📜
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
วินยปิฏเก
ปาราชิกกณฺฑ-อฏฺกถา (ปโม ภาโค)
คนฺถารมฺภกถา
โย ¶ ¶ ¶ กปฺปโกฏีหิปิ อปฺปเมยฺยํ;
กาลํ กโรนฺโต อติทุกฺกรานิ;
เขทํ คโต โลกหิตาย นาโถ;
นโม มหาการุณิกสฺส ตสฺส.
อสมฺพุธํ พุทฺธนิเสวิตํ ยํ;
ภวาภวํ คจฺฉติ ชีวโลโก;
นโม ¶ อวิชฺชาทิกิเลสชาล-
วิทฺธํสิโน ธมฺมวรสฺส ตสฺส.
คุเณหิ โย สีลสมาธิปฺา-
วิมุตฺติาณปฺปภุตีหิ ยุตฺโต;
เขตฺตํ ชนานํ กุสลตฺถิกานํ;
ตมริยสงฺฆํ สิรสา นมามิ.
อิจฺเจวมจฺจนฺตนมสฺสเนยฺยํ;
นมสฺสมาโน รตนตฺตยํ ยํ;
ปฺุาภิสนฺทํ วิปุลํ อลตฺถํ;
ตสฺสานุภาเวน หตนฺตราโย.
ยสฺมึ ¶ ิเต สาสนมฏฺิตสฺส;
ปติฏฺิตํ โหติ สุสณฺิตสฺส;
ตํ วณฺณยิสฺสํ วินยํ อมิสฺสํ;
นิสฺสาย ปุพฺพาจริยานุภาวํ.
กามฺจ ปุพฺพาจริยาสเภหิ;
าณมฺพุนิทฺโธตมลาสเวหิ;
วิสุทฺธวิชฺชาปฏิสมฺภิเทหิ ¶ ;
สทฺธมฺมสํวณฺณนโกวิเทหิ.
สลฺเลขิเย โนสุลภูปเมหิ;
มหาวิหารสฺส ธชูปเมหิ;
สํวณฺณิโตยํ วินโย นเยหิ;
จิตฺเตหิ สมฺพุทฺธวรนฺวเยหิ.
สํวณฺณนา สีหฬทีปเกน;
วากฺเยน เอสา ปน สงฺขตตฺตา;
น ¶ กิฺจิ อตฺถํ อภิสมฺภุณาติ;
ทีปนฺตเร ภิกฺขุชนสฺส ยสฺมา.
ตสฺมา อิมํ ปาฬินยานุรูปํ;
สํวณฺณนํ ทานิ สมารภิสฺสํ;
อชฺเฌสนํ พุทฺธสิริวฺหยสฺส;
เถรสฺส สมฺมา สมนุสฺสรนฺโต.
สํวณฺณนํ ตฺจ สมารภนฺโต;
ตสฺสา มหาอฏฺกถํ สรีรํ;
กตฺวา มหาปจฺจริยํ ตเถว;
กุรุนฺทินามาทิสุ วิสฺสุตาสุ.
วินิจฺฉโย อฏฺกถาสุ วุตฺโต;
โย ยุตฺตมตฺถํ อปริจฺจชนฺโต;
ตโตปิ อนฺโตคธเถรวาทํ;
สํวณฺณนํ สมฺม สมารภิสฺสํ.
ตํ ¶ เม นิสาเมนฺตุ ปสนฺนจิตฺตา;
เถรา จ ภิกฺขู นวมชฺฌิมา จ;
ธมฺมปฺปทีปสฺส ตถาคตสฺส;
สกฺกจฺจ ธมฺมํ ปติมานยนฺตา.
พุทฺเธน ธมฺโม วินโย จ วุตฺโต;
โย ตสฺส ปุตฺเตหิ ตเถว าโต;
โส เยหิ เตสํ มติมจฺจชนฺตา;
ยสฺมา ปุเร อฏฺกถา อกํสุ.
ตสฺมา ¶ หิ ยํ อฏฺกถาสุ วุตฺตํ;
ตํ วชฺชยิตฺวาน ปมาทเลขํ;
สพฺพมฺปิ ¶ สิกฺขาสุ สคารวานํ;
ยสฺมา ปมาณํ อิธ ปณฺฑิตานํ.
ตโต จ ภาสนฺตรเมว หิตฺวา;
วิตฺถารมคฺคฺจ สมาสยิตฺวา;
วินิจฺฉยํ สพฺพมเสสยิตฺวา;
ตนฺติกฺกมํ กิฺจิ อโวกฺกมิตฺวา.
สุตฺตนฺติกานํ วจนานมตฺถํ;
สุตฺตานุรูปํ ปริทีปยนฺตี;
ยสฺมา อยํ เหสฺสติ วณฺณนาปิ;
สกฺกจฺจ ตสฺมา อนุสิกฺขิตพฺพาติ.
พาหิรนิทานกถา
ตตฺถ ¶ ตํ วณฺณยิสฺสํ วินยนฺติ วุตฺตตฺตา วินโย ตาว ววตฺถเปตพฺโพ. เตเนตํ วุจฺจติ – ‘‘วินโย นาม อิธ สกลํ วินยปิฏกํ อธิปฺเปต’’นฺติ. สํวณฺณนตฺถํ ปนสฺส อยํ มาติกา –
วุตฺตํ เยน ยทา ยสฺมา, ธาริตํ เยน จาภตํ;
ยตฺถปฺปติฏฺิตเจตเมตํ วตฺวา วิธึ ตโต.
เตนาติอาทิปาสฺส, อตฺถํ นานปฺปการโต;
ทสฺสยนฺโต กริสฺสามิ, วินยสฺสตฺถวณฺณนนฺติ.
ตตฺถ วุตฺตํ เยน ยทา ยสฺมาติ อิทํ ตาว วจนํ ‘‘เตน สมเยน พุทฺโธ ภควา เวรฺชายํ วิหรตี’’ติ เอวมาทิวจนํ สนฺธาย วุตฺตํ. อิทฺหิ พุทฺธสฺส ภควโต อตฺตปจฺจกฺขวจนํ น โหติ, ตสฺมา วตฺตพฺพเมตํ ¶ ‘‘อิทํ วจนํ เกน วุตฺตํ, กทา วุตฺตํ, กสฺมา จ วุตฺต’’นฺติ? อายสฺมตา อุปาลิตฺเถเรน วุตฺตํ, ตฺจ ปน ปมมหาสงฺคีติกาเล.
ปมมหาสงฺคีติกถา
ปมมหาสงฺคีติ ¶ นาม เจสา กิฺจาปิ ปฺจสติกสงฺคีติกฺขนฺธเก วุตฺตา, นิทานโกสลฺลตฺถํ ปน อิธาปิ อิมินา นเยน เวทิตพฺพา. ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนฺหิ อาทึ กตฺวา ยาว สุภทฺทปริพฺพาชกวินยนา กตพุทฺธกิจฺเจ กุสินารายํ อุปวตฺตเน มลฺลานํ สาลวเน ยมกสาลานมนฺตเร วิสาขปุณฺณมทิวเส ปจฺจูสสมเย อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพุเต ภควติ โลกนาเถ, ภควโต ปรินิพฺพาเน สนฺนิปติตานํ สตฺตนฺนํ ภิกฺขุสตสหสฺสานํ สงฺฆตฺเถโร อายสฺมา มหากสฺสโป สตฺตาหปรินิพฺพุเต ภควติ, สุภทฺเทน วุฑฺฒปพฺพชิเตน ‘‘อลํ, อาวุโส, มา โสจิตฺถ, มา ปริเทวิตฺถ, สุมุตฺตา มยํ เตน มหาสมเณน; อุปทฺทุตา จ โหม – ‘อิทํ โว กปฺปติ, อิทํ โว น กปฺปตี’ติ! อิทานิ ปน มยํ ยํ อิจฺฉิสฺสาม ตํ กริสฺสาม, ยํ น อิจฺฉิสฺสาม น ตํ กริสฺสามา’’ติ (จูฬว. ๔๓๗; ที. นิ. ๒.๒๓๒) วุตฺตวจนมนุสฺสรนฺโต ‘‘านํ โข ปเนตํ วิชฺชติ ยํ ปาปภิกฺขู อตีตสตฺถุกํ ปาวจนนฺติ มฺมานา ¶ ปกฺขํ ลภิตฺวา นจิรสฺเสว สทฺธมฺมํ อนฺตรธาเปยฺยุํ, ยาว จ ธมฺมวินโย ติฏฺติ ตาว อนตีตสตฺถุกเมว ปาวจนํ โหติ. วุตฺตฺเหตํ ภควตา –
‘โย โว, อานนฺท, มยา ธมฺโม จ วินโย จ เทสิโต ปฺตฺโต ¶ , โส โว มมจฺจเยน สตฺถา’ติ (ที. นิ. ๒.๒๑๖).
‘‘ยํนูนาหํ ธมฺมฺจ วินยฺจ สงฺคาเยยฺยํ, ยถยิทํ สาสนํ อทฺธนิยํ อสฺส จิรฏฺิติกํ.
ยํ จาหํ ภควตา –
‘ธาเรสฺสสิ ปน เม ตฺวํ, กสฺสป, สาณานิ ปํสุกูลานิ นิพฺพสนานี’ติ วตฺวา จีวเร สาธารณปริโภเคน เจว,
‘อหํ, ภิกฺขเว, ยาวเท อากงฺขามิ วิวิจฺเจว กาเมหิ…เป… ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรามิ; กสฺสโปปิ, ภิกฺขเว, ยาวเท อากงฺขติ วิวิจฺเจว กาเมหิ…เป… ปมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรตี’ติ –
เอวมาทินา ¶ นเยน นวานุปุพฺพวิหารฉฬภิฺาปฺปเภเท อุตฺตริมนุสฺสธมฺเม อตฺตนา สมสมฏฺปเนน จ อนุคฺคหิโต, ตสฺส กิมฺํ อาณณฺยํ ภวิสฺสติ; นนุ มํ ภควา ราชา วิย สกกวจอิสฺสริยานุปฺปทาเนน อตฺตโน กุลวํสปฺปติฏฺาปกํ ปุตฺตํ ‘สทฺธมฺมวํสปฺปติฏฺาปโก เม อยํ ภวิสฺสตี’ติ มนฺตฺวา อิมินา อสาธารเณน อนุคฺคเหน อนุคฺคเหสี’’ติ จินฺตยนฺโต ธมฺมวินยสงฺคายนตฺถํ ภิกฺขูนํ อุสฺสาหํ ชเนสิ. ยถาห –
‘‘อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘เอกมิทาหํ, อาวุโส, สมยํ ปาวาย กุสินารํ อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺโน มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธึ ปฺจมตฺเตหิ ภิกฺขุสเตหี’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๓๑) สพฺพํ สุภทฺทกณฺฑํ วิตฺถารโต เวทิตพฺพํ.
‘‘หนฺท มยํ, อาวุโส, ธมฺมฺจ วินยฺจ สงฺคาเยยฺยาม. ปุเร อธมฺโม ทิปฺปติ, ธมฺโม ปฏิพาหิยฺยติ; อวินโย ทิปฺปติ, วินโย ปฏิพาหิยฺยติ. ปุเร อธมฺมวาทิโน พลวนฺโต โหนฺติ, ธมฺมวาทิโน ทุพฺพลา โหนฺติ; อวินยวาทิโน พลวนฺโต โหนฺติ, วินยวาทิโน ทุพฺพลา โหนฺตี’’ติ (จูฬว. ๔๓๗).
ภิกฺขู อาหํสุ – ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, เถโร ภิกฺขู อุจฺจินตู’’ติ. เถโร สกลนวงฺคสตฺถุสาสนปริยตฺติธเร ปุถุชฺชน-โสตาปนฺน-สกทาคามิ-อนาคามิ-สุกฺขวิปสฺสกขีณาสวภิกฺขู อเนกสเต อเนกสหสฺเส จ วชฺเชตฺวา ติปิฏกสพฺพปริยตฺติปฺปเภทธเร ปฏิสมฺภิทาปฺปตฺเต มหานุภาเว เยภุยฺเยน ภควตา เอตทคฺคํ อาโรปิเต เตวิชฺชาทิเภเท ขีณาสวภิกฺขูเยว เอกูนปฺจสเต ปริคฺคเหสิ. เย สนฺธาย อิทํ วุตฺตํ – ‘‘อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป เอเกนูนาปฺจอรหนฺตสตานิ อุจฺจินี’’ติ (จูฬว. ๔๓๗).
กิสฺส ปน เถโร เอเกนูนมกาสีติ? อายสฺมโต อานนฺทตฺเถรสฺส โอกาสกรณตฺถํ. เตน หายสฺมตา สหาปิ วินาปิ น สกฺกา ธมฺมสงฺคีติ กาตุํ, โส หายสฺมา เสกฺโข สกรณีโย, ตสฺมา สหาปิ น สกฺกา; ยสฺมา ปนสฺส กิฺจิ ทสพลเทสิตํ สุตฺตเคยฺยาทิกํ ภควโต อสมฺมุขา ปฏิคฺคหิตํ นาม นตฺถิ, ตสฺมา วินาปิ น สกฺกา. ยทิ เอวํ เสกฺโขปิ สมาโน ธมฺมสงฺคีติยา พหุการตฺตา เถเรน อุจฺจินิตพฺโพ อสฺส. อถ กสฺมา น อุจฺจินิโตติ ¶ ? ปรูปวาทวิวชฺชนโต. เถโร หิ อายสฺมนฺเต อานนฺเท อติวิย วิสฺสตฺโถ อโหสิ, ตถา หิ นํ ¶ สิรสฺมึ ปลิเตสุ ชาเตสุปิ ‘‘น วายํ กุมารโก มตฺตมฺาสี’’ติ (สํ. นิ. ๒.๑๕๔) กุมารกวาเทน โอวทติ. สกฺยกุลปฺปสุโต จายํ อายสฺมา ตถาคตสฺส ภาตา จูฬปิตุปุตฺโต. ตตฺร หิ ภิกฺขู ฉนฺทาคมนํ วิย มฺมานา ‘‘พหู อเสกฺขปฏิสมฺภิทาปฺปตฺเต ภิกฺขู เปตฺวา อานนฺทํ เสกฺขปฏิสมฺภิทาปฺปตฺตํ เถโร อุจฺจินี’’ติ อุปวเทยฺยุํ, ตํ ปรูปวาทํ ปริวชฺเชนฺโต ‘‘อานนฺทํ วินา สงฺคีติ ¶ น สกฺกา กาตุํ, ภิกฺขูนํเยว อนุมติยา คเหสฺสามี’’ติ น อุจฺจินิ.
อถ สยเมว ภิกฺขู อานนฺทสฺสตฺถาย เถรํ ยาจึสุ. ยถาห –
‘‘ภิกฺขู อายสฺมนฺตํ มหากสฺสปํ เอตทโวจุํ – ‘อยํ, ภนฺเต, อายสฺมา อานนฺโท กิฺจาปิ เสกฺโข อภพฺโพ ฉนฺทา โทสา โมหา ภยา อคตึ คนฺตุํ, พหุ จาเนน ภควโต สนฺติเก ธมฺโม จ วินโย จ ปริยตฺโต; เตน หิ, ภนฺเต, เถโร อายสฺมนฺตมฺปิ อานนฺทํ อุจฺจินตู’ติ. อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป อายสฺมนฺตมฺปิ อานนฺทํ อุจฺจินี’’ติ (จูฬว. ๔๓๗).
เอวํ ภิกฺขูนํ อนุมติยา อุจฺจินิเตน เตนายสฺมตา สทฺธึ ปฺจ เถรสตานิ อเหสุํ.
อถ โข เถรานํ ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ – ‘‘กตฺถ นุ โข มยํ ธมฺมฺจ วินยฺจ สงฺคาเยยฺยามา’’ติ. อถ โข เถรานํ ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ – ‘‘ราชคหํ โข ¶ มหาโคจรํ ปหูตเสนาสนํ, ยํนูน มยํ ราชคเห วสฺสํ วสนฺตา ธมฺมฺจ วินยฺจ สงฺคาเยยฺยาม, น อฺเ ภิกฺขู ราชคเห วสฺสํ อุปคจฺเฉยฺยุ’’นฺติ. กสฺมา ปน เนสํ เอตทโหสิ? อิทํ อมฺหากํ ถาวรกมฺมํ, โกจิ วิสภาคปุคฺคโล สงฺฆมชฺฌํ ปวิสิตฺวา อุกฺโกเฏยฺยาติ. อถายสฺมา มหากสฺสโป ตฺติทุติเยน กมฺเมน สาเวสิ, ตํ สงฺคีติกฺขนฺธเก วุตฺตนเยเนว าตพฺพํ.
อถ ตถาคตสฺส ปรินิพฺพานโต สตฺตสุ สาธุกีฬนทิวเสสุ สตฺตสุ จ ธาตุปูชาทิวเสสุ วีติวตฺเตสุ ‘‘อฑฺฒมาโส อติกฺกนฺโต, อิทานิ คิมฺหานํ ทิยฑฺโฒ มาโส เสโส, อุปกฏฺา วสฺสูปนายิกา’’ติ มนฺตฺวา มหากสฺสปตฺเถโร ‘‘ราชคหํ, อาวุโส, คจฺฉามา’’ติ อุปฑฺฒํ ภิกฺขุสงฺฆํ คเหตฺวา เอกํ มคฺคํ คโต. อนุรุทฺธตฺเถโรปิ อุปฑฺฒํ คเหตฺวา เอกํ มคฺคํ คโต. อานนฺทตฺเถโร ปน ภควโต ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต สาวตฺถึ คนฺตฺวา ราชคหํ คนฺตุกาโม เยน สาวตฺถิ เตน จาริกํ ปกฺกามิ. อานนฺทตฺเถเรน คตคตฏฺาเน มหาปริเทโว อโหสิ ¶ – ‘‘ภนฺเต อานนฺท, กุหึ สตฺถารํ เปตฺวา อาคโตสี’’ติ ¶ . อนุปุพฺเพน ปน สาวตฺถึ อนุปฺปตฺเต เถเร ภควโต ปรินิพฺพานทิวเส วิย มหาปริเทโว อโหสิ.
ตตฺร สุทํ อายสฺมา อานนฺโท อนิจฺจตาทิปฏิสํยุตฺตาย ธมฺมิยา กถาย ตํ มหาชนํ สฺาเปตฺวา เชตวนํ ปวิสิตฺวา ทสพเลน วสิตคนฺธกุฏิยา ทฺวารํ วิวริตฺวา มฺจปีํ นีหริตฺวา ปปฺโผเฏตฺวา คนฺธกุฏึ สมฺมชฺชิตฺวา มิลาตมาลากจวรํ ¶ ฉฑฺเฑตฺวา มฺจปีํ อติหริตฺวา ปุน ยถาาเน เปตฺวา ภควโต ิตกาเล กรณียํ วตฺตํ สพฺพมกาสิ. อถ เถโร ภควโต ปรินิพฺพานโต ปภุติ านนิสชฺชพหุลตฺตา อุสฺสนฺนธาตุกํ กายํ สมสฺสาเสตุํ ทุติยทิวเส ขีรวิเรจนํ ปิวิตฺวา วิหาเรเยว นิสีทิ. ยํ สนฺธาย สุเภน มาณเวน ปหิตํ มาณวกํ เอตทโวจ –
‘‘อกาโล โข, มาณวก, อตฺถิ เม อชฺช เภสชฺชมตฺตา ปีตา, อปฺเปว นาม สฺเวปิ อุปสงฺกเมยฺยามา’’ติ (ที. นิ. ๑.๔๔๗).
ทุติยทิวเส เจตกตฺเถเรน ปจฺฉาสมเณน คนฺตฺวา สุเภน มาณเวน ปุฏฺโ ทีฆนิกาเย สุภสุตฺตํนาม ทสมํ สุตฺตมภาสิ.
อถ เถโร เชตวนวิหาเร ขณฺฑผุลฺลปฺปฏิสงฺขรณํ การาเปตฺวา อุปกฏฺาย วสฺสูปนายิกาย ราชคหํ คโต. ตถา มหากสฺสปตฺเถโร อนุรุทฺธตฺเถโร จ สพฺพํ ภิกฺขุสงฺฆํ คเหตฺวา ราชคหเมว คโต.
เตน โข ปน สมเยน ราชคเห อฏฺารส มหาวิหารา โหนฺติ. เต สพฺเพปิ ฉฑฺฑิตปติตอุกฺลาปา อเหสุํ. ภควโต หิ ปรินิพฺพาเน สพฺเพ ภิกฺขู อตฺตโน อตฺตโน ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา วิหาเร จ ปริเวเณ จ ฉฑฺเฑตฺวา อคมํสุ. ตตฺถ เถรา ภควโต วจนปูชนตฺถํ ติตฺถิยวาทปริโมจนตฺถฺจ ‘‘ปมํ มาสํ ขณฺฑผุลฺลปฺปฏิสงฺขรณํ กโรมา’’ติ จินฺเตสุํ. ติตฺถิยา หิ เอวํ วเทยฺยุํ – ‘‘สมณสฺส โคตมสฺส สาวกา สตฺถริ ิเตเยว วิหาเร ปฏิชคฺคึสุ, ปรินิพฺพุเต ฉฑฺเฑสุ’’นฺติ. เตสํ วาทปริโมจนตฺถฺจ จินฺเตสุนฺติ วุตฺตํ โหติ. วุตฺตมฺปิ ¶ เหตํ –
‘‘อถ ¶ โข เถรานํ ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ – ‘ภควตา โข, อาวุโส, ขณฺฑผุลฺลปฺปฏิสงฺขรณํ ¶ วณฺณิตํ. หนฺท มยํ, อาวุโส, ปมํ มาสํ ขณฺฑผุลฺลปฺปฏิสงฺขรณํ กโรม, มชฺฌิมํ มาสํ สนฺนิปติตฺวา ธมฺมฺจ วินยฺจ สงฺคายิสฺสามา’’ติ (จูฬว. ๔๓๘).
เต ทุติยทิวเส คนฺตฺวา ราชทฺวาเร อฏฺํสุ. อชาตสตฺตุ ราชา อาคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา ‘‘กึ, ภนฺเต, อาคตตฺถา’’ติ อตฺตนา กตฺตพฺพกิจฺจํ ปฏิปุจฺฉิ. เถรา อฏฺารส มหาวิหารปฏิสงฺขรณตฺถาย หตฺถกมฺมํ ปฏิเวเทสุํ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ ราชา หตฺถกมฺมการเก มนุสฺเส อทาสิ. เถรา ปมํ มาสํ สพฺพวิหาเร ปฏิสงฺขราเปตฺวา รฺโ อาโรเจสุํ – ‘‘นิฏฺิตํ, มหาราช, วิหารปฏิสงฺขรณํ. อิทานิ ธมฺมวินยสงฺคหํ กโรมา’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต, วิสฺสตฺถา กโรถ. มยฺหํ อาณาจกฺกํ, ตุมฺหากํ ธมฺมจกฺกํ โหตุ. อาณาเปถ, ภนฺเต, กึ กโรมี’’ติ? ‘‘สงฺคหํ กโรนฺตานํ ภิกฺขูนํ สนฺนิสชฺชฏฺานํ, มหาราชา’’ติ. ‘‘กตฺถ กโรมิ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘เวภารปพฺพตปสฺเส สตฺตปณฺณิคุหาทฺวาเร กาตุํ ยุตฺตํ, มหาราชา’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ โข ราชา อชาตสตฺตุ วิสฺสกมฺมุนา นิมฺมิตสทิสํ สุวิภตฺตภิตฺติตฺถมฺภโสปานํ นานาวิธมาลากมฺมลตอากมฺมวิจิตฺตํ อภิภวนฺตมิว ราชภวนวิภูตึ อวหสนฺตมิว เทววิมานสิรึ สิริยา นิเกตมิว เอกนิปาตติตฺถมิว จ เทวมนุสฺสนยนวิหงฺคานํ โลกรามเณยฺยกมิว สมฺปิณฺฑิตํ ทฏฺพฺพสารมณฺฑํ มณฺฑปํ การาเปตฺวา วิวิธกุสุมทาม-โอลมฺพก-วินิคฺคลนฺตจารุวิตานํ ¶ รตนวิจิตฺตมณิโกฏฺฏิมตลมิว จ นํ นานาปุปฺผูปหารวิจิตฺตสุปรินิฏฺิตภูมิกมฺมํ พฺรหฺมวิมานสทิสํ อลงฺกริตฺวา ตสฺมึ มหามณฺฑเป ปฺจสตานํ ภิกฺขูนํ อนคฺฆานิ ปฺจ กปฺปิยปจฺจตฺถรณสตานิ ปฺาเปตฺวา ทกฺขิณภาคํ นิสฺสาย อุตฺตราภิมุขํ เถราสนํ มณฺฑปมชฺเฌ ปุรตฺถาภิมุขํ พุทฺธสฺส ภควโต อาสนารหํ ธมฺมาสนํ ปฺาเปตฺวา ทนฺตขจิตํ พีชนิฺเจตฺถ เปตฺวา ภิกฺขุสงฺฆสฺส อาโรจาเปสิ – ‘‘นิฏฺิตํ, ภนฺเต, มม กิจฺจ’’นฺติ.
ตสฺมึ โข ปน สมเย เอกจฺเจ ภิกฺขู อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ สนฺธาย เอวมาหํสุ – ‘‘อิมสฺมึ ภิกฺขุสงฺเฆ เอโก ภิกฺขุ วิสฺสคนฺธํ วายนฺโต วิจรตี’’ติ. เถโร ตํ สุตฺวา ‘‘อิมสฺมึ ภิกฺขุสงฺเฆ อฺโ วิสฺสคนฺธํ วายนฺโต ¶ วิจรณกภิกฺขุ นาม นตฺถิ, อทฺธา เอเต มํ สนฺธาย วทนฺตี’’ติ สํเวคํ อาปชฺชิ. เอกจฺเจ ภิกฺขู อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อาหํสุ – ‘‘สฺเว, อาวุโส, สนฺนิปาโต ตฺวฺจ เสกฺโข สกรณีโย, เตน เต น ยุตฺตํ สนฺนิปาตํ คนฺตุํ, อปฺปมตฺโต โหหี’’ติ.
อถ โข อายสฺมา อานนฺโท – ‘‘สฺเว สนฺนิปาโต, น โข ปน เมตํ ปติรูปํ ยฺวาหํ เสกฺโข ¶ สมาโน สนฺนิปาตํ คจฺเฉยฺย’’นฺติ พหุเทว รตฺตึ กายคตายสติยา วีตินาเมตฺวา รตฺติยา ปจฺจูสสมยํ จงฺกมา โอโรหิตฺวา วิหารํ ปวิสิตฺวา ‘‘นิปชฺชิสฺสามี’’ติ กายํ อาวชฺเชสิ. ทฺเว ปาทา ภูมิโต มุตฺตา, อปฺปตฺตฺจ สีสํ พิมฺโพหนํ, เอตสฺมึ อนฺตเร อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุจฺจิ. อยฺหิ อายสฺมา จงฺกเมน ¶ พหิ วีตินาเมตฺวา วิเสสํ นิพฺพตฺเตตุํ อสกฺโกนฺโต จินฺเตสิ – ‘‘นนุ มํ ภควา เอตทโวจ – ‘กตปฺุโสิ ตฺวํ, อานนฺท, ปธานมนุยฺุช; ขิปฺปํ โหหิสิ อนาสโว’ติ (ที. นิ. ๒.๒๐๗). พุทฺธานฺจ กถาโทโส นาม นตฺถิ. มม อจฺจารทฺธํ วีริยํ เตน เม จิตฺตํ อุทฺธจฺจาย สํวตฺตติ. หนฺทาหํ วีริยสมถํ โยเชมี’’ติ จงฺกมา โอโรหิตฺวา ปาทโธวนฏฺาเน ตฺวา ปาเท โธวิตฺวา วิหารํ ปวิสิตฺวา มฺจเก นิสีทิตฺวา ‘‘โถกํ วิสฺสมิสฺสามี’’ติ กายํ มฺจเก อุปนาเมสิ. ทฺเว ปาทา ภูมิโต มุตฺตา, สีสฺจ พิมฺโพหนํ อสมฺปตฺตํ. เอตสฺมึ อนฺตเร อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตํ วิมุตฺตํ, จตุอิริยาปถวิรหิตํ เถรสฺส อรหตฺตํ อโหสิ. เตน อิมสฺมึ สาสเน อนิปนฺโน อนิสินฺโน อฏฺิโต อจงฺกมนฺโต ‘‘โก ภิกฺขุ อรหตฺตํ ปตฺโต’’ติ วุตฺเต ‘‘อานนฺทตฺเถโร’’ติ วตฺตุํ วฏฺฏติ.
อถ โข เถรา ภิกฺขู ทุติยทิวเส กตภตฺตกิจฺจา ปตฺตจีวรํ ปฏิสาเมตฺวา ธมฺมสภายํ สนฺนิปติตา. อานนฺทตฺเถโร ปน อตฺตโน อรหตฺตปฺปตฺตึ าเปตุกาโม ภิกฺขูหิ สทฺธึ น คโต. ภิกฺขู ยถาวุฑฺฒํ อตฺตโน อตฺตโน ปตฺตาสเน นิสีทนฺตา อานนฺทตฺเถรสฺส อาสนํ เปตฺวา นิสินฺนา. ตตฺถ เกหิจิ ‘‘เอตมาสนํ กสฺสา’’ติ วุตฺเต ‘‘อานนฺทตฺเถรสฺสา’’ติ. ‘‘อานนฺโท ปน กุหึ คโต’’ติ? ตสฺมึ สมเย เถโร จินฺเตสิ – ‘‘อิทานิ มยฺหํ คมนกาโล’’ติ. ตโต อตฺตโน อานุภาวํ ¶ ทสฺเสนฺโต ปถวิยํ นิมุชฺชิตฺวา อตฺตโน อาสเนเยว อตฺตานํ ทสฺเสสิ. อากาเสนาคนฺตฺวา นิสีทีติปิ เอเก.
เอวํ ¶ นิสินฺเน ตสฺมึ อายสฺมนฺเต มหากสฺสปตฺเถโร ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘อาวุโส, กึ ปมํ สงฺคายาม, ธมฺมํ วา วินยํ วา’’ติ? ภิกฺขู อาหํสุ – ‘‘ภนฺเต มหากสฺสป, วินโย นาม พุทฺธสาสนสฺส อายุ, วินเย ิเต สาสนํ ิตํ โหติ; ตสฺมา ปมํ วินยํ สงฺคายามา’’ติ,. ‘‘กํ ธุรํ กตฺวา’’ติ? ‘‘อายสฺมนฺตํ อุปาลิ’’นฺติ. ‘‘กึ อานนฺโท นปฺปโหตี’’ติ? ‘‘โน นปฺปโหติ; อปิ จ โข ปน สมฺมาสมฺพุทฺโธ ธรมาโนเยว วินยปริยตฺตึ นิสฺสาย อายสฺมนฺตํ อุปาลึ เอตทคฺเค เปสิ – ‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ วินยธรานํ ยทิทํ อุปาลี’ติ (อ. นิ. ๑.๒๑๙, ๒๒๘). ตสฺมา อุปาลิตฺเถรํ ¶ ปุจฺฉิตฺวา วินยํ สงฺคายามา’’ติ. ตโต เถโร วินยํ ปุจฺฉนตฺถาย อตฺตนาว อตฺตานํ สมฺมนฺนิ. อุปาลิตฺเถโรปิ วิสฺสชฺชนตฺถาย สมฺมนฺนิ. ตตฺรายํ ปาฬิ –
‘‘อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป สงฺฆํ าเปสิ –
‘‘สุณาตุ เม, อาวุโส, สงฺโฆ. ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, อหํ อุปาลึ วินยํ ปุจฺเฉยฺย’นฺติ.
‘‘อายสฺมาปิ อุปาลิ สงฺฆํ าเปสิ –
‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ. ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, อหํ อายสฺมตา มหากสฺสเปน วินยํ ปุฏฺโ วิสฺสชฺเชยฺย’’นฺติ.
เอวํ อตฺตนาว อตฺตานํ สมฺมนฺนิตฺวา อายสฺมา อุปาลิ อุฏฺายาสนา เอกํสํ จีวรํ กตฺวา เถเร ภิกฺขู วนฺทิตฺวา ธมฺมาสเน นิสีทิ, ทนฺตขจิตํ พีชนึ คเหตฺวา. ตโต อายสฺมา มหากสฺสโป เถราสเน นิสีทิตฺวา อายสฺมนฺตํ อุปาลึ วินยํ ปุจฺฉิ – ‘‘ปมํ, อาวุโส อุปาลิ, ปาราชิกํ กตฺถ ปฺตฺต’’นฺติ ¶ ? ‘‘เวสาลิยํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘กํ อารพฺภา’’ติ? ‘‘สุทินฺนํ กลนฺทปุตฺตํ อารพฺภา’’ติ. ‘‘กิสฺมึ วตฺถุสฺมิ’’นฺติ? ‘‘เมถุนธมฺเม’’ติ.
อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป อายสฺมนฺตํ อุปาลึ ปมสฺส ปาราชิกสฺส วตฺถุมฺปิ ปุจฺฉิ, นิทานมฺปิ ปุจฺฉิ, ปุคฺคลมฺปิ ปุจฺฉิ, ปฺตฺติมฺปิ ปุจฺฉิ, อนุปฺตฺติมฺปิ ปุจฺฉิ, อาปตฺติมฺปิ ปุจฺฉิ, อนาปตฺติมฺปิ ปุจฺฉิ; ยถา จ ปมสฺส ตถา ทุติยสฺส ตถา ตติยสฺส ตถา จตุตฺถสฺส ปาราชิกสฺส วตฺถุมฺปิ ปุจฺฉิ…เป… อนาปตฺติมฺปิ ปุจฺฉิ. ปุฏฺโ ปุฏฺโ อุปาลิตฺเถโร วิสฺสชฺเชสิ. ตโต ¶ อิมานิ จตฺตาริ ปาราชิกานิ ‘‘ปาราชิกกณฺฑํ นาม อิท’’นฺติ สงฺคหํ อาโรเปตฺวา เปสุํ. เตรส สงฺฆาทิเสสานิ ‘‘เตรสก’’นฺติ เปสุํ. ทฺเว สิกฺขาปทานิ ‘‘อนิยตานี’’ติ เปสุํ. ตึส สิกฺขาปทานิ ‘‘นิสฺสคฺคิยปาจิตฺติยานี’’ติ เปสุํ. ทฺเวนวุติ สิกฺขาปทานิ ‘‘ปาจิตฺติยานี’’ติ เปสุํ. จตฺตาริ สิกฺขาปทานิ ‘‘ปาฏิเทสนียานี’’ติ เปสุํ. ปฺจสตฺตติ สิกฺขาปทานิ ‘‘เสขิยานี’’ติ เปสุํ. สตฺต ธมฺเม ‘‘อธิกรณสมถา’’ติ เปสุํ.
เอวํ ¶ มหาวิภงฺคํ สงฺคหํ อาโรเปตฺวา ภิกฺขุนีวิภงฺเค อฏฺ สิกฺขาปทานิ ‘‘ปาราชิกกณฺฑํ นาม อิท’’นฺติ เปสุํ. สตฺตรส สิกฺขาปทานิ ‘‘สตฺตรสก’’นฺติ เปสุํ. ตึส สิกฺขาปทานิ ‘‘นิสฺสคฺคิยปาจิตฺติยานี’’ติ เปสุํ. ฉสฏฺิสตสิกฺขาปทานิ ‘‘ปาจิตฺติยานี’’ติ เปสุํ. อฏฺ สิกฺขาปทานิ ‘‘ปาฏิเทสนียานี’’ติ เปสุํ. ปฺจสตฺตติ สิกฺขาปทานิ ‘‘เสขิยานี’’ติ เปสุํ. สตฺต ธมฺเม ‘‘อธิกรณสมถา’’ติ ¶ เปสุํ. เอวํ ภิกฺขุนีวิภงฺคํ สงฺคหํ อาโรเปตฺวา เอเตเนว อุปาเยน ขนฺธกปริวาเรปิ อาโรเปสุํ. เอวเมตํ สอุภโตวิภงฺคขนฺธกปริวารํ วินยปิฏกํ สงฺคหมารูฬฺหํ สพฺพํ มหากสฺสปตฺเถโร ปุจฺฉิ, อุปาลิตฺเถโร วิสฺสชฺเชสิ. ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนปริโยสาเน ปฺจ อรหนฺตสตานิ สงฺคหํ อาโรปิตนเยเนว คณสชฺฌายมกํสุ. วินยสงฺคหาวสาเน อุปาลิตฺเถโร ทนฺตขจิตํ พีชนึ นิกฺขิปิตฺวา ธมฺมาสนา โอโรหิตฺวา วุฑฺเฒ ภิกฺขู วนฺทิตฺวา อตฺตโน ปตฺตาสเน นิสีทิ.
วินยํ สงฺคายิตฺวา ธมฺมํ สงฺคายิตุกาโม อายสฺมา มหากสฺสโป ภิกฺขู ปุจฺฉิ – ‘‘ธมฺมํ สงฺคายนฺเตหิ กํ ปุคฺคลํ ธุรํ กตฺวา ธมฺโม สงฺคายิตพฺโพ’’ติ? ภิกฺขู ‘‘อานนฺทตฺเถรํ ธุรํ กตฺวา’’ติ อาหํสุ.
อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป สงฺฆํ าเปสิ –
‘‘สุณาตุ เม, อาวุโส, สงฺโฆ. ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, อหํ อานนฺทํ ธมฺมํ ปุจฺเฉยฺย’’นฺติ.
อถ โข อายสฺมา อานนฺโท สงฺฆํ าเปสิ –
‘‘สุณาตุ เม, ภนฺเต, สงฺโฆ ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, อหํ อายสฺมตา มหากสฺสเปน ธมฺมํ ปุฏฺโ วิสฺสชฺเชยฺย’’นฺติ.
อถ ¶ โข อายสฺมา อานนฺโท อุฏฺายาสนา เอกํสํ จีวรํ กตฺวา เถเร ภิกฺขู วนฺทิตฺวา ธมฺมาสเน นิสีทิ ทนฺตขจิตํ พีชนึ คเหตฺวา. อถ มหากสฺสปตฺเถโร อานนฺทตฺเถรํ ธมฺมํ ปุจฺฉิ – ‘‘พฺรหฺมชาลํ, อาวุโส อานนฺท, กตฺถ ภาสิต’’นฺติ? ‘‘อนฺตรา จ, ภนฺเต, ราชคหํ ¶ อนฺตรา จ นาฬนฺทํ ราชาคารเก อมฺพลฏฺิกาย’’นฺติ. ‘‘กํ อารพฺภา’’ติ? ‘‘สุปฺปิยฺจ ปริพฺพาชกํ, พฺรหฺมทตฺตฺจ มาณว’’นฺติ. ‘‘กิสฺมึ วตฺถุสฺมิ’’นฺติ? ‘‘วณฺณาวณฺเณ’’ติ. อถ โข ¶ อายสฺมา มหากสฺสโป อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ พฺรหฺมชาลสฺส นิทานมฺปิ ปุจฺฉิ, ปุคฺคลมฺปิ ปุจฺฉิ, วตฺถุมฺปิ ปุจฺฉิ. ‘‘สามฺผลํ ปนาวุโส อานนฺท, กตฺถ ภาสิต’’นฺติ? ‘ราชคเห, ภนฺเต, ชีวกมฺพวเน’’ติ. ‘‘เกน สทฺธิ’’นฺติ? ‘‘อชาตสตฺตุนา เวเทหิปุตฺเตน สทฺธิ’’นฺติ. อถ โข อายสฺมา มหากสฺสโป อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ สามฺผลสฺส นิทานมฺปิ ปุจฺฉิ, ปุคฺคลมฺปิ ปุจฺฉิ. เอเตเนว อุปาเยน ปฺจ นิกาเย ปุจฺฉิ.
ปฺจนิกายา นาม – ทีฆนิกาโย, มชฺฌิมนิกาโย, สํยุตฺตนิกาโย, องฺคุตฺตรนิกาโย, ขุทฺทกนิกาโยติ. ตตฺถ ขุทฺทกนิกาโย นาม – จตฺตาโร นิกาเย เปตฺวา, อวเสสํ พุทฺธวจนํ. ตตฺถ วินโย อายสฺมตา อุปาลิตฺเถเรน วิสฺสชฺชิโต, เสสขุทฺทกนิกาโย จตฺตาโร จ นิกายา อานนฺทตฺเถเรน. ตเทตํ สพฺพมฺปิ พุทฺธวจนํ รสวเสน เอกวิธํ, ธมฺมวินยวเสน ทุวิธํ, ปมมชฺฌิมปจฺฉิมวเสน ติวิธํ; ตถา ปิฏกวเสน, นิกายวเสน ปฺจวิธํ, องฺควเสน นววิธํ, ธมฺมกฺขนฺธวเสน จตุราสีติสหสฺสวิธนฺติ เวทิตพฺพํ.
กถํ รสวเสน เอกวิธํ? ยฺหิ ภควตา อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุชฺฌิตฺวา ยาว อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายติ, เอตฺถนฺตเร ปฺจจตฺตาลีสวสฺสานิ เทวมนุสฺสนาคยกฺขาทโย อนุสาสนฺเตน ปจฺจเวกฺขนฺเตน วา วุตฺตํ, สพฺพํ ตํ เอกรสํ วิมุตฺติรสเมว โหติ. เอวํ รสวเสน เอกวิธํ.
กถํ ¶ ธมฺมวินยวเสน ทุวิธํ? สพฺพเมว เจตํ ธมฺโม เจว วินโย จาติ สงฺขฺยํ คจฺฉติ. ตตฺถ วินยปิฏกํ วินโย, อวเสสํ พุทฺธวจนํ ธมฺโม; เตเนวาห – ‘‘ยํนูน มยํ, อาวุโส, ธมฺมฺจ วินยฺจ สงฺคาเยยฺยามา’’ติ. ‘‘อหํ ¶ อุปาลึ วินยํ ปุจฺเฉยฺยํ, อานนฺทํ ธมฺมํ ปุจฺเฉยฺย’’นฺติ จ เอวํ ธมฺมวินยวเสน ทุวิธํ.
กถํ ปมมชฺฌิมปจฺฉิมวเสน ติวิธํ? สพฺพเมว หิทํ ปมพุทฺธวจนํ, มชฺฌิมพุทฺธวจนํ, ปจฺฉิมพุทฺธวจนนฺติ ติปฺปเภทํ โหติ. ตตฺถ –
‘‘อเนกชาติสํสารํ, สนฺธาวิสฺสํ อนิพฺพิสํ;
คหการํ คเวสนฺโต, ทุกฺขา ชาติ ปุนปฺปุนํ.
‘‘คหการก ¶ ทิฏฺโสิ, ปุน เคหํ น กาหสิ;
สพฺพา เต ผาสุกา ภคฺคา, คหกูฏํ วิสงฺขตํ;
วิสงฺขารคตํ จิตฺตํ, ตณฺหานํ ขยมชฺฌคา’’ติ. (ธ. ป. ๑๕๓-๑๕๔);
อิทํ ปมพุทฺธวจนํ.
เกจิ ‘‘ยทา หเว ปาตุภวนฺติ ธมฺมา’’ติ ขนฺธเก อุทานคาถํ อาหุ. เอสา ปน ปาฏิปททิวเส สพฺพฺุภาวปฺปตฺตสฺส โสมนสฺสมยาเณน ปจฺจยาการํ ปจฺจเวกฺขนฺตสฺส อุปฺปนฺนา อุทานคาถาติ เวทิตพฺพา.
ยํ ปน ปรินิพฺพานกาเล อภาสิ – ‘‘หนฺท ทานิ, ภิกฺขเว, อามนฺตยามิ โว, วยธมฺมา สงฺขารา, อปฺปมาเทน สมฺปาเทถา’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๑๘) อิทํ ปจฺฉิมพุทฺธวจนํ.
อุภินฺนมนฺตเร ยํ วุตฺตํ เอตํ มชฺฌิมพุทฺธวจนนฺติ. เอวํ ปมมชฺฌิมปจฺฉิมวเสน ติวิธํ.
กถํ ¶ ปิฏกวเสน ติวิธํ? สพฺพมฺปิ เหตํ วินยปิฏกํ สุตฺตนฺตปิฏกํ อภิธมฺมปิฏกนฺติ ติปฺปเภทเมว โหติ. ตตฺถ ปมสงฺคีติยํ สงฺคีตฺจ อสงฺคีตฺจ สพฺพมฺปิ สโมธาเนตฺวา อุภยานิ ปาติโมกฺขานิ, ทฺเว วิภงฺคานิ, ทฺวาวีสติ ขนฺธกานิ, โสฬสปริวาราติ อิทํ วินยปิฏกํ นาม.
พฺรหฺมชาลาทิ จตุตฺตึสสุตฺตสงฺคโห ทีฆนิกาโย, มูลปริยายสุตฺตาทิ ทิยฑฺฒสตทฺเวสุตฺตสงฺคโห มชฺฌิมนิกาโย, โอฆตรณสุตฺตาทิ สตฺตสุตฺตสหสฺส สตฺตสต ทฺวาสฏฺิสุตฺตสงฺคโห สํยุตฺตนิกาโย, จิตฺตปริยาทานสุตฺตาทิ นวสุตฺตสหสฺส ปฺจสต สตฺตปฺาสสุตฺตสงฺคโห องฺคุตฺตรนิกาโย, ขุทฺทกปา-ธมฺมปท-อุทาน-อิติวุตฺตก-สุตฺตนิปาต-วิมานวตฺถุ-เปตวตฺถุ-เถรคาถา-เถรีคาถา-ชาตกนิทฺเทส-ปฏิสมฺภิทา-อปทาน-พุทฺธวํส-จริยาปิฏกวเสน ¶ ปนฺนรสปฺปเภโท ขุทฺทกนิกาโยติ อิทํ สุตฺตนฺตปิฏกํ นาม.
ธมฺมสงฺคโห, วิภงฺโค, ธาตุกถา, ปุคฺคลปฺตฺติ, กถาวตฺถุ, ยมกํ, ปฏฺานนฺติ อิทํ อภิธมฺมปิฏกํ นาม. ตตฺถ –
วิวิธวิเสสนยตฺตา ¶ , วินยนโต เจว กายวาจานํ;
วินยตฺถวิทูหิ อยํ, วินโย วินโยติ อกฺขาโต.
วิวิธา หิ เอตฺถ ปฺจวิธ ปาติโมกฺขุทฺเทส ปาราชิกาทิ สตฺตอาปตฺติกฺขนฺธมาติกา วิภงฺคาทิปฺปเภทา นยา, วิเสสภูตา จ ทฬฺหีกมฺมสิถิลกรณปฺปโยชนา อนุปฺตฺตินยา ¶ , กายิกวาจสิกอชฺฌาจารนิเสธนโต เจส กายํ วาจฺจ วิเนติ, ตสฺมา วิวิธนยตฺตา วิเสสนยตฺตา กายวาจานฺจ วินยนโต ‘‘วินโย’’ติ อกฺขาโต. เตเนตเมตสฺส วจนตฺถโกสลฺลตฺถํ วุตฺตํ –
‘‘วิวิธวิเสสนยตฺตา, วินยนโต เจว กายวาจานํ;
วินยตฺถวิทูหิ อยํ, วินโย วินโยติ อกฺขาโต’’ติ.
อิตรํ ปน –
อตฺถานํ สูจนโต, สุวุตฺตโต สวนโตถ สูทนโต;
สุตฺตาณา สุตฺตสภาคโต จ, สุตฺตนฺติ อกฺขาตํ.
ตฺหิ อตฺตตฺถปรตฺถาทิเภเท อตฺเถ สูเจติ, สุวุตฺตา เจตฺถ อตฺถา เวเนยฺยชฺฌาสยานุโลเมน วุตฺตตฺตา. สวติ เจตํ อตฺเถ สสฺสมิว ผลํ ปสวตีติ วุตฺตํ โหติ. สูทติ เจตํ เธนุวิย ขีรํ, ปคฺฆรตีติ วุตฺตํ โหติ. สุฏฺุ จ เน ตายติ รกฺขตีติ วุตฺตํ โหติ. สุตฺตสภาคฺเจตํ, ยถา หิ ตจฺฉกานํ สุตฺตํ ปมาณํ โหติ; เอวเมตมฺปิ วิฺูนํ. ยถา จ สุตฺเตน สงฺคหิตานิ ปุปฺผานิ น วิกิริยนฺติ น วิทฺธํสิยนฺติ; เอวเมเตน สงฺคหิตา อตฺถา. เตเนตเมตสฺส วจนตฺถโกสลฺลตฺถํ วุตฺตํ –
‘‘อตฺถานํ สูจนโต, สุวุตฺตโต สวนโตถ สูทนโต;
สุตฺตาณา สุตฺตสภาคโต จ, สุตฺตนฺติ อกฺขาต’’นฺติ.
ยํ เอตฺถ วุฑฺฒิมนฺโต, สลกฺขณา ปูชิตา ปริจฺฉินฺนา;
วุตฺตาธิกา จ ธมฺมา, อภิธมฺโม เตน อกฺขาโต.
อยฺหิ ¶ อภิสทฺโท วุฑฺฒิลกฺขณปูชิตปริจฺฉินฺนาธิเกสุ ทิสฺสติ. ตถาเหส – ‘‘พาฬฺหา เม อาวุโส ทุกฺขา เวทนา อภิกฺกมนฺติ โน ปฏิกฺกมนฺตี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๓๘๙; สํ. นิ. ๕.๑๙๕) วุฑฺฒิยํ อาคโต. ‘‘ยา ตา รตฺติโย อภิฺาตา อภิลกฺขิตา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๔๙) ลกฺขเณ. ‘‘ราชาภิราชา มนุชินฺโท’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๓๙๙; สุ. นิ. ๕๕๘) ปูชิเต. ‘‘ปฏิพโล วิเนตุํ อภิธมฺเม อภิวินเย’’ติอาทีสุ (มหาว. ๘๕) ปริจฺฉินฺเน. อฺมฺสงฺกรวิรหิเต ธมฺเม จ วินเย จาติ วุตฺตํ โหติ. ‘‘อภิกฺกนฺเตน วณฺเณนา’’ติอาทีสุ (วิ. ว. ๗๕) อธิเก.
เอตฺถ จ ‘‘รูปูปปตฺติยา มคฺคํ ภาเวติ, เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรตี’’ติอาทินา (ธ. ส. ๑๖๐ อาทโย) นเยน วุฑฺฒิมนฺโตปิ ธมฺมา วุตฺตา. ‘‘รูปารมฺมณํ วา สทฺทารมฺมณํ วา’’ติอาทินา นเยน อารมฺมณาทีหิ ลกฺขณียตฺตา สลกฺขณาปิ. ‘‘เสกฺขา ธมฺมา, อเสกฺขา ธมฺมา, โลกุตฺตรา ธมฺมา’’ติอาทินา นเยน ปูชิตาปิ ปูชารหาติ อธิปฺปาโย. ‘‘ผสฺโส โหติ เวทนา โหตี’’ติอาทินา นเยน สภาวปริจฺฉินฺนตฺตา ปริจฺฉินฺนาปิ. ‘‘มหคฺคตา ธมฺมา, อปฺปมาณา ธมฺมา, อนุตฺตรา ธมฺมา’’ติอาทินา นเยน อธิกาปิ ธมฺมา วุตฺตา. เตเนตเมตสฺส วจนตฺถโกสลฺลตฺถํ วุตฺตํ –
‘‘ยํ เอตฺถ วุฑฺฒิมนฺโต, สลกฺขณา ปูชิตา ปริจฺฉินฺนา;
วุตฺตาธิกา จ ธมฺมา, อภิธมฺโม เตน อกฺขาโต’’ติ.
ยํ ปเนตฺถ อวิสิฏฺํ, ตํ –
ปิฏกํ ปิฏกตฺถวิทู, ปริยตฺติพฺภาชนตฺถโต อาหุ;
เตน สโมธาเนตฺวา, ตโยปิ วินยาทโย เยฺยา.
ปริยตฺติปิ ¶ ¶ หิ ‘‘มา ปิฏกสมฺปทาเนนา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๓.๖๖) ปิฏกนฺติ วุจฺจติ. ‘‘อถ ปุริโส อาคจฺเฉยฺย กุทาลปิฏกํ อาทายา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๒๘; อ. นิ. ๓.๗๐) ยํ กิฺจิ ภาชนมฺปิ. ตสฺมา ปิฏกํ ปิฏกตฺถวิทู, ปริยตฺติพฺภาชนตฺถโต อาหุ.
อิทานิ เตน สโมธาเนตฺวา ตโยปิ วินยาทโย เยฺยาติ. เตน เอวํ ทุวิธตฺเถน ปิฏกสทฺเทน สห ¶ สมาสํ กตฺวา วินโย จ โส ปิฏกฺจ ปริยตฺติภาวโต ตสฺส ตสฺส อตฺถสฺส ภาชนโต จาติ วินยปิฏกํ, ยถาวุตฺเตเนว นเยน สุตฺตนฺตฺจ ตํ ปิฏกฺจาติ สุตฺตนฺตปิฏกํ, อภิธมฺโม จ โส ปิฏกฺจาติ อภิธมฺมปิฏกนฺติ เอวเมเต ตโยปิ วินยาทโย เยฺยา.
เอวํ ตฺวา จ ปุนปิ เตสฺเวว ปิฏเกสุ นานปฺปการโกสลฺลตฺถํ –
เทสนาสาสนกถา, เภทํ เตสุ ยถารหํ;
สิกฺขาปหานคมฺภีร, ภาวฺจ ปริทีปเย.
ปริยตฺติเภทํ สมฺปตฺตึ, วิปตฺตึ จาปิ ยํ ยหึ;
ปาปุณาติ ยถา ภิกฺขุ, ตมฺปิ สพฺพํ วิภาวเย.
ตตฺรายํ ปริทีปนา วิภาวนา จ, เอตานิ หิ ตีณิ ปิฏกานิ ยถากฺกมํ อาณา โวหาร ปรมตฺถเทสนา ยถาปราธ-ยถานุโลม-ยถาธมฺมสาสนานิ, สํวราสํวรทิฏฺิวินิเวนามรูปปริจฺเฉทกถาติ จ วุจฺจนฺติ.
เอตฺถ หิ วินยปิฏกํ อาณารเหน ภควตา อาณาพาหุลฺลโต เทสิตตฺตา อาณาเทสนา, สุตฺตนฺตปิฏกํ โวหารกุสเลน ภควตา โวหารพาหุลฺลโต เทสิตตฺตา โวหารเทสนา, อภิธมฺมปิฏกํ ปรมตฺถกุสเลน ภควตา ปรมตฺถพาหุลฺลโต เทสิตตฺตา ปรมตฺถเทสนาติ วุจฺจติ.
ตถา ¶ ปมํ เย เต ปจุราปราธา สตฺตา เต ยถาปราธํ เอตฺถ สาสิตาติ ยถาปราธสาสนํ, ทุติยํ อเนกชฺฌาสยานุสยจริยาธิมุตฺติกา สตฺตา ยถานุโลมํ เอตฺถ สาสิตาติ ยถานุโลมสาสนํ, ตติยํ ธมฺมปฺุชมตฺเต ‘‘อหํ มมา’’ติ สฺิโน สตฺตา ยถาธมฺมํ เอตฺถ สาสิตาติ ยถาธมฺมสาสนนฺติ วุจฺจติ.
ตถา ¶ ปมํ อชฺฌาจารปฏิปกฺขภูโต สํวราสํวโร เอตฺถ กถิโตติ สํวราสํวรกถา, ทุติยํ ทฺวาสฏฺิทิฏฺิปฏิปกฺขภูตา ทิฏฺิวินิเวนา เอตฺถ กถิตาติ ทิฏฺิวินิเวนกถา, ตติยํ ราคาทิปฏิปกฺขภูโต นามรูปปริจฺเฉโท เอตฺถ กถิโตติ นามรูปปริจฺเฉทกถาติ วุจฺจติ.
ตีสุปิ จ เจเตสุ ติสฺโส สิกฺขา, ตีณิ ปหานานิ, จตุพฺพิโธ จ คมฺภีรภาโว เวทิตพฺโพ ¶ . ตถา หิ – วินยปิฏเก วิเสเสน อธิสีลสิกฺขา วุตฺตา, สุตฺตนฺตปิฏเก อธิจิตฺตสิกฺขา, อภิธมฺมปิฏเก อธิปฺาสิกฺขา.
วินยปิฏเก จ วีติกฺกมปฺปหานํ กิเลสานํ, วีติกฺกมปฏิปกฺขตฺตา สีลสฺส. สุตฺตนฺตปิฏเก ปริยุฏฺานปฺปหานํ, ปริยุฏฺานปฏิปกฺขตฺตา สมาธิสฺส. อภิธมฺมปิฏเก อนุสยปฺปหานํ อนุสยปฏิปกฺขตฺตา ปฺาย.
ปเม จ ตทงฺคปฺปหานํ กิเลสานํ, อิตเรสุ วิกฺขมฺภนสมุจฺเฉทปฺปหานานิ. ปเม จ ทุจฺจริตสํกิเลสสฺส ปหานํ, อิตเรสุ ตณฺหาทิฏฺิสํกิเลสานํ.
เอกเมกสฺมิฺเจตฺถ จตุพฺพิโธปิ ธมฺมตฺถเทสนาปฏิเวธคมฺภีรภาโว เวทิตพฺโพ. ตตฺถ ธมฺโมติ ปาฬิ. อตฺโถติ ตสฺสาเยวตฺโถ. เทสนาติ ตสฺสา มนสาววตฺถาปิตาย ปาฬิยา เทสนา. ปฏิเวโธติ ปาฬิยา ปาฬิอตฺถสฺส จ ยถาภูตาวโพโธ. ตีสุปิ เจเตสุ เอเต ธมฺมตฺถเทสนาปฏิเวธา ¶ ยสฺมา สสาทีหิ วิย มหาสมุทฺโท มนฺทพุทฺธีหิ ทุกฺโขคาหา อลพฺภเนยฺยปติฏฺา จ, ตสฺมา คมฺภีรา. เอวํ เอกเมกสฺมึ เอตฺถ จตุพฺพิโธปิ คมฺภีรภาโว เวทิตพฺโพ.
อปโร นโย – ธมฺโมติ เหตุ. วุตฺตํ เหตํ – ‘‘เหตุมฺหิ าณํ ธมฺมปฏิสมฺภิทา’’ติ. อตฺโถติ เหตุผลํ. วุตฺตํ เหตํ – ‘‘เหตุผเล าณํ อตฺถปฏิสมฺภิทา’’ติ. เทสนาติ ปฺตฺติ, ยถาธมฺมํ ธมฺมาภิลาโปติ อธิปฺปาโย. ปฏิเวโธติ อภิสมโย, โส จ โลกิยโลกุตฺตโร วิสยโต อสมฺโมหโต จ อตฺถานุรูปํ ธมฺเมสุ, ธมฺมานุรูปํ อตฺเถสุ, ปฺตฺติปถานุรูปํ ปฺตฺตีสุ อวโพโธ.
อิทานิ ยสฺมา เอเตสุ ปิฏเกสุ ยํ ยํ ธมฺมชาตํ วา อตฺถชาตํ วา, ยา จายํ ยถา ยถา าเปตพฺโพ อตฺโถ โสตูนํ าณสฺส อภิมุโข โหติ, ตถา ตถา ตทตฺถโชติกา เทสนา, โย เจตฺถ ¶ อวิปรีตาวโพธสงฺขาโต ปฏิเวโธ สพฺพเมตํ อนุปจิตกุสลสมฺภาเรหิ ทุปฺปฺเหิ สสาทีหิ วิย มหาสมุทฺโท ทุกฺโขคาหํ อลพฺภเนยฺยปติฏฺฺจ, ตสฺมา คมฺภีรํ. เอวมฺปิ เอกเมกสฺมึ เอตฺถ จตุพฺพิโธปิ คมฺภีรภาโว เวทิตพฺโพ.
เอตฺตาวตา ¶ จ –
‘‘เทสนา-สาสนกถา ¶ , เภทํ เตสุ ยถารหํ;
สิกฺขาปหานคมฺภีรภาวฺจ ปริทีปเย’’ติ.
อยํ คาถา วุตฺตตฺถา โหติ.
‘‘ปริยตฺติเภทํ สมฺปตฺตึ, วิปตฺติฺจาปิ ยํ ยหึ;
ปาปุณาติ ยถา ภิกฺขุ, ตมฺปิ สพฺพํ วิภาวเย’’ติ.
เอตฺถ ปน ตีสุ ปิฏเกสุ ติวิโธ ปริยตฺติเภโท ทฏฺพฺโพ. ติสฺโส หิ ปริยตฺติโย – อลคทฺทูปมา, นิสฺสรณตฺถา, ภณฺฑาคาริกปริยตฺตีติ.
ตตฺถ ยา ทุคฺคหิตา อุปารมฺภาทิเหตุ ปริยาปุฏา, อยํ อลคทฺทูปมา. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ปุริโส อลคทฺทตฺถิโก อลคทฺทคเวสี อลคทฺทปริเยสนํ จรมาโน, โส ปสฺเสยฺย มหนฺตํ อลคทฺทํ. ตเมนํ โภเค วา นงฺคุฏฺเ วา คณฺเหยฺย. ตสฺส โส อลคทฺโท ปฏิปริวตฺติตฺวา หตฺเถ วา พาหาย วา อฺตรสฺมึ วา องฺคปจฺจงฺเค ฑํเสยฺย. โส ตโตนิทานํ มรณํ วา นิคจฺเฉยฺย, มรณมตฺตํ วา ทุกฺขํ. ตํ กิสฺส เหตุ? ทุคฺคหิตตฺตา, ภิกฺขเว, อลคทฺทสฺส. เอวเมว โข, ภิกฺขเว, อิเธกจฺเจ โมฆปุริสา ธมฺมํ ปริยาปุณนฺติ สุตฺตํ…เป… เวทลฺลํ. เต ตํ ธมฺมํ ปริยาปุณิตฺวา เตสํ ธมฺมานํ ปฺาย อตฺถํ น อุปปริกฺขนฺติ. เตสํ เต ธมฺมา ปฺาย อตฺถํ อนุปปริกฺขตํ น นิชฺฌานํ ขมนฺติ. เต อุปารมฺภานิสํสา เจว ธมฺมํ ปริยาปุณนฺติ อิติวาทปฺปโมกฺขานิสํสา จ. ยสฺส จตฺถาย ธมฺมํ ปริยาปุณนฺติ, ตฺจสฺส อตฺถํ นานุโภนฺติ. เตสํ เต ธมฺมา ทุคฺคหิตา ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนฺติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ทุคฺคหิตตฺตา, ภิกฺขเว, ธมฺมาน’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๒๓๘).
ยา ¶ ¶ ปน สุคฺคหิตา สีลกฺขนฺธาทิปาริปูรึเยว อากงฺขมาเนน ปริยาปุฏา น อุปารมฺภาทิ เหตุ, อยํ นิสฺสรณตฺถา. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘เตสํ เต ธมฺมา สุคฺคหิตา ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย สํวตฺตนฺติ. ตํ กิสฺส เหตุ? สุคฺคหิตตฺตา, ภิกฺขเว, ธมฺมาน’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๒๓๙).
ยํ ปน ปริฺาตกฺขนฺโธ ปหีนกิเลโส ภาวิตมคฺโค ปฏิวิทฺธากุปฺโป สจฺฉิกตนิโรโธ ขีณาสโว ¶ เกวลํ ปเวณีปาลนตฺถาย วํสานุรกฺขณตฺถาย ปริยาปุณาติ, อยํ ภณฺฑาคาริกปอยตฺตีติ.
วินเย ปน สุปฺปฏิปนฺโน ภิกฺขุ สีลสมฺปตฺตึ นิสฺสาย ติสฺโส วิชฺชา ปาปุณาติ, ตาสํเยว จ ตตฺถ ปเภทวจนโต. สุตฺเต สุปฺปฏิปนฺโน สมาธิสมฺปทํ นิสฺสาย ฉ อภิฺา ปาปุณาติ, ตาสํเยว จ ตตฺถ ปเภทวจนโต. อภิธมฺเม สุปฺปฏิปนฺโน ปฺาสมฺปทํ นิสฺสาย จตสฺโส ปฏิสมฺภิทา ปาปุณาติ, ตาสฺจ ตตฺเถว ปเภทวจนโต. เอวเมเตสุ สุปฺปฏิปนฺโน ยถากฺกเมน อิมํ วิชฺชาตฺตยฉฬภิฺาจตุปฏิสมฺภิทาเภทํ สมฺปตฺตึ ปาปุณาติ.
วินเย ปน ทุปฺปฏิปนฺโน อนฺุาตสุขสมฺผสฺสอตฺถรณปาวุรณาทิผสฺสสามฺโต ปฏิกฺขิตฺเตสุ อุปาทินฺนผสฺสาทีสุ อนวชฺชสฺี โหติ. วุตฺตมฺปิ เหตํ – ‘‘ตถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ, ยถา เยเม อนฺตรายิกา ธมฺมา วุตฺตา ภควตา, เต ปฏิเสวโต นาลํ อนฺตรายายา’’ติ (ปาจิ. ๔๑๗; ม. นิ. ๑.๒๓๔) ตโต ทุสฺสีลภาวํ ปาปุณาติ. สุตฺเต ¶ ทุปฺปฏิปนฺโน ‘‘จตฺตาโรเม, ภิกฺขเว, ปุคฺคลา สนฺโต สํวิชฺชมานา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๕) อธิปฺปายํ อชานนฺโต ทุคฺคหิตํ คณฺหาติ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘อตฺตนา ทุคฺคหิเตน อมฺเห เจว อพฺภาจิกฺขติ, อตฺตานฺจ ขนติ, พหฺุจ อปฺุํ ปสวตี’’ติ (ปาจิ. ๔๑๗; ม. นิ. ๑.๒๓๖) ตโต มิจฺฉาทิฏฺิตํ ปาปุณาติ. อภิธมฺเม ทุปฺปฏิปนฺโน ธมฺมจินฺตํ อติธาวนฺโต อจินฺเตยฺยานิปิ จินฺเตติ, ตโต จิตฺตกฺเขปํ ปาปุณาติ. วุตฺตํ เหตํ – ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, อจินฺเตยฺยานิ น จินฺเตตพฺพานิ, ยานิ จินฺเตนฺโต อุมฺมาทสฺส วิฆาตสฺส ภาคี อสฺสา’’ติ (อ. นิ. ๔.๗๗). เอวเมเตสุ ทุปฺปฏิปนฺโน ยถากฺกเมน อิมํ ทุสฺสีลภาวมิจฺฉาทิฏฺิตา จิตฺตกฺเขปเภทํ วิปตฺตึ ปาปุณาตีติ.
เอตฺตาวตา ¶ จ –
‘‘ปริยตฺติเภทํ สมฺปตฺตึ, วิปตฺตึ จาปิ ยํ ยหึ;
ปาปุณาติ ยถา ภิกฺขุ, ตมฺปิ สพฺพํ วิภาวเย’’ติ.
อยมฺปิ คาถา วุตฺตตฺถา โหติ. เอวํ นานปฺปการโต ปิฏกานิ ตฺวา เตสํ วเสเนตํ พุทฺธวจนํ ติวิธนฺติ าตพฺพํ.
กถํ ¶ นิกายวเสน ปฺจวิธํ? สพฺพเมว เจตํ ทีฆนิกาโย, มชฺฌิมนิกาโย, สํยุตฺตนิกาโย, องฺคุตฺตรนิกาโย, ขุทฺทกนิกาโยติ ปฺจปฺปเภทํ โหติ. ตตฺถ กตโม ทีฆนิกาโย? ติวคฺคสงฺคหานิ พฺรหฺมชาลาทีนิ จตุตฺตึส สุตฺตานิ.
จตุตฺตึเสว สุตฺตนฺตา, ติวคฺโค ยสฺส สงฺคโห;
เอส ทีฆนิกาโยติ, ปโม อนุโลมิโก.
กสฺมา ปเนส ทีฆนิกาโยติ วุจฺจติ? ทีฆปฺปมาณานํ สุตฺตานํ สมูหโต นิวาสโต จ, สมูหนิวาสา หิ นิกาโยติ ¶ วุจฺจนฺติ. ‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, อฺํ เอกนิกายมฺปิ สมนุปสฺสามิ เอวํ จิตฺตํ; ยถยิทํ, ภิกฺขเว, ติรจฺฉานคตา ปาณา; โปณิกนิกาโย, จิกฺขลฺลิกนิกาโย’’ติ (สํ. นิ. ๓.๑๐๐) เอวมาทีนิ เจตฺถ สาธกานิ สาสนโต จ โลกโต จ. เอวํ เสสานมฺปิ นิกายภาเว วจนตฺโถ เวทิตพฺโพ.
กตโม มชฺฌิมนิกาโย? มชฺฌิมปฺปมาณานิ ปฺจทสวคฺคสงฺคหานิ มูลปริยายสุตฺตาทีนิ ทิยฑฺฒสตํ ทฺเว จ สุตฺตานิ.
ทิยฑฺฒสตํ สุตฺตนฺตา, ทฺเว จ สุตฺตานิ ยตฺถ โส;
นิกาโย มชฺฌิโม ปฺจ-ทสวคฺคปริคฺคโห.
กตโม สํยุตฺตนิกาโย? เทวตาสํยุตฺตาทิวเสน ิตานิ โอฆตรณาทีนิ สตฺต สุตฺตสหสฺสานิ สตฺต จ สุตฺตสตานิ ทฺวาสฏฺิ จ สุตฺตานิ.
สตฺต สุตฺตสหสฺสานิ, สตฺต สุตฺตสตานิ จ;
ทฺวาสฏฺิ เจว สุตฺตนฺตา, เอโส สํยุตฺตสงฺคโห.
กตโม ¶ องฺคุตฺตรนิกาโย? เอเกกองฺคาติเรกวเสน ิตานิ จิตฺตปริยาทานาทีนิ นว สุตฺตสหสฺสานิ ปฺจ สุตฺตสตานิ สตฺตปฺาสฺจ สุตฺตานิ.
นว สุตฺตสหสฺสานิ, ปฺจ สุตฺตสตานิ จ;
สตฺตปฺาส สุตฺตานิ, สงฺขฺยา องฺคุตฺตเร อยํ.
กตโม ¶ ขุทฺทกนิกาโย? สกลํ วินยปิฏกํ อภิธมฺมปิฏกํ ขุทฺทกปาาทโย จ ปุพฺเพ นิทสฺสิตา ปนฺนรสเภทา เปตฺวา จตฺตาโร นิกาเย อวเสสํ พุทฺธวจนนฺติ.
เปตฺวา ¶ จตุโรเปเต, นิกาเย ทีฆอาทิเก;
ตทฺํ พุทฺธวจนํ, นิกาโย ขุทฺทโก มโตติ.
เอวํ นิกายวเสน ปฺจวิธํ.
กถํ องฺควเสน นววิธํ? สพฺพเมว หิทํ สุตฺตํ, เคยฺยํ, เวยฺยากรณํ, คาถา, อุทานํ, อิติวุตฺตกํ, ชาตกํ, อพฺภุตธมฺมํ, เวทลฺลนฺติ นวปฺปเภทํ โหติ. ตตฺถ อุภโตวิภงฺคนิทฺเทสขนฺธกปริวารา สุตฺตนิปาเต มงฺคลสุตฺต-รตนสุตฺต-นาลกสุตฺต-ตุวฏฺฏกสุตฺตานิ อฺมฺปิ จ สุตฺตนามกํ ตถาคตวจนํ สุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. สพฺพมฺปิ สคาถกํ สุตฺตํ เคยฺยนฺติ เวทิตพฺพํ. วิเสเสน สํยุตฺตเก สกโลปิ สคาถาวคฺโค, สกลํ อภิธมฺมปิฏกํ, นิคฺคาถกํ สุตฺตํ, ยฺจ อฺมฺปิ อฏฺหิ องฺเคหิ อสงฺคหิตํ พุทฺธวจนํ ตํ เวยฺยากรณนฺติ เวทิตพฺพํ. ธมฺมปทํ, เถรคาถา, เถรีคาถา, สุตฺตนิปาเต โนสุตฺตนามิกา สุทฺธิกคาถา จ คาถาติ เวทิตพฺพา. โสมนสฺสาณมยิกคาถาปฏิสํยุตฺตา ทฺวาสีติ สุตฺตนฺตา อุทานนฺติ เวทิตพฺพํ. ‘‘วุตฺตฺเหตํ ภควตา’’ติอาทินยปฺปวตฺตา ทสุตฺตรสตสุตฺตนฺตา อิติวุตฺตกนฺติ เวทิตพฺพํ. อปณฺณกชาตกาทีนิ ปฺาสาธิกานิ ปฺจ ชาตกสตานิ ชาตกนฺติ เวทิตพฺพํ. ‘‘จตฺตาโรเม, ภิกฺขเว, อจฺฉริยา อพฺภุตา ธมฺมา อานนฺเท’’ติ (ที. นิ. ๒.๒๐๙) -อาทินยปฺปวตฺตา สพฺเพปิ อจฺฉริยอพฺภุตธมฺมปฏิสํยุตฺตา สุตฺตนฺตา อพฺภุตธมฺมนฺติ เวทิตพฺพํ. จูฬเวทลฺล-มหาเวทลฺล-สมฺมาทิฏฺิ-สกฺกปฺห-สงฺขารภาชนิย-มหาปุณฺณมสุตฺตาทโย ¶ สพฺเพปิ เวทฺจ ตุฏฺิฺจ ลทฺธา ลทฺธา ปุจฺฉิตสุตฺตนฺตา เวทลฺลนฺติ เวทิตพฺพํ. เอวํ องฺควเสน นววิธํ.
กถํ ¶ ธมฺมกฺขนฺธวเสน จตุราสีติสหสฺสวิธํ? สพฺพเมว เจตํ พุทฺธวจนํ –
‘‘ทฺวาสีติ พุทฺธโต คณฺหึ, ทฺเว สหสฺสานิ ภิกฺขุโต;
จตุราสีติ สหสฺสานิ, เย เม ธมฺมา ปวตฺติโน’’ติ. (เถรคา. ๑๐๒๗);
เอวํ ปริทีปิตธมฺมกฺขนฺธวเสน จตุราสีติสหสฺสปฺปเภทํ โหติ. ตตฺถ เอกานุสนฺธิกํ สุตฺตํ เอโก ธมฺมกฺขนฺโธ. ยํ อเนกานุสนฺธิกํ ตตฺถ อนุสนฺธิวเสน ธมฺมกฺขนฺธคณนา. คาถาพนฺเธสุ ปฺหาปุจฺฉนํ ¶ เอโก ธมฺมกฺขนฺโธ, วิสฺสชฺชนํ เอโก. อภิธมฺเม เอกเมกํ ติก-ทุก-ภาชนํ, เอกเมกฺจ จิตฺตวารภาชนํ, เอโก ธมฺมกฺขนฺโธ. วินเย อตฺถิ วตฺถุ, อตฺถิ มาติกา, อตฺถิ ปทภาชนียํ, อตฺถิ อนฺตราปตฺติ, อตฺถิ อาปตฺติ, อตฺถิ อนาปตฺติ, อตฺถิ ปริจฺเฉโท; ตตฺถ เอกเมโก โกฏฺาโส, เอกเมโก ธมฺมกฺขนฺโธติ เวทิตพฺโพ. เอวํ ธมฺมกฺขนฺธวเสน จตุราสีติสหสฺสวิธํ.
เอวเมตํ อเภทโต รสวเสน เอกวิธํ, เภทโต ธมฺมวินยาทิวเสน ทุวิธาทิเภทํ พุทฺธวจนํ สงฺคายนฺเตน มหากสฺสปปฺปมุเขน วสีคเณน ‘‘อยํ ธมฺโม, อยํ วินโย; อิทํ ปมพุทฺธวจนํ, อิทํ มชฺฌิมพุทฺธวจนํ, อิทํ ปจฺฉิมพุทฺธวจนํ; อิทํ วินยปิฏกํ, อิทํ สุตฺตนฺตปิฏกํ, อิทํ อภิธมฺมปิฏกํ; อยํ ทีฆนิกาโย…เป… อยํ ขุทฺทกนิกาโย; อิมานิ สุตฺตาทีนิ นวงฺคานิ, อิมานิ จตุราสีติธมฺมกฺขนฺธสหสฺสานี’’ติ อิมํ ปเภทํ ววตฺถเปตฺวาว สงฺคีตํ. น ¶ เกวลฺจ เอตฺตกเมว, อฺมฺปิ อุทฺทานสงฺคห-วคฺคสงฺคหเปยฺยาลสงฺคห-เอกกนิปาต-ทุกนิปาตาทินิปาตสงฺคห-สํยุตฺตสงฺคห-ปณฺณาสสงฺคหาทิอเนกวิธํ ตีสุ ปิฏเกสุ สนฺทิสฺสมานํ สงฺคหปฺปเภทํ ววตฺถเปตฺวาเอว สตฺตหิ มาเสหิ สงฺคีตํ. สงฺคีติปริโยสาเน จสฺส – ‘‘อิทํ มหากสฺสปตฺเถเรน ทสพลสฺส สาสนํ ปฺจวสฺสสหสฺสปริมาณํ กาลํ ปวตฺตนสมตฺถํ กต’’นฺติ สฺชาตปฺปโมทา สาธุการํ วิย ททมานา อยํ มหาปถวี อุทกปริยนฺตํ กตฺวา อเนกปฺปการํ กมฺปิ สงฺกมฺปิ สมฺปกมฺปิ สมฺปเวธิ, อเนกานิ จ อจฺฉริยานิ ปาตุรเหสุนฺติ อยํ ปมมหาสงฺคีตินาม. ยา โลเก –
สเตหิ ปฺจหิ กตา, เตน ปฺจสตาติ จ;
เถเรเหว กตตฺตา จ, เถริกาติ ปวุจฺจตีติ.
อิมิสฺสา ¶ ปน ปมมหาสงฺคีติยา ปวตฺตมานาย วินยํ ปุจฺฉนฺเตน อายสฺมตา มหากสฺสเปน ‘‘ปมํ, อาวุโส อุปาลิ, ปาราชิกํ กตฺถ ปฺตฺต’’นฺติ เอวมาทิวจนปริโยสาเน ‘‘วตฺถุมฺปิ ปุจฺฉิ, นิทานมฺปิ ปุจฺฉิ, ปุคฺคลมฺปิ ปุจฺฉี’’ติ เอตฺถ นิทาเน ปุจฺฉิเต ตํ นิทานํ อาทิโต ปภุติ วิตฺถาเรตฺวา เยน จ ปฺตฺตํ, ยสฺมา จ ปฺตฺตํ, สพฺพเมตํ กเถตุกาเมน อายสฺมตา อุปาลิตฺเถเรน วุตฺตํ ‘‘เตน สมเยน ¶ พุทฺโธ ภควา เวรฺชายํ วิหรตี’’ติ สพฺพํ วตฺตพฺพํ. เอวมิทํ อายสฺมตา อุปาลิตฺเถเรน วุตฺตํ, ตฺจ ปน ‘‘ปมมหาสงฺคีติกาเล วุตฺต’’นฺติ เวทิตพฺพํ. เอตฺตาวตา จ ‘‘อิทํ วจนํ เกน วุตฺตํ, กทา วุตฺต’’นฺติ เอเตสํ ปทานํ อตฺโถ ปกาสิโต โหติ.
อิทานิ ¶ กสฺมา วุตฺตนฺติ เอตฺถ วุจฺจเต, ยสฺมา อยมายสฺมตา มหากสฺสปตฺเถเรน นิทานํ ปุฏฺโ ตสฺมาเนน ตํ นิทานํ อาทิโต ปภุติ วิตฺถาเรตุํ วุตฺตนฺติ. เอวมิทํ อายสฺมตา อุปาลิตฺเถเรน ปมมหาสงฺคีติกาเล วทนฺเตนาปิ อิมินา การเณน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. เอตฺตาวตา จ วุตฺตํ เยน ยทา ยสฺมาติ อิเมสํ มาติกาปทานํ อตฺโถ ปกาสิโต โหติ.
อิทานิ ธาริตํ เยน จาภตํ, ยตฺถปฺปติฏฺิตํ เจตเมตํ วตฺวา วิธึ ตโตติ เอเตสํ อตฺถปฺปกาสนตฺถํ อิทํ วุจฺจติ. ตํ ปเนตํ ‘‘เตน สมเยน พุทฺโธ ภควา เวรฺชายํ วิหรตี’’ติ เอวมาทิวจนปฏิมณฺฑิตนิทานํ วินยปิฏกํ เกน ธาริตํ, เกนาภตํ, กตฺถ ปติฏฺิตนฺติ? วุจฺจเต – อาทิโต ตาว อิทํ ภควโต สมฺมุขา อายสฺมตา อุปาลิตฺเถเรน ธาริตํ, ตสฺส สมฺมุขโต อปรินิพฺพุเต ตถาคเต ฉฬภิฺาทิเภเทหิ อเนเกหิ ภิกฺขุสหสฺเสหิ ปรินิพฺพุเต ตถาคเต มหากสฺสปปฺปมุเขหิ ธมฺมสงฺคาหกตฺเถเรหิ. เกนาภตนฺติ? ชมฺพุทีเป ตาว อุปาลิตฺเถรมาทึ กตฺวา อาจริยปรมฺปราย ยาว ตติยสงฺคีติ ตาว อาภตํ. ตตฺรายํ ¶ อาจริยปรมฺปรา –
อุปาลิ ทาสโก เจว, โสณโก สิคฺคโว ตถา;
ติสฺโส โมคฺคลิปุตฺโต จ, ปฺเจเต วิชิตาวิโน.
ปรมฺปราย วินยํ, ทีเป ชมฺพุสิริวฺหเย;
อจฺฉิชฺชมานมาเนสุํ, ตติโย ยาว สงฺคโห.
อายสฺมา ¶ หิ อุปาลิ อิมํ วินยวํสํ วินยตนฺตึ วินยปเวณึ ภควโต
สมฺมุขา อุคฺคเหตฺวา พหูนํ ภิกฺขูนํ หทเย ปติฏฺาเปสิ. ตสฺส หายสฺมโต สนฺติเก วินยวํสํ อุคฺคเหตฺวา วินเย ปกตฺุตํ ปตฺเตสุ ปุคฺคเลสุ ปุถุชฺชน-โสตาปนฺน-สกทาคามิ-อนาคามิโน คณนปถํ วีติวตฺตา, ขีณาสวานํ สหสฺสเมกํ อโหสิ. ทาสกตฺเถโรปิ ตสฺเสว สทฺธิวิหาริโก อโหสิ, โส อุปาลิตฺเถรสฺส สมฺมุขา อุคฺคเหตฺวา ตเถว วินยํ วาเจสิ. ตสฺสาปิ อายสฺมโต สนฺติเก อุคฺคเหตฺวา วินเย ปกตฺุตํ ปตฺตา ปุถุชฺชนาทโย คณนปถํ วีติวตฺตา, ขีณาสวานํ สหสฺสเมว อโหสิ. โสณกตฺเถโรปิ ทาสกตฺเถรสฺส สทฺธิวิหาริโก อโหสิ, โสปิ อตฺตโน อุปชฺฌายสฺส ทาสกตฺเถรสฺส สมฺมุขา อุคฺคเหตฺวา ตเถว วินยํ วาเจสิ. ตสฺสาปิ อายสฺมโต สนฺติเก อุคฺคเหตฺวา วินเย ปกตฺุตํ ปตฺตา ปุถุชฺชนาทโย คณนปถํ วีติวตฺตา, ขีณาสวานํ สหสฺสเมว อโหสิ. สิคฺควตฺเถโรปิ โสณกตฺเถรสฺส สทฺธิวิหาริโก อโหสิ, โสปิ อตฺตโน อุปชฺฌายสฺส ¶ โสณกตฺเถรสฺส สนฺติเก วินยํ อุคฺคเหตฺวา อรหนฺตสหสฺสสฺส ธุรคฺคาโห อโหสิ. ตสฺส ปนายสฺมโต สนฺติเก อุคฺคเหตฺวา วินเย ปกตฺุตํ ปตฺตา ปุถุชฺชน-โสตาปนฺนสกทาคามิ-อนาคามิโนปิ ขีณาสวาปิ เอตฺตกานิ ¶ สตานีติ วา เอตฺตกานิ สหสฺสานีติ วา อปริจฺฉินฺนา อเหสุํ. ตทา กิร ชมฺพุทีเป อติมหาภิกฺขุสมุทาโย อโหสิ. โมคฺคลิปุตฺตติสฺสตฺเถรสฺส ปน อานุภาโว ตติยสงฺคีติยํ ปากโฏ ภวิสฺสติ. เอวมิทํ วินยปิฏกํ ชมฺพุทีเป ตาว อิมาย อาจริยปรมฺปราย ยาว ตติยสงฺคีติ ตาว อาภตนฺติ เวทิตพฺพํ.
ปมมหาสงฺคีติกถา นิฏฺิตา.
ทุติยสงฺคีติกถา
ทุติยสงฺคีติวิชานนตฺถํ ปน อยมนุกฺกโม เวทิตพฺโพ. ยทา หิ –
สงฺคายิตฺวาน สทฺธมฺมํ, โชตยิตฺวา จ สพฺพธิ;
ยาว ชีวิตปริยนฺตํ, ตฺวา ปฺจสตาปิ เต.
ขีณาสวา ¶ ชุตีมนฺโต, เถรา กสฺสปอาทโย;
ขีณสฺเนหปทีปาว, นิพฺพายึสุ อนาลยา.
อถานุกฺกเมน คจฺฉนฺเตสุ รตฺตินฺทิเวสุ วสฺสสตปรินิพฺพุเต ภควติ เวสาลิกา วชฺชิปุตฺตกา ภิกฺขู เวสาลิยํ ‘‘กปฺปติ สิงฺคีโลณกปฺโป, กปฺปติ ทฺวงฺคุลกปฺโป, กปฺปติ คามนฺตรกปฺโป, กปฺปติ อาวาสกปฺโป, กปฺปติ อนุมติกปฺโป, กปฺปติ อาจิณฺณกปฺโป, กปฺปติ อมถิตกปฺโป, กปฺปติ ชโฬคึ ปาตุํ, กปฺปติ อทสกํ นิสีทนํ, กปฺปติ ชาตรูปรชต’’นฺติ อิมานิ ทส วตฺถูนิ ทีเปสุํ. เตสํ สุสุนาคปุตฺโต กาฬาโสโก นาม ราชา ปกฺโข อโหสิ.
เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา ยโส กากณฺฑกปุตฺโต วชฺชีสุ จาริกํ จรมาโน ‘‘เวสาลิกา กิร วชฺชิปุตฺตกา ภิกฺขู เวสาลิยํ ทส วตฺถูนิ ทีเปนฺตี’’ติ สุตฺวา ‘‘น โข ปเนตํ ปติรูปํ ยฺวาหํ ทสพลสฺส สาสนวิปตฺตึ สุตฺวา อปฺโปสฺสุกฺโก ภเวยฺยํ. หนฺทาหํ อธมฺมวาทิโน ¶ นิคฺคเหตฺวา ธมฺมํ ¶ ทีเปมี’’ติ จินฺเตนฺโต เยน เวสาลี ตทวสริ. ตตฺร สุทํ อายสฺมา ยโส กากณฺฑกปุตฺโต เวสาลิยํ วิหรติ มหาวเน กูฏาคารสาลายํ.
เตน โข ปน สมเยน เวสาลิกา วชฺชิปุตฺตกา ภิกฺขู ตทหุโปสเถ กํสปาตึ อุทเกน ปูเรตฺวา มชฺเฌ ภิกฺขุสงฺฆสฺส เปตฺวา อาคตาคเต เวสาลิเก อุปาสเก เอวํ วทนฺติ – ‘‘เทถาวุโส, สงฺฆสฺส กหาปณมฺปิ อฑฺฒมฺปิ ปาทมฺปิ มาสกรูปมฺปิ, ภวิสฺสติ สงฺฆสฺส ปริกฺขาเรน กรณีย’’นฺติ สพฺพํ ตาว วตฺตพฺพํ, ยาว ‘‘อิมาย ปน วินยสงฺคีติยา สตฺต ภิกฺขุสตานิ อนูนานิ อนธิกานิ อเหสุํ, ตสฺมา อยํ ทุติยสงฺคีติ สตฺตสติกาติ วุจฺจตี’’ติ.
เอวํ ตสฺมิฺจ สนฺนิปาเต ทฺวาทส ภิกฺขุสตสหสฺสานิ สนฺนิปตึสุ อายสฺมตา ยเสน สมุสฺสาหิตา. เตสํ มชฺเฌ อายสฺมตา เรวเตน ปุฏฺเน สพฺพกามิตฺเถเรน วินยํ วิสฺสชฺเชนฺเตน ตานิ ทส วตฺถูนิ วินิจฺฉิตานิ, อธิกรณํ วูปสมิตํ. อถ เถรา ‘‘ปุน ธมฺมฺจ วินยฺจ สงฺคายิสฺสามา’’ติ ติปิฏกธเร ปตฺตปฏิสมฺภิเท สตฺตสเต ภิกฺขู อุจฺจินิตฺวา เวสาลิยํ ¶ วาลิการาเม สนฺนิปติตฺวา มหากสฺสปตฺเถเรน สงฺคายิตสทิสเมว สพฺพํ สาสนมลํ โสเธตฺวา ปุน ปิฏกวเสน นิกายวเสน องฺควเสน ธมฺมกฺขนฺธวเสน จ สพฺพํ ธมฺมฺจ วินยฺจ สงฺคายึสุ. อยํ สงฺคีติ อฏฺหิ มาเสหิ นิฏฺิตา. ยา โลเก –
สเตหิ สตฺตหิ กตา, เตน สตฺตสตาติ จ;
ปุพฺเพ กตํ อุปาทาย, ทุติยาติ จ วุจฺจตีติ.
สา ปนายํ –
เยหิ เถเรหิ สงฺคีตา, สงฺคีติ เตสุ วิสฺสุตา;
สพฺพกามี จ สาฬฺโห จ, เรวโต ขุชฺชโสภิโต.
ยโส ¶ จ สาณสมฺภูโต, เอเต สทฺธิวิหาริกา;
เถรา อานนฺทเถรสฺส, ทิฏฺปุพฺพา ตถาคตํ.
สุมโน วาสภคามี จ, เยฺยา สทฺธิวิหาริกา;
ทฺเว อิเม อนุรุทฺธสฺส, ทิฏฺปุพฺพา ตถาคตํ.
ทุติโย ¶ ปน สงฺคีโต, เยหิ เถเรหิ สงฺคโห;
สพฺเพปิ ปนฺนภารา เต, กตกิจฺจา อนาสวาติ.
อยํ ทุติยสงฺคีติ.
เอวมิมํ ทุติยสงฺคีตึ สงฺคายิตฺวา เถรา ‘‘อุปฺปชฺชิสฺสติ นุ โข อนาคเตปิ สาสนสฺส เอวรูปํ อพฺพุท’’นฺติ โอโลกยมานา อิมํ อทฺทสํสุ – ‘‘อิโต วสฺสสตสฺส อุปริ อฏฺารสเม วสฺเส ปาฏลิปุตฺเต ธมฺมาโสโก นาม ราชา อุปฺปชฺชิตฺวา สกลชมฺพุทีเป รชฺชํ กาเรสฺสติ. โส พุทฺธสาสเน ปสีทิตฺวา มหนฺตํ ลาภสกฺการํ ปวตฺตยิสฺสติ. ตโต ติตฺถิยา ลาภสกฺการํ ปตฺถยมานา สาสเน ปพฺพชิตฺวา สกํ สกํ ทิฏฺึ ปริทีเปสฺสนฺติ. เอวํ สาสเน มหนฺตํ อพฺพุทํ อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ. อถ เนสํ เอตทโหสิ – ‘‘กินฺนุ โข มยํ เอตสฺมึ อพฺพุเท อุปฺปนฺเน สมฺมุขา ภวิสฺสาม, น ภวิสฺสามา’’ติ. อถ เต สพฺเพว ตทา อตฺตโน อสมฺมุขภาวํ ตฺวา ‘‘โก นุ โข ตํ อธิกรณํ วูปสเมตุํ สมตฺโถ ภวิสฺสตี’’ติ สกลํ มนุสฺสโลกํ ฉกามาวจรเทวโลกฺจ โอโลเกนฺตา น กฺจิ ทิสฺวา พฺรหฺมโลเก ติสฺสํ นาม มหาพฺรหฺมานํ อทฺทสํสุ ¶ ปริตฺตายุกํ อุปริพฺรหฺมโลกูปปตฺติยา ภาวิตมคฺคํ. ทิสฺวาน เนสํ เอตทโหสิ – ‘‘สเจ มยํ เอตสฺส พฺรหฺมุโน มนุสฺสโลเก นิพฺพตฺตนตฺถาย อุสฺสาหํ กเรยฺยาม, อทฺธา เอส ¶ โมคฺคลิพฺราหฺมณสฺส เคเห ปฏิสนฺธึ คเหสฺสติ. ตโต จ มนฺเตหิ ปโลภิโต นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิสฺสติ. โส เอวํ ปพฺพชิตฺวา สกลํ พุทฺธวจนํ อุคฺคเหตฺวา อธิคตปฏิสมฺภิโท หุตฺวา ติตฺถิเย มทฺทิตฺวา ตํ อธิกรณํ วินิจฺฉิตฺวา สาสนํ ปคฺคณฺหิสฺสตี’’ติ.
เต พฺรหฺมโลกํ คนฺตฺวา ติสฺสํ มหาพฺรหฺมานํ เอตทโวจุํ – ‘‘อิโต วสฺสสตสฺส อุปริ อฏฺารสเม วสฺเส สาสเน มหนฺตํ อพฺพุทํ อุปฺปชฺชิสฺสติ. มยฺจ สกลํ มนุสฺสโลกํ ฉกามาวจรเทวโลกฺจ โอโลกยมานา กฺจิ สาสนํ ปคฺคเหตุํ สมตฺถํ อทิสฺวา พฺรหฺมโลกํ วิจินนฺตา ภวนฺตเมว อทฺทสาม. สาธุ, สปฺปุริส, มนุสฺสโลเก นิพฺพตฺติตฺวา ทสพลสฺส สาสนํ ปคฺคณฺหิตุํ ปฏิฺํ เทหี’’ติ.
เอวํ วุตฺเต มหาพฺรหฺมา, ‘‘อหํ กิร สาสเน อุปฺปนฺนํ อพฺพุทํ โสเธตฺวา สาสนํ ปคฺคเหตุํ สมตฺโถ ภวิสฺสามี’’ติ หฏฺปหฏฺโ อุทคฺคุทคฺโค หุตฺวา, ‘‘สาธู’’ติ ปฏิสฺสุณิตฺวา ปฏิฺํ อทาสิ. เถรา พฺรหฺมโลเก ตํ กรณียํ ตีเรตฺวา ปุน ปจฺจาคมึสุ.
เตน ¶ โข ปน สมเยน สิคฺควตฺเถโร จ จณฺฑวชฺชิตฺเถโร จ ทฺเวปิ นวกา โหนฺติ ทหรภิกฺขู ติปิฏกธรา ปตฺตปฏิสมฺภิทา ขีณาสวา, เต ตํ อธิกรณํ น สมฺปาปุณึสุ. เถรา ‘‘ตุมฺเห, อาวุโส, อมฺหากํ อิมสฺมึ อธิกรเณ โน สหายกา อหุวตฺถ, เตน โว อิทํ ทณฺฑกมฺมํ โหตุ – ‘ติสฺโส นาม พฺรหฺมา โมคฺคลิพฺราหฺมณสฺส เคเห ปฏิสนฺธึ คณฺหิสฺสติ, ตํ ตุมฺหากํ เอโก นีหริตฺวา ปพฺพาเชตุ, เอโก พุทฺธวจนํ อุคฺคณฺหาเปตู’’’ติ วตฺวา สพฺเพปิ ยาวตายุกํ ตฺวา –
สพฺพกามิปฺปภุตโย, เตปิ เถรา มหิทฺธิกา;
อคฺคิกฺขนฺธาว โลกมฺหิ, ชลิตฺวา ปรินิพฺพุตา.
ทุติยํ สงฺคหํ กตฺวา, วิโสเธตฺวาน สาสนํ;
อนาคเตปิ ¶ กตฺวาน, เหตุํ สทฺธมฺมสุทฺธิยา.
ขีณาสวา ¶ วสิปฺปตฺถา, ปภินฺนปฏิสมฺภิทา;
อนิจฺจตาวสํ เถรา, เตปิ นาม อุปาคตา.
เอวํ อนิจฺจตํ ชมฺมึ, ตฺวา ทุรภิสมฺภวํ;
ตํ ปตฺตุํ วายเม ธีโร, ยํ นิจฺจํ อมตํ ปทนฺติ.
เอตฺตาวตา สพฺพากาเรน ทุติยสงฺคีติวณฺณนา นิฏฺิตา โหติ.
ทุติยสงฺคีติกถา นิฏฺิตา
ตติยสงฺคีติกถา
ติสฺโสปิ โข มหาพฺรหฺมา พฺรหฺมโลกโต จวิตฺวา โมคฺคลิพฺราหฺมณสฺส เคเห ปฏิสนฺธึ อคฺคเหสิ. สิคฺควตฺเถโรปิ ตสฺส ปฏิสนฺธิคฺคหณโต ปภุติ สตฺต วสฺสานิ พฺราหฺมณสฺส เคหํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ. เอกทิวสมฺปิ อุฬุงฺกมตฺตํ วา ยาคุํ กฏจฺฉุมตฺตํ วา ภตฺตํ นาลตฺถ. สตฺตนฺนํ ปน วสฺสานํ อจฺจเยน เอกทิวสํ ‘‘อติจฺฉถ, ภนฺเต’’ติ วจนมตฺตํ อลตฺถ. ตํทิวสเมว พฺราหฺมโณปิ พหิทฺธา กิฺจิ กรณียํ กตฺวา อาคจฺฉนฺโต ปฏิปเถ เถรํ ทิสฺวา, ‘‘โภ ปพฺพชิต, อมฺหากํ เคหํ อคมิตฺถา’’ติ อาห. ‘‘อาม, พฺราหฺมณ, อคมิมฺหา’’ติ. ‘‘อปิ กิฺจิ ¶ ลภิตฺถา’’ติ? ‘‘อาม, พฺราหฺมณ, ลภิมฺหา’’ติ. โส เคหํ คนฺตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘ตสฺส ปพฺพชิตสฺส กิฺจิ อทตฺถา’’ติ? ‘‘น กิฺจิ อทมฺหา’’ติ. พฺราหฺมโณ ทุติยทิวเส ฆรทฺวาเรเยว นิสีทิ ‘‘อชฺช ปพฺพชิตํ มุสาวาเทน นิคฺคเหสฺสามี’’ติ. เถโร ทุติยทิวเส พฺราหฺมณสฺส ฆรทฺวารํ สมฺปตฺโต. พฺราหฺมโณ เถรํ ทิสฺวาว เอวมาห – ‘‘ตุมฺเห หิยฺโย อมฺหากํ เคเห กิฺจิ อลทฺธาเยว ‘ลภิมฺหา’ติ อโวจุตฺถ. วฏฺฏติ นุ โข ตุมฺหากํ มุสาวาโท’’ติ! เถโร อาห – ‘‘มยํ, พฺราหฺมณ, ตุมฺหากํ เคเห สตฺต วสฺสานิ ‘อติจฺฉถา’ติ วจนมตฺตมฺปิ อลภิตฺวา หิยฺโย ‘อติจฺฉถา’ติ วจนมตฺตํ ลภิมฺห; อเถตํ ปฏิสนฺถารํ อุปาทาย เอวมโวจุมฺหา’’ติ.
พฺราหฺมโณ จินฺเตสิ – ‘‘อิเม ปฏิสนฺถารมตฺตมฺปิ ลภิตฺวา ‘ลภิมฺหา’ติ ปสํสนฺติ, อฺํ กิฺจิ ขาทนียํ โภชนียํ ¶ ลภิตฺวา กสฺมา น ปสํสนฺตี’’ติ ปสีทิตฺวา อตฺตโน อตฺถาย ปฏิยาทิตภตฺตโต กฏจฺฉุมตฺตํ ภิกฺขํ ตทุปิยฺจ พฺยฺชนํ ทาเปตฺวา ‘‘อิมํ ภิกฺขํ สพฺพกาลํ ตุมฺเห ลภิสฺสถา’’ติ อาห ¶ . โส ปุนทิวสโต ปภุติ อุปสงฺกมนฺตสฺส เถรสฺส อุปสมํ ทิสฺวา ภิยฺโยโสมตฺตาย ปสีทิตฺวา เถรํ นิจฺจกาลํ อตฺตโน ฆเร ภตฺตวิสฺสคฺคกรณตฺถาย ยาจิ. เถโร อธิวาเสตฺวา ทิวเส ทิวเส ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา คจฺฉนฺโต โถกํ โถกํ พุทฺธวจนํ กเถตฺวา คจฺฉติ. โสปิ โข มาณวโก โสฬสวสฺสุทฺเทสิโกเยว ติณฺณํ เวทานํ ปารคู อโหสิ. พฺรหฺมโลกโต อาคตสุทฺธสตฺตสฺส อาสเน วา สยเน วา อฺโ โกจิ นิสชฺชิตา วา นิปชฺชิตา วา นตฺถิ. โส ยทา อาจริยฆรํ คจฺฉติ, ตทาสฺส มฺจปีํ เสเตน วตฺเถน ปฏิจฺฉาเทตฺวา ลคฺเคตฺวา เปนฺติ. เถโร จินฺเตสิ – ‘‘สมโย ทานิ มาณวกํ ปพฺพาเชตุํ, จิรฺจ เม อิธาคจฺฉนฺตสฺส, น จ กาจิ มาณวเกน สทฺธึ กถา อุปฺปชฺชติ. หนฺท ทานิ อิมินา อุปาเยน ปลฺลงฺกํ นิสฺสาย อุปฺปชฺชิสฺสตี’’ติ เคหํ คนฺตฺวา ยถา ตสฺมึ เคเห เปตฺวา มาณวกสฺส ปลฺลงฺกํ อฺํ น กิฺจิ อาสนํ ทิสฺสติ ตถา อธิฏฺาสิ. พฺราหฺมณสฺส เคหชโน เถรํ ทิสฺวา อฺํ กิฺจิ อาสนํ อปสฺสนฺโต มาณวกสฺส ปลฺลงฺกํ อตฺถริตฺวา เถรสฺส อทาสิ. นิสีทิ เถโร ปลฺลงฺเก. มาณวโกปิ โข ตงฺขณฺเว อาจริยฆรา อาคมฺม เถรํ อตฺตโน ปลฺลงฺเก นิสินฺนํ ทิสฺวา กุปิโต อนตฺตมโน ‘‘โก มม ปลฺลงฺกํ สมณสฺส ปฺเปสี’’ติ อาห.
เถโร ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา วูปสนฺเต มาณวกสฺส จณฺฑิกฺกภาเว เอวมาห – ‘‘กึ ปน ตฺวํ, มาณวก, กิฺจิ ¶ มนฺตํ ชานาสี’’ติ? มาณวโก ‘‘โภ ปพฺพชิต, มยิ ทานิ มนฺเต อชานนฺเต อฺเ เก ชานิสฺสนฺตี’’ติ วตฺวา, เถรํ ปุจฺฉิ – ‘‘ตุมฺเห ปน มนฺตํ ชานาถา’’ติ? ‘‘ปุจฺฉ, มาณวก, ปุจฺฉิตฺวา สกฺกา ชานิตุ’’นฺติ. อถ โข มาณวโก ตีสุ เวเทสุ สนิฆณฺฑุเกฏุเภสุ ¶ สากฺขรปฺปเภเทสุ อิติหาสปฺจเมสุ ยานิ ยานิ คณฺิฏฺานานิ, เยสํ เยสํ นยํ เนว อตฺตนา ปสฺสติ นาปิสฺส อาจริโย อทฺทส, เตสุ เตสุ เถรํ ปุจฺฉิ. เถโร ‘‘ปกติยาปิ ติณฺณํ เวทานํ ปารคู, อิทานิ ปน ปฏิสมฺภิทาปฺปตฺโต, เตนสฺส นตฺถิ เตสํ ปฺหานํ วิสฺสชฺชเน ภาโร’’ติ ตาวเทว เต ปฺเห วิสฺสชฺเชตฺวา มาณวกํ อาห – ‘‘มาณวก, อหํ ตยา พหุํ ปุจฺฉิโต; อหมฺปิ ทานิ ตํ เอกํ ปฺหํ ปุจฺฉามิ, พฺยากริสฺสสิ เม’’ติ? ‘‘อาม, โภ ปพฺพชิต, ปุจฺฉ พฺยากริสฺสามี’’ติ. เถโร จิตฺตยมเก อิมํ ปฺหํ ปุจฺฉิ –
‘‘ยสฺส ¶ จิตฺตํ อุปฺปชฺชติ น นิรุชฺฌติ ตสฺส จิตฺตํ นิรุชฺฌิสฺสติ นุปฺปชฺชิสฺสติ; ยสฺส วา ปน จิตฺตํ นิรุชฺฌิสฺสติ นุปฺปชฺชิสฺสติ ตสฺส จิตฺตํ อุปฺปชฺชติ น นิรุชฺฌตี’’ติ?
