเรน ตนฺติสฺสรํ อนติกฺกมิตฺวา คนฺธพฺพํ อกาสิ. เตน สทฺเทน สมฺมตฺตา หุตฺวา มจฺฉา จลึสุ.

อเถโก มกโร อุปฺปติตฺวา นาวาย ปตนฺโต นาวํ ภินฺทิ. สคฺโค ผลเก นิปชฺชิตฺวา ยถาวาตํ คจฺฉนฺโต นาคทีเป สุปณฺณภวนสฺส นิคฺโรธรุกฺขสฺส สนฺติกํ ปาปุณิ. สุโยนนฺทีปิ เทวี สุปณฺณราชสฺส ชูตํ กีฬิตุํ คตกาเล วิมานา โอตริตฺวา เวลนฺเต วิจรนฺตี สคฺคํ คนฺธพฺพํ ทิสฺวา สฺชานิตฺวา ‘‘กถํ อาคโตสี’’ติ ปุจฺฉิ. โส สพฺพํ กเถสิ. ‘‘เตน หิ มา ภายี’’ติ ตํ อสฺสาเสตฺวา พาหาหิ ปริคฺคเหตฺวา วิมานํ อาโรเปตฺวา สยนปิฏฺเ นิปชฺชาเปตฺวา สมสฺสตฺถกาเล ทิพฺพโภชนํ ทตฺวา ทิพฺพคนฺโธทเกน นฺหาเปตฺวา ทิพฺพวตฺเถหิ อจฺฉาเทตฺวา ทิพฺพคนฺธปุปฺเผหิ อลงฺกริตฺวา ปุน ทิพฺพสยเน นิปชฺชาเปสิ. เอวํ ทิวสํ ปริคฺคหมานา สุปณฺณรฺโ อาคมนเวลาย ปฏิจฺฉาเทตฺวา คตกาเล เตน สทฺธึ กิเลสวเสน อภิรมิ. ตโต มาสทฺธมาสจฺจเยน พาราณสิวาสิโน วาณิชา ทารุทกคหณตฺถาย ตสฺมึ ทีเป นิคฺโรธรุกฺขมูลํ สมฺปตฺตา. โส เตหิ สทฺธึ นาวํ อภิรุยฺห พาราณสึ คนฺตฺวา ราชานํ ทิสฺวาว ตสฺส ชูตกีฬนเวลาย วีณํ คเหตฺวา รฺโ คนฺธพฺพํ กโรนฺโต ปมํ คาถมาห –

๕๕.

‘‘วาติ คนฺโธ ติมิรานํ, กุสมุทฺโท จ โฆสวา;

ทูเร อิโต สุโยนนฺที, ตมฺพ กามา ตุทนฺติ ม’’นฺติ.

ตตฺถ ติมิรานนฺติ ติมิรรุกฺขปุปฺผานํ. ตํ กิร นิคฺโรธํ ปริวาเรตฺวา ติมิรรุกฺขา อตฺถิ, เต สนฺธาเยวํ วทติ. กุสมุทฺโทติ ขุทฺทกสมุทฺโท. โฆสวาติ มหารโว. ตสฺเสว นิคฺโรธสฺส สนฺติเก สมุทฺทํ สนฺธาเยวมาห. อิโตติ อิมมฺหา นครา. ตมฺพาติ ราชานํ อาลปติ. อถ วา ตมฺพกามาติ ตมฺเพน กามิตกามา ตมฺพกามา นาม. เต มํ หทเย วิชฺฌนฺตีติ ทีเปติ.

ตํ สุตฺวา สุปณฺโณ ทุติยํ คาถมาห –

๕๖.

‘‘กถํ สมุทฺทมตริ, กถํ อทฺทกฺขิ เสทุมํ;

กถํ ตสฺสา จ ตุยฺหฺจ, อหุ สคฺค สมาคโม’’ติ.

ตตฺถ เสทุมนฺติ เสทุมทีปํ.

ตโต สคฺโค ติสฺโส คาถา อภาสิ –

๕๗.

‘‘กุรุกจฺฉา ปยาตานํ, วาณิชานํ ธเนสินํ;

มกเรหิ อภิทา นาวา, ผลเกนาหมปฺลวึ.

๕๘.

‘‘สา มํ สณฺเหน มุทุนา, นิจฺจํ จนฺทนคนฺธินี;

องฺเคน อุทฺธรี ภทฺทา, มาตา ปุตฺตํว โอรสํ.

๕๙.

‘‘สา มํ อนฺเนน ปาเนน, วตฺเถน สยเนน จ;

อตฺตนาปิ จ มนฺทกฺขี, เอวํ ตมฺพ วิชานหี’’ติ.

ตตฺถ สา มํ สณฺเหน มุทุนาติ เอวํ ผลเกน ตีรํ อุตฺติณฺณํ มํ สมุทฺทตีเร วิจรนฺตี สา ทิสฺวา ‘‘มา ภายี’’ติ สณฺเหน มุทุนา วจเนน สมสฺสาเสตฺวาติ อตฺโถ. องฺเคนาติ พาหุยุคฬํ อิธ ‘‘องฺเคนา’’ติ วุตฺตํ. ภทฺทาติ ทสฺสนียา ปาสาทิกา. สา มํ อนฺเนนาติ สา มํ เอเตน อนฺนาทินา สนฺตปฺเปสีติ อตฺโถ. อตฺตนาปิ จาติ น เกวลํ อนฺนาทีเหว, อตฺตนาปิ มํ อภิรเมนฺตี สนฺตปฺเปสีติ ทีเปติ. มนฺทกฺขีติ มนฺททสฺสนี, มุทุนา อากาเรน โอโลกนสีลาติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘มตฺตกฺขี’’ติปิ ปาโ, มทมตฺเตหิ วิย อกฺขีหิ สมนฺนาคตาติ อตฺโถ. เอวํ ตมฺพาติ เอวํ ตมฺพราช ชานาหีติ.

สุปณฺโณ คนฺธพฺพสฺส กเถนฺตสฺเสว วิปฺปฏิสารี หุตฺวา ‘‘อหํ สุปณฺณภวเน วสนฺโตปิ รกฺขิตุํ นาสกฺขึ, กึ เม ตาย ทุสฺสีลายา’’ติ ตํ อาเนตฺวา รฺโ ปฏิทตฺวา ปกฺกามิ, ตโต ปฏฺาย ปุน นาคจฺฉีติ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺิตภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ตทา ราชา อานนฺโท อโหสิ, สุปณฺณราชา ปน อหเมว อโหสินฺติ.

สุโยนนฺทีชาตกวณฺณนา ทสมา.

มณิกุณฺฑลวคฺโค ปโม.

๒. วณฺณาโรหวคฺโค

[๓๖๑] ๑. วณฺณาโรหชาตกวณฺณนา

วณฺณาโรเหนาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ทฺเว อคฺคสาวเก อารพฺภ กเถสิ. เอกสฺมิฺหิ สมเย อุโภปิ มหาเถรา ‘‘อิมํ อนฺโตวสฺสํ สุฺาคารํ อนุพฺรูเหสฺสามา’’ติ สตฺถารํ อาปุจฺฉิตฺวา คณํ ปหาย สยเมว ปตฺตจีวรํ อาทาย เชตวนา นิกฺขมิตฺวา เอกํ ปจฺจนฺตคามํ นิสฺสาย อรฺเ วิหรึสุ. อฺตโรปิ วิฆาสาทปุริโส เถรานํ อุปฏฺานํ กโรนฺโต ตตฺเถว เอกมนฺเต วสิ. โส เถรานํ สมคฺควาสํ ทิสฺวา ‘‘อิเม อติวิย สมคฺคา วสนฺติ, สกฺกา นุ โข เอเต อฺมฺํ ภินฺทิตุ’’นฺติ จินฺเตตฺวา สาริปุตฺตตฺเถรํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘กึ นุ โข, ภนฺเต, อยฺเยน มหาโมคฺคลฺลานตฺเถเรน สทฺธึ ตุมฺหากํ กิฺจิ เวรํ อตฺถี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘กึ ปนาวุโส’’ติ. เอส, ภนฺเต, มม อาคตกาเล ‘‘สาริปุตฺโต นาม ชาติโคตฺตกุลปเทเสหิ วา สุตคนฺถปฏิเวธอิทฺธีหิ วา มยา สทฺธึ กึ ปโหตี’’ติ ตุมฺหากํ อคุณเมว กเถสีติ. เถโร สิตํ กตฺวา ‘‘คจฺฉ ตฺวํ อาวุโส’’ติ อาห.

โส อปรสฺมิมฺปิ ทิวเส มหาโมคฺคลฺลานตฺเถรมฺปิ อุปสงฺกมิตฺวา ตเถว กเถสิ. โสปิ นํ สิตํ กตฺวา ‘‘คจฺฉ, ตฺวํ, อาวุโส’’ติ วตฺวา สาริปุตฺตตฺเถรํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘อาวุโส, เอโส วิฆาสาโท ตุมฺหากํ สนฺติเก กิฺจิ กเถสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อามาวุโส, มยฺหมฺปิ สนฺติเก กเถสิ, อิมํ นีหริตุํ วฏฺฏตี’’ติ. ‘‘สาธุ, อาวุโส, นีหรา’’ติ วุตฺเต เถโร ‘‘มา อิธ วสี’’ติ อจฺฉรํ ปหริตฺวา ตํ นีหริ. เต อุโภปิ สมคฺควาสํ วสิตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา นิสีทึสุ. สตฺถา ปฏิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘สุเขน วสฺสํ วสิตฺถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ภนฺเต, เอโก วิฆาสาโท อมฺเห ภินฺทิตุกาโม หุตฺวา ภินฺทิตุํ อสกฺโกนฺโต ปลายี’’ติ วุตฺเต ‘‘น โข โส, สาริปุตฺต, อิทาเนว, ปุพฺเพเปส ตุมฺเห ‘ภินฺทิสฺสามี’ติ ภินฺทิตุํ อสกฺโกนฺโต ปลายี’’ติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต อรฺเ รุกฺขเทวตา อโหสิ. ตทา สีโห จ พฺยคฺโฆ จ อรฺเ ปพฺพตคุหายํ วสนฺติ. เอโก สิงฺคาโล เต อุปฏฺหนฺโต เตสํ วิฆาสํ ขาทิตฺวา มหากาโย หุตฺวา เอกทิวสํ จินฺเตสิ ‘‘มยา สีหพฺยคฺฆานํ มํสํ น ขาทิตปุพฺพํ, มยา อิเม ทฺเว ชเน ภินฺทิตุํ วฏฺฏติ, ตโต เนสํ กลหํ กตฺวา มตานํ มํสํ ขาทิสฺสามี’’ติ. โส สีหํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘กึ, สามิ, ตุมฺหากํ พฺยคฺเฆน สทฺธึ กิฺจิ เวรํ อตฺถี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘กึ ปน, สมฺมา’’ติ? เอส, ภนฺเต, มมาคตกาเล ‘‘สีโห นาม สรีรวณฺเณน วา อาโรหปริณาเหน วา ชาติพลวีริเยหิ วา มม กลภาคมฺปิ น ปาปุณาตี’’ติ ตุมฺหากํ อคุณเมว กเถสีติ. อถ นํ สีโห ‘‘คจฺฉ ตฺวํ, น โส เอวํ กเถสฺสตี’’ติ อาห. พฺยคฺฆมฺปิ อุปสงฺกมิตฺวา เอเตเนว อุปาเยน กเถสิ. ตํ สุตฺวา พฺยคฺโฆปิ สีหํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘สมฺม, ตฺวํ กิร อิทฺจิทฺจ วเทสี’’ติ ปุจฺฉนฺโต ปมํ คาถมาห –

๖๐.

‘‘วณฺณาโรเหน ชาติยา, พลนิกฺกมเนน จ;

สุพาหุ น มยา เสยฺโย, สุทา อิติ ภาสสี’’ติ.

ตตฺถ พลนิกฺกมเนน จาติ กายพเลน เจว วีริยพเลน จ. สุพาหุ น มยา เสยฺโยติ อยํ สุพาหุ นาม พฺยคฺโฆ เอเตหิ การเณหิ มยา เนว สทิโส น อุตฺตริตโรติ สจฺจํ กิร ตฺวํ โสภนาหิ ทาาหิ สมนฺนาคต สุทา มิคราช, เอวํ วเทสีติ.

ตํ สุตฺวา สุทาโ เสสา จตสฺโส คาถา อภาสิ –

๖๑.

‘‘วณฺณาโรเหน ชาติยา, พลนิกฺกมเนน จ;

สุทาโ น มยา เสยฺโย, สุพาหุ อิติ ภาสสิ.

๖๒.

‘‘เอวํ เจ มํ วิหรนฺตํ, สุพาหุ สมฺม ทุพฺภสิ;

น ทานาหํ ตยา สทฺธึ, สํวาสมภิโรจเย.

๖๓.

‘‘โย ปเรสํ วจนานิ, สทฺทเหยฺย ยถาตถํ;

ขิปฺปํ ภิชฺเชถ มิตฺตสฺมึ, เวรฺจ ปสเว พหุํ.

๖๔.

‘‘น โส มิตฺโต โย สทา อปฺปมตฺโต, เภทาสงฺกี รนฺธเมวานุปสฺสี;

ยสฺมิฺจ เสตี อุรสีว ปุตฺโต, ส เว มิตฺโต โย อเภชฺโช ปเรหี’’ติ.

ตตฺถ สมฺมาติ วยสฺส. ทุพฺภสีติ ยทิ เอวํ ตยา สทฺธึ สมคฺควาสํ วสนฺตํ มํ สิงฺคาลสฺส กถํ คเหตฺวา ตฺวํ ทุพฺภสิ หนิตุํ อิจฺฉสิ, อิโต ทานิ ปฏฺาย อหํ ตยา สทฺธึ สํวาสํ น อภิโรจเย. ยถาตถนฺติ ตถโต ยถาตถํ ยถาตจฺฉํ อวิสํวาทเกน อริเยน วุตฺตวจนํ สทฺธาตพฺพํ. เอวํ โย เยสํ เกสฺจิ ปเรสํ วจนานิ สทฺทเหถาติ อตฺโถ. โย สทา อปฺปมตฺโตติ โย นิจฺจํ อปฺปมตฺโต หุตฺวา มิตฺตสฺส วิสฺสาสํ น เทติ, โส มิตฺโต นาม น โหตีติ อตฺโถ. เภทาสงฺกีติ ‘‘อชฺช ภิชฺชิสฺสติ, สฺเว ภิชฺชิสฺสตี’’ติ เอวํ มิตฺตสฺส เภทเมว อาสงฺกติ. รนฺธเมวานุปสฺสีติ ฉิทฺทํ วิวรเมว ปสฺสนฺโต. อุรสีว ปุตฺโตติ ยสฺมึ มิตฺเต มาตุ หทเย ปุตฺโต วิย นิราสงฺโก นิพฺภโย เสติ.

อิติ อิมาหิ จตูหิ คาถาหิ สีเหน มิตฺตคุเณ กถิเต พฺยคฺโฆ ‘‘มยฺหํ โทโส’’ติ สีหํ ขมาเปสิ. เต ตตฺเถว สมคฺควาสํ วสึสุ. สิงฺคาโล ปน ปลายิตฺวา อฺตฺถ คโต.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา สิงฺคาโล วิฆาสาโท อโหสิ, สีโห สาริปุตฺโต, พฺยคฺโฆ โมคฺคลฺลาโน, ตํ การณํ ปจฺจกฺขโต ทิฏฺา ตสฺมึ วเน นิวุตฺถรุกฺขเทวตา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

วณฺณาโรหชาตกวณฺณนา ปมา.

[๓๖๒] ๒. สีลวีมํสชาตกวณฺณนา

สีลํ เสยฺโยติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ สีลวีมํสกพฺราหฺมณํ อารพฺภ กเถสิ. ตํ กิร ราชา ‘‘เอส สีลสมฺปนฺโน’’ติ อฺเหิ พฺราหฺมเณหิ อติเรกํ กตฺวา ปสฺสติ. โส จินฺเตสิ ‘‘กึ นุ โข มํ ราชา ‘สีลสมฺปนฺโน’ติ อฺเหิ อติเรกํ กตฺวา ปสฺสติ, อุทาหุ ‘สุตธรยุตฺโต’ติ, วีมํสิสฺสามิ ตาว สีลสฺส วา สุตสฺส วา มหนฺตภาว’’นฺติ. โส เอกทิวสํ เหรฺิกผลกโต กหาปณํ คณฺหิ. เหรฺิโก ครุภาเวน น กิฺจิ อาห, ทุติยวาเรปิ น กิฺจิ อาห. ตติยวาเร ปน ตํ ‘‘วิโลปขาทโก’’ติ คาหาเปตฺวา รฺโ ทสฺเสตฺวา ‘‘กึ อิมินา กต’’นฺติ วุตฺเต ‘‘กุฏุมฺพํ วิลุมฺปตี’’ติ อาห. ‘‘สจฺจํ กิร, พฺราหฺมณา’’ติ? ‘‘น, มหาราช, กุฏุมฺพํ วิลุมฺปามิ, มยฺหํ ปน ‘สีลํ นุ โข มหนฺตํ, สุตํ นุ โข’ติ กุกฺกุจฺจํ อโหสิ, สฺวาหํ ‘เอเตสุ กตรํ นุ โข มหนฺต’นฺติ วีมํสนฺโต ตโย วาเร กหาปณํ คณฺหึ, ตํ มํ เอส พนฺธาเปตฺวา ตุมฺหากํ ทสฺเสติ. อิทานิ เม สุตโต สีลสฺส มหนฺตภาโว าโต, น เม ฆราวาเสนตฺโถ, ปพฺพชิสฺสามห’’นฺติ ปพฺพชฺชํ อนุชานาเปตฺวา ฆรทฺวารํ อโนโลเกตฺวาว เชตวนํ คนฺตฺวา สตฺถารํ ปพฺพชฺชํ ยาจิ. ตสฺส สตฺถา ปพฺพชฺชฺจ อุปสมฺปทฺจ ทาเปสิ. โส อจิรูปสมฺปนฺโน วิปสฺสนํ วิปสฺสิตฺวา อคฺคผเล ปติฏฺหิ. ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, อสุกพฺราหฺมโณ อตฺตโน สีลํ วีมํสิตฺวา ปพฺพชิโต วิปสฺสิตฺวา อรหตฺตํ ปตฺโต’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทานิ อยเมว, ปุพฺเพ ปณฺฑิตาปิ สีลํ วีมํสิตฺวา ปพฺพชิตฺวา อตฺตโน ปติฏฺํ กรึสุเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา พาราณสึ อาคนฺตฺวา ราชานํ ปสฺสิ. ราชา ตสฺส ปุโรหิตฏฺานํ อทาสิ. โส ปฺจ สีลานิ รกฺขติ. ราชาปิ นํ ‘‘สีลวา’’ติ ครุํ กตฺวา ปสฺสิ. โส จินฺเตสิ ‘‘กึ นุ โข ราชา ‘สีลวา’ติ มํ ครุํ กตฺวา ปสฺสติ, อุทาหุ ‘สุตธรยุตฺโต’’’ติ. สพฺพํ ปจฺจุปฺปนฺนวตฺถุสทิสเมว. อิธ ปน โส พฺราหฺมโณ ‘‘อิทานิ เม สุตโต สีลสฺส มหนฺตภาโว าโต’’ติ วตฺวา อิมา ปฺจ คาถา อภาสิ –

๖๕.

‘‘สีลํ เสยฺโย สุตํ เสยฺโย, อิติ เม สํสโย อหุ;

สีลเมว สุตา เสยฺโย, อิติ เม นตฺถิ สํสโย.

๖๖.

‘‘โมฆา ชาติ จ วณฺโณ จ, สีลเมว กิรุตฺตมํ;

สีเลน อนุเปตสฺส, สุเตนตฺโถ น วิชฺชติ.

๖๗.

‘‘ขตฺติโย จ อธมฺมฏฺโ, เวสฺโส จาธมฺมนิสฺสิโต;

เต ปริจฺจชฺชุโภ โลเก, อุปปชฺชนฺติ ทุคฺคตึ.

๖๘.

‘‘ขตฺติยา พฺราหฺมณา เวสฺสา, สุทฺทา จณฺฑาลปุกฺกุสา;

อิธ ธมฺมํ จริตฺวาน, ภวนฺติ ติทิเว สมา.

๖๙.

‘‘น เวทา สมฺปรายาย, น ชาติ นาปิ พนฺธวา;

สกฺจ สีลํ สํสุทฺธํ, สมฺปรายาย สุขาย จา’’ติ.

ตตฺถ สีลเมว สุตา เสยฺโยติ สุตปริยตฺติโต สตคุเณน สหสฺสคุเณน สีลเมว อุตฺตริตรนฺติ. เอวฺจ ปน วตฺวา สีลํ นาเมตํ เอกวิธํ สํวรวเสน, ทุวิธํ จาริตฺตวาริตฺตวเสน, ติวิธํ กายิกวาจสิกมานสิกวเสน, จตุพฺพิธํ ปาติโมกฺขสํวรอินฺทฺริยสํวรอาชีวปาริสุทฺธิปจฺจยสนฺนิสฺสิตวเสนาติ มาติกํ เปตฺวา วิตฺถาเรนฺโต สีลสฺส วณฺณํ อภาสิ.

โมฆาติ อผลา ตุจฺฉา. ชาตีติ ขตฺติยกุลาทีสุ นิพฺพตฺติ. วณฺโณติ สรีรวณฺโณ อภิรูปภาโว. ยา หิ ยสฺมา สีลรหิตสฺส ชาติสมฺปทา วา วณฺณสมฺปทา วา สคฺคสุขํ ทาตุํ น สกฺโกติ, ตสฺมา อุภยมฺปิ ตํ ‘‘โมฆ’’นฺติ อาห. สีลเมว กิราติ อนุสฺสววเสน วทติ, น ปน สยํ ชานาติ. อนุเปตสฺสาติ อนุปคตสฺส. สุเตนตฺโถ น วิชฺชตีติ สีลรหิตสฺส สุตปริยตฺติมตฺเตน อิธโลเก วา ปรโลเก วา กาจิ วฑฺฒิ นาม นตฺถิ.

ตโต ปรา ทฺเว คาถา ชาติยา โมฆภาวทสฺสนตฺถํ วุตฺตา. ตตฺถ เต ปริจฺจชฺชุโภ โลเกติ เต ทุสฺสีลา เทวโลกฺจ มนุสฺสโลกฺจาติ อุโภปิ โลเก ปริจฺจชิตฺวา ทุคฺคตึ อุปปชฺชนฺติ. จณฺฑาลปุกฺกุสาติ ฉวฉฑฺฑกจณฺฑาลา จ ปุปฺผฉฑฺฑกปุกฺกุสา จ. ภวนฺติ ติทิเว สมาติ เอเต สพฺเพปิ สีลานุภาเวน เทวโลเก นิพฺพตฺตา สมา โหนฺติ นิพฺพิเสสา, เทวาตฺเวว สงฺขฺยํ คจฺฉนฺติ.

ปฺจมคาถา สพฺเพสมฺปิ สุตาทีนํ โมฆภาวทสฺสนตฺถํ วุตฺตา. ตสฺสตฺโถ – มหาราช, เอเต เวทาทโย เปตฺวา อิธโลเก ยสมตฺตทานํ สมฺปราเย ทุติเย วา ตติเย วา ภเว ยสํ วา สุขํ วา ทาตุํ นาม น สกฺโกนฺติ, ปริสุทฺธํ ปน อตฺตโน สีลเมว ตํ ทาตุํ สกฺโกตีติ.

เอวํ มหาสตฺโต สีลคุเณ โถเมตฺวา ราชานํ ปพฺพชฺชํ อนุชานาเปตฺวา ตํ ทิวสเมว หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา อปริหีนชฺฌาโน พฺรหฺมโลกปรายโณ อโหสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา สีลํ วีมํสิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิโต อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

สีลวีมํสชาตกวณฺณนา ทุติยา.

[๓๖๓] ๓. หิริชาตกวณฺณนา

หิรึ ตรนฺตนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อนาถปิณฺฑิกสฺส สหายํ ปจฺจนฺตวาสิเสฏฺึ อารพฺภ กเถสิ. ทฺเวปิ วตฺถูนิ เอกกนิปาเต นวมวคฺคสฺส ปริโยสานชาตเก วิตฺถาริตาเนว. อิธ ปน ‘‘ปจฺจนฺตวาสิเสฏฺิโน มนุสฺสา อจฺฉินฺนสพฺพสาปเตยฺยา อตฺตโน สนฺตกสฺส อสฺสามิโน หุตฺวา ปลาตา’’ติ พาราณสิเสฏฺิสฺส อาโรจิเต พาราณสิเสฏฺิ ‘‘อตฺตโน สนฺติกํ อาคตานํ กตฺตพฺพํ อกโรนฺตา นาม ปฏิการเก น ลภนฺติเยวา’’ติ วตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –

๗๐.

‘‘หิรึ ตรนฺตํ วิชิคุจฺฉมานํ, ตวาหมสฺมี อิติ ภาสมานํ;

เสยฺยานิ กมฺมานิ อนาทิยนฺตํ, เนโส มมนฺติ อิติ นํ วิชฺา.

๗๑.

‘‘ยฺหิ กยิรา ตฺหิ วเท, ยํ น กยิรา น ตํ วเท;

อกโรนฺตํ ภาสมานํ, ปริชานนฺติ ปณฺฑิตา.

๗๒.

‘‘น โส มิตฺโต โย สทา อปฺปมตฺโต, เภทาสงฺกี รนฺธเมวานุปสฺสี;

ยสฺมิฺจ เสตี อุรสีว ปุตฺโต, ส เว มิตฺโต โย อเภชฺโช ปเรหิ.

๗๓.

‘‘ปาโมชฺชกรณํ านํ, ปสํสาวหนํ สุขํ;

ผลานิสํโส ภาเวติ, วหนฺโต โปริสํ ธุรํ.

๗๔.

‘‘ปวิเวกรสํ ปิตฺวา, รสํ อุปสมสฺส จ;

นิทฺทโร โหติ นิปฺปาโป, ธมฺมปฺปีติรสํ ปิว’’นฺติ.

ตตฺถ หิรึ ตรนฺตนฺติ ลชฺชํ อติกฺกนฺตํ. วิชิคุจฺฉมานนฺติ มิตฺตภาเวน ชิคุจฺฉยมานํ. ตวาหมสฺมีติ ‘‘ตว อหํ มิตฺโต’’ติ เกวลํ วจนมตฺเตเนว ภาสมานํ. เสยฺยานิ กมฺมานิติ ‘‘ทสฺสามิ กริสฺสามี’’ติ วจนสฺส อนุรูปานิ อุตฺตมกมฺมานิ. อนาทิยนฺตนฺติ อกโรนฺตํ. เนโส มมนฺติ เอวรูปํ ปุคฺคลํ ‘‘น เอโส มม มิตฺโต’’ติ วิชฺา.

ปาโมชฺชกรณํ านนฺติ ทานมฺปิ สีลมฺปิ ภาวนาปิ ปณฺฑิเตหิ กลฺยาณมิตฺเตหิ สทฺธึ มิตฺตภาโวปิ. อิธ ปน วุตฺตปฺปการํ มิตฺตภาวเมว สนฺธาเยวมาห. ปณฺฑิเตน หิ กลฺยาณมิตฺเตน สทฺธึ มิตฺตภาโว ปาโมชฺชมฺปิ กโรติ, ปสํสมฺปิ วหติ. อิธโลกปรโลเกสุ กายิกเจตสิกสุขเหตุโต ‘‘สุข’’นฺติปิ วุจฺจติ, ตสฺมา เอตํ ผลฺจ อานิสํสฺจ สมฺปสฺสมาโน ผลานิสํโส กุลปุตฺโต ปุริเสหิ วหิตพฺพํ ทานสีลภาวนามิตฺตภาวสงฺขาตํ จตุพฺพิธมฺปิ โปริสํ ธุรํ วหนฺโต เอตํ มิตฺตภาวสงฺขาตํ ปาโมชฺชกรณํ านํ ปสํสาวหนํ สุขํ ภาเวติ วฑฺเฒติ, น ปณฺฑิเตหิ มิตฺตภาวํ ภินฺทตีติ ทีเปติ.

ปวิเวกรสนฺติ กายจิตฺตอุปธิวิเวกานํ รสํ เต วิเวเก นิสฺสาย อุปฺปนฺนํ โสมนสฺสรสํ. อุปสมสฺส จาติ กิเลสูปสเมน ลทฺธโสมนสฺสสฺส. นิทฺทโร โหติ นิปฺปาโปติ สพฺพกิเลสทรถาภาเวน นิทฺทโร, กิเลสาภาเวน นิปฺปาโป โหติ. ธมฺมปฺปีติรสนฺติ ธมฺมปีติสงฺขาตํ รสํ, วิมุตฺติปีตึ ปิวนฺโตติ อตฺโถ.

อิติ มหาสตฺโต ปาปมิตฺตสํสคฺคโต อุพฺพิคฺโค ปวิเวกรเสน อมตมหานิพฺพานํ ปาเปตฺวา เทสนาย กูฏํ คณฺหิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ปจฺจนฺตวาสี อิทานิ ปจฺจนฺตวาสีเยว, ตทา พาราณสิเสฏฺิ อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

หิริชาตกวณฺณนา ตติยา.

[๓๖๔] ๔. ขชฺโชปนกชาตกวณฺณนา

๗๕-๗๙.

โก นุ สนฺตมฺหิ ปชฺโชเตติ อยํ ขชฺโชปนกปฺโห มหาอุมงฺเค วิตฺถารโต อาวิ ภวิสฺสติ.

ขชฺโชปนกชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.

[๓๖๕] ๕. อหิตุณฺฑิกชาตกวณฺณนา

ธุตฺโตมฺหีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ มหลฺลกภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ เหฏฺา สาลูกชาตเก (ชา. ๑.๓.๑๐๖ อาทโย) วิตฺถาริตํ. อิธาปิ โส มหลฺลโก เอกํ คามทารกํ ปพฺพาเชตฺวา อกฺโกสติ ปหรติ. ทารโก ปลายิตฺวา วิพฺภมิ. ทุติยมฺปิ นํ ปพฺพาเชตฺวา ตเถวากาสิ. ทุติยมฺปิ วิพฺภมิตฺวา ปุน ยาจิยมาโน โอโลเกตุมฺปิ น อิจฺฉิ. ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, อสุโก นาม มหลฺลโก อตฺตโน สามเณเรน สหาปิ วินาปิ วตฺติตุํ น สกฺโกติ, อิตโร ตสฺส โทสํ ทิสฺวา ปุน โอโลเกตุมฺปิ น อิจฺฉิ, สุหทโย กุมารโก’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปส สามเณโร สุหทโยว, สกึ โทสํ ทิสฺวา ปุน โอโลเกตุมฺปิ น อิจฺฉี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ธฺวาณิชกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ธฺวิกฺกเยน ชีวิกํ กปฺเปสิ. อเถโก อหิตุณฺฑิโก มกฺกฏํ คเหตฺวา สิกฺขาเปตฺวา อหึ กีฬาเปนฺโต พาราณสิยํ อุสฺสเว ฆุฏฺเ ตํ มกฺกฏํ ธฺวาณิชกสฺส สนฺติเก เปตฺวา อหึ กีฬาเปนฺโต สตฺต ทิวสานิ วิจริ. โสปิ วาณิโช มกฺกฏสฺส ขาทนียํ โภชนียํ อทาสิ. อหิตุณฺฑิโก สตฺตเม ทิวเส อุสฺสวกีฬนโต อาคนฺตฺวา ตํ มกฺกฏํ เวฬุเปสิกาย ติกฺขตฺตุํ ปหริตฺวา ตํ อาทาย อุยฺยานํ คนฺตฺวา พนฺธิตฺวา นิทฺทํ โอกฺกมิ. มกฺกโฏ พนฺธนํ โมเจตฺวา อมฺพรุกฺขํ อารุยฺห อมฺพานิ ขาทนฺโต นิสีทิ. โส ปพุทฺโธ รุกฺเข มกฺกฏํ ทิสฺวา ‘‘เอตํ มยา อุปลาเปตฺวา คเหตุํ วฏฺฏตี’’ติ เตน สทฺธึ สลฺลปนฺโต ปมํ คาถมาห –

๘๐.

‘‘ธุตฺโตมฺหิ สมฺม สุมุข, ชูเต อกฺขปราชิโต;

หเรหิ อมฺพปกฺกานิ, วีริยํ เต ภกฺขยามเส’’ติ.

ตตฺถ อกฺขปราชิโตติ อกฺเขหิ ปราชิโต. หเรหีติ ปาเตหิ. อยเมว วา ปาโ.

ตํ สุตฺวา มกฺกโฏ เสสคาถา อภาสิ –

๘๑.

‘‘อลิกํ วต มํ สมฺม, อภูเตน ปสํสสิ;

โก เต สุโต วา ทิฏฺโ วา, สุมุโข นาม มกฺกโฏ.

๘๒.

‘‘อชฺชาปิ เม ตํ มนสิ, ยํ มํ ตฺวํ อหิตุณฺฑิก;

ธฺาปณํ ปวิสิตฺวา, มตฺโต ฉาตํ หนาสิ มํ.

๘๓.

‘‘ตาหํ สรํ ทุกฺขเสยฺยํ, อปิ รชฺชมฺปิ การเย;

เนวาหํ ยาจิโต ทชฺชํ, ตถา หิ ภยตชฺชิโต.

๘๔.

‘‘ยฺจ ชฺา กุเล ชาตํ, คพฺเภ ติตฺตํ อมจฺฉรึ;

เตน สขิฺจ มิตฺตฺจ, ธีโร สนฺธาตุมรหตี’’ติ.

ตตฺถ อลิกํ วตาติ มุสา วต. อภูเตนาติ อวิชฺชมาเนน. โก เตติ กฺว ตยา. สุมุโขติ สุนฺทรมุโข. อหิตุณฺฑิกาติ ตํ อาลปติ. ‘‘อหิโกณฺฑิกา’’ติปิ ปาโ. ฉาตนฺติ ชิฆจฺฉาภิภูตํ ทุพฺพลํ กปณํ. หนาสีติ เวฬุเปสิกาย ติกฺขตฺตุํ ปหรสิ. ตาหนฺติ ตํ อหํ. สรนฺติ สรนฺโต. ทุกฺขเสยฺยนฺติ ตสฺมึ อาปเณ ทุกฺขสยนํ. อปิ รชฺชมฺปิ การเยติ สเจปิ พาราณสิรชฺชํ คเหตฺวา มยฺหํ ทตฺวา มํ รชฺชํ กาเรยฺยาสิ, เอวมฺปิ ตํ เนวาหํ ยาจิโต ทชฺชํ, ตํ เอกมฺปิ อมฺพปกฺกํ อหํ ตยา ยาจิโต น ทเทยฺยํ. กึการณา? ตถา หิ ภยตชฺชิโตติ, ตถา หิ อหํ ตยา ภเยน ตชฺชิโตติ อตฺโถ.

คพฺเภ ติตฺตนฺติ สุโภชนรเสน มาตุกุจฺฉิยํเยว อลงฺกตปฏิยตฺเต สยนคพฺเภเยว วา ติตฺตํ โภคาสาย อกปณํ. สขิฺจ มิตฺตฺจาติ สขิภาวฺจ มิตฺตภาวฺจ ตถารูเปน กุลชาเตน ติตฺเตน อกปเณน อมจฺฉรินา สทฺธึ ปณฺฑิโต สนฺธาตุํ ปุน ฆเฏตุํ อรหติ, ตยา ปน กปเณน อหิตุณฺฑิเกน สทฺธึ โก มิตฺตภาวํ ปุน ฆเฏตุนฺติ อตฺโถ. เอวฺจ ปน วตฺวา วานโร วนํ สหสา ปาวิสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา อหิตุณฺฑิโก มหลฺลโก อโหสิ, มกฺกโฏ สามเณโร, ธฺวาณิโช ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

อหิตุณฺฑิกชาตกวณฺณนา ปฺจมา.

[๓๖๖] ๖. คุมฺพิยชาตกวณฺณนา

มธุวณฺณํ มธุรสนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อุกฺกณฺิตภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. ตฺหิ สตฺถา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ อุกฺกณฺิโตสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจํ, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘กึ ทิสฺวา’’ติ วตฺวา ‘‘อลงฺกตมาตุคาม’’นฺติ วุตฺเต ‘‘ภิกฺขุ อิเม ปฺจ กามคุณา นาม เอเกน คุมฺพิเยน ยกฺเขน หลาหลวิสํ ปกฺขิปิตฺวา มคฺเค ปิตมธุสทิสา’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต สตฺถวาหกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต พาราณสิโต ปฺจหิ สกฏสเตหิ ภณฺฑํ อาทาย โวหารตฺถาย คจฺฉนฺโต มหาวตฺตนิอฏวิทฺวารํ ปตฺวา สตฺถเก สนฺนิปาตาเปตฺวา ‘‘อมฺโภ, อิมสฺมึ มคฺเค วิสปณฺณปุปฺผผลาทีนิ อตฺถิ, ตุมฺเห กิฺจิ อขาทิตปุพฺพํ ขาทนฺตา มํ อปุจฺฉิตฺวา มา ขาทิตฺถ, อมนุสฺสาปิ วิสํ ปกฺขิปิตฺวา ภตฺตปุฏมธุกผลานิ มคฺเค เปนฺติ, ตานิปิ มํ อนาปุจฺฉิตฺวา มา ขาทิตฺถา’’ติ โอวาทํ ทตฺวา มคฺคํ ปฏิปชฺชิ. อเถโก คุมฺพิโย นาม ยกฺโข อฏวิยา มชฺฌฏฺาเน มคฺเค ปณฺณานิ อตฺถริตฺวา หลาหลวิสสํยุตฺตานิ มธุปิณฺฑานิ เปตฺวา สยํ มคฺคสามนฺเต มธุํ คณฺหนฺโต วิย รุกฺเข โกฏฺเฏนฺโต วิจรติ. อชานนฺตา ‘‘ปุฺตฺถาย ปิตานิ ภวิสฺสนฺตี’’ติ ขาทิตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาปุณนฺติ. อมนุสฺสา อาคนฺตฺวา เต ขาทนฺติ. โพธิสตฺตสฺส สตฺถกมนุสฺสาปิ ตานิ ทิสฺวา เอกจฺเจ โลลชาติกา อธิวาเสตุํ อสกฺโกนฺตา ขาทึสุ, ปณฺฑิตชาติกา ‘‘ปุจฺฉิตฺวา ขาทิสฺสามา’’ติ คเหตฺวา อฏฺํสุ. โพธิสตฺโต เต ทิสฺวา หตฺถคตานิ ฉฑฺฑาเปสิ, เยหิ ปมตรํ ขาทิตานิ, เต มรึสุ. เยหิ อฑฺฒขาทิตานิ, เตสํ วมนวิเรจนํ ทตฺวา วนฺตกาเล จตุมธุรํ อทาสิ. อิติ เต ตสฺส อานุภาเวน ชีวิตํ ปฏิลภึสุ. โพธิสตฺโต โสตฺถินา อิจฺฉิตฏฺานํ คนฺตฺวา ภณฺฑํ วิสฺสชฺเชตฺวา อตฺตโน เคหเมว อคมาสิ. ตมตฺถํ กเถนฺโต สตฺถา อิมา อภิสมฺพุทฺธคาถา อภาสิ –

๘๕.

‘‘มธุวณฺณํ มธุรสํ, มธุคนฺธํ วิสํ อหุ;

คุมฺพิโย ฆาสเมสาโน, อรฺเ โอทหี วิสํ.

๘๖.

‘‘มธุ อิติ มฺมานา, เย ตํ วิสมขาทิสุํ;

เตสํ ตํ กฏุกํ อาสิ, มรณํ เตนุปาคมุํ.

๘๗.

‘‘เย จ โข ปฏิสงฺขาย, วิสํ ตํ ปริวชฺชยุํ;

เต อาตุเรสุ สุขิตา, ฑยฺหมาเนสุ นิพฺพุตา.

๘๘.

‘‘เอวเมว มนุสฺเสสุ, วิสํ กามา สโมหิตา;

อามิสํ พนฺธนฺเจตํ, มจฺจุเวโส คุหาสโย.

๘๙.

‘‘เอวเมว อิเม กาเม, อาตุรา ปริจาริเก;

เย สทา ปริวชฺเชนฺติ, สงฺคํ โลเก อุปจฺจคุ’’นฺติ.

ตตฺถ คุมฺพิโยติ ตสฺมึ วนคุมฺเพ วิจรเณน เอวํลทฺธนาโม ยกฺโข. ฆาสเมสาโนติ ‘‘ตํ วิสํ ขาทิตฺวา มเต ขาทิสฺสามี’’ติ เอวํ อตฺตโน ฆาสํ ปริเยสนฺโต. โอทหีติ ตํ มธุนา สมานวณฺณคนฺธรสํ วิสํ นิกฺขิปิ. กฏุกํ อาสีติ ติขิณํ อโหสิ. มรณํ เตนุปาคมุนฺติ เตน วิเสน เต สตฺตา มรณํ อุปคตา.

อาตุเรสูติ วิสเวเคน อาสนฺนมรเณสุ. ฑยฺหมาเนสูติ วิสเตเชเนว ฑยฺหมาเนสุ. วิสํ กามา สโมหิตาติ ยถา ตสฺมึ วตฺตนิมหามคฺเค วิสํ สโมหิตํ นิกฺขิตฺตํ, เอวํ มนุสฺเสสุปิ เย เอเต รูปาทโย ปฺจ วตฺถุกามา ตตฺถ ตตฺถ สโมหิตา นิกฺขิตฺตา, เต ‘‘วิส’’นฺติ เวทิตพฺพา. อามิสํ พนฺธนฺเจตนฺติ เอเต ปฺจ กามคุณา นาม เอวํ อิมสฺส มจฺฉภูตสฺส โลกสฺส มารพาลิสิเกน ปกฺขิตฺตํ อามิสฺเจว, ภวาภวโต นิกฺขมิตุํ อปฺปทาเนน อนฺทุอาทิปฺปเภทํ นานปฺปการํ พนฺธนฺจ. มจฺจุเวโส คุหาสโยติ สรีรคุหาย วสนโก มรณมจฺจุเวโส.

เอวเมว อิเม กาเมติ ยถา วตฺตนิมหามคฺเค วิสํ นิกฺขิตฺตํ, เอวํ ตตฺถ ตตฺถ นิกฺขิตฺเต อิเม กาเม. อาตุราติ เอกนฺตมรณธมฺมตาย อาตุรา อาสนฺนมรณา ปณฺฑิตมนุสฺสา. ปริจาริเกติ กิเลสปริจาริเก กิเลสพนฺธเก. เย สทา ปริวชฺเชนฺตีติ เย วุตฺตปฺปการา ปณฺฑิตปุริสา นิจฺจํ เอวรูเป กาเม วชฺเชนฺติ. สงฺคํ โลเกติ โลเก สงฺคนฏฺเน ‘‘สงฺค’’นฺติ ลทฺธนามํ ราคาทิเภทํ กิเลสชาตํ. อุปจฺจคุนฺติ อตีตา นามาติ เวทิตพฺพา, อติกฺกมนฺตีติ วา อตฺโถ.

สตฺถา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺิตภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ตทา สตฺถวาโห อหเมว อโหสินฺติ.

คุมฺพิยชาตกวณฺณนา ฉฏฺา.

[๓๖๗] ๗. สาฬิยชาตกวณฺณนา

ยฺวายํ สาฬิยฉาโปตีติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต ‘‘อาวุโส, เทวทตฺโต ตาสการโกปิ ภวิตุํ นาสกฺขี’’ติ วจนํ อารพฺภ กเถสิ. ตทา หิ สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปส มม ตาสการโกปิ ภวิตุํ นาสกฺขี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต คามเก กุฏุมฺพิกกุเล นิพฺพตฺติตฺวา ตรุณกาเล ปํสุกีฬเกหิ ทารเกหิ สทฺธึ คามทฺวาเร นิคฺโรธรุกฺขมูเล กีฬติ. ตทา เอโก ทุพฺพลเวชฺโช คาเม กิฺจิ อลภิตฺวา นิกฺขมนฺโต ตํ านํ ปตฺวา เอกํ สปฺปํ วิฏปพฺภนฺตเรน สีสํ นีหริตฺวา นิทฺทายนฺตํ ทิสฺวา ‘‘มยา คาเม กิฺจิ น ลทฺธํ, อิเม ทารเก วฺเจตฺวา สปฺเปน ฑํสาเปตฺวา ติกิจฺฉิตฺวา กิฺจิเทว คณฺหิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา โพธิสตฺตํ อาห ‘‘สเจ สาฬิยฉาปํ ปสฺเสยฺยาสิ, คณฺเหยฺยาสี’’ติ. ‘‘อาม, คณฺเหยฺย’’นฺติ. ‘‘ปสฺเสโส วิฏปพฺภนฺตเร สยิโต’’ติ. โส ตสฺส สปฺปภาวํ อชานนฺโต รุกฺขํ อารุยฺห ตํ คีวายํ คเหตฺวา ‘‘สปฺโป’’ติ ตฺวา นิวตฺติตุํ อเทนฺโต สุคฺคหิตํ คเหตฺวา เวเคน ขิปิ. โส คนฺตฺวา เวชฺชสฺส คีวายํ ปติโต คีวํ ปลิเวเตฺวา ‘‘กร กรา’’ติ ฑํสิตฺวา ตตฺเถว นํ ปาเตตฺวา ปลายิ. มนุสฺสา ปริวารยึสุ.

มหาสตฺโต สมฺปตฺตปริสาย ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –

๙๐.

‘‘ยฺวายํ สาฬิยฉาโปติ, กณฺหสปฺปํ อคาหยิ;

เตน สปฺเปนยํ ทฏฺโ, หโต ปาปานุสาสโก.

๙๑.

‘‘อหนฺตารมหนฺตารํ, โย นโร หนฺตุมิจฺฉติ;

เอวํ โส นิหโต เสติ, ยถายํ ปุริโส หโต.

๙๒.

‘‘อหนฺตารมฆาเตนฺตํ, โย นโร หนฺตุมิจฺฉติ;

เอวํ โส นิหโต เสติ, ยถายํ ปุริโส หโต.

๙๓.

‘‘ยถา ปํสุมุฏฺึ ปุริโส, ปฏิวาตํ ปฏิกฺขิเป;

ตเมว โส รโช หนฺติ, ตถายํ ปุริโส หโต.

๙๔.

‘‘โย อปฺปทุฏฺสฺส นรสฺส ทุสฺสติ, สุทฺธสฺส โปสสฺส อนงฺคณสฺส;

ตเมว พาลํ ปจฺเจติ ปาปํ, สุขุโม รโช ปฏิวาตํว ขิตฺโต’’ติ.

ตตฺถ ยฺวายนฺติ โย อยํ, อยเมว วา ปาโ. สปฺเปนยนฺติ โส อยํ เตน สปฺเปน ทฏฺโ. ปาปานุสาสโกติ ปาปกํ อนุสาสโก.

อหนฺตารนฺติ อปหรนฺตํ. อหนฺตารนฺติ อมาเรนฺตํ. เสตีติ มตสยนํ สยติ. อฆาเตนฺตนฺติ อมาเรนฺตํ. สุทฺธสฺสาติ นิรปราธสฺส. โปสสฺสาติ สตฺตสฺส. อนงฺคณสฺสาติ อิทมฺปิ นิรปราธภาวฺเว สนฺธาย วุตฺตํ. ปจฺเจตีติ กมฺมสริกฺขกํ หุตฺวา ปติเอติ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ทุพฺพลเวชฺโช เทวทตฺโต อโหสิ, ปณฺฑิตทารโก ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

สาฬิยชาตกวณฺณนา สตฺตมา.

[๓๖๘] ๘. ตจสารชาตกวณฺณนา

อมิตฺตหตฺถตฺถคตาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปฺาปารมึ อารพฺภ กเถสิ. ตทา หิ สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ ตถาคโต ปฺวา อุปายกุสโลเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต คามเก กุฏุมฺพิกกุเล นิพฺพตฺติตฺวาติ สพฺพํ ปุริมชาตกนิยาเมเนว กเถตพฺพํ. อิธ ปน เวชฺเช มเต คามวาสิโน มนุสฺสา ‘‘มนุสฺสมารกา’’ติ เต ทารเก กุทณฺฑเกหิ พนฺธิตฺวา ‘‘รฺโ ทสฺเสสฺสามา’’ติ พาราณสึ นยึสุ. โพธิสตฺโต อนฺตรามคฺเคเยว เสสทารกานํ โอวาทํ อทาสิ ‘‘ตุมฺเห มา ภายถ, ราชานํ ทิสฺวาปิ อภีตา ตุฏฺินฺทฺริยา ภเวยฺยาถ, ราชา อมฺเหหิ สทฺธึ ปมตรํ กเถสฺสติ, ตโต ปฏฺาย อหํ ชานิสฺสามี’’ติ. เต ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตถา กรึสุ. ราชา เต อภีเต ตุฏฺินฺทฺริเย ทิสฺวา ‘‘อิเม ‘มนุสฺสมารกา’ติ กุทณฺฑกพทฺธา อานีตา, เอวรูปํ ทุกฺขํ ปตฺตาปิ น ภายนฺติ, ตุฏฺินฺทฺริยาเยว, กึ นุ โข เอเตสํ อโสจนการณํ, ปุจฺฉิสฺสามิ เน’’ติ ปุจฺฉนฺโต ปมํ คาถมาห –

๙๕.

‘‘อมิตฺตหตฺถตฺถคตา, ตจสารสมปฺปิตา;

ปสนฺนมุขวณฺณาตฺถ, กสฺมา ตุมฺเห น โสจถา’’ติ.

ตตฺถ อมิตฺตหตฺถตฺถคตาติ กุทณฺฑเกหิ คีวายํ พนฺธิตฺวา อาเนนฺตานํ อมิตฺตานํ หตฺถคตา. ตจสารสมปฺปิตาติ เวฬุทณฺฑเกหิ พทฺธตฺตา เอวมาห. กสฺมาติ ‘‘เอวรูปํ พฺยสนํ ปตฺตาปิ ตุมฺเห กึการณา น โสจถา’’ติ ปุจฺฉติ.

ตํ สุตฺวา โพธิสตฺโต เสสคาถา อภาสิ –

๙๖.

‘‘น โสจนาย ปริเทวนาย, อตฺโถว ลพฺโภ อปิ อปฺปโกปิ;

โสจนฺตเมนํ ทุขิตํ วิทิตฺวา, ปจฺจตฺถิกา อตฺตมนา ภวนฺติ.

๙๗.

‘‘ยโต จ โข ปณฺฑิโต อาปทาสุ, น เวธตี อตฺถวินิจฺฉยฺู;

ปจฺจตฺถิกาสฺส ทุขิตา ภวนฺติ, ทิสฺวา มุขํ อวิการํ ปุราณํ.

๙๘.

‘‘ชปฺเปน มนฺเตน สุภาสิเตน, อนุปฺปทาเนน ปเวณิยา วา;

ยถา ยถา ยตฺถ ลเภถ อตฺถํ, ตถา ตถา ตตฺถ ปรกฺกเมยฺย.

๙๙.

‘‘ยโต จ ชาเนยฺย อลพฺภเนยฺโย, มยาว อฺเน วา เอส อตฺโถ;

อโสจมาโน อธิวาสเยยฺย, กมฺมํ ทฬฺหํ กินฺติ กโรมิ ทานี’’ติ.

ตตฺถ อตฺโถติ วุฑฺฒิ. ปจฺจตฺถิกา อตฺตมนาติ เอตํ ปุริสํ โสจนฺตํ ทุกฺขิตํ วิทิตฺวา ปจฺจามิตฺตา ตุฏฺจิตฺตา โหนฺติ. เตสํ ตุสฺสนการณํ นาม ปณฺฑิเตน กาตุํ น วฏฺฏตีติ ทีเปติ. ยโตติ ยทา. น เวธตีติ จิตฺตุตฺราสภเยน น กมฺปติ. อตฺถวินิจฺฉยฺูติ ตสฺส ตสฺส อตฺถสฺส วินิจฺฉยกุสโล.

ชปฺเปนาติ มนฺตปริชปฺปเนน. มนฺเตนาติ ปณฺฑิเตหิ สทฺธึ มนฺตคฺคหเณน. สุภาสิเตนาติ ปิยวจเนน. อนุปฺปทาเนนาติ ลฺชทาเนน. ปเวณิยาติ กุลวํเสน. อิทํ วุตฺตํ โหติ – มหาราช, ปณฺฑิเตน นาม อาปทาสุ อุปฺปนฺนาสุ น โสจิตพฺพํ น กิลมิตพฺพํ, อิเมสุ ปน ปฺจสุ การเณสุ อฺตรวเสน ปจฺจามิตฺตา ชินิตพฺพา. สเจ หิ สกฺโกติ, มนฺตํ ปริชปฺปิตฺวา มุขพนฺธนํ กตฺวาปิ เต ชินิตพฺพา, ตถา อสกฺโกนฺเตน ปณฺฑิเตหิ สทฺธึ มนฺเตตฺวา เอกํ อุปายํ สลฺลกฺเขตฺวา ชินิตพฺพา, ปิยวจนํ วตฺตุํ สกฺโกนฺเตน ปิยํ วตฺวาปิ เต ชินิตพฺพา, ตถา อสกฺโกนฺเตน วินิจฺฉยามจฺจานํ ลฺชํ ทตฺวาปิ ชินิตพฺพา, ตถา อสกฺโกนฺเตน กุลวํสํ กเถตฺวา ‘‘มยํ อสุกปเวณิยา อาคตา, ตุมฺหากฺจ อมฺหากฺจ เอโกว ปุพฺพปุริโส’’ติ เอวํ วิชฺชมานาติโกฏึ ฆเฏตฺวาปิ ชินิตพฺพา เอวาติ. ยถา ยถาติ เอเตสุ ปฺจสุ การเณสุ เยน เยน การเณน ยตฺถ ยตฺถ อตฺตโน วุฑฺฒึ ลเภยฺย. ตถา ตถาติ เตน เตน การเณน ตตฺถ ตตฺถ ปรกฺกเมยฺย, ปรกฺกมํ กตฺวา ปจฺจตฺถิเก ชิเนยฺยาติ อธิปฺปาโย.

ยโต จ ชาเนยฺยาติ ยทา ปน ชาเนยฺย, มยา วา อฺเน วา เอส อตฺโถ อลพฺภเนยฺโย นานปฺปกาเรน วายมิตฺวาปิ น สกฺกา ลทฺธุํ, ตทา ปณฺฑิโต ปุริโส อโสจมาโน อกิลมมาโน ‘‘มยา ปุพฺเพ กตกมฺมํ ทฬฺหํ ถิรํ น สกฺกา ปฏิพาหิตุํ, อิทานิ กึ สกฺกา กาตุ’’นฺติ อธิวาสเยยฺยาติ.

ราชา โพธิสตฺตสฺส ธมฺมกถํ สุตฺวา กมฺมํ โสเธตฺวา นิทฺโทสภาวํ ตฺวา กุทณฺฑเก หราเปตฺวา มหาสตฺตสฺส มหนฺตํ ยสํ ทตฺวา อตฺตโน อตฺถธมฺมอนุสาสกํ อมจฺจรตนํ อกาสิ, เสสทารกานมฺปิ ยสํ ทตฺวา านนฺตรานิ อทาสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ ‘‘ตทา พาราณสิราชา อานนฺโท อโหสิ, ทารกา เถรานุเถรา, ปณฺฑิตทารโก ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

ตจสารชาตกวณฺณนา อฏฺมา.

[๓๖๙] ๙. มิตฺตวินฺทกชาตกวณฺณนา

กฺยาหํ เทวานมกรนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ ทุพฺพจภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ มหามิตฺตวินฺทกชาตเก (ชา. ๑.๕.๑๐๐ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติ. อยํ ปน มิตฺตวินฺทโก สมุทฺเท ขิตฺโต อตฺริจฺโฉ หุตฺวา ปุรโต คนฺตฺวา เนรยิกสตฺตานํ ปจฺจนฏฺานํ อุสฺสทนิรยํ ทิสฺวา ‘‘เอกํ นคร’’นฺติ สฺาย ปวิสิตฺวา ขุรจกฺกํ อสฺสาเทสิ. ตทา โพธิสตฺโต เทวปุตฺโต หุตฺวา อุสฺสทนิรยจาริกํ จรติ. โส ตํ ทิสฺวา ปุจฺฉนฺโต ปมํ คาถมาห –

๑๐๐.

‘‘กฺยาหํ เทวานมกรํ, กึ ปาปํ ปกตํ มยา;

ยํ เม สิรสฺมึ โอหจฺจ, จกฺกํ ภมติ มตฺถเก’’ติ.

ตตฺถ กฺยาหํ เทวานมกรนฺติ สามิ เทวปุตฺต, กึ นาม อหํ เทวานํ อกรึ, กึ มํ เทวา โปเถนฺตีติ. กึ ปาปํ ปกตํ มยาติ ทุกฺขมหนฺตตาย เวทนาปฺปตฺโต อตฺตนา กตํ ปาปํ อสลฺลกฺเขนฺโต เอวมาห. ยํ เมติ เยน ปาเปน มม สิรสฺมึ โอหจฺจ โอหนิตฺวา อิทํ ขุรจกฺกํ มม มตฺถเก ภมติ, ตํ กึ นามาติ?

ตํ สุตฺวา โพธิสตฺโต ทุติยํ คาถมาห –

๑๐๑.

‘‘อติกฺกมฺม รมณกํ, สทามตฺตฺจ ทูภกํ;

พฺรหฺมตฺตรฺจ ปาสาทํ, เกนตฺเถน อิธาคโต’’ติ.

ตตฺถ รมณกนฺติ ผลิกปาสาทํ. สทามตฺตนฺติ รชตปาสาทํ. ทูภกนฺติ มณิปาสาทํ. พฺรหฺมตฺตรฺจ ปาสาทนฺติ สุวณฺณปาสาทฺจ. เกนตฺเถนาติ ตฺวํ เอเตสุ รมณกาทีสุ จตสฺโส อฏฺ โสฬส ทฺวตฺตึสาติ เอตา เทวธีตโร ปหาย เต ปาสาเท อติกฺกมิตฺวา เกน การเณน อิธ อาคโตติ.

ตโต มิตฺตวินฺทโก ตติยํ คาถมาห –

๑๐๒.

‘‘อิโต พหุตรา โภคา, อตฺร มฺเ ภวิสฺสเร;

อิติ เอตาย สฺาย, ปสฺส มํ พฺยสนํ คต’’นฺติ.

ตตฺถ อิโต พหุตราติ อิเมสุ จตูสุ ปาสาเทสุ โภเคหิ อติเรกตรา ภวิสฺสนฺติ.

ตโต โพธิสตฺโต เสสคาถา อภาสิ –

๑๐๓.

‘‘จตุพฺภิ อฏฺชฺฌคมา, อฏฺาหิปิ จ โสฬส;

โสฬสาหิ จ พาตฺตึส, อตฺริจฺฉํ จกฺกมาสโท;

อิจฺฉาหตสฺส โปสสฺส, จกฺกํ ภมติ มตฺถเก.

๑๐๔.

‘‘อุปริวิสาลา ทุปฺปูรา, อิจฺฉา วิสฏคามินี;

เย จ ตํ อนุคิชฺฌนฺติ, เต โหนฺติ จกฺกธาริโน’’ติ.

ตตฺถ อุปริวิสาลาติ มิตฺตวินฺทก ตณฺหา นาเมสา อาเสวิยมานา อุปริวิสาลา โหติ ปตฺถฏา, มหาสมุทฺโท วิย ทุปฺปูรา, รูปาทีสุ อารมฺมเณสุ ตํ ตํ อารมฺมณํ อิจฺฉมานาย อิจฺฉาย ปตฺถฏาย วิสฏคามินี, ตสฺมา เย ปุริสา ตํ เอวรูปํ ตณฺหํ อนุคิชฺฌนฺติ, ปุนปฺปุนํ คิทฺธา หุตฺวา คณฺหนฺติ. เต โหนฺติ จกฺกธาริโนติ เต เอตํ ขุรจกฺกํ ธาเรนฺตีติ วทติ.

มิตฺตวินฺทกํ ปน กเถนฺตเมว นิปิสมานํ ตํ ขุรจกฺกํ ภสฺสิ, เตน โส ปุน กเถตุํ นาสกฺขิ. เทวปุตฺโต อตฺตโน เทวฏฺานเมว คโต.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา มิตฺตวินฺทโก ทุพฺพจภิกฺขุ อโหสิ, เทวปุตฺโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

มิตฺตวินฺทกชาตกวณฺณนา นวมา.

[๓๗๐] ๑๐. ปลาสชาตกวณฺณนา

หํโส ปลาสมวจาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต กิเลสนิคฺคหํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ ปฺาสชาตเก อาวิ ภวิสฺสติ. อิธ ปน สตฺถา ภิกฺขู อามนฺเตตฺวา ‘‘ภิกฺขเว, กิเลโส นาม อาสงฺกิตพฺโพว, อปฺปมตฺตโก สมาโนปิ นิคฺโรธคจฺโฉ วิย วินาสํ ปาเปติ, โปราณกปณฺฑิตาปิ อาสงฺกิตพฺพํ อาสงฺกึสุเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต สุวณฺณหํสโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต จิตฺตกูฏปพฺพเต สุวณฺณคุหายํ วสนฺโต หิมวนฺตปเทเส ชาตสฺสเร สยํชาตสาลึ ขาทิตฺวา อาคจฺฉติ. ตสฺส คมนาคมนมคฺเค มหาปลาสรุกฺโข อโหสิ. โส คจฺฉนฺโตปิ ตตฺถ วิสฺสมิตฺวา คจฺฉติ, อาคจฺฉนฺโตปิ ตตฺถ วิสฺสมิตฺวา อาคจฺฉติ. อถสฺส ตสฺมึ รุกฺเข นิพฺพตฺตเทวตาย สทฺธึ วิสฺสาโส อโหสิ. อปรภาเค เอกา สกุณิกา เอกสฺมึ นิคฺโรธรุกฺเข นิคฺโรธปกฺกํ ขาทิตฺวา อาคนฺตฺวา ตสฺมึ ปลาสรุกฺเข นิสีทิตฺวา วิฏปนฺตเร วจฺจํ ปาเตสิ. ตตฺถ นิคฺโรธคจฺโฉ ชาโต, โส จตุรงฺคุลมตฺตกาเล รตฺตงฺกุรปลาสตาย โสภติ. หํสราชา ตํ ทิสฺวา รุกฺขเทวตํ อามนฺเตตฺวา ‘‘สมฺม ปลาส, นิคฺโรโธ นาม ยมฺหิ รุกฺเข ชายติ, วฑฺฒนฺโต ตํ นาเสติ, อิมสฺส วฑฺฒิตุํ มา เทติ, วิมานํ เต นาเสสฺสติ, ปฏิกจฺเจว นํ อุทฺธริตฺวา ฉฑฺเฑหิ, อาสงฺกิตพฺพยุตฺตกํ นาม อาสงฺกิตุํ วฏฺฏตี’’ติ ปลาสเทวตาย สทฺธึ มนฺเตนฺโต ปมํ คาถมาห –

๑๐๕.

‘‘หํโส ปลาสมวจ, นิคฺโรโธ สมฺม ชายติ;

องฺกสฺมึ เต นิสินฺโนว, โส เต มมฺมานิ เฉจฺฉตี’’ติ.

ปมปาโท ปเนตฺถ อภิสมฺพุทฺเธน หุตฺวา สตฺถารา วุตฺโต. ปลาสนฺติ ปลาสเทวตํ. สมฺมาติ วยสฺส. องฺกสฺมินฺติ วิฏภิยํ. โส เต มมฺมานิ เฉจฺฉตีติ โส เต องฺเก สํวฑฺโฒ สปตฺโต วิย ชีวิตํ ฉินฺทิสฺสตีติ อตฺโถ. ชีวิตสงฺขารา หิ อิธ ‘‘มมฺมานี’’ติ วุตฺตา.

ตํ สุตฺวา ตสฺส วจนํ อคณฺหนฺตี ปลาสเทวตา ทุติยํ คาถมาห –

๑๐๖.

‘‘วฑฺฒตาเมว นิคฺโรโธ, ปติฏฺสฺส ภวามหํ;

ยถา ปิตา จ มาตา จ, เอวํ เม โส ภวิสฺสตี’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – สมฺม, น ตฺวํ ชานาสิ วฑฺฒตเมว เอส, อหมสฺส ยถา พาลกาเล ปุตฺตานํ มาตาปิตโร ปติฏฺา โหนฺติ, ตถา ภวิสฺสามิ, ยถา ปน สํวฑฺฒา ปุตฺตา ปจฺฉา มหลฺลกกาเล มาตาปิตูนํ ปติฏฺา โหนฺติ, มยฺหมฺปิ ปจฺฉา มหลฺลกกาเล เอวเมว โส ปติฏฺโ ภวิสฺสตีติ.

ตโต หํโส ตติยํ คาถมาห –

๑๐๗.

‘‘ยํ ตฺวํ องฺกสฺมึ วฑฺเฒสิ, ขีรรุกฺขํ ภยานกํ;

อามนฺต โข ตํ คจฺฉาม, วุฑฺฒิ มสฺส น รุจฺจตี’’ติ.

ตตฺถ ยํ ตฺวนฺติ ยสฺมา ตฺวํ เอตฺจ ภยทายกตฺเตน ภยานกํ ขีรรุกฺขํ สปตฺตํ วิย องฺเก วฑฺเฒสิ. อามนฺต โข ตนฺติ ตสฺมา มยํ ตํ อามนฺเตตฺวา ชานาเปตฺวา คจฺฉาม. วุฑฺฒิ มสฺสาติ อสฺส วุฑฺฒิ มยฺหํ น รุจฺจตีติ.

เอวฺจ ปน วตฺวา หํสราชา ปกฺเข ปสาเรตฺวา จิตฺตกูฏปพฺพตเมว คโต. ตโต ปฏฺาย ปุน นาคจฺฉิ. อปรภาเค นิคฺโรโธ วฑฺฒึ, ตสฺมึ เอกา รุกฺขเทวตาปิ นิพฺพตฺติ. โส วฑฺฒนฺโต ปลาสํ ภฺชิ, สาขาหิ สทฺธึเยว เทวตาย วิมานํ ปติ. สา ตสฺมึ กาเล หํสรฺโ วจนํ สลฺลกฺเขตฺวา ‘‘อิทํ อนาคตภยํ ทิสฺวา หํสราชา กเถสิ, อหํ ปนสฺส วจนํ นากาสิ’’นฺติ ปริเทวมานา จตุตฺถํ คาถมาห –

๑๐๘.

‘‘อิทานิ โข มํ ภาเยติ, มหาเนรุนิทสฺสนํ;

หํสสฺส อนภิฺาย, มหา เม ภยมาคต’’นฺติ.

ตตฺถ อิทานิ โข มํ ภาเยตีติ อยํ นิคฺโรโธ ตรุณกาเล โตเสตฺวา อิทานิ มํ ภายาเปติ สนฺตาเสติ. มหาเนรุนิทสฺสนนฺติ สิเนรุปพฺพตสทิสํ มหนฺตํ หํสราชสฺส วจนํ สุตฺวา อชานิตฺวา ตรุณกาเลเยว เอตสฺส อนุทฺธฏตฺตา. มหา เม ภยมาคตนฺติ อิทานิ มยฺหํ มหนฺตํ ภยํ อาคตนฺติ ปริเทวิ.

นิคฺโรโธปิ วฑฺฒนฺโต สพฺพํ ปลาสํ ภฺชิตฺวา ขาณุกมตฺตเมว อกาสิ. เทวตาย วิมานํ สพฺพํ อนฺตรธายิ.

๑๐๙.

‘‘น ตสฺส วุฑฺฒิ กุสลปฺปสตฺถา, โย วฑฺฒมาโน ฆสเต ปติฏฺํ;

ตสฺสูปโรธํ ปริสงฺกมาโน, ปตารยี มูลวธาย ธีโร’’ติ. –

ปฺจมา อภิสมฺพุทฺธคาถา.

ตตฺถ กุสลปฺปสตฺถาติ กุสเลหิ ปสตฺถา. ฆสเตติ ขาทติ, วินาเสตีติ อตฺโถ. ปตารยีติ ปตรติ วายมติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ภิกฺขเว, โย วฑฺฒมาโน อตฺตโน ปติฏฺํ นาเสติ, ตสฺส วุฑฺฒิ ปณฺฑิเตหิ น ปสตฺถา, ตสฺส ปน อพฺภนฺตรสฺส วา พาหิรสฺส วา ปริสฺสยสฺส ‘‘อิโต เม อุปโรโธ ภวิสฺสตี’’ติ เอวํ อุปโรธํ วินาสํ ปริสงฺกมาโน วีโร าณสมฺปนฺโน มูลวธาย ปรกฺกมตีติ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน ปฺจสตา ภิกฺขู อรหตฺตํ ปาปุณึสุ. ตทา สุวณฺณหํโส อหเมว อโหสินฺติ.

ปลาสชาตกวณฺณนา ทสมา.

วณฺณาโรหวคฺโค ทุติโย.

๓. อฑฺฒวคฺโค

[๓๗๑] ๑. ทีฆีติโกสลชาตกวณฺณนา

เอวํภูตสฺส เต ราชาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โกสมฺพเก ภณฺฑนการเก อารพฺภ กเถสิ. เตสฺหิ เชตวนํ อาคนฺตฺวา ขมาปนกาเล สตฺถา เต อามนฺเตตฺวา ‘‘ภิกฺขเว, ตุมฺเห มยฺหํ โอรสา มุขโต ชาตา ปุตฺตา นาม, ปุตฺเตหิ จ ปิตรา ทินฺนํ โอวาทํ ภินฺทิตุํ น วฏฺฏติ, ตุมฺเห ปน มม โอวาทํ น กริตฺถ, โปราณกปณฺฑิตา อตฺตโน มาตาปิตโร ฆาเตตฺวา รชฺชํ คเหตฺวา ิตโจเรปิ อรฺเ หตฺถปถํ อาคเต มาตาปิตูหิ ทินฺนํ โอวาทํ น ภินฺทิสฺสามาติ น มารยึสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อิมสฺมึ ปน ชาตเก ทฺเวปิ วตฺถูนิ. สงฺฆเภทกกฺขนฺธเก วิตฺถารโต อาวิ ภวิสฺสนฺติ. โส ปน ทีฆาวุกุมาโร อรฺเ อตฺตโน องฺเก นิปนฺนํ พาราณสิราชานํ จูฬาย คเหตฺวา ‘‘อิทานิ มยฺหํ มาตาปิตุฆาตกํ โจรํ ขณฺฑาขณฺฑํ กตฺวา ฉินฺทิสฺสามี’’ติ อสึ อุกฺขิปนฺโต ตสฺมึ ขเณ มาตาปิตูหิ ทินฺนํ โอวาทํ สริตฺวา ‘‘ชีวิตํ จชนฺโตปิ เตสํ โอวาทํ น ภินฺทิสฺสามิ, เกวลํ อิมํ ตชฺเชสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ปมํ คาถมาห –

๑๑๐.

‘‘เอวํภูตสฺส เต ราช, อาคตสฺส วเส มม;

อตฺถิ นุ โกจิ ปริยาโย, โย ตํ ทุกฺขา ปโมจเย’’ติ.

ตตฺถ วเส มมาติ มม วสํ อาคตสฺส. ปริยาโยติ การณํ.

ตโต ราชา ทุติยํ คาถมาห –

๑๑๑.

‘‘เอวํภูตสฺส เม ตาต, อาคตสฺส วเส ตว;

นตฺถิ โน โกจิ ปริยาโย, โย มํ ทุกฺขา ปโมจเย’’ติ.

ตตฺถ โนติ นิปาตมตฺถํ, นตฺถิ โกจิ ปริยาโย, โย มํ เอตสฺมา ทุกฺขา ปโมจเยติ อตฺโถ.

ตโต โพธิสตฺโต อวเสสคาถา อภาสิ –

๑๑๒.

‘‘นาฺํ สุจริตํ ราช, นาฺํ ราช สุภาสิตํ;

ตายเต มรณกาเล, เอวเมวิตรํ ธนํ.

๑๑๓.

‘‘อกฺโกจฺฉิ มํ อวธิ มํ, อชินิ มํ อหาสิ เม;

เย จ ตํ อุปนยฺหนฺติ, เวรํ เตสํ น สมฺมติ.

๑๑๔.

‘‘อกฺโกจฺฉิ มํ อวธิ มํ, อชินิ มํ อหาสิ เม;

เย จ ตํ นุปนยฺหนฺติ, เวรํ เตสูปสมฺมติ.

๑๑๕.

‘‘น หิ เวเรน เวรานิ, สมฺมนฺตีธ กุทาจนํ;

อเวเรน จ สมฺมนฺติ, เอส ธมฺโม สนนฺตโน’’นฺติ.

ตตฺถ นาฺํ สุจริตนฺติ นาฺํ สุจริตา, อยเมว วา ปาโ, เปตฺวา สุจริตํ อฺํ น ปสฺสามีติ อตฺโถ. อิธ ‘‘สุจริต’’นฺติปิ ‘‘สุภาสิต’’นฺติปิ มาตาปิตูหิ ทินฺนํ โอวาทํเยว สนฺธายาห. เอวเมวาติ นิรตฺถกเมว. อิทํ วุตฺตํ โหติ – มหาราช, อฺตฺร โอวาทานุสิฏฺิสงฺขาตา สุจริตสุภาสิตา มรณกาเล ตายิตุํ รกฺขิตุํ สมตฺโถ นาม อฺโ นตฺถิ, ยํ เอตํ อิตรํ ธนํ, ตํ เอวเมว นิรตฺถกเมว โหติ, ตฺวฺหิ อิทานิ มยฺหํ โกฏิสตสหสฺสมตฺตมฺปิ ธนํ ททนฺโต ชีวิตํ น ลเภยฺยาสิ, ตสฺมา เวทิตพฺพเมตํ ‘‘ธนโต สุจริตสุภาสิตเมว อุตฺตริตร’’นฺติ.

เสสคาถาสุปิ อยํ สงฺเขปตฺโถ – มหาราช, เย ปุริสา ‘‘อยํ มํ อกฺโกสิ, อยํ มํ ปหริ, อยํ มํ อชินิ, อยํ มม สนฺตกํ อหาสี’’ติ เอวํ เวรํ อุปนยฺหนฺติ พนฺธิตฺวา วิย หทเย เปนฺติ, เตสํ เวรํ น อุปสมฺมติ. เย จ ปเนตํ น อุปนยฺหนฺติ หทเย น เปนฺติ, เตสํ วูปสมฺมติ. เวรานิ หิ น กทาจิ เวเรน สมฺมนฺติ, อเวเรเนว ปน สมฺมนฺติ. เอส ธมฺโม สนนฺตโนติ เอโส โปราณโก ธมฺโม จิรกาลปฺปวตฺโต สภาโวติ.

เอวฺจ ปน วตฺวา โพธิสตฺโต ‘‘อหํ, มหาราช, ตยิ น ทุพฺภามิ, ตฺวํ ปน มํ มาเรหี’’ติ ตสฺส หตฺเถ อสึ เปสิ. ราชาปิ ‘‘นาหํ ตยิ ทุพฺภามี’’ติ สปถํ กตฺวา เตน สทฺธึ นครํ คนฺตฺวา ตํ อมจฺจานํ ทสฺเสตฺวา ‘‘อยํ, ภเณ, โกสลรฺโ ปุตฺโต ทีฆาวุกุมาโร นาม, อิมินา มยฺหํ ชีวิตํ ทินฺนํ, น ลพฺภา อิมํ กิฺจิ กาตุ’’นฺติ วตฺวา อตฺตโน ธีตรํ ทตฺวา ปิตุ สนฺตเก รชฺเช ปติฏฺาเปสิ. ตโต ปฏฺาย อุโภปิ สมคฺคา สมฺโมทมานา รชฺชํ กาเรสุํ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา มาตาปิตโร มหาราชกุลานิ อเหสุํ, ทีฆาวุกุมาโร ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

ทีฆีติโกสลชาตกวณฺณนา ปมา.

[๓๗๒] ๒. มิคโปตกชาตกวณฺณนา

อคารา ปจฺจุเปตสฺสาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ มหลฺลกํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิเรกํ ทารกํ ปพฺพาเชสิ. สามเณโร ตํ สกฺกจฺจํ อุปฏฺหิตฺวา อปรภาเค อผาสุเกน กาลมกาสิ. ตสฺส กาลกิริยาย มหลฺลโก โสกาภิภูโต มหนฺเตน สทฺเทน ปริเทวนฺโต วิจริ. ภิกฺขู สฺาเปตุํ อสกฺโกนฺตา ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, อสุโก นาม มหลฺลโก สามเณรสฺส กาลกิริยาย ปริเทวนฺโต วิจรติ, มรณสฺสติภาวนาย ปริพาหิโร เอโส ภวิสฺสตี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปส เอตสฺมึ มเต ปริเทวนฺโต วิจรี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต สกฺกตฺตํ กาเรสิ. ตทา เอโก กาสิรฏฺวาสี พฺราหฺมโณ หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ผลาผเลหิ ยาเปสิ. โส เอกทิวสํ อรฺเ เอกํ มตมาติกํ มิคโปตกํ ทิสฺวา อสฺสมํ อาเนตฺวา โคจรํ ทตฺวา โปเสสิ. มิคโปตโก วฑฺฒนฺโต อภิรูโป อโหสิ โสภคฺคปฺปตฺโต. ตาปโส ตํ อตฺตโน ปุตฺตกํ กตฺวา ปริหรติ. เอกทิวสํ มิคโปตโก พหุํ ติณํ ขาทิตฺวา อชีรเกน กาลมกาสิ. ตาปโส ‘‘ปุตฺโต เม มโต’’ติ ปริเทวนฺโต วิจรติ. ตทา สกฺโก เทวราชา โลกํ ปริคฺคณฺหนฺโต ตํ ตาปสํ ทิสฺวา ‘‘สํเวเชสฺสามิ น’’นฺติ อาคนฺตฺวา อากาเส ิโต ปมํ คาถมาห –

๑๑๖.

‘‘อคารา ปจฺจุเปตสฺส, อนคารสฺส เต สโต;

สมณสฺส น ตํ สาธุ, ยํ เปตมนุโสจสี’’ติ.

ตํ สุตฺวา ตาปโส ทุติยํ คาถมาห –

๑๑๗.

‘‘สํวาเสน หเว สกฺก, มนุสฺสสฺส มิคสฺส วา;

หทเย ชายเต เปมํ, น ตํ สกฺกา อโสจิตุ’’นฺติ.

ตตฺถ น ตํ สกฺกาติ ตํ มนุสฺสํ วา ติรจฺฉานํ วา น สกฺกา อโสจิตุํ, โสจามิเยวาหนฺติ.

ตโต สกฺโก ทฺเว คาถา อภาสิ –

๑๑๘.

‘‘มตํ มริสฺสํ โรทนฺติ, เย รุทนฺติ ลปนฺติ จ;

ตสฺมา ตฺวํ อิสิ มา โรทิ, โรทิตํ โมฆมาหุ สนฺโต.

๑๑๙.

‘‘โรทิเตน หเว พฺรหฺเม, มโต เปโต สมุฏฺเห;

สพฺเพ สงฺคมฺม โรทาม, อฺมฺสฺส าตเก’’ติ.

ตตฺถ มริสฺสนฺติ โย อิทานิ มริสฺสติ, ตํ. ลปนฺติ จาติ วิลปนฺติ จ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – เย โลเก มตฺจ มริสฺสนฺตฺจ โรทนฺติ, เต รุทนฺติ เจว วิลปนฺติ จ, เตสํ อสฺสุปจฺฉิชฺชนทิวโส นาม นตฺถิ. กึการณา? สทาปิ มตานฺจ มริสฺสนฺตานฺจ อตฺถิตาย. ตสฺมา ตฺวํ อิสิ มา โรทิ. กึการณา? โรทิตํ โมฆมาหุ สนฺโตติ, พุทฺธาทโย ปน ปณฺฑิตา โรทิตํ ‘‘โมฆ’’นฺติ วทนฺติ. มโต เปโตติ โย เอส มโต เปโตติ วุจฺจติ, ยทิ โส โรทิเตน สมุฏฺเหยฺย, เอวํ สนฺเต กึ นิกฺกมฺมา อจฺฉาม, สพฺเพว สมาคมฺม อฺมฺสฺส าตเก โรทาม. ยสฺมา ปน เต โรทิตการณา น อุฏฺหนฺติ, ตสฺมา โรทิตสฺส โมฆภาวํ สาเธติ.

เอวํ สกฺกสฺส กเถนฺตสฺส ตาปโส ‘‘นิรตฺถกํ โรทิต’’นฺติ สลฺลกฺเขตฺวา สกฺกสฺส ถุตึ กโรนฺโต ติสฺโส คาถา อภาสิ –

๑๒๐.

‘‘อาทิตฺตํ วต มํ สนฺตํ, ฆตสิตฺตํว ปาวกํ;

วารินา วิย โอสิฺจํ, สพฺพํ นิพฺพาปเย ทรํ.

๑๒๑.

‘‘อพฺพหิ วต เม สลฺลํ, ยมาสิ หทยสฺสิตํ;

โย เม โสกปเรตสฺส, ปุตฺตโสกํ อปานุทิ.

๑๒๒.

‘‘โสหํ อพฺพูฬฺหสลฺโลสฺมิ, วีตโสโก อนาวิโล;

น โสจามิ น โรทามิ, ตว สุตฺวาน วาสวา’’ติ.

ตตฺถ ยมาสีติ ยํ เม อาสิ. หทยสฺสิตนฺติ หทเย นิสฺสิตํ. อปานุทีติ นีหริ. สกฺโก ตาปสสฺส โอวาทํ ทตฺวา สกฏฺานเมว คโต.

สตฺถา อิธํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ตาปโส มหลฺลโก อโหสิ, มิโค สามเณโร, สกฺโก ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

มิคโปตกชาตกวณฺณนา ทุติยา.

[๓๗๓] ๓. มูสิกชาตกวณฺณนา

กุหึ คตา กตฺถ คตาติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต อชาตสตฺตุํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ เหฏฺา ถุสชาตเก (ชา. ๑.๔.๑๔๙ อาทโย) วิตฺถาริตเมว. อิธาปิ สตฺถา ตเถว ราชานํ สกึ ปุตฺเตน สทฺธึ กีฬมานํ สกึ ธมฺมํ สุณนฺตํ ทิสฺวา ‘‘ตํ นิสฺสาย รฺโ ภยํ อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ ตฺวา ‘‘มหาราช, โปราณกราชาโน อาสงฺกิตพฺพํ อาสงฺกิตฺวา อตฺตโน ปุตฺตํ ‘อมฺหากํ ธูมกาเล รชฺชํ กาเรตู’ติ เอกมนฺเต อกํสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตกฺกสิลายํ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา ทิสาปาโมกฺขาจริโย อโหสิ. ตสฺส สนฺติเก พาราณสิรฺโ ปุตฺโต ยวกุมาโร นาม สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา อนุโยคํ ทตฺวา คนฺตุกาโม ตํ อาปุจฺฉิ. อาจริโย ‘‘ปุตฺตํ นิสฺสาย ตสฺส อนฺตราโย ภวิสฺสตี’’ติ องฺควิชฺชาวเสน ตฺวา ‘‘เอตมสฺส หริสฺสามี’’ติ เอกํ อุปมํ อุปธาเรตุํ อารภิ. ตทา ปนสฺส เอโก อสฺโส อโหสิ, ตสฺส ปาเท วโณ อุฏฺหิ, ตํ วณานุรกฺขณตฺถํ เคเหเยว กรึสุ. ตสฺสาวิทูเร เอโก อุทปาโน อตฺถิ. อเถกา มูสิกา เคหา นิกฺขมิตฺวา อสฺสสฺส ปาเท วณํ ขาทติ, อสฺโส วาเรตุํ น สกฺโกติ. โส เอกทิวสํ เวทนํ อธิวาเสตุํ อสกฺโกนฺโต มูสิกํ ขาทิตุํ อาคตํ ปาเทน ปหริตฺวา มาเรตฺวา อุทปาเน ปาเตสิ. อสฺสโคปกา มูสิกํ อปสฺสนฺตา ‘‘อฺเสุ ทิวเสสุ มูสิกา อาคนฺตฺวา วณํ ขาทติ, อิทานิ น ปฺายติ, กหํ นุ โข คตา’’ติ วทึสุ.

โพธิสตฺโต ตํ การณํ ปจฺจกฺขํ กตฺวา ‘‘อฺเ อชานนฺตา ‘กหํ มูสิกา คตา’ติ วทนฺติ, มูสิกาย ปน มาเรตฺวา อุทปาเน ขิตฺตภาวํ อหเมว ชานามี’’ติ อิทเมว การณํ อุปมํ กตฺวา ปมํ คาถํ พนฺธิตฺวา ราชกุมารสฺส อทาสิ. โส อปรํ อุปมํ อุปธาเรนฺโต ตเมว อสฺสํ ปรุฬฺหวณํ นิกฺขมิตฺวา เอกํ ยววตฺถุํ คนฺตฺวา ‘‘ยวํ ขาทิสฺสามี’’ติ วติจฺฉิทฺเทน มุขํ ปเวเสนฺตํ ทิสฺวา ตเมว การณํ อุปมํ กตฺวา ทุติยํ คาถํ พนฺธิตฺวา ตสฺส อทาสิ. ตติยคาถํ ปน อตฺตโน ปฺาพเลเนว พนฺธิตฺวา ตมฺปิ ตสฺส ทตฺวา ‘‘ตาต, ตฺวํ รชฺเช ปติฏฺาย สายํ นฺหานโปกฺขรณึ คจฺฉนฺโต ยาว ธุรโสปานา ปมํ คาถํ สชฺฌายนฺโต คจฺเฉยฺยาสิ, ตว นิวสนปาสาทํ ปวิสนฺโต ยาว โสปานปาทมูลา ทุติยํ คาถํ สชฺฌายนฺโต คจฺเฉยฺยาสิ, ตโต ยาว โสปานมตฺถกา ตติยํ คาถํ สชฺฌายนฺโต คจฺเฉยฺยาสี’’ติ วตฺวา เปเสสิ.

โส กุมาโร คนฺตฺวา อุปราชา หุตฺวา ปิตุ อจฺจเยน รชฺชํ กาเรสิ, ตสฺเสโก ปุตฺโต ชายิ. โส โสฬสวสฺสกาเล รชฺชโลเภน ‘‘ปิตรํ มาเรสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา อุปฏฺาเก อาห ‘‘มยฺหํ ปิตา ตรุโณ, อหํ เอตสฺส ธูมกาลํ โอโลเกนฺโต มหลฺลโก ภวิสฺสามิ ชราชิณฺโณ, ตาทิเส กาเล ลทฺเธนปิ รชฺเชน โก อตฺโถ’’ติ. เต อาหํสุ ‘‘เทว, น สกฺกา ปจฺจนฺตํ คนฺตฺวา โจรตฺตํ กาตุํ, ตว ปิตรํ เกนจิ อุปาเยน มาเรตฺวา รชฺชํ คณฺหา’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ อนฺโตนิเวสเน รฺโ สายํ นฺหานโปกฺขรณีสมีปํ คนฺตฺวา ‘‘เอตฺถ นํ มาเรสฺสามี’’ติ ขคฺคํ คเหตฺวา อฏฺาสิ. ราชา สายํ มูสิกํ นาม ทาสึ ‘‘คนฺตฺวา โปกฺขรณีปิฏฺึ โสเธตฺวา เอหิ, นฺหายิสฺสามี’’ติ เปเสสิ. สา คนฺตฺวา โปกฺขรณีปิฏฺึ โสเธนฺตี กุมารํ ปสฺสิ. กุมาโร อตฺตโน กมฺมสฺส ปากฏภาวภเยน ตํ ทฺวิธา ฉินฺทิตฺวา โปกฺขรณิยํ ปาเตสิ. ราชา นฺหายิตุํ อคมาสิ. เสสชโน ‘‘อชฺชาปิ มูสิกา ทาสี น ปุนาคจฺฉติ, กุหึ คตา กตฺถ คตา’’ติ อาห. ราชา –

๑๒๓.

‘‘กุหึ คตา กตฺถ คตา, อิติ ลาลปฺปตี ชโน;

อหเมเวโก ชานามิ, อุทปาเน มูสิกา หตา’’ติ. –

ปมํ คาถํ ภณนฺโต โปกฺขรณีตีรํ อคมาสิ.

ตตฺถ กุหึ คตา กตฺถ คตาติ อฺมฺเววจนานิ. อิติ ลาลปฺปตีติ เอวํ วิปฺปลปติ. อิติ อยํ คาถา ‘‘อชานนฺโต ชโน มูสิกา ทาสี กุหึ คตาติ วิปฺปลปติ, ราชกุมาเรน ทฺวิธา ฉินฺทิตฺวา มูสิกาย โปกฺขรณิยํ ปาติตภาวํ อหเมว เอโก ชานามี’’ติ รฺโ อชานนฺตสฺเสว อิมมตฺถํ ทีเปติ.

กุมาโร ‘‘มยา กตกมฺมํ มยฺหํ ปิตรา าต’’นฺติ ภีโต ปลายิตฺวา ตมตฺถํ อุปฏฺากานํ อาโรเจสิ. เต สตฺตฏฺทิวสจฺจเยน ปุน ตํ อาหํสุ ‘‘เทว, สเจ ราชา ชาเนยฺย, น ตุณฺหี ภเวยฺย, ตกฺกคาเหน ปน เตน ตํ วุตฺตํ ภวิสฺสติ, มาเรหิ น’’นฺติ. โส ปุเนกทิวสํ ขคฺคหตฺโถ โสปานปาทมูเล ตฺวา รฺโ อาคมนกาเล อิโต จิโต จ ปหรโณกาสํ โอโลเกสิ. ราชา –

๑๒๔.

‘‘ยฺเจตํ อิติ จีติ จ, คทฺรโภว นิวตฺตสิ;

อุทปาเน มูสิกํ หนฺตฺวา, ยวํ ภกฺเขตุมิจฺฉสี’’ติ. –

ทุติยํ คาถํ สชฺฌายนฺโต อคมาสิ. อยมฺปิ คาถา ‘‘ยสฺมา ตฺวํ อิติ จีติ จ อิโต จิโต จ ปหรโณกาสํ โอโลเกนฺโต คทฺรโภว นิวตฺตสิ, ตสฺมา ตํ ชานามิ ‘ปุริมทิวเส โปกฺขรณิยํ มูสิกํ ทาสึ หนฺตฺวา อชฺช มํ ยวราชานํ ภกฺเขตุํ มาเรตุํ อิจฺฉสี’’’ติ รฺโ อชานนฺตสฺเสว อิมมตฺถํ ทีเปติ.

กุมาโร ‘‘ทิฏฺโมฺหิ ปิตรา’’ติ อุตฺรสฺโต ปลายิ. โส ปุน อฑฺฒมาสมตฺตํ อติกฺกมิตฺวา ‘‘ราชานํ ทพฺพิยา ปหริตฺวา มาเรสฺสามี’’ติ เอกํ ทีฆทณฺฑกํ ทพฺพิปหรณํ คเหตฺวา โอลุมฺพิตฺวา อฏฺาสิ. ราชา –

๑๒๕.

‘‘ทหโร จาสิ ทุมฺเมธ, ปมุปฺปตฺติโก สุสุ;

ทีฆฺเจตํ สมาสชฺช, น เต ทสฺสามิ ชีวิต’’นฺติ. –

ตติยํ คาถํ สชฺฌายนฺโต โสปานปาทมตฺถกํ อภิรุหิ.

ตตฺถ ปมุปฺปตฺติโกติ ปมวเยน อุปฺปตฺติโต อุเปโต, ปมวเย ิโตติ อตฺโถ. สุสูติ ตรุโณ. ทีฆนฺติ ทีฆทณฺฑกํ ทพฺพิปหรณํ. สมาสชฺชาติ คเหตฺวา, โอลุมฺพิตฺวา ิโตสีติ อตฺโถ. อยมฺปิ คาถา ‘‘ทุมฺเมธ, อตฺตโน วยํ ปริภุฺชิตุํ น ลภิสฺสสิ, น เต ทานิ นิลฺลชฺชสฺส ชีวิตํ ทสฺสามิ, มาเรตฺวา ขณฺฑาขณฺฑํ ฉินฺทิตฺวา สูเลเยว อาวุณาเปสฺสามี’’ติ รฺโ อชานนฺตสฺเสว กุมารํ สนฺตชฺชยมานา อิมมตฺถํ ทีเปติ.

โส ตํ ทิวสํ ปลายิตุํ อสกฺโกนฺโต ‘‘ชีวิตํ เม เทหิ, เทวา’’ติ รฺโ ปาทมูเล นิปชฺชิ. ราชา ตํ ตชฺเชตฺวา สงฺขลิกาหิ พนฺธาเปตฺวา พนฺธนาคาเร กาเรตฺวา เสตจฺฉตฺตสฺส เหฏฺา อลงฺกตราชาสเน นิสีทิตฺวา ‘‘อมฺหากํ อาจริโย ทิสาปาโมกฺโข พฺราหฺมโณ อิมํ มยฺหํ อนฺตรายํ ทิสฺวา อิมา ติสฺโส คาถา อภาสี’’ติ หฏฺตุฏฺโ อุทานํ อุทาเนนฺโต เสสคาถา อภาสิ –

๑๒๖.

‘‘นานฺตลิกฺขภวเนน, นางฺคปุตฺตปิเนน วา;

ปุตฺเตน หิ ปตฺถยิโต, สิโลเกหิ ปโมจิโต.

๑๒๗.

‘‘สพฺพํ สุตมธีเยถ, หีนมุกฺกฏฺมชฺฌิมํ;

สพฺพสฺส อตฺถํ ชาเนยฺย, น จ สพฺพํ ปโยชเย;

โหติ ตาทิสโก กาโล, ยตฺถ อตฺถาวหํ สุต’’นฺติ.

ตตฺถ นานฺตลิกฺขภวเนนาติ อนฺตลิกฺขภวนํ วุจฺจติ ทิพฺพวิมานํ, อหํ อชฺช อนฺตลิกฺขภวนมฺปิ น อารุฬฺโห, ตสฺมา อนฺตลิกฺขภวเนนาปิ อชฺช มรณโต น ปโมจิโตมฺหิ. นางฺคปุตฺตปิเนน วาติ องฺคสริกฺขเกน วา ปุตฺตปิเนนปิ น ปโมจิโต. ปุตฺเตน หิ ปตฺถยิโตติ อหํ ปน อตฺตโน ปุตฺเตเนว อชฺช มาเรตุํ ปตฺถิโต. สิโลเกหิ ปโมจิโตติ โสหํ อาจริเยน พนฺธิตฺวา ทินฺนาหิ คาถาหิ ปโมจิโต.

สุตนฺติ ปริยตฺตึ. อธีเยถาติ คณฺเหยฺย สิกฺเขยฺย. หีนมุกฺกฏฺมชฺฌิมนฺติ หีนํ วา โหตุ อุตฺตมํ วา มชฺฌิมํ วา, สพฺพํ อธียิตพฺพเมวาติ ทีเปติ. น จ สพฺพํ ปโยชเยติ หีนํ มนฺตํ วา สิปฺปํ วา มชฺฌิมํ วา น ปโยชเย, อุตฺตมเมว ปโยชเยยฺยาติ อตฺโถ. ยตฺถ อตฺถาวหํ สุตนฺติ ยสฺมึ กาเล มโหสธปณฺฑิตสฺส กุมฺภการกมฺมกรณํ วิย ยํกิฺจิ สิกฺขิตสิปฺปํ อตฺถาวหํ โหติ, ตาทิโสปิ กาโล โหติเยวาติ อตฺโถ. อปรภาเค รฺโ อจฺจเยน กุมาโร รชฺเช ปติฏฺาสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ทิสาปาโมกฺโข อาจริโย อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

มูสิกชาตกวณฺณนา ตติยา.

[๓๗๔] ๔. จูฬธนุคฺคหชาตกวณฺณนา

สพฺพํ ภณฺฑนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปุราณทุติยิกาปโลภนํ อารพฺภ กเถสิ. เตน ภิกฺขุนา ‘‘ปุราณทุติยิกา มํ, ภนฺเต, อุกฺกณฺาเปตี’’ติ วุตฺเต สตฺถา ‘‘เอสา ภิกฺขุ, อิตฺถี น อิทาเนว ตุยฺหํ อนตฺถการิกา, ปุพฺเพปิ เต เอตํ นิสฺสาย อสินา สีสํ ฉินฺน’’นฺติ วตฺวา ภิกฺขูหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต สกฺกตฺตํ กาเรสิ. ตทา เอโก พาราณสิวาสี พฺราหฺมณมาณโว ตกฺกสิลายํ สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา ธนุกมฺเม นิปฺผตฺตึ ปตฺโต จูฬธนุคฺคหปณฺฑิโต นาม อโหสิ. อถสฺส อาจริโย ‘‘อยํ มยา สทิสํ สิปฺปํ อุคฺคณฺหี’’ติ อตฺตโน ธีตรํ อทาสิ. โส ตํ คเหตฺวา ‘‘พาราณสึ คมิสฺสามี’’ติ มคฺคํ ปฏิปชฺชิ. อนฺตรามคฺเค เอโก วารโณ เอกํ ปเทสํ สุฺมกาสิ, ตํ านํ อภิรุหิตุํ น โกจิ อุสฺสหิ. จูฬธนุคฺคหปณฺฑิโต มนุสฺสานํ วาเรนฺตานฺเว ภริยํ คเหตฺวา อฏวิมุขํ อภิรุหิ. อถสฺส อฏวิมชฺเฌ วารโณ อุฏฺหิ, โส ตํ กุมฺเภ สเรน วิชฺฌิ. สโร วินิวิชฺฌิตฺวา ปจฺฉาภาเคน นิกฺขมิ. วารโณ ตตฺเถว ปติ, ธนุคฺคหปณฺฑิโต ตํ านํ เขมํ กตฺวา ปุรโต อฺํ อฏวึ ปาปุณิ. ตตฺถาปิ ปฺาส โจรา มคฺคํ หนนฺติ. ตมฺปิ โส มนุสฺเสหิ วาริยมาโน อภิรุยฺห เตสํ โจรานํ มิเค วธิตฺวา มคฺคสมีเป มํสํ ปจิตฺวา ขาทนฺตานํ ิตฏฺานํ ปาปุณิ.

ตทา ตํ โจรา อลงฺกตปฏิยตฺตาย ภริยาย สทฺธึ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘คณฺหิสฺสาม น’’นฺติ อุสฺสาหํ กรึสุ. โจรเชฏฺโก ปุริสลกฺขณกุสโล, โส ตํ โอโลเกตฺวาว ‘‘อุตฺตมปุริโส อย’’นฺติ ตฺวา เอกสฺสปิ อุฏฺหิตุํ นาทาสิ. ธนุคฺคหปณฺฑิโต ‘‘คจฺฉ ‘อมฺหากมฺปิ เอกํ มํสสูลํ เทถา’ติ วตฺวา มํสํ อาหรา’’ติ เตสํ สนฺติกํ ภริยํ เปเสสิ. สา คนฺตฺวา ‘‘เอกํ กิร มํสสูลํ เทถา’’ติ อาห. โจรเชฏฺโก ‘‘อนคฺโฆ ปุริโส’’ติ มํสสูลํ ทาเปสิ. โจรา ‘‘อมฺเหหิ กิร ปกฺกํ ขาทิต’’นฺติ อปกฺกมํสสูลํ อทํสุ. ธนุคฺคโห อตฺตานํ สมฺภาเวตฺวา ‘‘มยฺหํ อปกฺกมํสสูลํ ททนฺตี’’ติ โจรานํ กุชฺฌิ. โจรา ‘‘กึ อยเมเวโก ปุริโส, มยํ อิตฺถิโย’’ติ กุชฺฌิตฺวา อุฏฺหึสุ. ธนุคฺคโห เอกูนปฺาส ชเน เอกูนปฺาสกณฺเฑหิ วิชฺฌิตฺวา ปาเตสิ. โจรเชฏฺกํ วิชฺฌิตุํ กณฺฑํ นาโหสิ. ตสฺส กิร กณฺฑนาฬิยํ สมปณฺณาสเยว กณฺฑานิ. เตสุ เอเกน วารณํ วิชฺฌิ, เอกูนปฺาสกณฺเฑหิ โจเร วิชฺฌิตฺวา โจรเชฏฺกํ ปาเตตฺวา ตสฺส อุเร นิสินฺโน ‘‘สีสมสฺส ฉินฺทิสฺสามี’’ติ ภริยาย หตฺถโต อสึ อาหราเปสิ. สา ตงฺขณฺเว โจรเชฏฺเก โลภํ กตฺวา โจรสฺส หตฺเถ ถรุํ, สามิกสฺส หตฺเถ ธารํ เปสิ. โจโร ถรุทณฺฑํ ปรามสิตฺวา อสึ นีหริตฺวา ธนุคฺคหสฺส สีสํ ฉินฺทิ.

โส ตํ ฆาเตตฺวา อิตฺถึ อาทาย คจฺฉนฺโต ชาติโคตฺตํ ปุจฺฉิ. สา ‘‘ตกฺกสิลายํ ทิสาปาโมกฺขาจริยสฺส ธีตามฺหี’’ติ อาห. ‘‘กถํ ตฺวํ อิมินา ลทฺธา’’ติ. มยฺหํ ปิตา ‘‘อยํ มยา สทิสํ กตฺวา สิปฺปํ สิกฺขี’’ติ ตุสฺสิตฺวา อิมสฺส มํ อทาสิ, สาหํ ตยิ สิเนหํ กตฺวา อตฺตโน กุลทตฺติยํ สามิกํ มาราเปสินฺติ. โจรเชฏฺโก ‘‘กุลทตฺติยํ ตาเวสา สามิกํ มาเรสิ, อฺํ ปเนกํ ทิสฺวา มมฺปิ เอวเมวํ กริสฺสติ, อิมํ ฉฑฺเฑตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค เอกํ กุนฺนทึ อุตฺตานตลํ ตงฺขโณทกปูรํ ทิสฺวา ‘‘ภทฺเท, อิมิสฺสํ นทิยํ สุสุมารา กกฺขฬา, กึ กโรมา’’ติ อาห. ‘‘สามิ, สพฺพํ อาภรณภณฺฑํ มม อุตฺตราสงฺเคน ภณฺฑิกํ กตฺวา ปรตีรํ เนตฺวา ปุน อาคนฺตฺวา มํ คเหตฺวา คจฺฉา’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ สพฺพํ อาภรณภณฺฑํ อาทาย นทึ โอตริตฺวา ตรนฺโต วิย ปรตีรํ ปตฺวา ตํ ฉฑฺเฑตฺวา ปายาสิ. สา ตํ ทิสฺวา ‘‘สามิ, กึ มํ ฉฑฺเฑตฺวา วิย คจฺฉสิ, กสฺมา เอวํ กโรสิ, เอหิ มมฺปิ อาทาย คจฺฉา’’ติ เตน สทฺธึ สลฺลปนฺตี ปมํ คาถมาห –

๑๒๘.

‘‘สพฺพํ ภณฺฑํ สมาทาย, ปารํ ติณฺโณสิ พฺราหฺมณ;

ปจฺจาคจฺฉ ลหุํ ขิปฺปํ, มมฺปิ ตาเรหิ ทานิโต’’ติ.

ตตฺถ ลหุํ ขิปฺปนฺติ ลหุํ ปจฺจาคจฺฉ, ขิปฺปํ มมฺปิ ตาเรหิ ทานิ อิโตติ อตฺโถ.

โจโร ตํ สุตฺวา ปรตีเร ิโตเยว ทุติยํ คาถมาห –

๑๒๙.

‘‘อสนฺถุตํ มํ จิรสนฺถุเตน, นิมีนิ โภตี อธุวํ ธุเวน;

มยาปิ โภตี นิมิเนยฺย อฺํ, อิโต อหํ ทูรตรํ คมิสฺส’’นฺติ.

สา เหฏฺา วุตฺตตฺถาเยว –

โจโร ปน ‘‘อิโต อหํ ทูรตรํ คมิสฺสํ, ติฏฺ ตฺว’’นฺติ วตฺวา ตสฺสา วิรวนฺติยาว อาภรณภณฺฑิกํ อาทาย ปลาโต. ตโต สา พาลา อตฺริจฺฉตาย เอวรูปํ พฺยสนํ ปตฺตา อนาถา หุตฺวา อวิทูเร เอกํ เอฬคลาคุมฺพํ อุปคนฺตฺวา โรทมานา นิสีทิ. ตสฺมึ ขเณ สกฺโก เทวราชา โลกํ โอโลเกนฺโต ตํ อตฺริจฺฉตาหตํ สามิกา จ ชารา จ ปริหีนํ โรทมานํ ทิสฺวา ‘‘เอตํ นิคฺคณฺหิตฺวา ลชฺชาเปตฺวา อาคมิสฺสามี’’ติ มาตลิฺจ ปฺจสิขฺจ อาทาย ตตฺถ คนฺตฺวา นทีตีเร ตฺวา ‘‘มาตลิ, ตฺวํ มจฺโฉ ภว, ปฺจสิข ตฺวํ สกุโณ ภว, อหํ ปน สิงฺคาโล หุตฺวา มุเขน มํสปิณฺฑํ คเหตฺวา เอติสฺสา สมฺมุขฏฺานํ คมิสฺสามิ, ตฺวํ มยิ ตตฺถ คเต อุทกโต อุลฺลงฺฆิตฺวา มม ปุรโต ปต, อถาหํ มุเขน คหิตมํสปิณฺฑํ ฉฑฺเฑตฺวา มจฺฉํ คเหตุํ ปกฺขนฺทิสฺสามิ, ตสฺมึ ขเณ ตฺวํ, ปฺจสิข, ตํ มํสปิณฺฑํ คเหตฺวา อากาเส อุปฺปต, ตฺวํ มาตลิ, อุทเก ปตา’’ติ อาณาเปสิ. ‘‘สาธุ, เทวา’’ติ, มาตลิ, มจฺโฉ อโหสิ, ปฺจสิโข สกุโณ อโหสิ. สกฺโก สิงฺคาโล หุตฺวา มํสปิณฺฑํ มุเขนาทาย ตสฺสา สมฺมุขฏฺานํ อคมาสิ. มจฺโฉ อุทกา อุปฺปติตฺวา สิงฺคาลสฺส ปุรโต ปติ. โส มุเขน คหิตมํสปิณฺฑํ ฉฑฺเฑตฺวา มจฺฉสฺสตฺถาย ปกฺขนฺทิ. มจฺโฉ อุปฺปติตฺวา อุทเก ปติ, สกุโณ มํสปิณฺฑํ คเหตฺวา อากาเส อุปฺปติ, สิงฺคาโล อุโภปิ อลภิตฺวา เอฬคลาคุมฺพํ โอโลเกนฺโต ทุมฺมุโข นิสีทิ. สา ตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ อตฺริจฺฉตาหโต เนว มํสํ, น มจฺฉํ ลภี’’ติ กุฏํ ภินฺทนฺตี วิย มหาหสิตํ หสิ. ตํ สุตฺวา สิงฺคาโล ตติยํ คาถมาห –

๑๓๐.

‘‘กายํ เอฬคลาคุมฺเพ, กโรติ อหุหาสิยํ;

นยีธ นจฺจคีตํ วา, ตาฬํ วา สุสมาหิตํ;

อนมฺหิกาเล สุโสณิ, กินฺนุ ชคฺฆสิ โสภเน’’ติ.

ตตฺถ กายนฺติ กา อยํ. เอฬคลาคุมฺเพติ กมฺโพชิคุมฺเพ. อหุหาสิยนฺติ ทนฺตวิทํสกํ มหาหสิตํ วุจฺจติ, ตํ กา เอสา เอตสฺมึ คุมฺเพ กโรตีติ ปุจฺฉติ. นยีธ นจฺจคีตํ วาติ อิมสฺมึ าเน กสฺสจิ นจฺจนฺตสฺส นจฺจํ วา คายนฺตสฺส คีตํ วา หตฺเถ สุสมาหิเต กตฺวา วาเทนฺตสฺส สุสมาหิตํ หตฺถตาฬํ วา นตฺถิ, กํ ทิสฺวา ตฺวํ หเสยฺยาสีติ ทีเปติ. อนมฺหิกาเลติ โรทนกาเล. สุโสณีติ สุนฺทรโสณิ. กึ นุ ชคฺฆสีติ เกน การเณน ตฺวํ โรทิตุํ ยุตฺตกาเล อโรทมานาว มหาหสิตํ หสสิ. โสภเนติ ตํ ปสํสนฺโต อาลปติ.

ตํ สุตฺวา สา จตุตฺถํ คาถมาห –

๑๓๑.

‘‘สิงฺคาล พาล ทุมฺเมธ, อปฺปปฺโสิ ชมฺพุก;

ชีโน มจฺฉฺจ เปสิฺจ, กปโณ วิย ฌายสี’’ติ.

ตตฺถ ชีโนติ ชานิปฺปตฺโต หุตฺวา. เปสินฺติ มํสเปสึ. กปโณ วิย ฌายสีติ สหสฺสภณฺฑิกํ ปราชิโต กปโณ วิย ฌายสิ โสจสิ จินฺเตสิ.

ตโต สิงฺคาโล ปฺจมํ คาถมาห –

๑๓๒.

‘‘สุทสฺสํ วชฺชมฺเสํ, อตฺตโน ปน ทุทฺทสํ;

ชีนา ปติฺจ ชารฺจ, มฺเ ตฺวฺเว ฌายสี’’ติ.

ตตฺถ ตฺวฺเว ฌายสีติ ปาปธมฺเม ทุสฺสีเล อหํ ตาว มม โคจรํ น ลภิสฺสามิ, ตฺวํ ปน อตฺริจฺฉตาย หตา ตํมุหุตฺตทิฏฺเก โจเร ปฏิพทฺธจิตฺตา หุตฺวา ตฺจ ชารํ กุลทตฺติยฺจ ปตึ ชีนา, มํ อุปาทาย สตคุเณน สหสฺสคุเณน กปณตรา หุตฺวา ฌายสิ โรทสิ ปริเทวสีติ ลชฺชาเปตฺวา วิปฺปการํ ปาเปนฺโต มหาสตฺโต เอวมาห.

สา ตสฺส วจนํ สุตฺวา คาถมาห –

๑๓๓.

‘‘เอวเมตํ มิคราช, ยถา ภาสสิ ชมฺพุก;

สา นูนาหํ อิโต คนฺตฺวา, ภตฺตุ เหสฺสํ วสานุคา’’ติ.

ตตฺถ นูนาติ เอกํสตฺเถ นิปาโต. สา อหํ อิโต คนฺตฺวา ปุน อฺํ ภตฺตารํ ลภิตฺวา เอกํเสเนว ตสฺส ภตฺตุ วสานุคา วสวตฺตินี ภวิสฺสามีติ.

อถสฺสา อนาจาราย ทุสฺสีลาย วจนํ สุตฺวา สกฺโก เทวราชา โอสานคาถมาห –

๑๓๔.

‘‘โย หเร มตฺติกํ ถาลํ, กํสถาลมฺปิ โส หเร;

กตํเยว ตยา ปาปํ, ปุนเปวํ กริสฺสสี’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – อนาจาเร กึ กเถสิ, โย มตฺติกํ ถาลํ หรติ, สุวณฺณถาลรชตถาลาทิปฺปเภทํ กํสถาลมฺปิ โส หรเตว, อิทฺจ ตยา ปาปํ กตเมว, น สกฺกา ตว สทฺธาตุํ, สา ตฺวํ ปุนปิ เอวํ กริสฺสสิเยวาติ. เอวํ โส ตํ ลชฺชาเปตฺวา วิปฺปการํ ปาเปตฺวา สกฏฺานเมว อคมาสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺิตภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ.

ตทา ธนุคฺคโห อุกฺกณฺิตภิกฺขุ อโหสิ, สา อิตฺถี ปุราณทุติยิกา, สกฺโก เทวราชา ปน อหเมว อโหสินฺติ.

จูฬธนุคฺคหชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.

[๓๗๕] ๕. กโปตชาตกวณฺณนา

อิทานิ โขมฺหีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ โลลภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. โลลวตฺถุ อเนกโส วิตฺถาริตเมว. ตํ ปน สตฺถา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ, โลโล’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘น โข ภิกฺขุ อิทาเนว, ปุพฺเพปิ ตฺวํ โลโลสิ, โลลตาย ปน ชีวิตกฺขยํ ปตฺโต’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ปาราวตโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา พาราณสิเสฏฺิโน มหานเส นีฬปจฺฉิยํ วสติ. อเถโก กาโก มจฺฉมํสลุทฺโธ เตน สทฺธึ เมตฺตึ กตฺวา ตตฺเถว วสิ. โส เอกทิวสํ พหุํ มจฺฉมํสํ ทิสฺวา ‘‘อิมํ ขาทิสฺสามี’’ติ นิตฺถุนนฺโต นีฬปจฺฉิยํเยว นิปชฺชิตฺวา ปาราวเตน ‘‘เอหิ, สมฺม, โคจราย คมิสฺสามา’’ติ วุจฺจมาโนปิ ‘‘อชีรเกน นิปนฺโนมฺหิ, คจฺฉ ตฺว’’นฺติ วตฺวา ตสฺมึ คเต ‘‘คโต เม ปจฺจามิตฺตกณฺฏโก, อิทานิ ยถารุจิ มจฺฉมํสํ ขาทิสฺสามี’’ติ จินฺเตนฺโต ปมํ คาถมาห –

๑๓๕.

‘‘อิทานิ โขมฺหิ สุขิโต อโรโค, นิกฺกณฺฏโก นิปฺปติโต กโปโต;

กาหามิ ทานี หทยสฺส ตุฏฺึ, ตถา หิ มํ มํสสากํ พเลตี’’ติ.

ตตฺถ นิปฺปติโตติ นิคฺคโต. กโปโตติ ปาราวโต. กาหามิ ทานีติ กริสฺสามิ ทานิ. ตถา หิ มํ มํสสากํ พเลตีติ ตถา หิ มํสฺจ อวเสสํ สากฺจ มยฺหํ พลํ กโรติ, อุฏฺเหิ ขาทาติ วทมานํ วิย อุสฺสาหํ มมํ กโรตีติ อตฺโถ.

โส ภตฺตการเก มจฺฉมํสํ ปจิตฺวา มหานสา นิกฺขมฺม สรีรโต เสทํ ปวาเหนฺเต ปจฺฉิโต นิกฺขมิตฺวา รสกโรฏิยํ นิลียิตฺวา ‘‘กิริ กิรี’’ติ สทฺทมกาสิ. ภตฺตการโก เวเคนาคนฺตฺวา กากํ คเหตฺวา สพฺพปตฺตานิ ลุฺชิตฺวา อลฺลสิงฺคีเวรฺจ สิทฺธตฺถเก จ ปิสิตฺวา ลสุณํ ปูติตกฺเกน มทฺทิตฺวา สกลสรีรํ มกฺเขตฺวา เอกํ กลํ ฆํสิตฺวา วิชฺฌิตฺวา สุตฺตเกน ตสฺส คีวายํ พนฺธิตฺวา นีฬปจฺฉิยํเยว ตํ ปกฺขิปิตฺวา อคมาสิ. ปาราวโต อาคนฺตฺวา ตํ ทิสฺวา ‘‘กา เอสา พลากา มม สหายสฺส ปจฺฉิยํ นิปนฺนา, จณฺโฑ หิ โส อาคนฺตฺวา ฆาเตยฺยาปิ น’’นฺติ ปริหาสํ กโรนฺโต ทุติยํ คาถมาห –

๑๓๖.

‘‘กายํ พลากา สิขินี, โจรี ลงฺฆิปิตามหา;

โอรํ พลาเก อาคจฺฉ, จณฺโฑ เม วายโส สขา’’ติ.

สา เหฏฺา (ชา. อฏฺ. ๒.๓.๗๐) วุตฺตตฺถาเยว.

ตํ สุตฺวา กาโก ตติยํ คาถมาห –

๑๓๗.

‘‘อลฺหิ เต ชคฺฆิตาเย, มมํ ทิสฺวาน เอทิสํ;

วิลูนํ สูทปุตฺเตน, ปิฏฺมณฺเฑน มกฺขิต’’นฺติ.

ตตฺถ อลนฺติ ปฏิเสธตฺเถ นิปาโต. ชคฺฆิตาเยติ หสิตุํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อิทานิ มํ เอทิสํ เอวํ ทุกฺขปฺปตฺตํ ทิสฺวา ตว อลํ หสิตุํ, มา เอทิเส กาเล ปริหาสเกฬึ กโรหีติ.

โส ปริหาสเกฬึ กโรนฺโตว ปุน จตุตฺถํ คาถมาห –

๑๓๘.

‘‘สุนฺหาโต สุวิลิตฺโตสิ, อนฺนปาเนน ตปฺปิโต;

กณฺเ จ เต เวฬุริโย, อคมา นุ กชงฺคล’’นฺติ.

ตตฺถ กณฺเ จ เต เวฬุริโยติ อยํ เต เวฬุริยมณิปิ กณฺเ ปิฬนฺโธ, ตฺวํ เอตฺตกํ กาลํ อมฺหากํ เอตํ น ทสฺเสสีติ กปาลํ สนฺธาเยวมาห. กชงฺคลนฺติ อิธ พาราณสีเยว ‘‘กชงฺคลา’’ติ อธิปฺเปตา. อิโต นิกฺขมิตฺวา กจฺจิ อนฺโตนครํ คโตสีติ ปุจฺฉติ.

ตโต กาโก ปฺจมํ คาถมาห –

๑๓๙.

‘‘มา เต มิตฺโต อมิตฺโต วา, อคมาสิ กชงฺคลํ;

ปิฺฉานิ ตตฺถ ลายิตฺวา, กณฺเ พนฺธนฺติ วฏฺฏน’’นฺติ.

ตตฺถ ปิฺฉานีติ ปตฺตานิ. ตตฺถ ลายิตฺวาติ ตสฺมึ พาราณสินคเร ลุฺจิตฺวา. วฏฺฏนนฺติ กลิกํ.

ตํ สุตฺวา ปาราวโต โอสานคาถมาห –

๑๔๐.

‘‘ปุนปาปชฺชสี สมฺม, สีลฺหิ ตว ตาทิสํ;

น หิ มานุสกา โภคา, สุภุฺชา โหนฺติ ปกฺขินา’’ติ.

ตตฺถ ปุนปาปชฺชสีติ ปุนปิ เอวรูปํ อาปชฺชิสฺสสิ. เอวรูปฺหิ เต สีลนฺติ.

อิติ นํ โส โอวทิตฺวา ตตฺถ อวสิตฺวา ปกฺเข ปสาเรตฺวา อฺตฺถ อคมาสิ. กาโกปิ ตตฺเถว ชีวิตกฺขยํ ปาปุณิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน โลลภิกฺขุ อนาคามิผเล ปติฏฺหิ. ตทา กาโก โลลภิกฺขุ อโหสิ, กโปโต ปน อหเมว อโหสินฺติ.

กโปตชาตกวณฺณนา ปฺจมา.

อฑฺฒวคฺโค ตติโย.

ชาตกุทฺทานํ –

มณิกุณฺฑล สุชาตา, เวนสาขฺจ โอรคํ;

ฆฏํ โกรณฺฑิ ลฏุกิ, ธมฺมปาลํ มิคํ ตถา.

สุโยนนฺที วณฺณาโรห, สีลํ หิรี ขชฺโชปนํ;

อหิ คุมฺพิย สาฬิยํ, ตจสารํ มิตฺตวินฺทํ.

ปลาสฺเจว ทีฆิติ, มิคโปตก มูสิกํ;

ธนุคฺคโห กโปตฺจ, ชาตกา ปฺจวีสติ.

ปฺจกนิปาตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๖. ฉกฺกนิปาโต

๑. อวาริยวคฺโค

[๓๗๖] ๑. อวาริยชาตกวณฺณนา

มาสุ กุชฺฌ ภูมิปตีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ ติตฺถนาวิกํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิร พาโล อโหสิ อฺาโณ, เนว โส พุทฺธาทีนํ รตนานํ, น อฺเสํ ปุคฺคลานํ คุณํ ชานาติ, จณฺโฑ ผรุโส สาหสิโก. อเถโก ชานปโท ภิกฺขุ ‘‘พุทฺธุปฏฺานํ กริสฺสามี’’ติ อาคจฺฉนฺโต สายํ อจิรวตีติตฺถํ ปตฺวา ตํ เอวมาห ‘‘อุปาสก, ปรตีรํ คมิสฺสามิ, นาวํ เม เทหี’’ติ. ‘‘ภนฺเต, อิทานิ อกาโล, เอกสฺมึ าเน วสสฺสู’’ติ. ‘‘อุปาสก, อิธ กุหึ วสิสฺสามิ, มํ คณฺหิตฺวา คจฺฉา’’ติ. โส กุชฺฌิตฺวา ‘‘เอหิ เร สมณ, วหามี’’ติ เถรํ นาวํ อาโรเปตฺวา อุชุกํ อคนฺตฺวา เหฏฺา นาวํ เนตฺวา อุลฺโลฬํ กตฺวา ตสฺส ปตฺตจีวรํ เตเมตฺวา กิลเมตฺวา ตีรํ ปตฺวา อนฺธการเวลายํ อุยฺโยเชสิ. อถ โส วิหารํ คนฺตฺวา ตํ ทิวสํ พุทฺธุปฏฺานสฺส โอกาสํ อลภิตฺวา ปุนทิวเส สตฺถารํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิตฺวา สตฺถารา กตปฏิสนฺถาโร ‘‘กทา อาคโตสี’’ติ วุตฺเต ‘‘หิยฺโย, ภนฺเต’’ติ วตฺวา ‘‘อถ กสฺมา อชฺช พุทฺธุปฏฺานํ อาคโตสี’’ติ วุตฺเต ตมตฺถํ อาโรเจสิ. ตํ สุตฺวา สตฺถา ‘‘น โข ภิกฺขุ อิทาเนว, ปุพฺเพเปส จณฺโฑ ผรุโส สาหสิโก, อิทานิ ปน เตน ตฺวํ กิลมิโต, ปุพฺเพเปส ปณฺฑิเต กิลเมสี’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ทีฆมทฺธานํ หิมวนฺเต ผลาผเลน ยาเปตฺวา โลณมฺพิลเสวนตฺถาย พาราณสึ ปตฺวา ราชุยฺยาเน วสิตฺวา ปุนทิวเส นครํ ภิกฺขาย ปาวิสิ. อถ นํ ราชงฺคณปฺปตฺตํ ราชา ทิสฺวา ตสฺส อิริยาปเถ ปสีทิตฺวา อนฺเตปุรํ อาเนตฺวา โภเชตฺวา ปฏิฺํ คเหตฺวา ราชุยฺยาเน วสาเปสิ, เทวสิกํ อุปฏฺานํ อคมาสิ. ตเมนํ โพธิสตฺโต ‘‘รฺา นาม, มหาราช, จตฺตาริ อคติคมนานิ วชฺเชตฺวา อปฺปมตฺเตน ขนฺติเมตฺตานุทฺทยสมฺปนฺเนน หุตฺวา ธมฺเมน รชฺชํ กาเรตพฺพ’’นฺติ วตฺวา เทวสิกํ โอวทนฺโต –

.

‘‘มาสุ กุชฺฌ ภูมิปติ, มาสุ กุชฺฌ รเถสภ;

กุทฺธํ อปฺปฏิกุชฺฌนฺโต, ราชา รฏฺสฺส ปูชิโต.

.

‘‘คาเม วา ยทิ วารฺเ, นินฺเน วา ยทิ วา ถเล;

สพฺพตฺถ อนุสาสามิ, มาสุ กุชฺฌ รเถสภา’’ติ. – ทฺเว คาถา อภาสิ;

ตตฺถ รฏฺสฺส ปูชิโตติ เอวรูโป ราชา รฏฺสฺส ปูชนีโย โหตีติ อตฺโถ. สพฺพตฺถ อนุสาสามีติ เอเตสุ คามาทีสุ ยตฺถ กตฺถจิ วสนฺโตปาหํ มหาราช, อิมาย เอว อนุสิฏฺิยา ตมนุสาสามิ, เอเตสุ วา คามาทีสุ ยตฺถ กตฺถจิ เอกสฺมิมฺปิ เอกสตฺเตปิ อนุสาสามิ. มาสุ กุชฺฌ รเถสภาติ เอวเมวาหํ ตํ อนุสาสามิ, รฺา นาม กุชฺฌตุํ น วฏฺฏติ. กึการณา? ราชาโน นาม วาจาวุธา, เตสํ กุทฺธานํ วจนมตฺเตเนว พหู ชีวิตกฺขยํ ปาปุณนฺตีติ.

เอวํ โพธิสตฺโต รฺโ อาคตาคตทิวเส อิมา ทฺเว คาถา อภาสิ. ราชา อนุสิฏฺิยา ปสนฺนจิตฺโต มหาสตฺตสฺส สตสหสฺสุฏฺานกํ เอกํ คามวรํ อทาสิ, โพธิสตฺโต ปฏิกฺขิปิ. อิติ โส ตตฺเถว ทฺวาทสสํวจฺฉรํ วสิตฺวา ‘‘อติจิรํ นิวุตฺโถมฺหิ, ชนปทจาริกํ ตาว จริตฺวา อาคมิสฺสามี’’ติ รฺโ อกเถตฺวาว อุยฺยานปาลํ อามนฺเตตฺวา ‘‘ตาต, อุกฺกณฺิตรูโปสฺมิ, ชนปทํ จริตฺวา อาคมิสฺสามิ, ตฺวํ รฺโ กเถยฺยาสี’’ติ วตฺวา ปกฺกนฺโต คงฺคาย นาวาติตฺถํ ปาปุณิ. ตตฺถ อวาริยปิตา นาม นาวิโก อโหสิ. โส พาโล เนว คุณวนฺตานํ คุณํ ชานาติ, น อตฺตโน อายาปายํ ชานาติ, โส คงฺคํ ตริตุกามํ ชนํ ปมํ ตาเรตฺวา ปจฺฉา เวตนํ ยาจติ, เวตนํ อเทนฺเตหิ สทฺธึ กลหํ กโรนฺโต อกฺโกสปฺปหาเรเยว พหู ลภติ, อปฺปํ ลาภํ, เอวรูโป อนฺธพาโล. ตํ สนฺธาย สตฺถา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา ตติยํ คาถมาห –

.

‘‘อวาริยปิตา นาม, อหุ คงฺคาย นาวิโก;

ปุพฺเพ ชนํ ตาเรตฺวาน, ปจฺฉา ยาจติ เวตนํ;

เตนสฺส ภณฺฑนํ โหติ, น จ โภเคหิ วฑฺฒตี’’ติ.

ตตฺถ อวาริยปิตา นามาติ อวาริยา นาม ตสฺส ธีตา, ตสฺสา วเสน อวาริยปิตา นาม ชาโต. เตนสฺส ภณฺฑนนฺติ เตน การเณน, เตน วา ปจฺฉา ยาจิยมาเนน ชเนน สทฺธึ ตสฺส ภณฺฑนํ โหติ.

โพธิสตฺโต ตํ นาวิกํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘อาวุโส, ปรตีรํ มํ เนหี’’ติ อาห. ตํ สุตฺวา โส อาห ‘‘สมณ, กึ เม นาวาเวตนํ ทสฺสสี’’ติ? ‘‘อาวุโส, อหํ โภควฑฺฒึ อตฺถวฑฺฒึ ธมฺมวฑฺฒึ นาม เต กเถสฺสามี’’ติ. ตํ สุตฺวา นาวิโก ‘‘ธุวํ เอส มยฺหํ กิฺจิ ทสฺสตี’’ติ ตํ ปรตีรํ เนตฺวา ‘‘เทหิ เม นาวาย เวตน’’นฺติ อาห. โส ตสฺส ‘‘สาธุ, อาวุโส’’ติ ปมํ โภควฑฺฒึ กเถนฺโต –

.

‘‘อติณฺณํเยว ยาจสฺสุ, อปารํ ตาต นาวิก;

อฺโ หิ ติณฺณสฺส มโน, อฺโ โหติ ปาเรสิโน’’ติ. – คาถมาห;

ตตฺถ อปารนฺติ ตาต, นาวิก ปรตีรํ อติณฺณเมว ชนํ โอริมตีเร ิตฺเว เวตนํ ยาจสฺสุ, ตโต ลทฺธฺจ คเหตฺวา คุตฺตฏฺาเน เปตฺวา ปจฺฉา มนุสฺเส ปรตีรํ เนยฺยาสิ, เอวํ เต โภควฑฺฒิ ภวิสฺสติ. อฺโ หิ ติณฺณสฺส มโนติ ตาต นาวิก, ปรตีรํ คตสฺส อฺโ มโน ภวติ, อทตฺวาว คนฺตุกาโม โหติ. โย ปเนส ปาเรสี นาม ปรตีรํ เอสติ, ปรตีรํ คนฺตุกาโม โหติ, โส อติเรกมฺปิ ทตฺวา คนฺตุกาโม โหติ, อิติ ปาเรสิโน อฺโ มโน โหติ, ตสฺมา ตฺวํ อติณฺณเมว ยาเจยฺยาสิ, อยํ ตาว เต โภคานํ วฑฺฒิ นามาติ.

ตํ สุตฺวา นาวิโก จินฺเตสิ ‘‘อยํ ตาว เม โอวาโท ภวิสฺสติ, อิทานิ ปเนส อฺํ กิฺจิ มยฺหํ ทสฺสตี’’ติ. อถ นํ โพธิสตฺโต ‘‘อยํ ตาว เต, อาวุโส, โภควฑฺฒิ, อิทานิ อตฺถธมฺมวฑฺฒึ สุณาหี’’ติ วตฺวา โอวทนฺโต –

.

‘‘คาเม วา ยทิ วารฺเ, นินฺเน วา ยทิ วา ถเล;

สพฺพตฺถ อนุสาสามิ, มาสุ กุชฺฌิตฺถ นาวิกา’’ติ. – คาถมาห;

อิติสฺส อิมาย คาถาย อตฺถธมฺมวฑฺฒึ กเถตฺวา ‘‘อยํ เต อตฺถวฑฺฒิ จ ธมฺมวฑฺฒิ จา’’ติ อาห. โส ปน ทนฺธปุริโส ตํ โอวาทํ น กิฺจิ มฺมาโน ‘‘อิทํ, สมณ, ตยา มยฺหํ ทินฺนํ นาวาเวตน’’นฺติ อาห. ‘‘อามาวุโส’’ติ. ‘‘มยฺหํ อิมินา กมฺมํ นตฺถิ, อฺํ เม เทหี’’ติ. ‘‘อาวุโส, อิทํ เปตฺวา มยฺหํ อฺํ นตฺถี’’ติ. ‘‘อถ ตฺวํ กสฺมา มม นาวํ อารุฬฺโหสี’’ติ ตาปสํ คงฺคาตีเร ปาเตตฺวา อุเร นิสีทิตฺวา มุขเมวสฺส โปเถสิ.

สตฺถา ‘‘อิติ โส, ภิกฺขเว, ตาปโส ยํ โอวาทํ ทตฺวา รฺโ สนฺติกา คามวรํ ลภิ, ตเมว โอวาทํ อนฺธพาลสฺส นาวิกสฺส กเถตฺวา มุขโปถนํ ปาปุณิ, ตสฺมา โอวาทํ เทนฺเตน ยุตฺตชนสฺเสว ทาตพฺโพ, น อยุตฺตชนสฺสา’’ติ วตฺวา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา ตทนนฺตรํ คาถมาห –

.

‘‘ยาเยวานุสาสนิยา, ราชา คามวรํ อทา;

ตาเยวานุสาสนิยา, นาวิโก ปหรี มุข’’นฺติ.

ตสฺส ตํ ปหรนฺตสฺเสว ภริยา ภตฺตํ คเหตฺวา อาคตา ปาปปุริสํ ทิสฺวา ‘‘สามิ, อยํ ตาปโส นาม ราชกุลูปโก, มา ปหรี’’ติ อาห. โส กุชฺฌิตฺวา ‘‘ตฺวํ เม อิมํ กูฏตาปสํ ปหริตุํ น เทสี’’ติ อุฏฺาย ตํ ปหริตฺวา ปาเตสิ. อถ ภตฺตปาติ ปติตฺวา ภิชฺชิ, ตสฺสา จ ปน ครุคพฺภาย คพฺโภ ภูมิยํ ปติ. อถ นํ มนุสฺสา สมฺปริวาเรตฺวา ‘‘ปุริสฆาตกโจโร’’ติ คเหตฺวา พนฺธิตฺวา รฺโ ทสฺเสสุํ. ราชา วินิจฺฉินิตฺวา ตสฺส ราชาณํ กาเรสิ. สตฺถา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต โอสานคาถมาห –

.

‘‘ภตฺตํ ภินฺนํ หตา ภริยา, คพฺโภ จ ปติโต ฉมา;

มิโคว ชาตรูเปน, น เตนตฺถํ อพนฺธิ สู’’ติ.

ตตฺถ ภตฺตํ ภินฺนนฺติ ภตฺตปาติ ภินฺนา. หตาติ ปหตา. ฉมาติ ภูมิยํ. มิโคว ชาตรูเปนาติ ยถา มิโค สุวณฺณํ วา หิรฺํ วา มุตฺตามณิอาทีนิ วา มทฺทิตฺวา คจฺฉนฺโตปิ อตฺถริตฺวา นิปชฺชนฺโตปิ เตน ชาตรูเปน อตฺตโน อตฺถํ วฑฺเฒตุํ นิพฺพตฺเตตุํ น สกฺโกติ, เอวเมว โส อนฺธพาโล ปณฺฑิเตหิ ทินฺนํ โอวาทํ สุตฺวาปิ อตฺตโน อตฺถํ วฑฺเฒตุํ นิพฺพตฺเตตุํ นาสกฺขีติ วุตฺตํ โหติ. อพนฺธิ สูติ เอตฺถ อพนฺธิ โสติ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ส-โออิติ อิเมสํ ปทานฺหิ สูติ สนฺธิ โหติ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน โส ภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ตทา นาวิโก อิทานิ นาวิโกว อโหสิ, ราชา อานนฺโท, ตาปโส ปน อหเมว อโหสินฺติ.

อวาริยชาตกวณฺณนา ปมา.

[๓๗๗] ๒. เสตเกตุชาตกวณฺณนา

มา ตาต กุชฺฌิ น หิ สาธุ โกโธติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต กุหกภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ, ปจฺจุปฺปนฺนวตฺถุ อุทฺทาลชาตเก (ชา. ๑.๑๔.๖๒ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต พาราณสิยํ ทิสาปาโมกฺโข อาจริโย หุตฺวา ปฺจสเต มาณเว มนฺเต วาเจสิ. เตสํ เชฏฺโก เสตเกตุ นาม อุทิจฺจพฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺตมาณโว, ตสฺส ชาตึ นิสฺสาย มหนฺโต มาโน อโหสิ. โส เอกทิวสํ อฺเหิ มาณเวหิ สทฺธึ นครา นิกฺขมนฺโต นครํ ปวิสนฺตํ เอกํ จณฺฑาลํ ทิสฺวา ‘‘โกสิ ตฺว’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘จณฺฑาโลหมสฺมี’’ติ วุตฺเต ตสฺส สรีรํ ปหริตฺวา อาคตวาตสฺส อตฺตโน สรีเร ผุสนภเยน ‘‘นสฺส, จณฺฑาล, กาฬกณฺณี, อโธวาตํ ยาหี’’ติ วตฺวา เวเคน ตสฺส อุปริวาตํ อคมาสิ. จณฺฑาโล สีฆตรํ คนฺตฺวา ตสฺส อุปริวาเต อฏฺาสิ. อถ นํ โส ‘‘นสฺส กาฬกณฺณี’’ติ สุฏฺุตรํ อกฺโกสิ ปริภาสิ. ตํ สุตฺวา จณฺฑาโล ‘‘ตฺวํ โกสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘พฺราหฺมณมาณโวหมสฺมี’’ติ. ‘‘พฺราหฺมโณ โหตุ, มยา ปน ปุฏฺปฺหํ กเถตุํ สกฺขิสฺสสี’’ติ. ‘‘อาม, สกฺขิสฺสามี’’ติ. ‘‘สเจ น สกฺโกสิ, ปาทนฺตเรน ตํ คเมมี’’ติ. โส อตฺตานํ ตกฺเกตฺวา ‘‘คเมหี’’ติ อาห.

จณฺฑาลปุตฺโต ตสฺส กถํ ปริสํ คาหาเปตฺวา ‘‘มาณว, ทิสา นาม กตรา’’ติ ปฺหํ ปุจฺฉิ. ‘‘ทิสา นาม ปุรตฺถิมาทโย จตสฺโส ทิสา’’ติ. จณฺฑาโล ‘‘นาหํ ตํ เอตํ ทิสํ ปุจฺฉามิ, ตฺวํ เอตฺตกมฺปิ อชานนฺโต มม สรีเร ปหฏวาตํ ชิคุจฺฉสี’’ติ ตํ ขนฺธฏฺิเก คเหตฺวา โอนเมตฺวา อตฺตโน ปาทนฺตเรน คเมสิ. มาณวา ตํ ปวตฺตึ อาจริยสฺส อาจิกฺขึสุ. ตํ สุตฺวา อาจริโย ‘‘สจฺจํ กิร, ตาต, เสตเกตุ จณฺฑาเลนาสิ ปาทนฺตเรน คมิโต’’ติ? ‘‘อาม, อาจริย, โส มํ จณฺฑาลทาสิปุตฺโต ทิสามตฺตมฺปิ น ชานาสี’’ติ อตฺตโน ปาทนฺตเรน คเมสิ, อิทานิ ทิสฺวา กตฺตพฺพํ อสฺส ชานิสฺสามีติ กุทฺโธ จณฺฑาลปุตฺตํ อกฺโกสิ ปริภาสิ. อถ นํ อาจริโย ‘ตาต, เสตเกตุ มา ตสฺส กุชฺฌิ, ปณฺฑิโต จณฺฑาลทาสิปุตฺโต, น โส ตํ เอตํ ทิสํ ปุจฺฉติ, อฺํ ทิสํ ปุจฺฉิ, ตยา ปน ทิฏฺสุตวิฺาตโต อทิฏฺาสุตาวิฺาตเมว พหุตร’’นฺติ โอวทนฺโต ทฺเว คาถา อภาสิ –

.

‘‘มา ตาต กุชฺฌิ น หิ สาธุ โกโธ, พหุมฺปิ เต อทิฏฺมสฺสุตฺจ;

มาตา ปิตา ทิสตา เสตเกตุ, อาจริยมาหุ ทิสตํ ปสตฺถา.

.

‘‘อคาริโน อนฺนทปานวตฺถทา, อวฺหายิกา ตมฺปิ ทิสํ วทนฺติ;

เอสา ทิสา ปรมา เสตเกตุ, ยํ ปตฺวา ทุกฺขี สุขิโน ภวนฺตี’’ติ.

ตตฺถ น หิ สาธุ โกโธติ โกโธ นาม อุปฺปชฺชมาโน สุภาสิตทุพฺภาสิตํ อตฺถานตฺถํ หิตาหิตํ ชานิตุํ น เทตีติ น สาธุ น ลทฺธโก. พหุมฺปิ เต อทิฏฺนฺติ ตยา จกฺขุนา อทิฏฺํ โสเตน จ อสฺสุตเมว พหุตรํ. ทิสตาติ ทิสา. มาตาปิตโร ปุตฺตานํ ปุริมตรํ อุปฺปนฺนตฺตา ปุรตฺถิมทิสา นาม ชาตาติ วทติ. อาจริยมาหุ ทิสตํ ปสตฺถาติ อาจริยา ปน ทกฺขิเณยฺยตฺตา ทิสตํ ปสตฺถา ทกฺขิณา ทิสาติ พุทฺธาทโย อริยา อาหุ กเถนฺติ ทีเปนฺติ.

อคาริโนติ คหฏฺา. อนฺนทปานวตฺถทาติ อนฺนทา, ปานทา, วตฺถทา จ. อวฺหายิกาติ ‘‘เอถ เทยฺยธมฺมํ ปฏิคฺคณฺหถา’’ติ ปกฺโกสนกา. ตมฺปิ ทิสํ วทนฺตีติ ตมฺปิ พุทฺธาทโย อริยา เอกํ ทิสํ วทนฺติ. อิมินา จตุปจฺจยทายกา คหฏฺา ปจฺจเย อปทิสิตฺวา ธมฺมิกสมณพฺราหฺมเณหิ อุปคนฺตพฺพตฺตา เอกา ทิสา นามาติ ทีเปติ. อปโร นโย – เย เอเต อคาริโน อนฺนปานวตฺถทา, เตสํ ฉกามสคฺคสมฺปตฺติทายกฏฺเน อุปรูปริ อวฺหายนโต เย อวฺหายิกา ธมฺมิกสมณพฺราหฺมณา, ตมฺปิ ทิสํ วทนฺติ, พุทฺธาทโย อริยา อุปริมทิสํ นาม วทนฺตีติ ทีเปติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ –

‘‘มาตา ปิตา ทิสา ปุพฺพา, อาจริยา ทกฺขิณา ทิสา;

ปุตฺตทารา ทิสา ปจฺฉา, มิตฺตามจฺจา จ อุตฺตรา.

‘‘ทาสกมฺมกรา เหฏฺา, อุทฺธํ สมณพฺราหฺมณา;

เอตา ทิสา นมสฺเสยฺย, อลมตฺโต กุเล คิหี’’ติ. (ที. นิ. ๓.๒๗๓);

เอสา ทิสาติ อิทํ ปน นิพฺพานํ สนฺธาย วุตฺตํ. ชาติอาทินา หิ นานปฺปกาเรน ทุกฺเขน ทุกฺขิตา สตฺตา ยํ ปตฺวา นิทฺทุกฺขา สุขิโน ภวนฺติ, เอสา เอว จ สตฺเตหิ อคตปุพฺพา ทิสา นาม. เตเนว จ นิพฺพานํ ‘‘ปรมา’’ติ อาห. วุตฺตมฺปิ เจตํ –

‘‘สมติตฺติกํ อนวเสสกํ, เตลปตฺตํ ยถา ปริหเรยฺย;

เอวํ สจิตฺตมนุรกฺเข, ปตฺถยาโน ทิสํ อคตปุพฺพ’’นฺติ. (ชา. ๑.๑.๙๖);

เอวํ มหาสตฺโต มาณวสฺส ทิสา กเถสิ. โส ปน ‘‘จณฺฑาเลนมฺหิ ปาทนฺตเรน คมิโต’’ติ ตสฺมึ าเน อวสิตฺวา ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา ทิสาปาโมกฺขาจริยสฺส สนฺติเก สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา อาจริเยน อนุฺาโต ตกฺกสิลโต นิกฺขมิตฺวา สพฺพสมยสิปฺปํ สิกฺขนฺโต วิจริ. โส เอกํ ปจฺจนฺตคามํ ปตฺวา ตํ นิสฺสาย วสนฺเต ปฺจสเต ตาปเส ทิสฺวา เตสํ สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ยํ เต ชานนฺติ สิปฺปมนฺตจรณํ, ตํ อุคฺคณฺหิตฺวา คณสตฺถา หุตฺวา เตหิ ปริวาริโต พาราณสึ คนฺตฺวา ปุนทิวเส ภิกฺขํ จรนฺโต ราชงฺคณํ อคมาสิ. ราชา ตาปสานํ อิริยาปเถ ปสีทิตฺวา อนฺโตนิเวสเน โภเชตฺวา เต อตฺตโน อุยฺยาเน วสาเปสิ. โส เอกทิวสํ ตาปเส ปริวิสิตฺวา ‘‘อชฺช สายนฺเห อุยฺยานํ คนฺตฺวา อยฺเย วนฺทิสฺสามี’’ติ อาห.

