📜

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส

ขุทฺทกนิกาเย

มิลินฺทปฺหปาฬิ

.

มิลินฺโท นาม โส ราชา, สาคลายํ ปุรุตฺตเม;

อุปคฺฉิ นาคเสนํ, คงฺคา จ [คงฺคาว (สี. ปี.)] ยถา สาครํ.

อาสชฺช ราชา จิตฺรกถึ, อุกฺกาธารํ ตโมนุทํ;

อปุจฺฉิ นิปุเณ ปฺเห, านาฏฺานคเต ปุถู.

ปุจฺฉา วิสชฺชนา [วิสฺสชฺชนา (สี. ปี.)] เจว, คมฺภีรตฺถูปนิสฺสิตา;

หทยงฺคมา กณฺณสุขา, อพฺภุตา โลมหํสนา.

อภิธมฺมวินโยคาฬฺหา, สุตฺตชาลสมตฺติตา;

นาคเสนกถา จิตฺรา, โอปมฺเมหิ นเยหิ จ.

ตตฺถ าณํ ปณิธาย, หาสยิตฺวาน มานสํ;

สุณาถ นิปุเณ ปฺเห, กงฺขาฏฺานวิทาลเนติ.

. ตํ ยถานุสูยเต – อตฺถิ โยนกานํ นานาปุฏเภทนํ สาคลํ นาม นครํ นทีปพฺพตโสภิตํ รมณียภูมิปฺปเทสภาคํ อารามุยฺยาโนปวนตฬากโปกฺขรณิสมฺปนฺนํ นทีปพฺพตวนรามเณยฺยกํ สุตวนฺตนิมฺมิตํ นิหตปจฺจตฺถิกํ [นิปฺปจฺจตฺถิกํ (ก.)] ปจฺจามิตฺตานุปปีฬิตํ วิวิธวิจิตฺรทฬฺหมฏฺฏาลโกฏฺกํ วรปวรโคปุร [ปวรปจุรโคปุร (สี.)] โตรณํ คมฺภีรปริขาปณฺฑรปาการปริกฺขิตฺตนฺเตปุรํ. สุวิภตฺตวีถิจจฺจรจตุกฺกสิงฺฆาฏกํ สุปฺปสาริตาเนกวิธวรภณฺฑปริปูริตนฺตราปณํ วิวิธทานคฺคสตสมุปโสภิตํ [สตสมุปโสภิตํ (สี. ปี.)] หิมคิริสิขรสงฺกาสวรภวนสตสหสฺสปฺปฏิมณฺฑิตํ คชหยรถปตฺติสมากุลํ อภิรูปนรนาริคณานุจริตํ อากิณฺณชนมนุสฺสํ ปุถุขตฺติยพฺราหฺมณเวสฺสสุทฺทํ วิวิธสมณพฺราหฺมณสภาชน [สภาชน (สี. ปี.), สมฺมาภาชน (ก.)] สงฺฆฏิตํ พหุวิธวิชฺชาวนฺต [วิชฺชาธร (ก.)] นรจิร [นรวิร (สี. ปี.)] นิเสวิตํ กาสิกโกฏุมฺพริกาทินานาวิธวตฺถาปณสมฺปนฺนํ สุปฺปสาริตรุจิรพหุวิธปุปฺผคนฺธาปณํ คนฺธคนฺธิตํ อาสีสนียพหุรตนปริปูริตํ ทิสามุขสุปฺปสาริตาปณํ สิงฺคารวาณิชคณานุจริตํ กหาปณรชตสุวณฺณกํสปตฺถรปริปูรํ ปชฺโชตมานนิธินิเกตํ ปหูตธนธฺวิตฺตูปกรณํ ปริปุณฺณโกสโกฏฺาคารํ พหฺวนฺนปานํ พหุวิธขชฺชโภชฺชเลยฺยเปยฺยสายนียํ อุตฺตรกุรุสงฺกาสํ สมฺปนฺนสสฺสํ อาฬกมนฺทา วิย เทวปุรํ.

เอตฺถ ตฺวา เตสํ ปุพฺพกมฺมํ กเถตพฺพํ, กเถนฺเตน จ ฉธา วิภชิตฺวา กเถตพฺพํ. เสยฺยถีทํ – ปุพฺพโยโค มิลินฺทปฺหํ ลกฺขณปฺหํ เมณฺฑกปฺหํ อนุมานปฺหํ โอปมฺมกถาปฺหนฺติ.

ตตฺถ มิลินฺทปฺโห ลกฺขณปฺโห, วิมติจฺเฉทนปฺโหติ ทุวิโธ. เมณฺฑกปฺโหปิ มหาวคฺโค, โยคิกถาปฺโหติ ทุวิโธ.

ปุพฺพโยโคติ เตสํ ปุพฺพกมฺมํ.

๑. พาหิรกถา

ปุพฺพโยคาทิ

. อตีเต กิร กสฺสปสฺส ภควโต สาสเน วตฺตมาเน คงฺคาย สมีเป เอกสฺมึ อาวาเส มหาภิกฺขุสงฺโฆ ปฏิวสติ, ตตฺถ วตฺตสีลสมฺปนฺนา ภิกฺขู ปาโตว อุฏฺาย ยฏฺิสมฺมชฺชนิโย [ยฏฺิสมฺมุฺชนิโย (สี. ปี.)] อาทาย พุทฺธคุเณ อาวชฺเชนฺตา องฺคณํ สมฺมชฺชิตฺวา กจวรพฺยูหํ กโรนฺติ. อเถโก ภิกฺขุ เอกํ สามเณรํ ‘‘เอหิ สามเณร, อิมํ กจวรํ ฉฑฺเฑหี’’ติ อาห, โส อสุณนฺโต วิย คจฺฉติ, โส ทุติยมฺปิ…เป… ตติยมฺปิ อามนฺติยมาโน อสุณนฺโต วิย คจฺฉเตว. ตโต โส ภิกฺขุ ‘‘ทุพฺพโจ วตายํ สามเณโร’’ติ กุทฺโธ สมฺมชฺชนิทณฺเฑน ปหารํ อทาสิ. ตโต โส โรทนฺโต ภเยน กจวรํ ฉฑฺเฑนฺโต ‘‘อิมินา กจวรฉฑฺฑนปุฺกมฺเมน ยาวาหํ นิพฺพานํ ปาปุณามิ [น ปาปุณามิ (สฺยา.)], เอตฺถนฺตเร นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน มชฺฌนฺหิกสูริโย [สุริโย (สี. ปี.)] วิย มเหสกฺโข มหาเตโช ภเวยฺย’’นฺติ ปมํ ปตฺถนํ ปฏฺเปสิ. กจวรํ ฉฑฺเฑตฺวา นหานตฺถาย คงฺคาติตฺถํ คโต คงฺคาย อูมิเวคํ คคฺครายมานํ ทิสฺวา ‘‘ยาวาหํ นิพฺพานํ ปาปุณามิ [น ปาปุณามิ (สฺยา.)], เอตฺถนฺตเร นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน อยํ อูมิเวโค วิย านุปฺปตฺติกปฏิภาโน ภเวยฺยํ อกฺขยปฏิภาโน’’ติ ทุติยมฺปิ ปตฺถนํ ปฏฺเปสิ.

โสปิ ภิกฺขุ สมฺมชฺชนิสาลาย สมฺมชฺชนึ เปตฺวา นหานตฺถาย คงฺคาติตฺถํ คจฺฉนฺโต สามเณรสฺส ปตฺถนํ สุตฺวา ‘‘เอส มยา ปโยชิโตปิ ตาว เอวํ ปตฺเถติ, มยฺหํ กึ น สมิชฺฌิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘ยาวาหํ นิพฺพานํ ปาปุณามิ [น ปาปุณามิ (สฺยา.)], เอตฺถนฺตเร นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฏฺาเน อยํ คงฺคาอูมิเวโค วิย อกฺขยปฏิภาโน ภเวยฺยํ, อิมินา ปุจฺฉิตปุจฺฉิตํ สพฺพํ ปฺหปฏิภานํ วิชเฏตุํ นิพฺเพเตุํ สมตฺโถ ภเวยฺย’’นฺติ ปตฺถนํ ปฏฺเปสิ.

เต อุโภปิ เทเวสุ จ มนุสฺเสสุ จ สํสรนฺตา เอกํ พุทฺธนฺตรํ เขเปสุํ. อถ อมฺหากํ ภควตาปิ ยถา โมคฺคลิปุตฺตติสฺสตฺเถโร ทิสฺสติ, เอวเมเตปิ ทิสฺสนฺติ มม ปรินิพฺพานโต ปฺจวสฺสสเต อติกฺกนฺเต เอเต อุปฺปชฺชิสฺสนฺติ, ยํ มยา สุขุมํ กตฺวา เทสิตํ ธมฺมวินยํ, ตํ เอเต ปฺหปุจฺฉนโอปมฺมยุตฺติวเสน นิชฺชฏํ นิคฺคุมฺพํ กตฺวา วิภชิสฺสนฺตีติ นิทฺทิฏฺา.

. เตสุ สามเณโร ชมฺพุทีเป สาคลนคเร มิลินฺโท นาม ราชา อโหสิ ปณฺฑิโต พฺยตฺโต เมธาวี ปฏิพโล อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนานํ มนฺตโยควิธานกิริยานํ [สมนฺตโยค … (สี. ปี.)], กรณกาเล นิสมฺมการี โหติ, พหูนิ จสฺส สตฺถานิ อุคฺคหิตานิ โหนฺติ. เสยฺยถิทํ, สุติ สมฺมุติ สงฺขฺยา โยคา นีติ วิเสสิกา คณิกา คนฺธพฺพา ติกิจฺฉา ธนุพฺเพทา [จตุพฺเพทา (สี. ปี.)] ปุราณา อิติหาสา โชติสา มายา เกตุ [เหตุ (สี. ปี.)] มนฺตนา ยุทฺธา ฉนฺทสา พุทฺธวจเนน [ฉนฺทสามุทฺทวจเนน (สี. ปี.)] เอกูนวีสติ, วิตณฺฑวาที [วาที (สี. ปี.)] ทุราสโท ทุปฺปสโห ปุถุติตฺถกรานํ อคฺคมกฺขายติ, สกลชมฺพุทีเป มิลินฺเทน รฺา สโม โกจิ นาโหสิ ยทิทํ ถาเมน ชเวน สูเรน ปฺาย, อฑฺโฒ มหทฺธโน มหาโภโค อนนฺตพลวาหโน.

. อเถกทิวสํ มิลินฺโท ราชา อนนฺตพลวาหนํ จตุรงฺคินึ พลคฺคเสนาพฺยูหํ ทสฺสนกมฺยตาย นครา นิกฺขมิตฺวา พหินคเร เสนงฺคทสฺสนํ กตฺวา [เสนาคณนํ กาเรตฺวา (สี. ปี.)] สาเรตฺวา โส ราชา ภสฺสปฺปวาทโก โลกายตวิตณฺฑ [ปวตฺต (สี. ปี.)] ชนสลฺลาปปฺลว จิตฺตโกตูหโล วิสารโท วิชมฺภโก สูริยํ โอโลเกตฺวา อมจฺเจ อามนฺเตสิ ‘‘พหุ ภเณ ตาว ทิวสาวเสโส กึ กริสฺสาม, อิทาเนว นครํ ปวิสิตฺวา อตฺถิ โกจิ ปณฺฑิโต สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา สงฺฆี คณี คณาจริโย อปิ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ ปฏิชานมาโน, โย มยา สทฺธึ สลฺลปิตุํ สกฺโกติ กงฺขํ ปฏิวิเนตุํ, ตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปฺหํ ปุจฺฉิสฺสาม, กงฺขํ ปฏิวินยิสฺสามา’’ติ.

เอวํ วุตฺเต ปฺจสตา โยนกา ราชานํ มิลินฺทํ เอตทโวจุํ ‘‘อตฺถิ, มหาราช, ฉ สตฺถาโร ปูรโณ กสฺสโป มกฺขลิโคสาโล นิคณฺโ นาฏปุตฺโต [นาถปุตฺโต (สี. ปี.)] สฺชโย เพลฏฺปุตฺโต อชิโต เกสกมฺพโล ปกุโธ กจฺจายโน, เต สงฺฆิโน คณิโน คณาจริยกา าตา ยสสฺสิโน ติตฺถกรา สาธุสมฺมตา พหุชนสฺส, คจฺฉ ตฺวํ มหาราช, เต ปฺหํ ปุจฺฉสฺสุ, กงฺขํ ปฏิวินยสฺสู’’ติ.

. อถ โข มิลินฺโท ราชา ปฺจหิ โยนกสเตหิ ปริวุโต ภทฺรวาหนํ รถวรมารุยฺห เยน ปูรโณ กสฺสโป เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา ปูรเณน กสฺสเปน สทฺธึ สมฺโมทิ, สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ, เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข มิลินฺโท ราชา ปูรณํ กสฺสปํ เอตทโวจ ‘‘โก, ภนฺเต กสฺสป, โลกํ ปาเลตี’’ติ? ‘‘ปถวี, มหาราช, โลกํ ปาเลตี’’ติ. ‘‘ยทิ, ภนฺเต กสฺสป, ปถวี [ปวี (สี. สฺยา. ปี.)] โลกํ ปาเลติ, อถ กสฺมา อวีจินิรยํ คจฺฉนฺตา สตฺตา ปถวึ อติกฺกมิตฺวา คจฺฉนฺตี’’ติ? เอวํ วุตฺเต ปูรโณ กสฺสโป เนว สกฺขิ โอคิลิตุํ, โน สกฺขิ อุคฺคิลิตุํ, อโธมุโข ปตฺตกฺขนฺโธ ตุณฺหีภูโต ปชฺฌายนฺโต นิสีทิ.

. อถ โข มิลินฺโท ราชา มกฺขลึ โคสาลํ เอตทโวจ ‘‘อตฺถิ, ภนฺเต โคสาล, กุสลากุสลานิ กมฺมานิ, อตฺถิ สุกตทุกฺกฏานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก’’ติ? ‘‘นตฺถิ, มหาราช, กุสลากุสลานิ กมฺมานิ, นตฺถิ สุกตทุกฺกฏานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก. เย เต, มหาราช, อิธ โลเก ขตฺติยา, เต ปรโลกํ คนฺตฺวาปิ ปุน ขตฺติยาว ภวิสฺสนฺติ, เย เต พฺราหฺมณา เวสฺสา สุทฺทา จณฺฑาลา ปุกฺกุสา, เต ปรโลกํ คนฺตฺวาปิ ปุน พฺราหฺมณา เวสฺสา สุทฺทา จณฺฑาลา ปุกฺกุสาว ภวิสฺสนฺติ. กึ กุสลากุสเลหิ กมฺเมหี’’ติ? ‘‘ยทิ, ภนฺเต โคสาล, อิธ โลเก ขตฺติยา พฺราหฺมณา เวสฺสา สุทฺทา จณฺฑาลา ปุกฺกุสา, เต ปรโลกํ คนฺตฺวาปิ ปุน ขตฺติยา พฺราหฺมณา เวสฺสา สุทฺทา จณฺฑาลา ปุกฺกุสาว ภวิสฺสนฺติ, นตฺถิ กุสลากุสเลหิ กมฺเมหิ กรณียํ. เตน หิ, ภนฺเต โคสาล, เย เต อิธ โลเก หตฺถจฺฉินฺนา, เต ปรโลกํ คนฺตฺวาปิ ปุน หตฺถจฺฉินฺนาว ภวิสฺสนฺติ. เย ปาทจฺฉินฺนา, เต ปาทจฺฉินฺนาว ภวิสฺสนฺติ. เย หตฺถปาทจฺฉินฺนา, เต หตฺถปาทจฺฉินฺนาว ภวิสฺสนฺติ. เย กณฺณจฺฉินฺนา, เต กณฺณจฺฉินฺนาว ภวิสฺสนฺติ. เย นาสจฺฉินฺนา, เต นาสจฺฉินฺนาว ภวิสฺสนฺติ. เย กณฺณนาสจฺฉินฺนา, เต กณฺณนาสจฺฉินฺนาว ภวิสฺสนฺตี’’ติ. เอวํ วุตฺเต โคสาโล ตุณฺหี อโหสิ.

อถ โข มิลินฺทสฺส รฺโ เอตทโหสิ ‘‘ตุจฺโฉ วต โภ ชมฺพุทีโป, ปลาโป วต โภ ชมฺพุทีโป, นตฺถิ โกจิ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา, โย มยา สทฺธึ สลฺลปิตุํ สกฺโกติ กงฺขํ ปฏิวิเนตุ’’นฺติ.

อถ โข มิลินฺโท ราชา อมจฺเจ อามนฺเตสิ ‘‘รมณียา วต โภ โทสินา รตฺติ, กํ นุ ขฺวชฺช สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา อุปสงฺกเมยฺยาม ปฺหํ ปุจฺฉิตุํ, โก มยา สทฺธึ สลฺลปิตุํ สกฺโกติ กงฺขํ ปฏิวิเนตุ’’นฺติ? เอวํ วุตฺเต อมจฺจา ตุณฺหีภูตา รฺโ มุขํ โอโลกยมานา อฏฺํสุ.

เตน โข ปน สมเยน สาคลนครํ ทฺวาทส วสฺสานิ สุฺํ อโหสิ สมณพฺราหฺมณคหปติปณฺฑิเตหิ, ยตฺถ สมณพฺราหฺมณคหปติปณฺฑิตา ปฏิวสนฺตีติ สุณาติ, ตตฺถ คนฺตฺวา ราชา เต ปฺหํ ปุจฺฉติ, เต สพฺเพปิ ปฺหวิสชฺชเนน ราชานํ อาราเธตุํ อสกฺโกนฺตา เยน วา เตน วา ปกฺกมนฺติ. เย อฺํ ทิสํ น ปกฺกมนฺติ, เต สพฺเพ ตุณฺหีภูตา อจฺฉนฺติ. ภิกฺขู ปน เยภุยฺเยน หิมวนฺตเมว คจฺฉนฺติ.

. เตน โข ปน สมเยน โกฏิสตา อรหนฺโต หิมวนฺเต ปพฺพเต รกฺขิตตเล ปฏิวสนฺติ. อถ โข อายสฺมา อสฺสคุตฺโต ทิพฺพาย โสตธาตุยา มิลินฺทสฺส รฺโ วจนํ สุตฺวา ยุคนฺธรมตฺถเก ภิกฺขุสงฺฆํ สนฺนิปาเตตฺวา ภิกฺขู ปุจฺฉิ ‘‘อตฺถาวุโส โกจิ ภิกฺขุ ปฏิพโล มิลินฺเทน รฺา สทฺธึ สลฺลปิตุํ กงฺขํ ปฏิวิเนตุ’’นฺติ?

เอวํ วุตฺเต โกฏิสตา อรหนฺโต ตุณฺหี อเหสุํ. ทุติยมฺปิ ตติยมฺปิ ปุฏฺา ตุณฺหี อเหสุํ. อถ โข อายสฺมา อสฺสคุตฺโต ภิกฺขุสงฺฆํ เอตทโวจ ‘‘อตฺถาวุโส ตาวตึสภวเน เวชยนฺตสฺส ปาจีนโต เกตุมตี นาม วิมานํ, ตตฺถ มหาเสโน นาม เทวปุตฺโต ปฏิวสติ, โส ปฏิพโล เตน มิลินฺเทน รฺา สทฺธึ สลฺลปิตุํ กงฺขํ ปฏิวิเนตุ’’นฺติ.

อถ โข โกฏิสตา อรหนฺโต ยุคนฺธรปพฺพเต อนฺตรหิตา ตาวตึสภวเน ปาตุรเหสุํ. อทฺทสา โข สกฺโก เทวานมินฺโท เต ภิกฺขู ทูรโตว อาคจฺฉนฺเต, ทิสฺวาน เยนายสฺมา อสฺสคุตฺโต เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ อสฺสคุตฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ, เอกมนฺตํ ิโต โข สกฺโก เทวานมินฺโท อายสฺมนฺตํ อสฺสคุตฺตํ เอตทโวจ ‘‘มหา โข, ภนฺเต, ภิกฺขุสงฺโฆ อนุปฺปตฺโต, อหํ สงฺฆสฺส อารามิโก, เกนตฺโถ, กึ มยา กรณีย’’นฺติ?

อถ โข อายสฺมา อสฺสคุตฺโต สกฺกํ เทวานมินฺทํ เอตทโวจ ‘‘อยํ โข, มหาราช, ชมฺพุทีเป สาคลนคเร มิลินฺโท นาม ราชา วิตณฺฑวาที ทุราสโท ทุปฺปสโห ปุถุติตฺถกรานํ อคฺคมกฺขายติ, โส ภิกฺขุสงฺฆํ อุปสงฺกมิตฺวา ทิฏฺิวาเทน ปฺหํ ปุจฺฉิตฺวา ภิกฺขุสงฺฆํ วิเหเตี’’ติ.

อถ โข สกฺโก เทวานมินฺโท อายสฺมนฺตํ อสฺสคุตฺตํ เอตทโวจ ‘‘อยํ โข, ภนฺเต, มิลินฺโท ราชา อิโต จุโต มนุสฺเสสุ อุปฺปนฺโน, เอโส โข, ภนฺเต, เกตุมติวิมาเน มหาเสโน นาม เทวปุตฺโต ปฏิวสติ, โส ปฏิพโล เตน มิลินฺเทน รฺา สทฺธึ สลฺลปิตุํ กงฺขํ ปฏิวิเนตุํ, ตํ เทวปุตฺตํ ยาจิสฺสาม มนุสฺสโลกูปปตฺติยา’’ติ.

อถ โข สกฺโก เทวานมินฺโท ภิกฺขุสงฺฆํ ปุรกฺขตฺวา เกตุมติวิมานํ ปวิสิตฺวา มหาเสนํ เทวปุตฺตํ อาลิงฺคิตฺวา เอตทโวจ ‘‘ยาจติ ตํ, มาริส, ภิกฺขุสงฺโฆ มนุสฺสโลกูปปตฺติยา’’ติ. ‘‘น เม, ภนฺเต, มนุสฺสโลเกนตฺโถ กมฺมพหุเลน, ติพฺโพ มนุสฺสโลโก, อิเธวาหํ, ภนฺเต, เทวโลเก อุปรูปรูปปตฺติโก หุตฺวา ปรินิพฺพายิสฺสามี’’ติ. ทุติยมฺปิ…เป… ตติยมฺปิ โข สกฺเกน เทวานมินฺเทน ยาจิโต มหาเสโน เทวปุตฺโต เอวมาห ‘‘น เม, ภนฺเต, มนุสฺสโลเกนตฺโถ กมฺมพหุเลน, ติพฺโพ มนุสฺสโลโก, อิเธวาหํ, ภนฺเต, เทวโลเก อุปรูปรูปปตฺติโก หุตฺวา ปรินิพฺพายิสฺสามี’’ติ.

อถ โข อายสฺมา อสฺสคุตฺโต มหาเสนํ เทวปุตฺตํ เอตทโวจ ‘‘อิธ มยํ, มาริส, สเทวกํ โลกํ อนุวิโลกยมานา อฺตฺร ตยา มิลินฺทสฺส รฺโ วาทํ ภินฺทิตฺวา สาสนํ ปคฺคเหตุํ สมตฺถํ อฺํ กฺจิ น ปสฺสาม, ยาจติ ตํ, มาริส, ภิกฺขุสงฺโฆ, สาธุ สปฺปุริส มนุสฺสโลเก นิพฺพตฺติตฺวา ทสพลสฺส สาสนํ ปคฺคณฺหาหี’’ติ. เอวํ วุตฺเต มหาเสโน เทวปุตฺโต ‘‘อหํ กิร มิลินฺทสฺส รฺโ วาทํ ภินฺทิตฺวา พุทฺธสาสนํ ปคฺคเหตุํ สมตฺโถ ภวิสฺสามี’’ติ หฏฺปหฏฺโ อุทคฺคุทคฺโค หุตฺวา ‘‘สาธุ, ภนฺเต, มนุสฺสโลเก อุปฺปชฺชิสฺสามี’’ติ ปฏิฺํ อทาสิ.

. อถ โข เต ภิกฺขู เทวโลเก ตํ กรณียํ ตีเรตฺวา เทเวสุ ตาวตึเสสุ อนฺตรหิตา หิมวนฺเต ปพฺพเต รกฺขิตตเล ปาตุรเหสุํ.

อถ โข อายสฺมา อสฺสคุตฺโต ภิกฺขุสงฺฆํ เอตทโวจ ‘‘อตฺถาวุโส, อิมสฺมึ ภิกฺขุสงฺเฆ โกจิ ภิกฺขุ สนฺนิปาตํ อนาคโต’’ติ. เอวํ วุตฺเต อฺตโร ภิกฺขุ อายสฺมนฺตํ อสฺสคุตฺตํ เอตทโวจ ‘‘อตฺถิ, ภนฺเต, อายสฺมา โรหโณ อิโต สตฺตเม ทิวเส หิมวนฺตํ ปพฺพตํ ปวิสิตฺวา นิโรธํ สมาปนฺโน, ตสฺส สนฺติเก ทูตํ ปาเหถา’’ติ. อายสฺมาปิ โรหโณ ตงฺขณฺเว นิโรธา วุฏฺาย ‘‘สงฺโฆ มํ ปฏิมาเนตี’’ติ หิมวนฺเต ปพฺพเต อนฺตรหิโต รกฺขิตตเล โกฏิสตานํ อรหนฺตานํ ปุรโต ปาตุรโหสิ.

อถ โข อายสฺมา อสฺสคุตฺโต อายสฺมนฺตํ โรหณํ เอตทโวจ ‘‘กึ นุ โข, อาวุโส, โรหณ พุทฺธสาสเน ภิชฺชนฺเต [ปลุชฺชนฺเต (สี. ปี.)] น ปสฺสสิ สงฺฆสฺส กรณียานี’’ติ. ‘‘อมนสิกาโร เม, ภนฺเต, อโหสี’’ติ.

‘‘เตน, หาวุโส โรหณ, ทณฺฑกมฺมํ กโรหี’’ติ. ‘‘กึ, ภนฺเต, กโรมี’’ติ? ‘‘อตฺถาวุโส โรหณ, หิมวนฺตปพฺพตปสฺเส คชงฺคลํ [กชงฺคลํ (สี. ปี.)] นาม พฺราหฺมณคาโม, ตตฺถ โสณุตฺตโร นาม พฺราหฺมโณ ปฏิวสติ, ตสฺส ปุตฺโต อุปฺปชฺชิสฺสติ นาคเสโนติ นาม ทารโก, เตน หิ ตฺวํ, อาวุโส โรหณ, ทสมาสาธิกานิ สตฺต วสฺสานิ ตํ กุลํ ปิณฺฑาย ปวิสิตฺวา นาคเสนํ ทารกํ นีหริตฺวา ปพฺพาเชหิ, ปพฺพชิเตว ตสฺมึ ทณฺฑกมฺมโต มุจฺจิสฺสสี’’ติ. อายสฺมาปิ โข โรหโณ ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ.

๑๐. มหาเสโนปิ โข เทวปุตฺโต เทวโลกา จวิตฺวา โสณุตฺตรพฺราหฺมณสฺส ภริยาย กุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธึ อคฺคเหสิ, สห ปฏิสนฺธิคฺคหณา ตโย อจฺฉริยา อพฺภุตา ธมฺมา ปาตุรเหสุํ, อาวุธภณฺฑานิ ปชฺชลึสุ, อคฺคสสฺสํ อภินิปฺผนฺนํ, มหาเมโฆ อภิปฺปวสฺสิ. อายสฺมาปิ โข โรหโณ ตสฺส ปฏิสนฺธิคฺคหณโต ปฏฺาย ทสมาสาธิกานิ สตฺต วสฺสานิ ตํ กุลํ ปิณฺฑาย ปวิสนฺโต เอกทิวสมฺปิ กฏจฺฉุมตฺตํ ภตฺตํ วา อุฬุงฺกมตฺตํ ยาคุํ วา อภิวาทนํ วา อฺชลิกมฺมํ วา สามีจิกมฺมํ วา นาลตฺถ, อถ โข อกฺโกสฺเว ปริภาสฺเว ปฏิลภติ ‘‘อติจฺฉถ ภนฺเต’’ติ วจนมตฺตมฺปิ วตฺตา นาม นาโหสิ, ทสมาสาธิกานํ ปน สตฺตนฺนํ วสฺสานํ อจฺจเยน เอกทิวสํ ‘‘อติจฺฉถ ภนฺเต’’ติ วจนมตฺตํ อลตฺถ. ตํ ทิวสเมว พฺราหฺมโณปิ พหิ กมฺมนฺตา อาคจฺฉนฺโต ปฏิปเถ เถรํ ทิสฺวา ‘‘กึ, โภ ปพฺพชิต, อมฺหากํ เคหํ อคมิตฺถา’’ติ อาห. ‘‘อาม, พฺราหฺมณ, อคมมฺหา’’ติ. ‘‘อปิ กิฺจิ ลภิตฺถา’’ติ. ‘‘อาม, พฺราหฺมณ, ลภิมฺหา’’ติ. โส อนตฺตมโน เคหํ คนฺตฺวา ปุจฺฉิ ‘‘ตสฺส ปพฺพชิตสฺส กิฺจิ อทตฺถา’’ติ. ‘‘น กิฺจิ อทมฺหา’’ติ. พฺราหฺมโณ ทุติยทิวเส ฆรทฺวาเร เยว นิสีทิ ‘‘อชฺช ปพฺพชิตํ มุสาวาเทน นิคฺคเหสฺสามี’’ติ. เถโร ทุติยทิวเส พฺราหฺมณสฺส ฆรทฺวารํ สมฺปตฺโต.

พฺราหฺมโณ เถรํ ทิสฺวาว เอวมาห ‘‘ตุมฺเห หิยฺโย อมฺหากํ เคเห กิฺจิ อลภิตฺวาว ‘‘ลภิมฺหา’’ติ อโวจุตฺถ, วฏฺฏติ นุ โข ตุมฺหากํ มุสาวาโท’’ติ. เถโร อาห ‘‘มยํ, พฺราหฺมณ, ตุมฺหากํ เคเห ( ) [(ปวิสนฺตา) (ก.)] ทสมาสาธิกานิ สตฺต วสฺสานิ ‘อติจฺฉถา’ติ วจนมตฺตมฺปิ อลภิตฺวา หิยฺโย ‘อติจฺฉถา’ติ วจนมตฺตํ ลภิมฺหา, อเถตํ วาจาปฏิสนฺธารํ [ปฏิสนฺตารํ (สี. ปี.)] อุปาทาย เอวมโวจุมฺหา’’ติ.

พฺราหฺมโณ จินฺเตสิ ‘‘อิเม วาจาปฏิสนฺธารมตฺตมฺปิ ลภิตฺวา ชนมชฺเฌ ‘ลภิมฺหา’ติ ปสํสนฺติ, อฺํ กิฺจิ ขาทนียํ วา โภชนียํ วา ลภิตฺวา กสฺมา นปฺปสํสนฺตี’’ติ ปสีทิตฺวา อตฺตโน อตฺถาย ปฏิยาทิตภตฺตโต กฏจฺฉุภิกฺขํ, ตทุปิยฺจ พฺยฺชนํ ทาเปตฺวา ‘‘อิมํ ภิกฺขํ สพฺพกาลํ ตุมฺเห ลภิสฺสถา’’ติ อาห.

โส ปุนทิวสโต ปภุติ อุปสงฺกมนฺตสฺส เถรสฺส อุปสมํ ทิสฺวา ภิยฺโยโส มตฺตาย ปสีทิตฺวา เถรํ นิจฺจกาลํ อตฺตโน ฆเร ภตฺตวิสฺสคฺคกรณตฺถาย ยาจิ. เถโร ตุณฺหีภาเวน อธิวาเสตฺวา ทิวเส ทิวเส ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา คจฺฉนฺโต โถกํ โถกํ พุทฺธวจนํ กเถตฺวา คจฺฉติ. สาปิ โข พฺราหฺมณี ทสมาสจฺจเยน ปุตฺตํ วิชายิ, ‘‘นาคเสโน’’ติสฺส นามมกํสุ, โส อนุกฺกเมน วฑฺฒนฺโต สตฺตวสฺสิโก ชาโต.

๑๑. อถ โข นาคเสนสฺส ทารกสฺส ปิตา นาคเสนํ ทารกํ เอตทโวจ ‘‘อิมสฺมึ โข, ตาต นาคเสน, พฺราหฺมณกุเล สิกฺขานิ สิกฺเขยฺยาสี’’ติ. ‘‘กตมานิ, ตาต, อิมสฺมึ พฺราหฺมณกุเล สิกฺขานิ นามา’’ติ? ‘‘ตโย โข, ตาต นาคเสน, เวทา สิกฺขานิ นาม, อวเสสานิ สิปฺปานิ สิปฺปํ นามา’’ติ. ‘‘เตน หิ, ตาต, สิกฺขิสฺสามี’’ติ.

อถ โข โสณุตฺตโร พฺราหฺมโณ อาจริยพฺราหฺมณสฺส อาจริยภาคํ สหสฺสํ ทตฺวา อนฺโตปาสาเท เอกสฺมึ คพฺเภ เอกโต มฺจกํ ปฺเปตฺวา อาจริยพฺราหฺมณํ เอตทโวจ ‘‘สชฺฌาเปหิ โข, ตฺวํ พฺราหฺมณ, อิมํ ทารกํ มนฺตานีติ. เตน หิ ‘ตาต ทารก’ อุคฺคณฺหาหิ มนฺตานี’’ติ. อาจริยพฺราหฺมโณ สชฺฌายติ นาคเสนสฺส ทารกสฺส เอเกเนว อุทฺเทเสน ตโย เวทา หทยงฺคตา วาจุคฺคตา สูปธาริตา สุววตฺถาปิตา สุมนสิกตา อเหสุํ, สกิเมว จกฺขุํ อุทปาทิ ตีสุ เวเทสุ สนิฆณฺฑุเกฏุเภสุ [สนิฆณฺฏุเกฏุเภสุ (ก.)] สากฺขรปฺปเภเทสุ อิติหาสปฺจเมสุ ปทโก เวยฺยากรโณ โลกายตมหาปุริสลกฺขเณสุ อนวโย อโหสิ.

อถ โข นาคเสโน ทารโก ปิตรํ เอตทโวจ ‘‘อตฺถิ นุ โข, ตาต, อิมสฺมึ พฺราหฺมณกุเล อิโต อุตฺตริมฺปิ สิกฺขิตพฺพานิ, อุทาหุ เอตฺตกาเนวา’’ติ. ‘‘นตฺถิ, ตาต นาคเสน, อิมสฺมึ พฺราหฺมณกุเล อิโต อุตฺตรึ สิกฺขิตพฺพานิ, เอตฺตกาเนว สิกฺขิตพฺพานี’’ติ.

อถ โข นาคเสโน ทารโก อาจริยสฺส อนุโยคํ ทตฺวา ปาสาทา โอรุยฺห ปุพฺพวาสนาย โจทิตหทโย รโหคโต ปฏิสลฺลีโน อตฺตโน สิปฺปสฺส อาทิมชฺฌปริโยสานํ โอโลเกนฺโต อาทิมฺหิ วา มชฺเฌ วา ปริโยสาเน วา อปฺปมตฺตกมฺปิ สารํ อทิสฺวา ‘‘ตุจฺฉา วต โภ อิเม เวทา, ปลาปา วต โภ อิเม เวทา อสารา นิสฺสารา’’ติ วิปฺปฏิสารี อนตฺตมโน อโหสิ.

๑๒. เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา โรหโณ วตฺตนิเย เสนาสเน นิสินฺโน นาคเสนสฺส ทารกสฺส เจตสา เจโตปริวิตกฺกมฺาย นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย วตฺตนิเย เสนาสเน อนฺตรหิโต คชงฺคลพฺราหฺมณคามสฺส ปุรโต ปาตุรโหสิ. อทฺทสา โข นาคเสโน ทารโก อตฺตโน ทฺวารโกฏฺเก ิโต อายสฺมนฺตํ โรหณํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ, ทิสฺวาน อตฺตมโน อุทคฺโค ปมุทิโต ปีติโสมนสฺสชาโต ‘‘อปฺเปว นามายํ ปพฺพชิโต กฺจิ สารํ ชาเนยฺยา’’ติ เยนายสฺมา โรหโณ เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ โรหณํ เอตทโวจ ‘‘โก นุ โข, ตฺวํ มาริส, เอทิโส ภณฺฑุกาสาววสโน’’ติ. ‘‘ปพฺพชิโต [ปาปกานํ มลานํ ปพฺพาเชตุํ ปพฺพชิโต (สี. ปี.)] นามาหํ ทารกา’’ติ. ‘‘เกน, ตฺวํ มาริส, ปพฺพชิโต นามาสี’’ติ? ‘‘ปาปกานิ มลานิ ปพฺพาเชติ, ตสฺมาหํ, ทารก, ปพฺพชิโต นามา’’ติ. ‘‘กึการณา, มาริส, เกสา เต น ยถา อฺเส’’นฺติ? ‘‘โสฬสิเม, ทารก, ปลิโพเธ ทิสฺวา เกสมสฺสุํ โอหาเรตฺวา ปพฺพชิโต. ‘‘กตเม โสฬส’’? ‘‘อลงฺการปลิโพโธ มณฺฑนปลิโพโธ เตลมกฺขนปลิโพโธ โธวนปลิโพโธ มาลาปลิโพโธ คนฺธปลิโพโธ วาสนปลิโพโธ หรีฏกปลิโพโธ อามลกปลิโพโธ รงฺคปลิโพโธ พนฺธนปลิโพโธ โกจฺฉปลิโพโธ กปฺปกปลิโพโธ วิชฏนปลิโพโธ อูกาปลิโพโธ, เกเสสุ วิลูเนสุ โสจนฺติ กิลมนฺติ ปริเทวนฺติ อุรตฺตาฬึ กนฺทนฺติ สมฺโมหํ อาปชฺชนฺติ, อิเมสุ โข, ทารก, โสฬสสุ ปลิโพเธสุ ปลิคุณฺิตา มนุสฺสา สพฺพานิ อติสุขุมานิ สิปฺปานิ นาเสนฺตี’’ติ. ‘‘กึการณา, มาริส, วตฺถานิปิ เต น ยถา อฺเส’’นฺติ? ‘‘กามนิสฺสิตานิ โข, ทารก, วตฺถานิ, กามนิสฺสิตานิ คิหิพฺยฺชนภณฺฑานิ [กมนียานิ คิหิพฺยฺชนานิ (สี. ปี.)], ยานิ กานิจิ โข ภยานิ วตฺถโต อุปฺปชฺชนฺติ, ตานิ กาสาววสนสฺส น โหนฺติ, ตสฺมา วตฺถานิปิ เม น ยถา อฺเส’’นฺติ. ‘‘ชานาสิ โข, ตฺวํ มาริส, สิปฺปานิ นามา’’ติ? ‘‘อาม, ทารก, ชานามหํ สิปฺปานิ, ยํ โลเก อุตฺตมํ มนฺตํ, ตมฺปิ ชานามี’’ติ. ‘‘มยฺหมฺปิ ตํ, มาริส, ทาตุํ สกฺกา’’ติ? ‘‘อาม, ทารก, สกฺกา’’ติ. ‘‘เตน หิ เม เทหี’’ติ. ‘‘อกาโล โข, ทารก, อนฺตรฆรํ ปิณฺฑาย ปวิฏฺมฺหา’’ติ.

อถ โข นาคเสโน ทารโก อายสฺมโต โรหณสฺส หตฺถโต ปตฺตํ คเหตฺวา ฆรํ ปเวเสตฺวา ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน สหตฺถา สนฺตปฺเปตฺวา สมฺปวาเรตฺวา อายสฺมนฺตํ โรหณํ ภุตฺตาวึ โอนีตปตฺตปาณึ เอตทโวจ ‘‘เทหิ เม ทานิ, มาริส, มนฺต’’นฺติ. ‘‘ยทา โข ตฺวํ, ทารก, นิปฺปลิโพโธ หุตฺวา มาตาปิตโร อนุชานาเปตฺวา มยา คหิตํ ปพฺพชิตเวสํ คณฺหิสฺสสิ, ตทา ทสฺสามี’’ติ อาห.

อถ โข นาคเสโน ทารโก มาตาปิตโร อุปสงฺกมิตฺวา อาห ‘‘อมฺมตาตา, อยํ ปพฺพชิโต ‘ยํ โลเก อุตฺตมํ มนฺตํ, ตํ ชานามี’ติ วทติ, น จ อตฺตโน สนฺติเก อปพฺพชิตสฺส เทติ, อหํ เอตสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา ตํ อุตฺตมํ มนฺตํ อุคฺคณฺหิสฺสามี’’ติ. อถสฺส มาตาปิตโร ‘‘ปพฺพชิตฺวาปิ โน ปุตฺโต มนฺตํ คณฺหตุ, คเหตฺวา ปุน อาคจฺฉิสฺสตี’’ติ มฺมานา ‘‘คณฺห ปุตฺตา’’ติ อนุชานึสุ.

๑๓. อถ โข อายสฺมา โรหโณ นาคเสนํ ทารกํ อาทาย เยน วตฺตนิยํ เสนาสนํ, เยน วิชมฺภวตฺถุ เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา วิชมฺภวตฺถุสฺมึ เสนาสเน เอกรตฺตํ วสิตฺวา เยน รกฺขิตตลํ เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา โกฏิสตานํ อรหนฺตานํ มชฺเฌ นาคเสนํ ทารกํ ปพฺพาเชสิ. ปพฺพชิโต จ ปนายสฺมา นาคเสโน อายสฺมนฺตํ โรหณํ เอตทโวจ ‘‘คหิโต เม, ภนฺเต, ตว เวโส, เทถ เม ทานิ มนฺต’’นฺติ. อถ โข อายสฺมา โรหโณ ‘‘กิมฺหิ นุ โขหํ นาคเสนํ วิเนยฺยํ ปมํ วินเย วา สุตฺตนฺเต วา อภิธมฺเม วา’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘ปณฺฑิโต โข อยํ นาคเสโน, สกฺโกติ สุเขเนว อภิธมฺมํ ปริยาปุณิตุ’’นฺติ ปมํ อภิธมฺเม วิเนสิ.

อายสฺมา จ นาคเสโน ‘‘กุสลา ธมฺมา, อกุสลา ธมฺมา, อพฺยากตา ธมฺมา’’ติ ติกทุกปฏิมณฺฑิตํ ธมฺมสงฺคณีปกรณํ, ขนฺธวิภงฺคาทิ อฏฺารส วิภงฺคปฏิมณฺฑิตํ วิภงฺคปฺปกรณํ, ‘‘สงฺคโห อสงฺคโห’’ติ อาทินา จุทฺทสวิเธน วิภตฺตํ ธาตุกถาปกรณํ, ‘‘ขนฺธปฺตฺติ อายตนปฺตฺตี’’ติ อาทินา ฉพฺพิเธน วิภตฺตํ ปุคฺคลปฺตฺติปฺปกรณํ, สกวาเท ปฺจสุตฺตสตานิ ปรวาเท ปฺจสุตฺตสตานีติ สุตฺตสหสฺสํ สโมธาเนตฺวา วิภตฺตํ กถาวตฺถุปฺปกรณํ, ‘‘มูลยมกํ ขนฺธยมก’’นฺติ อาทินา ทสวิเธน วิภตฺตํ ยมกปฺปกรณํ, ‘‘เหตุปจฺจโย อารมฺมณปจฺจโย’’ติ อาทินา จตุวีสติวิเธน วิภตฺตํ ปฏฺานปฺปกรณนฺติ สพฺพํ ตํ อภิธมฺมปิฏกํ เอเกเนว สชฺฌาเยน ปคุณํ กตฺวา ‘‘ติฏฺถ ภนฺเต, น ปุน โอสาเรถ, เอตฺตเกเนวาหํ สชฺฌายิสฺสามี’’ติ อาห.

๑๔. อถ โข อายสฺมา นาคเสโน เยน โกฏิสตา อรหนฺโต เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา โกฏิสเต อรหนฺเต เอตทโวจ ‘‘อหํ โข ภนฺเต ‘กุสลา ธมฺมา, อกุสลา ธมฺมา, อพฺยากตา ธมฺมา’ติ อิเมสุ ตีสุ ปเทสุ ปกฺขิปิตฺวา สพฺพํ ตํ อภิธมฺมปิฏกํ วิตฺถาเรน โอสาเรสฺสามี’’ติ. ‘‘สาธุ, นาคเสน, โอสาเรหี’’ติ.

อถ โข อายสฺมา นาคเสโน สตฺต มาสานิ สตฺต ปกรณานิ วิตฺถาเรน โอสาเรสิ, ปถวี อุนฺนทิ, เทวตา สาธุการมทํสุ, พฺรหฺมาโน อปฺโผเฏสุํ, ทิพฺพานิ จนฺทนจุณฺณานิ ทิพฺพานิ จ มนฺทารวปุปฺผานิ อภิปฺปวสฺสึสุ.

๑๕. อถ โข โกฏิสตา อรหนฺโต อายสฺมนฺตํ นาคเสนํ ปริปุณฺณวีสติวสฺสํ รกฺขิตตเล อุปสมฺปาเทสุํ. อุปสมฺปนฺโน จ ปนายสฺมา นาคเสโน ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย อุปชฺฌาเยน สทฺธึ คามํ ปิณฺฑาย ปวิสนฺโต เอวรูปํ ปริวิตกฺกํ อุปฺปาเทสิ ‘‘ตุจฺโฉ วต เม อุปชฺฌาโย, พาโล วต เม อุปชฺฌาโย, เปตฺวา อวเสสํ พุทฺธวจนํ ปมํ มํ อภิธมฺเม วิเนสี’’ติ.

อถ โข อายสฺมา โรหโณ อายสฺมโต นาคเสนสฺส เจตสา เจโตปริวิตกฺกมฺาย อายสฺมนฺตํ นาคเสนํ เอตทโวจ ‘‘อนนุจฺฉวิกํ โข นาคเสน ปริวิตกฺกํ วิตกฺเกสิ, น โข ปเนตํ นาคเสน ตวานุจฺฉวิก’’นฺติ.

อถ โข อายสฺมโต นาคเสนสฺส เอตทโหสิ ‘‘อจฺฉริยํ วต โภ, อพฺภุตํ วต โภ, ยตฺร หิ นาม เม อุปชฺฌาโย เจตสา เจโตปริวิตกฺกํ ชานิสฺสติ, ปณฺฑิโต วต เม อุปชฺฌาโย, ยํนูนาหํ อุปชฺฌายํ ขมาเปยฺย’’นฺติ. อถ โข อายสฺมา นาคเสโน อายสฺมนฺตํ โรหณํ เอตทโวจ ‘‘ขมถ เม, ภนฺเต, น ปุน เอวรูปํ วิตกฺเกสฺสามี’’ติ.

อถ โข อายสฺมา โรหโณ อายสฺมนฺตํ นาคเสนํ เอตทโวจ ‘‘น โข ตฺยาหํ นาคเสน เอตฺตาวตา ขมามิ, อตฺถิ โข นาคเสน สาคลํ นาม นครํ, ตตฺถ มิลินฺโท นาม ราชา รชฺชํ กาเรติ, โส ทิฏฺิวาเทน ปฺหํ ปุจฺฉิตฺวา ภิกฺขุสงฺฆํ วิเหเติ, สเจ ตฺวํ ตตฺถ คนฺตฺวา ตํ ราชานํ ทเมตฺวา พุทฺธสาสเน ปสาเทสฺสสิ, เอวาหํ ตํ ขมิสฺสามี’’ติ.

‘‘ติฏฺตุ, ภนฺเต, เอโก มิลินฺโท ราชา; สเจ, ภนฺเต, สกลชมฺพุทีเป สพฺเพ ราชาโน อาคนฺตฺวา มํ ปฺหํ ปุจฺเฉยฺยุํ, สพฺพํ ตํ วิสชฺเชตฺวา สมฺปทาเลสฺสามิ, ‘ขมถ เม ภนฺเต’ติ วตฺวา, ‘น ขมามี’ติ วุตฺเต ‘เตน หิ, ภนฺเต, อิมํ เตมาสํ กสฺส สนฺติเก วสิสฺสามี’ติ อาห’’. อยํ โข, นาคเสน, อายสฺมา อสฺสคุตฺโต วตฺตนิเย เสนาสเน วิหรติ, คจฺฉ ตฺวํ, นาคเสน, เยนายสฺมา อสฺสคุตฺโต เตนุปสงฺกม, อุปสงฺกมิตฺวา มม วจเนน อายสฺมโต อสฺสคุตฺตสฺส ปาเท สิรสา วนฺท, เอวฺจ นํ วเทหิ ‘อุปชฺฌาโย เม, ภนฺเต, ตุมฺหากํ ปาเท สิรสา วนฺทติ, อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉติ, อุปชฺฌาโย เม, ภนฺเต, อิมํ เตมาสํ ตุมฺหากํ สนฺติเก วสิตุํ มํ ปหิณี’ติ, ‘โกนาโม เต อุปชฺฌาโย’ติ จ วุตฺเต ‘โรหณตฺเถโร นาม ภนฺเต’’ติ วเทยฺยาสิ, ‘อหํ โกนาโม’ติ วุตฺเต เอวํ วเทยฺยาสิ ‘มม อุปชฺฌาโย, ภนฺเต, ตุมฺหากํ นามํ ชานาตี’’’ติ. ‘‘เอวํ ภนฺเต’’ติ โข อายสฺมา นาคเสโน อายสฺมนฺตํ โรหณํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย อนุปุพฺเพน จาริกํ จรมาโน เยน วตฺตนิยํ เสนาสนํ, เยนายสฺมา อสฺสคุตฺโต เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ อสฺสคุตฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ, เอกมนฺตํ ิโต โข อายสฺมา นาคเสโน อายสฺมนฺตํ อสฺสคุตฺตํ เอตทโวจ ‘‘อุปชฺฌาโย เม, ภนฺเต, ตุมฺหากํ ปาเท สิรสา วนฺทติ, เอวฺจ วเทติ อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺานํ พลํ ผาสุวิหารํ ปุจฺฉติ, อุปชฺฌาโย เม, ภนฺเต, อิมํ เตมาสํ ตุมฺหากํ สนฺติเก วสิตุํ มํ ปหิณี’’ติ.

อถ โข อายสฺมา อสฺสคุตฺโต อายสฺมนฺตํ นาคเสนํ เอตทโวจ ‘‘ตฺวํ กินฺนาโมสี’’ติ. ‘‘อหํ, ภนฺเต, นาคเสโน นามา’’ติ. ‘‘โกนาโม เต อุปชฺฌาโย’’ติ? ‘‘อุปชฺฌาโย เม, ภนฺเต, โรหโณ นามา’’ติ. ‘‘อหํ โกนาโม’’ติ. ‘‘อุปชฺฌาโย เม, ภนฺเต, ตุมฺหากํ นามํ ชานาตี’’ติ.

‘‘สาธุ, นาคเสน, ปตฺตจีวรํ ปฏิสาเมหี’’ติ. ‘‘สาธุ ภนฺเต’’ติ ปตฺตจีวรํ ปฏิสาเมตฺวา ปุนทิวเส ปริเวณํ สมฺมชฺชิตฺวา มุโขทกํ ทนฺตโปณํ อุปฏฺเปสิ. เถโร สมฺมชฺชิตฏฺานํ ปฏิสมฺมชฺชิ, ตํ อุทกํ ฉฑฺเฑตฺวา อฺํ อุทกํ อาหริ, ตฺจ ทนฺตกฏฺํ อปเนตฺวา อฺํ ทนฺตกฏฺํ คณฺหิ, น อาลาปสลฺลาปํ อกาสิ, เอวํ สตฺต ทิวสานิ กตฺวา สตฺตเม ทิวเส ปุน ปุจฺฉิตฺวา ปุน เตน ตเถว วุตฺเต วสฺสวาสํ อนุชานิ.

๑๖. เตน โข ปน สมเยน เอกา มหาอุปาสิกา อายสฺมนฺตํ อสฺสคุตฺตํ ตึสมตฺตานิ วสฺสานิ อุปฏฺาสิ. อถ โข สา มหาอุปาสิกา เตมาสจฺจเยน เยนายสฺมา อสฺสคุตฺโต เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ อสฺสคุตฺตํ เอตทโวจ ‘‘อตฺถิ นุ โข, ตาต, ตุมฺหากํ สนฺติเก อฺโ ภิกฺขู’’ติ. ‘‘อตฺถิ, มหาอุปาสิเก, อมฺหากํ สนฺติเก นาคเสโน นาม ภิกฺขู’’ติ. ‘‘เตน หิ, ตาต อสฺสคุตฺต, อธิวาเสหิ นาคเสเนน สทฺธึ สฺวาตนาย ภตฺต’’นฺติ. อธิวาเสสิ โข อายสฺมา อสฺสคุตฺโต ตุณฺหีภาเวน.

อถ โข อายสฺมา อสฺสคุตฺโต ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย อายสฺมตา นาคเสเนน สทฺธึ ปจฺฉาสมเณน เยน มหาอุปาสิกาย นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ. อถ โข สา มหาอุปาสิกา อายสฺมนฺตํ อสฺสคุตฺตํ อายสฺมนฺตฺจ นาคเสนํ ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน สหตฺถา สนฺตปฺเปสิ สมฺปวาเรสิ. อถ โข อายสฺมา อสฺสคุตฺโต ภุตฺตาวึ โอนีตปตฺตปาณึ อายสฺมนฺตํ นาคเสนํ เอตทโวจ ‘‘ตฺวํ, นาคเสน, มหาอุปาสิกาย อนุโมทนํ กโรหี’’ติ อิทํ วตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกามิ.

อถ โข สา มหาอุปาสิกา อายสฺมนฺตํ นาคเสนํ เอตทโวจ ‘‘มหลฺลิกา โขหํ, ตาต นาคเสน, คมฺภีราย ธมฺมกถาย มยฺหํ อนุโมทนํ กโรหี’’ติ. อถ โข อายสฺมา นาคเสโน ตสฺสา มหาอุปาสิกาย คมฺภีราย ธมฺมกถาย โลกุตฺตราย สุฺตปฺปฏิสํยุตฺตาย อนุโมทนํ อกาสิ. อถ โข ตสฺสา มหาอุปาสิกาย ตสฺมึเยว อาสเน วิรชํ วีตมลํ ธมฺมจกฺขุํ อุทปาทิ ‘‘ยํ กิฺจิ สมุทยธมฺมํ, สพฺพํ ตํ นิโรธธมฺม’’นฺติ. อายสฺมาปิ โข นาคเสโน ตสฺสา มหาอุปาสิกาย อนุโมทนํ กตฺวา อตฺตนา เทสิตํ ธมฺมํ ปจฺจเวกฺขนฺโต วิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา ตสฺมึเยว อาสเน นิสินฺโน โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาสิ.

อถ โข อายสฺมา อสฺสคุตฺโต มณฺฑลมาเฬ นิสินฺโน ทฺวินฺนมฺปิ ธมฺมจกฺขุปฏิลาภํ ตฺวา สาธุการํ ปวตฺเตสิ ‘‘สาธุ สาธุ นาคเสน, เอเกน กณฺฑปฺปหาเรน ทฺเว มหากายา ปทาลิตา’’ติ, อเนกานิ จ เทวตาสหสฺสานิ สาธุการํ ปวตฺเตสุํ.

๑๗. อถ โข อายสฺมา นาคเสโน อุฏฺายาสนา เยนายสฺมา อสฺสคุตฺโต เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ อสฺสคุตฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ, เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข อายสฺมนฺตํ นาคเสนํ อายสฺมา อสฺสคุตฺโต เอตทโวจ ‘‘คจฺฉ, ตฺวํ นาคเสน, ปาฏลิปุตฺตํ, ปาฏลิปุตฺตนคเร อโสการาเม อายสฺมา ธมฺมรกฺขิโต ปฏิวสติ, ตสฺส สนฺติเก พุทฺธวจนํ ปริยาปุณาหี’’ติ. ‘‘กีว ทูโร, ภนฺเต, อิโต ปาฏลิปุตฺตนคร’’นฺติ? ‘‘โยชนสตานิ โข นาคเสนา’’ติ. ‘‘ทูโร โข, ภนฺเต, มคฺโค. อนฺตรามคฺเค ภิกฺขา ทุลฺลภา, กถาหํ คมิสฺสามี’’ติ? ‘‘คจฺฉ, ตฺวํ นาคเสน, อนฺตรามคฺเค ปิณฺฑปาตํ ลภิสฺสสิ สาลีนํ โอทนํ วิคตกาฬกํ อเนกสูปํ อเนกพฺยฺชน’’นฺติ. ‘‘เอวํ ภนฺเต’’ติ โข อายสฺมา นาคเสโน อายสฺมนฺตํ อสฺสคุตฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน ปาฏลิปุตฺตํ เตน จาริกํ ปกฺกามิ.

๑๘. เตน โข ปน สมเยน ปาฏลิปุตฺตโก เสฏฺิ ปฺจหิ สกฏสเตหิ ปาฏลิปุตฺตคามิมคฺคํ ปฏิปนฺโน โหติ. อทฺทสา โข ปาฏลิปุตฺตโก เสฏฺิ อายสฺมนฺตํ นาคเสนํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ, ทิสฺวาน เยนายสฺมา นาคเสโน เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ นาคเสนํ อภิวาเทตฺวา ‘‘กุหึ คจฺฉสิ ตาตา’’ติ อาห. ‘‘ปาฏลิปุตฺตํ คหปตี’’ติ. ‘‘สาธุ ตาต, มยมฺปิ ปาฏลิปุตฺตํ คจฺฉาม. อมฺเหหิ สทฺธึ สุขํ คจฺฉถา’’ติ.

อถ โข ปาฏลิปุตฺตโก เสฏฺิ อายสฺมโต นาคเสนสฺส อิริยาปเถ ปสีทิตฺวา อายสฺมนฺตํ นาคเสนํ ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน สหตฺถา สนฺตปฺเปตฺวา สมฺปวาเรตฺวา อายสฺมนฺตํ นาคเสนํ ภุตฺตาวึ โอนีตปตฺตปาณึ อฺตรํ นีจํ อาสนํ คเหตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ, เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข ปาฏลิปุตฺตโก เสฏฺิ อายสฺมนฺตํ นาคเสนํ เอตทโวจ ‘‘กินฺนาโมสิ ตฺวํ ตาตา’’ติ. ‘‘อหํ, คหปติ, นาคเสโน นามา’’ติ. ‘‘ชานาสิ โข, ตฺวํ ตาต, พุทฺธวจนํ นามา’’ติ? ‘‘ชานามิ โขหํ, คหปติ, อภิธมฺมปทานี’’ติ. ‘‘ลาภา โน ตาต, สุลทฺธํ โน ตาต, อหมฺปิ โข, ตาต, อาภิธมฺมิโก, ตฺวมฺปิ อาภิธมฺมิโก, ภณ, ตาต, อภิธมฺมปทานี’’ติ. อถ โข อายสฺมา นาคเสโน ปาฏลิปุตฺตกสฺส เสฏฺิสฺส อภิธมฺมํ เทเสสิ, เทเสนฺเต เยว ปาฏลิปุตฺตกสฺส เสฏฺิสฺส วิรชํ วีตมลํ ธมฺมจกฺขุํ อุทปาทิ ‘‘ยํ กิฺจิ สมุทยธมฺมํ, สพฺพํ ตํ นิโรธธมฺม’’นฺติ.

อถ โข ปาฏลิปุตฺตโก เสฏฺิ ปฺจมตฺตานิ สกฏสตานิ ปุรโต อุยฺโยเชตฺวา สยํ ปจฺฉโต คจฺฉนฺโต ปาฏลิปุตฺตสฺส อวิทูเร ทฺเวธาปเถ ตฺวา อายสฺมนฺตํ นาคเสนํ เอตทโวจ ‘‘อยํ โข, ตาต นาคเสน, อโสการามสฺส มคฺโค, อิทํ โข, ตาต, อมฺหากํ กมฺพลรตนํ โสฬสหตฺถํ อายาเมน, อฏฺหตฺถํ วิตฺถาเรน, ปฏิคฺคณฺหาหิ โข, ตาต, อิทํ กมฺพลรตนํ อนุกมฺปํ อุปาทายา’’ติ. ปฏิคฺคเหสิ โข อายสฺมา นาคเสโน ตํ กมฺพลรตนํ อนุกมฺปํ อุปาทาย. อถ โข ปาฏลิปุตฺตโก เสฏฺิ อตฺตมโน อุทคฺโค ปมุทิโต ปีติโสมนสฺสชาโต อายสฺมนฺตํ นาคเสนํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิ.

๑๙. อถ โข อายสฺมา นาคเสโน เยน อโสการาโม เยนายสฺมา ธมฺมรกฺขิโต เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ ธมฺมรกฺขิตํ อภิวาเทตฺวา อตฺตโน อาคตการณํ กเถตฺวา อายสฺมโต ธมฺมรกฺขิตสฺส สนฺติเก เตปิฏกํ พุทฺธวจนํ เอเกเนว อุทฺเทเสน ตีหิ มาเสหิ พฺยฺชนโส ปริยาปุณิตฺวา ปุน ตีหิ มาเสหิ อตฺถโส มนสากาสิ.

อถ โข อายสฺมา ธมฺมรกฺขิโต อายสฺมนฺตํ นาคเสนํ เอตทโวจ ‘‘เสยฺยถาปิ, นาคเสน, โคปาลโก คาโว รกฺขติ, อฺเ โครสํ ปริภุฺชนฺติ. เอวเมว โข, ตฺวํ นาคเสน, เตปิฏกํ พุทฺธวจนํ ธาเรนฺโตปิ น ภาคี สามฺสฺสา’’ติ. ‘‘โหตุ, ภนฺเต, อลํ เอตฺตเกนา’’ติ. เตเนว ทิวสภาเคน เตน รตฺติภาเคน สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ, สห สจฺจปฺปฏิเวเธน อายสฺมโต นาคเสนสฺส สพฺเพ เทวา สาธุการมทํสุ, ปถวี อุนฺนทิ, พฺรหฺมาโน อปฺโผเฏสุํ, ทิพฺพานิ จนฺทนจุณฺณานิ ทิพฺพานิ จ มนฺทารวปุปฺผานิ อภิปฺปวสฺสึสุ.

๒๐. เตน โข ปน สมเยน โกฏิสตา อรหนฺโต หิมวนฺเต ปพฺพเต รกฺขิตตเล สนฺนิปติตฺวา อายสฺมโต นาคเสนสฺส สนฺติเก ทูตํ ปาเหสุํ ‘‘อาคจฺฉตุ นาคเสโน, ทสฺสนกามา มยํ นาคเสน’’นฺติ. อถ โข อายสฺมา นาคเสโน ทูตสฺส วจนํ สุตฺวา อโสการาเม อนฺตรหิโต หิมวนฺเต ปพฺพเต รกฺขิตตเล โกฏิสตานํ อรหนฺตานํ ปุรโต ปาตุรโหสิ.

อถ โข โกฏิสตา อรหนฺโต อายสฺมนฺตํ นาคเสนํ เอตทโวจุํ ‘‘เอโส โข, นาคเสน, มิลินฺโท ราชา ภิกฺขุสงฺฆํ วิเหเติ วาทปฺปฏิวาเทน ปฺหปุจฺฉาย. สาธุ, นาคเสน, คจฺฉ ตฺวํ มิลินฺทํ ราชานํ ทเมหี’’ติ. ‘‘ติฏฺตุ, ภนฺเต, เอโก มิลินฺโท ราชา; สเจ, ภนฺเต, สกลชมฺพุทีเป ราชาโน อาคนฺตฺวา มํ ปฺหํ ปุจฺเฉยฺยุํ, สพฺพํ ตํ วิสชฺเชตฺวา สมฺปทาเลสฺสามิ, คจฺฉถ โว, ภนฺเต, อจฺฉมฺภิตา สาคลนคร’’นฺติ. อถ โข เถรา ภิกฺขู สาคลนครํ กาสาวปฺปชฺโชตํ อิสิวาตปฏิวาตํ อกํสุ.

๒๑. เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา อายุปาโล สงฺขฺเยยฺยปริเวเณ ปฏิวสติ. อถ โข มิลินฺโท ราชา อมจฺเจ เอตทโวจ ‘‘รมณียา วต โภ โทสินา รตฺติ, กนฺนุ ขฺวชฺช สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา อุปสงฺกเมยฺยาม สากจฺฉาย ปฺหปุจฺฉนาย, โก มยา สทฺธึ สลฺลปิตุํ อุสฺสหติ กงฺขํ ปฏิวิเนตุ’’นฺติ. เอวํ วุตฺเต ปฺจสตา โยนกา ราชานํ มิลินฺทํ เอตทโวจุํ ‘‘อตฺถิ, มหาราช, อายุปาโล นาม เถโร เตปิฏโก พหุสฺสุโต อาคตาคโม, โส เอตรหิ สงฺขฺเยยฺยปริเวเณ ปฏิวสติ; คจฺฉ, ตฺวํ มหาราช, อายสฺมนฺตํ อายุปาลํ ปฺหํ ปุจฺฉสฺสู’’ติ. ‘‘เตน หิ, ภเณ, ภทนฺตสฺส อาโรเจถา’’ติ.

อถ โข เนมิตฺติโก อายสฺมโต อายุปาลสฺส สนฺติเก ทูตํ ปาเหสิ ‘‘ราชา, ภนฺเต, มิลินฺโท อายสฺมนฺตํ อายุปาลํ ทสฺสนกาโม’’ติ. อายสฺมาปิ โข อายุปาโล เอวมาห ‘‘เตน หิ อาคจฺฉตู’’ติ. อถ โข มิลินฺโท ราชา ปฺจมตฺเตหิ โยนกสเตหิ ปริวุโต รถวรมารุยฺห เยน สงฺขฺเยยฺยปริเวณํ เยนายสฺมา อายุปาโล เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมตา อายุปาเลน สทฺธึ สมฺโมทิ, สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ, เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข มิลินฺโท ราชา อายสฺมนฺตํ อายุปาลํ เอตทโวจ ‘‘กิมตฺถิยา, ภนฺเต อายุปาล, ตุมฺหากํ ปพฺพชฺชา, โก จ ตุมฺหากํ ปรมตฺโถ’’ติ. เถโร อาห ‘‘ธมฺมจริยสมจริยตฺถา โข, มหาราช, ปพฺพชฺชา, สามฺผลํ โข ปน อมฺหากํ ปรมตฺโถ’’ติ. ‘‘อตฺถิ ปน, ภนฺเต, โกจิ คิหีปิ ธมฺมจารี สมจารี’’ติ? ‘‘อาม, มหาราช, อตฺถิ คิหีปิ ธมฺมจารี สมจารี, ภควติ โข, มหาราช, พาราณสิยํ อิสิปตเน มิคทาเย ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตนฺเต อฏฺารสนฺนํ พฺรหฺมโกฏีนํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ, เทวตานํ ปน ธมฺมาภิสมโย คณนปถํ วีติวตฺโต, สพฺเพเต คิหิภูตา, น ปพฺพชิตา.

‘‘ปุน จปรํ, มหาราช, ภควตา โข มหาสมยสุตฺตนฺเต เทสิยมาเน, มหามงฺคลสุตฺตนฺเต เทสิยมาเน, สมจิตฺตปริยายสุตฺตนฺเต เทสิยมาเน, ราหุโลวาทสุตฺตนฺเต เทสิยมาเน, ปราภวสุตฺตนฺเต เทสิยมาเน คณนปถํ วีติวตฺตานํ เทวตานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ, สพฺเพเต คิหิภูตา, น ปพฺพชิตา’’ติ. ‘‘เตน หิ, ภนฺเต อายุปาล, นิรตฺถิกา ตุมฺหากํ ปพฺพชฺชา, ปุพฺเพ กตสฺส ปาปกมฺมสฺส นิสฺสนฺเทน สมณา สกฺยปุตฺติยา ปพฺพชนฺติ ธุตงฺคานิ จ ปริหรนฺติ. เย โข เต, ภนฺเต อายุปาล, ภิกฺขู เอกาสนิกา, นูน เต ปุพฺเพ ปเรสํ โภคหารกา โจรา, เต ปเรสํ โภเค อจฺฉินฺทิตฺวา ตสฺส กมฺมสฺส นิสฺสนฺเทน เอตรหิ เอกาสนิกา ภวนฺติ, น ลภนฺติ กาเลน กาลํ ปริภุฺชิตุํ, นตฺถิ เตสํ สีลํ, นตฺถิ ตโป, นตฺถิ พฺรหฺมจริยํ. เย โข ปน เต, ภนฺเต อายุปาล, ภิกฺขู อพฺโภกาสิกา, นูน เต ปุพฺเพ คามฆาตกา โจรา, เต ปเรสํ เคหานิ วินาเสตฺวา ตสฺส กมฺมสฺส นิสฺสนฺเทน เอตรหิ อพฺโภกาสิกา ภวนฺติ, น ลภนฺติ เสนาสนานิ ปริภุฺชิตุํ, นตฺถิ เตสํ สีลํ, นตฺถิ ตโป, นตฺถิ พฺรหฺมจริยํ. เย โข ปน เต, ภนฺเต อายุปาล, ภิกฺขู เนสชฺชิกา, นูน เต ปุพฺเพ ปนฺถทูสกา โจรา, เต ปเรสํ ปถิเก ชเน คเหตฺวา พนฺธิตฺวา นิสีทาเปตฺวา ตสฺส กมฺมสฺส นิสฺสนฺเทน เอตรหิ เนสชฺชิกา ภวนฺติ, น ลภนฺติ เสยฺยํ กปฺเปตุํ, นตฺถิ เตสํ สีลํ, นตฺถิ ตโป, นตฺถิ พฺรหฺมจริย’’นฺติ อาห.

เอวํ วุตฺเต อายสฺมา อายุปาโล ตุณฺหี อโหสิ, น กิฺจิ ปฏิภาสิ. อถ โข ปฺจสตา โยนกา ราชานํ มิลินฺทํ เอตทโวจุํ ‘‘ปณฺฑิโต, มหาราช, เถโร, อปิ จ โข อวิสารโท น กิฺจิ ปฏิภาสตี’’ติ.

อถ โข มิลินฺโท ราชา อายสฺมนฺตํ อายุปาลํ ตุณฺหีภูตํ ทิสฺวา อปฺโผเฏตฺวา อุกฺกุฏฺึ กตฺวา โยนเก เอตทโวจ ‘‘ตุจฺโฉ วต โภ ชมฺพุทีโป, ปลาโป วต โภ ชมฺพุทีโป, นตฺถิ โกจิ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา, โย มยา สทฺธึ สลฺลปิตุํ อุสฺสหติ กงฺขํ ปฏิวิเนตุ’’นฺติ.

๒๒. อถ โข มิลินฺทสฺส รฺโ สพฺพํ ตํ ปริสํ อนุวิโลเกนฺตสฺส อภีเต อมงฺกุภูเต โยนเก ทิสฺวา เอตทโหสิ ‘‘นิสฺสํสยํ อตฺถิ มฺเ อฺโ โกจิ ปณฺฑิโต ภิกฺขุ, โย มยา สทฺธึ สลฺลปิตุํ อุสฺสหติ, เยนิเม โยนกา น มงฺกุภูตา’’ติ. อถ โข มิลินฺโท ราชา โยนเก เอตทโวจ ‘‘อตฺถิ, ภเณ, อฺโ โกจิ ปณฺฑิโต ภิกฺขุ, โย มยา สทฺธึ สลฺลปิตุํ อุสฺสหติ กงฺขํ ปฏิวิเนตุ’’นฺติ.

เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา นาคเสโน สมณคณปริวุโต สงฺฆี คณี คณาจริโย าโต ยสสฺสี สาธุสมฺมโต พหุชนสฺส ปณฺฑิโต พฺยตฺโต เมธาวี นิปุโณ วิฺู วิภาวี วินีโต วิสารโท พหุสฺสุโต เตปิฏโก เวทคู ปภินฺนพุทฺธิมา อาคตาคโม ปภินฺนปฏิสมฺภิโท นวงฺคสตฺถุสาสเน ปริยตฺติธโร ปารมิปฺปตฺโต ชินวจเน ธมฺมตฺถเทสนาปฏิเวธกุสโล อกฺขยวิจิตฺรปฏิภาโน จิตฺรกถี กลฺยาณวากฺกรโณ ทุราสโท ทุปฺปสโห ทุรุตฺตโร ทุราวรโณ ทุนฺนิวารโย, สาคโร วิย อกฺโขโภ, คิริราชา วิย นิจฺจโล, รณฺชโห ตโมนุโท ปภงฺกโร มหากถี ปรคณิคณมถโน ปรติตฺถิยมทฺทโน ภิกฺขูนํ ภิกฺขุนีนํ อุปาสกานํ อุปาสิกานํ ราชูนํ ราชมหามตฺตานํ สกฺกโต ครุกโต มานิโต ปูชิโต อปจิโต ลาภี จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารานํ ลาภคฺคยสคฺคปฺปตฺโต วุทฺธานํ วิฺูนํ โสตาวธาเนน สมนฺนาคตานํ สนฺทสฺเสนฺโต นวงฺคํ ชินสาสนรตนํ, อุปทิสนฺโต ธมฺมมคฺคํ, ธาเรนฺโต ธมฺมปฺปชฺโชตํ, อุสฺสาเปนฺโต ธมฺมยูปํ, ยชนฺโต ธมฺมยาคํ, ปคฺคณฺหนฺโต ธมฺมทฺธชํ, อุสฺสาเปนฺโต ธมฺมเกตุํ, ธเมนฺโต [อุปฺปฬาเสนฺโต (สี. ปี.)] ธมฺมสงฺขํ, อาหนนฺโต ธมฺมเภรึ, นทนฺโต สีหนาทํ, คชฺชนฺโต อินฺทคชฺชิตํ, มธุรคิรคชฺชิเตน าณวรวิชฺชุชาลปริเวิเตน กรุณาชลภริเตน มหตา ธมฺมามตเมเฆน สกลโลกมภิตปฺปยนฺโต คามนิคมราชธานีสุ จาริกํ จรมาโน อนุปุพฺเพน สาคลนครํ อนุปฺปตฺโต โหติ. ตตฺร สุทํ อายสฺมา นาคเสโน อสีติยา ภิกฺขุสหสฺเสหิ สทฺธึ สงฺขฺเยยฺยปริเวเณ ปฏิวสติ. เตนาหุ โปราณา –

‘‘พหุสฺสุโต จิตฺรกถี, นิปุโณ จ วิสารโท;

สามยิโก จ กุสโล, ปฏิภาเน จ โกวิโท.

‘‘เต จ เตปิฏกา ภิกฺขู, ปฺจเนกายิกาปิ จ;

จตุเนกายิกา เจว, นาคเสนํ ปุรกฺขรุํ.

‘‘คมฺภีรปฺโ เมธาวี, มคฺคามคฺคสฺส โกวิโท;

อุตฺตมตฺถํ อนุปฺปตฺโต, นาคเสโน วิสารโท.

‘‘เตหิ ภิกฺขูหิ ปริวุโต, นิปุเณหิ สจฺจวาทิภิ;

จรนฺโต คามนิคมํ, สาคลํ อุปสงฺกมิ.

‘‘สงฺขฺเยยฺยปริเวณสฺมึ, นาคเสโน ตทา วสิ;

กเถติ โส มนุสฺเสหิ, ปพฺพเต เกสรี ยถา’’ติ.

๒๓. อถ โข เทวมนฺติโย ราชานํ มิลินฺทํ เอตทโวจ ‘‘อาคเมหิ, ตฺวํ มหาราช; อตฺถิ, มหาราช, นาคเสโน นาม เถโร ปณฺฑิโต พฺยตฺโต เมธาวี วินีโต วิสารโท พหุสฺสุโต จิตฺรกถี กลฺยาณปฏิภาโน อตฺถธมฺมนิรุตฺติปฏิภานปฏิสมฺภิทาสุ ปารมิปฺปตฺโต, โส เอตรหิ สงฺขฺเยยฺยปริเวเณ ปฏิวสติ, คจฺฉ, ตฺวํ มหาราช, อายสฺมนฺตํ นาคเสนํ ปฺหํ ปุจฺฉสฺสุ, อุสฺสหติ โส ตยา สทฺธึ สลฺลปิตุํ กงฺขํ ปฏิวิเนตุ’’นฺติ. อถ โข มิลินฺทสฺส รฺโ สหสา ‘‘นาคเสโน’’ติ สทฺทํ สุตฺวาว อหุเทว ภยํ, อหุเทว ฉมฺภิตตฺตํ, อหุเทว โลมหํโส. อถ โข มิลินฺโท ราชา เทวมนฺติยํ เอตทโวจ ‘‘อุสฺสหติ โภ นาคเสโน ภิกฺขุ มยา สทฺธึ สลฺลปิตุ’’นฺติ? ‘‘อุสฺสหติ, มหาราช, อปิ อินฺทยมวรุณกุเวรปชาปติ สุยาม สนฺตุสิตโลกปาเลหิปิ ปิตุปิตามเหน มหาพฺรหฺมุนาปิ สทฺธึ สลฺลปิตุํ, กิมงฺคํ ปน มนุสฺสภูเตนา’’ติ.

อถ โข มิลินฺโท ราชา เทวมนฺติยํ เอตทโวจ ‘‘เตน หิ, ตฺวํ เทวมนฺติย, ภทนฺตสฺส สนฺติเก ทูตํ เปเสหี’’ติ. ‘‘เอวํ เทวา’’ติ โข เทวมนฺติโย อายสฺมโต นาคเสนสฺส สนฺติเก ทูตํ ปาเหสิ ‘‘ราชา, ภนฺเต, มิลินฺโท อายสฺมนฺตํ ทสฺสนกาโม’’ติ. อายสฺมาปิ โข นาคเสโน เอวมาห ‘‘เตน หิ อาคจฺฉตู’’ติ.

อถ โข มิลินฺโท ราชา ปฺจมตฺเตหิ โยนกสเตหิ ปริวุโต รถวรมารุยฺห มหตา พลกาเยน สทฺธึ เยน สงฺขฺเยยฺยปริเวณํ เยนายสฺมา นาคเสโน เตนุปสงฺกมิ. เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา นาคเสโน อสีติยา ภิกฺขุสหสฺเสหิ สทฺธึ มณฺฑลมาเฬ นิสินฺโน โหติ. อทฺทสา โข มิลินฺโท ราชา อายสฺมโต นาคเสนสฺส ปริสํ ทูรโตว, ทิสฺวาน เทวมนฺติยํ เอตทโวจ ‘‘กสฺเสสา, เทวมนฺติย, มหตี ปริสา’’ติ? ‘‘อายสฺมโต โข, มหาราช, นาคเสนสฺส ปริสา’’ติ.

อถ โข มิลินฺทสฺส รฺโ อายสฺมโต นาคเสนสฺส ปริสํ ทูรโตว ทิสฺวา อหุเทว ภยํ, อหุเทว ฉมฺภิตตฺตํ, อหุเทว โลมหํโส. อถ โข มิลินฺโท ราชา ขคฺคปริวาริโต วิย คโช, ครุฬปริวาริโต วิย นาโค, อชครปริวาริโต วิย โกตฺถุโก [โกตฺถุโก (สี. ปี.)], มหึสปริวุโต วิย อจฺโฉ, นาคานุพทฺโธ วิย มณฺฑูโก, สทฺทูลานุพทฺโธ วิย มิโค, อหิตุณฺฑิกสมาคโต [อภิคุณฺิกสมาคโต (สี. ปี.)] วิย ปนฺนโค, มชฺชารสมาคโต วิย อุนฺทูโร, ภูตเวชฺชสมาคโต วิย ปิสาโจ, ราหุมขคโต วิย จนฺโท, ปนฺนโค วิย เปฬนฺตรคโต, สกุโณ วิย ปฺชรนฺตรคโต, มจฺโฉ วิย ชาลนฺตรคโต, วาฬวนมนุปฺปวิฏฺโ วิย ปุริโส, เวสฺสวณาปราธิโก วิย ยกฺโข, ปริกฺขีณายุโก วิย เทวปุตฺโต ภีโต อุพฺพิคฺโค อุตฺรสฺโต สํวิคฺโค โลมหฏฺชาโต วิมโน ทุมฺมโน ภนฺตจิตฺโต วิปริณตมานโส ‘‘มา มํ อยํ ปริชโน ปริภวี’’ติ สตึ [ธีตึ (สี. ปี.)] อุปฏฺเปตฺวา เทวมนฺติยํ เอตทโวจ – ‘‘มา โข, ตฺวํ เทวมนฺติย, อายสฺมนฺตํ นาคเสนํ มยฺหํ อาจิกฺเขยฺยาสิ, อนกฺขาตฺเวาหํ นาคเสนํ ชานิสฺสามี’’ติ. ‘‘สาธุ, มหาราช, ตฺวฺเว ชานาหี’’ติ.

เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา นาคเสโน ตสฺสา ภิกฺขุปริสาย ปุรโต จตฺตาลีสาย ภิกฺขุสหสฺสานํ นวกตโร โหติ ปจฺฉโต จตฺตาลีสาย ภิกฺขุสหสฺสานํ วุฑฺฒตโร.

อถ โข มิลินฺโท ราชา สพฺพํ ตํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปุรโต จ ปจฺฉโต จ มชฺฌโต จ อนุวิโลเกนฺโต อทฺทสา โข อายสฺมนฺตํ นาคเสนํ ทูรโตว ภิกฺขุสงฺฆสฺส มชฺเฌ นิสินฺนํ เกสรสีหํ วิย วิคตภยเภรวํ วิคตโลมหํสํ วิคตภยสารชฺชํ, ทิสฺวาน อากาเรเนว อฺาสิ ‘‘เอโส โข เอตฺถ นาคเสโน’’ติ.

อถ โข มิลินฺโท ราชา เทวมนฺติยํ เอตทโวจ ‘‘เอโส โข, เทวมนฺติย, อายสฺมา นาคเสโน’’ติ. ‘‘อาม, มหาราช, เอโส โข นาคเสโน, สุฏฺุ โข, ตฺวํ มหาราช, นาคเสนํ อฺาสี’’ติ. ตโต ราชา ตุฏฺโ อโหสิ ‘‘อนกฺขาโตว มยา นาคเสโน อฺาโต’’ติ. อถ โข มิลินฺทสฺส รฺโ อายสฺมนฺตํ นาคเสนํ ทิสฺวาว อหุเทว ภยํ, อหุเทว ฉมฺภิตตฺตํ, อหุเทว โลมหํโส.

เตนาหุ –

‘‘จรเณน จ สมฺปนฺนํ, สุทนฺตํ อุตฺตเม ทเม;

ทิสฺวา ราชา นาคเสนํ, อิทํ วจนมพฺรวิ.

‘‘กถิตา [กถิกา (สี. ปี.)] มยา พหู ทิฏฺา, สากจฺฉา โอสฏา พหู;

น ตาทิสํ ภยํ อาสิ, อชฺช ตาโส ยถา มม.

‘‘นิสฺสํสยํ ปราชโย, มม อชฺช ภวิสฺสติ;

ชโย จ นาคเสนสฺส, ยถา จิตฺตํ น สณฺิต’’นฺติ.

พาหิรกถา นิฏฺิตา.

๒-๓. มิลินฺทปฺโห

๑. มหาวคฺโค

๑. ปฺตฺติปฺโห

. อถ โข มิลินฺโท ราชา เยนายสฺมา นาคเสโน เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมตา นาคเสเนน สทฺธึ สมฺโมทิ, สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. อายสฺมาปิ โข นาคเสโน ปฏิสมฺโมทนีเยเนว [ปฏิสมฺโมทิ, เตเนว (สี.)] มิลินฺทสฺส รฺโ จิตฺตํ อาราเธสิ. อถ โข มิลินฺโท ราชา อายสฺมนฺตํ นาคเสนํ เอตทโวจ ‘‘กถํ ภทนฺโต ายติ, กินฺนาโมสิ ภนฺเต’’ติ? ‘‘นาคเสโน’’ติ โข อหํ, มหาราช, ายามิ, ‘‘นาคเสโน’’ติ โข มํ, มหาราช, สพฺรหฺมจารี สมุทาจรนฺติ, อปิ จ มาตาปิตโร นามํ กโรนฺติ ‘‘นาคเสโน’’ติ วา ‘‘สูรเสโน’’ติ วา ‘‘วีรเสโน’’ติ วา ‘‘สีหเสโน’’ติ วา, อปิ จ โข, มหาราช, สงฺขา สมฺา ปฺตฺติ โวหาโร นามมตฺตํ ยทิทํ นาคเสโนติ, น เหตฺถ ปุคฺคโล อุปลพฺภตีติ.

อถ โข มิลินฺโท ราชา เอวมาห ‘‘สุณนฺตุ เม โภนฺโต ปฺจสตา โยนกา อสีติสหสฺสา จ ภิกฺขู, อยํ นาคเสโน เอวมาห ‘น เหตฺถ ปุคฺคโล อุปลพฺภตี’ติ, กลฺลํ นุ โข ตทภินนฺทิตุ’’นฺติ. อถ โข มิลินฺโท ราชา อายสฺมนฺตํ นาคเสนํ เอตทโวจ ‘‘สเจ, ภนฺเต นาคเสน, ปุคฺคโล นูปลพฺภติ, โก จรหิ ตุมฺหากํ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารํ เทติ, โก ตํ ปริภุฺชติ, โก สีลํ รกฺขติ, โก ภาวนมนุยุฺชติ, โก มคฺคผลนิพฺพานานิ สจฺฉิกโรติ, โก ปาณํ หนติ, โก อทินฺนํ อาทิยติ, โก กาเมสุมิจฺฉาจารํ จรติ, โก มุสา ภณติ, โก มชฺชํ ปิวติ, โก ปฺจานนฺตริยกมฺมํ กโรติ, ตสฺมา นตฺถิ กุสลํ, นตฺถิ อกุสลํ, นตฺถิ กุสลากุสลานํ กมฺมานํ กตฺตา วา กาเรตา วา, นตฺถิ สุกตทุกฺกฏานํ กมฺมานํ ผลํ วิปาโก, สเจ, ภนฺเต นาคเสน, โย ตุมฺเห มาเรติ, นตฺถิ ตสฺสาปิ ปาณาติปาโต, ตุมฺหากมฺปิ, ภนฺเต นาคเสน, นตฺถิ อาจริโย, นตฺถิ อุปชฺฌาโย, นตฺถิ อุปสมฺปทา. ‘นาคเสโนติ มํ, มหาราช, สพฺรหฺมจารี สมุทาจรนฺตี’ติ ยํ วเทสิ, ‘กตโม เอตฺถ นาคเสโน? กินฺนุ โข, ภนฺเต, เกสา นาคเสโน’’ติ? ‘‘น หิ มหาราชา’’ติ. ‘‘โลมา นาคเสโน’’ติ? ‘‘น หิ มหาราชา’’ติ. ‘‘นขา…เป… ทนฺตา…เป… ตโจ…เป… มํสํ…เป… นฺหารุ…เป… อฏฺิ…เป… อฏฺิมิฺชํ…เป… วกฺกํ…เป… หทยํ…เป… ยกนํ…เป… กิโลมกํ…เป… ปิหกํ…เป… ปปฺผาสํ…เป… อนฺตํ…เป… อนฺตคุณํ…เป… อุทริยํ…เป… กรีสํ…เป… ปิตฺตํ…เป… เสมฺหํ…เป… ปุพฺโพ…เป… โลหิตํ…เป… เสโท…เป… เมโท…เป… อสฺสุ…เป… วสา…เป… เขโฬ…เป… สิงฺฆาณิกา…เป… ลสิกา…เป… มุตฺตํ…เป… มตฺถเก มตฺถลุงฺคํ นาคเสโน’’ติ? ‘‘น หิมหาราชา’’ติ. ‘‘กึ นุ โข, ภนฺเต, รูปํ นาคเสโน’’ติ? ‘‘นหิ มหาราชา’’ติ. ‘‘เวทนา นาคเสโน’’ติ?‘‘น หิ มหาราชา’’ติ. ‘‘สฺา นาคเสโน’’ติ? ‘‘น หิ มหาราชา’’ติ. ‘‘สงฺขารา นาคเสโน’’ติ? ‘‘น หิ มหาราชา’’ติ. ‘‘วิฺาณํ นาคเสโน’’ติ? ‘‘น หิ มหาราชา’’ติ. ‘‘กึ ปน, ภนฺเต, รูปเวทนาสฺาสงฺขารวิฺาณํ นาคเสโน’’ติ? ‘‘น หิ มหาราชา’’ติ. ‘‘กึ ปน, ภนฺเต, อฺตฺร รูปเวทนาสฺาสงฺขารวิฺาณํ นาคเสโน’’ติ? ‘‘น หิ มหาราชา’’ติ. ‘‘ตมหํ ภนฺเต, ปุจฺฉนฺโต ปุจฺฉนฺโต น ปสฺสามิ นาคเสนํ. นาคเสนสทฺโท เยว นุ โข, ภนฺเต, นาคเสโน’’ติ? ‘‘น หิ มหาราชา’’ติ. ‘‘โก ปเนตฺถ นาคเสโน, อลิกํ ตฺวํ, ภนฺเต, ภาสสิ มุสาวาทํ, นตฺถิ นาคเสโน’’ติ.

อถ โข อายสฺมา นาคเสโน มิลินฺทํ ราชานํ เอตทโวจ ‘‘ตฺวํ โขสิ, มหาราช, ขตฺติยสุขุมาโล อจฺจนฺตสุขุมาโล, ตสฺส เต, มหาราช, มชฺฌนฺหิกสมยํ ตตฺตาย ภูมิยา อุณฺหาย วาลิกาย ขราย สกฺขรกถลิกาย [ขรา สกฺขรกลวาลิกา (สี. ปี.)] มทฺทิตฺวา ปาเทนาคจฺฉนฺตสฺส ปาทา รุชฺชนฺติ, กาโย กิลมติ, จิตฺตํ อุปหฺติ, ทุกฺขสหคตํ กายวิฺาณํ อุปฺปชฺชติ, กึ นุ โข ตฺวํ ปาเทนาคโตสิ, อุทาหุ วาหเนนา’’ติ? ‘‘นาหํ, ภนฺเต, ปาเทนาคจฺฉามิ, รเถนาหํ อาคโตสฺมี’’ติ. ‘‘สเจ, ตฺวํ มหาราช, รเถนาคโตสิ, รถํ เม อาโรเจหิ, กึ นุ โข, มหาราช, อีสา รโถ’’ติ? ‘‘น หิ ภนฺเต’’ติ. ‘‘อกฺโข รโถ’’ติ? ‘‘น หิ ภนฺเต’’ติ. ‘‘จกฺกานิ รโถ’’ติ? ‘‘น หิ ภนฺเต’’ติ. ‘‘รถปฺชรํ รโถ’’ติ? ‘‘น หิ ภนฺเต’’ติ. ‘‘รถทณฺฑโก รโถ’’ติ? ‘‘น หิ ภนฺเต’’ติ. ‘‘ยุคํ รโถ’’ติ? ‘‘น หิ ภนฺเต’’ติ. ‘‘รสฺมิโย รโถ’’ติ? ‘‘น หิ ภนฺเต’’ติ. ‘‘ปโตทลฏฺิ รโถ’’ติ? ‘‘น หิ ภนฺเต’’ติ. ‘‘กึ นุ โข, มหาราช, อีสาอกฺขจกฺกรถปฺชรรถทณฺฑยุครสฺมิปโตทา รโถ’’ติ? ‘‘น หิ ภนฺเต’’ติ. ‘‘กึ ปน, มหาราช, อฺตฺร อีสาอกฺขจกฺกรถปฺชรรถทณฺฑยุครสฺมิปโตทา รโถ’’ติ? ‘‘น หิ ภนฺเต’’ติ. ‘‘ตมหํ, มหาราช, ปุจฺฉนฺโต ปุจฺฉนฺโต น ปสฺสามิ รถํ. รถสทฺโทเยว นุ โข, มหาราช, รโถ’’ติ? ‘‘น หิ ภนฺเต’’ติ. ‘‘โก ปเนตฺถ รโถ, อลิกํ, ตฺวํ มหาราช, ภาสสิ มุสาวาทํ, นตฺถิ รโถ, ตฺวํสิ, มหาราช, สกลชมฺพุทีเป อคฺคราชา, กสฺส ปน ตฺวํ ภายิตฺวา มุสาวาทํ ภาสสิ, สุณนฺตุ เม โภนฺโต ปฺจสตา โยนกา อสีติสหสฺสา จ ภิกฺขู, อยํ มิลินฺโท ราชา เอวมาห ‘รเถนาหํ อาคโตสฺมี’ติ, สเจ ตฺวํ, มหาราช, รเถนาคโต‘สิ, รถํ เม อาโรเจหี’ติ วุตฺโต สมาโน รถํ น สมฺปาเทติ, กลฺลํ นุ โข ตทภินนฺทิตุ’’นฺติ. เอวํ วุตฺเต ปฺจสตา โยนกา อายสฺมโต นาคเสนสฺส สาธุการํ ทตฺวา มิลินฺทํ ราชานํ เอตทโวจุํ ‘‘อิทานิ โข ตฺวํ, มหาราช, สกฺโกนฺโต ภาสสฺสู’’ติ.

อถ โข มิลินฺโท ราชา อายสฺมนฺตํ นาคเสนํ เอตทโวจ ‘‘นาหํ, ภนฺเต นาคเสน, มุสา ภณามิ, อีสฺจ ปฏิจฺจ อกฺขฺจ ปฏิจฺจ จกฺกานิ จ ปฏิจฺจ รถปฺชรฺจ ปฏิจฺจ รถทณฺฑกฺจ ปฏิจฺจ ‘รโถ’ติ สงฺขา สมฺา ปฺตฺติ โวหาโร นามมตฺตํ ปวตฺตตี’’ติ.

‘‘สาธุ โข, ตฺวํ มหาราช, รถํ ชานาสิ, เอวเมว โข, มหาราช, มยฺหมฺปิ เกเส จ ปฏิจฺจ โลเม จ ปฏิจฺจ…เป… มตฺถเก มตฺถลุงฺคฺจ ปฏิจฺจ รูปฺจ ปฏิจฺจ เวทนฺจ ปฏิจฺจ สฺฺจ ปฏิจฺจ สงฺขาเร จ ปฏิจฺจ วิฺาณฺจ ปฏิจฺจ ‘นาคเสโน’ติ สงฺขา สมฺา ปฺตฺติ โวหาโร นามมตฺตํ ปวตฺตติ, ปรมตฺถโต ปเนตฺถ ปุคฺคโล นูปลพฺภติ. ภาสิตมฺเปตํ, มหาราช, วชิราย ภิกฺขุนิยา ภควโต สมฺมุขา –

‘‘‘ยถา หิ องฺคสมฺภารา, โหติ สทฺโท รโถ อิติ;

เอวํ ขนฺเธสุ สนฺเตสุ, โหติ ‘‘สตฺโต’’ติ สมฺมุตี’’’ติ [ปสฺส สํ. นิ. ๑.๑๗๑].

‘‘อจฺฉริยํ, ภนฺเต นาคเสน, อพฺภุตํ, ภนฺเต นาคเสน, อติจิตฺรานิ ปฺหปฏิภานานิ วิสชฺชิตานิ, ยทิ พุทฺโธ ติฏฺเยฺย สาธุการํ ทเทยฺย, สาธุ สาธุ นาคเสน, อติจิตฺรานิ ปฺหปฏิภานานิ วิสชฺชิตานี’’ติ.

ปฺตฺติปฺโห ปโม.

๒. วสฺสคณนปฺโห

. ‘‘กติวสฺโสสิ ตฺวํ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ? ‘‘สตฺตวสฺโสหํ, มหาราชา’’ติ. ‘‘เก เต, ภนฺเต, สตฺต, ตฺวํ วา สตฺต, คณนา วา สตฺตา’’ติ?

เตน โข ปน สมเยน มิลินฺทสฺส รฺโ สพฺพาภรณปฏิมณฺฑิตสฺส อลงฺกตปฏิยตฺตสฺส ปถวิยํ ฉายา ทิสฺสติ, อุทกมณิเก จ ฉายา ทิสฺสติ. อถ โข อายสฺมา นาคเสโน มิลินฺทํ ราชานํ เอตทโวจ ‘‘อยํ เต, มหาราช, ฉายา ปถวิยํ อุทกมณิเก จ ทิสฺสติ, กึ ปน, มหาราช, ตฺวํ วา ราชา, ฉายา วา ราชา’’ติ? ‘‘อหํ, ภนฺเต นาคเสน, ราชา, นายํ ฉายา ราชา, มํ ปน นิสฺสาย ฉายา ปวตฺตตี’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, วสฺสานํ คณนา สตฺต, น ปนาหํ สตฺต, มํ ปน นิสฺสาย สตฺต ปวตฺตติ, ฉายูปมํ มหาราชา’’ติ. ‘‘อจฺฉริยํ, ภนฺเต นาคเสน, อพฺภุตํ, ภนฺเต นาคเสน, อติจิตฺรานิ ปฺหปฏิภานานิ วิสชฺชิตานี’’ติ.

วสฺสคณนปฺโห ทุติโย.

๓. วีมํสนปฺโห

. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, สลฺลปิสฺสสิ มยา สทฺธิ’’นฺติ? ‘‘สเจ, ตฺวํ มหาราช, ปณฺฑิตวาทํ [ปณฺฑิตวาทา (สี. ปี.)] สลฺลปิสฺสสิ สลฺลปิสฺสามิ, สเจ ปน ราชวาทํ สลฺลปิสฺสสิ น สลฺลปิสฺสามี’’ติ. ‘‘กถํ, ภนฺเต นาคเสน, ปณฺฑิตา สลฺลปนฺตี’’ติ? ‘‘ปณฺฑิตานํ โข, มหาราช, สลฺลาเป อาเวนมฺปิ กยิรติ, นิพฺเพนมฺปิ กยิรติ, นิคฺคโหปิ กยิรติ, ปฏิกมฺมมฺปิ กยิรติ, วิสฺสาโสปิ [วิเสโสปิ (สี. ปี.)] กยิรติ, ปฏิวิสฺสาโสปิ กยิรติ, น จ เตน ปณฺฑิตา กุปฺปนฺติ, เอวํ โข, มหาราช, ปณฺฑิตา สลฺลปนฺตี’’ติ. ‘‘กถํ ปน, ภนฺเต, ราชาโน สลฺลปนฺตี’’ติ? ‘‘ราชาโน โข, มหาราช, สลฺลาเป เอกํ วตฺถุํ ปฏิชานนฺติ, โย ตํ วตฺถุํ วิโลเมติ, ตสฺส ทณฺฑํ อาณาเปนฺติ ‘อิมสฺส ทณฺฑํ ปเณถา’ติ, เอวํ โข, มหาราช, ราชาโน สลฺลปนฺตี’’ติ. ‘‘ปณฺฑิตวาทาหํ, ภนฺเต, สลฺลปิสฺสามิ, โน ราชวาทํ, วิสฺสฏฺโ ภทนฺโต สลฺลปตุ ยถา ภิกฺขุนา วา สามเณเรน วา อุปาสเกน วา อารามิเกน วา สทฺธึ สลฺลปติ, เอวํ วิสฺสฏฺโ ภทนฺโต สลฺลปตุ มา ภายตู’’ติ. ‘‘สุฏฺุ มหาราชา’’ติ เถโร อพฺภานุโมทิ.

ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ. ‘‘ปุจฺฉ มหาราชา’’ติ. ‘‘ปุจฺฉิโตสิ เม ภนฺเต’’ติ. ‘‘วิสชฺชิตํ มหาราชา’’ติ. ‘‘กึ ปน, ภนฺเต, ตยา วิสชฺชิต’’นฺติ? ‘‘กึ ปน, มหาราช, ตยา ปุจฺฉิต’’นฺติ.

วีมํสนปฺโห ตติโย.