มาณโว อุทฺธํ วา อโธ วา หริตุํ อสกฺโกนฺโต ‘‘กึ นาม, โภ ปพฺพชิต, อิท’’นฺติ อาห. ‘‘พุทฺธมนฺโต นามายํ, มาณวา’’ติ. ‘‘สกฺกา ปนายํ, โภ, มยฺหมฺปิ ทาตุ’’นฺติ. ‘‘สกฺกา มาณว, อมฺเหหิ คหิตปพฺพชฺชํ คณฺหนฺตสฺส ทาตุ’’นฺติ. ตโต ¶ มาณโว มาตาปิตโร อุปสงฺกมิตฺวา อาห – ‘‘อยํ ปพฺพชิโต พุทฺธมนฺตํ นาม ชานาติ, น จ อตฺตโน สนฺติเก อปพฺพชิตสฺส เทติ, อหํ เอตสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา มนฺตํ อุคฺคณฺหิสฺสามี’’ติ.
อถสฺส มาตาปิตโร ‘‘ปพฺพชิตฺวาปิ โน ปุตฺโต มนฺเต คณฺหตุ, คเหตฺวา ปุนาคมิสฺสตี’’ติ มฺมานา ‘‘อุคฺคณฺห, ปุตฺตา’’ติ อนุชานึสุ. เถโร ทารกํ ปพฺพาเชตฺวา ทฺวตฺตึสาการกมฺมฏฺานํ ตาว อาจิกฺขิ. โส ตตฺถ ปริกมฺมํ กโรนฺโต นจิรสฺเสว โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ตโต เถโร จินฺเตสิ – ‘‘สามเณโร โสตาปตฺติผเล ปติฏฺิโต, อภพฺโพ ทานิ สาสนโต นิวตฺติตุํ. สเจ ปนสฺสาหํ กมฺมฏฺานํ วฑฺเฒตฺวา กเถยฺยํ, อรหตฺตํ ปาปุเณยฺย, อปฺโปสฺสุกฺโก ภเวยฺย พุทฺธวจนํ คเหตุํ, สมโย ทานิ นํ จณฺฑวชฺชิตฺเถรสฺส สนฺติกํ เปเสตุ’’นฺติ. ตโต อาห – ‘‘เอหิ ตฺวํ, สามเณร, เถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา พุทฺธวจนํ อุคฺคณฺห. มม วจเนน ตฺจ อาโรคฺยํ ปุจฺฉ; เอวฺจ วเทหิ – ‘อุปชฺฌาโย มํ, ภนฺเต, ตุมฺหากํ สนฺติกํ ปหิณี’ติ. ‘โก นาม เต อุปชฺฌาโย’ติ จ วุตฺเต ‘สิคฺควตฺเถโร นาม, ภนฺเต’ติ วเทยฺยาสิ. ‘อหํ โก นามา’ติ วุตฺเต เอวํ วเทยฺยาสิ – ‘มม อุปชฺฌาโย, ภนฺเต, ตุมฺหากํ นามํ ชานาตี’’’ติ.
‘‘เอวํ, ภนฺเต’’ติ โข ติสฺโส สามเณโร เถรํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา อนุปุพฺเพน จณฺฑวชฺชิตฺเถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺาสิ. เถโร สามเณรํ ปุจฺฉิ – ‘‘กุโต ¶ อาคโตสี’’ติ? ‘‘อุปชฺฌาโย มํ, ภนฺเต, ตุมฺหากํ สนฺติกํ ปหิณี’’ติ. ‘‘โก นาม เต อุปชฺฌาโย’’ติ? ‘‘สิคฺควตฺเถโร นาม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘อหํ โก นามา’’ติ? ‘‘มม อุปชฺฌาโย, ภนฺเต, ตุมฺหากํ นามํ ชานาตี’’ติ. ‘‘ปตฺตจีวรํ ทานิ ปฏิสาเมหี’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ สามเณโร ปตฺตจีวรํ ¶ ปฏิสาเมตฺวา ปุนทิวเส ปริเวณํ สมฺมชฺชิตฺวา อุทกทนฺตโปนํ อุปฏฺาเปสิ. เถโร ตสฺส สมฺมชฺชิตฏฺานํ ปุน สมฺมชฺชิ ¶ . ตํ อุทกํ ฉฑฺเฑตฺวา อฺํ อุทกํ อาหริ. ตฺจ ทนฺตกฏฺํ อปเนตฺวา อฺํ ทนฺตกฏฺํ คณฺหิ. เอวํ สตฺต ทิวสานิ กตฺวา สตฺตเม ทิวเส ปุน ปุจฺฉิ. สามเณโร ปุนปิ ปุพฺเพ กถิตสทิสเมว กเถสิ. เถโร ‘‘โส วตายํ พฺราหฺมโณ’’ติ สฺชานิตฺวา ‘‘กิมตฺถํ อาคโตสี’’ติ อาห. ‘‘พุทฺธวจนํ อุคฺคณฺหตฺถาย, ภนฺเต’’ติ. เถโร ‘‘อุคฺคณฺห ทานิ, สามเณรา’’ติ วตฺวา ปุน ทิวสโต ปภุติ พุทฺธวจนํ ปฏฺเปสิ. ติสฺโส สามเณโรว หุตฺวา, เปตฺวา วินยปิฏกํ สพฺพํ พุทฺธวจนํ อุคฺคณฺหิ สทฺธึ อฏฺกถาย. อุปสมฺปนฺนกาเล ปน อวสฺสิโกว สมาโน ติปิฏกธโร อโหสิ. อาจริยุปชฺฌายา โมคฺคลิปุตฺตติสฺสตฺเถรสฺส หตฺเถ สกลํ พุทฺธวจนํ ปติฏฺาเปตฺวา ยาวตายุกํ ตฺวา ปรินิพฺพายึสุ. โมคฺคลิปุตฺตติสฺสตฺเถโรปิ อปเรน สมเยน กมฺมฏฺานํ วฑฺเฒตฺวา อรหตฺตปฺปตฺโต พหูนํ ธมฺมวินยํ วาเจสิ.
เตน โข ปน สมเยน พินฺทุสารสฺส รฺโ เอกสตปุตฺตา อเหสุํ. เต สพฺเพ อโสโก อตฺตนา สทฺธึ เอกมาติกํ ติสฺสกุมารํ เปตฺวา ฆาเตสิ. ฆาเตนฺโต จ จตฺตาริ วสฺสานิ อนภิสิตฺโตว รชฺชํ กาเรตฺวา จตุนฺนํ วสฺสานํ อจฺจเยน ตถาคตสฺส ปรินิพฺพานโต ทฺวินฺนํ วสฺสสตานํ อุปริ อฏฺารสเม วสฺเส สกลชมฺพุทีเป เอกรชฺชาภิเสกํ ปาปุณิ ¶ . อภิเสกานุภาเวน จสฺส อิมา ราชิทฺธิโย อาคตา – มหาปถวิยา เหฏฺา โยชนปฺปมาเณ อาณา ปวตฺตติ; ตถา อุปริ อากาเส อโนตตฺตทหโต อฏฺหิ กาเชหิ โสฬส ปานียฆเฏ ทิวเส ทิวเส เทวตา อาหรนฺติ, ยโต สาสเน อุปฺปนฺนสทฺโธ หุตฺวา อฏฺ ฆเฏ ภิกฺขุสงฺฆสฺส อทาสิ, ทฺเว ฆเฏ สฏฺิมตฺตานํ ติปิฏกธรภิกฺขูนํ, ทฺเว ฆเฏ อคฺคมเหสิยา อสนฺธิมิตฺตาย, จตฺตาโร ฆเฏ อตฺตนา ปริภฺุชิ; เทวตาเอว หิมวนฺเต นาคลตาทนฺตกฏฺํ นาม อตฺถิ สินิทฺธํ มุทุกํ รสวนฺตํ ตํ ทิวเส ทิวเส อาหรนฺติ, เยน รฺโ จ มเหสิยา จ โสฬสนฺนฺจ นาฏกิตฺถิสหสฺสานํ สฏฺิมตฺตานฺจ ภิกฺขุสหสฺสานํ เทวสิกํ ทนฺตโปนกิจฺจํ นิปฺปชฺชติ. เทวสิกเมว จสฺส เทวตา อคทามลกํ อคทหรีตกํ สุวณฺณวณฺณฺจ คนฺธรสสมฺปนฺนํ อมฺพปกฺกํ อาหรนฺติ. ตถา ฉทฺทนฺตทหโต ปฺจวณฺณนิวาสนปาวุรณํ ปีตกวณฺณหตฺถปุจฺฉนปฏกํ ทิพฺพฺจ ปานกํ อาหรนฺติ. เทวสิกเมว ปนสฺส นฺหานคนฺธํ ¶ อนุวิเลปนคนฺธํ ¶ ปารุปนตฺถาย อสุตฺตมยิกํ สุมนปุปฺผปฏํ มหารหฺจ อฺชนํ นาคภวนโต นาคราชาโน อาหรนฺติ. ฉทฺทนฺตทเหว ¶ อุฏฺิตสฺส สาลิโน นว วาหสหสฺสานิ ทิวเส ทิวเส สุกา อาหรนฺติ. มูสิกา นิตฺถุสกเณ กโรนฺติ, เอโกปิ ขณฺฑตณฺฑุโล น โหติ, รฺโ สพฺพฏฺาเนสุ อยเมว ตณฺฑุโล ปริโภคํ คจฺฉติ. มธุมกฺขิกา มธุํ กโรนฺติ. กมฺมารสาลาสุ อจฺฉา กูฏํ ปหรนฺติ. กรวีกสกุณา อาคนฺตฺวา มธุรสฺสรํ วิกูชนฺตา รฺโ พลิกมฺมํ กโรนฺติ.
อิมาหิ อิทฺธีหิ สมนฺนาคโต ราชา เอกทิวสํ สุวณฺณสงฺขลิกพนฺธนํ เปเสตฺวา จตุนฺนํ พุทฺธานํ อธิคตรูปทสฺสนํ กปฺปายุกํ กาฬํ นาม นาคราชานํ อานยิตฺวา เสตจฺฉตฺตสฺส เหฏฺา มหารเห ปลฺลงฺเก นิสีทาเปตฺวา อเนกสตวณฺเณหิ ชลช ถลชปุปฺเผหิ สุวณฺณปุปฺเผหิ จ ปูชํ กตฺวา สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิเตหิ โสฬสหิ นาฏกิตฺถิสหสฺเสหิ สมนฺตโต ปริกฺขิปิตฺวา ‘‘อนนฺตาณสฺส ตาว เม สทฺธมฺมวรจกฺกวตฺติโน สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส รูปํ อิเมสํ อกฺขีนํ อาปาถํ กโรหี’’ติ วตฺวา เตน นิมฺมิตํ สกลสรีรวิปฺปกิณฺณปฺุปฺปภาวนิพฺพตฺตาสีตานุพฺยฺชนปฏิมณฺฑิตทฺวตฺตึสมหาปุริสลกฺขณสสฺสิรีกตาย วิกสิตกมลุปฺปลปุณฺฑรีกปฏิมณฺฑิตมิว สลิลตลํ ตาราคณรสฺมิชาลวิสทวิปฺผุริตโสภาสมุชฺชลิตมิว คคนตลํ นีลปีตโลหิตาทิเภทวิจิตฺรวณฺณรํสิวินทฺธพฺยามปฺปภาปริกฺเขปวิลาสิตาย ¶ สฺจาปฺปภานุราคอินฺทธนุวิชฺชุลตาปริกฺขิตฺตมิว กนกคิริสิขรํ นานาวิราควิมลเกตุมาลาสมุชฺชลิตจารุมตฺถกโสภํ นยนรสายตนมิว พฺรหฺมเทวมนุชนาคยกฺขคณานํ พุทฺธรูปํ ปสฺสนฺโต สตฺต ทิวสานิ อกฺขิปูชํ นาม อกาสิ.
ราชา กิร อภิเสกํ ปาปุณิตฺวา ตีณิเยว สํวจฺฉรานิ พาหิรกปาสณฺฑํ ปริคฺคณฺหิ. จตุตฺเถ สํวจฺฉเร พุทฺธสาสเน ปสีทิ. ตสฺส กิร ปิตา พินฺทุสาโร พฺราหฺมณภตฺโต อโหสิ, โส พฺราหฺมณานฺจ พฺราหฺมณชาติยปาสณฺฑานฺจ ปณฺฑรงฺคปริพฺพาชกาทีนํ สฏฺิสหสฺสมตฺตานํ นิจฺจภตฺตํ ปฏฺเปสิ. อโสโกปิ ปิตรา ปวตฺติตํ ทานํ อตฺตโน อนฺเตปุเร ตเถว ททมาโน เอกทิวสํ สีหปฺชเร ิโต เต อุปสมปริพาหิเรน อาจาเรน ภฺุชมาเน อสํยตินฺทฺริเย อวินีตอิริยาปเถ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อีทิสํ ทานํ อุปปริกฺขิตฺวา ยุตฺตฏฺาเน ทาตุํ วฏฺฏตี’’ติ. เอวํ จินฺเตตฺวา อมจฺเจ อาห – ‘‘คจฺฉถ, ภเณ, อตฺตโน อตฺตโน สาธุสมฺมเต ¶ สมณพฺราหฺมเณ อนฺเตปุรํ อติหรถ, ทานํ ทสฺสามา’’ติ. อมจฺจา ‘‘สาธุ, เทวา’’ติ รฺโ ปฏิสฺสุณิตฺวา เต เต ปณฺฑรงฺคปริพฺพาชกาชีวกนิคณฺาทโย อาเนตฺวา ‘‘อิเม, มหาราช, อมฺหากํ อรหนฺโต’’ติ อาหํสุ.
อถ ¶ ราชา อนฺเตปุเร อุจฺจาวจานิ อาสนานิ ปฺเปตฺวา ‘‘อาคจฺฉนฺตู’’ติ วตฺวา อาคตาคเต อาห – ‘‘อตฺตโน อตฺตโน ปติรูเป อาสเน นิสีทถา’’ติ ¶ . เตสุ เอกจฺเจ ภทฺทปีเกสุ, เอกจฺเจ ผลกปีเกสุ นิสีทึสุ. เต ทิสฺวา ราชา ‘‘นตฺถิ เนสํ อนฺโต สาโร’’ติ ตฺวา เตสํ อนุรูปํ ขาทนียํ โภชนียํ ทตฺวา อุยฺโยเชสิ.
เอวํ คจฺฉนฺเต กาเล เอกทิวสํ ราชา สีหปฺชเร ิโต อทฺทส นิคฺโรธสามเณรํ ราชงฺคเณน คจฺฉนฺตํ ทนฺตํ คุตฺตํ สนฺตินฺทฺริยํ อิริยาปถสมฺปนฺนํ. โก ปนายํ นิคฺโรโธ นาม? พินฺทุสารรฺโ เชฏฺปุตฺตสฺส สุมนราชกุมารสฺส ปุตฺโต.
ตตฺรายํ อนุปุพฺพิกถา –
พินฺทุสารรฺโ กิร ทุพฺพลกาเลเยว อโสกกุมาโร อตฺตนา ลทฺธํ อุชฺเชนีรชฺชํ ปหาย อาคนฺตฺวา สพฺพนครํ อตฺตโน หตฺถคตํ กตฺวา สุมนราชกุมารํ อคฺคเหสิ. ตํทิวสเมว สุมนสฺส ราชกุมารสฺส สุมนา นาม เทวี ปริปุณฺณคพฺภา อโหสิ. สา อฺาตกเวเสน นิกฺขมิตฺวา อวิทูเร อฺตรํ จณฺฑาลคามํ สนฺธาย คจฺฉนฺตี เชฏฺกจณฺฑาลสฺส เคหโต อวิทูเร อฺตรสฺมึ นิคฺโรธรุกฺเข อธิวตฺถาย เทวตาย ‘‘อิโต เอหิ, สุมเน’’ติ วทนฺติยา สทฺทํ สุตฺวา ตสฺสา สมีปํ คตา. เทวตา อตฺตโน อานุภาเวน เอกํ สาลํ นิมฺมินิตฺวา ‘‘เอตฺถ วสาหี’’ติ อทาสิ. สา ตํ สาลํ ปาวิสิ. คตทิวเสเยว จ ปุตฺตํ วิชายิ. สา ตสฺส นิคฺโรธเทวตาย ปริคฺคหิตตฺตา ‘‘นิคฺโรโธ’’ ตฺเวว นามํ อกาสิ. เชฏฺกจณฺฑาโล ทิฏฺทิวสโต ปภุติ ตํ อตฺตโน สามิธีตรํ วิย มฺมาโน นิพทฺธวตฺตํ ปฏฺเปสิ. ราชธีตา ตตฺถ สตฺต วสฺสานิ วสิ. นิคฺโรธกุมาโรปิ ¶ สตฺตวสฺสิโก ชาโต. ตทา มหาวรุณตฺเถโร นาม เอโก อรหา ทารกสฺส เหตุสมฺปทํ ทิสฺวา รกฺขิตฺวา ตตฺถ วิหรมาโน ‘‘สตฺตวสฺสิโก ทานิ ทารโก, กาโล นํ ปพฺพาเชตุ’’นฺติ ¶ จินฺเตตฺวา ราชธีตาย อาโรจาเปตฺวา นิคฺโรธกุมารํ ปพฺพาเชสิ. กุมาโร ขุรคฺเคเยว อรหตฺตํ ปาปุณิ. โส เอกทิวสํ ปาโตว สรีรํ ชคฺคิตฺวา อาจริยุปชฺฌายวตฺตํ กตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ‘‘มาตุอุปาสิกาย เคหทฺวารํ คจฺฉามี’’ติ นิกฺขมิ. มาตุนิวาสนฏฺานฺจสฺส ทกฺขิณทฺวาเรน นครํ ปวิสิตฺวา นครมชฺเฌน คนฺตฺวา ปาจีนทฺวาเรน นิกฺขมิตฺวา คนฺตพฺพํ โหติ.
เตน ¶ จ สมเยน อโสโก ธมฺมราชา ปาจีนทิสาภิมุโข สีหปฺชเร จงฺกมติ. ตงฺขณฺเว นิคฺโรโธ ราชงฺคณํ สมฺปาปุณิ สนฺตินฺทฺริโย สนฺตมานโส ยุคมตฺตํ เปกฺขมาโน. เตน วุตฺตํ – ‘‘เอกทิวสํ ราชา สีหปฺชเร ิโต อทฺทส นิคฺโรธสามเณรํ ราชงฺคเณน คจฺฉนฺตํ ทนฺตํ คุตฺตํ สนฺตินฺทฺริยํ อิริยาปถสมฺปนฺน’’นฺติ. ทิสฺวา ปนสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อยํ ชโน สพฺโพปิ วิกฺขิตฺตจิตฺโต ภนฺตมิคปฺปฏิภาโค. อยํ ปน ทารโก อวิกฺขิตฺตจิตฺโต อติวิย จสฺส อาโลกิตวิโลกิตํ สมิฺชนปสารณฺจ โสภติ. อทฺธา เอตสฺส อพฺภนฺตเร โลกุตฺตรธมฺโม ภวิสฺสตี’’ติ รฺโ สห ทสฺสเนเนว สามเณเร จิตฺตํ ปสีทิ, เปมํ สณฺหิ. กสฺมา? ปุพฺเพ หิ กิร ปฺุกรณกาเล เอส รฺโ เชฏฺภาตา วาณิชโก อโหสิ. วุตฺตมฺปิ เหตํ –
‘‘ปุพฺเพ ว ¶ สนฺนิวาเสน, ปจฺจุปฺปนฺนหิเตน วา;
เอวํ ตํ ชายเต เปมํ, อุปฺปลํ ว ยโถทเก’’ติ. (ชา. ๑.๒.๑๗๔);
อถ ราชา สฺชาตเปโม สพหุมาโน ‘‘เอตํ สามเณรํ ปกฺโกสถา’’ติ อมจฺเจ เปเสสิ. ‘‘เต อติจิรายนฺตี’’ติ ปุน ทฺเว ตโย เปเสสิ – ‘‘ตุริตํ อาคจฺฉตู’’ติ. สามเณโร อตฺตโน ปกติยา เอว อคมาสิ. ราชา ปติรูปมาสนํ ตฺวา ‘‘นิสีทถา’’ติ อาห. โส อิโต จิโต จ วิโลเกตฺวา ‘‘นตฺถิ ทานิ อฺเ ภิกฺขู’’ติ สมุสฺสิตเสตจฺฉตฺตํ ราชปลฺลงฺกํ อุปสงฺกมิตฺวา ปตฺตคฺคหณตฺถาย รฺโ อาการํ ทสฺเสสิ. ราชา ตํ ปลฺลงฺกสมีปํ อุปคจฺฉนฺตํเยว ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อชฺเชว ทานิ อยํ สามเณโร อิมสฺส เคหสฺส สามิโก ภวิสฺสตี’’ติ สามเณโร รฺโ หตฺเถ ปตฺตํ ทตฺวา ปลฺลงฺกํ อภิรุหิตฺวา นิสีทิ. ราชา อตฺตโน อตฺถาย สมฺปาทิตํ สพฺพํ ยาคุขชฺชกภตฺตวิกตึ ¶ อุปนาเมสิ. สามเณโร อตฺตโน ยาปนียมตฺตกเมว สมฺปฏิจฺฉิ. ภตฺตกิจฺจาวสาเน ราชา อาห – ‘‘สตฺถารา ตุมฺหากํ ทินฺโนวาทํ ชานาถา’’ติ? ‘‘ชานามิ, มหาราช, เอกเทเสนา’’ติ. ‘‘ตาต, มยฺหมฺปิ นํ กเถหี’’ติ. ‘‘สาธุ, มหาราชา’’ติ รฺโ อนุรูปํ ธมฺมปเท อปฺปมาทวคฺคํ อนุโมทนตฺถาย อภาสิ.
ราชา ปน ‘‘อปฺปมาโท อมตปทํ, ปมาโท มจฺจุโน ปท’’นฺติ สุตฺวาว ‘‘อฺาตํ, ตาต, ปริโยสาเปหี’’ติ อาห. อนุโมทนาวสาเน จ ‘‘อฏฺ เต, ตาต, ธุวภตฺตานิ ทมฺมี’’ติ อาห. สามเณโร อาห – ‘‘เอตานิ อหํ อุปชฺฌายสฺส ทมฺมิ, มหาราชา’’ติ. ‘‘โก อยํ, ตาต, อุปชฺฌาโย นามา’’ติ? ‘‘วชฺชาวชฺชํ ทิสฺวา โจเทตา สาเรตา จ, มหาราชา’’ติ. ‘‘อฺานิปิ เต, ตาต, อฏฺ ทมฺมี’’ติ. ‘‘เอตานิ ¶ อาจริยสฺส ทมฺมิ, มหาราชา’’ติ. ‘‘โก อยํ, ตาต, อาจริโย นามา’’ติ? ‘‘อิมสฺมึ สาสเน สิกฺขิตพฺพกธมฺเมสุ ปติฏฺาเปตา, มหาราชา’’ติ. ‘‘สาธุ, ตาต, อฺานิปิ เต อฏฺ ทมฺมี’’ติ. ‘‘เอตานิปิ ภิกฺขุสงฺฆสฺส ทมฺมิ, มหาราชา’’ติ. ‘‘โก อยํ, ตาต, ภิกฺขุสงฺโฆ นามา’’ติ? ‘‘ยํ นิสฺสาย ¶ , มหาราช, อมฺหากํ อาจริยุปชฺฌายานฺจ มม จ ปพฺพชฺชา จ อุปสมฺปทา จา’’ติ. ราชา ภิยฺโยโส มตฺตาย ตุฏฺจิตฺโต อาห – ‘‘อฺานิปิ เต, ตาต, อฏฺ ทมฺมี’’ติ. สามเณโร ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ปุนทิวเส ทฺวตฺตึส ภิกฺขู คเหตฺวา ราชนฺเตปุรํ ปวิสิตฺวา ภตฺตกิจฺจมกาสิ. ราชา ‘‘อฺเปิ ทฺวตฺตึส ภิกฺขู ตุมฺเหหิ สทฺธึ สฺเว ภิกฺขํ คณฺหนฺตู’’ติ เอเตเนว อุปาเยน ทิวเส ทิวเส วฑฺฒาเปนฺโต สฏฺิสหสฺสานํ พฺราหฺมณปริพฺพาชกาทีนํ ภตฺตํ อุปจฺฉินฺทิตฺวา อนฺโตนิเวสเน สฏฺิสหสฺสานํ ภิกฺขูนํ นิจฺจภตฺตํ ปฏฺเปสิ นิคฺโรธตฺเถเร คเตเนว ปสาเทน. นิคฺโรธตฺเถโรปิ ราชานํ สปริสํ ตีสุ สรเณสุ ปฺจสุ จ สีเลสุ ปติฏฺาเปตฺวา พุทฺธสาสเน โปถุชฺชนิเกน ปสาเทน อจลปฺปสาทํ กตฺวา ปติฏฺาเปสิ. ปุน ราชา อโสการามํ นาม มหาวิหารํ กาเรตฺวา สฏฺิสหสฺสานํ ภิกฺขูนํ นิจฺจภตฺตํ ปฏฺเปสิ. สกลชมฺพุทีเป จตุราสีติยา นครสหสฺเสสุ จตุราสีติวิหารสหสฺสานิ การาเปสิ จตุราสีติสหสฺสเจติยปฏิมณฺฑิตานิ ธมฺเมเนว, โน อธมฺเมน.
เอกทิวสํ กิร ราชา อโสการาเม มหาทานํ ทตฺวา สฏฺิสหสฺสภิกฺขุสงฺฆสฺส มชฺเฌ นิสชฺช สงฺฆํ จตูหิ ปจฺจเยหิ ปวาเรตฺวา อิมํ ปฺหํ ปุจฺฉิ ¶ – ‘‘ภนฺเต, ภควตา เทสิตธมฺโม นาม กิตฺตโก โหตี’’ติ? ‘‘องฺคโต, มหาราช, นวงฺคานิ, ขนฺธโต จตุราสีติธมฺมกฺขนฺธสหสฺสานี’’ติ. ราชา ธมฺเม ปสีทิตฺวา ‘‘เอเกกํ ธมฺมกฺขนฺธํ เอเกกวิหาเรน ปูเชสฺสามี’’ติ เอกทิวสเมว ¶ ฉนฺนวุติโกฏิธนํ วิสชฺเชตฺวา อมจฺเจ อาณาเปสิ – ‘‘เอถ, ภเณ, เอกเมกสฺมึ นคเร เอกเมกํ วิหารํ การาเปนฺตา จตุราสีติยา นครสหสฺเสสุ จตุราสีติวิหารสหสฺสานิ การาเปถา’’ติ. สยฺจ อโสการาเม อโสกมหาวิหารตฺถาย กมฺมํ ปฏฺเปสิ. สงฺโฆ อินฺทคุตฺตตฺเถรํ นาม มหิทฺธิกํ มหานุภาวํ ขีณาสวํ นวกมฺมาธิฏฺายกํ อทาสิ. เถโร ยํ ยํ น นิฏฺาติ ตํ ตํ อตฺตโน อานุภาเวน นิฏฺาเปสิ. เอวมฺปิ ตีหิ สํวจฺฉเรหิ วิหารกมฺมํ นิฏฺาเปสิ. เอกทิวสเมว สพฺพนคเรหิ ปณฺณานิ อาคมึสุ.
อมจฺจา รฺโ อาโรเจสุํ – ‘‘นิฏฺิตานิ, เทว, จตุราสีติวิหารสหสฺสานี’’ติ. ราชา นคเร เภรึ จราเปสิ – ‘‘อิโต สตฺตนฺนํ ทิวสานํ อจฺจเยน วิหารมโห ภวิสฺสติ. สพฺเพ อฏฺ สีลงฺคานิ สมาทิยิตฺวา อนฺโตนคเร จ พหินคเร จ วิหารมหํ ปฏิยาเทนฺตู’’ติ. ตโต สตฺตนฺนํ ทิวสานํ อจฺจเยน สพฺพาลงฺการวิภูสิตาย อเนกสตสหสฺสสงฺขฺยาย จตุรงฺคินิยา เสนาย ปริวุโต เทวโลเก อมรวติยา ราชธานิยา สิริโต อธิกตรสสฺสิรีกํ วิย นครํ กาตุกาเมน อุสฺสาหชาเตน มหาชเนน อลงฺกตปฏิยตฺตํ นครํ อนุวิจรนฺโต วิหารํ คนฺตฺวา ภิกฺขุสงฺฆสฺส มชฺเฌ อฏฺาสิ.
ตสฺมิฺจ ¶ ขเณ สนฺนิปติตา อสีติ ภิกฺขุโกฏิโย อเหสุํ, ภิกฺขุนีนฺจ ฉนฺนวุติสตสหสฺสานิ. ตตฺถ ขีณาสวภิกฺขูเยว สตสหสฺสสงฺขฺยา อเหสุํ. เตสํ เอตทโหสิ – ‘‘สเจ ราชา อตฺตโน อธิการํ อนวเสสํ ปสฺเสยฺย อติวิย พุทฺธสาสเน ปสีเทยฺยา’’ติ. ตโต ¶ โลกวิวรณํ นาม ปาฏิหาริยํ อกํสุ. ราชา อโสการาเม ิโตว จตุทฺทิสา อนุวิโลเกนฺโต สมนฺตโต สมุทฺทปริยนฺตํ ชมฺพุทีปํ ปสฺสติ จตุราสีติฺจ วิหารสหสฺสานิ อุฬาราย วิหารมหปูชาย วิโรจมานานิ. โส ตํ วิภูตึ ปสฺสมาโน อุฬาเรน ปีติปาโมชฺเชน สมนฺนาคโต ‘‘อตฺถิ ปน อฺสฺสปิ กสฺสจิ เอวรูปํ ปีติปาโมชฺชํ อุปฺปนฺนปุพฺพ’’นฺติ จินฺเตนฺโต ภิกฺขุสงฺฆํ ปุจฺฉิ – ‘‘ภนฺเต, อมฺหากํ โลกนาถสฺส ทสพลสฺส สาสเน โก มหาปริจฺจาคํ ปริจฺจชิ. กสฺส ¶ ปริจฺจาโค มหนฺโตติ? ภิกฺขุสงฺโฆ โมคฺคลิปุตฺตติสฺสตฺเถรสฺส ภารํ อกาสิ. เถโร อาห – ‘‘มหาราช, ทสพลสฺส สาสเน ปจฺจยทายโก นาม ตยา สทิโส ธรมาเนปิ ตถาคเต น โกจิ อโหสิ, ตเวว ปริจฺจาโค มหา’’ติ. ราชา เถรสฺส วจนํ สุตฺวา อุฬาเรน ปีติปาโมชฺเชน นิรนฺตรํ ผุฏฺสรีโร หุตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘นตฺถิ กิร มยา สทิโส ปจฺจยทายโก, มยฺหํ กิร ปริจฺจาโค มหา, อหํ กิร เทยฺยธมฺเมน สาสนํ ปคฺคณฺหามิ. กึ ปนาหํ เอวํ สติ สาสนสฺส ทายาโท โหมิ, น โหมี’’ติ. ตโต ภิกฺขุสงฺฆํ ปุจฺฉิ – ‘‘ภวามิ นุ โข อหํ, ภนฺเต, สาสนสฺส ทายาโท’’ติ?
ตโต โมคฺคลิปุตฺตติสฺสตฺเถโร รฺโ อิทํ วจนํ สุตฺวา ราชปุตฺตสฺส มหินฺทสฺส อุปนิสฺสยสมฺปตฺตึ สมฺปสฺสมาโน ‘‘สเจ อยํ กุมาโร ปพฺพชิสฺสติ สาสนสฺส อติวิย วุฑฺฒิ ภวิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา ราชานํ เอตทโวจ – ‘‘น โข, มหาราช, เอตฺตาวตา สาสนสฺส ทายาโท โหติ; อปิจ โข ปจฺจยทายโกติ วา อุปฏฺาโกติ วา สงฺขฺยํ คจฺฉติ. โยปิ หิ, มหาราช, ปถวิโต ยาว พฺรหฺมโลกปริมาณํ ปจฺจยราสึ ทเทยฺย โสปิ ‘สาสเน ทายาโท’ติ สงฺขฺยํ น คจฺฉตี’’ติ. ‘‘อถ กถํ จรหิ, ภนฺเต, สาสนสฺส ทายาโท โหตี’’ติ? ‘‘โย หิ โกจิ, มหาราช, อฑฺโฒ ¶ วา ทลิทฺโท วา อตฺตโน โอรสํ ปุตฺตํ ปพฺพาเชติ – อยํ วุจฺจติ, มหาราช, ทายาโท สาสนสฺสา’’ติ.
เอวํ วุตฺเต อโสโก ราชา ‘‘อหํ กิร เอวรูปํ ปริจฺจาคํ กตฺวาปิ เนว สาสนสฺส ทายาทภาวํ ปตฺโต’’ติ สาสเน ทายาทภาวํ ปตฺถยมาโน อิโต จิโต จ วิโลเกตฺวา อทฺทส มหินฺทกุมารํ อวิทูเร ิตํ. ทิสฺวานสฺส เอตทโหสิ – ‘‘กิฺจาปิ อหํ อิมํ กุมารํ ติสฺสกุมารสฺส ปพฺพชิตกาลโต ปภุติ โอปรชฺเช เปตุกาโม, อถ โข โอปรชฺชโตปิ ปพฺพชฺชาว ¶ อุตฺตมา’’ติ. ตโต กุมารํ อาห – ‘‘สกฺขสิ ตฺวํ, ตาต, ปพฺพชิตุ’’นฺติ? กุมาโร ปกติยาปิ ติสฺสกุมารสฺส ปพฺพชิตกาลโต ปภุติ ปพฺพชิตุกาโมว รฺโ วจนํ สุตฺวา อติวิย ปาโมชฺชชาโต หุตฺวา อาห – ‘‘ปพฺพชามิ, เทว, มํ ปพฺพาเชตฺวา ตุมฺเห สาสนทายาทา โหถา’’ติ.
เตน จ สมเยน ราชธีตา สงฺฆมิตฺตาปิ ตสฺมึเยว าเน ิตา โหติ. ตสฺสา จ สามิโก อคฺคิพฺรหฺมา นาม กุมาโร ยุวราเชน ติสฺสกุมาเรน ¶ สทฺธึ ปพฺพชิโต โหติ. ราชา ตํ ทิสฺวา อาห – ‘‘ตฺวมฺปิ, อมฺม, ปพฺพชิตุํ สกฺขสี’’ติ? ‘‘สาธุ, ตาต, สกฺโกมี’’ติ. ราชา ปุตฺตานํ มนํ ลภิตฺวา ปหฏฺจิตฺโต ภิกฺขุสงฺฆํ เอตทโวจ – ‘‘ภนฺเต, อิเม ทารเก ปพฺพาเชตฺวา มํ สาสเน ทายาทํ กโรถา’’ติ. สงฺโฆ รฺโ วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา กุมารํ โมคฺคลิปุตฺตติสฺสตฺเถเรน อุปชฺฌาเยน มหาเทวตฺเถเรน จ อาจริเยน ปพฺพาเชสิ. มชฺฌนฺติกตฺเถเรน อาจริเยน อุปสมฺปาเทสิ. ตทา กิร กุมาโร ปริปุณฺณวีสติวสฺโสว โหติ. โส ตสฺมึเยว อุปสมฺปทสีมมณฺฑเล สห ปฏิสมฺภิทาหิ อรหตฺตํ ปาปุณิ. สงฺฆมิตฺตายปิ ราชธีตาย อาจริยา อายุปาลิตฺเถรี นาม, อุปชฺฌายา ปน ธมฺมปาลิตฺเถรี นาม อโหสิ. ตทา ¶ สงฺฆมิตฺตา อฏฺารสวสฺสา โหติ. ตํ ปพฺพชิตมตฺตํ ตสฺมึเยว สีมมณฺฑเล สิกฺขาย ปติฏฺาเปสุํ. อุภินฺนํ ปพฺพชิตกาเล ราชา ฉพฺพสฺสาภิเสโก โหติ.
อถ มหินฺทตฺเถโร อุปสมฺปนฺนกาลโต ปภุติ อตฺตโน อุปชฺฌายสฺเสว สนฺติเก ธมฺมฺจ วินยฺจ ปริยาปุณนฺโต ทฺเวปิ สงฺคีติโย อารูฬฺหํ ติปิฏกสงฺคหิตํ สาฏฺกถํ สพฺพํ เถรวาทํ ติณฺณํ วสฺสานํ อพฺภนฺตเร อุคฺคเหตฺวา อตฺตโน อุปชฺฌายสฺส อนฺเตวาสิกานํ สหสฺสมตฺตานํ ภิกฺขูนํ ปาโมกฺโข อโหสิ. ตทา อโสโก ธมฺมราชา นววสฺสาภิเสโก โหติ. รฺโ ปน อฏฺวสฺสาภิเสกกาเลเยว โกนฺตปุตฺตติสฺสตฺเถโร พฺยาธิปฏิกมฺมตฺถํ ภิกฺขาจารวตฺเตน อาหิณฺฑนฺโต ปสตมตฺตํ สปฺปึ อลภิตฺวา พฺยาธิพเลน ปริกฺขีณายุสงฺขาโร ภิกฺขุสงฺฆํ อปฺปมาเทน โอวทิตฺวา อากาเส ปลฺลงฺเกน นิสีทิตฺวา เตโชธาตุํ สมาปชฺชิตฺวา ปรินิพฺพายิ. ราชา ตํ ปวตฺตึ สุตฺวา เถรสฺส สกฺการํ กตฺวา ‘‘มยิ นาม รชฺชํ กาเรนฺเต เอวํ ภิกฺขูนํ ปจฺจยา ทุลฺลภา’’ติ นครสฺส จตูสุ ทฺวาเรสุ โปกฺขรณิโย การาเปตฺวา เภสชฺชสฺส ปูราเปตฺวา ทาเปสิ.
เตน กิร สมเยน ปาฏลิปุตฺตสฺส จตูสุ ทฺวาเรสุ จตฺตาริ สตสหสฺสานิ, สภายํ สตสหสฺสนฺติ ทิวเส ทิวเส ปฺจสตสหสฺสานิ รฺโ อุปฺปชฺชนฺติ. ตโต ราชา นิคฺโรธตฺเถรสฺส เทวสิกํ สตสหสฺสํ วิสชฺเชสิ. พุทฺธสฺส เจติเย คนฺธมาลาทีหิ ปูชนตฺถาย สตสหสฺสํ ¶ . ธมฺมสฺส ¶ สตสหสฺสํ, ตํ ธมฺมธรานํ พหุสฺสุตานํ จตุปจฺจยตฺถาย อุปนียติ. สงฺฆสฺส สตสหสฺสํ, จตูสุ ทฺวาเรสุ เภสชฺชตฺถาย สตสหสฺสํ. เอวํ สาสเน อุฬาโร ลาภสกฺกาโร ¶ นิพฺพตฺติ.
ติตฺถิยา ปริหีนลาภสกฺการา อนฺตมโส ฆาสจฺฉาทนมฺปิ อลภนฺตา ลาภสกฺการํ ปตฺถยมานา สาสเน ปพฺพชิตฺวา สกานิ สกานิ ทิฏฺิคตานิ ‘‘อยํ ธมฺโม, อยํ วินโย’’ติ ทีเปนฺติ. ปพฺพชฺชํ อลภมานาปิ สยเมว มุณฺเฑตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา วิหาเรสุ วิจรนฺตา อุโปสถมฺปิ ปวารณมฺปิ สงฺฆกมฺมมฺปิ คณกมฺมมฺปิ ปวิสนฺติ. ภิกฺขู เตหิ สทฺธึ อุโปสถํ น กโรนฺติ. ตทา โมคฺคลิปุตฺตติสฺสตฺเถโร ‘‘อุปฺปนฺนํ ทานิ อิทํ อธิกรณํ, ตํ นจิรสฺเสว กกฺขฬํ ภวิสฺสติ. น โข ปเนตํ สกฺกา อิเมสํ มชฺเฌ วสนฺเตน วูปสเมตุ’’นฺติ มหินฺทตฺเถรสฺส คณํ นียฺยาเตตฺวา อตฺตนา ผาสุวิหาเรน วิหริตุกาโม อโหคงฺคปพฺพตํ อคมาสิ. เตปิ โข ติตฺถิยา ภิกฺขุสงฺเฆน ธมฺเมน วินเยน สตฺถุสาสเนน นิคฺคยฺหมานาปิ ธมฺมวินยานุโลมาย ปฏิปตฺติยา อสณฺหนฺตา อเนกรูปํ สาสนสฺส อพฺพุทฺจ มลฺจ กณฺฏกฺจ สมุฏฺาเปสุํ. เกจิ อคฺคึ ปริจรนฺติ, เกจิ ปฺจาตเปน ตาเปนฺติ, เกจิ อาทิจฺจํ อนุปริวตฺตนฺติ, เกจิ ‘‘ธมฺมฺจ วินยฺจ โวภินฺทิสฺสามา’’ติ ปคฺคณฺหึสุ. ตทา ภิกฺขุสงฺโฆ น เตหิ สทฺธึ อุโปสถํ วา ปวารณํ วา อกาสิ. อโสการาเม สตฺตวสฺสานิ อุโปสโถ อุปจฺฉิชฺชิ. รฺโปิ เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ. ราชา เอกํ อมจฺจํ อาณาเปสิ – ‘‘วิหารํ คนฺตฺวา อธิกรณํ วูปสเมตฺวา อุโปสถํ การาเปหี’’ติ. อมจฺโจ ราชานํ ปฏิปุจฺฉิตุํ อวิสหนฺโต อฺเ อมจฺเจ อุปสงฺกมิตฺวา อาห – ‘‘ราชา มํ ‘วิหารํ คนฺตฺวา อธิกรณํ วูปสเมตฺวา อุโปสถํ การาเปหี’ติ ปหิณิ. กถํ นุ โข อธิกรณํ วูปสมฺมตี’’ติ? เต อาหํสุ ¶ – ‘‘มยํ เอวํ สลฺลกฺเขม – ‘ยถา นาม ปจฺจนฺตํ วูปสเมนฺตา โจเร ฆาเตนฺติ, เอวเมว เย อุโปสถํ น กโรนฺติ, เต มาเรตุกาโม ราชา ภวิสฺสตี’’’ติ. อถ โส อมจฺโจ วิหารํ คนฺตฺวา ภิกฺขุสงฺฆํ สนฺนิปาเตตฺวา อาห – ‘‘อหํ รฺา ‘อุโปสถํ การาเปหี’ติ เปสิโต. กโรถ ทานิ, ภนฺเต, อุโปสถ’’นฺติ. ภิกฺขู ‘‘น มยํ ติตฺถิเยหิ สทฺธึ อุโปสถํ กโรมา’’ติ อาหํสุ. อถ อมจฺโจ เถราสนโต ปฏฺาย อสินา สีสานิ ปาเตตุํ อารทฺโธ.
อทฺทสา ¶ โข ติสฺสตฺเถโร ตํ อมจฺจํ ตถา วิปฺปฏิปนฺนํ. ติสฺสตฺเถโร นาม น โย วา โส วา, รฺโ เอกมาติโก ภาตา ติสฺสกุมาโร นาม, ตํ กิร ราชา ปตฺตาภิเสโก โอปรชฺเช เปสิ. โส เอกทิวสํ วนจารํ คโต อทฺทส มหนฺตํ มิคสงฺฆํ จิตฺตกีฬาย กีฬนฺตํ. ทิสฺวานสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อิเม ตาว ติณภกฺขา มิคา เอวํ กีฬนฺติ, อิเม ปน สมณา ¶ ราชกุเล ปณีตานิ โภชนานิ ภฺุชิตฺวา มุทุกาสุ เสยฺยาสุ สยมานา กึ นาม กีฬิตํ น กีฬิสฺสนฺตี’’ติ! โส ตโต อาคนฺตฺวา อิมํ อตฺตโน วิตกฺกํ รฺโ อาโรเจสิ. ราชา ‘‘อฏฺาเน กุกฺกุจฺจายิตํ กุมาเรน! หนฺท, นํ เอวํ สฺาเปสฺสามี’’ติ เอกทิวสํ เกนจิ การเณน กุทฺโธ วิย หุตฺวา ‘‘เอหิ สตฺตทิวเสน รชฺชํ สมฺปฏิจฺฉ, ตโต ตํ ฆาเตสฺสามี’’ติ มรณภเยน ตชฺเชตฺวา ตมตฺถํ สฺาเปสิ. โส กิร กุมาโร ‘‘สตฺตเม มํ ทิวเส มาเรสฺสตี’’ติ น จิตฺตรูปํ นฺหายิ, น ภฺุชิ, น สุปิ, อติวิย ลูขสรีโร อโหสิ. ตโต นํ ราชา ปุจฺฉิ – ‘‘กิสฺส ตฺวํ เอวรูโป ชาโต’’ติ? ‘‘มรณภเยน, เทวา’’ติ. ‘‘อเร, ตฺวํ นาม ปริจฺฉินฺนมรณํ สมฺปสฺสมาโน ¶ วิสฺสตฺโถ น กีฬสิ? ภิกฺขู อสฺสาสปสฺสาสนิพทฺธํ มรณํ เปกฺขมานา กถํ กีฬิสฺสนฺตี’’ติ! ตโต ปภุติ กุมาโร สาสเน ปสีทิ.
โส ปุน เอกทิวสํ มิควํ นิกฺขมิตฺวา อรฺเ อนุวิจรมาโน อทฺทส โยนกมหาธมฺมรกฺขิตตฺเถรํ อฺตเรน หตฺถินาเคน สาลสาขํ คเหตฺวา พีชิยมานํ นิสินฺนํ. ทิสฺวา ปาโมชฺชชาโต จินฺเตสิ – ‘‘กทา นุ โข อหมฺปิ อยํ มหาเถโร วิย ปพฺพเชยฺยํ! สิยา นุ โข โส ทิวโส’’ติ. เถโร ตสฺสาสยํ วิทิตฺวา ตสฺส ปสฺสนฺตสฺเสว อากาเส อุปฺปติตฺวา อโสการาเม โปกฺขรณิยา อุทกตเล ตฺวา จีวรฺจ อุตฺตราสงฺคฺจ อากาเส ลคฺเคตฺวา นฺหายิตุํ อารทฺโธ.
กุมาโร เถรสฺสานุภาวํ ทิสฺวา อติวิย ปสนฺโน ‘‘อชฺเชว ปพฺพชิสฺสามี’’ติ นิวตฺติตฺวา รฺโ อาโรเจสิ – ‘‘ปพฺพชิสฺสามหํ, เทวา’’ติ. ราชา อเนกปฺปการํ ยาจิตฺวาปิ ตํ นิวตฺเตตุํ อสกฺโกนฺโต อโสการามคมนียมคฺคํ อลงฺการาเปตฺวา กุมารํ ฉณเวสํ คาหาเปตฺวา อลงฺกตาย เสนาย ปริวาราเปตฺวา วิหารํ เนสิ. ‘‘ยุวราชา กิร ปพฺพชิสฺสตี’’ติ สุตฺวา พหู ภิกฺขู ปตฺตจีวรานิ ปฏิยาเทสุํ. กุมาโร ปธานฆรํ ¶ คนฺตฺวา มหาธมฺมรกฺขิตตฺเถรสฺเสว สนฺติเก ปพฺพชิ สทฺธึ ปุริสสตสหสฺเสน. กุมารสฺส ปน อนุปพฺพชิตานํ คณนปริจฺเฉโท นตฺถิ. กุมาโร รฺโ จตุวสฺสาภิเสกกาเล ปพฺพชิโต. อถฺโปิ รฺโ ภาคิเนยฺโย สงฺฆมิตฺตาย สามิโก อคฺคิพฺรหฺมา นาม กุมาโร อตฺถิ. สงฺฆมิตฺตา ตํ ปฏิจฺจ เอกเมว ปุตฺตํ วิชายิ. โสปิ ¶ ‘‘ยุวราชา ปพฺพชิโต’’ติ สุตฺวา ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา – ‘‘อหมฺปิ, เทว, ปพฺพชิสฺสามี’’ติ ยาจิ. ‘‘ปพฺพช, ตาตา’’ติ จ รฺา อนฺุาโต ตํทิวสเมว ปพฺพชิ.
เอวํ ¶ อนุปพฺพชิโต, อุฬารวิภเวน ขตฺติยชเนน;
รฺโ กนิฏฺภาตา, ติสฺสตฺเถโรติ วิฺเยฺโย.
โส ตํ อมจฺจํ ตถา วิปฺปฏิปนฺนํ ทิสฺวา จินฺเตสิ – ‘‘น ราชา เถเร มาราเปตุํ ปหิเณยฺย; อทฺธา อิมสฺเสเวตํ อมจฺจสฺส ทุคฺคหิตํ ภวิสฺสตี’’ติ คนฺตฺวา สยํ ตสฺส อาสนฺเน อาสเน นิสีทิ. โส เถรํ สฺชานิตฺวา สตฺถํ นิปาเตตุํ อวิสหนฺโต คนฺตฺวา รฺโ อาโรเจสิ – ‘‘อหํ, เทว, อุโปสถํ กาตุํ อนิจฺฉนฺตานํ เอตฺตกานํ นาม ภิกฺขูนํ สีสานิ ปาเตสึ; อถ อยฺยสฺส ติสฺสตฺเถรสฺส ปฏิปาฏิ สมฺปตฺตา, กินฺติ กโรมี’’ติ? ราชา สุตฺวาว – ‘‘อเร! กึ ปน, ตฺวํ, มยา ภิกฺขู ฆาเตตุํ เปสิโต’’ติ ตาวเทว สรีเร อุปฺปนฺนทาโห หุตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา เถเร ภิกฺขู ปุจฺฉิ – ‘‘อยํ, ภนฺเต, อมจฺโจ มยา อนาณตฺโตว เอวํ อกาสิ, กสฺส นุ โข อิมินา ปาเปน ภวิตพฺพ’’นฺติ? เอกจฺเจ เถรา, ‘‘อยํ ตว วจเนน อกาสิ, ตุยฺเหตํ ปาป’’นฺติ อาหํสุ. เอกจฺเจ ‘‘อุภินฺนมฺปิ โว เอตํ ปาป’’นฺติ อาหํสุ. เอกจฺเจ เอวมาหํสุ – ‘‘กึ ปน เต, มหาราช, อตฺถิ จิตฺตํ ‘อยํ คนฺตฺวา ภิกฺขู ฆาเตตู’’’ติ? ‘‘นตฺถิ, ภนฺเต, กุสลาธิปฺปาโย อหํ เปเสสึ – ‘สมคฺโค ภิกฺขุสงฺโฆ อุโปสถํ กโรตู’’’ติ. ‘‘สเจ ตฺวํ กุสลาธิปฺปาโย, นตฺถิ ตุยฺหํ ปาปํ, อมจฺจสฺเสเวตํ ปาป’’นฺติ. ราชา ทฺเวฬฺหกชาโต อาห – ‘‘อตฺถิ นุ โข, ภนฺเต, โกจิ ภิกฺขุ มเมตํ ทฺเวฬฺหกํ ฉินฺทิตฺวา สาสนํ ปคฺคเหตุํ สมตฺโถ’’ติ? ‘‘อตฺถิ, มหาราช, โมคฺคลิปุตฺตติสฺสตฺเถโร นาม, โส ¶ เต อิมํ ทฺเวฬฺหกํ ฉินฺทิตฺวา สาสนํ ปคฺคณฺหิตุํ สมตฺโถ’’ติ. ราชา ตทเหว จตฺตาโร ธมฺมกถิเก เอเกกภิกฺขุสหสฺสปริวาเร, จตฺตาโร จ อมจฺเจ เอเกกปุริสสหสฺสปริวาเร ‘‘เถรํ คณฺหิตฺวา อาคจฺฉถา’’ติ เปเสสิ. เต คนฺตฺวา ‘‘ราชา ปกฺโกสตี’’ติ อาหํสุ. เถโร นาคจฺฉิ ¶ . ทุติยมฺปิ โข ราชา อฏฺ ธมฺมกถิเก, อฏฺ จ อมจฺเจ สหสฺสสหสฺสปริวาเรเยว เปเสสิ – ‘‘‘ราชา, ภนฺเต, ปกฺโกสตี’ติ วตฺวา คณฺหิตฺวาว อาคจฺฉถา’’ติ. เต ตเถว อาหํสุ. ทุติยมฺปิ เถโร นาคจฺฉิ. ราชา เถเร ปุจฺฉิ – ‘‘อหํ, ภนฺเต, ทฺวิกฺขตฺตุํ ปหิณึ; กสฺมา เถโร นาคจฺฉตี’’ติ? ‘‘‘ราชา ปกฺโกสตี’ติ วุตฺตตฺตา, มหาราช, นาคจฺฉติ. เอวํ ปน วุตฺเต อาคจฺเฉยฺย ‘สาสนํ, ภนฺเต, โอสีทติ, อมฺหากํ สาสนํ ปคฺคหตฺถาย สหายกา โหถา’’’ติ. อถ ราชา ตถา วตฺวา โสฬส ธมฺมกถิเก, โสฬส จ อมจฺเจ สหสฺสสหสฺสปริวาเร เปเสสิ. ภิกฺขู จ ปฏิปุจฺฉิ – ‘‘มหลฺลโก นุ โข, ภนฺเต, เถโร ทหโร นุ โข’’ติ? ‘‘มหลฺลโก, มหาราชา’’ติ. ‘‘วยฺหํ วา สิวิกํ วา อภิรุหิสฺสติ, ภนฺเต’’ติ? ‘‘นาภิรุหิสฺสติ, มหาราชา’’ติ. ‘‘กุหึ, ภนฺเต, เถโร วสตี’’ติ? ‘‘อุปริ คงฺคาย, มหาราชา’’ติ. ราชา อาห – ‘‘เตน หิ, ภเณ, นาวาสงฺฆาฏํ พนฺธิตฺวา ¶ ตตฺเถว เถรํ นิสีทาเปตฺวา ทฺวีสุปิ ตีเรสุ อารกฺขํ สํวิธาย เถรํ อาเนถา’’ติ. ภิกฺขู จ อมจฺจา จ เถรสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา รฺโ สาสนํ อาโรเจสุํ.
เถโร สุตฺวา ‘‘ยํ โข อหํ มูลโต ปฏฺาย สาสนํ ปคฺคณฺหิสฺสามีติ ปพฺพชิโตมฺหิ. อยํ ทานิ เม โส กาโล อนุปฺปตฺโต’’ติ จมฺมขณฺฑํ คณฺหิตฺวาว อุฏฺหิ. อถ ‘‘เถโร ¶ สฺเว ปาฏลิปุตฺตํ สมฺปาปุณิสฺสตี’’ติ รตฺติภาเค ราชา สุปินํ อทฺทส. เอวรูโป สุปิโน อโหสิ – ‘‘สพฺพเสโต หตฺถินาโค อาคนฺตฺวา ราชานํ สีสโต ปฏฺาย ปรามสิตฺวา ทกฺขิณหตฺเถ อคฺคเหสี’’ติ. ปุนทิวเส ราชา สุปินชฺฌายเก ปุจฺฉิ – ‘‘มยา เอวรูโป สุปิโน ทิฏฺโ, กึ เม ภวิสฺสตี’’ติ? เอโก ตํ, ‘‘มหาราช, สมณนาโค ทกฺขิณหตฺเถ คณฺหิสฺสตี’’ติ. อถ ราชา ตาวเทว ‘‘เถโร อาคโต’’ติ สุตฺวา คงฺคาตีรํ คนฺตฺวา นทึ โอตริตฺวา อพฺภุคฺคจฺฉนฺโต ชาณุมตฺเต อุทเก เถรํ สมฺปาปุณิตฺวา เถรสฺส นาวาโต โอตรนฺตสฺส หตฺถํ อทาสิ. เถโร ราชานํ ทกฺขิณหตฺเถ อคฺคเหสิ. ตํ ทิสฺวา อสิคฺคาหา ‘‘เถรสฺส สีสํ ปาเตสฺสามา’’ติ โกสโต อสึ อพฺพาหึสุ. กสฺมา? เอตํ กิร จาริตฺตํ ราชกุเลสุ – ‘‘โย ราชานํ หตฺเถ คณฺหติ ตสฺส อสินา สีสํ ปาเตตพฺพ’’นฺติ. ราชา ฉายํเยว ทิสฺวา อาห – ‘‘ปุพฺเพปิ อหํ ภิกฺขูสุ วิรทฺธการณา อสฺสาทํ น วินฺทามิ, มา โข เถเร วิรชฺฌิตฺถา’’ติ. เถโร ปน กสฺมา ราชานํ หตฺเถ ¶ อคฺคเหสีติ? ยสฺมา รฺา ปฺหํ ปุจฺฉนตฺถาย ปกฺโกสาปิโต ตสฺมา ‘‘อนฺเตวาสิโก เม อย’’นฺติ อคฺคเหสิ.
ราชา เถรํ อตฺตโน อุยฺยานํ เนตฺวา พาหิรโต ติกฺขตฺตุํ ปริวาราเปตฺวา อารกฺขํ เปตฺวา สยเมว เถรสฺส ปาเท โธวิตฺวา เตเลน มกฺเขตฺวา เถรสฺส สนฺติเก นิสีทิตฺวา ‘‘ปฏิพโล นุ โข เถโร มม กงฺขํ ฉินฺทิตฺวา อุปฺปนฺนํ อธิกรณํ วูปสเมตฺวา สาสนํ ปคฺคณฺหิตุ’’นฺติ วีมํสนตฺถาย ‘‘อหํ, ภนฺเต, เอกํ ปาฏิหาริยํ ทฏฺุกาโม’’ติ อาห. ‘‘กตรํ ปาฏิหาริยํ ทฏฺุกาโมสิ, มหาราชา’’ติ? ‘‘ปถวีกมฺปนํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘สกลปถวีกมฺปนํ ทฏฺุกาโมสิ, มหาราช, ปเทสปถวีกมฺปน’’นฺติ? ‘‘กตรํ ปเนตฺถ, ภนฺเต, ทุกฺกร’’นฺติ? ‘‘กึ นุ โข, มหาราช, กํสปาติยา อุทกปุณฺณาย สพฺพํ อุทกํ กมฺเปตุํ ทุกฺกรํ; อุทาหุ อุปฑฺฒ’’นฺติ? ‘‘อุปฑฺฒํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘เอวเมว โข, มหาราช, ปเทสปถวีกมฺปนํ ทุกฺกร’’นฺติ. ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, ปเทสปถวีกมฺปนํ ¶ ปสฺสิสฺสามี’’ติ. ‘‘เตน หิ, มหาราช, สมนฺตโต โยชเน ปุรตฺถิมาย ทิสาย เอเกน จกฺเกน สีมํ อกฺกมิตฺวา รโถ ติฏฺตุ; ทกฺขิณาย ทิสาย ทฺวีหิ ปาเทหิ สีมํ อกฺกมิตฺวา อสฺโส ติฏฺตุ; ปจฺฉิมาย ทิสาย เอเกน ปาเทน สีมํ อกฺกมิตฺวา ปุริโส ติฏฺตุ; อุตฺตราย ทิสาย อุปฑฺฒภาเคน สีมํ อกฺกมิตฺวา เอกา อุทกปาติ ¶ ติฏฺตู’’ติ. ราชา ตถา การาเปสิ. เถโร อภิฺาปาทกํ จตุตฺถชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา ตโต วุฏฺาย ‘‘ราชา ปสฺสตู’’ติ โยชนปฺปมาณปถวีจลนํ อธิฏฺหิ. ปุรตฺถิมาย ทิสาย รถสฺส อนฺโตสีมาย ิโต ปาโทว จลิ, อิตโร น จลิ. เอวํ ทกฺขิณปจฺฉิมทิสาสุ อสฺสปุริสานํ อนฺโตสีมาย ิตปาทาเยว จลึสุ, อุปฑฺฒุปฑฺฒํ สรีรฺจ. อุตฺตรทิสาย อุทกปาติยาปิ อนฺโตสีมาย ิตํ อุปฑฺฒภาคคตเมว อุทกํ จลิ, อวเสสํ นิจฺจลมโหสีติ. ราชา ตํ ปาฏิหาริยํ ทิสฺวา ‘‘สกฺขติ ทานิ เถโร สาสนํ ปคฺคณฺหิตุ’’นฺติ นิฏฺํ คนฺตฺวา อตฺตโน กุกฺกุจฺจํ ปุจฺฉิ – ‘‘อหํ, ภนฺเต, เอกํ อมจฺจํ ‘วิหารํ คนฺตฺวา อธิกรณํ วูปสเมตฺวา อุโปสถํ การาเปหี’ติ ปหิณึ, โส วิหารํ คนฺตฺวา เอตฺตเก ภิกฺขู ชีวิตา โวโรเปสิ, เอตํ ปาปํ กสฺส โหตี’’ติ?
‘‘กึ ปน เต, มหาราช, อตฺถิ จิตฺตํ ‘อยํ วิหารํ คนฺตฺวา ภิกฺขู ฆาเตตู’’’ติ? ‘‘นตฺถิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘สเจ เต, มหาราช, นตฺถิ เอวรูปํ จิตฺตํ, นตฺถิ ตุยฺหํ ปาป’’นฺติ. อถ เถโร ราชานํ เอตมตฺถํ อิมินา สุตฺเตน สฺาเปสิ ¶ – ‘‘เจตนาหํ, ภิกฺขเว, กมฺมํ วทามิ. เจตยิตฺวา กมฺมํ กโรติ – กาเยน วาจาย มนสา’’ติ (อ. นิ. ๖.๖๓).
ตเมวตฺถํ ¶ ปริทีเปตุํ ติตฺติรชาตกํ (ชา. ๑.๔.๗๕) อาหริ – ‘‘อตีเต, มหาราช, ทีปกติตฺติโร ตาปสํ ปุจฺฉิ –
‘าตโก โน นิสินฺโนติ, พหุ อาคจฺฉตี ชโน;
ปฏิจฺจ กมฺมํ ผุสติ, ตสฺมึ เม สงฺกเต มโน’ติ.
ตาปโส อาห – ‘อตฺถิ ปน เต จิตฺตํ มม สทฺเทน จ รูปทสฺสเนน จ อาคนฺตฺวา เอเต ปกฺขิโน พชฺฌนฺตุ วา หฺนฺตุ วา’ติ? ‘นตฺถิ, ภนฺเต’ติ ติตฺติโร อาห. ตโต นํ ตาปโส สฺาเปสิ – ‘สเจ เต นตฺถิ จิตฺตํ, นตฺถิ ปาปํ; เจตยนฺตเมว หิ ปาปํ ผุสติ, นาเจตยนฺตํ.
‘น ปฏิจฺจ กมฺมํ ผุสติ, มโน เจ นปฺปทุสฺสติ;
อปฺโปสฺสุกฺกสฺส ภทฺรสฺส, น ปาปมุปลิมฺปตี’’’ติ.
เอวํ เถโร ราชานํ สฺาเปตฺวา ตตฺเถว ราชุยฺยาเน สตฺต ทิวสานิ วสนฺโต ราชานํ สมยํ อุคฺคณฺหาเปสิ. ราชา สตฺตเม ทิวเส อโสการาเม ภิกฺขุสงฺฆํ สนฺนิปาตาเปตฺวา สาณิปาการํ ปริกฺขิปาเปตฺวา ¶ สาณิปาการนฺตเร นิสินฺโน เอกลทฺธิเก เอกลทฺธิเก ภิกฺขู เอกโต เอกโต การาเปตฺวา เอกเมกํ ภิกฺขุสมูหํ ปกฺโกสาเปตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘กึวาที สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ? ตโตสสฺสตวาทิโน ‘‘สสฺสตวาที’’ติ อาหํสุ. เอกจฺจสสฺสติกา…เป… อนฺตานนฺติกา… อมราวิกฺเขปิกา… อธิจฺจสมุปฺปนฺนิกา… สฺีวาทา… อสฺีวาทา… เนวสฺีนาสฺีวาทา ¶ … อุจฺเฉทวาทา… ทิฏฺธมฺมนิพฺพานวาทา ‘‘ทิฏฺธมฺมนิพฺพานวาที’’ติ อาหํสุ. ราชา ปมเมว สมยสฺส อุคฺคหิตตฺตา ‘‘นยิเม ภิกฺขู, อฺติตฺถิยา อิเม’’ติ ตฺวา เตสํ เสตกานิ วตฺถานิ ทตฺวา อุปฺปพฺพาเชสิ. เต สพฺเพปิ สฏฺิสหสฺสา อเหสุํ.
อถฺเ ภิกฺขู ปกฺโกสาเปตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘กึวาที, ภนฺเต, สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ? ‘‘วิภชฺชวาที, มหาราชา’’ติ. เอวํ วุตฺเต ราชา เถรํ ปุจฺฉิ – ‘‘วิภชฺชวาที, ภนฺเต, สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ? ‘‘อาม, มหาราชา’’ติ. ตโต ราชา ‘‘สุทฺธํ ทานิ, ภนฺเต, สาสนํ; กโรตุ ภิกฺขุสงฺโฆ อุโปสถ’’นฺติ อารกฺขํ ทตฺวา นครํ ปาวิสิ.
สมคฺโค ¶ สงฺโฆ สนฺนิปติตฺวา อุโปสถํ อกาสิ. ตสฺมึ สนฺนิปาเต สฏฺิ ภิกฺขุสตสหสฺสานิ อเหสุํ. ตสฺมึ สมาคเม โมคฺคลิปุตฺตติสฺสตฺเถโร ปรปฺปวาทํ มทฺทมาโน กถาวตฺถุปฺปกรณํ อภาสิ. ตโต สฏฺิสตสหสฺสสงฺขฺเยสุ ภิกฺขูสุ อุจฺจินิตฺวา ติปิฏกปริยตฺติธรานํ ปภินฺนปฏิสมฺภิทานํ เตวิชฺชาทิเภทานํ ภิกฺขูนํ สหสฺสเมกํ คเหตฺวา ยถา มหากสฺสปตฺเถโร จ กากณฺฑกปุตฺโต ยสตฺเถโร จ ธมฺมฺจ วินยฺจ สงฺคายึสุ; เอวเมว ธมฺมฺจ วินยฺจ สงฺคายนฺโต สพฺพํ สาสนมลํ วิโสเธตฺวา ตติยสงฺคีตึ อกาสิ. สงฺคีติปริโยสาเน อเนกปฺปการํ ปถวี อกมฺปิตฺถ. อยํ สงฺคีติ นวหิ มาเสหิ นิฏฺิตา. ยา โลเก –
กตา ภิกฺขุสหสฺเสน, ตสฺมา สหสฺสิกาติ จ;
ปุริมา ทฺเว อุปาทาย, ตติยาติ จ วุจฺจตีติ.
อยํ ตติยสงฺคีติ.
เอตฺตาวตา จ ‘‘เกนาภต’’นฺติ เอตสฺส ปฺหสฺส วิสฺสชฺชนตฺถํ ยํ อโวจุมฺห – ‘‘ชมฺพุทีเป ตาว อุปาลิตฺเถรมาทึ กตฺวา อาจริยปรมฺปราย ¶ ยาว ตติยสงฺคีติ ตาว อาภตํ. ตตฺรายํ อาจริยปรมฺปรา –
‘‘อุปาลิ ¶ ทาสโก เจว, โสณโก สิคฺคโว ตถา;
ติสฺโส โมคฺคลิปุตฺโต จ, ปฺเจเต วิชิตาวิโน.
‘‘ปรมฺปราย วินยํ, ทีเป ชมฺพุสิริวฺหเย;
อจฺฉิชฺชมานมาเนสุํ, ตติโย ยาว สงฺคโห’’ติ.
ตสฺสตฺโถ ปกาสิโตว โหติ.
ตติยสงฺคหโต ปน อุทฺธํ อิมํ ทีปํ มหินฺทาทีหิ อาภตํ. มหินฺทโต อุคฺคเหตฺวา กฺจิ กาลํ อริฏฺตฺเถราทีหิ อาภตํ. ตโต ยาวชฺชตนา เตสํเยว อนฺเตวาสิกปรมฺปรภูตาย อาจริยปรมฺปราย อาภตนฺติ เวทิตพฺพํ. ยถาหุ โปราณา –
‘‘ตโต มหินฺโท อิฏฺฏิโย, อุตฺติโย สมฺพโล ตถา;
ภทฺทนาโม จ ปณฺฑิโต.
‘‘เอเต นาคา มหาปฺา, ชมฺพุทีปา อิธาคตา;
วินยํ เต วาจยึสุ, ปิฏกํ ตมฺพปณฺณิยา.
‘‘นิกาเย ¶ ปฺจ วาเจสุํ, สตฺต เจว ปกรเณ;
ตโต อริฏฺโ เมธาวี, ติสฺสทตฺโต จ ปณฺฑิโต.
‘‘วิสารโท กาฬสุมโน, เถโร จ ทีฆนามโก;
ทีฆสุมโน จ ปณฺฑิโต.
‘‘ปุนเทว กาฬสุมโน, นาคตฺเถโร จ พุทฺธรกฺขิโต;
ติสฺสตฺเถโร จ เมธาวี, เทวตฺเถโร จ ปณฺฑิโต.
‘‘ปุนเทว สุมโน เมธาวี, วินเย จ วิสารโท;
พหุสฺสุโต จูฬนาโค, คโชว ทุปฺปธํสิโย.
‘‘ธมฺมปาลิตนาโม ¶ ¶ จ, โรหเณ สาธุปูชิโต;
ตสฺส สิสฺโส มหาปฺโ, เขมนาโม ติเปฏโก.
‘‘ทีเป ตารกราชาว, ปฺาย อติโรจถ;
อุปติสฺโส จ เมธาวี, ผุสฺสเทโว มหากถี.
‘‘ปุนเทว สุมโน เมธาวี, ปุปฺผนาโม พหุสฺสุโต;
มหากถี มหาสิโว, ปิฏเก สพฺพตฺถ โกวิโท.
‘‘ปุนเทว อุปาลิ เมธาวี, วินเย จ วิสารโท;
มหานาโค มหาปฺโ, สทฺธมฺมวํสโกวิโท.
‘‘ปุนเทว อภโย เมธาวี, ปิฏเก สพฺพตฺถ โกวิโท;
ติสฺสตฺเถโร จ เมธาวี, วินเย จ วิสารโท.
‘‘ตสฺส สิสฺโส มหาปฺโ, ปุปฺผนาโม พหุสฺสุโต;
สาสนํ อนุรกฺขนฺโต, ชมฺพุทีเป ปติฏฺิโต.
‘‘จูฬาภโย จ เมธาวี, วินเย จ วิสารโท;
ติสฺสตฺเถโร จ เมธาวี, สทฺธมฺมวํสโกวิโท.
‘‘จูฬเทโว จ เมธาวี, วินเย จ วิสารโท;
สิวตฺเถโร จ เมธาวี, วินเย สพฺพตฺถ โกวิโท.
‘‘เอเต นาคา มหาปฺา, วินยฺู มคฺคโกวิทา;
วินยํ ทีเป ปกาเสสุํ, ปิฏกํ ตมฺพปณฺณิยา’’ติ.
ตตฺรายํ ¶ อนุปุพฺพิกถา – โมคฺคลิปุตฺตติสฺสตฺเถโร กิร อิมํ ตติยธมฺมสงฺคีตึ กตฺวา เอวํ จินฺเตสิ – ‘‘กตฺถ นุ โข อนาคเต สาสนํ สุปฺปติฏฺิตํ ภเวยฺยา’’ติ? อถสฺส อุปปริกฺขโต เอตทโหสิ – ‘‘ปจฺจนฺติเมสุ โข ชนปเทสุ สุปฺปติฏฺิตํ ภวิสฺสตี’’ติ. โส เตสํ เตสํ ภิกฺขูนํ ¶ ภารํ กตฺวา เต เต ภิกฺขู ตตฺถ ตตฺถ เปเสสิ. มชฺฌนฺติกตฺเถรํ กสฺมีรคนฺธารรฏฺํ เปเสสิ – ‘‘ตฺวํ เอตํ รฏฺํ คนฺตฺวา เอตฺถ สาสนํ ปติฏฺาเปหี’’ติ. มหาเทวตฺเถรํ ตเถว วตฺวา มหึสกมณฺฑลํ เปเสสิ. รกฺขิตตฺเถรํ วนวาสึ. โยนกธมฺมรกฺขิตตฺเถรํ ¶ อปรนฺตกํ. มหาธมฺมรกฺขิตตฺเถรํ มหารฏฺํ. มหารกฺขิตตฺเถรํ โยนกโลกํ. มชฺฌิมตฺเถรํ หิมวนฺตเทสภาคํ. โสณตฺเถรฺจ อุตฺตรตฺเถรฺจ สุวณฺณภูมึ. อตฺตโน สทฺธิวิหาริกํ มหินฺทตฺเถรํ อิฏฺฏิยตฺเถเรน อุตฺติยตฺเถเรน สมฺพลตฺเถเรน ภทฺทสาลตฺเถเรน จ สทฺธึ ตมฺพปณฺณิทีปํ เปเสสิ – ‘‘ตุมฺเห ตมฺพปณฺณิทีปํ คนฺตฺวา เอตฺถ สาสนํ ปติฏฺาเปถา’’ติ. สพฺเพปิ ตํ ตํ ทิสาภาคํ คจฺฉนฺตา อตฺตปฺจมา อคมํสุ ‘‘ปจฺจนฺติเมสุ ชนปเทสุ ปฺจวคฺโค คโณ อลํ อุปสมฺปทกมฺมายา’’ติ มฺมานา.
เตน โข ปน สมเยน กสฺมีรคนฺธารรฏฺเ สสฺสปากสมเย อรวาโฬ นาม นาคราชา กรกวสฺสํ นาม วสฺสาเปตฺวา สสฺสํ หราเปตฺวา มหาสมุทฺทํ ปาเปติ. มชฺฌนฺติกตฺเถโร ปน ปาฏลิปุตฺตโต เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา หิมวติ อรวาฬทหสฺส อุปริ โอตริตฺวา อรวาฬทหปิฏฺิยํ จงฺกมติปิ ติฏฺติปิ นิสีทติปิ เสยฺยมฺปิ กปฺเปติ. นาคมาณวกา ตํ ทิสฺวา อรวาฬสฺส นาคราชสฺส อาโรเจสุํ – ‘‘มหาราช, เอโก ฉินฺนภินฺนปฏธโร ภณฺฑุ กาสาววสโน อมฺหากํ อุทกํ ทูเสตี’’ติ. นาคราชา ตาวเทว โกธาภิภูโต นิกฺขมิตฺวา เถรํ ทิสฺวา มกฺขํ อสหมาโน อนฺตลิกฺเข อเนกานิ ภึสนกานิ นิมฺมินิ. ตโต ตโต ภุสา วาตา วายนฺติ, รุกฺขา ฉิชฺชนฺติ, ปพฺพตกูฏานิ ปตนฺติ, เมฆา คชฺชนฺติ, วิชฺชุลตา นิจฺฉรนฺติ, อสนิโย ผลนฺติ, ภินฺนํ วิย คคนตลํ อุทกํ ปคฺฆรติ. ภยานกรูปา ¶ นาคกุมารา สนฺนิปตนฺติ. สยมฺปิ ธูมายติ, ปชฺชลติ, ปหรณวุฏฺิโย วิสฺสชฺเชติ. ‘‘โก อยํ มุณฺฑโก ฉินฺนภินฺนปฏธโร’’ติอาทีหิ ผรุสวจเนหิ เถรํ สนฺตชฺเชสิ. ‘‘เอถ คณฺหถ หนถ ¶ นิทฺธมถ อิมํ สมณ’’นฺติ นาคพลํ อาณาเปสิ. เถโร สพฺพํ ตํ ภึสนกํ อตฺตโน อิทฺธิพเลน ปฏิพาหิตฺวา นาคราชานํ อาห –
‘‘สเทวโกปิ เจ โลโก, อาคนฺตฺวา ตาสเยยฺย มํ;
น เม ปฏิพโล อสฺส, ชเนตุํ ภยเภรวํ.
‘‘สเจปิ ตฺวํ มหึ สพฺพํ, สสมุทฺทํ สปพฺพตํ;
อุกฺขิปิตฺวา มหานาค, ขิเปยฺยาสิ มมูปริ.
‘‘เนว ¶ เม สกฺกุเณยฺยาสิ, ชเนตุํ ภยเภรวํ;
อฺทตฺถุ ตเววสฺส, วิฆาโต อุรคาธิปา’’ติ.
เอวํ วุตฺเต นาคราชา วิหตานุภาโว นิปฺผลวายาโม ทุกฺขี ทุมฺมโน อโหสิ. ตํ เถโร ตงฺขณานุรูปาย ธมฺมิยา กถาย สนฺทสฺเสตฺวา สมาทเปตฺวา สมุตฺเตเชตฺวา สมฺปหํเสตฺวา ตีสุ สรเณสุ ปฺจสุ จ สีเลสุ ปติฏฺาเปสิ สทฺธึ จตุราสีติยา นาคสหสฺเสหิ. อฺเปิ พหู หิมวนฺตวาสิโน ยกฺขา จ คนฺธพฺพา จ กุมฺภณฺฑา จ เถรสฺส ธมฺมกถํ สุตฺวา สรเณสุ จ สีเลสุ จ ปติฏฺหึสุ. ปฺจโกปิ ยกฺโข สทฺธึ ภริยาย ยกฺขินิยา ปฺจหิ จ ปุตฺตสเตหิ ปเม ผเล ปติฏฺิโต. อถายสฺมา มชฺฌนฺติกตฺเถโร สพฺเพปิ นาคยกฺขรกฺขเส อามนฺเตตฺวา เอวมาห –
‘‘มา ทานิ โกธํ ชนยิตฺถ, อิโต อุทฺธํ ยถา ปุเร;
สสฺสฆาตฺจ มา กตฺถ, สุขกามา หิ ปาณิโน;
กโรถ เมตฺตํ สตฺเตสุ, วสนฺตุ มนุชา สุข’’นฺติ.
เต ¶ สพฺเพปิ ‘‘สาธุ ภนฺเต’’ติ เถรสฺส ปฏิสฺสุณิตฺวา ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชึสุ. ตํทิวสเมว จ นาคราชสฺส ปูชาสมโย โหติ. อถ นาคราชา อตฺตโน รตนมยํ ปลฺลงฺกํ อาหราเปตฺวา เถรสฺส ปฺเปสิ. นิสีทิ เถโร ปลฺลงฺเก. นาคราชาปิ เถรํ พีชยมาโน สมีเป อฏฺาสิ. ตสฺมึ ขเณ กสฺมีรคนฺธารรฏฺวาสิโน อาคนฺตฺวา เถรํ ทิสฺวา ‘‘อมฺหากํ นาคราชโตปิ เถโร มหิทฺธิกตโร’’ติ เถรเมว วนฺทิตฺวา นิสินฺนา. เถโร เตสํ อาสีวิโสปมสุตฺตํ กเถสิ ¶ . สุตฺตปริโยสาเน อสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ, กุลสตสหสฺสํ ปพฺพชิ. ตโต ปภุติ จ กสฺมีรคนฺธารา ยาวชฺชตนา กาสาวปชฺโชตา อิสิวาตปฏิวาตา เอว.
คนฺตฺวา กสฺมีรคนฺธารํ, อิสิ มชฺฌนฺติโก ตทา;
ทุฏฺํ นาคํ ปสาเทตฺวา, โมเจสิ พนฺธนา พหูติ.
มหาเทวตฺเถโรปิ มหึสกมณฺฑลํ คนฺตฺวา เทวทูตสุตฺตํ กเถสิ. สุตฺตปริโยสาเน จตฺตาลีส ปาณสหสฺสานิ ธมฺมจกฺขุํ ปฏิลภึสุ, จตฺตาลีสํเยว ปาณสหสฺสานิ ปพฺพชึสุ.
คนฺตฺวาน ¶ รฏฺํ มหึสํ, มหาเทโว มหิทฺธิโก;
โจเทตฺวา เทวทูเตหิ, โมเจสิ พนฺธนา พหูติ.
รกฺขิตตฺเถโร ปน วนวาสึ คนฺตฺวา อากาเส ตฺวา อนมตคฺคปริยายกถาย วนวาสิเก ปสาเทสิ. กถาปริโยสาเน ปนสฺส สฏฺิสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. สตฺตติสหสฺสมตฺตา ¶ ปพฺพชึสุ, ปฺจวิหารสตานิ ปติฏฺหึสุ. เอวํ โส ตตฺถ สาสนํ ปติฏฺาเปสิ.
คนฺตฺวาน รกฺขิตตฺเถโร, วนวาสึ มหิทฺธิโก;
อนฺตลิกฺเข ิโต ตตฺถ, เทเสสิ อนมตคฺคิยนฺติ.
โยนกธมฺมรกฺขิตตฺเถโรปิ อปรนฺตกํ คนฺตฺวา อคฺคิกฺขนฺโธปมสุตฺตนฺตกถาย อปรนฺตเก ปสาเทตฺวา สตฺตติ ปาณสหสฺสานิ ธมฺมามตํ ปาเยสิ. ขตฺติยกุลโต เอว ปุริสสหสฺสานิ ปพฺพชึสุ, สมธิกานิ จ ฉ อิตฺถิสหสฺสานิ. เอวํ โส ตตฺถ สาสนํ ปติฏฺาเปสิ.
อปรนฺตํ วิคาหิตฺวา, โยนโก ธมฺมรกฺขิโต;
อคฺคิกฺขนฺโธปเมเนตฺถ, ปสาเทสิ ชเน พหูติ.
มหาธมฺมรกฺขิตตฺเถโร ปน มหารฏฺํ คนฺตฺวา มหานารทกสฺสปชาตกกถาย มหารฏฺเก ปสาเทตฺวา จตุราสีติ ปาณสหสฺสานิ มคฺคผเลสุ ปติฏฺาเปสิ. เตรสสหสฺสานิ ปพฺพชึสุ. เอวํ โส ตตฺถ สาสนํ ปติฏฺาเปสิ.
มหารฏฺํ อิสิ คนฺตฺวา, โส มหาธมฺมรกฺขิโต;
ชาตกํ กถยิตฺวาน, ปสาเทสิ มหาชนนฺติ.
มหารกฺขิตตฺเถโรปิ ¶ โยนกรฏฺํ คนฺตฺวา กาฬการามสุตฺตนฺตกถาย โยนกโลกํ ปสาเทตฺวา สตฺตติสหสฺสาธิกสฺส ปาณสตสหสฺสสฺส มคฺคผลาลงฺการํ อทาสิ. สนฺติเก จสฺส ทสสหสฺสานิ ปพฺพชึสุ. เอวํ โสปิ ตตฺถ สาสนํ ปติฏฺาเปสิ.
โยนรฏฺํ ตทา คนฺตฺวา, โส มหารกฺขิโต อิสิ;
กาฬการามสุตฺเตน เต ปสาเทสิ โยนเกติ.
มชฺฌิมตฺเถโร ¶ ¶ ปน กสฺสปโคตฺตตฺเถเรน อฬกเทวตฺเถเรน ทุนฺทุภิสฺสรตฺเถเรน มหาเทวตฺเถเรน จ สทฺธึ หิมวนฺตเทสภาคํ คนฺตฺวา ธมฺมจกฺกปฺปวตฺตนสุตฺตนฺตกถาย ตํ เทสํ ปสาเทตฺวา อสีติปาณโกฏิโย มคฺคผลรตนานิ ปฏิลาเภสิ. ปฺจปิ จ เถรา ปฺจ รฏฺานิ ปสาเทสุํ. เอกเมกสฺส สนฺติเก สตสหสฺสมตฺตา ปพฺพชึสุ. เอวํ เต ตตฺถ สาสนํ ปติฏฺาเปสุํ.
คนฺตฺวาน มชฺฌิมตฺเถโร, หิมวนฺตํ ปสาทยิ;
ยกฺขเสนํ ปกาเสนฺโต, ธมฺมจกฺกปวตฺตนนฺติ.
โสณตฺเถโรปิ สทฺธึ อุตฺตรตฺเถเรน สุวณฺณภูมึ อคมาสิ. เตน จ สมเยน ตตฺถ เอกา รกฺขสี สมุทฺทโต นิกฺขมิตฺวา ราชกุเล ชาเต ชาเต ทารเก ขาทติ. ตํทิวสเมว จ ราชกุเล เอโก ทารโก ชาโต โหติ. มนุสฺสา เถรํ ทิสฺวา ‘‘รกฺขสานํ สหายโก เอโส’’ติ มฺมานา อาวุธานิ คเหตฺวา เถรํ ปหริตุกามา อาคจฺฉนฺติ. เถโร ‘‘กึ ตุมฺเห อาวุธหตฺถา อาคจฺฉถา’’ติ อาห. เต อาหํสุ – ‘‘ราชกุเล ชาเต ชาเต ทารเก รกฺขสา ขาทนฺติ, เตสํ ตุมฺเห สหายกา’’ติ. เถโร ‘‘น มยํ รกฺขสานํ สหายกา, สมณา นาม มยํ วิรตา ปาณาติปาตา…เป… วิรตา มชฺชปานา เอกภตฺติกา สีลวนฺโต กลฺยาณธมฺมา’’ติ อาห. ตสฺมึเยว จ ขเณ สา รกฺขสี สปริวารา สมุทฺทโต นิกฺขมิ ‘‘ราชกุเล ทารโก ชาโต ตํ ขาทิสฺสามี’’ติ. มนุสฺสา ตํ ทิสฺวา ‘‘เอสา, ภนฺเต, รกฺขสี อาคจฺฉตี’’ติ ภีตา วิรวึสุ. เถโร รกฺขเสหิ ทิคุเณ อตฺตภาเว นิมฺมินิตฺวา เตหิ อตฺตภาเวหิ ตํ รกฺขสึ ¶ สปริสํ มชฺเฌ กตฺวา อุโภสุ ปสฺเสสุ ปริกฺขิปิ ¶ . ตสฺสา สปริสาย เอตทโหสิ – ‘‘อทฺธา อิเมหิ อิทํ านํ ลทฺธํ ภวิสฺสติ. มยํ ปน อิเมสํ ภกฺขา ภวิสฺสามา’’ติ. สพฺเพ รกฺขสา ภีตา เวคสา ปลายึสุ. เถโรปิ เต ยาว อทสฺสนํ ตาว ปลาเปตฺวา ทีปสฺส สมนฺตโต รกฺขํ เปสิ. ตสฺมิฺจ สมเย สนฺนิปติตํ มหาชนกายํ พฺรหฺมชาลสุตฺตนฺตกถาย ปสาเทตฺวา สรเณสุ จ สีเลสุ จ ปติฏฺาเปสิ. สฏฺิสหสฺสานํ ปเนตฺถ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. กุลทารกานํ อฑฺฒุฑฺฒานิ สหสฺสานิ ปพฺพชึสุ, กุลธีตานํ ทิยฑฺฒสหสฺสํ. เอวํ โส ตตฺถ สาสนํ ปติฏฺาเปสิ. ตโต ปภุติ ราชกุเล ชาตทารกานํ โสณุตฺตรนามเมว กโรนฺติ.
สุวณฺณภูมึ คนฺตฺวาน, โสณุตฺตรา มหิทฺธิกา;
ปิสาเจ นิทฺธเมตฺวาน, พฺรหฺมชาลํ อเทสิสุนฺติ.
มหินฺทตฺเถโร ปน ‘‘ตมฺพปณฺณิทีปํ คนฺตฺวา สาสนํ ปติฏฺาเปหี’’ติ อุปชฺฌาเยน จ ภิกฺขุสงฺเฆน ¶ จ อชฺฌิฏฺโ จินฺเตสิ – ‘‘กาโล นุ โข เม ตมฺพปณฺณิทีปํ คนฺตุํ โน’’ติ. อถสฺส วีมํสโต ‘‘น ตาว กาโล’’ติ อโหสิ. กึ ปนสฺส ทิสฺวา เอตทโหสิ? มุฏสิวรฺโ มหลฺลกภาวํ. ตโต จินฺเตสิ – ‘‘อยํ ราชา มหลฺลโก, น สกฺกา อิมํ คณฺหิตฺวา สาสนํ ปคฺคเหตุํ. อิทานิ ปนสฺส ปุตฺโต เทวานํปิยติสฺโส รชฺชํ กาเรสฺสติ. ตํ คณฺหิตฺวา สกฺกา ภวิสฺสติ สาสนํ ปคฺคเหตุํ. หนฺท ยาว โส สมโย อาคจฺฉติ, ตาว าตเก โอโลเกม. ปุน ทานิ มยํ อิมํ ชนปทํ อาคจฺเฉยฺยาม วา น วา’’ติ. โส เอวํ จินฺเตตฺวา อุปชฺฌายฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจ วนฺทิตฺวา อโสการามโต นิกฺขมฺม เตหิ อิฏฺฏิยาทีหิ จตูหิ เถเรหิ สงฺฆมิตฺตาย ปุตฺเตน สุมนสามเณเรน ภณฺฑุเกน ¶ จ อุปาสเกน สทฺธึ ราชคหนครปริวตฺตเกน ทกฺขิณาคิริชนปเท จาริกํ จรมาโน าตเก โอโลเกนฺโต ฉ มาเส อติกฺกาเมสิ. อถานุปุพฺเพน มาตุ นิเวสนฏฺานํ เวทิสนครํ นาม สมฺปตฺโต. อโสโก กิร กุมารกาเล ชนปทํ ลภิตฺวา อุชฺเชนึ คจฺฉนฺโต เวทิสนครํ ปตฺวา เวทิสเสฏฺิสฺส ธีตรํ อคฺคเหสิ. สา ตํทิวสเมว คพฺภํ คณฺหิตฺวา อุชฺเชนิยํ มหินฺทกุมารํ วิชายิ. กุมารสฺส ¶ จุทฺทสวสฺสกาเล ราชา อภิเสกํ ปาปุณิ. สา ตสฺส มาตา เตน สมเยน าติฆเร วสติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถานุปุพฺเพน มาตุ นิเวสนฏฺานํ เวฏิสนครํ นาม สมฺปตฺโต’’ติ.
สมฺปตฺตฺจ ปน เถรํ ทิสฺวา เถรมาตา เทวี ปาเทสุ สิรสา วนฺทิตฺวา ภิกฺขํ ทตฺวา เถรํ อตฺตนา กตํ เวทิสคิริมหาวิหารํ นาม อาโรเปสิ. เถโร ตสฺมึ วิหาเร นิสินฺโน จินฺเตสิ – ‘‘อมฺหากํ อิธ กตฺตพฺพกิจฺจํ นิฏฺิตํ, สมโย นุ โข อิทานิ ลงฺกาทีปํ คนฺตุ’’นฺติ. ตโต จินฺเตสิ – ‘‘อนุภวตุ ตาว เม ปิตรา เปสิตํ อภิเสกํ เทวานํปิยติสฺโส, รตนตฺตยคุณฺจ สุณาตุ, ฉณตฺถฺจ นครโต นิกฺขมิตฺวา มิสฺสกปพฺพตํ อภิรุหตุ, ตทา ตํ ตตฺถ ทกฺขิสฺสามา’’ติ. อถาปรํ เอกมาสํ ตตฺเถว วาสํ กปฺเปสิ. มาสาติกฺกเมน จ เชฏฺมูลมาสปุณฺณมายํ อุโปสถทิวเส สนฺนิปติตา สพฺเพปิ – ‘‘กาโล นุ โข อมฺหากํ ตมฺพปณฺณิทีปํ คมนาย, อุทาหุ โน’’ติ มนฺตยึสุ. เตนาหุ โปราณา –
‘‘มหินฺโท นาม นาเมน, สงฺฆตฺเถโร ตทา อหุ;
อิฏฺฏิโย อุตฺติโย เถโร, ภทฺทสาโล จ สมฺพโล.
‘‘สามเณโร ¶ จ สุมโน, ฉฬภิฺโ มหิทฺธิโก;
ภณฺฑุโก สตฺตโม เตสํ, ทิฏฺสจฺโจ อุปาสโก;
อิติ เหเต มหานาคา, มนฺตยึสุ รโหคตา’’ติ.
ตทา ¶ สกฺโก เทวานมินฺโท มหินฺทตฺเถรํ อุปสงฺกมิตฺวา เอตทโวจ – ‘‘กาลงฺกโต, ภนฺเต, มุฏสิวราชา; อิทานิ เทวานํปิยติสฺสมหาราชา รชฺชํ กาเรติ. สมฺมาสมฺพุทฺเธน จ ตุมฺเห พฺยากตา – ‘อนาคเต มหินฺโท นาม ภิกฺขุ ตมฺพปณฺณิทีปํ ปสาเทสฺสตี’ติ. ตสฺมาติห โว, ภนฺเต, กาโล ทีปวรํ คมนาย; อหมฺปิ โว สหาโย ภวิสฺสามี’’ติ. กสฺมา ปน สกฺโก เอวมาห? ภควา กิรสฺส โพธิมูเลเยว พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกตฺวา อนาคเต อิมสฺส ทีปสฺส สมฺปตฺตึ ทิสฺวา เอตมตฺถํ อาโรเจสิ – ‘‘ตทา ตฺวมฺปิ สหาโย ภเวยฺยาสี’’ติ จ อาณาเปสิ. ตสฺมา เอวมาห. เถโร ตสฺส วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา อตฺตสตฺตโม เวฏิสกปพฺพตา เวหาสํ อุปฺปติตฺวา อนุราธปุรสฺส ปุรตฺถิมทิสาย มิสฺสกปพฺพเต ปติฏฺหิ. ยํ ปเนตรหิ ‘‘เจติยปพฺพโต’’ติปิ สฺชานนฺติ. เตนาหุ โปราณา –
‘‘เวฏิสคิริมฺหิ ¶ ราชคเห, วสิตฺวา ตึสรตฺติโย;
กาโลว คมนสฺสาติ, คจฺฉาม ทีปมุตฺตมํ.
‘‘ปฬีนา ชมฺพุทีปา เต, หํสราชาว อมฺพเร;
เอวมุปฺปติตา เถรา, นิปตึสุ นคุตฺตเม.
‘‘ปุรโต ปุรเสฏฺสฺส, ปพฺพเต เมฆสนฺนิเภ;
ปตึสุ สีลกูฏมฺหิ, หํสาว นคมุทฺธนี’’ติ.
เอวํ ¶ อิฏฺฏิยาทีหิ สทฺธึ อาคนฺตฺวา ปติฏฺหนฺโต จ อายสฺมา มหินฺทตฺเถโร สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปรินิพฺพานโต ทฺวินฺนํ วสฺสสตานํ อุปริ ฉตฺตึสติเม วสฺเส อิมสฺมึ ทีเป ปติฏฺหีติ เวทิตพฺโพ. อชาตสตฺตุสฺส หิ อฏฺเม วสฺเส สมฺมาสมฺพุทฺโธ ปรินิพฺพายิ. ตสฺมึเยว วสฺเส สีหกุมารสฺส ปุตฺโต ตมฺพปณฺณิทีปสฺส อาทิราชา วิชยกุมาโร อิมํ ทีปมาคนฺตฺวา มนุสฺสาวาสํ อกาสิ. ชมฺพุทีเป อุทยภทฺทสฺส จุทฺทสเม วสฺเส อิธ วิชโย กาลมกาสิ. อุทยภทฺทสฺส ปฺจทสเม วสฺเส ปณฺฑุวาสุเทโว นาม อิมสฺมึ ทีเป รชฺชํ ปาปุณิ. ตตฺถ นาคทาสกรฺโ วีสติเม วสฺเส อิธ ปณฺฑุวาสุเทโว กาลมกาสิ. ตสฺมึเยว จ วสฺเส อภโย นาม ราชกุมาโร อิมสฺมึ ทีเป รชฺชํ ปาปุณิ. ตตฺถ สุสุนาครฺโ สตฺตรสเม วสฺเส อิธ อภยรฺโ วีสติวสฺสานิ ปริปูรึสุ. อถ อภยสฺส วีสติเม วสฺเส ปณฺฑุกาภโย นาม ทามริโก รชฺชํ อคฺคเหสิ. ตตฺถ กาฬาโสกสฺส โสฬสเม วสฺเส อิธ ปณฺฑุกสฺส สตฺตรสวสฺสานิ ปริปูรึสุ. ตานิ เหฏฺา เอเกน วสฺเสน สห อฏฺารส โหนฺติ. ตตฺถ ¶ จนฺทคุตฺตสฺส จุทฺทสเม วสฺเส อิธ ปณฺฑุกาภโย กาลมกาสิ. มุฏสิวราชา รชฺชํ ปาปุณิ. ตตฺถ อโสกธมฺมราชสฺส สตฺตรสเม วสฺเส อิธ มุฏสิวราชา กาลมกาสิ. เทวานมฺปิยติสฺโส รชฺชํ ปาปุณิ. ปรินิพฺพุเต จ สมฺมาสมฺพุทฺเธ อชาตสตฺตุ จตุวีสติ วสฺสานิ รชฺชํ กาเรสิ. อุทยภทฺโท ¶ โสฬส, อนุรุทฺโธ จ มุณฺโฑ จ อฏฺ, นาคทาสโก จตุวีสติ, สุสุนาโค อฏฺารส, ตสฺเสว ปุตฺโต กาฬาโสโก อฏฺวีสติ, ตโต ตสฺส ปุตฺตกา ทส ภาตุกราชาโน ทฺเววีสติ วสฺสานิ รชฺชํ กาเรสุํ. เตสํ ปจฺฉโต นว นนฺทา ทฺเววีสติเมว, จนฺทคุตฺโต จตุวีสติ, พินฺทุสาโร อฏฺวีสติ ¶ . ตสฺสาวสาเน อโสโก รชฺชํ ปาปุณิ. ตสฺส ปุเร อภิเสกา จตฺตาริ อภิเสกโต อฏฺารสเม วสฺเส อิมสฺมึ ทีเป มหินฺทตฺเถโร ปติฏฺิโต. เอวเมเตน ราชวํสานุสาเรน เวทิตพฺพเมตํ – ‘‘สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปรินิพฺพานโต ทฺวินฺนํ วสฺสสตานํ อุปริ ฉตฺตึสติเม วสฺเส อิมสฺมึ ทีเป ปติฏฺหี’’ติ.
ตสฺมิฺจ ทิวเส ตมฺพปณฺณิทีเป เชฏฺมูลนกฺขตฺตํ นาม โหติ. ราชา นกฺขตฺตํ โฆสาเปตฺวา ‘‘ฉณํ กโรถา’’ติ อมจฺเจ จ อาณาเปตฺวา จตฺตาลีสปุริสสหสฺสปริวาโร นครมฺหา นิกฺขมิตฺวา เยน มิสฺสกปพฺพโต เตน ปายาสิ มิควํ กีฬิตุกาโม. อถ ตสฺมึ ปพฺพเต อธิวตฺถา เอกา เทวตา ‘‘รฺโ เถเร ทสฺเสสฺสามี’’ติ โรหิตมิครูปํ คเหตฺวา อวิทูเร ติณปณฺณานิ ขาทมานา วิย จรติ. ราชา ตํ ทิสฺวา ‘‘อยุตฺตํ ทานิ ปมตฺตํ วิชฺฌิตุ’’นฺติ ชิยํ โผเฏสิ. มิโค อมฺพตฺถลมคฺคํ คเหตฺวา ปลายิตุํ อารภิ. ราชา ปิฏฺิโต ปิฏฺิโต อนุพนฺธนฺโต อมฺพตฺถลเมว อภิรุหิ. มิโคปิ เถรานํ อวิทูเร อนฺตรธายิ. มหินฺทตฺเถโร ราชานํ อวิทูเร อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวา ‘‘มมํเยว ราชา ปสฺสตุ, มา อิตเร’’ติ อธิฏฺหิตฺวา ‘‘ติสฺส, ติสฺส, อิโต เอหี’’ติ อาห. ราชา สุตฺวา จินฺเตสิ – ‘‘อิมสฺมึ ทีเป ชาโต มํ ‘ติสฺสา’ติ นามํ คเหตฺวา ¶ อาลปิตุํ สมตฺโถ นาม นตฺถิ. อยํ ปน ฉินฺนภินฺนปฏธโร ภณฺฑุ กาสาววสโน มํ นาเมน อาลปติ, โก นุ โข อยํ ภวิสฺสติ มนุสฺโส วา อมนุสฺโส วา’’ติ? เถโร อาห –
‘‘สมณา มยํ มหาราช, ธมฺมราชสฺส สาวกา;
ตเวว อนุกมฺปาย, ชมฺพุทีปา อิธาคตา’’ติ.
เตน จ สมเยน เทวานมฺปิยติสฺสมหาราชา จ อโสกธมฺมราชา จ อทิฏฺสหายกา โหนฺติ. เทวานมฺปิยติสฺสมหาราชสฺส จ ปฺุานุภาเวน ฉาตปพฺพตปาเท เอกมฺหิ เวฬุคุมฺเพ ติสฺโส เวฬุยฏฺิโย รถยฏฺิปฺปมาณา อุปฺปชฺชึสุ – เอกา ลตายฏฺิ นาม, เอกา ปุปฺผยฏฺิ นาม, เอกา ¶ สกุณยฏฺิ นาม. ตาสุ ลตายฏฺิ รชตวณฺณา โหติ, ตํ อลงฺกริตฺวา อุปฺปนฺนลตา กฺจนวณฺณา ขายติ. ปุปฺผยฏฺิยํ ปน นีลปีตโลหิโตทาตกาฬวณฺณานิ ปุปฺผานิ สุวิภตฺตวณฺฏปตฺตกิฺชกฺขานิ หุตฺวา ขายนฺติ. สกุณยฏฺิยํ หํสกุกฺกุฏชีวชีวกาทโย สกุณา นานปฺปการานิ จ จตุปฺปทานิ สชีวานิ วิย ขายนฺติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ ทีปวํเส –
‘‘ฉาตปพฺพตปาทมฺหิ ¶ , เวฬุยฏฺี ตโย อหุ;
เสตา รชตยฏฺีว, ลตา กฺจนสนฺนิภา.
‘‘นีลาทิ ยาทิสํ ปุปฺผํ, ปุปฺผยฏฺิมฺหิ ตาทิสํ;
สกุณา สกุณยฏฺิมฺหิ, สรูเปเนว สณฺิตา’’ติ.
สมุทฺทโตปิสฺส ¶ มุตฺตามณิเวฬุริยาทิ อเนกวิหิตํ รตนํ อุปฺปชฺชิ. ตมฺพปณฺณิยํ ปน อฏฺ มุตฺตา อุปฺปชฺชึสุ – หยมุตฺตา, คชมุตฺตา, รถมุตฺตา, อามลกมุตฺตา, วลยมุตฺตา, องฺคุลิเวกมุตฺตา, กกุธผลมุตฺตา, ปากติกมุตฺตาติ. โส ตา จ ยฏฺิโย ตา จ มุตฺตา อฺฺจ พหุํ รตนํ อโสกสฺส ธมฺมรฺโ ปณฺณาการตฺถาย เปเสสิ. อโสโก ปสีทิตฺวา ตสฺส ปฺจ ราชกกุธภณฺฑานิ ปหิณิ – ฉตฺตํ, จามรํ, ขคฺคํ, โมฬึ, รตนปาทุกํ, อฺฺจ อภิเสกตฺถาย พหุวิธํ ปณฺณาการํ; เสยฺยถิทํ – สงฺขํ, คงฺโคทกํ, วฑฺฒมานํ, วฏํสกํ, ภิงฺคารํ, นนฺทิยาวฏฺฏํ, สิวิกํ, กฺํ, กฏจฺฉุํ, อโธวิมํ ทุสฺสยุคํ, หตฺถปฺุฉนํ, หริจนฺทนํ, อรุณวณฺณมตฺติกํ, อฺชนํ, หรีตกํ, อามลกนฺติ. วุตฺตมฺปิ เจตํ ทีปวํเส –
‘‘วาลพีชนิมุณฺหีสํ, ฉตฺตํ ขคฺคฺจ ปาทุกํ;
เวนํ สารปามงฺคํ, ภิงฺคารํ นนฺทิวฏฺฏกํ.
‘‘สิวิกํ สงฺขํ วฏํสฺจ, อโธวิมํ วตฺถโกฏิกํ;
โสวณฺณปาตึ กฏจฺฉุํ, มหคฺฆํ หตฺถปฺุฉนํ.
‘‘อโนตตฺโตทกํ กฺํ, อุตฺตมํ หริจนฺทนํ;
อรุณวณฺณมตฺติกํ ¶ , อฺชนํ นาคมาหฏํ.