เสตเกตุ อุยฺยานํ คนฺตฺวา ตาปเส สนฺนิปาเตตฺวา ‘‘มาริสา, อชฺช ราชา อาคมิสฺสติ, ราชาโน จ นาม สกึ อาราเธตฺวา ยาวตายุกํ สุขํ ชีวิตุํ สกฺกา, อชฺช เอกจฺเจ วคฺคุลิวตํ จรถ, เอกจฺเจ กณฺฏกเสยฺยํ กปฺเปถ, เอกจฺเจ ปฺจาตปํ ตปฺเปถ, เอกจฺเจ อุกฺกุฏิกปฺปธานมนุยุฺชถ, เอกจฺเจ อุทโกโรหณกมฺมํ กโรถ, เอกจฺเจ มนฺเต สชฺฌายถา’’ติ วิจาเรตฺวา สยํ ปกฺกสาลทฺวาเร อปสฺสยปีเก นิสีทิตฺวา ปฺจวณฺณรงฺคสมุชฺชลวาสนํ เอกํ โปตฺถกํ วิจิตฺรวณฺเณ อาธารเก เปตฺวา สุสิกฺขิเตหิ จตูหิ ปฺจหิ มาณเวหิ ปุจฺฉิเต ปุจฺฉิเต ปฺเห กเถสิ. ตสฺมึ ขเณ ราชา อาคนฺตฺวา เต มิจฺฉาตปํ กโรนฺเต ทิสฺวา ตุฏฺโ เสตเกตุํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺโน ปุโรหิเตน สทฺธึ สลฺลปนฺโต ตติยํ คาถมาห –

๑๐.

‘‘ขราชินา ชฏิลา ปงฺกทนฺตา, ทุมฺมกฺขรูปา เยเม ชปฺปนฺติ มนฺเต;

กจฺจิ นุ เต มานุสเก ปโยเค, อิทํ วิทู ปริมุตฺตา อปายา’’ติ.

ตตฺถ ขราชินาติ สขุเรหิ อชินจมฺเมหิ สมนฺนาคตา. ปงฺกทนฺตาติ ทนฺตกฏฺสฺส อขาทเนน มลคฺคหิตทนฺตา. ทุมฺมกฺขรูปาติ อนฺชิตามณฺฑิตลูขนิวาสนปารุปนา มาลาคนฺธวิเลปนวชฺชิตา, กิลิฏฺรูปาติ วุตฺตํ โหติ. เยเม ชปฺปนฺตีติ เย อิเม มนฺเต สชฺฌายนฺติ. มานุสเก ปโยเคติ มนุสฺเสหิ กตฺตพฺพปโยเค ิตา. อิทํ วิทู ปริมุตฺตา อปายาติ อิมสฺมึ ปโยเค ตฺวา อิมํ โลกํ วิทิตฺวา ปากฏํ กตฺวา ‘‘กจฺจิ เอเต อิสโย จตูหิ อปาเยหิ มุตฺตา’’ติ ปุจฺฉติ.

ตํ สุตฺวา ปุโรหิโต จตุตฺถํ คาถมาห –

๑๑.

‘‘ปาปานิ กมฺมานิ กริตฺว ราช, พหุสฺสุโต เจ น จเรยฺย ธมฺมํ;

สหสฺสเวโทปิ น ตํ ปฏิจฺจ, ทุกฺขา ปมุฺเจ จรณํ อปตฺวา’’ติ.

ตตฺถ กริตฺวาติ กตฺวา. จรณนฺติ สห สีเลน อฏฺ สมาปตฺติโย. อิทํ วุตฺตํ โหติ. มหาราช, ‘‘อหํ พหุสฺสุโตมฺหี’’ติ สหสฺสเวโทปิ เจ ติวิธํ สุจริตธมฺมํ น จเรยฺย, ปาปาเนว กเรยฺย, โส ตานิ ปาปานิ กมฺมานิ กตฺวา ตํ พาหุสจฺจํ ปฏิจฺจ สีลสมาปตฺติสงฺขาตํ จรณํ อปฺปตฺวา ทุกฺขา น ปมุฺเจ, อปายทุกฺขโต น มุจฺจเตวาติ.

ตํ สุตฺวา ราชา ตาปเสสุ ปสาทํ หริ. ตโต เสตเกตุ จินฺเตสิ ‘‘อิมสฺส รฺโ ตาปเสสุ ปสาโท อุทปาทิ, ตํ ปเนส ปุโรหิโต วาสิยา ปหริตฺวา วิย ฉินฺทิ, มยา เอเตน สทฺธึ กเถตุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส เตน สทฺธึ กเถนฺโต ปฺจมํ คาถมาห –

๑๒.

‘‘สหสฺสเวโทปิ น ตํ ปฏิจฺจ, ทุกฺขา ปมุฺเจ จรณํ อปตฺวา;

มฺามิ เวทา อผลา ภวนฺติ, สสํยมํ จรณเมว สจฺจ’’นฺติ.

ตสฺสตฺโถ – สเจ สหสฺสเวโทปิ ตํ พาหุสจฺจํ ปฏิจฺจ จรณํ อปฺปตฺวา อตฺตานํ ทุกฺขา น ปมุฺเจ, เอวํ สนฺเต อหํ มฺามิ ‘‘ตโย เวทา อผลา โหนฺติ, สสีลํ สมาปตฺติจรณเมว สจฺจํ โหตี’’ติ.

ตํ สุตฺวา ปุโรหิโต ฉฏฺํ คาถมาห –

๑๓.

‘‘น เหว เวทา อผลา ภวนฺติ, สสํยมํ จรณเมว สจฺจํ;

กิตฺติฺหิ ปปฺโปติ อธิจฺจ เวเท, สนฺตึ ปุเณติ จรเณน ทนฺโต’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – ตโย เวทา อผลา น ภวนฺติ, สสํยมํ จรณเมว สจฺจํ เสยฺยํ อุตฺตมํ ปวรํ น เหว โหติ. กึการณา? กิตฺติฺหิ ปปฺโปติ อธิจฺจ เวเทติ ตโย เวเท อธิจฺจ ทิฏฺธมฺเม กิตฺติมตฺตํ ยสมตฺตํ ลาภมตฺตํ ลภติ, อิโต ปรํ อฺํ นตฺถิ, ตสฺมา น เต อผลา. สนฺตึ ปุเณติ จรเณน ทนฺโตติ สีเล ปติฏฺาย สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวา สมาปตฺติปทฏฺานํ วิปสฺสนํ วฑฺเฒนฺโต อจฺจนฺตํ สนฺตํ นิพฺพานํ นาม ตํ เอติ ปาปุณาติ.

อิติ ปุโรหิโต เสตเกตุโน วาทํ ภินฺทิตฺวา เต สพฺเพ คิหี กาเรตฺวา ผลกาวุธานิ คาหาเปตฺวา มหนฺตตรเก กตฺวา รฺโ อุปฏฺาเก กาเรสิ. อยํ กิร มหนฺตตรกานํ วํโส.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา เสตเกตุ กุหกภิกฺขุ อโหสิ, จณฺฑาโล สาริปุตฺโต, ราชา อานนฺโท, ปุโรหิโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

เสตเกตุชาตกวณฺณนา ทุติยา.

[๓๗๘] ๓. ทรีมุขชาตกวณฺณนา

ปงฺโก จ กามาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต มหาภินิกฺขมนํ อารพฺภ กเถสิ. ปจฺจุปฺปนฺนวตฺถุ เหฏฺา กถิตเมว.

อตีเต ราชคหนคเร มคธราชา นาม รชฺชํ กาเรสิ. ตทา โพธิสตฺโต ตสฺส อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติ, พฺรหฺมทตฺตกุมาโรติสฺส นามํ อกํสุ. ตสฺส ชาตทิวเสเยว ปุโรหิตสฺสปิ ปุตฺโต ชายิ, ตสฺส มุขํ อติวิย โสภติ, เตนสฺส ทรีมุโขติ นามํ อกํสุ. เต อุโภปิ ราชกุเลเยว สํวฑฺฒา อฺมฺํ ปิยสหายา หุตฺวา โสฬสวสฺสกาเล ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา ‘‘สพฺพสมยสิปฺปฺจ สิกฺขิสฺสาม, เทสจาริตฺตฺจ ชานิสฺสามา’’ติ คามนิคมาทีสุ จรนฺตา พาราณสึ ปตฺวา เทวกุเล วสิตฺวา ปุนทิวเส พาราณสึ ภิกฺขาย ปวิสึสุ. ตตฺถ เอกสฺมึ กุเล ‘‘พฺราหฺมเณ โภเชตฺวา วาจนกํ ทสฺสามา’’ติ ปายาสํ ปจิตฺวา อาสนานิ ปฺตฺตานิ โหนฺติ. มนุสฺสา เต อุโภปิ ภิกฺขาย จรนฺเต ทิสฺวา ‘‘พฺราหฺมณา อาคตา’’ติ เคหํ ปเวเสตฺวา มหาสตฺตสฺส อาสเน สุทฺธวตฺถํ ปฺาเปสุํ, ทรีมุขสฺส อาสเน รตฺตกมฺพลํ. ทรีมุโข ตํ นิมิตฺตํ ทิสฺวา ‘‘อชฺช มยฺหํ สหาโย พาราณสิราชา ภวิสฺสติ, อหํ เสนาปตี’’ติ อฺาสิ. เต ตตฺถ ภุฺชิตฺวา วาจนกํ คเหตฺวา มงฺคลํ วตฺวา นิกฺขมฺม ตํ ราชุยฺยานํ อคมํสุ. ตตฺถ มหาสตฺโต มงฺคลสิลาปฏฺเฏ นิปชฺชิ, ทรีมุโข ปนสฺส ปาเท ปริมชฺชนฺโต นิสีทิ.

ตทา พาราณสิรฺโ มตสฺส สตฺตโม ทิวโส โหติ. ปุโรหิโต รฺโ สรีรกิจฺจํ กตฺวา อปุตฺตเก รชฺเช สตฺตเม ทิวเส ผุสฺสรถํ วิสฺสชฺเชสิ. ผุสฺสรถวิสฺสชฺชนกิจฺจํ มหาชนกชาตเก (ชา. ๒.๒๒.๑๒๓ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติ. ผุสฺสรโถ นครา นิกฺขมิตฺวา จตุรงฺคินิยา เสนาย ปริวุโต อเนกสเตหิ ตูริเยหิ วชฺชมาเนหิ อุยฺยานทฺวารํ ปาปุณิ. ทรีมุโข ตูริยสทฺทํ สุตฺวา ‘‘สหายสฺส เม ผุสฺสรโถ อาคจฺฉติ, อชฺเชเวส ราชา หุตฺวา มยฺหํ เสนาปติฏฺานํ ทสฺสติ, โก เม ฆราวาเสนตฺโถ, นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิสฺสามี’’ติ โพธิสตฺตํ อนามนฺเตตฺวาว เอกมนฺตํ คนฺตฺวา ปฏิจฺฉนฺเน อฏฺาสิ. ปุโรหิโต อุยฺยานทฺวาเร รถํ เปตฺวา อุยฺยานํ ปวิฏฺโ โพธิสตฺตํ มงฺคลสิลาปฏฺเฏ นิปนฺนํ ทิสฺวา ปาเทสุ ลกฺขณานิ โอโลเกตฺวา ‘‘อยํ ปุฺวา สตฺโต ทฺวิสหสฺสทีปปริวารานํ จตุนฺนมฺปิ มหาทีปานํ รชฺชํ กาเรตุํ สมตฺโถ, ธิติ ปนสฺส กีทิสา’’ติ สพฺพตูริยานิ ปคฺคณฺหาเปสิ. โพธิสตฺโต ปพุชฺฌิตฺวา มุขโต สาฏกํ อปเนตฺวา มหาชนํ โอโลเกตฺวา ปุน สาฏเกน มุขํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา โถกํ นิปชฺชิตฺวา ปสฺสทฺธทรโถ อุฏฺาย สิลาปฏฺเฏ ปลฺลงฺเกน นิสีทิ. ปุโรหิโต ชาณุเกน ปติฏฺาย ‘‘เทว, รชฺชํ ตุมฺหากํ ปาปุณาตี’’ติ อาห. ‘‘อปุตฺตกํ ภเณ รชฺช’’นฺติ. ‘‘อาม, เทวา’’ติ. ‘‘เตน หิ สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ. เต ตสฺส อุยฺยาเนเยว อภิเสกํ อกํสุ. โส ยสมหนฺตตาย ทรีมุขํ อสริตฺวาว รถํ อภิรุยฺห มหาชนปริวุโต นครํ ปวิสิตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ราชทฺวาเร ิโตว อมจฺจานํ านนฺตรานิ วิจาเรตฺวา ปาสาทํ อภิรุหิ.

ตสฺมึ ขเณ ทรีมุโข ‘‘สุฺํ ทานิ อุยฺยาน’’นฺติ อาคนฺตฺวา มงฺคลสิลาย นิสีทิ, อถสฺส ปุรโต ปณฺฑุปลาสํ ปติ. โส ตสฺมึเยว ปณฺฑุปลาเส ขยวยํ ปฏฺเปตฺวา ติลกฺขณํ สมฺมสิตฺวา ปถวึ อุนฺนาเทนฺโต ปจฺเจกโพธึ นิพฺพตฺเตสิ. ตสฺส ตงฺขณฺเว คิหิลิงฺคํ อนฺตรธายิ, อิทฺธิมยปตฺตจีวรํ อากาสโต โอตริตฺวา สรีเร ปฏิมุฺจิ. ตาวเทว อฏฺปริกฺขารธโร อิริยาปถสมฺปนฺโน วสฺสสฏฺิกตฺเถโร วิย หุตฺวา อิทฺธิยา อากาเส อุปฺปติตฺวา หิมวนฺตปเทเส นนฺทมูลกปพฺภารํ อคมาสิ. โพธิสตฺโตปิ ธมฺเมน รชฺชํ กาเรสิ, ยสมหนฺตตาย ปน ยเสน ปมตฺโต หุตฺวา จตฺตาลีส วสฺสานิ ทรีมุขํ น สริ, จตฺตาลีเส ปน สํวจฺฉเร อตีเต ตํ สริตฺวา ‘‘มยฺหํ สหาโย ทรีมุโข นาม อตฺถิ, กหํ นุ โข โส’’ติ ตํ ทฏฺุกาโม อโหสิ. โส ตโต ปฏฺาย อนฺเตปุเรปิ ปริสมชฺเฌปิ ‘‘กหํ นุ โข มยฺหํ สหาโย ทรีมุโข, โย เม ตสฺส วสนฏฺานํ กเถติ, มหนฺตมสฺส ยสํ ทสฺสามี’’ติ วทติ. เอวํ ตสฺส ปุนปฺปุนํ ตํ สรนฺตสฺเสว อฺานิ ทส สํวจฺฉรานิ อติกฺกนฺตานิ.

ทรีมุขปจฺเจกพุทฺโธปิ ปฺาสวสฺสจฺจเยน อาวชฺเชนฺโต ‘‘มํ โข สหาโย สรตี’’ติ ตฺวา ‘‘อิทานิ โส มหลฺลโก ปุตฺตธีตาทีหิ วุทฺธิปฺปตฺโต, คนฺตฺวา ธมฺมํ กเถตฺวา ปพฺพาเชสฺสามิ น’’นฺติ อิทฺธิยา อากาเสน อาคนฺตฺวา อุยฺยาเน โอตริตฺวา สุวณฺณปฏิมา วิย สิลาปฏฺเฏ นิสีทิ. อุยฺยานปาโล ตํ ทิสฺวา อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘ภนฺเต, กุโต ตุมฺเห เอถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘นนฺทมูลกปพฺภารโต’’ติ. ‘‘เก นาม ตุมฺเห’’ติ? ‘‘ทรีมุขปจฺเจกพุทฺโธ นามาหํ, อาวุโส’’ติ. ‘‘ภนฺเต, อมฺหากํ ราชานํ ชานาถา’’ติ? ‘‘อาม ชานามิ, คิหิกาเล โน สหาโย’’ติ. ‘‘ภนฺเต, ราชา ตุมฺเห ทฏฺุกาโม, กเถสฺสามิ ตสฺส ตุมฺหากํ อาคตภาว’’นฺติ. ‘‘คจฺฉ กเถหี’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ วตฺวา ตุริตตุริโตว คนฺตฺวา ตสฺส สิลาปฏฺเฏ นิสินฺนภาวํ รฺโ กเถสิ. ราชา ‘‘อาคโต กิร เม สหาโย, ปสฺสิสฺสามิ น’’นฺติ รถํ อารุยฺห มหนฺเตน ปริวาเรน อุยฺยานํ คนฺตฺวา ปจฺเจกพุทฺธํ วนฺทิตฺวา ปฏิสนฺถารํ กตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. อถ นํ ปจฺเจกพุทฺโธ ‘‘กึ, พฺรหฺมทตฺต, ธมฺเมน รชฺชํ กาเรสิ, อคติคมนํ น คจฺฉสิ, ธนตฺถาย โลกํ น ปีเฬสิ, ทานาทีนิ ปุฺานิ กโรสี’’ติอาทีนิ วทนฺโต ปฏิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘พฺรหฺมทตฺต, มหลฺลโกสิ, เอตรหิ กาเม ปหาย ปพฺพชิตุํ เต สมโย’’ติ วตฺวา ตสฺส ธมฺมํ เทเสนฺโต ปมํ คาถมาห –

๑๔.

‘‘ปงฺโก จ กามา ปลิโป จ กามา, ภยฺจ เมตํ ติมูลํ ปวุตฺตํ;

รโช จ ธูโม จ มยา ปกาสิตา, หิตฺวา ตุวํ ปพฺพช พฺรหฺมทตฺตา’’ติ.

ตตฺถ ปงฺโกติ อุทเก ชาตานิ ติณเสวาลกุมุทคจฺฉาทีนิ อธิปฺเปตานิ. ยถา หิ อุทกํ ตรนฺตํ ตานิ ลคฺคาเปนฺติ สชฺชาเปนฺติ, ตถา สํสารสาครํ ตรนฺตสฺส โยคาวจรสฺส ปฺจ กามคุณา สพฺเพ วา ปน วตฺถุกามกิเลสกามา ลคฺคาปนวเสน ปงฺโก นาม. อิมสฺมิฺหิ ปงฺเก อาสตฺตา วิสตฺตา เทวาปิ มนุสฺสาปิ ติรจฺฉานาปิ กิลมนฺติ โรทนฺติ ปริเทวนฺติ. ปลิโป จ กามาติ ปลิโป วุจฺจติ มหากทฺทโม, ยมฺหิ ลคฺคา สูกรมิคาทโยปิ สีหาปิ วารณาปิ อตฺตานํ อุทฺธริตฺวา คนฺตุํ น สกฺโกนฺติ, วตฺถุกามกิเลสกามาปิ ตํสริกฺขตาย ‘‘ปลิปา’’ติ วุตฺตา. ปฺวนฺโตปิ หิ สตฺตา เตสุ กาเมสุ สกึ ลคฺคกาลโต ปฏฺาย เต กาเม ปทาเลตฺวา สีฆํ อุฏฺาย อกิฺจนํ อปลิโพธํ รมณียํ ปพฺพชฺชํ อุปคนฺตุํ น สกฺโกนฺติ. ภยฺจ เมตนฺติ ภยฺจ เอตํ, ม-กาโร พฺยฺชนสนฺธิวเสน วุตฺโต. ติมูลนฺติ ตีหิ มูเลหิ ปติฏฺิตํ วิย อจลํ. พลวภยสฺเสตํ นามํ. ปวุตฺตนฺติ มหาราช, เอเต กามา นาม ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกสฺส อตฺตานุวาทภยาทิกสฺส เจว ทฺวตฺตึสกมฺมกรณฉนวุติโรควสปฺปวตฺตสฺส จ ภยสฺส ปจฺจยฏฺเน พลวภยนฺติ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธพุทฺธสาวเกหิ เจว สพฺพฺุโพธิสตฺเตหิ จ ปวุตฺตํ กถิตํ, ทีปิตนฺติ อตฺโถ. อถ วา ภยฺจ เมตนฺติ ภยฺจ มยา เอตํ ติมูลํ ปวุตฺตนฺติ เอวฺเจตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพเยว.

รโช จ ธูโม จาติ รชธูมสทิสตฺตา ‘‘รโช’’ติ จ ‘‘ธูโม’’ติ จ มยา ปกาสิตา. ยถา หิ สุนฺหาตสฺส สุวิลิตฺตาลงฺกตสฺส ปุริสสฺส สรีเร สุขุมรชํ ปติตํ, ตํ สรีรํ ทุพฺพณฺณํ โสภารหิตํ กิลิฏฺํ กโรติ, เอวเมว อิทฺธิพเลน อากาเสน อาคนฺตฺวา จนฺโท วิย จ สูริโย วิย จ โลเก ปฺาตาปิ สกึ กามรชสฺส อนฺโต ปติตกาลโต ปฏฺาย คุณวณฺณคุณโสภาคุณสุทฺธีนํ อุปหตตฺตา ทุพฺพณฺณา โสภารหิตา กิลิฏฺาเยว โหนฺติ. ยถา จ ธูเมน ปหฏกาลโต ปฏฺาย สุปริสุทฺธาปิ ภิตฺติ กาฬวณฺณา โหติ, เอวํ อติปริสุทฺธฺาณาปิ กามธูเมน ปหฏกาลโต ปฏฺาย คุณวินาสปฺปตฺติยา มหาชนมชฺเฌ กาฬกาว หุตฺวา ปฺายนฺติ. อิติ รชธูมสริกฺขตาย เอเต กามา ‘‘รโช จ ธูโม จา’’ติ มยา ตุยฺหํ ปกาสิตา, ตสฺมา อิเม กาเม หิตฺวา ตุวํ ปพฺพช พฺรหฺมทตฺตาติ ราชานํ ปพฺพชฺชาย อุสฺสาหํ ชเนติ.

ตํ สุตฺวา ราชา กิเลเสหิ อตฺตโน พทฺธภาวํ กเถนฺโต ทุติยํ คาถมาห –

๑๕.

‘‘คธิโต จ รตฺโต จ อธิมุจฺฉิโต จ, กาเมสฺวหํ พฺราหฺมณ ภึสรูปํ;

ตํ นุสฺสเห ชีวิกตฺโถ ปหาตุํ, กาหามิ ปุฺานิ อนปฺปกานี’’ติ.

ตตฺถ คธิโตติ อภิชฺฌากายคนฺเถน พทฺโธ. รตฺโตติ ปกติชหาปเนน ราเคน รตฺโต. อธิมุจฺฉิโตติ อติวิย มุจฺฉิโต. กาเมสฺวหนฺติ ทุวิเธสุปิ กาเมสุ อหํ. พฺราหฺมณาติ ทรีมุขปจฺเจกพุทฺธํ อาลปติ. ภึสรูปนฺติ พลวรูปํ. ตํ นุสฺสเหติ ตํ ทุวิธมฺปิ กามํ น อุสฺสหามิ น สกฺโกมิ. ชีวิกตฺโถ ปหาตุนฺติ อิมาย ชีวิกาย อตฺถิโก อหํ ตํ กามํ ปหาตุํ น สกฺโกมีติ วทติ. กาหามิ ปุฺานีติ อิทานิ ทานสีลอุโปสถกมฺมสงฺขาตานิ ปุฺานิ อนปฺปกานิ พหูนิ กริสฺสามีติ.

เอวํ กิเลสกาโม นาเมส สกึ อลฺลีนกาลโต ปฏฺาย อปเนตุํ น สกฺโกติ, เยน สํกิลิฏฺจิตฺโต มหาปุริโส ปจฺเจกพุทฺเธน ปพฺพชฺชาย คุเณ กถิเตปิ ‘‘ปพฺพชิตุํ น สกฺโกมี’’ติ อาห. โยยํ ทีปงฺกรปาทมูเล อตฺตนิ สมฺภเวน าเณน พุทฺธกรธมฺเม วิจินนฺโต ตติยํ เนกฺขมฺมปารมึ ทิสฺวา –

‘‘อิมํ ตฺวํ ตติยํ ตาว, ทฬฺหํ กตฺวา สมาทิย;

เนกฺขมฺมปารมิตํ คจฺฉ, ยทิ โพธึ ปตฺตุมิจฺฉสิ.

‘‘ยถา อนฺทุฆเร ปุริโส, จิรวุตฺโถ ทุขฏฺฏิโต;

น ตตฺถ ราคํ ชเนติ, มุตฺตึเยว คเวสติ.

‘‘ตเถว ตฺวํ สพฺพภเว, ปสฺส อนฺทุฆเร วิย;

เนกฺขมฺมาภิมุโข หุตฺวา, สมฺโพธึ ปาปุณิสฺสสี’’ติ. –

เอวํ เนกฺขมฺเม คุณํ ปริกิตฺเตสิ, โส ปจฺเจกพุทฺเธน ปพฺพชฺชาย วณฺณํ วตฺวา ‘‘กิเลเส ฉฑฺเฑตฺวา สมโณ โหหี’’ติ วุจฺจมาโนปิ ‘‘นาหํ กิเลเส ฉฑฺเฑตฺวา สมโณ ภวิตุํ สกฺโกมี’’ติ วทติ.

อิมสฺมึ กิร โลเก อฏฺ อุมฺมตฺตกา นาม. เตนาหุ โปราณา ‘‘อฏฺ ปุคฺคลา อุมฺมตฺตกสฺํ ปฏิลภนฺติ, กามุมฺมตฺตโก โลภวสํ คโต, โกธุมฺมตฺตโก โทสวสํ คโต, ทิฏฺุมฺมตฺตโก วิปลฺลาสวสํ คโต, โมหุมฺมตฺตโก อฺาณวสํ คโต, ยกฺขุมฺมตฺตโก ยกฺขวสํ คโต, ปิตฺตุมฺมตฺตโก ปิตฺตวสํ คโต, สุรุมฺมตฺตโก ปานวสํ คโต, พฺยสนุมฺมตฺตโก โสกวสํ คโต’’ติ. อิเมสุ อฏฺสุ อุมฺมตฺตเกสุ มหาสตฺโต อิมสฺมึ ชาตเก กามุมฺมตฺตโก หุตฺวา โลภวสํ คโต ปพฺพชฺชาย คุณํ น อฺาสิ.

เอวํ อนตฺถการกํ ปน อิมํ คุณปริธํสกํ โลภชาตํ กสฺมา สตฺตา ปริมุฺจิตุํ น สกฺโกนฺตีติ? อนมตคฺเค สํสาเร อเนกานิ กปฺปโกฏิสตสหสฺสานิ เอกโต พนฺธิตภาเวน. เอวํ สนฺเตปิ ตํ ปณฺฑิตา ‘‘อปฺปสฺสาทา กามา’’ติอาทีนํ อเนเกสํ ปจฺจเวกฺขณานํ วเสน ปชหนฺติ. เตเนว ทรีมุขปจฺเจกพุทฺโธ มหาสตฺเตน ‘‘ปพฺพชิตุํ น สกฺโกมี’’ติ วุตฺเตปิ ธุรนิกฺเขปํ อกตฺวา อุตฺตริมฺปิ โอวทนฺโต ทฺเว คาถา อาห.

๑๖.

‘‘โย อตฺถกามสฺส หิตานุกมฺปิโน, โอวชฺชมาโน น กโรติ สาสนํ;

อิทเมว เสยฺโย อิติ มฺมาโน, ปุนปฺปุนํ คพฺภมุเปติ มนฺโท.

๑๗.

‘‘โส โฆรรูปํ นิรยํ อุเปติ, สุภาสุภํ มุตฺตกรีสปูรํ;

สตฺตา สกาเย น ชหนฺติ คิทฺธา, เย โหนฺติ กาเมสุ อวีตราคา’’ติ.

ตตฺถ อตฺถกามสฺสาติ วุฑฺฒิกามสฺส. หิตานุกมฺปิโนติ หิเตน มุทุจิตฺเตน อนุกมฺปนฺตสฺส. โอวชฺชมาโนติ โอวทิยมาโน. อิทเมว เสยฺโยติ ยํ อตฺตนา คหิตํ อเสยฺยํ อนุตฺตมมฺปิ สมานํ, ตํ อิทเมว เสยฺโย อิติ มฺมาโน. มนฺโทติ โส อฺาณปุคฺคโล มาตุกุจฺฉิยํ วาสํ นาติกฺกมติ, ปุนปฺปุนํ คพฺภํ อุเปติเยวาติ อตฺโถ.

โส โฆรรูปนฺติ มหาราช, โส มนฺโท ตํ มาตุกุจฺฉึ อุเปนฺโต โฆรรูปํ ทารุณชาติกํ นิรยํ อุเปติ นาม. มาตุกุจฺฉิ หิ นิรสฺสาทฏฺเน อิธ ‘‘นิรโย’’ติ วุตฺโต, ‘‘จตุกุฏฺฏิกนิรโย’’ติ วุจฺจติ. ‘‘จตุกุฏฺฏิกนิรโย นาม กตโร’’ติ วุตฺเต มาตุกุจฺฉิเมว วตฺตุํ วฏฺฏติ. อวีจิมหานิรเย นิพฺพตฺตสตฺตสฺส หิ อปราปรํ อาธาวนปริธาวนํ โหติเยว, ตสฺมา ตํ ‘‘จตุกุฏฺฏิกนิรโย’’ติ วตฺตุํ น ลพฺภติ, มาตุกุจฺฉิยํ ปน นว วา ทส วา มาเส จตูหิปิ ปสฺเสหิ อิโต จิโต จ ธาวิตุํ นาม น สกฺกา, อติสมฺพาเธ โอกาเส จตุโกเฏน จตุสงฺกุฏิเตเนว หุตฺวา อจฺฉิตพฺพํ, ตสฺมา เอส ‘‘จตุกุฏฺฏิกนิรโย’’ติ วุจฺจติ.

สุภาสุภนฺติ สุภานํ อสุภํ. สุภานฺหิ สํสารภีรุกานํ โยคาวจรกุลปุตฺตานํ มาตุกุจฺฉิ เอกนฺตํ อสุภสมฺมโต. เตน วุตฺตํ –

‘‘อชฺํ ชฺสงฺขาตํ, อสุจึ สุจิสมฺมตํ;

นานากุณปปริปูรํ, ชฺรูปํ อปสฺสโต.

‘‘ธิรตฺถุมํ อาตุรํ ปูติกายํ, เชคุจฺฉิยํ อสฺสุจึ พฺยาธิธมฺมํ;

ยตฺถปฺปมตฺตา อธิมุจฺฉิตา ปชา, หาเปนฺติ มคฺคํ สุคตูปปตฺติยา’’ติ. (ชา. ๑.๓.๑๒๘-๑๒๙);

สตฺตาติ อาสตฺตา วิสตฺตา ลคฺคา ลคฺคิตา สกาเย น ชหนฺตีติ ตํ มาตุกุจฺฉึ น ปริจฺจชนฺติ. คิทฺธาติ คธิตา. เย โหนฺตีติ เย กาเมสุ อวีตราคา โหนฺติ, เต เอตํ คพฺภวาสํ น ชหนฺตีติ.

เอวํ ทรีมุขปจฺเจกพุทฺโธ คพฺภโอกฺกนฺติมูลกฺจ, ปริหารมูลกฺจ ทุกฺขํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ คพฺภวุฏฺานมูลกํ ทสฺเสตุํ ทิยฑฺฒคาถมาห.

๑๘.

‘‘มีฬฺเหน ลิตฺตา รุหิเรน มกฺขิตา, เสมฺเหน ลิตฺตา อุปนิกฺขมนฺติ;

ยํ ยฺหิ กาเยน ผุสนฺติ ตาวเท, สพฺพํ อสาตํ ทุขเมว เกวลํ.

๑๙.

‘‘ทิสฺวา วทามิ น หิ อฺโต สวํ, ปุพฺเพนิวาสํ พหุกํ สรามี’’ติ.

ตตฺถ มีฬฺเหน ลิตฺตาติ มหาราช, อิเม สตฺตา มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขมนฺตา น จตุชฺชาติคนฺเธหิ วิลิมฺปิตฺวา สุรภิมาลํ ปิฬนฺธิตฺวา นิกฺขมนฺติ, ปุราณคูเถน ปน มกฺขิตา ปลิพุทฺธา หุตฺวา นิกฺขมนฺติ. รุหิเรน มกฺขิตาติ รตฺตโลหิตจนฺทนานุลิตฺตาปิ จ หุตฺวา น นิกฺขมนฺติ, รตฺตโลหิตมกฺขิตา ปน หุตฺวา นิกฺขมนฺติ. เสมฺเหน ลิตฺตาติ น จาปิ เสตจนฺทนวิลิตฺตา นิกฺขมนฺติ, พหลปิจฺฉิลเสมฺหลิตฺตา ปน หุตฺวา นิกฺขมนฺติ. อิตฺถีนฺหิ คพฺภวุฏฺานกาเล เอตา อสุจิโย นิกฺขมนฺติ. ตาวเทติ ตสฺมึ สมเย. อิทํ วุตฺตํ โหติ – มหาราช, อิเม สตฺตา ตสฺมึ มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขมนสมเย เอวํ มีฬฺหาทิลิตฺตา นิกฺขมนฺตา ยํ ยํ นิกฺขมนมคฺคปเทสํ วา หตฺถํ วา ปาทํ วา ผุสนฺติ, ตํ สพฺพํ อสาตํ อมธุรํ เกวลํ อสมฺมิสฺสํ ทุกฺขเมว ผุสนฺติ, สุขํ นาม เตสํ ตสฺมึ สมเย นตฺถีติ.

ทิสฺวา วทามิ น หิ อฺโต สวนฺติ มหาราช, อหํ อิมํ เอตฺตกํ วทนฺโต น อฺโต สวํ, อฺสฺส สมณสฺส วา พฺราหฺมณสฺส วา ตํ สุตฺวา น วทามิ, อตฺตโน ปน ปจฺเจกโพธิาเณน ทิสฺวา ปฏิวิชฺฌิตฺวา ปจฺจกฺขํ กตฺวา วทามีติ อตฺโถ. ปุพฺเพนิวาสํ พหุกนฺติ อิทํ อตฺตโน อานุภาวํ ทสฺเสนฺโต อาห. อิทํ วุตฺตํ โหติ – มหาราช, อหฺหิ ปุพฺเพ นิวุตฺถกฺขนฺธปฏิปาฏิสงฺขาตํ ปุพฺเพนิวาสํ พหุกํ สรามิ, สตสหสฺสกปฺปาธิกานิ ทฺเว อสงฺขฺเยยฺยานิ สรามีติ.

อิทานิ สตฺถา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา ‘‘เอวํ โส ปจฺเจกพุทฺโธ ราชานํ สุภาสิตกถาย สงฺคณฺหี’’ติ วตฺวา โอสาเน อุปฑฺฒคาถมาห –

‘‘จิตฺราหิ คาถาหิ สุภาสิตาหิ, ทรีมุโข นิชฺฌาปยิ สุเมธ’’นฺติ.

ตตฺถ จิตฺราหีติ อเนกตฺถสนฺนิสฺสิตาหิ. สุภาสิตาหีติ สุกถิตาหิ. ทรีมุโข นิชฺฌาปยิ สุเมธนฺติ ภิกฺขเว, โส ทรีมุขปจฺเจกพุทฺโธ ตํ สุเมธํ สุนฺทรปฺํ การณาการณชานนสมตฺถํ ราชานํ นิชฺฌาเปสิ สฺาเปสิ, อตฺตโน วจนํ คณฺหาเปสีติ อตฺโถ.

เอวํ ปจฺเจกพุทฺโธ กาเมสุ โทสํ ทสฺเสตฺวา อตฺตโน วจนํ คาหาเปตฺวา ‘‘มหาราช, อิทานิ ปพฺพช วา มา วา, มยา ปน ตุยฺหํ กาเมสุ อาทีนโว ปพฺพชฺชาย จ อานิสํโส กถิโต, ตฺวํ อปฺปมตฺโต โหหี’’ติ วตฺวา สุวณฺณราชหํโส วิย อากาเส อุปฺปติตฺวา วลาหกคพฺภํ มทฺทนฺโต นนฺทมูลกปพฺภารเมว คโต. มหาสตฺโต ทสนขสโมธานสมุชฺชลํ อฺชลึ สิรสฺมึ เปตฺวา นมสฺสมาโน ตสฺมึ ทสฺสนวิสเย อตีเต เชฏฺปุตฺตํ ปกฺโกสาเปตฺวา รชฺชํ ปฏิจฺฉาเปตฺวา มหาชนสฺส โรทนฺตสฺส ปริเทวนฺตสฺส กาเม ปหาย หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา ปณฺณสาลํ มาเปตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา น จิรสฺเสว อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา อายุปริโยสาเน พฺรหฺมโลกูปโค อโหสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน พหู โสตาปนฺนาทโย อเหสุํ. ตทา ราชา อหเมว อโหสินฺติ.

ทรีมุขชาตกวณฺณนา ตติยา.

[๓๗๙] ๔. เนรุชาตกวณฺณนา

กาโกลา กากสงฺฆา จาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิร สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา เอกํ ปจฺจนฺตคามํ อคมาสิ. มนุสฺสา ตสฺส อิริยาปเถ ปสีทิตฺวา ตํ โภเชตฺวา ปฏิฺํ คเหตฺวา อรฺเ ปณฺณสาลํ กตฺวา ตตฺถ วสาเปสุํ, อติวิย จสฺส สกฺการํ กรึสุ. อเถเก สสฺสตวาทา อาคมํสุ. เต เตสํ วจนํ สุตฺวา เถรสฺส วาทํ วิสฺสชฺเชตฺวา สสฺสตวาทํ คเหตฺวา เตสฺเว สกฺการํ กรึสุ. ตโต อุจฺเฉทวาทา อาคมํสุ เต สสฺสตวาทํ วิสฺสชฺเชตฺวา อุจฺเฉทวาทเมว คณฺหึสุ. อถฺเ อเจลกา อาคมึสุ. เต อุจฺเฉทวาทํ วิสฺสชฺเชตฺวา อเจลกวาทํ คณฺหึสุ. โส เตสํ คุณาคุณํ อชานนฺตานํ มนุสฺสานํ สนฺติเก ทุกฺเขน วสิตฺวา วุตฺถวสฺโส ปวาเรตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา กตปฏิสนฺถาโร ‘‘กหํ วสฺสํวุตฺโถสี’’ติ วุตฺเต ‘‘ปจฺจนฺตํ นิสฺสาย, ภนฺเต’’ติ วตฺวา ‘‘สุขํ วุตฺโถสี’’ติ ปุฏฺโ ‘‘ภนฺเต, คุณาคุณํ อชานนฺตานํ สนฺติเก ทุกฺขํ วุตฺโถสฺมี’’ติ อาห. สตฺถา ‘‘ภิกฺขุ โปราณกปณฺฑิตา ติรจฺฉานโยนิยํ นิพฺพตฺตาปิ คุณาคุณํ อชานนฺเตหิ สทฺธึ เอกทิวสมฺปิ น วสึสุ, ตฺวํ อตฺตโน คุณาคุณํ อชานนฏฺาเน กสฺมา วสี’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต สุวณฺณหํสโยนิยํ นิพฺพตฺติ, กนิฏฺภาตาปิสฺส อตฺถิ. เต จิตฺตกูฏปพฺพเต วสนฺตา หิมวนฺตปเทเส สยํชาตสาลึ ขาทนฺติ. เต เอกทิวสํ ตตฺถ จริตฺวา จิตฺตกูฏํ อาคจฺฉนฺตา อนฺตรามคฺเค เอกํ เนรุํ นาม กฺจนปพฺพตํ ทิสฺวา ตสฺส มตฺถเก นิสีทึสุ. ตํ ปน ปพฺพตํ นิสฺสาย วสนฺตา สกุณสงฺฆา จตุปฺปทา จ โคจรภูมิยํ นานาวณฺณา โหนฺติ, ปพฺพตํ ปวิฏฺกาลโต ปฏฺาย เต สพฺเพ ตสฺโสภาเสน สุวณฺณวณฺณา โหนฺติ. ตํ ทิสฺวา โพธิสตฺตสฺส กนิฏฺโ ตํ การณํ อชานิตฺวา ‘‘กึ นุ โข เอตฺถ การณ’’นฺติ ภาตรา สทฺธึ สลฺลปนฺโต ทฺเว คาถา อภาสิ –

๒๐.

‘‘กาโกลา กากสงฺฆา จ, มยฺจ ปตตํ วรา;

สพฺเพว สทิสา โหม, อิมํ อาคมฺม ปพฺพตํ.

๒๑.

‘‘อิธ สีหา จ พฺยคฺฆา จ, สิงฺคาลา จ มิคาธมา;

สพฺเพว สทิสา โหนฺติ, อยํ โก นาม ปพฺพโต’’ติ.

ตตฺถ กาโกลาติ วนกากา. กากสงฺฆาติ ปกติกากสงฺฆา จ. ปตตํ วราติ ปกฺขีนํ เสฏฺา. สทิสา โหมาติ สทิสวณฺณา โหม.

ตสฺส วจนํ สุตฺวา โพธิสตฺโต ตติยํ คาถมาห –

๒๒.

‘‘อิมํ เนรูติ ชานนฺติ, มนุสฺสา ปพฺพตุตฺตมํ;

อิธ วณฺเณน สมฺปนฺนา, วสนฺติ สพฺพปาณิโน’’ติ.

ตตฺถ อิธ วณฺเณนาติ อิมสฺมึ เนรุปพฺพเต โอภาเสน วณฺณสมฺปนฺนา หุตฺวา.

ตํ สุตฺวา กนิฏฺโ เสสคาถา อภาสิ –

๒๓.

‘‘อมานนา ยตฺถ สิยา, อนฺตานํ วา วิมานนา;

หีนสมฺมานนา วาปิ, น ตตฺถ วิสตึวเส.

๒๔.

‘‘ยตฺถาลโส จ ทกฺโข จ, สูโร ภีรุ จ ปูชิยา;

น ตตฺถ สนฺโต วสนฺติ, อวิเสสกเร นเร.

๒๕.

‘‘นายํ เนรุ วิภชติ, หีนอุกฺกฏฺมชฺฌิเม;

อวิเสสกโร เนรุ, หนฺท เนรุํ ชหามเส’’ติ.

ตตฺถ ปมคาถาย อยมตฺโถ – ยตฺถ สนฺตานํ ปณฺฑิตานํ สีลสมฺปนฺนานํ มานนสฺส อภาเวน อมานนา อวมฺนา จ อวมานวเสน วิมานนา วา หีนานํ วา ทุสฺสีลานํ สมฺมานนา สิยา, ตตฺถ นิวาเส น วเสยฺย. ปูชิยาติ เอเต เอตฺถ เอกสทิสาย ปูชาย ปูชนียา โหนฺติ, สมกํ สกฺการํ ลภนฺติ. หีนอุกฺกฏฺมชฺฌิเมติ ชาติโคตฺตกุลปฺปเทสสีลาจาราณาทีหิ หีเน จ มชฺฌิเม จ อุกฺกฏฺเ จ อยํ น วิภชติ. หนฺทาติ ววสฺสคฺคตฺเถ นิปาโต. ชหามเสติ ปริจฺจชาม. เอวฺจ ปน วตฺวา อุโภปิ เต หํสา อุปฺปติตฺวา จิตฺตกูฏเมว คตา.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน โส ภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ตทา กนิฏฺหํโส อานนฺโท อโหสิ, เชฏฺกหํโส ปน อหเมว อโหสินฺติ.

เนรุชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.

[๓๘๐] ๕. อาสงฺกชาตกวณฺณนา

อาสาวตี นาม ลตาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปุราณทุติยิกาปโลภนํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ อินฺทฺริยชาตเก (ชา. ๑.๘.๖๐ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติ. อิธ ปน สตฺถา ตํ ภิกฺขุํ ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ อุกฺกณฺิโตสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจํ, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘เกน อุกฺกณฺาปิโตสี’’ติ วตฺวา ‘‘ปุราณทุติยิกาย, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘ภิกฺขุ เอสา อิตฺถี ตุยฺหํ อนตฺถการิกา, ปุพฺเพปิ ตฺวํ เอตํ นิสฺสาย จตุรงฺคินิเสนํ ชหิตฺวา หิมวนฺตปเทเส มหนฺตํ ทุกฺขํ อนุภวนฺโต ตีณิ สํวจฺฉรานิ วสี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต กาสิคาเม พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ อุคฺคหิตสิปฺโป อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา วนมูลผลาหาโร อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา หิมวนฺตปเทเส วสิ. ตสฺมึ กาเล เอโก ปุฺสมฺปนฺโน สตฺโต ตาวตึสภวนโต จวิตฺวา ตสฺมึ าเน ปทุมสเร เอกสฺมึ ปทุมคพฺเภ ทาริกา หุตฺวา นิพฺพตฺติ, เสสปทุเมสุ ปุราณภาวํ ปตฺวา ปตนฺเตสุปิ ตํ มหากุจฺฉิกํ หุตฺวา ติฏฺเตว. ตาปโส นหายิตุํ ปทุมสรํ คโต ตํ ทิสฺวา ‘‘อฺเสุ ปทุเมสุ ปตนฺเตสุปิ อิทํ มหากุจฺฉิกํ หุตฺวา ติฏฺติ, กึ นุ โข การณ’’นฺติ จินฺเตตฺวา อุทกสาฏกํ นิวาเสตฺวา โอตรนฺโต คนฺตฺวา ตํ ปทุมํ วิวริตฺวา ตํ ทาริกํ ทิสฺวา ธีตุสฺํ อุปฺปาเทตฺวา ปณฺณสาลํ อาเนตฺวา ปฏิชคฺคิ. สา อปรภาเค โสฬสวสฺสิกา หุตฺวา อภิรูปา อโหสิ อุตฺตมรูปธรา อติกฺกนฺตา มานุสกวณฺณํ, อปตฺตา เทววณฺณํ. ตทา สกฺโก โพธิสตฺตสฺส อุปฏฺานํ อาคจฺฉติ, โส ตํ ทาริกํ ทิสฺวา ‘‘กุโต เอสา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ลทฺธนิยามํ สุตฺวา ‘‘อิมิสฺสา กึ ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘นิวาสฏฺานํ วตฺถาลงฺการโภชนวิธานํ, มาริสา’’ติ. โส ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ ตสฺสา วสนฏฺานสฺส อาสนฺเน ผลิกปาสาทํ มาเปตฺวา ทิพฺพสยนทิพฺพวตฺถาลงฺการทิพฺพนฺนปานานิ มาเปสิ.

โส ปาสาโท ตสฺสา อภิรุหนกาเล โอตริตฺวา ภูมิยํ ปติฏฺาติ, อภิรุฬฺหกาเล ลงฺฆิตฺวา อากาเส ติฏฺติ. สา โพธิสตฺตสฺส วตฺตปฏิวตฺตํ กุรุมานา ปาสาเท วสติ. ตเมโก วนจรโก ทิสฺวา ‘‘อยํ, โว ภนฺเต, กึ โหตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ธีตา เม’’ติ สุตฺวา พาราณสึ คนฺตฺวา ‘‘เทว, มยา หิมวนฺตปเทเส เอวรูปา นาม เอกสฺส ตาปสสฺส ธีตา ทิฏฺา’’ติ รฺโ อาโรเจสิ. ตํ สุตฺวา โส สวนสํสคฺเคน พชฺฌิตฺวา วนจรกํ มคฺคเทสกํ กตฺวา จตุรงฺคินิยา เสนาย ตํ านํ คนฺตฺวา ขนฺธาวารํ นิวาสาเปตฺวา วนจรกํ อาทาย อมจฺจคณปริวุโต อสฺสมปทํ ปวิสิตฺวา มหาสตฺตํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺโน ‘‘ภนฺเต, อิตฺถิโย นาม พฺรหฺมจริยสฺส มลํ, ตุมฺหากํ ธีตรํ อหํ ปฏิชคฺคิสฺสามี’’ติ อาห. โพธิสตฺโต ปน ‘‘กึ นุ โข เอตสฺมึ ปทุเม’’ติ อาสงฺกํ กตฺวา อุทกํ โอตริตฺวา อานีตภาเวน ตสฺสา กุมาริกาย อาสงฺกาติ นามํ อกาสิ. โส ตํ ราชานํ ‘‘อิมํ คเหตฺวา คจฺฉา’’ติ อุชุกํ อวตฺวา ‘‘มหาราช, อิมาย กุมาริกาย นามํ ชานนฺโต คณฺหิตฺวา คจฺฉา’’ติ อาห. ‘‘ตุมฺเหหิ กถิเต สฺสามิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘อหํ เต น กเถมิ, ตฺวํ อตฺตโน ปฺาพเลน นามํ ชานนฺโตว คเหตฺวา ยาหี’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตโต ปฏฺาย อมจฺเจหิ สทฺธึ ‘‘กินฺนามา นุ โข เอสา’’ติ นามํ อุปธาเรติ. โส ยานิ ทุชฺชานานิ นามานิ, ตานิ กิตฺเตตฺวา ‘‘อสุกา นาม ภวิสฺสตี’’ติ โพธิสตฺเตน สทฺธึ กเถติ. โพธิสตฺโต ‘‘น เอวํนามา’’ติ ปฏิกฺขิปติ.

รฺโ จ นามํ อุปธาเรนฺตสฺส สํวจฺฉโร อตีโต. ตทา หตฺถิอสฺสมนุสฺเส สีหาทโย วาฬา คณฺหนฺติ, ทีฆชาติกปริปนฺโถ โหติ, มกฺขิกปริปนฺโถ โหติ, สีเตน กิลมิตฺวา พหู มนุสฺสา มรนฺติ. อถ ราชา กุชฺฌิตฺวา ‘‘กึ เม เอตายา’’ติ โพธิสตฺตสฺส กเถตฺวา ปายาสิ. อาสงฺกา กุมาริกา ตํ ทิวสํ ผลิกวาตปานํ วิวริตฺวา อตฺตานํ ทสฺเสนฺตี อฏฺาสิ. ราชา ตํ ทิสฺวา ‘‘มยํ ตว นามํ ชานิตุํ น สกฺโกม, ตฺวํ หิมวนฺเตเยว วส, มยํ คมิสฺสามา’’ติ อาห. ‘‘กหํ, มหาราช, คจฺฉนฺโต มาทิสํ อิตฺถึ ลภิสฺสสิ, มม วจนํ สุณาหิ, ตาวตึสเทวโลเก จิตฺตลตาวเน อาสาวตี นาม ลตา อตฺถิ, ตสฺสา ผลสฺส อพฺภนฺตเร ทิพฺพปานํ นิพฺพตฺตํ, ตํ เอกวารํ ปิวิตฺวา จตฺตาโร มาเส มตฺตา หุตฺวา ทิพฺพสยเน สยนฺติ, สา ปน วสฺสสหสฺเสน ผลติ, สุราโสณฺฑา เทวปุตฺตา ‘อิโต ผลํ ลภิสฺสามา’ติ ทิพฺพปานปิปาสํ อธิวาเสตฺวา วสฺสสหสฺสํ นิพทฺธํ คนฺตฺวา ตํ ลตํ ‘อโรคา นุ โข’ติ โอโลเกนฺติ, ตฺวํ ปน เอกสํวจฺฉเรเนว อุกฺกณฺิโต, อาสาผลวตี นาม สุขา, มา อุกฺกณฺี’’ติ วตฺวา ติสฺโส คาถา อภาสิ –

๒๖.

‘‘อาสาวตี นาม ลตา, ชาตา จิตฺตลตาวเน;

ตสฺสา วสฺสสหสฺเสน, เอกํ นิพฺพตฺตเต ผลํ.

๒๗.

‘‘ตํ เทวา ปยิรุปาสนฺติ, ตาว ทูรผลํ สตึ;

อาสีเสว ตุวํ ราช, อาสา ผลวตี สุขา.

๒๘.

‘‘อาสีสเตว โส ปกฺขี, อาสีสเตว โส ทิโช;

ตสฺส จาสา สมิชฺฌติ, ตาว ทูรคตา สตี;

อาสีเสว ตุวํ ราช, อาสา ผลวตี สุขา’’ติ.

ตตฺถ อาสาวตีติ เอวํนามิกา. สา หิ ยสฺมา ตสฺสา ผเล อาสา อุปฺปชฺชติ, ตสฺมา เอตํ นามํ ลภติ. จิตฺตลตาวเนติ เอวํนามเก อุยฺยาเน. ตสฺมึ กิร อุยฺยาเน ติณรุกฺขลตาทีนํ ปภา ตตฺถ ปวิฏฺปวิฏฺานํ เทวตานํ สรีรวณฺณํ จิตฺตํ กโรติ, เตนสฺส ‘‘จิตฺตลตาวน’’นฺติ นามํ ชาตํ. ปยิรุปาสนฺตีติ ปุนปฺปุนํ อุเปนฺติ. อาสีเสวาติ อาสีสาหิเยว ปตฺเถหิเยว, มา อาสจฺเฉทํ กโรหีติ.

ราชา ตสฺสา กถาย พชฺฌิตฺวา ปุน อมจฺเจ สนฺนิปาตาเปตฺวา ทสนามกํ กาเรตฺวา นามํ คเวสนฺโต อปรมฺปิ สํวจฺฉรํ วสิ. ตสฺสา ทสนามกมฺปิ นามํ นาโหสิ, ‘‘อสุกา นามา’’ติ วุตฺเต โพธิสตฺโต ปฏิกฺขิปเตว. ปุน ราชา ‘‘กึ เม อิมายา’’ติ ตุรงฺคํ อารุยฺห ปายาสิ. สาปิ ปุน วาตปาเน ตฺวา อตฺตานํ ทสฺเสสิ. ราชา ‘‘ติฏฺ ตฺวํ, มยํ คมิสฺสามา’’ติ อาห. ‘‘กสฺมา ยาสิ, มหาราชา’’ติ? ‘‘ตว นามํ ชานิตุํ น สกฺโกมี’’ติ. ‘‘มหาราช, กสฺมา นามํ น ชานิสฺสสิ, อาสา นาม อสมิชฺฌนกา นาม นตฺถิ, เอโก กิร พโก ปพฺพตมุทฺธนิ ิโต อตฺตนา ปตฺถิตํ ลภิ, ตฺวํ กสฺมา น ลภิสฺสสิ, อธิวาเสหิ, มหาราชา’’ติ. เอโก กิร พโก เอกสฺมึ ปทุมสเร โคจรํ คเหตฺวา อุปฺปติตฺวา ปพฺพตมตฺถเก นิลียิ. โส ตํ ทิวสํ ตตฺเถว วสิตฺวา ปุนทิวเส จินฺเตสิ ‘‘อหํ อิมสฺมึ ปพฺพตมตฺถเก สุขํ นิสินฺโน, สเจ อิโต อโนตริตฺวา เอตฺเถว นิสินฺโน โคจรํ คเหตฺวา ปานียํ ปิวิตฺวา อิมํ ทิวสํ วเสยฺยํ, ภทฺรกํ วต อสฺสา’’ติ. อถ ตํ ทิวสเมว สกฺโก เทวราชา อสุรนิมฺมถนํ กตฺวา ตาวตึสภวเน เทวิสฺสริยํ ลทฺธา จินฺเตสิ ‘มม ตาว มโนรโถ มตฺถกํ ปตฺโต, อตฺถิ นุ โข อฺโ โกจิ อปริปุณฺณมโนรโถ’ติ อุปธาเรนฺโต ตํ ทิสฺวา ‘อิมสฺส มโนรถํ มตฺถกํ ปาเปสฺสามี’ติ พกสฺส นิสินฺนฏฺานโต อวิทูเร เอกา นที อตฺถิ, ตํ นทึ โอฆปุณฺณํ กตฺวา ปพฺพตมตฺถเกน เปเสสิ. โสปิ พโก ตตฺเถว นิสินฺโน มจฺเฉ ขาทิตฺวา ปานียํ ปิวิตฺวา ตํ ทิวสํ ตตฺเถว วสิ, อุทกมฺปิ ภสฺสิตฺวา คตํ. ‘‘เอวํ, มหาราช, พโกปิ ตาว อตฺตโน อาสาผลํ ลภิ, กึ ตฺวํ น ลภิสฺสสี’’ติ วตฺวา ‘‘อาสีสเตวา’’ติอาทิมาห.

ตตฺถ อาสีสเตวาติ อาสีสติเยว ปตฺเถติเยว. ปกฺขีติ ปกฺเขหิ ยุตฺตตาย ปกฺขี. ทฺวิกฺขตฺตุํ ชาตตาย ทิโช. ตาว ทูรคตา สตีติ ปพฺพตมตฺถกโต มจฺฉานฺจ อุทกสฺส จ ทูรภาวํ ปสฺส, เอวํ ทูรคตา สมานา สกฺกสฺส อานุภาเวน พกสฺส อาสา ปูริเยวาติ.

อถ ราชา ตสฺสา กถํ สุตฺวา รูเป พชฺฌิตฺวา กถาย อลฺลีโน คนฺตุํ อสกฺโกนฺโต อมจฺเจ สนฺนิปาเตตฺวา สตนามํ กาเรสิ, สตนามวเสน นามํ คเวสโตปิสฺส อฺํ สํวจฺฉรํ อตีตํ. โส ติณฺณํ สํวจฺฉรานํ อจฺจเยน โพธิสตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา สตนามวเสน ‘‘อสุกา นาม ภวิสฺสตี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘น ชานาสิ, มหาราชา’’ติ. โส ‘‘คมิสฺสาม ทานิ มย’’นฺติ โพธิสตฺตํ วนฺทิตฺวา ปายาสิ. อาสงฺกา กุมาริกา จ ปุน ผลิกวาตปานํ นิสฺสาย ิตาว. ราชา ตํ ทิสฺวา ‘‘ตฺวํ อจฺฉ, มยํ คมิสฺสามา’’ติ อาห. ‘‘กสฺมา, มหาราชา’’ติ. ‘‘ตฺวํ มํ วจเนเนว สนฺตปฺเปสิ, น จ กามรติยา, ตว มธุรวจเนน พชฺฌิตฺวา วสนฺตสฺส มม ตีณิ สํวจฺฉรานิ อติกฺกนฺตานิ, อิทานิ คมิสฺสามี’’ติ อิมา คาถา อาห –

๒๙.

‘‘สมฺเปสิ โข มํ วาจาย, น จ สมฺเปสิ กมฺมุนา;

มาลา เสเรยฺยกสฺเสว, วณฺณวนฺตา อคนฺธิกา.

๓๐.

‘‘อผลํ มธุรํ วาจํ, โย มิตฺเตสุ ปกุพฺพติ;

อททํ อวิสฺสชํ โภคํ, สนฺธิ เตนสฺส ชีรติ.

๓๑.

‘‘ยฺหิ กยิรา ตฺหิ วเท, ยํ น กยิรา น ตํ วเท;

อกโรนฺตํ ภาสมานํ, ปริชานนฺติ ปณฺฑิตา.

๓๒.

‘‘พลฺจ วต เม ขีณํ, ปาเถยฺยฺจ น วิชฺชติ;

สงฺเก ปาณูปโรธาย, หนฺท ทานิ วชามห’’นฺติ.

ตตฺถ สมฺเปสีติ สนฺตปฺเปสิ ปีเณสิ. เสเรยฺยกสฺสาติ สุวณฺณกุรณฺฑกสฺส. เทสนาสีสเมเวตํ, ยํกิฺจิ ปน สุวณฺณกุรณฺฑกชยสุมนาทิกํ อฺมฺปิ ปุปฺผํ วณฺณสมฺปนฺนํ อคนฺธกํ, สพฺพํ ตํ สนฺธาเยวมาห. วณฺณวนฺตา อคนฺธิกาติ ยถา เสเรยฺยกาทีนํ มาลา วณฺณวนฺตตาย ทสฺสเนน ตปฺเปติ, อคนฺธตาย คนฺเธน น ตปฺเปติ, เอวํ ตฺวมฺปิ ทสฺสเนน ปิยวจเนน จ สนฺตปฺเปสิ, น กมฺมุนาติ ทีเปติ. อททนฺติ ภทฺเท, โย ‘‘อิมํ นาม โว โภคํ ทสฺสามี’’ติ มธุรวจเนน วตฺวา ตํ โภคํ อททนฺโต อวิสฺสชฺเชนฺโต เกวลํ มธุรวจนเมว กโรติ, เตน สทฺธึ อสฺส มิตฺตสฺส สนฺธิ ชีรติ, มิตฺตสนฺถโว น ฆฏียติ. ปาเถยฺยฺจาติ ภทฺเท, มยฺหํ ตว มธุรวจเนน พชฺฌิตฺวา ตีณิ สํวจฺฉรานิ วสนฺตสฺเสว หตฺถิอสฺสรถปตฺติสงฺขาตํ พลฺจ ขีณํ, มนุสฺสานํ ภตฺตเวตนสงฺขาตํ ปาเถยฺยฺจ นตฺถิ. สงฺเก ปาณูปโรธายาติ สฺวาหํ อิเธว อตฺตโน ชีวิตวินาสํ อาสงฺกามิ, หนฺท ทานาหํ คจฺฉามีติ.

อาสงฺกา กุมาริกา รฺโ วจนํ สุตฺวา ‘‘มหาราช, ตฺวํ มยฺหํ นามํ ชานาสิ, ตยา วุตฺตเมว มม นามํ, อิทํ เม ปิตุ กเถตฺวา มํ คณฺหิตฺวา ยาหี’’ติ รฺา สทฺธึ สลฺลปนฺตี อาห –

๓๓.

‘‘เอตเทว หิ เม นามํ, ยํนามสฺมิ รเถสภ;

อาคเมหิ มหาราช, ปิตรํ อามนฺตยามห’’นฺติ.

ตสฺสตฺโถ – ยํนามา อหํ อสฺมิ, ตํ เอตํ อาสงฺกาตฺเวว มม นามนฺติ.

ตํ สุตฺวา ราชา โพธิสตฺตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘ภนฺเต, ตุมฺหากํ ธีตา อาสงฺกา นามา’’ติ อาห. ‘‘นามํ าตกาลโต ปฏฺาย ตํ คเหตฺวา คจฺฉ, มหาราชา’’ติ. โส มหาสตฺตํ วนฺทิตฺวา ผลิกวิมานทฺวารํ อาคนฺตฺวา อาห – ‘‘ภทฺเท, ปิตราปิ เต มยฺหํ ทินฺนา, เอหิ ทานิ คมิสฺสามา’’ติ. ‘‘อาคเมหิ, มหาราช, ปิตรํ อามนฺตยามห’’นฺติ ปาสาทา โอตริตฺวา มหาสตฺตํ วนฺทิตฺวา โรทิตฺวา ขมาเปตฺวา รฺโ สนฺติกํ อาคตา. ราชา ตํ คเหตฺวา พาราณสึ คนฺตฺวา ปุตฺตธีตาหิ วฑฺฒนฺโต ปิยสํวาสํ วสิ. โพธิสตฺโต อปริหีนชฺฌาโน พฺรหฺมโลเก อุปฺปชฺชิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺิตภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ตทา อาสงฺกา กุมาริกา ปุราณทุติยิกา อโหสิ, ราชา อุกฺกณฺิตภิกฺขุ, ตาปโส ปน อหเมว อโหสินฺติ.

อาสงฺกชาตกวณฺณนา ปฺจมา.

[๓๘๑] ๖. มิคาโลปชาตกวณฺณนา

เม รุจฺจีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ ทุพฺพจภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. สตฺถา ตํ ภิกฺขุํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ ทุพฺพโจ’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘น โข ภิกฺขุ อิทาเนว, ปุพฺเพปิ ตฺวํ ทุพฺพโจเยว, ทุพฺพจภาวฺจ ปน นิสฺสาย ปณฺฑิตานํ วจนํ อกโรนฺโต เวรมฺภวาตมุเข พฺยสนํ คโตสี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต คิชฺฌโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา อปนนฺทคิชฺโฌ นาม อโหสิ. โส คิชฺฌคณปริวุโต คิชฺฌกูฏปพฺพเต วสิ. ปุตฺโต ปนสฺส มิคาโลโป นาม ถามพลสมฺปนฺโน อโหสิ, โส อฺเสํ คิชฺฌานํ สีมํ อติกฺกมิตฺวา อติอุจฺจํ อุปฺปติ. คิชฺฌา ‘‘ปุตฺโต เต อติทูรํ อุปฺปตตี’’ติ คิชฺฌรฺโ อาจิกฺขึสุ. โส ตํ ปกฺโกเสตฺวา ‘‘ตฺวํ กิร, ตาต, อติอุจฺจํ คจฺฉสิ, อติอุจฺจํ คจฺฉนฺโต ชีวิตกฺขยํ ปาปุณิสฺสสี’’ติ วตฺวา ติสฺโส คาถา อภาสิ –

๓๔.

‘‘น เม รุจฺจิ มิคาโลป, ยสฺส เต ตาทิสี คตี;

อตุจฺจํ ตาต ปตสิ, อภูมึ ตาต เสวสิ.

๓๕.

‘‘จตุกฺกณฺณํว เกทารํ, ยทา เต ปถวี สิยา;

ตโต ตาต นิวตฺตสฺสุ, มาสฺสุ เอตฺโต ปรํ คมิ.

๓๖.

‘‘สนฺติ อฺเปิ สกุณา, ปตฺตยานา วิหงฺคมา;

อกฺขิตฺตา วาตเวเคน, นฏฺา เต สสฺสตีสมา’’ติ.

ตตฺถ มิคาโลปาติ ปุตฺตํ นาเมน อาลปติ. อตุจฺจํ ตาต ปตสีติ ตาต, ตฺวํ อฺเสํ คิชฺฌานํ สีมํ อติกฺกมิตฺวา อติอุจฺจํ คจฺฉสิ. จตุกฺกณฺณํว เกทารนฺติ อิมินาสฺส สีมํ อาจิกฺขติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ตาต, ยทา เต อยํ มหาปถวี จตุกฺกณฺณํ เกทารํ วิย สิยา, เอวํ ขุทฺทิกา วิย หุตฺวา ปฺาเยถ, อถ ตฺวํ เอตฺตกา านา นิวตฺเตยฺยาสิ, เอตฺโต ปรํ มา คมีติ. สนฺติ อฺเปีติ น เกวลํ ตฺวเมว, อฺเปิ คิชฺฌา เอวํ กรึสูติ ทีเปติ. อกฺขิตฺตาติ เตปิ คิชฺฌา อมฺหากํ สีมํ อติกฺกมิตฺวา คตา วาตเวเคน อากฑฺฒิตา นสฺสึสุ. สสฺสตีสมาติ สสฺสตีหิ ปถวีปพฺพตาทีหิ สมํ อตฺตานํ มฺมานา อตฺตโน วสฺสสหสฺสปริมาณํ อายุํ อปูเรตฺวาปิ อนฺตรา นฏฺาติ อตฺโถ.

มิคาโลโป อโนวาทกตฺตา ปิตุ วจนํ อกตฺวา ลงฺฆนฺโต ปิตรา อกฺขาตํ สีมํ ทิสฺวา ตํ อติกฺกมฺม กาลวาเต ปตฺวา เตปิ ฉินฺทิตฺวา อุปฺปติโต เวรมฺภวาตมุขํ ปกฺขนฺทิ, อถ นํ เวรมฺภวาตา ปหรึสุ. โส เตหิ ปหฏมตฺโตว ขณฺฑาขณฺฑํ หุตฺวา อากาเสเยว อนฺตรธายิ.

๓๗.

‘‘อกตฺวา อปนนฺทสฺส, ปิตุ วุทฺธสฺส สาสนํ;

กาลวาเต อติกฺกมฺม, เวรมฺภานํ วสํ อคา.

๓๘.

‘‘ตสฺส ปุตฺตา จ ทารา จ, เย จฺเ อนุชีวิโน;

สพฺเพ พฺยสนมาปาทุํ, อโนวาทกเร ทิเช.

๓๙.

‘‘เอวมฺปิ อิธ วุทฺธานํ, โย วากฺยํ นาวพุชฺฌติ;

อติสีมจโร ทิตฺโต, คิชฺโฌวาตีตสาสโน;

สพฺเพ พฺยสนํ ปปฺโปนฺติ, อกตฺวา วุทฺธสาสน’’นฺติ. –

อิมา ติสฺโส อภิสมฺพุทฺธคาถา.

ตตฺถ อนุชีวิโนติ ตํ นิสฺสาย ชีวนกา. อโนวาทกเร ทิเชติ ตสฺมึ มิคาโลเป คิชฺเฌ โอวาทํ อคณฺหนฺเต สพฺเพปิ เต เตน สทฺธึ อติสีมํ คนฺตฺวา วินาสํ ปาปุณึสุ. เอวมฺปีติ, ภิกฺขเว, ยถา โส คิชฺโฌ, เอวํ โย อฺโปิ คหฏฺโ วา ปพฺพชิโต วา หิตานุกมฺปกานํ วุทฺธานํ วจนํ น คณฺหาติ, โสปิ อยํ สีมํ อติกฺกมิตฺวา จรนฺโต ทิตฺโต คพฺพิโต คิชฺโฌว พฺยสนํ ปาปุณาตีติ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา มิคาโลโป ทุพฺพจภิกฺขุ อโหสิ, อปนนฺโท ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

มิคาโลปชาตกวณฺณนา ฉฏฺา.

[๓๘๒] ๗. สิริกาฬกณฺณิชาตกวณฺณนา

กา นุ กาเฬน วณฺเณนาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อนาถปิณฺฑิกํ อารพฺภ กเถสิ. โส หิ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺิตกาลโต ปฏฺาย อขณฺฑานิ ปฺจ สีลานิ รกฺขิ, ภริยาปิสฺส ปุตฺตธีตโรปิ ทาสาปิ ภตึ คเหตฺวา กมฺมํ กโรนฺตา กมฺมกราปิ สพฺเพ รกฺขึสุเยว. อเถกทิวสํ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, อนาถปิณฺฑิโก สุจิเยว สุจิปริวาโร หุตฺวา จรตี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพ โปราณกปณฺฑิตาปิ สุจีเยว สุจิปริวารา อเหสุ’’นฺติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต เสฏฺิ หุตฺวา ทานํ อทาสิ, สีลํ รกฺขิ, อุโปสถกมฺมํ กริ, ภริยาปิสฺส ปฺจ สีลานิ รกฺขิ, ปุตฺตธีตโรปิ ทาสกมฺมกรโปริสาปิ ปฺจ สีลานิ รกฺขึสุ. โส สุจิปริวารเสฏฺิตฺเวว ปฺายิตฺถ. อเถกทิวสํ โส จินฺเตสิ ‘‘สเจ มยา สุจิปริวารสีโล โกจิ อาคมิสฺสติ, ตสฺส มม นิสีทนปลฺลงฺกํ วา นิปชฺชนสยนํ วา ทาตุํ น ยุตฺตํ, อนุจฺฉิฏฺํ อปริภุตฺตํ ทาตุํ วฏฺฏตี’’ติ อตฺตโน วสนฏฺาเนเยว เอกปสฺเส อปริภุตฺตปลฺลงฺกฺจ เสนาสนฺจ ปฺาเปสิ. ตสฺมึ สมเย จาตุมหาราชิกเทวโลกโต วิรูปกฺขมหาราชสฺส ธีตา กาฬกณฺณี จ นาม ธตรฏฺมหาราชสฺส ธีตา สิรี จ นามาติ อิมา ทฺเว พหุํ คนฺธมาลํ อาทาย ‘‘อโนตตฺเต กีฬิสฺสามา’’ติ อโนตตฺตติตฺถํ อาคจฺฉึสุ. ตสฺมึ ปน ทเห พหูนิ ติตฺถานิ, เตสุ พุทฺธานํ ติตฺเถ พุทฺธาเยว นฺหายนฺติ, ปจฺเจกพุทฺธานํ ติตฺเถ ปจฺเจกพุทฺธาว นฺหายนฺติ, ภิกฺขูนํ ติตฺเถ ภิกฺขูว นฺหายนฺติ, ตาปสานํ ติตฺเถ ตาปสาว นฺหายนฺติ, จาตุมหาราชิกาทีสุ ฉสุ กามสคฺเคสุ เทวปุตฺตานํ ติตฺเถ เทวปุตฺตาว นฺหายนฺติ, เทวธีตานํ ติตฺเถ เทวธีตาว นฺหายนฺติ.

ตตฺริมา ทฺเว อาคนฺตฺวา ‘‘อหํ ปมํ นฺหายิสฺสามิ, อหํ ปม’’นฺติ ติตฺถาย กลหํ กรึสุ. กาฬกณฺณี ‘‘อหํ โลกํ ปาเลมิ วิจาเรมิ, ตสฺมา ปมํ นายิตุํ ยุตฺตามฺหี’’ติ วทติ. สิรี ‘‘อหํ มหาชนสฺส อิสฺสริยทายิกาย ปฏิปทาย ิตา, ตสฺมา ปมํ นฺหายิตุํ ยุตฺตามฺหี’’ติ วทติ. ตา ‘‘อมฺเหสุ ปมํ นฺหายิตุํ ยุตฺตรูปํ วา อยุตฺตรูปํ วา จตฺตาโร มหาราชาโน ชานิสฺสนฺตี’’ติ เตสํ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘อมฺเหสุ กา ปมํ อโนตตฺตทเห นฺหายิตุํ ยุตฺตรูปา’’ติ ปุจฺฉึสุ. ธตรฏฺวิรูปกฺขา ‘‘น สกฺกา อมฺเหหิ วินิจฺฉินิตุ’’นฺติ วิรูฬฺหกเวสฺสวณานํ ภารมกํสุ. เต ‘‘อมฺเหปิ น สกฺขิสฺสาม, สกฺกสฺส ปาทมูเล เปเสสฺสามา’’ติ ตา สกฺกสฺส สนฺติกํ เปเสสุํ. สกฺโก ตาสํ วจนํ สุตฺวา จินฺเตสิ ‘‘อิมา ทฺเวปิ มม ปุริสานฺเว ธีตโร, น สกฺกา มยา อิมํ อฑฺฑํ วินิจฺฉินิตุ’’นฺติ. อถ ตา สกฺโก อาห ‘‘พาราณสิยํ สุจิปริวาโร นาม เสฏฺิ อตฺถิ, ตสฺส ฆเร อนุจฺฉิฏฺสยนฺจ ปฺตฺตํ, ยา ตตฺถ นิสีทิตุํ วา สยิตุํ วา ลภติ, สา ปมํ นฺหายิตุํ ยุตฺตรูปา’’ติ. ตํ สุตฺวา กาฬกณฺณี ตสฺมึ ขเณเยว นีลวตฺถํ นิวาเสตฺวา นีลวิเลปนํ วิลิมฺปิตฺวา นีลมณิปิฬนฺธนํ ปิฬนฺธิตฺวา ยนฺตปาสาโณ วิย เทวโลกโต โอตริตฺวา มชฺฌิมยามสมนนฺตเร เสฏฺิโน ปาสาทสฺส อุปฏฺานทฺวาเร สยนสฺส อวิทูเร าเน นีลรสฺมึ วิสฺสชฺเชตฺวา อากาเส อฏฺาสิ. เสฏฺิ โอโลเกตฺวา ตํ อทฺทส, สหทสฺสเนเนวสฺส สา อปฺปิยา อโหสิ อมนาปา. โส ตาย สทฺธึ สลฺลปนฺโต ปมํ คาถมาห –

๔๐.

‘‘กา นุ กาเฬน วณฺเณน, น จาปิ ปิยทสฺสนา;

กา วา ตฺวํ กสฺส วา ธีตา, กถํ ชาเนมุ ตํ มย’’นฺติ.

ตตฺถ กาเฬนาติ นีเลน. วณฺเณนาติ สรีรวตฺถาภรณวณฺเณน. น จาปิ ปิยทสฺสนาติ ธาตุโส, ภิกฺขเว, สตฺตา สํสนฺทนฺตีติ วุตฺตํ, อยฺจ เทวธีตา อนาจารา ทุสฺสีลา, ตสฺมา สา สหทสฺสเนเนวสฺส อปฺปิยา ชาตา, เตเนวมาห. กา วา ตฺวนฺติ ‘‘กา จ ตฺวํ, อยเมว วา ปาโ.

ตํ สุตฺวา กาฬกณฺณี ทุติยํ คาถมาห –

๔๑.

‘‘มหาราชสฺสหํ ธีตา, วิรูปกฺขสฺส จณฺฑิยา;

อหํ กาฬี อลกฺขิกา, กาฬกณฺณีติ มํ วิทู;

โอกาสํ ยาจิโต เทหิ, วเสมุ ตว สนฺติเก’’ติ.

ตตฺถ จณฺฑิยาติ โกธนา. โกธภาเวน หิ มยฺหํ จณฺฑีติ นามํ กรึสุ. อลกฺขิกาติ นิปฺปฺา. มํ วิทูติ เอวํ มํ จาตุมหาราชิกเทวโลเก ชานนฺติ. วเสมูติ มยํ อชฺช เอกรตฺตํ ตว สนฺติเก วเสยฺยาม, เอตสฺมึ เม อนุจฺฉิฏฺาสนสยเน โอกาสํ เทหีติ.

ตโต โพธิสตฺโต ตติยํ คาถมาห –

๔๒.

‘‘กึสีเล กึสมาจาเร, ปุริเส นิวิสเส ตุวํ;

ปุฏฺา เม กาฬิ อกฺขาหิ, กถํ ชาเนมุ ตํ มย’’นฺติ.

ตตฺถ นิวิสเสติ ตว จิตฺเตน นิวิสสิ ปติฏฺหสีติ.

ตโต สา อตฺตโน คุณํ กเถนฺตี จตุตฺถํ คาถมาห –

๔๓.

‘‘มกฺขี ปฬาสี สารมฺภี, อิสฺสุกี มจฺฉรี สโ;

โส มยฺหํ ปุริโส กนฺโต, ลทฺธํ ยสฺส วินสฺสตี’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – โย ปุริโส อตฺตโน กตคุณํ น ชานาติ, คุณมกฺขี โหติ, อตฺตโน กิสฺมิฺจิ การเณ กถิเต ‘‘กึ อหํ เอตํ น ชานามี’’ติ ยุคคฺคาหํ คณฺหาติ, อฺเหิ กิฺจิ กตํ ทิสฺวา สารมฺภวเสน กรณุตฺตริกํ กโรติ, ปเร ลาภํ ลภนฺเต น ตุสฺสติ, ‘‘มยฺหํ อิสฺสริยํ ปเรสํ มา โหตุ, มยฺหเมว โหตู’’ติ สกสมฺปตฺตึ โคเปตฺวา ปรสฺส ติณคฺเคน เตลพินฺทุมฺปิ น เทติ, เกราฏิกลกฺขเณน สมนฺนาคโต หุตฺวา อตฺตโน สนฺตกํ ปรสฺส อทตฺวา เตหิ เตหิ อุปาเยหิ ปรสนฺตกเมว ขาทติ, ยสฺส ลทฺธํ ธฺํ วา ธนํ วา วินสฺสติ น ติฏฺติ, สุราธุตฺโต อกฺขธุตฺโต อิตฺถิธุตฺโต วา หุตฺวา ลทฺธํ ลทฺธํ วินาเสติเยว, อยํ เอเตหิ คุเณหิ สมนฺนาคโต ปุริโส มยฺหํ กนฺโต ปิโย มนาโป, เอวรูเป อหํ จิตฺเตน ปติฏฺหามีติ.

สาเยว ปฺจมฉฏฺสตฺตมคาถา อภาสิ –

๔๔.

‘‘โกธโน อุปนาหี จ, ปิสุโณ จ วิเภทโก;

กณฺฑกวาโจ ผรุโส, โส เม กนฺตตโร ตโต.

๔๕.

‘‘อชฺช สุเวติ ปุริโส, สทตฺถํ นาวพุชฺฌติ;

โอวชฺชมาโน กุปฺปติ, เสยฺยํ โส อติมฺติ.

๔๖.

‘‘ทวปฺปลุทฺโธ ปุริโส, สพฺพมิตฺเตหิ ธํสติ;

โส มยฺหํ ปุริโส กนฺโต, ตสฺมึ โหมิ อนามยา’’ติ.

ตาปิ อิมินาว นเยน วิตฺถาเรตพฺพา. สงฺเขปตฺโถ ปเนตฺถ – โกธโนติ อปฺปมตฺตเกนาปิ กุชฺฌนโก. อุปนาหีติ ปรสฺส อปราธํ หทเย เปตฺวา สุจิเรนปิ ตสฺส อนตฺถการโก. ปิสุโณติ ปิสุณวาโจ. วิเภทโกติ อปฺปมตฺตเกนปิ มิตฺตภินฺทนโก. กณฺฑกวาโจติ สโทสวาโจ. ผรุโสติ ถทฺธวาโจ. กนฺตตโรติ โส ปุริโส มยฺหํ ปุริมาปิ กนฺตตโร ปิยตโร. อชฺช สุเวติ ‘‘อิทํ กมฺมํ อชฺช กาตพฺพํ, อิทํ สฺเว, อิทํ ตติยทิวสาทีสู’’ติ เอวํ โส สทตฺถํ อตฺตโน กิจฺจํ นาวพุชฺฌติ น ชานาติ. โอวชฺชมาโนติ โอวทิยมาโน. เสยฺยํ โส อติมฺตีติ ชาติโคตฺตกุลปฺปเทสสีลาจารคุเณหิ อุตฺตริตรํ อุตฺตมปุคฺคลํ ‘‘ตฺวํ มยฺหํ กึ ปโหสี’’ติ อติกฺกมิตฺวา มฺติ. ทวปฺปลุทฺโธติ รูปาทีสุ กามคุเณสุ นิรนฺตรทเวน ปลุทฺโธ อภิภูโต วสํ คโต. ธํสตีติ ‘‘ตยา มยฺหํ กึ กต’’นฺติอาทีนิ วตฺวา สพฺเพเหว มิตฺเตหิ ธํสติ ปริหายติ. อนามยาติ อยํ เอเตหิ คุเณหิ สมนฺนาคเต ปุคฺคเล นิทฺทุกฺขา นิสฺโสกา โหมิ, ตํ ลภิตฺวา อฺตฺถ อนาลยา หุตฺวา วสามี’’ติ.

อถ นํ ครหนฺโต มหาสตฺโต อฏฺมํ คาถมาห –

๔๗.

‘‘อเปหิ เอตฺโต ตฺวํ กาฬิ, เนตํ อมฺเหสุ วิชฺชติ;

อฺํ ชนปทํ คจฺฉ, นิคเม ราชธานิโย’’ติ.

ตตฺถ อเปหีติ อปคจฺฉ. เนตํ อมฺเหสูติ เอตํ มกฺขาทิกํ ตว ปิยภาวกรณํ อมฺเหสุปิ น วิชฺชติ นตฺถิ. นิคเม ราชธานิโยติ อฺเ นิคเมปิ อฺา ราชธานิโยปิ คจฺฉ, ยตฺถ มยํ ตํ น ปสฺสาม, ตตฺถ คจฺฉาติ ทีเปติ.

ตํ สุตฺวา กาฬกณฺณี อทฺทิตา หุตฺวา อนนฺตรคาถมาห –

๔๘.

‘‘อหมฺปิ โข ตํ ชานามิ, เนตํ ตุมฺเหสุ วิชฺชติ;

สนฺติ โลเก อลกฺขิกา, สงฺฆรนฺติ พหุํ ธนํ;

อหํ เทโว จ เม ภาตา, อุโภ นํ วิธมามเส’’ติ.

ตตฺถ เนตํ ตุมฺเหสูติ ยํ มม ปิยภาวกรณํ มกฺขาทิกํ เยน อหํ อตฺตนาปิ สมนฺนาคตา, ตํ ตุมฺเหสุ นตฺถีติ อหมฺปิ เอตํ ชานามิ. สนฺติ โลเก อลกฺขิกาติ อฺเ ปน โลเก นิสฺสีลา นิปฺปฺา สนฺติ. สงฺฆรนฺตีติ เต นิสฺสีลา นิปฺปฺาปิ สมานา เอเตหิ มกฺขาทีหิ พหุํ ธนํ สงฺฆรนฺติ ปิณฺฑํ กโรนฺติ. อุโภ นนฺติ ตํ ปน เอเตหิ สงฺฆริตฺวา ปิตํ ธนํ อหฺจ มยฺหเมว ภาตา เทโว จ นาม เทวปุตฺโตติ อุโภ เอกโต หุตฺวา วิธมามเส นาเสม, อมฺหากํ ปน เทวโลเก พหู ทิพฺพปริโภคา อตฺถิ ทิพฺพานิ สยนานิ, ตฺวํ ทเทยฺยาสิ วา โน วา, โก เม ตยา อตฺโถติ วตฺวา ปกฺกามิ.

ตสฺสา ปกฺกนฺตกาเล สิรี เทวธีตา สุวณฺณวณฺเณหิ วตฺถวิเลปเนหิ สุวณฺณาลงฺกาเรน อาคนฺตฺวา อุปฏฺานทฺวาเร ปีตรสฺมึ วิสฺสชฺเชตฺวา สเมหิ ปาเทหิ สมํ ปถวิยํ ปติฏฺาย สคารวา อฏฺาสิ. ตํ ทิสฺวา มหาสตฺโต ปมํ คาถมาห –

๔๙.

‘‘กา นุ ทิพฺเพน วณฺเณน, ปถพฺยา สุปติฏฺิตา;

กา วา ตฺวํ กสฺส วา ธีตา, กถํ ชาเนมุ ตํ มย’’นฺติ.

ตตฺถ ทิพฺเพนาติ วิสิฏฺเน อุตฺตเมน.

ตํ สุตฺวา สิรี ทุติยํ คาถมาห –

๕๐.

‘‘มหาราชสฺสหํ ธีตา, ธตรฏฺสฺส สิรีมโต;

อหํ สิรี จ ลกฺขี จ, ภูริปฺาติ มํ วิทู;

โอกาสํ ยาจิโต เทหิ, วเสมุ ตว สนฺติเก’’ติ.

ตตฺถ สิรี จ ลกฺขี จาติ สิรีติ จ ลกฺขีติ จ อหเมวํนามา, น อฺา. ภูริปฺาติ มํ วิทูติ มํ จาตุมหาราชิกเทวโลเก ปถวีสมาย วิปุลาย ปฺาย สมนฺนาคตาติ ชานนฺติ. วเสมุ ตว สนฺติเกติ ตว อนุจฺฉิฏฺาสเน เจว อนุจฺฉิฏฺสยเน จ เอกรตฺตึ วเสยฺยาม, โอกาสํ เม เทหีติ.

ตโต ปรํ โพธิสตฺโต อาห –

๕๑.

‘‘กึสีเล กึสมาจาเร, ปุริเส นิวิสเส ตุวํ;

ปุฏฺา เม ลกฺขิ อกฺขาหิ, กถํ ชาเนมุ ตํ มยํ.

๕๒.

‘‘โย จาปิ สีเต อถ วาปิ อุณฺเห, วาตาตเป ฑํสสรีสเป จ;

ขุธํ ปิปาสํ อภิภุยฺย สพฺพํ, รตฺตินฺทิวํ โย สตตํ นิยุตฺโต.

๕๓.

‘‘กาลาคตฺจ น หาเปติ อตฺถํ, โส เม มนาโป นิวิเส จ ตมฺหิ;

อกฺโกธโน มิตฺตวา จาควา จ, สีลูปปนฺโน อสโชุภูโต.

๕๔.

‘‘สงฺคาหโก สขิโล สณฺหวาโจ, มหตฺตปตฺโตปิ นิวาตวุตฺติ;

ตสฺมึหํ โปเส วิปุลา ภวามิ, อูมิ สมุทฺทสฺส ยถาปิ วณฺณํ.

๕๕.

‘‘โย จาปิ มิตฺเต อถ วา อมิตฺเต, เสฏฺเ สริกฺเข อถ วาปิ หีเน;

อตฺถํ จรนฺตํ อถ วา อนตฺถํ, อาวี รโห สงฺคหเมว วตฺเต.

๕๖.

‘‘วาจํ น วชฺชา ผรุสํ กทาจิ, มตสฺส ชีวสฺส จ ตสฺส โหมิ;

เอเตสํ โย อฺตรํ ลภิตฺวา, กนฺตา สิรี มชฺชติ อปฺปปฺโ;

ตํ ทิตฺตรูปํ วิสมํ จรนฺตํ, กรีสานํว วิวชฺชยามิ.

๕๗.

‘‘อตฺตนา กุรุเต ลกฺขึ, อลกฺขึ กุรุตตฺตนา;

น หิ ลกฺขึ อลกฺขึ วา, อฺโ อฺสฺส การโก’’ติ.

เสฏฺิสฺส ปุจฺฉา โหติ, สิริยา วิสฺสชฺชนา.

ตตฺถ ฑํสสรีสเป จาติ ฑํสา วุจฺจนฺติ ปิงฺคลมกฺขิกา, สพฺพาปิ วา มกฺขิกาชาติกา อิธ ‘‘ฑํสา’’ติ อธิปฺเปตา. สรีสปาติ ทีฆชาติกา. ฑํสา จ สรีสปา จ ฑํสสรีสปา, ตสฺมึ ฑํสสรีสเป สติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – โย มหาเสฏฺิ สีเต วา อุณฺเห วา วาตาตเป วา ฑํสสรีสเป วา สติ เอเตหิ สีตาทีหิ ปีฬิยมาโนปิ เอตานิ เจว สีตาทีนิ ขุธฺจ ปิปาสฺจาติ สพฺพมฺเปตํ ปริสฺสยํ อภิภุยฺย อภิภวิตฺวา ติณํ วิย อคเณตฺวา รตฺตินฺทิวํ กสิวณิชฺชาทีสุ เจว ทานสีลาทีสุ จ สตตํ อตฺตโน กมฺเมสุ นิยุตฺโต อตฺตานํ โยเชตฺวา วตฺตติ.

กาลาคตฺจาติ กสิกาลาทีสุ กสิอาทีนิ ธนปริจฺจาคสีลรกฺขณธมฺมสฺสวนาทิกาเลสุ จ ธนปริจฺจชนาทิปฺปเภทํ ทิฏฺธมฺมสมฺปราเย สุขาวหํ อตฺถํ น หาเปติ, ยุตฺตปฺปยุตฺตกาเล กโรติเยว, โส มยฺหํ มนาโป ตสฺมิฺจ ปุริเส อหํ นิวิสามีติ. อกฺโกธโนติ อธิวาสนขนฺติยา สมนฺนาคโต. มิตฺตวาติ กลฺยาณมิตฺเตน สมนฺนาคโต. จาควาติ ธนปริจฺจาคยุตฺโต.

สงฺคาหโกติ มิตฺตสงฺคหอามิสสงฺคหธมฺมสงฺคหานํ การโก. สขิโลติ มุทุวาโจ. สณฺหวาโจติ มธุรวจโน. มหตฺตปตฺโตปิ นิวาตวุตฺตีติ มหนฺตํ านํ วิปุลํ อิสฺสริยํ ปตฺโตปิ ยเสน อนุทฺธโต นีจวุตฺติ ปณฺฑิตานํ โอวาทกโร โหติ. ตสฺมึหํ โปเสติ ตสฺมึ อหํ ปุริเส. วิปุลา ภวามีติ อขุทฺทกา โหมิ. โส หิ มหติยา สิริยา ปทฏฺานํ. อูมิ สมุทฺทสฺส ยถาปิ วณฺณนฺติ ยถา นาม สมุทฺทสฺส วณฺณํ โอโลเกนฺตานํ อุปรูปริ อาคจฺฉมานา อูมิ วิปุลา วิย ขายติ, เอวมหํ ตสฺมึ ปุคฺคเล วิปุลา โหมีติ ทีเปติ.

อาวี รโหติ สมฺมุขา จ ปรมฺมุขา จ. สงฺคหเมว วตฺเตติ เอตสฺมึ มิตฺตาทิเภเท ปุคฺคเล จตุพฺพิธํ สงฺคหเมว วตฺเตติ ปวตฺเตติ.

น วชฺชาติ โย กทาจิ กิสฺมิฺจิ กาเล ผรุสวจนํ น วเทยฺย, มธุรวจโนว โหติ. มตสฺส ชีวสฺส จาติ ตสฺสาหํ ปุคฺคลสฺส มตสฺสปิ ชีวนฺตสฺสปิ ภตฺติกา โหมิ, อิธโลเกปิ ปรโลเกปิ ตาทิสเมว ภชามีติ ทสฺเสติ. เอเตสํ โยติ เอเตสํ สีตาภิภวนาทีนํ เหฏฺา วุตฺตคุณานํ โย ปุคฺคโล เอกมฺปิ คุณํ ลภิตฺวา ปมชฺชติ ปมุสฺสติ, ปุน นานุยุฺชตีติ อตฺโถ. กนฺตา สิรี, กนฺตสิรึ, กนฺตํ สิรินฺติ ตโยปิ ปาา, เตสํ วเสน อยํ อตฺถโยชนา – โย ปุคฺคโล สิรึ ลภิตฺวา ‘‘กนฺตา เม สิริ ยถาาเน ิตา’’ติ เอเตสํ อฺตรํ คุณํ ปมชฺชติ, โย วา ปุคฺคโล กนฺตสิรึ ปิยสิรึ อิจฺฉนฺโต เอเตสํ คุณานํ อฺตรํ ลภิตฺวา ปมชฺชติ, โย วา ปุคฺคโล สิรึ ลภิตฺวา กนฺตํ มนาปํ สิรึ เอเตสํ คุณานํ อฺตรํ ปมชฺชติ. อปฺปปฺโติ นิปฺปฺโ. ตํ ทิตฺตรูปํ วิสมํ จรนฺตนฺติ ตํ อหํ ทิตฺตสภาวํ คพฺพิตสภาวํ กายทุจฺจริตาทิเภทํ วิสมํ จรนฺตํ สุจิชาติโก มนุสฺโส คูถกูปํ วิย ทูรโต วิวชฺชยามีติ.

อฺโ อฺสฺส การโกติ เอวํ สนฺเต ลกฺขึ วา อลกฺขึ วา อฺโ ปุริโส อฺสฺส การโก นาม นตฺถิ, โย โกจิ อตฺตนา อตฺตโน ลกฺขึ วา อลกฺขึ วา กโรตีติ.

เอวํ มหาสตฺโต เทวิยา วจนํ อภินนฺทิตฺวา ‘‘อิทํ อนุจฺฉิฏฺํ อาสนฺจ สยนฺจ ตุยฺหํเยว อนุจฺฉวิกํ, ปลฺลงฺเก จ สยเน จ นิสีท เจว นิปชฺช จา’’ติ อาห. สา ตตฺถ วสิตฺวา ปจฺจูสกาเล นิกฺขมิตฺวา จาตุมหาราชิกเทวโลกํ คนฺตฺวา อโนตตฺตทเห ปมํ นหายิ. ตมฺปิ สยนํ สิริเทวตาย ปริภุตฺตภาวา สิริสยนํ นาม ชาตํ. สิริสยนสฺส อยํ วํโส, อิมินา การเณน ยาวชฺชตนา ‘‘สิริสยน’’นฺติ วุจฺจติ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา สิริเทวี อุปฺปลวณฺณา อโหสิ, สุจิปริวารเสฏฺิ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

สิริกาฬกณฺณิชาตกวณฺณนา สตฺตมา.

[๓๘๓] ๘. กุกฺกุฏชาตกวณฺณนา

สุจิตฺตปตฺตฉทนาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ อุกฺกณฺิตภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. ตฺหิ ภิกฺขุํ สตฺถา ‘‘กสฺมา อุกฺกณฺิโตสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘เอกํ อลงฺกตปฏิยตฺตํ อิตฺถึ ทิสฺวา กิเลสวเสน, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘ภิกฺขุ อิตฺถิโย นาม วฺเจตฺวา อุปลาเปตฺวา อตฺตโน วสํ คตกาเล วินาสํ ปาเปนฺติ, โลลพิฬารี วิย โหนฺตี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต อรฺเ กุกฺกุฏโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา อเนกสตกุกฺกุฏปริวาโร อรฺเ วสติ. ตสฺส อวิทูเร เอกา พิฬาริกาปิ วสติ. สา เปตฺวา โพธิสตฺตํ อวเสเส กุกฺกุเฏ อุปาเยน วฺเจตฺวา ขาทิ. โพธิสตฺโต ตสฺสา คหณํ น คจฺฉติ. สา จินฺเตสิ ‘‘อยํ กุกฺกุโฏ อติวิย สโ อมฺหากฺจ สภาวํ อุปายกุสลภาวฺจ น ชานาติ, อิมํ มยา ‘อหํ ภริยา เต ภวิสฺสามี’ติ อุปลาเปตฺวา อตฺตโน วสํ อาคตกาเล ขาทิตุํ วฏฺฏตี’’ติ. สา เตน นิสินฺนรุกฺขสฺส มูลํ คนฺตฺวา วณฺณสมฺภาสนปุพฺพงฺคมาย วาจาย ตํ ยาจมานา ปมํ คาถมาห –

๕๘.

‘‘สุจิตฺตปตฺตฉทน, ตมฺพจูฬ วิหงฺคม;

โอโรห ทุมสาขาย, มุธา ภริยา ภวามิ เต’’ติ.

ตตฺถ สุจิตฺตปตฺตฉทนาติ สุจิตฺเตหิ ปตฺเตหิ กตจฺฉทน. มุธาติ วินา มูเลน น กิฺจิ คเหตฺวา อหํ ภริยา เต ภวามิ.

ตํ สุตฺวา โพธิสตฺโต ‘‘อิมาย มม สพฺเพ าตกา ขาทิตา, อิทานิ มํ อุปลาเปตฺวา ขาทิตุกามา อโหสิ, อุยฺโยเชสฺสามิ น’’นฺติ จินฺเตตฺวา ทุติยํ คาถมาห –

๕๙.

‘‘จตุปฺปที ตฺวํ กลฺยาณิ, ทฺวิปทาหํ มโนรเม;

มิคี ปกฺขี อสฺุตฺตา, อฺํ ปริเยส สามิก’’นฺติ.

ตตฺถ มิคีติ พิฬารึ สนฺธายาห. อสฺุตฺตาติ ชยมฺปติกา ภวิตุํ อยุตฺตา อสมฺพนฺธา, นตฺถิ เตสํ อีทิโส สมฺพนฺโธติ ทีเปติ.

ตํ สุตฺวา ตโต สา ‘‘อยํ อติวิย สโ, เยน เกนจิ อุปาเยน วฺเจตฺวา นํ ขาทิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ตติยํ คาถมาห –

๖๐.

‘‘โกมาริกา เต เหสฺสามิ, มฺชุกา ปิยภาณินี;

วินฺท มํ อริเยน เวเทน, สาวย มํ ยทิจฺฉสี’’ติ.

ตตฺถ โกมาริกาติ อหํ เอตฺตกํ กาลํ อฺํ ปุริสํ น ชานามิ, ตว โกมาริกา ภริยา ภวิสฺสามีติ วทติ. มฺชุกา ปิยภาณินีติ ตว มธุรกถา ปิยภาณินีเยว ภวิสฺสามิ. วินฺท มนฺติ ปฏิลภ มํ. อริเยน เวเทนาติ สุนฺทเรน ปฏิลาเภน. อหมฺปิ หิ อิโต ปุพฺเพ ปุริสสมฺผสฺสํ น ชานามิ, ตฺวมฺปิ อิตฺถิสมฺผสฺสํ น ชานาสิ, อิติ ปกติยา พฺรหฺมจารี พฺรหฺมจารินึ มํ นิทฺโทเสน ลาเภน ลภ. ยทิ มํ อิจฺฉสิ, อถ เม วจนํ น สทฺทหสิ, ทฺวาทสโยชนาย พาราณสิยา เภรึ จราเปตฺวา ‘‘อยํ เม ทาสี’’ติ สาวย, มํ อตฺตโน ทาสํ กตฺวา คณฺหาหีติ วทติ.

ตโต โพธิสตฺโต ‘‘อิมํ ตชฺเชตฺวา ปลาเปตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา จตุตฺถํ คาถมาห –

๖๑.

‘‘กุณปาทินิ โลหิตเป, โจริ กุกฺกุฏโปถินิ;

น ตฺวํ อริเยน เวเทน, มมํ ภตฺตารมิจฺฉสี’’ติ.

ตตฺถ น ตฺวํ อริเยนาติ ตฺวํ อริเยน พฺรหฺมจริยวาสลาเภน มํ ภตฺตารํ น อิจฺฉสิ, วฺเจตฺวา ปน มํ ขาทิตุกามาสิ, นสฺส ปาเปติ ตํ ปลาเปสิ. สา ปน ปลายิตฺวาว คตา, น ปุน โอโลเกตุมฺปิ วิสหิ.

๖๒.

‘‘เอวมฺปิ จตุรา นารี, ทิสฺวาน สธนํ นรํ;

เนนฺติ สณฺหาหิ วาจาหิ, พิฬารี วิย กุกฺกุฏํ.

๖๓.

‘‘โย จ อุปฺปติตํ อตฺถํ, น ขิปฺปมนุพุชฺฌติ;

อมิตฺตวสมนฺเวติ, ปจฺฉา จ อนุตปฺปติ.

๖๔.

‘‘โย จ อุปฺปติตํ อตฺถํ, ขิปฺปเมว นิโพธติ;

มุจฺจเต สตฺตุสมฺพาธา, กุกฺกุโฏว พิฬาริยา’’ติ. – อิมา อภิสมฺพุทฺธคาถา;

ตตฺถ จตุราติ จาตุริเยน สมนฺนาคตา. นารีติ อิตฺถิโย. เนนฺตีติ อตฺตโน วสํ อุปเนนฺติ. พิฬารี วิยาติ ยถา สา พิฬารี ตํ กุกฺกุฏํ เนตุํ วายมติ, เอวํ อฺาปิ นาริโย เนนฺติเยว. อุปฺปติตํ อตฺถนฺติ อุปฺปนฺนํ กิฺจิเทว อตฺถํ. น อนุพุชฺฌตีติ ยถาสภาเวน น ชานาติ, ปจฺฉา จ อนุตปฺปติ. กุกฺกุโฏวาติ ยถา โส าณสมฺปนฺโน กุกฺกุโฏ พิฬาริโต มุตฺโต, เอวํ สตฺตุสมฺพาธโต มุจฺจตีติ อตฺโถ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺิตภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ตทา กุกฺกุฏราชา อหเมว อโหสินฺติ.

กุกฺกุฏชาตกวณฺณนา อฏฺมา.

[๓๘๔] ๙. ธมฺมธชชาตกวณฺณนา

ธมฺมํ จรถ าตโยติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ กุหกภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. ตทา หิ สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, อยํ อิทาเนว กุหโก, ปุพฺเพปิ กุหโกเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต สกุณโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต สกุณสงฺฆปริวุโต สมุทฺทมชฺเฌ ทีปเก วสิ. อเถกจฺเจ กาสิรฏฺวาสิโน วาณิชา ทิสากากํ คเหตฺวา นาวาย สมุทฺทํ ปกฺขนฺทึสุ, สมุทฺทมชฺเฌ นาวา ภิชฺชิ. โส ทิสากาโก ตํ ทีปกํ คนฺตฺวา จินฺเตสิ ‘‘อยํ มหาสกุณสงฺโฆ, มยา กุหกกมฺมํ กตฺวา เอเตสํ อณฺฑกานิ เจว ฉาปเก จ วรํ วรํ ขาทิตุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส โอตริตฺวา สกุณสงฺฆสฺส มชฺเฌ มุขํ วิวริตฺวา เอเกน ปาเทน ปถวิยํ อฏฺาสิ. ‘‘โก นาม ตฺวํ, สามี’’ติ สกุเณหิ ปุฏฺโ ‘‘อหํ ธมฺมิโก นามา’’ติ อาห. ‘‘กสฺมา ปน เอเกน ปาเทน ิโตสี’’ติ? ‘‘มยา ทุติเย ปาเท นิกฺขิตฺเต ปถวี ธาเรตุํ น สกฺโกตี’’ติ. ‘‘อถ กสฺมา มุขํ วิวริตฺวา ติฏฺสี’’ติ? ‘‘อหํ อฺํ อาหารํ น ขาทามิ, วาตเมว ขาทามี’’ติ. เอวฺจ ปน วตฺวา เต สกุเณ อามนฺเตตฺวา ‘‘โอวาทํ โว ทสฺสามิ, ตํ สุณาถา’’ติ เตสํ โอวาทวเสน ปมํ คาถมาห –

๖๕.

‘‘ธมฺมํ จรถ าตโย, ธมฺมํ จรถ ภทฺทํ โว;

ธมฺมจารี สุขํ เสติ, อสฺมึ โลเก ปรมฺหิ จา’’ติ.

ตตฺถ ธมฺมํ จรถาติ กายสุจริตาทิเภทํ ธมฺมํ กโรถ. าตโยติ เต อาลปติ. ธมฺมํ จรถ ภทฺทํ โวติ เอกวารํ จริตฺวา มา โอสกฺกถ, ปุนปฺปุนํ จรถ, เอวํ ภทฺทํ โว ภวิสฺสติ. สุขํ เสตีติ เทสนาสีสเมตํ, ธมฺมจารี ปน สุขํ ติฏฺติ คจฺฉติ นิสีทติ เสติ, สพฺพิริยาปเถสุ สุขิโต โหตีติ ทีเปติ.

สกุณา ‘‘อยํ กาโก โกหฺเน อณฺฑกานิ ขาทิตุํ เอวํ วทตี’’ติ อชานิตฺวา ตํ ทุสฺสีลํ วณฺเณนฺตา ทุติยํ คาถมาหํสุ –

๖๖.

‘‘ภทฺทโก วตยํ ปกฺขี, ทิโช ปรมธมฺมิโก;

เอกปาเทน ติฏฺนฺโต, ธมฺมเมวานุสาสตี’’ติ.

ตตฺถ ธมฺมเมวาติ สภาวเมว. อนุสาสตีติ กเถสิ.

สกุณา ตสฺส ทุสฺสีลสฺส สทฺทหิตฺวา ‘‘ตฺวํ กิร สามิ อฺํ โคจรํ น คณฺหสิ, วาตเมว ภกฺขสิ, เตน หิ อมฺหากํ อณฺฑกานิ จ ฉาปเก จ โอโลเกยฺยาสี’’ติ วตฺวา โคจราย คจฺฉนฺติ. โส ปาโป เตสํ คตกาเล อณฺฑกานิ จ ฉาปเก จ กุจฺฉิปูรํ ขาทิตฺวา เตสํ อาคมนกาเล อุปสนฺตูปสนฺโต หุตฺวา มุขํ วิวริตฺวา เอเกน ปาเทน ติฏฺติ. สกุณา อาคนฺตฺวา ปุตฺตเก อปสฺสนฺตา ‘‘โก นุ โข ขาทตี’’ติ มหาสทฺเทน วิรวนฺติ, ‘‘อยํ กาโก ธมฺมิโก’’ติ ตสฺมึ อาสงฺกามตฺตมฺปิ น กโรนฺติ. อเถกทิวสํ มหาสตฺโต จินฺเตสิ ‘‘อิธ ปุพฺเพ โกจิ ปริปนฺโถ นตฺถิ, อิมสฺส อาคตกาลโต ปฏฺาย ชาโต, อิมํ ปริคฺคณฺหิตุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส สกุเณหิ สทฺธึ โคจราย คจฺฉนฺโต วิย หุตฺวา นิวตฺติตฺวา ปฏิจฺฉนฺนฏฺาเน อฏฺาสิ. กาโกปิ ‘‘คตา สกุณา’’ติ นิราสงฺโก หุตฺวา อุฏฺาย คนฺตฺวา อณฺฑกานิ จ ฉาปเก จ ขาทิตฺวา ปุนาคนฺตฺวา มุขํ วิวริตฺวา เอเกน ปาเทน อฏฺาสิ.

สกุณราชา สกุเณสุ อาคเตสุ สพฺเพ สนฺนิปาตาเปตฺวา ‘‘อหํ โว อชฺช ปุตฺตกานํ ปริปนฺถํ ปริคฺคณฺหนฺโต อิมํ ปาปกากํ ขาทนฺตํ อทฺทสํ, เอถ นํ คณฺหามา’’ติ สกุณสงฺฆํ อามนฺเตตฺวา ปริวาเรตฺวา ‘‘สเจ ปลายติ, คณฺเหยฺยาถ น’’นฺติ วตฺวา เสสคาถา อภาสิ –

๖๗.

‘‘นาสฺส สีลํ วิชานาถ, อนฺาย ปสํสถ;

ภุตฺวา อณฺฑฺจ โปตฺจ, ธมฺโม ธมฺโมติ ภาสติ.

๖๘.

‘‘อฺํ ภณติ วาจาย, อฺํ กาเยน กุพฺพติ;

วาจาย โน จ กาเยน, น ตํ ธมฺมํ อธิฏฺิโต.

๖๙.

‘‘วาจาย สขิโล มโนวิทุคฺโค, ฉนฺโน กูปสโยว กณฺหสปฺโป;

ธมฺมธโช คามนิคมาสุ สาธุ, ทุชฺชาโน ปุริเสน พาลิเสน.

๗๐.

‘‘อิมํ ตุณฺเฑหิ ปกฺเขหิ, ปาทา จิมํ วิเหถ;

ฉวฺหิมํ วินาเสถ, นายํ สํวาสนารโห’’ติ.

ตตฺถ นาสฺส สีลนฺติ น อสฺส สีลํ. อนฺายาติ อชานิตฺวา. ภุตฺวาติ ขาทิตฺวา. วาจาย โน จ กาเยนาติ อยฺหิ วจเนเนว ธมฺมํ จรติ, กาเยน ปน น กโรติ. น ตํ ธมฺมํ อธิฏฺิโตติ ตสฺมา ชานิตพฺโพ ยถายํ ธมฺมํ ภณติ, น ตํ อธิฏฺิโต, ตสฺมึ ธมฺเม น อธิฏฺิโต. วาจาย สขิโลติ วจเนน มุทุ. มโนวิทุคฺโคติ มนสา วิทุคฺโค ทุปฺปเวโส วิสโม. ฉนฺโนติ ยสฺมึ พิเล สยติ, เตน ฉนฺโน. กูปสโยติ พิลาสโย. ธมฺมธโชติ สุจริตธมฺมํ ธชํ กตฺวา วิจรเณน ธมฺมทฺธโช. คามนิคมาสุ สาธูติ คาเมสุ จ นิคเมสุ จ สาธุ ภทฺทโก สมฺภาวิโต. ทุชฺชาโนติ อยํ เอวรูโป ทุสฺสีโล ปฏิจฺฉนฺนกมฺมนฺโต พาลิเสน อฺาเณน ปุริเสน น สกฺกา ชานิตุํ. ปาทา จิมนฺติ อตฺตโน อตฺตโน ปาเทน จ อิมํ. วิเหถาติ ปหรถ หนถ. ฉวนฺติ ลามกํ. นายนฺติ อยํ อมฺเหหิ สทฺธึ เอกสฺมึ าเน สํวาสํ น อรหตีติ.

เอวฺจ ปน วตฺวา สกุณเชฏฺโก สยเมว ลงฺฆิตฺวา ตสฺส สีสํ ตุณฺเฑน ปหริ, อวเสสา สกุณา ตุณฺฑนขปาทปกฺเขหิ ปหรึสุ. โส ตตฺเถว ชีวิตกฺขยํ ปาปุณิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา กุหกกาโก อิทานิ กุหกภิกฺขุ อโหสิ, สกุณราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

ธมฺมธชชาตกวณฺณนา นวมา.

[๓๘๕] ๑๐. นนฺทิยมิคราชชาตกวณฺณนา

สเจ พฺราหฺมณ คจฺเฉสีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ มาตุโปสกภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. ตฺหิ สตฺถา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ คิหี โปเสสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจํ, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘กึ เต โหนฺตี’’ติ วุตฺเต ‘‘มาตาปิตโร เม, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘สาธุ สาธุ ภิกฺขุ โปราณกปณฺฑิตานํ วํสํ ปาเลสิ, โปราณกปณฺฑิตา หิ ติรจฺฉานโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวาปิ มาตาปิตูนํ ชีวิตํ อทํสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต โกสลรฏฺเ สาเกเต โกสลราเช รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต มิคโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต นนฺทิยมิโค นาม หุตฺวา สีลาจารสมฺปนฺโน มาตาปิตโร โปเสสิ. ตทา โกสลราชา มิควิตฺตโกว อโหสิ. โส ปน มนุสฺสานํ กสิกมฺมาทีนิ กาตุํ อทตฺวา มหาปริวาโร เทวสิกํ มิควํ คจฺฉติ. มนุสฺสา สนฺนิปติตฺวา ‘‘อยฺยา, อยํ ราชา อมฺหากํ กมฺมจฺเฉทํ กโรติ, ฆราวาโสปิ นสฺสติ, ยํนูน มยํ อชฺชุนวนํ อุยฺยานํ ปริกฺขิปิตฺวา ทฺวารํ โยเชตฺวา โปรกฺขณึ ขณิตฺวา ติณานิ อาโรเปตฺวา ทณฺฑมุคฺคราทิหตฺถา อรฺํ ปวิสิตฺวา คุมฺเพ ปหรนฺตา มิเค นีหริตฺวา ปริวาเรตฺวา โครูปานิ วิย วชํ อุยฺยานํ ปเวเสตฺวา ทฺวารํ ปิทหิตฺวา รฺโ อาโรเจตฺวา อตฺตโน กมฺมํ กเรยฺยามา’’ติ มนฺตยึสุ. ‘‘อตฺเถโส อุปาโย’’ติ สพฺเพ เอกจฺฉนฺทา หุตฺวา อุยฺยานํ สชฺเชตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา โยชนมตฺตฏฺานํ ปริกฺขิปึสุ.

ตสฺมึ ขเณ นนฺทิโย เอกสฺมึ ขุทฺทกคุมฺเพ มาตาปิตโร คเหตฺวา ภูมิยํ นิปนฺโน โหติ. มนุสฺสา นานาผลกาวุธหตฺถา พาหุนา พาหุํ ปีเฬตฺวา ตํ คุมฺพํ ปริกฺขิปึสุ. อเถกจฺเจ มิเค โอโลเกนฺตา ตํ คุมฺพํ ปวิสึสุ. นนฺทิโย เต ทิสฺวา ‘‘อชฺช มยา ชีวิตํ ปริจฺจชิตฺวา มาตาปิตูนํ ชีวิตํ ทาตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา อุฏฺาย มาตาปิตโร วนฺทิตฺวา ‘‘อมฺมตาต, อิเม มนุสฺสา อิมํ คุมฺพํ ปวิสิตฺวา อมฺเห ตโยปิ ปสฺสิสฺสนฺติ, ตุมฺเห เอเกน อุปาเยน ชีเวยฺยาถ, ชีวิตํ โว เสยฺโย, อหํ ตุมฺหากํ ชีวิตทานํ ทตฺวา มนุสฺเสหิ คุมฺพปริยนฺเต ตฺวา คุมฺเพ ปหฏมตฺเตเยว นิกฺขมิสฺสามิ, อถ เต ‘อิมสฺมึ ขุทฺทกคุมฺเพ เอโกเยว มิโค ภวิสฺสตี’ติ มฺมานา คุมฺพํ น ปวิสิสฺสนฺติ, ตุมฺเห อปฺปมตฺตา โหถา’’ติ มาตาปิตโร ขมาเปตฺวา คมนสชฺโช อฏฺาสิ. โส มนุสฺเสหิ คุมฺพปริยนฺเต ตฺวา อุนฺนาเทตฺวา คุมฺเพ ปหฏมตฺเตเยว ตโต นิกฺขมิ. เต ‘‘เอโกเวตฺถ มิโค ภวิสฺสตี’’ติ คุมฺพํ น ปวิสึสุ. อถ นนฺทิโย คนฺตฺวา มิคานํ อนฺตรํ ปาวิสิ. มนุสฺสา ปริวาเรตฺวา สพฺเพ มิเค อุยฺยานํ ปเวเสตฺวา ทฺวารํ ถเกตฺวา รฺโ อาโรเจตฺวา สกสกฏฺานานิ อคมํสุ.

ตโต ปฏฺาย ราชา สยเมว คนฺตฺวา เอกํ มิคํ วิชฺฌิตฺวา ตํ คเหตฺวา เอหีติ เอกํ เปเสตฺวา อาหราเปสิ. มิคา วารํ ปยึสุ, ปตฺตวาโร มิโค เอกมนฺเต ติฏฺติ, ตํ วิชฺฌิตฺวา คณฺหนฺติ. นนฺทิโย โปกฺขรณิยํ ปานียํ ปิวติ, ติณานิ ขาทติ, วาโร ปนสฺส น ตาว ปาปุณาติ. อถ พหูนํ ทิวสานํ อจฺจเยน ตสฺส มาตาปิตโร ตํ ทฏฺุกามา หุตฺวา ‘‘อมฺหากํ ปุตฺโต นนฺทิยมิคราชา นาคพโล ถามสมฺปนฺโน, สเจ ชีวติ, อวสฺสํ วตึ ลงฺฆิตฺวา อมฺหากํ ทสฺสนตฺถาย อาคมิสฺสติ, สาสนมสฺส เปเสสฺสามา’’ติ จินฺเตตฺวา มคฺคสมีเป ตฺวา เอกํ พฺราหฺมณํ ทิสฺวา ‘‘อยฺย, กหํ คจฺฉสี’’ติ มานุสิกาย วาจาย ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สาเกต’’นฺติ วุตฺเต ปุตฺตสฺส สาสนํ ปหิณนฺตา ปมํ คาถมาหํสุ –

๗๑.

‘‘สเจ พฺราหฺมณ คจฺเฉสิ, สาเกเต อชฺชุนํ วนํ;

วชฺชาสิ นนฺทิยํ นาม, ปุตฺตํ อสฺมากโมรสํ;

มาตา ปิตา จ เต วุทฺธา, เต ตํ อิจฺฉนฺติ ปสฺสิตุ’’นฺติ.

ตสฺสตฺโถ – สเจ, ตฺวํ พฺราหฺมณ, สาเกตํ คจฺฉสิ, สาเกเต อชฺชุนวนํ นาม อุยฺยานํ อตฺถิ, ตตฺถ อมฺหากํ ปุตฺโต นนฺทิโย นาม มิโค อตฺถิ, ตํ วเทยฺยาสิ ‘‘มาตาปิตโร เต วุฑฺฒา ยาว น มรนฺติ, ตาว ตํ ปสฺสิตุํ อิจฺฉนฺตี’’ติ.

โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา สาเกตํ คนฺตฺวา ปุนทิวเส อุยฺยานํ ปวิสิตฺวา ‘‘นนฺทิยมิโค นาม กตโร’’ติ ปุจฺฉิ. มิโค อาคนฺตฺวา ตสฺส สมีเป ตฺวา ‘‘อห’’นฺติ อาห. พฺราหฺมโณ ตมตฺถํ อาโรเจสิ. นนฺทิโย ตํ สุตฺวา ‘‘คจฺเฉยฺยามหํ, พฺราหฺมณ, วตึ ลงฺฆิตฺวา โน น คจฺเฉยฺยํ, มยา ปน รฺโ สนฺตกํ นิวาปปานโภชนํ ภุตฺตํ, ตํ เม อิณฏฺาเน ิตํ, อิเมสฺจ มิคานํ มชฺเฌ จิรวุตฺโถสฺมิ, ตสฺส เม รฺโ เจว เอเตสฺจ โสตฺถิภาวํ อกตฺวา อตฺตโน พลํ อทสฺเสตฺวา คมนํ นาม น ยุตฺตํ, อตฺตโน วาเร ปน สมฺปตฺเต อหํ เอเตสํ โสตฺถิภาวํ กตฺวา สุขิโต อาคจฺฉิสฺสามี’’ติ ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต ทฺเว คาถา อภาสิ –

๗๒.

‘‘ภุตฺตา มยา นิวาปานิ, ราชิโน ปานโภชนํ;

ตํ ราชปิณฺฑํ อวโภตฺตุํ, นาหํ พฺราหฺมณ มุสฺสเห.

๗๓.

‘‘โอทหิสฺสามหํ ปสฺสํ, ขุรปฺปานิสฺส ราชิโน;

ตทาหํ สุขิโต มุตฺโต, อปิ ปสฺเสยฺย มาตร’’นฺติ.

ตตฺถ นิวาปานีติ เตสุ เตสุ าเนสุ นิวุตานิ นิวาปานิ. ปานโภชนนฺติ ปานียฺจ อวเสสติณฺจ. ตํ ราชปิณฺฑนฺติ ตํ รฺโ สนฺตกํ สงฺกฑฺฒิตฺวา สโมธานกฏฺเน ปิณฺฑํ. อวโภตฺตุนฺติ ทุพฺภุตฺตํ ภุฺชิตุํ. รฺโ หิ กิจฺจํ อนิปฺผาเทนฺโต ตํ อวภุตฺตํ ภุฺชติ นาม, สฺวาหํ เอวํ อวโภตฺตุํ น อุสฺสหามีติ วทติ. พฺราหฺมณ มุสฺสเหติ เจตฺถ พฺราหฺมณาติ อาลปนํ, ม-กาโร ปทสนฺธิวเสน วุตฺโต.

โอทหิสฺสามหํ ปสฺสํ, ขุรปฺปานิสฺส ราชิโนติ อหํ, พฺราหฺมณ, อตฺตโน วาเร สมฺปตฺเต ขุรปฺปํ สนฺนยฺหิตฺวา อาคตสฺส รฺโ มิคยูถโต นิกฺขมิตฺวา เอกมนฺเต ตฺวา ‘‘มํ วิชฺฌ, มหาราชา’’ติ วตฺวา อตฺตโน มหาผาสุกปสฺสํ โอทหิสฺสามิ โอฑฺเฑสฺสามิ. สุขิโต มุตฺโตติ ตทา อหํ มรณภยา มุตฺโต สุขิโต นิทฺทุกฺโข รฺา อนุฺาโต อปิ นาม มาตรํ ปสฺเสยฺยนฺติ.

ตํ สุตฺวา พฺราหฺมโณ ปกฺกามิ. อปรภาเค ตสฺส วารทิวเส ราชา มหนฺเตน ปริวาเรน อุยฺยานํ อาคจฺฉิ. มหาสตฺโต เอกมนฺเต อฏฺาสิ. ราชา ‘‘มิคํ วิชฺฌิสฺสามี’’ติ ขุรปฺปํ สนฺนยฺหิ. มหาสตฺโต ยถา อฺเ มรณภยตชฺชิตา ปลายนฺติ, เอวํ อปลายิตฺวา นิพฺภโย หุตฺวา เมตฺตํ ปุเรจาริกํ กตฺวา มหาผาสุกปสฺสํ โอทหิตฺวา นิจฺจโลว อฏฺาสิ. ราชา ตสฺส เมตฺตานุภาเวน สรํ วิสฺสชฺเชตุํ นาสกฺขิ. มหาสตฺโต ‘‘กึ, มหาราช, สรํ น มุจฺเจสิ, มุฺจาหี’’ติ อาห. ‘‘น สกฺโกมิ, มิคราชา’’ติ. ‘‘เตน หิ คุณวนฺตานํ คุณํ ชาน, มหาราชา’’ติ. ตทา ราชา โพธิสตฺเต ปสีทิตฺวา ธนุํ ฉฑฺเฑตฺวา ‘‘อิมํ อจิตฺตกํ กลิงฺครกณฺฑมฺปิ ตาว ตว คุณํ ชานาติ, อหํ สจิตฺตโก มนุสฺสภูโตปิ ตว คุณํ น ชานามิ, มิคราช, มยฺหํ ขม, อภยํ เต ทมฺมี’’ติ อาห. ‘‘มหาราช, มยฺหํ ตาว อภยํ เทสิ, อยํ ปน อุยฺยาเน มิคคโณ กึ กริสฺสตี’’ติ? ‘‘เอตสฺสปิ อภยํ ทมฺมี’’ติ. เอวํ มหาสตฺโต นิคฺโรธชาตเก (ชา. ๑.๑.๑๒) วุตฺตนเยเนว สพฺเพสํ อรฺเ มิคานํ อากาสคตสกุณานํ ชลจรมจฺฉานฺจ อภยํ ทาเปตฺวา ราชานํ ปฺจสุ สีเลสุ ปติฏฺาเปตฺวา ‘‘มหาราช, รฺา นาม อคติคมนํ ปหาย ทส ราชธมฺเม อโกเปนฺเตน ธมฺเมน สเมน รชฺชํ กาเรตุํ วฏฺฏตี’’ติ.

‘‘ทานํ สีลํ ปริจฺจาคํ, อชฺชวํ มทฺทวํ ตปํ;

อกฺโกธํ อวิหึสฺจ, ขนฺติฺจ อวิโรธนํ.

‘‘อิจฺเจเต กุสเล ธมฺเม, ิเต ปสฺสามิ อตฺตนิ;

ตโต เม ชายเต ปีติ, โสมนสฺสฺจนปฺปก’’นฺติ. (ชา. ๒.๒๑.๑๗๖-๑๗๗) –

เอวํ วุตฺเต ราชธมฺเม คาถาพนฺเธเนว เทเสตฺวา กติปาหํ รฺโ สนฺติเก วสิตฺวา นคเร สพฺพสตฺตานํ อภยทานปกาสนตฺถํ สุวณฺณเภรึ จราเปตฺวา ‘‘อปฺปมตฺโต โหหิ, มหาราชา’’ติ วตฺวา มาตาปิตูนํ ทสฺสนตฺถาย คโต.

๗๔.

‘‘มิคราชา ปุเร อาสึ, โกสลสฺส นิเกตเน;

นนฺทิโย นาม นาเมน, อภิรูโป จตุปฺปโท.

๗๕.

‘‘ตํ มํ วธิตุมาคจฺฉิ, ทายสฺมึ อชฺชุเน วเน;

ธนุํ อารชฺชํ กตฺวาน, อุสุํ สนฺนยฺห โกสโล.

๗๖.

‘‘ตสฺสาหํ โอทหึ ปสฺสํ, ขุรปฺปานิสฺส ราชิโน;

ตทาหํ สุขิโต มุตฺโต, มาตรํ ทฏฺุมาคโต’’ติ. –

อิมา ติสฺโส อภิสมฺพุทฺธคาถา โหนฺติ.

ตตฺถ โกสลสฺส นิเกตเนติ โกสลสฺส รฺโ นิเกตเน วสนฏฺาเน, ตสฺส สนฺติเก อรฺสฺมินฺติ อตฺโถ. ทายสฺมินฺติ มิคานํ วสนตฺถาย ทินฺนอุยฺยาเน. อารชฺชํ กตฺวานาติ ชิยาย สทฺธึ เอกโต กตฺวา, อาโรเปตฺวาติ อตฺโถ. สนฺนยฺหาติ สนฺนยฺหิตฺวา โยเชตฺวา. โอทหินฺติ โอฑฺเฑสึ. มาตรํ ทฏฺุมาคโตติ เทสนาสีสเมตํ, รฺโ ธมฺมํ เทเสตฺวา สพฺพสตฺตานํ อภยตฺถาย สุวณฺณเภรึ จราเปตฺวา มาตาปิตโร ทฏฺุํ อาคโตสฺมีติ อตฺโถ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน มาตุโปสกภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ตทา มาตาปิตโร มหาราชกุลานิ อเหสุํ, พฺราหฺมโณ สาริปุตฺโต, ราชา อานนฺโท, นนฺทิยมิคราชา ปน อหเมว อโหสินฺติ.

นนฺทิยมิคราชชาตกวณฺณนา ทสมา.

อวาริยวคฺโค ปโม.

๒. ขรปุตฺตวคฺโค

[๓๘๖] ๑. ขรปุตฺตชาตกวณฺณนา

สจฺจํ กิเรวมาหํสูติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปุราณทุติยิกาปโลภนํ อารพฺภ กเถสิ. ตฺหิ ภิกฺขุํ สตฺถา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ อุกฺกณฺิโตสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘เกน อุกฺกณฺาปิโตสี’’ติ วตฺวา ‘‘ปุราณทุติยิกายา’’ติ วุตฺเต ‘‘ภิกฺขุ อยํ เต อิตฺถี อนตฺถการิกา, ปุพฺเพปิ ตฺวํ อิมํ นิสฺสาย อคฺคึ ปวิสิตฺวา มรนฺโต ปณฺฑิเต นิสฺสาย ชีวิตํ ลภี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ เสนเก นาม รฺเ รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต สกฺกตฺตํ กาเรสิ. ตทา เสนกสฺส รฺโ เอเกน นาคราเชน สทฺธึ มิตฺตภาโว โหติ. โส กิร นาคราชา นาคภวนา นิกฺขมิตฺวา ถเล โคจรํ คณฺหนฺโต จรติ. อถ นํ คามทารกา ทิสฺวา ‘‘สปฺโป อย’’นฺติ เลฑฺฑุทณฺฑาทีหิ ปหรึสุ. อถ ราชา อุยฺยานํ กีฬิตุํ คจฺฉนฺโต ทิสฺวา ‘‘กึ เอเต ทารกา กโรนฺตี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘เอกํ สปฺปํ ปหรนฺตี’’ติ สุตฺวา ‘‘ปหริตุํ มา เทถ, ปลาเปถ เน’’ติ ปลาเปสิ. นาคราชา ชีวิตํ ลภิตฺวา นาคภวนํ คนฺตฺวา พหูนิ รตนานิ อาทาย อฑฺฒรตฺตสมเย รฺโ สยนฆรํ ปวิสิตฺวา ตานิ รตนานิ ทตฺวา ‘‘มหาราช, มยา ตุมฺเห นิสฺสาย ชีวิตํ ลทฺธ’’นฺติ รฺา สทฺธึ มิตฺตภาวํ กตฺวา ปุนปฺปุนํ คนฺตฺวา ราชานํ ปสฺสติ. โส อตฺตโน นาคมาณวิกาสุ เอกํ กาเมสุ อติตฺตํ นาคมาณวิกํ รกฺขณตฺถาย รฺโ สนฺติเก เปตฺวา ‘‘ยทา เอตํ น ปสฺสสิ, ตทา อิมํ มนฺตํ ปริวตฺเตยฺยาสี’’ติ ตสฺส เอกํ มนฺตํ อทาสิ.

โส เอกทิวสํ อุยฺยานํ คนฺตฺวา นาคมาณวิกาย สทฺธึ โปกฺขรณิยํ อุทกกีฬํ กีฬิ. นาคมาณวิกา เอกํ อุทกสปฺปํ ทิสฺวา อตฺตภาวํ วิชหิตฺวา เตน สทฺธึ อสทฺธมฺมํ ปฏิเสวิ. ราชา ตํ อปสฺสนฺโต ‘‘กหํ นุ โข คตา’’ติ มนฺตํ ปริวตฺเตตฺวา อนาจารํ กโรนฺตึ ทิสฺวา เวฬุเปสิกาย ปหริ. สา กุชฺฌิตฺวา ตโต นาคภวนํ คนฺตฺวา ‘‘กสฺมา อาคตาสี’’ติ ปุฏฺา ‘‘ตุมฺหากํ สหาโย มํ อตฺตโน วจนํ อคณฺหนฺตึ ปิฏฺิยํ ปหรี’’ติ ปหารํ ทสฺเสสิ. นาคราชา ตถโต อชานิตฺวาว จตฺตาโร นาคมาณวเก อามนฺเตตฺวา ‘‘คจฺฉถ, เสนกสฺส สยนฆรํ ปวิสิตฺวา นาสวาเตน ตํ ภุสํ วิย วิทฺธํเสถา’’ติ เปเสสิ. เต คนฺตฺวา รฺโ สิริสยเน นิปนฺนกาเล คพฺภํ ปวิสึสุ. เตสํ ปวิสนเวลายเมว ราชา เทวึ อาห – ‘‘ชานาสิ นุ โข ภทฺเท, นาคมาณวิกาย คตฏฺาน’’นฺติ? ‘‘น ชานามิ, เทวา’’ติ. ‘‘อชฺช สา อมฺหากํ โปกฺขรณิยํ กีฬนกาเล อตฺตภาวํ วิชหิตฺวา เอเกน อุทกสปฺเปน สทฺธึ อนาจารํ อกาสิ, อถ นํ อหํ ‘เอวํ มา กรี’ติ สิกฺขาปนตฺถาย เวฬุเปสิกาย ปหรึ, สา ‘นาคภวนํ คนฺตฺวา สหายสฺส เม อฺํ กิฺจิ กเถตฺวา เมตฺตึ ภินฺเทยฺยา’ติ เม ภยํ อุปฺปชฺชตี’’ติ. ตํ สุตฺวา นาคมาณวกา ตโตว นิวตฺติตฺวา นาคภวนํ คนฺตฺวา นาคราชสฺส ตมตฺถํ อาโรเจสุํ. โส สํเวคปฺปตฺโต หุตฺวา ตงฺขณฺเว รฺโ สยนฆรํ อาคนฺตฺวา ตมตฺถํ อาจิกฺขิตฺวา ขมาเปตฺวา ‘‘อิทํ เม ทณฺฑกมฺม’’นฺติ สพฺพรุตชานนํ นาม มนฺตํ ทตฺวา ‘‘อยํ, มหาราช, อนคฺโฆ มนฺโต, สเจ อิมํ มนฺตํ อฺสฺส ทเทยฺยาสิ, ทตฺวาว อคฺคึ ปวิสิตฺวา มเรยฺยาสี’’ติ อาห. ราชา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ. โส ตโต ปฏฺาย กิปิลฺลิกานมฺปิ สทฺทํ ชานาติ.

ตสฺเสกทิวสํ มหาตเล นิสีทิตฺวา มธุผาณิเตหิ ขาทนียํ ขาทนฺตสฺส เอกํ มธุพินฺทุ จ ผาณิตพินฺทุ จ ปูวขณฺฑฺจ ภูมิยํ ปติ. เอกา กิปิลฺลิกา ตํ ทิสฺวา ‘‘รฺโ มหาตเล มธุจาฏิ ภินฺนา, ผาณิตสกฏํ ปูวสกฏํ นิกฺกุชฺชิตํ, มธุผาณิตฺจ ปูวฺจ ขาทถา’’ติ วิรวนฺตี วิจรติ. อถ ราชา ตสฺสา รวํ สุตฺวา หสิ. รฺโ สมีเป ิตา เทวี ‘‘กึ นุ โข ทิสฺวา ราชา หสี’’ติ จินฺเตสิ. ตสฺมึ ขาทนียํ ขาทิตฺวา นฺหตฺวา ปลฺลงฺเก นิสินฺเน เอกํ มกฺขิกํ สามิโก ‘‘เอหิ ภทฺเท, กิเลสรติยา รมิสฺสามา’’ติ อาห. อถ นํ สา ‘‘อธิวาเสหิ ตาว สามิ, อิทานิ รฺโ คนฺเธ อาหริสฺสนฺติ, ตสฺส วิลิมฺปนฺตสฺส ปาทมูเล คนฺธจุณฺณํ ปติสฺสติ, อหํ ตตฺถ วฏฺเฏตฺวา สุคนฺธา ภวิสฺสามิ, ตโต รฺโ ปิฏฺิยํ นิปชฺชิตฺวา รมิสฺสามา’’ติ อาห. ราชา ตมฺปิ สทฺทํ สุตฺวา หสิ. เทวีปิ ‘‘กึ นุ โข ทิสฺวา หสี’’ติ ปุน จินฺเตสิ. ปุน รฺโ สายมาสํ ภุฺชนฺตสฺส เอกํ ภตฺตสิตฺถํ ภูมิยํ ปติ. กิปิลฺลิกา ‘‘ราชกุเล ภตฺตสกฏํ ภคฺคํ, ภตฺตํ ภุฺชถา’’ติ วิรวิ. ตํ สุตฺวา ราชา ปุนปิ หสิ. เทวี สุวณฺณกฏจฺฉุํ คเหตฺวา ราชานํ ปริวิสนฺตี ‘‘มํ นุ โข ทิสฺวา ราชา หสตี’’ติ วิตกฺเกสิ.

สา รฺา สทฺธึ สยนํ อารุยฺห นิปชฺชนกาเล ‘‘กึการณา เทว, หสี’’ติ ปุจฺฉิ. โส ‘‘กึ เต มม หสิตการเณนา’’ติ วตฺวา ปุนปฺปุนํ นิพทฺโธ กเถสิ. อถ นํ สา ‘‘ตุมฺหากํ ชานนมนฺตํ มยฺหํ เทถา’’ติ วตฺวา ‘‘น สกฺกา ทาตุ’’นฺติ ปฏิกฺขิตฺตาปิ ปุนปฺปุนํ นิพนฺธิ. ราชา ‘‘สจาหํ อิมํ มนฺตํ ตุยฺหํ ทสฺสามิ, มริสฺสามี’’ติ อาห. ‘‘มรนฺโตปิ มยฺหํ เทหิ, เทวา’’ติ. ราชา มาตุคามวสิโก หุตฺวา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ‘‘อิมิสฺสา มนฺตํ ทตฺวา อคฺคึ ปวิสิสฺสามี’’ติ รเถน อุยฺยานํ ปายาสิ.

ตสฺมึ ขเณ สกฺโก โลกํ โอโลเกนฺโต อิมํ การณํ ทิสฺวา ‘‘อยํ พาลราชา มาตุคามํ นิสฺสาย ‘อคฺคึ ปวิสิสฺสามี’ติ คจฺฉติ, ชีวิตมสฺส ทสฺสามี’’ติ สุชํ อสุรกฺํ อาทาย พาราณสึ อาคนฺตฺวา ตํ อชิกํ กตฺวา อตฺตนา อโช หุตฺวา ‘‘มหาชโน มา ปสฺสตู’’ติ อธิฏฺาย รฺโ รถสฺส ปุรโต อโหสิ. ตํ ราชา เจว รเถ ยุตฺตสินฺธวา จ ปสฺสนฺติ, อฺโ โกจิ น ปสฺสติ. อโช กถาสมุฏฺาปนตฺถํ รถปุรโต อชิกาย สทฺธึ เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวนฺโต วิย อโหสิ. ตเมโก รเถ ยุตฺตสินฺธโว ทิสฺวา ‘‘สมฺม อชราช, มยํ ปุพฺเพ ‘อชา กิร พาลา อหิริกา’ติ อสฺสุมฺห, น จ ตํ ปสฺสิมฺห, ตฺวํ ปน รโห ปฏิจฺฉนฺนฏฺาเน กตฺตพฺพํ อนาจารํ อมฺหากํ เอตฺตกานํ ปสฺสนฺตานฺเว กโรสิ, น ลชฺชสิ, ตํ โน ปุพฺเพ สุตํ อิมินา ทิฏฺเน สเมตี’’ติ วตฺวา ปมํ คาถมาห –

๗๗.

‘‘สจฺจํ กิเรวมาหํสุ, วสฺตํ พาโลติ ปณฺฑิตา;

ปสฺส พาโล รโหกมฺมํ, อาวิกุพฺพํ น พุชฺฌตี’’ติ.

ตตฺถ วสฺตนฺติ อชํ. ปณฺฑิตาติ าณสมฺปนฺนา ตํ พาโลติ วทนฺติ, สจฺจํ กิร วทนฺติ. ปสฺสาติ อาลปนํ, ปสฺสถาหิ อตฺโถ. น พุชฺฌตีติ เอวํ กาตุํ อยุตฺตนฺติ น ชานาติ.

ตํ สุตฺวา อโช ทฺเว คาถา อภาสิ –

๗๘.

‘‘ตฺวํ โขปิ สมฺม พาโลสิ, ขรปุตฺต วิชานหิ;

รชฺชุยา หิ ปริกฺขิตฺโต, วงฺโกฏฺโ โอหิโตมุโข.

๗๙.

‘‘อปรมฺปิ สมฺม เต พาลฺยํ, โย มุตฺโต น ปลายสิ;

โส จ พาลตโร สมฺม, ยํ ตฺวํ วหติ เสนก’’นฺติ.

ตตฺถ ตฺวํ โขปิ สมฺมาติ สมฺม สินฺธว มยาปิ โข ตฺวํ พาลตโร. ขรปุตฺตาติ โส กิร คทฺรภสฺส ชาตโก, เตน ตํ เอวมาห. วิชานหีติ อหเมว พาโลติ เอวํ ชานาหิ. ปริกฺขิตฺโตติ ยุเคน สทฺธึ คีวาย ปริกฺขิตฺโต. วงฺโกฏฺโติ วงฺกโอฏฺโ. โอหิโตมุโขติ มุขพนฺธเนน ปิหิตมุโข. โย มุตฺโต น ปลายสีติ โย ตฺวํ รถโต มุตฺโต สมาโน มุตฺตกาเล ปลายิตฺวา อรฺํ น ปวิสสิ, ตํ เต อปลายนํ อปรมฺปิ พาลฺยํ, โส จ พาลตโรติ ยํ ตฺวํ เสนกํ วหสิ, โส เสนโก ตยาปิ พาลตโร.

ราชา เตสํ อุภินฺนมฺปิ กถํ ชานาติ, ตสฺมา ตํ สุณนฺโต สณิกํ รถํ เปเสสิ. สินฺธโวปิ ตสฺส กถํ สุตฺวา ปุน จตุตฺถํ คาถมาห –

๘๐.

‘‘ยํ นุ สมฺม อหํ พาโล, อชราช วิชานหิ;

อถ เกน เสนโก พาโล, ตํ เม อกฺขาหิ ปุจฺฉิโต’’ติ.

ตตฺถ นฺติ กรณตฺเถ ปจฺจตฺตวจนํ. นูติ อนุสฺสวตฺเถ นิปาโต. อิทํ วุตฺตํ โหติ – สมฺม อชราช, เยน ตาว ติรจฺฉานคตตฺเตน การเณน อหํ พาโล, ตํ ตฺวํ การณํ ชานาหิ, สกฺกา เอตํ ตยา าตุํ, อหฺหิ ติรจฺฉานคตตฺตาว พาโล, ตสฺมา มํ ขรปุตฺตาติอาทีนิ วทนฺโต สุฏฺุ วทสิ, อยํ ปน เสนโก ราชา เกน การเณน พาโล, ตํ เม การณํ ปุจฺฉิโต อกฺขาหีติ.

ตํ สุตฺวา อโช อาจิกฺขนฺโต ปฺจมํ คาถมาห –

๘๑.

‘‘อุตฺตมตฺถํ ลภิตฺวาน, ภริยาย โย ปทสฺสติ;

เตน ชหิสฺสตตฺตานํ, สา เจวสฺส น เหสฺสตี’’ติ.

ตตฺถ อุตฺตมตฺถนฺติ สพฺพรุตชานนมนฺตํ. เตนาติ ตสฺสา มนฺตปฺปทานสงฺขาเตน การเณน ตํ ทตฺวา อคฺคึ ปวิสนฺโต อตฺตานฺจ ชหิสฺสติ, สา จสฺส ภริยา น ภวิสฺสติ, ตสฺมา เอส ตยาปิ พาลตโร, โย ลทฺธํ ยสํ รกฺขิตุํ น สกฺโกตีติ.