๔. อนนฺตกายปฺโห

. อถ โข มิลินฺทสฺส รฺโ เอตทโหสิ ‘‘ปณฺฑิโต โข อยํ ภิกฺขุ ปฏิพโล มยา สทฺธึ สลฺลปิตุํ, พหุกานิ จ เม านานิ ปุจฺฉิตพฺพานิ ภวิสฺสนฺติ, ยาว อปุจฺฉิตานิ เยว ตานิ านานิ ภวิสฺสนฺติ, อถ สูริโย อตฺถํ คมิสฺสติ, ยํนูนาหํ สฺเว อนฺเตปุเร สลฺลเปยฺย’’นฺติ. อถ โข ราชา เทวมนฺติยํ เอตทโวจ ‘‘เตน หิ, ตฺวํ เทวมนฺติย, ภทนฺตสฺส อาโรเจยฺยาสิ ‘สฺเว อนฺเตปุเร รฺา สทฺธึ สลฺลาโป ภวิสฺสตี’’’ติ. อิทํ วตฺวา มิลินฺโท ราชา อุฏฺายาสนา เถรํ นาคเสนํ อาปุจฺฉิตฺวา รถํ อภิรูหิตฺวา ‘‘นาคเสโน นาคเสโน’’ติ สชฺฌายํ กโรนฺโต ปกฺกามิ.

อถ โข เทวมนฺติโย อายสฺมนฺตํ นาคเสนํ เอตทโวจ ‘‘ราชา, ภนฺเต, มิลินฺโท เอวมาห ‘สฺเว อนฺเตปุเร รฺา สทฺธึ สลฺลาโป ภวิสฺสตี’’’ติ. ‘‘สุฏฺู’’ติ เถโร อพฺภานุโมทิ. อถ โข ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน เทวมนฺติโย จ อนนฺตกาโย จ มงฺกุโร จ สพฺพทินฺโน จ เยน มิลินฺโท ราชา เตนุปสงฺกมึสุ, อุปสงฺกมิตฺวา ราชานํ มิลินฺทํ เอตทโวจุํ ‘‘อาคจฺฉตุ, มหาราช, ภทนฺโต นาคเสโน’’ติ? ‘‘อาม อาคจฺฉตู’’ติ. ‘‘กิตฺตเกหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ อาคจฺฉตู’’ติ? ‘‘ยตฺตเก ภิกฺขู อิจฺฉติ, ตตฺตเกหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ อาคจฺฉตู’’ติ.

อถ โข สพฺพทินฺโน อาห ‘‘อาคจฺฉตุ, มหาราช, ทสหิ ภิกฺขูหิ สทฺธิ’’นฺติ, ทุติยมฺปิ โข ราชา อาห ‘‘ยตฺตเก ภิกฺขู อิจฺฉติ, ตตฺตเกหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ อาคจฺฉตู’’ติ. ทุติยมฺปิ โข สพฺพทินฺโน อาห ‘‘อาคจฺฉตุ, มหาราช, ทสหิ ภิกฺขูหิ สทฺธิ’’นฺติ. ตติยมฺปิ โข ราชา อาห ‘‘ยตฺตเก ภิกฺขู อิจฺฉติ, ตตฺตเกหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ อาคจฺฉตู’’ติ. ตติยมฺปิ โข สพฺพทินฺโน อาห ‘‘อาคจฺฉตุ, มหาราช, ทสหิ ภิกฺขูหิ สทฺธิ’’นฺติ. ‘‘สพฺโพ ปนายํ สกฺกาโร ปฏิยาทิโต, อหํ ภณามิ ‘ยตฺตเก ภิกฺขู อิจฺฉติ, ตตฺตเกหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ อาคจฺฉตู’ติ. อยํ, ภเณ สพฺพทินฺโน, อฺถา ภณติ, กึ นุ มยํ นปฺปฏิพลา ภิกฺขูนํ โภชนํ ทาตุ’’นฺติ? เอวํ วุตฺเต สพฺพทินฺโน มงฺกุ อโหสิ.

อถ โข เทวมนฺติโย จ อนนฺตกาโย จ มงฺกุโร จ เยนายสฺมา นาคเสโน เตนุปสงฺกมึสุ, อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ นาคเสนํ เอตทโวจุํ ‘‘ราชา, ภนฺเต, มิลินฺโท เอวมาห ‘ยตฺตเก ภิกฺขู อิจฺฉติ, ตตฺตเกหิ ภิกฺขูหิ สทฺธึ อาคจฺฉตู’’’ติ. อถ โข อายสฺมา นาคเสโน ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย อสีติยา ภิกฺขุสหสฺเสหิ สทฺธึ สาคลํ ปาวิสิ.

อถ โข อนนฺตกาโย อายสฺมนฺตํ นาคเสนํ นิสฺสาย คจฺฉนฺโต อายสฺมนฺตํ นาคเสนํ เอตทโวจ ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ยํ ปเนตํ พฺรูสิ ‘นาคเสโน’ติ, กตโม เอตฺถ, นาคเสโน’’ติ? เถโร อาห ‘‘โก ปเนตฺถ ‘นาคเสโน’ติ มฺสี’’ติ? ‘‘โย โส, ภนฺเต, อพฺภนฺตเร วาโต ชีโว ปวิสติ จ นิกฺขมติ จ, โส ‘นาคเสโน’ติ มฺามี’’ติ. ‘‘ยทิ ปเนโส วาโต นิกฺขมิตฺวา นปฺปวิเสยฺย, ปวิสิตฺวา น นิกฺขเมยฺย, ชีเวยฺย นุ โข โส ปุริโส’’ติ? ‘‘น หิ ภนฺเต’’ติ. ‘‘เย ปนิเม สงฺขธมกา สงฺขํ ธเมนฺติ, เตสํ วาโต ปุน ปวิสตี’’ติ? ‘‘น หิ ภนฺเต’’ติ. ‘‘เย ปนิเม วํสธมกา วํสํ ธเมนฺติ, เตสํ วาโต ปุน ปวิสตี’’ติ? ‘‘น หิ ภนฺเต’’ติ. ‘‘เย ปนิเม สิงฺคธมกา สิงฺคํ ธเมนฺติ, เตสํ วาโต ปุน ปวิสตี’’ติ? ‘‘น หิ ภนฺเต’’ติ. ‘‘อถ กิสฺส ปน เตน น มรนฺตี’’ติ. ‘‘นาหํ ปฏิพโล ตยา วาทินา สทฺธึ สลฺลปิตุํ, สาธุ, ภนฺเต, อตฺถํ ชปฺเปหี’’ติ. ‘‘เนโส ชีโว, อสฺสาสปสฺสาสา นาเมเต กายสงฺขารา’’ติ เถโร อภิธมฺมกถํ กเถสิ. อถ อนนฺตกาโย อุปาสกตฺตํ ปฏิเวเทสีติ.

อนนฺตกายปฺโห จตุตฺโถ.

๕. ปพฺพชฺชปฺโห

. อถ โข อายสฺมา นาคเสโน เยน มิลินฺทสฺส รฺโ นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ. อถ โข มิลินฺโท ราชา อายสฺมนฺตํ นาคเสนํ สปริสํ ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน สหตฺถา สนฺตปฺเปตฺวา สมฺปวาเรตฺวา เอกเมกํ ภิกฺขุํ เอกเมเกน ทุสฺสยุเคน อจฺฉาเทตฺวา อายสฺมนฺตํ นาคเสนํ ติจีวเรน อจฺฉาเทตฺวา อายสฺมนฺตํ นาคเสนํ เอตทโวจ ‘‘ภนฺเต นาคเสน ทสหิ, ภิกฺขูหิ สทฺธึ อิธ นิสีทถ, อวเสสา คจฺฉนฺตู’’ติ.

อถ โข มิลินฺโท ราชา อายสฺมนฺตํ นาคเสนํ ภุตฺตาวึ โอนีตปตฺตปาณึ วิทิตฺวา อฺตรํ นีจํ อาสนํ คเหตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ, เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข มิลินฺโท ราชา อายสฺมนฺตํ นาคเสนํ เอตทโวจ ‘‘ภนฺเต นาคเสน, กิมฺหิ โหติ กถาสลฺลาโป’’ติ? ‘‘อตฺเถน มยํ, มหาราช, อตฺถิกา, อตฺเถ โหตุ กถาสลฺลาโป’’ติ.

ราชา อาห ‘‘กิมตฺถิยา, ภนฺเต นาคเสน, ตุมฺหากํ ปพฺพชฺชา, โก จ ตุมฺหากํ ปรมตฺโถ’’ติ. เถโร อาห ‘‘กินฺติ, มหาราช, อิทํ ทุกฺขํ นิรุชฺเฌยฺย, อฺฺจ ทุกฺขํ น อุปฺปชฺเชยฺยาติ. เอตทตฺถา, มหาราช, อมฺหากํ ปพฺพชฺชา, อนุปาทา ปรินิพฺพานํ โข ปน อมฺหากํ ปรมตฺโถ’’ติ.

‘‘กึ ปน, ภนฺเต นาคเสน, สพฺเพ เอตทตฺถาย ปพฺพชนฺตี’’ติ? ‘‘น หิ, มหาราช, เกจิ เอตทตฺถาย ปพฺพชนฺติ, เกจิ ราชาภินีตา [ราชภีติตา (สี.)] ปพฺพชนฺติ, เกจิ โจราภินีตา [โจรภีติตา (สี.)] ปพฺพชนฺติ, เกจิ อิณฏฺฏา ปพฺพชนฺติ, เกจิ อาชีวิกตฺถาย ปพฺพชนฺติ, เย ปน สมฺมา ปพฺพชนฺติ, เต เอตทตฺถาย ปพฺพชนฺตี’’ติ.

‘‘ตฺวํ ปน, ภนฺเต, เอตทตฺถาย ปพฺพชิโตสี’’ติ? ‘‘อหํ โข, มหาราช, ทหรโก สนฺโต ปพฺพชิโต, น ชานามิ อิมสฺส นามตฺถาย ปพฺพชามีติ, อปิ จ โข เม เอวํ อโหสิ ‘ปณฺฑิตา อิเม สมณา สกฺยปุตฺติยา, เต มํ สิกฺขาเปสฺสนฺตี’ติ, สฺวาหํ เตหิ สิกฺขาปิโต ชานามิ จ ปสฺสามิ จ ‘อิมสฺส นามตฺถาย ปพฺพชฺชา’’’ติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

ปพฺพชฺชปฺโห ปฺจโม.

๖. ปฏิสนฺธิปฺโห

. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, อตฺถิ โกจิ มโต น ปฏิสนฺทหตี’’ติ. เถโร อาห ‘‘โกจิ ปฏิสนฺทหติ, โกจิ น ปฏิสนฺทหตี’’ติ. ‘‘โก ปฏิสนฺทหติ, โก น ปฏิสนฺทหตี’’ติ? ‘‘สกิเลโส, มหาราช, ปฏิสนฺทหติ, นิกฺกิเลโส น ปฏิสนฺทหตี’’ติ. ‘‘ตฺวํ ปน, ภนฺเต นาคเสน, ปฏิสนฺทหิสฺสสี’’ติ? ‘‘สเจ, มหาราช, สอุปาทาโน ภวิสฺสามิ ปฏิสนฺทหิสฺสามิ, สเจ อนุปาทาโน ภวิสฺสามิ น ปฏิสนฺทหิสฺสามี’’ติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

ปฏิสนฺธิปฺโห ฉฏฺโ.

๗. โยนิโสมนสิการปฺโห

. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, โย น ปฏิสนฺทหติ, นนุ โส โยนิโส มนสิกาเรน น ปฏิสนฺทหตี’’ติ? ‘‘โยนิโส จ มหาราช, มนสิกาเรน ปฺาย จ อฺเหิ จ กุสเลหิ ธมฺเมหี’’ติ. ‘‘นนุ, ภนฺเต, โยนิโส มนสิกาโร เยว ปฺา’’ติ? ‘‘น หิ, มหาราช, อฺโ มนสิกาโร, อฺา ปฺา, อิเมสํ โข, มหาราช, อเชฬกโคณมหึสโอฏฺคทฺรภานมฺปิ มนสิกาโร อตฺถิ, ปฺา ปน เตสํ นตฺถี’’ติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

โยนิโสมนสิการปฺโห สตฺตโม.

๘. มนสิการลกฺขณปฺโห

. ราชา อาห ‘‘กึลกฺขโณ, ภนฺเต นาคเสน, มนสิกาโร, กึลกฺขณา ปฺา’’ติ? ‘‘อูหนลกฺขโณ โข, มหาราช, มนสิกาโร, เฉทนลกฺขณา ปฺา’’ติ.

‘‘กถํ อูหนลกฺขโณ มนสิกาโร, กถํ เฉทนลกฺขณา ปฺา, โอปมฺมํ กโรหี’’ติ. ‘‘ชานาสิ, ตฺวํ มหาราช, ยวลาวเก’’ติ. ‘‘อาม, ภนฺเต, ชานามี’’ติ. ‘‘กถํ, มหาราช, ยวลาวกา ยวํ ลุนนฺตี’’ติ? ‘‘วาเมน, ภนฺเต, หตฺเถน ยวกลาปํ คเหตฺวา ทกฺขิเณน หตฺเถน ทาตฺตํ คเหตฺวา ทาตฺเตน ฉินฺทนฺตี’’ติ.

‘‘ยถา, มหาราช, ยวลาวโก วาเมน หตฺเถน ยวกลาปํ คเหตฺวา ทกฺขิเณน หตฺเถน ทาตฺตํ คเหตฺวา ยวํ ฉินฺทติ, เอวเมว โข, มหาราช, โยคาวจโร มนสิกาเรน มานสํ คเหตฺวา ปฺาย กิเลเส ฉินฺทติ, เอวํ โข, มหาราช, อูหนลกฺขโณ มนสิกาโร, เอวํ เฉทนลกฺขณา ปฺา’’ติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

มนสิการลกฺขณปฺโห อฏฺโม.

๙. สีลลกฺขณปฺโห

. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ยํ ปเนตํ พฺรูสิ ‘อฺเหิ จ กุสเลหิ ธมฺเมหี’ติ, กตเม เต กุสลา ธมฺมา’’ติ? ‘‘สีลํ, มหาราช, สทฺธา วีริยํ สติ สมาธิ, อิเม เต กุสลา ธมฺมา’’ติ. ‘‘กึลกฺขณํ, ภนฺเต, สีล’’นฺติ? ‘‘ปติฏฺานลกฺขณํ, มหาราช, สีลํ สพฺเพสํ กุสลานํ ธมฺมานํ, อินฺทฺริยพลโพชฺฌงฺคมคฺคงฺคสติปฏฺานสมฺมปฺปธานอิทฺธิปาทฌานวิโมกฺขส- มาธิสมาปตฺตีนํ สีลํ ปติฏฺํ, สีเล ปติฏฺิโต โข, มหาราช, โยคาวจโร สีลํ นิสฺสาย สีเล ปติฏฺาย ปฺจินฺทฺริยานิ ภาเวติ สทฺธินฺทฺริยํ วีริยินฺทฺริยํ สตินฺทฺริยํ สมาธินฺทฺริยํ ปฺินฺทฺริยนฺติ, สพฺเพ กุสลา ธมฺมา น ปริหายนฺตี’’ติ. ‘‘โอปมฺมํ กโรหี’’ติ. ‘‘ยถา, มหาราช, เย เกจิ พีชคามภูตคามา วุฑฺฒึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ อาปชฺชนฺติ, สพฺเพ เต ปถวึ นิสฺสาย ปถวิยํ ปติฏฺาย วุฑฺฒึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ อาปชฺชนฺติ. เอวเมว โข, มหาราช, โยคาวจโร สีลํ นิสฺสาย สีเล ปติฏฺาย ปฺจินฺทฺริยานิ ภาเวติ สทฺธินฺทฺริยํ วีริยินฺทฺริยํ สตินฺทฺริยํ สมาธินฺทฺริยํ ปฺินฺทฺริย’’นฺติ.

‘‘ภิยฺโย โอปมฺมํ กโรหี’’ติ. ‘‘ยถา, มหาราช, เย เกจิ พลกรณียา กมฺมนฺตา กยิรนฺติ, สพฺเพ เต ปถวึ นิสฺสาย ปถวิยํ ปติฏฺาย กยิรนฺติ. เอวเมว โข, มหาราช, โยคาวจโร สีลํ นิสฺสาย สีเล ปติฏฺาย ปฺจินฺทฺริยานิ ภาเวติ สทฺธินฺทฺริยํ วีริยินฺทฺริยํ สตินฺทฺริยํ สมาธินฺทฺริยํ ปฺินฺทฺริย’’นฺติ.

‘‘ภิยฺโย โอปมฺมํ กโรหี’’ติ. ‘‘ยถา, มหาราช, นครวฑฺฒกี นครํ มาเปตุกาโม ปมํ นครฏฺานํ โสธาเปตฺวา ขาณุกณฺฏกํ อปกฑฺฒาเปตฺวา ภูมึ สมํ การาเปตฺวา ตโต อปรภาเค วีถิจตุกฺกสิงฺฆาฏกาทิปริจฺเฉเทน วิภชิตฺวา นครํ มาเปติ. เอวเมว โข, มหาราช, โยคาวจโร สีลํ นิสฺสาย สีเล ปติฏฺาย ปฺจินฺทฺริยานิ ภาเวติ สทฺธินฺทฺริยํ วีริยินฺทฺริยํ สตินฺทฺริยํ สมาธินฺทฺริยํ ปฺินฺทฺริย’’นฺติ.

‘‘ภิยฺโย โอปมฺมํ กโรหี’’ติ. ‘‘ยถา, มหาราช, ลงฺฆโก สิปฺปํ ทสฺเสตุกาโม ปถวึ ขณาเปตฺวา สกฺขรกถลํ อปกฑฺฒาเปตฺวา ภูมึ สมํ การาเปตฺวา มุทุกาย ภูมิยา สิปฺปํ ทสฺเสติ. เอวเมว โข, มหาราช, โยคาวจโร สีลํ นิสฺสาย สีเล ปติฏฺาย ปฺจินฺทฺริยานิ ภาเวติ สทฺธินฺทฺริยํ วีริยินฺทฺริยํ สตินฺทฺริยํ สมาธินฺทฺริยํ ปฺินฺทฺริยนฺติ. ภาสิตมฺเปตํ, มหาราช, ภควตา –

‘‘‘สีเล ปติฏฺาย นโร สปฺโ, จิตฺตํ ปฺฺจ ภาวยํ;

อาตาปี นิปโก ภิกฺขุ, โส อิมํ วิชฏเย ชฏ’นฺติ [ปสฺส สํ. นิ. ๑.๒๓].

‘‘‘อยํ ปติฏฺา ธรณีว ปาณินํ, อิทฺจ มูลํ กุสลาภิวุฑฺฒิยา;

มุขฺจิทํ สพฺพชินานุสาสเน, โย สีลกฺขนฺโธ วรปาติโมกฺขิโย’’’ติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

สีลลกฺขณปฺโห นวโม.

๑๐. สมฺปสาทนลกฺขณสทฺธาปฺโห

๑๐. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, กึลกฺขณา สทฺธา’’ติ? ‘‘สมฺปสาทนลกฺขณา จ, มหาราช, สทฺธา, สมฺปกฺขนฺทนลกฺขณา จา’’ติ. ‘‘กถํ, ภนฺเต, สมฺปสาทนลกฺขณา สทฺธา’’ติ? ‘‘สทฺธา โข, มหาราช, อุปฺปชฺชมานา นีวรเณ วิกฺขมฺเภติ, วินีวรณํ จิตฺตํ โหติ อจฺฉํ วิปฺปสนฺนํ อนาวิลํ. เอวํ โข, มหาราช, สมฺปสาทนลกฺขณา สทฺธา’’ติ.

‘‘โอปมฺมํ กโรหี’’ติ. ‘‘ยถา, มหาราช, ราชา จกฺกวตฺตี จตุรงฺคินิยา เสนาย สทฺธึ อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺโน ปริตฺตํ อุทกํ ตเรยฺย, ตํ อุทกํ หตฺถีหิ จ อสฺเสหิ จ รเถหิ จ ปตฺตีหิ จ ขุภิตํ ภเวยฺย อาวิลํ ลุฬิตํ กลลีภูตํ. อุตฺติณฺโณ จ ราชา จกฺกวตฺตี มนุสฺเส อาณาเปยฺย ‘ปานียํ, ภเณ, อาหรถ, ปิวิสฺสามี’ติ, รฺโ จ อุทกปฺปสาทโก มณิ ภเวยฺย. ‘เอวํ เทวา’ติ โข เต มนุสฺสา รฺโ จกฺกวตฺติสฺส ปฏิสฺสุตฺวา ตํ อุทกปฺปสาทกํ มณึ อุทเก ปกฺขิเปยฺยุํ, ตสฺมึ อุทเก ปกฺขิตฺตมตฺเต สงฺขเสวาลปณกํ วิคจฺเฉยฺย, กทฺทโม จ สนฺนิสีเทยฺย, อจฺฉํ ภเวยฺย อุทกํ วิปฺปสนฺนํ อนาวิลํ. ตโต รฺโ จกฺกวตฺติสฺส ปานียํ อุปนาเมยฺยุํ ‘ปิวตุ, เทว, ปานีย’นฺติ.

‘‘ยถา, มหาราช, อุทกํ, เอวํ จิตฺตํ ทฏฺพฺพํ, ยถา เต มนุสฺสา, เอวํ โยคาวจโร ทฏฺพฺโพ, ยถา สงฺขเสวาลปณกํ กทฺทโม จ, เอวํ กิเลสา ทฏฺพฺพา. ยถา อุทกปฺปสาทโก มณิ, เอวํ สทฺธา ทฏฺพฺพา, ยถา อุทกปฺปสาทเก มณิมฺหิ อุทเก ปกฺขิตฺตมตฺเต สงฺขเสวาลปณกํ วิคจฺเฉยฺย, กทฺทโม จ สนฺนิสีเทยฺย, อจฺฉํ ภเวยฺย อุทกํ วิปฺปสนฺนํ อนาวิลํ, เอวเมว โข, มหาราช, สทฺธา อุปฺปชฺชมานา นีวรเณ วิกฺขมฺเภติ, วินีวรณํ จิตฺตํ โหติ อจฺฉํ วิปฺปสนฺนํ อนาวิลํ, เอวํ โข, มหาราช, สมฺปสาทนลกฺขณา สทฺธา’’ติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

สมฺปสาทนลกฺขณสทฺธาปฺโห ทสโม.

๑๑. สมฺปกฺขนฺทนลกฺขณสทฺธาปฺโห

๑๑. ‘‘กถํ, ภนฺเต, สมฺปกฺขนฺทนลกฺขณา สทฺธา’’ติ,? ‘‘ยถา, มหาราช, โยคาวจโร อฺเสํ จิตฺตํ วิมุตฺตํ ปสฺสิตฺวา โสตาปตฺติผเล วา สกทาคามิผเล วา อนาคามิผเล วา อรหตฺเต วา สมฺปกฺขนฺทติ โยคํ กโรติ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา อนธิคตสฺส อธิคมาย อสจฺฉิกตสฺส สจฺฉิกิริยาย. เอวํ โข, มหาราช, สมฺปกฺขนฺทนลกฺขณา สทฺธา’’ติ.

‘‘โอปมฺมํ กโรหี’’ติ. ‘‘ยถา, มหาราช, อุปริปพฺพเต มหาเมโฆ อภิปฺปวสฺเสยฺย, ตํ อุทกํ ยถานินฺนํ ปวตฺตมานํ ปพฺพตกนฺทรปทรสาขา ปริปูเรตฺวา นทึ ปริปูเรยฺย, สา อุภโต กูลานิ สํวิสฺสนฺทนฺตี คจฺเฉยฺย, อถ มหาชนกาโย อาคนฺตฺวา ตสฺสา นทิยา อุตฺตานตํ วา คมฺภีรตํ วา อชานนฺโต ภีโต วิตฺถโต ตีเร ติฏฺเยฺย, อถฺตโร ปุริโส อาคนฺตฺวา อตฺตโน ถามฺจ พลฺจ สมฺปสฺสนฺโต คาฬฺหํ กจฺฉํ พนฺธิตฺวา ปกฺขนฺทิตฺวา ตเรยฺย, ตํ ติณฺณํ ปสฺสิตฺวา มหาชนกาโยปิ ตเรยฺย. เอวเมว โข, มหาราช, โยคาวจโร อฺเสํ จิตฺตํ วิมุตฺตํ ปสฺสิตฺวา โสตาปตฺติผเล วา สกทาคามิผเล วา อนาคามิผเล วา อรหตฺเต วา สมฺปกฺขนฺทติ โยคํ กโรติ อปฺปตฺตสฺส ปตฺติยา อนธิคตสฺส อธิคมาย อสจฺฉิกตสฺส สจฺฉิกิริยาย. เอวํ โข, มหาราช, สมฺปกฺขนฺทนลกฺขณา สทฺธาติ. ภาสิตมฺเปตํ, มหาราช, ภควตา สํยุตฺตนิกายวเร –

‘‘‘สทฺธาย ตรตี โอฆํ, อปฺปมาเทน อณฺณวํ;

วีริเยน ทุกฺขมจฺเจติ, ปฺาย ปริสุชฺฌตี’’’ติ [ปสฺส สํ. นิ. ๑.๒๔๖].

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

สมฺปกฺขนฺทนลกฺขณสทฺธาปฺโห เอกาทสโม.

๑๒. วีริยลกฺขณปฺโห

๑๒. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, กึลกฺขณํ วีริย’’นฺติ? ‘‘อุปตฺถมฺภนลกฺขณํ, มหาราช, วีริยํ, วีริยูปตฺถมฺภิตา สพฺเพ กุสลา ธมฺมา น ปริหายนฺตี’’ติ.

‘‘โอปมฺมํ กโรหี’’ติ. ‘‘ยถา, มหาราช, ปุริโส เคเห ปตนฺเต อฺเน ทารุนา อุปตฺถมฺเภยฺย, อุปตฺถมฺภิตํ สนฺตํ เอวํ ตํ เคหํ น ปเตยฺย. เอวเมว โข, มหาราช, อุปตฺถมฺภนลกฺขณํ วีริยํ, วีริยูปตฺถมฺภิตา สพฺเพ กุสลา ธมฺมา น ปริหายนฺตี’’ติ.

‘‘ภิยฺโย โอปมฺมํ กโรหี’’ติ. ‘‘ยถา, มหาราช, ปริตฺตกํ เสนํ มหตี เสนา ภฺเชยฺย, ตโต ราชา อฺมฺํ อนุสฺสาเรยฺย อนุเปเสยฺย อตฺตโน ปริตฺตกาย เสนาย พลํ อนุปทํ ทเทยฺย, ตาย สทฺธึ ปริตฺตกา เสนา มหตึ เสนํ ภฺเชยฺย. เอวเมว โข, มหาราช, อุปตฺถมฺภนลกฺขณํ วีริยํ, วีริยูปตฺถมฺภิตา สพฺเพ กุสลา ธมฺมา น ปริหายนฺติ. ภาสิตมฺเปตํ, มหาราช, ภควตา – ‘วีริยวา โข, ภิกฺขเว, อริยสาวโก อกุสลํ ปชหติ, กุสลํ ภาเวติ. สาวชฺชํ ปชหติ, อนวชฺชํ ภาเวติ. สุทฺธมตฺตานํ ปริหรตี’’’ติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

วีริยลกฺขณปฺโห ทฺวาทสโม.

๑๓. สติลกฺขณปฺโห

๑๓. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, กึลกฺขณา สตี’’ติ? ‘‘อปิลาปนลกฺขณา, มหาราช, สติ, อุปคฺคณฺหนลกฺขณา จา’’ติ. ‘‘กถํ, ภนฺเต, อปิลาปนลกฺขณา สตี’’ติ? ‘‘สติ, มหาราช, อุปฺปชฺชมานา กุสลากุสลสาวชฺชานวชฺชหีนปฺปณีตกณฺหสุกฺกสปฺปฏิภาคธมฺเม อปิลาเปติ ‘อิเม จตฺตาโร สติปฏฺานา, อิเม จตฺตาโร สมฺมปฺปธานา, อิเม จตฺตาโร อิทฺธิปาทา, อิมานิ ปฺจินฺทฺริยานิ, อิมานิ ปฺจ พลานิ, อิเม สตฺต โพชฺฌงฺคา, อยํ อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค, อยํ สมโถ, อยํ วิปสฺสนา, อยํ วิชฺชา, อยํ วิมุตฺตี’ติ. ตโต โยคาวจโร เสวิตพฺเพ ธมฺเม เสวติ, อเสวิตพฺเพ ธมฺเม น เสวติ. ภชิตพฺเพ ธมฺเม ภชติ อภชิตฺตพฺเพ ธมฺเม น ภชติ. เอวํ โข, มหาราช, อปิลาปนลกฺขณา สตี’’ติ.

‘‘โอปมฺมํ กโรหี’’ติ. ‘‘ยถา, มหาราช, รฺโ จกฺกวตฺติสฺส ภณฺฑาคาริโก ราชานํ จกฺกวตฺตึ สายํ ปาตํ ยสํ สราเปติ ‘เอตฺตกา, เทว, เต หตฺถี, เอตฺตกา อสฺสา, เอตฺตกา รถา, เอตฺตกา ปตฺตี, เอตฺตกํ หิรฺํ, เอตฺตกํ สุวณฺณํ, เอตฺตกํ สาปเตยฺยํ, ตํ เทโว สรตู’ติ รฺโ สาปเตยฺยํ อปิลาเปติ. เอวเมว โข, มหาราช, สติ อุปฺปชฺชมานา กุสลากุสลสาวชฺชานวชฺชหีนปฺปณีตกณฺหสุกฺกสปฺปฏิภาคธมฺเม อปิลาเปติ ‘อิเม จตฺตาโร สติปฏฺานา, อิเม จตฺตาโร สมฺมปฺปธานา, อิเม จตฺตาโร อิทฺธิปาทา, อิมานิ ปฺจินฺทฺริยานิ, อิมานิ ปฺจ พลานิ, อิเม สตฺต โพชฺฌงฺคา, อยํ อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค, อยํ สมโถ, อยํ วิปสฺสนา, อยํ วิชฺชา, อยํ วิมุตฺตี’ติ. ตโต โยคาวจโร เสวิตพฺเพ ธมฺเม เสวติ, อเสวิตพฺเพ ธมฺเม น เสวติ. ภชิตพฺเพ ธมฺเม ภชติ, อภชิตพฺเพ ธมฺเม น ภชติ. เอวํ โข, มหาราช, อปิลาปนลกฺขณา สตี’’ติ.

‘‘กถํ, ภนฺเต, อุปคฺคณฺหนลกฺขณา สตี’’ติ? ‘‘สติ, มหาราช, อุปฺปชฺชมานา หิตาหิตานํ ธมฺมานํ คติโย สมนฺเวติ ‘อิเม ธมฺมา หิตา, อิเม ธมฺมา อหิตา. อิเม ธมฺมา อุปการา, อิเม ธมฺมา อนุปการา’ติ. ตโต โยคาวจโร อหิเต ธมฺเม อปนุเทติ, หิเต ธมฺเม อุปคฺคณฺหาติ. อนุปกาเร ธมฺเม อปนุเทติ, อุปกาเร ธมฺเม อุปคฺคณฺหาติ. เอวํ โข, มหาราช, อุปคฺคณฺหนลกฺขณา สตี’’ติ.

‘‘โอปมฺมํ กโรหี’’ติ. ‘‘ยถา, มหาราช, รฺโ จกฺกวตฺติสฺส ปริณายกรตนํ รฺโ หิตาหิเต ชานาติ ‘อิเม รฺโ หิตา, อิเม อหิตา. อิเม อุปการา, อิเม อนุปการา’ติ. ตโต อหิเต อปนุเทติ, หิเต อุปคฺคณฺหาติ. อนุปกาเร อปนุเทติ, อุปกาเร อุปคฺคณฺหาติ. เอวเมว โข, มหาราช, สติ อุปฺปชฺชมานา หิตาหิตานํ ธมฺมานํ คติโย สมนฺเวติ ‘อิเม ธมฺมา หิตา, อิเม ธมฺมา อหิตา. อิเม ธมฺมา อุปการา, อิเม ธมฺมา อนุปการา’ติ. ตโต โยคาวจโร อหิเต ธมฺเม อปนุเทติ, หิเต ธมฺเม อุปคฺคณฺหา’ติ. อนุปกาเร ธมฺเม อปนุเทติ, อุปกาเร ทมฺเม อุปคฺคณฺหาติ. เอวํ โข, มหาราช, อุปคฺคณฺหนลกฺขณา สติ. ภาสิตมฺเปตํ, มหาราช, ภควตา – ‘สติฺจ ขฺวาหํ, ภิกฺขเว, สพฺพตฺถิกํ วทามี’’’ติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

สติลกฺขณปฺโห เตรสโม.

๑๔. สมาธิปฺโห

๑๔. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, กึลกฺขโณ สมาธี’’ติ? ‘‘ปมุขลกฺขโณ, มหาราช, สมาธิ, เย เกจิ กุสลา ธมฺมา, สพฺเพ เต สมาธิปมุขา โหนฺติ สมาธินินฺนา สมาธิโปณา สมาธิปพฺภารา’’ติ.

‘‘โอปมฺมํ กโรหี’’ติ. ‘‘ยถา, มหาราช, กูฏาคารสฺส ยา ยาจิ โคปานสิโย, สพฺพา ตา กูฏงฺคมา โหนฺติ กูฏนินฺนา กูฏสโมสรณา, กูฏํ ตาสํ อคฺคมกฺขายติ. เอวเมว โข, มหาราช, เย เกจิ กุสลา ธมฺมา, สพฺเพ เต สมาธิปมุขา โหนฺติ สมาธินินฺนา สมาธิโปณา สมาธิปพฺภาราติ.

‘‘ภิยฺโย โอปมฺมํ กโรหี’’ติ. ‘‘ยถา, มหาราช, โกจิ ราชา จตุรงฺคินิยา เสนาย สทฺธึ สงฺคามํ โอตเรยฺย, สพฺพาว เสนา หตฺถี จ อสฺสา จ รถา จ ปตฺตี จ ตปฺปมุขา [ตมฺปมุขา (สฺยา. ก.)] ภเวยฺยุํ ตนฺนินฺนา ตปฺโปณา ตปฺปพฺภารา ตํ เยว อนุปริยาเยยฺยุํ. เอวเมว โข, มหาราช, เย เกจิ กุสลา ธมฺมา, สพฺเพ เต สมาธิปมุขา โหนฺติ สมาธินินฺนา สมาธิโปณา สมาธิปพฺภารา. เอวํ โข, มหาราช, ปมุขลกฺขโณ สมาธิ. ภาสิตมฺเปตํ, มหาราช, ภควตา – ‘‘สมาธึ, ภิกฺขเว, ภาเวถ, สมาหิโต, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ยถาภูตํ ปชานาตี’’ติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

สมาธิปฺโห จุทฺทสโม.

๑๕. ปฺาลกฺขณปฺโห

๑๕. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, กึลกฺขณา ปฺา’’ติ? ‘‘ปุพฺเพว โข, มหาราช, มยา วุตฺตํ ‘เฉทนลกฺขณา ปฺา’ติ, อปิ จ โอภาสนลกฺขณา ปฺา’’ติ. ‘‘กถํ, ภนฺเต, โอภาสนลกฺขณา ปฺา’’ติ? ‘‘ปฺา, มหาราช, อุปฺปชฺชมานา อวิชฺชนฺธการํ วิธเมติ, วิชฺโชภาสํ ชเนติ, าณาโลกํ วิทํเสติ, อริยสจฺจานิ ปากฏานิ กโรติ. ตโต โยคาวจโร ‘อนิจฺจ’นฺติ วา ‘ทุกฺข’นฺติ วา ‘อนตฺตา’ติ วา สมฺมปฺปฺาย ปสฺสตี’’ติ.

‘‘โอปมฺมํ กโรหี’’ติ. ‘‘ยถา, มหาราช, ปุริโส อนฺธกาเร เคเห ปทีปํ ปเวเสยฺย, ปวิฏฺโ ปทีโป อนฺธการํ วิธเมติ, โอภาสํ ชเนติ, อาโลกํ วิทํเสติ, รูปานิ ปากฏานิ กโรติ. เอวเมว โข, มหาราช, ปฺา อุปฺปชฺชมานา อวิชฺชนฺธการํ วิธเมติ, วิชฺโชภาสํ ชเนติ, าณาโลกํ วิทํเสติ, อริยสจฺจานิ ปากฏานิ กโรติ. ตโต โยคาวจโร ‘อนิจฺจ’นฺติ วา ‘ทุกฺข’นฺติ วา ‘อนตฺตา’ติ วา สมฺมปฺปฺาย ปสฺสติ. เอวํ โข, มหาราช, โอภาสนลกฺขณา ปฺา’’ติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

ปฺาลกฺขณปฺโห ปนฺนรสโม.

๑๖. นานาธมฺมานํ เอกกิจฺจอภินิปฺผาทนปฺโห

๑๖. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, อิเม ธมฺมา นานา สนฺตา เอกํ อตฺถํ อภินิปฺผาเทนฺตี’’ติ? ‘‘อาม, มหาราช, อิเม ธมฺมา นานา สนฺตา เอกํ อตฺถํ อภินิปฺผาเทนฺติ, กิเลเส หนนฺตี’’ติ.

‘‘กถํ, ภนฺเต, อิเม ธมฺมา นานา สนฺตา เอกํ อตฺถํ อภินิปฺผาเทนฺติ, กิเลเส หนนฺติ? โอปมฺมํ กโรหี’’ติ. ‘‘ยถา, มหาราช, เสนา นานา สนฺตา หตฺถี จ อสฺสา จ รถา จ ปตฺตี จ เอกํ อตฺถํ อภินิปฺผาเทนฺติ, สงฺคาเม ปรเสนํ อภิวิชินนฺติ. เอวเมว โข, มหาราช, อิเม ธมฺมา นานา สนฺตา เอกํ อตฺถํ อภินิปฺผาเทนฺติ, กิเลเส หนนฺตี’’ติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

นานาธมฺมานํ เอกกิจฺจอภินิปฺผาทนปฺโห โสฬสโม.

มหาวคฺโค ปโม.

อิมสฺมึ วคฺเค โสฬส ปฺหา.

๒. อทฺธานวคฺโค

๑. ธมฺมสนฺตติปฺโห

. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, โย อุปฺปชฺชติ, โส เอว โส, อุทาหุ อฺโ’’ติ? เถโร อาห ‘‘น จ โส, น จ อฺโ’’ติ.

‘‘โอปมฺมํ กโรหี’’ติ. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, ยทา ตฺวํ ทหโร ตรุโณ มนฺโท อุตฺตานเสยฺยโก อโหสิ, โส เยว ตฺวํ เอตรหิ มหนฺโต’’ติ? ‘‘น หิ, ภนฺเต, อฺโ โส ทหโร ตรุโณ มนฺโท อุตฺตานเสยฺยโก อโหสิ, อฺโ อหํ เอตรหิ มหนฺโต’’ติ. ‘‘เอวํ สนฺเต โข, มหาราช, มาตาติปิ น ภวิสฺสติ, ปิตาติปิ น ภวิสฺสติ, อาจริโยติปิ น ภวิสฺสติ, สิปฺปวาติปิ น ภวิสฺสติ, สีลวาติปิ น ภวิสฺสติ, ปฺวาติปิ น ภวิสฺสติ. กึ นุ โข, มหาราช, อฺา เอว กลลสฺส มาตา, อฺา อพฺพุทสฺส มาตา, อฺา เปสิยา มาตา, อฺา ฆนสฺส มาตา, อฺา ขุทฺทกสฺส มาตา, อฺา มหนฺตสฺส มาตา, อฺโ สิปฺปํ สิกฺขติ, อฺโ สิกฺขิโต ภวติ, อฺโ ปาปกมฺมํ กโรติ, อฺสฺส หตฺถปาทา ฉิชฺชนฺตี’’ติ? ‘‘น หิ, ภนฺเต. ตฺวํ ปน, ภนฺเต, เอวํ วุตฺเต กึ วเทยฺยาสี’’ติ? เถโร อาห ‘‘อหฺเว โข, มหาราช, ทหโร อโหสึ ตรุโณ มนฺโท อุตฺตานเสยฺยโก, อหฺเว เอตรหิ มหนฺโต, อิมเมว กายํ นิสฺสาย สพฺเพ เต เอกสงฺคหิตา’’ติ.

‘‘ภิยฺโย โอปมฺมํ กโรหี’’ติ. ‘‘ยถา, มหาราช, โกจิเทว ปุริโส ปทีปํ ปทีเปยฺย, กึ โส สพฺพรตฺตึ ปทีเปยฺยา’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, สพฺพรตฺตึ ปทีเปยฺยา’’ติ. ‘‘กึ นุ โข, มหาราช, ยา ปุริเม ยาเม อจฺจิ, สา มชฺฌิเม ยาเม อจฺจี’’ติ? ‘‘น หิ ภนฺเต’’ติ. ‘‘ยา มชฺฌิเม ยาเม อจฺจิ, สา ปจฺฉิเม ยาเม อจฺจี’’ติ? ‘‘น หิ ภนฺเต’’ติ. ‘‘กึ นุ โข, มหาราช, อฺโ โส อโหสิ ปุริเม ยาเม ปทีโป, อฺโ มชฺฌิเม ยาเม ปทีโป, อฺโ ปจฺฉิเม ยาเม ปทีโป’’ติ? ‘‘น หิ ภนฺเต, ตํ เยว นิสฺสาย สพฺพรตฺตึ ปทีปิโต’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, ธมฺมสนฺตติ สนฺทหติ, อฺโ อุปฺปชฺชติ, อฺโ นิรุชฺฌติ, อปุพฺพํ อจริมํ วิย สนฺทหติ, เตน น จ โส, น จ อฺโ, ปุริมวิฺาเณ ปจฺฉิมวิฺาณํ สงฺคหํ คจฺฉตี’’ติ.

‘‘ภิยฺโย โอปมฺมํ กโรหี’’ติ. ‘‘ยถา, มหาราช, ขีรํ ทุยฺหมานํ กาลนฺตเรน ทธิ ปริวตฺเตยฺย, ทธิโต นวนีตํ, นวนีตโต ฆตํ ปริวตฺเตยฺย, โย นุ โข, มหาราช, เอวํ วเทยฺย ‘ยํ เยว ขีรํ ตํ เยว ทธิ, ยํ เยว ทธิ ตํ เยว นวนีตํ, ยํ เยว นวนีตํ ตํ เยว ฆต’นฺติ, สมฺมา นุ โข โส, มหาราช, วทมาโน วเทยฺยา’’ติ? ‘‘น หิ ภนฺเต, ตํเยว นิสฺสาย สมฺภูต’’นฺติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, ธมฺมสนฺตติ สนฺทหติ, อฺโ อุปฺปชฺชติ, อฺโ นิรุชฺฌติ, อปุพฺพํ อจริมํ วิย สนฺทหติ, เตน น จ โส, น จ อฺโ, ปุริมวิฺาเณ ปจฺฉิมวิฺาณํ สงฺคหํ คจฺฉตี’’ติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

ธมฺมสนฺตติปฺโห ปโม.

๒. ปฏิสนฺทหนปฺโห

. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, โย น ปฏิสนฺทหติ, ชานาติ โส ‘น ปฏิสนฺทหิสฺสามี’ติ? ‘‘อาม, มหาราช, โย น ปฏิสนฺทหติ, ชานาติ โส ‘น ปฏิสนฺทหิสฺสามี’ติ. ‘‘กถํ, ภนฺเต, ชานาตี’’ติ? ‘‘โย เหตุ โย ปจฺจโย, มหาราช, ปฏิสนฺทหนาย, ตสฺส เหตุสฺส ตสฺส ปจฺจยสฺส อุปรมา ชานาติ โส ‘น ปฏิสนฺทหิสฺสามี’’’ติ.

‘‘โอปมฺมํ กโรหี’’ติ. ‘‘ยถา, มหาราช, กสฺสโก คหปติโก กสิตฺวา จ วปิตฺวา จ ธฺาคารํ ปริปูเรยฺย. โส อปเรน สมเยน เนว กสฺเสยฺย น วปฺเปยฺย, ยถาสมฺภตฺจ ธฺํ ปริภุฺเชยฺย วา วิสชฺเชยฺย วา ยถา ปจฺจยํ วา กเรยฺย, ชาเนยฺย โส, มหาราช, กสฺสโก คหปติโก ‘น เม ธฺาคารํ ปริปูเรสฺสตี’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, ชาเนยฺยา’’ติ. ‘‘กถํ ชาเนยฺยา’’ติ? ‘‘โย เหตุ โย ปจฺจโย ธฺาคารสฺส ปริปูรณาย, ตสฺส เหตุสฺส ตสฺส ปจฺจยสฺส อุปรมา ชานาติ ‘น เม ธฺาคารํ ปริปูเรสฺสตี’’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, โย เหตุ โย ปจฺจโย ปฏิสนฺทหนาย, ตสฺส เหตุสฺส ตสฺส ปจฺจยสฺส อุปรมา ชานาติ โส ‘น ปฏิสนฺทหิสฺสามี’ติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

ปฏิสนฺทหนปฺโห ทุติโย.

๓. าณปฺาปฺโห

. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ยสฺส าณํ อุปฺปนฺนํ, ตสฺส ปฺา อุปฺปนฺนา’’ติ? ‘‘อาม, มหาราช, ยสฺส าณํ อุปฺปนฺนํ, ตสฺส ปฺา อุปฺปนฺนา’’ติ. ‘‘กึ, ภนฺเต, ยฺเว าณํ สา เยว ปฺา’’ติ? ‘‘อาม, มหาราช, ยฺเว าณํ สา เยว ปฺา’’ติ. ‘‘ยสฺส ปน, ภนฺเต, ตฺเว าณํ สา เยว ปฺา อุปฺปนฺนา, กึ สมฺมุยฺเหยฺย โส, อุทาหุ น สมฺมุยฺเหยฺยา’’ติ? ‘‘กตฺถจิ, มหาราช, สมฺมุยฺเหยฺย, กตฺถจิ น สมฺมุยฺเหยฺยา’’ติ. ‘‘กุหึ, ภนฺเต, สมฺมุยฺเหยฺยา’’ติ? ‘‘อฺาตปุพฺเพสุ วา, มหาราช, สิปฺปฏฺาเนสุ, อคตปุพฺพาย วา ทิสาย, อสฺสุตปุพฺพาย วา นามปฺตฺติยา สมฺมุยฺเหยฺยา’’ติ. ‘‘กุหึ น สมฺมุยฺเหยฺยา’’ติ? ‘‘ยํ โข ปน, มหาราช, ตาย ปฺาย กตํ ‘อนิจฺจ’นฺติ วา ‘ทุกฺข’นฺติ วา ‘อนตฺตา’ติ วา, ตหึ น สมฺมุยฺเหยฺยา’’ติ. ‘‘โมโห ปนสฺส, ภนฺเต, กุหึ คจฺฉตี’’ติ? ‘‘โมโห โข, มหาราช, าเณ อุปฺปนฺนมตฺเต ตตฺเถว นิรุชฺฌตี’’ติ.

‘‘โอปมฺมํ กโรหี’’ติ. ‘‘ยถา, มหาราช, โกจิเทว ปุริโส อนฺธการเคเห ปทีปํ อาโรเปยฺย, ตโต อนฺธกาโร นิรุชฺเฌยฺย, อาโลโก ปาตุภเวยฺย. เอวเมว โข, มหาราช, าเณ อุปฺปนฺนมตฺเต โมโห ตตฺเถว นิรุชฺฌตี’’ติ.

‘‘ปฺา ปน, ภนฺเต, กุหึ คจฺฉตี’’ติ? ‘‘ปฺาปิ โข, มหาราช, สกิจฺจยํ กตฺวา ตตฺเถว นิรุชฺฌติ, ยํ ปน ตาย ปฺาย กตํ ‘อนิจฺจ’นฺติ วา ‘ทุกฺข’นฺติ วา ‘อนตฺตา’ติ วา, ตํ น นิรุชฺฌตี’’ติ.

‘‘ภนฺเต นาคเสน, ยํ ปเนตํ พฺรูสิ ‘ปฺา สกิจฺจยํ กตฺวา ตตฺเถว นิรุชฺฌติ, ยํ ปน ตาย ปฺาย กตํ ‘อนิจฺจ’นฺติ วา ‘ทุกฺข’นฺติ วา ‘อนตฺตา’ติ วา, ตํ น นิรุชฺฌตี’ติ, ตสฺส โอปมฺมํ กโรหี’’ติ. ‘‘ยถา, มหาราช, โย โกจิ ปุริโส รตฺตึ เลขํ เปเสตุกาโม เลขกํ ปกฺโกสาเปตฺวา ปทีปํ อาโรเปตฺวา เลขํ ลิขาเปยฺย, ลิขิเต ปน เลเข ปทีปํ วิชฺฌาเปยฺย, วิชฺฌาปิเตปิ ปทีเป เลขํ น วินสฺเสยฺย. เอวเมว โข, มหาราช, ปฺา สกิจฺจยํ กตฺวา ตตฺเถว นิรุชฺฌติ, ยํ ปน ตาย ปฺาย กตํ ‘อนิจฺจ’นฺติ วา ‘ทุกฺข’นฺติ วา ‘อนตฺตา’ติ วา, ตํ น นิรุชฺฌตี’’ติ.

‘‘ภิยฺโย โอปมฺมํ กโรหี’’ติ. ‘‘ยถา, มหาราช, ปุรตฺถิเมสุ ชนปเทสุ มนุสฺสา อนุฆรํ ปฺจ ปฺจ อุทกฆฏกานิ เปนฺติ อาลิมฺปนํ วิชฺฌาเปตุํ, ฆเร ปทิตฺเต ตานิ ปฺจ อุทกฆฏกานิ ฆรสฺสูปริ ขิปนฺติ, ตโต อคฺคิ วิชฺฌายติ, กึ นุ โข, มหาราช, เตสํ มนุสฺสานํ เอวํ โหติ ‘ปุน เตหิ ฆเฏหิ ฆฏกิจฺจํ กริสฺสามา’’’ติ? ‘‘น หิ, ภนฺเต, อลํ เตหิ ฆเฏหิ, กึ เตหิ ฆเฏหี’’ติ? ‘‘ยถา, มหาราช, ปฺจ อุทกฆฏกานิ, เอวํ ปฺจินฺทฺริยานิ ทฏฺพฺพานิ สทฺธินฺทฺริยํ วีริยินฺทฺริยํ สตินฺทฺริยํ สมาธินฺทฺริยํ ปฺินฺทฺริยํ. ยถา เต มนุสฺสา, เอวํ โยคาวจโร ทฏฺพฺโพ. ยถา อคฺคิ, เอวํ กิเลสา ทฏฺพฺพา. ยถา ปฺจหิ อุทกฆฏเกหิ อคฺคิ วิชฺฌาปียติ, เอวํ ปฺจินฺทฺริเยหิ กิเลสา วิชฺฌาปิยนฺติ, วิชฺฌาปิตาปิ กิเลสา น ปุน สมฺภวนฺติ. เอวเมว โข, มหาราช, ปฺา สกิจฺจยํ กตฺวา ตตฺเถว นิรุชฺฌติ, ยํ ปน ตาย ปฺาย กตํ ‘อนิจฺจ’นฺติ วา ‘ทุกฺข’นฺติ วา ‘อนตฺตา’ติ วา, ตํ น นิรุชฺฌตี’’ติ.

‘‘ภิยฺโย โอปมฺมํ กโรหี’’ติ. ‘‘ยถา, มหาราช, เวชฺโช ปฺจมูลเภสชฺชานิ คเหตฺวา คิลานกํ อุปสงฺกมิตฺวา ตานิ ปฺจมูลเภสชฺชานิ ปิสิตฺวา [ปึสิตฺวา (สี. ปี.)] คิลานกํ ปาเยยฺย, เตหิ จ โทสา นิทฺธเมยฺยุํ, กึ นุ โข, มหาราช, ตสฺส เวชฺชสฺส เอวํ โหติ ‘ปุน เตหิ ปฺจมูลเภสชฺเชหิ เภสชฺชกิจฺจํ กริสฺสามี’’’ติ? ‘‘น หิ, ภนฺเต, อลํ เตหิ ปฺจมูลเภสชฺเชหิ, กึ เตหิ ปฺจมูลเภสชฺเชหี’’ติ? ‘‘ยถา, มหาราช, ปฺจมูลเภสชฺชานิ, เอวํ ปฺจินฺทฺริยานิ ทฏฺพฺพานิ สทฺธินฺทฺริยํ วีริยินฺทฺริยํ สตินฺทฺริยํ สมาธินฺทฺริยํ ปฺินฺทฺริยํ, ยถา เวชฺโช, เอวํ โยคาวจโร ทฏฺพฺโพ. ยถา พฺยาธิ, เอวํ กิเลสา ทฏฺพฺพา. ยถา พฺยาธิโต ปุริโส, เอวํ ปุถุชฺชโน ทฏฺพฺโพ. ยถา ปฺจมูลเภสชฺเชหิ คิลานสฺส โทสา นิทฺธนฺตา, โทเส นิทฺธนฺเต คิลาโน อโรโค โหติ, เอวํ ปฺจินฺทฺริเยหิ กิเลสา นิทฺธมียนฺติ, นิทฺธมิตา จ กิเลสา น ปุน สมฺภวนฺติ. เอวเมว โข, มหาราช, ปฺา สกิจฺจยํ กตฺวา ตตฺเถว นิรุชฺฌติ, ยํ ปน ตาย ปฺาย กตํ ‘อนิจฺจ’นฺติ วา ‘ทุกฺข’นฺติ วา ‘อนตฺตา’ติ วา, ตํ น นิรุชฺฌตี’’ติ.

‘‘ภิยฺโย โอปมฺมํ กโรหี’’ติ. ‘‘ยถา, มหาราช, สงฺคามาวจโร โยโธ ปฺจ กณฺฑานิ คเหตฺวา สงฺคามํ โอตเรยฺย ปรเสนํ วิเชตุํ, โส สงฺคามคโต ตานิ ปฺจ กณฺฑานิ ขิเปยฺย, เตหิ จ ปรเสนา ภิชฺเชยฺย, กึ นุ โข, มหาราช, ตสฺส สงฺคามาวจรสฺส โยธสฺส เอวํ โหติ ‘ปุน เตหิ กณฺเฑหิ กณฺฑกิจฺจํ กริสฺสามี’’’ติ? ‘‘น หิ, ภนฺเต, อลํ เตหิ กณฺเฑหิ, กึ เตหิ กณฺเฑหี’’ติ? ‘‘ยถา, มหาราช, ปฺจ กณฺฑานิ, เอวํ ปฺจินฺทฺริยานิ ทฏฺพฺพานิ สทฺธินฺทฺริยํ วีริยินฺทฺริยํ สตินฺทฺริยํ สมาธินฺทฺริยํ ปฺินฺทฺริยํ. ยถา, มหาราช, สงฺคามาวจโร โยโธ, เอวํ โยคาวจโร ทฏฺพฺโพ. ยถา ปรเสนา, เอวํ กิเลสา ทฏฺพฺพา. ยถา ปฺจหิ กณฺเฑหิ ปรเสนา ภิชฺชติ, เอวํ ปฺจินฺทฺริเยหิ กิเลสา ภิชฺชนฺติ, ภคฺคา จ กิเลสา น ปุน สมฺภวนฺติ. เอวเมว โข, มหาราช, ปฺา สกิจฺจยํ กตฺวา ตตฺเถว นิรุชฺฌติ, ยํ ปน ตาย ปฺาย กตํ ‘อนิจฺจ’นฺติ วา ‘ทุกฺข’นฺติ วา ‘อนตฺตา’ติ วา, ตํ น นิรุชฺฌตี’’ติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

าณปฺาปฺโห ตติโย.

๔. ปฏิสนฺทหนปุคฺคลเวทิยนปฺโห

. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, โย น ปฏิสนฺทหติ, เวเทติ โส กิฺจิ ทุกฺขํ เวทน’’นฺติ? เถโร อาห ‘‘กิฺจิ เวเทติ, กิฺจิ น เวเทตี’’ติ. ‘‘กึ เวเทติ, กึ น เวเทตี’’ติ? ‘‘กายิกํ, มหาราช, เวทนํ เวเทติ, เจตสิกํ เวทนํ น เวเทตี’’ติ. ‘‘กถํ, ภนฺเต, กายิกํ เวทนํ เวเทติ, กถํ เจตสิกํ เวทนํ น เวเทตี’’ติ? ‘‘โย เหตุ โย ปจฺจโย กายิกาย ทุกฺขเวทนาย อุปฺปตฺติยา, ตสฺส เหตุสฺส ตสฺส ปจฺจยสฺส อนุปรมา กายิกํ ทุกฺขเวทนํ เวเทติ, โย เหตุ โย ปจฺจโย เจตสิกาย ทุกฺขเวทนาย อุปฺปตฺติยา, ตสฺส เหตุสฺส ตสฺส ปจฺจยสฺส อุปรมา เจตสิกํ ทุกฺขเวทนํ น เวเทติ. ภาสิตมฺเปตํ, มหาราช, ภควตา – ‘โส เอกํ เวทนํ เวเทติ กายิกํ น เจตสิก’’’นฺติ.

‘‘ภนฺเต นาคเสน, โย ทุกฺขํ เวทนํ เวเทติ, กสฺมา โส น ปรินิพฺพายตี’’ติ? ‘‘นตฺถิ, มหาราช, อรหโต อนุนโย วา ปฏิโฆ วา, น จ อรหนฺโต อปกฺกํ ปาเตนฺติ ปริปากํ อาคเมนฺติ ปณฺฑิตา. ภาสิตมฺเปตํ, มหาราช, เถเรน สาริปุตฺเตน ธมฺมเสนาปตินา –

‘‘‘นาภินนฺทามิ มรณํ, นาภินนฺทามิ ชีวิตํ;

กาลฺจ ปฏิกงฺขามิ, นิพฺพิสํ ภตโก ยถา.

‘‘‘นาภินนฺทามิ มรณํ, นาภินนฺทามิ ชีวิตํ;

กาลฺจ ปฏิกงฺขามิ, สมฺปชาโน ปติสฺสโต’’’ติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ [ปสฺส เถรคา. ๖๕๔].

ปฏิสนฺทหนปุคฺคลเวทิยนปฺโห จตุตฺโถ.

๕. เวทนาปฺโห

. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, สุขา เวทนา กุสลา วา อกุสลา วา อพฺยากตา วา’’ติ? ‘‘สิยา, มหาราช, กุสลา, สิยา อกุสลา, สิยา อพฺยากตา’’ติ. ‘‘ยทิ, ภนฺเต, กุสลา น ทุกฺขา, ยทิ ทุกฺขา น กุสลา, กุสลํ ทุกฺขนฺติ นุปฺปชฺชตี’’ติ. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, อิธ ปุริสสฺส หตฺเถ ตตฺตํ อโยคุฬํ นิกฺขิเปยฺย, ทุติเย หตฺเถ สีตํ หิมปิณฺฑํ นิกฺขิเปยฺย, กึ นุ โข, มหาราช, อุโภปิ เต ทเหยฺยุ’’นฺติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, อุโภปิ เต ทเหยฺยุ’’นฺติ. ‘‘กึ นุ โข, เต มหาราช, อุโภปิ อุณฺหา’’ติ? ‘‘น หิ ภนฺเต’’ติ. ‘‘กึ ปน เต, มหาราช, อุโภปิ สีตลา’’ติ? ‘‘น หิ ภนฺเต’’ติ. ‘‘อาชานาหิ นิคฺคหํ ยทิ ตตฺตํ ทหติ, น จ เต อุโภปิ อุณฺหา, เตน นุปฺปชฺชติ. ยทิ สีตลํ ทหติ, น จ เต อุโภปิ สีตลา, เตน นุปฺปชฺชติ. กิสฺส ปน เต, มหาราช, อุโภปิ ทหนฺติ, น จ เต อุโภปิ อุณฺหา, น จ เต อุโภปิ สีตลา? เอกํ อุณฺหํ, เอกํ สีตลํ, อุโภปิ เต ทหนฺติ, เตน นุปฺปชฺชตี’’ติ. ‘‘นาหํ ปฏิพโล ตยา วาทินา สทฺธึ สลฺลปิตุํ, สาธุ อตฺถํ ชปฺเปหี’’ติ. ตโต เถโร อภิธมฺมสํยุตฺตาย กถาย ราชานํ มิลินฺทํ สฺาเปสิ –

‘‘ฉยิมานิ, มหาราช, เคหนิสฺสิตานิ โสมนสฺสานิ, ฉ เนกฺขมฺมนิสฺสิตานิ โสมนสฺสานิ, ฉ เคหนิสฺสิตานิ โทมนสฺสานิ, ฉ เนกฺขมฺมนิสฺสิตานิ โทมนสฺสานิ, ฉ เคหนิสฺสิตา อุเปกฺขา, ฉ เนกฺขมฺมนิสฺสิตา อุเปกฺขาติ, อิมานิ ฉ ฉกฺกานิ, อตีตาปิ ฉตฺตึสวิธา เวทนา, อนาคตาปิ ฉตฺตึสวิธา เวทนา, ปจฺจุปฺปนฺนาปิ ฉตฺตึสวิธา เวทนา, ตเทกชฺฌํ อภิสฺุหิตฺวา อภิสมฺปิณฺเฑตฺวา อฏฺสตํ เวทนา โหนฺตี’’ติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

เวทนาปฺโห ปฺจโม.

๖. นามรูปเอกตฺตนานตฺตปฺโห

. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, โก ปฏิสนฺทหตี’’ติ? เถโร อาห ‘‘นามรูปํ โข, มหาราช, ปฏิสนฺทหตี’’ติ. ‘‘กึ อิมํ เยว นามรูปํ ปฏิสนฺทหตี’’ติ? ‘‘น โข, มหาราช, อิมํ เยว นามรูปํ ปฏิสนฺทหติ, อิมินา ปน, มหาราช, นามรูเปน กมฺมํ กโรติ โสภนํ วา ปาปกํ วา, เตน กมฺเมน อฺํ นามรูปํ ปฏิสนฺทหตี’’ติ. ‘‘ยทิ, ภนฺเต, น อิมํ เยว นามรูปํ ปฏิสนฺทหติ, นนุ โส มุตฺโต ภวิสฺสติ ปาปเกหิ กมฺเมหี’’ติ? เถโร อาห ‘‘ยทิ น ปฏิสนฺทเหยฺย, มุตฺโต ภเวยฺย ปาปเกหิ กมฺเมหิ. ยสฺมา จ โข, มหาราช, ปฏิสนฺทหติ, ตสฺมา น มุตฺโต ปาปเกหิ กมฺเมหี’’ติ.

‘‘โอปมฺมํ กโรหี’’ติ. ‘‘ยถา, มหาราช, โกจิเทว ปุริโส อฺตรสฺส ปุริสสฺส อมฺพํ อวหเรยฺย, ตเมนํ อมฺพสามิโก คเหตฺวา รฺโ ทสฺเสยฺย ‘อิมินา เทว ปุริเสน มยฺหํ อมฺพา อวหฏา’ติ, โส เอวํ วเทยฺย ‘นาหํ, เทว, อิมสฺส อมฺเพ อวหรามิ, อฺเ เต อมฺพา, เย อิมินา โรปิตา, อฺเ เต อมฺพา, เย มยา อวหฏา, นาหํ ทณฺฑปฺปตฺโต’ติ. กึ นุ โข โส, มหาราช, ปุริโส ทณฺฑปฺปตฺโต ภเวยฺยา’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, ทณฺฑปฺปตฺโต ภเวยฺยา’’ติ. ‘‘เกน การเณนา’’ติ? ‘‘กิฺจาปิ โส เอวํ วเทยฺย, ปุริมํ, ภนฺเต, อมฺพํ อปฺปจฺจกฺขาย ปจฺฉิเมน อมฺเพน โส ปุริโส ทณฺฑปฺปตฺโต ภเวยฺยา’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, อิมินา นามรูเปน กมฺมํ กโรติ โสภนํ วา ปาปกํ วา, เตน กมฺเมน อฺํ นามรูปํ ปฏิสนฺทหติ, ตสฺมา น มุตฺโต ปาปเกหิ กมฺเมหี’’ติ.

‘‘ภิยฺโย โอปมฺมํ กโรหี’’ติ. ‘‘ยถา, มหาราช, โกจิเทว ปุริโส อฺตรสฺส ปุริสสฺส สาลึ อวหเรยฺย…เป… อุจฺฉุํ อวหเรยฺย…เป… ยถา มหาราช โกจิ ปุริโส เหมนฺตกาเล อคฺคึ ชาเลตฺวา วิสิพฺเพตฺวา [วิสีเวตฺวา (สี. ปี.)] อวิชฺฌาเปตฺวา ปกฺกเมยฺย, อถ โข โส อคฺคิ อฺตรสฺส ปุริสสฺส เขตฺตํ ฑเหยฺย [อุปฑเหยฺย (ก.)], ตเมนํ เขตฺตสามิโก คเหตฺวา รฺโ ทสฺเสยฺย ‘อิมินา, เทว, ปุริเสน มยฺหํ เขตฺตํ ทฑฺฒ’นฺติ. โส เอวํ วเทยฺย ‘นาหํ, เทว, อิมสฺส เขตฺตํ ฌาเปมิ, อฺโ โส อคฺคิ, โย มยา อวิชฺฌาปิโต, อฺโ โส อคฺคิ, เยนิมสฺส เขตฺตํ ทฑฺฒํ, นาหํ ทณฺฑปฺปตฺโต’ติ. กึ นุ โข โส, มหาราช, ปุริโส ทณฺฑปฺปตฺโต ภเวยฺยา’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, ทณฺฑปฺปตฺโต ภเวยฺยา’’ติ. ‘‘เกน การเณนา’’ติ? ‘‘กิฺจาปิ โส เอวํ วเทยฺย, ปุริมํ, ภนฺเต, อคฺคึ อปฺปจฺจกฺขาย ปจฺฉิเมน อคฺคินา โส ปุริโส ทณฺฑปฺปตฺโต ภเวยฺยา’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, อิมินา นามรูเปน กมฺมํ กโรติ โสภนํ วา ปาปกํ วา, เตน กมฺเมน อฺํ นามรูปํ ปฏิสนฺทหติ, ตสฺมา น มุตฺโต ปาปเกหิ กมฺเมหี’’ติ.

‘‘ภิยฺโย โอปมฺมํ กโรหี’’ติ. ‘‘ยถา, มหาราช, โกจิเทว ปุริโส ปทีปํ อาทาย ปาสาทํ อภิรูหิตฺวา ภุฺเชยฺย, ปทีโป ฌายมาโน ติณํ ฌาเปยฺย, ติณํ ฌายมานํ ฆรํ ฌาเปยฺย, ฆรํ ฌายมานํ คามํ ฌาเปยฺย, คามชโน ตํ ปุริสํ คเหตฺวา เอวํ วเทยฺย ‘กิสฺส ตฺวํ, โภ ปุริส, คามํ ฌาเปสี’ติ, โส เอวํ วเทยฺย ‘นาหํ, โภ, คามํ ฌาเปมิ, อฺโ โส ปทีปคฺคิ, ยสฺสาหํ อาโลเกน ภุฺชึ, อฺโ โส อคฺคิ, เยน คาโม ฌาปิโต’ติ, เต วิวทมานา ตว สนฺติเก อาคจฺเฉยฺยุํ, กสฺส ตฺวํ, มหาราช, อฏฺฏํ [อตฺถํ (สี. ปี.)] ธาเรยฺยาสี’’ติ? ‘‘คามชนสฺส ภนฺเต’’ติ. ‘‘กึ การณา’’ติ? ‘‘กิฺจาปิ โส เอวํ วเทยฺย, อปิ จ ตโต เอว โส อคฺคิ นิพฺพตฺโต’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, กิฺจาปิ อฺํ มารณนฺติกํ นามรูปํ, อฺํ ปฏิสนฺธิสฺมึ นามรูปํ, อปิ จ ตโต เยว ตํ นิพฺพตฺตํ, ตสฺมา น มุตฺโต ปาปเกหิ กมฺเมหี’’ติ.

‘‘ภิยฺโย โอปมฺมํ กโรหี’’ติ. ‘‘ยถา, มหาราช, โกจิเทว ปุริโส ทหรึ ทาริกํ วาเรตฺวา สุงฺกํ ทตฺวา ปกฺกเมยฺย. สา อปเรน สมเยน มหตี อสฺส วยปฺปตฺตา, ตโต อฺโ ปุริโส สุงฺกํ ทตฺวา วิวาหํ กเรยฺย, อิตโร อาคนฺตฺวา เอวํ วเทยฺย ‘กิสฺส ปน เม ตฺวํ, อมฺโภ ปุริส, ภริยํ เนสี’ติ? โส เอวํ วเทยฺย ‘นาหํ ตว ภริยํ เนมิ, อฺา สา ทาริกา ทหรี ตรุณี, ยา ตยา วาริตา จ ทินฺนสุงฺกา จ, อฺายํ ทาริกา มหตี วยปฺปตฺตา มยา วาริตา จ ทินฺนสุงฺกา จา’ติ, เต วิวทมานา ตว สนฺติเก อาคจฺเฉยฺยุํ. กสฺส ตฺวํ, มหาราช, อฏฺฏํ ธาเรยฺยาสี’’ติ? ‘‘ปุริมสฺส ภนฺเต’’ติ. ‘‘กึ การณา’’ติ? ‘‘กิฺจาปิ โส เอวํ วเทยฺย, อปิ จ ตโต เยว สา มหตี นิพฺพตฺตา’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, กิฺจาปิ อฺํ มารณนฺติกํ นามรูปํ, อฺํ ปฏิสนฺธิสฺมึ นามรูปํ, อปิ จ ตโต เยว ตํ นิพฺพตฺตํ, ตสฺมา นปริมุตฺโต ปาปเกหิ กมฺเมหี’’ติ.

‘‘ภิยฺโย โอปมฺมํ กโรหี’’ติ. ‘‘ยถา, มหาราช, โกจิเทว ปุริโส โคปาลกสฺส หตฺถโต ขีรฆฏํ กิณิตฺวา ตสฺเสว หตฺเถ นิกฺขิปิตฺวา ปกฺกเมยฺย ‘สฺเว คเหตฺวา คมิสฺสามี’ติ, ตํ อปรชฺชุ ทธิ สมฺปชฺเชยฺย. โส อาคนฺตฺวา เอวํ วเทยฺย ‘เทหิ เม ขีรฆฏ’นฺติ. โส ทธึ ทสฺเสยฺย. อิตโร เอวํ วเทยฺย ‘นาหํ ตว หตฺถโต ทธึ กิณามิ, เทหิ เม ขีรฆฏ’นฺติ. โส เอวํ วเทยฺย ‘อชานโต เต ขีรํ ทธิภูต’นฺติ เต วิวทมานา ตว สนฺติเก อาคจฺเฉยฺยุํ, กสฺส ตฺวํ มหาราช, อฏฺฏํ ธาเรยฺยาสี’’ติ? ‘‘โคปาลกสฺส ภนฺเต’’ติ. ‘‘กึ การณา’’ติ? ‘‘กิฺจาปิ โส เอวํ วเทยฺย, อปิ จ ตโต เยว ตํ นิพฺพตฺต’’นฺติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, กิฺจาปิ อฺํ มารณนฺติกํ นามรูปํ, อฺํ ปฏิสนฺธิสฺมึ นามรูปํ, อปิ จ ตโต เยว ตํ นิพฺพตฺตํ, ตสฺมา น ปริมุตฺโต ปาปเกหิ กมฺเมหี’’ติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

นามรูปเอกตฺตนานตฺตปฺโห ฉฏฺโ.

๗. เถรปฏิสนฺทหนาปฏิสนฺทหนปฺโห

. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ตฺวํ ปน ปฏิสนฺทหิสฺสสี’’ติ? ‘‘อลํ, มหาราช, กึ เต เตน ปุจฺฉิเตน, นนุ มยา ปฏิกจฺเจว อกฺขาตํ ‘สเจ, มหาราช, สอุปาทาโน ภวิสฺสามิ, ปฏิสนฺทหิสฺสามิ, สเจ อนุปาทาโน ภวิสฺสามิ, น ปฏิสนฺทหิสฺสามี’’’ติ.

‘‘โอปมฺมํ กโรหี’’ติ. ‘‘ยถา, มหาราช, โกจิเทว ปุริโส รฺโ อธิการํ กเรยฺย. ราชา ตุฏฺโ อธิการํ ทเทยฺย, โส เตน อธิกาเรน ปฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิโต สมงฺคิภูโต ปริจเรยฺย, โส เจ ชนสฺส อาโรเจยฺย ‘น เม ราชา กิฺจิ ปฏิกโรตี’ ติ. กึ นุ โข โส, มหาราช, ปุริโส ยุตฺตการี ภเวยฺยา’’ติ? ‘‘น หิ ภนฺเต’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, กึ เต เตน ปุจฺฉิเตน, นนุ มยา ปฏิกจฺเจว อกฺขาตํ ‘สเจ สอุปาทาโน ภวิสฺสามิ, ปฏิสนฺทหิสฺสามิ, สเจ อนุปาทาโน ภวิสฺสามิ, น ปฏิสนฺทหิสฺสามี’’’ติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

เถรปฏิสนฺทหนาปฏิสนฺทหนปฺโห สตฺตโม.

๘. นามรูปปฏิสนฺทหนปฺโห

. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ยํ ปเนตํ พฺรูสิ ‘นามรูป’นฺติ, ตตฺถ กตมํ นามํ, กตมํ รูป’’นฺติ. ‘‘ยํ ตตฺถ, มหาราช, โอฬาริกํ, เอตํ รูปํ, เย ตตฺถ สุขุมา จิตฺตเจตสิกา ธมฺมา, เอตํ นาม’’นฺติ. ‘‘ภนฺเต นาคเสน, เกน การเณน นามํ เยว น ปฏิสนฺทหติ, รูปํ เยว วา’’ติ? ‘‘อฺมฺูปนิสฺสิตา, มหาราช, เอเต ธมฺมา เอกโตว อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ.

‘‘โอปมฺมํ กโรหี’’ติ. ‘‘ยถา, มหาราช, กุกฺกุฏิยา กลลํ น ภเวยฺย, อณฺฑมฺปิ น ภเวยฺย, ยฺจ ตตฺถ กลลํ, ยฺจ อณฺฑํ, อุโภเปเต อฺมฺูปนิสฺสิตา, เอกโตว เนสํ อุปฺปตฺติ โหติ. เอวเมว โข, มหาราช, ยทิ ตตฺถ นามํ น ภเวยฺย, รูปมฺปิ น ภเวยฺย, ยฺเจว ตตฺถ นามํ, ยฺเจว รูปํ, อุโภเปเต อฺมฺูปนิสฺสิตา, เอกโตว เนสํ อุปฺปตฺติ โหติ. เอวเมตํ ทีฆมทฺธานํ สนฺธาวิต’’นฺติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

นามรูปปฏิสนฺทหนปฺโห อฏฺโม.

๙. อทฺธานปฺโห

. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ยํ ปเนตํ พฺรูสิ ‘ทีฆมทฺธาน’นฺติ, กิเมตํ อทฺธานํ นามา’’ติ? ‘‘อตีโต, มหาราช, อทฺธา, อนาคโต อทฺธา, ปจฺจุปฺปนฺโน อทฺธา’’ติ. ‘‘กึ ปน, ภนฺเต, สพฺเพ อทฺธา อตฺถี’’ติ? ‘‘โกจิ, มหาราช, อทฺธา อตฺถิ, โกจิ นตฺถี’’ติ. ‘‘กตโม ปน, ภนฺเต, อตฺถิ, กตโม นตฺถี’’ติ? ‘‘เย เต, มหาราช, สงฺขารา อตีตา วิคตา นิรุทฺธา วิปริณตา, โส อทฺธา นตฺถิ, เย ธมฺมา วิปากา, เย จ วิปากธมฺมธมฺมา, เย จ อฺตฺร ปฏิสนฺธึ เทนฺติ, โส อทฺธา อตฺถิ. เย สตฺตา กาลงฺกตา อฺตฺร อุปฺปนฺนา, โส จ อทฺธา อตฺถิ. เย สตฺตา กาลงฺกตา อฺตฺร อนุปฺปนฺนา, โส อทฺธา นตฺถิ. เย จ สตฺตา ปรินิพฺพุตา, โส จ อทฺธา นตฺถิ ปรินิพฺพุตตฺตา’’ติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

อทฺธานปฺโห นวโม.

อทฺธานวคฺโค ทุติโย.

อิมสฺมึ วคฺเค นว ปฺหา.

๓. วิจารวคฺโค

๑. อทฺธานมูลปฺโห

. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, อตีตสฺส อทฺธานสฺส กึ มูลํ, อนาคตสฺส อทฺธานสฺส กึ มูลํ, ปจฺจุปฺปนฺนสฺส อทฺธานสฺส กึ มูล’’นฺติ? ‘‘อตีตสฺส จ, มหาราช, อทฺธานสฺส อนาคตสฺส จ อทฺธานสฺส ปจฺจุปฺปนฺนสฺส จ อทฺธานสฺส อวิชฺชา มูลํ. อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา, สงฺขารปจฺจยา วิฺาณํ, วิฺาณปจฺจยา นามรูปํ, นามรูปปจฺจยา สฬายตนํ, สฬายตนปจฺจยา ผสฺโส, ผสฺสปจฺจยา เวทนา, เวทนาปจฺจยา ตณฺหา, ตณฺหาปจฺจยา อุปาทานํ, อุปาทานปจฺจยา ภโว, ภวปจฺจยา ชาติ, ชาติปจฺจยา ชรามรณํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา สมฺภวนฺติ. เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส อทฺธานสฺส [ทุกฺขกฺขนฺธสฺส อทฺธานสฺส (สี.)] ปุริมา โกฏิ น ปฺายตี’’ติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

อทฺธานมูลปฺโห ปโม.

๒. ปุริมโกฏิปฺโห

. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ยํ ปเนตํ พฺรูสิ ‘ปุริมา โกฏิ น ปฺายตี’ติ, ตสฺส โอปมฺมํ กโรหี’’ติ. ‘‘ยถา, มหาราช, ปุริโส ปริตฺตํ [ปริปกฺกํ (ก.)] พีชํ ปถวิยํ นิกฺขิเปยฺย, ตโต องฺกุโร อุฏฺหิตฺวา อนุปุพฺเพน วุฑฺฒึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ อาปชฺชิตฺวา ผลํ ทเทยฺย. ตโต พีชํ คเหตฺวา ปุน โรเปยฺย, ตโตปิ องฺกุโร อุฏฺหิตฺวา อนุปุพฺเพน วุฑฺฒึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ อาปชฺชิตฺวา ผลํ ทเทยฺย. เอวเมติสฺสา สนฺตติยา อตฺถิ อนฺโต’’ติ? ‘‘นตฺถิ ภนฺเต’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, อทฺธานสฺสาปิ ปุริมา โกฏิ น ปฺายตี’’ติ.

‘‘ภิยฺโย โอปมฺมํ กโรหี’’ติ. ‘‘ยถา, มหาราช, กุกฺกุฏิยา อณฺฑํ ภเวยฺย, อณฺฑโต กุกฺกุฏี กุกฺกุฏิยา อณฺฑนฺติ. เอวเมติสฺสา สนฺตติยา อตฺถิ อนฺโต’’ติ? ‘‘นตฺถิ ภนฺเต’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, อทฺธานสฺสาปิ ปุริมา โกฏิ น ปฺายตี’’ติ.

‘‘ภิยฺโย โอปมฺมํ กโรหี’’ติ. เถโร ปถวิยา จกฺกํ ลิขิตฺวา มิลินฺทํ ราชานํ เอตทโวจ ‘‘อตฺถิ, มหาราช, อิมสฺส จกฺกสฺส อนฺโต’’ติ? ‘‘นตฺถิ ภนฺเต’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, อิมานิ จกฺกานิ วุตฺตานิ ภควตา ‘จกฺขุฺจ ปฏิจฺจ รูเป จ อุปฺปชฺชติ จกฺขุวิฺาณํ, ติณฺณํ สงฺคติ ผสฺโส, ผสฺสปจฺจยา เวทนา, เวทนาปจฺจยา ตณฺหา, ตณฺหาปจฺจยา อุปาทานํ, อุปาทานปจฺจยา กมฺมํ, กมฺมโต ปุน จกฺขุํ ชายตี’ติ. เอวเมติสฺสา สนฺตติยา อตฺถิ อนฺโต’’ติ? ‘‘นตฺถิ ภนฺเต’’ติ.

‘‘‘โสตฺจ ปฏิจฺจ สทฺเท จ…เป… มนฺจ ปฏิจฺจ ธมฺเม จ อุปฺปชฺชติ มโนวิฺาณํ, ติณฺณํ สงฺคติ ผสฺโส, ผสฺสปจฺจยา เวทนา, เวทนาปจฺจยา ตณฺหา, ตณฺหาปจฺจยา อุปาทานํ, อุปาทานปจฺจยา กมฺมํ, กมฺมโต ปุน มโน ชายตี’ติ. เอวเมติสฺสา สนฺตติยา อตฺถิ อนฺโต’’ติ? ‘‘นตฺถิ ภนฺเต’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, อทฺธานสฺสาปิ ปุริมา โกฏิ น ปฺายตี’’ติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

ปุริมโกฏิปฺโห ทุติโย.

๓. โกฏิปฺายนปฺโห

. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ยํ ปเนตํ พฺรูสิ ‘ปุริมา โกฏิ น ปฺายตี’ติ, กตมา จ สา ปุริมา โกฏี’’ติ? ‘‘โย โข, มหาราช, อตีโต อทฺธา, เอสา ปุริมา โกฏี’’ติ. ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ยํ ปเนตํ พฺรูสิ ‘ปุริมา โกฏิ น ปฺายตี’ติ, กึ ปน, ภนฺเต, สพฺพาปิ ปุริมา โกฏิ น ปฺายตี’’ติ? ‘‘กาจิ, มหาราช, ปฺายติ, กาจิ น ปฺายตี’’ติ. ‘‘กตมา, ภนฺเต, ปฺายติ, กตมา น ปฺายตี’’ติ? ‘‘อิโต ปุพฺเพ, มหาราช, สพฺเพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพํ อวิชฺชา นาโหสีติ เอสา ปุริมา โกฏิ น ปฺายติ, ยํ อหุตฺวา สมฺโภติ, หุตฺวา ปฏิวิคจฺฉติ, เอสป ปุริมา โกฏิ ปฺายตี’’ติ.

‘‘ภนฺเต นาคเสน, ยํ อหุตฺวา สมฺโภติ, หุตฺวา ปฏิวิคจฺฉติ, นนุ ตํ อุภโต ฉินฺนํ อตฺถํ คจฺฉตี’’ติ? ‘‘ยทิ, มหาราช, อุภโต ฉินฺนํ อตฺถํ คจฺฉติ, อุภโต ฉินฺนา สกฺกา วฑฺเฒตุ’’นฺติ? ‘‘อาม, สาปิ สกฺกา วฑฺเฒตุ’’นฺติ.’’นาหํ, ภนฺเต, เอตํ ปุจฺฉามิ โกฏิโต สกฺกา วฑฺเฒตุ’’นฺติ? ‘‘อาม สกฺกา วฑฺเฒตุ’’นฺติ.

‘‘โอปมฺมํ กโรหี’’ติ. เถโร ตสฺส รุกฺขูปมํ อกาสิ, ขนฺธา จ เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส พีชานี’’ติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

โกฏิปฺายนปฺโห ตติโย.

๔. สงฺขารชายมานปฺโห

. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, อตฺถิ เกจิ สงฺขารา, เย ชายนฺตี’’ติ? ‘‘อาม, มหาราช, อตฺถิ สงฺขารา, เย ชายนฺตี’’ติ. ‘‘กตเม เต, ภนฺเต’’ติ? ‘‘จกฺขุสฺมิฺจ โข, มหาราช, สติ รูเปสุ จ จกฺขุวิฺาณํ โหติ, จกฺขุวิฺาเณ สติ จกฺขุสมฺผสฺโส โหติ, จกฺขุสมฺผสฺเส สติ เวทนา โหติ, เวทนาย สติ ตณฺหา โหติ, ตณฺหาย สติ อุปาทานํ โหติ, อุปาทาเน สติ ภโว โหติ, ภเว สติ ชาติ โหติ, ชาติยา สติ ชรามรณํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา สมฺภวนฺติ, เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุทโย โหติ. จกฺขุสฺมิฺจ โข, มหาราช, อสติ รูเปสุ จ อสติ จกฺขุวิฺาณํ น โหติ, จกฺขุวิฺาเณ อสติ จกฺขุสมฺผสฺโส น โหติ, จกฺขุสมฺผสฺเส อสติ เวทนา น โหติ, เวทนาย อสติ ตณฺหา น โหติ, ตณฺหาย อสติ อุปาทานํ น โหติ, อุปาทาเน อสติ ภโว น โหติ, ภเว อสติ ชาติ น โหติ, ชาติยา อสติ ชรามรณํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา น โหนฺติ, เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส นิโรโธ โหตี’’ติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

สงฺขารชายมานปฺโห จตุตฺโถ.

๕. ภวนฺตสงฺขารชายมานปฺโห

. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, อตฺถิ เกจิ สงฺขารา, เย อภวนฺตา ชายนฺตี’’ติ? ‘‘นตฺถิ, มหาราช, เกจิ สงฺขารา, เย อภวนฺตา ชายนฺติ, ภวนฺตา เยว โข, มหาราช, สงฺขารา ชายนฺตี’’ติ.

‘‘โอปมฺมํ กโรหี’’ติ. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, อิทํ เคหํ อภวนฺตํ ชาตํ, ยตฺถ ตฺวํ นิสินฺโนสี’’ติ? ‘‘นตฺถิ กิฺจิ, ภนฺเต, อิธ อภวนฺตํ ชาตํ, ภวนฺตํ เยว ชาตํ, อิมานิ โข, ภนฺเต, ทารูนิ วเน อเหสุํ, อยฺจ มตฺติกา ปถวิยํ อโหสิ, อิตฺถีนฺจ ปุริสานฺจ ตชฺเชน วายาเมน เอวมิทํ เคหํ นิพฺพตฺต’’นฺติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, นตฺถิ เกจิ สงฺขารา, เย อภวนฺตา ชายนฺติ, ภวนฺตา เยว สงฺขารา ชายนฺตี’’ติ.

‘‘ภิยฺโย โอปมฺมํ กโรหี’’ติ. ‘‘ยถา, มหาราช, เย เกจิ พีชคามภูตคามา ปถวิยํ นิกฺขิตฺตา อนุปุพฺเพน วุฑฺฒึ วิรูฬฺหึ เวปุลฺลํ อาปชฺชมานา ปุปฺผานิ จ ผลานิ จ ทเทยฺยุํ, น เต รุกฺขา อภวนฺตา ชาตา, ภวนฺตา เยว เต รุกฺขา ชาตา. เอวเมว โข, มหาราช, นตฺถิ เกจิ สงฺขารา, เย อภวนฺตา ชายนฺติ, ภวนฺตา เยว เต สงฺขารา ชายนฺตี’’ติ.

‘‘ภิยฺโย โอปมฺมํ กโรหี’’ติ. ‘‘ยถา, มหาราช, กุมฺภกาโร ปถวิยา มตฺติกํ อุทฺธริตฺวา นานาภาชนานิ กโรติ, น ตานิ ภาชนานิ อภวนฺตานิ ชาตานิ, ภวนฺตานิ เยว ชาตานิ. เอวเมว โข, มหาราช, นตฺถิ เกจิ สงฺขารา, เย อภวนฺตา ชายนฺติ, ภวนฺตา เยว สงฺขารา ชายนฺตี’’ติ.

‘‘ภิยฺโย โอปมฺมํ กโรหี’’ติ. ‘‘ยถา, มหาราช, วีณาย ปตฺตํ น สิยา, จมฺมํ น สิยา, โทณิ น สิยา, ทณฺโฑ น สิยา, อุปวีโณ น สิยา, ตนฺติโย น สิยุํ, โกโณ น สิยา, ปุริสสฺส จ ตชฺโช วายาโม น สิยา, ชาเยยฺย สทฺโท’’ติ? ‘‘น หิ ภนฺเต’’ติ. ‘‘ยโต จ โข, มหาราช, วีณาย ปตฺตํ สิยา, จมฺมํ สิยา, โทณิ สิยา, ทณฺโฑ สิยา, อุปวีโณ สิยา, ตนฺติโย สิยุํ, โกโณ สิยา, ปุริสสฺส จ ตชฺโช วายาโม สิยา, ชาเยยฺย สทฺโท’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, ชาเยยฺยา’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, นตฺถิ เกจิ สงฺขารา, เย อภวนฺตา ชายนฺติ, ภวนฺตา เยว โข สงฺขารา ชายนฺตี’’ติ.

‘‘ภิยฺโย โอปมฺมํ กโรหี’’ติ. ‘‘ยถา, มหาราช, อรณิ น สิยา, อรณิโปตโก น สิยา, อรณิโยตฺตกํ น สิยา, อุตฺตรารณิ น สิยา, โจฬกํ น สิยา, ปุริสสฺส จ ตชฺโช วายาโม น สิยา, ชาเยยฺย โส อคฺคี’’ติ? ‘‘น หิ ภนฺเต’’ติ. ‘‘ยโต จ โข, มหาราช, อรณิ สิยา, อรณิโปตโก สิยา, อรณิโยตฺตกํ สิยา, อุตฺตรารณิ สิยา, โจฬกํ สิยา, ปุริสสฺส จ ตชฺโช วายาโม สิยา, ชาเยยฺย โส อคฺคี’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, ชาเยยฺยา’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, นตฺถิ เกจิ สงฺขารา, เย อภวนฺตา ชายนฺติ, ภวนฺตา เยว โข สงฺขารา ชายนฺตี’’ติ.

‘‘ภิยฺโย โอปมฺมํ กโรหี’’ติ. ‘‘ยถา, มหาราช, มณิ น สิยา, อาตโป น สิยา, โคมยํ น สิยา, ชาเยยฺย โส อคฺคี’’ติ? ‘‘น หิ ภนฺเต’’ติ. ‘‘ยโต จ โข, มหาราช, มณิ สิยา, อาตโป สิยา, โคมยํ สิยา, ชาเยยฺย โส อคฺคี’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, ชาเยยฺยา’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, นตฺถิ เกจิ สงฺขารา เย อภวนฺตา ชายนฺติ, ภวนฺตา เยว โข สงฺขารา ชายนฺตี’’ติ.

‘‘ภิยฺโย โอปมฺมํ กโรหี’’ติ. ‘‘ยถา, มหาราช, อาทาโส น สิยา, อาภา น สิยา, มุขํ น สิยา, ชาเยยฺย อตฺตา’’ติ? ‘‘น หิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘ยโต จ โข, มหาราช, อาทาโส สิยา, อาภา สิยา, มุขํ สิยา, ชาเยยฺย อตฺตา’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, ชาเยยฺยา’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, นตฺถิ เกจิ สงฺขารา, เย อภวนฺตา ชายนฺติ, ภวนฺตา เยว โข สงฺขารา ชายนฺตี’’ติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

ภวนฺตสงฺขารชายมานปฺโห ปฺจโม.

๖. เวทคูปฺโห

. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, เวทคู อุปลพฺภตี’’ติ? ‘‘โก ปเนส, มหาราช, เวทคู นามา’’ติ? ‘‘โย, ภนฺเต, อพฺภนฺตเร ชีโว จกฺขุนา รูปํ ปสฺสติ, โสเตน สทฺทํ สุณาติ, ฆาเนน คนฺธํ ฆายติ, ชิวฺหาย รสํ สายติ, กาเยน โผฏฺพฺพํ ผุสติ, มนสา ธมฺมํ วิชานาติ, ยถา มยํ อิธ ปาสาเท นิสินฺนา เยน เยน วาตปาเนน อิจฺเฉยฺยาม ปสฺสิตุํ, เตน เตน วาตปาเนน ปสฺเสยฺยาม, ปุรตฺถิเมนปิ วาตปาเนน ปสฺเสยฺยาม, ปจฺฉิเมนปิ วาตปาเนน ปสฺเสยฺยาม, อุตฺตเรนปิ วาตปาเนน ปสฺเสยฺยาม, ทกฺขิเณนปิ วาตปาเนน ปสฺเสยฺยาม. เอวเมว โข, ภนฺเต, อยํ อพฺภนฺตเร ชีโว เยน เยน ทฺวาเรน อิจฺฉติ ปสฺสิตุํ, เตน เตน ทฺวาเรน ปสฺสตี’’ติ.

เถโร อาห ‘‘ปฺจทฺวารํ, มหาราช, ภณิสฺสามิ, ตํ สุโณหิ, สาธุกํ มนสิกโรหิ, ยทิ อพฺภนฺตเร ชีโว จกฺขุนา รูปํ ปสฺสติ, ยถา มยํ อิธ ปาสาเท นิสินฺนา เยน เยน วาตปาเนน อิจฺเฉยฺยาม ปสฺสิตุํ, เตน เตน วาตปาเนน รูปํ เยว ปสฺเสยฺยาม, ปุรตฺถิเมนปิ วาตปาเนน รูปํ เยว ปสฺเสยฺยาม, ปจฺฉิเมนปิ วาตปาเนน รูปํ เยว ปสฺเสยฺยาม, อุตฺตเรนปิ วาตปาเนน รูปํ เยว ปสฺเสยฺยาม, ทกฺขิเณนปิ วาตปาเนน รูปํ เยว ปสฺเสยฺยาม, เอวเมเตน อพฺภนฺตเร ชีเวน โสเตนปิ รูปํ เยว ปสฺสิตพฺพํ, ฆาเนนปิ รูปํ เยว ปสฺสิตพฺพํ, ชิวฺหายปิ รูปํ เยว ปสฺสิตพฺพํ, กาเยนปิ รูปํ เยว ปสฺสิตพฺพํ, มนสาปิ รูปํ เยว ปสฺสิตพฺพํ; จกฺขุนาปิ สทฺโท เยว โสตพฺโพ, ฆาเนนปิ สทฺโท เยว โสตพฺโพ, ชิวฺหายปิ สทฺโท เยว โสตพฺโพ, กาเยนปิ สทฺโท เยว โสตพฺโพ, มนสาปิ สทฺโท เยว โสตพฺโพ; จกฺขุนาปิ คนฺโธ เยว ฆายิตพฺโพ, โสเตนปิ คนฺโธ เยว ฆายิตพฺโพ, ชิวฺหายปิ คนฺโธ เยว ฆายิตพฺโพ, กาเยนปิ คนฺโธ เยว ฆายิตพฺโพ, มนสาปิ คนฺโธ เยว ฆายิตพฺโพ; จกฺขุนาปิ รโส เยว สายิตพฺโพ, โสเตนปิ รโส เยว สายิตพฺโพ, ฆาเนนปิ รโส เยว สายิตพฺโพ, กาเยนปิ รโส เยว สายิตพฺโพ, มนสาปิ รโส เยว สายิตพฺโพ; จกฺขุนาปิ โผฏฺพฺพํ เยว ผุสิตพฺพํ, โสเตนปิ โผฏฺพฺพํ เยว ผุสิตพฺพํ, ฆาเนนปิ โผฏฺพฺพํ เยว ผุสิตพฺพํ, ชิวฺหายปิ โผฏฺพฺพํ เยว ผุสิตพฺพํ, มนสาปิ โผฏฺพฺพํ เยว ผุสิตพฺพํ; จกฺขุนาปิ ธมฺมํ เยว วิชานิตพฺพํ, โสเตนปิ ธมฺมํ เยว วิชานิตพฺพํ, ฆาเนนปิ ธมฺมํ เยว วิชานิตพฺพํ, ชิวฺหายปิ ธมฺมํ เยว วิชานิตพฺพํ, กาเยนปิ ธมฺมํ เยว วิชานิตพฺพ’’นฺติ? ‘‘น หิ ภนฺเต’’ติ.

‘‘น โข เต, มหาราช, ยุชฺชติ ปุริเมน วา ปจฺฉิมํ, ปจฺฉิเมน วา ปุริมํ, ยถา วา ปน, มหาราช, มยํ อิธ ปาสาเท นิสินฺนา อิเมสุ ชาลวาตปาเนสุ อุคฺฆาฏิเตสุ มหนฺเตน อากาเสน พหิมุขา สุฏฺุตรํ รูปํ ปสฺสาม, เอวเมเตน อพฺภนฺตเร ชีเวนาปิ จกฺขุทฺวาเรสุ อุคฺฆาฏิเตสุ มหนฺเตน อากาเสน สุฏฺุตรํ รูปํ ปสฺสิตพฺพํ, โสเตสุ อุคฺฆาฏิเตสุ…เป… ฆาเน อุคฺฆาฏิเต…เป… ชิวฺหาย อุคฺฆาฏิตาย…เป… กาเย อุคฺฆาฏิเต มหนฺเตน อากาเสน สุฏฺุตรํ สทฺโท โสตพฺโพ, คนฺโธ ฆายิตพฺโพ, รโส สายิตพฺโพ, โผฏฺพฺโพ ผุสิตพฺโพ’’ติ? ‘‘น หิ ภนฺเต’’ติ.

‘‘น โข เต, มหาราช, ยุชฺชติ ปุริเมน วา ปจฺฉิมํ, ปจฺฉิเมน วา ปุริมํ, ยถา วา ปน, มหาราช, อยํ ทินฺโน นิกฺขมิตฺวา พหิทฺวารโกฏฺเก ติฏฺเยฺย, ชานาสิ ตฺวํ, มหาราช, ‘อยํ ทินฺโน นิกฺขมิตฺวา พหิทฺวารโกฏฺเก ิโต’’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, ชานามี’’ติ. ‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, อยํ ทินฺโน อนฺโต ปวิสิตฺวา ตว ปุรโต ติฏฺเยฺย, ชานาสิ ตฺวํ, มหาราช, ‘อยํ ทินฺโน อนฺโต ปวิสิตฺวา มม ปุรโต ิโต’’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, ชานามี’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, อพฺภนฺตเร โส ชีโว ชิวฺหาย รเส นิกฺขิตฺเต ชาเนยฺย อมฺพิลตฺตํ วา ลวณตฺตํ วา ติตฺตกตฺตํ วา กฏุกตฺตํ วา กสายตฺตํ วา มธุรตฺตํ วา’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, ชาเนยฺยา’’ติ. ‘‘เต รเส อนฺโต ปวิฏฺเ ชาเนยฺย อมฺพิลตฺตํ วา ลวณตฺตํ วา ติตฺตกตฺตํ วา กฏุกตฺตํ วา กสายตฺตํ วา มธุรตฺตํ วา’’ติ. ‘‘น หิ ภนฺเต’’ติ.

‘‘น โข เต, มหาราช, ยุชฺชติ ปุริเมน วา ปจฺฉิมํ, ปจฺฉิเมน วา ปุริมํ, ยถา, มหาราช, โกจิเทว ปุริโส มธุฆฏสตํ อาหราเปตฺวา มธุโทณึ ปูราเปตฺวา ปุริสสฺส มุขํ ปิทหิตฺวา [ปิทหิตฺวาว (ก.)] มธุโทณิยา ปกฺขิเปยฺย, ชาเนยฺย, มหาราช, โส ปุริโส มธุํ สมฺปนฺนํ วา น สมฺปนฺนํ วา’’ติ? ‘‘น หิ ภนฺเต’’ติ. ‘‘เกน การเณนา’’ติ. ‘‘น หิ ตสฺส, ภนฺเต, มุเข มธุ ปวิฏฺ’’นฺติ.

‘‘น โข เต, มหาราช, ยุชฺชติ ปุริเมน วา ปจฺฉิมํ, ปจฺฉิเมน วา ปุริม’’นฺติ. ‘‘นาหํ ปฏิพโล ตยา วาทินา สทฺธึ สลฺลปิตุํ; สาธุ, ภนฺเต, อตฺถํ ชปฺเปหี’’ติ.