‘‘หรีตกํ ¶ อามลกํ, มหคฺฆํ อมโตสธํ;
สฏฺิวาหสตํ สาลึ, สุคนฺธํ สุวกาหฏํ;
ปฺุกมฺมาภินิพฺพตฺตํ, ปาเหสิ อโสกวฺหโย’’ติ.
น เกวลฺเจตํ อามิสปณฺณาการํ, อิมํ กิร ธมฺมปณฺณาการมฺปิ เปเสสิ –
‘‘อหํ พุทฺธฺจ ธมฺมฺจ, สงฺฆฺจ สรณํ คโต;
อุปาสกตฺตํ เทเสสึ, สกฺยปุตฺตสฺส สาสเน.
‘‘อิเมสุ ¶ ตีสุ วตฺถูสุ, อุตฺตเม ชินสาสเน;
ตฺวมฺปิ จิตฺตํ ปสาเทหิ, สทฺธา สรณมุเปหี’’ติ.
สฺวายํ ราชา ตํ ทิวสํ อโสกรฺา เปสิเตน อภิเสเกน เอกมาสาภิสิตฺโต โหติ.
วิสาขปุณฺณมายํ หิสฺส อภิเสกมกํสุ. โส อจิรสฺสุตํ – ตํ สาสนปฺปวตฺตึ อนุสฺสรมาโน ตํ เถรสฺส ‘‘สมณา มยํ มหาราช ธมฺมราชสฺส สาวกา’’ติ วจนํ สุตฺวา ‘‘อยฺยา นุ โข อาคตา’’ติ ตาวเทว อาวุธํ นิกฺขิปิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ สมฺโมทนียํ กถํ กถยมาโน. ยถาห –
‘‘อาวุธํ นิกฺขิปิตฺวาน, เอกมนฺตํ อุปาวิสิ;
นิสชฺช ราชา สมฺโมทิ, พหุํ อตฺถูปสฺหิต’’นฺติ.
สมฺโมทนียกถฺจ กุรุมาเนเยว ตสฺมึ ตานิปิ จตฺตาลีสปุริสสหสฺสานิ อาคนฺตฺวา สมฺปริวาเรสุํ. ตทา เถโร อิตเรปิ ฉ ชเน ทสฺเสสิ. ราชา ทิสฺวา ‘‘อิเม กทา อาคตา’’ติ อาห ¶ . ‘‘มยา สทฺธึเยว, มหาราชา’’ติ. ‘‘อิทานิ ปน ชมฺพุทีเป อฺเปิ เอวรูปา สมณา สนฺตี’’ติ? ‘‘สนฺติ, มหาราช; เอตรหิ ชมฺพุทีโป กาสาวปชฺโชโต อิสิวาตปฏิวาโต. ตสฺมึ –
‘‘เตวิชฺชา อิทฺธิปตฺตา จ, เจโตปริยายโกวิทา;
ขีณาสวา อรหนฺโต, พหู พุทฺธสฺส สาวกาติ.
‘‘ภนฺเต, เกน อาคตตฺถา’’ติ? ‘‘เนว, มหาราช, อุทเกน น ถเลนา’’ติ. ‘‘ราชา อากาเสน ¶ อาคตา’’ติ อฺาสิ. เถโร ‘‘อตฺถิ นุ โข รฺโ ปฺาเวยตฺติย’’นฺติ วีมํสนตฺถาย อาสนฺนํ อมฺพรุกฺขํ อารพฺภ ปฺหํ ปุจฺฉิ – ‘‘กึ นาโม อยํ, มหาราช, รุกฺโข’’ติ? ‘‘อมฺพรุกฺโข นาม, ภนฺเต’’ติ. ‘‘อิมํ ปน, มหาราช, อมฺพํ มฺุจิตฺวา อฺโ อมฺโพ อตฺถิ, นตฺถี’’ติ? ‘‘อตฺถิ, ภนฺเต, อฺเปิ พหู อมฺพรุกฺขา’’ติ. ‘‘อิมฺจ อมฺพํ เต จ อมฺเพ มฺุจิตฺวา อตฺถิ นุ โข, มหาราช, อฺเ รุกฺขา’’ติ? ‘‘อตฺถิ, ภนฺเต, เต ปน น อมฺพรุกฺขา’’ติ. ‘‘อฺเ อมฺเพ จ อนมฺเพ จ มฺุจิตฺวา อตฺถิ ปน อฺโ รุกฺโข’’ติ? ‘‘อยเมว, ภนฺเต, อมฺพรุกฺโข’’ติ. ‘‘สาธุ, มหาราช, ปณฺฑิโตสิ. อตฺถิ ปน เต, มหาราช, าตกา’’ติ? ‘‘อตฺถิ, ภนฺเต, พหู ชนา’’ติ. ‘‘เต มฺุจิตฺวา อฺเ เกจิ อฺาตกาปิ อตฺถิ, มหาราชา’’ติ? ‘‘อฺาตกา, ภนฺเต, าตเกหิ พหุตรา’’ติ. ‘‘ตว าตเก จ อฺาตเก จ มฺุจิตฺวา อตฺถฺโ โกจิ, มหาราชา’’ติ ¶ ? ‘‘อหเมว, อฺาตโก’’ติ. อถ เถโร ‘‘ปณฺฑิโต ราชา สกฺขิสฺสติ ธมฺมํ อฺาตุ’’นฺติ จูฬหตฺถิปโทปมสุตฺตํ กเถสิ. กถาปริโยสาเน ราชา ตีสุ สรเณสุ ปติฏฺหิ สทฺธึ จตฺตาลีสาย ปาณสหสฺเสหิ.
ตํ ขณฺเว จ รฺโ ภตฺตํ อาหริยิตฺถ ¶ . ราชา จ สุตฺตนฺตํ สุณนฺโต เอว อฺาสิ – ‘‘น อิเมสํ อิมสฺมึ กาเล โภชนํ กปฺปตี’’ติ. ‘‘อปุจฺฉิตฺวา ปน ภฺุชิตุํ อยุตฺต’’นฺติ จินฺเตตฺวา ‘‘ภฺุชิสฺสถ, ภนฺเต’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘น, มหาราช, อมฺหากํ อิมสฺมึ กาเล โภชนํ กปฺปตี’’ติ. ‘‘กสฺมึ กาเล, ภนฺเต, กปฺปตี’’ติ? ‘‘อรุณุคฺคมนโต ปฏฺาย ยาว มชฺฌนฺหิกสมยา, มหาราชา’’ติ. ‘‘คจฺฉาม, ภนฺเต, นคร’’นฺติ? ‘‘อลํ, มหาราช, อิเธว วสิสฺสามา’’ติ. ‘‘สเจ, ภนฺเต, ตุมฺเห วสถ, อยํ ทารโก อาคจฺฉตู’’ติ. ‘‘มหาราช, อยํ ทารโก อาคตผโล วิฺาตสาสโน ปพฺพชฺชาเปกฺโข อิทานิ ปพฺพชิสฺสตี’’ติ. ราชา ‘‘เตน หิ, ภนฺเต, สฺเว รถํ เปเสสฺสามิ; ตํ อภิรุหิตฺวา อาคจฺเฉยฺยาถา’’ติ วตฺวา วนฺทิตฺวา ปกฺกามิ.
เถโร อจิรปกฺกนฺตสฺส รฺโ สุมนสามเณรํ อามนฺเตสิ – ‘‘เอหิ ตฺวํ, สุมน, ธมฺมสวนสฺส กาลํ โฆเสหี’’ติ. ‘‘ภนฺเต, กิตฺตกํ านํ สาเวนฺโต โฆเสมี’’ติ? ‘‘สกลํ ตมฺพปณฺณิทีป’’นฺติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ สามเณโร อภิฺาปาทกํ จตุตฺถชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา วุฏฺาย อธิฏฺหิตฺวา สมาหิเตน จิตฺเตน สกลํ ตมฺพปณฺณิทีปํ สาเวนฺโต ติกฺขตฺตุํ ธมฺมสวนสฺส กาลํ โฆเสสิ. ราชา ตํ สทฺทํ สุตฺวา เถรานํ สนฺติกํ เปเสสิ – ‘‘กึ, ภนฺเต, อตฺถิ โกจิ อุปทฺทโว’’ติ. ‘‘นตฺถมฺหากํ โกจิ อุปทฺทโว, ธมฺมสวนสฺส กาลํ โฆสาปยิมฺห พุทฺธวจนํ กเถตุกามมฺหา’’ติ ¶ . ตฺจ ปน สามเณรสฺส สทฺทํ สุตฺวา ภุมฺมา เทวตา สทฺทมนุสฺสาเวสุํ. เอเตนุปาเยน ยาว พฺรหฺมโลกา สทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉิ. เตน สทฺเทน มหา เทวตาสนฺนิปาโต อโหสิ. เถโร มหนฺตํ เทวตาสนฺนิปาตํ ทิสฺวา สมจิตฺตสุตฺตนฺตํ กเถสิ. กถาปริโยสาเน อสงฺขฺเยยฺยานํ เทวตานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. พหู นาคา ¶ จ สุปณฺณา จ สรเณสุ ปติฏฺหึสุ. ยาทิโสว สาริปุตฺตตฺเถรสฺส อิมํ สุตฺตนฺตํ กถยโต เทวตาสนฺนิปาโต อโหสิ, ตาทิโส มหินฺทตฺเถรสฺสาปิ ชาโต. อถ ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน ราชา เถรานํ ¶ รถํ เปเสสิ. สารถี รถํ เอกมนฺเต เปตฺวา เถรานํ อาโรเจสิ – ‘‘อาคโต, ภนฺเต, รโถ; อภิรุหถ คจฺฉิสฺสามา’’ติ. เถรา ‘‘น มยํ รถํ อภิรุหาม; คจฺฉ ตฺวํ, ปจฺฉา มยํ อาคจฺฉิสฺสามา’’ติ วตฺวา เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา อนุราธปุรสฺส ปุรตฺถิมทิสายํ ปมกเจติยฏฺาเน โอตรึสุ. ตฺหิ เจติยํ เถเรหิ ปมํ โอติณฺณฏฺาเน กตตฺตาเยว ‘‘ปมกเจติย’’นฺติ วุจฺจติ.
ราชาปิ สารถึ เปเสตฺวา ‘‘อนฺโตนิเวสเน มณฺฑปํ ปฏิยาเทถา’’ติ อมจฺเจ อาณาเปสิ. ตาวเทว สพฺเพ หฏฺตุฏฺา อติวิย ปาสาทิกํ มณฺฑปํ ปฏิยาเทสุํ. ปุน ราชา จินฺเตสิ – ‘‘หิยฺโย เถโร สีลกฺขนฺธํ กถยมาโน ‘อุจฺจาสยนมหาสยนํ น กปฺปตี’ติ อาห; ‘นิสีทิสฺสนฺติ นุ โข อยฺยา อาสเนสุ, น นิสีทิสฺสนฺตี’’’ติ? ตสฺเสวํ จินฺตยนฺตสฺเสว โส สารถิ นครทฺวารํ สมฺปตฺโต. ตโต อทฺทส เถเร ปมตรํ อาคนฺตฺวา กายพนฺธนํ พนฺธิตฺวา จีวรํ ปารุปนฺเต. ทิสฺวา อติวิย ปสนฺนจิตฺโต หุตฺวา อาคนฺตฺวา รฺโ อาโรเจสิ – ‘‘อาคตา, เทว, เถรา’’ติ. ราชา ‘‘รถํ อารูฬฺหา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘น อารูฬฺหา, เทว, อปิ จ มม ปจฺฉโต นิกฺขมิตฺวา ปมตรํ อาคนฺตฺวา ปาจีนทฺวาเร ิตา’’ติ. ราชา ‘‘รถมฺปิ นาภิรูหึสู’’ติ สุตฺวา ‘‘น ทานิ อยฺยา อุจฺจาสยนมหาสยนํ สาทิยิสฺสนฺตี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘เตน หิ, ภเณ, เถรานํ ภูมตฺถรณสงฺเขเปน อาสนานิ ปฺเปถา’’ติ วตฺวา ปฏิปถํ อคมาสิ. อมจฺจา ปถวิยํ ตฏฺฏิกํ ปฺเปตฺวา อุปริ โกชวกาทีนิ จิตฺตตฺถรณานิ ปฺเปสุํ. อุปฺปาตปากา ทิสฺวา ‘‘คหิตา ทานิ อิเมหิ ปถวี, อิเม ตมฺพปณฺณิทีปสฺส ¶ สามิกา ภวิสฺสนฺตี’’ติ พฺยากรึสุ. ราชาปิ คนฺตฺวา เถเร วนฺทิตฺวา มหินฺทตฺเถรสฺส หตฺถโต ปตฺตํ คเหตฺวา มหติยา ปูชาย จ สกฺกาเรน จ เถเร นครํ ปเวเสตฺวา อนฺโตนิเวสนํ ปเวเสสิ. เถโร อาสนปฺตฺตึ ทิสฺวา ‘‘อมฺหากํ สาสนํ สกลลงฺกาทีเป ปถวี วิย ปตฺถฏํ นิจฺจลฺจ หุตฺวา ปติฏฺหิสฺสตี’’ติ จินฺเตนฺโต นิสีทิ. ราชา เถเร ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน สหตฺถา สนฺตปฺเปตฺวา สมฺปวาเรตฺวา ‘‘อนุฬาเทวีปมุขานิ ปฺจ อิตฺถิสตานิ เถรานํ อภิวาทนํ ปูชาสกฺการฺจ กโรนฺตู’’ติ ปกฺโกสาเปตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ. เถโร ภตฺตกิจฺจาวสาเน รฺโ สปริชนสฺส ¶ ธมฺมรตนวสฺสํ วสฺเสนฺโต เปตวตฺถุํ ¶ วิมานวตฺถุํ สจฺจสํยุตฺตฺจ กเถสิ. ตํ เถรสฺส ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ตานิ ปฺจปิ อิตฺถิสตานิ โสตาปตฺติผลํ สจฺฉากํสุ.
เยปิ เต มนุสฺสา ปุริมทิวเส มิสฺสกปพฺพเต เถเร อทฺทสํสุ, เต เตสุ เตสุ าเนสุ เถรานํ คุเณ กเถนฺติ. เตสํ สุตฺวา มหาชนกาโย ราชงฺคเณ สนฺนิปติตฺวา มหาสทฺทํ อกาสิ. ราชา ‘‘กึ เอโส สทฺโท’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘นาครา, เทว, ‘เถเร ทฏฺุํ น ลภามา’ติ วิรวนฺตี’’ติ. ราชา ‘‘สเจ อิธ ปวิสิสฺสนฺติ, โอกาโส น ภวิสฺสตี’’ติ จินฺเตตฺวา ‘‘คจฺฉถ, ภเณ, หตฺถิสาลํ ปฏิชคฺคิตฺวา วาลุกํ อากิริตฺวา ปฺจวณฺณานิ ปุปฺผานิ วิกิริตฺวา เจลวิตานํ พนฺธิตฺวา มงฺคลหตฺถิฏฺาเน เถรานํ อาสนานิ ปฺเปถา’’ติ อาห. อมจฺจา ตถา อกํสุ. เถโร ตตฺถ คนฺตฺวา นิสีทิตฺวา เทวทูตสุตฺตนฺตํ กเถสิ. กถาปริโยสาเน ปาณสหสฺสํ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺหิ. ตโต ‘‘หตฺถิสาลา อติสมฺพาธา’’ติ ทกฺขิณทฺวาเร นนฺทนวนุยฺยาเน อาสนํ ปฺเปสุํ. เถโร ตตฺถ นิสีทิตฺวา อาสีวิโสปมสุตฺตํ กเถสิ. ตมฺปิ สุตฺวา ปาณสหสฺสํ โสตาปตฺติผลํ ¶ ปฏิลภิ.
เอวํ อาคตทิวสโต ทุติยทิวเส อฑฺฒเตยฺยสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. เถรสฺส นนฺทนวเน อาคตาคตาหิ กุลิตฺถีหิ กุลสุณฺหาหิ กุลกุมารีหิ สทฺธึ สมฺโมทมานสฺเสว สายนฺหสมโย ชาโต. เถโร กาลํ สลฺลกฺเขตฺวา ‘‘คจฺฉาม ทานิ มิสฺสกปพฺพต’’นฺติ อุฏฺหิ. อมจฺจา – ‘‘กตฺถ, ภนฺเต, คจฺฉถา’’ติ? ‘‘อมฺหากํ นิวาสนฏฺาน’’นฺติ. เต รฺโ สํวิทิตํ กตฺวา ราชานุมเตน อาหํสุ – ‘‘อกาโล, ภนฺเต, อิทานิ ตตฺถ คนฺตุํ; อิทเมว นนฺทนวนุยฺยานํ อยฺยานํ อาวาสฏฺานํ โหตู’’ติ. ‘‘อลํ, คจฺฉามา’’ติ. ปุน รฺโ วจเนนาหํสุ – ‘‘ราชา, ภนฺเต, อาห – ‘เอตํ เมฆวนํ นาม อุยฺยานํ มม ปิตุ สนฺตกํ นครโต นาติทูรํ นาจฺจาสนฺนํ คมนาคมนสมฺปนฺนํ, เอตฺถ เถรา วาสํ กปฺเปนฺตู’’’ติ. วสึสุ เถรา เมฆวเน อุยฺยาเน.
ราชาปิ โข ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน เถรสฺส สมีปํ คนฺตฺวา สุขสยิตภาวํ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘กปฺปติ, ภนฺเต, ภิกฺขุสงฺฆสฺส อาราโม’’ติ ปุจฺฉิ. เถโร ‘‘กปฺปติ, มหาราชา’’ติ วตฺวา อิมํ สุตฺตํ อาหริ – ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อาราม’’นฺติ. ราชา ตุฏฺโ สุวณฺณภิงฺคารํ คเหตฺวา เถรสฺส หตฺเถ อุทกํ ปาเตตฺวา มหาเมฆวนุยฺยานํ อทาสิ. สห ¶ อุทกปาเตน ปถวี กมฺปิ. อยํ มหาวิหาเร ปโม ปถวีกมฺโป อโหสิ. ราชา ภีโต เถรํ ปุจฺฉิ – ‘‘กสฺมา, ภนฺเต, ปถวี กมฺปตี’’ติ? ‘‘มา ภายิ, มหาราช, อิมสฺมึ ทีเป ทสพลสฺส สาสนํ ปติฏฺหิสฺสติ; อิทฺจ ปมํ วิหารฏฺานํ ภวิสฺสติ, ตสฺเสตํ ปุพฺพนิมิตฺต’’นฺติ. ราชา ภิยฺโยโสมตฺตาย ¶ ปสีทิ. เถโร ปุนทิวเสปิ ราชเคเหเยว ภฺุชิตฺวา นนฺทนวเน อนมตคฺคิยานิ กเถสิ. ปุนทิวเส อคฺคิกฺขนฺโธปมสุตฺตํ กเถสิ. เอเตเนวุปาเยน สตฺต ทิวสานิ กเถสิ. เทสนาปริโยสาเน อฑฺฒนวมานํ ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. ตโต ปฏฺาย ¶ จ นนฺทนวนํ สาสนสฺส โชติปาตุภาวฏฺานนฺติ กตฺวา ‘‘โชติวน’’นฺติ นามํ ลภิ. สตฺตเม ปน ทิวเส เถรา อนฺเตปุเร รฺโ อปฺปมาทสุตฺตํ กถยิตฺวา เจติยคิริเมว อคมํสุ.
อถ โข ราชา อมจฺเจ ปุจฺฉิ – ‘‘เถโร, อมฺเห คาฬฺเหน โอวาเทน โอวทติ; คจฺเฉยฺย นุ โข’’ติ? อมจฺจา ‘‘ตุมฺเหหิ, เทว, เถโร อยาจิโต สยเมว อาคโต; ตสฺมา ตสฺส อนาปุจฺฉาว คมนมฺปิ ภเวยฺยา’’ติ อาหํสุ. ตโต ราชา รถํ อภิรุหิตฺวา ทฺเว จ เทวิโย อาโรเปตฺวา เจติยคิรึ อคมาสิ มหฺจราชานุภาเวน. คนฺตฺวา เทวิโย เอกมนฺตํ อปกฺกมาเปตฺวา สยเมว เถรานํ สมีปํ อุปสงฺกมนฺโต อติวิย กิลนฺตรูโป หุตฺวา อุปสงฺกมิ. ตโต นํ เถโร อาห – ‘‘กสฺมา ตฺวํ, มหาราช, เอวํ กิลมมาโน อาคโต’’ติ? ‘‘‘ตุมฺเห มม คาฬฺหํ โอวาทํ ทตฺวา อิทานิ คนฺตุกามา นุ โข’ติ ชานนตฺถํ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘น มยํ, มหาราช, คนฺตุกามา; อปิจ วสฺสูปนายิกกาโล นามายํ มหาราช, ตตฺร สมเณน วสฺสูปนายิกฏฺานํ าตุํ วฏฺฏตี’’ติ. ตํทิวสเมว อริฏฺโ นาม อมจฺโจ ปฺจปณฺณาสาย เชฏฺกนิฏฺภาตุเกหิ สทฺธึ รฺโ สมีเป ิโต อาห – ‘‘อิจฺฉามหํ, เทว, เถรานํ สนฺติเก ปพฺพชิตุ’’นฺติ. ‘‘สาธุ, ภเณ, ปพฺพชสฺสู’’ติ ราชา อนุชานิตฺวา เถรํ สมฺปฏิจฺฉาเปสิ. เถโร ตทเหว ปพฺพาเชสิ. สพฺเพ ขุรคฺเคเยว อรหตฺตํ ปาปุณึสุ.
ราชาปิ โข ตงฺขเณเยว กณฺฏเกน เจติยงฺคณํ ปริกฺขิปิตฺวา ทฺวาสฏฺิยา เลเณสุ กมฺมํ ปฏฺเปตฺวา นครเมว อคมาสิ. เตปิ เถรา ¶ ทสภาติกสมากุลํ ราชกุลํ ปสาเทตฺวา มหาชนํ โอวทมานา เจติยคิริมฺหิ วสฺสํ วสึสุ. ตทาปิ เจติยคิริมฺหิ ปมํ วสฺสํ อุปคตา ทฺวาสฏฺิ ¶ อรหนฺโต อเหสุํ. อถายสฺมา มหามหินฺโท วุตฺถวสฺโส ปวาเรตฺวา กตฺติกปุณฺณมายํ อุโปสถทิวเส ราชานํ เอตทโวจ – ‘‘มหาราช, อมฺเหหิ จิรทิฏฺโ สมฺมาสมฺพุทฺโธ, อนาถวาสํ วสิมฺห, อิจฺฉาม มยํ ชมฺพุทีปํ คนฺตุ’’นฺติ. ราชา อาห – ‘‘อหํ, ภนฺเต, ตุมฺเห จตูหิ ปจฺจเยหิ อุปฏฺหามิ, อยฺจ มหาชโน ตุมฺเห นิสฺสาย ตีสุ สรเณสุ ปติฏฺิโต, กสฺมา ตุมฺเห อุกฺกณฺิตตฺถา’’ติ? ‘‘จิรทิฏฺโ โน, มหาราช, สมฺมาสมฺพุทฺโธ, อภิวาทนปจฺจุฏฺานอฺชลิกมฺมสามีจิกมฺมกรณฏฺานํ นตฺถิ, เตนมฺห อุกฺกณฺิตา’’ติ. ‘‘นนุ, ภนฺเต, ตุมฺเห อโวจุตฺถ – ‘ปรินิพฺพุโต สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’’ติ. ‘‘กิฺจาปิ, มหาราช, ปรินิพฺพุโต; อถ ขฺวสฺส สรีรธาตุโย ติฏฺนฺตี’’ติ. ‘‘อฺาตํ, ภนฺเต, ถูปปติฏฺานํ ตุมฺเห อากงฺขถาติ. กโรมิ ¶ , ภนฺเต, ถูปํ, ภูมิภาคํ ทานิ วิจินาถ; อปิจ, ภนฺเต, ธาตุโย กุโต ลจฺฉามา’’ติ? ‘‘สุมเนน สทฺธึ มนฺเตหิ, มหาราชา’’ติ.
‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ ราชา สุมนํ อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘กุโต ทานิ, ภนฺเต, ธาตุโย ลจฺฉามา’’ติ? สุมโน อาห – ‘‘อปฺโปสฺสุกฺโก ตฺวํ, มหาราช, วีถิโย โสธาเปตฺวา ธชปฏากปุณฺณฆฏาทีหิ อลงฺการาเปตฺวา สปริชโน อุโปสถํ สมาทิยิตฺวา สพฺพตาฬาวจเร อุปฏฺาเปตฺวา มงฺคลหตฺถึ สพฺพาลงฺการปฏิมณฺฑิตํ การาเปตฺวา อุปริ จสฺส เสตจฺฉตฺตํ อุสฺสาเปตฺวา สายนฺหสมเย มหานาควนุยฺยานาภิมุโข ยาหิ. อทฺธา ตสฺมึ าเน ¶ ธาตุโย ลจฺฉสี’’ติ. ราชา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ. เถรา เจติยคิริเมว อคมํสุ. ตตฺรายสฺมา มหินฺทตฺเถโร สุมนสามเณรํ อาห – ‘‘คจฺฉ ตฺวํ, สามเณร, ชมฺพุทีเป ตว อยฺยกํ อโสกํ ธมฺมราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา มม วจเนน เอวํ วเทหิ – ‘สหาโย โว, มหาราช, เทวานมฺปิยติสฺโส พุทฺธสาสเน ปสนฺโน ถูปํ ปติฏฺาเปตุกาโม, ตุมฺหากํ กิร หตฺเถ ธาตุ อตฺถิ ตํ เม เทถา’ติ. ตํ คเหตฺวา สกฺกํ เทวราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา เอวํ วเทหิ – ‘ตุมฺหากํ กิร, มหาราช, หตฺเถ ทฺเว ธาตุโย อตฺถิ – ทกฺขิณทาา จ ทกฺขิณกฺขกฺจ; ตโต ตุมฺเห ทกฺขิณทาํ ปูเชถ, ทกฺขิณกฺขกํ ปน มยฺหํ เทถา’ติ. เอวฺจ นํ วเทหิ – ‘กสฺมา ตฺวํ, มหาราช, อมฺเห ตมฺพปณฺณิทีปํ ปหิณิตฺวา ปมชฺชสี’’’ติ?
‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ โข สุมโน เถรสฺส วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา ตาวเทว ปตฺตจีวรมาทาย เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ปาฏลิปุตฺตทฺวาเร โอรุยฺห รฺโ ¶ สนฺติกํ คนฺตฺวา เอตมตฺถํ อาโรเจสิ. ราชา ตุฏฺโ สามเณรสฺส หตฺถโต ปตฺตํ คเหตฺวา คนฺเธหิ อุพฺพฏฺเฏตฺวา วรมุตฺตสทิสานํ ธาตูนํ ปูเรตฺวา อทาสิ. โส ตํ คเหตฺวา สกฺกํ เทวราชานํ อุปสงฺกมิ. สกฺโก เทวราชา สามเณรํ ทิสฺวาว ‘‘กึ, ภนฺเต สุมน, อาหิณฺฑสี’’ติ อาห. ‘‘ตฺวํ, มหาราช, อมฺเห ตมฺพปณฺณิทีปํ เปเสตฺวา กสฺมา ปมชฺชสี’’ติ? ‘‘นปฺปมชฺชามิ, ภนฺเต, วเทหิ – ‘กึ กโรมี’’’ติ? ‘‘ตุมฺหากํ กิร หตฺเถ ทฺเว ธาตุโย อตฺถิ – ทกฺขิณทาา จ ทกฺขิณกฺขกฺจ; ตโต ตุมฺเห ทกฺขิณทาํ ปูเชถ, ทกฺขิณกฺขกํ ปน มยฺหํ เทถา’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ โข สกฺโก เทวานมินฺโท โยชนปฺปมาณํ มณิถูปํ อุคฺฆาเฏตฺวา ทกฺขิณกฺขกธาตุํ นีหริตฺวา สุมนสฺส อทาสิ. โส ตํ คเหตฺวา เจติยคิริมฺหิเยว ปติฏฺาสิ.
อถ โข มหินฺทปมุขา สพฺเพปิ เต มหานาคา ¶ อโสกธมฺมราเชน ทินฺนธาตุโย เจติยคิริมฺหิเยว ปติฏฺาเปตฺวา ทกฺขิณกฺขกํ อาทาย วฑฺฒมานกจฺฉายาย มหานาควนุยฺยานมคมํสุ ¶ . ราชาปิ โข สุมเนน วุตฺตปฺปการํ ปูชาสกฺการํ กตฺวา หตฺถิกฺขนฺธวรคโต สยํ มงฺคลหตฺถิมตฺถเก เสตจฺฉตฺตํ ธารยมาโน มหานาควนํ สมฺปาปุณิ. อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘สเจ อยํ สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ธาตุ, ฉตฺตํ อปนมตุ, มงฺคลหตฺถี ชณฺณุเกหิ ภูมิยํ ปติฏฺหตุ, ธาตุจงฺโกฏกํ มยฺหํ มตฺถเก ปติฏฺาตู’’ติ. สห รฺโ จิตฺตุปฺปาเทน ฉตฺตํ อปนมิ, หตฺถี ชณฺณุเกหิ ปติฏฺหิ, ธาตุจงฺโกฏกํ รฺโ มตฺถเก ปติฏฺหิ. ราชา อมเตเนว อภิสิตฺตคตฺโต วิย ปรเมน ปีติปาโมชฺเชน สมนฺนาคโต หุตฺวา ปุจฺฉิ – ‘‘ธาตุํ, ภนฺเต, กึ กโรมา’’ติ? ‘‘หตฺถิกุมฺภมฺหิเยว ตาว, มหาราช, เปหี’’ติ. ราชา ธาตุจงฺโกฏกํ คเหตฺวา หตฺถิกุมฺเภ เปสิ. ปมุทิโต นาโค โกฺจนาทํ นทิ. มหาเมโฆ อุฏฺหิตฺวา โปกฺขรวสฺสํ วสฺสิ. อุทกปริยนฺตํ กตฺวา มหาภูมิจาโล อโหสิ. ‘‘ปจฺจนฺเตปิ นาม สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ธาตุ ปติฏฺหิสฺสตี’’ติ เทวมนุสฺสา ปโมทึสุ. เอวํ อิทฺธานุภาวสิริยา เทวมนุสฺสานํ ปีตึ ชนยนฺโต –
ปุณฺณมายํ มหาวีโร, จาตุมาสินิยา อิธ;
อาคนฺตฺวา เทวโลกมฺหา, หตฺถิกุมฺเภ ปติฏฺิโตติ.
อถสฺส โส หตฺถินาโค อเนกตาฬาวจรปริวาริโต อติวิย อุฬาเรน ปูชาสกฺกาเรน สกฺกริยมาโน ปจฺฉิมทิสาภิมุโขว หุตฺวา, อปสกฺกนฺโต ¶ ยาว นครสฺส ปุรตฺถิมทฺวารํ ตาว คนฺตฺวา ปุรตฺถิเมน ทฺวาเรน นครํ ปวิสิตฺวา สกลนาคเรน ¶ อุฬาราย ปูชาย กรียมานาย ทกฺขิณทฺวาเรน นิกฺขมิตฺวา ถูปารามสฺส ปจฺฉิมทิสาภาเค มเหชวตฺถุ นาม กิร อตฺถิ, ตตฺถ คนฺตฺวา ปุน ถูปารามาภิมุโขเยว ปฏินิวตฺติ. เตน จ สมเยน ถูปาราเม ปุริมกานํ ติณฺณํ สมฺมาสมฺพุทฺธานํ ปริโภคเจติยฏฺานํ โหติ.
อตีเต กิร อยํ ทีโป โอชทีโป นาม อโหสิ, ราชา อภโย นาม, นครํ อภยปุรํ นาม, เจติยปพฺพโต เทวกูฏปพฺพโต นาม, ถูปาราโม ปฏิยาราโม นาม. เตน โข ปน สมเยน กกุสนฺโธ ภควา โลเก อุปฺปนฺโน โหติ. ตสฺส สาวโก มหาเทโว นาม เถโร ภิกฺขุสหสฺเสน สทฺธึ เทวกูเฏ ปติฏฺาสิ, มหินฺทตฺเถโร วิย เจติยปพฺพเต. เตน โข ปน สมเยน โอชทีเป สตฺตา ปชฺชรเกน อนยพฺยสนํ อาปชฺชนฺติ. อทฺทสา โข กกุสนฺโธ ภควา พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โอโลเกนฺโต เต สตฺเต อนยพฺยสนมาปชฺชนฺเต. ทิสฺวา จตฺตาลีสาย ภิกฺขุสหสฺเสหิ ปริวุโต อคมาสิ. ตสฺสานุภาเวน ตาวเทว ปชฺชรโก วูปสนฺโต. โรเค วูปสนฺเต ภควา ธมฺมํ เทเสสิ. จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. ภควา ธมกรณํ ¶ ทตฺวา ปกฺกามิ. ตํ อนฺโต ปกฺขิปิตฺวา ปฏิยาราเม เจติยํ อกํสุ. มหาเทโว ทีปํ อนุสาสนฺโต วิหาสิ.
โกณาคมนสฺส ปน ภควโต กาเล อยํ ทีโป วรทีโป นาม อโหสิ, ราชา สเมณฺฑี นาม, นครํ วฑฺฒมานํ นาม ¶ , ปพฺพโต สุวณฺณกูโฏ นาม. เตน โข ปน สมเยน วรทีเป ทุพฺพุฏฺิกา โหติ ทุพฺภิกฺขํ ทุสฺสสฺสํ. สตฺตา ฉาตกโรเคน อนยพฺยสนํ อาปชฺชนฺติ. อทฺทสา โข โกณาคมโน ภควา พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โอโลเกนฺโต เต สตฺเต อนยพฺยสนํ อาปชฺชนฺเต. ทิสฺวา ตึสภิกฺขุสหสฺสปริวุโต อคมาสิ. พุทฺธานุภาเวน เทโว สมฺมาธารํ อนุปฺปเวจฺฉิ. สุภิกฺขํ อโหสิ. ภควา ธมฺมํ เทเสสิ. จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. ภควา ภิกฺขุสหสฺสปริวารํ มหาสุมนํ นาม เถรํ ทีเป เปตฺวา กายพนฺธนํ ทตฺวา ปกฺกามิ. ตํ อนฺโต ปกฺขิปิตฺวา เจติยํ อกํสุ.
กสฺสปสฺส ปน ภควโต กาเล อยํ ทีโป มณฺฑทีโป นาม อโหสิ, ราชา ชยนฺโต นาม, นครํ วิสาลํ นาม, ปพฺพโต สุภกูโฏ นาม ¶ . เตน โข ปน สมเยน มณฺฑทีเป มหาวิวาโท โหติ. พหู สตฺตา กลหวิคฺคหชาตา อนยพฺยสนํ อาปชฺชนฺติ. อทฺทสา โข กสฺสโป ภควา พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โอโลเกนฺโต เต สตฺเต อนยพฺยสนํ อาปชฺชนฺเต. ทิสฺวา วีสติภิกฺขุสหสฺสปริวุโต อาคนฺตฺวา วิวาทํ วูปสเมตฺวา ธมฺมํ เทเสสิ. จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. ภควา ภิกฺขุสหสฺสปริวารํ สพฺพนนฺทํ นาม เถรํ ทีเป ปติฏฺาเปตฺวา อุทกสาฏกํ ทตฺวา ปกฺกามิ. ตํ อนฺโต ปกฺขิปิตฺวา เจติยํ อกํสุ. เอวํ ถูปาราเม ปุริมกานํ ติณฺณํ พุทฺธานํ เจติยานิ ปติฏฺหึสุ. ตานิ สาสนนฺตรธาเนน นสฺสนฺติ, านมตฺตํ อวสิสฺสติ. ตสฺมา วุตฺตํ – ‘‘เตน จ สมเยน ถูปาราเม ปุริมกานํ ติณฺณํ สมฺมาสมฺพุทฺธานํ ปริโภคเจติยฏฺานํ โหตี’’ติ. ตเทตํ วินฏฺเสุ เจติเยสุ ¶ เทวตานุภาเวน กณฺฏกสมากิณฺณสาเขหิ นานาคจฺเฉหิ ปริวุตํ ติฏฺติ – ‘‘มา นํ โกจิ อุจฺฉิฏฺาสุจิมลกจวเรหิ ปทูเสสี’’ติ.
อถ ขฺวสฺส หตฺถิโน ปุรโต ปุรโต คนฺตฺวา ราชปุริสา สพฺพคจฺเฉ ฉินฺทิตฺวา ภูมึ โสเธตฺวา ตํ หตฺถตลสทิสํ อกํสุ. หตฺถินาโค คนฺตฺวา ตํ านํ ปุรโต กตฺวา ตสฺส ปจฺฉิมทิสาภาเค โพธิรุกฺขฏฺาเน อฏฺาสิ. อถสฺส มตฺถกโต ธาตุํ โอโรเปตุํ อารภึสุ. นาโค โอโรเปตุํ น เทติ. ราชา เถรํ ปุจฺฉิ – ‘‘กสฺมา, ภนฺเต, นาโค ธาตุํ โอโรเปตุํ น เทตี’’ติ? ‘‘อารูฬฺหํ, มหาราช, โอโรเปตุํ น วฏฺฏตี’’ติ. ตสฺมิฺจ กาเล อภยวาปิยา อุทกํ ¶ ฉินฺนํ โหติ. สมนฺตา ภูมิ ผลิตา โหติ, สุอุทฺธรา มตฺติกาปิณฺฑา. ตโต มหาชโน สีฆํ สีฆํ มตฺติกํ อาหริตฺวา หตฺถิกุมฺภปฺปมาณํ วตฺถุมกาสิ. ตาวเทว จ ถูปกรณตฺถํ อิฏฺกา กาตุํ อารภึสุ. น ยาว อิฏฺกา ปรินิฏฺนฺติ ตาว หตฺถินาโค กติปาหํ ทิวา โพธิรุกฺขฏฺาเน หตฺถิสาลายํ ติฏฺติ, รตฺตึ ถูปปติฏฺานภูมึ ปริยายติ. อถ วตฺถุํ จินาเปตฺวา ราชา เถรํ ปุจฺฉิ – ‘‘กีทิโส, ภนฺเต, ถูโป กาตพฺโพ’’ติ? ‘‘วีหิราสิสทิโส, มหาราชา’’ติ.
‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ ราชา ชงฺฆปฺปมาณํ ถูปํ จินาเปตฺวา ธาตุโอโรปนตฺถาย มหาสกฺการํ กาเรสิ. สกลนครฺจ ชนปโท จ ธาตุมหทสฺสนตฺถํ สนฺนิปติ. สนฺนิปติเต จ ปน ตสฺมึ มหาชนกาเย ทสพลสฺส ¶ ธาตุ หตฺถิกุมฺภโต สตฺตตาลปฺปมาณํ เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ยมกปาฏิหาริยํ ทสฺเสสิ. เตหิ เตหิ ธาตุปฺปเทเสหิ ฉนฺนํ วณฺณานํ อุทกธารา จ อคฺคิกฺขนฺธา จ ปวตฺตนฺติ, สาวตฺถิยํ กณฺฑมฺพมูเล ภควตา ทสฺสิตปาฏิหาริยสทิสเมว ¶ ปาฏิหาริยํ อโหสิ. ตฺจ โข เนว เถรานุภาเวน, น เทวตานุภาเวน; อปิจ โข พุทฺธานุภาเวเนว. ภควา กิร ธรมาโนว อธิฏฺาสิ – ‘‘มยิ ปรินิพฺพุเต ตมฺพปณฺณิทีเป อนุราธปุรสฺส ทกฺขิณทิสาภาเค ปุริมกานํ ติณฺณํ พุทฺธานํ ปริโภคเจติยฏฺาเน มม ทกฺขิณกฺขกธาตุ ปติฏฺานทิวเส ยมกปาฏิหาริยํ โหตู’’ติ.
‘‘เอวํ อจินฺติยา พุทฺธา, พุทฺธธมฺมา อจินฺติยา;
อจินฺติเย ปสนฺนานํ, วิปาโก โหติ อจินฺติโย’’ติ. (อป. เถร ๑.๑.๘๒);
สมฺมาสมฺพุทฺโธ กิร อิมํ ทีปํ ธรมานกาเลปิ ติกฺขตฺตุํ อาคมาสิ. ปมํ – ยกฺขทมนตฺถํ เอกโกว อาคนฺตฺวา ยกฺเข ทเมตฺวา ‘‘มยิ ปรินิพฺพุเต อิมสฺมึ ทีเป สาสนํ ปติฏฺหิสฺสตี’’ติ ตมฺพปณฺณิทีเป รกฺขํ กโรนฺโต ติกฺขตฺตุํ ทีปํ อาวิชฺชิ. ทุติยํ – มาตุลภาคิเนยฺยานํ นาคราชูนํ ทมนตฺถาย เอกโกว อาคนฺตฺวา เต ทเมตฺวา อคมาสิ. ตติยํ – ปฺจภิกฺขุสตปริวาโร อาคนฺตฺวา มหาเจติยฏฺาเน จ ถูปารามเจติยฏฺาเน จ มหาโพธิปติฏฺิตฏฺาเน จ มหิยงฺคณเจติยฏฺาเน จ มุติยงฺคณเจติยฏฺาเน จ ทีฆวาปิเจติยฏฺาเน จ กลฺยาณิยเจติยฏฺาเน จ นิโรธสมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา นิสีทิ. อิทมสฺส จตุตฺถํ ธาตุสรีเรน อาคมนํ.
ธาตุสรีรโต ¶ จ ปนสฺส นิกฺขนฺตอุทกผุสิเตหิ สกลตมฺพปณฺณิตเล น โกจิ อผุฏฺโกาโส นาม อโหสิ. เอวมสฺส ตํ ธาตุสรีรํ อุทกผุสิเตหิ ตมฺพปณฺณิตลสฺส ปริฬาหํ วูปสเมตฺวา มหาชนสฺส ปาฏิหาริยํ ทสฺเสตฺวา โอตริตฺวา รฺโ มตฺถเก ปติฏฺาสิ ¶ . ราชา สผลํ มนุสฺสปฏิลาภํ มฺมาโน มหนฺตํ สกฺการํ กริตฺวา ธาตุํ ปติฏฺาเปสิ. สห ธาตุปติฏฺาปเนน มหาภูมิจาโล อโหสิ. ตสฺมิฺจ ปน ธาตุปาฏิหาริเย จิตฺตํ ปสาเทตฺวา รฺโ ภาตา อภโย นาม ราชกุมาโร ปุริสสหสฺเสน สทฺธึ ปพฺพชิ. เจตรฏฺคามโต ปฺจ ทารกสตานิ ปพฺพชึสุ, ตถา ทฺวารมณฺฑลาทีหิ คามเกหิ นิกฺขมิตฺวา ปฺจปฺจ ¶ ทารกสตานิ สพฺพานิปิ อนฺโตนครโต จ พหินครโต จ ปพฺพชิตานิ ตึสภิกฺขุสหสฺสานิ อเหสุํ. นิฏฺิเต ปน ถูปสฺมึ ราชา จ ราชภาติกา จ เทวิโย จ เทวนาคยกฺขานมฺปิ วิมฺหยกรํ ปจฺเจกํ ปจฺเจกํ ปูชํ อกํสุ. นิฏฺิตาย ปน ธาตุปูชาย ปติฏฺิเต ธาตุวเร มหินฺทตฺเถโร เมฆวนุยฺยานเมว คนฺตฺวา วาสํ กปฺเปสิ.
ตสฺมึ โข ปน สมเย อนุฬา เทวี ปพฺพชิตุกามา หุตฺวา รฺโ อาโรเจสิ. ราชา ตสฺสา วจนํ สุตฺวา เถรํ เอตทโวจ – ‘‘อนุฬา, ภนฺเต, เทวี ปพฺพชิตุกามา, ปพฺพาเชถ น’’นฺติ. ‘‘น, มหาราช, อมฺหากํ มาตุคามํ ปพฺพาเชตุํ กปฺปติ. ปาฏลิปุตฺเต ปน มยฺหํ ภคินี สงฺฆมิตฺตตฺเถรี นาม อตฺถิ, ตํ ปกฺโกสาเปหิ. อิมสฺมิฺจ ปน, มหาราช, ทีเป ปุริมกานํ ติณฺณํ สมฺมาสมฺพุทฺธานํ โพธิ ปติฏฺาสิ. อมฺหากมฺปิ ภควโต สรสรํสิชาลวิสฺสชฺชนเกน โพธินา อิธ ปติฏฺาตพฺพํ, ตสฺมา ตถา สาสนํ ปหิเณยฺยาสิ ยถา สงฺฆมิตฺตา โพธึ คเหตฺวา อาคจฺเฉยฺยา’’ติ.
‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ ราชา เถรสฺส วจนํ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา อมจฺเจหิ สทฺธึ มนฺเตนฺโต อริฏฺํ นาม อตฺตโน ภาคิเนยฺยํ อาห – ‘‘สกฺขิสฺสสิ ตฺวํ, ตาต, ปาฏลิปุตฺตํ คนฺตฺวา มหาโพธินา สทฺธึ อยฺยํ สงฺฆมิตฺตตฺเถรึ อาเนตุ’’นฺติ? ‘‘สกฺขิสฺสามิ, เทว, สเจ เม ปพฺพชฺชํ อนุชานิสฺสสี’’ติ. ‘‘คจฺฉ, ตาต ¶ , เถรึ อาเนตฺวา ปพฺพชาหี’’ติ. โส รฺโ จ เถรสฺส จ สาสนํ คเหตฺวา เถรสฺส อธิฏฺานวเสน เอกทิวเสเนว ชมฺพุโกลปฏฺฏนํ คนฺตฺวา นาวํ อภิรุหิตฺวา สมุทฺทํ อติกฺกมิตฺวา ปาฏลิปุตฺตเมว อคมาสิ. อนุฬาปิ โข เทวี ปฺจหิ กฺาสเตหิ ปฺจหิ จ อนฺเตปุริกาสเตหิ สทฺธึ ทส สีลานิ สมาทิยิตฺวา กาสายานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา นครสฺส เอกเทเส อุปสฺสยํ การาเปตฺวา นิวาสํ กปฺเปสิ. อริฏฺโปิ ตํทิวสเมว รฺโ สาสนํ อปฺเปสิ, เอวฺจ อโวจ – ‘‘ปุตฺโต เต, เทว, มหินฺทตฺเถโร เอวมาห – ‘สหายกสฺส กิร เต เทวานมฺปิยติสฺสสฺส รฺโ ภาตุ ชายา อนุฬา นาม เทวี ปพฺพชิตุกามา ¶ , ตํ ปพฺพาเชตุํ อยฺยํ สงฺฆมิตฺตตฺเถรึ ปหิณถ, อยฺยาเยว จ สทฺธึ มหาโพธิ’’’นฺติ. เถรสฺส สาสนํ อาโรเจตฺวา สงฺฆมิตฺตตฺเถรึ อุปสงฺกมิตฺวา เอวมาห – ‘‘อยฺเย, ตุมฺหากํ ภาตา มหินฺทตฺเถโร มํ ตุมฺหากํ สนฺติกํ เปเสสิ, เทวานมฺปิยติสฺสสฺส รฺโ ภาตุ ชายา อนุฬา นาม เทวี ¶ ปฺจหิ กฺาสเตหิ, ปฺจหิ จ อนฺเตปุริกาสเตหิ สทฺธึ ปพฺพชิตุกามา, ตํ กิร อาคนฺตฺวา ปพฺพาเชถา’’ติ. สา ตาวเทว ตุริตตุริตา รฺโ สนฺติกํ คนฺตฺวา เอวมาห – ‘‘มหาราช, มยฺหํ ภาตา มหินฺทตฺเถโร เอวํ ปหิณิ, ‘รฺโ กิร ภาตุ ชายา อนุฬา นาม เทวี ปฺจหิ กฺาสเตหิ ปฺจหิ จ อนฺเตปุริกาสเตหิ สทฺธึ ปพฺพชิตุกามา มยฺหํ อาคมนํ อุทิกฺขติ’. คจฺฉามหํ, มหาราช, ตมฺพปณฺณิทีป’’นฺติ.
ราชา อาห – ‘‘อมฺม, ปุตฺโตปิ เม มหินฺทตฺเถโร นตฺตา จ เม สุมนสามเณโร มํ ฉินฺนหตฺถํ วิย กโรนฺตา ตมฺพปณฺณิทีปํ ¶ คตา. ตสฺส มยฺหํ เตปิ อปสฺสนฺตสฺส อุปฺปนฺโน โสโก ตว มุขํ ปสฺสนฺตสฺส วูปสมฺมติ! อลํ, อมฺม, มา ตฺวํ อคมาสี’’ติ. ‘‘ภาริยํ เม, มหาราช, ภาตุ วจนํ; อนุฬาปิ ขตฺติยา อิตฺถิสหสฺสปริวุตา ปพฺพชฺชาปุเรกฺขารา มํ ปฏิมาเนติ; คจฺฉามหํ, มหาราชา’’ติ. ‘‘เตน หิ, อมฺม, มหาโพธึ คเหตฺวา คจฺฉาหี’’ติ. กุโต รฺโ มหาโพธิ? ราชา กิร ตโต ปุพฺเพ เอว ธาตุคฺคหณตฺถาย อนาคเต สุมเน ลงฺกาทีปํ มหาโพธึ เปเสตุกาโม, ‘‘กถํ นุ โข อสตฺถฆาตารหํ มหาโพธึ เปเสสฺสามี’’ติ อุปายํ อปสฺสนฺโต มหาเทวํ นาม อมจฺจํ ปุจฺฉิ. โส อาห – ‘‘สนฺติ, เทว, พหู ปณฺฑิตา ภิกฺขู’’ติ. ตํ สุตฺวา ราชา ภิกฺขุสงฺฆสฺส ภตฺตํ ปฏิยาเทตฺวา ภตฺตกิจฺจาวสาเน สงฺฆํ ปุจฺฉิ – ‘‘คนฺตพฺพํ นุ โข, ภนฺเต, ภควโต มหาโพธินา ลงฺกาทีปํ โน’’ติ? สงฺโฆ โมคฺคลิปุตฺตติสฺสตฺเถรสฺส ภารํ อกาสิ.
เถโร ‘‘คนฺตพฺพํ, มหาราช, มหาโพธินา ลงฺกาทีป’’นฺติ วตฺวา ภควโต ปฺจ มหาอธิฏฺานานิ กเถสิ. กตมานิ ปฺจ? ภควา กิร มหาปรินิพฺพานมฺเจ นิปนฺโน ลงฺกาทีเป มหาโพธิปติฏฺาปนตฺถาย ‘‘อโสกมหาราชา มหาโพธิคฺคหณตฺถํ คมิสฺสติ, ตทา มหาโพธิสฺส ทกฺขิณสาขา สยเมว ฉิชฺชิตฺวา สุวณฺณกฏาเห ปติฏฺาตู’’ติ อธิฏฺาสิ – อิทเมกมธิฏฺานํ.
ตตฺถ ปติฏฺานกาเล จ ‘‘มหาโพธิ หิมวลาหกคพฺภํ ปวิสิตฺวา ปติฏฺาตู’’ติ อธิฏฺาสิ – อิทํ ทุติยมธิฏฺานํ.
‘‘สตฺตเม ¶ ¶ ทิวเส หิมวลาหกคพฺภโต โอรุยฺห สุวณฺณกฏาเห ปติฏฺหนฺโต ปตฺเตหิ จ ผเลหิ จ ฉพฺพณฺณรํสิโย มฺุจตู’’ติ อธิฏฺาสิ – อิทํ ตติยมธิฏฺานํ.
‘‘ถูปาราเม ทกฺขิณกฺขกธาตุ เจติยมฺหิ ปติฏฺานทิวเส ยมกปาฏิหาริยํ กโรตู’’ติ อธิฏฺาสิ – อิทํ จตุตฺถํ อธิฏฺานํ.
ลงฺกาทีปมฺหิเยว เม โทณมตฺตา ธาตุโย มหาเจติยมฺหิ ปติฏฺานกาเล ¶ พุทฺธเวสํ คเหตฺวา เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ยมกปาฏิหาริยํ กโรนฺตู’’ติ อธิฏฺาสิ – อิทํ ปฺจมํ อธิฏฺานนฺติ.
ราชา อิมานิ ปฺจ มหาอธิฏฺานานิ สุตฺวา ปสนฺนจิตฺโต ปาฏลิปุตฺตโต ยาว มหาโพธิ ตาว มคฺคํ ปฏิชคฺคาเปตฺวา สุวณฺณกฏาหตฺถาย พหุํ สุวณฺณํ นีหราเปสิ. ตาวเทว จ รฺโ จิตฺตํ ตฺวา วิสฺสกมฺมเทวปุตฺโต กมฺมารวณฺณํ นิมฺมินิตฺวา ปุรโต อฏฺาสิ. ราชา ตํ ทิสฺวา ‘‘ตาต, อิมํ สุวณฺณํ คเหตฺวา กฏาหํ กโรหี’’ติ อาห. ‘‘ปมาณํ, เทว, ชานาถา’’ติ? ‘‘ตฺวเมว, ตาต, ตฺวา กโรหี’’ติ. ‘‘สาธุ, เทว, กริสฺสามี’’ติ สุวณฺณํ คเหตฺวา อตฺตโน อานุภาเวน หตฺเถน ปริมชฺชิตฺวา สุวณฺณกฏาหํ นิมฺมินิ นวหตฺถปริกฺเขปํ ปฺจหตฺถุพฺเพธํ ติหตฺถวิกฺขมฺภํ อฏฺงฺคุลพหลํ หตฺถิโสณฺฑปฺปมาณมุขวฏฺฏึ. อถ ราชา สตฺตโยชนายามาย ติโยชนวิตฺถาราย มหติยา เสนาย ปาฏลิปุตฺตโต นิกฺขมิตฺวา อริยสงฺฆมาทาย มหาโพธิสมีปํ อคมาสิ. เสนา สมุสฺสิตธชปฏากํ นานารตนวิจิตฺตํ อเนกาลงฺการปอมณฺฑิตํ นานาวิธกุสุมสมากิณฺณํ อเนกตูริยสงฺฆุฏฺํ มหาโพธึ ปริกฺขิปิ. ราชา สหสฺสมตฺเต คณปาโมกฺเข มหาเถเร คเหตฺวา สกลชมฺพุทีเป ปตฺตาภิเสกานํ ราชูนํ สหสฺเสน อตฺตานฺจ มหาโพธิฺจ ปริวาราเปตฺวา มหาโพธิมูเล ตฺวา มหาโพธึ อุลฺโลเกสิ. มหาโพธิสฺส ขนฺธฺจ ทกฺขิณมหาสาขาย จตุหตฺถปฺปมาณปฺปเทสฺจ เปตฺวา อวเสสํ อทสฺสนํ อคมาสิ.
ราชา ตํ ปาฏิหาริยํ ทิสฺวา อุปฺปนฺนปีติปาโมชฺโช ‘‘อหํ, ภนฺเต, อิมํ ปาฏิหาริยํ ทิสฺวา ตุฏฺโ มหาโพธึ สกลชมฺพุทีปรชฺเชน ปูเชมี’’ติ ภิกฺขุสงฺฆสฺส วตฺวา อภิเสกํ อทาสิ. ตโต ¶ ปุปฺผคนฺธาทีหิ ปูเชตฺวา ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา อฏฺสุ าเนสุ วนฺทิตฺวา อุฏฺาย อฺชลึ ปคฺคยฺห ¶ ตฺวา สจฺจวจนกิริยาย โพธึ คณฺหิตุกาโม ภูมิโต ยาว มหาโพธิสฺส ทกฺขิณสาขา ตาว อุจฺจํ กตฺวา ปิตสฺส สพฺพรตนมยปีสฺส อุปริ สุวณฺณกฏาหํ ปาเปตฺวา รตนปีํ อารุยฺห สุวณฺณตุลิกํ คเหตฺวา มโนสิลาย เลขํ กตฺวา ‘‘ยทิ มหาโพธินา ลงฺกาทีเป ปติฏฺาตพฺพํ, ยทิ จาหํ พุทฺธสาสเน นิพฺเพมติโก ภเวยฺยํ, มหาโพธิ ¶ สยเมว อิมสฺมึ สุวณฺณกฏาเห โอรุยฺห ปติฏฺาตู’’ติ สจฺจวจนกิริยมกาสิ. สห สจฺจกิริยาย โพธิสาขา มโนสิลาย ปริจฺฉินฺนฏฺาเน ฉิชฺชิตฺวา คนฺธกลลปูรสฺส สุวณฺณกฏาหสฺส อุปริ อฏฺาสิ. ตสฺส อุพฺเพเธน ทสหตฺโถ ขนฺโธ โหติ จตุหตฺถา ปฺจ มหาสาขา ปฺจหิเยว ผเลหิ ปฏิมณฺฑิตา, ขุทฺทกสาขานํ ปน สหสฺสํ. อถ ราชา มูลเลขาย อุปริ ติวงฺคุลปฺปเทเส อฺํ เลขํ ปริจฺฉินฺทิ. ตโต ตาวเทว ปุปฺผุฬกา หุตฺวา ทส มหามูลานิ นิกฺขมึสุ. ปุน อุปรูปริ ติวงฺคุเล ติวงฺคุเล อฺา นว เลขา ปริจฺฉินฺทิ. ตาหิปิ ทส ทส ปุปฺผุฬกา หุตฺวา นวุติ มูลานิ นิกฺขมึสุ. ปมกา ทส มหามูลา จตุรงฺคุลมตฺตํ นิกฺขนฺตา. อิตเรปิ ควกฺขชาลสทิสํ อนุสิพฺพนฺตา นิกฺขนฺตา. เอตฺตกํ ปาฏิหาริยํ ราชา รตนปีมตฺถเก ิโตเยว ทิสฺวา อฺชลึ ปคฺคยฺห มหานาทํ นทิ. อเนกานิ ภิกฺขุสหสฺสานิ สาธุการมกํสุ. สกลราชเสนา อุนฺนาทินี อโหสิ. เจลุกฺเขปสตสหสฺสานิ ปวตฺตยึสุ. ภูมฏฺกเทเว อาทึ กตฺวา ยาว พฺรหฺมกายิกา เทวา ¶ ตาว สาธุการํ ปวตฺตยึสุ. รฺโ อิมํ ปาฏิหาริยํ ปสฺสนฺตสฺส ปีติยา นิรนฺตรํ ผุฏสรีรสฺส อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา ิตสฺเสว มหาโพธิ มูลสเตน สุวณฺณกฏาเห ปติฏฺาสิ. ทส มหามูลานิ สุวณฺณกฏาหตลํ อาหจฺจ อฏฺํสุ. อวเสสานิ นวุติ ขุทฺทกมูลานิ อนุปุพฺเพน วฑฺฒนกานิ หุตฺวา คนฺธกลเล โอรุยฺห ิตานิ.
เอวํ สุวณฺณกฏาเห ปติฏฺิตมตฺเต มหาโพธิมฺหิ มหาปถวี จลิ. อากาเส เทวทุนฺทุภิโย ผลึสุ. ปพฺพตานํ นจฺเจหิ เทวานํ สาธุกาเรหิ ยกฺขานํ หิงฺกาเรหิ อสุรานํ ถุติชปฺเปหิ พฺรหฺมานํ อปฺโผฏเนหิ เมฆานํ คชฺชิเตหิ จตุปฺปทานํ รเวหิ ปกฺขีนํ รุเตหิ สพฺพตาฬาวจรานํ ¶ สกสกปฏิภาเนหิ ปถวีตลโต ยาว พฺรหฺมโลกา ตาว เอกโกลาหลํ เอกนินฺนาทํ อโหสิ. ปฺจสุ สาขาสุ ผลโต ผลโต ฉพฺพณฺณรํสิโย นิกฺขมิตฺวา สกลจกฺกวาฬํ รตนโคปานสีวินทฺธํ วิย กุรุมานา ยาว พฺรหฺมโลกา อพฺภุคฺคจฺฉึสุ. ตํ ขณโต จ ปน ปภุติ สตฺต ทิวสานิ มหาโพธิ หิมวลาหกคพฺภํ ปวิสิตฺวา อฏฺาสิ. น โกจิ มหาโพธึ ปสฺสติ. ราชา รตนปีโต โอรุยฺห สตฺต ทิวสานิ มหาโพธิปูชํ กาเรสิ. สตฺตเม ทิวเส สพฺพทิสาหิ หิมา จ ฉพฺพณฺณรํสิโย จ อาวตฺติตฺวา มหาโพธิเมว ปวิสึสุ. วิคตหิมวลาหเก วิปฺปสนฺเน จกฺกวาฬคพฺเภ มหาโพธิ ปริปุณฺณขนฺธสาขาปสาโข ¶ ปฺจผลปฏิมณฺฑิโต สุวณฺณกฏาเห ปติฏฺิโตว ปฺายิตฺถ. ราชา มหาโพธึ ทิสฺวา เตหิ ปาฏิหาริเยหิ สฺชาตปีติปาโมชฺโช ‘‘สกลชมฺพุทีปรชฺเชน ตรุณมหาโพธึ ปูเชสฺสามี’’ติ อภิเสกํ ทตฺวา สตฺต ทิวสานิ มหาโพธิฏฺาเนเยว อฏฺาสิ.
มหาโพธิ ¶ ปุพฺพกตฺติกปวารณาทิวเส สายนฺหสมเย ปมํ สุวณฺณกฏาเห ปติฏฺหิ. ตโต หิมคพฺภสตฺตาหํ อภิเสกสตฺตาหฺจ วีตินาเมตฺวา กาฬปกฺขสฺส อุโปสถทิวเส ราชา เอกทิวเสเนว ปาฏลิปุตฺตํ ปวิสิตฺวา กตฺติกชุณฺหปกฺขสฺส ปาฏิปททิวเส มหาโพธึ ปาจีนมหาสาลมูเล เปสิ. สุวณฺณกฏาเห ปติฏฺิตทิวสโต สตฺตรสเม ทิวเส มหาโพธิสฺส อภินวงฺกุรา ปาตุรเหสุํ. เต ทิสฺวาปิ ปสนฺโน ราชา ปุน มหาโพธึ รชฺเชน ปูเชนฺโต สกลชมฺพุทีปาภิเสกมทาสิ. ตทา สุมนสามเณโร กตฺติกปุณฺณมทิวเส ธาตุคฺคหณตฺถํ คโต มหาโพธิสฺส กตฺติกฉณปูชํ อทฺทส. เอวํ มหาโพธิมณฺฑโต อาเนตฺวา ปาฏลิปุตฺเต ปิตํ มหาโพธึ สนฺธาย อาห – ‘‘เตน หิ, อมฺม, มหาโพธึ คเหตฺวา คจฺฉาหี’’ติ. สา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ.
ราชา มหาโพธิรกฺขณตฺถาย อฏฺารส เทวตากุลานิ, อฏฺ อมจฺจกุลานิ, อฏฺ พฺราหฺมณกุลานิ, อฏฺ กุฏุมฺพิยกุลานิ, อฏฺ โคปกกุลานิ, อฏฺ ตรจฺฉกุลานิ, อฏฺ จ กาลิงฺคกุลานิ ทตฺวา อุทกสิฺจนตฺถาย จ อฏฺ สุวณฺณฆเฏ, อฏฺ จ รชตฆเฏ ทตฺวา อิมินา ปริวาเรน มหาโพธึ ¶ คงฺคาย นาวํ ¶ อาโรเปตฺวา สยมฺปิ นครโต นิกฺขมิตฺวา วิชฺฌาฏวึ สมติกฺกมฺม อนุปุพฺเพน สตฺตหิ ทิวเสหิ ตามลิตฺตึ อนุปฺปตฺโต. อนฺตรามคฺเค เทวนาคมนุสฺสา อุฬารํ มหาโพธิปูชํ อกํสุ. ราชาปิ สมุทฺทตีเร สตฺต ทิวสานิ มหาโพธึ เปตฺวา สกลชมฺพุทีปมหารชฺชํ อทาสิ. อิทมสฺส ตติยํ ชมฺพุทีปรชฺชสมฺปทานํ โหติ.
เอวํ มหารชฺเชน ปูเชตฺวา มาคสิรมาสสฺส ปมปาฏิปททิวเส อโสโก ธมฺมราชา มหาโพธึ อุกฺขิปิตฺวา คลปฺปมาณํ อุทกํ โอรุยฺห นาวายํ ปติฏฺาเปตฺวา สงฺฆมิตฺตตฺเถริมฺปิ สปริวารํ นาวํ อาโรเปตฺวา อริฏฺํ อมจฺจํ เอตทโวจ – ‘‘อหํ, ตาต, มหาโพธึ ติกฺขตฺตุํ สกลชมฺพุทีปรชฺเชน ปูเชตฺวา คลปฺปมาณํ อุทกํ โอรุยฺห มม สหายกสฺส เปเสสึ, โสปิ เอวเมว มหาโพธึ ปูเชตู’’ติ. เอวํ สหายกสฺส สาสนํ ทตฺวา ‘‘คจฺฉติ วตเร, ทสพลสฺส สรสรํสิชาลํ วิมฺุจนฺโต มหาโพธิรุกฺโข’’ติ วนฺทิตฺวา อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา อสฺสูนิ ปวตฺตยมาโน อฏฺาสิ. สาปิ โข มหาโพธิสมารูฬฺหา นาวา ปสฺสโต ปสฺสโต มหาราชสฺส มหาสมุทฺทตลํ ปกฺขนฺตา. มหาสมุทฺเทปิ สมนฺตา โยชนํ วีจิโย วูปสนฺตา; ปฺจ วณฺณานิ ปทุมานิ ปุปฺผิตานิ; อนฺตลิกฺเข ทิพฺพานิ ตูริยานิ ปวชฺชึสุ; อากาเส ชลชถลชรุกฺขาทิสนฺนิสฺสิตาหิ เทวตาหิ ปวตฺติตา อติวิย อุฬารา ปูชา อโหสิ. สงฺฆมิตฺตตฺเถรีปิ สุปณฺณรูเปน มหาสมุทฺเท นาคกุลานิ สนฺตาเสสิ. เต จ อุตฺรสฺตรูปา นาคา อาคนฺตฺวา ตํ วิภูตึ ปสฺสิตฺวา เถรึ ยาจิตฺวา มหาโพธึ นาคภวนํ อติหริตฺวา สตฺต ทิวสานิ ¶ นาครชฺเชน ¶ ปูเชตฺวา ปุน นาวายํ ปติฏฺาเปสุํ. ตํทิวสเมว นาวา ชมฺพุโกลปฏฺฏนํ อคมาสิ. อโสกมหาราชาปิ มหาโพธิวิโยคทุกฺขิโต กนฺทิตฺวา โรทิตฺวา ยาว ทสฺสนวิสยํ โอโลเกตฺวา ปฏินิวตฺติ.
เทวานมฺปิยติสฺโส มหาราชาปิ โข สุมนสามเณรสฺส วจเนน มาคสิรมาสสฺส ปมปาฏิปททิวสโต ปภุติ อุตฺตรทฺวารโต ปฏฺาย ยาว ชมฺพุโกลปฏฺฏนํ ตาว มคฺคํ โสธาเปตฺวา อลงฺการาเปตฺวา นครโต นิกฺขมนทิวเส อุตฺตรทฺวารสมีเป สมุทฺทสาลวตฺถุสฺมึ ิโตเยว ตาย วิภูติยา มหาสมุทฺเท อาคจฺฉนฺตํเยว มหาโพธึ เถรสฺส ¶ อานุภาเวน ทิสฺวา ตุฏฺมานโส นิกฺขมิตฺวา สพฺพํ มคฺคํ ปฺจวณฺเณหิ ปุปฺเผหิ โอกิราเปนฺโต อนฺตรนฺตเร ปุปฺผอคฺฆิยานิ เปนฺโต เอกาเหเนว ชมฺพุโกลปฏฺฏนํ คนฺตฺวา สพฺพตาฬาวจรปริวุโต ปุปฺผธูมคนฺธวาสาทีหิ ปูชยมาโน คลปฺปมาณํ อุทกํ โอรุยฺห ‘‘อาคโต วตเร, ทสพลสฺส สรสรํสิชาลวิสฺสชฺชนโก มหาโพธิรุกฺโข’’ติ ปสนฺนจิตฺโต มหาโพธึ อุกฺขิปิตฺวา อุตฺตมงฺเค สิรสฺมึ ปติฏฺาเปตฺวา มหาโพธึ ปริวาเรตฺวา อาคเตหิ โสฬสหิ ชาติสมฺปนฺนกุเลหิ สทฺธึ สมุทฺทโต ปจฺจุตฺตริตฺวา สมุทฺทตีเร มหาโพธึ เปตฺวา ตีณิ ทิวสานิ สกลตมฺพปณฺณิทีปรชฺเชน ปูเชสิ, โสฬสนฺนํ ชาติสมฺปนฺนกุลานํ รชฺชํ วิจาเรสิ. อถ จตุตฺเถ ทิวเส มหาโพธึ อาทาย อุฬารํ ปูชํ กุรุมาโน อนุปุพฺเพน อนุราธปุรํ สมฺปตฺโต. อนุราธปุเรปิ มหาสกฺการํ กตฺวา จาตุทฺทสีทิวเส วฑฺฒมานกจฺฉายาย มหาโพธึ อุตฺตรทฺวาเรน ปเวเสตฺวา นครมชฺเฌน อติหรนฺโต ¶ ทกฺขิณทฺวาเรน นิกฺขมิตฺวา ทกฺขิณทฺวารโต ปฺจธนุสติเก าเน ยตฺถ อมฺหากํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ นิโรธสมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา นิสีทิ, ปุริมกา จ ตโย สมฺมาสมฺพุทฺธา สมาปตฺตึ อปฺเปตฺวา นิสีทึสุ, ยตฺถ กกุสนฺธสฺส ภควโต มหาสิรีสโพธิ, โกนาคมนสฺส ภควโต อุทุมฺพรโพธิ, กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธสฺส จ นิคฺโรธโพธิ ปติฏฺาสิ, ตสฺมึ มหาเมฆวนุยฺยานสฺส ติลกภูเต สุมนสามเณรสฺส วจเนน ปมเมว กตภูมิปริกมฺเม ราชวตฺถุทฺวารโกฏฺกฏฺาเน มหาโพธึ ปติฏฺาเปสิ.
กถํ? ตานิ กิร โพธึ ปริวาเรตฺวา อาคตานิ โสฬส ชาติสมฺปนฺนกุลานิ ราชเวสํ คณฺหึสุ. ราชา โทวาริกเวสํ คณฺหิ. โสฬส กุลานิ มหาโพธึ คเหตฺวา โอโรปยึสุ. มหาโพธิ เตสํ หตฺถโต มุตฺตสมนนฺตรเมว อสีติหตฺถปฺปมาณํ เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา ฉพฺพณฺณรํสิโย มฺุจิ. รํสิโย สกลทีปํ ปตฺถริตฺวา อุปริ พฺรหฺมโลกํ อาหจฺจ อฏฺํสุ. มหาโพธิปาฏิหาริยํ ทิสฺวา สฺชาตปฺปสาทานิ ทสปุริสสหสฺสานิ อนุปุพฺพวิปสฺสนํ ปฏฺเปตฺวา อรหตฺตํ ปตฺวา ปพฺพชึสุ. ยาว สูริยตฺถงฺคมา มหาโพธิ อนฺตลิกฺเข อฏฺาสิ. อตฺถงฺคมิเต ปน ¶ สูริเย โรหิณินกฺขตฺเตน ปถวิยํ ปติฏฺาสิ. สห โพธิปติฏฺานา อุทกปริยนฺตํ กตฺวา มหาปถวี อกมฺปิ. ปติฏฺหิตฺวา จ ปน มหาโพธิ สตฺต ทิวสานิ หิมคพฺเภ สนฺนิสีทิ. โลกสฺส อทสฺสนํ อคมาสิ. สตฺตเม ¶ ทิวเส วิคตวลาหกํ นภํ อโหสิ. ฉพฺพณฺณรํสิโย ชลนฺตา วิปฺผุรนฺตา นิจฺฉรึสุ. มหาโพธิสฺส ขนฺโธ จ สาขาโย จ ปตฺตานิ ¶ จ ปฺจ ผลานิ จ ทสฺสึสุ. มหินฺทตฺเถโร จ สงฺฆมิตฺตตฺเถรี จ ราชา จ สปริวารา มหาโพธิฏฺานเมว อคมํสุ. เยภุยฺเยน จ สพฺเพ ทีปวาสิโน สนฺนิปตึสุ. เตสํ ปสฺสนฺตานํเยว อุตฺตรสาขโต เอกํ ผลํ ปจฺจิตฺวา สาขโต มุจฺจิ. เถโร หตฺถํ อุปนาเมสิ. ผลํ เถรสฺส หตฺเถ ปติฏฺาสิ. ตํ เถโร ‘‘โรปย, มหาราชา’’ติ รฺโ อทาสิ. ราชา คเหตฺวา สุวณฺณกฏาเห มธุรปํสุํ อากิริตฺวา คนฺธกลลํ ปูเรตฺวา โรเปตฺวา มหาโพธิอาสนฺนฏฺาเน เปสิ. สพฺเพสํ ปสฺสนฺตานํเยว จตุหตฺถปฺปมาณา อฏฺ ตรุณโพธิรุกฺขา อุฏฺหึสุ. ราชา ตํ อจฺฉริยํ ทิสฺวา อฏฺ ตรุณโพธิรุกฺเข เสตจฺฉตฺเตน ปูเชตฺวา อภิเสกํ อทาสิ. ตโต เอกํ โพธิรุกฺขํ อาคมนกาเล มหาโพธินา ปมปติฏฺิโตกาเส ชมฺพุโกลปฏฺฏเน โรปยึสุ, เอกํ ตวกฺกพฺราหฺมณสฺส คามทฺวาเร, เอกํ ถูปาราเม, เอกํ อิสฺสรนิมฺมานวิหาเร, เอกํ ปมเจติยฏฺาเน, เอกํ เจติยปพฺพเต, เอกํ โรหณชนปทมฺหิ กาชรคาเม, เอกํ โรหณชนปทมฺหิเยว จนฺทนคาเม. อิตเรสํ จตุนฺนํ ผลานํ พีเชหิ ชาเต ทฺวตฺตึส โพธิตรุเณ โยชนิยอาราเมสุ ปติฏฺาเปสุํ.
เอวํ ปุตฺตนตฺตุปรมฺปราย สมนฺตา ทีปวาสีนํ หิตาย สุขาย ปติฏฺิเต ทสพลสฺส ธมฺมธชภูเต มหาโพธิมฺหิ ¶ อนุฬา เทวี ปฺจหิ กฺาสเตหิ ปฺจหิ จ อนฺเตปุริกาสเตหีติ มาตุคามสหสฺเสน สทฺธึ สงฺฆมิตฺตตฺเถริยา สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา นจิรสฺเสว สปริวารา อรหตฺเต ปติฏฺาสิ. อริฏฺโปิ โข รฺโ ภาคิเนยฺโย ปฺจหิ ปุริสสเตหิ สทฺธึ เถรสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา นจิรสฺเสว สปริวาโร อรหตฺเต ปติฏฺาสิ.
อเถกทิวสํ ราชา มหาโพธึ วนฺทิตฺวา เถเรน สทฺธึ ถูปารามํ คจฺฉติ. ตสฺส โลหปาสาทฏฺานํ สมฺปตฺตสฺส ปุริสา ปุปฺผานิ อภิหรึสุ. ราชา เถรสฺส ปุปฺผานิ อทาสิ. เถโร ปุปฺเผหิ โลหปาสาทฏฺานํ ปูเชสิ. ปุปฺเผสุ ภูมิยํ ปติตมตฺเตสุ มหาภูมิจาโล อโหสิ. ราชา ‘‘กสฺมา, ภนฺเต, ภูมิ จลิตา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อิสฺมึ, มหาราช, โอกาเส สงฺฆสฺส อนาคเต อุโปสถาคารํ ภวิสฺสติ, ตสฺเสตํ ปุพฺพนิมิตฺต’’นฺติ.
ราชา ¶ ปุน เถเรน สทฺธึ คจฺฉนฺโต อมฺพงฺคณฏฺานํ ปตฺโต. ตตฺถสฺส วณฺณคนฺธสมฺปนฺนํ อติมธุรรสํ เอกํ อมฺพปกฺกํ อาหรียิตฺถ. ราชา ตํ เถรสฺส ปริโภคตฺถาย อทาสิ. เถโร ตตฺเถว ¶ ปริภฺุชิตฺวา ‘‘อิทํ เอตฺเถว โรเปถา’’ติ อาห. ราชา ตํ อมฺพฏฺึ คเหตฺวา ตตฺเถว โรเปตฺวา อุทกํ อาสิฺจิ. สห อมฺพพีชโรปเนน ปถวี อกมฺปิ. ราชา ‘‘กสฺมา, ภนฺเต, ปถวี กมฺปิตฺถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อิมสฺมึ, มหาราช, โอกาเส สงฺฆสฺส อนาคเต ‘อมฺพงฺคณํ’ นาม สนฺนิปาตฏฺานํ ภวิสฺสติ, ตสฺเสตํ ปุพฺพนิมิตฺต’’นฺติ.
ราชา ตตฺถ อฏฺ ปุปฺผมุฏฺิโย โอกิริตฺวา วนฺทิตฺวา ปุน เถเรน สทฺธึ คจฺฉนฺโต มหาเจติยฏฺานํ ปตฺโต. ตตฺถสฺส ปุริสา จมฺปกปุปฺผานิ อภิหรึสุ. ตานิ ราชา เถรสฺส อทาสิ. เถโร มหาเจติยฏฺานํ ปุปฺเผหิ ปูเชตฺวา วนฺทิ. ตาวเทว มหาปถวี สงฺกมฺปิ. ราชา ‘‘กสฺมา, ภนฺเต, ปถวี กมฺปิตฺถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘อิมสฺมึ, มหาราช, โอกาเส อนาคเต พุทฺธสฺส ภควโต อสทิโส มหาถูโป ภวิสฺสติ, ตสฺเสตํ ¶ ปุพฺพนิมิตฺต’’นฺติ. ‘‘อหเมว กโรมิ, ภนฺเต’’ติ. ‘‘อลํ, มหาราช, ตุมฺหากํ อฺํ พหุกมฺมํ อตฺถิ, ตุมฺหากํ ปน นตฺตา ทุฏฺคามณี อภโย นาม กาเรสฺสตี’’ติ. อถ ราชา ‘‘สเจ, ภนฺเต, มยฺหํ นตฺตา กริสฺสติ, กตํเยว มยา’’ติ ทฺวาทสหตฺถํ ปาสาณตฺถมฺภํ อาหราเปตฺวา ‘‘เทวานมฺปิยติสฺสสฺส รฺโ นตฺตา ทุฏฺคามณี อภโย นาม อิมสฺมึ ปเทเส ถูปํ กโรตู’’ติ อกฺขรานิ ลิขาเปตฺวา ปติฏฺาเปตฺวา วนฺทิตฺวา เถรํ ปุจฺฉิ – ‘‘ปติฏฺิตํ นุ โข, ภนฺเต, ตมฺพปณฺณิทีเป สาสน’’นฺติ? ‘‘ปติฏฺิตํ, มหาราช, สาสนํ; มูลานิ ปนสฺส น ตาว โอตรนฺตี’’ติ. ‘‘กทา ปน, ภนฺเต มูลานิ โอติณฺณานิ นาม ภวิสฺสนฺตี’’ติ? ‘‘ยทา, มหาราช, ตมฺพปณฺณิทีปกานํ มาตาปิตูนํ ตมฺพปณฺณิทีเป ชาโต ทารโก ตมฺพปณฺณิทีเป ปพฺพชิตฺวา ตมฺพปณฺณิทีปมฺหิเยว วินยํ อุคฺคเหตฺวา ตมฺพปณฺณิทีเป วาเจสฺสติ, ตทา สาสนสฺส มูลานิ โอติณฺณานิ นาม ภวิสฺสนฺตี’’ติ. ‘‘อตฺถิ ปน, ภนฺเต, เอทิโส ภิกฺขู’’ติ? ‘‘อตฺถิ, มหาราช, มหาอริฏฺโ ภิกฺขุ ปฏิพโล เอตสฺมึ กมฺเม’’ติ. ‘‘มยา เอตฺถ, ภนฺเต, กึ กตฺตพฺพ’’นฺติ? ‘‘มณฺฑปํ, มหาราช, กาตุํ วฏฺฏตี’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ ราชา เมฆวณฺณาภยสฺส อมจฺจสฺส ปริเวณฏฺาเน มหาสงฺคีติกาเล อชาตสตฺตุมหาราเชน กตมณฺฑปปฺปการํ ราชานุภาเวน มณฺฑปํ กาเรตฺวา สพฺพตาฬาวจเร สกสกสิปฺเปสุ ปโยเชตฺวา ‘‘สาสนสฺส มูลานิ โอตรนฺตานิ ¶ ปสฺสิสฺสามี’’ติ อเนกปุริสสหสฺสปริวุโต ถูปารามํ อนุปฺปตฺโต.
เตน โข ปน สมเยน ถูปาราเม อฏฺสฏฺิ ภิกฺขุสหสฺสานิ สนฺนิปตึสุ. มหามหินฺทตฺเถรสฺส อาสนํ ทกฺขิณาภิมุขํ ¶ ปฺตฺตํ โหติ. มหาอริฏฺตฺเถรสฺส ธมฺมาสนํ อุตฺตราภิมุขํ ปฺตฺตํ โหติ. อถ โข มหาอริฏฺตฺเถโร มหินฺทตฺเถเรน อชฺฌิฏฺโ อตฺตโน อนุรูเปน ปตฺตานุกฺกเมน ธมฺมาสเน นิสีทิ. มหินฺทตฺเถรปมุขา อฏฺสฏฺิ มหาเถรา ธมฺมาสนํ ปริวาเรตฺวา ¶ นิสีทึสุ. รฺโปิ กนิฏฺภาตา มตฺตาภยตฺเถโร นาม ‘‘ธุรคฺคาโห หุตฺวา วินยํ อุคฺคณฺหิสฺสามี’’ติ ปฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธึ มหาอริฏฺตฺเถรสฺส ธมฺมาสนเมว ปริวาเรตฺวา นิสีทิ. อวเสสาปิ ภิกฺขู สราชิกา จ ปริสา อตฺตโน อตฺตโน ปตฺตาสเน นิสีทึสุ.
อถายสฺมา มหาอริฏฺตฺเถโร เตน สมเยน พุทฺโธ ภควา เวรฺชายํ วิหรติ นเฬรุปุจิมนฺทมูเลติ วินยนิทานํ อภาสิ. ภาสิเต จ ปนายสฺมตา อริฏฺตฺเถเรน วินยนิทาเน อากาสํ มหาวิรวํ รวิ. อกาลวิชฺชุลตา นิจฺฉรึสุ. เทวตา สาธุการํ อทํสุ. มหาปถวี อุทกปริยนฺตํ กตฺวา สงฺกมฺปิ. เอวํ อเนเกสุ ปาฏิหาริเยสุ วตฺตมาเนสุ อายสฺมา อริฏฺตฺเถโร มหามหินฺทปมุเขหิ อฏฺสฏฺิยา ปจฺเจกคณีหิ ขีณาสวมหาเถเรหิ ตทฺเหิ จ อฏฺสฏฺิภิกฺขุสหสฺเสหิ ปริวุโต ปมกตฺติกปวารณาทิวเส ถูปารามวิหารมชฺเฌ สตฺถุ กรุณาคุณทีปกํ ภควโต อนุสิฏฺิกรานํ กายกมฺมวจีกมฺมวิปฺผนฺทิตวินยนํ วินยปิฏกํ ปกาเสสิ. ปกาเสตฺวา จ ยาวตายุกํ ติฏฺมาโน พหูนํ วาเจตฺวา พหูนํ หทเย ปติฏฺาเปตฺวา อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา ปรินิพฺพายิ. เตปิ โข มหามหินฺทปฺปมุขา ตสฺมึ สมาคเม –
‘‘อฏฺสฏฺิ ¶ มหาเถรา, ธุรคฺคาหา สมาคตา;
ปจฺเจกคณิโน สพฺเพ, ธมฺมราชสฺส สาวกา.
‘‘ขีณาสวา วสิปฺปตฺตา, เตวิชฺชา อิทฺธิโกวิทา;
อุตฺตมตฺถมภิฺาย, อนุสาสึสุ ราชิโน.
‘‘อาโลกํ ทสฺสยิตฺวาน, โอภาเสตฺวา มหึ อิมํ;
ชลิตฺวา อคฺคิกฺขนฺธาว, นิพฺพายึสุ มเหสโย’’.
เตสํ ¶ ปรินิพฺพานโต อปรภาเค อฺเปิ เตสํ เถรานํ อนฺเตวาสิกา ติสฺสทตฺตกาฬสุมน-ทีฆสุมนาทโย จ มหาอริฏฺตฺเถรสฺส อนฺเตวาสิกา, อนฺเตวาสิกานํ อนฺเตวาสิกา จาติ เอวํ ปุพฺเพ วุตฺตปฺปการา อาจริยปรมฺปรา อิมํ วินยปิฏกํ ยาวชฺชตนา อาเนสุํ. เตน วุตฺตํ –
‘‘ตติยสงฺคหโต ปน อุทฺธํ อิมํ ทีปํ มหินฺทาทีหิ อาภตํ, มหินฺทโต อุคฺคเหตฺวา กฺจิ ¶ กาลํ อริฏฺตฺเถราทีหิ อาภตํ, ตโต ยาวชฺชตนา เตสํเยว อนฺเตวาสิกปรมฺปรภูตาย อาจริยปรมฺปราย อาภต’’นฺติ.
กตฺถ ปติฏฺิตนฺติ? เยสํ ปาฬิโต จ อตฺถโต จ อนูนํ วตฺตติ, มณิฆเฏ ปกฺขิตฺตเตลมิว อีสกมฺปิ น ปคฺฆรติ, เอวรูเปสุ อธิมตฺตสติ-คติ-ธิติ-มนฺเตสุ ลชฺชีสุ กุกฺกุจฺจเกสุ สิกฺขากาเมสุ ปุคฺคเลสุ ปติฏฺิตนฺติ เวทิตพฺพํ. ตสฺมา วินยปติฏฺาปนตฺถํ วินยปริยตฺติยา อานิสํสํ สลฺลกฺเขตฺวา สิกฺขากาเมน ภิกฺขุนา วินโย ปริยาปุณิตพฺโพ.
ตตฺรายํ วินยปริยตฺติยา อานิสํโส – วินยปริยตฺติกุสโล หิ ปุคฺคโล สาสเน ปฏิลทฺธสทฺธานํ กุลปุตฺตานํ มาตาปิตุฏฺานิโย โหติ, ตทายตฺตา หิ เนสํ ปพฺพชฺชา อุปสมฺปทา วตฺตานุวตฺตปฏิปตฺติ อาจารโคจรกุสลตา. อปิ จสฺส วินยปริยตฺตึ นิสฺสาย อตฺตโน สีลกฺขนฺโธ สุคุตฺโต โหติ สุรกฺขิโต; กุกฺกุจฺจปกตานํ ภิกฺขูนํ ปฏิสรณํ โหติ; วิสารโท สงฺฆมชฺเฌ โวหรติ; ปจฺจตฺถิเก สหธมฺเมน สุนิคฺคหิตํ นิคฺคณฺหาติ; สทฺธมฺมฏฺิติยา ¶ ปฏิปนฺโน โหติ. เตนาห ภควา – ‘‘ปฺจิเม, ภิกฺขเว, อานิสํสา วินยธเร ปุคฺคเล; อตฺตโน สีลกฺขนฺโธ สุคุตฺโต โหติ สุรกฺขิโต…เป… สทฺธมฺมฏฺิติยา ปฏิปนฺโน โหตี’’ติ (ปริ. ๓๒๕).
เย จาปิ สํวรมูลกา กุสลา ธมฺมา วุตฺตา ภควตา, วินยธโร ปุคฺคโล เตสํ ทายาโท; วินยมูลกตฺตา เตสํ ธมฺมานํ. วุตฺตมฺปิ เหตํ ภควตา – ‘‘วินโย สํวรตฺถาย, สํวโร อวิปฺปฏิสารตฺถาย, อวิปฺปฏิสาโร ปาโมชฺชตฺถาย, ปาโมชฺชํ ปีตตฺถาย, ปีติ ปสฺสทฺธตฺถาย, ปสฺสทฺธิ สุขตฺถาย, สุขํ สมาธตฺถาย, สมาธิ ยถาภูตาณทสฺสนตฺถาย, ยถาภูตาณทสฺสนํ นิพฺพิทตฺถาย, นิพฺพิทา วิราคตฺถาย, วิราโค วิมุตฺตตฺถาย ¶ , วิมุตฺติ วิมุตฺติาณทสฺสนตฺถาย, วิมุตฺติาณทสฺสนํ อนุปาทาปรินิพฺพานตฺถาย. เอตทตฺถา กถา, เอตทตฺถา มนฺตนา, เอตทตฺถา อุปนิสา, เอตทตฺถํ โสตาวธานํ – ยทิทํ อนุปาทาจิตฺตสฺส วิโมกฺโข’’ติ (ปริ. ๓๖๖). ตสฺมา วินยปริยตฺติยา อาโยโค กรณีโยติ.
เอตฺตาวตา จ ยา สา วินยสํวณฺณนตฺถํ มาติกา ปิตา ตตฺถ –
‘‘วุตฺตํ เยน ยทา ยสฺมา, ธาริตํ เยน จาภตํ;
ยตฺถปฺปติฏฺิตํ เจตเมตํ, วตฺวา วิธึ ตโต’’ติ.
อิมิสฺสา ตาว คาถาย อตฺโถ ปกาสิโต วินยสฺส จ พาหิรนิทานวณฺณนา ยถาธิปฺปายํ สํวณฺณิตา โหตีติ.
ตติยสงฺคีติกถา นิฏฺิตา.
พาหิรนิทานกถา นิฏฺิตา.
เวรฺชกณฺฑวณฺณนา
‘‘เตนาติอาทิปาสฺส, อตฺถํ นานปฺปการโต;
ทสฺสยนฺโต กริสฺสามิ, วินยสฺสตฺถวณฺณน’’นฺติ.
วุตฺตตฺตา เตน สมเยน พุทฺโธ ภควาติอาทีนํ อตฺถวณฺณนํ กริสฺสามิ. เสยฺยถิทํ – เตนาติ อนิยมนิทฺเทสวจนํ. ตสฺส สรูเปน อวุตฺเตนปิ อปรภาเค อตฺถโต สิทฺเธน เยนาติ อิมินา วจเนน ปฏินิทฺเทโส กาตพฺโพ. อปรภาเค หิ วินยปฺตฺติยาจนเหตุภูโต อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส ปริวิตกฺโก สิทฺโธ. ตสฺมา เยน สมเยน โส ปริวิตกฺโก อุทปาทิ, เตน สมเยน พุทฺโธ ภควา เวรฺชายํ วิหรตีติ เอวเมตฺถ สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ. อยฺหิ สพฺพสฺมิมฺปิ วินเย ยุตฺติ, ยทิทํ ยตฺถ ยตฺถ ‘‘เตนา’’ติ วุจฺจติ ตตฺถ ตตฺถ ปุพฺเพ วา ปจฺฉา วา อตฺถโต สิทฺเธน ‘‘เยนา’’ติ อิมินา วจเนน ปฏินิทฺเทโส กาตพฺโพติ.
ตตฺริทํ มุขมตฺตนิทสฺสนํ – ‘‘เตน หิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขูนํ สิกฺขาปทํ ปฺเปสฺสามิ, เยน สุทินฺโน เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวิ; ยสฺมา ปฏิเสวิ, ตสฺมา ปฺเปสฺสามี’’ติ วุตฺตํ โหติ. เอวํ ตาว ปุพฺเพ อตฺถโต สิทฺเธน เยนาติ อิมินา วจเนน ปฏินิทฺเทโส ยุชฺชติ. เตน สมเยน พุทฺโธ ภควา ราชคเห วิหรติ, เยน สมเยน ธนิโย กุมฺภการปุตฺโต รฺโ ทารูนิ อทินฺนํ อาทิยีติ เอวํ ปจฺฉา อตฺถโต สิทฺเธน เยนาติ อิมินา วจเนน ปฏินิทฺเทโส ยุชฺชตีติ วุตฺโต เตนาติ วจนสฺส อตฺโถ. สมเยนาติ เอตฺถ ปน สมยสทฺโท ตาว –
สมวาเย ¶ ขเณ กาเล, สมูเห เหตุ-ทิฏฺิสุ;
ปฏิลาเภ ปหาเน จ, ปฏิเวเธ จ ทิสฺสติ.
ตถา ¶ หิสฺส – ‘‘อปฺเปว นาม สฺเวปิ อุปสงฺกเมยฺยาม กาลฺจ สมยฺจ อุปาทายา’’ติ (ที. นิ. ๑.๔๔๗) เอวมาทีสุ สมวาโย อตฺโถ. ‘‘เอโกว โข, ภิกฺขเว, ขโณ จ สมโย จ พฺรหฺมจริยวาสายา’’ติ (อ. นิ. ๘.๒๙) เอวมาทีสุ ขโณ. ‘‘อุณฺหสมโย ¶ ปริฬาหสมโย’’ติ (ปาจิ. ๓๕๘) เอวมาทีสุ กาโล. ‘‘มหาสมโย ปวนสฺมิ’’นฺติ เอวมาทีสุ สมูโห. ‘‘สมโยปิ โข เต, ภทฺทาลิ, อปฺปฏิวิทฺโธ อโหสิ – ‘ภควา โข สาวตฺถิยํ วิหรติ, ภควาปิ มํ ชานิสฺสติ – ภทฺทาลิ นาม ภิกฺขุ สตฺถุสาสเน สิกฺขาย อปริปูรการี’ติ อยมฺปิ โข เต, ภทฺทาลิ, สมโย อปฺปฏิวิทฺโธ อโหสี’’ติ (ม. นิ. ๒.๑๓๕) เอวมาทีสุ เหตุ. ‘‘เตน โข ปน สมเยน อุคฺคหมาโน ปริพฺพาชโก สมณมุณฺฑิกาปุตฺโต สมยปฺปวาทเก ตินฺทุกาจีเร เอกสาลเก มลฺลิกาย อาราเม ปฏิวสตี’’ติ (ม. นิ. ๒.๒๖๐) เอวมาทีสุ ทิฏฺิ.
‘‘ทิฏฺเ ธมฺเม จ โย อตฺโถ, โย จตฺโถ สมฺปรายิโก;
อตฺถาภิสมยา ธีโร, ปณฺฑิโตติ ปวุจฺจตี’’ติ. (สํ. นิ. ๑.๑๒๙);
เอวมาทีสุ ปฏิลาโภ. ‘‘สมฺมา มานาภิสมยา อนฺตมกาสิ ทุกฺขสฺสา’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๘) เอวมาทีสุ ปหานํ. ‘‘ทุกฺขสฺส ปีฬนฏฺโ สงฺขตฏฺโ สนฺตาปฏฺโ วิปริณามฏฺโ อภิสมยฏฺโ’’ติ (ปฏิ. ม. ๒.๘) เอวมาทีสุ ปฏิเวโธ อตฺโถ. อิธ ปนสฺส กาโล อตฺโถ. ตสฺมา เยน กาเลน อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺส วินยปฺตฺติยาจนเหตุภูโต ปริวิตกฺโก อุทปาทิ, เตน กาเลนาติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
เอตฺถาห – ‘‘อถ กสฺมา ยถา สุตฺตนฺเต ‘เอกํ สมย’นฺติ อุปโยควจเนน นิทฺเทโส กโต, อภิธมฺเม จ ‘ยสฺมึ สมเย กามาวจร’นฺติ ภุมฺมวจเนน, ตถา อกตฺวา อิธ ‘เตน สมเยนา’ติ กรณวจเนน นิทฺเทโส กโต’’ติ? ตตฺถ ตถา, อิธ จ อฺถา อตฺถสมฺภวโต. กถํ? สุตฺตนฺเต ตาว อจฺจนฺตสํโยคตฺโถ สมฺภวติ. ยฺหิ สมยํ ภควา พฺรหฺมชาลาทีนิ สุตฺตนฺตานิ เทเสสิ, อจฺจนฺตเมว ตํ สมยํ กรุณาวิหาเรน วิหาสิ; ตสฺมา ตทตฺถโชตนตฺถํ ตตฺถ อุปโยคนิทฺเทโส กโต. อภิธมฺเม จ อธิกรณตฺโถ ¶ ภาเวนภาวลกฺขณตฺโถ จ สมฺภวติ. อธิกรณฺหิ กาลตฺโถ สมูหตฺโถ จ สมโย, ตตฺถ วุตฺตานํ ผสฺสาทิธมฺมานํ ขณสมวายเหตุสงฺขาตสฺส จ สมยสฺส ภาเวน เตสํ ภาโว ลกฺขิยติ. ตสฺมา ตทตฺถโชตนตฺถํ ตตฺถ ภุมฺมวจเนน นิทฺเทโส กโต. อิธ ปน เหตุอตฺโถ กรณตฺโถ จ สมฺภวติ. โย ¶ หิ โส สิกฺขาปทปฺตฺติสมโย ¶ สาริปุตฺตาทีหิปิ ทุพฺพิฺเยฺโย, เตน สมเยน เหตุภูเตน กรณภูเตน จ สิกฺขาปทานิ ปฺาปยนฺโต สิกฺขาปทปฺตฺติเหตฺุจ อเปกฺขมาโน ภควา ตตฺถ ตตฺถ วิหาสิ; ตสฺมา ตทตฺถโชตนตฺถํ อิธ กรณวจเนน นิทฺเทโส กโตติ เวทิตพฺโพ. โหติ เจตฺถ –
‘‘อุปโยเคน ภุมฺเมน, ตํ ตํ อตฺถมเปกฺขิย;
อฺตฺร สมโย วุตฺโต, กรเณเนว โส อิธา’’ติ.
โปราณา ปน วณฺณยนฺติ – ‘เอกํ สมย’นฺติ วา ‘ยสฺมึ สมเย’ติ วา ‘เตน สมเยนา’ติ วา อภิลาปมตฺตเภโท เอส, สพฺพตฺถ ภุมฺมเมว อตฺโถ’’ติ. ตสฺมา เตสํ ลทฺธิยา ‘‘เตน สมเยนา’’ติ วุตฺเตปิ ‘‘ตสฺมึ สมเย’’ติ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
พุทฺโธ ภควาติ อิเมสํ ปทานํ ปรโต อตฺถํ วณฺณยิสฺสาม. เวรฺชายํ วิหรตีติ เอตฺถ ปน เวรฺชาติ อฺตรสฺส นครสฺเสตํ อธิวจนํ, ตสฺสํ เวรฺชายํ; สมีปตฺเถ ภุมฺมวจนํ. วิหรตีติ อวิเสเสน อิริยาปถทิพฺพพฺรหฺมอริยวิหาเรสุ อฺตรวิหารสมงฺคีปริทีปนเมตํ, อิธ ปน านคมนนิสชฺชาสยนปฺปเภเทสุ อิริยาปเถสุ อฺตรอิริยาปถสมาโยคปริทีปนํ, เตน ิโตปิ คจฺฉนฺโตปิ นิสินฺโนปิ สยาโนปิ ภควา วิหรติจฺเจว เวทิตพฺโพ. โส หิ เอกํ อิริยาปถพาธนํ อฺเน อิริยาปเถน วิจฺฉินฺทิตฺวา อปริปตนฺตํ อตฺตภาวํ หรติ ปวตฺเตติ, ตสฺมา ‘‘วิหรตี’’ติ วุจฺจติ.
นเฬรุปุจิมนฺทมูเลติ เอตฺถ นเฬรุ นาม ยกฺโข, ปุจิมนฺโทติ ¶ นิมฺพรุกฺโข, มูลนฺติ สมีปํ. อยฺหิ มูลสทฺโท ‘‘มูลานิ อุทฺธเรยฺย อนฺตมโส อุสีรนาฬิมตฺตานิปี’’ติ (อ. นิ. ๔.๑๙๕) -อาทีสุ มูลมูเล ทิสฺสติ. ‘‘โลโภ อกุสลมูล’’นฺติ (ที. นิ. ๓.๓๐๕) -อาทีสุ อสาธารณเหตุมฺหิ. ‘‘ยาว มชฺฌนฺหิเก กาเล ฉายา ผรติ, นิวาเต ปณฺณานิ ปตนฺติ, เอตฺตาวตา รุกฺขมูล’’นฺติอาทีสุ สมีเป. อิธ ปน สมีเป อธิปฺเปโต, ตสฺมา นเฬรุยกฺเขน อธิคฺคหิตสฺส ปุจิมนฺทสฺส สมีเปติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. โส กิร ปุจิมนฺโท รมณีโย ปาสาทิโก อเนเกสํ รุกฺขานํ อาธิปจฺจํ วิย กุรุมาโน ตสฺส นครสฺส อวิทูเร คมนาคมนสมฺปนฺเน าเน อโหสิ. อถ ¶ ภควา เวรฺชํ คนฺตฺวา ปติรูเป าเน วิหรนฺโต ตสฺส รุกฺขสฺส สมีเป เหฏฺาภาเค วิหาสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘เวรฺชายํ วิหรติ นเฬรุปุจิมนฺทมูเล’’ติ.
ตตฺถ ¶ สิยา ยทิ ตาว ภควา เวรฺชายํ วิหรติ, ‘‘นเฬรุปุจิมนฺทมูเล’’ติ น วตฺตพฺพํ, อถ ตตฺถ วิหรติ, ‘‘เวรฺชาย’’นฺติ น วตฺตพฺพํ, น หิ สกฺกา อุภยตฺถ เตเนว สมเยน อปุพฺพํ อจริมํ วิหริตุนฺติ? น โข ปเนตํ เอวํ ทฏฺพฺพํ, นนุ อโวจุมฺห ‘‘สมีปตฺเถ ภุมฺมวจน’’นฺติ. ตสฺมา ยถา คงฺคายมุนาทีนํ สมีเป โคยูถานิ จรนฺตานิ ‘‘คงฺคาย จรนฺติ, ยมุนาย จรนฺตี’’ติ วุจฺจนฺติ; เอวมิธาปิ ยทิทํ เวรฺชาย สมีเป นเฬรุปุจิมนฺทมูลํ ตตฺถ วิหรนฺโต วุจฺจติ ‘‘เวรฺชายํ วิหรติ นเฬรุปุจิมนฺทมูเล’’ติ. โคจรคามนิทสฺสนตฺถํ หิสฺส เวรฺชาวจนํ. ปพฺพชิตานุรูปนิวาสนฏฺานนิทสฺสนตฺถํ นเฬรุปุจิมนฺทมูลวจนํ.
ตตฺถ เวรฺชากิตฺตเนน อายสฺมา อุปาลิตฺเถโร ภควโต คหฏฺานุคฺคหกรณํ ทสฺเสติ, นเฬรุปุจิมนฺทมูลกิตฺตเนน ปพฺพชิตานุคฺคหกรณํ, ตถา ปุริเมน ปจฺจยคฺคหณโต อตฺตกิลมถานุโยควิวชฺชนํ, ปจฺฉิเมน วตฺถุกามปฺปหานโต กามสุขลฺลิกานุโยควิวชฺชนุปายทสฺสนํ; ปุริเมน จ ธมฺมเทสนาภิโยคํ, ปจฺฉิเมน วิเวกาธิมุตฺตึ; ปุริเมน กรุณาย อุปคมนํ ¶ , ปจฺฉิเมน ปฺาย อปคมนํ; ปุริเมน สตฺตานํ หิตสุขนิปฺผาทนาธิมุตฺตตํ, ปจฺฉิเมน ปรหิตสุขกรเณ นิรุปเลปนํ; ปุริเมน ธมฺมิกสุขาปริจฺจาคนิมิตฺตํ ผาสุวิหารํ, ปจฺฉิเมน อุตฺตริมนุสฺสธมฺมานุโยคนิมิตฺตํ; ปุริเมน มนุสฺสานํ อุปการพหุลตํ, ปจฺฉิเมน เทวตานํ; ปุริเมน โลเก ชาตสฺส โลเก สํวฑฺฒภาวํ, ปจฺฉิเมน โลเกน อนุปลิตฺตตํ; ปุริเมน ‘‘เอกปุคฺคโล, ภิกฺขเว, โลเก อุปฺปชฺชมาโน อุปฺปชฺชติ พหุชนหิตาย พหุชนสุขาย โลกานุกมฺปาย อตฺถาย หิตาย สุขาย เทวมนุสฺสานํ. กตโม เอกปุคฺคโล? ตถาคโต อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ’’ติ (อ. นิ. ๑.๑๗๐) วจนโต ยทตฺถํ ภควา อุปฺปนฺโน ตทตฺถปรินิปฺผาทนํ, ปจฺฉิเมน ยตฺถ อุปฺปนฺโน ตทนุรูปวิหารํ. ภควา หิ ปมํ ลุมฺพินีวเน, ทุติยํ โพธิมณฺเฑติ โลกิยโลกุตฺตราย อุปฺปตฺติยา วเนเยว อุปฺปนฺโน, เตนสฺส วเนเยว วิหารํ ทสฺเสตีติ เอวมาทินา นเยเนตฺถ อตฺถโยชนา เวทิตพฺพา.