ราชา ตสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘อชราช, อมฺหากํ โสตฺถึ กโรนฺโตปิ ตฺวฺเว กริสฺสสิ, กเถหิ ตาว โน กตฺตพฺพยุตฺตก’’นฺติ อาห. อถ นํ อชราชา ‘‘มหาราช, อิเมสํ สตฺตานํ อตฺตนา อฺโ ปิยตโร นาม นตฺถิ, เอกํ ปิยภณฺฑํ นิสฺสาย อตฺตานํ นาเสตุํ ลทฺธยสํ ปหาตุํ น วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา ฉฏฺํ คาถมาห –

๘๒.

‘‘น เว ปิยมฺเมติ ชนินฺท ตาทิโส, อตฺตํ นิรํกตฺวา ปิยานิ เสวติ;

อตฺตาว เสยฺโย ปรมา จ เสยฺโย, ลพฺภา ปิยา โอจิตตฺเถน ปจฺฉา’’ติ.

ตตฺถ ปิยมฺเมติ ปิยํ เม, อยเมว วา ปาโ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ชนินฺท, ตาทิโส ตุมฺหาทิโส ยสมหตฺเต ิโต ปุคฺคโล เอกํ ปิยภณฺฑํ นิสฺสาย ‘‘อิทํ ปิยํ เม’’ติ อตฺตํ นิรํกตฺวา อตฺตานํ ฉฑฺเฑตฺวา ตานิ ปิยานิ น เสวเตว. กึการณา? อตฺตาว เสยฺโย ปรมา จ เสยฺโยติ, ยสฺมา สตคุเณน สหสฺสคุเณน อตฺตาว เสยฺโย วโร อุตฺตโม, ปรมา จ เสยฺโย, ปรมา อุตฺตมาปิ อฺสฺมา ปิยภณฺฑาติ อตฺโถ. เอตฺถ หิ จ-กาโร ปิ-การตฺเถ นิปาโตติ ทฏฺพฺโพ. ลพฺภา ปิยา โอจิตตฺเถน ปจฺฉาติ โอจิตตฺเถน วฑฺฒิตตฺเถน ยสสมฺปนฺเนน ปุริเสน ปจฺฉา ปิยา นาม สกฺกา ลทฺธุํ, น ตสฺสา การณา อตฺตา นาเสตพฺโพติ.

เอวํ มหาสตฺโต รฺโ โอวาทํ อทาสิ. ราชา ตุสฺสิตฺวา ‘‘อชราช, กุโต อาคโตสี’’ติ ปุจฺฉิ. สกฺโก อหํ, มหาราช, ตว อนุกมฺปาย ตํ มรณา โมเจตุํ อาคโตมฺหีติ. เทวราช, อหํ เอติสฺสา ‘‘มนฺตํ ทสฺสามี’’ติ อวจํ, อิทานิ ‘‘กึ กโรมี’’ติ? ‘‘มหาราช, ตุมฺหากํ อุภินฺนมฺปิ วินาเสน กิจฺจํ นตฺถิ, ‘สิปฺปสฺส อุปจาโร’ติ วตฺวา เอตํ กติปเย ปหาเร ปหราเปหิ, อิมินา อุปาเยน น คณฺหิสฺสตี’’ติ. ราชา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ. มหาสตฺโต รฺโ โอวาทํ ทตฺวา สกฏฺานเมว คโต. ราชา อุยฺยานํ คนฺตฺวา เทวึ ปกฺโกสาเปตฺวา อาห ‘‘คณฺหิสฺสสิ ภทฺเท, มนฺต’’นฺติ? ‘‘อาม, เทวา’’ติ. ‘‘เตน หิ อุปจารํ กโรมี’’ติ. ‘‘โก อุปจาโร’’ติ? ‘‘ปิฏฺิยํ ปหารสเต ปวตฺตมาเน สทฺทํ กาตุํ น วฏฺฏตี’’ติ. สา มนฺตโลเภน ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ. ราชา โจรฆาตเก ปกฺโกสาเปตฺวา กสา คาหาเปตฺวา อุโภสุ ปสฺเสสุ ปหราเปสิ. สา ทฺเว ตโย ปหาเร อธิวาเสตฺวา ตโต ปรํ ‘‘น เม มนฺเตน อตฺโถ’’ติ รวิ. อถ นํ ราชา ‘‘ตฺวํ มํ มาเรตฺวา มนฺตํ คณฺหิตุกามาสี’’ติ ปิฏฺิยํ นิจฺจมฺมํ กาเรตฺวา วิสฺสชฺชาเปสิ. สา ตโต ปฏฺาย ปุน กเถตุํ นาสกฺขิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺิตภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ตทา ราชา อุกฺกณฺิตภิกฺขุ อโหสิ, เทวี ปุราณทุติยิกา, อสฺโส สาริปุตฺโต, สกฺโก ปน อหเมว อโหสินฺติ.

ขรปุตฺตชาตกวณฺณนา ปมา.

[๓๘๗] ๒. สูจิชาตกวณฺณนา

อกกฺกสํ อผรุสนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปฺาปารมึ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ มหาอุมงฺคชาตเก (ชา. ๒.๒๒.๕๙๐ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติ. ตทา ปน สตฺถา ภิกฺขู อามนฺเตตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ ตถาคโต ปฺวา อุปายกุสโลเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต กาสิรฏฺเ กมฺมารกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ปริโยทาตสิปฺโป อโหสิ. มาตาปิตโร ปนสฺส ทลิทฺทา, เตสํ คามโต อวิทูเร อฺโ สหสฺสกุฏิโก กมฺมารคาโม. ตตฺถ กมฺมารสหสฺสเชฏฺโก กมฺมาโร ราชวลฺลโภ อฑฺโฒ มหทฺธโน, ตสฺเสกา ธีตา อโหสิ อุตฺตมรูปธรา เทวจฺฉราปฏิภาคา ชนปทกลฺยาณิลกฺขเณหิ สมนฺนาคตา. สามนฺตคาเมสุ มนุสฺสา วาสิผรสุผาลปาจนาทิการาปนตฺถาย ตํ คามํ คนฺตฺวา เยภุยฺเยน ตํ กุมาริกํ ปสฺสนฺติ, เต อตฺตโน อตฺตโน คามํ คนฺตฺวา นิสินฺนฏฺานาทีสุ ตสฺสา รูปํ วณฺเณนฺติ. โพธิสตฺโต ตํ สุตฺวา สวนสํสคฺเคน พชฺฌิตฺวา ‘‘ปาทปริจาริกํ นํ กริสฺสามี’’ติ อุตฺตมชาติกํ อยํ คเหตฺวา เอกํ สุขุมํ ฆนํ สูจึ กตฺวา ปาเส วิชฺฌิตฺวา อุทเก อุปฺปิลาเปตฺวา อปรมฺปิ ตถารูปเมว ตสฺสา โกสกํ กตฺวา ปาเส วิชฺฌิ. อิมินา นิยาเมน ตสฺสา สตฺต โกสเก อกาสิ, ‘‘กถํ อกาสี’’ติ น วตฺตพฺพํ. โพธิสตฺตานฺหิ าณมหนฺตตาย กรณํ สมิชฺฌติเยว. โส ตํ สูจึ นาฬิกาย ปกฺขิปิตฺวา โอวฏฺฏิกาย กตฺวา ตํ คามํ คนฺตฺวา กมฺมารเชฏฺกสฺส วสนวีถึ ปุจฺฉิตฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา ทฺวาเร ตฺวา ‘‘โก มม หตฺถโต เอวรูปํ นาม สูจึ มูเลน กิณิตุํ อิจฺฉตี’’ติ สูจึ วณฺเณนฺโต เชฏฺกกมฺมารสฺส ฆรทฺวารสมีเป ตฺวา ปมํ คาถมาห –

๘๓.

‘‘อกกฺกสํ อผรุสํ, ขรโธตํ สุปาสิยํ;

สุขุมํ ติขิณคฺคฺจ, โก สูจึ เกตุมิจฺฉตี’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – มม ปฏลสฺส วา ติลกสฺส วา โอธิโน วา อภาเวน อกกฺกสํ, สุมฏฺตาย อผรุสํ, ขเรน ปาสาเณน โธตตฺตา ขรโธตํ, สุนฺทเรน สุวิทฺเธน ปาเสน สมนฺนาคตตฺตา สุปาสิยํ, สณฺหตาย สุขุมํ, อคฺคสฺส ติขิณตาย ติขิณคฺคํ สูจึ มม หตฺถโต มูลํ ทตฺวา โก กิณิตุํ อิจฺฉตีติ.

เอวฺจ ปน วตฺวา ปุนปิ ตํ วณฺเณนฺโต ทุติยํ คาถมาห –

๘๔.

‘‘สุมชฺชฺจ สุปาสฺจ, อนุปุพฺพํ สุวฏฺฏิตํ;

ฆนฆาติมํ ปฏิถทฺธํ, โก สูจึ เกตุมิจฺฉตี’’ติ.

ตตฺถ สุมชฺชฺจาติ กุรุวินฺทกจุณฺเณน สุฏฺุ มชฺชิตํ. สุปาสฺจาติ สณฺเหน ปาสเวธเกน วิทฺธตฺตา สุนฺทรปาสํ. ฆนฆาติมนฺติ ยา ฆาติยมานา อธิกรณึ อนุปวิสติ, อยํ ‘‘ฆนฆาติมา’’ติ วุจฺจติ, ตาทิสินฺติ อตฺโถ. ปฏิถทฺธนฺติ ถทฺธํ อมุทุกํ.

ตสฺมึ ขเณ สา กุมาริกา ภุตฺตปาตราสํ ปิตรํ ทรถปฏิปฺปสฺสมฺภนตฺถํ จูฬสยเน นิปนฺนํ ตาลวณฺเฏน พีชยมานา โพธิสตฺตสฺส มธุรสทฺทํ สุตฺวา อลฺลมํสปิณฺเฑน หทเย ปหฏา วิย ฆฏสหสฺเสน นิพฺพาปิตทรถา วิย หุตฺวา ‘‘โก นุ โข เอส อติมธุเรน สทฺเทน กมฺมารานํ วสนคาเม สูจึ วิกฺกิณาติ, เกน นุ โข กมฺเมน อาคโต, ชานิสฺสามิ น’’นฺติ ตาลวณฺฏํ เปตฺวา เคหา นิกฺขมฺม พหิอาฬินฺทเก ตฺวา เตน สทฺธึ กเถสิ. โพธิสตฺตานฺหิ ปตฺถิตํ นาม สมิชฺฌติ, โส หิ ตสฺสาเยวตฺถาย ตํ คามํ อาคโต. สา จ เตน สทฺธึ กเถนฺตี ‘‘มาณว, สกลรฏฺวาสิโน สูจิอาทีนํ อตฺถาย อิมํ คามํ อาคจฺฉนฺติ, ตฺวํ พาลตาย กมฺมารคาเม สูจึ วิกฺกิณิตุํ อิจฺฉสิ, สเจปิ ทิวสํ สูจิยา วณฺณํ ภาสิสฺสสิ, น เต โกจิ หตฺถโต สูจึ คณฺหิสฺสติ, สเจ ตฺวํ มูลํ ลทฺธุํ อิจฺฉสิ, อฺํ คามํ ยาหี’’ติ วตฺวา ทฺเว คาถา อภาสิ –

๘๔.

‘‘อิโตทานิ ปตายนฺติ, สูจิโย พฬิสานิ จ;

โกยํ กมฺมารคามสฺมึ, สูจึ วิกฺเกตุมิจฺฉติ.

๘๕.

‘‘อิโต สตฺถานิ คจฺฉนฺติ, กมฺมนฺตา วิวิธา ปุถู;

โกยํ กมฺมารคามสฺมึ, สูจึ วิกฺเกตุมิจฺฉตี’’ติ.

ตตฺถ อิโตทานีติ อิมสฺมึ รฏฺเ อิทานิ สูจิโย จ พฬิสานิ จ อฺานิ จ อุปกรณานิ อิมมฺหา กมฺมารคามา ปตายนฺติ นิกฺขมนฺติ, ตํ ตํ ทิสํ ปตฺถรนฺตา นิคฺคจฺฉนฺติ. โกยนฺติ เอวํ สนฺเต โก อยํ อิมสฺมึ กมฺมารคาเม สูจึ วิกฺกิณิตุํ อิจฺฉติ. สตฺถานีติ พาราณสึ คจฺฉนฺตานิ นานปฺปการานิ สตฺถานิ อิโตว คจฺฉนฺติ. วิวิธา ปุถูติ นานปฺปการา พหู กมฺมนฺตาปิ สกลรฏฺวาสีนํ อิโต คหิตอุปกรเณเหว ปวตฺตนฺติ.

โพธิสตฺโต ตสฺสา วจนํ สุตฺวา ‘‘ภทฺเท, ตฺวํ อชานนฺตี อฺาเณน เอวํ วเทสี’’ติ วตฺวา ทฺเว คาถา อภาสิ –

๘๖.

‘‘สูจึ กมฺมารคามสฺมึ, วิกฺเกตพฺพา ปชานตา;

อาจริยาว ชานนฺติ, กมฺมํ สุกตทุกฺกฏํ.

๘๗.

‘‘อิมฺเจ เต ปิตา ภทฺเท, สูจึ ชฺา มยา กตํ;

ตยา จ มํ นิมนฺเตยฺย, ยฺจตฺถฺํ ฆเร ธน’’นฺติ.

ตตฺถ สูจินฺติ วิภตฺติวิปลฺลาโส กโต. อิทํ วุตฺตํ โหติ – สูจิ นาม ปชานตา ปณฺฑิเตน ปุริเสน กมฺมารคามสฺมึเยว วิกฺเกตพฺพา. กึการณา? อาจริยาว ชานนฺติ, กมฺมํ สุกตทุกฺกฏนฺติ, ตสฺส ตสฺส สิปฺปสฺส อาจริยาว ตสฺมึ ตสฺมึ สิปฺเป สุกตทุกฺกฏกมฺมํ ชานนฺติ, สฺวาหํ กมฺมารกมฺมํ อชานนฺตานํ คหปติกานํ คามํ คนฺตฺวา มม สูจิยา สุกตทุกฺกฏภาวํ กถํ ชานาเปสฺสามิ, อิมสฺมึ ปน คาเม มม พลํ ชานาเปสฺสามีติ. เอวํ โพธิสตฺโต อิมาย คาถาย อตฺตโน พลํ วณฺเณสิ.

ตยา จ มํ นิมนฺเตยฺยาติ ภทฺเท สเจ ตว ปิตา อิมํ มยา กตํ สูจึ ‘‘อีทิสา วา เอสา, เอวํ วา กตา’’ติ ชาเนยฺย, ‘‘อิมํ เม ธีตรํ ตว ปาทปริจาริกํ ทมฺมิ, คณฺหาหิ น’’นฺติ เอวํ ตยา จ มํ นิมนฺเตยฺย. ยฺจตฺถฺํ ฆเร ธนนฺติ ยฺจ อฺํ สวิฺาณกํ วา อวิฺาณกํ วา ฆเร ธนํ อตฺถิ, เตน มํ นิมนฺเตยฺย. ‘‘ยฺจสฺสฺ’’นฺติปิ ปาโ, ยฺจ อสฺส ฆเร อฺํ ธนํ อตฺถีติ อตฺโถ.

กมฺมารเชฏฺโก สพฺพํ เตสํ กถํ สุตฺวา ‘‘อมฺมา’’ติ ธีตรํ ปกฺโกสิตฺวา ‘‘เกน สทฺธึ สลฺลปสี’’ติ ปุจฺฉิ. ตาต, เอโก ปุริโส สูจึ วิกฺกิณาติ, เตน สทฺธึ สลฺลเปมีติ. ‘‘เตน หิ ปกฺโกสาหิ น’’นฺติ. สา คนฺตฺวา ปกฺโกสิ. โพธิสตฺโต เคหํ ปวิสิตฺวา กมฺมารเชฏฺกํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. อถ นํ โส ‘‘กตรคามวาสิโกสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อหํ อสุกคามวาสิโกมฺหิ อสุกกมฺมารสฺส ปุตฺโต’’ติ. ‘‘กสฺมา อิธาคโตสี’’ติ. ‘‘สูจิวิกฺกยตฺถายา’’ติ. ‘‘อาหร, สูจึ เต ปสฺสามา’’ติ. โพธิสตฺโต อตฺตโน คุณํ สพฺเพสํ มชฺเฌ ปกาเสตุกาโม ‘‘นนุ เอกกานํ โอโลกิตโต สพฺเพสํ มชฺเฌ โอโลเกตุํ วรตร’’นฺติ อาห. โส ‘‘สาธุ, ตาตา’’ติ สพฺเพ กมฺมาเร สนฺนิปาตาเปตฺวา เตหิ ปริวุโต ‘‘อาหร, ตาต, มยํ ปสฺสาม เต สูจิ’’นฺติ อาห. ‘‘อาจริย, เอกํ อธิกรณิฺจ อุทกปูรฺจ กํสถาลํ อาหราเปถา’’ติ. โส อาหราเปสิ. โพธิสตฺโต โอวฏฺฏิกโต สูจินาฬิกํ นีหริตฺวา อทาสิ. กมฺมารเชฏฺโก ตโต สูจึ นีหริตฺวา ‘‘ตาต, อยํ สูจี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘นายํ สูจิ, โกสโก เอโส’’ติ. โส อุปธาเรนฺโต เนว อนฺตํ, น โกฏึ อทฺทส. โพธิสตฺโต อาหราเปตฺวา นเขน โกสกํ อปเนตฺวา ‘‘อยํ สูจิ, อยํ โกสโก’’ติ มหาชนสฺส ทสฺเสตฺวา สูจึ อาจริยสฺส หตฺเถ, โกสกํ ปาทมูเล เปสิ. ปุน เตน ‘‘อยํ มฺเ สูจี’’ติ วุตฺโต ‘‘อยมฺปิ สูจิโกสโกเยวา’’ติ วตฺวา นเขน ปหรนฺโต ปฏิปาฏิยา ฉ สูจิโกสเก กมฺมารเชฏฺกสฺส ปาทมูเล เปตฺวา ‘‘อยํ สูจี’’ติ ตสฺส หตฺเถ เปสิ. กมฺมารสหสฺสานิ องฺคุลิโย โผเฏสุํ, เจลุกฺเขปา ปวตฺตึสุ.

อถ นํ กมฺมารเชฏฺโก ‘‘ตาต, อิมาย สูจิยา กึ พล’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาจริย พลวตา ปุริเสน อธิกรณึ อุกฺขิปาเปตฺวา อธิกรณิยา เหฏฺา อุทกปาตึ ปาเปตฺวา อธิกรณิยา มชฺเฌ อิมํ สูจึ ปหรถา’’ติ. โส ตถา กาเรตฺวา อธิกรณิยา มชฺเฌ สูจึ อคฺเคน ปหริ. สา อธิกรณึ วินิวิชฺฌิตฺวา อุทกปิฏฺเ เกสคฺคมตฺตมฺปิ อุทฺธํ วา อโธ วา อหุตฺวา ติริยํ ปติฏฺาสิ. สพฺเพ กมฺมารา ‘‘อมฺเหหิ เอตฺตกํ กาลํ ‘กมฺมารา นาม เอทิสา โหนฺตี’ติ สุติวเสนปิ น สุตปุพฺพ’’นฺติ องฺคุลิโย โผเฏตฺวา เจลุกฺเขปสหสฺสํ ปวตฺตยึสุ. กมฺมารเชฏฺโก ธีตรํ ปกฺโกสิตฺวา ตสฺมิฺเว ปริสมชฺเฌ ‘‘อยํ กุมาริกา ตุยฺหเมว อนุจฺฉวิกา’’ติ อุทกํ ปาเตตฺวา อทาสิ. โส อปรภาเค กมฺมารเชฏฺกสฺส อจฺจเยน ตสฺมึ คาเม กมฺมารเชฏฺโก อโหสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา กมฺมารเชฏฺกสฺส ธีตา ราหุลมาตา อโหสิ, ปณฺฑิตกมฺมารปุตฺโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

สูจิชาตกวณฺณนา ทุติยา.

[๓๘๘] ๓. ตุณฺฑิลชาตกวณฺณนา

นวฉนฺนเกติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ มรณภีรุกํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิร สาวตฺถิวาสี กุลปุตฺโต พุทฺธสาสเน ปพฺพชิตฺวา มรณภีรุโก อโหสิ, อปฺปมตฺตกมฺปิ สาขาจลนํ ทณฺฑกปตนํ สกุณจตุปฺปทสทฺทํ วา อฺํ วา ตถารูปํ สุตฺวา มรณภยตชฺชิโต หุตฺวา กุจฺฉิยํ วิทฺธสโส วิย กมฺปนฺโต วิจริ. ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, อสุโก กิร ภิกฺขุ มรณภีรุโก อปฺปมตฺตกมฺปิ สทฺทํ สุตฺวา วิกมฺปมาโน ปลายติ, อิเมสฺจ สตฺตานํ มรณเมว ธุวํ, ชีวิตํ อทฺธุวํ, นนุ ตเทว โยนิโส มนสิ กาตพฺพ’’นฺติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ตํ ภิกฺขุํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ มรณภีรุโก’’ติ วตฺวา ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ เตน ปฏิฺาโต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปส มรณภีรุโกเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต สูกริยา กุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. สูกรี ปริณตคพฺภา ทฺเว ปุตฺเต วิชายิ. สา เอกทิวสํ เต คเหตฺวา เอกสฺมึ อาวาเฏ นิปชฺชิ. อเถกา พาราณสิทฺวารคามวาสินี มหลฺลิกา กปฺปาสเขตฺตโต ปจฺฉิปุณฺณํ กปฺปาสํ อาทาย ยฏฺิยา ภูมึ อาโกเฏนฺตี อาคจฺฉิ. สูกรี ตํ สทฺทํ สุตฺวา มรณภเยน ปุตฺตเก ฉฑฺเฑตฺวา ปลายิ. มหลฺลิกา สูกรโปตเก ทิสฺวา ปุตฺตสฺํ ปฏิลภิตฺวา ปจฺฉิยํ ปกฺขิปิตฺวา ฆรํ เนตฺวา เชฏฺกสฺส มหาตุณฺฑิโล, กนิฏฺสฺส จูฬตุณฺฑิโลติ นามํ กริตฺวา เต ปุตฺตเก วิย โปเสสิ. เต อปรภาเค วฑฺฒิตฺวา ถูลสรีรา อเหสุํ. มหลฺลิกา ‘‘อิเม โน มูเลน เทหี’’ติ วุจฺจมานาปิ ‘‘ปุตฺตา เม’’ติ วตฺวา กสฺสจิ น เทติ. อเถกสฺมึ ฉณกาเล ธุตฺตา สุรํ ปิวนฺตา มํเส ขีเณ ‘‘กุโต นุ โข มํสํ ลภิสฺสามา’’ติ วีมํสนฺตา มหลฺลิกาย เคเห สูกรานํ อตฺถิภาวํ ตฺวา มูลํ คเหตฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา ‘‘อมฺม, มูลํ คเหตฺวา เอกํ โน สูกรํ เทหี’’ติ อาหํสุ. สา ‘‘อลํ, ตาตา, ปุตฺตา เม เอเต, ปุตฺตํ นาม มํสํ ขาทนตฺถาย กิณนฺตานํ ททนฺตา นาม นตฺถี’’ติ ปฏิกฺขิปิ. ธุตฺตา ‘‘อมฺม, มนุสฺสานํ สูกรา นาม ปุตฺตา น โหนฺติ, เทหิ โน’’ติ ปุนปฺปุนํ ยาจนฺตาปิ อลภิตฺวา มหลฺลิกํ สุรํ ปาเยตฺวา มตฺตกาเล ‘‘อมฺม, สูกเรหิ กึ กริสฺสสิ, มูลํ คเหตฺวา ปริพฺพยํ กโรหี’’ติ ตสฺสา หตฺเถ กหาปเณ ปยึสุ.

สา กหาปเณ คเหตฺวา ‘‘ตาตา, มหาตุณฺฑิลํ ทาตุํ น สกฺโกมิ. จูฬตุณฺฑิลํ ปน คณฺหถา’’ติ อาห. ‘‘กหํ โส’’ติ? ‘‘อยํ เอตสฺมึ คจฺเฉติ, สทฺทมสฺส เทหี’’ติ. ‘‘อาหารํ น ปสฺสามี’’ติ. ธุตฺตา มูเลน เอกํ ภตฺตปาตึ อาหราเปสุํ. มหลฺลิกา ตํ คเหตฺวา ทฺวาเร ปิตํ สูกรโทณึ ปูเรตฺวา โทณิสมีเป อฏฺาสิ. ตึสมตฺตาปิ ธุตฺตา ปาสหตฺถา ตตฺเถว อฏฺํสุ. มหลฺลิกา ‘‘ตาต, จูฬตุณฺฑิล, เอหี’’ติ ตสฺส สทฺทมกาสิ. ตํ สุตฺวา มหาตุณฺฑิโล ‘‘เอตฺตกํ กาลํ มม มาตรา จูฬตุณฺฑิลสฺส สทฺโท น ทินฺนปุพฺโพ, มํเยว ปมํ สทฺทายติ, อวสฺสํ อชฺช อมฺหากํ ภยํ อุปฺปนฺนํ ภวิสฺสตี’’ติ อฺาสิ. โส กนิฏฺํ อามนฺเตสิ ‘‘ตาต, มม มาตา ตํ ปกฺโกสติ, คจฺฉ ตาว ชานาหี’’ติ. โส คจฺฉา นิกฺขมิตฺวา ภตฺตโทณิสมีเป เตสํ ิตภาวํ ทิสฺวา ‘‘อชฺช เม มรณํ อุปฺปนฺน’’นฺติ มรณภยตชฺชิโต นิวตฺติตฺวา กมฺปมาโน ภาตุ สนฺติกํ อาคนฺตฺวา ถมฺภิตุํ นาสกฺขิ, กมฺปมาโน ปริพฺภมิ. มหาตุณฺฑิโล ตํ ทิสฺวา ‘‘ตาต, ตฺวํ อชฺช ปน ปเวธสิ ปริพฺภมสิ, ปวิสนฏฺานํ โอโลเกสิ, กึ นาเมตํ กโรสี’’ติ ปุจฺฉิ. โส อตฺตนา ทิฏฺการณํ กเถนฺโต ปมํ คาถมาห –

๘๘.

‘‘นวฉนฺนเกทานิ ทิยฺยติ, ปุณฺณายํ โทณิ สุวามินี ิตา;

พหุเก ชเน ปาสปาณิเก, โน จ โข เม ปฏิภาติ ภุฺชิตุ’’นฺติ.

ตตฺถ นวฉนฺนเกทานิ ทิยฺยตีติ ภาติก, ปุพฺเพ อมฺหากํ กุณฺฑกยาคุ วา ฌามภตฺตํ วา ทิยฺยติ, อชฺช ปน นวฉนฺนกํ นวาการํ ทานํ ทิยฺยติ. ปุณฺณายํ โทณีติ อยํ อมฺหากํ ภตฺตโทณิ สุทฺธภตฺตสฺส ปุณฺณา. สุวามินี ิตาติ อยฺยาปิ โน ตสฺสา สนฺติเก ิตา. พหุเก ชเนติ น เกวลฺจ อยฺยาว, อฺโปิ พหุโก ชโน ปาสปาณิโก ิโต. โน จ โข เม ปฏิภาตีติ อยํ เอวํ เอเตสํ ิตภาโวปิ อิทํ ภตฺตํ ภุฺชิตุมฺปิ มยฺหํ น ปฏิภาติ, น รุจฺจตีติ อตฺโถ.

ตํ สุตฺวา มหาสตฺโต ‘‘ตาต จูฬตุณฺฑิล, มม กิร มาตา เอตฺเถว สูกเร โปเสนฺตี นาม ยทตฺถํ โปเสติ, สฺวาสฺสา อตฺโถ อชฺช มตฺถกํ ปตฺโต, ตฺวํ มา จินฺตยี’’ติ วตฺวา มธุเรน สเรน พุทฺธลีฬาย ธมฺมํ เทเสนฺโต ทฺเว คาถา อภาสิ –

๘๙.

‘‘ตสสิ ภมสิ เลณมิจฺฉสิ, อตฺตาโณสิ กุหึ คมิสฺสสิ;

อปฺโปสฺสุกฺโก ภุฺช ตุณฺฑิล, มํสตฺถาย หิ โปสิตามฺหเส.

๙๐.

‘‘โอคห รหทํ อกทฺทมํ, สพฺพํ เสทมลํ ปวาหย;

คณฺหาหิ นวํ วิเลปนํ, ยสฺส คนฺโธ น กทาจิ ฉิชฺชตี’’ติ.

ตตฺถ ตสสิ ภมสีติ มรณภเยน อุตฺตสสิ, เตเนว กิลมนฺโต ภมสิ. เลณมิจฺฉสีติ ปติฏฺํ โอโลเกสิ. อตฺตาโณสีติ ตาต, ปุพฺเพ อมฺหากํ มาตา ปฏิสรณํ อโหสิ, สา อชฺช ปน นิรเปกฺขา อมฺเห ฉฑฺเฑสิ, อิทานิ กุหึ คมิสฺสสิ. โอคหาติ โอคาห, อยเมว วา ปาโ. ปวาหยาติ ปวาเหหิ, หาเรหีติ อตฺโถ. น ฉิชฺชตีติ น นสฺสติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ตาต, สเจ มรณโต ตสสิ, อกทฺทมํ โปกฺขรณึ โอตริตฺวา ตว สรีเร สพฺพํ เสทฺจ มลฺจ ปวาเหตฺวา สุรภิคนฺธวิเลปนํ วิลิมฺปาติ.

ตสฺส ทส ปารมิโย อาวชฺเชตฺวา เมตฺตาปารมึ ปุเรจาริกํ กตฺวา ปมํ ปทํ อุทาหรนฺตสฺเสว สทฺโท สกลํ ทฺวาทสโยชนิกํ พาราณสึ อชฺโฌตฺถริตฺวา คโต. สุตสุตกฺขเณเยว ราชอุปราชาทโย อาทึ กตฺวา พาราณสิวาสิโน อาคมํสุ. อนาคตาปิ เคเห ิตาว สุณึสุ. ราชปุริสา คจฺเฉ ฉินฺทิตฺวา ภูมึ สมํ กตฺวา วาลุกํ โอกิรึสุ. ธุตฺตานํ สุรามโท ฉิชฺชิ. ปาเส ฉฑฺเฑตฺวา ธมฺมํ สุณมานา อฏฺํสุ. มหลฺลิกายปิ สุรามโท ฉิชฺชิ. มหาสตฺโต มหาชนมชฺเฌ จูฬตุณฺฑิลสฺส ธมฺมเทสนํ อารภิ. ตํ สุตฺวา จูฬตุณฺฑิโล ‘‘มยฺหํ ภาตา เอวํ วเทติ, อมฺหากฺจ วํเส โปกฺขรณึ โอตริตฺวา นหานํ, สรีรโต เสทมลปวาหนํ, ปุราณวิเลปนํ หาเรตฺวา นววิเลปนคหณฺจ กิสฺมิฺจิ กาเล นตฺถิ, กึ นุ โข สนฺธาย ภาตา มํ เอว มาหา’’ติ ปุจฺฉนฺโต จตุตฺถํ คาถมาห –

๙๑.

‘‘กตโม รหโท อกทฺทโม, กึสุ เสทมลนฺติ วุจฺจติ;

กตมฺจ นวํ วิเลปนํ, ยสฺส คนฺโธ น กทาจิ ฉิชฺชตี’’ติ.

ตํ สุตฺวา มหาสตฺโต ‘‘เตน หิ กนิฏฺ โอหิตโสโต สุณาหี’’ติ พุทฺธลีฬาย ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –

๙๒.

‘‘ธมฺโม รหโท อกทฺทโม, ปาปํ เสทมลนฺติ วุจฺจติ;

สีลฺจ นวํ วิเลปนํ, ตสฺส คนฺโธ น กทาจิ ฉิชฺชติ.

๙๓.

‘‘นนฺทนฺติ สรีรฆาติโน, น จ นนฺทนฺติ สรีรธาริโน;

ปุณฺณาย จ ปุณฺณมาสิยา, รมมานาว ชหนฺติ ชีวิต’’นฺติ.

ตตฺถ ธมฺโมติ ปฺจสีลอฏฺสีลทสสีลานิ ตีณิ สุจริตานิ สตฺตตึสโพธิปกฺขิยธมฺมา อมตมหานิพฺพานนฺติ สพฺโพเปส ธมฺโม นาม. อกทฺทโมติ ราคโทสโมหมานทิฏฺิกิเลสกทฺทมานํ อภาเวน อกทฺทโม. อิมินา เสสธมฺมโต วินิวตฺเตตฺวา นิพฺพานเมว ทสฺเสติ. ‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, ธมฺมา สงฺขตา วา อสงฺขตา วา, วิราโค เตสํ ธมฺมานํ อคฺคมกฺขายติ, ยทิทํ มทนิมฺมทโน ปิปาสวินโย อาลยสมุคฺฆาโต วฏฺฏุปจฺเฉโท ตณฺหกฺขโย วิราโค นิโรโธ นิพฺพาน’’นฺติ (อ. นิ. ๔.๓๔; อิติวุ. ๙๐) หิ วุตฺตํ, ตเทว ทสฺเสนฺโต, ตาต จูฬตุณฺฑิล, อหํ นิพฺพานตฬากํ ‘‘รหโท’’ติ กเถมิ. ชาติชราพฺยาธิมรณาทีนิ หิ ตตฺถ นตฺถิ, สเจ มรณโต มุฺจิตุกาโม, นิพฺพานคามินึ ปฏิปทํ คณฺหาติ. อุปนิสฺสยปจฺจยวเสน กิร โพธิสตฺโต เอวํ กเถสิ.

ปาปํ เสทมลนฺติ ตาต จูฬตุณฺฑิล, ปาปํ เสทมลสทิสตฺตา ‘‘เสทมล’’นฺติ โปราณกปณฺฑิเตหิ กถิตํ. ตํ ปเนตํ เอกวิเธน ปาปํ ยทิทํ มโนปโทโส, ทุวิเธน ปาปํ ปาปกฺจ สีลํ, ปาปิกา จ ทิฏฺิ, ติวิเธน ปาปํ ตีณิ ทุจฺจริตานิ, จตุพฺพิเธน ปาปํ จตฺตาริ อคติคมนานิ, ปฺจวิเธน ปาปํ ปฺจ เจโตขิลา, ฉพฺพิเธน ปาปํ ฉ อคารวา, สตฺตวิเธน ปาปํ สตฺต อสทฺธมฺมา, อฏฺวิเธน ปาปํ อฏฺ มิจฺฉตฺตา, นววิเธน ปาปํ นว อาฆาตวตฺถูนิ, ทสวิเธน ปาปํ ทส อกุสลกมฺมปถา, พหุวิเธน ปาปํ ราโค โทโส โมโหติ เอกกทุกติกาทิวเสน วิภตฺตา อกุสลา ธมฺมา, อิติ สพฺพมฺเปตํ ปาปํ ‘‘สรีรนิสฺสิตเสทมลสทิส’’นฺติ ปณฺฑิเตหิ กถิตํ.

สีลนฺติ ปฺจสีลํ ทสสีลํ จตุปาริสุทฺธิสีลํ. ‘‘อิทํ, ตาต, สีลํ จตุชฺชาติคนฺธวิเลปนสทิส’’นฺติ วทติ. ตสฺสาติ ตสฺส สิลสฺส คนฺโธ ตีสุ วเยสุ กทาจิ น ฉิชฺชติ, สกลโลกํ ปตฺถริตฺวา คจฺฉติ.

‘‘น ปุปฺผคนฺโธ ปฏิวาตเมติ, น จนฺทนํ ตคฺครมลฺลิกา วา;

สตฺจ คนฺโธ ปฏิวาตเมติ, สพฺพา ทิสา สปฺปุริโส ปวายติ.

‘‘จนฺทนํ ตครํ วาปิ, อุปฺปลํ อถ วสฺสิกี;

เอเตสํ คนฺธชาตานํ, สีลคนฺโธ อนุตฺตโร.

‘‘อปฺปมตฺโต อยํ คนฺโธ, ยฺวายํ ตครจนฺทนํ;

โย จ สีลวตํ คนฺโธ, วาติ เทเวสุ อุตฺตโม’’ติ. (ธ. ป. ๕๔-๕๖);

นนฺทนฺติ สรีรฆาติโนติ ตาต จูฬตุณฺฑิล, อิเม อฺาณมนุสฺสา ‘‘มธุรมํสํ ขาทิสฺสาม, ปุตฺตทารมฺปิ ขาทาเปสฺสามา’’ติ ปาณาติปาตํ กโรนฺตา นนฺทนฺติ ตุสฺสนฺติ, ปาณาติปาโต อาเสวิโต ภาวิโต พหุลีกโต นิรยสํวตฺตนิโก โหติ, ติรจฺฉานโยนิ…เป… เปตฺติวิสยสํวตฺตนิโก โหติ, โย สพฺพลหุโก ปาณาติปาตสฺส วิปาโก, โส มนุสฺสภูตสฺส อปฺปายุกสํวตฺตนิโก โหตีติ อิมํ ปาณาติปาเต อาทีนวํ น ชานนฺติ. อชานนฺตา –

‘‘มธุวา มฺติ พาโล, ยาว ปาปํ น ปจฺจติ;

ยทา จ ปจฺจติ ปาปํ, พาโล ทุกฺขํ นิคจฺฉตี’’ติ. (ธ. ป. ๖๙) –

มธุรสฺิโน หุตฺวา –

‘‘จรนฺติ พาลา ทุมฺเมธา, อมิตฺเตเนว อตฺตนา;

กโรนฺตา ปาปกํ กมฺมํ, ยํ โหติ กฏุกปฺผล’’นฺติ. (ธ. ป. ๖๖) –

เอตฺตกมฺปิ น ชานนฺติ.

‘‘น ตํ กมฺมํ กตํ สาธุ, ยํ กตฺวา อนุตปฺปติ;

ยสฺส อสฺสุมุโข โรทํ, วิปากํ ปฏิเสวตี’’ติ. (ธ. ป. ๖๗);

น จ นนฺทนฺติ สรีรธาริโนติ ตาต จูฬตุณฺฑิล, เย ปเนเต สรีรธาริโน สตฺตา, เต อตฺตโน มรเณ อาคจฺฉนฺเต เปตฺวา สีหมิคราชหตฺถาชานียอสฺสาชานียขีณาสเว อวเสสา โพธิสตฺตํ อาทึ กตฺวา อภายนฺตา นาม นตฺถิ.

‘‘สพฺเพ ตสนฺติ ทณฺฑสฺส, สพฺเพ ภายนฺติ มจฺจุโน;

อตฺตานํ อุปมํ กตฺวา, น หเนยฺย น ฆาตเย’’ติ. (ธ. ป. ๑๒๙);

ปุณฺณายาติ คุณปุณฺณาย. ปุณฺณมาสิยาติ ปุณฺณจนฺทยุตฺตาย, มาสํ วา ปูเรตฺวา ิตาย. ตทา กิร ปุณฺณมาสี อุโปสถทิวโส โหติ. รมมานาว ชหนฺติ ชีวิตนฺติ ตาต จูฬตุณฺฑิล, มา โสจิ มา ปริเทวิ, มรณสฺส นาม เต ภายนฺติ, เยสํ อพฺภนฺตเร สีลาทิคุณา นตฺถิ. มยํ ปน สีลาจารสมฺปนฺนา ปุฺวนฺโต, ตสฺมา อมฺหาทิสา สตฺตา รมมานาว ชหนฺติ ชีวิตนฺติ.

เอวํ มหาสตฺโต มธุเรน สเรน พุทฺธลีฬาย ธมฺมํ เทเสสิ. มหาชนกายา องฺคุลิโย โผเฏสุํ, เจลุกฺเขปา จ ปวตฺตึสุ, สาธุการสทฺทปุณฺณํ อนฺตลิกฺขํ อโหสิ. พาราณสิราชา โพธิสตฺตํ รชฺเชน ปูเชตฺวา มหลฺลิกาย ยสํ ทตฺวา อุโภปิ เต คนฺโธทเกน นฺหาเปตฺวา คนฺธาทีหิ วิลิมฺปาเปตฺวา คีวาสุ มณิรตนานิ ปิฬนฺธาเปตฺวา ฆรํ เนตฺวา ปุตฺตฏฺาเน เปตฺวา มหนฺเตน ปริวาเรน ปฏิชคฺคิ. โพธิสตฺโต รฺโ ปฺจ สีลานิ อทาสิ. สพฺเพ พาราณสิวาสิโน จ กาสิรฏฺวาสิโน จ ปฺจ สีลานิ รกฺขึสุ. มหาสตฺโต เนสํ ปกฺขทิวเสสุ ธมฺมํ เทเสสิ, วินิจฺฉเย นิสีทิตฺวา อฑฺเฑ ตีเรสิ. ตสฺมึ ธรมาเน กูฏฑฺฑการกา นาม นาเหสุํ. อปรภาเค ราชา กาลมกาสิ. มหาสตฺโต ตสฺส สรีรปริหารํ กาเรตฺวา วินิจฺฉเย โปตฺถเก ลิขาเปตฺวา ‘‘อิมํ โปตฺถกํ โอโลเกตฺวา อฑฺฑํ ตีเรยฺยาถา’’ติ วตฺวา มหาชนสฺส ธมฺมํ เทเสตฺวา อปฺปมาเทน โอวาทํ ทตฺวา สพฺเพสํ โรทนฺตานํ ปริเทวนฺตานฺเว สทฺธึ จูฬตุณฺฑิเลน อรฺํ ปาวิสิ. ตทา โพธิสตฺตสฺส โอวาโท สฏฺิ วสฺสสหสฺสานิ ปวตฺติ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน โส มรณภีรุโก ภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ.

ตทา ราชา อานนฺโท อโหสิ, จูฬตุณฺฑิโล มรณภีรุโก ภิกฺขุ, ปริสา พุทฺธปริสา, มหาตุณฺฑิโล ปน อหเมว อโหสินฺติ.

ตุณฺฑิลชาตกวณฺณนา ตติยา.

[๓๘๙] ๔. สุวณฺณกกฺกฏกชาตกวณฺณนา

สิงฺคีมิโคติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต อานนฺทตฺเถรสฺส อตฺตโน อตฺถาย ชีวิตปริจฺจาคํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ ยาว ธนุคฺคหปโยชนา ขณฺฑหาลชาตเก (ชา. ๒.๒๒.๙๘๒ อาทโย) ธนปาลวิสฺสชฺชนํ จูฬหํสมหาหํสชาตเก (ชา. ๑.๑๕.๑๓๓ อาทโย) กถิตํ. ตทา หิ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, ธมฺมภณฺฑาคาริกอานนฺทตฺเถโร เสกฺขปฏิสมฺภิทาปฺปตฺโต หุตฺวา ธนปาลเก อาคจฺฉนฺเต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ชีวิตํ ปริจฺจชี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ อานนฺโท มยฺหํ ชีวิตํ ปริจฺจชิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต ราชคหสฺส ปุพฺพปสฺเส สาลินฺทิโย นาม พฺราหฺมณคาโม โหติ. ตทา โพธิสตฺโต ตสฺมึ คาเม กสฺสกพฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต กุฏุมฺพํ สณฺเปตฺวา ตสฺส คามสฺส ปุพฺพุตฺตราย ทิสาย เอกสฺมึ คามเขตฺเต กรีสสหสฺสมตฺตํ กสึ กาเรสิ. โส เอกทิวสํ มนุสฺเสหิ สทฺธึ เขตฺตํ คนฺตฺวา กมฺมกาเร ‘‘กสถา’’ติ อาณาเปตฺวา มุขโธวนตฺถาย เขตฺตโกฏิยํ มหนฺตํ โสพฺภํ อุปสงฺกมิ. ตสฺมึ โข ปน โสพฺเภ เอโก สุวณฺณวณฺโณ กกฺกฏโก ปฏิวสติ อภิรูโป ปาสาทิโก. โพธิสตฺโต ทนฺตกฏฺํ ขาทิตฺวา ตํ โสพฺภํ โอตริ. ตสฺส มุขโธวนกาเล กกฺกฏโก สนฺติกํ อาคมาสิ. อถ นํ โส อุกฺขิปิตฺวา อตฺตโน อุตฺตริสาฏกนฺตเร นิปชฺชาเปตฺวา คเหตฺวา เขตฺเต กตฺตพฺพกิจฺจํ กตฺวา คจฺฉนฺโต ตตฺเถว นํ โสพฺเภ ปกฺขิปิตฺวา เคหํ อคมาสิ. ตโต ปฏฺาย เขตฺตํ อาคจฺฉนฺโต ปมํ ตํ โสพฺภํ คนฺตฺวา กกฺกฏกํ อุกฺขิปิตฺวา อุตฺตริสาฏกนฺตเร นิปชฺชาเปตฺวา ปจฺฉา กมฺมนฺตํ วิจาเรสิ. อิติ เตสํ อฺมฺํ วิสฺสาโส ทฬฺโห อโหสิ.

โพธิสตฺโต นิพทฺธํ เขตฺตํ อาคจฺฉติ, อกฺขีสุ จ ปนสฺส ปฺจ ปสาทา ตีณิ มณฺฑลานิ วิสุทฺธานิ หุตฺวา ปฺายนฺติ. อถสฺส เขตฺตโกฏิยํ เอกสฺมึ ตาเล กากกุลาวเก กากี อกฺขีนิ ทิสฺวา ขาทิตุกามา หุตฺวา กากํ อาห – ‘‘สามิ, โทหโฬ เม อุปฺปนฺโน’’ติ. ‘‘กึ โทหโฬ นามา’’ติ? ‘‘เอตสฺส พฺราหฺมณสฺส อกฺขีนิ ขาทิตุกามามฺหี’’ติ. ‘‘ทุทฺโทหโฬ เต อุปฺปนฺโน, โก เอตานิ อาหริตุํ สกฺขิสฺสตี’’ติ. ‘‘ตฺวํ น สกฺโกสี’’ติ อหมฺเปตํ ชานามิ, โย ปเนส ตาลสฺส อวิทูเร วมฺมิโก, เอตฺถ กณฺหสปฺโป วสติ. ‘‘ตํ อุปฏฺห, โส เอตํ ฑํสิตฺวา มาเรสฺสติ, อถสฺส อกฺขีนิ อุปฺปาเฏตฺวา ตฺวํ อาหริสฺสสี’’ติ. โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตโต ปฏฺาย กณฺหสปฺปํ อุปฏฺหิ. โพธิสตฺเตนปิ วาปิตสสฺสานํ คพฺภคฺคหณกาเล กกฺกฏโก มหา อโหสิ. อเถกทิวสํ สปฺโป กากมาห ‘‘สมฺม, ตฺวํ นิพทฺธํ มํ อุปฏฺหสิ, กึ เต กโรมี’’ติ. ‘‘สามิ, ตุมฺหากํ ทาสิยา เอตสฺส เขตฺตสามิกสฺส อกฺขีสุ โทหโฬ อุปฺปชฺชิ, สฺวาหํ ตุมฺหากํ อานุภาเวน ตสฺส อกฺขีนิ ลภิสฺสามีติ ตุมฺเห อุปฏฺหามี’’ติ. สปฺโป ‘‘โหตุ, นยิทํ ครุกํ, ลภิสฺสสี’’ติ ตํ อสฺสาเสตฺวา ปุน ทิวเส พฺราหฺมณสฺส อาคมนมคฺเค เกทารมริยาทํ นิสฺสาย ติเณหิ ปฏิจฺฉนฺโน หุตฺวา ตสฺสาคมนํ โอโลเกนฺโต นิปชฺชิ.

โพธิสตฺโต อาคจฺฉนฺโต ปมํ โสพฺภํ โอตริตฺวา มุขํ โธวิตฺวา สิเนหํ ปจฺจุปฏฺาเปตฺวา สุวณฺณกกฺกฏกํ อาลิงฺเคตฺวา อุตฺตริสาฏกนฺตเร นิปชฺชาเปตฺวา เขตฺตํ ปาวิสิ. สปฺโป ตํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวาว เวเคน ปกฺขนฺทิตฺวา ปิณฺฑิกมํเส ฑํสิตฺวา ตตฺเถว ปาเตตฺวา วมฺมิกํ สนฺธาย ปลายิ. โพธิสตฺตสฺส ปตนฺจ กกฺกฏกสฺส สาฏกนฺตรโต ลงฺฆนฺจ กากสฺส อาคนฺตฺวา โพธิสตฺตสฺส อุเร นิลียนฺจ อปจฺฉาอปุริมํ อโหสิ. กาโก นิลียิตฺวา อกฺขีนิ ตุณฺเฑน ปหริ. กกฺกฏโก ‘‘อิมํ กากํ นิสฺสาย มม สหายสฺส ภยํ อุปฺปนฺนํ, เอตสฺมึ คหิเต สปฺโป อาคจฺฉิสฺสตี’’ติ สณฺฑาเสน คณฺหนฺโต วิย กากํ คีวายํ อเฬน ทฬฺหํ คเหตฺวา กิลเมตฺวา โถกํ สิถิลมกาสิ. กาโก ‘‘กิสฺส มํ สมฺม, ฉฑฺเฑตฺวา ปลายสิ, เอส มํ กกฺกฏโก ภิยฺโย วิเหเติ, ยาว น มรามิ, ตาว เอหี’’ติ สปฺปํ ปกฺโกสนฺโต ปมํ คาถมาห –

๙๔.

‘‘สิงฺคีมิโค อายตจกฺขุเนตฺโต, อฏฺิตฺตโจ วาริสโย อโลโม;

เตนาภิภูโต กปณํ รุทามิ, หเร สขา กิสฺส นุ มํ ชหาสี’’ติ.

ตตฺถ สิงฺคีมิโคติ สิงฺคีสุวณฺณวณฺณตาย วา อฬสงฺขาตานํ วา สิงฺคานํ อตฺถิตาย กกฺกฏโก วุตฺโต. อายตจกฺขุเนตฺโตติ ทีเฆหิ จกฺขุสงฺขาเตหิ เนตฺเตหิ สมนฺนาคโต. อฏฺิเมว ตโจ อสฺสาติ อฏฺิตฺตโจ. หเร สขาติ อาลปนเมตํ, อมฺโภ สหายาติ อตฺโถ.

สปฺโป ตํ สุตฺวา มหนฺตํ ผณํ กตฺวา กากํ อสฺสาเสนฺโต อคมาสิ. สตฺถา อิมมตฺถํ ทีเปนฺโต อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา ทุติยํ คาถมาห –

๙๕.

‘‘โส ปสฺสสนฺโต มหตา ผเณน, ภุชงฺคโม กกฺกฏมชฺฌปตฺโต;

สขา สขารํ ปริตายมาโน, ภุชงฺคมํ กกฺกฏโก คเหสี’’ติ.

ตตฺถ กกฺกฏมชฺฌปตฺโตติ กกฺกฏกํ สมฺปตฺโต. สขา สขารนฺติ สหาโย สหายํ. ‘‘สกํ สขาร’’นฺติปิ ปาโ, อตฺตโน สหายนฺติ อตฺโถ. ปริตายมาโนติ รกฺขมาโน. คเหสีติ ทุติเยน อเฬน คีวายํ ทฬฺหํ คเหสิ.

อถ นํ กิลเมตฺวา โถกํ สิถิลมกาสิ. อถ สปฺโป ‘‘กกฺกฏกา นาม เนว กากมํสํ ขาทนฺติ, น สปฺปมํสํ, อถ เกน นุ โข การเณน อยํ อมฺเห คณฺหี’’ติ จินฺเตตฺวา ตํ ปุจฺฉนฺโต ตติยํ คาถมาห –

๙๖.

‘‘น วายสํ โน ปน กณฺหสปฺปํ, ฆาสตฺถิโก กกฺกฏโก อเทยฺย;

ปุจฺฉามิ ตํ อายตจกฺขุเนตฺต, อถ กิสฺส เหตุมฺห อุโภ คหีตา’’ติ.

ตตฺถ ฆาสตฺถิโกติ อาหารตฺถิโก หุตฺวา. อเทยฺยาติอาทิเยยฺย, น-กาเรน โยเชตฺวา น คณฺหีติ อตฺโถ.

ตํ สุตฺวา กกฺกฏโก คหณการณํ กเถนฺโต ทฺเว คาถา อภาสิ –

๙๗.

‘‘อยํ ปุริโส มม อตฺถกาโม, โย มํ คเหตฺวาน ทกาย เนติ;

ตสฺมึ มเต ทุกฺขมนปฺปกํ เม, อหฺจ เอโส จ อุโภ น โหม.

๙๘.

‘‘มมฺจ ทิสฺวาน ปวทฺธกายํ, สพฺโพ ชโน หึสิตุเมว มิจฺเฉ;

สาทุฺจ ถูลฺจ มุทุฺจ มํสํ, กากาปิ มํ ทิสฺว วิเหเยยฺยุ’’นฺติ.

ตตฺถ อยนฺติ โพธิสตฺตํ นิทฺทิสติ. อตฺถกาโมติ หิตกาโม. ทกาย เนตีติ โย มํ สมฺปิยายมาโน อุตฺตริสาฏเกน คเหตฺวาน อุทกาย เนติ, อตฺตโน วสนกโสพฺภํ ปาเปติ. ตสฺมึ มเตติ สเจ โส อิมสฺมึ าเน มริสฺสติ, เอตสฺมึ มเต มม กายิกํ เจตสิกํ มหนฺตํ ทุกฺขํ ภวิสฺสตีติ ทีเปติ. อุโภ น โหมาติ ทฺเวปิ ชนา น ภวิสฺสาม. มมฺจ ทิสฺวานาติ คาถาย อยมตฺโถ – อิทฺจ อปรํ การณํ, อิมสฺมึ มเต อนาถํ นิปฺปจฺจยํ มํ ปวฑฺฒิตกายํ ทิสฺวา สพฺโพ ชโน ‘‘อิมสฺส กกฺกฏกสฺส สาทุฺจ ถูลฺจ มุทุฺจ มํส’’นฺติ มํ มาเรตุํ อิจฺเฉยฺย, น เกวลฺจ ชโน มนุสฺโส, ติรจฺฉานภูตา กากาปิ มํ ทิสฺวา วิเหเยยฺยุํ วิเหเสยฺยุํ มาเรยฺยุํ.

ตํ สุตฺวา สปฺโป จินฺเตสิ ‘‘เอเกนุปาเยน อิมํ วฺเจตฺวา กากฺจ อตฺตานฺจ โมเจสฺสามี’’ติ. อถ นํ วฺเจตุกาโม ฉฏฺํ คาถมาห –

๙๙.

‘‘สเจตสฺส เหตุมฺห อุโภ คหีตา, อุฏฺาตุ โปเส วิสมาวมามิ;

มมฺจ กากฺจ ปมุฺจ ขิปฺปํ, ปุเร วิสํ คาฬฺหมุเปติ มจฺจ’’นฺติ.

ตตฺถ สเจตสฺส เหตูติ สเจ เอตสฺส การณา. อุฏฺาตูติ นิพฺพิโส โหตุ. วิสมาวมามีติ อหมสฺส วิสํ อากฑฺฒามิ, นิพฺพิสํ นํ กโรมิ. ปุเร วิสํ คาฬฺหมุเปติ มจฺจนฺติ อิมฺหิ มจฺจํ มยา อนาวมิยมานํ วิสํ คาฬฺหํ พลวํ หุตฺวา อุปคจฺเฉยฺย, ตํ ยาว น อุปคจฺฉติ, ตาวเทว อมฺเห ทฺเวปิ ชเน ขิปฺปํ มุฺจาติ.

ตํ สุตฺวา กกฺกฏโก จินฺเตสิ ‘‘อยํ เอเกนุปาเยน มํ ทฺเวปิ ชเน วิสฺสชฺชาเปตฺวา ปลายิตุกาโม, มยฺหํ อุปายโกสลฺลํ น ชานาติ, อหํ ทานิ ยถา สปฺโป สฺจริตุํ สกฺโกติ, เอวํ อฬํ สิถิลํ กริสฺสามิ, กากํ ปน เนว วิสฺสชฺเชสฺสามี’’ติ เอวํ จินฺเตตฺวา สตฺตมํ คาถมาห –

๑๐๐.

‘‘สปฺปํ ปโมกฺขามิ น ตาว กากํ, ปฏิพนฺธโก โหหิติ ตาว กาโก;

ปุริสฺจ ทิสฺวาน สุขึ อโรคํ, กากํ ปโมกฺขามิ ยเถว สปฺป’’นฺติ.

ตตฺถ ปฏิพนฺธโกติ ปาฏิโภโค. ยเถว สปฺปนฺติ ยถา ภวนฺตํ สปฺปํ มุฺจามิ, ตถา กากํ ปโมกฺขามิ, เกวลํ ตฺวํ อิมสฺส พฺราหฺมณสฺส สรีรโต สีฆํ วิสํ อาวมาหีติ.

เอวฺจ ปน วตฺวา ตสฺส สุขสฺจารณตฺถํ อฬํ สิถิลมกาสิ. สปฺโป วิสํ อาวมิตฺวา มหาสตฺตสฺส สรีรํ นิพฺพิสํ อกาสิ. โส นิทฺทุกฺโข อุฏฺาย ปกติวณฺเณเนว อฏฺาสิ. กกฺกฏโก ‘‘สเจ อิเม ทฺเวปิ ชนา อโรคา ภวิสฺสนฺติ, มยฺหํ สหายสฺส วฑฺฒิ นาม น ภวิสฺสติ, วินาเสสฺสามิ เน’’ติ จินฺเตตฺวา กตฺตริกาย อุปฺปลมกุฬํ วิย อเฬหิ อุภินฺนมฺปิ สีสํ กปฺเปตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปสิ. กากีปิ ตมฺหา านา ปลายิ. โพธิสตฺโต สปฺปสฺส สรีรํ ทณฺฑเก เวเตฺวา คุมฺพปิฏฺเ ขิปิ. สุวณฺณกกฺกฏกํ โสพฺเภ วิสฺสชฺเชตฺวา นฺหตฺวา สาลินฺทิยคามเมว คโต. ตโต ปฏฺาย กกฺกฏเกน สทฺธึ อธิกตโร วิสฺสาโส อโหสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนนฺโต โอสานคาถมาห –

๑๐๑.

‘‘กาโก ตทา เทวทตฺโต อโหสิ, มาโร ปน กณฺหสปฺโป อโหสิ;

อานนฺทภทฺโท กกฺกฏโก อโหสิ, อหํ ตทา พฺราหฺมโณ โหมิ สตฺถา’’ติ.

สจฺจปริโยสาเน พหู โสตาปนฺนาทโย อเหสุํ. กากี ปน คาถาย น วุตฺตา, สา จิฺจมาณวิกา อโหสีติ.

สุวณฺณกกฺกฏกชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.

[๓๙๐] ๕. มยฺหกชาตกวณฺณนา

สกุโณ มยฺหโก นามาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อาคนฺตุกเสฏฺึ อารพฺภ กเถสิ. สาวตฺถิยฺหิ อาคนฺตุกเสฏฺิ นาม อฑฺโฒ อโหสิ มหทฺธโน. โส เนว อตฺตนา โภเค ภุฺชิ, น ปเรสํ อทาสิ, นานคฺครเส ปณีเต โภชเน อุปนีเต ตํ น ภุฺชติ, พิลงฺคทุติยํ กณาชกํ เอว ภุฺชติ, ธูปิตวาสิเตสุ กาสิกวตฺเถสุ อุปนีเตสุ ตานิ หาเรตฺวา ถูลถูลสาฏเก นิวาเสติ, อาชานียยุตฺเต มณิกนกวิจิตฺเต รเถ อุปนีเต ตมฺปิ หราเปตฺวา กตฺตรรถเกน คจฺฉติ, สุวณฺณจฺฉตฺเต ธาริยมาเน ตํ อปเนตฺวา ปณฺณจฺฉตฺเตน ธาริยมาเนน. โส ยาวชีวํ ทานาทีสุ ปุฺเสุ เอกมฺปิ อกตฺวา กาลํ กตฺวา โรรุวนิรเย นิพฺพตฺติ. ตสฺส อปุตฺตกํ สาปเตยฺยํ ราชพลํ สตฺตหิ รตฺติทิวเสหิ ราชกุลํ ปเวเสสิ. ตสฺมึ ปเวสิเต ราชา ภุตฺตปาตราโส เชตวนํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา นิสินฺโน ‘‘กึ, มหาราช, พุทฺธุปฏฺานํ น กโรสี’’ติ วุตฺเต ‘‘ภนฺเต, สาวตฺถิยํ อาคนฺตุกเสฏฺิโน นาม กาลกตสฺส อสฺสามิกธเน อมฺหากํ ฆเร อาหริยมาเนเยว สตฺต รตฺติทิวสา คตา, โส ปน เอตํ ธนํ ลภิตฺวาปิ เนว อตฺตนา ปริภุฺชิ, น ปเรสํ อทาสิ, รกฺขสปริคฺคหิตโปกฺขรณี วิยสฺส ธนํ อโหสิ, โส เอกทิวสมฺปิ ปณีตโภชนาทีนํ รสํ อนนุภวิตฺวาว มรณมุขํ ปวิฏฺโ, เอวํ มจฺฉรี อปุฺสตฺโต กึ กตฺวา เอตฺตกํ ธนํ ลภิ, เกน จสฺส โภเคสุ จิตฺตํ น รมี’’ติ สตฺถารํ ปุจฺฉิ. สตฺถา ‘‘มหาราช, ธนลาโภ จ, ธนํ ลทฺธา อปริภุฺชนการณฺจ เตเนว กต’’นฺติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต พาราณสิเสฏฺิ อสฺสทฺโธ อโหสิ มจฺฉรี, น กสฺสจิ กิฺจิ เทติ, น กฺจิ สงฺคณฺหาติ. โส เอกทิวสํ ราชุปฏฺานํ คจฺฉนฺโต ตครสิขึ นาม ปจฺเจกพุทฺธํ ปิณฺฑาย จรนฺตํ ทิสฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘ลทฺธา, ภนฺเต, ภิกฺขา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘นนุ จราม มหาเสฏฺี’’ติ วุตฺเต ปุริสํ อาณาเปสิ ‘‘คจฺฉ, อิมํ อมฺหากํ ฆรํ อาเนตฺวา มม ปลฺลงฺเก นิสีทาเปตฺวา อมฺหากํ ปฏิยตฺตภตฺตสฺส ปตฺตํ ปูเรตฺวา ทาเปหี’’ติ. โส ปจฺเจกพุทฺธํ ฆรํ เนตฺวา นิสีทาเปตฺวา เสฏฺิภริยาย อาจิกฺขิ. สา นานคฺครสภตฺตสฺส ปตฺตํ ปูเรตฺวา ตสฺส อทาสิ. โส ภตฺตํ คเหตฺวา เสฏฺินิเวสนา นิกฺขมิตฺวา อนฺตรวีถิยํ ปฏิปชฺชิ. เสฏฺิ ราชกุลโต ปจฺจาคจฺฉนฺโต ตํ ทิสฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘ลทฺธํ, ภนฺเต, ภตฺต’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘ลทฺธํ มหาเสฏฺี’’ติ. โส ปตฺตํ โอโลเกตฺวา จิตฺตํ ปสาเทตุํ นาสกฺขิ, ‘‘อิมํ เม ภตฺตํ ทาสา วา กมฺมกรา วา ภุฺชิตฺวา ทุกฺกรมฺปิ กมฺมํ กเรยฺยุํ, อโห วต เม ชานี’’ติ อปรเจตนํ ปริปุณฺณํ กาตุํ นาสกฺขิ. ทานฺหิ นาม ติสฺโส เจตนา ปริปุณฺณํ กาตุํ สกฺโกนฺตสฺเสว มหปฺผลํ โหติ.

‘‘ปุพฺเพว ทานา สุมนา ภวาม, ททมฺปิ เว อตฺตมนา ภวาม;

ทตฺวาปิ เว นานุตปฺปาม ปจฺฉา, ตสฺมา หิ อมฺหํ ทหรา นมิยฺยเร. (ชา. ๑.๑๐.๙๕);

‘‘ปุพฺเพว ทานา สุมโน, ททํ จิตฺตํ ปสาทเย;

ทตฺวา อตฺตมโน โหติ, เอสา ยฺสฺส สมฺปทา’’. (อ. นิ. ๖.๓๗; เป. ว. ๓๐๕);

อิติ, มหาราช, อาคนฺตุกเสฏฺิ ตครสิขิปจฺเจกพุทฺธสฺส ทินฺนปจฺจเยน พหุํ ธนํ ลภิ, ทตฺวา อปรเจตนํ ปณีตํ กาตุํ อสมตฺถตาย โภเค ภุฺชิตุํ นาสกฺขีติ. ‘‘ปุตฺตํ ปน กสฺมา น ลภิ, ภนฺเต’’ติ? สตฺถา ‘‘ปุตฺตสฺส อลภนการณมฺปิ เตเนว กตํ, มหาราชา’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต อสีติโกฏิวิภเว เสฏฺิกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต มาตาปิตูนํ อจฺจเยน กนิฏฺํ สงฺคณฺหิตฺวา กุฏุมฺพํ วิจาเรนฺโต ฆรทฺวาเร ทานสาลํ กาเรตฺวา มหาทานํ ปวตฺเตนฺโต อคารํ อชฺฌาวสิ. อถสฺส เอโก ปุตฺโต ชายิ. โส ตสฺส ปทสา คมนกาเล กาเมสุ อาทีนวํ เนกฺขมฺเม จานิสํสํ ทิสฺวา สทฺธึ ปุตฺตทาเรน สพฺพํ ฆรวิภวํ กนิฏฺสฺส นิยฺยาเตตฺวา ‘‘อปฺปมตฺโต ทานํ ปวตฺเตหี’’ติ โอวาทํ ทตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา หิมวนฺตปเทเส วิหาสิ. กนิฏฺโปิสฺส เอกํ ปุตฺตํ ปฏิลภิ. โส ตํ วฑฺฒนฺตํ ทิสฺวา จินฺเตสิ ‘‘มม ภาตุ ปุตฺเต ชีวนฺเต กุฏุมฺพํ ภินฺทิตฺวา ทฺวิธา ภวิสฺสติ, ภาตุ ปุตฺตํ มาเรสฺสามี’’ติ. อถ นํ เอกทิวสํ นทิยํ โอปิลาเปตฺวา มาเรสิ. ตเมนํ นฺหตฺวา อาคตํ ภาตุ ชายา ‘‘กุหึ มม ปุตฺโต’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘นทิยํ อุทกํ กีฬิ, อถ นํ อุทเก วิจินนฺโต นาทฺทส’’นฺติ. สา โรทิตฺวา กนฺทิตฺวา ตุณฺหี อโหสิ.

โพธิสตฺโต ตํ ปวตฺตึ ตฺวา ‘‘อิทํ กิจฺจํ ปากฏํ กริสฺสามี’’ติ อากาเสนาคนฺตฺวา พาราณสิยํ โอตริตฺวา สุนิวตฺโถ สุปารุโต ตสฺส ฆรทฺวาเร ตฺวา ทานสาลํ อทิสฺวา ‘‘ทานสาลาปิ อิมินา อสปฺปุริเสน นาสิตา’’ติ จินฺเตสิ. กนิฏฺโ ตสฺส อาคตภาวํ ตฺวา อาคนฺตฺวา มหาสตฺตํ วนฺทิตฺวา ปาสาทํ อาโรเปตฺวา สุโภชนํ โภเชสิ. โส ภตฺตกิจฺจาวสาเน สุขกถาย นิสินฺโน ‘‘ทารโก น ปฺายติ, กหํ นุ โข’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘มโต, ภนฺเต’’ติ. ‘‘เกน การเณนา’’ติ? ‘‘อุทกกีฬนฏฺาเน อสุกการเณนาติ น ชานามี’’ติ. ‘‘กึ ตฺวํ อสปฺปุริส น ชานิสฺสสิ, ตยา กตกิจฺจํ มยฺหํ ปากฏํ, นนุ ตฺวํ อิมินา นาม การเณน ตํ มาเรสิ, กึ นุ ตฺวํ ราชาทีนํ วเสน นสฺสมานํ ธนํ รกฺขิตุํ สกฺกุเณยฺยาสิ, มยฺหกสกุณสฺส จ ตุยฺหฺจ กึ นานากรณ’’นฺติ? อถสฺส มหาสตฺโต พุทฺธลีฬาย ธมฺมํ เทเสนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –

๑๐๒.

‘‘สกุโณ มยฺหโก นาม, คิริสานุทรีจโร;

ปกฺกํ ปิปฺผลิมารุยฺห, ‘มยฺหํ มยฺห’นฺติ กนฺทติ.

๑๐๓.

‘‘ตสฺเสวํ วิลปนฺตสฺส, ทิชสงฺฆา สมาคตา;

ภุตฺวาน ปิปฺผลึ ยนฺติ, วิลปตฺเวว โส ทิโช.

๑๐๔.

‘‘เอวเมว อิเธกจฺโจ, สงฺฆริตฺวา พหุํ ธนํ;

เนวตฺตโน น าตีนํ, ยโถธึ ปฏิปชฺชติ.

๑๐๕.

‘‘น โส อจฺฉาทนํ ภตฺตํ, น มาลํ น วิเลปนํ;

อนุโภติ สกึ กิฺจิ, น สงฺคณฺหาติ าตเก.

๑๐๖.

‘‘ตสฺเสวํ วิลปนฺตสฺส, มยฺหํ มยฺหนฺติ รกฺขโต;

ราชาโน อถ วา โจรา, ทายาทา เยว อปฺปิยา;

ธนมาทาย คจฺฉนฺติ, วิลปตฺเวว โส นโร.

๑๐๗.

‘‘ธีโร โภเค อธิคมฺม, สงฺคณฺหาติ จ าตเก;

เตน โส กิตฺตึ ปปฺโปติ, เปจฺจ สคฺเค ปโมทตี’’ติ.

ตตฺถ มยฺหโกติ ‘‘มยฺหํ มยฺห’’นฺติ วิรวนวเสน เอวํลทฺธนาโม. คิริสานุทรีสุ จรตีติ คิริสานุทรีจโร. ปกฺกํ ปิปฺผลินฺติ หิมวนฺตปเทเส เอกํ ผลภริตํ ปิปฺผลิรุกฺขํ. กนฺทตีติ ทิชคเณ ตํ รุกฺขํ ปริวาเรตฺวา ปกฺกานิ ขาทนฺเต วาเรตุํ ‘‘มยฺหํ มยฺห’’นฺติ ปริเทวนฺโต วิจรติ. ตสฺเสวํ วิลปนฺตสฺสาติ ตสฺส วิลปนฺตสฺเสว. ภุตฺวาน วิปฺผลึ ยนฺตีติ ตํ ปิปฺผลิรุกฺขํ ปริภุฺชิตฺวา อฺํ ผลสมฺปนฺนํ รุกฺขํ คจฺฉนฺติ. วิลปตฺเววาติ โส ปน ทิโช วิลปติเยว. ยโถธินฺติ ยถาโกฏฺาสํ, มาตาปิตาภาตุภคินีปุตฺตธีตาทีนํ อุปโภคปริโภควเสน โย โย โกฏฺาโส ทาตพฺโพ, ตํ ตํ น เทตีติ อตฺโถ.

สกินฺติ เอกวารมฺปิ นานุโภติ. ‘‘สก’’นฺติปิ ปาโ, อตฺตโน สนฺตกมฺปีติ อตฺโถ. น สงฺคณฺหาตีติ ภตฺตจฺฉาทนพีชนงฺคลาทิทานวเสน น สงฺคณฺหาติ. วิลปตฺเวว โส นโรติ เอเตสุ ราชาทีสุ ธนํ คเหตฺวา คจฺฉนฺเตสุ เกวลํ โส ปุริโส วิลปติเยว. ธีโรติ ปณฺฑิโต. สงฺคณฺหาตีติ อตฺตโน สนฺติกํ อาคเต ทุพฺพลาตเก ภตฺตจฺฉาทนพีชนงฺคลาทิทาเนน สงฺคณฺหาติ. เตนาติ โส ปุริโส เตน าติสงฺคเหน จตุปริสมชฺเฌ กิตฺติฺจ อตฺตโน วณฺณภณนฺจ ปาปุณาติ, เปจฺจ สคฺเค เทวนคเร ปโมทติ.

เอวํ มหาสตฺโต ตสฺส ธมฺมํ เทเสตฺวา ทานํ ปากติกํ กาเรตฺวา หิมวนฺตเมว คนฺตฺวา อปริหีนชฺฌาโน พฺรหฺมโลกูปโค อโหสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘อิติ โข, มหาราช, อาคนฺตุกเสฏฺิ ภาตุ ปุตฺตสฺส มาริตตฺตา เอตฺตกํ กาลํ เนว ปุตฺตํ, น ธีตรํ อลภี’’ติ วตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา กนิฏฺโ อาคนฺตุกเสฏฺิ อโหสิ, เชฏฺโก ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

มยฺหกชาตกวณฺณนา ปฺจมา.

[๓๙๑] ๖. วิชฺชาธรชาตกวณฺณนา

ทุพฺพณฺณรูปนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โลกตฺถจริยํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ มหากณฺหชาตเก (ชา. ๑.๑๒.๖๑ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติ. ตทา ปน สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ ตถาคโต โลกตฺถจริยํ จริเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต สกฺโก อโหสิ. ตทา เอโก วิชฺชาธโร วิชฺชํ ปริวตฺเตตฺวา อฑฺฒรตฺตสมเย อาคนฺตฺวา พาราณสิรฺโ อคฺคมเหสิยา สทฺธึ อติจรติ, ตสฺสา ปริจาริกาโย สฺชานึสุ. สา สยเมว ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘เทว, เอโก ปุริโส อฑฺฒรตฺตสมเย สิริคพฺภํ ปวิสิตฺวา มํ ทูเสตี’’ติ อาห. ‘‘สกฺขิสฺสสิ ปน กิฺจิ สฺาณํ กาตุ’’นฺติ? ‘‘สกฺโกมิ, เทวา’’ติ สา ชาติหิงฺคุลิกปาตึ อาหราเปตฺวา ตสฺส ปุริสสฺส รตฺตึ อาคนฺตฺวา อภิรมิตฺวา คจฺฉนฺตสฺส ปิฏฺิยํ ปฺจงฺคุลิกํ ทตฺวา ปาโตว รฺโ อาโรเจสิ. ราชา มนุสฺเส อาณาเปสิ ‘‘คจฺฉถ, สพฺพทิสาสุ โอโลเกตฺวา ปิฏฺิยํ กตชาติหิงฺคุลปฺจงฺคุลิกปุริสํ คณฺหถา’’ติ. วิชฺชาธโรปิ รตฺตึ อนาจารํ กตฺวา ทิวา สุสาเน สูริยํ นมสฺสนฺโต เอกปาเทน ติฏฺติ. ราชปุริสา ตํ ทิสฺวา ปริวารยึสุ. โส ‘‘ปากฏํ เม กมฺมํ ชาต’’นฺติ วิชฺชํ ปริวตฺเตตฺวา อากาเสน อุปฺปติตฺวา คโต.

ราชา ตํ ทิสฺวา อาคตปุริเส ‘‘อทฺทสถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, อทฺทสามา’’ติ. ‘‘โก นาเมโส’’ติ? ‘‘ปพฺพชิโต, เทวา’’ติ. ‘‘โส หิ รตฺตึ อนาจารํ กตฺวา ทิวา ปพฺพชิตเวเสน วสติ’’. ราชา ‘‘อิเม ทิวา สมณเวเสน จริตฺวา รตฺตึ อนาจารํ กโรนฺตี’’ติ ปพฺพชิตานํ กุชฺฌิตฺวา มิจฺฉาคหณํ คเหตฺวา ‘‘มยฺหํ วิชิตา อิเม สพฺเพ ปพฺพชิตา ปลายนฺตุ, ทิฏฺทิฏฺฏฺาเน ราชาณํ กริสฺสนฺตู’’ติ เภรึ จราเปสิ. ติโยชนสติกา กาสิรฏฺา ปลายิตฺวา สพฺเพ ปพฺพชิตา อฺราชธานิโย อคมึสุ. สกลกาสิรฏฺเ มนุสฺสานํ โอวาททายโก เอโกปิ ธมฺมิกสมณพฺราหฺมโณ นาโหสิ. อโนวาทกา มนุสฺสา ผรุสา อเหสุํ, ทานสีลวิมุขา มตมตา เยภุยฺเยน อปาเย นิพฺพตฺตึสุ, สคฺเค นิพฺพตฺตนกา นาม นาเหสุํ.

สกฺโก นเว เทวปุตฺเต อปสฺสนฺโต ‘‘กึ นุ โข การณ’’นฺติ อาวชฺเชตฺวา วิชฺชาธรํ นิสฺสาย พาราณสิรฺา กุทฺเธน มิจฺฉาคหณํ คเหตฺวา ปพฺพชิตานํ รฏฺา ปพฺพาชิตภาวํ ตฺวา ‘‘เปตฺวา มํ อฺโ อิมสฺส รฺโ มิจฺฉาคหณํ ภินฺทิตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ, รฺโ จ รฏฺวาสีนฺจ อวสฺสโย ภวิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา นนฺทมูลปพฺภาเร ปจฺเจกพุทฺธานํ สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘ภนฺเต, มยฺหํ เอกํ มหลฺลกํ ปจฺเจกพุทฺธํ เทถ, กาสิรฏฺํ ปสาเทสฺสามี’’ติ อาห. โส สงฺฆตฺเถรเมว ลภิ, อถสฺส ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา ตํ ปุรโต กตฺวา สยํ ปจฺฉโต หุตฺวา สิรสฺมึ อฺชลึ เปตฺวา ปจฺเจกพุทฺธํ นมสฺสนฺโต อุตฺตมรูปธโร มาณวโก หุตฺวา สกลนครสฺส มตฺถเกน ติกฺขตฺตุํ วิจริตฺวา ราชทฺวารํ อาคนฺตฺวา อากาเส อฏฺาสิ. อมจฺจา รฺโ อาโรเจสุํ ‘‘เทว, อภิรูโป มาณวโก เอกํ สมณํ อาเนตฺวา ราชทฺวาเร อากาเส ิโต’’ติ. ราชา อาสนา อุฏฺาย สีหปฺชเร ตฺวา ‘‘มาณวก, กสฺมา ตฺวํ อภิรูโป สมาโน เอตสฺส วิรูปสฺส สมณสฺส ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา นมสฺสมาโน ิโต’’ติ เตน สทฺธึ สลฺลปนฺโต ปมํ คาถมาห –

๑๐๘.

‘‘ทุพฺพณฺณรูปํ ตุวมริยวณฺณี, ปุรกฺขตฺวา ปฺชลิโก นมสฺสสิ;

เสยฺโย นุ เตโส อุทวา สริกฺโข, นามํ ปรสฺสตฺตโน จาปิ พฺรูหี’’ติ.

ตตฺถ อริยวณฺณีติ สุนฺทรรูโป. เสยฺโย นุ เตโสติ เอโส วิรูโป ปพฺพชิโต กึ นุ ตยา อุตฺตริตโร, อุทาหุ สริกฺโข. นามํ ปรสฺสตฺตโน จาปีติ เอตสฺส ปรสฺส จ อตฺตโน จ นามํ พฺรูหีติ ปุจฺฉติ.

อถ นํ สกฺโก ‘‘มหาราช, สมณา นาม ครุฏฺานิยา, เตน เม นามํ ลปิตุํ น ลพฺภติ, มยฺหํ ปน เต นามํ กเถสฺสามี’’ติ วตฺวา ทุติยํ คาถมาห –

๑๐๙.

‘‘น นามโคตฺตํ คณฺหนฺติ ราช, สมฺมคฺคตานุชฺชุคตาน เทวา;

อหฺจ เต นามเธยฺยํ วทามิ, สกฺโกหมสฺมี ติทสานมินฺโท’’ติ.

ตตฺถ สมฺมคฺคตานุชฺชุคตาน เทวาติ มหาราช, สพฺพสงฺขาเร ยถา สภาวสรสวเสน สมฺมสิตฺวา อคฺคผลํ อรหตฺตํ ปตฺตตฺตา สมฺมคฺคตานํ, อุชุนา จ อฏฺงฺคิเกน มคฺเคน นิพฺพานํ คตตฺตา อุชุคตานํ มหาขีณาสวานํ อุปปตฺติเทเวหิ อุตฺตริตรานํ วิสุทฺธิเทวานํ อุปปตฺติเทวา นามโคตฺตํ น คณฺหนฺติ. อหฺจ เต นามเธยฺยนฺติ อปิจ อหํ อตฺตโน นามเธยฺยํ ตุยฺหํ กเถมิ.

ตํ สุตฺวา ราชา ตติยคาถาย ภิกฺขุนมสฺสเน อานิสํสํ ปุจฺฉิ –

๑๑๐.

‘‘โย ทิสฺวา ภิกฺขุํ จรณูปปนฺนํ, ปุรกฺขตฺวา ปฺชลิโก นมสฺสติ;

ปุจฺฉามิ ตํ เทวราเชตมตฺถํ, อิโต จุโต กึ ลภเต สุขํ โส’’ติ.

สกฺโก จตุตฺถคาถาย กเถสิ –

๑๑๑.

‘‘โย ทิสฺวา ภิกฺขุํ จรณูปปนฺนํ, ปุรกฺขตฺวา ปฺชลิโก นมสฺสติ;

ทิฏฺเว ธมฺเม ลภเต ปสํสํ, สคฺคฺจ โส ยาติ สรีรเภทา’’ติ.

ตตฺถ ภิกฺขุนฺติ ภินฺนกิเลสํ ปริสุทฺธปุคฺคลํ. จรณูปปนฺนนฺติ สีลจรเณน อุเปตํ. ทิฏฺเว ธมฺเมติ น เกวลํ อิโต จุโตเยว, อิมสฺมึ ปน อตฺตภาเว โส ปสํสํ ลภติ, ปสํสาสุขํ วินฺทตีติ.

ราชา สกฺกสฺส กถํ สุตฺวา อตฺตโน มิจฺฉาคหณํ ภินฺทิตฺวา ตุฏฺมานโส ปฺจมํ คาถมาห –

๑๑๒.

‘‘ลกฺขี วต เม อุทปาทิ อชฺช, ยํ วาสวํ ภูตปติทฺทสาม;

ภิกฺขุฺจ ทิสฺวาน ตุวฺจ สกฺก, กาหามิ ปุฺานิ อนปฺปกานี’’ติ.

ตตฺถ ลกฺขีติ สิรี, ปฺาติปิ วทนฺติ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อชฺช มม ตว วจนํ สุณนฺตสฺเสว กุสลากุสลวิปากชานนปฺา อุทปาทีติ. นฺติ นิปาตมตฺตํ. ภูตปติทฺทสามาติ ภูตปตึ อทฺทสาม.

ตํ สุตฺวา สกฺโก ปณฺฑิตสฺส ถุตึ กโรนฺโต ฉฏฺํ คาถมาห –

๑๑๓.

‘‘อทฺธา หเว เสวิตพฺพา สปฺา, พหุสฺสุตา เย พหุานจินฺติโน;

ภิกฺขุฺจ ทิสฺวาน มมฺจ ราช, กโรหิ ปุฺานิ อนปฺปกานี’’ติ.

ตตฺถ พหุานจินฺติโนติ พหูนิ การณานิ จินฺตนสมตฺถา.

ตํ สุตฺวา ราชา โอสานคาถมาห –

๑๑๔.

‘‘อกฺโกธโน นิจฺจปสนฺนจิตฺโต, สพฺพาติถียาจโยโค ภวิตฺวา;

นิหจฺจ มานํ อภิวาทยิสฺสํ, สุตฺวาน เทวินฺท สุภาสิตานี’’ติ.

ตตฺถ สพฺพาติถียาจโยโค ภวิตฺวาติ สพฺเพสํ อติถีนํ อาคตานํ อาคนฺตุกานํ ยํ ยํ เต ยาจนฺติ, ตสฺส ตสฺส ยุตฺโต อนุจฺฉวิโก ภวิตฺวา, สพฺพํ เตหิ ยาจิตยาจิตํ ททมาโนติ อตฺโถ. สุตฺวาน เทวินฺท สุภาสิตานีติ ตว สุภาสิตานิ สุตฺวา อหํ เอวรูโป ภวิสฺสามีติ วทติ.

เอวฺจ ปน วตฺวา ปาสาทา โอรุยฺห ปจฺเจกพุทฺธํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. ปจฺเจกพุทฺโธ อากาเส ปลฺลงฺเกน นิสีทิตฺวา ‘‘มหาราช, วิชฺชาธโร น สมโณ, ตฺวํ อิโต ปฏฺาย ‘อตุจฺโฉ โลโก, อตฺถิ ธมฺมิกสมณพฺราหฺมณา’ติ ตฺวา ทานํ เทหิ, สีลํ รกฺข, อุโปสถกมฺมํ กโรหี’’ติ ราชานํ โอวทิ. สกฺโกปิ สกฺกานุภาเวน อากาเส ตฺวา ‘‘อิโต ปฏฺาย อปฺปมตฺตา โหถา’’ติ นาครานํ โอวาทํ ทตฺวา ‘‘ปลาตา สมณพฺราหฺมณา อาคจฺฉนฺตู’’ติ เภรึ จราเปสิ. อถ เต อุโภปิ สกฏฺานเมว อคมํสุ. ราชา ตสฺส โอวาเท ตฺวา ทานาทีนิ ปุฺานิ อกาสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ปจฺเจกพุทฺโธ ปรินิพฺพุโต, ราชา อานนฺโท อโหสิ, สกฺโก ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

วิชฺชาธรชาตกวณฺณนา ฉฏฺา.

[๓๙๒] ๗. สิงฺฆปุปฺผชาตกวณฺณนา

ยเมตนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิร เชตวนา นิกฺขมิตฺวา โกสลรฏฺเ อฺตรํ อรฺํ นิสฺสาย วิหรนฺโต เอกทิวสํ ปทุมสรํ โอตริตฺวา สุปุปฺผิตปทุมํ ทิสฺวา อโธวาเต ตฺวา อุปสิงฺฆิ. อถ นํ ตสฺมึ วเน อธิวตฺถา เทวตา ‘‘มาริส, ตฺวํ คนฺธเถโน นาม, อิทํ เต เอกํ เถยฺยงฺค’’นฺติ สํเวเชสิ. โส ตาย สํเวชิโต ปุน เชตวนํ อาคนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา นิสินฺโน ‘‘กหํ ภิกฺขุ นิวุตฺโถสี’’ติ ปุฏฺโ ‘‘อสุกวนสณฺเฑ นาม, ตตฺถ จ มํ เทวตา เอวํ นาม สํเวเชสี’’ติ อาห. อถ นํ สตฺถา ‘‘น โข ภิกฺขุ ปุปฺผํ อุปสิงฺฆนฺโต ตฺวเมว เทวตาย สํเวชิโต, โปราณกปณฺฑิตาปิ สํเวชิตปุพฺพา’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต เอกสฺมึ กาสิกคาเม พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ อุคฺคหิตสิปฺโป อปรภาเค อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา เอกํ ปทุมสรํ นิสฺสาย อุปวสนฺโต เอกทิวสํ สรํ โอตริตฺวา สุปุปฺผิตปทุมํ อุปสิงฺฆมาโน อฏฺาสิ. อถ นํ เอกา เทวธีตา รุกฺขกฺขนฺธวิวเร ตฺวา สํเวชยมานา ปมํ คาถมาห –

๑๑๕.

‘‘ยเมตํ วาริชํ ปุปฺผํ, อทินฺนํ อุปสิงฺฆสิ;

เอกงฺคเมตํ เถยฺยานํ, คนฺธเถโนสิ มาริสา’’ติ.

ตตฺถ เอกงฺคเมตนฺติ เอกโกฏฺาโส เอส.

ตโต โพธิสตฺโต ทุติยํ คาถมาห –

๑๑๖.

‘‘น หรามิ น ภฺชามิ, อารา สิงฺฆามิ วาริชํ;

อถ เกน นุ วณฺเณน, คนฺธเถโนติ วุจฺจตี’’ติ.

ตตฺถ อารา สิงฺฆามีติ ทูเร ิโต ฆายามิ. วณฺเณนาติ การเณน.

ตสฺมึ ขเณ เอโก ปุริโส ตสฺมึ สเร ภิสานิ เจว ขณติ, ปุณฺฑรีกานิ จ ภฺชติ. โพธิสตฺโต ตํ ทิสฺวา ‘‘มํ อารา ตฺวา อุปสิงฺฆนฺตํ ‘โจโร’ติ วทสิ, เอตํ ปุริสํ กสฺมา น ภณสี’’ติ ตาย สทฺธึ สลฺลปนฺโต ตติยํ คาถมาห –

๑๑๗.

‘‘โยยํ ภิสานิ ขณติ, ปุณฺฑรีกานิ ภฺชติ;

เอวํ อากิณฺณกมฺมนฺโต, กสฺมา เอโส น วุจฺจตี’’ติ.

ตตฺถ อากิณฺณกมฺมนฺโตติ กกฺขฬกมฺมนฺโต ทารุณกมฺมนฺโต.

อถสฺส อวจนการณํ อาจิกฺขนฺตี เทวตา จตุตฺถปฺจมคาถา อภาสิ –

๑๑๘.

‘‘อากิณฺณลุทฺโท ปุริโส, ธาติเจลํว มกฺขิโต;

ตสฺมึ เม วจนํ นตฺถิ, ตฺจารหามิ วตฺตเว.

๑๑๙.

‘‘อนงฺคณสฺส โปสสฺส, นิจฺจํ สุจิคเวสิโน;

วาลคฺคมตฺตํ ปาปสฺส, อพฺภามตฺตํว ขายตี’’ติ.

ตตฺถ ธาติเจลํวาติ เขฬสิงฺฆาณิกมุตฺตคูถมกฺขิตํ ธาติทาสิยา นิวตฺถเจลํ วิย อยํ ปาปมกฺขิโตเยว, เตน การเณน ตสฺมึ มม วจนํ นตฺถิ. ตฺจารหามีติ สมณา ปน โอวาทกฺขมา โหนฺติ ปิยสีลา, ตสฺมา ตํ อปฺปมตฺตกมฺปิ อยุตฺตํ กโรนฺตํ วตฺตุํ อรหามิ สมณาติ. อนงฺคณสฺสาติ นิทฺโทสสฺส ตุมฺหาทิสสฺส. อพฺภามตฺตํว ขายตีติ มหาเมฆปฺปมาณํ หุตฺวา อุปฏฺาติ, อิทานิ กสฺมา เอวรูปํ โทสํ อพฺโพหาริกํ กโรสีติ.

ตาย ปน สํเวชิโต โพธิสตฺโต สํเวคปฺปตฺโต ฉฏฺํ คาถมาห –

๑๒๐.

‘‘อทฺธา มํ ยกฺข ชานาสิ, อโถ มํ อนุกมฺปสิ;

ปุนปิ ยกฺข วชฺชาสิ, ยทา ปสฺสสิ เอทิส’’นฺติ.

ตตฺถ ยกฺขาติ เทวตํ อาลปติ. วชฺชาสีติ วเทยฺยาสิ. ยทา ปสฺสสิ เอทิสนฺติ ยทา มม เอวรูปํ โทสํ ปสฺสสิ, ตทา เอวํ มม วเทยฺยาสีติ วทติ.

อถสฺส สา เทวธีตา สตฺตมํ คาถมาห –

๑๒๑.

‘‘เนว ตํ อุปชีวามิ, นปิ เต ภตกามฺหเส;

ตฺวเมว ภิกฺขุ ชาเนยฺย, เยน คจฺเฉยฺย สุคฺคติ’’นฺติ.

ตตฺถ ภตกามฺหเสติ ตว ภติหตา กมฺมกราปิ น โหม. กึการณา ตํ สพฺพกาลํ รกฺขมานา วิจริสฺสามาติ ทีเปติ. เยน คจฺเฉยฺยาติ ภิกฺขุ เยน กมฺเมน ตฺวํ สุคตึ คจฺเฉยฺยาสิ, ตฺวเมว ตํ ชาเนยฺยาสีติ.

เอวํ สา ตสฺส โอวาทํ ทตฺวา อตฺตโน วิมานเมว ปวิฏฺา. โพธิสตฺโตปิ ฌานํ นิพฺพตฺเตตฺวา พฺรหฺมโลกปรายโณ อโหสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน โส ภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ.

ตทา เทวธีตา อุปฺปลวณฺณา อโหสิ, ตาปโส ปน อหเมว อโหสินฺติ.

สิงฺฆปุปฺผชาตกวณฺณนา สตฺตมา.

[๓๙๓] ๘. วิฆาสาทชาตกวณฺณนา

สุสุขํ วต ชีวนฺตีติ อิทํ สตฺถา ปุพฺพาราเม วิหรนฺโต เกฬิสีลเก ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ. เตสุ หิ มหาโมคฺคลฺลานตฺเถเรน ปาสาทํ กมฺเปตฺวา สํเวชิเตสุ ธมฺมสภายํ ภิกฺขู เตสํ อคุณํ กเถนฺตา นิสีทึสุ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปเต เกฬิสีลกาเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต สกฺโก อโหสิ. อถ อฺตรสฺมึ กาสิกคาเม สตฺต ภาตโร กาเมสุ โทสํ ทิสฺวา นิกฺขมิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา มชฺฌารฺเ วสนฺตา โยเค โยคํ อกตฺวา กายทฬฺหีพหุลา หุตฺวา นานปฺปการํ กีฬํ กีฬนฺตา จรึสุ. สกฺโก เทวราชา ‘‘อิเม สํเวเชสฺสามี’’ติ สุโก หุตฺวา เตสํ วสนฏฺานํ อาคนฺตฺวา เอกสฺมึ รุกฺเข นิลียิตฺวา เต สํเวเชนฺโต ปมํ คาถมาห –

๑๒๒.

‘‘สุสุขํ วต ชีวนฺติ, เย ชนา วิฆาสาทิโน;

ทิฏฺเว ธมฺเม ปาสํสา, สมฺปราเย จ สุคฺคตี’’ติ.

ตตฺถ วิฆาสาทิโนติ ภุตฺตาติเรกํ ภุฺชนฺเต สนฺธายาห. ทิฏฺเว ธมฺเมติ เย เอวรูปา, เต ทิฏฺเว ธมฺเม ปาสํสา, สมฺปราเย จ เตสํ สุคติ โหติ, สคฺเค อุปฺปชฺชนฺตีติ อธิปฺปาเยน วทติ.

อถ เตสุ เอโก ตสฺส วจนํ สุตฺวา อวเสเส อามนฺเตตฺวา ทุติยํ คาถมาห –

๑๒๓.

‘‘สุกสฺส ภาสมานสฺส, น นิสาเมถ ปณฺฑิตา;

อิทํ สุณาถ โสทริยา, อมฺเหวายํ ปสํสตี’’ติ.

ตตฺถ ภาสมานสฺสาติ มานุสิกาย วาจาย ภณนฺตสฺส. น นิสาเมถาติ น สุณาถ. อิทํ สุณาถาติ อิทมสฺส วจนํ สุณาถ. โสทริยาติ สมาเน อุทเร วุตฺถภาเวน เต อาลปนฺโต อาห.

อถ เน ปฏิกฺขิปนฺโต สุโก ตติยํ คาถมาห –

๑๒๔.

‘‘นาหํ ตุมฺเห ปสํสามิ, กุณปาทา สุณาถ เม;

อุจฺฉิฏฺโภชิโน ตุมฺเห, น ตุมฺเห วิฆาสาทิโน’’ติ.

ตตฺถ กุณปาทาติ กุณปขาทกาติ เต อาลปติ.

เต ตสฺส วจนํ สุตฺวา สพฺเพปิ จตุตฺถํ คาถมาหํสุ –

๑๒๕.

‘‘สตฺตวสฺสา ปพฺพชิตา, มชฺฌารฺเ สิขณฺฑิโน;

วิฆาเสเนว ยาเปนฺตา, มยฺเจ โภโต คารยฺหา;

เก นุ โภโต ปสํสิยา’’ติ.

ตตฺถ สิขณฺฑิโนติ จูฬาย สมนฺนาคตา. วิฆาเสเนวาติ เอตฺตกํ กาลํ สตฺต วสฺสานิ สีหพฺยคฺฆวิฆาเสเนว ยาเปนฺตา ยทิ โภโต คารยฺหา, อถ เก นุ เต ปสํสิยาติ.

เต ลชฺชาเปนฺโต มหาสตฺโต ปฺจมํ คาถมาห –

๑๒๖.

‘‘ตุมฺเห สีหานํ พฺยคฺฆานํ, วาฬานฺจาวสิฏฺกํ;

อุจฺฉิฏฺเเนว ยาเปนฺตา, มฺิวฺโห วิฆาสาทิโน’’ติ.

ตตฺถ วาฬานฺจาวสิฏฺกนฺติ เสสวาฬมิคานฺจ อวสิฏฺกํ อุจฺฉิฏฺโภชนํ.

ตํ สุตฺวา ตาปสา ‘‘สเจ มยํ น วิฆาสาทา, อถ เก จรหิ เต วิฆาสาทา’’ติ? อถ เตสํ โส ตมตฺถํ อาจิกฺขนฺโต ฉฏฺํ คาถมาห –

๑๒๗.

‘‘เย พฺราหฺมณสฺส สมณสฺส, อฺสฺส วา วนิพฺพิโน;

ทตฺวาว เสสํ ภุฺชนฺติ, เต ชนา วิฆาสาทิโน’’ติ.

ตตฺถ วนิพฺพิโนติ ตํ ตํ ภณฺฑํ ยาจนกสฺส. เอวํ เต ลชฺชาเปตฺวา มหาสตฺโต สกฏฺานเมว คโต.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา สตฺต ภาตโร อิเม เกฬิสีลกา ภิกฺขู อเหสุํ, สกฺโก ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

วิฆาสาทชาตกวณฺณนา อฏฺมา.

[๓๙๔] ๙. วฏฺฏกชาตกวณฺณนา

ปณีตนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ โลลภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. ตฺหิ สตฺถา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ โลโล’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘น โข ภิกฺขุ อิทาเนว โลโล, ปุพฺเพปิ ตฺวํ โลโลเยว, โลลตาย ปน พาราณสิยํ หตฺถิควาสฺสปุริสกุณเปหิ อติตฺโต ‘อิโต อุตฺตริตรํ ลภิสฺสามี’ติ อรฺํ ปวิฏฺโสี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต วฏฺฏกโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา อรฺเ ลูขติณพีชาหาโร วสิ. ตทา พาราณสิยํ เอโก โลลกาโก หตฺถิกุณปาทีหิ อติตฺโต ‘‘อิโต อุตฺตริตรํ ลภิสฺสามี’’ติ อรฺํ ปวิสิตฺวา ผลาผลํ ขาทนฺโต โพธิสตฺตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ วฏฺฏโก อติวิย ถูลสรีโร, มธุรํ โคจรํ ขาทติ มฺเ, เอตสฺส โคจรํ ปุจฺฉิตฺวา ตํ ขาทิตฺวา อหมฺปิ ถูโล ภวิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา โพธิสตฺตสฺส อุปริภาเค สาขาย นิลียิตฺวา โพธิสตฺตํ ปุจฺฉิ ‘‘โภ วฏฺฏก, กึ นาม ปณีตาหารํ ภุฺชสิ, ถูลสรีโร อโหสี’’ติ? โพธิสตฺโต เตน ปุจฺฉิโต เตน สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กโรนฺโต ปมํ คาถมาห –

๑๒๘.

‘‘ปณีตํ ภุฺชเส ภตฺตํ, สปฺปิเตลฺจ มาตุล;

อถ เกน นุ วณฺเณน, กิโส ตฺวมสิ วายสา’’ติ.

ตตฺถ ภตฺตนฺติ มนุสฺสานํ โภชนนิยาเมน ปฏิยาทิตภตฺตํ. มาตุลาติ ตํ ปิยสมุทาจาเรน อาลปติ. กิโสติ อปฺปมํสโลหิโต.

ตสฺส วจนํ สุตฺวา กาโก ติสฺโส คาถา อภาสิ –

๑๒๙.

‘‘อมิตฺตมชฺเฌ วสโต, เตสุ อามิสเมสโต;

นิจฺจํ อุพฺพิคฺคหทยสฺส, กุโต กากสฺส ทฬฺหิยํ.

๑๓๐.

‘‘นิจฺจํ อุพฺเพคิโน กากา, ธงฺกา ปาเปน กมฺมุนา;

ลทฺโธ ปิณฺโฑ น ปีเณติ, กิโส เตนสฺมิ วฏฺฏก.

๑๓๑.

‘‘ลูขานิ ติณพีชานิ, อปฺปสฺเนหานิ ภุฺชสิ;

อถ เกน นุ วณฺเณน, ถูโล ตฺวมสิ วฏฺฏกา’’ติ.

ตตฺถ ทฬฺหิยนฺติ เอวรูปสฺส มยฺหํ กากสฺส กุโต ทฬฺหีภาโว, กุโต ถูลนฺติ อตฺโถ. อุพฺเพคิโนติ อุพฺเพควนฺโต. ธงฺกาติ กากานเมว นามํ. ปาเปน กมฺมุนา ลทฺโธติ กาเกน มนุสฺสสนฺตกวิลุมฺปนสงฺขาเตน ปาเปน กมฺเมน ลทฺโธ ปิณฺโฑ. น ปีเณตีติ น ตปฺเปติ. เตนสฺมีติ เตน การเณนาหํ กิโส อสฺมิ. อปฺปสฺเนหานีติ มนฺโทชานิ. อิทํ กาโก โพธิสตฺตํ ‘‘ปณีตโภชนํ ขาทตี’’ติ สฺี หุตฺวาปิ วฏฺฏกานํ คหิตโคจรํ ปุจฺฉนฺโต อาห.

ตํ สุตฺวา โพธิสตฺโต อตฺตโน ถูลภาวการณํ กเถนฺโต อิมา คาถา อภาสิ –

๑๓๒.

‘‘อปฺปิจฺฉา อปฺปจินฺตาย, อทูรคมเนน จ;

ลทฺธาลทฺเธน ยาเปนฺโต, ถูโล เตนสฺมิ วายส.

๑๓๓.

‘‘อปฺปิจฺฉสฺส หิ โปสสฺส, อปฺปจินฺตสุขสฺส จ;

สุสงฺคหิตมานสฺส, วุตฺตี สุสมุทานยา’’ติ.

ตตฺถ อปฺปิจฺฉาติ อาหาเรสุ อปฺปิจฺฉตาย นิตฺตณฺหตาย, เกวลํ สรีรยาปนวเสเนว อาหาราหรณตายาติ อตฺโถ. อปฺปจินฺตายาติ ‘‘อชฺช กหํ อาหารํ ลภิสฺสามิ, สฺเว กห’’นฺติ เอวํ อาหารจินฺตาย อภาเวน. อทูรคมเนน จาติ ‘‘อสุกสฺมึ นาม าเน มธุรํ ลภิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา อวิทูรคมเนน จ. ลทฺธาลทฺเธนาติ ลูขํ วา โหตุ ปณีตํ วา, ยํ ลทฺธํ, เตเนว. ถูโล เตนสฺมีติ เตน จตุพฺพิเธน การเณน ถูโล อสฺมิ. วายสาติ กากํ อาลปติ. อปฺปจินฺตสุขสฺสาติ อาหารจินฺตารหิตานํ อปฺปจินฺตานมริยานํ สุขํ อสฺสตฺถีติ อปฺปจินฺตสุโข, ตสฺส ตาทิเสน สุเขน สมนฺนาคตสฺส. สุสงฺคหิตมานสฺสาติ ‘‘เอตฺตกํ ภุฺชิตฺวา ชีราเปตุํ สกฺขิสฺสามี’’ติ เอวํ สุฏฺุ สงฺคหิตาหารมานสฺส. วุตฺตี สุสมุทานยาติ เอวรูปสฺส ปุคฺคลสฺส ชีวิตวุตฺติ สุเขน สกฺกา สมุทาเนตุํ สุสมุทานยา สุนิพฺพตฺติยา.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน โลลภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ.

ตทา กาโก โลลภิกฺขุ อโหสิ, วฏฺฏโก ปน อหเมว อโหสินฺติ.

วฏฺฏกชาตกวณฺณนา นวมา.

[๓๙๕] ๑๐. ปาราวตชาตกวณฺณนา

จิรสฺสํ วต ปสฺสามีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โลลภิกฺขุํเยว อารพฺภ กเถสิ. ปจฺจุปฺปนฺนวตฺถุ เหฏฺา วุตฺตนยเมว.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ปาราวโต หุตฺวา พาราณสิเสฏฺิโน มหานเส นีฬปจฺฉิยํ วสติ. กาโกปิ เตน สทฺธึ วิสฺสาสํ กตฺวา ตตฺเถว วสตีติ สพฺพํ วิตฺถาเรตพฺพํ. ภตฺตการโก กากปตฺตานิ ลุฺจิตฺวา ปิฏฺเน ตํ มกฺเขตฺวา เอกํ กปาลขณฺฑํ วิชฺฌิตฺวา กณฺเ ปิฬนฺธิตฺวา ปจฺฉิยํ ปกฺขิปิ. โพธิสตฺโต อรฺโต อาคนฺตฺวา ตํ ทิสฺวา ปริหาสํ กโรนฺโต ปมํ คาถมาห –

๑๓๔.

‘‘จิรสฺสํ วต ปสฺสามิ, สหายํ มณิธารินํ;

สุกตา มสฺสุกุตฺติยา, โสภเต วต เม สขา’’ติ.

ตตฺถ มสฺสุกุตฺติยาติ อิมาย มสฺสุกิริยาย.

ตํ สุตฺวา กาโก ทุติยํ คาถมาห –

๑๓๕.

‘‘ปรูฬฺหกจฺฉนขโลโม, อหํ กมฺเมสุ พฺยาวโฏ;

จิรสฺสํ นฺหาปิตํ ลทฺธา, โลมํ ตํ อชฺช หารยิ’’นฺติ.

ตตฺถ อหํ กมฺเมสุ พฺยาวโฏติ อหํ สมฺม ปาราวต, ราชกมฺเมสุ พฺยาวโฏ โอกาสํ อลภนฺโต ปรูฬฺหกจฺฉนขโลโม อโหสินฺติ วทติ. อชฺช หารยินฺติ อชฺช หาเรสึ.

ตโต โพธิสตฺโต ตติยํ คาถมาห –

๑๓๖.

‘‘ยํ นุ โลมํ อหาเรสิ, ทุลฺลภํ ลทฺธ กปฺปกํ;

อถ กิฺจรหิ เต สมฺม, กณฺเ กิณิกิณายตี’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – ยํ ตาว ทุลฺลภํ กปฺปกํ ลภิตฺวา โลมํ หราเปสิ, ตํ หราปย, อถ กิฺจรหิ เต วยสฺส อิทํ กณฺเ กิณิกิณายตีติ.

ตโต กาโก ทฺเว คาถา อภาสิ –

๑๓๗.

‘‘มนุสฺสสุขุมาลานํ, มณิ กณฺเสุ ลมฺพติ;

เตสาหํ อนุสิกฺขามิ, มา ตฺวํ มฺิ ทวา กตํ.

๑๓๘.

‘‘สเจปิมํ ปิหยสิ, มสฺสุกุตฺตึ สุการิตํ;

การยิสฺสามิ เต สมฺม, มณิฺจาปิ ททามิ เต’’ติ.

ตตฺถ มณีติ เอวรูปานํ มนุสฺสานํ เอกํ มณิรตนํ กณฺเสุ ลมฺพติ. เตสาหนฺติ เตสํ อหํ. มา ตฺวํ มฺีติ ตฺวํ ปน ‘‘เอตํ มยา ทวา กต’’นฺติ มา มฺิ. สเจปิมํ ปิหยสีติ สเจ อิมํ มม กตํ มสฺสุกุตฺตึ ตฺวํ อิจฺฉสิ.

ตํ สุตฺวา โพธิสตฺโต ฉฏฺํ คาถมาห –

๑๓๙.

‘‘ตฺวฺเว มณินา ฉนฺโน, สุกตาย จ มสฺสุยา;

อามนฺต โข ตํ คจฺฉามิ, ปิยํ เม ตวทสฺสน’’นฺติ.

ตตฺถ มณินาติ มณิโน, อยเมว วา ปาโ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – สมฺม วายส, ตฺวฺเว อิมสฺส มณิโน อนุจฺฉวิโก อิมิสฺสา จ สุกตาย มสฺสุยา, มม ปน ตว อทสฺสนเมว ปิยํ, ตสฺมา ตํ อามนฺตยิตฺวา คจฺฉามีติ.

เอวฺจ ปน วตฺวา โพธิสตฺโต อุปฺปติตฺวา อฺตฺถ คโต. กาโก ตตฺเถว ชีวิตกฺขยํ ปตฺโต.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน โลลภิกฺขุ อนาคามิผเล ปติฏฺหิ. ตทา กาโก โลลภิกฺขุ อโหสิ, ปาราวโต ปน อหเมว อโหสินฺติ.

ปาราวตชาตกวณฺณนา ทสมา.

ขรปุตฺตวคฺโค ทุติโย นิฏฺิโต.

ชาตกุทฺทานํ –

อวาริยํ เสตเกตุ, ทรีมุขฺจ เนรุ จ;

อาสงฺกมิคาโลปฺจ, กาฬกณฺณี จ กุกฺกุฏํ.

ธมฺมธชฺจ นนฺทิยํ, ขรปุตฺตํ สูจิ เจว;

ตุณฺฑิลํ โสณฺณกกฺกฏํ, มยฺหกํ วิชฺชาธรฺเจว.

สิงฺฆปุปฺผํ วิฆาสาทํ, วฏฺฏกฺจ ปาราวตํ;

สงฺคายึสุ มหาเถรา, ฉกฺเก วีสติ ชาตเก.

ฉกฺกนิปาตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๗. สตฺตกนิปาโต

๑. กุกฺกุวคฺโค

[๓๙๖] ๑. กุกฺกุชาตกวณฺณนา

ทิยฑฺฒกุกฺกูติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ราโชวาทํ อารพฺภ กเถสิ. ปจฺจุปฺปนฺนวตฺถุ เตสกุณชาตเก (ชา. ๒.๑๗.๑ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส อตฺถธมฺมานุสาสโก อมจฺโจ อโหสิ. ราชา อคติคมเน ปติฏฺาย อธมฺเมน รชฺชํ กาเรสิ, ชนปทํ ปีเฬตฺวา ธนเมว สํหริ. โพธิสตฺโต ราชานํ โอวทิตุกาโม เอกํ อุปมํ อุปธาเรนฺโต วิจรติ, รฺโ อุยฺยาเน วาสาคารํ วิปฺปกตํ โหติ อนิฏฺิตจฺฉทนํ, ทารุกณฺณิกํ อาโรเปตฺวา โคปานสิโย ปเวสิตมตฺตา โหนฺติ. ราชา กีฬนตฺถาย อุยฺยานํ คนฺตฺวา ตตฺถ วิจริตฺวา ตํ เคหํ ปวิสิตฺวา อุลฺโลเกนฺโต กณฺณิกมณฺฑลํ ทิสฺวา อตฺตโน อุปริปตนภเยน นิกฺขมิตฺวา พหิ ิโต ปุน โอโลเกตฺวา ‘‘กึ นุ โข นิสฺสาย กณฺณิกา ิตา, กึ นิสฺสาย โคปานสิโย’’ติ จินฺเตตฺวา โพธิสตฺตํ ปุจฺฉนฺโต ปมํ คาถมาห –

.

‘‘ทิยฑฺฒกุกฺกู อุทเยน กณฺณิกา, วิทตฺถิโย อฏฺ ปริกฺขิปนฺติ นํ;

สา สึสปา, สารมยา อเผคฺคุกา, กุหึ ิตา อุปฺปริโต น ธํสตี’’ติ.

ตตฺถ ทิยฑฺฒกุกฺกูติ ทิยฑฺฒรตนา. อุทเยนาติ อุจฺจตฺเตน. ปริกฺขิปนฺติ นนฺติ ตํ ปเนตํ อฏฺ วิทตฺถิโย ปริกฺขิปนฺติ, ปริกฺเขปโต อฏฺวิทตฺถิปมาณาติ วุตฺตํ โหติ. กุหึ ิตาติ กตฺถ ปติฏฺิตา หุตฺวา. น ธํสตีติ น ปตติ.

ตํ สุตฺวา โพธิสตฺโต ‘‘ลทฺธา ทานิ เม รฺโ โอวาทตฺถาย อุปมา’’ติ จินฺเตตฺวา อิมา คาถา อาห –

.

‘‘ยา ตึสติ สารมยา อนุชฺชุกา, ปริกิริย โคปานสิโย สมํ ิตา;

ตาหิ สุสงฺคหิตา พลสา ปีฬิตา, สมํ ิตา อุปฺปริโต น ธํสติ.

.

‘‘เอวมฺปิ มิตฺเตหิ ทฬฺเหหิ ปณฺฑิโต, อเภชฺชรูเปหิ สุจีหิ มนฺติภิ;

สุสงฺคหีโต สิริยา น ธํสติ, โคปานสีภารวหาว กณฺณิกา’’ติ.

ตตฺถ ยา ตึสติ สารมยาติ ยา เอตา สารรุกฺขมยา ตึสติ โคปานสิโย. ปริกิริยาติ ปริวาเรตฺวา. สมํ ิตาติ สมภาเคน ิตา. พลสา ปีฬิตาติ ตาหิ ตาหิ โคปานสีหิ พเลน ปีฬิตา สุฏฺุ สงฺคหิตา เอกาพทฺธา หุตฺวา. ปณฺฑิโตติ าณสมฺปนฺโน ราชา. สุจีหีติ สุจิสมาจาเรหิ กลฺยาณมิตฺเตหิ. มนฺติภีติ มนฺตกุสเลหิ. โคปานสีภารวหาว กณฺณิกาติ ยถา โคปานสีนํ ภารํ วหมานา กณฺณิกา น ธํสติ น ปตติ, เอวํ ราชาปิ วุตฺตปฺปกาเรหิ มนฺตีหิ อภิชฺชหทเยหิ สุสงฺคหิโต สิริโต น ธํสติ น ปตติ น ปริหายติ.

ราชา โพธิสตฺเต กเถนฺเตเยว อตฺตโน กิริยํ สลฺลกฺเขตฺวา กณฺณิกาย อสติ โคปานสิโย น ติฏฺนฺติ, โคปานสีหิ อสงฺคหิตา กณฺณิกา น ติฏฺติ, โคปานสีสุ ภิชฺชนฺตีสุ กณฺณิกา ปตติ, เอวเมว อธมฺมิโก ราชา อตฺตโน มิตฺตามจฺเจ จ พลกาเย จ พฺราหฺมณคหปติเก จ อสงฺคณฺหนฺโต เตสุ ภิชฺชนฺเตสุ เตหิ อสงฺคหิโต อิสฺสริยา ธํสติ, รฺา นาม ธมฺมิเกน ภวิตพฺพนฺติ. อถสฺส ตสฺมึ ขเณ ปณฺณาการตฺถาย มาตุลุงฺคํ อาหรึสุ. ราชา ‘‘สหาย, อิมํ มาตุลุงฺคํ ขาทา’’ติ โพธิสตฺตํ อาห. โพธิสตฺโต ตํ คเหตฺวา ‘‘มหาราช, อิมํ ขาทิตุํ อชานนฺตา ติตฺตกํ วา กโรนฺติ อมฺพิลํ วา, ชานนฺตา ปน ปณฺฑิตา ติตฺตกํ หาเรตฺวา อมฺพิลํ อนีหริตฺวา มาตุลุงฺครสํ อนาเสตฺวาว ขาทนฺตี’’ติ รฺโ อิมาย อุปมาย ธนสงฺฆรณูปายํ ทสฺเสนฺโต ทฺเว คาถา อภาสิ –

.

‘‘ขรตฺตจํ เพลฺลํ ยถาปิ สตฺถวา, อนามสนฺโตปิ กโรติ ติตฺตกํ;

สมาหรํ สาทุํ กโรติ ปตฺถิว, อสาทุํ กยิรา ตนุพนฺธมุทฺธรํ.

.

‘‘เอวมฺปิ คามนิคเมสุ ปณฺฑิโต, อสาหสํ ราชธนานิ สงฺฆรํ;

ธมฺมานุวตฺตี ปฏิปชฺชมาโน, ส ผาติ กยิรา อวิเหยํ ปร’’นฺติ.

ตตฺถ ขรตฺตจนฺติ ถทฺธตจํ. เพลฺลนฺติ มาตุลุงฺคํ. ‘เพล’’นฺติปิ ปาโ, อยเมวตฺโถ. สตฺถวาติ สตฺถกหตฺโถ. อนามสนฺโตติ พหิตจํ ตนุกมฺปิ อตจฺฉนฺโต อิทํ ผลํ ติตฺตกํ กโรติ. สมาหรนฺติ สมาหรนฺโต พหิตจํ ตจฺฉนฺโต อนฺโต จ อมฺพิลํ อนีหรนฺโต ตํ สาทุํ กโรติ. ปตฺถิวาติ ราชานํ อาลปติ. ตนุพนฺธมุทฺธรนฺติ ตนุกํ ปน ตจํ อุทฺธรนฺโต สพฺพโส ติตฺตกสฺส อนปนีตตฺตา ตํ อสาทุเมว กยิรา. เอวนฺติ เอวํ ปณฺฑิโต ราชาปิ อสาหสํ สาหสิยา ตณฺหาย วสํ อคจฺฉนฺโต อคติคมนํ ปหาย รฏฺํ อปีเฬตฺวา อุปจิกานํ วมฺมิกวฑฺฒนนิยาเมน มธุกรานํ เรณุํ คเหตฺวา มธุกรณนิยาเมน จ ธนํ สงฺฆรนฺโต –

‘‘ทานํ สีลํ ปริจฺจาคํ, อชฺชวํ มทฺทวํ ตปํ;

อกฺโกธํ อวิหึสฺจ, ขนฺติฺจ อวิโรธน’’นฺติ. –

อิติ อิเมสํ ทสนฺนํ ราชธมฺมานํ อนุวตฺตเนน ธมฺมานุวตฺตี หุตฺวา ปฏิปชฺชมาโน โส อตฺตโน จ ปเรสฺจ ผาตึ วฑฺฒึ กเรยฺย ปรํ อวิเหเนฺโตเยวาติ.

ราชา โพธิสตฺเตน สทฺธึ มนฺเตนฺโต โปกฺขรณีตีรํ คนฺตฺวา สุปุปฺผิตํ พาลสูริยวณฺณํ อุทเกน อนุปลิตฺตํ ปทุมํ ทิสฺวา อาห – ‘‘สหาย, อิมํ ปทุมํ อุทเก สฺชาตเมว อุทเกน อลิมฺปมานํ ิต’’นฺติ. อถ นํ โพธิสตฺโต ‘‘มหาราช, รฺา นาม เอวรูเปน ภวิตพฺพ’’นฺติ โอวทนฺโต อิมา คาถา อาห –

.

‘‘โอทาตมูลํ สุจิวาริสมฺภวํ, ชาตํ ยถา โปกฺขรณีสุ อมฺพุชํ;

ปทุมํ ยถา อคฺคินิกาสิผาลิมํ, น กทฺทโม น รโช น วาริ ลิมฺปติ.

.

‘‘เอวมฺปิ โวหารสุจึ อสาหสํ, วิสุทฺธกมฺมนฺตมเปตปาปกํ;

น ลิมฺปติ กมฺมกิเลส ตาทิโส, ชาตํ ยถา โปกฺขรณีสุ อมฺพุช’’นฺติ.

ตตฺถ โอทาตมูลนฺติ ปณฺฑรมูลํ. อมฺพุชนฺติ ปทุมสฺเสว เววจนํ. อคฺคินิกาสิผาลิมนฺติ อคฺคินิกาสินา สูริเยน ผาลิตํ วิกสิตนฺติ อตฺโถ. น กทฺทโม น รโช น วาริ ลิมฺปตีติ เนว กทฺทโม น รโช น อุทกํ ลิมฺปติ, น มกฺเขตีติ อตฺโถ. ‘‘ลิปฺปติ’’จฺเจว วา ปาโ, ภุมฺมตฺเถ วา เอตานิ ปจฺจตฺตวจนานิ, เอเตสุ กทฺทมาทีสุ น ลิปฺปติ, น อลฺลียตีติ อตฺโถ. โวหารสุจินฺติ โปราณเกหิ ธมฺมิกราชูหิ ลิขาเปตฺวา ปิตวินิจฺฉยโวหาเร สุจึ, อคติคมนํ ปหาย ธมฺเมน วินิจฺฉยการกนฺติ อตฺโถ. อสาหสนฺติ ธมฺมิกวินิจฺฉเย ิตตฺตาเยว สาหสิกกิริยาย วิรหิตํ. วิสุทฺธกมฺมนฺตนฺติ เตเนว อสาหสิกฏฺเน วิสุทฺธกมฺมนฺตํ สจฺจวาทึ นิกฺโกธํ มชฺฌตฺตํ ตุลาภูตํ โลกสฺส. อเปตปาปกนฺติ อปคตปาปกมฺมํ. น ลิมฺปติ กมฺมกิเลส ตาทิโสติ ตํ ราชานํ ปาณาติปาโต อทินฺนาทานํ กาเมสุมิจฺฉาจาโร มุสาวาโทติ อยํ กมฺมกิเลโส น อลฺลียติ. กึการณา? ตาทิโส ชาตํ ยถา โปกฺขรณีสุ อมฺพุชํ. ตาทิโส หิ ราชา ยถา โปกฺขรณีสุ ชาตํ ปทุมํ อนุปลิตฺตํ, เอวํ อนุปลิตฺโต นาม โหติ.

ราชา โพธิสตฺตสฺส โอวาทํ สุตฺวา ตโต ปฏฺาย ธมฺเมน รชฺชํ กาเรนฺโต ทานาทีนิ ปุฺานิ กตฺวา สคฺคปรายโณ อโหสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ราชา อานนฺโท อโหสิ, ปณฺฑิตามจฺโจ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

กุกฺกุชาตกวณฺณนา ปมา.

[๓๙๗] ๒. มโนชชาตกวณฺณนา

ยถา จาโป นินฺนมตีติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต วิปกฺขเสวกํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ ปน เหฏฺา มหิฬามุขชาตเก (ชา. ๑.๑.๒๖) วิตฺถาริตเมว. ตทา ปน สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปส วิปกฺขเสวโกเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต สีโห หุตฺวา สีหิยา สทฺธึ สํวสนฺโต ทฺเว โปตเก ลภิ – ปุตฺตฺจ ธีตรฺจ. ปุตฺตสฺส มโนโชติ นามํ อโหสิ, โส วยปฺปตฺโต เอกํ สีหโปติกํ คณฺหิ. อิติ เต ปฺจ ชนา อเหสุํ. มโนโช วนมหึสาทโย วธิตฺวา มํสํ อาหริตฺวา มาตาปิตโร จ ภคินิฺจ ปชาปติฺจ โปเสติ. โส เอกทิวสํ โคจรภูมิยํ คิริยํ นาม สิงฺคาลํ ปลายิตุํ อปฺปโหนฺตํ อุเรน นิปนฺนํ ทิสฺวา ‘‘กึ, สมฺมา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อุปฏฺาตุกาโมมฺหิ, สามี’’ติ วุตฺเต ‘‘สาธุ, อุปฏฺหสฺสู’’ติ ตํ คเหตฺวา อตฺตโน วสนคุหํ อาเนสิ. โพธิสตฺโต ตํ ทิสฺวา ‘‘ตาต มโนช, สิงฺคาลา นาม ทุสฺสีลา ปาปธมฺมา อกิจฺเจ นิโยเชนฺติ, มา เอตํ อตฺตโน สนฺติเก กรี’’ติ วาเรตุํ นาสกฺขิ.

อเถกทิวสํ สิงฺคาโล อสฺสมํสํ ขาทิตุกาโม มโนชํ อาห – ‘‘สามิ, อมฺเหหิ เปตฺวา อสฺสมํสํ อฺํ อขาทิตปุพฺพํ นาม นตฺถิ, อสฺสํ คณฺหิสฺสามา’’ติ. ‘‘กหํ ปน, สมฺม, อสฺสา โหนฺตี’’ติ? ‘‘พาราณสิยํ นทีตีเร’’ติ. โส ตสฺส วจนํ คเหตฺวา เตน สทฺธึ อสฺสานํ นทิยา นฺหานเวลายํ คนฺตฺวา เอกํ อสฺสํ คเหตฺวา ปิฏฺิยํ อาโรเปตฺวา เวเคน อตฺตโน คุหาทฺวารเมว อาคโต. อถสฺส ปิตา อสฺสมํสํ ขาทิตฺวา ‘‘ตาต, อสฺสา นาม ราชโภคา, ราชาโน จ นาม อเนกมายา กุสเลหิ ธนุคฺคเหหิ วิชฺฌาเปนฺติ, อสฺสมํสขาทนสีหา นาม ทีฆายุกา น โหนฺติ, อิโต ปฏฺาย มา อสฺสํ คณฺหี’’ติ อาห. โส ปิตุ วจนํ อกตฺวา คณฺหเตว. ‘‘สีโห อสฺเส คณฺหาตี’’ติ สุตฺวา ราชา อนฺโตนคเรเยว อสฺสานํ โปกฺขรณึ การาเปสิ. ตโตปิ อาคนฺตฺวา คณฺหิเยว. ราชา อสฺสสาลํ กาเรตฺวา อนฺโตสาลายเมว ติโณทกํ ทาเปสิ. สีโห ปาการมตฺถเกน คนฺตฺวา อนฺโตสาลาโตปิ คณฺหิเยว.

ราชา เอกํ อกฺขณเวธึ ธนุคฺคหํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สกฺขิสฺสสิ ตาต, สีหํ วิชฺฌิตุ’’นฺติ อาห. โส ‘‘สกฺโกมี’’ติ วตฺวา ปาการํ นิสฺสาย สีหสฺส อาคมนมคฺเค อฏฺฏกํ กาเรตฺวา อฏฺาสิ. สีโห อาคนฺตฺวา พหิสุสาเน สิงฺคาลํ เปตฺวา อสฺสคหณตฺถาย นครํ ปกฺขนฺทิ. ธนุคฺคโห อาคมนกาเล ‘‘อติติขิโณ เวโค’’ติ สีหํ อวิชฺฌิตฺวา อสฺสํ คเหตฺวา คมนกาเล ครุภารตาย โอลีนเวคํ สีหํ ติขิเณน นาราเจน ปจฺฉาภาเค วิชฺฌิ. นาราโจ ปุริมกาเยน นิกฺขมิตฺวา อากาสํ ปกฺขนฺทิ. สีโห ‘‘วิทฺโธสฺมี’’ติ วิรวิ. ธนุคฺคโห ตํ วิชฺฌิตฺวา อสนิ วิย ชิยํ โปเถสิ. สิงฺคาโล สีหสฺส จ ชิยาย จ สทฺทํ สุตฺวา ‘‘สหาโย เม ธนุคฺคเหน วิชฺฌิตฺวา มาริโต ภวิสฺสติ, มตเกน หิ สทฺธึ วิสฺสาโส นาม นตฺถิ, อิทานิ มม ปกติยา วสนวนเมว คมิสฺสามี’’ติ อตฺตนาว สทฺธึ สลฺลปนฺโต ทฺเว คาถา อภาสิ –

.

‘‘ยถา จาโป นินฺนมติ, ชิยา จาปิ นิกูชติ;

หฺเต นูน มโนโช, มิคราชา สขา มม.

.

‘‘หนฺท ทานิ วนนฺตานิ, ปกฺกมามิ ยถาสุขํ;

เนตาทิสา สขา โหนฺติ, ลพฺภา เม ชีวโต สขา’’ติ.

ตตฺถ ยถาติ เยนากาเรเนว จาโป นินฺนมติ. หฺเต นูนาติ นูน หฺติ. เนตาทิสาติ เอวรูปา มตกา สหายา นาม น โหนฺติ. ลพฺภา เมติ ชีวโต มม สหาโย นาม สกฺกา ลทฺธุํ.

สีโหปิ เอกเวเคน คนฺตฺวา อสฺสํ คุหาทฺวาเร ปาเตตฺวา สยมฺปิ มริตฺวา ปติ. อถสฺส าตกา นิกฺขมิตฺวา ตํ โลหิตมกฺขิตํ ปหารมุเขหิ ปคฺฆริตโลหิตํ ปาปชนเสวิตาย ชีวิตกฺขยํ ปตฺตํ อทฺทสํสุ, ทิสฺวา จสฺส มาตา ปิตา ภคินี ปชาปตีติ ปฏิปาฏิยา จตสฺโส คาถา ภาสึสุ –

๑๐.

‘‘น ปาปชนสํเสวี, อจฺจนฺตํ สุขเมธติ;

มโนชํ ปสฺส เสมานํ, คิริยสฺสานุสาสนี.

๑๑.

‘‘น ปาปสมฺปวงฺเกน, มาตา ปุตฺเตน นนฺทติ;

มโนชํ ปสฺส เสมานํ, อจฺฉนฺนํ สมฺหิ โลหิเต.

๑๒.

‘‘เอวมาปชฺชเต โปโส, ปาปิโย จ นิคจฺฉติ;

โย เว หิตานํ วจนํ, น กโรติ อตฺถทสฺสินํ.

๑๓.

‘‘เอวฺจ โส โหติ ตโต จ ปาปิโย, โย อุตฺตโม อธมชนูปเสวี;

ปสฺสุตฺตมํ อธมชนูปเสวิตํ, มิคาธิปํ สรวรเวคนิทฺธุต’’นฺติ.

ตตฺถ อจฺจนฺตํ สุขเมธตีติ น จิรํ สุขํ ลภติ. คิริยสฺสานุสาสนีติ อยํ เอวรูปา คิริยสฺสานุสาสนีติ ครหนฺโต อาห. ปาปสมฺปวงฺเกนาติ ปาเปสุ สมฺปวงฺเกน ปาปสหาเยน. อจฺฉนฺนนฺติ นิมุคฺคํ. ปาปิโย จ นิคจฺฉตีติ ปาปฺจ วินฺทติ. หิตานนฺติ อตฺถกามานํ. อตฺถทสฺสินนฺติ อนาคตอตฺถํ ปสฺสนฺตานํ. ปาปิโยติ ปาปตโร. อธมชนูปเสวีติ อธมชนํ อุปเสวี. อุตฺตมนฺติ สรีรพเลน เชฏฺกํ.

ปจฺฉิมา อภิสมฺพุทฺธคาถา –

๑๔.

‘‘นิหียติ ปุริโส นิหีนเสวี, น จ หาเยถ กทาจิ ตุลฺยเสวี;

เสฏฺมุปคมํ อุเทติ ขิปฺปํ, ตสฺมาตฺตนา อุตฺตริตรํ ภเชถา’’ติ.

ตตฺถ นิหียตีติ ภิกฺขเว, นิหีนเสวี นาม มโนโช สีโห วิย นิหียติ ปริหายติ วินาสํ ปาปุณาติ. ตุลฺยเสวีติ สีลาทีหิ อตฺตนา สทิสํ เสวมาโน น หายติ, วฑฺฒิเยว ปนสฺส โหติ. เสฏฺมุปคมนฺติ สีลาทีหิ อุตฺตริตรํเยว อุปคจฺฉนฺโต. อุเทติ ขิปฺปนฺติ สีฆเมว สีลาทีหิ คุเณหิ อุเทติ, วุทฺธึ อุปคจฺฉตีติ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน วิปกฺขเสวโก โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ.

ตทา สิงฺคาโล เทวทตฺโต อโหสิ, มโนโช วิปกฺขเสวโก, ภคินี อุปฺปลวณฺณา, ภริยา เขมา ภิกฺขุนี, มาตา ราหุลมาตา, ปิตา สีหราชา ปน อหเมว อโหสินฺติ.

มโนชชาตกวณฺณนา ทุติยา.

[๓๙๘] ๓. สุตนุชาตกวณฺณนา

ราชา เต ภตฺตนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต มาตุโปสกภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ สามชาตเก (ชา. ๒.๒๒.๒๙๖ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ทุคฺคตคหปติกุเล นิพฺพตฺติ, สุตนูติสฺส นามํ อกํสุ. โส วยปฺปตฺโต ภตึ กตฺวา มาตาปิตโร โปเสตฺวา ปิตริ กาลกเต มาตรํ โปเสติ. ตสฺมึ ปน กาเล พาราณสิราชา มิควิตฺตโก อโหสิ. โส เอกทิวสํ มหนฺเตน ปริวาเรน โยชนทฺวิโยชนมตฺตํ อรฺํ ปวิสิตฺวา ‘‘ยสฺส ิตฏฺาเนน มิโค ปลายติ, โส อิมํ นาม ชิโต’’ติ สพฺเพสํ อาโรจาเปสิ. อมจฺจา รฺโ ธุวมคฺคฏฺาเน โกฏฺกํ ฉาเทตฺวา อทํสุ. มนุสฺเสหิ มิคานํ วสนฏฺานานิ ปริวาเรตฺวา อุนฺนาเทนฺเตหิ อุฏฺาปิเตสุ มิเคสุ เอโก เอณิมิโค รฺโ ิตฏฺานํ ปฏิปชฺชิ. ราชา ‘‘ตํ วิชฺฌิสฺสามี’’ติ สรํ ขิปิ. อุคฺคหิตมาโย มิโค สรํ มหาผาสุกาภิมุขํ อาคจฺฉนฺตํ ตฺวา ปริวตฺติตฺวา สเรน วิทฺโธ วิย หุตฺวา ปติ. ราชา ‘‘มิโค เม วิทฺโธ’’ติ คหณตฺถาย ธาวิ. มิโค อุฏฺาย วาตเวเคน ปลายิ, อมจฺจาทโย ราชานํ อวหสึสุ. โส มิคํ อนุพนฺธิตฺวา กิลนฺตกาเล ขคฺเคน ทฺวิธา ฉินฺทิตฺวา เอกสฺมึ ทณฺฑเก ลคฺคิตฺวา กาชํ วหนฺโต วิย อาคจฺฉนฺโต ‘‘โถกํ วิสฺสมิสฺสามี’’ติ มคฺคสมีเป ิตํ วฏรุกฺขํ อุปคนฺตฺวา นิปชฺชิตฺวา นิทฺทํ โอกฺกมิ.

ตสฺมึ ปน วฏรุกฺเข นิพฺพตฺโต มฆเทโว นาม ยกฺโข ตตฺถ ปวิฏฺเ เวสฺสวณสฺส สนฺติกา ขาทิตุํ ลภิ. โส ราชานํ อุฏฺาย คจฺฉนฺตํ ‘‘ติฏฺ ภกฺโขสิ เม’’ติ หตฺเถ คณฺหิ. ‘‘ตฺวํ โกนาโมสี’’ติ? ‘‘อหํ อิธ นิพฺพตฺตยกฺโข, อิมํ านํ ปวิฏฺเก ขาทิตุํ ลภามี’’ติ. ราชา สตึ อุปฏฺเปตฺวา ‘‘กึ อชฺเชว มํ ขาทิสฺสสิ, อุทาหุ นิพทฺธํ ขาทิสฺสสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ลภนฺโต นิพทฺธํ ขาทิสฺสามี’’ติ. ราชา ‘‘อิมํ อชฺช มิคํ ขาทิตฺวา มํ วิสฺสชฺเชหิ, อหํ เต สฺเว ปฏฺาย เอกาย ภตฺตปาติยา สทฺธึ เอกํ มนุสฺสํ เปเสสฺสามี’’ติ. ‘‘เตน หิ อปฺปมตฺโต โหหิ, อเปสิตทิวเส ตฺเว ขาทิสฺสามี’’ติ. ‘‘อหํ พาราณสิราชา, มยฺหํ อวิชฺชมานํ นาม นตฺถี’’ติ. ยกฺโข ปฏิฺํ คเหตฺวา ตํ วิสฺสชฺเชสิ. โส นครํ ปวิสิตฺวา ตมตฺถํ เอกสฺส อตฺถจรกสฺส อมจฺจสฺส กเถตฺวา ‘‘อิทานิ กึ กาตพฺพ’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘ทิวสปริจฺเฉโท กโต, เทวา’’ติ? ‘‘น กโต’’ติ. ‘‘อยุตฺตํ โว กตํ, เอวํ สนฺเตปิ มา จินฺตยิตฺถ, พหู พนฺธนาคาเร มนุสฺสา’’ติ. ‘‘เตน หิ ตฺวํ เอตํ กมฺมํ กร, มยฺหํ ชีวิตํ เทหี’’ติ.

อมจฺโจ ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา เทวสิกํ พนฺธนาคารโต มนุสฺสํ นีหริตฺวา ภตฺตปาตึ คเหตฺวา กฺจิ อชานาเปตฺวาว ยกฺขสฺส เปเสสิ. ยกฺโข ภตฺตํ ภุฺชิตฺวา มนุสฺสํ ขาทติ. อปรภาเค พนฺธนาคารานิ นิมฺมนุสฺสานิ ชาตานิ. ราชา ภตฺตหารกํ อลภนฺโต มรณภเยน กมฺปิ. อถ นํ อมจฺโจ อสฺสาเสตฺวา ‘‘เทว, ชีวิตาสาโต ธนาสาว พลวตรา, หตฺถิกฺขนฺเธ สหสฺสภณฺฑิกํ เปตฺวา ‘โก อิมํ ธนํ คเหตฺวา ยกฺขสฺส ภตฺตํ อาทาย คมิสฺสตี’ติ เภรึ จราเปมา’’ติ วตฺวา ตถา กาเรสิ. อถ ตํ สุตฺวา โพธิสตฺโต จินฺเตสิ ‘‘อหํ ภติยา มาสกฑฺฒมาสกํ สงฺฆริตฺวา กิจฺเฉน มาตรํ โปเสมิ, อิมํ ธนํ คเหตฺวา มาตุ ทตฺวา ยกฺขสฺส สนฺติกํ คมิสฺสามิ, สเจ ยกฺขํ ทเมตุํ สกฺขิสฺสามิ, อิจฺเจตํ กุสลํ, โน เจ สกฺขิสฺสามิ, มาตา เม สุขํ ชีวิสฺสตี’’ติ. โส ตมตฺถํ มาตุ อาโรเจตฺวา ‘‘อลํ ตาต, น มม อตฺโถ ธเนนา’’ติ ทฺเว วาเร ปฏิกฺขิปิตฺวา ตติยวาเร ตํ อนาปุจฺฉิตฺวาว ‘‘อาหรถ, อยฺย, สหสฺสํ, อหํ ภตฺตํ หริสฺสามี’’ติ สหสฺสํ คเหตฺวา มาตุ ทตฺวา ‘‘อมฺม, มา จินฺตยิ, อหํ ยกฺขํ ทเมตฺวา มหาชนสฺส โสตฺถึ กริสฺสามิ, อชฺเชว ตว อสฺสุกิลินฺนมุขํ หาสาเปนฺโตว อาคจฺฉิสฺสามี’’ติ มาตรํ วนฺทิตฺวา ราชปุริเสหิ สทฺธึ รฺโ สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา อฏฺาสิ.

ตโต รฺา ‘‘ตาต, ตฺวํ ภตฺตํ หริสฺสสี’’ติ วุตฺเต ‘‘อาม, เทวา’’ติ อาห. ‘‘กึ เต ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ? ‘‘ตุมฺหากํ สุวณฺณปาทุกา, เทวา’’ติ. ‘‘กึการณา’’ติ? ‘‘เทว, โส ยกฺโข อตฺตโน รุกฺขมูเล ภูมิยํ ิตเก ขาทิตุํ ลภติ, อหํ เอตสฺส สนฺตกภูมิยํ อฏฺตฺวา ปาทุกาสุ สฺสามี’’ติ. ‘‘อฺํ กึ ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ? ‘‘ตุมฺหากํ ฉตฺตํ, เทวา’’ติ. ‘‘อิทํ กิมตฺถายา’’ติ? ‘‘เทว, ยกฺโข อตฺตโน รุกฺขจฺฉายาย ิตเก ขาทิตุํ ลภติ, อหํ ตสฺส รุกฺขจฺฉายาย อฏฺตฺวา ฉตฺตจฺฉายาย สฺสามี’’ติ. ‘‘อฺํ กึ ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ. ‘‘ตุมฺหากํ ขคฺคํ, เทวา’’ติ. ‘‘อิมินา โก อตฺโถ’’ติ? ‘‘เทว, อมนุสฺสาปิ อาวุธหตฺถานํ ภายนฺติเยวา’’ติ. ‘‘อฺํ กึ ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ? ‘‘สุวณฺณปาตึ ปูเรตฺวา ตุมฺหากํ ภุฺชนกภตฺตํ เทถ, เทวา’’ติ. ‘‘กึการณา, ตาตา’’ติ? ‘‘เทว, มาทิสสฺส นาม ปณฺฑิตสฺส ปุริสสฺส มตฺติกปาติยา ลูขโภชนํ หริตุํ อนนุจฺฉวิก’’นฺติ. ‘‘สาธุ, ตาตา’’ติ ราชา สพฺพํ ทาเปตฺวา ตสฺส เวยฺยาวจฺจกเร ปฏิปาเทสิ.

โพธิสตฺโต ‘‘มหาราช, มา ภายิตฺถ, อชฺชาหํ ยกฺขํ ทเมตฺวา ตุมฺหากํ โสตฺถึ กตฺวา อาคมิสฺสามี’’ติ ราชานํ วนฺทิตฺวา อุปกรณานิ คาหาเปตฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา มนุสฺเส รุกฺขสฺสาวิทูเร เปตฺวา สุวณฺณปาทุกํ อารุยฺห ขคฺคํ สนฺนยฺหิตฺวา เสตจฺฉตฺตํ มตฺถเก กตฺวา กฺจนปาติยา ภตฺตํ คเหตฺวา ยกฺขสฺส สนฺติกํ ปายาสิ. ยกฺโข มคฺคํ โอโลเกนฺโต ตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ ปุริโส น อฺเสุ ทิวเสสุ อาคมนนิยาเมน เอติ, กึ นุ โข การณ’’นฺติ จินฺเตสิ. โพธิสตฺโตปิ รุกฺขสมีปํ คนฺตฺวา อสิตุณฺเฑน ภตฺตปาตึ อนฺโตฉายาย กริตฺวา ฉายาย ปริยนฺเต ิโต ปมํ คาถมาห.

๑๕.

‘‘ราชา เต ภตฺตํ ปาเหสิ, สุจึ มํสูปเสจนํ;

มฆเทวสฺมึ อธิวตฺเถ, เอหิ นิกฺขมฺม ภุฺชสู’’ติ.

ตตฺถ ปาเหสีติ ปหิณิ. มฆเทวสฺมึ อธิวตฺเถติ มฆเทโวติ วฏรุกฺโข วุจฺจติ, ตสฺมึ อธิวตฺเถติ เทวตํ อาลปติ.

ตํ สุตฺวา ยกฺโข ‘‘อิมํ ปุริสํ วฺเจตฺวา อนฺโตฉายาย ปวิฏฺํ ขาทิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ทุติยํ คาถมาห –

๑๖.

‘‘เอหิ มาณว โอเรน, ภิกฺขมาทาย สูปิตํ;

ตฺวฺจ มาณว ภิกฺขา จ, อุโภ ภกฺขา ภวิสฺสถา’’ติ.

ตตฺถ ภิกฺขนฺติ มม นิพทฺธภิกฺขํ. สูปิตนฺติ สูปสมฺปนฺนํ.

ตโต โพธิสตฺโต ทฺเว คาถา อภาสิ –

๑๗.

‘‘อปฺปเกน ตุวํ ยกฺข, ถุลฺลมตฺถํ ชหิสฺสสิ;

ภิกฺขํ เต นาหริสฺสนฺติ, ชนา มรณสฺิโน.