เถโร อภิธมฺมสํยุตฺตาย กถาย ราชานํ มิลินฺทํ สฺาเปสิ – ‘‘อิธ, มหาราช, จกฺขุฺจ ปฏิจฺจ รูเป จ อุปฺปชฺชติ จกฺขุวิฺาณํ, ตํสหชาตา ผสฺโส เวทนา สฺา เจตนา เอกคฺคตา ชีวิตินฺทฺริยํ มนสิกาโรติ เอวเมเต ธมฺมา ปจฺจยโต ชายนฺติ, น เหตฺถ เวทคู อุปลพฺภติ, โสตฺจ ปฏิจฺจ สทฺเท จ…เป… มนฺจ ปฏิจฺจ ธมฺเม จ อุปฺปชฺชติ มโนวิฺาณํ, ตํสหชาตา ผสฺโส เวทนา สฺา เจตนา เอกคฺคตา ชีวิตินฺทฺริยํ มนสิกาโรติ เอวเมเต ธมฺมา ปจฺจยโต ชายนฺติ, น เหตฺถ เวทคู อุปลพฺภตี’’ติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

เวทคูปฺโห ฉฏฺโ.

๗. จกฺขุวิฺาณาทิปฺโห

. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ยตฺถ จกฺขุวิฺาณํ อุปฺปชฺชติ, ตตฺถ มโนวิฺาณมฺปิ อุปฺปชฺชตี’’ติ? ‘‘อาม, มหาราช, ยตฺถ จกฺขุวิฺาณํ อุปฺปชฺชติ, ตตฺถ มโนวิฺาณมฺปิ อุปฺปชฺชตี’’ติ.

‘‘กึ นุ โข, ภนฺเต นาคเสน, ปมํ จกฺขุวิฺาณํ อุปฺปชฺชติ, ปจฺฉา มโนวิฺาณํ, อุทาหุ มโนวิฺาณํ ปมํ อุปฺปชฺชติ, ปจฺฉา จกฺขุวิฺาณ’’นฺติ? ‘‘ปมํ, มหาราช, จกฺขุวิฺาณํ อุปฺปชฺชติ, ปจฺฉา มโนวิฺาณ’’นฺติ.

‘‘กึ นุ โข, ภนฺเต นาคเสน, จกฺขุวิฺาณํ มโนวิฺาณํ อาณาเปติ ‘ยตฺถาหํ อุปฺปชฺชามิ, ตฺวมฺปิ ตตฺถ อุปฺปชฺชาหี’ติ, อุทาหุ มโนวิฺาณํ จกฺขุวิฺาณํ อาณาเปติ ‘ยตฺถ ตฺวํ อุปฺปชฺชิสฺสสิ, อหมฺปิ ตตฺถ อุปฺปชฺชิสฺสามี’’’ติ? ‘‘น หิ, มหาราช, อนาลาโป เตสํ อฺมฺเหี’’ติ.

‘‘กถํ, ภนฺเต นาคเสน, ยตฺถ จกฺขุวิฺาณํ อุปฺปชฺชติ, ตตฺถ มโนวิฺาณมฺปิ อุปฺปชฺชตี’’ติ? ‘‘นินฺนตฺตา จ, มหาราช, ทฺวารตฺตา จ จิณฺณตฺตา จ สมุทาจริตตฺตา จา’’ติ.

‘‘กถํ, ภนฺเต นาคเสน, นินฺนตฺตา ยตฺถ จกฺขุวิฺาณํ อุปฺปชฺชติ, ตตฺถ มโนวิฺาณมฺปิ อุปฺปชฺชติ? โอปมฺมํ กโรหี’’ติ. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, เทเว วสฺสนฺเต กตเมน อุทกํ คจฺเฉยฺยา’’ติ? ‘‘เยน, ภนฺเต, นินฺนํ, เตน คจฺเฉยฺยา’’ติ. ‘‘อถาปเรน สมเยน เทโว วสฺเสยฺย, กตเมน ตํ อุทกํ คจฺเฉยฺยา’’ติ. ‘‘เยน, ภนฺเต, ปุริมํ อุทกํ คตํ, ตมฺปิ เตน คจฺเฉยฺยา’’ติ.

‘‘กึ นุํ โข, มหาราช, ปุริมํ อุทกํ ปจฺฉิมํ อุทกํ อาณาเปติ ‘เยนาหํ คจฺฉามิ, ตฺวมฺปิ เตน คจฺฉาหี’ติ, ปจฺฉิมํ วา อุทกํ ปุริมํ อุทกํ อาณาเปติ ‘เยน ตฺวํ คจฺฉิสฺสสิ, อหมฺปิ เตน คจฺฉิสฺสามี’’’ติ. ‘‘น หิ, ภนฺเต, อนาลาโป เตสํ อฺมฺเหิ, นินฺนตฺตา คจฺฉนฺตี’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, นินฺนตฺตา ยตฺถ จกฺขุวิฺาณํ อุปฺปชฺชติ, ตตฺถ มโนวิฺาณมฺปิ อุปฺปชฺชติ, น จกฺขุวิฺาณํ มโนวิฺาณํ อาณาเปติ ‘ยตฺถาหํ อุปฺปชฺชามิ, ตฺวมฺปิ ตตฺถ อุปฺปชฺชาหี’ติ, นาปิ มโนวิฺาณํ จกฺขุวิฺาณํ อาณาเปติ ‘ยตฺถ ตฺวํ อุปฺปชฺชิสฺสสิ, อหมฺปิ ตตฺถ อุปฺปชฺชิสฺสามี’ติ, อนาลาโป เตสํ อฺมฺเหิ, นินฺนตฺตา อุปฺปชฺชนฺตี’’’ติ.

‘‘กถํ, ภนฺเต นาคเสน, ทฺวารตฺตา ยตฺถ จกฺขุวิฺาณํ อุปฺปชฺชติ, ตตฺถ มโนวิฺาณมฺปิ อุปฺปชฺชติ? อเปปมฺมํ กโรหี’’ติ. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, รฺโ ปจฺจนฺติมํ นครํ อสฺส ทฬฺหปาการโตรณํ เอกทฺวารํ, ตโต ปุริโส นิกฺขมิตุกาโม ภเวยฺย, กตเมน นิกฺขเมยฺยา’’ติ? ‘‘ทฺวาเรน, ภนฺเต, นิกฺขเมยฺยา’’ติ. ‘‘อถาปโร ปุริโส นิกฺขมิตุกาโม ภเวยฺย, กตเมน โส นิกฺขเมยฺยา’’ติ? ‘‘เยน, ภนฺเต, ปุริโม ปุริโส นิกฺขนฺโต, โสปิ เตน นิกฺขเมยฺยา’’ติ.

‘‘กึ นุ โข, มหาราช, ปุริโม ปุริโส ปจฺฉิมํ ปุริสํ อาณาเปติ ‘เยนาหํ คจฺฉามิ, ตฺวมฺปิ เตน คจฺฉาหี’ติ, ปจฺฉิโม วา ปุริโส ปุริมํ ปุริสํ อาณาเปติ ‘เยน ตฺวํ คจฺฉิสฺสสิ, อหมฺปิ เตน คจฺฉิสฺสามี’ติ. ‘‘น หิ, ภนฺเต, อนาลาโป เตสํ อฺมฺเหิ, ทฺวารตฺตา คจฺฉนฺตี’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, ทฺวารตฺตา ยตฺถ จกฺขุวิฺาณํ อุปฺปชฺชติ, ตตฺถ มโนวิฺาณมฺปิ อุปฺปชฺชติ, น จกฺขุวิฺาณํ มโนวิฺาณํ อาณาเปติ ‘ยตฺถาหํ อุปฺปชฺชามิ, ตฺวมฺปิ ตตฺถ อุปฺปชฺชาหี’ติ, นาปิ มโนวิฺาณํ จกฺขุวิฺาณํ อาณาเปติ ‘ยตฺถ ตฺวํ อุปฺปชฺชิสฺสสิ, อหมฺปิ ตตฺถ อุปฺปชฺชิสฺสามี’ติ, อนาลาโป เตสํ อฺมฺเหิ, ทฺวารตฺตา อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ.

‘‘กถํ, ภนฺเต นาคเสน, จิณฺณตฺตา ยตฺถ จกฺขุวิฺาณํ อุปฺปชฺชติ, ตตฺถ มโนวิฺาณมฺปิ อุปฺปชฺชติ?โอปมฺมํ กโรหี’’ติ. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, ปมํ เอกํ สกฏํ คจฺเฉยฺย, อถ ทุติยํ สกฏํ กตเมน คจฺเฉยฺยา’’ติ? ‘‘เยน, ภนฺเต, ปุริมํ สกฏํ คตํ, ตมฺปิ เตน คจฺเฉยฺยา’’ติ.

‘‘กึ นุ โข, มหาราช, ปุริมํ สกฏํ ปจฺฉิมํ สกฏํ อาณาเปติ ‘เยนาหํ คจฺฉามิ, ตฺวมฺปิ เตน คจฺฉาหี’ติ, ปจฺฉิมํ วา สกฏํ ปุริมํ สกฏํ อาณาเปติ ‘เยน ตฺวํ คจฺฉิสฺสสิ, อหมฺปิ เตน คจฺฉิสฺสามี’’’ติ. ‘‘น หิ, ภนฺเต, อนาลาโป เตสํ อฺมฺเหิ, จิณฺณตฺตา คจฺฉนฺตี’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, จิณฺณตฺตา ยตฺถ จกฺขุวิฺาณํ อุปฺปชฺชติ, ตตฺถ มโนวิฺาณมฺปิ อุปฺปชฺชติ, น จกฺขุวิฺาณํ มโนวิฺาณํ อาณาเปติ ‘ยตฺถาหํ อุปฺปชฺชามิ, ตฺวมฺปิ ตตฺถ อุปฺปชฺชาหี’ติ, นาปิ มโนวิฺาณํ จกฺขุวิฺาณํ อาณาเปติ ‘ยตฺถ ตฺวํ อุปฺปชฺชิสฺสสิ, อหมฺปิ ตตฺถ อุปฺปชฺชิสฺสามี’ติ, อนาลาโป เตสํ อฺมฺเหิ, จิณฺณตฺตา อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ.

‘‘กถํ, ภนฺเต นาคเสน, สมุทาจริตตฺตา ยตฺถ จกฺขุวิฺาณํ อุปฺปชฺชติ, ตตฺถ มโนวิฺาณมฺปิ อุปฺปชฺชติ? โอปมฺมํ กโรหี’’ติ. ‘‘ยถา, มหาราช, มุทฺทาคณนาสงฺขฺยาเลขาสิปฺปฏฺาเนสุ อาทิกมฺมิกสฺส ทนฺธายนา ภวติ, อถาปเรน สมเยน นิสมฺมกิริยาย สมุทาจริตตฺตา อทนฺธายนา ภวติ. เอวเมว โข, มหาราช, สมุทาจริตตฺตา ยตฺถ จกฺขุวิฺาณํ อุปฺปชฺชติ, ตตฺถ มโนวิฺาณมฺปิ อุปฺปชฺชติ, น จกฺขุวิฺาณํ มโนวิฺาณํ อาณาเปติ ‘ยตฺถาหํ อุปฺปชฺชามิ, ตฺวมฺปิ ตตฺถ อุปฺปชฺชาหี’ติ, นาปิ มโนวิฺาณํ จกฺขุวิฺาณํ อาณาเปติ ‘ยตฺถ ตฺวํ อุปฺปชฺชิสฺสสิ, อหมฺปิ ตตฺถ อุปฺปชฺชิสฺสามี’ติ, อนาลาโป เตสํ อฺมฺเหิ, สมุทาจริตตฺตา อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ.

‘‘ภนฺเต นาคเสน, ยตฺถ โสตวิฺาณํ อุปฺปชฺชติ, ตตฺถ มโนวิฺาณมฺปิ อุปฺปชฺชตีติ…เป… ยตฺถ ฆานวิฺาณํ อุปฺปชฺชติ…เป… ยตฺถ ชิวฺหาวิฺาณํ อุปฺปชฺชติ …เป… ยตฺถ กายวิฺาณํ อุปฺปชฺชติ, ตตฺถ มโนวิฺาณมฺปิ อุปฺปชฺชตี’’ติ? ‘‘อาม, มหาราช, ยตฺถ กายวิฺาณํ อุปฺปชฺชติ, ตตฺถ มโนวิฺาณมฺปิ อุปฺปชฺชตี’’ติ.

‘‘กึ นุ โข, ภนฺเต นาคเสน, ปมํ กายวิฺาณํ อุปฺปชฺชติ, ปจฺฉา มโนวิฺาณํ, อุทาหุ มโนวิฺาณํ ปมํ อุปฺปชฺชติ, ปจฺฉา กายวิฺาณ’’นฺติ? ‘‘กายวิฺาณํ, มหาราช, ปมํ อุปฺปชฺชติ, ปจฺฉา มโนวิฺาณ’’นฺติ.

‘‘กึ นุ โข, ภนฺเต นาคเสน,…เป… อนาลาโป เตสํ อฺมฺเหิ, สมุทาจริตตฺตา อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

จกฺขุวิฺาณาทิปฺโห สตฺตโม.

๘. ผสฺสลกฺขณปฺโห

. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ยตฺถ มโนวิฺาณํ อุปฺปชฺชติ, ผสฺโสปิ เวทนาปิ ตตฺถ อุปฺปชฺชตี’’ติ? ‘‘อาม, มหาราช, ยตฺถ มโนวิฺาณํ อุปฺปชฺชติ, ผสฺโสปิ ตตฺถ อุปฺปชฺชติ, เวทนาปิ ตตฺถ อุปฺปชฺชติ, สฺาปิ ตตฺถ อุปฺปชฺชติ, เจตนาปิ ตตฺถ อุปฺปชฺชติ, วิตกฺโกปิ ตตฺถ อุปฺปชฺชติ, วิจาโรปิ ตตฺถ อุปฺปชฺชติ, สพฺเพปิ ผสฺสปฺปมุขา ธมฺมา ตตฺถ อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ.

‘‘ภนฺเต นาคเสน, กึลกฺขโณ ผสฺโส’’ติ? ‘‘ผุสนลกฺขโณ, มหาราช, ผสฺโส’’ติ.

‘‘โอปมฺมํ กโรหี’’ติ. ‘‘ยถา, มหาราช, ทฺเว เมณฺฑา ยุชฺเฌยฺยุํ, เตสุ ยถา เอโก เมณฺโฑ, เอวํ จกฺขุ ทฏฺพฺพํ ยถา ทุติโย เมณฺโฑ, เอวํ รูปํ ทฏฺพฺพํ. ยถา เตสํ สนฺนิปาโต, เอวํ ผสฺโส ทฏฺพฺโพ’’ติ.

‘‘ภิยฺโย โอปมฺมํ กโรหี’’ติ. ‘‘ยถา, มหาราช, ทฺเว ปาณี วชฺเชยฺยุํ, เตสุ ยถา เอโก ปาณิ, เอวํ จกฺขุ ทฏฺพฺพํ. ยถา ทุติโย ปาณิ, เอวํ รูปํ ทฏฺพฺพํ. ยถา เตสํ สนฺนิปาโต, เอวํ ผสฺโส ทฏฺพฺโพ’’ติ.

‘‘ภิยฺโย โอปมฺมํ กโรหี’’ติ. ‘‘ยถา, มหาราช, ทฺเว สมฺมา วชฺเชยฺยุํ, เตสุ ยถา เอโก สมฺโม, เอวํ จกฺขุ ทฏฺพฺพํ. ยถา ทุติโย สมฺโม, เอวํ รูปํ ทฏฺพฺพํ. ยถา เตสํ สนฺนิปาโต, เอวํ ผสฺโส ทฏฺพฺโพ’’ติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

ผสฺสลกฺขณปฺโห อฏฺโม.

๙. เวทนาลกฺขณปฺโห

. ‘‘ภนฺเต นาคเสน, กึลกฺขณา เวทนา’’ติ? ‘‘เวทยิตลกฺขณา, มหาราช, เวทนา อนุภวนลกฺขณา จา’’ติ.

‘‘โอปมฺมํ กโรหี’’ติ. ‘‘ยถา, มหาราช, โกจิเทว ปุริโส รฺโ อธิการํ กเรยฺย, ตสฺส ราชา ตุฏฺโ อธิการํ ทเทยฺย, โส เตน อธิกาเรน ปฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิโต สมงฺคิภูโต ปริจเรยฺย, ตสฺส เอวมสฺส ‘มยา โข ปุพฺเพ รฺโ อธิกาโร กโต, ตสฺส เม ราชา ตุฏฺโ อธิการํ อทาสิ, สฺวาหํ ตโตนิทานํ อิมํ เอวรูปํ เวทนํ เวทยามี’ติ.

‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, โกจิเทว ปุริโส กุสลํ กมฺมํ กตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺเชยฺย, โส จ ตตฺถ ทิพฺเพหิ ปฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิโต สมงฺคิภูโต ปริจเรยฺย, ตสฺส เอวมสฺส ‘สฺวาหํ โข ปุพฺเพ กุสลํ กมฺมํ อกาสึ, โสหํ ตโตนิทานํ อิมํ เอวรูปํ เวทนํ เวทยามี’ติ, เอวํ โข, มหาราช, เวทยิตลกฺขณา เวทนา อนุภวนลกฺขณา จา’’ติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

เวทนาลกฺขณปฺโห นวโม.

๑๐. สฺาลกฺขณปฺโห

๑๐. ‘‘ภนฺเต นาคเสน, กึลกฺขณา สฺา’’ติ? ‘‘สฺชานนลกฺขณา, มหาราช, สฺา. กึ สฺชานาติ? นีลมฺปิ สฺชานาติ, ปีตมฺปิ สฺชานาติ, โลหิตมฺปิ สฺชานาติ, โอทาตมฺปิ สฺชานาติ, มฺชิฏฺมฺปิ [มฺเชฏฺมฺปิ (สี. ปี.)] สฺชานาติ. เอวํ โข, มหาราช, สฺชานนลกฺขณา สฺา’’ติ.

‘‘โอปมฺมํ กโรหี’’ติ. ‘‘ยถา, มหาราช, รฺโ ภณฺฑาคาริโก ภณฺฑาคารํ ปวิสิตฺวา นีลปีตโลหิโตทาตมฺชิฏฺานิ [มฺเชฏฺานิ (สี. ปี.)] ราชโภคานิ รูปานิ ปสฺสิตฺวา สฺชานาติ. เอวํ โข, มหาราช, สฺชานนลกฺขณา สฺา’’ติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

สฺาลกฺขณปฺโห ทสโม.

๑๑. เจตนาลกฺขณปฺโห

๑๑. ‘‘ภนฺเต นาคเสน, กึลกฺขณา เจตนา’’ติ? ‘‘เจตยิตลกฺขณา, มหาราช, เจตนา อภิสงฺขรณลกฺขณา จา’’ติ.

‘‘โอปมฺมํ กโรหี’’ติ. ‘‘ยถา, มหาราช, โกจิเทว ปุริโส วิสํ อภิสงฺขริตฺวา อตฺตนา จ ปิเวยฺย, ปเร จ ปาเยยฺย, โส อตฺตนาปิ ทุกฺขิโต ภเวยฺย, ปเรปิ ทุกฺขิตา ภเวยฺยุํ. เอวเมว โข, มหาราช, อิเธกจฺโจ ปุคฺคโล อกุสลํ กมฺมํ เจตนาย เจตยิตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺเชยฺย. เยปิ ตสฺส อนุสิกฺขนฺติ, เตปิ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคตึ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชนฺติ.

‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, โกจิเทว ปุริโส สปฺปินวนีตเตลมธุผาณิตํ เอกชฺฌํ อภิสงฺขริตฺวา อตฺตนา จ ปิเวยฺย, ปเร จ ปาเยยฺย, โส อตฺตนา สุขิโต ภเวยฺย, ปเรปิ สุขิตา ภเวยฺยุํ. เอวเมว โข, มหาราช, อิเธกจฺโจ ปุคฺคโล กุสลํ กมฺมํ เจตนาย เจตยิตฺวา กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชติ. เยปิ ตสฺส อนุสิกฺขนฺติ, เตปิ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคตึ สคฺคํ โลกํ อุปปชฺชนฺติ. เอวํ โข, มหาราช, เจตยิตลกฺขณา เจตนา อภิสงฺขรณลกฺขณา จา’’ติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

เจตนาลกฺขณปฺโห เอกาทสโม.

๑๒. วิฺาณลกฺขณปฺโห

๑๒. ‘‘ภนฺเต นาคเสน, กึลกฺขณํ วิฺาณ’’นฺติ? ‘‘วิชานนลกฺขณํ, มหาราช, วิฺาณ’’นฺติ.

‘‘โอปมฺมํ กโรหี’’ติ. ‘‘ยถา, มหาราช, นครคุตฺติโก มชฺเฌ นครสิงฺฆาฏเก นิสินฺโน ปสฺเสยฺย ปุรตฺถิมทิสโต ปุริสํ อาคจฺฉนฺตํ, ปสฺเสยฺย ทกฺขิณทิสโต ปุริสํ อาคจฺฉนฺตํ, ปสฺเสยฺย ปจฺฉิมทิสโต ปุริสํ อาคจฺฉนฺตํ, ปสฺเสยฺย อุตฺตรทิสโต ปุริสํ อาคจฺฉนฺตํ. เอวเมว โข, มหาราช, ยฺจ ปุริโส จกฺขุนา รูปํ ปสฺสติ, ตํ วิฺาเณน วิชานาติ. ยฺจ โสเตน สทฺทํ สุณาติ, ตํ วิฺาเณน วิชานาติ. ยฺจ ฆาเนน คนฺธํ ฆายติ, ตํ วิฺาเณน วิชานาติ. ยฺจ ชิวฺหาย รสํ สายติ, ตํ วิฺาเณน วิชานาติ. ยฺจ กาเยน โผฏฺพฺพํ ผุสติ, ตํ วิฺาเณน วิชานาติ, ยฺจ มนสา ธมฺมํ วิชานาติ, ตํ วิฺาเณน วิชานาติ. เอวํ โข, มหาราช, วิชานนลกฺขณํ วิฺาณ’’นฺติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

วิฺาณลกฺขณปฺโห ทฺวาทสโม.

๑๓. วิตกฺกลกฺขณปฺโห

๑๓. ‘‘ภนฺเต นาคเสน, กึลกฺขโณ วิตกฺโก’’ติ? ‘‘อปฺปนาลกฺขโณ มหาราช, วิตกฺโก’’ติ.

‘‘โอปมฺมํ กโรหี’’ติ. ‘‘ยถา, มหาราช, วฑฺฒกี สุปริกมฺมกตํ ทารุํ สนฺธิสฺมึ อปฺเปติ, เอวเมว โข, มหาราช, อปฺปนาลกฺขโณ วิตกฺโก’’ติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

วิตกฺกลกฺขณปฺโห เตรสโม.

๑๔. วิจารลกฺขณปฺโห

๑๔. ‘‘ภนฺเต นาคเสน, กึลกฺขโณ วิจาโร’’ติ? ‘‘อนุมชฺชนลกฺขโณ, มหาราช, วิจาโร’’ติ.

‘‘โอปมฺมํ กโรหี’’ติ. ‘‘ยถา, มหาราช, กํสถาลํ อาโกฏิตํ ปจฺฉา อนุรวติ อนุสนฺทหติ [อนุสทฺทายติ (ก.)], ยถา, มหาราช, อาโกฏนา, เอวํ วิตกฺโก ทฏฺพฺโพ. ยถา อนุรวนา [อนุมชฺชนา (ก.)], เอวํ วิจาโร ทฏฺพฺโพ’’ติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

วิจารลกฺขณปฺโห จุทฺทสโม.

วิจารวคฺโค ตติโย.

อิมสฺมึ วคฺเค จุทฺทส ปฺหา.

๔. นิพฺพานวคฺโค

๑. ผสฺสาทิวินิพฺภุชนปฺโห

. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, สกฺกา อิเมสํ ธมฺมานํ เอกโตภาวคตานํ วินิพฺภุชิตฺวา วินิพฺภุชิตฺวา นานากรณํ ปฺาเปตุํ ‘อยํ ผสฺโส, อยํ เวทนา, อยํ สฺา, อยํ เจตนา, อิทํ วิฺาณํ, อยํ วิตกฺโก, อยํ วิจาโร’ติ’’? ‘‘น สกฺกา, มหาราช, อิเมสํ ธมฺมานํ เอกโตภาวคตานํ วินิพฺภุชิตฺวา วินิพฺภุชิตฺวา นานากรณํ ปฺาเปตุํ ‘อยํ ผสฺโส, อยํ เวทนา, อยํ สฺา, อยํ เจตนา, อิทํ วิฺาณํ, อยํ วิตกฺโก, อยํ วิจาโร’’’ติ.

‘‘โอปมฺมํ กโรหี’’ติ. ‘‘ยถา, มหาราช, รฺโ สูโท อรสํ วา รสํ วา [ยูสํ วา รสํ วา (สี. สฺยา. ปี.)] กเรยฺย, โส ตตฺถ ทธิมฺปิ ปกฺขิเปยฺย, โลณมฺปิ ปกฺขิเปยฺย, สิงฺคิเวรมฺปิ ปกฺขิเปยฺย, ชีรกมฺปิ ปกฺขิเปยฺย, มริจมฺปิ ปกฺขิเปยฺย, อฺานิปิ ปการานิ ปกฺขิเปยฺย, ตเมนํ ราชา เอวํ วเทยฺย, ‘ทธิสฺส เม รสํ อาหร, โลณสฺส เม รสํ อาหร, สิงฺคิเวรสฺส เม รสํ อาหร, ชีรกสฺส เม รสํ อาหร, มริจสฺส เม รสํ อาหร, สพฺเพสํ เม ปกฺขิตฺตานํ รสํ อาหรา’ติ. สกฺกา นุ โข, มหาราช, เตสํ รสานํ เอกโตภาวคตานํ วินิพฺภุชิตฺวา วินิพฺภุชิตฺวา รสํ อาหริตุํ อมฺพิลตฺตํ วา ลวณตฺตํ วา ติตฺตกตฺตํ วา กฏุกตฺตํ วา กสายตฺตํ วา มธุรตฺตํ วา’’ติ? ‘‘น หิ, ภนฺเต, สกฺกา เตสํ รสานํ เอกโตภาวคตานํ วินิพฺภุชิตฺวา วินิพฺภุชิตฺวา รสํ อาหริตุํ อมฺพิลตฺตํ วา ลวณตฺตํ วา ติตฺตกตฺตํ วา กฏุกตฺตํ วา กสายตฺตํ วา มธุรตฺตํ วา, อปิ จ โข ปน สเกน สเกน ลกฺขเณน อุปฏฺหนฺตี’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, น สกฺกา อิเมสํ ธมฺมานํ เอกโตภาวคตานํ วินิพฺภุชิตฺวา วินิพฺภุชิตฺวา นานากรณํ ปฺาเปตุํ ‘อยํ ผสฺโส, อยํ เวทนา, อยํ สฺา, อยํ เจตนา, อิทํ วิฺาณํ, อยํ วิตกฺโก, อยํ วิจาโร’ติ, อปิ จ โข ปน สเกน สเกน ลกฺขเณน อุปฏฺหนฺตี’’ติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

ผสฺสาทิวินิพฺภุชนปฺโห ปโม.

๒. นาคเสนปฺโห

. เถโร อาห ‘‘โลณํ, มหาราช, จกฺขุวิฺเยฺย’’นฺติ. ‘‘อาม, ภนฺเต, จกฺขุวิฺเยฺย’’นฺติ. ‘‘สุฏฺุ โข, มหาราช, ชานาหี’’ติ. ‘‘กึ ปน, ภนฺเต, ชิวฺหาวิฺเยฺย’’นฺติ? ‘‘อาม, มหาราช, ชิวฺหาวิฺเยฺย’’นฺติ. ‘‘กึ ปน, ภนฺเต, สพฺพํ โลณํ ชิวฺหาย วิชานาตี’’ติ? ‘‘อาม, มหาราช, สพฺพํ โลณํ ชิวฺหาย วิชานาติ’’.

‘‘ยทิ, ภนฺเต, สพฺพํ โลณํ ชิวฺหาย วิชานาติ, กิสฺส ปน ตํ สกเฏหิ พลีพทฺทา [พลิพทฺทา (สี. ปี.)] อาหรนฺติ, นนุ โลณเมว อาหริตพฺพ’’นฺติ? ‘‘น สกฺกา, มหาราช, โลณเมว อาหริตุํ เอกโตภาวคตา เอเต ธมฺมา โคจรนานตฺตคตา โลณํ ครุภาโว จาติ. สกฺกา ปน, มหาราช, โลณํ ตุลาย ตุลยิตุ’’นฺติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, สกฺกา’’ติ. ‘‘น สกฺกา, มหาราช, โลณํ ตุลาย ตุลยิตุํ, ครุภาโว ตุลาย ตุลิยตี’’ติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

นาคเสนปฺโห ทุติโย.

๓. ปฺจายตนกมฺมนิพฺพตฺตปฺโห

. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ยานิมานิ ปฺจายตนานิ, กึ นุ ตานิ นานากมฺเมหิ นิพฺพตฺตานิ, อุทาหุ เอเกน กมฺเมนา’’ติ? ‘‘นานากมฺเมหิ, มหาราช, นิพฺพตฺตานิ, น เอเกน กมฺเมนา’’ติ.

‘‘โอปมฺมํ กโรหี’’ติ. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, เอกสฺมึ เขตฺเต นานาพีชานิ วปฺเปยฺยุํ, เตสํ นานาพีชานํ นานาผลานิ นิพฺพตฺเตยฺยุ’’นฺติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, นิพฺพตฺเตยฺยุ’’นฺติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, ยานิ ยานิ ปฺจายตนานิ, ตานิ ตานิ นานากมฺเมหิ นิพฺพตฺตานิ, น เอเกน กมฺเมนา’’ติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

ปฺจายตนกมฺมนิพฺพตฺตปฺโห ตติโย.

๔. กมฺมนานากรณปฺโห

. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, เกน การเณน มนุสฺสา น สพฺเพ สมกา, อฺเ อปฺปายุกา, อฺเ ทีฆายุกา, อฺเ พหฺวาพาธา อฺเ อปฺปาพาธา, อฺเ ทุพฺพณฺณา, อฺเ วณฺณวนฺโต, อฺเ อปฺเปสกฺขา, อฺเ มเหสกฺขา, อฺเ อปฺปโภคา, อฺเ มหาโภคา, อฺเ นีจกุลีนา, อฺเ มหากุลีนา, อฺเ ทุปฺปฺา, อฺเ ปฺวนฺโต’’ติ?

เถโร อาห ‘‘กิสฺส ปน, มหาราช, รุกฺขา น สพฺเพ สมกา, อฺเ อมฺพิลา, อฺเ ลวณา, อฺเ ติตฺตกา, อฺเ กฏุกา, อฺเ กสาวา, อฺเ มธุรา’’ติ? ‘‘มฺามิ, ภนฺเต, พีชานํ นานากรเณนา’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, กมฺมานํ นานากรเณน มนุสฺสา น สพฺเพ สมกา, อฺเ อปฺปายุกา, อฺเ ทีฆายุกา, อฺเ พหฺวาพาธา, อฺเ อปฺปาพาธา, อฺเ ทุพฺพณฺณา, อฺเ วณฺณวนฺโต, อฺเ อปฺเปสกฺขา, อฺเ มเหสกฺขา, อฺเ อปฺปโภคา, อฺเ มหาโภคา, อฺเ นีจกุลีนา, อฺเ มหากุลีนา, อฺเ ทุปฺปฺา, อฺเ ปฺวนฺโต. ภาสิตมฺเปตํ มหาราช ภควตา – ‘กมฺมสฺสกา, มาณว, สตฺตา กมฺมทายาทา กมฺมโยนี กมฺมพนฺธู กมฺมปฺปฏิสรณา, กมฺมํ สตฺเต วิภชติ ยทิทํ หีนปฺปณีตตายา’’’ติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

กมฺมนานากรณปฺโห จตุตฺโถ.

๕. วายามกรณปฺโห

. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ตุมฺเห ภณถ ‘กินฺติ อิมํ ทุกฺขํ นิรุชฺเฌยฺย, อฺฺจ ทุกฺขํ นุปฺปชฺเชยฺยา’ติ. เอตทตฺถา, มหาราช, อมฺหากํ ปพฺพชฺชา’’ติ. ‘‘กึ ปฏิกจฺเจว วายมิเตน, นนุ สมฺปตฺเต กาเล วายมิตพฺพ’’นฺติ? เถโร อาห ‘‘สมฺปตฺเต กาเล, มหาราช, วายาโม อกิจฺจกโร ภวติ, ปฏิกจฺเจว วายาโม กิจฺจกโร ภวตี’’ติ.

‘‘โอปมฺมํ กโรหี’’ติ. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, ยทา ตฺวํ ปิปาสิโต ภเวยฺยาสิ, ตทา ตฺวํ อุทปานํ ขณาเปยฺยาสิ, ตฬากํ ขณาเปยฺยาสิ ‘ปานียํ ปิวิสฺสามี’ติ? ‘‘น หิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, สมฺปตฺเต กาเล วายาโม อกิจฺจกโร ภวติ, ปฏิกจฺเจว วายาโม กิจฺจกโร ภวตี’’ติ.

‘‘ภิยฺโย โอปมฺมํ กโรหี’’ติ. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, ยทา ตฺวํ พุภุกฺขิโต ภเวยฺยาสิ, ตทา ตฺวํ เขตฺตํ กสาเปยฺยาสิ, สาลึ โรปาเปยฺยาสิ, ธฺํ อติหราเปยฺยาสิ ‘ภตฺตํ ภุฺชิสฺสามี’ติ? ‘‘น หิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, สมฺปตฺเต กาเล วายาโม อกิจฺจกโร ภวติ, ปฏิกจฺเจว วายาโม กิจฺจกโร ภวตีติ.

‘‘ภิยฺโย โอปมฺมํ กโรหี’’ติ. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, ยทา เต สงฺคาโม ปจฺจุปฏฺิโต ภเวยฺย, ตทา ตฺวํ ปริขํ ขณาเปยฺยาสิ, ปาการํ การาเปยฺยาสิ, โคปุรํ การาเปยฺยาสิ, อฏฺฏาลกํ การาเปยฺยาสิ, ธฺํ อติหราเปยฺยาสิ, ตทา ตฺวํ หตฺถิสฺมึ สิกฺเขยฺยาสิ, อสฺสสฺมึ สิกฺเขยฺยาสิ, รถสฺมึ สิกฺเขยฺยาสิ, ธนุสฺมึ สิกฺเขยฺยาสิ, ถรุสฺมึ สิกฺเขยฺยาสี’’ติ? ‘‘น หิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, สมฺปตฺเต กาเล วายาโม อกิจฺจกโร ภวติ, ปฏิกจฺเจว วายาโม กิจฺจกโร ภวติ. ภาสิตมฺเปตํ มหาราช ภควตา –

‘‘‘ปฏิกจฺเจว ตํ กยิรา, ยํ ชฺา หิตมตฺตโน;

น สากฏิกจินฺตาย, มนฺตา ธีโร ปรกฺกเม.

‘‘‘ยถา สากฏิโก มฏฺํ [นาม (สี. ปี. ก.) สํ. นิ. ๑.๑๐๓], สมํ หิตฺวา มหาปถํ;

วิสมํ มคฺคมารุยฺห, อกฺขจฺฉินฺโนว ฌายติ.

‘‘‘เอวํ ธมฺมา อปกฺกมฺม, อธมฺมมนุวตฺติย;

มนฺโท มจฺจุ มุขํ ปตฺโต, อกฺขจฺฉินฺโนว ฌายตี’’’ติ [โสจตีติ (สพฺพตฺถ)].

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

วายามกรณปฺโห ปฺจโม.

๖. เนรยิกคฺคิอุณฺหภาวปฺโห

. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ตุมฺเห ภณถ ‘ปากติกอคฺคิโต เนรยิโก อคฺคิ มหาภิตาปตโร โหติ, ขุทฺทโกปิ ปาสาโณ ปากติเก อคฺคิมฺหิ ปกฺขิตฺโต ทิวสมฺปิ ปจฺจมาโน [ธมมาโน (สี. ปี.)] น วิลยํ คจฺฉติ, กูฏาคารมตฺโตปิ ปาสาโณ เนรยิกคฺคิมฺหิ ปกฺขิตฺโต ขเณน วิลยํ คจฺฉตี’ติ, เอตํ วจนํ น สทฺทหามิ, เอวฺจ ปน วเทถ ‘เย จ ตตฺถ อุปฺปนฺนา สตฺตา, เต อเนกานิปิ วสฺสสหสฺสานิ นิรเย ปจฺจมานา น วิลยํ คจฺฉนฺตี’ติ, ตมฺปิ วจนํ น สทฺทหามี’’ติ.

เถโร อาห ‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, ยา ตา สนฺติ มกรินิโยปิ สุสุมารินิโยปิ กจฺฉปินิโยปิ โมรินิโยปิ กโปตินิโยปิ, กึนุ ตา กกฺขฬานิ ปาสาณานิ สกฺขราโย จ ขาทนฺตี’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, ขาทนฺตี’’ติ. ‘‘กึ ปน ตานิ ตาสํ กุจฺฉิยํ โกฏฺพฺภนฺตรคตานิ วิลยํ คจฺฉนฺตี’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, วิลยํ คจฺฉนฺตี’’ติ. ‘‘โย ปน ตาสํ กุจฺฉิยํ คพฺโภ, โสปิ วิลยํ คจฺฉตี’’ติ? ‘‘น หิ ภนฺเต’’ติ. ‘‘เกน การเณนา’’ติ? ‘‘มฺามิ, ภนฺเต, กมฺมาธิกเตน น วิลยํ คจฺฉตี’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, กมฺมาธิกเตน เนรยิกา สตฺตา อเนกานิปิ วสฺสสหสฺสานิ นิรเย ปจฺจมานา น วิลยํ คจฺฉนฺติ. ภาสิตมฺเปตํ, มหาราช, ภควตา – ‘โส น ตาว กาลํ กโรติ, ยาว น ตํ ปาปกมฺมํ พฺยนฺตีโหตี’’’ติ.

‘‘ภิยฺโย โอปมฺมํ กโรหี’’ติ. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, ยา ตา สนฺติ สีหินิโยปิ พฺยคฺฆินิโยปิ ทีปินิโยปิ กุกฺกุรินิโยปิ, กึนุ ตา กกฺขฬานิ อฏฺิกานิ มํสานิ ขาทนฺตีติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, ขาทนฺตี’’ติ. ‘‘กึ ปน ตานิ ตาสํ กุจฺฉิยํ โกฏฺพฺภนฺตรคตานิ วิลยํ คจฺฉนฺตี’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, วิลยํ คจฺฉนฺตี’’ติ. ‘‘โย ปน ตาสํ กุจฺฉิยํ คพฺโภ, โสปิ วิลยํ คจฺฉตี’’ติ? ‘‘น หิ ภนฺเต’’ติ. ‘‘เกน การเณนา’’ติ? ‘‘มฺามิ, ภนฺเต, กมฺมาธิกเตน น วิลยํ คจฺฉตี’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, กมฺมาธิกเตน เนรยิกา สตฺตา อเนกานิปิ วสฺสสหสฺสานิ นิรเย ปจฺจมานา น วิลยํ คจฺฉนฺตี’’ติ.

‘‘ภิยฺโย โอปมฺมํ กโรหี’’ติ. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, ยา ตา สนฺติ โยนกสุขุมาลินิโยปิ ขตฺติยสุขุมาลินิโยปิ พฺราหฺมณสุขุมาลินิโยปิ คหปติสุขุมาลินิโยปิ, กึนุ ตา กกฺขฬานิ ขชฺชกานิ มํสานิ ขาทนฺตี’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, ขาทนฺตี’’ติ. ‘‘กึ ปน ตานิ ตาสํ กุจฺฉิยํ โกฏฺพฺภนฺตรคตานิ วิลยํ คจฺฉนฺตี’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, วิลยํ คจฺฉนฺตี’’ติ. ‘‘โย ปน ตาสํ กุจฺฉิยํ คพฺโภ โสปิ วิลยํ คจฺฉตี’’ติ? ‘‘น หิ ภนฺเต’’ติ. ‘‘เกน การเณนา’’ติ. ‘‘มฺามิ, ภนฺเต, กมฺมาธิกเตน น วิลยํ คจฺฉตี’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, กมฺมาธิกเตน เนรยิกา สตฺตา อเนกานิปิ วสฺสสหสฺสานิ นิรเย ปจฺจมานา น วิลยํ คจฺฉนฺติ. ภาสิตมฺเปตํ, มหาราช, ภควตา – ‘‘โส น ตาว กาลํ กโรติ, ยาว น ตํ ปาปกมฺมํ พฺยนฺตีโหตี’’ติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

เนรยิกคฺคิอุณฺหภาวปฺโห ฉฏฺโ.

๗. ปถวิสนฺธารกปฺโห

. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ตุมฺเห ภณถ ‘อยํ มหา ปถวี อุทเก ปติฏฺิตา, อุทกํ วาเต ปติฏฺิตํ, วาโต อากาเส ปติฏฺิโต’ติ, เอตมฺปิ วจนํ น สทฺทหามี’’ติ. เถโร ธมฺมกรเกน [ธมฺมกรเณน (ก.)] อุทกํ คเหตฺวา ราชานํ มิลินฺทํ สฺาเปสิ ‘‘ยถา, มหาราช, อิมํ อุทกํ วาเตน อาธาริตํ, เอวํ ตมฺปิ อุทกํ วาเตน อาธาริต’’นฺติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

ปถวิสนฺธารกปฺโห สตฺตโม.

๘. นิโรธนิพฺพานปฺโห

. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, นิโรโธ นิพฺพาน’’นฺติ? ‘‘อาม, มหาราช, นิโรโธ นิพฺพาน’’นฺติ. ‘‘กถํ, ภนฺเต, นาคเสน, นิโรโธ นิพฺพาน’’นฺติ? ‘‘สพฺเพ พาลปุถุชฺชนา โข, มหาราช, อชฺฌตฺติกพาหิเร อายตเน อภินนฺทนฺติ อภิวทนฺติ อชฺโฌสาย ติฏฺนฺติ, เต เตน โสเตน วุยฺหนฺติ, น ปริมุจฺจนฺติ ชาติยา ชราย มรเณน โสเกน ปริเทเวน ทุกฺเขหิ โทมนสฺเสหิ อุปายาเสหิ น ปริมุจฺจนฺติ ทุกฺขสฺมาติ วทามิ. สุตวา จ โข, มหาราช, อริยสาวโก อชฺฌตฺติกพาหิเร อายตเน นาภินนฺทติ นาภิวทติ นาชฺโฌสาย ติฏฺติ, ตสฺส ตํ อนภินนฺทโต อนภิวทโต อนชฺโฌสาย ติฏฺโต ตณฺหา นิรุชฺฌติ, ตณฺหานิโรธา อุปาทานนิโรโธ, อุปาทานนิโรธา ภวนิโรโธ, ภวนิโรธา ชาตินิโรโธ, ชาตินิโรธา ชรามรณํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา นิรุชฺฌนฺติ, เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส นิโรโธ โหติ, เอวํ โข, มหาราช, นิโรโธ นิพฺพาน’’นฺติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

นิโรธนิพฺพานปฺโห อฏฺโม.

๙. นิพฺพานลภนปฺโห

. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, สพฺเพว ลภนฺติ นิพฺพาน’’นฺติ? ‘‘น โข, มหาราช, สพฺเพว ลภนฺติ นิพฺพานํ, อปิ จ โข, มหาราช, โย สมฺมา ปฏิปนฺโน อภิฺเยฺเย ธมฺเม อภิชานาติ, ปริฺเยฺเย ธมฺเม ปริชานาติ, ปหาตพฺเพ ธมฺเม ปชหติ, ภาเวตพฺเพ ธมฺเม ภาเวติ, สจฺฉิกาตพฺเพ ธมฺเม สจฺฉิกโรติ, โส ลภติ นิพฺพาน’’นฺติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

นิพฺพานลภนปฺโห นวโม.

๑๐. นิพฺพานสุขชานนปฺโห

๑๐. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, โย น ลภติ นิพฺพานํ, ชานาติ โส ‘สุขํ นิพฺพาน’’’นฺติ? ‘‘อาม, มหาราช, โย น ลภติ นิพฺพานํ, ชานาติ โส ‘สุขํ นิพฺพาน’’’นฺติ. ‘‘กถํ, ภนฺเต นาคเสน, อลภนฺโต ชานาติ ‘สุขํ นิพฺพาน’’’นฺติ? ‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, เยสํ นจฺฉินฺนา หตฺถปาทา, ชาเนยฺยุํ เต, มหาราช, ‘ทุกฺขํ หตฺถปาทจฺเฉทน’’’นฺติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, ชาเนยฺยุ’’นฺติ. ‘‘กถํ ชาเนยฺยุ’’นฺติ? ‘‘อฺเสํ, ภนฺเต, ฉินฺนหตฺถปาทานํ ปริเทวิตสทฺทํ สุตฺวา ชานนฺติ ‘ทุกฺขํ หตฺถปาทจฺเฉทน’’’นฺติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, เยสํ ทิฏฺํ นิพฺพานํ, เตสํ สทฺทํ สุตฺวา ชานาติ ‘สุขํ นิพฺพาน’’’นฺติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

นิพฺพานสุขชานนปฺโห ทสโม.

นิพฺพานวคฺโค จตุตฺโถ.

อิมสฺมึ วคฺเค ทส ปฺหา.

๕. พุทฺธวคฺโค

๑. พุทฺธสฺส อตฺถินตฺถิภาวปฺโห

. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, พุทฺโธ ตยา ทิฏฺโ’’ติ? ‘‘น หิ, มหาราชา’’ติ. ‘‘อถ เต อาจริเยหิ พุทฺโธ ทิฏฺโ’’ติ? ‘‘น หิ, มหาราชา’’ติ. ‘‘เตน หิ, ภนฺเต นาคเสน, นตฺถิ พุทฺโธ’’ติ. ‘‘กึ ปน, มหาราช, หิมวติ อูหา นที ตยา ทิฏฺา’’ติ? ‘‘น หิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘อถ เต ปิตรา อูหา นที ทิฏฺา’’ติ? ‘‘น หิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘เตน หิ, มหาราช, นตฺถิ อูหา นที’’ติ. ‘‘อตฺถิ, ภนฺเต, กิฺจาปิ มยา อูหา นที น ทิฏฺา, ปิตราปิ เม อูหา นที น ทิฏฺา, อปิ จ อตฺถิ อูหา นที’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, กิฺจาปิ มยา ภควา น ทิฏฺโ, อาจริเยหิปิ เม ภควา น ทิฏฺโ, อปิ จ อตฺถิ ภควา’’ติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

พุทฺธสฺส อตฺถินตฺถิภาวปฺโห ปโม.

๒. พุทฺธสฺส อนุตฺตรภาวปฺโห

. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, พุทฺโธ อนุตฺตโร’’ติ? ‘‘อาม, มหาราช, ภควา อนุตฺตโร’’ติ. ‘‘กถํ, ภนฺเต นาคเสน, อทิฏฺปุพฺพํ ชานาสิ ‘พุทฺโธ อนุตฺตโร’’’ติ? ‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, เยหิ อทิฏฺปุพฺโพ มหาสมุทฺโท, ชาเนยฺยุํ เต, มหาราช, มหนฺโต โข มหาสมุทฺโท คมฺภีโร อปฺปเมยฺโย ทุปฺปริโยคาโห, ยตฺถิมา ปฺจ มหานทิโย สตตํ สมิตํ อปฺเปนฺติ, เสยฺยถิทํ, คงฺคา ยมุนา อจิรวตี สรภู มหี, เนว ตสฺส อูนตฺตํ วา ปูรตฺตํ วา ปฺายตี’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, ชาเนยฺยุ’’นฺติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, สาวเก มหนฺเต ปรินิพฺพุเต ปสฺสิตฺวา ชานามิ ‘ภควา อนุตฺตโร’’’ติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

พุทฺธสฺส อนุตฺตรภาวปฺโห ทุติโย.

๓. พุทฺธสฺส อนุตฺตรภาวชานนปฺโห

. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, สกฺกา ชานิตุํ ‘พุทฺโธ อนุตฺตโร’’’ติ? ‘‘อาม, มหาราช, สกฺกา ชานิตุํ ‘ภควา อนุตฺตโร’’’ติ. ‘‘กถํ, ภนฺเต นาคเสน, สกฺกา ชานิตุํ ‘พุทฺโธ อนุตฺตโร’’’ติ. ‘‘ภูตปุพฺพํ, มหาราช, ติสฺสตฺเถโร นาม เลขาจริโย อโหสิ, พหูนิ วสฺสานิ อพฺภตีตานิ กาลงฺกตสฺส กถํ โส ายตี’’ติ. ‘‘เลเขน ภนฺเต’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, โย ธมฺมํ ปสฺสติ, โส ภควนฺตํ ปสฺสติ, ธมฺโม หิ, มหาราช, ภควตา เทสิโต’’ติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

พุทฺธสฺส อนุตฺตรภาวชานนปฺโห ตติโย.

๔. ธมฺมทิฏฺปฺโห

. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ธมฺโม ตยา ทิฏฺโ’’ติ. ‘‘พุทฺธเนตฺติยา โข, มหาราช, พุทฺธปฺตฺติยา ยาวชีวํ สาวเกหิ วตฺติตพฺพ’’นฺติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

ธมฺมทิฏฺปฺโห จตุตฺโถ.

๕. อสงฺกมนปฏิสนฺทหนปฺโห

. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, น จ สงฺกมติ ปฏิสนฺทหติ จา’’ติ? ‘‘อาม, มหาราช, น จ สงฺกมติ ปฏิสนฺทหติ จา’’ติ. ‘‘กถํ, ภนฺเต นาคเสน, น จ สงฺกมติ ปฏิสนฺทหติ จ, โอปมฺมํ กโรหี’’ติ? ‘‘ยถา, มหาราช, โกจิเทว ปุริโส ปทีปโต ปทีปํ ปทีเปยฺย, กึนุ โข โส, มหาราช, ปทีโป ปทีปมฺหา สงฺกนฺโต’’ติ? ‘‘น หิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, น จ สงฺกมติ ปฏิสนฺทหติ จา’’ติ.

‘‘ภิยฺโย โอปมฺมํ กโรหี’’ติ. ‘‘อภิชานาสิ นุ, ตฺวํ มหาราช, ทหรโก สนฺโต สิโลกาจริยสฺส สนฺติเก กิฺจิ สิโลกํ คหิต’’นฺติ? ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กึนุ โข, มหาราช, โส สิโลโก อาจริยมฺหา สงฺกนฺโต’’ติ? ‘‘น หิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, น จ สงฺกมติ ปฏิสนฺทหติ จาติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

อสงฺกมนปฏิสนฺทหนปฺโห ปฺจโม.

๖. เวทคูปฺโห

. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, เวทคู อุปลพฺภตี’’ติ? เถโร อาห ‘‘ปรมตฺเถน โข, มหาราช, เวทคู นุปลพฺภตี’’ติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

เวทคูปฺโห ฉฏฺโ.

๗. อฺกายสงฺกมนปฺโห

. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, อตฺถิ โกจิ สตฺโต โย อิมมฺหา กายา อฺํ กายํ สงฺกมตี’’ติ? ‘‘น หิ, มหาราชา’’ติ. ‘‘ยทิ, ภนฺเต นาคเสน, อิมมฺหา กายา อฺํ กายํ สงฺกมนฺโต นตฺถิ, นนุ มุตฺโต ภวิสฺสติ ปาปเกหิ กมฺเมหี’’ติ? ‘‘อาม, มหาราช, ยทิ น ปฏิสนฺทเหยฺย, มุตฺโต ภวิสฺสติ ปาปเกหิ กมฺเมหีติ, ยสฺมา จ โข, มหาราช, ปฏิสนฺทหติ, ตสฺมา น ปริมุตฺโต ปาปเกหิ กมฺเมหี’’ติ.

‘‘โอปมฺมํ กโรหี’’ติ. ‘‘ยถา, มหาราช, โกจิเทว ปุริโส อฺตรสฺส ปุริสสฺส อมฺพํ อวหเรยฺย, กึ โส ทณฺฑปฺปตฺโต ภเวยฺยา’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, ทณฺฑปฺปตฺโต ภเวยฺยา’’ติ. ‘‘น โข โส, มหาราช, ตานิ อมฺพานิ อวหริ, ยานิ เตน โรปิตานิ, กสฺมา ทณฺฑปฺปตฺโต ภเวยฺยา’’ติ? ‘‘ตานิ, ภนฺเต, อมฺพานิ นิสฺสาย ชาตานิ, ตสฺมา ทณฺฑปฺปตฺโต ภเวยฺยา’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, อิมินา นามรูเปน กมฺมํ กโรติ โสภนํ วา อโสภนํ วา, เตน กมฺเมน อฺํ นามรูปํ ปฏิสนฺทหติ, ตสฺมา น ปริมุตฺโต ปาปเกหิ กมฺเมหี’’ติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

อฺกายสงฺกมนปฺโห สตฺตโม.

๘. กมฺมผลอตฺถิภาวปฺโห

. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, อิมินา นามรูเปน กมฺมํ กตํ กุสลํ วา อกุสลํ วา, กุหึ ตานิ กมฺมานิ ติฏฺนฺตี’’ติ? ‘‘อนุพนฺเธยฺยุํ โข, มหาราช, ตานิ กมฺมานิ ฉายาว อนปายินี’’ติ [อนุปายินีติ (ก.)]. ‘‘สกฺกา ปน, ภนฺเต, ตานิ กมฺมานิ ทสฺเสตุํ ‘อิธ วา อิธ วา ตานิ กมฺมานิ ติฏฺนฺตี’’’ติ? ‘‘น สกฺกา, มหาราช, ตานิ กมฺมานิ ทสฺเสตุํ ‘อิธ วา อิธ วา ตานิ กมฺมานิ ติฏฺนฺตี’’’ติ.

‘‘โอปมฺมํ กโรหี’’ติ. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, ยานิมานิ รุกฺขานิ อนิพฺพตฺตผลานิ, สกฺกา เตสํ ผลานิ ทสฺเสตุํ ‘อิธ วา อิธ วา ตานิ ผลานิ ติฏฺนฺตี’’’ติ. ‘‘น หิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, อพฺโพจฺฉินฺนาย สนฺตติยา น สกฺกา ตานิ กมฺมานิ ทสฺเสตุํ ‘อิธ วา อิธ วา ตานิ กมฺมานิ ติฏฺนฺตี’ติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

กมฺมผลอตฺถิภาวปฺโห อฏฺโม.

๙. อุปฺปชฺชติชานนปฺโห

. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, โย อุปฺปชฺชติ, ชานาติ โส ‘อุปฺปชฺชิสฺสามี’’’ติ? ‘‘อาม, มหาราช, โย อุปฺปชฺชติ ชานาติ โส ‘อุปฺปชฺชิสฺสามี’’’ติ. ‘‘โอปมฺมํ กโรหี’’ติ. ‘‘ยถา, มหาราช, กสฺสโก คหปติโก พีชานิ ปถวิยํ นิกฺขิปิตฺวา สมฺมา เทเว วสฺสนฺเต ชานาติ ‘ธฺํ นิพฺพตฺติสฺสตี’’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, ชาเนยฺยา’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, โย อุปฺปชฺชติ, ชานาติ โส ‘อุปฺปชฺชิสฺสามี’’’ติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

อุปฺปชฺชติชานนปฺโห นวโม.

๑๐. พุทฺธนิทสฺสนปฺโห

๑๐. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, พุทฺโธ อตฺถี’’ติ? ‘‘อาม, มหาราช, ภควา อตฺถี’’ติ. ‘‘สกฺกา ปน, ภนฺเต นาคเสน, พุทฺโธ นิทสฺเสตุํ อิธวา อิธวา’’ติ? ‘‘ปรินิพฺพุโต, มหาราช, ภควา อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา, น สกฺกา ภควา นิทสฺเสตุํ ‘อิธ วา อิธ วา’’’ติ.

‘‘โอปมฺมํ กโรหี’’ติ. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, มหโต อคฺคิกฺขนฺธสฺส ชลมานสฺส ยา อจฺจิ อตฺถงฺคตา, สกฺกา สา อจฺจิ ทสฺเสตุํ ‘อิธ วา อิธ วา’’’ติ? ‘‘น หิ, ภนฺเต, นิรุทฺธา สา อจฺจิ อปฺปฺตฺตึ คตา’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, ภควา อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพุโต อตฺถงฺคโต, น สกฺกา ภควา นิทสฺเสตุํ ‘อิธ วา อิธ วา’ ติ, ธมฺมกาเยน ปน โข, มหาราช, สกฺกา ภควา นิทสฺเสตุํ. ธมฺโม หิ, มหาราช, ภควตา เทสิโต’’ติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

พุทฺธนิทสฺสนปฺโห ทสโม.

พุทฺธวคฺโค ปฺจโม.

อิมสฺมึ วคฺเค ทส ปฺหา.

๖. สติวคฺโค

๑. กายปิยายนปฺโห

. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ปิโย ปพฺพชิตานํ กาโย’’ติ? ‘‘น โข, มหาราช, ปิโย ปพฺพชิตานํ กาโย’’ติ. ‘‘อถ กิสฺส นุ โข, ภนฺเต, เกลายถ มมายถา’’ติ? ‘‘กึ ปน เต, มหาราช, กทาจิ กรหจิ สงฺคามคตสฺส กณฺฑปฺปหาโร โหตี’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, โหตี’’ติ. ‘‘กึนุ โข, มหาราช, โส วโณ อาเลเปน จ อาลิมฺปียติ เตเลน จ มกฺขียติ สุขุเมน จ โจฬปฏฺเฏน ปลิเวียตี’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, อาเลเปน จ อาลิมฺปียติ เตเลน จ มกฺขียติ สุขุเมน จ โจฬปฏฺเฏน ปลิเวียตี’’ติ. ‘‘กึนุ โข, มหาราช, ปิโย เต วโณ, เตน อาเลเปน จ อาลิมฺปียติ เตเลน จ มกฺขียติ สุขุเมน จ โจฬปฏฺเฏน ปลิเวียตี’’ติ? ‘‘น เม, ภนฺเต, ปิโย วโณ, อปิ จ มํสสฺส รุหนตฺถาย อาเลเปน จ อาลิมฺปียติ เตเลน จ มกฺขียติ สุขุเมน จ โจฬปฏฺเฏน ปลิเวียตี’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, อปฺปิโย ปพฺพชิตานํ กาโย, อถ จ ปพฺพชิตา อนชฺโฌสิตา กายํ ปริหรนฺติ พฺรหฺมจริยานุคฺคหาย. อปิ จ โข, มหาราช, วณูปโม กาโย วุตฺโต ภควตา, เตน ปพฺพชิตา วณมิว กายํ ปริหรนฺติ อนชฺโฌสิตา. ภาสิตมฺเปตํ มหาราช ภควตา –

‘‘‘อลฺลจมฺมปฏิจฺฉนฺโน, นวทฺวาโร มหาวโณ;

สมนฺตโต ปคฺฆรติ, อสุจิปูติคนฺธิโย’’’ติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

กายปิยายนปฺโห ปโม.

๒. สพฺพฺูภาวปฺโห

. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, พุทฺโธ สพฺพฺู สพฺพทสฺสาวี’’ติ? ‘‘อาม, มหาราช, ภควา สพฺพฺู สพฺพทสฺสาวี’’ติ. ‘‘อถ กิสฺส นุ โข, ภนฺเต นาคเสน, สาวกานํ อนุปุพฺเพน สิกฺขาปทํ ปฺเปสี’’ติ? ‘‘อตฺถิ ปน เต มหาราช, โกจิ เวชฺโช, โย อิมิสฺสํ ปถวิยํ สพฺพเภสชฺชานิ ชานาตี’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, อตฺถี’’ติ. ‘‘กึนุ โข, มหาราช, โส เวชฺโช คิลานกํ สมฺปตฺเต กาเล เภสชฺชํ ปาเยติ, อุทาหุ อสมฺปตฺเต กาเล’’ติ? ‘‘สมฺปตฺเต กาเล, ภนฺเต, คิลานกํ เภสชฺชํ ปาเยติ, โน อสมฺปตฺเต กาเล’’ติ? ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, ภควา สพฺพฺู สพฺพทสฺสาวี น อสมฺปตฺเต กาเล สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปฺาเปติ, สมฺปตฺเต กาเล สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปฺาเปติ ยาวชีวํ อนติกฺกมนีย’’นฺติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

สพฺพฺูภาวปฺโห ทุติโย.

๓. มหาปุริสลกฺขณปฺโห

. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, พุทฺโธ ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขเณหิ สมนฺนาคโต อสีติยา จ อนุพฺยฺชเนหิ ปริรฺชิโต สุวณฺณวณฺโณ กฺจนสนฺนิภตฺตโจ พฺยามปฺปโภ’’ติ? ‘‘อาม, มหาราช, ภควา ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขเณหิ สมนฺนาคโต อสีติยา จ อนุพฺยฺชเนหิ ปริรฺชิโต สุวณฺณวณฺโณ กฺจนสนฺนิภตฺตโจ พฺยามปฺปโภ’’ติ.

‘‘กึ ปนสฺส, ภนฺเต, มาตาปิตโรปิ ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขเณหิ สมนฺนาคตา อสีติยา จ อนุพฺยฺชเนหิ ปริรฺชิตา สุวณฺณวณฺณา กฺจนสนฺนิภตฺตจา พฺยามปฺปภา’’ติ? ‘‘โน จสฺส, มหาราช, มาตาปิตโร ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขเณหิ สมนฺนาคตา อสีติยา จ อนุพฺยฺชเนหิ ปริรฺชิตา สุวณฺณวณฺณา กฺจนสนฺนิภตฺตจา พฺยามปฺปภา’’ติ.

‘‘เอวํ สนฺเต โข, ภนฺเต นาคเสน, น อุปฺปชฺชติ พุทฺโธ ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขเณหิ สมนฺนาคโต อสีติยา จ อนุพฺยฺชเนหิ ปริรฺชิโต สุวณฺณวณฺโณ กฺจนสนฺนิภตฺตโจ พฺยามปฺปโภติ, อปิ จ มาตุสทิโส วา ปุตฺโต โหติ มาตุปกฺโข วา, ปิตุสทิโส วา ปุตฺโต โหติ ปิตุปกฺโข วา’’ติ. เถโร อาห ‘‘อตฺถิ ปน, มหาราช, กิฺจิ ปทุมํ สตปตฺต’’นฺติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, อตฺถี’’ติ. ‘‘ตสฺส ปน กุหึ สมฺภโว’’ติ? ‘‘กทฺทเม ชายติ อุทเก อาสียตี’’ติ. ‘‘กึนุ โข, มหาราช, ปทุมํ กทฺทเมน สทิสํ วณฺเณน วา คนฺเธน วา รเสน วา’’ติ? ‘‘น หิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘อถ อุทเกน วา คนฺเธน วา รเสน วา’’ติ? ‘‘น หิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, ภควา ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขเณหิ สมนฺนาคโต อสีติยา จ อนุพฺยฺชเนหิ ปริรฺชิโต สุวณฺณวณฺโณ กฺจนสนฺนิภตฺตโจ พฺยามปฺปโภ, โน จสฺส มาตาปิตโร ทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขเณหิ สมนฺนาคตา อสีติยา จ อนุพฺยฺชเนหิ ปริรฺชิตา สุวณฺณวณฺณา กฺจนสนฺนิภตฺตจา พฺยามปฺปภา’’ติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

มหาปุริสลกฺขณปฺโห ตติโย.

๔. ภควโต พฺรหฺมจาริปฺโห

. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, พุทฺโธ พฺรหฺมจารี’’ติ? ‘‘อาม, มหาราช, ภควา พฺรหฺมจารี’’ติ. ‘‘เตน หิ, ภนฺเต นาคเสน, พุทฺโธ พฺรหฺมุโน สิสฺโส’’ติ? ‘‘อตฺถิ ปน เต, มหาราช, หตฺถิปาโมกฺโข’’ติ? ‘‘อตฺถิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กึนุ โข, มหาราช, โส หตฺถี กทาจิ กรหจิ โกฺจนาทํ นทตีติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, นทตี’’ติ ‘‘เตน หิ, มหาราช, โส หตฺถี โกฺจสกุณสฺส สิสฺโส’’ติ? ‘‘น หิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กึ ปน, มหาราช, พฺรหฺมา สพุทฺธิโก อพุทฺธิโก’’ติ? ‘‘สพุทฺธิโก, ภนฺเต’’ติ. ‘‘เตน หิ, มหาราช, พฺรหฺมา ภควโต สิสฺโส’’ติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

ภควโต พฺรหฺมจาริปฺโห จตุตฺโถ.

๕. ภควโต อุปสมฺปทาปฺโห

. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, อุปสมฺปทา สุนฺทรา’’ติ? ‘‘อาม, มหาราช, อุปสมฺปทา สุนฺทรา’’ติ. ‘‘อตฺถิ ปน, ภนฺเต, พุทฺธสฺส อุปสมฺปทา, อุทาหุ นตฺถี’’ติ? ‘‘อุปสมฺปนฺโน โข, มหาราช, ภควา โพธิรุกฺขมูเล สห สพฺพฺุตาเณน, นตฺถิ ภควโต อุปสมฺปทา อฺเหิ ทินฺนา, ยถา สาวกานํ, มหาราช, ภควา สิกฺขาปทํ ปฺเปติ ยาวชีวํ อนติกฺกมนีย’’นฺติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

ภควโต อุปสมฺปทาปฺโห ปฺจโม.

๖. อสฺสุเภสชฺชาเภสชฺชปฺโห

. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, โย จ มาตริ มตาย โรทติ, โย จ ธมฺมเปเมน โรทติ, อุภินฺนํ เตสํ โรทนฺตานํ กสฺส อสฺสุ เภสชฺชํ, กสฺส น เภสชฺช’’นฺติ? ‘‘เอกสฺส โข, มหาราช, อสฺสุ ราคโทสโมเหหิ สมลํ อุณฺหํ, เอกสฺส ปีติโสมนสฺเสน วิมลํ สีตลํ. ยํ โข, มหาราช, สีตลํ, ตํ เภสชฺชํ, ยํ อุณฺหํ, ตํ น เภสชฺช’’นฺติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

อสฺสุเภสชฺชาเภสชฺชปฺโห ฉฏฺโ.

๗. สราควีตราคนานากรณปฺโห

. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, กึ นานากรณํ สราคสฺส จ วีตราคสฺส จา’’ติ? ‘‘เอโก โข, มหาราช, อชฺโฌสิโต, เอโก อนชฺโฌสิโต’’ติ. ‘‘กึ เอตํ, ภนฺเต, อชฺโฌสิโต อนชฺโฌสิโต นามา’’ติ? ‘‘เอโก โข, มหาราช, อตฺถิโก, เอโก อนตฺถิโก’’ติ. ‘‘ปสฺสามหํ, ภนฺเต, เอวรูปํ โย จ สราโค, โย จ วีตราโค, สพฺโพเปโส โสภนํ เยว อิจฺฉติ ขาทนียํ วา โภชนียํ วา, น โกจิ ปาปกํ อิจฺฉตี’’ติ. ‘‘อวีตราโค โข, มหาราช, รสปฏิสํเวที จ รสราคปฏิสํเวที จ โภชนํ ภุฺชติ, วีตราโค ปน รสปฏิสํเวที โภชนํ ภุฺชติ, โน จ โข รสราคปฏิสํเวที’’ติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

สราควีตราคนานากรณปฺโห สตฺตโม.

๘. ปฺาปติฏฺานปฺโห

. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ปฺา กุหึ ปฏิวสตี’’ติ? ‘‘น กตฺถจิ มหาราชา’’ติ. ‘‘เตน หิ, ภนฺเต นาคเสน, นตฺถิ ปฺา’’ติ. ‘‘วาโต, มหาราช, กุหึ ปฏิวสตี’’ติ? ‘‘น กตฺถจิ ภนฺเต’’ติ. ‘‘เตน หิ, มหาราช, นตฺถิ วาโต’’ติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

ปฺาปติฏฺานปฺโห อฏฺโม.

๙. สํสารปฺโห

. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ยํ ปเนตํ พฺรูสิ ‘สํสาโร’ติ, กตโม โส สํสาโร’’ติ? ‘‘อิธ, มหาราช, ชาโต อิเธว มรติ, อิธ มโต อฺตฺร อุปฺปชฺชติ, ตหึ ชาโต ตหึ เยว มรติ, ตหึ มโต อฺตฺร อุปฺปชฺชติ, เอวํ โข, มหาราช, สํสาโร โหตี’’ติ. ‘‘โอปมฺมํ กโรหี’’ติ. ‘‘ยถา, มหาราช, โกจิเทว ปุริโส ปกฺกํ อมฺพํ ขาทิตฺวา อฏฺึ โรเปยฺย, ตโต มหนฺโต อมฺพรุกฺโข นิพฺพตฺติตฺวา ผลานิ ทเทยฺย, อถ โส ปุริโส ตโตปิ ปกฺกํ อมฺพํ ขาทิตฺวา อฏฺึ โรเปยฺย, ตโตปิ มหนฺโต อมฺพรุกฺโข นิพฺพตฺติตฺวา ผลานิ ทเทยฺย, เอวเมเตสํ รุกฺขานํ โกฏิ น ปฺายติ, เอวเมว โข, มหาราช, อิธ ชาโต อิเธว มรติ, อิธ มโต อฺตฺร อุปฺปชฺชติ, ตหึ ชาโต ตหึ เยว มรติ, ตหึ มโต อฺตฺร อุปฺปชฺชติ, เอวํ โข, มหาราช, สํสาโร โหตี’’ติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

สํสารปฺโห นวโม.

๑๐. จิรกตสรณปฺโห

๑๐. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, เกน อตีตํ จิรกตํ สรตี’’ติ? ‘‘สติยา, มหาราชา’’ติ. ‘‘นนุ, ภนฺเต นาคเสน, จิตฺเตน สรติ โน สติยา’’ติ? ‘‘อภิชานาสิ นุ, ตฺวํ มหาราช, กิฺจิเทว กรณียํ กตฺวา ปมุฏฺ’’นฺติ? ‘‘อาม ภนฺเต’’ติ. ‘‘กึ นุ โข, ตฺวํ มหาราช, ตสฺมึ สมเย อจิตฺตโก อโหสี’’ติ? ‘‘น หิ, ภนฺเต, สติ ตสฺมึ สมเย นาโหสี’’ติ. ‘‘อถ กสฺมา, ตฺวํ มหาราช, เอวมาห ‘จิตฺเตน สรติ, โน สติยา’’’ติ?

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

จิรกตสรณปฺโห ทสโม.

๑๑. อภิชานนฺตสติปฺโห

๑๑. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, สพฺพา สติ อภิชานนฺตี อุปฺปชฺชติ, อุทาหุ กฏุมิกาว สตี’’ติ? ‘‘อภิชานนฺตีปิ, มหาราช, กฏุมิกาปิ สตี’’ติ. ‘‘เอวฺหิ โข, ภนฺเต นาคเสน, สพฺพา สติ อภิชานนฺตี, นตฺถิ กฏุมิกา สตี’’ติ? ‘‘ยทิ นตฺถิ, มหาราช, กฏุมิกา สติ, นตฺถิ กิฺจิ สิปฺปิกานํ กมฺมายตเนหิ วา สิปฺปายตเนหิ วา วิชฺชาฏฺาเนหิ วา กรณียํ, นิรตฺถกา อาจริยา, ยสฺมา จ โข, มหาราช, อตฺถิ กฏุมิกา สติ, ตสฺมา อตฺถิ กมฺมายตเนหิ วา สิปฺปายตเนหิ วา วิชฺชาฏฺาเนหิ วา กรณียํ, อตฺโถ จ อาจริเยหี’’ติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

อภิชานนฺตสติปฺโห เอกาทสโม.

สติวคฺโค ฉฏฺโ.

อิมสฺมึ วคฺเค เอกาทส ปฺหา.

๗. อรูปธมฺมววตฺตนวคฺโค

๑. สติอุปฺปชฺชนปฺโห

. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, กติหากาเรหิ สติ อุปฺปชฺชตี’’ติ? ‘‘สตฺตรสหากาเรหิ, มหาราช, สติ อุปฺปชฺชตี’’ติ. ‘‘กตเมหิ สตฺตรสหากาเรหี’’ติ? ‘‘อภิชานโตปิ, มหาราช, สติ อุปฺปชฺชติ, กฏุมิกายปิ สติ อุปฺปชฺชติ, โอฬาริกวิฺาณโตปิ สติ อุปฺปชฺชติ, หิตวิฺาณโตปิ สติ อุปฺปชฺชติ, อหิตวิฺาณโตปิ สติ อุปฺปชฺชติ, สภาคนิมิตฺตโตปิ สติ อุปฺปชฺชติ, วิสภาคนิมิตฺตโตปิ สติ อุปฺปชฺชติ, กถาภิฺาณโตปิ สติ อุปฺปชฺชติ, ลกฺขณโตปิ สติ อุปฺปชฺชติ, สารณโตปิ สติ อุปฺปชฺชติ, มุทฺทาโตปิ สติ อุปฺปชฺชติ, คณนาโตปิ สติ อุปฺปชฺชติ, ธารณโตปิ สติ อุปฺปชฺชติ, ภาวนโตปิ สติ อุปฺปชฺชติ, โปตฺถกนิพนฺธนโตปิ สติ อุปฺปชฺชติ, อุปนิกฺเขปโตปิ สติ อุปฺปชฺชติ, อนุภูตโตปิ สติ อุปฺปชฺชตีติ.

‘‘กถํ อภิชานโต สติ อุปฺปชฺชติ? ยถา, มหาราช, อายสฺมา จ อานนฺโท ขุชฺชุตฺตรา จ อุปาสิกา, เย วา ปน อฺเปิ เกจิ ชาติสฺสรา ชาตึ สรนฺติ, เอวํ อภิชานโต สติ อุปฺปชฺชติ.

‘‘กถํ กฏุมิกาย สติ อุปฺปชฺชติ? โย ปกติยา มุฏฺสฺสติโก, ปเร จ ตํ สราปนตฺถํ นิพนฺธนฺติ, เอวํ กฏุมิกาย สติ อุปฺปชฺชติ.

‘‘กถํ โอฬาริกวิฺาณโต สติ อุปฺปชฺชติ? ยทา รชฺเช วา อภิสิตฺโต โหติ, โสตาปตฺติผลํ วา ปตฺโต โหติ, เอวํ โอฬาริกวิฺาณโต สติ อุปฺปชฺชติ.

‘‘กถํ หิตวิฺาณโต สติ อุปฺปชฺชติ? ยมฺหิ สุขาปิโต, ‘อมุกสฺมึ เอวํ สุขาปิโต’ติ สรติ, เอวํ หิตวิฺาณโต สติ อุปฺปชฺชติ.

‘‘กถํ อหิตวิฺาณโต สติ อุปฺปชฺชติ? ยมฺหิ ทุกฺขาปิโต, ‘อมุกสฺมึ เอวํ ทุกฺขาปิโต’ติ สรติ, เอวํ อหิตวิฺาณโต สติ อุปฺปชฺชติ.

‘‘กถํ สภาคนิมิตฺตโต สติ อุปฺปชฺชติ? สทิสํ ปุคฺคลํ ทิสฺวา มาตรํ วา ปิตรํ วา ภาตรํ วา ภคินึ วา สรติ, โอฏฺํ วา โคณํ วา คทฺรภํ วา ทิสฺวา อฺํ ตาทิสํ โอฏฺํ วา โคณํ วา คทฺรภํ วา สรติ, เอวํ สภาคนิมิตฺตโต สติ อุปฺปชฺชติ.

‘‘กถํ วิสภาคนิมตฺตโต สติ อุปฺปชฺชติ? อสุกสฺส นาม วณฺโณ เอทิโส, สทฺโท เอทิโส, คนฺโธ เอทิโส, รโส เอทิโส, โผฏฺพฺโพ เอทิโสติ สรติ, เอวมฺปิ วิสภาคนิมิตฺตโตปิ สติ อุปฺปชฺชติ.

‘‘กถํ กถาภิฺาณโต สติ อุปฺปชฺชติ? โย ปกติยา มุฏฺสฺสติโก โหติ, ตํ ปเร สราเปนฺติ, เตน โส สรติ, เอวํ กถาภิฺาณโต สติ อุปฺปชฺชติ.

‘‘กถํ ลกฺขณโต สติ อุปฺปชฺชติ? โย ปกติยา พลีพทฺทานํ องฺเคน ชานาติ, ลกฺขเณน ชานาติ, เอวํ ลกฺขณโต สติ อุปฺปชฺชติ.

‘‘กถํ สารณโต สติ อุปฺปชฺชติ? โย ปกติยา มุฏฺสฺสติโก โหติ, โย ตํ ‘สราหิ โภ, สราหิ โภ’ติ ปุนปฺปุนํ สราเปติ, เอวํ สารณโต สติ อุปฺปชฺชติ.

‘‘กถํ มุทฺทาโต สติ อุปฺปชฺชติ? ลิปิยา สิกฺขิตตฺตา ชานาติ ‘อิมสฺส อกฺขรสฺส อนนฺตรํ อิมํ อกฺขรํ กาตพฺพ’นฺติ เอวํ มุทฺทาโต สติ อุปฺปชฺชติ.

‘‘กถํ คณนาโต สติ อุปฺปชฺชติ? คณนาย สิกฺขิตตฺตา คณกา พหุมฺปิ คเณนฺติ, เอวํ คณนาโต สติ อุปฺปชฺชติ.

‘‘กถํ ธารณโต สติ อุปฺปชฺชติ? ธารณาย สิกฺขิตตฺตา ธารณกา พหุมฺปิ ธาเรนฺติ, เอวํ ธารณโต สติ อุปฺปชฺชติ.

‘‘กถํ ภาวนาโต สติ อุปฺปชฺชติ? อิธ ภิกฺขุ อเนกวิหิตํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ, เสยฺยถีทํ, เอกมฺปิ ชาตึ ทฺเวปิ ชาติโย…เป… อิติ สาการํ สอุทฺเทสํ ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ, เอวํ ภาวนาโต สติ อุปฺปชฺชติ.

‘‘กถํ โปตฺถกนิพนฺธนโต สติ อุปฺปชฺชติ? ราชาโน อนุสาสนิยํ อสฺสรนฺตา [อนุสฺสรนฺตา (สพฺพตฺถ)] เอตํ โปตฺถกํ อาหรถาติ, เตน โปตฺถเกน อนุสฺสรนฺติ, เอวํ โปตฺถกนิพนฺธนโต สติ อุปฺปชฺชติ.

‘‘กถํ อุปนิกฺเขปโต สติ อุปฺปชฺชติ? อุปนิกฺขิตฺตํ ภณฺฑํ ทิสฺวา สรติ, เอวํ อุปนิกฺเขปโต สติ อุปฺปชฺชติ.

‘‘กถํ อนุภูตโต สติ อุปฺปชฺชติ? ทิฏฺตฺตา รูปํ สรติ, สุตตฺตา สทฺทํ สรติ, ฆายิตตฺตา คนฺธํ สรติ, สายิตตฺตา รสํ สรติ, ผุฏฺตฺตา โผฏฺพฺพํ สรติ, วิฺาตตฺตา ธมฺมํ สรติ, เอวํ อนุภูตโต สติ อุปฺปชฺชติ. อิเมหิ โข, มหาราช, สตฺตรสหากาเรหิ สติ อุปฺปชฺชตี’’ติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

สติอุปฺปชฺชนปฺโห ปโม.

๒. พุทฺธคุณสติปฏิลาภปฺโห

. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ตุมฺเห เอตํ ภณถ ‘โย วสฺสสตํ อกุสลํ กเรยฺย, มรณกาเล จ เอกํ พุทฺธคุณํ สตึ ปฏิลเภยฺย, โส เทเวสุ อุปฺปชฺเชยฺยา’ติ เอตํ น สทฺทหามิ, เอวฺจ ปน วเทถ ‘เอเตน ปาณาติปาเตน นิรเย อุปฺปชฺเชยฺยา’ติ เอตมฺปิ น สทฺทหามี’’ติ.

‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, ขุทฺทโกปิ ปาสาโณ วินา นาวาย อุทเก อุปฺปิลเวยฺยา’’ติ. ‘‘น หิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กึ นุ โข, มหาราช, วาหสตมฺปิ ปาสาณานํ นาวาย อาโรปิตํ อุทเก อุปฺปิลเวยฺยา’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘ยถา, มหาราช, นาวา, เอวํ กุสลานิ กมฺมานิ ทฏฺพฺพานี’’ติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

พุทฺธคุณสติปฏิลาภปฺโห ทุติโย.

๓. ทุกฺขปฺปหานวายมปฺโห

. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, กึ ตุมฺเห อตีตสฺส ทุกฺขสฺส ปหานาย วายมถา’’ติ? ‘‘น หิ, มหาราชา’’ติ. ‘‘กึ ปน, ภนฺเต, อนาคตสฺส ทุกฺขสฺส ปหานาย วายมถา’’ติ? ‘‘น หิ, มหาราชา’’ติ. ‘‘กึ ปน ปจฺจุปฺปนฺนสฺส ทุกฺขสฺส ปหานาย วายมถา’’ติ? ‘‘น หิ, มหาราชา’’ติ. ‘‘ยทิ ตุมฺเห น อตีตสฺส ทุกฺขสฺส ปหานาย วายมถ, น อนาคตสฺส ทุกฺขสฺส ปหานาย วายมถ, น ปจฺจุปฺปนฺนสฺส ทุกฺขสฺส ปหานาย วายมถ, อถ กิมตฺถาย วายมถา’’ติ. เถโร อาห ‘กินฺติ, มหาราช, อิทฺจ ทุกฺขํ นิรุชฺเฌยฺย, อฺฺจ ทุกฺขํ นุปฺปชฺเชยฺยา’ติ เอตทตฺถาย วายมามา’’ติ.

‘‘อตฺถิ ปน เต, ภนฺเต นาคเสน, อนาคตํ ทุกฺข’’นฺติ? ‘‘นตฺถิ [กถา. ๘๒๘, ๘๒๙ ปสฺสิตพฺพํ], มหาราชา’’ติ ‘‘ตุมฺเห โข, ภนฺเต นาคเสน, อติปณฺฑิตา, เย ตุมฺเห อสนฺตานํ อนาคตานํ ทุกฺขานํ ปหานาย วายมถา’’ติ? ‘‘อตฺถิ ปน เต, มหาราช, เกจิ ปฏิราชาโน ปจฺจตฺถิกา ปจฺจามิตฺตา ปจฺจุปฏฺิตา โหนฺตี’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, อตฺถี’’ติ. ‘‘กึนุ โข, มหาราช, ตทา ตุมฺเห ปริขํ ขณาเปยฺยาถ, ปาการํ จินาเปยฺยาถ โคปุรํ การาเปยฺยาถ, อฏฺฏาลกํ การาเปยฺยาถ, ธฺํ อติหราเปยฺยาถา’’ติ? ‘‘น หิ, ภนฺเต, ปฏิกจฺเจว ตํ ปฏิยตฺตํ โหตี’’ติ. ‘‘กึ ตุมฺเห, มหาราช, ตทา หตฺถิสฺมึ สิกฺเขยฺยาถ, อสฺสสฺมึ สิกฺเขยฺยาถ, รถสฺมึ สิกฺเขยฺยาถ, ธนุสฺมึ สิกฺเขยฺยาถ, ถรุสฺมึ สิกฺเขยฺยาถา’’ติ? ‘‘น หิ, ภนฺเต, ปฏิกจฺเจว ตํ สิกฺขิตํ โหตี’’ติ. ‘‘กิสฺสตฺถายา’’ติ? ‘‘อนาคตานํ, ภนฺเต, ภยานํ ปฏิพาหนตฺถายา’’ติ. ‘‘กึ นุ โข, มหาราช, อตฺถิ อนาคตํ ภย’’นฺติ? ‘‘นตฺถิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘ตุมฺเห จ โข, มหาราช, อติปณฺฑิตา, เย ตุมฺเห อสนฺตานํ อนาคตานํ ภยานํ ปฏิพาหนตฺถาย ปฏิยาเทถา’’ติ.

‘‘ภิยฺโย โอปมฺมํ กโรหีติ. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, ยทา ตฺวํ ปิปาสิโต ภเวยฺยาสิ, ตทา ตฺวํ อุทปานํ ขณาเปยฺยาสิ, โปกฺขรณึ ขณาเปยฺยาสิ, ตฬากํ ขณาเปยฺยาสิ ‘ปานียํ ปิวิสฺสามี’’’ติ? ‘‘น หิ, ภนฺเต, ปฏิกจฺเจว ตํ ปฏิยตฺตํ โหตี’’ติ. ‘‘กิสฺสตฺถายา’’ติ? ‘‘อนาคตานํ, ภนฺเต, ปิปาสานํ ปฏิพาหนตฺถาย ปฏิยตฺตํ โหตี’’ติ. ‘‘อตฺถิ ปน, มหาราช, อนาคตา ปิปาสา’’ติ? ‘‘นตฺถิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘ตุมฺเห โข, มหาราช, อติปณฺฑิตา, เย ตุมฺเห อสนฺตานํ อนาคตานํ ปิปาสานํ ปฏิพาหนตฺถาย ตํ ปฏิยาเทถา’’ติ.

‘‘ภิยฺโย โอปมฺมํ กโรหี’’ติ. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, ยทา ตฺวํ พุภุกฺขิโต ภเวยฺยาสิ, ตทา ตฺวํ เขตฺตํ กสาเปยฺยาสิ, สาลึ วปาเปยฺยาสิ ‘ภตฺตํ ภุฺชิสฺสามี’’’ติ? ‘‘น หิ, ภนฺเต, ปฏิกจฺเจว ตํ ปฏิยตฺตํ โหตี’’ติ. ‘‘กิสฺสตฺถายา’’ติ. ‘‘อนาคตานํ, ภนฺเต, พุภุกฺขานํ ปฏิพาหนตฺถายา’’ติ. ‘‘อตฺถิ ปน, มหาราช, อนาคตา พุภุกฺขา’’ติ? ‘‘นตฺถิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘ตุมฺเห โข, มหาราช, อติปณฺฑิตา, เย ตุมฺเห อสนฺตานํ อนาคตานํ พุภุกฺขานํ ปฏิพาหนตฺถาย ปฏิยาเทถา’’ติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

ทุกฺขปฺปหานวายมปฺโห ตติโย.

๔. พฺรหฺมโลกปฺโห

. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, กีวทูโร อิโต พฺรหฺมโลโก’’ติ? ‘‘ทูโร โข, มหาราช, อิโต พฺรหฺมโลโก กูฏาคารมตฺตา สิลา ตมฺหา ปติตา อโหรตฺเตน อฏฺจตฺตาลีสโยชนสหสฺสานิ ภสฺสมานา จตูหิ มาเสหิ ปถวิยํ ปติฏฺเหยฺยา’’ติ.

‘‘ภนฺเต นาคเสน, ตุมฺเห เอวํ ภณถ ‘เสยฺยถาปิ พลวา ปุริโส สมิฺชิตํ วา พาหํ ปสาเรยฺย, ปสาริตํ วา พาหํ สมิฺเชยฺย, เอวเมว อิทฺธิมา ภิกฺขุ เจโตวสิปฺปตฺโต ชมฺพุทีเป อนฺตรหิโต พฺรหฺมโลเก ปาตุภเวยฺยา’ติ เอตํ วจนํ น สทฺทหามิ, เอวํ อติสีฆํ ตาว พหูนิ โยชนสตานิ คจฺฉิสฺสตี’’ติ.

เถโร อาห ‘‘กุหึ ปน, มหาราช, ตว ชาตภูมี’’ติ? ‘‘อตฺถิ, ภนฺเต, อลสนฺโท นาม ทีโป, ตตฺถาหํ ชาโต’’ติ. ‘‘กีว ทูโร, มหาราช, อิโต อลสนฺโท โหตี’’ติ? ‘‘ทฺวิมตฺตานิ, ภนฺเต, โยชนสตานี’’ติ. ‘‘อภิชานาสิ นุ ตฺวํ, มหาราช, ตตฺถ กิฺจิเทว กรณียํ กริตฺวา สริตา’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, สรามี’’ติ. ‘‘ลหุํ โข ตฺวํ, มหาราช, คโตสิ ทฺวิมตฺตานิ โยชนสตานี’’ติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

พฺรหฺมโลกปฺโห จตุตฺโถ.

๕. ทฺวินฺนํ โลกุปฺปนฺนานํ สมกภาวปฺโห

. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, โย อิธ กาลงฺกโต พฺรหฺมโลเก อุปฺปชฺเชยฺย, โย จ อิธ กาลงฺกโต กสฺมีเร อุปฺปชฺเชยฺย, โก จิรตรํ โก สีฆตร’’นฺติ? ‘‘สมกํ, มหาราชา’’ติ.

‘‘โอปมฺมํ กโรหี’’ติ. ‘‘กุหึ ปน, มหาราช, ตว ชาตนคร’’นฺติ? ‘‘อตฺถิ, ภนฺเต, กลสิคาโม นาม, ตตฺถาหํ ชาโต’’ติ. ‘‘กีว ทูโร, มหาราช, อิโต กลสิคาโม โหตี’’ติ. ‘‘ทฺวิมตฺตานิ, ภนฺเต, โยชนสตานี’’ติ. ‘‘กีว ทูรํ, มหาราช, อิโต กสฺมีรํ โหตี’’ติ? ‘‘ทฺวาทส, ภนฺเต, โยชนานี’’ติ. ‘‘อิงฺฆ, ตฺวํ มหาราช, กลสิคามํ จินฺเตหี’’ติ. ‘‘จินฺติโต, ภนฺเต’’ติ. ‘‘อิงฺฆ, ตฺวํ มหาราช, กสฺมีรํ จินฺเตหี’’ติ. ‘‘จินฺติตํ ภนฺเต’’ติ. ‘‘กตมํ นุ โข, มหาราช, จิเรน จินฺติตํ, กตมํ สีฆตร’’นฺติ? ‘‘สมกํ ภนฺเต’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, โย อิธ กาลงฺกโต พฺรหฺมโลเก อุปฺปชฺเชยฺย, โย จ อิธ กาลงฺกโต กสฺมีเร อุปฺปชฺเชยฺย, สมกํ เยว อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ.

‘‘ภิยฺโย โอปมฺมํ กโรหี’’ติ. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, ทฺเว สกุณา อากาเสน คจฺเฉยฺยุํ, เตสุ เอโก อุจฺเจ รุกฺเข นิสีเทยฺย, เอโก นีเจ รุกฺเข นิสีเทยฺย, เตสํ สมกํ ปติฏฺิตานํ กตมสฺส ฉายา ปมตรํ ปถวิยํ ปติฏฺเหยฺย, กตมสฺส ฉายา จิเรน ปถวิยํ ปติฏฺเหยฺยา’’ติ? ‘‘สมกํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, โย อิธ กาลงฺกโต พฺรหฺมโลเก อุปฺปชฺเชยฺย, โย จ อิธ กาลงฺกโต กสฺมีเร อุปฺปชฺเชยฺย, สมกํ เยว อุปฺปชฺชนฺตี’’ติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

ทฺวินฺนํ โลกุปฺปนฺนานํ สมกภาวปฺโห ปฺจโม.

๖. โพชฺฌงฺคปฺโห

. ราชา อาห ‘‘กติ นุ โข, ภนฺเต นาคเสน, โพชฺฌงฺคา’’ติ? ‘‘สตฺต โข, มหาราช, โพชฺฌงฺคา’’ติ. ‘‘กติหิ ปน, ภนฺเต, โพชฺฌงฺเคหิ พุชฺฌตี’’ติ? ‘‘เอเกน โข, มหาราช, โพชฺฌงฺเคน พุชฺฌติ ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺเคนา’’ติ. ‘‘อถ กิสฺส นุ โข, ภนฺเต, วุจฺจนฺติ ‘สตฺต โพชฺฌงฺคา’’’ติ? ‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, อสิ โกสิยา ปกฺขิตฺโต อคฺคหิโต หตฺเถน อุสฺสหติ เฉชฺชํ ฉินฺทิตุ’’นฺติ. ‘‘น หิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, ธมฺมวิจยสมฺโพชฺฌงฺเคน วินา ฉหิ โพชฺฌงฺเคหิ น พุชฺฌตี’’ติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

โพชฺฌงฺคปฺโห ฉฏฺโ.

๗. ปาปปุฺานํ อปฺปานปฺปภาวปฺโห

. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, กตรํ นุ โข พหุตรํ ปุฺํ วา อปุฺํ วา’’ติ? ‘‘ปุฺํ โข, มหาราช, พหุตรํ, อปุฺํ โถก’’นฺติ. ‘‘เกน การเณนา’’ติ? ‘‘อปุฺํ โข, มหาราช, กโรนฺโต วิปฺปฏิสารี โหติ ‘ปาปกมฺมํ มยา กต’นฺติ, เตน ปาปํ น วฑฺฒติ. ปุฺํ โข, มหาราช, กโรนฺโต อวิปฺปฏิสารี โหติ, อวิปฺปฏิสาริโน ปาโมชฺชํ ชายติ, ปมุทิตสฺส ปีติ ชายติ, ปีติมนสฺส กาโย ปสฺสมฺภติ, ปสฺสทฺธกาโย สุขํ เวเทติ, สุขิโน จิตฺตํ สมาธิยติ, สมาหิโต ยถาภูตํ ปชานาติ, เตน การเณน ปุฺํ วฑฺฒติ. ปุริโส โข, มหาราช, ฉินฺนหตฺถปาโท ภควโต เอกํ อุปฺปลหตฺถํ ทตฺวา เอกนวุติกปฺปานิ วินิปาตํ น คจฺฉิสฺสติ. อิมินาปิ, มหาราช, การเณน ภณามิ ‘ปุฺํ พหุตรํ, อปุฺํ โถก’’’นฺติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

ปาปปุฺานํ อปฺปานปฺปภาวปฺโห สตฺตโม.

๘. ชานนฺตาชานนฺตปาปกรณปฺโห

. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, โย ชานนฺโต ปาปกมฺมํ กโรติ, โย อชานนฺโต ปาปกมฺมํ กโรติ, กสฺส พหุตรํ อปุฺ’’นฺติ? เถโร อาห ‘‘โย โข, มหาราช, อชานนฺโต ปาปกมฺมํ กโรติ, ตสฺส พหุตรํ อปุฺ’’นฺติ. ‘‘เตน หิ, ภนฺเต นาคเสน, โย อมฺหากํ ราชปุตฺโต วา ราชมหามตฺโต วา อชานนฺโต ปาปกมฺมํ กโรติ, ตํ มยํ ทิคุณํ ทณฺเฑมา’’ติ? ‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, ตตฺตํ อโยคุฬํ อาทิตฺตํ สมฺปชฺชลิตํ สโชติภูตํ เอโก ชานนฺโต คณฺเหยฺย, เอโก อชานนฺโต คณฺเหยฺย, กตโม [กสฺส (ก.)] พลวตรํ ฑยฺเหยฺยา’’ติ. ‘‘โย โข, ภนฺเต, อชานนฺโต คณฺเหยฺย, โส [ตสฺส (ปี. ก.)] พลวตรํ ฑยฺเหยฺยา’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, โย อชานนฺโต ปาปกมฺมํ กโรติ, ตสฺส พหุตรํ อปุฺ’’นฺติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

ชานนฺตาชานนฺตปาปกรณปฺโห อฏฺโม.

๙. อุตฺตรกุรุกาทิคมนปฺโห

. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, อตฺถิ โกจิ, โย อิมินา สรีเรน อุตฺตรกุรุํ วา คจฺเฉยฺย, พฺรหฺมโลกํ วา, อฺํ วา ปน ทีป’’นฺติ? ‘‘อตฺถิ, มหาราช, โย อิมินา จาตุมฺมหาภูติเกน กาเยน อุตฺตรกุรุํ วา คจฺเฉยฺย, พฺรหฺมโลกํ วา, อฺํ วา ปน ทีป’’นฺติ.

‘‘กถํ, ภนฺเต นาคเสน, อิมินา จาตุมฺมหาภูติเกน กาเยน อุตฺตรกุรุํ วา คจฺเฉยฺย, พฺรหฺมโลกํ วา, อฺํ วา ปน ทีป’’นฺติ? ‘‘อภิชานาสิ นุ, ตฺวํ มหาราช, อิมิสฺสา ปถวิยา วิทตฺถึ วา รตนํ วา ลงฺฆิตา’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, อภิชานามิ ‘อหํ, ภนฺเต นาคเสน, อฏฺปิ รตนิโย ลงฺเฆมี’’’ติ. ‘‘กถํ, ตฺวํ มหาราช, อฏฺปิ รตนิโย ลงฺเฆสี’’ติ? ‘‘อหฺหิ, ภนฺเต, จิตฺตํ อุปฺปาเทมิ ‘เอตฺถ นิปติสฺสามี’ติ สห จิตฺตุปฺปาเทน กาโย เม ลหุโก โหตี’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, อิทฺธิมา ภิกฺขุ เจโตวสิปฺปตฺโต กายํ จิตฺเต สมาโรเปตฺวา จิตฺตวเสน เวหาสํ คจฺฉตี’’ติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

อุตฺตรกุรุกาทิคมนปฺโห นวโม.

๑๐. ทีฆฏฺิปฺโห

๑๐. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ตุมฺเห เอวํ ภณถ ‘อฏฺิกานิ ทีฆานิ โยชนสติกานิปี’ติ, รุกฺโขปิ ตาว นตฺถิ โยชนสติโก, กุโต ปน อฏฺิกานิ ทีฆานิ โยชนสติกานิ ภวิสฺสนฺตี’’ติ?

‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, สุตํ เต ‘มหาสมุทฺเท ปฺจโยชนสติกาปิ มจฺฉา อตฺถี’’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, สุต’’นฺติ. ‘‘นนุ มหาราช, ปฺจโยชนสติกสฺส มจฺฉสฺส อฏฺิกานิ ทีฆานิ ภวิสฺสนฺติ โยชนสติกานิปี’’ติ?

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

ทีฆฏฺิปฺโห ทสโม.

๑๑. อสฺสาสปสฺสาสนิโรธปฺโห

๑๑. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ตุมฺเห เอวํ ภณถ ‘สกฺกา อสฺสาสปสฺสาเส นิโรเธตุ’’’นฺติ? ‘‘อาม, มหาราช, สกฺกา อสฺสาสปสฺสาเส นิโรเธตุ’’นฺติ. ‘‘กถํ, ภนฺเต นาคเสน, สกฺกา อสฺสาสปสฺสาเส นิโรเธตุ’’นฺติ. ‘‘ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, สุตปุพฺโพ เต โกจิ กากจฺฉมาโน’’ติ. ‘‘อาม, ภนฺเต, สุตปุพฺโพ’’ติ. ‘‘กึ นุ โข, มหาราช, โส สทฺโท กาเย นมิเต วิรเมยฺยา’’ติ. ‘‘อาม, ภนฺเต, วิรเมยฺยา’’ติ. ‘‘โส หิ นาม, มหาราช, สทฺโท อภาวิตกายสฺส อภาวิตสีลสฺส อภาวิตจิตฺตสฺส อภาวิตปฺสฺส กาเย นมิเต วิรมิสฺสติ, กึ ปน ภาวิตกายสฺส ภาวิตสีลสฺส ภาวิตจิตฺตสฺส ภาวิตปฺสฺส จตุตฺถชฺฌานํ สมาปนฺนสฺส อสฺสาสปสฺสาสา น นิรุชฺฌิสฺสนฺตี’’ติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

อสฺสาสปสฺสาสนิโรธปฺโห เอกาทสโม.

๑๒. สมุทฺทปฺโห

๑๒. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ‘สมุทฺโท สมุทฺโท’ติ วุจฺจติ, เกน การเณน อุทกํ ‘สมุทฺโท’ติ วุจฺจตี’’ติ? เถโร อาห ‘‘ยตฺตกํ, มหาราช, อุทกํ, ตตฺตกํ โลณํ. ยตฺตกํ โลณํ, ตตฺตกํ อุทกํ. ตสฺมา ‘สมุทฺโท’ติ วุจฺจตี’’ติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

สมุทฺทปฺโห ทฺวาทสโม.

๑๓. สมุทฺทเอกรสปฺโห

๑๓. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, เกน การเณน สมุทฺโท เอกรโส โลณรโส’’ติ? ‘‘จิรสณฺิตตฺตา โข, มหาราช, อุทกสฺส สมุทฺโท เอกรโส โลณรโส’’ติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

สมุทฺทเอกรสปฺโห เตรสโม.