มหตา ¶ ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธินฺติ เอตฺถ มหตาติ คุณมหตฺเตนปิ มหตา; สงฺขฺยามหตฺเตนปิ, โส หิ ภิกฺขุสงฺโฆ คุเณหิปิ มหา อโหสิ, ยสฺมา โย ตตฺถ ปจฺฉิมโก โส โสตาปนฺโน; สงฺขฺยายปิ มหา ปฺจสตสงฺขฺยตฺตา. ภิกฺขูนํ สงฺเฆน ภิกฺขุสงฺเฆน; ทิฏฺิสีลสามฺสงฺขาตสงฺฆาเตน สมณคเณนาติ อตฺโถ. สทฺธินฺติ เอกโต. ปฺจมตฺเตหิ ภิกฺขุสเตหีติ ปฺจ มตฺตา เอเตสนฺติ ปฺจมตฺตานิ. มตฺตาติ ปมาณํ วุจฺจติ. ตสฺมา ยถา ‘‘โภชเน ¶ มตฺตฺู’’ติ วุตฺเต โภชเน มตฺตํ ชานาติ, ปมาณํ ชานาตีติ อตฺโถ โหติ; เอวมิธาปิ เตสํ ภิกฺขุสตานํ ปฺจ มตฺตา ปฺจปฺปมาณนฺติ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ภิกฺขูนํ สตานิ ภิกฺขุสตานิ, เตหิ ปฺจมตฺเตหิ ภิกฺขุสเตหิ. เอเตน ยํ วุตฺตํ – ‘‘มหตา ภิกฺขุสงฺเฆน สทฺธิ’’นฺติ, เอตฺถ ตสฺส มหโต ภิกฺขุสงฺฆสฺส สงฺขฺยามหตฺตํ ทสฺสิตํ โหติ. ปรโต ปนสฺส ¶ ‘‘นิรพฺพุโท หิ, สาริปุตฺต ภิกฺขุสงฺโฆ นิราทีนโว อปคตกาฬโก สุทฺโธ สาเร ปติฏฺิโต. อิเมสฺหิ, สาริปุตฺต, ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ โย ปจฺฉิมโก โส โสตาปนฺโน’’ติ วจเนน คุณมหตฺตํ อาวิภวิสฺสติ.
อสฺโสสิ โข เวรฺโช พฺราหฺมโณติ อสฺโสสีติ สุณิ อุปลภิ, โสตทฺวารสมฺปตฺตวจนนิคฺโฆสานุสาเรน อฺาสิ. โขติ ปทปูรณมตฺเต อวธารณตฺเถ วา นิปาโต. ตตฺถ อวธารณตฺเถน อสฺโสสิ เอว, นาสฺส โกจิ สวนนฺตราโย อโหสีติ อยมตฺโถ เวทิตพฺโพ. ปทปูรเณน ปน พฺยฺชนสิลิฏฺตามตฺตเมว. เวรฺชายํ ชาโต, เวรฺชายํ ภโว, เวรฺชา วา อสฺส นิวาโสติ เวรฺโช. มาตาปิตูหิ กตนามวเสน ปนายํ ‘‘อุทโย’’ติ วุจฺจติ. พฺรหฺมํ อณตีติ พฺราหฺมโณ, มนฺเต สชฺฌายตีติ อตฺโถ. อิทเมว หิ ชาติพฺราหฺมณานํ นิรุตฺติวจนํ. อริยา ปน พาหิตปาปตฺตา ‘‘พฺราหฺมณา’’ติ วุจฺจนฺติ.
อิทานิ ยมตฺถํ เวรฺโช พฺราหฺมโณ อสฺโสสิ, ตํ ปกาเสนฺโต สมโณ ขลุ โภ โคตโมติอาทิมาห. ตตฺถ สมิตปาปตฺตา สมโณติ เวทิตพฺโพ. วุตฺตํ เหตํ – ‘‘พาหิตปาโปติ พฺราหฺมโณ (ธ. ป. ๓๘๘), สมิตปาปตฺตา ¶ สมโณติ วุจฺจตี’’ติ (ธ. ป. ๒๖๕). ภควา จ อนุตฺตเรน อริยมคฺเคน สมิตปาโป, เตนสฺส ยถาภุจฺจคุณาธิคตเมตํ นามํ ยทิทํ สมโณติ. ขลูติ อนุสฺสวนตฺเถ นิปาโต. โภติ พฺราหฺมณชาติกานํ ชาติสมุทาคตํ อาลปนมตฺตํ. วุตฺตมฺปิ เหตํ –
‘‘โภวาที นามโส โหติ, สเจ โหติ สกิฺจโน’’ติ. (ธ. ป. ๓๙๖; สุ. นิ. ๖๒๕). โคตโมติ ภควนฺตํ โคตฺตวเสน ปริกิตฺเตติ, ตสฺมา ‘‘สมโณ ขลุ โภ โคตโม’’ติ เอตฺถ สมโณ กิร โภ โคตมโคตฺโตติ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ. สกฺยปุตฺโตติ อิทํ ปน ภควโต อุจฺจากุลปริทีปนํ. สกฺยกุลา ปพฺพชิโตติ สทฺธาปพฺพชิตภาวปริทีปนํ, เกนจิ ปาริชฺุเน อนภิภูโต อปริกฺขีณํเยว, ตํ กุลํ ปหาย สทฺธาย ปพฺพชิโตติ วุตฺตํ โหติ. ตโต ปรํ วุตฺตตฺถเมว. ตํ โข ปนาติ อิตฺถมฺภูตาขฺยานตฺเถ ¶ อุปโยควจนํ, ตสฺส โข ปน ¶ โภโต โคตมสฺสาติ อตฺโถ. กลฺยาโณติ กลฺยาณคุณสมนฺนาคโต; เสฏฺโติ วุตฺตํ โหติ. กิตฺติสทฺโทติ กิตฺติ เอว, ถุติโฆโส วา.
อิติปิ โส ภควาติอาทีสุ ปน อยํ ตาว โยชนา – โส ภควา อิติปิ อรหํ, อิติปิ สมฺมาสมฺพุทฺโธ…เป… อิติปิ ภควาติ อิมินา จ อิมินา จ การเณนาติ วุตฺตํ โหติ.
อิทานิ วินยธรานํ สุตฺตนฺตนยโกสลฺลตฺถํ วินยสํวณฺณนารมฺเภ พุทฺธคุณปฏิสํยุตฺตาย ธมฺมิยา กถาย จิตฺตสมฺปหํสนตฺถฺจ เอเตสํ ปทานํ วิตฺถารนเยน วณฺณนํ กริสฺสามิ. ตสฺมา ยํ วุตฺตํ – ‘‘โส ภควา อิติปิ อรห’’นฺติอาทิ; ตตฺถ อารกตฺตา, อรีนํ อรานฺจ หตตฺตา, ปจฺจยาทีนํ อรหตฺตา, ปาปกรเณ รหาภาวาติ อิเมหิ ตาว การเณหิ โส ภควา อรหนฺติ เวทิตพฺโพ. อารกา หิ โส สพฺพกิเลเสหิ สุวิทูรวิทูเร ิโต, มคฺเคน สวาสนานํ กิเลสานํ วิทฺธํสิตตฺตาติ อารกตฺตา อรหํ; เต จาเนน กิเลสารโย มคฺเคน หตาติ อรีนํ หตตฺตาปิ อรหํ. ยฺเจตํ อวิชฺชาภวตณฺหามยนาภิปฺุาทิอภิสงฺขารารํ ชรามรณเนมิ อาสวสมุทยมเยน อกฺเขน วิชฺฌิตฺวา ติภวรเถ สมาโยชิตํ อนาทิกาลปฺปวตฺตํ สํสารจกฺกํ, ตสฺสาเนน โพธิมณฺเฑ ¶ วีริยปาเทหิ สีลปถวิยํ ปติฏฺาย สทฺธาหตฺเถน กมฺมกฺขยกรํ าณผรสุํ คเหตฺวา สพฺเพ อรา หตาติ อรานํ หตตฺตาปิ อรหํ.
อถ วา สํสารจกฺกนฺติ อนมตคฺคสํสารวฏฺฏํ วุจฺจติ, ตสฺส จ อวิชฺชา นาภิ, มูลตฺตา; ชรามรณํ เนมิ, ปริโยสานตฺตา; เสสา ทส ธมฺมา อรา, อวิชฺชามูลกตฺตา ชรามรณปริยนฺตตฺตา จ. ตตฺถ ทุกฺขาทีสุ อฺาณํ อวิชฺชา, กามภเว จ อวิชฺชา กามภเว สงฺขารานํ ปจฺจโย โหติ. รูปภเว อวิชฺชา รูปภเว สงฺขารานํ ปจฺจโย โหติ. อรูปภเว อวิชฺชา อรูปภเว สงฺขารานํ ปจฺจโย โหติ. กามภเว สงฺขารา กามภเว ¶ ปฏิสนฺธิวิฺาณสฺส ปจฺจยา โหนฺติ. เอส นโย อิตเรสุ. กามภเว ปฏิสนฺธิวิฺาณํ กามภเว นามรูปสฺส ปจฺจโย โหติ, ตถา รูปภเว. อรูปภเว นามสฺเสว ปจฺจโย โหติ. กามภเว นามรูปํ กามภเว สฬายตนสฺส ปจฺจโย โหติ. รูปภเว นามรูปํ รูปภเว ติณฺณํ อายตนานํ ปจฺจโย โหติ. อรูปภเว นามํ อรูปภเว เอกสฺสายตนสฺส ปจฺจโย โหติ. กามภเว สฬายตนํ กามภเว ฉพฺพิธสฺส ผสฺสสฺส ปจฺจโย โหติ. รูปภเว ตีณิ อายตนานิ รูปภเว ติณฺณํ ผสฺสานํ; อรูปภเว เอกมายตนํ อรูปภเว เอกสฺส ผสฺสสฺส ปจฺจโย โหติ. กามภเว ฉ ผสฺสา กามภเว ฉนฺนํ เวทนานํ ปจฺจยา โหนฺติ. รูปภเว ตโย ตตฺเถว ¶ ติสฺสนฺนํ; อรูปภเว เอโก ตตฺเถว เอกิสฺสา เวทนาย ปจฺจโย โหติ. กามภเว ฉ เวทนา กามภเว ฉนฺนํ ตณฺหากายานํ ปจฺจยา โหนฺติ. รูปภเว ติสฺโส ตตฺเถว ติณฺณํ; อรูปภเว เอกา เวทนา อรูปภเว เอกสฺส ตณฺหากายสฺส ปจฺจโย โหติ. ตตฺถ ตตฺถ สา สา ตณฺหา ตสฺส ตสฺส อุปาทานสฺส ปจฺจโย; อุปาทานาทโย ภวาทีนํ.
กถํ? อิเธกจฺโจ ‘‘กาเม ปริภฺุชิสฺสามี’’ติ กามุปาทานปจฺจยา กาเยน ทุจฺจริตํ จรติ, วาจาย มนสา ทุจฺจริตํ จรติ; ทุจฺจริตปาริปูริยา อปาเย อุปปชฺชติ. ตตฺถสฺส อุปปตฺติเหตุภูตํ กมฺมํ กมฺมภโว, กมฺมนิพฺพตฺตา ขนฺธา อุปปตฺติภโว, ขนฺธานํ นิพฺพตฺติ ชาติ, ปริปาโก ชรา, เภโท มรณํ.
อปโร ¶ ‘‘สคฺคสมฺปตฺตึ อนุภวิสฺสามี’’ติ ตเถว สุจริตํ จรติ; สุจริตปาริปูริยา สคฺเค อุปปชฺชติ. ตตฺถสฺส อุปปตฺติเหตุภูตํ กมฺมํ กมฺมภโวติ โส เอว นโย.
อปโร ปน ‘‘พฺรหฺมโลกสมฺปตฺตึ อนุภวิสฺสามี’’ติ กามุปาทานปจฺจยา เอว เมตฺตํ ภาเวติ, กรุณํ… มุทิตํ… อุเปกฺขํ ภาเวติ, ภาวนาปาริปูริยา พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺตติ. ตตฺถสฺส นิพฺพตฺติเหตุภูตํ กมฺมํ กมฺมภโวติ โสเยว นโย.
อปโร ‘‘อรูปวภสมฺปตฺตึ อนุภวิสฺสามี’’ติ ¶ ตเถว อากาสานฺจายตนาทิสมาปตฺติโย ภาเวติ, ภาวนาปาริปูริยา ตตฺถ นิพฺพตฺตติ. ตตฺถสฺส นิพฺพตฺติเหตุภูตํ กมฺมํ กมฺมภโว, กมฺมนิพฺพตฺตา ขนฺธา อุปปตฺติภโว, ขนฺธานํ นิพฺพตฺติ ชาติ, ปริปาโก ชรา, เภโท มรณนฺติ. เอส นโย เสสุปาทานมูลิกาสุปิ โยชนาสุ.
เอวํ ‘‘อยํ อวิชฺชา เหตุ, สงฺขารา เหตุสมุปฺปนฺนา, อุโภเปเต เหตุสมุปฺปนฺนาติ ปจฺจยปริคฺคเห ปฺา ธมฺมฏฺิติาณํ; อตีตมฺปิ อทฺธานํ, อนาคตมฺปิ อทฺธานํ; อวิชฺชา เหตุ, สงฺขารา เหตุสมุปฺปนฺนา, อุโภเปเต เหตุสมุปฺปนฺนาติ ปจฺจยปริคฺคเห ปฺา ธมฺมฏฺิติาณ’’นฺติ เอเตน นเยน สพฺพปทานิ วิตฺถาเรตพฺพานิ. ตตฺถ อวิชฺชา สงฺขารา เอโก สงฺเขโป, วิฺาณ-นามรูป-สฬายตน-ผสฺส-เวทนา เอโก, ตณฺหุปาทานภวา เอโก, ชาติ-ชรา-มรณํ เอโก. ปุริมสงฺเขโป เจตฺถ อตีโต อทฺธา, ทฺเว มชฺฌิมา ปจฺจุปฺปนฺโน, ชาติชรามรณํ อนาคโต. อวิชฺชาสงฺขารคฺคหเณน เจตฺถ ตณฺหุปาทานภวา คหิตาว โหนฺตีติ อิเม ปฺจ ธมฺมา อตีเต กมฺมวฏฺฏํ; วิฺาณาทโย ปฺจ ธมฺมา เอตรหิ วิปากวฏฺฏํ. ตณฺหุปาทานภวคฺคหเณน ¶ อวิชฺชาสงฺขารา คหิตาว โหนฺตีติ อิเม ปฺจ ธมฺมา เอตรหิ กมฺมวฏฺฏํ; ชาติชรามรณาปเทเสน วิฺาณาทีนํ นิทฺทิฏฺตฺตา อิเม ปฺจ ธมฺมา อายตึ วิปากวฏฺฏํ. เต อาการโต วีสติวิธา โหนฺติ. สงฺขารวิฺาณานฺเจตฺถ อนฺตรา เอโก สนฺธิ, เวทนาตณฺหานมนฺตรา เอโก, ภวชาตีนมนฺตรา เอโก. อิติ ภควา เอวํ จตุสงฺเขปํ, ติยทฺธํ, วีสตาการํ, ติสนฺธึ ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ สพฺพาการโต ชานาติ ปสฺสติ อฺาติ ปฏิวิชฺฌติ. ตํ าตฏฺเน าณํ, ปชานนฏฺเน ปฺา. เตน วุจฺจติ – ‘‘ปจฺจยปริคฺคเห ปฺา ธมฺมฏฺิติาณ’’นฺติ. อิมินา ธมฺมฏฺิติาเณน ภควา เต ธมฺเม ยถาภูตํ ตฺวา เตสุ ¶ นิพฺพินฺทนฺโต วิรชฺชนฺโต วิมุจฺจนฺโต วุตฺตปฺปการสฺส อิมสฺส สํสารจกฺกสฺส อเร หนิ วิหนิ วิทฺธํเสสิ. เอวมฺปิ อรานํ หตตฺตา อรหํ.
อคฺคทกฺขิเณยฺยตฺตา จ จีวราทิปจฺจเย ¶ อรหติ ปูชาวิเสสฺจ; เตเนว จ อุปฺปนฺเน ตถาคเต เย เกจิ มเหสกฺขา เทวมนุสฺสา น เต อฺตฺถ ปูชํ กโรนฺติ. ตถา หิ พฺรหฺมา สหมฺปติ สิเนรุมตฺเตน รตนทาเมน ตถาคตํ ปูเชสิ, ยถาพลฺจ อฺเปิ เทวา มนุสฺสา จ พิมฺพิสารโกสลราชาทโย. ปรินิพฺพุตมฺปิ จ ภควนฺตํ อุทฺทิสฺส ฉนฺนวุติโกฏิธนํ วิสชฺเชตฺวา อโสกมหาราชา สกลชมฺพุทีเป จตุราสีติวิหารสหสฺสานิ ปติฏฺาเปสิ. โก ปน วาโท อฺเสํ ปูชาวิเสสานนฺติ! เอวํ ปจฺจยาทีนํ อรหตฺตาปิ อรหํ. ยถา จ โลเก เกจิ ปณฺฑิตมานิโน พาลา อสิโลกภเยน รโห ปาปํ กโรนฺติ; เอวเมส น กทาจิ กโรตีติ ปาปกรเณ รหาภาวโตปิ อรหํ. โหติ เจตฺถ –
‘‘อารกตฺตา หตตฺตา จ, กิเลสารีน โส มุนิ;
หตสํสารจกฺกาโร, ปจฺจยาทีน จารโห;
น รโห กโรติ ปาปานิ, อรหํ เตน วุจฺจตี’’ติ.
สมฺมา สามฺจ สพฺพธมฺมานํ พุทฺธตฺตา ปน สมฺมาสมฺพุทฺโธ. ตถา เหส สพฺพธมฺเม สมฺมา สามฺจ พุทฺโธ, อภิฺเยฺเย ธมฺเม อภิฺเยฺยโต พุทฺโธ, ปริฺเยฺเย ธมฺเม ปริฺเยฺยโต, ปหาตพฺเพ ธมฺเม ปหาตพฺพโต, สจฺฉิกาตพฺเพ ธมฺเม สจฺฉิกาตพฺพโต, ภาเวตพฺเพ ธมฺเม ภาเวตพฺพโต. เตเนว จาห –
‘‘อภิฺเยฺยํ ¶ อภิฺาตํ, ภาเวตพฺพฺจ ภาวิตํ;
ปหาตพฺพํ ปหีนํ เม, ตสฺมา พุทฺโธสฺมิ พฺราหฺมณา’’ติ. (ม. นิ. ๒.๓๙๙; สุ. นิ. ๕๖๓);
อปิจ จกฺขุ ทุกฺขสจฺจํ, ตสฺส มูลการณภาเวน ตํสมุฏฺาปิกา ปุริมตณฺหา สมุทยสจฺจํ, อุภินฺนมปฺปวตฺติ นิโรธสจฺจํ, นิโรธปฺปชานนา ปฏิปทา มคฺคสจฺจนฺติ เอวํ เอเกกปทุทฺธาเรนาปิ สพฺพธมฺเม สมฺมา สามฺจ พุทฺโธ. เอส นโย โสต-ฆาน-ชิวฺหา-กายมเนสุปิ. เอเตเนว นเยน รูปาทีนิ ฉ อายตนานิ, จกฺขุวิฺาณาทโย ฉ วิฺาณกายา, จกฺขุสมฺผสฺสาทโย ฉ ผสฺสา, จกฺขุสมฺผสฺสชาทโย ฉ เวทนา, รูปสฺาทโย ฉ สฺา, รูปสฺเจตนาทโย ฉ เจตนา, รูปตณฺหาทโย ฉ ¶ ตณฺหากายา, รูปวิตกฺกาทโย ฉ วิตกฺกา, รูปวิจาราทโย ฉ วิจารา ¶ , รูปกฺขนฺธาทโย ปฺจกฺขนฺธา, ทส กสิณานิ, ทส อนุสฺสติโย, อุทฺธุมาตกสฺาทิวเสน ทส สฺา, เกสาทโย ทฺวตฺตึสาการา, ทฺวาทสายตนานิ, อฏฺารส ธาตุโย, กามภวาทโย นว ภวา, ปมาทีนิ จตฺตาริ ฌานานิ, เมตฺตาภาวนาทโย จตสฺโส อปฺปมฺา, จตสฺโส อรูปสมาปตฺติโย, ปฏิโลมโต ชรามรณาทีนิ, อนุโลมโต อวิชฺชาทีนิ ปฏิจฺจสมุปฺปาทงฺคานิ จ โยเชตพฺพานิ.
ตตฺรายํ เอกปทโยชนา – ‘‘ชรามรณํ ทุกฺขสจฺจํ, ชาติ สมุทยสจฺจํ, อุภินฺนมฺปิ นิสฺสรณํ นิโรธสจฺจํ, นิโรธปฺปชานนา ปฏิปทา มคฺคสจฺจ’’นฺติ. เอวํ เอเกกปทุทฺธาเรน สพฺพธมฺเม สมฺมา สามฺจ พุทฺโธ อนุพุทฺโธ ปฏิวิทฺโธ. เตน วุตฺตํ – สมฺมา สามฺจ สพฺพธมฺมานํ พุทฺธตฺตา ปน สมฺมาสมฺพุทฺโธติ.
วิชฺชาหิ ปน จรเณน จ สมฺปนฺนตฺตา วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน; ตตฺถ วิชฺชาติ ติสฺโสปิ วิชฺชา, อฏฺปิ วิชฺชา. ติสฺโส วิชฺชา ภยเภรวสุตฺเต (ม. นิ. ๑.๓๔ อาทโย) วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพา, อฏฺ วิชฺชา อมฺพฏฺสุตฺเต (ที. นิ. ๑.๒๗๘ อาทโย). ตตฺร หิ วิปสฺสนาาเณน มโนมยิทฺธิยา จ สห ฉ อภิฺา ปริคฺคเหตฺวา อฏฺ วิชฺชา วุตฺตา. จรณนฺติ สีลสํวโร, อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารตา, โภชเน มตฺตฺุตา, ชาคริยานุโยโค, สตฺต สทฺธมฺมา, จตฺตาริ รูปาวจรชฺฌานานีติ อิเม ปนฺนรส ธมฺมา เวทิตพฺพา. อิเมเยว หิ ปนฺนรส ธมฺมา, ยสฺมา เอเตหิ จรติ อริยสาวโก คจฺฉติ อมตํ ทิสํ ตสฺมา, จรณนฺติ วุตฺตา. ยถาห – ‘‘อิธ, มหานาม, อริยสาวโก สีลวา โหตี’’ติ (ม. นิ. ๒.๒๔) วิตฺถาโร. ภควา อิมาหิ วิชฺชาหิ อิมินา จ จรเณน สมนฺนาคโต, เตน วุจฺจติ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโนติ ¶ . ตตฺถ วิชฺชาสมฺปทา ภควโต สพฺพฺุตํ ปูเรตฺวา ิตา, จรณสมฺปทา มหาการุณิกตํ. โส สพฺพฺุตาย สพฺพสตฺตานํ อตฺถานตฺถํ ตฺวา มหาการุณิกตาย อนตฺถํ ปริวชฺเชตฺวา อตฺเถ นิโยเชติ, ยถา ตํ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน. เตนสฺส สาวกา สุปฺปฏิปนฺนา โหนฺติ โน ทุปฺปฏิปนฺนา, วิชฺชาจรณวิปนฺนานฺหิ สาวกา อตฺตนฺตปาทโย วิย.
โสภนคมนตฺตา, สุนฺทรํ านํ คตตฺตา, สมฺมาคตตฺตา, สมฺมา จ คทตฺตา สุคโต. คมนมฺปิ หิ คตนฺติ วุจฺจติ, ตฺจ ภควโต โสภนํ ปริสุทฺธมนวชฺชํ ¶ . กึ ¶ ปน ตนฺติ? อริยมคฺโค. เตน เหส คมเนน เขมํ ทิสํ อสชฺชมาโน คโตติ โสภนคมนตฺตา สุคโต. สุนฺทรํ เจส านํ คโต อมตํ นิพฺพานนฺติ สุนฺทรํ านํ คตตฺตาปิ สุคโต. สมฺมา จ คโต เตน เตน มคฺเคน ปหีเน กิเลเส ปุน อปจฺจาคจฺฉนฺโต. วุตฺตฺเจตํ – ‘‘โสตาปตฺติมคฺเคน เย กิเลสา ปหีนา, เต กิเลเส น ปุเนติ น ปจฺเจติ น ปจฺจาคจฺฉตีติ สุคโต…เป… อรหตฺตมคฺเคน เย กิเลสา ปหีนา, เต กิเลเส น ปุเนติ น ปจฺเจติ น ปจฺจาคจฺฉตีติ สุคโต’’ติ (มหานิ. ๓๘). สมฺมา วา อาคโต ทีปงฺกรปาทมูลโต ปภุติ ยาว โพธิมณฺโฑ ตาว สมตึสปารมิปูริตาย สมฺมาปฏิปตฺติยา สพฺพโลกสฺส หิตสุขเมว กโรนฺโต สสฺสตํ อุจฺเฉทํ กามสุขํ อตฺตกิลมถนฺติ อิเม จ อนฺเต อนุปคจฺฉนฺโต อาคโตติ สมฺมาคตตฺตาปิ สุคโต. สมฺมา เจส คทติ, ยุตฺตฏฺาเน ยุตฺตเมว วาจํ ภาสตีติ สมฺมา คทตฺตาปิ สุคโต.
ตตฺริทํ สาธกสุตฺตํ – ‘‘ยํ ตถาคโต วาจํ ชานาติ อภูตํ อตจฺฉํ อนตฺถสํหิตํ, สา จ ปเรสํ อปฺปิยา อมนาปา, น ตํ ตถาคโต วาจํ ภาสติ. ยมฺปิ ตถาคโต วาจํ ชานาติ ภูตํ ตจฺฉํ อนตฺถสํหิตํ, สา จ ปเรสํ อปฺปิยา อมนาปา, ตมฺปิ ตถาคโต วาจํ น ภาสติ. ยฺจ โข ตถาคโต วาจํ ชานาติ ภูตํ ตจฺฉํ อตฺถสํหิตํ, สา จ ปเรสํ อปฺปิยา อมนาปา, ตตฺร กาลฺู ตถาคโต โหติ ตสฺสา วาจาย เวยฺยากรณาย. ยํ ตถาคโต วาจํ ชานาติ อภูตํ อตจฺฉํ อนตฺถสํหิตํ, สา จ ปเรสํ ปิยา มนาปา, น ตํ ตถาคโต วาจํ ภาสติ. ยมฺปิ ตถาคโต วาจํ ชานาติ ภูตํ ตจฺฉํ อนตฺถสํหิตํ, สา จ ปเรสํ ปิยา มนาปา, ตมฺปิ ตถาคโต วาจํ น ภาสติ. ยฺจ โข ตถาคโต วาจํ ชานาติ ภูตํ ตจฺฉํ อตฺถสํหิตํ, สา จ ปเรสํ ปิยา มนาปา, ตตฺร กาลฺู ตถาคโต โหติ ตสฺสา วาจาย เวยฺยากรณายา’’ติ (ม. นิ. ๒.๘๖). เอวํ สมฺมา คทตฺตาปิ สุคโตติ เวทิตพฺโพ.
สพฺพถา วิทิตโลกตฺตา ปน โลกวิทู. โส หิ ภควา สภาวโต สมุทยโต นิโรธโต นิโรธูปายโตติ ¶ สพฺพถา โลกํ อเวทิ อฺาสิ ปฏิวิชฺฌิ. ยถาห – ‘‘ยตฺถ โข, อาวุโส, น ชายติ ¶ น ชียติ น มียติ น จวติ น อุปปชฺชติ, นาหํ ตํ คมเนน โลกสฺส ¶ อนฺตํ าเตยฺยํ ทฏฺเยฺยํ ปตฺเตยฺยนฺติ วทามิ; น จาหํ, อาวุโส, อปฺปตฺวาว โลกสฺส อนฺตํ ทุกฺขสฺส อนฺตกิริยํ วทามิ. อปิ จาหํ, อาวุโส, อิมสฺมึเยว พฺยามมตฺเต กเฬวเร สสฺิมฺหิ สมนเก โลกฺจ ปฺเปมิ โลกสมุทยฺจ โลกนิโรธฺจ โลกนิโรธคามินิฺจ ปฏิปทํ.
‘‘คมเนน น ปตฺตพฺโพ, โลกสฺสนฺโต กุทาจนํ;
น จ อปฺปตฺวา โลกนฺตํ, ทุกฺขา อตฺถิ ปโมจนํ.
‘‘ตสฺมา หเว โลกวิทู สุเมโธ;
โลกนฺตคู วุสิตพฺรหฺมจริโย;
โลกสฺส อนฺตํ สมิตาวิ ตฺวา;
นาสีสตี โลกมิมํ ปรฺจา’’ติ. (อ. นิ. ๔.๔๕; สํ. นิ. ๑.๑๐๗);
อปิจ ตโย โลกา – สงฺขารโลโก, สตฺตโลโก, โอกาสโลโกติ; ตตฺถ ‘‘เอโก โลโก – สพฺเพ สตฺตา อาหารฏฺิติกา’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๒) อาคตฏฺาเน สงฺขารโลโก เวทิตพฺโพ. ‘‘สสฺสโต โลโกติ วา อสสฺสโต โลโกติ วา’’ติ (ที. นิ. ๑.๔๒๑) อาคตฏฺาเน สตฺตโลโก.
‘‘ยาวตา จนฺทิมสูริยา, ปริหรนฺติ ทิสา ภนฺติ วิโรจนา;
ตาว สหสฺสธา โลโก, เอตฺถ เต วตฺตตี วโส’’ติ. (ม. นิ. ๑.๕๐๓) –
อาคตฏฺาเน โอกาสโลโก, ตมฺปิ ภควา สพฺพถา อเวทิ. ตถา หิสฺส – ‘‘เอโก โลโก – สพฺเพ สตฺตา อาหารฏฺิติกา. ทฺเว โลกา – นามฺจ รูปฺจ. ตโย โลกา – ติสฺโส เวทนา. จตฺตาโร โลกา – จตฺตาโร อาหารา. ปฺจ โลกา – ปฺจุปาทานกฺขนฺธา. ฉ โลกา – ฉ อชฺฌตฺติกานิ อายตนานิ. สตฺต โลกา สตฺต วิฺาณฏฺิติโย. อฏฺ โลกา – อฏฺ โลกธมฺมา. นว โลกา – นว สตฺตาวาสา. ทส โลกา – ทสายตนานิ. ทฺวาทส โลกา – ทฺวาทสายตนานิ ¶ . อฏฺารส โลกา – อฏฺารส ธาตุโย’’ติ (ปฏิ. ม. ๑.๑๑๒). อยํ สงฺขารโลโกปิ สพฺพถา วิทิโต.
ยสฺมา ¶ ปเนส สพฺเพสมฺปิ สตฺตานํ อาสยํ ชานาติ, อนุสยํ ชานาติ, จริตํ ชานาติ, อธิมุตฺตึ ชานาติ, อปฺปรชกฺเข มหารชกฺเข ติกฺขินฺทฺริเย มุทินฺทฺริเย สฺวากาเร ทฺวากาเร สุวิฺาปเย ทุวิฺาปเย ภพฺเพ อภพฺเพ สตฺเต ชานาติ, ตสฺมาสฺส สตฺตโลโกปิ สพฺพถา วิทิโต. ยถา จ สตฺตโลโก ¶ เอวํ โอกาสโลโกปิ. ตถา เหส เอกํ จกฺกวาฬํ อายามโต จ วิตฺถารโต จ โยชนานํ ทฺวาทส สตสหสฺสานิ ตีณิ สหสฺสานิ จตฺตาริ สตานิ ปฺาสฺจ โยชนานิ. ปริกฺเขปโต –
สพฺพํ สตสหสฺสานิ, ฉตฺตึส ปริมณฺฑลํ;
ทสฺเจว สหสฺสานิ, อฑฺฒุฑฺฒานิ สตานิ จ.
ตตฺถ –
ทุเว สตสหสฺสานิ, จตฺตาริ นหุตานิ จ;
เอตฺตกํ พหลตฺเตน, สงฺขาตายํ วสุนฺธรา.
ตสฺสา เอว สนฺธารกํ –
จตฺตาริ สตสหสฺสานิ, อฏฺเว นหุตานิ จ;
เอตฺตกํ พหลตฺเตน, ชลํ วาเต ปติฏฺิตํ.
ตสฺสาปิ สนฺธารโก –
นวสตสหสฺสานิ, มาลุโต นภมุคฺคโต;
สฏฺิ เจว สหสฺสานิ, เอสา โลกสฺส สณฺิติ.
เอวํ สณฺิเต เจตฺถ โยชนานํ –
จตุราสีติ สหสฺสานิ, อชฺโฌคาฬฺโห มหณฺณเว;
อจฺจุคฺคโต ตาวเทว, สิเนรุปพฺพตุตฺตโม.
ตโต ¶ อุปฑฺฒุปฑฺเฒน, ปมาเณน ยถากฺกมํ;
อชฺโฌคาฬฺหุคฺคตา ทิพฺพา, นานารตนจิตฺติตา.
ยุคนฺธโร อีสธโร, กรวีโก สุทสฺสโน;
เนมินฺธโร วินตโก, อสฺสกณฺโณ คิรี พฺรหา.
เอเต สตฺต มหาเสลา, สิเนรุสฺส สมนฺตโต;
มหาราชานมาวาสา, เทวยกฺขนิเสวิตา.
โยชนานํ ¶ สตานุจฺโจ, หิมวา ปฺจ ปพฺพโต;
โยชนานํ สหสฺสานิ, ตีณิ อายตวิตฺถโต;
จตุราสีติสหสฺเสหิ, กูเฏหิ ปฏิมณฺฑิโต.
ติปฺจโยชนกฺขนฺธ, ปริกฺเขปา นควฺหยา;
ปฺาส โยชนกฺขนฺธ, สาขายามา สมนฺตโต.
สตโยชนวิตฺถิณฺณา, ตาวเทว จ อุคฺคตา;
ชมฺพู ยสฺสานุภาเวน, ชมฺพุทีโป ปกาสิโต.
ทฺเว อสีติ สหสฺสานิ, อชฺโฌคาฬฺโห มหณฺณเว;
อจฺจุคฺคโต ตาวเทว, จกฺกวาฬสิลุจฺจโย;
ปริกฺขิปิตฺวา ตํ สพฺพํ, โลกธาตุมยํ ิโต.
ตตฺถ จนฺทมณฺฑลํ เอกูนปฺาสโยชนํ, สูริยมณฺฑลํ ปฺาสโยชนํ, ตาวตึสภวนํ ทสสหสฺสโยชนํ; ตถา อสุรภวนํ, อวีจิมหานิรโย, ชมฺพุทีโป จ. อปรโคยานํ สตฺตสหสฺสโยชนํ; ตถา ปุพฺพวิเทโห. อุตฺตรกุรุ อฏฺสหสฺสโยชโน, เอกเมโก เจตฺถ มหาทีโป ปฺจสตปฺจสตปริตฺตทีปปริวาโร; ตํ สพฺพมฺปิ เอกํ จกฺกวาฬํ ¶ , เอกา โลกธาตุ, ตทนฺตเรสุ โลกนฺตริกนิรยา. เอวํ อนนฺตานิ จกฺกวาฬานิ อนนฺตา โลกธาตุโย ภควา อนนฺเตน พุทฺธาเณน อเวทิ, อฺาสิ, ปฏิวิชฺฌิ. เอวมสฺส โอกาสโลโกปิ สพฺพถา วิทิโต. เอวมฺปิ สพฺพถา วิทิตโลกตฺตา โลกวิทู.
อตฺตโน ¶ ปน คุเณหิ วิสิฏฺตรสฺส กสฺสจิ อภาวา นตฺถิ เอตสฺส อุตฺตโรติ อนุตฺตโร. ตถา เหส สีลคุเณนาปิ สพฺพํ โลกมภิภวติ, สมาธิ…เป… ปฺา… วิมุตฺติ… วิมุตฺติาณทสฺสนคุเณนาปิ, สีลคุเณนาปิ อสโม อสมสโม อปฺปฏิโม อปฺปฏิภาโค อปฺปฏิปุคฺคโล…เป… วิมุตฺติาณทสฺสนคุเณนาปิ. ยถาห – ‘‘น โข ปนาหํ, ภิกฺขเว, สมนุปสฺสามิ สเทวเก โลเก สมารเก…เป… สเทวมนุสฺสาย อตฺตนา สีลสมฺปนฺนตร’’นฺติ วิตฺถาโร.
เอวํ ¶ อคฺคปฺปสาทสุตฺตาทีนิ (อ. นิ. ๔.๓๔; อิติวุ. ๙๐) ‘‘น เม อาจริโย อตฺถี’’ติอาทิกา คาถาโย (ม. นิ. ๑.๒๘๕; มหาว. ๑๑) จ วิตฺถาเรตพฺพา.
ปุริสทมฺเม สาเรตีติ ปุริสทมฺมสารถิ, ทเมติ วิเนตีติ วุตฺตํ โหติ. ตตฺถ ปุริสทมฺมาติ อทนฺตา ทเมตุํ ยุตฺตา ติรจฺฉานปุริสาปิ มนุสฺสปุริสาปิ อมนุสฺสปุริสาปิ. ตถา หิ ภควตา ติรจฺฉานปุริสาปิ อปลาโฬ นาคราชา, จูโฬทโร, มโหทโร, อคฺคิสิโข, ธูมสิโข, ธนปาลโก หตฺถีติ เอวมาทโย ทมิตา, นิพฺพิสา กตา, สรเณสุ จ สีเลสุ จ ปติฏฺาปิตา. มนุสฺสปุริสาปิ สจฺจกนิคณฺปุตฺต-อมฺพฏฺมาณว-โปกฺขรสาติ-โสณทณฺฑกูฏทนฺตาทโย. อมนุสฺสปุริสาปิ อาฬวก-สูจิโลม-ขรโลม-ยกฺข-สกฺกเทวราชาทโย ทมิตา วินีตา วิจิตฺเรหิ วินยนูปาเยหิ. ‘‘อหํ โข, เกสิ, ปุริสทมฺมํ สณฺเหนปิ วิเนมิ, ผรุเสนปิ วิเนมิ, สณฺหผรุเสนปิ วิเนมี’’ติ (อ. นิ. ๔.๑๑๑) อิทฺเจตฺถ สุตฺตํ วิตฺถาเรตพฺพํ. อถ วา วิสุทฺธสีลาทีนํ ปมชฺฌานาทีนิ โสตาปนฺนาทีนฺจ อุตฺตริมคฺคปฏิปทํ อาจิกฺขนฺโต ทนฺเตปิ ทเมติเยว.
อถ วา อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถีติ เอกเมวิทํ อตฺถปทํ ¶ . ภควา หิ ตถา ปุริสทมฺเม สาเรติ, ยถา เอกปลฺลงฺเกเนว นิสินฺนา อฏฺ ทิสา อสชฺชมานา ธาวนฺติ. ตสฺมา ‘‘อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถี’’ติ วุจฺจติ. ‘‘หตฺถิทมเกน, ภิกฺขเว, หตฺถิทมฺโม สาริโต เอกํเยว ทิสํ ธาวตี’’ติ อิทฺเจตฺถ สุตฺตํ (ม. นิ. ๓.๓๑๒) วิตฺถาเรตพฺพํ.
ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกปรมตฺเถหิ ยถารหํ อนุสาสตีติ สตฺถา. อปิจ สตฺถา วิยาติ สตฺถา, ภควา สตฺถวาโห. ‘‘ยถา สตฺถวาโห สตฺเถ กนฺตารํ ตาเรติ, โจรกนฺตารํ ตาเรติ, วาฬกนฺตารํ ตาเรติ, ทุพฺภิกฺขกนฺตารํ ตาเรติ, นิรุทกกนฺตารํ ตาเรติ, อุตฺตาเรติ นิตฺตาเรติ ปตาเรติ ¶ เขมนฺตภูมึ สมฺปาเปติ; เอวเมว ภควา สตฺถา สตฺถวาโห สตฺเต กนฺตารํ ตาเรติ ชาติกนฺตารํ ตาเรตี’’ติอาทินา (มหานิ. ๑๙๐) นิทฺเทสนเยนเปตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
เทวมนุสฺสานนฺติ ¶ ทเอวานฺจ มนุสฺสานฺจ อุกฺกฏฺปริจฺเฉทวเสเนตํ วุตฺตํ, ภพฺพปุคฺคลปริจฺเฉทวเสน จ. ภควา ปน ติรจฺฉานคตานมฺปิ อนุสาสนิปฺปทาเนน สตฺถาเยว. เตปิ หิ ภควโต ธมฺมสวเนน อุปนิสฺสยสมฺปตฺตึ ปตฺวา ตาย เอว อุปนิสฺสยสมฺปตฺติยา ทุติเย ตติเย วา อตฺตภาเว มคฺคผลภาคิโน โหนฺติ. มณฺฑูกเทวปุตฺตาทโย เจตฺถ นิทสฺสนํ. ภควติ กิร คคฺคราย โปกฺขรณิยา ตีเร จมฺปานครวาสีนํ ธมฺมํ เทสยมาเน เอโก มณฺฑูโก ภควโต สเร นิมิตฺตํ อคฺคเหสิ. ตํ เอโก วจฺฉปาลโก ทณฺฑโมลุพฺภ ติฏฺนฺโต ตสฺส สีเส สนฺนิรุมฺภิตฺวา อฏฺาสิ. โส ตาวเทว กาลํ กตฺวา ตาวตึสภวเน ทฺวาทสโยชนิเก กนกวิมาเน นิพฺพตฺติ. สุตฺตปฺปพุทฺโธ วิย จ ตตฺถ อจฺฉราสงฺฆปริวุตํ อตฺตานํ ทิสฺวา ‘‘อเร, อหมฺปิ นาม อิธ นิพฺพตฺโตสฺมิ! กึ นุ โข กมฺมํ อกาสิ’’นฺติ อาวชฺเชนฺโต นาฺํ กิฺจิ อทฺทส, อฺตฺร ภควโต สเร นิมิตฺตคฺคาหา. โส ¶ ตอาวเทว สห วิมาเนน อาคนฺตฺวา ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทิ. ภควา ชานนฺโตว ปุจฺฉิ –
‘‘โก เม วนฺทติ ปาทานิ, อิทฺธิยา ยสสา ชลํ;
อภิกฺกนฺเตน วณฺเณน, สพฺพา โอภาสยํ ทิสา’’ติ.
‘‘มณฺฑูโกหํ ปุเร อาสึ, อุทเก วาริโคจโร;
ตว ธมฺมํ สุณนฺตสฺส, อวธิ วจฺฉปาลโก’’ติ. (วิ. ว. ๘๕๗-๘๕๘);
ภควา ตสฺส ธมฺมํ เทเสสิ. เทสนาวสาเน จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ. เทวปุตฺโตปิ โสตาปตฺติผเล ปติฏฺาย สิตํ กตฺวา ปกฺกามีติ.
ยํ ปน กิฺจิ อตฺถิ เยฺยํ นาม, ตสฺส สพฺพสฺส พุทฺธตฺตา วิโมกฺขนฺติกาณวเสน พุทฺโธ. ยสฺมา วา จตฺตาริ สจฺจานิ อตฺตนาปิ พุชฺฌิ, อฺเปิ สตฺเต โพเธสิ; ตสฺมา เอวมาทีหิปิ การเณหิ พุทฺโธ. อิมสฺส จตฺถสฺส วิฺาปนตฺถํ ‘‘พุชฺฌิตา สจฺจานีติ พุทฺโธ, โพเธตา ปชายาติ พุทฺโธ’’ติ เอวํ ปวตฺโต สพฺโพปิ นิทฺเทสนโย (มหานิ. ๑๙๒) ปฏิสมฺภิทานโย (ปฏิ. ม. ๑.๑๖๒) วา วิตฺถาเรตพฺโพ.
ภควาติ ¶ อิทํ ปนสฺส คุณวิสิฏฺสตฺตุตฺตมครุคารวาธิวจนํ. เตนาหุ โปราณา –
‘‘ภควาติ ¶ วจนํ เสฏฺํ, ภควาติ วจนมุตฺตมํ;
ครุ คารวยุตฺโต โส, ภควา เตน วุจฺจตี’’ติ.
จตุพฺพิธฺหิ นามํ – อาวตฺถิกํ, ลิงฺคิกํ, เนมิตฺติกํ, อธิจฺจสมุปฺปนฺนนฺติ. อธิจฺจสมุปฺปนฺนํ นาม โลกิยโวหาเรน ‘‘ยทิจฺฉก’’นฺติ วุตฺตํ โหติ. ตตฺถ ‘‘วจฺโฉ ทมฺโม พลิพทฺโท’’ติ เอวมาทิ อาวตฺถิกํ. ‘‘ทณฺฑี ฉตฺตี สิขี กรี’’ติ เอวมาทิ ลิงฺคิกํ. ‘‘เตวิชฺโช ฉฬภิฺโ’’ติ เอวมาทิ เนมิตฺติกํ. ‘‘สิริวฑฺฒโก ธนวฑฺฒโก’’ติ เอวมาทิ วจนตฺถมนเปกฺขิตฺวา ปวตฺตํ อธิจฺจสมุปฺปนฺนํ. อิทํ ปน ภควาติ นามํ เนมิตฺติกํ, น มหามายาย น สุทฺโธทนมหาราเชน น อสีติยา าติสหสฺเสหิ กตํ, น สกฺกสนฺตุสิตาทีหิ เทวตาวิเสเสหิ. วุตฺตฺเหตํ ธมฺมเสนาปตินา – ‘‘ภควาติ เนตํ นามํ มาตรา กตํ…เป… วิโมกฺขนฺติกเมตํ ¶ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ โพธิยา มูเล สห สพฺพฺุตฺาณสฺส ปฏิลาภา สจฺฉิกาปฺตฺติ, ยทิทํ ภควา’’ติ (มหานิ. ๘๔).
ยํคุณเนมิตฺติกฺเจตํ นามํ, เตสํ คุณานํ ปกาสนตฺถํ อิมํ คาถํ วทนฺติ –
‘‘ภคี ภชี ภาคี วิภตฺตวา อิติ;
อกาสิ ภคฺคนฺติ ครูติ ภาคฺยวา;
พหูหิ าเยหิ สุภาวิตตฺตโน;
ภวนฺตโค โส ภควาติ วุจฺจตี’’ติ.
นิทฺเทเส วุตฺตนเยเนว เจตฺถ เตสํ เตสํ ปทานมตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
อยํ ปน อปโร นโย –
‘‘ภาคฺยวา ภคฺควา ยุตฺโต, ภเคหิ จ วิภตฺตวา;
ภตฺตวา วนฺตคมโน, ภเวสุ ภควา ตโต’’ติ.
ตตฺถ วณฺณาคโม วณฺณวิปริยโยติ เอตํ นิรุตฺติลกฺขณํ คเหตฺวา สทฺทนเยน วา ปิโสทราทิปกฺเขปลกฺขณํ ¶ คเหตฺวา ยสฺมา โลกิยโลกุตฺตรสุขาภินิพฺพตฺตกํ ทานสีลาทิปารปฺปตฺตํ ภาคฺยมสฺส อตฺถิ, ตสฺมา ‘‘ภาคฺยวา’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘ภควา’’ติ วุจฺจตีติ าตพฺพํ. ยสฺมา ปน โลภ-โทส-โมห-วิปรีตมนสิการ-อหิริกาโนตฺตปฺป-โกธูปนาห-มกฺข-ปฬาสอิสฺสา-มจฺฉริย-มายาสาเยฺย-ถมฺภ-สารมฺภ-มานาติมาน-มท-ปมาท-ตณฺหาวิชฺชา ¶ ติวิธากุสลมูล-ทุจฺจริต-สํกิเลส-มล-วิสมสฺา-วิตกฺก-ปปฺจ-จตุพฺพิธวิปริเยสอาสว-คนฺถ-โอฆ-โยคาคติ-ตณฺหุปฺปาทุปาทาน-ปฺจเจโตขีล-วินิพนฺธ-นีวรณาภินนฺทนฉวิวาทมูล-ตณฺหากาย-สตฺตานุสย-อฏฺมิจฺฉตฺต-นวตณฺหามูลก-ทสากุสลกม ทิฏฺิคต-อฏฺสตตณฺหาวิจริตปฺปเภท-สพฺพทรถ-ปริฬาห-กิเลสสตสหสฺสานิ, สงฺเขปโต วา ปฺจ กิเลส-อภิสงฺขารขนฺธมจฺจุ-เทวปุตฺต-มาเร อภฺชิ, ตสฺมา ภคฺคตฺตา เอเตสํ ปริสฺสยานํ ภคฺควาติ วตฺตพฺเพ ภควาติ วุจฺจติ. อาห เจตฺถ –
‘‘ภคฺคราโค ภคฺคโทโส, ภคฺคโมโห อนาสโว;
ภคฺคาสฺส ปาปกา ธมฺมา, ภควา เตน วุจฺจตี’’ติ.
ภาคฺยวนฺตตาย ¶ จสฺส สตปฺุชลกฺขณธรสฺส รูปกายสมฺปตฺติทีปิตา โหติ, ภคฺคโทสตาย ธมฺมกายสมฺปตฺติ. ตถา โลกิยปริกฺขกานํ พหุมตภาโว, คหฏฺปพฺพชิเตหิ อภิคมนียตา, อภิคตานฺจ เนสํ กายจิตฺตทุกฺขาปนยเน ปฏิพลภาโว, อามิสทานธมฺมทาเนหิ อุปการิตา, โลกิยโลกุตฺตรสุเขหิ จ สมฺปโยชนสมตฺถตา ทีปิตา โหติ.
ยสฺมา จ โลเก อิสฺสริย-ธมฺม-ยส-สิรี-กาม-ปยตฺเตสุ ฉสุ ธมฺเมสุ ภคสทฺโท วตฺตติ, ปรมฺจสฺส สกจิตฺเต อิสฺสริยํ, อณิมา ลฆิมาทิกํ วา โลกิยสมฺมตํ สพฺพาการปริปูรํ อตฺถิ ตถา โลกุตฺตโร ธมฺโม โลกตฺตยพฺยาปโก ยถาภุจฺจคุณาธิคโต อติวิย ปริสุทฺโธ ยโส, รูปกายทสฺสนพฺยาวฏชนนยนปฺปสาทชนนสมตฺถา สพฺพาการปริปูรา สพฺพงฺคปจฺจงฺคสิรี, ยํ ยํ เอเตน อิจฺฉิตํ ปตฺถิตํ อตฺตหิตํ ปรหิตํ วา, ตสฺส ตสฺส ตเถว อภินิปฺผนฺนตฺตา อิจฺฉิติจฺฉิ, ตตฺถ นิปฺผตฺติสฺิโต กาโม, สพฺพโลกครุภาวปฺปตฺติเหตุภูโต สมฺมาวายามสงฺขาโต ปยตฺโต จ อตฺถิ; ตสฺมา อิเมหิ ภเคหิ ยุตฺตตฺตาปิ ภคา อสฺส สนฺตีติ อิมินา อตฺเถน ภควาติ วุจฺจติ.
ยสฺมา ปน กุสลาทีหิ เภเทหิ สพฺพธมฺเม, ขนฺธายตน-ธาตุสจฺจ-อินฺทฺริยปฏิจฺจสมุปฺปาทาทีหิ ¶ วา กุสลาทิธมฺเม, ปีฬน-สงฺขต-สนฺตาปวิปริณามฏฺเน วา ทุกฺขมริยสจฺจํ, อายูหน-นิทาน-สํโยค-ปลิโพธฏฺเน สมุทยํ, นิสฺสรณวิเวกาสงฺขต-อมตฏฺเน ¶ นิโรธํ, นิยฺยาน-เหตุ-ทสฺสนาธิปเตยฺยฏฺเน มคฺคํ วิภตฺตวา, วิภชิตฺวา วิวริตฺวา เทสิตวาติ วุตฺตํ โหติ. ตสฺมา วิภตฺตวาติ วตฺตพฺเพ ภควาติ วุจฺจติ ¶ .
ยสฺมา จ เอส ทิพฺพพฺรหฺมอริยวิหาเร กายจิตฺตอุปธิวิเวเก สฺุตปฺปณิหิตานิมิตฺตวิโมกฺเข อฺเ จ โลกิยโลกุตฺตเร อุตฺตริมนุสฺสธมฺเม ภชิ เสวิ พหุลมกาสิ, ตสฺมา ภตฺตวาติ วตฺตพฺเพ ภควาติ วุจฺจติ.
ยสฺมา ปน ตีสุ ภเวสุ ตณฺหาสงฺขาตํ คมนมเนน วนฺตํ, ตสฺมา ภเวสุ วนฺตคมโนติ วตฺตพฺเพ ภวสทฺทโต ภการํ, คมนสทฺทโต คการํ, วนฺตสทฺทโต วการฺจ ทีฆํ กตฺวา อาทาย ภควาติ วุจฺจติ. ยถา โลเก ‘‘เมหนสฺส ขสฺส มาลา’’ติ วตฺตพฺเพ ‘‘เมขลา’’ติ วุจฺจติ.
โส อิมํ โลกนฺติ โส ภควา อิมํ โลกํ. อิทานิ วตฺตพฺพํ นิทสฺเสติ. สเทวกนฺติ สห เทเวหิ สเทวกํ; เอวํ สห มาเรน สมารกํ; สห พฺรหฺมุนา สพฺรหฺมกํ; สห สมณพฺราหฺมเณหิ สสฺสมณพฺราหฺมณึ; ปชาตตฺตา ปชา, ตํ ปชํ; สห เทวมนุสฺเสหิ สเทวมนุสฺสํ. ตตฺถ สเทวกวจเนน ปฺจกามาวจรเทวคฺคหณํ เวทิตพฺพํ, สมารกวจเนน ฉฏฺกามาวจรเทวคฺคหณํ, สพฺรหฺมกวจเนน พฺรหฺมกายิกาทิพฺรหฺมคฺคหณํ, สสฺสมณพฺราหฺมณีวจเนน สาสนสฺส ปจฺจตฺถิกปจฺจามิตฺตสมณพฺราหฺมณคฺคหณํ, สมิตปาป-พาหิตปาป-สมณพฺราหฺมณคฺคหณฺจ, ปชาวจเนน สตฺตโลกคฺคหณํ, สเทวมนุสฺสวจเนน สมฺมุติเทวอวเสสมนุสฺสคฺคหณํ. เอวเมตฺถ ตีหิ ปเทหิ โอกาสโลโก, ทฺวีหิ ปชาวเสน สตฺตโลโก คหิโตติ เวทิตพฺโพ.
อปโร นโย – สเทวกคฺคหเณน อรูปาวจรเทวโลโก คหิโต, สมารกคฺคหเณน ฉกามาวจรเทวโลกา, สพฺรหฺมกคฺคหเณน รูปีพฺรหฺมโลโก, สสฺสมณพฺราหฺมณาทิคฺคหเณน จตุปริสวเสน สมฺมุติเทเวหิ วา สห มนุสฺสโลโก, อวเสสสพฺพสตฺตโลโก วา.
อปิเจตฺถ ¶ สเทวกวจเนน อุกฺกฏฺปริจฺเฉทโต สพฺพสฺสาปิ โลกสฺส สจฺฉิกตภาวํ สาเธนฺโต ตสฺส ภควโต กิตฺติสทฺโท อพฺภุคฺคโต. ตโต เยสํ สิยา – ‘‘มาโร มหานุภาโว ฉกามาวจริสฺสโร วสวตฺตี; กึ โสปิ เอเตน สจฺฉิกโต’’ติ? เตสํ วิมตึ วิธมนฺโต สมารกนฺติ ¶ อพฺภุคฺคโต. เยสํ ปน สิยา – ‘‘พฺรหฺมา มหานุภาโว เอกงฺคุลิยา เอกสฺมึ จกฺกวาฬสหสฺเส ¶ อาโลกํ ผรติ, ทฺวีหิ…เป… ทสหิ องฺคุลีหิ ทสสุ จกฺกวาฬสหสฺเสสุ อาโลกํ ผรติ, อนุตฺตรฺจ ฌานสมาปตฺติสุขํ ปฏิสํเวเทติ, กึ โสปิ สจฺฉิกโต’’ติ? เตสํ วิมตึ วิธมนฺโต สพฺรหฺมกนฺติ อพฺภุคฺคโต. ตโต เยสํ สิยา – ‘‘ปุถูสมณพฺราหฺมณา สาสนปจฺจตฺถิกา, กึ เตปิ สจฺฉิกตา’’ติ? เตสํ วิมตึ วิธมนฺโต สสฺสมณพฺราหฺมณึ ปชนฺติ อพฺภุคฺคโต. เอวํ อุกฺกฏฺุกฺกฏฺานํ สจฺฉิกตภาวํ ปกาเสตฺวา อถ สมฺมุติเทเว อวเสสมนุสฺเส จ อุปาทาย อุกฺกฏฺปริจฺเฉทวเสน เสสสตฺตโลกสฺส สจฺฉิกตภาวํ ปกาเสนฺโต สเทวมนุสฺสนฺติ อพฺภุคฺคโต. อยเมตฺถานุสนฺธิกฺกโม.
สยํ อภิฺา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทตีติ เอตฺถ ปน สยนฺติ สามํ, อปรเนยฺโย หุตฺวา; อภิฺาติ อภิฺาย, อธิเกน าเณน ตฺวาติ อตฺโถ. สจฺฉิกตฺวาติ ปจฺจกฺขํ กตฺวา, เอเตน อนุมานาทิปฏิกฺเขโป กโต โหติ. ปเวเทตีติ โพเธติ าเปติ ปกาเสติ. โส ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ…เป… ปริโยสานกลฺยาณนฺติ โส ภควา สตฺเตสุ การฺุตํ ปฏิจฺจ หิตฺวาปิ อนุตฺตรํ วิเวกสุขํ ธมฺมํ เทเสติ. ตฺจ โข อปฺปํ วา พหุํ วา เทเสนฺโต อาทิกลฺยาณาทิปฺปการเมว เทเสติ.
กถํ? เอกคาถาปิ หิ สมนฺตภทฺรกตฺตา ธมฺมสฺส ปมปาเทน อาทิกลฺยาณา, ทุติยตติยปาเทหิ มชฺเฌกลฺยาณา, ปจฺฉิมปาเทน ปริโยสานกลฺยาณา. เอกานุสนฺธิกํ สุตฺตํ นิทาเนน อาทิกลฺยาณํ, นิคมเนน ปริโยสานกลฺยาณํ, เสเสน มชฺเฌกลฺยาณํ. นานานุสนฺธิกํ สุตฺตํ ปมานุสนฺธินา อาทิกลฺยาณํ, ปจฺฉิเมน ปริโยสานกลฺยาณํ, เสเสหิ มชฺเฌกลฺยาณํ. สกโลปิ สาสนธมฺโม อตฺตโน อตฺถภูเตน สีเลน อาทิกลฺยาโณ, สมถวิปสฺสนามคฺคผเลหิ มชฺเฌกลฺยาโณ, นิพฺพาเนน ปริโยสานกลฺยาโณ. สีลสมาธีหิ วา อาทิกลฺยาโณ, วิปสฺสนามคฺเคหิ มชฺเฌกลฺยาโณ, ผลนิพฺพาเนหิ ปริโยสานกลฺยาโณ ¶ . พุทฺธสุโพธิตาย วา อาทิกลฺยาโณ, ธมฺมสุธมฺมตาย มชฺเฌกลฺยาโณ, สงฺฆสุปฺปฏิปตฺติยา ปริโยสานกลฺยาโณ. ตํ สุตฺวา ตถตฺตาย ปฏิปนฺเนน อธิคนฺตพฺพาย อภิสมฺโพธิยา วา อาทิกลฺยาโณ, ปจฺเจกโพธิยา มชฺเฌกลฺยาโณ, สาวกโพธิยา ปริโยสานกลฺยาโณ. สุยฺยมาโน เจส นีวรณวิกฺขมฺภนโต สวเนนปิ ¶ กลฺยาณเมว อาวหตีติ อาทิกลฺยาโณ, ปฏิปชฺชิยมาโน สมถวิปสฺสนาสุขาวหนโต ปฏิปตฺติยาปิ กลฺยาณเมว อาวหตีติ มชฺเฌกลฺยาโณ, ตถา ปฏิปนฺโน จ ปฏิปตฺติผเล นิฏฺิเต ตาทิภาวาวหนโต ปฏิปตฺติผเลนปิ กลฺยาณเมว อาวหตีติ ปริโยสานกลฺยาโณ. นาถปฺปภวตฺตา จ ปภวสุทฺธิยา อาทิกลฺยาโณ, อตฺถสุทฺธิยา มชฺเฌกลฺยาโณ ¶ , กิจฺจสุทฺธิยา ปริโยสานกลฺยาโณ. ตสฺมา เอโส ภควา อปฺปํ วา พหุํ วา เทเสนฺโต อาทิกลฺยาณาทิปฺปการเมว เทเสตีติ เวทิตพฺโพ.
สาตฺถํ สพฺยฺชนนฺติ เอวมาทีสุ ปน ยสฺมา อิมํ ธมฺมํ เทเสนฺโต สาสนพฺรหฺมจริยํ มคฺคพฺรหฺมจริยฺจ ปกาเสติ, นานานเยหิ ทีเปติ; ตฺจ ยถานุรูปํ อตฺถสมฺปตฺติยา สาตฺถํ, พฺยฺชนสมฺปตฺติยา สพฺยฺชนํ. สงฺกาสนปกาสน-วิวรณ-วิภชน-อุตฺตานีกรณ-ปฺตฺติ-อตฺถปทสมาโยคโต สาตฺถํ, อกฺขรปท-พฺยฺชนาการนิรุตฺตินิทฺเทสสมฺปตฺติยา สพฺยฺชนํ. อตฺถคมฺภีรตา-ปฏิเวธคมฺภีรตาหิ สาตฺถํ, ธมฺมคมฺภีรตาเทสนาคมฺภีรตาหิ สพฺยฺชนํ. อตฺถปฏิภานปฏิสมฺภิทาวิสยโต สาตฺถํ, ธมฺมนิรุตฺติปฏิสมฺภิทาวิสยโต สพฺยฺชนํ. ปณฺฑิตเวทนียโต ปริกฺขกชนปฺปสาทกนฺติ สาตฺถํ, สทฺเธยฺยโต โลกิยชนปฺปสาทกนฺติ สพฺยฺชนํ. คมฺภีราธิปฺปายโต สาตฺถํ, อุตฺตานปทโต สพฺยฺชนํ. อุปเนตพฺพสฺส อภาวโต สกลปริปุณฺณภาเวน เกวลปริปุณฺณํ; อปเนตพฺพสฺส อภาวโต นิทฺโทสภาเวน ปริสุทฺธํ; สิกฺขตฺตยปริคฺคหิตตฺตา พฺรหฺมภูเตหิ เสฏฺเหิ จริตพฺพโต เตสฺจ จริยภาวโต พฺรหฺมจริยํ. ตสฺมา ‘‘สาตฺถํ สพฺยฺชนํ…เป… พฺรหฺมจริยํ ปกาเสตี’’ติ วุจฺจติ.
อปิจ ยสฺมา สนิทานํ สอุปฺปตฺติกฺจ เทเสนฺโต อาทิกลฺยาณํ เทเสติ, เวเนยฺยานํ อนุรูปโต อตฺถสฺส อวิปรีตตาย จ เหตุทาหรณยุตฺตโต จ มชฺเฌกลฺยาณํ, โสตูนํ สทฺธาปฏิลาเภน นิคมเนน ¶ จ ปริโยสานกลฺยาณํ เทเสติ. เอวํ เทเสนฺโต จ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสติ. ตฺจ ปฏิปตฺติยา อธิคมพฺยตฺติโต สาตฺถํ, ปริยตฺติยา อาคมพฺยตฺติโต สพฺยฺชนํ, สีลาทิปฺจธมฺมกฺขนฺธยุตฺตโต เกวลปริปุณฺณํ, นิรุปกฺกิเลสโต นิตฺถรณตฺถาย ¶ ปวตฺติโต โลกามิสนิรเปกฺขโต จ ปริสุทฺธํ, เสฏฺฏฺเน พฺรหฺมภูตานํ พุทฺธ-ปจฺเจกพุทฺธ-พุทฺธสาวกานํ จริยโต ‘‘พฺรหฺมจริย’’นฺติ วุจฺจติ. ตสฺมาปิ ‘‘โส ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ…เป… พฺรหฺมจริยํ ปกาเสตี’’ติ วุจฺจติ.
สาธุ โข ปนาติ สุนฺทรํ โข ปน อตฺถาวหํ สุขาวหนฺติ วุตฺตํ โหติ. ตถารูปานํ อรหตนฺติ ยถารูโป โส ภว โคตโม, เอวรูปานํ ยถาภุจฺจคุณาธิคเมน โลเก อรหนฺโตติ ลทฺธสทฺทานํ อรหตํ. ทสฺสนํ โหตีติ ปสาทโสมฺมานิ อกฺขีนิ อุมฺมีลิตฺวา ‘‘ทสฺสนมตฺตมฺปิ สาธุ โหตี’’ติ เอวํ อชฺฌาสยํ กตฺวา อถ โข เวรฺโช พฺราหฺมโณ เยน ภควา เตนุปสงฺกมีติ.
๒. เยนาติ ภุมฺมตฺเถ กรณวจนํ. ตสฺมา ยตฺถ ภควา ตตฺถ อุปสงฺกมีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ ¶ . เยน วา การเณน ภควา เทวมนุสฺเสหิ อุปสงฺกมิตพฺโพ, เตน การเณน อุปสงฺกมีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. เกน จ การเณน ภควา อุปสงฺกมิตพฺโพ? นานปฺปการคุณวิเสสาธิคมาธิปฺปาเยน, สาทุผลูปโภคาธิปฺปาเยน ทิชคเณหิ นิจฺจผลิตมหารุกฺโข วิย. อุปสงฺกมีติ จ คโตติ วุตฺตํ โหติ. อุปสงฺกมิตฺวาติ อุปสงฺกมนปริโยสานทีปนํ. อถ วา เอวํ คโต ตโต อาสนฺนตรํ านํ ภควโต สมีปสงฺขาตํ คนฺตฺวาติปิ วุตฺตํ โหติ.
ภควตา สทฺธึ สมฺโมทีติ ยถา ขมนียาทีนิ ปุจฺฉนฺโต ภควา เตน, เอวํ โสปิ ภควตา สทฺธึ สมปฺปวตฺตโมโท อโหสิ, สีโตทกํ วิย อุณฺโหทเกน สมฺโมทิตํ เอกีภาวํ อคมาสิ. ยาย จ ‘‘กจฺจิ, โภ, โคตม, ขมนียํ; กจฺจิ ยาปนียํ, กจฺจิ โภโต โคตมสฺส, จ สาวกานฺจ อปฺปาพาธํ อปฺปาตงฺกํ ลหุฏฺานํ พลํ ผาสุวิหาโร’’ติอาทิกาย กถาย สมฺโมทิ, ตํ ปีติปาโมชฺชสงฺขาตํ สมฺโมทํ ชนนโต สมฺโมทิตุํ ยุตฺตภาวโต จ สมฺโมทนียํ. อตฺถพฺยฺชนมธุรตาย สุจิรมฺปิ กาลํ สาเรตุํ ¶ นิรนฺตรํ ปวตฺเตตุํ อรหรูปโต สริตพฺพภาวโต จ สารณียํ, สุยฺยมานสุขโต วา สมฺโมทนียํ, อนุสฺสริยมานสุขโต ¶ สารณียํ. ตถา พฺยฺชนปริสุทฺธตาย สมฺโมทนียํ, อตฺถปริสุทฺธตาย สารณียนฺติ. เอวํ อเนเกหิ ปริยาเยหิ สมฺโมทนียํ สารณียํ กถํ วีติสาเรตฺวา ปริโยสาเปตฺวา นิฏฺาเปตฺวา เยนตฺเถน อาคโต ตํ ปุจฺฉิตุกาโม เอกมนฺตํ นิสีทิ.
เอกมนฺตนฺติ ภาวนปุํสกนิทฺเทโส ‘‘วิสมํ จนฺทิมสูริยา ปริวตฺตนฺตี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๗๐) วิย. ตสฺมา ยถา นิสินฺโน เอกมนฺตํ นิสินฺโน โหติ ตถา นิสีทีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ภุมฺมตฺเถ วา เอตํ อุปโยควจนํ. นิสีทีติ อุปาวิสิ. ปณฺฑิตา หิ ปุริสา ครุฏฺานิยํ อุปสงฺกมิตฺวา อาสนกุสลตาย เอกมนฺตํ นิสีทนฺติ. อยฺจ เตสํ อฺตโร, ตสฺมา เอกมนฺตํ นิสีทิ.
กถํ นิสินฺโน ปน เอกมนฺตํ นิสินฺโน โหตีติ? ฉ นิสชฺชโทเส วชฺเชตฺวา. เสยฺยถิทํ – อติทูรํ, อจฺจาสนฺนํ, อุปริวาตํ, อุนฺนตปฺปเทสํ, อติสมฺมุขํ, อติปจฺฉาติ. อติทูเร นิสินฺโน หิ สเจ กเถตุกาโม โหติ อุจฺจาสทฺเทน กเถตพฺพํ โหติ. อจฺจาสนฺเน นิสินฺโน สงฺฆฏฺฏนํ กโรติ. อุปริวาเต นิสินฺโน สรีรคนฺเธน พาธติ. อุนฺนตปฺปเทเส นิสินฺโน อคารวํ ปกาเสติ. อติสมฺมุขา นิสินฺโน สเจ ทฏฺุกาโม โหติ, จกฺขุนา จกฺขุํ อาหจฺจ ทฏฺพฺพํ โหติ. อติปจฺฉา นิสินฺโน สเจ ทฏฺุกาโม โหติ คีวํ ปสาเรตฺวา ทฏฺพฺพํ โหติ. ตสฺมา ¶ อยมฺปิ เอเต ฉ นิสชฺชโทเส วชฺเชตฺวา นิสีทิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘เอกมนฺตํ นิสีที’’ติ.
เอกมนฺตํ นิสินฺโน โข เวรฺโช พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจาติ เอตนฺติ อิทานิ วตฺตพฺพมตฺถํ ทสฺเสติ. ทกาโร ปทสนฺธิกโร. อโวจาติ อภาสิ. สุตํ เมตนฺติ สุตํ เม เอตํ, เอตํ มยา สุตนฺติ อิทานิ วตฺตพฺพมตฺถํ ทสฺเสติ. โภ โคตมาติ ภควนฺตํ โคตฺเตน อาลปติ.
อิทานิ ยํ เตน สุตํ – ตํ ทสฺเสนฺโต น สมโณ โคตโมติ เอวมาทิมาห. ตตฺรายํ อนุตฺตานปทวณฺณนา – พฺราหฺมเณติ ชาติพฺราหฺมเณ. ชิณฺเณติ ชชฺชรีภูเต ¶ ชราย ขณฺฑิจฺจาทิภาวํ อาปาทิเต. วุฑฺเฒติ องฺคปจฺจงฺคานํ วุฑฺฒิมริยาทปฺปตฺเต. มหลฺลเกติ ชาติมหลฺลกตาย สมนฺนาคเต, จิรกาลปฺปสุเตติ วุตฺตํ โหติ. อทฺธคเตติ อทฺธานํ คเต ¶ , ทฺเว ตโย ราชปริวฏฺเฏ อตีเตติ อธิปฺปาโย. วโย อนุปฺปตฺเตติ ปจฺฉิมวยํ สมฺปตฺเต, ปจฺฉิมวโย นาม วสฺสสตสฺส ปจฺฉิโม ตติยภาโค.
อปิจ – ชิณฺเณติ โปราเณ, จิรกาลปฺปวตฺตกุลนฺวเยติ วุตฺตํ โหติ. วุฑฺเฒติ สีลาจาราทิคุณวุฑฺฒิยุตฺเต. มหลฺลเกติ วิภวมหตฺตตาย สมนฺนาคเต มหทฺธเน มหาโภเค. อทฺธคเตติ มคฺคปฺปฏิปนฺเน, พฺราหฺมณานํ วตจริยาทิมริยาทํ อวีติกฺกมฺม จรมาเน. วโยอนุปฺปตฺเตติ ชาติวุฑฺฒภาวํ อนฺติมวยํ อนุปฺปตฺเตติ เอวเมตฺถ โยชนา เวทิตพฺพา.
อิทานิ อภิวาเทตีติ เอวมาทีนิ ‘‘น สมโณ โคตโม’’ติ เอตฺถ วุตฺตนกาเรน โยเชตฺวา เอวมตฺถโต เวทิตพฺพานิ – ‘‘น วนฺทติ วา, นาสนา วุฏฺหติ วา, นาปิ ‘อิธ โภนฺโต นิสีทนฺตู’ติ เอวํ อาสเนน วา อุปนิมนฺเตตี’’ติ. เอตฺถ หิ วา สทฺโท วิภาวเน นาม อตฺเถ, ‘‘รูปํ นิจฺจํ วา อนิจฺจํ วา’’ติอาทีสุ วิย. เอวํ วตฺวา อถ อตฺตโน อภิวาทนาทีนิ อกโรนฺตํ ภควนฺตํ ทิสฺวา อาห – ‘‘ตยิทํ โภ โคตม ตเถวา’’ติ. ยํ ตํ มยา สุตํ – ตํ ตเถว, ตํ สวนฺจ เม ทสฺสนฺจ สํสนฺทติ สเมติ, อตฺถโต เอกีภาวํ คจฺฉติ. ‘‘น หิ ภวํ โคตโม…เป… อาสเนน วา นิมนฺเตตี’’ติ เอวํ อตฺตนา สุตํ ทิฏฺเน นิคเมตฺวา นินฺทนฺโต อาห – ‘‘ตยิทํ โภ โคตม น สมฺปนฺนเมวา’’ติ ตํ อภิวาทนาทีนํ อกรณํ น ยุตฺตเมว.
อถสฺส ภควา อตฺตุกฺกํสนปรวมฺภนโทสํ อนุปคมฺม กรุณาสีตลหทเยน ตํ อฺาณํ วิธมิตฺวา ¶ ยุตฺตภาวํ ทสฺเสตุกาโม อาห – ‘‘นาหํ ตํ พฺราหฺมณ ¶ …เป… มุทฺธาปิ ตสฺส วิปเตยฺยา’’ติ. ตตฺรายํ สงฺเขปตฺโถ – ‘‘อหํ, พฺราหฺมณ, อปฺปฏิหเตน สพฺพฺุตฺาณจกฺขุนา โอโลเกนฺโตปิ ตํ ปุคฺคลํ เอตสฺมึ สเทวกาทิเภเท โลเก น ปสฺสามิ, ยมหํ อภิวาเทยฺยํ วา ปจฺจุฏฺเยฺยํ วา อาสเนน วา นิมนฺเตยฺยํ. อนจฺฉริยํ วา เอตํ, ยฺวาหํ อชฺช สพฺพฺุตํ ปตฺโต เอวรูปํ นิปจฺจการารหํ ปุคฺคลํ น ปสฺสามิ. อปิจ โข ยทาปาหํ สมฺปติชาโตว อุตฺตราภิมุโข สตฺตปทวีติหาเรน คนฺตฺวา สกลํ ทสสหสฺสิโลกธาตุํ โอโลเกสึ; ตทาปิ เอตสฺมึ สเทวกาทิเภเท โลเก ตํ ปุคฺคลํ น ปสฺสามิ, ยมหํ ¶ อภิวาเทยฺยํ วา ปจฺจุฏฺเยฺยํ วา อาสเนน วา นิมนฺเตยฺยํ. อถ โข มํ โสฬสกปฺปสหสฺสายุโก ขีณาสวมหาพฺรหฺมาปิ อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา ‘‘ตฺวํ โลเก มหาปุริโส, ตฺวํ สเทวกสฺส โลกสฺส อคฺโค จ เชฏฺโ จ เสฏฺโ จ, นตฺถิ ตยา อุตฺตริตโร’’ติ สฺชาตโสมนสฺโส ปตินาเมสิ; ตทาปิ จาหํ อตฺตนา อุตฺตริตรํ อปสฺสนฺโต อาสภึ วาจํ นิจฺฉาเรสึ – ‘‘อคฺโคหมสฺมิ โลกสฺส, เชฏฺโหมสฺมิ โลกสฺส, เสฏฺโหมสฺมิ โลกสฺสา’’ติ. เอวํ สมฺปติชาตสฺสปิ มยฺหํ อภิวาทนาทิรโห ปุคฺคโล นตฺถิ, สฺวาหํ อิทานิ สพฺพฺุตํ ปตฺโต กํ อภิวาเทยฺยํ วา…เป… อาสเนน วา นิมนฺเตยฺยํ. ตสฺมา ตฺวํ, พฺราหฺมณ, มา ตถาคเต เอวรูปํ นิปจฺจการํ ปตฺถยิตฺถ. ยฺหิ, พฺราหฺมณ, ตถาคโต อภิวาเทยฺย วา…เป… อาสเนน วา นิมนฺเตยฺย, มุทฺธาปิ ตสฺส ปุคฺคลสฺส รตฺติปริโยสาเน ปริปากสิถิลพนฺธนํ วณฺฏา ปวุตฺตตาลผลมิว คีวโต ปจฺฉิชฺชิตฺวา สหสาว ภูมิยํ วิปเตยฺยาติ.
๓. เอวํ วุตฺเตปิ พฺราหฺมโณ ทุปฺปฺตาย ตถาคตสฺส โลเก เชฏฺภาวํ อสลฺลกฺเขนฺโต เกวลํ ตํ วจนํ อสหมาโน อาห – ‘‘อรสรูโป ภวํ โคตโม’’ติ. อยํ กิรสฺส อธิปฺปาโย – ยํ โลเก อภิวาทนปจฺจุฏฺานอฺชลิกมฺมสามีจิกมฺมํ ‘‘สามคฺคิรโส’’ติ วุจฺจติ, ตํ โภโต โคตมสฺส นตฺถิ ¶ , ตสฺมา อรสรูโป ภวํ โคตโม, อรสชาติโก อรสสภาโวติ. อถสฺส ภควา จิตฺตมุทุภาวชนนตฺถํ อุชุวิปจฺจนีกภาวํ ปริหรนฺโต อฺถา ตสฺส วจนสฺสตฺถํ อตฺตนิ สนฺทสฺเสนฺโต ‘‘อตฺถิ ขฺเวส พฺราหฺมณ ปริยาโย’’ติอาทิมาห.
ตตฺถ ปริยาโยติ การณํ; อยฺหิ ปริยายสทฺโท เทสนา-วาร-การเณสุ วตฺตติ. ‘‘มธุปิณฺฑิกปริยาโยตฺเวว นํ ธาเรหี’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๒๐๕) หิ เอส เทสนายํ วตฺตติ. ‘‘กสฺส นุ โข, อานนฺท, อชฺช ปริยาโย ภิกฺขุนิโย โอวทิตุ’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๓.๓๙๘) วาเร. ‘‘สาธุ, ภนฺเต, ภควา อฺํ ปริยายํ อาจิกฺขตุ, ยถายํ ภิกฺขุสงฺโฆ อฺาย สณฺเหยฺยา’’ติอาทีสุ (ปารา. ๑๖๔) การเณ. สฺวายมิธ การเณ วตฺตติ ¶ . ตสฺมา เอตฺถ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ – อตฺถิ โข, พฺราหฺมณ, เอตํ การณํ; เยน การเณน มํ ‘‘อรสรูโป ¶ ภวํ โคตโม’’ติ วทมาโน ปุคฺคโล สมฺมา วเทยฺย, อวิตถวาทีติ สงฺขฺยํ คจฺเฉยฺย. กตโม ปน โสติ? เย เต พฺราหฺมณ รูปรสา…เป… โผฏฺพฺพรสา เต ตถาคตสฺส ปหีนาติ. กึ วุตฺตํ โหติ? เย เต ชาติวเสน วา อุปปตฺติวเสน วา เสฏฺสมฺมตานมฺปิ ปุถุชฺชนานํ รูปารมฺมณาทีนิ อสฺสาเทนฺตานํ อภินนฺทนฺตานํ รชฺชนฺตานํ อุปฺปชฺชนฺติ กามสุขสฺสาทสงฺขาตา รูปรสสทฺทคนฺธรสโผฏฺพฺพรสา, เย อิมํ โลกํ คีวาย พนฺธิตฺวา วิย อาวิฺฉนฺติ, วตฺถารมฺมณาทิสามคฺคิยฺจ อุปฺปนฺนตฺตา สามคฺคิรสาติ วุจฺจนฺติ, เต สพฺเพปิ ตถาคตสฺส ปหีนาติ. มยฺหํ ปหีนาติ วตฺตพฺเพปิ มมากาเรน อตฺตานํ อนุกฺขิปนฺโต ธมฺมํ เทเสติ. เทสนาวิลาโส วา เอส ภควโต.
ตตฺถ ปหีนาติ จิตฺตสนฺตานโต วิคตา ชหิตา วา. เอตสฺมึ ปนตฺเถ กรเณ สามิวจนํ ทฏฺพฺพํ. อริยมคฺคสตฺเถน อุจฺฉินฺนํ ตณฺหาวิชฺชามยํ มูลเมเตสนฺติ อุจฺฉินฺนมูลา. ตาลวตฺถุ วิย เนสํ วตฺถุ กตนฺติ ตาลาวตฺถุกตา. ยถา หิ ตาลรุกฺขํ สมูลํ ¶ อุทฺธริตฺวา ตสฺส วตฺถุมตฺเต ตสฺมึ ปเทเส กเต น ปุน ตสฺส ตาลสฺส อุปฺปตฺติ ปฺายติ; เอวํ อริยมคฺคสตฺเถน สมูเล รูปาทิรเส อุทฺธริตฺวา เตสํ ปุพฺเพ อุปฺปนฺนปุพฺพภาเวน วตฺถุมตฺเต จิตฺตสนฺตาเน กเต สพฺเพปิ เต ‘‘ตาลาวตฺถุกตา’’ติ วุจฺจนฺติ. อวิรูฬฺหิธมฺมตฺตา วา มตฺถกจฺฉินฺนตาโล วิย กตาติ ตาลาวตฺถุกตา. ยสฺมา ปน เอวํ ตาลาวตฺถุกตา อนภาวํกตา โหนฺติ, ยถา เนสํ ปจฺฉาภาโว น โหติ, ตถา กตา โหนฺติ; ตสฺมา อาห – ‘‘อนภาวํกตา’’ติ. อยฺเหตฺถ ปทจฺเฉโท – อนุอภาวํ กตา อนภาวํกตาติ. ‘‘อนภาวํ คตา’’ติปิ ปาโ, ตสฺส อนุอภาวํ คตาติ อตฺโถ. ตตฺถ ปทจฺเฉโท อนุอภาวํ คตา อนภาวํ คตาติ, ยถา อนุอจฺฉริยา อนจฺฉริยาติ. อายตึ อนุปฺปาทธมฺมาติ อนาคเต อนุปฺปชฺชนกสภาวา. เย หิ อภาวํ คตา, เต ปุน กถํ อุปฺปชฺชิสฺสนฺติ? เตนาห – ‘‘อนภาวํ คตา อายตึ อนุปฺปาทธมฺมา’’ติ.
อยํ โข พฺราหฺมณ ปริยาโยติ อิทํ โข, พฺราหฺมณ, การณํ เยน มํ สมฺมา วทมาโน วเทยฺย ‘‘อรสรูโป สมโณ โคตโม’’ติ. โน จ โข ยํ ตฺวํ สนฺธาย วเทสีติ ยฺจ โข ตฺวํ สนฺธาย วเทสิ, โส ปริยาโย น โหติ. กสฺมา ปน ภควา เอวมาห? นนุ เอวํ วุตฺเต ¶ โย พฺราหฺมเณน วุตฺโต สามคฺคิรโส ตสฺส อตฺตนิ วิชฺชมานตา อนฺุาตา โหตีติ. วุจฺจเต, น โหติ. โย หิ ตํ สามคฺคิรสํ กาตุํ ภพฺโพ หุตฺวา น กโรติ, โส ตทภาเวน อรสรูโปติ วตฺตพฺโพ ภเวยฺย. ภควา ปน อภพฺโพว เอตํ กาตุํ, เตนสฺส กรเณ อภพฺพตํ ปกาเสนฺโต ¶ อาห – ‘‘โน จ โข ยํ ตฺวํ สนฺธาย วเทสี’’ติ. ยํ ปริยายํ สนฺธาย ตฺวํ มํ ‘‘อรสรูโป’’ติ วเทสิ, โส อมฺเหสุ เนว วตฺตพฺโพติ.
๔. เอวํ พฺราหฺมโณ อตฺตนา อธิปฺเปตํ อรสรูปตํ อาโรเปตุํ อสกฺโกนฺโต อถาปรํ นิพฺโภโค ภวํ โคตโมติอาทิมาห. สพฺพปริยาเยสุ เจตฺถ วุตฺตนเยเนว โยชนกฺกมํ วิทิตฺวา ¶ สนฺธาย ภาสิตมตฺตํ เอวํ เวทิตพฺพํ. พฺราหฺมโณ ตเมว วโยวุฑฺฒานํ อภิวาทนกมฺมาทึ โลเก สามคฺคิปริโภโคติ มฺมาโน ตทภาเวน ภควนฺตํ นิพฺโภโคติ อาห. ภควา ปน ยฺวายํ รูปาทีสุ สตฺตานํ ฉนฺทราคปริโภโค ตทภาวํ อตฺตนิ สมฺปสฺสมาโน อปรมฺปิ ปริยายํ อนุชานาติ.
๕. ปุน พฺราหฺมโณ ยํ โลเก วโยวุฑฺฒานํ อภิวาทนาทิกุลสมุทาจารกมฺมํ โลกิยา กโรนฺติ ตสฺส อกิริยํ สมฺปสฺสมาโน ภควนฺตํ อกิริยวาโทติ อาห. ภควา ปน, ยสฺมา กายทุจฺจริตาทีนํ อกิริยํ วทติ ตสฺมา, ตํ อกิริยวาทํ อตฺตนิ สมฺปสฺสมาโน อปรมฺปิ ปริยายํ อนุชานาติ. ตตฺถ จ กายทุจฺจริตนฺติ ปาณาติปาต-อทินฺนาทาน-มิจฺฉาจารเจตนา เวทิตพฺพา. วจีทุจฺจริตนฺติ มุสาวาท-ปิสุณวาจา-ผรุสวาจา-สมฺผปฺปลาปเจตนา เวทิตพฺพา. มโนทุจฺจริตนฺติ อภิชฺฌาพฺยาปาทมิจฺฉาทิฏฺิโย เวทิตพฺพา. เปตฺวา เต ธมฺเม, อวเสสา อกุสลา ธมฺมา ‘‘อเนกวิหิตา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา’’ติ เวทิตพฺพา.
๖. ปุน พฺราหฺมโณ ตเมว อภิวาทนาทิกมฺมํ ภควติ อปสฺสนฺโต อิมํ ‘‘อาคมฺม อยํ โลกตนฺติ โลกปเวณี อุจฺฉิชฺชตี’’ติ มฺมาโน ภควนฺตํ อุจฺเฉทวาโทติ อาห. ภควา ปน ยสฺมา อฏฺสุ โลภสหคตจิตฺเตสุ ปฺจกามคุณิกราคสฺส ทฺวีสุ อกุสลจิตฺเตสุ อุปฺปชฺชมานกโทสสฺส จ อนาคามิมคฺเคน อุจฺเฉทํ วทติ. สพฺพากุสลสมฺภวสฺส ปน นิรวเสสสฺส โมหสฺส อรหตฺตมคฺเคน อุจฺเฉทํ วทติ. เปตฺวา เต ตโย, อวเสสานํ ปาปกานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ ยถานุรูปํ จตูหิ มคฺเคหิ ¶ อุจฺเฉทํ วทติ; ตสฺมา ตํ อุจฺเฉทวาทํ อตฺตนิ สมฺปสฺสมาโน อปรมฺปิ ปริยายํ อนุชานาติ.
๗. ปุน พฺราหฺมโณ ‘‘ชิคุจฺฉติ มฺเ สมโณ โคตโม อิทํ วโยวุฑฺฒานํ อภิวาทนาทิกุลสมุทาจารกมฺมํ, เตน ตํ น กโรตี’’ติ มฺมาโน ภควนฺตํ เชคุจฺฉีติ อาห. ภควา ปน ยสฺมา ชิคุจฺฉติ กายทุจฺจริตาทีหิ; กึ วุตฺตํ โหติ ¶ ? ยฺจ ติวิธํ กายทุจฺจริตํ, ยฺจ จตุพฺพิธํ วจีทุจฺจริตํ, ยฺจ ติวิธํ มโนทุจฺจริตํ, ยา จ เปตฺวา ตานิ ¶ ทุจฺจริตานิ อวเสสานํ ลามกฏฺเน ปาปกานํ อโกสลฺลสมฺภูตฏฺเน อกุสลานํ ธมฺมานํ สมาปตฺติ สมาปชฺชนา สมงฺคิภาโว, ตํ สพฺพมฺปิ คูถํ วิย มณฺฑนกชาติโย ปุริโส ชิคุจฺฉติ หิรียติ, ตสฺมา ตํ เชคุจฺฉิตํ อตฺตนิ สมฺปสฺสมาโน อปรมฺปิ ปริยายํ อนุชานาติ. ตตฺถ ‘‘กายทุจฺจริเตนา’’ติ อุปโยคตฺเถ กรณวจนํ ทฏฺพฺพํ.
๘. ปุน พฺราหฺมโณ ตเมว อภิวาทนาทิกมฺมํ ภควติ อปสฺสนฺโต ‘‘อยํ อิมํ โลกเชฏฺกกมฺมํ วิเนติ วินาเสติ, อถ วา ยสฺมา เอตํ สามีจิกมฺมํ น กโรติ ตสฺมา อยํ วิเนตพฺโพ นิคฺคณฺหิตพฺโพ’’ติ มฺมาโน ภควนฺตํ เวนยิโกติ อาห. ตตฺรายํ ปทตฺโถ – วินยตีติ วินโย, วินาเสตีติ วุตฺตํ โหติ. วินโย เอว เวนยิโก, วินยํ วา อรหตีติ เวนยิโก, นิคฺคหํ อรหตีติ วุตฺตํ โหติ. ภควา ปน, ยสฺมา ราคาทีนํ วินยาย วูปสมาย ธมฺมํ เทเสติ, ตสฺมา เวนยิโก โหติ. อยเมว เจตฺถ ปทตฺโถ – วินยาย ธมฺมํ เทเสตีติ เวนยิโก. วิจิตฺรา หิ ตทฺธิตวุตฺติ! สฺวายํ ตํ เวนยิกภาวํ อตฺตนิ สมฺปสฺสมาโน อปรมฺปิ ปริยายํ อนุชานาติ.
๙. ปุน พฺราหฺมโณ ยสฺมา อภิวาทนาทีนิ สามีจิกมฺมานิ กโรนฺตา วโยวุฑฺเฒ โตเสนฺติ หาเสนฺติ, อกโรนฺตา ปน ตาเปนฺติ วิเหเสนฺติ โทมนสฺสํ เนสํ อุปฺปาเทนฺติ, ภควา จ ตานิ น กโรติ; ตสฺมา ‘‘อยํ วโยวุฑฺเฒ ตปตี’’ติ มฺมาโน สปฺปุริสาจารวิรหิตตฺตา วา ‘‘กปณปุริโส อย’’นฺติ มฺมาโน ภควนฺตํ ตปสฺสีติ อาห. ตตฺรายํ ปทตฺโถ – ตปตีติ ตโป, โรเสติ วิเหเสตีติ วุตฺตํ โหติ, สามีจิกมฺมากรณสฺเสตํ นามํ. ตโป อสฺส อตฺถีติ ตปสฺสี. ทุติเย อตฺถวิกปฺเป พฺยฺชนานิ อวิจาเรตฺวา โลเก กปณปุริโส ‘‘ตปสฺสี’’ติ วุจฺจติ. ภควา ปน เย อกุสลา ธมฺมา โลกํ ตปนโต ตปนียาติ ¶ วุจฺจนฺติ, เตสํ ปหีนตฺตา ยสฺมา ตปสฺสีติ สงฺขฺยํ คโต, ตสฺมา ตํ ตปสฺสิตํ อตฺตนิ สมฺปสฺสมาโน อปรมฺปิ ปริยายํ อนุชานาติ. ตตฺรายํ ปทตฺโถ – ตปนฺตีติ ตปา, อกุสลธมฺมานเมตํ ¶ อธิวจนํ. วุตฺตมฺปิ เหตํ – ‘‘อิธ ตปฺปติ เปจฺจ ตปฺปตี’’ติ. ตถา เต ตเป อสฺสิ นิรสฺสิ ปหาสิ วิทฺธํเสสีติ ตปสฺสี.
๑๐. ปุน พฺราหฺมโณ ตํ อภิวาทนาทิกมฺมํ เทวโลกคพฺภสมฺปตฺติยา เทวโลกปฏิสนฺธิปฏิลาภาย สํวตฺตตีติ มฺมาโน ภควติ จสฺส อภาวํ ทิสฺวา ภควนฺตํ อปคพฺโภติ อาห. โกธวเสน วา ภควโต มาตุกุจฺฉิสฺมึ ปฏิสนฺธิคฺคหเณ โทสํ ทสฺเสนฺโตปิ เอวมาห. ตตฺรายํ ปทตฺโถ – คพฺภโต อปคโตติ อปคพฺโภ, อภพฺโพ เทวโลกูปปตฺตึ ปาปุณิตุนฺติ ¶ อธิปฺปาโย. หีโน วา คพฺโภ อสฺสาติ อปคพฺโภ, เทวโลกคพฺภปริพาหิรตฺตา อายตึ หีนคพฺภปฏิลาภภาคีติ, หีโน วาสฺส มาตุกุจฺฉิมฺหิ คพฺภวาโส อโหสีติ อธิปฺปาโย. ภควโต ปน ยสฺมา อายตึ คพฺภเสยฺยา อปคตา, ตสฺมา โส ตํ อปคพฺภตํ อตฺตนิ สมฺปสฺสมาโน อปรมฺปิ ปริยายํ อนุชานาติ. ตตฺร จ ยสฺส โข พฺราหฺมณ อายตึ คพฺภเสยฺยา ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติ ปหีนาติ เอเตสํ ปทานํ เอวมตฺโถ ทฏฺพฺโพ – พฺราหฺมณ, ยสฺส ปุคฺคลสฺส อนาคเต คพฺภเสยฺยา, ปุนพฺภเว จ อภินิพฺพตฺติ อนุตฺตเรน มคฺเคน วิหตการณตฺตา ปหีนาติ. คพฺภเสยฺยคฺคหเณน เจตฺถ ชลาพุชโยนิ คหิตา. ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติคฺคหเณน อิตรา ติสฺโสปิ.
อปิจ คพฺภสฺส เสยฺยา คพฺภเสยฺยา, ปุนพฺภโว เอว อภินิพฺพตฺติ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺตีติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ยถา จ วิฺาณฏฺิตีติ วุตฺเตปิ น วิฺาณโต อฺา ิติ อตฺถิ, เอวมิธาปิ น คพฺภโต อฺา เสยฺยาติ เวทิตพฺพา. อภินิพฺพตฺติ จ นาม ยสฺมา ปุนพฺภวภูตาปิ อปุนพฺภวภูตาปิ อตฺถิ, อิธ จ ปุนพฺภวภูตา อธิปฺเปตา. ตสฺมา วุตฺตํ – ‘‘ปุนพฺภโว เอว อภินิพฺพตฺติ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺตี’’ติ.
๑๑. เอวํ อาคตกาลโต ปฏฺาย อรสรูปตาทีหิ อฏฺหิ อกฺโกสวตฺถูหิ อกฺโกสนฺตมฺปิ พฺราหฺมณํ ภควา ธมฺมิสฺสโร ธมฺมราชา ธมฺมสฺสามี ¶ ตถาคโต อนุกมฺปาย สีตเลเนว จกฺขุนา โอโลเกนฺโต ยํ ธมฺมธาตุํ ปฏิวิชฺฌิตฺวา เทสนาวิลาสปฺปตฺโต โหติ, ตสฺสา ธมฺมธาตุยา ¶ สุปฺปฏิวิทฺธตฺตา วิคตวลาหเก อนฺตลิกฺเข สมพฺภุคฺคโต ปุณฺณจนฺโท วิย สรทกาเล สูริโย วิย จ พฺราหฺมณสฺส หทยนฺธการํ วิธมนฺโต ตานิเยว อกฺโกสวตฺถูนิ เตน เตน ปริยาเยน อฺถา ทสฺเสตฺวา, ปุนปิ อตฺตโน กรุณาวิปฺผารํ อฏฺหิ โลกธมฺเมหิ อกมฺปิยภาเวน ปฏิลทฺธํ, ตาทิคุณลกฺขณํ ปถวีสมจิตฺตตํ อกุปฺปธมฺมตฺจ ปกาเสนฺโต ‘‘อยํ พฺราหฺมโณ เกวลํ ปลิตสิรขณฺฑทนฺตวลิตฺตจตาทีหิ อตฺตโน วุฑฺฒภาวํ สฺชานาติ, โน จ โข ชานาติ อตฺตานํ ชาติยา อนุคตํ ชราย อนุสฏํ พฺยาธินา อภิภูตํ มรเณน อพฺภาหตํ วฏฺฏขาณุภูตํ อชฺช มริตฺวา ปุน สฺเวว อุตฺตานสยนทารกภาวคมนียํ. มหนฺเตน โข ปน อุสฺสาเหน มม สนฺติกํ อาคโต, ตทสฺส อาคมนํ สาตฺถกํ โหตู’’ติ จินฺเตตฺวา อิมสฺมึ โลเก อตฺตโน อปฺปฏิสมํ ปุเรชาตภาวํ ทสฺเสนฺโต เสยฺยถาปิ พฺราหฺมณาติอาทินา นเยน พฺราหฺมณสฺส ธมฺมเทสนํ วฑฺเฒสิ.
ตตฺถ เสยฺยถาติ โอปมฺมตฺเถ นิปาโต; ปีติ สมฺภาวนตฺเถ; อุภเยนาปิ ยถา นาม พฺราหฺมณาติ ¶ ทสฺเสติ. กุกฺกุฏิยา อณฺฑานิ อฏฺ วา ทส วา ทฺวาทส วาติ เอตฺถ ปน กิฺจาปิ กุกฺกุฏิยา วุตฺตปฺปการโต อูนาธิกานิปิ อณฺฑานิ โหนฺติ, อถ โข วจนสิลิฏฺตาย เอวํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. เอวฺหิ โลเก สิลิฏฺวจนํ โหติ. ตานสฺสูติ ตานิ อสฺสุ, ภเวยฺยุนฺติ วุตฺตํ โหติ. กุกฺกุฏิยา สมฺมา อธิสยิตานีติ ตาย ชเนตฺติยา กุกฺกุฏิยา ปกฺเข ปสาเรตฺวา เตสํ อุปริ สยนฺติยา สมฺมา อธิสยิตานิ. สมฺมา ปริเสทิตานีติ กาเลน กาลํ อุตุํ คณฺหาเปนฺติยา สุฏฺุ สมนฺตโต เสทิตานิ, อุสฺมีกตานีติ วุตฺตํ โหติ. สมฺมา ปริภาวิตานีติ กาเลน กาลํ สุฏฺุ สมนฺตโต ภาวิตานิ, กุกฺกุฏคนฺธํ คาหาปิตานีติ วุตฺตํ โหติ.
อิทานิ ยสฺมา ตาย กุกฺกุฏิยา เอวํ ตีหิ ปกาเรหิ ตานิ อณฺฑานิ ปริปาลิยมานานิ น ปูตีนิ โหนฺติ. โยปิ เนสํ อลฺลสิเนโห โส ปริยาทานํ คจฺฉติ. กปาลํ ตนุกํ โหติ, ปาทนขสิขา จ มุขตุณฺฑกฺจ ขรํ โหติ, กุกฺกุฏโปตกา ปริปากํ คจฺฉนฺติ, กปาลสฺส ตนุกตฺตา พหิทฺธา ¶ อาโลโก อนฺโต ปฺายติ. อถ เต กุกฺกุฏโปตกา ‘‘จิรํ ¶ วต มยํ สงฺกุฏิตหตฺถปาทา สมฺพาเธ สยิมฺห, อยฺจ พหิ อาโลโก ทิสฺสติ, เอตฺถ ทานิ โน สุขวิหาโร ภวิสฺสตี’’ติ นิกฺขมิตุกามา หุตฺวา กปาลํ ปาเทน ปหรนฺติ, คีวํ ปสาเรนฺติ. ตโต ตํ กปาลํ ทฺเวธา ภิชฺชติ, กุกฺกุฏโปตกา ปกฺเข วิธุนนฺตา ตงฺขณานุรูปํ วิรวนฺตา นิกฺขมนฺติ. เอวํ นิกฺขมนฺตานฺจ เนสํ โย ปมตรํ นิกฺขมติ โส ‘เชฏฺโ’ติ วุจฺจติ. ตสฺมา ภควา ตาย อุปมาย อตฺตโน เชฏฺกภาวํ สาเธตุกาโม พฺราหฺมณํ ปุจฺฉิ – ‘‘โย นุ โข เตสํ กุกฺกุฏจฺฉาปกานํ…เป… กินฺติ สฺวสฺส วจนีโย’’ติ. ตตฺถ กุกฺกุฏจฺฉาปกานนฺติ กุกฺกุฏโปตกานํ. กินฺติ สฺวสฺส วจนีโยติ โส กินฺติ วจนีโย อสฺส, กินฺติ วตฺตพฺโพ ภเวยฺย เชฏฺโ วา กนิฏฺโ วาติ. เสสํ อุตฺตานตฺถเมว.
ตโต พฺราหฺมโณ อาห – ‘‘เชฏฺโติสฺส โภ โคตม วจนีโย’’ติ. โภ, โคตม, โส เชฏฺโ อิติ อสฺส วจนีโย. กสฺมาติ เจ? โส หิ เนสํ เชฏฺโ, ตสฺมา โส เนสํ วุฑฺฒตโรติ อตฺโถ. อถสฺส ภควา โอปมฺมํ สมฺปฏิปาเทนฺโต อาห – ‘‘เอวเมว โข อหํ พฺราหฺมณา’’ติอาทิ. ยถา โส กุกฺกุฏจฺฉาปโก เชฏฺโติ สงฺขฺยํ คจฺฉติ; เอวํ อหมฺปิ อวิชฺชาคตาย ปชาย. อวิชฺชาคตายาติ อวิชฺชา วุจฺจติ อฺาณํ, ตตฺถ คตาย. ปชายาติ สตฺตาธิวจนเมตํ. ตสฺมา เอตฺถ อวิชฺชณฺฑโกสสฺส อนฺโต ปวิฏฺเสุ สตฺเตสูติ เอวํ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. อณฺฑภูตายาติ อณฺเฑ ภูตาย ชาตาย สฺชาตาย. ยถา หิ อณฺเฑ นิพฺพตฺตา เอกจฺเจ สตฺตา อณฺฑภูตาติ วุจฺจนฺติ; เอวมยํ สพฺพาปิ ปชา อวิชฺชณฺฑโกเส นิพฺพตฺตตฺตา อณฺฑภูตาติ วุจฺจติ. ปริโยนทฺธายาติ เตน อวิชฺชณฺฑโกเสน สมนฺตโต โอนทฺธาย พทฺธาย เวิตาย ¶ . อวิชฺชณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวาติ ตํ อวิชฺชามยํ อณฺฑโกสํ ภินฺทิตฺวา ¶ . เอโกว โลเกติ สกเลปิ โลกสนฺนิวาเส อหเมว เอโก อทุติโย. อนุตฺตรํ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุทฺโธติ อนุตฺตรนฺติ อุตฺตรวิรหิตํ สพฺพเสฏฺํ. สมฺมาสมฺโพธินฺติ สมฺมา สามฺจ โพธึ; อถ วา ปสตฺถํ สุนฺทรฺจ โพธึ; โพธีติ รุกฺโขปิ มคฺโคปิ สพฺพฺุตฺาณมฺปิ นิพฺพานมฺปิ วุจฺจติ. ‘‘โพธิรุกฺขมูเล ปมาภิสมฺพุทฺโธ’’ติ (มหาว. ๑; อุทา. ๑) จ ‘‘อนฺตรา จ คยํ อนฺตรา จ โพธิ’’นฺติ (มหาว. ๑๑; ม. นิ. ๑.๒๘๕) จ อาคตฏฺาเนสุ หิ รุกฺโข โพธีติ วุจฺจติ. ‘‘โพธิ ¶ วุจฺจติ จตูสุ มคฺเคสุ าณ’’นฺติ (จูฬนิ. ขคฺควิสาณสุตฺตนิทฺเทส ๑๒๑) อาคตฏฺาเน มคฺโค. ‘‘ปปฺโปติ โพธึ วรภูริเมธโส’’ติ (ที. นิ. ๓.๒๑๗) อาคตฏฺาเน สพฺพฺุตฺาณํ. ‘‘ปตฺวาน โพธึ อมตํ อสงฺขต’’นฺติ อาคตฏฺาเน นิพฺพานํ. อิธ ปน ภควโต อรหตฺตมคฺคาณํ อธิปฺเปตํ. สพฺพฺุตฺาณนฺติปิ วทนฺติ. อฺเสํ อรหตฺตมคฺโค อนุตฺตรา โพธิ โหติ, น โหตีติ? น โหติ. กสฺมา? อสพฺพคุณทายกตฺตา. เตสฺหิ กสฺสจิ อรหตฺตมคฺโค อรหตฺตผลเมว เทติ, กสฺสจิ ติสฺโส วิชฺชา, กสฺสจิ ฉ อภิฺา, กสฺสจิ จตสฺโส ปฏิสมฺภิทา, กสฺสจิ สาวกปารมิาณํ. ปจฺเจกพุทฺธานมฺปิ ปจฺเจกโพธิาณเมว เทติ. พุทฺธานํ ปน สพฺพคุณสมฺปตฺตึ เทติ, อภิเสโก วิย รฺโ สพฺพโลกิสฺสริยภาวํ. ตสฺมา อฺสฺส กสฺสจิปิ อนุตฺตรา โพธิ น โหตีติ. อภิสมฺพุทฺโธติ อพฺภฺาสึ ปฏิวิชฺฌึ; ปตฺโตมฺหิ อธิคโตมฺหีติ วุตฺตํ โหติ.