๑๘.

‘‘ลทฺธาย ยกฺขา ตว นิจฺจภิกฺขํ, สุจึ ปณีตํ รสสา อุเปตํ;

ภิกฺขฺจ เต อาหริโย นโร อิธ, สุทุลฺลโภ เหหิติ ภกฺขิเต มยี’’ติ.

ตตฺถ ถุลฺลมตฺถนฺติ อปฺปเกน การเณน มหนฺตํ อตฺถํ ชหิสฺสสีติ ทสฺเสติ. นาหริสฺสนฺตีติ อิโต ปฏฺาย มรณสฺิโน หุตฺวา น อาหริสฺสนฺติ, อถ ตฺวํ มิลาตสาโข วิย รุกฺโข นิราหาโร ทุพฺพโล ภวิสฺสสีติ. ลทฺธายนฺติ ลทฺธอยํ ลทฺธาคมนํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – สมฺม ยกฺข, ยํ อหํ อชฺช อาหรึ, อิทํ ตว นิจฺจภิกฺขํ สุจึ ปณีตํ อุตฺตมํ รเสน อุเปตํ ลทฺธาคมนํ เทวสิกํ เต อาคจฺฉิสฺสติ. อาหริโยติ อาหรณโก. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘สเจ ตฺวํ อิมํ ภิกฺขํ คเหตฺวา อาคตํ มํ ภกฺขสิ, อเถวํ มยิ ภกฺขิเต ภิกฺขฺจ เต อาหรณโก อฺโ นโร อิธ สุทุลฺลโภ ภวิสฺสติ. กึการณา? มาทิโส หิ พาราณสิยํ อฺโ ปณฺฑิตมนุสฺโส นาม นตฺถิ, มยิ ปน ขาทิเต สุตนุปิ นาม ยกฺเขน ขาทิโต, อฺสฺส กสฺส โส ลชฺชิสฺสตี’’ติ ภตฺตาหรณกํ น ลภิสฺสสิ, อถ เต อิโต ปฏฺาย โภชนํ ทุลฺลภํ ภวิสฺสติ, อมฺหากมฺปิ ราชานํ คณฺหิตุํ น ลภิสฺสสิ. กสฺมา? รุกฺขโต พหิภาเวน. สเจ ปนิทํ ภตฺตํ ภุฺชิตฺวา มํ ปหิณิสฺสสิ, อหํ เต รฺโ กเถตฺวา นิพทฺธํ ภตฺตํ เปเสสฺสามิ, อตฺตานมฺปิ จ เต ขาทิตุํ น ทสฺสามิ, อหมฺปิ ตว สนฺติเก าเน น สฺสามิ, ปาทุกาสุ สฺสามิ, รุกฺขจฺฉายายมฺปิ เต น สฺสามิ, อตฺตโน ฉตฺตจฺฉายายเมว สฺสามิ, สเจ ปน มยา สทฺธึ วิรุชฺฌิสฺสสิ, ขคฺเคน ตํ ทฺวิธา ภินฺทิสฺสามิ, อหฺหิ อชฺช เอตทตฺถเมว สชฺโช หุตฺวา อาคโตติ. เอวํ กิร นํ มหาสตฺโต ตชฺเชสิ.

ยกฺโข ‘‘ยุตฺตรูปํ มาณโว วทตี’’ติ สลฺลกฺเขตฺวา ปสนฺนจิตฺโต ทฺเว คาถา อภาสิ –

๑๙.

‘‘มเมว สุตโน อตฺโถ, ยถา ภาสสิ มาณว;

มยา ตฺวํ สมนุฺาโต, โสตฺถึ ปสฺสาหิ มาตรํ.

๒๐.

‘‘ขคฺคํ ฉตฺตฺจ ปาติฺจ, คจฺฉมาทาย มาณว;

โสตฺถึ ปสฺสตุ เต มาตา, ตฺวฺจ ปสฺสาหิ มาตร’’นฺติ.

ตตฺถ สุตโนติ โพธิสตฺตํ อาลปติ. ยถา ภาสสีติ ยถา ตฺวํ ภาสสิ, ตถา โย เอส ตยา ภาสิโต อตฺโถ, เอโส มเมวตฺโถ, มยฺหเมว วฑฺฒีติ.

ยกฺขสฺส กถํ สุตฺวา โพธิสตฺโต ‘‘มม กมฺมํ นิปฺผนฺนํ, ทมิโต เม ยกฺโข, พหุฺจ ธนํ ลทฺธํ, รฺโ จ วจนํ กต’’นฺติ ตุฏฺจิตฺโต ยกฺขสฺส อนุโมทนํ กโรนฺโต โอสานคาถมาห –

๒๑.

‘‘เอวํ ยกฺข สุขี โหหิ, สห สพฺเพหิ าติภิ;

ธนฺจ เม อธิคตํ, รฺโ จ วจนํ กต’’นฺติ. –

วตฺวา จ ปน ยกฺขํ อามนฺเตตฺวา ‘‘สมฺม, ตฺวํ ปุพฺเพ อกุสลกมฺมํ กตฺวา กกฺขโฬ ผรุโส ปเรสํ โลหิตมํสภกฺโข ยกฺโข หุตฺวา นิพฺพตฺโต, อิโต ปฏฺาย ปาณาติปาตาทีนิ มา กรี’’ติ สีเล จ อานิสํสํ, ทุสฺสีลฺเย จ อาทีนวํ กเถตฺวา ยกฺขํ ปฺจสุ สีเลสุ ปติฏฺาเปตฺวา ‘‘กึ เต อรฺวาเสน, เอหิ นครทฺวาเร ตํ นิสีทาเปตฺวา อคฺคภตฺตลาภึ กโรมี’’ติ ยกฺเขน สทฺธึ นิกฺขมิตฺวา ขคฺคาทีนิ ยกฺขํ คาหาเปตฺวา พาราณสึ อคมาสิ. ‘‘สุตนุ มาณโว ยกฺขํ คเหตฺวา เอตี’’ติ รฺโ อาโรเจสุํ. ราชา อมจฺจปริวุโต โพธิสตฺตสฺส ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา ยกฺขํ นครทฺวาเร นิสีทาเปตฺวา อคฺคภตฺตลาภินํ กตฺวา นครํ ปวิสิตฺวา เภรึ จราเปตฺวา นาคเร สนฺนิปาตาเปตฺวา โพธิสตฺตสฺส คุณํ กเถตฺวา เสนาปติฏฺานํ อทาสิ. อยฺจ โพธิสตฺตสฺส โอวาเท ตฺวา ทานาทีนิ ปุฺานิ กตฺวา สคฺคปรายโณ อโหสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน มาตุโปสกภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ตทา ยกฺโข องฺคุลิมาโล อโหสิ, ราชา อานนฺโท, มาณโว ปน อหเมว อโหสินฺติ.

สุตนุชาตกวณฺณนา ตติยา.

[๓๙๙] ๔. มาตุโปสกคิชฺฌชาตกวณฺณนา

เต กถํ นุ กริสฺสนฺตีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ มาตุโปสกภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ สามชาตเก (ชา. ๒.๒๒.๒๙๖ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต คิชฺฌโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต วุทฺเธ ปริหีนจกฺขุเก มาตาปิตโร คิชฺฌคุหายํ เปตฺวา โคมํสาทีนิ อาหริตฺวา โปเสสิ. ตสฺมึ กาเล พาราณสิยํ สุสาเน เอโก เนสาโท อนิยเมตฺวา คิชฺฌานํ ปาเส โอฑฺเฑสิ. อเถกทิวสํ โพธิสตฺโต โคมํสาทึ ปริเยสนฺโต สุสานํ ปวิฏฺโ ปาเทน ปาเส พชฺฌิตฺวา อตฺตโน น จินฺเตสิ, วุทฺเธ ปริหีนจกฺขุเก มาตาปิตโร อนุสฺสริตฺวา ‘‘กถํ นุ โข เม มาตาปิตโร ยาเปสฺสนฺติ, มม พทฺธภาวมฺปิ อชานนฺตา อนาถา นิปฺปจฺจยา ปพฺพตคุหายเมว สุสฺสิตฺวา มริสฺสนฺติ มฺเ’’ติ วิลปนฺโต ปมํ คาถมาห –

๒๒.

‘‘เต กถํ นุ กริสฺสนฺติ, วุทฺธา คิริทรีสยา;

อหํ พทฺโธสฺมิ ปาเสน, นิลียสฺส วสํ คโต’’ติ.

ตตฺถ นิลียสฺสาติ เอวํนามกสฺส เนสาทปุตฺตสฺส.

อถ เนสาทปุตฺโต คิชฺฌราชสฺส ปริเทวิตสทฺทํ สุตฺวา ทุติยํ คาถมาห –

๒๓.

‘‘กึ คิชฺฌ ปริเทวสิ, กา นุ เต ปริเทวนา;

น เม สุโต วา ทิฏฺโ วา, ภาสนฺโต มานุสึ ทิโช’’ติ.

คิชฺโฌ อาห –

๒๔.

‘‘ภรามิ มาตาปิตโร, วุทฺเธ คิริทรีสเย;

เต กถํ นุ กริสฺสนฺติ, อหํ วสํ คโต ตวา’’ติ.

เนสาโท อาห –

๒๕.

‘‘ยํ นุ คิชฺโฌ โยชนสตํ, กุณปานิ อเวกฺขติ;

กสฺมา ชาลฺจ ปาสฺจ, อาสชฺชาปิ น พุชฺฌสี’’ติ.

คิชฺฌราชา อาห –

๒๖.

‘‘ยทา ปราภโว โหติ, โปโส ชีวิตสงฺขเย;

อถ ชาลฺจ ปาสฺจ, อาสชฺชาปิ น พุชฺฌตี’’ติ.

๒๗.

‘‘ภรสฺสุ มาตาปิตโร, วุทฺเธ คิริทรีสเย;

มยา ตฺวํ สมนุฺาโต, โสตฺถึ ปสฺสาหิ าตเก.

๒๘.

‘‘เอวํ ลุทฺทก นนฺทสฺสุ, สห สพฺเพหิ าติภิ;

ภริสฺสํ มาตาปิตโร, วุทฺเธ คิริทรีสเย’’ติ. –

เนสาทปุตฺเตน ทุติยา, คิชฺเฌน ตติยาติ อิมา คาถา ปฏิปาฏิยา วุตฺตา.

ตตฺถ ยํ นูติ ยํ นุ เอตํ โลเก กถียติ. คิชฺโฌ โยชนสตํ, กุณปานิ อเวกฺขตีติ โยชนสตํ อติกฺกมฺม ิตานิปิ กุณปานิ ปสฺสติ, ตํ ยทิ ตถํ, อถ กสฺมา ตฺวํ อิมํ ชาลฺจ ปาสฺจ อาสชฺชาปิ น พุชฺฌสิ, สนฺติกํ อาคนฺตฺวาปิ น ชานาสีติ.

ปราภโวติ วินาโส. ภรสฺสูติ อิทํ โส โพธิสตฺตสฺส ธมฺมกถํ สุตฺวา ‘‘ปณฺฑิโต คิชฺฌราชา ปริเทวนฺโต น อตฺตโน ปริเทวติ, มาตาปิตูนํ ปริเทวติ, นายํ มาเรตุํ ยุตฺโต’’ติ ตุสฺสิตฺวา อาห, วตฺวา จ ปน ปิยจิตฺเตน มุทุจิตฺเตน ปาสํ โมเจสิ.

อถสฺส โพธิสตฺโต มรณมุขา ปมุตฺโต สุขิโต อนุโมทนํ กโรนฺโต โอสานคาถํ วตฺวา มุขปูรํ มํสํ อาทาย มาตาปิตูนํ อทาสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน มาตุโปสกภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ.

ตทา เนสาทปุตฺโต ฉนฺโน อโหสิ, มาตาปิตโร มหาราชกุลานิ, คิชฺฌราชา ปน อหเมว อโหสินฺติ.

มาตุโปสกคิชฺฌชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.

[๔๐๐] ๕. ทพฺภปุปฺผชาตกวณฺณนา

อนุตีรจารี ภทฺทนฺเตติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อุปนนฺทํ สกฺยปุตฺตํ อารพฺภ กเถสิ. โส หิ สาสเน ปพฺพชิตฺวา อปฺปิจฺฉตาทิคุเณ ปหาย มหาตณฺโห อโหสิ. วสฺสูปนายิกาย ทฺเว ตโย วิหาเร ปริคฺคเหตฺวา เอกสฺมึ ฉตฺตํ วา อุปาหนํ วา เอกสฺมึ กตฺตรยฏฺึ วา อุทกตุมฺพํ วา เปตฺวา เอกสฺมึ สยํ วสติ. โส เอกสฺมึ ชนปทวิหาเร วสฺสํ อุปคนฺตฺวา ‘‘ภิกฺขูหิ นาม อปฺปิจฺเฉหิ ภวิตพฺพ’’นฺติ อากาเส จนฺทํ อุฏฺาเปนฺโต วิย ภิกฺขูนํ ปจฺจยสนฺโตสทีปกํ อริยวํสปฏิปทํ กเถสิ. ตํ สุตฺวา ภิกฺขู มนาปานิ ปตฺตจีวรานิ ฉฑฺเฑตฺวา มตฺติกาปตฺตานิ เจว ปํสุกูลจีวรานิ จ คณฺหึสุ. โส ตานิ อตฺตโน วสนฏฺาเน เปตฺวา วุตฺถวสฺโส ปวาเรตฺวา ยานกํ ปูเรตฺวา เชตวนํ คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค เอกสฺส อรฺวิหารสฺส ปิฏฺิภาเค ปาเท วลฺลิยา ปลิพุทฺโธ ‘‘อทฺธา เอตฺถ กิฺจิ ลทฺธพฺพํ ภวิสฺสตี’’ติ ตํ วิหารํ ปาวิสิ. ตตฺถ ปน ทฺเว มหลฺลกา ภิกฺขู วสฺสํ อุปคจฺฉึสุ. เต ทฺเว จ ถูลสาฏเก เอกฺจ สุขุมกมฺพลํ ลภิตฺวา ภาเชตุํ อสกฺโกนฺตา ตํ ทิสฺวา ‘‘เถโร โน ภาเชตฺวา ทสฺสตี’’ติ ตุฏฺจิตฺตา ‘‘มยํ, ภนฺเต, อิมํ วสฺสาวาสิกํ ภาเชตุํ น สกฺโกม, อิมํ โน นิสฺสาย วิวาโท โหติ, อิทํ อมฺหากํ ภาเชตฺวา เทถา’’ติ อาหํสุ. โส ‘‘สาธุ ภาเชสฺสามี’’ติ ทฺเว ถูลสาฏเก ทฺวินฺนมฺปิ ภาเชตฺวา ‘‘อยํ อมฺหากํ วินยธรานํ ปาปุณาตี’’ติ กมฺพลํ คเหตฺวา ปกฺกามิ.

เตปิ เถรา กมฺพเล สาลยา เตเนว สทฺธึ เชตวนํ คนฺตฺวา วินยธรานํ ภิกฺขูนํ ตมตฺถํ อาโรเจตฺวา ‘‘ลพฺภติ นุ โข, ภนฺเต, วินยธรานํ เอวํ วิโลปํ ขาทิตุ’’นฺติ อาหํสุ. ภิกฺขู อุปนนฺทตฺเถเรน อาภตํ ปตฺตจีวรราสึ ทิสฺวา ‘‘มหาปุฺโสิ ตฺวํ อาวุโส, พหุํ เต ปตฺตจีวรํ ลทฺธ’’นฺติ วทึสุ. โส ‘‘กุโต เม อาวุโส, ปุฺํ, อิมินา เม อุปาเยน อิทํ ลทฺธ’’นฺติ สพฺพํ กเถสิ. ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, อุปนนฺโท สกฺยปุตฺโต มหาตณฺโห มหาโลโภ’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อุปนนฺเทน ปฏิปทาย อนุจฺฉวิกํ กตํ, ปรสฺส ปฏิปทํ กเถนฺเตน นาม ภิกฺขุนา ปมํ อตฺตโน อนุจฺฉวิกํ กตฺวา ปจฺฉา ปโร โอวทิตพฺโพ’’ติ.

‘‘อตฺตานเมว ปมํ, ปติรูเป นิเวสเย;

อถฺมนุสาเสยฺย, น กิลิสฺเสยฺย ปณฺฑิโต’’ติ. (ธ. ป. ๑๕๘) –

อิมาย ธมฺมปเท คาถาย ธมฺมํ เทเสตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, อุปนนฺโท อิทาเนว, ปุพฺเพเปส มหาตณฺโห มหาโลโภว, น จ ปน อิทาเนว, ปุพฺเพเปส อิเมสํ สนฺตกํ วิลุมฺปิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต นทีตีเร รุกฺขเทวตา อโหสิ. ตทา เอโก สิงฺคาโล มายาวึ นาม ภริยํ คเหตฺวา นทีตีเร เอกสฺมึ าเน วสิ. อเถกทิวสํ สิงฺคาลี สิงฺคาลํ อาห ‘‘โทหโฬ เม สามิ, อุปฺปนฺโน, อลฺลโรหิตมจฺฉํ ขาทิตุํ อิจฺฉามี’’ติ. สิงฺคาโล ‘‘อปฺโปสฺสุกฺกา โหหิ, อาหริสฺสามิ เต’’ติ นทีตีเร จรนฺโต วลฺลิยา ปาเท ปลิพุชฺฌิตฺวา อนุตีรเมว อคมาสิ. ตสฺมึ ขเณ คมฺภีรจารี จ อนุตีรจารี จาติ ทฺเว อุทฺทา มจฺเฉ ปริเยสนฺตา ตีเร อฏฺํสุ. เตสุ คมฺภีรจารี มหนฺตํ โรหิตมจฺฉํ ทิสฺวา เวเคน อุทเก ปวิสิตฺวา ตํ นงฺคุฏฺเ คณฺหิ. พลวา มจฺโฉ ปริกฑฺฒนฺโต ยาสิ. โส คมฺภีรจารี อุทฺโท ‘‘มหามจฺโฉ อุภินฺนมฺปิ โน ปโหสฺสติ, เอหิ เม สหาโย โหหี’’ติ อิตเรน สทฺธึ สลฺลปนฺโต ปมํ คาถมาห –

๒๙.

‘‘อนุตีรจารี ภทฺทนฺเต, สหายมนุธาว มํ;

มหา เม คหิโต มจฺโฉ, โส มํ หรติ เวคสา’’ติ.

ตตฺถ สหายมนุธาว มนฺติ สหาย อนุธาว มํ, สนฺธิวเสน ม-กาโร วุตฺโต. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถาหํ อิมินา มจฺเฉน น สํหีรามิ, เอวํ มํ นงฺคุฏฺขณฺเฑ คเหตฺวา ตฺวํ อนุธาวาติ.

ตํ สุตฺวา อิตโร ทุติยํ คาถมาห –

๓๐.

‘‘คมฺภีรจารี ภทฺทนฺเต, ทฬฺหํ คณฺหาหิ ถามสา;

อหํ ตํ อุทฺธริสฺสามิ, สุปณฺโณ อุรคามิวา’’ติ.

ตตฺถ ถามสาติ ถาเมน. อุทฺธริสฺสามีติ นีหริสฺสามิ. สุปณฺโณ อุรคามิวาติ ครุโฬ สปฺปํ วิย.

อถ ทฺเวปิ เต เอกโต หุตฺวา โรหิตมจฺฉํ นีหริตฺวา ถเล เปตฺวา มาเรตฺวา ‘‘ตฺวํ ภาเชหิ, ตฺวํ ภาเชหี’’ติ กลหํ กตฺวา ภาเชตุํ อสกฺโกนฺตา เปตฺวา นิสีทึสุ. ตสฺมึ กาเล สิงฺคาโล ตํ านํ อนุปฺปตฺโต. เต ตํ ทิสฺวา อุโภปิ ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา ‘‘อยํ, สมฺม, ทพฺภปุปฺผมจฺโฉ อมฺเหหิ เอกโต หุตฺวา คหิโต, ตํ โน ภาเชตุํ อสกฺโกนฺตานํ วิวาโท อุปฺปนฺโน, สมภาคํ โน ภาเชตฺวา เทหี’’ติ ตติยํ คาถมาหํสุ –

๓๑.

‘‘วิวาโท โน สมุปฺปนฺโน, ทพฺภปุปฺผ สุโณหิ เม;

สเมหิ เมธคํ สมฺมา, วิวาโท วูปสมฺมต’’นฺติ.

ตตฺถ ทพฺภปุปฺผาติ ทพฺภปุปฺผสมานวณฺณตาย ตํ อาลปนฺติ. เมธคนฺติ กลหํ.

เตสํ วจนํ สุตฺวา สิงฺคาโล อตฺตโน พลํ ทีเปนฺโต –

๓๒.

‘‘ธมฺมฏฺโหํ ปุเร อาสึ, พหู อฑฺฑา เม ตีริตา;

สเมมิ เมธคํ สมฺมา, วิวาโท วูปสมฺมต’’นฺติ. –

อิทํ คาถํ วตฺวา ภาเชนฺโต –

๓๓.

‘‘อนุตีรจาริ นงฺคุฏฺํ, สีสํ คมฺภีรจาริโน;

อจฺจายํ มชฺฌิโม ขณฺโฑ, ธมฺมฏฺสฺส ภวิสฺสตี’’ติ. –

อิมํ คาถมาห –

ตตฺถ ปมคาถาย อยมตฺโถ – อหํ ปุพฺเพ ราชูนํ วินิจฺฉยามจฺโจ อาสึ, เตน มยา วินิจฺฉเย นิสีทิตฺวา พหู อฑฺฑา ตีริตา, เตสํ เตสํ พฺราหฺมณคหปติกาทีนํ พหู อฑฺฑา ตีริตา วินิจฺฉิตา, สฺวาหํ ตุมฺหาทิสานํ สมชาติกานํ จตุปฺปทานํ อฑฺฑํ ตีเรตุํ กึ น สกฺขิสฺสามิ, อหํ โว สเมมิ เมธคํ, สมฺมา มํ นิสฺสาย ตุมฺหากํ วิวาโท วูปสมฺมตูติ.

เอวฺจ ปน วตฺวา มจฺฉํ ตโย โกฏฺาเส กตฺวา อนุตีรจาริ ตฺวํ นงฺคุฏฺํ คณฺห, สีสํ คมฺภีรจาริโน โหตุ. อจฺจายํ มชฺฌิโม ขณฺโฑติ อปิจ อยํ มชฺฌิโม โกฏฺาโส. อถ วา อจฺจาติ อติจฺจ, อิเม ทฺเว โกฏฺาเส อติกฺกมิตฺวา ิโต อยํ มชฺฌิโม ขณฺโฑ ธมฺมฏฺสฺส วินิจฺฉยสามิกสฺส มยฺหํ ภวิสฺสตีติ.

เอวํ ตํ มจฺฉํ วิภชิตฺวา ‘‘ตุมฺเห กลหํ อกตฺวา นงฺคุฏฺฺจ สีสฺจ ขาทถา’’ติ วตฺวา มชฺฌิมขณฺฑํ มุเขน ฑํสิตฺวา เตสํ ปสฺสนฺตานํเยว ปลายิ. เต สหสฺสํ ปราชิตา วิย ทุมฺมุขา นิสีทิตฺวา คาถมาหํสุ –

๓๔.

‘‘จิรมฺปิ ภกฺโข อภวิสฺส, สเจ น วิวเทมเส;

อสีสกํ อนงฺคุฏฺํ, สิงฺคาโล หรติ โรหิต’’นฺติ.

ตตฺถ จิรมฺปีติ ทฺเว ตโย ทิวเส สนฺธาย วุตฺตํ.

สิงฺคาโลปิ ‘‘อชฺช ภริยํ โรหิตมจฺฉํ ขาทาเปสฺสามี’’ติ ตุฏฺจิตฺโต ตสฺสา สนฺติกํ อคมาสิ. สา ตํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา อภินนฺทมานา –

๓๕.

‘‘ยถาปิ ราชา นนฺเทยฺย, รชฺชํ ลทฺธาน ขตฺติโย;

เอวาหมชฺช นนฺทามิ, ทิสฺวา ปุณฺณมุขํ ปติ’’นฺติ. –

อิมํ คาถํ วตฺวา อธิคมูปายํ ปุจฺฉนฺตี –

๓๖.

‘‘กถํ นุ ถลโช สนฺโต, อุทเก มจฺฉํ ปรามสิ;

ปุฏฺโ เม สมฺม อกฺขาหิ, กถํ อธิคตํ ตยา’’ติ. –

อิมํ คาถมาห –

ตตฺถ กถํ นูติ ‘‘ขาท, ภทฺเท’’ติ มจฺฉขณฺเฑ ปุรโต ปิเต ‘‘กถํ นุ ตฺวํ ถลโช สมาโน อุทเก มจฺฉํ คณฺหี’’ติ ปุจฺฉิ.

สิงฺคาโล ตสฺสา อธิคมูปายํ อาจิกฺขนฺโต อนนฺตรคาถมาห –

๓๗.

‘‘วิวาเทน กิสา โหนฺติ, วิวาเทน ธนกฺขยา;

ชีนา อุทฺทา วิวาเทน, ภุฺช มายาวิ โรหิต’’นฺติ.

ตตฺถ วิวาเทน กิสา โหนฺตีติ ภทฺเท, อิเม สตฺตา วิวาทํ กโรนฺตา วิวาทํ นิสฺสาย กิสา อปฺปมํสโลหิตา โหนฺติ. วิวาเทน ธนกฺขยาติ หิรฺสุวณฺณาทีนํ ธนานํ ขยา วิวาเทเนว โหนฺติ. ทฺวีสุปิ วิวทนฺเตสุ เอโก ปราชิโต ปราชิตตฺตา ธนกฺขยํ ปาปุณาติ, อิตโร ชยภาคทาเนน. ชีนา อุทฺทาติ ทฺเว อุทฺทาปิ วิวาเทเนว อิมํ มจฺฉํ ชีนา, ตสฺมา ตฺวํ มยา อาภตสฺส อุปฺปตฺตึ มา ปุจฺฉ, เกวลํ อิมํ ภุฺช มายาวิ โรหิตนฺติ.

อิตรา อภิสมฺพุทฺธคาถา –

๓๘.

‘‘เอวเมว มนุสฺเสสุ, วิวาโท ยตฺถ ชายติ;

ธมฺมฏฺํ ปฏิธาวติ, โส หิ เนสํ วินายโก;

ธนาปิ ตตฺถ ชียนฺติ, ราชโกโส ปวฑฺฒตี’’ติ.

ตตฺถ เอวเมวาติ ภิกฺขเว, ยถา เอเต อุทฺทา ชีนา, เอวเมว มนุสฺเสสุปิ ยสฺมึ าเน วิวาโท ชายติ, ตตฺถ เต มนุสฺสา ธมฺมฏฺํ ปติธาวนฺติ, วินิจฺฉยสามิกํ อุปสงฺกมนฺติ. กึการณา? โส หิ เนสํ วินายโก, โส เตสํ วิวาทาปนฺนานํ วิวาทวูปสมโกติ อตฺโถ. ธนาปิ ตตฺถาติ ตตฺถ เต วิวาทาปนฺนา ธนโตปิ ชียนฺติ, อตฺตโน สนฺตกา ปริหายนฺติ, ทณฺเฑน เจว ชยภาคคฺคหเณน จ ราชโกโส ปวฑฺฒตีติ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา สิงฺคาโล อุปนนฺโท อโหสิ, อุทฺทา ทฺเว มหลฺลกา, ตสฺส การณสฺส ปจฺจกฺขการิกา รุกฺขเทวตา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

ทพฺภปุปฺผชาตกวณฺณนา ปฺจมา.

[๔๐๑] ๖. ปณฺณกชาตกวณฺณนา

ปณฺณกํ ติขิณธารนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปุราณทุติยิกาปโลภนํ อารพฺภ กเถสิ. ตฺหิ ภิกฺขุํ สตฺถา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ อุกฺกณฺิโต’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจํ, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘เกน อุกฺกณฺาปิโต’’ติ วตฺวา ‘‘ปุราณทุติยิกายา’’ติ วุตฺเต ‘‘ภิกฺขุ อยํ อิตฺถี ตุยฺหํ อนตฺถการิกา, ปุพฺเพปิ ตฺวํ อิมํ นิสฺสาย เจตสิกโรเคน มรนฺโต ปณฺฑิเต นิสฺสาย ชีวิตํ อลตฺถา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ มทฺทวมหาราเช รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติ, เสนกกุมาโรติสฺส นามํ อกํสุ. โส วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา พาราณสึ ปจฺจาคนฺตฺวา มทฺทวรฺโ อตฺถธมฺมานุสาสโก อมจฺโจ อโหสิ, ‘‘เสนกปณฺฑิโต’’ติ วุตฺเต สกลนคเร จนฺโท วิย สูริโย วิย จ ปฺายิ. ตทา รฺโ ปุโรหิตปุตฺโต ราชุปฏฺานํ อาคโต สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิตํ อุตฺตมรูปธรํ รฺโ อคฺคมเหสึ ทิสฺวา ปฏิพทฺธจิตฺโต หุตฺวา เคหํ คนฺตฺวา นิราหาโร นิปชฺชิตฺวา สหายเกหิ ปุฏฺโ ตมตฺถํ อาโรเจสิ. ราชาปิ ‘‘ปุโรหิตปุตฺโต น ทิสฺสติ, กหํ นุ โข’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ตมตฺถํ สุตฺวา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘อหํ เต อิมํ สตฺต ทิวสานิ ทมฺมิ, สตฺตาหํ ฆเร กตฺวา อฏฺเม ทิวเส อาเนยฺยาสี’’ติ อาห. โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตํ เคหํ เนตฺวา ตาย สทฺธึ อภิรมิ. เต อฺมฺํ ปฏิพทฺธจิตฺตา หุตฺวา กฺจิ อชานาเปตฺวา อคฺคทฺวาเรน ปลายิตฺวา อฺสฺส รฺโ วิชิตํ อคมสุํ, โกจิ คตฏฺานํ น ชานิ, นาวาย คตมคฺโค วิย อโหสิ. ราชา นคเร เภรึ จราเปตฺวา นานปฺปกาเรน วิจินนฺโตปิ ตสฺส คตฏฺานํ น อฺาสิ. อถสฺส ตํ นิสฺสาย พลวโสโก อุปฺปชฺชิ, หทยํ อุณฺหํ หุตฺวา โลหิตํ ปคฺฆริ. ตโต ปฏฺาย จสฺส กุจฺฉิโต โลหิตํ นิกฺขมิ, พฺยาธิ มหนฺโต อโหสิ. มหนฺตาปิ ราชเวชฺชา ติกิจฺฉิตุํ นาสกฺขึสุ.

โพธิสตฺโต ‘‘อิมสฺส รฺโ พฺยาธิ นตฺถิ, ภริยํ ปน อปสฺสนฺโต เจตสิกโรเคน ผุฏฺโ, อุปาเยน ตํ ติกิจฺฉิสฺสามี’’ติ อายุรฺจ ปุกฺกุสฺจาติ ทฺเว รฺโ ปณฺฑิตามจฺเจ อามนฺเตตฺวา ‘‘รฺโ เทวิยา อทสฺสเนน เจตสิกํ โรคํ เปตฺวา อฺโ โรโค นตฺถิ, พหูปกาโร จ โข ปน อมฺหากํ ราชา, ตสฺมา อุปาเยน นํ ติกิจฺฉาม, ราชงฺคเณ สมชฺชํ กาเรตฺวา อสึ คิลิตุํ ชานนฺเตน อสึ คิลาเปตฺวา ราชานํ สีหปฺชเร กตฺวา สมชฺชํ โอโลกาเปสฺสาม, ราชา อสึ คิลนฺตํ ทิสฺวา ‘อตฺถิ นุ โข อิโต อฺํ ทุกฺกรตร’นฺติ ปฺหํ ปุจฺฉิสฺสติ. ตํ สมฺม อายุร, ตฺวํ ‘อสุกํ นาม ททามีติ วจนํ อิโต ทุกฺกรตร’นฺติ พฺยากเรยฺยาสิ, ตโต สมฺม ปุกฺกุส, ตํ ปุจฺฉิสฺสติ, อถสฺส ตฺวํ ‘มหาราช, ททามีติ วตฺวา อททโต สา วาจา อผลา โหติ, ตถารูปํ วาจํ น เกจิ อุปชีวนฺติ น ขาทนฺติ น ปิวนฺติ, เย ปน ตสฺส วจนสฺสานุจฺฉวิกํ กโรนฺติ, ยถาปฏิฺาตมตฺถํ เทนฺติเยว, อิทํ ตโต ทุกฺกรตร’นฺติ เอวํ พฺยากเรยฺยาสิ, อิโต ปรํ กตฺตพฺพํ อหํ ชานิสฺสามี’’ติ วตฺวา สมชฺชํ กาเรสิ.

อถ เต ตโยปิ ปณฺฑิตา รฺโ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘มหาราช, ราชงฺคเณ สมชฺโช วตฺตติ, ตํ โอโลเกนฺตานํ ทุกฺขมฺปิ น ทุกฺขํ โหติ, เอหิ คจฺฉามา’’ติ ราชานํ เนตฺวา สีหปฺชรํ วิวริตฺวา สมชฺชํ โอโลกาเปสุํ. พหู ชนา อตฺตโน อตฺตโน ชานนกสิปฺปํ ทสฺเสสุํ. เอโก ปน ปุริโส เตตฺตึสงฺคุลํ ติขิณธารํ อสิรตนํ คิลติ. ราชา ตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ ปุริโส เอตํ อสึ คิลติ, ‘อตฺถิ นุ โข อิโต อฺํ ทุกฺกรตร’นฺติ อิเม ปณฺฑิเต ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา อายุรํ ปุจฺฉนฺโต ปมํ คาถมาห –

๓๙.

‘‘ปณฺณกํ ติขิณธารํ, อสึ สมฺปนฺนปายินํ;

ปริสายํ ปุริโส คิลติ, กึ ทุกฺกรตรํ ตโต;

ยทฺํ ทุกฺกรํ านํ, ตํ เม อกฺขาหิ ปุจฺฉิโต’’ติ.

ตตฺถ ปณฺณกนฺติ ปณฺณกรฏฺเ อุปฺปนฺนํ. สมฺปนฺนปายินนฺติ สมฺปนฺนํ ปรโลหิตปายินํ. ปริสายนฺติ ปริสมชฺเฌ ธนโลเภน อยํ ปุริโส คิลติ. ยทฺนฺติ อิโต อสิคิลนโต ยํ อฺํ ทุกฺกรตรํ การณํ, ตํ มยา ปุจฺฉิโต กเถหีติ.

อถสฺส โส ตํ กเถนฺโต ทุติยํ คาถมาห –

๔๐.

‘‘คิเลยฺย ปุริโส โลภา, อสึ สมฺปนฺนปายินํ;

โย จ วชฺชา ททามีติ, ตํ ทุกฺกรตรํ ตโต;

สพฺพฺํ สุกรํ านํ, เอวํ ชานาหิ มทฺทวา’’ติ.

ตตฺถ วชฺชาติ วเทยฺย. ตํ ทุกฺกรตรนฺติ ‘‘ททามี’’ติ วจนํ ตโต อสิคิลนโต ทุกฺกรตรํ. สพฺพฺนฺติ ‘‘อสุกํ นาม ตว ทสฺสามี’’ติ วจนํ เปตฺวา อฺํ สพฺพมฺปิ การณํ สุกรํ. มทฺทวาติ ราชานํ โคตฺเตน อาลปติ.

รฺโ อายุรปณฺฑิตสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘อสิคิลนโต กิร ‘อิทํ นาม ทมฺมี’ติ วจนํ ทุกฺกรํ, อหฺจ ‘ปุโรหิตปุตฺตสฺส เทวึ ทมฺมี’ติ อวจํ, อติทุกฺกรํ วต เม กต’’นฺติ วีมํสนฺตสฺเสว หทยโสโก โถกํ ตนุตฺตํ คโต. โส ตโต ‘‘ปรสฺส อิมํ ทมฺมีติ วจนโต ปน อฺํ ทุกฺกรตรํ อตฺถิ นุ โข’’ติ จินฺเตตฺวา ปุกฺกุสปณฺฑิเตน สทฺธึ สลฺลปนฺโต ตติยํ คาถมาห –

๔๑.

‘‘พฺยากาสิ อายุโร ปฺหํ, อตฺถํ ธมฺมสฺส โกวิโท;

ปุกฺกุสํ ทานิ ปุจฺฉามิ, กึ ทุกฺกรตรํ ตโต;

ยทฺํ ทุกฺกรํ านํ, ตํ เม อกฺขาหิ ปุจฺฉิโต’’ติ.

ตตฺถ ปฺหํ อตฺถนฺติ ปฺหสฺส อตฺถํ พฺยากาสีติ วุตฺตํ โหติ. ธมฺมสฺส โกวิโทติ ตทตฺถโชตเก คนฺเถ กุสโล. ตโตติ ตโต วจนโต กึ ทุกฺกรตรนฺติ.

อถสฺส พฺยากโรนฺโต ปุกฺกุสปณฺฑิโต จตุตฺถํ คาถมาห –

๔๒.

‘‘น วาจมุปชีวนฺติ, อผลํ คิรมุทีริตํ;

โย จ ทตฺวา อวากยิรา, ตํ ทุกฺกรตรํ ตโต;

สพฺพฺํ สุกรํ านํ, เอวํ ชานาหิ มทฺทวา’’ติ.

ตตฺถ ทตฺวาติ ‘‘อสุกํ นาม ทมฺมี’’ติ ปฏิฺํ ทตฺวา. อวากยิราติ ตํ ปฏิฺาตมตฺถํ ททนฺโต ตสฺมึ โลภํ อวากเรยฺย ฉินฺเทยฺย, ตํ ภณฺฑํ ทเทยฺยาติ วุตฺตํ โหติ. ตโตติ ตโต อสิคิลนโต ‘‘อสุกํ นาม เต ทมฺมี’’ติ วจนโต จ ตเทว ทุกฺกรตรํ.

รฺโ ตํ วจนํ สุตฺวา ‘‘อหํ ‘ปุโรหิตปุตฺตสฺส เทวึ ทมฺมี’ติ ปมํ วตฺวา วาจาย อนุจฺฉวิกํ กตฺวา ตํ อทาสึ, ทุกฺกรํ วต เม กต’’นฺติ ปริวิตกฺเกนฺตสฺส โสโก ตนุกตโร ชาโต. อถสฺส เอตทโหสิ ‘‘เสนกปณฺฑิตโต อฺโ ปณฺฑิตตโร นาม นตฺถิ, อิมํ ปฺหํ เอตํ ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ. ตโต ตํ ปุจฺฉนฺโต ปฺจมํ คาถมาห –

๔๓.

‘‘พฺยากาสิ ปุกฺกุโส ปฺหํ, อตฺถํ ธมฺมสฺส โกวิโท;

เสนกํ ทานิ ปุจฺฉามิ, กึ ทุกฺกรตรํ ตโต;

ยทฺํ ทุกฺกรํ านํ, ตํ เม อกฺขาหิ ปุจฺฉิโต’’ติ.

อถสฺส พฺยากโรนฺโต เสนโก ฉฏฺํ คาถมาห –

๔๔.

‘‘ทเทยฺย ปุริโส ทานํ, อปฺปํ วา ยทิ วา พหุํ;

โย จ ทตฺวา นานุตปฺเป, ตํ ทุกฺกรตรํ ตโต;

สพฺพฺํ สุกรํ านํ, เอวํ ชานาหิ มทฺทวา’’ติ.

ตตฺถ นานุตปฺเปติ อตฺตโน อติกนฺตํ อติมนาปํ ปิยภณฺฑํ ปรสฺส ทตฺวา ‘‘กิมตฺถํ มยา อิทํ ทินฺน’’นฺติ เอวํ ตํ ปิยภณฺฑํ อารพฺภ โย ปจฺฉา น ตปฺปติ น โสจติ, ตํ อสิคิลนโต จ ‘‘อสุกํ นาม เต ทมฺมี’’ติ วจนโต จ ตสฺส ทานโต จ ทุกฺกรตรํ.

อิติ มหาสตฺโต ราชานํ สฺาเปนฺตา กเถสิ. ทานฺหิ ทตฺวา อปรเจตนาว ทุสฺสนฺธาริยา, ตสฺสา สนฺธารณทุกฺกรตา เวสฺสนฺตรชาตเกน ทีปิตา. วุตฺตฺเหตํ –

‘‘อทุ จาปํ คเหตฺวาน, ขคฺคํ พนฺธิย วามโต;

อาเนสฺสามิ สเก ปุตฺเต, ปุตฺตานฺหิ วโธ ทุโข.

‘‘อฏฺานเมตํ ทุกฺขรูปํ, ยํ กุมารา วิหฺเร;

สตฺจ ธมฺมมฺาย, โก ทตฺวา อนุตปฺปตี’’ติ. (ชา. ๒.๒๒.๒๑๕๘-๒๑๕๙);

ราชาปิ โพธิสตฺตสฺส วจนํ สุตฺวา สลฺลกฺเขสิ ‘‘อหํ อตฺตโน มเนเนว ปุโรหิตปุตฺตสฺส เทวึ ทตฺวา สกมนํ สนฺธาเรตุํ น สกฺโกมิ, โสจามิ กิลมามิ, น เม อิทํ อนุจฺฉวิกํ, สเจ สา มยิ สสิเนหา ภเวยฺย, อิมํ อิสฺสริยํ ฉฑฺเฑตฺวา น ปลาเยยฺย, มยิ ปน สิเนหํ อกตฺวา ปลาตาย กึ ตาย มยฺห’’นฺติ. ตสฺเสวํ จินฺเตนฺตสฺส ปทุมปตฺเต อุทกพินฺทุ วิย สพฺพโสโก นิวตฺติตฺวา คโต, ตงฺขณฺเวสฺส กุจฺฉิ ปริสณฺาสิ. โส นิโรโค สุขิโต หุตฺวา โพธิสตฺตสฺส ถุตึ กโรนฺโต โอสานคาถมาห –

๔๕.

‘‘พฺยากาสิ อายุโร ปฺหํ, อโถ ปุกฺกุสโปริโส;

สพฺเพ ปฺเห อติโภติ, ยถา ภาสติ เสนโก’’ติ.

ตตฺถ ยถา ภาสตีติ ยถา ปณฺฑิโต ภาสติ, ตเถเวตํ ทานํ นาม ทตฺวา เนว อนุตปฺปิตพฺพนฺติ. อิมํ ปนสฺส ถุตึ กตฺวา ตุฏฺโ พหุํ ธนมทาสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺิตภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ตทา ราชมเหสี ปุราณทุติยิกา อโหสิ, ราชา อุกฺกณฺิตภิกฺขุ, อายุรปณฺฑิโต โมคฺคลฺลาโน, ปุกฺกุสปณฺฑิโต สาริปุตฺโต, เสนกปณฺฑิโต อหเมว อโหสินฺติ.

ปณฺณกชาตกวณฺณนา ฉฏฺา.

[๔๐๒] ๗. สตฺตุภสฺตชาตกวณฺณนา

วิพฺภนฺตจิตฺโตติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อตฺตโน ปฺาปารมึ อารพฺภ กเถสิ. ปจฺจุปฺปนฺนวตฺถุ อุมงฺคชาตเก (ชา. ๒.๒๒.๕๙๐ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติ.

อตีเต พาราณสิยํ ชนโก นาม ราชา รชฺชํ กาเรสิ. ตทา โพธิสตฺโต พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติ, เสนกกุมาโรติสฺส นามํ กรึสุ. โส วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา พาราณสึ ปจฺจาคนฺตฺวา ราชานํ ปสฺสิ, ราชา ตํ อมจฺจฏฺาเน เปสิ, มหนฺตฺจสฺส ยสํ อนุปฺปทาสิ. โส รฺโ อตฺถฺจ ธมฺมฺจ อนุสาสิ, มธุรกโถ ธมฺมกถิโก หุตฺวา ราชานํ ปฺจสุ สีเลสุ ปติฏฺาเปตฺวา ทาเน อุโปสถกมฺเม ทสสุ กุสลกมฺมปเถสูติ อิมาย กลฺยาณปฏิปทาย ปติฏฺาเปสิ, สกลรฏฺเ พุทฺธานํ อุปฺปนฺนกาโล วิย อโหสิ. ปกฺขทิวเสสุ ราชา จ อุปราชาทโย จ สพฺเพ สนฺนิปติตฺวา ธมฺมสภํ สชฺเชนฺติ. มหาสตฺโต สชฺชิตธมฺมสภายํ รตนปลฺลงฺกวรคโต พุทฺธลีฬาย ธมฺมํ เทเสติ, พุทฺธานํ ธมฺมกถาสทิสาวสฺส กถา โหติ.

อถ อฺตโร มหลฺลกพฺราหฺมโณ ธนภิกฺขํ จริตฺวา กหาปณสหสฺสํ ลภิตฺวา เอกสฺมึ พฺราหฺมณกุเล นิกฺขิปิตฺวา ปุน ‘‘ภิกฺขํ จริสฺสามี’’ติ คโต. ตสฺส คตกาเล ตํ กุลํ กหาปเณ วฬฺเชสิ. โส อาคนฺตฺวา กหาปเณ อาหราเปสิ. พฺราหฺมโณ กหาปเณ ทาตุํ อสกฺโกนฺโต อตฺตโน ธีตรํ ตสฺส ปาทปริจาริกํ กตฺวา อทาสิ. พฺราหฺมโณ ตํ คเหตฺวา พาราณสิโต อวิทูเร เอกสฺมึ พฺราหฺมณคาเม วาสํ กปฺเปสิ. อถสฺส ภริยา ทหรตาย กาเมสุ อติตฺตา อฺเน ตรุณพฺราหฺมเณน สทฺธึ มิจฺฉาจารํ จริ. โสฬส หิ อตปฺปนียวตฺถูนิ นาม. กตมานิ โสฬส? สาคโร สพฺพสวนฺตีหิ น ตปฺปติ, อคฺคิ อุปาทาเนน น ตปฺปติ, ราชา รฏฺเน น ตปฺปติ, พาโล ปาเปหิ น ตปฺปติ, อิตฺถี เมถุนธมฺเมน อลงฺกาเรน วิชายเนนาติ อิเมหิ ตีหิ น ตปฺปติ, พฺราหฺมโณ มนฺเตหิ น ตปฺปติ, ฌายี วิหารสมาปตฺติยา น ตปฺปติ, เสกฺโข อปจเยน น ตปฺปติ, อปฺปิจฺโฉ ธุตงฺคคุเณน น ตปฺปติ, อารทฺธวีริโย วีริยารมฺเภน น ตปฺปติ, ธมฺมกถิโก สากจฺฉาย น ตปฺปติ, วิสารโท ปริสาย น ตปฺปติ, สทฺโธ สงฺฆุปฏฺาเนน น ตปฺปติ, ทายโก ปริจฺจาเคน น ตปฺปติ, ปณฺฑิโต ธมฺมสฺสวเนน น ตปฺปติ, จตสฺโส ปริสา ตถาคตทสฺสเนน น ตปฺปนฺตีติ.

สาปิ พฺราหฺมณี เมถุนธมฺเมน, อติตฺตา ตํ พฺราหฺมณํ นีหริตฺวา วิสฺสตฺถา ปาปกมฺมํ กาตุกามา หุตฺวา เอกทิวสํ ทุมฺมนา นิปชฺชิตฺวา ‘‘กึ โภตี’’ติ วุตฺตา ‘‘พฺราหฺมณ, อหํ ตว เคเห กมฺมํ กาตุํ น สกฺโกมิ, ทาสิทาสํ อาเนหี’’ติ อาห. ‘‘โภติ ธนํ เม นตฺถิ, กึ ทตฺวา อาเนมี’’ติ. ‘‘ภิกฺขํ จริตฺวา ธนํ ปริเยสิตฺวา อาเนหี’’ติ. ‘‘เตน หิ โภติ ปาเถยฺยํ เม สชฺเชหี’’ติ. ‘‘สา ตสฺส พทฺธสตฺตูนฺจ อพทฺธสตฺตูนฺจ จมฺมปสิพฺพกํ ปูเรตฺวา อทาสิ’’. พฺราหฺมโณ คามนิคมราชธานีสุ จรนฺโต สตฺต กหาปณสตานิ ลภิตฺวา ‘‘อลํ เม เอตฺตกํ ธนํ ทาสิทาสมูลายา’’ติ นิวตฺติตฺวา อตฺตโน คามํ อาคจฺฉนฺโต เอกสฺมึ อุทกผาสุกฏฺาเน ปสิพฺพกํ มุฺจิตฺวา สตฺตุํ ขาทิตฺวา ปสิพฺพกมุขํ อพนฺธิตฺวาว ปานียํ ปิวิตุํ โอติณฺโณ. อเถกสฺมึ รุกฺขสุสิเร เอโก กณฺหสปฺโป สตฺตุคนฺธํ ฆายิตฺวา ปสิพฺพกํ ปวิสิตฺวา โภคํ อาภุชิตฺวา สตฺตุํ ขาทนฺโต นิปชฺชิ. พฺราหฺมโณ อาคนฺตฺวา ปสิพฺพกสฺส อพฺภนฺตรํ อโนโลเกตฺวา ปสิพฺพกํ พนฺธิตฺวา อํเส กตฺวา ปายาสิ. อนฺตรามคฺเค เอกสฺมึ รุกฺเข นิพฺพตฺตเทวตา ขนฺธวิฏเป ตฺวา ‘‘พฺราหฺมณ, สเจ อนฺตรามคฺเค วสิสฺสสิ, สยํ มริสฺสสิ, สเจ อชฺช ฆรํ คมิสฺสสิ, ภริยา เต มริสฺสตี’’ติ วตฺวา อนฺตรธายิ. โส โอโลเกนฺโต เทวตํ อทิสฺวา ภีโต มรณภยตชฺชิโต โรทนฺโต ปริเทวนฺโต พาราณสินครทฺวารํ สมฺปาปุณิ.

ตทา จ ปนฺนรสุโปสโถ โหติ อลงฺกตธมฺมาสเน นิสีทิตฺวา โพธิสตฺตสฺส ธมฺมกถนทิวโส. มหาชโน นานาคนฺธปุปฺผาทิหตฺโถ วคฺควคฺโค หุตฺวา ธมฺมึ กถํ โสตุํ คจฺฉติ. พฺราหฺมโณ ตํ ทิสฺวา ‘‘กหํ คจฺฉถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘พฺราหฺมณ, อชฺช เสนกปณฺฑิโต มธุรสฺสเรน พุทฺธลีฬาย ธมฺมํ เทเสติ, กึ ตฺวมฺปิ น ชานาสี’’ติ วุตฺเต จินฺเตสิ ‘‘ปณฺฑิโต กิร ธมฺมกถิโก, อหฺจมฺหิ มรณภยตชฺชิโต, ปณฺฑิตา โข ปน มหนฺตมฺปิ โสกํ หริตุํ สกฺโกนฺติ, มยาปิ ตตฺถ คนฺตฺวา ธมฺมํ โสตุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส เตหิ สทฺธึ ตตฺถ คนฺตฺวา มหาสตฺตํ ปริวาเรตฺวา นิสินฺนาย สราชิกาย ปริสาย ปริยนฺเต สตฺตุปสิพฺพเกน ขนฺธคเตน ธมฺมาสนโต อวิทูเร มรณภยตชฺชิโต โรทมาโน อฏฺาสิ. มหาสตฺโต อากาสคงฺคํ โอตรนฺโต วิย อมตวสฺสํ วสฺเสนฺโต วิย จ ธมฺมํ เทเสสิ. มหาชโน สฺชาตโสมนสฺโส สาธุการํ ทตฺวา ธมฺมํ อสฺโสสิ.

ปณฺฑิตา จ นาม ทิสาจกฺขุกา โหนฺติ. ตสฺมึ ขเณ มหาสตฺโต ปสนฺนปฺจปสาทานิ อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา สมนฺตโต ปริสํ โอโลเกนฺโต ตํ พฺราหฺมณํ ทิสฺวา จินฺเตสิ ‘‘เอตฺตกา ปริสา โสมนสฺสชาตา สาธุการํ ทตฺวา ธมฺมํ สุณนฺติ, อยํ ปเนโก พฺราหฺมโณ โทมนสฺสปฺปตฺโต โรทติ, เอตสฺส อพฺภนฺตเร อสฺสุชนนสมตฺเถน โสเกน ภวิตพฺพํ, ตมสฺส อมฺพิเลน ปหริตฺวา ตมฺพมลํ วิย ปทุมปลาสโต อุทกพินฺทุํ วิย วินิวตฺเตตฺวา เอตฺเถว นํ นิสฺโสกํ ตุฏฺมานสํ กตฺวา ธมฺมํ เทเสสฺสามี’’ติ. โส ตํ อามนฺเตตฺวา ‘‘พฺราหฺมณ, เสนกปณฺฑิโต นามาหํ, อิทาเนว ตํ นิสฺโสกํ กริสฺสามิ, วิสฺสตฺโถ กเถหี’’ติ เตน สทฺธึ สลฺลปนฺโต ปมํ คาถมาห –

๔๖.

‘‘วิพฺภนฺตจิตฺโต กุปิตินฺทฺริโยสิ, เนตฺเตหิ เต วาริคณา สวนฺติ;

กึ เต นฏฺํ กึ ปน ปตฺถยาโน, อิธาคมา พฺรหฺเม ตทิงฺฆ พฺรูหี’’ติ.

ตตฺถ กุปิตินฺทฺริโยสีติ จกฺขุนฺทฺริยเมว สนฺธาย ‘‘กุปิตินฺทฺริโยสี’’ติ อาห. วาริคณาติ อสฺสุพินฺทูนิ. อิงฺฆาติ โจทนตฺเถ นิปาโต. ตฺหิ มหาสตฺโต โจเทนฺโต เอวมาห ‘‘พฺราหฺมณ, สตฺตา นาม ทฺวีหิ การเณหิ โสจนฺติ ปริเทวนฺติ สตฺตสงฺขาเรสุ กิสฺมิฺจิเทว ปิยชาติเก นฏฺเ วา, กิฺจิเทว ปิยชาติกํ ปตฺเถตฺวา อลภนฺตา วา. ตตฺถ กึ เต นฏฺํ, กึ วา ปน ปตฺถยนฺโต ตฺวํ อิธ อาคโต, อิทํ เม ขิปฺปํ พฺรูหี’’ติ.

อถสฺส อตฺตโน โสกการณํ กเถนฺโต พฺราหฺมโณ ทุติยํ คาถมาห –

๔๗.

‘‘มิยฺเยถ ภริยา วชโต มมชฺช, อคจฺฉโต มรณมาห ยกฺโข;

เอเตน ทุกฺเขน ปเวธิโตสฺมิ, อกฺขาหิ เม เสนก เอตมตฺถ’’นฺติ.

ตตฺถ วชโตติ เคหํ คจฺฉนฺตสฺส. อคจฺฉโตติ อคจฺฉนฺตสฺส. ยกฺโขติ อนฺตรามคฺเค เอกา รุกฺขเทวตา เอวมาหาติ วทติ. สา กิร เทวตา ‘‘ปสิพฺพเก เต พฺราหฺมณ, กณฺหสปฺโป’’ติ อนาจิกฺขนฺตี โพธิสตฺตสฺส าณานุภาวปฺปกาสนตฺถํ นาจิกฺขิ. เอเตน ทุกฺเขนาติ คจฺฉโต ภริยาย มรณทุกฺเขน, อคจฺฉโต อตฺตโน มรณทุกฺเขน, เตนสฺมิ ปเวธิโต ฆฏฺฏิโต กมฺปิโต. เอตมตฺถนฺติ เอตํ การณํ. เยน เม การเณน คจฺฉโต ภริยาย มรณํ, อคจฺฉโต อตฺตโน มรณํ โหติ, เอตํ เม การณํ อาจิกฺขาหีติ อตฺโถ.

มหาสตฺโต พฺราหฺมณสฺส วจนํ สุตฺวา สมุทฺทมตฺถเก ชาลํ ขิปนฺโต วิย าณชาลํ ปตฺถริตฺวา ‘‘อิเมสํ สตฺตานํ พหูนิ มรณการณานิ. สมุทฺเท นิมุคฺคาปิ มรนฺติ, ตตฺถ วาฬมจฺเฉหิ คหิตาปิ, คงฺคาย ปติตาปิ, ตตฺถ สุสุมาเรหิ คหิตาปิ, รุกฺขโต ปติตาปิ, กณฺฏเกน วิทฺธาปิ, นานปฺปกาเรหิ อาวุเธหิ ปหฏาปิ, วิสํ ขาทิตฺวาปิ, อุพฺพนฺธิตฺวาปิ, ปปาเต ปติตาปิ, อติสีตาทีหิ วา นานปฺปกาเรหิ วา โรเคหิ อุปทฺทุตาปิ มรนฺติเยว, เอวํ พหูสุ มรณการเณสุ กตเรน นุ โข การเณน อชฺเชส พฺราหฺมโณ อนฺตรามคฺเค วสนฺโต สยํ มริสฺสติ, เคหมสฺส วชโต ภริยา มริสฺสตี’’ติ จินฺเตสิ. จินฺเตนฺโต เอว พฺราหฺมณสฺส ขนฺเธ ปสิพฺพกํ ทิสฺวา ‘‘อิมสฺมึ ปสิพฺพเก เอเกน สปฺเปน ปวิฏฺเน ภวิตพฺพํ, ปวิสนฺโต จ ปเนโส อิมสฺมึ พฺราหฺมเณ ปาตราสสมเย สตฺตุํ ขาทิตฺวา ปสิพฺพกมุขํ อพนฺธิตฺวา ปานียํ ปาตุํ คเต สตฺตุคนฺเธน สปฺโป ปวิฏฺโ ภวิสฺสติ. พฺราหฺมโณปิ ปานียํ ปิวิตฺวา อาคโต สปฺปสฺส ปวิฏฺภาวํ อชานิตฺวา ปสิพฺพกํ พนฺธิตฺวา อาทาย ปกฺกนฺโต ภวิสฺสติ, สจายํ อนฺตรามคฺเค วสนฺโต สายํ วสนฏฺาเน ‘‘สตฺตุํ ขาทิสฺสามี’’ติ ปสิพฺพกํ มุฺจิตฺวา หตฺถํ ปเวเสสฺสติ, อถ นํ สปฺโป หตฺเถ ฑํสิตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปสฺสติ, อิทมสฺส อนฺตรามคฺเค วสนฺตสฺส มรณการณํ. สเจ ปน เคหํ คจฺเฉยฺย, ปสิพฺพโก ภริยาย หตฺถคโต ภวิสฺสติ, สา ‘อนฺโตภณฺฑํ โอโลเกสฺสามี’’ติ ปสิพฺพกํ มุฺจิตฺวา หตฺถํ ปเวเสสฺสติ, อถ นํ สปฺโป ฑํสิตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปสฺสติ, อิทมสฺส อชฺช เคหํ คตสฺส ภริยาย มรณการณ’’นฺติ อุปายโกสลฺลาเณเนว อฺาสิ.

อถสฺส เอตทโหสิ ‘‘อิมินา กณฺหสปฺเปน สูเรน นิพฺภเยน ภวิตพฺพํ. อยฺหิ พฺราหฺมณสฺส มหาผาสุกํ ปหรนฺโตปิ ปสิพฺพเก อตฺตโน จลนํ วา ผนฺทนํ วา น ทสฺเสติ, เอวรูปาย ปริสาย มชฺเฌปิ อตฺตโน อตฺถิภาวํ น ทสฺเสติ, ตสฺมา อิมินา กณฺหสปฺเปน สูเรน นิพฺภเยน ภวิตพฺพ’’นฺติ. อิทมฺปิ โส อุปายโกสลฺลาเณเนว ทิพฺพจกฺขุนา ปสฺสนฺโต วิย อฺาสิ. เอวํ สราชิกาย ปริสาย มชฺเฌ สปฺปํ ปสิพฺพกํ ปวิสนฺตํ ทิสฺวา ิตปุริโส วิย มหาสตฺโต อุปายโกสลฺลาเณเนว ปริจฺฉินฺทิตฺวา พฺราหฺมณสฺส ปฺหํ กเถนฺโต ตติยํ คาถมาห –

๔๘.

‘‘พหูนิ านานิ วิจินฺตยิตฺวา, ยเมตฺถ วกฺขามิ ตเทว สจฺจํ;

มฺามิ เต พฺราหฺมณ สตฺตุภสฺตํ, อชานโต กณฺหสปฺโป ปวิฏฺโ’’ติ.

ตตฺถ พหูนิ านานีติ พหูนิ การณานิ. วิจินฺตยิตฺวาติ ปฏิวิชฺฌิตฺวา จินฺตาวเสน ปวตฺตปฏิเวโธ หุตฺวา. ยเมตฺถ วกฺขามีติ ยํ เต อหํ เอเตสุ การเณสุ เอตํ การณํ วกฺขามิ. ตเทว สจฺจนฺติ ตเทว ตถํ ทิพฺพจกฺขุนา ทิสฺวา กถิตสทิสํ ภวิสฺสตีติ ทีเปติ. มฺามีติ สลฺลกฺเขมิ. สตฺตุภสฺตนฺติ สตฺตุปสิพฺพกํ. อชานโตติ อชานนฺตสฺเสว เอโก กณฺหสปฺโป ปวิฏฺโติ มฺามีติ.

เอวฺจ ปน วตฺวา ‘‘อตฺถิ เต พฺราหฺมณ, เอตสฺมึ ปสิพฺพเก สตฺตู’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อตฺถิ, ปณฺฑิตา’’ติ. ‘‘อชฺช ปาตราสเวลาย สตฺตุํ ขาที’’ติ? ‘‘อาม, ปณฺฑิตา’’ติ. ‘‘กตฺถ นิสีทิตฺวา’’ติ? ‘‘อรฺเ รุกฺขมูลสฺมึ, ปณฺฑิตา’’ติ. ‘‘สตฺตุํ ขาทิตฺวา ปานียํ ปาตุํ คจฺฉนฺโต ปสิพฺพกมุขํ พนฺธิ, น พนฺธี’’ติ? ‘‘น พนฺธึ, ปณฺฑิตา’’ติ. ‘‘ปานียํ ปิวิตฺวา อาคโต ปสิพฺพกํ โอโลเกตฺวา พนฺธี’’ติ. ‘‘อโนโลเกตฺวาว พนฺธึ, ปณฺฑิตา’’ติ. ‘‘พฺราหฺมณ, ตว ปานียํ ปาตุํ คตกาเล อชานนฺตสฺเสว เต สตฺตุคนฺเธน ปสิพฺพกํ สปฺโป ปวิฏฺโติ มฺามิ, เอวเมตฺถ อาคโต ตฺวํ, ตสฺมา ปสิพฺพกํ โอตาเรตฺวา ปริสมชฺเฌ เปตฺวา ปสิพฺพกมุขํ โมเจตฺวา ปฏิกฺกมฺม ิโต เอกํ ทณฺฑกํ คเหตฺวา ปสิพฺพกํ ตาว ปหร, ตโต ปตฺถฏผณํ สุสูติสทฺทํ กตฺวา นิกฺขมนฺตํ กณฺหสปฺปํ ทิสฺวา นิกฺกงฺโข ภวิสฺสตี’’ติ จตุตฺถํ คาถมาห –

๔๙.

‘‘อาทาย ทณฺฑํ ปริสุมฺภ ภสฺตํ, ปสฺเสฬมูคํ อุรคํ ทุชิวฺหํ;

ฉินฺทชฺช กงฺขํ วิจิกิจฺฉิตานิ, ภุชงฺคมํ ปสฺส ปมุฺจ ภสฺต’’นฺติ.

ตตฺถ ปริสุมฺภาติ ปหร. ปสฺเสฬมูคนฺติ เอฬํ ปคฺฆรนฺเตน มุเขน เอฬมูคํ ปสิพฺพกโต นิกฺขมนฺตํ ทุชิวฺหํ อุรคํ ปสฺส. ฉนฺทชฺช กงฺขํ วิจิกิจฺฉิตานีติ ‘‘อตฺถิ นุ โข เม ปสิพฺพเก สปฺโป, อุทาหุ นตฺถี’’ติ กงฺขเมว ปุนปฺปุนํ อุปฺปชฺชมานานิ วิจิกิจฺฉิตานิ จ อชฺช ฉินฺท, มยฺหํ สทฺทห, อวิตถฺหิ เม เวยฺยากรณํ, อิทาเนว นิกฺขมนฺตํ ภุชงฺคมํ ปสฺส ปมุฺจ ภสฺตนฺติ.

พฺราหฺมโณ มหาสตฺตสฺส กถํ สุตฺวา สํวิคฺโค ภยปฺปตฺโต ตถา อกาสิ. สปฺโปปิ สตฺตุภสฺเต ทณฺเฑน ปหเฏ ปสิพฺพกมุขา นิกฺขมิตฺวา มหาชนํ โอโลเกนฺโต อฏฺาสิ. ตมตฺถํ ปกาเสนฺโต สตฺถา ปฺจมํ คาถมาห –

๕๐.

‘‘สํวิคฺครูโป ปริสาย มชฺเฌ, โส พฺราหฺมโณ สตฺตุภสฺตํ ปมุฺจิ;

อถ นิกฺขมิ อุรโค อุคฺคเตโช, อาสีวิโส สปฺโป ผณํ กริตฺวา’’ติ.

สปฺปสฺส ผณํ กตฺวา นิกฺขนฺตกาเล ‘‘มหาสตฺตสฺส สพฺพฺุพุทฺธสฺเสว พฺยากรณํ อโหสี’’ติ มหาชโน เจลุกฺเขปสหสฺสานิ ปวตฺเตสิ, องฺคุลิโผฏนสหสฺสานิ ปริพฺภมึสุ, ฆนเมฆวสฺสํ วิย สตฺตรตนวสฺสํ วสฺสิ, สาธุการสหสฺสานิ ปวตฺตึสุ, มหาปถวีภิชฺชนสทฺโท วิย อโหสิ. อิทํ ปน พุทฺธลีฬาย เอวรูปสฺส ปฺหสฺส กถนํ นาม เนว ชาติยา พลํ, น โคตฺตกุลปฺปเทสานํ พลํ, กสฺส ปเนตํ พลนฺติ? ปฺาย พลํ. ปฺวา หิ ปุคฺคโล วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อริยมคฺคทฺวารํ วิวริตฺวา อมตมหานิพฺพานํ ปวิสติ, สาวกปารมิมฺปิ ปจฺเจกโพธิมฺปิ สมฺมาสมฺโพธิมฺปิ ปฏิวิชฺฌติ. อมตมหานิพฺพานสมฺปาปเกสุ หิ ธมฺเมสุ ปฺาว เสฏฺา, อวเสสา ตสฺสา ปริวารา โหนฺติ. เตเนตํ วุตฺตํ –

‘‘ปฺา หิ เสฏฺา กุสลา วทนฺติ, นกฺขตฺตราชาริว ตารกานํ;

สีลํ สิรี จาปิ สตฺจ ธมฺโม, อนฺวายิกา ปฺวโต ภวนฺตี’’ติ. (ชา. ๒.๑๗.๘๑);

เอวํ กถิเต จ ปน มหาสตฺเตน ปฺเห เอโก อหิตุณฺฑิโก สปฺปสฺส มุขพนฺธนํ กตฺวา สปฺปํ คเหตฺวา อรฺเ วิสฺสชฺเชสิ. พฺราหฺมโณ ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา ชยาเปตฺวา อฺชลึ ปคฺคยฺห รฺโ ถุตึ กโรนฺโต อุปฑฺฒคาถมาห –

๕๑.

‘‘สุลทฺธลาภา ชนกสฺส รฺโ;

โย ปสฺสตี เสนกํ สาธุปฺ’’นฺติ.

ตสฺสตฺโถ – โย สาธุปฺํ อุตฺตมปฺํ เสนกปณฺฑิตํ อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา อิจฺฉิติจฺฉิตกฺขเณ ปิยจกฺขูหิ ปสฺสิตุํ ลภติ, ตสฺส รฺโ ชนกสฺส เอเต อิจฺฉิติจฺฉิตกฺขเณ ทสฺสนลาภา สุลทฺธลาภา วต, เอเตน ลทฺเธสุ สพฺพลาเภสุ เอเตว ลาภา สุลทฺธลาภา นามาติ.

พฺราหฺมโณปิ รฺโ ถุตึ กตฺวา ปุน ปสิพฺพกโต สตฺต กหาปณสตานิ คเหตฺวา มหาสตฺตสฺส ถุตึ กตฺวา ตุฏฺิทายํ ทาตุกาโม ทิยฑฺฒคาถมาห –

‘‘วิวฏฺฏฉทฺโท นุสิ สพฺพทสฺสี, าณํ นุ เต พฺราหฺมณ ภึสรูปํ.

๕๒.

‘‘อิมานิ เม สตฺตสตานิ อตฺถิ, คณฺหาหิ สพฺพานิ ททามิ ตุยฺหํ;

ตยา หิ เม ชีวิตมชฺช ลทฺธํ, อโถปิ ภริยาย มกาสิ โสตฺถิ’’นฺติ.

ตตฺถ วิวฏฺฏฉทฺโท นุสิ สพฺพทสฺสีติ กึ นุ โข ตฺวํ สพฺเพสุ ธมฺมากาเรสุ วิวฏฺฏฉทโน วิวฏฺฏเนยฺยธมฺโม สพฺพฺุพุทฺโธติ ถุติวเสน ปุจฺฉติ. าณํ นุ เต พฺราหฺมณ ภึสรูปนฺติ อุทาหุ อสพฺพฺุสฺสปิ สโต ตว าณํ อติวิย ภึสรูปํ สพฺพฺุตฺาณํ วิย พลวนฺติ. ตยา หิ เมติ ตยา หิ ทินฺนตฺตา อชฺช มยา ชีวิตํ ลทฺธํ. อโถปิ ภริยาย มกาสิ โสตฺถินฺติ อโถปิ เม ภริยาย ตฺวเมว โสตฺถึ อกาสิ.

อิติ โส วตฺวา ‘‘สเจปิ สตสหสฺสํ ภเวยฺย, ทเทยฺยเมวาหํ, เอตฺตกเมว เม ธนํ, อิมานิ เม สตฺต สตานิ คณฺหา’’ติ ปุนปฺปุนํ โพธิสตฺตํ ยาจิ. ตํ สุตฺวา โพธิสตฺโต อฏฺมํ คาถมาห –

๕๓.

‘‘น ปณฺฑิตา เวตนมาทิยนฺติ, จิตฺราหิ คาถาหิ สุภาสิตาหิ;

อิโตปิ เต พฺรหฺเม ททนฺตุ วิตฺตํ, อาทาย ตฺวํ คจฺฉ สกํ นิเกต’’นฺติ.

ตตฺถ เวตนนฺติ เวตฺตนํ, อยเมว วา ปาโ. อิโตปิ เต พฺรหฺเมติ พฺราหฺมณ, อิโต มม ปาทมูลโตปิ ตุยฺหํ ธนํ ททนฺตุ. วิตฺตํ อาทาย ตฺวํ คจฺฉาติ อิโต อฺานิ ตีณิ สตานิ คเหตฺวา สหสฺสภณฺฑิกํ อาทาย สกนิเวสนํ คจฺฉ.

เอวฺจ ปน วตฺวา มหาสตฺโต พฺราหฺมณสฺส สหสฺสํ ปูราเปนฺโต กหาปเณ ทาเปตฺวา ‘‘พฺราหฺมณ, เกน ตฺวํ ธนภิกฺขาย เปสิโต’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ภริยาย เม ปณฺฑิตา’’ติ. ‘‘ภริยา ปน เต มหลฺลิกา, ทหรา’’ติ. ‘‘ทหรา, ปณฺฑิตา’’ติ. ‘‘เตน หิ สา อฺเน สทฺธึ อนาจารํ กโรนฺตี ‘นิพฺภยา หุตฺวา กริสฺสามี’ติ ตํ เปเสสิ, สเจ อิเม กหาปเณ ฆรํ เนสฺสสิ, สา เต ทุกฺเขน ลทฺธกหาปเณ อตฺตโน ชารสฺส ทสฺสติ, ตสฺมา ตฺวํ อุชุกเมว เคหํ อคนฺตฺวา พหิคาเม รุกฺขมูเล วา ยตฺถ กตฺถจิ วา กหาปเณ เปตฺวา ปวิเสยฺยาสี’’ติ วตฺวา ตํ อุยฺโยเชสิ. โส คามสมีปํ คนฺตฺวา เอกสฺมึ รุกฺขมูเล กหาปเณ เปตฺวา สายํ เคหํ อคมาสิ. ภริยาปิสฺส ตสฺมึ ขเณ ชาเรน สทฺธึ นิสินฺนา อโหสิ. พฺราหฺมโณ ทฺวาเร ตฺวา ‘‘โภตี’’ติ อาห. สา ตสฺส สทฺทํ สลฺลกฺเขตฺวา ทีปํ นิพฺพาเปตฺวา ทฺวารํ วิวริตฺวา พฺราหฺมเณ อนฺโต ปวิฏฺเ อิตรํ นีหริตฺวา ทฺวารมูเล เปตฺวา เคหํ ปวิสิตฺวา ปสิพฺพเก กิฺจิ อทิสฺวา ‘‘พฺราหฺมณ, กึ เต ภิกฺขํ จริตฺวา ลทฺธ’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘สหสฺสํ เม ลทฺธ’’นฺติ. ‘‘กหํ ปน ต’’นฺติ. ‘‘อสุกฏฺาเน นาม ปิตํ, ปาโตว อาหริสฺสามิ, มา จินฺตยี’’ติ. สา คนฺตฺวา ชารสฺส อาจิกฺขิ. โส นิกฺขมิตฺวา อตฺตนา ปิตํ วิย คณฺหิ.

พฺราหฺมโณ ปุนทิวเส คนฺตฺวา กหาปเณ อปสฺสนฺโต โพธิสตฺตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘กึ, พฺราหฺมณา’’ติ วุตฺเต ‘‘กหาปเณ น ปสฺสามิ, ปณฺฑิตา’’ติ อาห. ‘‘ภริยาย เต อาจิกฺขี’’ติ? ‘‘อาม, ปณฺฑิตา’’ติ. มหาสตฺโต ตาย ชารสฺส อาจิกฺขิตภาวํ ตฺวา ‘‘อตฺถิ ปน เต พฺราหฺมณ, ภริยาย กุลูปกพฺราหฺมโณ’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อตฺถิ, ปณฺฑิตา’’ติ. ‘‘ตุยฺหมฺปิ อตฺถี’’ติ? ‘‘อาม, ปณฺฑิตา’’ติ. อถสฺส มหาสตฺโต สตฺตนฺนํ ทิวสานํ ปริพฺพยํ ทาเปตฺวา ‘‘คจฺฉ ปมทิวเส ตว สตฺต, ภริยาย เต สตฺตาติ จุทฺทส พฺราหฺมเณ นิมนฺเตตฺวา โภเชถ, ปุนทิวสโต ปฏฺาย เอเกกํ หาเปตฺวา สตฺตเม ทิวเส ตว เอกํ, ภริยาย เต เอกนฺติ ทฺเว พฺราหฺมเณ นิมนฺเตตฺวา ภริยาย เต สตฺต ทิวเส นิมนฺติตพฺราหฺมณสฺส นิพทฺธํ อาคมนภาวํ ตฺวา มยฺหํ อาโรเจหี’’ติ อาห. พฺราหฺมโณ ตถา กตฺวา ‘‘สลฺลกฺขิโต เม ปณฺฑิต, นิพทฺธํ ภุฺชนกพฺราหฺมโณ’’ติ มหาสตฺตสฺส อาโรเจสิ.

โพธิสตฺโต เตน สทฺธึ ปุริเส เปเสตฺวา ตํ พฺราหฺมณํ อาหราเปตฺวา ‘‘อสุกรุกฺขมูลโต เต อิมสฺส พฺราหฺมณสฺส สนฺตกํ กหาปณสหสฺสํ คหิต’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘น คณฺหามิ, ปณฺฑิตา’’ติ. ‘‘ตฺวํ มม เสนกปณฺฑิตภาวํ น ชานาสิ, อาหราเปสฺสามิ เต กหาปเณ’’ติ. โส ภีโต ‘‘คหิตา เม’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ. ‘‘กุหึ เต ปิตา’’ติ? ‘‘ตตฺเถว, ปณฺฑิต, ปิตา’’ติ. โพธิสตฺโต พฺราหฺมณํ ปุจฺฉิ ‘‘พฺราหฺมณ, กึ เต สาเยว ภริยา โหตุ, อุทาหุ อฺํ คณฺหิสฺสสี’’ติ. ‘‘สาเยว เม โหตุ, ปณฺฑิตา’’ติ. โพธิสตฺโต มนุสฺเส เปเสตฺวา พฺราหฺมณสฺส กหาปเณ จ พฺราหฺมณิฺจ อาหราเปตฺวา โจรพฺราหฺมณสฺส หตฺถโต กหาปเณ พฺราหฺมณสฺส ทาเปตฺวา อิตรสฺส ราชาณํ กาเรตฺวา นครา นีหราเปตฺวา พฺราหฺมณิยาปิ ราชาณํ กาเรตฺวา พฺราหฺมณสฺส มหนฺตํ ยสํ ทตฺวา อตฺตโนเยว สนฺติเก วสาเปสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีนิ สจฺฉิกรึสุ. ตทา พฺราหฺมโณ อานนฺโท อโหสิ, รุกฺขเทวตา สาริปุตฺโต, ปริสา พุทฺธปริสา, เสนกปณฺฑิโต ปน อหเมว อโหสินฺติ.

สตฺตุภสฺตชาตกวณฺณนา สตฺตมา.

[๔๐๓] ๘. อฏฺิเสนชาตกวณฺณนา

เยเม อหํ น ชานามีติ อิทํ สตฺถา อาฬวึ นิสฺสาย อคฺคาฬเว เจติเย วิหรนฺโต กุฏิการสิกฺขาปทํ อารพฺภ กเถสิ. ปจฺจุปฺปนฺนวตฺถุ เหฏฺา มณิกณฺชาตเก (ชา. ๑.๓.๗ อาทโย) กถิตเมว. สตฺถา ปน เต ภิกฺขู อามนฺเตตฺวา ‘‘ภิกฺขเว, โปราณกปณฺฑิตา ปุพฺเพ อนุปฺปนฺเน พุทฺเธ พาหิรกปพฺพชฺชาย ปพฺพชิตฺวา ราชูหิ ปวาริตาปิ ‘ยาจนา นาม ปเรสํ อปฺปิยา อมนาปา’ติ น ยาจึสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต เอกสฺมึ นิคเม พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติ, อฏฺิเสนกุมาโรติสฺส นามํ กรึสุ. โส วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา อปรภาเค กาเมสุ อาทีนวํ ทิสฺวา ฆราวาสโต นิกฺขมิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ฌานาภิฺาสมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวา หิมวนฺตปเทเส จิรํ วสิตฺวา โลณมฺพิลเสวนตฺถาย มนุสฺสปถํ โอตริตฺวา อนุปุพฺเพน พาราณสึ ปตฺวา ราชุยฺยาเน วสิตฺวา ปุนทิวเส ภิกฺขาย จรนฺโต ราชงฺคณํ อคมาสิ. ราชา ตสฺสาจารวิหาเร ปสีทิตฺวา ตํ นิมนฺตาเปตฺวา ปาสาทตเล ปลฺลงฺเก นิสีทาเปตฺวา สุโภชนํ โภเชตฺวา โภชนาวสาเน อนุโมทนํ สุตฺวา ปสนฺโน ปฏิฺํ คเหตฺวา มหาสตฺตํ ราชุยฺยาเน วสาเปสิ, ทิวสสฺส จ ทฺเว ตโย วาเร อุปฏฺานํ อคมาสิ. โส เอกทิวสํ ธมฺมกถาย ปสนฺโน รชฺชํ อาทึ กตฺวา ‘‘เยน โว อตฺโถ, ตํ วเทยฺยาถา’’ติ ปวาเรสิ. โพธิสตฺโต ‘‘อิทํ นาม เม เทหี’’ติ น วทติ. อฺเ ยาจกา ‘‘อิทํ เทหิ, อิทํ เทหี’’ติ อิจฺฉิติจฺฉิตํ ยาจนฺติ, ราชา อสชฺชมาโน เทติเยว. โส เอกทิวสํ จินฺเตสิ ‘‘อฺเ ยาจนกวนิพฺพกา ‘อิทฺจิทฺจ อมฺหากํ เทหี’ติ มํ ยาจนฺติ, อยฺโย ปน อฏฺิเสโน ปวาริตกาลโต ปฏฺาย น กิฺจิ ยาจติ, ปฺวา โข ปเนส อุปายกุสโล, ปุจฺฉิสฺสามิ น’’นฺติ. โส เอกทิวสํ ภุตฺตปาตราโส คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺโน อฺเสํ ยาจนการณํ ตสฺส จ อยาจนการณํ ปุจฺฉนฺโต ปมํ คาถมาห –

๕๔.

‘‘เยเม อหํ น ชานามิ, อฏฺิเสน วนิพฺพเก;

เต มํ สงฺคมฺม ยาจนฺติ, กสฺมา มํ ตฺวํ น ยาจสี’’ติ.

ตตฺถ วนิพฺพเกติ ยาจนเก. สงฺคมฺมาติ สมาคนฺตฺวา. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อยฺย, อฏฺิเสน, เยเม วนิพฺพเก อหํ นามโคตฺตชาติกุลปฺปเทเสน ‘‘อิเม นาเมเต’’ติปิ น ชานามิ, เต มํ สมาคนฺตฺวา อิจฺฉิติจฺฉิตํ ยาจนฺติ, ตฺวํ ปน กสฺมา มํ กิฺจิ น ยาจสีติ.

ตํ สุตฺวา โพธิสตฺโต ทุติยํ คาถมาห –

๕๕.

‘‘ยาจโก อปฺปิโย โหติ, ยาจํ อททมปฺปิโย;

ตสฺมาหํ ตํ น ยาจามิ, มา เม วิเทสฺสนา อหู’’ติ.

ตตฺถ ยาจโก อปฺปิโย โหตีติ โย หิ, มหาราช, ปุคฺคโล ‘‘อิทํ เม เทหี’’ติ ยาจโก, โส มาตาปิตูนมฺปิ มิตฺตามจฺจาทีนมฺปิ อปฺปิโย โหติ อมนาโป. ตสฺส อปฺปิยภาโว มณิกณฺชาตเกน ทีเปตพฺโพ. ยาจนฺติ ยาจิตภณฺฑํ. อททนฺติ อททมาโน. อิทํ วุตฺตํ โหติ – โยปิ ยาจิตํ น เทติ, โส มาตาปิตโร อาทึ กตฺวา อททมาโน ปุคฺคโล ยาจกสฺส อปฺปิโย โหตีติ. ตสฺมาติ ยสฺมา ยาจโกปิ ทายกสฺส, ยาจิตํ ภณฺฑํ อททนฺโตปิ ยาจกสฺส อปฺปิโย โหติ, ตสฺมา อหํ ตํ น ยาจามิ. มา เม วิเทสฺสนา อหูติ สเจ หิ อหํ ยาเจยฺยเมว, ตว วิเทสฺโส ภเวยฺย, สา เม ตว สนฺติกา อุปฺปนฺนา วิเทสฺสนา, สเจ ปน ตฺวํ น ทเทยฺยาสิ, มม วิเทสฺโส ภเวยฺยาสิ, สา จ มม ตยิ วิเทสฺสนา, เอวํ สพฺพถาปิ มา เม วิเทสฺสนา อหุ, มา โน อุภินฺนมฺปิ เมตฺตา ภิชฺชีติ เอตมตฺถํ สมฺปสฺสนฺโต อหํ ตํ น กิฺจิ ยาจามีติ.

อถสฺส วจนํ สุตฺวา ราชา ติสฺโส คาถา อภาสิ –

๕๖.

‘‘โย เว ยาจนชีวาโน, กาเล ยาจํ น ยาจติ;

ปรฺจ ปุฺา ธํเสติ, อตฺตนาปิ น ชีวติ.

๕๗.

‘‘โย จ ยาจนชีวาโน, กาเล ยาจฺหิ ยาจติ;

ปรฺจ ปุฺํ ลพฺเภติ, อตฺตนาปิ จ ชีวติ.

๕๘.

‘‘น เวเทสฺสนฺติ สปฺปฺา, ทิสฺวา ยาจกมาคเต;

พฺรหฺมจาริ ปิโย เมสิ, วท ตฺวํ ภฺมิจฺฉสี’’ติ.

ตตฺถ ยาจนชีวาโนติ ยาจนชีวมาโน, อยเมว วา ปาโ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อยฺย, อฏฺิเสน โย ยาจเนน ชีวมาโน ธมฺมิโก สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา ยาจิตพฺพยุตฺตปตฺตกาเล กิฺจิเทว ยาจิตพฺพํ น ยาจติ, โส ปรฺจ ทายกํ ปุฺา ธํเสติ ปริหาเปติ, อตฺตนาปิ จ สุขํ น ชีวติ. ปุฺํ ลพฺเภตีติ กาเล ปน ยาจิตพฺพํ ยาจนฺโต ปรฺจ ปุฺํ อธิคเมติ, อตฺตนาปิ จ สุขํ ชีวติ. น เวเทสฺสนฺตีติ ยํ ตฺวํ วเทสิ ‘‘มา เม วิเทสฺสนา อหู’’ติ, ตํ กสฺมา วทสิ. สปฺปฺา หิ ทานฺจ ทานผลฺจ ชานนฺตา ปณฺฑิตา ยาจเก อาคเต ทิสฺวา น เทสฺสนฺติ น กุชฺฌนฺติ, อฺทตฺถุ ปน ปมุทิตาว โหนฺตีติ ทีเปติ. ยาจกมาคเตติ ม-กาโร พฺยฺชนสนฺธิวเสน วุตฺโต, ยาจเก อาคเตติ อตฺโถ. พฺรหฺมจาริ ปิโย เมสีติ อยฺย อฏฺิเสน, ปริสุทฺธจาริ มหาปุฺ, ตฺวํ มยฺหํ อติวิย ปิโย, ตสฺมา วรํ ตฺวํ มํ วเทหิ ยาจาหิเยว. ภฺมิจฺฉสีติ ยํกิฺจิ วตฺตพฺพํ อิจฺฉสิ, สพฺพํ วท, รชฺชมฺปิ เต ทสฺสามิเยวาติ.

เอวํ โพธิสตฺโต รฺา รชฺเชนาปิ ปวาริโต เนว กิฺจิ ยาจิ. รฺโ ปน เอวํ อตฺตโน อชฺฌาสเย กถิเต มหาสตฺโตปิ ปพฺพชิตปฏิปตฺตึ ทสฺเสตุํ ‘‘มหาราช, ยาจนา หิ นาเมสา กามโภคีนํ คิหีนํ อาจิณฺณา, น ปพฺพชิตานํ, ปพฺพชิเตน ปน ปพฺพชิตกาลโต ปฏฺาย คิหีหิ อสมานปริสุทฺธาชีเวน ภวิตพฺพ’’นฺติ ปพฺพชิตปฏิปทํ ทสฺเสนฺโต ฉฏฺํ คาถมาห –

๕๙.

‘‘น เว ยาจนฺติ สปฺปฺา, ธีโร จ เวทิตุมรหติ;

อุทฺทิสฺส อริยา ติฏฺนฺติ, เอสา อริยาน ยาจนา’’ติ.

ตตฺถ สปฺปฺาติ พุทฺธา จ พุทฺทสาวกา จ โพธิยา ปฏิปนฺนา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตา โพธิสตฺตา จ สพฺเพปิ สปฺปฺา จ สุสีลา จ, เอเต เอวรูปา สปฺปฺา ‘‘อมฺหากํ อิทฺจิทฺจ เทถา’’ติ น ยาจนฺติ. ธีโร จ เวทิตุมรหตีติ อุปฏฺาโก ปน ธีโร ปณฺฑิโต คิลานกาเล จ อคิลานกาเล จ เยน เยนตฺโถ, ตํ สพฺพํ สยเมว เวทิตุํ ชานิตุํ อรหติ. อุทฺทิสฺส อริยา ติฏฺนฺตีติ อริยา ปน วาจํ อภินฺทิตฺวา เยนตฺถิกา โหนฺติ, ตํ อุทฺทิสฺส เกวลํ ภิกฺขาจารวตฺเตน ติฏฺนฺติ, เนว กายงฺคํ วา วาจงฺคํ วา โกเปนฺติ. กายวิการํ ทสฺเสตฺวา นิมิตฺตํ กโรนฺโต หิ กายงฺคํ โกเปติ นาม, วจีเภทํ กโรนฺโต วาจงฺคํ โกเปติ นาม, ตทุภยํ อกตฺวา พุทฺธาทโย อริยา ติฏฺนฺติ. เอสา อริยาน ยาจนาติ เอสา กายงฺควาจงฺคํ อโกเปตฺวา ภิกฺขาย ติฏฺมานา อริยานํ ยาจนา นาม.

ราชา โพธิสตฺตสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘ภนฺเต, ยทิ สปฺปฺโ อุปฏฺาโก อตฺตนาว ตฺวา กุลูปกสฺส ทาตพฺพํ เทติ, อหมฺปิ ตุมฺหากํ อิทฺจิทฺจ ทมฺมี’’ติ วทนฺโต สตฺตมํ คาถมาห –

๖๐.

‘‘ททามิ เต พฺราหฺมณ โรหิณีนํ, ควํ สหสฺสํ สห ปุงฺคเวน;

อริโย หิ อริยสฺส กถํ น ทชฺชา, สุตฺวาน คาถา ตว ธมฺมยุตฺตา’’ติ.

ตตฺถ โรหิณีนนฺติ รตฺตวณฺณานํ. ควํ สหสฺสนฺติ ขีรทธิอาทิมธุรรสปริโภคตฺถาย เอวรูปานํ คุนฺนํ สหสฺสํ ตุยฺหํ ทมฺมิ, ตํ เม ปฏิคฺคณฺห. อริโยติ อาจารอริโย. อริยสฺสาติ อาจารอริยสฺส. กถํ น ทชฺชาติ เกน การเณน น ทเทยฺย.

เอวํ วุตฺเต โพธิสตฺโต ‘‘อหํ มหาราช, อกิฺจโน ปพฺพชิโต, น เม คาวีหิ อตฺโถ’’ติ ปฏิกฺขิปิ. ราชา ตสฺโสวาเท ตฺวา ทานาทีนิ ปุฺานิ กตฺวา สคฺคปรายโณ อโหสิ. โสปิ อปริหีนชฺฌาโน พฺรหฺมโลเก อุปฺปชฺชิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน พหู โสตาปตฺติผลาทีสุ ปติฏฺิตา. ตทา ราชา อานนฺโท อโหสิ, อฏฺิเสโน ปน อหเมว อโหสินฺติ.

อฏฺิเสนชาตกวณฺณนา อฏฺมา.

[๔๐๔] ๙. กปิชาตกวณฺณนา

ยตฺถ เวรี นิวสตีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เทวทตฺตสฺส ปถวิปเวสนํ อารพฺภ กเถสิ. ตสฺมิฺหิ ปถวึ ปวิฏฺเ ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, เทวทตฺโต สห ปริสาย นฏฺโ’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว เทวทตฺโต สห ปริสาย นฏฺโ, ปุพฺเพปิ นสฺสิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต กปิโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา ปฺจสตกปิปริวาโร ราชุยฺยาเน วสิ. เทวทตฺโตปิ กปิโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา ปฺจสตกปิปริวาโร ตตฺเถว วสิ. อเถกทิวสํ ปุโรหิเต อุยฺยานํ คนฺตฺวา นฺหตฺวา อลงฺกริตฺวา นิกฺขมนฺเต เอโก โลลกปิ ปุเรตรํ คนฺตฺวา ราชุยฺยานทฺวาเร โตรณมตฺถเก นิสีทิตฺวา ตสฺส มตฺถเก วจฺจปิณฺฑํ ปาเตตฺวา ปุน อุทฺธํ โอโลเกนฺตสฺส มุเข ปาเตสิ. โส นิวตฺติตฺวา ‘‘โหตุ, ชานิสฺสามิ ตุมฺหากํ กตฺตพฺพ’’นฺติ มกฺกเฏ สนฺตชฺเชตฺวา ปุน นฺหตฺวา ปกฺกามิ. เตน เวรํ คเหตฺวา มกฺกฏานํ สนฺตชฺชิตภาวํ โพธิสตฺตสฺส อาโรเจสุํ. โส ‘‘เวรีนํ นิวสนฏฺาเน นาม วสิตุํ น วฏฺฏติ, สพฺโพปิ กปิคโณ ปลายิตฺวา อฺตฺถ คจฺฉตู’’ติ กปิสหสฺสสฺสปิ อาโรจาเปสิ. ทุพฺพจกปิ อตฺตโน ปริวารมกฺกเฏ คเหตฺวา ‘‘ปจฺฉา ชานิสฺสามี’’ติ ตตฺเถว นิสีทิ. โพธิสตฺโต อตฺตโน ปริวารํ คเหตฺวา อรฺํ ปาวิสิ. อเถกทิวสํ เอกิสฺสา วีหิโกฏฺฏิกาย ทาสิยา อาตเป ปสาริตวีหึ ขาทนฺโต เอโก เอฬโก อุมฺมุกฺเกน ปหารํ ลภิตฺวา อาทิตฺตสรีโร ปลายนฺโต เอกิสฺสา หตฺถิสาลํ นิสฺสาย ติณกุฏิยา กุฏฺเฏ สรีรํ ฆํสิ. โส อคฺคิ ติณกุฏิกํ คณฺหิ, ตโต อุฏฺาย หตฺถิสาลํ คณฺหิ, หตฺถิสาลาย หตฺถีนํ ปิฏฺิ ฌายิ, หตฺถิเวชฺชา หตฺถีนํ ปฏิชคฺคนฺติ.

ปุโรหิโตปิ มกฺกฏานํ คหณูปายํ อุปธาเรนฺโต วิจรติ. อถ นํ ราชุปฏฺานํ อาคนฺตฺวา นิสินฺนํ ราชา อาห ‘‘อาจริย, พหู โน หตฺถี วณิตา ชาตา, หตฺถิเวชฺชา ปฏิชคฺคิตุํ น ชานนฺติ, ชานาสิ นุ โข กิฺจิ เภสชฺช’’นฺติ? ‘‘ชานามิ, มหาราชา’’ติ. ‘‘กึ นามา’’ติ? ‘‘มกฺกฏวสา, มหาราชา’’ติ. ‘‘กหํ ลภิสฺสามา’’ติ? ‘‘นนุ อุยฺยาเน พหู มกฺกฏา’’ติ? ราชา ‘‘อุยฺยาเน มกฺกเฏ มาเรตฺวา วสํ อาเนถา’’ติ อาห. ธนุคฺคหา คนฺตฺวา ปฺจสเตปิ มกฺกเฏ วิชฺฌิตฺวา มาเรสุํ. เอโก ปน เชฏฺกมกฺกโฏ ปลายนฺโต สรปหารํ ลภิตฺวาปิ ตตฺเถว อปติตฺวา โพธิสตฺตสฺส วสนฏฺานํ ปตฺวา ปติ. วานรา ‘‘อมฺหากํ วสนฏฺานํ ปตฺวา มโต’’ติ ตสฺส ปหารํ ลทฺธา มตภาวํ โพธิสตฺตสฺส อาโรเจสุํ. โส คนฺตฺวา กปิคณมชฺเฌ นิสินฺโน ‘‘ปณฺฑิตานํ โอวาทํ อกตฺวา เวริฏฺาเน วสนฺตา นาม เอวํ วินสฺสนฺตี’’ติ กปิคณสฺส โอวาทวเสน อิมา คาถา อภาสิ –

๖๑.

‘‘ยตฺถ เวรี นิวสติ, น วเส ตตฺถ ปณฺฑิโต;

เอกรตฺตํ ทฺวิรตฺตํ วา, ทุกฺขํ วสติ เวริสุ.

๖๒.

‘‘ทิโส เว ลหุจิตฺตสฺส, โปสสฺสานุวิธียโต;

เอกสฺส กปิโน เหตุ, ยูถสฺส อนโย กโต.

๖๓.

‘‘พาโลว ปณฺฑิตมานี, ยูถสฺส ปริหารโก;

สจิตฺตสฺส วสํ คนฺตฺวา, สเยถายํ ยถา กปิ.

๖๔.

‘‘น สาธุ พลวา พาโล, ยูถสฺส ปริหารโก;

อหิโต ภวติ าตีนํ, สกุณานํว เจตโก.

๖๕.

‘‘ธีโรว พลวา สาธุ, ยูถสฺส ปริหารโก;

หิโต ภวติ าตีนํ, ติทสานํว วาสโว.

๖๖.

‘‘โย จ สีลฺจ ปฺฺจ, สุตฺจตฺตนิ ปสฺสติ;

อุภินฺนมตฺถํ จรติ, อตฺตโน จ ปรสฺส จ.

๖๗.

‘‘ตสฺมา ตุเลยฺย มตฺตานํ, สีลปฺาสุตามิว;

คณํ วา ปริหเร ธีโร, เอโก วาปิ ปริพฺพเช’’ติ.

ตตฺถ ลหุจิตฺตสฺสาติ ลหุจิตฺโต อสฺส. อิทํ วุตฺตํ โหติ – โย โปโส ลหุจิตฺตสฺส มิตฺตสฺส วา าติโน วา อนุวิธียติ อนุวตฺตติ, ตสฺส โปสสฺส อนุวิธียโต โส ลหุจิตฺโต ทิโส โหติ, เวริกิจฺจํ กโรติ. เอกสฺส กปิโนติ ปสฺสถ เอกสฺส ลหุจิตฺตสฺส อนฺธพาลสฺส กปิโน เหตุ อยํ สกลสฺส ยูถสฺส อนโย อวุฑฺฒิ มหาวินาโส กโตติ. ปณฺฑิตมานีติ โย สยํ พาโล หุตฺวา ‘‘อหํ ปณฺฑิโต’’ติ อตฺตานํ มฺมาโน ปณฺฑิตานํ โอวาทํ อกตฺวา สกสฺส จิตฺตสฺส วสํ คจฺฉติ, โส สจิตฺตสฺส วสํ คนฺตฺวา ยถายํ ทุพฺพจกปิ มตสยนํ สยิโต, เอวํ สเยถาติ อตฺโถ.

น สาธูติ พาโล นาม พลสมฺปนฺโน ยูถสฺส ปริหารโก น สาธุ น ลทฺธโก. กึการณา? โส หิ อหิโต ภวติ าตีนํ, วินาสเมว วหติ. สกุณานํว เจตโกติ ยถา หิ ติตฺติรสกุณานํ ทีปกติตฺติโร ทิวสมฺปิ วสฺสนฺโต อฺเ สกุเณ น มาเรติ, าตเกว มาเรติ, เตสฺเว อหิโต โหติ, เอวนฺติ อตฺโถ. หิโต ภวตีติ กาเยนปิ วาจายปิ มนสาปิ หิตการโกเยว. อุภินฺนมตฺถํ จรตีติ โย อิธ ปุคฺคโล เอเต สีลาทโย คุเณ อตฺตนิ ปสฺสติ, โส ‘‘มยฺหํ อาจารสีลมฺปิ อตฺถิ, ปฺาปิ สุตปริยตฺติปิ อตฺถี’’ติ ตถโต ชานิตฺวา คณํ ปริหรนฺโต อตฺตโน จ ปเรสฺจ อตฺตานํ ปริวาเรตฺวา จรนฺตานนฺติ อุภินฺนมฺปิ อตฺถเมว จรติ.

ตุเลยฺย มตฺตานนฺติ ตุเลยฺย อตฺตานํ. ตุเลยฺยาติ ตุเลตฺวา. สีลปฺาสุตามิวาติ เอตานิ สีลาทีนิ วิย. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยสฺมา สีลาทีนิ อตฺตนิ สมนุปสฺสนฺโต อุภินฺนมตฺถํ จรติ, ตสฺมา ปณฺฑิโต เอตานิ สีลาทีนิ วิย อตฺตานมฺปิ เตสุ ตุเลตฺวา ‘‘ปติฏฺิโต นุ โขมฺหิ สีเล ปฺาย สุเต’’ติ ตีเรตฺวา ปติฏฺิตภาวํ ปจฺจกฺขํ กตฺวา ธีโร คณํ วา ปริหเรยฺย, จตูสุ อิริยาปเถสุ เอโก วา หุตฺวา ปริพฺพเชยฺย วตฺเตยฺย, ปริสุปฏฺาเกนปิ วิเวกจารินาปิ อิเมหิ ตีหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคเตเนว ภวิตพฺพนฺติ. เอวํ มหาสตฺโต กปิราชา หุตฺวาปิ วินยปริยตฺติกิจฺจํ กเถสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ทุพฺพจกปิ เทวทตฺโต อโหสิ, ปริสาปิสฺส เทวทตฺตปริสา, ปณฺฑิตกปิราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

กปิชาตกวณฺณนา นวมา.

[๔๐๕] ๑๐. พกชาตกวณฺณนา

ทฺวาสตฺตตีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต พกพฺรหฺมานํ อารพฺภ กเถสิ. ตสฺส หิ ‘‘อิทํ นิจฺจํ ธุวํ สสฺสตํ อจวนธมฺมํ, อิโต อฺํ โลกนิสฺสรณํ นิพฺพานํ นาม นตฺถี’’ติ เอวํ ทิฏฺิ อุปฺปชฺชิ. เหฏฺูปปตฺติโก กิเรส พฺรหฺมา ปุพฺเพ ฌานํ ภาเวตฺวา เวหปฺผเลสุ นิพฺพตฺโต, ตตฺถ ปฺจกปฺปสตปริมาณํ อายุํ เขเปตฺวา สุภกิณฺเหสุ นิพฺพตฺติตฺวา จตุสฏฺิกปฺปํ เขเปตฺวา ตโต จุโต อฏฺกปฺปายุเกสุ อาภสฺสเรสุ นิพฺพตฺติ, ตตฺรสฺส เอสา ทิฏฺิ อุปฺปชฺชิ. โส หิ เนว อุปริพฺรหฺมโลกโต จุตึ, น ตตฺถ อุปปตฺตึ อนุสฺสริ, ตทุภยมฺปิ อปสฺสนฺโต เอวํ ทิฏฺึ คณฺหิ. ภควา ตสฺส เจตสา เจโตปริวิตกฺกมฺาย เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส สมิฺชิตํ วา พาหํ ปสาเรยฺย, ปสาริตํ วา พาหํ สมิฺเชยฺย, เอวเมว เชตวเน อนฺตรหิโต ตสฺมึ พฺรหฺมโลเก ปาตุรโหสิ. อถ พฺรหฺมา ภควนฺตํ ทิสฺวา ‘‘เอหิ โข, มาริส, สฺวาคตํ มาริส, จิรสฺสํ โข, มาริส, อิมํ ปริยายมกาสิ, ยทิทํ อิธาคมนาย. อิทฺหิ มาริส, นิจฺจํ อิทํ ธุวํ อิทํ สสฺสตํ อิทํ เกวลํ อิทํ อจวนธมฺมํ, อิทฺหิ น จ ชายติ น ชียติ น มียติ น จวติ น อุปปชฺชติ, อิโต จ ปนฺํ อุตฺตริ นิสฺสรณํ นตฺถี’’ติ อาห.

เอวํ วุตฺเต ภควา พกํ พฺรหฺมานํ เอตทโวจ ‘‘อวิชฺชาคโต วต โภ พโก พฺรหฺมา, อวิชฺชาคโต วต โภ พโก พฺรหฺมา, ยตฺร หิ นาม อนิจฺจฺเว สมานํ นิจฺจนฺติ วกฺขติ…เป… สนฺตฺจ ปนฺํ อุตฺตริ นิสฺสรณํ, นตฺถฺํ อุตฺตริ นิสฺสรณนฺติ วกฺขตี’’ติ (สํ. นิ. ๑.๑๗๕). ตํ สุตฺวา พฺรหฺมา ‘‘ตฺวํ เอวํ กเถสิ, ตฺวํ เอวํ กเถสิ, อิติ มํ เอส อนุยุฺชนฺโต อนุพนฺธตี’’ติ จินฺเตตฺวา ยถา นาม ทุพฺพโล โจโร กติปเย ปหาเร ลภิตฺวา ‘‘กึ อหเมว โจโร, อสุโกปิ โจโร อสุโกปิ โจโร’’ติ สพฺเพปิ สหายเก อาจิกฺขติ, ตเถว ภควโต อนุโยคภเยน ภีโต อฺเปิ อตฺตโน สหายเก อาจิกฺขนฺโต ปมํ คาถมาห –

๖๘.

‘‘ทฺวาสตฺตติ โคตม ปุฺกมฺมา, วสวตฺติโน ชาติชรํ อตีตา;

อยมนฺติมา เวทคู พฺรหฺมปตฺติ, อสฺมาภิชปฺปนฺติ ชนา อเนกา’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๑๗๕);

ตตฺถ ทฺวาสตฺตตีติ น เกวลํ โภ โคตม, อหเมว, อถ โข อิมสฺมึ พฺรหฺมโลเก มยํ ทฺวาสตฺตติ ชนา ปุฺกมฺมา อฺเสํ อุปริ อตฺถโน วสํ วตฺตเนน วสวตฺติโน ชาติฺจ ชรฺจ อตีตา, อยํ โน เวเทหิ คตตฺตา เวทคู, อยํ โภ โคตม อนฺติมา พฺรหฺมปตฺติ, ปจฺฉิมโกฏิปฺปตฺติ เสฏฺภาวปฺปตฺติ. อสฺมาภิชปฺปนฺติ ชนา อเนกาติ อมฺเห อฺเ พหู ชนา ปฺชลิกา หุตฺวา – ‘‘อยํ โข ภวํ พฺรหฺมา มหาพฺรหฺมา’’ติอาทีนิ วทนฺตา นมสฺสนฺติ ปตฺเถนฺติ ปิหยนฺติ, ‘‘อโห วต มยมฺปิ เอวรูปา ภเวยฺยามา’’ติ อิจฺฉนฺตีติ อตฺโถ.

ตสฺส วจนํ สุตฺวา สตฺถา ทุติยํ คาถมาห –

๖๙.

‘‘อปฺปํ หิ เอตํ น หิ ทีฆมายุ, ยํ ตฺวํ พก มฺสิ ทีฆมายุํ;

สตํ สหสฺสานิ นิรพฺพุทานํ, อายุํ ปชานามิ ตวาห พฺรหฺเม’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๑๗๕);

ตตฺถ สตํ สหสฺสานิ นิรพฺพุทานนฺติ นิรพฺพุทสงฺขาตานํ คณนานํ สตสหสฺสานิ. วสฺสานฺหิ ทสทสกํ สตํ, ทส สตานํ สหสฺสํ, สตํ สหสฺสานํ สตสหสฺสํ, สตํ สตสหสฺสานํ โกฏิ นาม, สตํ โกฏิสตสหสฺสานํ ปโกฏิ นาม, สตํ ปโกฏิสตสหสฺสานํ โกฏิปโกฏิ นาม, สตํ โกฏิปโกฏิสตสหสฺสานํ เอกํ นหุตํ นาม, สตํ นหุตสตสหสฺสานํ เอกํ นินฺนหุตํ นาม. เฉโก คณโก เอตฺตกํ คเณตุํ สกฺโกติ, ตโต ปรํ คณนา นาม พุทฺธานเมว วิสโย. ตตฺถ สตํ นินฺนหุตสตสหสฺสานํ เอกํ อพฺพุทํ, วีสติ อพฺพุทานิ เอกํ นิรพฺพุทํ, เตสํ นิรพฺพุทสตสหสฺสานํ เอกํ อหหํ นาม, เอตฺตกํ พกสฺส พฺรหฺมุโน ตสฺมึ ภเว อวสิฏฺํ อายุ, ตํ สนฺธาย ภควา เอวมาห.

ตํ สุตฺวา พโก ตติยํ คาถมาห –

๗๐.

‘‘อนนฺตทสฺสี ภควาหมสฺมิ, ชาติชฺชรํ โสกมุปาติวตฺโต;

กึ เม ปุราณํ วตสีลวตฺตํ, อาจิกฺข เม ตํ ยมหํ วิชฺ’’นฺติ. (สํ. นิ. ๑.๑๗๕);

ตตฺถ ภควาติ ภควา ตุมฺเห ‘‘อายุํ ปชานามิ ตวาห’’นฺติ วทนฺตา ‘‘อหํ อนนฺตทสฺสี ชาติชรฺจ โสกฺจ อุปาติวตฺโตสฺมี’’ติ วทถ. วตสีลวตฺตนฺติ วตสมาทานฺจ สีลวตฺตฺจ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยทิ ตุมฺเห สพฺพฺุพุทฺธา, เอวํ สนฺเต กึ มยฺหํ ปุราณํ วตฺจ สีลวตฺตฺจ, อาจิกฺข เม ตํ, ยมหํ ตยา อาจิกฺขิตํ ยาถาวสรสโต วิชาเนยฺยนฺติ.

อถสฺส ภควา อตีตานิ วตฺถูนิ อาหริตฺวา อาจิกฺขนฺโต จตสฺโส คาถา อภาสิ –

๗๑.

‘‘ยํ ตฺวํ อปาเยสิ พหู มนุสฺเส, ปิปาสิเต ฆมฺมนิ สมฺปเรเต;

ตํ เต ปุราณํ วตสีลวตฺตํ, สุตฺตปฺปพุทฺโธว อนุสฺสรามิ.

๗๒.

‘‘ยํ เอณิกูลสฺมิ ชนํ คหีตํ, อโมจยี คยฺหก นียมานํ;

ตํ เต ปุราณํ วตสีลวตฺตํ, สุตฺตปฺปพุทฺโธว อนุสฺสรามิ.

๗๓.

‘‘คงฺคาย โสตสฺมึ คหีตนาวํ, ลุทฺเทน นาเคน มนุสฺสกปฺปา;

อโมจยิ ตฺวํ พลสา ปสยฺห, ตํ เต ปุราณํ วตสีลวตฺตํ;

สุตฺตปฺปพุทฺโธว อนุสฺสรามิ.

๗๔.

‘‘กปฺโป จ เต พทฺธจโร อโหสึ, สมฺพุทฺธิมนฺตํ วตินํ อมฺํ;

ตํ เต ปุราณํ วตสีลวตฺตํ, สุตฺตปฺปพุทฺโธว อนุสฺสรามี’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๑๗๕);

ตตฺถ อปาเยสีติ ปาเยสิ. ฆมฺมนิ สมฺปเรเตติ ฆมฺเมน สมฺปเรเต อติวิย ผุฏฺเ ฆมฺมกิลนฺเต. สุตฺตปฺปพุทฺโธวาติ ปจฺจูสกาเล สุปนฺโต สุปินํ ปสฺสิตฺวา ตํ สุปินกํ วิย อนุสฺสรามิ. โส กิร พกพฺรหฺมา เอกสฺมึ กปฺเป ตาปโส หุตฺวา มรุกนฺตาเร วสนฺโต พหูนํ กนฺตารปฏิปนฺนานํ ปานียํ อาหริตฺวา อทาสิ. อเถกทิวสํ เอโก สตฺถวาโห ปฺจหิ สกฏสเตหิ มรุกนฺตารํ ปฏิปชฺชิ. มนุสฺสา ทิสา ววตฺถเปตุํ อสกฺโกนฺตา สตฺต ทิวสานิ อาหิณฺฑิตฺวา ขีณทารุทกา นิราหารา อุณฺหาภิภูตา ‘‘อิทานิ โน ชีวิตํ นตฺถี’’ติ สกเฏ ปริวตฺเตตฺวา โคเณ โมเจตฺวา เหฏฺาสกเฏสุ นิปชฺชึสุ. ตทา ตาปโส อาวชฺเชนฺโต เต ทิสฺวา ‘‘มยิ ปสฺสนฺเต มา นสฺสึสู’’ติ จินฺเตตฺวา อตฺตโน อิทฺธานุภาเวน คงฺคาโสตํ อุพฺพตฺเตตฺวา สตฺถวาหาภิมุขํ อกาสิ, อวิทูเร จ เอกํ วนสณฺฑํ มาเปสิ. มนุสฺสา ปานียํ ปิวิตฺวา นฺหตฺวา โคเณ สนฺตปฺเปตฺวา วนสณฺฑโต ติณํ ลายิตฺวา ทารูนิ คเหตฺวา ทิสํ สลฺลกฺเขตฺวา อโรคา กนฺตารํ อติกฺกมึสุ, ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ.

เอณิกูลสฺมินฺติ เอณิยา นาม นทิยา กูเล. คยฺหก นียมานนฺติ กรมรคาหํ คเหตฺวา นียมานํ. โส กิร ตาปโส อปรสฺมึ กาเล เอกํ ปจฺจนฺตคามํ นิสฺสาย นทีตีเร วนสณฺเฑ วิหาสิ. อเถกสฺมึ ทิวเส ปพฺพตโต โจรา โอตริตฺวา ตํ คามํ ปหริตฺวา มหาชนํ คเหตฺวา ปพฺพตํ อาโรเปตฺวา อนฺตรามคฺเค จารกมนุสฺเส เปตฺวา ปพฺพตพิลํ ปวิสิตฺวา อาหารํ ปจาเปนฺตา นิสีทึสุ. ตาปโส โคมหึสาทีนฺเจว ทารกทาริกาทีนฺจ มหนฺตํ อฏฺฏสฺสรํ สุตฺวา ‘‘มยิ ปสฺสนฺเต มา นสฺสึสู’’ติ อิทฺธานุภาเวน อตฺตภาวํ ชหิตฺวา จตุรงฺคินิยา เสนาย ปริวุโต ราชา หุตฺวา ยุทฺธเภรึ อาโกฏาเปนฺโต ตํ านํ อคมาสิ. จารกมนุสฺสา ตํ ทิสฺวา โจรานํ อาโรเจสุํ. โจรา ‘‘รฺา สทฺธึ วิคฺคโห นาม น ยุตฺโต’’ติ สพฺพํ คหิตคหิตํ ภณฺฑกํ ฉฑฺเฑตฺวา ภตฺตํ อภุฺชิตฺวาว ปลายึสุ. ตาปโส เต สพฺเพ อาเนตฺวา สกคาเมเยว ปติฏฺาเปสิ, ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ.

คหีตนาวนฺติ นิคฺคหิตนาวํ. ลุทฺเทนาติ กกฺขเฬน. มนุสฺสกปฺปาติ มนุสฺเส วินาเสตุกามตาย. พลสาติ พเลน. ปสยฺหาติ อภิภวิตฺวา. อปรสฺมึ กาเล โส ตาปโส คงฺคาตีเร วิหาสิ. ตทา มนุสฺสา ทฺเว ตโย นาวาสงฺฆาเฏ พนฺธิตฺวา สงฺฆาฏมตฺถเก ปุปฺผมณฺฑปํ กาเรตฺวา สงฺฆาเฏ นิสีทิตฺวา ขาทนฺตา ปิวนฺตา สมฺพนฺธกุลํ คจฺฉนฺติ. เต ปีตาวเสสํ สุรํ ภุตฺตขาทิตาวเสสานิ ภตฺตมจฺฉมํสตมฺพุลาทีนิ คงฺคายเมว ปาเตนฺติ. คงฺเคยฺโย นาคราชา ‘‘อิเม อุจฺฉิฏฺกํ มม อุปริ ขิปนฺตี’’ติ กุชฺฌิตฺวา ‘‘สพฺเพ เต ชเน คเหตฺวา คงฺคาย โอสีทาเปสฺสามี’’ติ มหนฺตํ เอกโทณิกนาวปฺปมาณํ อตฺตภาวํ มาเปตฺวา อุทกํ ภินฺทิตฺวา ผณํ ธารยมาโน เตสํ อภิมุโข ปายาสิ. เต นาคราชานํ ทิสฺวา มรณภยตชฺชิตา เอกปฺปหาเรเนว มหาสทฺทํ กรึสุ. ตาปโส เตสํ ปริเทวิตสทฺทํ สุตฺวา นาคราชสฺส จ กุทฺธภาวํ ตฺวา ‘‘มยิ ปสฺสนฺเต มา นสฺสึสู’’ติ ขิปฺปนิสนฺติยา อตฺตโน อานุภาเวน ขิปฺปํ สุปณฺณวณฺณํ อตฺตานํ มาเปตฺวา อคมาสิ. นาคราชา ตํ ทิสฺวา มรณภยตชฺชิโต อุทเก นิมุชฺชิ. มนุสฺสา โสตฺถิภาวํ ปตฺวา อคมํสุ, ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ.

พทฺธจโรติ อนฺเตวาสิโก. สมฺพุทฺธิมนฺตํ วตินํ อมฺนฺติ พุทฺธิสมฺปนฺโน เจว วตสมฺปนฺโน จ ตาปโสติ ตํ มฺมาโน. อิมินา กึ ทสฺเสติ? มหาพฺรหฺเม อหํ อตีเต ตว เกสวตาปสกาเล กปฺโป นาม อนฺเตวาสิโก เวยฺยาวจฺจกโร หุตฺวา ตุยฺหํ นารเทน นาม อมจฺเจน พาราณสิโต หิมวนฺตํ อานีตสฺส โรคํ วูปสเมสึ. อถ นํ นารโท ทุติยวาเร อาคนฺตฺวา นิโรคํ ทิสฺวา อิมํ คาถํ อภาสิ –

‘‘มนุสฺสินฺทํ ชหิตฺวาน, สพฺพกามสมิทฺธินํ;

กถํ นุ ภควา เกสิ, กปฺปสฺส รมติ อสฺสเม’’ติ. (ชา. ๑.๔.๑๘๑);

ตเมนํ ตฺวํ เอตทโวจ –

‘‘สาทูนิ รมณียานิ, สนฺติ วกฺขา มโนรมา;

สุภาสิตานิ กปฺปสฺส, นารท รมยนฺติ ม’’นฺติ. (ชา. ๑.๔.๑๘๒);

อิติสฺส ภควา อิมํ อตฺตนา อนฺเตวาสิเกน หุตฺวา โรคสฺส วูปสมิตภาวํ ทีเปนฺโต เอวมาห. ตฺจ ปน พฺรหฺมุนา มนุสฺสโลเก กตกมฺมํ สพฺพํ มหาพฺรหฺมานํ สลฺลกฺขาเปนฺโตว กเถสิ.

โส สตฺถุ วจเนน อตฺตนา กตกมฺมํ สริตฺวา ตถาคตสฺส ถุตึ กโรนฺโต โอสานคาถมาห –

๗๕.

‘‘อทฺธา ปชานาสิ มเมตมายุํ, อฺมฺปิ ชานาสิ ตถา หิ พุทฺโธ;

ตถา หิ ตายํ ชลิตานุภาโว, โอภาสยํ ติฏฺติ พฺรหฺมโลก’’นฺติ.

ตตฺถ ตถา หิ พุทฺโธติ ตถา หิ ตฺวํ พุทฺโธ. พุทฺธานฺหิ อฺาตํ นาม นตฺถิ, สพฺพธมฺมานํ พุทฺธตฺตาเยว หิ เต พุทฺธา นามาติ ทสฺเสติ. ตถา หิ ตายนฺติ พุทฺธตฺตาเยว จ ปน ตว อยํ ชลิโต สรีรปฺปภานุภาโว. โอภาสยํ ติฏฺตีติ อิมํ สกลมฺปิ พฺรหฺมโลกํ โอภาเสนฺโต ติฏฺติ.

เอวํ สตฺถา อตฺตโน พุทฺธคุณํ ชานาเปนฺโต ธมฺมํ เทเสตฺวา สจฺจานิ ปกาเสสิ, สจฺจปริโยสาเน สมฺปตฺตานํ ทสมตฺตานํ พฺรหฺมสหสฺสานํ อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตานิ วิมุจฺจึสุ. อิติ ภควา พหูนํ พฺรหฺมานํ อวสฺสโย หุตฺวา พฺรหฺมโลกา เชตวนํ อาคนฺตฺวา ตตฺถ กถิตนิยาเมเนว ตํ ธมฺมเทสนํ ภิกฺขูนํ กเถตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา เกสวตาปโส พกพฺรหฺมา อโหสิ, กปฺปมาณโว ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

พกชาตกวณฺณนา ทสมา.

กุกฺกุวคฺโค ปโม.

๒. คนฺธารวคฺโค

[๔๐๖] ๑. คนฺธารชาตกวณฺณนา

หิตฺวา คามสหสฺสานีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เภสชฺชสนฺนิธิการสิกฺขาปทํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ ปน ราชคเห สมุฏฺิตํ. อายสฺมตา หิ ปิลินฺทวจฺเฉน อารามิกกุลํ โมเจตุํ ราชนิเวสนํ คนฺตฺวา รฺโ ปาสาเท อิทฺธิพเลน โสวณฺณมเย กเต มนุสฺสา ปสีทิตฺวา เถรสฺส ปฺจ เภสชฺชานิ ปหิณึสุ. โส ตานิ ปริสาย วิสฺสชฺเชสิ. ปริสา ปนสฺส พาหุลฺลิกา อโหสิ, ลทฺธํ ลทฺธํ โกฬมฺเพปิ ฆเฏปิ ปตฺตตฺถวิกาโยปิ ปูเรตฺวา ปฏิสาเมสิ. มนุสฺสา ทิสฺวา ‘‘มหิจฺฉา อิเม สมณา อนฺโตโกฏฺาคาริกา’’ติ อุชฺฌายึสุ. สตฺถา ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา ‘‘ยานิ โข ปน ตานิ คิลานานํ ภิกฺขูน’’นฺติ (ปารา. ๖๒๒-๖๒๓) สิกฺขาปทํ ปฺเปตฺวา ‘‘ภิกฺขเว, โปราณกปณฺฑิตา อนุปฺปนฺเน พุทฺเธ พาหิรกปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ปฺจสีลมตฺตกํ รกฺขนฺตาปิ โลณสกฺขรมตฺตกํ ปุนทิวสตฺถาย นิทหนฺเต ครหึสุ, ตุมฺเห ปน เอวรูเป นิยฺยานิกสาสเน ปพฺพชิตฺวา ทุติยตติยทิวสตฺถาย สนฺนิธึ กโรนฺตา อยุตฺตํ กโรถา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต คนฺธารรฏฺเ โพธิสตฺโต คนฺธารรฺโ ปุตฺโต หุตฺวา ปิตุ อจฺจเยน รชฺเช ปติฏฺาย ธมฺเมน รชฺชํ กาเรสิ. มชฺฌิมปเทเสปิ วิเทหรฏฺเ วิเทโห นาม ราชา รชฺชํ กาเรสิ. เต ทฺเวปิ ราชาโน อทิฏฺสหายา หุตฺวา อฺมฺํ ถิรวิสฺสาสา อเหสุํ. ตทา มนุสฺสา ทีฆายุกา โหนฺติ, ตึส วสฺสสหสฺสานิ ชีวนฺติ. อเถกทา คนฺธารราชา ปุณฺณมุโปสถทิวเส สมาทินฺนสีโล มหาตเล ปฺตฺตวรปลฺลงฺกมชฺฌคโต วิวเฏน สีหปฺชเรน ปาจีนโลกธาตุํ โอโลเกนฺโต อมจฺจานํ ธมฺมตฺถยุตฺตกถํ กเถนฺโต นิสีทิ. ตสฺมึ ขเณ คคนตลํ อติลงฺฆนฺตมิว ปริปุณฺณํ จนฺทมณฺฑลํ ราหุ อวตฺถริ, จนฺทปฺปภา อนฺตรธายิ. อมจฺจา จนฺทาโลกํ อปสฺสนฺตา จนฺทสฺส ราหุนา คหิตภาวํ รฺโ อาโรเจสุํ. ราชา จนฺทํ โอโลเกตฺวา ‘‘อยํ จนฺโท อาคนฺตุกอุปกฺกิเลเสน อุปกฺกิลิฏฺโ นิปฺปโภ ชาโต, มยฺหมฺเปส ราชปริวาโร อุปกฺกิเลโส, น โข ปน เมตํ ปติรูปํ, ยาหํ ราหุนา คหิตจนฺโท วิย นิปฺปโภ ภเวยฺยํ, วิสุทฺเธ คคนตเร วิโรจนฺตํ จนฺทมณฺฑลํ วิย รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิสฺสามิ, กึ เม ปเรน โอวทิเตน, กุเล จ คเณ จ อลคฺโค หุตฺวา อตฺตานเมว โอวทนฺโต วิจริสฺสามิ, อิทํ เม ปติรูป’’นฺติ จินฺเตตฺวา ‘‘ยํ อิจฺฉถ, ตํ ราชานํ กโรถา’’ติ รชฺชํ อมจฺจานํ นิยฺยาเทสิ. โส รชฺชํ ฉฑฺเฑตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ฌานาภิฺาโย นิพฺพตฺเตตฺวา ฌานรติสมปฺปิโต หิมวนฺตปเทเส วาสํ กปฺเปสิ.

วิเทหราชาปิ ‘‘สุขํ เม สหายสฺสา’’ติ วาณิเช ปุจฺฉิตฺวา ตสฺส ปพฺพชิตภาวํ สุตฺวา ‘‘มม สหาเย ปพฺพชิเต อหํ รชฺเชน กึ กริสฺสามี’’ติ สตฺตโยชนิเก มิถิลนคเร ติโยชนสติเก วิเทหรฏฺเ โสฬสสุ คามสหสฺเสสุ ปูริตานิ โกฏฺาคารานิ, โสฬสสหสฺสา จ นาฏกิตฺถิโย ฉฑฺเฑตฺวา ปุตฺตธีตโร อมนสิกตฺวา หิมวนฺตปเทสํ ปวิสิตฺวา ปพฺพชิตฺวา ปวตฺตผลโภชโน หุตฺวา สมปฺปวตฺตวาสํ วสนฺโต วิจริ. เต อุโภปิ สมวตฺตจารํ จรนฺตา อปรภาเค สมาคจฺฉึสุ, น ปน อฺมฺํ สฺชานึสุ, สมฺโมทมานา เอกโตว สมปฺปวตฺตวาสํ วสึสุ. ตทา วิเทหตาปโส คนฺธารตาปสสฺส อุปฏฺานํ กโรติ. เตสํ เอกสฺมึ ปุณฺณมทิวเส อฺตรสฺมึ รุกฺขมูเล นิสีทิตฺวา ธมฺมตฺถยุตฺตกถํ กเถนฺตานํ คคนตเล วิโรจมานํ จนฺทมณฺฑลํ ราหุ อวตฺถริ. วิเทหตาปโส ‘‘กึ นุ โข จนฺทสฺส ปภา นฏฺา’’ติ โอโลเกตฺวา ราหุนา คหิตํ จนฺทํ ทิสฺวา ‘‘โก นุ โข เอส อาจริย, จนฺทํ อวตฺถริตฺวา นิปฺปภมกาสี’’ติ ปุจฺฉิ. อนฺเตวาสิก อยํ ราหุ นาม จนฺทสฺเสโก อุปกฺกิเลโส, วิโรจิตุํ น เทติ, อหมฺปิ ราหุคหิตํ จนฺทมณฺฑลํ ทิสฺวา ‘‘อิทํ ปริสุทฺธสฺส จนฺทมณฺฑลสฺส อาคนฺตุเกน อุปกฺกิเลเสน นิปฺปภํ ชาตํ, มยฺหมฺปิ อิทํ รชฺชํ อุปกฺกิเลโส, ยาว จนฺทมณฺฑลํ ราหุ วิย อิทํ นิปฺปภํ น กโรติ, ตาว ปพฺพชิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ตเทว ราหุคหิตํ จนฺทมณฺฑลํ อารมฺมณํ กตฺวา มหารชฺชํ ฉฑฺเฑตฺวา ปพฺพชิโตติ. ‘‘อาจริย, ตฺวํ คนฺธารราชา’’ติ? ‘‘อาม, อห’’นฺติ. ‘‘อาจริย, อหมฺปิ วิเทหรฏฺเ มิถิลนคเร วิเทหราชา นาม, นนุ มยํ อฺมฺํ อทิฏฺสหายา’’ติ. ‘‘กึ ปน เต อารมฺมณํ อโหสี’’ติ? อหํ ‘‘ตุมฺเห ปพฺพชิตา’’ติ สุตฺวา ‘‘อทฺธา ปพฺพชฺชาย มหนฺตํ คุณํ อทฺทสา’’ติ ตุมฺเหเยว อารมฺมณํ กตฺวา รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิโตติ. เต ตโต ปฏฺาย อติวิย สมคฺคา สมฺโมทมานา ปวตฺตผลโภชนา หุตฺวา วิหรึสุ. ตตฺถ ทีฆรตฺตํ วสิตฺวา จ ปน โลณมฺพิลเสวนตฺถาย หิมวนฺตโต โอตริตฺวา เอกํ ปจฺจนฺตคามํ สมฺปาปุณึสุ.

มนุสฺสา เตสํ อิริยาปเถ ปสีทิตฺวา ภิกฺขํ ทตฺวา ปฏิฺํ คเหตฺวา อรฺเ รตฺติทิวฏฺานาทีนิ มาเปตฺวา วสาเปสุํ. อนฺตรามคฺเคปิ เนสํ ภตฺตกิจฺจกรณตฺถาย อุทกผาสุกฏฺาเน ปณฺณสาลํ กาเรสุํ. เต ปจฺจนฺตคาเม ภิกฺขํ จริตฺวา ตาย ปณฺณสาลาย นิสีทิตฺวา ปริภุฺชิตฺวา อตฺตโน วสนฏฺานํ คจฺฉนฺติ. เตปิ มนุสฺสา เตสํ อาหารํ ททมานา เอกทา โลณํ ปตฺเต ปกฺขิปิตฺวา เทนฺติ, เอกทา ปณฺณปุเฏ พนฺธิตฺวา เทนฺติ, เอกทา อโลณกาหารเมว เทนฺติ. เต เอกทิวสํ ปณฺณปุเฏ พหุตรํ โลณํ อทํสุ. วิเทหตาปโส โลณํ อาทาย คนฺตฺวา โพธิสตฺตสฺส ภตฺตกิจฺจกาเล ปโหนกํ ทตฺวา อตฺตโนปิ ปมาณยุตฺตํ คเหตฺวา อติเรกํ ปณฺณปุเฏ พนฺธิตฺวา ‘‘อโลณกทิวเส ภวิสฺสตี’’ติ ติณวฏฺฏิกอนฺตเร เปสิ. อเถกทิวสํ อโลณเก อาหาเร ลทฺเธ วิเทโห คนฺธารสฺส ภิกฺขาภาชนํ ทตฺวา ติณวฏฺฏิกอนฺตรโต โลณํ อาหริตฺวา ‘‘อาจริย, โลณํ คณฺหถา’’ติ อาห. ‘‘อชฺช มนุสฺเสหิ โลณํ น ทินฺนํ, ตฺวํ กุโต ลภสี’’ติ? ‘‘อาจริย, ปุริมทิวเส มนุสฺสา พหุํ โลณมทํสุ, อถาหํ ‘อโลณกทิวเส ภวิสฺสตี’ติ อติเรกํ โลณํ เปสิ’’นฺติ. อถ นํ โพธิสตฺโต ‘‘โมฆปุริส, ติโยชนสติกํ วิเทหรฏฺํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา อกิฺจนภาวํ ปตฺวา อิทานิ โลณสกฺขราย ตณฺหํ ชเนสี’’ติ ตชฺเชตฺวา โอวทนฺโต ปมํ คาถมาห –

๗๖.

‘‘หิตฺวา คามสหสฺสานิ, ปริปุณฺณานิ โสฬส;

โกฏฺาคารานิ ผีตานิ, สนฺนิธึ ทานิ กุพฺพสี’’ติ.

ตตฺถ โกฏฺาคารานีติ สุวณฺณรชตมณิมุตฺตาทิรตนโกฏฺาคารานิ เจว ทุสฺสโกฏฺาคารานิ จ ธฺโกฏฺาคารานิ จ. ผีตานีติ ปูรานิ. สนฺนิธึ ทานิ กุพฺพสีติ อิทานิ ‘‘สฺเว ภวิสฺสติ, ตติยทิวเส ภวิสฺสตี’’ติ โลณมตฺตํ สนฺนิธึ กโรสีติ.

วิเทโห เอวํ ครหิยมาโน ครหํ อสหนฺโต ปฏิปกฺโข หุตฺวา ‘‘อาจริย, ตุมฺเห อตฺตโน โทสํ อทิสฺวา มยฺหเมว โทสํ ปสฺสถ, นนุ ตุมฺเห ‘กึ เม ปเรน โอวทิเตน, อตฺตานเมว โอวทิสฺสามี’ติ รชฺชํ ฉฑฺเฑตฺวา ปพฺพชิตา, ตุมฺเห อิทานิ มํ กสฺมา โอวทถา’’ติ โจเทนฺโต ทุติยํ คาถมาห –

๗๗.

‘‘หิตฺวา คนฺธารวิสยํ, ปหูตธนธาริยํ;

ปสาสนโต นิกฺขนฺโต, อิธ ทานิ ปสาสสี’’ติ.

ตตฺถ ปสาสนโตติ โอวาทานุสาสนีทานโต. อิธ ทานีติ อิทานิ อิธ อรฺเ กสฺมา มํ โอวทถาติ.

ตํ สุตฺวา โพธิสตฺโต ตติยํ คาถมาห –

๗๘.

‘‘ธมฺมํ ภณามิ เวเทห, อธมฺโม เม น รุจฺจติ;

ธมฺมํ เม ภณมานสฺส, น ปาปมุปลิมฺปตี’’ติ.

ตตฺถ ธมฺมนฺติ สภาวํ, พุทฺธาทีหิ วณฺณิตํ ปสตฺถํ การณเมว. อธมฺโม เม น รุจฺจตีติ อธมฺโม นาม อสภาโว มยฺหํ กทาจิปิ น รุจฺจติ. น ปาปมุปลิมฺปตีติ มม สภาวเมว การณเมว ภณนฺตสฺส ปาปํ นาม หทเย น ลิมฺปติ น อลฺลียติ. โอวาททานํ นาเมตํ พุทฺธปจฺเจกพุทฺธสาวกโพธิสตฺตานํ ปเวณี. เตหิ ทินฺโนวาทํ พาลา น คณฺหนฺติ, โอวาททายกสฺส ปน ปาปํ นาม นตฺถิ.

‘‘นิธีนํว ปวตฺตารํ, ยํ ปสฺเส วชฺชทสฺสินํ;

นิคฺคยฺหวาทึ เมธาวึ, ตาทิสํ ปณฺฑิตํ ภเช;

ตาทิสํ ภชมานสฺส, เสยฺโย โหติ น ปาปิโย.

‘‘โอวเทยฺยานุสาเสยฺย, อสพฺภา จ นิวารเย;

สตฺหิ โส ปิโย โหติ, อสตํ โหติ อปฺปิโย’’ติ. (ธ. ป. ๗๖-๗๗);

วิเทหตาปโส โพธิสตฺตสฺส กถํ สุตฺวา ‘‘อาจริย, อตฺถนิสฺสิตํ กเถนฺเตนปิ ปรํ ฆฏฺเฏตฺวา โรเสตฺวา กเถตุํ น วฏฺฏติ, ตฺวํ มํ กุณฺสตฺถเกน มุณฺเฑนฺโต วิย อติผรุสํ กเถสี’’ติ วตฺวา จตุตฺถํ คาถมาห –

๗๙.

‘‘เยน เกนจิ วณฺเณน, ปโร ลภติ รุปฺปนํ;

มหตฺถิยมฺปิ เจ วาจํ, น ตํ ภาเสยฺย ปณฺฑิโต’’ติ.

ตตฺถ เยน เกนจีติ ธมฺมยุตฺเตนาปิ การเณน. ลภติ รุปฺปนนฺติ ฆฏฺฏนํ ทุสฺสนํ กุปฺปนํ ลภติเยว. น ตํ ภาเสยฺยาติ ตสฺมา ตํ ปรปุคฺคลํ ยาย โส วาจาย ทุสฺสติ, ตํ มหตฺถิยํ มหนฺตํ อตฺถนิสฺสิตมฺปิ วาจํ น ภาเสยฺยาติ อตฺโถ.

อถสฺส โพธิสตฺโต ปฺจมํ คาถมาห –

๘๐.

‘‘กามํ รุปฺปตุ วา มา วา, ภุสํว วิกิรียตุ;

ธมฺมํ เม ภณมานสฺส, น ปาปมุปลิมฺปตี’’ติ.

ตตฺถ กามนฺติ เอกํเสน. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อยุตฺตการโก ปุคฺคโล ‘‘อยุตฺตํ เต กต’’นฺติ โอวทิยมาโน เอกํเสเนว กุชฺฌตุ วา มา วา กุชฺฌตุ, อถ วา ภุสมุฏฺิ วิย วิกิรียตุ, มยฺหํ ปน ธมฺมํ ภณนฺตสฺส ปาปํ นาม นตฺถีติ.

เอวฺจ ปน วตฺวา ‘‘น โว อหํ, อานนฺท, ตถา ปรกฺกมิสฺสามิ, ยถา กุมฺภกาโร อามเก อามกมตฺเต. นิคฺคยฺห นิคฺคยฺหาหํ อานนฺท, วกฺขามิ, โย สาโร โส สฺสตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๑๙๖) อิมสฺส สุคโตวาทสฺส อนุรูปาย ปฏิปตฺติยา ตฺวา ‘‘ยถา กุมฺภกาโร ภาชเนสุ ปุนปฺปุนํ อาโกเฏตฺวา อาโกเฏตฺวา อามกํ อคฺคเหตฺวา สุปกฺกเมว ภาชนํ คณฺหาติ, เอวํ ปุนปฺปุนํ โอวทิตฺวา นิคฺคณฺหิตฺวา ปกฺกภาชนสทิโส ปุคฺคโล คเหตพฺโพ’’ติ ทสฺเสตุํ ปุน ตํ โอวทนฺโต –

๘๑.

‘‘โน เจ อสฺส สกา พุทฺธิ, วินโย วา สุสิกฺขิโต;

วเน อนฺธมหึโสว, จเรยฺย พหุโก ชโน.

๘๒.

‘‘ยสฺมา จ ปนิเธกจฺเจ, อาเจรมฺหิ สุสิกฺขิตา;

ตสฺมา วินีตวินยา, จรนฺติ สุสมาหิตา’’ติ. – อิทํ คาถาทฺวยมาห;

ตสฺสตฺโถ – สมฺม เวเทห, อิเมสฺหิ สตฺตานํ สเจ อตฺตโน พุทฺธิ วา ปณฺฑิเต โอวาททายเก นิสฺสาย อาจารปณฺณตฺติวินโย วา สุสิกฺขิโต น ภเวยฺย, เอวํ สนฺเต ยถา ติณลตาทิคหเน วเน อนฺธมหึโส โคจราโคจรํ สาสงฺกนิราสงฺกฺจ านํ อชานนฺโต จรติ, ตถา ตุมฺหาทิโส พหุโก ชโน จเรยฺย. ยสฺมา ปน อิธ เอกจฺเจ สกาย พุทฺธิยา รหิตา สตฺตา อาจริยสนฺติเก อาจารปณฺณตฺติสุสิกฺขิตา, ตสฺมา อาจริเยหิ อตฺตโน อตฺตโน อนุรูเปน วินเยน วินีตตฺตา วินีตวินยา สุสมาหิตา เอกคฺคจิตฺตา หุตฺวา จรนฺตีติ.

อิมินา อิทํ ทสฺเสติ – อิมินา หิ สตฺเตน คิหินา หุตฺวา อตฺตโน กุลานุรูปา, ปพฺพชิเตน ปพฺพชิตานุรูปา สิกฺขา สิกฺขิตพฺพา. คิหิโนปิ หิ อตฺตโน กุลานุรูเปสุ กสิโครกฺขาทีสุ สิกฺขิตาว สมฺปนฺนาชีวา หุตฺวา สุสมาหิตา จรนฺติ, ปพฺพชิตาปิ ปพฺพชิตานุรูเปสุ ปาสาทิเกสุ อภิกฺกนฺตปฏิกฺกนฺตาทีสุ อธิสีลอธิจิตฺตอธิปฺาสิกฺขาสุ สิกฺขิตาว วิคตวิกฺเขปา สุสมาหิตา จรนฺติ. โลกสฺมิฺหิ –

‘‘พาหุสจฺจฺจ สิปฺปฺจ, วินโย จ สุสิกฺขิโต;

สุภาสิตา จ ยา วาจา, เอตํ มงฺคลมุตฺตม’’นฺติ. (ขุ. ปา. ๕.๕; สุ. นิ. ๒๖๔);

ตํ สุตฺวา เวเทหตาปโส ‘‘อาจริย, อิโต ปฏฺาย มํ โอวทถ อนุสาสถ, อหํ อนธิวาสนชาติกตาย ตุมฺเหหิ สทฺธึ กเถสึ, ตํ เม ขมถา’’ติ วนฺทิตฺวา มหาสตฺตํ ขมาเปสิ. เต สมคฺควาสํ วสิตฺวา ปุน หิมวนฺตเมว อคมํสุ. ตตฺร โพธิสตฺโต เวเทหตาปสสฺส กสิณปริกมฺมํ กเถสิ. โส ตํ กตฺวา อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตสิ. อิติ เต อุโภปิ อปริหีนชฺฌานา พฺรหฺมโลกปรายณา อเหสุํ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา เวเทโห อานนฺโท อโหสิ, คนฺธารราชา ปน อหเมว อโหสี’’นฺติ.

คนฺธารชาตกวณฺณนา ปมา.

[๔๐๗] ๒. มหากปิชาตกวณฺณนา

อตฺตานํ สงฺกมํ กตฺวาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต าตตฺถจริยํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ ภทฺทสาลชาตเก (ชา. ๑.๑๒.๑๓ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติ. ตทา ปน ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, สมฺมาสมฺพุทฺโธ าตกานํ อตฺถํ จรตี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ ตถาคโต าตีนํ อตฺถํ จริเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต กปิโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต อาโรหปริณาหสมฺปนฺโน ถามพลูเปโต ปฺจหตฺถิพลปริมาโณ อสีติสหสฺสกปิคณปริวุโต หิมวนฺตปเทเส วสติ. ตตฺถ คงฺคาตีรํ นิสฺสาย สาขาวิฏปสมฺปนฺโน สนฺทจฺฉาโย พหลปตฺโต ปพฺพตกูฏํ วิย สมุคฺคโต อมฺพรุกฺโข อโหสิ ‘‘นิคฺโรธรุกฺโข’’ติปิ วทนฺติ. ตสฺส มธุรานิ ผลานิ ทิพฺพคนฺธรสานิ มหนฺตานิ มหนฺตกุมฺภปฺปมาณานิ. ตสฺส เอกิสฺสา สาขาย ผลานิ ถเล ปตนฺติ, เอกิสฺสา สาขาย คงฺคาชเล, ทฺวินฺนํ สาขานํ ผลานิ มชฺเฌ รุกฺขมูเล ปตนฺติ. โพธิสตฺโต กปิคณํ อาทาย ตตฺถ ผลานิ ขาทนฺโต ‘‘เอกสฺมึ กาเล อิมสฺส รุกฺขสฺส อุทเก ปติตํ ผลํ นิสฺสาย อมฺหากํ ภยํ อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ อุทกมตฺถเก สาขาย เอกผลมฺปิ อนวเสเสตฺวา ปุปฺผกาเล กฬายมตฺตกาลโต ปฏฺาย ขาทาเปติ เจว ปาตาเปติ จ. เอวํ สนฺเตปิ อสีติวานรสหสฺเสหิ อทิฏฺํ กิปิลฺลิกปุฏปฏิจฺฉนฺนํ เอกํ ปกฺกผลํ นทิยํ ปติตฺวา อุทฺธฺจ อโธ จ ชาลํ พนฺธาเปตฺวา อุทกกีฬํ กีฬนฺตสฺส พาราณสิรฺโ อุทฺธํชาเล ลคฺคิ. รฺโ ทิวสํ กีฬิตฺวา สายํ คมนสมเย เกวฏฺฏา ชาลํ อุกฺขิปนฺตา ตํ ทิสฺวา ‘‘อสุกผลํ นามา’’ติ อชานนฺตา รฺโ ทสฺเสสุํ.