๑๔. สุขุมปฺโห

๑๔. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, สกฺกา สพฺพํ สุขุมํ ฉินฺทิตุ’’นฺติ? ‘‘อาม, มหาราช, สกฺกา สพฺพํ สุขุมํ ฉินฺทิตุ’’นฺติ. ‘‘กึ ปน, ภนฺเต, สพฺพํ สุขุม’’นฺติ? ‘‘ธมฺโม โข, มหาราช, สพฺพสุขุโม, น โข, มหาราช, ธมฺมา สพฺเพ สุขุมา, ‘สุขุม’นฺติ วา ‘ถูล’นฺติ วา ธมฺมานเมตมธิวจนํ. ยํ กิฺจิ ฉินฺทิตพฺพํ, สพฺพํ ตํ ปฺาย ฉินฺทติ, นตฺถิ ทุติยํ ปฺาย เฉทน’’นฺติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

สุขุมปฺโห จุทฺทสโม.

๑๕. วิฺาณนานตฺถปฺโห

๑๕. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ‘วิฺาณ’นฺติ วา ‘ปฺา’ติ วา ‘ภูตสฺมึ ชีโว’ติ วา อิเม ธมฺมา นานตฺถา เจว นานาพฺยฺชนา จ, อุทาหุ เอกตฺถา พฺยฺชนเมว นาน’’นฺติ? ‘‘วิชานนลกฺขณํ, มหาราช, วิฺาณํ, ปชานนลกฺขณา ปฺา, ภูตสฺมึ ชีโว นุปลพฺภตี’’ติ. ‘‘ยทิ ชีโว นุปลพฺภติ, อถ โก จรหิ จกฺขุนา รูปํ ปสฺสติ, โสเตน สทฺทํ สุณาติ, ฆาเนน คนฺธํ ฆายติ, ชิวฺหาย รสํ สายติ, กาเยน โผฏฺพฺพํ ผุสติ, มนสา ธมฺมํ วิชานาตี’’ติ? เถโร อาห ‘‘ยทิ ชีโว จกฺขุนา รูปํ ปสฺสติ…เป… มนสา ธมฺมํ วิชานาติ, โส ชีโว จกฺขุทฺวาเรสุ อุปฺปาฏิเตสุ มหนฺเตน อากาเสน พหิมุโข สุฏฺุตรํ รูปํ ปสฺเสยฺย, โสเตสุ อุปฺปาฏิเตสุ, ฆาเน อุปฺปาฏิเต, ชิวฺหาย อุปฺปาฏิตาย, กาเย อุปฺปาฏิเต มหนฺเตน อากาเสน สุฏฺุตรํ สทฺทํ สุเณยฺย, คนฺธํ ฆาเยยฺย, รสํ สาเยยฺย, โผฏฺพฺพํ ผุเสยฺยา’’ติ? ‘‘น หิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘เตน หิ, มหาราช, ภูตสฺมึ ชีโว นุปลพฺภตี’’ติ.

‘‘กลฺโลสิ, ภนฺเต นาคเสนา’’ติ.

วิฺาณนานตฺถปฺโห ปนฺนรสโม.

๑๖. อรูปธมฺมววตฺถานทุกฺกรปฺโห

๑๖. ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ทุกฺกรํ นุ โข ภควตา กต’’นฺติ? เถโร อาห ‘‘ทุกฺกรํ, มหาราช, ภควตา กต’’นฺติ. ‘‘กึ ปน, ภนฺเต นาคเสน, ภควตา ทุกฺกรํ กต’’นฺติ. ‘‘ทุกฺกรํ, มหาราช, ภควตา กตํ อิเมสํ อรูปีนํ จิตฺตเจตสิกานํ ธมฺมานํ เอการมฺมเณ วตฺตมานานํ ววตฺถานํ อกฺขาตํ ‘อยํ ผสฺโส, อยํ เวทนา, อยํ สฺา, อยํ เจตนา, อิทํ จิตฺต’’’นฺติ.

‘‘โอปมฺมํ กโรหี’’ติ. ‘‘ยถา, มหาราช, โกจิเทว ปุริโส นาวาย มหาสมุทฺทํ อชฺโฌคาเหตฺวา หตฺถปุเฏน อุทกํ คเหตฺวา ชิวฺหาย สายิตฺวา ชาเนยฺย นุ โข, มหาราช, โส ปุริโส ‘‘อิทํ คงฺคาย อุทกํ, อิทํ ยมุนาย อุทกํ, อิทํ อจิรวติยา อุทกํ, อิทํ สรภุยา อุทกํ, อิทํ มหิยา อุทก’’’นฺติ? ‘‘ทุกฺกรํ, ภนฺเต, ชานิตุ’’นฺติ. ‘‘อิโต ทุกฺกรตรํ โข, มหาราช, ภควตา กตํ อิเมสํ อรูปีนํ จิตฺตเจตสิกานํ ธมฺมานํ เอการมฺมเณ วตฺตมานานํ ววตฺถานํ อกฺขาตํ ‘อยํ ผสฺโส, อยํ เวทนา, อยํ สฺา, อยํ เจตนา, อิทํ จิตฺต’’’นฺติ. ‘‘สุฏฺุ, ภนฺเต’’ติ ราชา อพฺภานุโมทีติ.

อรูปธมฺมววตฺถานทุกฺกรปฺโห โสฬสโม.

อรูปธมฺมววตฺถานวคฺโค สตฺตโม.

อิมสฺมึ วคฺเค โสฬส ปฺหา.

มิลินฺทปฺหปุจฺฉาวิสชฺชนา

เถโร อาห ‘‘ชานาสิ โข, มหาราช, สมฺปติ กา เวลา’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, ชานามิ ‘สมฺปติ ปโม ยาโม อติกฺกนฺโต, มชฺฌิโม ยาโม ปวตฺตติ, อุกฺกา ปทีปียนฺติ, จตฺตาริ ปฏากานิ อาณตฺตานิ คมิสฺสนฺติ ภณฺฑโต ราชเทยฺยานี’’’ติ.

โยนกา เอวมาหํสุ ‘‘กลฺโลสิ, มหาราช, ปณฺฑิโต เถโร’’ติ. ‘‘อาม, ภเณ, ปณฺฑิโต เถโร, เอทิโส อาจริโย ภเวยฺย มาทิโส จ อนฺเตวาสี, นจิรสฺเสว ปณฺฑิโต ธมฺมํ อาชาเนยฺยา’’ติ. ตสฺส ปฺหเวยฺยากรเณน ตุฏฺโ ราชา เถรํ นาคเสนํ สตสหสฺสคฺฆนเกน กมฺพเลน อจฺฉาเทตฺวา ‘‘ภนฺเต นาคเสน, อชฺชตคฺเค เต อฏฺสตํ ภตฺตํ ปฺเปมิ, ยํ กิฺจิ อนฺเตปุเร กปฺปิยํ, เตน จ ปวาเรมี’’ติ อาห. อลํ มหาราช ชีวามี’’ติ. ‘‘ชานามิ, ภนฺเต นาคเสน, ชีวสิ, อปิ จ อตฺตานฺจ รกฺข, มมฺจ รกฺขาหี’’ติ. ‘‘กถํ อตฺตานํ รกฺขสิ, ‘นาคเสโน มิลินฺทํ ราชานํ ปสาเทติ, น จ กิฺจิ อลภี’ติ ปราปวาโท [ปรปฺปวาโท (ก.)] อาคจฺเฉยฺยาติ, เอวํ อตฺตานํ รกฺข. กถํ มมํ รกฺขสิ, ‘มิลินฺโท ราชา ปสนฺโน ปสนฺนาการํ น กโรตี’ติ ปราปวาโท อาคจฺเฉยฺยาติ, เอวํ มมํ รกฺขาหี’’ติ. ‘‘ตถา โหตุ, มหาราชา’’ติ. ‘‘เสยฺยถาปิ, ภนฺเต, สีโห มิคราชา สุวณฺณปฺชเร ปกฺขิตฺโตปิ พหิมุโข เยว โหติ, เอวเมว โข อหํ, ภนฺเต, กิฺจาปิ อคารํ อชฺฌาวสามิ พหิมุโข เยว ปน อจฺฉามิ. สเจ อหํ, ภนฺเต, อคารสฺมา อนาคาริยํ ปพฺพเชยฺยํ, น จิรํ ชีเวยฺยํ, พหู เม ปจฺจตฺถิกา’’ติ.

อถ โข อายสฺมา นาคเสโน มิลินฺทสฺส รฺโ ปฺหํ วิสชฺเชตฺวา อุฏฺายาสนา สงฺฆารามํ อคมาสิ. อจิรปกฺกนฺเต จ อายสฺมนฺเต นาคเสเน มิลินฺทสฺส รฺโ เอตทโหสิ ‘‘กึ มยา ปุจฺฉิตํ, กึ ภทนฺเตน นาคเสเนน วิสชฺชิต’’นฺติ? อถ โข มิลินฺทสฺส รฺโ เอตทโหสิ ‘‘สพฺพํ มยา สุปุจฺฉิตํ, สพฺพํ ภทนฺเตน นาคเสเนน สุวิสชฺชิต’’นฺติ. อายสฺมโตปิ นาคเสนสฺส สงฺฆารามคตสฺส เอตทโหสิ ‘‘กึ มิลินฺเทน รฺา ปุจฺฉิตํ, กึ มยา วิสชฺชิต’’นฺติ. อถ โข อายสฺมโต นาคเสนสฺส เอตทโหสิ ‘‘สพฺพํ มิลินฺเทน รฺา สุปุจฺฉิตํ, สพฺพํ มยา สุวิสชฺชิต’’นฺติ.

อถ โข อายสฺมา นาคเสโน ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน มิลินฺทสฺส รฺโ นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ. อถ โข มิลินฺโท ราชา อายสฺมนฺตํ นาคเสนํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ, เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข มิลินฺโท ราชา อายสฺมนฺตํ นาคเสนํ เอตทโวจ –

‘‘มา โข ภทนฺตสฺส เอวํ อโหสิ ‘นาคเสโน มยา ปฺหํ ปุจฺฉิโต’ติ เตเนว โสมนสฺเสน ตํ รตฺตาวเสสํ วีตินาเมสีติ น เต เอวํ ทฏฺพฺพํ. ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, ตํ รตฺตาวเสสํ เอตทโหสิ ‘กึ มยา ปุจฺฉิตํ, กึ ภทนฺเตน วิสชฺชิต’นฺติ, ‘สพฺพํ มยา สุปุจฺฉิตํ, สพฺพํ ภทนฺเตน สุวิสชฺชิต’’’นฺติ.

เถโรปิ เอวมาห – ‘‘มา โข มหาราชสฺส เอวํ อโหสิ ‘มิลินฺทสฺส รฺโ มยา ปฺโห วิสชฺชิโต’ติ เตเนว โสมนสฺเสน ตํ รตฺตาวเสสํ วีตินาเมสีติ น เต เอวํ ทฏฺพฺพํ. ตสฺส มยฺหํ, มหาราช, ตํ รตฺตาวเสสํ เอตทโหสิ ‘กึ มิลินฺเทน รฺา ปุจฺฉิตํ, กึ มยา วิสชฺชิต’นฺติ, ‘สพฺพํ มิลินฺเทน รฺา สุปุจฺฉิตํ, สพฺพํ มยา สุวิสชฺชิต’’’นฺติ อิติห เต มหานาคา อฺมฺสฺส สุภาสิตํ สมนุโมทึสูติ.

มิลินฺทปฺหปุจฺฉาวิสชฺชนา นิฏฺิตา.

เมณฺฑกปฺหารมฺภกถา

อฏฺมนฺตปริวชฺชนียฏฺานานิ

ภสฺสปฺปวาโท [ภสฺสปฺปเวที (สี. ปี.)] เวตณฺฑี, อติพุทฺธิ วิจกฺขโณ;

มิลินฺโท าณเภทาย, นาคเสนมุปาคมิ.

วสนฺโต ตสฺส ฉายาย, ปริปุจฺฉํ ปุนปฺปุนํ;

ปภินฺนพุทฺธิ หุตฺวาน, โสปิ อาสิ ติเปฏโก.

นวงฺคํ อนุมชฺชนฺโต, รตฺติภาเค รโหคโต;

อทฺทกฺขิ เมณฺฑเก ปฺเห, ทุนฺนิเวเ สนิคฺคเห.

‘‘ปริยายภาสิตํ อตฺถิ, อตฺถิ สนฺธายภาสิตํ;

สภาวภาสิตํ อตฺถิ, ธมฺมราชสฺส สาสเน.

‘‘เตสมตฺถํ อวิฺาย, เมณฺฑเก ชินภาสิเต;

อนาคตมฺหิ อทฺธาเน, วิคฺคโห ตตฺถ เหสฺสติ.

‘‘หนฺท กถึ ปสาเทตฺวา, เฉชฺชาเปสฺสามิ เมณฺฑเก;

ตสฺส นิทฺทิฏฺมคฺเคน, นิทฺทิสิสฺสนฺตฺยนาคเต’’ติ.

อถ โข มิลินฺโท ราชา ปภาตาย รตฺติยา อุทฺธสฺเต [อุฏฺิเต (สฺยา.), อุคฺคเต (สี. ปี.)] อรุเณ สีสํ นฺหตฺวา สิรสิ อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺเน สมฺมาสมฺพุทฺเธ อนุสฺสริตฺวา อฏฺ วตฺตปทานิ สมาทิยิ ‘‘อิโต เม อนาคตานิ สตฺต ทิวสานิ อฏฺ คุเณ สมาทิยิตฺวา ตโป จริตพฺโพ ภวิสฺสติ, โสหํ จิณฺณตโป สมาโน อาจริยํ อาราเธตฺวา เมณฺฑเก ปฺเห ปุจฺฉิสฺสามี’’ติ. อถ โข มิลินฺโท ราชา ปกติทุสฺสยุคํ อปเนตฺวา อาภรณานิ จ โอมุฺจิตฺวา กาสาวํ นิวาเสตฺวา มุณฺฑกปฏิสีสกํ สีเส ปฏิมุฺจิตฺวา มุนิภาวมุปคนฺตฺวา อฏฺ คุเณ สมาทิยิ ‘‘อิมํ สตฺตาหํ มยา น ราชตฺโถ อนุสาสิตพฺโพ, น ราคูปสฺหิตํ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํ, น โทสูปสฺหิตํ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํ, น โมหูปสฺหิตํ จิตฺตํ อุปฺปาเทตพฺพํ, ทาสกมฺมกรโปริเส ชเนปิ นิวาตวุตฺตินา ภวิตพฺพํ, กายิกํ วาจสิกํ อนุรกฺขิตพฺพํ, ฉปิ อายตนานิ นิรวเสสโต อนุรกฺขิตพฺพานิ, เมตฺตาภาวนาย มานสํ ปกฺขิปิตพฺพ’’นฺติ. อิเม อฏฺ คุเณ สมาทิยิตฺวา เตสฺเวว อฏฺสุ คุเณสุ มานสํ ปติฏฺเปตฺวา พหิ อนิกฺขมิตฺวา สตฺตาหํ วีตินาเมตฺวา อฏฺเม ทิวเส ปภาตาย รตฺติยา ปเคว ปาตราสํ กตฺวา โอกฺขิตฺตจกฺขุ มิตภาณี สุสณฺิเตน อิริยาปเถน อวิกฺขิตฺเตน จิตฺเตน หฏฺเน อุทคฺเคน วิปฺปสนฺเนน เถรํ นาคเสนํ อุปสงฺกมิตฺวา เถรสฺส ปาเท สิรสา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ ิโต อิทมโวจ –

‘‘อตฺถิ เม, ภนฺเต นาคเสน, โกจิ อตฺโถ ตุมฺเหหิ สทฺธึ มนฺตยิตพฺโพ, น ตตฺถ อฺโ โกจิ ตติโย อิจฺฉิตพฺโพ, สุฺเ โอกาเส ปวิวิตฺเต อรฺเ อฏฺงฺคุปาคเต สมณสารุปฺเป. ตตฺถ โส ปฺโห ปุจฺฉิตพฺโพ ภวิสฺสติ, ตตฺถ เม คุยฺหํ น กาตพฺพํ น รหสฺสกํ, อรหามหํ รหสฺสกํ สุณิตุํ สุมนฺตเน อุปคเต, อุปมายปิ โส อตฺโถ อุปปริกฺขิตพฺโพ, ยถา กึ วิย, ยถา นาม, ภนฺเต นาคเสน, มหาปถวี นิกฺเขปํ อรหติ นิกฺเขเป อุปคเต. เอวเมว โข, ภนฺเต นาคเสน, อรหามหํ รหสฺสกํ สุณิตุํ สุมนฺตเน อุปคเต’’ติ. ครุนา สห ปวิวิตฺตปวนํ ปวิสิตฺวา อิทมโวจ – ‘‘ภนฺเต นาคเสน, อิธ ปุริเสน มนฺตยิตุกาเมน อฏฺ านานิ ปริวชฺชยิตพฺพานิ ภวนฺติ, น เตสุ าเนสุ วิฺู ปุริโส อตฺถํ มนฺเตติ, มนฺติโตปิ อตฺโถ ปริปตติ น สมฺภวติ. กตมานิ อฏฺ านานิ? วิสมฏฺานํ ปริวชฺชนียํ, สภยํ ปริวชฺชนียํ, อติวาตฏฺานํ ปริวชฺชนียํ, ปฏิจฺฉนฺนฏฺานํ ปริวชฺชนียํ, เทวฏฺานํ ปริวชฺชนียํ, ปนฺโถ ปริวชฺชนีโย, สงฺคาโม [สงฺกโม (สี. ปี.)] ปริวชฺชนีโย, อุทกติตฺถํ ปริวชฺชนียํ. อิมานิ อฏฺ านานิ ปริวชฺชนียานี’’ติ.

เถโร อาห ‘‘โก โทโส วิสมฏฺาเน, สภเย, อติวาเต, ปฏิจฺฉนฺเน, เทวฏฺาเน, ปนฺเถ, สงฺคาเม, อุทกติตฺเถ’’ติ? ‘‘วิสเม, ภนฺเต นาคเสน, มนฺติโต อตฺโถ วิกิรติ วิธมติ ปคฺฆรติ น สมฺภวติ, สภเย มโน สนฺตสฺสติ, สนฺตสฺสิโต น สมฺมา อตฺถํ สมนุปสฺสติ, อติวาเต สทฺโท อวิภูโต โหติ, ปฏิจฺฉนฺเน อุปสฺสุตึ ติฏฺนฺติ, เทวฏฺาเน มนฺติโต อตฺโถ ครุกํ ปริณมติ, ปนฺเถ มนฺติโต อตฺโถ ตุจฺโฉ ภวติ, สงฺคาเม จฺจโล ภวติ, อุทกติตฺเถ ปากโฏ ภวติ. ภวตีห –

‘‘‘วิสมํ สภยํ อติวาโต, ปฏิจฺฉนฺนํ เทวนิสฺสิตํ;

ปนฺโถ จ สงฺคาโม ติตฺถํ, อฏฺเเต ปริวชฺชิยา’’’ติ.

อฏฺ มนฺตนสฺส ปริวชฺชนียฏฺานานิ.

อฏฺมนฺตวินาสกปุคฺคลา

‘‘ภนฺเต นาคเสน, อฏฺิเม ปุคฺคลา มนฺติยมานา มนฺติตํ อตฺถํ พฺยาปาเทนฺติ. กตเม อฏฺ? ราคจริโต โทสจริโต โมหจริโต มานจริโต ลุทฺโธ อลโส เอกจินฺตี พาโลติ. อิเม อฏฺ ปุคฺคลา มนฺติตํ อตฺถํ พฺยาปาเทนฺตี’’ติ.

เถโร อาห ‘‘เตสํ โก โทโส’’ติ? ‘‘ราคจริโต, ภนฺเต นาคเสน, ราควเสน มนฺติตํ อตฺถํ พฺยาปาเทติ, โทสจริโต โทสวเสน มนฺติตํ อตฺถํ พฺยาปาเทติ, โมหจริโต โมหวเสน มนฺติตํ อตฺถํ พฺยาปาเทติ, มานจริโต มานวเสน มนฺติตํ อตฺถํ พฺยาปาเทติ, ลุทฺโธ โลภวเสน มนฺติตํ อตฺถํ พฺยาปาเทติ, อลโส อลสตาย มนฺติตํ อตฺถํ พฺยาปาเทติ, เอกจินฺตี เอกจินฺติตาย มนฺติตํ อตฺถํ พฺยาปาเทติ, พาโล พาลตาย มนฺติตํ อตฺถํ พฺยาปาเทติ. ภวตีห –

‘‘‘รตฺโต ทุฏฺโ จ มูฬฺโห จ, มานี ลุทฺโธ ตถาลโส;

เอกจินฺตี จ พาโล จ, เอเต อตฺถวินาสกา’’’ติ.

อฏฺ มนฺตวินาสกปุคฺคลา.

นวคุยฺหมนฺตวิธํสกํ

‘‘ภนฺเต นาคเสน, นวิเม ปุคฺคลา มนฺติตํ คุยฺหํ วิวรนฺติ น ธาเรนฺติ. กตเม นว? ราคจริโต โทสจริโต โมหจริโต ภีรุโก อามิสครุโก อิตฺถี โสณฺโฑ ปณฺฑโก ทารโก’’ติ.

เถโร อาห ‘‘เตสํ โก โทโส’’ติ? ‘‘ราคจริโต, ภนฺเต นาคเสน, ราควเสน มนฺติตํ คุยฺหํ วิวรติ น ธาเรติ, โทสจริโต, ภนฺเต, โทสวเสน มนฺติตํ คุยฺหํ วิวรติ น ธาเรติ, มูฬฺโห โมหวเสน มนฺติตํ คุยฺหํ วิวรติ น ธาเรติ, ภีรุโก ภยวเสน มนฺติตํ คุยฺหํ วิวรติ น ธาเรติ, อามิสครุโก อามิสเหตุ มนฺติตํ คุยฺหํ วิวรติ น ธาเรติ, อิตฺถี ปฺาย อิตฺตรตาย มนฺติตํ คุยฺหํ วิวรติ น ธาเรติ, โสณฺฑิโก สุราโลลตาย มนฺติตํ คุยฺหํ วิวรติ น ธาเรติ, ปณฺฑโก อเนกํสิกตาย มนฺติตํ คุยฺหํ วิวรติ น ธาเรติ, ทารโก จปลตาย มนฺติตํ คุยฺหํ วิวรติ น ธาเรติ. ภวตีห –

‘‘‘รตฺโต ทุฏฺโ จ มูฬฺโห จ, ภีรุ อามิสครุโก [อามิสจกฺขุโก (สี. ปี.)];

อิตฺถี โสณฺโฑ ปณฺฑโก จ, นวโม ภวติ ทารโก.

‘‘นเวเต ปุคฺคลา โลเก, อิตฺตรา จลิตา จลา;

เอเตหิ มนฺติตํ คุยฺหํ, ขิปฺปํ ภวติ ปากฏ’’’นฺติ.

นว คุยฺหมนฺตวิธํสกา ปุคฺคลา.

อฏฺ ปฺาปฏิลาภการณํ

‘‘ภนฺเต นาคเสน, อฏฺหิ การเณหิ พุทฺธิ ปริณมติ ปริปากํ คจฺฉติ. กตเมหิ อฏฺหิ? วยปริณาเมน พุทฺธิ ปริณมติ ปริปากํ คจฺฉติ, ยสปริณาเมน พุทฺธิ ปริณมติ ปริปากํ คจฺฉติ, ปริปุจฺฉาย พุทฺธิ ปริณมติ ปริปากํ คจฺฉติ, ติตฺถสํวาเสน พุทฺธิ ปริณมติ ปริปากํ คจฺฉติ, โยนิโส มนสิกาเรน พุทฺธิ ปริณมติ ปริปากํ คจฺฉติ, สากจฺฉาย พุทฺธิ ปริณมติ ปริปากํ คจฺฉติ, สฺเนหูปเสวเนน พุทฺธิ ปริณมติ ปริปากํ คจฺฉติ, ปติรูปเทสวาเสน พุทฺธิ ปริณมติ ปริปากํ คจฺฉติ. ภวตีห –

‘‘‘วเยน ยสปุจฺฉาหิ, ติตฺถวาเสน โยนิโส;

สากจฺฉา สฺเนหสํเสวา, ปติรูปวเสน จ.

‘‘เอตานิ อฏฺ านานิ, พุทฺธิวิสทการณา;

เยสํ เอตานิ สมฺโภนฺติ, เตสํ พุทฺธิ ปภิชฺชตี’’’ติ.

อฏฺ ปฺาปฏิลาภการณานิ.

อาจริยคุณํ

‘‘ภนฺเต นาคเสน, อยํ ภูมิภาโค อฏฺ มนฺตโทสวิวชฺชิโต, อหฺจ โลเก ปรโม มนฺติสหาโย [มนฺตสหาโย (สี.)], คุยฺหมนุรกฺขี จาหํ ยาวาหํ ชีวิสฺสามิ ตาว คุยฺหมนุรกฺขิสฺสามิ, อฏฺหิ จ เม การเณหิ พุทฺธิ ปริณามํ คตา, ทุลฺลโภ เอตรหิ มาทิโส อนฺเตวาสี, สมฺมา ปฏิปนฺเน อนฺเตวาสิเก เย อาจริยานํ ปฺจวีสติ อาจริยคุณา, เตหิ คุเณหิ อาจริเยน สมฺมา ปฏิปชฺชิตพฺพํ. กตเม ปฺจวีสติ คุณา?

‘‘อิธ, ภนฺเต นาคเสน, อาจริเยน อนฺเตวาสิมฺหิ สตตํ สมิตํ อารกฺขา อุปฏฺเปตพฺพา, อเสวนเสวนา ชานิตพฺพา, ปมตฺตาปฺปมตฺตา ชานิตพฺพา, เสยฺยวกาโส ชานิตพฺโพ, เคลฺํ ชานิตพฺพํ, โภชนสฺส [โภชนียํ (สฺยา.)] ลทฺธาลทฺธํ ชานิตพฺพํ, วิเสโส ชานิตพฺโพ, ปตฺตคตํ สํวิภชิตพฺพํ, อสฺสาสิตพฺโพ ‘มา ภายิ, อตฺโถ เต อภิกฺกมตี’ติ, ‘อิมินา ปุคฺคเลน ปฏิจรตี’ติ [ปฏิจราหีติ (ก.)] ปฏิจาโร ชานิตพฺโพ, คาเม ปฏิจาโร ชานิตพฺโพ, วิหาเร ปฏิจาโร ชานิตพฺโพ, น เตน หาโส ทโว กาตพฺโพ [น เตน สห สลฺลาโป กาตพฺโพ (สี. ปี.)], เตน สห อาลาโป กาตพฺโพ, ฉิทฺทํ ทิสฺวา อธิวาเสตพฺพํ, สกฺกจฺจการินา ภวิตพฺพํ, อขณฺฑการินา ภวิตพฺพํ, อรหสฺสการินา ภวิตพฺพํ, นิรวเสสการินา ภวิตพฺพํ, ‘ชเนมิมํ [ชาเนมิมํ (สฺยา.)] สิปฺเปสู’ติ ชนกจิตฺตํ อุปฏฺเปตพฺพํ, ‘กถํ อยํ น ปริหาเยยฺยา’ติ วฑฺฒิจิตฺตํ อุปฏฺเปตพฺพํ, ‘พลวํ อิมํ กโรมิ สิกฺขาพเลนา’ติ จิตฺตํ อุปฏฺเปตพฺพํ, เมตฺตจิตฺตํ อุปฏฺเปตพฺพํ, อาปทาสุ น วิชหิตพฺพํ, กรณีเย นปฺปมชฺชิตพฺพํ, ขลิเต ธมฺเมน ปคฺคเหตพฺโพติ. อิเม โข, ภนฺเต, ปฺจวีสติ อาจริยสฺส อาจริยคุณา, เตหิ คุเณหิ มยิ สมฺมา ปฏิปชฺชสฺสุ, สํสโย เม, ภนฺเต, อุปฺปนฺโน, อตฺถิ เมณฺฑกปฺหา ชินภาสิตา, อนาคเต อทฺธาเน ตตฺถ วิคฺคโห อุปฺปชฺชิสฺสติ, อนาคเต จ อทฺธาเน ทุลฺลภา ภวิสฺสนฺติ ตุมฺหาทิสา พุทฺธิมนฺโต, เตสุ เม ปฺเหสุ จกฺขุํ เทหิ ปรวาทานํ นิคฺคหายา’’ติ.

อุปาสกคุณํ

เถโร ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ทส อุปาสกสฺส อุปาสกคุเณ ปริทีเปสิ. ‘‘ทส อิเม, มหาราช, อุปาสกสฺส อุปาสกคุณา. กตเม ทส, อิธ, มหาราช, อุปาสโก สงฺเฆน สมานสุขทุกฺโข โหติ, ธมฺมาธิปเตยฺโย โหติ, ยถาพลํ สํวิภาครโต โหติ, ชินสาสนปริหานึ ทิสฺวา อภิวฑฺฒิยา วายมติ. สมฺมาทิฏฺิโก โหติ, อปคตโกตูหลมงฺคลิโก ชีวิตเหตุปิ น อฺํ สตฺถารํ อุทฺทิสติ, กายิกวาจสิกฺจสฺส รกฺขิตํ โหติ, สมคฺคาราโม โหติ สมคฺครโต, อนุสูยโก โหติ, น จ กุหนวเสน สาสเน จรติ, พุทฺธํ สรณํ คโต โหติ, ธมฺมํ สรณํ คโต โหติ, สงฺฆํ สรณํ คโต โหติ. อิเม โข, มหาราช, ทส อุปาสกสฺส อุปาสกคุณา, เต สพฺเพ คุณา ตยิ สํวิชฺชนฺติ, ตํ เต ยุตฺตํ ปตฺตํ อนุจฺฉวิกํ ปติรูปํ ยํ ตฺวํ ชินสาสนปริหานึ ทิสฺวา อภิวฑฺฒึ อิจฺฉสิ, กโรมิ เต โอกาสํ, ปุจฺฉ มํ ตฺวํ ยถาสุข’’นฺติ.

เมณฺฑกปฺหารมฺภกถา นิฏฺิตา.

๔. เมณฺฑกปฺโห

๑. อิทฺธิพลวคฺโค

๑. กตาธิการสผลปฺโห

. อถ โข มิลินฺโท ราชา กตาวกาโส นิปจฺจ ครุโน ปาเท สิรสิ อฺชลึ กตฺวา เอตทโวจ ‘‘ภนฺเต นาคเสน, อิเม ติตฺถิยา เอวํ ภณนฺติ [วฺโจ ภวติ อผโล (สี. ปี. ก.)] ‘ยทิ พุทฺโธ ปูชํ สาทิยติ, น ปรินิพฺพุโต พุทฺโธ สํยุตฺโต โลเกน อนฺโตภวิโก โลกสฺมึ โลกสาธารโณ, ตสฺมา ตสฺส กโต อธิกาโร อวฺโฌ ภวติ สผโล. ยทิ ปรินิพฺพุโต วิสํยุตฺโต โลเกน นิสฺสโฏ สพฺพภเวหิ, ตสฺส ปูชา นุปฺปชฺชติ, ปรินิพฺพุโต น กิฺจิ สาทิยติ, อสาทิยนฺตสฺส กโต อธิกาโร วฺโฌ ภวติ อผโล’ติ อุภโต โกฏิโก เอโส ปฺโห, เนโส วิสโย อปฺปตฺตมานสานํ, มหนฺตานํ เยเวโส วิสโย, ภินฺเทตํ ทิฏฺิชาลํ เอกํเส ปย, ตเวโส ปฺโห อนุปฺปตฺโต, อนาคตานํ ชินปุตฺตานํ จกฺขุํ เทหิ ปรวาทนิคฺคหายา’’ติ.

เถโร อาห ‘‘ปรินิพฺพุโต, มหาราช, ภควา, น จ ภควา ปูชํ สาทิยติ, โพธิมูเล เยว ตถาคตสฺส สาทิยนา ปหีนา, กึ ปน อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพุตสฺส. ภาสิตมฺเปตํ, มหาราช, เถเรน สาริปุตฺเตน ธมฺมเสนาปตินา –

‘‘‘ปูชิยนฺตา [ปูชิตา (สฺยา.)] อสมสมา, สเทวมานุเสหิ เต;

น สาทิยนฺติ สกฺการํ, พุทฺธานํ เอส ธมฺมตา’’’ติ.

ราชา อาห ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ปุตฺโต วา ปิตุโน วณฺณํ ภาสติ, ปิตา วา ปุตฺตสฺส วณฺณํ ภาสติ, น เจตํ การณํ ปรวาทานํ นิคฺคหาย, ปสาทปฺปกาสนํ นาเมตํ, อิงฺฆ เม ตฺวํ ตตฺถ การณํ สมฺมา พฺรูหิ สกวาทสฺส ปติฏฺาปนาย ทิฏฺิชาลวินิเวนายา’’ติ.

เถโร อาห ‘‘ปรินิพฺพุโต, มหาราช, ภควา, น จ ภควา ปูชํ สาทิยติ, อสาทิยนฺตสฺเสว ตถาคตสฺส เทวมนุสฺสา ธาตุรตนํ วตฺถุํ กริตฺวา ตถาคตสฺส าณรตนารมฺมเณน สมฺมาปฏิปตฺตึ เสวนฺตา ติสฺโส สมฺปตฺติโย ปฏิลภนฺติ.

‘‘ยถา, มหาราช, มหติมหาอคฺคิกฺขนฺโธ ปชฺชลิตฺวา นิพฺพาเยยฺย, อปิ นุ โข โส, มหาราช, มหาอคฺคิกฺขนฺโธ สาทิยติ ติณกฏฺุปาทาน’’นฺติ? ‘‘ชลมาโนปิ โส, ภนฺเต, มหาอคฺคิกฺขนฺโธ ติณกฏฺุปาทานํ น สาทิยติ, กึ ปน นิพฺพุโต อุปสนฺโต อเจตโน สาทิยติ? ‘‘ตสฺมึ ปน, มหาราช, อคฺคิกฺขนฺเธ อุปรเต อุปสนฺเต โลเก อคฺคิ สุฺโ โหตี’’ติ. ‘‘น หิ, ภนฺเต, กฏฺํ อคฺคิสฺส วตฺถุ โหติ อุปาทานํ, เย เกจิ มนุสฺสา อคฺคิกามา, เต อตฺตโน ถามพลวีริเยน ปจฺจตฺตปุริสกาเรน กฏฺํ มนฺถยิตฺวา [มทฺทิตฺวา (ก.)] อคฺคึ นิพฺพตฺเตตฺวา เตน อคฺคินา อคฺคิกรณียานิ กมฺมานิ กโรนฺตี’’ติ. ‘‘เตน หิ, มหาราช, ติตฺถิยานํ วจนํ มิจฺฉา ภวติ ‘อสาทิยนฺตสฺส กโต อธิกาโร วฺโฌ ภวติ อผโล’ติ.

‘‘ยถา, มหาราช, มหติมหาอคฺคิกฺขนฺโธ ปชฺชลิ, เอวเมว ภควา ทสสหสฺสิยา [ทสสหสฺสิมฺหิ (สี. ปี. ก.)] โลกธาตุยา พุทฺธสิริยา ปชฺชลิ. ยถา, มหาราช, มหติมหาอคฺคิกฺขนฺโธ ปชฺชลิตฺวา นิพฺพุโต, เอวเมว ภควา ทสสหสฺสิยา โลกธาตุยา พุทฺธสิริยา ปชฺชลิตฺวา อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพุโต. ยถา, มหาราช, นิพฺพุโต อคฺคิกฺขนฺโธ ติณกฏฺุปาทานํ น สาทิยติ, เอวเมว โข โลกหิตสฺส สาทิยนา ปหีนา อุปสนฺตา. ยถา, มหาราช, มนุสฺสา นิพฺพุเต อคฺคิกฺขนฺเธ อนุปาทาเน อตฺตโน ถามพลวีริเยน ปจฺจตฺตปุริสกาเรน กฏฺํ มนฺถยิตฺวา อคฺคึ นิพฺพตฺเตตฺวา เตน อคฺคินา อคฺคิกรณียานิ กมฺมานิ กโรนฺติ, เอวเมว โข เทวมนุสฺสา ตถาคตสฺส ปรินิพฺพุตสฺส อสาทิยนฺตสฺเสว ธาตุรตนํ วตฺถุํ กริตฺวา ตถาคตสฺส าณรตนารมฺมเณน สมฺมาปฏิปตฺตึ เสวนฺตา ติสฺโส สมฺปตฺติโย ปฏิลภนฺติ, อิมินาปิ, มหาราช, การเณน ตถาคตสฺส ปรินิพฺพุตสฺส อสาทิยนฺตสฺเสว กโต อธิกาโร อวฺโฌ ภวติ สผโล.

‘‘อปรมฺปิ, มหาราช, อุตฺตรึ การณํ สุโณหิ เยน การเณน ตถาคตสฺส ปรินิพฺพุตสฺส อสาทิยนฺตสฺเสว กโต อธิกาโร อวฺโฌ ภวติ สผโล. ยถา, มหาราช, มหติมหาวาโต วายิตฺวา อุปรเมยฺย, อปิ นุ โข โส, มหาราช, อุปรโต วาโต สาทิยติ ปุน นิพฺพตฺตาปน’’นฺติ? ‘‘น หิ, ภนฺเต, อุปรตสฺส วาตสฺส อาโภโค วา มนสิกาโร วา ปุน นิพฺพตฺตาปนาย’’. ‘‘กึ การณํ’’? ‘‘อเจตนา สา วาโยธาตู’’ติ. ‘‘อปิ นุ ตสฺส, มหาราช, อุปรตสฺส วาตสฺส วาโตติ สมฺา อปคจฺฉตี’’ติ? ‘‘น หิ, ภนฺเต, ตาลวณฺฏวิธูปนานิ วาตสฺส อุปฺปตฺติยา ปจฺจยา, เย เกจิ มนุสฺสา อุณฺหาภิตตฺตา ปริฬาหปริปีฬิตา, เต ตาลวณฺเฏน วา วิธูปเนน วา อตฺตโน ถามพลวีริเยน ปจฺจตฺตปุริสกาเรน ตํ นิพฺพตฺเตตฺวา เตน วาเตน อุณฺหํ นิพฺพาเปนฺติ ปริฬาหํ วูปสเมนฺตี’’ติ. ‘‘เตน หิ, มหาราช, ติตฺถิยานํ วจนํ มิจฺฉา ภวติ ‘อสาทิยนฺตสฺส กโต อธิกาโร วฺโฌ ภวติ อผโล’ติ.

‘‘ยถา, มหาราช, มหติมหาวาโต วายิ, เอวเมว ภควา ทสสหสฺสิยา โลกธาตุยา สีตลมธุรสนฺตสุขุมเมตฺตาวาเตน อุปวายิ. ยถา, มหาราช, มหติมหาวาโต วายิตฺวา อุปรโต, เอวเมว ภควา สีตลมธุรสนฺตสุขุมเมตฺตาวาเตน อุปวายิตฺวา อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพุโต. ยถา, มหาราช, อุปรโต วาโต ปุน นิพฺพตฺตาปนํ น สาทิยติ, เอวเมว โลกหิตสฺส สาทิยนา ปหีนา อุปสนฺตา. ยถา, มหาราช, เต มนุสฺสา อุณฺหาภิตตฺตา ปริฬาหปริปีฬิตา, เอวเมว เทวมนุสฺสา ติวิธคฺคิสนฺตาปปริฬาหปริปีฬิตา. ยถา ตาลวณฺฏวิธูปนานิ วาตสฺส นิพฺพตฺติยา ปจฺจยา โหนฺติ, เอวเมว ตถาคตสฺส ธาตุ จ าณรตนฺจ ปจฺจโย โหติ ติสฺสนฺนํ สมฺปตฺตีนํ ปฏิลาภาย. ยถา มนุสฺสา อุณฺหาภิตตฺตา ปริฬาหปริปีฬิตา ตาลวณฺเฏน วา วิธูปเนน วา วาตํ นิพฺพตฺเตตฺวา อุณฺหํ นิพฺพาเปนฺติ ปริฬาหํ วูปสเมนฺติ, เอวเมว เทวมนุสฺสา ตถาคตสฺส ปรินิพฺพุตสฺส อสาทิยนฺตสฺเสว ธาตุฺจ าณรตนฺจ ปูเชตฺวา กุสลํ นิพฺพตฺเตตฺวา เตน กุสเลน ติวิธคฺคิสนฺตาปปริฬาหํ นิพฺพาเปนฺติ วูปสเมนฺติ. อิมินาปิ, มหาราช, การเณน ตถาคตสฺส ปรินิพฺพุตสฺส อสาทิยนฺตสฺเสว กโต อธิกาโร อวฺโฌ ภวติ สผโลติ.

‘‘อปรมฺปิ, มหาราช, อุตฺตรึ การณํ สุโณหิ ปรวาทานํ นิคฺคหาย. ยถา, มหาราช, ปุริโส เภรึ อาโกเฏตฺวา สทฺทํ นิพฺพตฺเตยฺย, โย โส เภริสทฺโท ปุริเสน นิพฺพตฺติโต, โส สทฺโท อนฺตรธาเยยฺย, อปิ นุ โข โส, มหาราช, สทฺโท สาทิยติ ปุน นิพฺพตฺตาปน’’นฺติ? ‘‘น หิ, ภนฺเต, อนฺตรหิโต โส สทฺโท, นตฺถิ ตสฺส ปุน อุปฺปาทาย อาโภโค วา มนสิกาโร วา, สกึ นิพฺพตฺเต เภริสทฺเท อนฺตรหิเต โส เภริสทฺโท สมุจฺฉินฺโน โหติ. เภรี ปน, ภนฺเต, ปจฺจโย โหติ สทฺทสฺส นิพฺพตฺติยา, อถ ปุริโส ปจฺจเย สติ อตฺตเชน วายาเมน เภรึ อโกเฏตฺวา สทฺทํ นิพฺพตฺเตตี’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, ภควา สีลสมาธิปฺาวิมุตฺติวิมุตฺติาณทสฺสนปริภาวิตํ ธาตุรตนฺจ ธมฺมฺจ วินยฺจ อนุสิฏฺฺจ [อนุสตฺถิฺจ (สี. ปี.)] สตฺถารํ ปยิตฺวา สยํ อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพุโต, น จ ปรินิพฺพุเต ภควติ สมฺปตฺติลาโภ อุปจฺฉินฺโน โหติ, ภวทุกฺขปฏิปีฬิตา สตฺตา ธาตุรตนฺจ ธมฺมฺจ วินยฺจ อนุสิฏฺฺจ ปจฺจยํ กริตฺวา สมฺปตฺติกามา สมฺปตฺติโย ปฏิลภนฺติ, อิมินาปิ, มหาราช, การเณน ตถาคตสฺส ปรินิพฺพุตสฺส อสาทิยนฺตสฺเสว กโต อธิกาโร อวฺโฌ ภวติ สผโลติ.

‘‘ทิฏฺฺเจตํ, มหาราช, ภควตา อนาคตมทฺธานํ. กถิตฺจ ภณิตฺจ อาจิกฺขิตฺจ ‘สิยา โข ปนานนฺท, ตุมฺหากํ เอวมสฺส อตีตสตฺถุกํ ปาวจนํ นตฺถิ โน สตฺถาติ, น โข ปเนตํ, อานนฺท, เอวํ ทฏฺพฺพํ, โย โว, อานนฺท, มยา ธมฺโม จ วินโย จ เทสิโต ปฺตฺโต, โส โว มมจฺจเยน สตฺถา’ติ. ปรินิพฺพุตสฺส ตถาคตสฺส อสาทิยนฺตสฺส กโต อธิกาโร วฺโฌ ภวติ อผโลติ, ตํ เตสํ ติตฺถิยานํ วจนํ มิจฺฉา อภูตํ วิตถํ อลิกํ วิรุทฺธํ วิปรีตํ ทุกฺขทายกํ ทุกฺขวิปากํ อปายคมนียนฺติ.

‘‘อปรมฺปิ, มหาราช, อุตฺตรึ การณํ สุโณหิ เยน การเณน ตถาคตสฺส ปรินิพฺพุตสฺส อสาทิยนฺตสฺเสว กโต อธิกาโร อวฺโฌ ภวติ สผโล. สาทิยติ นุ โข, มหาราช, อยํ มหาปถวี ‘สพฺพพีชานิ มยิ สํวิรุหนฺตู’’’ติ? ‘‘น หิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กิสฺส ปน ตานิ, มหาราช, พีชานิ อสาทิยนฺติยา มหาปถวิยา สํวิรุหิตฺวา ทฬฺหมูลชฏาปติฏฺิตา ขนฺธสารสาขาปริวิตฺถิณฺณา ปุปฺผผลธรา โหนฺตี’’ติ? ‘‘อสาทิยนฺตีปิ, ภนฺเต, มหาปถวี เตสํ พีชานํ วตฺถุํ โหติ ปจฺจยํ เทติ วิรุหนาย, ตานิ พีชานิ ตํ วตฺถุํ นิสฺสาย เตน ปจฺจเยน สํวิรุหิตฺวา ทฬฺหมูลชฏาปติฏฺิตา ขนฺธสารสาขาปริวิตฺถิณฺณา ปุปฺผผลธรา โหนฺตี’’ติ. ‘‘เตน หิ, มหาราช, ติตฺถิยา สเก วาเท นฏฺา โหนฺติ หตา วิรุทฺธา, สเจ เต ภณนฺติ ‘อสาทิยนฺตสฺส กโต อธิกาโร วฺโฌ ภวติ อผโล’ ติ.

‘‘ยถา, มหาราช, มหาปถวี, เอวํ ตถาคโต อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ. ยถา, มหาราช, มหาปถวี น กิฺจิ สาทิยติ, เอวํ ตถาคโต น กิฺจิ สาทิยติ. ยถา, มหาราช, ตานิ พีชานิ ปถวึ นิสฺสาย สํวิรุหิตฺวา ทฬฺหมูลชฏาปติฏฺิตา ขนฺธสารสาขาปริวิตฺถิณฺณา ปุปฺผผลธรา โหนฺติ, เอวํ เทวมนุสฺสา ตถาคตสฺส ปรินิพฺพุตสฺส อสาทิยนฺตสฺเสว ธาตุฺจ าณรตนฺจ นิสฺสาย ทฬฺหกุสลมูลปติฏฺิตา สมาธิกฺขนฺธธมฺมสารสีลสาขาปริวิตฺถิณฺณา วิมุตฺติปุปฺผสามฺผลธรา โหนฺติ, อิมินาปิ, มหาราช, การเณน ตถาคตสฺส ปรินิพฺพุตสฺส อสาทิยนฺตสฺเสว กโต อธิกาโร อวฺโฌ ภวติ สผโลติ.

‘‘อปรมฺปิ, มหาราช, อุตฺตรึ การณํ สุโณหิ เยน การเณน ตถาคตสฺส ปรินิพฺพุตสฺส อสาทิยนฺตสฺเสว กโต อธิกาโร อวฺโฌ ภวติ สผโล. สาทิยนฺติ นุ โข, มหาราช, อิเม โอฏฺา โคณา คทฺรภา อชา ปสู มนุสฺสา อนฺโตกุจฺฉิสฺมึ กิมิกุลานํ สมฺภว’’นฺติ? ‘‘น หิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กิสฺส ปน เต, มหาราช, กิมโย เตสํ อสาทิยนฺตานํ อนฺโตกุจฺฉิสฺมึ สมฺภวิตฺวา พหุปุตฺตนตฺตา เวปุลฺลตํ ปาปุณนฺตี’’ติ? ‘‘ปาปสฺส, ภนฺเต, กมฺมสฺส พลวตาย อสาทิยนฺตานํ เยว เตสํ สตฺตานํ อนฺโตกุจฺฉิสฺมึ กิมโย สมฺภวิตฺวา พหุปุตฺตนตฺตา เวปุลฺลตํ ปาปุณนฺตี’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, ตถาคตสฺส ปรินิพฺพุตสฺส อสาทิยนฺตสฺเสว ธาตุสฺส จ าณารมฺมณสฺส จ พลวตาย ตถาคเต กโต อธิกาโร อวฺโฌ ภวติ สผโลติ.

‘‘อปรมฺปิ, มหาราช, อุตฺตรึ การณํ สุโณหิ เยน การเณน ตถาคตสฺส ปรินิพฺพุตสฺส อสาทิยนฺตสฺเสว กโต อธิกาโร อวฺโฌ ภวติ สผโล. สาทิยนฺติ นุ โข, มหาราช, อิเม มนุสฺสา อิเม อฏฺนวุติ โรคา กาเย นิพฺพตฺตนฺตู’’ติ? ‘‘น หิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กิสฺส ปน เต, มหาราช, โรคา อสาทิยนฺตานํ กาเย นิปตนฺตี’’ติ? ‘‘ปุพฺเพ กเตน, ภนฺเต, ทุจฺจริเตนา’’ติ. ‘‘ยทิ, มหาราช, ปุพฺเพ กตํ อกุสลํ อิธ เวทนียํ โหติ, เตน หิ, มหาราช, ปุพฺเพ กตมฺปิ อิธ กตมฺปิ กุสลากุสลํ กมฺมํ อวฺฌํ ภวติ สผลนฺติ. อิมินาปิ, มหาราช, การเณน ตถาคตสฺส ปรินิพฺพุตสฺส อสาทิยนฺตสฺเสว กโต อธิกาโร อวฺโฌ ภวติ สผโลติ.

‘‘สุตปุพฺพํ ปน ตยา, มหาราช, นนฺทโก นาม ยกฺโข เถรํ สาริปุตฺตํ อาสาทยิตฺวา ปถวึ ปวิฏฺโ’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, สุยฺยติ, โลเก ปากโฏ เอโส’’ติ. ‘‘อปิ นุ โข, มหาราช, เถโร สาริปุตฺโต สาทิยิ นนฺทกสฺส ยกฺขสฺส มหาปถวิคิลน’’นฺติ [ปวตฺตมาเนปิ (สฺยา.)]. ‘‘อุพฺพตฺติยนฺเตปิ, ภนฺเต, สเทวเก โลเก ปตมาเนปิ ฉมายํ จนฺทิมสูริเย วิกิรนฺเตปิ สิเนรุปพฺพตราเช เถโร สาริปุตฺโต น ปรสฺส ทุกฺขํ สาทิเยยฺย. ตํ กิสฺส เหตุ? เยน เหตุนา เถโร สาริปุตฺโต กุชฺเฌยฺย วา ทุสฺเสยฺย วา, โส เหตุ เถรสฺส สาริปุตฺตสฺส สมูหโต สมุจฺฉินฺโน, เหตุโน สมุคฺฆาติตตฺตา, ภนฺเต, เถโร สาริปุตฺโต ชีวิตหารเกปิ โกปํ น กเรยฺยา’’ติ. ‘‘ยทิ, มหาราช, เถโร สาริปุตฺโต นนฺทกสฺส ยกฺขสฺส ปถวิคิลนํ น สาทิยิ, กิสฺส ปน นนฺทโก ยกฺโข ปถวึ ปวิฏฺโ’’ติ? ‘‘อกุสลสฺส, ภนฺเต, กมฺมสฺส พลวตายา’’ติ. ‘‘ยทิ, มหาราช, อกุสลสฺส กมฺมสฺส พลวตาย นนฺทโก ยกฺโข ปถวึ ปวิฏฺโ, อสาทิยนฺตสฺสาปิ กโต อปราโธ อวฺโฌ ภวติ สผโล. เตน หิ, มหาราช, อกุสลสฺสปิ กมฺมสฺส พลวตาย อสาทิยนฺตสฺส กโต อธิกาโร อวฺโฌ ภวติ สผโลติ. อิมินาปิ, มหาราช, การเณน ตถาคตสฺส ปรินิพฺพุตสฺส อสาทิยนฺตสฺเสว กโต อธิกาโร อวฺโฌ ภวติ สผโลติ.

‘‘กติ นุ โข เต, มหาราช, มนุสฺสา, เย เอตรหิ มหาปถวึ ปวิฏฺา, อตฺถิ เต ตตฺถ สวณ’’นฺติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, สุยฺยตี’’ติ. ‘‘อิงฺฆ ตฺวํ, มหาราช, สาเวหี’’ติ? ‘‘จิฺจมาณวิกา, ภนฺเต, สุปฺปพุทฺโธ จ สกฺโก, เทวทตฺโต จ เถโร, นนฺทโก จ ยกฺโข, นนฺโท จ มาณวโกติ. สุตเมตํ, ภนฺเต, อิเม ปฺจ ชนา มหาปถวึ ปวิฏฺา’’ติ. ‘‘กิสฺมึ เต, มหาราช, อปรทฺธา’’ติ? ‘‘ภควติ จ, ภนฺเต, สาวเกสุ จา’’ติ. ‘‘อปิ นุ โข, มหาราช, ภควา วา สาวกา วา สาทิยึสุ อิเมสํ มหาปถวิปวิสน’’นฺติ? ‘‘น หิ ภนฺเต’’ติ. ‘‘เตน หิ, มหาราช, ตถาคตสฺส ปรินิพฺพุตสฺส อสาทิยนฺตสฺเสว กโต อธิกาโร อวฺโฌ ภวติ สผโล’’ติ. ‘‘สุวิฺาปิโต, ภนฺเต นาคเสน, ปฺโห คมฺภีโร อุตฺตานีกโต, คุยฺหํ วิทํสิตํ, คณฺิ ภินฺโน, คหนํ อคหนํ กตํ, นฏฺา ปรวาทา, ภคฺคา กุทิฏฺี, นิปฺปภา ชาตา กุติตฺถิยา, ตฺวํ คณีวรปวรมาสชฺชา’’ติ.

กตาธิการสผลปฺโห ปโม.

๒. สพฺพฺุภาวปฺโห

. ‘‘ภนฺเต นาคเสน, พุทฺโธ สพฺพฺู’’ติ? ‘‘อาม, มหาราช, ภควา สพฺพฺู, น จ ภควโต สตตํ สมิตํ าณทสฺสนํ ปจฺจุปฏฺิตํ, อาวชฺชนปฏิพทฺธํ ภควโต สพฺพฺุตาณํ, อาวชฺชิตฺวา ยทิจฺฉกํ ชานาตี’’ติ. ‘‘เตน หิ, ภนฺเต นาคเสน, พุทฺโธ อสพฺพฺูติ. ยทิ ตสฺส ปริเยสนาย สพฺพฺุตาณํ โหตี’’ติ. ‘‘วาหสตํ โข, มหาราช, วีหีนํ อฑฺฒจูฬฺจ วาหา วีหิสตฺตมฺพณานิ ทฺเว จ ตุมฺพา เอกจฺฉรากฺขเณ ปวตฺตจิตฺตสฺส เอตฺตกา วีหี ลกฺขํ ปียมานา [ปียมาเน (สี. ปี.)] ปริกฺขยํ ปริยาทานํ คจฺเฉยฺยุํ?

‘‘ตตฺริเม สตฺตวิธา จิตฺตา ปวตฺตนฺติ, เย เต, มหาราช, สราคา สโทสา สโมหา สกิเลสา อภาวิตกายา อภาวิตสีลา อภาวิตจิตฺตา อภาวิตปฺา, เตสํ ตํ จิตฺตํ ครุกํ อุปฺปชฺชติ ทนฺธํ ปวตฺตติ. กึ การณา? อภาวิตตฺตา จิตฺตสฺส. ยถา, มหาราช, วํสนาฬสฺส วิตตสฺส วิสาลสฺส วิตฺถิณฺณสฺส สํสิพฺพิตวิสิพฺพิตสฺส สาขาชฏาชฏิตสฺส อากฑฺฒิยนฺตสฺส ครุกํ โหติ อาคมนํ ทนฺธํ. กึ การณา? สํสิพฺพิตวิสิพฺพิตตฺตา สาขานํ. เอวเมว โข, มหาราช, เย เต สราคา สโทสา สโมหา สกิเลสา อภาวิตกายา อภาวิตสีลา อภาวิตจิตฺตา อภาวิตปฺา, เตสํ ตํ จิตฺตํ ครุกํ อุปฺปชฺชติ ทนฺธํ ปวตฺตติ. กึ การณา? สํสิพฺพิตวิสิพฺพิตตฺตา กิเลเสหิ, อิทํ ปมํ จิตฺตํ.

‘‘ตตฺริทํ ทุติยํ จิตฺตํ วิภตฺตมาปชฺชติ – เย เต, มหาราช, โสตาปนฺนา ปิหิตาปายา ทิฏฺิปฺปตฺตา วิฺาตสตฺถุสาสนา, เตสํ ตํ จิตฺตํ ตีสุ าเนสุ ลหุกํ อุปฺปชฺชติ ลหุกํ ปวตฺตติ. อุปริภูมีสุ ครุกํ อุปฺปชฺชติ ทนฺธํ ปวตฺตติ. กึ การณา? ตีสุ าเนสุ จิตฺตสฺส ปริสุทฺธตฺตา อุปริ กิเลสานํ อปฺปหีนตฺตา. ยถา, มหาราช, วํสนาฬสฺส ติปพฺพคณฺิปริสุทฺธสฺส อุปริ สาขาชฏาชฏิตสฺส อากฑฺฒิยนฺตสฺส ยาว ติปพฺพํ ตาว ลหุกํ เอติ, ตโต อุปริ ถทฺธํ. กึ การณา? เหฏฺา ปริสุทฺธตฺตา อุปริ สาขาชฏาชฏิตตฺตา. เอวเมว โข, มหาราช, เย เต โสตาปนฺนา ปิหิตาปายา ทิฏฺิปฺปตฺตา วิฺาตสตฺถุสาสนา, เตสํ ตํ จิตฺตํ ตีสุ าเนสุ ลหุกํ อุปฺปชฺชติ ลหุกํ ปวตฺตติ, อุปริภูมีสุ ครุกํ อุปฺปชฺชติ ทนฺธํ ปวตฺตติ. กึ การณา? ตีสุ าเนสุ จิตฺตสฺส ปริสุทฺธตฺตา อุปริ กิเลสานํ อปฺปหีนตฺตา, อิทํ ทุติยํ จิตฺตํ.

‘‘ตตฺริทํ ตติยํ จิตฺตํ วิภตฺตมาปชฺชติ – เย เต, มหาราช, สกทาคามิโน, เยสํ ราคโทสโมหา ตนุภูตา, เตสํ ตํ จิตฺตํ ปฺจสุ าเนสุ ลหุกํ อุปฺปชฺชติ ลหุกํ ปวตฺตติ, อุปริภูมีสุ ครุกํ อุปฺปชฺชติ ทนฺธํ ปวตฺตติ. กึ การณา? ปฺจสุ าเนสุ จิตฺตสฺส ปริสุทฺธตฺตา อุปริ กิเลสานํ อปฺปหีนตฺตา. ยถา, มหาราช, วํสนาฬสฺส ปฺจปพฺพคณฺิปริสุทฺธสฺส อุปริ สาขาชฏาชฏิตสฺส อากฑฺฒิยนฺตสฺส ยาว ปฺจปพฺพํ ตาว ลหุกํ เอติ, ตโต อุปริ ถทฺธํ. กึ การณา? เหฏฺา ปริสุทฺธตฺตา อุปริ สาขาชฏาชฏิตตฺตา. เอวเมว โข, มหาราช, เย เต สกทาคามิโน, เยสํ ราคโทสโมหา ตนุภูตา, เตสํ ตํ จิตฺตํ ปฺจสุ าเนสุ ลหุกํ อุปฺปชฺชติ ลหุกํ ปวตฺตติ, อุปริภูมีสุ ครุกํ อุปฺปชฺชติ ทนฺธํ ปวตฺตติ. กึ การณา? ปฺจสุ าเนสุ จิตฺตสฺส ปริสุทฺธตฺตา อุปริ กิเลสานํ อปฺปหีนตฺตา, อิทํ ตติยํ จิตฺตํ.

‘‘ตตฺริทํ จตุตฺถํ จิตฺตํ วิภตฺตมาปชฺชติ – เย เต, มหาราช, อนาคามิโน, เยสํ ปฺโจรมฺภาคิยานิ สฺโชนานิ ปหีนานิ, เตสํ ตํ จิตฺตํ ทสสุ าเนสุ ลหุกํ อุปฺปชฺชติ ลหุกํ ปวตฺตติ, อุปริภูมีสุ ครุกํ อุปฺปชฺชติ ทนฺธํ ปวตฺตติ. กึ การณา? ทสสุ าเนสุ จิตฺตสฺส ปริสุทฺธตฺตา อุปริ กิเลสานํ อปฺปหีนตฺตา. ยถา, มหาราช, วํสนาฬสฺส ทสปพฺพคณฺิปริสุทฺธสฺส อุปริ สาขาชฏาชฏิตสฺส อากฑฺฒิยนฺตสฺส ยาว ทสปพฺพํ ตาว ลหุกํ เอติ, ตโต อุปริ ถทฺธํ. กึ การณา? เหฏฺา ปริสุทฺธตฺตา อุปริ สาขาชฏาชฏิตตฺตา. เอวเมว โข, มหาราช, เย เต อนาคามิโน, เยสํ ปฺโจรมฺภาคิยานิ สฺโชนานิ ปหีนานิ, เตสํ ตํ จิตฺตํ ทสสุ าเนสุ ลหุกํ อุปฺปชฺชติ ลหุกํ ปวตฺตติ, อุปริภูมีสุ ครุกํ อุปฺปชฺชติ ทนฺธํ ปวตฺตติ. กึ การณา? ทสสุ าเนสุ จิตฺตสฺส ปริสุทฺธตฺตา อุปริ กิเลสานํ อปฺปหีนตฺตา, อิทํ จตุตฺถํ จิตฺตํ.

‘‘ตตฺริทํ ปฺจมํ จิตฺตํ วิภตฺตมาปชฺชติ – เย เต, มหาราช, อรหนฺโต ขีณาสวา โธตมลา วนฺตกิเลสา วุสิตวนฺโต กตกรณียา โอหิตภารา อนุปฺปตฺตสทตฺถา ปริกฺขีณภวสฺโชนา ปตฺตปฏิสมฺภิทา สาวกภูมีสุ ปริสุทฺธา, เตสํ ตํ จิตฺตํ สาวกวิสเย ลหุกํ อุปฺปชฺชติ ลหุกํ ปวตฺตติ, ปจฺเจกพุทฺธภูมีสุ ครุกํ อุปฺปชฺชติ ทนฺธํ ปวตฺตติ. กึ การณา? ปริสุทฺธตฺตา สาวกวิสเย, อปริสุทฺธตฺตา ปจฺเจกพุทฺธวิสเย. ยถา, มหาราช, วํสนาฬสฺส สพฺพปพฺพคณฺิปริสุทฺธสฺส อากฑฺฒิยนฺตสฺส ลหุกํ โหติ อาคมนํ อทนฺธํ. กึ การณา? สพฺพปพฺพคณฺิปริสุทฺธตฺตา อคหนตฺตา วํสสฺส. เอวเมว โข, มหาราช, เย เต อรหนฺโต ขีณาสวา โธตมลา วนฺตกิเลสา วุสิตวนฺโต กตกรณียา โอหิตภารา อนุปฺปตฺตสทตฺถา ปริกฺขีณภวสฺโชนา ปตฺตปฏิสมฺภิทา สาวกภูมีสุ ปริสุทฺธา, เตสํ ตํ จิตฺตํ สาวกวิสเย ลหุกํ อุปฺปชฺชติ ลหุกํ ปวตฺตติ, ปจฺเจกพุทฺธภูมีสุ ครุกํ อุปฺปชฺชติ ทนฺธํ ปวตฺตติ. กึ การณา? ปริสุทฺธตฺตา สาวกวิสเย, อปริสุทฺธตฺตา ปจฺเจกพุทฺธวิสเย, อิทํ ปฺจมํ จิตฺตํ.

‘‘ตตฺริทํ ฉฏฺํ จิตฺตํ วิภตฺตมาปชฺชติ – เย เต, มหาราช, ปจฺเจกพุทฺธา สยมฺภุโน อนาจริยกา เอกจาริโน ขคฺควิสาณกปฺปา สกวิสเย ปริสุทฺธวิมลจิตฺตา, เตสํ ตํ จิตฺตํ สกวิสเย ลหุกํ อุปฺปชฺชติ ลหุกํ ปวตฺตติ, สพฺพฺุพุทฺธภูมีสุ ครุกํ อุปฺปชฺชติ ทนฺธํ ปวตฺตติ. กึ การณา? ปริสุทฺธตฺตา สกวิสเย มหนฺตตฺตา สพฺพฺุพุทฺธวิสยสฺส. ยถา, มหาราช, ปุริโส สกวิสยํ ปริตฺตํ นทึ รตฺติมฺปิ ทิวาปิ ยทิจฺฉก อจฺฉมฺภิโต โอตเรยฺย, อถ ปรโต มหาสมุทฺทํ คมฺภีรํ วิตฺถตํ อคาธมปารํ ทิสฺวา ภาเยยฺย, ทนฺธาเยยฺย น วิสเหยฺย โอตริตุํ. กึ การณา? ติณฺณตฺตา [จิณฺณตฺตา (สี. สฺยา. ปี.)] สกวิสยสฺส, มหนฺตตฺตา จ มหาสมุทฺทสฺส. เอวเมว โข, มหาราช, เย เต ปจฺเจกพุทฺธา สยมฺภุโน อนาจริยกา เอกจาริโน ขคฺควิสาณกปฺปา สกวิสเย ปริสุทฺธวิมลจิตฺตา, เตสํ ตํ จิตฺตํ สกวิสเย ลหุกํ อุปฺปชฺชติ ลหุกํ ปวตฺตติ, สพฺพฺุพุทฺธภูมีสุ ครุกํ อุปฺปชฺชติ ทนฺธํ ปวตฺตติ. กึ การณา? ปริสุทฺธตฺตา สกวิสเย มหนฺตตฺตา สพฺพฺุพุทฺธวิสยสฺส, อิทํ ฉฏฺํ จิตฺตํ.

‘‘ตตฺริทํ สตฺตมํ จิตฺตํ วิภตฺตมาปชฺชติ – เย เต, มหาราช, สมฺมาสมฺพุทฺธา สพฺพฺุโน ทสพลธรา จตุเวสารชฺชวิสารทา อฏฺารสหิ พุทฺธธมฺเมหิ สมนฺนาคตา อนนฺตชินา อนาวรณาณา, เตสํ ตํ จิตฺตํ สพฺพตฺถ ลหุกํ อุปฺปชฺชติ ลหุกํ ปวตฺตติ. กึ การณา? สพฺพตฺถ ปริสุทฺธตฺตา. อปิ นุ โข, มหาราช, นาราจสฺส สุโธตสฺส วิมลสฺส นิคฺคณฺิสฺส สุขุมธารสฺส อชิมฺหสฺส อวงฺกสฺส อกุฏิลสฺส ทฬฺหจาปสมารูฬฺหสฺส โขมสุขุเม วา กปฺปาสสุขุเม วา กมฺพลสุขุเม วา พลวนิปาติตสฺส ทนฺธายิตตฺตํ วา ลคฺคนํ วา โหตี’’ติ? ‘‘น หิ, ภนฺเต, ‘‘กึ การณา’’? ‘‘สุขุมตฺตา วตฺถานํ สุโธตตฺตา นาราจสฺส นิปาตสฺส จ พลวตฺตา’’ติ, เอวเมว โข, มหาราช, เย เต สมฺมาสมฺพุทฺธา สพฺพฺุโน ทสพลธรา จตุเวสารชฺชวิสารทา อฏฺารสหิ พุทฺธธมฺเมหิ สมนฺนาคตา อนนฺตชินา อนาวรณาณา, เตสํ ตํ จิตฺตํ สพฺพตฺถ ลหุกํ อุปฺปชฺชติ ลหุกํ ปวตฺตติ. กึ การณา? สพฺพตฺถ ปริสุทฺธตฺตา, อิทํ สตฺตมํ จิตฺตํ.

‘‘ตตฺร, มหาราช, ยทิทํ สพฺพฺุพุทฺธานํ จิตฺตํ, ตํ ฉนฺนมฺปิ จิตฺตานํ คณนํ อติกฺกมิตฺวา อสงฺขฺเยยฺเยน คุเณน ปริสุทฺธฺจ ลหุกฺจ. ยสฺมา จ ภควโต จิตฺตํ ปริสุทฺธฺจ ลหุกฺจ, ตสฺมา, มหาราช, ภควา ยมกปาฏิหีรํ ทสฺเสติ. ยมกปาฏิหีเร, มหาราช, าตพฺพํ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ จิตฺตํ เอวํ ลหุปริวตฺตนฺติ, น ตตฺถ สกฺกา อุตฺตรึ การณํ วตฺตุํ, เตปิ, มหาราช, ปาฏิหีรา สพฺพฺุพุทฺธานํ จิตฺตํ อุปาทาย คณนมฺปิ สงฺขมฺปิ กลมฺปิ กลภาคมฺปิ น อุเปนฺติ, อาวชฺชนปฏิพทฺธํ, มหาราช, ภควโต สพฺพฺุตาณํ, อาวชฺเชตฺวา ยทิจฺฉกํ ชานาติ.

‘‘ยถา, มหาราช, ปุริโส หตฺเถ ปิตํ ยํ กิฺจิ ทุติเย หตฺเถ เปยฺย วิวเฏน มุเขน วาจํ นิจฺฉาเรยฺย, มุขคตํ โภชนํ คิเลยฺย, อุมฺมีเลตฺวา วา นิมีเลยฺย, นิมีเลตฺวา วา อุมฺมีเลยฺย, สมิฺชิตํ วา พาหํ ปสาเรยฺย, ปสาริตํ วา พาหํ สมิฺเชยฺย, จิรตรํ เอตํ, มหาราช, ลหุตรํ ภควโต สพฺพฺุตาณํ, ลหุตรํ อาวชฺชนํ, อาวชฺเชตฺวา ยทิจฺฉกํ ชานาติ, อาวชฺชนวิกลมตฺตเกน น ตาวตา พุทฺธา ภควนฺโต อสพฺพฺุโน นาม โหนฺตี’’ติ.

‘‘อาวชฺชนมฺปิ, ภนฺเต นาคเสน, ปริเยสนาย กาตพฺพํ, อิงฺฆ มํ ตตฺถ การเณน สฺาเปหี’’ติ. ‘‘ยถา, มหาราช, ปุริสสฺส อฑฺฒสฺส มหทฺธนสฺส มหาโภคสฺส ปหูตชาตรูปรชตสฺส ปหูตวิตฺตูปกรณสฺส ปหูตธนธฺสฺส สาลิวีหิยวตณฺฑุลติลมุคฺคมาสปุพฺพณฺณาปรณฺณสปฺปิเตลนวนีตขีรทธิมธุคุฬผาณิตา จ ขโฬปิกุมฺภิปีรโกฏฺภาชนคตา ภเวยฺยุํ, ตสฺส จ ปุริสสฺส ปาหุนโก อาคจฺเฉยฺย ภตฺตารโห ภตฺตาภิกงฺขี, ตสฺส จ เคเห ยํ รนฺธํ โภชนํ, ตํ ปรินิฏฺิตํ ภเวยฺย, กุมฺภิโต ตณฺฑุเล นีหริตฺวา โภชนํ รนฺเธยฺย, อปิ จ โข โส, มหาราช, ตาวตเกน โภชนเวกลฺลมตฺตเกน อธโน นาม กปโณ นาม ภเวยฺยา’’ติ? ‘‘น หิ, ภนฺเต, จกฺกวตฺติรฺโ ฆเรปิ, ภนฺเต, อกาเล โภชนเวกลฺลํ โหติ, กึ ปน คหปติกสฺสา’’ติ? ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, ตถาคตสฺส อาวชฺชนวิกลมตฺตกํ สพฺพฺุตาณํ อาวชฺเชตฺวา ยทิจฺฉกํ ชานาติ.

‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, รุกฺโข อสฺส ผลิโต โอณตวินโต ปิณฺฑิภารภริโต, น กิฺจิ ตตฺถ ปติตํ ผลํ ภเวยฺย, อปิ นุ โข โส, มหาราช, รุกฺโข ตาวตเกน ปติตผลเวกลฺลมตฺตเกน อผโล นาม ภเวยฺยา’’ติ? ‘‘น หิ, ภนฺเต, ปตนปฏิพทฺธานิ ตานิ รุกฺขผลานิ, ปติเต ยทิจฺฉกํ ลภตี’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, ตถาคตสฺส อาวชฺชนปฏิพทฺธํ สพฺพฺุตาณํ อาวชฺเชตฺวา ยทิจฺฉกํ ชานาตี’’ติ.

‘‘ภนฺเต นาคเสน, อาวชฺเชตฺวา อาวชฺเชตฺวา พุทฺโธ ยทิจฺฉกํ ชานาตี’’ติ? ‘‘อาม, มหาราช, ภควา อาวชฺเชตฺวา อาวชฺเชตฺวา ยทิจฺฉกํ ชานาตี’’ติ.

‘‘ยถา, มหาราช, จกฺกวตฺตี ราชา ยทา จกฺกรตนํ สรติ ‘อุเปตุ เม จกฺกรตน’นฺติ, สริเต จกฺกรตนํ อุเปติ, เอวเมว โข, มหาราช, ตถาคโต อาวชฺเชตฺวา อาวชฺเชตฺวา ยทิจฺฉกํ ชานาตี’’ติ. ‘‘ทฬฺหํ, ภนฺเต นาคเสน, การณํ, พุทฺโธ สพฺพฺู, สมฺปฏิจฺฉาม พุทฺโธ สพฺพฺู’’ติ.

พุทฺธสพฺพฺุภาวปฺโห ทุติโย.

๓. เทวทตฺตปพฺพชฺชปฺโห

. ‘‘ภนฺเต นาคเสน, เทวทตฺโต เกน ปพฺพาชิโต’’ติ? ‘‘ฉ ยิเม, มหาราช, ขตฺติยกุมารา ภทฺทิโย จ อนุรุทฺโธ จ อานนฺโท จ ภคุ จ กิมิโล [กิมฺพิโล (สี. ปี.) ม. นิ. ๒.๑๖๖ ปสฺสิตพฺพํ] จ เทวทตฺโต จ อุปาลิกปฺปโก สตฺตโม อภิสมฺพุทฺเธ สตฺถริ สกฺยกุลานนฺทชนเน ภควนฺตํ อนุปพฺพชนฺตา นิกฺขมึสุ, เต ภควา ปพฺพาเชสี’’ติ. ‘‘นนุ, ภนฺเต, เทวทตฺเตน ปพฺพชิตฺวา สงฺโฆ ภินฺโน’’ติ? ‘‘อาม, มหาราช, เทวทตฺเตน ปพฺพชิตฺวา สงฺโฆ ภินฺโน, น คิหี สงฺฆํ ภินฺทติ, น ภิกฺขุนี, น สิกฺขมานา, น สามเณโร, น สามเณรี สงฺฆํ ภินฺทติ, ภิกฺขุ ปกตตฺโต สมานสํวาสโก สมานสีมายํ ิโต สงฺฆํ ภินฺทตีติ. สงฺฆเภทโก, ภนฺเต, ปุคฺคโล กึ กมฺมํ ผุสตี’’ติ? ‘‘กปฺปฏฺิติกํ, มหาราช, กมฺมํ ผุสตี’’ติ.

‘‘กึ ปน, ภนฺเต นาคเสน, พุทฺโธ ชานาติ ‘เทวทตฺโต ปพฺพชิตฺวา สงฺฆํ ภินฺทิสฺสติ, สงฺฆํ ภินฺทิตฺวา กปฺปํ นิรเย ปจฺจิสฺสตี’’’ติ? ‘‘อาม, มหาราช, ตถาคโต ชานาติ ‘เทวทตฺโต ปพฺพชิตฺวา สงฺฆํ ภินฺทิสฺสติ, สงฺฆํ ภินฺทิตฺวา กปฺปํ นิรเย ปจฺจิสฺสตี’’’ติ. ‘‘ยทิ, ภนฺเต นาคเสน, พุทฺโธ ชานาติ ‘เทวทตฺโต ปพฺพชิตฺวา สงฺฆํ ภินฺทิสฺสติ, สงฺฆํ ภินฺทิตฺวา กปฺปํ นิรเย ปจฺจิสฺสตี’ติ, เตน หิ, ภนฺเต นาคเสน, พุทฺโธ การุณิโก อนุกมฺปโก หิเตสี สพฺพสตฺตานํ อหิตํ อปเนตฺวา หิตมุปทหตีติ ยํ วจนํ, ตํ มิจฺฉา. ยทิ ตํ อชานิตฺวา ปพฺพาเชสิ, เตน หิ พุทฺโธ อสพฺพฺูติ, อยมฺปิ อุภโต โกฏิโก ปฺโห ตวานุปฺปตฺโต, วิชเฏหิ เอตํ มหาชฏํ, ภินฺท ปราปวาทํ, อนาคเต อทฺธาเน ตยา สทิสา พุทฺธิมนฺโต ภิกฺขู ทุลฺลภา ภวิสฺสนฺติ, เอตฺถ ตว พลํ ปกาเสหี’’ติ.

‘‘การุณิโก, มหาราช, ภควา สพฺพฺู จ, การุฺเน, มหาราช, ภควา สพฺพฺุตาเณน เทวทตฺตสฺส คตึ โอโลเกนฺโต อทฺทส เทวทตฺตํ อาปายิกํ กมฺมํ [อปราปริยกมฺมํ (สี. สฺยา. ปี.)] อายูหิตฺวา อเนกานิ กปฺปโกฏิสตสหสฺสานิ นิรเยน นิรยํ วินิปาเตน วินิปาตํ คจฺฉนฺตํ, ตํ ภควา สพฺพฺุตาเณน ชานิตฺวา อิมสฺส อปริยนฺตกตํ กมฺมํ มม สาสเน ปพฺพชิตสฺส ปริยนฺตกตํ ภวิสฺสติ, ปุริมํ อุปาทาย ปริยนฺตกตํ ทุกฺขํ ภวิสฺสติ, อปพฺพชิโตปิ อยํ โมฆปุริโส กปฺปฏฺิยเมว กมฺมํ อายูหิสฺสตีติ การุฺเน เทวทตฺตํ ปพฺพาเชสี’’ติ.

‘‘เตน หิ, ภนฺเต นาคเสน, พุทฺโธ วธิตฺวา เตเลน มกฺเขติ, ปปาเต ปาเตตฺวา หตฺถํ เทติ, มาเรตฺวา ชีวิตํ ปริเยสติ, ยํ โส ปมํ ทุกฺขํ ทตฺวา ปจฺฉา สุขํ อุปทหตี’’ติ? ‘‘วเธติปิ, มหาราช, ตถาคโต สตฺตานํ หิตวเสน, ปาเตติปิ สตฺตานํ หิตวเสน, มาเรติปิ สตฺตานํ หิตวเสน, วธิตฺวาปิ, มหาราช, ตถาคโต สตฺตานํ หิตเมว อุปทหติ, ปาเตตฺวาปิ สตฺตานํ หิตเมว อุปทหติ, มาเรตฺวาปิ สตฺตานํ หิตเมว อุปทหติ. ยถา, มหาราช, มาตาปิตโร นาม วธิตฺวาปิ ปาตยิตฺวาปิ ปุตฺตานํ หิตเมว อุปทหนฺติ, เอวเมว โข, มหาราช, ตถาคโต วเธติปิ สตฺตานํ หิตวเสน, ปาเตติปิ สตฺตานํ หิตวเสน, มาเรติปิ สตฺตานํ หิตวเสน, วธิตฺวาปิ, มหาราช, ตถาคโต สตฺตานํ หิตเมว อุปทหติ, ปาเตตฺวาปิ สตฺตานํ หิตเมว อุปทหติ, มาเรตฺวาปิ สตฺตานํ หิตเมว อุปทหติ, เยน เยน โยเคน สตฺตานํ คุณวุฑฺฒิ โหติ, เตน เตน โยเคน สพฺพสตฺตานํ หิตเมว อุปทหติ. สเจ, มหาราช, เทวทตฺโต น ปพฺพาเชยฺย, คิหิภูโต สมาโน นิรยสํวตฺตนิกํ พหุํ ปาปกมฺมํ กตฺวา อเนกานิ กปฺปโกฏิสตสหสฺสานิ นิรเยน นิรยํ วินิปาเตน วินิปาตํ คจฺฉนฺโต พหุํ ทุกฺขํ เวทยิสฺสติ, ตํ ภควา ชานมาโน การุฺเน เทวทตฺตํ ปพฺพาเชสิ, ‘มม สาสเน ปพฺพชิตสฺส ทุกฺขํ ปริยนฺตกตํ ภวิสฺสตี’ติ การุฺเน ครุกํ ทุกฺขํ ลหุกํ อกาสิ.

‘‘ยถา วา, มหาราช, ธนยสสิริาติพเลน พลวา ปุริโส อตฺตโน าตึ วา มิตฺตํ วา รฺา ครุกํ ทณฺฑํ ธาเรนฺตํ อตฺตโน พหุวิสฺสตฺถภาเวน สมตฺถตาย ครุกํ ทณฺฑํ ลหุกํ อกาสิ, เอวเมว โข, มหาราช, ภควา พหูนิ กปฺปโกฏิสตสหสฺสานิ ทุกฺขํ เวทยมานํ เทวทตฺตํ ปพฺพาเชตฺวา สีลสมาธิปฺาวิมุตฺติพลสมตฺถภาเวน ครุกํ ทุกฺขํ ลหุกํ อกาสิ.

‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, กุสโล ภิสกฺโก สลฺลกตฺโต ครุกํ โรคํ พลโวสธพเลน ลหุกํ กโรติ, เอวเมว โข, มหาราช, พหูนิ กปฺปโกฏิสตสหสฺสานิ ทุกฺขํ เวทยมานํ เทวทตฺตํ ภควา โรคฺุตาย ปพฺพาเชตฺวา การุฺพโล ปตฺถทฺธธมฺโมสธพเลน ครุกํ ทุกฺขํ ลหุกํ อกาสิ. อปิ นุ โข โส, มหาราช, ภควา พหุเวทนียํ เทวทตฺตํ อปฺปเวทนียํ กโรนฺโต กิฺจิ อปุฺํ อาปชฺเชยฺยา’’ติ? ‘‘น กิฺจิ, ภนฺเต, อปุฺํ อาปชฺเชยฺย อนฺตมโส คทฺทูหนมตฺตมฺปี’’ติ. ‘‘อิมมฺปิ โข, มหาราช, การณํ อตฺถโต สมฺปฏิจฺฉ, เยน การเณน ภควา เทวทตฺตํ ปพฺพาเชสิ.

‘‘อปรมฺปิ, มหาราช, อุตฺตรึ การณํ สุโณหิ, เยน การเณน ภควา เทวทตฺตํ ปพฺพาเชสิ. ยถา, มหาราช, โจรํ อาคุจารึ คเหตฺวา รฺโ ทสฺเสยฺยุํ, ‘อยํ โข, เทว, โจโร อาคุจารี, อิมสฺส ยํ อิจฺฉสิ, ตํ ทณฺฑํ ปเณหี’ติ. ตเมนํ ราชา เอวํ วเทยฺย ‘เตน หิ, ภเณ, อิมํ โจรํ พหินครํ นีหริตฺวา อาฆาตเน สีสํ ฉินฺทถา’’ติ, ‘เอวํ เทวา’ติ โข เต รฺโ ปฏิสฺสุตฺวา ตํ พหินครํ นีหริตฺวา อาฆาตนํ นเยยฺยุํ. ตเมนํ ปสฺเสยฺย โกจิเทว ปุริโส รฺโ สนฺติกา ลทฺธวโร ลทฺธยสธนโภโค อาเทยฺยวจโน พลวิจฺฉิตการี, โส ตสฺส การุฺํ กตฺวา เต ปุริเส เอวํ วเทยฺย ‘อลํ, โภ, กึ ตุมฺหากํ อิมสฺส สีสจฺเฉทเนน, เตน หิ โภ อิมสฺส หตฺถํ วา ปาทํ วา ฉินฺทิตฺวา ชีวิตํ รกฺขถ, อหเมตสฺส การณา รฺโ สนฺติเก ปฏิวจนํ กริสฺสามี’ติ. เต ตสฺส พลวโต วจเนน ตสฺส โจรสฺส หตฺถํ วา ปาทํ วา ฉินฺทิตฺวา ชีวิตํ รกฺเขยฺยุํ. อปิ นุ โข โส, มหาราช, ปุริโส เอวํ การี ตสฺส โจรสฺส กิจฺจการี อสฺสา’’ติ? ‘‘ชีวิตทายโก โส, ภนฺเต, ปุริโส ตสฺส โจรสฺส, ชีวิเต ทินฺเน กึ ตสฺส อกตํ นาม อตฺถี’’ติ? ‘‘ยา ปน หตฺถปาทจฺเฉทเน เวทนา, โส ตาย เวทนาย กิฺจิ อปุฺํ อาปชฺเชยฺยา’’ติ? ‘‘อตฺตโน กเตน โส, ภนฺเต, โจโร ทุกฺขเวทนํ เวทยติ, ชีวิตทายโก ปน ปุริโส น กิฺจิ อปุฺํ อาปชฺเชยฺยา’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, ภควา การุฺเน เทวทตฺตํ ปพฺพาเชสิ ‘มม สาสเน ปพฺพชิตสฺส ทุกฺขํ ปริยนฺตกตํ ภวิสฺสตี’ติ. ปริยนฺตกตฺจ, มหาราช, เทวทตฺตสฺส ทุกฺขํ, เทวทตฺโต, มหาราช, มรณกาเล –

‘‘‘อิเมหิ อฏฺีหิ ตมคฺคปุคฺคลํ, เทวาติเทวํ นรทมฺมสารถึ;

สมนฺตจกฺขุํ สตปุฺลกฺขณํ, ปาเณหิ พุทฺธํ สรณํ อุเปมี’ติ.

‘‘ปาณุเปตํ สรณมคมาสิ. เทวทตฺโต, มหาราช, ฉ โกฏฺาเส กเต กปฺเป อติกฺกนฺเต ปมโกฏฺาเส สงฺฆํ ภินฺทิ, ปฺจ โกฏฺาเส นิรเย ปจฺจิตฺวา ตโต มุจฺจิตฺวา อฏฺิสฺสโร นาม ปจฺเจกพุทฺโธ ภวิสฺสติ. อปิ นุ โข โส, มหาราช, ภควา เอวํ การี เทวทตฺตสฺส กิจฺจการี อสฺสา’’ติ? ‘‘สพฺพทโท, ภนฺเต นาคเสน, ตถาคโต เทวทตฺตสฺส, ยํ ตถาคโต เทวทตฺตํ ปจฺเจกโพธึ ปาเปสฺสติ, กึ ตถาคเตน เทวทตฺตสฺส อกตํ นาม อตฺถี’’ติ? ‘‘ยํ ปน, มหาราช, เทวทตฺโต สงฺฆํ ภินฺทิตฺวา นิรเย ทุกฺขเวทนํ เวทยติ, อปิ นุ โข ภควา ตโตนิทานํ กิฺจิ อปุฺํ อาปชฺเชยฺยา’’ติ? ‘‘น หิ, ภนฺเต, อตฺตนา กเตน, ภนฺเต, เทวทตฺโต กปฺปํ นิรเย ปจฺจติ, ทุกฺขปริยนฺตการโก สตฺถา น กิฺจิ อปุฺํ อาปชฺชตี’’ติ. ‘‘อิมมฺปิ โข, ตฺวํ มหาราช, การณํ อตฺถโต สมฺปฏิจฺฉ, เยน การเณน ภควา เทวทตฺตํ ปพฺพาเชสิ.

‘‘อปรมฺปิ, มหาราช, อุตฺตรึ การณํ สุโณหิ, เยน การเณน ภควา เทวทตฺตํ ปพฺพาเชสิ. ยถา, มหาราช, กุสโล ภิสกฺโก สลฺลกตฺโต วาตปิตฺตเสมฺหสนฺนิปาตอุตุปริณามวิสมปริหารโอปกฺกมิโกปกฺกนฺตํ ปูติกุณปทุคฺคนฺธาภิสฺฉนฺนํ อนฺโตสลฺลํ สุสิรคตํ ปุพฺพรุหิรสมฺปุณฺณํ วณํ วูปสเมนฺโต วณมุขํ กกฺขฬติขิณขารกฏุเกน เภสชฺเชน อนุลิมฺปติ ปริปจฺจนาย, ปริปจฺจิตฺวา มุทุภาวมุปคตํ สตฺเถน วิกนฺตยิตฺวา ฑหติ สลากาย, ทฑฺเฒ ขารลวณํ เทติ, เภสชฺเชน อนุลิมฺปติ วณรุหนาย พฺยาธิตสฺส โสตฺถิภาวมนุปฺปตฺติยา, อปิ นุ โข โส, มหาราช, ภิสกฺโก สลฺลกตฺโต อหิตจิตฺโต เภสชฺเชน อนุลิมฺปติ, สตฺเถน วิกนฺเตติ, ฑหติ สลากาย, ขารลวณํ เทตี’’ติ? ‘‘น หิ, ภนฺเต, หิตจิตฺโต โสตฺถิกาโม ตานิ กิริยานิ กโรตี’’ติ. ‘‘ยา ปนสฺส เภสชฺชกิริยากรเณน อุปฺปนฺนา ทุกฺขเวทนา, ตโตนิทานํ โส ภิสกฺโก สลฺลกตฺโต กิฺจิ อปุฺํ อาปชฺเชยฺยา’’ติ? ‘‘หิตจิตฺโต, ภนฺเต, โสตฺถิกาโม ภิสกฺโก สลฺลกตฺโต ตานิ กิริยานิ กโรติ, กึ โส ตโตนิทานํ อปุฺํ อาปชฺเชยฺย, สคฺคคามี โส, ภนฺเต, ภิสกฺโก สลฺลกตฺโต’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, การุฺเน ภควา เทวทตฺตํ ปพฺพาเชสิ ทุกฺขปริมุตฺติยา.

‘‘อปรมฺปิ, มหาราช, อุตฺตรึ การณํ สุโณหิ, เยน การเณน ภควา เทวทตฺตํ ปพฺพาเชสิ. ยถา, มหาราช, ปุริโส กณฺฏเกน วิทฺโธ อสฺส, อถฺตโร ปุริโส ตสฺส หิตกาโม โสตฺถิกาโม ติณฺเหน กณฺฏเกนวา สตฺถมุเขน วา สมนฺตโต ฉินฺทิตฺวา ปคฺฆรนฺเตน โลหิเตน ตํ กณฺฏกํ นีหเรยฺย, อปิ นุ โข โส, มหาราช, ปุริโส อหิตกาโม ตํ กณฺฏกํ นีหรตี’’ติ? ‘‘น หิ, ภนฺเต, หิตกาโม โส, ภนฺเต, ปุริโส โสตฺถิกาโม ตํ กณฺฏกํ นีหรติ. สเจ โส, ภนฺเต, ตํ กณฺฏกํ น นีหเรยฺย, มรณํ วา โส เตน ปาปุเณยฺย มรณมตฺตํ วา ทุกฺข’’นฺติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, ตถาคโต การุฺเน เทวทตฺตํ ปพฺพาเชสิ ทุกฺขปริมุตฺติยา. สเจ มหาราช, ภควา เทวทตฺตํ น ปพฺพาเชยฺย, กปฺปโกฏิสตสหสฺสมฺปิ เทวทตฺโต ภวปรมฺปราย นิรเย ปจฺเจยฺยา’’ติ.

‘‘อนุโสตคามึ, ภนฺเต นาคเสน, เทวทตฺตํ ตถาคโต ปฏิโสตํ ปาเปสิ, วิปนฺถปฏิปนฺนํ เทวทตฺตํ ปนฺเถ ปฏิปาเทสิ, ปปาเต ปติตสฺส เทวทตฺตสฺส ปติฏฺํ อทาสิ, วิสมคตํ เทวทตฺตํ ตถาคโต สมํ อาโรเปสิ, อิเม จ, ภนฺเต นาคเสน, เหตู อิมานิ จ การณานิ น สกฺกา อฺเน สนฺทสฺเสตุํ อฺตฺร ตวาทิเสน พุทฺธิมตา’’ติ.

เทวทตฺตปพฺพชฺชปฺโห ตติโย.

๔. ปถวิจลนปฺโห

. ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ภาสิตมฺเปตํ ภควตา – ‘อฏฺิเม, ภิกฺขเว [อฏฺิเม อานนฺท (อ. นิ. ๘.๗๐)], เหตู อฏฺ ปจฺจยา มหโต ภูมิจาลสฺส ปาตุภาวายา’ติ. อเสสวจนํ อิทํ, นิสฺเสสวจนํ อิทํ, นิปฺปริยายวจนํ อิทํ, นตฺถฺโ นวโม เหตุ มหโต ภูมิจาลสฺส ปาตุภาวาย. ยทิ, ภนฺเต นาคเสน, อฺโ นวโม เหตุ ภเวยฺย มหโต ภูมิจาลสฺส ปาตุภาวาย, ตมฺปิ เหตุํ ภควา กเถยฺย. ยสฺมา จ โข, ภนฺเต นาคเสน, นตฺถฺโ นวโม เหตุ มหโต ภูมิจาลสฺส ปาตุภาวาย, ตสฺมา อนาจิกฺขิโต ภควตา, อยฺจ นวโม เหตุ ทิสฺสติ มหโต ภูมิจาลสฺส ปาตุภาวาย, ยํ เวสฺสนฺตเรน รฺา มหาทาเน ทียมาเน สตฺตกฺขตฺตุํ มหาปถวี กมฺปิตาติ. ยทิ, ภนฺเต นาคเสน, อฏฺเว เหตู อฏฺ ปจฺจยา มหโต ภูมิจาลสฺส ปาตุภาวาย, เตน หิ เวสฺสนฺตเรน รฺา มหาทาเน ทียมาเน สตฺตกฺขตฺตุํ มหาปถวี กมฺปิตาติ ยํ วจนํ, ตํ มิจฺฉา. ยทิ เวสฺสนฺตเรน รฺา มหาทาเน ทียมาเน สตฺตกฺขตฺตุํ มหาปถวี กมฺปิตา, เตน หิ อฏฺเว เหตู อฏฺ ปจฺจยา มหโต ภูมิจาลสฺส ปาตุภาวายาติ ตมฺปิ วจนํ มิจฺฉา. อยมฺปิ อุภโต โกฏิโก ปฺโห สุขุโม ทุนฺนิเวิโย อนฺธกรโณ เจว คมฺภีโร จ, โส ตวานุปฺปตฺโต, เนโส อฺเน อิตฺตรปฺเน สกฺกา วิสชฺเชตุํ อฺตฺร ตวาทิเสน พุทฺธิมตา’’ติ.

‘‘ภาสิตมฺเปตํ, มหาราช, ภควตา – ‘อฏฺิเม, ภิกฺขเว, เหตู อฏฺ ปจฺจยา มหโต ภูมิจาลสฺส ปาตุภาวายา’ติ. ยํ เวสฺสนฺตเรน รฺา มหาทาเน ทียมาเน สตฺตกฺขตฺตุํ มหาปถวี กมฺปิตา, ตฺจ ปน อกาลิกํ กทาจุปฺปตฺติกํ อฏฺหิ เหตูหิ วิปฺปมุตฺตํ, ตสฺมา อคณิตํ อฏฺหิ เหตูหิ.

‘‘ยถา, มหาราช, โลเก ตโย เยว เมฆา คณียนฺติ วสฺสิโก เหมนฺติโก ปาวุสโกติ. ยทิ เต มุฺจิตฺวา อฺโ เมโฆ ปวสฺสติ, น โส เมโฆ คณียติ สมฺมเตหิ เมเฆหิ, อกาลเมโฆตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ. เอวเมว โข, มหาราช, เวสฺสนฺตเรน รฺา มหาทาเน ทียมาเน ยํ สตฺตกฺขตฺตุํ มหาปถวี กมฺปิตา, อกาลิกํ เอตํ กทาจุปฺปตฺติกํ อฏฺหิ เหตูหิ วิปฺปมุตฺตํ, น ตํ คณียติ อฏฺหิ เหตูหิ.

‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, หิมวนฺตา ปพฺพตา ปฺจ นทิสตานิ สนฺทนฺติ, เตสํ, มหาราช, ปฺจนฺนํ นทิสตานํ ทเสว นทิโย นทิคณนาย คณียนฺติ. เสยฺยถีทํ, คงฺคา ยมุนา อจิรวตี สรภู มหี สินฺธุ สรสฺสตี เวตฺรวตี วีตํสา จนฺทภาคาติ, อวเสสา นทิโย นทิคณนาย อคณิตา. กึ การณา? น ตา นทิโย ธุวสลิลา. เอวเมว โข, มหาราช, เวสฺสนฺตเรน รฺา มหาทาเน ทียมาเน ยํ สตฺตกฺขตฺตุํ มหาปถวี กมฺปิตา, อกาลิกํ เอตํ กทาจุปฺปตฺติกํ อฏฺหิ เหตูหิ วิปฺปมุตฺตํ, น ตํ คณียติ อฏฺหิ เหตูหิ.

‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, รฺโ สตมฺปิ ทฺวิสตมฺปิ ติสตมฺปิ อมจฺจา โหนฺติ, เตสํ ฉ เยว ชนา อมจฺจคณนาย คณียนฺติ. เสยฺยถีทํ, เสนาปติ ปุโรหิโต อกฺขทสฺโส ภณฺฑาคาริโก ฉตฺตคฺคาหโก ขคฺคคฺคาหโก. เอเต เยว อมจฺจคณนาย คณียนฺติ. กึ การณา? ยุตฺตตฺตา ราชคุเณหิ, อวเสสา อคณิตา, สพฺเพ อมจฺจาตฺเวว สงฺขํ คจฺฉนฺติ. เอวเมว โข, มหาราช, เวสฺสนฺตเรน รฺา มหาทาเน ทียมาเน ยํ สตฺตกฺขตฺตุํ มหาปถวี กมฺปิตา, อกาลิกํ เอตํ กทาจุปฺปตฺติกํ อฏฺหิ เหตูหิ วิปฺปมุตฺตํ, น ตํ คณียติ อฏฺหิ เหตูหิ.

‘‘สุยฺยติ นุ โข, มหาราช, เอตรหิ ชินสาสเน กตาธิการานํ ทิฏฺธมฺมสุขเวทนียกมฺมํ, กิตฺติ จ เยสํ อพฺภุคฺคตา เทวมนุสฺเสสู’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, สุยฺยติ เอตรหิ ชินสาสเน กตาธิการานํ ทิฏฺธมฺมสุขเวทนียกมฺมํ, กิตฺติ จ เยสํ อพฺภุคฺคตา เทวมนุสฺเสสุ สตฺต ชนาติ’’. ‘‘เก จ เต, มหาราชา’’ติ? ‘‘สุมโน จ, ภนฺเต, มาลากาโร, เอกสาฏโก จ พฺราหฺมโณ, ปุณฺโณ จ ภตโก, มลฺลิกา จ เทวี, โคปาลมาตา จ เทวี, สุปฺปิยา จ อุปาสิกา, ปุณฺณา จ ทาสีติ อิเม สตฺต ทิฏฺธมฺมสุขเวทนียา สตฺตา, กิตฺติ จ อิเมสํ อพฺภุคฺคตา เทวมนุสฺเสสู’’ติ.