อิทานิ ยเทตํ ภควตา ‘‘เอวเมว โข อหํ พฺราหฺมณา’’ติ อาทินา นเยน วุตฺตํ โอปมฺมสมฺปฏิปาทนํ, ตํ เอวมตฺเถน สทฺธึ สํสนฺทิตฺวา เวทิตพฺพํ. ยถา หิ ตสฺสา กุกฺกุฏิยา อตฺตโน อณฺเฑสุ อธิสยนาทิติวิธกิริยากรณํ; เอวํ โพธิปลฺลงฺเก นิสินฺนสฺส โพธิสตฺตภูตสฺส ภควโต อตฺตโน จิตฺตสนฺตาเน อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตาติ ติวิธานุปสฺสนากรณํ. กุกฺกุฏิยา ติวิธกิริยาสมฺปาทเนน อณฺฑานํ อปูติภาโว วิย โพธิสตฺตภูตสฺส ภควโต ติวิธานุปสฺสนาสมฺปาทเนน วิปสฺสนาาณสฺส อปริหานิ. กุกฺกุฏิยา ¶ ติวิธกิริยากรเณน อณฺฑานํ อลฺลสิเนหปริยาทานํ วิย โพธิสตฺตภูตสฺส ภควโต ติวิธานุปสฺสนาสมฺปาทเนน ภวตฺตยานุคตนิกนฺติสิเนหปริยาทานํ. กุกฺกุฏิยา ติวิธกิริยากรเณน อณฺฑกปาลานํ ตนุภาโว วิย โพธิสตฺตภูตสฺส ภควโต ติวิธานุปสฺสนาสมฺปาทเนน อวิชฺชณฺฑโกสสฺส ตนุภาโว. กุกฺกุฏิยา ติวิธกิริยากรเณน กุกฺกุฏจฺฉาปกสฺส ปาทนขสิขาตุณฺฑกานํ ถทฺธขรภาโว วิย โพธิสตฺตภูตสฺส ภควโต ติวิธานุปสฺสนาสมฺปาทเนน วิปสฺสนาาณสฺส ติกฺขขรวิปฺปสนฺนสูรภาโว. กุกฺกุฏิยา ติวิธกิริยากรเณน ¶ กุกฺกุฏจฺฉาปกสฺส ปริปากกาโล วิย โพธิสตฺตภูตสฺส ภควโต ติวิธานุปสฺสนาสมฺปาทเนน วิปสฺสนาาณสฺส ¶ ปริปากกาโล วฑฺฒิตกาโล คพฺภคฺคหณกาโล เวทิตพฺโพ.
ตโต กุกฺกุฏิยา ติวิธกิริยากรเณน กุกฺกุฏจฺฉาปกสฺส ปาทนขสิขาย วา มุขตุณฺฑเกน วา อณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา ปกฺเข ปปฺโผเฏตฺวา โสตฺถินา อภินิพฺภิทากาโล วิย โพธิสตฺตภูตสฺส ภควโต ติวิธานุปสฺสนาสมฺปาทเนน วิปสฺสนาาณํ คพฺภํ คณฺหาเปตฺวา อนุปุพฺพาธิคเตน อรหตฺตมคฺเคน อวิชฺชณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา อภิฺาปกฺเข ปปฺโผเฏตฺวา โสตฺถินา สกลพุทฺธคุณสจฺฉิกตกาโล เวทิตพฺโพติ.
สฺวาหํ พฺราหฺมณ เชฏฺโ เสฏฺโ โลกสฺสาติ โส อหํ พฺราหฺมณ ยถา เตสํ กุกฺกุฏโปตกานํ ปมตรํ อณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา อภินิพฺภิโท กุกฺกุฏโปตโก เชฏฺโ โหติ; เอวํ อวิชฺชาคตาย ปชาย ตํ อวิชฺชณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา ปมตรํ อริยาย ชาติยา ชาตตฺตา เชฏฺโ วุฑฺฒตโรติ สงฺขฺยํ คโต. สพฺพคุเณหิ ปน อปฺปฏิสมตฺตา เสฏฺโติ.
เอวํ ภควา อตฺตโน อนุตฺตรํ เชฏฺเสฏฺภาวํ พฺราหฺมณสฺส ปกาเสตฺวา อิทานิ ยาย ปฏิปทาย ตํ อธิคโต ตํ ปฏิปทํ ปุพฺพภาคโต ปภุติ ทสฺเสตุํ ‘‘อารทฺธํ โข ปน เม พฺราหฺมณา’’ติอาทิมาห. อิมํ วา ภควโต อนุตฺตรํ ¶ เชฏฺเสฏฺภาวํ สุตฺวา พฺราหฺมณสฺส จิตฺตเมวมุปฺปนฺนํ – ‘‘กาย นุ โข ปฏิปทาย อิมํ ปตฺโต’’ติ. ตสฺส จิตฺตมฺาย ‘‘อิมายาหํ ปฏิปทาย อิมํ อนุตฺตรํ เชฏฺเสฏฺภาวํ ปตฺโต’’ติ ทสฺเสนฺโต เอวมาห. ตตฺถ อารทฺธํ โข ปน เม พฺราหฺมณ วีริยํ อโหสีติ พฺราหฺมณ, น มยา อยํ อนุตฺตโร เชฏฺเสฏฺภาโว กุสีเตน มุฏฺสฺสตินา สารทฺธกาเยน วิกฺขิตฺตจิตฺเตน อธิคโต, อปิจ โข ตทธิคมาย อารทฺธํ โข ปน เม วีริยํ อโหสิ, โพธิมณฺเฑ นิสินฺเนน มยา จตุรงฺคสมนฺนาคตํ วีริยํ อารทฺธํ อโหสิ, ปคฺคหิตํ อสิถิลปฺปวตฺติตนฺติ วุตฺตํ โหติ. อารทฺธตฺตาเยว จ เม ตํ อสลฺลีนํ อโหสิ. น เกวลฺจ วีริยเมว, สติปิ เม อารมฺมณาภิมุขีภาเวน อุปฏฺิตา อโหสิ. อุปฏฺิตตฺตาเยว จ อสมฺมุฏฺา. ปสฺสทฺโธ กาโย อสารทฺโธติ กายจิตฺตปสฺสทฺธิวเสน กาโยปิ เม ปสฺสทฺโธ อโหสิ ¶ . ตตฺถ ยสฺมา นามกาเย ปสฺสทฺเธ รูปกาโยปิ ปสฺสทฺโธเยว โหติ, ตสฺมา นามกาโย รูปกาโยติ อวิเสเสตฺวาว ปสฺสทฺโธ กาโยติ วุตฺตํ. อสารทฺโธติ โส จ โข ปสฺสทฺธตฺตาเยว อสารทฺโธ, วิคตทรโถติ วุตฺตํ โหติ. สมาหิตํ จิตฺตํ เอกคฺคนฺติ จิตฺตมฺปิ เม สมฺมา ¶ อาหิตํ สุฏฺุ ปิตํ อปฺปิตํ วิย อโหสิ; สมาหิตตฺตา เอว จ เอกคฺคํ อจลํ นิปฺผนฺทนนฺติ. เอตฺตาวตา ฌานสฺส ปุพฺพภาคปฏิปทา กถิตา โหติ.
ปมชฺฌานกถา
อิทานิ อิมาย ปฏิปทาย อธิคตํ ปมชฺฌานํ อาทึ กตฺวา วิชฺชตฺตยปริโยสานํ วิเสสํ ทสฺเสนฺโต ‘‘โส โข อห’’นฺติ อาทิมาห. ตตฺถ วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหีติอาทีนํ กิฺจาปิ ‘‘ตตฺถ กตเม กามา? ฉนฺโท กาโม, ราโค กาโม, ฉนฺทราโค กาโม; สงฺกปฺโป กาโม, ราโค กาโม, สงฺกปฺปราโค กาโม – อิเม วุจฺจนฺติ กามา. ตตฺถ กตเม อกุสลา ธมฺมา? กามจฺฉนฺโท…เป… วิจิกิจฺฉา – อิเม วุจฺจนฺติ อกุสลา ธมฺมา. อิติ อิเมหิ จ กาเมหิ อิเมหิ จ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ ¶ วิวิตฺโต โหติ ปวิวิตฺโต, เตน วุจฺจติ – ‘วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหี’’’ติอาทินา (วิภ. ๕๖๔) นเยน วิภงฺเคเยว อตฺโถ วุตฺโต. ตถาปิ อฏฺกถานยํ วินา น สุฏฺุ ปากโฏติ อฏฺกถานเยเนว นํ ปกาสยิสฺสาม.
เสยฺยถิทํ – วิวิจฺเจว กาเมหีติ กาเมหิ วิวิจฺจิตฺวา วินา หุตฺวา อปสกฺเกตฺวา. โย ปนายเมตฺถ เอวกาโร, โส นิยมตฺโถติ เวทิตพฺโพ. ยสฺมา จ นิยมตฺโถ, ตสฺมา ตสฺมึ ปมชฺฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรณสมเย อวิชฺชมานานมฺปิ กามานํ ตสฺส ปมชฺฌานสฺส ปฏิปกฺขภาวํ กามปริจฺจาเคเนว จสฺส อธิคมํ ทีเปติ. กถํ? ‘‘วิวิจฺเจว กาเมหี’’ติ เอวฺหิ นิยเม กริยมาเน อิทํ ปฺายติ. นูนิมสฺส ฌานสฺส กามา ปฏิปกฺขภูตา, เยสุ สติ อิทํ น ปวตฺตติ, อนฺธกาเร สติ ปทีโป วิย, เตสํ ปริจฺจาเคเนว จสฺส อธิคโม โหติ, โอริมตีรปริจฺจาเคน ปาริมตีรสฺเสว, ตสฺมา นิยมํ กโรตีติ.
ตตฺถ สิยา – ‘‘กสฺมา ปเนส ปุพฺพปเทเยว วุตฺโต น อุตฺตรปเท, กึ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ อวิวิจฺจาปิ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหเรยฺยา’’ติ? น ¶ โข ปเนตํ เอวํ ทฏฺพฺพํ. ตนฺนิสฺสรณโต หิ ปุพฺพปเทเอว เอส วุตฺโต. กามธาตุสมติกฺกมนโต หิ กามราคปฏิปกฺขโต จ อิทํ ฌานํ กามานเมว นิสฺสรณํ. ยถาห – ‘‘กามานเมตํ นิสฺสรณํ, ยทิทํ เนกฺขมฺม’’นฺติ (อิติวุ. ๗๒). อุตฺตรปเทปิ ปน ยถา ‘‘อิเธว, ภิกฺขเว, ปโม สมโณ, อิธ ทุติโย สมโณ’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๓๙) เอตฺถ เอวกาโร อาเนตฺวา วุจฺจติ, เอวํ วตฺตพฺโพ. น หิ สกฺกา อิโต อฺเหิปิ นีวรณสงฺขาเตหิ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ อวิวิจฺจ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหริตุํ ¶ . ตสฺมา ‘‘วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺเจว อกุสเลหิ ธมฺเมหี’’ติ เอวํ ปททฺวเยปิ เอส ทฏฺพฺโพ. ปททฺวเยปิ จ กิฺจาปิ ‘‘วิวิจฺจา’’ติ อิมินา สาธารณวจเนน ตทงฺควิเวกาทโย กายวิเวกาทโย จ สพฺเพปิ วิเวกา สงฺคหํ คจฺฉนฺติ. ตถาปิ กายวิเวโก, จิตฺตวิเวโก, วิกฺขมฺภนวิเวโกติ ตโย เอว อิธ ทฏฺพฺพา. ‘‘กาเมหี’’ติ อิมินา ปน ปเทน เย จ นิทฺเทเส ‘‘กตเม วตฺถุกามา มนาปิยา รูปา’’ติอาทินา (มหานิ. ๑; วิภ. ๙๖๔) นเยน วตฺถุกามา วุตฺตา, เย จ ตตฺเถว วิภงฺเค จ ‘‘ฉนฺโท ¶ กาโม’’ติอาทินา (มหานิ. ๑) นเยน กิเลสกามา วุตฺตา, เต สพฺเพปิ สงฺคหิตา อิจฺเจว ทฏฺพฺพา. เอวฺหิ สติ ‘‘วิวิจฺเจว กาเมหี’’ติ วตฺถุกาเมหิปิ วิวิจฺเจวาติ อตฺโถ ยุชฺชติ. เตน กายวิเวโก วุตฺโต โหติ.
วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหีติ กิเลสกาเมหิ สพฺพากุสเลหิ ธมฺเมหิ วา วิวิจฺจาติ อตฺโถ ยุชฺชติ. เตน จิตฺตวิเวโก วุตฺโต โหติ. ปุริเมน เจตฺถ วตฺถุกาเมหิ วิเวกวจนโตเยว กามสุขปริจฺจาโค, ทุติเยน กิเลสกาเมหิ วิเวกวจนโต เนกฺขมฺมสุขปริคฺคโห วิภาวิโต โหติ. เอวํ วตฺถุกามกิเลสกามวิเวกวจนโตเยว จ เอเตสํ ปเมน สํกิเลสวตฺถุปฺปหานํ, ทุติเยน สํกิเลสปฺปหานํ; ปเมน โลลภาวสฺส เหตุปริจฺจาโค, ทุติเยน พาลภาวสฺส; ปเมน จ ปโยคสุทฺธิ, ทุติเยน อาสยโปสนํ วิภาวิตํ โหตีติ วิฺาตพฺพํ. เอส ตาว นโย ‘‘กาเมหี’’ติ เอตฺถ วุตฺตกาเมสุ วตฺถุกามปกฺเข.
กิเลสกามปกฺเข ปน ฉนฺโทติ จ ราโคติ จ เอวมาทีหิ อเนกเภโท กามจฺฉนฺโทเยว กาโมติ อธิปฺเปโต. โส จ อกุสลปริยาปนฺโนปิ ¶ สมาโน, ‘‘ตตฺถ กตโม กามฉนฺโท กาโม’’ติอาทินา นเยน วิภงฺเค ฌานปฏิปกฺขโต วิสุํ วุตฺโต. กิเลสกามตฺตา วา ปุริมปเท วุตฺโต, อกุสลปริยาปนฺนตฺตา ทุติยปเท. อเนกเภทโต จสฺส กามโตติ อวตฺวา กาเมหีติ วุตฺตํ. อฺเสมฺปิ จ ธมฺมานํ อกุสลภาเว วิชฺชมาเน ‘‘ตตฺถ กตเม อกุสลา ธมฺมา กามจฺฉนฺโท’’ติอาทินา นเยน วิภงฺเค (วิภ. ๕๖๔) อุปริฌานงฺคปจฺจนีกปฏิปกฺขภาวทสฺสนโต นีวรณาเนว วุตฺตานิ. นีวรณานิ หิ ฌานงฺคปจฺจนีกานิ, เตสํ ฌานงฺคาเนว ปฏิปกฺขานิ, วิทฺธํสกานีติ วุตฺตํ โหติ. ตถา หิ ‘‘สมาธิ กามจฺฉนฺทสฺส ปฏิปกฺโข, ปีติ พฺยาปาทสฺส, วิตกฺโก ถินมิทฺธสฺส, สุขํ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจสฺส, วิจาโร วิจิกิจฺฉายา’’ติ เปฏเก วุตฺตํ.
เอวเมตฺถ ‘‘วิวิจฺเจว กาเมหี’’ติ อิมินา กามจฺฉนฺทสฺส วิกฺขมฺภนวิเวโก วุตฺโต โหติ. ‘‘วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหี’’ติ อิมินา ปฺจนฺนมฺปิ นีวรณานํ. อคฺคหิตคฺคหเณน ปน ¶ ปเมน กามจฺฉนฺทสฺส, ทุติเยน เสสนีวรณานํ. ตถา ปเมน ตีสุ อกุสลมูเลสุ ปฺจกามคุณเภทวิสยสฺส โลภสฺส, ทุติเยน ¶ อาฆาตวตฺถุเภทาทิวิสยานํ โทสโมหานํ. โอฆาทีสุ วา ธมฺเมสุ ปเมน กาโมฆ-กามโยค-กามาสว-กามุปาทาน-อภิชฺฌากายคนฺถ-กามราค-สํโยชนานํ, ทุติเยน อวเสสโอฆ-โยคาสว-อุปาทาน-คนฺถ-สํโยชนานํ. ปเมน จ ตณฺหาย ตํสมฺปยุตฺตกานฺจ, ทุติเยน อวิชฺชาย ตํสมฺปยุตฺตกานฺจ. อปิจ ปเมน โลภสมฺปยุตฺตอฏฺจิตฺตุปฺปาทานํ, ทุติเยน เสสานํ จตุนฺนํ อกุสลจิตฺตุปฺปาทานํ วิกฺขมฺภนวิเวโก วุตฺโต โหตีติ เวทิตพฺโพ. อยํ ตาว ‘‘วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหี’’ติ เอตฺถ อตฺถปฺปกาสนา.
เอตฺตาวตา จ ปมสฺส ฌานสฺส ปหานงฺคํ ทสฺเสตฺวา อิทานิ สมฺปโยคงฺคํ ทสฺเสนฺโต สวิตกฺกํ สวิจารนฺติอาทิมาห. ตตฺถ วิตกฺกนํ วิตกฺโก, อูหนนฺติ วุตฺตํ โหติ. สฺวายํ อารมฺมเณ จิตฺตสฺส อภินิโรปนลกฺขโณ, อาหนนปริยาหนนรโส. ตถา หิ ‘‘เตน โยคาวจโร อารมฺมณํ วิตกฺกาหตํ วิตกฺกปริยาหตํ กโรตี’’ติ วุจฺจติ. อารมฺมเณ จิตฺตสฺส อานยนปจฺจุปฏฺาโน. วิจรณํ วิจาโร, อนุสฺจรณนฺติ ¶ วุตฺตํ โหติ. สฺวายํ อารมฺมณานุมชฺชนลกฺขโณ, ตตฺถ สหชาตานุโยชนรโส, จิตฺตสฺส อนุปฺปพนฺธนปจฺจุปฏฺาโน. สนฺเตปิ จ เนสํ กตฺถจิ อวิปฺปโยเค โอฬาริกฏฺเน ฆณฺฏาภิฆาตสทฺโท วิย เจตโส ปมาภินิปาโต วิตกฺโก, สุขุมฏฺเน อนุรโว วิย อนุปฺปพนฺโธ วิจาโร. วิปฺผารวา เจตฺถ วิตกฺโก ปริปฺผนฺทนภาโว จิตฺตสฺส, อากาเส อุปฺปติตุกามสฺส ปกฺขิโน ปกฺขวิกฺเขโป วิย ปทุมาภิมุขปาโต วิย จ คนฺธานุพนฺธเจตโส ภมรสฺส. สนฺตวุตฺติ วิจาโร นาติปริปฺผนฺทนภาโว จิตฺตสฺส, อากาเส อุปฺปติตสฺส ปกฺขิโน ปกฺขปฺปสารณํ วิย ปริพฺภมนํ วิย จ ปทุมาภิมุขปติตสฺส ภมรสฺส ปทุมสฺส อุปริภาเค. โส ปน เนสํ วิเสโส ปม-ทุติยชฺฌาเนสุ ปากโฏ โหติ. อิติ อิมินา จ วิตกฺเกน อิมินา จ วิจาเรน สห วตฺตติ รุกฺโข วิย ปุปฺเผน จ ผเลน จาติ อิทํ ฌานํ ‘‘สวิตกฺกํ สวิจาร’’นฺติ วุจฺจติ. วิภงฺเค ปน ‘‘อิมินา จ วิตกฺเกน อิมินา จ วิจาเรน อุเปโต โหติ ¶ สมุเปโต’’ติอาทินา (วิภ. ๕๖๕) นเยน ปุคฺคลาธิฏฺานา เทสนา กตา. อตฺโถ ปน ตตฺราปิ เอวเมว ทฏฺพฺโพ.
วิเวกชนฺติ เอตฺถ วิวิตฺติ วิเวโก, นีวรณวิคโมติ อตฺโถ. วิวิตฺโตติ วา วิเวโก, นีวรณวิวิตฺโต ฌานสมฺปยุตฺตธมฺมราสีติ อตฺโถ. ตสฺมา วิเวกา, ตสฺมึ วา วิเวเก ชาตนฺติ วิเวกชํ. ปีติสุขนฺติ เอตฺถ ปินยตีติ ปีติ, สา สมฺปิยายนลกฺขณา กายจิตฺตปีนนรสา ¶ , ผรณรสา วา, โอทคฺยปจฺจุปฏฺานา. สุขนํ สุขํ, สุฏฺุ วา ขาทติ ขนติ จ กายจิตฺตาพาธนฺติ สุขํ, ตํ สาตลกฺขณํ, สมฺปยุตฺตกานํ อุปพฺรูหนรสํ, อนุคฺคหปจฺจุปฏฺานํ. สติปิ จ เนสํ กตฺถจิ อวิปฺปโยเค อิฏฺารมฺมณปฏิลาภตุฏฺิ ปีติ, ปฏิลทฺธรสานุภวนํ สุขํ. ยตฺถ ปีติ ตตฺถ สุขํ, ยตฺถ สุขํ ตตฺถ น นิยมโต ปีติ. สงฺขารกฺขนฺธสงฺคหิตา ปีติ, เวทนากฺขนฺธสงฺคหิตํ สุขํ. กนฺตารขินฺนสฺส วนนฺโตทกทสฺสนสวเนสุ วิย ปีติ, วนจฺฉายปฺปเวสนอุทกปริโภเคสุ วิย สุขํ. ตสฺมึ ตสฺมึ สมเย ปากฏภาวโต เจตํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. อยฺจ ปีติ, อิทฺจ สุขํ, อสฺส ฌานสฺส, อสฺมึ วา ฌาเน อตฺถีติ อิทํ ฌานํ ‘‘ปีติสุข’’นฺติ วุจฺจติ.
อถ วา ปีติ จ สุขฺจ ปีติสุขํ, ธมฺมวินยาทโย วิย. วิเวกชํ ปีติสุขมสฺส ฌานสฺส, อสฺมึ วา ฌาเน อตฺถีติ เอวมฺปิ วิเวกชํปีติสุขํ. ยเถว ¶ หิ ฌานํ, เอวํ ปีติสุขํ เปตฺถ วิเวกชเมว โหติ, ตฺจสฺส อตฺถีติ ตสฺมา เอกปเทเนว ‘‘วิเวกชํ ปีติสุข’’นฺติปิ วตฺตุํ ยุชฺชติ. วิภงฺเค ปน ‘‘อิทํ สุขํ อิมาย ปีติยา สหคต’’นฺติอาทินา (วิภ. ๕๖๗) นเยเนตํ วุตฺตํ. อตฺโถ ปน ตตฺราปิ เอวเมว ทฏฺพฺโพ.
ปมนฺติ คณนานุปุพฺพตา ปมํ, อิทํ ปมํ สมาปชฺชตีติปิ ปมํ. ปจฺจนีกธมฺเม ฌาเปตีติ ฌานํ, อิมินา โยคิโน ฌายนฺตีติปิ ฌานํ, ปจฺจนีกธมฺเม ฑหนฺติ โคจรํ วา จินฺเตนฺตีติ อตฺโถ. สยํ วา ตํ ฌายติ อุปนิชฺฌายตีติ ฌานํ, เตเนว อุปนิชฺฌายนลกฺขณนฺติ วุจฺจติ. ตเทตํ อารมฺมณูปนิชฺฌานํ ¶ , ลกฺขณูปนิชฺฌานนฺติ ทุวิธํ โหติ. ตตฺถ อารมฺมณูปนิชฺฌานนฺติ สห อุปจาเรน อฏฺ สมาปตฺติโย วุจฺจนฺติ. กสฺมา? กสิณาทิอารมฺมณูปนิชฺฌายนโต. ลกฺขณูปนิชฺฌานนฺติ วิปสฺสนามคฺคผลานิ วุจฺจนฺติ. กสฺมา? ลกฺขณูปนิชฺฌายนโต. เอตฺถ หิ วิปสฺสนา อนิจฺจลกฺขณาทีนิ อุปนิชฺฌายติ, วิปสฺสนาย อุปนิชฺฌายนกิจฺจํ ปน มคฺเคน สิชฺฌตีติ มคฺโค ลกฺขณูปนิชฺฌานนฺติ วุจฺจติ. ผลํ ปน นิโรธสฺส ตถลกฺขณํ อุปนิชฺฌายตีติ ลกฺขณูปนิชฺฌานนฺติ วุจฺจติ. อิมสฺมึ ปนตฺเถ อารมฺมณูปนิชฺฌานเมว ฌานนฺติ อธิปฺเปตํ.
เอตฺถาห – ‘‘กตมํ ปน ตํ ฌานํ นาม, ยํ สวิตกฺกํ สวิจารํ…เป… ปีติสุขนฺติ เอวํ อปเทสํ อรหตี’’ติ? วุจฺจเต – ยถา สธโน สปริชโนติอาทีสุ เปตฺวา ธนฺจ ปริชนฺจ อฺโ อปเทสารโห โหติ, เอวํ เปตฺวา วิตกฺกาทิธมฺเม อฺํ อปเทสารหํ นตฺถิ. ยถา ปน สรถา สปตฺติ เสนาติ วุตฺเต เสนงฺเคสุเยว เสนาสมฺมุติ, เอวมิธ ปฺจสุ องฺเคสุเยว ¶ ฌานสมฺมุติ เวทิตพฺพา. กตเมสุ ปฺจสุ? วิตกฺโก, วิจาโร, ปีติ, สุขํ, จิตฺเตกคฺคตาติ เอเตสุ. เอตาเนว หิสฺส ‘‘สวิตกฺกํ สวิจาร’’นฺติอาทินา นเยน องฺคภาเวน วุตฺตานิ. อวุตฺตตฺตา เอกคฺคตา องฺคํ น โหตีติ เจ ตฺจ น. กสฺมา? วุตฺตตฺตา เอว. สาปิ หิ วิภงฺเค ‘‘ฌานนฺติ วิตกฺโก วิจาโร ปีติ สุขํ จิตฺตสฺเสกคฺคตา’’ติ เอวํ วุตฺตาเยว. ตสฺมา ยถา สวิตกฺกํ สวิจารนฺติ, เอวํ สจิตฺเตกคฺคตนฺติ อิธ อวุตฺเตปิ อิมินา วิภงฺควจเนน จิตฺเตกคฺคตาปิ องฺคเมวาติ เวทิตพฺพา. เยน หิ อธิปฺปาเยน ภควตา อุทฺเทโส กโต, โส เอว เตน วิภงฺเคปิ ปกาสิโตติ.
อุปสมฺปชฺชาติ ¶ อุปคนฺตฺวา, ปาปุณิตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. อุปสมฺปาทยิตฺวา วา, นิปฺผาเทตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. วิภงฺเค ปน ‘‘อุปสมฺปชฺชาติ ปมสฺส ฌานสฺส ลาโภ ปฏิลาโภ ปตฺติ สมฺปตฺติ ผุสนา สมฺผุสนา สจฺฉิกิริยา อุปสมฺปทา’’ติ วุตฺตํ. ตสฺสาปิ เอวเมวตฺโถ เวทิตพฺโพ. วิหาสินฺติ โพธิมณฺเฑ นิสชฺชสงฺขาเตน อิริยาปถวิหาเรน อิติวุตฺตปฺปการฌานสมงฺคี ¶ หุตฺวา อตฺตภาวสฺส อิริยํ วุตฺตึ ปาลนํ ยปนํ ยาปนํ จารํ วิหารํ อภินิปฺผาเทสินฺติ อตฺโถ. วุตฺตฺเหตํ วิภงฺเค – ‘‘วิหรตีติ อิริยติ วตฺตติ ปาเลติ ยเปติ ยาเปติ จรติ วิหรติ, เตน วุจฺจติ วิหรตี’’ติ (วิภ. ๕๑๒).
กึ ปน กตฺวา ภควา อิมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหาสีติ? กมฺมฏฺานํ ภาเวตฺวา. กตรํ? อานาปานสฺสติกมฺมฏฺานํ. อฺเน ตทตฺถิเกน กึ กาตพฺพนฺติ? อฺเนปิ เอตํ วา กมฺมฏฺานํ ปถวีกสิณาทีนํ วา อฺตรํ ภาเวตพฺพํ. เตสํ ภาวนานโย วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๑.๕๕) วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. อิธ ปน วุจฺจมาเน อติภาริยํ วินยนิทานํ โหติ, ตสฺมา ปาฬิยา อตฺถปฺปกาสนมตฺตเมว กโรมาติ.
ปมชฺฌานกถา นิฏฺิตา.
ทุติยชฺฌานกถา
วิตกฺกวิจารานํ วูปสมาติ วิตกฺกสฺส จ วิจารสฺส จาติ อิเมสํ ทฺวินฺนํ วูปสมา สมติกฺกมา; ทุติยชฺฌานกฺขเณ อปาตุภาวาติ วุตฺตํ โหติ. ตตฺถ กิฺจาปิ ทุติยชฺฌาเน สพฺเพปิ ปมชฺฌานธมฺมา น สนฺติ, อฺเเยว หิ ปมชฺฌาเน ผสฺสาทโย, อฺเ อิธ; โอฬาริกสฺส ปน โอฬาริกสฺส องฺคสฺส สมติกฺกมา ปมชฺฌานโต ปเรสํ ทุติยชฺฌานาทีนํ อธิคโม ¶ โหตีติ ทีปนตฺถํ ‘‘วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา’’ติ เอวํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. อชฺฌตฺตนฺติ อิธ นิยกชฺฌตฺตมธิปฺเปตํ. วิภงฺเค ปน ‘‘อชฺฌตฺตํ ปจฺจตฺต’’นฺติ (วิภ. ๕๗๓) เอตฺตกเมว วุตฺตํ. ยสฺมา ปน นิยกชฺฌตฺตํ อธิปฺเปตํ, ตสฺมา อตฺตนิ ชาตํ อตฺตโน สนฺตาเน นิพฺพตฺตนฺติ อยเมตฺถ อตฺโถ.
สมฺปสาทนนฺติ สมฺปสาทนํ วุจฺจติ สทฺธา. สมฺปสาทนโยคโต ฌานมฺปิ สมฺปสาทนํ, นีลวณฺณโยคโต นีลวตฺถํ วิย. ยสฺมา วา ตํ ฌานํ สมฺปสาทนสมนฺนาคตตฺตา วิตกฺกวิจารกฺโขภวูปสมเนน เจโต สมฺปสาทยติ, ตสฺมาปิ สมฺปสาทนนฺติ วุตฺตํ. อิมสฺมิฺจ อตฺถวิกปฺเป สมฺปสาทนํ เจตโสติ เอวํ ปทสมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ. ปุริมสฺมึ ปน อตฺถวิกปฺเป ¶ เจตโสติ เอตํ เอโกทิภาเวน สทฺธึ โยเชตพฺพํ. ตตฺรายํ อตฺถโยชนา – เอโก อุเทตีติ เอโกทิ, วิตกฺกวิจาเรหิ อนชฺฌารูฬฺหตฺตา อคฺโค เสฏฺโ หุตฺวา อุเทตีติ ¶ อตฺโถ. เสฏฺโปิ หิ โลเก เอโกติ วุจฺจติ. วิตกฺกวิจารวิรหโต วา เอโก อสหาโย หุตฺวาติปิ วตฺตุํ วฏฺฏติ. อถ วา สมฺปยุตฺตธมฺเม อุทายตีติ อุทิ, อุฏฺาเปตีติ อตฺโถ. เสฏฺฏฺเน เอโก จ โส อุทิ จาติ เอโกทิ, สมาธิสฺเสตํ อธิวจนํ. อิติ อิมํ เอโกทึ ภาเวติ วฑฺฒยตีติ อิทํ ทุติยชฺฌานํ เอโกทิภาวํ. โส ปนายํ เอโกทิ ยสฺมา เจตโส, น สตฺตสฺส น ชีวสฺส, ตสฺมา เอตํ เจตโส เอโกทิภาวนฺติ วุตฺตํ.
นนุ จายํ สทฺธา ปมชฺฌาเนปิ อตฺถิ, อยฺจ เอโกทินามโก สมาธิ; อถ กสฺมา อิทเมว สมฺปสาทนํ ‘‘เจตโส เอโกทิภาวฺจา’’ติ วุตฺตนฺติ? วุจฺจเต – อทฺุหิ ปมชฺฌานํ วิตกฺกวิจารกฺโขเภน วีจิตรงฺคสมากุลมิว ชลํ น สุปฺปสนฺนํ โหติ, ตสฺมา สติยาปิ สทฺธาย สมฺปสาทนนฺติ น วุตฺตํ. น สุปฺปสนฺนตฺตาเยว เจตฺถ สมาธิปิ น สุฏฺุ ปากโฏ, ตสฺมา เอโกทิภาวนฺติปิ น วุตฺตํ. อิมสฺมึ ปน ฌาเน วิตกฺกวิจารปลิโพธาภาเวน ลทฺโธกาสา พลวตี สทฺธา, พลวสทฺธาสหายปฺปฏิลาเภเนว จ สมาธิปิ ปากโฏ; ตสฺมา อิทเมว เอวํ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. วิภงฺเค ปน ‘‘สมฺปสาทนนฺติ ยา สทฺธา สทฺทหนา โอกปฺปนา อภิปฺปสาโท, เจตโส เอโกทิภาวนฺติ ยา จิตฺตสฺส ิติ…เป… สมฺมาสมาธี’’ติ เอตฺตกเมว วุตฺตํ. เอวํ วุตฺเตน ปเนเตน สทฺธึ อยํ อตฺถวณฺณนา ยถา น วิรุชฺฌติ อฺทตฺถุ สํสนฺทติ เจว สเมติ จ เอวํ เวทิตพฺพา.
อวิตกฺกํ อวิจารนฺติ ภาวนาย ปหีนตฺตา เอตสฺมึ เอตสฺส วา วิตกฺโก นตฺถีติ อวิตกฺกํ. อิมินาว นเยน อวิจารํ. วิภงฺเคปิ (วิภ. ๕๗๖) วุตฺตํ ‘‘อิติ อยฺจ วิตกฺโก ¶ อยฺจ วิจาโร สนฺตา โหนฺติ สมิตา วูปสนฺตา อตฺถงฺคตา อพฺภตฺถงฺคตา อปฺปิตา พฺยปฺปิตา โสสิตา วิโสสิตา พฺยนฺตีกตา, เตน วุจฺจติ อวิตกฺกํ อวิจาร’’นฺติ.
เอตฺถาห – นนุ จ ‘‘วิตกฺกวิจารานํ วูปสมาติ อิมินาปิ อยมตฺโถ สิทฺโธ, อถ กสฺมา ปุน วุตฺตํ อวิตกฺกํ อวิจาร’’นฺติ? วุจฺจเต – เอวเมตํ สิทฺโธ วายมตฺโถ, น ปเนตํ ตทตฺถทีปกํ; นนุ อโวจุมฺห – ‘‘โอฬาริกสฺส ปน โอฬาริกสฺส ¶ องฺคสฺส สมติกฺกมา ปมชฺฌานโต ปเรสํ ทุติยชฺฌานาทีนํ ¶ อธิคโม โหตีติ ทีปนตฺถํ วิตกฺกวิจารานํ วูปสมาติ เอวํ วุตฺต’’นฺติ.
อปิจ วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อิทํ สมฺปสาทนํ, น กิเลสกาลุสิยสฺส. วิตกฺกวิจารานฺจ วูปสมา เอโกทิภาวํ น อุปจารชฺฌานมิว นีวรณปฺปหานา, น ปมชฺฌานมิว จ องฺคปาตุภาวาติ เอวํ สมฺปสาทนเอโกทิภาวานํ เหตุปริทีปกมิทํ วจนํ. ตถา วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อิทํ อวิตกฺกอวิจารํ, น ตติยจตุตฺถชฺฌานานิ วิย จกฺขุวิฺาณาทีนิ วิย จ อภาวาติ เอวํ อวิตกฺกอวิจารภาวสฺส เหตุปริทีปกฺจ, น วิตกฺกวิจาราภาวมตฺตปริทีปกํ. วิตกฺกวิจาราภาวมตฺตปริทีปกเมว ปน ‘‘อวิตกฺกํ อวิจาร’’นฺติ อิทํ วจนํ, ตสฺมา ปุริมํ วตฺวาปิ ปุน วตฺตพฺพเมวาติ.
สมาธิชนฺติ ปมชฺฌานสมาธิโต สมฺปยุตฺตสมาธิโต วา ชาตนฺติ อตฺโถ. ตตฺถ กิฺจาปิ ปมมฺปิ สมฺปยุตฺตสมาธิโต ชาตํ, อถ โข อยเมว ‘‘สมาธี’’ติ วตฺตพฺพตํ อรหติ วิตกฺกวิจารกฺโขภวิรเหน อติวิย อจลตฺตา สุปฺปสนฺนตฺตา จ. ตสฺมา อิมสฺส วณฺณภณนตฺถํ อิทเมว ‘‘สมาธิช’’นฺติ วุตฺตํ. ปีติสุขนฺติ อิทํ วุตฺตนยเมว.
ทุติยนฺติ คณนานุปุพฺพโต ทุติยํ, อิทํ ทุติยํ สมาปชฺชตีติปิ ทุติยํ. ฌานนฺติ เอตฺถ ปน ยถา ปมชฺฌานํ วิตกฺกาทีหิ ปฺจงฺคิกํ โหติ, เอวมิทํ สมฺปสาทาทีหิ ‘‘จตุรงฺคิก’’นฺติ เวทิตพฺพํ. ยถาห – ‘‘ฌานนฺติ สมฺปสาโท, ปีติ, สุขํ, จิตฺตสฺเสกคฺคตา’’ติ (วิภ. ๕๘๐). ปริยาโยเยว เจโส. สมฺปสาทนํ ปน เปตฺวา นิปฺปริยาเยน ติวงฺคิกเมเวตํ โหติ. ยถาห – ‘‘กตมํ ตสฺมึ สมเย ติวงฺคิกํ ฌานํ โหติ? ปีติ, สุขํ, จิตฺตสฺเสกคฺคตา’’ติ (ธ. ส. ๑๖๑). เสสํ วุตฺตนยเมวาติ.
ทุติยชฺฌานกถา นิฏฺิตา.
ตติยชฺฌานกถา
ปีติยา ¶ จ วิราคาติ เอตฺถ วุตฺตตฺถาเยว ปีติ. วิราโคติ ตสฺสา ชิคุจฺฉนํ วา สมติกฺกโม วา. อุภินฺนมนฺตรา ‘‘จ’’ สทฺโท สมฺปิณฺฑนตฺโถ, โส ¶ หิ วูปสมํ วา สมฺปิณฺเฑติ วิตกฺกวิจารวูปสมํ วา. ตตฺถ ยทา วูปสมเมว สมฺปิณฺเฑติ, ตทา ปีติยา วิราคา จ, กิฺจ ภิยฺโย วูปสมา จาติ เอวํ โยชนา ¶ เวทิตพฺพา. อิมิสฺสา จ โยชนายํ วิราโค ชิคุจฺฉนตฺโถ โหติ. ตสฺมา ปีติยา ชิคุจฺฉนา จ วูปสมา จาติ อยมตฺโถ ทฏฺพฺโพ. ยทา ปน วิตกฺกวิจารวูปสมํ สมฺปิณฺเฑติ, ตทา ปีติยา จ วิราคา, กิฺจ ภิยฺโย วิตกฺกวิจารานฺจ วูปสมาติ เอวํ โยชนา เวทิตพฺพา. อิมิสฺสา จ โยชนายํ วิราโค สมติกฺกมนตฺโถ โหติ. ตสฺมา ปีติยา จ สมติกฺกมา, วิตกฺกวิจารานฺจ วูปสมาติ อยมตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
กามฺเจเต วิตกฺกวิจารา ทุติยชฺฌาเนเยว วูปสนฺตา อิมสฺส ปน ฌานสฺส มคฺคปริทีปนตฺถํ วณฺณภณนตฺถฺเจตํ วุตฺตํ. ‘‘วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา’’ติ หิ วุตฺเต อิทํ ปฺายติ – ‘‘นูน วิตกฺกวิจารวูปสโม มคฺโค อิมสฺส ฌานสฺสา’’ติ. ยถา จ ตติเย อริยมคฺเค อปฺปหีนานมฺปิ สกฺกายทิฏฺาทีนํ ‘‘ปฺจนฺนํ โอรมฺภาคิยานํ สํโยชนานํ ปหานา’’ติ (ม. นิ. ๒.๑๓๒) เอวํ ปหานํ วุจฺจมานํ วณฺณภณนํ โหติ ตทธิคมาย อุสฺสุกานํ อุสฺสาหชนกํ; เอวเมวํ อิธ อวูปสนฺตานมฺปิ วิตกฺกวิจารานํ วูปสโม วุจฺจมาโน วณฺณภณนํ โหติ. เตนายมตฺโถ วุตฺโต – ‘‘ปีติยา จ สมติกฺกมา, วิตกฺกวิจารานฺจ วูปสมา’’ติ.
อุเปกฺขโก จ วิหาสินฺติ เอตฺถ อุปปตฺติโต อิกฺขตีติ อุเปกฺขา, สมํ ปสฺสติ, อปกฺขปติตาว หุตฺวา ปสฺสตีติ อตฺโถ. ตาย วิสทาย วิปุลาย ถามคตาย สมนฺนาคตตฺตา ตติยชฺฌานสมงฺคี ‘‘อุเปกฺขโก’’ติ วุจฺจติ. อุเปกฺขา ปน ทสวิธา โหติ – ฉฬงฺคุเปกฺขา, พฺรหฺมวิหารุเปกฺขา, โพชฺฌงฺคุเปกฺขา, วีริยุเปกฺขา, สงฺขารุเปกฺขา, เวทนุเปกฺขา, วิปสฺสนุเปกฺขา, ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขา, ฌานุเปกฺขา, ปาริสุทฺธุเปกฺขาติ. เอวมยํ ทสวิธาปิ ตตฺถ ตตฺถ อาคตนยโต ภูมิปุคฺคลจิตฺตารมฺมณโต, ขนฺธสงฺคห-เอกกฺขณกุสลตฺติกสงฺเขปวเสน จ อฏฺสาลินิยา ธมฺมสงฺคหฏฺกถาย ¶ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพา. อิธ ปน วุจฺจมานา วินยนิทานํ อติภาริยํ กโรตีติ น วุตฺตา. ลกฺขณาทิโต ปน อิธ อธิปฺเปตุเปกฺขา มชฺฌตฺตลกฺขณา, อนาโภครสา, อพฺยาปารปจฺจุปฏฺานา, ปีติวิราคปทฏฺานาติ.
เอตฺถาห ¶ – นนุ จายํ อตฺถโต ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขาว โหติ, สา จ ปมทุติยชฺฌาเนสุปิ อตฺถิ, ตสฺมา ตตฺราปิ ‘‘อุเปกฺขโก จ วิหาสิ’’นฺติ เอวมยํ วตฺตพฺพา สิยา, สา กสฺมา น วุตฺตาติ? อปริพฺยตฺตกิจฺจโต. อปริพฺยตฺตฺหิ ¶ ตสฺสา ตตฺถ กิจฺจํ, วิตกฺกาทีหิ อภิภูตตฺตา. อิธ ปนายํ วิตกฺกวิจารปีตีหิ อนภิภูตตฺตา อุกฺขิตฺตสิรา วิย หุตฺวา ปริพฺยตฺตกิจฺจา ชาตา, ตสฺมา วุตฺตาติ.
นิฏฺิตา ‘‘อุเปกฺขโก จ วิหาสิ’’นฺติ เอตสฺส สพฺพโส อตฺถวณฺณนา.
อิทานิ สโต จ สมฺปชาโนติ เอตฺถ สรตีติ สโต, สมฺปชานาตีติ สมฺปชาโน. ปุคฺคเลน สติ จ สมฺปชฺฺจ วุตฺตํ. ตตฺถ สรณลกฺขณา สติ, อสมฺมุสฺสนรสา, อารกฺขปจฺจุปฏฺานา; อสมฺโมหลกฺขณํ สมฺปชฺํ, ตีรณรสํ, ปวิจยปจฺจุปฏฺานํ. ตตฺถ กิฺจาปิ อิทํ สติสมฺปชฺํ ปุริมชฺฌาเนสุปิ อตฺถิ, มุฏฺสฺสติสฺส หิ อสมฺปชานสฺส อุปจารชฺฌานมตฺตมฺปิ น สมฺปชฺชติ, ปเคว อปฺปนา; โอฬาริกตฺตา ปน เตสํ ฌานานํ ภูมิยํ วิย ปุริสสฺส จิตฺตสฺส คติ สุขา โหติ, อพฺยตฺตํ ตตฺถ สติสมฺปชฺกิจฺจํ. โอฬาริกงฺคปฺปหาเนน ปน สุขุมตฺตา อิมสฺส ฌานสฺส ปุริสสฺส ขุรธารายํ วิย สติสมฺปชฺกิจฺจปริคฺคหิตาเยว จิตฺตสฺส คติ อิจฺฉิตพฺพาติ อิเธว วุตฺตํ. กิฺจ ภิยฺโย? ยถาปิ เธนุปโค วจฺโฉ เธนุโต อปนีโต อรกฺขิยมาโน ปุนเทว เธนุํ อุปคจฺฉติ; เอวมิทํ ตติยชฺฌานสุขํ ปีติโต อปนีตมฺปิ สติสมฺปชฺารกฺเขน อรกฺขิยมานํ ปุนเทว ปีตึ อุปคจฺเฉยฺย ปีติสมฺปยุตฺตเมว สิยา. สุเข วาปิ สตฺตา รชฺชนฺติ, อิทฺจ อติมธุรํ สุขํ, ตโต ปรํ สุขาภาวา ¶ . สติสมฺปชฺานุภาเวน ปเนตฺถ สุเข อสารชฺชนา โหติ, โน อฺถาติ อิมมฺปิ อตฺถวิเสสํ ทสฺเสตุํ อิทํ อิเธว วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.
อิทานิ สุขฺจ กาเยน ปฏิสํเวเทสินฺติ เอตฺถ กิฺจาปิ ตติยชฺฌานสมงฺคิโน สุขปฺปฏิสํเวทนาโภโค นตฺถิ, เอวํ สนฺเตปิ ยสฺมา ตสฺส นามกาเยน สมฺปยุตฺตํ สุขํ, ยํ วา ตํ นามกายสมฺปยุตฺตํ สุขํ, ตํสมุฏฺาเนนสฺส ยสฺมา อติปณีเตน รูเปน รูปกาโย ผุโฏ, ยสฺส ¶ ผุฏตฺตา ฌานา วุฏฺิโตปิ สุขํ ปฏิสํเวเทยฺย, ตสฺมา เอตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ‘‘สุขฺจ กาเยน ปฏิสํเวเทสิ’’นฺติ อาห.
อิทานิ ยํ ตํ อริยา อาจิกฺขนฺติ อุเปกฺขโก สติมา สุขวิหารีติ เอตฺถ ยํฌานเหตุ ยํฌานการณา ตํ ตติยชฺฌานสมงฺคีปุคฺคลํ พุทฺธาทโย อริยา อาจิกฺขนฺติ เทเสนฺติ ปฺเปนฺติ ¶ ปฏฺเปนฺติ วิวรนฺติ วิภชนฺติ อุตฺตานีกโรนฺติ ปกาเสนฺติ, ปสํสนฺตีติ อธิปฺปาโย. กินฺติ? ‘‘อุเปกฺขโก สติมา สุขวิหารี’’ติ. ตํ ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหาสินฺติ เอวเมตฺถ โยชนา เวทิตพฺพา.
กสฺมา ปน ตํ เต เอวํ ปสํสนฺตีติ? ปสํสารหโต. อยฺหิ ยสฺมา อติมธุรสุเข สุขปารมิปฺปตฺเตปิ ตติยชฺฌาเน อุเปกฺขโก, น ตตฺถ สุขาภิสงฺเคน อากฑฺฒียติ, ยถา จ ปีติ น อุปฺปชฺชติ; เอวํ อุปฏฺิตสฺสติตาย สติมา. ยสฺมา จ อริยกนฺตํ อริยชนเสวิตเมว จ อสํกิลิฏฺํ สุขํ นามกาเยน ปฏิสํเวเทติ, ตสฺมา ปสํสารโห. อิติ ปสํสารหโต นํ อริยา เต เอวํ ปสํสาเหตุภูเต คุเณ ปกาเสนฺตา ‘‘อุเปกฺขโก สติมา สุขวิหารี’’ติ เอวํ ปสํสนฺตีติ เวทิตพฺพํ.
ตติยนฺติ คณนานุปุพฺพโต ตติยํ. อิทํ ตติยํ สมาปชฺชตีติปิ ตติยํ. ฌานนฺติ เอตฺถ จ ยถา ทุติยํ สมฺปสาทาทีหิ จตุรงฺคิกํ; เอวมิทํ อุเปกฺขาทีหิ ปฺจงฺคิกํ. ยถาห – ‘‘ฌานนฺติ อุเปกฺขา สติ สมฺปชฺํ สุขํ จิตฺตสฺส เอกคฺคตา’’ติ (วิภ. ๕๙๑). ปริยาโยเยว เจโส. อุเปกฺขาสติสมฺปชฺานิ ปน เปตฺวา นิปฺปริยาเยน ทุวงฺคิกเมเวตํ โหติ. ยถาห – ‘‘กตมํ ตสฺมึ สมเย ทุวงฺคิกํ ฌานํ โหติ ¶ ? สุขํ, จิตฺตสฺเสกคฺคตา’’ติ (ธ. ส. ๑๖๓). เสสํ วุตฺตนยเมวาติ.
ตติยชฺฌานกถา นิฏฺิตา.
จตุตฺถชฺฌานกถา
สุขสฺส จ ปหานา ทุกฺขสฺส จ ปหานาติ กายิกสุขสฺส จ กายิกทุกฺขสฺส จ ปหานา. ปุพฺเพวาติ ตฺจ โข ปุพฺเพว, น จตุตฺถชฺฌานกฺขเณ ¶ . โสมนสฺสโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมาติ เจตสิกสุขสฺส จ เจตสิกทุกฺขสฺส จาติ อิเมสมฺปิ ทฺวินฺนํ ปุพฺเพว อตฺถงฺคมา ปหานา อิจฺเจว วุตฺตํ โหติ. กทา ปน เนสํ ปหานํ โหติ? จตุนฺนํ ฌานานํ อุปจารกฺขเณ. โสมนสฺสฺหิ จตุตฺถชฺฌานสฺส อุปจารกฺขเณเยว ปหียติ, ทุกฺขโทมนสฺสสุขานิ ปมทุติยตติยานํ อุปจารกฺขเณสุ. เอวเมเตสํ ปหานกฺกเมน อวุตฺตานํ, อินฺทฺริยวิภงฺเค ปน อินฺทฺริยานํ อุทฺเทสกฺกเมเนว อิธาปิ วุตฺตานํ สุขทุกฺขโสมนสฺส โทมนสฺสานํ ปหานํ เวทิตพฺพํ.
ยทิ ¶ ปเนตานิ ตสฺส ตสฺส ฌานสฺสุปจารกฺขเณเยว ปหียนฺติ, อถ กสฺมา ‘‘กตฺถ จุปฺปนฺนํ ทุกฺขินฺทฺริยํ อปริเสสํ นิรุชฺฌติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วิวิจฺเจว กาเมหิ…เป… ปมชฺฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, เอตฺถุปฺปนฺนํ ทุกฺขินฺทฺริยํ อปริเสสํ นิรุชฺฌติ. กตฺถ จุปฺปนฺนํ โทมนสฺสินฺทฺริยํ… สุขินฺทฺริยํ… โสมนสฺสินฺทฺริยํ อปริเสสํ นิรุชฺฌติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สุขสฺส จ ปหานา…เป… จตุตฺถชฺฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติ, เอตฺถุปฺปนฺนํ โสมนสฺสินฺทฺริยํ อปริเสสํ นิรุชฺฌตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๕๑๐) เอวํ ฌาเนสฺเวว นิโรโธ วุตฺโตติ? อติสยนิโรธตฺตา. อติสยนิโรโธ หิ เนสํ ปมชฺฌานาทีสุ, น นิโรโธเยว; นิโรโธเยว ปน อุปจารกฺขเณ, นาติสยนิโรโธ. ตถา หิ นานาวชฺชเน ปมชฺฌานูปจาเร นิรุทฺธสฺสาปิ ทุกฺขินฺทฺริยสฺส ฑํสมกสาทิสมฺผสฺเสน วา วิสมาสนุปตาเปน วา สิยา อุปฺปตฺติ, น ตฺเวว อนฺโตอปฺปนายํ. อุปจาเร วา นิรุทฺธมฺเปตํ น สุฏฺุ นิรุทฺธํ โหติ; ปฏิปกฺเขน อวิหตตฺตา. อนฺโตอปฺปนายํ ปน ปีติผรเณน สพฺโพ กาโย สุโขกฺกนฺโต โหติ. สุโขกฺกนฺตกายสฺส จ สุฏฺุ นิรุทฺธํ โหติ ทุกฺขินฺทฺริยํ; ปฏิปกฺเขน วิหตตฺตา. นานาวชฺชเน เอว ¶ จ ทุติยชฺฌานูปจาเร ปหีนสฺส โทมนสฺสินฺทฺริยสฺส ยสฺมา เอตํ วิตกฺกวิจารปฺปจฺจเยปิ กายกิลมเถ จิตฺตุปฆาเต จ สติ อุปฺปชฺชติ, วิตกฺกวิจาราภาเว เนว อุปฺปชฺชติ. ยตฺถ ปน อุปฺปชฺชติ ตตฺถ วิตกฺกวิจารภาเว. อปฺปหีนา เอว จ ทุติยชฺฌานูปจาเร วิตกฺกวิจาราติ ตตฺถสฺส สิยา อุปฺปตฺติ; อปฺปหีนปจฺจยตฺตา. น ตฺเวว ทุติยชฺฌาเน; ปหีนปจฺจยตฺตา. ตถา ตติยชฺฌานูปจาเร ปหีนสฺสาปิ สุขินฺทฺริยสฺส ปีติสมุฏฺานปณีตรูปผุฏกายสฺส สิยา อุปฺปตฺติ, น ตฺเวว ตติยชฺฌาเน. ตติยชฺฌาเน หิ สุขสฺส ปจฺจยภูตา ¶ ปีติ สพฺพโส นิรุทฺธาติ. ตถา จตุตฺถชฺฌานูปจาเร ปหีนสฺสาปิ โสมนสฺสินฺทฺริยสฺส อาสนฺนตฺตา, อปฺปนาปฺปตฺตาย อุเปกฺขาย อภาเวน สมฺมา อนติกฺกนฺตตฺตา จ สิยา อุปฺปตฺติ, น ตฺเวว จตุตฺถชฺฌาเน. ตสฺมา เอว จ ‘‘เอตฺถุปฺปนฺนํ ทุกฺขินฺทฺริยํ อปริเสสํ นิรุชฺฌตี’’ติ ตตฺถ ตตฺถ อปริเสสคฺคหณํ กตนฺติ.
เอตฺถาห – ‘‘อเถวํ ตสฺส ตสฺส ฌานสฺสูปจาเร ปหีนาปิ เอตา เวทนา อิธ กสฺมา สมาหรี’’ติ? สุขคฺคหณตฺถํ. ยา หิ อยํ ‘‘อทุกฺขมสุข’’นฺติ เอตฺถ อทุกฺขมสุขา เวทนา วุตฺตา, สา สุขุมา อติทุพฺพิฺเยฺยา น สกฺกา สุเขน คเหตุํ. ตสฺมา ยถา นาม ทุฏฺสฺส ยถา วา ตถา วา อุปสงฺกมิตฺวา คเหตุํ อสกฺกุเณยฺยสฺส โคณสฺส คหณตฺถํ โคโป เอกสฺมึ วเช สพฺเพ คาโว สมาหรติ, อเถเกกํ นีหรนฺโต ปฏิปาฏิยา อาคตํ ‘‘อยํ โส, คณฺหถ น’’นฺติ ตมฺปิ คาหาปยติ; เอวเมว ภควา สุขคฺคหณตฺถํ สพฺพา เอตา สมาหริ. เอวฺหิ ¶ สมาหฏา เอตา ทสฺเสตฺวา ‘‘ยํ เนว สุขํ น ทุกฺขํ น โสมนสฺสํ น โทมนสฺสํ, อยํ อทุกฺขมสุขา เวทนา’’ติ สกฺกา โหติ เอสา คาหยิตุํ.
อปิจ อทุกฺขมสุขาย เจโตวิมุตฺติยา ปจฺจยทสฺสนตฺถฺจาปิ เอตา วุตฺตาติ เวทิตพฺพา. สุขปฺปหานาทโย หิ ตสฺสา ปจฺจยา. ยถาห – ‘‘จตฺตาโร โข, อาวุโส, ปจฺจยา อทุกฺขมสุขาย เจโตวิมุตฺติยา สมาปตฺติยา. อิธาวุโส, ภิกฺขุ, สุขสฺส จ ปหานา…เป… จตุตฺถชฺฌานํ ¶ อุปสมฺปชฺช วิหรติ. อิเม โข, อาวุโส, จตฺตาโร ปจฺจยา อทุกฺขมสุขาย เจโตวิมุตฺติยา สมาปตฺติยา’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๕๘). ยถา วา อฺตฺถ ปหีนาปิ สกฺกายทิฏฺิอาทโย ตติยมคฺคสฺส วณฺณภณนตฺถํ ตตฺถ ปหีนาติ วุตฺตา; เอวํ วณฺณภณนตฺถมฺเปตสฺส ฌานสฺเสตา อิธ วุตฺตาติปิ เวทิตพฺพา. ปจฺจยฆาเตน วา เอตฺถ ราคโทสานํ อติทูรภาวํ ทสฺเสตุมฺเปตา วุตฺตาติ เวทิตพฺพา. เอตาสุ หิ สุขํ โสมนสฺสสฺส ปจฺจโย, โสมนสฺสํ ราคสฺส, ทุกฺขํ โทมนสฺสสฺส, โทมนสฺสํ โทสสฺส. สุขาทิฆาเตน จ เต สปฺปจฺจยา ราคโทสา หตาติ อติทูเร โหนฺตีติ.
อทุกฺขมสุขนฺติ ทุกฺขาภาเวน อทุกฺขํ, สุขาภาเวน อสุขํ. เอเตเนตฺถ ทุกฺขสุขปฏิปกฺขภูตํ ตติยเวทนํ ทีเปติ, น ทุกฺขสุขาภาวมตฺตํ. ตติยเวทนา นาม – อทุกฺขมสุขา, อุเปกฺขาติปิ วุจฺจติ. สา อิฏฺานิฏฺวิปรีตานุภวนลกฺขณา, มชฺฌตฺตรสา, อวิภูตปจฺจุปฏฺานา, สุขนิโรธปทฏฺานาติ เวทิตพฺพา. อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธินฺติ อุเปกฺขาย ชนิตสติปาริสุทฺธึ. อิมสฺมิฺหิ ฌาเน สุปริสุทฺธา สติ. ยา จ ตสฺสา สติยา ปาริสุทฺธิ, สา อุเปกฺขาย กตา น อฺเน; ตสฺมา เอตํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธินฺติ วุจฺจติ. วิภงฺเคปิ วุตฺตํ – ‘‘อยํ สติ อิมาย อุเปกฺขาย วิสทา โหติ ปริสุทฺธา ปริโยทาตา, เตน วุจฺจติ – ‘อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธิ’’’นฺติ (วิภ. ๕๙๗). ยาย จ อุเปกฺขาย เอตฺถ สติยา ปาริสุทฺธิ โหติ, สา อตฺถโต ตตฺรมชฺฌตฺตตา เวทิตพฺพา. น เกวลฺเจตฺถ ตาย สติเยว ปริสุทฺธา, อปิจ โข สพฺเพปิ สมฺปยุตฺตธมฺมา; สติสีเสน ปน เทสนา วุตฺตา.
ตตฺถ ¶ กิฺจาปิ อยํ อุเปกฺขา เหฏฺาปิ ตีสุ ฌาเนสุ วิชฺชติ, ยถา ปน ทิวา สูริยปฺปภาภิภวา โสมฺมภาเวน จ อตฺตโน อุปการกตฺเตน วา สภาคาย รตฺติยา อลาภา ทิวา วิชฺชมานาปิ จนฺทเลขา อปริสุทฺธา โหติ อปริโยทาตา; เอวมยมฺปิ ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขาจนฺทเลขา วิตกฺกวิจาราทิปจฺจนีกธมฺมเตชาภิภวา สภาคาย จ อุเปกฺขาเวทนารตฺติยา อลาภา วิชฺชมานาปิ ปมาทิชฺฌานเภเทสุ อปริสุทฺธา ¶ โหติ. ตสฺสา จ ¶ อปริสุทฺธาย ทิวา อปริสุทฺธจนฺทเลขาย ปภา วิย สหชาตาปิ สติอาทโย อปริสุทฺธาว โหนฺติ; ตสฺมา เตสุ เอกมฺปิ ‘‘อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธิ’’นฺติ น วุตฺตํ. อิธ ปน วิตกฺกาทิปจฺจนีกธมฺมเตชาภิภวาภาวา สภาคาย จ อุเปกฺขาเวทนารตฺติยา ปฏิลาภา อยํ ตตฺรมชฺฌตฺตุเปกฺขาจนฺทเลขา อติวิย ปริสุทฺธา, ตสฺสา ปริสุทฺธตฺตา ปริสุทฺธจนฺทเลขาย ปภา วิย สหชาตาปิ สติอาทโย ปริสุทฺธา โหนฺติ ปริโยทาตา, ตสฺมา อิทเมว อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธินฺติ วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.
จตุตฺถนฺติ คณนานุปุพฺพโต จตุตฺถํ. อิทํ จตุตฺถํ สมาปชฺชตีติปิ จตุตฺถํ. ฌานนฺติ เอตฺถ ยถา ตติยํ อุเปกฺขาทีหิ ปฺจงฺคิกํ; เอวมิทํ อุเปกฺขาทีหิ ติวงฺคิกํ. ยถาห – ‘‘ฌานนฺติ อุเปกฺขา, สติ จิตฺตสฺเสกคฺคตา’’ติ. ปริยาโย เอว เจโส. เปตฺวา ปน สตึ อุเปกฺเขกคฺคตเมว คเหตฺวา นิปฺปริยาเยน ทุวงฺคิกเมเวตํ โหติ. ยถาห – ‘‘กตมํ ตสฺมึ สมเย ทุวงฺคิกํ ฌานํ โหติ? อุเปกฺขา, จิตฺตสฺเสกคฺคตา’’ติ (ธ. ส. ๑๖๕). เสสํ วุตฺตนยเมวาติ.
จตุตฺถชฺฌานกถา นิฏฺิตา.
ปุพฺเพนิวาสกถา
๑๒. อิติ อิมานิ จตฺตาริ ฌานานิ เกสฺจิ จิตฺเตกคฺคตตฺถานิ โหนฺติ, เกสฺจิ วิปสฺสนาปาทกานิ, เกสฺจิ อภิฺาปาทกานิ, เกสฺจิ นิโรธปาทกานิ, เกสฺจิ ภโวกฺกมนตฺถานิ. ตตฺถ ขีณาสวานํ จิตฺเตกคฺคตตฺถานิ โหนฺติ, เต หิ สมาปชฺชิตฺวา ‘‘เอกคฺคจิตฺตา สุขํ ทิวสํ วิหริสฺสามา’’ติ ¶ อิจฺเจวํ กสิณปริกมฺมํ กตฺวา อฏฺ สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตนฺติ. เสกฺขปุถุชฺชนานํ ‘‘สมาปตฺติโต วุฏฺาย สมาหิเตน จิตฺเตน วิปสฺสิสฺสามา’’ติ นิพฺพตฺเตนฺตานํ วิปสฺสนาปาทกานิ โหนฺติ. เย ปน อฏฺ สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวา อภิฺาปาทกํ ฌานํ สมาปชฺชิตฺวา สมาปตฺติโต วุฏฺาย ‘‘เอโกปิ หุตฺวา พหุธา โหตี’’ติ วุตฺตนยา อภิฺาโย ปตฺเถนฺตา นิพฺพตฺเตนฺติ, เตสํ อภิฺาปาทกานิ โหนฺติ. เย ปน อฏฺ สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวา ‘‘นิโรธสมาปตฺตึ สมาปชฺชิตฺวา สตฺตาหํ อจิตฺตกา หุตฺวา ทิฏฺเว ธมฺเม นิโรธํ นิพฺพานํ ปตฺวา สุขํ วิหริสฺสามา’’ติ นิพฺพตฺเตนฺติ, เตสํ นิโรธปาทกานิ ¶ โหนฺติ. เย ปน อฏฺ สมาปตฺติโย นิพฺพตฺเตตฺวา ‘‘อปริหีนชฺฌานา หุตฺวา พฺรหฺมโลเก อุปฺปชฺชิสฺสามา’’ติ นิพฺพตฺเตนฺติ, เตสํ ภโวกฺกมนตฺถานิ โหนฺติ.
ภควตา ¶ ปนิทํ จตุตฺถชฺฌานํ โพธิรุกฺขมูเล นิพฺพตฺติตํ, ตํ ตสฺส วิปสฺสนาปาทกฺเจว อโหสิ อภิฺาปาทกฺจ นิโรธปาทกฺจ สพฺพกิจฺจสาธกฺจ สพฺพโลกิยโลกุตฺตรคุณทายกนฺติ เวทิตพฺพํ. เยสฺจ คุณานํ ทายกํ อโหสิ, เตสํ เอกเทสํ ทสฺเสนฺโต ‘‘โส เอวํ สมาหิเต จิตฺเต’’ติอาทิมาห.
ตตฺถ โสติ โส อหํ. เอวนฺติ จตุตฺถชฺฌานกฺกมนิทสฺสนเมตํ. อิมินา กเมน จตุตฺถชฺฌานํ ปฏิลภิตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. สมาหิเตติ อิมินา จตุตฺถชฺฌานสมาธินา สมาหิเต. ปริสุทฺเธติอาทีสุ ปน อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธิภาเวน ปริสุทฺเธ. ปริสุทฺธตฺตาเยว ปริโยทาเต, ปภสฺสเรติ วุตฺตํ โหติ. สุขาทีนํ ปจฺจยานํ ฆาเตน วิหตราคาทิองฺคณตฺตา อนงฺคเณ. อนงฺคณตฺตาเยว จ วิคตูปกฺกิเลเส; องฺคเณน หิ จิตฺตํ อุปกฺกิลิสฺสติ. สุภาวิตตฺตา มุทุภูเต, วสีภาวปฺปตฺเตติ วุตฺตํ โหติ. วเส วตฺตมานฺหิ จิตฺตํ มุทูติ วุจฺจติ. มุทุตฺตาเยว จ กมฺมนิเย, กมฺมกฺขเม กมฺมโยคฺเคติ วุตฺตํ โหติ. มุทุ หิ จิตฺตํ กมฺมนิยํ โหติ สุธนฺตมิว สุวณฺณํ, ตทุภยมฺปิ จ สุภาวิตตฺตา เอว. ยถาห – ‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, อฺํ เอกธมฺมมฺปิ สมนุปสฺสามิ, ยํ เอวํ ภาวิตํ พหุลีกตํ มุทุ จ โหติ กมฺมนิยฺจ, ยถยิทํ, ภิกฺขเว, จิตฺต’’นฺติ (อ. นิ. ๑.๒๒).
เอเตสุ ¶ ปริสุทฺธภาวาทีสุ ิตตฺตา ิเต. ิตตฺตาเยว อาเนฺชปฺปตฺเต, อจเล นิริฺชเนติ วุตฺตํ โหติ. มุทุกมฺมฺภาเวน วา อตฺตโน วเส ิตตฺตา ิเต, สทฺธาทีหิ ปริคฺคหิตตฺตา อาเนฺชปฺปตฺเต. สทฺธาปริคฺคหิตฺหิ จิตฺตํ อสฺสทฺธิเยน น อิฺชติ, วีริยปริคฺคหิตํ โกสชฺเชน น อิฺชติ, สติปริคฺคหิตํ ปมาเทน น อิฺชติ, สมาธิปริคฺคหิตํ อุทฺธจฺเจน น อิฺชติ, ปฺาปริคฺคหิตํ อวิชฺชาย น อิฺชติ, โอภาสคตํ กิเลสนฺธกาเรน น อิฺชติ. อิเมหิ ¶ ฉหิ ธมฺเมหิ ปริคฺคหิตํ อาเนฺชปฺปตฺตํ จิตฺตํ โหติ. เอวํ อฏฺงฺคสมนฺนาคตํ จิตฺตํ อภินีหารกฺขมํ โหติ อภิฺาสจฺฉิกรณียานํ ธมฺมานํ อภิฺาสจฺฉิกิริยาย.
อปโร นโย – จตุตฺถชฺฌานสมาธินา สมาหิเต. นีวรณทูรีภาเวน ปริสุทฺเธ. วิตกฺกาทิสมติกฺกเมน ปริโยทาเต. ฌานปฺปฏิลาภปจฺจยานํ ปาปกานํ อิจฺฉาวจรานํ อภาเวน อนงฺคเณ. อภิชฺฌาทีนํ จิตฺตูปกฺกิเลสานํ วิคเมน วิคตูปกฺกิเลเส. อุภยมฺปิ เจตํ อนงฺคณวตฺถสุตฺตานุสาเรน (ม. นิ. ๑.๕๗ อาทโย) เวทิตพฺพํ. วสิปฺปตฺติยา มุทุภูเต. อิทฺธิปาทภาวูปคเมน กมฺมนิเย. ภาวนาปาริปูริยา ปณีตภาวูปคเมน ิเต อาเนฺชปฺปตฺเต ¶ . ยถา อาเนฺชปฺปตฺตํ โหติ; เอวํ ิเตติ อตฺโถ. เอวมฺปิ อฏฺงฺคสมนฺนาคตํ จิตฺตํ อภินีหารกฺขมํ โหติ อภิฺาสจฺฉิกรณียานํ ธมฺมานํ อภิฺาสจฺฉิกิริยาย, ปาทกํ ปทฏฺานภูตนฺติ อตฺโถ.
ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณายาติ เอวํ อภิฺาปาทเก ชาเต เอตสฺมึ จิตฺเต ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติมฺหิ ยํ าณํ ตทตฺถาย. ตตฺถ ปุพฺเพนิวาโสติ ปุพฺเพ อตีตชาตีสุ นิวุตฺถกฺขนฺธา. นิวุตฺถาติ อชฺฌาวุตฺถา อนุภูตา อตฺตโน สนฺตาเน อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุทฺธา นิวุตฺถธมฺมา วา นิวุตฺถา, โคจรนิวาเสน นิวุตฺถา, อตฺตโน วิฺาเณน วิฺาตา ปริจฺฉินฺนา, ปรวิฺาณวิฺาตาปิ วา ฉินฺนวฏุมกานุสฺสรณาทีสุ. ปุพฺเพนิวาสานุสฺสตีติ ยาย สติยา ปุพฺเพนิวาสํ อนุสฺสรติ, สา ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติ. าณนฺติ ตาย สติยา สมฺปยุตฺตาณํ. เอวมิมสฺส ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณสฺส อตฺถาย ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณาย เอตสฺส าณสฺส อธิคมาย ปตฺติยาติ วุตฺตํ โหติ. อภินินฺนาเมสินฺติ อภินีหรึ.
โสติ ¶ โส อหํ. อเนกวิหิตนฺติ อเนกวิธํ, อเนเกหิ วา ปกาเรหิ ปวตฺติตํ สํวณฺณิตนฺติ อตฺโถ. ปุพฺเพนิวาสนฺติ สมนนฺตราตีตํ ภวํ อาทึ กตฺวา ตตฺถ ตตฺถ นิวุตฺถสนฺตานํ. อนุสฺสรามีติ ‘‘เอกมฺปิ ชาตึ ทฺเวปิ ชาติโย’’ติ เอวํ ชาติปฏิปาฏิยา อนุคนฺตฺวา อนุคนฺตฺวา สรามิ, อนุเทว วา สรามิ, จิตฺเต ¶ อภินินฺนามิตมตฺเต เอว สรามีติ ทสฺเสติ. ปูริตปารมีนฺหิ มหาปุริสานํ ปริกมฺมกรณํ นตฺถิ, เตน เต จิตฺตํ อภินินฺนาเมตฺวาว สรนฺติ. อาทิกมฺมิกกุลปุตฺตา ปน ปริกมฺมํ กตฺวาว สรนฺติ, ตสฺมา เตสํ วเสน ปริกมฺมํ วตฺตพฺพํ สิยา. ตํ ปน วุจฺจมานํ อติภาริยํ วินยนิทานํ กโรติ, ตสฺมา ตํ น วทาม. อตฺถิเกหิ ปน วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๒.๔๐๒ อาทโย) วุตฺตนเยเนว คเหตพฺพํ. อิธ ปน ปาฬิเมว วณฺณยิสฺสาม.
เสยฺยถิทนฺติ อารทฺธปฺปการทสฺสนตฺเถ นิปาโต. เตเนว ยฺวายํ ปุพฺเพนิวาโส อารทฺโธ, ตสฺส ปการปฺปเภทํ ทสฺเสนฺโต เอกมฺปิ ชาตินฺติอาทิมาห. ตตฺถ เอกมฺปิ ชาตินฺติ เอกมฺปิ ปฏิสนฺธิมูลํ จุติปริโยสานํ เอกภวปริยาปนฺนํ ขนฺธสนฺตานํ. เอส นโย ทฺเวปิ ชาติโยติอาทีสุ. อเนเกปิ สํวฏฺฏกปฺเปติอาทีสุ ปน ปริหายมาโน กปฺโป สํวฏฺฏกปฺโป, วฑฺฒมาโน วิวฏฺฏกปฺโปติ เวทิตพฺโพ. ตตฺถ จ สํวฏฺเฏน สํวฏฺฏฏฺายี คหิโต โหติ ตมฺมูลกตฺตา. วิวฏฺเฏน จ วิวฏฺฏฏฺายี. เอวฺหิ สติ ยานิ ตานิ ‘‘จตฺตาริมานิ, ภิกฺขเว, กปฺปสฺส อสงฺขฺเยยฺยานิ ¶ . กตมานิ จตฺตาริ? สํวฏฺโฏ สํวฏฺฏฏฺายี, วิวฏฺโฏ วิวฏฺฏฏฺายี’’ติ วุตฺตานิ ตานิ สพฺพานิ ปริคฺคหิตานิ โหนฺติ.
ตตฺถ ตโย สํวฏฺฏา – เตโชสํวฏฺโฏ, อาโปสํวฏฺโฏ, วาโยสํวฏฺโฏติ. ติสฺโส สํวฏฺฏสีมา – อาภสฺสรา, สุภกิณฺหา, เวหปฺผลาติ. ยทา กปฺโป เตเชน สํวฏฺฏติ, อาภสฺสรโต เหฏฺา อคฺคินา ฑยฺหติ. ยทา อุทเกน สํวฏฺฏติ, สุภกิณฺหโต เหฏฺา อุทเกน วิลียติ. ยทา วาเตน สํวฏฺฏติ, เวหปฺผลโต เหฏฺา วาเตน วิทฺธํสิยติ. วิตฺถารโต ปน สทาปิ เอกํ พุทฺธกฺเขตฺตํ วินสฺสติ.
พุทฺธกฺเขตฺตํ นาม ติวิธํ โหติ – ชาติกฺเขตฺตํ, อาณากฺเขตฺตํ, วิสยกฺเขตฺตฺจ. ตตฺถ ชาติกฺเขตฺตํ ทสสหสฺสจกฺกวาฬปริยนฺตํ โหติ, ยํ ตถาคตสฺส ปฏิสนฺธิอาทีสุ กมฺปติ. อาณากฺเขตฺตํ ¶ โกฏิสตสหสฺสจกฺกวาฬปริยนฺตํ โหติ. ยตฺถ รตนปริตฺตํ, ขนฺธปริตฺตํ, ธชคฺคปริตฺตํ, อาฏานาฏิยปริตฺตํ, โมรปริตฺตนฺติ อิเมสํ ปริตฺตานํ อานุภาโว ปวตฺตติ. วิสยกฺเขตฺตํ ปน อนนฺตํ อปริมาณํ, ‘‘ยํ ¶ ยาวตา วา ปน อากงฺเขยฺยา’’ติ (อ. นิ. ๓.๘๑) วุตฺตํ ยตฺถ ยํ ยํ อากงฺขติ ตํ ตํ อนุสฺสรติ. เอวเมเตสุ ตีสุ พุทฺธกฺเขตฺเตสุ เอกํ อาณากฺเขตฺตํ วินสฺสติ. ตสฺมึ ปน วินสฺสนฺเต ชาติกฺเขตฺตมฺปิ วินฏฺเมว โหติ; วินสฺสนฺตฺจ เอกโตว วินสฺสติ, สณฺหนฺตมฺปิ เอกโตว สณฺหติ. ตสฺส วินาโส จ สณฺหนฺจ วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๒.๔๐๔) วุตฺตํ. อตฺถิเกหิ ตโต คเหตพฺพํ.
เย ปเนเต สํวฏฺฏวิวฏฺฏา วุตฺตา, เอเตสุ ภควา โพธิมณฺเฑ สมฺมาสมฺโพธึ อภิสมฺพุชฺฌนตฺถาย นิสินฺโน อเนเกปิ สํวฏฺฏกปฺเป อเนเกปิ วิวฏฺฏกปฺเป อเนเกปิ สํวฏฺฏวิวฏฺฏกปฺเป สริ. กถํ? ‘‘อมุตฺราสิ’’นฺติอาทินา นเยน. ตตฺถ อมุตฺราสินฺติ อมุมฺหิ สํวฏฺฏกปฺเป อหํ อมุมฺหิ ภเว วา โยนิยา วา คติยา วา วิฺาณฏฺิติยา วา สตฺตาวาเส วา สตฺตนิกาเย วา อโหสึ. เอวํนาโมติ เวสฺสนฺตโร วา โชติปาโล วา. เอวํโคตฺโตติ ภคฺคโว วา โคตโม วา. เอวํวณฺโณติ โอทาโต วา สาโม วา. เอวมาหาโรติ สาลิมํโสทนาหาโร วา ปวตฺตผลโภชโน วา. เอวํสุขทุกฺขปฺปฏิสํเวทีติ อเนกปฺปกาเรน กายิกเจตสิกานํ สามิสนิรามิสาทิปฺปเภทานํ วา สุขทุกฺขานํ ปฏิสํเวที. เอวมายุปริยนฺโตติ เอวํ วสฺสสตปรมายุปริยนฺโต วา จตุราสีติกปฺปสหสฺสปรมายุปริยนฺโต วา.
โส ¶ ตโต จุโต อมุตฺร อุทปาทินฺติ โส อหํ ตโต ภวโต โยนิโต คติโต วิฺาณฏฺิติโต สตฺตาวาสโต สตฺตนิกายโต วา จุโต, ปุน อมุกสฺมึ นาม ภเว โยนิยา คติยา วิฺาณฏฺิติยา สตฺตาวาเส สตฺตนิกาเย วา อุทปาทึ. ตตฺราปาสินฺติ อถ ตตฺราปิ ภเว โยนิยา คติยา วิฺาณฏฺิติยา สตฺตาวาเส สตฺตนิกาเย วา ปุน อโหสึ. เอวํนาโมติอาทิ วุตฺตนยเมว.
อถ วา ยสฺมา อมุตฺราสินฺติ อิทํ อนุปุพฺเพน อาโรหนฺตสฺส ยาวทิจฺฉกํ สรณํ. โส ตโต จุโตติ ปฏินิวตฺตนฺตสฺส ปจฺจเวกฺขณํ. ตสฺมา อิธูปปนฺโนติ อิมิสฺสา อิธูปปตฺติยา อนนฺตรํ อมุตฺร อุทปาทินฺติ ตุสิตภวนํ สนฺธายาหาติ เวทิตพฺพํ. ตตฺราปาสึ เอวํนาโมติ ตตฺราปิ ¶ ตุสิตภวเน ¶ เสตเกตุ นาม เทวปุตฺโต อโหสึ. เอวํโคตฺโตติ ตาหิ เทวตาหิ สทฺธึ เอกโคตฺโต. เอวํวณฺโณติ สุวณฺณวณฺโณ. เอวมาหาโรติ ทิพฺพสุธาหาโร. เอวํสุขทุกฺขปฺปฏิสํเวทีติ เอวํ ทิพฺพสุขปฺปฏิสํเวที. ทุกฺขํ ปน สงฺขารทุกฺขมตฺตเมว. เอวมายุปริยนฺโตติ เอวํ สตฺตปฺาสวสฺสโกฏิสฏฺิวสฺสสตสหสฺสายุปริยนฺโต. โส ตโต จุโตติ โส อหํ ตโต ตุสิตภวนโต จุโต. อิธูปปนฺโนติ อิธ มหามายาย เทวิยา กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพตฺโต.
อิตีติ เอวํ. สาการํ สอุทฺเทสนฺติ นามโคตฺตวเสน สอุทฺเทสํ, วณฺณาทิวเสน สาการํ. นามโคตฺตวเสน หิ สตฺโต ‘‘ทตฺโต, ติสฺโส, โคตโม’’ติ อุทฺทิสียติ; วณฺณาทีหิ โอทาโต, สาโมติ นานตฺตโต ปฺายติ; ตสฺมา นามโคตฺตํ อุทฺเทโส, อิตเร อาการา. กึ ปน พุทฺธาเยว ปุพฺเพนิวาสํ สรนฺตีติ? วุจฺจเต – น พุทฺธาเยว, ปจฺเจกพุทฺธ-พุทฺธสาวก-ติตฺถิยาปิ, โน จ โข อวิเสเสน. ติตฺถิยา หิ จตฺตาลีสํเยว กปฺเป สรนฺติ, น ตโต ปรํ. กสฺมา? ทุพฺพลปฺตฺตา. เตสฺหิ นามรูปปริจฺเฉทวิรหโต ทุพฺพลา ปฺา โหติ. สาวเกสุ ปน อสีติมหาสาวกา กปฺปสตสหสฺสํ สรนฺติ; ทฺเว อคฺคสาวกา เอกมสงฺขฺเยยฺยํ สตสหสฺสฺจ. ปจฺเจกพุทฺธา ทฺเว อสงฺขฺเยยฺยานิ สตสหสฺสฺจ. เอตฺตโก หิ เตสํ อภินีหาโร. พุทฺธานํ ปน ปริจฺเฉโท นตฺถิ, ยาว อิจฺฉนฺติ ตาว สรนฺติ. ติตฺถิยา จ ขนฺธปฏิปาฏิเมว สรนฺติ. ปฏิปาฏึ มฺุจิตฺวา จุติปฏิสนฺธิวเสน สริตุํ น สกฺโกนฺติ. เตสฺหิ อนฺธานํ วิย อิจฺฉิตปฺปเทโสกฺกมนํ นตฺถิ. สาวกา อุภยถาปิ สรนฺติ; ตถา ปจฺเจกพุทฺธา. พุทฺธา ปน ขนฺธปฏิปาฏิยาปิ จุติปฏิสนฺธิวเสนปิ สีโหกฺกนฺตวเสนปิ อเนกาสุ กปฺปโกฏีสุ เหฏฺา วา อุปริ วา ยํ ยํ านํ อากงฺขนฺติ, ตํ สพฺพํ สรนฺติเยว.
อยํ โข เม พฺราหฺมณาติอาทีสุ เมติ มยา. วิชฺชาติ วิทิตกรณฏฺเน วิชฺชา. กึ วิทิตํ ¶ กโรติ? ปุพฺเพนิวาสํ. อวิชฺชาติ ตสฺเสว ปุพฺเพนิวาสสฺส อวิทิตกรณฏฺเน ตปฺปฏิจฺฉาทกโมโห วุจฺจติ. ตโมติ สฺเวว โมโห ตปฺปฏิจฺฉาทกฏฺเน ¶ ‘‘ตโม’’ติ วุจฺจติ. อาโลโกติ สาเยววิชฺชา โอภาสกรณฏฺเน ‘‘อาโลโก’’ติ วุจฺจติ. เอตฺถ จ วิชฺชา อธิคตาติ อยํ อตฺโถ, เสสํ ปสํสาวจนํ. โยชนา ¶ ปเนตฺถ – อยํ โข เม วิชฺชา อธิคตา, ตสฺส เม อธิคตวิชฺชสฺส อวิชฺชา วิหตา, วินฏฺาติ อตฺโถ. กสฺมา? ยสฺมา วิชฺชา อุปฺปนฺนา. เอส นโย อิตรสฺมิมฺปิ ปททฺวเย.
ยถา ตนฺติ เอตฺถ ยถาติ โอปมฺมตฺเถ. ตนฺติ นิปาโต. สติยา อวิปฺปวาเสน อปฺปมตฺตสฺส. วีริยาตาเปน อาตาปิโน. กาเย จ ชีวิเต จ อนเปกฺขตาย ปหิตตฺตสฺส, เปสิตจิตฺตสฺสาติ อตฺโถ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา อปฺปมตฺตสฺส อาตาปิโน ปหิตตฺตสฺส วิหรโต อวิชฺชา วิหฺเยฺย วิชฺชา อุปฺปชฺเชยฺย, ตโม วิหฺเยฺย อาโลโก อุปฺปชฺเชยฺย; เอวเมว มม อวิชฺชา วิหตา วิชฺชา อุปฺปนฺนา, ตโม วิหโต อาโลโก อุปฺปนฺโน. เอตสฺส เม ปธานานุโยคสฺส อนุรูปเมว ผลํ ลทฺธนฺติ.
อยํ โข เม พฺราหฺมณ ปมา อภินิพฺภิทา อโหสิ กุกฺกุฏจฺฉาปกสฺเสว อณฺฑโกสมฺหาติ อยํ โข มม พฺราหฺมณ ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณมุขตุณฺฑเกน ปุพฺเพ นิวุตฺถกฺขนฺธปฏิจฺฉาทกํ อวิชฺชณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา ปมา อภินิพฺภิทา ปมา นิกฺขนฺติ ปมา อริยาชาติ อโหสิ, กุกฺกุฏจฺฉาปกสฺเสว มุขตุณฺฑเกน วา ปาทนขสิขาย วา อณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา ตมฺหา อณฺฑโกสมฺหา อภินิพฺภิทา นิกฺขนฺติ กุกฺกุฏนิกาเย ปจฺจาชาตีติ.
ปุพฺเพนิวาสกถา นิฏฺิตา.
ทิพฺพจกฺขุาณกถา
๑๓. โส เอวํ…เป… จุตูปปาตาณายาติ จุติยา จ อุปปาเต จ าณาย; เยน าเณน สตฺตานํ จุติ จ อุปปาโต จ ายติ, ตทตฺถนฺติ วุตฺตํ โหติ. จิตฺตํ อภินินฺนาเมสินฺติ ปริกมฺมจิตฺตํ นีหรึ. โส ทิพฺเพน…เป… ปสฺสามีติ เอตฺถ ปน ปูริตปารมีนํ มหาสตฺตานํ ปริกมฺมกรณํ นตฺถิ. เต หิ จิตฺเต อภินินฺนามิตมตฺเต เอว ทิพฺเพน จกฺขุนา สตฺเต ปสฺสนฺติ, อาทิกมฺมิกกุลปุตฺตา ปน ปริกมฺมํ กตฺวา. ตสฺมา เตสํ วเสน ปริกมฺมํ วตฺตพฺพํ สิยา. ตํ ปน วุจฺจมานํ อติภาริยํ วินยนิทานํ กโรติ; ตสฺมา ตํ ¶ น วทาม. อตฺถิเกหิ ปน วิสุทฺธิมคฺเค (วิสุทฺธิ. ๒.๔๑๑) วุตฺตนเยน คเหตพฺพํ. อิธ ปน ปาฬิเมว วณฺณยิสฺสาม.
โสติ ¶ โส อหํ. ทิพฺเพนาติอาทีสุ ทิพฺพสทิสตฺตา ทิพฺพํ ¶ . เทวตานฺหิ สุจริตกมฺมนิพฺพตฺตํ ปิตฺตเสมฺหรุหิราทีหิ อปลิพุทฺธํ อุปกฺกิเลสวินิมุตฺตตาย ทูเรปิ อารมฺมณสมฺปฏิจฺฉนสมตฺถํ ทิพฺพํ ปสาทจกฺขุ โหติ. อิทฺจาปิ วีริยภาวนาพลนิพฺพตฺตํ าณจกฺขุ ตาทิสเมวาติ ทิพฺพสทิสตฺตา ทิพฺพํ, ทิพฺพวิหารวเสน ปฏิลทฺธตฺตา อตฺตนา จ ทิพฺพวิหารสนฺนิสฺสิตตฺตาปิ ทิพฺพํ, อาโลกปริคฺคเหน มหาชุติกตฺตาปิ ทิพฺพํ, ติโรกุฏฺฏาทิคตรูปทสฺสเนน มหาคติกตฺตาปิ ทิพฺพํ. ตํ สพฺพํ สทฺทสตฺถานุสาเรน เวทิตพฺพํ. ทสฺสนฏฺเน จกฺขุ. จกฺขุกิจฺจกรเณน จกฺขุมิวาติปิ จกฺขุ. จุตูปปาตทสฺสเนน ทิฏฺิวิสุทฺธิเหตุตฺตา วิสุทฺธํ. โย หิ จุติมตฺตเมว ปสฺสติ น อุปปาตํ, โส อุจฺเฉททิฏฺึ คณฺหาติ. โย อุปปาตมตฺตเมว ปสฺสติ น จุตึ, โส นวสตฺตปาตุภาวทิฏฺึ คณฺหาติ. โย ปน ตทุภยํ ปสฺสติ, โส ยสฺมา ทุวิธมฺปิ ตํ ทิฏฺิคตํ อติวตฺตติ, ตสฺมาสฺส ตํ ทสฺสนํ ทิฏฺิวิสุทฺธิเหตุ โหติ. ตทุภยฺจ ภควา อทฺทส. เตเนตํ วุตฺตํ – ‘‘จุตูปปาตทสฺสเนน ทิฏฺิวิสุทฺธิเหตุตฺตา วิสุทฺธ’’นฺติ.
เอกาทสอุปกฺกิเลสวิรหโต วา วิสุทฺธํ. ภควโต หิ เอกาทสปกฺกิเลสวิรหิตํ ทิพฺพจกฺขุ. ยถาห – ‘‘โส โข อหํ, อนุรุทฺธ, ‘วิจิกิจฺฉา จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’ติ อิติ วิทิตฺวา วิจิกิจฺฉํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสํ ปชหึ. อมนสิกาโร…เป… ถินมิทฺธํ… ฉมฺภิตตฺตํ… อุปฺปิลํ… ทุฏฺุลฺลํ… อจฺจารทฺธวีริยํ… อติลีนวีริยํ… อภิชปฺปา… นานตฺตสฺา… ‘อตินิชฺฌายิตตฺตํ รูปานํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส’ติ อิติ วิทิตฺวา อตินิชฺฌายิตตฺตํ รูปานํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสํ ปชหึ. โส โข อหํ, อนุรุทฺธ, อปฺปมตฺโต อาตาปี ปหิตตฺโต วิหรนฺโต โอภาสฺหิ โข สฺชานามิ, น จ รูปานิ ปสฺสามิ. รูปานิ หิ โข ปสฺสามิ, น จ โอภาสํ สฺชานามี’’ติ (ม. นิ. ๓.๒๔๒-๒๔๓) เอวมาทิ. ตเทวํ เอกาทสุปกฺกิเลสวิรหโต ¶ วิสุทฺธํ.
มนุสฺสูปจารํ อติกฺกมิตฺวา รูปทสฺสเนน อติกฺกนฺตมานุสกํ; มานุสกํ วา มํสจกฺขุํ อติกฺกนฺตตฺตา อติกฺกนฺตมานุสกนฺติ เวทิตพฺพํ. เตน ทิพฺเพน จกฺขุนา วิสุทฺเธน อติกฺกนฺตมานุสเกน.
สตฺเต ¶ ปสฺสามีติ มนุสฺสมํสจกฺขุนา วิย สตฺเต ปสฺสามิ ทกฺขามิ โอโลเกมิ. จวมาเน อุปปชฺชมาเนติ เอตฺถ จุติกฺขเณ วา อุปปตฺติกฺขเณ วา ¶ ทิพฺพจกฺขุนา ทฏฺุํ น สกฺกา, เย ปน อาสนฺนจุติกา อิทานิ จวิสฺสนฺติ เต จวมานา. เย จ คหิตปฏิสนฺธิกา สมฺปตินิพฺพตฺตา วา, เต อุปปชฺชมานาติ อธิปฺเปตา. เต เอวรูเป จวมาเน อุปปชฺชมาเน จ ปสฺสามีติ ทสฺเสติ. หีเนติ โมหนิสฺสนฺทยุตฺตตฺตา หีนานํ ชาติกุลโภคาทีนํ วเสน หีฬิเต โอหีฬิเต อฺุาเต อวฺาเต. ปณีเตติ อโมหนิสฺสนฺทยุตฺตตฺตา ตพฺพิปรีเต. สุวณฺเณติ อโทสนิสฺสนฺทยุตฺตตฺตา อิฏฺกนฺตมนาปวณฺณยุตฺเต. ทุพฺพณฺเณติ โทสนิสฺสนฺทยุตฺตตฺตา อนิฏฺากนฺตอมนาปวณฺณยุตฺเต; อภิรูเป วิรูเปติปิ อตฺโถ. สุคเตติ สุคติคเต, อโลภนิสฺสนฺทยุตฺตตฺตา วา อฑฺเฒ มหทฺธเน. ทุคฺคเตติ ทุคฺคติคเต, โลภนิสฺสนฺทยุตฺตตฺตา วา ทลิทฺเท อปฺปนฺนปาเน. ยถากมฺมูปเคติ ยํ ยํ กมฺมํ อุปจิตํ เตน เตน อุปคเต. ตตฺถ ปุริเมหิ ‘‘จวมาเน’’ติอาทีหิ ทิพฺพจกฺขุกิจฺจํ วุตฺตํ; อิมินา ปน ปเทน ยถากมฺมูปคาณกิจฺจํ.
ตสฺส จ าณสฺส อยมุปฺปตฺติกฺกโม – โส เหฏฺา นิรยาภิมุขํ อาโลกํ วฑฺเฒตฺวา เนรยิกสตฺเต ปสฺสติ มหนฺตํ ทุกฺขมนุภวมาเน, ตํ ทสฺสนํ ทิพฺพจกฺขุกิจฺจเมว. โส เอวํ มนสิ กโรติ – ‘‘กินฺนุ โข กมฺมํ กตฺวา อิเม สตฺตา เอตํ ทุกฺขมนุภวนฺตี’’ติ? อถสฺส ‘‘อิทํ นาม กตฺวา’’ติ ตํ กมฺมารมฺมณํ าณํ อุปฺปชฺชติ. ตถา อุปริ เทวโลกาภิมุขํ อาโลกํ วฑฺเฒตฺวา นนฺทนวน-มิสฺสกวน-ผารุสกวนาทีสุ สตฺเต ปสฺสติ มหาสมฺปตฺตึ อนุภวมาเน. ตมฺปิ ทสฺสนํ ทิพฺพจกฺขุกิจฺจเมว. โส เอวํ มนสิ กโรติ – ‘‘กินฺนุ โข กมฺมํ กตฺวา อิเม สตฺตา เอตํ สมฺปตฺตึ อนุภวนฺตี’’ติ? อถสฺส ‘‘อิทํ ¶ นาม กตฺวา’’ติ ตํกมฺมารมฺมณํ าณํ อุปฺปชฺชติ. อิทํ ยถากมฺมูปคาณํ นาม. อิมสฺส วิสุํ ปริกมฺมํ นาม นตฺถิ. ยถา จิมสฺส, เอวํ อนาคตํสาณสฺสปิ. ทิพฺพจกฺขุปาทกาเนว หิ อิมานิ ทิพฺพจกฺขุนา สเหว อิชฺฌนฺติ.
กายทุจฺจริเตนาติอาทีสุ ทุฏฺุ จริตํ ทุฏฺํ วา จริตํ กิเลสปูติกตฺตาติ ทุจฺจริตํ; กาเยน ทุจฺจริตํ, กายโต วา อุปฺปนฺนํ ทุจฺจริตนฺติ กายทุจฺจริตํ. เอวํ วจีมโนทุจฺจริตานิปิ ทฏฺพฺพานิ. สมนฺนาคตาติ สมงฺคีภูตา. อริยานํ อุปวาทกาติ พุทฺธ-ปจฺเจกพุทฺธ-พุทฺธสาวกานํ อริยานํ อนฺตมโส คิหิโสตาปนฺนานมฺปิ อนตฺถกามา หุตฺวา อนฺติมวตฺถุนา ¶ วา คุณปริธํสเนน วา อุปวาทกา; อกฺโกสกา, ครหกาติ วุตฺตํ โหติ. ตตฺถ ‘‘นตฺถิ อิเมสํ สมณธมฺโม, อสฺสมณา เอเต’’ติ วทนฺโต อนฺติมวตฺถุนา อุปวทติ. ‘‘นตฺถิ อิเมสํ ฌานํ วา วิโมกฺโข วา มคฺโค วา ผลํ วา’’ติ วทนฺโต คุณปริธํสเนน อุปวทตีติ ¶ เวทิตพฺโพ. โส จ ชานํ วา อุปวเทยฺย อชานํ วา, อุภยถาปิ อริยูปวาโทว โหติ. ภาริยํ กมฺมํ สคฺคาวรณํ มคฺคาวรณฺจ, สเตกิจฺฉํ ปน โหติ. ตสฺส จ อาวิภาวตฺถํ อิทํ วตฺถุมุทาหรนฺติ –
‘‘อฺตรสฺมึ กิร คาเม เอโก เถโร จ ทหรภิกฺขุ จ ปิณฺฑาย จรนฺติ. เต ปมฆเรเยว อุฬุงฺกมตฺตํ อุณฺหยาคุํ ลภึสุ. เถรสฺส จ กุจฺฉิวาโต อตฺถิ. โส จินฺเตสิ – ‘อยํ ยาคุ มยฺหํ สปฺปายา, ยาว น สีตลา โหติ ตาว นํ ปิวามี’ติ. โส มนุสฺเสหิ อุมฺมารตฺถาย อาหเฏ ทารุกฺขนฺเธ นิสีทิตฺวา ตํ ปิวิ. อิตโร ตํ ชิคุจฺฉิ – ‘อติจฺฉาโต วตายํ มหลฺลโก อมฺหากํ ลชฺชิตพฺพกํ อกาสี’ติ. เถโร คาเม จริตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา ทหรภิกฺขุํ อาห – ‘อตฺถิ เต, อาวุโส, อิมสฺมึ สาสเน ปติฏฺา’ติ? ‘อาม, ภนฺเต, โสตาปนฺโน อห’นฺติ. ‘เตน หาวุโส, อุปริมคฺคตฺถาย วายามํ มา อกาสิ, ขีณาสโว ตยา อุปวทิโต’ติ. โส ตํ ขมาเปสิ. เตนสฺส ตํ ปากติกํ อโหสิ’’. ตสฺมา โย อฺโปิ อริยํ อุปวทติ, เตน คนฺตฺวา สเจ อตฺตนา วุฑฺฒตโร โหติ, ‘‘อหํ อายสฺมนฺตํ อิทฺจิทฺจ อวจํ, ตํ เม ขมาหี’’ติ ขมาเปตพฺโพ. สเจ นวกตโร โหติ ¶ , วนฺทิตฺวา อุกฺกุฏิกํ นิสีทิตฺวา อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา ‘‘อหํ ภนฺเต ตุมฺเห อิทฺจิทฺจ อวจํ, ตํ เม ขมถา’’ติ ขมาเปตพฺโพ. สเจ โส นกฺขมติ ทิสาปกฺกนฺโต วา โหติ, เย ตสฺมึ วิหาเร ภิกฺขู วสนฺติ เตสํ สนฺติกํ คนฺตฺวา สเจ อตฺตนา วุฑฺฒตโร โหติ ิตเกเนว, สเจ นวกตโร อุกฺกุฏิกํ นิสีทิตฺวา อฺชลึ ปคฺคเหตฺวา ‘‘อหํ, ภนฺเต, อสุกํ นาม อายสฺมนฺตํ อิทฺจิทฺจ อวจํ, ขมตุ เม โส อายสฺมา’’ติ เอวํ วทนฺเตน ขมาเปตพฺโพ. สเจ โส ปรินิพฺพุโต โหติ, ปรินิพฺพุตมฺจฏฺานํ คนฺตฺวา ยาว สิวถิกํ คนฺตฺวาปิ ขมาเปตพฺโพ. เอวํ กเต สคฺคาวรณฺจ มคฺคาวรณฺจ น โหติ, ปากติกเมว โหติ.
มิจฺฉาทิฏฺิกาติ วิปรีตทสฺสนา. มิจฺฉาทิฏฺิกมฺมสมาทานาติ มิจฺฉาทิฏฺิวเสน สมาทินฺนนานาวิธกมฺมา, เย จ มิจฺฉาทิฏฺิมูลเกสุ กายกมฺมาทีสุ อฺเปิ ¶ สมาทเปนฺติ. ตตฺถ วจีทุจฺจริตคฺคหเณเนว อริยูปวาเท, มโนทุจฺจริตคฺคหเณน จ มิจฺฉาทิฏฺิยา สงฺคหิตายปิ อิเมสํ ทฺวินฺนํ ปุน วจนํ มหาสาวชฺชภาวทสฺสนตฺถนฺติ เวทิตพฺพํ. มหาสาวชฺโช หิ อริยูปวาโท อานนฺตริยสทิโส. ยถาห – ‘‘เสยฺยถาปิ, สาริปุตฺต, ภิกฺขุ สีลสมฺปนฺโน สมาธิสมฺปนฺโน ปฺาสมฺปนฺโน ทิฏฺเว ธมฺเม อฺํ อาราเธยฺย; เอวํสมฺปทมิทํ, สาริปุตฺต, วทามิ ตํ วาจํ อปฺปหาย ตํ จิตฺตํ อปฺปหาย ตํ ทิฏฺึ อปฺปฏินิสฺสชฺชิตฺวา ยถาภตํ นิกฺขิตฺโต, เอวํ นิรเย’’ติ (ม. นิ. ๑.๑๔๙).
มิจฺฉาทิฏฺิโต ¶ จ มหาสาวชฺชตรํ นาม อฺํ นตฺถิ. ยถาห – ‘‘นาหํ, ภิกฺขเว, อฺํ เอกธมฺมมฺปิ สมนุปสฺสามิ, เอวํ มหาสาวชฺชตรํ, ยถยิทํ, มิจฺฉาทิฏฺิ. มิจฺฉาทิฏฺิปรมานิ, ภิกฺขเว, วชฺชานี’’ติ (อ. นิ. ๑.๓๑๐).