ราชา ‘‘กึผลํ นาเมต’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘น ชานาม, เทวา’’ติ. ‘‘เก ชานิสฺสนฺตี’’ติ? ‘‘วนจรกา, เทวา’’ติ. โส วนจรเก ปกฺโกสาเปตฺวา เตสํ สนฺติกา ‘‘อมฺพปกฺก’’นฺติ สุตฺวา ฉุริกาย ฉินฺทิตฺวา ปมํ วนจรเก ขาทาเปตฺวา ปจฺฉา อตฺตนาปิ ขาทิ, อิตฺถาคารสฺสาปิ อมจฺจานมฺปิ ทาเปสิ. รฺโ อมฺพปกฺกรโส สกลสรีรํ ผริตฺวา อฏฺาสิ. โส รสตณฺหาย พชฺฌิตฺวา ตสฺส รุกฺขสฺส ิตฏฺานํ วนจรเก ปุจฺฉิตฺวา เตหิ ‘‘หิมวนฺตปเทเส นทีตีเร’’ติ วุตฺเต พหู นาวาสงฺฆาเฏ พนฺธาเปตฺวา วนจรเกหิ เทสิตมคฺเคน อุทฺธํโสตํ อคมาสิ. ‘‘เอตฺตกานิ ทิวสานี’’ติ ปริจฺเฉโท น กถิโต, อนุปุพฺเพน ปน ตํ านํ ปตฺวา ‘‘เอโส เทว, รุกฺโข’’ติ วนจรกา รฺโ อาจิกฺขึสุ. ราชา นาวํ เปตฺวา มหาชนปริวุโต ปทสา ตตฺถ คนฺตฺวา รุกฺขมูเล สยนํ ปฺปาเปตฺวา อมฺพปกฺกานิ ขาทิตฺวา นานคฺครสโภชนํ ภุฺชิตฺวา นิปชฺชิ, สพฺพทิสาสุ อารกฺขํ เปตฺวา อคฺคึ กรึสุ.

มหาสตฺโต มนุสฺเสสุ นิทฺทํ โอกฺกนฺเตสุ อฑฺฒรตฺตสมเย ปริสาย สทฺธึ อคมาสิ. อสีติสหสฺสวานรา สาขาย สาขํ จรนฺตา อมฺพานิ ขาทนฺติ. ราชา ปพุชฺฌิตฺวา กปิคณํ ทิสฺวา มนุสฺเส อุฏฺาเปตฺวา ธนุคฺคเห ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘ยถา เอเต ผลขาทกา วานรา น ปลายนฺติ, ตถา เต ปริกฺขิปิตฺวา วิชฺฌถ, สฺเว อมฺพานิ เจว วานรมํสฺจ ขาทิสฺสามี’’ติ อาห. ธนุคฺคหา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา รุกฺขํ ปริวาเรตฺวา สเร สนฺนยฺหิตฺวา อฏฺํสุ. เต ทิสฺวา วานรา มรณภยภีตา ปลายิตุํ อสกฺโกนฺตา มหาสตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘เทว, ‘ปลายนมกฺกเฏ วิชฺฌิสฺสามา’ติ รุกฺขํ ปริวาเรตฺวา ธนุคฺคหา ิตา, กึ กโรมา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา กมฺปมานา อฏฺํสุ. โพธิสตฺโต ‘‘มา ภายิตฺถ, อหํ โว ชีวิตํ ทสฺสามี’’ติ วานรคณํ สมสฺสาเสตฺวา อุชุกํ อุคฺคตสาขํ อารุยฺห คงฺคาภิมุขํ คตสาขํ คนฺตฺวา ตสฺสา ปริยนฺตโต ปกฺขนฺทิตฺวา ธนุสตมตฺตํ านํ อติกฺกมฺม คงฺคาตีเร เอกสฺมึ คุมฺพมตฺถเก ปติตฺวา ตโต โอรุยฺห ‘‘มมาคตฏฺานํ เอตฺตกํ ภวิสฺสตี’’ติ อากาสํ ปริจฺฉินฺทิตฺวา เอกํ เวตฺตลตํ มูเล ฉินฺทิตฺวา โสเธตฺวา ‘‘เอตฺตกํ านํ รุกฺเข พชฺฌิสฺสติ, เอตฺตกํ อากาสฏฺํ ภวิสฺสตี’’ติ อิมานิ ทฺเว านานิ ววตฺถเปตฺวา อตฺตโน กฏิยํ พนฺธนฏฺานํ น สลฺลกฺเขสิ.

โส ตํ ลตํ อาทาย เอกํ โกฏึ คงฺคาตีเร ปติฏฺิตรุกฺเข พนฺธิตฺวา เอกํ อตฺตโน กฏิยํ พนฺธิตฺวา วาตจฺฉินฺนวลาหโก วิย เวเคน ธนุสตมตฺตํ านํ ลงฺฆิตฺวา กฏิยํ พนฺธนฏฺานสฺส อสลฺลกฺขิตตฺตา รุกฺขํ ปาปุณิตุํ อสกฺโกนฺโต อุโภหิ หตฺเถหิ อมฺพสาขํ ทฬฺหํ คณฺหิตฺวา วานรคณสฺส สฺมทาสิ ‘‘สีฆํ มม ปิฏฺึ มทฺทมานา เวตฺตลตาย โสตฺถิคมนํ คจฺฉถา’’ติ. อสีติสหสฺสวานรา มหาสตฺตํ วนฺทิตฺวา ขมาเปตฺวา ตถา อคมํสุ. ตทา เทวทตฺโตปิ มกฺกโฏ หุตฺวา เตสํ อพฺภนฺตเร โหติ. โส ‘‘อยํ เม ปจฺจามิตฺตสฺส ปิฏฺึ ปสฺสิตุํ กาโล’’ติ อุจฺจํ สาขํ อารุยฺห เวคํ ชเนตฺวา ตสฺส ปิฏฺิยํ ปติ. มหาสตฺตสฺส หทยํ ภิชฺชิ, พลวเวทนา อุปฺปชฺชิ. โสปิ ตํ เวทนาปฺปตฺตํ กตฺวา ปกฺกามิ. มหาสตฺโต เอกโกว อโหสิ. ราชา อนิทฺทายนฺโต วานเรหิ จ มหาสตฺเตน จ กตกิริยํ สพฺพํ ทิสฺวา ‘‘อยํ ติรจฺฉาโน หุตฺวา อตฺตโน ชีวิตํ อคเณตฺวา ปริสาย โสตฺถิภาวเมว อกาสี’’ติ จินฺเตนฺโต นิปชฺชิ.

โส ปภาตาย รตฺติยา มหาสตฺตสฺส ตุสฺสิตฺวา ‘‘น ยุตฺตํ อิมํ กปิราชานํ นาเสตุํ, อุปาเยน นํ โอตาเรตฺวา ปฏิชคฺคิสฺสามี’’ติ อนฺโตคงฺคาย นาวาสงฺฆาฏํ เปตฺวา ตตฺถ อฏฺฏกํ พนฺธาเปตฺวา สณิกํ มหาสตฺตํ โอตาราเปตฺวา ปิฏฺิยํ กาสาววตฺถํ ปตฺถราเปตฺวา คงฺโคทเกน นฺหาเปตฺวา ผาณิโตทกํ ปาเยตฺวา ปริสุทฺธสรีรํ สหสฺสปากเตเลน อพฺภฺชาเปตฺวา สยนปิฏฺเ เอฬกจมฺมํ สนฺถราเปตฺวา สณิกํ ตตฺถ นิปชฺชาเปตฺวา อตฺตนา นีเจ อาสเน นิสีทิตฺวา ปมํ คาถมาห –

๘๓.

‘‘อตฺตานํ สงฺกมํ กตฺวา, โย โสตฺถึ สมตารยิ;

กึ ตฺวํ เตสํ กิเม ตุยฺหํ, โหนฺติ เอเต มหากปี’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – อมฺโภ มหากปิ, โย ตฺวํ อตฺตานํ สงฺกมํ กตฺวา ตุลํ อาโรเปตฺวา ชีวิตํ ปริจฺจชิตฺวา อิเม วานเร โสตฺถึ สมตารยิ, เขเมน สนฺตาเรสิ; กึ ตฺวํ เตสํ โหสิ, กิเม ตุยฺหํ วา กึสุ เอเต โหนฺตีติ?

ตํ สุตฺวา โพธิสตฺโต ราชานํ โอวทนฺโต เสสคาถา อภาสิ –

๘๔.

‘‘ราชาหํ อิสฺสโร เตสํ, ยูถสฺส ปริหารโก;

เตสํ โสกปเรตานํ, ภีตานํ เต อรินฺทม.

๘๕.

‘‘อุลฺลงฺฆยิตฺวา อตฺตานํ, วิสฺสฏฺธนุโน สตํ;

ตโต อปรปาเทสุ, ทฬฺหํ พนฺธํ ลตาคุณํ.

๘๖.

‘‘ฉินฺนพฺภมิว วาเตน, นุณฺโณ รุกฺขํ อุปาคมึ;

โสหํ อปฺปภวํ ตตฺถ, สาขํ หตฺเถหิ อคฺคหึ.

๘๗.

‘‘ตํ มํ วิยายตํ สนฺตํ, สาขาย จ ลตาย จ;

สมนุกฺกมนฺตา ปาเทหิ, โสตฺถึ สาขามิคา คตา.

๘๘.

‘‘ตํ มํ น ตปเต พนฺโธ, มโต เม น ตเปสฺสติ;

สุขมาหริตํ เตสํ, เยสํ รชฺชมการยึ.

๘๙.

‘‘เอสา เต อุปมา ราช, ตํ สุโณหิ อรินฺทม;

รฺา รฏฺสฺส โยคฺคสฺส, พลสฺส นิคมสฺส จ;

สพฺเพสํ สุขเมฏฺพฺพํ, ขตฺติเยน ปชานตา’’ติ.

ตตฺถ เตสนฺติ เตสํ อสีติสหสฺสานํ วานรานํ. ภีตานํ เตติ ตว วิชฺฌนตฺถาย อาณาเปตฺวา ิตสฺส ภีตานํ. อรินฺทมาติ ราชานํ อาลปติ. ราชา หิ โจราทีนํ อรีนํ ทมนโต ‘‘อรินฺทโม’’ติ วุจฺจติ. วิสฺสฏฺธนุโน สตนฺติ อนาโรปิตธนุสตปฺปมาณํ านํ อตฺตานํ อากาเส อุลฺลงฺฆยิตฺวา วิสฺสชฺเชตฺวา ตโต อิมมฺหา รุกฺขา ลงฺฆยิตฺวา คตฏฺานโต. อปรปาเทสูติ ปจฺฉาปาเทสุ. อิทํ กฏิภาคํ สนฺธาย วุตฺตํ. โพธิสตฺโต หิ กฏิภาเค ตํ ลตาคุณํ ทฬฺหํ พนฺธิตฺวา ปจฺฉิมปาเทหิ ภูมิยํ อกฺกมิตฺวา วิสฺสชฺเชตฺวา วาตเวเคน อากาสํ ปกฺขนฺทิ. นุณฺโณ รุกฺขํ อุปาคมินฺติ วาตจฺฉินฺนํ อพฺภมิว อตฺตโน เวคชนิเตน วาเตน นุณฺโณ. ยถา วาตจฺฉินฺนพฺภํ วาเตน, เอวํ อตฺตโน เวเคน นุณฺโณ หุตฺวา อิมํ อมฺพรุกฺขํ อุปาคมึ. อปฺปภวนฺติ โส อหํ ตตฺถ อากาสปฺปเทเส รุกฺขํ ปาปุณิตุํ อปฺปโหนฺโต ตสฺส รุกฺขสฺส สาขํ หตฺเถหิ อคฺคเหสินฺติ อตฺโถ.

วิยายตนฺติ รุกฺขสาขาย จ เวตฺตลตาย จ วีณาย ภมรตนฺติ วิย วิตตํ อากฑฺฒิตสรีรํ. สมนุกฺกมนฺตาติ มยา อนุฺาตา มํ วนฺทิตฺวา ปาเทหิ อนุกฺกมนฺตา นิรนฺตรเมว อกฺกมนฺตา โสตฺถึ คตา. ตํ มํ น ตปเต พนฺโธติ ตํ มํ นาปิ โส วลฺลิยา พนฺโธ ตปติ, นาปิ อิทานิ มรณํ ตเปสฺสติ. กึการณา? สุขมาหริตํ เตสนฺติ ยสฺมา เยสํ อหํ รชฺชมการยึ, เตสํ มยา สุขมาหริตํ. เอเต หิ ‘‘มหาราช, อยํ โน อุปฺปนฺนํ ทุกฺขํ หริตฺวา สุขํ อาหริสฺสตี’’ติ มํ ราชานํ อกํสุ. อหมฺปิ ‘‘ตุมฺหากํ อุปฺปนฺนํ ทุกฺขํ หริสฺสามิ’’จฺเจว เอเตสํ ราชา ชาโต. ตํ อชฺช มยา เอเตสํ มรณทุกฺขํ หริตฺวา ชีวิตสุขํ อาหฏํ, เตน มํ นาปิ พนฺโธ ตปติ, น มรณวโธ ตเปสฺสติ.

เอสา เต อุปมาติ เอสา เต มหาราช, มยา กตกิริยาย อุปมา. ตํ สุโณหีติ ตสฺมา อิมาย อุปมาย สํสนฺเทตฺวา อตฺตโน ทิยฺยมานํ โอวาทํ สุณาหิ. รฺา รฏฺสฺสาติ มหาราช, รฺา นาม อุจฺฉุยนฺเต อุจฺฉุํ วิย รฏฺํ อปีเฬตฺวา จตุพฺพิธํ อคติคมนํ ปหาย จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ สงฺคณฺหนฺเตน ทสสุ ราชธมฺเมสุ ปติฏฺาย มยา วิย อตฺตโน ชีวิตํ ปริจฺจชิตฺวา ‘‘กินฺติเม รฏฺวาสิโน วิคตภยา คิมฺหกาเล วิวฏทฺวาเร าตีหิ จ ปริวารเกหิ จ ปริวาริตา อุเร ปุตฺเต นจฺเจนฺตา สีเตน วาเตน พีชิยมานา ยถารุจิ อตฺตโน อตฺตโน สนฺตกํ ปริภุฺชนฺตา กายิกเจตสิกสุขสมงฺคิโน ภเวยฺยุ’’นฺติ สกลรฏฺสฺส จ รถสกฏาทิยุตฺตวาหนสฺส โยคฺคสฺส จ ปตฺติสงฺขาตสฺส พลสฺส จ นิคมชนปทสงฺขาตสฺส นิคมสฺส จ สพฺเพสํ สุขเมว เอสิตพฺพํ คเวสิตพฺพนฺติ อตฺโถ. ขตฺติเยน ปชานตาติ เขตฺตานํ อธิปติภาเวน ‘‘ขตฺติโย’’ติ ลทฺธนาเมน ปน เอเตน อวเสสสตฺเต อติกฺกมฺม ปชานตา าณสมฺปนฺเนน ภวิตพฺพนฺติ.

เอวํ มหาสตฺโต ราชานํ โอวทนฺโต อนุสาสนฺโตว กาลมกาสิ. ราชา อมจฺเจ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘อิมสฺส กปิราชสฺส ราชูนํ วิย สรีรกิจฺจํ กโรถา’’ติ วตฺวา อิตฺถาคารมฺปิ อาณาเปสิ ‘‘ตุมฺเห รตฺตวตฺถนิวตฺถา วิกิณฺณเกสา ทณฺฑทีปิกหตฺถา กปิราชานํ ปริวาเรตฺวา อาฬาหนํ คจฺฉถา’’ติ. อมจฺจา ทารูนํ สกฏสตมตฺเตน จิตกํ กริตฺวา ราชูนํ กรณนิยาเมเนว มหาสตฺตสฺส สรีรกิจฺจํ กตฺวา สีสกปาลํ คเหตฺวา รฺโ สนฺติกํ อคมํสุ. ราชา มหาสตฺตสฺส อาฬาหเน เจติยํ กาเรตฺวา ทีเป ชาลาเปตฺวา คนฺธมาลาทีหิ ปูเชตฺวา สีสกปาลํ สุวณฺณขจิตํ กาเรตฺวา กุนฺตคฺเค เปตฺวา ปุรโต กตฺวา คนฺธมาลาทีหิ ปูเชนฺโต พาราณสึ คนฺตฺวา อนฺโตราชทฺวาเร เปตฺวา สกลนครํ สชฺชาเปตฺวา สตฺตาหํ ธาตุปูชํ กาเรสิ. อถ นํ ธาตุํ คเหตฺวา เจติยํ กาเรตฺวา ยาวชีวํ คนฺธมาลาทีหิ ปูเชตฺวา โพธิสตฺตสฺส โอวาเท ปติฏฺาย ทานาทีนิ ปุฺานิ กโรนฺโต ธมฺเมน รชฺชํ กาเรตฺวา สคฺคปรายโณ อโหสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ราชา อานนฺโท อโหสิ, ทุฏฺกปิ เทวทตฺโต, ปริสา พุทฺธปริสา, กปิราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

มหากปิชาตกวณฺณนา ทุติยา.

[๔๐๘] ๓. กุมฺภการชาตกวณฺณนา

อมฺพาหมทฺทํ วนมนฺตรสฺมินฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต กิเลสนิคฺคหํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ ปานียชาตเก (ชา. ๑.๑๑.๕๙ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติ. ตทา ปน สาวตฺถิยํ ปฺจสตา สหายกา ปพฺพชิตฺวา อนฺโตโกฏิสนฺถาเร วสมานา อฑฺฒรตฺตสมเย กามวิตกฺกํ วิตกฺกยึสุ. สตฺถา อตฺตโน สาวเก รตฺติยา ตโย วาเร, ทิวสสฺส ตโย วาเรติ รตฺตินฺทิวํ ฉ วาเร โอโลเกนฺโต กิกี อณฺฑํ วิย, จมรี วาลธึ วิย, มาตา ปิยปุตฺตํ วิย, เอกจกฺขุโก ปุริโส จกฺขุํ วิย รกฺขติ, ตสฺมึ ตสฺมึเยว ขเณ อุปฺปนฺนกิเลสํ นิคฺคณฺหาติ. โส ตํ ทิวสํ อฑฺฒรตฺตสมเย เชตวนํ ปริคฺคณฺหนฺโต เตสํ ภิกฺขูนํ วิตกฺกสมุทาจารํ ตฺวา ‘‘อิเมสํ ภิกฺขูนํ อพฺภนฺตเร อยํ กิเลโส วฑฺฒนฺโต อรหตฺตสฺส เหตุํ ภินฺทิสฺสติ, อิทาเนว เนสํ กิเลสํ นิคฺคณฺหิตฺวา อรหตฺตํ ทสฺสามี’’ติ คนฺธกุฏิโต นิกฺขมิตฺวา อานนฺทตฺเถรํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘อานนฺท, อนฺโตโกฏิสนฺถาเร วสนกภิกฺขู สพฺเพ สนฺนิปาเตหี’’ติ สนฺนิปาตาเปตฺวา ปฺตฺตวรพุทฺธาสเน นิสีทิตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, อนฺโตปวตฺตกิเลสานํ วเส วตฺติตุํ วฏฺฏติ, กิเลโส หิ วฑฺฒมาโน ปจฺจามิตฺโต วิย มหาวินาสํ ปาเปติ, ภิกฺขุนา นาม อปฺปมตฺตกมฺปิ กิเลสํ นิคฺคณฺหิตุํ วฏฺฏติ, โปราณกปณฺฑิตา อปฺปมตฺตกํ อารมฺมณํ ทิสฺวา อพฺภนฺตเร ปวตฺตกิเลสํ นิคฺคณฺหิตฺวา ปจฺเจกโพธิาณํ นิพฺพตฺเตสุ’’นฺติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต พาราณสินครสฺส ทฺวารคาเม กุมฺภการกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต กุฏุมฺพํ สณฺเปตฺวา เอกํ ปุตฺตฺจ ธีตรฺจ ลภิตฺวา กุมฺภการกมฺมํ นิสฺสาย ปุตฺตทารํ โปเสสิ. ตทา กลิงฺครฏฺเ ทนฺตปุรนคเร กรณฺฑโก นาม ราชา มหนฺเตน ปริวาเรน อุยฺยานํ คจฺฉนฺโต อุยฺยานทฺวาเร ผลภารภริตํ มธุรผลํ อมฺพรุกฺขํ ทิสฺวา หตฺถิกฺขนฺธวรคโตเยว หตฺถํ ปสาเรตฺวา เอกํ อมฺพปิณฺฑํ คเหตฺวา อุยฺยานํ ปวิสิตฺวา มงฺคลสิลาย นิสินฺโน ทาตพฺพยุตฺตกานํ ทตฺวา อมฺพํ ปริภุฺชิ. ‘‘รฺา คหิตกาลโต ปฏฺาย เสเสหิ นาม คเหตพฺพเมวา’’ติ อมจฺจาปิ พฺราหฺมณคหปติกาทโยปิ อมฺพานิ ปาเตตฺวา ขาทึสุ. ปจฺฉา อาคตา รุกฺขํ อารุยฺห มุคฺคเรหิ โปเถตฺวา โอภคฺควิภคฺคสาขํ กตฺวา อามกผลมฺปิ อเสเสตฺวา ขาทึสุ.

ราชา ทิวสํ อุยฺยาเน กีฬิตฺวา สายนฺหสมเย อลงฺกตหตฺถิกฺขนฺธวเร นิสีทิตฺวา คจฺฉนฺโต ตํ รุกฺขํ ทิสฺวา หตฺถิโต โอตริตฺวา รุกฺขมูลํ คนฺตฺวา รุกฺขํ โอโลเกตฺวา ‘‘อยํ ปาโตว ปสฺสนฺตานํ อติตฺติกโร ผลภารภริโต โสภมาโน อฏฺาสิ, อิทานิ คหิตผโล โอภคฺควิภคฺโค อโสภมาโน ิโต’’ติ จินฺเตตฺวา ปุน อฺโต โอโลเกนฺโต อปรํ นิปฺผลํ อมฺพรุกฺขํ ทิสฺวา ‘‘เอส รุกฺโข อตฺตโน นิปฺผลภาเวน มุณฺฑมณิปพฺพโต วิย โสภมาโน ิโต, อยํ ปน สผลภาเวน อิมํ พฺยสนํ ปตฺโต, อิทํ อคารมชฺฌมฺปิ ผลิตรุกฺขสทิสํ, ปพฺพชฺชา นิปฺผลรุกฺขสทิสา, สธนสฺเสว ภยํ อตฺถิ, นิทฺธนสฺส ภยํ นตฺถิ, มยาปิ นิปฺผลรุกฺเขน วิย ภวิตพฺพ’’นฺติ ผลรุกฺขํ อารมฺมณํ กตฺวา รุกฺขมูเล ิตโกว ตีณิ ลกฺขณานิ สลฺลกฺเขตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา ปจฺเจกโพธิาณํ นิพฺพตฺเตตฺวา ‘‘วิทฺธํสิตา ทานิ เม มาตุกุจฺฉิกุฏิกา, ฉินฺนา ตีสุ ภเวสุ ปฏิสนฺธิ, โสธิตา สํสารอุกฺการภูมิ, โสสิโต มยา อสฺสุสมุทฺโท, ภินฺโน อฏฺิปากาโร, นตฺถิ เม ปุน ปฏิสนฺธี’’ติ อาวชฺเชนฺโต สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิโตว อฏฺาสิ.

อถ นํ อมจฺจา อาหํสุ ‘‘อติพหุํ ิตตฺถ, มหาราชา’’ติ. ‘‘น มยํ มหาราชาโน, ปจฺเจกพุทฺธา นาม มย’’นฺติ. ‘‘ปจฺเจกพุทฺธา นาม ตุมฺหาทิสา น โหนฺติ, เทวา’’ติ. ‘‘อถ กีทิสา โหนฺตี’’ติ? ‘‘โอโรปิตเกสมสฺสุกาสาววตฺถปฏิจฺฉนฺนา กุเล วา คเณ วา อลคฺคา วาตจฺฉินฺนวลาหกราหุมุตฺตจนฺทมณฺฑลปฏิภาคา หิมวนฺเต นนฺทมูลกปพฺภาเร วสนฺติ, เอวรูปา เทว, ปจฺเจกพุทฺธา’’ติ. ตสฺมึ ขเณ ราชา หตฺถํ อุกฺขิปิตฺวา สีสํ ปรามสิ, ตาวเทวสฺส คิหิลิงฺคํ อนฺตรธายิ, สมณลิงฺคํ ปาตุรโหสิ.

‘‘ติจีวรฺจ ปตฺโต จ, วาสิ สูจิ จ พนฺธนํ;

ปริสฺสาวเนน อฏฺเเต, ยุตฺตโยคสฺส ภิกฺขุโน’’ติ. –

เอวํ วุตฺตา สมณปริกฺขารา กายปฏิพทฺธาว อเหสุํ. โส อากาเส ตฺวา มหาชนสฺส โอวาทํ ทตฺวา อนิลปเถน อุตฺตรหิมวนฺเต นนฺทมูลกปพฺภารเมว อคมาสิ.

คนฺธารรฏฺเปิ ตกฺกสิลนคเร นคฺคชิ นาม ราชา อุปริปาสาเท ปลฺลงฺกมชฺฌคโต เอกํ อิตฺถึ เอเกกหตฺเถ เอเกกํ มณิวลยํ ปิฬนฺธิตฺวา อวิทูเร นิสีทิตฺวา คนฺธํ ปิสมานํ ทิสฺวา ‘‘เอตานิ วลยานิ เอเกกภาเวน น ฆฏฺเฏนฺติ น วิรวนฺตี’’ติ โอโลเกนฺโต นิสีทิ. อถ สา ทกฺขิณหตฺถโต วลยํ วามหตฺเถเยว ปิฬนฺธิตฺวา ทกฺขิณหตฺเถน คนฺธํ สงฺกฑฺฒิตฺวา ปิสิตุํ อารภิ, วามหตฺเถ วลยํ ทุติยํ อาคมฺม ฆฏฺฏิยมานํ สทฺทมกาสิ. ราชา ตานิ ทฺเว วลยานิ อฺมฺํ ฆฏฺเฏนฺตานิ วิรวนฺตานิ ทิสฺวา จินฺเตสิ ‘‘อิทํ วลยํ เอเกกกาเล น ฆฏฺเฏสิ, ทุติยํ อาคมฺม ฆฏฺเฏติ, สทฺทํ กโรติ, เอวเมว อิเม สตฺตาปิ เอเกกา น ฆฏฺเฏนฺติ น วิวทนฺติ, ทฺเว ตโย หุตฺวา อฺมฺํ ฆฏฺเฏนฺติ, กลหํ กโรนฺติ. อหํ ปน กสฺมีรคนฺธาเรสุ ทฺวีสุ รชฺเชสุ รฏฺวาสิโน วิจาเรมิ, มยาปิ เอกวลยสทิเสน หุตฺวา ปรํ อวิจาเรตฺวา อตฺตานเมว วิจาเรนฺเตน วสิตุํ วฏฺฏตี’’ติ สงฺฆฏฺฏนวลยํ อารมฺมณํ กตฺวา ยถานิสินฺโนว ตีณิ ลกฺขณานิ สลฺลกฺเขตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา ปจฺเจกโพธิาณํ นิพฺพตฺเตสิ. เสสํ ปุริมสทิสเมว.

วิเทหรฏฺเ มิถิลนคเร นิมิ นาม ราชา ภุตฺตปาตราโส อมจฺจคณปริวุโต วิวฏสีหปฺชเรน อนฺตรวีถึ เปกฺขมาโน อฏฺาสิ. อเถโก เสโน สูนาปณโต มํสเปสึ คเหตฺวา อากาสํ ปกฺขนฺทิ. ตเมนํ อิโต จิโต จ คิชฺฌาทโย สกุณา สมฺปริวาเรตฺวา อาหารเหตุ ตุณฺเฑน วิชฺฌนฺตา ปกฺเขหิ ปหรนฺตา ปาเทหิ มทฺทนฺตา อคมํสุ. โส อตฺตโน วธํ อสหมาโน ตํ มํสํ ฉฑฺเฑสิ. อฺโ คณฺหิ, สกุณา อิมํ มุฺจิตฺวา ตํ อนุพนฺธึสุ. เตนปิ วิสฺสฏฺํ อฺโ อคฺคเหสิ, ตมฺปิ ตเถว วิเหเสุํ. ราชา เต สกุเณ ทิสฺวา จินฺเตสิ ‘‘โย โย มํสเปสึ คณฺหิ, ตสฺส ตสฺเสว ทุกฺขํ, โย โย ตํ วิสฺสชฺเชสิ, ตสฺส ตสฺเสว สุขํ, อิเมปิ ปฺจ กามคุเณ โย โย คณฺหาติ, ตสฺส ตสฺเสว ทุกฺขํ, อิตรสฺส สุขํ, อิเม หิ พหูนํ สาธารณา, มยฺหํ โข ปน โสฬส อิตฺถิสหสฺสานิ, มยา วิสฺสฏฺมํสปิณฺเฑน วิย เสเนน ปฺจ กามคุเณ ปหาย สุขิเตน ภวิตุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส โยนิโส มนสิ กโรนฺโต ยถาิโตว ตีณิ ลกฺขณานิ สลฺลกฺเขตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา ปจฺเจกโพธิาณํ นิพฺพตฺเตสิ. เสสํ ปุริมสทิสเมว.

อุตฺตรปฺจาลรฏฺเ กปิลนคเร ทุมฺมุโข นาม ราชา ภุตฺตปาตราโส สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิโต อมจฺจคณปริวุโต วิวฏสีหปฺชเร ราชงฺคณํ โอโลเกนฺโต อฏฺาสิ. ตสฺมึ ขเณ โคปาลกา วชทฺวารํ วิวรึสุ, อุสภา วชโต นิกฺขมิตฺวา กิเลสวเสน เอกํ คาวึ อนุพนฺธึสุ. ตตฺเถโก ติขิณสิงฺโค มหาอุสโภ อฺํ อุสภํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา กิเลสมจฺเฉราภิภูโต ติขิเณน สิงฺเคน อนฺตรสตฺถิมฺหิ ปหริ. ตสฺส ปหารมุเขน อนฺตานิ นิกฺขมึสุ, โส ตตฺเถว ชีวิตกฺขยํ ปาปุณิ. ราชา ตํ ทิสฺวา จินฺเตสิ ‘‘อิเม สตฺตา ติรจฺฉานคเต อาทึ กตฺวา กิเลสวเสน ทุกฺขํ ปาปุณนฺติ, อยํ อุสโภ กิเลสํ นิสฺสาย ชีวิตกฺขยํ ปตฺโต, อฺเปิ สตฺตา กิเลเสเหว กมฺปนฺติ, มยา อิเมสํ สตฺตานํ กมฺปนกิเลเส ปหาตุํ วฏฺฏตี’’ติ. โส ิตโกว ตีณิ ลกฺขณานิ สลฺลกฺเขตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา ปจฺเจกโพธิาณํ นิพฺพตฺเตสิ. เสสํ ปุริมสทิสเมว.

อเถกทิวสํ จตฺตาโร ปจฺเจกพุทฺธา ภิกฺขาจารเวลํ สลฺลกฺเขตฺวา นนฺทมูลกปพฺภารา นิกฺขมฺม อโนตตฺตทเห นาคลตาทนฺตกฏฺํ ขาทิตฺวา กตสรีรปฏิชคฺคนา มโนสิลาตเล ตฺวา นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย อิทฺธิยา อากาเส อุปฺปติตฺวา ปฺจวณฺณวลาหเก มทฺทมานา คนฺตฺวา พาราณสินครทฺวารคามกสฺส อวิทูเร โอตริตฺวา เอกสฺมึ ผาสุกฏฺาเน จีวรํ ปารุปิตฺวา ปตฺตํ คเหตฺวา ทฺวารคามํ ปวิสิตฺวา ปิณฺฑาย จรนฺตา โพธิสตฺตสฺส เคหทฺวารํ สมฺปาปุณึสุ. โพธิสตฺโต เต ทิสฺวา ตุฏฺจิตฺโต หุตฺวา เคหํ ปเวเสตฺวา ปฺตฺตาสเน นิสีทาเปตฺวา ทกฺขิโณทกํ ทตฺวา ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน ปริวิสิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิตฺวา สงฺฆตฺเถรํ วนฺทิตฺวา ‘‘ภนฺเต, ตุมฺหากํ ปพฺพชฺชา อติวิย โสภติ, วิปฺปสนฺนานิ โว อินฺทฺริยานิ, ปริสุทฺโธ ฉวิวณฺโณ, กึ นุ โข อารมฺมณํ ทิสฺวา ตุมฺเห อิมํ ภิกฺขาจริยปพฺพชฺชํ อุปคตา’’ติ ปุจฺฉิ. ยถา จ สงฺฆตฺเถรํ, เอวํ เสเสปิ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิ. อถสฺส เต จตฺตาโรปิ ชนา ‘‘อหํ อสุกนคเร อสุกรฏฺเ อสุกราชา นาม หุตฺวา’’ติอาทินา นเยน อตฺตโน อตฺตโน อภินิกฺขมนวตฺถูนิ กเถตฺวา ปฏิปาฏิยา เอเกกํ คาถมาหํสุ –

๙๐.

‘‘อมฺพาหมทฺทํ วนมนฺตรสฺมึ, นิโลภาสํ ผลิตํ สํวิรูฬฺหํ;

ตมทฺทสํ ผลเหตุ วิภคฺคํ, ตํ ทิสฺวา ภิกฺขาจริยํ จรามิ.

๙๑.

‘‘เสลํ สุมฏฺํ นรวีรนิฏฺิตํ, นารี ยุคํ ธารยิ อปฺปสทฺทํ;

ทุติยฺจ อาคมฺม อโหสิ สทฺโท, ตํ ทิสฺวา ภิกฺขาจริยํ จรามิ.

๙๒.

‘‘ทิชา ทิชํ กุณปมาหรนฺตํ, เอกํ สมานํ พหุกา สเมจฺจ;

อาหารเหตู ปริปาตยึสุ, ตํ ทิสฺวา ภิกฺขาจริยํ จรามิ.

๙๓.

‘‘อุสภาหมทฺทํ ยูถสฺส มชฺเฌ, จลกฺกกุํ วณฺณพลูปปนฺนํ;

ตมทฺทสํ กามเหตุ วิตุนฺนํ, ตํ ทิสฺวา ภิกฺขาจริยํ จรามี’’ติ.

ตตฺถ อมฺพาหมทฺทนฺติ อมฺพรุกฺขํ อหํ อทฺทสํ. วนมนฺตรสฺมินฺติ วนอนฺตเร, อมฺพวนมชฺเฌติ อตฺโถ. สํวิรูฬฺหนฺติ สุวฑฺฒิตํ. ตมทฺทสนฺติ ตํ อุยฺยานโต นิกฺขนฺโต ผลเหตุ วิภคฺคํ ปุน อทฺทสํ. ตํ ทิสฺวาติ ตํ ผลเหตุ วิภคฺคํ ทิสฺวา ปฏิลทฺธสํเวโค ปจฺเจกโพธิาณํ นิพฺพตฺเตตฺวา อิมํ ภิกฺขาจริยปพฺพชฺชํ อุปคโตสฺมิ, ตสฺมา ภิกฺขาจริยํ จรามีติ. อิทํ โส ผลเหตุ วิภคฺคํ อมฺพรุกฺขํ ทสฺสนโต ปฏฺาย สพฺพํ จิตฺตาจารํ กเถสิ. เสสานํ วิสฺสชฺชเนสุปิ เอเสว นโย. อยํ ปเนตฺถ อนุตฺตานปทวณฺณนา – เสลนฺติ มณิวลยํ. นรวีรนิฏฺิตนฺติ วีรนเรหิ นิฏฺิตํ, ปณฺฑิตปุริเสหิ กตนฺติ อตฺโถ. ยุคนฺติ เอเกกสฺมึ เอเกกํ กตฺวา เอกํ วลยยุคฬํ. ทิชา ทิชนฺติ คหิตมํสปิณฺฑํ ทิชํ อวเสสทิชา. กุณปมาหรนฺตนฺติ มํสปิณฺฑํ อาทาย อาหรนฺตํ. สเมจฺจาติ สมาคนฺตฺวา สนฺนิปติตฺวา. ปริปาตยึสูติ โกฏฺเฏนฺตา อนุพนฺธึสุ. อุสภาหมทฺทนฺติ อุสภํ อหํ อทฺทสํ. จลกฺกกุนฺติ จลกฺกกุธํ.

โพธิสตฺโต เอเกกํ คาถํ สุตฺวา ‘‘สาธุ, ภนฺเต, ตุมฺหากเมว ตํ อารมฺมณํ อนุรูป’’นฺติ เอเกกสฺส ปจฺเจกพุทฺธสฺส ถุตึ อกาสิ. ตฺจ ปน จตูหิ ชเนหิ เทสิตํ ธมฺมกถํ สุตฺวา ฆราวาเส อนเปกฺโข หุตฺวา ปกฺกนฺเตสุ ปจฺเจกพุทฺเธสุ ภุตฺตปาตราโส สุขนิสินฺโน ภริยํ อามนฺเตตฺวา ‘‘ภทฺเท, เอเต จตฺตาโร ปจฺเจกพุทฺธา รชฺชํ ปหาย ปพฺพชิตฺวา อกิฺจนา อปลิโพธา ปพฺพชฺชาสุเขน วีตินาเมนฺติ, อหํ ปน ภติยา ชีวิกํ กปฺเปมิ, กึ เม ฆราวาเสน, ตฺวํ ปุตฺตเก สงฺคณฺหนฺตี เคเห วสา’’ติ วตฺวา ทฺเว คาถา อภาสิ –

๙๔.

‘‘กรณฺฑโก กลิงฺคานํ, คนฺธารานฺจ นคฺคชิ;

นิมิราชา วิเทหานํ, ปฺจาลานฺจ ทุมฺมุโข;

เอเต รฏฺานิ หิตฺวาน, ปพฺพชึสุ อกิฺจนา.

๙๕.

‘‘สพฺเพปิเม เทวสมา สมาคตา, อคฺคี ยถา ปชฺชลิโต ตเถวิเม;

อหมฺปิ เอโก จริสฺสามิ ภคฺควิ, หิตฺวาน กามานิ ยโถธิกานี’’ติ.

ตาสํ อตฺโถ – ภทฺเท, เอส สงฺฆตฺเถโร ปจฺเจกพุทฺโธ ทนฺตปุเร นาม นคเร กรณฺฑโก นาม กลิงฺคานํ ชนปทสฺส ราชา, ทุติโย ตกฺกสิลนคเร นคฺคชิ นาม คนฺธารานํ ชนปทสฺส ราชา, ตติโย มิถิลนคเร นิมิ นาม วิเทหานํ ชนปทสฺส ราชา, จตุตฺโถ กปิลนคเร ทุมฺมุโข นาม อุตฺตรปฺจาลานํ ชนปทสฺส ราชา, เอเต เอวรูปานิ รฏฺานิ หิตฺวา อกิฺจนา หุตฺวา ปพฺพชึสุ. สพฺเพปิเมติ อิเม ปน สพฺเพปิ วิสุทฺธิเทเวหิ ปุริมปจฺเจกพุทฺเธหิ สมานา เอกโต สมาคตา. อคฺคี ยถาติ ยถา หิ อคฺคิ ปชฺชลิโต โอภาสติ. ตเถวิเมติ อิเมปิ ตเถว สีลาทีหิ ปฺจหิ คุเณหิ โอภาสนฺติ. ยถา เอเต, ตถา อหมฺปิ ปพฺพชิตฺวา เอโก จริสฺสามีติ อตฺโถ. ภคฺควีติ ภริยํ อาลปติ. หิตฺวาน กามานีติ รูปาทโย วตฺถุกาเม หิตฺวา. ยโถธิกานีติ อตฺตโน โอธิวเสน ิตานิ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – รูปาทิโอธิวเสน ยถาิเต กาเม ปหาย อหมฺปิ ปพฺพชิตฺวา เอโก จริสฺสามีติ. ‘‘ยโตธิกานี’’ติปิ ปาโ, ตสฺสตฺโถ – ยโต อุปรโต โอธิ เอเตสนฺติ ยโตธิกานิ, อุปรตโกฏฺาสานิ. ปพฺพชิสฺสามีติ จินฺติตกาลโต ปฏฺาย หิ กิเลสกามานํ เอโก โกฏฺาโส อุปรโต นาม โหติ นิรุทฺโธ, ตสฺส วตฺถุภูโต กามโกฏฺาโสปิ อุปรโตว โหตีติ.

สา ตสฺส กถํ สุตฺวา ‘‘มยฺหมฺปิ โข สามิ, ปจฺเจกพุทฺธานํ ธมฺมกถํ สุตกาลโต ปฏฺาย อคาเร จิตฺตํ น สณฺาตี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –

๙๖.

‘‘อยเมว กาโล น หิ อฺโ อตฺถิ, อนุสาสิตา เม น ภเวยฺย ปจฺฉา;

อหมฺปิ เอกา จริสฺสามิ ภคฺคว, สกุณีว มุตฺตา ปุริสสฺส หตฺถา’’ติ.

ตตฺถ อนุสาสิตา เม น ภเวยฺย ปจฺฉาติ อนุสาสโก โอวาทโก น ภเวยฺย ทุลฺลภตฺตา โอวาทกานํ, ตสฺมา อยเมว ปพฺพชิตุํ กาโล, น หิ อฺโ อตฺถีติ ทสฺเสติ. สกุณีว มุตฺตาติ ยถา สากุณิเกน คเหตฺวา สกุณปจฺฉิยํ ขิตฺตาสุ สกุณีสุ ตสฺส หตฺถโต มุตฺตา เอกา สกุณี อนิลปถํ ลงฺฆยิตฺวา ยถารุจิตฏฺานํ คนฺตฺวา เอกิกาว จเรยฺย, ตถา อหมฺปิ ตว หตฺถโต มุตฺตา เอกิกา จริสฺสามีติ สยมฺปิ ปพฺพชิตุกามา หุตฺวา เอวมาห.

โพธิสตฺโต ตสฺสา กถํ สุตฺวา ตุณฺหี อโหสิ. สา ปน โพธิสตฺตํ วฺเจตฺวา ปุเรตรํ ปพฺพชิตุกามา ‘‘สามิ, ปานียติตฺถํ คมิสฺสามิ, ทารเก โอโลเกหี’’ติ ฆฏํ อาทาย คจฺฉนฺตี วิย ปลายิตฺวา นครสามนฺเต ตาปสานํ สนฺติเก คนฺตฺวา ปพฺพชิ. โพธิสตฺโต ตสฺสา อนาคมนํ ตฺวา สยํ ทารเก โปเสสิ. อปรภาเค เตสุ โถกํ วฑฺฒิตฺวา อตฺตโน อยานยชานนสมตฺถตํ สมฺปตฺเตสุ เตสํ วีมํสนตฺถํ เอกทิวสํ ภตฺตํ ปจนฺโต โถกํ อุตฺตณฺฑุลํ ปจิ, เอกทิวสํ โถกํ กิลินฺนํ, เอกทิวสํ สุปกฺกํ, เอกทิวสํ อติกิลินฺนํ, เอกทิวสํ อโลณกํ, เอกทิวสํ อติโลณกํ. ทารกา ‘‘ตาต, อชฺช ภตฺตํ อุตฺตณฺฑุลํ, อชฺช กิลินฺนํ, อชฺช สุปกฺกํ, อชฺช อติกิลินฺนํ, อชฺช อโลณกํ, อชฺช อติโลณก’’นฺติ อาหํสุ. ตํ สุตฺวา โพธิสตฺโต ‘‘อาม, ตาตา’’ติ วตฺวา จินฺเตสิ ‘‘อิเม ทารกา อิทานิ อามปกฺกโลณิกอติโลณิกานิ ชานนฺติ, อตฺตโน ธมฺมตาย ชีวิตุํ สกฺขิสฺสนฺติ, มยา ปพฺพชิตุํ วฏฺฏตี’’ติ. อถ เต ทารเก าตกานํ ทตฺวา ปฏิจฺฉาเปตฺวา ‘‘อมฺมตาตา, อิเม ทารเก สาธุกํ โปเสถา’’ติ วตฺวา โส าตกานํ ปริเทวนฺตานฺเว นครา นิกฺขมิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา นครสฺส สามนฺเตเยว วสิ.

อถ นํ เอกทิวสํ พาราณสิยํ ภิกฺขาย จรนฺตํ ปริพฺพาชิกา ทิสฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘อยฺย, ทารกา เต นาสิตา มฺเ’’ติ อาห. มหาสตฺโต ‘‘นาหํ ทารเก นาเสมิ, เตสํ อตฺตโน อยานยชานนกาเล ปพฺพชิโตมฺหิ, ตฺวํ เตสํ อจินฺเตตฺวา ปพฺพชฺชาย อภิรมา’’ติ วตฺวา โอสานคาถมาห –

๙๗.

‘‘อามํ ปกฺกฺจ ชานนฺติ, อโถ โลณํ อโลณกํ;

ตมหํ ทิสฺวาน ปพฺพชึ, จเรว ตฺวํ จรามห’’นฺติ.

ตตฺถ ตมหนฺติ ตํ อหํ ทารกานํ กิริยํ ทิสฺวา ปพฺพชิโต. จเรว ตฺวํ จรามหนฺติ ตฺวมฺปิ ภิกฺขาจริยเมว จร, อหมฺปิ ภิกฺขาจริยเมว จริสฺสามีติ.

อิติ โส ปริพฺพาชิกํ โอวทิตฺวา อุยฺโยเชสิ. สาปิ โอวาทํ คเหตฺวา มหาสตฺตํ วนฺทิตฺวา ยถารุจิตํ านํ คตา. เปตฺวา กิร ตํ ทิวสํ น เต ปุน อฺมฺํ อทฺทสํสุ. โพธิสตฺโต จ ฌานาภิฺํ นิพฺพตฺเตตฺวา พฺรหฺมโลกูปโค อโหสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน เต ปฺจสตา ภิกฺขู อรหตฺเต ปติฏฺหึสุ. ตทา ธีตา อุปฺปลวณฺณา อโหสิ, ปุตฺโต ราหุลกุมาโร, ปริพฺพาชิกา ราหุลมาตา, ปริพฺพาชโก ปน อหเมว อโหสินฺติ.

กุมฺภการชาตกวณฺณนา ตติยา.

[๔๐๙] ๔. ทฬฺหธมฺมชาตกวณฺณนา

อหํ เจ ทฬฺหธมฺมสฺสาติ อิทํ สตฺถา โกสมฺพึ นิสฺสาย โฆสิตาราเม วิหรนฺโต อุเทนสฺส รฺโ ภทฺทวติกํ หตฺถินึ อารพฺภ กเถสิ. ตสฺสา ปน หตฺถินิยา ลทฺธวิธานฺจ อุเทนสฺส ราชวํโส จ มาตงฺคชาตเก (ชา. ๑.๑๕.๑ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติ. เอกทิวสํ ปน สา หตฺถินี นครา นิกฺขมนฺตี ภควนฺตํ ปาโตว อริยคณปริวุตํ อโนมาย พุทฺธสิริยา นครํ ปิณฺฑาย ปวิสนฺตํ ทิสฺวา ตถาคตสฺส ปาทมูเล นิปชฺชิตฺวา ‘‘ภควา สพฺพฺุ สพฺพโลกนิตฺถรณ อุเทโน วํสราชา มํ ตรุณกาเล กมฺมํ นิตฺถริตุํ สมตฺถกาเล ‘อิมํ นิสฺสาย มยา ชีวิตฺจ รชฺชฺจ เทวี จ ลทฺธา’ติ ปิยายิตฺวา มหนฺตํ ปริหารํ อทาสิ, สพฺพาลงฺกาเรหิ อลงฺกริตฺวา ิตฏฺานํ คนฺเธน ปริภณฺฑํ กาเรตฺวา มตฺถเก สุวณฺณตารกขจิตวิตานํ พนฺธาเปตฺวา สมนฺตา จิตฺรสาณึ ปริกฺขิปาเปตฺวา คนฺธเตเลน ทีปํ ชาลาเปตฺวา ธูมตฏฺฏกํ ปาเปตฺวา กรีสฉฑฺฑนฏฺาเน สุวณฺณกฏาหํ ปติฏฺปาเปตฺวา มํ จิตฺตตฺถรณปิฏฺเ เปสิ, ราชารหฺจ เม นานคฺครสโภชนํ ทาเปสิ. อิทานิ ปน เม มหลฺลกกาเล กมฺมํ นิตฺถริตุํ อสมตฺถกาเล สพฺพํ ตํ ปริหารํ อจฺฉินฺทิ, อนาถา นิปฺปจฺจยา หุตฺวา อรฺเ เกตกานิ ขาทนฺตี ชีวามิ, อฺํ มยฺหํ ปฏิสรณํ นตฺถิ, อุเทนํ มม คุณํ สลฺลกฺขาเปตฺวา โปราณกปริหารํ เม ปฏิปากติกํ กาเรถ ภควา’’ติ ปริเทวมานา ตถาคตํ ยาจิ.

สตฺถา ‘‘คจฺฉ ตฺวํ, อหํ เต รฺโ กเถตฺวา ยสํ ปฏิปากติกํ กาเรสฺสามี’’ติ วตฺวา รฺโ นิเวสนทฺวารํ อคมาสิ. ราชา ตถาคตํ อนฺโตนิเวสนํ ปเวเสตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส สงฺฆสฺส มหาทานํ ปวตฺเตสิ. สตฺถา ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน อนุโมทนํ กโรนฺโต ‘‘มหาราช, ภทฺทวติกา กห’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘น ชานามิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘มหาราช, อุปการกานํ ยสํ ทตฺวา มหลฺลกกาเล คเหตุํ นาม น วฏฺฏติ, กตฺุนา กตเวทินา ภวิตุํ วฏฺฏติ. ภทฺทวติกา อิทานิ มหลฺลิกา ชราชิณฺณา อนาถา หุตฺวา อรฺเ เกตกานิ ขาทนฺตี ชีวติ, ตํ ชิณฺณกาเล อนาถํ กาตุํ ตุมฺหากํ อยุตฺต’’นฺติ ภทฺทวติกาย คุณํ กเถตฺวา ‘‘สพฺพํ โปราณกปริหารํ ปฏิปากติกํ กโรหี’’ติ วตฺวา ปกฺกามิ. ราชา ตถา อกาสิ. ‘‘ตถาคเตน กิร ภทฺทวติกาย คุณํ กเถตฺวา โปราณกยโส ปฏิปากติโก การิโต’’ติ สกลนครํ ปตฺถริ, ภิกฺขุสงฺเฆปิ สา ปวตฺติ ปากฏา ชาตา. อถ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, สตฺถารา กิร ภทฺทวติกาย คุณํ กเถตฺวา โปราณกยโส ปฏิปากติโก การิโต’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ ตถาคโต เอติสฺสา คุณํ กเถตฺวา นฏฺยสํ ปฏิปากติกํ กาเรสิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ ทฬฺหธมฺโม นาม ราชา รชฺชํ กาเรสิ. ตทา โพธิสตฺโต อมจฺจกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตํ ราชานํ อุปฏฺหิ. โส ตสฺส สนฺติกา มหนฺตํ ยสํ ลภิตฺวา อมจฺจรตนฏฺาเน อฏฺาสิ. ตทา ตสฺส รฺโ เอกา โอฏฺิพฺยาธิ หตฺถินี ถามพลสมฺปนฺนา มหพฺพลา อโหสิ. สา เอกทิวสํ โยชนสตํ คจฺฉติ, รฺโ ทูเตยฺยหรณกิจฺจํ กโรติ, สงฺคาเม ยุทฺธํ กตฺวา สตฺตุ มทฺทนํ กโรติ. ราชา ‘‘อยํ เม พหูปการา’’ติ ตสฺสา สพฺพาลงฺการํ ทตฺวา อุเทเนน ภทฺทวติกาย ทินฺนสทิสํ สพฺพํ ปริหารํ ทาเปสิ. อถสฺสา ชิณฺณทุพฺพลกาเล ราชา สพฺพํ ยสํ คณฺหิ. สา ตโต ปฏฺาย อนาถา หุตฺวา อรฺเ ติณปณฺณานิ ขาทนฺตี ชีวติ. อเถกทิวสํ ราชกุเล ภาชเนสุ อปฺปโหนฺเตสุ ราชา กุมฺภการํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘ภาชนานิ กิร นปฺปโหนฺตี’’ติ อาห. ‘‘โคมยาหรณยานเก โยเชตุํ โคเณ น ลภามิ, เทวา’’ติ. ราชา ตสฺส กถํ สุตฺวา ‘‘อมฺหากํ โอฏฺิพฺยาธิ กห’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘อตฺตโน ธมฺมตาย จรติ, เทวา’’ติ. ราชา ‘‘อิโต ปฏฺาย ตํ โยเชตฺวา โคมยํ อาหรา’’ติ ตํ กุมฺภการสฺส อทาสิ. กุมฺภกาโร ‘‘สาธุ, เทวา’’ติ ตถา อกาสิ.

อเถกทิวสํ สา นครา นิกฺขมมานา นครํ ปวิสนฺตํ โพธิสตฺตํ ทิสฺวา วนฺทิตฺวา ตสฺส ปาทมูเล นิปชฺชิตฺวา ปริเทวมานา ‘‘สามิ, ราชา มํ ‘ตรุณกาเล พหูปการา’ติ สลฺลกฺเขตฺวา มหนฺตํ ยสํ ทตฺวา อิทานิ มหลฺลกกาเล สพฺพํ อจฺฉินฺทิตฺวา มยิ จิตฺตมฺปิ น กโรติ, อหํ ปน อนาถา อรฺเ ติณปณฺณานิ ขาทนฺตี ชีวามิ, เอวํ ทุกฺขปฺปตฺตํ มํ อิทานิ ยานเก โยเชตุํ กุมฺภการสฺส อทาสิ, เปตฺวา ตุมฺเห อฺํ มยฺหํ ปฏิสรณํ นตฺถิ, มยา รฺโ กตูปการํ ตุมฺเห ชานาถ, สาธุ อิทานิ เม นฏฺํ ยสํ ปฏิปากติกํ กโรถา’’ติ วตฺวา ติสฺโส คาถา อภาสิ –

๙๘.

‘‘อหํ เจ ทฬฺหธมฺมสฺส, วหนฺตี นาภิราธยึ;

ธรนฺตี อุรสิ สลฺลํ, ยุทฺเธ วิกฺกนฺตจารินี.

๙๙.

‘‘นูน ราชา น ชานาติ, มม วิกฺกมโปริสํ;

สงฺคาเม สุกตนฺตานิ, ทูตวิปฺปหิตานิ จ.

๑๐๐.

‘‘สา นูนาหํ มริสฺสามิ, อพนฺธุ อปรายินี;

ตทา หิ กุมฺภการสฺส, ทินฺนา ฉกณหาริกา’’ติ.

ตตฺถ วหนฺตีติ ทูเตยฺยหรณํ สงฺคาเม พลโกฏฺกภินฺทนํ ตํ ตํ กิจฺจํ วหนฺตี นิตฺถรนฺตี. ธรนฺตี อุรสิ สลฺลนฺติ อุรสฺมึ พทฺธํ กณฺฑํ วา อสึ วา สตฺตึ วา ยุทฺธกาเล สตฺตูนํ อุปริ อภิหรนฺตี. วิกฺกนฺตจารินีติ วิกฺกมํ ปรกฺกมํ กตฺวา ปรพลวิชเยน ยุทฺเธ วิกฺกนฺตคามินี. อิทํ วุตฺตํ โหติ – สเจ สามิ, อหํ อิมานิ กิจฺจานิ กโรนฺตี รฺโ ทฬฺหธมฺมสฺส จิตฺตํ นาราธยึ น ปริโตเสสึ, โก ทานิ อฺโ ตสฺส จิตฺตํ อาราธยิสฺสตีติ.

มม วิกฺกมโปริสนฺติ มยา กตํ ปุริสปรกฺกมํ. สุกตนฺตานีติ สุกตานิ. ยถา หิ กมฺมาเนว กมฺมนฺตานิ, วนาเนว วนนฺตานิ, เอวมิธ สุกตาเนว ‘‘สุกตนฺตานี’’ติ วุตฺตานิ. ทูตวิปฺปหิตานิ จาติ คเล ปณฺณํ พนฺธิตฺวา ‘‘อสุกรฺโ นาม เทหี’’ติ ปหิตาย มยา เอกทิวเสเนว โยชนสตํ คนฺตฺวา กตานิ ทูตเปสนานิ จ. นูน ราชา น ชานาตีติ นูน ตุมฺหากํ เอส ราชา เอตานิ มยา กตานิ กิจฺจานิ น ชานาติ. อปรายินีติ อปฺปติฏฺา อปฺปฏิสรณา. ตทา หีติ ตถา หิ, อยเมว วา ปาโ. ทินฺนาติ อหํ รฺา ฉกณหาริกา กตฺวา กุมฺภการสฺส ทินฺนาติ.

โพธิสตฺโต ตสฺสา กถํ สุตฺวา ‘‘ตฺวํ มา โสจิ, อหํ รฺโ กเถตฺวา ตว ยสํ ปฏิปากติกํ กริสฺสามี’’ติ ตํ สมสฺสาเสตฺวา นครํ ปวิสิตฺวา ภุตฺตปาตราโส รฺโ สนฺติกํ คนฺตฺวา กถํ สมุฏฺาเปตฺวา ‘‘มหาราช, นนุ ตุมฺหากํ อสุกา นาม โอฏฺิพฺยาธิ อสุกฏฺาเน จ อสุกฏฺาเน จ อุเร สลฺลํ พนฺธิตฺวา สงฺคามํ นิตฺถริ, อสุกทิวสํ นาม คีวาย ปณฺณํ พนฺธิตฺวา เปสิตา โยชนสตํ อคมาสิ, ตุมฺเหปิสฺสา มหนฺตํ ยสํ อทตฺถ, สา อิทานิ กห’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘ตมหํ กุมฺภการสฺส โคมยหรณตฺถาย อทาสิ’’นฺติ. อถ นํ โพธิสตฺโต ‘‘อยุตฺตํ โข, มหาราช, ตุมฺหากํ ตํ กุมฺภการสฺส ยานเก โยชนตฺถาย ทาตุ’’นฺติ วตฺวา รฺโ โอวาทวเสน จตสฺโส คาถา อภาสิ –

๑๐๑.

‘‘ยาวตาสีสตี โปโส, ตาวเทว ปวีณติ;

อตฺถาปาเย ชหนฺติ นํ, โอฏฺิพฺยาธึว ขตฺติโย.

๑๐๒.

‘‘โย ปุพฺเพ กตกลฺยาโณ, กตตฺโถ นาวพุชฺฌติ;

อตฺถา ตสฺส ปลุชฺชนฺติ, เย โหนฺติ อภิปตฺถิตา.

๑๐๓.

‘‘โย ปุพฺเพ กตกลฺยาโณ, กตตฺโถ มนุพุชฺฌติ;

อตฺถา ตสฺส ปวฑฺฒนฺติ, เย โหนฺติ อภิปตฺถิกา.

๑๐๔.

‘‘ตํ โว วทามิ ภทฺทนฺเต, ยาวนฺเตตฺถ สมาคตา;

สพฺเพ กตฺุโน โหถ, จิรํ สคฺคมฺหิ สฺสถา’’ติ.

ตตฺถ ปมคาถาย ตาว อตฺโถ – อิเธกจฺโจ อฺาณชาติโก โปโส ยาวตาสีสตี, ยาว ‘‘อิทํ นาม เม อยํ กาตุํ สกฺขิสฺสตี’’ติ ปจฺจาสีสติ, ตาวเทว ตํ ปุริสํ ปวีณติ ภชติ เสวติ, ตสฺส ปน อตฺถาปาเย วฑฺฒิยา อปคมเน ปริหีนกาเล ตํ นานากิจฺเจสุ ปตฺถิตํ โปสํ เอกจฺเจ พาลา อิมํ โอฏฺิพฺยาธึ อยํ ขตฺติโย วิย ชหนฺติ.

กตกลฺยาโณติ ปเรน อตฺตโน กตกลฺยาณกมฺโม. กตตฺโถติ นิปฺผาทิตกิจฺโจ. นาวพุชฺฌตีติ ปจฺฉาปิ ตํ ปเรน กตํ อุปการํ ตสฺส ชราชิณฺณกาเล อสมตฺถกาเล น สรติ, อตฺตนา ทินฺนมฺปิ ยสํ ปุน คณฺหาติ. ปลุชฺชนฺตีติ ภิชฺชนฺติ นสฺสนฺติ. เย โหนฺติ อภิปตฺถิตาติ เย เกจิ อตฺถา อิจฺฉิตา นาม โหนฺติ, สพฺเพ นสฺสนฺตีติ ทีเปติ. มิตฺตทุพฺภิปุคฺคลสฺส หิ ปตฺถิตปตฺถิตํ อคฺคิมฺหิ ปกฺขิตฺตพีชํ วิย นสฺสติ. กตตฺโถ มนุพุชฺฌตีติ กตตฺโถ อนุพุชฺฌติ, ม-กาโร พฺยฺชนสนฺธิวเสน คหิโต. ตํ โว วทามีติ เตน การเณน ตุมฺเห วทามิ. สฺสถาติ กตฺุโน หุตฺวา จิรกาลํ สคฺคมฺหิ ทิพฺพสมฺปตฺตึ อนุภวนฺตา ปติฏฺหิสฺสถ.

เอวํ มหาสตฺโต ราชานํ อาทึ กตฺวา สนฺนิปติตานํ สพฺเพสํ โอวาทํ อทาสิ. ตํ สุตฺวา ราชา โอฏฺิพฺยาธิยา ยสํ ปฏิปากติกํ อกาสิ. โพธิสตฺตสฺส จ โอวาเท ตฺวา ทานาทีนิ ปุฺานิ กตฺวา สคฺคปรายโณ อโหสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา โอฏฺิพฺยาธิ ภทฺทวติกา อโหสิ, ราชา อานนฺโท, อมจฺโจ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

ทฬฺหธมฺมชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.

[๔๑๐] ๕. โสมทตฺตชาตกวณฺณนา

โย มํ ปุเร ปจฺจุฑฺเฑตีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ มหลฺลกํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิเรกํ สามเณรํ ปพฺพาเชสิ, สามเณโร ตสฺส อุปการโก หุตฺวา ตถารูเปน โรเคน กาลมกาสิ. มหลฺลโก ตสฺมึ กาลกเต โรทนฺโต ปริเทวนฺโต วิจรติ. ตํ ทิสฺวา ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, อสุกมหลฺลโก สามเณรสฺส กาลกิริยาย โรทนฺโต ปริเทวนฺโต วิจรติ, มรณสฺสติกมฺมฏฺานรหิโต มฺเ’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปส อิมสฺมึ มเต โรทิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตาวตึสภวเน สกฺกตฺตํ กาเรสิ. อเถโก กาสิคามวาสี พฺราหฺมณมหาสาโล กาเม ปหาย หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อุฺฉาจริยาย วนมูลผลาผเลหิ ยาเปนฺโต วาสํ กปฺเปสิ. เอกทิวสํ ผลาผลตฺถาย คโต เอกํ หตฺถิฉาปํ ทิสฺวา อตฺตโน อสฺสมํ อาเนตฺวา ปุตฺตฏฺาเน เปตฺวา โสมทตฺโตติสฺส นามํ กตฺวา ติณปณฺณานิ ขาทาเปนฺโต ปฏิชคฺคิ. โส วยปฺปตฺโต มหาสรีโร หุตฺวา เอกทิวสํ พหุํ โภชนํ คเหตฺวา อชีรเกน ทุพฺพโล อโหสิ. ตาปโส ตํ อสฺสมปเท กตฺวา ผลาผลตฺถาย คโต, ตสฺมึ อนาคเตเยว หตฺถิโปตโก กาลมกาสิ. ตาปโส ผลาผลํ คเหตฺวา อาคจฺฉนฺโต ‘‘อฺเสุ ทิวเสสุ เม ปุตฺโต ปจฺจุคฺคมนํ กโรติ, อชฺช น ทิสฺสติ, กหํ นุ โข คโต’’ติ ปริเทวนฺโต ปมํ คาถมาห –

๑๐๕.

‘‘โย มํ ปุเร ปจฺจุฑฺเฑติ, อรฺเ ทูรมายโต;

โส น ทิสฺสติ มาตงฺโค, โสมทตฺโต กุหึ คโต’’ติ.

ตตฺถ ปุเรติ อิโต ปุเร. ปจฺจุฑฺเฑตีติ ปจฺจุคฺคจฺฉติ. อรฺเ ทูรนฺติ อิมสฺมึ นิมฺมนุสฺเส อรฺเ มํ ทูรํ ปจฺจุฑฺเฑติ. อายโตติ อายามสมฺปนฺโน.

เอวํ ปริเทวมาโน อาคนฺตฺวา ตํ จงฺกมนโกฏิยํ ปติตํ ทิสฺวา คเล คเหตฺวา ปริเทวมาโน ทุติยํ คาถมาห –

๑๐๖.

‘‘อยํ วา โส มโต เสติ, อลฺลสิงฺคํว วจฺฉิโต;

ภูมฺยา นิปติโต เสติ, อมรา วต กุฺชโร’’ติ.

ตตฺถ อยํ วาติ วิภาวนตฺเถ วา-สทฺโท. อยเมว โส, น อฺโติ ตํ วิภาเวนฺโต เอวมาห. อลฺลสิงฺคนฺติ มาลุวลตาย อคฺคปวาลํ. วจฺฉิโตติ ฉินฺโน, คิมฺหกาเล มชฺฌนฺหิกสมเย ตตฺตวาลิกาปุลิเน นเขน ฉินฺทิตฺวา ปาติโต มาลุวลตาย องฺกุโร วิยาติ วุตฺตํ โหติ. ภูมฺยาติ ภูมิยํ. อมรา วตาติ มโต วต, ‘‘อมรี’’ติปิ ปาโ.

ตสฺมึ ขเณ สกฺโก โลกํ โอโลเกนฺโต ตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ ตาปโส ปุตฺตทารํ ปหาย ปพฺพชิโต, อิทานิ หตฺถิโปตเก ปุตฺตสฺํ กตฺวา ปริเทวติ, สํเวเชตฺวา นํ สตึ ปฏิลภาเปสฺสามี’’ติ ตสฺส อสฺสมปทํ อาคนฺตฺวา อากาเส ิโตว ตติยํ คาถมาห –

๑๐๗.

‘‘อนคาริยุเปตสฺส, วิปฺปมุตฺตสฺส เต สโต;

สมณสฺส น ตํ สาธุ, ยํ เปตมนุโสจสี’’ติ.

อถสฺส วจนํ สุตฺวา ตาปโส จตุตฺถํ คาถมาห –

๑๐๘.

‘‘สํวาเสน หเว สกฺก, มนุสฺสสฺส มิคสฺส วา;

หทเย ชายเต เปมํ, ตํ น สกฺกา อโสจิตุ’’นฺติ.

ตตฺถ มิคสฺส วาติ อิมสฺมึ าเน สพฺเพปิ ติรจฺฉานา ‘‘มิคา’’ติ วุตฺตา. นฺติ ปิยายิตํ สตฺตํ.

อถ นํ โอวทนฺโต สกฺโก ทฺเว คาถา อภาสิ –

๑๐๙.

‘‘มตํ มริสฺสํ โรทนฺติ, เย รุทนฺติ ลปนฺติ จ;

ตสฺมา ตฺวํ อิสิ มา โรทิ, โรทิตํ โมฆมาหุ สนฺโต.

๑๑๐.

‘‘กนฺทิเตน หเว พฺรหฺเม, มโต เปโต สมุฏฺเห;

สพฺเพ สงฺคมฺม โรทาม, อฺมฺสฺส าตเก’’ติ.

ตตฺถ เย รุทนฺติ ลปนฺติ จาติ พฺรหฺเม เย สตฺตา โรทนฺติ ปริเทวนฺติ จ, สพฺเพ เต มตํ, โย จ มริสฺสติ, ตํ โรทนฺติ, เตสํเยว เอวํ โรทนฺตานํ อสฺสุสุกฺขนกาโล นตฺถิ, ตสฺมา ตฺวํ อิสิ มา โรทิ. กึการณา? โรทิตํ โมฆมาหุ สนฺโต, ปณฺฑิตา หิ ‘‘โรทิตํ นิปฺผล’’นฺติ วทนฺติ. มโต เปโตติ ยทิ เอส เปโตติ สงฺขฺยํ คโต มโต โรทิเตน สมุฏฺเหยฺย, เอวํ สนฺเต สพฺเพปิ มยํ สมาคนฺตฺวา อฺมฺสฺส าตเก โรทาม, กึ นิกฺกมฺมา อจฺฉามาติ.

ตาปโส สกฺกสฺส วจนํ สุตฺวา สตึ ปฏิลภิตฺวา วิคตโสโก อสฺสูนิ ปุฺฉิตฺวา สกฺกสฺส ถุติวเสน เสสคาถา อาห –

๑๑๑.

‘‘อาทิตฺตํ วต มํ สนฺตํ, ฆตสิตฺตํว ปาวกํ;

วารินา วิย โอสิฺจํ, สพฺพํ นิพฺพาปเย ทรํ.

๑๑๒.

‘‘อพฺพหี วต เม สลฺลํ, ยมาสิ หทยสฺสิตํ;

โย เม โสกปเรตสฺส, ปุตฺตโสกํ อปานุทิ.

๑๑๓.

‘‘โสหํ อพฺพูฬฺหสลฺโลสฺมิ, วีตโสโก อนาวิโล;

น โสจามิ น โรทามิ, ตว สุตฺวาน วาสวา’’ติ.

ตา เหฏฺา วุตฺตตฺถาเยว. เอวํ สกฺโก ตาปสสฺส โอวาทํ ทตฺวา สกฏฺานเมว คโต.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา หตฺถิโปตโก สามเณโร อโหสิ, ตาปโส มหลฺลโก, สกฺโก ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

โสมทตฺตชาตกวณฺณนา ปฺจมา.

[๔๑๑] ๖. สุสีมชาตกวณฺณนา

กาฬานิ เกสานิ ปุเร อเหสุนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต มหาภินิกฺขมนํ อารพฺภ กเถสิ. ตสฺมิฺหิ สมเย ภิกฺขู ธมฺมสภายํ นิสีทิตฺวา ทสพลสฺส นิกฺขมนํ วณฺณยึสุ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘อนจฺฉริยํ, ภิกฺขเว, มยา ทานิ อเนกานิ กปฺปโกฏิสตสหสฺสานิ ปูริตปารมินา มหาภินิกฺขมนํ, ปุพฺเพปาหํ ติโยชนสติเก กาสิรฏฺเ รชฺชํ ฉฑฺเฑตฺวา นิกฺขนฺโตเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส ปุโรหิตสฺส อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติ, ตสฺส ชาตทิวเสเยว พาราณสิรฺโปิ ปุตฺโต ชายิ. เตสํ นามคฺคหณทิวเส มหาสตฺตสฺส สุสีมกุมาโรติ นามํ อกํสุ, ราชปุตฺตสฺส พฺรหฺมทตฺตกุมาโรติ. พาราณสิราชา ‘‘ปุตฺเตน เม สทฺธึ เอกทิวเส ชาโต’’ติ โพธิสตฺตํ อาณาเปตฺวา ธาติโย ทตฺวา เตน สทฺธึ เอกโต วฑฺเฒสิ. เต อุโภปิ วยปฺปตฺตา อภิรูปา เทวกุมารวณฺณิโน หุตฺวา ตกฺกสิลายํ สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา ปจฺจาคมึสุ. ราชปุตฺโต อุปราชา หุตฺวา โพธิสตฺเตน สทฺธึ เอกโต ขาทนฺโต ปิวนฺโต นิสีทนฺโต สยนฺโต ปิตุ อจฺจเยน รชฺชํ ปตฺวา มหาสตฺตสฺส มหนฺตํ ยสํ ทตฺวา ปุโรหิตฏฺาเน ตํ เปตฺวา เอกทิวสํ นครํ สชฺชาเปตฺวา สกฺโก เทวราชา วิย อลงฺกโต อลงฺกตเอราวณปฏิภาคสฺส มตฺตวรวารณสฺส ขนฺเธ นิสีทิตฺวา โพธิสตฺตํ ปจฺฉาสเน หตฺถิปิฏฺเ นิสีทาเปตฺวา นครํ ปทกฺขิณํ อกาสิ. มาตาปิสฺส ‘‘ปุตฺตํ โอโลเกสฺสามี’’ติ สีหปฺชเร ตฺวา ตสฺส นครํ ปทกฺขิณํ กตฺวา อาคจฺฉนฺตสฺส ปจฺฉโต นิสินฺนํ ปุโรหิตํ ทิสฺวา ปฏิพทฺธจิตฺตา หุตฺวา สยนคพฺภํ ปวิสิตฺวา ‘‘อิมํ อลภนฺตี เอตฺเถว มริสฺสามี’’ติ อาหารํ ปจฺฉินฺทิตฺวา นิปชฺชิ.

ราชา มาตรํ อปสฺสนฺโต ‘‘กุหึ เม มาตา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘คิลานา’’ติ สุตฺวา ตสฺสา สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘กึ อมฺม, อผาสุก’’นฺติ ปุจฺฉิ. สา ลชฺชาย น กเถสิ. โส คนฺตฺวา ราชปลฺลงฺเก นิสีทิตฺวา อตฺตโน อคฺคมเหสึ ปกฺโกสิตฺวา ‘‘คจฺฉ อมฺมาย อผาสุกํ ชานาหี’’ติ เปเสสิ. สา คนฺตฺวา ปิฏฺึ ปริมชฺชนฺตี ปุจฺฉิ, อิตฺถิโย นาม อิตฺถีนํ รหสฺสํ น นิคุหนฺติ, สา ตสฺสา ตมตฺถํ อาโรเจสิ. อิตราปิ ตํ สุตฺวา คนฺตฺวา รฺโ อาโรเจสิ. ราชา ‘‘โหตุ, คจฺฉ นํ สมสฺสาเสหิ, ปุโรหิตํ ราชานํ กตฺวา ตสฺส ตํ อคฺคมเหสึ กริสฺสามี’’ติ อาห. สา อาคนฺตฺวา ตํ สมสฺสาเสสิ. ราชาปิ ปุโรหิตํ ปกฺโกสาเปตฺวา เอตมตฺถํ อาโรเจตฺวา ‘‘สมฺม, มาตุ เม ชีวิตํ เทหิ, ตฺวํ ราชา ภวิสฺสสิ, สา อคฺคมเหสี, อหํ อุปราชา’’ติ อาห. โส ‘‘น สกฺกา เอวํ กาตุ’’นฺติ ปฏิกฺขิปิตฺวา เตน ปุนปฺปุนํ ยาจิยมาโน สมฺปฏิจฺฉิ. ราชา ปุโรหิตํ ราชานํ, มาตรํ อคฺคมเหสึ กาเรตฺวา สยํ อุปราชา อโหสิ.

เตสํ สมคฺควาสํ วสนฺตานํ อปรภาเค โพธิสตฺโต อคารมชฺเฌ อุกฺกณฺิโต กาเม ปหาย ปพฺพชฺชาย นินฺนจิตฺโต กิเลสรตึ อนลฺลียนฺโต เอกโกว ติฏฺติ, เอกโกว นิสีทติ, เอกโกว สยติ, พนฺธนาคาเร พทฺโธ วิย ปฺชเร ปกฺขิตฺตกุกฺกุโฏ วิย จ อโหสิ. อถสฺส อคฺคมเหสี ‘‘อยํ ราชา มยา สทฺธึ นาภิรมติ, เอกโกว ติฏฺติ นิสีทติ เสยฺยํ กปฺเปติ, อยํ โข ปน ทหโร ตรุโณ, อหํ มหลฺลิกา, สีเส เม ปลิตานิ ปฺายนฺติ, ยํนูนาหํ ‘สีเส เต เทว, เอกํ ปลิตํ ปฺายตี’ติ มุสาวาทํ กตฺวา เอเกนุปาเยน ราชานํ ปตฺติยาเปตฺวา มยา สทฺธึ อภิรมาเปยฺย’’นฺติ จินฺเตตฺวา เอกทิวสํ รฺโ สีเส อูกา วิจินนฺตี วิย หุตฺวา ‘‘เทว, มหลฺลโกสิ ชาโต, สีเส เต เอกํ ปลิตํ ปฺายตี’’ติ อาห. ‘‘เตน หิ ภทฺเท, เอตํ ปลิตํ ลุฺชิตฺวา มยฺหํ หตฺเถ เปหี’’ติ. สา ตสฺส สีสโต เอกํ เกสํ ลุฺชิตฺวา อตฺตโน สีเส ปลิตํ คเหตฺวา ‘‘อิทํ เต, เทว, ปลิต’’นฺติ ตสฺส หตฺเถ เปสิ. โพธิสตฺตสฺส ตํ ทิสฺวาว ภีตตสิตสฺส กฺจนปฏฺฏสทิสา นลาฏา เสทา มุจฺจึสุ.

โส อตฺตานํ โอวทนฺโต ‘‘สุสีม, ตฺวํ ทหโร หุตฺวา มหลฺลโก ชาโต, เอตฺตกํ กาลํ คูถกลเล นิมุคฺโค คามสูกโร วิย กามกลเล นิมุชฺชิตฺวา ตํ กลลํ ชหิตุํ น สกฺโกสิ, นนุ กาเม ปหาย หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา ปพฺพชิตฺวา พฺรหฺมจริยวาสสฺส เต กาโล’’ติ จินฺเตตฺวา ปมํ คาถมาห –

๑๑๔.

‘‘กาฬานิ เกสานิ ปุเร อเหสุํ, ชาตานิ สีสมฺหิ ยถาปเทเส;

ตานชฺช เสตานิ สุสีม ทิสฺวา, ธมฺมํ จร พฺรหฺมจริยสฺส กาโล’’ติ.

ตตฺถ ยถาปเทเสติ ตว สีเส ตสฺมึ ตสฺมึ เกสานํ อนุรูเป ปเทเส อิโต ปุพฺเพ กาฬานิ ภมรปตฺตวณฺณานิ เกสานิ ชาตานิ อเหสุนฺติ วทติ. ธมฺมํ จราติ ทสกุสลกมฺมปถธมฺมํ จราติ อตฺตานเมว อาณาเปติ. พฺรหฺมจริยสฺสาติ เมถุนวิรติยา เต กาโลติ อตฺโถ.

เอวํ โพธิสตฺเตน พฺรหฺมจริยวาสสฺส คุเณ วณฺณิเต อิตรา ‘‘อหํ ‘อิมสฺส ลคฺคนํ กริสฺสามี’ติ วิสฺสชฺชนเมว กริ’’นฺติ ภีตตสิตา ‘‘อิทานิสฺส อปพฺพชฺชนตฺถาย สรีรวณฺณํ วณฺณยิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ทฺเว คาถา อภาสิ –

๑๑๕.

‘‘มเมว เทว ปลิตํ น ตุยฺหํ, มเมว สีสํ มม อุตฺตมงฺคํ;

‘อตฺถํ กริสฺส’นฺติ มุสา อภาณึ, เอกาปราธํ ขม ราชเสฏฺ.

๑๑๖.

‘‘ทหโร ตุวํ ทสฺสนิโยสิ ราช, ปมุคฺคโต โหติ ยถา กฬีโร;

รชฺชฺจ กาเรหิ มมฺจ ปสฺส, มา กาลิกํ อนุธาวี ชนินฺทา’’ติ.

ตตฺถ มเมว สีสนฺติ มเมว สีเส สฺชาตํ ปลิตนฺติ ทีเปติ. อิตรํ ตสฺเสว เววจนํ. อตฺถนฺติ อตฺตโน วุฑฺฒึ กริสฺสามีติ มุสา กเถสึ. เอกาปราธนฺติ. อิมํ มยฺหํ เอกํ อปราธํ. ปมุคฺคโตติ ปมวเยน อุคฺคโต. โหหีติ โหสิ, ปมวเย ปติฏฺิโตสีติ อตฺโถ. ‘‘โหสี’’ติเยว วา ปาโ. ยถา กฬีโรติ ยถา สินิทฺธฉวิตรุณกฬีโร มนฺทวาเตริโต อติวิย โสภติ, เอวรูโปสิ ตฺวนฺติ ทสฺเสติ. ‘‘ปมุคฺคโต โหตี’’ติปิ ปาโ, ตสฺสตฺโถ – ยถา ปมุคฺคโต ตรุณกฬีโร ทสฺสนีโย โหติ, เอวํ ตฺวมฺปิ ทสฺสนีโยติ. มมฺจ ปสฺสาติ มมฺจ โอโลเกหิ, มา มํ อนาถํ วิธวํ กโรหีติ อตฺโถ. กาลิกนฺติ พฺรหฺมจริยจรณํ นาม ทุติเย วา ตติเย วา อตฺตภาเว วิปากทานโต กาลิกํ นาม, รชฺชํ ปน อิมสฺมึเยว อตฺตภาเว กามคุณสุขุปฺปาทนโต อกาลิกํ, โส ตฺวํ อิมํ อกาลิกํ ปหาย มา กาลิกํ อนุธาวีติ วทติ.

โพธิสตฺโต ตสฺสา วจนํ สุตฺวา ‘‘ภทฺเท, ตฺวํ ภวิตพฺพเมเวตํ กถํ กเถสิ, ปริณมนฺเต หิ มม วเย อิเมหิ กาฬเกเสหิ ปริวตฺเตตฺวา สาณวากสทิเสหิ ปณฺฑเรหิ ภวิตพฺพํ. อหฺหิ นีลุปฺปลาทิกุสุมทามสทิสกุมารานํ กฺจนรูปปฏิภาคานํ อุตฺตมโยพฺพนวิลาสสมฺปตฺตานํ ขตฺติยกฺาทีนํ วเย ปริณมนฺเต ชรํ ปตฺตานํ เววณฺณิยฺเจว สรีรภงฺคฺจ ปสฺสามิ. เอวํ วิปตฺติปริโยสาโนเวส ภทฺเท, ชีวโลโก’’ติ วตฺวา อุปริ พุทฺธลีฬาย ธมฺมํ เทเสนฺโต คาถาทฺวยมาห –

๑๑๗.

‘‘ปสฺสามิ โวหํ ทหรึ กุมารึ, สามฏฺปสฺสํ สุตนุํ สุมชฺฌํ;

กาฬปฺปวาฬาว ปเวลฺลมานา, ปโลภยนฺตีว นเรสุ คจฺฉติ.

๑๑๘.

‘‘ตเมน ปสฺสามิปเรน นารึ, อาสีติกํ นาวุติกํว ชจฺจา;

ทณฺฑํ คเหตฺวาน ปเวธมานํ, โคปานสีโภคฺคสมํ จรนฺติ’’นฺติ.

ตตฺถ โวติ นิปาตมตฺตํ. สามฏฺปสฺสนฺติ สมฺมฏฺปสฺสํ. อยเมว วา ปาโ, สพฺพปสฺเสสุ มฏฺฉวิวณฺณนฺติ อตฺโถ. สุตนุนฺติ สุนฺทรสรีรํ. สุมชฺฌนฺติ สุสณฺิตมชฺฌํ. กาฬปฺปวาฬาว ปเวลฺลมานาติ ยถา นาม ตรุณกาเล สุสมุคฺคตา กาฬวลฺลี ปวาฬา วา หุตฺวา มนฺทวาเตริตา อิโต จิโต จ ปเวลฺลติ, เอวํ ปเวลฺลมานา อิตฺถิวิลาสํ ทสฺสยมานา กุมาริกา ปโลภยนฺตีว นเรสุ คจฺฉติ. สมีปตฺเถ ภุมฺมวจนํ, ปุริสานํ สนฺติเก เต ปุริเส กิเลสวเสน ปโลภยนฺตี วิย คจฺฉติ.

ตเมน ปสฺสามิปเรน นารินฺติ ตเมนํ นารึ อปเรน สมเยน ชรํ ปตฺตํ อนฺตรหิตรูปโสภคฺคปฺปตฺตํ ปสฺสามิ. โพธิสตฺโต หิ ปมคาถาย รูเป อสฺสาทํ กเถตฺวา อิทานิ อาทีนวํ ทสฺเสนฺโต เอวมาห. อาสีติกํ นาวุติกํว ชจฺจาติ อสีติสํวจฺฉรํ วา นวุติสํวจฺฉรํ วา ชาติยา. โคปานสีโภคฺคสมนฺติ โคปานสีสมํ โภคฺคํ, โคปานสีอากาเรน ภคฺคสรีรํ โอนมิตฺวา นฏฺกากณิกํ ปริเยสนฺตึ วิย จรมานนฺติ อตฺโถ. กามฺจ โพธิสตฺเตน ทหรกาเล ทิสฺวา ปุน นาวุติกกาเล ทิฏฺปุพฺพา นาม นตฺถิ, าเณน ทิฏฺภาวํ สนฺธาย ปเนตํ วุตฺตํ.

อิติ มหาสตฺโต อิมาย คาถาย รูปสฺส อาทีนวํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ อคารมชฺเฌ อตฺตโน อนภิรตึ ปกาเสนฺโต คาถาทฺวยมาห –

๑๑๙.

‘‘โสหํ ตเมวานุวิจินฺตยนฺโต, เอโก สยามิ สยนสฺส มชฺเฌ;

‘อหมฺปิ เอวํ’ อิติ เปกฺขมาโน, น คเห รเม พฺรหฺมจริยสฺส กาโล.

๑๒๐.

‘‘รชฺชุวาลมฺพนี เจสา, ยา เคเห วสโต รติ;

เอตมฺปิ เฉตฺวาน วชนฺติ ธีรา, อนเปกฺขิโน กามสุขํ ปหายา’’ติ.

ตตฺถ โสหนฺติ โส อหํ. ตเมวานุวิจินฺตยนฺโตติ ตเมว รูปานํ อสฺสาทฺจ อาทีนวฺจ จินฺเตนฺโต. เอวํ อิติ เปกฺขมาโนติ ‘‘ยถา เอสา ปริณตา, อหมฺปิ ชรํ ปตฺโต ภคฺคสรีโร ภวิสฺสามี’’ติ เปกฺขมาโน. น คเห รเมติ เคเห น รมามิ. พฺรหฺมจริยสฺส กาโลติ ภทฺเท, พฺรหฺมจริยสฺส เม กาโล, ตสฺมา ปพฺพชิสฺสามีติ ทีเปติ.

รชฺชุวาลมฺพนี เจสาติ จ-กาโร นิปาตมตฺโต, อาลมฺพนรชฺชุ วิย เอสาติ อตฺโถ. กตรา? ยา เคเห วสโต รติ, ยา เคเห วสนฺตสฺส รูปาทีสุ อารมฺมเณสุ กามรตีติ อตฺโถ. อิมินา กามานํ อปฺปสฺสาทตํ ทสฺเสติ. อยํ เอตฺถาธิปฺปาโย – ยถา คิลานสฺส มนุสฺสสฺส อตฺตโน พเลน ปริวตฺติตุํ อสกฺโกนฺตสฺส ‘‘อิมํ อาลมฺพิตฺวา ปริวตฺเตยฺยาสี’’ติ อาลมฺพนรชฺชุํ พนฺเธยฺยุํ, ตสฺส ตํ อาลมฺพิตฺวา ปริวตฺตนฺตสฺส อปฺปมตฺตกํ กายิกเจตสิกสุขํ ภเวยฺย, เอวํ กิเลสาตุรานํ สตฺตานํ วิเวกสุขวเสน ปริวตฺติตุํ อสกฺโกนฺตานํ อคารมชฺเฌ ปิตานิ กามรติทายกานิ รูปาทีนิ อารมฺมณานิ เตสํ กิเลสปริฬาหกาเล เมถุนธมฺมปฏิเสวนวเสน ตานิ อารพฺภ ปริวตฺตมานานํ กายิกเจตสิกสุขสงฺขาตา กามรติ นาม ตํ มุหุตฺตํ อุปฺปชฺชมานา อปฺปมตฺติกา โหติ, เอวํ อปฺปสฺสาทา กามาติ. เอตมฺปิ เฉตฺวานาติ ยสฺมา ปน พหุทุกฺขา กามา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิยฺโย, ตสฺมา ตํ อาทีนวํ สมฺปสฺสมานา ปณฺฑิตา เอตมฺปิ รชฺชุํ เฉตฺวา คูถกูเป นิมุคฺคปุริโส ตํ ปชหนฺโต วิย อนเปกฺขิโน เอตํ อปฺปมตฺตกํ พหุทุกฺขํ กามสุขํ ปหาย วชนฺติ, นิกฺขมิตฺวา มโนรมํ ปพฺพชฺชํ ปพฺพชนฺตีติ.

เอวํ มหาสตฺโต กาเมสุ อสฺสาทฺจ อาทีนวฺจ ทสฺเสนฺโต พุทฺธลีฬาย ธมฺมํ เทเสตฺวา สหายํ ปกฺโกสาเปตฺวา รชฺชํ ปฏิจฺฉาเปตฺวา าติมิตฺตสุหชฺชานํ โรทนฺตานํ ปริเทวนฺตานเมว สิริวิภวํ ฉฑฺเฑตฺวา หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ฌานาภิฺํ นิพฺพตฺเตตฺวา พฺรหฺมโลกปรายโณ อโหสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา พหู ชเน อมตปานํ ปาเยตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา อคฺคมเหสี ราหุลมาตา อโหสิ, สหายราชา อานนฺโท, สุสีมราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

สุสีมชาตกวณฺณนา ฉฏฺา.

[๔๑๒] ๗. โกฏสิมฺพลิชาตกวณฺณนา

อหํ ทสสตํพฺยามนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต กิเลสนิคฺคหํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ ปน ปานียชาตเก (ชา. ๑.๑๑.๕๙ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติ. อิธาปิ สตฺถา อนฺโตโกฏิสนฺถาเร กามวิตกฺกาภิภูเต ปฺจสเต ภิกฺขู ทิสฺวา ภิกฺขุสงฺฆํ สนฺนิปาตาเปตฺวา ‘‘ภิกฺขเว, อาสงฺกิตพฺพยุตฺตกํ นาม อาสงฺกิตุํ วฏฺฏติ, กิเลสา นาม วฑฺฒนฺตา วเน นิคฺโรธาทโย วิย รุกฺขํ, ปุริสํ ภฺชนฺติ, เตเนว ปุพฺเพปิ โกฏสิมฺพลิยํ นิพฺพตฺตเทวตา เอกํ สกุณํ นิคฺโรธพีชานิ ขาทิตฺวา อตฺตโน รุกฺขสฺส สาขนฺตเร วจฺจํ ปาเตนฺตํ ทิสฺวา ‘อิโต เม วิมานสฺส วินาโส ภวิสฺสตี’ติ ภยปฺปตฺตา อโหสี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต โกฏสิมฺพลิยํ รุกฺขเทวตา หุตฺวา นิพฺพตฺติ. อเถโก สุปณฺณราชา ทิยฑฺฒโยชนสติกํ อตฺตภาวํ มาเปตฺวา ปกฺขวาเตหิ มหาสมุทฺเท อุทกํ ทฺวิธา กตฺวา เอกํ พฺยามสหสฺสายามํ นาคราชานํ นงฺคุฏฺเ คเหตฺวา มุเขนสฺส คหิตโคจรํ ฉฑฺฑาเปตฺวา โกฏสิมฺพลึ สนฺธาย วนมตฺถเกน ปายาสิ. นาคราชา ‘‘โอลมฺเพนฺโต อตฺตานํ โมเจสฺสามี’’ติ นิคฺโรธรุกฺเข โภคํ ปเวเสตฺวา นิคฺโรธํ เวเตฺวา คณฺหิ. สุปณฺณรฺโ มหาพลตาย นาคราชสฺส จ มหาสรีรตาย นิคฺโรธรุกฺโข สมุคฺฆาฏํ อคมาสิ. นาคราชา เนว รุกฺขํ วิสฺสชฺเชสิ, สุปณฺณราชา สทฺธึ นิคฺโรธรุกฺเขน นาคราชานํ คเหตฺวา โกฏสิมฺพลึ ปตฺวา นาคราชานํ ขนฺธปิฏฺเ นิปชฺชาเปตฺวา อุทรมสฺส ผาเลตฺวา นาคเมทํ ขาทิตฺวา เสสกเฬวรํ สมุทฺเท วิสฺสชฺเชสิ. ตสฺมึ ปน นิคฺโรเธ เอกา สกุณิกา อตฺถิ, สา นิคฺโรธรุกฺเข วิสฺสฏฺเ อุปฺปติตฺวา โกฏสิมฺพลิยา สาขนฺตเร นิสีทิ. รุกฺขเทวตา ตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ สกุณิกา มม รุกฺขกฺขนฺเธ วจฺจํ ปาเตสฺสติ, ตโต นิคฺโรธคจฺโฉ วา ปิลกฺขคจฺโฉ วา อุฏฺหิตฺวา สกลรุกฺขํ โอตฺถริตฺวา คจฺฉิสฺสติ, อถ เม วิมานํ นสฺสิสฺสตี’’ติ ภีตตสิตา ปเวธิ. ตสฺสา ปเวธนฺติยา โกฏสิมฺพลีปิ ยาว มูลา ปเวธิ. สุปณฺณราชา ตํ ปเวธมานํ ทิสฺวา การณํ ปุจฺฉนฺโต ทฺเว คาถา อภาสิ –

๑๒๑.

‘‘อหํ ทสสตํพฺยามํ, อุรคมาทาย อาคโต;

ตฺจ มฺจ มหากายํ, ธารยํ นปฺปเวธสิ.

๑๒๒.

‘‘อถิมํ ขุทฺทกํ ปกฺขึ, อปฺปมํสตรํ มยา;

ธารยํ พฺยถสิ ภีตา, กมตฺถํ โกฏสิมฺพลี’’ติ.

ตตฺถ ทสสตํพฺยามนฺติ สหสฺสพฺยามมตฺตายามํ. อุรคมาทาย อาคโตติ เอวํ มหนฺตํ อุรคํ อาทาย อิธ อาคโต. ตฺจ มฺจาติ ตฺจ อุรคํ มฺจ. ธารยนฺติ ธารยมานา. พฺยถสีติ กมฺปสิ. กมตฺถนฺติ กึ อตฺถํ, เกน การเณนาติ ปุจฺฉติ, กํ วา อตฺถํ สมฺปสฺสมานาติปิ อตฺโถ. โกฏสิมฺพลีติ รุกฺขนาเมน เทวปุตฺตํ อาลปติ. โส หิ สิมฺพลิรุกฺโข ขนฺธสาขมหนฺตตาย โกฏสิมฺพลินามํ ลภติ, ตสฺมึ อธิวตฺถเทวปุตฺตสฺสปิ ตเทว นามํ.

อถสฺส การณํ กเถนฺโต เทวปุตฺโต จตสฺโส คาถา อภาสิ –

๑๒๓.

‘‘มํสภกฺโข ตุวํ ราช, ผลภกฺโข อยํ ทิโช;

อยํ นิคฺโรธพีชานิ, ปิลกฺขุทุมฺพรานิ จ;

อสฺสตฺถานิ จ ภกฺขิตฺวา, ขนฺเธ เม โอหทิสฺสติ.

๑๒๔.

‘‘เต รุกฺขา สํวิรูหนฺติ, มม ปสฺเส นิวาตชา;

เต มํ ปริโยนนฺธิสฺสนฺติ, อรุกฺขํ มํ กริสฺสเร.

๑๒๕.

‘‘สนฺติ อฺเปิ รุกฺขา เส, มูลิโน ขนฺธิโน ทุมา;

อิมินา สกุณชาเตน, พีชมาหริตา หตา.

๑๒๖.

‘‘อชฺฌารูหาภิวฑฺฒนฺติ, พฺรหนฺตมฺปิ วนปฺปตึ;

ตสฺมา ราช ปเวธามิ, สมฺปสฺสํนาคตํ ภย’’นฺติ.

ตตฺถ โอหทิสฺสตีติ วจฺจํ ปาเตสฺสติ. เต รุกฺขาติ เตหิ พีเชหิ ชาตา นิคฺโรธาทโย รุกฺขา. สํวิรูหนฺตีติ สํวิรุหิสฺสนฺติ วฑฺฒิสฺสนฺติ. มม ปสฺเสติ มม สาขนฺตราทีสุ. นิวาตชาติ มม สาขาหิ วาตสฺส นิวาริตตฺตา นิวาเต ชาตา. เต มํ ปริโยนนฺธิสฺสนฺตีติ เอเต เอวํ วฑฺฒิตา มํ ปริโยนนฺธิสฺสนฺตีติ อยเมตฺถาธิปฺปาโย. กริสฺสเรติ อเถวํ ปริโยนนฺธิตฺวา มํ อรุกฺขเมว กริสฺสนฺติ สพฺพโส ภฺชิสฺสนฺติ. รุกฺขา เสติ รุกฺขา. มูลิโน ขนฺธิโนติ มูลสมฺปนฺนา เจว ขนฺธสมฺปนฺนา จ. ทุมาติ รุกฺขเววจนเมว. พีชมาหริตาติ พีชํ อาหริตฺวา. หตาติ อฺเปิ อิมสฺมึ วเน รุกฺขา วินาสิตา สนฺติ. อชฺฌารูหาภิวฑฺฒนฺตีติ นิคฺโรธาทโย รุกฺขา อชฺฌารูหา หุตฺวา มหนฺตมฺปิ อฺํ วนปฺปตึ อติกฺกมฺม วฑฺฒนฺตีติ ทสฺเสติ. เอตฺถ ปน วเน ปติ, วนสฺส ปติ, วนปฺปตีติ ตโยปิ ปาาเยว. ราชาติ สุปณฺณํ อาลปติ.

รุกฺขเทวตาย วจนํ สุตฺวา สุปณฺโณ โอสานคาถมาห –

๑๒๗.

‘‘สงฺเกยฺย สงฺกิตพฺพานิ, รกฺเขยฺยานาคตํ ภยํ;

อนาคตภยา ธีโร, อุโภ โลเก อเวกฺขตี’’ติ.

ตตฺถ อนาคตํ ภยนฺติ ปาณาติปาตาทีหิ วิรมนฺโต ทิฏฺธมฺมิกมฺปิ สมฺปรายิกมฺปิ อนาคตํ ภยํ รกฺขติ นาม, ปาปมิตฺเต เวริปุคฺคเล จ อนุปสงฺกมนฺโต อนาคตภยํ รกฺขติ นาม. เอวํ อนาคตํ ภยํ รกฺเขยฺย. อนาคตภยาติ อนาคตภยการณา ตํ ภยํ ปสฺสนฺโต ธีโร อิธโลกฺจ ปรโลกฺจ อเวกฺขติ โอโลเกติ นาม.

เอวฺจ ปน วตฺวา สุปณฺโณ อตฺตโน อานุภาเวน ตํ ปกฺขึ ตมฺหา รุกฺขา ปลาเปสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘อาสงฺกิตพฺพยุตฺตกํ อาสงฺกิตุํ วฏฺฏตี’’ติ วตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน ปฺจสตา ภิกฺขู อรหตฺตผเล ปติฏฺหึสุ.

ตทา สุปณฺณราชา สาริปุตฺโต อโหสิ, รุกฺขเทวตา ปน อหเมว อโหสินฺติ.

โกฏสิมฺพลิชาตกวณฺณนา สตฺตมา.

[๔๑๓] ๘. ธูมการิชาตกวณฺณนา

ราชา อปุจฺฉิ วิธุรนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โกสลรฺโ อาคนฺตุกสงฺคหํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิร เอกสฺมึ สมเย ปเวณิอาคตานํ โปราณกโยธานํ สงฺคหํ อกตฺวา อภินวาคตานํ อาคนฺตุกานฺเว สกฺการสมฺมานํ อกาสิ. อถสฺส ปจฺจนฺเต กุปิเต ยุชฺฌนตฺถาย คตสฺส ‘‘อาคนฺตุกา ลทฺธสกฺการา ยุชฺฌิสฺสนฺตี’’ติ โปราณกโยธา น ยุชฺฌึสุ, ‘‘โปราณกโยธา ยุชฺฌิสฺสนฺตี’’ติ อาคนฺตุกาปิ น ยุชฺฌึสุ. โจรา ราชานํ ชินึสุ. ราชา ปราชิโต อาคนฺตุกสงฺคหโทเสน อตฺตโน ปราชิตภาวํ ตฺวา สาวตฺถึ ปจฺจาคนฺตฺวา ‘‘กึ นุ โข อหเมว เอวํ กโรนฺโต ปราชิโต, อุทาหุ อฺเปิ ราชาโน ปราชิตปุพฺพาติ ทสพลํ ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ ภุตฺตปาตราโส เชตวนํ คนฺตฺวา สกฺการํ กตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ตมตฺถํ ปุจฺฉิ. สตฺถา ‘‘น โข, มหาราช, ตฺวเมเวโก, โปราณกราชาโนปิ อาคนฺตุกสงฺคหํ กตฺวา ปราชิตา’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต กุรุรฏฺเ อินฺทปตฺถนคเร ยุธิฏฺิลโคตฺโต ธนฺจโย นาม โกรพฺยราชา รชฺชํ กาเรสิ. ตทา โพธิสตฺโต ตสฺส ปุโรหิตกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา อินฺทปตฺถํ ปจฺจาคนฺตฺวา ปิตุ อจฺจเยน ปุโรหิตฏฺานํ ลภิตฺวา รฺโ อตฺถธมฺมานุสาสโก อโหสิ, วิธุรปณฺฑิโตติสฺส นามํ กรึสุ. ตทา ธนฺจยราชา โปราณกโยเธ อคเณตฺวา อาคนฺตุกานฺเว สงฺคหํ อกาสิ. ตสฺส ปจฺจนฺเต กุปิเต ยุชฺฌนตฺถาย คตสฺส ‘‘อาคนฺตุกา ชานิสฺสนฺตี’’ติ เนว โปราณกา ยุชฺฌึสุ, ‘‘โปราณกา ยุชฺฌิสฺสนฺตี’’ติ น อาคนฺตุกา ยุชฺฌึสุ. ราชา ปราชิโต อินฺทปตฺถเมว ปจฺจาคนฺตฺวา ‘‘อาคนฺตุกสงฺคหสฺส กตภาเวน ปราชิโตมฺหี’’ติ จินฺเตสิ. โส เอกทิวสํ ‘‘กึ นุ โข อหเมว อาคนฺตุกสงฺคหํ กตฺวา ปราชิโต, อุทาหุ อฺเปิ ราชาโน ปราชิตปุพฺพา อตฺถีติ วิธุรปณฺฑิตํ ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ตํ ราชุปฏฺานํ อาคนฺตฺวา นิสินฺนํ ตมตฺถํ ปุจฺฉิ. อถสฺส ตํ ปุจฺฉนาการํ อาวิกโรนฺโต สตฺถา อุปฑฺฒํ คาถมาห –

๑๒๘.

‘‘ราชา อปุจฺฉิ วิธุรํ, ธมฺมกาโม ยุธิฏฺิโล’’ติ.

ตตฺถ ธมฺมกาโมติ สุจริตธมฺมปฺปิโย.

‘‘อปิ พฺราหฺมณ ชานาสิ, โก เอโก พหุ โสจตี’’ติ –

เสสอุปฑฺฒคาถาย ปน อยมตฺโถ – อปิ นาม, พฺราหฺมณ, ตฺวํ ชานาสิ ‘‘โก อิมสฺมึ โลเก

เอโก พหุ โสจติ, นานาการเณน โสจตี’’ติ.

ตํ สุตฺวา โพธิสตฺโต ‘‘มหาราช, กึ โสโก นาม ตุมฺหากํ โสโก, ปุพฺเพ ธูมการี นาเมโก อชปาลพฺราหฺมโณ มหนฺตํ อชยูถํ คเหตฺวา อรฺเ วชํ กตฺวา ตตฺถ อชา เปตฺวา อคฺคิฺจ ธูมฺจ กตฺวา อชยูถํ ปฏิชคฺคนฺโต ขีราทีนิ ปริภุฺชนฺโต วสิ. โส ตตฺถ อาคเต สุวณฺณวณฺเณ สรเภ ทิสฺวา เตสุ สิเนหํ กตฺวา อชา อคเณตฺวา อชานํ สกฺการํ สรภานํ กตฺวา สรทกาเล สรเภสุ ปลายิตฺวา หิมวนฺตํ คเตสุ อชาสุปิ นฏฺาสุ สรเภ อปสฺสนฺโต โสเกน ปณฺฑุโรคี หุตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปตฺโต, อยํ อาคนฺตุกสงฺคหํ กตฺวา ตุมฺเหหิ สตคุเณน สหสฺสคุเณน โสจิตฺวา กิลมิตฺวา วินาสํ ปตฺโต’’ติ อิทํ อุทาหรณํ อาเนตฺวา ทสฺเสนฺโต อิมา คาถา อาห –

๑๒๙.

‘‘พฺราหฺมโณ อชยูเถน, ปหูเตโช วเน วสํ;

ธูมํ อกาสิ วาเสฏฺโ, รตฺตินฺทิวมตนฺทิโต.

๑๓๐.

‘‘ตสฺส ตํธูมคนฺเธน, สรภา มกสฑฺฑิตา;

วสฺสาวาสํ อุปคจฺฉุํ, ธูมการิสฺส สนฺติเก.

๑๓๑.

‘‘สรเภสุ มนํ กตฺวา, อชา โส นาวพุชฺฌถ;

อาคจฺฉนฺตี วชนฺตี วา, ตสฺส ตา วินสุํ อชา.

๑๓๒.

‘‘สรภา สรเท กาเล, ปหีนมกเส วเน;

ปาวิสุํ คิริทุคฺคานิ, นทีนํ ปภวานิ จ.

๑๓๓.

‘‘สรเภ จ คเต ทิสฺวา, อชา จ วิภวํ คตา;

กิโส จ วิวณฺโณ จาสิ, ปณฺฑุโรคี จ พฺราหฺมโณ.

๑๓๔.

‘‘เอวํ โย สํ นิรํกตฺวา, อาคนฺตุํ กุรุเต ปิยํ;

โส เอโก พหุ โสจติ, ธูมการีว พฺราหฺมโณ’’ติ.

ตตฺถ ปหูเตโชติ ปหูตอินฺธโน. ธูมํ อกาสีติ มกฺขิกปริปนฺถหรณตฺถาย อคฺคิฺจ ธูมฺจ อกาสิ. วาเสฏฺโติ ตสฺส โคตฺตํ. อตนฺทิโตติ อนลโส หุตฺวา. ตํธูมคนฺเธนาติ เตน ธูมคนฺเธน. สรภาติ สรภมิคา. มกสฑฺฑิตาติ มกเสหิ อุปทฺทุตา ปีฬิตา. เสสมกฺขิกาปิ มกสคฺคหเณเนว คหิตา. วสฺสาวาสนฺติ วสฺสารตฺตวาสํ วสึสุ. มนํ กตฺวาติ สิเนหํ อุปฺปาเทตฺวา. นาวพุชฺฌถาติ อรฺโต จริตฺวา วชํ อาคจฺฉนฺตี เจว วชโต อรฺํ คจฺฉนฺตี จ ‘‘เอตฺตกา อาคตา, เอตฺตกา อนาคตา’’ติ น ชานาติ. ตสฺส ตา วินสุนฺติ ตสฺส ตา เอวํ อปจฺจเวกฺขนฺตสฺส สีหปริปนฺถาทิโต อรกฺขิยมานา อชา สีหปริปนฺถาทีหิ วินสฺสึสุ, สพฺพาว วินฏฺา.

นทีนํ ปภวานิ จาติ ปพฺพเตยฺยานํ นทีนํ ปภวฏฺานานิ จ ปวิฏฺา. วิภวนฺติ อภาวํ. อชา จ วินาสํ ปตฺตา ทิสฺวา ชานิตฺวา. กิโส จ วิวณฺโณติ ขีราทิทายิกา อชา ปหาย สรเภ สงฺคณฺหิตฺวา เตปิ อปสฺสนฺโต อุภโต ปริหีโน โสกาภิภูโต กิโส เจว ทุพฺพณฺโณ จ อโหสิ. เอวํ โย สํ นิรํกตฺวาติ เอวํ มหาราช, โย สกํ โปราณํ อชฺฌตฺติกํ ชนํ นีหริตฺวา ปหาย กิสฺมิฺจิ อคเณตฺวา อาคนฺตุกํ ปิยํ กโรติ, โส ตุมฺหาทิโส เอโก พหุ โสจติ, อยํ เต มยา ทสฺสิโต ธูมการี พฺราหฺมโณ วิย พหุ โสจตีติ.

เอวํ มหาสตฺโต ราชานํ สฺาเปนฺโต กเถสิ. โสปิ สฺตฺตํ คนฺตฺวา ตสฺส ปสีทิตฺวา พหุํ ธนํ อทาสิ. ตโต ปฏฺาย จ อชฺฌตฺติกสงฺคหเมว กโรนฺโต ทานาทีนิ ปุฺานิ กตฺวา สคฺคปรายโณ อโหสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา โกรพฺยราชา อานนฺโท อโหสิ, ธูมการี ปเสนทิโกสโล, วิธุรปณฺฑิโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

ธูมการิชาตกวณฺณนา อฏฺมา.

[๔๑๔] ๙. ชาครชาตกวณฺณนา

โกธ ชาครตํ สุตฺโตติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ อุปาสกํ อารพฺภ กเถสิ. โส หิ โสตาปนฺโน อริยสาวโก สาวตฺถิโต สกฏสตฺเถน สทฺธึ กนฺตารมคฺคํ ปฏิปชฺชิ. สตฺถวาโห ตตฺถ เอกสฺมึ อุทกผาสุกฏฺาเน ปฺจ สกฏสตานิ โมเจตฺวา ขาทนียโภชนียํ สํวิทหิตฺวา วาสํ อุปคจฺฉิ. เต มนุสฺสา ตตฺถ ตตฺถ นิปชฺชิตฺวา สุปึสุ, อุปาสโก ปน สตฺถวาหสฺส สนฺติเก เอกสฺมึ รุกฺขมูเล จงฺกมํ อธิฏฺาสิ. อถ นํ สตฺถํ วิลุมฺปิตุกามา ปฺจสตา โจรา นานาวุธานิ คเหตฺวา สตฺถํ ปริวาเรตฺวา อฏฺํสุ. เต ตํ อุปาสกํ จงฺกมนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อิมสฺส นิทฺทายนกาเล วิลุมฺปิสฺสามา’’ติ ตตฺถ ตตฺถ อฏฺํสุ, โสปิ ติยามรตฺตึ จงฺกมิเยว. โจรา ปจฺจูสสมเย คหิตคหิตา ปาสาณมุคฺคราทโย ฉฑฺเฑตฺวา ‘‘โภ สตฺถวาห, อิมํ อปฺปมาเทน ชคฺคนฺตํ ปุริสํ นิสฺสาย ชีวิตํ ลภิตฺวา ตว สนฺตกสฺส สามิโก ชาโต, เอตสฺส สกฺการํ กเรยฺยาสี’’ติ วตฺวา ปกฺกมึสุ. มนุสฺสา กาลสฺเสว วุฏฺาย เตหิ ฉฑฺฑิตปาสาณมุคฺคราทโย ทิสฺวา ‘‘อิมํ นิสฺสาย อมฺเหหิ ชีวิตํ ลทฺธ’’นฺติ อุปาสกสฺส สกฺการํ อกํสุ. อุปาสโกปิ อิจฺฉิตฏฺานํ คนฺตฺวา กตกิจฺโจ ปุน สาวตฺถึ อาคนฺตฺวา เชตวนํ คนฺตฺวา ตถาคตํ ปูเชตฺวา วนฺทิตฺวา นิสินฺโน ‘‘กึ, อุปาสก, น ปฺายสี’’ติ วุตฺเต ตมตฺถํ อาโรเจสิ. สตฺถา ‘‘น โข, อุปาสก, ตฺวํเยว อนิทฺทายิตฺวา ชคฺคนฺโต วิเสสํ ลภิ, โปราณกปณฺฑิตาปิ ชคฺคนฺตา วิเสสํ คุณํ ลภึสู’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา ปจฺจาคนฺตฺวา อคารมชฺเฌ วสนฺโต อปรภาเค นิกฺขมิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา น จิรสฺเสว ฌานาภิฺํ นิพฺพตฺเตตฺวา หิมวนฺตปเทเส านจงฺกมิริยาปโถ หุตฺวา วสนฺโต นิทฺทํ อนุปคนฺตฺวา สพฺพรตฺตึ จงฺกมติ. อถสฺส จงฺกมนโกฏิยํ นิพฺพตฺตรุกฺขเทวตา ตุสฺสิตฺวา รุกฺขวิฏเป ตฺวา ปฺหํ ปุจฺฉนฺตี ปมํ คาถมาห –

๑๓๕.

‘‘โกธ ชาครตํ สุตฺโต, โกธ สุตฺเตสุ ชาคโร;

โก มเมตํ วิชานาติ, โก ตํ ปฏิภณาติ เม’’ติ.

ตตฺถ โกธาติ โก อิธ. โก มเมตนฺติ โก มม เอตํ ปฺหํ วิชานาติ. โก ตํ ปฏิภณาติ เมติ เอตํ มยา ปุฏฺํ ปฺหํ มยฺหํ โก ปฏิภณาติ, โก พฺยากริตุํ สกฺขิสฺสตีติ ปุจฺฉติ.

โพธิสตฺโต ตสฺสา วจนํ สุตฺวา –

๑๓๖.

‘‘อหํ ชาครตํ สุตฺโต, อหํ สุตฺเตสุ ชาคโร;

อหเมตํ วิชานามิ, อหํ ปฏิภณามิ เต’’ติ. –

อิมํ คาถํ วตฺวา ปุน ตาย –

๑๓๗.

‘‘กถํ ชาครตํ สุตฺโต, กถํ สุตฺเตสุ ชาคโร;

กถํ เอตํ วิชานาสิ, กถํ ปฏิภณาสิ เม’’ติ. –

อิมํ คาถํ ปุฏฺโ ตมตฺถํ พฺยากโรนฺโต –

๑๓๘.

‘‘เย ธมฺมํ นปฺปชานนฺติ, สํยโมติ ทโมติ จ;

เตสุ สุปฺปมาเนสุ, อหํ ชคฺคามิ เทวเต.

๑๓๙.

‘‘เยสํ ราโค จ โทโส จ, อวิชฺชา จ วิราชิตา;

เตสุ ชาครมาเนสุ, อหํ สุตฺโตสฺมิ เทวเต.

๑๔๐.

‘‘เอวํ ชาครตํ สุตฺโต, เอวํ สุตฺเตสุ ชาคโร;

เอวเมตํ วิชานามิ, เอวํ ปฏิภณามิ เต’’ติ. – อิมา คาถา อาห;

ตตฺถ กถํ ชาครตํ สุตฺโตติ กถํ ตฺวํ ชาครตํ สตฺตานํ อนฺตเร สุตฺโต นาม โหสิ. เอส นโย สพฺพตฺถ. เย ธมฺมนฺติ เย สตฺตา นววิธํ โลกุตฺตรธมฺมํ น ปชานนฺติ. สํยโมติ ทโมติ จาติ ‘‘อยํ สํยโม, อยํ ทโม’’ติ เอวฺจ เย มคฺเคน อาคตํ สีลฺเจว อินฺทฺริยสํวรฺจ น ชานนฺติ. อินฺทฺริยสํวโร หิ มนจฺฉฏฺานํ อินฺทฺริยานํ ทมนโต ‘‘ทโม’’ติ วุจฺจติ. เตสุ สุปฺปมาเนสูติ เตสุ กิเลสนิทฺทาวเสน สุปนฺเตสุ สตฺเตสุ อหํ อปฺปมาทวเสน ชคฺคามิ.

‘‘เยสํ ราโค จา’’ติ คาถาย เยสํ มหาขีณาสวานํ ปทสเตน นิทฺทิฏฺทิยฑฺฒสหสฺสตณฺหาโลภสงฺขาโต ราโค จ นวอาฆาตวตฺถุสมุฏฺาโน โทโส จ ทุกฺขาทีสุ อฏฺสุ วตฺถูสุ อฺาณภูตา อวิชฺชา จาติ อิเม กิเลสา วิราชิตา ปหีนา, เตสุ อริเยสุ สพฺพากาเรน ชาครมาเนสุ เต อุปาทาย อหํ สุตฺโต นาม เทวเตติ อตฺโถ. เอวํ ชาครตนฺติ เอวํ เทวเต อหํ อิมินา การเณน ชาครตํ สุตฺโต นามาติ. เอส นโย สพฺพปเทสุ.

เอวํ มหาสตฺเตน ปฺเห กถิเต ตุฏฺา เทวตา ตสฺส ถุตึ กโรนฺตี โอสานคาถมาห –

๑๔๑.

‘‘สาธุ ชาครตํ สุตฺโต, สาธุ สุตฺเตสุ ชาคโร;

สาธุ เมตํ วิชานาสิ, สาธุ ปฏิภณาสิ เม’’ติ.

ตตฺถ สาธูติ ภทฺทกํ กตฺวา ตฺวํ อิมํ ปฺหํ กเถสิ, มยมฺปิ นํ เอวเมว กเถมาติ. เอวํ สา โพธิสตฺตสฺส ถุตึ กตฺวา อตฺตโน วิมานเมว ปาวิสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา เทวธีตา อุปฺปลวณฺณา อโหสิ, ตาปโส ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

ชาครชาตกวณฺณนา นวมา.

[๔๑๕] ๑๐. กุมฺมาสปิณฺฑิชาตกวณฺณนา

น กิรตฺถีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต มลฺลิกํ เทวึ อารพฺภ กเถสิ. สา หิ สาวตฺถิยํ เอกสฺส มาลาการเชฏฺกสฺส ธีตา อุตฺตมรูปธรา มหาปุฺา โสฬสวสฺสิกกาเล เอกทิวสํ กุมาริกาหิ สทฺธึ ปุปฺผารามํ คจฺฉนฺตี ตโย กุมฺมาสปิณฺเฑ คเหตฺวา ปุปฺผปจฺฉิยํ เปตฺวา คจฺฉติ. สา นครโต นิกฺขมนกาเล ภควนฺตํ สรีรปฺปภํ วิสฺสชฺเชตฺวา ภิกฺขุสงฺฆปริวุตํ นครํ ปวิสนฺตํ ทิสฺวา ตโย กุมฺมาสปิณฺเฑ อุปนาเมสิ. สตฺถา จตุมหาราชทตฺติยํ ปตฺตํ อุปเนตฺวา ปฏิคฺคเหสิ. สาปิ ตถาคตสฺส ปาเท สิรสา วนฺทิตฺวา พุทฺธารมฺมณํ ปีตึ คเหตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. สตฺถา ตํ โอโลเกตฺวา สิตํ ปาตฺวากาสิ. อายสฺมา อานนฺโท ‘‘โก นุ โข, ภนฺเต, เหตุ โก ปจฺจโย ตถาคตสฺส สิตกรเณ’’ติ ภควนฺตํ ปุจฺฉิ. อถสฺส สตฺถา ‘‘อานนฺท, อยํ กุมาริกา อิเมสํ กุมฺมาสปิณฺฑานํ ผเลน อชฺเชว โกสลรฺโ อคฺคมเหสี ภวิสฺสตี’’ติ สิตการณํ กเถสิ.

กุมาริกาปิ ปุปฺผารามํ คตา. ตํ ทิวสเมว โกสลราชา อชาตสตฺตุนา สทฺธึ ยุชฺฌนฺโต ยุทฺธปราชิโต ปลายิตฺวา อสฺสํ อภิรุยฺห อาคจฺฉนฺโต ตสฺสา คีตสทฺทํ สุตฺวา ปฏิพทฺธจิตฺโต อสฺสํ ตํ อารามาภิมุขํ เปเสสิ. ปุฺสมฺปนฺนา กุมาริกา ราชานํ ทิสฺวา อปลายิตฺวาว อาคนฺตฺวา อสฺสสฺส นาสรชฺชุยา คณฺหิ, ราชา อสฺสปิฏฺิยํ นิสินฺโนว ‘‘สสามิกาสิ, อสามิกาสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา อสามิกภาวํ ตฺวา อสฺสา โอรุยฺห วาตาตปกิลนฺโต ตสฺสา องฺเก นิปนฺโน มุหุตฺตํ วิสฺสมิตฺวา ตํ อสฺสปิฏฺิยํ นิสีทาเปตฺวา พลกายปริวุโต นครํ ปวิสิตฺวา อตฺตโน กุลฆรํ เปเสตฺวา สายนฺหสมเย ยานํ ปหิณิตฺวา มหนฺเตน สกฺการสมฺมาเนน กุลฆรโต อาหราเปตฺวา รตนราสิมฺหิ เปตฺวา อภิเสกํ ทตฺวา อคฺคมเหสึ อกาสิ. ตโต ปฏฺาย จ สา รฺโ ปิยา อโหสิ มนาปา, ปุพฺพุฏฺายิกาทีหิ ปฺจหิ กลฺยาณธมฺเมหิ สมนฺนาคตา ปติเทวตา, พุทฺธานมฺปิ วลฺลภา อโหสิ. ตสฺสา สตฺถุ ตโย กุมฺมาสปิณฺเฑ ทตฺวา ตํ สมฺปตฺตึ อธิคตภาโว สกลนครํ ปตฺถริตฺวา คโต.

อเถกทิวสํ ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, มลฺลิกา เทวี พุทฺธานํ ตโย กุมฺมาสปิณฺเฑ ทตฺวา เตสํ ผเลน ตํ ทิวสฺเว อภิเสกํ ปตฺตา, อโห พุทฺธานํ มหาคุณตา’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘อนจฺฉริยํ, ภิกฺขเว, มลฺลิกาย เอกสฺส สพฺพฺุพุทฺธสฺส ตโย กุมฺมาสปิณฺเฑ ทตฺวา โกสลรฺโ อคฺคมเหสิภาวาธิคโม. กสฺมา? พุทฺธานํ คุณมหนฺตตาย. โปราณกปณฺฑิตา ปน ปจฺเจกพุทฺธานํ อโลณกํ อสฺเนหํ อผาณิตํ กุมฺมาสํ ทตฺวา ตสฺส ผเลน ทุติเย อตฺตภาเว ติโยชนสติเก กาสิรฏฺเ รชฺชสิรึ ปาปุณึสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต เอกสฺมึ ทลิทฺทกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต เอกํ เสฏฺึ นิสฺสาย ภติยา กมฺมํ กโรนฺโต ชีวิกํ กปฺเปสิ. โส เอกทิวสํ ‘‘ปาตราสตฺถาย เม ภวิสฺสตี’’ติ อนฺตราปณโต จตฺตาโร กุมฺมาสปิณฺเฑ คเหตฺวา กมฺมนฺตํ คจฺฉนฺโต จตฺตาโร ปจฺเจกพุทฺเธ ภิกฺขาจารตฺถาย พาราณสินคราภิมุเข อาคจฺฉนฺเต ทิสฺวา ‘‘อิเม ภิกฺขํ สนฺธาย พาราณสึ คจฺฉนฺติ, มยฺหมฺปิเม จตฺตาโร กุมฺมาสปิณฺฑา อตฺถิ, ยํนูนาหํ อิเม อิเมสํ ทเทยฺย’’นฺติ จินฺเตตฺวา เต อุปสํกมิตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘ภนฺเต, อิเม เม หตฺเถ จตฺตาโร กุมฺมาสปิณฺฑา, อหํ อิเม ตุมฺหากํ ททามิ, สาธุ เม, ภนฺเต, ปฏิคฺคณฺหถ, เอวมิทํ ปุฺํ มยฺหํ ภวิสฺสติ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’’ติ วตฺวา เตสํ อธิวาสนํ วิทิตฺวา วาลิกํ อุสฺสาเปตฺวา จตฺตาริ อาสนานิ ปฺเปตฺวา เตสํ อุปริ สาขาภงฺคํ อตฺถริตฺวา ปจฺเจกพุทฺเธ ปฏิปาฏิยา นิสีทาเปตฺวา ปณฺณปุเฏน อุทกํ อาหริตฺวา ทกฺขิโณทกํ ปาเตตฺวา จตูสุ ปตฺเตสุ จตฺตาโร กุมฺมาสปิณฺเฑ ปติฏฺาเปตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘ภนฺเต, เอเตสํ นิสฺสนฺเทน ทลิทฺทเคเห นิพฺพตฺติ นาม มา โหตุ, สพฺพฺุตฺาณปฺปฏิเวธสฺส ปจฺจโย โหตู’’ติ อาห. ปจฺเจกพุทฺธา ปริภุฺชึสุ, ปริโภคาวสาเน อนุโมทนํ กตฺวา อุปฺปติตฺวา นนฺทมูลกปพฺภารเมว อคมํสุ.

โพธิสตฺโต อฺชลึ ปคฺคยฺห ปจฺเจกพุทฺธคตํ ปีตึ คเหตฺวา เตสุ จกฺขุปถํ อตีเตสุ อตฺตโน กมฺมนฺตํ คนฺตฺวา ยาวตายุกํ ทานํ อนุสฺสริตฺวา กาลํ กตฺวา ตสฺส ผเลน พาราณสิรฺโ อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติ, พฺรหฺมทตฺตกุมาโรติสฺส นามํ อกํสุ. โส อตฺตโน ปทสา คมนกาลโต ปฏฺาย ‘‘อหํ อิมสฺมึเยว นคเร ภตโก หุตฺวา กมฺมนฺตํ คจฺฉนฺโต ปจฺเจกพุทฺธานํ จตฺตาโร กุมฺมาสปิณฺเฑ ทตฺวา ตสฺส ทานสฺส ผเลน อิธ นิพฺพตฺโต’’ติ ปสนฺนาทาเส มุขนิมิตฺตํ วิย สพฺพํ ปุริมชาติกิริยํ ชาติสฺสราเณน ปากฏํ กตฺวา ปสฺสิ. โส วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ คนฺตฺวา สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา ปจฺจาคนฺตฺวา สิกฺขิตสิปฺปํ ปิตุ ทสฺเสตฺวา ตุฏฺเน ปิตรา โอปรชฺเช ปติฏฺาปิโต, อปรภาเค ปิตุ อจฺจเยน รชฺเช ปติฏฺาสิ. อถสฺส อุตฺตมรูปธรํ โกสลรฺโ ธีตรํ อาเนตฺวา อคฺคมเหสึ อกํสุ, ฉตฺตมงฺคลทิวเส ปนสฺส สกลนครํ เทวนครํ วิย อลงฺกรึสุ.

โส นครํ ปทกฺขิณํ กตฺวา อลงฺกตปาสาทํ อภิรุหิตฺวา มหาตลมชฺเฌ สมุสฺสิตเสตจฺฉตฺตํ ปลฺลงฺกํ อภิรุยฺห นิสินฺโน ปริวาเรตฺวา ิเต เอกโต อมจฺเจ, เอกโต พฺราหฺมณคหปติอาทโย นานาวิภเว สิริวิลาสสมุชฺชเล, เอกโต นานาวิธปณฺณาการหตฺเถ นาครมนุสฺเส, เอกโต อลงฺกตเทวจฺฉรสงฺฆํ วิย โสฬสสหสฺสสงฺขํ นาฏกิตฺถิคณนฺติ อิมํ อติมโนรมํ สิริวิภวํ โอโลเกนฺโต อตฺตโน ปุพฺพกมฺมํ อนุสฺสริตฺวา ‘‘อิทํ สุวณฺณปิณฺฑิกํ กฺจนมาลํ เสตจฺฉตฺตํ, อิมานิ จ อเนกสหสฺสานิ หตฺถิวาหนอสฺสวาหนรถวาหนานิ, มณิมุตฺตาทิปูริตา สารคพฺภา, นานาวิธธฺปูริตา มหาปถวี, เทวจฺฉรปฏิภาคา นาริโย จาติ สพฺโพเปส มยฺหํ สิริวิภโว น อฺสฺส สนฺตโก, จตุนฺนํ ปจฺเจกพุทฺธานํ ทินฺนสฺส จตุกุมฺมาสปิณฺฑทานสฺเสว สนฺตโก, เต นิสฺสาย มยา เอส ลทฺโธ’’ติ ปจฺเจกพุทฺธานํ คุณํ อนุสฺสริตฺวา อตฺตโน กมฺมํ ปากฏํ อกาสิ. ตสฺส ตํ อนุสฺสรนฺตสฺส สกลสรีรํ ปีติยา ปูริ. โส ปีติยา เตมิตหทโย มหาชนสฺส มชฺเฌ อุทานคีตํ คายนฺโต ทฺเว คาถา อภาสิ –

๑๔๒.

‘‘น กิรตฺถิ อโนมทสฺสิสุ, ปาริจริยา พุทฺเธสุ อปฺปิกา;

สุกฺขาย อโลณิกาย จ, ปสฺส ผลํ กุมฺมาสปิณฺฑิยา.

๑๔๓.

‘‘หตฺถิควาสฺสา จิเม พหู, ธนธฺํ ปถวี จ เกวลา;

นาริโย จิมา อจฺฉรูปมา, ปสฺส ผลํ กุมฺมาสปิณฺฑิยา’’ติ.

ตตฺถ อโนมทสฺสิสูติ อโนมสฺส อลามกสฺส ปจฺเจกโพธิาณสฺส ทิฏฺตฺตา ปจฺเจกพุทฺธา อโนมทสฺสิโน นาม. ปาริจริยาติ อภิวาทนปจฺจุฏฺานฺชลิกมฺมาทิเภทา สามีจิกิริยาปิ, สมฺปตฺเต ทิสฺวา อตฺตโน สนฺตกํ อปฺปํ วา พหุํ วา ลูขํ วา ปณีตํ วา เทยฺยธมฺมํ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา คุณํ สลฺลกฺเขตฺวา ติสฺโส เจตนา วิโสเธตฺวา ผลํ สทฺทหิตฺวา ปริจฺจชนกิริยาปิ. พุทฺเธสูติ ปจฺเจกพุทฺเธสุ. อปฺปิกาติ มนฺทา ปริตฺตา นาม นตฺถิ กิร. สุกฺขายาติ นิสฺเนหาย. อโลณิกายาติ ผาณิตวิรหิตาย. นิปฺผาณิตตฺตา หิ สา ‘‘อโลณิกา’’ติ วุตฺตา. กุมฺมาสปิณฺฑิยาติ จตฺตาโร กุมฺมาสปิณฺเฑ เอกโต กตฺวา คหิตํ กุมฺมาสํ สนฺธาย เอวมาห. คุณวนฺตานํ สมณพฺราหฺมณานํ คุณํ สลฺลกฺเขตฺวา จิตฺตํ ปสาเทตฺวา ผลุปฺปตฺตึ ปาฏิกงฺขมานานํ ติสฺโส เจตนา วิโสเธตฺวา ทินฺนปทกฺขิณา อปฺปิกา นาม นตฺถิ, นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน มหาสมฺปตฺติเมว เทตีติ วุตฺตํ โหติ. โหติ เจตฺถ –

‘‘นตฺถิ จิตฺเต ปสนฺนมฺหิ, อปฺปิกา นาม ทกฺขิณา;

ตถาคเต วา สมฺพุทฺเธ, อถ วา ตสฺส สาวเก.

‘‘ติฏฺนฺเต นิพฺพุเต จาปิ, สเม จิตฺเต สมํ ผลํ;

เจโตปณิธิเหตุ หิ, สตฺตา คจฺฉนฺติ สุคฺคติ’’นฺติ. (วิ. ว. ๘๐๔, ๘๐๖);

อิมสฺส ปนตฺถสฺส ทีปนตฺถาย –

‘‘ขีโรทนํ อหมทาสึ, ภิกฺขุโน ปิณฺฑาย จรนฺตสฺส; (วิ. ว. ๔๑๓);

ตสฺสา เม ปสฺส วิมานํ, อจฺฉรา กามวณฺณินีหมสฺมิ. (วิ. ว. ๓๓๔);

‘‘อจฺฉราสหสฺสสฺสาหํ, ปวรา ปสฺส ปุฺานํ วิปากํ;

เตน เมตาทิโส วณฺโณ, เตน เม อิธ มิชฺฌติ.

‘‘อุปฺปชฺชนฺติ จ เม โภคา, เย เกจิ มนโส ปิยา;

เตนมฺหิ เอวํ ชลิตานุภาวา, วณฺโณ จ เม สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติ. (วิ. ว. ๓๓๔-๓๓๖) –

เอวมาทีนิ วิมานวตฺถูนิ อาหริตพฺพานิ.

ธนธฺนฺติ มุตฺตาทิธนฺจ สตฺต ธฺานิ จ. ปถวี จ เกวลาติ สกลา เจสา มหาปถวีติ สกลปถวึ หตฺถคตํ มฺมาโน วทติ. ปสฺส ผลํ กุมฺมาสปิณฺฑิยาติ อตฺตโน ทานผลํ อตฺตนาว ทสฺเสนฺโต เอวมาห. ทานผลํ กิร โพธิสตฺตา จ สพฺพฺุพุทฺธาเยว จ ชานนฺติ. เตเนว สตฺถา อิติวุตฺตเก สุตฺตนฺตํ กเถนฺโต –

‘‘เอวฺเจ, ภิกฺขเว, สตฺตา ชาเนยฺยุํ ทานสํวิภาคสฺส วิปากํ, ยถาหํ ชานามิ, น อทตฺวา ภุฺเชยฺยุํ, น จ เนสํ มจฺเฉรมลํ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺเยฺย. โยปิ เนสํ อสฺส จริโม อาโลโป จริมํ กพฬํ, ตโตปิ น อสํวิภชิตฺวา ภุฺเชยฺยุํ, สเจ เนสํ ปฏิคฺคาหกา อสฺสุ. ยสฺมา จ โข, ภิกฺขเว, สตฺตา น เอวํ ชานนฺติ ทานสํวิภาคสฺส วิปากํ, ยถาหํ ชานามิ, ตสฺมา อทตฺวา ภุฺชนฺติ, มจฺเฉรมลฺจ เนสํ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺตี’’ติ (อิติวุ. ๒๖).

โพธิสตฺโตปิ อตฺตโน ฉตฺตมงฺคลทิวเส สฺชาตปีติปาโมชฺโช อิมาหิ ทฺวีหิ คาถาหิ อุทานคีตํ คายิ. ตโต ปฏฺาย ‘‘รฺโ ปิยคีต’’นฺติ โพธิสตฺตสฺส นาฏกิตฺถิโย จ เสสนาฏกคนฺธพฺพาทโยปิ จ อนฺเตปุรชโนปิ อนฺโตนครวาสิโนปิ พหินครวาสิโนปิ ปานาคาเรสุปิ อมจฺจมณฺฑเลสุปิ ‘‘อมฺหากํ รฺโ ปิยคีต’’นฺติ ตเทว คีตํ คายนฺติ. เอวํ อทฺธาเน คเต อคฺคมเหสี ตสฺส คีตสฺส อตฺถํ ชานิตุกามา อโหสิ, มหาสตฺตํ ปน ปุจฺฉิตุํ น วิสหติ. อถสฺสา เอกสฺมึ คุเณ ปสีทิตฺวา เอกทิวสํ ราชา ‘‘ภทฺเท, วรํ เต ทสฺสามิ, วรํ คณฺหาหี’’ติ อาห. ‘‘สาธุ, เทว, คณฺหามี’’ติ. ‘‘หตฺถิอสฺสาทีสุ เต กึ ทมฺมี’’ติ? ‘‘เทว, ตุมฺเห นิสฺสาย มยฺหํ น กิฺจิ นตฺถิ, น เม เอเตหิ อตฺโถ, สเจ ปน ทาตุกามาตฺถ, ตุมฺหากํ คีตสฺส อตฺถํ กเถตฺวา เทถา’’ติ. ‘‘ภทฺเท, โก เต อิมินา วเรน อตฺโถ, อฺํ คณฺหาหี’’ติ. ‘‘เทว, อฺเน เม อตฺโถ นตฺถิ, เอตเทว คณฺหามี’’ติ. ‘‘สาธุ ภทฺเท, กเถสฺสามิ, ตุยฺหํ ปน เอกิกาย รโห น กเถสฺสามิ, ทฺวาทสโยชนิกาย พาราณสิยา เภรึ จราเปตฺวา ราชทฺวาเร รตนมณฺฑปํ กาเรตฺวา รตนปลฺลงฺกํ ปฺาเปตฺวา อมจฺจพฺราหฺมณาทีหิ จ นาคเรหิ เจว โสฬสหิ อิตฺถิสหสฺเสหิ จ ปริวุโต เตสํ มชฺเฌ รตนปลฺลงฺเก นิสีทิตฺวา กเถสฺสามี’’ติ. สา ‘‘สาธุ, เทวา’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ.

ราชา ตถา กาเรตฺวา อมรคณปริวุโต สกฺโก เทวราชา วิย มหาชนกายปริวุโต รตนปลฺลงฺเก นิสีทิ. เทวีปิ สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิตา กฺจนภทฺทปีํ อตฺถริตฺวา เอกมนฺเต อกฺขิโกฏิยา โอโลเกตฺวา ตถารูเป าเน นิสีทิตฺวา ‘‘เทว, ตุมฺหากํ ตุสฺสิตฺวา คายนมงฺคลคีตสฺส ตาว เม อตฺถํ คคนตเล ปุณฺณจนฺทํ อุฏฺาเปนฺโต วิย ปากฏํ กตฺวา กเถถา’’ติ วตฺวา ตติยํ คาถมาห –

๑๔๔.

‘‘อภิกฺขณํ ราชกุฺชร, คาถา ภาสสิ โกสลาธิป;

ปุจฺฉามิ ตํ รฏฺวฑฺฒน, พาฬฺหํ ปีติมโน ปภาสสี’’ติ.

ตตฺถ โกสลาธิปาติ น โส โกสลรฏฺาธิโป, กุสเล ปน ธมฺเม อธิปตึ กตฺวา วิหรติ, เตน นํ อาลปนฺตี เอวมาห, กุสลาธิป กุสลชฺฌาสยาติ อตฺโถ. พาฬฺหํ ปีติมโน ปภาสสีติ อติวิย ปีติยุตฺตจิตฺโต หุตฺวา ภาสสิ, ตสฺมา กเถถ ตาว เม เอตาสํ คาถานํ อตฺถนฺติ.

อถสฺส คาถานมตฺถํ อาวิ กโรนฺโต มหาสตฺโต จตสฺโส คาถา อภาสิ –

๑๔๕.

‘‘อิมสฺมึเยว นคเร, กุเล อฺตเร อหุํ;

ปรกมฺมกโร อาสึ, ภตโก สีลสํวุโต.

๑๔๖.

‘‘กมฺมาย นิกฺขมนฺโตหํ, จตุโร สมเณทฺทสํ;

อาจารสีลสมฺปนฺเน, สีติภูเต อนาสเว.

๑๔๗.

‘‘เตสุ จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, นิสีเทตฺวา ปณฺณสนฺถเต;

อทํ พุทฺธานํ กุมฺมาสํ, ปสนฺโน เสหิ ปาณิภิ.

๑๔๘.

‘‘ตสฺส กมฺมสฺส กุสลสฺส, อิทํ เม เอทิสํ ผลํ;

อนุโภมิ อิทํ รชฺชํ, ผีตํ ธรณิมุตฺตม’’นฺติ.

ตตฺถ กุเล อฺตเรติ นาเมน วา โคตฺเตน วา อปากเฏ เอกสฺมึเยว กุเล. อหุนฺติ นิพฺพตฺตึ. ปรกมฺมกโร อาสินฺติ ตสฺมึ กุเล ชาโตวาหํ ทลิทฺทตาย ปรสฺส กมฺมํ กตฺวา ชีวิกํ กปฺเปนฺโต ปรกมฺมกโร อาสึ. ภตโกติ ปรเวตนภโต. สีลสํวุโตติ ปฺจสีลสํวเร ิโต, ภติยา ชีวนฺโตปิ ทุสฺสีลฺยํ ปหาย สีลสมฺปนฺโนว อโหสินฺติ ทีเปติ. กมฺมาย นิกฺขมนฺโตหนฺติ ตํ ทิวสํ กตฺตพฺพกิจฺจสฺส กรณตฺถาย นิกฺขนฺโต อหํ. จตุโร สมเณทฺทสนฺติ ภทฺเท, อหํ นครา นิกฺขมฺม มหามคฺคํ อารุยฺห อตฺตโน กมฺมภูมึ คจฺฉนฺโต ภิกฺขาย พาราณสินครํ ปวิสนฺเต สมิตปาเป จตฺตาโร ปพฺพชิเต อทฺทสํ. อาจารสีลสมฺปนฺเนติ เอกวีสติยา อเนสนาหิ ชีวิกกปฺปนํ อนาจาโร นาม, ตสฺส ปฏิปกฺเขน อาจาเรน เจว มคฺคผเลหิ อาคเตน สีเลน จ สมนฺนาคเต. สีติภูเตติ ราคาทิปริฬาหวูปสเมน เจว เอกาทสอคฺคินิพฺพาปเนน จ สีติภาวปฺปตฺเต. อนาสเวติ กามาสวาทิวิรหิเต. นิสีเทตฺวาติ วาลิกาสนานํ อุปริ สนฺถเต ปณฺณสนฺถเร นิสีทาเปตฺวา. สนฺถโร หิ อิธ สนฺถโตติ วุตฺโต. อทนฺติ เนสํ อุทกํ ทตฺวา สกฺกจฺจํ สเกหิ หตฺเถหิ กุมฺมาสํ อทาสึ. กุสลสฺสาติ อาโรคฺยานวชฺชฏฺเน กุสลสฺส. ผลนฺติ ตสฺส นิสฺสนฺทผลํ. ผีตนฺติ สพฺพสมฺปตฺติผุลฺลิตํ.

เอวฺจ มหาสตฺตสฺส อตฺตโน กมฺมผลํ วิตฺถาเรตฺวา กเถนฺตสฺส สุตฺวา เทวี ปสนฺนมนา ‘‘สเจ, มหาราช, เอวํ ปจฺจกฺขโต ทานผลํ ชานาถ, อิโต ทานิ ปฏฺาย เอกํ ภตฺตปิณฺฑํ ลภิตฺวา ธมฺมิกสมณพฺราหฺมณานํ ทตฺวาว ปริภุฺเชยฺยาถา’’ติ โพธิสตฺตสฺส ถุตึ กโรนฺตี –

๑๔๙.