‘‘อปเรปิ สุยฺยนฺติ นุ โข อตีเต มานุสเกเนว สรีรเทเหน ติทสภวนํ คตา’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, สุยฺยนฺตี’’ติ. ‘‘เก จ เต, มหาราชา’’ติ? ‘‘คุตฺติโล จ คนฺธพฺโพ, สาธีโน จ ราชา, นิมิ จ ราชา, มนฺธาตา จ ราชาติ อิเม จตุโร ชนา สุยฺยนฺติ, เตเนว มานุสเกน สรีรเทเหน ติทสภวนํ คตา’’ติ. ‘‘สุจิรมฺปิ กตํ สุยฺยติ สุกตทุกฺกฏนฺติ? สุตปุพฺพํ ปน ตยา, มหาราช, อตีเต วา อทฺธาเน วตฺตมาเน วา อทฺธาเน อิตฺถนฺนามสฺส ทาเน ทียมาเน สกึ วา ทฺวิกฺขตฺตุํ วา ติกฺขตฺตุํ วา มหาปถวี กมฺปิตา’’ติ? ‘‘น หิ ภนฺเต’’ติ. ‘‘อตฺถิ เม, มหาราช, อาคโม อธิคโม ปริยตฺติ สวนํ สิกฺขาพลํ สุสฺสูสา ปริปุจฺฉา อาจริยุปาสนํ, มยาปิ น สุตปุพฺพํ ‘อิตฺถนฺนามสฺส ทาเน ทียมาเน สกึ วา ทฺวิกฺขตฺตุํ วา ติกฺขตฺตุํ วา มหาปถวี กมฺปิตา’ติ เปตฺวา เวสฺสนฺตรสฺส ราชวสภสฺส ทานวรํ. ภควโต จ, มหาราช, กสฺสปสฺส, ภควโต จ สกฺยมุนิโนติ ทฺวินฺนํ พุทฺธานํ อนฺตเร คณนปถํ วีติวตฺตา วสฺสโกฏิโย อติกฺกนฺตา, ตตฺถปิ เม สวนํ นตฺถิ ‘อิตฺถนฺนามสฺส ทาเน ทียมาเน สกึ วา ทฺวิกฺขตฺตุํ วา ติกฺขตฺตุํ วา มหาปถวี กมฺปิตา’ติ. น, มหาราช, ตาวตเกน วีริเยน ตาวตเกน ปรกฺกเมน มหาปถวี กมฺปติ, คุณภารภริตา, มหาราช, สพฺพโสเจยฺยกิริยคุณภารภริตา ธาเรตุํ น วิสหนฺตี มหาปถวี จลติ กมฺปติ ปเวธติ.

‘‘ยถา, มหาราช, สกฏสฺส อติภารภริตสฺส นาภิโย จ เนมิโย จ ผลนฺติ อกฺโข ภิชฺชติ, เอวเมว โข, มหาราช, สพฺพโสเจยฺยกิริยคุณภารภริตา มหาปถวี ธาเรตุํ น วิสหนฺตี จลติ กมฺปติ ปเวธติ.

‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, คคนํ อนิลชลเวคสฺฉาทิตํ อุสฺสนฺนชลภารภริตํ อติวาเตน ผุฏิตตฺตา นทติ รวติ คฬคฬายติ, เอวเมว โข, มหาราช, มหาปถวี รฺโ เวสฺสนฺตรสฺส ทานพลวิปุลอุสฺสนฺนภารภริตา ธาเรตุํ น วิสหนฺตี จลติ กมฺปติ ปเวธติ. น หิ, มหาราช, รฺโ เวสฺสนฺตรสฺส จิตฺตํ ราควเสน ปวตฺตติ, น โทสวเสน ปวตฺตติ, น โมหวเสน ปวตฺตติ, น มานวเสน ปวตฺตติ, น ทิฏฺิวเสน ปวตฺตติ, น กิเลสวเสน ปวตฺตติ, น วิตกฺกวเสน ปวตฺตติ, น อรติวเสน ปวตฺตติ, อถ โข ทานวเสน พหุลํ ปวตฺตติ ‘กินฺติ อนาคตา ยาจกา มม สนฺติเก อาคจฺเฉยฺยุํ, อาคตา จ ยาจกา ยถากามํ ลภิตฺวา อตฺตมนา ภเวยฺยุ’นฺติ สตตํ สมิตํ ทานํ ปติ มานสํ ปิตํ โหติ. รฺโ, มหาราช, เวสฺสนฺตรสฺส สตตํ สมิตํ ทสสุ าเนสุ มานสํ ปิตํ โหติ ทเม สเม ขนฺติยํ สํวเร ยเม นิยเม อกฺโกเธ อวิหึสายํ สจฺเจ โสเจยฺเย. รฺโ, มหาราช, เวสฺสนฺตรสฺส กาเมสนา ปหีนา, ภเวสนา ปฏิปฺปสฺสทฺธา, พฺรหฺมจริเยสนาย เยว อุสฺสุกฺกํ อาปนฺโน, รฺโ, มหาราช, เวสฺสนฺตรสฺส อตฺตรกฺขา [ปรรกฺขาย (สี. ปี.)] ปหีนา, สพฺพสตฺตรกฺขาย อุสฺสุกฺกํ อาปนฺโน ‘กินฺติ อิเม สตฺตา สมคฺคา อสฺสุ อโรคา สธนา ทีฆายุกา’ติ พหุลํ เยว มานสํ ปวตฺตติ. ททมาโน จ, มหาราช, เวสฺสนฺตโร ราชา ตํ ทานํ น ภวสมฺปตฺติเหตุ เทติ, น ธนเหตุ เทติ, น ปฏิทานเหตุ เทติ, น อุปลาปนเหตุ เทติ, น อายุเหตุ เทติ, น วณฺณเหตุ เทติ, น สุขเหตุ เทติ, น พลเหตุ เทติ, น ยสเหตุ เทติ, น ปุตฺตเหตุ เทติ, น ธีตุเหตุ เทติ, อถ โข สพฺพฺุตาณเหตุ สพฺพฺุตาณรตนสฺส การณา เอวรูเป อตุลวิปุลานุตฺตเร ทานวเร อทาสิ, สพฺพฺุตํ ปตฺโต จ อิมํ คาถํ อภาสิ –

‘‘‘ชาลึ กณฺหาชินํ ธีตํ, มทฺทิเทวึ ปติพฺพตํ;

จชมาโน น จินฺเตสึ, โพธิยา เยว การณา’ติ.

‘‘เวสฺสนฺตโร, มหาราช, ราชา อกฺโกเธน โกธํ ชินาติ, อสาธุํ สาธุนา ชินาติ, กทริยํ ทาเนน ชินาติ, อลิกวาทินํ สจฺเจน ชินาติ, สพฺพํ อกุสลํ กุสเลน ชินาติ. ตสฺส เอวํ ททมานสฺส ธมฺมานุคตสฺส ธมฺมสีสกสฺส [ธมฺมาสีสกสฺส (ก.)] ทานนิสฺสนฺทพลว [ทานนิสฺสนฺทพล (สี. ปี.)] วีริยวิปุลวิปฺผาเรน เหฏฺา มหาวาตา สฺจลนฺติ สณิกํ สณิกํ สกึ สกึ อากุลากุลา วายนฺติ โอนมนฺติ อุนฺนมนฺติ วินมนฺติ, ฉินฺนปตฺตปาทปา [สีนฺนปฺปตฺตปาทปา (สี.)] ปปตนฺติ, คุมฺพํ คุมฺพํ วลาหกา คคเน สนฺธาวนฺติ, รโชสฺจิตา วาตา ทารุณา โหนฺติ, คคนํ อุปฺปีฬิตา วาตา วายนฺติ, สหสา ธมธมายนฺติ, มหาภีโม สทฺโท นิจฺฉรติ, เตสุ วาเตสุ กุปิเตสุ อุทกํ สณิกํ สณิกํ จลติ, อุทเก จลิเต ขุพฺภนฺติ มจฺฉกจฺฉปา, ยมกยมกา อูมิโย ชายนฺติ, ชลจรา สตฺตา ตสนฺติ, ชลวีจิ ยุคนทฺโธ วตฺตติ, วีจินาโท ปวตฺตติ, โฆรา พุพฺพุฬา [ปุพฺพุฬา (ก.)] อุฏฺหนฺติ, เผณมาลา ภวนฺติ, อุตฺตรติ มหาสมุทฺโท, ทิสาวิทิสํ ธาวติ อุทกํ, อุทฺธํโสตปฏิโสตมุขา สนฺทนฺติ สลิลธารา, ตสนฺติ อสุรา ครุฬา นาคา ยกฺขา, อุพฺพิชฺชนฺติ ‘กึ นุ โข, กถํ นุ โข, สาคโร วิปริวตฺตตี’ติ, คมนปถเมสนฺติ ภีตจิตฺตา, ขุภิเต ลุฬิเต ชลธาเร ปกมฺปติ มหาปถวี สนคา สสาครา, ปริวตฺตติ สิเนรุคิริ กูฏเสลสิขโร วินมมาโน โหติ, วิมนา โหนฺติ อหินกุลพิฬารโกฏฺุกสูกรมิคปกฺขิโน, รุทนฺติ ยกฺขา อปฺเปสกฺขา, หสนฺติ ยกฺขา มเหสกฺขา กมฺปมานาย มหาปถวิยา.

‘‘ยถา, มหาราช, มหติ มหาปริโยเค อุทฺธนคเต อุทกสมฺปุณฺเณ อากิณฺณตณฺฑุเล เหฏฺโต อคฺคิ ชลมาโน ปมํ ตาว ปริโยคํ สนฺตาเปติ, ปริโยโค สนฺตตฺโต อุทกํ สนฺตาเปติ, อุทกํ สนฺตตฺตํ ตณฺฑุลํ สนฺตาเปติ, ตณฺฑุลํ สนฺตตฺตํ อุมฺมุชฺชติ นิมุชฺชติ, พุพฺพุฬกชาตํ โหติ, เผณมาลา อุตฺตรติ; เอวเมว โข, มหาราช, เวสฺสนฺตโร ราชา ยํ โลเก ทุจฺจชํ, ตํ จชิ, ตสฺส ตํ ทุจฺจชํ จชนฺตสฺส ทานสฺส สภาวนิสฺสนฺเทน เหฏฺา มหาวาตา ธาเรตุํ น วิสหนฺตา ปริกุปฺปึสุ [ปริกมฺปึสุ (ก.)], มหาวาเตสุ ปริกุปิเตสุ [ปริขุพฺภิเตสุ (สฺยา.)] อุทกํ กมฺปิ, อุทเก กมฺปิเต มหาปถวี กมฺปิ, อิติ ตทา มหาวาตา จ อุทกฺจ มหาปถวี จาติ อิเม ตโย เอกมนา วิย อเหสุํ มหาทานนิสฺสนฺเทน วิปุลพลวีริเยน นตฺเถทิโส, มหาราช, อฺสฺส ทานานุภาโว, ยถา เวสฺสนฺตรสฺส รฺโ มหาทานานุภาโว. ยถา, มหาราช, มหิยา พหุวิธา มณโย วิชฺชนฺติ. เสยฺยถีทํ, อินฺทนีโล มหานีโล โชติรโส เวฬุริโย อุมฺมาปุปฺโผ สิรีสปุปฺโผ มโนหโร สูริยกนฺโต จนฺทกนฺโต วชิโร ขชฺโชปนโก ผุสฺสราโค โลหิตงฺโค มสารคลฺโลติ, เอเต สพฺเพ อติกฺกมฺม จกฺกวตฺติมณิ อคฺคมกฺขายติ, จกฺกวตฺติมณิ, มหาราช, สมนฺตา โยชนํ โอภาเสติ. เอวเมว โข, มหาราช, ยํ กิฺจิ มหิยา ทานํ วิชฺชติ อปิ อสทิสทานํ ปรมํ, ตํ สพฺพํ อติกฺกมฺม เวสฺสนฺตรสฺส รฺโ มหาทานํ อคฺคมกฺขายติ, เวสฺสนฺตรสฺส, มหาราช, รฺโ มหาทาเน ทียมาเน สตฺตกฺขตฺตุํ มหาปถวี กมฺปิตา’’ติ.

‘‘อจฺฉริยํ, ภนฺเต นาคเสน, พุทฺธานํ, อพฺภุตํ, ภนฺเต นาคเสน, พุทฺธานํ, ยํ ตถาคโต โพธิสตฺโต สมาโน อสโม โลเกน เอวํขนฺติ เอวํจิตฺโต เอวํอธิมุตฺติ เอวํอธิปฺปาโย, โพธิสตฺตานํ, ภนฺเต นาคเสน, ปรกฺกโม ทกฺขาปิโต, ปารมี จ ชินานํ ภิยฺโย โอภาสิตา, จริยํ จรโตปิ ตาว ตถาคตสฺส สเทวเก โลเก เสฏฺภาโว อนุทสฺสิโต. สาธุ, ภนฺเต นาคเสน, โถมิตํ ชินสาสนํ, โชติตา ชินปารมี, ฉินฺโน ติตฺถิยานํ วาทคณฺิ, ภินฺโน ปราปวาทกุมฺโภ [คุมฺโพ ตยา วิทฺธํสิโต (สฺยา.)], ปฺโห คมฺภีโร อุตฺตานีกโต, คหนํ อคหนํ กตํ, สมฺมา ลทฺธํ ชินปุตฺตานํ นิพฺพาหนํ [นิพฺพายนํ (ก.)], เอวเมตํ คณิวรปวร ตถา สมฺปฏิจฺฉามา’’ติ.

ปถวิจลนปฺโห จตุตฺโถ.

๕. สิวิราชจกฺขุทานปฺโห

. ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ตุมฺเห เอวํ ภณถ ‘สิวิราเชน ยาจกสฺส จกฺขูนิ ทินฺนานิ, อนฺธสฺส สโต ปุน ทิพฺพจกฺขูนิ อุปฺปนฺนานี’ติ, เอตมฺปิ วจนํ สกสฏํ สนิคฺคหํ สโทสํ ‘เหตุสมุคฺฆาเต อเหตุสฺมึ อวตฺถุสฺมึ นตฺถิ ทิพฺพจกฺขุสฺส อุปฺปาโท’ติ สุตฺเต วุตฺตํ, ยทิ, ภนฺเต นาคเสน, สิวิราเชน ยาจกสฺส จกฺขูนิ ทินฺนานิ, เตน หิ ‘ปุน ทิพฺพจกฺขูนิ อุปฺปนฺนานี’ติ ยํ วจนํ, ตํ มิจฺฉา; ยทิ ทิพฺพจกฺขูนิ อุปฺปนฺนานิ, เตน หิ ‘สิวิราเชน ยาจกสฺส จกฺขูนิ ทินฺนานี’ติ ยํ วจนํ, ตมฺปิ มิจฺฉา. อยมฺปิ อุภโต โกฏิโก ปฺโห คณฺิโตปิ คณฺิตโร เวโตปิ เวตโร คหนโตปิ คหนตโร, โส ตวานุปฺปตฺโต, ตตฺถ ฉนฺทมภิชเนหิ นิพฺพาหนาย ปรวาทานํ นิคฺคหายา’’ติ.

‘‘ทินฺนานิ, มหาราช, สิวิราเชน ยาจกสฺส จกฺขูนิ, ตตฺถ มา วิมตึ อุปฺปาเทหิ, ปุน ทิพฺพานิ จ จกฺขูนิ อุปฺปนฺนานิ, ตตฺถาปิ มา วิมตึ ชเนหี’’ติ. ‘‘อปิ นุ โข, ภนฺเต นาคเสน, เหตุสมุคฺฆาเต อเหตุสฺมึ อวตฺถุสฺมึ ทิพฺพจกฺขุ อุปฺปชฺชตี’’ติ? ‘‘น หิ, มหาราชา’’ติ. ‘‘กึ ปน, ภนฺเต, เอตฺถ การณํ, เยน การเณน เหตุสมุคฺฆาเต อเหตุสฺมึ อวตฺถุสฺมึ ทิพฺพจกฺขุ อุปฺปชฺชติ, อิงฺฆ ตาว การเณน มํ สฺาเปหี’’ติ?

‘‘กึ ปน, มหาราช, อตฺถิ โลเก สจฺจํ นาม, เยน สจฺจวาทิโน สจฺจกิริยํ กโรนฺตี’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, อตฺถิ โลเก สจฺจํ นาม, สจฺเจน, ภนฺเต นาคเสน, สจฺจวาทิโน สจฺจกิริยํ กตฺวา เทวํ วสฺสาเปนฺติ, อคฺคึ นิพฺพาเปนฺติ, วิสํ ปฏิหนนฺติ, อฺมฺปิ วิวิธํ กตฺตพฺพํ กโรนฺตี’’ติ. ‘‘เตน หิ, มหาราช, ยุชฺชติ สเมติ สิวิราชสฺส สจฺจพเลน ทิพฺพจกฺขูนิ อุปฺปนฺนานีติ, สจฺจพเลน, มหาราช, อวตฺถุสฺมึ ทิพฺพจกฺขุ อุปฺปชฺชติ, สจฺจํ เยว ตตฺถ วตฺถุ ภวติ ทิพฺพจกฺขุสฺส อุปฺปาทาย.

‘‘ยถา, มหาราช, เย เกจิ สตฺตา สจฺจมนุคายนฺติ ‘มหาเมโฆ ปวสฺสตู’ติ, เตสํ สห สจฺจมนุคีเตน มหาเมโฆ ปวสฺสติ, อปิ นุ โข, มหาราช, อตฺถิ อากาเส วสฺสเหตุ สนฺนิจิโต ‘เยน เหตุนา มหาเมโฆ ปวสฺสตี’’’ติ? ‘‘น หิ, ภนฺเต, สจฺจํ เยว ตตฺถ เหตุ ภวติ มหโต เมฆสฺส ปวสฺสนายา’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, นตฺถิ ตสฺส ปกติเหตุ, สจฺจํ เยเวตฺถ วตฺถุ ภวติ ทิพฺพจกฺขุสฺส อุปฺปาทายาติ.

‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, เย เกจิ สตฺตา สจฺจมนุคายนฺติ ‘ชลิตปชฺชลิตมหาอคฺคิกฺขนฺโธ ปฏินิวตฺตตู’ติ, เตสํ สห สจฺจมนุคีเตน ชลิตปชฺชลิตมหาอคฺคิกฺขนฺโธ ขเณน ปฏินิวตฺตติ. อปิ นุ โข, มหาราช, อตฺถิ ตสฺมึ ชลิตปชฺชลิเต มหาอคฺคิกฺขนฺเธ เหตุ สนฺนิจิโต ‘เยน เหตุนา ชลิตปชฺชลิตมหาอคฺคิกฺขนฺโธ ขเณน ปฏินิวตฺตตี’’ติ? ‘‘น หิ, ภนฺเต, สจฺจํ เยว ตตฺถ วตฺถุ โหติ ตสฺส ชลิตปชฺชลิตสฺส มหาอคฺคิกฺขนฺธสฺส ขเณน ปฏินิวตฺตนายา’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, นตฺถิ ตสฺส ปกติเหตุ, สจฺจํ เยเวตฺถ วตฺถุ ภวติ ทิพฺพจกฺขุสฺส อุปฺปาทายาติ.

‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, เย เกจิ สตฺตา สจฺจมนุคายนฺติ ‘วิสํ หลาหลํ อคทํ ภวตู’ติ. เตสํ สห สจฺจมนุคีเตน วิสํ หลาหลํ ขเณน อคทํ ภวติ, อปิ นุ โข, มหาราช, อตฺถิ ตสฺมึ หลาหลวิเส เหตุ สนฺนิจิโต ‘เยน เหตุนา วิสํ หลาหลํ ขเณน อคทํ ภวตี’’’ติ? ‘‘น หิ, ภนฺเต, สจฺจํ เยว ตตฺถ เหตุ ภวติ วิสสฺส หลาหลสฺส ขเณน ปฏิฆาตายา’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, วินา ปกติเหตุํ สจฺจํ เยเวตฺถ วตฺถุ ภวติ ทิพฺพจกฺขุสฺส อุปฺปาทายาติ.

‘‘จตุนฺนมฺปิ, มหาราช, อริยสจฺจานํ ปฏิเวธาย นตฺถฺํ วตฺถุ, สจฺจํ วตฺถุํ กตฺวา จตฺตาริ อริยสจฺจานิ ปฏิวิชฺฌนฺตีติ. อตฺถิ, มหาราช, จีนวิสเย จีนราชา, โส มหาสมุทฺเท กีฬิตุกาโม [พลึ กาตุกาโม (สี. ปี.)] จตุมาเส จตุมาเส สจฺจกิริยํ กตฺวา สห รเถน อนฺโตมหาสมุทฺเท โยชนํ ปวิสติ, ตสฺส รถสีสสฺส ปุรโต ปุรโต มหาวาริกฺขนฺโธ ปฏิกฺกมติ, นิกฺขนฺตสฺส ปุน โอตฺถรติ, อปิ นุ โข, มหาราช, โส มหาสมุทฺโท สเทวมนุสฺเสนปิ โลเกน ปกติกายพเลน สกฺกา ปฏิกฺกมาเปตุ’’นฺติ? ‘‘อติปริตฺตเกปิ, ภนฺเต, ตฬาเก อุทกํ น สกฺกา สเทวมนุสฺเสนปิ โลเกน ปกติกายพเลน ปฏิกฺกมาเปตุํ, กึ ปน มหาสมุทฺเท อุทก’’นฺติ? ‘‘อิมินาปิ, มหาราช, การเณน สจฺจพลํ าตพฺพํ ‘นตฺถิ ตํ านํ, ยํ สจฺเจน น ปตฺตพฺพ’นฺติ.

‘‘นคเร, มหาราช, ปาฏลิปุตฺเต อโสโก ธมฺมราชา สเนคมชานปทอมจฺจภฏพลมหามตฺเตหิ ปริวุโต คงฺคํ นทึ [คงฺคานทึ (สี.)] นวสลิลสมฺปุณฺณํ สมติตฺถิกํ สมฺภริตํ ปฺจโยชนสตายามํ โยชนปุถุลํ สนฺทมานํ ทิสฺวา อมจฺเจ เอวมาห ‘อตฺถิ โกจิ, ภเณ, สมตฺโถ, โย อิมํ มหาคงฺคํ ปฏิโสตํ สนฺทาเปตุ’นฺติ. อมจฺจา อาหํสุ ‘ทุกฺกรํ เทวา’ติ.

‘‘ตสฺมึ เยว คงฺคากูเล ิตา พนฺธุมตี นาม คณิกา อสฺโสสิ รฺา กิร เอวํ วุตฺตํ ‘สกฺกา นุ โข อิมํ มหาคงฺคํ ปฏิโสตํ สนฺทาเปตุ’นฺติ, สา เอวมาห ‘อหฺหิ นคเร ปาฏลิปุตฺเต คณิกา รูปูปชีวินี อนฺติมชีวิกา, มม ตาว ราชา สจฺจกิริยํ ปสฺสตู’ติ. อถ สา สจฺจกิริยํ อกาสิ, สห ตสฺสา สจฺจกิริยาย ขเณน สา มหาคงฺคา คฬคฬายนฺตี ปฏิโสตํ สนฺทิตฺถ มหโต ชนกายสฺส ปสฺสโต.

‘‘อถ ราชา คงฺคาย อาวฏฺฏอูมิเวคชนิตํ หลาหลสทฺทํ สุตฺวา วิมฺหิโต อจฺฉริยพฺภุตชาโต อมจฺเจ เอวมาห ‘กิสฺสายํ, ภเณ, มหาคงฺคา ปฏิโสตํ สนฺทตี’ติ? ‘พนฺธุมตี, มหาราช, คณิกา ตว วจนํ สุตฺวา สจฺจกิริยํ อกาสิ, ตสฺสา สจฺจกิริยาย มหาคงฺคา อุทฺธํมุขา สนฺทตี’ติ.

‘‘อถ สํวิคฺคหทโย ราชา ตุริตตุริโต สยํ คนฺตฺวา ตํ คณิกํ ปุจฺฉิ ‘สจฺจํ กิร, เช, ตยา สจฺจกิริยาย อยํ คงฺคา ปฏิโสตํ สนฺทาปิตา’ติ? ‘อาม เทวา’ติ. ราชา อาห ‘กึ เต ตตฺถ พลํ อตฺถิ, โก วา เต วจนํ อาทิยติ อนุมฺมตฺโต, เกน ตฺวํ พเลน อิมํ มหาคงฺคํ ปฏิโสตํ สนฺทาเปสี’ติ? สา อาห ‘สจฺจพเลนาหํ, มหาราช, อิมํ มหาคงฺคํ ปฏิโสตํ สนฺทาเปสิ’นฺติ. ราชา อาห ‘กึ เต สจฺจพลํ อตฺถิ โจริยา ธุตฺติยา อสติยา ฉินฺนิกาย ปาปิยา ภินฺนสีลาย [ปาปิกาย ภินฺนสีมาย (สี.)] หิริอติกฺกนฺติกาย อนฺธชนปโลภิกายา’ติ. ‘สจฺจํ, มหาราช, ตาทิสิกา อหํ, ตาทิสิกายปิ เม, มหาราช, สจฺจกิริยา อตฺถิ, ยายาหํ อิจฺฉมานา สเทวกมฺปิ โลกํ ปริวตฺเตยฺย’นฺติ. ราชา อาห ‘กตมา ปน สา โหติ สจฺจกิริยา, อิงฺฆ มํ สาเวหี’ติ. ‘โย เม, มหาราช, ธนํ เทติ ขตฺติโย วา พฺราหฺมโณ วา เวสฺโส วา สุทฺโท วา อฺโ วา โกจิ, เตสํ สมกํ เยว อุปฏฺหามิ, ‘‘ขตฺติโย’’ติ วิเสโส นตฺถิ, ‘‘สุทฺโท’’ติ อติมฺนา [อติมฺมาโน (ก.)] นตฺถิ, อนุนยปฺปฏิฆวิปฺปมุตฺตา ธนสฺสามิกํ ปริจรามิ, เอสา เม เทว สจฺจกิริยา, ยายาหํ อิมํ มหาคงฺคํ ปฏิโสตํ สนฺทาเปสิ’นฺติ.

‘‘อิติปิ, มหาราช, สจฺเจ ิตา น กิฺจิ อตฺถํ น วินฺทนฺติ. ทินฺนานิ จ, มหาราช, สิวิราเชน ยาจกสฺส จกฺขูนิ, ทิพฺพจกฺขูนิ จ อุปฺปนฺนานิ, ตฺจ สจฺจกิริยาย. ยํ ปน สุตฺเต วุตฺตํ ‘มํสจกฺขุสฺมึ นฏฺเ อเหตุสฺมึ อวตฺถุสฺมึ นตฺถิ ทิพฺพจกฺขุสฺส อุปฺปาโท’ติ. ตํ ภาวนามยํ จกฺขุํ สนฺธาย วุตฺตํ, เอวเมตํ, มหาราช, ธาเรหี’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต นาคเสน, สุนิพฺเพิโต ปฺโห, สุนิทฺทิฏฺโ นิคฺคโห, สุมทฺทิตา ปรวาทา, เอวเมตํ ตถา สมฺปฏิจฺฉามี’’ติ.

สิวิราชจกฺขุทานปฺโห ปฺจโม.

๖. คพฺภาวกฺกนฺติปฺโห

. ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ภาสิตมฺเปตํ ภควตา ‘ติณฺณํ โข ปน, ภิกฺขเว, สนฺนิปาตา คพฺภสฺส อวกฺกนฺติ [คพฺภสฺสาวกฺกนฺติ (ม. นิ. ๑.๔๐๘)] โหติ, อิธ มาตาปิตโร จ สนฺนิปติตา โหนฺติ, มาตา จ อุตุนี โหติ, คนฺธพฺโพ จ ปจฺจุปฏฺิโต โหติ, อิเมสํ โข, ภิกฺขเว, ติณฺณํ สนฺนิปาตา คพฺภสฺส อวกฺกนฺติ โหตี’ติ, อเสสวจนเมตํ, นิสฺเสสวจนเมตํ, นิปฺปริยายวจนเมตํ, อรหสฺสวจนเมตํ, สเทวมนุสฺสานํ มชฺเฌ นิสีทิตฺวา ภณิตํ, อยฺจ ทฺวินฺนํ สนฺนิปาตา คพฺภสฺส อวกฺกนฺติ ทิสฺสติ, ทุกูเลน ตาปเสน ปาริกาย ตาปสิยา อุตุนิกาเล ทกฺขิเณน หตฺถงฺคุฏฺเน นาภิ ปรามฏฺา, ตสฺส เตน นาภิปรามสเนน สามกุมาโร นิพฺพตฺโต. มาตงฺเคนาปิ อิสินา พฺราหฺมณกฺาย อุตุนิกาเล ทกฺขิเณน หตฺถงฺคุฏฺเน นาภิ ปรามฏฺา, ตสฺส เตน นาภิปรามสเนน มณฺฑพฺโย นาม มาณวโก นิพฺพตฺโตติ. ยทิ, ภนฺเต นาคเสน, ภควตา ภณิตํ ‘ติณฺณํ โข ปน, ภิกฺขเว, สนฺนิปาตา คพฺภสฺส อวกฺกนฺติ โหตี’ติ. เตน หิ สาโม จ กุมาโร มณฺฑพฺโย จ มาณวโก อุโภปิ เต นาภิปรามสเนน นิพฺพตฺตาติ ยํ วจนํ, ตํ มิจฺฉา. ยทิ, ภนฺเต, ตถาคเตน ภณิตํ ‘สาโม จ กุมาโร มณฺฑพฺโย จ มาณวโก นาภิปรามสเนน นิพฺพตฺตา’’ติ, เตน หิ ‘ติณฺณํ โข ปน, ภิกฺขเว, สนฺนิปาตา คพฺภสฺส อวกฺกนฺติ โหตี’ติ ยํ วจนํ, ตมฺปิ มิจฺฉา. อยมฺปิ อุภโต โกฏิโก ปฺโห สุคมฺภีโร สุนิปุโณ วิสโย พุทฺธิมนฺตานํ, โส ตวานุปฺปตฺโต, ฉินฺท วิมติปถํ, ธาเรหิ าณวรปฺปชฺโชต’’นฺติ.

‘‘ภาสิตมฺเปตํ, มหาราช, ภควตา ‘ติณฺณํ โข ปน, ภิกฺขเว, สนฺนิปาตา คพฺภสฺส อวกฺกนฺติ โหติ, อิธ มาตาปิตโร จ สนฺนิปติตา โหนฺติ, มาตา จ อุตุนี โหติ, คนฺธพฺโพ จ ปจฺจุปฏฺิโต โหติ, เอวํ ติณฺณํ สนฺนิปาตา คพฺภสฺส อวกฺกนฺติ โหตี’ติ. ภณิตฺจ ‘สาโม จ กุมาโร มณฺฑพฺโย จ มาณวโก นาภิปรามสเนน นิพฺพตฺตา’’ติ. ‘‘เตน หิ, ภนฺเต นาคเสน, เยน การเณน ปฺโห สุวินิจฺฉิโต โหติ, เตน การเณน มํ สฺาเปหี’’ติ.

‘‘สุตปุพฺพํ ปน ตยา, มหาราช, สํกิจฺโจ จ กุมาโร อิสิสิงฺโค จ ตาปโส เถโร จ กุมารกสฺสโป ‘อิมินา นาม เต นิพฺพตฺตา’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, สุยฺยติ, อพฺภุคฺคตา เตสํ ชาติ, ทฺเว มิคเธนุโย ตาว อุตุนิกาเล ทฺวินฺนํ ตาปสานํ ปสฺสาวฏฺานํ อาคนฺตฺวา สสมฺภวํ ปสฺสาวํ ปิวึสุ, เตน ปสฺสาวสมฺภเวน สํกิจฺโจ จ กุมาโร อิสิสิงฺโค จ ตาปโส นิพฺพตฺตา. เถรสฺส อุทายิสฺส ภิกฺขุนุปสฺสยํ อุปคตสฺส รตฺตจิตฺเตน ภิกฺขุนิยา องฺคชาตํ อุปนิชฺฌายนฺตสฺส สมฺภวํ กาสาเว มุจฺจิ. อถ โข อายสฺมา อุทายิ ตํ ภิกฺขุนึ เอตทโวจ ‘คจฺฉ ภคินิ, อุทกํ อาหร อนฺตรวาสกํ โธวิสฺสามี’ติ. ‘อาหรยฺย อหเมว โธวิสฺสามี’ติ. ตโต สา ภิกฺขุนี อุตุนิสมเย ตํ สมฺภวํ เอกเทสํ มุเขน อคฺคเหสิ, เอกเทสํ องฺคชาเต ปกฺขิปิ, เตน เถโร กุมารกสฺสโป นิพฺพตฺโตติ เอตํ ชโน อาหา’’ติ.

‘‘อปิ นุ โข ตฺวํ, มหาราช, สทฺทหสิ ตํ วจน’’นฺติ? ‘‘อาม ภนฺเต, พลวํ ตตฺถ มยํ การณํ อุปลภาม, เยน มยํ การเณน สทฺทหาม ‘อิมินา การเณน นิพฺพตฺตา’’ติ. ‘‘กึ ปเนตฺถ, มหาราช, การณ’’นฺติ? ‘‘สุปริกมฺมกเต, ภนฺเต, กลเล พีชํ นิปติตฺวา ขิปฺปํ สํวิรุหตี’’ติ. ‘‘อาม มหาราชา’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, ภนฺเต, สา ภิกฺขุนี อุตุนี สมานา สณฺิเต กลเล รุหิเร ปจฺฉินฺนเวเค ิตาย ธาตุยา ตํ สมฺภวํ คเหตฺวา ตสฺมึ กลเล ปกฺขิปิ, เตน ตสฺสา คพฺโภ สณฺาสิ, เอวํ ตตฺถ การณํ ปจฺเจม เตสํ นิพฺพตฺติยา’’ติ. ‘‘เอวเมตํ, มหาราช, ตถา สมฺปฏิจฺฉามิ, โยนิปฺปเวเสน คพฺโภ สมฺภวตีติ. สมฺปฏิจฺฉสิ ปน, ตฺวํ มหาราช, เถรสฺส กุมารกสฺสปสฺส คพฺภาวกฺกมน’’นฺติ? ‘‘อาม ภนฺเต’’ติ. ‘‘สาธุ, มหาราช, ปจฺจาคโตสิ มม วิสยํ, เอกวิเธนปิ คพฺภาวกฺกนฺตึ กถยนฺโต มมานุพลํ ภวิสฺสสิ, อถ ยา ปน ตา ทฺเว มิคเธนุโย ปสฺสาวํ ปิวิตฺวา คพฺภํ ปฏิลภึสุ, ตาสํ ตฺวํ สทฺทหสิ คพฺภสฺสาวกฺกมน’’นฺติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, ยํ กิฺจิ ภุตฺตํ ปีตํ ขายิตํ เลหิตํ, สพฺพํ ตํ กลลํ โอสรติ, านคตํ วุฑฺฒิมาปชฺชติ. ยถา, ภนฺเต นาคเสน, ยา กาจิ สริตา นาม, สพฺพา ตา มหาสมุทฺทํ โอสรนฺติ, านคตา วุฑฺฒิมาปชฺชนฺติ. เอวเมว โข, ภนฺเต นาคเสน, ยํ กิฺจิ ภุตฺตํ ปีตํ ขายิตํ เลหิตํ, สพฺพํ ตํ กลลํ โอสรติ, านคตํ วุฑฺฒิมาปชฺชติ, เตนาหํ การเณน สทฺทหามิ มุขคเตนปิ คพฺภสฺส อวกฺกนฺติ โหตี’’ติ. ‘‘สาธุ, มหาราช, คาฬฺหตรํ อุปคโตสิ มม วิสยํ, มุขปาเนนปิ ทฺวยสนฺนิปาโต ภวติ. สํกิจฺจสฺส จ, มหาราช, กุมารสฺส อิสิสิงฺคสฺส จ ตาปสสฺส เถรสฺส จ กุมารกสฺสปสฺส คพฺภาวกฺกมนํ สมฺปฏิจฺฉสี’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, สนฺนิปาโต โอสรตี’’ติ.

‘‘สาโมปิ, มหาราช, กุมาโร มณฺฑพฺโยปิ มาณวโก ตีสุ สนฺนิปาเตสุ อนฺโตคธา, เอกรสา เยว ปุริเมน, ตตฺถ การณํ วกฺขามิ. ทุกูโล จ, มหาราช, ตาปโส ปาริกา จ ตาปสี อุโภปิ เต อรฺวาสา อเหสุํ ปวิเวกาธิมุตฺตา อุตฺตมตฺถคเวสกา, ตปเตเชน ยาว พฺรหฺมโลกํ สนฺตาเปสุํ. เตสํ ตทา สกฺโก เทวานมินฺโท สายํ ปาตํ อุปฏฺานํ อาคจฺฉติ. โส เตสํ ครุกตเมตฺตตาย อุปธาเรนฺโต อทฺทส อนาคตมทฺธาเน ทฺวินฺนมฺปิ เตสํ จกฺขูนํ อนฺตรธานํ, ทิสฺวา เต เอวมาห ‘เอกํ เม, โภนฺโต, วจนํ กโรถ, สาธุ เอกํ ปุตฺตํ ชเนยฺยาถ, โส ตุมฺหากํ อุปฏฺาโก ภวิสฺสติ อาลมฺพโน จา’ติ. ‘อลํ, โกสิย, มา เอวํ ภณี’ติ. เต ตสฺส ตํ วจนํ น สมฺปฏิจฺฉึสุ. อนุกมฺปโก อตฺถกาโม สกฺโก เทวานมินฺโท ทุติยมฺปิ…เป… ตติยมฺปิ เต เอวมาห ‘เอกํ เม, โภนฺโต, วจนํ กโรถ, สาธุ เอกํ ปุตฺตํ ชเนยฺยาถ, โส ตุมฺหากํ อุปฏฺาโก ภวิสฺสติ อาลมฺพโน จา’ติ. ตติยมฺปิ เต อาหํสุ ‘อลํ, โกสิย, มา ตฺวํ โข อมฺเห อนตฺเถ นิโยเชหิ, กทายํ กาโย น ภิชฺชิสฺสติ, ภิชฺชตุ อยํ กาโย เภทนธมฺโม, ภิชฺชนฺติยาปิ ธรณิยา ปตนฺเตปิ เสลสิขเร ผลนฺเตปิ อากาเส ปตนฺเตปิ จนฺทิมสูริเย เนว มยํ โลกธมฺเมหิ มิสฺสยิสฺสาม, มา ตฺวํ อมฺหากํ สมฺมุขภาวํ อุปคจฺฉ, อุปคตสฺส เต เอโส วิสฺสาโส, อนตฺถจโร ตฺวํ มฺเ’ติ.

ตโต สกฺโก เทวานมินฺโท เตสํ มนํ อลภมาโน ครุกโต ปฺชลิโก ปุน ยาจิ ‘ยทิ เม วจนํ น อุสฺสหถ กาตุํ, ยทา ตาปสี อุตุนี โหติ ปุปฺผวตี, ตทา ตฺวํ, ภนฺเต, ทกฺขิเณน หตฺถงฺคุฏฺเน นาภึ ปรามเสยฺยาสิ, เตน สา คพฺภํ ลจฺฉติ, สนฺนิปาโต เยเวส คพฺภาวกฺกนฺติยา’ติ. ‘สกฺโกมหํ, โกสิย, ตํ วจนํ กาตุํ, น ตาวตเกน อมฺหากํ ตโป ภิชฺชติ, โหตู’ติ สมฺปฏิจฺฉึสุ. ตาย จ ปน เวลาย เทวภวเน อตฺถิ เทวปุตฺโต อุสฺสนฺนกุสลมูโล ขีณายุโก อายุกฺขยปฺปตฺโต ยทิจฺฉกํ สมตฺโถ โอกฺกมิตุํ อปิ จกฺกวตฺติกุเลปิ. อถ สกฺโก เทวานมินฺโท ตํ เทวปุตฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาห ‘เอหิ โข, มาริส, สุปภาโต เต ทิวโส, อตฺถสิทฺธิ อุปคตา, ยมหํ เต อุปฏฺานมาคมึ, รมณีเย เต โอกาเส วาโส ภวิสฺสติ, ปติรูเป กุเล ปฏิสนฺธิ ภวิสฺสติ, สุนฺทเรหิ มาตาปิตูหิ วฑฺเฒตพฺโพ, เอหิ เม วจนํ กโรหี’ติ ยาจิ. ทุติยมฺปิ…เป… ตติยมฺปิ ยาจิ สิรสิ ปฺชลิกโต.

ตโต โส เทวปุตฺโต เอวมาห ‘กตมํ ตํ, มาริส, กุลํ, ยํ ตฺวํ อภิกฺขณํ กิตฺตยสิ ปุนปฺปุน’นฺติ. ‘ทุกูโล จ ตาปโส ปาริกา จ ตาปสี’ติ. โส ตสฺส วจนํ สุตฺวา ตุฏฺโ สมฺปฏิจฺฉิ ‘สาธุ, มาริส, โย ตว ฉนฺโท, โส โหตุ, อากงฺขมาโน อหํ, มาริส, ปตฺถิเต กุเล อุปฺปชฺเชยฺยํ, กิมฺหิ กุเล อุปฺปชฺชามิ อณฺฑเช วา ชลาพุเช วา สํเสทเช วา โอปปาติเก วา’ติ? ‘ชลาพุชาย, มาริส, โยนิยา อุปฺปชฺชาหี’ติ. อถ สกฺโก เทวานมินฺโท อุปฺปตฺติทิวสํ วิคเณตฺวา ทุกูลสฺส ตาปสสฺส อาโรเจสิ ‘อสุกสฺมึ นาม ทิวเส ตาปสี อุตุนี ภวิสฺสติ ปุปฺผวตี, ตทา ตฺวํ, ภนฺเต, ทกฺขิเณน หตฺถงฺคุฏฺเน นาภึ ปรามเสยฺยาสี’ติ. ตสฺมึ, มหาราช, ทิวเส ตาปสี จ อุตุนี ปุปฺผวตี อโหสิ, เทวปุตฺโต จ ตตฺถูปโค ปจฺจุปฏฺิโต อโหสิ, ตาปโส จ ทกฺขิเณน หตฺถงฺคุฏฺเน ตาปสิยา นาภึ ปรามสิ, อิติ เต ตโย สนฺนิปาตา อเหสุํ, นาภิปรามสเนน ตาปสิยา ราโค อุทปาทิ, โส ปนสฺสา ราโค นาภิปรามสนํ ปฏิจฺจ มา ตฺวํ สนฺนิปาตํ อชฺฌาจารเมว มฺิ, อูหสนมฺปิ [หสนมฺปิ (ก.)] สนฺนิปาโต, อุลฺลปนมฺปิ สนฺนิปาโต, อุปนิชฺฌายนมฺปิ สนฺนิปาโต, ปุพฺพภาคภาวโต ราคสฺส อุปฺปาทาย อามสเนน สนฺนิปาโต ชายติ, สนฺนิปาตา โอกฺกมนํ โหตีติ.

‘‘อนชฺฌาจาเรปิ, มหาราช, ปรามสเนน คพฺภาวกฺกนฺติ โหติ. ยถา, มหาราช, อคฺคิ ชลมาโน อปรามสโนปิ อุปคตสฺส สีตํ พฺยปหนฺติ, เอวเมว โข, มหาราช, อนชฺฌาจาเรปิ ปรามสเนน คพฺภาวกฺกนฺติ โหติ.

‘‘จตุนฺนํ, มหาราช, วเสน สตฺตานํ คพฺภาวกฺกนฺติ โหติ กมฺมวเสน โยนิวเสน กุลวเสน อายาจนวเสน, อปิ จ สพฺเพเปเต สตฺตา กมฺมสมฺภวา กมฺมสมุฏฺานา.

‘‘กถํ, มหาราช, กมฺมวเสน สตฺตานํ คพฺภาวกฺกนฺติ โหติ? อุสฺสนฺนกุสลมูลา, มหาราช, สตฺตา ยทิจฺฉกํ อุปฺปชฺชนฺติ ขตฺติยมหาสาลกุเล วา พฺราหฺมณมหาสาลกุเล วา คหปติมหาสาลกุเล วา เทเวสุ วา อณฺฑชาย วา โยนิยา ชลาพุชาย วา โยนิยา สํเสทชาย วา โยนิยา โอปปาติกาย วา โยนิยา. ยถา, มหาราช, ปุริโส อฑฺโฒ มหทฺธโน มหาโภโค ปหูตชาตรูปรชโต ปหูตวิตฺตูปกรโณ ปหูตธนธฺโ ปหูตาติปกฺโข ทาสึ วา ทาสํ วา เขตฺตํ วา วตฺถุํ วา คามํ วา นิคมํ วา ชนปทํ วา ยํ กิฺจิ มนสา อภิปตฺถิตํ, ยทิจฺฉกํ ทฺวิคุณติคุณมฺปิ ธนํ ทตฺวา กิณาติ, เอวเมว โข, มหาราช, อุสฺสนฺนกุสลมูลา สตฺตา ยทิจฺฉกํ อุปฺปชฺชนฺติ ขตฺติยมหาสาลกุเล วา พฺราหฺมณมหาสาลกุเล วา คหปติมหาสาลกุเล วา เทเวสุ วา อณฺฑชาย วา โยนิยา ชลาพุชาย วา โยนิยา สํเสทชย วา โยนิยา โอปปาติกาย วา โยนิยา. เอวํ กมฺมวเสน สตฺตานํ คพฺภาวกฺกนฺติ โหติ.

‘‘กถํ โยนิวเสน สตฺตานํ คพฺภาวกฺกนฺติ โหติ? กุกฺกุฏานํ, มหาราช, วาเตน คพฺภาวกฺกนฺติ โหติ. พลากานํ เมฆสทฺเทน คพฺภาวกฺกนฺติ โหติ. สพฺเพปิ เทวา อคพฺภเสยฺยกา สตฺตา เยว, เตสํ นานาวณฺเณน คพฺภาวกฺกนฺติ โหติ. ยถา, มหาราช, มนุสฺสา นานาวณฺเณน มหิยา จรนฺติ, เกจิ ปุรโต ปฏิจฺฉาเทนฺติ, เกจิ ปจฺฉโต ปฏิจฺฉาเทนฺติ, เกจิ นคฺคา โหนฺติ, เกจิ ภณฺฑู โหนฺติ เสตปฏธรา, เกจิ โมฬิพทฺธา โหนฺติ, เกจิ ภณฺฑู กาสาววสนา โหนฺติ, เกจิ กาสาววสนา โมฬิพทฺธา โหนฺติ, เกจิ ชฏิโน วากจีรธรา [วากจีรา (ก.)] โหนฺติ, เกจิ จมฺมวสนา โหนฺติ, เกจิ รสฺมิโย นิวาเสนฺติ, สพฺเพเปเต มนุสฺสา นานาวณฺเณน มหิยา จรนฺติ, เอวเมว โข, มหาราช, สตฺตา เยว เต สพฺเพ, เตสํ นานาวณฺเณน คพฺภาวกฺกนฺติ โหติ. เอวํ โยนิวเสน สตฺตานํ คพฺภาวกฺกนฺติ โหติ.

‘‘กถํ กุลวเสน สตฺตานํ คพฺภาวกฺกนฺติ โหติ? กุลํ นาม, มหาราช, จตฺตาริ กุลานิ อณฺฑชํ ชลาพุชํ สํเสทชํ โอปปาติกํ. ยทิ ตตฺถ คนฺธพฺโพ ยโต กุโตจิ อาคนฺตฺวา อณฺฑเช กุเล อุปฺปชฺชติ, โส ตตฺถ อณฺฑโช โหติ…เป… ชลาพุเช กุเล…เป… สํเสทเช กุเล…เป… โอปปาติเก กุเล อุปฺปชฺชติ, โส ตตฺถ โอปปาติโก โหติ. เตสุ เตสุ กุเลสุ ตาทิสา เยว สตฺตา สมฺภวนฺติ. ยถา, มหาราช, หิมวติ เนรุปพฺพตํ เย เกจิ มิคปกฺขิโน อุเปนฺติ, สพฺเพ เต สกวณฺณํ วิชหิตฺวา สุวณฺณวณฺณา โหนฺติ, เอวเมว โข, มหาราช, โย โกจิ คนฺธพฺโพ ยโต กุโตจิ อาคนฺตฺวา อณฺฑชํ โยนึ อุปคนฺตฺวา สภาววณฺณํ วิชหิตฺวา อณฺฑโช โหติ…เป… ชลาพุชํ…เป… สํเสทชํ…เป… โอปปาติกํ โยนึ อุปคนฺตฺวา สภาววณฺณํ วิชหิตฺวา โอปปาติโก โหติ, เอวํ กุลวเสน สตฺตานํ คพฺภาวกฺกนฺติ โหติ.

‘‘กถํ อายาจนวเสน สตฺตานํ คพฺภาวกฺกนฺติ โหติ? อิธ, มหาราช, กุลํ โหติ อปุตฺตกํ พหุสาปเตยฺยํ สทฺธํ ปสนฺนํ สีลวนฺตํ กลฺยาณธมฺมํ ตปนิสฺสิตํ, เทวปุตฺโต จ อุสฺสนฺนกุสลมูโล จวนธมฺโม โหติ. อถ สกฺโก เทวานมินฺโท ตสฺส กุลสฺส อนุกมฺปาย ตํ เทวปุตฺตํ อายาจติ ‘ปณิเธหิ, มาริส, อสุกสฺส กุลสฺส มเหสิยา กุจฺฉิ’นฺติ. โส ตสฺส อายาจนเหตุ ตํ กุลํ ปณิเธติ. ยถา, มหาราช, มนุสฺสา ปุฺกามา สมณํ มโนภาวนียํ อายาจิตฺวา เคหํ อุปเนนฺติ, อยํ อุปคนฺตฺวา สพฺพสฺส กุลสฺส สุขาวโห ภวิสฺสตีติ. เอวเมว โข, มหาราช, สกฺโก เทวานมินฺโท ตํ เทวปุตฺตํ อายาจิตฺวา ตํ กุลํ อุปเนติ. เอวํ อายาจนวเสน สตฺตานํ คพฺภาวกฺกนฺติ โหติ.

‘‘สาโม, มหาราช, กุมาโร สกฺเกน เทวานมินฺเทน อายาจิโต ปาริกาย ตาปสิยา กุจฺฉึ โอกฺกนฺโต. สาโม, มหาราช, กุมาโร กตปุฺโ, มาตาปิตโร สีลวนฺโต กลฺยาณธมฺมา, อายาจโก สกฺโก, ติณฺณํ เจโตปณิธิยา สาโม กุมาโร นิพฺพตฺโต. อิธ, มหาราช, นยกุสโล ปุริโส สุกฏฺเ อนูปเขตฺเต พีชํ โรเปยฺย, อปิ นุ ตสฺส พีชสฺส อนฺตรายํ วิวชฺเชนฺตสฺส วุฑฺฒิยา โกจิ อนฺตราโย ภเวยฺยา’’ติ? ‘‘น หิ, ภนฺเต, นิรุปฆาตํ พีชํ ขิปฺปํ สํวิรุเหยฺยา’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, สาโม กุมาโร มุตฺโต อุปฺปนฺนนฺตราเยหิ ติณฺณํ เจโตปณิธิยา นิพฺพตฺโต.

‘‘อปิ นุ โข, มหาราช, สุตปุพฺพํ ตยา อิสีนํ มโนปโทเสน อิทฺโธ ผีโต มหาชนปโท สชโน สมุจฺฉินฺโน’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, สุยฺยติ. มหิยา ทณฺฑการฺํ [ทณฺฑกีรฺํ (ม. นิ. ๒.๖๕)] มชฺฌารฺํ กาลิงฺคารฺํ มาตงฺคารฺํ, สพฺพํ ตํ อรฺํ อรฺภูตํ, สพฺเพเปเต ชนปทา อิสีนํ มโนปโทเสน ขยํ คตา’’ติ. ‘‘ยทิ, มหาราช, เตสํ มโนปโทเสน สุสมิทฺธา ชนปทา อุจฺฉิชฺชนฺติ, อปิ นุ โข เตสํ มโนปสาเทน กิฺจิ นิพฺพตฺเตยฺยา’’ติ? ‘‘อาม ภนฺเต’’ติ. ‘‘เตน หิ, มหาราช, สาโม กุมาโร ติณฺณํ พลวนฺตานํ เจโตปสาเทน นิพฺพตฺโต อิสินิมฺมิโต เทวนิมฺมิโต ปุฺนิมฺมิโตติ. เอวเมตํ, มหาราช, ธาเรหิ.

‘‘ตโยเม, มหาราช, เทวปุตฺตา สกฺเกน เทวานมินฺเทน อายาจิตา กุลํ อุปฺปนฺนา. กตเม ตโย? สาโม กุมาโร มหาปนาโท กุสราชา, ตโยเปเต โพธิสตฺตา’’ติ. ‘‘สุนิทฺทิฏฺา, ภนฺเต นาคเสน, คพฺภาวกฺกนฺติ, สุกถิตํ การณํ, อนฺธกาโร อาโลโก กโต, ชฏา วิชฏิตา, นิจฺฉุทฺธา ปรวาทา, เอวเมตํ ตถา สมฺปฏิจฺฉามี’’ติ.

คพฺภาวกฺกนฺติปฺโห ฉฏฺโ.

๗. สทฺธมฺมนฺตรธานปฺโห

. ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ภาสิตมฺเปตํ ภควตา ‘ปฺเจว ทานิ, อานนฺท, วสฺสสตานิ [วสฺสสหสฺสานิ (สี.) ปสฺส อ. นิ. ๘.๕๑] สทฺธมฺโม สฺสตี’ติ. ปุน จ ปรินิพฺพานสมเย สุภทฺเทน ปริพฺพาชเกน ปฺหํ ปุฏฺเน ภควตา ภณิตํ ‘อิเม จ, สุภทฺท [ที. นิ. ๒.๒๑๔ ปสฺสิตพฺพํ], ภิกฺขู สมฺมา วิหเรยฺยุํ, อสุฺโ โลโก อรหนฺเตหิ อสฺสา’ติ, อเสสวจนเมตํ, นิสฺเสสวจนเมตํ, นิปฺปริยายวจนเมตํ. ยทิ, ภนฺเต นาคเสน, ตถาคเตน ภณิตํ ‘ปฺเจว ทานิ, อานนฺท, วสฺสสตานิ สทฺธมฺโม สฺสตี’ติ, เตน หิ ‘อสุฺโ โลโก อรหนฺเตหิ อสฺสา’ติ ยํ วจนํ, ตํ มิจฺฉา. ยทิ ตถาคเตน ภณิตํ ‘อสุฺโ โลโก อรหนฺเตหิ อสฺสา’ติ, เตน หิ ‘ปฺเจว ทานิ, อานนฺท, วสฺสสตานิ สทฺธมฺโม สฺสตี’ติ ตมฺปิ วจนํ มิจฺฉา. อยมฺปิ อุภโต โกฏิโก ปฺโห คหนโตปิ คหนตโร พลวโตปิ พลวตโร คณฺิโตปิ คณฺิตโร, โส ตวานุปฺปตฺโต, ตตฺถ เต าณพลวิปฺผารํ ทสฺเสหิ มกโร วิย สาครพฺภนฺตรคโต’’ติ.

‘‘ภาสิตมฺเปตํ, มหาราช, ภควตา ‘ปฺเจว ทานิ, อานนฺท, วสฺสสตานิ สทฺธมฺโม สฺสตี’ติ. ปรินิพฺพานสมเย จ สุภทฺทสฺส ปริพฺพาชกสฺส ภณิตํ ‘อิเม จ, สุภทฺท, ภิกฺขู สมฺมา วิหเรยฺยุํ, อสุฺโ โลโก อรหนฺเตหิ อสฺสา’ติ. ตฺจ ปน, มหาราช, ภควโต วจนํ นานตฺถฺเจว โหติ นานาพฺยฺชนฺจ, อยํ สาสนปริจฺเฉโท, อยํ ปฏิปตฺติ ปริทีปนาติ ทูรํ วิวชฺชิตา เต อุโภ อฺมฺํ. ยถา, มหาราช, นภํ ปถวิโต ทูรํ วิวชฺชิตํ, นิรยํ สคฺคโต ทูรํ วิวชฺชิตํ, กุสลํ อกุสลโต ทูรํ วิวชฺชิตํ, สุขํ ทุกฺขโต ทูรํ วิวชฺชิตํ. เอวเมว โข, มหาราช, เต อุโภ อฺมฺํ ทูรํ วิวชฺชิตา.

‘‘อปิ จ, มหาราช, มา เต ปุจฺฉา โมฆา อสฺส [อสฺสุ (สี. สฺยา.)], รสโต เต สํสนฺทิตฺวา กถยิสฺสามิ ‘ปฺเจว ทานิ, อานนฺท, วสฺสสตานิ สทฺธมฺโม สฺสตี’ติ ยํ ภควา อาห, ตํ ขยํ ปริทีปยนฺโต เสสกํ ปริจฺฉินฺทิ, วสฺสสหสฺสํ, อานนฺท, สทฺธมฺโม ติฏฺเยฺย, สเจ ภิกฺขุนิโย น ปพฺพาเชยฺยุํ. ปฺเจว ทานิ, อานนฺท, วสฺสสตานิ สทฺธมฺโม สฺสตีติ. อปิ นุ โข, มหาราช, ภควา เอวํ วทนฺโต สทฺธมฺมสฺส อนฺตรธานํ วา วเทติ อภิสมยํ วา ปฏิกฺโกสตี’’ติ? ‘‘น หิ ภนฺเต’’ติ. ‘‘นฏฺํ, มหาราช, ปริกิตฺตยนฺโต เสสกํ ปริทีปยนฺโต ปริจฺฉินฺทิ. ยถา, มหาราช, ปุริโส นฏฺายิโก สพฺพเสสกํ คเหตฺวา ชนสฺส ปริทีเปยฺย ‘เอตฺตกํ เม ภณฺฑํ นฏฺํ, อิทํ เสสก’นฺติ. เอวเมว โข, มหาราช, ภควา นฏฺํ ปริทีปยนฺโต เสสกํ เทวมนุสฺสานํ กเถสิ ‘ปฺเจว ทานิ, อานนฺท, วสฺสสตานิ สทฺธมฺโม สฺสตี’ติ. ยํ ปน, มหาราช, ภควตา ภณิตํ ‘ปฺเจว ทานิ, อานนฺท, วสฺสสตานิ สทฺธมฺโม สฺสตี’ติ, สาสนปริจฺเฉโท เอโส.

‘‘ยํ ปน ปรินิพฺพานสมเย สุภทฺทสฺส ปริพฺพาชกสฺส สมเณ ปริกิตฺตยนฺโต อาห ‘อิเม จ, สุภทฺท, ภิกฺขู สมฺมา วิหเรยฺยุํ, อสุฺโ โลโก อรหนฺเตหิ อสฺสา’ติ, ปฏิปตฺติปริทีปนา เอสา, ตฺวํ ปน ตํ ปริจฺเฉทฺจ ปริทีปนฺจ เอกรสํ กโรสิ. ยทิ ปน เต ฉนฺโท, เอกรสํ กตฺวา กถยิสฺสามิ, สาธุกํ สุโณหิ มนสิกโรหิ อวิกฺขิตฺตมานโส [อวิจลมานโส (สี.) อวิมานโส (ปี. ก.)].

‘‘อิธ, มหาราช, ตฬาโก ภเวยฺย นวสลิลสมฺปุณฺโณ สมฺมุขมุตฺตริยมาโน ปริจฺฉินฺโน ปริวฏุมกโต, อปริยาทิณฺเณ เยว ตสฺมึ ตฬาเก อุทกูปริ มหาเมโฆ อปราปรํ อนุปฺปพนฺโธ อภิวสฺเสยฺย, อปิ นุ โข, มหาราช, ตสฺมึ ตฬาเก อุทกํ ปริกฺขยํ ปริยาทานํ คจฺเฉยฺยา’’ติ? ‘‘น หิ ภนฺเต’’ติ. ‘‘เกน การเณน มหาราชา’’ติ? ‘‘เมฆสฺส, ภนฺเต, อนุปฺปพนฺธตายา’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, ชินสาสนวรสทฺธมฺมตฬาโก อาจารสีลคุณวตฺตปฏิปตฺติวิมลนวสลิลสมฺปุณฺโณ อุตฺตริยมาโน ภวคฺคมภิภวิตฺวา ิโต. ยทิ ตตฺถ พุทฺธปุตฺตา อาจารสีลคุณวตฺตปฏิปตฺติเมฆวสฺสํ อปราปรํ อนุปฺปพนฺธาเปยฺยุํ อภิวสฺสาเปยฺยุํ. เอวมิทํ ชินสาสนวรสทฺธมฺมตฬาโก จิรํ ทีฆมทฺธานํ ติฏฺเยฺย, อรหนฺเตหิ โลโก อสุฺโ ภเวยฺย, อิมมตฺถํ ภควตา สนฺธาย ภาสิตํ ‘อิเม จ, สุภทฺท, ภิกฺขู สมฺมา วิหเรยฺยุํ, อสุฺโ โลโก อรหนฺเตหิ อสฺสา’ติ.

‘‘อิธ ปน, มหาราช, มหติ มหาอคฺคิกฺขนฺเธ ชลมาเน อปราปรํ สุกฺขติณกฏฺโคมยานิ อุปสํหเรยฺยุํ, อปิ นุ โข โส, มหาราช, อคฺคิกฺขนฺโธ นิพฺพาเยยฺยา’’ติ? ‘‘น หิ, ภนฺเต, ภิยฺโย ภิยฺโย โส อคฺคิกฺขนฺโธ ชเลยฺย, ภิยฺโย ภิยฺโย ปภาเสยฺยา’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, ทสสหสฺสิยา [ทสสหสฺสิมฺหิ (พหูสุ)] โลกธาตุยา ชินสาสนวรมฺปิ อาจารสีลคุณวตฺตปฏิปตฺติยา ชลติ ปภาสติ. ยทิ ปน, มหาราช, ตทุตฺตรึ พุทฺธปุตฺตา ปฺจหิ ปธานิยงฺเคหิ สมนฺนาคตา สตตมปฺปมตฺตา ปทเหยฺยุํ, ตีสุ สิกฺขาสุ ฉนฺทชาตา สิกฺเขยฺยุํ, จาริตฺตฺจ สีลํ สมตฺตํ ปริปูเรยฺยุํ, เอวมิทํ ชินสาสนวรํ ภิยฺโย ภิยฺโย จิรํ ทีฆมทฺธานํ ติฏฺเยฺย, อสุฺโ โลโก อรหนฺเตหิ อสฺสาติ อิมมตฺถํ ภควตา สนฺธาย ภาสิตํ ‘อิเม จ, สุภทฺท, ภิกฺขู สมฺมา วิหเรยฺยุํ, อสุฺโ โลโก อรหนฺเตหิ อสฺสา’ติ.

‘‘อิธ ปน, มหาราช, สินิทฺธสมสุมชฺชิตสปฺปภาสวิมลาทาสํ [สปฺปภํ สุวิมลาทาสํ (สี.)] สณฺหสุขุมเครุกจุณฺเณน อปราปรํ มชฺเชยฺยุํ, อปิ นุ โข, มหาราช, ตสฺมึ อาทาเส มลกทฺทมรโชชลฺลํ ชาเยยฺยา’’ติ? ‘‘น หิ, ภนฺเต, อฺทตฺถุ วิมลตรํ เยว ภเวยฺยา’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, ชินสาสนวรํ ปกตินิมฺมลํ พฺยปคตกิเลสมลรโชชลฺลํ, ยทิ ตํ พุทฺธปุตฺตา อาจารสีลคุณวตฺตปฏิปตฺติสลฺเลขธุตคุเณน ชินสาสนวรํ สลฺลกฺเขยฺยุํ [สลฺลิกฺเขยฺยุํ (สี. ปี.)], เอวมิทํ ชินสาสนวรํ จิรํ ทีฆมทฺธานํ ติฏฺเยฺย, อสุฺโ จ โลโก อรหนฺเตหิ อสฺสาติ อิมมตฺถํ ภควตา สนฺธาย ภาสิตํ ‘อิเม จ, สุภทฺท, ภิกฺขู สมฺมา วิหเรยฺยุํ, อสุฺโ โลโก อรหนฺเตหิ อสฺสา’ติ. ปฏิปตฺติมูลกํ, มหาราช, สตฺถุสาสนํ ปฏิปตฺติการณํ ปฏิปตฺติยา อนนฺตรหิตาย ติฏฺตี’’ติ.

‘‘ภนฺเต นาคเสน, ‘สทฺธมฺมนฺตรธาน’นฺติ ยํ วเทสิ, กตมํ ตํ สทฺธมฺมนฺตรธาน’’นฺติ? ‘‘ตีณิมานิ, มหาราช, สาสนนฺตรธานานิ. กตมานิ ตีณิ? อธิคมนฺตรธานํ ปฏิปตฺตนฺตรธานํ ลิงฺคนฺตรธานํ, อธิคเม, มหาราช, อนฺตรหิเต สุปฺปฏิปนฺนสฺสาปิ ธมฺมาภิสมโย น โหติ, ปฏิปตฺติยา อนฺตรหิตาย สิกฺขาปทปฺตฺติ อนฺตรธายติ, ลิงฺคํเยว ติฏฺติ, ลิงฺเค อนฺตรหิเต ปเวณุปจฺเฉโท โหติ, อิมานิ โข, มหาราช, ตีณิ อนฺตรธานานี’’ติ.

‘‘สุวิฺาปิโต, ภนฺเต นาคเสน, ปฺโห, คมฺภีโร อุตฺตานีกโต, คณฺิ ภินฺโน, นฏฺา ปรวาทา ภคฺคา นิปฺปภา กตา, ตฺวํ คณิวรวสภมาสชฺชาติ.

สทฺธมฺมนฺตรธานปฺโห สตฺตโม.

๘. อกุสลจฺเฉทนปฺโห

. ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ตถาคโต สพฺพํ อกุสลํ ฌาเปตฺวา สพฺพฺุตํ ปตฺโต, อุทาหุ สาวเสเส อกุสเล สพฺพฺุตํ ปตฺโต’’ติ? ‘‘สพฺพํ, มหาราช, อกุสลํ ฌาเปตฺวา ภควา สพฺพฺุตํ ปตฺโต, นตฺถิ ภควโต เสเสกํ อกุสล’’นฺติ.

‘‘กึ ปน, ภนฺเต, ทุกฺขา เวทนา ตถาคตสฺส กาเย อุปฺปนฺนปุพฺพา’’ติ? ‘‘อาม, มหาราช, ราชคเห ภควโต ปาโท สกลิกาย [สกฺขลิกาย (สฺยา. ก.)] ขโต, โลหิตปกฺขนฺทิกาพาโธ อุปฺปนฺโน, กาเย อภิสนฺเน ชีวเกน วิเรโก การิโต, วาตาพาเธ อุปฺปนฺเน อุปฏฺาเกน เถเรน อุณฺโหทกํ ปริยิฏฺ’’นฺติ.

‘‘ยทิ, ภนฺเต นาคเสน, ตถาคโต สพฺพํ อกุสลํ ฌาเปตฺวา สพฺพฺุตํ ปตฺโต, เตน หิ ภควโต ปาโท สกลิกาย ขโต, โลหิตปกฺขนฺทิกา จ อาพาโธ อุปฺปนฺโนติ ยํ วจนํ, ตํ มิจฺฉา. ยทิ ตถาคตสฺส ปาโท สกลิกาย ขโต, โลหิตปกฺขนฺทิกา จ อาพาโธ อุปฺปนฺโน, เตน หิ ตถาคโต สพฺพํ อกุสลํ ฌาเปตฺวา สพฺพฺุตํ ปตฺโตติ ตมฺปิ วจนํ มิจฺฉา. นตฺถิ, ภนฺเต, วินา กมฺเมน เวทยิตํ, สพฺพํ ตํ เวทยิตํ กมฺมมูลกํ, ตํ กมฺเมเนว เวทยติ, อยมฺปิ อุภโต โกฏิโก ปฺโห ตวานุปฺปตฺโต, โส ตยา นิพฺพาหิตพฺโพ’’ติ [นิพฺพายิตพฺโพติ (ก.)].

‘‘น หิ, มหาราช, สพฺพํ ตํ เวทยิตํ กมฺมมูลกํ. อฏฺหิ, มหาราช, การเณหิ เวทยิตานิ อุปฺปชฺชนฺติ, เยหิ การเณหิ ปุถู สตฺตา เวทนา เวทิยนฺติ. กตเมหิ อฏฺหิ? วาตสมุฏฺานานิปิ โข, มหาราช, อิเธกจฺจานิ เวทยิตานิ อุปฺปชฺชนฺติ, ปิตฺตสมุฏฺานานิปิ โข, มหาราช…เป… เสมฺหสมุฏฺานานิปิ โข, มหาราช…เป… สนฺนิปาติกานิปิ โข, มหาราช…เป… อุตุปริณามชานิปิ โข, มหาราช…เป… วิสมปริหารชานิปิ โข, มหาราช…เป… โอปกฺกมิกานิปิ โข, มหาราช…เป… กมฺมวิปากชานิปิ โข, มหาราช, อิเธกจฺจานิ เวทยิตานิ อุปฺปชฺชนฺติ. อิเมหิ โข, มหาราช, อฏฺหิ การเณหิ ปุถู สตฺตา เวทนา เวทยนฺติ. ตตฺถ เย เต ปุคฺคลา ‘สตฺเต กมฺมํ วิพาธตี’ติ วเทยฺยุํ, เต อิเม ปุคฺคลา สตฺตการณํ ปฏิพาหนฺติ. เตสํ ตํ วจนํ มิจฺฉา’’ติ. ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ยฺจ วาติกํ ยฺจ ปิตฺติกํ ยฺจ เสมฺหิกํ ยฺจ สนฺนิปาติกํ ยฺจ อุตุปริณามชํ ยฺจ วิสมปริหารชํ ยฺจ โอปกฺกมิกํ, สพฺเพเต กมฺมสมุฏฺานา เยว, กมฺเมเนว เต สพฺเพ สมฺภวนฺตี’’ติ.

‘‘ยทิ, มหาราช, เตปิ สพฺเพ กมฺมสมุฏฺานาว อาพาธา ภเวยฺยุํ, น เตสํ โกฏฺาสโต ลกฺขณานิ ภเวยฺยุํ. วาโต โข, มหาราช, กุปฺปมาโน ทสวิเธน กุปฺปติ สีเตน อุณฺเหน ชิฆจฺฉาย วิปาสาย อติภุตฺเตน าเนน ปธาเนน อาธาวเนน อุปกฺกเมน กมฺมวิปาเกน. ตตฺร เย เต นว วิธา, น เต อตีเต, น อนาคเต, วตฺตมานเก ภเว อุปฺปชฺชนฺติ, ตสฺมา น วตฺตพฺพา ‘กมฺมสมฺภวา สพฺพา เวทนา’ติ. ปิตฺตํ, มหาราช, กุปฺปมานํ ติวิเธน กุปฺปติ สีเตน อุณฺเหน วิสมโภชเนน. เสมฺหํ, มหาราช, กุปฺปมานํ ติวิเธน กุปฺปติ สีเตน อุณฺเหน อนฺนปาเนน. โย จ, มหาราช, วาโต ยฺจ ปิตฺตํ ยฺจ เสมฺหํ, เตหิ เตหิ โกเปหิ กุปฺปิตฺวา มิสฺสี หุตฺวา สกํ สกํ เวทนํ อากฑฺฒติ. อุตุปริณามชา, มหาราช, เวทนา อุตุปริยาเมน อุปฺปชฺชติ. วิสมปริหารชา เวทนา วิสมปริหาเรน อุปฺปชฺชติ. โอปกฺกมิกา, มหาราช, เวทนา อตฺถิ กิริยา, อตฺถิ กมฺมวิปากา, กมฺมวิปากชา เวทนา ปุพฺเพ กเตน กมฺเมน อุปฺปชฺชติ. อิติ โข, มหาราช, อปฺปํ กมฺมวิปากชํ, พหุตรํ อวเสสํ. ตตฺถ พาลา ‘สพฺพํ กมฺมวิปากชํ เยวา’ติ อติธาวนฺติ. ตํ กมฺมํ น สกฺกา วินา พุทฺธาเณน ววตฺถานํ กาตุํ.

‘‘ยํ ปน, มหาราช, ภควโต ปาโท สกลิกาย ขโต, ตํ เวทยิตํ เนว วาตสมุฏฺานํ, น ปิตฺตสมุฏฺานํ, น เสมฺหสมุฏฺานํ, น สนฺนิปาติกํ, น อุตุปริณามชํ, น วิสมปริหารชํ, น กมฺมวิปากชํ, โอปกฺกมิกํ เยว. เทวทตฺโต หิ, มหาราช, พหูนิ ชาติสตสหสฺสานิ ตถาคเต อาฆาตํ พนฺธิ, โส เตน อาฆาเตน มหตึ ครุํ สิลํ คเหตฺวา ‘มตฺถเก ปาเตสฺสามี’ติ มุฺจิ, อถฺเ ทฺเว เสลา อาคนฺตฺวา ตํ สิลํ ตถาคตํ อสมฺปตฺตํ เยว สมฺปฏิจฺฉึสุ, ตาสํ ปหาเรน ปปฏิกา ภิชฺชิตฺวา ภควโต ปาเท ปติตฺวา รุหิรํ [นิปติตฺวา รุธิรํ (สฺยา.)] อุปฺปาเทสิ, กมฺมวิปากโต วา, มหาราช, ภควโต เอสา เวทนา นิพฺพตฺตา กิริยโต วา, ตตุทฺธํ นตฺถฺา เวทนา.

‘‘ยถา, มหาราช, เขตฺตทุฏฺตาย วา พีชํ น สมฺภวติ พีชทุฏฺตาย วา. เอวเมว โข, มหาราช, กมฺมวิปากโต วา ภควโต เอสา เวทนา นิพฺพตฺตา กิริยโต วา, ตตุทฺธํ นตฺถฺา เวทนา.

‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, โกฏฺทุฏฺตาย วา โภชนํ วิสมํ ปริณมติ อาหารทุฏฺตาย วา, เอวเมว โข, มหาราช, กมฺมวิปากโต วา ภควโต เอสา เวทนา นิพฺพตฺตา กิริยโต วา, ตตุทฺธํ นตฺถฺา เวทนา. อปิ จ, มหาราช, นตฺถิ ภควโต กมฺมวิปากชา เวทนา, นตฺถิ วิสมปริหารชา เวทนา, อวเสเสหิ สมุฏฺาเนหิ ภควโต เวทนา อุปฺปชฺชติ, ตาย จ ปน เวทนาย น สกฺกา ภควนฺตํ ชีวิตา โวโรเปตุํ.

‘‘นิปตนฺติ, มหาราช, อิมสฺมึ จาตุมหาภูติเก [จาตุมฺมหาภูติเก (สี.)] กาเย อิฏฺานิฏฺา สุภาสุภเวทนา. อิธ, มหาราช, อากาเส ขิตฺโต เลฑฺฑุ มหาปถวิยา นิปตติ, อปิ นุ โข โส, มหาราช, เลฑฺฑุ ปุพฺเพ กเตน มหาปถวิยา นิปตี’’ติ? ‘‘น หิ, ภนฺเต, นตฺถิ โส, ภนฺเต, เหตุ มหาปถวิยา, เยน เหตุนา มหาปถวี กุสลากุสลวิปากํ ปฏิสํเวเทยฺย, ปจฺจุปฺปนฺเนน, ภนฺเต, อกมฺมเกน เหตุนา โส เลฑฺฑุ มหาปถวิยํ นิปตติ. ยถา, มหาราช, มหาปถวี, เอวํ ตถาคโต ทฏฺพฺโพ. ยถา เลฑฺฑุ ปุพฺเพ อกเตน มหาปถวิยํ นิปตติ, เอวเมว โข, มหาราช, ตถาคตสฺส ปุพฺเพ อกเตน สา สกลิกาปาเท นิปติตา.

‘‘อิธ ปน, มหาราช, มนุสฺสา มหาปถวึ ภินฺทนฺติ จ ขณนฺติ จ, อปิ นุ โข, มหาราช, เต มนุสฺสา ปุพฺเพ กเตน มหาปถวึ ภินฺทนฺติ จ ขณนฺติ จา’’ติ? ‘‘น หิ ภนฺเต’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, ยา สา สกลิกา ภควโต ปาเท นิปติตา, น สา สกลิกา ปุพฺเพ กเตน ภควโต ปาเท นิปติตา. โยปิ, มหาราช, ภควโต โลหิตปกฺขนฺทิกาพาโธ อุปฺปนฺโน, โสปิ อาพาโธ น ปุพฺเพ กเตน อุปฺปนฺโน, สนฺนิปาติเกเนว อุปฺปนฺโน, เย เกจิ, มหาราช, ภควโต กายิกา อาพาธา อุปฺปนฺนา, น เต กมฺมาภินิพฺพตฺตา, ฉนฺนํ เอเตสํ สมุฏฺานานํ อฺตรโต นิพฺพตฺตา.

‘‘ภาสิตมฺเปตํ, มหาราช, ภควตา เทวาติเทเวน สํยุตฺตนิกายวรลฺฉเก โมฬิยสีวเก [โมลิยสิวเก (สฺยา. ก.) สํ. นิ. ๔.๒๖๙ ปสฺสิตพฺพํ] เวยฺยากรเณ –

‘‘‘ปิตฺตสมุฏฺานานิปิ โข, สีวก, อิเธกจฺจานิ เวทยิตานิ อุปฺปชฺชนฺติ. สามมฺปิ โข เอตํ, สีวก, เวทิตพฺพํ, ยถา ปิตฺตสมุฏฺานานิปิ อิเธกจฺจานิ เวทยิตานิ อุปฺปชฺชนฺติ. โลกสฺสปิ โข เอตํ, สีวก, สจฺจสมฺมตํ, ยถา ปิตฺตสมุฏฺานานิปิ อิเธกจฺจานิ เวทยิตานิ อุปฺปชฺชนฺติ. ตตฺร, สีวก, เย เต สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน ‘‘ยํ กิฺจายํ ปุริสปุคฺคโล ปฏิสํเวเทติ สุขํ วา ทุกฺขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา, สพฺพํ ตํ ปุพฺเพ กตเหตู’’ติ. ยฺจ สามํ าตํ, ตฺจ อติธาวนฺติ, ยฺจ โลเก สจฺจสมฺมตํ, ตฺจ อติธาวนฺติ. ตสฺมา เตสํ สมณพฺราหฺมณานํ มิจฺฉาติ วทามิ.

‘‘‘เสมฺหสมุฏฺานานิปิ โข, สีวก, อิเธกจฺจานิ เวทยิตานิ อุปฺปชฺชนฺติ. วาตสมุฏฺานานิปิ โข, สีวก…เป… สนฺนิปาติกานิปิ โข, สีวก…เป… อุตุปริณามชานิปิ โข, สีวก…เป… วิสมปริหารชานิปิ โข, สีวก…เป… โอปกฺกมิกานิปิ โข, สีวก…เป… กมฺมวิปากชานิปิ โข, สีวก, อิเธกจฺจานิ เวทยิตานิ อุปฺปชฺชนฺติ. สามมฺปิ โข เอตํ, สีวก, เวทิตพฺพํ, ยถา กมฺมวิปากชานิปิ อิเธกจฺจานิ เวทยิตานิ อุปฺปชฺชนฺติ. โลกสฺสปิ โข เอตํ, สีวก, สจฺจสมฺมตํ, ยถา กมฺมวิปากชานิปิ อิเธกจฺจานิ เวทยิตานิ อุปฺปชฺชนฺติ. ตตฺร, สีวก, เย เต สมณพฺราหฺมณา เอวํวาทิโน เอวํทิฏฺิโน ‘‘ยํ กิฺจายํ ปุริสปุคฺคโล ปฏิสํเวเทติ สุขํ วา ทุกฺขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา, สพฺพํ ตํ ปุพฺเพ กตเหตู’’ติ. ยฺจ สามํ าตํ, ตฺจ อติธาวนฺติ, ยฺจ โลเก สจฺจสมฺมตํ, ตฺจ อติธาวนฺติ. ตสฺมา เตสํ สมณพฺราหฺมณานํ มิจฺฉาติ วทามี’’’ติ.

‘‘อิติปิ, มหาราช, น สพฺพา เวทนา กมฺมวิปากชา, สพฺพํ, มหาราช, อกุสลํ ฌาเปตฺวา ภควา สพฺพฺุตํ ปตฺโตติ เอวเมตํ ธาเรหี’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต นาคเสน, เอวเมตํ ตถา สมฺปฏิจฺฉามี’’ติ.

อกุสลจฺเฉทนปฺโห อฏฺโม.

๙. อุตฺตริกรณียปฺโห

. ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ตุมฺเห ภณถ ‘ยํ กิฺจิ กรณียํ ตถาคตสฺส, สพฺพํ ตํ โพธิยา เยว มูเล ปรินิฏฺิตํ, นตฺถิ ตถาคตสฺส อุตฺตรึ กรณียํ, กตสฺส วา ปติจโย’ติ, อิทฺจ เตมาสํ ปฏิสลฺลานํ ทิสฺสติ. ยทิ, ภนฺเต นาคเสน, ยํ กิฺจิ กรณียํ ตถาคตสฺส, สพฺพํ ตํ โพธิยา เยว มูเล ปรินิฏฺิตํ, นตฺถิ ตถาคตสฺส อุตฺตรึ กรณียํ, กตสฺส วา ปติจโย, เตน หิ ‘เตมาสํ ปฏิสลฺลีโน’ติ ยํ วจนํ, ตํ มิจฺฉา. ยทิ เตมาสํ ปฏิสลฺลีโน, เตน หิ ‘ยํ กิฺจิ กรณียํ, ตถาคตสฺส, สพฺพํ ตํ โพธิยา เยว มูเล ปรินิฏฺิต’นฺติ ตมฺปิ วจนํ มิจฺฉา. นตฺถิ กตกรณียสฺส ปฏิสลฺลานํ, สกรณียสฺเสว ปฏิสลฺลานํ ยถา นาม พฺยาธิตสฺเสว เภสชฺเชน กรณียํ โหติ, อพฺยาธิตสฺส กึ เภสชฺเชน. ฉาตสฺเสว โภชเนน กรณียํ โหติ, อฉาตสฺส กึ โภชเนน. เอวเมว โข, ภนฺเต นาคเสน, นตฺถิ กตกรณียสฺส ปฏิสลฺลานํ, สกรณียสฺเสว ปฏิสลฺลานํ. อยมฺปิ อุภโต โกฏิโก ปฺโห ตวานุปฺปตฺโต, โส ตยา นิพฺพาหิตพฺโพ’’ติ.

‘‘ยํ กิฺจิ, มหาราช, กรณียํ ตถาคตสฺส, สพฺพํ ตํ โพธิยา เยว มูเล ปรินิฏฺิตํ, นตฺถิ ตถาคตสฺส อุตฺตรึ กรณียํ, กตสฺส วา ปติจโย, ภควา จ เตมาสํ ปฏิสลฺลีโน, ปฏิสลฺลานํ โข, มหาราช, พหุคุณํ, สพฺเพปิ ตถาคตา ปฏิสลฺลียิตฺวา สพฺพฺุตํ ปตฺตา, ตํ เต สุกตคุณมนุสฺสรนฺตา ปฏิสลฺลานํ เสวนฺติ. ยถา, มหาราช, ปุริโส รฺโ สนฺติกา ลทฺธวโร ปฏิลทฺธโภโค ตํ สุกตคุณมนุสฺสรนฺโต อปราปรํ รฺโ อุปฏฺานํ เอติ. เอวเมว โข, มหาราช, สพฺเพปิ ตถาคตา ปฏิสลฺลียิตฺวา สพฺพฺุตํ ปตฺตา, ตํ เต สุกตคุณมนุสฺสรนฺตา ปฏิสลฺลานํ เสวนฺติ.

‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, ปุริโส อาตุโร ทุกฺขิโต พาฬฺหคิลาโน ภิสกฺกมุปเสวิตฺวา โสตฺถิมนุปฺปตฺโต ตํ สุกตคุณมนุสฺสรนฺโต อปราปรํ ภิสกฺกมุปเสวติ. เอวเมว โข, มหาราช, สพฺเพปิ ตถาคตา ปฏิสลฺลียิตฺวา สพฺพฺุตํ ปตฺตา, ตํ เต สุกตคุณมนุสฺสรนฺตา ปฏิสลฺลานํ เสวนฺติ.

‘‘อฏฺวีสติ โข ปนิเม, มหาราช, ปฏิสลฺลานคุณา, เย คุเณ สมนุสฺสรนฺตา [สมนุปสฺสนฺตา (สี. ปี.)] ตถาคตา ปฏิสลฺลานํ เสวนฺติ. กตเม อฏฺวีสติ? อิธ, มหาราช, ปฏิสลฺลานํ ปฏิสลฺลียมานํ อตฺตานํ รกฺขติ, อายุํ วฑฺเฒติ, พลํ เทติ, วชฺชํ ปิทหติ, อยสมปเนติ, ยสมุปเนติ, อรตึ วิโนเทติ, รติมุปทหติ, ภยมปเนติ, เวสารชฺชํ กโรติ, โกสชฺชมปเนติ, วีริยมภิชเนติ, ราคมปเนติ, โทสมปเนติ, โมหมปเนติ, มานํ นิหนฺติ, วิตกฺกํ ภฺชติ, จิตฺตํ เอกคฺคํ กโรติ, มานสํ สฺเนหยติ [โสภยติ (สี.)], หาสํ ชเนติ, ครุกํ กโรติ, ลาภมุปฺปาทยติ, นมสฺสิยํ กโรติ, ปีตึ ปาเปติ, ปาโมชฺชํ กโรติ, สงฺขารานํ สภาวํ ทสฺสยติ, ภวปฺปฏิสนฺธึ อุคฺฆาเฏติ, สพฺพสามฺํ เทติ. อิเม โข, มหาราช, อฏฺวีสติ ปฏิสลฺลานคุณา, เย คุเณ สมนุสฺสรนฺตา ตถาคตา ปฏิสลฺลานํ เสวนฺติ.

‘‘อปิ จ โข, มหาราช, ตถาคตา สนฺตํ สุขํ สมาปตฺติรตึ อนุภวิตุกามา ปฏิสลฺลานํ เสวนฺติ ปริโยสิตสงฺกปฺปา. จตูหิ โข, มหาราช, การเณหิ ตถาคตา ปฏิสลฺลานํ เสวนฺติ. กตเมหิ จตูหิ? วิหารผาสุตายปิ, มหาราช, ตถาคตา ปฏิสลฺลานํ เสวนฺติ, อนวชฺชคุณพหุลตายปิ ตถาคตา ปฏิสลฺลานํ เสวนฺติ, อเสสอริยวีถิโตปิ ตถาคตา ปฏิสลฺลานํ เสวนฺติ, สพฺพพุทฺธานํ ถุตโถมิตวณฺณิตปสตฺถโตปิ ตถาคตา ปฏิสลฺลานํ เสวนฺติ. อิเมหิ โข, มหาราช, จตูหิ การเณหิ ตถาคตา ปฏิสลฺลานํ เสวนฺติ. อิติ โข, มหาราช, ตถาคตา ปฏิสลฺลานํ เสวนฺติ น สกรณียตาย, น กตสฺส วา ปติจยาย, อถ โข คุณวิเสสทสฺสาวิตาย ตถาคตา ปฏิสลฺลานํ เสวนฺตี’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต นาคเสน, เอวเมตํ ตถา สมฺปฏิจฺฉามี’’ติ.

อุตฺตริกรณียปฺโห นวโม.

๑๐. อิทฺธิพลทสฺสนปฺโห

๑๐. ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ภาสิตมฺเปตํ ภควตา ‘ตถาคตสฺส โข, อานนฺท, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา ภาวิตา พหุลีกตา ยานีกตา วตฺถุกตา อนุฏฺิตา ปริจิตา สุสมารทฺธา, โส อากงฺขมาโน, อานนฺท, ตถาคโต กปฺปํ วา ติฏฺเยฺย กปฺปาวเสสํ วา’ติ. ปุน จ ภณิตํ ‘อิโต ติณฺณํ มาสานํ อจฺจเยน ตถาคโต ปรินิพฺพายิสฺสตี’ติ. ยทิ, ภนฺเต นาคเสน, ภควตา ภณิตํ ‘ตถาคตสฺส โข, อานนฺท, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา ภาวิตา…เป… กปฺปาวเสสํ วา’ติ, เตน หิ เตมาสปริจฺเฉโท มิจฺฉา. ยทิ, ภนฺเต, ตถาคเตน ภณิตํ ‘อิโต ติณฺณํ มาสานํ อจฺจเยน ตถาคโต ปรินิพฺพายิสฺสตี’ติ, เตน หิ ‘‘ตถาคตสฺส โข, อานนฺท, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา ภาวิตา…เป… กปฺปาวเสสํ วา’ติ ตมฺปิ วจนํ มิจฺฉา. นตฺถิ ตถาคตานํ อฏฺาเน คชฺชิตํ. อโมฆวจนา พุทฺธา ภควนฺโต ตถวจนา อทฺเวชฺฌวจนา. อยมฺปิ อุภโต โกฏิโก ปฺโห คมฺภีโร สุนิปุโณ ทุนฺนิชฺฌาปโย ตวานุปฺปตฺโต, ภินฺเทตํ ทิฏฺิชาลํ, เอกํเส ปย, ภินฺท ปรวาท’’นฺติ.

‘‘ภาสิตมฺเปตํ, มหาราช, ภควตา ‘ตถาคตสฺส โข, อานนฺท, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา ภาวิตา…เป… กปฺปาวเสสํ วา’ติ, เตมาสปริจฺเฉโท จ ภณิโต, โส จ ปน กปฺโป อายุกปฺโป วุจฺจติ. น, มหาราช, ภควา อตฺตโน พลํ กิตฺตยมาโน เอวมาห, อิทฺธิพลํ ปน มหาราช, ภควา ปริกิตฺตยมาโน เอวมาห ‘ตถาคตสฺส โข, อานนฺท, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา ภาวิตา…เป… กปฺปาวเสสํ วา’ติ.

‘‘ยถา, มหาราช, รฺโ อสฺสาชานีโย ภเวยฺย สีฆคติ อนิลชโว, ตสฺส ราชา ชวพลํ ปริกิตฺตยนฺโต สเนคมชานปทภฏพลพฺราหฺมณคหปติกอมจฺจชนมชฺเฌ เอวํ วเทยฺย ‘อากงฺขมาโน เม, โภ, อยํ หยวโร สาครชลปริยนฺตํ มหึ อนุวิจริตฺวา ขเณน อิธาคจฺเฉยฺยา’ติ, น จ ตํ ชวคตึ ตสฺสํ ปริสายํ ทสฺเสยฺย, วิชฺชติ จ โส ชโว ตสฺส, สมตฺโถ จ โส ขเณน สาครชลปริยนฺตํ มหึ อนุวิจริตุํ. เอวเมว โข, มหาราช, ภควา อตฺตโน อิทฺธิพลํ ปริกิตฺตยมาโน เอวมาห, ตมฺปิ เตวิชฺชานํ ฉฬภิฺานํ อรหนฺตานํ วิมลขีณาสวานํ เทวมนุสฺสานฺจ มชฺเฌ นิสีทิตฺวา ภณิตํ ‘ตถาคตสฺส โข, อานนฺท, จตฺตาโร อิทฺธิปาทา ภาวิตา พหุลีกตา ยานีกตา วตฺถุกตา อนุฏฺิตา ปริจิตา สุสมารทฺธา, โส อากงฺขมาโน, อานนฺท, ตถาคโต กปฺปํ วา ติฏฺเยฺย กปฺปาวเสสํ วา’ติ. วิชฺชติ จ ตํ, มหาราช, อิทฺธิพลํ ภควโต, สมตฺโถ จ ภควา อิทฺธิพเลน กปฺปํ วา าตุํ กปฺปาวเสสํ วา, น จ ภควา ตํ อิทฺธิพลํ ตสฺสํ ปริสายํ ทสฺเสติ, อนตฺถิโก, มหาราช, ภควา สพฺพภเวหิ, ครหิตา จ ตถาคตสฺส สพฺพภวา. ภาสิตมฺเปตํ, มหาราช, ภควตา ‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, อปฺปมตฺตโกปิ คูโถ ทุคฺคนฺโธ โหติ. เอวเมว โข อหํ, ภิกฺขเว, อปฺปมตฺตกมฺปิ ภวํ น วณฺเณมิ อนฺตมโส อจฺฉราสงฺฆาตมตฺตมฺปี’ติ อปิ นุ โข, มหาราช, ภควา สพฺพภวคติโยนิโย คูถสมํ ทิสฺวา อิทฺธิพลํ นิสฺสาย ภเวสุ ฉนฺทราคํ กเรยฺยา’’ติ? ‘‘น หิ ภนฺเต’’ติ. ‘‘เตน หิ, มหาราช, ภควา อิทฺธิพลํ ปริกิตฺตยมาโน เอวรูปํ พุทฺธสีหนาทมภินที’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต นาคเสน, เอวเมตํ ตถา สมฺปฏิจฺฉามี’’ติ.

อิทฺธิพลทสฺสนปฺโห ทสโม.

อิทฺธิพลวคฺโค ปโม.

อิมสฺมึ วคฺเค ทส ปฺหา.

๒. อเภชฺชวคฺโค

๑. ขุทฺทานุขุทฺทกปฺโห

. ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ภาสิตมฺเปตํ ภควตา ‘อภิฺายาหํ, ภิกฺขเว, ธมฺมํ เทเสมิ โน อนภิฺายา’ติ. ปุน จ วินยปฺตฺติยา เอวํ ภณิตํ ‘อากงฺขมาโน, อานนฺท, สงฺโฆ มมจฺจเยน ขุทฺทานุขุทฺทกานิ สิกฺขาปทานิ สมูหนตู’ติ. กึ นุ โข, ภนฺเต นาคเสน, ขุทฺทานุขุทฺทกานิ สิกฺขาปทานิ ทุปฺปฺตฺตานิ, อุทาหุ อวตฺถุสฺมึ อชานิตฺวา ปฺตฺตานิ, ยํ ภควา อตฺตโน อจฺจเยน ขุทฺทานุขุทฺทกานิ สิกฺขาปทานิ สมูหนาเปติ? ยทิ, ภนฺเต นาคเสน, ภควตา ภณิตํ ‘อภิฺายาหํ, ภิกฺขเว, ธมฺมํ เทเสมิ โน อนภิฺายา’ติ, เตน หิ ‘อากงฺขมาโน, อานนฺท, สงฺโฆ มมจฺจเยน ขุทฺทานุขุทฺทกานิ สิกฺขาปทานิ สมูหนตู’ติ ยํ วจนํ, ตํ มิจฺฉา. ยทิ ตถาคเต วินยปฺตฺติยา เอวํ ภณิตํ ‘อากงฺขมาโน, อานนฺท, สงฺโฆ มมจฺจเยน ขุทฺทานุขุทฺทกานิ สิกฺขาปทานิ สมูหนตู’ติ เตน หิ ‘อภิฺายาหํ, ภิกฺขเว, ธมฺมํ เทเสมิ โน อนภิฺายา’ติ ตมฺปิ วจนํ มิจฺฉา. อยมฺปิ อุภโต โกฏิโก ปฺโห สุขุโม นิปุโณ คมฺภีโร สุคมฺภีโร ทุนฺนิชฺฌาปโย, โส ตวานุปฺปตฺโต, ตตฺถ เต าณพลวิปฺผารํ ทสฺเสหี’’ติ.

‘‘ภาสิตมฺเปตํ, มหาราช, ภควตา ‘อภิฺายาหํ, ภิกฺขเว, ธมฺมํ เทเสมิ โน อนภิฺายา’ติ, วินยปฺตฺติยาปิ เอวํ ภณิตํ ‘อากงฺขมาโน, อานนฺท, สงฺโฆ มมจฺจเยน ขุทฺทานุขุทฺทกานิ สิกฺขาปทานิ สมูหนตู’ติ, ตํ ปน, มหาราช, ตถาคโต ภิกฺขู วีมํสมาโน อาห ‘อุกฺกเลสฺสนฺติ [อุกฺกฑฺฒิสฺสนฺติ (สี.), อุสฺสกฺกิสฺสนฺติ (สฺยา.)] นุ โข มม สาวกา มยา วิสฺสชฺชาปียมานา มมจฺจเยน ขุทฺทานุขุทฺทกานิ สิกฺขาปทานิ, อุทาหุ อาทิยิสฺสนฺตี’ติ.

‘‘ยถา, มหาราช, จกฺกวตฺตี ราชา ปุตฺเต เอวํ วเทยฺย ‘อยํ โข, ตาตา, มหาชนปโท สพฺพทิสาสุ สาครปริยนฺโต, ทุกฺกโร, ตาตา, ตาวตเกน พเลน ธาเรตุํ, เอถ ตุมฺเห, ตาตา, มมจฺจเยน ปจฺจนฺเต ปจฺจนฺเต เทเส ปชหถา’ติ. อปิ นุ โข เต, มหาราช, กุมารา ปิตุอจฺจเยน หตฺถคเต ชนปเท สพฺเพ เต ปจฺจนฺเต ปจฺจนฺเต เทเส มุฺเจยฺยุ’’นฺติ? ‘‘น หิ ภนฺเต, ราชโต [ราชาโน (สี. ปี.)], ภนฺเต, ลุทฺธตรา [ลทฺธตรา (ก.)] กุมารา รชฺชโลเภน ตทุตฺตรึ ทิคุณติคุณํ ชนปทํ ปริคฺคณฺเหยฺยุํ [ปริกฑฺเฒยฺยุํ (สี. ปี.)], กึ ปน เต หตฺถคตํ ชนปทํ มุฺเจยฺยุ’’นฺติ? ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, ตถาคโต ภิกฺขู วีมํสมาโน เอวมาห ‘อากงฺขมาโน, อานนฺท, สงฺโฆ มมจฺจเยน ขุทฺทานุขุทฺทกานิ สิกฺขาปทานิ สมูหนตู’ติ. ทุกฺขปริมุตฺติยา, มหาราช, พุทฺธปุตฺตา ธมฺมโลเภน อฺมฺปิ อุตฺตรึ ทิยฑฺฒสิกฺขาปทสตํ โคเปยฺยุํ, กึ ปน ปกติปฺตฺตํ สิกฺขาปทํ มุฺเจยฺยุ’’นฺติ?

‘‘ภนฺเต นาคเสน, ยํ ภควา อาห ‘ขุทฺทานุขุทฺทกานิ สิกฺขาปทานี’ติ, เอตฺถายํ ชโน สมฺมูฬฺโห วิมติชาโต อธิกโต สํสยปกฺขนฺโท. กตมานิ ตานิ ขุทฺทกานิ สิกฺขาปทานิ, กตมานิ อนุขุทฺทกานิ สิกฺขาปทานีติ? ทุกฺกฏํ, มหาราช, ขุทฺทกํ สิกฺขาปทํ, ทุพฺภาสิตํ อนุขุทฺทกํ สิกฺขาปทํ, อิมานิ ทฺเว ขุทฺทานุขุทฺทกานิ สิกฺขาปทานิ, ปุพฺพเกหิปิ, มหาราช, มหาเถเรหิ เอตฺถ วิมติ อุปฺปาทิตา, เตหิปิ เอกชฺฌํ น กโต ธมฺมสณฺิติปริยาเย ภควตา เอโส ปฺโห อุปทิฏฺโติ. จิรนิกฺขิตฺตํ, ภนฺเต นาคเสน, ชินรหสฺสํ อชฺเชตรหิ โลเก วิวฏํ ปากฏํ กต’’นฺติ.

ขุทฺทานุขุทฺทกปฺโห ปโม.

๒. อพฺยากรณียปฺโห

. ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ภาสิตมฺเปตํ ภควตา ‘นตฺถานนฺท ตถาคตสฺส ธมฺเมสุ อาจริยมุฏฺี’ติ, ปุน จ เถเรน มาลุกฺยปุตฺเตน [มาลุงฺกฺยปุตฺเตน (สี. สฺยา. ปี.) สํ. นิ. ๔.๙๕; อ. นิ. ๑.๔.๒๕๗ ปสฺสิตพฺพํ] ปฺหํ ปุฏฺโ น พฺยากาสิ. เอโส โข, ภนฺเต นาคเสน, ปฺโห ทฺวยนฺโต [ทฺวยโต (สี.)] เอกนฺตนิสฺสิโต ภวิสฺสติ อชานเนน วา คุยฺหกรเณน วา. ยทิ, ภนฺเต นาคเสน, ภควตา ภณิตํ ‘นตฺถานนฺท ตถาคตสฺส ธมฺเมสุ อาจริยมุฏฺี’ติ, เตน หิ เถรสฺส มาลุกฺยปุตฺตสฺส อชานนฺเตน น พฺยากตํ. ยทิ ชานนฺเตน น พฺยากตํ, เตน หิ อตฺถิ ตถาคตสฺส ธมฺเมสุ อาจริยมุฏฺิ. อยมฺปิ อุภโต โกฏิโก ปฺโห ตวานุปฺปตฺโต, โส ตยา นิพฺพาหิตพฺโพ’’ติ.