กายสฺส เภทาติ อุปาทินฺนกฺขนฺธปริจฺจาคา. ปรํ มรณาติ ตทนนฺตรํ อภินิพฺพตฺตกฺขนฺธคฺคหเณ. อถวา กายสฺส เภทาติ ชีวิตินฺทฺริยสฺสุปจฺเฉทา. ปรํ มรณาติ จุติจิตฺตโต อุทฺธํ. อปายนฺติ เอวมาทิ สพฺพํ นิรยเววจนํ. นิรโย หิ สคฺคโมกฺขเหตุภูตา ปฺุสมฺมตา อยา อเปตตฺตา, สุขานํ ¶ วา อายสฺส อภาวา อปาโย. ทุกฺขสฺส คติ ปฏิสรณนฺติ ทุคฺคติ; โทสพหุลตาย วา ทุฏฺเน กมฺมุนา นิพฺพตฺตา คตีติ ทุคฺคติ. วิวสา นิปตนฺติ เอตฺถ ทุกฺกฏการิโนติ วินิปาโต; วินสฺสนฺตา วา เอตฺถ นิปตนฺติ สมฺภิชฺชมานงฺคปจฺจงฺคาติ วินิปาโต. นตฺถิ เอตฺถ อสฺสาทสฺิโต อโยติ นิรโย.
อถ วา อปายคฺคหเณน ติรจฺฉานโยนึ ทีเปติ. ติรจฺฉานโยนิ หิ อปาโย, สุคติยา อเปตตฺตา; น ทุคฺคติ, มเหสกฺขานํ นาคราชาทีนํ สมฺภวโต. ทุคฺคติคฺคหเณน เปตฺติวิสยํ ทีเปติ. โส หิ อปาโย เจว ทุคฺคติ จ สุคติโต อเปตตฺตา, ทุกฺขสฺส จ คติภูตตฺตา; น ตุ วินิปาโต อสุรสทิสํ อวินิปติตตฺตา. เปตมหิทฺธิกานฺหิ วิมานานิปิ นิพฺพตฺตนฺติ. วินิปาตคฺคหเณน อสุรกายํ ทีเปติ. โส หิ ยถาวุตฺเตนตฺเถน อปาโย เจว ทุคฺคติ จ สพฺพสมุสฺสเยหิ จ วินิปติตตฺตา วินิปาโตติ วุจฺจติ. นิรยคฺคหเณน อวีจิ-อาทิอเนกปฺปการํ นิรยเมว ทีเปติ. อุปปนฺนาติ อุปคตา, ตตฺถ อภินิพฺพตฺตาติ อธิปฺปาโย. วุตฺตวิปริยาเยน สุกฺกปกฺโข เวทิตพฺโพ.
อยํ ¶ ปน วิเสโส – เอตฺถ สุคติคฺคหเณน มนุสฺสคติปิ สงฺคยฺหติ. สคฺคคฺคหเณน เทวคติเยว. ตตฺถ สุนฺทรา คตีติ สุคติ. รูปาทิวิสเยหิ สุฏฺุ อคฺโคติ สคฺโค. โส สพฺโพปิ ลุชฺชนปลุชฺชนฏฺเน โลโกติ อยํ วจนตฺโถ. วิชฺชาติ ทิพฺพจกฺขุาณวิชฺชา. อวิชฺชาติ สตฺตานํ จุติปฏิสนฺธิปฏิจฺฉาทิกา อวิชฺชา. เสสํ วุตฺตนยเมว. อยเมว เหตฺถ วิเสโส – ยถา ปุพฺเพนิวาสกถายํ ‘‘ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณมุขตุณฺฑเกน ปุพฺเพนิวุตฺถกฺขนฺธปอจฺฉาทกํ อวิชฺชณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา’’ติ วุตฺตํ; เอวมิธ ‘‘จุตูปปาตาณมุขตุณฺฑเกน จุตูปปาตปฏิจฺฉาทกํ อวิชฺชณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา’’ติ วตฺตพฺพนฺติ.
ทิพฺพจกฺขุาณกถา นิฏฺิตา.
อาสวกฺขยาณกถา
๑๔. โส ¶ เอวํ สมาหิเต จิตฺเตติ อิธ วิปสฺสนาปาทกํ จตุตฺถชฺฌานจิตฺตํ เวทิตพฺพํ. อาสวานํ ขยาณายาติ อรหตฺตมคฺคาณตฺถาย. อรหตฺตมคฺโค หิ อาสววินาสนโต อาสวานํ ขโยติ วุจฺจติ. ตตฺร เจตํ าณํ ตปฺปริยาปนฺนตฺตาติ ¶ . จิตฺตํ อภินินฺนาเมสินฺติ วิปสฺสนาจิตฺตํ อภินีหรึ. โส อิทํ ทุกฺขนฺติ เอวมาทีสุ ‘‘เอตฺตกํ ทุกฺขํ, น อิโต ภิยฺโย’’ติ สพฺพมฺปิ ทุกฺขสจฺจํ สรสลกฺขณปฏิเวเธน ยถาภูตํ อพฺภฺาสึ ชานึ ปฏิวิชฺฌึ. ตสฺส จ ทุกฺขสฺส นิพฺพตฺติกํ ตณฺหํ ‘‘อยํ ทุกฺขสมุทโย’’ติ, ตทุภยมฺปิ ยํ านํ ปตฺวา นิรุชฺฌติ ตํ เตสํ อปฺปวตฺตึ นิพฺพานํ ‘‘อยํ ทุกฺขนิโรโธ’’ติ, ตสฺส จ สมฺปาปกํ อริยมคฺคํ ‘‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินี ปฏิปทา’’ติ สรสลกฺขณปฏิเวเธน ยถาภูตํ อพฺภฺาสึ ชานึ ปฏิวิชฺฌินฺติ เอวมตฺโถ เวทิตพฺโพ.
เอวํ สรูปโต สจฺจานิ ทสฺเสตฺวา อิทานิ กิเลสวเสน ปริยายโต ทสฺเสนฺโต ‘‘อิเม อาสวา’’ติอาทิมาห. ตสฺส เม เอวํ ชานโต เอวํ ปสฺสโตติ ตสฺส มยฺหํ เอวํ ชานนฺตสฺส เอวํ ปสฺสนฺตสฺส สห วิปสฺสนาย โกฏิปฺปตฺตํ มคฺคํ กเถติ. กามาสวาติ กามาสวโต. วิมุจฺจิตฺถาติ อิมินา ผลกฺขณํ ทสฺเสติ. มคฺคกฺขเณ หิ จิตฺตํ วิมุจฺจติ, ผลกฺขเณ วิมุตฺตํ โหติ. วิมุตฺตสฺมึ วิมุตฺตมิติ าณนฺติ อิมินา ปจฺจเวกฺขณาณํ ¶ ทสฺเสติ. ขีณา ชาตีติอาทีหิ ตสฺส ภูมึ. เตน หิ าเณน ภควา ปจฺจเวกฺขนฺโต ‘‘ขีณา ชาตี’’ติอาทีนิ อพฺภฺาสึ. กตมา ปน ภควโต ชาติ ขีณา, กถฺจ นํ อพฺภฺาสีติ? วุจฺจเต – น ตาวสฺส อตีตา ชาติ ขีณา, ปุพฺเพว ขีณตฺตา; น อนาคตา, อนาคเต วายามาภาวโต; น ปจฺจุปฺปนฺนา, วิชฺชมานตฺตา. ยา ปน มคฺคสฺส อภาวิตตฺตา อุปฺปชฺเชยฺย เอกจตุปฺจโวการภเวสุ เอกจตุปฺจกฺขนฺธปฺปเภทา ชาติ, สา มคฺคสฺส ภาวิตตฺตา อนุปฺปาทธมฺมตํ อาปชฺชเนน ขีณา; ตํ โส มคฺคภาวนาย ปหีนกิเลเส ปจฺจเวกฺขิตฺวา ‘‘กิเลสาภาเว วิชฺชมานมฺปิ กมฺมํ อายตึ อปฺปฏิสนฺธิกํ โหตี’’ติ ชานนฺโต อพฺภฺาสึ.
วุสิตนฺติ วุตฺถํ ปริวุตฺถํ, กตํ จริตํ นิฏฺิตนฺติ อตฺโถ. พฺรหฺมจริยนฺติ มคฺคพฺรหฺมจริยํ, ปุถุชฺชนกลฺยาณเกน หิ สทฺธึ สตฺต เสกฺขา พฺรหฺมจริยวาสํ วสนฺติ นาม, ขีณาสโว วุตฺถวาโส. ตสฺมา ภควา อตฺตโน พฺรหฺมจริยวาสํ ปจฺจเวกฺขนฺโต ‘‘วุสิตํ พฺรหฺมจริย’’นฺติ อพฺภฺาสึ. กตํ กรณียนฺติ จตูสุ สจฺเจสุ จตูหิ มคฺเคหิ ปริฺาปหานสจฺฉิกิริยาภาวนาภิสมยวเสน ¶ โสฬสวิธมฺปิ กิจฺจํ นิฏฺาปิตนฺติ อตฺโถ ¶ . ปุถุชฺชนกลฺยาณกาทโย หิ เอตํ กิจฺจํ กโรนฺติ, ขีณาสโว กตกรณีโย. ตสฺมา ภควา อตฺตโน กรณียํ ปจฺจเวกฺขนฺโต ‘‘กตํ กรณีย’’นฺติ อพฺภฺาสึ. นาปรํ อิตฺถตฺตายาติ อิทานิ ปุน อิตฺถภาวาย เอวํ โสฬสกิจฺจภาวาย กิเลสกฺขยาย วา มคฺคภาวนากิจฺจํ เม นตฺถีติ อพฺภฺาสึ.
อิทานิ เอวํ ปจฺจเวกฺขณาณปริคฺคหิตํ ตํ อาสวานํ ขยาณาธิคมํ พฺราหฺมณสฺส ทสฺเสนฺโต อยํ โข เม พฺราหฺมณาติอาทิมาห. ตตฺถ วิชฺชาติ อรหตฺตมคฺคาณวิชฺชา. อวิชฺชาติ จตุสจฺจปฏิจฺฉาทิกา อวิชฺชา. เสสํ วุตฺตนยเมว. อยํ ปน วิเสโส – อยํ โข เม พฺราหฺมณ ตติยา อภินิพฺภิทา อโหสีติ เอตฺถ อยํ โข มม พฺราหฺมณ อาสวานํ ขยาณมุขตุณฺฑเกน จตุสจฺจปฏิจฺฉาทกํ อวิชฺชณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา ตติยา อภินิพฺภิทา ตติยา นิกฺขนฺติ ตติยา อริยชาติ อโหสิ, กุกฺกุฏจฺฉาปกสฺเสว มุขตุณฺฑเกน วา ปาทนขสิขาย วา อณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา ตมฺหา อณฺฑโกสมฺหา อภินิพฺภิทา นิกฺขนฺติ กุกฺกุฏนิกาเย ปจฺจาชาตีติ.
เอตฺตาวตา ¶ กึ ทสฺเสตีติ? โส หิ พฺราหฺมณ กุกฺกุฏจฺฉาปโก อณฺฑโกสํ
ปทาเลตฺวา ตโต นิกฺขมนฺโต สกิเมว ชายติ, อหํ ปน ปุพฺเพ-นิวุตฺถกฺขนฺธปฏิจฺฉาทกํ อวิชฺชณฺฑโกสํ ภินฺทิตฺวา ปมํ ตาว ปุพฺเพนิวาสานุสฺสติาณวิชฺชาย ชาโต, ตโต สตฺตานํ จุติปฏิสนฺธิปฏิจฺฉาทกํ อวิชฺชณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา ทุติยํ ทิพฺพจกฺขุาณวิชฺชาย ชาโต, ปุน จตุสจฺจปฏิจฺฉาทกํ อวิชฺชณฺฑโกสํ ปทาเลตฺวา ตติยํ อาสวานํ ขยาณวิชฺชาย ชาโต; เอวํ ตีหิ วิชฺชาหิ ติกฺขตฺตุํ ชาโต. สา จ เม ชาติ อริยา สุปริสุทฺธาติ อิทํ ทสฺเสสิ. เอวํ ทสฺเสนฺโต จ ปุพฺเพนิวาสาเณน อตีตํสาณํ, ทิพฺพจกฺขุนา ปจฺจุปฺปนฺนานาคตํสาณํ, อาสวกฺขเยน สกลโลกิยโลกุตฺตรคุณนฺติ เอวํ ตีหิ วิชฺชาหิ สพฺเพปิ สพฺพฺุคุเณ ปกาเสตฺวา อตฺตโน อริยาย ชาติยา เชฏฺเสฏฺภาวํ พฺราหฺมณสฺส ทสฺเสสีติ.
อาสวกฺขยาณกถา นิฏฺิตา.
เทสนานุโมทนกถา
๑๕. เอวํ ¶ วุตฺเต เวรฺโช พฺราหฺมโณติ เอวํ ภควตา โลกานุกมฺปเกน พฺราหฺมณํ อนุกมฺปมาเนน วินิคูหิตพฺเพปิ อตฺตโน อริยาย ชาติยา เชฏฺเสฏฺภาเว วิชฺชตฺตยปกาสิกาย ¶ ธมฺมเทสนาย วุตฺเต ปีติวิปฺผารปริปุณฺณคตฺตจิตฺโต เวรฺโช พฺราหฺมโณ ตํ ภควโต อริยาย ชาติยา เชฏฺเสฏฺภาวํ วิทิตฺวา ‘‘อีทิสํ นามาหํ สพฺพโลกเชฏฺเสฏฺํ สพฺพคุณสมนฺนาคตํ สพฺพฺุํ ‘อฺเสํ อภิวาทนาทิกมฺมํ น กโรตี’ติ อวจํ – ‘ธีรตฺถุ วตเร อฺาณ’’’นฺติ อตฺตานํ ครหิตฺวา ‘‘อยํ ทานิ โลเก อริยาย ชาติยา ปุเรชาตฏฺเน เชฏฺโ, สพฺพคุเณหิ อปฺปฏิสมฏฺเน เสฏฺโ’’ติ นิฏฺํ คนฺตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘เชฏฺโ ภวํ โคตโม เสฏฺโ ภวํ โคตโม’’ติ. เอวฺจ ปน วตฺวา ปุน ตํ ภควโต ธมฺมเทสนํ อพฺภนุโมทมาโน ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม, อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตมา’’ติอาทิมาห.
ตตฺถายํ อภิกฺกนฺตสทฺโท ขยสุนฺทราภิรูปอพฺภนุโมทเนสุ ทิสฺสติ. ‘‘อภิกฺกนฺตา, ภนฺเต, รตฺติ; นิกฺขนฺโต ปโม ยาโม, จิรนิสินฺโน ภิกฺขุสงฺโฆ’’ติอาทีสุ ¶ (อ. นิ. ๘.๒๐) หิ ขเย ทิสฺสติ. ‘‘อยํ เม ปุคฺคโล ขมติ, อิเมสํ จตุนฺนํ ปุคฺคลานํ อภิกฺกนฺตตโร จ ปณีตตโร จา’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๑๐๐) สุนฺทเร.
‘‘โก เม วนฺทติ ปาทานิ, อิทฺธิยา ยสสา ชลํ;
อภิกฺกนฺเตน วณฺเณน, สพฺพา โอภาสยํ ทิสา’’ติ. –
อาทีสุ (วิ. ว. ๘๕๗) อภิรูเป. ‘‘อภิกฺกนฺตํ, ภนฺเต’’ติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๒๕๐) อพฺภนุโมทเน. อิธาปิ อพฺภนุโมทเนเยว. ยสฺมา จ อพฺภนุโมทเน, ตสฺมา ‘‘สาธุ สาธุ, โภ โคตมา’’ติ วุตฺตํ โหตีติ เวทิตพฺพํ.
‘‘ภเย โกเธ ปสํสายํ, ตุริเต โกตูหลจฺฉเร;
หาเส โสเก ปสาเท จ, กเร อาเมฑิตํ พุโธ’’ติ.
อิมินา จ ลกฺขเณน อิธ ปสาทวเสน ปสํสาวเสน จายํ ทฺวิกฺขตฺตุํ วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ.
อถ วา อภิกฺกนฺตนฺติ อติอิฏฺํ อติมนาปํ อติสุนฺทรนฺติ วุตฺตํ โหติ. ตตฺถ เอเกน อภิกฺกนฺตสทฺเทน เทสนํ โถเมติ, เอเกน อตฺตโน ปสาทํ. อยฺหิ เอตฺถ อธิปฺปาโย – ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม, ยทิทํ โภโต โคตมสฺส ธมฺมเทสนา, อภิกฺกนฺตํ ยทิทํ โภโต โคตมสฺส ธมฺมเทสนํ อาคมฺม มม ปสาโท’’ติ. ภควโตเยว วา วจนํ ทฺเว ¶ ทฺเว อตฺเถ สนฺธาย โถเมติ ¶ – โภโต โคตมสฺส วจนํ อภิกฺกนฺตํ โทสนาสนโต อภิกฺกนฺตํ คุณาธิคมนโต, ตถา สทฺธาชนนโต ปฺาชนนโต, สาตฺถโต สพฺยฺชนโต, อุตฺตานปทโต คมฺภีรตฺถโต, กณฺณสุขโต หทยงฺคมโต, อนตฺตุกฺกํสนโต อปรวมฺภนโต, กรุณาสีตลโต ปฺาวทาตโต, อปาถรมณียโต วิมทฺทกฺขมโต, สุยฺยมานสุขโต วีมํสิยมานหิตโตติ เอวมาทีหิ โยเชตพฺพํ.
ตโต ปรมฺปิ จตูหิ อุปมาหิ เทสนํเยว โถเมติ. ตตฺถ นิกฺกุชฺชิตนฺติ อโธมุขปิตํ, เหฏฺามุขชาตํ วา. อุกฺกุชฺเชยฺยาติ อุปริมุขํ กเรยฺย. ปฏิจฺฉนฺนนฺติ ติณปณฺณาทิปฏิจฺฉาทิตํ. วิวเรยฺยาติ อุคฺฆาเฏยฺย. มูฬฺหสฺสาติ ทิสามูฬฺหสฺส. มคฺคํ อาจิกฺเขยฺยาติ หตฺเถ คเหตฺวา เอส มคฺโคติ ¶ วเทยฺย. อนฺธกาเรติ กาฬปกฺขจาตุทฺทสี อฑฺฒรตฺต-ฆนวนสณฺฑ-เมฆปฏเลหิ จตุรงฺเค ตมสิ. อยํ ตาว อนุตฺตานปทตฺโถ. อยํ ปน อธิปฺปายโยชนา – ยถา โกจิ นิกฺกุชฺชิตํ อุกฺกุชฺเชยฺย, เอวํ สทฺธมฺมวิมุขํ อสทฺธมฺเม ปติฏฺิตํ มํ อสทฺธมฺมา วุฏฺาเปนฺเตน; ยถา ปฏิจฺฉนฺนํ วิวเรยฺย, เอวํ กสฺสปสฺส ภควโต สาสนนฺตรธานา ปภุติ มิจฺฉาทิฏฺิคหนปฏิจฺฉนฺนํ สาสนํ วิวรนฺเตน; ยถา มูฬฺหสฺส มคฺคํ อาจิกฺเขยฺย, เอวํ กุมฺมคฺคมิจฺฉามคฺคปฺปฏิปนฺนสฺส เม สคฺคโมกฺขมคฺคํ อาจิกฺขนฺเตน; ยถา อนฺธกาเร เตลปชฺโชตํ ธาเรยฺย, เอวํ โมหนฺธกาเร นิมุคฺคสฺส เม พุทฺธาทิรตนตฺตยรูปานิ อปสฺสโต ตปฺปฏิจฺฉาทกโมหนฺธการวิทฺธํสกเทสนาปชฺโชตํ ธาเรนฺเตน, มยฺหํ โภตา โคตเมน เอเตหิ ปริยาเยหิ ปกาสิตตฺตา อเนกปริยาเยน ธมฺโม ปกาสิโตติ.
เทสนานุโมทนกถา นิฏฺิตา.
ปสนฺนาการกถา
เอวํ เทสนํ โถเมตฺวา อิมาย เทสนาย รตนตฺตเย ปสนฺนจิตฺโต ปสนฺนาการํ กโรนฺโต ‘‘เอสาห’’นฺติอาทิมาห. ตตฺถ เอสาหนฺติ เอโส อหํ. ภวนฺตํ โคตมํ สรณํ คจฺฉามีติ ภวนฺตํ โคตมํ สรณนฺติ คจฺฉามิ; ภวํ เม โคตโม สรณํ, ปรายณํ, อฆสฺส ตาตา, หิตสฺส จ วิธาตาติ อิมินา อธิปฺปาเยน ภวนฺตํ โคตมํ คจฺฉามิ ภชามิ เสวามิ ปยิรุปาสามิ ¶ , เอวํ วา ชานามิ พุชฺฌามีติ. เยสฺหิ ธาตูนํ คติอตฺโถ, พุทฺธิปิ เตสํ อตฺโถ; ตสฺมา ‘‘คจฺฉามี’’ติ อิมสฺส ชานามิ พุชฺฌามีติ อยมฺปิ อตฺโถ วุตฺโต. ธมฺมฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจาติ เอตฺถ ปน อธิคตมคฺเค สจฺฉิกตนิโรเธ ยถานุสิฏฺํ ปฏิปชฺชมาเน จ จตูสุ อปาเยสุ อปตมาเน ¶ ธาเรตีติ ธมฺโม; โส อตฺถโต อริยมคฺโค เจว นิพฺพานฺจ. วุตฺตํ เหตํ – ‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, ธมฺมา สงฺขตา, อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค เตสํ อคฺคมกฺขายตี’’ติ (อ. นิ. ๔.๓๔) วิตฺถาโร. น เกวลฺจ อริยมคฺโค เจว นิพฺพานฺจ, อปิ จ โข อริยผเลหิ สทฺธึ ปริยตฺติธมฺโมปิ. วุตฺตมฺปิ เหตํ ฉตฺตมาณวกวิมาเน –
‘‘ราควิราคมเนชมโสกํ, ธมฺมมสงฺขตมปฺปฏิกูลํ;
มธุรมิมํ ปคุณํ สุวิภตฺตํ, ธมฺมมิมํ สรณตฺถมุเปหี’’ติ. (วิ. ว. ๘๘๗);
เอตฺถ หิ ราควิราโคติ มคฺโค กถิโต. อเนชมโสกนฺติ ผลํ. ธมฺมมสงฺขตนฺติ นิพฺพานํ. อปฺปฏิกูลํ มธุรมิมํ ปคุณํ สุวิภตฺตนฺติ ปิฏกตฺตเยน วิภตฺตา ¶ สพฺพธมฺมกฺขนฺธาติ. ทิฏฺิสีลสงฺฆาเตน สํหโตติ สงฺโฆ, โส อตฺถโต อฏฺอริยปุคฺคลสมูโห. วุตฺตฺเหตํ ตสฺมึเยว วิมาเน –
‘‘ยตฺถ จ ทินฺนมหปฺผลมาหุ, จตูสุ สุจีสุ ปุริสยุเคสุ;
อฏฺ จ ปุคฺคลธมฺมทสา เต, สงฺฆมิมํ สรณตฺถมุเปหี’’ติ. (วิ. ว. ๘๘๘);
ภิกฺขูนํ สงฺโฆ ภิกฺขุสงฺโฆ. เอตฺตาวตา จ พฺราหฺมโณ ตีณิ สรณคมนานิ ปฏิเวเทสิ.
ปสนฺนาการกถา นิฏฺิตา.
สรณคมนกถา
อิทานิ เตสฺเวว ตีสุ สรณคมเนสุ โกสลฺลตฺถํ สรณํ, สรณคมนํ, โย สรณํ คจฺฉติ,
สรณคมนปฺปเภโท, สรณคมนผลํ, สํกิเลโส, เภโทติ อยํ วิธิ เวทิ ตพฺโพ. โส ปน อิธ วุจฺจมาโน อติภาริยํ วินยนิทานํ กโรตีติ น วุตฺโต. อตฺถิเกหิ ปน ปปฺจสูทนิยํ วา มชฺฌิมฏฺกถายํ ภยเภรวสุตฺตวณฺณนโต (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๕๖) สุมงฺคลวิลาสินิยํ วา ทีฆนิกายฏฺกถายํ (ที. นิ. อฏฺ. ๑.๒๕๐) สรณวณฺณนโต คเหตพฺโพติ.
สรณคมนกถา นิฏฺิตา.
อุปาสกตฺตปฏิเวทนากถา
อุปาสกํ ¶ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตูติ มํ ภวํ โคตโม ‘‘อุปาสโก อย’’นฺติ เอวํ ธาเรตูติ อตฺโถ. อุปาสกวิธิโกสลฺลตฺถํ ปเนตฺถ โก อุปาสโก, กสฺมา ¶ อุปาสโกติ วุจฺจติ, กิมสฺส สีลํ, โก อาชีโว, กา วิปตฺติ, กา สมฺปตฺตีติ อิทํ ปกิณฺณกํ เวทิตพฺพํ. ตํ อติภาริยกรณโต อิธ น วิภตฺตํ, อตฺถิเกหิ ปน ปปฺจสูทนิยํ มชฺฌิมฏฺกถายํ (ม. นิ. อฏฺ. ๑.๕๖) วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. อชฺชตคฺเคติ เอตฺถ อยํ อคฺคสทฺโท อาทิโกฏิโกฏฺาสเสฏฺเสุ ทิสฺสติ. ‘‘อชฺชตคฺเค, สมฺม โทวาริก, อาวรามิ ทฺวารํ นิคณฺานํ นิคณฺีน’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๒.๗๐) หิ อาทิมฺหิ ทิสฺสติ. ‘‘เตเนว องฺคุลคฺเคน ตํ องฺคุลคฺคํ ปรามเสยฺย (กถา. ๔๔๑), อุจฺฉคฺคํ เวฬคฺค’’นฺติอาทีสุ โกฏิยํ. ‘‘อมฺพิลคฺคํ วา มธุรคฺคํ วา ติตฺตกคฺคํ วา (สํ. นิ. ๕.๓๗๔) อนุชานามิ, ภิกฺขเว, วิหารคฺเคน วา ปริเวณคฺเคน วา ภาเชตุ’’นฺติอาทีสุ (จูฬว. ๓๑๘) โกฏฺาเส. ‘‘ยาวตา, ภิกฺขเว, สตฺตา อปทา วา ทฺวิปทา วา…เป… ตถาคโต เตสํ อคฺคมกฺขายตี’’ติอาทีสุ (อ. นิ. ๔.๓๔) เสฏฺเ. อิธ ปนายํ อาทิมฺหิ ทฏฺพฺโพ. ตสฺมา อชฺชตคฺเคติ อชฺชตํ อาทึ กตฺวาติ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. อชฺชตนฺติ อชฺชภาวนฺติ วุตฺตํ โหติ. อชฺชทคฺเค อิจฺเจว วา ¶ ปาโ, ทกาโร ปทสนฺธิกโร, อชฺช อคฺคํ กตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. ปาณุเปตนฺติ ปาเณหิ อุเปตํ, ยาว เม ชีวิตํ ปวตฺตติ, ตาว อุเปตํ อนฺสตฺถุกํ ตีหิ สรณคมเนหิ สรณคตํ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตุ ชานาตุ, อหฺหิ สเจปิ เม ติขิเณน อสินา สีสํ ฉินฺเทยฺยุํ, เนว พุทฺธํ ‘‘น พุทฺโธ’’ติ วา, ธมฺมํ ‘‘น ธมฺโม’’ติ วา, สงฺฆํ ‘‘น สงฺโฆ’’ติ วา วเทยฺยนฺติ. เอตฺถ จ พฺราหฺมโณ ปาณุเปตํ สรณคตนฺติ ปุน สรณคมนํ วทนฺโต อตฺตสนฺนิยฺยาตนํ ปกาเสตีติ เวทิตพฺโพ.
เอวํ อตฺตานํ นิยฺยาเตตฺวา ภควนฺตํ สปริสํ อุปฏฺาตุกาโม อาห – ‘‘อธิวาเสตุ จ เม ภวํ โคตโม เวรฺชายํ วสฺสาวาสํ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆนา’’ติ. กึ วุตฺตํ โหติ – อุปาสกฺจ มํ ภวํ โคตโม ธาเรตุ, อธิวาเสตุ จ เม เวรฺชายํ วสฺสาวาสํ, ตโย มาเส เวรฺชํ อุปนิสฺสาย มม อนุคฺคหตฺถํ วาสํ สมฺปฏิจฺฉตูติ. อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวนาติ อถสฺส วจนํ สุตฺวา ภควา กายงฺคํ วา วาจงฺคํ วา อโจเปตฺวา อพฺภนฺตเรเยว ขนฺตึ จาเรตฺวา ตุณฺหีภาเวน อธิวาเสสิ; พฺราหฺมณสฺส อนุคฺคหตฺถํ มนสาว สมฺปฏิจฺฉีติ ¶ วุตฺตํ โหติ.
อถ โข เวรฺโช พฺราหฺมโณ ภควโต อธิวาสนํ วิทิตฺวาติ อถ เวรฺโช พฺราหฺมโณ สเจ เม ¶ สมโณ โคตโม นาธิวาเสยฺย, กาเยน วา วาจาย วา ปฏิกฺขิเปยฺย. ยสฺมา ปน อปฺปฏิกฺขิปิตฺวา อพฺภนฺตเร ขนฺตึ ธาเรสิ, ตสฺมา เม มนสาว อธิวาเสสีติ เอวํ อาการสลฺลกฺขณกุสลตาย ภควโต อธิวาสนํ วิทิตฺวา, อตฺตโน นิสินฺนาสนโต วุฏฺาย จตูสุ ทิสาสุ ภควนฺตํ สกฺกจฺจํ วนฺทิตฺวา ติกฺขตฺตุํ ปทกฺขิณํ กตฺวา อาคตกาลโต ปภุติ ชาติมหลฺลกพฺราหฺมณานํ อภิวาทนาทีนิ น กโรตีติ วิครหิตฺวาปิ อิทานิ วิฺาตพุทฺธคุโณ กาเยน วาจาย มนสา จ อเนกกฺขตฺตุํ วนฺทนฺโตปิ อติตฺโตเยว หุตฺวา ทสนขสโมธานสมุชฺชลํ อฺชลึ ปคฺคยฺห สิรสฺมึ ปติฏฺาเปตฺวา ยาว ทสฺสนวิสโย ตาว ปฏิมุโขเยว อปกฺกมิตฺวา ทสฺสนวิสยํ วิชหนฏฺาเน วนฺทิตฺวา ปกฺกามิ.
อุปาสกตฺตปฏิเวทนากถา นิฏฺิตา.
ทุพฺภิกฺขกถา
๑๖. เตน โข ปน สมเยน เวรฺชา ทุพฺภิกฺขา โหตีติ ยสฺมึ สมเย เวรฺเชน พฺราหฺมเณน ภควา เวรฺชํ อุปนิสฺสาย วสฺสาวาสํ ยาจิโต ¶ , เตน สมเยน เวรฺชา ทุพฺภิกฺขา โหติ. ทุพฺภิกฺขาติ ทุลฺลภภิกฺขา; สา ปน ทุลฺลภภิกฺขตา ยตฺถ มนุสฺสา อสฺสทฺธา โหนฺติ อปฺปสนฺนา, ตตฺถ สุสสฺสกาเลปิ อติสมคฺเฆปิ ปุพฺพณฺณาปรณฺเณ โหติ. เวรฺชายํ ปน ยสฺมา น ตถา อโหสิ, อปิจ โข ทุสสฺสตาย ฉาตกโทเสน อโหสิ ตสฺมา ตมตฺถํ ทสฺเสนฺโต ทฺวีหิติกาติอาทิมาห. ตตฺถ ทฺวีหิติกาติ ทฺวิธา ปวตฺตอีหิติกา. อีหิตํ นาม อิริยา ทฺวิธา ปวตฺตา – จิตฺตอิริยา, จิตฺตอีหา. ‘‘เอตฺถ ลจฺฉาม นุ โข กิฺจิ ภิกฺขมานา น ลจฺฉามา’’ติ, ‘‘ชีวิตุํ วา สกฺขิสฺสาม นุ โข โน’’ติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโย.
อถ วา ทฺวีหิติกาติ ทุชฺชีวิกา, อีหิตํ อีหา อิริยนํ ปวตฺตนํ ชีวิตนฺติอาทีนิ ปทานิ เอกตฺถานิ. ตสฺมา ทุกฺเขน อีหิตํ เอตฺถ ปวตฺตตีติ ทฺวีหิติกาติ อยเมตฺถ ¶ ปทตฺโถ. เสตฏฺิกาติ เสตกานิ อฏฺีนิ เอตฺถาติ เสตฏฺิกา. ทิวสมฺปิ ยาจิตฺวา กิฺจิ อลทฺธา มตานํ กปณมนุสฺสานํ อหิจฺฉตฺตกวณฺเณหิ อฏฺีหิ ตตฺร ตตฺร ปริกิณฺณาติ วุตฺตํ โหติ. เสตฏฺฏิกาติปิ ปาโ. ตสฺสตฺโถ – เสตา อฏฺฏิ เอตฺถาติ เสตฏฺฏิกา. อฏฺฏีติ อาตุรตา พฺยาธิ โรโค. ตตฺถ จ สสฺสานํ คพฺภคฺคหณกาเล เสตกโรเคน อุปหตเมว ปจฺฉินฺนขีรํ อคฺคหิตตณฺฑุลํ ปณฺฑรปณฺฑรํ สาลิสีสํ วา ยวโคธูมสีสํ วา นิกฺขมติ, ตสฺมา ‘‘เสตฏฺฏิกา’’ติ วุจฺจติ.
วปฺปกาเล ¶ สุฏฺุ อภิสงฺขริตฺวาปิ วุตฺตสสฺสํ ตตฺถ สลากา เอว สมฺปชฺชตีติ สลากาวุตฺตา; สลากาย วา ตตฺถ ชีวิตํ ปวตฺเตนฺตีติ สลากาวุตฺตา. กึ วุตฺตํ โหติ? ตตฺถ กิร ธฺวิกฺกยกานํ สนฺติกํ กยเกสุ คเตสุ ทุพฺพลมนุสฺเส อภิภวิตฺวา พลวมนุสฺสาว ธฺํ กิณิตฺวา คจฺฉนฺติ. ทุพฺพลมนุสฺสา อลภมานา มหาสทฺทํ กโรนฺติ. ธฺวิกฺกยกา ‘‘สพฺเพสํ สงฺคหํ กริสฺสามา’’ติ ธฺกรณฏฺาเน ธฺมาปกํ นิสีทาเปตฺวา เอกปสฺเส วณฺณชฺฌกฺขํ นิสีทาเปสุํ. ธฺตฺถิกา วณฺณชฺฌกฺขสฺส สนฺติกํ คจฺฉนฺติ. โส อาคตปฏิปาฏิยา มูลํ คเหตฺวา ‘‘อิตฺถนฺนามสฺส เอตฺตกํ ทาตพฺพ’’นฺติ สลากํ ลิขิตฺวา เทติ, เต ตํ คเหตฺวา ธฺมาปกสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ทินฺนปฏิปาฏิยา ธฺํ คณฺหนฺติ. เอวํ สลากาย ตตฺถ ชีวิตํ ปวตฺเตนฺตีติ สลากาวุตฺตา.
น ¶ สุกรา อฺุเฉน ปคฺคเหน ยาเปตุนฺติ ปคฺคเหน โย อฺุโฉ, เตน ยาเปตุํ น สุกรา. ปตฺตํ คเหตฺวา ยํ อริยา อฺุฉํ กโรนฺติ, ภิกฺขาจริยํ จรนฺติ, เตน อฺุเฉน ยาเปตุํ น สุกราติ วุตฺตํ โหติ. ตทา กิร ตตฺถ สตฺตฏฺคาเม ปิณฺฑาย จริตฺวา เอกทิวสมฺปิ ยาปนมตฺตํ น ลภนฺติ.
เตน โข ปน สมเยน อุตฺตราปถกา อสฺสวาณิชา…เป… อสฺโสสิ โข ภควา อุทุกฺขลสทฺทนฺติ – เตนาติ ยสฺมึ สมเย ภควา เวรฺชํ อุปนิสฺสาย วสฺสาวาสํ อุปคโต เตน สมเยน. อุตฺตราปถวาสิกา อุตฺตราปถโต วา อาคตตฺตา เอวํ ลทฺธโวหารา อสฺสวาณิชา อุตฺตราปเถ อสฺสานํ อุฏฺานฏฺาเน ¶ ปฺจ อสฺสสตานิ คเหตฺวา ทิคุณํ ติคุณํ ลาภํ ปตฺถยมานา เทสนฺตรํ คจฺฉนฺตา เตหิ อตฺตโน วิกฺกายิกภณฺฑภูเตหิ ปฺจมตฺเตหิ อสฺสสเตหิ เวรฺชํ วสฺสาวาสํ อุปคตา โหนฺติ. กสฺมา? น หิ สกฺกา ตสฺมึ เทเส วสฺสิเก จตฺตาโร มาเส อทฺธานํ ปฏิปชฺชิตุํ. อุปคจฺฉนฺตา จ พหินคเร อุทเกน อนชฺโฌตฺถรณีเย าเน อตฺตโน จ วาสาคารานิ อสฺสานฺจ มนฺทิรํ การาเปตฺวา วติยา ปริกฺขิปึสุ. ตานิ เตสํ วสนฏฺานานิ ‘‘อสฺสมณฺฑลิกาโย’’ติ ปฺายึสุ. เตนาห – ‘‘เตหิ อสฺสมณฺฑลิกาสุ ภิกฺขูนํ ปตฺถปตฺถปุลกํ ปฺตฺตํ โหตี’’ติ. ปตฺถปตฺถปุลกนฺติ เอกเมกสฺส ภิกฺขุโน ปตฺถปตฺถปมาณํ ปุลกํ. ปตฺโถ นาม นาฬิมตฺตํ โหติ, เอกสฺส ปุริสสฺส อลํ ยาปนาย. วุตฺตมฺปิ เหตํ – ‘‘ปตฺโถทโน นาลมยํ ทุวินฺน’’นฺติ (ชา. ๒.๒๑.๑๙๒). ปุลกํ นาม นิตฺถุสํ กตฺวา อุสฺเสเทตฺวา คหิตยวตณฺฑุลา วุจฺจนฺติ. ยทิ หิ สถุสา โหนฺติ, ปาณกา วิชฺฌนฺติ, อทฺธานกฺขมา น โหนฺติ. ตสฺมา เต วาณิชา อทฺธานกฺขมํ กตฺวา ยวตณฺฑุลมาทาย อทฺธานํ ปฏิปชฺชนฺติ ¶ ‘‘ยตฺถ อสฺสานํ ขาทนียํ ติณํ ทุลฺลภํ ภวิสฺสติ, ตตฺเถตํ อสฺสภตฺตํ ภวิสฺสตี’’ติ.
กสฺมา ปน เตหิ ตํ ภิกฺขูนํ ปฺตฺตนฺติ? วุจฺจเต – ‘‘น หิ เต ทกฺขิณาปถมนุสฺสา วิย อสฺสทฺธา อปฺปสนฺนา, เต ปน สทฺธา ปสนฺนา พุทฺธมามกา, ธมฺมมามกา, สงฺฆมามกา; เต ปุพฺพณฺหสมยํ เกนจิเทว กรณีเยน นครํ ปวิสนฺตา ทฺเว ตโย ทิวเส อทฺทสํสุ สตฺตฏฺ ภิกฺขู สุนิวตฺเถ สุปารุเต ¶ อิริยาปถสมฺปนฺเน สกลมฺปิ นครํ ปิณฺฑาย จริตฺวา กิฺจิ อลภมาเน. ทิสฺวาน เนสํ เอตทโหสิ – ‘‘อยฺยา อิมํ นครํ อุปนิสฺสาย วสฺสํ อุปคตา; ฉาตกฺจ วตฺตติ, น จ กิฺจิ ลภนฺติ, อติวิย กิลมนฺติ. มยฺจมฺห อาคนฺตุกา, น สกฺโกม เนสํ เทวสิกํ ยาคฺุจ ภตฺตฺจ ปฏิยาเทตุํ. อมฺหากํ ปน อสฺสา สายฺจ ปาโต จ ทฺวิกฺขตฺตุํ ภตฺตํ ลภนฺติ. ยํนูน มยํ เอกเมกสฺส อสฺสสฺส ปาตราสภตฺตโต เอกเมกสฺส ภิกฺขุโน ปตฺถปตฺถปุลกํ ทเทยฺยาม. เอวํ อยฺยา จ น กิลมิสฺสนฺติ ¶ , อสฺสา จ ยาเปสฺสนฺตี’’ติ. เต ภิกฺขูนํ สนฺติกํ คนฺตฺวา เอตมตฺถํ อาโรเจตฺวา ‘‘ภนฺเต, ตุมฺเห ปตฺถปตฺถปุลกํ ปฏิคฺคเหตฺวา ยํ วา ตํ วา กตฺวา ปริภฺุชถา’’ติ ยาจิตฺวา เทวสิกํ ปตฺถปตฺถปุลกํ ปฺเปสุํ. เตน วุตฺตํ – ‘‘เตหิ อสฺสมณฺฑลิกาสุ ภิกฺขูนํ ปตฺถปตฺถปุลกํ ปฺตฺตํ โหตี’’ติ.
ปฺตฺตนฺติ นิจฺจภตฺตสงฺเขเปน ปิตํ. อิทานิ ภิกฺขู ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวาติอาทีสุ ปุพฺพณฺหสมยนฺติ ทิวสสฺส ปุพฺพภาคสมยํ, ปุพฺพณฺหสมเยติ อตฺโถ. ปุพฺพณฺเห วา สมยํ ปุพฺพณฺหสมยํ, ปุพฺพณฺเห เอกํ ขณนฺติ วุตฺตํ โหติ. เอวํ อจฺจนฺตสํโยเค อุปโยควจนํ ลพฺภติ. นิวาเสตฺวาติ ปริทหิตฺวา, วิหารนิวาสนปริวตฺตนวเสเนตํ เวทิตพฺพํ. น หิ เต ตโต ปุพฺเพ อนิวตฺถา อเหสุํ. ปตฺตจีวรมาทายาติ ปตฺตํ หตฺเถหิ จีวรํ กาเยน อาทิยิตฺวา สมฺปฏิจฺฉาเทตฺวา, ธาเรตฺวาติ อตฺโถ. เยน วา เตน วา หิ ปกาเรน คณฺหนฺตา อาทายอิจฺเจว วุจฺจนฺติ, ยถา ‘‘สมาทาเยว ปกฺกมตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๒๑). ปิณฺฑํ อลภมานาติ สกลมฺปิ เวรฺชํ จริตฺวา ติฏฺตุ ปิณฺโฑ, อนฺตมโส ‘‘อติจฺฉถา’’ติ วาจมฺปิ อลภมานา.
ปตฺถปตฺถปุลกํ อารามํ อาหริตฺวาติ คตคตฏฺาเน ลทฺธํ เอกเมกํ ปตฺถปตฺถปุลกํ คเหตฺวา อารามํ เนตฺวา. อุทุกฺขเล โกฏฺเฏตฺวา โกฏฺเฏตฺวา ปริภฺุชนฺตีติ เถรานํ โกจิ กปฺปิยการโก นตฺถิ, โย เนสํ ตํ คเหตฺวา ยาคุํ วา ภตฺตํ วา ปเจยฺย. สามมฺปิ ปจนํ สมณสารุปฺปํ น โหติ น จ วฏฺฏติ. เต เอวํ โน สลฺลหุกวุตฺติตา จ ภวิสฺสติ, สามปากปริโมจนฺจาติ อฏฺ อฏฺ ¶ ชนา วา ทส ทส ชนา วา เอกโต หุตฺวา อุทุกฺขเล โกฏฺเฏตฺวา โกฏฺเฏตฺวา สกํ สกํ ปฏิวีสํ อุทเกน เตเมตฺวา ปริภฺุชนฺติ. เอวํ ปริภฺุชิตฺวา อปฺโปสฺสุกฺกา สมณธมฺมํ กโรนฺติ ¶ . ภควโต ปน เต อสฺสวาณิชา ปตฺถปุลกฺจ เทนฺติ, ตทุปิยฺจ สปฺปิมธุสกฺกรํ. ตํ อายสฺมา อานนฺโท อาหริตฺวา สิลายํ ปิสติ. ปฺุวตา ปณฺฑิตปุริเสน กตํ มนาปเมว โหติ. อถ นํ ปิสิตฺวา สปฺปิอาทีหิ สมฺมา โยเชตฺวา ภควโต ¶ อุปนาเมสิ. อเถตฺถ เทวตา ทิพฺโพชํ ปกฺขิปนฺติ. ตํ ภควา ปริภฺุชติ. ปริภฺุชิตฺวา ผลสมาปตฺติยา กาลํ อตินาเมติ. น ตโต ปฏฺาย ปิณฺฑาย จรติ.
กึ ปนานนฺทตฺเถโร ตทา ภควโต อุปฏฺาโก โหตีติ? โหติ, โน จ โข อุปฏฺากฏฺานํ ลทฺธา. ภควโต หิ ปมโพธิยํ วีสติวสฺสนฺตเร นิพทฺธุปฏฺาโก นาม นตฺถิ. กทาจิ นาคสมาลตฺเถโร ภควนฺตํ อุปฏฺาสิ, กทาจิ นาคิตตฺเถโร, กทาจิ เมฆิยตฺเถโร, กทาจิ อุปวาณตฺเถโร, กทาจิ สาคตตฺเถโร, กทาจิ สุนกฺขตฺโต ลิจฺฉวิปุตฺโต. เต อตฺตโน รุจิยา อุปฏฺหิตฺวา ยทา อิจฺฉนฺติ ตทา ปกฺกมนฺติ. อานนฺทตฺเถโร เตสุ เตสุ อุปฏฺหนฺเตสุ อปฺโปสฺสุกฺโก โหติ, ปกฺกนฺเตสุ สยเมว วตฺตปฏิปตฺตึ กโรติ. ภควาปิ กิฺจาปิ เม าติเสฏฺโ อุปฏฺากฏฺานํ น ตาว ลภติ, อถ โข เอวรูเปสุ าเนสุ อยเมว ปติรูโปติ อธิวาเสสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อายสฺมา ปนานนฺโท ปตฺถปุลกํ สิลายํ ปิสิตฺวา ภควโต อุปนาเมสิ, ตํ ภควา ปริภฺุชตี’’ติ.
นนุ จ มนุสฺสา ทุพฺภิกฺขกาเล อติวิย อุสฺสาหชาตา ปฺุานิ กโรนฺติ, อตฺตนา อภฺุชิตฺวาปิ ภิกฺขูนํ ทาตพฺพํ มฺนฺติ. เต ตทา กสฺมา กฏจฺฉุภิกฺขมฺปิ น อทํสุ? อยฺจ เวรฺโช พฺราหฺมโณ มหตา อุสฺสาเหน ภควนฺตํ วสฺสาวาสํ ยาจิ, โส กสฺมา ภควโต อตฺถิภาวมฺปิ น ชานาตีติ? วุจฺจเต – มาราวฏฺฏนาย. เวรฺชฺหิ พฺราหฺมณํ ภควโต สนฺติกา ปกฺกนฺตมตฺตเมว สกลฺจ นครํ สมนฺตา จ โยชนมตฺตํ ยตฺถ สกฺกา ปุเรภตฺตํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺจาคนฺตุํ, ตํ สพฺพํ มาโร อาวฏฺเฏตฺวา โมเหตฺวา สพฺเพสํ อสลฺลกฺขณภาวํ กตฺวา ปกฺกามิ. ตสฺมา น โกจิ อนฺตมโส สามีจิกมฺมมฺปิ กตฺตพฺพํ มฺิตฺถ.
กึ ¶ ปน ภควาปิ มาราวฏฺฏนํ อชานิตฺวาว ตตฺถ วสฺสํ อุปคโตติ? โน อชานิตฺวา. อถ กสฺมา จมฺปา-สาวตฺถิ-ราชคหาทีนํ อฺตรสฺมึ น อุปคโตติ? ติฏฺนฺตุ จมฺปา-สาวตฺถิ-ราชคหาทีนิ, สเจปิ ภควา ตสฺมึ สํวจฺฉเร ¶ อุตฺตรกุรุํ วา ติทสปุรํ วา คนฺตฺวา วสฺสํ อุปคจฺเฉยฺย, ตมฺปิ มาโร อาวฏฺเฏยฺย. โส กิร ตํ สํวจฺฉรํ อติวิย อาฆาเตน ¶ ปริยุฏฺิตจิตฺโต อโหสิ. อิธ ปน ภควา อิมํ อติเรกการณํ อทฺทส – ‘‘อสฺสวาณิชา ภิกฺขูนํ สงฺคหํ กริสฺสนฺตี’’ติ. ตสฺมา เวรฺชายเมว วสฺสํ อุปคจฺฉิ.
กึ ปน มาโร วาณิชเก อาวฏฺเฏตุํ น สกฺโกตีติ? โน น สกฺโกติ, เต ปน อาวฏฺฏิตปริโยสาเน อาคมึสุ. ปฏินิวตฺติตฺวา กสฺมา น อาวฏฺเฏตีติ? อวิสหตาย. น หิ โส ตถาคตสฺส อภิหฏภิกฺขาย นิพทฺธทานสฺส อปฺปิตวตฺตสฺส อนฺตรายํ กาตุํ วิสหติ. จตุนฺนฺหิ น สกฺกา อนฺตราโย กาตุํ. กตเมสํ จตุนฺนํ? ตถาคตสฺส อภิหฏภิกฺขาสงฺเขเปน วา นิพทฺธทานสฺส อปฺปิตวตฺตสงฺเขเปน วา ปริจฺจตฺตานํ จตุนฺนํ ปจฺจยานํ น สกฺกา เกนจิ อนฺตราโย กาตุํ. พุทฺธานํ ชีวิตสฺส น สกฺกา เกนจิ อนฺตราโย กาตุํ. อสีติยา อนุพฺยฺชนานํ พฺยามปฺปภาย วา น สกฺกา เกนจิ อนฺตราโย กาตุํ. จนฺทิมสูริยเทวพฺรหฺมานมฺปิ หิ ปภา ตถาคตสฺส อนุพฺยฺชนพฺยามปฺปภาปฺปเทสํ ปตฺวา วิหตานุภาวา โหนฺติ. พุทฺธานํ สพฺพฺุตฺาณสฺส น สกฺกา เกนจิ อนฺตราโย กาตุนฺติ อิเมสํ จตุนฺนํ น สกฺกา เกนจิ อนฺตราโย กาตุํ. ตสฺมา มาเรน อกตนฺตรายํ ภิกฺขํ ภควา สสาวกสงฺโฆ ตทา ปริภฺุชตีติ เวทิตพฺโพ.
เอวํ ปริภฺุชนฺโต จ เอกทิวสํ อสฺโสสิ โข ภควา อุทุกฺขลสทฺทนฺติ ภควา ปตฺถปตฺถปุลกํ โกฏฺเฏนฺตานํ ภิกฺขูนํ มุสลสงฺฆฏฺฏชนิตํ อุทุกฺขลสทฺทํ สุณิ. ตโต ปรํ ชานนฺตาปิ ตถาคตาติ เอวมาทิ ยํ ปรโต ‘‘กินฺนุ โข โส, อานนฺท, อุทุกฺขลสทฺโท’’ติ ปุจฺฉิ, ตสฺส ปริหารทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ตตฺรายํ สงฺเขปวณฺณนา – ตถาคตา นาม ชานนฺตาปิ สเจ ตาทิสํ ปุจฺฉาการณํ โหติ, ปุจฺฉนฺติ. สเจ ปน ตาทิสํ ปุจฺฉาการณํ นตฺถิ, ชานนฺตาปิ ¶ น ปุจฺฉนฺติ. ยสฺมา ปน พุทฺธานํ อชานนํ นาม นตฺถิ, ตสฺมา อชานนฺตาปีติ น วุตฺตํ. กาลํ วิทิตฺวา ปุจฺฉนฺตีติ สเจ ตสฺสา ปุจฺฉาย โส กาโล โหติ, เอวํ ตํ กาลํ วิทิตฺวา ปุจฺฉนฺติ; สเจ น โหติ ¶ , เอวมฺปิ กาลํ วิทิตฺวาว น ปุจฺฉนฺติ. เอวํ ปุจฺฉนฺตาปิ จ อตฺถสํหิตํ ตถาคตา ปุจฺฉนฺติ, ยํ อตฺถนิสฺสิตํ การณนิสฺสิตํ, ตเทว ปุจฺฉนฺติ, โน อนตฺถสํหิตํ. กสฺมา? ยสฺมา อนตฺถสํหิเต เสตุฆาโต ตถาคตานํ. เสตุ วุจฺจติ มคฺโค, มคฺเคเนว ตาทิสสฺส วจนสฺส ฆาโต, สมุจฺเฉโทติ วุตฺตํ โหติ.
อิทานิ อตฺถสํหิตนฺติ เอตฺถ ยํ อตฺถสนฺนิสฺสิตํ วจนํ ตถาคตา ปุจฺฉนฺติ, ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘ทฺวีหากาเรหี’’ติ อาทิมาห. ตตฺถ อากาเรหีติ การเณหิ. ธมฺมํ วา เทเสสฺสามาติ อฏฺุปฺปตฺติยุตฺตํ สุตฺตํ วา ปุพฺพจริตการณยุตฺตํ ชาตกํ วา กถยิสฺสาม. สาวกานํ วา สิกฺขาปทํ ¶ ปฺเปสฺสามาติ สาวกานํ วา ตาย ปุจฺฉาย วีติกฺกมํ ปากฏํ กตฺวา ครุกํ วา ลหุกํ วา สิกฺขาปทํ ปฺเปสฺสาม อาณํ เปสฺสามาติ.
อถ โข ภควา…เป… เอตมตฺถํ อาโรเจสีติ เอตฺถ นตฺถิ กิฺจิ วตฺตพฺพํ. ปุพฺเพ วุตฺตเมว หิ ภิกฺขูนํ ปตฺถปตฺถปุลกปฏิลาภํ สลฺลหุกวุตฺติตํ สามปากปริโมจนฺจ อาโรเจนฺโต เอตมตฺถํ อาโรเจสีติ วุจฺจติ. ‘‘สาธุ สาธุ, อานนฺทา’’ติ อิทํ ปน ภควา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ สมฺปหํเสนฺโต อาห. สาธุการํ ปน ทตฺวา ทฺวีสุ อากาเรสุ เอกํ คเหตฺวา ธมฺมํ เทเสนฺโต อาห – ‘‘ตุมฺเหหิ, อานนฺท, สปฺปุริเสหิ วิชิตํ, ปจฺฉิมา ชนตา สาลิมํโสทนํ อติมฺิสฺสตี’’ติ. ตตฺรายมธิปฺปาโย – ตุมฺเหหิ, อานนฺท, สปฺปุริเสหิ เอวํ ทุพฺภิกฺเข ทุลฺลภปิณฺเฑ อิมาย สลฺลหุกวุตฺติตาย อิมินา จ สลฺเลเขน วิชิตํ. กึ วิชิตนฺติ? ทุพฺภิกฺขํ วิชิตํ, โลโภ วิชิโต, อิจฺฉาจาโร วิชิโต. กถํ? ‘‘อยํ เวรฺชา ทุพฺภิกฺขา, สมนฺตโต ปน อนนฺตรา คามนิคมา ผลภารนมิตสสฺสา สุภิกฺขา สุลภปิณฺฑา. เอวํ สนฺเตปิ ภควา อิเธว อมฺเห นิคฺคณฺหิตฺวา วสตี’’ติ เอกภิกฺขุสฺสปิ จินฺตา วา วิฆาโต วา นตฺถิ. เอวํ ตาว ทุพฺภิกฺขํ วิชิตํ อภิภูตํ อตฺตโน วเส วตฺติตํ.
กถํ โลโภ วิชิโต? ‘‘อยํ เวรฺชา ทุพฺภิกฺขา, สมนฺตโต ปน อนนฺตรา คามนิคมา ผลภารนมิตสสฺสา สุภิกฺขา สุลภปิณฺฑา ¶ . หนฺท มยํ ตตฺถ คนฺตฺวา ปริภฺุชิสฺสามา’’ติ โลภวเสน เอกภิกฺขุนาปิ รตฺติจฺเฉโท วา ‘‘ปจฺฉิมิกาย ตตฺถ วสฺสํ อุปคจฺฉามา’’ติ วสฺสจฺเฉโท วา น กโต. เอวํ โลโภ วิชิโต.
กถํ ¶ อิจฺฉาจาโร วิชิโต? อยํ เวรฺชา ทุพฺภิกฺขา, อิเม จ มนุสฺสา อมฺเห ทฺเว ตโย มาเส วสนฺเตปิ น กิสฺมิฺจิ มฺนฺติ. ยํนูน มยํ คุณวาณิชฺชํ กตฺวา ‘‘อสุโก ภิกฺขุ ปมสฺส ฌานสฺส ลาภี…เป… อสุโก ฉฬภิฺโติ เอวํ มนุสฺสานํ อฺมฺํ ปกาเสตฺวา กุจฺฉึ ปฏิชคฺคิตฺวา ปจฺฉา สีลํ อธิฏฺเหยฺยามา’’ติ เอกภิกฺขุนาปิ เอวรูปา อิจฺฉา น อุปฺปาทิตา. เอวํ อิจฺฉาจาโร วิชิโต อภิภูโต อตฺตโน วเส วตฺติโตติ.
อนาคเต ปน ปจฺฉิมา ชนตา วิหาเร นิสินฺนา อปฺปกสิเรเนว ลภิตฺวาปิ ‘‘กึ อิทํ อุตฺตณฺฑุลํ อติกิลินฺนํ อโลณํ อติโลณํ อนมฺพิลํ อจฺจมฺพิลํ, โก อิมินา อตฺโถ’’ติ อาทินา นเยน สาลิมํโสทนํ อติมฺิสฺสติ, โอฺาตํ อวฺาตํ กริสฺสติ. อถ วา ชนปโท ¶ นาม น สพฺพกาลํ ทุพฺภิกฺโข โหติ. เอกทา ทุพฺภิกฺโข โหติ, เอกทา สุภิกฺโข โหติ. สฺวายํ ยทา สุภิกฺโข ภวิสฺสติ, ตทา ตุมฺหากํ สปฺปุริสานํ อิมาย ปฏิปตฺติยา ปสนฺนา มนุสฺสา ภิกฺขูนํ ยาคุขชฺชกาทิปฺปเภเทน อเนกปฺปการํ สาลิวิกตึ มํโสทนฺจ ทาตพฺพํ มฺิสฺสนฺติ. ตํ ตุมฺเห นิสฺสาย อุปฺปนฺนํ สกฺการํ ตุมฺหากํ สพฺรหฺมจารีสงฺขาตา ปจฺฉิมา ชนตา ตุมฺหากํ อนฺตเร นิสีทิตฺวา อนุภวมานาว อติมฺิสฺสติ, ตปฺปจฺจยํ มานฺจ โอมานฺจ กริสฺสติ. กถํ? กสฺมา เอตฺตกํ ปกฺกํ, กึ ตุมฺหากํ ภาชนานิ นตฺถิ, ยตฺถ อตฺตโน สนฺตกํ ปกฺขิปิตฺวา เปยฺยาถาติ.
ทุพฺภิกฺขกถา นิฏฺิตา.
มหาโมคฺคลฺลานสฺสสีหนาทกถา
๑๗. อถ โข อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโนติอาทีสุ อายสฺมาติ ปิยวจนเมตํ, ครุคารวสปฺปติสฺสาธิวจนเมตํ. มหาโมคฺคลฺลาโนติ มหา จ โส คุณมหนฺตตาย โมคฺคลฺลาโน จ โคตฺเตนาติ มหาโมคฺคลฺลาโน. เอตทโวจาติ เอตํ อโวจ. อิทานิ วตฺตพฺพํ ‘‘เอตรหิ ภนฺเต’’ติอาทิวจนํ ทสฺเสติ. กสฺมา อโวจ? เถโร กิร ปพฺพชิตฺวา สตฺตเม ทิวเส สาวกปารมิาณสฺส ¶ มตฺถกํ ปตฺโต, สตฺถาราปิ มหิทฺธิกตาย เอตทคฺเค ปิโต. โส ตํ อตฺตโน มหิทฺธิกตํ นิสฺสาย จินฺเตสิ – ‘‘อยํ เวรฺชา ทุพฺภิกฺขา, ภิกฺขู จ กิลมนฺติ, ยํนูนาหํ ปถวึ ปริวตฺเตตฺวา ภิกฺขู ปปฺปฏโกชํ โภเชยฺย’’นฺติ. อถสฺส ¶ เอตทโหสิ – ‘‘สเจ ปนาหํ ภควโต สนฺติเก วิหรนฺโต ภควนฺตํ อยาจิตฺวา เอวํ กเรยฺยํ, น เมตํ อสฺส ปติรูปํ; ยุคคฺคาโห วิย ภควตา สทฺธึ กโต ภเวยฺยา’’ติ. ตสฺมา ยาจิตุกาโม อาคนฺตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ.
เหฏฺิมตลํ สมฺปนฺนนฺติ ปถวิยา กิร เหฏฺิมตเล ปถวิมณฺโฑ ปถโวโช ปถวิ-ปปฺปฏโก อตฺถิ, ตํ สนฺธาย วทติ. ตตฺถ สมฺปนฺนนฺติ มธุรํ, สาทุรสนฺติ อตฺโถ. ยเถว หิ ‘‘ตตฺรสฺส รุกฺโข สมฺปนฺนผโล จ อุปปนฺนผโล จา’’ติ (ม. นิ. ๒.๔๘) เอตฺถ มธุรผโลติ อตฺโถ; เอวมิธาปิ สมฺปนฺนนฺติ มธุรํ สาทุรสนฺติ เวทิตพฺพํ. เสยฺยถาปิ ขุทฺทมธุํ อนีฬกนฺติ อิทํ ปนสฺส มธุรตาย โอปมฺมนิทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ. ขุทฺทมธุนฺติ ขุทฺทกมกฺขิกาหิ กตมธุ. อนีฬกนฺติ นิมฺมกฺขิกํ นิมฺมกฺขิกณฺฑกํ ปริสุทฺธํ. เอตํ กิร มธุ สพฺพมธูหิ อคฺคฺจ เสฏฺฺจ สุรสฺจ โอชวนฺตฺจ. เตนาห – ‘‘เสยฺยถาปิ ขุทฺทมธุํ อนีฬกํ เอวมสฺสาท’’นฺติ.
สาธาหํ ¶ , ภนฺเตติ สาธุ อหํ, ภนฺเต. เอตฺถ สาธูติ อายาจนวจนเมตํ. ปถวิปริวตฺตนํ อายาจนฺโต หิ เถโร ภควนฺตํ เอวมาห. ปริวตฺเตยฺยนฺติ อุกฺกุชฺเชยฺยํ, เหฏฺิมตลํ อุปริมํ กเรยฺยํ. กสฺมา? เอวฺหิ กเต สุเขน ภิกฺขู ปปฺปฏโกชํ ปถวิมณฺฑํ ปริภฺุชิสฺสนฺตีติ. อถ ภควา อนนฺุาตุกาโมปิ เถรํ สีหนาทํ นทาเปตุํ ปุจฺฉิ – ‘‘เย ปน เต, โมคฺคลฺลาน, ปถวินิสฺสิตา ปาณา เต กถํ กริสฺสสี’’ติ. เย ปถวินิสฺสิตา คามนิคมาทีสุ ปาณา, เต ปถวิยา ปริวตฺติยมานาย อากาเส ¶ สณฺาตุํ อสกฺโกนฺเต กถํ กริสฺสสิ, กตฺถ เปสฺสสีติ? อถ เถโร ภควตา เอตทคฺเค ปิตภาวานุรูปํ อตฺตโน อิทฺธานุภาวํ ปกาเสนฺโต ‘‘เอกาหํ, ภนฺเต’’ติอาทิมาห. ตสฺสตฺโถ – เอกํ อหํ ภนฺเต หตฺถํ ยถา อยํ มหาปถวี เอวํ อภินิมฺมินิสฺสามิ, ปถวิสทิสํ กริสฺสามิ. เอวํ กตฺวา เย ปถวินิสฺสิตา ปาณา เต เอกสฺมึ หตฺถตเล ิเต ปาเณ ตโต ทุติยหตฺถตเล สงฺกาเมนฺโต วิย ตตฺถ สงฺกาเมสฺสามีติ.
อถสฺส ภควา อายาจนํ ปฏิกฺขิปนฺโต ‘‘อลํ โมคฺคลฺลานา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อลนฺติ ปฏิกฺเขปวจนํ. วิปลฺลาสมฺปิ สตฺตา ปฏิลเภยฺยุนฺติ วิปรีตคฺคาหมฺปิ สตฺตา สมฺปาปุเณยฺยุํ. กถํ? อยํ นุ โข ปถวี ¶ , อุทาหุ น อยนฺติ. อถ วา อมฺหากํ นุ โข อยํ คาโม, อุทาหุ อฺเส’’นฺติ. เอวํ นิคมชนปทเขตฺตารามาทีสุ. น วา เอส วิปลฺลาโส, อจินฺเตยฺโย หิ อิทฺธิมโต อิทฺธิวิสโย. เอวํ ปน วิปลฺลาสํ ปฏิลเภยฺยุํ – อิทํ ทุพฺภิกฺขํ นาม น อิทานิเยว โหติ, อนาคเตปิ ภวิสฺสติ. ตทา ภิกฺขู ตาทิสํ อิทฺธิมนฺตํ สพฺรหฺมจารึ กุโต ลภิสฺสนฺติ? เต โสตาปนฺน-สกทาคามิ-อนาคามิ-สุกฺขวิปสฺสก-ฌานลาภิ-ปฏิสมฺภิทาปฺปตฺตขีณาสวาปิ สมานา อิทฺธิพลาภาวา ปรกุลานิ ปิณฺฑาย อุปสงฺกมิสฺสนฺติ. ตตฺร มนุสฺสานํ เอวํ ภวิสฺสติ – ‘‘พุทฺธกาเล ภิกฺขู สิกฺขาสุ ปริปูรการิโน อเหสุํ. เต คุเณ นิพฺพตฺเตตฺวา ทุพฺภิกฺขกาเล ปถวึ ปริวตฺเตตฺวา ปปฺปฏโกชํ ปริภฺุชึสุ. อิทานิ ปน สิกฺขาย ปริปูรการิโน นตฺถิ. ยทิ สิยุํ, ตเถว กเรยฺยุํ. น อมฺหากํ ยํ กิฺจิ ปกฺกํ วา อามํ วา ขาทิตุํ ทเทยฺยุ’’นฺติ. เอวํ เตสุเยว อริยปุคฺคเลสุ ‘‘นตฺถิ อริยปุคฺคลา’’ติ อิมํ วิปลฺลาสํ ปฏิลเภยฺยุํ. วิปลฺลาสวเสน จ อริเย ครหนฺตา อุปวทนฺตา อปายุปคา ภเวยฺยุํ. ตสฺมา มา เต รุจฺจิ ปถวึ ปริวตฺเตตุนฺติ.
อถ เถโร อิมํ ยาจนํ อลภมาโน อฺํ ยาจนฺโต ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติอาทิมาห. ตมฺปิสฺส ภควา ปฏิกฺขิปนฺโต ‘‘อลํ ¶ โมคฺคลฺลานา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ กิฺจาปิ น วุตฺตํ ‘‘วิปลฺลาสมฺปิ สตฺตา ปฏิลเภยฺยุ’’นฺติ, อถ โข ปุพฺเพ วุตฺตนเยเนว คเหตพฺพํ; อตฺโถปิ จสฺส วุตฺตสทิสเมว เวทิตพฺโพ. ยทิ ปน ภควา อนุชาเนยฺย, เถโร กึ กเรยฺยาติ? มหาสมุทฺทํ เอเกน ¶ ปทวีติหาเรน อติกฺกมิตพฺพํ มาติกามตฺตํ อธิฏฺหิตฺวา นเฬรุปุจิมนฺทโต อุตฺตรกุรุอภิมุขํ มคฺคํ นีหริตฺวา อุตฺตรกุรุํ คมนาคมนสมฺปนฺเน าเน กตฺวา ทสฺเสยฺย, ยถา ภิกฺขู โคจรคามํ วิย ยถาสุขํ ปิณฺฑาย ปวิสิตฺวา นิกฺขเมยฺยุนฺติ.
นิฏฺิตา มหาโมคฺคลฺลานสฺส สีหนาทกถา.
วินยปฺตฺติยาจนกถาวณฺณนา
๑๘. อิทานิ อายสฺมา อุปาลิ วินยปฺตฺติยา มูลโต ปภุติ นิทานํ ทสฺเสตุํ สาริปุตฺตตฺเถรสฺส สิกฺขาปทปฏิสํยุตฺตํ วิตกฺกุปฺปาทํ ทสฺเสนฺโต ¶ ‘‘อถ โข อายสฺมโต สาริปุตฺตสฺสา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ รโหคตสฺสาติ รหสิ คตสฺส. ปฏิสลฺลีนสฺสาติ สลฺลีนสฺส เอกีภาวํ คตสฺส. กตเมสานนฺติ อตีเตสุ วิปสฺสีอาทีสุ พุทฺเธสุ กตเมสํ. จิรํ อสฺส ิติ, จิรา วา อสฺส ิตีติ จิรฏฺิติกํ. เสสเมตฺถ อุตฺตานปทตฺถเมว.
กึ ปน เถโร อิมํ อตฺตโน ปริวิตกฺกํ สยํ วินิจฺฉินิตุํ น สกฺโกตีติ? วุจฺจเต – สกฺโกติ จ น สกฺโกติ จ. อยฺหิ อิเมสํ นาม พุทฺธานํ สาสนํ น จิรฏฺิติกํ อโหสิ, อิเมสํ จิรฏฺิติกนฺติ เอตฺตกํ สกฺโกติ วินิจฺฉินิตุํ. อิมินา ปน การเณน น จิรฏฺิติกํ อโหสิ, อิมินา จิรฏฺิติกนฺติ เอตํ น สกฺโกติ. มหาปทุมตฺเถโร ปนาห – ‘‘เอตมฺปิ โสฬสวิธาย ปฺาย มตฺถกํ ปตฺตสฺส อคฺคสาวกสฺส น ภาริยํ, สมฺมาสมฺพุทฺเธน ปน สทฺธึ เอกฏฺาเน วสนฺตสฺส สยํ วินิจฺฉยกรณํ ตุลํ ฉฑฺเฑตฺวา หตฺเถน ตุลนสทิสํ โหตีติ ภควนฺตํเยว อุปสงฺกมิตฺวา ปุจฺฉี’’ติ. อถสฺส ภควา ตํ วิสฺสชฺเชนฺโต ‘‘ภควโต จ สาริปุตฺต วิปสฺสิสฺสา’’ติอาทิมาห. ตํ อุตฺตานตฺถเมว.
๑๙. ปุน เถโร การณํ ปุจฺฉนฺโต โก นุ โข, ภนฺเต, เหตูติอาทิมาห. ตตฺถ โก นุ โข ภนฺเตติ การณปุจฺฉา ¶ , ตสฺส กตโม นุ โข ภนฺเตติ อตฺโถ. เหตุ ปจฺจโยติ อุภยเมตํ การณาธิวจนํ; การณฺหิ ยสฺมา เตน ตสฺส ผลํ หิโนติ ปวตฺตติ, ตสฺมา เหตูติ วุจฺจติ. ยสฺมา ตํ ปฏิจฺจ เอติ ปวตฺตติ, ตสฺมา ปจฺจโยติ วุจฺจติ. เอวํ อตฺถโต เอกมฺปิ โวหารวเสน จ วจนสิลิฏฺตาย จ ตตฺร ตตฺร เอตํ อุภยมฺปิ วุจฺจติ. เสสเมตฺถ อุตฺตานตฺถเมว.
อิทานิ ¶ ตํ เหตฺุจ ปจฺจยฺจ ทสฺเสตุํ ‘‘ภควา จ สาริปุตฺต วิปสฺสี’’ติอาทิมาห. ตตฺถ กิลาสุโน อเหสุนฺติ น อาลสิยกิลาสุโน, น หิ พุทฺธานํ อาลสิยํ วา โอสนฺนวีริยตา วา อตฺถิ. พุทฺธา หิ เอกสฺส วา ทฺวินฺนํ วา สกลจกฺกวาฬสฺส วา ธมฺมํ เทเสนฺตา สมเกเนว อุสฺสาเหน ธมฺมํ เทเสนฺติ, น ปริสาย อปฺปภาวํ ทิสฺวา โอสนฺนวีริยา โหนฺติ, นาปิ มหนฺตภาวํ ทิสฺวา อุสฺสนฺนวีริยา. ยถา หิ สีโห มิคราชา สตฺตนฺนํ ทิวสานํ อจฺจเยน โคจราย ปกฺกนฺโต ขุทฺทเก วา มหนฺเต วา ¶ ปาเณ เอกสทิเสเนว เวเคน ธาวติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ‘‘มา เม ชโว ปริหายี’’ติ. เอวํ พุทฺธา อปฺปกาย วา มหติยา วา ปริสาย สมเกเนว อุสฺสาเหน ธมฺมํ เทเสนฺติ. ตํ กิสฺส เหตุ? ‘‘มา โน ธมฺมครุตา ปริหายี’’ติ. ธมฺมครุโน หิ พุทฺธา ธมฺมคารวาติ.
ยถา ปน อมฺหากํ ภควา มหาสมุทฺทํ ปูรยมาโน วิย วิตฺถาเรน ธมฺมํ เทเสสิ, เอวํ เต น เทเสสุํ. กสฺมา? สตฺตานํ อปฺปรชกฺขตาย. เตสํ กิร กาเล ทีฆายุกา สตฺตา อปฺปรชกฺขา อเหสุํ. เต จตุสจฺจปฏิสํยุตฺตํ เอกคาถมฺปิ สุตฺวา ธมฺมํ อภิสเมนฺติ, ตสฺมา น วิตฺถาเรน ธมฺมํ เทเสสุํ. เตเนว การเณน อปฺปกฺจ เนสํ อโหสิ สุตฺตํ…เป… เวทลฺลนฺติ. ตตฺถ สุตฺตาทีนํ นานตฺตํ ปมสงฺคีติวณฺณนายํ วุตฺตเมว.
อปฺตฺตํ สาวกานํ สิกฺขาปทนฺติ สาวกานํ นิทฺโทสตาย โทสานุรูปโต ปฺเปตพฺพํ สตฺตาปตฺติกฺขนฺธวเสน อาณาสิกฺขาปทํ อปฺตฺตํ. อนุทฺทิฏฺํ ¶ ปาติโมกฺขนฺติ อนฺวทฺธมาสํ อาณาปาติโมกฺขํ อนุทฺทิฏฺํ อโหสิ. โอวาทปาติโมกฺขเมว เต อุทฺทิสึสุ; ตมฺปิ จ โน อนฺวทฺธมาสํ. ตถา หิ วิปสฺสี ภควา ฉนฺนํ ฉนฺนํ วสฺสานํ สกึ สกึ โอวาทปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิ; ตฺจ โข สามํเยว. สาวกา ปนสฺส อตฺตโน อตฺตโน วสนฏฺาเนสุ น อุทฺทิสึสุ. สกลชมฺพุทีเป เอกสฺมึเยว าเน พนฺธุมติยา ราชธานิยา เขเม มิคทาเย วิปสฺสิสฺส ภควโต วสนฏฺาเน สพฺโพปิ ภิกฺขุสงฺโฆ อุโปสถํ อกาสิ. ตฺจ โข สงฺฆุโปสถเมว; น คณุโปสถํ, น ปุคฺคลุโปสถํ, น ปาริสุทฺธิอุโปสถํ, น อธิฏฺานุโปสถํ.
ตทา กิร ชมฺพุทีเป จตุราสีติวิหารสหสฺสานิ โหนฺติ. เอกเมกสฺมึ วิหาเร อพฺโพกิณฺณานิ ทสปิ วีสติปิ ภิกฺขุสหสฺสานิ วสนฺติ, ภิยฺโยปิ วสนฺติ. อุโปสถาโรจิกา เทวตา ตตฺถ ตตฺถ คนฺตฺวา อาโรเจนฺติ – ‘‘มาริสา, เอกํ วสฺสํ อติกฺกนฺตํ, ทฺเว ตีณิ จตฺตาริ ปฺจ วสฺสานิ อติกฺกนฺตานิ, อิทํ ฉฏฺํ วสฺสํ, อาคามินิยา ปุณฺณมาสิยา พุทฺธทสฺสนตฺถํ อุโปสถกรณตฺถฺจ คนฺตพฺพํ! สมฺปตฺโต โว สนฺนิปาตกาโล’’ติ. ตโต ¶ สานุภาวา ภิกฺขู อตฺตโน อตฺตโน อานุภาเวน คจฺฉนฺติ, อิตเร เทวตานุภาเวน. กถํ? เต กิร ภิกฺขู ปาจีนสมุทฺทนฺเต วา ปจฺฉิมอุตฺตรทกฺขิณสมุทฺทนฺเต วา ิตา คมิยวตฺตํ ปูเรตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ‘‘คจฺฉามา’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทนฺติ; สห จิตฺตุปฺปาทา อุโปสถคฺคํ คตาว ¶ โหนฺติ. เต วิปสฺสึ สมฺมาสมฺพุทฺธํ อภิวาเทตฺวา นิสีทนฺติ. ภควาปิ สนฺนิสินฺนาย ปริสาย อิมํ โอวาทปาติโมกฺขํ อุทฺทิสติ.
‘‘ขนฺตี ปรมํ ตโป ติติกฺขา;
นิพฺพานํ ปรมํ วทนฺติ พุทฺธา;
น หิ ปพฺพชิโต ปรูปฆาตี;
น สมโณ โหติ ปรํ วิเหยนฺโต.
‘‘สพฺพปาปสฺส อกรณํ, กุสลสฺส อุปสมฺปทา;
สจิตฺตปริโยทปนํ, เอตํ พุทฺธาน สาสนํ.
‘‘อนุปวาโท ¶ อนุปฆาโต, ปาติโมกฺเข จ สํวโร;
มตฺตฺุตา จ ภตฺตสฺมึ, ปนฺตฺจ สยนาสนํ;
อธิจิตฺเต จ อาโยโค, เอตํ พุทฺธาน สาสน’’นฺติ. (ที. นิ. ๒.๙๐; ธ. ป. ๑๘๓-๑๘๕);
เอเตเนว อุปาเยน อิตเรสมฺปิ พุทฺธานํ ปาติโมกฺขุทฺเทโส เวทิตพฺโพ. สพฺพพุทฺธานฺหิ อิมา ติสฺโสว โอวาทปาติโมกฺขคาถาโย โหนฺติ. ตา ทีฆายุกพุทฺธานํ ยาว สาสนปริยนฺตา อุทฺเทสมาคจฺฉนฺติ; อปฺปายุกพุทฺธานํ ปมโพธิยํเยว. สิกฺขาปทปฺตฺติกาลโต ปน ปภุติ อาณาปาติโมกฺขเมว อุทฺทิสียติ. ตฺจ โข ภิกฺขู เอว อุทฺทิสนฺติ, น พุทฺธา. ตสฺมา อมฺหากมฺปิ ภควา ปมโพธิยํ วีสติวสฺสมตฺตเมว อิทํ โอวาทปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิ. อเถกทิวสํ ปุพฺพาราเม มิคารมาตุปาสาเท นิสินฺโน ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘น ทานาหํ, ภิกฺขเว, อิโต ปรํ อุโปสถํ กริสฺสามิ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิสฺสามิ, ตุมฺเหว ทานิ ภิกฺขเว อิโต ปรํ อุโปสถํ กเรยฺยาถ, ปาติโมกฺขํ อุทฺทิเสยฺยาถ. อฏฺานเมตํ, ภิกฺขเว, อนวกาโส ยํ ตถาคโต อปริสุทฺธาย ปริสาย อุโปสถํ กเรยฺย, ปาติโมกฺขํ อุทฺทิเสยฺยา’’ติ (จูฬว. ๓๘๖). ตโต ปฏฺาย ภิกฺขู อาณาปาติโมกฺขํ อุทฺทิสนฺติ. อิทํ อาณาปาติโมกฺขํ เตสํ อนุทฺทิฏฺํ อโหสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อนุทฺทิฏฺํ ปาติโมกฺข’’นฺติ.
เตสํ ¶ พุทฺธานนฺติ เตสํ วิปสฺสีอาทีนํ ติณฺณํ พุทฺธานํ. อนฺตรธาเนนาติ ขนฺธนฺตรธาเนน; ปรินิพฺพาเนนาติ วุตฺตํ โหติ. พุทฺธานุพุทฺธานนฺติ เย เตสํ พุทฺธานํ อนุพุทฺธา สมฺมุขสาวกา เตสฺจ ขนฺธนฺตรธาเนน. เย เต ปจฺฉิมา สาวกาติ ¶ เย เตสํ สมฺมุขสาวกานํ สนฺติเก ปพฺพชิตา ปจฺฉิมา สาวกา. นานานามาติ ‘‘พุทฺธรกฺขิโต, ธมฺมรกฺขิโต’’ติอาทิ นามวเสน วิวิธนามา. นานาโคตฺตาติ ‘‘โคตโม, โมคฺคลฺลาโน’’ติอาทิ โคตฺตวเสน วิวิธโคตฺตา. นานาชจฺจาติ ‘‘ขตฺติโย, พฺราหฺมโณ’’ติอาทิชาติวเสน นานาชจฺจา. นานากุลา ปพฺพชิตาติ ขตฺติยกุลาทิวเส เนว อุจฺจนีจอุฬารุฬารโภคาทิกุลวเสน วา วิวิธกุลา นิกฺขมฺม ปพฺพชิตา.
เต ตํ พฺรหฺมจริยนฺติ เต ปจฺฉิมา สาวกา ¶ ยสฺมา เอกนามา เอกโคตฺตา เอกชาติกา เอกกุลา ปพฺพชิตา ‘‘อมฺหากํ สาสนํ ตนฺติ ปเวณี’’ติ อตฺตโน ภารํ กตฺวา พฺรหฺมจริยํ รกฺขนฺติ, จิรํ ปริยตฺติธมฺมํ ปริหรนฺติ. อิเม จ ตาทิสา น โหนฺติ. ตสฺมา อฺมฺํ วิเหเนฺตา วิโลมํ คณฺหนฺตา ‘‘อสุโก เถโร ชานิสฺสติ, อสุโก เถโร ชานิสฺสตี’’ติ สิถิลํ กโรนฺตา ตํ พฺรหฺมจริยํ ขิปฺปฺเว อนฺตรธาเปสุํ, สงฺคหํ อาโรเปตฺวา น รกฺขึสุ. เสยฺยถาปีติ ตสฺสตฺถสฺส โอปมฺมนิทสฺสนํ. วิกิรตีติ วิกฺขิปติ. วิธมตีติ านนฺตรํ เนติ. วิทฺธํเสตีติ ิตฏฺานโต อปเนติ. ยถา ตํ สุตฺเตน อสงฺคหิตตฺตาติ ยถา สุตฺเตน อสงฺคหิตตฺตา อคนฺถิตตฺตา อพทฺธตฺตา เอวํ วิกิรติ ยถา สุตฺเตน อสงฺคหิตานิ วิกิริยนฺติ, เอวํ วิกิรตีติ วุตฺตํ โหติ. เอวเมว โขติ โอปมฺมสมฺปฏิปาทนํ. อนฺตรธาเปสุนฺติ วคฺคสงฺคห-ปณฺณาสสงฺคหาทีหิ อสงฺคณฺหนฺตา ยํ ยํ อตฺตโน รุจฺจติ, ตํ ตเทว คเหตฺวา เสสํ วินาเสสุํ อทสฺสนํ นยึสุ.
อกิลาสุโน จ เต ภควนฺโต อเหสุํ สาวเก เจตสา เจโต ปริจฺจ โอวทิตุนฺติ อปิจ สาริปุตฺต เต พุทฺธา อตฺตโน เจตสา สาวกานํ เจโต ปริจฺจ ปริจฺฉินฺทิตฺวา โอวทิตุํ อกิลาสุโน อเหสุํ, ปรจิตฺตํ ตฺวา อนุสาสนึ น ภาริยโต น ปปฺจโต อทฺทสํสุ. ภูตปุพฺพํ สาริปุตฺตาติอาทิ เตสํ อกิลาสุภาวปฺปกาสนตฺถํ วุตฺตํ. ภึสนเกติ ภยานเก ภยชนนเก. เอวํ วิตกฺเกถาติ เนกฺขมฺมวิตกฺกาทโย ตโย วิตกฺเก วิตกฺเกถ. มา เอวํ วิตกฺกยิตฺถาติ กามวิตกฺกาทโย ตโย อกุสลวิตกฺเก มา วิตกฺกยิตฺถ. เอวํ มนสิ กโรถาติ ‘‘อนิจฺจํ ทุกฺขมนตฺตา อสุภ’’นฺติ มนสิ กโรถ. มา เอวํ มนสา ¶ กตฺถาติ ‘‘นิจฺจํ สุขํ อตฺตา สุภ’’นฺติ มา มนสิ อกริตฺถ. อิทํ ปชหถาติ อกุสลํ ปชหถ. อิทํ อุปสมฺปชฺช วิหรถาติ กุสลํ อุปสมฺปชฺช ปฏิลภิตฺวา นิปฺผาเทตฺวา วิหรถ.
อนุปาทาย ¶ ¶ อาสเวหิ จิตฺตานิ วิมุจฺจึสูติ อคฺคเหตฺวา วิมุจฺจึสุ. เตสฺหิ จิตฺตานิ เยหิ อาสเวหิ วิมุจฺจึสุ, น เต ตานิ คเหตฺวา วิมุจฺจึสุ. อนุปฺปาทนิโรเธน ปน นิรุชฺฌมานา อคฺคเหตฺวา วิมุจฺจึสุ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อนุปาทาย อาสเวหิ จิตฺตานิ วิมุจฺจึสู’’ติ. สพฺเพปิ เต อรหตฺตํ ปตฺวา สูริยรสฺมิสมฺผุฏฺมิว ปทุมวนํ วิกสิตจิตฺตา อเหสุํ. ตตฺร สุทํ สาริปุตฺต ภึสนกสฺส วนสณฺฑสฺส ภึสนกตสฺมึ โหตีติ ตตฺราติ ปุริมวจนาเปกฺขํ; สุทนฺติ ปทปูรณมตฺเต นิปาโต; สาริปุตฺตาติ อาลปนํ. อยํ ปเนตฺถ อตฺถโยชนา – ตตฺราติ ยํ วุตฺตํ ‘‘อฺตรสฺมึ ภึสนเก วนสณฺเฑ’’ติ, ตตฺร โย โส ภึสนโกติ วนสณฺโฑ วุตฺโต, ตสฺส ภึสนกสฺส วนสณฺฑสฺส ภึสนกตสฺมึ โหติ, ภึสนกิริยาย โหตีติ อตฺโถ. กึ โหติ? อิทํ โหติ – โย โกจิ อวีตราโค…เป… โลมานิ หํสนฺตีติ.
อถ วา ตตฺราติ สามิอตฺเถ ภุมฺมํ. สุอิติ นิปาโต; ‘‘กึ สุ นาม เต โภนฺโต สมณพฺราหฺมณา’’ติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๔๖๙) วิย. อิทนฺติ อธิปฺเปตมตฺถํ ปจฺจกฺขํ วิย กตฺวา ทสฺสนวจนํ. สุอิทนฺติ สุทํ, สนฺธิวเสน อิการโลโป เวทิตพฺโพ. ‘‘จกฺขุนฺทฺริยํ, อิตฺถินฺทฺริยํ, อนฺาตฺสฺสามีตินฺทฺริยํ (วิภ. ๒๑๙), ‘‘กึ สูธ วิตฺต’’นฺติอาทีสุ (สํ. นิ. ๑.๗๓, ๒๔๖; สุ. นิ. ๑๘๓) วิย. อยํ ปเนตฺถ อตฺถโยชนา – ตสฺส สาริปุตฺต ภึสนกสฺส วนสณฺฑสฺส ภึสนกตสฺมึ อิทํสุ โหติ. ภึสนกตสฺมินฺติ ภึสนกภาเวติ อตฺโถ. เอกสฺส ตการสฺส โลโป ทฏฺพฺโพ. ภึสนกตฺตสฺมินฺติเยว วา ปาโ. ‘‘ภึสนกตาย’’ อิติ วา วตฺตพฺเพ ลิงฺควิปลฺลาโส กโต. นิมิตฺตตฺเถ เจตํ ภุมฺมวจนํ, ตสฺมา เอวํ สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ – ภึสนกภาเว อิทํสุ โหติ, ภึสนกภาวนิมิตฺตํ ภึสนกภาวเหตุ ภึสนกภาวปจฺจยา อิทํสุ โหติ. โย โกจิ อวีตราโค ตํ วนสณฺฑํ ปวิสติ, เยภุยฺเยน โลมานิ หํสนฺตีติ พหุตรานิ โลมานิ หํสนฺติ อุทฺธํ มุขานิ สูจิสทิสานิ กณฺฏกสทิสานิ จ หุตฺวา ติฏฺนฺติ, อปฺปานิ น หํสนฺติ. พหุตรานํ วา สตฺตานํ หํสนฺติ. อปฺปกานํ อติสูรปุริสานํ น หํสนฺติ.
อิทานิ ¶ ¶ อยํ โข, สาริปุตฺต, เหตูติอาทิ นิคมนํ. ยฺเจตฺถ อนฺตรนฺตรา น วุตฺตํ, ตํ อุตฺตานตฺถเมว. ตสฺมา ปาฬิกฺกเมเนว เวทิตพฺพํ. ยํ ปน วุตฺตํ น จิรฏฺิติกํ อโหสีติ, ตํ ปุริสยุควเสน วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. วสฺสคณนาย หิ วิปสฺสิสฺส ภควโต อสีติวสฺสสหสฺสานิ อายุ, สมฺมุขสาวกานมฺปิสฺส ตตฺตกเมว. เอวมสฺส ยฺวายํ สพฺพปจฺฉิมโก สาวโก, เตน สห ฆเฏตฺวา สตสหสฺสํ สฏฺิมตฺตานิ จ วสฺสสหสฺสานิ พฺรหฺมจริยํ ¶ อฏฺาสิ. ปุริสยุควเสน ปน ยุคปรมฺปราย อาคนฺตฺวา ทฺเวเยว ปุริสยุคานิ อฏฺาสิ. ตสฺมา น จิรฏฺิติกนฺติ วุตฺตํ. สิขิสฺส ปน ภควโต สตฺตติวสฺสสหสฺสานิ อายุ. สมฺมุขสาวกานมฺปิสฺส ตตฺตกเมว. เวสฺสภุสฺส ภควโต สฏฺิวสฺสสหสฺสานิ อายุ. สมฺมุขสาวกานมฺปิสฺส ตตฺตกเมว. เอวํ เตสมฺปิ เย สพฺพปจฺฉิมกา สาวกา เตหิ สห ฆเฏตฺวา สตสหสฺสโต อุทฺธํ จตฺตาลีสมตฺตานิ วีสติมตฺตานิ จ วสฺสสหสฺสานิ พฺรหฺมจริยํ อฏฺาสิ. ปุริสยุควเสน ปน ยุคปรมฺปราย อาคนฺตฺวา ทฺเว ทฺเวเยว ปุริสยุคานิ อฏฺาสิ. ตสฺมา น จิรฏฺิติกนฺติ วุตฺตํ.
๒๐. เอวํ อายสฺมา สาริปุตฺโต ติณฺณํ พุทฺธานํ พฺรหฺมจริยสฺส น จิรฏฺิติการณํ สุตฺวา อิตเรสํ ติณฺณํ พฺรหฺมจริยสฺส จิรฏฺิติการณํ โสตุกาโม ปุน ภควนฺตํ ‘‘โก ปน ภนฺเต เหตู’’ติ อาทินา นเยน ปุจฺฉิ. ภควาปิสฺส พฺยากาสิ. ตํ สพฺพํ วุตฺตปฏิปกฺขวเสน เวทิตพฺพํ. จิรฏฺิติกภาเวปิ เจตฺถ เตสํ พุทฺธานํ อายุปริมาณโตปิ ปุริสยุคโตปิ อุภยถา จิรฏฺิติกตา เวทิตพฺพา. กกุสนฺธสฺส หิ ภควโต จตฺตาลีสวสฺสสหสฺสานิ อายุ, โกณาคมนสฺส ภควโต ตึสวสฺสสหสฺสานิ, กสฺสปสฺส ภควโต วีสติวสฺสสหสฺสานิ; สมฺมุขสาวกานมฺปิ เนสํ ตตฺตกเมว. พหูนิ จ เนสํ สาวกยุคานิ ปรมฺปราย พฺรหฺมจริยํ ปวตฺเตสุํ. เอวํ เตสํ อายุปริมาณโตปิ สาวกยุคโตปิ อุภยถา พฺรหฺมจริยํ จิรฏฺิติกํ อโหสิ.
อมฺหากํ ปน ภควโต กสฺสปสฺส ภควโต อุปฑฺฒายุกปฺปมาเณ ทสวสฺสสหสฺสายุกกาเล ¶ อุปฺปชฺชิตพฺพํ สิยา. ตํ อสมฺภุณนฺเตน ปฺจวสฺสสหสฺสายุกกาเล, เอกวสฺสสหสฺสายุกกาเล, ปฺจวสฺสสตายุกกาเลปิ วา อุปฺปชฺชิตพฺพํ สิยา. ยสฺมา ปนสฺส พุทฺธตฺตการเก ธมฺเม เอสนฺตสฺส ปริเยสนฺตสฺส าณํ ปริปาเจนฺตสฺส คพฺภํ คณฺหาเปนฺตสฺส วสฺสสตายุกกาเล ¶ าณํ ปริปากมคมาสิ. ตสฺมา อติปริตฺตายุกกาเล อุปฺปนฺโน. เตนสฺส สาวกปรมฺปราวเสน จิรฏฺิติกมฺปิ พฺรหฺมจริยํ อายุปริมาณวเสน วสฺสคณนาย นจิรฏฺิติกเมวาติ วตฺตุํ วฏฺฏติ.
๒๑. อถ โข อายสฺมา สาริปุตฺโตติ โก อนุสนฺธิ? เอวํ ติณฺณํ พุทฺธานํ พฺรหฺมจริยสฺส จิรฏฺิติการณํ สุตฺวา สิกฺขาปทปฺตฺติเยว จิรฏฺิติกภาวเหตูติ นิฏฺํ คนฺตฺวา ภควโตปิ พฺรหฺมจริยสฺส จิรฏฺิติกภาวํ อิจฺฉนฺโต อายสฺมา สาริปุตฺโต ภควนฺตํ สิกฺขาปทปฺตฺตึ ยาจิ. ตสฺสา ยาจนวิธิทสฺสนตฺถเมตํ วุตฺตํ – อถ โข อายสฺมา สาริปุตฺโต อุฏฺายาสนา ¶ …เป… จิรฏฺิติกนฺติ. ตตฺถ อทฺธนิยนฺติ อทฺธานกฺขมํ; ทีฆกาลิกนฺติ วุตฺตํ โหติ. เสสํ อุตฺตานตฺถเมว.
อถสฺส ภควา ‘‘น ตาวายํ สิกฺขาปทปฺตฺติกาโล’’ติ ปกาเสนฺโต ‘‘อาคเมหิ ตฺวํ สาริปุตฺตา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อาคเมหิ ตฺวนฺติ ติฏฺ ตาว ตฺวํ; อธิวาเสหิ ตาว ตฺวนฺติ วุตฺตํ โหติ. อาทรตฺถวเสเนเวตฺถ ทฺวิกฺขตฺตุํ วุตฺตํ. เอเตน ภควา สิกฺขาปทปฺตฺติยา สาวกานํ วิสยภาวํ ปฏิกฺขิปิตฺวา ‘‘พุทฺธวิสโยว สิกฺขาปทปฺตฺตี’’ติ อาวิกโรนฺโต ‘‘ตถาคโต วา’’ติอาทิมาห. เอตฺถ จ ตตฺถาติ สิกฺขาปทปฺตฺติยาจนาเปกฺขํ ภุมฺมวจนํ. ตตฺรายํ โยชนา – ยํ วุตฺตํ ‘‘สิกฺขาปทํ ปฺเปยฺยา’’ติ, ตตฺถ ตสฺสา สิกฺขาปทปฺตฺติยา ตถาคโตเยว กาลํ ชานิสฺสตีติ. เอวํ วตฺวา อกาลํ ตาว ทสฺเสตุํ ‘‘น ตาว สาริปุตฺตา’’ติอาทิมาห.
ตตฺถ อาสวา ติฏฺนฺติ เอเตสูติ อาสวฏฺานียา. เยสุ ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกา ทุกฺขาสวา กิเลสาสวา จ ปรูปวาทวิปฺปฏิสารวธพนฺธนาทโย เจว อปายทุกฺขวิเสสภูตา จ อาสวา ติฏฺนฺติเยว, ยสฺมา เนสํ ¶ เต การณํ โหนฺตีติ อตฺโถ. เต อาสวฏฺานียา วีติกฺกมธมฺมา ยาว น สงฺเฆ ปาตุภวนฺติ, น ตาว สตฺถา สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปฺเปตีติ อยเมตฺถ โยชนา. ยทิ หิ ปฺเปยฺย, ปรูปวาทา ปรูปารมฺภา ครหโทสา น ปริมุจฺเจยฺย.
กถํ? ปฺเปนฺเตน หิ ‘‘โย ปน ภิกฺขุ เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสเวยฺยา’’ติอาทิ สพฺพํ ปฺเปตพฺพํ ภเวยฺย. อทิสฺวาว วีติกฺกมโทสํ อิมํ ปฺตฺตึ ตฺวา ¶ ปเร เอวํ อุปวาทฺจ อุปารมฺภฺจ ครหฺจ ปวตฺเตยฺยุํ – ‘‘กถฺหิ นาม สมโณ โคตโม ภิกฺขุสงฺโฆ เม อนฺวายิโก วจนกโรติ เอตฺตาวตา สิกฺขาปเทหิ ปลิเวเสฺสติ, ปาราชิกํ ปฺเปสฺสติ? นนุ อิเม กุลปุตฺตา มหนฺตํ โภคกฺขนฺธํ มหนฺตฺจ าติปริวฏฺฏํ หตฺถคตานิ จ รชฺชานิปิ ปหาย ปพฺพชิตา, ฆาสจฺฉาทนปรมตาย สนฺตุฏฺา, สิกฺขาย ติพฺพคารวา, กาเย จ ชีวิเต จ นิรเปกฺขา วิหรนฺติ. เตสุ นาม โก โลกามิสภูตํ เมถุนํ วา ปฏิเสวิสฺสติ, ปรภณฺฑํ วา หริสฺสติ, ปรสฺส วา อิฏฺํ กนฺตํ อติมธุรํ ชีวิตํ อุปจฺฉินฺทิสฺสติ, อภูตคุณกถาย วา ชีวิตํ กปฺเปสฺสติ! นนุ ปาราชิเก อปฺตฺเตปิ ปพฺพชฺชาสงฺเขเปเนเวตํ ปากฏํ กต’’นฺติ. ตถาคตสฺส จ ถามฺจ พลฺจ สตฺตา น ชาเนยฺยุํ. ปฺตฺตมฺปิ สิกฺขาปทํ กุปฺเปยฺย, น ยถาาเน ติฏฺเยฺย. เสยฺยถาปิ นาม อกุสโล เวชฺโช กฺจิ อนุปฺปนฺนคณฺฑํ ปุริสํ ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘เอหิ โภ ปุริส, อิมสฺมึ เต สรีรปฺปเทเส มหาคณฺโฑ อุปฺปชฺชิตฺวา อนยพฺยสนํ ¶ ปาเปสฺสติ, ปฏิกจฺเจว นํ ติกิจฺฉาเปหี’’ติ วตฺวา ‘‘สาธาจริย, ตฺวํเยว นํ ติกิจฺฉสฺสู’’ติ วุตฺโต ตสฺส อโรคํ สรีรปฺปเทสํ ผาเลตฺวา โลหิตํ นีหริตฺวา อาเลปนพนฺธนโธวนาทีหิ ตํ ปเทสํ สฺฉวึ กตฺวา ตํ ปุริสํ วเทยฺย – ‘‘มหาโรโค เต มยา ติกิจฺฉิโต, เทหิ เม เทยฺยธมฺม’’นฺติ. โส ตํ ‘‘กิมยํ พาลเวชฺโช วทติ? กตโร กิร เม อิมินา โรโค ติกิจฺฉิโต? นนุ เม อยํ ทุกฺขฺจ ชเนติ, โลหิตกฺขยฺจ มํ ปาเปตี’’ติ เอวํ อุปวเทยฺย เจว อุปารมฺเภยฺย ¶ จ ครเหยฺย จ, น จสฺส คุณํ ชาเนยฺย. เอวเมว ยทิ อนุปฺปนฺเน วีติกฺกมโทเส สตฺถา สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปฺเปยฺย, ปรูปวาทาทีหิ จ น ปริมุจฺเจยฺย, น จสฺส ถามํ วา พลํ วา สตฺตา ชาเนยฺยุํ, ปฺตฺตมฺปิ สิกฺขาปทํ กุปฺเปยฺย, น ยถาาเน ติฏฺเยฺย. ตสฺมา วุตฺตํ – ‘‘น ตาว สาริปุตฺต สตฺถา สาวกานํ…เป… ปาตุภวนฺตี’’ติ.
เอวํ อกาลํ ทสฺเสตฺวา ปุน กาลํ ทสฺเสตุํ ‘‘ยโต จ โข สาริปุตฺตา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ยโตติ ยทา; ยสฺมึ กาเลติ วุตฺตํ โหติ. เสสํ วุตฺตานุสาเรเนว เวทิตพฺพํ. อยํ วา เหตฺถ สงฺเขปตฺโถ – ยสฺมึ สมเย ‘‘อาสวฏฺานียา ธมฺมา’’ติ สงฺขฺยํ คตา วีติกฺกมโทสา สงฺเฆ ปาตุภวนฺติ, ตทา สตฺถา สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปฺเปติ, อุทฺทิสติ ปาติโมกฺขํ. กสฺมา? เตสํเยว ‘‘อาสวฏฺานียา ธมฺมา’’ติ สงฺขฺยํ ¶ คตานํ วีติกฺกมโทสานํ ปฏิฆาตาย. เอวํ ปฺเปนฺโต ยถา นาม กุสโล เวชฺโช อุปฺปนฺนํ คณฺฑํ ผาลนเลปนพนฺธนโธวนาทีหิ ติกิจฺฉนฺโต โรคํ วูปสเมตฺวา สฺฉวึ กตฺวา น ตฺเวว อุปวาทาทิรโห โหติ, สเก จ อาจริยเก วิทิตานุภาโว หุตฺวา สกฺการํ ปาปุณาติ; เอวํ น จ อุปวาทาทิรโห โหติ, สเก จ สพฺพฺุวิสเย วิทิตานุภาโว หุตฺวา สกฺการํ ปาปุณาติ. ตฺจสฺส สิกฺขาปทํ อกุปฺปํ โหติ, ยถาาเน ติฏฺตีติ.
เอวํ อาสวฏฺานียานํ ธมฺมานํ อนุปฺปตฺตึ สิกฺขาปทปฺตฺติยา อกาลํ อุปฺปตฺติฺจ กาลนฺติ วตฺวา อิทานิ เตสํ ธมฺมานํ อนุปฺปตฺติกาลฺจ อุปฺปตฺติกาลฺจ ทสฺเสตุํ ‘‘น ตาว สาริปุตฺต อิเธกจฺเจ’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อุตฺตานตฺถานิ ปทานิ ปาฬิวเสเนว เวทิตพฺพานิ. อยํ ปน อนุตฺตานปทวณฺณนา – รตฺติโย ชานนฺตีติ รตฺตฺู, อตฺตโน ปพฺพชิตทิวสโต ปฏฺาย พหุกา รตฺติโย ชานนฺติ, จิรปพฺพชิตาติ วุตฺตํ โหติ. รตฺตฺูหิ มหตฺตํ รตฺตฺุมหตฺตํ; จิรปพฺพชิเตหิ มหนฺตภาวนฺติ อตฺโถ. ตตฺร รตฺตฺุมหตฺตํ ปตฺเต สงฺเฆ ¶ อุปเสนํ วงฺคนฺตปุตฺตํ อารพฺภ สิกฺขาปทํ ปฺตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ. โส หายสฺมา อูนทสวสฺเส ภิกฺขู อุปสมฺปาเทนฺเต ทิสฺวา เอกวสฺโส สทฺธิวิหาริกํ อุปสมฺปาเทสิ. อถ ภควา สิกฺขาปทํ ปฺเปสิ – ‘‘น, ภิกฺขเว ¶ , อูนทสวสฺเสน อุปสมฺปาเทตพฺโพ. โย อุปสมฺปาเทยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (มหาว. ๗๕). เอวํ ปฺตฺเต สิกฺขาปเท ปุน ภิกฺขู ‘‘ทสวสฺสามฺห ทสวสฺสามฺหา’’ติ พาลา อพฺยตฺตา อุปสมฺปาเทนฺติ. อถ ภควา อปรมฺปิ สิกฺขาปทํ ปฺาเปสิ – ‘‘น, ภิกฺขเว, พาเลน อพฺยตฺเตน อุปสมฺปาเทตพฺโพ. โย อุปสมฺปาเทยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺส. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, พฺยตฺเตน ภิกฺขุนา ปฏิพเลน ทสวสฺเสน วา อติเรกทสวสฺเสน วา อุปสมฺปาเทตุ’’นฺติ (มหาว. ๗๖) รตฺตฺุมหตฺตํ ปตฺตกาเล ทฺเว สิกฺขาปทานิ ปฺตฺตานิ.