‘‘ททํ ภุฺช มา จ ปมาโท, จกฺกํ วตฺตย โกสลาธิป;

มา ราช อธมฺมิโก อหุ, ธมฺมํ ปาลย โกสลาธิปา’’ติ. – อิมํ คาถมาห;

ตตฺถ ททํ ภุฺชาติ อฺเสํ ทตฺวาว อตฺตนา ภุฺช. มา จ ปมาโทติ ทานาทีสุ ปุฺเสุ มา ปมชฺชิ. จกฺกํ วตฺตย โกสลาธิปาติ กุสลชฺฌาสย, มหาราช, ปติรูปเทสวาสาทิกํ จตุพฺพิธํ ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตหิ. ปกติรโถ หิ ทฺวีหิ จกฺเกหิ คจฺฉติ, อยํ ปน กาโย อิเมหิ จตูหิ จกฺเกหิ เทวโลกํ คจฺฉติ, เตน เต ‘‘ธมฺมจกฺก’’นฺติ สงฺขฺยํ คตา, ตํ ตฺวํ จกฺกํ ปวตฺเตหิ. อธมฺมิโกติ ยถา อฺเ ฉนฺทาคตึ คจฺฉนฺตา โลกํ อุจฺฉุยนฺเต ปีเฬตฺวา วิย ธนเมว สํกฑฺฒนฺตา อธมฺมิกา โหนฺติ, ตถา ตฺวํ มา อธมฺมิโก อหุ. ธมฺมํ ปาลยาติ –

‘‘ทานํ สีลํ ปริจฺจาคํ, อชฺชวํ มทฺทวํ ตปํ;

อกฺโกธํ อวิหึสฺจ, ขนฺติฺจ อวิโรธน’’นฺติ. (ชา. ๒.๒๑.๑๗๖) –

อิมํ ปน ทสวิธํ ราชธมฺมเมว ปาลย รกฺข, มา ปริจฺจชิ.

มหาสตฺโต ตสฺสา วจนํ สมฺปฏิจฺฉนฺโต –

๑๕๐.

‘‘โสหํ ตเทว ปุนปฺปุนํ, วฏุมํ อาจริสฺสามิ โสภเน;

อริยาจริตํ สุโกสเล, อรหนฺโต เม มนาปาว ปสฺสิตุ’’นฺติ. – คาถมาห;

ตตฺถ วฏุมนฺติ มคฺคํ. อริยาจริตนฺติ อริเยหิ พุทฺธาทีหิ อาจิณฺณํ. สุโกสเลติ โสภเน โกสลรฺโ ธีเตติ อตฺโถ. อรหนฺโตติ กิเลเสหิ อารกตฺตา, อรานฺจ อรีนฺจ หตตฺตา, ปจฺจยานํ อรหตฺตา เอวํลทฺธนามา ปจฺเจกพุทฺธา. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ภทฺเท, โกสลราชธีเต โส อหํ ‘‘ทานํ เม ทินฺน’’นฺติ ติตฺตึ อกตฺวา ปุนปฺปุนํ ตเทว อริยาจริตํ ทานมคฺคํ อาจริสฺสามิ. มยฺหฺหิ อคฺคทกฺขิเณยฺยตฺตา อรหนฺโต มนาปทสฺสนา, จีวราทีนิ ทาตุกามตาย เตเยว ปสฺสิตุํ อิจฺฉามีติ.

เอวฺจ ปน วตฺวา ราชา เทวิยา สมฺปตฺตึ โอโลเกตฺวา ‘‘ภทฺเท, มยา ตาว ปุริมภเว อตฺตโน กุสลกมฺมํ วิตฺถาเรตฺวา กถิตํ, อิมาสํ ปน นารีนํ มชฺเฌ รูเปน วา ลีฬาวิลาเสน วา ตยา สทิสี เอกาปิ นตฺถิ, สา ตฺวํ กึ กมฺมํ กตฺวา อิมํ สมฺปตฺตึ ปฏิลภี’’ติ ปุจฺฉนฺโต ปุน คาถมาห –

๑๕๑.

‘‘เทวี วิย อจฺฉรูปมา, มชฺเฌ นาริคณสฺส โสภสิ;

กึ กมฺมมกาสิ ภทฺทกํ, เกนาสิ วณฺณวตี สุโกสเล’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – ภทฺเท สุโกสเล โกสลรฺโ สุธีเต ตฺวํ รูปสมฺปตฺติยา อจฺฉรูปมา ติทสปุเร สกฺกสฺส เทวรฺโ อฺตรา เทวธีตา วิย อิมสฺส นารีคณสฺส มชฺเฌ โสภสิ, ปุพฺเพ กึ นาม ภทฺทกํ กลฺยาณกมฺมํ อกาสิ, เกนาสิ การเณน เอวํ วณฺณวตี ชาตาติ.

อถสฺส สา ปุริมภเว กลฺยาณกมฺมํ กเถนฺตี เสสคาถาทฺวยมาห –

๑๕๒.

‘‘อมฺพฏฺกุลสฺส ขตฺติย, ทาสฺยาหํ ปรเปสิยา อหุํ;

สฺตา จ ธมฺมชีวินี, สีลวตี จ อปาปทสฺสนา.

๑๕๓.

‘‘อุทฺธฏภตฺตํ อหํ ตทา, จรมานสฺส อทาสึ ภิกฺขุโน;

วิตฺตา สุมนา สยํ อหํ, ตสฺส กมฺมสฺส ผลํ มเมทิส’’นฺติ.

สาปิ กิร ชาติสฺสราว อโหสิ, ตสฺมา อตฺตโน ชาติสฺสราเณน ปริจฺฉินฺทิตฺวาว กเถสิ.

ตตฺถ อมฺพฏฺกุลสฺสาติ กุฏุมฺพิยกุลสฺส. ทาสฺยาหนฺติ ทาสี อหํ, ‘‘ทาสาห’’นฺติปิ ปาโ. ปรเปสิยาติ ปเรหิ ตสฺส ตสฺส กิจฺจสฺส กรณตฺถาย เปสิตพฺพา เปสนการิกา. สฺตาติ ทาสิโย นาม ทุสฺสีลา โหนฺติ, อหํ ปน ตีหิ ทฺวาเรหิ สฺตา สีลสมฺปนฺนา. ธมฺมชีวินีติ ปรวฺจนาทีนิ อกตฺวา ธมฺเมน สเมน ปวตฺติตชีวิกา. สีลวตีติ อาจารสมฺปนฺนา คุณวตี. อปาปทสฺสนาติ กลฺยาณทสฺสนา ปิยธมฺมา.

อุทฺธฏภตฺตนฺติ อตฺตโน ปตฺตโกฏฺาสวเสน อุทฺธริตฺวา ลทฺธภาคภตฺตํ. ภิกฺขุโนติ ภินฺนกิเลสสฺส ปจฺเจกพุทฺธสฺส. วิตฺตา สุมนาติ ตุฏฺา โสมนสฺสชาตา กมฺมผลํ สทฺทหนฺตี. ตสฺส กมฺมสฺสาติ ตสฺส เอกภิกฺขาทานกมฺมสฺส. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อหํ, มหาราช, ปุพฺเพ สาวตฺถิยํ อฺตรสฺส กุฏุมฺพิยกุลสฺส ทาสี หุตฺวา อตฺตโน ลทฺธภาคภตฺตํ อาทาย นิกฺขมนฺตี เอกํ ปจฺเจกพุทฺธํ ปิณฺฑาย จรนฺตํ ทิสฺวา อตฺตโน ตณฺหํ มิลาเปตฺวา สฺตาทิคุณสมฺปนฺนา กมฺมผลํ สทฺทหนฺตี ตสฺส ตํ ภตฺตํ อทาสึ, สาหํ ยาวตายุกํ ตฺวา กาลํ กตฺวา ตตฺถ สาวตฺถิยํ โกสลรฺโ อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติตฺวา อิทานิ ตว ปาเท ปริจรมานา เอวรูปํ สมฺปตฺตึ อนุภวามิ, ตสฺส มม กมฺมสฺส อิทมีทิสํ ผลนฺติ. ตตฺถ คุณสมฺปนฺนานํ ทินฺนทานสฺส มหปฺผลภาวทสฺสนตฺถํ –

‘‘อคฺคโต เว ปสนฺนาน’’นฺติ (อิติวุ. ๙๐) จ.

‘‘เอส เทวมนุสฺสานํ, สพฺพกามทโท นิธี’’ติ (ขุ. ปา. ๘.๑๐) จ. –

อาทิคาถา วิตฺถาเรตพฺพา.

อิติ เต อุโภปิ อตฺตโน ปุริมกมฺมํ วิตฺถารโต กเถตฺวา ตโต ปฏฺาย จตูสุ นครทฺวาเรสุ นครมชฺเฌ นิเวสนทฺวาเรติ ฉ ทานสาลาโย กาเรตฺวา สกลชมฺพุทีปํ อุนฺนงฺคลํ กตฺวา มหาทานํ ปวตฺเตตฺวา สีลํ รกฺขิตฺวา อุโปสถกมฺมํ กตฺวา ชีวิตปริโยสาเน สคฺคปรายณา อเหสุํ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา เทวี ราหุลมาตา อโหสิ, ราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

กุมฺมาสปิณฺฑิชาตกวณฺณนา ทสมา.

[๔๑๖] ๑๑. ปรนฺตปชาตกวณฺณนา

อาคมิสฺสติ เม ปาปนฺติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เทวทตฺตสฺส วธาย ปริสกฺกนํ อารพฺภ กเถสิ. ตทา หิ ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, เทวทตฺโต ตถาคตสฺส มารณตฺถเมว ปริสกฺกติ, ธนุคฺคเห ปโยเชสิ, สิลํ ปวิชฺฌิ, นาฬาคิรึ วิสฺสชฺชาเปสิ, ตถาคตสฺส วินาสตฺถเมว อุปายํ กโรตี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพเปส มม วธาย ปริสกฺกิ, ตาสมตฺตมฺปิ ปน กาตุํ อสกฺโกนฺโต อตฺตนาว ทุกฺขํ อนุโภสี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ สพฺพสิปฺปานิ สิกฺขิ, สพฺพรุตชานนมนฺตํ อุคฺคณฺหิ. โส อาจริยสฺส อนุโยคํ ทตฺวา พาราณสึ ปจฺจาคจฺฉิ, ปิตา ตํ โอปรชฺเช เปสิ. กิฺจาปิ โอปรชฺเช เปติ, มาราเปตุกาโม ปน นํ หุตฺวา ทฏฺุมฺปิ น อิจฺฉิ. อเถกา สิงฺคาลี ทฺเว โปตเก คเหตฺวา รตฺตึ มนุสฺเสสุ ปฏิสลฺลีเนสุ นิทฺธมเนน นครํ ปาวิสิ. โพธิสตฺตสฺส จ ปาสาเท สยนคพฺภสฺส อวิทูเร เอกา สาลา อตฺถิ, ตตฺเถโก อทฺธิกมนุสฺโส อุปาหนา โอมุฺจิตฺวา ปาทมูเล ภูมิยํ เปตฺวา เอกสฺมึ ผลเก นิปชฺชิ, น ตาว นิทฺทายติ. ตทา สิงฺคาลิยา โปตกา ฉาตา วิรวึสุ. อถ เตสํ มาตา ‘‘ตาตา, มา สทฺทํ กริตฺถ, เอติสฺสา สาลาย เอโก มนุสฺโส อุปาหนา โอมุฺจิตฺวา ภูมิยํ เปตฺวา ผลเก นิปนฺโน น ตาว นิทฺทายติ, เอตสฺส นิทฺทายนกาเล เอตา อุปาหนา อาหริตฺวา ตุมฺเห ขาทาเปสฺสามี’’ติ อตฺตโน ภาสาย อาห. โพธิสตฺโต มนฺตานุภาเวน ตสฺสา ภาสํ ชานิตฺวา สยนคพฺภา นิกฺขมฺม วาตปานํ วิวริตฺวา ‘‘โก เอตฺถา’’ติ อาห. ‘‘อหํ, เทว, อทฺธิกมนุสฺโส’’ติ. ‘‘อุปาหนา เต กุหิ’’นฺติ? ‘‘ภูมิยํ, เทวา’’ติ. ‘‘อุกฺขิตฺวา โอลมฺเพตฺวา เปหี’’ติ. ตํ สุตฺวา สิงฺคาลี โพธิสตฺตสฺส กุชฺฌิ.

ปุน เอกทิวสํ สา ตเถว นครํ ปาวิสิ. ตทา เจโก มตฺตมนุสฺโส ‘‘ปานียํ ปิวิสฺสามี’’ติ โปกฺขรณึ โอตรนฺโต ปติตฺวา นิมุคฺโค นิรสฺสาโส มริ. นิวตฺถา ปนสฺส ทฺเว สาฏกา นิวาสนนฺตเร กหาปณสหสฺสํ องฺคุลิยา จ มุทฺทิกา อตฺถิ. ตทาปิ สา ปุตฺตเก ‘‘ฉาตมฺหา, อมฺมา’’ติ วิรวนฺเต ‘‘ตาตา, มา สทฺทํ กริตฺถ, เอติสฺสา โปกฺขรณิยา มนุสฺโส มโต, ตสฺส อิทฺจิทฺจ อตฺถิ, โส ปน มริตฺวา โสปาเนเยว นิปนฺโน, ตุมฺเห เอตํ มนุสฺสํ ขาทาเปสฺสามี’’ติ อาห. โพธิสตฺโต ตํ สุตฺวา วาตปานํ วิวริตฺวา ‘‘สาลาย โก อตฺถี’’ติ วตฺวา เอเกนุฏฺาย ‘‘อหํ, เทวา’’ติ วุตฺเต ‘‘คจฺฉ เอติสฺสา โปกฺขรณิยา มตมนุสฺสสฺส สาฏเก จ กหาปณสหสฺสฺจ องฺคุลิมุทฺทิกฺจ คเหตฺวา สรีรมสฺส ยถา น อุฏฺหติ, เอวํ อุทเก โอสีทาเปหี’’ติ อาห. โส ตถา อกาสิ. สา ปุนปิ กุชฺฌิตฺวา ‘‘ปุริมทิวเส ตาว เม ปุตฺตกานํ อุปาหนา ขาทิตุํ น อทาสิ, อชฺช มตมนุสฺสํ ขาทิตุํ น เทติ, โหตุ, อิโต ทานิ ตติยทิวเส เอโก สปตฺตราชา อาคนฺตฺวา นครํ ปริกฺขิปิสฺสติ. อถ นํ ปิตา ยุทฺธตฺถาย เปเสสฺสติ, ตตฺร เต สีสํ ฉินฺทิสฺสนฺติ, อถ เต คลโลหิตํ ปิวิตฺวา เวรํ มุฺจิสฺสามิ. ตฺวํ มยา สทฺธึ เวรํ พนฺธสิ, ชานิสฺสามี’’ติ วิรวิตฺวา โพธิสตฺตํ ตชฺเชตฺวา ปุตฺตเก คเหตฺวา นิกฺขมติ.

ตติยทิวเส เอโก สปตฺตราชา อาคนฺตฺวา นครํ ปริวาเรสิ. ราชา โพธิสตฺตํ ‘‘คจฺฉ, ตาต, เตน สทฺธึ ยุชฺฌา’’ติ อาห. ‘‘มยา, เทว, เอกํ ทิฏฺํ อตฺถิ, คนฺตุํ น วิสหามิ, ชีวิตนฺตรายํ ภายามี’’ติ. ‘‘มยฺหํ ตยิ มเต วา อมเต วา กึ, คจฺฉาเหว ตฺว’’นฺติ? โส ‘‘สาธุ, เทวา’’ติ มหาสตฺโต ปริสํ คเหตฺวา สปตฺตรฺโ ิตทฺวาเรน อนิกฺขมิตฺวา อฺํ ทฺวารํ วิวริตฺวา นิกฺขมิ. ตสฺมึ คจฺฉนฺเต สกลนครํ ตุจฺฉํ วิย อโหสิ. สพฺเพ เตเนว สทฺธึ นิกฺขมึสุ. โส เอกสฺมึ สภาคฏฺาเน ขนฺธาวารํ นิวาเสตฺวา อจฺฉิ. ราชา จินฺเตสิ ‘‘อุปราชา นครํ ตุจฺฉํ กตฺวา พลํ คเหตฺวา ปลายิ, สปตฺตราชาปิ นครํ ปริวาเรตฺวา ิโต, อิทานิ มยฺหํ ชีวิตํ นตฺถี’’ติ. โส ‘‘ชีวิตํ รกฺขิสฺสามี’’ติ เทวิฺจ ปุโรหิตฺจ ปรนฺตปํ นาเมกํ ปาทมูลิกฺจ ทาสํ คเหตฺวา รตฺติภาเค อฺาตกเวเสน ปลายิตฺวา อรฺํ ปาวิสิ. โพธิสตฺโต ตสฺส ปลาตภาวํ ตฺวา นครํ ปวิสิตฺวา ยุทฺธํ กตฺวา สปตฺตํ ปลาเปตฺวา รชฺชํ คณฺหิ. ปิตาปิสฺส เอกสฺมึ นทีตีเร ปณฺณสาลํ กาเรตฺวา ผลาผเลน ยาเปนฺโต วสิ. ราชา จ ปุโรหิโต จ ผลาผลตฺถาย คจฺฉนฺติ. ปรนฺตปทาโส เทวิยา สทฺธึ ปณฺณสาลายเมว โหติ. ตตฺราปิ ราชานํ ปฏิจฺจ เทวิยา กุจฺฉิสฺมึ คพฺโภ ปติฏฺาสิ. สา อภิณฺหสํสคฺควเสน ปรนฺตเปน สทฺธึ อติจริ. สา เอกทิวสํ ปรนฺตปํ อาห ‘‘รฺา าเต เนว ตว, น มยฺหํ ชีวิตํ อตฺถิ, ตสฺมา มาเรหิ น’’นฺติ. ‘‘กถํ มาเรมี’’ติ? เอส ตํ ขคฺคฺจ นฺหานสาฏกฺจ คาหาเปตฺวา นฺหายิตุํ คจฺฉติ, ตตฺรสฺส นฺหานฏฺาเน ปมาทํ ตฺวา ขคฺเคน สีสํ ฉินฺทิตฺวา สรีรํ ขณฺฑาขณฺฑิกํ กตฺวา ภูมิยํ นิขณาหีติ. โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ.

อเถกทิวสํ ปุโรหิโตเยว ผลาผลตฺถาย คนฺตฺวา อวิทูเร รฺโ นฺหานติตฺถสามนฺเต เอกํ รุกฺขํ อารุยฺห ผลาผลํ คณฺหาติ. ราชา ‘‘นฺหายิสฺสามี’’ติ ปรนฺตปํ ขคฺคฺจ นฺหานสาฏกฺจ คาหาเปตฺวา นทีตีรํ อคมาสิ. ตตฺถ นํ นฺหานกาเล ปมาทมาปนฺนํ ‘‘มาเรสฺสามี’’ติ ปรนฺตโป คีวาย คเหตฺวา ขคฺคํ อุกฺขิปิ. โส มรณภเยน วิรวิ. ปุโรหิโต ตํ สทฺทํ สุตฺวา โอโลเกนฺโต ปรนฺตปํ ราชานํ มาเรนฺตํ ทิสฺวา ภีตตสิโต สาขํ วิสฺสชฺเชตฺวา รุกฺขโต โอรุยฺห เอกํ คุมฺพํ ปวิสิตฺวา นิลียิ. ปรนฺตโป ตสฺส สาขาวิสฺสชฺชนสทฺทํ สุตฺวา ราชานํ มาเรตฺวา ภูมิยํ ขณิตฺวา ‘‘อิมสฺมึ าเน สาขาวิสฺสชฺชนสทฺโท อโหสิ, โก นุ โข เอตฺถา’’ติ วิจินนฺโต กฺจิ อทิสฺวา นฺหตฺวา คโต. ตสฺส คตกาเล ปุโรหิโต นิสินฺนฏฺานา นิกฺขมิตฺวา รฺโ สรีรํ ขณฺฑาขณฺฑิกํ ฉินฺทิตฺวา อาวาเฏ นิขาตภาวํ ตฺวา นฺหตฺวา อตฺตโน วธภเยน อนฺธเวสํ คเหตฺวา ปณฺณสาลํ อคมาสิ. ตํ ทิสฺวา ปรนฺตโป ‘‘กึ เต, พฺราหฺมณ, กต’’นฺติ อาห. โส อชานนฺโต วิย ‘‘เทว, อกฺขีนิ เม นาเสตฺวา อาคโตมฺหิ, อุสฺสนฺนาสีวิเส อรฺเ เอกสฺมึ วมฺมิกปสฺเส อฏฺาสึ, ตตฺเรเกน อาสีวิเสน นาสวาโต วิสฺสฏฺโ เม ภวิสฺสตี’’ติ อาห. ปรนฺตโป ‘‘น มํ สฺชานาติ, ‘เทวา’ติ วทติ, สมสฺสาเสสฺสามิ น’’นฺติ จินฺเตตฺวา ‘‘พฺราหฺมณ, มา จินฺตยิ, อหํ ตํ ปฏิชคฺคิสฺสามี’’ติ อสฺสาเสตฺวา ผลาผลํ ทตฺวา สนฺตปฺเปสิ. ตโต ปฏฺาย ปรนฺตปทาโส ผลาผลํ อาหริ, เทวีปิ ปุตฺตํ วิชายิ. สา ปุตฺเต วฑฺฒนฺเต เอกทิวสํ ปจฺจูสสมเย สุขนิสินฺนา สณิกํ ปรนฺตปทาสํ เอตทโวจ ‘‘ตฺวํ ราชานํ มาเรนฺโต เกนจิ ทิฏฺโ’’ติ. ‘‘น มํ โกจิ อทฺทส, สาขาวิสฺสชฺชนสทฺทํ ปน อสฺโสสึ, ตสฺสา สาขาย มนุสฺเสน วา ติรจฺฉาเนน วา วิสฺสฏฺภาวํ น ชานามิ, ยทา กทาจิ ปน เม ภยํ อาคจฺฉนฺตํ สาขาวิสฺสฏฺฏฺานโต อาคมิสฺสตี’’ติ ตาย สทฺธึ สลฺลปนฺโต ปมํ คาถมาห –

๑๕๔.

‘‘อาคมิสฺสติ เม ปาปํ, อาคมิสฺสติ เม ภยํ;

ตทา หิ จลิตา สาขา, มนุสฺเสน มิเคน วา’’ติ.

ตตฺถ ปาปนฺติ ลามกํ อนิฏฺํ อกนฺตํ. ภยนฺติ จิตฺตุตฺราสภยมฺปิ เม อาคมิสฺสติ, น สกฺกา นาคนฺตุํ. กึการณา? ตทา หิ จลิตา สาขา มนุสฺเสน มิเคน วาติ น ปฺายติ, ตสฺมา ตโต มํ ภยํ อาคมิสฺสติ.

เต ‘‘ปุโรหิโต นิทฺทายตี’’ติ มฺึสุ. โส ปน อนิทฺทายมาโนว เตสํ กถํ อสฺโสสิ. อเถกทิวสํ ปุโรหิโต ปรนฺตปทาเส ผลาผลตฺถาย คเต อตฺตโน พฺราหฺมณึ สริตฺวา วิลปนฺโต ทุติยํ คาถมาห –

๑๕๕.

‘‘ภีรุยา นูน เม กาโม, อวิทูเร วสนฺติยา;

กริสฺสติ กิสํ ปณฺฑุํ, สาว สาขา ปรนฺตป’’นฺติ.

ตตฺถ ภีรุยาติ อิตฺถี จ นาม อปฺปมตฺตเกนาปิ ภายติ, ตสฺมา ‘‘ภีรู’’ติ วุจฺจติ. อวิทูเรติ นาติทูเร อิโต กติปยโยชนมตฺถเก วสนฺติยา ภีรุยา มยฺหํ พฺราหฺมณิยา โย มม กาโม อุปฺปนฺโน, โส นูน มํ กิสฺจ ปณฺฑุฺจ กริสฺสตีติ ทสฺเสติ. ‘‘สาว สาขา’’ติ อิมินา ปน โอปมฺมํ ทสฺเสติ, ยถา สาขา ปรนฺตปํ กิสํ ปณฺฑุํ กโรติ, เอวนฺติ อตฺโถ.

อิติ พฺราหฺมโณ คาถเมว วทติ, อตฺถํ ปน น กเถติ, ตสฺมา อิมาย คาถาย กิจฺจํ เทวิยา อปากฏํ. อถ นํ ‘‘กึ กเถสิ พฺราหฺมณา’’ติ อาห. โสปิ ‘‘สลฺลกฺขิตํ เม’’ติ วตฺวา ปุน เอกทิวสํ ตติยํ คาถมาห –

๑๕๖.

‘‘โสจยิสฺสติ มํ กนฺตา, คาเม วสมนินฺทิตา;

กริสฺสติ กิสํ ปณฺฑุํ, สาว สาขา ปรนฺตป’’นฺติ.

ตตฺถ โสจยิสฺสตีติ โสกุปฺปาทเนน สุกฺขาเปสฺสติ. กนฺตาติ อิฏฺภริยา. คาเม วสนฺติ พาราณสิยํ วสนฺตีติ อธิปฺปาโย. อนินฺทิตาติ อครหิตา อุตฺตมรูปธรา.

ปุเนกทิวสํ จตุตฺถํ คาถมาห –

๑๕๗.

‘‘ตยา มํ อสิตาปงฺคิ, สิตานิ ภณิตานิ จ;

กิสํ ปณฺฑุํ กริสฺสนฺติ, สาว สาขา ปรนฺตป’’นฺติ.

ตตฺถ ตยา มํ อสิตาปงฺคีติ ตยา มํ อสิตา อปงฺคิ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ภทฺเท, อกฺขิโกฏิโต อฺชนสลากาย นีหริตฺวา อภิสงฺขตอสิตาปงฺคิ ตยา ปวตฺติตานิ มนฺทหสิตานิ จ มธุรภาสิตานิ จ มํ สา วิสฺสฏฺสาขา วิรวมานา ปรนฺตปํ วิย กิสํ ปณฺฑุํ กริสฺสตีติ. ป-การสฺส ว-การํ กตฺวา ‘‘วงฺคี’’ติปิ ปาโเยว.

อปรภาเค กุมาโร วยปฺปตฺโต อโหสิ โสฬสวสฺสุทฺเทสิโก. อถ นํ พฺราหฺมโณ ยฏฺิโกฏึ คาหาเปตฺวา นฺหานติตฺถํ คนฺตฺวา อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา โอโลเกสิ. กุมาโร ‘‘นนุ ตฺวํ พฺราหฺมณ, อนฺโธ’’ติ อาห. โส ‘‘นาหํ อนฺโธ, อิมินา เม อุปาเยน ชีวิตํ รกฺขามี’’ติ วตฺวา ‘‘ตว ปิตรํ ชานาสี’’ติ อาห. ‘‘อยํ เม ปิตา’’ติ วุตฺเต ‘‘นายํ ตว ปิตา, ปิตา ปน เต พาราณสิราชา, อยํ ตุมฺหากํ ทาโส, โส มาตริ เต วิปฺปฏิปชฺชิตฺวา อิมสฺมึ าเน ตว ปิตรํ มาเรตฺวา นิขณี’’ติ อฏฺีนิ นีหริตฺวา ทสฺเสสิ. กุมารสฺส พลวโกโธ อุปฺปชฺชิ. อถ นํ ‘‘อิทานิ กึ กโรมี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘ยํ เต อิสฺมึเยว ติตฺเถ ปิตุ เตน กตํ, ตํ กโรหี’’ติ สพฺพํ ปวตฺตึ อาจิกฺขิตฺวา กุมารํ กติปาหํ ถรุคณฺหนํ สิกฺขาเปสิ. อเถกทิวสํ กุมาโร ขคฺคฺจ นฺหานสาฏกฺจ คเหตฺวา ‘‘นฺหายิตุํ คจฺฉาม, ตาตา’’ติ อาห. ปรนฺตโป ‘‘สาธู’’ติ เตน สทฺธึ คโต. อถสฺส นฺหายิตุํ โอติณฺณกาเล ทกฺขิณหตฺเถน อสึ, วามหตฺเถน จูฬํ คเหตฺวา ‘‘ตฺวํ กิร อิมสฺมึเยว ติตฺเถ มม ปิตรํ จูฬาย คเหตฺวา วิรวนฺตํ มาเรสิ, อหมฺปิ ตํ ตเถว กริสฺสามี’’ติ อาห. โส มรณภยภีโต ปริเทวมาโน ทฺเว คาถา อภาสิ –

๑๕๘.

‘‘อาคมา นูน โส สทฺโท, อสํสิ นูน โส ตว;

อกฺขาตํ นูน ตํ เตน, โย ตํ สาขมกมฺปยิ.

๑๕๙.

‘‘อิทํ โข ตํ สมาคมฺม, มม พาลสฺส จินฺติตํ;

ตทา หิ จลิตา สาขา, มนุสฺเสน มิเคน วา’’ติ.

ตตฺถ อาคมาติ โส สาขสทฺโท นูน ตํ อาคโต สมฺปตฺโต. อสํสิ นูน โส ตวาติ โส สทฺโท ตว อาโรเจสิ มฺเ. อกฺขาตํ นูน ตํ เตนาติ โย สตฺโต ตทา ตํ สาขํ อกมฺปยิ, เตน ‘‘เอวํ เต ปิตา มาริโต’’ติ นูน ตํ การณํ อกฺขาตํ. สมาคมฺมาติ สงฺคมฺม, สมาคตนฺติ อตฺโถ. ยํ มม พาลสฺส ‘‘ตทา จลิตา สาขา มนุสฺเสน มิเคน วา, ตโต เม ภยํ อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ จินฺติตํ ปริวิตกฺกิตํ อโหสิ, อิทํ ตยา สทฺธึ สมาคตนฺติ วุตฺตํ โหติ.

ตโต กุมาโร โอสานคาถมาห –

๑๖๐.

‘‘ตเถว ตฺวํ อเวเทสิ, อวฺจิ ปิตรํ มม;

หนฺตฺวา สาขาหิ ฉาเทนฺโต, อาคมิสฺสติ เม ภย’’นฺติ.

ตตฺถ ตเถว ตฺวํ อเวเทสีติ ตเถว ตฺวํ อฺาสิ. อวฺจิ ปิตรํ มมาติ ตฺวํ มม ปิตรํ ‘‘นฺหายิตุํ คจฺฉามา’’ติ วิสฺสาเสตฺวา นฺหายนฺตํ มาเรตฺวา ขณฺฑาขณฺฑิกํ ฉินฺทิตฺวา นิขณิตฺวา ‘‘สเจ โกจิ ชานิสฺสติ, มยฺหมฺปิ เอวรูปํ ภยํ อาคจฺฉิสฺสตี’’ติ วฺเจสิ, อิทํ โข ปน มรณภยํ อิทานิ ตวาคตนฺติ.

อิติ ตํ วตฺวา ตตฺเถว ชีวิตกฺขยํ ปาเปตฺวา นิขณิตฺวา สาขาหิ ปฏิจฺฉาเทตฺวา ขคฺคํ โธวิตฺวา นฺหตฺวา ปณฺณสาลํ คนฺตฺวา ตสฺส มาริตภาวํ ปุโรหิตสฺส กเถตฺวา มาตรํ ปริภาสิตฺวา ‘‘อิธ กึ กริสฺสามา’’ติ ตโย ชนา พาราณสิเมว อคมํสุ. โพธิสตฺโต กนิฏฺสฺส โอปรชฺชํ ทตฺวา ทานาทีนิ ปุฺานิ กตฺวา สคฺคปทํ ปูเรสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ปิตุราชา เทวทตฺโต อโหสิ, ปุโรหิโต อานนฺโท, ปุตฺตราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

ปรนฺตปชาตกวณฺณนา เอกาทสมา.

คนฺธารวคฺโค ทุติโย.

ชาตกุทฺทานํ –

กุกฺกุ มโนช สุตโน, คิชฺฌ ทพฺภปุปฺผ ปณฺณโก;

สตฺตุภสฺต อฏฺิเสโน, กปิ พกพฺรหฺมา ทส.

คนฺธาโร มหากปิ จ, กุมฺภกาโร ทฬฺหธมฺโม;

โสมทตฺโต สุสีโม จ, โกฏสิมฺพลิ ธูมการี;

ชาคโร กุมฺมาสปิณฺโฑ, ปรนฺตปา เอกาทส.

สตฺตกนิปาตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๘. อฏฺกนิปาโต

[๔๑๗] ๑. กจฺจานิชาตกวณฺณนา

โอทาตวตฺถา สุจิ อลฺลเกสาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ มาตุโปสกํ อุปาสกํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิร สาวตฺถิยํ กุลทารโก อาจารสมฺปนฺโน ปิตริ กาลกเต มาตุเทวโต หุตฺวา มุขโธวนทนฺตกฏฺทานนฺหาปนปาทโธวนาทิเวยฺยาวจฺจกมฺเมน เจว ยาคุภตฺตาทีหิ จ มาตรํ ปฏิชคฺคิ. อถ นํ มาตา ‘‘ตาต, ตว อฺานิปิ ฆราวาสกิจฺจานิ อตฺถิ, เอกํ สมชาติกํ กุลกุมาริกํ คณฺหาหิ, สา มํ โปเสสฺสติ, ตฺวมฺปิ อตฺตโน กมฺมํ กริสฺสสี’’ติ อาห. ‘‘อมฺม, อหํ อตฺตโน หิตสุขํ อปจฺจาสีสมาโน ตุมฺเห อุปฏฺหามิ, โก อฺโ เอวํ อุปฏฺหิสฺสตี’’ติ? ‘‘กุลวฑฺฒนกมฺมํ นาม ตาต, กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ. ‘‘น มยฺหํ ฆราวาเสน อตฺโถ, อหํ ตุมฺเห อุปฏฺหิตฺวา ตุมฺหากํ ธูมกาเล ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. อถสฺส มาตา ปุนปฺปุนํ ยาจิตฺวาปิ มนํ อลภมานา ตสฺส ฉนฺทํ อคฺคเหตฺวา สมชาติกํ กุลกุมาริกํ อาเนสิ. โส มาตรํ อปฺปฏิกฺขิปิตฺวา ตาย สทฺธึ สํวาสํ กปฺเปสิ. สาปิ ‘‘มยฺหํ สามิโก มหนฺเตน อุสฺสาเหน มาตรํ อุปฏฺหติ, อหมฺปิ นํ อุปฏฺหิสฺสามิ, เอวมสฺส ปิยา ภวิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ตํ สกฺกจฺจํ อุปฏฺหิ. โส ‘‘อยํ เม มาตรํ สกฺกจฺจํ อุปฏฺหี’’ติ ตโต ปฏฺาย ลทฺธลทฺธานิ มธุรขาทนียาทีนิ ตสฺสาเยว เทติ. สา อปรภาเค จินฺเตสิ ‘‘อยํ ลทฺธลทฺธานิ มธุรขาทนียาทีนิ มยฺหฺเว เทติ, อทฺธา มาตรํ นีหริตุกาโม ภวิสฺสติ, นีหรณูปายมสฺสา กริสฺสามี’’ติ เอวํ อโยนิโส อุมฺมุชฺชิตฺวา เอกํ ทิวสํ อาห – ‘‘สามิ, ตยิ พหิ นิกฺขมนฺเต ตว มาตา มํ อกฺโกสตี’’ติ. โส ตุณฺหี อโหสิ.

สา จินฺเตสิ – ‘‘อิมํ มหลฺลิกํ อุชฺฌาเปตฺวา ปุตฺตสฺส ปฏิกูลํ กาเรสฺสามี’’ติ. ตโต ปฏฺาย ยาคุํ ททมานา อจฺจุณฺหํ วา อติสีตลํ วา อติโลณํ วา อโลณํ วา เทติ. ‘‘อมฺม, อจฺจุณฺหา’’ติ วา ‘‘อติโลณา’’ติ วา วุตฺเต ปูเรตฺวา สีโตทกํ ปกฺขิปติ. ปุน ‘‘อติสีตลา, อโลณาเยวา’’ติ วุตฺเต ‘‘อิทาเนว ‘อจฺจุณฺหา, อติโลณา’ติ วตฺวา ปุน ‘อติสีตลา, อโลณา’ติ วทสิ, กา ตํ โตเสตุํ สกฺขิสฺสตี’’ติ มหาสทฺทํ กโรติ. นฺหาโนทกมฺปิ อจฺจุณฺหํ กตฺวา ปิฏฺิยํ อาสิฺจติ. ‘‘อมฺม, ปิฏฺิ เม ทหตี’’ติ จ วุตฺเต ปุน ปูเรตฺวา สีโตทกํ ปกฺขิปติ. ‘‘อติสีตํ, อมฺมา’’ติ วุตฺเต ‘‘อิทาเนว ‘อจฺจุณฺห’นฺติ วตฺวา ปุน ‘อติสีต’นฺติ วทติ, กา เอติสฺสา อวมานํ สหิตุํ สกฺขิสฺสตี’’ติ ปฏิวิสฺสกานํ กเถสิ. ‘‘อมฺม, มฺจเก เม พหู มงฺคุลา’’ติ จ วุตฺตา มฺจกํ นีหริตฺวา ตสฺส อุปริ อตฺตโน มฺจกํ โปเถตฺวา ‘‘โปถิโต เม’’ติ อติหริตฺวา ปฺเปติ. มหาอุปาสิกา ทิคุเณหิ มงฺคุเลหิ ขชฺชมานา สพฺพรตฺตึ นิสินฺนาว วีตินาเมตฺวา ‘‘อมฺม, สพฺพรตฺตึ มงฺคุเลหิ ขาทิตามฺหี’’ติ วทติ. อิตรา ‘‘หิยฺโย เต มฺจโก โปถิโต, กา อิมิสฺสา กิจฺจํ นิตฺถริตุํ สกฺโกตี’’ติ ปฏิวตฺวา ‘‘อิทานิ นํ ปุตฺเตน อุชฺฌาเปสฺสามี’’ติ ตตฺถ ตตฺถ เขฬสิงฺฆาณิกาทีนิ วิปฺปกิริตฺวา ‘‘กา อิมํ สกลเคหํ อสุจึ กโรตี’’ติ วุตฺเต ‘‘มาตา เต เอวรูปํ กโรติ, ‘มา กรี’ติ วุจฺจมานา กลหํ กโรติ, อหํ เอวรูปาย กาฬกณฺณิยา สทฺธึ เอกเคเห วสิตุํ น สกฺโกมิ, เอตํ วา ฆเร วสาเปหิ, มํ วา’’ติ อาห.

โส ตสฺสา วจนํ สุตฺวา ‘‘ภทฺเท, ตฺวํ ตรุณา ยตฺถ กตฺถจิ คนฺตฺวา ชีวิตุํ สกฺกา, มาตา ปน เม ชราทุพฺพลา, อหเมวสฺสา ปฏิสรณํ, ตฺวํ นิกฺขมิตฺวา อตฺตโน กุลเคหํ คจฺฉาหี’’ติ อาห. สา ตสฺส วจนํ สุตฺวา ภีตา จินฺเตสิ ‘‘น สกฺกา อิมํ มาตุ อนฺตเร ภินฺทิตุํ, เอกํเสนสฺส มาตา ปิยา, สเจ ปนาหํ กุลฆรํ คมิสฺสํ, วิธววาสํ วสนฺตี ทุกฺขิตา ภวิสฺสามิ, ปุริมนเยเนว สสฺสุํ อาราเธตฺวา ปฏิชคฺคิสฺสามี’’ติ. สา ตโต ปฏฺาย ปุริมสทิสเมว ตํ ปฏิชคฺคิ. อเถกทิวสํ โส อุโปสโก ธมฺมสฺสวนตฺถาย เชตวนํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. ‘‘กึ, อุปาสก, ตฺวํ ปุฺกมฺเมสุ น ปมชฺชสิ, มาตุอุปฏฺานกมฺมํ ปูเรสี’’ติ จ วุตฺโต ‘‘อาม, ภนฺเต, สา ปน มม มาตา มยฺหํ อรุจิยาเยว เอกํ กุลทาริกํ อาเนสิ, สา อิทฺจิทฺจ อนาจารกมฺมํ อกาสี’’ติ สพฺพํ สตฺถุ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘อิติ ภควา สา อิตฺถี เนว มํ มาตุ อนฺตเร ภินฺทิตุํ สกฺขิ, อิทานิ นํ สกฺกจฺจํ อุปฏฺหตี’’ติ อาห. สตฺถา ตสฺส กถํ สุตฺวา ‘‘อิทานิ ตาว ตฺวํ อุปาสก, ตสฺสา วจนํ น อกาสิ, ปุพฺเพ ปเนติสฺสา วจเนน ตว มาตรํ นิกฺกฑฺฒิตฺวา มํ นิสฺสาย ปุน เคหํ อาเนตฺวา ปฏิชคฺคี’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต อฺตรสฺส กุลสฺส ปุตฺโต ปิตริ กาลกเต มาตุเทวโต หุตฺวา วุตฺตนิยาเมเนว มาตรํ ปฏิชคฺคีติ สพฺพํ เหฏฺา กถิตนเยเนว วิตฺถาเรตพฺพํ. ‘‘อหํ เอวรูปาย กาฬกณฺณิยา สทฺธึ วสิตุํ น สกฺโกมิ, เอตํ วา ฆเร วสาเปหิ, มํ วา’’ติ วุตฺเต ตสฺสา กถํ คเหตฺวา ‘‘มาตุเยว เม โทโส’’ติ มาตรํ อาห ‘‘อมฺม, ตฺวํ นิจฺจํ อิมสฺมึ ฆเร กลหํ กโรสิ, อิโต นิกฺขมิตฺวา อฺสฺมึ ยถารุจิเต าเน วสาหี’’ติ. สา ‘‘สาธู’’ติ โรทมานา นิกฺขมิตฺวา เอกํ สมิทฺธกุลํ นิสฺสาย ภตึ กตฺวา ทุกฺเขน ชีวิกํ กปฺเปสิ. สสฺสุยา ฆรา นิกฺขนฺตกาเล สุณิสาย คพฺโภ ปติฏฺหิ. สา ‘‘ตาย กาฬกณฺณิยา เคเห วสมานาย คพฺภมฺปิ น ปฏิลภึ, อิทานิ เม คพฺโภ ลทฺโธ’’ติ ปติโน จ ปฏิวิสฺสกานฺจ กเถนฺตี วิจรติ.

อปรภาเค ปุตฺตํ วิชายิตฺวา สามิกํ อาห ‘‘ตว มาตริ เคเห วสมานาย ปุตฺตํ น ลภึ, อิทานิ เม ลทฺโธ, อิมินาปิ การเณน ตสฺสา กาฬกณฺณิภาวํ ชานาหี’’ติ. อิตรา ‘‘มม กิร นิกฺกฑฺฒิตกาเล ปุตฺตํ ลภี’’ติ สุตฺวา จินฺเตสิ ‘‘อทฺธา อิมสฺมึ โลเก ธมฺโม มโต ภวิสฺสติ, สเจ หิ ธมฺโม มโต น ภเวยฺย, มาตรํ โปเถตฺวา นิกฺกฑฺฒนฺตา ปุตฺตํ น ลเภยฺยุํ, สุขํ น ชีเวยฺยุํ, ธมฺมสฺส มตกภตฺตํ ทสฺสามี’’ติ. สา เอกทิวสํ ติลปิฏฺฺจ ตณฺฑุลฺจ ปจนถาลิฺจ ทพฺพิฺจ อาทาย อามกสุสานํ คนฺตฺวา ตีหิ มนุสฺสสีเสหิ อุทฺธนํ กตฺวา อคฺคึ ชาเลตฺวา อุทกํ โอรุยฺห สสีสํ นฺหตฺวา สาฏกํ นิวาเสตฺวา มุขํ วิกฺขาเลตฺวา อุทฺธนฏฺานํ คนฺตฺวา เกเส โมเจตฺวา ตณฺฑุเล โธวิตุํ อารภิ. ตทา โพธิสตฺโต สกฺโก เทวราชา อโหสิ. โพธิสตฺตา จ นาม อปฺปมตฺตา โหนฺติ, โส ตสฺมึ ขเณ โลกํ โอโลเกนฺโต ตํ ทุกฺขปฺปตฺตํ ‘‘ธมฺโม มโต’’ติ สฺาย ธมฺมสฺส มตกภตฺตํ ทาตุกามํ ทิสฺวา ‘‘อชฺช มยฺหํ พลํ ทสฺเสสฺสามี’’ติ พฺราหฺมณเวเสน มหามคฺคํ ปฏิปนฺโน วิย หุตฺวา ตํ ทิสฺวา มคฺคา โอกฺกมฺม ตสฺสา สนฺติเก ตฺวา ‘‘อมฺม, สุสาเน อาหารํ ปจนฺตา นาม นตฺถิ, ตฺวํ อิมินา อิธ ปกฺเกน ติโลทเนน กึ กริสฺสสี’’ติ กถํ สมุฏฺาเปนฺโต ปมํ คาถมาห –

.

‘‘โอทาตวตฺถา สุจิ อลฺลเกสา, กจฺจานิ กึ กุมฺภิมธิสฺสยิตฺวา;

ปิฏฺา ติลา โธวสิ ตณฺฑุลานิ, ติโลทโน เหหิติ กิสฺสเหตู’’ติ.

ตตฺถ กจฺจานีติ ตํ โคตฺเตน อาลปติ. กุมฺภิมธิสฺสยิตฺวาติ ปจนถาลิกํ มนุสฺสสีสุทฺธนํ อาโรเปตฺวา. เหหิตีติ อยํ ติโลทโน กิสฺส เหตุ ภวิสฺสติ, กึ อตฺตนา ภุฺชิสฺสสิ, อุทาหุ อฺํ การณมตฺถีติ.

อถสฺส สา อาจิกฺขนฺตี ทุติยํ คาถมาห –

.

‘‘น โข อยํ พฺราหฺมณ โภชนตฺถา, ติโลทโน เหหิติ สาธุปกฺโก;

ธมฺโม มโต ตสฺส ปหุตฺตมชฺช, อหํ กริสฺสามิ สุสานมชฺเฌ’’ติ.

ตตฺถ ธมฺโมติ เชฏฺาปจายนธมฺโม เจว ติวิธสุจริตธมฺโม จ. ตสฺส ปหุตฺตมชฺชาติ ตสฺสาหํ ธมฺมสฺส อิทํ มตกภตฺตํ กริสฺสามีติ อตฺโถ.

ตโต สกฺโก ตติยํ คาถมาห –

.

‘‘อนุวิจฺจ กจฺจานิ กโรหิ กิจฺจํ, ธมฺโม มโต โก นุ ตเวว สํสิ;

สหสฺสเนตฺโต อตุลานุภาโว, น มิยฺยตี ธมฺมวโร กทาจี’’ติ.

ตตฺถ อนุวิจฺจาติ อุปปริกฺขิตฺวา ชานิตฺวา. โก นุ ตเวว สํสีติ โก นุ ตว เอวํ อาจิกฺขิ. สหสฺสเนตฺโตติ อตฺตานํ ธมฺมวรํ อุตฺตมธมฺมํ กตฺวา ทสฺเสนฺโต เอวมาห.

ตํ วจนํ สุตฺวา อิตรา ทฺเว คาถา อภาสิ –

.

‘‘ทฬฺหปฺปมาณํ มม เอตฺถ พฺรหฺเม, ธมฺโม มโต นตฺถิ มเมตฺถ กงฺขา;

เย เยว ทานิ ปาปา ภวนฺติ, เต เตว ทานิ สุขิตา ภวนฺติ.

.

‘‘สุณิสา หิ มยฺหํ วฺฌา อโหสิ, สา มํ วธิตฺวาน วิชายิ ปุตฺตํ;

สา ทานิ สพฺพสฺส กุลสฺส อิสฺสรา, อหํ ปนมฺหิ อปวิทฺธา เอกิกา’’ติ.

ตตฺถ ทฬฺหปฺปมาณนฺติ ทฬฺหํ ถิรํ นิสฺสํสยํ พฺราหฺมณ เอตฺถ มม ปมาณนฺติ วทติ. เย เยติ ตสฺส มตภาเว การณํ ทสฺเสนฺตี เอวมาห. วธิตฺวานาติ โปเถตฺวา นิกฺกฑฺฒิตฺวา. อปวิทฺธาติ ฉฑฺฑิตา อนาถา หุตฺวา เอกิกา วสามิ.

ตโต สกฺโก ฉฏฺํ คาถมาห –

.

‘‘ชีวามิ โวหํ น มโตหมสฺมิ, ตเวว อตฺถาย อิธาคโตสฺมิ;

ยา ตํ วธิตฺวาน วิชายิ ปุตฺตํ, สหาว ปุตฺเตน กโรมิ ภสฺม’’นฺติ.

ตตฺถ โวติ นิปาตมตฺตํ.

อิตรา ตํ สุตฺวา ‘‘ธี อหํ กึ กเถสึ, มม นตฺตุ อมรณการณํ กริสฺสามี’’ติ สตฺตมํ คาถมาห –

.

‘‘เอวฺจ เต รุจฺจติ เทวราช, มเมว อตฺถาย อิธาคโตสิ;

อหฺจ ปุตฺโต สุณิสา จ นตฺตา, สมฺโมทมานา ฆรมาวเสมา’’ติ.

อถสฺสา สกฺโก อฏฺมํ คาถมาห –

.

‘‘เอวฺจ เต รุจฺจติ กาติยานิ, หตาปิ สนฺตา น ชหาสิ ธมฺมํ;

ตุวฺจ ปุตฺโต สุณิสา จ นตฺตา, สมฺโมทมานา ฆรมาวเสถา’’ติ.

ตตฺถ หตาปิ สนฺตาติ ยทิ ตฺวํ โปถิตาปิ นิกฺกฑฺฒิตาปิ สมานา ตว ทารเกสุ เมตฺตธมฺมํ น ชหาสิ, เอวํ สนฺเต ยถา ตฺวํ อิจฺฉสิ, ตถา โหตุ, อหํ เต อิมสฺมึ คุเณ ปสนฺโนติ.

เอวฺจ ปน วตฺวา อลงฺกตปฏิยตฺโต สกฺโก อตฺตโน อานุภาเวน อากาเส ตฺวา ‘‘กจฺจานิ ตฺวํ มา ภายิ, ปุตฺโต จ เต สุณิสา จ มมานุภาเวน อาคนฺตฺวา อนฺตรามคฺเค ตํ ขมาเปตฺวา อาทาย คมิสฺสนฺติ, อปฺปมตฺตา โหหี’’ติ วตฺวา อตฺตโน านเมว คโต. เตปิ สกฺกานุภาเวน ตสฺสา คุณํ อนุสฺสริตฺวา ‘‘กหํ โน มาตา’’ติ อนฺโตคาเม มนุสฺเส ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สุสานาภิมุขํ คตา’’ติ สุตฺวา ‘‘อมฺม, อมฺมา’’ติ สุสานมคฺคํ ปฏิปชฺชิตฺวา ตํ ทิสฺวาว ปาเทสุ ปติตฺวา ‘‘อมฺม, อมฺหากํ โทสํ ขมาหี’’ติ ตํ ขมาเปสุํ. สาปิ นตฺตารํ คณฺหิ. อิติ เต สมฺโมทมานา เคหํ คนฺตฺวา ตโต ปฏฺาย สมคฺควาสํ วสึสุ.

.

‘‘สา กาติยานี สุณิสาย สทฺธึ, สมฺโมทมานา ฆรมาวสิตฺถ;

ปุตฺโต จ นตฺตา จ อุปฏฺหึสุ, เทวานมินฺเทน อธิคฺคหีตา’’ติ. –

อยํ อภิสมฺพุทฺธคาถา.

ตตฺถ สา กาติยานีติ ภิกฺขเว, สา กจฺจานโคตฺตา. เทวานมินฺเทน อธิคฺคหีตาติ เทวินฺเทน สกฺเกน อนุคฺคหิตา หุตฺวา ตสฺสานุภาเวน สมคฺควาสํ วสึสูติ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน โส อุปาสโก โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ตทา มาตุโปสโก เอตรหิ มาตุโปสโก อโหสิ, ภริยาปิสฺส ตทา ภริยาเยว, สกฺโก ปน อหเมว อโหสินฺติ.

กจฺจานิชาตกวณฺณนา ปมา.

[๔๑๘] ๒. อฏฺสทฺทชาตกวณฺณนา

อิทํ ปุเร นินฺนมาหูติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต โกสลรฺโ อฑฺฒรตฺตสมเย สุตํ ภึสนกํ อวินิพฺโภคสทฺทํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ เหฏฺา โลหกุมฺภิชาตเก (ชา. ๑.๔.๕๓ อาทโย) กถิตสทิสเมว. อิธ ปน สตฺถา ‘‘มยฺหํ, ภนฺเต, อิเมสํ สทฺทานํ สุตตฺตา กินฺติ ภวิสฺสตี’’ติ วุตฺเต ‘‘มา ภายิ, มหาราช, น เต เอเตสํ สุตปจฺจยา โกจิ อนฺตราโย ภวิสฺสติ, น หิ, มหาราช, เอวรูปํ ภยานกํ อวินิพฺโภคสทฺทํ ตฺวเมเวโก สุณิ, ปุพฺเพปิ ราชาโน เอวรูปํ สทฺทํ สุตฺวา พฺราหฺมณานํ กถํ คเหตฺวา สพฺพจตุกฺกยฺํ ยชิตุกามา ปณฺฑิตานํ วจนํ สุตฺวา ยฺหรณตฺถาย คหิตสตฺเต วิสฺสชฺเชตฺวา นคเร มาฆาตเภรึ จราเปสุ’’นฺติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต อสีติโกฏิวิภเว พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ อุคฺคหิตสิปฺโป มาตาปิตูนํ อจฺจเยน รตนวิโลกนํ กตฺวา สพฺพํ วิภวชาตํ ทานมุเข วิสฺสชฺเชตฺวา กาเม ปหาย หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ฌานาภิฺาโย นิพฺพตฺเตตฺวา อปรภาเค โลณมฺพิลเสวนตฺถาย มนุสฺสปถํ จรนฺโต พาราณสึ ปตฺวา ราชุยฺยาเน วสิ. ตทา พาราณสิราชา สิริสยเน นิสินฺโน อฑฺฒรตฺตสมเย อฏฺ สทฺเท อสฺโสสิ – ปมํ ราชนิเวสนสามนฺตา อุยฺยาเน เอโก พโก สทฺทมกาสิ, ทุติยํ ตสฺมึ สทฺเท อนุปจฺฉินฺเนเยว หตฺถิสาลาย โตรณนิวาสินี กากี สทฺทมกาสิ, ตติยํ ราชเคเห กณฺณิกายํ นิวุตฺถฆุณปาณโก สทฺทมกาสิ, จตุตฺถํ ราชเคเห โปสาวนิยโกกิโล สทฺทมกาสิ, ปฺจมํ ตตฺเถว โปสาวนิยมิโค สทฺทมกาสิ, ฉฏฺํ ตตฺเถว โปสาวนิยวานโร สทฺทมกาสิ, สตฺตมํ ตตฺเถว โปสาวนิยกินฺนโร สทฺทมกาสิ, อฏฺมํ ตสฺมึ สทฺเท อนุปจฺฉินฺเนเยว ราชนิเวสนมตฺถเกน อุยฺยานํ คจฺฉนฺโต ปจฺเจกพุทฺโธ เอกํ อุทานํ อุทาเนนฺโต สทฺทมกาสิ.

พาราณสิราชา อิเม อฏฺ สทฺเท สุตฺวา ภีตตสิโต ปุนทิวเส พฺราหฺมเณ ปุจฺฉิ. พฺราหฺมณา ‘‘อนฺตราโย เต, มหาราช, ภวิสฺสติ, สพฺพจตุกฺกยฺํ ยชิสฺสามา’’ติ วตฺวา รฺา ‘‘ยถารุจิตํ กโรถา’’ติ อนุฺาตา หฏฺปหฏฺา ราชกุลโต นิกฺขมิตฺวา ยฺกมฺมํ อารภึสุ. อถ เนสํ เชฏฺกสฺส ยฺการพฺราหฺมณสฺส อนฺเตวาสี มาณโว ปณฺฑิโต พฺยตฺโต อาจริยํ อาห – ‘‘อาจริย, เอวรูปํ กกฺขฬํ ผรุสํ อสาตํ พหูนํ สตฺตานํ วินาสกมฺมํ มา กรี’’ติ. ‘‘ตาต, ตฺวํ กึ ชานาสิ, สเจปิ อฺํ กิฺจิ น ภวิสฺสติ, มจฺฉมํสํ ตาว พหุํ ขาทิตุํ ลภิสฺสามา’’ติ. ‘‘อาจริย, กุจฺฉึ นิสฺสาย นิรเย นิพฺพตฺตนกมฺมํ มา กโรถา’’ติ. ตํ สุตฺวา เสสพฺราหฺมณา ‘‘อยํ อมฺหากํ ลาภนฺตรายํ กโรตี’’ติ ตสฺส กุชฺฌึสุ. มาณโว เตสํ ภเยน ‘‘เตน หิ ตุมฺเหว มจฺฉมํสขาทนูปายํ กโรถา’’ติ วตฺวา นิกฺขมิตฺวา พหินคเร ราชานํ นิวาเรตุํ สมตฺถํ ธมฺมิกสมณพฺราหฺมณํ อุปธาเรนฺโต ราชุยฺยานํ คนฺตฺวา โพธิสตฺตํ ทิสฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘ภนฺเต, กึ ตุมฺหากํ สตฺเตสุ อนุกมฺปา นตฺถิ, ราชา พหู สตฺเต มาเรตฺวา ยฺํ ยชาเปติ, กึ โว มหาชนสฺส พนฺธนโมกฺขํ กาตุํ น วฏฺฏตี’’ติ อาห. ‘‘มาณว, เอตฺถ เนว ราชา อมฺเห ชานาติ, น มยํ ราชานํ ชานามา’’ติ. ‘‘ชานาถ ปน, ภนฺเต, รฺา สุตสทฺทานํ นิปฺผตฺติ’’นฺติ? ‘‘อาม, ชานามี’’ติ. ‘‘ชานนฺตา รฺโ กสฺมา น กเถถา’’ติ? ‘‘มาณว กึ สกฺกา ‘อหํ ชานามี’ติ นลาเฏ สิงฺคํ พนฺธิตฺวา จริตุํ, สเจ อิธาคนฺตฺวา ปุจฺฉิสฺสติ, กเถสฺสามี’’ติ.

มาณโว เวเคน ราชกุลํ คนฺตฺวา ‘‘กึ, ตาตา’’ติ วุตฺเต ‘‘มหาราช, ตุมฺเหหิ สุตสทฺทานํ นิปฺผตฺตึ ชานนโก เอโก ตาปโส ตุมฺหากํ อุยฺยาเน มงฺคลสิลายํ นิสินฺโน ‘สเจ มํ ปุจฺฉิสฺสติ, กเถสฺสามี’ติ วทติ, คนฺตฺวา ตํ ปุจฺฉิตุํ วฏฺฏตี’’ติ อาห. ราชา เวเคน ตตฺถ คนฺตฺวา ตาปสํ วนฺทิตฺวา กตปฏิสนฺถาโร นิสีทิตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร, ภนฺเต, ตุมฺเห มยา สุตสทฺทานํ นิปฺผตฺตึ ชานาถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อาม, มหาราชา’’ติ. ‘‘เตน หิ กเถถ ตํ เม’’ติ. ‘‘มหาราช, เตสํ สุตปจฺจยา ตว โกจิ อนฺตราโย นตฺถิ, โปราณุยฺยาเน ปน เต เอโก พโก อตฺถิ, โส โคจรํ อลภนฺโต ชิฆจฺฉาย ปเรโต ปมํ สทฺทมกาสี’’ติ ตสฺส กิริยํ อตฺตโน าเณน ปริจฺฉินฺทิตฺวา ปมํ คาถมาห –

๑๐.

‘‘อิทํ ปุเร นินฺนมาหุ, พหุมจฺฉํ มโหทกํ;

อาวาโส พกราชสฺส, เปตฺติกํ ภวนํ มม;

ตฺยชฺช เภเกน ยาเปม, โอกํ น วิชหามเส’’ติ.

ตตฺถ อิทนฺติ มงฺคลโปกฺขรณึ สนฺธาย วทติ. สา หิ ปุพฺเพ อุทกตุมฺเพน อุทเก ปวิสนฺเต มโหทกา พหุมจฺฉา, อิทานิ ปน อุทกสฺส ปจฺฉินฺนตฺตา น มโหทกา ชาตา. ตฺยชฺช เภเกนาติ เต มยํ อชฺช มจฺเฉ อลภนฺตา มณฺฑูกมตฺเตน ยาเปม. โอกนฺติ เอวํ ชิฆจฺฉาย ปีฬิตาปิ วสนฏฺานํ น วิชหาม.

อิติ, มหาราช, โส พโก ชิฆจฺฉาปีฬิโต สทฺทมกาสิ. สเจปิ ตํ ชิฆจฺฉาโต โมเจตุกาโม, ตํ อุยฺยานํ โสธาเปตฺวา โปกฺขรณึ อุทกสฺส ปูเรหีติ. ราชา ตถา กาเรตุํ เอกํ อมจฺจํ อาณาเปสิ.

‘‘หตฺถิสาลโตรเณ ปน เต, มหาราช, เอกา กากี วสมานา อตฺตโน ปุตฺตโสเกน ทุติยํ สทฺทมกาสิ, ตโตปิ เต ภยํ นตฺถี’’ติ วตฺวา ทุติยํ คาถมาห –

๑๑.

‘‘โก ทุติยํ อสีลิสฺส, พนฺธรสฺสกฺขิ เภจฺฉติ;

โก เม ปุตฺเต กุลาวกํ, มฺจ โสตฺถึ กริสฺสตี’’ติ.

วตฺวา จ ปน ‘‘โก นาม เต, มหาราช, หตฺถิสาลาย หตฺถิเมณฺโฑ’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘พนฺธโร นาม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘เอกกฺขิกาโณ โส, มหาราชา’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ. มหาราช, หตฺถิสาลาย เต ทฺวารโตรเณ เอกา กากี กุลาวกํ กตฺวา อณฺฑกานิ นิกฺขิปิ. ตานิ ปริณตานิ กากโปตกา นิกฺขนฺตา, หตฺถิเมณฺโฑ หตฺถึ อารุยฺห สาลโต นิกฺขมนฺโต จ ปวิสนฺโต จ องฺกุสเกน กากิมฺปิ ปุตฺตเกปิสฺสา ปหรติ, กุลาวกมฺปิ วิทฺธํเสติ. สา เตน ทุกฺเขน ปีฬิตา ตสฺส อกฺขิเภทนํ อายาจนฺตี เอวมาห, สเจ เต กากิยา เมตฺตจิตฺตํ อตฺถิ, เอตํ พนฺธรํ ปกฺโกสาเปตฺวา กุลาวกวิทฺธํสนโต วาเรหีติ. ราชา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ปริภาสิตฺวา หาเรตฺวา อฺสฺส ตํ หตฺถึ อทาสิ.

‘‘ปาสาทกณฺณิกาย ปน เต, มหาราช, เอโก ฆุณปาณโก วสติ. โส ตตฺถ เผคฺคุํ ขาทิตฺวา ตสฺมึ ขีเณ สารํ ขาทิตุํ นาสกฺขิ, โส ภกฺขํ อลภิตฺวา นิกฺขมิตุมฺปิ อสกฺโกนฺโต ปริเทวมาโน ตติยํ สทฺทมกาสิ, ตโตปิ เต ภยํ นตฺถี’’ติ วตฺวา ตสฺส กิริยํ อตฺตโน าเณน ปริจฺฉินฺทิตฺวา ตติยํ คาถมาห –

๑๒.

‘‘สพฺพา ปริกฺขตา เผคฺคุ, ยาว ตสฺสา คตี อหุ;

ขีณภกฺโข มหาราช, สาเร น รมตี ฆุโณ’’ติ.

ตตฺถ ยาว ตสฺสา คตี อหูติ ยาว ตสฺสา เผคฺคุยา นิปฺผตฺติ อโหสิ, สา สพฺพา ขาทิตา. น รมตีติ ‘‘มหาราช, โส ปาณโก ตโต นิกฺขมิตฺวา คมนฏฺานมฺปิ อปสฺสนฺโต ปริเทวติ, นีหราเปหิ น’’นฺติ อาห. ราชา เอกํ ปุริสํ อาณาเปตฺวา อุปาเยน นํ นีหราเปสิ.

‘‘นิเวสเน ปน เต, มหาราช, เอกา โปสาวนิยา โกกิลา อตฺถี’’ติ? ‘‘อตฺถิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘มหาราช, สา อตฺตนา นิวุตฺถปุพฺพํ วนสณฺฑํ สริตฺวา อุกฺกณฺิตฺวา ‘กทา นุ โข อิมมฺหา ปฺชรา มุจฺจิตฺวา รมณียํ วนสณฺฑํ คจฺฉิสฺสามี’ติ จตุตฺถํ สทฺทมกาสิ, ตโตปิ เต ภยํ นตฺถี’’ติ วตฺวา จตุตฺถํ คาถมาห –

๑๓.

‘‘สา นูนาหํ อิโต คนฺตฺวา, รฺโ มุตฺตา นิเวสนา;

อตฺตานํ รมยิสฺสามิ, ทุมสาขนิเกตินี’’ติ.

ตตฺถ ทุมสาขนิเกตินีติ สุปุปฺผิตาสุ รุกฺขสาขาสุ สกนิเกตา หุตฺวา. เอวฺจ ปน วตฺวา ‘‘อุกฺกณฺิตา, มหาราช, สา โกกิลา, วิสฺสชฺเชหิ น’’นฺติ อาห. ราชา ตถา กาเรสิ.

‘‘นิเวสเน ปน เต, มหาราช, เอโก โปสาวนิโย มิโค อตฺถี’’ติ? ‘‘อตฺถิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘มหาราช, โส เอโก ยูถปติ อตฺตโน มิคึ อนุสฺสริตฺวา กิเลสวเสน อุกฺกณฺิโต ปฺจมํ สทฺทมกาสิ, ตโตปิ เต ภยํ นตฺถี’’ติ วตฺวา ปฺจมํ คาถมาห –

๑๔.

‘‘โส นูนาหํ อิโต คนฺตฺวา, รฺโ มุตฺโต นิเวสนา;

อคฺโคทกานิ ปิสฺสามิ, ยูถสฺส ปุรโต วช’’นฺติ.

ตตฺถ อคฺโคทกานีติ อคฺคอุทกานิ, อฺเหิ มิเคหิ ปมตรํ อปีตานิ อนุจฺฉิฏฺโทกานิ ยูถสฺส ปุรโต คจฺฉนฺโต กทา นุ โข ปิวิสฺสามีติ.

มหาสตฺโต ตมฺปิ มิคํ วิสฺสชฺชาเปตฺวา ‘‘นิเวสเน ปน เต, มหาราช, โปสาวนิโย มกฺกโฏ อตฺถี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อตฺถิ, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘โสปิ, มหาราช, หิมวนฺตปเทเส ยูถปติ มกฺกฏีหิ สทฺธึ กามคิทฺโธ หุตฺวา วิจรนฺโต ภรเตน นาม ลุทฺเทน อิธ อานีโต, อิทานิ อุกฺกณฺิตฺวา ตตฺเถว คนฺตุกาโม ฉฏฺํ สทฺทมกาสิ, ตโตปิ เต ภยํ นตฺถี’’ติ วตฺวา ฉฏฺํ คาถมาห –

๑๕.

‘‘ตํ มํ กาเมหิ สมฺมตฺตํ, รตฺตํ กาเมสุ มุจฺฉิตํ;

อานยี ภรโต ลุทฺโท, พาหิโก ภทฺทมตฺถุ เต’’ติ.

ตตฺถ พาหิโกติ พาหิกรฏฺวาสี. ภทฺทมตฺถุ เตติ อิมมตฺถํ โส วานโร อาห, ตุยฺหํ ปน ภทฺทมตฺถุ, วิสฺสชฺเชหิ นนฺติ.

มหาสตฺโต ตํ วานรํ วิสฺสชฺชาเปตฺวา ‘‘นิเวสเน ปน เต, มหาราช, โปสาวนิโย กินฺนโร อตฺถี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อตฺถี’’ติ วุตฺเต ‘‘โส, มหาราช, อตฺตโน กินฺนริยา กตคุณํ อนุสฺสริตฺวา กิเลสาตุโร สทฺทมกาสิ. โส หิ ตาย สทฺธึ เอกทิวสํ ตุงฺคปพฺพตสิขรํ อารุหิ. เต ตตฺถ วณฺณคนฺธรสสมฺปนฺนานิ นานาปุปฺผานิ โอจินนฺตา ปิฬนฺธนฺตา สูริยํ อตฺถงฺคตํ น สลฺลกฺเขสุํ, อตฺถงฺคเต สูริเย โอตรนฺตานํ อนฺธกาโร อโหสิ. ตตฺร นํ กินฺนรี ‘สามิ, อนฺธกาโร วตฺตติ, อปกฺขลนฺโต อปฺปมาเทน โอตราหี’ติ วตฺวา หตฺเถ คเหตฺวา โอตาเรสิ, โส ตาย ตํ วจนํ อนุสฺสริตฺวา สทฺทมกาสิ, ตโตปิ เต ภยํ นตฺถี’’ติ ตํ การณํ อตฺตโน าณพเลน ปริจฺฉินฺทิตฺวา ปากฏํ กโรนฺโต สตฺตมํ คาถมาห –

๑๖.

‘‘อนฺธการติมิสายํ, ตุงฺเค อุปริปพฺพเต;

สา มํ สณฺเหน มุทุนา, มา ปาทํ ขลิ ยสฺมนี’’ติ.

ตตฺถ อนฺธการติมิสายนฺติ อนฺธภาวการเก ตเม. ตุงฺเคติ ติขิเณ. สณฺเหน มุทุนาติ มฏฺเน มุทุเกน วจเนน. มา ปาทํ ขลิ ยสฺมนีติ ย-กาโร พฺยฺชนสนฺธิวเสน คหิโต. อิทํ วุตฺตํ โหติ – สา มํ กินฺนรี สณฺเหน มุทเกน วจเนน ‘‘สามิ, อปฺปมตฺโต โหหิ, มา ปาทํ ขลิ อสฺมนิ, ยถา เต อุปกฺขลิตฺวา ปาโท ปาสาณสฺมึ น ขลติ, ตถา โอตรา’’ติ วตฺวา หตฺเถน คเหตฺวา โอตาเรสีติ.

อิติ มหาสตฺโต กินฺนเรน กตสทฺทการณํ กเถตฺวา ตํ วิสฺสชฺชาเปตฺวา ‘‘มหาราช, อฏฺโม อุทานสทฺโท อโหสิ. นนฺทมูลกปพฺภารสฺมึ กิร เอโก ปจฺเจกพุทฺโธ อตฺตโน อายุสงฺขารปริกฺขยํ ตฺวา ‘มนุสฺสปถํ คนฺตฺวา พาราณสิรฺโ อุยฺยาเน ปรินิพฺพายิสฺสามิ, ตสฺส เม มนุสฺสา สรีรนิกฺเขปํ กาเรตฺวา สาธุกีฬํ กีฬิตฺวา ธาตุปูชํ กตฺวา สคฺคปถํ ปูเรสฺสนฺตี’ติ อิทฺธานุภาเวน อาคจฺฉนฺโต ตว ปาสาทสฺส มตฺถกํ ปตฺตกาเล ขนฺธภารํ โอตาเรตฺวา นิพฺพานปุรปเวสนทีปนํ อุทานํ อุทาเนสี’’ติ ปจฺเจกพุทฺเธน วุตฺตํ คาถมาห –

๑๗.

‘‘อสํสยํ ชาติขยนฺตทสฺสี, น คพฺภเสยฺยํ ปุนราวชิสฺสํ;

อยมนฺติมา ปจฺฉิมา คพฺภเสยฺยา, ขีโณ เม สํสาโร ปุนพฺภวายา’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – ชาติยา ขยนฺตสงฺขาตสฺส นิพฺพานสฺส ทิฏฺตฺตา ชาติขยนฺตทสฺสี อหํ อสํสยํ ปุน คพฺภเสยฺยํ น อาวชิสฺสํ, อยํ เม อนฺติมา ชาติ, ปจฺฉิมา คพฺภเสยฺยา, ขีโณ เม ปุนพฺภวาย ขนฺธปฏิปาฏิสงฺขาโต สํสาโรติ.

‘‘อิทฺจ ปน โส อุทานํ วตฺวา อิมํ อุยฺยานวนํ อาคมฺม เอกสฺส สุปุปฺผิตสฺส สาลสฺส มูเล ปรินิพฺพุโต, เอหิ, มหาราช, สรีรกิจฺจมสฺส กริสฺสามา’’ติ มหาสตฺโต ราชานํ คเหตฺวา ปจฺเจกพุทฺธสฺส ปรินิพฺพุตฏฺานํ คนฺตฺวา สรีรํ ทสฺเสสิ. ราชา ตสฺส สรีรํ ทิสฺวา สทฺธึ พลกาเยน คนฺธมาลาทีหิ ปูเชตฺวา โพธิสตฺตสฺส วจนํ นิสฺสาย ยฺํ หาเรตฺวา สพฺพสตฺตานํ ชีวิตทานํ ทตฺวา นคเร มาฆาตเภรึ จราเปตฺวา สตฺตาหํ สาธุกีฬํ กีฬิตฺวา สพฺพคนฺธจิตเก มหนฺเตน สกฺกาเรน ปจฺเจกพุทฺธสฺส สรีรํ ฌาเปตฺวา ธาตุโย จตุมหาปเถ ถูปํ กาเรสิ. โพธิสตฺโตปิ รฺโ ธมฺมํ เทเสตฺวา ‘‘อปฺปมตฺโต โหหี’’ติ โอวทิตฺวา หิมวนฺตเมว ปวิสิตฺวา พฺรหฺมวิหาเรสุ ปริกมฺมํ กตฺวา อปริหีนชฺฌาโน พฺรหฺมโลกปรายโณ อโหสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘มหาราช, ตสฺส สทฺทสฺส สุตการณา ตว โกจิ อนฺตราโย นตฺถี’’ติ ยฺํ หราเปตฺวา ‘‘มหาชนสฺส ชีวิตํ เทหี’’ติ ชีวิตทานํ ทาเปตฺวา นคเร ธมฺมเภรึ จราเปตฺวา ธมฺมํ เทเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ ‘‘ตทา ราชา อานนฺโท อโหสิ, มาณโว สาริปุตฺโต, ตาปโส ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

อฏฺสทฺทชาตกวณฺณนา ทุติยา.

[๔๑๙] ๓. สุลสาชาตกวณฺณนา

อิทํ สุวณฺณกายูรนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ อนาถปิณฺฑิกสฺส ทาสึ อารพฺภ กเถสิ. สา กิร เอกสฺมึ อุสฺสวทิวเส ทาสิคเณน สทฺธึ อุยฺยานํ คจฺฉนฺตี อตฺตโน สามินึ ปุฺลกฺขณเทวึ อาภรณํ ยาจิ. สา ตสฺสา สตสหสฺสมูลํ อตฺตโน อาภรณํ อทาสิ. สา ตํ ปิฬนฺธิตฺวา ทาสิคเณน สทฺธึ อุยฺยานํ ปาวิสิ. อเถโก โจโร ตสฺสา อาภรเณ โลภํ อุปฺปาเทตฺวา ‘‘อิมํ มาเรตฺวา อาภรณํ หริสฺสามี’’ติ ตาย สทฺธึ สลฺลปนฺโต อุยฺยานํ คนฺตฺวา ตสฺสา มจฺฉมํสสุราทีนิ อทาสิ. สา ‘‘กิเลสวเสน เทติ มฺเ’’ติ คเหตฺวา อุยฺยานกีฬํ กีฬิตฺวา วีมํสนตฺถาย สายนฺหสมเย นิปนฺเน ทาสิคเณ อุฏฺาย ตสฺส สนฺติกํ อคมาสิ. โส ‘‘ภทฺเท, อิมํ านํ อปฺปฏิจฺฉนฺนํ, โถกํ ปุรโต คจฺฉามา’’ติ อาห. ตํ สุตฺวา อิตรา ‘‘อิมสฺมึ าเน สกฺกา รหสฺสกมฺมํ กาตุํ, อยํ ปน นิสฺสํสยํ มํ มาเรตฺวา ปิฬนฺธนภณฺฑํ หริตุกาโม ภวิสฺสติ, โหตุ, สิกฺขาเปสฺสามิ น’’นฺติ จินฺเตตฺวา ‘‘สามิ, สุรามเทน เม สุกฺขํ สรีรํ, ปานียํ ตาว มํ ปาเยหี’’ติ เอกํ กูปํ เนตฺวา ‘‘อิโต เม ปานียํ โอสิฺจา’’ติ รชฺชุฺจ ฆฏฺจ ทสฺเสสิ. โจโร รชฺชุํ กูเป โอตาเรสิ, อถ นํ โอนมิตฺวา อุทกํ โอสิฺจนฺตํ มหพฺพลทาสี อุโภหิ หตฺเถหิ อาณิสทํ ปหริตฺวา กูเป ขิปิตฺวา ‘‘น ตฺวํ เอตฺตเกน มริสฺสสี’’ติ เอกํ มหนฺตํ อิฏฺกํ มตฺถเก อาสุมฺภิ. โส ตตฺเถว ชีวิตกฺขยํ ปตฺโต. สาปิ นครํ ปวิสิตฺวา สามินิยา อาภรณํ ททมานา ‘‘มนมฺหิ อชฺช อิมํ อาภรณํ นิสฺสาย มตา’’ติ สพฺพํ ตํ ปวตฺตึ อาโรเจสิ, สาปิ อนาถปิณฺฑิกสฺส อาโรเจสิ, อนาถปิณฺฑิโก ตถาคตสฺส อาโรเจสิ. สตฺถา ‘‘น โข, คหปติ, อิทาเนว สา ทาสี านุปฺปตฺติกาย ปฺาย สมนฺนาคตา, ปุพฺเพปิ สมนฺนาคตาว, น จ อิทาเนว ตาย โส มาริโต, ปุพฺเพปิ นํ มาเรสิเยวา’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต สุลสา นาม นครโสภินี ปฺจสตวณฺณทาสิปริวารา อโหสิ, สหสฺเสน รตฺตึ คจฺฉติ. ตสฺมึเยว นคเร สตฺตุโก นาม โจโร อโหสิ นาคพโล, รตฺติภาเค อิสฺสรฆรานิ ปวิสิตฺวา ยถารุจึ วิลุมฺปติ. นาครา สนฺนิปติตฺวา รฺโ อุปกฺโกสึสุ. ราชา นครคุตฺติกํ อาณาเปตฺวา ตตฺถ ตตฺถ คุมฺพํ ปาเปตฺวา โจรํ คณฺหาเปตฺวา ‘‘สีสมสฺส ฉินฺทถา’’ติ อาห. ตํ ปจฺฉาพาหํ พนฺธิตฺวา จตุกฺเก จตุกฺเก กสาหิ ตาเฬตฺวา อาฆาตนํ เนนฺติ. ‘‘โจโร กิร คหิโต’’ติ สกลนครํ สงฺขุภิ. ตทา สุลสา วาตปาเน ตฺวา อนฺตรวีถึ โอโลเกนฺตี ตํ ทิสฺวา ปฏิพทฺธจิตฺตา หุตฺวา ‘‘สเจ อิมํ โจโรติ คหิตปุริสํ โมเจตุํ สกฺขิสฺสามิ, อิทํ กิลิฏฺกมฺมํ อกตฺวา อิมินาว สทฺธึ สมคฺควาสํ กปฺเปสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา เหฏฺา กณเวรชาตเก (ชา. ๑.๔.๖๙ อาทโย) วุตฺตนเยเนว นครคุตฺติกสฺส สหสฺสํ เปเสตฺวา ตํ โมเจตฺวา เตน สทฺธึ สมฺโมทมานา สมคฺควาสํ วสิ. โจโร ติณฺณํ จตุนฺนํ มาสานํ อจฺจเยน จินฺเตสิ ‘‘อหํ อิมสฺมึเยว าเน วสิตุํ น สกฺขิสฺสามิ, ตุจฺฉหตฺเถน ปลายิตุมฺปิ น สกฺกา, สุลสาย ปิฬนฺธนภณฺฑํ สตสหสฺสํ อคฺฆติ, สุลสํ มาเรตฺวา อิทํ คณฺหิสฺสามี’’ติ. อถ นํ เอกทิวสํ อาห – ‘‘ภทฺเท, อหํ ตทา ราชปุริเสหิ นียมาโน อสุกปพฺพตมตฺถเก รุกฺขเทวตาย พลิกมฺมํ ปฏิสฺสุณึ, สา มํ พลิกมฺมํ อลภมานา ภายาเปติ, พลิกมฺมมสฺสา กโรมา’’ติ. ‘‘สาธุ, สามิ, สชฺเชตฺวา เปเสหี’’ติ. ‘‘ภทฺเท, เปเสตุํ น วฏฺฏติ, มยํ อุโภปิ สพฺพาภรณปฏิมณฺฑิตา มหนฺเตน ปริวาเรน คนฺตฺวา ทสฺสามา’’ติ. ‘‘สาธุ, สามิ, ตถา กโรมา’’ติ.

อถ นํ ตถา กาเรตฺวา ปพฺพตปาทํ คตกาเล อาห – ‘‘ภทฺเท, มหาชนํ ทิสฺวา เทวตา พลิกมฺมํ น สมฺปฏิจฺฉิสฺสติ, มยํ อุโภว อภิรุหิตฺวา เทมา’’ติ. โส ตาย ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิโต ตํ พลิปาตึ อุกฺขิปาเปตฺวา สยํ สนฺนทฺธปฺจาวุโธ หุตฺวา ปพฺพตมตฺถกํ อภิรุหิตฺวา เอกํ สตโปริสปปาตํ นิสฺสาย ชาตรุกฺขมูเล พลิภาชนํ ปาเปตฺวา ‘‘ภทฺเท, นาหํ พลิกมฺมตฺถาย อาคโต, ตํ ปน มาเรตฺวา ปิฬนฺธนํ เต คเหตฺวา คมิสฺสามีติ อาคโตมฺหิ, ตว ปิฬนฺธนํ โอมุฺจิตฺวา อุตฺตรสาฏเกน ภณฺฑิกํ กโรหี’’ติ อาห. ‘‘สามิ, มํ กสฺมา มาเรสี’’ติ? ‘‘ธนการณา’’ติ. ‘‘สามิ, มยา กตคุณํ อนุสฺสร, อหํ ตํ พนฺธิตฺวา นียมานํ เสฏฺิปุตฺเตน ปริวตฺเตตฺวา พหุํ ธนํ ทตฺวา ชีวิตํ ลภาเปสึ, เทวสิกํ สหสฺสํ ลภมานาปิ อฺํ ปุริสํ น โอโลเกมิ, เอวฺหิ ตว อุปการิกํ มา มํ มาเรหิ, พหุฺจ เต ธนํ ทสฺสามิ, ตว ทาสี จ ภวิสฺสามี’’ติ ยาจนฺตี ปมํ คาถมาห –

๑๘.

‘‘อิทํ สุวณฺณกายูรํ, มุตฺตา เวฬุริยา พหู;

สพฺพํ หรสฺสุ ภทฺทนฺเต, มฺจ ทาสีติ สาวยา’’ติ.

ตตฺถ กายูรนฺติ คีวายํ ปิฬนฺธนปสาธนํ กายูรํ. สาวยาติ มหาชนมชฺเฌ สาเวตฺวา ทาสึ กตฺวา คณฺหาติ.

ตโต สตฺตุเกน –

๑๙.

‘‘โอโรปยสฺสุ กลฺยาณิ, มา พาฬฺหํ ปริเทวสิ;

น จาหํ อภิชานามิ, อหนฺตฺวา ธนมาภต’’นฺติ. –

อตฺตโน อชฺฌาสยานุรูปํ ทุติยคาถาย วุตฺตาย สุลสา านุปฺปตฺติการณํ ปฏิลภิตฺวา ‘‘อยํ โจโร มยฺหํ ชีวิตํ น ทสฺสติ, อุปาเยน นํ ปมตรํ ปปาเต ปาเตตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา คาถาทฺวยมาห –

๒๐.

‘‘ยโต สรามิ อตฺตานํ, ยโต ปตฺตาสฺมิ วิฺุตํ;

น จาหํ อภิชานามิ, อฺํ ปิยตรํ ตยา.

๒๑.

‘‘เอหิ ตํ อุปคูหิสฺสํ, กริสฺสฺจ ปทกฺขิณํ;

น หิ ทานิ ปุน อตฺถิ, มม ตุยฺหฺจ สงฺคโม’’ติ.

สตฺตุโก ตสฺสาธิปฺปายํ อชานนฺโต ‘‘สาธุ, ภทฺเท, เอหิ อุปคูหสฺสุ ม’’นฺติ อาห. สุลสา ตํ ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา อุปคูหิตฺวา ‘‘อิทานิ ตํ, สามิ, จตูสุ ปสฺเสสุ วนฺทิสฺสามี’’ติ วตฺวา ปาทปิฏฺิยํ สีสํ เปตฺวา พาหุปสฺเส วนฺทิตฺวา ปจฺฉิมปสฺสํ คนฺตฺวา วนฺทมานา วิย หุตฺวา นาคพลา คณิกา โจรํ ทฺวีสุ ปจฺฉาปาเทสุ คเหตฺวา เหฏฺา สีสํ กตฺวา สตโปริเส นรเก ขิปิ. โส ตตฺเถว จุณฺณวิจุณฺณํ ปตฺวา มริ. ตํ กิริยํ ทิสฺวา ปพฺพตมตฺถเก นิพฺพตฺตเทวตา อิมา คาถา อภาสิ –

๒๒.

‘‘น หิ สพฺเพสุ าเนสุ, ปุริโส โหติ ปณฺฑิโต;

อิตฺถีปิ ปณฺฑิตา โหติ, ตตฺถ ตตฺถ วิจกฺขณา.

๒๓.

‘‘น หิ สพฺเพสุ าเนสุ, ปุริโส โหติ ปณฺฑิโต;

อิตฺถีปิ ปณฺฑิตา โหติ, ลหุํ อตฺถํ วิจินฺติกา.

๒๔.

‘‘ลหุฺจ วต ขิปฺปฺจ, นิกฏฺเ สมเจตยิ;

มิคํ ปุณฺณายเตเนว, สุลสา สตฺตุกํ วธิ.

๒๕.

‘‘โยธ อุปฺปติตํ อตฺถํ, น ขิปฺปมนุพุชฺฌติ;

โส หฺติ มนฺทมติ, โจโรว คิริคพฺภเร.

๒๖.

‘‘โย จ อุปฺปติตํ อตฺถํ, ขิปฺปเมว นิโพธติ;

มุจฺจเต สตฺตุสมฺพาธา, สุลสา สตฺตุกามิวา’’ติ.

ตตฺถ ปณฺฑิตา โหตีติ อิตฺถีปิ ปณฺฑิตา ตตฺถ ตตฺถ วิจกฺขณา โหติ, อถ วา อิตฺถี ปณฺฑิตา เจว ตตฺถ ตตฺถ วิจกฺขณา จ โหติ. ลหุํ อตฺถํ วิจินฺติกาติ ลหุํ ขิปฺปํ อตฺถํ วิจินฺติกา. ลหุฺจ วตาติ อทนฺธฺจ วต. ขิปฺปฺจาติ อจิเรเนว. นิกฏฺเ สมเจตยีติ สนฺติเก ิตาว ตสฺส มรณูปายํ จินฺเตสิ. ปุณฺณายเตเนวาติ ปูริตธนุสฺมึ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา เฉโก มิคลุทฺทโก สกณฺฑปุณฺณธนุสฺมึ ขิปฺปํ มิคํ วธติ, เอวํ สุลสา สตฺตุกํ วธีติ. โยธาติ โย อิมสฺมึ สตฺตโลเก. นิโพธตีติ ชานาติ. สตฺตุกามิวาติ สตฺตุกา อิว, ยถา สุลสา มุตฺตา, เอวํ มุจฺจตีติ อตฺโถ.

อิติ สุลสา โจรํ วธิตฺวา ปพฺพตา โอรุยฺห อตฺตโน ปริชนสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘อยฺยปุตฺโต กห’’นฺติ ปุฏฺา ‘‘มา ตํ ปุจฺฉถา’’ติ วตฺวา รถํ อภิรุหิตฺวา นครเมว ปาวิสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ ‘‘ตทา เต อุโภปิ อิเมเยว อเหสุํ, เทวตา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

สุลสาชาตกวณฺณนา ตติยา.

[๔๒๐] ๔. สุมงฺคลชาตกวณฺณนา

ภุสมฺหิ กุทฺโธติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ราโชวาทสุตฺตํ อารพฺภ กเถสิ. ตทา ปน สตฺถา รฺา ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺโต วยปฺปตฺโต ปิตุ อจฺจเยน รชฺชํ กาเรสิ, มหาทานํ ปวตฺเตสิ. ตสฺส สุมงฺคโล นาม อุยฺยานปาโล อโหสิ. อเถโก ปจฺเจกพุทฺโธ นนฺทมูลกปพฺภารา นิกฺขมิตฺวา จาริกํ จรมาโน พาราณสึ ปตฺวา อุยฺยาเน วสิตฺวา ปุนทิวเส นครํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. ตเมนํ ราชา ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺโต วนฺทิตฺวา ปาสาทํ อาโรเปตฺวา ราชาสเน นิสีทาเปตฺวา นานคฺครเสหิ ขาทนียโภชนีเยหิ ปริวิสิตฺวา อนุโมทนํ สุตฺวา ปสนฺโน อตฺตโน อุยฺยาเน วสนตฺถาย ปฏิฺํ คาหาเปตฺวา อุยฺยานํ ปเวเสตฺวา สยมฺปิ ภุตฺตปาตราโส ตตฺถ คนฺตฺวา รตฺติฏฺานทิวาฏฺานาทีนิ สํวิทหิตฺวา สุมงฺคลํ นาม อุยฺยานปาลํ เวยฺยาวจฺจกรํ กตฺวา นครํ ปาวิสิ. ปจฺเจกพุทฺโธ ตโต ปฏฺาย นิพทฺธํ ราชเคเห ภุฺชนฺโต ตตฺถ จิรํ วสิ, สุมงฺคโลปิ นํ สกฺกจฺจํ อุปฏฺหิ.

อเถกทิวสํ ปจฺเจกพุทฺโธ สุมงฺคลํ อามนฺเตตฺวา ‘‘อหํ กติปาหํ อสุกคามํ นิสฺสาย วสิตฺวา อาคจฺฉิสฺสามิ, รฺโ อาโรเจหี’’ติ วตฺวา ปกฺกามิ. สุมงฺคโลปิ รฺโ อาโรเจสิ. ปจฺเจกพุทฺโธ กติปาหํ ตตฺถ วสิตฺวา สายํ สูริเย อตฺถงฺคเต ตํ อุยฺยานํ ปจฺจาคมิ. สุมงฺคโล ตสฺส อาคตภาวํ อชานนฺโต อตฺตโน เคหํ อคมาสิ. ปจฺเจกพุทฺโธปิ ปตฺตจีวรํ ปฏิสาเมตฺวา โถกํ จงฺกมิตฺวา ปาสาณผลเก นิสีทิ. ตํ ทิวสํ ปน อุยฺยานปาลสฺส ฆรํ ปาหุนกา อาคมึสุ. โส เตสํ สูปพฺยฺชนตฺถาย ‘‘อุยฺยาเน อภยลทฺธํ มิคํ มาเรสฺสามี’’ติ ธนุํ อาทาย อุยฺยานํ คนฺตฺวา มิคํ อุปธาเรนฺโต ปจฺเจกพุทฺธํ ทิสฺวา ‘‘มหามิโค ภวิสฺสตี’’ติ สฺาย สรํ สนฺนยฺหิตฺวา วิชฺฌิ. ปจฺเจกพุทฺโธ สีสํ วิวริตฺวา ‘‘สุมงฺคลา’’ติ อาห. โส สํเวคปฺปตฺโต วนฺทิตฺวา ‘‘ภนฺเต, อหํ ตุมฺหากํ อาคตภาวํ อชานนฺโต ‘มิโค’ติ สฺาย วิชฺฌึ, ขมถ เม’’ติ วตฺวา ‘‘โหตุ ทานิ กึ กริสฺสสิ, เอหิ สรํ ลุฺจิตฺวา คณฺหาหี’’ติ วุตฺเต วนฺทิตฺวา สรํ ลุฺจิ, มหตี เวทนา อุปฺปชฺชิ. ปจฺเจกพุทฺโธ ตตฺเถว ปรินิพฺพายิ. อุยฺยานปาโล ‘‘สเจ ราชา ชานิสฺสติ, นาเสสฺสตี’’ติ ปุตฺตทารํ คเหตฺวา ตโตว ปลายิ. ตาวเทว ‘‘ปจฺเจกพุทฺโธ ปรินิพฺพุโต’’ติ เทวตานุภาเวน สกลนครํ เอกโกลาหลํ ชาตํ.

ปุนทิวเส มนุสฺสา อุยฺยานํ คนฺตฺวา ปจฺเจกพุทฺธํ ทิสฺวา ‘‘อุยฺยานปาโล ปจฺเจกพุทฺธํ มาเรตฺวา ปลาโต’’ติ รฺโ กถยึสุ. ราชา มหนฺเตน ปริวาเรน อุยฺยานํ คนฺตฺวา สตฺตาหํ สรีรปูชํ กตฺวา มหนฺเตน สกฺกาเรน ฌาเปตฺวา ธาตุโย อาทาย เจติยํ กตฺวา ตํ ปูเชนฺโต ธมฺเมน รชฺชํ กาเรสิ. สุมงฺคโลปิ เอกสํวจฺฉรํ วีตินาเมตฺวา ‘‘รฺโ จิตฺตํ ชานิสฺสามี’’ติ อาคนฺตฺวา เอกํ อมจฺจํ ปสฺสิตฺวา ‘‘มยิ รฺโ จิตฺตํ ชานาหี’’ติ อาห. อมจฺโจปิ รฺโ สนฺติกํ คนฺตฺวา ตสฺส คุณํ กเถสิ. ราชา อสุณนฺโต วิย อโหสิ. ปุน กิฺจิ อวตฺวา รฺโ อนตฺตมนภาวํ สุมงฺคลสฺส กเถสิ. โส ทุติยสํวจฺฉเรปิ อาคนฺตฺวา ตเถว ราชา ตุณฺหี อโหสิ. ตติยสํวจฺฉเร อาคนฺตฺวา ปุตฺตทารํ คเหตฺวาว อาคมิ. อมจฺโจ รฺโ จิตฺตมุทุภาวํ ตฺวา ตํ ราชทฺวาเร เปตฺวา ตสฺสาคตภาวํ รฺโ กเถสิ. ราชา ตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ปฏิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘สุมงฺคล, กสฺมา ตยา มม ปุฺกฺเขตฺตํ ปจฺเจกพุทฺโธ มาริโต’’ติ ปุจฺฉิ. โส ‘‘นาหํ, เทว, ‘ปจฺเจกพุทฺธํ มาเรมี’ติ มาเรสึ, อปิจ โข อิมินา นาม การเณน อิทํ นาม อกาสิ’’นฺติ ตํ ปวตฺตึ อาจิกฺขิ. อถ นํ ราชา ‘‘เตน หิ มา ภายี’’ติ สมสฺสาเสตฺวา ปุน อุยฺยานปาลเมว อกาสิ.

อถ นํ โส อมจฺโจ ปุจฺฉิ ‘‘เทว, กสฺมา ตุมฺเห ทฺเว วาเร สุมงฺคลสฺส คุณํ สุตฺวาปิ กิฺจิ น กถยิตฺถ, กสฺมา ปน ตติยวาเร สุตฺวา ตํ ปกฺโกสิตฺวา อนุกมฺปิตฺถา’’ติ? ราชา ‘‘ตาต, รฺา นาม กุทฺเธน สหสา กิฺจิ กาตุํ น วฏฺฏติ, เตนาหํ ปุพฺเพ ตุณฺหี หุตฺวา ตติยวาเร สุมงฺคเล มม จิตฺตสฺส มุทุภาวํ ตฺวา ตํ ปกฺโกสาเปสิ’’นฺติ ราชวตฺตํ กเถนฺโต อิมา คาถา อาห –

๒๗.

‘‘ภุสมฺหิ กุทฺโธติ อเวกฺขิยาน, น ตาว ทณฺฑํ ปณเยยฺย อิสฺสโร;

อฏฺานโส อปฺปติรูปมตฺตโน, ปรสฺส ทุกฺขานิ ภุสํ อุทีรเย.

๒๘.

‘‘ยโต จ ชาเนยฺย ปสาทมตฺตโน, อตฺถํ นิยุฺเชยฺย ปรสฺส ทุกฺกฏํ;

ตทายมตฺโถติ สยํ อเวกฺขิย, อถสฺส ทณฺฑํ สทิสํ นิเวสเย.

๒๙.

‘‘น จาปิ ฌาเปติ ปรํ น อตฺตนํ, อมุจฺฉิโต โย นยเต นยานยํ;

โย ทณฺฑธาโร ภวตีธ อิสฺสโร, ส วณฺณคุตฺโต สิริยา น ธํสติ.

๓๐.

‘‘เย ขตฺติยา เส อนิสมฺมการิโน, ปเณนฺติ ทณฺฑํ สหสา ปมุจฺฉิตา;

อวณฺณสํยุตา ชหนฺติ ชีวิตํ, อิโต วิมุตฺตาปิ จ ยนฺติ ทุคฺคตึ.

๓๑.

‘‘ธมฺเม จ เย อริยปฺปเวทิเต รตา, อนุตฺตรา เต วจสา มนสา กมฺมุนา จ;

เต สนฺติโสรจฺจสมาธิสณฺิตา, วชนฺติ โลกํ ทุภยํ ตถาวิธา.

๓๒.

‘‘ราชาหมสฺมิ นรปมทานมิสฺสโร, สเจปิ กุชฺฌามิ เปมิ อตฺตนํ;

นิเสธยนฺโต ชนตํ ตถาวิธํ, ปเณมิ ทณฺฑํ อนุกมฺป โยนิโส’’ติ.

ตตฺถ อเวกฺขิยานาติ อเวกฺขิตฺวา ชานิตฺวา. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ตาต, ปถวิสฺสโร ราชา นาม ‘‘อหํ ภุสํ กุทฺโธ พลวโกธาภิภูโต’’ติ ตฺวา อฏฺวตฺถุกาทิเภทํ ทณฺฑํ ปรสฺส น ปณเยยฺย น วตฺเตยฺย. กึการณา? กุทฺโธ หิ อฏฺวตฺถุกํ โสฬสวตฺถุกํ กตฺวา อฏฺาเนน อการเณน อตฺตโน ราชภาวสฺส อนนุรูปํ ‘‘อิมํ เอตฺตกํ นาม อาหรถ, อิทฺจ ตสฺส กโรถา’’ติ ปรสฺส ภุสํ ทุกฺขานิ พลวทุกฺขานิ อุทีรเย.

ยโตติ ยทา. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยทา ปน ราชา ปรสฺมึ อุปฺปนฺนํ อตฺตโน ปสาทํ ชาเนยฺย, อถ ปรสฺส ทุกฺกฏํ อตฺถํ นิยุฺเชยฺย อุปปริกฺเขยฺย, ตทา เอวํ นิยุฺชนฺโต ‘‘อยํ นาเมตฺถ อตฺโถ, อยํ เอตสฺส โทโส’’ติ สยํ อตฺตปจฺจกฺขํ กตฺวา อถสฺส อปราธการกสฺส อฏฺวตฺถุกเหตุ อฏฺเว, โสฬสวตฺถุกเหตุ โสฬเสว กหาปเณ คณฺหมาโน ทณฺฑํ สทิสํ กตโทสานุรูปํ นิเวสเย เปยฺย ปวตฺเตยฺยาติ.

อมุจฺฉิโตติ ฉนฺทาทีหิ อคติกิเลเสหิ อมุจฺฉิโต อนภิภูโต หุตฺวา โย นยานยํ นยเต อุปปริกฺขติ, โส เนว ปรํ ฌาเปติ, น อตฺตานํ. ฉนฺทาทิวเสน หิ อเหตุกํ ทณฺฑํ ปวตฺเตนฺโต ปรมฺปิ เตน ทณฺเฑน ฌาเปติ ทหติ ปีเฬติ, อตฺตานมฺปิ ตโตนิทาเนน ปาเปน. อยํ ปน น ปรํ ฌาเปติ, น อตฺตานํ. โย ทณฺฑธาโร ภวตีธ อิสฺสโรติ โย อิธ ปถวิสฺสโร ราชา อิธ สตฺตโลเก โทสานุจฺฉวิกํ ทณฺฑํ ปวตฺเตนฺโต ทณฺฑธาโร โหติ. ส วณฺณคุตฺโตติ คุณวณฺเณน เจว ยสวณฺเณน จ คุตฺโต รกฺขิโต สิริยา น ธํสติ น ปริหายติ. อวณฺณสํยุตา ชหนฺตีติ อธมฺมิกา โลลราชาโน อวณฺเณน ยุตฺตา หุตฺวา ชีวิตํ ชหนฺติ.

ธมฺเม จ เย อริยปฺปเวทิเตติ เย ราชาโน อาจารอริเยหิ ธมฺมิกราชูหิ ปเวทิเต ทสวิเธ ราชธมฺเม รตา. อนุตฺตรา เตติ เต วจสา มนสา กมฺมุนา จ ตีหิปิ เอเตหิ อนุตฺตรา เชฏฺกา. เต สนฺติโสรจฺจสมาธิสณฺิตาติ เต อคติปหาเนน กิเลสสนฺติยฺจ สุสีลฺยสงฺขาเต โสรจฺเจ จ เอกคฺคตาสมาธิมฺหิ จ สณฺิตา ปติฏฺิตา ธมฺมิกราชาโน. วชนฺติ โลกํ ทุภยนฺติ ธมฺเมน รชฺชํ กาเรตฺวา มนุสฺสโลกโต เทวโลกํ, เทวโลกโต มนุสฺสโลกนฺติ อุภยโลกเมว วชนฺติ, นิรยาทีสุ น นิพฺพตฺตนฺติ. นรปมทานนฺติ นรานฺจ นารีนฺจ. เปมิ อตฺตนนฺติ กุทฺโธปิ โกธวเสน อคนฺตฺวา อตฺตานํ โปราณกราชูหิ ปิตนยสฺมึเยว ธมฺเม เปมิ, วินิจฺฉยธมฺมํ น ภินฺทามีติ.

เอวํ ฉหิ คาถาหิ รฺา อตฺตโน คุเณ กถิเต สพฺพาปิ ราชปริสา ตุฏฺา ‘‘อยํ สีลาจารคุณสมฺปตฺติ ตุมฺหากฺเว อนุรูปา’’ติ รฺโ คุเณ กเถสุํ. สุมงฺคโล ปน ปริสาย กถิตาวสาเน อุฏฺาย ราชานํ วนฺทิตฺวา อฺชลึ ปคฺคยฺห รฺโ ถุตึ กโรนฺโต ติสฺโส คาถา อภาสิ –

๓๓.

‘‘สิรี จ ลกฺขี จ ตเวว ขตฺติย, ชนาธิป มา วิชหิ กุทาจนํ;

อกฺโกธโน นิจฺจปสนฺนจิตฺโต, อนีโฆ ตุวํ วสฺสสตานิ ปาลย.

๓๔.

‘‘คุเณหิ เอเตหิ อุเปต ขตฺติย, ิตมริยวตฺตี สุวโจ อโกธโน;

สุขี อนุปฺปีฬ ปสาส เมทินึ, อิโต วิมุตฺโตปิ จ ยาหิ สุคฺคตึ.

๓๕.

‘‘เอวํ สุนีเตน สุภาสิเตน, ธมฺเมน าเยน อุปายโส นยํ;

นิพฺพาปเย สงฺขุภิตํ มหาชนํ, มหาว เมโฆ สลิเลน เมทินิ’’นฺติ.

ตตฺถ สิรี จ ลกฺขี จาติ ปริวารสมฺปตฺติ จ ปฺา จ. อนีโฆติ นิทฺทุกฺโข หุตฺวา. อุเปต ขตฺติยาติ อุเปโต ขตฺติย, อยเมว วา ปาโ. ิตมริยวตฺตีติ ิตอริยวตฺติ, อริยวตฺติ นาม ทสราชธมฺมสงฺขาตํ โปราณราชวตฺตํ, ตตฺถ ปติฏฺิตตฺตา ิตราชธมฺโม หุตฺวาติ อตฺโถ. อนุปฺปีฬ ปสาส เมทินินฺติ อนุปฺปีฬํ ปสาส เมทินิฺจ, อยเมว วา ปาโ. สุนีเตนาติ สุนเยน สุฏฺุ การเณน. ธมฺเมนาติ ทสกุสลกมฺมปถธมฺเมน. าเยนาติ ปุริมปทสฺเสว เววจนํ. อุปายโสติ อุปายโกสลฺเลน. นยนฺติ นยนฺโต รชฺชํ อนุสาสนฺโต ธมฺมิกราชา. นิพฺพาปเยติ อิมาย ปฏิปตฺติยา กายิกเจตสิกทุกฺขํ ทรถํ อปเนนฺโต กายิกเจตสิกทุกฺขสงฺขุภิตมฺปิ มหาชนํ มหาเมโฆ สลิเลน เมทินึ วิย นิพฺพาเปยฺย, ตฺวมฺปิ ตเถว นิพฺพาเปหีติ ทสฺเสนฺโต เอวมาห.

สตฺถา โกสลรฺโ โอวาทวเสน อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ปจฺเจกพุทฺโธ ปรินิพฺพุโต, สุมงฺคโล อานนฺโท อโหสิ, ราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

สุมงฺคลชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.

[๔๒๑] ๕. คงฺคมาลชาตกวณฺณนา

องฺคารชาตาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อุโปสถกมฺมํ อารพฺภ กเถสิ. เอกทิวสฺหิ สตฺถา อุโปสถิเก อุปาสเก อามนฺเตตฺวา ‘‘อุปาสกา สาธุรูปํ โว กตํ อุโปสถํ อุปวสนฺเตหิ, ทานํ ทาตพฺพํ, สีลํ รกฺขิตพฺพํ, โกโธ น กาตพฺโพ, เมตฺตา ภาเวตพฺพา, อุโปสถวาโส วสิตพฺโพ, โปราณกปณฺฑิตา หิ เอกํ อุปฑฺฒุโปสถกมฺมํ นิสฺสาย มหายสํ ลภึสู’’ติ วตฺวา เตหิ ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต ตสฺมึ นคเร สุจิปริวาโร นาม เสฏฺิ อโหสิ อสีติโกฏิธนวิภโว ทานาทิปุฺาภิรโต. ตสฺส ปุตฺตทาราปิ ปริชโนปิ อนฺตมโส ตสฺมึ ฆเร วจฺฉปาลกาปิ สพฺเพ มาสสฺส ฉ ทิวเส อุโปสถํ อุปวสนฺติ. ตทา โพธิสตฺโต เอกสฺมึ ทลิทฺทกุเล นิพฺพตฺติตฺวา ภตึ กตฺวา กิจฺเฉน ชีวติ. โส ‘‘ภตึ กริสฺสามี’’ติ ตสฺส เคหํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ ิโต ‘‘กึ อาคโตสี’’ติ วุตฺเต ‘‘ตุมฺหากํ เคเห ภติยา กมฺมกรณตฺถ’’นฺติ อาห. เสฏฺิ อฺเสํ ภติกานํ อาคตทิวเสเยว ‘‘อิมสฺมึ เคเห กมฺมํ กโรนฺตา สีลํ รกฺขนฺติ, สีลํ รกฺขิตุํ สกฺโกนฺตา กมฺมํ กโรถา’’ติ วทติ, โพธิสตฺตสฺส ปน สีลรกฺขณอาจิกฺขเณ สฺํ อกตฺวา ‘‘สาธุ, ตาต, อตฺตโน ภตึ ชานิตฺวา กมฺมํ กโรหี’’ติ อาห. โส ตโต ปฏฺาย สุวโจ หุตฺวา อุรํ ทตฺวา อตฺตโน กิลมถํ อคเณตฺวา ตสฺส สพฺพกิจฺจานิ กโรติ, ปาโตว กมฺมนฺตํ คนฺตฺวา สายํ อาคจฺฉติ.

อเถกทิวสํ นคเร ฉณํ โฆเสสุํ. มหาเสฏฺิ ทาสึ อามนฺเตตฺวา ‘‘อชฺชุโปสถทิวโส, เคเห กมฺมกรานํ ปาโตว ภตฺตํ ปจิตฺวา เทหิ, กาลสฺเสว ภุฺชิตฺวา อุโปสถิกา ภวิสฺสนฺตี’’ติ อาห. โพธิสตฺโต กาลสฺเสว อุฏฺาย กมฺมนฺตํ อคมาสิ, ‘‘อชฺชุโปสถิโก ภเวยฺยาสี’’ติ ตสฺส โกจิ นาโรเจสิ. เสสกมฺมกรา ปาโตว ภุฺชิตฺวา อุโปสถิกาว อเหสุํ. เสฏฺิปิ สปุตฺตทาโร สปริชโน อุโปสถํ อธิฏฺหิ, สพฺเพปิ อุโปสถิกา อตฺตโน อตฺตโน วสนฏฺานํ คนฺตฺวา สีลํ อาวชฺเชนฺตา นิสีทึสุ. โพธิสตฺโต สกลทิวสํ กมฺมํ กตฺวา สูริยตฺถงฺคมนเวลาย อาคโต. อถสฺส ภตฺตการิกา หตฺถโธวนํ ทตฺวา ปาติยํ ภตฺตํ วฑฺเฒตฺวา อุปนาเมสิ. โพธิสตฺโต ‘‘อฺเสุ ทิวเสสุ อิมาย เวลาย มหาสทฺโท โหติ, อชฺช กหํ คตา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘สพฺเพ อุโปสถํ สมาทิยิตฺวา อตฺตโน อตฺตโน วสนฏฺานานิ คตา’’ติ. ตํ สุตฺวา โพธิสตฺโต จินฺเตสิ ‘‘เอตฺตกานํ สีลวนฺตานํ อนฺตเร อหํ เอโก ทุสฺสีโล หุตฺวา น วสิสฺสามิ, อิทานิ อุโปสถงฺเคสุ อธิฏฺิเตสุ โหติ นุ โข อุโปสถกมฺมํ, โน’’ติ. โส คนฺตฺวา เสฏฺึ ปุจฺฉิ. อถ นํ เสฏฺิ ‘‘ตาต ปาโตว อนธิฏฺิตตฺตา สกลํ อุโปสถกมฺมํ น โหติ, อุปฑฺฒุโปสถกมฺมํ ปน โหตี’’ติ อาห.

โส ‘‘เอตฺตกมฺปิ โหตู’’ติ เสฏฺิสฺส สนฺติเก สมาทินฺนสีโล หุตฺวา อุโปสถกมฺมํ อธิฏฺาย อตฺตโน วสโนกาสํ ปวิสิตฺวา สีลํ อาวชฺเชนฺโต นิปชฺชิ. อถสฺส สกลทิวสํ นิราหารตาย ปจฺฉิมยามสมนนฺตเร สตฺถกวาตา สมุฏฺหึสุ. เสฏฺินา นานาวิธานิ เภสชฺชานิ อาหริตฺวา ‘‘ภุฺชา’’ติ วุจฺจมาโนปิ ‘‘อุโปสถํ น ภินฺทิสฺสามิ, ชีวิตปริยนฺติกํ กตฺวา สมาทิยิ’’นฺติ อาห. พลวเวทนา อุปฺปชฺชิ, อรุณุคฺคมนเวลาย สตึ ปจฺจุปฏฺาเปตุํ นาสกฺขิ. อถ นํ ‘‘อิทานิ มริสฺสตี’’ติ นีหริตฺวา ‘‘โอสารเก นิปชฺชาเปสุํ. ตสฺมึ ขเณ พาราณสิราชา รถวรคโต มหนฺเตน ปริวาเรน นครํ ปทกฺขิณํ กโรนฺโต ตํ านํ สมฺปาปุณิ. โพธิสตฺโต ตสฺส สิรึ โอโลเกตฺวา ตสฺมึ โลภํ อุปฺปาเทตฺวา รชฺชํ ปตฺเถสิ. โส จวิตฺวา อุปฑฺฒุโปสถกมฺมนิสฺสนฺเทน ตสฺส อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. สา ลทฺธคพฺภปริหารา ทสมาสจฺจเยน ปุตฺตํ วิชายิ, ‘‘อุทยกุมาโร’’ติสฺส นามํ อกํสุ. โส วยปฺปตฺโต สพฺพสิปฺเปสุ นิปฺผตฺตึ ปาปุณิ, ชาติสฺสราเณน อตฺตโน ปุพฺพกมฺมํ สริตฺวา ‘‘อปฺปกสฺส กมฺมสฺส ผลํ มม อิท’’นฺติ อภิกฺขณํ อุทานํ อุทาเนสิ. โส ปิตุ อจฺจเยน รชฺชํ ปตฺวาปิ อตฺตโน มหนฺตํ สิริวิภวํ โอโลเกตฺวา ตเทว อุทานํ อุทาเนสิ.

อเถกทิวสํ นคเร ฉณํ สชฺชยึสุ, มหาชโน กีฬาปสุโต อโหสิ. ตทา พาราณสิยา อุตฺตรทฺวารวาสี เอโก ภติโก อุทกภตึ กตฺวา ลทฺธํ อฑฺฒมาสกํ ปาการิฏฺกาย อนฺตเร เปตฺวา ภตึ กโรนฺโต ทกฺขิณทฺวารํ ปตฺวา ตตฺถ อุทกภติเมว กตฺวา ชีวมานาย เอกาย กปณิตฺถิยา สทฺธึ สํวาสํ กปฺเปสิ. สา ตํ อาห – ‘‘สามิ, นคเร ฉโณ วตฺตติ, สเจ เต กิฺจิ อตฺถิ, มยมฺปิ กีเฬยฺยามา’’ติ? ‘‘อาม, อตฺถี’’ติ. ‘‘กิตฺตกํ, สามี’’ติ? ‘‘อฑฺฒมาสโก’’ติ. ‘‘กหํ โส’’ติ? ‘‘อุตฺตรทฺวาเร อิฏฺกพฺภนฺตเร ปิโตติ อิโต เม ทฺวาทสโยชนนฺตเร นิธานํ, ตว ปน หตฺเถ กิฺจิ อตฺถี’’ติ? ‘‘อาม, อตฺถี’’ติ. ‘‘กิตฺตก’’นฺติ? ‘‘อฑฺฒมาสโกวา’’ติ. ‘‘อิติ ตว อฑฺฒมาสโก, มม อฑฺฒมาสโกติ มาสโกว โหติ, ตโต เอเกน โกฏฺาเสน มาลํ, เอเกน โกฏฺาเสน คนฺธํ, เอเกน โกฏฺาเสน สุรํ คเหตฺวา กีฬิสฺสาม, คจฺฉ ตยา ปิตํ อฑฺฒมาสกํ อาหรา’’ติ. โส ‘‘ภริยาย เม สนฺติกา กถา ลทฺธา’’ติ หฏฺตุฏฺโ ‘‘ภทฺเท, มา จินฺตยิ, อาหริสฺสามิ น’’นฺติ วตฺวา ปกฺกามิ. นาคพโล ภติโก ฉ โยชนานิ อติกฺกมฺม มชฺฌนฺหิกสมเย วีตจฺจิกงฺคารสนฺถตํ วิย อุณฺหํ วาลุกํ มทฺทนฺโต ธนโลเภน หฏฺปหฏฺโ กสาวรตฺตนิวาสโน กณฺเณ ตาลปณฺณํ ปิฬนฺธิตฺวา เอเกน อาโยควตฺเตน คีตํ คายนฺโต ราชงฺคเณน ปายาสิ.

อุทยราชา สีหปฺชรํ วิวริตฺวา ิโต ตํ ตถา คจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘กึ นุ โข เอส เอวรูปํ วาตาตปํ อคเณตฺวา หฏฺตุฏฺโ คายนฺโต คจฺฉติ, ปุจฺฉิสฺสามิ น’’นฺติ จินฺเตตฺวา ปกฺโกสนตฺถาย เอกํ ปุริสํ ปหิณิ. เตน คนฺตฺวา ‘‘ราชา ตํ ปกฺโกสตี’’ติ วุตฺเต ‘‘ราชา มยฺหํ กึ โหติ, นาหํ ราชานํ ชานามี’’ติ วตฺวา พลกฺกาเรน นีโต เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. อถ นํ ราชา ปุจฺฉนฺโต ทฺเว คาถา อภาสิ –

๓๖.

‘‘องฺคารชาตา ปถวี, กุกฺกุฬานุคตา มหี;

อถ คายสิ วตฺตานิ, น ตํ ตปติ อาตโป.

๓๗.

‘‘อุทฺธํ ตปติ อาทิจฺโจ, อโธ ตปติ วาลุกา;

อถ คายสิ วตฺตานิ, น ตํ ตปติ อาตโป’’ติ.

ตตฺถ องฺคารชาตาติ โภ ปุริส, อยํ ปถวี วีตจฺจิกงฺคารา วิย อุณฺหชาตา. กุกฺกุฬานุคตาติ อาทิตฺตฉาริกสงฺขาเตน กุกฺกุเฬน วิย อุณฺหวาลุกาย อนุคตา. วตฺตานีติ อาโยควตฺตานิ อาโรเปตฺวา คีตํ คายสีติ.

โส รฺโ กถํ สุตฺวา ตติยํ คาถมาห –

๓๘.

‘‘น มํ ตปติ อาตโป, อาตปา ตปยนฺติ มํ;

อตฺถา หิ วิวิธา ราช, เต ตปนฺติ น อาตโป’’ติ.

ตตฺถ อาตปาติ วตฺถุกามกิเลสกามา. ปุริสฺหิ เต อภิตปนฺติ, ตสฺมา ‘‘อาตปา’’ติ วุตฺตา. อตฺถา หิ วิวิธาติ, มหาราช, มยฺหํ วตฺถุกามกิเลสกาเม นิสฺสาย กตฺตพฺพา นานากิจฺจสงฺขาตา วิวิธา อตฺถา อตฺถิ, เต มํ ตปนฺติ, น อาตโปติ.

อถ นํ ราชา ‘‘โก นาม เต อตฺโถ’’ติ ปุจฺฉิ. โส อาห ‘‘อหํ, เทว, ทกฺขิณทฺวาเร กปณิตฺถิยา สทฺธึ สํวาสํ กปฺเปสึ, สา มํ ‘ฉณํ กีฬิสฺสาม, อตฺถิ เต กิฺจิ หตฺเถ’ติ ปุจฺฉิ, อถ นํ อหํ ‘มม นิธานํ อุตฺตรทฺวาเร ปาการนฺตเร ปิต’นฺติ อวจํ, สา ‘คจฺฉ ตํ อาหร, อุโภปิ กีฬิสฺสามา’ติ มํ ปหิณิ, สา เม ตสฺสา กถา หทยํ น วิชหติ, ตํ มํ อนุสฺสรนฺตํ กามตโป ตปติ, อยํ เม, เทว, อตฺโถ’’ติ. อถ ‘‘เอวรูปํ วาตาตปํ อคเณตฺวา กึ เต ตุสฺสนการณํ, เยน คายนฺโต คจฺฉสี’’ติ? ‘‘เทว, ตํ นิธานํ อาหริตฺวา ‘ตาย สทฺธึ อภิรมิสฺสามี’ติ อิมินา การเณน ตุฏฺโ คายามี’’ติ. ‘‘กึ ปน เต, โภ ปุริส, อุตฺตรทฺวาเร ปิตนิธานํ สตสหสฺสมตฺตํ อตฺถี’’ติ? ‘‘นตฺถิ, เทวา’’ติ. ราชา ‘‘เตน หิ ปฺาส สหสฺสานิ, จตฺตาลีส, ตึส, วีส, ทส, สหสฺสํ, ปฺจ สตานิ, จตฺตาริ, ตีณิ, ทฺเว, เอกํ, สตํ, ปฺาสํ, จตฺตาลีสํ, ตึสํ, วีสํ, ทส, ปฺจ, จตฺตาริ, ตโย, ทฺเว, เอโก กหาปโณ, อฑฺโฒ, ปาโท, จตฺตาโร มาสกา, ตโย, ทฺเว, เอโก มาสโก’’ติ ปุจฺฉิ. สพฺพํ ปฏิกฺขิปิตฺวา ‘‘อฑฺฒมาสโก’’ติ วุตฺโต ‘‘อาม, เทว, เอตฺตกํ มยฺหํ ธนํ, ตํ อาหริตฺวา ตาย สทฺธึ อภิรมิสฺสามีติ คจฺฉามิ, ตาย ปีติยา เตน โสมนสฺเสน น มํ เอส วาตาตโป ตปตี’’ติ อาห.

อถ นํ ราชา ‘‘โภ ปุริส, เอวรูเป อาตเป ตตฺถ มา คมิ, อหํ เต อฑฺฒมาสกํ ทสฺสามี’’ติ อาห. ‘‘เทว, อหํ ตุมฺหากํ กถาย ตฺวา ตฺจ คณฺหิสฺสามิ, อิตรฺจ ธนํ น นาเสสฺสามิ, มม คมนํ อหาเปตฺวา ตมฺปิ คเหสฺสามี’’ติ. ‘‘โภ ปุริส, นิวตฺต, มาสกํ เต ทสฺสามิ, ทฺเว มาสเกหิ เอวํ วฑฺเฒตฺวา โกฏึ โกฏิสตํ อปริมิตํ ธนํ ทสฺสามิ, นิวตฺตา’’ติ วุตฺเตปิ ‘‘เทว, ตํ คเหตฺวา อิตรมฺปิ คณฺหิสฺสามิ’’อิจฺเจว อาห. ตโต เสฏฺิฏฺานาทีหิ านนฺตเรหิ ปโลภิโต ยาว อุปรชฺชา ตเถว วตฺวา ‘‘อุปฑฺฒรชฺชํ เต ทสฺสามิ, นิวตฺตา’’ติ วุตฺเต สมฺปฏิจฺฉิ. ราชา ‘‘คจฺฉถ มม สหายสฺส เกสมสฺสุํ กาเรตฺวา นฺหาเปตฺวา อลงฺกริตฺวา อาเนถ น’’นฺติ อมจฺเจ อาณาเปสิ. อมจฺจา ตถา อกํสุ. ราชา รชฺชํ ทฺวิธา ภินฺทิตฺวา ตสฺส อุปฑฺฒรชฺชํ อทาสิ. ‘‘โส ปน ตํ คเหตฺวาปิ อฑฺฒมาสกเปเมน อุตฺตรปสฺสํ คโตเยวา’’ติ วทนฺติ. โส อฑฺฒมาสกราชา นาม อโหสิ. เต สมคฺคา สมฺโมทมานา รชฺชํ กาเรนฺตา เอกทิวสํ อุยฺยานํ คมึสุ. ตตฺถ กีฬิตฺวา อุทยราชา อฑฺฒมาสกรฺโ องฺเก สีสํ กตฺวา นิปชฺชิ. ตสฺมึ นิทฺทํ โอกฺกนฺเต ปริวารมนุสฺสา กีฬานุภวนวเสน ตตฺถ ตตฺถ อคมํสุ.

อฑฺฒมาสกราชา ‘‘กึ เม นิจฺจกาลํ อุปฑฺฒรชฺเชน, อิมํ มาเรตฺวา อหเมว สกลรชฺชํ กาเรสฺสามี’’ติ ขคฺคํ อพฺพาหิตฺวา ‘‘ปหริสฺสามิ น’’นฺติ จินฺเตตฺวา ปุน ‘‘อยํ ราชา มํ ทลิทฺทกปณํ มนุสฺสํ อตฺตนา สมานํ กตฺวา มหนฺเต อิสฺสริเย ปติฏฺเปสิ, เอวรูปํ นาม ยสทายกํ มาเรตฺวา รชฺชํ กาเรสฺสามีติ มม อิจฺฉา อุปฺปนฺนา, อยุตฺตํ วต เม กมฺม’’นฺติ สตึ ปฏิลภิตฺวา อสึ ปเวเสสิ. อถสฺส ทุติยมฺปิ ตติยมฺปิ ตเถว จิตฺตํ อุปฺปชฺชิ. ตโต จินฺเตสิ ‘‘อิทํ จิตฺตํ ปุนปฺปุนํ อุปฺปชฺชมานํ มํ ปาปกมฺเม นิโยเชยฺยา’’ติ. โส อสึ ภูมิยํ ขิปิตฺวา ราชานํ อุฏฺาเปตฺวา ‘‘ขมาหิ เม, เทวา’’ติ ปาเทสุ ปติ. ‘‘นนุ สมฺม, ตว มมนฺตเร โทโส นตฺถี’’ติ? ‘‘อตฺถิ, มหาราช, อหํ อิทํ นาม อกาสิ’’นฺติ. ‘‘เตน หิ สมฺม, ขมามิ เต, อิจฺฉนฺโต ปน รชฺชํ กาเรหิ, อหํ อุปราชา หุตฺวา ตํ อุปฏฺหิสฺสามี’’ติ. โส ‘‘น เม, เทว, รชฺเชน อตฺโถ, อยฺหิ ตณฺหา มํ อปาเยสุ นิพฺพตฺตาเปสฺสติ, ตว รชฺชํ ตฺวเมว คณฺห, อหํ ปพฺพชิสฺสามิ, ทิฏฺํ เม กามสฺส มูลํ, อยฺหิ สงฺกปฺเปน วฑฺฒติ, น ทานิ นํ ตโต ปฏฺาย สงฺกปฺเปสฺสามี’’ติ อุทาเนนฺโต จตุตฺถํ คาถมาห –

๓๙.

‘‘อทฺทสํ กาม เต มูลํ, สงฺกปฺปา กาม ชายสิ;

น ตํ สงฺกปฺปยิสฺสามิ, เอวํ กาม น เหหิสี’’ติ.

ตตฺถ เอวนฺติ เอวํ มมนฺตเร. น เหหิสีติ น อุปฺปชฺชิสฺสสีติ.

เอวฺจ ปน วตฺวา ปุน กาเมสุ อนุยุฺชนฺตสฺส มหาชนสฺส ธมฺมํ เทเสนฺโต ปฺจมํ คาถมาห –

๔๐.

‘‘อปฺปาปิ กามา น อลํ, พหูหิปิ น ตปฺปติ;

อหหา พาลลปนา, ปริวชฺเชถ ชคฺคโต’’ติ.

ตตฺถ อหหาติ สํเวคทีปนํ. ชคฺคโตติ ชคฺคนฺโต. อิทํ วุตฺตํ โหติ – มหาราช, อิมสฺส มหาชนสฺส อปฺปกาปิ วตฺถุกามกิเลสกามา น อลํ ปริยตฺตาว, พหูหิปิ จ เตหิ น ตปฺปเตว, ‘‘อโห อิเม มม รูปา มม สทฺทา’’ติ ลปนโต พาลลปนา กามา, อิเม วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา โพธิปกฺขิยานํ ธมฺมานํ ภาวนานุโยคมนุยุตฺโต ชคฺคนฺโต กุลปุตฺโต ปริวชฺเชถ, ปริฺาปหานาภิสมเยหิ อภิสเมตฺวา ปชเหยฺยาติ.

เอวํ โส มหาชนสฺส ธมฺมํ เทเสตฺวา อุทยราชานํ รชฺชํ ปฏิจฺฉาเปตฺวา มหาชนํ อสฺสุมุขํ โรทมานํ ปหาย หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา ปพฺพชิตฺวา ฌานาภิฺาโย นิพฺพตฺเตตฺวา วิหาสิ. ตสฺส ปพฺพชิตกาเล ราชา ตํ อุทานํ สกลํ กตฺวา อุทาเนนฺโต ฉฏฺํ คาถมาห –

๔๑.

‘‘อปฺปสฺส กมฺมสฺส ผลํ มเมทํ, อุทโย อชฺฌาคมา มหตฺตปตฺตํ;

สุลทฺธลาโภ วต มาณวสฺส, โย ปพฺพชี กามราคํ ปหายา’’ติ.

ตตฺถ อุทโยติ อตฺตานํ สนฺธาย วทติ. มหตฺตปตฺตนฺติ มหนฺตภาวปฺปตฺตํ วิปุลํ อิสฺสริยํ อชฺฌาคมา. มาณวสฺสาติ สตฺตสฺส มยฺหํ สหายสฺส สุลทฺธลาโภ, โย กามราคํ ปหาย ปพฺพชิโตติ อธิปฺปาเยเนวมาห.

อิมิสฺสา ปน คาถาย น โกจิ อตฺถํ ชานาติ. อถ นํ เอกทิวสํ อคฺคมเหสี คาถาย อตฺถํ ปุจฺฉิ, ราชา น กเถสิ. เอโก ปนสฺส คงฺคมาโล นาม มงฺคลนฺหาปิโต, โส รฺโ มสฺสุํ กโรนฺโต ปมํ ขุรปริกมฺมํ กตฺวา ปจฺฉา สณฺฑาเสน โลมานิ คณฺหาติ, รฺโ จ ขุรปริกมฺมกาเล สุขํ โหติ, โลมหรณกาเล ทุกฺขํ. โส ปมํ ตสฺส วรํ ทาตุกาโม โหติ, ปจฺฉา สีสจฺเฉทนมากงฺขติ. อเถกทิวสํ ‘‘ภทฺเท, อมฺหากํ คงฺคมาลกปฺปโก พาโล’’ติ เทวิยา ตมตฺถํ อาโรเจตฺวา ‘‘กิ ปน, เทว, กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ วุตฺเต ‘‘ปมํ สณฺฑาเสน โลมานิ คเหตฺวา ปจฺฉา ขุรปริกมฺม’’นฺติ อาห. สา ตํ กปฺปกํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘ตาต, อิทานิ รฺโ มสฺสุกรณทิวเส ปมํ โลมานิ คเหตฺวา ปจฺฉา ขุรปริกมฺมํ กเรยฺยาสิ, รฺา จ ‘วรํ คณฺหาหี’ติ วุตฺเต ‘อฺเน, เทว, เม อตฺโถ นตฺถิ, ตุมฺหากํ อุทานคาถาย อตฺถํ อาจิกฺขถา’ติ วเทยฺยาสิ, อหํ เต พหุํ ธนํ ทสฺสามี’’ติ อาห. โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา มสฺสุกรณทิวเส ปมํ สณฺฑาสํ คณฺหิ. ‘‘กึ, ภเณ คงฺคมาล, อปุพฺพํ เต กรณ’’นฺติ รฺา วุตฺเต ‘‘เทว, กปฺปกา นาม อปุพฺพมฺปิ กโรนฺตี’’ติ วตฺวา ปมํ โลมานิ คเหตฺวา ปจฺฉา ขุรปริกมฺมํ อกาสิ. ราชา ‘‘วรํ คณฺหาหี’’ติ อาห. ‘‘เทว, อฺเน เม อตฺโถ นตฺถิ, ตุมฺหากํ อุทานคาถาย อตฺถํ กเถถา’’ติ. ราชา อตฺตโน ทลิทฺทกาเล กตํ กเถตุํ ลชฺชนฺโต ‘‘ตาต, อิมินา เต วเรน โก อตฺโถ, อฺํ คณฺหาหี’’ติ อาห. ‘‘เอตเมว เทหิ, เทวา’’ติ. โส มุสาวาทภเยน ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา กุมฺมาสปิณฺฑิชาตเก วุตฺตนเยเนว สพฺพํ สํวิทหาเปตฺวา รตนปลฺลงฺเก นิสีทิตฺวา ‘‘อหํ คงฺคมาล, ปุริมภเว อิมสฺมึเยว นคเร’’ติ สพฺพํ ปุริมกิริยํ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘อิมินา การเณน อุปฑฺฒคาถํ, ‘สหาโย ปน เม ปพฺพชิโต, อหํ ปมตฺโต หุตฺวา รชฺชเมว กาเรมี’ติ อิมินา การเณน ปจฺฉา อุปฑฺฒคาถํ วทามี’’ติ อุทานสฺส อตฺถํ กเถสิ.

ตํ สุตฺวา กปฺปโก ‘‘อุปฑฺฒุโปสถกมฺเมน กิร รฺา อยํ สมฺปตฺติ ลทฺธา, กุสลํ นาม กาตพฺพเมว, ยํนูนาหํ ปพฺพชิตฺวา อตฺตโน ปติฏฺํ กเรยฺย’’นฺติ จินฺเตตฺวา าติโภคปริวฏฺฏํ ปหาย ราชานํ ปพฺพชฺชํ อนุชานาเปตฺวา หิมวนฺตํ คนฺตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ติลกฺขณํ อาโรเปนฺโต วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา ปจฺเจกโพธึ ปตฺวา อิทฺธิยา นิพฺพตฺตปตฺตจีวรธโร คนฺธมาทนปพฺพเต ปฺจฉพฺพสฺสานิ วสิตฺวา ‘‘พาราณสิราชานํ โอโลเกสฺสามี’’ติ อากาเสนาคนฺตฺวา อุยฺยาเน มงฺคลสิลายํ นิสีทิ. อุยฺยานปาโล สฺชานิตฺวา คนฺตฺวา รฺโ อาโรเจสิ ‘‘เทว, คงฺคมาโล ปจฺเจกพุทฺโธ หุตฺวา อากาเสนาคนฺตฺวา อุยฺยาเน นิสินฺโน’’ติ. ราชา ตํ สุตฺวา ‘‘ปจฺเจกพุทฺธํ วนฺทิสฺสามี’’ติ เวเคน นิกฺขมิ. ราชมาตา จ ปุตฺเตน สทฺธึเยว นิกฺขมิ. ราชา อุยฺยานํ ปวิสิตฺวา ตํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ สทฺธึ ปริสาย. โส รฺา สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กโรนฺโต ‘‘กึ, พฺรหฺมทตฺต, อปฺปมตฺโตสิ, ธมฺเมน รชฺชํ กาเรสิ, ทานาทีนิ ปุฺานิ กโรสี’’ติ ราชานํ กุลนาเมน อาลปิตฺวา ปฏิสนฺถารํ กโรติ. ตํ สุตฺวา รฺโ มาตา ‘‘อยํ หีนชจฺโจ มลมชฺชโก นฺหาปิตปุตฺโต อตฺตานํ น ชานาติ, มม ปุตฺตํ ปถวิสฺสรํ ชาติขตฺติยํ ‘พฺรหฺมทตฺตา’ติ นาเมนาลปตี’’ติ กุชฺฌิตฺวา สตฺตมํ คาถมาห –

๔๒.

‘‘ตปสา ปชหนฺติ ปาปกมฺมํ, ตปสา นฺหาปิตกุมฺภการภาวํ;

ตปสา อภิภุยฺย คงฺคมาล, นาเมนาลปสชฺช พฺรหฺมทตฺตา’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – อิเม ตาว สตฺตา ตปสา อตฺตนา กเตน ตโปคุเณน ปาปกมฺมํ ชหนฺติ, กึ ปเนเต ตปสา นฺหาปิตกุมฺภการภาวมฺปิ ชหนฺติ, ยํ ตฺวํ คงฺคมาล, อตฺตโน ตปสา อภิภุยฺย มม ปุตฺตํ พฺรหฺมทตฺตํ นาเมนาลปสิ, ปติรูปํ นุ เต เอตนฺติ?

ราชา มาตรํ วาเรตฺวา ปจฺเจกพุทฺธสฺส คุณํ ปกาเสนฺโต อฏฺมํ คาถมาห –

๔๓.

‘‘สนฺทิฏฺิกเมว อมฺม ปสฺสถ, ขนฺตีโสรจฺจสฺส อยํ วิปาโก;

โย สพฺพชนสฺส วนฺทิโตหุ, ตํ วนฺทาม สราชิกา สมจฺจา’’ติ.

ตตฺถ ขนฺตีโสรจฺจสฺสาติ อธิวาสนขนฺติยา จ โสรจฺจสฺส จ. ตํ วนฺทามาติ ตํ อิทานิ มยํ สราชิกา สมจฺจา สพฺเพ วนฺทาม, ปสฺสถ อมฺม, ขนฺตีโสรจฺจานํ วิปากนฺติ.

รฺา มาตริ วาริตาย เสสมหาชโน อุฏฺหิตฺวา ‘‘อยุตฺตํ วต, เทว, เอวรูปสฺส หีนชจฺจสฺส ตุมฺเห นาเมนาลปน’’นฺติ อาห. ราชา มหาชนมฺปิ ปฏิพาหิตฺวา ตสฺส คุณกถํ กเถตุํ โอสานคาถมาห –

๔๔.

‘‘มา กิฺจิ อวจุตฺถ คงฺคมาลํ, มุนินํ โมนปเถสุ สิกฺขมานํ;

เอโส หิ อตริ อณฺณวํ, ยํ ตริตฺวา จรนฺติ วีตโสกา’’ติ.

ตตฺถ มุนินนฺติ อคาริกานคาริกเสกฺขาเสกฺขปจฺเจกมุนีสุ ปจฺเจกมุนึ. โมนปเถสุ สิกฺขมานนฺติ ปุพฺพภาคปฏิปทาโพธิปกฺขิยธมฺมสงฺขาเตสุ โมนปเถสุ สิกฺขมานํ. อณฺณวนฺติ สํสารมหาสมุทฺทํ.

เอวฺจ ปน วตฺวา ราชา ปจฺเจกพุทฺธํ วนฺทิตฺวา ‘‘ภนฺเต, มยฺหํ มาตุ ขมถา’’ติ อาห. ‘‘ขมามิ, มหาราชา’’ติ. ราชปริสาปิ นํ ขมาเปสิ. ราชา อตฺตานํ นิสฺสาย วสนตฺถาย ปฏิฺํ ยาจิ. ปจฺเจกพุทฺโธ ปน ปฏิฺํ อทตฺวา สราชิกาย ปริสาย ปสฺสนฺติยาว อากาเส ตฺวา รฺโ โอวาทํ ทตฺวา คนฺธมาทนเมว คโต.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘เอวฺจ อุปาสกา อุโปสถวาโส นาม วสิตพฺพยุตฺตโก’’ติ วตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ปจฺเจกพุทฺโธ ปรินิพฺพายิ, อฑฺฒมาสกราชา อานนฺโท อโหสิ, รฺโ มาตา มหามายา, อคฺคมเหสี ราหุลมาตา, อุทยราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

คงฺคมาลชาตกวณฺณนา ปฺจมา.

[๔๒๒] ๖. เจติยชาตกวณฺณนา

ธมฺโม หเว หโต หนฺตีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เทวทตฺตสฺส ปถวิปเวสนํ อารพฺภ กเถสิ. ตสฺมิฺหิ ทิวเส ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, เทวทตฺโต มุสาวาทํ กตฺวา ปถวึ ปวิฏฺโ อวีจิปรายโณ ชาโต’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ ปถวึ ปวิฏฺโเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต ปมกปฺเป มหาสมฺมโต นาม ราชา อสงฺขฺเยยฺยายุโก อโหสิ. ตสฺส ปุตฺโต โรโช นาม, ตสฺส ปุตฺโต วรโรโช นาม, ตสฺส ปุตฺโต กลฺยาโณ นาม, กลฺยาณสฺส ปุตฺโต วรกลฺยาโณ นาม, วรกลฺยาณสฺส ปุตฺโต อุโปสโถ นาม, อุโปสถสฺส ปุตฺโต วรอุโปสโถ นาม, วรอุโปสถสฺส ปุตฺโต มนฺธาตา นาม, มนฺธาตุสฺส ปุตฺโต วรมนฺธาตา นาม, วรมนฺธาตุสฺส ปุตฺโต วโร นาม, วรสฺส ปุตฺโต อุปวโร นาม อโหสิ, อุปริวโรติปิ ตสฺเสว นามํ. โส เจติยรฏฺเ โสตฺถิยนคเร รชฺชํ กาเรสิ, จตูหิ ราชิทฺธีหิ สมนฺนาคโต อโหสิ อุปริจโร อากาสคามี, จตฺตาโร นํ เทวปุตฺตา จตูสุ ทิสาสุ ขคฺคหตฺถา รกฺขนฺติ, กายโต จนฺทนคนฺโธ วายติ, มุขโต อุปฺปลคนฺโธ. ตสฺส กปิโล นาม พฺราหฺมโณ ปุโรหิโต อโหสิ. กปิลพฺราหฺมณสฺส ปน กนิฏฺโ โกรกลมฺโพ นาม รฺา สทฺธึ เอกาจริยกุเล อุคฺคหิตสิปฺโป พาลสหาโย. โส ตสฺส กุมารกาเลเยว ‘‘อหํ รชฺชํ ปตฺวา ตุยฺหํ ปุโรหิตฏฺานํ ทสฺสามี’’ติ ปฏิชานิ. โส รชฺชํ ปตฺวา ปิตุ ปุโรหิตํ กปิลพฺราหฺมณํ ปุโรหิตฏฺานโต จาเวตุํ นาสกฺขิ. ปุโรหิเต ปน อตฺตโน อุปฏฺานํ อาคจฺฉนฺเต ตสฺมึ คารเวน อปจิตาการํ ทสฺเสสิ. พฺราหฺมโณ ตํ สลฺลกฺเขตฺวา ‘‘รชฺชํ นาม สมวเยหิ สทฺธึ สุปริหารํ โหติ, อหํ ราชานํ อาปุจฺฉิตฺวา ปพฺพชิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘เทว, อหํ มหลฺลโก, เคเห กุมารโก อตฺถิ, ตํ ปุโรหิตํ กโรหิ, อหํ ปพฺพชิสฺสามี’’ติ ราชานํ อนุชานาเปตฺวา ปุตฺตํ ปุโรหิตฏฺาเน ปาเปตฺวา ราชุยฺยานํ ปวิสิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ฌานาภิฺาโย นิพฺพตฺเตตฺวา ปุตฺตํ นิสฺสาย ตตฺเถว วาสํ กปฺเปสิ.

โกรกลมฺโพ ‘‘อยํ ปพฺพชนฺโตปิ น มยฺหํ านนฺตรํ ทาเปสี’’ติ ภาตริ อาฆาตํ พนฺธิตฺวา เอกทิวสํ สุขกถาย นิสินฺนสมเย รฺา ‘‘โกรกลมฺพ กึ ตฺวํ ปุโรหิตฏฺานํ น กโรสี’’ติ วุตฺเต ‘‘อาม, เทว, น กโรมิ, ภาตา เม กโรตี’’ติ อาห. ‘‘นนุ เต ภาตา ปพฺพชิโต’’ติ? ‘‘อาม ปพฺพชิโต, านนฺตรํ ปน ปุตฺตสฺส ทาเปสี’’ติ. ‘‘เตน หิ ตฺวํ กโรหี’’ติ? ‘‘เทว, ปเวณิยา อาคตํ านนฺตรํ มม ภาตรํ อปเนตฺวา น สกฺกา มยา กาตุ’’นฺติ. ‘‘เอวํ สนฺเต อหํ ตํ มหลฺลกํ กตฺวา ภาตรํ เต กนิฏฺํ กริสฺสามี’’ติ. ‘‘กถํ, เทวา’’ติ? ‘‘มุสาวาทํ กตฺวา’’ติ. ‘‘กึ เทว, น ชานาถ, ยทา มม ภาตา มหนฺเตน อพฺภุตธมฺเมน สมนฺนาคโต วิชฺชาธโร, โส อพฺภุตธมฺเมน ตุมฺเห วฺเจสฺสติ, จตฺตาโร เทวปุตฺเต อนฺตรหิเต วิย กริสฺสติ, กายโต จ มุขโต จ สุคนฺธํ ทุคฺคนฺธํ วิย กริสฺสติ, ตุมฺเห อากาสา โอตาเรตฺวา ภูมิยํ ิเต วิย กริสฺสติ, ตุมฺเห ปถวึ ปวิสนฺตา วิย ภวิสฺสถ, ตทา ตุมฺหากํ กถาย ปติฏฺาตุํ น สกฺขิสฺสถา’’ติ. ‘‘ตฺวํ เอวํ สฺํ มา กริ, อหํ กาตุํ สกฺขิสฺสามี’’ติ. ‘‘กทา กริสฺสถ, เทวา’’ติ? ‘‘อิโต สตฺตเม ทิวเส’’ติ. สา กถา สกลนคเร ปากฏา อโหสิ. ‘‘ราชา กิร มุสาวาทํ กตฺวา มหลฺลกํ ขุทฺทกํ, ขุทฺทกํ มหลฺลกํ กริสฺสติ, านนฺตรํ ขุทฺทกสฺส ทาเปสฺสติ, กีทิโส นุ โข มุสาวาโท นาม, กึ นีลโก, อุทาหุ ปีตกาทีสุ อฺตรวณฺโณ’’ติ เอวํ มหาชนสฺส วิตกฺโก อุทปาทิ. ตทา กิร โลกสฺส สจฺจวาทีกาโล, ‘‘มุสาวาโท นาม เอวรูโป’’ติ น ชานนฺติ.