‘‘ภาสิตมฺเปตํ, มหาราช, ภควตา ‘นตฺถานนฺท ตถาคตสฺส ธมฺเมสุ อาจริยมุฏฺี’ติ, อพฺยากโต จ เถเรน มาลุกฺยปุตฺเตน ปุจฺฉิโต ปฺโห, ตฺจ ปน น อชานนฺเตน น คุยฺหกรเณน. จตฺตาริมานิ, มหาราช, ปฺหพฺยากรณานิ. กตมานิ จตฺตาริ? เอกํสพฺยากรณีโย ปฺโห วิภชฺชพฺยากรณีโย ปฺโห ปฏิปุจฺฉาพฺยากรณีโย ปฺโห ปนีโย ปฺโหติ.

‘‘กตโม จ, มหาราช, เอกํสพฺยากรณีโย ปฺโห? ‘รูปํ อนิจฺจ’นฺติ เอกํสพฺยากรณีโย ปฺโห, ‘เวทนา อนิจฺจา’ติ…เป… ‘สฺา อนิจฺจา’ติ…เป… ‘สงฺขารา อนิจฺจา’ติ…เป… ‘วิฺาณํ อนิจฺจ’’นฺติ เอกํสพฺยากรณีโย ปฺโห, อยํ เอกํสพฺยากรณีโย ปฺโห.

‘‘กตโม วิภชฺชพฺยากรณีโย ปฺโห? ‘อนิจฺจํ ปน รูป’นฺติ วิภชฺชพฺยากรณีโย ปฺโห, ‘อนิจฺจา ปน เวทนา’ติ…เป… ‘อนิจฺจา ปน สฺา’ติ…เป… ‘อนิจฺจา ปน สงฺขารา’ติ…เป… ‘อนิจฺจํ ปน วิฺาณ’นฺติ วิภชฺชพฺยากรณีโย ปฺโห, อยํ วิภชฺชพฺยากรณีโย ปฺโห.

‘‘กตโม ปฏิปุจฺฉาพฺยากรณีโย ปฺโห? ‘กึ นุ โข จกฺขุนา สพฺพํ วิชานาตี’ติ อยํ ปฏิปุจฺฉาพฺยากรณีโย ปฺโห.

‘‘กตโม ปนีโย ปฺโห? ‘สสฺสโต โลโก’ติ ปนีโย ปฺโห, ‘อสสฺสโต โลโก’ติ. ‘อนฺตวา โลโก’ติ. ‘อนนฺตวา โลโก’ติ. ‘อนฺตวา จ อนนฺตวา จ โลโก’ติ. ‘เนวนฺตวา นานนฺตวา โลโก’ติ. ‘ตํ ชีวํ ตํ สรีร’นฺติ. ‘อฺํ ชีวํ อฺํ สรีร’นฺติ. ‘โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ. ‘น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ. ‘โหติ จ น จ โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ. ‘เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา’ติ ปนีโย ปฺโห, อยํ ปนีโย ปฺโห.

‘‘ภควา, มหาราช, เถรสฺส มาลุกฺยปุตฺตสฺส ตํ ปนียํ ปฺหํ น พฺยากาสิ. โส ปน ปฺโห กึ การณา ปนีโย? น ตสฺส ทีปนาย เหตุ วา การณํ วา อตฺถิ, ตสฺมา โส ปฺโห ปนีโย. นตฺถิ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ อการณมเหตุกํ คิรมุทีรณ’’นฺติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต นาคเสน, เอวเมตํ ตถา สมฺปฏิจฺฉามี’’ติ.

อพฺยากรณียปฺโห ทุติโย.

๓. มจฺจุภายนาภายนปฺโห

. ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ภาสิตมฺเปตํ ภควตา ‘สพฺเพ ตสนฺติ ทณฺฑสฺส, สพฺเพ ภายนฺติ มจฺจุโน’ติ, ปุน ภณิตํ ‘อรหา สพฺพภยมติกฺกนฺโต’ติ. กึ นุ โข, ภนฺเต นาคเสน, อรหา ทณฺฑภยา ตสติ, นิรเย วา เนรยิกา สตฺตา ชลิตา กุถิตา ตตฺตา สนฺตตฺตา ตมฺหา ชลิตคฺคิชาลกา มหานิรยา จวมานา มจฺจุโน ภายนฺติ. ยทิ, ภนฺเต นาคเสน, ภควตา ภณิตํ ‘สพฺเพ ตสนฺติ ทณฺฑสฺส, สพฺเพ ภายนฺติ มจฺจุโน’ติ, เตน หิ ‘อรหา สพฺพภยมติกฺกนฺโต’ติ ยํ วจนํ, ตํ มิจฺฉา. ยทิ ภควตา ภณิตํ ‘อรหา สพฺพภยมติกฺกนฺโต’ติ, เตน หิ ‘สพฺเพ ตสนฺติ ทณฺฑสฺส, สพฺเพ ภายนฺติ มจฺจุโน’ติ ตมฺปิ วจนํ มิจฺฉา. อยํ อุภโต โกฏิโก ปฺโห ตวานุปฺปตฺโต, โส ตยา นิพฺพาหิตพฺโพ’’ติ.

‘‘เนตํ, มหาราช, วจนํ ภควตา อรหนฺเต อุปาทาย ภณิตํ ‘สพฺเพ ตสนฺติ ทณฺฑสฺส, สพฺเพ ภายนฺติ มจฺจุโน’ติ. ปิโต อรหา ตสฺมึ วตฺถุสฺมึ, สมูหโต ภยเหตุ อรหโต. เย เต, มหาราช, สตฺตา สกิเลสา, เยสฺจ อธิมตฺตา อตฺตานุทิฏฺิ, เย จ สุขทุกฺเขสุ อุนฺนตาวนตา, เต อุปาทาย ภควตา ภณิตํ ‘สพฺเพ ตสนฺติ ทณฺฑสฺส, สพฺเพ ภายนฺติ มจฺจุโน’ติ. อรหโต, มหาราช, สพฺพคติ อุปจฺฉินฺนา, โยนิ วิทฺธํสิตา, ปฏิสนฺธิ อุปหตา, ภคฺคา ผาสุกา, สมูหตา สพฺพภวาลยา, สมุจฺฉินฺนา สพฺพสงฺขารา, หตํ กุสลากุสลํ, วิหตา อวิชฺชา, อพีชํ วิฺาณํ กตํ, ทฑฺฒา สพฺพกิเลสา, อติวตฺตา โลกธมฺมา, ตสฺมา อรหา น ตสติ สพฺพภเยหิ.

‘‘อิธ, มหาราช, รฺโ จตฺตาโร มหามตฺตา ภเวยฺยุํ อนุรกฺขา ลทฺธยสา วิสฺสาสิกา ปิตา มหติ อิสฺสริเย าเน. อถ ราชา กิสฺมิฺจิ เทว กรณีเย สมุปฺปนฺเน ยาวตา สกวิชิเต สพฺพชนสฺส อาณาเปยฺย ‘สพฺเพว เม พลึ กโรนฺตุ, สาเธถ ตุมฺเห จตฺตาโร มหามตฺตา ตํ กรณีย’นฺติ. อปิ นุ โข, มหาราช, เตสํ จตุนฺนํ มหามตฺตานํ พลิภยา สนฺตาโส อุปฺปชฺเชยฺยา’’ติ? ‘‘น หิ ภนฺเต’’ติ. ‘‘เกน การเณน มหาราชา’’ติ. ‘‘ปิตา เต, ภนฺเต, รฺา อุตฺตมฏฺาเน, นตฺถิ เตสํ พลิ, สมติกฺกนฺตพลิโน เต, อวเสเส อุปาทาย รฺา อาณาปิตํ ‘สพฺเพว เม พลึ กโรนฺตู’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, เนตํ วจนํ ภควตา อรหนฺเต อุปาทาย ภณิตํ, ปิโต อรหา ตสฺมึ วตฺถุสฺมึ, สมูหโต ภยเหตุ อรหโต, เย เต, มหาราช, สตฺตา สกิเลสา, เยสฺจ อธิมตฺตา อตฺตานุทิฏฺิ, เย จ สุขทุกฺเขสุ อุนฺนตาวนตา, เต อุปาทาย ภควตา ภณิตํ ‘สพฺเพ ตสนฺติ ทณฺฑสฺส, สพฺเพ ภายนฺติ มจฺจุโน’ติ. ตสฺมา อรหา น ตสติ สพฺพภเยหี’’ติ.

‘‘เนตํ, ภนฺเต นาคเสน, วจนํ สาวเสสํ, นิรวเสสวจนเมตํ ‘สพฺเพ’ติ. ตตฺถ เม อุตฺตรึ การณํ พฺรูหิ ตํ วจนํ ปติฏฺาเปตุ’’นฺติ.

‘‘อิธ, มหาราช, คาเม คามสฺสามิโก อาณาปกํ อาณาเปยฺย ‘เอหิ, โภ อาณาปก, ยาวตา คาเม คามิกา, เต สพฺเพ สีฆํ มม สนฺติเก สนฺนิปาเตหี’ติ. โส ‘สาธุ สามี’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา คามมชฺเฌ ตฺวา ติกฺขตฺตุํ สทฺทมนุสฺสาเวยฺย ‘ยาวตา คาเม คามิกา, เต สพฺเพ สีฆสีฆํ สามิโน สนฺติเก สนฺนิปตนฺตู’ติ. ตโต เต คามิกา อาณาปกสฺส วจเนน ตุริตตุริตา สนฺนิปติตฺวา คามสฺสามิกสฺส อาโรเจนฺติ ‘สนฺนิปติตา, สามิ, สพฺเพ คามิกา, ยํ เต กรณียํ ตํ กโรหี’ติ. อิติ โส, มหาราช, คามสฺสามิโก กุฏิปุริเส สนฺนิปาเตนฺโต สพฺเพ คามิเก อาณาเปติ, เต จ อาณตฺตา น สพฺเพ สนฺนิปตนฺติ, กุฏิปุริสา เยว สนฺนิปตนฺติ, ‘เอตฺตกา เยว เม คามิกา’ติ คามสฺสามิโก จ ตถา สมฺปฏิจฺฉติ, อฺเ พหุตรา อนาคตา อิตฺถิปุริสา ทาสิทาสา ภตกา กมฺมกรา คามิกา คิลานา โคมหึสา อเชฬกา สุวานา, เย อนาคตา, สพฺเพ เต อคณิตา, กุฏิปุริเส เยว อุปาทาย อาณาปิตตฺตา ‘สพฺเพ สนฺนิปตนฺตู’ติ. เอวเมว โข, มหาราช, เนตํ วจนํ ภควตา อรหนฺเต อุปาทาย ภณิตํ, ปิโต อรหา ตสฺมึ วตฺถุสฺมึ, สมูหโต ภยเหตุ อรหโต, เย เต, มหาราช, สตฺตา สกิเลสา, เยสฺจ อธิมตฺตา อตฺตานุทิฏฺิ, เย จ สุขทุกฺเขสุ อุนฺนตาวนตา, เต อุปาทาย ภควตา ภณิตํ ‘สพฺเพ ตสนฺติ ทณฺฑสฺส, สพฺเพ ภายนฺติ มจฺจุโน’ติ. ตสฺมา อรหา น ตสติ สพฺพภเยหิ.

‘‘อตฺถิ, มหาราช, สาวเสสํ วจนํ สาวเสโส อตฺโถ, อตฺถิ สาวเสสํ วจนํ นิรวเสโส อตฺโถ, อตฺถิ นิรวเสสํ วจนํ สาวเสโส อตฺโถ, อตฺถิ นิรวเสสํ วจนํ นิรวเสโส อตฺโถ. เตน เตน อตฺโถ สมฺปฏิจฺฉิตพฺโพ.

‘‘ปฺจวิเธหิ, มหาราช, การเณหิ อตฺโถ สมฺปฏิจฺฉิตพฺโพ อาหจฺจปเทน รเสน อาจริยวํเสน [อาจริยวํสตาย (ปี. ก.)] อธิปฺปายา การณุตฺตริยตาย. เอตฺถ หิ อาหจฺจปทนฺติ สุตฺตํ อธิปฺเปตํ. รโสติ สุตฺตานุโลมํ. อาจริยวํโสติ อาจริยวาโท. อธิปฺปาโยติ อตฺตโน มติ. การณุตฺตริยตาติ อิเมหิ จตูหิ สเมนฺตํ [สเมตํ (สี.)] การณํ. อิเมหิ โข, มหาราช, ปฺจหิ การเณหิ อตฺโถ สมฺปฏิจฺฉิตพฺโพ. เอวเมโส ปฺโห สุวินิจฺฉิโต โหตี’’ติ.

‘‘โหตุ, ภนฺเต นาคเสน, ตถา ตํ สมฺปฏิจฺฉามิ. ปิโต โหตุ อรหา ตสฺมึ วตฺถุสฺมึ, ตสนฺตุ อวเสสา สตฺตา, นิรเย ปน เนรยิกา สตฺตา ทุกฺขา ติพฺพา กฏุกา เวทนา เวทยมานา ชลิตปชฺชลิตสพฺพงฺคปจฺจงฺคา รุณฺณการุฺกนฺทิตปริเทวิตลาลปฺปิตมุขา อสยฺหติพฺพทุกฺขาภิภูตา อตาณา อสรณา อสรณีภูตา อนปฺปโสกาตุรา อนฺติมปจฺฉิมคติกา เอกนฺตโสกปรายณา อุณฺหติขิณจณฺฑขรตปนเตชวนฺโต ภีมภยชนกนินาทมหาสทฺทา สํสิพฺพิตฉพฺพิธชาลามาลากุลา สมนฺตา สตโยชนานุผรณจฺจิเวคา กทริยา ตปนา มหานิรยา จวมานา มจฺจุโน ภายนฺตี’’ติ? ‘‘อาม, มหาราชา’’ติ.

‘‘นนุ, ภนฺเต นาคเสน, นิรโย เอกนฺตทุกฺขเวทนีโย, กิสฺส ปน เต เนรยิกา สตฺตา เอกนฺตทุกฺขเวทนียา นิรยา จวมานา มจฺจุโน ภายนฺติ, กิสฺส นิรเย รมนฺตี’’ติ? ‘‘น เต, มหาราช, เนรยิกา สตฺตา นิรเย รมนฺติ, มุฺจิตุกามาว เต นิรยา. มรณสฺเสว โส [มรณสฺเสโส (สี. ปี.)], มหาราช, อานุภาโว, เยน เตสํ สนฺตาโส อุปฺปชฺชตี’’ติ. ‘‘เอตํ โข, ภนฺเต นาคเสน, น สทฺทหามิ, ยํ มุจฺจิตุกามานํ จุติยา สนฺตาโส อุปฺปชฺชตีติ, หาสนียํ, ภนฺเต นาคเสน, ตํ านํ, ยํ เต ปตฺถิตํ ลภนฺติ, การเณน มํ สฺาเปหี’’ติ.

‘‘มรณนฺติ โข, มหาราช, เอตํ อทิฏฺสจฺจานํ ตาสนียฏฺานํ, เอตฺถายํ ชโน ตสติ จ อุพฺพิชฺชติ จ. โย จ, มหาราช, กณฺหสปฺปสฺส ภายติ, โส มรณสฺส ภายนฺโต กณฺหสปฺปสฺส ภายติ. โย จ หตฺถิสฺส ภายติ…เป… สีหสฺส…เป… พฺยคฺฆสฺส…เป… ทีปิสฺส…เป… อจฺฉสฺส…เป… ตรจฺฉสฺส…เป… มหึสสฺส…เป… ควยสฺส…เป… อคฺคิสฺส…เป… อุทกสฺส…เป… ขาณุกสฺส…เป… กณฺฏกสฺส ภายติ. โย จ สตฺติยา ภายติ, โส มรณสฺส ภายนฺโต สตฺติยา ภายติ. มรณสฺเสว โส [มรณสฺเสโส (สี. ปี.)], มหาราช, สรสสภาวเตโช [สรสภาวเตโช (สี. ปี.)], ตสฺส สรสสภาวเตเชน สกิเลสา สตฺตา มรณสฺส ตสนฺติ ภายนฺติ, มุจฺจิตุกามาปิ, มหาราช, เนรยิกา สตฺตา มรณสฺส ตสนฺติ ภายนฺติ.

‘‘อิธ, มหาราช, ปุริสสฺส กาเย เมโท คณฺิ อุปฺปชฺเชยฺย. โส เตน โรเคน ทุกฺขิโต อุปทฺทวา ปริมุจฺจิตุกาโม ภิสกฺกํ สลฺลกตฺตํ อามนฺตาเปยฺย. ตสฺส วจนํ โส ภิสกฺโก สลฺลกตฺโต สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตสฺส โรคสฺส อุทฺธรณาย อุปกรณํ อุปฏฺาเปยฺย, สตฺถกํ ติขิณํ กเรยฺย, ยมกสลากา [ทหนสลากํ (ก.)] อคฺคิมฺหิ ปกฺขิเปยฺย, ขารลวณํ นิสทาย ปิสาเปยฺย, อปิ นุ โข, มหาราช, ตสฺส อาตุรสฺส ติขิณสตฺถกจฺเฉทเนน ยมกสลากาทหเนน ขารโลณปฺปเวสเนน ตาโส อุปฺปชฺเชยฺยา’’ติ? ‘‘อาม ภนฺเต’’ติ. ‘‘อิติ, มหาราช, ตสฺส อาตุรสฺส โรคา มุจฺจิตุกามสฺสาปิ เวทนาภยา สนฺตาโส อุปฺปชฺชติ. เอวเมว โข, มหาราช, นิรยา มุจฺจิตุกามานมฺปิ เนรยิกานํ สตฺตานํ มรณภยา สนฺตาโส อุปฺปชฺชติ.

‘‘อิธ, มหาราช, ปุริโส อิสฺสราปราธิโก พทฺโธ สงฺขลิกพนฺธเนน คพฺเภ ปกฺขิตฺโต ปริมุจฺจิตุกาโม อสฺส, ตเมนํ โส อิสฺสโร โมเจตุกาโม ปกฺโกสาเปยฺย. อปิ นุ โข, มหาราช, ตสฺส อิสฺสราปราธิกสฺส ปุริสสฺส ‘กตโทโส อห’นฺติ ชานนฺตสฺส อิสฺสรทสฺสเนน สนฺตาโส อุปฺปชฺเชยฺยา’’ติ? ‘‘อาม ภนฺเต’’ติ. ‘‘อิติ, มหาราช, ตสฺส อิสฺสราปราธิกสฺส ปุริสสฺส ปริมุจฺจิตุกามาสฺสาปิ อิสฺสรภยา สนฺตาโส อุปฺปชฺชติ. เอวเมว โข, มหาราช, นิรยา มุจฺจิตุกามานมฺปิ เนรยิกานํ สตฺตานํ มรณภยา สนฺตาโส อุปฺปชฺชตี’’ติ.

‘‘อปรมฺปิ, ภนฺเต, อุตฺตรึ การณํ พฺรูหิ, เยนาหํ การเณน โอกปฺเปยฺย’’นฺติ. ‘‘อิธ, มหาราช, ปุริโส ทฏฺวิเสน อาสีวิเสน ทฏฺโ ภเวยฺย, โส เตน วิสวิกาเรน ปเตยฺย อุปฺปเตยฺย วฏฺเฏยฺย ปวฏฺเฏยฺย, อถฺตโร ปุริโส พลวนฺเตน มนฺตปเทน ตํ ทฏฺวิสํ อาสีวิสํ อาเนตฺวา ตํ ทฏฺวิสํ ปจฺจาจมาเปยฺย, อปิ นุ โข, มหาราช, ตสฺส วิสคตสฺส ปุริสสฺส ตสฺมึ ทฏฺวิเส สปฺเป โสตฺถิเหตุ อุปคจฺฉนฺเต สนฺตาโส อุปฺปชฺเชยฺยา’’ติ? ‘‘อาม ภนฺเต’’ติ. อิติ, มหาราช, ตถารูเป อหิมฺหิ โสตฺถิเหตุปิ อุปคจฺฉนฺเต ตสฺส สนฺตาโส อุปฺปชฺชติ. เอวเมว โข, มหาราช, นิรยา มุจฺจิตุกามานมฺปิ เนรยิกานํ สนฺตานํ มรณภยา สนฺตาโส อุปฺปชฺชติ. อนิฏฺํ, มหาราช, สพฺพสตฺตานํ มรณํ, ตสฺมา เนรยิกา สตฺตา นิรยา ปริมุจฺจิตุกามาปิ มจฺจุโน ภายนฺตี’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต นาคเสน, เอวเมตํ ตถา สมฺปฏิจฺฉามี’’ติ.

มจฺจุภายนาภายนปฺโห ตติโย.

๔. มจฺจุปาสมุตฺติปฺโห

. ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ภาสิตมฺเปตํ ภควตา –

‘‘‘น อนฺตลิกฺเข น สมุทฺทมชฺเฌ, น ปพฺพตานํ วิวรํ ปวิสฺส;

น วิชฺชตี โส ชคติปฺปเทโส, ยตฺถฏฺิโต มุจฺเจยฺย มจฺจุปาสา’ติ.

‘‘ปุน ภควตา ปริตฺตา จ อุทฺทิฏฺา. เสยฺยถิทํ, รตนสุตฺตํ เมตฺตสุตฺตํ ขนฺธปริตฺตํ โมรปริตฺตํ ธชคฺคปริตฺตํ อาฏานาฏิยปริตฺตํ องฺคุลิมาลปริตฺตํ. ยทิ, ภนฺเต นาคเสน, อากาสคโตปิ สมุทฺทมชฺฌคโตปิ ปาสาทกุฏิเลณคุหาปพฺภารทริพิลคิริ วิวรปพฺพตนฺตรคโตปิ น มุจฺจติ มจฺจุปาสา, เตน หิ ปริตฺตกมฺมํ มิจฺฉา. ยทิ ปริตฺตกรเณน มจฺจุปาสา ปริมุตฺติ ภวติ, เตน หิ ‘น อนฺตลิกฺเข…เป… มจฺจุปาสา’ติ ตมฺปิ วจนํ มิจฺฉา. อยมฺปิ อุภโต โกฏิโก ปฺโห คณฺิโตปิ คณฺิตโร ตวานุปฺปตฺโต, โส ตยา นิพฺพาหิตพฺโพ’’ติ.

‘‘ภาสิตมฺเปตํ, มหาราช, ภควตา ‘น อนฺตลิกฺเข…เป… มจฺจุปาสา’ติ, ปริตฺตา จ ภควตา อุทฺทิฏฺา, ตฺจ ปน สาวเสสายุกสฺส วยสมฺปนฺนสฺส อเปตกมฺมาวรณสฺส, นตฺถิ, มหาราช, ขีณายุกสฺส ิติยา กิริยา วา อุปกฺกโม วา.

‘‘ยถา มหาราช มตสฺส รุกฺขสฺส สุกฺขสฺส โกฬาปสฺส นิสฺเนหสฺส อุปรุทฺธชีวิตสฺส คตายุสงฺขารสฺส กุมฺภสหสฺเสนปิ อุทเก อากิรนฺเต อลฺลตฺตํ วา ปลฺลวิตหริตภาโว วา น ภเวยฺย. เอวเมว โข, มหาราช, เภสชฺชปริตฺตกมฺเมน นตฺถิ ขีณายุกสฺส ิติยา กิริยา วา อุปกฺกโม วา, ยานิ ตานิ, มหาราช, มหิยา โอสธานิ เภสชฺชานิ, ตานิปิ ขีณายุกสฺส อกิจฺจกรานิ ภวนฺติ. สาวเสสายุกํ, มหาราช, วยสมฺปนฺนํ อเปตกมฺมาวรณํ ปริตฺตํ รกฺขติ โคเปติ, ตสฺสตฺถาย ภควตา ปริตฺตา อุทฺทิฏฺา.

‘‘ยถา, มหาราช, กสฺสโก ปริปกฺเก ธฺเ มเต สสฺสนาเฬ อุทกปฺปเวสนํ วาเรยฺย, ยํ ปน สสฺสํ ตรุณํ เมฆสนฺนิภํ วยสมฺปนฺนํ, ตํ อุทกวฑฺฒิยา วฑฺฒติ. เอวเมว โข, มหาราช, ขีณายุกสฺส เภสชฺชปริตฺตกิริยา ปิตา ปฏิกฺขิตฺตา, เย ปน เต มนุสฺสา สาวเสสายุกา วยสมฺปนฺนา, เตสํ อตฺถาย ปริตฺตเภสชฺชานิ ภณิตานิ, เต ปริตฺตเภสชฺเชหิ วฑฺฒนฺตี’’ติ.

‘‘ยทิ, ภนฺเต นาคเสน, ขีณายุโก มรติ, สาวเสสายุโก ชีวติ, เตน หิ ปริตฺตเภสชฺชานิ นิรตฺถกานิ โหนฺตี’’ติ? ‘‘ทิฏฺปุพฺโพ ปน ตยา, มหาราช, โกจิ โรโค เภสชฺเชหิ ปฏินิวตฺติโต’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, อเนกสตานิ ทิฏฺานี’’ติ. ‘‘เตน หิ, มหาราช, ‘ปริตฺตเภสชฺชกิริยา นิรตฺถกา’ติ ยํ วจนํ, ตํ มิจฺฉา ภวตี’’ติ.

‘‘ทิสฺสนฺติ, ภนฺเต นาคเสน, เวชฺชานํ อุปกฺกมา เภสชฺชปานานุเลปา, เตน เตสํ อุปกฺกเมน โรโค ปฏินิวตฺตตี’’ติ. ‘‘ปริตฺตานมฺปิ, มหาราช, ปวตฺตียมานานํ สทฺโท สุยฺยติ, ชิวฺหา สุกฺขติ, หทยํ พฺยาวฏฺฏติ, กณฺโ อาตุรติ. เตน เตสํ ปวตฺเตน สพฺเพ พฺยาธโย วูปสมนฺติ, สพฺพา อีติโย อปคจฺฉนฺตีติ.

‘‘ทิฏฺปุพฺโพ ปน ตยา, มหาราช, โกจิ อหินา ทฏฺโ มนฺตปเทน วิสํ ปาตียมาโน วิสํ จิกฺขสฺสนฺโต อุทฺธมโธ อาจมยมาโน’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, อชฺเชตรหิปิ ตํ โลเก วตฺตตี’’ติ. ‘‘เตน หิ, มหาราช, ‘ปริตฺตเภสชฺชกิริยา นิรตฺถกา’ติ ยํ วจนํ, ตํ มิจฺฉา ภวติ. กตปริตฺตฺหิ, มหาราช, ปุริสํ ฑํสิตุกาโม อหิ น ฑํสติ, วิวฏํ มุขํ ปิทหติ, โจรานํ อุกฺขิตฺตลคุฬมฺปิ น สมฺภวติ, เต ลคุฬํ มุฺจิตฺวา เปมํ กโรนฺติ, กุปิโตปิ หตฺถินาโค สมาคนฺตฺวา อุปรมติ, ปชฺชลิตมหาอคฺคิกฺขนฺโธปิ อุปคนฺตฺวา นิพฺพายติ, วิสํ หลาหลมฺปิ ขายิตํ อคทํ สมฺปชฺชติ, อาหารตฺถํ วา ผรติ, วธกา หนฺตุกามา อุปคนฺตฺวา ทาสภูตา สมฺปชฺชนฺติ, อกฺกนฺโตปิ ปาโส น สํวรติ [น สํจรติ (สี.)].

‘‘สุตปุพฺพํ ปน ตยา, มหาราช, ‘โมรสฺส กตปริตฺตสฺส สตฺตวสฺสสตานิ ลุทฺทโก นาสกฺขิ ปาสํ อุปเนตุํ, อกตปริตฺตสฺส ตํ เยว ทิวสํ ปาสํ อุปเนสี’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, สุยฺยติ, อพฺภุคฺคโต โส สทฺโท สเทวเก โลเก’’ติ. ‘‘เตน หิ, มหาราช ‘ปริตฺตเภสชฺชกิริยา นิรตฺถกา’ติ ยํ วจนํ, ตํ มิจฺฉา ภวติ.

‘‘สุตปุพฺพํ ปน ตยา, มหาราช, ‘ทานโว ภริยํ ปริรกฺขนฺโต สมุคฺเค ปกฺขิปิตฺวา คิลิตฺวา กุจฺฉินา ปริหรติ, อเถโก วิชฺชาธโร ตสฺส ทานวสฺส มุเขน ปวิสิตฺวา ตาย สทฺธึ อภิรมติ, ยทา โส ทานโว อฺาสิ, อถ สมุคฺคํ วมิตฺวา วิวริ, สห สมุคฺเค วิวเฏ วิชฺชาธโร ยถากามํ [เยน กามํ (ก.)] ปกฺกามี’’ติ? ‘‘อาม, ภนฺเต, สุยฺยติ, อพฺภุคฺคโต โสปิ สทฺโท สเทวเก โลเก’’ติ. ‘‘นนุ โส, มหาราช, วิชฺชาธโร ปริตฺตพเลน [มนฺตพเลน (?)] คหณา มุตฺโต’’ติ. ‘‘อาม ภนฺเต’’ติ. ‘‘เตน หิ, มหาราช, อตฺถิ ปริตฺตพลํ.

‘‘สุตปุพฺพํ ปน ตยา, มหาราช, ‘อปโรปิ วิชฺชาธโร พาราณสิรฺโ อนฺเตปุเร มเหสิยา สทฺธึ สมฺปทุฏฺโ [สํสฏฺโ (สี.)] คหณปฺปตฺโต สมาโน ขเณน อทสฺสนํ คโต มนฺตพเลนา’’ติ. ‘‘อาม, ภนฺเต, สุยฺยตี’’ติ. ‘‘นนุ โส, มหาราช, วิชฺชาธโร ปริตฺตพเลน คหณา มุตฺโต’’ติ? ‘‘อาม ภนฺเต’’ติ. ‘‘เตน หิ, มหาราช, อตฺถิ ปริตฺตพล’’นฺติ.

‘‘ภนฺเต นาคเสน, ‘กึ สพฺเพ เยว ปริตฺตํ รกฺขตี’ติ? ‘‘เอกจฺเจ, มหาราช, รกฺขติ, เอกจฺเจ น รกฺขตี’’ติ. ‘‘เตน หิ, ภนฺเต นาคเสน, ปริตฺตํ น สพฺพตฺถิก’’นฺติ? ‘‘อปิ นุ โข, มหาราช, โภชนํ สพฺเพสํ ชีวิตํ รกฺขตี’’ติ? ‘‘เอกจฺเจ, ภนฺเต, รกฺขติ, เอกจฺเจ น รกฺขตี’’ติ. ‘‘กึ การณา’’ติ. ‘‘ยโต, ภนฺเต, เอกจฺเจ ตํ เยว โภชนํ อติภุฺชิตฺวา วิสูจิกาย มรนฺตี’’ติ. ‘‘เตน หิ, มหาราช, โภชนํ น สพฺเพสํ ชีวิตํ รกฺขตี’’ติ? ‘‘ทฺวีหิ, ภนฺเต นาคเสน, การเณหิ โภชนํ ชีวิตํ หรติ อติภุตฺเตน วา อุสฺมาทุพฺพลตาย วา, อายุททํ, ภนฺเต นาคเสน, โภชนํ ทุรุปจาเรน ชีวิตํ หรตี’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, ปริตฺตํ เอกจฺเจ รกฺขติ, เอกจฺเจ น รกฺขติ.

‘‘ตีหิ, มหาราช, การเณหิ ปริตฺตํ น รกฺขติ กมฺมาวรเณน, กิเลสาวรเณน, อสทฺทหนตาย. สตฺตานุรกฺขณํ, มหาราช, ปริตฺตํ อตฺตนา กเตน อารกฺขํ ชหติ, ยถา, มหาราช, มาตา ปุตฺตํ กุจฺฉิคตํ โปเสติ, หิเตน อุปจาเรน ชเนติ, ชนยิตฺวา อสุจิมลสิงฺฆาณิกมปเนตฺวา อุตฺตมวรสุคนฺธํ อุปลิมฺปติ, โส อปเรน สมเยน ปเรสํ ปุตฺเต อกฺโกสนฺเต วา ปหรนฺเต วา ปหารํ เทติ. เต ตสฺส กุชฺฌิตฺวา ปริสาย อากฑฺฒิตฺวา ตํ คเหตฺวา สามิโน อุปเนนฺติ, ยทิ ปน ตสฺสา ปุตฺโต อปรทฺโธ โหติ เวลาติวตฺโต. อถ นํ สามิโน มนุสฺสา อากฑฺฒยมานา ทณฺฑมุคฺครชาณุมุฏฺีหิ ตาเฬนฺติ โปเถนฺติ, อปิ นุ โข, มหาราช, ตสฺส มาตา ลภติ อากฑฺฒนปริกฑฺฒนํ คาหํ สามิโน อุปนยนํ กาตุ’’นฺติ? ‘‘น หิ ภนฺเต’’ติ. ‘‘เกน การเณน, มหาราชา’’ติ. ‘‘อตฺตโน, ภนฺเต, อปราเธนา’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, สตฺตานํ อารกฺขํ ปริตฺตํ อตฺตโน อปราเธน วฺฌํ กโรตี’’ติ [กาเรตีติ (สี.)]. ‘‘สาธุ, ภนฺเต นาคเสน, สุวินิจฺฉิโต ปฺโห, คหนํ อคหนํ กตํ, อนฺธกาโร อาโลโก กโต, วินิเวิตํ ทิฏฺิชาลํ, ตฺวํ คณิวรปวรมาสชฺชา’’ติ.

มจฺจุปาสมุตฺติปฺโห จตุตฺโถ.

๕. พุทฺธลาภนฺตรายปฺโห

. ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ตุมฺเห ภณถ ‘ลาภี ตถาคโต จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาราน’นฺติ. ปุน จ ตถาคโต ปฺจสาลํ พฺราหฺมณคามํ ปิณฺฑาย ปวิสิตฺวา กิฺจิเทว อลภิตฺวา ยถาโธเตน ปตฺเตน นิกฺขนฺโตติ. ยทิ, ภนฺเต นาคเสน, ตถาคโต ลาภี จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารานํ, เตน หิ ปฺจสาลํ พฺราหฺมณคามํ ปิณฺฑาย ปวิสิตฺวา กิฺจิเทว อลภิตฺวา ยถาโธเตน ปตฺเตน นิกฺขนฺโตติ ยํ วจนํ, ตํ มิจฺฉา. ยทิ ปฺจสาลํ พฺราหฺมณคามํ ปิณฺฑาย ปวิสิตฺวา กิฺจิเทว อลภิตฺวา ยถาโธเตน ปตฺเตน นิกฺขนฺโต, เตน หิ ลาภี ตถาคโต จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารานนฺติ ตมฺปิ วจนํ มิจฺฉา. อยมฺปิ อุภโต โกฏิโก ปฺโห สุมหนฺโต ทุนฺนิพฺเพโ ตวานุปฺปตฺโต, โส ตยา นิพฺพาหิตพฺโพ’’ติ.

‘‘ลาภี, มหาราช, ตถาคโต จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารานํ, ปฺจสาลฺจ พฺราหฺมณคามํ ปิณฺฑาย ปวิสิตฺวา กิฺจิเทว อลภิตฺวา ยถาโธเตน ปตฺเตน นิกฺขนฺโต, ตฺจ ปน มารสฺส ปาปิมโต การณา’’ติ. ‘‘เตน หิ, ภนฺเต นาคเสน, ภควโต คณนปถํ วีติวตฺตกปฺเป [คณนปถวีติวตฺเต กปฺเป (สี.)] อภิสงฺขตํ กุสลํ กินฺติ นิฏฺิตํ, อธุนุฏฺิเตน มาเรน ปาปิมตา ตสฺส กุสลสฺส พลเวคํ [ตํ กุสลพลเวควิปฺผารํ (สี.)] กินฺติ ปิหิตํ, เตน หิ, ภนฺเต นาคเสน, ตสฺมึ วตฺถุสฺมึ ทฺวีสุ าเนสุ อุปวาโท อาคจฺฉติ, กุสลโตปิ อกุสลํ พลวตรํ โหติ, พุทฺธพลโตปิ มารพลํ พลวตรํ โหตีติ, เตน หิ รุกฺขสฺส มูลโตปิ อคฺคํ ภารตรํ โหติ, คุณสมฺปริกิณฺณโตปิ ปาปิยํ พลวตรํ โหตี’’ติ. ‘‘น, มหาราช, ตาวตเกน กุสลโตปิ อกุสลํ พลวตรํ นาม โหติ, น พุทฺธพลโตปิ มารพลํ พลวตรํ นาม โหติ. อปิ เจตฺถ การณํ อิจฺฉิตพฺพํ.

‘‘ยถา, มหาราช, ปุริโส รฺโ จกฺกวตฺติสฺส มธุํ วา มธุปิณฺฑิกํ วา อฺํ วา อุปายนํ อภิหเรยฺย, ตเมนํ รฺโ ทฺวารปาโล เอวํ วเทยฺย ‘อกาโล, โภ, อยํ รฺโ ทสฺสนาย, เตน หิ, โภ, ตว อุปายนํ คเหตฺวา สีฆสีฆํ ปฏินิวตฺต, ปุเร ตว ราชา ทณฺฑํ ธาเรสฺสตี’ติ [มา เต ราชา ทณฺฑํ ปาเปยฺยาติ (สี.)]. ตโต โส ปุริโส ทณฺฑภยา ตสิโต อุพฺพิคฺโค ตํ อุปายนํ อาทาย สีฆสีฆํ ปฏินิวตฺเตยฺย, อปิ นุ โข โส, มหาราช, ราชา จกฺกวตฺตี ตาวตเกน อุปายนวิกลมตฺตเกน ทฺวารปาลโต ทุพฺพลตโร นาม โหติ, อฺํ วา ปน กิฺจิ อุปายนํ น ลเภยฺยา’’ติ? ‘‘น หิ, ภนฺเต, อิสฺสาปกโต โส, ภนฺเต, ทฺวารปาโล อุปายนํ นิวาเรสิ, อฺเน ปน ทฺวาเรน สตสหสฺสคุณมฺปิ รฺโ อุปายนํ อุเปตี’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, อิสฺสาปกโต มาโร ปาปิมา ปฺจสาลเก พฺราหฺมณคหปติเก อนฺวาวิสิ, อฺานิ ปน อเนกานิ เทวตาสตสหสฺสานิ อมตํ ทิพฺพํ โอชํ คเหตฺวา อุปคตานิ ‘ภควโต กาเย โอชํ โอทหิสฺสามา’ติ ภควนฺตํ นมสฺสมานานิ ปฺชลิกานิ ิตานี’’ติ.

‘‘โหตุ, ภนฺเต นาคเสน, สุลภา ภควโต จตฺตาโร ปจฺจยา โลเก อุตฺตมปุริสสฺส, ยาจิโตว ภควา เทวมนุสฺโสหิ จตฺตาโร ปจฺจเย ปริภุฺชติ, อปิ จ โข ปน มารสฺส โย อธิปฺปาโย, โส ตาวตเกน สิทฺโธ, ยํ โส ภควโต โภชนสฺส อนฺตรายมกาสิ. เอตฺถ เม, ภนฺเต, กงฺขา น ฉิชฺชติ, วิมติชาโตหํ ตตฺถ สํสยปกฺขนฺโท. น เม ตตฺถ มานสํ ปกฺขนฺทติ, ยํ ตถาคตสฺส อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สเทวเก โลเก อคฺคปุคฺคลวรสฺส กุสลวรปุฺสมฺภวสฺส อสมสมสฺส อนุปมสฺส อปฺปฏิสมสฺส ฉวกํ ลามกํ ปริตฺตํ ปาปํ อนริยํ วิปนฺนํ มาโร ลาภนฺตรายมกาสี’’ติ.

‘‘จตฺตาโร โข, มหาราช, อนฺตรายา อทิฏฺนฺตราโย อุทฺทิสฺส กตนฺตราโย อุปกฺขฏนฺตราโย ปริโภคนฺตราโยติ. ตตฺถ กตโม อทิฏฺนฺตราโย? อโนทิสฺส อทสฺสเนน อนภิสงฺขตํ โกจิ อนฺตรายํ กโรติ ‘กึ ปรสฺส ทินฺเนนา’ติ, อยํ อทิฏฺนฺตราโย นาม.

‘‘กตโม อุทฺทิสฺส กตนฺตราโย? อิเธกจฺจํ ปุคฺคลํ อุปทิสิตฺวา อุทฺทิสฺส โภชนํ ปฏิยตฺตํ โหติ, ตํ โกจิ อนฺตรายํ กโรติ, อยํ อุทฺทิสฺส กตนฺตราโย นาม.

‘‘กตโม อุปกฺขฏนฺตราโย? อิธ ยํ กิฺจิ อุปกฺขฏํ โหติ อปฺปฏิคฺคหิตํ, ตตฺถ โกจิ อนฺตรายํ กโรติ, อยํ อุปกฺขฏนฺตราโย นาม.

‘‘กตโม ปริโภคนฺตราโย? อิธ ยํ กิฺจิ ปริโภคํ, ตตฺถ โกจิ อนฺตรายํ กโรติ, อยํ ปริโภคนฺตราโย นาม. อิเม โข, มหาราช, จตฺตาโร อนฺตรายา.

‘‘ยํ ปน มาโร ปาปิมา ปฺจสาลเก พฺราหฺมณคหปติเก อนฺวาวิสิ, ตํ เนว ภควโต ปริโภคํ น อุปกฺขฏํ น อุทฺทิสฺสกตํ, อนาคตํ อสมฺปตฺตํ อทสฺสเนน อนฺตรายํ กตํ, ตํ ปน เนกสฺส ภควโต เยว, อถ โข เย เต เตน สมเยน นิกฺขนฺตา อพฺภาคตา, สพฺเพปิ เต ตํ ทิวสํ โภชนํ น ลภึสุ, นาหํ ตํ, มหาราช, ปสฺสามิ สเทวเก โลเก สมารเก สพฺรหฺมเก สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย, โย ตสฺส ภควโต อุทฺทิสฺส กตํ อุปกฺขฏํ ปริโภคํ อนฺตรายํ กเรยฺย. สเจ โกจิ อิสฺสาย อุทฺทิสฺส กตํ อุปกฺขฏํ ปริโภคํ อนฺตรายํ กเรยฺย, ผเลยฺย ตสฺส มุทฺธา สตธา วา สหสฺสธา วา.

‘‘จตฺตาโรเม, มหาราช, ตถาคตสฺส เกนจิ อนาวรณียา คุณา. กตเม จตฺตาโร? ลาโภ, มหาราช, ภควโต อุทฺทิสฺส กโต อุปกฺขโฏ น สกฺกา เกนจิ อนฺตรายํ กาตุํ; สรีรานุคตา, มหาราช, ภควโต พฺยามปฺปภา น สกฺกา เกนจิ อนฺตรายํ กาตุํ; สพฺพฺุตํ, มหาราช, ภควโต าณรตนํ น สกฺกา เกนจิ อนฺตรายํ กาตุํ; ชีวิตํ, มหาราช, ภควโต น สกฺกา เกนจิ อนฺตรายํ กาตุํ. อิเม โข, มหาราช, จตฺตาโร ตถาคตสฺส เกนจิ อนาวรณียา คุณา, สพฺเพเปเต, มหาราช, คุณา เอกรสา อโรคา อกุปฺปา อปรูปกฺกมา อผุสานิ กิริยานิ. อทสฺสเนน, มหาราช, มาโร ปาปิมา นิลียิตฺวา ปฺจสาลเก พฺราหฺมณคหปติเก อนฺวาวิสิ.

‘‘ยถา, มหาราช, รฺโ ปจฺจนฺเต เทเส วิสเม อทสฺสเนน นิลียิตฺวา โจรา ปนฺถํ ทูเสนฺติ. ยทิ ปน ราชา เต โจเร ปสฺเสยฺย, อปิ นุ โข เต โจรา โสตฺถึ ลเภยฺยุ’’นฺติ? ‘‘น หิ, ภนฺเต, ผรสุนา ผาลาเปยฺย สตธา วา สหสฺสธา วา’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, อทสฺสเนน มาโร ปาปิมา นิลียิตฺวา ปฺจสาลเก พฺราหฺมณคหปติเก อนฺวาวิสิ.

‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, อิตฺถี สปติกา อทสฺสเนน นิลียิตฺวา ปรปุริสํ เสวติ, เอวเมว โข, มหาราช, อทสฺสเนน มาโร ปาปิมา นิลียิตฺวา ปฺจสาลเก พฺราหฺมณคหปติเก อนฺวาวิสิ. ยทิ, มหาราช, อิตฺถี สามิกสฺส สมฺมุขา ปรปุริสํ เสวติ, อปิ นุ โข สา อิตฺถี โสตฺถึ ลเภยฺยา’’ติ? ‘‘น หิ, ภนฺเต, หเนยฺยาปิ ตํ, ภนฺเต, สามิโก วเธยฺยาปิ พนฺเธยฺยาปิ ทาสิตฺตํ วา อุปเนยฺยา’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, อทสฺสเนน มาโร ปาปิมา นิลียิตฺวา ปฺจสาลเก พฺราหฺมณคหปติเก อนฺวาวิสิ. ยทิ, มหาราช, มาโร ปาปิมา ภควโต อุทฺทิสฺส กตํ อุปกฺขฏํ ปริโภคํ อนฺตรายํ กเรยฺย, ผเลยฺย ตสฺส มุทฺธา สตธา วา สหสฺสธา วา’’ติ. ‘‘เอวเมตํ, ภนฺเต นาคเสน, โจริกาย กตํ มาเรน ปาปิมตา, นิลียิตฺวา มาโร ปาปิมา ปฺจสาลเก พฺราหฺมณคหปติเก อนฺวาวิสิ. สเจ โส, ภนฺเต, มาโร ปาปิมา ภควโต อุทฺทิสฺส กตํ อุปกฺขฏํ ปริโภคํ อนฺตรายํ กเรยฺย, มุทฺธา วาสฺส ผเลยฺย สตธา วา สหสฺสธา วา, กาโย วาสฺส ภุสมุฏฺิ วิย วิกิเรยฺย, สาธุ, ภนฺเต นาคเสน, เอวเมตํ ตถา สมฺปฏิจฺฉามี’’ติ.

พุทฺธลาภนฺตรายปฺโห ปฺจโม.

๖. อปุฺปฺโห

. ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ตุมฺเห ภณถ ‘โย อชานนฺโต ปาณาติปาตํ กโรติ, โส พลวตรํ อปุฺํ ปสวตี’ติ. ปุน จ ภควตา วินยปฺตฺติยา ภณิตํ ‘อนาปตฺติ อชานนฺตสฺสา’ติ. ยทิ, ภนฺเต นาคเสน, อชานิตฺวา ปาณาติปาตํ กโรนฺโต พลวตรํ อปุฺํ ปสวติ, เตน หิ ‘อนาปตฺติ อชานนฺตสฺสา’ติ ยํ วจนํ, ตํ มิจฺฉา. ยทิ อนาปตฺติ อชานนฺตสฺส, เตน หิ ‘อชานิตฺวา ปาณาติปาตํ กโรนฺโต พลวตรํ อปุฺํ ปสวตี’ติ ตมฺปิ วจนํ มิจฺฉา. อยมฺปิ อุภโต โกฏิโก ปฺโห ทุรุตฺตโร ทุรติกฺกโม ตวานุปฺปตฺโต, โส ตยา นิพฺพาหิตพฺโพ’’ติ.

‘‘ภาสิตมฺเปตํ, มหาราช, ภควตา ‘โย อชานนฺโต ปาณาติปาตํ กโรติ, โส พลวตรํ อปุฺํ ปสวตี’ติ. ปุน จ วินยปฺตฺติยา ภควตา ภณิตํ ‘อนาปตฺติ อชานนฺตสฺสา’ติ. ตตฺถ อตฺถนฺตรํ อตฺถิ. กตมํ อตฺถนฺตรํ? อตฺถิ, มหาราช, อาปตฺติ สฺาวิโมกฺขา, อตฺถิ อาปตฺติ โนสฺาวิโมกฺขา. ยายํ, มหาราช, อาปตฺติ สฺาวิโมกฺขา, ตํ อาปตฺตึ อารพฺภ ภควตา ภณิตํ ‘อนาปตฺติ อชานนฺตสฺสา’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต นาคเสน, เอวเมตํ ตถา สมฺปฏิจฺฉามี’’ติ.

อปุฺปฺโห ฉฏฺโ.

๗. ภิกฺขุสงฺฆปริหรณปฺโห

. ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ภาสิตมฺเปตํ ภควตา ‘ตถาคตสฺส โข, อานนฺท, น เอวํ โหติ ‘‘อหํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริหริสฺสามี’’’ติ วา, ‘‘มมุทฺเทสิโก ภิกฺขุสงฺโฆ’’ติ วา’ติ. ปุน จ เมตฺเตยฺยสฺส ภควโต สภาวคุณํ ปริทีปยมาเนน ภควตา เอวํ ภณิตํ ‘‘โส อเนกสหสฺสํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริหริสฺสติ, เสยฺยถาปิ อหํ เอตรหิ อเนกสตํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริหรามี’’ติ. ยทิ, ภนฺเต นาคเสน, ภควตา ภณิตํ ‘ตถาคตสฺส โข, อานนฺท, น เอวํ โหติ ‘‘อหํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริหริสฺสามี’’ติ วา, ‘‘มมุทฺเทสิโก ภิกฺขุสงฺโฆ’’ติ วา’ติ, เตน หิ อเนกสตํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริหรามีติ ยํ วจนํ, ตํ มิจฺฉา. ยทิ ตถาคเตน ภณิตํ ‘โส อเนกสหสฺสํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริหริสฺสติ, เสยฺยถาปิ อหํ เอตรหิ อเนกสตํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริหรามี’ติ, เตน หิ ตถาคตสฺส โข, อานนฺท, น เอวํ โหติ ‘อหํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริหริสฺสามี’ติ วา, ‘มมุทฺเทสิโก ภิกฺขุสงฺโฆ’ติ วาติ ตมฺปิ วจนํ มิจฺฉา, อยมฺปิ อุภโต โกฏิโก ปฺโห ตวานุปฺปตฺโต, โส ตยา นิพฺพาหิตพฺโพ’’ติ.

‘‘ภาสิตมฺเปตํ, มหาราช, ภควตา ‘ตถาคตสฺส โข, อานนฺท, น เอวํ โหติ ‘‘อหํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริหริสฺสามี’’ติ วา, ‘‘มมุทฺเทสิโก ภิกฺขุสงฺโฆ’’ติ วา’ติ. ปุน จ เมตฺเตยฺยสฺสาปิ ภควโต สภาวคุณํ ปริทีปยมาเนน ภควตา ภณิตํ ‘โส อเนกสหสฺสํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริหริสฺสติ, เสยฺยถาปิ อหํ เอตรหิ อเนกสตํ ภิกฺขุสงฺฆํ ปริหรามี’ติ. เอตสฺมิฺจ, มหาราช, ปฺเห เอโก อตฺโถ สาวเสโส, เอโก อตฺโถ นิรวเสโส. น, มหาราช, ตถาคโต ปริสาย อนุคามิโก, ปริสา ปน ตถาคตสฺส อนุคามิกา. สมฺมุติ, มหาราช, เอสา ‘อห’นฺติ ‘มมา’ติ, น ปรมตฺโถ เอโส, วิคตํ, มหาราช, ตถาคตสฺส เปมํ, วิคโต สิเนโห, ‘มยฺห’นฺติปิ ตถาคตสฺส คหณํ นตฺถิ, อุปาทาย ปน อวสฺสโย โหติ.

‘‘ยถา, มหาราช, ปถวี ภูมฏฺานํ สตฺตานํ ปติฏฺา โหติ อุปสฺสยํ, ปถวิฏฺา เจเต สตฺตา, น จ มหาปถวิยา ‘มยฺเหเต’ติ อเปกฺขา โหติ, เอวเมว โข, มหาราช, ตถาคโต สพฺพสตฺตานํ ปติฏฺา โหติ อุปสฺสยํ, ตถาคตฏฺา [ตถาคตปติฏฺา เอว (สี.)] เจเต สตฺตา, น จ ตถาคตสฺส ‘มยฺเหเต’ติ อเปกฺขา โหติ. ยถา วา ปน, มหาราช, มหติมหาเมโฆ อภิวสฺสนฺโต ติณรุกฺขปสุมนุสฺสานํ วุฑฺฒึ เทติ สนฺตตึ อนุปาเลติ. วุฏฺูปชีวิโน เจเต สตฺตา สพฺเพ, น จ มหาเมฆสฺส ‘มยฺเหเต’ติ อเปกฺขา โหติ. เอวเมว โข, มหาราช, ตถาคโต สพฺพสตฺตานํ กุสลธมฺเม ชเนติ อนุปาเลติ, สตฺถูปชีวิโน เจเต สตฺตา สพฺเพ, น จ ตถาคตสฺส ‘มยฺเหเต’ติ อเปกฺขา โหติ. ตํ กิสฺส เหตุ? อตฺตานุทิฏฺิยา ปหีนตฺตา’’ติ.

‘‘สาธุ, ภนฺเต นาคเสน, สุนิพฺเพิโต ปฺโห พหุวิเธหิ การเณหิ, คมฺภีโร อุตฺตานีกโต, คณฺิ ภินฺโน, คหนํ อคหนํ กตํ, อนฺธกาโร อาโลโก กโต, ภคฺคา ปรวาทา, ชินปุตฺตานํ จกฺขุํ อุปฺปาทิต’’นฺติ.

ภิกฺขุสงฺฆปริหรณปฺโห สตฺตโม.

๘. อเภชฺชปริสปฺโห

. ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ตุมฺเห ภณถ ‘ตถาคโต อเภชฺชปริโส’ติ, ปุน จ ภณถ ‘เทวทตฺเตน เอกปฺปหารํ ปฺจ ภิกฺขุสตานิ ภินฺนานี’ติ. ยทิ, ภนฺเต นาคเสน, ตถาคโต อเภชฺชปริโส, เตน หิ เทวทตฺเตน เอกปฺปหารํ ปฺจ ภิกฺขุสตานิ ภินฺนานีติ ยํ วจนํ, ตํ มิจฺฉา. ยทิ เทวทตฺเตน เอกปฺปหารํ ปฺจ ภิกฺขุสตานิ ภินฺนานิ, เตน หิ ‘ตถาคโต อเภชฺชปริโส’ติ ตมฺปิ วจนํ มิจฺฉา. อยมฺปิ อุภโต โกฏิโก ปฺโห ตวานุปฺปตฺโต, คมฺภีโร ทุนฺนิเวิโย, คณฺิโตปิ คณฺิตโร, เอตฺถายํ ชโน อาวโฏ นิวุโต โอวุโต ปิหิโต ปริโยนทฺโธ, เอตฺถ ตว าณพลํ ทสฺเสหิ ปรวาเทสู’’ติ.

‘‘อเภชฺชปริโส, มหาราช, ตถาคโต, เทวทตฺเตน จ เอกปฺปหารํ ปฺจ ภิกฺขุสตานิ ภินฺนานิ, ตฺจ ปน เภทกสฺส พเลน, เภทเก วิชฺชมาเน นตฺถิ, มหาราช, อเภชฺชํ นาม. เภทเก สติ มาตาปิ ปุตฺเตน ภิชฺชติ, ปุตฺโตปิ มาตรา ภิชฺชติ, ปิตาปิ ปุตฺเตน ภิชฺชติ, ปุตฺโตปิ ปิตรา ภิชฺชติ, ภาตาปิ ภคินิยา ภิชฺชติ, ภคินีปิ ภาตรา ภิชฺชติ, สหาโยปิ สหาเยน ภิชฺชติ, นาวาปิ นานาทารุสงฺฆฏิตา อูมิเวคสมฺปหาเรน ภิชฺชติ, รุกฺโขปิ มธุกปฺปสมฺปนฺนผโล อนิลพลเวคาภิหโต ภิชฺชติ, สุวณฺณมฺปิ ชาติมนฺตํ [ชาตรูปมฺปิ (สี.)] โลเหน ภิชฺชติ. อปิ จ, มหาราช, เนโส อธิปฺปาโย วิฺูนํ, เนสา พุทฺธานํ อธิมุตฺติ, เนโส ปณฺฑิตานํ ฉนฺโท ‘ตถาคโต เภชฺชปริโส’ติ. อปิ เจตฺถ การณํ อตฺถิ, เยน การเณน ตถาคโต วุจฺจติ ‘อเภชฺชปริโส’ติ. กตมํ เอตฺถ การณํ? ตถาคตสฺส, มหาราช, กเตน อทาเนน วา อปฺปิยวจเนน วา อนตฺถจริยาย วา อสมานตฺตตาย วา ยโต กุโตจิ จริยํ จรนฺตสฺสปิ ปริสา ภินฺนาติ น สุตปุพฺพํ, เตน การเณน ตถาคโต วุจฺจติ ‘อเภชฺชปริโส’ติ. ตยาเปตํ, มหาราช, าตพฺพํ ‘อตฺถิ กิฺจิ นวงฺเค พุทฺธวจเน สุตฺตาคตํ, อิมินา นาม การเณน โพธิสตฺตสฺส กเตน ตถาคตสฺส ปริสา ภินฺนา’ติ? ‘‘นตฺถิ ภนฺเต, โน เจตํ โลเก ทิสฺสติ โนปิ สุยฺยติ. สาธุ, ภนฺเต นาคเสน, เอวเมตํ ตถา สมฺปฏิจฺฉามี’’ติ.

อเภชฺชปริสปฺโห อฏฺโม.

อเภชฺชวคฺโค ทุติโย.

อิมสฺมึ วคฺเค อฏฺ ปฺหา.

๓. ปณามิตวคฺโค

๑. เสฏฺธมฺมปฺโห

. ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ภาสิตมฺเปตํ ภควตา ‘ธมฺโม หิ, วาเสฏฺ, เสฏฺโ ชเนตสฺมึ ทิฏฺเ เจว ธมฺเม อภิสมฺปราเย จา’ติ. ปุน จ ‘อุปาสโก คิหี โสตาปนฺโน ปิหิตาปาโย ทิฏฺิปฺปตฺโต วิฺาตสาสโน ภิกฺขุํ วา สามเณรํ วา ปุถุชฺชนํ อภิวาเทติ ปจฺจุฏฺเตี’ติ. ยทิ, ภนฺเต นาคเสน, ภควตา ภณิตํ ‘ธมฺโม หิ, วาเสฏฺ, เสฏฺโ ชเนตสฺมึ ทิฏฺเ เจว ธมฺเม อภิสมฺปราเย จา’ติ, เตน หิ ‘อุปาสโก คิหี โสตาปนฺโน ปิหิตาปาโย ทิฏฺิปฺปตฺโต วิฺาตสาสโน ภิกฺขุํ วา สามเณรํ วา ปุถุชฺชนํ อภิวาเทติ ปจฺจุฏฺเตี’ติ ยํ วจนํ, ตํ มิจฺฉา. ยทิ ‘อุปาสโก คิหี โสตาปนฺโน ปิหิตาปาโย ทิฏฺิปฺปตฺโต วิฺาตสาสโน ภิกฺขุํ วา สามเณรํ วา ปุถุชฺชนํ อภิวาเทติ ปจฺจุฏฺเติ’, เตน หิ ‘ธมฺโม หิ, วาเสฏฺ, เสฏฺโ ชเนตสฺมึ ทิฏฺเ เจว ธมฺเม อภิสมฺปราเย จาติ ตมฺปิ วจนํ มิจฺฉา. อยมฺปิ อุภโต โกฏิโก ปฺโห ตวานุปฺปตฺโต, โส ตยา นิพฺพาหิตพฺโพ’’ติ.

‘‘ภาสิตมฺเปตํ, มหาราช, ภควตา ‘ธมฺโม หิ, วาเสฏฺ, เสฏฺโ ชเนตสฺมึ ทิฏฺเ เจว ธมฺเม อภิสมฺปราเย จา’ติ, ‘อุปาสโก จ คิหี โสตาปนฺโน ปิหิตาปาโย ทิฏฺิปฺปตฺโต วิฺาตสาสโน ภิกฺขุํ วา สามเณรํ วา ปุถุชฺชนํ อภิวาเทติ ปจฺจุฏฺเติ’. ตตฺถ ปน การณํ อตฺถิ. กตมํ ตํ การณํ?

‘‘วีสติ โข ปนิเม, มหาราช, สมณสฺส สมณกรณา ธมฺมา ทฺเว จ ลิงฺคานิ, เยหิ สมโณ อภิวาทนปจฺจุฏฺานสมานนปูชนารโห โหติ. กตเม วีสติ สมณสฺส สมณกรณา ธมฺมา ทฺเว จ ลิงฺคานิ? เสฏฺโ [เสฏฺภูมิสโย (สี. สฺยา.), เสฏฺโ ยโม (ปี.)] ธมฺมาราโม, อคฺโค นิยโม, จาโร วิหาโร สํยโม สํวโร ขนฺติ โสรจฺจํ เอกตฺตจริยา เอกตฺตาภิรติ ปฏิสลฺลานํ หิริโอตฺตปฺปํ วีริยํ อปฺปมาโท สิกฺขาสมาทานํ [สิกฺขาปธานํ (สี. สฺยา.), สุกฺกาวทานํ (ก.)] อุทฺเทโส ปริปุจฺฉา สีลาทิอภิรติ นิราลยตา สิกฺขาปทปาริปูริตา, กาสาวธารณํ, ภณฺฑุภาโว. อิเม โข, มหาราช, วีสติ สมณสฺส สมณกรณา ธมฺมา ทฺเว จ ลิงฺคานิ. เอเต คุเณ ภิกฺขุ สมาทาย วตฺตติ, โส เตสํ ธมฺมานํ อนูนตฺตา ปริปุณฺณตฺตา สมฺปนฺนตฺตา สมนฺนาคตตฺตา อเสกฺขภูมึ อรหนฺตภูมึ โอกฺกมติ, เสฏฺํ ภูมนฺตรํ โอกฺกมติ, อรหตฺตาสนฺนคโตติ อรหติ อุปาสโก โสตาปนฺโน ภิกฺขุํ ปุถุชฺชนํ อภิวาเทตุํ ปจฺจุฏฺาตุํ.

‘‘‘ขีณาสเวหิ โส สามฺํ อุปคโต, นตฺถิ เม โส สมโย’ติ [ตํ สามฺ’’นฺติ (?)] อรหติ อุปาสโก โสตาปนฺโน ภิกฺขุํ ปุถุชฺชนํ อภิวาเทตุํ ปจฺจุฏฺาตุํ.

‘‘‘อคฺคปริสํ โส อุปคโต, นาหํ ตํ านํ อุปคโต’ติ อรหติ อุปาสโก โสตาปนฺโน ภิกฺขุํ ปุถุชฺชนํ อภิวาเทตุํ ปจฺจุฏฺาตุํ.

‘‘‘ลภติ โส ปาติโมกฺขุทฺเทสํ โสตุํ, นาหํ ตํ ลภามิ โสตุ’นฺติ อรหติ อุปาสโก โสตาปนฺโน ภิกฺขุํ ปุถุชฺชนํ อภิวาเทตุํ ปจฺจุฏฺาตุํ.

‘‘‘โส อฺเ ปพฺพาเชติ อุปสมฺปาเทติ ชินสาสนํ วฑฺเฒติ, อหเมตํ น ลภามิ กาตุ’นฺติ อรหติ อุปาสโก โสตาปนฺโน ภิกฺขุํ ปุถุชฺชนํ อภิวาเทตุํ ปจฺจุฏฺาตุํ.

‘‘‘อปฺปมาเณสุ โส สิกฺขาปเทสุ สมตฺตการี, นาหํ เตสุ วตฺตามี’ติ อรหติ อุปาสโก โสตาปนฺโน ภิกฺขุํ ปุถุชฺชนํ อภิวาเทตุํ ปจฺจุฏฺาตุํ.

‘‘‘อุปคโต โส สมณลิงฺคํ, พุทฺธาธิปฺปาเย ิโต, เตนาหํ ลิงฺเคน ทูรมปคโต’ติ อรหติ อุปาสโก โสตาปนฺโน ภิกฺขุํ ปุถุชฺชนํ อภิวาเทตุํ ปจฺจุฏฺาตุํ.

‘‘‘ปรูฬฺหกจฺฉโลโม โส อนฺชิตอมณฺฑิโต อนุลิตฺตสีลคนฺโธ, อหํ ปน มณฺฑนวิภูสนาภิรโต’ติ อรหติ อุปาสโก โสตาปนฺโน ภิกฺขุํ ปุถุชฺชนํ อภิวาเทตุํ ปจฺจุฏฺาตุํ.

‘‘อปิ จ, มหาราช, ‘เย เต วีสติ สมณกรณา ธมฺมา ทฺเว จ ลิงฺคานิ, สพฺเพเปเต ธมฺมา ภิกฺขุสฺส สํวิชฺชนฺติ, โส เยว เต ธมฺเม ธาเรติ, อฺเปิ ตตฺถ สิกฺขาเปติ, โส เม อาคโม สิกฺขาปนฺจ นตฺถี’ติ อรหติ อุปาสโก โสตาปนฺโน ภิกฺขุํ ปุถุชฺชนํ อภิวาเทตุํ ปจฺจุฏฺาตุํ.

‘‘ยถา, มหาราช, ราชกุมาโร ปุโรหิตสฺส สนฺติเก วิชฺชํ อธียติ, ขตฺติยธมฺมํ สิกฺขติ, โส อปเรน สมเยน อภิสิตฺโต อาจริยํ อภิวาเทติ ปจฺจุฏฺเติ ‘สิกฺขาปโก เม อย’นฺติ, เอวเมว โข, มหาราช, ‘ภิกฺขุ สิกฺขาปโก วํสธโร’ติ อรหติ อุปาสโก โสตาปนฺโน ภิกฺขุํ ปุถุชฺชนํ อภิวาเทตุํ ปจฺจุฏฺาตุํ.

‘‘อปิ จ, มหาราช, อิมินาเปตํ ปริยาเยน ชานาหิ ภิกฺขุภูมิยา มหนฺตตํ อสมวิปุลภาวํ. ยทิ, มหาราช, อุปาสโก โสตาปนฺโน อรหตฺตํ สจฺฉิกโรติ, ทฺเวว ตสฺส คติโย ภวนฺติ อนฺา ตสฺมึ เยว ทิวเส ปรินิพฺพาเยยฺย วา, ภิกฺขุภาวํ วา อุปคจฺเฉยฺย. อจลา หิ สา, มหาราช, ปพฺพชฺชา, มหตี อจฺจุคฺคตา, ยทิทํ ภิกฺขุภูมี’’ติ. ‘‘าณคโต, ภนฺเต นาคเสน, ปฺโห สุนิพฺเพิโต พลวตา อติพุทฺธินา ตยา, น ยิมํ ปฺหํ สมตฺโถ อฺโ เอวํ วินิเวเตุํ อฺตฺร ตวาทิเสน พุทฺธิมตา’’ติ.

เสฏฺธมฺมปฺโห ปโม.

๒. สพฺพสตฺตหิตผรณปฺโห

. ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ตุมฺเห ภณถ ‘ตถาคโต สพฺพสตฺตานํ อหิตมปเนตฺวา หิตมุปทหตี’ติ. ปุน จ ภณถ อคฺคิกฺขนฺธูปเม ธมฺมปริยาเย ภฺมาเน ‘สฏฺิมตฺตานํ ภิกฺขูนํ อุณฺหํ โลหิตํ มุขโต อุคฺคต’นฺติ. อคฺคิกฺขนฺธูปมํ, ภนฺเต, ธมฺมปริยายํ เทเสนฺเตน ตถาคเตน สฏฺิมตฺตานํ ภิกฺขูนํ หิตมปเนตฺวา อหิตมุปทหิตํ. ยทิ, ภนฺเต นาคเสน, ตถาคโต สพฺพสตฺตานํ อหิตมปเนตฺวา หิตมุปทหติ, เตน หิ อคฺคิกฺขนฺธูปเม ธมฺมปริยาเย ภฺมาเน สฏฺิมตฺตานํ ภิกฺขูนํ อุณฺหํ โลหิตํ มุขโต อุคฺคตนฺติ ยํ วจนํ, ตํ มิจฺฉา. ยทิ อคฺคิกฺขนฺธูปเม ธมฺมปริยาเย ภฺมาเน สฏฺิมตฺตานํ ภิกฺขูนํ อุณฺหํ โลหิตํ มุขโต อุคฺคตํ, เตน หิ ตถาคโต สพฺพสตฺตานํ อหิตมปเนตฺวา หิตมุปทหตีติ ตมฺปิ วจนํ มิจฺฉา. อยมฺปิ อุภโต โกฏิโก ปฺโห ตวานุปฺปตฺโต, โส ตยา นิพฺพาหิตพฺโพ’’ติ.

‘‘ตถาคโต, มหาราช, สพฺพสตฺตานํ อหิตมปเนตฺวา หิตมุปทหติ, อคฺคิกฺขนฺธูปเม ธมฺมปริยาเย ภฺมาเน สฏฺิมตฺตานํ ภิกฺขูนํ อุณฺหํ โลหิตํ มุขโต อุคฺคตํ, ตฺจ ปน น ตถาคตสฺส กเตน, เตสํ เยว อตฺตโน กเตนา’’ติ.

‘‘ยทิ, ภนฺเต นาคเสน, ตถาคโต อคฺคิกฺขนฺธูปมํ ธมฺมปริยายํ น ภาเสยฺย, อปิ นุ เตสํ อุณฺหํ โลหิตํ มุขโต อุคฺคจฺเฉยฺยาติ, น หิ, มหาราช, มิจฺฉาปฏิปนฺนานํ เตสํ ภควโต ธมฺมปริยายํ สุตฺวา ปริฬาโห กาเย อุปฺปชฺชิ, เตน เตสํ ปริฬาเหน อุณฺหํ โลหิตํ มุขโต อุคฺคต’’นฺติ. ‘‘เตน หิ, ภนฺเต นาคเสน, ตถาคตสฺเสว กเตน เตสํ อุณฺหํ โลหิตํ มุขโต อุคฺคตํ, ตถาคโต เยว ตตฺถ อธิกาโร เตสํ นาสนาย, ยถา นาม, ภนฺเต นาคเสน, อหิ วมฺมิกํ ปวิเสยฺย, อถฺตโร ปํสุกาโม ปุริโส วมฺมิกํ ภินฺทิตฺวา ปํสุํ หเรยฺย, ตสฺส ปํสุหรเณน วมฺมิกสฺส สุสิรํ ปิทเหยฺย, อถ ตตฺเถว โส อสฺสาสํ อลภมาโน มเรยฺย, นนุ โส, ภนฺเต, อหิ ตสฺส ปุริสสฺส กเตน มรณปฺปตฺโต’’ติ. ‘‘อาม มหาราชา’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, ภนฺเต นาคเสน, ตถาคโต เยว ตตฺถ อธิกาโร เตสํ นาสนายา’’ติ.

‘‘ตถาคโต, มหาราช, ธมฺมํ เทสยมาโน อนุนยปฺปฏิฆํ น กโรติ, อนุนยปฺปฏิฆวิปฺปมุตฺโต ธมฺมํ เทเสติ, เอวํ ธมฺเม เทสียมาเน เย ตตฺถ สมฺมาปฏิปนฺนา, เต พุชฺฌนฺติ. เย ปน มิจฺฉาปฏิปนฺนา, เต ปตนฺติ. ยถา, มหาราช, ปุริสสฺส อมฺพํ วา ชมฺพุํ วา มธุกํ วา จาลยมานสฺส ยานิ ตตฺถ ผลานิ สารานิ ทฬฺหพนฺธนานิ, ตานิ ตตฺเถว อจฺจุตานิ ติฏฺนฺติ, ยานิ ตตฺถ ผลานิ ปูติวณฺฏมูลานิ ทุพฺพลพนฺธนานิ, ตานิ ปตนฺติ. เอวเมว โข, มหาราช, ตถาคโต ธมฺมํ เทสยมาโน อนุนยปฺปฏิฆํ น กโรติ, อนุนยปฺปฏิฆวิปฺปมุตฺโต ธมฺมํ เทเสติ, เอวํ ธมฺเม เทสียมาเน เย ตตฺถ สมฺมาปฏิปนฺนา, เต พุชฺฌนฺติ. เย ปน มิจฺฉาปฏิปนฺนา, เต ปตนฺติ.

‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, กสฺสโก ธฺํ โรเปตุกาโม เขตฺตํ กสติ, ตสฺส กสนฺตสฺส อเนกสตสหสฺสานิ ติณานิ มรนฺติ. เอวเมว โข, มหาราช, ตถาคโต ปริปกฺกมานเส สตฺเต โพเธนฺโต [โพเธตุํ (สี.)] อนุนยปฺปฏิฆวิปฺปมุตฺโต ธมฺมํ เทเสติ, เอวํ ธมฺเม เทสียมาเน เย ตตฺถ สมฺมาปฏิปนฺนา, เต พุชฺฌนฺติ. เย ปน มิจฺฉาปฏิปนฺนา, เต ติณานิ วิย มรนฺติ.

‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, มนุสฺสา รสเหตุ ยนฺเตน อุจฺฉุํ ปีฬยนฺติ, เตสํ อุจฺฉุํ ปีฬยมานานํ เย ตตฺถ ยนฺตมุขคตา กิมโย, เต ปีฬิยนฺติ. เอวเมว โข, มหาราช, ตถาคโต ปริปกฺกมานเส สตฺเต โพเธนฺโต ธมฺมยนฺตมภิปีฬยติ [ธมฺมยนฺตมติปีฬยติ (ก.)], เย ตตฺถ มิจฺฉาปฏิปนฺนา, เต กิมี วิย มรนฺตี’’ติ.

‘‘นนุ, ภนฺเต นาคเสน, เต ภิกฺขู ตาย ธมฺมเทสนาย ปติตา’’ติ? ‘‘อปิ นุ โข, มหาราช, ตจฺฉโก รุกฺขํ ตจฺฉนฺโต [รกฺขนฺโต (สี. ปี.] อุชุกํ ปริสุทฺธํ กโรตี’’ติ? ‘‘น หิ, ภนฺเต, วชฺชนียํ อปเนตฺวา ตจฺฉโก รุกฺขํ อุชุกํ ปริสุทฺธํ กโรตี’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, ตถาคโต ปริสํ รกฺขนฺโต น สกฺโกติ โพธเนยฺเย [อโพธนีเย (สฺยา.)] สตฺเต โพเธตุํ, มิจฺฉาปฏิปนฺเน ปน สตฺเต อปเนตฺวา โพธเนยฺเย สตฺเต โพเธติ, อตฺตกเตน ปน เต, มหาราช, มิจฺฉาปฏิปนฺนา ปตนฺติ.

‘‘ยถา, มหาราช, กทลี เวฬุ อสฺสตรี อตฺตเชน [อตฺตเชน ผเลน (สี.)] หฺติ, เอวเมว โข, มหาราช, เย เต มิจฺฉาปฏิปนฺนา, เต อตฺตกเตน หฺนฺติ ปตนฺติ.

‘‘ยถา, มหาราช, โจรา อตฺตกเตน จกฺขุปฺปาฏนํ สูลาโรปนํ สีสจฺเฉทนํ ปาปุณนฺติ, เอวเมว โข, มหาราช, เย เต มิจฺฉาปฏิปนฺนา, เต อตฺตกเตน หฺนฺติ ปตนฺติ [ชินสาสนา ปตนฺติ (สี. ปี.)]. เยสํ, มหาราช, สฏฺิมตฺตานํ ภิกฺขูนํ อุณฺหํ โลหิตํ มุขโต อุคฺคตํ, เตสํ ตํ เนว ภควโต กเตน, น ปเรสํ กเตน, อถ โข อตฺตโน เยว กเตน.

‘‘ยถา, มหาราช, ปุริโส สพฺพชนสฺส อมตํ ทเทยฺย, เต ตํ อมตํ อสิตฺวา อโรคา ทีฆายุกา สพฺพีติโต [สพฺพีติยา (สี.)] ปริมุจฺเจยฺยุํ, อถฺตโร ปุริโส ทุรุปจาเรน ตํ อสิตฺวา มรณํ ปาปุเณยฺย, อปิ นุ โข โส, มหาราช, อมตทายโก ปุริโส ตโตนิทานํ กิฺจิ อปุฺํ อาปชฺเชยฺยา’’ติ? ‘‘น หิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, ตถาคโต ทสสหสฺสิยา โลกธาตุยา เทวมนุสฺสานํ อมตํ ธมฺมทานํ เทติ, เย เต สตฺตา ภพฺพา, เต ธมฺมามเตน พุชฺฌนฺติ. เย ปน เต สตฺตา อภพฺพา, เต ธมฺมามเตน หฺนฺติ ปตนฺติ. โภชนํ, มหาราช, สพฺพสตฺตานํ ชีวิตํ รกฺขติ, ตเมกจฺเจ ภุฺชิตฺวา วิสูจิกาย มรนฺติ, อปิ นุ โข โส, มหาราช, โภชนทายโก ปุริโส ตโตนิทานํ กิฺจิ อปุฺํ อาปชฺเชยฺยา’’ติ? ‘‘น หิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, ตถาคโต ทสสหสฺสิยา โลกธาตุยา เทวมนุสฺสานํ อมตํ ธมฺมทานํ เทติ, เย เต สตฺตา ภพฺพา, เต ธมฺมามเตน พุชฺฌนฺติ. เย ปน เต สตฺตา อภพฺพา, เต ธมฺมามเตน หฺนฺติ ปตนฺตี’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต นาคเสน, เอวเมตํ ตถา สมฺปฏิจฺฉามี’’ติ.

สพฺพสตฺตหิตผรณปฺโห ทุติโย.

๓. วตฺถคุยฺหนิทสฺสนปฺโห

. ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ภาสิตมฺเปตํ ตถาคเตน –

‘‘‘กาเยน สํวโร สาธุ [ธ. ป. ๓๖๑], สาธุ วาจาย สํวโร;

มนสา สํวโร สาธุ, สาธุ สพฺพตฺถ สํวโร’ติ.

‘‘ปุน จ ตถาคโต จตุนฺนํ ปริสานํ มชฺเฌ นิสีทิตฺวา ปุรโต เทวมนุสฺสานํ เสลสฺส พฺราหฺมณสฺส โกโสหิตํ วตฺถคุยฺหํ ทสฺเสสิ. ยทิ, ภนฺเต นาคเสน, ภควตา ภณิตํ ‘กาเยน สํวโร สาธู’ติ, เตน หิ เสลสฺส พฺราหฺมณสฺส โกโสหิตํ วตฺถคุยฺหํ ทสฺเสสีติ ยํ วจนํ, ตํ มิจฺฉา. ยทิ เสลสฺส พฺราหฺมณสฺส โกโสหิตํ วตฺถคุยฺหํ ทสฺเสติ, เตน หิ ‘กาเยน สํวโร สาธู’ติ ตมฺปิ วจนํ มิจฺฉา. อยมฺปิ อุภโต โกฏิโก ปฺโห ตวานุปฺปตฺโต, โส ตยา นิพฺพาหิตพฺโพ’’ติ.

‘‘ภาสิตมฺเปตํ, มหาราช, ภควตา ‘กาเยน สํวโร สาธู’ติ, เสลสฺส จ พฺราหฺมณสฺส โกโสหิตํ วตฺถคุยฺหํ ทสฺสิตํ. ยสฺส โข, มหาราช, ตถาคเต กงฺขา อุปฺปนฺนา, ตสฺส โพธนตฺถาย ภควา อิทฺธิยา ตปฺปฏิภาคํ กายํ ทสฺเสติ, โส เยว ตํ ปาฏิหาริยํ ปสฺสตี’’ติ.

‘‘โก ปเนตํ, ภนฺเต นาคเสน, สทฺทหิสฺสติ, ยํ ปริสคโต เอโก เยว ตํ คุยฺหํ ปสฺสติ, อวเสสา ตตฺเถว วสนฺตา น ปสฺสนฺตีติ. อิงฺฆ เม ตฺวํ ตตฺถ การณํ อุปทิส, การเณน มํ สฺาเปหี’’ติ. ‘‘ทิฏฺปุพฺโพ ปน ตยา, มหาราช, โกจิ พฺยาธิโต ปุริโส ปริกิณฺโณ าติมิตฺเตหี’’ติ. ‘‘อาม ภนฺเต’’ติ. ‘‘อปิ นุ โข สา, มหาราช, ปริสา ปสฺสเตตํ เวทนํ, ยาย โส ปุริโส เวทนาย เวทยตี’’ติ. ‘‘น หิ ภนฺเต, อตฺตนา เยว โส, ภนฺเต, ปุริโส เวทยตี’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, ยสฺเสว ตถาคเต กงฺขา อุปฺปนฺนา, ตสฺเสว ตถาคโต โพธนตฺถาย อิทฺธิยา ตปฺปฏิภาคํ กายํ ทสฺเสติ, โส เยว ตํ ปาฏิหาริยํ ปสฺสติ.

‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, กฺจิเทว ปุริสํ ภูโต อาวิเสยฺย, อปิ นุ โข สา, มหาราช, ปริสา ปสฺสติ ตํ ภูตาคมน’’นฺติ? ‘‘น หิ, ภนฺเต, โส เยว อาตุโร ตสฺส ภูตสฺส อาคมนํ ปสฺสตี’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, ยสฺเสว ตถาคเต กงฺขา อุปฺปนฺนา, ตสฺเสว ตถาคโต โพธนตฺถาย อิทฺธิยา ตปฺปฏิภาคํ กายํ ทสฺเสติ, โส เยว ตํ ปาฏิหาริยํ ปสฺสตี’’ติ.

‘‘ทุกฺกรํ, ภนฺเต นาคเสน, ภควตา กตํ, ยํ เอกสฺสปิ อทสฺสนียํ, ตํ ทสฺเสนฺเตนา’’ติ. ‘‘น, มหาราช, ภควา คุยฺหํ ทสฺเสสิ, อิทฺธิยา ปน ฉายํ ทสฺเสสี’’ติ. ‘‘ฉายายปิ, ภนฺเต, ทิฏฺาย ทิฏฺํ เยว โหติ คุยฺหํ, ยํ ทิสฺวา นิฏฺํ คโต’’ติ. ‘‘ทุกฺกรฺจาปิ, มหาราช, ตถาคโต กโรติ โพธเนยฺเย สตฺเต โพเธตุํ. ยทิ, มหาราช, ตถาคโต กิริยํ หาเปยฺย, โพธเนยฺยา สตฺตา น พุชฺเฌยฺยุํ. ยสฺมา จ โข, มหาราช, โยคฺู ตถาคโต โพธเนยฺเย สตฺเต โพเธตุํ, ตสฺมา ตถาคโต เยน เยน โยเคน โพธเนยฺยา พุชฺฌนฺติ, เตน เตน โยเคน โพธเนยฺเย โพเธติ.

‘‘ยถา, มหาราช, ภิสกฺโก สลฺลกตฺโต เยน เยน เภสชฺเชน อาตุโร อโรโค โหติ, เตน เตน เภสชฺเชน อาตุรํ อุปสงฺกมติ, วมนียํ วเมติ, วิเรจนียํ วิเรเจติ, อนุเลปนียํ อนุลิมฺเปติ, อนุวาสนียํ อนุวาเสติ. เอวเมว โข, มหาราช, ตถาคโต เยน เยน โยเคน โพธเนยฺยา สตฺตา พุชฺฌนฺติ, เตน เตน โยเคน โพเธติ.

‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, อิตฺถี มูฬฺหคพฺภา ภิสกฺกสฺส อทสฺสนียํ คุยฺหํ ทสฺเสติ, เอวเมว โข, มหาราช, ตถาคโต โพธเนยฺเย สตฺเต โพเธตุํ อทสฺสนียํ คุยฺหํ อิทฺธิยา ฉายํ ทสฺเสสิ. นตฺถิ, มหาราช, อทสฺสนีโย นาม โอกาโส ปุคฺคลํ อุปาทาย. ยทิ, มหาราช, โกจิ ภควโต หทยํ ทิสฺวา พุชฺเฌยฺย, ตสฺสปิ ภควา โยเคน หทยํ ทสฺเสยฺย, โยคฺู, มหาราช, ตถาคโต เทสนากุสโล.

‘‘นนุ, มหาราช, ตถาคโต เถรสฺส นนฺทสฺส อธิมุตฺตึ ชานิตฺวา ตํ เทวภวนํ เนตฺวา เทวกฺาโย ทสฺเสสิ ‘อิมินายํ กุลปุตฺโต พุชฺฌิสฺสตี’ติ, เตน จ โส กุลปุตฺโต พุชฺฌิ. อิติ โข, มหาราช, ตถาคโต อเนกปริยาเยน สุภนิมิตฺตํ หีเฬนฺโต ครหนฺโต ชิคุจฺฉนฺโต ตสฺส โพธนเหตุ กกุฏปาทินิโย อจฺฉราโย ทสฺเสสิ. เอวมฺปิ ตถาคโต โยคฺู เทสนากุสโล.

‘‘ปุน จปรํ, มหาราช, ตถาคโต เถรสฺส จูฬปนฺถกสฺส ภาตรา นิกฺกฑฺฒิตสฺส ทุกฺขิตสฺส ทุมฺมนสฺส อุปคนฺตฺวา สุขุมํ โจฬขณฺฑํ อทาสิ ‘อิมินายํ กุลปุตฺโต พุชฺฌิสฺสตี’ติ, โส จ กุลปุตฺโต เตน การเณน ชินสาสเน วสีภาวํ ปาปุณิ. เอวมฺปิ, มหาราช, ตถาคโต โยคฺู เทสนากุสโล.

‘‘ปุน จปรํ, มหาราช, ตถาคโต พฺราหฺมณสฺส โมฆราชสฺส ยาว ตติยํ ปฺหํ ปุฏฺโ น พฺยากาสิ ‘เอวมิมสฺส กุลปุตฺตสฺส มาโน อุปสมิสฺสติ, มานูปสมา อภิสมโย ภวิสฺสตี’ติ, เตน จ ตสฺส กุลปุตฺตสฺส มาโน อุปสมิ, มานูปสมา โส พฺราหฺมโณ ฉสุ อภิฺาสุ วสีภาวํ ปาปุณิ. เอวมฺปิ, มหาราช, ตถาคโต โยคฺู เทสนากุสโล’’ติ.

‘‘สาธุ, ภนฺเต นาคเสน, สุนิพฺเพิโต ปฺโห พหุวิเธหิ การเณหิ, คหนํ อคหนํ กตํ, อนฺธกาโร อาโลโก กโต, คณฺิ ภินฺโน, ภคฺคา ปรวาทา, ชินปุตฺตานํ จกฺขุํ ตยา อุปฺปาทิตํ, นิปฺปฏิภานา ติตฺถิยา, ตฺวํ คณิวรปวรมาสชฺชา’’ติ.

วตฺถคุยฺหนิทสฺสนปฺโห ตติโย.

๔. ผรุสวาจาภาวปฺโห

. ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ภาสิตมฺเปตํ เถเรน สาริปุตฺเตน ธมฺมเสนาปตินา ‘ปริสุทฺธวจีสมาจาโร อาวุโส ตถาคโต, นตฺถิ ตถาคตสฺส วจีทุจฺจริตํ, ยํ ตถาคโต รกฺเขยฺย ‘มา เม อิทํ ปโร อฺาสี’ติ. ปุน จ ตถาคโต เถรสฺส สุทินฺนสฺส กลนฺทปุตฺตสฺส อปราเธ ปาราชิกํ ปฺเปนฺโต ผรุสาหิ วาจาหิ โมฆปุริสวาเทน สมุทาจริ, เตน จ โส เถโร โมฆปุริสวาเทน มงฺกุจิตฺตวเสน รุนฺธิตตฺตา วิปฺปฏิสารี นาสกฺขิ อริยมคฺคํ ปฏิวิชฺฌิตุํ. ยทิ, ภนฺเต นาคเสน, ปริสุทฺธวจีสมาจาโร ตถาคโต, นตฺถิ ตถาคตสฺส วจีทุจฺจริตํ, เตน หิ ตถาคเตน เถรสฺส สุทินฺนสฺส กลนฺทปุตฺตสฺส อปราเธ โมฆปุริสวาเทน สมุทาจิณฺณนฺติ ยํ วจนํ, ตํ มิจฺฉา. ยทิ ภควตา เถรสฺส สุทินฺนสฺส กลนฺทปุตฺตสฺส อปราเธ โมฆปุริสวาเทน สมุทาจิณฺณํ, เตน หิ ปริสุทฺธวจีสมาจาโร ตถาคโต, นตฺถิ ตถาคตสฺส วจีทุจฺจริตนฺติ ตมฺปิ วจนํ มิจฺฉา. อยมฺปิ อุภโต โกฏิโก ปฺโห ตวานุปฺปตฺโต, โส ตยา นิพฺพาหิตพฺโพ’’ติ.

‘‘ภาสิตมฺเปตํ, มหาราช, เถเรน สาริปุตฺเตน ธมฺมเสนาปตินา ‘ปริสุทฺธวจีสมาจาโร อาวุโส ตถาคโต, นตฺถิ ตถาคตสฺส วจีทุจฺจริตํ, ยํ ตถาคโต รกฺเขยฺย ‘มา เม อิทํ ปโร อฺาสี’ติ. อายสฺมโต จ สุทินฺนสฺส กลนฺทปุตฺตสฺส อปราเธ ปาราชิกํ ปฺเปนฺเตน ภควตา โมฆปุริสวาเทน สมุทาจิณฺณํ, ตฺจ ปน อทุฏฺจิตฺเตน อสารมฺเภน ยาถาวลกฺขเณน. กิฺจ ตตฺถ ยาถาวลกฺขณํ, ยสฺส, มหาราช, ปุคฺคลสฺส อิมสฺมึ อตฺตภาเว จตุสจฺจาภิสมโย น โหติ, ตสฺส ปุริสตฺตนํ โมฆํ อฺํ กยิรมานํ อฺเน สมฺภวติ, เตน วุจฺจติ ‘โมฆปุริโส’ติ. อิติ, มหาราช, ภควตา อายสฺมโต สุทินฺนสฺส กลนฺทปุตฺตสฺส สตาววจเนน สมุทาจิณฺณํ, โน อภูตวาเทนา’’ติ.

‘‘สภาวมฺปิ, ภนฺเต นาคเสน, โย อกฺโกสนฺโต ภณติ, ตสฺส มยํ กหาปณํ ทณฺฑํ ธาเรม, อปราโธ เยว โส วตฺถุํ นิสฺสาย วิสุํ โวหารํ อาจรนฺโต อกฺโกสตี’’ติ. ‘‘อตฺถิ ปน, มหาราช, สุตปุพฺพํ ตยา ขลิตสฺส อภิวาทนํ วา ปจฺจุฏฺานํ วา สกฺการํ วา อุปายนานุปฺปทานํ วา’’ติ? ‘‘น หิ, ภนฺเต, ยโต กุโตจิ ยตฺถ กตฺถจิ ขลิโต, โส ปริภาสนารโห โหติ ตชฺชนารโห, อุตฺตมงฺคมฺปิสฺส ฉินฺทนฺติ หนนฺติปิ พนฺธนฺติปิ ฆาเตนฺติปิ ฌาเปนฺติปี’’ติ [ชาเปนฺติปีติ (สี. ปี.)]. ‘‘เตน หิ, มหาราช, ภควตา กิริยา เยว กตา, โน อกิริยา’’ติ.

‘‘กิริยมฺปิ, ภนฺเต นาคเสน, กุรุมาเนน ปติรูเปน กาตพฺพํ อนุจฺฉวิเกน, สวเนนปิ, ภนฺเต นาคเสน, ตถาคตสฺส สเทวโก โลโก โอตฺตปฺปติ หิริยติ ภิยฺโย ทสฺสเนน ตตุตฺตรึ อุปสงฺกมเนน ปยิรุปาสเนนา’’ติ. ‘‘อปิ นุ โข, มหาราช, ติกิจฺฉโก อภิสนฺเน กาเย กุปิเต โทเส สิเนหนียานิ เภสชฺชานิ เทตี’’ติ? ‘‘น หิ, ภนฺเต, ติณฺหานิ เลขนียานิ เภสชฺชานิ เทตี’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, ตถาคโต สพฺพกิเลสพฺยาธิวูปสมาย อนุสิฏฺึ เทติ, ผรุสาปิ, มหาราช, ตถาคตสฺส วาจา สตฺเต สิเนหยติ, มุทุเก กโรติ. ยถา, มหาราช, อุณฺหมฺปิ อุทกํ ยํ กิฺจิ สิเนหนียํ สิเนหยติ, มุทุกํ กโรติ, เอวเมว โข, มหาราช, ผรุสาปิ ตถาคตสฺส วาจา อตฺถวตี โหติ กรุณาสหคตา. ยถา, มหาราช, ปิตุวจนํ ปุตฺตานํ อตฺถวนฺตํ โหติ กรุณาสหคตํ, เอวเมว โข, มหาราช, ผรุสาปิ ตถาคตสฺส วาจา อตฺถวตี โหติ กรุณาสหคตา. ผรุสาปิ, มหาราช, ตถาคตสฺส วาจา สตฺตานํ กิเลสปฺปหานา [กิเลสปฺปหานาย (สี.)] โหติ. ยถา, มหาราช, ทุคฺคนฺธมฺปิ โคมุตฺตํ ปีตํ วิรสมฺปิ อคทํ ขายิตํ สตฺตานํ พฺยาธึ หนติ, เอวเมว โข, มหาราช, ผรุสาปิ ตถาคตสฺส วาจา อตฺถวตี กรุณาสหคตา. ยถา, มหาราช, มหนฺโตปิ ตูลปุฺโช [ตูลปิจุ (สี. สฺยา.)] ปรสฺส กาเย นิปติตฺวา รุชํ น กโรติ, เอวเมว โข, มหาราช, ผรุสาปิ ตถาคตสฺส วาจา น กสฺสจิ ทุกฺขํ อุปฺปาเทตี’’ติ. ‘‘สุวินิจฺฉิโต, ภนฺเต นาคเสน, ปฺโห พหูหิ การเณหิ, สาธุ, ภนฺเต นาคเสน, เอวเมตํ ตถา สมฺปฏิจฺฉามี’’ติ.

ผรุสวาจาภาวปฺโห จตุตฺโถ.

๕. รุกฺขอเจตนาภาวปฺโห

. ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ภาสิตมฺเปตํ ตถาคเตน –

‘‘‘อเจตนํ พฺราหฺมณ อสฺสุณนฺตํ, ชาโน อชานนฺตมิมํ ปลาสํ;

อารทฺธวีริโย ธุวํ อปฺปมตฺโต, สุขเสยฺยํ ปุจฺฉสิ กิสฺส เหตู’ติ [ชา. ๑.๔.๒๕].

ปุน จ ภณิตํ –

‘‘‘อิติ ผนฺทนรุกฺโขปิ, ตาวเท อชฺฌภาสถ;

มยฺหมฺปิ วจนํ อตฺถิ, ภารทฺวาช สุโณหิ เม’ติ [ชา. ๑.๑๓.๒๐].

‘‘ยทิ, ภนฺเต นาคเสน, รุกฺโข อเจตโน, เตน หิ ผนฺทเนน รุกฺเขน ภารทฺวาเชน สห สลฺลปิตนฺติ ยํ วจนํ, ตํ มิจฺฉา. ยทิ ผนฺทเนน รุกฺเขน ภารทฺวาเชน สทฺธึ สลฺลปิตํ, เตน หิ รุกฺโข อเจตโนติ ตมฺปิ วจนํ มิจฺฉา. อยมฺปิ อุภโต โกฏิโก ปฺโห ตวานุปฺปโต, โส ตยา นิพฺพาหิตพฺโพ’’ติ.

‘‘ภาสิตมฺเปตํ, มหาราช, ภควตา ‘รุกฺโข อเจตโน’ติ, ผนฺทเนน จ รุกฺเขน ภารทฺวาเชน สทฺธึ สลฺลปิตํ, ตฺจ ปน วจนํ โลกสมฺาย ภณิตํ. นตฺถิ, มหาราช, อเจตนสฺส รุกฺขสฺส สลฺลาโป นาม, อปิ จ, มหาราช, ตสฺมึ รุกฺเข อธิวตฺถาย เทวตาเยตํ อธิวจนํ รุกฺโขติ, รุกฺโข สลฺลปตีติ เจสา โลกปณฺณตฺติ, ยถา, มหาราช, สกฏํ ธฺสฺส ปริปูริตํ ธฺสกฏนฺติ ชโน โวหรติ, น จ ตํ ธฺมยํ สกฏํ, รุกฺขมยํ สกฏํ, ตสฺมึ สกเฏ ธฺสฺส ปน อากิริตตฺตา ธฺสกฏนฺติ ชโน โวหรติ, เอวเมว โข, มหาราช, น รุกฺโข สลฺลปติ, รุกฺโข อเจตโน, ยา ปน ตสฺมึ รุกฺเข อธิวตฺถา เทวตา, ตสฺสา เยว ตํ อธิวจนํ รุกฺโขติ, รุกฺโข สลฺลปตีติ เจสา โลกปณฺณตฺติ.

‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, ทธึ มนฺถยมาโน ตกฺกํ มนฺเถมีติ โวหรติ, น ตํ ตกฺกํ, ยํ โส มนฺเถติ, ทธึ เยว โส มนฺเถนฺโต ตกฺกํ มนฺเถมีติ โวหรติ, เอวเมว โข, มหาราช, น รุกฺโข สลฺลปติ, รุกฺโข อเจตโน. ยา ปน ตสฺมึ รุกฺเข อธิวตฺถา เทวตา, ตสฺสาเยว ตํ อธิวจนํ รุกฺโขติ, รุกฺโข สลฺลปตีติ เจสา โลกปณฺณตฺติ.

‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, อสนฺตํ สาเธตุกาโม สนฺตํ สาเธมีติ โวหรติ, อสิทฺธํ สิทฺธนฺติ โวหรติ, เอวเมสา โลกสมฺา, เอวเมว โข, มหาราช, น รุกฺโข สลฺลปติ, รุกฺโข อเจตโน. ยา ปน ตสฺมึ รุกฺเข อธิวตฺถา เทวตา, ตสฺสาเยว ตํ อธิวจนํ รุกฺโขติ, รุกฺโข สลฺลปตีติ เจสา โลกปณฺณตฺติ, ยาย, มหาราช, โลกสมฺาย ชโน โวหรติ, ตถาคโตปิ ตาเยว โลกสมฺาย สตฺตานํ ธมฺมํ เทเสตี’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต นาคเสน, เอวเมตํ ตถา สมฺปฏิจฺฉามี’’ติ.

รุกฺขอเจตนาภาวปฺโห ปฺจโม.

๖. ปิณฺฑปาตมหปฺผลปฺโห

. ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ภาสิตมฺเปตํ ธมฺมสงฺคีติการเกหิ เถเรหิ –

‘‘‘จุนฺทสฺส ภตฺตํ ภุฺชิตฺวา, กมฺมารสฺสาติ เม สุตํ;

อาพาธํ สมฺผุสี ธีโร, ปพาฬฺหํ มารณนฺติก’นฺติ [ที. นิ. ๒.๑๙๐].