เวปุลฺลมหตฺตนฺติ วิปุลภาเวน มหตฺตํ. สงฺโฆ หิ ยาว น เถรนวมชฺฌิมานํ วเสน เวปุลฺลมหตฺตํ ปตฺโต โหติ, ตาว เสนาสนานิ ปโหนฺติ. สาสเน เอกจฺเจ อาสวฏฺานียา ธมฺมา น อุปฺปชฺชนฺติ. เวปุลฺลมหตฺตํ ปน ปตฺเต เต อุปฺปชฺชนฺติ. อถ สตฺถา สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปฺเปติ. ตตฺถ เวปุลฺลมหตฺตํ ปตฺเต สงฺเฆ ปฺตฺตสิกฺขาปทานิ ‘‘โย ปน ภิกฺขุ อนุปสมฺปนฺเนน อุตฺตริ ทิรตฺตติรตฺตํ สหเสยฺยํ กปฺเปยฺย, ปาจิตฺติยํ’’ ¶ (ปาจิ. ๕๑); ‘‘ยา ปน ภิกฺขุนี อนุวสฺสํ วุฏฺาเปยฺย, ปาจิตฺติยํ’’ (ปาจิ. ๑๑๗๑); ‘‘ยา ปน ภิกฺขุนี เอกํ วสฺสํ ทฺเว วุฏฺาเปยฺย, ปาจิตฺติย’’นฺติ (ปาจิ. ๑๑๗๕) อิมินา นเยน เวทิตพฺพานิ.
ลาภคฺคมหตฺตนฺติ ลาภสฺส อคฺคมหตฺตํ; โย ลาภสฺส อคฺโค อุตฺตโม มหนฺตภาโว, ตํ ปตฺโต โหตีติ อตฺโถ. ลาเภน วา อคฺคมหตฺตมฺปิ, ลาเภน เสฏฺตฺตฺจ มหนฺตตฺตฺจ ปตฺโตติ อตฺโถ. สงฺโฆ หิ ยาว น ลาภคฺคมหตฺตํ ปตฺโต โหติ, ตาว น ลาภํ ปฏิจฺจ อาสวฏฺานียา ธมฺมา อุปฺปชฺชนฺติ. ปตฺเต ปน อุปฺปชฺชนฺติ, อถ สตฺถา สาวกานํ สิกฺขาปทํ ปฺเปติ ¶ – ‘‘โย ปน ภิกฺขุ อเจลกสฺส วา ปริพฺพาชกสฺส วา ปริพฺพาชิกาย วา สหตฺถา ขาทนียํ วา โภชนียํ วา ทเทยฺย, ปาจิตฺติย’’นฺติ (ปาจิ. ๒๗๐). อิทฺหิ ลาภคฺคมหตฺตํ ปตฺเต สงฺเฆ สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ.
พาหุสจฺจมหตฺตนฺติ พาหุสจฺจสฺส มหนฺตภาวํ. สงฺโฆ หิ ยาว น พาหุสจฺจมหตฺตํ ปตฺโต โหติ, ตาว น อาสวฏฺานียา ธมฺมา อุปฺปชฺชนฺติ. พาหุสจฺจมหตฺตํ ปตฺเต ปน ยสฺมา เอกมฺปิ นิกายํ, ทฺเวปิ…เป… ปฺจปิ นิกาเย อุคฺคเหตฺวา อโยนิโส อุมฺมุชฺชมานา ปุคฺคลา รเสน รสํ สํสนฺทิตฺวา อุทฺธมฺมํ อุพฺพินยํ สตฺถุสาสนํ ทีเปนฺติ. อถ สตฺถา ‘‘โย ปน ภิกฺขุ เอวํ วเทยฺย – ตถาหํ ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ…เป… สมณุทฺเทโสปิ เจ เอวํ วเทยฺยา’’ติอาทินา (ปาจิ. ๔๑๘) นเยน สิกฺขาปทํ ปฺเปตีติ.
เอวํ ¶ ภควา อาสวฏฺานียานํ ธมฺมานํ อนุปฺปตฺติกาลฺจ อุปฺปตฺติกาลฺจ ทสฺเสตฺวา ตสฺมึ สมเย สพฺพโสปิ เตสํ อภาวํ ทสฺเสนฺโต ‘‘นิรพฺพุโท หิ สาริปุตฺตา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ นิรพฺพุโทติ อพฺพุทวิรหิโต; อพฺพุทา วุจฺจนฺติ โจรา, นิจฺโจโรติ อตฺโถ. โจราติ จ อิมสฺมึ อตฺเถ ทุสฺสีลาว อธิปฺเปตา. เต หิ อสฺสมณาว หุตฺวา สมณปฏิฺตาย ปเรสํ ปจฺจเย โจเรนฺติ. ตสฺมา นิรพฺพุโทติ นิจฺโจโร, นิทฺทุสฺสีโลติ วุตฺตํ โหติ. นิราทีนโวติ นิรุปทฺทโว นิรุปสคฺโค; ทุสฺสีลาทีนวรหิโตเยวาติ วุตฺตํ โหติ. อปคตกาฬโกติ กาฬกา วุจฺจนฺติ ทุสฺสีลาเยว; เต หิ สุวณฺณวณฺณาปิ สมานา กาฬกธมฺมโยคา กาฬกาตฺเวว เวทิตพฺพา. เตสํ อภาวา อปคตกาฬโก ¶ . อปหตกาฬโกติปิ ปาโ. สุทฺโธติ อปคตกาฬกตฺตาเยว สุทฺโธ ปริโยทาโต ปภสฺสโร. สาเร ปติฏฺิโตติ สาโร วุจฺจนฺติ สีล-สมาธิ-ปฺาวิมุตฺติ-วิมุตฺติาณทสฺสนคุณา, ตสฺมึ สาเร ปติฏฺิตตฺตา สาเร ปติฏฺิโต.
เอวํ สาเร ปติฏฺิตภาวํ วตฺวา ปุน โส จสฺส สาเร ปติฏฺิตภาโว เอวํ เวทิตพฺโพติ ทสฺเสนฺโต อิเมสฺหิ สาริปุตฺตาติ อาทิมาห. ตตฺรายํ สงฺเขปวณฺณนา – ยานิมานิ เวรฺชายํ ¶ วสฺสาวาสํ อุปคตานิ ปฺจ ภิกฺขุสตานิ, อิเมสํ โย คุณวเสน ปจฺฉิมโก สพฺพปริตฺตคุโณ ภิกฺขุ, โส โสตาปนฺโน. โสตาปนฺโนติ โสตํ อาปนฺโน; โสโตติ จ มคฺคสฺเสตํ อธิวจนํ. โสตาปนฺโนติ เตน สมนฺนาคตสฺส ปุคฺคลสฺส. ยถาห –
‘‘โสโต โสโตติ หิทํ, สาริปุตฺต, วุจฺจติ; กตโม นุ โข, สาริปุตฺต, โสโตติ? อยเมว หิ, ภนฺเต, อริโย อฏฺงฺคิโก มคฺโค, เสยฺยถิทํ – สมฺมาทิฏฺิ…เป… สมฺมาสมาธี’’ติ. ‘‘โสตาปนฺโน โสตาปนฺโนติ หิทํ, สาริปุตฺต, วุจฺจติ; กตโม นุ โข, สาริปุตฺต, โสตาปนฺโน’’ติ? ‘‘โย หิ, ภนฺเต, อิมินา อริเยน อฏฺงฺคิเกน มคฺเคน สมนฺนาคโต, อยํ วุจฺจติ – โสตาปนฺโน. โสยมายสฺมา เอวํนาโม เอวํโคตฺโต’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๐๑). อิธ ปน มคฺเคน ผลสฺส นามํ ทินฺนํ. ตสฺมา ผลฏฺโ ‘‘โสตาปนฺโน’’ติ เวทิตพฺโพ.
อวินิปาตธมฺโมติ วินิปาเตตีติ วินิปาโต; นาสฺส วินิปาโต ธมฺโมติ อวินิปาตธมฺโม, น อตฺตานํ อปาเยสุ วินิปาตนสภาโวติ วุตฺตํ โหติ. กสฺมา? เย ธมฺมา อปายคมนียา, เตสํ ปริกฺขยา. วินิปตนํ วา วินิปาโต, นาสฺส วินิปาโต ธมฺโมติ อวินิปาตธมฺโม, อปาเยสุ วินิปาตนสภาโว อสฺส นตฺถีติ วุตฺตํ โหติ. สมฺมตฺตนิยาเมน มคฺเคน ¶ นิยตตฺตา นิยโต. สมฺโพธิ ปรํ อยนํ ปรา คติ อสฺสาติ สมฺโพธิปรายโณ. อุปริ มคฺคตฺตยํ อวสฺสํ สมฺปาปโกติ อตฺโถ. กสฺมา? ปฏิลทฺธปมมคฺคตฺตาติ.
วินยปฺตฺติยาจนกถา นิฏฺิตา.
พุทฺธาจิณฺณกถา
๒๒. เอวํ ธมฺมเสนาปตึ สฺาเปตฺวา เวรฺชายํ ตํ วสฺสาวาสํ วีตินาเมตฺวา วุตฺถวสฺโส มหาปวารณาย ปวาเรตฺวา อถ โข ภควา ¶ อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ อามนฺเตสิ. อามนฺเตสีติ อาลปิ อภาสิ สมฺโพเธสิ. กินฺติ? อาจิณฺณํ โข ปเนตนฺติ เอวมาทิ. อาจิณฺณนฺติ จริตํ วตฺตํ อนุธมฺมตา. ตํ โข ปเนตํ อาจิณฺณํ ทุวิธํ โหติ – พุทฺธาจิณฺณํ, สาวกาจิณฺณนฺติ. กตมํ พุทฺธาจิณฺณํ? อิทํ ตาว เอกํ – เยหิ นิมนฺติตา วสฺสํ วสนฺติ, น เต อนปโลเกตฺวา อนาปุจฺฉิตฺวา ชนปทจาริกํ ปกฺกมนฺติ. สาวกา ปน อปโลเกตฺวา วา อนปโลเกตฺวา วา ยถาสุขํ ปกฺกมนฺติ.
อปรมฺปิ พุทฺธาจิณฺณํ – วุตฺถวสฺสา ปวาเรตฺวา ชนสงฺคหตฺถาย ชนปทจาริกํ ปกฺกมนฺติเยว. ชนปทจาริกํ จรนฺตา จ มหามณฺฑลํ มชฺฌิมมณฺฑลํ อนฺติมมณฺฑลนฺติ อิเมสํ ติณฺณํ มณฺฑลานํ อฺตรสฺมึ มณฺฑเล ¶ จรนฺติ. ตตฺถ มหามณฺฑลํ นวโยชนสติกํ, มชฺฌิมมณฺฑลํ ฉโยชนสติกํ, อนฺติมมณฺฑลํ ติโยชนสติกํ. ยทา มหามณฺฑเล จาริกํ จริตุกามา โหนฺติ, ตทา มหาปวารณาย ปวาเรตฺวา ปาฏิปททิวเส มหาภิกฺขุสงฺฆปริวารา นิกฺขมิตฺวา คามนิคมาทีสุ มหาชนํ อามิสปฏิคฺคเหน อนุคฺคณฺหนฺตา ธมฺมทาเนน จสฺส วิวฏฺฏุปนิสฺสิตํ กุสลํ วฑฺเฒนฺตา นวหิ มาเสหิ ชนปทจาริกํ ปริโยสาเปนฺติ. สเจ ปน อนฺโตวสฺเส ภิกฺขูนํ สมถวิปสฺสนา ตรุณา โหนฺติ, มหาปวารณาย อปฺปวาเรตฺวา ปวารณาสงฺคหํ ทตฺวา กตฺติกปุณฺณมายํ ปวาเรตฺวา มาคสิรสฺส ปมทิวเส มหาภิกฺขุสงฺฆปริวารา นิกฺขมิตฺวา วุตฺตนเยเนว มชฺฌิมมณฺฑเล อฏฺหิ มาเสหิ จาริกํ ปริโยสาเปนฺติ. สเจ ปน เนสํ วุตฺถวสฺสานํ อปริปากินฺทฺริยา เวเนยฺยสตฺตา โหนฺติ, เตสํ อินฺทฺริยปริปากํ อาคเมนฺตา มาคสิรมาสมฺปิ ตตฺเถว วสิตฺวา ผุสฺสมาสสฺส ปมทิวเส มหาภิกฺขุสงฺฆปริวารา นิกฺขมิตฺวา วุตฺตนเยเนว อนฺติมมณฺฑเล สตฺตหิ มาเสหิ จาริกํ ปริโยสาเปนฺติ. เตสุ จ มณฺฑเลสุ ยตฺถ กตฺถจิ วิจรนฺตาปิ เต เต สตฺเต กิเลเสหิ วิโยเชนฺตา ¶ โสตาปตฺติผลาทีหิ ปโยเชนฺตา เวเนยฺยวเสเนว นานาวณฺณานิ ปุปฺผานิ โอจินนฺตา วิย จรนฺติ.
อปรมฺปิ พุทฺธานํ อาจิณฺณํ – เทวสิกํ ปจฺจูสสมเย สนฺตํ สุขํ นิพฺพานารมฺมณํ กตฺวา ผลสมาปตฺติสมาปชฺชนํ, ผลสมาปตฺติยา วุฏฺหิตฺวา เทวสิกํ มหากรุณาสมาปตฺติยา สมาปชฺชนํ, ตโต วุฏฺหิตฺวา ทสสหสฺสจกฺกวาเฬ โพธเนยฺยสตฺตสมวโลกนํ.
อปรมฺปิ ¶ พุทฺธานํ อาจิณฺณํ – อาคนฺตุเกหิ สทฺธึ ปมตรํ ปฏิสนฺถารกรณํ, อฏฺุปฺปตฺติวเสน ธมฺมเทสนา, โอติณฺเณ โทเส สิกฺขาปทปฺาปนนฺติ อิทํ พุทฺธาจิณฺณํ.
กตมํ สาวกาจิณฺณํ? พุทฺธสฺส ภควโต กาเล ทฺวิกฺขตฺตุํ สนฺนิปาโต ปุเร วสฺสูปนายิกาย จ กมฺมฏฺานคฺคหณตฺถํ, วุตฺถวสฺสานฺจ อธิคตคุณาโรจนตฺถํ อุปริ กมฺมฏฺานคฺคหณตฺถฺจ ¶ . อิทํ สาวกาจิณฺณํ. อิธ ปน พุทฺธาจิณฺณํ ทสฺเสนฺโต อาห – ‘‘อาจิณฺณํ โข ปเนตํ, อานนฺท, ตถาคตาน’’นฺติ.
อายามาติ อาคจฺฉ ยาม. อปโลเกสฺสามาติ จาริกํ จรณตฺถาย อาปุจฺฉิสฺสาม. เอวนฺติ สมฺปฏิจฺฉนตฺเถ นิปาโต. ภนฺเตติ คารวาธิวจนเมตํ; สตฺถุโน ปฏิวจนทานนฺติปิ วฏฺฏติ. ภควโต ปจฺจสฺโสสีติ ภควโต วจนํ ปฏิอสฺโสสิ, อภิมุโข หุตฺวา สุณิ สมฺปฏิจฺฉิ. เอวนฺติ อิมินา วจเนน ปฏิคฺคเหสีติ วุตฺตํ โหติ.
อถ โข ภควา นิวาเสตฺวาติ อิธ ปุพฺพณฺหสมยนฺติ วา สายนฺหสมยนฺติ วา น วุตฺตํ. เอวํ สนฺเตปิ ภควา กตภตฺตกิจฺโจ มชฺฌนฺหิกํ วีตินาเมตฺวา อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ ปจฺฉาสมณํ กตฺวา นครทฺวารโต ปฏฺาย นครวีถิโย สุวณฺณรสปิฺชราหิ รํสีหิ สมุชฺโชตยมาโน เยน เวรฺชสฺส พฺราหฺมณสฺส นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิ. ฆรทฺวาเร ิตมตฺตเมว จสฺส ภควนฺตํ ทิสฺวา ปริชโน อาโรเจสิ. พฺราหฺมโณ สตึ ปฏิลภิตฺวา สํเวคชาโต สหสา วุฏฺาย มหารหํ อาสนํ ปฺเปตฺวา ภควนฺตํ ปจฺจุคฺคมฺม ‘‘อิโต, ภควา, อุปสงฺกมตู’’ติ อาห. ภควา อุปสงฺกมิตฺวา ปฺตฺเต อาสเน นิสีทิ. อถ โข เวรฺโช พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ อุปนิสีทิตุกาโม อตฺตนา ิตปเทสโต เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ. อิโต ปรํ อุตฺตานตฺถเมว.
ยํ ปน พฺราหฺมโณ อาห – ‘‘อปิจ โย เทยฺยธมฺโม, โส น ทินฺโน’’ติ. ตตฺรายมธิปฺปาโย ¶ – มยา นิมนฺติตานํ วสฺสํวุตฺถานํ ตุมฺหากํ เตมาสํ ทิวเส ทิวเส ปาโต ยาคุขชฺชกํ, มชฺฌนฺหิเก ขาทนียโภชนียํ, สายนฺเห อเนกวิธ ปานวิกติ คนฺธปุปฺผาทีหิ ปูชาสกฺกาโรติ เอวมาทิโก โย เทยฺยธมฺโม ทาตพฺโพ อสฺส, โส น ทินฺโนติ. ตฺจ โข โน อสนฺตนฺติ เอตฺถ ปน ลิงฺควิปลฺลาโส เวทิตพฺโพ. โส จ โข เทยฺยธมฺโม อมฺหากํ โน อสนฺโตติ อยฺเหตฺถ อตฺโถ. อถ ¶ วา ยํ ทานวตฺถุํ มยํ ตุมฺหากํ ทเทยฺยาม, ตฺจ โข โน อสนฺตนฺติ เอวเมตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
โนปิ อทาตุกมฺยตาติ อทาตุกามตาปิ ¶ โน นตฺถิ, ยถา ปหูตวิตฺตูปกรณานํ มจฺฉรีนํ. ตํ กุเตตฺถ ลพฺภา พหุกิจฺจา ฆราวาสาติ ตตฺรายํ โยชนา – ยสฺมา พหุกิจฺจา ฆราวาสา, ตสฺมา เอตฺถ สนฺเตปิ เทยฺยธมฺเม ทาตุกมฺยตาย จ ตํ กุโต ลพฺภา กุโต ตํ สกฺกา ลทฺธุํ, ยํ มยํ ตุมฺหากํ เทยฺยธมฺมํ ทเทยฺยามาติ ฆราวาสํ ครหนฺโต อาห. โส กิร มาเรน อาวฏฺฏิตภาวํ น ชานาติ, ‘‘ฆราวาสปลิโพเธน เม สติสมฺโมโส ชาโต’’ติ มฺิ, ตสฺมา เอวมาห. อปิจ – ตํ กุเตตฺถ ลพฺภาติ อิมสฺมึ เตมาสพฺภนฺตเร ยมหํ ตุมฺหากํ ทเทยฺยํ, ตํ กุโต ลพฺภา? พหุกิจฺจา หิ ฆราวาสาติ เอวเมตฺถ โยชนา เวทิตพฺพา.
อถ พฺราหฺมโณ ‘‘ยํนูนาหํ ยํ เม ตีหิ มาเสหิ ทาตพฺพํ สิยา, ตํ สพฺพํ เอกทิวเสเนว ทเทยฺย’’นฺติ จินฺเตตฺวา อธิวาเสตุ เม ภวํ โคตโมติอาทิมาห. ตตฺถ สฺวาตนายาติ ยํ เม ตุมฺเหสุ สกฺการํ กโรโต สฺเว ภวิสฺสติ ปฺฺุเจว ปีติปาโมชฺชฺจ, ตทตฺถาย. อถ ตถาคโต ‘‘สเจ อหํ นาธิวาเสยฺยํ, ‘อยํ เตมาสํ กิฺจิ อลทฺธา กุปิโต มฺเ, เตน เม ยาจิยมาโน เอกภตฺตมฺปิ น ปฏิคฺคณฺหาติ, นตฺถิ อิมสฺมึ อธิวาสนขนฺติ, อสพฺพฺู อย’นฺติ เอวํ พฺราหฺมโณ จ เวรฺชาวาสิโน จ ครหิตฺวา พหุํ อปฺุํ ปสเวยฺยุํ, ตํ เตสํ มา อโหสี’’ติ เตสํ อนุกมฺปาย อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวน.
อธิวาเสตฺวา จ อถ โข ภควา เวรฺชํ พฺราหฺมณํ ‘‘อลํ ฆราวาสปลิโพธจินฺตายา’’ติ สฺาเปตฺวา ตงฺขณานุรูปาย ธมฺมิยา กถาย ทิฏฺธมฺมิกสมฺปรายิกํ อตฺถํ สนฺทสฺเสตฺวา กุสเล ธมฺเม สมาทเปตฺวา คณฺหาเปตฺวา ตตฺถ จ นํ สมุตฺเตเชตฺวา สอุสฺสาหํ กตฺวา ตาย สอุสฺสาหตาย อฺเหิ จ วิชฺชมานคุเณหิ สมฺปหํเสตฺวา ธมฺมรตนวสฺสํ วสฺเสตฺวา อุฏฺายาสนา ปกฺกามิ. ปกฺกนฺเต จ ปน ภควติ เวรฺโช พฺราหฺมโณ ปุตฺตทารํ อามนฺเตสิ – ‘‘มยํ, ภเณ, ภควนฺตํ เตมาสํ นิมนฺเตตฺวา เอกทิวสํ เอกภตฺตมฺปิ นาทมฺห. หนฺท, ทานิ ตถา ทานํ ปฏิยาเทถ ยถา เตมาสิโกปิ เทยฺยธมฺโม สฺเว เอกทิวเสเนว ¶ ทาตุํ สกฺกา โหตี’’ติ. ตโต ปณีตํ ¶ ทานํ ปฏิยาทาเปตฺวา ¶ ยํ ทิวสํ ภควา นิมนฺติโต, ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน อาสนฏฺานํ อลงฺการาเปตฺวา มหารหานิ อาสนานิ ปฺเปตฺวา คนฺธธูมวาสกุสุมวิจิตฺรํ มหาปูชํ สชฺเชตฺวา ภควโต กาลํ อาโรจาเปสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข เวรฺโช พฺราหฺมโณ ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน…เป… นิฏฺิตํ ภตฺต’’นฺติ.
๒๓. ภควา ภิกฺขุสงฺฆปริวุโต ตตฺถ อคมาสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข ภควา…เป… นิสีทิ สทฺธึ ภิกฺขุสงฺเฆนา’’ติ. อถ โข เวรฺโช พฺราหฺมโณ พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆนฺติ พุทฺธปฺปมุขนฺติ พุทฺธปริณายกํ; พุทฺธํ สงฺฆตฺเถรํ กตฺวา นิสินฺนนฺติ วุตฺตํ โหติ. ปณีเตนาติ อุตฺตเมน. สหตฺถาติ สหตฺเถน. สนฺตปฺเปตฺวาติ สุฏฺุ ตปฺเปตฺวา, ปริปุณฺณํ สุหิตํ ยาวทตฺถํ กตฺวา. สมฺปวาเรตฺวาติ สุฏฺุ ปวาเรตฺวา ‘อล’นฺติ หตฺถสฺาย มุขสฺาย วจีเภเทน จ ปฏิกฺขิปาเปตฺวา. ภุตฺตาวินฺติ ภุตฺตวนฺตํ. โอนีตปตฺตปาณินฺติ ปตฺตโต โอนีตปาณึ; อปนีตหตฺถนฺติ วุตฺตํ โหติ. ติจีวเรน อจฺฉาเทสีติ ติจีวรํ ภควโต อทาสิ. อิทํ ปน โวหารวจนมตฺตํ โหติ ‘‘ติจีวเรน อจฺฉาเทสี’’ติ, ตสฺมิฺจ ติจีวเร เอกเมโก สาฏโก สหสฺสํ อคฺฆติ. อิติ พฺราหฺมโณ ภควโต ติสหสฺสคฺฆนกํ ติจีวรมทาสิ อุตฺตมํ กาสิกวตฺถสทิสํ. เอกเมกฺจ ภิกฺขุํ เอกเมเกน ทุสฺสยุเคนาติ เอกเมเกน ทุสฺสยุคเฬน. ตตฺร เอกสาฏโก ปฺจสตานิ อคฺฆติ. เอวํ ปฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ ปฺจสตสหสฺสคฺฆนกานิ ทุสฺสานิ อทาสิ. พฺราหฺมโณ เอตฺตกมฺปิ ทตฺวา อตุฏฺโ ปุน สตฺตฏฺสหสฺสคฺฆนเก อเนกรตฺตกมฺพเล จ ปฏฺฏุณฺณปตฺตปเฏ จ ผาเลตฺวา ผาเลตฺวา อาโยคอํสพทฺธกกายพนฺธนปริสฺสาวนาทีนํ อตฺถาย อทาสิ. สตปากสหสฺสปากานฺจ เภสชฺชเตลานํ ตุมฺพานิ ปูเรตฺวา เอกเมกสฺส ภิกฺขุโน อพฺภฺชนตฺถาย สหสฺสคฺฆนกํ เตลมทาสิ. กึ พหุนา, จตูสุ ปจฺจเยสุ น โกจิ ปริกฺขาโร สมณปริโภโค ¶ อทินฺโน นาม อโหสิ. ปาฬิยํ ปน จีวรมตฺตเมว วุตฺตํ.
เอวํ มหายาคํ ยชิตฺวา สปุตฺตทารํ วนฺทิตฺวา นิสินฺนํ อถ โข ภควา เวรฺชํ พฺราหฺมณํ เตมาสํ มาราวฏฺฏเนน ธมฺมสวนามตรสปริโภคปริหีนํ เอกทิวเสเนว ธมฺมามตวสฺสํ วสฺเสตฺวา ปุริปุณฺณสงฺกปฺปํ กุรุมาโน ธมฺมิยา ¶ กถาย สนฺทสฺเสตฺวา…เป… อุฏฺายาสนา ปกฺกามิ. พฺราหฺมโณปิ สปุตฺตทาโร ภควนฺตฺจ ภิกฺขุสงฺฆฺจ วนฺทิตฺวา ‘‘ปุนปิ, ภนฺเต, อมฺหากํ อนุคฺคหํ กเรยฺยาถา’’ติ เอวมาทีนิ วทนฺโต อนุพนฺธิตฺวา อสฺสูนิ ปวตฺตยมาโน นิวตฺติ.
อถ โข ภควา เวรฺชายํ ยถาภิรนฺตํ วิหริตฺวาติ ยถาชฺฌาสยํ ยถารุจิตํ วาสํ วสิตฺวา เวรฺชาย นิกฺขมิตฺวา มหามณฺฑเล จาริกาย จรณกาเล คนฺตพฺพํ พุทฺธวีถิ ปหาย ทุพฺภิกฺขโทเสน ¶ กิลนฺตํ ภิกฺขุสงฺฆํ อุชุนาว มคฺเคน คเหตฺวา คนฺตุกาโม โสเรยฺยาทีนิ อนุปคมฺม ปยาคปติฏฺานํ คนฺตฺวา ตตฺถ คงฺคํ นทึ อุตฺตริตฺวา เยน พาราณสี ตทวสริ. เตน อวสริ ตทวสริ. ตตฺราปิ ยถาชฺฌาสยํ วิหริตฺวา เวสาลึ อคมาสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อนุปคมฺม โสเรยฺยํ…เป… เวสาลิยํ วิหรติ มหาวเน กูฏาคารสาลาย’’นฺติ.
พุทฺธาจิณฺณกถา นิฏฺิตา.
สมนฺตปาสาทิกาย วินยสํวณฺณนาย
เวรฺชกณฺฑวณฺณนา นิฏฺิตา.
ตตฺริทํ สมนฺตปาสาทิกาย สมนฺตปาสาทิกตฺตสฺมึ –
อาจริยปรมฺปรโต, นิทานวตฺถุปฺปเภททีปนโต;
ปรสมยวิวชฺชนโต, สกสมยวิสุทฺธิโต เจว.
พฺยฺชนปริโสธนโต, ปทตฺถโต ปาฬิโยชนกฺกมโต;
สิกฺขาปทนิจฺฉยโต, วิภงฺคนยเภททสฺสนโต.
สมฺปสฺสตํ น ทิสฺสติ, กิฺจิ อปาสาทิกํ ยโต เอตฺถ;
วิฺูนมยํ ตสฺมา, สมนฺตปาสาทิกาตฺเวว.
สํวณฺณนา ¶ ปวตฺตา, วินยสฺส วิเนยฺยทมนกุสเลน;
วุตฺตสฺส โลกนาเถน, โลกมนุกมฺปมาเนนาติ.
เวรฺชกณฺฑวณฺณนา นิฏฺิตา.
๑. ปาราชิกกณฺฑํ
๑. ปมปาราชิกํ
สุทินฺนภาณวารวณฺณนา
๒๔. อิโต ¶ ¶ ปรํ เตน โข ปน สมเยน เวสาลิยา อวิทูเรติอาทิ เยภุยฺเยน อุตฺตานตฺถํ. ตสฺมา อนุปทวณฺณนํ ปหาย ยตฺถ ยตฺถ วตฺตพฺพํ อตฺถิ, ตํ ตเทว วณฺณยิสฺสาม. กลนฺทคาโมติ กลนฺทกา วุจฺจนฺติ กาฬกา, เตสํ วเสน ลทฺธนาโม คาโม. กลนฺทปุตฺโตติ คามวเสน ลทฺธนามสฺส ราชสมฺมตสฺส จตฺตาลีสโกฏิวิภวสฺส กลนฺทเสฏฺิโน ปุตฺโต. ยสฺมา ปน ตสฺมึ คาเม อฺเปิ กลนฺทนามกา มนุสฺสา อตฺถิ, ตสฺมา กลนฺทปุตฺโตติ วตฺวา ปุน เสฏฺิปุตฺโตติ วุตฺตํ. สมฺพหุเลหีติ พหุเกหิ. สหายเกหีติ สุขทุกฺขานิ สห อายนฺติ อุปคจฺฉนฺตีติ สหายา, สหายา เอว สหายกา, เตหิ สหายเกหิ. สทฺธินฺติ เอกโต. เกนจิเทว กรณีเยนาติ เกนจิเทว ภณฺฑปฺปโยชนอุทฺธารสารณาทินา กิจฺเจน; กตฺติกนกฺขตฺตกีฬากิจฺเจนาติปิ วทนฺติ. ภควา หิ กตฺติกชุณฺหปกฺเข เวสาลึ สมฺปาปุณิ. กตฺติกนกฺขตฺตกีฬา เจตฺถ อุฬารา โหติ. ตทตฺถํ คโตติ เวทิตพฺโพ.
อทฺทส โขติ กถํ อทฺทส? โส กิร นครโต ภุตฺตปาตราสํ สุทฺธุตฺตราสงฺคํ มาลาคนฺธวิเลปนหตฺถํ พุทฺธทสฺสนตฺถํ ธมฺมสวนตฺถฺจ นิกฺขมนฺตํ มหาชนํ ทิสฺวา ‘‘กฺว คจฺฉถา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘พุทฺธทสฺสนตฺถํ ธมฺมสวนตฺถฺจา’’ติ. เตน หิ ‘‘อหมฺปิ คจฺฉามี’’ติ คนฺตฺวา จตุพฺพิธาย ปริสาย ปริวุตํ พฺรหฺมสฺสเรน ธมฺมํ เทเสนฺตํ ภควนฺตํ อทฺทส. เตน วุตฺตํ – ‘‘อทฺทส โข…เป… เทเสนฺต’’นฺติ. ทิสฺวานสฺสาติ ทิสฺวาน อสฺส. เอตทโหสีติ ปุพฺเพ กตปฺุตาย โจทิยมานสฺส ภพฺพกุลปุตฺตสฺส เอตํ อโหสิ. กึ อโหสิ? ยํนูนาหมฺปิ ธมฺมํ สุเณยฺยนฺติ ¶ . ตตฺถ ยนฺนูนาติ ปริวิตกฺกทสฺสนเมตํ. เอวํ กิรสฺส ปริวิตกฺโก อุปฺปนฺโน ‘‘ยมยํ ปริสา เอกคฺคจิตฺตา ธมฺมํ สุณาติ, อโห วตาหมฺปิ ตํ สุเณยฺย’’นฺติ.
อถ ¶ โข สุทินฺโน กลนฺทปุตฺโต เยน สา ปริสาติ อิธ กสฺมา ‘‘เยน ภควา’’ติ อวตฺวา ‘‘เยน สา ปริสา’’ติ วุตฺตนฺติ เจ. ภควนฺตฺหิ ปริวาเรตฺวา อุฬารุฬารชนา มหตี ปริสา นิสินฺนา, ตตฺร น สกฺกา อิมินา ปจฺฉา อาคเตน ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา นิสีทิตุํ. ปริสาย ปน เอกสฺมึ ปเทเส สกฺกาติ โส ตํ ปริสํเยว อุปสงฺกมนฺโต. เตน วุตฺตํ ¶ – ‘‘อถ โข สุทินฺโน กลนฺทปุตฺโต เยน สา ปริสา’’ติ. เอกมนฺตํ นิสินฺนสฺส โข สุทินฺนสฺส กลนฺทปุตฺตสฺส เอตทโหสีติ น นิสินฺนมตฺตสฺเสว อโหสิ, อถ โข ภควโต สิตฺตยูปสํหิตํ โถกํ ธมฺมกถํ สุตฺวา; ตํ ปนสฺส ยสฺมา เอกมนฺตํ นิสินฺนสฺเสว อโหสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘เอกมนฺตํ นิสินฺนสฺส โข สุทินฺนสฺส กลนฺทปุตฺตสฺส เอตทโหสี’’ติ. กึ อโหสีติ? ยถา ยถา โขติอาทิ.
ตตฺรายํ สงฺเขปกถา – อหํ โข เยน เยน อากาเรน ภควตา ธมฺมํ เทสิตํ อาชานามิ, เตน เตน เม อุปปริกฺขโต เอวํ โหติ ยเทตํ สิตฺตยพฺรหฺมจริยํ เอกมฺปิ ทิวสํ อขณฺฑํ กตฺวา จริมกจิตฺตํ ปาเปตพฺพตาย เอกนฺตปริปุณฺณํ จริตพฺพํ, เอกทิวสมฺปิ จ กิเลสมเลน อมลีนํ กตฺวา จริมกจิตฺตํ ปาเปตพฺพตาย เอกนฺตปริสุทฺธํ. สงฺขลิขิตํ ลิขิตสงฺขสทิสํ โธตสงฺขสปฺปฏิภาคํ จริตพฺพํ. อิทํ น สุกรํ อคารํ อชฺฌาวสตา อคารมชฺเฌ วสนฺเตน เอกนฺตปริปุณฺณํ…เป… จริตุํ. ยํนูนาหํ เกเส จ มสฺสฺุจ โอหาเรตฺวา กสายรสปีตตาย กาสายานิ พฺรหฺมจริยํ จรนฺตานํ อนุจฺฉวิกานิ วตฺถานิ อจฺฉาเทตฺวา ปริทหิตฺวา อคารสฺมา นิกฺขมิตฺวา อนคาริยํ ปพฺพเชยฺยนฺติ. เอตฺถ จ ยสฺมา อคารสฺส หิตํ กสิวาณิชฺชาทิกมฺมํ อคาริยนฺติ วุจฺจติ, ตฺจ ปพฺพชฺชาย นตฺถิ; ตสฺมา ปพฺพชฺชา ‘‘อนคาริยา’’ติ าตพฺพา. ตํ อนคาริยํ ปพฺพชฺชํ. ปพฺพเชยฺยนฺติ ปริพฺพเชยฺยํ.
๒๕. อจิรวุฏฺิตาย ปริสาย เยน ภควา เตนุปสงฺกมีติ สุทินฺโน อวุฏฺิตาย ปริสาย น ภควนฺตํ ปพฺพชฺชํ ยาจิ. กสฺมา? ตตฺรสฺส ¶ พหู าติสาโลหิตา มิตฺตามจฺจา สนฺติ, เต ‘‘‘ตฺวํ มาตาปิตูนํ เอกปุตฺตโก, น ลพฺภา ตยา ปพฺพชิตุ’นฺติ พาหายมฺปิ คเหตฺวา อากฑฺเฒยฺยุํ, ตโต ปพฺพชฺชาย อนฺตราโย ภวิสฺสตี’’ติ สเหว ปริสาย อุฏฺหิตฺวา โถกํ คนฺตฺวา ปุน เกนจิ สรีรกิจฺจเลเสน นิวตฺติตฺวา ภควนฺตํ อุปสงฺกมฺม ปพฺพชฺชํ ยาจิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข สุทินฺโน กลนฺทปุตฺโต อจิรวุฏฺิตาย ปริสาย…เป… ปพฺพาเชตุ มํ ภควา’’ติ.
ภควา ¶ ปน ยสฺมา ราหุลกุมารสฺส ปพฺพชิตโต ปภุติ มาตาปิตูหิ อนนฺุาตํ ปุตฺตํ น ปพฺพาเชติ, ตสฺมา นํ ปุจฺฉิ – ‘‘อนฺุาโตสิ ปน ตฺวํ สุทินฺน มาตาปิตูหิ…เป… ปพฺพชฺชายา’’ติ.
๒๖. อิโต ¶ ปรํ ปาานุสาเรเนว คนฺตฺวา ตํ กรณียํ ตีเรตฺวาติ เอตฺถ เอวมตฺโถ เวทิตพฺโพ – ธุรนิกฺเขเปเนว ตํ กรณียํ นิฏฺาเปตฺวาติ; น หิ ปพฺพชฺชาย ติพฺพจฺฉนฺทสฺส ภณฺฑปฺปโยชนอุทฺธารสารณาทีสุ วา นกฺขตฺตกีฬายํ วา จิตฺตํ นมติ. อมฺม ตาตาติ เอตฺถ ปน อมฺมาติ มาตรํ อาลปติ; ตาตาติ ปิตรํ. ตฺวํ โขสีติ ตฺวํ โข อสิ. เอกปุตฺตโกติ เอโกว ปุตฺตโก; อฺโ เต เชฏฺโ วา กนิฏฺโ วา นตฺถิ. เอตฺถ จ ‘‘เอกปุตฺโต’’ติ วตฺตพฺเพ อนุกมฺปาวเสน ‘‘เอกปุตฺตโก’’ติ วุตฺตํ. ปิโยติ ปีติชนนโก. มนาโปติ มนวฑฺฒนโก. สุเขธิโตติ สุเขน เอธิโต; สุขสํวฑฺฒิโตติ อตฺโถ. สุขปริหโตติ สุเขน ปริหโต; ชาตกาลโต ปภุติ ธาตีหิ องฺกโต องฺกํ หริตฺวา ธาริยมาโน อสฺสกรถกาทีหิ พาลกีฬนเกหิ กีฬมาโน สาทุรสโภชนํ โภชิยมาโน สุเขน ปริหโต.
น ตฺวํ, ตาต สุทินฺน, กิฺจิ ทุกฺขสฺส ชานาสีติ ตฺวํ ตาต สุทินฺน กิฺจิ อปฺปมตฺตกมฺปิ กลภาคํ ทุกฺขสฺส น ชานาสิ; อถ วา กิฺจิ ทุกฺเขน นานุโภสีติ อตฺโถ. กรณตฺเถ สามิวจนํ, อนุภวนตฺเถ จ ชานนา; อถ วา กิฺจิ ทุกฺขํ นสฺสรสีติ อตฺโถ. อุปโยคตฺเถ สามิวจนํ, สรณตฺเถ จ ชานนา. วิกปฺปทฺวเยปิ ปุริมปทสฺส อุตฺตรปเทน สมานวิภตฺติโลโป ทฏฺพฺโพ. ตํ สพฺพํ สทฺทสตฺถานุสาเรน าตพฺพํ. มรเณนปิ มยํ เต อกามกา วินา ภวิสฺสามาติ ¶ สเจปิ ตว อมฺเหสุ ชีวมาเนสุ มรณํ ภเวยฺย, เตน เต มรเณนปิ มยํ อกามกา อนิจฺฉกา น อตฺตโน รุจิยา, วินา ภวิสฺสาม; ตยา วิโยคํ วา ปาปุณิสฺสามาติ อตฺโถ. กึ ปน มยํ ตนฺติ เอวํ สนฺเต กึ ปน กึ นาม ตํ การณํ เยน มยํ ตํ ชีวนฺตํ อนุชานิสฺสาม; อถ วา กึ ปน มยํ ตนฺติ เกน ปน การเณน มยํ ตํ ชีวนฺตํ อนุชานิสฺสามาติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
๒๗. ตตฺเถวาติ ยตฺถ นํ ิตํ มาตาปิตโร นานุชานึสุ, ตตฺเถว าเน. อนนฺตรหิตายาติ เกนจิ อตฺถรเณน อนตฺถตาย.
๒๘. ปริจาเรหีติ คนฺธพฺพนฏนาฏกาทีนิ ปจฺจุปฏฺาเปตฺวา ตตฺถ สหายเกหิ สทฺธึ ยถาสุขํ อินฺทฺริยานิ จาเรหิ สฺจาเรหิ; อิโต จิโต จ อุปเนหีติ วุตฺตํ โหติ. อถ วา ปริจาเรหีติ ¶ คนฺธพฺพนฏนาฏกาทีนิ ปจฺจุปฏฺาเปตฺวา ¶ ตตฺถ สหายเกหิ สทฺธึ ลฬ, อุปลฬ, รม, กีฬสฺสูติปิ วุตฺตํ โหติ. กาเม ปริภฺุชนฺโตติ อตฺตโน ปุตฺตทาเรหิ สทฺธึ โภเค ภฺุชนฺโต. ปฺุานิ กโรนฺโตติ พุทฺธฺจ ธมฺมฺจ สงฺฆฺจ อารพฺภ ทานปฺปทานาทีนิ สุคติมคฺคโสธกานิ กุสลกมฺมานิ กโรนฺโต. ตุณฺหี อโหสีติ กถานุปฺปพนฺธวิจฺเฉทนตฺถํ นิราลาปสลฺลาโป อโหสิ. อถสฺส มาตาปิตโร ติกฺขตฺตุํ วตฺวา ปฏิวจนมฺปิ อลภมานา สหายเก ปกฺโกสาเปตฺวา ‘‘เอส โว สหายโก ปพฺพชิตุกาโม, นิวาเรถ น’’นฺติ อาหํสุ. เตปิ ตํ อุปสงฺกมิตฺวา ติกฺขตฺตุํ อโวจุํ, เตสมฺปิ ตุณฺหี อโหสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข สุทินฺนสฺส กลนฺทปุตฺตสฺส สหายกา…เป… ตุณฺหี อโหสี’’ติ.
๒๙. อถสฺส สหายกานํ เอตทโหสิ – ‘‘สเจ อยํ ปพฺพชฺชํ อลภมาโน มริสฺสติ น โกจิ คุโณ ภวิสฺสติ. ปพฺพชิตํ ปน นํ มาตาปิตโรปิ กาเลน กาลํ ปสฺสิสฺสนฺติ. มยมฺปิ ปสฺสิสฺสาม. ปพฺพชฺชาปิ จ นาเมสา ภาริยา, ทิวเส ทิวเส มตฺติกาปตฺตํ คเหตฺวา ปิณฺฑาย จริตพฺพํ. เอกเสยฺยํ เอกภตฺตํ พฺรหฺมจริยํ อติทุกฺกรํ. อยฺจ สุขุมาโล นาคริกชาติโย, โส ตํ จริตุํ อสกฺโกนฺโต ปุน อิเธว อาคมิสฺสติ. หนฺทสฺส ¶ มาตาปิตโร อนุชานาเปสฺสามา’’ติ. เต ตถา อกํสุ. มาตาปิตโรปิ นํ อนุชานึสุ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข สุทินฺนสฺส กลนฺทปุตฺตสฺส สหายกา เยน สุทินฺนสฺส กลนฺทปุตฺตสฺส มาตาปิตโร…เป… อนฺุาโตสิ มาตาปิตูหิ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชฺชายา’’ติ.
๓๐. หฏฺโติ ตุฏฺโ. อุทคฺโคติ ปีติวเสน อพฺภุนฺนตกายจิตฺโต. กติปาหนฺติ กติปยานิ ทิวสานิ. พลํ คาเหตฺวาติ สปฺปายโภชนานิ ภฺุชนฺโต, อุจฺฉาทนนฺหาปนาทีหิ จ กายํ ปริหรนฺโต, กายพลํ ชเนตฺวา มาตาปิตโร วนฺทิตฺวา อสฺสุมุขํ าติปริวฏฺฏํ ปหาย เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ…เป… ปพฺพาเชตุ มํ ภนฺเต ภควาติ. ภควา สมีเป ิตํ อฺตรํ ปิณฺฑจาริกํ ภิกฺขุํ อามนฺเตสิ – ‘‘เตน หิ ภิกฺขุ สุทินฺนํ ปพฺพาเชหิ เจว อุปสมฺปาเทหิ จา’’ติ. ‘‘สาธุ, ภนฺเต’’ติ โข โส ภิกฺขุ ภควโต ปฏิสฺสุณิตฺวา สุทินฺนํ กลนฺทปุตฺตํ ชินทตฺติยํ สทฺธิวิหาริกํ ลทฺธา ปพฺพาเชสิ เจว อุปสมฺปาเทสิ จ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อลตฺถ โข ¶ สุทินฺโน กลนฺทปุตฺโต ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ, อลตฺถ อุปสมฺปท’’นฺติ.
เอตฺถ ปน ตฺวา สพฺพอฏฺกถาสุ ปพฺพชฺชา จ อุปสมฺปทา จ กถิตา. มยํ ปน ยถาิตปาฬิวเสเนว ขนฺธเก กถยิสฺสาม. น เกวลฺเจตํ, อฺมฺปิ ยํ ขนฺธเก วา ปริวาเร วา กเถตพฺพํ อฏฺกถาจริเยหิ วิภงฺเคกถิตํ, ตํ สพฺพํ ตตฺถ ตตฺเถว กถยิสฺสาม. เอวฺหิ กถิยมาเน ¶ ปาฬิกฺกเมเนว วณฺณนา กตา โหติ. ตโต เตน เตน วินิจฺฉเยน อตฺถิกานํ ปาฬิกฺกเมเนว อิมํ วินยสํวณฺณนํ โอโลเกตฺวา โส โส วินิจฺฉโย สุวิฺเยฺโย ภวิสฺสตีติ.
อจิรูปสมฺปนฺโนติ อจิรํ อุปสมฺปนฺโน หุตฺวา; อุปสมฺปทโต นจิรกาเลเยวาติ วุตฺตํ โหติ. เอวรูเปติ เอวํวิเธ เอวํชาติเก. ธุตคุเณติ กิเลสนิทฺธุนนเก คุเณ. สมาทาย วตฺตตีติ สมาทิยิตฺวา คณฺหิตฺวา วตฺตติ จรติ วิหรติ. อารฺิโก โหตีติ คามนฺตเสนาสนํ ปฏิกฺขิปิตฺวา อารฺิกธุตงฺควเสน อรฺวาสิโก โหติ. ปิณฺฑปาติโกติ อติเรกลาภปฏิกฺเขเปน จุทฺทส ภตฺตานิ ปฏิกฺขิปิตฺวา ¶ ปิณฺฑปาติกธุตงฺควเสน ปิณฺฑปาติโก โหติ. ปํสุกูลิโกติ คหปติจีวรํ ปฏิกฺขิปิตฺวา ปํสุกูลิกธุตงฺควเสน ปํสุกูลิโก โหติ. สปทานจาริโกติ โลลุปฺปจารํ ปฏิกฺขิปิตฺวา สปทานจาริกธุตงฺควเสน สปทานจาริโก โหติ; ฆรปฏิปาฏิยา ภิกฺขาย ปวิสติ. วชฺชิคามนฺติ วชฺชีนํ คามํ วชฺชีสุ วา คามํ.
อฑฺฒา มหทฺธนาติอาทีสุ อุปโภคปริโภคูปกรณมหนฺตตาย อฑฺฒา; เย หิ เตสํ อุปโภคา ยานิ จ อุปโภคูปกรณานิ, ตานิ มหนฺตานิ พหุลานิ สารกานีติ วุตฺตํ โหติ. นิเธตฺวา ปิตธนมหนฺตตาย มหทฺธนา. มหาโภคาติ ทิวสปริพฺพยสงฺขาตโภคมหนฺตตาย มหาโภคา. อฺเหิ อุปโภเคหิ ชาตรูปรชตสฺเสว ปหูตตาย ปหูตชาตรูปรชตา. อลงฺการภูตสฺส วิตฺตูปกรณสฺส ปีติปาโมชฺชกรณสฺส ปหูตตาย ปหูตวิตฺตูปกรณา. โวหารวเสน ปริวตฺเตนฺตสฺส ธนธฺสฺส ปหูตตาย ปหูตธนธฺาติ เวทิตพฺพา.
เสนาสนํ ¶ สํสาเมตฺวาติ เสนาสนํ ปฏิสาเมตฺวา; ยถา น วินสฺสติ ตถา นํ สุฏฺุ เปตฺวาติ อตฺโถ. สฏฺิมตฺเต ถาลิปาเกติ คณนปริจฺเฉทโต สฏฺิถาลิปาเก. เอกเมโก เจตฺถ ถาลิปาโก ทสนฺนํ ภิกฺขูนํ ภตฺตํ คณฺหาติ. ตํ สพฺพมฺปิ ฉนฺนํ ภิกฺขุสตานํ ภตฺตํ โหติ. ภตฺตาภิหารํ อภิหรึสูติ เอตฺถ อภิหรียตีติ อภิหาโร. กึ อภิหรียติ? ภตฺตํ. ภตฺตเมว อภิหาโร ภตฺตาภิหาโร, ตํ ภตฺตาภิหารํ. อภิหรึสูติ อภิมุขา หรึสุ. ตสฺส สนฺติกํ คเหตฺวา อาคมํสูติ อตฺโถ. เอตสฺส กึ ปมาณนฺติ? สฏฺิ ถาลิปากา. เตน วุตฺตํ – ‘‘สฏฺิมตฺเต ถาลิปาเก ภตฺตาภิหารํ อภิหรึสู’’ติ. ภิกฺขูนํ วิสฺสชฺเชตฺวาติ สยํ อุกฺกฏฺปิณฺฑปาติกตฺตา สปทานจารํ จริตุกาโม ภิกฺขูนํ ปริโภคตฺถาย ปริจฺจชิตฺวา ทตฺวา. อยํ หิ อายสฺมา ‘‘ภิกฺขู จ ลาภํ ลจฺฉนฺติ อหฺจ ปิณฺฑเกน น กิลมิสฺสามี’’ติ เอตทตฺถเมว อาคโต. ตสฺมา อตฺตโน อาคมนานุรูปํ ¶ กโรนฺโต ภิกฺขูนํ วิสฺสชฺเชตฺวา สยํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ.
๓๑. าติทาสีติ ¶ าตกานํ ทาสี. อาภิโทสิกนฺติ ปาริวาสิกํ เอกรตฺตาติกฺกนฺตํ ปูติภูตํ. ตตฺรายํ ปทตฺโถ – ปูติภาวโทเสน อภิภูโตติ อภิโทโส, อภิโทโสว อาภิโทสิโก, เอกรตฺตาติกฺกนฺตสฺส วา นามสฺา เอสา, ยทิทํ อาภิโทสิโกติ, ตํ อาภิโทสิกํ. กุมฺมาสนฺติ ยวกุมฺมาสํ. ฉฑฺเฑตุกามา โหตีติ ยสฺมา อนฺตมโส ทาสกมฺมกรานมฺปิ โครูปานมฺปิ อปริโภคารโห, ตสฺมา ตํ กจวรํ วิย พหิ ฉฑฺเฑตุกามา โหติ. สเจตนฺติ สเจ เอตํ. ภคินีติ อริยโวหาเรน าติทาสึ อาลปติ. ฉฑฺฑนียธมฺมนฺติ ฉฑฺเฑตพฺพสภาวํ. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘ภคินิ, เอตํ สเจ พหิ ฉฑฺฑนียธมฺมํ นิสฺสฏฺปริคฺคหํ, ตํ อิธ เม ปตฺเต อากิรา’’ติ.
กึ ปน เอวํ วตฺตุํ ลพฺภติ, วิฺตฺติ วา ปยุตฺตวาจา วา น โหตีติ? น โหติ. กสฺมา? นิสฺสฏฺปริคฺคหตฺตา. ยฺหิ ฉฑฺฑนียธมฺมํ นิสฺสฏฺปริคฺคหํ, ยตฺถ สามิกา อนาลยา โหนฺติ, ตํ สพฺพํ ‘‘เทถ อาหรถ อิธ อากิรถา’’ติ วตฺตุํ วฏฺฏติ. ตถา หิ อคฺคอริยวํสิโก อายสฺมา รฏฺปาโลปิ ‘‘ฉฑฺฑนียธมฺมํ กุมฺมาสํ อิธ เม ปตฺเต อากิรา’’ติ (ม. นิ. ๒.๒๙๙) อวจ. ตสฺมา ยํ เอวรูปํ ฉฑฺฑนียธมฺมํ อฺํ วา อปริคฺคหิตํ วนมูลผลเภสชฺชาทิกํ ตํ สพฺพํ ยถาสุขํ อาหราเปตฺวา ปริภฺุชิตพฺพํ, น กุกฺกุจฺจายิตพฺพํ. หตฺถานนฺติ ¶ ภิกฺขาคฺคหณตฺถํ ปตฺตํ อุปนามยโต มณิพนฺธโต ปภุติ ทฺวินฺนมฺปิ หตฺถานํ. ปาทานนฺติ นิวาสนนฺตโต ปฏฺาย ทฺวินฺนมฺปิ ปาทานํ. สรสฺสาติ ‘‘สเจตํ ภคินี’’ติ วาจํ นิจฺฉารยโต สรสฺส จ. นิมิตฺตํ อคฺคเหสีติ คิหิกาเล สลฺลกฺขิตปุพฺพํ อาการํ อคฺคเหสิ สฺชานิ สลฺลกฺเขสิ. สุทินฺโน หิ ภควโต ทฺวาทสเม วสฺเส ปพฺพชิโต วีสติเม วสฺเส าติกุลํ ปิณฺฑาย ปวิฏฺโ สยํ ปพฺพชฺชาย อฏฺวสฺสิโก หุตฺวา; เตน นํ สา าติทาสี ทิสฺวาว น สฺชานิ, นิมิตฺตํ ปน อคฺคเหสีติ.
สุทินฺนสฺส มาตรํ เอตทโวจาติ อติครุนา ปพฺพชฺชูปคเตน สามิปุตฺเตน ¶ สทฺธึ ‘‘ตฺวํ นุ โข เม, ภนฺเต, อยฺโย สุทินฺโน’’ติอาทิวจนํ วตฺตุํ อวิสหนฺตี เวเคน ฆรํ ปวิสิตฺวา สุทินฺนสฺส มาตรํ เอตํ อโวจ. ยคฺเฆติ อาโรจนตฺเถ นิปาโต. สเจ เช สจฺจนฺติ เอตฺถ เชติ อาลปเน นิปาโต. เอวฺหิ ตสฺมึ เทเส ทาสิชนํ อาลปนฺติ, ตสฺมา ‘‘ตฺวํ, โภติ ทาสิ, สเจ สจฺจํ ภณสี’’ติ เอวเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
๓๒. อฺตรํ กุฏฺฏมูลนฺติ ตสฺมึ กิร เทเส ทานปตีนํ ฆเรสุ สาลา โหนฺติ, อาสนานิ เจตฺถ ปฺตฺตานิ โหนฺติ, อุปฏฺาปิตํ อุทกกฺชิยํ; ตตฺถ ปพฺพชิตา ปิณฺฑาย จริตฺวา ¶ นิสีทิตฺวา ภฺุชนฺติ. สเจ อิจฺฉนฺติ, ทานปตีนมฺปิ สนฺตกํ คณฺหนฺติ. ตสฺมา ตมฺปิ อฺตรสฺส กุลสฺส อีทิสาย สาลาย อฺตรํ กุฏฺฏมูลนฺติ เวทิตพฺพํ. น หิ ปพฺพชิตา กปณมนุสฺสา วิย อสารุปฺเป าเน นิสีทิตฺวา ภฺุชนฺตีติ.
อตฺถิ นาม ตาตาติ เอตฺถ อตฺถีติ วิชฺชมานตฺเถ; นามาติ ปุจฺฉนตฺเถ มฺนตฺเถ จ นิปาโต. อิทฺหิ วุตฺตํ โหติ – ‘‘อตฺถิ นุ โข, ตาต สุทินฺน, อมฺหากํ ธนํ, น มยํ นิทฺธนาติ วตฺตพฺพา, เยสํ โน ตฺวํ อีทิเส าเน นิสีทิตฺวา อาภิโทสิกํ กุมฺมาสํ ปริภฺุชิสฺสสิ’’; ตถา ‘‘อตฺถิ นุ โข, ตาต สุทินฺน, อมฺหากํ ชีวิตํ, น มยํ มตาติ วตฺตพฺพา, เยสํ โน ตฺวํ อีทิเส าเน นิสีทิตฺวา อาภิโทสิกํ กุมฺมาสํ ปริภฺุชิสฺสสิ’’; ตถา ‘‘อตฺถิ มฺเ, ตาต สุทินฺน, ตว อพฺภนฺตเร สาสนํ นิสฺสาย ปฏิลทฺโธ ¶ สมณคุโณ, ยํ ตฺวํ สุโภชนรสสํวฑฺฒิโตปิ อิมํ ชิคุจฺฉเนยฺยํ อาภิโทสิกํ กุมฺมาสํ อมตมิว นิพฺพิกาโร ปริภฺุชิสฺสสี’’ติ.
โส ปน คหปติ ทุกฺขาภิตุนฺนตาย เอตมตฺถํ ปริปุณฺณํ กตฺวา วตฺตุมสกฺโกนฺโต ‘‘อตฺถิ นาม, ตาต สุทินฺน, อาภิโทสิกํ กุมฺมาสํ ปริภฺุชิสฺสสี’’ติ เอตฺตกเมว อโวจ. อกฺขรจินฺตกา ปเนตฺถ อิมํ ลกฺขณํ วทนฺติ – อโนกปฺปนามริสนตฺถวเสน เอตํ อตฺถินามสทฺเท อุปปเท ‘‘ปริภฺุชิสฺสสี’’ติ อนาคตวจนํ กตํ. ตสฺสายมตฺโถ – อตฺถิ นาม…เป… ปริภฺุชิสฺสสิ, อิทํ ปจฺจกฺขมฺปิ อหํ น สทฺทหามิ ¶ น มริสยามีติ. ตตายํ อาภิโทสิโกติ ตโต ตว เคหโต อยํ อาภิโทสิโก กุมฺมาโส ลทฺโธติ อตฺโถ. ตโตยนฺติปิ ปาโ. ตทายนฺติปิ ปนฺติ, ตํ น สุนฺทรํ. เยน สกปิตุ นิเวสนนฺติ เยน สกสฺส ปิตุ อตฺตโน ปิตุ นิเวสนนฺติ อตฺโถ; เถโร ปิตริ เปเมเนว สุพฺพโจ หุตฺวา อคมาสิ. อธิวาเสสีติ เถโร อุกฺกฏฺปิณฺฑปาติโกปิ สมาโน ‘‘สเจ เอกภตฺตมฺปิ น คเหสฺสามิ, อติวิย เนสํ โทมนสฺสํ ภวิสฺสตี’’ติ าตีนํ อนุกมฺปาย อธิวาเสสิ.
๓๓. โอปฺุชาเปตฺวาติ อุปลิมฺปาเปตฺวา. เอกํ หิรฺสฺสาติ เอตฺถ หิรฺนฺติ กหาปโณ เวทิตพฺโพ. ปุริโสติ นาติทีโฆ นาติรสฺโส มชฺฌิมปฺปมาโณ เวทิตพฺโพ. ติโรกรณียนฺติ กรณตฺเถ ภุมฺมํ; สาณิปากาเรน ปริกฺขิปิตฺวาติ อตฺโถ. อถ วา ติโร กโรนฺติ เอเตนาติ ติโรกรณียํ, ตํ ปริกฺขิปิตฺวา; สมนฺตโต กตฺวาติ อตฺโถ. เตน หีติ ยสฺมา อชฺช สุทินฺโน อาคมิสฺสติ เตน การเณน. หิ อิติ ปทปูรณมตฺเต นิปาโต. เตนาติ อยมฺปิ วา อุยฺโยชนตฺเถ นิปาโตเยว.
๓๔. ปุพฺพณฺหสมยนฺติ ¶ เอตฺถ กิฺจาปิ ปาฬิยํ กาลาโรจนํ น วุตฺตํ, อถ โข อาโรจิเตเยว กาเล อคมาสีติ เวทิตพฺโพ. อิทํ เต ตาตาติ ทฺเว ปฺุเช ทสฺเสนฺโต อาห. มาตูติ ชเนตฺติยา. มตฺติกนฺติ มาติโต อาคตํ; อิทํ เต มาตามหิยา มาตุ อิมํ เคหํ อาคจฺฉนฺติยา ทินฺนธนนฺติ อตฺโถ. อิตฺถิกาย อิตฺถิธนนฺติ หีเฬนฺโต อาห ¶ . อิตฺถิกาย นาม อิตฺถิปริโภคานํเยว นฺหานจุณฺณาทีนํ อตฺถาย ลทฺธํ ธนํ กิตฺตกํ ภเวยฺย. ตสฺสาปิ ตาว ปริมาณํ ปสฺส. อถ วา อิทํ เต ตาต สุทินฺน มาตุ ธนํ, ตฺจ โข มตฺติกํ, น มยา ทินฺนํ, ตว มาตุเยว สนฺตกนฺติ วุตฺตํ โหติ. ตํ ปเนตํ น กสิยา น วณิชฺชาย สมฺภูตํ, อปิจ โข อิตฺถิกาย อิตฺถิธนํ. ยํ อิตฺถิกาย าติกุลโต สามิกกุลํ คจฺฉนฺติยา ลทฺธพฺพํ นฺหานจุณฺณาทีนํ อตฺถาย อิตฺถิธนํ, ตํ ตาว เอตฺตกนฺติ เอวเมตฺถ ¶ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ.
อฺํ เปตฺติกํ อฺํ ปิตามหนฺติ ยํ ปน เต ปิตุ จ ปิตามหานฺจ สนฺตกํ, ตํ อฺํเยว. นิหิตฺจ ปยุตฺตฺจ อติวิย พหุ; เอตฺถ จ ปิตามหนฺติ ตทฺธิตโลปํ กตฺวา เวทิตพฺพํ. เปตามหนฺติ วา ปาโ. ลพฺภา ตาต สุทินฺน หีนายาวตฺติตฺวาติ ตาต, สุทินฺน, อุตฺตมํ อริยทฺธชํ ปพฺพชิตลิงฺคํ ปหาย หีนาย คิหิภาวาย อาวตฺติตฺวา ลพฺภา โภคา ภฺุชิตุํ, นาลพฺภา ภฺุชิตุํ, น ตฺวํ ราชภีโต ปพฺพชิโต, น อิณายิเกหิ ปลิพุทฺโธ หุตฺวาติ. ตาต น อุสฺสหามีติ เอตฺถ ปน ตาตาติ วจนํ เคหสิตเปเมน อาห, น สมณเตเชน. น อุสฺสหามีติ น สกฺโกมิ. น วิสหามีติ นปฺปโหมิ, น สมตฺโถมฺหิ.
‘‘วเทยฺยาม โข ตํ คหปตี’’ติ อิทํ ปน วจนํ สมณเตเชนาห. นาติกฑฺเฒยฺยาสีติ ยํ เต มยิ เปมํ ปติฏฺิตํ, ตํ โกธวเสน น อติกฑฺเฒยฺยาสิ; สเจ น กุชฺเฌยฺยาสีติ วุตฺตํ โหติ. ตโต เสฏฺิ ‘‘ปุตฺโต เม สงฺคหํ มฺเ กตฺตุกาโม’’ติ อุทคฺคจิตฺโต อาห – ‘‘วเทหิ ตาต สุทินฺนา’’ติ. เตนหีติ อุยฺโยชนตฺเถ วิภตฺติปติรูปโก นิปาโต. ตโตนิทานนฺติ ตํนิทานํ ตํเหตุกนฺติ ปจฺจตฺตวจนสฺส โต-อาเทโส เวทิตพฺโพ; สมาเส จสฺส โลปาภาโว. ภยํ วาติ ‘‘กินฺติ เม โภเค เนว ราชาโน หเรยฺยุ’’นฺติอาทินา นเยน วุตฺตํ ราชาทิภยํ; จิตฺตุตฺราโสติ อตฺโถ. ฉมฺภิตตฺตนฺติ ราชูหิ วา โจเรหิ วา ‘‘ธนํ เทหี’’ติ กมฺมการณํ การิยมานสฺส กายิฺชนํ กายกมฺโป หทยมํสจลนํ. โลมหํโสติ อุปฺปนฺเน ภเย โลมานํ หํสนํ อุทฺธคฺคภาโว. อารกฺโขติ อนฺโต จ พหิ จ รตฺติฺจ ทิวา จ อารกฺขณํ.
๓๕. เตน หิ วธูติ เสฏฺิ คหปติ ธนํ ทสฺเสตฺวา ปุตฺตํ อตฺตนา คิหิภาวตฺถาย ปโลเภตุํ อสกฺโกนฺโต ‘‘มาตุคามสทิสํ ทานิ ปุริสานํ ¶ พนฺธนํ นตฺถี’’ติ มฺิตฺวา ตสฺส ปุราณทุติยิกํ ¶ อามนฺเตสิ – ‘‘เตน หิ วธู’’ติ. ปุราณทุติยิกนฺติ ปุราณํ ทุติยิกํ ปุพฺเพ คิหิกาเล ทุติยิกํ, เคหสิตสุขุปโภคสหายิกํ ภูตปุพฺพภริยนฺติ อตฺโถ. เตน หีติ เยน การเณน มาตุคามสทิสํ พนฺธนํ นตฺถิ. ปาเทสุ คเหตฺวาติ ¶ ปาเท คเหตฺวา; อุปโยคตฺเถ ภุมฺมวจนํ, ปาเทสุ วา ตํ คเหตฺวา. ‘‘กีทิสา นาม ตา อยฺยปุตฺต อจฺฉราโย’’ติ กสฺมา เอวมาห? ตทา กิร สมฺพหุเล ขตฺติยกุมาเรปิ พฺราหฺมณกุมาเรปิ เสฏฺิปุตฺเตปิ มหาสมฺปตฺติโย ปหาย ปพฺพชนฺเต ทิสฺวา ปพฺพชฺชาคุณํ อชานนฺตา กถํ สมุฏฺาเปนฺติ – ‘‘กสฺมา เอเต ปพฺพชนฺตี’’ติ. อถฺเ วทนฺติ – ‘‘เทวจฺฉรานํ เทวนาฏกานํ การณา’’ติ. สา กถา วิตฺถาริกา อโหสิ. ตํ คเหตฺวา อยํ เอวมาหาติ. เถโร ตํ ปฏิกฺขิปนฺโต น โข อหํ ภคินีติ อาห. สมุทาจรตีติ โวหรติ วเทติ. ตตฺเถว มุจฺฉิตา ปปตาติ นํ ภคินิวาเทน สมุทาจรนฺตํ ทิสฺวา ‘‘อนตฺถิโก ทานิ มยา อยํ โย มํ ปชาปตึ สมานํ อตฺตนา สทฺธึ เอกมาตุกุจฺฉิยา สยิตทาริกํ วิย มฺตี’’ติ สมุปฺปนฺนพลวโสกา หุตฺวา ตสฺมึเยว ปเทเส มุจฺฉิตา ปปตา; ปติตาติ อตฺโถ.
มา โน วิเหยิตฺถาติ มา อมฺเห ธนํ ทสฺเสตฺวา มาตุคามฺจ อุยฺโยเชตฺวา วิเหยิตฺถ; วิเหสา เหสา ปพฺพชิตานนฺติ. เตน หิ ตาต สุทินฺน พีชกมฺปิ เทหีติ เอตฺถ เตน หีติ อภิรติยํ อุยฺโยเชติ. สเจ ตฺวํ อภิรโต พฺรหฺมจริยํ จรสิ, จริตฺวา อากาเส นิสีทิตฺวา ปรินิพฺพายิตา โหหิ, อมฺหากํ ปน กุลวํสพีชกํ เอกํ ปุตฺตํ เทหิ. มา โน อปุตฺตกํ สาปเตยฺยํ ลิจฺฉวโย อติหราเปสุนฺติ มยฺหิ ลิจฺฉวีนํ คณราชูนํ รชฺเช วสาม, เต เต ปิตุโน อจฺจเยน อิมํ สาปเตยฺยํ เอวํ มหนฺตํ อมฺหากํ วิภวํ อปุตฺตกํ กุลธนรกฺขเกน ปุตฺเตน วิรหิตํ อตฺตโน ราชนฺเตปุรํ อติหราเปยฺยุนฺติ, ตํ เต มา อติหราเปสุํ, มา อติหราเปนฺตูติ.
เอตํ โข เม, อมฺม, สกฺกา กาตุนฺติ กสฺมา เอวมาห? โส กิร จินฺเตสิ – ‘‘เอเตสํ สาปเตยฺยสฺส อหเมว สามี, อฺโ นตฺถิ. เต มํ สาปเตยฺยรกฺขณตฺถาย นิจฺจํ อนุพนฺธิสฺสนฺติ; เตนาหํ น ลจฺฉามิ อปฺโปสฺสุกฺโก สมณธมฺมํ กาตุํ, ปุตฺตกํ ปน ลภิตฺวา โอรมิสฺสนฺติ, ตโต ¶ อหํ ยถาสุขํ สมณธมฺมํ กริสฺสามี’’ติ อิมํ นยํ ปสฺสนฺโต ¶ เอวมาหาติ.
๓๖. ปุปฺผนฺติ อุตุกาเล อุปฺปนฺนโลหิตสฺส นามํ. มาตุคามสฺส หิ อุตุกาเล คพฺภปติฏฺานฏฺาเน โลหิตวณฺณา ปิฬกา สณฺหิตฺวา สตฺต ทิวสานิ วฑฺฒิตฺวา ภิชฺชนฺติ, ตโต โลหิตํ ¶ ปคฺฆรติ, ตสฺเสตํ นามํ ‘‘ปุปฺผ’’นฺติ. ตํ ปน ยาว พลวํ โหติ พหุ ปคฺฆรติ, ตาว ทินฺนาปิ ปฏิสนฺธิ น ติฏฺติ, โทเสเนว สทฺธึ ปคฺฆรติ; โทเส ปน ปคฺฆริเต สุทฺเธ วตฺถุมฺหิ ทินฺนา ปฏิสนฺธิ ขิปฺปํ ปติฏฺาติ. ปุปฺผํสา อุปฺปชฺชีติ ปุปฺผํ อสฺสา อุปฺปชฺชิ; อการโลเปน สนฺธิ ปุราณทุติยิกาย พาหายํ คเหตฺวาติ ปุราณทุติยิกาย ยา พาหา, ตตฺร นํ คเหตฺวาติ อตฺโถ.
อปฺตฺเต สิกฺขาปเทติ ปมปาราชิกสิกฺขาปเท อฏฺปิเต. ภควโต กิร ปมโพธิยํ วีสติ วสฺสานิ ภิกฺขู จิตฺตํ อาราธยึสุ, น เอวรูปํ อชฺฌาจารมกํสุ. ตํ สนฺธาเยว อิทํ สุตฺตมาห – ‘‘อาราธยึสุ วต เม, ภิกฺขเว, ภิกฺขู เอกํ สมยํ จิตฺต’’นฺติ (ม. นิ. ๑.๒๒๕). อถ ภควา อชฺฌาจารํ อปสฺสนฺโต ปาราชิกํ วา สงฺฆาทิเสสํ วา น ปฺเปสิ. ตสฺมึ ตสฺมึ ปน วตฺถุสฺมึ อวเสเส ปฺจ ขุทฺทกาปตฺติกฺขนฺเธ เอว ปฺเปสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อปฺตฺเต สิกฺขาปเท’’ติ.
อนาทีนวทสฺโสติ ยํ ภควา อิทานิ สิกฺขาปทํ ปฺเปนฺโต อาทีนวํ ทสฺเสสฺสติ, ตํ อปสฺสนฺโต อนวชฺชสฺี หุตฺวา. สเจ หิ ‘‘อยํ อิทํ น กรณียนฺติ วา มูลจฺเฉชฺชาย วา สํวตฺตตี’’ติ ชาเนยฺย, สทฺธาปพฺพชิโต กุลปุตฺโต ตโตนิทานํ ชีวิตกฺขยํ ปาปุณนฺโตปิ น กเรยฺย. เอตฺถ ปน อาทีนวํ อปสฺสนฺโต นิทฺโทสสฺี อโหสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อนาทีนวทสฺโส’’ติ. ปุราณทุติยิกายาติ ภุมฺมวจนํ. อภิวิฺาเปสีติ ปวตฺเตสิ; ปวตฺตนาปิ หิ กายวิฺตฺติโจปนโต ‘‘วิฺาปนา’’ติ วุจฺจติ. ติกฺขตฺตุํ อภิวิฺาปนฺเจส คพฺภสณฺานสนฺนิฏฺานตฺถมกาสีติ เวทิตพฺโพ.
สา เตน คพฺภํ คณฺหีติ สา จ เตเนว อชฺฌาจาเรน คพฺภํ คณฺหิ, น อฺถา. กึ ปน อฺถาปิ คพฺภคฺคหณํ โหตีติ ¶ ? โหติ. กถํ? กายสํสคฺเคน ¶ , โจฬคฺคหเณน, อสุจิปาเนน, นาภิปรามสเนน, รูปทสฺสเนน, สทฺเทน, คนฺเธน. อิตฺถิโย หิ เอกจฺจา อุตุสมเย ฉนฺทราครตฺตา ปุริสานํ หตฺถคฺคาห-เวณิคฺคาห-องฺคปจฺจงฺคปรามสนํ สาทิยนฺติโยปิ คพฺภํ คณฺหนฺติ. เอวํ กายสํสคฺเคน คพฺภคฺคหณํ โหติ.
อุทายิตฺเถรสฺส ปน ปุราณทุติยิกา ภิกฺขุนี ตํ อสุจึ เอกเทสํ มุเขน อคฺคเหสิ, เอกเทสํ โจฬเกเนว สทฺธึ องฺคชาเต ปกฺขิปิ. สา เตน คพฺภํ คณฺหิ. เอวํ โจฬคฺคหเณน คพฺภคฺคหณํ โหติ.
มิคสิงฺคตาปสสฺส ¶ มาตา มิคี อุตุสมเย ตาปสสฺส ปสฺสาวฏฺานํ อาคนฺตฺวา สสมฺภวํ ปสฺสาวํ ปิวิ. สา เตน คพฺภํ คณฺหิตฺวา มิคสิงฺคํ วิชายิ. เอวํ อสุจิปาเนน คพฺภคฺคหณํ โหติ.
สามสฺส ปน โพธิสตฺตสฺส มาตาปิตูนํ จกฺขุปริหานึ ตฺวา สกฺโก ปุตฺตํ ทาตุกาโม ทุกูลปณฺฑิตํ อาห – ‘‘วฏฺฏติ ตุมฺหากํ เมถุนธมฺโม’’ติ? ‘‘อนตฺถิกา มยํ เอเตน, อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตามฺหา’’ติ. ‘‘เตน หิ อิมิสฺสา อุตุสมเย องฺคุฏฺเน นาภึ ปรามเสยฺยาถา’’ติ. โส ตถา อกาสิ. สา เตน คพฺภํ คณฺหิตฺวา สามํ ตาปสทารกํ วิชายิ. เอวํ นาภิปรามสเนน คพฺภคฺคหณํ โหติ. เอเตเนว นเยน มณฺฑพฺยสฺส จ จณฺฑปชฺโชตสฺส จ วตฺถุ เวทิตพฺพํ.
กถํ รูปทสฺสเนน โหติ? อิเธกจฺจา อิตฺถี อุตุสมเย ปุริสสํสคฺคํ อลภมานา ฉนฺทราควเสน อนฺโตเคหคตาว ปุริสํ อุปนิชฺฌายติ ราโชโรธา วิย, สา เตน คพฺภํ คณฺหาติ. เอวํ รูปทสฺสเนน คพฺภคฺคหณํ โหติ.
พลากาสุ ปน ปุริโส นาม นตฺถิ, ตา อุตุสมเย เมฆสทฺทํ สุตฺวา คพฺภํ คณฺหนฺติ. กุกฺกุฏิโยปิ กทาจิ เอกสฺส กุกฺกุฏสฺส สทฺทํ สุตฺวา พหุกาปิ คพฺภํ คณฺหนฺติ. ตถา คาวี อุสภสฺส. เอวํ สทฺเทน คพฺภคฺคหณํ โหติ.
คาวี เอว จ กทาจิ อุสภคนฺเธน คพฺภํ คณฺหนฺติ. เอวํ คนฺเธน คพฺภคฺคหณํ โหติ.
อิธ ¶ ปนายํ อชฺฌาจาเรน คพฺภํ คณฺหิ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘มาตาปิตโร จ สนฺนิปติตา โหนฺติ, มาตา จ อุตุนี โหติ, คนฺธพฺโพ จ ปจฺจุปฏฺิโต โหติ, เอวํ ติณฺณํ สนฺนิปาตา คพฺภสฺสาวกฺกนฺติ โหตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๐๘).
ภุมฺมา ¶ เทวา สทฺทมนุสฺสาเวสุนฺติ ยสฺมา นตฺถิ โลเก รโห นาม ปาปกมฺมํ ปกุพฺพโต. สพฺพปมํ หิสฺส ตํ ปาปํ อตฺตนา ชานาติ, ตโต อารกฺขเทวตา, อถฺาปิ ปรจิตฺตวิทุนิโย เทวตา. ตสฺมาสฺส ปรจิตฺตวิทู สกลวนสณฺฑนิสฺสิตา ภุมฺมา เทวา ตํ อชฺฌาจารํ ทิสฺวา สทฺทํ อนุสฺสาเวสุํ. ยถา อฺเปิ เทวา สุณนฺติ, ตถา นิจฺฉาเรสุํ. กินฺติ ¶ ? นิรพฺพุโท วต, โภ…เป… อาทีนโว อุปฺปาทิโตติ. ตสฺสตฺโถ เวรฺชกณฺเฑ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ.
ภุมฺมานํ เทวานํ สทฺทํ สุตฺวา จาตุมหาราชิกาติ เอตฺถ ปน ภุมฺมานํ เทวานํ สทฺทํ อากาสฏฺเทวตา อสฺโสสุํ; อากาสฏฺานํ จาตุมหาราชิกาติ อยมนุกฺกโม เวทิตพฺโพ. พฺรหฺมกายิกาติ อสฺสตฺเต จ อรูปาวจเร จ เปตฺวา สพฺเพปิ พฺรหฺมาโน อสฺโสสุํ; สุตฺวา จ สทฺทมนุสฺสาเวสุนฺติ เวทิตพฺโพ. อิติห เตน ขเณนาติ เอวํ เตน สุทินฺนสฺส อชฺฌาจารกฺขเณน. เตน มุหุตฺเตนาติ อชฺฌาจารมุหุตฺเตเนว. ยาว พฺรหฺมโลกาติ ยาว อกนิฏฺพฺรหฺมโลกา. อพฺภุคฺคจฺฉีติ อภิอุคฺคจฺฉิ อพฺภุฏฺาสิ เอกโกลาหลมโหสีติ.
ปุตฺตํ วิชายีติ สุวณฺณพิมฺพสทิสํ ปจฺฉิมภวิกสตฺตํ ชเนสิ. พีชโกติ นามมกํสูติ น อฺํ นามํ กาตุมทํสุ, ‘‘พีชกมฺปิ เทหี’’ติ มาตามหิยา วุตฺตภาวสฺส ปากฏตฺตา ‘‘พีชโก ตฺเววสฺส นามํ โหตู’’ติ ‘‘พีชโก’’ติ นามมกํสุ. ปุตฺตสฺส ปน นามวเสเนว จ มาตาปิตูนมฺปิสฺส นามมกํสุ. เต อปเรน สมเยนาติ พีชกฺจ พีชกมาตรฺจ สนฺธาย วุตฺตํ. พีชกสฺส กิร สตฺตฏฺวสฺสกาเล ตสฺส มาตา ภิกฺขุนีสุ โส จ ภิกฺขูสุ ปพฺพชิตฺวา กลฺยาณมิตฺเต อุปนิสฺสาย อรหตฺเต ปติฏฺหึสุ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อุโภ อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ สจฺฉากํสู’’ติ.
๓๗. เอวํ มาตาปุตฺตานํ ปพฺพชฺชา สผลา อโหสิ. ปิตา ปน วิปฺปฏิสาราภิภูโต วิหาสิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘อถ โข อายสฺมโต สุทินฺนสฺสอหุเทว กุกฺกุจฺจ’’นฺติอาทิ. ตตฺถ อหุเทวาติ ¶ ¶ อหุ เอว, ทกาโร ปทสนฺธิกโร. อโหสิเยวาติ อตฺโถ. กุกฺกุจฺจนฺติ อชฺฌาจารเหตุโก ปจฺฉานุตาโป. วิปฺปฏิสาโรติปิ ตสฺเสว นามํ. โส หิ วิฺูหิ อกตฺตพฺพตาย กุจฺฉิตกิริยภาวโต กุกฺกุจฺจํ. กตํ อชฺฌาจารํ นิวตฺเตตุํ อสมตฺถตาย ตํ ปฏิจฺจ วิรูปํ สรณภาวโต วิปฺปฏิสาโรติ วุจฺจติ. อลาภา วต เมติ มยฺหํ วต อลาภา; เย ฌานาทีนํ คุณานํ อลาภา นาม, เต มยฺหํ, น อฺสฺสาติ อธิปฺปาโย. น วต เม ลาภาติ เยปิ เม ปฏิลทฺธา ปพฺพชฺชสรณคมนสิกฺขาสมาทานคุณา, เตปิ เนว มยฺหํ ลาภา อชฺฌาจารมลีนตฺตา. ทุลฺลทฺธํ วต เมติ อิทํ สาสนํ ลทฺธมฺปิ เม ทุลฺลทฺธํ. น วต เม สุลทฺธนฺติ ยถา อฺเสํ กุลปุตฺตานํ, เอวํ น วต เม สุลทฺธํ. กสฺมา? ยมหํ เอวํ สฺวากฺขาเต ธมฺมวินเย…เป… พฺรหฺมจริยํ จริตุนฺติ. พฺรหฺมจริยนฺติ สิกฺขตฺตยสงฺคหิตํ มคฺคพฺรหฺมจริยํ. กิโส อโหสีติ ขาทิตุํ วา ภฺุชิตุํ วา อสกฺโกนฺโต ตนุโก อโหสิ อปฺปมํสโลหิโต ¶ . อุปฺปณฺฑุปฺปณฺฑุกชาโตติ สฺชาตุปฺปณฺฑุปฺปณฺฑุกภาโว ปณฺฑุปลาสปฺปฏิภาโค. ธมนิสนฺถตคตฺโตติ ปริยาทินฺนมํสโลหิตตฺตา สิราชาเลเนว สนฺถริตคตฺโต. อนฺโตมโนติ อนุโสจนวเสน อพฺภนฺตเรเยว ิตจิตฺโต. หทยวตฺถุํ นิสฺสาย ปวตฺตนวเสน ปน สพฺเพปิ อนฺโตมนาเยว. ลีนมโนติ อุทฺเทเส ปริปุจฺฉาย กมฺมฏฺาเน อธิสีเล อธิจิตฺเต อธิปฺาย วตฺตปฏิปตฺติปูรเณ จ นิกฺขิตฺตธุโร อวิปฺผาริโก อฺทตฺถุ โกสชฺชวเสเนว ลีโน สงฺกุจิโต มโน อสฺสาติ ลีนมโน. ทุกฺขีติ เจโตทุกฺเขน ทุกฺขี. ทุมฺมโนติ โทเสน ทุฏฺมโน, วิรูปมโน วา โทมนสฺสาภิภูตตาย. ปชฺฌายีติ วิปฺปฏิสารวเสน วหจฺฉินฺโน วิย คทฺรโภ ตํ ตํ จินฺตยิ.
๓๘. สหายกา ภิกฺขูติ ตํ เอวํภูตํ คณสงฺคณิกาปปฺเจน วีตินาเมนฺตํ ทิสฺวา ยสฺส วิสฺสาสิกา กถาผาสุกา ภิกฺขู เต นํ เอตทโวจุํ. ปีณินฺทฺริโยติ ปสาทปติฏฺาโนกาสสฺส สมฺปุณฺณตฺตา ปริปุณฺณจกฺขุอาทิอินฺทฺริโย. โส ทานิ ตฺวนฺติ เอตฺถ ทานีติ นิปาโต, โส ปน ตฺวนฺติ วุตฺตํ โหติ. กจฺจิโน ตฺวนฺติ กจฺจิ นุ ตฺวํ ¶ . อนภิรโตติ อุกฺกณฺิโต; คิหิภาวํ ปตฺถยมาโนติ อตฺโถ. ตสฺมา ตเมว อนภิรตึ ปฏิกฺขิปนฺโต อาห – ‘‘น โข อหํ, อาวุโส, อนภิรโต’’ติ. อธิกุสลานํ ปน ธมฺมานํ ภาวนาย อภิรโตว อหนฺติ ¶ . อตฺถิ เม ปาปกมฺมํ กตนฺติ มยา กตํ เอกํ ปาปกมฺมํ อตฺถิ อุปลพฺภติ สํวิชฺชติ, นิจฺจกาลํ อภิมุขํ วิย เม ติฏฺติ. อถ นํ ปกาเสนฺโต ‘‘ปุราณทุติยิกายา’’ติอาทิมาห.
อลฺหิ เต, อาวุโส สุทินฺน, กุกฺกุจฺจายาติ อาวุโส สุทินฺน, ตุยฺเหตํ ปาปกมฺมํ อลํ สมตฺถํ กุกฺกุจฺจาย; ปฏิพลํ กุกฺกุจฺจํ อุปฺปาเทตุนฺติ วุตฺตํ โหติ. ยํ ตฺวนฺติ อาทิมฺหิ เยน ปาเปน ตฺวํ น สกฺขิสฺสสิ พฺรหฺมจริยํ จริตุํ, ตํ เต ปาปํ อลํ กุกฺกุจฺจายาติ เอวํ สมฺพนฺโธ เวทิตพฺโพ. อถ นํ อนุสาสนฺตา ‘‘นนุ อาวุโส ภควตา’’ติอาทิมาหํสุ. ตตฺถ นนูติ อนุมติคฺคหณตฺเถ นิปาโต. อเนกปริยาเยนาติ อเนกการเณน. วิราคายาติ วิราคตฺถาย. โน สราคายาติ โน ราเคน รชฺชนตฺถาย. ภควตา หิ ‘‘อิมํ เม ธมฺมํ สุตฺวา สตฺตา สพฺพภวโภเคสุ วิรชฺชิสฺสนฺติ, โน รชฺชิสฺสนฺตี’’ เอตทตฺถาย ธมฺโม เทสิโตติ อธิปฺปาโย. เอส นโย สพฺพปเทสุ. อิทํ ปเนตฺถ ปริยายวจนมตฺตํ. วิสํโยคายาติ กิเลเสหิ วิสํยุชฺชนตฺถาย. โน สํโยคายาติ น สํยุชฺชนตฺถาย. อนุปาทานายาติ อคฺคหณตฺถาย. โน สอุปาทานายาติ น สงฺคหณตฺถาย.
ตตฺถ ¶ นาม ตฺวนฺติ ตสฺมึ นาม ตฺวํ. สราคาย เจเตสฺสสีติ สห ราเคน วตฺตมานาย เมถุนธมฺมาย เจเตสฺสสิ กปฺเปสฺสสิ ปกปฺเปสฺสสิ; เอตทตฺถํ วายมิสฺสสีติ อตฺโถ. เอส นโย สพฺพตฺถ. ปุน ราควิราคาทีนิ นว ปทานิ นิพฺพตฺติตโลกุตฺตรนิพฺพานเมว สนฺธาย วุตฺตานิ. ตสฺมา ราควิราคายาติ วา มทนิมฺมทนายาติ วา วุตฺเตปิ ‘‘นิพฺพานตฺถายา’’ติ เอวเมว อตฺโถ ทฏฺพฺโพ. นิพฺพานฺหิ ยสฺมา ตํ อาคมฺม อารพฺภ ปฏิจฺจ ราโค วิรชฺชติ น โหติ, ตสฺมา ราควิราโคติ วุจฺจติ. ยสฺมา ปน ตํ อาคมฺม มานมท-ปุริสมทาทโย มทา นิมฺมทา อมทา โหนฺติ วินสฺสนฺติ, ตสฺมา มทนิมฺมทนนฺติ วุจฺจติ. ยสฺมา ¶ จ ตํ อาคมฺม สพฺพาปิ กามปิปาสา วินยํ อพฺภตฺถํ ยาติ, ตสฺมา ปิปาสวินโยติ วุจฺจติ. ยสฺมา ปน ตํ อาคมฺม ปฺจ กามคุณาลยา สมุคฺฆาตํ คจฺฉนฺติ, ตสฺมา อาลยสมุคฺฆาโตติ วุจฺจติ. ยสฺมา จ ตํ อาคมฺม เตภูมกวฏฺฏํ อุปจฺฉิชฺชติ, ตสฺมา วฏฺฏุปจฺเฉโทติ วุจฺจติ. ยสฺมา ปน ตํ อาคมฺม สพฺพโส ตณฺหา ขยํ คจฺฉติ วิรชฺชติ นิรุชฺฌติ จ, ตสฺมา ตณฺหกฺขโย วิราโค นิโรโธติ วุจฺจติ. ยสฺมา ¶ ปเนตํ จตสฺโส โยนิโย, ปฺจ คติโย, สตฺต วิฺาณฏฺิติโย, นว จ สตฺตาวาเส, อปราปรภาวาย วินนโต อาพนฺธนโต สํสิพฺพนโต วานนฺติ ลทฺธโวหาราย ตณฺหาย นิกฺขนฺตํ นิสฺสฏํ วิสํยุตฺตํ, ตสฺมา นิพฺพานนฺติ วุจฺจตีติ.
กามานํ ปหานํ อกฺขาตนฺติ วตฺถุกามานํ, กิเลสกามานฺจ ปหานํ วุตฺตํ. กามสฺานํ ปริฺาติ สพฺพาสมฺปิ กามสฺานํ าตตีรณปหานวเสน ติวิธา ปริฺา อกฺขาตา. กามปิปาสานนฺติ กาเมสุ ปาตพฺยตานํ กาเม วา ปาตุมิจฺฉานํ. กามวิตกฺกานนฺติ กามุปสฺหิตานํวิตกฺกานํ. กามปริฬาหานนฺติ ปฺจกามคุณิกราควเสน อุปฺปนฺนปริฬาหานํ อนฺโตทาหานํ. อิเมสุ ปฺจสุ าเนสุ กิเลสกฺขยกโร โลกุตฺตรมคฺโคว กถิโต. สพฺพปเมสุ ปน ตีสุ าเนสุ โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสโก มคฺโค กถิโตติ เวทิตพฺโพ.
เนตํ อาวุโสติ น เอตํ อาวุโส, ตว ปาปกมฺมํ อปฺปสนฺนานฺจ ปสาทาย เอวรูปานํ ปสาทตฺถาย น โหติ. อถ ขฺเวตนฺติ อถ โข เอตํ. อถ โข ตนฺติปิ ปาโ. อฺถตฺตายาติ ปสาทฺถาภาวาย วิปฺปฏิสาราย โหติ. เย มคฺเคน อนาคตสทฺธา, เตสํ วิปฺปฏิสารํ กโรติ – ‘‘อีทิเสปิ นาม ธมฺมวินเย มยํ ปสนฺนา, ยตฺเถวํ ทุปฺปฏิปนฺนา ภิกฺขู’’ติ. เย ปน มคฺเคนาคตสทฺธา, เตสํ สิเนรุ วิย วาเตหิ อจโล ปสาโท อีทิเสหิ วตฺถูหิ อิโต วา ทารุณตเรหิ. เตน วุตฺตํ – ‘‘เอกจฺจานํ อฺถตฺตายา’’ติ.
๓๙. ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุนฺติ ภควโต เอตํ อตฺถํ อาจิกฺขึสุ ปฏิเวทยึสุ. อาโรจยมานา ¶ จ เนว ปิยกมฺยตาย น เภทปุเรกฺขารตาย ¶ , น ตสฺสายสฺมโต อวณฺณปกาสนตฺถาย, น กลิสาสนาโรปนตฺถาย, นาปิ ‘‘อิทํ สุตฺวา ภควา อิมสฺส สาสเน ปติฏฺํ น ทสฺสติ, นิกฺกฑฺฒาเปสฺสติ น’’นฺติ มฺมานา อาโรเจสุํ. อถ โข ‘‘อิมํ สาสเน อุปฺปนฺนํ อพฺพุทํ ตฺวา ภควา สิกฺขาปทํ ปฺเปสฺสติ, เวลํ มริยาทํ อาณํ เปสฺสตี’’ติ อาโรเจสุํ.
เอตสฺมึ นิทาเน เอตสฺมึ ปกรเณติ เอตฺถ สุทินฺนสฺส อชฺฌาจารวีติกฺกโม สิกฺขาปทปฺตฺติยา การณตฺตา นิทานฺเจว ปกรณฺจาติ วุตฺโตติ เวทิตพฺโพ. การณฺหิ ยสฺมา นิเทติ อตฺตโน ผลํ ‘‘คณฺหาถ น’’นฺติ ¶ ทสฺเสนฺตํ วิย อปฺเปติ, ปกโรติ จ นํ กตฺตุํ อารภติ, กโรติเยว วา; ตสฺมา นิทานฺเจว ปกรณฺจาติ วุจฺจติ. วิครหิ พุทฺโธ ภควาติ พุทฺโธ ภควา วิครหิ นินฺทิ; ยถา ตํ วณฺณาวณฺณารหานํ วณฺณฺจ อวณฺณฺจ ภณนฺเตสุ อคฺคปุคฺคโล. น หิ ภควโต สีลวีติกฺกมกรํ ปุคฺคลํ ทิสฺวา ‘‘อยํ ชาติยา วา โคตฺเตน วา โกลปุตฺติเยน วา คนฺเถน วา ธุตงฺเคน วา าโต ยสสฺสี อีทิสํ ปุคฺคลํ รกฺขิตุํ วฏฺฏตี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปชฺชติ, นาปิ เปสลํ คุณวนฺตํ ทิสฺวา ตสฺส คุณํ ปฏิจฺฉาเทตุํ จิตฺตํ อุปฺปชฺชติ. อถ โข ครหิตพฺพํ ครหติ เอว, ปสํสิตพฺพฺจ ปสํสติ เอว, อยฺจ ครหิตพฺโพ; ตสฺมา ตํ ตาทิลกฺขเณ ิโต อวิกมฺปมาเนน จิตฺเตน วิครหิ พุทฺโธ ภควา ‘‘อนนุจฺฉวิก’’นฺติอาทีหิ วจเนหิ.
ตตฺถายํ อตฺถวณฺณนา – ยทิทํ ตยา, โมฆปุริส, ตุจฺฉมนุสฺส กมฺมํ กตํ, ตํ สมณกรณานํ ธมฺมานํ มคฺคผลนิพฺพานสาสนานํ วา น อนุจฺฉวิกํ, เตสํ ฉวึ ฉายํ สุนฺทรภาวํ น อนฺเวติ นานุคจฺฉติ, อถ โข อารกาว เตหิ ธมฺเมหิ. อนนุจฺฉวิกตฺตา เอว จ อนนุโลมิกํ, เตสํ น อนุโลเมติ; อถ โข วิโลมํ ปจฺจนีกภาเว ิตํ. อนนุโลมิกตฺตา เอว จ อปฺปติรูปํ, ปติรูปํ สทิสํ ปฏิภาคํ น โหติ, อถ โข อสทิสํ อปฺปฏิภาคเมว. อปฺปติรูปตฺตา เอว จ อสฺสามณกํ, สมณานํ ¶ กมฺมํ น โหติ. อสฺสามณกตฺตา อกปฺปิยํ. ยฺหิ สมณกมฺมํ น โหติ, ตํ เตสํ น กปฺปติ. อกปฺปิยตฺตา อกรณียํ. น หิ สมณา ยํ น กปฺปติ, ตํ กโรนฺติ. ตฺเจตํ ตยา กตํ, ตสฺมา อนนุจฺฉวิกํ เต, โมฆปุริส, กตํ…เป… อกรณียนฺติ. กถฺหิ นามาติ เกน นาม การเณน, กึ นาม การณํ ปสฺสนฺโตติ วุตฺตํ โหติ. ตโต การณาภาวํ ทสฺเสนฺโต ปรโต ‘‘นนุ มยา โมฆปุริสา’’ติอาทิมาห. ตํ สพฺพํ วุตฺตตฺถเมว.
อิทานิ ¶ ยสฺมา ยํ เตน ปาปกมฺมํ กตํ, ตํ วิปจฺจมานํ อติวิย ทุกฺขวิปากํ โหติ, ตสฺมาสฺส ตํ วิปากํ ทสฺเสตุํ กตาปราธํ วิย ปุตฺตํ อนุกมฺปกา มาตาปิตโร ทยาลุเกน จิตฺเตน สุทินฺนํ ปริภาสนฺโต ‘‘วรํ เต โมฆปุริสา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อาสุ สีฆํ เอตสฺส วิสํ อาคจฺฉตีติ อาสีวิโส. โฆรํ จณฺฑมสฺส วิสนฺติ โฆรวิโส, ตสฺส อาสีวิสสฺส โฆรวิสสฺส. ‘‘ปกฺขิตฺต’’นฺติ เอตสฺส ‘‘วร’’นฺติ อิมินา สมฺพนฺโธ ¶ . อีทิสสฺส อาสีวิสสฺส โฆรวิสสฺส มุเข องฺคชาตํ วรํ ปกฺขิตฺตํ; สเจ ปกฺขิตฺตํ ภเวยฺย, วรํ สิยา; สุนฺทรํ สาธุ สุฏฺุ สิยาติ อตฺโถ. น ตฺเววาติ น ตุ เอว วรํ น สุนฺทรเมว น สาธุเมว น สุฏฺุเมว. เอส นโย สพฺพตฺถ. กณฺหสปฺปสฺสาติ กาฬสปฺปสฺส. องฺคารกาสุยาติ องฺคารปุณฺณกูเป, องฺคารราสิมฺหิ วา. อาทิตฺตายาติ ปทิตฺตาย คหิตอคฺคิวณฺณาย. สมฺปชฺชลิตายาติ สมนฺตโต ปชฺชลิตาย อจฺจิโย มุจฺจนฺติยา. สโชติภูตายาติ สปฺปภาย. สมนฺตโต อุฏฺิตาหิ ชาลาหิ เอกปฺปภาสมุทยภูตายาติ วุตฺตํ โหติ.
ตํ กิสฺส เหตูติ ยํ มยา วุตฺตํ ‘‘วร’’นฺติ ตํ กิสฺส เหตุ, กตเรน การเณนาติ เจ? มรณํ วา นิคจฺเฉยฺยาติ โย ตตฺถ องฺคชาตํ ปกฺขิเปยฺย, โส มรณํ วา นิคจฺเฉยฺย มรณมตฺตํ วา ทุกฺขํ. อิโตนิทานฺจ โข…เป… อุปปชฺเชยฺยาติ ยํ อิทํ มาตุคามสฺส องฺคชาเต องฺคชาตปกฺขิปนํ, อิโตนิทานํ ตสฺส การโก ปุคฺคโล นิรยํ อุปปชฺเชยฺย; เอวํ กมฺมสฺส มหาสาวชฺชตํ ปสฺสนฺโต ตํ ครหิ, น ตสฺส ทุกฺขาคมํ อิจฺฉมาโน. ตตฺถ นาม ตฺวนฺติ ตสฺมึ นาม เอวรูเป กมฺเม เอวํ ¶ มหาสาวชฺเช สมาเนปิ ตฺวํ. ยํ ตฺวนฺติ เอตฺถ ยนฺติ หีฬนตฺเถ นิปาโต. ตฺวนฺติ ตํ-สทฺทสฺส เววจนํ; ทฺวีหิปิ ยํ วา ตํ วา หีฬิตมวฺาตนฺติ วุตฺตํ โหติ. อสทฺธมฺมนฺติ อสตํ นีจชนานํ ธมฺมํ; เตหิ เสวิตพฺพนฺติ อตฺโถ. คามธมฺมนฺติ คามานํ ธมฺมํ; คามวาสิกมนุสฺสานํ ธมฺมนฺติ วุตฺตํ โหติ. วสลธมฺมนฺติ ปาปธมฺเม วสนฺติ ปคฺฆรนฺตีติ วสลา, เตสํ วสลานํ หีนปุริสานํ ธมฺมํ, วสลํ วา กิเลสปคฺฆรณกํ ธมฺมํ. ทุฏฺุลฺลนฺติ ทุฏฺุ จ กิเลสทูสิตํ ถูลฺจ อสุขุมํ, อนิปุณนฺติ วุตฺตํ โหติ. โอทกนฺติกนฺติ อุทกกิจฺจํ อนฺติกํ อวสานํ อสฺสาติ โอทกนฺติโก, ตํ โอทกนฺติกํ. รหสฺสนฺติ รโหภวํ, ปฏิจฺฉนฺเน โอกาเส อุปฺปชฺชนกํ. อยฺหิ ธมฺโม ชิคุจฺฉนียตฺตา น สกฺกา อาวิ อฺเสํ ทสฺสนวิสเย กาตุํ, เตน วุตฺตํ – ‘‘รหสฺส’’นฺติ. ทฺวยํทฺวยสมาปตฺตินฺติ ทฺวีหิ ทฺวีหิ สมาปชฺชิตพฺพํ, ทฺวยํ ทฺวยํ สมาปตฺตินฺติปิ ปาโ. ทยํ ทยํ สมาปตฺตินฺติปิ ปนฺติ, ตํ น สุนฺทรํ. สมาปชฺชิสฺสสีติ เอตํ ‘‘ตตฺถ นาม ตฺว’’นฺติ เอตฺถ วุตฺตนามสทฺเทน โยเชตพฺพํ ‘‘สมาปชฺชิสฺสสิ นามา’’ติ.
พหูนํ ¶ โข…เป… อาทิกตฺตา ปุพฺพงฺคโมติ สาสนํ สนฺธาย วทติ. อิมสฺมึ สาสเน ตฺวํ พหูนํ ปุคฺคลานํ อกุสลานํ ธมฺมานํ อาทิกตฺตา, สพฺพปมํ ¶ กรณโต; ปุพฺพงฺคโม สพฺพปมํ เอตํ มคฺคํ ปฏิปนฺนตฺตา; ทฺวารํทโท, อุปายทสฺสโกติ วุตฺตํ โหติ. อิมฺหิ เลสํ ลทฺธา ตว อนุสิกฺขมานา พหู ปุคฺคลา นานปฺปการเก มกฺกฏิยา เมถุนปฏิเสวนาทิเก อกุสลธมฺเม กริสฺสนฺตีติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโย.