ปุโรหิตปุตฺโตปิ ตํ กถํ สุตฺวา ปิตุ สนฺติกํ คนฺตฺวา กเถสิ ‘‘ตาต, ราชา กิร มุสาวาทํ กตฺวา ตุมฺเห ขุทฺทเก กตฺวา อมฺหากํ านนฺตรํ มม จูฬปิตุสฺส ทสฺสตี’’ติ. ‘‘ตาต, ราชา มุสาวาทํ กตฺวาปิ อมฺหากํ านนฺตรํ หริตุํ น สกฺขิสฺสติ. กตรทิวเส ปน กริสฺสตี’’ติ? ‘‘อิโต กิร สตฺตเม ทิวเส’’ติ. ‘‘เตน หิ ตทา มยฺหํ อาโรเจยฺยาสี’’ติ. สตฺตเม ทิวเส มหาชนา ‘‘มุสาวาทํ ปสฺสิสฺสามา’’ติ ราชงฺคเณ สนฺนิปติตฺวา มฺจาติมฺเจ พนฺธิตฺวา อฏฺํสุ. กุมาโร คนฺตฺวา ปิตุ อาโรเจสิ. ราชา อลงฺกตปฏิยตฺโต นิกฺขมฺม มหาชนมชฺเฌ ราชงฺคเณ อากาเส อฏฺาสิ. ตาปโส อากาเสนาคนฺตฺวา รฺโ ปุรโต นิสีทนจมฺมํ อตฺถริตฺวา อากาเส ปลฺลงฺเกน นิสีทิตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ มหาราช, มุสาวาทํ กตฺวา ขุทฺทกํ มหลฺลกํ กตฺวา ตสฺส านนฺตรํ ทาตุกาโมสี’’ติ? ‘‘อาม อาจริย, เอวํ เม กถิต’’นฺติ. อถ นํ โส โอวทนฺโต ‘‘มหาราช, มุสาวาโท นาม ภาริโย คุณปริธํสโก จตูสุ อปาเยสุ นิพฺพตฺตาเปติ. ราชา นาม มุสาวาทํ กโรนฺโต ธมฺมํ หนติ, โส ธมฺมํ หนิตฺวา สยเมว หฺตี’’ติ วตฺวา ปมํ คาถมาห –

๔๕.

‘‘ธมฺโม หเว หโต หนฺติ, นาหโต หนฺติ กิฺจนํ;

ตสฺมา หิ ธมฺมํ น หเน, มา ตฺวํ ธมฺโม หโต หนี’’ติ.

ตตฺถ ธมฺโมติ เชฏฺาปจายนธมฺโม อิธาธิปฺเปโต.

อถ นํ อุตฺตริปิ โอวทนฺโต ‘‘สเจ, มหาราช, มุสาวาทํ กริสฺสสิ, จตสฺโส อิทฺธิโย อนฺตรธายิสฺสนฺตี’’ติ วตฺวา ทุติยํ คาถมาห –

๔๖.

‘‘อลิกํ ภาสมานสฺส, อปกฺกมนฺติ เทวตา;

ปูติกฺจ มุขํ วาติ, สกฏฺานา จ ธํสติ;

โย ชานํ ปุจฺฉิโต ปฺหํ, อฺถา นํ วิยากเร’’ติ.

ตตฺถ อปกฺกมนฺติ เทวตาติ มหาราช, สเจ อลิกํ ภณิสฺสสิ, จตฺตาโร เทวปุตฺตา อารกฺขํ ฉฑฺเฑตฺวา อนฺตรธายิสฺสนฺตีติ อธิปฺปาเยเนตํ วทติ. ปูติกฺจ มุขํ วาตีติ มุขฺจ เต กาโย จ อุโภ ปูติคนฺธํ วายิสฺสนฺตีติ สนฺธายาห. สกฏฺานา จ ธํสตีติ อากาสโต ภสฺสิตฺวา ปถวึ ปวิสิสฺสสีติ ทีเปนฺโต เอวมาห.

ตํ สุตฺวา ราชา ภีโต โกรกลมฺพํ โอโลเกสิ. อถ นํ โส ‘‘มา ภายิ, มหาราช, นนุ มยา ปมเมว ตุมฺหากํ เอตํ กถิต’’นฺติ อาห. ราชา กปิลสฺส วจนํ สุตฺวาปิ อนาทิยิตฺวา อตฺตนา กถิตเมว ปุรโต กโรนฺโต ‘‘ตฺวํสิ, ภนฺเต, กนิฏฺโ, โกรกลมฺโพ เชฏฺโ’’ติ อาห. อถสฺส สห มุสาวาเทน จตฺตาโร เทวปุตฺตา ‘‘ตาทิสสฺส มุสาวาทิโน อารกฺขํ น คณฺหิสฺสามา’’ติ ขคฺเค ปาทมูเล ฉฑฺเฑตฺวา อนฺตรธายึสุ, มุขํ ภินฺนกุกฺกุฏณฺฑปูติ วิย, กาโย วิวฏวจฺจกุฏี วิย ทุคฺคนฺธํ วายิ, อากาสโต ภสฺสิตฺวา ปถวิยํ ปติฏฺหิ, จตสฺโสปิ อิทฺธิโย ปริหายึสุ. อถ นํ มหาปุโรหิโต ‘‘มา ภายิ, มหาราช, สเจ สจฺจํ ภณิสฺสสิ, สพฺพํ เต ปากติกํ กริสฺสามี’’ติ วตฺวา ตติยํ คาถมาห –

๔๗.

‘‘สเจ หิ สจฺจํ ภณสิ, โหหิ ราช ยถา ปุเร;

มุสา เจ ภาสเส ราช, ภูมิยํ ติฏฺ เจติยา’’ติ.

ตตฺถ ภูมิยํ ติฏฺาติ ภูมิยํเยว ปติฏฺ, ปุน อากาสํ ลงฺฆิตุํ น สกฺขิสฺสสีติ อตฺโถ.

โส ‘‘ปสฺส, มหาราช, ปมํ มุสาวาเทเนว เต จตสฺโส อิทฺธิโย อนฺตรหิตา, สลฺลกฺเขหิ, อิทานิปิ สกฺกา ปากติกํ กาตุ’’นฺติ วุตฺโตปิ ‘‘เอวํ วตฺวา ตุมฺเห มํ วฺเจตุกามา’’ติ ทุติยมฺปิ มุสาวาทํ ภณิตฺวา ยาว โคปฺผกา ปถวึ ปาวิสิ. อถ นํ ปุนปิ พฺราหฺมโณ ‘‘สลฺลกฺเขหิ, มหาราช, อิทานิปิ สกฺกา ปากติกํ กาตุ’’นฺติ วตฺวา จตุตฺถํ คาถมาห –

๔๘.

‘‘อกาเล วสฺสตี ตสฺส, กาเล ตสฺส น วสฺสติ;

โย ชานํ ปุจฺฉิโต ปฺหํ, อฺถา นํ วิยากเร’’ติ.

ตตฺถ ตสฺสาติ โย ชานนฺโต ปุจฺฉิตํ ปฺหํ มุสาวาทํ กตฺวา อฺถา พฺยากโรติ, ตสฺส รฺโ วิชิเต เทโว ยุตฺตกาเล อวสฺสิตฺวา อกาเล วสฺสตีติ อตฺโถ.

อถ นํ ปุนปิ มุสาวาทผเลน ยาว ชงฺฆา ปถวึ ปวิฏฺํ ‘‘สลฺลกฺเขหิ, มหาราชา’’ติ วตฺวา ปฺจมํ คาถมาห –

๔๙.

‘‘สเจ หิ สจฺจํ ภณสิ, โหหิ ราช ยถา ปุเร;

มุสา เจ ภาสเส ราช, ภูมึ ปวิส เจติยา’’ติ.

โส ตติยมฺปิ ‘‘ตฺวํสิ, ภนฺเต, กนิฏฺโ, เชฏฺโ โกรกลมฺโพ’’ติ มุสาวาทเมว กตฺวา ยาว ชาณุกา ปถวึ ปาวิสิ. อถ นํ ปุนปิ ‘‘สลฺลกฺเขหิ, มหาราชา’’ติ วตฺวา ทฺเว คาถา อภาสิ –

๕๐.

‘‘ชิวฺหา ตสฺส ทฺวิธา โหติ, อุรคสฺเสว ทิสมฺปติ;

โย ชานํ ปุจฺฉิโต ปฺหํ, อฺถา นํ วิยากเร.

๕๑.

‘‘สเจ หิ สจฺจํ ภณสิ, โหหิ ราช ยถา ปุเร;

มุสา เจ ภาสเส ราช, ภิยฺโย ปวิส เจติยา’’ติ.

อิมา ทฺเว คาถา วตฺวา ‘‘อิทานิ สกฺกา ปากติกํ กาตุ’’นฺติ อาห. ราชา ตสฺส วจนํ สุตฺวาปิ อนาทิยิตฺวา ‘‘ตฺวํสิ, ภนฺเต, กนิฏฺโ, เชฏฺโ โกรกลมฺโพ’’ติ จตุตฺถมฺปิ มุสาวาทํ กตฺวา ยาว กฏิโต ปถวึ ปาวิสิ. อถ นํ พฺราหฺมโณ ‘‘สลฺลกฺเขหิ, มหาราชา’’ติ วตฺวา ปุน ทฺเว คาถา อภาสิ –

๕๒.

‘‘ชิวฺหา ตสฺส น ภวติ, มจฺฉสฺเสว ทิสมฺปติ;

โย ชานํ ปุจฺฉิโต ปฺหํ, อฺถา นํ วิยากเร.

๕๓.

‘‘สเจ หิ สจฺจํ ภณสิ, โหหิ ราช ยถา ปุเร;

มุสา เจ ภาสเส ราช, ภิยฺโย ปวิส เจติยา’’ติ.

ตตฺถ มจฺฉสฺเสวาติ นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน มุสาวาทิโน มจฺฉสฺส วิย กถนสมตฺถา ชิวฺหา น โหติ, มูโคว โหตีติ อตฺโถ.

โส ปฺจมมฺปิ ‘‘ตฺวํสิ กนิฏฺโ, เชฏฺโ โกรกลมฺโพ’’ติ มุสาวาทํ กตฺวา ยาว นาภิโต ปถวึ ปาวิสิ. อถ นํ พฺราหฺมโณ ปุนปิ ‘‘สลฺลกฺเขหิ, มหาราชา’’ติ วตฺวา ทฺเว คาถา อภาสิ –

๕๔.

‘‘ถิโยว ตสฺส ชายนฺติ, น ปุมา ชายเร กุเล;

โย ชานํ ปุจฺฉิโต ปฺหํ, อฺถา นํ วิยากเร.

๕๕.

‘‘สเจ หิ สจฺจํ ภณสิ, โหหิ ราช ยถา ปุเร;

มุสา เจ ภาสเส ราช, ภิยฺโย ปวิส เจติยา’’ติ.

ตตฺถ ถิโยวาติ นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน มุสาวาทิสฺส ธีตโรว ชายนฺติ, ปุตฺตา น ชายนฺตีติ อตฺโถ.

ราชา ตสฺส วจนํ อนาทิยิตฺวา ฉฏฺมฺปิ ตเถว มุสาวาทํ ภณิตฺวา ยาว ถนา ปถวึ ปาวิสิ. อถ นํ ปุนปิ พฺราหฺมโณ ‘‘สลฺลกฺเขหิ, มหาราชา’’ติ วตฺวา ทฺเว คาถา อภาสิ –

๕๖.

‘‘ปุตฺตา ตสฺส น ภวนฺติ, ปกฺกมนฺติ ทิโสทิสํ;

โย ชานํ ปุจฺฉิโต ปฺหํ, อฺถา นํ วิยากเร.

๕๗.

‘‘สเจ หิ สจฺจํ ภณสิ, โหหิ ราช ยถา ปุเร;

มุสา เจ ภาสเส ราช, ภิยฺโย ปวิส เจติยา’’ติ.

ตตฺถ ปกฺกมนฺตีติ สเจ มุสาวาทิสฺส ปุตฺตา ภวนฺติ, มาตาปิตูนํ อนุปการา หุตฺวา ปลายนฺตีติ อตฺโถ.

โส ปาปมิตฺตสํสคฺคโทเสน ตสฺส วจนํ อนาทิยิตฺวา สตฺตมมฺปิ ตเถว มุสาวาทํ อกาสิ. อถสฺส ปถวี วิวรํ อทาสิ, อวีจิโต ชาลา อุฏฺหิตฺวา คณฺหิ.

๕๘.

‘‘ส ราชา อิสินา สตฺโต, อนฺตลิกฺขจโร ปุเร;

ปาเวกฺขิ ปถวึ เจจฺโจ, หีนตฺโต ปตฺว ปริยายํ.

๕๙.

ตสฺมา หิ ฉนฺทาคมนํ, นปฺปสํสนฺติ ปณฺฑิตา;

อทุฏฺจิตฺโต ภาเสยฺย, คิรํ สจฺจูปสํหิต’’นฺติ. –

อิมา ทฺเว อภิสมฺพุทฺธคาถา โหนฺติ.

ตตฺถ ส ราชาติ ภิกฺขเว, โส ราชา เจติโย ปุพฺเพ อนฺตลิกฺขจโร หุตฺวา ปจฺฉา อิสินา อภิสตฺโต ปริหีนสภาโว หุตฺวา. ปตฺว ปริยายนฺติ อตฺตโน กาลปริยายํ ปตฺวา ปถวึ ปาวิสีติ อตฺโถ. ตสฺมาติ ยสฺมา เจติยราชา ฉนฺทาคมเนน อวีจิปรายโณ ชาโต, ตสฺมา. อทุฏฺจิตฺโตติ ฉนฺทาทีหิ อทูสิตจิตฺโต หุตฺวา สจฺจเมว ภาเสยฺย.

มหาชโน ‘‘เจติยราชา อิสึ อกฺโกสิตฺวา มุสาวาทํ กตฺวา อวีจึ ปวิฏฺโ’’ติ ภยปฺปตฺโต อโหสิ. รฺโ ปฺจ ปุตฺตา อาคนฺตฺวา พฺราหฺมณสฺส ปาเทสุ ปติตฺวา ‘‘อมฺหากํ อวสฺสโย โหหี’’ติ วทึสุ. พฺราหฺมโณ ‘‘ตาตา, ตุมฺหากํ ปิตา ธมฺมํ นาเสตฺวา มุสาวาทํ กตฺวา อิสึ อกฺโกสิตฺวา อวีจึ อุปปนฺโน, ธมฺโม นาเมส หโต หนติ, ตุมฺเหหิ น สกฺกา อิธ วสิตุ’’นฺติ วตฺวา เตสุ สพฺพเชฏฺกํ ‘‘เอหิ ตฺวํ, ตาต, ปาจีนทฺวาเรน นิกฺขมิตฺวา อุชุกํ คจฺฉนฺโต สพฺพเสตํ สตฺตปติฏฺํ หตฺถิรตนํ ปสฺสิสฺสสิ, ตาย สฺาย ตตฺถ นครํ มาเปตฺวา วส, ตํ นครํ หตฺถิปุรํ นาม ภวิสฺสตี’’ติ อาห. ทุติยํ อามนฺเตตฺวา ‘‘ตฺวํ, ตาต, ทกฺขิณทฺวาเรน นิกฺขมิตฺวา อุชุกเมว คจฺฉนฺโต สพฺพเสตํ อสฺสรตนํ ปสฺสิสฺสสิ, ตาย สฺาย ตตฺถ นครํ มาเปตฺวา วส, ตํ นครํ อสฺสปุรํ นาม ภวิสฺสตี’’ติ อาห. ตติยํ อามนฺเตตฺวา ‘‘ตฺวํ, ตาต, ปจฺฉิมทฺวาเรน นิกฺขมิตฺวา อุชุกเมว คจฺฉนฺโต เกสรสีหํ ปสฺสิสฺสสิ, ตาย สฺาย ตตฺถ นครํ มาเปตฺวา วส, ตํ นครํ สีหปุรํ นาม ภวิสฺสตี’’ติ อาห. จตุตฺถํ อามนฺเตตฺวา ‘‘ตฺวํ, ตาต, อุตฺตรทฺวาเรน นิกฺขมิตฺวา อุชุกเมว คจฺฉนฺโต สพฺพรตนมยํ จกฺกปฺชรํ ปสฺสิสฺสสิ, ตาย สฺาย ตตฺถ นครํ มาเปตฺวา วส, ตํ นครํ อุตฺตรปฺจาลํ นาม ภวิสฺสตี’’ติ อาห. ปฺจมํ อามนฺเตตฺวา ‘‘ตาต, ตยา อิมสฺมึ าเน วสิตุํ น สกฺกา, อิมสฺมึ นคเร มหาถูปํ กตฺวา นิกฺขมิตฺวา ปจฺฉิมุตฺตราย ทิสาย อุชุกเมว คจฺฉนฺโต ทฺเว ปพฺพเต อฺมฺํ ปหริตฺวา ปหริตฺวา ททฺทรสทฺทํ กโรนฺเต ปสฺสิสฺสสิ, ตาย สฺาย ตตฺถ นครํ มาเปตฺวา วส, ตํ นครํ ททฺทรปุรํ นาม ภวิสฺสตี’’ติ อาห. เต ปฺจปิ ชนา ตาย ตาย สฺาย คนฺตฺวา ตสฺมึ ตสฺมึ าเน นครานิ มาเปตฺวา วสึสุ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ เทวทตฺโต มุสาวาทํ กตฺวา ปถวึ ปวิฏฺโ’’ติ วตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา เจติยราชา เทวทตฺโต อโหสิ, กปิลพฺราหฺมโณ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

เจติยชาตกวณฺณนา ฉฏฺา.

[๔๒๓] ๗. อินฺทฺริยชาตกวณฺณนา

โย อินฺทฺริยานนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ปุราณทุติยิกาปโลภนํ อารพฺภ กเถสิ. สาวตฺถิยํ กิเรโก กุลปุตฺโต สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ‘‘น สกฺกา อคารมชฺเฌ วสนฺเตน เอกนฺตปริปุณฺณํ เอกนฺตปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ จริตุํ, นิยฺยานิกสาสเน ปพฺพชิตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตํ กริสฺสามี’’ติ ฆเร วิภวํ ปุตฺตทารสฺส นิยฺยาเทตฺวา นิกฺขมิตฺวา สตฺถารํ ปพฺพชฺชํ ยาจิ. สตฺถาปิสฺส ปพฺพชฺชํ ทาเปสิ. ตสฺส อาจริยุปชฺฌาเยหิ สทฺธึ ปิณฺฑาย จรโต นวกตฺตา เจว ภิกฺขูนํ พหุภาเวน จ กุลฆเร วา อาสนสาลาย วา อาสนํ น ปาปุณาติ, สงฺฆนวกานํ โกฏิยํ ปีกํ วา ผลกํ วา ปาปุณาติ. อาหาโรปิ อุฬุงฺกปิฏฺเน ฆฏฺฏิตา ภินฺนสิตฺถกยาคุ วา ปูติสุกฺขขชฺชกํ วา ฌามสุกฺขกูโร วา ปาปุณาติ, ยาปนปมาณํ น โหติ. โส อตฺตนา ลทฺธํ คเหตฺวา ปุราณทุติยิกาย สนฺติกํ คจฺฉติ. อถสฺส สา ปตฺตํ คเหตฺวา วนฺทิตฺวา ปตฺตโต ภตฺตํ นีหริตฺวา สุสมฺปาทิตานิ ยาคุภตฺตสูปพฺยฺชนานิ เทติ. มหลฺลโก รสตณฺหาย พชฺฌิตฺวา ปุราณทุติยิกํ ชหิตุํ น สกฺโกติ. สา จินฺเตสิ ‘‘พทฺโธ นุ โข, โนติ วีมํสิสฺสามิ น’’นฺติ.

อเถกทิวสํ ชนปทมนุสฺสํ เสตมตฺติกาย นฺหาเปตฺวา เคเห นิสีทาเปตฺวา อฺเปิสฺส กติปเย ปริวารมนุสฺเส อาณาเปตฺวา โถกโถกํ ปานโภชนํ ทาเปสิ. เต ขาทนฺตา ภุฺชนฺตา นิสีทึสุ. เคหทฺวาเร จ จกฺเกสุ โคเณ พนฺธาเปตฺวา เอกํ สกฏมฺปิ ปาเปสิ, สยํ ปน ปิฏฺิคพฺเภ นิสีทิตฺวา ปูเว ปจิ. มหลฺลโก อาคนฺตฺวา ทฺวาเร อฏฺาสิ. ตํ ทิสฺวา เอโก มหลฺลกปุริโส ‘‘อยฺเย, เอโก เถโร ทฺวาเร ิโต’’ติ อาห. ‘‘วนฺทิตฺวา อติจฺฉาเปหี’’ติ. โส ‘‘อติจฺฉถ, ภนฺเต’’ติ ปุนปฺปุนํ กเถตฺวาปิ ตํ อคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อยฺเย, เถโร น คจฺฉตี’’ติ อาห. สา อาคนฺตฺวา สาณึ อุกฺขิปิตฺวา โอโลเกตฺวา ‘‘อมฺโภ อยํ มม ทารกปิตา’’ติ วตฺวา นิกฺขมิตฺวา ปตฺตํ คเหตฺวา เคหํ ปเวเสตฺวา ปริวิสิตฺวา โภชนปริโยสาเน วนฺทิตฺวา ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเห อิเธว ปรินิพฺพายถ, มยํ เอตฺตกํ กาลํ อฺํ กุลํ น คณฺหิมฺห, อสามิเก ปน ฆเร ฆราวาโส น สณฺาติ, มยํ อฺํ กุลํ คณฺหาม, ทูรํ ชนปทํ คจฺฉิสฺสาม, ตุมฺเห อปฺปมตฺตา โหถ, สเจ เม โทโส อตฺถิ, ขมถา’’ติ อาห. มหลฺลกสฺส หทยผาลนกาโล วิย อโหสิ. อถ นํ ‘‘อหํ ตํ ชหิตุํ น สกฺโกมิ, มา คจฺฉ, วิพฺภมิสฺสามิ, อสุกฏฺาเน เม สาฏกํ เปเสหิ, ปตฺตจีวรํ ปฏิจฺฉาเปตฺวา อาคจฺฉิสฺสามี’’ติ อาห. สา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ. มหลฺลโก วิหารํ คนฺตฺวา อาจริยุปชฺฌาเย ปตฺตจีวรํ ปฏิจฺฉาเปนฺโต ‘‘กสฺมา, อาวุโส, เอวํ กโรสี’’ติ วุตฺโต ‘‘ปุราณทุติยิกํ ชหิตุํ น สกฺโกมิ วิพฺภมิสฺสามี’’ติ อาห. อถ นํ เต อนิจฺฉนฺตฺเว สตฺถุ สนฺติกํ เนตฺวา ‘‘กึ, ภิกฺขเว, อิมํ อนิจฺฉนฺตฺเว อานยิตฺถา’’ติ วุตฺเต ‘‘ภนฺเต, อยํ อุกฺกณฺิตฺวา วิพฺภมิตุกาโม’’ติ วทึสุ. อถ นํ สตฺถา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ อุกฺกณฺิโตสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘สจฺจํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘โก ตํ อุกฺกณฺาเปสี’’ติ? ‘‘ปุราณทุติยิกา ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘ภิกฺขุ น อิทาเนว สา อิตฺถี ตุยฺหํ อนตฺถการิกา, ปุพฺเพปิ ตฺวํ ตํ นิสฺสาย จตูหิ ฌาเนหิ ปริหีโน มหาทุกฺขํ ปตฺวา มํ นิสฺสาย ตมฺหา ทุกฺขา มุจฺจิตฺวา นฏฺชฺฌานํ ปฏิลภี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต ตสฺส ปุโรหิตํ ปฏิจฺจ ตสฺส พฺราหฺมณิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺติ. ชาตทิวเส จสฺส สกลนคเร อาวุธานิ ปชฺชลึสุ, เตนสฺส ‘‘โชติปาลกุมาโร’’ติ นามํ กรึสุ. โส วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลายํ สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา รฺโ สิปฺปํ ทสฺเสตฺวา อิสฺสริยํ ปหาย กฺจิ อชานาเปตฺวา อคฺคทฺวาเรน นิกฺขมิตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา สกฺกทตฺติเย กวิฏฺกอสฺสเม อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ฌานาภิฺาโย นิพฺพตฺเตสิ. ตํ ตตฺถ วสนฺตํ อเนกานิ อิสิสตานิ ปริวาเรสุํ, มหาสมาคโม อโหสิ. โส สรภงฺคสตฺถา นาม อโหสิ, ตสฺส สตฺต อนฺเตวาสิกเชฏฺกา อเหสุํ. เตสุ สาลิสฺสโร นาม อิสิ กวิฏฺกอสฺสมา นิกฺขมิตฺวา สุรฏฺชนปเท ปุรตฺถิมชนปเท สาโตทิกาย นาม นทิยา ตีเร อเนกสหสฺสอิสิปริวาโร วสิ. เมณฺฑิสฺสโร นาม อิสิ ปชฺโชตกปฺจาลรฺโ วิชิเต กลพฺพจูฬกํ นาม นิคมํ นิสฺสาย อเนกสหสฺสอิสิปริวาโร วสิ. ปพฺพโต นาม อิสิ เอกํ อฏวิชนปทํ นิสฺสาย อเนกสหสฺสอิสิปริวาโร วสิ. กาฬเทวิโล นาม อิสิ อวนฺติทกฺขิณาปเถ เอกคฺฆนเสลํ นิสฺสาย อเนกสหสฺสอิสิปริวาโร วสิ. กิสวจฺโฉ นาม อิสิ เอกโกว ทณฺฑกิรฺโ กุมฺภวตีนครํ นิสฺสาย อุยฺยาเน วสิ. อนุปิยตาปโส ปน โพธิสตฺตสฺส อุปฏฺาโก ตสฺส สนฺติเก วสิ. นารโท นาม อิสิ กาฬเทวิลสฺส กนิฏฺโ มชฺฌิมเทเส อารฺชรคิริมฺหิ ปพฺพตชาลนฺตเร เอกโกว เอกสฺมึ คุหาเลเณ วสิ.

อารฺชรคิริโน นาม อวิทูเร เอโก อากิณฺณมนุสฺโส นิคโม อตฺถิ, เตสํ อนฺตเร มหตี นที อตฺถิ, ตํ นทึ พหู มนุสฺสา โอตรนฺติ. อุตฺตมรูปธรา วณฺณทาสิโยปิ ปุริเส ปโลภยมานา ตสฺสา นทิยา ตีเร นิสีทนฺติ. นารทตาปโส ตาสุ เอกํ ทิสฺวา ปฏิพทฺธจิตฺโต หุตฺวา ฌานํ อนฺตรธาเปตฺวา นิราหาโร ปริสุสฺสนฺโต กิเลสวสํ คนฺตฺวา สตฺตาหํ วสิตฺวา นิปชฺชิ. อถสฺส ภาตา กาฬเทวิโล อาวชฺเชนฺโต ตํ การณํ ตฺวา อากาเสนาคนฺตฺวา เลณํ ปาวิสิ. นารโท ตํ ทิสฺวา ‘‘กสฺมา ภวํ อาคโตสี’’ติ อาห. ‘‘ภวํ ‘อกลฺลโก’ติ ภวนฺตํ ปฏิชคฺคิตุํ อาคโตมฺหี’’ติ. อถ นํ โส ‘‘อภูตํ กถํ กเถสิ, อลิกํ ตุจฺฉํ กเถสี’’ติ มุสาวาเทน นิคฺคณฺหิ. โส ‘‘เนตํ ปหาตุํ วฏฺฏตี’’ติ สาลิสฺสรํ อาเนสิ, เมณฺฑิสฺสรํ อาเนสิ, ปพฺพตมฺปิ อาเนสิ. อิตโรปิ เต ตโย มุสาวาเทน นิคฺคณฺหิ. กาฬเทวิโล ‘‘สรภงฺคสตฺถารํ อาเนสฺสามี’’ติ อากาเสนาคนฺตฺวา ตํ อาเนสิ. โส อาคนฺตฺวา ตํ ทิสฺวา ‘‘อินฺทฺริยวสํ คโต’’ติ ตฺวา ‘‘กจฺจิ นารท, อินฺทฺริยานํ วสํ คโต’’ติ ปุจฺฉิ. อิตเรน ตํ สุตฺวาว อุฏฺาย วนฺทิตฺวา ‘‘อาม, อาจริยา’’ติ วุตฺเต ‘‘นารท, อินฺทฺริยวสํ คตา นาม อิมสฺมึ อตฺตภาเว สุสฺสนฺตา ทุกฺขํ อนุภวิตฺวา ทุติเย อตฺตภาเว นิรเย นิพฺพตฺตนฺตี’’ติ วตฺวา ปมํ คาถมาห –

๖๐.

‘‘โย อินฺทฺริยานํ กาเมน, วสํ นารท คจฺฉติ;

โส ปริจฺจชฺชุโภ โลเก, ชีวนฺโตว วิสุสฺสตี’’ติ.

ตตฺถ โย อินฺทฺริยานนฺติ นารท, โย ปุริโส รูปาทีสุ สุภาการํ คเหตฺวา กิเลสกามวเสน ฉนฺนํ อินฺทฺริยานํ วสํ คจฺฉติ. ปริจฺจชฺชุโภ โลเกติ โส มนุสฺสโลกฺจ เทวโลกฺจาติ อุโภโลเก ปริจฺจชิตฺวา นิรยาทีสุ นิพฺพตฺตนฺตีติ อตฺโถ. ชีวนฺโตว วิสุสฺสตีติ ชีวนฺโตเยว อตฺตนา อิจฺฉิตํ กิเลสวตฺถุํ อลภนฺโต โสเกน วิสุสฺสติ, มหาทุกฺขํ ปาปุณาตีติ.

ตํ สุตฺวา นารโท ‘‘อาจริย, กามเสวนํ นาม สุขํ, เอวรูปํ สุขํ กึ สนฺธาย ทุกฺขนฺติ วทสี’’ติ ปุจฺฉิ. อถสฺส สรภงฺโค ‘‘เตน หิ สุณาหี’’ติ ทุติยํ คาถมาห –

๖๑.

‘‘สุขสฺสานนฺตรํ ทุกฺขํ, ทุกฺขสฺสานนฺตรํ สุขํ;

โสสิ ปตฺโต สุขา ทุกฺขํ, ปาฏิกงฺข วรํ สุข’’นฺติ.

ตตฺถ สุขสฺสานนฺตรนฺติ กามสุขสฺส อนนฺตรํ นิรยทุกฺขํ. ทุกฺขสฺสาติ สีลรกฺขณทุกฺขสฺส อนนฺตรํ ทิพฺพมานุสกสุขฺเจว นิพฺพานสุขฺจ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – นารท, อิเม หิ สตฺตา กามเสวนสมเย กาลํ กตฺวา เอกนฺตทุกฺเข นิรเย นิพฺพตฺตนฺติ, สีลํ รกฺขนฺตา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรนฺตา จ ปน กิลมนฺติ, เต ทุกฺเขน สีลํ รกฺขิตฺวา สีลพเลน วุตฺตปฺปการํ สุขํ ลภนฺติ, อิทํ ทุกฺขํ สนฺธายาหํ เอวํ วทามีติ. โสสิ ปตฺโตติ โส ตฺวํ นารท, อิทานิ ฌานสุขํ นาเสตฺวา ตโต สุขา มหนฺตํ กามนิสฺสิตํ เจตสิกทุกฺขํ ปตฺโต. ปาฏิกงฺขาติ อิทํ กิเลสทุกฺขํ ฉฑฺเฑตฺวา ปุน ตเทว วรํ อุตฺตมํ ฌานสุขํ อิจฺฉ ปตฺเถหีติ.

นารโท ‘‘อิทํ อาจริย, ทุกฺขํ ทุสฺสหํ, น ตํ อธิวาเสตุํ สกฺโกมี’’ติ อาห. อถ นํ มหาสตฺโต ‘‘นารท, ทุกฺขํ นาม อุปฺปนฺนํ อธิวาเสตพฺพเมวา’’ติ วตฺวา ตติยํ คาถมาห –

๖๒.

‘‘กิจฺฉกาเล กิจฺฉสโห, โย กิจฺฉํ นาติวตฺตติ;

ส กิจฺฉนฺตํ สุขํ ธีโร, โยคํ สมธิคจฺฉตี’’ติ.

ตตฺถ นาติวตฺตตีติ นานุวตฺตติ, อยเมว วา ปาโ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – นารท, โย กายิกเจตสิกทุกฺขสงฺขาตสฺส กิจฺฉสฺส อุปฺปนฺนกาเล อปฺปมตฺโต ตสฺส กิจฺฉสฺส หรณูปายํ กโรนฺโต กิจฺฉสโห หุตฺวา ตํ กิจฺฉํ นานุวตฺตติ, ตสฺส วเส อวตฺติตฺวา เตหิ เตหิ อุปาเยหิ ตํ กิจฺฉํ อภิภวติ วินาเสติ, โส ธีโร กิจฺฉสฺส อนฺติมสงฺขาตํ นิรามิสสุขสงฺขาตํ ฌานสุขํ อธิคจฺฉติ, ตํ วา กิจฺฉนฺตํ โยคสุขํ อธิคจฺฉติ, อกิลมนฺโตว ปาปุณาตีติ.

โส ‘‘อาจริย, กามสุขํ นาม อุตฺตมสุขํ, น ตํ ชหิตุํ สกฺโกมี’’ติ อาห. อถ นํ มหาสตฺโต ‘‘นารท, ธมฺโม นาม น เกนจิ การเณน นาเสตพฺโพ’’ติ วตฺวา จตุตฺถํ คาถมาห –

๖๓.

‘‘น เหว กามาน กามา, นานตฺถา นาตฺถการณา;

น กตฺจ นิรงฺกตฺวา, ธมฺมา จวิตุมรหสี’’ติ.

ตตฺถ กามาน กามาติ กามานํ กามา, วตฺถุกามานํ ปตฺถนายาติ อตฺโถ. นานตฺถา นาตฺถการณาติ น อนตฺถโต น อตฺถการณา. น กตฺจ นิรงฺกตฺวาติ กตฺจ นิปฺผาทิตํ ฌานํ นิรํกตฺวา. อิทํ วุตฺตํ โหติ – นารท, น เหว วตฺถุกามปตฺถนาย ธมฺมา จวิตุมรหสิ, เอกสฺมึ อนตฺเถ อุปฺปนฺเน ตํ ปฏิหนิตุกาโม นานตฺถา น อตฺเถนปิ การณภูเตน ธมฺมา จวิตุมรหสิ, ‘‘อสุโก นาม เม อตฺโถ อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ เอวมฺปิ อตฺถการณาปิ น ธมฺมา จวิตุมรหสิ, กตํ ปน นิปฺผาทิตํ ฌานสุขํ นิรํกตฺวา วินาเสตฺวา เนว ธมฺมา จวิตุมรหสีสิ.

เอวํ สรภงฺเคน จตูหิ คาถาหิ ธมฺเม เทสิเต กาฬเทวิโล อตฺตโน กนิฏฺํ โอวทนฺโต ปฺจมํ คาถมาห –

๖๔.

‘‘ทกฺขํ คหปตี สาธุ, สํวิภชฺชฺจ โภชนํ;

อหาโส อตฺถลาเภสุ, อตฺถพฺยาปตฺติ อพฺยโถ’’ติ.

ตตฺถ ทกฺขํ คหปตีติ นารท ฆราวาสํ วสนฺตานํ คหปตีนํ โภคุปฺปาทนตฺถาย อนลสฺยเฉกกุสลภาวสงฺขาตํ ทกฺขํ นาม สาธุ, ทกฺขภาโว ภทฺทโก. สํวิภชฺชฺจ โภชนนฺติ ทุกฺเขน อุปฺปาทิตโภคานํ ธมฺมิกสมณพฺราหฺมเณหิ สทฺธึ สํวิภชิตฺวา ปริโภคกรณํ ทุติยํ สาธุ. อหาโส อตฺถลาเภสูติ มหนฺเต อิสฺสริเย อุปฺปนฺเน อปฺปมาทวเสน อหาโส อนุปฺปิลาวิตตฺตํ ตติยํ สาธุ. อตฺถพฺยาปตฺตีติ ยทา ปน อตฺตโน อตฺถพฺยาปตฺติ ยสวินาโส โหติ, ตทา อพฺยโถ อกิลมนํ จตุตฺถํ สาธุ, ตสฺมา ตฺวํ, นารท, ‘‘ฌานํ เม อนฺตรหิต’’นฺติ มา โสจิ, สเจ อินฺทฺริยานํ วสํ น คมิสฺสสิ, นฏฺมฺปิ เต ฌานํ ปุน ปากติกเมว ภวิสฺสตีติ.

ตํ ปุน กาฬเทวิเลน นารทสฺส โอวทิตภาวํ ตฺวา สตฺถา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา ฉฏฺํ คาถมาห –

๖๕.

‘‘เอตฺตาวเตตํ ปณฺฑิจฺจํ, อปิ โส เทวิโล พฺรวิ;

น ยิโต กิฺจิ ปาปิโย, โย อินฺทฺริยานํ วสํ วเช’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – ภิกฺขเว, เอตฺตกํ เอตํ ปณฺฑิจฺจํ โสยํ เทวิโล อพฺรวิ. โย ปน กิเลสวเสน อินฺทฺริยานํ วสํ วชติ, อิโต อฺโ ปาปิโย นตฺถีติ.

อถ นํ สรภงฺโค อามนฺเตตฺวา ‘‘นารท, อิทํ ตาว สุณ, โย หิ ปมเมว กตฺตพฺพยุตฺตกํ น กโรติ, โส อรฺํ ปวิฏฺมาณวโก วิย โสจติ ปริเทวตี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต เอกสฺมึ กาสินิคเม เอโก พฺราหฺมณมาณโว อภิรูโป อโหสิ ถามสมฺปนฺโน นาคพโล. โส จินฺเตสิ – ‘‘กึ เม กสิกมฺมาทีนิ กตฺวา มาตาปิตูหิ ปุฏฺเหิ, กึ ปุตฺตทาเรน, กึ ทานาทีหิ ปุฺเหิ กเตหิ, กฺจิ อโปเสตฺวา กิฺจิ ปุฺํ อกตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา มิเค มาเรตฺวา อตฺตานํเยว โปเสสฺสามี’’ติ? โส ปฺจาวุธสนฺนทฺโธ หิมวนฺตํ คนฺตฺวา นานามิเค วธิตฺวา ขาทนฺโต อนฺโตหิมวนฺเต วิธวาย นาม นทิยา ตีเร คิริปริกฺขิตฺตํ มหนฺตํ ปพฺพตชาลํ ปตฺวา ตตฺถ มิเค วธิตฺวา องฺคาเร ปกฺกมํสํ ขาทนฺโต วาสํ กปฺเปสิ. โส จินฺเตสิ ‘‘อหํ สพฺพทา ถามสมฺปนฺโน น ภวิสฺสามิ, ทุพฺพลกาเล อรฺเ จริตุํ น สกฺขิสฺสามิ, อิทาเนว นานาวณฺเณ มิเค ปพฺพตชาลํ ปเวเสตฺวา ทฺวารํ โยเชตฺวา อรฺํ อนาหิณฺฑนฺโตว ยถารุจิยา มิเค วธิตฺวา ขาทิสฺสามี’’ติ ตถา อกาสิ. อถสฺส กาเล อติกฺกนฺเต ตํ กมฺมํ มตฺถกปฺปตฺตํ ทิฏฺธมฺมเวทนียํ ชาตํ, อตฺตโน หตฺถปาเทหิ น ลภิ คนฺตุํ, อปราปรํ ปริวตฺเตตุํ นาสกฺขิ, เนว กิฺจิ ขาทนียํ โภชนียํ, น ปานียํ ปสฺสิ, สรีรํ มิลายิ, มนุสฺสเปโต อโหสิ, คิมฺหกาเล ปถวี วิย สรีรํ ภิชฺชิตฺวา ราชิโย ทสฺเสสิ, โส ทุรูโป ทุสฺสณฺิโต มหาทุกฺขํ อนุภวิ.

เอวํ อทฺธาเน คเต สิวิรฏฺเ สิวิราชา นาม ‘‘อรฺเ องฺคารปกฺกมํสํ ขาทิสฺสามี’’ติ อมจฺจานํ รชฺชํ นิยฺยาเทตฺวา ปฺจาวุธสนฺนทฺโธ อรฺํ ปวิสิตฺวา มิเค วธิตฺวา มํสํ ขาทมาโน อนุปุพฺเพน ตํ ปเทสํ ปตฺวา ตํ ปุริสํ ทิสฺวา ภีโตปิ สตึ อุปฏฺเปตฺวา ‘‘โกสิ ตฺวํ อมฺโภ ปุริสา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘สามิ, มนุสฺสเปโต อหํ, อตฺตโน กตกมฺมสฺส ผลํ อนุโภมิ, ตฺวํ ปน โกสี’’ติ? ‘‘สิวิราชาหมสฺมี’’ติ. ‘‘อถ กสฺมา อิธาคโตสี’’ติ? ‘‘มิคมํสํ ขาทนตฺถายา’’ติ. อถสฺส โส ‘‘อหมฺปิ มหาราช, อิมินาว การเณน อาคนฺตฺวา มนุสฺสเปโต ชาโต’’ติ สพฺพํ วิตฺถาเรน กเถตฺวา อตฺตโน ทุกฺขิตภาวํ รฺโ อาจิกฺขนฺโต เสสคาถา อาห –

๖๖.

‘‘อมิตฺตานํว หตฺถตฺถํ, สิวิ ปปฺโปติ มามิว;

กมฺมํ วิชฺชฺจ ทกฺเขยฺยํ, วิวาหํ สีลมทฺทวํ;

เอเต จ ยเส หาเปตฺวา, นิพฺพตฺโต เสหิ กมฺเมหิ.

๖๗.

‘‘โสหํ สหสฺสชีโนว, อพนฺธุ อปรายโณ;

อริยธมฺมา อปกฺกนฺโต, ยถา เปโต ตเถวหํ.

๖๘.

‘‘สุขกาเม ทุกฺขาเปตฺวา, อาปนฺโนสฺมิ ปทํ อิมํ;

โส สุขํ นาธิคจฺฉามิ, ิโต ภาณุมตามิวา’’ติ.

ตตฺถ อมิตฺตานํว หตฺถตฺถนฺติ อมิตฺตานํ หตฺเถ อตฺถํ วินาสํ วิย. สิวีติ ราชานํ อาลปติ. ปปฺโปติ มามิวาติ มาทิโส ปาปกมฺเมน ปาปุณาติ, อตฺตโนว กมฺเมน วินาสํ ปาปุณาตีติ วุตฺตํ โหติ. กมฺมนฺติ กสิกมฺมาทิเภทํ อาชีวสาธกํ กิจฺจํ. วิชฺชนฺติ นานปฺปการกํ หตฺถิสิปฺปาทิกํ สิปฺปํ. ทกฺเขยฺยนฺติ นานปฺปกาเรน โภคุปฺปาทนโกสลฺลํ. วิวาหนฺติ อาวาหวิวาหสมฺพนฺธํ. สีลมทฺทวนฺติ ปฺจวิธสีลฺเจว มุทุวจนํ หิตกามํ ปาปนิวารณํ กลฺยาณมิตฺตตฺจ. โส หิ อิธ มทฺทโวติ อธิปฺเปโต. เอเต จ ยเส หาเปตฺวาติ เอเต เอตฺตเก ยสทายเก ธมฺเม หาเปตฺวา จ. นิพฺพตฺโต เสหิ กมฺเมหีติ อตฺตโน กมฺเมหิ นิพฺพตฺโต. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อหํ, มหาราช, อิมสฺมึ โลเก อิสฺสริยทายกํ กตฺตพฺพยุตฺตกํ กมฺมํ อกตฺวา สิปฺปํ อสิกฺขิตฺวา อุปาเยน โภเค อนุปฺปาเทตฺวา อาวาหวิวาหํ อกตฺวา สีลํ อรกฺขิตฺวา มํ อกิจฺจํ กโรนฺตํ ปาปนิวารณสมตฺเถ กลฺยาณมิตฺเต อภชิตฺวา อิเม เอตฺตเก ยสทายกตฺตา ‘‘ยเส’’ติ สงฺขฺยํ คเต โลกปฺปวตฺติธมฺเม หาเปตฺวา ฉฑฺเฑตฺวา อิมํ อรฺํ ปวิสิตฺวา สยํ กเตหิ ปาปกมฺเมหิ อิทานิ มนุสฺสเปโต หุตฺวา นิพฺพตฺโตสฺมีติ.

สหสฺสชีโนวาติ สหสฺสชีนปุริโส วิยาติ อตฺโถ. สฺวาหํ สมฺมา ปฏิปชฺชิตฺวา โภเค อุปฺปาเทยฺยํ, เตหิ อเนกสหสฺเสหิ โภเคหิ ชิโตติปิ อตฺโถ. อปรายโณติ อสรโณ, นิปฺปติฏฺโติ อตฺโถ. อริยธมฺมาติ สปฺปุริสธมฺมโต. ยถา เปโตติ ยถา มโต เปโต หุตฺวา อุปฺปชฺเชยฺย, ชีวมาโนเยว ตถา มนุสฺสเปโต ชาโตสฺมีติ อตฺโถ. สุขกาเม ทุกฺขาเปตฺวาติ สุขกาเม สตฺเต ทุกฺขาเปตฺวา. ‘‘สุขกาโม’’ติปิ ปาโ, สยํ สุขกาโม ปรํ ทุกฺขาเปตฺวาติ อตฺโถ. อาปนฺโนสฺมิ ปทํ อิมนฺติ เอวรูปํ โกฏฺาสํ ปตฺโตสฺมิ. ปถนฺติปิ ปาโ, อิทํ ทุกฺขสฺส ปถภูตํ อตฺตภาวํ ปตฺโตสฺมีติ อตฺโถ. ิโต ภาณุมตามิวาติ ภาณุมา วุจฺจติ อคฺคิ, วีตจฺจิกงฺคาเรหิ สมนฺตา ปริกิณฺโณ วิย สรีเร อุฏฺิเตน มหาทาเหน ทยฺหนฺโต กายิกเจตสิกสุขํ น วินฺทามีติ วทติ.

เอวฺจ ปน วตฺวา ‘‘อหํ, มหาราช, สุขกาโม ปรํ ทุกฺขาเปตฺวา ทิฏฺเว ธมฺเม มนุสฺสเปโต ชาโต, ตสฺมา ตฺวํ ปาปํ มา กริ, อตฺตโน นครํ คนฺตฺวา ทานาทีนิ ปุฺานิ กโรหี’’ติ อาห. ราชา ตถา กตฺวา สคฺคปุรํ ปูเรสิ. สรภงฺคสตฺถา อิมํ การณํ อาหริตฺวา ตาปสํ สฺาเปสิ. โส ตสฺส ธมฺมกถาย สํเวคํ ปฏิลภิตฺวา ตํ วนฺทิตฺวา ขมาเปตฺวา กสิณปริกมฺมํ กตฺวา นฏฺํ ฌานํ ปฏิปากติกํ อกาสิ. สรภงฺโค ตสฺส ตตฺถ วสิตุํ อทตฺวา ตํ อาทาย อตฺตโน อสฺสมํ คโต.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺิตภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ.

ตทา นารโท อุกฺกณฺิตภิกฺขุ อโหสิ, นครโสภิณี ปุราณทุติยิกา, สาลิสฺสโร สาริปุตฺโต, เมณฺฑิสฺสโร กสฺสโป, ปพฺพโต อนุรุทฺโธ, กาฬเทวิโล กจฺจายโน, อนุปิโย อานนฺโท, กิสวจฺโฉ มหาโมคฺคลฺลาโน, สรภงฺโค ปน อหเมว อโหสินฺติ.

อินฺทฺริยชาตกวณฺณนา สตฺตมา.

[๔๒๔] ๘. อาทิตฺตชาตกวณฺณนา

อาทิตฺตสฺมินฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อสทิสทานํ อารพฺภ กเถสิ. อสทิสทานํ มหาโควินฺทสุตฺตวณฺณนาโต (ที. นิ. อฏฺ. ๒.๒๙๖) วิตฺถาเรตฺวา กเถตพฺพํ. ตสฺส ปน ทินฺนทิวสโต ทุติยทิวเส ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, โกสลราชา วิจินิตฺวาว, ปุฺกฺเขตฺตํ ตฺวา พุทฺธปฺปมุขสฺส อริยสงฺฆสฺส อสทิสทานํ อทาสี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘อนจฺฉริยํ, ภิกฺขเว, รฺโ วิจินิตฺวา อนุตฺตเร ปุฺกฺเขตฺเต ทานปติฏฺาปนํ, โปราณกปณฺฑิตาปิ วิจินิตฺวาว มหาทานํ อทํสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต สิวิรฏฺเ โรรุวนคเร โรรุวมหาราชา นาม ทส ราชธมฺเม อโกเปตฺวา จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ ชนํ สงฺคณฺหนฺโต มหาชนสฺส มาตาปิตุฏฺาเน ตฺวา กปณทฺธิกวนิพฺพกยาจกาทีนํ มหาทานํ ปวตฺเตสิ. ตสฺส สมุทฺทวิชยา นาม อคฺคมเหสี อโหสิ ปณฺฑิตา าณสมฺปนฺนา. โส เอกทิวสํ ทานคฺคํ โอโลเกนฺโต ‘‘มยฺหํ ทานํ ทุสฺสีลา โลลสตฺตา ภุฺชนฺติ, ตํ มํ น หาเสติ, อหํ โข ปน สีลวนฺตานํ อคฺคทกฺขิเณยฺยานํ ปจฺเจกพุทฺธานํ ทาตุกาโม, เต จ หิมวนฺตปเทเส วสนฺติ, โก นุ โข เต นิมนฺเตตฺวา อาเนสฺสติ, กํ เปเสสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ตมตฺถํ เทวิยา อาโรเจสิ. อถ นํ สา อาห ‘‘มหาราช, มา จินฺตยิตฺถ, อมฺหากํ ทาตพฺพทานพเลน สีลพเลน สจฺจพเลน ปุปฺผานิ เปเสตฺวา ปจฺเจกพุทฺเธ นิมนฺเตตฺวา เตสํ อาคตกาเล สพฺพปริกฺขารสมฺปนฺนทานํ ทสฺสามา’’ติ. ราชา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ‘‘สกลนครวาสิโน สีลํ สมาทิยนฺตู’’ติ นคเร เภรึ จราเปตฺวา สยมฺปิ สปริชโน อุโปสถงฺคานิ อธิฏฺาย มหาทานํ ปวตฺเตตฺวา สุมนปุปฺผปุณฺณํ สุวณฺณสมุคฺคํ คาหาเปตฺวา ปาสาทา โอรุยฺห ราชงฺคเณ ตฺวา ปฺจงฺคานิ ปถวิยํ ปติฏฺาเปตฺวา ปาจีนทิสาภิมุโข วนฺทิตฺวา ‘‘ปาจีนทิสาย อรหนฺเต วนฺทามิ, สเจ อมฺหากํ โกจิ คุโณ อตฺถิ, อมฺเหสุ อนุกมฺปํ กตฺวา อมฺหากํ ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ วตฺวา สตฺต ปุปฺผมุฏฺิโย ขิปิ. ปาจีนทิสาย ปจฺเจกพุทฺธานํ อภาเวน ปุนทิวเส นาคมึสุ. ทุติยทิวเส ทกฺขิณทิสํ นมสฺสิ, ตโตปิ นาคตา. ตติยทิวเส ปจฺฉิมทิสํ นมสฺสิ, ตโตปิ นาคตา. จตุตฺถทิวเส อุตฺตรทิสํ นมสฺสิ, นมสฺสิตฺวา จ ปน ‘‘อุตฺตรหิมวนฺตปเทสวาสิโน ปจฺเจกพุทฺธา อมฺหากํ ภิกฺขํ คณฺหนฺตู’’ติ สตฺต ปุปฺผมุฏฺิโย วิสฺสชฺเชสิ. ปุปฺผานิ คนฺตฺวา นนฺทมูลกปพฺภาเร ปฺจนฺนํ ปจฺเจกพุทฺธสตานํ อุปริ ปตึสุ.

เต อาวชฺชมานา รฺา อตฺตโน นิมนฺติตภาวํ ตฺวา ปุนทิวเส สตฺต ปจฺเจกพุทฺเธ อามนฺเตตฺวา ‘‘มาริสา, ราชา โว นิมนฺเตติ, ตสฺส สงฺคหํ กโรถา’’ติ วทึสุ. สตฺต ปจฺเจกพุทฺธา อากาเสนาคนฺตฺวา ราชทฺวาเร โอตรึสุ. เต ทิสฺวา ราชา โสมนสฺสชาโต วนฺทิตฺวา ปาสาทํ อาโรเปตฺวา มหนฺตํ สกฺการํ กตฺวา ทานํ ทตฺวา ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน ปุนทิวสตฺถาย ปุนทิวสตฺถายาติ เอวํ ฉ ทิวเส นิมนฺเตตฺวา สตฺตเม ทิวเส สพฺพปริกฺขารทานํ สชฺเชตฺวา สตฺตรตนขจิตานิ มฺจปีาทีนิ ปฺเปตฺวา ติจีวราทิเก สพฺพสมณปริโภเค สตฺตนฺนํ ปจฺเจกพุทฺธานํ สนฺติเก เปตฺวา ‘‘มยํ อิเม ปริกฺขาเร ตุมฺหากํ เทมา’’ติ วตฺวา เตสํ ภตฺตกิจฺจปริโยสาเน ราชา จ เทวี จ อุโภปิ นมสฺสมานา อฏฺํสุ. อถ เนสํ อนุโมทนํ กโรนฺโต สงฺฆตฺเถโร ทฺเว คาถา อภาสิ –

๖๙.

‘‘อาทิตฺตสฺมึ อคารสฺมึ, ยํ นีหรติ ภาชนํ;

ตํ ตสฺส โหติ อตฺถาย, โน จ ยํ ตตฺถ ฑยฺหติ.

๗๐.

‘‘เอวมาทีปิโต โลโก, ชราย มรเณน จ;

นีหเรเถว ทาเนน, ทินฺนํ โหติ สุนีหต’’นฺติ.

ตตฺถ อาทิตฺตสฺมินฺติ ตงฺขเณ ปชฺชลิเต. ภาชนนฺติ อุปกรณํ. โน จ ยํ ตตฺถ ฑยฺหตีติ ยํ ปน ตตฺถ ฑยฺหติ, อนฺตมโส ติณสนฺถาโรปิ, สพฺพํ ตสฺส อนุปกรณเมว โหติ. ชราย มรเณน จาติ เทสนาสีสเมตํ, อตฺถโต ปเนส เอกาทสหิ อคฺคีหิ อาทีปิโต นาม. นีหเรเถวาติ ตโต เอกาทสติ อคฺคีหิ ปชฺชลิตโลกา ทสวิธทานวตฺถุเภทํ ตํ ตํ ปริกฺขารทานํ เจตนาย นิกฺกฑฺเฒเถว. ทินฺนํ โหตีติ อปฺปํ วา พหุํ วา ยํ ทินฺนํ, ตเทว สุนีหตํ นาม โหตีติ.

เอวํ สงฺฆตฺเถโร อนุโมทนํ กตฺวา ‘‘อปฺปมตฺโต โหหิ, มหาราชา’’ติ รฺโ โอวาทํ ทตฺวา อากาเส อุปฺปติตฺวา ปาสาทกณฺณิกํ ทฺวิธา กตฺวา คนฺตฺวา นนฺทมูลกปพฺภาเรเยว โอตริ. ตสฺส ทินฺนปริกฺขาโรปิ เตเนว สทฺธึ อุปฺปติตฺวา นนฺทมูลกปพฺภาเรเยว โอตริ. รฺโ จ เทวิยา จ สกลสรีรํ ปีติยา ปุณฺณํ อโหสิ. เอวํ ตสฺมึ คเต อวเสสาปิ –

๗๑.

‘‘โย ธมฺมลทฺธสฺส ททาติ ทานํ, อุฏฺานวีริยาธิคตสฺส ชนฺตุ;

อติกฺกมฺม โส เวตรณึ ยมสฺส, ทิพฺพานิ านานิ อุเปติ มจฺโจ.

๗๒.

‘‘ทานฺจ ยุทฺธฺจ สมานมาหุ, อปฺปาปิ สนฺตา พหุเก ชินนฺติ;

อปฺปมฺปิ เจ สทฺทหาโน ททาติ, เตเนว โส โหติ สุขี ปรตฺถ.

๗๓.

‘‘วิเจยฺย ทานํ สุคตปฺปสตฺถํ, เย ทกฺขิเณยฺยา อิธ ชีวโลเก;

เอเตสุ ทินฺนานิ มหปฺผลานิ, พีชานิ วุตฺตานิ ยถา สุเขตฺเต.

๗๔.

‘‘โย ปาณภูตานิ อเหยํ จรํ, ปรูปวาทา น กโรติ ปาปํ;

ภีรุํ ปสํสนฺติ น ตตฺถ สูรํ, ภยา หิ สนฺโต น กโรนฺติ ปาปํ.

๗๕.

‘‘หีเนน พฺรหฺมจริเยน, ขตฺติเย อุปปชฺชติ;

มชฺฌิเมน จ เทวตฺตํ, อุตฺตเมน วิสุชฺฌติ.

๗๖.

‘‘อทฺธา หิ ทานํ พหุธา ปสตฺถํ, ทานา จ โข ธมฺมปทํว เสยฺโย;

ปุพฺเพว หิ ปุพฺพตเรว สนฺโต, นิพฺพานเมวชฺฌคมุํ สปฺา’’ติ. –

เอวเมเกกาย คาถาย อนุโมทนํ กตฺวา ตเถว อคมึสุ สทฺธึ ปริกฺขาเรหิ.

ตตฺถ ธมฺมลทฺธสฺสาติ ขีณาสวํ อาทึ กตฺวา ยาว สุกฺขวิปสฺสกโยคาวจโร ปุคฺคโล ธมฺมสฺส ลทฺธตฺตา ธมฺมลทฺโธ นาม. สฺเวว อุฏฺานวีริเยน ตสฺส ธมฺมสฺส อธิคตตฺตา อุฏฺานวีริยาธิคโต นาม. ตสฺส ปุคฺคลสฺส โย ชนฺตุ ททาติ ทานนฺติ อตฺโถ, ธมฺเมน ลทฺธสฺส อุฏฺานสงฺขาเตน วีริเยน อธิคตสฺส เทยฺยธมฺมสฺส อคฺคํ คเหตฺวา โย ชนฺตุ สีลวนฺเตสุ ทานํ ททาตีติปิ อตฺโถ. อุปโยคตฺเถ วา สามิวจนํ กตฺวาเปตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. เวตรณินฺติ เทสนาสีสเมตํ, อฏฺ มหานิรเย โสฬส จ อุสฺสเท อติกฺกมิตฺวาติ อตฺโถ. ทิพฺพานิ านานิ อุเปตีติ เทวโลเก อุปฺปชฺชติ.

สมานมาหูติ สทิสํ วทนฺติ. ขยภีรุกสฺส หิ ทานํ นตฺถิ, ภยภีรุกสฺส ยุทฺธํ นตฺถิ. ชีวิเต อาลยํ วิชหิตฺวา ยุชฺชนฺโตว ยุชฺฌิตุํ สกฺโกติ, โภเคสุ อาลยํ วิชหิตฺวา ทายโก ทาตุํ สกฺโกติ, เตเนว ตํ อุภยํ ‘‘สมาน’’นฺติ วทนฺติ. อปฺปาปิ สนฺตาติ โถกาปิ สมานา ปริจฺจตฺตชีวิตา พหุเก ชินนฺติ, เอวเมว อปฺปาปิ มุฺจเจตนา พหุมฺปิ มจฺเฉรจิตฺตํ โลภาทึ วา กิเลสคหนํ ชินาติ. อปฺปมฺปิ เจติ โถกมฺปิ เจ เทยฺยธมฺมํ กมฺมฺจ ผลฺจ สทฺทหนฺโต เทติ. เตเนว โสติ เตน ปริตฺตเทยฺยธมฺมวตฺถุเกน ปริตฺตเกนาปิ จาเคน โส ปรตฺถ สุขี โหติ, มหาราชาติ.

วิเจยฺย ทานนฺติ ทกฺขิณฺจ ทกฺขิเณยฺยฺจ วิจินิตฺวา ทินฺนทานํ. ตตฺถ ยํ วา ตํ วา อทตฺวา อคฺคํ ปณีตํ เทยฺยธมฺมํ วิจินิตฺวา ททนฺโต ทกฺขิณํ วิจินาติ นาม, เยสํ เตสํ วา อทตฺวา สีลาทิคุณสมฺปนฺเน วิจินิตฺวา เตสํ ททนฺโต ทกฺขิเณยฺยํ วิจินาติ นาม. สุคตปฺปสตฺถนฺติ เอวรูปํ ทานํ พุทฺเธหิ ปสตฺถํ. ตตฺถ ทกฺขิเณยฺยวิจินนํ ทสฺเสตุํ ‘‘เย ทกฺขิเณยฺยา’’ติอาทิ วุตฺตํ. ตตฺถ ทกฺขิเณยฺยาติ ทกฺขิณาย อนุจฺฉวิกา พุทฺธาทโย.

ปาณภูตานีติ ปาณสงฺขาตานิ ภูตานิ. อเหยํ จรนฺติ การุฺเน อวิเหยนฺโต จรมาโน. ปรูปวาทาติ ปรูปวาทภเยน ปาปํ น กโรติ. ภีรุนฺติ อุปวาทภีรุกํ. น ตตฺถ สูรนฺติ โย ปน อโยนิโสมนสิกาเรน ตสฺมึ อุปวาเท สูโร โหติ, ตํ ปณฺฑิตา นปฺปสํสนฺติ. ภยา หีติ อุปวาทภเยน หิ ปณฺฑิตา ปาปํ น กโรนฺติ.

หีเนน พฺรหฺมจริเยนาติ พาหิรติตฺถายตเน ตาว เมถุนวิรติสีลมตฺตกํ หีนํ พฺรหฺมจริยํ นาม, เตน ขตฺติยกุเล อุปฺปชฺชติ. ฌานสฺส อุปจารมตฺตํ มชฺฌิมํ, เตน เทวโลเก อุปฺปชฺชติ. อฏฺ สมาปตฺติโย อุตฺตมํ, เตน พฺรหฺมโลเก อุปฺปชฺชนฺโต วิสุชฺฌติ นาม. สาสเน ปน สีลวนฺตสฺเสว เอกํ เทวนิกายํ ปณิธาย พฺรหฺมจริยํ หีนํ นาม, ปริสุทฺธสีลสฺเสว สมาปตฺตินิพฺพตฺตนํ มชฺฌิมํ นาม, ปริสุทฺธสีเล ตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตุปฺปตฺติ อุตฺตมํ นาม.

โอสานคาถาย อยมตฺโถ – มหาราช, กิฺจาปิ เอกํเสเนว ทานํ พหุธา ปสตฺถํ วณฺณิตํ, ทานโต ปน สมถวิปสฺสนาสงฺขาตํ นิพฺพานสงฺขาตฺจ ธมฺมโกฏฺาสภูตํ ธมฺมปทเมว อุตฺตริตรํ. กึการณา? ปุพฺเพว หิ อิมสฺมึ กปฺเป กสฺสปทสพลาทโย ปุพฺพตเรว เวสฺสภูทสพลาทโย สนฺโต สปฺปุริสา สปฺา สมถวิปสฺสนํ ภาเวตฺวา นิพฺพานเมว อชฺฌคมุํ อธิคตาติ.

เอวํ สตฺต ปจฺเจกพุทฺธา อนุโมทนาย รฺโ อมตมหานิพฺพานํ วณฺเณตฺวา ราชานํ อปฺปมาเทน โอวทิตฺวา วุตฺตนเยเนว อตฺตโน วสนฏฺานเมว คตา. ราชาปิ สทฺธึ อคฺคมเหสิยา ทานํ ทตฺวา ยาวชีวํ ตฺวา ตโต จวิตฺวา สคฺคปุรํ ปูเรสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘เอวํ ปุพฺเพปิ ปณฺฑิตา วิเจยฺย ทานํ อทํสู’’ติ วตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ปจฺเจกพุทฺธา ปรินิพฺพายึสุ, สมุทฺทวิชยา ราหุลมาตา อโหสิ, โรรุวมหาราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

อาทิตฺตชาตกวณฺณนา อฏฺมา.

[๔๒๕] ๙. อฏฺานชาตกวณฺณนา

คงฺคา กุมุทินีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ อุกฺกณฺิตภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. ตฺหิ ภิกฺขุํ สตฺถา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ อุกฺกณฺิโตสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจํ, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘กึการณา’’ติ วตฺวา ‘‘กิเลสวเสนา’’ติ วุตฺเต ‘‘ภิกฺขุ มาตุคาโม นาม อกตฺู มิตฺตทุพฺภี อวิสฺสาสนีโย. อตีเต ปณฺฑิตา เทวสิกํ สหสฺสํ เทนฺตาปิ มาตุคามํ โตเสตุํ นาสกฺขึสุ. สา เอกทิวสมตฺตํ สหสฺสํ อลภิตฺวาว เต คีวายํ คาหาเปตฺวา นีหราเปสิ, เอวํ อกตฺู มาตุคาโม, มา ตสฺส การณา กิเลสวสํ คจฺฉา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต ตสฺส จ ปุตฺโต พฺรหฺมทตฺตกุมาโร, พาราณสิเสฏฺิโน จ ปุตฺโต มหาธนกุมาโร นาม. เต อุโภปิ สหปํสุกีฬกา สหายกา อเหสุํ, เอกาจริยกุเลเยว สิปฺปํ คณฺหึสุ. ราชกุมาโร ปิตุ อจฺจเยน รชฺเช ปติฏฺาสิ, เสฏฺิปุตฺโตปิสฺส สนฺติเกเยว อโหสิ. พาราณสิยฺจ เอกา นครโสภิณี วณฺณทาสี อภิรูปา อโหสิ โสภคฺคปฺปตฺตา. เสฏฺิปุตฺโต เทวสิกํ สหสฺสํ ทตฺวา นิจฺจกาเล ตาเยว สทฺธึ อภิรมนฺโต ปิตุ อจฺจเยน เสฏฺิฏฺานํ ลภิตฺวาปิ น ตํ วิชหิ, ตเถว เทวสิกํ สหสฺสํ ทตฺวา อภิรมิ. เสฏฺิปุตฺโต ทิวสสฺส ตโย วาเร ราชุปฏฺานํ คจฺฉติ. อถสฺส เอกทิวสํ ราชุปฏฺานํ คตสฺส รฺา สทฺธึ สมุลฺลปนฺตสฺเสว สูริโย อตฺถงฺคมิ, อนฺธการํ ชาตํ. โส ราชกุลา นิกฺขมิตฺวา ‘‘อิทานิ เคหํ คนฺตฺวา อาคมนเวลา นตฺถิ, นครโสภิณิยาเยว เคหํ คมิสฺสามี’’ติ อุปฏฺาเก อุยฺโยเชตฺวา เอกโกว ตสฺสา เคหํ ปาวิสิ. อถ นํ สา ทิสฺวา ‘‘อยฺยปุตฺต, สหสฺสํ อาภต’’นฺติ อาห. ‘‘ภทฺเท, อหํ อชฺเชว อติวิกาโล ชาโต, ตสฺมา เคหํ อคนฺตฺวา มนุสฺเส อุยฺโยเชตฺวา เอกโกว ปวิฏฺโสฺมิ, สฺเว ปน เต ทฺเว สหสฺสานิ ทสฺสามี’’ติ.

สา จินฺเตสิ ‘‘สจาหํ อชฺช โอกาสํ กริสฺสามิ, อฺเสุปิ ทิวเสสุ ตุจฺฉหตฺถโกว อาคมิสฺสติ, เอวํ เม ธนํ ปริหายิสฺสติ, น ทานิสฺส โอกาสํ กริสฺสามี’’ติ. อถ นํ เอวมาห ‘‘สามิ, มยํ วณฺณทาสิโย นาม, อมฺหากํ สหสฺสํ อทตฺวา เกฬิ นาม นตฺถี’’ติ. ‘‘ภทฺเท, สฺเว ทิคุณํ อาหริสฺสามี’’ติ ปุนปฺปุนํ ยาจิ. นครโสภิณี ทาสิโย อาณาเปสิ ‘‘เอตสฺส อิธ ตฺวา มํ โอโลเกตุํ มา อทตฺถ, คีวายํ ตํ คเหตฺวา นีหริตฺวา ทฺวารํ ปิทหถา’’ติ. ตํ สุตฺวา ทาสิโย ตถา กรึสุ. อถ โส จินฺเตสิ ‘‘อหํ อิมาย สทฺธึ อสีติโกฏิธนํ ขาทึ, สา มํ เอกทิวสํ ตุจฺฉหตฺถํ ทิสฺวา คีวายํ คเหตฺวา นีหราเปสิ, อโห มาตุคาโม นาม ปาโป นิลฺลชฺโช อกตฺู มิตฺตทุพฺภี’’ติ. โส มาตุคามสฺส อคุณํ อนุสฺสรนฺโตว วิรชฺชิ, ปฏิกูลสฺํ ปฏิลภิ, ฆราวาเสปิ อุกฺกณฺิโต ‘‘กึ เม ฆราวาเสน, อชฺเชว นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิสฺสามี’’ติ ปุน เคหํ อคนฺตฺวา ราชานมฺปิ อทิสฺวาว นครา นิกฺขมิตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา คงฺคาตีเร อสฺสมํ มาเปตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ฌานาภิฺาโย อุปฺปาเทตฺวา วนมูลผลาหาโร ตตฺถ วาสํ กปฺเปสิ.

ราชา ตํ อปสฺสนฺโต ‘‘กหํ มม สหาโย’’ติ ปุจฺฉิ. นครโสภิณิยาปิ กตกมฺมํ สกลนคเร ปากฏํ ชาตํ. อถสฺส ตมตฺถํ อาจิกฺขิตฺวา ‘‘อิติ เต เทว, สหาโย ลชฺชาย ฆรมฺปิ อคนฺตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา ปพฺพชิโต ภวิสฺสตี’’ติ อาหํสุ. ราชา ตํ สุตฺวา นครโสภิณึ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ เอกทิวสํ สหสฺสํ อลภิตฺวา มม สหายํ คีวายํ คาหาเปตฺวา นีหราเปสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘สจฺจํ, เทวา’’ติ. ‘‘ปาเป ชมฺมี, สีฆํ มม สหายสฺส คตฏฺานํ คนฺตฺวา ตํ อาเนหิ, โน เจ อาเนสฺสสิ, ชีวิตํ เต นตฺถี’’ติ. สา รฺโ วจนํ สุตฺวา ภีตา รถํ อารุยฺห มหนฺเตน ปริวาเรน นครา นิกฺขมิตฺวา ตสฺส วสนฏฺานํ ปริเยสนฺตี สุตวเสน ตํ านํ สุตฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘อยฺย, มยา อนฺธพาลภาเวน กตํ โทสํ ขมถ, อหํ น ปุเนวํ กริสฺสามี’’ติ ยาจิตฺวา ‘‘สาธุ, ขมามิ เต, นตฺถิ เม ตยิ อาฆาโต’’ติ วุตฺเต ‘‘สเจ เม ขมถ, มยา สทฺธึ รถํ อภิรุหถ, นครํ คจฺฉิสฺสาม, คตกาเล ยํ มม ฆเร ธนํ อตฺถิ, สพฺพํ ทสฺสามี’’ติ อาห. โส ตสฺสา วจนํ สุตฺวา ‘‘ภทฺเท, อิทานิ ตยา สทฺธึ คนฺตุํ น สกฺกา, ยทา ปน อิมสฺมึ โลเก เยน น ภวิตพฺพํ, ตํ ภวิสฺสติ, อปิ นาม ตทา คจฺเฉยฺย’’นฺติ วตฺวา ปมํ คาถมาห –

๗๗.

‘‘คงฺคา กุมุทินี สนฺตา, สงฺขวณฺณา จ โกกิลา;

ชมฺพู ตาลผลํ ทชฺชา, อถ นูน ตทา สิยา’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – ภทฺเท, ยถา หิ กุมุทสรา กุมุเทหิ สฺฉนฺนา ติฏฺนฺติ, ตเถว สเจ สกลาปิ มหาคงฺคา กุมุทินี สีฆโสตํ ปหาย สนฺตา อุปสนฺตา สิยา, สพฺเพ โกกิลา จ สงฺขวณฺณา ภเวยฺยุํ, สพฺโพ ชมฺพุรุกฺโข จ ตาลผลํ ทเทยฺย. อถ นูน ตทา สิยาติ อถ ตาทิเส กาเล อมฺหากมฺปิ สมาคโม นูน สิยา, ภเวยฺย นามาติ วุตฺตํ โหติ.

เอวฺจ วตฺวา ปุนปิ ตาย ‘‘เอหิ, อยฺย, คจฺฉามา’’ติ วุตฺเต ‘‘คจฺฉิสฺสามา’’ติ วตฺวา ‘‘กสฺมึ กาเล’’ติ วุตฺเต ‘‘อสุกสฺมิฺจ อสุกสฺมิฺจา’’ติ วตฺวา เสสคาถา อภาสิ –

๗๘.

‘‘ยทา กจฺฉปโลมานํ, ปาวาโร ติวิโธ สิยา;

เหมนฺติกํ ปาวุรณํ, อถ นูน ตทา สิยา.

๗๙.

‘‘ยทา มกสปาทานํ, อฏฺฏาโล สุกโต สิยา;

ทฬฺโห จ อวิกมฺปี จ, อถ นูน ตทา สิยา.

๘๐.

‘‘ยทา สสวิสาณานํ, นิสฺเสณี สุกตา สิยา;

สคฺคสฺสาโรหณตฺถาย, อถ นูน ตทา สิยา.

๘๑.

‘‘ยทา นิสฺเสณิมารุยฺห, จนฺทํ ขาเทยฺยุ มูสิกา;

ราหุฺจ ปริปาเตยฺยุํ, อถ นูน ตทา สิยา.

๘๒.

‘‘ยทา สุราฆฏํ ปิตฺวา, มกฺขิกา คณจาริณี;

องฺคาเร วาสํ กปฺเปยฺยุํ, อถ นูน ตทา สิยา.

๘๓.

‘‘ยทา พิมฺโพฏฺสมฺปนฺโน, คทฺรโภ สุมุโข สิยา;

กุสโล นจฺจคีตสฺส, อถ นูน ตทา สิยา.

๘๔.

‘‘ยทา กากา อุลูกา จ, มนฺตเยยฺยุํ รโหคตา;

อฺมฺํ ปิหยฺเยยฺยุํ, อถ นูน ตทา สิยา.

๘๕.

‘‘ยทา มุฬาลปตฺตานํ, ฉตฺตํ ถิรตรํ สิยา;

วสฺสสฺส ปฏิฆาตาย, อถ นูน ตทา สิยา.

๘๖.

‘‘ยทา กุลโก สกุโณ, ปพฺพตํ คนฺธมาทนํ;

ตุณฺเฑนาทาย คจฺเฉยฺย, อถ นูน ตทา สิยา.

๘๗.

‘‘ยทา สามุทฺทิกํ นาวํ, สยนฺตํ สวฏากรํ;

เจโฏ อาทาย คจฺเฉยฺย, อถ นูน ตทา สิยา’’ติ.

ตตฺถ ติวิโธติ เอโก กจฺฉปโลมมเยน ปุปฺเผน, เอโก ตูเลน, เอโก อุภเยนาติ เอวํ ติปฺปกาโร. เหมนฺติกํ ปาวุรณนฺติ หิมปาตสมเย ปาวุรณาย ภวิตุํ สมตฺโถ. อถ นูน ตทา สิยาติ อถ ตสฺมึ กาเล มม ตยา สทฺธึ เอกํเสเนว สํสคฺโค สิยา. เอวํ สพฺพตฺถ ปจฺฉิมปทํ โยเชตพฺพํ. อฏฺฏาโล สุกโตติ อภิรุหิตฺวา ยุชฺฌนฺตํ ปุริสสตํ ธาเรตุํ ยถา สกฺโกติ, เอวํ สุกโต. ปริปาเตยฺยุนฺติ ปลาเปยฺยุํ. องฺคาเรติ วีตจฺจิกงฺคารสนฺถเร. วาสํ กปฺเปยฺยุนฺติ เอเกกํ สุราฆฏํ ปิวิตฺวา มตฺตา วเสยฺยุํ. พิมฺโพฏฺสมฺปนฺโนติ พิมฺพผลสทิเสหิ โอฏฺเหิ สมนฺนาคโต. สุมุโขติ สุวณฺณอาทาสสทิโส มุโข. ปิหเยยฺยุนฺติ อฺมฺสฺส สมฺปตฺตึ อิจฺฉนฺตา ปิหเยยฺยุํ ปตฺเถยฺยุํ. มุฬาลปตฺตานนฺติ สณฺหานํ มุฬาลคจฺฉปตฺตานํ. กุลโกติ เอโก ขุทฺทกสกุโณ. สามุทฺทิกนฺติ สมุทฺทปกฺขนฺทนมหานาวํ. สยนฺตํ สวฏากรนฺติ ยนฺเตน เจว วฏากเรน จ สทฺธึ สพฺพสมฺภารยุตฺตํ. เจโฏ อาทายาติ ยทา เอวรูปํ นาวํ ขุทฺทโก คามทารโก หตฺเถน คเหตฺวา คจฺเฉยฺยาติ อตฺโถ.

อิติ มหาสตฺโต อิมินา อฏฺานปริกปฺเปน เอกาทส คาถา อภาสิ. ตํ สุตฺวา นครโสภิณี มหาสตฺตํ ขมาเปตฺวา นครํ คนฺตฺวา รฺโ ตํ การณํ อาโรเจตฺวา อตฺตโน ชีวิตํ ยาจิตฺวา คณฺหิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘เอวํ ภิกฺขุ มาตุคาโม นาม อกตฺู มิตฺตทุพฺภี’’ติ วตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺิตภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ตทา ราชา อานนฺโท อโหสิ, ตาปโส ปน อหเมว อโหสินฺติ.

อฏฺานชาตกวณฺณนา นวมา.

[๔๒๖] ๑๐. ทีปิชาตกวณฺณนา

ขมนียํ ยาปนียนฺติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรนฺโต เอกํ เอฬิกํ อารพฺภ กเถสิ. เอกสฺมิฺหิ สมเย มหาโมคฺคลฺลานตฺเถโร คิริปริกฺขิตฺเต เอกทฺวาเร คิริพฺพชเสนาสเน วิหาสิ. ทฺวารสมีเปเยวสฺส จงฺกโม อโหสิ. ตทา เอฬกปาลกา ‘‘เอฬกา เอตฺถ จรนฺตู’’ติ คิริพฺพชํ ปเวเสตฺวา กีฬนฺตา วิหรนฺติ. เตสุ เอกทิวสํ สายํ อาคนฺตฺวา เอฬเก คเหตฺวา คจฺฉนฺเตสุ เอกา เอฬิกา ทูเร จรมานา เอฬเก นิกฺขมนฺเต อทิสฺวา โอหียิ. ตํ ปจฺฉา นิกฺขมนฺตึ เอโก ทีปิโก ทิสฺวา ‘‘ขาทิสฺสามิ น’’นฺติ คิริพฺพชทฺวาเร อฏฺาสิ. สาปิ อิโต จิโต จ โอโลเกนฺตี ตํ ทิสฺวา ‘‘เอส มํ มาเรตฺวา ขาทิตุกามตาย ิโต, สเจ นิวตฺติตฺวา ปลายิสฺสามิ, ชีวิตํ เม นตฺถิ, อชฺช มยา ปุริสการํ กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา สิงฺคานิ อุกฺขิปิตฺวา ตสฺส อภิมุขํ เวเคน ปกฺขนฺทิตฺวา ทีปิกสฺส ‘‘อิโต คณฺหิสฺสามิ, อิโต คณฺหิสฺสามี’’ติ วิปฺผนฺทโตว คหณํ อนุปคนฺตฺวา เวเคน ปลายิตฺวา เอฬกานํ อนฺตรํ ปาวิสิ. อถ เถโร ตํ เตสํ กิริยํ ทิสฺวา ปุนทิวเส คนฺตฺวา ตถาคตสฺส อาโรเจตฺวา ‘‘เอวํ ภนฺเต, สา เอฬิกา อตฺตโน อุปายกุสลตาย ปรกฺกมํ กตฺวา ทีปิกโต มุจฺจี’’ติ อาห. สตฺถา ‘‘โมคฺคลฺลาน, อิทานิ ตาว โส ทีปิโก ตํ คเหตุํ นาสกฺขิ, ปุพฺเพ ปน นํ วิรวนฺตึ มาเรตฺวา ขาที’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต มคธรฏฺเ โพธิสตฺโต เอกสฺมึ คาเม มหาโภคกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปตฺโต กาเม ปหาย อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา ฌานาภิฺาโย นิพฺพตฺเตตฺวา จิรํ หิมวนฺเต วสิตฺวา โลณมฺพิลเสวนตฺถาย ราชคหํ คนฺตฺวา เอกสฺมึเยว คิริพฺพเช ปณฺณสาลํ มาเปตฺวา วาสํ กปฺเปสิ. ตทา อิมินาว นิยาเมน เอฬกปาลเกสุ เอฬเก จรนฺเตสุ เอกทิวสํ เอวเมว เอกํ เอฬิกํ ปจฺฉา นิกฺขมนฺตึ ทิสฺวา เอโก ทีปิโก ‘‘ขาทิสฺสามิ น’’นฺติ ทฺวาเร อฏฺาสิ. สาปิ ตํ ทิสฺวา ‘‘อชฺช มยฺหํ ชีวิตํ นตฺถิ, เอเกนุปาเยน อิมินา สทฺธึ มธุรปฏิสนฺถารํ กตฺวา หทยมสฺส มุทุกํ ชเนตฺวา ชีวิตํ รกฺขิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ทูรโตว เตน สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กโรนฺตี อาคจฺฉมานา ปมํ คาถมาห –

๘๘.

‘‘ขมนียํ ยาปนียํ, กจฺจิ มาตุล เต สุขํ;

สุขํ เต อมฺมา อวจ, สุขกามาว เต มย’’นฺติ.

ตตฺถ สุขํ เต อมฺมาติ มยฺหํ มาตาปิ ‘‘ตุมฺหากํ สุขํ ปุจฺเฉยฺยาสี’’ติ อชฺช มํ อวจาติ อตฺโถ. มยนฺติ มาตุล มยมฺปิ ตุมฺหากํ สุขํ เอว อิจฺฉามาติ.

ตํ สุตฺวา ทีปิโก ‘‘อยํ ธุตฺติกา มํ มาตุลวาเทน วฺเจตุกามา, น เม กกฺขฬภาวํ ชานาตี’’ติ จินฺเตตฺวา ทุติยํ คาถมาห –

๘๙.

‘‘นงฺคุฏฺํ เม อวกฺกมฺม, เหยิตฺวาน เอฬิเก;

สาชฺช มาตุลวาเทน, มุฺจิตพฺพา นุ มฺสี’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – ตฺวํ มม นงฺคุฏฺมณฺฑลํ อกฺกมิตฺวา เหยิตฺวา อาคจฺฉสิ, สา ตฺวํ ‘‘อชฺช มาตุลวาเทน มุฺจิตพฺพาหมสฺมี’’ติ มฺสิ นุ, เอวํ มฺสิ มฺเติ.

ตํ สุตฺวา อิตรา ‘‘มาตุล, มา เอวํ กรี’’ติ วตฺวา ตติยํ คาถมาห –

๙๐.

‘‘ปุรตฺถามุโข นิสินฺโนสิ, อหํ เต มุขมาคตา;

ปจฺฉโต ตุยฺหํ นงฺคุฏฺํ, กถํ ขฺวาหํ อวกฺกมิ’’นฺติ.

ตตฺถ มุขนฺติ อภิมุขํ. กถํ ขฺวาหํ อวกฺกมินฺติ ตว ปจฺฉโต ิตํ อหํ กถํ อวกฺกมินฺติ อตฺโถ.

อถ นํ โส ‘‘กึ กเถสิ เอฬิเก, มม นงฺคุฏฺสฺส อฏฺิตฏฺานํ นาม นตฺถี’’ติ วตฺวา จตุตฺถํ คาถมาห –

๙๑.

‘‘ยาวตา จตุโร ทีปา, สสมุทฺทา สปพฺพตา;

ตาวตา มยฺหํ นงฺคุฏฺํ, กถํ โข ตํ วิวชฺชยี’’ติ.

ตตฺถ ตาวตาติ เอตฺตกํ านํ มม นงฺคุฏฺํ ปริกฺขิปิตฺวา คตนฺติ วทติ.

ตํ สุตฺวา เอฬิกา ‘‘อยํ ปาโป มธุรกถาย น อลฺลียติ, ปฏิสตฺตุ หุตฺวา ตสฺส กเถสฺสามี’’ติ วตฺวา ปฺจมํ คาถมาห –

๙๒.

‘‘ปุพฺเพว เมตมกฺขึสุ, มาตา ปิตา จ ภาตโร;

ทีฆํ ทุฏฺสฺส นงฺคุฏฺํ, สามฺหิ เวหายสาคตา’’ติ.

ตตฺถ อกฺขึสูติ ปุพฺเพว เม เอตํ มาตา จ ปิตา จ ภาตโร จ อาจิกฺขึสุ. สามฺหีติ สา อหํ าตกานํ สนฺติกา ตว นงฺคุฏฺสฺส ทีฆภาวํ สุตฺวา ตว นงฺคุฏฺํ ปริหรนฺตี เวหายสา อากาเสน อาคตาติ.

อถ นํ โส ‘‘ชานามิ เต อหํ อากาเสน อาคตภาวํ, เอวํ อาคจฺฉนฺตี ปน มยฺหํ ภกฺเข นาเสตฺวา อาคตาสี’’ติ วตฺวา ฉฏฺํ คาถมาห –

๙๓.

‘‘ตฺจ ทิสฺวาน อายนฺตึ, อนฺตลิกฺขสฺมิ เอฬิเก;

มิคสงฺโฆ ปลายิตฺถ, ภกฺโข เม นาสิโต ตยา’’ติ.

ตํ สุตฺวา อิตรา มรณภยภีตา อฺํ การณํ อาหริตุํ อสกฺโกนฺตี ‘‘มาตุล, มา เอวรูปํ กกฺขฬกมฺมํ กริ, ชีวิตํ เม เทหี’’ติ วิลปิ. อิตโรปิ นํ วิลปนฺติฺเว ขนฺเธ คเหตฺวา มาเรตฺวา ขาทิ.

๙๔.

‘‘อิจฺเจวํ วิลปนฺติยา, เอฬกิยา รุหคฺฆโส;

คลกํ อนฺวาวมทฺทิ, นตฺถิ ทุฏฺเ สุภาสิตํ.

๙๕.

‘‘เนว ทุฏฺเ นโย อตฺถิ, น ธมฺโม น สุภาสิตํ;

นิกฺกมํ ทุฏฺเ ยุฺเชถ, โส จ สพฺภึ น รฺชตี’’ติ. –

อิมา ทฺเว อภิสมฺพุทฺธคาถา –

ตตฺถ รุหคฺฆโสติ รุหิรภกฺโข โลหิตปายี สาหสิกทีปิโก. คลกํ อนฺวาวมทฺทีติ คีวํ มทฺทิ, ฑํสิตฺวา ผาเลสีติ อตฺโถ. นโยติ การณํ. ธมฺโมติ สภาโว. สุภาสิตนฺติ สุกถิตวจนํ, สพฺพเมตํ ทุฏฺเ นตฺถีติ อตฺโถ. นิกฺกมํ ทุฏฺเ ยุฺเชถาติ ภิกฺขเว, ทุฏฺปุคฺคเล ปรกฺกมเมว ยุฺเชยฺย. โส จ สพฺภึ น รฺชตีติ โส ปน ปุคฺคโล สพฺภึ สุนฺทรํ สุภาสิตํ น รฺชติ, น ปิยายตีติ อตฺโถ. ตาปโส เตสํ กิริยํ สพฺพํ อทฺทส.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา เอฬิกาว เอตรหิ เอฬิกา อโหสิ, ทีปิโกปิ เอตรหิ ทีปิโกว, ตาปโส ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

ทีปิชาตกวณฺณนา ทสมา.

ชาตกุทฺทานํ –

กจฺจานี อฏฺสทฺทฺจ, สุลสา จ สุมงฺคลํ;

คงฺคมาลฺจ เจติยํ, อินฺทฺริยฺเจว อาทิตฺตํ;

อฏฺานฺเจว ทีปิ จ, ทส อฏฺนิปาตเก.

อฏฺกนิปาตวณฺณนา นิฏฺิตา.

๙. นวกนิปาโต

[๔๒๗] ๑. คิชฺฌชาตกวณฺณนา

ปริสงฺกุปโถ นามาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ ทุพฺพจภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิร เอโก กุลปุตฺโต นิยฺยานิกสาสเน ปพฺพชิตฺวาปิ อตฺถกาเมหิ อาจริยุปชฺฌาเยหิ เจว สพฺรหฺมจารีหิ จ ‘‘เอวํ เต อภิกฺกมิตพฺพํ, เอวํ ปฏิกฺกมิตพฺพํ, เอวํ อาโลกิตพฺพํ, เอวํ วิโลกิตพฺพํ, เอวํ สมิฺชิตพฺพํ, เอวํ ปสาริตพฺพํ, เอวํ นิวาเสตพฺพํ, เอวํ ปารุปิตพฺพํ, เอวํ ปตฺโต คเหตพฺโพ, ยาปนมตฺตํ ภตฺตํ คเหตฺวา ปจฺจเวกฺขิตฺวาว ปริภุฺชิตพฺพํ, อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาเรน โภชเน มตฺตฺุนา ชาคริยมนุยุตฺเตน ภวิตพฺพํ, อิทํ อาคนฺตุกวตฺตํ นาม ชานิตพฺพํ, อิทํ คมิกวตฺตํ นาม, อิมานิ จุทฺทส ขนฺธกวตฺตานิ, อสีติ มหาวตฺตานิ. ตตฺถ เต สมฺมา วตฺติตพฺพํ, อิเม เตรส ธุตงฺคคุณา นาม, เอเต สมาทาย วตฺติตพฺพ’’นฺติ โอวทิยมาโน ทุพฺพโจ อโหสิ อกฺขโม อปฺปทกฺขิณคฺคาหี อนุสาสนึ. ‘‘อหํ ตุมฺเห น วทามิ, ตุมฺเห ปน มํ กสฺมา วทถ, อหเมว อตฺตโน อตฺถํ วา อนตฺถํ วา ชานิสฺสามี’’ติ อตฺตานํ อวจนียํ อกาสิ. อถสฺส ทุพฺพจภาวํ ตฺวา ภิกฺขู ธมฺมสภายํ อคุณกถํ กเถนฺตา นิสีทึสุ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ตํ ภิกฺขุํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ ทุพฺพโจสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจ’’นฺติ วุตฺเต ‘‘กสฺมา ภิกฺขุ เอวรูเป นิยฺยานิกสาสเน ปพฺพชิตฺวา อตฺถกามานํ วจนํ น กโรสิ, ปุพฺเพปิ ตฺวํ ปณฺฑิตานํ วจนํ อกตฺวา เวรมฺภวาตมุเข จุณฺณวิจุณฺโณ ชาโต’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต คิชฺฌกูเฏ ปพฺพเต โพธิสตฺโต คิชฺฌโยนิยํ นิพฺพตฺติ. ปุตฺโต ปนสฺส สุปตฺโต นาม คิชฺฌราชา อเนกสหสฺสคิชฺฌปริวาโร ถามสมฺปนฺโน อโหสิ. โส มาตาปิตโร โปเสสิ, ถามสมฺปนฺนตฺตา ปน อติทูรํ อุปฺปตติ. อถ นํ ปิตา ‘‘ตาต, เอตฺตกํ นาม านํ อติกฺกมิตฺวา น คนฺตพฺพ’’นฺติ โอวทิ. โส ‘‘สาธู’’ติ วตฺวาปิ เอกทิวสํ ปน วุฏฺเ เทเว คิชฺเฌหิ สทฺธึ อุปฺปติตฺวา เสเส โอหาย อติภูมึ คนฺตฺวา เวรมฺภวาตมุขํ ปตฺวา จุณฺณวิจุณฺณภาวํ ปาปุณิ. สตฺถา ตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –

.

‘‘ปริสงฺกุปโถ นาม, คิชฺฌปนฺโถ สนนฺตโน;

ตตฺราสิ มาตาปิตโร, คิชฺโฌ โปเสสิ ชิณฺณเก;

เตสํ อชครเมทํ, อจฺจหาสิ พหุตฺตโส.

.

‘‘ปิตา จ ปุตฺตํ อวจ, ชานํ อุจฺจํ ปปาตินํ;

สุปตฺตํ ถามสมฺปนฺนํ, เตชสฺสึ ทูรคามินํ.

.

‘‘ปริปฺลวนฺตํ ปถวึ, ยทา ตาต วิชานหิ;

สาคเรน ปริกฺขิตฺตํ, จกฺกํว ปริมณฺฑลํ;

ตโต ตาต นิวตฺตสฺสุ, มาสฺสุ เอตฺโต ปรํ คมิ.

.

‘‘อุทปตฺโตสิ เวเคน, พลี ปกฺขี ทิชุตฺตโม;

โอโลกยนฺโต วกฺกงฺโค, ปพฺพตานิ วนานิ จ.

.

‘‘อทฺทสฺส ปถวึ คิชฺโฌ, ยถาสาสิ ปิตุสฺสุตํ;

สาคเรน ปริกฺขิตฺตํ, จกฺกํว ปริมณฺฑลํ.

.

‘‘ตฺจ โส สมติกฺกมฺม, ปรเมวจฺจวตฺตถ;

ตฺจ วาตสิขา ติกฺขา, อจฺจหาสิ พลึ ทิชํ.

.

‘‘นาสกฺขาติคโต โปโส, ปุนเทว นิวตฺติตุํ;

ทิโช พฺยสนมาปาทิ, เวรมฺภานํ วสํ คโต.

.

‘‘ตสฺส ปุตฺตา จ ทารา จ, เย จฺเ อนุชีวิโน;

สพฺเพ พฺยสนมาปาทุํ, อโนวาทกเร ทิเช.

.

‘‘เอวมฺปิ อิธ วุฑฺฒานํ, โย วากฺยํ นาวพุชฺฌติ;

อติสีมจโร ทิตฺโต, คิชฺโฌวาตีตสาสโน;

ส เว พฺยสนํ ปปฺโปติ, อกตฺวา วุฑฺฒสาสน’’นฺติ.

ตตฺถ ปริสงฺกุปโถติ สงฺกุปโถ. มนุสฺสา หิรฺสุวณฺณตฺถาย คจฺฉนฺตา ตสฺมึ ปเทเส ขาณุเก โกฏฺเฏตฺวา เตสุ รชฺชุโย พนฺธิตฺวา คจฺฉนฺติ, เตน โส คิชฺฌปพฺพเต ชงฺฆมคฺโค ‘‘สงฺกุปโถ’’ติ วุจฺจติ. คิชฺฌปนฺโถติ คิชฺฌปพฺพตมตฺถเก มหามคฺโค. สนนฺตโนติ โปราโณ. ตตฺราสีติ ตสฺมึ คิชฺฌปพฺพตมตฺถเก สงฺกุปเถ เอโก คิชฺโฌ อาสิ, โส ชิณฺณเก มาตาปิตโร โปเสสิ. อชครเมทนฺติ อชครานํ เมทํ. อจฺจหาสีติ อติวิย อาหริ. พหุตฺตโสติ พหุโส. ชานํ อุจฺจํ ปปาตินนฺติ ‘‘ปุตฺโต เต อติอุจฺจํ านํ ลงฺฆตี’’ติ สุตฺวา ‘‘อุจฺเจ ปปาตี อย’’นฺติ ชานนฺโต. เตชสฺสินฺติ ปุริสเตชสมฺปนฺนํ. ทูรคามินนฺติ เตเนว เตเชน ทูรคามึ. ปริปฺลวนฺตนฺติ อุปฺปลปตฺตํ วิย อุทเก อุปฺลวมานํ. วิชานหีติ วิชานาสิ. จกฺกํว ปริมณฺฑลนฺติ ยสฺมึ เต ปเทเส ิตสฺส สมุทฺเทน ปริจฺฉินฺโน ชมฺพุทีโป จกฺกมณฺฑลํว ปฺายติ, ตโต ตาต นิวตฺตาหีติ โอวทนฺโต เอวมาห.

อุทปตฺโตสีติ ปิตุ โอวาทํ อกตฺวา เอกทิวสํ คิชฺเฌหิ สทฺธึ อุปฺปติโต เต โอหาย ปิตรา กถิตฏฺานํ อคมาสิ. โอโลกยนฺโตติ ตํ านํ ปตฺวา เหฏฺา โอโลเกนฺโต. วกฺกงฺโคติ วงฺกคีโว. ยถาสาสิ ปิตุสฺสุตนฺติ ยถาสฺส ปิตุ สนฺติกา สุตํ อาสิ, ตเถว อทฺทส, ‘‘ยถาสฺสาสี’’ติปิ ปาโ. ปรเมวจฺจวตฺตถาติ ปิตรา อกฺขาตฏฺานโต ปรํ อติวตฺโตว. ตฺจ วาตสิขา ติกฺขาติ ตํ อโนวาทกํ พลิมฺปิ สมานํ ทิชํ ติขิณเวรมฺภวาตสิขา อจฺจหาสิ อติหริ, จุณฺณวิจุณฺณํ อกาสิ. นาสกฺขาติคโตติ นาสกฺขิ อติคโต. โปโสติ สตฺโต. อโนวาทกเรติ ตสฺมึ ทิเช ปณฺฑิตานํ โอวาทํ อกโรนฺเต สพฺเพปิ เต มหาทุกฺขํ ปาปุณึสุ. อกตฺวา วุฑฺฒสาสนนฺติ วุฑฺฒานํ หิตกามานํ วจนํ อกตฺวา เอวเมว พฺยสนํ มหาทุกฺขํ ปาปุณาติ. ตสฺมา ตฺวํ ภิกฺขุ มา คิชฺฌสทิโส ภว, อตฺถกามานํ วจนํ กโรหีติ. โส สตฺถารา เอวํ โอวทิโต ตโต ปฏฺาย สุวโจ อโหสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ทุพฺพจคิชฺโฌ เอตรหิ ทุพฺพจภิกฺขุ อโหสิ, คิชฺฌปิตา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

คิชฺฌชาตกวณฺณนา ปมา.

[๔๒๘] ๒. โกสมฺพิยชาตกวณฺณนา

ปุถุสทฺโทติ อิทํ สตฺถา โกสมฺพึ นิสฺสาย โฆสิตาราเม วิหรนฺโต โกสมฺพิยํ ภณฺฑนการเก ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ โกสมฺพกกฺขนฺธเก (มหาว. ๔๕๑ อาทโย) อาคตเมว, อยํ ปเนตฺถ สงฺเขโป. ตทา กิร ทฺเว ภิกฺขู เอกสฺมึ อาวาเส วสึสุ วินยธโร จ สุตฺตนฺติโก จ. เตสุ สุตฺตนฺติโก เอกทิวสํ สรีรวลฺชํ กตฺวา อุทกโกฏฺเก อาจมนอุทกาวเสสํ ภาชเน เปตฺวา นิกฺขมิ. ปจฺฉา วินยธโร ตตฺถ ปวิฏฺโ ตํ อุทกํ ทิสฺวา นิกฺขมิตฺวา อิตรํ ปุจฺฉิ ‘‘อาวุโส, ตยา อุทกํ ปิต’’นฺติ. ‘‘อามาวุโส’’ติ. ‘‘กึ ปเนตฺถ อาปตฺติภาวํ น ชานาสี’’ติ? ‘‘อามาวุโส น ชานามี’’ติ. ‘‘โหติ, อาวุโส, เอตฺถ อาปตฺตี’’ติ? ‘‘เตน หิ ปฏิกริสฺสามิ น’’นฺติ. ‘‘สเจ ปน เต, อาวุโส, อสฺจิจฺจ อสติยา กตํ, นตฺถิ อาปตฺตี’’ติ. โส ตสฺสา อาปตฺติยา อนาปตฺติทิฏฺิ อโหสิ. วินยธโรปิ อตฺตโน นิสฺสิตกานํ ‘‘อยํ สุตฺตนฺติโก อาปตฺตึ อาปชฺชมาโนปิ น ชานาตี’’ติ อาโรเจสิ. เต ตสฺส นิสฺสิตเก ทิสฺวา ‘‘ตุมฺหากํ อุปชฺฌาโย อาปตฺตึ อาปชฺชิตฺวาปิ อาปตฺติภาวํ น ชานาตี’’ติ อาหํสุ. เต คนฺตฺวา อตฺตโน อุปชฺฌายสฺส อาโรเจสุํ. โส เอวมาห – ‘‘อยํ วินยธโร ปุพฺเพ ‘อนาปตฺตี’ติ วตฺวา อิทานิ ‘อาปตฺตี’ติ วทติ, มุสาวาที เอโส’’ติ. เต คนฺตฺวา ‘‘ตุมฺหากํ อุปชฺฌาโย มุสาวาที’’ติ เอวํ อฺมฺํ กลหํ วฑฺฒยึสุ. ตโต วินยธโร โอกาสํ ลภิตฺวา ตสฺส อาปตฺติยา อทสฺสเนน อุกฺเขปนียกมฺมํ อกาสิ. ตโต ปฏฺาย เตสํ ปจฺจยทายกา อุปาสกาปิ ทฺเว โกฏฺาสา อเหสุํ. โอวาทปฏิคฺคาหิกา ภิกฺขุนิโยปิ อารกฺขเทวตาปิ ทฺเว โกฏฺาสา อเหสุํ. ตาสํ สนฺทิฏฺสมฺภตฺตา อากาสฏฺเทวตาปิ ยาว พฺรหฺมโลกา สพฺเพ ปุถุชฺชนา ทฺเว ปกฺขา อเหสุํ. ยาว อกนิฏฺภวนา ปน อิทํ โกลาหลํ อคมาสิ.

อเถโก ภิกฺขุ ตถาคตํ อุปสงฺกมิตฺวา อุกฺเขปกานํ ‘‘ธมฺมิเกเนว กมฺเมน อยํ อุกฺขิตฺโต, อุกฺขิตฺตานุวตฺตกานํ อธมฺมิเกน กมฺเมน อุกฺขิตฺโต’’ติ ลทฺธึ, อุกฺเขปเกหิ วาริยมานานมฺปิ เตสํ ตํ อนุปริวาเรตฺวา จรณภาวฺจ สตฺถุ อาโรเจสิ. ภควา ‘‘สมคฺคา กิร โหนฺตู’’ติ ทฺเว วาเร เปเสตฺวา ‘‘น อิจฺฉนฺติ ภนฺเต สมคฺคา ภวิตุ’’นฺติ สุตฺวา ตติยวาเร ‘‘ภินฺโน ภิกฺขุสงฺโฆ’’ติ เตสํ สนฺติกํ คนฺตฺวา อุกฺเขปกานํ อุกฺเขปเน, อิตเรสฺจ อสฺจิจฺจ อาปตฺติยา อทสฺสเน อาทีนวํ วตฺวา ปกฺกามิ. ปุน เตสํ ตตฺเถว เอกสีมายํ อุโปสถาทีนิ กาเรตฺวา ภตฺตคฺคาทีสุ ภณฺฑนชาตานํ ‘‘อาสนนฺตริกาย นิสีทิตพฺพ’’นฺติ ภตฺตคฺเค วตฺตํ ปฺาเปตฺวา ‘‘อิทานิปิ ภณฺฑนชาตา วิหรนฺตี’’ติ สุตฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา ‘‘อลํ, ภิกฺขเว, มา ภณฺฑน’’นฺติอาทีนิ วตฺวา อฺตเรน ภิกฺขุนา ธมฺมวาทินา ภควโต วิเหสํ อนิจฺฉนฺเตน ‘‘อาคเมตุ, ภนฺเต, ภควา ธมฺมสามิ, อปฺโปสฺสุกฺโก ภนฺเต, ภควา ทิฏฺธมฺมสุขวิหารํ อนุยุตฺโต วิหรตุ, มยํ เตน ภณฺฑเนน กลเหน วิคฺคเหน วิวาเทน ปฺายิสฺสามา’’ติ วุตฺเต –

ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว, พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺโต นาม กาสิราชา อโหสีติ พฺรหฺมทตฺเตน ทีฆีติสฺส โกสลรฺโ รชฺชํ อจฺฉนฺทิตฺวา อฺาตกเวเสน วสนฺตสฺส มาริตภาวฺเจว ทีฆาวุกุมาเรน อตฺตโน ชีวิเต ทินฺเน ตโต ปฏฺาย เตสํ สมคฺคภาวฺจ กเถตฺวา ‘‘เตสฺหิ นาม, ภิกฺขเว, ราชูนํ อาทินฺนทณฺฑานํ อาทินฺนสตฺถานํ เอวรูปํ ขนฺติโสรจฺจํ ภวิสฺสติ. อิธ โข ตํ, ภิกฺขเว, โสเภถ, ยํ ตุมฺเห เอวํ สฺวากฺขาเต ธมฺมวินเย ปพฺพชิตา สมานา ขมา จ ภเวยฺยาถ โสรตา จา’’ติ โอวทิตฺวา ทุติยมฺปิ ตติยมฺปิ ‘‘อลํ, ภิกฺขเว, มา ภณฺฑน’’นฺติ วาเรตฺวา อโนรมนฺเต ทิสฺวา ‘‘ปริยาทิณฺณรูปา โข อิเม โมฆปุริสา, น ยิเม สุกรา สฺาเปตุ’’นฺติ ปกฺกมิตฺวา ปุนทิวเส ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต คนฺธกุฏิยา โถกํ วิสฺสมิตฺวา เสนาสนํ สํสาเมตฺวา อตฺตโน ปตฺตจีวรมาทาย สงฺฆมชฺเฌ อากาเส ตฺวา อิมา คาถา อภาสิ –

๑๐.

‘‘ปุถุสทฺโท สมชโน, น พาโล โกจิ มฺถ;

สงฺฆสฺมึ ภิชฺชมานสฺมึ, นาฺํ ภิยฺโย อมฺรุํ.

๑๑.

‘‘ปริมุฏฺา ปณฺฑิตาภาสา, วาจาโคจรภาณิโน;

ยาวิจฺฉนฺติ มุขายามํ, เยน นีตา น ตํ วิทู.

๑๒.

‘‘อกฺโกจฺฉิ มํ อวธิ มํ, อชินิ มํ อหาสิ เม;

เย จ ตํ อุปนยฺหนฺติ, เวรํ เตสํ น สมฺมติ.

๑๓.

‘‘อกฺโกจฺฉิ มํ อวธิ มํ, อชินิ มํ อหาสิ เม;

เย จ ตํ นุปนยฺหนฺติ, เวรํ เตสูปสมฺมติ.

๑๔.

‘‘น หิ เวเรน เวรานิ, สมฺมนฺตีธ กุทาจนํ;

อเวเรน จ สมฺมนฺติ, เอส ธมฺโม สนนฺตโน.

๑๕.

‘‘ปเร จ น วิชานนฺติ, มยเมตฺถ ยมามเส;

เย จ ตตฺถ วิชานนฺติ, ตโต สมฺมนฺติ เมธคา.

๑๖.

‘‘อฏฺิจฺฉินฺนา ปาณหรา, ควาสฺสธนหาริโน;

รฏฺํ วิลุมฺปมานานํ, เตสมฺปิ โหติ สงฺคติ;

กสฺมา ตุมฺหาก โน สิยา.

๑๗.

‘‘สเจ ลเภถ นิปกํ สหายํ, สทฺธึจรํ สาธุวิหาริธีรํ;

อภิภุยฺย สพฺพานิ ปริสฺสยานิ, จเรยฺย เตนตฺตมโน สตีมา.

๑๘.

‘‘โน เจ ลเภถ นิปกํ สหายํ, สทฺธึจรํ สาธุวิหาริธีรํ;

ราชาว รฏฺํ วิชิตํ ปหาย, เอโก จเร มาตงฺครฺเว นาโค.

๑๙.

‘‘เอกสฺส จริตํ เสยฺโย, นตฺถิ พาเล สหายตา;

เอโก จเร น ปาปานิ กยิรา, อปฺโปสฺสุกฺโก มาตงฺครฺเว นาโค’’ติ.

ตตฺถ ปุถุ มหาสทฺโท อสฺสาติ ปุถุสทฺโท. สมชโนติ สมาโน เอกสทิโส ชโน, สพฺโพวายํ ภณฺฑนการกชโน สมนฺตโต สทฺทนิจฺฉารเณน ปุถุสทฺโท เจว สทิโส จาติ วุตฺตํ โหติ. น พาโล โกจิ มฺถาติ ตตฺถ โกจิ เอโกปิ ‘‘อหํ พาโล’’ติ น มฺิตฺถ, สพฺเพ ปณฺฑิตมานิโน, สพฺโพวายํ ภณฺฑนการโก ชโนเยว. นาฺํ ภิยฺโย อมฺรุนฺติ โกจิ เอโกปิ ‘‘อหํ พาโล’’ติ น มฺิตฺถ, ภิยฺโย จ สงฺฆสฺมึ ภิชฺชมาเน อฺมฺปิ เอกํ ‘‘มยฺหํ การณา สงฺโฆ ภิชฺชตี’’ติ อิทํ การณํ น มฺิตฺถาติ อตฺโถ.

ปริมุฏฺาติ มุฏฺสฺสติโน. ปณฺฑิตาภาสาติ อตฺตโน ปณฺฑิตมาเนน ปณฺฑิตสทิสา. วาจาโคจรภาณิโนติ รา-การสฺส รสฺสาเทโส กโต, วาจาโคจรา จ น สติปฏฺานาทิอริยธมฺมโคจรา, ภาณิโน จ. กถํ ภาณิโน? ยาวิจฺฉนฺติ มุขายามนฺติ, ยาว มุขํ ปสาเรตุํ อิจฺฉนฺติ, ตาว ปสาเรตฺวา อคฺคปาเทหิ ตฺวา ภาณิโน, เอโกปิ สงฺฆคารเวน มุขสงฺโกจนํ น กโรตีติ อตฺโถ. เยน นีตาติ เยน ภณฺฑเนน อิมํ นิลฺลชฺชภาวํ นีตา. น ตํ วิทูติ เอวํ ‘‘อาทีนวํ อิท’’นฺติ ตํ น ชานนฺติ.

เย จ ตํ อุปนยฺหนฺตีติ ตํ ‘‘อกฺโกจฺฉิ ม’’นฺติอาทิกํ อาการํ เย อุปนยฺหนฺติ. สนนฺตโนติ โปราโณ. ปเรติ ปณฺฑิเต เปตฺวา ตโต อฺเ ภณฺฑนการกา ปเร นาม. เต เอตฺถ สงฺฆมชฺเฌ โกลาหลํ กโรนฺตา ‘‘มยํ ยมามเส อุปยมาม นสฺสาม, สตตํ สมิตํ มจฺจุสนฺติกํ คจฺฉามา’’ติ น ชานนฺติ. เย จ ตตฺถ วิชานนฺตีติ เย ตตฺถ ปณฺฑิตา ‘‘มยํ มจฺจุสมีปํ คจฺฉามา’’ติ วิชานนฺติ. ตโต สมฺมนฺติ เมธคาติ ภิกฺขเว, เอวฺหิ เต ชานนฺตา โยนิโสมนสิการํ อุปฺปาเทตฺวา เมธคานํ กลหานํ วูปสมาย ปฏิปชฺชนฺติ.

อฏฺิจฺฉินฺนาติ อยํ คาถา พฺรหฺมทตฺตฺจ ทีฆาวุกุมารฺจ สนฺธาย วุตฺตา. เตสมฺปิ โหติ สงฺคติ. กสฺมา ตุมฺหากํ น โหติ? เยสํ โว เนว มาตาปิตูนํ อฏฺีนิ ฉินฺนานิ, น ปาณา หฏา, น ควาสฺสธนานิ หฏานิ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ภิกฺขเว, เตสฺหิ นาม อาทินฺนทณฺฑานํ อาทินฺนสตฺถานํ ราชูนํ เอวรูปา สงฺคติ สมาคโม อาวาหวิวาหสมฺพนฺธํ กตฺวา เอกโต ปานโภชนํ โหติ, ตุมฺเห เอวรูเป สาสเน ปพฺพชิตฺวา อตฺตโน เวรมตฺตมฺปิ ชหิตุํ น สกฺโกถ, โก ตุมฺหากํ ภิกฺขุภาโวติ.

สเจ ลเภถาติอาทิคาถาโย ปณฺฑิตสหายสฺส จ พาลสหายสฺส จ วณฺณาวณฺณทีปนตฺถํ วุตฺตา. อภิภุยฺย สพฺพานิ ปริสฺสยานีติ สพฺเพ ปากฏปริสฺสเย จ ปฏิจฺฉนฺนปริสฺสเย จ อภิภวิตฺวา เตน สทฺธึ อตฺตมโน สติมา จเรยฺย. ราชาว รฏฺํ วิชิตํ ปหายาติ ยถา อตฺตโน วิชิตํ รฏฺํ มหาชนกราชา จ อรินฺทมราชา จ ปหาย เอกโกว จรึสุ, เอวํ จเรยฺยาติ อตฺโถ. มาตงฺครฺเว นาโคติ มาตงฺโค อรฺเ นาโคว. มาตงฺโคติ หตฺถี วุจฺจติ, นาโคติ มหนฺตาธิวจนเมตํ. ยถา หิ มาตุโปสโก มาตงฺคนาโค อรฺเ เอกโก จริ, น จ ปาปานิ อกาสิ, ยถา จ สีลวหตฺถินาโค. ยถา จ ปาลิเลยฺยโก, เอวํ เอโก จเร, น จ ปาปานิ กยิราติ วุตฺตํ โหติ.

สตฺถา เอวํ กเถตฺวาปิ เต ภิกฺขู สมคฺเค กาตุํ อสกฺโกนฺโต พาลกโลณกคามํ คนฺตฺวา ภคุตฺเถรสฺส เอกีภาเว อานิสํสํ กเถตฺวา ตโต ติณฺณํ กุลปุตฺตานํ วสนฏฺานํ คนฺตฺวา เตสํ สามคฺคิวาเส อานิสํสํ กเถตฺวา ตโต ปาลิเลยฺยกวนสณฺฑํ คนฺตฺวา ตตฺถ เตมาสํ วสิตฺวา ปุน โกสมฺพึ อคนฺตฺวา สาวตฺถิเมว อคมาสิ. โกสมฺพิวาสิโนปิ อุปาสกา ‘‘อิเม โข อยฺยา, โกสมฺพกา ภิกฺขู พหุโน อมฺหากํ อนตฺถสฺส การกา, อิเมหิ อุพฺพาฬฺโห ภควา ปกฺกนฺโต, อิเมสํ เนว อภิวาทนาทีนิ กริสฺสาม, น อุปคตานํ ปิณฺฑปาตํ ทสฺสาม, เอวํ อิเม ปกฺกมิสฺสนฺติ วา เวรํ วิรมิสฺสนฺติ วา ภควนฺตํ วา ปสาเทสฺสนฺตี’’ติ สมฺมนฺตยิตฺวา ตเถว อกํสุ. เต เตน ทณฺฑกมฺเมน ปีฬิตา สาวตฺถึ คนฺตฺวา ภควนฺตํ ขมาเปสุํ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ปิตา สุทฺโธทนมหาราชา อโหสิ, มาตา มหามายา, ทีฆาวุกุมาโร ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

โกสมฺพิยชาตกวณฺณนา ทุติยา.

[๔๒๙] ๓. มหาสุวชาตกวณฺณนา

ทุโม ยทา โหตีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อฺตรํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิร สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฏฺานํ คเหตฺวา โกสลชนปเท อฺตรํ ปจฺจนฺตคามํ อุปนิสฺสาย อรฺเ วิหาสิ. มนุสฺสา ตสฺส รตฺติฏฺานทิวาฏฺานานิ สมฺปาเทตฺวา คมนาคมนสมฺปนฺเน าเน เสนาสนํ กตฺวา สกฺกจฺจํ อุปฏฺหึสุ. ตสฺส วสฺสูปคตสฺส ปมมาเสเยว โส คาโม ฌายิ, มนุสฺสานํ พีชมตฺตมฺปิ อวสิฏฺํ นาโหสิ. เต ตสฺส ปณีตํ ปิณฺฑปาตํ ทาตุํ นาสกฺขึสุ. โส สปฺปายเสนาสเนปิ ปิณฺฑปาเตน กิลมนฺโต มคฺคํ วา ผลํ วา นิพฺพตฺเตตุํ นาสกฺขิ. อถ นํ เตมาสจฺจเยน สตฺถารํ วนฺทิตุํ อาคตํ สตฺถา ปฏิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘กจฺจิ ภิกฺขุ ปิณฺฑปาเตน น กิลมนฺโตสิ, เสนาสนสปฺปายฺจ อโหสี’’ติ ปุจฺฉิ. โส ตมตฺถํ อาโรเจสิ. สตฺถา ‘‘ตสฺส เสนาสนํ สปฺปาย’’นฺติ ตฺวา ‘‘ภิกฺขุ สมเณน นาม เสนาสนสปฺปาเย สติ โลลุปฺปจารํ ปหาย กิฺจิเทว ยถาลทฺธํ ปริภุฺชิตฺวา สนฺตุฏฺเน สมณธมฺมํ กาตุํ วฏฺฏติ. โปราณกปณฺฑิตา ติรจฺฉานโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา อตฺตโน นิวาสสุกฺขรุกฺเข จุณฺณํ ขาทนฺตาปิ โลลุปฺปจารํ ปหาย สนฺตุฏฺา มิตฺตธมฺมํ อภินฺทิตฺวา อฺตฺถ น คมึสุ, ตฺวํ ปน กสฺมา ‘ปิณฺฑปาโต ปริตฺโต ลูโข’ติ สปฺปายเสนาสนํ ปริจฺจชี’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต หิมวนฺเต คงฺคาตีเร เอกสฺมึ อุทุมฺพรวเน อเนกสตสหสฺสา สุกา วสึสุ. ตตฺร เอโก สุวราชา อตฺตโน นิวาสรุกฺขสฺส ผเลสุ ขีเณสุ ยเทว อวสิฏฺํ โหติ องฺกุโร วา ปตฺตํ วา ตโจ วา ปปฏิกา วา, ตํ ขาทิตฺวา คงฺคาย ปานียํ ปิวิตฺวา ปรมปฺปิจฺฉสนฺตุฏฺโ หุตฺวา อฺตฺถ น คจฺฉติ. ตสฺส อปฺปิจฺฉสนฺตุฏฺภาวคุเณน สกฺกสฺส ภวนํ กมฺปิ. สกฺโก อาวชฺชมาโน ตํ ทิสฺวา ตสฺส วีมํสนตฺถํ อตฺตโน อานุภาเวน ตํ รุกฺขํ สุกฺขาเปสิ. รุกฺโข ขาณุกมตฺโต หุตฺวา ฉิทฺทาวฉิทฺโท วาเต ปหรนฺเต อาโกฏิยมาโน วิย อฏฺาสิ. ตสฺส ฉิทฺเทหิ จุณฺณานิ นิกฺขมนฺติ. สุวราชา ตานิ จุณฺณานิ ขาทิตฺวา คงฺคาย ปานียํ ปิวิตฺวา อฺตฺถ อคนฺตฺวา วาตาตปํ อคเณตฺวา อุทุมฺพรขาณุเก นิสีทิ. สกฺโก ตสฺส ปรมปฺปิจฺฉภาวํ ตฺวา ‘‘มิตฺตธมฺมคุณํ กถาเปตฺวา วรมสฺส ทตฺวา อุทุมฺพรํ อมตผลํ กริตฺวา อาคมิสฺสามี’’ติ เอโก หํสราชา หุตฺวา สุชํ อสุรกฺํ ปุรโต กตฺวา ตํ อุทุมฺพรวนํ คนฺตฺวา อวิทูเร เอกรุกฺขสฺส สาขาย นิสีทิตฺวา เตน สทฺธึ กถํ สมุฏฺาเปนฺโต ปมํ คาถมาห –

๒๐.

‘‘ทุโม ยทา โหติ ผลูปปนฺโน, ภุฺชนฺติ นํ วิหงฺคมา สมฺปตนฺตา;

ขีณนฺติ ตฺวาน ทุมํ ผลจฺจเย, ทิโสทิสํ ยนฺติ ตโต วิหงฺคมา’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – สุวราช, รุกฺโข นาม ยทา ผลสมฺปนฺโน โหติ, ตทา ตํ สาขโต สาขํ สมฺปตนฺตาว วิหงฺคมา ภุฺชนฺติ, ตํ ปน ขีณํ ตฺวา ผลานํ อจฺจเยน ตโต รุกฺขโต ทิโสทิสํ วิหงฺคมา คจฺฉนฺตีติ.

เอวฺจ ปน วตฺวา ตโต นํ อุยฺโยเชตุํ ทุติยํ คาถมาห –

๒๑.

‘‘จร จาริกํ โลหิตตุณฺฑ มา มริ, กึ ตฺวํ สุว สุกฺขทุมมฺหิ ฌายสิ;

ตทิงฺฆ มํ พฺรูหิ วสนฺตสนฺนิภ, กสฺมา สุว สุกฺขทุมํ น ริฺจสี’’ติ.

ตตฺถ ฌายสีติ กึการณา สุกฺขขาณุมตฺถเก ฌายนฺโต ปชฺฌายนฺโต ติฏฺสิ. อิงฺฆาติ โจทนตฺเถ นิปาโต. วสนฺตสนฺนิภาติ วสนฺตกาเล วนสณฺโฑ สุวคณสโมกิณฺโณ วิย นีโลภาโส โหติ, เตน ตํ ‘‘วสนฺตสนฺนิภา’’ติ อาลปติ. น ริฺจสีติ น ฉฑฺเฑสิ.

อถ นํ สุวราชา ‘‘อหํ หํส อตฺตโน กตฺุกตเวทิตาย อิมํ รุกฺขํ น ชหามี’’ติ วตฺวา ทฺเว คาถา อภาสิ –

๒๒.

‘‘เย เว สขีนํ สขาโร ภวนฺติ, ปาณจฺจเย ทุกฺขสุเขสุ หํส;

ขีณํ อขีณมฺปิ น ตํ ชหนฺติ, สนฺโต สตํ ธมฺมมนุสฺสรนฺตา.

๒๓.

‘‘โสหํ สตํ อฺตโรสฺมิ หํส, าตี จ เม โหติ สขา จ รุกฺโข;

ตํ นุสฺสเห ชีวิกตฺโถ ปหาตุํ, ขีณนฺติ ตฺวาน น เหส ธมฺโม’’ติ.

ตตฺถ เย เว สขีนํ สขาโร ภวนฺตีติ เย สหายานํ สหายา โหนฺติ. ขีณํ อขีณมฺปีติ ปณฺฑิตา นาม อตฺตโน สหายํ โภคปริกฺขเยน ขีณมฺปิ อขีณมฺปิ น ชหนฺติ. สตํ ธมฺมมนุสฺสรนฺตาติ ปณฺฑิตานํ ปเวณึ อนุสฺสรมานา. าตี จ เมติ หํสราช, อยํ รุกฺโข สมฺปิยายนตฺเถน มยฺหํ าติ จ สมาจิณฺณจรณตาย สขา จ. ชีวิกตฺโถติ ตมหํ ชีวิกาย อตฺถิโก หุตฺวา ปหาตุํ น สกฺโกมิ.

สกฺโก ตสฺส วจนํ สุตฺวา ตุฏฺโ ปสํสิตฺวา วรํ ทาตุกาโม ทฺเว คาถา อภาสิ –

๒๔.

‘‘สาธุ สกฺขิ กตํ โหติ, เมตฺติ สํสติ สนฺถโว;

สเจตํ ธมฺมํ โรเจสิ, ปาสํโสสิ วิชานตํ.

๒๕.

‘‘โส เต สุว วรํ ทมฺมิ, ปตฺตยาน วิหงฺคม;

วรํ วรสฺสุ วกฺกงฺค, ยํ กิฺจิ มนสิจฺฉสี’’ติ.

ตตฺถ สาธูติ สมฺปหํสนํ. สกฺขิ กตํ โหติ, เมตฺติ สํสติ สนฺถโวติ สขิภาโว จ เมตฺติ จ ปริสมชฺเฌ สนฺถโว จาติ ตยา มิตฺตํ กตํ สาธุ โหติ ลทฺธกํ ภทฺทกเมว. สเจตํ ธมฺมนฺติ สเจ เอตํ มิตฺตธมฺมํ. วิชานตนฺติ เอวํ สนฺเต วิฺูนํ ปสํสิตพฺพยุตฺตโกสีติ อตฺโถ. โส เตติ โส อหํ ตุยฺหํ. วรสฺสูติ อิจฺฉสฺสุ. ยํ กิฺจิ มนสิจฺฉสีติ ยํ กิฺจิ มนสา อิจฺฉสิ, สพฺพํ ตํ วรํ ททามิ เตติ.

ตํ สุตฺวา สุวราชา วรํ คณฺหนฺโต สตฺตมํ คาถมาห –

๒๖.

‘‘วรฺจ เม หํส ภวํ ทเทยฺย, อยฺจ รุกฺโข ปุนรายุํ ลเภถ;

โส สาขวา ผลิมา สํวิรูฬฺโห, มธุตฺถิโก ติฏฺตุ โสภมาโน’’ติ.

ตตฺถ สาขวาติ สาขสมฺปนฺโน. ผลิมาติ ผเลน อุเปโต. สํวิรูฬฺโหติ สมนฺตโต วิรูฬฺหปตฺโต ตรุณปตฺตสมฺปนฺโน หุตฺวา. มธุตฺถิโกติ สํวิชฺชมานมธุรผเลสุ ปกฺขิตฺตมธุ วิย มธุรผโล หุตฺวาติ อตฺโถ.

อถสฺส สกฺโก วรํ ททมาโน อฏฺมํ คาถมาห –

๒๗.

‘‘ตํ ปสฺส สมฺม ผลิมํ อุฬารํ, สหาว เต โหตุ อุทุมฺพเรน;

โส สาขวา ผลิมา สํวิรูฬฺโห, มธุตฺถิโก ติฏฺตุ โสภมาโน’’ติ.

ตตฺถ สหาว เต โหตุ อุทุมฺพเรนาติ ตว อุทุมฺพเรน สทฺธึ สห เอกโตว วาโส โหตุ.

เอวฺจ ปน วตฺวา สกฺโก ตํ อตฺตภาวํ วิชหิตฺวา อตฺตโน จ สุชาย จ อานุภาวํ ทสฺเสตฺวา คงฺคาโต หตฺเถน อุทกํ คเหตฺวา อุทุมฺพรขาณุกํ ปหริ. ตาวเทว สาขาวิฏปสจฺฉนฺโน มธุรผโล รุกฺโข อุฏฺหิตฺวา มุณฺฑมณิปพฺพโต วิย วิลาสสมฺปนฺโน อฏฺาสิ. สุวราชา ตํ ทิสฺวา โสมนสฺสปฺปตฺโต สกฺกสฺส ถุตึ กโรนฺโต นวมํ คาถมาห –

๒๘.

‘‘เอวํ สกฺก สุขี โหหิ, สห สพฺเพหิ าติภิ;

ยถาหมชฺช สุขิโต, ทิสฺวาน สผลํ ทุม’’นฺติ.

สกฺโกปิ ตสฺส วรํ ทตฺวา อุทุมฺพรํ อมตผลํ กตฺวา สทฺธึ สุชาย อตฺตโน านเมว คโต. ตมตฺถํ ทีปยมานา โอสาเน อภิสมฺพุทฺธคาถา ปิตา –

๒๙.

‘‘สุวสฺส จ วรํ ทตฺวา, กตฺวาน สผลํ ทุมํ;

ปกฺกามิ สห ภริยาย, เทวานํ นนฺทนํ วน’’นฺติ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘เอวํ ภิกฺขุ โปราณกปณฺฑิตา ติรจฺฉานโยนิยํ นิพฺพตฺตาปิ อโลลุปฺปจารา อเหสุํ. ตฺวํ ปน กสฺมา เอวรูเป สาสเน ปพฺพชิตฺวา โลลุปฺปจารํ จรสิ, คจฺฉ ตตฺเถว วสาหี’’ติ กมฺมฏฺานมสฺส กเถตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ. โส ภิกฺขุ ตตฺถ คนฺตฺวา วิปสฺสนํ วฑฺเฒนฺโต อรหตฺตํ ปาปุณิ. ตทา สกฺโก อนุรุทฺโธ อโหสิ, สุวราชา ปน อหเมว อโหสินฺติ.

มหาสุวชาตกวณฺณนา ตติยา.

[๔๓๐] ๔. จูฬสุวชาตกวณฺณนา

สนฺติ รุกฺขาติ อิทํ สตฺถา สาวตฺถิยํ เชตวเน วิหรนฺโต เวรฺชกณฺฑํ อารพฺภ กเถสิ. สตฺถริ เวรฺชายํ วสฺสํ วสิตฺวา อนุปุพฺเพน สาวตฺถึ อนุปฺปตฺเต ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อาวุโส, ตถาคโต ขตฺติยสุขุมาโล พุทฺธสุขุมาโล มหนฺเตน อิทฺธานุภาเวน สมนฺนาคโตปิ เวรฺชพฺราหฺมเณน นิมนฺติโต เตมาสํ วสนฺโต มาราวฏฺฏนวเสน ตสฺส สนฺติกา เอกทิวสมฺปิ ภิกฺขํ อลภิตฺวา โลลุปฺปจารํ ปหาย เตมาสํ ปตฺถปุลกปิฏฺโทเกน ยาเปนฺโต อฺตฺถ น อคมาสิ, อโห ตถาคตานํ อปฺปิจฺฉสนฺตุฏฺภาโว’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘อนจฺฉริยํ, ภิกฺขเว, ตถาคตสฺส อิทานิ โลลุปฺปจารปฺปหานํ, ปุพฺเพปิ ติรจฺฉานโยนิยํ นิพฺพตฺโตปิ โลลุปฺปจารํ ปหาสิ’’นฺติ วตฺวา อตีตํ อาหริ. สพฺพมฺปิ วตฺถุ ปุริมนเยเนว วิตฺถาเรตพฺพํ.

๓๐.

‘‘สนฺติ รุกฺขา หริปตฺตา, ทุมา เนกผลา พหู;

กสฺมา นุ สุกฺเข โกฬาเป, สุวสฺส นิรโต มโน.

๓๑.

‘‘ผลสฺส อุปภุฺชิมฺหา, เนกวสฺสคเณ พหู;

อผลมฺปิ วิทิตฺวาน, สาว เมตฺติ ยถา ปุเร.

๓๒.

‘‘สุกฺขฺจ รุกฺขํ โกฬาปํ, โอปตฺตมผลํ ทุมํ;

โอหาย สกุณา ยนฺติ, กึ โทสํ ปสฺสเส ทิช.

๓๓.

‘‘เย ผลตฺถา สมฺภชนฺติ, อผโลติ ชหนฺติ นํ;

อตฺตตฺถปฺา ทุมฺเมธา, เต โหนฺติ ปกฺขปาติโน.

๓๔.

‘‘สาธุ สกฺขิ กตํ โหติ, เมตฺติ สํสติ สนฺถโว;

สเจตํ ธมฺมํ โรเจสิ, ปาสํโสสิ วิชานตํ.

๓๕.

‘‘โส เต สุว วรํ ทมฺมิ, ปตฺตยาน วิหงฺคม;

วรํ วรสฺสุ วกฺกงฺค, ยํ กิฺจิ มนสิจฺฉสิ.

๓๖.

‘‘อปิ นาม นํ ปสฺเสยฺยํ, สปตฺตํ สผลํ ทุมํ;

ทลิทฺโทว นิธึ ลทฺธา, นนฺเทยฺยาหํ ปุนปฺปุนํ.

๓๗.

‘‘ตโต อมตมาทาย, อภิสิฺจิ มหีรุหํ;

ตสฺส สาขา วิรูหึสุ, สีตจฺฉายา มโนรมา.

๓๘.

‘‘เอวํ สกฺก สุขี โหหิ, สห สพฺเพหิ าติภิ;

ยถาหมชฺช สุขิโต, ทิสฺวาน สผลํ ทุมํ.

๓๙.

‘‘สุวสฺส จ วรํ ทตฺวา, กตฺวาน สผลํ ทุมํ;

ปกฺกามิ สห ภริยาย, เทวานํ นนฺทนํ วน’’นฺติ. –

ปฺหปฏิปฺหาปิ อตฺโถปิ ปุริมนเยเนว เวทิตพฺพา, อนุตฺตานปทเมว ปน วณฺณยิสฺสาม.

หริปตฺตาติ นีลปตฺตสจฺฉนฺนา. โกฬาเปติ วาเต ปหรนฺเต อาโกฏิตสทฺทํ วิย มุฺจมาเน นิสฺสาเร. สุวสฺสาติ อายสฺมโต สุวราชสฺส กสฺมา เอวรูเป รุกฺเข มโน นิรโต. ผลสฺสาติ ผลํ อสฺส รุกฺขสฺส. เนกวสฺสคเณติ อเนกวสฺสคเณ. พหูติ สมาเนปิ อเนกสเต น ทฺเว ตโย, อถ โข พหูว. วิทิตฺวานาติ หํสราช อิทานิ อมฺหากํ อิมํ รุกฺขํ อผลํ วิทิตฺวาปิ ยถา ปุเร เอเตน สทฺธึ เมตฺติ, สาว เมตฺติ, ตฺหิ มยํ น ภินฺทาม, เมตฺตึ ภินฺทนฺตา หิ อนริยา อสปฺปุริสา นาม โหนฺตีติ ปกาเสนฺโต เอวมาห.

โอปตฺตนฺติ อวปตฺตํ นิปฺปตฺตํ ปติตปตฺตํ. กึ โทสํ ปสฺสเสติ อฺเ สกุณา เอตํ โอหาย อฺตฺถ คจฺฉนฺติ, ตฺวํ เอวํ คมเน กึ นาม โทสํ ปสฺสสิ. เย ผลตฺถาติ เย ปกฺขิโน ผลตฺถาย ผลการณา สมฺภชนฺติ อุปคจฺฉนฺติ, อผโลติ ตฺวา เอตํ ชหนฺติ. อตฺตตฺถปฺาติ อตฺตโน อตฺถาย ปฺา, ปรํ อโนโลเกตฺวา อตฺตนิเยว วา ิตา เอเตสํ ปฺาติ อตฺตตฺถปฺา. ปกฺขปาติโนติ เต อตฺตโนเยว วุฑฺฒึ ปจฺจาสีสมานา มิตฺตปกฺขํ ปาเตนฺติ นาเสนฺตีติ ปกฺขปาติโน นาม โหนฺติ. อตฺตปกฺเขเยว วา ปตนฺตีติ ปกฺขปาติโน.

อปิ นาม นนฺติ หํสราช, สเจ เม มโนรโถ นิปฺผชฺเชยฺย, ตยา ทินฺโน วโร สมฺปชฺเชยฺย, อปิ นาม อหํ อิมํ รุกฺขํ สปตฺตํ สผลํ ปุน ปสฺเสยฺยํ, ตโต ทลิทฺโท นิธึ ลภิตฺวาว ปุนปฺปุนํ เอตํ อภินนฺเทยฺยํ, ตํ ทิสฺวาว ปโมเทยฺยํ. อมตมาทายาติ อตฺตโน อานุภาเวน ิโต คงฺโคทกํ คเหตฺวา อภิสิฺจยีติ อตฺโถ. อิมสฺมึ ชาตเก อิมาย สทฺธึ ทฺเว อภิสมฺพุทฺธคาถา โหนฺติ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา สกฺโก อนุรุทฺโธ อโหสิ, สุวราชา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

จูฬสุวชาตกวณฺณนา จตุตฺถา.

[๔๓๑] ๕. หริตจชาตกวณฺณนา

สุตํ เมตํ มหาพฺรหฺเมติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อุกฺกณฺิตภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. ตฺหิ ภิกฺขุํ เอกํ อลงฺกตมาตุคามํ ทิสฺวา อุกฺกณฺิตํ ทีฆเกสนขโลมํ วิพฺภมิตุกามํ อาจริยุปชฺฌาเยหิ อรุจิยา อานีตํ. สตฺถา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ อุกฺกณฺิโตสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจํ, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘กึการณา’’ติ วตฺวา ‘‘อลงฺกตมาตุคามํ ทิสฺวา กิเลสวเสน, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘ภิกฺขุ กิเลโส นาม คุณวิทฺธํสโก อปฺปสฺสาโท นิรเย นิพฺพตฺตาเปติ, เอส ปน กิเลโส กึการณา ตํ น กิลเมสฺสติ? น หิ สิเนรุํ ปหริตฺวา ปหรณวาโต ปุราณปณฺณสฺส ลชฺชติ, อิมฺหิ กิเลสํ นิสฺสาย โพธิาณสฺส อนุปทํ จรมานา ปฺจอภิฺอฏฺสมาปตฺติลาภิโน วิสุทฺธมหาปุริสาปิ สตึ อุปฏฺเปตุํ อสกฺโกนฺตา ฌานํ อนฺตรธาเปสุ’’นฺติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต เอกสฺมึ นิคเม อสีติโกฏิวิภเว พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติ, กฺจนฉวิตาย ปนสฺส ‘‘หริตจกุมาโร’’ติ นามํ กรึสุ. โส วยปฺปตฺโต ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา อุคฺคหิตสิปฺโป กุฏุมฺพํ สณฺเปตฺวา มาตาปิตูนํ อจฺจเยน ธนวิโลกนํ กตฺวา ‘‘ธนเมว ปฺายติ, ธนสฺส อุปฺปาทกา น ปฺายนฺติ, มยาปิ มรณมุเข จุณฺณวิจุณฺเณน ภวิตพฺพ’’นฺติ มรณภยภีโต มหาทานํ ทตฺวา หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา สตฺตเม ทิวเส อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา ตตฺถ จิรํ วนมูลผลาหาโร ยาเปตฺวา โลณมฺพิลเสวนตฺถาย ปพฺพตา โอตริตฺวา อนุปุพฺเพน พาราณสึ ปตฺวา ราชุยฺยาเน วสิตฺวา ปุนทิวเส พาราณสิยํ ภิกฺขาย จรนฺโต ราชทฺวารํ สมฺปาปุณิ. ราชา ตํ ทิสฺวา ปสนฺนจิตฺโต ปกฺโกสาเปตฺวา สมุสฺสิตเสตจฺฉตฺเต ราชปลฺลงฺเก นิสีทาเปตฺวา นานคฺครสโภชนํ โภเชตฺวา อนุโมทนาวสาเน อติเรกตรํ ปสีทิตฺวา ‘‘กหํ, ภนฺเต, คจฺฉถา’’ติ วตฺวา ‘‘วสฺสาวาสฏฺานํ อุปธาเรม, มหาราชา’’ติ วุตฺเต ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ ภุตฺตปาตราโส ตํ อาทาย อุยฺยานํ คนฺตฺวา ตตฺถ รตฺติฏฺานทิวาฏฺานาทีนิ การาเปตฺวา อุยฺยานปาลํ ปริจารกํ กตฺวา ทตฺวา วนฺทิตฺวา นิกฺขมิ. มหาสตฺโต ตโต ปฏฺาย นิพทฺธํ รฺโ เคเห ภุฺชนฺโต ทฺวาทส วสฺสานิ ตตฺถ วสิ.

อเถกทิวสํ ราชา ปจฺจนฺตํ กุปิตํ วูปสเมตุํ คจฺฉนฺโต ‘‘อมฺหากํ ปุฺกฺเขตฺตํ มา ปมชฺชี’’ติ มหาสตฺตํ เทวิยา นิยฺยาเทตฺวา อคมาสิ. ตโต ปฏฺาย สา มหาสตฺตํ สหตฺถา ปริวิสติ. อเถกทิวสํ สา โภชนํ สมฺปาเทตฺวา ตสฺมึ จิรายมาเน คนฺโธทเกน นฺหตฺวา สณฺหํ มฏฺสาฏกํ นิวาเสตฺวา สีหปฺชรํ วิวราเปตฺวา สรีเร วาตํ ปหราเปนฺตี ขุทฺทกมฺจเก นิปชฺชิ. มหาสตฺโตปิ ทิวาตรํ สุนิวตฺโถ สุปารุโต ภิกฺขาภาชนํ อาทาย อากาเสนาคนฺตฺวา สีหปฺชรํ ปาปุณิ. เทวิยา ตสฺส วากจิรสทฺทํ สุตฺวา เวเคน อุฏฺหนฺติยา มฏฺสาฏโก ภสฺสิ, มหาสตฺตสฺส วิสภาคารมฺมณํ จกฺขุํ ปฏิหฺิ. อถสฺส อเนกวสฺสโกฏิสตสหสฺสกาเล อพฺภนฺตเร นิวุตฺถกิเลโส กรณฺฑเก สยิตอาสีวิโส วิย อุฏฺหิตฺวา ฌานํ อนฺตรธาเปสิ. โส สตึ อุปฏฺาเปตุํ อสกฺโกนฺโต คนฺตฺวา เทวึ หตฺเถ คณฺหิ, ตาวเทว สาณึ ปริกฺขิปึสุ. โส ตาย สทฺธึ โลกธมฺมํ เสวิตฺวา ภุฺชิตฺวา อุยฺยานํ คนฺตฺวา ตโต ปฏฺาย เทวสิกํ ตเถว อกาสิ. ตสฺส ตาย สทฺธึ โลกธมฺมปฏิเสวนํ สกลนคเร ปากฏํ ชาตํ. อมจฺจา ‘‘หริตจตาปโส เอวมกาสี’’ติ รฺโ ปณฺณํ ปหิณึสุ. ราชา ‘‘มํ ภินฺทิตุกามา เอวํ วทนฺตี’’ติ อสทฺทหิตฺวา ปจฺจนฺตํ วูปสเมตฺวา พาราณสึ ปจฺจาคนฺตฺวา นครํ ปทกฺขิณํ กตฺวา เทวิยา สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘สจฺจํ, กิร มม อยฺโย หริตจตาปโส ตยา สทฺธึ โลกธมฺมํ ปฏิเสวตี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘สจฺจํ, เทวา’’ติ. โส ตสฺสาปิ อสทฺทหิตฺวา ‘‘ตเมว ปฏิปุจฺฉิสฺสามี’’ติ อุยฺยานํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิตฺวา ตํ ปุจฺฉนฺโต ปมํ คาถมาห –

๔๐.