‘‘ปุน จ ภควตา ภณิตํ ‘ทฺเวเม, อานนฺท, ปิณฺฑปาตา สมสมผลา สมวิปากา อติวิย อฺเหิ ปิณฺฑปาเตหิ มหปฺผลตรา จ มหานิสํสตรา จ. กตเม ทฺเว? ยฺจ ปิณฺฑปาตํ ปริภุฺชิตฺวา ตถาคโต อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุชฺฌิ, ยฺจ ปิณฺฑปาตํ ปริภุฺชิตฺวา ตถาคโต อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายติ. อิเม ทฺเว ปิณฺฑปาตา สมสมผลา สมวิปากา, อติวิย อฺเหิ ปิณฺฑปาเตหิ มหปฺผลตรา จ มหานิสํสตรา จา’ติ. ยทิ, ภนฺเต นาคเสน, ภควโต จุนฺทสฺส ภตฺตํ ภุตฺตาวิสฺส [ภุฺชิตฺวา (สี.)] ขโร อาพาโธ อุปฺปนฺโน, ปพาฬฺหา จ เวทนา ปวตฺตา มารณนฺติกา, เตน หิ ‘ทฺเวเม, อานนฺท, ปิณฺฑปาตา สมสมผลา สมวิปากา อติวิย อฺเหิ ปิณฺฑปาเตหิ มหปฺผลตรา จ มหานิสํสตรา จา’ติ ยํ วจนํ, ตํ มิจฺฉา. ยทิ ทฺเวเม ปิณฺฑปาตา สมสมผลา สมวิปากา อติวิย อฺเหิ ปิณฺฑปาเตหิ มหปฺผลตรา จ มหานิสํสตรา จ, เตน หิ ภควโต จุนฺทสฺส ภตฺตํ ภุตฺตาวิสฺส [ภุฺชิตฺวา (สี.)] ขโร อาพาโธ อุปฺปนฺโน, ปพาฬฺหา จ เวทนา ปวตฺตา มารณนฺติกาติ ตมฺปิ วจนํ มิจฺฉา. กึนุ โข, ภนฺเต นาคเสน, โส ปิณฺฑปาโต วิสคตตาย มหปฺผโล, โรคุปฺปาทกตาย มหปฺผโล, อายุวินาสกตาย มหปฺผโล, ภควโต ชีวิตหรณตาย มหปฺผโล? ตตฺถ เม การณํ พฺรูหิ ปรวาทานํ นิคฺคหาย, เอตฺถายํ ชโน สมฺมูฬฺโห โลภวเสน อติพหุํ ขายิเตน โลหิตปกฺขนฺทิกา อุปฺปนฺนาติ. อยมฺปิ อุภโต โกฏิโก ปฺโห ตวานุปฺปตฺโต, โส ตยา นิพฺพาหิตพฺโพ’’ติ.

‘‘ภาสิตมฺเปตํ, มหาราช, ธมฺมสงฺคีติการเกหิ เถเรหิ –

‘‘‘จุนฺทสฺส ภตฺตํ ภุฺชิตฺวา, กมฺมารสฺสาติ เม สุตํ;

อาพาธํ สมฺผุสี ธีโร, ปพาฬฺหํ มารณนฺติก’นฺติ.

‘‘ภควตา จ ภณิตํ ‘ทฺเวเม, อานนฺท, ปิณฺฑปาตา สมสมผลา สมวิปากา อติวิย อฺเหิ ปิณฺฑปาเตหิ มหปฺผลตรา จ มหานิสํสตรา จ. กตเม ทฺเว? ยฺจ ปิณฺฑปาตํ ปริภุฺชิตฺวา ตถาคโต อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุชฺฌิ, ยฺจ ปิณฺฑปาตํ ปริภุฺชิตฺวา ตถาคโต อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายติ [ปรินิพฺพายิ (สี.)], อิเม ทฺเว ปิณฺฑปาตา สมสมผลา สมวิปากา, อติวิย อฺเหิ ปิณฺฑปาเตหิ มหปฺผลตรา จ มหานิสํสตรา จา’ติ.

‘‘โส ปน ปิณฺฑปาโต พหุคุโณ อเนกานิสํโส. เทวตา, มหาราช, หฏฺา ปสนฺนมานสา ‘อยํ ภควโต ปจฺฉิโม ปิณฺฑปาโต’ติ ทิพฺพํ โอชํ สูกรมทฺทเว อากิรึสุ. ตฺจ ปน สมฺมาปากํ ลหุปากํ [พหุปากํ (สี.)] มนุฺํ พหุรสํ ชฏฺรคฺคิเตชสฺส หิตํ. น, มหาราช, ตโตนิทานํ ภควโต โกจิ อนุปฺปนฺโน โรโค อุปฺปนฺโน, อปิ จ, มหาราช, ภควโต ปกติทุพฺพเล สรีเร ขีเณ อายุสงฺขาเร อุปฺปนฺโน โรโค ภิยฺโย อภิวฑฺฒิ.

‘‘ยถา, มหาราช, ปกติยา ชลมาโน อคฺคิ อฺสฺมึ อุปาทาเน ทินฺเน ภิยฺโย ปชฺชลติ, เอวเมว โข, มหาราช, ภควโต ปกติทุพฺพเล สรีเร ขีเณ อายุสงฺขาเร อุปฺปนฺโน โรโค ภิยฺโย อภิวฑฺฒิ.

‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, โสโต ปกติยา สนฺทมาโน อภิวุฏฺเ มหาเมเฆ ภิยฺโย มโหโฆ อุทกวาหโก โหติ, เอวเมว โข, มหาราช, ภควโต ปกติทุพฺพเล สรีเร ขีเณ อายุสงฺขาเร อุปฺปนฺโน โรโค ภิยฺโย อภิวฑฺฒิ.

‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, ปกติยา อภิสนฺนธาตุ กุจฺฉิ อฺสฺมึ อชฺโฌหริเต ภิยฺโย อายเมยฺย [อามเยยฺย (สี.)], เอวเมว โข, มหาราช, ภควโต ปกติทุพฺพเล สรีเร ขีเณ อายุสงฺขาเร อุปฺปนฺโน โรโค ภิยฺโย อภิวฑฺฒิ, นตฺถิ, มหาราช, ตสฺมึ ปิณฺฑปาเต โทโส, น จ ตสฺส สกฺกา โทสํ อาโรเปตุ’’นฺติ.

‘‘ภนฺเต นาคเสน, เกน การเณน เต ทฺเว ปิณฺฑปาตา สมสมผลา สมวิปากา อติวิย อฺเหิ ปิณฺฑปาเตหิ มหปฺผลตรา จ มหานิสํสตรา จา’’ติ? ‘‘ธมฺมานุมชฺชนสมาปตฺติวเสน, มหาราช, เต ทฺเว ปิณฺฑปาตา สมสมผลา สมวิปากา อติวิย อฺเหิ ปิณฺฑปาเตหิ มหปฺผลตรา จ มหานิสํสตรา จา’’ติ.

‘‘ภนฺเต นาคเสน, กตเมสํ ธมฺมานํ อนุมชฺชนสมาปตฺติวเสน เต ทฺเว ปิณฺฑปาตา สมสมผลา สมวิปากา อติวิย อฺเหิ ปิณฺฑปาเตหิ มหปฺผลตรา จ มหานิสํสตรา จา’’ติ? ‘‘นวนฺนํ, มหาราช, อนุปุพฺพวิหารสมาปตฺตีนํ อนุโลมปฺปฏิโลมสมาปชฺชนวเสน เต ทฺเว ปิณฺฑปาตา สมสมผลา สมวิปากา อติวิย อฺเหิ ปิณฺฑปาเตหิ มหปฺผลตรา จ มหานิสํสตรา จา’’ติ.

‘‘ภนฺเต นาคเสน, ทฺวีสุ เยว ทิวเสสุ อธิมตฺตํ ตถาคโต นวานุปุพฺพวิหารสมาปตฺติโย อนุโลมปฺปฏิโลมํ สมาปชฺชี’’ติ? ‘‘อาม, มหาราชา’’ติ. ‘‘อจฺฉริยํ, ภนฺเต นาคเสน, อพฺภุตํ ภนฺเต นาคเสน. ยํ อิมสฺมึ พุทฺธกฺเขตฺเต อสทิสํ ปรมทานํ, ตมฺปิ อิเมหิ ทฺวีหิ ปิณฺฑปาเตหิ อคณิตํ. อจฺฉริยํ, ภนฺเต นาคเสน, อพฺภุตํ, ภนฺเต นาคเสน. ยาว มหนฺตา นวานุปุพฺพวิหารสมาปตฺติโย, ยตฺร หิ นาม นวานุปุพฺพวิหารสมาปตฺติวเสน ทานํ มหปฺผลตรํ โหติ มหานิสํสตรฺจ. สาธุ, ภนฺเต นาคเสน, เอวเมตํ ตถา สมฺปฏิจฺฉามี’’ติ.

ปิณฺฑปาตมหปฺผลปฺโห ฉฏฺโ.

๗. พุทฺธปูชนปฺโห

. ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ภาสิตมฺเปตํ ตถาคเตน ‘อพฺยาวฏา ตุมฺเห, อานนฺท, โหถ ตถาคตสฺส สรีรปูชายา’ติ. ปุน จ ภณิตํ –

‘‘‘ปูเชถ นํ ปูชนิยสฺส ธาตุํ;

เอวํ กิร สคฺคมิโต คมิสฺสถา’ติ.

‘‘ยทิ, ภนฺเต นาคเสน, ตถาคเตน ภณิตํ ‘อพฺยาวฏา ตุมฺเห, อานนฺท, โหถ ตถาคตสฺส สรีรปูชายา’ติ, เตน หิ ‘ปูเชถ นํ ปูชนิยสฺส ธาตุํ, เอวํ กรา สคฺคมิโต คมิสฺสถา’ติ ยํ วจนํ, ตํ มิจฺฉา. ยทิ ตถาคเตน ภณิตํ ‘ปูเชถ นํ ปูชนิยสฺส ธาตุํ, เอวํ กรา สคฺคมิโต คมิสฺสถา’ติ, เตน หิ ‘อพฺยาวฏา ตุมฺเห อานนฺท, โหถ ตถาคตสฺส สรีรปูชายา’ติ ตมฺปิ วจนํ มิจฺฉา. อยมฺปิ อุภโต โกฏิโก ปฺโห ตวานุปฺปตฺโต, โส ตยา นิพฺพาหิตพฺโพ’’ติ.

‘‘ภาสิตมฺเปตํ, มหาราช, ภควตา ‘อพฺยาวฏา ตุมฺเห, อานนฺท, โหถ ตถาคตสฺส สรีรปูชายา’ติ, ปุน จ ภณิตํ ‘ปูเชถ นํ ปูชนิยสฺส ธาตุํ, เอวํ กรา สคฺคมิโต คมิสฺสถา’ติ, ตฺจ ปน น สพฺเพสํ ชินปุตฺตานํ เยว อารพฺภ ภณิตํ ‘อพฺยาวฏา ตุมฺเห, อานนฺท, โหถ ตถาคตสฺส สรีรปูชายา’ติ. อกมฺมํ เหตํ, มหาราช, ชินปุตฺตานํ ยทิทํ ปูชา, สมฺมสนํ สงฺขารานํ, โยนิโส มนสิกาโร, สติปฏฺานานุปสฺสนา, อารมฺมณสารคฺคาโห, กิเลสยุทฺธํ, สทตฺถมนุยุฺชนา, เอตํ ชินปุตฺตานํ กรณียํ, อวเสสานํ เทวมนุสฺสานํ ปูชา กรณียา.

‘‘ยถา, มหาราช, มหิยา ราชปุตฺตานํ หตฺถิอสฺสรถธนุถรุเลขมุทฺทาสิกฺขาขคฺคมนฺตสุติ- สมฺมุติยุทฺธยุชฺฌาปนกิริยา กรณียา, อวเสสานํ ปุถุเวสฺสสุทฺทานํ กสิ วณิชฺชา โครกฺขา กรณียา, เอวเมว โข, มหาราช, อกมฺมํ เหตํ ชินปุตฺตานํ ยทิทํ ปูชา, สมฺมสนํ สงฺขารานํ, โยนิโส มนสิกาโร, สติปฏฺานานุปสฺสนา, อารมฺมณสารคฺคาโห, กิเลสยุทฺธํ, สทตฺถมนุยุฺชนา, เอตํ ชินปุตฺตานํ กรณียํ, อวเสสานํ เทวมนุสฺสานํ ปูชา กรณียา.

‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, พฺราหฺมณมาณวกานํ อิรุเวทํ ยชุเวทํ สามเวทํ อถพฺพณเวทํ ลกฺขณํ อิติหาสํ ปุราณํ นิฆณฺฑุ เกฏุภํ อกฺขรปฺปเภทํ ปทํ เวยฺยากรณํ ภาสมคฺคํ อุปฺปาตํ สุปินํ นิมิตฺตํ ฉฬงฺคํ จนฺทคฺคาหํ สูริยคฺคาหํ สุกฺกราหุจริตํ อุฬุคฺคหยุทฺธํ [โอฬุคฺคหยุทฺธํ (ก.)] เทวทุนฺทุภิสฺสรํ โอกฺกนฺติ อุกฺกาปาตํ ภูมิกมฺมํ [ภูมิกมฺปํ (สี. ปี.)] ทิสาทาหํ ภุมฺมนฺตลิกฺขํ โชติสํ โลกายติกํ สาจกฺกํ มิคจกฺกํ อนฺตรจกฺกํ มิสฺสกุปฺปาทํ สกุณรุตรวิตํ [สกุณรุตํ (สี.)] สิกฺขา กรณียา, อวเสสานํ ปุถุเวสฺสสุทฺทานํ กสิ วณิชฺชา โครกฺขา กรณียา, เอวเมว โข, มหาราช, อกมฺมํ เหตํ ชินปุตฺตานํ ยทิทํ ปูชา, สมฺมสนํ สงฺขารานํ, โยนิโส มนสิกาโร, สติปฏฺานานุปสฺสนา, อารมฺมณสารคฺคาโห, กิเลสยุทฺธํ, สทตฺถมนุยุฺชนา, เอตํ ชินปุตฺตานํ กรณียํ, อวเสสานํ เทวมนุสฺสานํ ปูชา กรณียา, ตสฺมา, มหาราช, ตถาคโต ‘มา อิเม อกมฺเม ยุฺชนฺตุ, กมฺเม อิเม ยุฺชนฺตู’ติ อาห ‘อพฺยาวฏา ตุมฺเห, อานนฺท, โหถ ตถาคตสฺส สรีรปูชายา’ติ. ยเทตํ, มหาราช, ตถาคโต น ภเณยฺย, ปตฺตจีวรมฺปิ อตฺตโน ปริยาทาเปตฺวา ภิกฺขู พุทฺธปูชํ เยว กเรยฺยุ’’นฺติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต นาคเสน, เอวเมตํ ตถา สมฺปฏิจฺฉามี’’ติ.

พุทฺธปูชนปฺโห สตฺตโม.

๘. ปาทสกลิกาหตปฺโห

. ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ตุมฺเห ภณถ ‘ภควโต คจฺฉนฺตสฺส อยํ อเจตนา มหาปถวี นินฺนํ อุนฺนมติ, อุนฺนตํ โอนมตี’ติ, ปุน จ ภณถ ‘ภควโต ปาโท สกลิกาย ขโต’ติ. ยา สา สกลิกา ภควโต ปาเท ปติตา, กิสฺส ปน สา สกลิกา ภควโต ปาทา น นิวตฺตา. ยทิ, ภนฺเต นาคเสน, ภควโต คจฺฉนฺตสฺส อยํ อเจตนา มหาปถวี นินฺนํ อุนฺนมติ, อุนฺนตํ โอนมติ, เตน หิ ‘ภควโต ปาโท สกลิกาย ขโต’ติ ยํ วจนํ, ตํ มิจฺฉา. ยทิ ภควโต ปาโท สกลิกาย ขโต, เตน หิ ‘ภควโต คจฺฉนฺตสฺส อยํ อเจตนา มหาปถวี นินฺนํ อุนฺนมติ อุนฺนตํ โอนมตี’ติ ตมฺปิ วจนํ มิจฺฉา. อยมฺปิ อุภโต โกฏิโก ปฺโห ตวานุปฺปตฺโต, โส ตยา นิพฺพาหิตพฺโพ’’ติ.

‘‘สจฺจํ, มหาราช, อตฺเถตํ ภควโต คจฺฉนฺตสฺส อยํ อเจตนา มหาปถวี นินฺนํ อุนฺนมติ อุนฺนตํ โอนมติ, ภควโต จ ปาโท สกลิกาย ขโต, น จ ปน สา สกลิกา อตฺตโน ธมฺมตาย ปติตา, เทวทตฺตสฺส อุปกฺกเมน ปติตา. เทวทตฺโต, มหาราช, พหูนิ ชาติสตสหสฺสานิ ภควติ อาฆาตํ พนฺธิ, โส เตน อาฆาเตน ‘มหนฺตํ กูฏาคารปฺปมาณํ ปาสาณํ ภควโต อุปริ ปาเตสฺสามี’ติ มุฺจิ. อถ ทฺเว เสลา ปถวิโต อุฏฺหิตฺวา ตํ ปาสาณํ สมฺปฏิจฺฉึสุ, อถ เนสํ สมฺปหาเรน ปาสาณโต ปปฏิกา ภิชฺชิตฺวา เยน วา เตน วา ปตนฺตี ภควโต ปาเท ปติตา’’ติ.

‘‘ยถา จ, ภนฺเต นาคเสน, ทฺเว เสลา ปาสาณํ สมฺปฏิจฺฉึสุ, ตเถว ปปฏิกาปิ สมฺปฏิจฺฉิตพฺพา’’ติ? ‘‘สมฺปฏิจฺฉิตมฺปิ, มหาราช, อิเธกจฺจํ ปคฺฆรติ ปสวติ น านมุปคจฺฉติ, ยถา, มหาราช, อุทกํ ปาณินา คหิตํ องฺคุลนฺตริกาหิ ปคฺฆรติ ปสวติ น านมุปคจฺฉติ, ขีรํ ตกฺกํ มธุํ สปฺปิ เตสํ มจฺฉรสํ มํสรสํ ปาณินา คหิตํ องฺคุลนฺตริกาหิ ปคฺฆรติ ปสวติ น านมุปคจฺฉติ, เอวเมว โข, มหาราช, สมฺปฏิจฺฉนตฺถํ อุปคตานํ ทฺวินฺนํ เสลานํ สมฺปหาเรน ปาสาณโต ปปฏิกา ภิชฺชิตฺวา เยน วา เตน วา ปตนฺตี ภควโต ปาเท ปติตา.

‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, สณฺหสุขุมอณุรชสมํ ปุฬินํ มุฏฺินา คหิตํ องฺคุลนฺตริกาหิ ปคฺฆรติ ปสวติ น านมุปคจฺฉติ, เอวเมว โข, มหาราช, สมฺปฏิจฺฉนตฺถํ อุปคตานํ ทฺวินฺนํ เสลานํ สมฺปหาเรน ปาสาณโต ปปฏิกา ภิชฺชิตฺวา เยน วา เตน วา ปตนฺตี ภควโต ปาเท ปติตา.

‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, กพโฬ มุเขน คหิโต อิเธกจฺจสฺส มุขโต มุจฺจิตฺวา ปคฺฆรติ ปสวติ น านมุปคจฺฉติ, เอวเมว โข, มหาราช, สมฺปฏิจฺฉนตฺถํ อุปคตานํ ทฺวินฺนํ เสลานํ สมฺปหาเรน ปาสาณโต ปปฏิกา ภิชฺชิตฺวา เยน วา เตน วา ปตนฺตี ภควโต ปาเท ปติตา’’ติ.

‘‘โหตุ, ภนฺเต นาคเสน, เสเลหิ ปาสาโณ สมฺปฏิจฺฉิโต, อถ ปปฏิกายปิ อปจิติ กาตพฺพา ยเถว มหาปถวิยา’’ติ? ‘‘ทฺวาทสิเม, มหาราช, อปจิตึ น กโรนฺติ. กตเม ทฺวาทส? รตฺโต ราควเสน อปจิตึ น กโรติ, ทุฏฺโ โทสวเสน, มูฬฺโห โมหวเสน, อุนฺนโต มานวเสน, นิคฺคุโณ อวิเสสตาย, อติถทฺโธ อนิเสธนตาย, หีโน หีนสภาวตาย, วจนกโร อนิสฺสรตาย, ปาโป กทริยตาย, ทุกฺขาปิโต ปฏิทุกฺขาปนตาย, ลุทฺโธ โลภาภิภูตตาย, อายูหิโต อตฺถสาธนตาย [อตฺถสาธเนน (สฺยา. ปี. ก.)] อปจิตึ น กโรติ. อิเม โข มหาราช ทฺวาทส อปจิตึ น กโรนฺติ. สา จ ปน ปปฏิกา ปาสาณสมฺปหาเรน ภิชฺชิตฺวา อนิมิตฺตกตทิสา เยน วา เตน วา ปตมานา ภควโต ปาเท ปติตา.

‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, สณฺหสุขุมอณุรโช อนิลพลสมาหโต อนิมิตฺตกตทิโส เยน วา เตน วา อภิกิรติ, เอวเมว โข, มหาราช, สา ปปฏิกา ปาสาณสมฺปหาเรน ภิชฺชิตฺวา อนิมิตฺตกตทิสา เยน วา เตน วา ปตมานา ภควโต ปาเท ปติตา. ยทิ ปน, มหาราช, สา ปปฏิกา ปาสาณโต วิสุํ น ภเวยฺย, ตมฺปิ เต เสลา ปาสาณปปฏิกํ อุปฺปติตฺวา คณฺเหยฺยุํ. เอสา ปน, มหาราช, ปปฏิกา น ภูมฏฺา น อากาสฏฺา, ปาสาณสมฺปหารเวเคน ภิชฺชิตฺวา อนิมิตฺตกตทิสา เยน วา เตน วา ปตมานา ภควโต ปาเท ปติตา.

‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, วาตมณฺฑลิกาย อุกฺขิตฺตํ ปุราณปณฺณํ อนิมิตฺตกตทิสํ เยน วา เตน วา ปตติ, เอวเมว โข, มหาราช, เอสา ปปฏิกา ปาสาณสมฺปหารเวเคน อนิมิตฺตกตทิสา เยน วา เตน วา ปตมานา ภควโต ปาเท ปติตา. อปิ จ, มหาราช, อกตฺุสฺส กทริยสฺส เทวทตฺตสฺส ทุกฺขานุภวนาย ปปฏิกา ภควโต ปาเท ปติตา’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต นาคเสน, เอวเมตํ ตถา สมฺปฏิจฺฉามี’’ติ.

ปาทสกลิกาหตปฺโห อฏฺโม.

๙. อคฺคคฺคสมณปฺโห

. ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ภาสิตมฺเปตํ ภควตา ‘อาสวานํ ขยา สมโณ โหตี’ติ. ปุน จ ภณิตํ –

‘‘‘จตุพฺภิ ธมฺเมหิ สมงฺคิภูตํ, ตํ เว นรํ สมณํ อาหุ โลเก’ติ.

ตตฺริเม จตฺตาโร ธมฺมา ขนฺติ อปฺปาหารตา รติวิปฺปหานํ อากิฺจฺํ. สพฺพานิ ปเนตานิ อปริกฺขีณาสวสฺส สกิเลสสฺเสว โหนฺติ. ยทิ, ภนฺเต นาคเสน, อาสวานํ ขยา สมโณ โหติ, เตน หิ ‘จตุพฺภิ ธมฺเมหิ สมงฺคิภูตํ, ตํ เว นรํ สมณํ อาหุ โลเก’ติ ยํ วจนํ, ตํ มิจฺฉา. ยทิ จตุพฺภิ ธมฺเมหิ สมงฺคิภูโต สมโณ โหติ, เตน หิ ‘อาสวานํ ขยา สมโณ โหตี’ติ ตมฺปิ วจนํ มิจฺฉา, อยมฺปิ อุภโต โกฏิโก ปฺโห ตวานุปฺปตฺโต, โส ตยา นิพฺพาหิตพฺโพ’’ติ.

‘‘ภาสิตมฺเปตํ, มหาราช, ภควตา ‘อาสวานํ ขยา สมโณ โหตี’ติ. ปุน จ ภณิตํ ‘จตุพฺภิ ธมฺเมหิ สมงฺคิภูตํ, ตํ เว นรํ สมณํ อาหุ โลเก’ติ. ตทิทํ, มหาราช, วจนํ เตสํ เตสํ ปุคฺคลานํ คุณวเสน ภณิตํ ‘จตุพฺภิ ธมฺเมหิ สมงฺคิภูตํ, ตํ เว นรํ สมณํ อาหุ โลเก’ติ, อิทํ ปน นิรวเสสวจนํ ‘อาสวานํ ขยา สมโณ โหตี’ติ.

‘‘อปิ จ, มหาราช, เย เกจิ กิเลสูปสมาย ปฏิปนฺนา, เต สพฺเพ อุปาทายุปาทาย สมโณ ขีณาสโว อคฺคมกฺขายติ. ยถา, มหาราช, ยานิ กานิจิ ชลชถลชปุปฺผานิ, วสฺสิกํ เตสํ อคฺคมกฺขายติ, อวเสสานิ ยานิ กานิจิ วิวิธานิ ปุปฺผชาตานิ, สพฺพานิ ตานิ ปุปฺผานิ เยว, อุปาทายุปาทาย ปน วสฺสิกํ เยว ปุปฺผํ ชนสฺส ปตฺถิตํ ปิหยิตํ. เอวเมว โข, มหาราช, เย เกจิ กิเลสูปสมาย ปฏิปนฺนา, เต สพฺเพ อุปาทายุปาทาย สมโณ ขีณาสโว อคฺคมกฺขายติ.

‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, สพฺพธฺานํ สาลิ อคฺคมกฺขายติ, ยา กาจิ อวเสสา วิวิธา ธฺชาติโย, ตา สพฺพา อุปาทายุปาทาย โภชนานิ สรีรยาปนาย, สาลิ เยว เตสํ อคฺคมกฺขายติ. เอวเมว โข, มหาราช, เย เกจิ กิเลสูปสมาย ปฏิปนฺนา, เต สพฺเพ อุปาทายุปาทาย สมโณ ขีณาสโว อคฺคมกฺขายตี’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต นาคเสน, เอวเมตํ ตถา สมฺปฏิจฺฉามี’’ติ.

อคฺคคฺคสมณปฺโห นวโม.

๑๐. วณฺณภณนปฺโห

๑๐. ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ภาสิตมฺเปตํ ภควตา ‘มมํ วา, ภิกฺขเว, ปเร วณฺณํ ภาเสยฺยุํ, ธมฺมสฺส วา, สงฺฆสฺส วา วณฺณํ ภาเสยฺยุํ, ตตฺร ตุมฺเหหิ น อานนฺโท, น โสมนสฺสํ, น เจตโส อุปฺปิลาวิตตฺตํ กรณีย’นฺติ ปุน จ ตถาคโต เสลสฺส พฺราหฺมณสฺส ยถาภุจฺเจ วณฺเณ ภฺมาเน อานนฺทิโต สุมโน อุปฺปิลาวิโต ภิยฺโย อุตฺตรึ สกคุณํ ปกิตฺเตสิ –

‘‘‘ราชาหมสฺมิ เสลาติ, ธมฺมราชา อนุตฺตโร;

ธมฺเมน จกฺกํ วตฺเตมิ, จกฺกํ อปฺปฏิวตฺติย’นฺติ [ม. นิ. ๒.๓๙๙].

‘‘ยทิ, ภนฺเต นาคเสน, ภควตา ภณิตํ ‘มมํ วา, ภิกฺขเว, ปเร วณฺณํ ภาเสยฺยุํ, ธมฺมสฺส วา สงฺฆสฺส วา วณฺณํ ภาเสยฺยุํ, ตตฺร ตุมฺเหหิ น อานนฺโท, น โสมนสฺสํ, น เจตโส อุปฺปิลาวิตตฺตํ กรณีย’นฺติ, เตน หิ เสลสฺส พฺราหฺมณสฺส ยถาภุจฺเจ วณฺเณ ภฺมาเน อานนฺทิโต สุมโน อุปฺปิลาวิโต ภิยฺโย อุตฺตรึ สกคุณํ ปกิตฺเตสีติ ยํ วจนํ, ตํ มิจฺฉา. ยทิ เสลสฺส พฺราหฺมณสฺส ยถาภุจฺเจ วณฺเณ ภฺมาเน อานนฺทิโต สุมโน อุปฺปิลาวิโต ภิยฺโย อุตฺตรึ สกคุณํ ปกิตฺเตสิ, เตน หิ ‘มมํ วา, ภิกฺขเว, ปเร วณฺณํ ภาเสยฺยุํ, ธมฺมสฺส วา สงฺฆสฺส วา วณฺณํ ภาเสยฺยุํ, ตตฺร ตุมฺเหหิ น อานนฺโท, น โสมนสฺสํ, น เจตโส อุปฺปิลาวิตตฺตํ กรณีย’นฺติ ตมฺปิ วจนํ มิจฺฉา. อยมฺปิ อุภโต โกฏิโก ปฺโห ตวานุปฺปตฺโต, โส ตยา นิพฺพาหิตพฺโพ’’ติ.

‘‘ภาสิตมฺเปตํ, มหาราช, ภควตา ‘มมํ วา, ภิกฺขเว, ปเร วณฺณํ ภาเสยฺยุํ, ธมฺมสฺส วา สงฺฆสฺส วา วณฺณํ ภาเสยฺยุํ, ตตฺร ตุมฺเหหิ น อานนฺโท, น โสมนสฺสํ, น เจตโส อุปฺปิลาวิตตฺตํ กรณีย’นฺติ. เสลสฺส จ พฺราหฺมณสฺส ยถาภุจฺเจ วณฺเณ ภฺมาเน ภิยฺโย อุตฺตรึ สกคุณํ ปกิตฺติตํ –

‘‘‘ราชาหมสฺมิ เสลาติ, ธมฺมราชา อนุตฺตโร;

ธมฺเมน จกฺกํ วตฺเตมิ, จกฺกํ อปฺปฏิวตฺติย’นฺติ.

‘‘ปมํ, มหาราช, ภควตา ธมฺมสฺส สภาวสรสลกฺขณํ สภาวํ อวิตถํ ภูตํ ตจฺฉํ ตถตฺถํ ปริทีปยมาเนน ภณิตํ ‘มมํ วา ภิกฺขเว, ปเร วณฺณํ ภาเสยฺยุํ, ธมฺมสฺส วา สงฺฆสฺส วา วณฺณํ ภาเสยฺยุํ, ตตฺร ตุมฺเหหิ น อานนฺโท, น โสมนสฺสํ, น เจตโส อุปฺปิลาวิตตฺตํ กรณีย’นฺติ. ยํ ปน ภควตา เสลสฺส พฺราหฺมณสฺส ยถาภุจฺเจ วณฺเณ ภฺมาเน ภิยฺโย อุตฺตรึ สกคุณํ ปกิตฺติตํ ‘ราชาหมสฺมิ เสลาติ, ธมฺมราชา อนุตฺตโร’ติ ตํ น ลาภเหตุ, น ยสเหตุ, น อตฺตเหตุ, น ปกฺขเหตุ, น อนฺเตวาสิกมฺยตาย, อถ โข อนุกมฺปาย การุฺเน หิตวเสน เอวํ อิมสฺส ธมฺมาภิสมโย ภวิสฺสติ ติณฺณฺจ มาณวกสตานนฺติ, เอวํ ภิยฺโย อุตฺตรึ สกคุณํ ภณิตํ ‘ราชาหมสฺมิ เสลาติ, ธมฺมราชา อนุตฺตโร’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต นาคเสน, เอวเมตํ ตถา สมฺปฏิจฺฉามี’’ติ.

วณฺณภณนปฺโห ทสโม.

๑๑. อหึสานิคฺคหปฺโห

๑๑. ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ภาสิตมฺเปตํ ภควตา ‘อหึสยํ ปรํ โลเก, ปิโย โหหิสิ มามโก’ติ. ปุน จ ภณิตํ ‘นิคฺคณฺเห นิคฺคหารหํ, ปคฺคณฺเห ปคฺคหารห’นฺติ. นิคฺคโห นาม, ภนฺเต นาคเสน, หตฺถจฺเฉโท ปาทจฺเฉโท วโธ พนฺธนํ การณา มารณํ สนฺตติวิโกปนํ, น เอตํ วจนํ ภควโต ยุตฺตํ, น จ ภควา อรหติ เอตํ วจนํ วตฺตุํ. ยทิ, ภนฺเต นาคเสน, ภควตา ภณิตํ ‘อหึสยํ ปรํ โลเก, ปิโย โหหิสิ มามโก’’ติ, เตน หิ ‘‘นิคฺคณฺเห นิคฺคหารหํ, ปคฺคณฺเห ปคฺคหารห’’นฺติ ยํ วจนํ, ตํ มิจฺฉา. ยทิ ตถาคเตน ภณิตํ ‘‘นิคฺคณฺเห นิคฺคหารหํ, ปคฺคณฺเห ปคฺคหารห’’นฺติ, เตน หิ ‘‘อหึสยํ ปรํ โลเก, ปิโย โหหิสิ มามโก’’ติ ตมฺปิ วจนํ มิจฺฉา. อยมฺปิ อุภโต โกฏิโก ปฺโห ตวานุปฺปตฺโต, โส ตยา นิพฺพาหิตพฺโพ’’ติ.

‘‘ภาสิตมฺเปตํ, มหาราช, ภควตา ‘อหึสยํ ปรํ โลเก, ปิโย โหหิสิ มามโก’ติ, ภณิตฺจ ‘นิคฺคณฺเห นิคฺคหารหํ, ปคฺคณฺเห ปคฺคหารห’นฺติ. ‘อหึสยํ ปรํ โลเก, ปิโย โหหิสิ มามโก’ติ สพฺเพสํ, มหาราช, ตถาคตานํ อนุมตํ เอตํ, เอสา อนุสิฏฺิ, เอสา ธมฺมเทสนา, ธมฺโม หิ, มหาราช, อหึสาลกฺขโณ, สภาววจนํ เอตํ. ยํ ปน, มหาราช, ตถาคโต อาห ‘นิคฺคณฺเห นิคฺคหารหํ, ปคฺคณฺเห ปคฺคหารห’นฺติ, ภาสา เอสา, อุทฺธตํ, มหาราช, จิตฺตํ นิคฺคเหตพฺพํ, ลีนํ จิตฺตํ ปคฺคเหตพฺพํ. อกุสลํ จิตฺตํ นิคฺคเหตพฺพํ, กุสลํ จิตฺตํ ปคฺคเหตพฺพํ. อโยนิโส มนสิกาโร นิคฺคเหตพฺโพ, โยนิโส มนสิกาโร ปคฺคเหตพฺโพ. มิจฺฉาปฏิปนฺโน นิคฺคเหตพฺโพ, สมฺมาปฏิปนฺโน ปคฺคเหตพฺโพ. อนริโย นิคฺคเหตพฺโพ อริโย ปคฺคเหตพฺโพ. โจโร นิคฺคเหตพฺโพ, อโจโร ปคฺคเหตพฺโพ’’ติ.

‘‘โหตุ, ภนฺเต นาคเสน, อิทานิ ตฺวํ ปจฺจาคโตสิ มม วิสยํ, ยมหํ ปุจฺฉามิ, โส เม อตฺโถ อุปคโต. โจโร ปน, ภนฺเต นาคเสน, นิคฺคณฺหนฺเตน กถํ นิคฺคเหตพฺโพ’’ติ? ‘‘โจโร, มหาราช, นิคฺคณฺหนฺเตน เอวํ นิคฺคเหตพฺโพ, ปริภาสนีโย ปริภาสิตพฺโพ, ทณฺฑนีโย ทณฺเฑตพฺโพ, ปพฺพาชนีโย ปพฺพาเชตพฺโพ, พนฺธนีโย พนฺธิตพฺโพ, ฆาตนีโย ฆาเตตพฺโพ’’ติ. ‘‘ยํ ปน, ภนฺเต นาคเสน, โจรานํ ฆาตนํ, ตํ ตถาคตานํ อนุมต’’นฺติ? ‘‘น หิ, มหาราชา’’ติ. ‘‘กิสฺส ปน โจโร อนุสาสนีโย อนุมโต ตถาคตาน’’นฺติ? ‘‘โย โส, มหาราช, ฆาตียติ, น โส ตถาคตานํ อนุมติยา ฆาตียติ, สยํกเตน โส ฆาตียติ, อปิ จ ธมฺมานุสิฏฺิยา อนุสาสียติ, สกฺกา ปน, มหาราช, ตยา ปุริสํ อการกํ อนปราธํ วีถิยํ จรนฺตํ คเหตฺวา ฆาตยิตุ’’นฺติ? ‘‘น สกฺกา, ภนฺเต’’ติ. ‘‘เกน การเณน, มหาราชา’’ติ? ‘‘อการกตฺตา, ภนฺเต’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, น โจโร ตถาคตานํ อนุมติยา หฺติ, สยํกเตน โส หฺติ, กึ ปเนตฺถ อนุสาสโก กิฺจิ โทสํ อาปชฺชตี’’ติ? ‘‘น หิ ภนฺเต’’ติ. ‘‘เตน หิ, มหาราช, ตถาคตานํ อนุสิฏฺิ สมฺมานุสิฏฺิ โหตี’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต นาคเสน, เอวเมตํ ตถา สมฺปฏิจฺฉามี’’ติ.

อหึสานิคฺคหปฺโห เอกาทสโม.

๑๒. ภิกฺขุปณามิตปฺโห

๑๒. ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ภาสิตมฺเปตํ ภควตา ‘อกฺโกธโน วิคตขิโลหมสฺมี’ติ, ปุน จ ตถาคโต เถเร สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเน สปริเส ปณาเมสิ, กึ นุ โข, ภนฺเต นาคเสน, ตถาคโต กุปิโต ปริสํ ปณาเมสิ, อุทาหุ ตุฏฺโ ปณาเมสิ, เอตํ ตาว ชานาหิ อิมํ นามาติ? ยทิ, ภนฺเต นาคเสน, กุปิโต ปริสํ ปณาเมสิ, เตน หิ ตถาคตสฺส โกโธ อปฺปฏิวตฺติโต, ยทิ ตุฏฺโ ปณาเมสิ, เตน หิ อวตฺถุสฺมึ อชานนฺเตน ปณามิตา. อยมฺปิ อุภโต โกฏิโก ปฺโห ตวานุปฺปตฺโต, โส ตยา นิพฺพาหิตพฺโพ’’ติ.

‘‘ภาสิตมฺเปตํ, มหาราช, ภควตา ‘อกฺโกธโน วิคตขิโลหมสฺมี’ติ, ปณามิตา จ เถรา สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา สปริสา, ตฺจ ปน น โกเปน, อิธ, มหาราช, โกจิเทว ปุริโส มหาปถวิยา มูเล วา ขาณุเก วา ปาสาเณ วา กเล วา วิสเม วา ภูมิภาเค ขลิตฺวา ปตติ, อปิ นุ โข, มหาราช, มหาปถวี กุปิตา ตํ ปาเตตี’’ติ? ‘‘น หิ, ภนฺเต, นตฺถิ มหาปถวิยา โกโป วา ปสาโท วา, อนุนยปฺปฏิฆวิปฺปมุตฺตา มหาปถวี, สยเมว โส อลโส ขลิตฺวา ปติโตติ. เอวเมว โข, มหาราช, นตฺถิ ตถาคตานํ โกโป วา ปสาโท วา, อนุนยปฺปฏิฆวิปฺปมุตฺตา ตถาคตา อรหนฺโต สมฺมาสมฺพุทฺธา, อถ โข สยํ กเตเนว เต อตฺตโน อปราเธน ปณามิตา.

‘‘อิธ ปน, มหาราช, มหาสมุทฺโท น มเตน กุณเปน สํวสติ, ยํ โหติ มหาสมุทฺเท มตํ กุณปํ, ตํ ขิปฺปเมว นิจฺฉุภติ ถลํ อุสฺสาเรติ. อปิ นุ โข, มหาราช, มหาสมุทฺโท กุปิโต ตํ กุณปํ นิจฺฉุภตี’’ติ? ‘‘น หิ, ภนฺเต, นตฺถิ มหาสมุทฺทสฺส โกโป วา ปสาโท วา, อนุนยปฺปฏิฆวิปฺปมุตฺโต มหาสมุทฺโท’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, นตฺถิ ตถาคตานํ โกโป วา ปสาโท วา, อนุนยปฺปฏิฆวิปฺปมุตฺตา ตถาคตา อรหนฺโต สมฺมาสมฺพุทฺธา, อถ โข สยํ กเตเนว เต อตฺตโน อปราเธน ปณามิตา.

‘‘ยถา, มหาราช, ปถวิยา ขลิโต ปตียติ, เอวํ ชินสาสนวเร ขลิโต ปณามียติ. ยถา, มหาราช, สมุทฺเท มตํ กุณปํ นิจฺฉุภียติ, เอวํ ชินสาสนวเร ขลิโต ปณามียติ. ยํ ปน เต, มหาราช, ตถาคโต ปณาเมสิ, เตสํ อตฺถกาโม หิตกาโม สุขกาโม วิสุทฺธิกาโม ‘เอวํ อิเม ชาติชราพฺยาธิมรเณหิ ปริมุจฺจิสฺสนฺตี’ติ ปณาเมสี’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต นาคเสน, เอวเมตํ ตถา สมฺปฏิจฺฉามี’’ติ.

ภิกฺขุปณามิตปฺโห ทฺวาทสโม.

ปณามิตวคฺโค ตติโย.

อิมสฺมึ วคฺเค ทฺวาทส ปฺหา.

๔. สพฺพฺุตาณวคฺโค

๑. อิทฺธิกมฺมวิปากปฺโห

. ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ภาสิตมฺเปตํ ภควตา ‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ อิทฺธิมนฺตานํ ยทิทํ มหาโมคฺคลฺลาโน’ติ. ปุน จ กิร โส ลคุเฬหิ ปริโปถิโต ภินฺนสีโส สฺจุณฺณิตฏฺิมํสธมนิฉินฺนปริคตฺโต ปรินิพฺพุโต [ธมนิมชฺชปริกตฺโต (สี. ปี.), ธมฺมนิมิฺชปริคตฺโต (สฺยา.)]. ยทิ, ภนฺเต นาคเสน, เถโร มหาโมคฺคลฺลาโน อิทฺธิยา โกฏึ คโต, เตน หิ ลคุเฬหิ โปถิโต ปรินิพฺพุโตติ ยํ วจนํ, ตํ มิจฺฉา. ยทิ ลคุเฬหิ ปริโปถิโต ปรินิพฺพุโต, เตน หิ อิทฺธิยา โกฏึ คโตติ ตมฺปิ วจนํ มิจฺฉา. กึ น สมตฺโถ อิทฺธิยา อตฺตโน อุปฆาตํ อปนยิตุํ, สเทวกสฺสปิ โลกสฺส ปฏิสรณํ ภวิตุํ อรโหติ? อยมฺปิ อุภโต โกฏิโก ปฺโห ตวานุปฺปตฺโต, โส ตยา นิพฺพาหิตพฺโพ’’ติ.

‘‘ภาสิตมฺเปตํ, มหาราช, ภควตา ‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ อิทฺธิมนฺตานํ ยทิทํ มหาโมคฺคลฺลาโน’ติ. อายสฺมา จ มหาโมคฺคลฺลาโน ลคุฬหโต ปรินิพฺพุโต, ตฺจ ปน กมฺมาธิคฺคหิเตนา’’ติ.

‘‘นนุ, ภนฺเต นาคเสน, อิทฺธิมโต อิทฺธิวิสโยปิ กมฺมวิปาโกปิ ทฺเว อจินฺติยา, อจินฺติเยน อจินฺติยํ อปนยิตพฺพํ. ยถา นาม, ภนฺเต, เกจิ ผลกามา กปิตฺเถน กปิตฺถํ โปเถนฺติ, อมฺเพน อมฺพํ โปเถนฺติ, เอวเมว โข, ภนฺเต นาคเสน, อจินฺติเยน อจินฺติยํ โปถยิตฺวา อปเนตพฺพ’’นฺติ? ‘‘อจินฺติยานมฺปิ, มหาราช, เอกํ อธิมตฺตํ พลวตรํ, ยถา, มหาราช, มหิยา ราชาโน โหนฺติ สมชจฺจา, สมชจฺจานมฺปิ เตสํ เอโก สพฺเพ อภิภวิตฺวา อาณํ ปวตฺเตติ. เอวเมว โข, มหาราช, เตสํ อจินฺติยานํ กมฺมวิปากํ เยว อธิมตฺตํ พลวตรํ, กมฺมวิปากํ เยว สพฺเพ อภิภวิย อาณํ ปวตฺเตติ, กมฺมาธิคฺคหิตสฺส อวเสสา กิริยา โอกาสํ น ลภนฺติ.

‘‘อิธ ปน, มหาราช, โกจิ ปุริโส กิสฺมิฺจิเทว ปกรเณ อปรชฺฌติ, น ตสฺส มาตา วา ปิตา วา ภคินี วา ภาตโร วา สขี วา สหายกา วา [ภคินิภาตโร วา สขิสหายกา วา (สี. ปี. ก.)] ตายนฺติ, อถ โข ราชา เยว ตตฺถ อภิภวิย อาณํ ปวตฺเตติ. กึ ตตฺถ การณํ? อปราธิกตา. เอวเมว โข, มหาราช, เตสํ อจินฺติยานํ กมฺมวิปากํ เยว อธิมตฺตํ พลวตรํ, กมฺมวิปากํ เยว สพฺเพ อภิภวิย อาณํ ปวตฺเตติ, กมฺมาธิคฺคหิตสฺส อวเสสา กิริยา โอกาสํ น ลภนฺติ.

‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, มหิยา ทวฑาเห สมุฏฺิเต ฆฏสหสฺสมฺปิ อุทกํ น สกฺโกติ นิพฺพาเปตุํ, อถ โข อคฺคิ เยว ตตฺถ อภิภวิย อาณํ ปวตฺเตติ. กึ ตตฺถ การณํ? พลวตา เตชสฺส. เอวเมว โข, มหาราช, เตสํ อจินฺติยานํ กมฺมวิปากํ เยว อธิมตฺตํ พลวตรํ, กมฺมวิปากํ เยว สพฺเพ อภิภวิย อาณํ ปวตฺเตติ, กมฺมาธิคฺคหิตสฺส อวเสสา กิริยา โอกาสํ น ลภนฺติ, ตสฺมา, มหาราช, อายสฺมโต มหาโมคฺคลฺลานสฺส กมฺมาธิคฺคหิตสฺส ลคุเฬหิ โปถิยมานสฺส อิทฺธิยา สมนฺนาหาโร นาโหสี’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต นาคเสน, เอวเมตํ ตถา สมฺปฏิจฺฉามี’’ติ.

อิทฺธิกมฺมวิปากปฺโห ปโม.

๒. ธมฺมวินยปฏิจฺฉนฺนาปฏิจฺฉนฺนปฺโห

. ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ภาสิตมฺเปตํ ภควตา ‘ตถาคตปฺปเวทิโต, ภิกฺขเว, ธมฺมวินโย วิวโฏ วิโรจติ โน ปฏิจฺฉนฺโน’ติ. ปุน จ ปาติโมกฺขุทฺเทโส เกวลฺจ วินยปิฏกํ ปิหิตํ ปฏิจฺฉนฺนํ. ยทิ, ภนฺเต นาคเสน, ชินสาสเน ยุตฺตํ วา ปตฺตํ วา สมยํ ลเภถ, วินยปณฺณตฺติ วิวฏา โสเภยฺย. เกน การเณน? เกวลํ ตตฺถ สิกฺขา สํยโม นิยโม สีลคุณอาจารปณฺณตฺติ อตฺถรโส ธมฺมรโส วิมุตฺติรโส. ยทิ, ภนฺเต นาคเสน, ภควตา ภณิตํ ‘ตถาคตปฺปเวทิโต, ภิกฺขเว, ธมฺมวินโย วิวโฏ วิโรจติ โน ปฏิจฺฉนฺโน’ติ, เตน หิ ‘ปาติโมกฺขุทฺเทโส เกวลฺจ วินยปิฏกํ ปิหิตํ ปฏิจฺฉนฺน’นฺติ ยํ วจนํ, ตํ มิจฺฉา. ยทิ ปาติโมกฺขุทฺเทโส เกวลฺจ วินยปิฏกํ ปิหิตํ ปฏิจฺฉนฺนํ, เตน หิ ‘ตถาคตปฺปเวทิโต, ภิกฺขเว, ธมฺมวินโย วิวโฏ วิโรจติ โน ปฏิจฺฉนฺโน’ติ ตมฺปิ วจนํ มิจฺฉา. อยมฺปิ อุภโต โกฏิโก ปฺโห ตวานุปฺปตฺโต, โส ตยา นิพฺพาหิตพฺโพ’’ติ.

‘‘ภาสิตมฺเปตํ, มหาราช, ภควตา ‘ตถาคตปฺปเวทิโต, ภิกฺขเว, ธมฺมวินโย วิวโฏ วิโรจติ โน ปฏิจฺฉนฺโน’ติ. ปุน จ ปาติโมกฺขุทฺเทโส เกวลฺจ วินยปิฏกํ ปิหิตํ ปฏิจฺฉนฺนํ, ตฺจ ปน น สพฺเพสํ, สีมํ กตฺวา ปิหิตํ.

‘‘ติวิเธน, มหาราช, ภควตา ปาติโมกฺขุทฺเทโส สีมํ กตฺวา ปิหิโต, ปุพฺพกานํ ตถาคตานํ วํสวเสน ปาติโมกฺขุทฺเทโส สีมํ กตฺวา ปิหิโต, ธมฺมสฺส ครุกตฺตา ปิหิโต, ภิกฺขุภูมิยา ครุกตฺตา ปิหิโต.

‘‘กถํ ปุพฺพกานํ ตถาคตานํ วํสวเสน ปาติโมกฺขุทฺเทโส สีมํ กตฺวา ปิหิโต, เอโส วํโส, มหาราช, สพฺเพสํ ปุพฺพกานํ ตถาคตานํ ยทิทํ ภิกฺขุมชฺเฌ ปาติโมกฺขุทฺเทโส อวเสสานํ ปิหิโต. ยถา, มหาราช, ขตฺติยานํ ขตฺติยมายา ขตฺติเยสุ เยว จรติ, เอวเมตํ ขตฺติยานํ โลกสฺส ปเวณี อวเสสานํ ปิหิตา. เอวเมว โข, มหาราช, เอโส วํโส สพฺเพสํ ปุพฺพกานํ ตถาคตานํ ยทิทํ ภิกฺขุมชฺเฌ ปาติโมกฺขุทฺเทโส อวเสสานํ ปิหิโต.

‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, มหิยา คณา วตฺตนฺติ, เสยฺยถิทํ, มลฺลา อโตณา ปพฺพตา ธมฺมคิริยา พฺรหฺมคิริยา นฏกา นจฺจกา ลงฺฆกา ปิสาจา มณิภทฺทา ปุณฺณพทฺธา จนฺทิมสูริยา สิริเทวตา กาลิเทวตา, สิวา วสุเทวา ฆนิกา อสิปาสา ภทฺทิปุตฺตาติ, เตสํ เตสํ รหสฺสํ เตสุ เตสุ คเณสุ เยว จรติ, อวเสสานํ ปิหิตํ. เอวเมว โข, มหาราช, เอโส วํโส สพฺเพสํ ปุพฺพกานํ ตถาคตานํ ยทิทํ ภิกฺขุมชฺเฌ ปาติโมกฺขุทฺเทโส อวเสสานํ ปิหิโต. เอวํ ปุพฺพกานํ ตถาคตานํ วํสวเสน ปาติโมกฺขุทฺเทโส สีมํ กตฺวา ปิหิโต.

‘‘กถํ ธมฺมสฺส ครุกตฺตา ปาติโมกฺขุทฺเทโส สีมํ กตฺวา ปิหิโต? ธมฺโม, มหาราช, ครุโก ภาริโย, ตตฺถ สมฺมตฺตการี อฺํ อาราเธติ, ตํ ตตฺถ ปรมฺปราสมฺมตฺตการิตาย ปาปุณาติ, น ตํ ตตฺถ ปรมฺปราสมฺมตฺตการิตาย ปาปุณาติ, มา จายํ สารธมฺโม วรธมฺโม อสมฺมตฺตการีนํ หตฺถคโต โอฺาโต อวฺาโต หีฬิโต ขีฬิโต ครหิโต ภวตุ, มา จายํ สารธมฺโม วรธมฺโม ทุชฺชนคโต โอฺาโต อวฺาโต หีฬิโต ขีฬิโต ครหิโต ภวตูติ. เอวํ ธมฺมสฺส ครุกตฺตา ปาติโมกฺขุทฺเทโส สีมํ กตฺวา ปิหิโต.

‘‘ยถา, มหาราช, สารวรปวรอภิชาตชาติมนฺตรตฺตโลหิตจนฺทนํ นาม สวรปุรมนุคตํ โอฺาตํ อวฺาตํ หีฬิตํ ขีฬิตํ ครหิตํ ภวติ, เอวเมว โข, มหาราช, มา จายํ สารธมฺโม วรธมฺโม ปรมฺปราอสมฺมตฺตการีนํ หตฺถคโต โอฺาโต อวฺาโต หีฬิโต ขีฬิโต ครหิโต ภวตุ, มา จายํ สารธมฺโม วรธมฺโม ทุชฺชนคโต โอฺาโต อวฺาโต หีฬิโต ขีฬิโต ครหิโต ภวตูติ. เอวํ ธมฺมสฺส ครุกตฺตา ปาติโมกฺขุทฺเทโส สีมํ กตฺวา ปิหิโต.

‘‘กถํ ภิกฺขุภูมิยา ครุกตฺตา ปาติโมกฺขุทฺเทโส สีมํ กตฺวา ปิหิโต, ภิกฺขุภาโว โข, มหาราช, โลเก อตุลิโย อปฺปมาโณ อนคฺฆิโย, น สกฺกา เกนจิ อคฺฆาเปตุํ ตุเลตุํ ปริเมตุํ, มายํ เอวรูเป ภิกฺขุภาเว ิโต โลเกน สมสโม ภวตูติ ภิกฺขูนํ เยว อนฺตเร ปาติโมกฺขุทฺเทโส จรติ. ยถา, มหาราช, โลเก วรปวรภณฺฑํ วตฺถํ วา อตฺถรณํ วา คชตุรงฺครถสุวณฺณรชตมณิมุตฺตาอิตฺถิรตนาทีนิ วา วิชิตกมฺมสูรา วา [นิชฺชิตกมฺมสูรา วา (สี. ปี.)] สพฺเพ เต ราชานมุปคจฺฉนฺติ, เอวเมว โข, มหาราช, ยาวตา โลเก [โลเก สิกฺขา (สี. ปี.)] สุคตาคมปริยตฺติอาจารสํยมสีลสํวรคุณา, สพฺเพ เต ภิกฺขุสงฺฆมุปคตา ภวนฺติ. เอวํ ภิกฺขุภูมิยา ครุกตฺตา ปาติโมกฺขุทฺเทโส สีมํ กตฺวา ปิหิโต’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต นาคเสน, เอวเมตํ ตถา สมฺปิฏิจฺฉามี’’ติ.

ธมฺมวินยปฏิจฺฉนฺนาปฏิจฺฉนฺนปฺโห ทุติโย.

๓. มุสาวาทครุลหุภาวปฺโห

. ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ภาสิตมฺเปตํ ภควตา ‘สมฺปชานมุสาวาเท ปาราชิโก โหตี’ติ. ปุน จ ภณิตํ ‘สมฺปชานมุสาวาเท ลหุกํ อาปตฺตึ อาปชฺชติ เอกสฺส สนฺติเก เทสนาวตฺถุก’นฺติ. ภนฺเต นาคเสน, โก ปเนตฺถ วิเสโส, กึ การณํ, ยฺเจเกน มุสาวาเทน อุจฺฉิชฺชติ, ยฺเจเกน มุสาวาเทน สเตกิจฺโฉ โหติ? ยทิ, ภนฺเต นาคเสน, ภควตา ภณิตํ ‘สมฺปชานมุสาวาเท ปาราชิโก โหตี’ติ, เตน หิ ‘สมฺปชานมุสาวาเท ลหุกํ อาปตฺตึ อาปชฺชติ เอกสฺส สนฺติเก เทสนาวตฺถุก’นฺติ ยํ วจนํ, ตํ มิจฺฉา. ยทิ ตถาคเตน ภณิตํ ‘สมฺปชานมุสาวาเท ลหุกํ อาปตฺตึ อาปชฺชติ เอกสฺส สนฺติเก เทสนาวตฺถุก’นฺติ, เตน หิ ‘สมฺปชานมุสาวาเท ปาราชิโก โหตี’ติ ตมฺปิ วจนํ มิจฺฉา. อยมฺปิ อุภโต โกฏิโก ปฺโห ตวานุปฺปตฺโต, โส ตยา นิพฺพาหิตพฺโพ’’ติ.

‘‘ภาสิตมฺเปตํ, มหาราช, ภควตา ‘สมฺปชานมุสาวาเท ปาราชิโก โหตี’ติ. ภณิตฺจ ‘สมฺปชานมุสาวาเท ลหุกํ อาปตฺตึ อาปชฺชติ เอกสฺส สนฺติเก เทสนาวตฺถุก’นฺติ, ตฺจ ปน วตฺถุวเสน ครุกลหุกํ โหติ. ตํ กึ มฺสิ, มหาราช, อิธ โกจิ ปุริโส ปรสฺส ปาณินา ปหารํ ทเทยฺย, ตสฺส ตุมฺเห กึ ทณฺฑํ ธาเรถา’’ติ? ‘‘ยทิ โส, ภนฺเต, อาห ‘นกฺขมามี’ติ, ตสฺส มยํ อกฺขมมาเน กหาปณํ หราเปมา’’ติ ‘‘อิธ ปน, มหาราช, โส เยว ปุริโส ตว ปาณินา ปหารํ ทเทยฺย, ตสฺส ปน โก ทณฺโฑ’’ติ? ‘‘หตฺถมฺปิสฺส, ภนฺเต, เฉทาเปยฺยาม, ปาทมฺปิ เฉทาเปยฺยาม, ยาว สีสํ กฬีรจฺเฉชฺชํ เฉทาเปยฺยาม, สพฺพมฺปิ ตํ เคหํ วิลุมฺปาเปยฺยาม, อุภโตปกฺเข [อุภโตปสฺเส (สี. ปี. ก.)] ยาว สตฺตมํ กุลํ สมุคฺฆาตาเปยฺยามา’’ติ. ‘‘โก ปเนตฺถ, มหาราช, วิเสโส, กึ การณํ, ยํ เอกสฺส ปาณิปฺปหาเร สุขุโม กหาปโณ ทณฺโฑ, ยํ ตว ปาณิปฺปหาเร หตฺถจฺเฉชฺชํ ปาทจฺเฉชฺชํ ยาว กฬีรจฺเฉชฺชํ สพฺพเคหาทานํ อุภโตปกฺเข ยาว สตฺตมกุลา สมุคฺฆาโต’’ติ? ‘‘มนุสฺสนฺตเรน, ภนฺเต’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, สมฺปชานมุสาวาโท วตฺถุวเสน ครุกลหุโก โหตี’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต นาคเสน, เอวเมตํ ตถา สมฺปฏิจฺฉามี’’ติ.

มุสาวาทครุลหุภาวปฺโห ตติโย.

๔. โพธิสตฺตธมฺมตาปฺโห

. ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ภาสิตมฺเปตํ ภควตา ธมฺมตาธมฺมปริยาเย ‘ปุพฺเพว โพธิสตฺตานํ มาตาปิตโร นิยตา โหนฺติ, โพธิ นิยตา โหติ, อคฺคสาวกา นิยตา โหนฺติ, ปุตฺโต นิยโต โหติ, อุปฏฺาโก นิยโต โหตี’ติ. ปุน จ ตุมฺเห ภณถ ‘ตุสิเต กาเย ิโต โพธิสตฺโต อฏฺ มหาวิโลกนานิ วิโลเกติ, กาลํ วิโลเกติ, ทีปํ วิโลเกติ, เทสํ วิโลเกติ, กุลํ วิโลเกติ, ชเนตฺตึ วิโลเกติ, อายุํ วิโลเกติ, มาสํ วิโลเกติ, เนกฺขมฺมํ วิโลเกตี’ติ. ภนฺเต นาคเสน, อปริปกฺเก าเณ พุชฺฌนํ นตฺถิ, ปริปกฺเก าเณ น สกฺกา นิเมสนฺตรมฺปิ อาคเมตุํ, อนติกฺกมนียํ ปริปกฺกมานสํ. กสฺมา โพธิสตฺโต กาลํ วิโลเกหิ ‘กมฺหิ กาเล อุปฺปชฺชามี’ติ. อปริปกฺเก าเณ พุชฺฌนํ นตฺถิ, ปริปกฺเก าเณ น สกฺกา นิเมสนฺตรมฺปิ อาคเมตุํ, กสฺมา โพธิสตฺโต กุลํ วิโลเกติ ‘กุมฺหิ กุเล อุปฺปชฺชามี’ติ. ยทิ, ภนฺเต นาคเสน, ปุพฺเพว โพธิสตฺตสฺส มาตาปิตโร นิยตา, เตน หิ ‘กุลํ วิโลเกตี’ติ ยํ วจนํ, ตํ มิจฺฉา. ยทิ กุลํ วิโลเกติ, เตน หิ ‘ปุพฺเพว โพธิสตฺตสฺส มาตาปิตโร นิยตา’ติ ตมฺปิ วจนํ มิจฺฉา. อยมฺปิ อุภโต โกฏิโก ปฺโห ตวานุปฺปตฺโต, โส ตยา นิพฺพาหิตพฺโพ’’ติ.

‘‘นิยตา, มหาราช, ปุพฺเพว โพธิสตฺตสฺส มาตาปิตโร, กุลฺจ โพธิสตฺโต วิโลเกติ. กินฺติ ปน กุลํ วิโลเกติ ‘เย เม มาตาปิตโร, เต ขตฺติยา อุทาหุ พฺราหฺมณา’ติ. เอวํ กุลํ วิโลเกติ.

‘‘อฏฺนฺนํ, มหาราช, ปุพฺเพว อนาคตํ โอโลเกตพฺพํ โหติ. กตเมสํ อฏฺนฺนํ? วาณิชสฺส, มหาราช, ปุพฺเพว วิกฺกยภณฺฑํ โอโลเกตพฺพํ โหติ, หตฺถินาคสฺส ปุพฺเพว โสณฺฑาย อนาคโต มคฺโค โอโลเกตพฺโพ โหติ, สากฏิกสฺส ปุพฺเพว อนาคตํ ติตฺถํ โอโลเกตพฺพํ โหติ, นิยามกสฺส ปุพฺเพว อนาคตํ ตีรํ โอโลเกตฺวา นาวา เปเสตพฺพา โหติ, ภิสกฺกสฺส ปุพฺเพว อายุํ โอโลเกตฺวา อาตุโร อุปสงฺกมิตพฺโพ โหติ, อุตฺตรเสตุสฺส ปุพฺเพว ถิราถิรภาวํ ชานิตฺวา อภิรุหิตพฺพํ โหติ, ภิกฺขุสฺส ปุพฺเพว อนาคตํ กาลํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา โภชนํ ภุฺชิตพฺพํ โหติ, โพธิสตฺตานํ ปุพฺเพว กุลํ โอโลเกตพฺพํ โหติ ‘ขตฺติยกุลํ วา พฺราหฺมณกุลํ วา’ติ. อิเมสํ โข, มหาราช, อฏฺนฺนํ ปุพฺเพว อนาคตํ โอโลเกตพฺพํ โหตี’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต นาคเสน, เอวเมตํ ตถา สมฺปฏิจฺฉามี’’ติ.

โพธิสตฺตธมฺมตาปฺโห จตุตฺโถ.

๕. อตฺตนิปาตนปฺโห

. ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ภาสิตมฺเปตํ ภควตา ‘น, ภิกฺขเว, อตฺตานํ ปาเตตพฺพํ, โย ปาเตยฺย, ยถาธมฺโม กาเรตพฺโพ’ติ. ปุน จ ตุมฺเห ภณถ ‘ยตฺถ กตฺถจิ ภควา สาวกานํ ธมฺมํ เทสยมาโน อเนกปริยาเยน ชาติยา ชราย พฺยาธิโน มรณสฺส สมุจฺเฉทาย ธมฺมํ เทเสติ, โย หิ โกจิ ชาติชราพฺยาธิมรณํ สมติกฺกมติ, ตํ ปรมาย ปสํสาย ปสํสตี’ติ. ยทิ, ภนฺเต นาคเสน, ภควตา ภณิตํ ‘น, ภิกฺขเว, อตฺตานํ ปาเตตพฺพํ, โย ปาเตยฺย, ยถาธมฺโม กาเรตพฺโพ’ติ, เตน หิ ‘ชาติยา ชราย พฺยาธิโน มรณสฺส สมุจฺเฉทาย ธมฺมํ เทเสตี’ติ ยํ วจนํ, ตํ มิจฺฉา. ยทิ ชาติยา ชราย พฺยาธิโน มรณสฺส สมุจฺเฉทาย ธมฺมํ เทเสติ, เตน หิ ‘น, ภิกฺขเว, อตฺตานํ ปาเตตพฺพํ, โย ปาเตยฺย, ยถาธมฺโม กาเรตพฺโพ’’ติ ตมฺปิ วจนํ มิจฺฉา. อยมฺปิ อุภโต โกฏิโก ปฺโห ตวานุปฺปตฺโต, โส ตยา นิพฺพาหิตพฺโพ’’ติ.

‘‘ภาสิตมฺเปตํ, มหาราช, ภควตา ‘น, ภิกฺขเว, อตฺตานํ ปาเตตพฺพํ, โย ปาเตยฺย, ยถาธมฺโม กาเรตพฺโพ’ติ. ยตฺถ กตฺถจิ ภควตา สาวกานํ ธมฺมํ เทสยามาเนน จ อเนกปริยาเยน ชาติยา ชราย พฺยาธิโน มรณสฺส สมุจฺเฉทาย ธมฺโม เทสิโต, ตตฺถ ปน การณํ อตฺถิ, เยน ภควา การเณน ปฏิกฺขิปิ สมาทเปสิ จา’’ติ.

‘‘กึ ปเนตฺถ, ภนฺเต นาคเสน, การณํ, เยน ภควา การเณน ปฏิกฺขิปิ สมาทเปสิ จา’’ติ? ‘‘สีลวา, มหาราช, สีลสมฺปนฺโน อคทสโม สตฺตานํ กิเลสวิสวินาสเน, โอสธสโม สตฺตานํ กิเลสพฺยาธิวูปสเม, อุทกสโม สตฺตานํ กิเลสรโชชลฺลาปหรเณ, มณิรตนสโม สตฺตานํ สพฺพสมฺปตฺติทาเน, นาวาสโม สตฺตานํ จตุโรฆปารคมเน, สตฺถวาหสโม สตฺตานํ ชาติกนฺตารตารเณ, วาตสโม สตฺตานํ ติวิธคฺคิสนฺตาปนิพฺพาปเน, มหาเมฆสโม สตฺตานํ มานสปริปูรเณ, อาจริยสโม สตฺตานํ กุสลสิกฺขาปเน, สุเทสกสโม สตฺตานํ เขมปถมาจิกฺขเณ. เอวรูโป, มหาราช, พหุคุโณ อเนกคุโณ อปฺปมาณคุโณ คุณราสิ คุณปุฺโช สตฺตานํ วฑฺฒิกโร สีลวา ‘มา วินสฺสี’ติ สตฺตานํ อนุกมฺปาย ภควา สิกฺขาปทํ ปฺเปสิ ‘น, ภิกฺขเว, อตฺตานํ ปาเตตพฺพํ, โย ปาเตยฺย, ยถาธมฺโม กาเรตพฺโพ’ติ. อิทเมตฺถ, มหาราช, การณํ, เยน การเณน ภควา ปฏิกฺขิปิ. ภาสิตมฺเปตํ, มหาราช, เถเรน กุมารกสฺสเปน วิจิตฺรกถิเกน ปายาสิราชฺสฺส ปรโลกํ ทีปยมาเนน ‘ยถา ยถา โข ราชฺ สมณพฺราหฺมณา สีลวนฺโต กลฺยาณธมฺมา จิรํ ทีฆมทฺธานํ ติฏฺนฺติ, ตถา ตถา พหุํ ปุฺํ ปสวนฺติ, พหุชนหิตาย จ ปฏิปชฺชนฺติ พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสาน’นฺติ.

‘‘เกน ปน การเณน ภควา สมาทเปสิ? ชาติปิ, มหาราช, ทุกฺขา, ชราปิ ทุกฺขา, พฺยาธิปิ ทุกฺโข, มรณมฺปิ ทุกฺขํ, โสโกปิ ทุกฺโข, ปริเทโวปิ ทุกฺโข, ทุกฺขมฺปิ ทุกฺขํ, โทมนสฺสมฺปิ ทุกฺขํ, อุปายาโสปิ ทุกฺโข, อปฺปิเยหิ สมฺปโยโคปิ ทุกฺโข, ปิเยหิ วิปฺปโยโคปิ ทุกฺโข, มาตุมรณมฺปิ ทุกฺขํ, ปิตุมรณมฺปิ ทุกฺขํ, ภาตุมรณมฺปิ ทุกฺขํ, ภคินิมรณมฺปิ ทุกฺขํ, ปุตฺตมรณมฺปิ ทุกฺขํ, ทารมรณมฺปิ ทุกฺขํ, ทาสมรณมฺปิ ทุกฺขํ [อิทํ วากฺยํ สี. ปี. โปตฺถเกสุ นตฺถิ], าติมรณมฺปิ ทุกฺขํ, าติพฺยสนมฺปิ ทุกฺขํ, โรคพฺยสนมฺปิ ทุกฺขํ, โภคพฺยสนมฺปิ ทุกฺขํ, สีลพฺยสนมฺปิ ทุกฺขํ, ทิฏฺิพฺยสนมฺปิ ทุกฺขํ, ราชภยมฺปิ ทุกฺขํ, โจรภยมฺปิ ทุกฺขํ, เวริภยมฺปิ ทุกฺขํ, ทุพฺภิกฺขภยมฺปิ ทุกฺขํ, อคฺคิภยมฺปิ ทุกฺขํ, อุทกภยมฺปิ ทุกฺขํ, อูมิภยมฺปิ ทุกฺขํ, อาวฏฺฏภยมฺปิ ทุกฺขํ, กุมฺภีลภยมฺปิ ทุกฺขํ, สุสุกาภยมฺปิ ทุกฺขํ, อตฺตานุวาทภยมฺปิ ทุกฺขํ, ปรานุวาทภยมฺปิ ทุกฺขํ, ทณฺฑภยมฺปิ ทุกฺขํ, ทุคฺคติภยมฺปิ ทุกฺขํ, ปริสาสารชฺชภยมฺปิ ทุกฺขํ, อาชีวกภยมฺปิ ทุกฺขํ, มรณภยมฺปิ ทุกฺขํ, เวตฺเตหิ ตาฬนมฺปิ ทุกฺขํ, กสาหิ ตาฬนมฺปิ ทุกฺขํ, อทฺธทณฺฑเกหิ ตาฬนมฺปิ ทุกฺขํ, หตฺถจฺเฉทนมฺปิ ทุกฺขํ, ปาทจฺเฉทนมฺปิ ทุกฺขํ, หตฺถปาทจฺเฉทนมฺปิ ทุกฺขํ, กณฺณจฺเฉทนมฺปิ ทุกฺขํ, นาสจฺเฉทนมฺปิ ทุกฺขํ, กณฺณนาสจฺเฉทนมฺปิ ทุกฺขํ, พิลงฺคถาลิกมฺปิ ทุกฺขํ, สงฺขมุณฺฑิกมฺปิ ทุกฺขํ, ราหุมุขมฺปิ ทุกฺขํ, โชติมาลิกมฺปิ ทุกฺขํ, หตฺถปชฺโชติกมฺปิ ทุกฺขํ, เอรกวตฺติกมฺปิ ทุกฺขํ, จีรกวาสิกมฺปิ ทุกฺขํ, เอเณยฺยกมฺปิ ทุกฺขํ, พฬิสมํสิกมฺปิ ทุกฺขํ, กหาปณิกมฺปิ ทุกฺขํ, ขาราปตจฺฉิกมฺปิ ทุกฺขํ, ปลิฆปริวตฺติกมฺปิ ทุกฺขํ, ปลาลปีกมฺปิ ทุกฺขํ, ตตฺเตน เตเลน โอสิฺจนมฺปิ ทุกฺขํ, สุนเขหิ ขาทาปนมฺปิ ทุกฺขํ, ชีวสูลาโรปนมฺปิ ทุกฺขํ, อสินา สีสจฺเฉทนมฺปิ ทุกฺขํ, เอวรูปานิ, มหาราช, พหุวิธานิ อเนกวิธานิ ทุกฺขานิ สํสารคโต อนุภวติ.

‘‘ยถา, มหาราช, หิมวนฺตปพฺพเต อภิวุฏฺํ อุทกํ คงฺคาย นทิยา ปาสาณ สกฺขร ขร มรุมฺพ อาวฏฺฏ คคฺคลก อูมิกวงฺกจทิก อาวรณนีวรณมูลกสาขาสุ ปริโยตฺถรติ, เอวเมว โข, มหาราช, เอวรูปานิ พหุวิธานิ อเนกวิธานิ ทุกฺขานิ สํสารคโต อนุภวติ. ปวตฺตํ, มหาราช, ทุกฺขํ, อปฺปวตฺตํ สุขํ. อปฺปวตฺตสฺส คุณํ ปวตฺตสฺส [ปวตฺเต (สี. ปี. ก.)] จ ภยํ ทีปยมาโน, มหาราช, ภควา อปฺปวตฺตสฺส สจฺฉิกิริยาย ชาติชราพฺยาธิมรณสมติกฺกมาย สมาทเปสิ, อิทเมตฺถ, มหาราช, การณํ, เยน การเณน ภควา สมาทเปสี’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต นาคเสน, สุนิพฺเพิโต ปฺโห, สุกถิตํ การณํ, เอวเมตํ ตถา สมฺปฏิจฺฉามี’’ติ.

อตฺตนิปาตนปฺโห ปฺจโม.

๖. เมตฺตาภาวนานิสํสปฺโห

. ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ภาสิตมฺเปตํ ภควตา ‘เมตฺตาย, ภิกฺขเว, เจโตวิมุตฺติยา อาเสวิตาย ภาวิตาย พหุลีกตาย ยานีกตาย วตฺถุกตาย อนุฏฺิตาย ปริจิตาย สุสมารทฺธาย เอกาทสานิสํสา ปาฏิกงฺขา. กตเม เอกาทส? สุขํ สุปติ, สุขํ ปฏิพุชฺฌติ, น ปาปกํ สุปินํ ปสฺสติ, มนุสฺสานํ ปิโย โหติ, อมนุสฺสานํ ปิโย โหติ, เทวตา รกฺขนฺติ, นาสฺส อคฺคิ วา วิสํ วา สตฺถํ วา กมติ [สตฺถํ กมติ (สฺยา.) อ. นิ. ๑๑.๑๕ ปสฺสิตพฺพํ], ตุวฏํ จิตฺตํ สมาธิยติ, มุขวณฺโณ วิปฺปสีทติ, อสมฺมูฬฺโห กาลํ กโรติ, อุตฺตรึ อปฺปฏิวิชฺฌนฺโต พฺรหฺมโลกูปโค โหตี’ติ. ปุน จ ตุมฺเห ภณถ ‘สาโม กุมาโร เมตฺตาวิหารี มิคสงฺเฆน ปริวุโต ปวเน วิจรนฺโต ปีฬิยกฺเขน รฺา วิทฺโธ วิสปีเตน สลฺเลน ตตฺเถว มุจฺฉิโต ปติโต’ติ.

‘‘ยทิ, ภนฺเต นาคเสน, ภควตา ภณิตํ ‘เมตฺตาย ภิกฺขเว…เป… พฺรหฺมโลกูปโค โหตี’ติ, เตน หิ ‘‘สาโม กุมาโร เมตฺตาวิหารี มิคสงฺเฆน ปริวุโต ปวเน วิจรนฺโต ปีฬิยกฺเขน รฺา วิทฺโธ วิสปีเตน สลฺเลน ตตฺเถว มุจฺฉิโต ปติโต’ติ ยํ วจนํ, ตํ มิจฺฉา. ยทิ สาโม กุมาโร เมตฺตาวิหารี มิคสงฺเฆน ปริวุโต ปวเน วิจรนฺโต ปีฬิยกฺเขน รฺา วิทฺโธ วิสปีเตน สลฺเลน ตตฺเถว มุจฺฉิโต ปติโต, เตน หิ ‘เมตฺตาย, ภิกฺขเว…เป… สตฺถํ วา กมตี’ติ ตมฺปิ วจนํ มิจฺฉา. อยมฺปิ อุภโต โกฏิโก ปฺโห สุนิปุโณ ปริสณฺโห สุขุโม คมฺภีโร, อปิ สุนิปุณานํ มนุชานํ คตฺเต เสทํ โมเจยฺย, โส ตวานุปฺปตฺโต, วิชเฏหิ ตํ มหาชฏาชฏิตํ, อนาคตานํ ชินปุตฺตานํ จกฺขุํ เทหิ นิพฺพาหนายา’’ติ.

‘‘ภาสิตมฺเปตํ, มหาราช, ภควตา ‘เมตฺตาย ภิกฺขเว…เป... สตฺถํ วา กมตี’ติ. สาโม จ กุมาโร เมตฺตาวิหารี มิคสงฺเฆน ปริวุโต ปวเน วิจรนฺโต ปีฬิยกฺเขน รฺา วิทฺโธ วิสปีเตน สลฺเลน ตตฺเถว มุจฺฉิโต ปติโต, ตตฺถ ปน, มหาราช, การณํ อตฺถิ. กตมํ ตตฺถ การณํ? เนเต, มหาราช, คุณา ปุคฺคลสฺส, เมตฺตาภาวนาเยเต คุณา, สาโม, มหาราช, กุมาโร ฆฏํ อุกฺขิปนฺโต ตสฺมึ ขเณ เมตฺตาภาวนาย ปมตฺโต อโหสิ.

‘‘ยสฺมึ, มหาราช, ขเณ ปุคฺคโล เมตฺตํ สมาปนฺโน โหติ, น ตสฺส ปุคฺคลสฺส ตสฺมึ ขเณ อคฺคิ วา วิสํ วา สตฺถํ วา กมติ. ตสฺส เย เกจิ อหิตกามา อุปคนฺตฺวา ตํ น ปสฺสนฺติ, น ตสฺมึ โอกาสํ ลภนฺติ. เนเต, มหาราช, คุณา ปุคฺคลสฺส, เมตฺตาภาวนาเยเต คุณา. อิธ, มหาราช, ปุริโส สงฺคามสูโร อเภชฺชกวจชาลิกํ สนฺนยฺหิตฺวา สงฺคามํ โอตเรยฺย, ตสฺส สรา ขิตฺตา อุปคนฺตฺวา ปตนฺติ วิกิรนฺติ, น ตสฺมึ โอกาสํ ลภนฺติ, เนโส, มหาราช, คุโณ สงฺคามสูรสฺส, อเภชฺชกวจชาลิกาเยโส คุโณ, ยสฺส สรา ขิตฺตา อุปคนฺตฺวา ปตนฺติ วิกิรนฺติ. เอวเมว โข, มหาราช, เนเต คุณา ปุคฺคลสฺส, เมตฺตาภาวนาเยเต คุณา.

‘‘ยสฺมึ, มหาราช, ขเณ ปุคฺคโล เมตฺตํ สมาปนฺโน โหติ, น ตสฺส ปุคฺคลสฺส ตสฺมึ ขเณ อคฺคิ วา วิสํ วา สตฺถํ วา กมติ. ตสฺส เย เกจิ อหิตกามา อุปคนฺตฺวา ตํ น ปสฺสนฺติ, ตสฺมึ โอกาสํ น ลภนฺติ, เนเต, มหาราช, คุณา ปุคฺคลสฺส, เมตฺตาภาวนาเยเต คุณา. อิธ ปน, มหาราช, ปุริโส ทิพฺพํ อนฺตรธานํ มูลํ หตฺเถ กเรยฺย, ยาว ตํ มูลํ ตสฺส หตฺถคตํ โหติ, ตาว น อฺโ โกจิ ปกติมนุสฺโส ตํ ปุริสํ ปสฺสติ. เนโส, มหาราช, คุโณ ปุริสสฺส, มูลสฺเสโส คุโณ อนฺตรธานสฺส, ยํ โส ปกติมนุสฺสานํ จกฺขุปเถ น ทิสฺสติ. เอวเมว โข, มหาราช, เนเต คุณา ปุคฺคลสฺส, เมตฺตาภาวนาเยเต คุณา.

‘‘ยสฺมึ, มหาราช, ขเณ ปุคฺคโล เมตฺตํ สมาปนฺโน โหติ, น ตสฺส ปุคฺคลสฺส ตสฺมึ ขเณ อคฺคิ วา วิสํ วา สตฺถํ วา กมติ. ตสฺส เย เกจิ อหิตกามา อุปคนฺตฺวา ตํ น ปสฺสนฺติ, น ตสฺมึ โอกาสํ ลภนฺติ. เนเต, มหาราช, คุณา ปุคฺคลสฺส, เมตฺตาภาวนาเยเต คุณา. ยถา วา ปน, มหาราช, ปุริสํ สุกตํ มหาเลณมนุปฺปวิฏฺํ มหติมหาเมโฆ อภิวสฺสนฺโต น สกฺโกติ เตมยิตุํ, เนโส, มหาราช, คุโณ ปุริสสฺส, มหาเลณสฺเสโส คุโณ, ยํ มหาเมโฆ อภิวสฺสมาโน น ตํ เตเมติ. เอวเมว โข, มหาราช, เนเต คุณา ปุคฺคลสฺส, เมตฺตาภาวนาเยเต คุณา.

‘‘ยสฺมึ, มหาราช, ขเณ ปุคฺคโล เมตฺตํ สมาปนฺโน โหติ, น ตสฺส ปุคฺคลสฺส ตสฺมึ ขเณ อคฺคิ วา วิสํ วา สตฺถํ วา กมติ. ตสฺส เย เกจิ อหิตกามา อุปคนฺตฺวา ตํ น ปสฺสนฺติ, น ตสฺส สกฺโกนฺติ อหิตํ กาตุํ เนเต, มหาราช, คุณา ปุคฺคลสฺส, เมตฺตาภาวนาเยเต คุณา’’ติ. ‘‘อจฺฉริยํ, ภนฺเต นาคเสน, อพฺภุตํ ภนฺเต นาคเสน, สพฺพปาปนิวารณา เมตฺตาภาวนา’’ติ. ‘‘สพฺพกุสลคุณาวหา, มหาราช, เมตฺตาภาวนา หิตานมฺปิ อหิตานมฺปิ, เย เต สตฺตา วิฺาณพทฺธา, สพฺเพสํ มหานิสํสา เมตฺตาภาวนา สํวิภชิตพฺพา’’ติ.

เมตฺตาภาวนานิสํสปฺโห ฉฏฺโ.

๗. กุสลากุสลสมวิสมปฺโห

. ‘‘ภนฺเต นาคเสน ‘กุสลการิสฺสปิ อกุสลการิสฺสปิ วิปาโก สมสโม, อุทาหุ โกจิ วิเสโส อตฺถี’ติ? ‘‘อตฺถิ, มหาราช, กุสลสฺส จ อกุสลสฺส จ วิเสโส, กุสลํ, มหาราช, สุขวิปากํ สคฺคสํวตฺตนิกํ, อกุสลํ ทุกฺขวิปากํ นิรยสํวตฺตนิก’’นฺติ.

‘‘ภนฺเต นาคเสน, ตุมฺเห ภณถ ‘เทวทตฺโต เอกนฺตกณฺโห, เอกนฺตกณฺเหหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต, โพธิสตฺโต เอกนฺตสุกฺโก, เอกนฺตสุกฺเกหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต’ติ. ปุน จ เทวทตฺโต ภเว ภเว ยเสน จ ปกฺเขน จ โพธิสตฺเตน สมสโม โหติ, กทาจิ อธิกตโร วา. ยทา เทวทตฺโต นคเร พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺตสฺส รฺโ ปุโรหิตปุตฺโต อโหสิ, ตทา โพธิสตฺโต ฉวกจณฺฑาโล อโหสิ วิชฺชาธโร, วิชฺชํ ปริชปฺปิตฺวา อกาเล อมฺพผลานิ นิพฺพตฺเตสิ, เอตฺถ ตาว โพธิสตฺโต เทวทตฺตโต ชาติยา นิหีโน ยเสน จ นิหีโน.

‘‘ปุน จปรํ ยทา เทวทตฺโต ราชา อโหสิ มหา มหีปติ สพฺพกามสมงฺคี, ตทา โพธิสตฺโต ตสฺสูปโภโค อโหสิ หตฺถินาโค สพฺพลกฺขณสมฺปนฺโน, ตสฺส จารุคติวิลาสํ อสหมาโน ราชา วธมิจฺฉนฺโต หตฺถาจริยํ เอวมโวจ ‘อสิกฺขิโต เต, อาจริย, หตฺถินาโค, ตสฺส อากาสคมนํ นาม การณํ กโรหี’ติ, ตตฺถปิ ตาว โพธิสตฺโต เทวทตฺตโต ชาติยา นิหีโน ลามโก ติรจฺฉานคโต.

‘‘ปุน จปรํ ยทา เทวทตฺโต มนุสฺโส อโหสิ ปวเน นฏฺายิโก, ตทา โพธิสตฺโต มหาปถวี นาม มกฺกโฏ อโหสิ, เอตฺถปิ ตาว ทิสฺสติ วิเสโส มนุสฺสสฺส จ ติรจฺฉานคตสฺส จ, ตตฺถปิ ตาว โพธิสตฺโต เทวทตฺตโต ชาติยา นิหีโน.

‘‘ปุน จปรํ ยทา เทวทตฺโต มนุสฺโส อโหสิ โสณุตฺตโร นาม เนสาโท พลวา พลวตโร นาคพโล, ตทา โพธิสตฺโต ฉทฺทนฺโต นาม นาคราชา อโหสิ. ตทา โส ลุทฺทโก ตํ หตฺถินาคํ ฆาเตสิ, ตตฺถปิ ตาว เทวทตฺโตว อธิกตโร.

‘‘ปุน จปรํ ยทา เทวทตฺโต มนุสฺโส อโหสิ วนจรโก อนิเกตวาสี, ตทา โพธิสตฺโต สกุโณ อโหสิ ติตฺติโร มนฺตชฺฌายี, ตทาปิ โส วนจรโก ตํ สกุณํ ฆาเตสิ, ตตฺถปิ ตาว เทวทตฺโตว ชาติยา อธิกตโร.

‘‘ปุน จปรํ ยทา เทวทตฺโต กลาพุ นาม กาสิราชา [กาสิกราชา (ก.)] อโหสิ, ตทา โพธิสตฺโต ตาปโส อโหสิ ขนฺติวาที. ตทา โส ราชา ตสฺส ตาปสสฺส กุทฺโธ หตฺถปาเท วํสกฬีเร วิย เฉทาเปสิ, ตตฺถปิ ตาว เทวทตฺโต เยว อธิกตโร ชาติยา จ ยเสน จ.

‘‘ปุน จปรํ ยทา เทวทตฺโต มนุสฺโส อโหสิ วนจโร, ตทา โพธิสตฺโต นนฺทิโย นาม วานรินฺโท อโหสิ, ตทาปิ โส วนจโร ตํ วานรินฺทํ ฆาเตสิ สทฺธึ มาตรา กนิฏฺภาติเกน จ, ตตฺถปิ ตาว เทวทตฺโต เยว อธิกตโร ชาติยา.

‘‘ปุน จปรํ ยทา เทวทตฺโต มนุสฺโส อโหสิ อเจลโก การมฺภิโย นาม, ตทา โพธิสตฺโต ปณฺฑรโก นาม นาคราชา อโหสิ, ตตฺถปิ ตาว เทวทตฺโต เยว อธิกตโร ชาติยา.

‘‘ปุน จปรํ ยทา เทวทตฺโต มนุสฺโส อโหสิ ปวเน ชฏิลโก, ตทา โพธิสตฺโต ตจฺฉโก นาม มหาสูกโร อโหสิ, ตตฺถปิ ตาว เทวทตฺโต เยว ชาติยา อธิกตโร.

‘‘ปุน จปรํ ยทา เทวทตฺโต เจตีสุ สูรปริจโร นาม ราชา อโหสิ อุปริ ปุริสมตฺเต คคเน เวหาสงฺคโม, ตทา โพธิสตฺโต กปิโล นาม พฺราหฺมโณ อโหสิ, ตตฺถปิ ตาว เทวทตฺโต เยว อธิกตโร ชาติยา จ ยเสน จ.

‘‘ปุน จปรํ ยทา เทวทตฺโต มนุสฺโส อโหสิ สาโม นาม, ตทา โพธิสตฺโต รุรุ นาม มิคราชา อโหสิ, ตตฺถปิ ตาว เทวทตฺโต เยว ชาติยา อธิกตโร.

‘‘ปุน จปรํ ยทา เทวทตฺโต มนุสฺโส อโหสิ ลุทฺทโก ปวนจโร, ตทา โพธิสตฺโต หตฺถินาโค อโหสิ, โส ลุทฺทโก ตสฺส หตฺถินาคสฺส สตฺตกฺขตฺตุํ ทนฺเต ฉินฺทิตฺวา หริ, ตตฺถปิ ตาว เทวทตฺโต เยว โยนิยา อธิกตโร.

‘‘ปุน จปรํ ยทา เทวทตฺโต สิงฺคาโล อโหสิ ขตฺติยธมฺโม, โส ยาวตา ชมฺพุทีเป ปเทสราชาโน เต สพฺเพ อนุยุตฺเต อกาสิ, ตทา โพธิสตฺโต วิธุโร นาม ปณฺฑิโต อโหสิ, ตตฺถปิ ตาว เทวทตฺโต เยว ยเสน อธิกตโร.

‘‘ปุน จปรํ ยทา เทวทตฺโต หตฺถินาโค หุตฺวา ลฏุกิกาย สกุณิกาย ปุตฺตเก ฆาเตสิ, ตทา โพธิสตฺโตปิ หตฺถินาโค อโหสิ ยูถปติ, ตตฺถ ตาว อุโภปิ เต สมสมา อเหสุํ.

‘‘ปุน จปรํ ยทา เทวทตฺโต ยกฺโข อโหสิ อธมฺโม นาม, ตทา โพธิสตฺโตปิ ยกฺโข อโหสิ ธมฺโม นาม, ตตฺถปิ ตาว อุโภปิ สมสมา อเหสุํ.

‘‘ปุน จปรํ ยทา เทวทตฺโต นาวิโก อโหสิ ปฺจนฺนํ กุลสตานํ อิสฺสโร, ตทา โพธิสตฺโตปิ นาวิโก อโหสิ ปฺจนฺนํ กุลสตานํ อิสฺสโร, ตตฺถปิ ตาว อุโภปิ สมสมา อเหสุํ.

‘‘ปุน จปรํ ยทา เทวทตฺโต สตฺถวาโห อโหสิ ปฺจนฺนํ สกฏสตานํ อิสฺสโร, ตทา โพธิสตฺโตปิ สตฺถวาโห อโหสิ ปฺจนฺนํ สกฏสตานํ อิสฺสโร, ตตฺถปิ ตาว อุโภปิ สมสมา อเหสุํ.

‘‘ปุน จปรํ ยทา เทวทตฺโต สาโข นาม มิคราชา อโหสิ, ตทา โพธิสตฺโตปิ นิคฺโรโธ นาม มิคราชา อโหสิ, ตตฺถปิ ตาว อุโภปิ สมสมา อเหสุํ.

‘‘ปุน จปรํ ยทา เทวทตฺโต สาโข นาม เสนาปติ อโหสิ, ตทา โพธิสตฺโตปิ นิคฺโรโธ นาม ราชา อโหสิ, ตตฺถปิ ตาว อุโภปิ สมสมา อเหสุํ.

‘‘ปุน จปรํ ยทา เทวทตฺโต ขณฺฑหาโล นาม พฺราหฺมโณ อโหสิ, ตทา โพธิสตฺโต จนฺโท นาม ราชกุมาโร อโหสิ, ตทา โส ขณฺฑหาโล เยว อธิกตโร.

‘‘ปุน จปรํ ยทา เทวทตฺโต พฺรหฺมทตฺโต นาม ราชา อโหสิ, ตทา โพธิสตฺโต ตสฺส ปุตฺโต มหาปทุโม นาม กุมาโร อโหสิ, ตทา โส ราชา สกปุตฺตํ โจรปปาเต ขิปาเปสิ, ยโต กุโตจิ ปิตาว ปุตฺตานํ อธิกตโร โหติ วิสิฏฺโติ, ตตฺถปิ ตาว เทวทตฺโต เยว อธิกตโร.

‘‘ปุน จปรํ ยทา เทวทตฺโต มหาปตาโป นาม ราชา อโหสิ, ตทา โพธิสตฺโต ตสฺส ปุตฺโต ธมฺมปาโล นาม กุมาโร อโหสิ, ตทา โส ราชา สกปุตฺตสฺส หตฺถปาเท สีสฺจ เฉทาเปสิ, ตตฺถปิ ตาว เทวทตฺโต เยว อุตฺตโร อธิกตโร.

อชฺเชตรหิ อุโภปิ สกฺยกุเล ชายึสุ. โพธิสตฺโต พุทฺโธ อโหสิ สพฺพฺู โลกนายโก, เทวทตฺโต ตสฺส เทวาติเทวสฺส สาสเน ปพฺพชิตฺวา อิทฺธึ นิพฺพตฺเตตฺวา พุทฺธาลยํ อกาสิ. กึ นุ โข, ภนฺเต นาคเสน, ยํ มยา ภณิตํ, ตํ สพฺพํ ตถํ อุทาหุ วิตถ’’นฺติ?

‘‘ยํ ตฺวํ, มหาราช, พหุวิธํ การณํ โอสาเรสิ, สพฺพํ ตํ ตเถว, โน อฺถา’’ติ. ‘‘ยทิ, ภนฺเต นาคเสน, กณฺโหปิ สุกฺโกปิ สมสมคติกา โหนฺติ, เตน หิ กุสลมฺปิ อกุสลมฺปิ สมสมวิปากํ โหตี’’ติ? ‘‘น หิ, มหาราช, กุสลมฺปิ อกุสลมฺปิ สมสมวิปากํ โหติ, น หิ, มหาราช, เทวทตฺโต สพฺพชเนหิ ปฏิวิรุทฺโธ, โพธิสตฺเตเนว ปฏิวิรุทฺโธ. โย ตสฺส โพธิสตฺเตน ปฏิวิรุทฺโธ, โส ตสฺมึ ตสฺมึ เยว ภเว ปจฺจติ ผลํ เทติ. เทวทตฺโตปิ, มหาราช, อิสฺสริเย ิโต ชนปเทสุ อารกฺขํ เทติ, เสตุํ สภํ ปุฺสาลํ กาเรติ, สมณพฺราหฺมณานํ กปณทฺธิกวณิพฺพกานํ นาถานาถานํ ยถาปณิหิตํ ทานํ เทติ. ตสฺส โส วิปาเกน ภเว ภเว สมฺปตฺติโย ปฏิลภติ. กสฺเสตํ, มหาราช, สกฺกา วตฺตุํ วินา ทาเนน ทเมน สํยเมน อุโปสถกมฺเมน สมฺปตฺตึ อนุภวิสฺสตีติ?

‘‘ยํ ปน ตฺวํ, มหาราช, เอวํ วเทสิ ‘เทวทตฺโต จ โพธิสตฺโต จ เอกโต อนุปริวตฺตนฺตี’ติ, โส น ชาติสตสฺส อจฺจเยน สมาคโม อโหสิ, น ชาติสหสฺสสฺส อจฺจเยน, น ชาติสตสหสฺสสฺส อจฺจเยน, กทาจิ กรหจิ พหูนํ อโหรตฺตานํ อจฺจเยน สมาคโม อโหสิ. ยํ ปเนตํ, มหาราช, ภควตา กาณกจฺฉโปปมํ อุปทสฺสิตํ มนุสฺสตฺตปฺปฏิลาภาย, ตถูปมํ, มหาราช, อิเมสํ สมาคมํ ธาเรหิ.

‘‘น, มหาราช, โพธิสตฺตสฺส เทวทตฺเตเนว สทฺธึ สมาคโม อโหสิ, เถโรปิ, มหาราช, สาริปุตฺโต อเนเกสุ ชาติสตสหสฺเสสุ โพธิสตฺตสฺส ปิตา อโหสิ, มหาปิตา อโหสิ, จูฬปิตา อโหสิ, ภาตา อโหสิ, ปุตฺโต อโหสิ, ภาคิเนยฺโย อโหสิ, มิตฺโต อโหสิ.

‘‘โพธิสตฺโตปิ, มหาราช, อเนเกสุ ชาติสตสหสฺเสสุ เถรสฺส สาริปุตฺตสฺส ปิตา อโหสิ, มหาปิตา อโหสิ, จูฬปิตา อโหสิ, ภาตา อโหสิ, ปุตฺโต อโหสิ, ภาคิเนยฺโย อโหสิ, มิตฺโต อโหสิ, สพฺเพปิ, มหาราช, สตฺตนิกายปริยาปนฺนา สํสารโสตมนุคตา สํสารโสเตน วุยฺหนฺตา อปฺปิเยหิปิ ปิเยหิปิ สมาคจฺฉนฺติ. ยถา, มหาราช, อุทกํ โสเตน วุยฺหมานํ สุจิอสุจิกลฺยาณปาปเกน สมาคจฺฉติ, เอวเมว โข, มหาราช, สพฺเพปิ สตฺตนิกายปริยาปนฺนา สํสารโสตมนุคตา สํสารโสเตน วุยฺหนฺตา อปฺปิเยหิปิ ปิเยหิปิ สมาคจฺฉนฺติ. เทวทตฺโต, มหาราช, ยกฺโข สมาโน อตฺตนา อธมฺโม ปเร อธมฺเม นิโยเชตฺวา สตฺตปฺาสวสฺสโกฏิโย สฏฺิ จ วสฺสสตสหสฺสานิ มหานิรเย ปจฺจิ, โพธิสตฺโตปิ, มหาราช, ยกฺโข สมาโน อตฺตนา ธมฺโม ปเร ธมฺเม นิโยเชตฺวา สตฺตปฺาสวสฺสโกฏิโย สฏฺิ จ วสฺสสตสหสฺสานิ สคฺเค โมทิ สพฺพกามสมงฺคี, อปิ จ, มหาราช, เทวทตฺโต อิมสฺมึ ภเว พุทฺธํ อนาสาทนียมาสาทยิตฺวา สมคฺคฺจ สงฺฆํ ภินฺทิตฺวา ปถวึ ปาวิสิ, ตถาคโต พุชฺฌิตฺวา สพฺพธมฺเม ปรินิพฺพุโต อุปธิสงฺขเย’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต นาคเสน, เอวเมตํ ตถา สมฺปฏิจฺฉามี’’ติ.

กุสลากุสลสมวิสมปฺโห สตฺตโม.

๘. อมราเทวีปฺโห

. ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ภาสิตมฺเปตํ ภควตา –

‘‘‘สเจ ลเภถ ขณํ วา รโห วา, นิมนฺตกํ [นิวาตกํ (กุณาลชาตเก)] วาปิ ลเภถ ตาทิสํ;

สพฺพาว [สพฺพาปิ (สี. ปี.)] อิตฺถี กยิรุํ [กเรยฺยุํ (สี. ปี. ก.)] นุ ปาปํ, อฺํ อลทฺธา ปีสปฺปินา สทฺธิ’นฺติ.

‘‘ปุน จ กถียติ ‘มโหสธสฺส ภริยา อมรา นาม อิตฺถี คามเก ปิตา ปวุตฺถปติกา รโห นิสินฺนา วิวิตฺตา ราชปฺปฏิสมํ สามิกํ กริตฺวา สหสฺเสน นิมนฺตียมานา ปาปํ นากาสี’ติ. ยทิ, ภนฺเต นาคเสน, ภควตา ภณิตํ ‘สเจ…เป… สทฺธิ’นฺติ เตน หิ ‘มโหสธสฺส ภริยา…เป… นากาสี’ติ ยํ วจนํ, ตํ มิจฺฉา. ยทิ มโหสธสฺส ภริยา…เป… นากาสิ, เตน หิ ‘สเจ…เป… สทฺธิ’นฺติ ตมฺปิ วจนํ มิจฺฉา. อยมฺปิ อุภโต โกฏิโก ปฺโห ตวานุปฺปตฺโต, โส ตยา นิพฺพาหิตพฺโพ’’ติ.

‘‘ภาสิตมฺเปตํ, มหาราช, ภควตา ‘สเจ…เป… สทฺธิ’นฺติ. กถียติ จ ‘มโหสธสฺส ภริยา …เป… นากาสี’ติ. กเรยฺย สา, มหาราช, อิตฺถี สหสฺสํ ลภมานา ตาทิเสน ปุริเสน สทฺธึ ปาปกมฺมํ, น สา กเรยฺย สเจ ขณํ วา รโห วา นิมนฺตกํ วาปิ ตาทิสํ ลเภยฺย, วิจินนฺตี สา, มหาราช, อมรา อิตฺถี น อทฺทส ขณํ วา รโห วา นิมนฺตกํ วาปิ ตาทิสํ.