อเนกปริยาเยนาติ อิเมหิ ‘‘อนนุจฺฉวิก’’นฺติอาทินา นเยน วุตฺเตหิ, พหูหิ การเณหิ. ทุพฺภรตาย…เป… โกสชฺชสฺส อวณฺณํ ภาสิตฺวาติ ทุพฺภรตาทีนํ วตฺถุภูตสฺส อสํวรสฺส อวณฺณํ นินฺทํ ครหํ ภาสิตฺวาติ อตฺโถ. ยสฺมา หิ อสํวเร ิตสฺส ปุคฺคลสฺส อตฺตา ทุพฺภรตฺเจว ทุปฺโปสตฺจ อาปชฺชติ, ตสฺมา อสํวโร ‘‘ทุพฺภรตา, ทุปฺโปสตา’’ติ จ วุจฺจติ. ยสฺมา ปน อสํวเร ¶ ิตสฺส อตฺตา จตูสุ ปจฺจเยสุ มหิจฺฉตํ สิเนรุปฺปมาเณปิ จ ปจฺจเย ลทฺธา อสนฺตุฏฺิตํ อาปชฺชติ, ตสฺมา อสํวโร ‘‘มหิจฺฉตา, อสนฺตุฏฺิตา’’ติ จ วุจฺจติ. ยสฺมา จ อสํวเร ิตสฺส อตฺตา คณสงฺคณิกาย เจว กิเลสสงฺคณิกาย จ สํวตฺตติ, โกสชฺชานุคโต จ โหติ อฏฺกุสีตวตฺถุปาริปูริยา สํวตฺตติ, ตสฺมา อสํวโร ‘‘สงฺคณิกา, เจว โกสชฺชฺจา’’ติ วุจฺจติ.
สุภรตาย…เป… วีริยารมฺภสฺส วณฺณํ ภาสิตฺวาติ สุภรตาทีนํ วตฺถุภูตสฺส สํวรสฺส วณฺณํ ภาสิตฺวาติ อตฺโถ. ยสฺมา หิ อสํวรํ ปหาย สํวเร ิตสฺส อตฺตา สุภโร โหติ สุโปโส, จตูสุ จ ปจฺจเยสุ อปฺปิจฺฉตํ นิตฺตณฺหภาวํ อาปชฺชติ, เอกเมกสฺมิฺจ ปจฺจเย ยถาลาภ-ยถาพล-ยถาสารุปฺปวเสน ติปฺปเภทาย สนฺตุฏฺิยา สํวตฺตติ, ตสฺมา สํวโร ‘‘สุภรตา เจว สุโปสตา จ อปฺปิจฺโฉ จ สนฺตุฏฺโ จา’’ติ วุจฺจติ.
ยสฺมา ปน อสํวรํ ปหาย สํวเร ิตสฺส อตฺตา กิเลสสลฺเลขนตาย เจว นิทฺธุนนตาย จ สํวตฺตติ, ตสฺมา สํวโร ‘‘สลฺเลโข จ ธุโต จา’’ติ วุจฺจติ.
ยสฺมา จ อสํวรํ ปหาย สํวเร ิตสฺส อตฺตา กายวาจานํ อปฺปาสาทิกํ อปฺปสาทนียํ อสนฺตํ อสารุปฺปํ กายวจีทุจฺจริตํ จิตฺตสฺส อปฺปาสาทิกํ ¶ อปฺปสาทนียํ อสนฺตํ อสารุปฺปํ อกุสลวิตกฺกตฺตยฺจ อนุปคมฺม ตพฺพิปรีตสฺส กายวจีสุจริตสฺส เจว กุสลวิตกฺกตฺตยสฺส จ ปาสาทิกสฺส ปสาทนียสฺส สนฺตสฺส สารุปฺปสฺส ปาริปูริยา สํวตฺตติ, ตสฺมา สํวโร ‘‘ปาสาทิโก’’ติ วุจฺจติ.
ยสฺมา ¶ ปน อสํวรํ ปหาย สํวเร ิตสฺส อตฺตา สพฺพกิเลสาปจยภูตาย, วิวฏฺฏาย, อฏฺวีริยารมฺภวตฺถุปาริปูริยา จ สํวตฺตติ, ตสฺมา สํวโร ‘‘อปจโย เจว วีริยารมฺโภ จา’’ติ วุจฺจตีติ.
ภิกฺขูนํ ตทนุจฺฉวิกํ ตทนุโลมิกนฺติ ตตฺถ สนฺนิปติตานํ ภิกฺขูนํ ยํ อิทานิ สิกฺขาปทํ ปฺเปสฺสติ, ตสฺส อนุจฺฉวิกฺเจว อนุโลมิกฺจ. โย วา อยํ สุภรตาทีหิ สํวโร วุตฺโต, ตสฺส อนุจฺฉวิกฺเจว อนุโลมิกฺจ สํวรปฺปหานปฏิสํยุตฺตํ ¶ อสุตฺตนฺตวินิพทฺธํ ปาฬิวินิมุตฺตํ โอกฺกนฺติกธมฺมเทสนํ กตฺวาติ อตฺโถ. ภควา กิร อีทิเสสุ าเนสุ ปฺจวณฺณกุสุมมาลํ กโรนฺโต วิย, รตนทามํ สชฺเชนฺโต วิย, จ เย ปฏิกฺขิปนาธิปฺปายา อสํวราภิรตา เต สมฺปรายิเกน วฏฺฏภเยน ตชฺเชนฺโต อเนกปฺปการํ อาทีนวํ ทสฺเสนฺโต, เย สิกฺขากามา สํวเร ิตา เต อปฺเปกจฺเจ อรหตฺเต ปติฏฺเปนฺโต อปฺเปกจฺเจ อนาคามิ-สกทาคามิ-โสตาปตฺติผเลสุ อุปนิสฺสยวิรหิเตปิ สคฺคมคฺเค ปติฏฺเปนฺโต ทีฆนิกายปฺปมาณมฺปิ มชฺฌิมนิกายปฺปมาณมฺปิ ธมฺมเทสนํ กโรติ. ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํ – ‘‘ภิกฺขูนํ ตทนุจฺฉวิกํ ตทนุโลมิกํ ธมฺมึ กถํ กตฺวา’’ติ.
เตน หีติ เตน สุทินฺนสฺส อชฺฌาจาเรน การณภูเตน. สิกฺขาปทนฺติ เอตฺถ สิกฺขิตพฺพาติ สิกฺขา, ปชฺชเต อิมินาติ ปทํ, สิกฺขาย ปทํ สิกฺขาปทํ; สิกฺขาย อธิคมุปาโยติ อตฺโถ. อถ วา มูลํ นิสฺสโย ปติฏฺาติ วุตฺตํ โหติ. เมถุนวิรติยา เมถุนสํวรสฺเสตํ อธิวจนํ. เมถุนสํวโร หิ ตทฺเสํ สิกฺขาสงฺขาตานํ สีลวิปสฺสนาฌานมคฺคธมฺมานํ วุตฺตตฺถวเสน ปทตฺตา อิธ ‘‘สิกฺขาปท’’นฺติ อธิปฺเปโต. อยฺจ อตฺโถ สิกฺขาปทวิภงฺเค วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺโพ. อปิจ ตสฺสตฺถสฺส ทีปกํ วจนมฺปิ ‘‘สิกฺขาปท’’นฺติ เวทิตพฺพํ. วุตฺตมฺปิ เจตํ – ‘‘สิกฺขาปทนฺติ โย ตตฺถ นามกาโย ปทกาโย นิรุตฺติกาโย พฺยฺชนกาโย’’ติ. อถ วา ยถา ‘‘อนภิชฺฌา ธมฺมปท’’นฺติ วุตฺเต อนภิชฺฌา เอโก ธมฺมโกฏฺาโสติ อตฺโถ ¶ โหติ, เอวมิธาปิ ‘‘สิกฺขาปท’’นฺติ สิกฺขาโกฏฺาโส สิกฺขาย เอโก ปเทโสติปิ อตฺโถ เวทิตพฺโพ.
ทส อตฺถวเส ปฏิจฺจาติ ทส การณวเส สิกฺขาปทปฺตฺติเหตุ อธิคมนีเย หิตวิเสเส ปฏิจฺจ อาคมฺม อารพฺภ, ทสนฺนํ หิตวิเสสานํ นิปฺผตฺตึ สมฺปสฺสมาโนติ วุตฺตํ โหติ. อิทานิ เต ทส อตฺถวเส ทสฺเสนฺโต ‘‘สงฺฆสุฏฺุตายา’’ติอาทิมาห. ตตฺถ สงฺฆสุฏฺุตา นาม สงฺฆสฺส สุฏฺุภาโว, ‘‘สุฏฺุ เทวา’’ติ อาคตฏฺาเน วิย ‘‘สุฏฺุ, ภนฺเต’’ติ วจนสมฺปฏิจฺฉนภาโว ¶ . โย จ ตถาคตสฺส วจนํ สมฺปฏิจฺฉติ ¶ , ตสฺส ตํ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย โหติ, ตสฺมา สงฺฆสฺส ‘‘สุฏฺุ, ภนฺเต’’ติ มม วจนสมฺปฏิจฺฉนตฺถํ ปฺเปสฺสามิ, อสมฺปฏิจฺฉเน อาทีนวํ สมฺปฏิจฺฉเน จ อานิสํสํ ทสฺเสตฺวา, น พลกฺกาเรน อภิภวิตฺวาติ เอตมตฺถํ อาวิกโรนฺโต อาห – ‘‘สงฺฆสุฏฺุตายา’’ติ. สงฺฆผาสุตายาติ สงฺฆสฺส ผาสุภาวาย; สหชีวิตาย สุขวิหารตฺถายาติ อตฺโถ.
ทุมฺมงฺกูนํ ปุคฺคลานํ นิคฺคหายาติ ทุมฺมงฺกู นาม ทุสฺสีลปุคฺคลา; เย มงฺกุตํ อาปาทิยมานาปิ ทุกฺเขน อาปชฺชนฺติ, วีติกฺกมํ กโรนฺตา วา กตฺวา วา น ลชฺชนฺติ, เตสํ นิคฺคหตฺถาย; เต หิ สิกฺขาปเท อสติ ‘‘กึ ตุมฺเหหิ ทิฏฺํ, กึ สุตํ – กึ อมฺเหหิ กตํ; กตรสฺมึ วตฺถุสฺมึ กตมํ อาปตฺตึ อาโรเปตฺวา อมฺเห นิคฺคณฺหถา’’ติ สงฺฆํ วิเหเสฺสนฺติ, สิกฺขาปเท ปน สติ เต สงฺโฆ สิกฺขาปทํ ทสฺเสตฺวา ธมฺเมน วินเยน สตฺถุสาสเนน นิคฺคเหสฺสติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ทุมฺมงฺกูนํ ปุคฺคลานํ นิคฺคหายา’’ติ.
เปสลานํ ภิกฺขูนํ ผาสุวิหารายาติ เปสลานํ ปิยสีลานํ ภิกฺขูนํ ผาสุวิหารตฺถาย. ปิยสีลา หิ ภิกฺขู กตฺตพฺพากตฺตพฺพํ สาวชฺชานวชฺชํ เวลํ มริยาทํ อชานนฺตา สิกฺขตฺตยปาริปูริยา ฆฏมานา กิลมนฺติ, สนฺทิฏฺมานา อุพฺพาฬฺหา โหนฺติ. กตฺตพฺพากตฺตพฺพํ ปน สาวชฺชานวชฺชํ เวลํ มริยาทํ ตฺวา สิกฺขตฺตยปาริปูริยา ฆฏมานา น กิลมนฺติ, สนฺทิฏฺมานา น อุพฺพาฬฺหา โหนฺติ. เตน เนสํ สิกฺขาปทปฺาปนา ผาสุวิหาราย สํวตฺตติ. โย วา ทุมฺมงฺกูนํ ปุคฺคลานํ นิคฺคโห, สฺเวว เอเตสํ ผาสุวิหาโร. ทุสฺสีลปุคฺคเล นิสฺสาย หิ อุโปสโถ น ติฏฺติ ¶ , ปวารณา น ติฏฺติ, สงฺฆกมฺมานิ นปฺปวตฺตนฺติ, สามคฺคี น โหติ, ภิกฺขู อเนกคฺคา อุทฺเทสปริปุจฺฉากมฺมฏฺานาทีนิ อนุยฺุชิตุํ น สกฺโกนฺติ. ทุสฺสีเลสุ ปน นิคฺคหิเตสุ สพฺโพปิ อยํ อุปทฺทโว น โหติ. ตโต เปสลา ภิกฺขู ผาสุ วิหรนฺติ. เอวํ ‘‘เปสลานํ ภิกฺขูนํ ผาสุ วิหารายา’’ติ เอตฺถ ทฺวิธา อตฺโถ ¶ เวทิตพฺโพ.
ทิฏฺธมฺมิกานํ อาสวานํ สํวรายาติ ทิฏฺธมฺมิกา อาสวา นาม อสํวเร ิเตน ตสฺมิฺเว อตฺตภาเว ปตฺตพฺพา ปาณิปฺปหาร-ทณฺฑปฺปหาร-หตฺถจฺเฉท-ปาทจฺเฉท-อกิตฺติ-อยสวิปฺปฏิสาราทโย ทุกฺขวิเสสา. อิติ อิเมสํ ทิฏฺธมฺมิกานํ อาสวานํ สํวราย ปิธานาย อาคมนมคฺคถกนายาติ อตฺโถ.
สมฺปรายิกานํ อาสวานํ ปฏิฆาตายาติ สมฺปรายิกา อาสวา นาม อสํวเร ิเตน กตปาปกมฺมมูลกา สมฺปราเย นรกาทีสุ ปตฺตพฺพา ทุกฺขวิเสสา, เตสํ ปฏิฆาตตฺถาย ¶ ปฏิปฺปสฺสมฺภนตฺถาย วูปสมตฺถายาติ วุตฺตํ โหติ.
อปฺปสนฺนานํ ปสาทายาติ สิกฺขาปทปฺตฺติยา หิ สติ สิกฺขาปทปฺตฺตึ ตฺวา วา ยถาปฺตฺตํ ปฏิปชฺชมาเน ภิกฺขู ทิสฺวา วา เยปิ อปฺปสนฺนา ปณฺฑิตมนุสฺสา, เต ‘‘ยานิ วต โลเก มหาชนสฺส รชฺชน-ทุสฺสน-มุยฺหนฏฺานานิ, เตหิ อิเม สมณา สกฺยปุตฺติยา อารกา วิรตา วิหรนฺติ, ทุกฺกรํ วต กโรนฺติ, ภาริยํ วต กโรนฺตี’’ติ ปสาทํ อาปชฺชนฺติ, วินยปิฏเก โปตฺถกํ ทิสฺวา มิจฺฉาทิฏฺิก-ติเวที พฺราหฺมโณ วิย. เตน วุตฺตํ – ‘‘อปฺปสนฺนานํ ปสาทายา’’ติ.
ปสนฺนานํ ภิยฺโยภาวายาติ เยปิ สาสเน ปสนฺนา กุลปุตฺตา เตปิ สิกฺขาปทปฺตฺตึ ตฺวา ยถาปฺตฺตํ ปฏิปชฺชมาเน ภิกฺขู วา ทิสฺวา ‘‘อโห อยฺยา ทุกฺกรการิโน, เย ยาวชีวํ เอกภตฺตํ พฺรหฺมจริยํ วินยสํวรํ อนุปาเลนฺตี’’ติ ภิยฺโย ภิยฺโย ปสีทนฺติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘ปสนฺนานํ ภิยฺโยภาวายา’’ติ.
สทฺธมฺมฏฺิติยาติ ติวิโธ สทฺธมฺโม – ปริยตฺติสทฺธมฺโม, ปฏิปตฺติสทฺธมฺโม, อธิคมสทฺธมฺโมติ. ตตฺถ ปิฏกตฺตยสงฺคหิตํ สพฺพมฺปิ พุทฺธวจนํ ‘‘ปริยตฺติสทฺธมฺโม’’ นาม. เตรส ธุตคุณา, จุทฺทส ขนฺธกวตฺตานิ, ทฺเวอสีติ มหาวตฺตานิ, สีลสมาธิวิปสฺสนาติ ¶ อยํ ‘‘ปฏิปตฺติสทฺธมฺโม’’ นาม. จตฺตาโร อริยมคฺคา จตฺตาริ จ สามฺผลานิ นิพฺพานฺจาติ อยํ ‘‘อธิคมสทฺธมฺโม’’ นาม. โส สพฺโพปิ ยสฺมา สิกฺขาปทปฺตฺติยา สติ ภิกฺขู สิกฺขาปทฺจ ตสฺส วิภงฺคฺจ ตทตฺถโชตนตฺถํ อฺฺจ พุทฺธวจนํ ปริยาปุณนฺติ, ยถาปฺตฺตฺจ ปฏิปชฺชมานา ปฏิปตฺตึ ปูเรตฺวา ปฏิปตฺติยา อธิคนฺตพฺพํ ¶ โลกุตฺตรธมฺมํ อธิคจฺฉนฺติ, ตสฺมา สิกฺขาปทปฺตฺติยา จิรฏฺิติโก โหติ. เตน วุตฺตํ – ‘‘สทฺธมฺมฏฺิติยา’’ติ.
วินยานุคฺคหายาติ สิกฺขาปทปฺตฺติยา หิ สติ สํวรวินโย จ ปหานวินโย จ สมถวินโย จ ปฺตฺติวินโย จาติ จตุพฺพิโธปิ วินโย อนุคฺคหิโต โหติ อุปตฺถมฺภิโต สูปตฺถมฺภิโต. เตน วุตฺตํ – ‘‘วินยานุคฺคหายา’’ติ.
สพฺพาเนว เจตานิ ปทานิ ‘‘สิกฺขาปทํ ปฺเปสฺสามี’’ติ อิมินา วจเนน สทฺธึ โยเชตพฺพานิ ¶ . ตตฺรายํ ปมปจฺฉิมปทโยชนา – ‘‘สงฺฆสุฏฺุตาย สิกฺขาปทํ ปฺเปสฺสามิ, วินยานุคฺคหาย สิกฺขาปทํ ปฺเปสฺสามี’’ติ.
อปิ เจตฺถ ยํ สงฺฆสุฏฺุ ตํ สงฺฆผาสุ, ยํ สงฺฆผาสุ ตํ ทุมฺมงฺกูนํ ปุคฺคลานํ นิคฺคหายาติ เอวํ สงฺขลิกนยํ; ยํ สงฺฆสุฏฺุ ตํ สงฺฆผาสุ, ยํ สงฺฆสุฏฺุ ตํ ทุมฺมงฺกูนํ ปุคฺคลานํ นิคฺคหายาติ เอวฺจ เอเกกปทมูลิกํ ทสกฺขตฺตุํ โยชนํ กตฺวา ยํ วุตฺตํ ปริวาเร (ปริ. ๓๓๔) –
‘‘อตฺถสตํ ธมฺมสตํ, ทฺเว จ นิรุตฺติสตานิ;
จตฺตาริ าณสตานิ, อตฺถวเส ปกรเณ’’ติ.
ตํ สพฺพํ เวทิตพฺพํ. ตํ ปเนตํ ยสฺมา ปริวาเรเยว อาวิ ภวิสฺสติ, ตสฺมา อิธ น วณฺณิตนฺติ.
เอวํ สิกฺขาปทปฺตฺติยา อานิสํสํ ทสฺเสตฺวา ตสฺมึ สิกฺขาปเท ภิกฺขูหิ กตฺตพฺพกิจฺจํ ทีเปนฺโต ‘‘เอวฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถา’’ติ อาห. กึ วุตฺตํ โหติ? ภิกฺขเว, อิมํ ปน มยา อิติ สนฺทสฺสิตานิสํสํ สิกฺขาปทํ เอวํ ปาติโมกฺขุทฺเทเส อุทฺทิเสยฺยาถ จ ปริยาปุเณยฺยาถ จ ธาเรยฺยาถ จ อฺเสฺจ วาเจยฺยาถาติ. อติเรกานยนตฺโถ ¶ หิ เอตฺถ จ สทฺโท, เตนายมตฺโถ อานีโต โหตีติ.
อิทานิ ยํ วุตฺตํ ‘‘อิมํ สิกฺขาปท’’นฺติ ตํ ทสฺเสนฺโต ‘‘โย ปน ภิกฺขุ เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสเวยฺย, ปาราชิโก โหติ อสํวาโส’’ติ อาห. เอวํ มูลจฺเฉชฺชวเสน ทฬฺหํ กตฺวา ปมปาราชิเก ปฺตฺเต อปรมฺปิ อนุปฺตฺตตฺถาย มกฺกฏีวตฺถุ อุทปาทิ. ตสฺสุปฺปตฺติทีปนตฺถเมตํ วุตฺตํ – เอวฺจิทํ ภควตา ภิกฺขูนํ สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ โหตีติ. ตสฺสตฺโถ – ภควตา ภิกฺขูนํ อิทํ สิกฺขาปทํ เอวํ ปฺตฺตํ โหติ จ, อิทฺจ อฺํ วตฺถุ อุทปาทีติ.
ปมปฺตฺติกถา นิฏฺิตา.
สุทินฺนภาณวารํ นิฏฺิตํ.
มกฺกฏีวตฺถุกถา
๔๐. อิทานิ ¶ ¶ ยํ ตํ อฺํ วตฺถุ อุปฺปนฺนํ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘เตน โข ปน สมเยนา’’ติอาทิมาห. ตตฺรายํ อนุตฺตานปทวณฺณนา – มกฺกฏึ อามิเสนาติ มหาวเน ภิกฺขูนํ ขนฺติเมตฺตาทิคุณานุภาเวน นิราสงฺกจิตฺตา พหู มิคโมรกุกฺกุฏมกฺกฏาทโย ติรจฺฉานา ปธานาคารฏฺาเนสุ วิจรนฺติ. ตตฺร เอกํ มกฺกฏึ อามิเสน ยาคุภตฺตขชฺชกาทินา อุปลาเปตฺวา, สงฺคณฺหิตฺวาติ วุตฺตํ โหติ. ตสฺสาติ ภุมฺมวจนํ. ปฏิเสวตีติ ปจุรปฏิเสวโน โหติ; ปจุรตฺเถ หิ วตฺตมานวจนํ. โส ภิกฺขูติ โส เมถุนธมฺมปฏิเสวนโก ภิกฺขุ. เสนาสนจาริกํ อาหิณฺฑนฺตาติ เต ภิกฺขู อาคนฺตุกา พุทฺธทสฺสนาย อาคตา ปาโตว อาคนฺตุกภตฺตานิ ลภิตฺวา กตภตฺตกิจฺจา ภิกฺขูนํ นิวาสนฏฺานานิ ปสฺสิสฺสามาติ วิจรึสุ. เตน วุตฺตํ – ‘‘เสนาสนจาริกํ อาหิณฺฑนฺตา’’ติ. เยน เต ภิกฺขู เตนุปสงฺกมีติ ติรจฺฉานคตา นาม เอกภิกฺขุนา สทฺธึ วิสฺสาสํ กตฺวา อฺเสุปิ ตาทิสฺเว จิตฺตํ อุปฺปาเทนฺติ. ตสฺมา สา มกฺกฏี เยน เต ภิกฺขู เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา จ อตฺตโน วิสฺสาสิกภิกฺขุสฺเสว เตสมฺปิ ตํ วิการํ ทสฺเสสิ.
เฉปฺปนฺติ นงฺคุฏฺํ. โอฑฺฑีติ อภิมุขํ เปสิ. นิมิตฺตมฺปิ อกาสีติ เยน นิยาเมน ยาย กิริยาย เมถุนาธิปฺปายํ เต ชานนฺติ ตํ อกาสีติ อตฺโถ ¶ . โส ภิกฺขูติ ยสฺสายํ วิหาโร. เอกมนฺตํ นิลียึสูติ เอกสฺมึ โอกาเส ปฏิจฺฉนฺนา อจฺฉึสุ.
๔๑. สจฺจํ, อาวุโสติ สโหฑฺฒคฺคหิโต โจโร วิย ปจฺจกฺขํ ทิสฺวา โจทิตตฺตา ‘‘กึ วา มยา กต’’นฺติอาทีนิ วตฺตุํ อสกฺโกนฺโต ‘‘สจฺจํ, อาวุโส’’ติ อาห. นนุ, อาวุโส, ตเถว ตํ โหตีติ อาวุโส ยถา มนุสฺสิตฺถิยา, นนุ ติรจฺฉานคติตฺถิยาปิ ตํ สิกฺขาปทํ ตเถว โหติ. มนุสฺสิตฺถิยาปิ หิ ทสฺสนมฺปิ คหณมฺปิ อามสนมฺปิ ผุสนมฺปิ ฆฏฺฏนมฺปิ ทุฏฺุลฺลเมว. ติรจฺฉานคติตฺถิยาปิ ตํ สพฺพํ ทุฏฺุลฺลเมว. โก เอตฺถ วิเสโส? อเลสฏฺาเน ตฺวํ เลสํ โอฑฺเฑสีติ.
๔๒. อนฺตมโส ติรจฺฉานคตายปิ ปาราชิโก โหติ อสํวาโสติ ติรจฺฉานคตายปิ เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวิตฺวา ปาราชิโก เยว โหตีติ ทฬฺหตรํ สิกฺขาปทมกาสิ. ทุวิธฺหิ ¶ สิกฺขาปทํ – โลกวชฺชํ, ปณฺณตฺติวชฺชฺจ. ตตฺถ ยสฺส สจิตฺตกปกฺเข จิตฺตํ อกุสลเมว โหติ, ตํ โลกวชฺชํ นาม. เสสํ ปณฺณตฺติวชฺชํ. ตตฺถ โลกวชฺเช อนุปฺตฺติ อุปฺปชฺชมานา รุนฺธนฺตี ทฺวารํ ปิทหนฺตี โสตํ ปจฺฉินฺทมานา คาฬฺหตรํ กโรนฺตี อุปฺปชฺชติ, อฺตฺร อธิมานา, อฺตฺร สุปินนฺตาติ อยํ ปน วีติกฺกมาภาวา อพฺโพหาริกตฺตา จ วุตฺตา. ปณฺณตฺติวชฺเช อกเต วีติกฺกเม อุปฺปชฺชมานา สิถิลํ กโรนฺตี โมเจนฺตี ทฺวารํ ททมานา อปราปรมฺปิ อนาปตฺตึ กุรุมานา อุปฺปชฺชติ, คณโภชนปรมฺปรโภชนาทีสุ อนุปฺตฺติโย วิย. ‘‘อนฺตมโส ตงฺขณิกายปี’’ติ เอวรูปา ปน กเต วีติกฺกเม อุปฺปนฺนตฺตา ปฺตฺติคติกาว โหติ. อิทํ ปน ปมสิกฺขาปทํ ยสฺมา โลกวชฺชํ, น ปณฺณตฺติวชฺชํ; ตสฺมา อยมนุปฺตฺติ รุนฺธนฺตี ¶ ทฺวารํ ปิทหนฺตี โสตํ ปจฺฉินฺทมานา คาฬฺหตรํ กโรนฺตี อุปฺปชฺชิ.
เอวํ ทฺเวปิ วตฺถูนิ สมฺปิณฺเฑตฺวา มูลจฺเฉชฺชวเสน ทฬฺหตรํ กตฺวา ปมปาราชิเก ปฺตฺเต อปรมฺปิ อนุปฺตฺตตฺถาย วชฺชิปุตฺตกวตฺถุ อุทปาทิ. ตสฺสุปฺปตฺติทสฺสนตฺถเมตํ วุตฺตํ – ‘‘เอวฺจิทํ ภควตา ภิกฺขูนํ สิกฺขาปทํ ปฺตฺตํ โหตี’’ติ ¶ . ตสฺสตฺโถ – ภควตา ภิกฺขูนํ อิทํ สิกฺขาปทํ เอวํ ปฺตฺตํ โหติ จ อิทฺจ อฺมฺปิ วตฺถุ อุทปาทีติ.
มกฺกฏีวตฺถุกถา นิฏฺิตา.
สนฺถตภาณวาโร
วชฺชิปุตฺตกวตฺถุวณฺณนา
๔๓-๔๔. อิทานิ ยํ ตํ อฺมฺปิ วตฺถุ อุปฺปนฺนํ, ตํ ทสฺเสตุํ ‘‘เตน โข ปน สมเยนา’’ติอาทิมาห. ตตฺราปิ อยมนุตฺตานปทวณฺณนา – เวสาลิกาติ เวสาลิวาสิโน. วชฺชิปุตฺตกาติ วชฺชิรฏฺเ เวสาลิยํ กุลานํ ปุตฺตา. สาสเน กิร โย โย อุปทฺทโว อาทีนโว อพฺพุทมุปฺปชฺชิ, สพฺพํ ตํ วชฺชิปุตฺตเก นิสฺสาย. ตถา หิ เทวทตฺโตปิ วชฺชิปุตฺตเก ปกฺเข ลภิตฺวา สงฺฆํ ภินฺทิ. วชฺชิปุตฺตกา เอว จ วสฺสสตปรินิพฺพุเต ภควติ อุทฺธมฺมํ อุพฺพินยํ สตฺถุสาสนํ ทีเปสุํ. อิเมปิ เตสํ เยว เอกจฺเจ เอวํ ปฺตฺเตปิ สิกฺขาปเท ¶ ยาวทตฺถํ ภฺุชึสุ…เป… เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวึสูติ.
าติพฺยสเนนปีติ เอตฺถ อสนํ พฺยสนํ วิกฺเขโป วิทฺธํสนํ วินาโสติ สพฺพเมตํ เอกตฺถํ. าตีนํ พฺยสนํ าติพฺยสนํ, เตน าติพฺยสเนน, ราชทณฺฑพฺยาธิมรณวิปฺปวาสนิมิตฺเตน ¶ าติวินาเสนาติ อตฺโถ. เอส นโย ทุติยปเทปิ. ตติยปเท ปน อาโรคฺยวินาสโก โรโค เอว โรคพฺยสนํ. โส หิ อาโรคฺยํ พฺยสติ วิกฺขิปติ วินาเสตีติ พฺยสนํ. โรโคว พฺยสนํ โรคพฺยสนํ, เตน โรคพฺยสเนน. ผุฏฺาติ อธิปนฺนา อภิภูตา สมนฺนาคตาติ อตฺโถ.
น มยํ, ภนฺเต อานนฺท, พุทฺธครหิโนติ ภนฺเต อานนฺท, มยํ น พุทฺธํ ครหาม, น พุทฺธสฺส โทสํ เทม. น ธมฺมครหิโน, น สงฺฆครหิโน. อตฺตครหิโน มยนฺติ อตฺตานเมว มยํ ครหาม, อตฺตโน โทสํ เทม. อลกฺขิกาติ นิสฺสิริกา. อปฺปปฺุาติ ปริตฺตปฺุา. วิปสฺสกา กุสลานํ ธมฺมานนฺติ เย อฏฺตึสารมฺมเณสุ วิภตฺตา กุสลา ธมฺมา, เตสํ วิปสฺสกา; ตโต ตโต อารมฺมณโต วุฏฺาย เตว ธมฺเม วิปสฺสมานาติ ¶ อตฺโถ. ปุพฺพรตฺตาปรรตฺตนฺติ รตฺติยา ปุพฺพํ ปุพฺพรตฺตํ, รตฺติยา อปรํ อปรรตฺตํ, ปมยามฺจ ปจฺฉิมยามฺจาติ วุตฺตํ โหติ. โพธิปกฺขิกานนฺติ โพธิสฺส ปกฺเข ภวานํ, อรหตฺตมคฺคาณสฺส อุปการกานนฺติ อตฺโถ. ภาวนานุโยคนฺติ วฑฺฒนานุโยคํ. อนุยุตฺตา วิหเรยฺยามาติ คิหิปลิโพธํ อาวาสปลิโพธฺจ ปหาย วิวิตฺเตสุ เสนาสเนสุ ยุตฺตปยุตฺตา อนฺกิจฺจา วิหเรยฺยาม.
เอวมาวุโสติ เถโร เอเตสํ อาสยํ อชานนฺโต อิทํ เนสํ มหาคชฺชิตํ สุตฺวา ‘‘สเจ อิเม อีทิสา ภวิสฺสนฺติ, สาธู’’ติ มฺมาโน ‘‘เอวมาวุโส’’ติ สมฺปฏิจฺฉิ. อฏฺานเมตํ อนวกาโสติ อุภยมฺเปตํ การณปฏิกฺเขปวจนํ. การณฺหิ ยสฺมา ตตฺถ ตทายตฺตวุตฺติภาเวน ผลํ ติฏฺติ. ยสฺมา จสฺส ตํ โอกาโส โหติ ตทายตฺตวุตฺติภาเวน, ตสฺมา ‘‘านฺจ อวกาโส จา’’ติ วุจฺจติ, ตํ ปฏิกฺขิปนฺโต อาห – ‘‘อฏฺานเมตํ, อานนฺท ¶ , อนวกาโส’’ติ. เอตํ านํ วา โอกาโส วา นตฺถิ. ยํ ตถาคโตติ เยน ตถาคโต วชฺชีนํ วา…เป… สมูหเนยฺย, ตํ การณํ นตฺถีติ อตฺโถ. ยทิ หิ ภควา เอเตสํ ‘‘ลเภยฺยาม อุปสมฺปท’’นฺติ ยาจนฺตานํ อุปสมฺปทํ ทเทยฺย, เอวํ สนฺเต ‘‘ปาราชิโก โหติ อสํวาโส’’ติ ปฺตฺตํ สมูหเนยฺย. ยสฺมา ปเนตํ น สมูหนติ, ตสฺมา ‘‘อฏฺานเมต’’นฺติอาทิมาห.
โส อาคโต น อุปสมฺปาเทตพฺโพติ ‘‘ยทิ หิ เอวํ อาคโต อุปสมฺปทํ ลเภยฺย, สาสเน อคารโว ภเวยฺย. สามเณรภูมิยํ ปน ิโต สคารโว จ ภวิสฺสติ, อตฺตตฺถฺจ กริสฺสตี’’ติ ตฺวา อนุกมฺปมาโน ภควา อาห – ‘‘โส อาคโต น อุปสมฺปาเทตพฺโพ’’ติ. โส อาคโต อุปสมฺปาเทตพฺโพติ เอวํ อาคโต ภิกฺขุภาเว ตฺวา อวิปนฺนสีลตาย สาสเน สคารโว ¶ ภวิสฺสติ, โส สติ อุปนิสฺสเย นจิรสฺเสว อุตฺตมตฺถํ ปาปุณิสฺสตีติ ตฺวา อุปสมฺปาเทตพฺโพติ อาห.
เอวํ เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวิตฺวา อาคเตสุ อนุปสมฺปาเทตพฺพฺจ อุปสมฺปาเทตพฺพฺจ ทสฺเสตฺวา ตีณิปิ วตฺถูนิ สโมธาเนตฺวา ปริปุณฺณํ กตฺวา สิกฺขาปทํ ปฺเปตุกาโม ‘‘เอวฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถา’’ติ วตฺวา ‘‘โย ปน ภิกฺขุ…เป… อสํวาโส’’ติ ปริปุณฺณํ สิกฺขาปทํ ปฺเปสิ.
วชฺชิปุตฺตกวตฺถุวณฺณนา นิฏฺิตา.
จตุพฺพิธวินยกถา
๔๕. อิทานิสฺส ¶ อตฺถํ วิภชนฺโต ‘‘โย ปนาติ, โย ยาทิโส’’ติอาทิมาห. ตสฺมึ ปน สิกฺขาปเท จ สิกฺขาปทวิภงฺเค จ สกเล จ วินยวินิจฺฉเย โกสลฺลํ ปตฺถยนฺเตน จตุพฺพิโธ วินโย ชานิตพฺโพ –
จตุพฺพิธฺหิ วินยํ, มหาเถรา มหิทฺธิกา;
นีหริตฺวา ปกาเสสุํ, ธมฺมสงฺคาหกา ปุรา.
กตมํ จตุพฺพิธํ? สุตฺตํ, สุตฺตานุโลมํ, อาจริยวาทํ, อตฺตโนมตินฺติ. ยํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘อาหจฺจปเทน รเสน อาจริยวํเสน อธิปฺปายา’’ติ, เอตฺถ หิ อาหจฺจปทนฺติ สุตฺตํ อธิปฺเปตํ, รโสติ สุตฺตานุโลมํ, อาจริยวํโสติ อาจริยวาโท, อธิปฺปาโยติ อตฺตโนมติ.
ตตฺถ สุตฺตํนาม สกเล วินยปิฏเก ปาฬิ.
สุตฺตานุโลมํ นาม จตฺตาโร มหาปเทสา; เย ภควตา เอวํ วุตฺตา – ‘‘ยํ, ภิกฺขเว ¶ , มยา ‘อิทํ น กปฺปตี’ติ อปฺปฏิกฺขิตฺตํ, ตํ เจ อกปฺปิยํ อนุโลเมติ; กปฺปิยํ ปฏิพาหติ, ตํ โว น กปฺปติ. ยํ, ภิกฺขเว, มยา ‘อิทํ น กปฺปตี’ติ อปฺปฏิกฺขิตฺตํ, ตํ เจ กปฺปิยํ อนุโลเมติ; อกปฺปิยํ ปฏิพาหติ, ตํ โว กปฺปติ. ยํ, ภิกฺขเว ¶ , มยา ‘อิทํ กปฺปตี’ติ อนนฺุาตํ, ตํ เจ อกปฺปิยํ อนุโลเมติ, กปฺปิยํ ปฏิพาหติ; ตํ โว น กปฺปติ. ยํ, ภิกฺขเว, มยา ‘อิทํ กปฺปตี’ติ อนนฺุาตํ, ตํ เจ กปฺปิยํ อนุโลเมติ, อกปฺปิยํ ปฏิพาหติ; ตํ โว กปฺปตี’’ติ (มหาว. ๓๐๕).
อาจริยวาโท นาม ธมฺมสงฺคาหเกหิ ปฺจหิ อรหนฺตสเตหิ ปิตา ปาฬิวินิมุตฺตา โอกฺกนฺตวินิจฺฉยปฺปวตฺตา อฏฺกถาตนฺติ.
อตฺตโนมติ นาม สุตฺต-สุตฺตานุโลม-อาจริยวาเท มฺุจิตฺวา อนุมาเนน อตฺตโน อนุพุทฺธิยา นยคฺคาเหน อุปฏฺิตาการกถนํ.
อปิจ สุตฺตนฺตาภิธมฺมวินยฏฺกถาสุ อาคโต สพฺโพปิ เถรวาโท ‘‘อตฺตโนมติ’’ นาม. ตํ ปน อตฺตโนมตึ คเหตฺวา กเถนฺเตน น ทฬฺหคฺคาหํ ¶ คเหตฺวา โวหริตพฺพํ. การณํ สลฺลกฺเขตฺวา อตฺเถน ปาฬึ, ปาฬิยา จ อตฺถํ สํสนฺทิตฺวา กเถตพฺพํ. อตฺตโนมติ อาจริยวาเท โอตาเรตพฺพา. สเจ ตตฺถ โอตรติ เจว สเมติ จ, คเหตพฺพา. สเจ เนว โอตรติ น สเมติ, น คเหตพฺพา. อยฺหิ อตฺตโนมติ นาม สพฺพทุพฺพลา. อตฺตโนมติโต อาจริยวาโท พลวตโร.
อาจริยวาโทปิ สุตฺตานุโลเม โอตาเรตพฺโพ. ตตฺถ โอตรนฺโต สเมนฺโตเยว คเหตพฺโพ, อิตโร น คเหตพฺโพ. อาจริยวาทโต หิ สุตฺตานุโลมํ พลวตรํ.
สุตฺตานุโลมมฺปิ สุตฺเต โอตาเรตพฺพํ. ตตฺถ โอตรนฺตํ สเมนฺตเมว คเหตพฺพํ, อิตรํ น คเหตพฺพํ. สุตฺตานุโลมโต หิ สุตฺตเมว พลวตรํ. สุตฺตฺหิ อปฺปฏิวตฺติยํ การกสงฺฆสทิสํ พุทฺธานํ ิตกาลสทิสํ. ตสฺมา ยทา ทฺเว ภิกฺขู สากจฺฉนฺติ, สกวาที สุตฺตํ คเหตฺวา กเถติ, ปรวาที สุตฺตานุโลมํ. เตหิ อฺมฺํ เขปํ วา ครหํ วา อกตฺวา สุตฺตานุโลมํ สุตฺเต โอตาเรตพฺพํ. สเจ โอตรติ สเมติ, คเหตพฺพํ. โน เจ, น คเหตพฺพํ; สุตฺตสฺมึเยว าตพฺพํ. อถายํ สุตฺตํ คเหตฺวา กเถติ, ปโร อาจริยวาทํ. เตหิปิ อฺมฺํ เขปํ วา ครหํ วา อกตฺวา อาจริยวาโท สุตฺเต โอตาเรตพฺโพ. สเจ โอตรติ สเมติ, คเหตพฺโพ. อโนตรนฺโต อสเมนฺโต จ คารยฺหาจริยวาโท น คเหตพฺโพ; สุตฺตสฺมึเยว าตพฺพํ.
อถายํ สุตฺตํ ¶ คเหตฺวา กเถติ, ปโร อตฺตโนมตึ. เตหิปิ อฺมฺํ เขปํ วา ครหํ วา ¶ อกตฺวา อตฺตโนมติ สุตฺเต โอตาเรตพฺพา. สเจ โอตรติ สเมติ, คเหตพฺพา. โน เจ, น คเหตพฺพา. สุตฺตสฺมึ เยว าตพฺพํ.
อถ ปนายํ สุตฺตานุโลมํ คเหตฺวา กเถติ, ปโร สุตฺตํ. สุตฺตํ สุตฺตานุโลเม โอตาเรตพฺพํ. สเจ โอตรติ สเมติ, ติสฺโส สงฺคีติโย อารูฬฺหํ ปาฬิอาคตํ ปฺายติ, คเหตพฺพํ. โน เจ ตถา ปฺายติ น โอตรติ น สเมติ, พาหิรกสุตฺตํ วา โหติ สิโลโก วา อฺํ วา คารยฺหสุตฺตํ คุฬฺหเวสฺสนฺตรคุฬฺหวินยเวทลฺลาทีนํ อฺตรโต อาคตํ, น คเหตพฺพํ. สุตฺตานุโลมสฺมึเยว าตพฺพํ.
อถายํ ¶ สุตฺตานุโลมํ คเหตฺวา กเถติ, ปโร อาจริยวาทํ. อาจริยวาโท สุตฺตานุโลเม โอตาเรตพฺโพ. สเจ โอตรติ สเมติ, คเหตพฺโพ. โน เจ, น คเหตพฺโพ. สุตฺตานุโลเมเยว าตพฺพํ.
อถายํ สุตฺตานุโลมํ คเหตฺวา กเถติ, ปโร อตฺตโนมตึ. อตฺตโนมติ สุตฺตานุโลเม โอตาเรตพฺพา. สเจ โอตรติ สเมติ, คเหตพฺพา. โน เจ, น คเหตพฺพา. สุตฺตานุโลเมเยว าตพฺพํ.
อถ ปนายํ อาจริยวาทํ คเหตฺวา กเถติ, ปโร สุตฺตํ. สุตฺตํ อาจริยวาเท โอตาเรตพฺพํ. สเจ โอตรติ สเมติ, คเหตพฺพํ. อิตรํ คารยฺหสุตฺตํ น คเหตพฺพํ. อาจริยวาเทเยว าตพฺพํ.
อถายํ อาจริยวาทํ คเหตฺวา กเถติ, ปโร สุตฺตานุโลมํ. สุตฺตานุโลมํ อาจริยวาเท โอตาเรตพฺพํ. โอตรนฺตํ สเมนฺตเมว คเหตพฺพํ, อิตรํ น คเหตพฺพํ. อาจริยวาเทเยว าตพฺพํ.
อถายํ อาจริยวาทํ คเหตฺวา กเถติ, ปโร อตฺตโนมตึ. อตฺตโนมติ อาจริยวาเท โอตาเรตพฺพา. สเจ โอตรติ สเมติ, คเหตพฺพา. โน เจ, น คเหตพฺพา. อาจริยวาเทเยว าตพฺพํ.
อถ ปนายํ อตฺตโนมตึ คเหตฺวา กเถติ, ปโร สุตฺตํ. สุตฺตํ อตฺตโนมติยํ โอตาเรตพฺพํ. สเจ โอตรติ สเมติ, คเหตพฺพํ. อิตรํ คารยฺหสุตฺตํ น คเหตพฺพํ. อตฺตโนมติยเมว าตพฺพํ.
อถายํ ¶ อตฺตโนมตึ คเหตฺวา กเถติ, ปโร สุตฺตานุโลมํ. สุตฺตานุโลมํ อตฺตโนมติยํ โอตาเรตพฺพํ. โอตรนฺตํ สเมนฺตเมว คเหตพฺพํ, อิตรํ น คเหตพฺพํ. อตฺตโนมติยเมว าตพฺพํ.
อถายํ อตฺตโนมตึ คเหตฺวา กเถติ, ปโร อาจริยวาทํ. อาจริยวาโท อตฺตโนมติยํ โอตาเรตพฺโพ. สเจ โอตรติ สเมติ, คเหตพฺโพ; อิตโร คารยฺหาจริยวาโท น คเหตพฺโพ. อตฺตโนมติยเมว าตพฺพํ. อตฺตโน คหณเมว ¶ พลิยํ กาตพฺพํ. สพฺพฏฺาเนสุ จ เขโป วา ครหา วา น กาตพฺพาติ.
อถ ¶ ปนายํ ‘‘กปฺปิย’’นฺติ คเหตฺวา กเถติ, ปโร ‘‘อกปฺปิย’’นฺติ. สุตฺเต จ สุตฺตานุโลเม จ โอตาเรตพฺพํ. สเจ กปฺปิยํ โหติ, กปฺปิเย าตพฺพํ. สเจ อกปฺปิยํ, อกปฺปิเย าตพฺพํ.
อถายํ ตสฺส กปฺปิยภาวสาธกํ สุตฺตโต พหุํ การณฺจ วินิจฺฉยฺจ ทสฺเสติ, ปโร การณํ น วินฺทติ. กปฺปิเยว าตพฺพํ. อถ ปโร ตสฺส อกปฺปิยภาวสาธกํ สุตฺตโต พหุํ การณฺจ วินิจฺฉยฺจ ทสฺเสติ, อเนน อตฺตโน คหณนฺติ กตฺวา ทฬฺหํ อาทาย น าตพฺพํ. ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฏิจฺฉิตฺวา อกปฺปิเยว าตพฺพํ. อถ ทฺวินฺนมฺปิ การณจฺฉายา ทิสฺสติ, ปฏิกฺขิตฺตภาโวเยว สาธุ, อกปฺปิเย าตพฺพํ. วินยฺหิ ปตฺวา กปฺปิยากปฺปิยวิจารณมาคมฺม รุนฺธิตพฺพํ, คาฬฺหํ กตฺตพฺพํ, โสตํ ปจฺฉินฺทิตพฺพํ, ครุกภาเวเยว าตพฺพํ.
อถ ปนายํ ‘‘อกปฺปิย’’นฺติ คเหตฺวา กเถติ, ปโร ‘‘กปฺปิย’’นฺติ. สุตฺเต จ สุตฺตานุโลเม จ โอตาเรตพฺพํ. สเจ กปฺปิยํ โหติ, กปฺปิเย าตพฺพํ. สเจ อกปฺปิยํ, อกปฺปิเย าตพฺพํ.
อถายํ พหูหิ สุตฺตวินิจฺฉยการเณหิ อกปฺปิยภาวํ ทสฺเสติ, ปโร การณํ น วินฺทติ, อกปฺปิเย าตพฺพํ. อถ ปโร พหูหิ สุตฺตวินิจฺฉยการเณหิ กปฺปิยภาวํ ทสฺเสติ, อยํ การณํ น วินฺทติ, กปฺปิเย าตพฺพํ. อถ ทฺวินฺนมฺปิ การณจฺฉายา ทิสฺสติ, อตฺตโน คหณํ น วิสฺสชฺเชตพฺพํ. ยถา จายํ กปฺปิยากปฺปิเย อกปฺปิยกปฺปิเย จ วินิจฺฉโย วุตฺโต; เอวํ อนาปตฺติอาปตฺติวาเท อาปตฺตานาปตฺติวาเท จ, ลหุกครุกาปตฺติวาเท ครุกลหุกาปตฺติวาเท จาปิ ¶ วินิจฺฉโย เวทิตพฺโพ. นามมตฺตํเยว หิ เอตฺถ นานํ, โยชนานเย นานํ นตฺถิ, ตสฺมา น วิตฺถาริตํ.
เอวํ กปฺปิยากปฺปิยาทิวินิจฺฉเย อุปฺปนฺเน โย สุตฺต-สุตฺตานุโลมอาจริยวาทอตฺตโนมตีสุ อติเรกการณํ ลภติ, ตสฺส วาเท าตพฺพํ. สพฺพโส ปน การณํ วินิจฺฉยํ อลภนฺเตน สุตฺตํ น ชหิตพฺพํ, สุตฺตสฺมึเยว าตพฺพนฺติ. เอวํ ตสฺมึ สิกฺขาปเท จ สิกฺขาปทวิภงฺเค จ สกเล จ วินยวินิจฺฉเย โกสลฺลํ ปตฺถยนฺเตน อยํ จตุพฺพิโธ วินโย ชานิตพฺโพ.
อิมฺจ ¶ ¶ ปน จตุพฺพิธํ วินยํ ตฺวาปิ วินยธเรน ปุคฺคเลน ติลกฺขณสมนฺนาคเตน ภวิตพฺพํ. ตีณิ หิ วินยธรสฺส ลกฺขณานิ อิจฺฉิตพฺพานิ. กตมานิ ตีณิ? ‘‘สุตฺตฺจสฺส สฺวาคตํ โหติ สุปฺปวตฺติ สุวินิจฺฉิตํ สุตฺตโต อนุพฺยฺชนโต’’ติ อิทเมกํ ลกฺขณํ. ‘‘วินเย โข ปน ิโต โหติ อสํหีโร’’ติ อิทํ ทุติยํ. ‘‘อาจริยปรมฺปรา โข ปนสฺส สุคฺคหิตา โหติ สุมนสิกตา สูปธาริตา’’ติ อิทํ ตติยํ.
ตตฺถ สุตฺตํ นาม สกลํ วินยปิฏกํ. ตฺจสฺส สฺวาคตํ โหตีติ สุฏฺุ อาคตํ. สุปฺปวตฺตีติ สุฏฺุ ปวตฺตํ ปคุณํ วาจุคฺคตํ สุวินิจฺฉิตํ. สุตฺตโต อนุพฺยฺชนโตติ ปาฬิโต จ ปริปุจฺฉโต จ อฏฺกถาโต จ สุวินิจฺฉิตํ โหติ, กงฺขจฺเฉทํ กตฺวา อุคฺคหิตํ.
วินเย โข ปน ิโต โหตีติ วินเย ลชฺชีภาเวน ปติฏฺิโต โหติ. อลชฺชี หิ พหุสฺสุโตปิ สมาโน ลาภครุตาย ตนฺตึ วิสํวาเทตฺวา อุทฺธมฺมํ อุพฺพินยํ สตฺถุสาสนํ ทีเปตฺวา สาสเน มหนฺตํ อุปทฺทวํ กโรติ. สงฺฆเภทมฺปิ สงฺฆราชิมฺปิ อุปฺปาเทติ. ลชฺชี ปน กุกฺกุจฺจโก สิกฺขากาโม ชีวิตเหตุปิ ตนฺตึ อวิสํวาเทตฺวา ธมฺมเมว วินยเมว จ ทีเปติ, สตฺถุสาสนํ ครุํ กตฺวา เปติ. ตถา หิ ปุพฺเพ มหาเถรา ติกฺขตฺตุํ วาจํ นิจฺฉาเรสุํ – ‘‘อนาคเต ลชฺชี รกฺขิสฺสติ, ลชฺชี รกฺขิสฺสติ, ลชฺชี รกฺขิสฺสตี’’ติ. เอวํ โย ลชฺชี, โส วินยํ อวิชหนฺโต อโวกฺกมนฺโต ลชฺชีภาเวน วินเย ิโต โหติ สุปฺปติฏฺิโตติ. อสํหีโรติ สํหีโร นาม โย ปาฬิยํ วา อฏฺกถายํ วา เหฏฺโต วา อุปริโต วา ปทปฏิปาฏิยา วา ปุจฺฉิยมาโน วิตฺถุนติ วิปฺผนฺทติ สนฺติฏฺิตุํ น สกฺโกติ; ยํ ยํ ปเรน วุจฺจติ ตํ ตํ อนุชานาติ; สกวาทํ ฉฑฺเฑตฺวา ปรวาทํ คณฺหาติ. โย ปน ปาฬิยํ วา อฏฺกถาย วา เหฏฺุปริเยน วา ปทปฏิปาฏิยา ¶ วา ปุจฺฉิยมาโน น วิตฺถุนติ น วิปฺผนฺทติ, เอเกกโลมํ สณฺฑาเสน คณฺหนฺโต วิย ‘‘เอวํ มยํ วทาม; เอวํ โน อาจริยา วทนฺตี’’ติ ¶ วิสฺสชฺเชติ; ยมฺหิ ปาฬิ จ ปาฬิวินิจฺฉโย จ สุวณฺณภาชเน ปกฺขิตฺตสีหวสา วิย ปริกฺขยํ ปริยาทานํ อคจฺฉนฺโต ติฏฺติ, อยํ วุจฺจติ ‘‘อสํหีโร’’ติ.
อาจริยปรมฺปรา โข ปนสฺส สุคฺคหิตา โหตีติ เถรปรมฺปรา วํสปรมฺปรา จสฺส สุฏฺุ คหิตา โหติ. สุมนสิกตาติ สุฏฺุ มนสิกตา; อาวชฺชิตมตฺเต อุชฺชลิตปทีโป วิย โหติ. สูปธาริตาติ สุฏฺุ ¶ อุปธาริตา ปุพฺพาปรานุสนฺธิโต อตฺถโต การณโต จ อุปธาริตา; อตฺตโน มตึ ปหาย อาจริยสุทฺธิยา วตฺตา โหติ ‘‘มยฺหํ อาจริโย อสุกาจริยสฺส สนฺติเก อุคฺคณฺหิ, โส อสุกสฺสา’’ติ เอวํ สพฺพํ อาจริยปรมฺปรํ เถรวาทงฺคํ อาหริตฺวา ยาว อุปาลิตฺเถโร สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สนฺติเก อุคฺคณฺหีติ ปาเปตฺวา เปติ. ตโตปิ อาหริตฺวา อุปาลิตฺเถโร สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส สนฺติเก อุคฺคณฺหิ, ทาสกตฺเถโร อตฺตโน อุปชฺฌายสฺส อุปาลิตฺเถรสฺส, โสณกตฺเถโร อตฺตโน อุปชฺฌายสฺส ทาสกตฺเถรสฺส, สิคฺควตฺเถโร อตฺตโน อุปชฺฌายสฺส โสณกตฺเถรสฺส, โมคฺคลิปุตฺตติสฺสตฺเถโร อตฺตโน อุปชฺฌายสฺส สิคฺควตฺเถรสฺส จณฺฑวชฺชิตฺเถรสฺส จาติ. เอวํ สพฺพํ อาจริยปรมฺปรํ เถรวาทงฺคํ อาหริตฺวา อตฺตโน อาจริยํ ปาเปตฺวา เปติ. เอวํ อุคฺคหิตา หิ อาจริยปรมฺปรา สุคฺคหิตา โหติ. เอวํ อสกฺโกนฺเตน ปน อวสฺสํ ทฺเว ตโย ปริวฏฺฏา อุคฺคเหตพฺพา. สพฺพปจฺฉิเมน หิ นเยน ยถา อาจริโย จ อาจริยาจริโย จ ปาฬิฺจ ปริปุจฺฉฺจ วทนฺติ, ตถา าตุํ วฏฺฏติ.
อิเมหิ จ ปน ตีหิ ลกฺขเณหิ สมนฺนาคเตน วินยธเรน วตฺถุวินิจฺฉยตฺถํ สนฺนิปติเต สงฺเฆ โอติณฺเณ วตฺถุสฺมึ โจทเกน จ จุทิตเกน จ วุตฺเต วตฺตพฺเพ สหสา อวินิจฺฉินิตฺวาว ฉ านานิ โอโลเกตพฺพานิ. กตมานิ ฉ? วตฺถุ โอโลเกตพฺพํ, มาติกา โอโลเกตพฺพา, ปทภาชนียํ โอโลเกตพฺพํ, ติกปริจฺเฉโท โอโลเกตพฺโพ, อนฺตราปตฺติ โอโลเกตพฺพา, อนาปตฺติ โอโลเกตพฺพาติ.
วตฺถุํ โอโลเกนฺโตปิ ¶ หิ ‘‘ติเณน วา ปณฺเณน วา ปฏิจฺฉาเทตฺวา อาคนฺตพฺพํ, น ตฺเวว นคฺเคน อาคนฺตพฺพํ; โย อาคจฺเฉยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (ปารา. ๕๑๗) เอวํ เอกจฺจํ อาปตฺตึ ปสฺสติ. โส ตํ สุตฺตํ อาเนตฺวา ตํ อธิกรณํ วูปสเมสฺสติ.
มาติกํ โอโลเกนฺโตปิ ‘‘สมฺปชานมุสาวาเท ปาจิตฺติย’’นฺติอาทินา (ปาจิ. ๒) นเยน ¶ ปฺจนฺนํ อาปตฺตีนํ อฺตรํ อาปตฺตึ ปสฺสติ, โส ตํ สุตฺตํ อาเนตฺวา ตํ อธิกรณํ วูปสเมสฺสติ.
ปทภาชนียํ ¶ โอโลเกนฺโตปิ ‘‘อกฺขยิเต สรีเร เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวติ, อาปตฺติ ปาราชิกสฺส. เยภุยฺเยน ขยิเต สรีเร เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวติ, อาปตฺติ ถุลฺลจฺจยสฺสา’’ติอาทินา (ปารา. ๕๙ อาทโย, อตฺถโต สมานํ) นเยน สตฺตนฺนํ อาปตฺตีนํ อฺตรํ อาปตฺตึ ปสฺสติ, โส ปทภาชนียโต สุตฺตํ อาเนตฺวา ตํ อธิกรณํ วูปสเมสฺสติ.
ติกปริจฺเฉทํ โอโลเกนฺโตปิ ติกสงฺฆาทิเสสํ วา ติกปาจิตฺติยํ วา ติกทุกฺกฏํ วา อฺตรํ วา อาปตฺตึ ติกปริจฺเฉเท ปสฺสติ, โส ตโต สุตฺตํ อาเนตฺวา ตํ อธิกรณํ วูปสเมสฺสติ.
อนฺตราปตฺตึ โอโลเกนฺโตปิ ‘‘ปฏิลาตํ อุกฺขิปติ, อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสา’’ติ (ปาจิ. ๓๕๕) เอวํ ยา สิกฺขาปทนฺตเรสุ อนฺตราปตฺติ โหติ ตํ ปสฺสติ, โส ตํ สุตฺตํ อาเนตฺวา ตํ อธิกรณํ วูปสเมสฺสติ.
อนาปตฺตึ โอโลเกนฺโตปิ ‘‘อนาปตฺติ ภิกฺขุ อสาทิยนฺตสฺส, อเถยฺยจิตฺตสฺส, น มรณาธิปฺปายสฺส, อนุลฺลปนาธิปฺปายสฺส, น โมจนาธิปฺปายสฺส, อสฺจิจฺจ, อสฺสติยา, อชานนฺตสฺสา’’ติ (ปารา. ๗๒ อาทโย) เอวํ ตสฺมึ ตสฺมึ สิกฺขาปเท นิทฺทิฏฺํ อนาปตฺตึ ปสฺสติ, โส ตํ สุตฺตํ อาเนตฺวา ตํ อธิกรณํ วูปสเมสฺสติ.
โย หิ ภิกฺขุ จตุพฺพิธวินยโกวิโท ติลกฺขณสมฺปนฺโน อิมานิ ฉ านานิ โอโลเกตฺวา อธิกรณํ วูปสเมสฺสติ, ตสฺส วินิจฺฉโย อปฺปฏิวตฺติโย, พุทฺเธน สยํ นิสีทิตฺวา วินิจฺฉิตสทิโส โหติ. ตํ เจวํ วินิจฺฉยกุสลํ ภิกฺขุํ โกจิ กตสิกฺขาปทวีติกฺกโม ภิกฺขุ อุปสงฺกมิตฺวา อตฺตโน กุกฺกุจฺจํ ปุจฺเฉยฺย; เตน สาธุกํ สลฺลกฺเขตฺวา สเจ อนาปตฺติ โหติ, ‘‘อนาปตฺตี’’ติ วตฺตพฺพํ. สเจ ปน อาปตฺติ โหติ, ‘‘อาปตฺตี’’ติ วตฺตพฺพํ. สา เทสนาคามินี เจ, ‘‘เทสนาคามินี’’ติ วตฺตพฺพํ. วุฏฺานคามินี เจ, ‘‘วุฏฺานคามินี’’ติ วตฺตพฺพํ. อถสฺส ปาราชิกจฺฉายา ¶ ทิสฺสติ, ‘‘ปาราชิกาปตฺตี’’ติ น ตาว วตฺตพฺพํ. กสฺมา? เมถุนธมฺมวีติกฺกโม หิ อุตฺตริมนุสฺสธมฺมวีติกฺกโม จ โอฬาริโก. อทินฺนาทานมนุสฺสวิคฺคหวีติกฺกมา ปน สุขุมา จิตฺตลหุกา. เต สุขุเมเนว อาปชฺชติ ¶ , สุขุเมน รกฺขติ, ตสฺมา วิเสเสน ตํวตฺถุกํ กุกฺกุจฺจํ ปุจฺฉิยมาโน ‘‘อาปตฺตี’’ติ อวตฺวา สจสฺส อาจริโย ธรติ, ตโต เตน โส ภิกฺขุ ‘‘อมฺหากํ อาจริยํ ¶ ปุจฺฉา’’ติ เปเสตพฺโพ. สเจ โส ปุน อาคนฺตฺวา ‘‘ตุมฺหากํ อาจริโย สุตฺตโต นยโต โอโลเกตฺวา ‘สเตกิจฺโฉ’ติ มํ อาหา’’ติ วทติ, ตโต อเนน โส ‘‘สาธุ สุฏฺุ ยํ อาจริโย ภณติ ตํ กโรหี’’ติ วตฺตพฺโพ. อถ ปนสฺส อาจริโย นตฺถิ, สทฺธึ อุคฺคหิตตฺเถโร ปน อตฺถิ, ตสฺส สนฺติกํ เปเสตพฺโพ – ‘‘อมฺเหหิ สห อุคฺคหิตตฺเถโร คณปาโมกฺโข, ตํ คนฺตฺวา ปุจฺฉา’’ติ. เตนาปิ ‘‘สเตกิจฺโฉ’’ติ วินิจฺฉิเต ‘‘สาธุ สุฏฺุ ตสฺส วจนํ กโรหี’’ติ วตฺตพฺโพ. อถ สทฺธึ อุคฺคหิตตฺเถโรปิ นตฺถิ, อนฺเตวาสิโก ปณฺฑิโต อตฺถิ, ตสฺส สนฺติกํ เปเสตพฺโพ – ‘‘อสุกทหรํ คนฺตฺวา ปุจฺฉา’’ติ. เตนาปิ ‘‘สเตกิจฺโฉ’’ติ วินิจฺฉิเต ‘‘สาธุ สุฏฺุ ตสฺส วจนํ กโรหี’’ติ วตฺตพฺโพ. อถ ทหรสฺสาปิ ปาราชิกจฺฉายาว อุปฏฺาติ, เตนาปิ ‘‘ปาราชิโกสี’’ติ น วตฺตพฺโพ. ทุลฺลโภ หิ พุทฺธุปฺปาโท, ตโต ทุลฺลภตรา ¶ ปพฺพชฺชา จ อุปสมฺปทา จ. เอวํ ปน วตฺตพฺโพ – ‘‘วิวิตฺตํ โอกาสํ สมฺมชฺชิตฺวา ทิวาวิหารํ นิสีทิตฺวา สีลานิ โสเธตฺวา ทฺวตฺตึสาการํ ตาว มนสิ กโรหี’’ติ. สเจ ตสฺส อโรคํ สีลํ กมฺมฏฺานํ ฆฏยติ, สงฺขารา ปากฏา หุตฺวา อุปฏฺหนฺติ, อุปจารปฺปนาปฺปตฺตํ วิย จิตฺตมฺปิ เอกคฺคํ โหติ, ทิวสํ อติกฺกนฺตมฺปิ น ชานาติ. โส ทิวสาติกฺกเม อุปฏฺานํ อาคโต เอวํ วตฺตพฺโพ – ‘‘กีทิสา เต จิตฺตปฺปวตฺตี’’ติ. อาโรจิตาย จิตฺตปฺปวตฺติยา วตฺตพฺโพ – ‘‘ปพฺพชฺชา นาม จิตฺตวิสุทฺธตฺถาย, อปฺปมตฺโต สมณธมฺมํ กโรหี’’ติ.
ยสฺส ปน สีลํ ภินฺนํ โหติ, ตสฺส กมฺมฏฺานํ น ฆฏยติ, ปโตทาภิตุนฺนํ วิย จิตฺตํ วิกมฺปติ, วิปฺปฏิสารคฺคินา ฑยฺหติ, ตตฺตปาสาเณ นิสินฺโน วิย ตงฺขณฺเว วุฏฺาติ. โส ¶ อาคโต ‘‘กา เต จิตฺตปฺปวตฺตี’’ติ ปุจฺฉิตพฺโพ. อาโรจิตาย จิตฺตปฺปวตฺติยา ‘‘นตฺถิ โลเก รโห นาม ปาปกมฺมํ ปกุพฺพโต. สพฺพปมฺหิ ปาปํ กโรนฺโต อตฺตนา ชานาติ, อถสฺส อารกฺขเทวตา ปรจิตฺตวิทู สมณพฺราหฺมณา อฺา จ เทวตา ชานนฺติ, ตฺวํเยว ทานิ ตว โสตฺถึ ปริเยสาหี’’ติ วตฺตพฺโพ.
นิฏฺิตา จตุพฺพิธวินยกถา
วินยธรสฺส จ ลกฺขณาทิกถา.
ภิกฺขุปทภาชนียวณฺณนา
อิทานิ ¶ สิกฺขาปทวิภงฺคสฺส อตฺถํ วณฺณยิสฺสาม. ยํ วุตฺตํ โย ปนาติ โย ยาทิโสติอาทิ. เอตฺถ โย ปนาติ วิภชิตพฺพปทํ; โย ยาทิโสติอาทีนิ ตสฺส วิภชนปทานิ. เอตฺถ จ ยสฺมา ปนาติ นิปาตมตฺตํ; โยติ อตฺถปทํ; ตฺจ อนิยเมน ปุคฺคลํ ทีเปติ, ตสฺมา ตสฺส อตฺถํ ทสฺเสนฺโต อนิยเมน ปุคฺคลทีปกํ โย สทฺทเมว อาห. ตสฺมา เอตฺถ เอวมตฺโถ เวทิตพฺโพ – โย ปนาติ โย โยโกจีติ วุตฺตํ โหติ. ยสฺมา ปน โย โยโกจิ นาม, โส อวสฺสํ ลิงฺค-ยุตฺต-ชาติ-นาม-โคตฺต-สีล-วิหาร-โคจรวเยสุ เอเกนากาเรน ปฺายติ, ตสฺมา ตํ ตถา าเปตุํ ตํ ปเภทํ ปกาเสนฺโต ‘‘ยาทิโส’’ติอาทิมาห. ตตฺถ ยาทิโสติ ลิงฺควเสน ยาทิโส วา ตาทิโส วา โหตุ; ทีโฆ วา รสฺโส วา กาโฬ วา โอทาโต วา มงฺคุรจฺฉวิ วา กิโส วา ถูโล วาติ อตฺโถ. ยถายุตฺโตติ โยควเสน เยน วา เตน วา ยุตฺโต โหตุ; นวกมฺมยุตฺโต วา อุทฺเทสยุตฺโต วา วาสธุรยุตฺโต วาติ อตฺโถ. ยถาชจฺโจติ ชาติวเสน ยํชจฺโจ วา ตํชจฺโจ วา โหตุ; ขตฺติโย วา พฺราหฺมโณ วา เวสฺโส วา สุทฺโท วาติ อตฺโถ. ยถานาโมติ นามวเสน ยถานาโม วา ตถานาโม วา โหตุ; พุทฺธรกฺขิโต วา ธมฺมรกฺขิโต วา สงฺฆรกฺขิโต วาติ อตฺโถ. ยถาโคตฺโตติ โคตฺตวเสน ยถาโคตฺโต วา ตถาโคตฺโต วา เยน วา เตน วา โคตฺเตน โหตุ; กจฺจายโน วา วาสิฏฺโ วา โกสิโย วาติ อตฺโถ. ยถาสีโลติ สีเลสุ ยถาสีโล วา ตถาสีโล วา โหตุ; นวกมฺมสีโล วา อุทฺเทสสีโล วา วาสธุรสีโล วาติ อตฺโถ. ยถาวิหารีติ วิหาเรสุปิ ยถาวิหารี วา ตถาวิหารี วา โหตุ; นวกมฺมวิหารี วา อุทฺเทสวิหารี วา วาสธุรวิหารี วาติ อตฺโถ. ยถาโคจโรติ โคจเรสุปิ ยถาโคจโร วา ตถาโคจโร วา โหตุ; นวกมฺมโคจโร ¶ วา อุทฺเทสโคจโร วา วาสธุรโคจโร วาติ อตฺโถ. เถโร วาติ อาทีสุ วโยวุฑฺฒาทีสุ โย วา โส วา โหตุ; ปริปุณฺณทสวสฺสตาย เถโร วา อูนปฺจวสฺสตาย นโว วา อติเรกปฺจวสฺสตาย ¶ มชฺฌิโม วาติ อตฺโถ. อถ โข สพฺโพว อิมสฺมึ อตฺเถ เอโส วุจฺจติ ‘‘โย ปนา’’ติ.
ภิกฺขุนิทฺเทเส ภิกฺขตีติ ภิกฺขโก; ลภนฺโต วา อลภนฺโต วา อริยาย ยาจนาย ยาจตีติ อตฺโถ. พุทฺธาทีหิ อชฺฌุปคตํ ภิกฺขาจริยํ อชฺฌุปคตตฺตา ภิกฺขาจริยํ อชฺฌุปคโต นาม. โย หิ โกจิ อปฺปํ วา มหนฺตํ วา โภคกฺขนฺธํ ปหาย อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต, โส กสิโครกฺขาทีหิ ชีวิกกปฺปนํ หิตฺวา ลิงฺคสมฺปฏิจฺฉเนเนว ภิกฺขาจริยํ อชฺฌุปคโตติ ภิกฺขุ. ปรปฏิพทฺธชีวิกตฺตา วา วิหารมชฺเฌ กาชภตฺตํ ภฺุชมาโนปิ ¶ ภิกฺขาจริยํ อชฺฌุปคโตติ ภิกฺขุ; ปิณฺฑิยาโลปโภชนํ นิสฺสาย ปพฺพชฺชาย อุสฺสาหชาตตฺตา วา ภิกฺขาจริยํ อชฺฌุปคโตติ ภิกฺขุ. อคฺฆผสฺสวณฺณเภเทน ภินฺนํ ปฏํ ธาเรตีติ ภินฺนปฏธโร. ตตฺถ สตฺถกจฺเฉทเนน อคฺฆเภโท เวทิตพฺโพ. สหสฺสคฺฆนโกปิ หิ ปโฏ สตฺถเกน ขณฺฑาขณฺฑิกํ ฉินฺโน ภินฺนคฺโฆ โหติ. ปุริมคฺฆโต อุปฑฺฒมฺปิ น อคฺฆติ. สุตฺตสํสิพฺพเนน ผสฺสเภโท เวทิตพฺโพ. สุขสมฺผสฺโสปิ หิ ปโฏ สุตฺเตหิ สํสิพฺพิโต ภินฺนผสฺโส โหติ. ขรสมฺผสฺสตํ ปาปุณาติ. สูจิมลาทีหิ วณฺณเภโท เวทิตพฺโพ. สุปริสุทฺโธปิ หิ ปโฏ สูจิกมฺมโต ปฏฺาย สูจิมเลน, หตฺถเสทมลชลฺลิกาหิ, อวสาเน รชนกปฺปกรเณหิ จ ภินฺนวณฺโณ โหติ; ปกติวณฺณํ วิชหติ. เอวํ ตีหากาเรหิ ภินฺนปฏธารณโต ภินฺนปฏธโรติ ภิกฺขุ. คิหิวตฺถวิสภาคานํ วา กาสาวานํ ธารณมตฺเตเนว ภินฺนปฏธโรติ ภิกฺขุ.
สมฺายาติ ปฺตฺติยา โวหาเรนาติ อตฺโถ. สมฺาย เอว หิ เอกจฺโจ ‘‘ภิกฺขู’’ติ ปฺายติ. ตถา หิ นิมนฺตนาทิมฺหิ ภิกฺขูสุ คณิยมาเนสุ สามเณเรปิ คเหตฺวา ‘‘สตํ ภิกฺขู สหสฺสํ ภิกฺขู’’ติ วทนฺติ. ปฏิฺายาติ อตฺตโน ปฏิชานเนน ปฏิฺายปิ หิ เอกจฺโจ ‘‘ภิกฺขู’’ติ ปฺายติ. ตสฺส ‘‘โก เอตฺถาติ? อหํ, อาวุโส, ภิกฺขู’’ติ (อ. นิ. ๑๐.๙๖) เอวมาทีสุ สมฺภโว ทฏฺพฺโพ ¶ . อยํ ปน อานนฺทตฺเถเรน วุตฺตา ธมฺมิกา ปฏิฺา. รตฺติภาเค ปน ทุสฺสีลาปิ ปฏิปถํ อาคจฺฉนฺตา ‘‘โก เอตฺถา’’ติ วุตฺเต อธมฺมิกาย ปฏิฺาย อภูตาย ‘‘มยํ ภิกฺขู’’ติ วทนฺติ.
เอหิ ¶ ภิกฺขูติ เอหิ ภิกฺขุ นาม ภควโต ‘‘เอหิ ภิกฺขู’’ติ วจนมตฺเตน ภิกฺขุภาวํ เอหิภิกฺขูปสมฺปทํ ปตฺโต. ภควา หิ เอหิภิกฺขุภาวาย อุปนิสฺสยสมฺปนฺนํ ปุคฺคลํ ทิสฺวา รตฺตปํสุกูลนฺตรโต สุวณฺณวณฺณํ ทกฺขิณหตฺถํ นีหริตฺวา พฺรหฺมโฆสํ นิจฺฉาเรนฺโต ‘‘เอหิ, ภิกฺขุ, จร พฺรหฺมจริยํ สมฺมา ทุกฺขสฺส อนฺตกิริยายา’’ติ วทติ. ตสฺส สเหว ภควโต วจเนน คิหิลิงฺคํ อนฺตรธายติ, ปพฺพชฺชา จ อุปสมฺปทา จ รุหติ. ภณฺฑุ กาสายวสโน โหติ. เอกํ นิวาเสตฺวา เอกํ ปารุปิตฺวา เอกํ อํเส เปตฺวา วามํสกูเฏ อาสตฺตนีลุปฺปลวณฺณมตฺติกาปตฺโต –
‘‘ติจีวรฺจ ปตฺโต จ, วาสิ สูจิ จ พนฺธนํ;
ปริสฺสาวเนน อฏฺเเต, ยุตฺตโยคสฺส ภิกฺขุโน’’ติ.
เอวํ ¶ วุตฺเตหิ อฏฺหิ ปริกฺขาเรหิ สรีเร ปฏิมุกฺเกหิเยว สฏฺิวสฺสิกตฺเถโร วิย อิริยาปถสมฺปนฺโน พุทฺธาจริยโก พุทฺธุปชฺฌายโก สมฺมาสมฺพุทฺธํ วนฺทมาโนเยว ติฏฺติ. ภควา หิ ปมโพธิยํ เอกสฺมึ กาเล เอหิภิกฺขูปสมฺปทาย เอว อุปสมฺปาเทติ. เอวํ อุปสมฺปนฺนานิ จ สหสฺสุปริ เอกจตฺตาลีสุตฺตรานิ ตีณิ ภิกฺขุสตานิ อเหสุํ; เสยฺยถิทํ – ปฺจ ปฺจวคฺคิยตฺเถรา, ยโส กุลปุตฺโต, ตสฺส ปริวารา จตุปณฺณาส สหายกา, ตึส ภทฺทวคฺคิยา, สหสฺสปุราณชฏิลา, สทฺธึ ทฺวีหิ อคฺคสาวเกหิ อฑฺฒเตยฺยสตา ปริพฺพาชกา, เอโก องฺคุลิมาลตฺเถโรติ. วุตฺตฺเหตํ อฏฺกถายํ –
‘‘ตีณิ สตํ สหสฺสฺจ, จตฺตาลีสํ ปุนาปเร;
เอโก จ เถโร สปฺปฺโ, สพฺเพ เต เอหิภิกฺขุกา’’ติ.
น เกวลฺจ เอเต เอว, อฺเปิ พหู สนฺติ. เสยฺยถิทํ – ติสตปริวาโร เสโล พฺราหฺมโณ, สหสฺสปริวาโร มหากปฺปิโน, ทสสหสฺสา ¶ กปิลวตฺถุวาสิโน กุลปุตฺตา, โสฬสสหสฺสา ปารายนิกพฺราหฺมณาติ เอวมาทโย. เต ปน วินยปิฏเก ปาฬิยํ น นิทฺทิฏฺตฺตา น วุตฺตา. อิเม ตตฺถ นิทฺทิฏฺตฺตา วุตฺตาติ.
‘‘สตฺตวีส สหสฺสานิ, ตีณิเยว สตานิ จ;
เอเตปิ สพฺเพ สงฺขาตา, สพฺเพ เต เอหิภิกฺขุกา’’ติ.
ตีหิ ¶ สรณคมเนหิ อุปสมฺปนฺโนติ ‘‘พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามี’’ติอาทินา นเยน ติกฺขตฺตุํ วาจํ ภินฺทิตฺวา วุตฺเตหิ ตีหิ สรณคมเนหิ อุปสมฺปนฺโน. อยฺหิ อุปสมฺปทา นาม อฏฺวิธา – เอหิภิกฺขูปสมฺปทา, สรณคมนูปสมฺปทา, โอวาทปฏิคฺคหณูปสมฺปทา, ปฺหพฺยากรณูปสมฺปทา, ครุธมฺมปฏิคฺคหณูปสมฺปทา, ทูเตนูปสมฺปทา, อฏฺวาจิกูปสมฺปทา, ตฺติจตุตฺถกมฺมูปสมฺปทาติ. ตตฺถ เอหิภิกฺขูปสมฺปทา, สรณคมนูปสมฺปทา จ วุตฺตา เอว.
โอวาทปฏิคฺคหณูปสมฺปทา นาม ‘‘ตสฺมาติห เต, กสฺสป, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘ติพฺพํ เม หิโรตฺตปฺปํ ปจฺจุปฏฺิตํ ภวิสฺสติ เถเรสุ นเวสุ มชฺฌิเมสุ จา’ติ. เอวฺหิ เต, กสฺสป, สิกฺขิตพฺพํ. ตสฺมาติห เต, กสฺสป, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘ยํ กิฺจิ ธมฺมํ โสสฺสามิ กุสลูปสํหิตํ, สพฺพํ ตํ อฏฺึ กตฺวา มนสิ กตฺวา สพฺพเจตสา สมนฺนาหริตฺวา โอหิตโสโต ธมฺมํ โสสฺสามี’ติ. เอวํ หิ เต, กสฺสป, สิกฺขิตพฺพํ. ตสฺมาติห เต, กสฺสป, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ ¶ – ‘สาตสหคตา จ เม กายคตาสติ น วิชหิสฺสตี’ติ. เอวฺหิ เต, กสฺสป, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติ (สํ. นิ. ๒.๑๕๔) อิมินา โอวาทปฏิคฺคหเณน มหากสฺสปตฺเถรสฺส อนฺุาตอุปสมฺปทา.
ปฺหพฺยากรณูปสมฺปทา นาม โสปากสฺส อนฺุาตอุปสมฺปทา. ภควา กิร ปุพฺพาราเม อนุจงฺกมนฺตํ โสปากสามเณรํ ‘‘‘อุทฺธุมาตกสฺา’ติ วา, โสปาก, ‘รูปสฺา’ติ วา อิเม ธมฺมา นานตฺถา นานาพฺยฺชนา ¶ , อุทาหุ เอกตฺถา, พฺยฺชนเมว นาน’’นฺติ ทส อสุภนิสฺสิเต ปฺเห ปุจฺฉิ. โส เต พฺยากาสิ. ภควา ตสฺส สาธุการํ ทตฺวา ‘‘กติวสฺโสสิ ตฺวํ, โสปากา’’ติ ปุจฺฉิ. ‘‘สตฺตวสฺโสหํ, ภควา’’ติ. ‘‘โสปาก, ตฺวํ มม สพฺพฺุตฺาเณน สทฺธึ สํสนฺทิตฺวา ปฺเห พฺยากาสี’’ติ อารทฺธจิตฺโต อุปสมฺปทํ อนุชานิ. อยํ ปฺหพฺยากรณูปสมฺปทา.
ครุธมฺมปฏิคฺคหณูปสมฺปทา นาม มหาปชาปติยา อฏฺครุธมฺมสฺส ปฏิคฺคหเณน อนฺุาตอุปสมฺปทา.
ทูเตนูปสมฺปทา นาม อฑฺฒกาสิยา คณิกาย อนฺุาตอุปสมฺปทา.
อฏฺวาจิกูปสมฺปทา นาม ภิกฺขุนิยา ภิกฺขุนิสงฺฆโต ตฺติจตุตฺเถน ภิกฺขุสงฺฆโต ตฺติจตุตฺเถนาติ อิเมหิ ทฺวีหิ กมฺเมหิ อุปสมฺปทา.
ตฺติจตุตฺถกมฺมูปสมฺปทา ¶ นาม ภิกฺขูนํ เอตรหิ อุปสมฺปทา. อิมาสุ อฏฺสุ อุปสมฺปทาสุ ‘‘ยา สา, ภิกฺขเว, มยา ตีหิ สรณคมเนหิ อุปสมฺปทา อนฺุาตา, ตํ อชฺชตคฺเค ปฏิกฺขิปามิ. อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ตฺติจตุตฺเถน กมฺเมน อุปสมฺปาเทตุ’’นฺติ (มหาว. ๖๙) เอวํ อนฺุาตาย อิมาย อุปสมฺปทาย อุปสมฺปนฺโนติ วุตฺตํ โหติ.
ภทฺโรติ อปาปโก. กลฺยาณปุถุชฺชนาทโย หิ ยาว อรหา, ตาว ภทฺเรน สีเลน สมาธินา ปฺาย วิมุตฺติยา วิมุตฺติาณทสฺสเนน จ สมนฺนาคตตฺตา ‘‘ภทฺโร ภิกฺขู’’ติ สงฺขฺยํ คจฺฉนฺติ. สาโรติ เตหิเยว สีลสาราทีหิ สมนฺนาคตตฺตา นีลสมนฺนาคเมน นีโล ปโฏ วิย ‘‘สาโร ภิกฺขู’’ติ เวทิตพฺโพ. วิคตกิเลสเผคฺคุภาวโต วา ขีณาสโวว ‘‘สาโร’’ติ เวทิตพฺโพ. เสโขติ ปุถุชฺชนกลฺยาณเกน สทฺธึ สตฺต ¶ อริยา ติสฺโส สิกฺขา สิกฺขนฺตีติ เสขา. เตสุ โย โกจิ ‘‘เสโข ภิกฺขู’’ติ เวทิตพฺโพ. น สิกฺขตีติ อเสโข. เสกฺขธมฺเม อติกฺกมฺม อคฺคผเล ิโต, ตโต อุตฺตริ สิกฺขิตพฺพาภาวโต ขีณาสโว ‘‘อเสโข’’ติ วุจฺจติ. สมคฺเคน สงฺเฆนาติ สพฺพนฺติเมน ปริยาเยน ปฺจวคฺคกรณีเย กมฺเม ยาวติกา ภิกฺขู กมฺมปฺปตฺตา, เตสํ อาคตตฺตา ฉนฺทารหานํ ฉนฺทสฺส อาหฏตฺตา, สมฺมุขีภูตานฺจ อปฺปฏิกฺโกสนโต เอกสฺมึ กมฺเม สมคฺคภาวํ อุปคเตน. ตฺติจตุตฺเถนาติ ¶ ตีหิ อนุสฺสาวนาหิ เอกาย จ ตฺติยา กาตพฺเพน. กมฺเมนาติ ธมฺมิเกน วินยกมฺเมน. อกุปฺเปนาติ วตฺถุ-ตฺติ-อนุสฺสาวน-สีมา-ปริสสมฺปตฺติสมฺปนฺนตฺตา อโกเปตพฺพตํ อปฺปฏิกฺโกสิตพฺพตฺจ อุปคเตน. านารเหนาติ การณารเหน สตฺถุสาสนารเหน. อุปสมฺปนฺโน นาม อุปริภาวํ สมาปนฺโน, ปตฺโตติ อตฺโถ. ภิกฺขุภาโว หิ อุปริภาโว, ตฺเจส ยถาวุตฺเตน กมฺเมน สมาปนฺนตฺตา ‘‘อุปสมฺปนฺโน’’ติ วุจฺจติ. เอตฺถ จ ตฺติจตุตฺถกมฺมํ เอกเมว อาคตํ. อิมสฺมึ ปน าเน ตฺวา จตฺตาริ สงฺฆกมฺมานิ นีหริตฺวา วิตฺถารโต กเถตพฺพานีติ สพฺพอฏฺกถาสุ วุตฺตํ. ตานิ จ ‘‘อปโลกนกมฺมํ ตฺติกมฺมํ ตฺติทุติยกมฺมํ ตฺติจตุตฺถกมฺม’’นฺติ ปฏิปาฏิยา เปตฺวา วิตฺถาเรน ขนฺธกโต ปริวาราวสาเน กมฺมวิภงฺคโต จ ปาฬึ อาหริตฺวา กถิตานิ. ตานิ มยํ ปริวาราวสาเน กมฺมวิภงฺเคเยว วณฺณยิสฺสาม. เอวฺหิ สติ ปมปาราชิกวณฺณนา จ ¶ น ภาริยา ภวิสฺสติ; ยถาิตาย จ ปาฬิยา วณฺณนา สุวิฺเยฺยา ภวิสฺสติ. ตานิ จ านานิ อสฺุานิ ภวิสฺสนฺติ; ตสฺมา อนุปทวณฺณนเมว กโรม.
ตตฺราติ เตสุ ‘‘ภิกฺขโก’’ติอาทินา นเยน วุตฺเตสุ ภิกฺขูสุ. ยฺวายํ ภิกฺขูติ โย อยํ ภิกฺขุ. สมคฺเคน สงฺเฆน…เป… อุปสมฺปนฺโนติ อฏฺสุ อุปสมฺปทาสุ ตฺติจตุตฺเถเนว กมฺเมน อุปสมฺปนฺโน. อยํ อิมสฺมึ อตฺเถ อธิปฺเปโต ภิกฺขูติ อยํ อิมสฺมึ ‘‘เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวิตฺวา ปาราชิโก โหตี’’ติ อตฺเถ ‘‘ภิกฺขู’’ติ อธิปฺเปโต. อิตเร ปน ‘‘ภิกฺขโก’’ติ อาทโย อตฺถุทฺธารวเสน วุตฺตา. เตสุ จ ‘‘ภิกฺขโก’’ติ อาทโย นิรุตฺติวเสน วุตฺตา, ‘‘สมฺาย ภิกฺขุ, ปฏิฺาย ภิกฺขู’’ติ อิเม ทฺเว อภิลาปวเสน วุตฺตา, ‘‘เอหิ ภิกฺขู’’ติ พุทฺเธน อุปชฺฌาเยน ปฏิลทฺธอุปสมฺปทาวเสน วุตฺโต. สรณคมนภิกฺขุ อนุปฺปนฺนาย กมฺมวาจาย อุปสมฺปทาวเสน วุตฺโต, ‘‘ภทฺโร’’ติอาทโย คุณวเสน วุตฺตาติ เวทิตพฺพา.
ภิกฺขุปทภาชนียํ นิฏฺิตํ.
สิกฺขาสาชีวปทภาชนียวณฺณนา
อิทานิ ¶ ‘‘ภิกฺขูน’’นฺติ อิทํ ปทํ วิเสสตฺถาภาวโต อวิภชิตฺวาว ยํ สิกฺขฺจ สาชีวฺจ สมาปนฺนตฺตา ภิกฺขูนํ สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน โหติ, ตํ ทสฺเสนฺโต สิกฺขาติอาทิมาห. ตตฺถ สิกฺขิตพฺพาติ สิกฺขา. ติสฺโสติ คณนปริจฺเฉโท ¶ . อธิสีลสิกฺขาติ อธิกํ อุตฺตมํ สีลนฺติ อธิสีลํ; อธิสีลฺจ ตํ สิกฺขิตพฺพโต สิกฺขา จาติ อธิสีลสิกฺขา. เอส นโย อธิจิตฺต-อธิปฺาสิกฺขาสุ.
กตมํ ปเนตฺถ สีลํ, กตมํ อธิสีลํ, กตมํ จิตฺตํ, กตมํ อธิจิตฺตํ, กตมา ปฺา, กตมา อธิปฺาติ? วุจฺจเต – ปฺจงฺคทสงฺคสีลํ ตาว สีลเมว. ตฺหิ พุทฺเธ อุปฺปนฺเนปิ อนุปฺปนฺเนปิ โลเก ปวตฺตติ. อุปฺปนฺเน พุทฺเธ ตสฺมึ สีเล พุทฺธาปิ สาวกาปิ มหาชนํ สมาทเปนฺติ. อนุปฺปนฺเน พุทฺเธ ปจฺเจกพุทฺธา จ กมฺมวาทิโน จ ธมฺมิกา สมณพฺราหฺมณา จกฺกวตฺตี จ มหาราชาโน มหาโพธิสตฺตา จ สมาทเปนฺติ. สามมฺปิ ปณฺฑิตา สมณพฺราหฺมณา สมาทิยนฺติ. เต ตํ กุสลํ ธมฺมํ ปริปูเรตฺวา เทเวสุ จ มนุสฺเสสุ จ สมฺปตฺตึ อนุโภนฺติ. ปาติโมกฺขสํวรสีลํ ปน ‘‘อธิสีล’’นฺติ วุจฺจติ, ตฺหิ สูริโย วิย ปชฺโชตานํ สิเนรุ วิย ปพฺพตานํ สพฺพโลกิยสีลานํ ¶ อธิกฺเจว อุตฺตมฺจ, พุทฺธุปฺปาเทเยว จ ปวตฺตติ, น วินา พุทฺธุปฺปาทา. น หิ ตํ ปฺตฺตึ อุทฺธริตฺวา อฺโ สตฺโต เปตุํ สกฺโกติ, พุทฺธาเยว ปน สพฺพโส กายวจีทฺวารอชฺฌาจารโสตํ ฉินฺทิตฺวา ตสฺส ตสฺส วีติกฺกมสฺส อนุจฺฉวิกํ ตํ สีลสํวรํ ปฺเปนฺติ. ปาติโมกฺขสํวรโตปิ จ มคฺคผลสมฺปยุตฺตเมว สีลํ อธิสีลํ, ตํ ปน อิธ อนธิปฺเปตํ. น หิ ตํ สมาปนฺโน ภิกฺขุ เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวติ.
กามาวจรานิ ปน อฏฺ กุสลจิตฺตานิ, โลกิยอฏฺสมาปตฺติจิตฺตานิ จ เอกชฺฌํ กตฺวา จิตฺตเมวาติ เวทิตพฺพานิ. พุทฺธุปฺปาทานุปฺปาเท จสฺส ปวตฺติ, สมาทปนํ สมาทานฺจ สีเล วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํ. วิปสฺสนาปาทกํ อฏฺสมาปตฺติจิตฺตํ ปน ‘‘อธิจิตฺต’’นฺติ วุจฺจติ. ตฺหิ อธิสีลํ วิย สีลานํ สพฺพโลกิยจิตฺตานํ อธิกฺเจว อุตฺตมฺจ, พุทฺธุปฺปาเทเยว จ โหติ, น วินา พุทฺธุปฺปาทา. ตโตปิ จ มคฺคผลจิตฺตเมว อธิจิตฺตํ, ตํ ปน อิธ อนธิปฺเปตํ. น หิ ตํ สมาปนฺโน ภิกฺขุ เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวติ.
‘‘อตฺถิ ทินฺนํ, อตฺถิ ยิฏฺ’’นฺติ (ธ. ส. ๑๓๗๑; วิภ. ๗๙๓; ม. นิ. ๓.๙๒) -อาทินยปฺปวตฺตํ ปน กมฺมสฺสกตาณํ ปฺา, สา หิ พุทฺเธ อุปฺปนฺเนปิ ¶ อนุปฺปนฺเนปิ โลเก ¶ ปวตฺตติ. อุปฺปนฺเน พุทฺเธ ตสฺสา ปฺาย พุทฺธาปิ พุทฺธสาวกาปิ มหาชนํ สมาทเปนฺติ. อนุปฺปนฺเน พุทฺเธ ปจฺเจกพุทฺธา จ กมฺมวาทิโน จ ธมฺมิกา สมณพฺราหฺมณา จกฺกวตฺตี จ มหาราชาโน มหาโพธิสตฺตา จ สมาทเปนฺติ. สามมฺปิ ปณฺฑิตา สตฺตา สมาทิยนฺติ. ตถา หิ องฺกุโร ทสวสฺสสหสฺสานิ มหาทานํ อทาสิ. เวลาโม, เวสฺสนฺตโร, อฺเ จ พหู ปณฺฑิตมนุสฺสา มหาทานานิ อทํสุ. เต ตํ กุสลํ ธมฺมํ ปริปูเรตฺวา เทเวสุ จ มนุสฺเสสุ จ สมฺปตฺตึ อนุภวึสุ. ติลกฺขณาการปริจฺเฉทกํ ปน วิปสฺสนาาณํ ‘‘อธิปฺา’’ติ วุจฺจติ. สา หิ อธิสีล-อธิจิตฺตานิ วิย สีลจิตฺตานํ สพฺพโลกิยปฺานํ อธิกา เจว อุตฺตมา จ, น จ วินา พุทฺธุปฺปาทา โลเก ปวตฺตติ. ตโตปิ จ มคฺคผลปฺาว อธิปฺา, สา ปน อิธ อนธิปฺเปตา. น หิ ตํ สมาปนฺโน ภิกฺขุ เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวตีติ.
ตตฺราติ ตาสุ ตีสุ สิกฺขาสุ. ยายํ อธิสีลสิกฺขาติ ยา อยํ ปาติโมกฺขสีลสงฺขาตา อธิสีลสิกฺขา. เอตํ สาชีวํ นามาติ เอตํ สพฺพมฺปิ ¶ ภควตา วินเย ปิตํ สิกฺขาปทํ, ยสฺมา เอตฺถ นานาเทสชาติโคตฺตาทิเภทภินฺนา ภิกฺขู สห ชีวนฺติ เอกชีวิกา สภาคชีวิกา สภาควุตฺติโน โหนฺติ, ตสฺมา ‘‘สาชีว’’นฺติ วุจฺจติ. ตสฺมึ สิกฺขตีติ ตํ สิกฺขาปทํ จิตฺตสฺส อธิกรณํ กตฺวา ‘‘ยถาสิกฺขาปทํ นุ โข สิกฺขามิ น สิกฺขามี’’ติ จิตฺเตน โอโลเกนฺโต สิกฺขติ. น เกวลฺจายเมตสฺมึ สาชีวสงฺขาเต สิกฺขาปเทเยว สิกฺขติ, สิกฺขายปิ สิกฺขติ, ‘‘เอตํ สาชีวํ นามา’’ติ อิมสฺส ปน อนนฺตรสฺส ปทสฺส วเสน ‘‘ตสฺมึ สิกฺขตี’’ติ วุตฺตํ. กิฺจาปิ ตํ เอวํ วุตฺตํ, อถ โข อยเมตฺถ อตฺโถ ทฏฺพฺโพ – ตสฺสา จ สิกฺขาย สิกฺขํ ปริปูเรนฺโต สิกฺขติ, ตสฺมิฺจ สิกฺขาปเท อวีติกฺกมนฺโต สิกฺขตีติ. เตน วุจฺจติ สาชีวสมาปนฺโนติ อิทมฺปิ อนนฺตรสฺส สาชีวปทสฺเสว วเสน วุตฺตํ. ยสฺมา ปน โส สิกฺขมฺปิ สมาปนฺโน, ตสฺมา สิกฺขาสมาปนฺโนติปิ อตฺถโต เวทิตพฺโพ. เอวฺหิ สติ ‘‘สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน’’ติ เอตสฺส ปทสฺส ปทภาชนมฺปิ ปริปุณฺณํ ¶ โหติ.
สิกฺขาสาชีวปทภาชนียํ นิฏฺิตํ.
สิกฺขาปจฺจกฺขานวิภงฺควณฺณนา
สิกฺขํ ¶ อปฺปจฺจกฺขาย ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวาติ สิกฺขฺจ อปฺปฏิกฺขิปิตฺวา ทุพฺพลภาวฺจ อปฺปกาเสตฺวา. ยสฺมา จ ทุพฺพลฺเย อาวิกเตปิ สิกฺขา อปฺปจฺจกฺขาตาว โหติ, สิกฺขาย ปน ปจฺจกฺขาตาย ทุพฺพลฺยํ อาวิกตเมว โหติ. ตสฺมา ‘‘ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวา’’ติ อิมินา ปเทน น โกจิ วิเสสตฺโถ ลพฺภติ. ยถา ปน ‘‘ทิรตฺตติรตฺตํ สหเสยฺยํ กปฺเปยฺยา’’ติ วุตฺเต ทิรตฺตวจเนน น โกจิ วิเสสตฺโถ ลพฺภติ, เกวลํ โลกโวหารวเสน พฺยฺชนสิลิฏฺตาย มุขารูฬฺหตาย เอตํ วุตฺตํ. เอวมิทมฺปิ โวหารวเสน พฺยฺชนสิลิฏฺตาย มุขารูฬฺหตาย วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํ.
ยสฺมา วา ภควา สาตฺถํ สพฺยฺชนํ ธมฺมํ เทเสติ, ตสฺมา ‘‘สิกฺขํ อปฺปจฺจกฺขายา’’ติ อิมินา อตฺถํ สมฺปาเทตฺวา ‘‘ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวา’’ติ อิมินา พฺยฺชนํ สมฺปาเทติ. ปริวารกปทวิรหิตฺหิ เอกเมว อตฺถปทํ วุจฺจมานํ ปริวารวิรหิโต ราชา วิย, วตฺถาลงฺการวิรหิโต วิย จ ปุริโส น โสภติ; ปริวารเกน ปน อตฺถานุโลเมน สหายปเทน สทฺธึ ตํ โสภตีติ.
ยสฺมา ¶ วา สิกฺขาปจฺจกฺขานสฺส เอกจฺจํ ทุพฺพลฺยาวิกมฺมํ อตฺโถ โหติ, ตสฺมา ตํ สนฺธาย ‘‘สิกฺขํ อปฺปจฺจกฺขายา’’ติปทสฺส อตฺถํ วิวรนฺโต ‘‘ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวา’’ติ อาห.
ตตฺถ สิยา ยสฺมา น สพฺพํ ทุพฺพลฺยาวิกมฺมํ สิกฺขาปจฺจกฺขานํ, ตสฺมา ‘‘ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวา’’ติ ปมํ วตฺวา ตสฺส อตฺถนิยมนตฺถํ ‘‘สิกฺขํ อปฺปจฺจกฺขายา’’ติ วตฺตพฺพนฺติ, ตฺจ น; กสฺมา? อตฺถานุกฺกมาภาวโต. ‘‘สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน’’ติ หิ วุตฺตตฺตา ยํ สิกฺขํ สมาปนฺโน, ตํ อปฺปจฺจกฺขายาติ วุจฺจมาโน อนุกฺกเมเนว อตฺโถ วุตฺโต โหติ, น อฺถา. ตสฺมา อิทเมว ปมํ วุตฺตนฺติ.
อปิจ อนุปฏิปาฏิยาปิ เอตฺถ อตฺโถ เวทิตพฺโพ. กถํ? ‘‘สิกฺขาสาชีวสมาปนฺโน’’ติ เอตฺถ ยํ สิกฺขํ สมาปนฺโน ตํ อปฺปจฺจกฺขาย ยฺจ สาชีวํ สมาปนฺโน ตตฺถ ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวาติ.
อิทานิ ¶ สิกฺขาปจฺจกฺขานทุพฺพลฺยาวิกมฺมานํ วิเสสาวิเสสํ ¶ สิกฺขาปจฺจกฺขานลกฺขณฺจ ทสฺเสนฺโต ‘‘อตฺถิ ภิกฺขเว’’ติอาทิมาห. ตตฺถ อตฺถิ ภิกฺขเวติอาทีนิ ทฺเว มาติกาปทานิ; ตานิ วิภชนฺโต ‘‘กถฺจ ภิกฺขเว’’ติอาทิมาห. ตตฺรายํ อนุตฺตานปทวณฺณนา – กถนฺติ เกน อากาเรน. ทุพฺพลฺยาวิกมฺมฺจาติ ทุพฺพลฺยสฺส อาวิกมฺมฺจ. อิธาติ อิมสฺมึ สาสเน. อุกฺกณฺิโตติ อนภิรติยา อิมสฺมึ สาสเน กิจฺฉชีวิกปฺปตฺโต. อถ วา อชฺช ยามิ, สฺเว ยามิ, อิโต ยามิ, เอตฺถ ยามีติ อุทฺธํ กณฺํ กตฺวา วิหรมาโน, วิกฺขิตฺโต อเนกคฺโคติ วุตฺตํ โหติ. อนภิรโตติ สาสเน อภิรติวิรหิโต.
สามฺา จวิตุกาโมติ สมณภาวโต อปคนฺตุกาโม. ภิกฺขุภาวนฺติ ภิกฺขุภาเวน. กรณตฺเถ อุปโยควจนํ. ‘‘กณฺเ อาสตฺเตน อฏฺฏีเยยฺยา’’ติอาทีสุ (ปารา. ๑๖๒) ปน ยถาลกฺขณํ กรณวจเนเนว วุตฺตํ. อฏฺฏียมาโนติ อฏฺฏํ ปีฬิตํ ทุกฺขิตํ วิย อตฺตานํ อาจรมาโน; เตน วา ภิกฺขุภาเวน อฏฺโฏ กริยมาโน ปีฬิยมาโนติ อตฺโถ. หรายมาโนติ ลชฺชมาโน. ชิคุจฺฉมาโนติ อสุจึ วิย ตํ ชิคุจฺฉนฺโต. คิหิภาวํ ปตฺถยมาโนติอาทีนิ อุตฺตานตฺถานิเยว. ยํนูนาหํ พุทฺธํ ปจฺจกฺเขยฺยนฺติ เอตฺถ ยํนูนาติ ปริวิตกฺกทสฺสเน นิปาโต. อิทํ วุตฺตํ โหติ – ‘‘สจาหํ พุทฺธํ ปจฺจกฺเขยฺยํ, สาธุ วต เม สิยา’’ติ. วทติ วิฺาเปตีติ ¶ อิมมตฺถํ เอเตหิ วา อฺเหิ วา พฺยฺชเนหิ วจีเภทํ กตฺวา วทติ เจว, ยสฺส จ วทติ, ตํ วิฺาเปติ ชานาเปติ. เอวมฺปีติ อุปริมตฺถสมฺปิณฺฑนตฺโต ปิกาโร. เอวมฺปิ ทุพฺพลฺยาวิกมฺมฺเจว โหติ สิกฺขา จ อปฺปจฺจกฺขาตา, อฺถาปิ.
อิทานิ ตํ อฺถาปิ ทุพฺพลฺยาวิกมฺมํ สิกฺขาย จ อปฺปจฺจกฺขานํ ทสฺเสนฺโต ‘‘อถ วา ปนา’’ติอาทิมาห. ตํ สพฺพํ อตฺถโต อุตฺตานเมว. ปทโต ปเนตฺถ อาทิโต ปฏฺาย ‘‘พุทฺธํ ปจฺจกฺเขยฺยํ, ธมฺมํ, สงฺฆํ, สิกฺขํ, วินยํ, ปาติโมกฺขํ, อุทฺเทสํ, อุปชฺฌายํ, อาจริยํ, สทฺธิวิหาริกํ, อนฺเตวาสิกํ, สมานุปชฺฌายกํ, สมานาจริยกํ, สพฺรหฺมจารึ ปจฺจกฺเขยฺย’’นฺติ อิมานิ จุทฺทส ปทานิ ¶ ปจฺจกฺขานากาเรน วุตฺตานิ.
คิหี อสฺสนฺติอาทีนิ ‘‘คิหี, อุปาสโก, อารามิโก, สามเณโร, ติตฺถิโย, ติตฺถิยสาวโก, อสฺสมโณ, อสกฺยปุตฺติโย อสฺส’’น