‘‘สุตํ เมตํ มหาพฺรหฺเม, กาเม ภุฺชติ หาริโต;

กจฺเจตํ วจนํ ตุจฺฉํ, กจฺจิ สุทฺโธ อิริยฺยสี’’ติ.

ตตฺถ กจฺเจตนฺติ กจฺจิ เอตํ ‘‘หาริโต กาเม ปริภุฺชตี’’ติ อมฺเหหิ สุตํ วจนํ ตุจฺฉํ อภูตํ, กจฺจิ ตฺวํ สุทฺโธ อิริยฺยสิ วิหรสีติ.

โส จินฺเตสิ – ‘‘อยํ ราชา ‘นาหํ ปริภุฺชามี’ติ วุตฺเตปิ มม สทฺทหิสฺสเตว, อิมสฺมึ โลเก สจฺจสทิสี ปติฏฺา นาม นตฺถิ. อุชฺฌิตสจฺจา หิ โพธิมูเล นิสีทิตฺวา โพธึ ปาปุณิตุํ น สกฺโกนฺติ, มยา สจฺจเมว กเถตุํ วฏฺฏตี’’ติ. โพธิสตฺตสฺส หิ เอกจฺเจสุ าเนสุ ปาณาติปาโตปิ อทินฺนาทานมฺปิ กาเมสุมิจฺฉาจาโรปิ สุราเมรยมชฺชปานมฺปิ โหติเยว, อตฺถเภทกวิสํวาทนํ ปุรกฺขตฺวา มุสาวาโท นาม น โหติ, ตสฺมา โส สจฺจเมว กเถนฺโต ทุติยํ คาถมาห –

๔๑.

‘‘เอวเมตํ มหาราช, ยถา เต วจนํ สุตํ;

กุมฺมคฺคํ ปฏิปนฺโนสฺมิ, โมหเนยฺเยสุ มุจฺฉิโต’’ติ.

ตตฺถ โมหเนยฺเยสูติ กามคุเณสุ. กามคุเณสุ หิ โลโก มุยฺหติ, เต จ โลกํ โมหยนฺติ, ตสฺมา เต ‘‘โมหเนยฺยา’’ติ วุจฺจนฺตีติ.

ตํ สุตฺวา ราชา ตติยํ คาถมาห –

๔๒.

‘‘อทุ ปฺา กิมตฺถิยา, นิปุณา สาธุจินฺตินี;

ยาย อุปฺปติตํ ราคํ, กึ มโน น วิโนทเย’’ติ.

ตตฺถ อทูติ นิปาโต. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ภนฺเต, คิลานสฺส นาม เภสชฺชํ, ปิปาสิตสฺส ปานียํ ปฏิสรณํ, ตุมฺหากํ ปเนสา นิปุณา สาธูนํ อตฺถานํ จินฺตินี ปฺา กิมตฺถิยา, ยาย ปุน อุปฺปติตํ ราคํ กึ มโน น วิโนทเย, กึ จิตฺตํ วิโนเทตุํ นาสกฺขีติ.

อถสฺส กิเลสพลํ ทสฺเสนฺโต หาริโต จตุตฺถํ คาถมาห –

๔๓.

‘‘จตฺตาโรเม มหาราช, โลเก อติพลา ภุสา;

ราโค โทโส มโท โมโห, ยตฺถ ปฺา น คาธตี’’ติ.

ตตฺถ ยตฺถาติ เยสุ ปริยุฏฺานํ ปตฺเตสุ มโหเฆ ปติตา วิย ปฺา คาธํ ปติฏฺํ น ลภติ.

ตํ สุตฺวา ราชา ปฺจมํ คาถมาห –

๔๔.

‘‘อรหา สีลสมฺปนฺโน, สุทฺโธ จรติ หาริโต;

เมธาวี ปณฺฑิโต เจว, อิติ โน สมฺมโต ภว’’นฺติ.

ตตฺถ อิติ โน สมฺมโตติ เอวํ อมฺหากํ สมฺมโต สมฺภาวิโต ภวํ.

ตโต หาริโต ฉฏฺมํ คาถมาห –

๔๕.

‘‘เมธาวีนมฺปิ หึสนฺติ, อิสึ ธมฺมคุเณ รตํ;

วิตกฺกา ปาปกา ราช, สุภา ราคูปสํหิตา’’ติ.

ตตฺถ สุภาติ สุภนิมิตฺตคฺคหเณน ปวตฺตาติ.

อถ นํ กิเลสปฺปหาเน อุสฺสาหํ กาเรนฺโต ราชา สตฺตมํ คาถมาห –

๔๖.

‘‘อุปฺปนฺนายํ สรีรโช, ราโค วณฺณวิทูสโน ตว;

ตํ ปชห ภทฺทมตฺถุ เต, พหุนฺนาสิ เมธาวิสมฺมโต’’ติ.

ตตฺถ วณฺณวิทูสโน ตวาติ ตว สรีรวณฺณสฺส จ คุณวณฺณสฺส จ วิทูสโน. พหุนฺนาสีติ พหูนํ อาสิ เมธาวีติ สมฺมโต.

ตโต มหาสตฺโต สตึ ลภิตฺวา กาเมสุ อาทีนวํ สลฺลกฺเขตฺวา อฏฺมํ คาถมาห –

๔๗.

‘‘เต อนฺธการเก กาเม, พหุทุกฺเข มหาวิเส;

เตสํ มูลํ คเวสิสฺสํ, เฉจฺฉํ ราคํ สพนฺธน’’นฺติ.

ตตฺถ อนฺธการเกติ ปฺาจกฺขุวินาสนโต อนฺธภาวกเร. พหุทุกฺเขติ เอตฺถ ‘‘อปฺปสฺสาทา กามา’’ติอาทีนิ (ม. นิ. ๑.๒๓๔; ปาจิ. ๔๑๗; จูฬว. ๖๕) สุตฺตานิ หริตฺวา เตสํ พหุทุกฺขตา ทสฺเสตพฺพา. มหาวิเสติ สมฺปยุตฺตกิเลสวิสสฺส เจว วิปากวิสสฺส จ มหนฺตตาย มหาวิเส. เตสํ มูลนฺติ เต วุตฺตปฺปกาเร กาเม ปหาตุํ เตสํ มูลํ คเวสิสฺสํ ปริเยสิสฺสามิ. กึ ปน เตสํ มูลนฺติ? อโยนิโสมนสิกาโร. เฉจฺฉํ ราคํ สพนฺธนนฺติ มหาราช, อิทาเนว ปฺาขคฺเคน ปหริตฺวา สุภนิมิตฺตพนฺธเนน สพนฺธนํ ราคํ ฉินฺทิสฺสามีติ.

อิทฺจ ปน วตฺวา ‘‘มหาราช, โอกาสํ ตาว เม กโรหี’’ติ โอกาสํ กาเรตฺวา ปณฺณสาลํ ปวิสิตฺวา กสิณมณฺฑลํ โอโลเกตฺวา ปุน นฏฺชฺฌานํ อุปฺปาเทตฺวา ปณฺณสาลโต นิกฺขมิตฺวา อากาเส ปลฺลงฺเกน นิสีทิตฺวา รฺโ ธมฺมํ เทเสตฺวา ‘‘มหาราช, อหํ อฏฺาเน วุตฺถการณา มหาชนมชฺเฌ ครหปฺปตฺโต, อปฺปมตฺโต โหหิ, ปุน ทานิ อหํ อนิตฺถิคนฺธวนสณฺฑเมว คมิสฺสามี’’ติ รฺโ โรทนฺตสฺส ปริเทวนฺตสฺส หิมวนฺตเมว คนฺตฺวา อปริหีนชฺฌาโน พฺรหฺมโลกูปโค อโหสิ.

สตฺถา ตํ การณํ ตฺวา –

๔๘.

‘‘อิทํ วตฺวาน หาริโต, อิสิ สจฺจปรกฺกโม;

กามราคํ วิราเชตฺวา, พฺรหฺมโลกูปโค อหู’’ติ. –

อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา อิมํ คาถํ วตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺิตภิกฺขุ อรหตฺเต ปติฏฺหิ.

ตทา ราชา อานนฺโท อโหสิ, หริตจตาปโส ปน อหเมว อโหสินฺติ.

หริตจชาตกวณฺณนา ปฺจมา.

[๔๓๒] ๖. ปทกุสลมาณวชาตกวณฺณนา

พหุสฺสุตนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ ทารกํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิร สาวตฺถิยํ กุฏุมฺพิกปุตฺโต สตฺตวสฺสกาเลเยว ปทกุสโล อโหสิ. อถสฺส ปิตา ‘‘อิมํ วีมํสิสฺสามี’’ติ ตสฺส อชานนฺตสฺเสว มิตฺตฆรํ อคมาสิ. โส ปิตุ คตฏฺานํ อปุจฺฉิตฺวาว ตสฺส ปทานุสาเรน คนฺตฺวา ปิตุ สนฺติเก อฏฺาสิ. อถ นํ ปิตา เอกทิวสํ ปุจฺฉิ ‘‘ตาต, ตฺวํ มยิ ตํ อชานาเปตฺวา คเตปิ มม คตฏฺานํ กึ ชานาสี’’ติ? ‘‘ตาต, ปทํ เต สฺชานามิ, ปทกุสโล อห’’นฺติ. อถสฺส วีมํสนตฺถาย ปิตา ภุตฺตปาตราโส ฆรา นิกฺขมิตฺวา อนนฺตรํ ปฏิวิสฺสกฆรํ คนฺตฺวา ตโต ทุติยํ, ตโต ตติยํ ฆรํ ปวิสิตฺวา ตติยฆรา นิกฺขมิตฺวา ปุน อตฺตโน ฆรํ อาคนฺตฺวา ตโต อุตฺตรทฺวาเรน นิกฺขมิตฺวา นครํ วามํ กโรนฺโต เชตวนํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ธมฺมํ สุณนฺโต นิสีทิ. ทารโก ‘‘กหํ เม ปิตา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘น ชานามา’’ติ วุตฺเต ตสฺส ปทานุสาเรน อนนฺตรปฏิวิสฺสกสฺส ฆรํ อาทึ กตฺวา ปิตุ คตมคฺเคเนว เชตวนํ คนฺตฺวา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ปิตุ สนฺติเก อฏฺาสิ. ปิตรา จ ‘‘กถํ ตาต, มม อิธาคตภาวํ อฺาสี’’ติ ปุฏฺโ ‘‘ปทํ เต สฺชานิตฺวา ปทานุสาเรน อาคโตมฺหี’’ติ อาห. สตฺถา ‘‘กึ กเถสิ อุปาสกา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ภนฺเต, อยํ ทารโก ปทกุสโล, อหํ อิมํ วีมํสนฺโต อิมินา นาม อุปาเยน อาคโต, อยมฺปิ มํ เคเห อทิสฺวา มม ปทานุสาเรน อาคโต’’ติ วุตฺเต ‘‘อนจฺฉริยํ, อุปาสก, ภูมิยํ ปทสฺชานนํ, โปราณกปณฺฑิตา อากาเส ปทํ สฺชานึสู’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต ตสฺส อคฺคมเหสี อติจริตฺวา รฺา ปุจฺฉิตา ‘‘สเจ อหํ ตุมฺเห อติจรามิ, อสฺสมุขี ยกฺขินี โหมี’’ติ สปถํ กตฺวา ตโต กาลํ กตฺวา เอกสฺมึ ปพฺพตปาเท อสฺสมุขี ยกฺขินี หุตฺวา เลณคุหายํ วสมานา มหาอฏวิยํ ปุพฺพนฺตโต อปรนฺตํ คมนมคฺเค อนุสฺจรนฺเต มนุสฺเส คเหตฺวา ขาทติ. สา กิร ตีณิ วสฺสานิ เวสฺสวณํ อุปฏฺหิตฺวา อายามโต ตึสโยชเน วิตฺถารโต ปฺจโยชเน าเน มนุสฺเส ขาทิตุํ ลภิ. อเถกทิวสํ เอโก อฑฺโฒ มหทฺธโน มหาโภโค อภิรูโป พฺราหฺมโณ พหูหิ มนุสฺเสหิ ปริวุโต ตํ มคฺคํ อภิรุหิ. ตํ ทิสฺวา ยกฺขินี ตุสฺสิตฺวา ปกฺขนฺทิ, ตํ ทิสฺวา ปริวารมนุสฺสา ปลายึสุ. สา วาตเวเคน คนฺตฺวา พฺราหฺมณํ คเหตฺวา ปิฏฺิยา นิปชฺชาเปตฺวา คุหํ คจฺฉนฺตี ปุริสสมฺผสฺสํ ปฏิลภิตฺวา กิเลสวเสน ตสฺมึ สิเนหํ อุปฺปาเทตฺวา ตํ อขาทิตฺวา อตฺตโน สามิกํ อกาสิ. เต อุโภปิ สมคฺคสํวาสํ วสึสุ ตโต ปฏฺาย ยกฺขินี มนุสฺเส คณฺหนฺตี วตฺถตณฺฑุลเตลาทีนิปิ คเหตฺวา ตสฺส นานคฺครสโภชนํ อุปเนตฺวา อตฺตนา มนุสฺสมํสํ ขาทติ. คมนกาเล ตสฺส ปลายนภเยน มหติยา สิลาย คุหาทฺวารํ ปิทหิตฺวา คจฺฉติ. เอวํ เตสุ สมฺโมทมาเนสุ วสนฺเตสุ โพธิสตฺโต นิพฺพตฺตฏฺานา จวิตฺวา พฺราหฺมณํ ปฏิจฺจ ตสฺสา กุจฺฉิมฺหิ ปฏิสนฺธึ คณฺหิ. สา ทสมาสจฺจเยน ปุตฺตํ วิชายิตฺวา ปุตฺเต จ พฺราหฺมเณ จ พลวสิเนหา หุตฺวา อุโภปิ โปเสสิ. สา อปรภาเค ปุตฺเต วุฑฺฒิปฺปตฺเต ปุตฺตมฺปิ ปิตรา สทฺธึ อนฺโตคุหายํ ปเวเสตฺวา ทฺวารํ ปิทหิ.

อเถกทิวสํ โพธิสตฺโต ตสฺสา คตกาลํ ตฺวา สิลํ อปเนตฺวา ปิตรํ พหิ อกาสิ. สา อาคนฺตฺวา ‘‘เกน สิลา อปนีตา’’ติ วตฺวา ‘‘อมฺม, มยา อปนีตา, อนฺธกาเร นิสีทิตุํ น สกฺโกมี’’ติ วุตฺเต ปุตฺตสิเนเหน น กิฺจิ อโวจ. อเถกทิวสํ โพธิสตฺโต ปิตรํ ปุจฺฉิ ‘‘ตาต, มยฺหํ มาตุ มุขํ อฺาทิสํ, ตุมฺหากํ มุขํ อฺาทิสํ, กึ นุ โข การณ’’นฺติ? ‘‘ตาต, ตว มาตา มนุสฺสมํสขาทิกา ยกฺขินี, มยํ อุโภ มนุสฺสา’’ติ. ‘‘ตาต, ยทิ เอวํ, อิธ กสฺมา วสาม, เอหิ มนุสฺสปถํ คจฺฉามา’’ติ. ‘‘ตาต, สเจ มยํ ปลายิสฺสาม, อุโภปิ อมฺเห ตว มาตา ขาทิสฺสตี’’ติ. โพธิสตฺโต ‘‘มา ภายิ, ตาต, ตว มนุสฺสปถสมฺปาปนํ มม ภาโร’’ติ ปิตรํ สมสฺสาเสตฺวา ปุนทิวเส มาตริ คตาย ปิตรํ คเหตฺวา ปลายิ. ยกฺขินี อาคนฺตฺวา เต อทิสฺวา วาตเวเคน ปกฺขนฺทิตฺวา เต คเหตฺวา ‘‘พฺราหฺมณ, กึ ปลายสิ, กึ เต อิธ นตฺถี’’ติ วตฺวา ‘‘ภทฺเท, มา มยฺหํ กุชฺฌิ, ปุตฺโต เต มํ คเหตฺวา ปลายตี’’ติ วุตฺเต ปุตฺตสิเนเหน กิฺจิ อวตฺวา เต อสฺสาเสตฺวา อตฺตโน วสนฏฺานฺเว เต คเหตฺวา คนฺตฺวา เอวํ ปุนปิ กติปเย ทิวเส ปลายนฺเต อาเนสิ.

โพธิสตฺโต จินฺเตสิ ‘‘มยฺหํ มาตุ ปริจฺฉินฺเนน โอกาเสน ภวิตพฺพํ, ยํนูนาหํ อิมิสฺสา อาณาปวตฺติฏฺานสีมํ ปุจฺเฉยฺยํ, อถ นํ อติกฺกมิตฺวา ปลายิสฺสามา’’ติ. โส เอกทิวสํ มาตรํ คเหตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺโน ‘‘อมฺม, มาตุสนฺตกํ นาม ปุตฺตานํ ปาปุณาติ, อกฺขาหิ ตาว เม อตฺตโน สนฺตกาย ภูมิยา ปริจฺเฉท’’นฺติ อาห. สา สพฺพทิสาสุ ปพฺพตนทีนิมิตฺตาทีนิ กเถตฺวา อายามโต ตึสโยชนํ, วิตฺถารโต ปฺจโยชนํ ปุตฺตสฺส กเถตฺวา ‘‘อิทํ เอตฺตกํ านํ สลฺลกฺเขหิ ปุตฺตา’’ติ อาห. โส ทฺเว ตโย ทิวเส อติกฺกมิตฺวา มาตุ อฏวิคตกาเล ปิตรํ ขนฺธํ อาโรเปตฺวา ตสฺสา ทินฺนสฺาย วาตเวเคน ปกฺขนฺโท ปริจฺเฉทนทีตีรํ สมฺปาปุณิ. สาปิ อาคนฺตฺวา เต อปสฺสนฺตี อนุพนฺธิ. โพธิสตฺโต ปิตรํ คเหตฺวา นทีมชฺฌํ อคมาสิ. สา อาคนฺตฺวา นทีตีเร ตฺวา อตฺตโน ปริจฺเฉทํ อติกฺกนฺตภาวํ ตฺวา ตตฺเถว ตฺวา ‘‘ตาต, ปิตรํ คเหตฺวา เอหิ, โก มยฺหํ โทโส, ตุมฺหากํ มํ นิสฺสาย กึ นาม น สมฺปชฺชติ, นิวตฺต, สามี’’ติ ปุตฺตฺจ ปติฺจ ยาจิ. อถ พฺราหฺมโณ นทึ อุตฺตริ. สา ปุตฺตเมว ยาจนฺตี ‘‘ตาต, มา เอวํ กริ, นิวตฺตาหี’’ติ อาห. ‘‘อมฺม, มยํ มนุสฺสา, ตฺวํ ยกฺขินี, น สกฺกา สพฺพกาลํ ตว สนฺติเก วสิตุ’’นฺติ. ‘‘เนว นิวตฺติสฺสสิ, ตาตา’’ติ. ‘‘อาม, อมฺมา’’ติ. ‘‘ตาต, ยทิ น นิวตฺติสฺสสิ, มนุสฺสโลเก ชีวิตํ นาม ทุกฺขํ, สิปฺปํ อชานนฺตา ชีวิตุํ น สกฺโกนฺติ, อหํ เอกํ จินฺตามณึ นาม วิชฺชํ ชานามิ, ตสฺสานุภาเวน ทฺวาทสสํวจฺฉรมตฺถเก หฏภณฺฑมฺปิ ปทานุปทํ คนฺตฺวา สกฺกา ชานิตุํ. อยํ เต ชีวิกา ภวิสฺสติ, อุคฺคณฺห, ตาต, อนคฺฆํ มนฺต’’นฺติ ตถารูเปน ทุกฺเขน อภิภูตาปิ ปุตฺตสิเนเหน มนฺตํ อทาสิ.

โพธิสตฺโต นทิยา ิตโกว มาตรํ วนฺทิตฺวา อติสกฺกจฺจํ สุตํ กตฺวา มนฺตํ คเหตฺวา มาตรํ วนฺทิตฺวา ‘‘คจฺฉถ, อมฺมา’’ติ อาห. ‘‘ตาต, ตุมฺเหสุ อนิวตฺตนฺเตสุ มยฺหํ ชีวิตํ นตฺถี’’ติ วตฺวา –

‘‘เอหิ ปุตฺต นิวตฺตสฺสุ, มา อนาถํ กโรหิ เม;

อชฺช ปุตฺตํ อปสฺสนฺตี, ยกฺขินี มรณํ คตา’’ติ.

ยกฺขินี อุรํ ปหริ, ตาวเทวสฺสา ปุตฺตโสเกน หทยํ ผลิ. สา มริตฺวา ตตฺเถว ปติตา. ตทา โพธิสตฺโต ตสฺสา มตภาวํ ตฺวา ปิตรํ ปกฺโกสิตฺวา มาตุ สนฺติกํ คนฺตฺวา จิตกํ กตฺวา ฌาเปตฺวา อาฬาหนํ นิพฺพาเปตฺวา นานาวณฺเณหิ ปุปฺเผหิ ปูเชตฺวา วนฺทิตฺวา โรทิตฺวา ปริเทวิตฺวา ปิตรํ อาทาย พาราณสึ คนฺตฺวา ราชทฺวาเร ตฺวา ‘‘ปทกุสโล มาณโว ทฺวาเร ิโต’’ติ รฺโ ปฏิเวเทตฺวา ‘‘เตน หิ อาคจฺฉตู’’ติ วุตฺเต ปวิสิตฺวา ราชานํ วนฺทิตฺวา ‘‘ตาต, กึ สิปฺปํ ชานาสี’’ติ วุตฺเต ‘‘เทว, ทฺวาทสสํวจฺฉรมตฺถเก หฏภณฺฑํ ปทานุปทํ คนฺตฺวา คณฺหิตุํ ชานามี’’ติ อาห. ‘‘เตน หิ มํ อุปฏฺาหี’’ติ. ‘‘เทว, เทวสิกํ สหสฺสํ ลภนฺโต อุปฏฺหิสฺสามี’’ติ. ‘‘สาธุ ตาต, อุปฏฺหา’’ติ. ราชา เทวสิกํ สหสฺสํ ทาเปสิ.

อเถกทิวสํ ปุโรหิโต ราชานํ อาห – ‘‘มหาราช, มยํ ตสฺส มาณวสฺส สิปฺปานุภาเวน กสฺสจิ กมฺมสฺส อกตตฺตา ‘สิปฺปํ อตฺถิ วา นตฺถิ วา’ติ น ชานาม, วีมํสิสฺสาม ตาว น’’นฺติ. ราชา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา อุโภปิ ชนา นานารตนโคปกานํ สฺํ ทตฺวา รตนสารภณฺฑิกํ คเหตฺวา ปาสาทา โอรุยฺห ราชนิเวสนนฺตเร ติกฺขตฺตุํ อาวิชฺฌิตฺวา นิสฺเสณึ อตฺถริตฺวา ปาการมตฺถเกน พหิ โอตริตฺวา วินิจฺฉยสาลํ ปวิสิตฺวา ตตฺถ นิสีทิตฺวา ปุน คนฺตฺวา นิสฺเสณึ อตฺถริตฺวา ปาการมตฺถเกน โอตริตฺวา อนฺเตปุเร โปกฺขรณิยา ตีรํ คนฺตฺวา โปกฺขรณึ ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา โอตริตฺวา อนฺโตโปกฺขรณิยํ ภณฺฑิกํ เปตฺวา ปาสาทํ อภิรุหึสุ. ปุนทิวเส ‘‘ราชนิเวสนโต กิร รตนํ หรึสู’’ติ เอกโกลาหลํ อโหสิ. ราชา อชานนฺโต วิย หุตฺวา โพธิสตฺตํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘ตาต, ราชนิเวสนโต พหุรตนภณฺฑํ หฏํ, หนฺท นํ อนุวิจินิตุํ วฏฺฏตี’’ติ อาห. ‘‘มหาราช, ทฺวาทสสํวจฺฉรมตฺถเก หฏภณฺฑํ โจรานํ ปทานุปทํ คนฺตฺวา อาหรณสมตฺถสฺส มม อนจฺฉริยํ อชฺช รตฺตึ หฏภณฺฑํ อาหริตุํ, อาหริสฺสามิ ตํ, มา จินฺตยิตฺถา’’ติ. ‘‘เตน หิ อาหรา’’ติ. โส ‘‘สาธุ, เทวา’’ติ วตฺวา มาตรํ วนฺทิตฺวา มนฺตํ ปริวตฺเตตฺวา มหาตเล ิโตว ‘‘มหาราช, ทฺวินฺนํ โจรานํ ปทํ ปฺายตี’’ติ วตฺวา รฺโ จ ปุโรหิตสฺส จ ปทานุสาเรน สิริคพฺภํ ปวิสิตฺวา ตโต นิกฺขมิตฺวา ปาสาทา โอรุยฺห ราชนิเวสนนฺตเร ติกฺขตฺตุํ ปริคนฺตฺวา ปทานุสาเรเนว ปาการสมีปํ คนฺตฺวา ปากาเร ตฺวา ‘‘มหาราช, อิมสฺมึ าเน ปาการโต มุจฺจิตฺวา อากาเส ปทํ ปฺายติ, นิสฺเสณึ อตฺถราเปตฺวา เทถา’’ติ นิสฺเสณึ ปาการมตฺถเกน โอตริตฺวา ปทานุสาเรเนว วินิจฺฉยสาลํ คนฺตฺวา ปุน ราชนิเวสนํ อาคนฺตฺวา นิสฺเสณึ อตฺถราเปตฺวา ปาการมตฺถเกน โอรุยฺห โปกฺขรณึ คนฺตฺวา ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา ‘‘มหาราช, โจรา อิมํ โปกฺขรณึ โอติณฺณา’’ติ วตฺวา อตฺตนา ปิตํ วิย ภณฺฑิกํ นีหริตฺวา รฺโ ทตฺวา ‘‘มหาราช, อิเม ทฺเว โจรา อภิฺาตมหาโจรา อิมินา มคฺเคน ราชนิเวสนํ อภิรุฬฺหา’’ติ อาห. มหาชนา ตุฏฺปหฏฺา องฺคุลิโย โผเฏสุํ, เจลุกฺเขปา ปวตฺตึสุ.

ราชา จินฺเตสิ – ‘‘อยํ มาณโว ปทานุสาเรน คนฺตฺวา โจเรหิ ปิตภณฺฑฏฺานเมว มฺเ ชานาติ, โจเร ปน คณฺหิตุํ น สกฺโกตี’’ติ. อถ นํ อาห ‘‘โจเรหิ หฏภณฺฑํ ตาว โน ตยา อาหฏํ, โจรา ปน น อาหฏา’’ติ. ‘‘มหาราช, อิเธว โจรา, น ทูเร’’ติ. ‘‘โก จ โก จา’’ติ. ‘‘โย มหาราช, อิจฺฉติ, โสว โจโร โหติ, ตโต ตุมฺหากํ ภณฺฑิกสฺส ลทฺธกาลโต ปฏฺาย โจเรหิ โก อตฺโถ, มา ปุจฺฉิตฺถา’’ติ. ‘‘ตาต, อหํ ตุยฺหํ เทวสิกํ สหสฺสํ ทมฺมิ, โจเร เม คเหตฺวา เทหี’’ติ. ‘‘มหาราช, ธเน ลทฺเธ กึ โจเรหี’’ติ. ‘‘ธนโตปิ โน, ตาต, โจเร ลทฺธุํ วฏฺฏตี’’ติ. ‘‘เตน หิ, มหาราช, ‘อิเม นาม โจรา’ติ ตุมฺหากํ น กเถสฺสามิ, อตีเต ปวตฺตการณํ ปน เต อาหริสฺสามิ, สเจ ตุมฺเห ปฺวนฺโต, ตํ การณํ ชานาถา’’ติ โส เอวํ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิโต อวิทูเร นทีตีรคามเก ปาฏลิ นาม เอโก นโฏ วสติ. โส เอกสฺมึ อุสฺสวทิวเส ภริยมาทาย พาราณสึ ปวิสิตฺวา นจฺจิตฺวา วีณํ วาทิตฺวา คายิตฺวา ธนํ ลภิตฺวา อุสฺสวปริโยสาเน พหุํ สุราภตฺตํ คาหาเปตฺวา อตฺตโน คามํ คจฺฉนฺโต นทีตีรํ ปตฺวา นโวทกํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ภตฺตํ ภุฺชนฺโต สุรํ ปิวนฺโต นิสีทิตฺวา มตฺโต หุตฺวา อตฺตโน พลํ อชานนฺโต ‘‘มหาวีณํ คีวาย พนฺธิตฺวา นทึ อุตฺตริตฺวา คมิสฺสามี’’ติ ภริยํ หตฺเถ คเหตฺวา นทึ โอตริ. วีณาฉิทฺเทหิ อุทกํ ปาวิสิ. อถ นํ สา วีณา อุทเก โอสีทาเปสิ. ภริยา ปนสฺส โอสีทนภาวํ ตฺวา ตํ วิสฺสชฺเชตฺวา อุตฺตริตฺวา ตีเร อฏฺาสิ. นฏปาฏลิ สกึ อุมฺมุชฺชติ, สกึ นิมุชฺชติ, อุทกํ ปวิสิตฺวา อุทฺธุมาตอุทโร อโหสิ. อถสฺส ภริยา จินฺเตสิ ‘‘มยฺหํ สามิโก อิทานิ มริสฺสติ, เอกํ นํ คีตกํ ยาจิตฺวา ปริสมชฺเฌ ตํ คายนฺตี ชีวิกํ กปฺเปสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘สามิ, ตฺวํ อุทเก นิมุชฺชสิ, เอกํ เม คีตกํ เทหิ, เตน ชีวิกํ กปฺเปสฺสามี’’ติ วตฺวา คาถมาห –

๔๙.

‘‘พหุสฺสุตํ จิตฺตกถึ, คงฺคา วหติ ปาฏลึ;

วุยฺหมานก ภทฺทนฺเต, เอกํ เม เทหิ คาถก’’นฺติ.

ตตฺถ คาถกนฺติ ขุทฺทกํ คาถํ.

อถ นํ นฏปาฏลิ ‘‘ภทฺเท, กถํ ตว คีตกํ ทสฺสามิ, อิทานิ มหาชนสฺส ปฏิสรณภูตํ อุทกํ มํ มาเรตี’’ติ วตฺวา คาถมาห –

๕๐.

‘‘เยน สิฺจนฺติ ทุกฺขิตํ, เยน สิฺจนฺติ อาตุรํ;

ตสฺส มชฺเฌ มริสฺสามิ, ชาตํ สรณโต ภย’’นฺติ.

โพธิสตฺโต อิมํ คาถํ วตฺวา ‘‘มหาราช, ยถา อุทกํ มหาชนสฺส ปฏิสรณํ, ตถา ราชาโนปิ, เตสํ สนฺติกา ภเย อุปฺปนฺเน ตํ ภยํ โก ปฏิพาหิสฺสตี’’ติ วตฺวา ‘‘มหาราช, อิทํ การณํ ปฏิจฺฉนฺนํ, มยา ปน ปณฺฑิตเวทนียํ กตฺวา กถิตํ, ชานาหิ, มหาราชา’’ติ อาห. ‘‘ตาต อหํ เอวรูปํ ปฏิจฺฉนฺนกถํ น ชานามิ, โจเร เม คเหตฺวา เทหี’’ติ. อถสฺส มหาสตฺโต ‘‘เตน หิ, มหาราช, อิทํ สุตฺวา ชานาหี’’ติ อปรมฺปิ การณํ อาหริ. เทว, ปุพฺเพ อิมิสฺสาว พาราณสิยา ทฺวารคาเม เอโก กุมฺภกาโร ภาชนตฺถาย มตฺติกํ อาหรนฺโต เอกสฺมึเยว าเน นิพทฺธํ คณฺหิตฺวา อนฺโตปพฺภารํ มหนฺตํ อาวาฏํ ขณิ. อเถกทิวสํ ตสฺส มตฺติกํ คณฺหนฺตสฺส อกาลมหาเมโฆ อุฏฺหิตฺวา มหาวุฏฺึ ปาเตสิ. อุทกํ อวตฺถรมานํ อาวาฏํ ปาเตสิ, เตนสฺส มตฺถโก ภิชฺชิ. โส ปริเทวนฺโต คาถมาห –

๕๑.

‘‘ยตฺถ พีชานิ รูหนฺติ, สตฺตา ยตฺถ ปติฏฺิตา;

สา เม สีสํ นิปีเฬติ, ชาตํ สรณโต ภย’’นฺติ.

ตตฺถ นิปีเฬตีติ นิปติตฺวา ปีเฬติ ภินฺทติ.

ยถา หิ เทว, มหาชนสฺส ปฏิสรณภูตา มหาปถวี กุมฺภการสฺส สีสํ ภินฺทิ, เอวเมว มหาปถวีสเม สพฺพโลกสฺส ปฏิสรเณ นรินฺเท อุฏฺาย โจรกมฺมํ กโรนฺเต โก พาหิสฺสติ, สกฺขิสฺสสิ, มหาราช, เอวํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา กถิตํ โจรํ ชานิตุนฺติ. ตาต, มยฺหํ ปฏิจฺฉนฺเนน การณํ นตฺถิ, อยํ โจโรติ เอวํ เม โจรํ คเหตฺวา เทหีติ. โส ราชานํ รกฺขนฺโต ‘‘ตฺวํ โจโร’’ติ อวตฺวา อปรมฺปิ อุทาหรณํ อาหริ. มหาราช, ปุพฺเพ อิมสฺมึเยว นคเร เอกสฺส ปุริสสฺส เคหํ อาทิตฺตํ. โส ‘‘อนฺโต ปวิสิตฺวา ภณฺฑกํ นีหรา’’ติ อฺํ อาณาเปสิ. ตสฺมึ ปวิสิตฺวา นีหรนฺเต เคหทฺวารํ ปิทหิ. โส ธูมนฺโธ หุตฺวา นิกฺขมนมคฺคํ อลภนฺโต อุปฺปนฺนฑาหทุกฺโข หุตฺวา อนฺโต ิโตว ปริเทวนฺโต คาถมาห –

๕๒.

‘‘เยน ภตฺตานิ ปจฺจนฺติ, สีตํ เยน วิหฺติ;

โส มํ ฑหติ คตฺตานิ, ชาตํ สรณโต ภย’’นฺติ.

ตตฺถ โส มํ ฑหตีติ โส เม ฑหติ, อยเมว วา ปาโ.

‘‘มหาราช, อคฺคิ วิย มหาชนสฺส ปฏิสรณภูโต เอโก มนุสฺโส รตนภณฺฑิกํ หริ, มา มํ โจรํ ปุจฺฉา’’ติ. ‘‘ตาต, มยฺหํ โจรํ เทหิเยวา’’ติ. โส ราชานํ ‘‘ตฺวํ โจโร’’ติ อวตฺวา อปรมฺปิ อุทาหรณํ อาหริ. เทว, ปุพฺเพ อิมสฺมึเยว นคเร เอโก ปุริโส อติพหุํ ภุฺชิตฺวา ชีราเปตุํ อสกฺโกนฺโต เวทนาปฺปตฺโต หุตฺวา ปริเทวนฺโต คาถมาห –

๕๓.

‘‘เยน ภุตฺเตน ยาปนฺติ, ปุถู พฺราหฺมณขตฺติยา;

โส มํ ภุตฺโต พฺยาปาเทติ, ชาตํ สรณโต ภย’’นฺติ.

ตตฺถ โส มํ ภุตฺโต พฺยาปาเทตีติ โส โอทโน ภุตฺโต มํ พฺยาปาเทติ มาเรติ.

‘‘มหาราช, ภตฺตํ วิย มหาชนสฺส ปฏิสรณภูโต เอโก ภณฺฑํ หริ, ตสฺมึ ลทฺเธ กึ โจรํ ปุจฺฉสี’’ติ? ‘‘ตาต, สกฺโกนฺโต โจรํ เม เทหี’’ติ. โส ตสฺส สฺาปนตฺถํ อปรมฺปิ อุทาหรณํ อาหริ. มหาราช, ปุพฺเพปิ อิมสฺมึเยว นคเร เอกสฺส วาโต อุฏฺหิตฺวา คตฺตานิ ภฺชิ. โส ปริเทวนฺโต คาถมาห –

๕๔.

‘‘คิมฺหานํ ปจฺฉิเม มาเส, วาตมิจฺฉนฺติ ปณฺฑิตา;

โส มํ ภฺชติ คตฺตานิ, ชาตํ สรณโต ภย’’นฺติ.

อิติ มหาราช, สรณโต ภยํ อุปฺปนฺนํ, ชานาหิ ตํ การณนฺติ. ตาต, โจรํ เม เทหีติ. โส ตสฺส สฺาปนตฺถํ อปรมฺปิ อุทาหรณํ อาหริ. เทว, อตีเต หิมวนฺตปเทเส สาขาวิฏปสมฺปนฺโน มหารุกฺโข อโหสิ ปุปฺผผลสมฺปนฺโน อเนกสหสฺสานํ สกุณานํ นิวาโส ตสฺส ทฺเว สาขา อฺมฺํ สงฺฆฏฺเฏสุํ, ตโต ธูโม อุปฺปชฺชิ, อคฺคิจุณฺณานิ ปตึสุ. ตํ ทิสฺวา สกุณเชฏฺโก คาถมาห –

๕๕.

‘‘ยํ นิสฺสิตา ชคติรุหํ, สฺวายํ อคฺคึ ปมุฺจติ;

ทิสา ภชถ วกฺกงฺคา, ชาตํ สรณโต ภย’’นฺติ.

ตตฺถ ชคติรุหนฺติ มหีรุหํ.

ยถา หิ, เทว, รุกฺโข ปกฺขีนํ ปฏิสรณํ, เอวํ ราชา มหาชนสฺส ปฏิสรณํ, ตสฺมึ โจริกํ กโรนฺเต โก ปฏิพาหิสฺสติ, สลฺลกฺเขหิ, เทวาติ. ตาต, มยฺหํ โจรเมว เทหีติ. อถสฺส โส อปรมฺปิ อุทาหรณํ อาหริ. มหาราช, เอกสฺมึ กาสิคาเม อฺตรสฺส กุลฆรสฺส ปจฺฉิมภาเค กกฺขฬา สุสุมารนที อตฺถิ, ตสฺส จ กุลสฺส เอโกว ปุตฺโต. โส ปิตริ กาลกเต มาตรํ ปฏิชคฺคิ. ตสฺส มาตา อนิจฺฉมานสฺเสว เอกํ กุลธีตรํ อาเนสิ. สา ปุพฺพภาเค สสฺสุํ สมฺปิยายิตฺวา ปจฺฉา ปุตฺตธีตาหิ วฑฺฒมานา ตํ นีหริตุกามา อโหสิ. ตสฺสา ปน มาตาปิ ตสฺมึเยว ฆเร วสติ. สา สามิกสฺส สนฺติเก สสฺสุยา นานปฺปการํ โทสํ วตฺวา ปริภินฺทิตฺวา ‘‘อหํ เต มาตรํ โปเสตุํ น สกฺโกมิ, มาเรหิ น’’นฺติ วตฺวา ‘‘มนุสฺสมารณํ นาม ภาริยํ, กถํ นํ มาเรมี’’ติ วุตฺเต ‘‘นิทฺโทกฺกมนกาเล นํ มฺจเกเนว สทฺธึ คเหตฺวา สุสุมารนทิยํ ขิปิสฺสาม, อถ นํ สุสมารา ขาทิสฺสนฺตี’’ติ อาห. ‘‘ตุยฺหํ ปน มาตา กห’’นฺติ? ‘‘ตสฺสาเยว สนฺติเก สุปตี’’ติ. ‘‘เตน หิ คจฺฉ, ตสฺสา นิปนฺนมฺจเก รชฺชุํ พนฺธิตฺวา สฺํ กโรหี’’ติ. สา ตถา กตฺวา ‘‘กตา เม สฺา’’ติ อาห. อิตโร ‘‘โถกํ อธิวาเสหิ, มนุสฺสา ตาว นิทฺทายนฺตู’’ติ นิทฺทายนฺโต วิย นิปชฺชิตฺวา คนฺตฺวา ตํ รชฺชุกํ ภริยาย มาตุ มฺจเก พนฺธิตฺวา ภริยํ ปโพเธตฺวา อุโภปิ คนฺตฺวา ตํ มฺจเกเนว สทฺธึ อุกฺขิปิตฺวา นทิยํ ขิปึสุ. ตตฺถ นํ นิทฺทายมานํ สุสุมารา วิทฺธํเสตฺวา ขาทึสุ.

สา ปุนทิวเส มาตุ ปริวตฺติตภาวํ ตฺวา ‘‘สามิ, มม มาตาว มาริตา, อิทานิ ตว มาตรํ มาเรหี’’ติ วตฺวา ‘‘เตน หิ สาธู’’ติ วุตฺเต ‘‘สุสาเน จิตกํ กตฺวา อคฺคิมฺหิ นํ ปกฺขิปิตฺวา มาเรสฺสามา’’ติ อาห. อถ นํ นิทฺทายมานํ อุโภปิ สุสานํ เนตฺวา ปยึสุ. ตตฺถ สามิโก ภริยํ อาห ‘‘อคฺคิ เต อาภโต’’ติ? ‘‘ปมุฏฺาสฺมิ, สามี’’ติ. ‘‘เตน หิ คนฺตฺวา อาเนหี’’ติ. ‘‘น สกฺโกมิ สามิ, คนฺตุํ, ตยิ คเตปิ าตุํ น สกฺขิสฺสามิ, อุโภปิ มยํ คจฺฉิสฺสามา’’ติ. เตสุ คเตสุ มหลฺลิกา สีตวาเตน ปโพธิตา สุสานภาวํ ตฺวา ‘‘อิเม มํ มาเรตุกามา อคฺคิอตฺถาย คตา’’ติ จ อุปธาเรตฺวา ‘‘น เม พลํ ชานนฺตี’’ติ เอกํ มตกเฬวรํ คเหตฺวา มฺจเก นิปชฺชาเปตฺวา อุปริ ปิโลติกาย ปฏิจฺฉาเทตฺวา สยํ ปลายิตฺวา ตตฺเถว เลณคุหํ ปาวิสิ. อิตเร อคฺคึ อาหริตฺวา ‘‘มหลฺลิกา’’ติ สฺาย กเฬวรํ ฌาเปตฺวา ปกฺกมึสุ. เอเกน โจเรน ตสฺมึ คุหาเลเณ ปุพฺเพ ภณฺฑิกา ปิตา, โส ‘‘ตํ คณฺหิสฺสามี’’ติ อาคนฺตฺวา มหลฺลิกํ ทิสฺวา ‘‘เอกา ยกฺขินี ภวิสฺสติ, ภณฺฑิกา เม อมนุสฺสปริคฺคหิตา’’ติ เอกํ ภูตเวชฺชํ อาเนสิ. เวชฺโช มนฺตํ กโรนฺโต คุหํ ปาวิสิ.

อถ นํ สา อาห ‘‘นาหํ ยกฺขินี, เอหิ อุโภปิ อิมํ ธนํ ภาเชสฺสามา’’ติ. ‘‘กถํ สทฺทหิตพฺพ’’นฺติ? ‘‘ตว ชิวฺหํ มม ชิวฺหาย เปหี’’ติ. โส ตถา อกาสิ. อถสฺส สา ชิวฺหํ ฑํสิตฺวา ฉินฺทิตฺวา ปาเตสิ. ภูตเวชฺโช ‘‘อทฺธา เอสา ยกฺขินี’’ติ ชิวฺหาย โลหิตํ ปคฺฆรนฺติยา วิรวมาโน ปลายิ. มหลฺลิกา ปุนทิวเส มฏฺสาฏกํ นิวาเสตฺวา นานารตนภณฺฑิกํ คเหตฺวา ฆรํ อคมาสิ. สุณิสา ตํ ทิสฺวา ‘‘กหํ เต, อมฺม, อิทํ ลทฺธ’’นฺติ ปุจฺฉิ. ‘‘อมฺม, เอตสฺมึ สุสาเน ทารุจิตกาย ฌาปิตา เอวรูปํ ลภนฺตี’’ติ. ‘‘อมฺม, มยาปิ สกฺกา ลทฺธุ’’นฺติ. ‘‘มาทิสี หุตฺวา ลภิสฺสสี’’ติ. สา ลทฺธภณฺฑิกโลเภน สามิกสฺส กเถตฺวา ตตฺถ อตฺตานํ ฌาเปสิ. อถ นํ ปุนทิวเส สามิโก อปสฺสนฺโต ‘‘อมฺม, อิมายปิ เวลาย ตฺวํ อาคตา, สุณิสา เต นาคจฺฉตี’’ติ อาห. สา ตํ สุตฺวา ‘‘อเร ปาปปุริส, กึ มตา นาม อาคจฺฉนฺตี’’ติ ตํ ตชฺเชตฺวา คาถมาห –

๕๖.

‘‘ยมานยึ โสมนสฺสํ, มาลินึ จนฺทนุสฺสทํ;

สา มํ ฆรา นิจฺฉุภติ, ชาตํ สรณโต ภย’’นฺติ.

ตตฺถ โสมนสฺสนฺติ โสมนสฺสํ อุปฺปาเทตฺวา. ‘‘โสมนสฺสา’’ติปิ ปาโ, โสมนสฺสวตี หุตฺวาติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยมหํ ‘‘อิมํ เม นิสฺสาย ปุตฺโต ปุตฺตธีตาหิ วฑฺฒิสฺสติ, มฺจ มหลฺลิกกาเล โปเสสฺสตี’’ติ มาลินึ จนฺทนุสฺสทํ กตฺวา อลงฺกริตฺวา โสมนสฺสชาตา อาเนสึ. สา มํ อชฺช ฆรา นีหรติ, สรณโตเยว เม ภยํ อุปฺปนฺนนฺติ.

‘‘มหาราช, สุณิสา วิย สสฺสุยา มหาชนสฺส ราชา ปฏิสรณํ, ตโต ภเย อุปฺปนฺเน กึ สกฺกา กาตุํ, สลฺลกฺเขหิ, เทวา’’ติ. ตํ สุตฺวา ราชา ‘‘ตาต, นาหํ ตยา อานีตการณานิ ชานามิ, โจรเมว เม เทหี’’ติ อาห. โส ‘‘ราชานํ รกฺขิสฺสามี’’ติ อปรมฺปิ อุทาหรณํ อาหริ. เทว, ปุพฺเพ อิมสฺมึเยว นคเร เอโก ปุริโส ปตฺถนํ กตฺวา ปุตฺตํ ลภิ. โส ปุตฺตชาตกาเล ‘‘ปุตฺโต เม ลทฺโธ’’ติ โสมนสฺสชาโต ตํ โปเสตฺวา วยปฺปตฺตกาเล ทาเรน สํโยเชตฺวา อปรภาเค ชรํ ปตฺวา กมฺมํ อธิฏฺาตุํ นาสกฺขิ. อถ นํ ปุตฺโต ‘‘ตฺวํ กมฺมํ กาตุํ น สกฺโกสิ, อิโต นิกฺขมา’’ติ เคหโต นีหริ. โส กิจฺเฉน กสิเรน ชีวิกํ กปฺเปนฺโต ปริเทวมาโน คาถมาห –

๕๗.

‘‘เยน ชาเตน นนฺทิสฺสํ, ยสฺส จ ภวมิจฺฉิสํ;

โส มํ ฆรา นิจฺฉุภติ, ชาตํ สรณโต ภย’’นฺติ.

ตตฺถ โส มนฺติ โส ปุตฺโต มํ ฆรโต นิจฺฉุภติ นีหรติ. สฺวาหํ ภิกฺขํ จริตฺวา ทุกฺเขน ชีวามิ, สรณโตเยว เม ภยํ อุปฺปนฺนนฺติ.

‘‘มหาราช, ยถา ปิตา นาม มหลฺลโก ปฏิพเลน ปุตฺเตน รกฺขิตพฺโพ, เอวํ สพฺโพปิ ชนปโท รฺา รกฺขิตพฺโพ, อิทฺจ ภยํ อุปฺปชฺชมานํ สพฺพสตฺเต รกฺขนฺตสฺส รฺโ สนฺติกา อุปฺปนฺนํ, อิมินา การเณน ‘อสุโก นาม โจโร’ติ ชานาหิ, เทวา’’ติ. ‘‘ตาต, นาหํ การณํ วา อการณํ วา ชานามิ, โจรํ วา เม เทหิ, ตฺวฺเว วา โจโร โหหี’’ติ เอวํ ราชา ปุนปฺปุนํ มาณวํ อนุยุฺชิ. อถ นํ โส เอวมาห ‘‘กึ ปน, มหาราช, เอกํเสน โจรคหณํ โรเจถา’’ติ? ‘‘อาม, ตาตา’’ติ. เตน หิ ‘‘อสุโก จ อสุโก จ โจโร’’ติ ปริสมชฺเฌ ปกาเสมีติ. ‘‘เอวํ กโรหิ, ตาตา’’ติ. โส ตสฺส วจนํ สุตฺวา ‘‘อยํ ราชา อตฺตานํ รกฺขิตุํ น เทติ, คณฺหิสฺสามิ ทานิ โจร’’นฺติ สนฺนิปติเต มหาชเน อามนฺเตตฺวา อิมา คาถา อาห –

๕๘.

‘‘สุณนฺตุ เม ชานปทา, เนคมา จ สมาคตา;

ยโตทกํ ตทาทิตฺตํ, ยโต เขมํ ตโต ภยํ.

๕๙.

‘‘ราชา วิลุมฺปเต รฏฺํ, พฺราหฺมโณ จ ปุโรหิโต;

อตฺตคุตฺตา วิหรถ, ชาตํ สรณโต ภย’’นฺติ.

ตตฺถ ยโตทกํ ตทาทิตฺตนฺติ ยํ อุทกํ ตเทว อาทิตฺตํ. ยโต เขมนฺติ ยโต ราชโต เขเมน ภวิตพฺพํ, ตโตว ภยํ อุปฺปนฺนํ. อตฺถคุตฺตา วิหรถาติ ตุมฺเห อิทานิ อนาถา ชาตา, อตฺตานํ มา วินาเสถ, อตฺตนาว คุตฺตา หุตฺวา อตฺตโน สนฺตกํ ธนธฺํ รกฺขถ, ราชา นาม มหาชนสฺส ปฏิสรณํ, ตโต ตุมฺหากํ ภยํ อุปฺปนฺนํ, ราชา จ ปุโรหิโต จ วิโลปขาทกโจรา, สเจ โจเร คณฺหิตุกามตฺถ, อิเม ทฺเว คเหตฺวา กมฺมกรณํ กโรถาติ.

เต ตสฺส กถํ สุตฺวา จินฺตยึสุ ‘‘อยํ ราชา รกฺขณารโหปิ สมาโน อิทานิ อฺสฺส อุปริ โทสํ อาโรเปตฺวา อตฺตโน ภณฺฑิกํ สยเมว โปกฺขรณิยํ เปตฺวา โจรํ ปริเยสาเปติ, อิโต ทานิ ปฏฺาย ปุน โจรกมฺมสฺส อกรณตฺถาย มาเรม นํ ปาปราชาน’’นฺติ. เต ทณฺฑมุคฺคราทิหตฺถา อุฏฺาย ตตฺเถว ราชานฺจ ปุโรหิตฺจ โปเถตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปตฺวา มหาสตฺตํ อภิสิฺจิตฺวา รชฺเช ปติฏฺเปสุํ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘อนจฺฉริยํ, อุปาสก, ปถวิยํ ปทสฺชานนํ, โปราณกปณฺฑิตา เอวํ อากาเส ปทํ สฺชานึสู’’ติ วตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุปาสโก จ ปุตฺโต จ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺิตา. ตทา ปิตา กสฺสโป อโหสิ, ปทกุสลมาณโว ปน อหเมว อโหสินฺติ.

ปทกุสลมาณวชาตกวณฺณนา ฉฏฺา.

[๔๓๓] ๗. โลมสกสฺสปชาตกวณฺณนา

อสฺส อินฺทสโม ราชาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ อุกฺกณฺิตภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. ตฺหิ ภิกฺขุํ สตฺถา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ อุกฺกณฺิโตสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจ’’นฺติ วุตฺเต ‘‘ภิกฺขุ สิเนรุกมฺปนวาโต กึ ปุราณปณฺณานิ น กมฺเปสฺสติ, ยสสมงฺคิโนปิ สปฺปุริสา อายสกฺยํ ปาปุณนฺติ, กิเลสา นาเมเต ปริสุทฺธสตฺเตปิ สํกิลิฏฺเ กโรนฺติ, ปเคว ตาทิส’’นฺติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต พฺรหฺมทตฺตสฺส ปุตฺโต พฺรหฺมทตฺตกุมาโร นาม ปุโรหิตปุตฺโต จ กสฺสโป นาม ทฺเว สหายกา หุตฺวา เอกาจริยกุเล สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหึสุ. อปรภาเค พฺรหฺมทตฺตกุมาโร ปิตุ อจฺจเยน รชฺเช ปติฏฺาสิ. กสฺสโป จินฺเตสิ ‘‘มยฺหํ สหาโย ราชา ชาโต, อิทานิ เม มหนฺตํ อิสฺสริยํ ทสฺสติ, กึ เม อิสฺสริเยน, อหํ มาตาปิตโร จ ราชานฺจ อาปุจฺฉิตฺวา ปพฺพชิสฺสามี’’ติ. โส ราชานฺจ มาตาปิตโร จ อาปุจฺฉิตฺวา หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา สตฺตเม ทิวเส อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา อุฺฉาจริยาย ยาเปนฺโต วิหาสิ. ปพฺพชิตํ ปน นํ ‘‘โลมสกสฺสโป’’ติ สฺชานึสุ. โส ปรมชิตินฺทฺริโย โฆรตโป ตาปโส อโหสิ. ตสฺส เตเชน สกฺกสฺส ภวนํ กมฺปิ. สกฺโก อาวชฺเชนฺโต ตํ ทิสฺวา จินฺเตสิ ‘‘อยํ ตาปโส อติวิย อุคฺคเตโช สกฺกภาวาปิ มํ จาเวยฺย, พาราณสิรฺา สทฺธึ เอกโต หุตฺวา ตปมสฺส ภินฺทิสฺสามี’’ติ. โส สกฺกานุภาเวน อฑฺฒรตฺตสมเย พาราณสิรฺโ สิริคพฺภํ ปวิสิตฺวา สกลคพฺภํ สรีรปฺปภาย โอภาเสตฺวา รฺโ สนฺติเก อากาเส ิโต ‘‘อุฏฺเหิ, มหาราชา’’ติ ราชานํ ปโพเธสิ. ‘‘โกสิ ตฺว’’นฺติ วุตฺเต ‘‘สกฺโกหมสฺมี’’ติ อาห. ‘‘กิมตฺถํ อาคโตสี’’ติ? ‘‘มหาราช, สกลชมฺพุทีเป เอกรชฺชํ อิจฺฉสิ, น อิจฺฉสี’’ติ? ‘‘กิสฺส น อิจฺฉามี’’ติ? อถ นํ สกฺโก ‘‘เตน หิ โลมสกสฺสปํ อาเนตฺวา ปสุฆาตยฺํ ยชาเปหิ, สกฺกสโม อชรามโร หุตฺวา สกลชมฺพุทีเป รชฺชํ กาเรสฺสสี’’ติ วตฺวา ปมํ คาถมาห –

๖๐.

‘‘อสฺส อินฺทสโม ราช, อจฺจนฺตํ อชรามโร;

สเจ ตฺวํ ยฺํ ยาเชยฺย, อิสึ โลมสกสฺสป’’นฺติ.

ตตฺถ อสฺสาติ ภวิสฺสสิ. ยาเชยฺยาติ สเจ ตฺวํ อรฺายตนโต อิสึ โลมสกสฺสปํ อาเนตฺวา ยฺํ ยเชยฺยาสีติ.

ตสฺส วจนํ สุตฺวา ราชา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ. สกฺโก ‘‘เตน หิ มา ปปฺจํ กรี’’ติ วตฺวา ปกฺกามิ. ราชา ปุนทิวเส เสยฺยํ นาม อมจฺจํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สมฺม, มยฺหํ ปิยสหายกสฺส โลมสกสฺสปสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา มม วจเนน เอวํ วเทหิ ‘ราชา กิร ตุมฺเหหิ ปสุฆาตยฺํ ยชาเปตฺวา สกลชมฺพุทีเป เอกราชา ภวิสฺสติ, ตุมฺหากมฺปิ ยตฺตกํ ปเทสํ อิจฺฉถ, ตตฺตกํ ทสฺสติ, มยา สทฺธึ ยฺํ ยชิตุํ อาคจฺฉถา’’’ติ อาห. โส ‘‘สาธุ, เทวา’’ติ ตาปสสฺส วสโนกาสชานนตฺถํ นคเร เภรึ จราเปตฺวา เอเกน วนจรเกน ‘‘อหํ ชานามี’’ติ วุตฺเต ตํ ปุรโต กตฺวา มหนฺเตน ปริวาเรน ตตฺถ คนฺตฺวา อิสึ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสินฺโน ตํ สาสนํ อาโรเจสิ. อถ นํ โส ‘‘เสยฺย กึ นาเมตํ กเถสี’’ติ วตฺวา ปฏิกฺขิปนฺโต จตสฺโส คาถา อภาสิ –

๖๑.

‘‘สสมุทฺทปริยายํ, มหึ สาครกุณฺฑลํ;

น อิจฺเฉ สห นินฺทาย, เอวํ เสยฺย วิชานหิ.

๖๒.

‘‘ธิรตฺถุ ตํ ยสลาภํ, ธนลาภฺจ พฺราหฺมณ;

ยา วุตฺติ วินิปาเตน, อธมฺมจรเณน วา.

๖๓.

‘‘อปิ เจ ปตฺตมาทาย, อนคาโร ปริพฺพเช;

สาเยว ชีวิกา เสยฺโย, ยา จาธมฺเมน เอสนา.

๖๔.

‘‘อปิ เจ ปตฺตมาทาย, อนคาโร ปริพฺพเช;

อฺํ อหึสยํ โลเก, อปิ รชฺเชน ตํ วร’’นฺติ.

ตตฺถ สสมุทฺทปริยายนฺติ สสมุทฺทปริกฺเขปํ. สาครกุณฺฑลนฺติ จตฺตาโร ทีเป ปริกฺขิปิตฺวา ิตสาคเรหิ กณฺณวลิยา ปิตกุณฺฑเลหิ วิย สมนฺนาคตํ. สห นินฺทายาติ ‘‘อิมินา ปสุฆาตกมฺมํ กต’’นฺติ อิมาย นินฺทาย สห จกฺกวาฬปริยนฺตํ มหาปถวึ น อิจฺฉามีติ วทติ. ยา วุตฺติ วินิปาเตนาติ นรเก วินิปาตกมฺเมน ยา จ ชีวิตวุตฺติ โหติ, ตํ ธิรตฺถุ, ครหามิ ตํ วุตฺตินฺติ ทีเปติ. สาเยว ชีวิกาติ ปพฺพชิตสฺส มตฺติกาปตฺตํ อาทาย ปรฆรานิ อุปสงฺกมิตฺวา อาหารปริเยสนชีวิกาว ยสธนลาภโต สตคุเณน สหสฺสคุเณน วรตราติ อตฺโถ อปิ รชฺเชน ตํ วรนฺติ ตํ อนคารสฺส สโต อฺํ อวิหึสนฺตสฺส ปริพฺพชนํ สกลชมฺพุทีปรชฺเชนปิ วรนฺติ อตฺโถ.

อมจฺโจ ตสฺส กถํ สุตฺวา คนฺตฺวา รฺโ อาโรเจสิ. ตํ สุตฺวา ราชา ‘‘อนาคจฺฉนฺเต กึ สกฺกา กาตุ’’นฺติ ตุณฺหี อโหสิ. ปุน สกฺโก อฑฺฒรตฺตสมเย อาคนฺตฺวา อากาเส ตฺวา ‘‘กึ, มหาราช, โลมสกสฺสปํ อาเนตฺวา ยฺํ น ยชาเปสี’’ติ อาห. ‘‘มยา เปสิโตปิ นาคจฺฉตี’’ติ. ‘‘เตน หิ, มหาราช, อตฺตโน ธีตรํ จนฺทวตึ กุมาริกํ อลงฺกริตฺวา เสยฺยํ ตเถว เปเสตฺวา ‘สเจ กิร อาคนฺตฺวา ยฺํ ยชิสฺสสิ, ราชา เต อิมํ กุมาริกํ ทสฺสตี’ติ วทาเปหิ, อทฺธา โส กุมาริกาย ปฏิพทฺธจิตฺโต หุตฺวา อาคจฺฉิสฺสตี’’ติ. ราชา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ปุนทิวเส เสยฺยสฺส หตฺเถ ธีตรํ อทาสิ. โส ราชธีตรํ คเหตฺวา ตตฺถ คนฺตฺวา อิสึ วนฺทิตฺวา ปฏิสนฺถารํ กตฺวา เทวจฺฉรปฏิภาคํ ราชธีตรํ ตสฺส ทสฺเสตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. อถ อิสิ อินฺทฺริยานิ ภินฺทิตฺวา ตํ โอโลเกสิ, สห โอโลกเนเนว ปฏิพทฺธจิตฺโต หุตฺวา ฌานา ปริหายิ. อมจฺโจ ตสฺส ปฏิพทฺธจิตฺตภาวํ ตฺวา ‘‘ภนฺเต, สเจ กิร ยฺํ ยชิสฺสถ, ราชา เต อิมํ ทาริกํ ปาทปริจาริกํ กตฺวา ทสฺสตี’’ติ อาห. โส กิเลสวเสน กมฺปนฺโต ‘‘อิมํ กิร เม ทสฺสตี’’ติ อาห. ‘‘อาม, ยฺํ ยชนฺตสฺส เต ทสฺสตี’’ติ. โส ‘‘สาธุ อิมํ ลภนฺโต ยชิสฺสามี’’ติ วตฺวา ตํ คเหตฺวา สเหว ชฏาหิ อลงฺกตรถํ อภิรุยฺห พาราณสึ อคมาสิ. ราชาปิ ‘‘อาคจฺฉติ กิรา’’ติ สุตฺวา ยฺาวาเฏ กมฺมํ ปฏฺเปสิ. อถ นํ อาคตํ ทิสฺวา ‘‘สฺเว ยฺํ ยชาหิ, อหํ อินฺทสโม ภวิสฺสามิ, ยฺปริโยสาเน เต ธีตรํ ทสฺสามี’’ติ อาห. กสฺสโป ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ. อถ นํ ราชา ปุนทิวเส ตํ อาทาย จนฺทวติยา สทฺธึเยว ยฺาวาฏํ คโต. ตตฺถ หตฺถิอสฺสอุสภาทิสพฺพจตุปฺปทา ปฏิปาฏิยา ปิตาว อเหสุํ. กสฺสโป เต สพฺเพ หนิตฺวาว ฆาเตตฺวา ยฺํ ยชิตุํ อารภิ. อถ นํ ตตฺถ สนฺนิปติโต มหาชโน ทิสฺวา ‘‘อิทํ เต โลมสกสฺสป อยุตฺตํ อปฺปติรูปํ, กึ นาเมตํ กโรสี’’ติ วตฺวา ปริเทวนฺโต ทฺเว คาถา อภาสิ –

๖๕.

‘‘พลํ จนฺโท พลํ สุริโย, พลํ สมณพฺราหฺมณา;

พลํ เวลา สมุทฺทสฺส, พลาติพลมิตฺถิโย.

๖๖.

‘‘ยถา อุคฺคตปํ สนฺตํ, อิสึ โลมสกสฺสปํ;

ปิตุ อตฺถา จนฺทวตี, วาชเปยฺยํ อยาชยี’’ติ.

ตตฺถ พลํ จนฺโท พลํ สุริโยติ มหนฺธการวิธมเน อฺํ พลํ นาม นตฺถิ, จนฺทิมสูริยาเวตฺถ พลวนฺโตติ อตฺโถ. สมณพฺราหฺมณาติ อิฏฺานิฏฺวิสยเวคสหเน ขนฺติพลาณพเลน สมนฺนาคตา สมิตปาปพาหิตปาปา สมณพฺราหฺมณา. พลํ เวลา สมุทฺทสฺสาติ มหาสมุทฺทสฺส อุตฺตริตุํ อทตฺวา อุทกํ อาวริตฺวา วินาเสตุํ สมตฺถตาย เวลา พลํ นาม. พลาติพลมิตฺถิโยติ อิตฺถิโย ปน วิสทาเณปิ อวีตราเค อตฺตโน วสํ อาเนตฺวา วินาเสตุํ สมตฺถตาย เตหิ สพฺเพหิ พเลหิปิ อติพลา นาม, สพฺพพเลหิ อิตฺถิพลเมว มหนฺตนฺติ อตฺโถ. ยถาติ ยสฺมา. ปิตุ อตฺถาติ ปิตุ วุฑฺฒิอตฺถาย. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยสฺมา อิมํ อุคฺคตปํ สมานํ สีลาทิคุณานํ เอสิตตฺตา อิสึ อยํ จนฺทวตี นิสฺสีลํ กตฺวา ปิตุ วุฑฺฒิอตฺถาย วาชเปยฺยํ ยฺํ ยาเชติ, ตสฺมา ชานิตพฺพเมตํ ‘‘พลาติพลมิตฺถิโย’’ติ.

ตสฺมึ สมเย กสฺสโป ยฺํ ยชนตฺถาย ‘‘มงฺคลหตฺถึ คีวายํ ปหริสฺสามี’’ติ ขคฺครตนํ อุกฺขิปิ. หตฺถี ตํ ทิสฺวา มรณภยตชฺชิโต มหารวํ รวิ. ตสฺส รวํ สุตฺวา เสสาปิ หตฺถิอสฺสอุสภาทโย มรณภยตชฺชิตา ภเยน วิรวึสุ. มหาชโนปิ วิรวิ. กสฺสโป ตํ มหาวิรวํ สุตฺวา สํเวคปฺปตฺโต หุตฺวา อตฺตโน ชฏาทีนิ โอโลเกสิ. อถสฺส ชฏามสฺสุกจฺฉโลมานิ ปากฏานิ อเหสุํ. โส วิปฺปฏิสารี หุตฺวา ‘‘อนนุรูปํ วต เม ปาปกมฺมํ กต’’นฺติ สํเวคํ ปกาเสนฺโต อฏฺมํ คาถมาห –

๖๗.

‘‘ตํ โลภปกตํ กมฺมํ, กฏุกํ กามเหตุกํ;

ตสฺส มูลํ คเวสิสฺสํ, เฉจฺฉํ ราคํ สพนฺธน’’นฺติ.

ตสฺสตฺโถ – มหาราช, ยํ เอตํ มยา จนฺทวติยา โลภํ อุปฺปาเทตฺวา เตน โลเภน ปกตํ กามเหตุกํ ปาปกํ, ตํ กฏุกํ ติขิณวิปากํ. ตสฺสาหํ อโยนิโสมนสิการสงฺขาตํ มูลํ คเวสิสฺสํ, อลํ เม อิมินา ขคฺเคน, ปฺาขคฺคํ นีหริตฺวา สุภนิมิตฺตพนฺธเนน สทฺธึ สพนฺธนํ ราคํ ฉินฺทิสฺสามีติ.

อถ นํ ราชา ‘‘มา ภายิ สมฺม, อิทานิ เต จนฺทวตึ กุมาริฺจ รฏฺฺจ สตฺตรตนราสิฺจ ทสฺสามิ, ยชาหิ ยฺ’’นฺติ อาห. ตํ สุตฺวา กสฺสโป ‘‘น เม, มหาราช, อิมินา กิเลเสน อตฺโถ’’ติ วตฺวา โอสานคาถมาห –

๖๘.

‘‘ธิรตฺถุ กาเม สุพหูปิ โลเก, ตโปว เสยฺโย กามคุเณหิ ราช;

ตโป กริสฺสามิ ปหาย กาเม, ตเวว รฏฺํ จนฺทวตี จ โหตู’’ติ.

ตตฺถ สุพหูปีติ อติพหุเกปิ. ตโป กริสฺสามีติ สีลสํยมตปเมว กริสฺสามิ.

โส เอวํ วตฺวา กสิณํ สมนฺนาหริตฺวา นฏฺํ วิเสสํ อุปฺปาเทตฺวา อากาเส ปลฺลงฺเกน นิสีทิตฺวา รฺโ ธมฺมํ เทเสตฺวา ‘‘อปฺปมตฺโต โหหี’’ติ โอวทิตฺวา ยฺาวาฏํ วิทฺธํสาเปตฺวา มหาชนสฺส อภยทานํ ทาเปตฺวา รฺโ ยาจนฺตสฺเสว อุปฺปติตฺวา อตฺตโน วสนฏฺานเมว คนฺตฺวา ยาวชีวํ ตฺวา อายุปริโยสาเน พฺรหฺมโลกปรายโณ อโหสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺิตภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ตทา เสยฺโย มหาอมจฺโจ สาริปุตฺโต อโหสิ, โลมสกสฺสโป ปน อหเมว อโหสินฺติ.

โลมสกสฺสปชาตกวณฺณนา สตฺตมา.

[๔๓๔] ๘. จกฺกวากชาตกวณฺณนา

กาสายวตฺเถติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต เอกํ โลลภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. โส กิร โลโล อโหสิ ปจฺจยลุทฺโธ, อาจริยุปชฺฌายวตฺตาทีนิ ฉฑฺเฑตฺวา ปาโตว สาวตฺถึ ปวิสิตฺวา วิสาขาย เคเห อเนกขาทนียปริวารํ ยาคุํ ปิวิตฺวา นานคฺครสสาลิมํโสทนํ ภุฺชิตฺวาปิ เตน อติตฺโต ตโต จูฬอนาถปิณฺฑิกสฺส มหาอนาถปิณฺฑิกสฺส โกสลรฺโติ เตสํ เตสํ นิเวสนานิ สนฺธาย วิจริ. อเถกทิวสํ ตสฺส โลลภาวํ อารพฺภ ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ตํ ภิกฺขุํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ โลโล’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจํ, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘ภิกฺขุ กสฺมา โลโลสิ, ปุพฺเพปิ ตฺวํ โลลภาเวน พาราณสิยํ หตฺถิกุณปาทีนิ ขาทิตฺวา วิจรนฺโต เตหิ อติตฺโต ตโต นิกฺขมิตฺวา คงฺคาตีเร วิจรนฺโต หิมวนฺตํ ปวฏฺโ’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต เอโก โลลกาโก พาราณสิยํ หตฺถิกุณปาทีนิ ขาทิตฺวา วิจรนฺโต เตหิ อติตฺโต ‘‘คงฺคากูเล มจฺฉมตํ ขาทิสฺสามี’’ติ คนฺตฺวา ตตฺถ มตมจฺเฉ ขาทนฺโต กติปาหํ วสิตฺวา หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา นานาผลาผลานิ ขาทนฺโต พหุมจฺฉกจฺฉปํ มหนฺตํ ปทุมสรํ ปตฺวา ตตฺถ สุวณฺณวณฺเณ ทฺเว จกฺกวาเก เสวาลํ ขาทิตฺวา วสนฺเต ทิสฺวา ‘‘อิเม อติวิย วณฺณสมฺปนฺนา โสภคฺคปฺปตฺตา, อิเมสํ โภชนํ มนาปํ ภวิสฺสติ, อิเมสํ โภชนํ ปุจฺฉิตฺวา อหมฺปิ ตเทว ภุฺชิตฺวา สุวณฺณวณฺโณ ภวิสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา เตสํ สนฺติกํ คนฺตฺวา ปฏิสนฺถารํ กตฺวา เอกสฺมึ สาขปริยนฺเต นิสีทิตฺวา เตสํ ปสํสนปฏิสํยุตฺตํ กถํ กเถนฺโต ปมํ คาถมาห –

๖๙.

‘‘กาสายวตฺเถ สกุเณ วทามิ, ทุเว ทุเว นนฺทมเน จรนฺเต;

กํ อณฺฑชํ อณฺฑชา มานุเสสุ, ชาตึ ปสํสนฺติ ตทิงฺฆ พฺรูถา’’ติ.

ตตฺถ กาสายวตฺเถติ สุวณฺณวณฺเณ กาสายวตฺเถ วิย. ทุเว ทุเวติ ทฺเว ทฺเว หุตฺวา. นนฺทมเนติ ตุฏฺจิตฺเต. กํ อณฺฑชํ อณฺฑชา มานุเสสุ ชาตึ ปสํสนฺตีติ อมฺโภ อณฺฑชา ตุมฺเห มนุสฺเสสุ ปสํสนฺตา กํ อณฺฑชํ ชาตึ กตรํ นาม อณฺฑชนฺติ วตฺวา ปสํสนฺติ, กํ สกุณํ นามาติ วตฺวา ตุมฺเห มนุสฺสานํ อนฺตเร วณฺเณนฺตีติ อตฺโถ. ‘‘กํ อณฺฑชํ อณฺฑชมานุเสสู’’ติปิ ปาโ. ตสฺสตฺโถ – ตุมฺเห อณฺฑเชสุ จ มานุเสสุ จ กตรํ อณฺฑชนฺติ วตฺวา ปสํสนฺตีติ.

ตํ สุตฺวา จกฺกวาโก ทุติยํ คาถมาห –

๗๐.

‘‘อมฺเห มนุสฺเสสุ มนุสฺสหึส, อนุพฺพเต จกฺกวาเก วทนฺติ;

กลฺยาณภาวมฺเห ทิเชสุ สมฺมตา, อภิรูปา วิจราม อณฺณเว’’ติ.

ตตฺถ มนุสฺสหึสาติ กาโก มนุสฺเส หึสติ วิเหเติ, เตน นํ เอวํ อาลปติ. อนุพฺพเตติ อฺมฺํ อนุคเต สมฺโมทมาเน วิยสํวาเส. จกฺกวาเกติ จกฺกวากา นาม สา อณฺฑชชาตีติ ปสํสนฺติ วณฺเณนฺติ กเถนฺติ. ทิเชสูติ ยตฺตกา ปกฺขิโน นาม, เตสุ มยํ ‘‘กลฺยาณภาวา’’ติปิ มนุสฺเสสุ สมฺมตา. ทุติเย อตฺถวิกปฺเป มนุสฺเสสุ อมฺเห ‘‘จกฺกวากา’’ติปิ วทนฺติ, ทิเชสุ ปน มยํ ‘‘กลฺยาณภาวา’’ติ สมฺมตา, ‘‘กลฺยาณภาวา’’ติ โน ทิชา วทนฺตีติ อตฺโถ. อณฺณเวติ อิมสฺมึ าเน สโร ‘‘อณฺณโว’’ติ วุตฺโต, อิมสฺมึ ปทุมสเร มยเมว ทฺเว ชนา ปเรสํ อหึสนโต อภิรูปา วิจรามาติ อตฺโถ. อิมิสฺสาย ปน คาถาย จตุตฺถปทํ ‘‘น ฆาสเหตูปิ กโรม ปาป’’นฺติ ปนฺติ. ตสฺสตฺโถ – ยสฺมา มยํ ฆาสเหตูปิ ปาปํ น กโรม, ตสฺมา ‘‘กลฺยาณภาวา’’ติ อมฺเห มนุสฺเสสุ จ ทิเชสุ จ สมฺมตา.

ตํ สุตฺวา กาโก ตติยํ คาถมาห –

๗๑.

‘‘กึ อณฺณเว กานิ ผลานิ ภุฺเช, มํสํ กุโต ขาทถ จกฺกวากา;

กึ โภชนํ ภุฺชถ โว อโนมา, พลฺจ วณฺโณ จ อนปฺปรูปา’’ติ.

ตตฺถ กินฺติ ปุจฺฉาวเสน อาลปนํ, กึ โภ จกฺกวากาติ วุตฺตํ โหติ. อณฺณเวติ อิมสฺมึ สเร. ภุฺเชติ ภุฺชถ, กึ ภุฺชถาติ อตฺโถ มํสํ กุโต ขาทถาติ กตรปาณานํ สรีรโต มํสํ ขาทถ. ภุฺชถ โวติ โวกาโร นิปาตมตฺตํ, ปรปเทน วาสฺส สมฺพนฺโธ ‘‘พลฺจ วา วณฺโณ จ อนปฺปรูปา’’ติ.

ตโต จกฺกวาโก จตุตฺถํ คาถมาห –

๗๒.

‘‘น อณฺณเว สนฺติ ผลานิ ธงฺก, มํสํ กุโต ขาทิตุํ จกฺกวาเก;

เสวาลภกฺขมฺห อปาณโภชนา, น ฆาสเหตูปิ กโรม ปาป’’นฺติ.

ตตฺถ จกฺกวาเกติ จกฺกวากสฺส. อปาณโภชนาติ ปาณกรหิตอุทกโภชนา. อมฺหากฺหิ เสวาลฺเจว อุทกฺจ โภชนนฺติ ทสฺเสติ. น ฆาสเหตูติ ตุมฺหาทิสา วิย มยํ ฆาสเหตุ ปาปํ น กโรมาติ.

ตโต กาโก ทฺเว คาถา อภาสิ –

๗๓.

‘‘น เม อิทํ รุจฺจติ จกฺกวาก, อสฺมึ ภเว โภชนสนฺนิกาโส;

อโหสิ ปุพฺเพ ตโต เม อฺถา, อิจฺเจว เม วิมติ เอตฺถ ชาตา.

๗๔.

‘‘อหมฺปิ มํสานิ ผลานิ ภุฺเช, อนฺนานิ จ โลณิยเตลิยานิ;

รสํ มนุสฺเสสุ ลภามิ โภตฺตุํ, สูโรว สงฺคามมุขํ วิเชตฺวา;

น จ เม ตาทิโส วณฺโณ, จกฺกวาก ยถา ตวา’’ติ.

ตตฺถ อิทนฺติ อิทํ ตุมฺหากํ ภุฺชนโภชนํ มยฺหํ น รุจฺจติ. อสฺมึ ภเว โภชนสนฺนิกาโสติ อิมสฺมึ ภเว โภชนสนฺนิกาโส ยํ อิมสฺมึ จกฺกวากภเว โภชนํ, ตฺวํ เตน สนฺนิกาโส ตํสทิโส ตทนุรูโป อโหสิ, อติวิย ปสนฺนสรีโรสีติ อตฺโถ. ตโต เม อฺถาติ ยํ มยฺหํ ปุพฺเพ ตุมฺเห ทิสฺวาว เอเต เอตฺถ นานาวิธานิ ผลานิ เจว มจฺฉมํสฺจ ขาทนฺติ, เตน เอวํ โสภคฺคปฺปตฺตาติ อโหสิ, อิทานิ เม ตโต อฺถา โหตีติ อตฺโถ. อิจฺเจว เมติ เอเตเนว เม การเณน เอตฺถ ตุมฺหากํ สรีรวณฺเณ วิมติ ชาตา ‘‘กถํ นุ โข เอเต เอวรูปํ ลูขโภชนํ ภุฺชนฺตา วณฺณวนฺโต ชาตา’’ติ. อหมฺปีติ อหฺหิ, อยเมว วา ปาโ. ภุฺเชติ ภุฺชามิ. อนฺนานิ จาติ โภชนานิ จ. โลณิยเตลิยานีติ โลณเตลยุตฺตานิ. รสนฺติ มนุสฺเสสุ ปริโภคํ ปณีตรสํ. วิเชตฺวาติ ยถา สูโร วีรโยโธ สงฺคามมุขํ วิเชตฺวา วิลุมฺปิตฺวา ปริภุฺชติ, ตถา วิลุมฺปิตฺวา ปริภุฺชามีติ อตฺโถ. ยถา ตวาติ เอวํ ปณีตํ โภชนํ ภุฺชนฺตสฺสปิ มม ตาทิโส วณฺโณ นตฺถิ, ยาทิโส ตว วณฺโณ, เตน ตว วจนํ น สทฺทหามีติ ทีเปติ.

อถสฺส วณฺณสมฺปตฺติยา อภาวการณํ อตฺตโน จ ภาวการณํ กเถนฺโต จกฺกวาโก เสสคาถา อภาสิ –

๗๕.

‘‘อสุทฺธภกฺโขสิ ขณานุปาตี, กิจฺเฉน เต ลพฺภติ อนฺนปานํ;

น ตุสฺสสี รุกฺขผเลหิ ธงฺก, มํสานิ วา ยานิ สุสานมชฺเฌ.

๗๖.

‘‘โย สาหเสน อธิคมฺม โภเค, ปริภุฺชติ ธงฺก ขณานุปาตี;

ตโต อุปกฺโกสติ นํ สภาโว, อุปกฺกุฏฺโ วณฺณพลํ ชหาติ.

๗๗.

‘‘อปฺปมฺปิ เจ นิพฺพุตึ ภุฺชตี ยทิ, อสาหเสน อปรูปฆาตี;

พลฺจ วณฺโณ จ ตทสฺส โหติ, น หิ สพฺโพ อาหารมเยน วณฺโณ’’ติ.

ตตฺถ อสุทฺธภกฺโขสีติ ตฺวํ เถเนตฺวา วฺเจตฺวา ภกฺขนโต อสุทฺธภกฺโข อสิ. ขณานุปาตีติ ปมาทกฺขเณ อนุปตนสีโล. กิจฺเฉน เตติ ตยา ทุกฺเขน อนฺนปานํ ลพฺภติ. มํสานิ วา ยานีติ ยานิ วา สุสานมชฺเฌ มํสานิ, เตหิ น ตุสฺสสิ. ตโตติ ปจฺฉา. อุปกฺโกสติ นํ สภาโวติ อตฺตาว ตํ ปุคฺคลํ ครหิ. อุปกฺกุฏฺโติ อตฺตนาปิ ปเรหิปิ อุปกฺกุฏฺโ ครหิโต วิปฺปฏิสาริตาย วณฺณฺจ พลฺจ ชหาสิ. นิพฺพุตึ ภุฺชตี ยทีติ ยทิ ปน ปรํ อวิเหเตฺวา อปฺปกมฺปิ ธมฺมลทฺธํ นิพฺพุติโภชนํ ภุฺชติ. ตทสฺส โหตีติ ตทา อสฺส ปณฺฑิตสฺส สรีเร พลฺจ วณฺโณ จ โหติ. อาหารมเยนาติ นานปฺปกาเรน อาหาเรเนว. อิทํ วุตฺตํ โหติ – โภ กาก, วณฺโณ นาเมส จตุสมุฏฺาโน, โส น อาหารมตฺเตเนว โหติ, อุตุจิตฺตกมฺเมหิปิ โหติเยวาติ.

เอวํ จกฺกวาโก อเนกปริยาเยน กากํ ครหิ. กาโก หรายิตฺวา ‘‘น มยฺหํ ตว วณฺเณน อตฺโถ, กา กา’’ติ วสฺสนฺโต ปลายิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน โลลภิกฺขุ อนาคามิผเล ปติฏฺหิ. ตทา กาโก โลลภิกฺขุ อโหสิ, จกฺกวากี ราหุลมาตา, จกฺกวาโก ปน อหเมว อโหสินฺติ.

จกฺกวากชาตกวณฺณนา อฏฺมา.

[๔๓๕] ๙. หลิทฺทิราคชาตกวณฺณนา

สุติติกฺขนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต ถุลฺลกุมาริกาปโลภนํ อารพฺภ กเถสิ. วตฺถุ เตรสกนิปาเต จูฬนารทชาตเก (ชา. ๑.๑๓.๔๐ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติ. อตีตวตฺถุมฺหิ ปน สา กุมาริกา ตสฺส ตาปสกุมารสฺส สีลํ ภินฺทิตฺวา อตฺตโน วเส ิตภาวํ ตฺวา ‘‘อิมํ วฺเจตฺวา มนุสฺสปถํ เนสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘รูปาทิกามคุณวิรหิเต อรฺเ รกฺขิตสีลํ นาม น มหปฺผลํ โหติ, มนุสฺสปเถ รูปาทีนํ ปจฺจุปฏฺาเน มหปฺผลํ โหติ, เอหิ มยา สทฺธึ ตตฺถ คนฺตฺวา สีลํ รกฺขาหิ, กึ เต อรฺเนา’’ติ วตฺวา ปมํ คาถมาห –

๗๘.

‘‘สุติติกฺขํ อรฺมฺหิ, ปนฺตมฺหิ สยนาสเน;

เย จ คาเม ติติกฺขนฺติ, เต อุฬารตรา ตยา’’ติ.

ตตฺถ สุติติกฺขนฺติ สุฏฺุ อธิวาสนํ. ติติกฺขนฺตีติ สีตาทีนิ อธิวาเสนฺติ.

ตํ สุตฺวา ตาปสกุมาโร ‘‘ปิตา เม อรฺํ คโต, ตสฺมึ อาคเต ตํ อาปุจฺฉิตฺวา คมิสฺสามี’’ติ อาห. สา จินฺเตสิ ‘‘ปิตา กิรสฺส อตฺถิ, สเจ มํ โส ปสฺสิสฺสติ, กาชโกฏิยา มํ โปเถตฺวา วินาสํ ปาเปสฺสติ, มยา ปมเมว คนฺตพฺพ’’นฺติ. อถ นํ สา ‘‘เตน หิ อหํ มคฺคสฺํ กุรุมานา ปมตรํ คมิสฺสามิ, ตฺวํ ปจฺฉา อาคจฺฉาหี’’ติ วตฺวา อคมาสิ. โส ตสฺสา คตกาเล เนว ทารูนิ อาหริ, น ปานียํ, น ปริโภชนียํ อุปฏฺาเปสิ, เกวลํ ปชฺฌายนฺโตว นิสีทิ, ปิตุ อาคมนกาเล ปจฺจุคฺคมนํ นากาสิ. อถ นํ ปิตา ‘‘อิตฺถีนํ วสํ คโต เอโส’’ติ ตฺวาปิ ‘‘กสฺมา ตาต, เนว ทารูนิ อาหริ, น ปานียํ, น ปริโภชนียํ อุปฏฺาเปสิ, ปชฺฌายนฺโตเยว ปน นิสินฺโนสี’’ติ อาห. อถ นํ ตาปสกุมาโร ‘‘ตาต, อรฺเ กิร รกฺขิตสีลํ นาม น มหปฺผลํ โหติ, มนุสฺสปเถ มหปฺผลํ, อหํ ตตฺถ คนฺตฺวา สีลํ รกฺขิสฺสามิ, สหาโย เม มํ ‘อาคจฺเฉยฺยาสี’ติ วตฺวา ปุรโต คโต, อหํ เตเนว สทฺธึ คมิสฺสามิ, ตตฺถ ปน วสนฺเตน มยา กตโร ปุริโส เสวิตพฺโพ’’ติ ปุจฺฉนฺโต ทุติยํ คาถมาห –

๗๙.

‘‘อรฺา คามมาคมฺม, กึสีลํ กึวตํ อหํ;

ปุริสํ ตาต เสเวยฺยํ, ตํ เม อกฺขาหิ ปุจฺฉิโต’’ติ.

อถสฺส ปิตา กเถนฺโต เสสคาถา อภาสิ –

๘๐.

‘‘โย เต วิสฺสาสเย ตาต, วิสฺสาสฺจ ขเมยฺย เต;

สุสฺสูสี จ ติติกฺขี จ, ตํ ภเชหิ อิโต คโต.

๘๑.

‘‘ยสฺส กาเยน วาจาย, มนสา นตฺถิ ทุกฺกฏํ;

อุรสีว ปติฏฺาย, ตํ ภเชหิ อิโต คโต.

๘๒.

‘‘โย จ ธมฺเมน จรติ, จรนฺโตปิ น มฺติ;

วิสุทฺธการึ สปฺปฺํ, ตํ ภเชหิ อิโต คโต.

๘๓.

‘‘หลิทฺทิราคํ กปิจิตฺตํ, ปุริสํ ราควิราคินํ;

ตาทิสํ ตาต มา เสวิ, นิมฺมนุสฺสมฺปิ เจ สิยา.

๘๔.

‘‘อาสีวิสํว กุปิตํ, มีฬฺหลิตฺตํ มหาปถํ;

อารกา ปริวชฺเชหิ, ยานีว วิสมํ ปถํ.

๘๕.

‘‘อนตฺถา ตาต วฑฺฒนฺติ, พาลํ อจฺจุปเสวโต;

มาสฺสุ พาเลน สํคจฺฉิ, อมิตฺเตเนว สพฺพทา.

๘๖.

‘‘ตํ ตาหํ ตาต ยาจามิ, กรสฺสุ วจนํ มม;

มาสฺสุ พาเลน สํคจฺฉิ, ทุกฺโข พาเลหิ สงฺคโม’’ติ.

ตตฺถ โย เต วิสฺสาสเยติ โย ตว วิสฺสาเสยฺย. ขเมยฺย เตติ โย จ ตว อตฺตนิ ตยา กตํ วิสฺสาสํ ขเมยฺย. สุสฺสูสี จ ติติกฺขี จาติ ตว วจนํ สุสฺสูสาย เจว วจนาธิวาสเนน จ สมนฺนาคโต ภเวยฺยาติ อตฺโถ. อุรสีว ปติฏฺายาติ ยถา มาตุ อุรสิ ปุตฺโต ปติฏฺาติ, เอวํ ปติฏฺหิตฺวา อตฺตโน มาตรํ วิย มฺมาโน ตํ ภเชยฺยาสีติ วทติ. โย จ ธมฺเมน จรตีติ โย ติวิเธน สุจริเตน ธมฺเมน อิริยติ. น มฺตีติ ตถา จรนฺโตปิ ‘‘อหํ ธมฺมํ จรามี’’ติ มานํ น กโรติ. วิสุทฺธการินฺติ วิสุทฺธานํ ทสกุสลกมฺมปถานํ การกํ.

ราควิราคินนฺติ ราคินฺจ วิราคินฺจ รชฺชิตฺวา ตํขณฺเว วิรชฺชนสภาวํ. นิมฺมนุสฺสมฺปิ เจ สิยาติ สเจปิ สกลชมฺพุทีปตลํ นิมฺมนุสฺสํ โหติ, โสเยว เอโก มนุสฺโส ติฏฺติ, ตถาปิ ตาทิสํ มา เสวิ. มหาปถนฺติ คูถมกฺขิตํ มคฺคํ วิย. ยานีวาติ ยาเนน คจฺฉนฺโต วิย. วิสมนฺติ นินฺนอุนฺนตขาณุปาสาณาทิวิสมํ. พาลํ อจฺจุปเสวโตติ พาลํ อปฺปฺํ อติเสวนฺตสฺส. สพฺพทาติ ตาต, พาเลน สห สํวาโส นาม อมิตฺตสํวาโส วิย สพฺพทา นิจฺจกาลเมว ทุกฺโข. ตํ ตาหนฺติ เตน การเณน ตํ อหํ.

โส เอวํ ปิตรา โอวทิโต ‘‘ตาต, อหํ มนุสฺสปถํ คนฺตฺวา ตุมฺหาทิเส ปณฺฑิเต น ลภิสฺสามิ, ตตฺถ คนฺตุํ ภายามิ, อิเธว ตุมฺหากํ สนฺติเก วสิสฺสามี’’ติ อาห. อถสฺส ภิยฺโยปิ โอวาทํ ทตฺวา กสิณปริกมฺมํ อาจิกฺขิ. โส น จิรสฺเสว อภิฺาสมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวา สทฺธึ ปิตรา พฺรหฺมโลกปรายโณ อโหสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺิตภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ.

ตทา ตาปสกุมาโร อุกฺกณฺิตภิกฺขุ อโหสิ, กุมาริกา ถุลฺลกุมาริกาว, ปิตา ตาปโส ปน อหเมว อโหสินฺติ.

หลิทฺทิราคชาตกวณฺณนา นวมา.

[๔๓๖] ๑๐. สมุคฺคชาตกวณฺณนา

กุโต นุ อาคจฺฉถาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อุกฺกณฺิตภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิ. ตฺหิ สตฺถา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ อุกฺกณฺิโตสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจํ, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘กสฺมา ภิกฺขุ มาตุคามํ ปตฺเถสิ, มาตุคาโม นาเมส อสพฺโภ อกตฺู, ปุพฺเพ ทานวรกฺขสา คิลิตฺวา กุจฺฉินา ปริหรนฺตาปิ มาตุคามํ รกฺขิตุํ เอกปุริสนิสฺสิตํ กาตุํ นาสกฺขึสุ, ตฺวํ กถํ สกฺขิสฺสสี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต โพธิสตฺโต กาเม ปหาย หิมวนฺตํ ปวิสิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา ผลาผเลน ยาเปนฺโต วิหาสิ. ตสฺส ปณฺณสาลาย อวิทูเร เอโก ทานวรกฺขโส วสติ. โส อนฺตรนฺตรา มหาสตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ สุณาติ, อฏวิยํ ปน มนุสฺสานํ สฺจรณมคฺเค ตฺวา อาคตาคเต มนุสฺเส คเหตฺวา ขาทติ. ตสฺมึ กาเล เอกา กาสิรฏฺเ กุลธีตา อุตฺตมรูปธรา อฺตรสฺมึ ปจฺจนฺตคาเม นิวุตฺถา โหติ. ตสฺสา เอกทิวสํ มาตาปิตูนํ ทสฺสนตฺถาย คนฺตฺวา ปจฺจาคมนกาเล ปริวารมนุสฺเส ทิสฺวา โส ทานโว เภรวรูเปน ปกฺขนฺทิ. มนุสฺสา ภีตา คหิตคหิตาวุธานิ ฉฑฺเฑตฺวา ปลายึสุ. ทานโว ยาเน นิสินฺนํ อภิรูปํ มาตุคามํ ทิสฺวา ปฏิพทฺธจิตฺโต หุตฺวา ตํ อตฺตโน คุหํ เนตฺวา ภริยํ อกาสิ. ตโต ปฏฺาย สปฺปิเตลตณฺฑุลมจฺฉมํสาทีนิ เจว มธุรผลาผลานิ จ อาหริตฺวา ตํ โปเสสิ, วตฺถาลงฺกาเรหิ จ นํ อลงฺกริตฺวา รกฺขณตฺถาย เอกสฺมึ กรณฺฑเก ปกฺขิปิตฺวา กรณฺฑกํ คิลิตฺวา กุจฺฉินา ปริหรติ. โส เอกทิวสํ นฺหายิตุกามตาย เอกํ สรํ คนฺตฺวา กรณฺฑกํ อุคฺคิลิตฺวา ตํ ตโต นีหริตฺวา นฺหาเปตฺวา วิลิมฺเปตฺวา อลงฺกาเรตฺวา ‘‘โถกํ ตว สรีรํ อุตุํ คณฺหาเปหี’’ติ ตํ กรณฺฑกสมีเป เปตฺวา สยํ นฺหานติตฺถํ โอตริตฺวา ตํ อนาสงฺกมาโน โถกํ ทูรํ คนฺตฺวา นฺหายิ.

ตสฺมึ สมเย วายุสฺสปุตฺโต นาม วิชฺชาธโร สนฺนทฺธขคฺโค อากาเสน คจฺฉติ. สา ตํ ทิสฺวา ‘‘เอหี’’ติ หตฺถมุทฺทํ อกาสิ, วิชฺชาธโร ขิปฺปํ โอตริ. อถ นํ สา กรณฺฑเก ปกฺขิปิตฺวา ทานวสฺส อาคมนํ โอโลเกนฺตี กรณฺฑกูปริ นิสีทิตฺวา ตํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ตสฺส อตฺตานํ ทสฺเสตฺวา ตสฺมึ กรณฺฑกสมีปํ อสมฺปตฺเตเยว กรณฺฑกํ วิวริตฺวา อนฺโต ปวิสิตฺวา วิชฺชาธรสฺส อุปริ นิปชฺชิตฺวา อตฺตโน สาฏกํ ปารุปิ. ทานโว อาคนฺตฺวา กรณฺฑกํ อโสเธตฺวา ‘‘มาตุคาโมเยว เม’’ติ สฺาย กรณฺฑกํ คิลิตฺวา อตฺตโน คุหํ คจฺฉนฺโต อนฺตรามคฺเค จินฺเตสิ ‘‘ตาปโส เม จิรํ ทิฏฺโ, อชฺช ตาว นํ คนฺตฺวา วนฺทิสฺสามี’’ติ. โส ตสฺส สนฺติกํ อคมาสิ. ตาปโสปิ นํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ทฺวินฺนํ ชนานํ กุจฺฉิคตภาวํ ตฺวา สลฺลปนฺโต ปมํ คาถมาห –

๘๗.

‘‘กุโต นุ อาคจฺฉถ โภ ตโย ชนา, สฺวาคตา เอถ นิสีทถาสเน;

กจฺจิตฺถ, โภนฺโต กุสลํ อนามยํ, จิรสฺสมพฺภาคมนฺหิ โว อิธา’’ติ.

ตตฺถ โภติ อาลปนํ. กจฺจิตฺถาติ กจฺจิ โหถ ภวถ วิชฺชถ. โภนฺโตติ ปุน อาลปนฺโต อาห. กุสลํ อนามยนฺติ กจฺจิ ตุมฺหากํ กุสลํ อาโรคฺยํ. จิรสฺสมพฺภาคมนฺหิ โว อิธาติ อชฺช ตุมฺหากํ อิธ อพฺภาคมนฺจ จิรํ ชาตํ.

ตํ สุตฺวา ทานโว ‘‘อหํ อิมสฺส ตาปสสฺส สนฺติกํ เอกโกว อาคโต, อยฺจ ตาปโส ‘ตโย ชนา’ติ วทติ, กึ นาเมส กเถติ, กึ นุ โข สภาวํ ตฺวา กเถติ, อุทาหุ อุมฺมตฺตโก หุตฺวา วิลปตี’’ติ จินฺเตตฺวา ตาปสํ อุปสงฺกมิตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิตฺวา เตน สทฺธึ สลฺลปนฺโต ทุติยํ คาถมาห –

๘๘.

‘‘อหเมว เอโก อิธ มชฺช ปตฺโต, น จาปิ เม ทุติโย โกจิ วิชฺชติ;

กิเมว สนฺธาย เต ภาสิตํ อิเส, กุโต นุ อาคจฺฉถ โภ ตโย ชนา’’ติ.

ตตฺถ อิธ มชฺชาติ อิธ อชฺช. กิเมว สนฺธาย เต ภาสิตํ อิเสติ ภนฺเต, อิสิ กึ นาเมตํ สนฺธาย ตยา ภาสิตํ, ปากฏํ ตาว เม กตฺวา กเถหีติ.

ตาปโส ‘‘เอกํเสเนวาวุโส โสตุกาโมสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ วุตฺเต ‘‘เตน หิ สุณาหี’’ติ วตฺวา ตติยํ คาถมาห –

๘๙.

‘‘ตุวฺจ เอโก ภริยา จ เต ปิยา, สมุคฺคปกฺขิตฺตนิกิณฺณมนฺตเร;

สา รกฺขิตา กุจฺฉิคตาว เต สทา, วายุสฺสปุตฺเตน สหา ตหึ รตา’’ติ.

ตตฺถ ตุวฺจ เอโกติ ปมํ ตาว ตฺวํ เอโก ชโน. ปกฺขิตฺตนิกิณฺณมนฺตเรติ ปกฺขิตฺตานิกิณฺณอนฺตเร ตํ ตตฺถ ภริยํ รกฺขิตุกาเมน สทา ตยา สมุคฺเค ปกฺขิตฺตา สทฺธึ สมุคฺเคน นิกิณฺณา อนฺตเร, อนฺโตกุจฺฉิยํ ปิตาติ อตฺโถ. วายุสฺสปุตฺเตน สหาติ เอวํนามเกน วิชฺชาธเรน สทฺธึ. ตหึ รตาติ ตตฺถ ตว อนฺโตกุจฺฉิยฺเว กิเลสรติยา รตา. โส ทานิ ตฺวํ มาตุคามํ ‘‘เอกํ ปุริสนิสฺสิตํ กริสฺสามี’’ติ กุจฺฉินาปิ ปริหรนฺโต ตสฺสา ชารํ อุกฺขิปิตฺวา จรสีติ.

ตํ สุตฺวา ทานโว ‘‘วิชฺชาธรา นาม พหุมายา โหนฺติ, สจสฺส ขคฺโค หตฺถคโต ภวิสฺสติ, กุจฺฉึ เม ผาเลตฺวาปิ ปลายิสฺสตี’’ติ ภีตตสิโต หุตฺวา ขิปฺปํ กรณฺฑกํ อุคฺคิลิตฺวา ปุรโต เปสิ. สตฺถา อภิสมฺพุทฺโธ หุตฺวา ตํ ปวตฺตึ ปกาเสนฺโต จตุตฺถํ คาถมาห –

๙๐.

‘‘สํวิคฺครูโป อิสินา วิยากโต, โส ทานโว ตตฺถ สมุคฺคมุคฺคิลิ;

อทฺทกฺขิ ภริยํ สุจิมาลธารินึ, วายุสฺสปุตฺเตน สหา ตหึ รต’’นฺติ.

ตตฺถ อทฺทกฺขีติ โส กรณฺฑกํ วิวริตฺวา อทฺทส.

กรณฺฑเก ปน วิวฏมตฺเตเยว วิชฺชาธโร วิชฺชํ ชปฺปิตฺวา ขคฺคํ คเหตฺวา อากาสํ ปกฺขนฺทิ. ตํ ทิสฺวา ทานโว มหาสตฺตสฺส ตุสฺสิตฺวา ถุติปุพฺพงฺคมา เสสคาถา อภาสิ –

๙๑.

‘‘สุทิฏฺรูปมุคฺคตปานุวตฺตินา, หีนา นรา เย ปมทาวสํ คตา;

ยถา หเว ปาณริเวตฺถ รกฺขิตา, ทุฏฺา มยี อฺมภิปฺปโมทยิ.

๙๒.

‘‘ทิวา จ รตฺโต จ มยา อุปฏฺิตา, ตปสฺสินา โชติริวา วเน วสํ;

สา ธมฺมมุกฺกมฺม อธมฺมมาจริ, อกิริยรูโป ปมทาหิ สนฺถโว.

๙๓.

‘‘สรีรมชฺฌมฺหิ ิตาติ มฺหํ, มยฺหํ อยนฺติ อสตึ อสฺตํ;

สา ธมฺมมุกฺกมฺม อธมฺมมาจริ, อกิริยรูโป ปมทาหิ สนฺถโว.

๙๔.

‘‘สุรกฺขิตํ เมติ กถํ นุ วิสฺสเส, อเนกจิตฺตาสุ น หตฺถิ รกฺขณา;

เอตา หิ ปาตาลปปาตสนฺนิภา, เอตฺถปฺปมตฺโต พฺยสนํ นิคจฺฉติ.

๙๕.

‘‘ตสฺมา หิ เต สุขิโน วีตโสกา, เย มาตุคาเมหิ จรนฺติ นิสฺสฏา;

เอตํ สิวํ อุตฺตมมาภิปตฺถยํ, น มาตุคาเมหิ กเรยฺย สนฺถว’’นฺติ.

ตตฺถ สุทิฏฺรูปมุคฺคตปานุวตฺตินาติ ภนฺเต, อิสิ อุคฺคตปานุวตฺตินา ตยา สุทิฏฺรูปํ อิทํ การณํ. หีนาติ นีจา. ยถา หเว ปาณริเวตฺถ รกฺขิตาติ อยํ มยา อตฺตโน ปาณา วิย เอตฺถ อนฺโตกุจฺฉิยํ ปริหรนฺเตน รกฺขิตา. ทุฏฺา มยีติ อิทานิ มยิ มิตฺตทุพฺภิกมฺมํ กตฺวา ทุฏฺา อฺํ ปุริสํ อภิปฺปโมทติ. โชติริวา วเน วสนฺติ วเน วสนฺเตน ตปสฺสินา อคฺคิ วิย มยา อุปฏฺิตา ปริจริตา. สา ธมฺมมุกฺกมฺมาติ สา เอสา ธมฺมํ โอกฺกมิตฺวา อติกฺกมิตฺวา. อกิริยรูโปติ อกตฺตพฺพรูโป. สรีรมชฺฌมฺหิ ิตาติ มฺหํ, มยฺหํ อยนฺติ อสตึ อสฺตนฺติ อิมํ อสตึ อสปฺปุริสธมฺมสมนฺนาคตํ อสฺตํ ทุสฺสีลํ ‘‘มยฺหํ สรีรมชฺฌมฺหิ ิตา’’ติ จ ‘‘มยฺหํ อย’’นฺติ จ มฺามิ.

สุรกฺขิตํ เมติ กถํ นุ วิสฺสเสติ อยํ มยา สุรกฺขิตาติ กถํ ปณฺฑิโต วิสฺสาเสยฺย, ยตฺร หิ นาม มาทิโสปิ อนฺโตกุจฺฉิยํ รกฺขนฺโต รกฺขิตุํ นาสกฺขิ. ปาตาลปปาตสนฺนิภาติ โลกสฺสาเทน ทุปฺปูรณียตฺตา มหาสมุทฺเท ปาตาลสงฺขาเตน ปปาเตน สทิสา. เอตฺถปฺปมตฺโตติ เอตาสุ เอวรูปาสุ นิคฺคุณาสุ ปมตฺโต ปุริโส มหาพฺยสนํ ปาปุณาติ. ตสฺมา หีติ ยสฺมา มาตุคามวสํ คตา มหาวินาสํ ปาปุณนฺติ, ตสฺมา เย มาตุคาเมหิ นิสฺสฏา หุตฺวา จรนฺติ, เต สุขิโน. เอตํ สิวนฺติ ยเทตํ มาตุคามโต นิสฺสฏานํ วิสํสฏฺานํ จรณํ, เอตํ ฌานสุขเมว สิวํ เขมํ อุตฺตมํ อภิปตฺเถตพฺพํ, เอตํ ปตฺถยมาโน มาตุคาเมหิ สทฺธึ สนฺถวํ น กเรยฺยาติ.

เอวฺจ ปน วตฺวา ทานโว มหาสตฺตสฺส ปาเทสุ นิปติตฺวา ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเห นิสฺสาย มยา ชีวิตํ ลทฺธํ, อหํ อิมาย ปาปธมฺมาย วิชฺชาธเรน มาราปิโต’’ติ มหาสตฺตํ อภิตฺถวิ. โสปิสฺส ธมฺมํ เทเสตฺวา ‘‘อิมิสฺสา มา กิฺจิ ปาปํ อกาสิ, สีลานิ คณฺหาหี’’ติ ตํ ปฺจสุ สีเลสุ ปติฏฺาเปสิ. ทานโว ‘‘อหํ กุจฺฉินา ปริหรนฺโตปิ ตํ รกฺขิตุํ น สกฺโกมิ, อฺโ โก รกฺขิสฺสตี’’ติ ตํ อุยฺโยเชตฺวา อตฺตโน อรฺเมว อคมาสิ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน อุกฺกณฺิตภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ตทา ทิพฺพจกฺขุกตาปโส อหเมว อโหสินฺติ.

สมุคฺคชาตกวณฺณนา ทสมา.

[๔๓๗] ๑๑. ปูติมํสชาตกวณฺณนา

โข เม รุจฺจตีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรนฺโต อินฺทฺริยอสํวรํ อารพฺภ กเถสิ. เอกสฺมิฺหิ สมเย พหู ภิกฺขู อินฺทฺริเยสุ อคุตฺตทฺวารา อเหสุํ. สตฺถา ‘‘อิเม ภิกฺขู โอวทิตุํ วฏฺฏตี’’ติ อานนฺทตฺเถรสฺส วตฺวา อนิยมวเสน ภิกฺขุสงฺฆํ สนฺนิปาตาเปตฺวา อลงฺกตปลฺลงฺกวรมชฺฌคโต ภิกฺขู อามนฺเตตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, ภิกฺขุนา นาม รูปาทีสุ สุภนิมิตฺตวเสน นิมิตฺตํ คเหตุํ วฏฺฏติ, สเจ หิ ตสฺมึ สมเย กาลํ กโรติ, นิรยาทีสุ นิพฺพตฺตติ, ตสฺมา รูปาทีสุ สุภนิมิตฺตํ มา คณฺหถ. ภิกฺขุนา นาม รูปาทิโคจเรน น ภวิตพฺพํ, รูปาทิโคจรา หิ ทิฏฺเว ธมฺเม มหาวินาสํ ปาปุณนฺติ, ตสฺมา วรํ, ภิกฺขเว, ตตฺตาย อโยสลากาย อาทิตฺตาย สมฺปชฺชลิตาย สโชติภูตาย จกฺขุนฺทฺริยํ สมฺปลิมฏฺ’’นฺติ วิตฺถาเรตฺวา ‘‘ตุมฺหากํ รูปํ โอโลกนกาโลปิ อตฺถิ อโนโลกนกาโลปิ. โอโลกนกาเล สุภวเสน อโนโลเกตฺวา อสุภวเสเนว โอโลเกยฺยาถ, เอวํ อตฺตโน โคจรา น ปริหายิสฺสถ. โก ปน ตุมฺหากํ โคจโรติ? จตฺตาโร สติปฏฺานา, จตฺตาโร สมฺมปฺปธานา, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา, อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค, นว โลกุตฺตรธมฺมา. เอตสฺมิฺหิ โว โคจเร จรนฺตานํ น ลจฺฉติ มาโร โอตารํ, สเจ ปน กิเลสวสิกา หุตฺวา สุภนิมิตฺตวเสน โอโลเกสฺสถ, ปูติมํสสิงฺคาโล วิย อตฺตโน โคจรา ปริหายิสฺสถา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต หิมวนฺตปเทเส อรฺายตเน ปพฺพตคุหายํ อเนกสตา เอฬกา วสนฺติ. เตสํ วสนฏฺานโต อวิทูเร เอกิสฺสา คุหาย ปูติมํโส นาม สิงฺคาโล เวณิยา นาม ภริยาย สทฺธึ วสติ. โส เอกทิวสํ ภริยาย สทฺธึ วิจรนฺโต เต เอฬเก ทิสฺวา ‘‘เอเกน อุปาเยน อิเมสํ มํสํ ขาทิตุํ วฏฺฏตี’’ติ จินฺเตตฺวา อุปาเยน เอเกกํ เอฬกํ มาเรสิ. เต อุโภปิ เอฬกมํสํ ขาทนฺตา ถามสมฺปนฺนา ถูลสรีรา อเหสุํ. อนุปุพฺเพน เอฬกา ปริกฺขยํ อคมํสุ. เตสํ อนฺตเร เมณฺฑมาตา นาม เอกา เอฬิกา พฺยตฺตา อโหสิ อุปายกุสลา. สิงฺคาโล ตํ มาเรตุํ อสกฺโกนฺโต เอกทิวสํ ภริยาย สทฺธึ สมฺมนฺเตนฺโต ‘‘ภทฺเท, เอฬกา ขีณา, อิมํ เอฬิกํ เอเกน อุปาเยน ขาทิตุํ วฏฺฏติ, อยํ ปเนตฺถ อุปาโย, ตฺวํ เอกิกาว คนฺตฺวา เอตาย สทฺธึ สขี โหหิ, อถ เต ตาย สทฺธึ วิสฺสาเส อุปฺปนฺเน อหํ มตาลยํ กริตฺวา นิปชฺชิสฺสามิ, ตฺวํ เอตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘เอฬิเก สามิโก เม มโต, อหฺจ อนาถา, เปตฺวา ตํ อฺโ เม าตโก นตฺถิ, เอหิ โรทิตฺวา กนฺทิตฺวา ตสฺส สรีรกิจฺจํ กริสฺสามา’ติ วตฺวา ตํ คเหตฺวา อาคจฺเฉยฺยาสิ, อถ นํ อหํ อุปฺปติตฺวา คีวาย ฑํสิตฺวา มาเรสฺสามี’’ติ อาห.

สา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตาย สทฺธึ สขิภาวํ กตฺวา วิสฺสาเส อุปฺปนฺเน เอฬิกํ ตถา อโวจ. เอฬิกา ‘‘อาฬิ สิงฺคาลิ ตว สามิเกน สพฺเพ มม าตกา ขาทิตา, ภายามิ น สกฺโกมิ คนฺตุ’’นฺติ อาห. ‘‘อาฬิ, มา ภายิ, มตโก กึ กริสฺสตี’’ติ? ‘‘ขรมนฺโต เต สามิโก, ภายาเมวาห’’นฺติ สา เอวํ วตฺวาปิ ตาย ปุนปฺปุนํ ยาจิยมานา ‘‘อทฺธา มโต ภวิสฺสตี’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตาย สทฺธึ ปายาสิ. คจฺฉนฺตี ปน ‘‘โก ชานาติ, กึ ภวิสฺสตี’’ติ ตสฺมึ อาสงฺกาย สิงฺคาลึ ปุรโต กตฺวา สิงฺคาลํ ปริคฺคณฺหนฺตีเยว คจฺฉติ. สิงฺคาโล ตาสํ ปทสทฺทํ สุตฺวา ‘‘อาคตา นุ โข เอฬิกา’’ติ สีสํ อุกฺขิปิตฺวา อกฺขีนิ ปริวตฺเตตฺวา โอโลเกสิ. เอฬิกา ตํ ตถา กโรนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ ปาปธมฺโม มํ วฺเจตฺวา มาเรตุกาโม มตาลยํ ทสฺเสตฺวา นิปนฺโน’’ติ นิวตฺติตฺวา ปลายนฺตี สิงฺคาลิยา ‘‘กสฺมา ปลายสี’’ติ วุตฺเต ตํ การณํ กเถนฺตี ปมํ คาถมาห –

๙๖.

‘‘น โข เม รุจฺจติ อาฬิ, ปูติมํสสฺส เปกฺขนา;

เอตาทิสา สขารสฺมา, อารกา ปริวชฺชเย’’ติ.

ตตฺถ อาฬีติ อาลปนํ, สขิ สหายิเกติ อตฺโถ. เอตาทิสา สขารสฺมาติ เอวรูปา สหายกา อปกฺกมิตฺวา ตํ สหายกํ อารกา ปริวชฺเชยฺยาติ อตฺโถ.

เอวฺจ ปน วตฺวา สา นิวตฺติตฺวา อตฺตโน วสนฏฺานเมว คตา. สิงฺคาลี ตํ นิวตฺเตตุํ อสกฺโกนฺตี ตสฺสา กุชฺฌิตฺวา อตฺตโน สามิกสฺเสว สนฺติกํ คนฺตฺวา ปชฺฌายมานา นิสีทิ. อถ นํ สิงฺคาโล ครหนฺโต ทุติยํ คาถมาห –

๙๗.

‘‘อุมฺมตฺติกา อยํ เวณี, วณฺเณติ ปติโน สขึ;

ปชฺฌายิ ปฏิคจฺฉนฺตึ, อาคตํ เมณฺฑมาตร’’นฺติ.

ตตฺถ เวณีติ ตสฺสา นามํ. วณฺเณติ ปติโน สขินฺติ ปมเมว อตฺตโน สขึ เอฬิกํ ‘‘มยิ สิเนหา วิสฺสาสิกา อาคมิสฺสติ โน สนฺติกํ, มตาลยํ กโรหี’’ติ ปติโน สนฺติเก วณฺเณติ. อถ นํ สา อิทานิ อาคตํ มม สนฺติกํ อนาคนฺตฺวาว ปฏิคจฺฉนฺตึ เมณฺฑมาตรํ ปชฺฌายติ อนุโสจตีติ.

ตํ สุตฺวา สิงฺคาลี ตติยํ คาถมาห –

๙๘.

‘‘ตฺวํ โขสิ สมฺม อุมฺมตฺโต, ทุมฺเมโธ อวิจกฺขโณ;

โย ตฺวํ มตาลยํ กตฺวา, อกาเลน วิเปกฺขสี’’ติ.

ตตฺถ อวิจกฺขโณติ วิจารณปฺารหิโต. อกาเลน วิเปกฺขสีติ เอฬิกาย อตฺตโน สนฺติกํ อนาคตาเยว โอโลเกสีติ อตฺโถ.

๙๙.

‘‘น อกาเล วิเปกฺขยฺย, กาเล เปกฺเขยฺย ปณฺฑิโต;

ปูติมํโสว ปชฺฌายิ, โย อกาเล วิเปกฺขตี’’ติ. – อยํ อภิสมฺพุทฺธคาถา;

ตตฺถ อกาเลติ กามคุเณ อารพฺภ สุภวเสน จิตฺตุปฺปาทกาเล. อยฺหิ ภิกฺขุโน รูปํ โอโลเกตุํ อกาโล นาม. กาเลติ อสุภวเสน อนุสฺสติวเสน กสิณวเสน วา รูปคฺคหณกาเล. อยฺหิ ภิกฺขุโน รูปํ โอโลเกตุํ กาโล นาม. ตตฺถ อกาเล สารตฺตกาเล รูปํ โอโลเกนฺตา มหาวินาสํ ปาปุณนฺตีติ หริตจชาตกโลมสกสฺสปชาตกาทีหิ ทีเปตพฺพํ. กาเล อสุภวเสน โอโลเกนฺตา อรหตฺเต ปติฏฺหนฺตีติ อสุภกมฺมิกติสฺสตฺเถรวตฺถุนา กเถตพฺพํ. ปูติมํโสว ปชฺฌายีติ ภิกฺขเว, ยถา ปูติมํสสิงฺคาโล อกาเล เอฬิกํ โอโลเกตฺวา อตฺตโน โคจรา ปริหีโน ปชฺฌายติ, เอวํ ภิกฺขุ อกาเล สุภวเสน รูปํ โอโลเกตฺวา สติปฏฺานาทิโคจรา ปริหีโน ทิฏฺธมฺเม สมฺปราเยปิ โสจติ ปชฺฌายติ กิลมตีติ.

เวณีปิ โข สิงฺคาลี ปูติมํสํ อสฺสาเสตฺวา ‘‘สามิ, มา จินฺเตสิ, อหํ ตํ ปุนปิ อุปาเยน อาเนสฺสามิ, ตฺวํ อาคตกาเล อปฺปมตฺโต คณฺเหยฺยาสี’’ติ วตฺวา ตสฺสา สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘อาฬิ, ตว อาคตกาเลเยว โน อตฺโถ ชาโต, ตว อาคตกาลสฺมึเยว หิ เม สามิโก สตึ ปฏิลภิ, อิทานิ ชีวติ, เอหิ เตน สทฺธึ ปฏิสนฺถารํ กโรหี’’ติ วตฺวา ปฺจมํ คาถมาห –

๑๐๐.

‘‘ปิยํ โข อาฬิ เม โหตุ, ปุณฺณปตฺตํ ททาหิ เม;

ปติ สฺชีวิโต มยฺหํ, เอยฺยาสิ ปิยปุจฺฉิกา’’ติ.

ตตฺถ ปุณฺณปตฺตํ ททาหิ เมติ ปิยกฺขานํ อกฺขายิกา มยฺหํ ตุฏฺิทานํ เทหิ. ปติ สฺชีวิโต มยฺหนฺติ มม สามิโก สฺชีวิโต อุฏฺิโต อโรโคติ อตฺโถ. เอยฺยาสีติ มยา สทฺธึ อาคจฺฉ.

เอฬิกา ‘‘อยํ ปาปธมฺมา มํ วฺเจตุกามา, อยุตฺตํ โข ปน ปฏิปกฺขกรณํ, อุปาเยเนว นํ วฺเจสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา ฉฏฺํ คาถมาห –

๑๐๑.

‘‘ปิยํ โข อาฬิ เต โหตุ, ปุณฺณปตฺตํ ททามิ เต;

มหตา ปริวาเรน, เอสฺสํ กยิราหิ โภชน’’นฺติ.

ตตฺถ เอสฺสนฺติ อาคมิสฺสามิ. อาคจฺฉมานา จ อตฺตโน อารกฺขํ กตฺวา มหนฺเตน ปริวาเรน อาคมิสฺสามีติ.

อถ นํ สิงฺคาลี ปริวารํ ปุจฺฉนฺตี สตฺตมํ คาถมาห –

๑๐๒.

‘‘กีทิโส ตุยฺหํ ปริวาโร, เยสํ กาหามิ โภชนํ;

กึ นามกา จ เต สพฺเพ, เต เม อกฺขาหิ ปุจฺฉิตา’’ติ.

สา อาจิกฺขนฺตี อฏฺมํ คาถมาห –

๑๐๓.

‘‘มาลิโย จตุรกฺโข จ, ปิงฺคิโย อถ ชมฺพุโก;

เอทิโส มยฺหํ ปริวาโร, เตสํ กยิราหิ โภชน’’นฺติ.

ตตฺถ เต เมติ เต ปริวาเร มยฺหํ อาจิกฺขิ. มาลิโยติอาทีนิ จตุนฺนํ สุนขานํ นามานิ. ‘‘ตตฺถ เอเกกสฺส ปฺจ ปฺจ สุนขสตานิ ปริวาเรนฺติ, เอวํ ทฺวีหิ สุนขสหสฺเสหิ ปริวาริตา อาคมิสฺสามี’’ติ วตฺวา ‘‘สเจ เต โภชนํ น ลภิสฺสนฺติ, ตุมฺเห ทฺเวปิ ชเน มาเรตฺวา ขาทิสฺสนฺตี’’ติ อาห.

ตํ สุตฺวา สิงฺคาลี ภีตา ‘‘อลํ อิมิสฺสา ตตฺถ คมเนน, อุปาเยนสฺสา อนาคมนเมว กริสฺสามี’’ติ จินฺเตตฺวา นวมํ คาถมาห –

๑๐๔.

‘‘นิกฺขนฺตาย อคารสฺมา, ภณฺฑกมฺปิ วินสฺสติ;

อาโรคฺยํ อาฬิโน วชฺชํ, อิเธว วส มาคมา’’ติ.

ตสฺสตฺโถ – อาฬิ, ตว เคเห พหุภณฺฑกํ อตฺถิ, ตํ เต นิกฺขนฺตาย อคารสฺมา อนารกฺขํ ภณฺฑกํ วินสฺสติ, อหเมว เต อาฬิโน สหายกสฺส อาโรคฺยํ วชฺชํ วทิสฺสามิ, ตฺวํ อิเธว วส มาคมาติ.

เอวฺจ ปน วตฺวา มรณภยภีตา เวเคน สามิกสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ตํ คเหตฺวา ปลายิ. เต ปุน ตํ านํ อาคนฺตุํ นาสกฺขึสุ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ ‘‘ตทา อหํ ตสฺมึ าเน วนเชฏฺกรุกฺเข นิพฺพตฺตเทวตา อโหสิ’’นฺติ.

ปูติมํสชาตกวณฺณนา เอกาทสมา.

[๔๓๘] ๑๒. ททฺทรชาตกวณฺณนา

โย เต ปุตฺตเกติ อิทํ สตฺถา คิชฺฌกูเฏ วิหรนฺโต เทวทตฺตสฺส วธาย ปริสกฺกนํ อารพฺภ กเถสิ. ตสฺมิฺหิ สมเย ธมฺมสภายํ กถํ สมุฏฺาเปสุํ ‘‘อโห อาวุโส เทวทตฺโต นิลฺลชฺโช อนริโย เอวํ อุตฺตมคุณธรสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส อชาตสตฺตุนา สทฺธึ เอกโต หุตฺวา ธนุคฺคหปโยชนสิลาปวิชฺฌนนาฬาคิริวิสฺสชฺชเนหิ วธาย อุปายํ กโรตี’’ติ. สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุตฺเต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุพฺเพปิ เทวทตฺโต มยฺหํ วธาย ปริสกฺกิ, อิทานิ ปน เม ตาสมตฺตมฺปิ กาตุํ นาสกฺขี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริ.

อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต รชฺชํ กาเรนฺเต เอโก ทิสาปาโมกฺโข อาจริโย ปฺจสตานํ มาณวกานํ สิปฺปํ วาเจนฺโต เอกทิวสํ จินฺเตสิ ‘‘มยฺหํ อิธ วสนฺตสฺส ปลิโพโธ โหติ, มาณวกานมฺปิ สิปฺปํ น นิฏฺาติ, หิมวนฺตปเทเส อรฺายตนํ ปวิสิตฺวา ตตฺถ วสนฺโต วาเจสฺสามี’’ติ. โส มาณวกานํ กเถตฺวา ติลตณฺฑุลเตลวตฺถาทีนิ คาหาเปตฺวา อรฺํ ปวิสิตฺวา มคฺคโต อวิทูเร าเน ปณฺณสาลํ กาเรตฺวา นิวาสํ กปฺเปสิ, มาณวาปิ อตฺตโน ปณฺณสาลํ กรึสุ. มาณวกานํ าตกา เตลตณฺฑุลาทีนิ เปเสนฺติ. รฏฺวาสิโนปิ ‘‘ทิสาปาโมกฺโข อาจริโย กิร อรฺเ อสุกฏฺาเน นาม วสนฺโต สิปฺปํ อุคฺคณฺหาเปตี’’ติ ตสฺส ตณฺฑุลาทีนิ อภิหรนฺติ, กนฺตารปฺปฏิปนฺนาปิ เทนฺติ, อฺตโรปิ ปุริโส ขีรปานตฺถาย สวจฺฉํ เธนุํ อทาสิ. อาจริยสฺส ปณฺณสาลาย สนฺติเก ทฺวีหิ โปตเกหิ สทฺธึ เอกา โคธา วสติ, สีหพฺยคฺฆาปิสฺส อุปฏฺานํ อาคจฺฉนฺติ. เอโก ติตฺติโรปิ ตตฺถ นิพทฺธวาโส อโหสิ. โส อาจริยสฺส มาณวานํ มนฺเต วาเจนฺตสฺส สทฺทํ สุตฺวา ตโยปิ เวเท อุคฺคณฺหิ. มาณวา เตน สทฺธึ อติวิสฺสาสิกา อเหสุํ.

อปรภาเค มาณเวสุ นิปฺผตฺตึ อปฺปตฺเตสุเยว อาจริโย กาลมกาสิ. มาณวา ตสฺส สรีรํ ฌาเปตฺวา วาลุกาย ถูปํ กตฺวา นานาปุปฺเผหิ ปูเชตฺวา โรทนฺติ ปริเทวนฺติ. อถ เน ติตฺติโร ‘‘กสฺมา โรทถา’’ติ อาห. ‘‘อาจริโย โน สิปฺเป อนิฏฺิเตเยว กาลกโต, ตสฺมา โรทามา’’ติ. ‘‘เอวํ สนฺเต มา โสจิตฺถ, อหํ โว สิปฺปํ วาเจสฺสามี’’ติ. ‘‘ตฺวํ กถํ ชานาสี’’ติ? ‘‘อหํ อาจริเย ตุมฺหากํ วาเจนฺเต สทฺทํ สุตฺวา ตโย เวเท ปคุเณ อกาสินฺติ. เตน หิ อตฺตโน ปคุณภาวํ อมฺเห ชานาเปหี’’ติ. ติตฺติโร ‘‘เตน หิ สุณาถา’’ติ เตสํ คณฺิฏฺานเมว ปพฺพตมตฺถกา นทึ โอตรนฺโต วิย โอสาเรสิ. มาณวา หฏฺตุฏฺา หุตฺวา ติตฺติรปณฺฑิตสฺส สนฺติเก สิปฺปํ ปฏฺเปสุํ. โสปิ ทิสาปาโมกฺขาจริยสฺส าเน ตฺวา เตสํ สิปฺปํ วาเจสิ. มาณวา ตสฺส สุวณฺณปฺชรํ กริตฺวา อุปริ วิตานํ พนฺธิตฺวา สุวณฺณตฏฺฏเก มธุลาชาทีนิ อุปหรนฺตา นานาวณฺเณหิ ปุปฺเผหิ ปูเชนฺตา มหนฺตํ สกฺการํ กรึสุ. ‘‘ติตฺติโร กิร อรฺายตเน ปฺจสเต มาณวเก มนฺตํ วาเจตี’’ติ สกลชมฺพุทีเป ปากโฏ อโหสิ.

ตทา ชมฺพุทีเป คิรคฺคสมชฺชสทิสํ มหนฺตํ ฉณํ โฆสยึสุ. มาณวานํ มาตาปิตโร ‘‘ฉณทสฺสนตฺถาย อาคจฺฉนฺตู’’ติ เปเสสุํ. มาณวา ติตฺติรสฺส อาโรเจตฺวา ติตฺติรปณฺฑิตํ สพฺพฺจ อสฺสมปทํ โคธํ ปฏิจฺฉาเปตฺวา อตฺตโน อตฺตโน นครเมว อคมึสุ. ตทา เอโก นิกฺการุณิโก ทุฏฺตาปโส ตตฺถ ตตฺถ วิจรนฺโต ตํ านํ สมฺปาปุณิ. โคธา ตํ ทิสฺวา ปฏิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘อสุกฏฺาเน ตณฺฑุลา, อสุกฏฺาเน เตลาทีนิ อตฺถิ, ภตฺตํ ปจิตฺวา ภุฺชาหี’’ติ วตฺวา โคจรตฺถาย คตา. ตาปโส ปาโตว ภตฺตํ ปจิตฺวา ทฺเว โคธาปุตฺตเก มาเรตฺวา ขาทิ, ทิวา ติตฺติรปณฺฑิตฺจ วจฺฉกฺจ มาเรตฺวา ขาทิ, สายํ เธนุํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ตมฺปิ มาเรตฺวา มํสํ ขาทิตฺวา รุกฺขมูเล นิปชฺชิตฺวา ฆุรุฆุรายนฺโต นิทฺทํ โอกฺกมิ. โคธา สายํ อาคนฺตฺวา ปุตฺตเก อปสฺสนฺตี อุปธารยมานา วิจริ. รุกฺขเทวตา โคธํ ปุตฺตเก อทิสฺวา กมฺปมานํ โอโลเกตฺวา ขนฺธวิฏปพฺภนฺตเร ทิพฺพานุภาเวน ตฺวา ‘‘โคเธ มา กมฺปิ, อิมินา ปาปปุริเสน ตว ปุตฺตกา จ ติตฺติโร จ วจฺโฉ จ เธนุ จ มาริตา, คีวาย นํ ฑํสิตฺวา ชีวิตกฺขยํ ปาเปหี’’ติ สลฺลปนฺตี ปมํ คาถมาห –

๑๐๕.

‘‘โย เต ปุตฺตเก อขาทิ, ทินฺนภตฺโต อทูสเก;

ตสฺมึ ทาํ นิปาเตหิ, มา เต มุจฺจิตฺถ ชีวโต’’ติ.

ตตฺถ ทินฺนภตฺโตติ ภตฺตํ ปจิตฺวา ภุฺชาหีติ ตยา ทินฺนภตฺโต. อทูสเกติ นิทฺโทเส นิรปราเธ. ตสฺมึ ทาํ นิปาเตหีติ ตสฺมึ ปาปปุริเส จตสฺโสปิ ทาา นิปาเตหีติ อธิปฺปาโย. มา เต มุจฺจิตฺถ ชีวโตติ ชีวนฺโต สชีโว หุตฺวา ตว หตฺถโต เอโส ปาปธมฺโม มา มุจฺจิตฺถ, โมกฺขํ มา ลภตุ, ชีวิตกฺขยํ ปาเปหีติ อตฺโถ.

ตโต โคธา ทฺเว คาถา อภาสิ –

๑๐๖.

‘‘อากิณฺณลุทฺโท ปุริโส, ธาติเจลํว มกฺขิโต;

ปเทสํ ตํ น ปสฺสามิ, ยตฺถ ทาํ นิปาตเย.

๑๐๗.

‘‘อกตฺุสฺส โปสสฺส, นิจฺจํ วิวรทสฺสิโน;

สพฺพํ เจ ปถวึ ทชฺชา, เนว นํ อภิราธเย’’ติ.

ตตฺถ อากิณฺณลุทฺโทติ คาฬฺหลุทฺโท. วิวรทสฺสิโนติ ฉิทฺทํ โอตารํ ปริเยสนฺตสฺส. เนว นํ อภิราธเยติ เอวรูปํ ปุคฺคลํ สกลปถวึ เทนฺโตปิ โตเสตุํ น สกฺกุเณยฺย, กิมงฺคํ ปนาหํ ภตฺตมตฺตทายิกาติ ทสฺเสติ.

โคธา เอวํ วตฺวา ‘‘อยํ ปพุชฺฌิตฺวา มมฺปิ ขาเทยฺยา’’ติ อตฺตโน ชีวิตํ รกฺขมานา ปลายิ. เตปิ ปน สีหพฺยคฺฆา ติตฺติรสฺส สหายกาว, กทาจิ เต อาคนฺตฺวา ติตฺติรํ ปสฺสนฺติ, กทาจิ โส คนฺตฺวา เตสํ ธมฺมํ เทเสตฺวา อาคจฺฉติ, ตสฺมึ ปน ทิวเส สีโห พฺยคฺฆํ อาห – ‘‘สมฺม, จิรํ ทิฏฺโ โน ติตฺติโร, อชฺช สตฺตฏฺทิวสา โหนฺติ, คจฺฉ, ตาวสฺส ปวตฺตึ ตฺวา เอหี’’ติ. พฺยคฺโฆ ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา โคธาย ปลายนกาเล ตํ านํ ปตฺวา ตํ ปาปปุริสํ นิทฺทายนฺตํ ปสฺสิ. ตสฺส ชฏนฺตเร ติตฺติรปณฺฑิตสฺส โลมานิ ปฺายนฺติ, เธนุยา จ วจฺฉกสฺส จ อฏฺีนิ ปฺายนฺติ. พฺยคฺฆราชา ตํ สพฺพํ ทิสฺวา สุวณฺณปฺชเร จ ติตฺติรปณฺฑิตํ อทิสฺวา ‘‘อิมินา ปาปปุริเสน เอเต มาริตา ภวิสฺสนฺตี’’ติ ตํ ปาเทน ปหริตฺวา อุฏฺาเปสิ. โสปิ ตํ ทิสฺวา ภีตตสิโต อโหสิ. อถ นํ พฺยคฺโฆ ‘‘ตฺวํ เอเต มาเรตฺวา ขาทสี’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘เนว มาเรมิ, น ขาทามี’’ติ. ‘‘ปาปธมฺม ตยิ อมาเรนฺเต อฺโ โก มาเรสฺสติ, กเถหิ ตาว การณํ, อกเถนฺตสฺส ชีวิตํ เต นตฺถี’’ติ. โส มรณภยภีโต ‘‘อาม, สามิ, โคธาปุตฺตเก จ วจฺฉกฺจ เธนุฺจ มาเรตฺวา ขาทามิ, ติตฺติรํ ปน น มาเรมี’’ติอาห. โส ตสฺส พหุํ กเถนฺตสฺสปิ อสทฺทหิตฺวา ‘‘ตฺวํ กุโต อาคโตสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สามิ, กลิงฺครฏฺโต วาณิชกานํ ภณฺฑํ วหนฺโต ชีวิกเหตุ อิทฺจิทฺจ กมฺมํ กตฺวา อิทานิมฺหิ อิธาคโต’’ติ เตน สพฺพสฺมึ อตฺตนา กตกมฺเม กถิเต ‘‘ปาปธมฺม ตยิ ติตฺติรํ อมาเรนฺเต อฺโ โก มาเรสฺสติ, เอหิ สีหสฺส มิครฺโ สนฺติกํ ตํ เนสฺสามี’’ติ ตํ ปุรโต กตฺวา ตาเสนฺโต อคมาสิ. สีหราชา ตํ อาเนนฺตํ พฺยคฺฆํ ปุจฺฉนฺโต จตุตฺถํ คาถมาห –

๑๐๘.

‘‘กึ นุ สุพาหุ ตรมานรูโป, ปจฺจาคโตสิ สห มาณเวน;

กึ กิจฺจมตฺถํ อิธมตฺถิ ตุยฺหํ, อกฺขาหิ เม ปุจฺฉิโต เอตมตฺถ’’นฺติ.

ตตฺถ สุพาหูติ พฺยคฺฆํ นาเมนาลปติ. พฺยคฺฆสฺส หิ ปุริมกาโย มนาโป โหติ, เตน ตํ เอวมาห. กึ กิจฺจมตฺถํ อิธมตฺถิ ตุยฺหนฺติ กึ กรณียํ อตฺถสฺิตํ อิมินา มาณเวน อิธ อตฺถิ. ‘‘ตุยฺหํ กึ กิจฺจมตฺถ’’นฺติปิ ปาโ, อยเมวตฺโถ.

ตํ สุตฺวา พฺยคฺโฆ ปฺจมํ คาถมาห –

๑๐๙.

‘‘โย เต สขา ททฺทโร สาธุรูโป, ตสฺส วธํ ปริสงฺกามิ อชฺช;

ปุริสสฺส กมฺมายตนานิ สุตฺวา, นาหํ สุขึ ททฺทรํ อชฺช มฺเ’’ติ.

ตตฺถ ททฺทโรติ ติตฺติโร. ตสฺส วธนฺติ ตสฺส ติตฺติรปณฺฑิตสฺส อิมมฺหา ปุริสมฺหา อชฺช วธํ ปริสงฺกามิ. นาหํ สุขินฺติ อหํ อชฺช ททฺทรํ สุขึ อโรคํ น มฺามิ.

อถ นํ สีโห ฉฏฺํ คาถมาห –

๑๑๐.

‘‘กานิสฺส กมฺมายตนานิ อสฺสุ, ปุริสสฺส วุตฺติสโมธานตาย;

กํ วา ปฏิฺํ ปุริสสฺส สุตฺวา, ปริสงฺกสิ ททฺทรํ มาณเวนา’’ติ.

ตตฺถ อสฺสูติ อสฺโสสิ. วุตฺติสโมธานตายาติ ชีวิตวุตฺติสโมธานตาย, กานิ นาม อิมินา อตฺตโน กมฺมานิ ตุยฺหํ กถิตานีติ อตฺโถ. มาณเวนาติ กึ สุตฺวา อิมินา มาณเวน มาริตํ ปริสงฺกสิ.

อถสฺส กเถนฺโต พฺยคฺฆราชา เสสคาถา อภาสิ –

๑๑๑.

‘‘จิณฺณา กลิงฺคา จริตา วณิชฺชา, เวตฺตาจโร สงฺกุปโถปิ จิณฺโณ;

นเฏหิ จิณฺณํ สห วากุเรหิ, ทณฺเฑน ยุทฺธมฺปิ สมชฺชมชฺเฌ.

๑๑๒.

‘‘พทฺธา กุลีกา มิตมาฬเกน, อกฺขา ชิตา สํยโม อพฺภตีโต;

อพฺพาหิตํ ปุพฺพกํ อฑฺฒรตฺตํ, หตฺถา ทฑฺฒา ปิณฺฑปฏิคฺคเหน.

๑๑๓.

‘‘ตานิสฺส กมฺมายตนานิ อสฺสุ, ปุริสสฺส วุตฺติสโมธานตาย;

ยถา อยํ ทิสฺสติ โลมปิณฺโฑ, คาโว หตา กึ ปน ททฺทรสฺสา’’ติ.

ตตฺถ จิณฺณา กลิงฺคาติ วาณิชกานํ ภณฺฑํ วหนฺเตน กิร เตน กลิงฺครฏฺเ จิณฺณา. จริตา วณิชฺชาติ วณิชฺชาปิ เตน กตา. เวตฺตาจโรติ เวตฺเตหิ สฺจริตพฺโพ. สงฺกุปโถปิ จิณฺโณติ ขาณุกมคฺโคปิ วลฺชิโต. นเฏหีติ ชีวิกเหตุเยว นเฏหิปิ สทฺธึ. จิณฺณํ สห วากุเรหีติ วากุรํ วหนฺเตน วากุเรหิ สทฺธึ จริตํ. ทณฺเฑน ยุทฺธนฺติ ทณฺเฑน ยุทฺธมฺปิ กิร เตน ยุชฺฌิตํ.

พทฺธา กุลีกาติ สกุณิกาปิ กิร เตน พทฺธา. มิตมาฬเกนาติ ธฺมาปกกมฺมมฺปิ กิร เตน กตํ. อกฺขา ชิตาติ อกฺขธุตฺตานํ เวยฺยาวจฺจํ กโรนฺเตน อกฺขา หฏา. สํยโม อพฺภตีโตติ ชีวิตวุตฺตึ นิสฺสาย ปพฺพชนฺเตเนว สีลสํยโม อติกฺกนฺโต. อพฺพาหิตนฺติ อปคฺฆรณํ กตํ. ปุพฺพกนฺติ โลหิตํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – อิมินา กิร ชีวิกํ นิสฺสาย ราชาปราธิกานํ หตฺถปาเท ฉินฺทิตฺวา เต อาเนตฺวา สาลาย นิปชฺชาเปตฺวา วณมุเขหิ ปคฺฆรนฺตํ โลหิตํ อฑฺฒรตฺตสมเย ตตฺถ คนฺตฺวา กุณฺฑกธูมํ ทตฺวา ปิตนฺติ. หตฺถา ทฑฺฒาติ อาชีวิกปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตกาเล อุณฺหปิณฺฑปาตปฏิคฺคหเณ หตฺถาปิ กิรสฺส ทฑฺฒา.

ตานิสฺส กมฺมายตนานีติ ตานิ อสฺส กมฺมานิ. อสฺสูติ อสฺโสสึ. ยถา อยนฺติ ยถา เอส เอตสฺส ชฏนฺตเร ติตฺติรโลมปิณฺโฑปิ ทิสฺสติ, อิมินา การเณน เวทิตพฺพเมตํ ‘‘เอเตเนว โส มาริโต’’ติ. คาโว หตา กึ ปน ททฺทรสฺสาติ คาโวปิ เอเตน หตา, ททฺทรสฺส ปน กึ น หนิตพฺพํ, กสฺมา เอส ตํ น มาเรสฺสตีติ.

สีโห ตํ ปุริสํ ปุจฺฉิ ‘‘มาริโต เต ติตฺติรปณฺฑิโต’’ติ? ‘‘อาม, สามี’’ติ. อถสฺส สจฺจวจนํ สุตฺวา สีโห ตํ วิสฺสชฺเชตุกาโม อโหสิ. พฺยคฺฆราชา ปน ‘‘มาเรตพฺพยุตฺตโก เอโส’’ติ วตฺวา ตตฺเถว นํ ทาาหิ ปหริตฺวา มาเรตฺวา อาวาฏํ ขณิตฺวา ปกฺขิปิ. มาณวา อาคนฺตฺวา ติตฺติรปณฺฑิกํ อทิสฺวา โรทิตฺวา ปริเทวิตฺวา นิวตฺตึสุ.

สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘เอวํ, ภิกฺขเว, เทวทตฺโต ปุพฺเพปิ มยฺหํ วธาย ปริสกฺกี’’ติ วตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา กูฏชฏิโล เทวทตฺโต อโหสิ, โคธา อุปฺปลวณฺณา, พฺยคฺโฆ โมคฺคลฺลาโน, สีโห สาริปุตฺโต, ทิสาปาโมกฺโข อาจริโย มหากสฺสโป, ติตฺติรปณฺฑิโต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติ.

ททฺทรชาตกวณฺณนา ทฺวาทสมา.

ชาตกุทฺทานํ –

คิชฺฌโกสมฺพี สุวฺจ, จูฬสูวํ หริตฺตจํ;

กุสลํ โลมกสฺสปํ, จกฺกวากํ หลิทฺทิ จ.

สมุคฺคํ ปูติมํสฺจ, ททฺทรฺเจว ทฺวาทส;

ชาตเก นวนิปาเต, คียึสุ คีติการกา.

นวกนิปาตวณฺณนา นิฏฺิตา.

(ตติโย ภาโค นิฏฺิโต.)