‘‘อิธ โลเก ครหภยา ขณํ น ปสฺสิ, ปรโลเก นิรยภยา ขณํ น ปสฺสิ, กฏุกวิปากํ ปาปนฺติ ขณํ น ปสฺสิ, ปิยํ อมุฺจิตุกามา ขณํ น ปสฺสิ, สามิกสฺส ครุกตาย ขณํ น ปสฺสิ, ธมฺมํ อปจายนฺตี ขณํ น ปสฺสิ, อนริยํ ครหนฺตี ขณํ น ปสฺสิ, กิริยํ อภินฺทิตุกามา ขณํ น ปสฺสิ. เอวรูเปหิ พหูหิ การเณหิ ขณํ น ปสฺสิ.

‘‘รโหปิ สา โลเก วิจินิตฺวา อปสฺสนฺตี ปาปํ นากาสิ. สเจ สา มนุสฺเสหิ รโห ลเภยฺย, อถ อมนุสฺเสหิ รโห น ลเภยฺย. สเจ อมนุสฺเสหิ รโห ลเภยฺย, อถ ปรจิตฺตวิทูหิ ปพฺพชิเตหิ รโห น ลเภยฺย. สเจ ปรจิตฺตวิทูหิ ปพฺพชิเตหิ รโห ลเภยฺย, อถ ปรจิตฺตวิทูนีหิ เทวตาหิ รโห น ลเภยฺย. สเจ ปรจิตฺตวิทูนีหิ เทวตาหิ รโห ลเภยฺย, อตฺตนาว ปาเปหิ รโห น ลเภยฺย. สเจ อตฺตนาว ปาเปหิ รโห ลเภยฺย, อถ อธมฺเมน รโห น ลเภยฺย. เอวรูเปหิ พหุวิเธหิ การเณหิ รโห อลภิตฺวา ปาปํ นากาสิ.

‘‘นิมนฺตกมฺปิ สา โลเก วิจินิตฺวา ตาทิสํ อลภนฺตี ปาปํ นากาสิ. มโหสโธ, มหาราช, ปณฺฑิโต อฏฺวีสติยา องฺเคหิ สมนฺนาคโต. กตเมหิ อฏฺวีสติยา องฺเคหิ สมนฺนาคโต? มโหสโธ, มหาราช, สูโร หิริมา โอตฺตปฺปี สปกฺโข มิตฺตสมฺปนฺโน ขโม สีลวา สจฺจวาที โสเจยฺยสมฺปนฺโน อกฺโกธโน อนติมานี อนุสูยโก วีริยวา อายูหโก สงฺคาหโก สํวิภาคี สขิโล นิวาตวุตฺติ สณฺโห อสโ อมายาวี อติพุทฺธิสมฺปนฺโน กิตฺติมา วิชฺชาสมฺปนฺโน หิเตสี อุปนิสฺสิตานํ ปตฺถิโต สพฺพชนสฺส ธนวา ยสวา. มโหสโธ, มหาราช, ปณฺฑิโต อิเมหิ อฏฺวีสติยา องฺเคหิ สมนฺนาคโต. สา อฺํ ตาทิสํ นิมนฺตกํ อลภิตฺวา ปาปํ นากาสี’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต นาคเสน, เอวเมตํ ตถา สมฺปฏิจฺฉามี’’ติ.

อมราเทวีปฺโห อฏฺโม.

๙. อรหนฺตอภายนปฺโห

. ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ภาสิตมฺเปตํ ภควตา ‘วิคตภยสนฺตาสา อรหนฺโต’ติ. ปุน จ นคเร ราชคเห ธนปาลกํ หตฺถึ ภควติ โอปตนฺตํ ทิสฺวา ปฺจ ขีณาสวสตานิ ปริจฺจชิตฺวา ชินวรํ ปกฺกนฺตานิ ทิสาวิทิสํ เอกํ เปตฺวา เถรํ อานนฺทํ. กึ นุ โข, ภนฺเต นาคเสน, เต อรหนฺโต ภยา ปกฺกนฺตา, ปฺายิสฺสติ สเกน กมฺเมนาติ ทสพลํ ปาเตตุกามา ปกฺกนฺตา, อุทาหุ ตถาคตสฺส อตุลํ วิปุลมสมํ ปาฏิหาริยํ ทฏฺุกามา ปกฺกนฺตา? ยทิ, ภนฺเต นาคเสน, ภควตา ภณิตํ ‘วิคตภยสนฺตาสา อรหนฺโต’ติ, เตน หิ ‘นคเร…เป… อานนฺท’นฺติ ยํ วจนํ ตํ มิจฺฉา. ยทิ นคเร ราชคเห ธนปาลกํ หตฺถึ ภควติ โอปตนฺตํ ทิสฺวา ปฺจ ขีณาสวสตานิ ปริจฺจชิตฺวา ชินวรํ ปกฺกนฺตานิ ทิสาวิทิสํ เอกํ เปตฺวา เถรํ อานนฺทํ, เตน หิ ‘วิคตภยสนฺตาสา อรหนฺโต’ติ ตมฺปิ วจนํ มิจฺฉา. อยมฺปิ อุภโต โกฏิโก ปฺโห ตวานุปฺปตฺโต, โส ตยา นิพฺพาหิตพฺโพ’’ติ.

‘‘ภาสิตมฺเปตํ, มหาราช, ภควตา ‘วิคตภยสนฺตาสา อรหนฺโต’ติ, นคเร ราชคเห ธนปาลกํ หตฺถึ ภควติ โอปตนฺตํ ทิสฺวา ปฺจ ขีณาสวสตานิ ปริจฺจชิตฺวา ชินวรํ ปกฺกนฺตานิ ทิสาวิทิสํ เอกํ เปตฺวา เถรํ อานนฺทํ, ตฺจ ปน น ภยา, นาปิ ภควนฺตํ ปาเตตุกามตาย.

‘‘เยน ปน, มหาราช, เหตุนา อรหนฺโต ภาเยยฺยุํ วา ตาเสยฺยุํ วา, โส เหตุ อรหนฺตานํ สมุจฺฉินฺโน, ตสฺมา วิคตภยสนฺตาสา อรหนฺโต, ภายติ นุ, มหาราช, มหาปถวี ขณนฺเตปิ ภินฺทนฺเตปิ ธาเรนฺเตปิ สมุทฺทปพฺพตคิริสิขเรติ? ‘‘น หิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘เกน การเณน มหาราชา’’ติ? ‘‘นตฺถิ, ภนฺเต, มหาปถวิยา โส เหตุ, เยน เหตุนา มหาปถวี ภาเยยฺย วา ตาเสยฺย วา’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, นตฺถิ อรหนฺตานํ โส เหตุ, เยน เหตุนา อรหนฺโต ภาเยยฺยุํ วา ตาเสยฺยุํ วา.

‘‘ภายติ นุ, มหาราช, คิริสิขรํ ฉินฺทนฺเต วา ภินฺทนฺเต วา ปตนฺเต วา อคฺคินา ทหนฺเต วา’’ติ? ‘‘น หิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘เกน การเณน มหาราชา’’ติ? ‘‘นตฺถิ, ภนฺเต, คิริสิขรสฺส โส เหตุ, เยน เหตุนา คิริสิขรํ ภาเยยฺย วา ตาเสยฺย วา’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, นตฺถิ อรหนฺตานํ โส เหตุ, เยน เหตุนา อรหนฺโต ภาเยยฺยุํ วา ตาเสยฺยุํ วา.

‘‘ยทิปิ, มหาราช, โลกธาตุสตสหสฺเสสุ เย เกจิ สตฺตนิกายปริยาปนฺนา สพฺเพปิ เต สตฺติหตฺถา เอกํ อรหนฺตํ อุปธาวิตฺวา ตาเสยฺยุํ, น ภเวยฺย อรหโต จิตฺตสฺส กิฺจิ อฺถตฺตํ. กึ การณํ? อฏฺานมนวกาสตาย.

‘‘อปิ จ, มหาราช, เตสํ ขีณาสวานํ เอวํ เจโตปริวิตกฺโก อโหสิ ‘อชฺช นรวรปวเร ชินวรวสเภ นครวรมนุปฺปวิฏฺเ วีถิยา ธนปาลโก หตฺถี อาปติสฺสติ, อสํสยมติเทวเทวํ อุปฏฺาโก น ปริจฺจชิสฺสติ, ยทิ มยํ สพฺเพปิ ภควนฺตํ น ปริจฺจชิสฺสาม, อานนฺทสฺส คุโณ ปากโฏ น ภวิสฺสติ, น เหว จ ตถาคตํ สมุปคมิสฺสติ หตฺถินาโค, หนฺท มยํ อปคจฺฉาม, เอวมิทํ มหโต ชนกายสฺส กิเลสพนฺธนโมกฺโข ภวิสฺสติ, อานนฺทสฺส จ คุโณ ปากโฏ ภวิสฺสตี’ติ. เอวํ เต อรหนฺโต อานิสํสํ ทิสฺวา ทิสาวิทิสํ ปกฺกนฺตา’’ติ. ‘‘สุวิภตฺโต, ภนฺเต นาคเสน, ปฺโห, เอวเมตํ นตฺถิ อรหนฺตานํ ภยํ วา สนฺตาโส วา, อานิสํสํ ทิสฺวา อรหนฺโต ปกฺกนฺตา ทิสาวิทิส’’นฺติ.

อรหนฺตอภายนปฺโห นวโม.

๑๐. พุทฺธสพฺพฺุภาวปฺโห

๑๐. ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ตุมฺเห ภณถ ‘ตถาคโต สพฺพฺู’ติ. ปุน จ ภณถ ‘ตถาคเตน สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานปฺปมุเข ภิกฺขุสงฺเฆ ปณามิเต จาตุเมยฺยกา จ สกฺยา พฺรหฺมา จ สหมฺปติ พีชูปมฺจ วจฺฉตรุณูปมฺจ อุปทสฺเสตฺวา ภควนฺตํ ปสาเทสุํ ขมาเปสุํ นิชฺฌตฺตํ อกํสู’ติ. กึ นุ โข, ภนฺเต นาคเสน, อฺาตา ตา อุปมา ตถาคตสฺส, ยาหิ ตถาคโต อุปมาหิ โอรโต ขมิโต อุปสนฺโต นิชฺฌตฺตํ คโต? ยทิ, ภนฺเต นาคเสน, ตถาคตสฺส ตา อุปมา อฺาตา, เตน หิ พุทฺโธ อสพฺพฺู, ยทิ าตา, เตน หิ โอกสฺส ปสยฺห วีมํสาเปกฺโข ปณาเมสิ, เตน หิ ตสฺส อการุฺตา สมฺภวติ. อยมฺปิ อุภโต โกฏิโก ปฺโห ตวานุปฺปตฺโต, โส ตยา นิพฺพาหิตพฺโพ’’ติ.

‘‘สพฺพฺู, มหาราช, ตถาคโต, ตาหิ จ อุปมาหิ ภควา ปสนฺโน โอรโต ขมิโต อุปสนฺโต นิชฺฌตฺตํ คโต. ธมฺมสฺสามี, มหาราช, ตถาคโต, ตถาคตปฺปเวทิเตเหว เต โอปมฺเมหิ ตถาคตํ อาราเธสุํ โตเสสุํ ปสาเทสุํ, เตสฺจ ตถาคโต ปสนฺโน ‘สาธู’ติ อพฺภานุโมทิ.

‘‘ยถา, มหาราช, อิตฺถี สามิกสฺส สนฺตเกเนว ธเนน สามิกํ อาราเธติ โตเสติ ปสาเทติ, ตฺจ สามิโก ‘สาธู’ติ อพฺภานุโมทติ, เอวเมว โข, มหาราช, จาตุเมยฺยกา จ สกฺยา พฺรหฺมา จ สหมฺปติ ตถาคตปฺปเวทิเตเหว โอปมฺเมหิ ตถาคตํ อาราเธสุํ โตเสสุํ ปสาเทสุํ, เตสฺจ ตถาคโต ปสนฺโน ‘สาธู’ติ อพฺภานุโมทิ.

‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, กปฺปโก รฺโ สนฺตเกเนว สุวณฺณผณเกน รฺโ อุตฺตมงฺคํ ปสาธยมาโน ราชานํ อาราเธติ โตเสติ ปสาเทติ, ตสฺส จ ราชา ปสนฺโน ‘สาธู’ติ อพฺภานุโมทติ, ยถิจฺฉิตมนุปฺปเทติ, เอวเมว โข, มหาราช, จาตุเมยฺยกา จ สกฺยา พฺรหฺมา จ สหมฺปติ ตถาคตปฺปเวทิเตเหว โอปมฺเมหิ ตถาคตํ อาราเธสุํ โตเสสุํ ปสาเทสุํ, เตสฺจ ตถาคโต ปสนฺโน ‘สาธู’ติ อพฺภานุโมทิ.

‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, สทฺธิวิหาริโก อุปชฺฌายาภตํ ปิณฺฑปาตํ คเหตฺวา อุปชฺฌายสฺส อุปนาเมนฺโต อุปชฺฌายํ อาราเธติ โตเสติ ปสาเทติ, ตฺจ อุปชฺฌาโย ปสนฺโน ‘สาธู’ติ อพฺภานุโมทติ, เอวเมว โข, มหาราช, จาตุเมยฺยกา จ สกฺยา พฺรหฺมา จ สหมฺปติ ตถาคตปฺปเวทิเตเหว โอปมฺเมหิ ตถาคตํ อาราเธสุํ โตเสสุํ ปสาเทสุํ, เตสฺจ ตถาคโต ปสนฺโน ‘สาธู’ติ อพฺภานุโมทิตฺวา สพฺพทุกฺขปริมุตฺติยา ธมฺมํ เทเสสี’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต นาคเสน, เอวเมตํ ตถา สมฺปฏิจฺฉามีติ.

พุทฺธสพฺพฺุภาวปฺโห ทสโม.

สพฺพฺุตาณวคฺโค จตุตฺโถ.

อิมสฺมึ วคฺเค ทส ปฺหา.

๕. สนฺถววคฺโค

๑. สนฺถวปฺโห

. ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ภาสิตมฺเปตํ ภควตา –

‘‘‘สนฺถวโต ภยํ ชาตํ, นิเกตา ชายเต รโช;

อนิเกตมสนฺถวํ, เอตํ เว มุนิทสฺสน’นฺติ.

‘‘ปุน จ ภควตา ภณิตํ ‘วิหาเร การเย รมฺเม, วาสเยตฺถ พหุสฺสุเต’ติ. ยทิ, ภนฺเต นาคเสน, ตถาคเตน ภณิตํ ‘สนฺถวโต ภยํ ชาตํ, นิเกตา ชายเต รโช. อนิเกตมสนฺถวํ, เอตํ เว มุนิทสฺสน’นฺติ, เตน หิ ‘วิหาเร การเย รมฺเม, วาสเยตฺถ พหุสฺสุเต’ติ ยํ วจนํ, ตํ มิจฺฉา. ยทิ ตถาคเตน ภณิตํ ‘วิหาเร การเย รมฺเม, วาสเยตฺถ พหุสฺสุเต’ติ, เตน หิ ‘สนฺถวโต ภยํ ชาตํ, นิเกตา ชายเต รโช. อนิเกตมสนฺถวํ, เอตํ เว มุนิทสฺสน’นฺติ ตมฺปิ วจนํ มิจฺฉา. อยมฺปิ อุภโต โกฏิโก ปฺโห ตวานุปฺปตฺโต, โส ตยา นิพฺพาหิตพฺโพ’’ติ.

‘‘ภาสิตมฺเปตํ, มหาราช, ภควตา ‘สนฺถวโต ภยํ ชาตํ, นิเกตา ชายเต รโช. อนิเกตมสนฺถวํ, เอตํ เว มุนิทสฺสน’นฺติ. ภณิตฺจ ‘วิหาเร การเย รมฺเม, วาสเยตฺถ พหุสฺสุเต’ติ. ยํ, มหาราช, ภควตา ภณิตํ ‘สนฺถวโต ภยํ ชาตํ, นิเกตา ชายเต รโช. อนิเกตมสนฺถวํ, เอตํ เว มุนิทสฺสน’นฺติ, ตํ สภาววจนํ อเสสวจนํ นิสฺเสสวจนํ นิปฺปริยายวจนํ สมณานุจฺฉวํ สมณสารุปฺปํ สมณปฺปติรูปํ สมณารหํ สมณโคจรํ สมณปฺปฏิปทา สมณปฺปฏิปตฺติ. ยถา, มหาราช, อารฺโก มิโค อรฺเ ปวเน จรมาโน นิราลโย อนิเกโต ยถิจฺฉกํ สยติ, เอวเมว โข, มหาราช, ภิกฺขุนา ‘สนฺถวโต ภยํ ชาตํ, นิเกตา ชายเต รโช. อนิเกตมสนฺถวํ, เอตํ เว มุนิทสฺสน’นฺติ จินฺเตตพฺพํ.

‘‘ยํ ปน, มหาราช, ภควตา ภณิตํ ‘วิหาเร การเย รมฺเม, วาสเยตฺถ พหุสฺสุเต’ติ, ตํ ทฺเว อตฺถวเส สมฺปสฺสมาเนน ภควตา ภณิตํ. กตเม ทฺเว? วิหารทานํ นาม สพฺพพุทฺเธหิ วณฺณิตํ อนุมตํ โถมิตํ ปสตฺถํ, ตํ เต วิหารทานํ ทตฺวา ชาติชรามรณา ปริมุจฺจิสฺสนฺตีติ. อยํ ตาว ปโม อานิสํโส วิหารทาเน.

‘‘ปุน จปรํ วิหาเร วิชฺชมาเน ภิกฺขุนิโย พฺยตฺตสงฺเกตา ภวิสฺสนฺติ, สุลภํ ทสฺสนํ ทสฺสนกามานํ, อนิเกเต ทุทฺทสฺสนา ภวิสฺสนฺตีติ. อยํ ทุติโย อานิสํโส วิหารทาเน. อิเม ทฺเว อตฺถวเส สมฺปสฺสมาเนน ภควตา ภณิตํ ‘วิหาเร การเย รมฺเม, วาสเยตฺถ พหุสฺสุเต’ติ, น ตตฺถ พุทฺธปุตฺเตน อาลโย กรณีโย นิเกเต’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต นาคเสน, เอวเมตํ ตถา สมฺปฏิจฺฉามี’’ติ.

สนฺถวปฺโห ปโม.

๒. อุทรสํยตปฺโห

. ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ภาสิตมฺเปตํ ภควตา –

‘‘‘อุตฺติฏฺเ นปฺปมชฺเชยฺย, อุทเร สํยโต สิยา’ติ.

‘‘ปุน จ ภควตา ภณิตํ ‘อหํ โข ปนุทายิ, อปฺเปกทา อิมินา ปตฺเตน สมติตฺติกมฺปิ ภุฺชามิ, ภิยฺโยปิ ภุฺชามี’ติ. ยทิ, ภนฺเต นาคเสน, ภควตา ภณิตํ ‘อุตฺติฏฺเ นปฺปมชฺเชยฺย, อุทเร สํยโต สิยา’ติ, เตน หิ ‘อหํ โข ปนุทายิ, อปฺเปกทา อิมินา ปตฺเตน สมติตฺถิกมฺปิ ภุฺชามิ, ภิยฺโยปิ ภุฺชามี’ติ ยํ วจนํ, ตํ มิจฺฉา. ยทิ ตถาคเตน ภณิตํ ‘อหํ โข ปนุทายิ, อปฺเปกทา อิมินา ปตฺเตน สมติตฺถิกมฺปิ ภุฺชามิ, ภิยฺโยปิ ภุฺชามี’ติ, เตน หิ ‘อุตฺติฏฺเ นปฺปมชฺเชยฺย, อุทเร สํยโต สิยา’ติ ตมฺปิ วจนํ มิจฺฉา. อยมฺปิ อุภโต โกฏิโก ปฺโห ตวานุปฺปตฺโต, โส ตยา นิพฺพาหิตพฺโพ’’ติ.

‘‘ภาสิตมฺเปตํ, มหาราช, ภควตา ‘อุตฺติฏฺเ นปฺปมชฺเชยฺย, อุทเร สํยโต สิยา’ติ, ภณิตฺจ ‘อหํ โข ปนุทายิ, อปฺเปกทา อิมินา ปตฺเตน สมติตฺติกมฺปิ ภุฺชามิ, ภิยฺโยปิ ภุฺชามี’ติ. ยํ, มหาราช, ภควตา ภณิตํ ‘อุตฺติฏฺเ นปฺปมชฺเชยฺย, อุทเร สํยโต สิยา’ติ, ตํ สภาววจนํ อเสสวจนํ นิสฺเสสวจนํ นิปฺปริยายวจนํ ภูตวจนํ ตจฺฉวจนํ ยาถาววจนํ อวิปรีตวจนํ อิสิวจนํ มุนิวจนํ ภควนฺตวจนํ อรหนฺตวจนํ ปจฺเจกพุทฺธวจนํ ชินวจนํ สพฺพฺุวจนํ ตถาคตสฺส อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส วจนํ.

‘‘อุทเร อสํยโต, มหาราช, ปาณมฺปิ หนติ, อทินฺนมฺปิ อาทิยติ, ปรทารมฺปิ คจฺฉติ, มุสาปิ ภณติ, มชฺชมฺปิ ปิวติ, มาตรมฺปิ ชีวิตา โวโรเปติ, ปิตรมฺปิ ชีวิตา โวโรเปติ, อรหนฺตมฺปิ ชีวิตา โวโรเปติ, สงฺฆมฺปิ ภินฺทติ, ทุฏฺเน จิตฺเตน ตถาคตสฺส โลหิตมฺปิ อุปฺปาเทติ. นนุ, มหาราช, เทวทตฺโต อุทเร อสํยโต สงฺฆํ ภินฺทิตฺวา กปฺปฏฺิยํ กมฺมํ อายูหิ [อายูหติ (ก.)]. เอวรูปานิ, มหาราช, อฺานิปิ พหุวิธานิ การณานิ ทิสฺวา ภควตา ภณิตํ ‘อุตฺติฏฺเ นปฺปมชฺเชยฺย, อุทเร สํยโต สิยา’ติ.

‘‘อุทเร สํยโต, มหาราช, จตุสจฺจาภิสมยํ อภิสเมติ, จตฺตาริ สามฺผลานิ สจฺฉิกโรติ, จตูสุ ปฏิสมฺภิทาสุ อฏฺสุ สมาปตฺตีสุ ฉสุ อภิฺาสุ วสีภาวํ ปาปุณาติ, เกวลฺจ สมณธมฺมํ ปูเรติ. นนุ, มหาราช, สุกโปตโก อุทเร สํยโต หุตฺวา ยาว ตาวตึสภวนํ กมฺเปตฺวา สกฺกํ เทวานมินฺทํ อุปฏฺานมุปเนสิ, เอวรูปานิ, มหาราช, อฺานิปิ พหุวิธานิ การณานิ ทิสฺวา ภควตา ภณิตํ ‘อุตฺติฏฺเ นปฺปมชฺเชยฺย, อุทเร สํยโต สิยา’ติ.

‘‘ยํ ปน, มหาราช, ภควตา ภณิตํ ‘อหํ โข ปนุทายิ อปฺเปกทา อิมินา ปตฺเตน สมติตฺติกมฺปิ ภุฺชามิ, ภิยฺโยปิ ภุฺชามี’ติ, ตํ กตกิจฺเจน นิฏฺิตกิริเยน สิทฺธตฺเถน วุสิตโวสาเนน นิราวรเณน สพฺพฺุนา สยมฺภุนา ตถาคเตน อตฺตานํ อุปาทาย ภณิตํ.

‘‘ยถา, มหาราช, วนฺตสฺส วิริตฺตสฺส อนุวาสิตสฺส อาตุรสฺส สปฺปายกิริยา อิจฺฉิตพฺพา โหติ, เอวเมว โข, มหาราช, สกิเลสสฺส อทิฏฺสจฺจสฺส อุทเร สํยโม กรณีโย โหติ. ยถา, มหาราช, มณิรตนสฺส สปฺปภาสสฺส ชาติมนฺตสฺส อภิชาติปริสุทฺธสฺส มชฺชนนิฆํสนปริโสธเนน กรณียํ น โหติ, เอวเมว โข, มหาราช, ตถาคตสฺส พุทฺธวิสเย ปารมึ คตสฺส กิริยากรเณสุ อาวรณํ น โหตี’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต นาคเสน, เอวเมตํ ตถา สมฺปฏิจฺฉามี’’ติ.

อุทรสํยตปฺโห ทุติโย.

๓. พุทฺธอปฺปาพาธปฺโห

. ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ภาสิตมฺเปตํ ภควตา ‘อหมสฺมิ, ภิกฺขเว, พฺราหฺมโณ ยาจโยโค สทา ปยตปาณิ อนฺติมเทหธโร อนุตฺตโร ภิสกฺโก สลฺลกตฺโต’ติ. ปุน จ ภณิตํ ภควตา ‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ อปฺปาพาธานํ ยทิทํ พากุโล’ติ. ภควโต จ สรีเร พหุกฺขตฺตุํ อาพาโธ อุปฺปนฺโน ทิสฺสติ. ยทิ, ภนฺเต นาคเสน, ตถาคโต อนุตฺตโร, เตน หิ ‘เอตทคฺคํ…เป… พากุโล’ติ ยํ วจนํ, ตํ มิจฺฉา. ยทิ เถโร พากุโล อปฺปาพาธานํ อคฺโค, เตน หิ ‘อหมสฺมิ…เป… สลฺลกตฺโต’ติ ตมฺปิ วจนํ มิจฺฉา. อยมฺปิ อุภโต โกฏิโก ปฺโห ตวานุปฺปตฺโต, โส ตยา นิพฺพาหิตพฺโพ’’ติ.

‘‘ภาสิตมฺเปตํ, มหาราช, ภควตา ‘อหมสฺมิ…เป… สลฺลกตฺโต’ติ, ภณิตฺจ ‘เอตทคฺคํ…เป… พากุโล’ติ, ตฺจ ปน พาหิรานํ อาคมานํ อธิคมานํ ปริยตฺตีนํ อตฺตนิ วิชฺชมานตํ สนฺธาย ภาสิตํ.

‘‘สนฺติ โข ปน, มหาราช, ภควโต สาวกา านจงฺกมิกา, เต าเนน จงฺกเมน ทิวารตฺตึ วีตินาเมนฺติ, ภควา ปน, มหาราช, าเนน จงฺกเมน นิสชฺชาย สยเนน ทิวารตฺตึ วีตินาเมติ, เย เต, มหาราช, ภิกฺขู านจงฺกมิกา, เต เตน องฺเคน อติเรกา.

‘‘สนฺติ โข ปน, มหาราช, ภควโต สาวกา เอกาสนิกา, เต ชีวิตเหตุปิ ทุติยํ โภชนํ น ภุฺชนฺติ, ภควา ปน, มหาราช, ทุติยมฺปิ ยาว ตติยมฺปิ โภชนํ ภุฺชติ, เย เต, มหาราช, ภิกฺขู เอกาสนิกา, เต เตน องฺเคน อติเรกา, อเนกวิธานิ, มหาราช, ตานิ การณานิ เตสํ เตสํ ตํ ตํ สนฺธาย ภณิตานิ. ภควา ปน, มหาราช, อนุตฺตโร สีเลน สมาธินา ปฺาย วิมุตฺติยา วิมุตฺติาณทสฺสเนน ทสหิ จ พเลหิ จตูหิ เวสารชฺเชหิ อฏฺารสหิ พุทฺธธมฺเมหิ ฉหิ อสาธารเณหิ าเณหิ, เกวเล จ พุทฺธวิสเย ตํ สนฺธาย ภณิตํ ‘อหมสฺมิ…เป… สลฺลกตฺโต’ติ.

‘‘อิธ, มหาราช, มนุสฺเสสุ เอโก ชาติมา โหติ, เอโก ธนวา, เอโก วิชฺชวา, เอโก สิปฺปวา, เอโก สูโร, เอโก วิจกฺขโณ, สพฺเพเปเต อภิภวิย ราชา เยว เตสํ อุตฺตโม โหติ, เอวเมว โข, มหาราช, ภควา สพฺพสตฺตานํ อคฺโค เชฏฺโ เสฏฺโ.

‘‘ยํ ปน อายสฺมา พากุโล อปฺปาพาโธ อโหสิ, ตํ อภินีหารวเสน, โส หิ, มหาราช, อโนมทสฺสิสฺส ภควโต อุทรวาตาพาเธ อุปฺปนฺเน วิปสฺสิสฺส จ ภควโต อฏฺสฏฺิยา จ ภิกฺขุสตสหสฺสานํ ติณปุปฺผกโรเค อุปฺปนฺเน สยํ ตาปโส สมาโน นานาเภสชฺเชหิ ตํ พฺยาธึ อปเนตฺวา อปฺปาพาธตํ ปตฺโต, ภณิโต จ ‘เอตทคฺคํ…เป… พากุโล’ติ.

‘‘ภควโต, มหาราช, พฺยาธิมฺหิ อุปฺปชฺชนฺเตปิ อนุปฺปชฺชนฺเตปิ ธุตงฺคํ อาทิยนฺเตปิ อนาทิยนฺเตปิ นตฺถิ ภควตา สทิโส โกจิ สตฺโต. ภาสิตมฺเปตํ มหาราช ภควตา เทวาติเทเวน สํยุตฺตนิกายวรลฺฉเก –

‘‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, สตฺตา อปทา วา ทฺวิปทา วา จตุปฺปทา วา พหุปฺปทา วา รูปิโน วา อรูปิโน วา สฺิโน วา อสฺิโน วา เนวสฺีนาสฺิโน วา, ตถาคโต เตสํ อคฺคมกฺขายติ อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ’ติ. ‘สาธุ, ภนฺเต นาคเสน, เอวเมตํ ตถา สมฺปฏิจฺฉามี’’’ติ.

พุทฺธอปฺปาพาธปฺโห ตติโย.

๔. มคฺคุปฺปาทนปฺโห

. ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ภาสิตมฺเปตํ ภควตา ‘ตถาคโต ภิกฺขเว, อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ อนุปฺปนฺนสฺส มคฺคสฺส อุปฺปาเทตา’ติ. ปุน จ ภณิตํ ‘อทฺทสํ ขฺวาหํ, ภิกฺขเว, ปุราณํ มคฺคํ ปุราณํ อฺชสํ ปุพฺพเกหิ สมฺมาสมฺพุทฺเธหิ อนุยาต’นฺติ. ยทิ, ภนฺเต นาคเสน, ตถาคโต อนุปฺปนฺนสฺส มคฺคสฺส อุปฺปาเทตา, เตน หิ ‘อทฺทสํ ขฺวาหํ, ภิกฺขเว, ปุราณํ มคฺคํ ปุราณํ อฺชสํ ปุพฺพเกหิ สมฺมาสมฺพุทฺเธหิ อนุยาต’นฺติ ยํ วจนํ, ตํ มิจฺฉา. ยทิ ตถาคเตน ภณิตํ ‘อทฺทสํ ขฺวาหํ, ภิกฺขเว, ปุราณํ มคฺคํ ปุราณํ อฺชสํ ปุพฺพเกหิ สมฺมาสมฺพุทฺเธหิ อนุยาต’นฺติ, เตน หิ ‘ตถาคโต, ภิกฺขเว, อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ อนุปฺปนฺนสฺส มคฺคสฺส อุปฺปาเทตา’ติ ตมฺปิ วจนํ มิจฺฉา. อยมฺปิ อุภโต โกฏิโก ปฺโห ตวานุปฺปตฺโต, โส ตยา นิพฺพาหิตพฺโพ’’ติ.

‘‘ภาสิตมฺเปตํ, มหาราช, ภควตา ‘ตถาคโต, ภิกฺขเว, อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ อนุปฺปนฺนสฺส มคฺคสฺส อุปฺปาเทตา’ติ. ภณิตฺจ ‘อทฺทสํ ขฺวาหํ, ภิกฺขเว, ปุราณํ มคฺคํ ปุราณํ อฺชสํ ปุพฺพเกหิ สมฺมาสมฺพุทฺเธหิ อนุยาต’นฺติ, ตํ ทฺวยมฺปิ สภาววจนเมว, ปุพฺพกานํ, มหาราช, ตถาคตานํ อนฺตรธาเนน อสติ อนุสาสเก มคฺโค อนฺตรธายิ, ตํ [โส ตํ (สี. ปี. ก.)] ตถาคโต มคฺคํ ลุคฺคํ ปลุคฺคํ คูฬฺหํ ปิหิตํ ปฏิจฺฉนฺนํ อสฺจรณํ ปฺาจกฺขุนา สมฺปสฺสมาโน [สมฺมสมาโน (สี. ปี.)] อทฺทส ปุพฺพเกหิ สมฺมาสมฺพุทฺเธหิ อนุยาตํ, ตํการณา อาห ‘อทฺทสํ ขฺวาหํ, ภิกฺขเว, ปุราณํ มคฺคํ ปุราณํ อฺชสํ ปุพฺพเกหิ สมฺมาสมฺพุทฺเธหิ อนุยาต’นฺติ.

‘‘ปุพฺพกานํ, มหาราช, ตถาคตานํ อนฺตรธาเนน อสติ อนุสาสเก ลุคฺคํ ปลุคฺคํ คูฬฺหํ ปิหิตํ ปฏิจฺฉนฺนํ อสฺจรณํ มคฺคํ ยํ ทานิ ตถาคโต สฺจรณํ อกาสิ, ตํการณา อาห ‘ตถาคโต, ภิกฺขเว, อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ อนุปฺปนฺนสฺส มคฺคสฺส อุปฺปาเทตา’ติ.

‘‘อิธ, มหาราช, รฺโ จกฺกวตฺติสฺส อนฺตรธาเนน มณิรตนํ คิริสิขนฺตเร นิลียติ, อปรสฺส จกฺกวตฺติสฺส สมฺมาปฏิปตฺติยา อุปคจฺฉติ, อปิ นุ โข ตํ, มหาราช, มณิรตนํ ตสฺส ปกต’’นฺติ? ‘‘น หิ, ภนฺเต, ปากติกํ เยว ตํ มณิรตนํ, เตน ปน นิพฺพตฺติต’’นฺติ [นิพฺพตฺตนฺติ (สี. ปี.)]. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, ปากติกํ ปุพฺพเกหิ ตถาคเตหิ อนุจิณฺณํ อฏฺงฺคิกํ สิวํ มคฺคํ อสติ อนุสาสเก ลุคฺคํ ปลุคฺคํ คูฬฺหํ ปิหิตํ ปฏิจฺฉนฺนํ อสฺจรณํ ภควา ปฺาจกฺขุนา สมฺปสฺสมาโน อุปฺปาเทสิ, สฺจรณํ อกาสิ, ตํการณา อาห ‘ตถาคโต, ภิกฺขเว, อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ อนุปฺปนฺนสฺส มคฺคสฺส อุปฺปาเทตา’ติ.

‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, สนฺตํ เยว ปุตฺตํ โยนิยา ชนยิตฺวา มาตา ‘ชนิกา’ติ วุจฺจติ, เอวเมว โข, มหาราช, ตถาคโต สนฺตํ เยว มคฺคํ ลุคฺคํ ปลุคฺคํ คูฬฺหํ ปิหิตํ ปฏิจฺฉนฺนํ อสฺจรณํ ปฺาจกฺขุนา สมฺปสฺสมาโน อุปฺปาเทสิ, สฺจรณํ อกาสิ, ตํการณา อาห ‘ตถาคโต, ภิกฺขเว, อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ อนุปฺปนฺนสฺส มคฺคสฺส อุปฺปาเทตา’ติ.

‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, โกจิ ปุริโส ยํ กิฺจิ นฏฺํ ปสฺสติ, ‘เตน ตํ ภณฺฑํ นิพฺพตฺติต’นฺติ ชโน โวหรติ, เอวเมว โข, มหาราช, ตถาคโต สนฺตํ เยว มคฺคํ ลุคฺคํ ปลุคฺคํ คูฬฺหํ ปิหิตํ ปฏิจฺฉนฺนํ อสฺจรณํ ปฺาจกฺขุนา สมฺปสฺสมาโน อุปฺปาเทสิ, สฺจรณํ อกาสิ, ตํการณา อาห ‘ตถาคโต, ภิกฺขเว, อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ อนุปฺปนฺนสฺส มคฺคสฺส อุปฺปาเทตา’ติ.

‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, โกจิ ปุริโส วนํ โสเธตฺวา ภูมึ นีหรติ, ‘ตสฺส สา ภูมี’ติ ชโน โวหรติ, น เจสา ภูมิ เตน ปวตฺติตา, ตํ ภูมึ การณํ กตฺวา ภูมิสามิโก นาม โหติ, เอวเมว โข, มหาราช, ตถาคโต สนฺตํ เยว มคฺคํ ลุคฺคํ ปลุคฺคํ คูฬฺหํ ปิหิตํ ปฏิจฺฉนฺนํ อสฺจรณํ ปฺาย สมฺปสฺสมาโน อุปฺปาเทสิ, สฺจรณํ อกาสิ, ตํการณา อาห ‘ตถาคโต, ภิกฺขเว, อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ อนุปฺปนฺนสฺส มคฺคสฺส อุปฺปาเทตา’’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต นาคเสน, เอวเมตํ ตถา สมฺปฏิจฺฉามี’’ติ.

มคฺคุปฺปาทนปฺโห จตุตฺโถ.

๕. พุทฺธอวิเหกปฺโห

. ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ภาสิตมฺเปตํ ภควตา ‘ปุพฺเพ วาหํ มนุสฺสภูโต สมาโน สตฺตานํ อวิเหกชาติโก อโหสิ’นฺติ. ปุน จ ภณิตํ ‘โลมสกสฺสโป นาม อิสิ สมาโน อเนกสเต ปาเณ ฆาตยิตฺวา วาชเปยฺยํ มหายฺํ ยชี’ติ. ยทิ, ภนฺเต นาคเสน, ภควตา ภณิตํ ‘ปุพฺเพ วาหํ มนุสฺสภูโต สมาโน สตฺตานํ อวิเหกชาติโก อโหสิ’นฺติ, เตน หิ ‘โลมสกสฺสเปน อิสินา อเนกสเต ปาเณ ฆาตยิตฺวา วาชเปยฺยํ มหายฺํ ยชิต’นฺติ ยํ วจนํ, ตํ มิจฺฉา. ยทิ ‘โลมสกสฺสเปน อิสินา อเนกสเต ปาเณ ฆาตยิตฺวา วาชเปยฺยํ มหายฺํ ยชิตํ’, เตน หิ ‘ปุพฺเพ วาหํ มนุสฺสภูโต สมาโน สตฺตานํ อวิเหกชาติโก อโหสิ’นฺติ ตมฺปิ วจนํ มิจฺฉา. อยมฺปิ อุภโต โกฏิโก ปฺโห ตวานุปฺปตฺโต, โส ตยา นิพฺพาหิตพฺโพ’’ติ.

‘‘ภาสิตมฺเปตํ, มหาราช, ภควตา ‘ปุพฺเพ วาหํ มนุสฺสภูโต สมาโน สตฺตานํ อวิเหกชาติโก อโหสิ’นฺติ, ‘โลมสกสฺสเปน อิสินา อเนกสเต ปาเณ ฆาตยิตฺวา วาชเปยฺยํ มหายฺํ ยชิตํ’, ตฺจ ปน ราควเสน วิสฺินา, โน สเจตเนนา’’ติ.

‘‘อฏฺิเม, ภนฺเต นาคเสน, ปุคฺคลา ปาณํ หนนฺติ. กตเม อฏฺ? รตฺโต ราควเสน ปาณํ หนติ, ทุฏฺโ โทสวเสน ปาณํ หนติ, มูฬฺโห โมหวเสน ปาณํ หนติ, มานี มานวเสน ปาณํ หนติ, ลุทฺโธ โลภวเสน ปาณํ หนติ, อกิฺจโน ชีวิกตฺถาย ปาณํ หนติ, พาโล หสฺสวเสน [อฺาณวเสน (ก. สี.)] ปาณํ หนติ, ราชา วินยนวเสน ปาณํ หนติ. อิเม โข, ภนฺเต นาคเสน, อฏฺ ปุคฺคลา ปาณํ หนนฺติ. ปากติกํ เยว, ภนฺเต นาคเสน, โพธิสตฺเตน กต’’นฺติ. ‘‘น, มหาราช, ปากติกํ โพธิสตฺเตน กตํ, ยทิ, มหาราช, โพธิสตฺโต ปกติภาเวน โอนเมยฺย มหายฺํ ยชิตุํ, น ยิมํ คาถํ ภเณยฺย –

‘‘‘สสมุทฺทปริยายํ, มหึ สาครกุณฺฑลํ;

น อิจฺเฉ สห นินฺทาย, เอวํ เสยฺห [สยฺห (สี. ปี.)] วิชานหี’ติ.

‘‘เอวํวาที, มหาราช, โพธิสตฺโต สห ทสฺสเนน จนฺทวติยา ราชกฺาย วิสฺี อโหสิ ขิตฺตจิตฺโต รตฺโต วิสฺิภูโต อากุลากุโล ตุริตตุริโต เตน วิกฺขิตฺตภนฺตลุฬิตจิตฺเตน มหติมหาปสุฆาตคลรุหิรสฺจยํ วาชเปยฺยํ มหายฺํ ยชิ.

‘‘ยถา, มหาราช, อุมฺมตฺตโก ขิตฺตจิตฺโต ชลิตมฺปิ ชาตเวทํ อกฺกมติ, กุปิตมฺปิ อาสีวิสํ คณฺหาติ, มตฺตมฺปิ หตฺถึ อุเปติ, สมุทฺทมฺปิ อตีรทสฺสึ ปกฺขนฺทติ, จนฺทนิกมฺปิ โอฬิคลฺลมฺปิ โอมทฺทติ, กณฺฏกาธานมฺปิ อภิรุหติ, ปปาเตปิ ปตติ, อสุจิมฺปิ ภกฺเขติ, นคฺโคปิ รถิยา จรติ, อฺมฺปิ พหุวิธํ อกิริยํ กโรติ. เอวเมว โข, มหาราช, โพธิสตฺโต สห ทสฺสเนน จนฺทวติยา ราชกฺาย วิสฺี อโหสิ ขิตฺตจิตฺโต รตฺโต วิสฺิภูโต อากุลากุโล ตุริตตุริโต, เตน วิกฺขิตฺตภนฺตลุฬิตจิตฺเตน มหติมหาปสุฆาตคลรุหิรสฺจยํ วาชเปยฺยํ มหายฺํ ยชิ.

‘‘ขิตฺตจิตฺเตน, มหาราช, กตํ ปาปํ ทิฏฺธมฺเมปิ น มหาสาวชฺชํ โหติ, สมฺปราเย วิปาเกนปิ โน ตถา. อิธ, มหาราช, โกจิ อุมฺมตฺตโก วชฺฌมาปชฺเชยฺย, ตสฺส ตุมฺเห กึ ทณฺฑํ ธาเรถา’’ติ? ‘‘โก, ภนฺเต, อุมฺมตฺตกสฺส ทณฺโฑ ภวิสฺสติ, ตํ มยํ โปถาเปตฺวา นีหราเปม, เอโสว ตสฺส ทณฺโฑ’’ติ. ‘‘อิติ โข, มหาราช, อุมฺมตฺตกสฺส อปราเธ ทณฺโฑปิ น ภวติ, ตสฺมา อุมฺมตฺตกสฺส กเตปิ น โทโส ภวติ สเตกิจฺโฉ. เอวเมว โข, มหาราช, โลมสกสฺสโป อิสิ สห ทสฺสเนน จนฺทวติยา ราชกฺาย วิสฺี อโหสิ ขิตฺตจิตฺโต รตฺโต วิสฺิภูโต วิสฏปยาโต อากุลากุโล ตุริตตุริโต, เตน วิกฺขิตฺตภนฺตลุฬิตจิตฺเตน มหติมหาปสุฆาตคลรุหิรสฺจยํ วาชเปยฺยํ มหายฺํ ยชิ. ยทา จ ปน ปกติจิตฺโต อโหสิ ปฏิลทฺธสฺสติ, ตทา ปุนเทว ปพฺพชิตฺวา ปฺจาภิฺาโย นิพฺพตฺเตตฺวา พฺรหฺมโลกูปโค อโหสี’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต นาคเสน, เอวเมตํ ตถา สมฺปฏิจฺฉามี’’ติ.

พุทฺธอวิเหกปฺโห ปฺจโม.

๖. ฉทฺทนฺตโชติปาลารพฺภปฺโห

. ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ภาสิตมฺเปตํ ภควตา ฉทฺทนฺโต นาคราชา –

‘‘‘วธิสฺสเมตนฺติ ปรามสนฺโต, กาสาวมทฺทกฺขิ ธชํ อิสีนํ;

ทุกฺเขน ผุฏฺสฺสุทปาทิ สฺา, อรหทฺธโช สพฺภิ อวชฺฌรูโป’ติ.

‘‘ปุน จ ภณิตํ ‘โชติปาลมาณโว สมาโน กสฺสปํ ภควนฺตํ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ มุณฺฑกวาเทน สมณกวาเทน อสพฺภาหิ ผรุสาหิ วาจาหิ อกฺโกสิ ปริภาสี’ติ. ยทิ, ภนฺเต นาคเสน, โพธิสตฺโต ติรจฺฉานคโต สมาโน กาสาวํ อภิปูชยิ, เตน หิ ‘โชติปาเลน มาณเวน กสฺสโป ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ มุณฺฑกวาเทน สมณกวาเทน อสพฺภาหิ ผรุสาหิ วาจาหิ อกฺกุฏฺโ ปริภาสิโต’ติ ยํ วจนํ, ตํ มิจฺฉา. ยทิ โชติปาเลน มาณเวน กสฺสโป ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ มุณฺฑกวาเทน สมณกวาเทน อสพฺภาหิ ผรุสาหิ วาจาหิ อกฺกุฏฺโ ปริภาสิโต, เตน หิ ‘ฉทฺทนฺเตน นาคราเชน กาสาวํ ปูชิต’นฺติ ตมฺปิ วจนํ มิจฺฉา. ยทิ ติรจฺฉานคเตน โพธิสตฺเตน กกฺขฬขรกฏุกเวทนํ เวทยมาเนน ลุทฺทเกน นิวตฺถํ กาสาวํ ปูชิตํ, กึ มนุสฺสภูโต สมาโน ปริปกฺกาโณ ปริปกฺกาย โพธิยา กสฺสปํ ภควนฺตํ อรหนฺตํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ ทสพลํ โลกนายกํ อุทิโตทิตํ ชลิตพฺยาโมภาสํ ปวรุตฺตมํ ปวรรุจิรกาสิกกาสาวมภิปารุตํ ทิสฺวา น ปูชยิ? อยมฺปิ อุภโต โกฏิโก ปฺโห ตวานุปฺปตฺโต, โส ตยา นิพฺพาหิตพฺโพติ.

‘‘ภาสิตมฺเปตํ, มหาราช, ภควตา ฉทฺทนฺโต นาคราชา ‘วธิสฺสเมตนฺติ…เป… อวชฺฌรูโป’ติ. โชติปาเลน จ มาณเวน กสฺสโป ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ มุณฺฑกวาเทน สมณกวาเทน อสพฺภาหิ ผรุสาหิ วาจาหิ อกฺกุฏฺโ ปริภาสิโต, ตฺจ ปน ชาติวเสน กุลวเสน. โชติปาโล, มหาราช, มาณโว อสฺสทฺเธ อปฺปสนฺเน กุเล ปจฺจาชาโต, ตสฺส มาตาปิตโร ภคินิภาตโร ทาสิทาสเจฏกปริวารกมนุสฺสา พฺรหฺมเทวตา พฺรหฺมครุกา, เต ‘พฺราหฺมณา เอว อุตฺตมา ปวรา’ติ อวเสเส ปพฺพชิเต ครหนฺติ ชิคุจฺฉนฺติ, เตสํ ตํ วจนํ สุตฺวา โชติปาโล มาณโว ฆฏิกาเรน กุมฺภกาเรน สตฺถารํ ทสฺสนาย ปกฺโกสิโต เอวมาห ‘กึ ปน เตน มุณฺฑเกน สมณเกน ทิฏฺเนา’ติ.

‘‘ยถา, มหาราช, อมตํ วิสมาสชฺช ติตฺตกํ โหติ, ยถา จ สีโตทกํ อคฺคิมาสชฺช อุณฺหํ โหติ, เอวเมว โข, มหาราช, โชติปาโล มาณโว อสฺสทฺเธ อปฺปสนฺเน กุเล ปจฺจาชาโต, โส กุลวเสน อนฺโธ หุตฺวา [โส กุลชาติวเสน อนฺโธ ภวิตฺวา (สฺยา.)] ตถาคตํ อกฺโกสิ ปริภาสิ.

‘‘ยถา, มหาราช, ชลิตปชฺชลิโต มหาอคฺคิกฺขนฺโธ สปฺปภาโส อุทกมาสชฺช อุปหตปฺปภาเตโช สีตโล กาฬโก ภวติ ปริปกฺกนิคฺคุณฺฑิผลสทิโส, เอวเมว โข, มหาราช, โชติปาโล มาณโว ปุฺวา สทฺโธ าณวิปุลสปฺปภาโส อสฺสทฺเธ อปฺปสนฺเน กุเล ปจฺจาชาโต, โส กุลวเสน อนฺโธ หุตฺวา ตถาคตํ อกฺโกสิ ปริภาสิ, อุปคนฺตฺวา จ พุทฺธคุณมฺาย เจฏกภูโต วิย อโหสิ, ชินสาสเน ปพฺพชิตฺวา อภิฺา จ สมาปตฺติโย จ นิพฺพตฺเตตฺวา พฺรหฺมโลกูปโค อโหสี’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต นาคเสน, เอวเมตํ ตถา สมฺปฏิจฺฉามี’’ติ.

ฉทฺทนฺตโชติปาลารพฺภปฺโห ฉฏฺโ.

๗. ฆฏิการปฺโห

. ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ภาสิตมฺเปตํ ภควตา ‘ฆฏิการสฺส กุมฺภการสฺส อาเวสนํ สพฺพํ เตมาสํ อากาสจฺฉทนํ อฏฺาสิ, น เทโวติวสฺสี’ติ. ปุน จ ภณิตํ ‘กสฺสปสฺส ตถาคตสฺส [ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส (ม. นิ. ๒.๒๘๙)] กุฏิ โอวสฺสตี’ติ. กิสฺส ปน, ภนฺเต นาคเสน, ตถาคตสฺส เอวมุสฺสนฺนกุสลมูลสฺส [เอวรูปสฺส อุสฺสนฺนกุสลมูลสฺส (ก.)] กุฏิ โอวสฺสติ, ตถาคตสฺส นาม โส อานุภาโว อิจฺฉิตพฺโพ? ยทิ, ภนฺเต นาคเสน, ฆฏิการสฺส กุมฺภการสฺส อาเวสนํ อโนวสฺสํ อากาสจฺฉทนํ อโหสิ, เตน หิ ‘ตถาคตสฺส กุฏิ โอวสฺสตี’ติ ยํ วจนํ, ตํ มิจฺฉา. ยทิ ตถาคตสฺส กุฏิ โอวสฺสติ, เตน หิ ‘ฆฏิการสฺส กุมฺภการสฺส อาเวสนํ อโนวสฺสกํ อโหสิ อากาสจฺฉทน’นฺติ ตมฺปิ วจนํ มิจฺฉา. อยมฺปิ อุภโต โกฏิโก ปฺโห ตวานุปฺปตฺโต, โส ตยา นิพฺพาหิตพฺโพ’’ติ.

‘‘ภาสิตมฺเปตํ, มหาราช, ภควตา ‘ฆฏิการสฺส กุมฺภการสฺส อาเวสนํ สพฺพํ เตมาสํ อากาสจฺฉทนํ อฏฺาสิ, น เทโวติวสฺสี’ติ. ภณิตฺจ ‘กสฺสปสฺส ตถาคตสฺส กุฏิ โอวสฺสตี’ติ. ฆฏิกาโร, มหาราช, กุมฺภกาโร สีลวา กลฺยาณธมฺโม อุสฺสนฺนกุสลมูโล อนฺเธ ชิณฺเณ มาตาปิตโร โปเสติ, ตสฺส อสมฺมุขา อนาปุจฺฉาเยวสฺส ฆเร ติณํ หริตฺวา ภควโต กุฏึ ฉาเทสุํ, โส เตน ติณหรเณน อกมฺปิตํ อสฺจลิตํ สุสณฺิตํ วิปุลมสมํ ปีตึ ปฏิลภติ, ภิยฺโย โสมนสฺสฺจ อตุลํ อุปฺปาเทสิ ‘อโห วต เม ภควา โลกุตฺตโม สุวิสฺสตฺโถ’ติ, เตน ตสฺส ทิฏฺธมฺมิโก วิปาโก นิพฺพตฺโต. น หิ, มหาราช, ตถาคโต ตาวตเกน วิกาเรน จลติ.

‘‘ยถา, มหาราช, สิเนรุ คิริราชา อเนกสตสหสฺสวาตสมฺปหาเรนปิ น กมฺปติ น จลติ, มโหทธิ วรปฺปวรสาคโร อเนกสตนหุตมหาคงฺคาสตสหสฺเสหิปิ น ปูรติ น วิการมาปชฺชติ, เอวเมว โข, มหาราช, ตถาคโต น ตาวตเกน วิกาเรน จลติ.

‘‘ยํ ปน, มหาราช, ตถาคตสฺส กุฏิ โอวสฺสติ, ตํ มหโต ชนกายสฺส อนุกมฺปาย. ทฺเวเม, มหาราช, อตฺถวเส สมฺปสฺสมานา ตถาคตา สยํ นิมฺมิตํ ปจฺจยํ นปฺปฏิเสวนฺติ, ‘อยํ อคฺคทกฺขิเณยฺโย สตฺถา’ติ ภควโต ปจฺจยํ ทตฺวา เทวมนุสฺสา สพฺพทุคฺคติโต ปริมุจฺจิสฺสนฺตีติ, ทสฺเสตฺวา วุตฺตึ ปริเยสนฺตีติ ‘มา อฺเ อุปวเทยฺยุ’นฺติ. อิเม ทฺเว อตฺถวเส สมฺปสฺสมานา ตถาคตา สยํ นิมฺมิตํ ปจฺจยํ นปฺปฏิเสวนฺติ. ยทิ, มหาราช, สกฺโก วา ตํ กุฏึ อโนวสฺสํ กเรยฺย พฺรหฺมา วา สยํ วา, สาวชฺชํ ภเวยฺย ตํ เยว กรณํ [การณํ (สี. ปี.)] สโทสํ สนิคฺคหํ, อิเม วิภูตํ [วิภูสํ (สี. ปี.)] กตฺวา โลกํ สมฺโมเหนฺติ อธิกตํ กโรนฺตีติ, ตสฺมา ตํ กรณํ วชฺชนียํ. น, มหาราช, ตถาคตา วตฺถุํ ยาจนฺติ, ตาย อวตฺถุยาจนาย อปริภาสิยา ภวนฺตี’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต นาคเสน, เอวเมตํ ตถา สมฺปฏิจฺฉามี’’ติ.

ฆฏิการปฺโห สตฺตโม.

๘. พฺราหฺมณราชวาทปฺโห

. ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ภาสิตมฺเปตํ ตถาคเตน ‘อหมสฺมิ, ภิกฺขเว, พฺราหฺมโณ ยาจโยโค’ติ. ปุน จ ภณิตํ ‘ราชาหมสฺมิ เสลา’ติ. ยทิ, ภนฺเต นาคเสน, ภควตา ภณิตํ ‘อหมสฺมิ, ภิกฺขเว, พฺราหฺมโณ ยาจโยโค’ติ, เตน หิ ‘ราชาหมสฺมิ เสลา’ติ ยํ วจนํ, ตํ มิจฺฉา. ยทิ ตถาคเตน ภณิตํ ‘ราชาหมสฺมิ เสลา’ติ, เตน หิ ‘อหมสฺมิ, ภิกฺขเว, พฺราหฺมโณ ยาจโยโค’ติ ตมฺปิ วจนํ มิจฺฉา. ขตฺติโย วา หิ ภเวยฺย พฺราหฺมโณ วา, นตฺถิ เอกาย ชาติยา ทฺเว วณฺณา นาม, อยมฺปิ อุภโต โกฏิโก ปฺโห ตวานุปฺปตฺโต, โส ตยา นิพฺพาหิตพฺโพ’’ติ.

‘‘ภาสิตมฺเปตํ, มหาราช, ภควตา ‘อหมสฺมิ, ภิกฺขเว, พฺราหฺมโณ ยาจโยโค’ติ, ปุน จ ภณิตํ ‘ราชาหมสฺมิ เสลา’ติ, ตตฺถ การณํ อตฺถิ, เยน การเณน ตถาคโต พฺราหฺมโณ จ ราชา จ โหตี’’ติ.

‘‘กึ ปน ตํ, ภนฺเต นาคเสน, การณํ, เยน การเณน ตถาคโต พฺราหฺมโณ จ ราชา จ โหติ’’? ‘‘สพฺเพ, มหาราช, ปาปกา อกุสลา ธมฺมา ตถาคตสฺส พาหิตา ปหีนา อปคตา พฺยปคตา อุจฺฉินฺนา ขีณา ขยํ ปตฺตา นิพฺพุตา อุปสนฺตา, ตสฺมา ตถาคโต ‘พฺราหฺมโณ’ติ วุจฺจติ.

‘‘พฺราหฺมโณ นาม สํสยมเนกํสํ วิมติปถํ วีติวตฺโต, ภควาปิ, มหาราช, สํสยมเนกํสํ วิมติปถํ วีติวตฺโต, เตน การเณน ตถาคโต ‘พฺราหฺมโณ’ติ วุจฺจติ.

‘‘พฺราหฺมโณ นาม สพฺพภวคติโยนินิสฺสโฏ มลรชคตวิปฺปมุตฺโต อสหาโย, ภควาปิ, มหาราช, สพฺพภวคติโยนินิสฺสโฏ มลรชคตวิปฺปมุตฺโต อสหาโย, เตน การเณน ตถาคโต ‘พฺราหฺมโณ’ติ วุจฺจติ.

‘‘พฺราหฺมณา นาม อคฺคเสฏฺวรปวรทิพฺพวิหารพหุโล, ภควาปิ, มหาราช, อคฺคเสฏฺวรปวรทิพฺพวิหารพหุโล, เตนาปิ กปรเณน ตถาคโต ‘‘พฺราหฺมโณ’’ติ วุจฺจติ.

‘‘พฺราหฺมโณ นาม อชฺฌยน อชฺฌาปน ทานปฺปฏิคฺคหณ ทม สํยมนิยมปุพฺพมนุสิฏฺิ ปเวณิ วํส ธรโณ, ภควาปิ, มหาราช, อชฺฌยน อชฺฌาปน ทานปฺปฏิคฺคหณ ทม สํยม นิยม ปุพฺพชินาจิณฺณ อนุสิฏฺิ ปเวณิ วํส ธรโณ เตนาปิ การเณน ตถาคโต ‘พฺราหฺมโณ’ติ วุจฺจติ.

‘‘พฺราหฺมโณ นาม พฺรหาสุขวิหารชฺฌานฌายี; ภควาปิ, มหาราช, พฺรหาสุขวิหารชฺฌานฌายี, เตนาปิ การเณน ตถาคโต ‘พฺราหฺมโณ’ติ วุจฺจติ.

‘‘พฺราหฺมโณ นาม สพฺพภวาภวคตีสุ อภิชาติวตฺติตมนุจริตํ ชานาติ, ภควาปิ, มหาราช, สพฺพภวาภวคตีสุ อภิชาติวตฺติตมนุจริตํ ชานาติ, เตนาปิ การเณน ตถาคโต ‘พฺราหฺมโณ’ติ วุจฺจติ.

‘‘พฺราหฺมโณติ, มหาราช, ภควโต เนตํ นามํ มาตรา กตํ, น ปิตรา กตํ, น ภาตรา กตํ, น ภคินิยา กตํ, น มิตฺตามจฺเจหิ กตํ, น าติสาโลหิเตหิ กตํ, น สมณพฺราหฺมเณหิ กตํ, น เทวตาหิ กตํ, วิโมกฺขนฺติกเมตํ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ นามํ โพธิยา เยว มูเล มารเสนํ วิธมิตฺวา อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺเน ปาปเก อกุสเล ธมฺเม พาเหตฺวา สห สพฺพฺุตาณสฺส ปฏิลาภา ปฏิลทฺธปาตุภูตสมุปฺปนฺนมตฺเต สจฺฉิกา ปฺตฺติ ยทิทํ พฺราหฺมโณติ, เตน การเณน ตถาคโต วุจฺจติ ‘พฺราหฺมโณ’’’ติ.

‘‘เกน ปน, ภนฺเต นาคเสน, การเณน ตถาคโต วุจฺจติ ‘ราชา’’’ติ? ‘‘ราชา นาม, มหาราช, โย โกจิ รชฺชํ กาเรติ โลกมนุสาสติ, ภควาปิ, มหาราช, ทสสหสฺสิยา โลกธาตุยา ธมฺเมน รชฺชํ กาเรติ, สเทวกํ โลกํ สมารกํ สพฺรหฺมกํ สสฺสมณพฺราหฺมณึ ปชํ สเทวมนุสฺสํ อนุสาสติ, เตนาปิ การเณน ตถาคโต วุจฺจติ ‘ราชา’ติ.

‘‘ราชา นาม, มหาราช, สพฺพชนมนุสฺเส อภิภวิตฺวา นนฺทยนฺโต าติสงฺฆํ, โสจยนฺโต อมิตฺตสงฺฆํ, มหติมหายสสิริหรํ ถิรสารทณฺฑํ อนูนสตสลากาลงฺกตํ อุสฺสาเปติ ปณฺฑรวิมลเสตจฺฉตฺตํ, ภควาปิ, มหาราช, โสจยนฺโต มารเสนํ มิจฺฉาปฏิปนฺนํ, นนฺทยนฺโต เทวมนุสฺเส สมฺมาปฏิปนฺเน ทสสหสฺสิยา โลกธาตุยา มหติมหายสสิริหรํ ขนฺติถิรสารทณฺฑํ าณวรสตสลากาลงฺกตํ อุสฺสาเปติ อคฺควรวิมุตฺติปณฺฑรวิมลเสตจฺฉตฺตํ, เตนาปิ การเณน ตถาคโต วุจฺจติ ‘ราชา’ติ.

‘‘ราชา นาม อุปคตสมฺปตฺตชนานํ พหูนมภิวนฺทนีโย ภวติ, ภควาปิ, มหาราช, อุปคตสมฺปตฺตเทวมนุสฺสานํ พหูนมภิวนฺทนีโย, เตนาปิ การเณน ตถาคโต วุจฺจติ ‘ราชา’ติ.

‘‘ราชา นาม ยสฺส กสฺสจิ อาราธกสฺส ปสีทิตฺวา วริตํ วรํ ทตฺวา กาเมน ตปฺปยติ, ภควาปิ, มหาราช, ยสฺส กสฺสจิ กาเยน วาจาย มนสา อาราธกสฺส ปสีทิตฺวา วริตํ วรมนุตฺตรํ สพฺพทุกฺขปริมุตฺตึ ทตฺวา อเสสกามวเรน จ ตปฺปยติ, เตนาปิ การเณน ตถาคโต วุจฺจติ ‘ราชา’ติ.

‘‘ราชา นาม อาณํ วีติกฺกมนฺตํ วิครหติ ฌาเปติ [ชาเปติ (สี. ปี.)] ธํเสติ, ภควโตปิ, มหาราช, สาสนวเร อาณํ อติกฺกมนฺโต อลชฺชี มงฺกุภาเวน โอฺาโต หีฬิโต ครหิโต ภวิตฺวา วชฺชติ ชินสาสนวรมฺหา, เตนาปิ การเณน ตถาคโต วุจฺจติ ‘ราชา’ติ.

‘‘ราชา นาม ปุพฺพกานํ ธมฺมิกานํ ราชูนํ ปเวณิมนุสิฏฺิยา ธมฺมาธมฺมมนุทีปยิตฺวา ธมฺเมน รชฺชํ การยมาโน ปิหยิโต ปิโย ปตฺถิโต ภวติ ชนมนุสฺสานํ, จิรํ ราชกุลวํสํ ปยติ ธมฺมคุณพเลน, ภควาปิ, มหาราช, ปุพฺพกานํ สยมฺภูนํ ปเวณิมนุสิฏฺิยา ธมฺมาธมฺมมนุทีปยิตฺวา ธมฺเมน โลกมนุสาสมาโน ปิหยิโต ปิโย ปตฺถิโต เทวมนุสฺสานํ จิรํ สาสนํ ปวตฺเตติ ธมฺมคุณพเลน, เตนาปิ การเณน ตถาคโต วุจฺจติ ‘ราชา’ติ. เอวมเนกวิธํ, มหาราช, การณํ, เยน การเณน ตถาคโต พฺราหฺมโณปิ ภเวยฺย ราชาปิ ภเวยฺย, สุนิปุโณ ภิกฺขุ กปฺปมฺปิ โน นํ สมฺปาเทยฺย, กึ อติพหุํ ภณิเตน, สํขิตฺตํ สมฺปฏิจฺฉิตพฺพ’’นฺติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต นาคเสน, เอวเมตํ ตถา สมฺปฏิจฺฉามี’’ติ.

พฺราหฺมณราชวาทปฺโห อฏฺโม.

๙. คาถาภิคีตโภชนกถาปฺโห

. ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ภาสิตมฺเปตํ ภควตา –

‘‘‘คาถาภิคีตํ เม อโภชเนยฺยํ [อโภชนียํ (ก.) สุ. นิ. ๘๑ ปสฺสิตพฺพํ], สมฺปสฺสตํ พฺราหฺมณ เนส ธมฺมา;

คาถาภิคีตํ ปนุทนฺติ พุทฺธา, ธมฺเม สตี พฺราหฺมณ วุตฺติเรสา’ติ.

‘‘ปุน จ ภควา ปริสาย ธมฺมํ เทเสนฺโต กเถนฺโต อนุปุพฺพิกถํ ปมํ ตาว ทานกถํ กเถติ, ปจฺฉา สีลกถํ, ตสฺส ภควโต สพฺพโลกิสฺสรสฺส ภาสิตํ สุตฺวา เทวมนุสฺสา อภิสงฺขริตฺวา ทานํ เทนฺติ, ตสฺส ตํ อุยฺโยชิตํ ทานํ สาวกา ปริภุฺชนฺติ. ยทิ, ภนฺเต นาคเสน, ภควตา ภณิตํ ‘คาถาภิคีตํ เม อโภชเนยฺย’นฺติ, เตน หิ ‘ภควา ทานกถํ ปมํ กเถตี’ติ ยํ วจนํ, ตํ มิจฺฉา. ยทิ ทานกถํ ปมํ กเถติ, เตน หิ ‘คาถาภิคีตํ เม อโภชเนยฺย’นฺติ ตมฺปิ วจนํ มิจฺฉา. กึ การณํ? โย โส, ภนฺเต, ทกฺขิเณยฺโย คิหีนํ ปิณฺฑปาตทานสฺส วิปากํ กเถติ, ตสฺส เต ธมฺมกถํ สุตฺวา ปสนฺนจิตฺตา อปราปรํ ทานํ เทนฺติ, เย ตํ ทานํ ปริภุฺชนฺติ, สพฺเพ เต คาถาภิคีตํ ปริภุฺชนฺติ. อยมฺปิ อุภโต โกฏิโก ปฺโห นิปุโณ คมฺภีโร ตปานุปฺปตฺโต, โส ตยา นิพฺพาหิตพฺโพ’’ติ.

‘‘ภาสิตมฺเปตํ, มหาราช, ภควตา ‘คาถาภิคีตํ เม อโภชเนยฺยํ, สมฺปสฺสตํ พฺราหฺมณ เนส ธมฺโม. คาถาภิคีตํ ปนุทนฺติ พุทฺธา, ธมฺเม สตี พฺราหฺมณ วุตฺติเรสา’ติ, กเถติ จ ภควา ปมํ ทานกถํ, ตฺจ ปน กิริยํ สพฺเพสํ ตถาคตานํ ปมํ ทานกถาย, ตตฺถ จิตฺตํ อภิรมาเปตฺวา ปจฺฉา สีเล นิโยเชนฺติ. ยถา, มหาราช, มนุสฺสา ตรุณทารกานํ ปมํ ตาว กีฬาภณฺฑกานิ เทนฺติ. เสยฺยถิทํ, วงฺกกํ ฆฏิกํ จิงฺคุลกํ ปตฺตาฬฺหกํ รถกํ ธนุกํ, ปจฺฉา เต สเก สเก กมฺเม นิโยเชนฺติ. เอวเมว โข, มหาราช, ตถาคโต ปมํ ทานกถาย จิตฺตํ อภิรมาเปตฺวา ปจฺฉา สีเล นิโยเชติ.

‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, ภิสกฺโก นาม อาตุรานํ ปมํ ตาว จตูหปฺจาหํ เตลํ ปาเยติ พลกรณาย สิเนหนาย, ปจฺฉา วิเรเจติ. เอวเมว โข, มหาราช, ตถาคโต ปมํ ตาว ทานกถาย จิตฺตํ อภิรมาเปตฺวา ปจฺฉา สีเล นิโยเชติ. ทายกานํ, มหาราช, ทานปตีนํ จิตฺตํ มุทุกํ โหติ มทฺทวํ สินิทฺธํ, เตน เต ทานเสตุสงฺกเมน ทานนาวาย สํสารสาครปารมนุคจฺฉนฺติ, ตสฺมา เตสํ ปมํ กมฺมภูมิมนุสาสติ, น จ เกนจิ [เตน (สี. ปี.)] วิฺตฺติมาปชฺชตี’’ติ.

‘‘ภนฺเต นาคเสน, ‘วิฺตฺติ’นฺติ ยํ วเทสิ, กติ ปน ตา วิฺตฺติโย’’ติ? ‘‘ทฺเวมา, มหาราช, วิฺตฺติโย กายวิฺตฺติ วจีวิฺตฺติ จาติ. ตตฺถ อตฺถิ กายวิฺตฺติ สาวชฺชา, อตฺถิ อนวชฺชา. อตฺถิ วจีวิฺตฺติ สาวชฺชา, อตฺถิ อนวชฺชา.

‘‘กตมา กายวิฺตฺติ สาวชฺชา? อิเธกจฺโจ ภิกฺขุ กุลานิ อุปคนฺตฺวา อโนกาเส ิโต านํ ภฺชติ, อยํ กายวิฺตฺติ สาวชฺชา. ตาย จ วิฺาปิตํ อริยา น ปริภุฺชนฺติ, โส จ ปุคฺคโล อริยานํ สมเย โอฺาโต โหติ หีฬิโต ขีฬิโต ครหิโต ปริภูโต อจิตฺตีกโต, ภินฺนาชีโวตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ.

‘‘ปุน จปรํ, มหาราช, อิเธกจฺโจ ภิกฺขุ กุลานิ อุปคนฺตฺวา อโนกาเส ิโต คลํ ปณาเมตฺวา โมรเปกฺขิตํ เปกฺขติ ‘เอวํ อิเม ปสฺสนฺตี’ติ, เตน จ เต ปสฺสนฺติ. อยมฺปิ กายวิฺตฺติ สาวชฺชา. ตาย จ วิฺาปิตํ อริยา น ปริภุฺชนฺติ, โส จ ปุคฺคโล อริยานํ สมเย โอฺาโต โหติ หีฬิโต ขีฬิโต ครหิโต ปริภูโต อจิตฺตีกโต, ภินฺนาชีโวตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ.

‘‘ปุน จปรํ, มหาราช, อิเธกจฺโจ ภิกฺขุ หนุกาย วา ภมุกาย วา องฺคุฏฺเน วา วิฺาเปติ, อยมฺปิ กายวิฺตฺติ สาวชฺชา, ตาย จ วิฺาปิตํ อริยา น ปริภุฺชนฺติ, โส จ ปุคฺคโล อริยานํ สมเย โอฺาโต โหติ หีฬิโต ขีฬิโต ครหิโต ปริภูโต อจิตฺตีกโต, ภินฺนาชีโวตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ.

‘‘กตมา กายวิฺตฺติ อนวชฺชา? อิธ ภิกฺขุ กุลานิ อุปคนฺตฺวา สโต สมาหิโต สมฺปชาโน าเนปิ อฏฺาเนปิ ยถานุสิฏฺึ คนฺตฺวา าเน ติฏฺติ, ทาตุกาเมสุ ติฏฺติ, อทาตุกาเมสุ ปกฺกมติ. อยํ กายวิฺตฺติ อนวชฺชา, ตาย จ วิฺาปิตํ อริยา ปริภุฺชนฺติ, โส จ ปุคฺคโล อริยานํ สมเย วณฺณิโต โหติ ถุโต ปสตฺโถ สลฺเลขิตาจาโร, ปริสุทฺธาชีโวตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ. ภาสิตมฺเปตํ, มหาราช, ภควตา เทวาติเทเวน –

‘น เว ยาจนฺติ สปฺปฺา, ธีโร จ เวทิตุมรหติ [อริยา ครหนฺติ ยาจนํ (สี. ปี.)];

อุทฺทิสฺส อริยา ติฏฺนฺติ, เอสา อริยาน ยาจนา’ติ.

‘‘กตมา วจีวิฺตฺติ สาวชฺชา? อิธ, มหาราช, ภิกฺขุ วาจาย พหุวิธํ วิฺาเปติ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขารํ, อยํ วจีวิฺตฺติ สาวชฺชา, ตาย จ วิฺาปิตํ อริยา น ปริภุฺชนฺติ, โส จ ปุคฺคโล อริยานํ สมเย โอฺาโต โหติ หีฬิโต ขีฬิโต ครหิโต ปริภูโต อจิตฺตีกโต, ภินฺนาชีโวตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ.

‘‘ปุน จปรํ, มหาราช, อิเธกจฺโจ ภิกฺขุ ปเรสํ สาเวนฺโต เอวํ ภณติ ‘อิมินา เม อตฺโถ’ติ, ตาย จ วาจาย ปเรสํ สาวิตาย ตสฺส ลาโภ อุปฺปชฺชติ, อยมฺปิ วจีวิฺตฺติ สาวชฺชา, ตาย จ วิฺาปิตํ อริยา น ปริภุฺชนฺติ, โส จ ปุคฺคโล อริยานํ สมเย โอฺาโต โหติ หีฬิโต ขีฬิโต ครหิโต ปริภูโต อจิตฺตีกโต, ภินฺนาชีโวตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ.

‘‘ปุน จปรํ, มหาราช, อิเธกจฺโจ ภิกฺขุ วจีวิปฺผาเรน ปริสาย สาเวติ ‘เอวฺจ เอวฺจ ภิกฺขูนํ ทาตพฺพ’นฺติ, ตฺจ เต วจนํ สุตฺวา ปริกิตฺติตํ อภิหรนฺติ, อยมฺปิ วจีวิฺตฺติ สาวชฺชา, ตาย จ วิฺาปิตํ อริยา น ปริภุฺชนฺติ, โส จ ปุคฺคโล อริยานํ สมเย โอฺาโต โหติ หีฬิโต ขีฬิโต ครหิโต ปริภูโต อจิตฺตีกโต, ภินฺนาชีโวตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ.

‘‘นนุ, มหาราช, เถโรปิ สาริปุตฺโต อตฺถงฺคเต สูริเย รตฺติภาเค คิลาโน สมาโน เถเรน มหาโมคฺคลฺลาเนน เภสชฺชํ ปุจฺฉียมาโน วาจํ ภินฺทิ, ตสฺส เตน วจีเภเทน เภสชฺชํ อุปฺปชฺชิ. อถ เถโร สาริปุตฺโต ‘วจีเภเทน เม อิมํ เภสชฺชํ อุปฺปนฺนํ, มา เม อาชีโว ภิชฺชี’ติ อาชีวเภทภยา ตํ เภสชฺชํ ปชหิ น อุปชีวิ. เอวมฺปิ วจีวิฺตฺติ สาวชฺชา, ตาย จ วิฺาปิตํ อริยา น ปริภุฺชนฺติ. โส จ ปุคฺคโล อริยานํ สมเย โอฺาโต โหติ หีฬิโต ขีฬิโต ครหิโต ปริภูโต อจิตฺตีกโต, ภินฺนาชีโวตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ.

‘‘กตมา วจีวิฺตฺติ อนวชฺชา? อิธ, มหาราช, ภิกฺขุ สติ ปจฺจเย เภสชฺชํ วิฺาเปติ าติปวาริเตสุ กุเลสุ, อยํ วจีวิฺตฺติ อนวชฺชา, ตาย จ วิฺาปิตํ อริยา ปริภุฺชนฺติ, โส จ ปุคฺคโล อริยานํ สมเย วณฺณิโต โหติ โถมิโต ปสตฺโถ, ปริสุทฺธาชีโวตฺเวว สงฺขํ คจฺฉติ, อนุมโต ตถาคเตหิ อรหนฺเตหิ สมฺมาสมฺพุทฺเธหิ.

‘‘ยํ ปน, มหาราช, ตถาคโต กสิภารทฺวาชสฺส พฺราหฺมณสฺส โภชนํ ปชหิ [ปชหติ (ก.)], ตํ อาเวนวินิเวนกฑฺฒนนิคฺคหปฺปฏิกมฺเมน นิพฺพตฺติ, ตสฺมา ตถาคโต ตํ ปิณฺฑปาตํ ปฏิกฺขิปิ น อุปชีวี’’ติ.

‘‘สพฺพกาลํ, ภนฺเต นาคเสน, ตถาคเต ภุฺชมาเน เทวตา ทิพฺพํ โอชํ ปตฺเต อากิรนฺติ, อุทาหุ ‘สูกรมทฺทเว จ มธุปายาเส จา’ติ ทฺวีสุ เยว ปิณฺฑปาเตสุ อากิรึสู’’ติ? ‘‘สพฺพกาลํ, มหาราช, ตถาคเต ภุฺชมาเน เทวตา ทิพฺพํ โอชํ คเหตฺวา อุปติฏฺิตฺวา อุทฺธฏุทฺธเฏ อาโลเป อากิรนฺติ.

‘‘ยถา, มหาราช, รฺโ สูโท รฺโ ภุฺชนฺตสฺส สูปํ คเหตฺวา อุปติฏฺิตฺวา กพเฬ กพเฬ สูปํ อากิรติ, เอวเมว โข, มหาราช, สพฺพกาลํ ตถาคเต ภุฺชมาเน เทวตา ทิพฺพํ โอชํ คเหตฺวา อุปติฏฺิตฺวา อุทฺธฏุทฺธเฏ อาโลเป ทิพฺพํ โอชํ อากิรนฺติ. เวรฺชายมฺปิ, มหาราช, ตถาคตสฺส สุกฺขยวปุลเก [สุกฺขยวมูลเก (ก.)] ภุฺชมานสฺส เทวตา ทิพฺเพน โอเชน เตมยิตฺวา เตมยิตฺวา อุปสํหรึสุ, เตน ตถาคตสฺส กาโย อุปจิโต อโหสี’’ติ. ‘‘ลาภา วต, ภนฺเต นาคเสน, ตาสํ เทวตานํ, ยา ตถาคตสฺส สรีรปฺปฏิชคฺคเน สตตํ สมิตํ อุสฺสุกฺกมาปนฺนา. สาธุ, ภนฺเต นาคเสน, เอวเมตํ ตถา สมฺปฏิจฺฉามี’’ติ.

คาถาภิคีตโภชนกถาปฺโห นวโม.

๑๐. ธมฺมเทสนาย อปฺโปสฺสุกฺกปฺโห

๑๐. ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ตุมฺเห ภณถ ‘ตถาคเตน จตูหิ จ อสงฺขฺเยยฺเยหิ กปฺปานํ สตสหสฺเสน จ เอตฺถนฺตเร สพฺพฺุตาณํ ปริปาจิตํ มหโต ชนกายสฺส สมุทฺธรณายา’ติ. ปุน จ ‘สพฺพฺุตํ ปตฺตสฺส อปฺโปสฺสุกฺกตาย จิตฺตํ นมิ, โน ธมฺมเทสนายา’ติ.

‘‘ยถา นาม, ภนฺเต นาคเสน, อิสฺสาโส วา อิสฺสาสนฺเตวาสี วา พหุเก ทิวเส สงฺคามตฺถาย อุปาสนํ สิกฺขิตฺวา สมฺปตฺเต มหายุทฺเธ โอสกฺเกยฺย, เอวเมว โข, ภนฺเต นาคเสน, ตถาคเตน จตูหิ จ อสงฺขฺเยยฺเยหิ กปฺปานํ สตสหสฺเสน จ เอตฺถนฺตเร สพฺพฺุตาณํ ปริปาเจตฺวา มหโต ชนกายสฺส สมุทฺธรณาย สพฺพฺุตํ ปตฺเตน ธมฺมเทสนาย โอสกฺกิตํ.

‘‘ยถา วา ปน, ภนฺเต นาคเสน, มลฺโล วา มลฺลนฺเตวาสี วา พหุเก ทิวเส นิพฺพุทฺธํ สิกฺขิตฺวา สมฺปตฺเต มลฺลยุทฺเธ โอสกฺเกยฺย, เอวเมว โข, ภนฺเต นาคเสน, ตถาคเตน จตูหิ จ อสงฺขฺเยยฺเยหิ กปฺปานํ สตสหสฺเสน จ เอตฺถนฺตเร สพฺพฺุตาณํ ปริปาเจตฺวา มหโต ชนกายสฺส สมุทฺธรณาย สพฺพฺุตํ ปตฺเตน ธมฺมเทสนาย โอสกฺกิตํ.

‘‘กึ นุ โข, ภนฺเต นาคเสน, ตถาคเตน ภยา โอสกฺกิตํ, อุทาหุ อปากฏตาย โอสกฺกิตํ, อุทาหุ ทุพฺพลตาย โอสกฺกิตํ, อุทาหุ อสพฺพฺุตาย โอสกฺกิตํ, กึ ตตฺถ การณํ, อิงฺฆ เม ตฺวํ การณํ พฺรูหิ กงฺขาวิตรณาย. ยทิ, ภนฺเต นาคเสน, ตถาคเตน จตูหิ จ อสงฺขฺเยยฺเยหิ กปฺปานํ สตสหสฺเสน จ เอตฺถนฺตเร สพฺพฺุตาณํ ปริปาจิตํ มหโต ชนกายสฺส สมุทฺธรณาย, เตน หิ ‘สพฺพฺุตํ ปตฺตสฺส อปฺโปสฺสุกฺกตาย จิตฺตํ นมิ, โน ธมฺมเทสนายา’ติ ยํ วจนํ, ตํ มิจฺฉา. ยทิ สพฺพฺุตํ ปตฺตสฺส อปฺโปสฺสุกฺกตาย จิตฺตํ นมิ โน ธมฺมเทสนาย, เตน หิ ‘ตถาคเตน จตูหิ จ อสงฺขฺเยยฺเยติ กปฺปานํ สตสหสฺเสน จ เอตฺถนฺตเร สพฺพฺุตาณํ ปริปาจิตํ มหโต ชนกายสฺส สมุทฺธรณายา’ติ ตมฺปิ วจนํ มิจฺฉา. อยมฺปิ อุภโต โกฏิโก ปฺโห คมฺภีโร ทุนฺนิพฺเพโ ตวานุปฺปตฺโต, โส ตยา นิพฺพาหิตพฺโพ’’ติ.

‘‘ปริปาจิตฺจ, มหาราช, ตถาคเตน จตูหิ จ อสงฺขฺเยยฺเยหิ กปฺปานํ สตสหสฺเสน จ เอตฺถนฺตเร สพฺพฺุตาณํ มหโต ชนกายสฺส สมุทฺธรณาย, ปตฺตสพฺพฺุตสฺส จ อปฺโปสฺสุกฺกตาย จิตฺตํ นมิ, โน ธมฺมเทสนาย. ตฺจ ปน ธมฺมสฺส คมฺภีรนิปุณทุทฺทสทุรนุโพธสุขุมทุปฺปฏิเวธตํ สตฺตานฺจ อาลยารามตํ สกฺกายทิฏฺิยา ทฬฺหสุคฺคหิตตฺจ ทิสฺวา ‘กึ นุ โข, กถํ นุ โข’ติ อปฺโปสฺสุกฺกตาย จิตฺตํ นมิ, โน ธมฺมเทสนาย, สตฺตานํ ปฏิเวธจินฺตนมานสํ เยเวตํ.

‘‘ยถา, มหาราช, ภิสกฺโก สลฺลกตฺโต อเนกพฺยาธิปริปีฬิตํ นรํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ จินฺตยติ ‘เกน นุ โข อุปกฺกเมน กตเมน วา เภสชฺเชน อิมสฺส พฺยาธิ วูปสเมยฺยา’ติ, เอวเมว โข, มหาราช, ตถาคตสฺส สพฺพกิเลสพฺยาธิปริปีฬิตํ ชนํ ธมฺมสฺส จ คมฺภีรนิปุณทุทฺทสทุรนุโพธสุขุมทุปฺปฏิเวธตํ ทิสฺวา ‘กึ นุ โข, กถํ นุ โข’ติ อปฺโปสฺสุกฺกตาย จิตฺตํ นมิ, โน ธมฺมเทสนาย, สตฺตานํ ปฏิเวธจินฺตนมานสํ เยเวตํ.

‘‘ยถา, มหาราช, รฺโ ขตฺติยสฺส มุทฺธาวสิตฺตสฺส โทวาริกอนีกฏฺปาริสชฺชเนคมภฏพล [พลตฺถ (สี. ปี.)] อมจฺจราชฺราชูปชีวิเน ชเน ทิสฺวา เอวํ จิตฺตมุปฺปชฺเชยฺย ‘กึ นุ โข, กถํ นุ โข อิเม สงฺคณฺหิสฺสามี’ติ, เอวเมว โข, มหาราช, ตถาคตสฺส ธมฺมสฺส คมฺภีรนิปุณทุทฺทสทุรนุโพธสุขุมทุปฺปฏิเวธตํ สตฺตานฺจ อาลยารามตํ สกฺกายทิฏฺิยา ทฬฺหสุคฺคหิตตฺจ ทิสฺวา ‘กึ นุ โข, กถํ นุ โข’ติ อปฺโปสฺสุกฺกตาย จิตฺตํ นมิ, โน ธมฺมเทสนาย, สตฺตานํ ปฏิเวธจินฺตนมานสํ เยเวตํ.

‘‘อปิ จ, มหาราช, สพฺเพสํ ตถาคตานํ ธมฺมตา เอสา, ยํ พฺรหฺมุนา อายาจิตา ธมฺมํ เทเสนฺติ. ตตฺถ ปน กึ การณํ? เย เตน สมเยน มนุสฺสา ตาปสปริพฺพาชกา สมณพฺราหฺมณา, สพฺเพเต พฺรหฺมเทวตา โหนฺติ พฺรหฺมครุกา พฺรหฺมปรายณา, ตสฺมา ตสฺส พลวโต ยสวโต าตสฺส ปฺาตสฺส อุตฺตรสฺส อจฺจุคฺคตสฺส โอนมเนน สเทวโก โลโก โอนมิสฺสติ โอกปฺเปสฺสติ อธิมุจฺจิสฺสตีติ อิมินา จ, มหาราช, การเณน ตถาคตา พฺรหฺมุนา อายาจิตา ธมฺมํ เทเสนฺติ.

‘‘ยถา, มหาราช, โกจิ ราชา วา ราชมหามตฺโต วา ยสฺส โอนมติ อปจิตึ กโรติ, พลวตรสฺส ตสฺส โอนมเนน อวเสสา ชนตา โอนมติ อปจิตึ กโรติ, เอวเมว โข, มหาราช, พฺรหฺเม โอนมิเต ตถาคตานํ สเทวโก โลโก โอนมิสฺสติ, ปูชิตปูชโก มหาราช, โลโก, ตสฺมา โส พฺรหฺมา สพฺเพสํ ตถาคตานํ อายาจติ ธมฺมเทสนาย, เตน จ การเณน ตถาคตา พฺรหฺมุนา อายาจิตา ธมฺมํ เทเสนฺตี’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต นาคเสน, สุนิพฺเพิโต ปฺโห, อติภทฺรกํ เวยฺยากรณํ, เอวเมตํ ตถา สมฺปฏิจฺฉามี’’ติ.

ธมฺมเทสนาย อปฺโปสฺสุกฺกปฺโห ทสโม.

๑๑. อาจริยานาจริยปฺโห

๑๑. ‘‘ภนฺเต, นาคเสน, ภาสิตมฺเปตํ ภควตา –

‘‘‘น เม อาจริโย อตฺถิ, สทิโส เม น วิชฺชติ;

สเทวกสฺมึ โลกสฺมึ, นตฺถิ เม ปฏิปุคฺคโล’ติ [มหาว. ๑๑].

‘‘ปุน จ ภณิตํ ‘อิติ โข, ภิกฺขเว, อาฬาโร กาลาโม อาจริโย เม สมาโน อนฺเตวาสึ มํ สมานํ อตฺตนา สมสมํ เปสิ, อุฬาราย จ มํ ปูชาย ปูเชสี’ติ. ยทิ, ภนฺเต นาคเสน, ตถาคเตน ภณิตํ ‘น เม อาจริโย อตฺถิ, สทิโส เม น วิชฺชติ. สเทวกสฺมึ โลกสฺมึ, นตฺถิ เม ปฏิปุคฺคโล’ติ, เตน หิ ‘อิติ โข, ภิกฺขเว, อาฬาโร กาลาโม อาจริโย เม สมาโน อนฺเตวาสึ มํ สมานํ อตฺตนา สมสมํ เปสี’ติ ยํ วจนํ, ตํ มิจฺฉา. ยทิ ตถาคเตน ภณิตํ ‘อิติ โข, ภิกฺขเว, อาฬาโร กาลาโม อาจริโย เม สมาโน อนฺเตวาสึ มํ สมานํ อตฺตนา สมสมํ เปสี’ติ, เตน หิ ‘น เม อาจริโย อตฺถิ, สทิโส เม น วิชฺชติ. สเทวกสฺมึ โลกสฺมึ, นตฺถิ เม ปฏิปุคฺคโล’ติ ตมฺปิ วจนํ มิจฺฉา. อยมฺปิ อุภโต โกฏิโก ปฺโห ตวานุปฺปตฺโต, โส ตยา นิพฺพาหิตพฺโพ’’ติ.

‘‘ภาสิตมฺเปตํ, มหาราช, ตถาคเตน ‘น เม อาจริโย อตฺถิ, สทิโส เม น วิชฺชติ. สเทวกสฺมึ โลกสฺมึ, นตฺถิ เม ปฏิปุคฺคโล’ติ, ภณิตฺจ ‘อิติ โข, ภิกฺขเว, อาฬาโร กาลาโม อาจริโย เม สมาโน อนฺเตวาสึ มํ สมานํ อตฺตนา สมสมํ เปสิ, อุฬาราย จ มํ ปูชาย ปูเชสี’ติ.

‘‘ตฺจ ปน วจนํ ปุพฺเพว สมฺโพธา อนภิสมฺพุทฺธสฺส โพธิสตฺตสฺเสว สโต อาจริยภาวํ สนฺธาย ภาสิตํ.

‘ปฺจิเม, มหาราช, ปุพฺเพว สมฺโพธา อนภิสมฺพุทฺธสฺส โพธิสตฺตสฺส สโต อาจริยา, เยหิ อนุสิฏฺโ โพธิสตฺโต ตตฺถ ตตฺถ ทิวสํ วีตินาเมสิ. กตเม ปฺจ? เย เต, มหาราช, อฏฺ พฺราหฺมณา ชาตมตฺเต โพธิสตฺเต ลกฺขณานิ ปริคฺคณฺหึสุ, เสยฺยถีทํ, ราโม ธโช ลกฺขโณ มนฺตี ยฺโ สุยาโม สุโภโช สุทตฺโตติ. เต ตสฺส โสตฺถึ ปเวทยิตฺวา รกฺขากมฺมํ อกํสุ, เต จ ปมํ อาจริยา.

‘‘ปุน จปรํ, มหาราช, โพธิสตฺตสฺส ปิตา สุทฺโธทโน ราชา ยํ เตน สมเยน อภิชาตํ อุทิจฺจชาติมนฺตํ ปทกํ เวยฺยากรณํ ฉฬงฺควนฺตํ สพฺพมิตฺตํ นาม พฺราหฺมณํ อุปเนตฺวา โสวณฺเณน ภิงฺคาเรน [ภิงฺกาเรน (สี. ปี.)] อุทกํ โอโณเชตฺวา ‘อิมํ กุมารํ สิกฺขาเปหี’ติ อทาสิ, อยํ ทุติโย อาจริโย.

‘‘ปุน จปรํ, มหาราช, ยา สา เทวตา โพธิสตฺตํ สํเวเชสี, ยสฺสา วจนํ สุตฺวา โพธิสตฺโต สํวิคฺโค อุพฺพิคฺโค ตสฺมึ เยว ขเณ เนกฺขมฺมํ นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิ, อยํ ตติโย อาจริโย.

‘‘ปุน จปรํ, มหาราช, อาฬาโร กาลาโม อากิฺจฺายตนสฺส ปริกมฺมํ อาจิกฺขิ, อยํ จตุตฺโถ อาจริโย.

‘‘ปุน จปรํ, มหาราช, อุทโก รามปุตฺโต เนวสฺานาสฺายตนสฺส ปริกมฺมํ อาจิกฺขิ [อาจิกฺขติ (ก.)], อยํ ปฺจโม อาจริโย. อิเม โข, มหาราช, ปุพฺเพว สมฺโพธา อนภิสมฺพุทฺธสฺส โพธิสตฺตสฺส สโต ปฺจ อาจริยา. เต จ ปน อาจริยา โลกิเย ธมฺเม. อิมสฺมิฺจ ปน, มหาราช, โลกุตฺตเร ธมฺเม สพฺพฺุตาณปฺปฏิเวธาย นตฺถิ ตถาคตสฺส อนุตฺตโร อนุสาสโก, สยมฺภู, มหาราช, ตถาคโต อนาจริยโก, ตสฺมา การณา ตถาคเตน ภณิตํ ‘น เม อาจริโย อตฺถิ, สทิโส เม น วิชฺชติ. สเทวกสฺมึ โลกสฺมึ, นตฺถิ เม ปฏิปุคฺคโล’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต นาคเสน, เอวเมตํ ตถา สมฺปฏิจฺฉามี’’ติ.

อาจริยานาจริยปฺโห เอกาทสโม.

สนฺถววคฺโค ปฺจโม.

อิมสฺมึ วคฺเค เอกาทส ปฺโห.

เมณฺฑกปฺโห นิฏฺิโต.

๕. อนุมานปฺโห

๑. พุทฺธวคฺโค

๑. ทฺวินฺนํ พุทฺธานํ อนุปฺปชฺชมานปฺโห

. ‘‘ภนฺเต นาคเสน, ภาสิตมฺเปตํ ภควตา ‘อฏฺานเมตํ, ภิกฺขเว, อนวกาโส, ยํ เอกิสฺสา โลกธาตุยา ทฺเว อรหนฺโต สมฺมาสมฺพุทฺโธ อปุพฺพํ อจริมํ อุปฺปชฺเชยฺยุํ, เนตํ านํ วิชฺชตี’ติ. เทเสนฺตา จ, ภนฺเต นาคเสน, สพฺเพปิ ตถาคตา สตฺตตึส โพธิปกฺขิยธมฺเม เทเสนฺติ, กถยมานา จ จตฺตาริ อริยสจฺจานิ กเถนฺติ, สิกฺขาเปนฺตา จ ตีสุ สิกฺขาสุ สิกฺขาเปนฺติ, อนุสาสมานา จ อปฺปมาทปฺปฏิปตฺติยํ อนุสาสนฺติ. ยทิ, ภนฺเต นาคเสน, สพฺเพสมฺปิ ตถาคตานํ เอกา เทสนา เอกา กถา เอกา สิกฺขา เอกา อนุสิฏฺิ, เกน การเณน ทฺเว ตถาคตา เอกกฺขเณ นุปฺปชฺชนฺติ? เอเกนปิ ตาว พุทฺธุปฺปาเทน อยํ โลโก โอภาสชาโต, ยทิ ทุติโย พุทฺโธ ภเวยฺย, ทฺวินฺนํ ปภาย อยํ โลโก ภิยฺโยโสมตฺตาย โอภาสชาโต ภเวยฺย, โอวทมานา จ ทฺเว ตถาคตา สุขํ โอวเทยฺยุํ, อนุสาสมานา จ สุขํ อนุสาเสยฺยุํ, ตตฺถ เม การณํ พฺรูหิ, ยถาหํ นิสฺสํสโย ภเวยฺย’’นฺติ.

‘‘อยํ, มหาราช, ทสสหสฺสี โลกธาตุ เอกพุทฺธธารณี, เอกสฺเสว ตถาคตสฺส คุณํ ธาเรติ, ยทิ ทุติโย พุทฺโธ อุปฺปชฺเชยฺย, นายํ ทสสหสฺสี โลกธาตุ ธาเรยฺย, จเลยฺย กมฺเปยฺย นเมยฺย โอนเมยฺย วินเมยฺย วิกิเรยฺย วิธเมยฺย วิทฺธํเสยฺย, น านมุปคจฺเฉยฺย.

‘‘ยถา, มหาราช, นาวา เอกปุริสสนฺธารณี [เอกปุริสสนฺตารณี (สี. ปี.)] ภเวยฺย, เอกสฺมึ ปุริเส อภิรูฬฺเห สา นาวา สมุปาทิกา [สมุทกา (ก.)] ภเวยฺย. อถ ทุติโย ปุริโส อาคจฺเฉยฺย ตาทิโส อายุนา วณฺเณน วเยน ปมาเณน กิสถูเลน สพฺพงฺคปจฺจงฺเคน, โส ตํ นาวํ อภิรูเหยฺย, อปิ นุ สา, มหาราช, นาวา ทฺวินฺนมฺปิ ธาเรยฺยา’’ติ? ‘‘น หิ, ภนฺเต, จเลยฺย กมฺเปยฺย นเมยฺย โอนเมยฺย วินเมยฺย วิกิเรยฺย วิธเมยฺย วิทฺธํเสยฺย, น านมุปคจฺเฉยฺย, โอสีเทยฺย อุทเก’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, อยํ ทสสหสฺสี โลกธาตุ เอกพุทฺธธารณี, เอกสฺเสว ตถาคตสฺส คุณํ ธาเรติ, ยทิ ทุติโย พุทฺโธ อุปฺปชฺเชยฺย, นายํ ทสสหสฺสี โลกธาตุ ธาเรยฺย, จเลยฺย กมฺเปยฺย นเมยฺย โอนเมยฺย วินเมยฺย วิกิเรยฺย วิธเมยฺย วิทฺธํเสยฺย, น านมุปคจฺเฉยฺย.

‘‘ยถา วา ปน, มหาราช, ปุริโส ยาวทตฺถํ โภชนํ ภุฺเชยฺย ฉาเทนฺตํ ยาว กณฺมภิปูรยิตฺวา, โส ธาโต ปีณิโต ปริปุณฺโณ นิรนฺตโร ตนฺทิกโต อโนนมิตทณฺฑชาโต ปุนเทว ตตฺตกํ โภชนํ ภุฺเชยฺย, อปิ นุ โข โส, มหาราช, ปุริโส สุขิโต ภเวยฺยา’’ติ? ‘‘น หิ, ภนฺเต, สกึ ภุตฺโตว มเรยฺยา’’ติ [ภุตฺโต วเมยฺยาติ (ก.)]. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, อยํ ทสสหสฺสี โลกธาตุ เอกพุทฺธธารณี, เอกสฺเสว ตถาคตสฺส คุณํ ธาเรติ, ยทิ ทุติโย พุทฺโธ อุปฺปชฺเชยฺย, นายํ ทสสหสฺสี โลกธาตุ ธาเรยฺย, จเลยฺย กมฺเปย